พิมพ์หน้านี้ - Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: SawachiYuki ที่ 14-08-2015 17:37:30

หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 14-08-2015 17:37:30
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



:katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก



เพราะปฏิเสธผู้หญิงคนหนึ่ง ชีวิตอินทัชถึงได้ตกจากสวรรค์ลงสู่ขุมนรก เพราะน้ำมือของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายของเธอคนนั้น...ชีวิตที่สุขสบาย กลับต้องลำบากลำบน เพราะคำว่า ‘แค้น’

 

ทั้งๆ ที่เขาทำไปเพราะว่าต้องการแก้แค้นให้น้องสาว

แต่เพราะอะไร ยิ่งร้าย...ก็ยิ่งเจ็บ...

ยิ่งร้าย...ก็ยิ่งรัก

...

...



เปิดเรื่อง 14/8/58


 :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:


สารบัญ

บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3153874#msg3153874)
ตอนที่ 1.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3178819#msg3178819)           ตอนที่ 21.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3435092#msg3435092)          ตอนที่ 41.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3616506#msg3616506)          ตอนที่ 61.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3787381#msg3787381)
ตอนที่ 1.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3180332#msg3180332)           ตอนที่ 21.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3436816#msg3436816)          ตอนที่ 41.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3618542#msg3618542)          ตอนที่ 61.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3787383#msg3787383)
ตอนที่ 2.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3187480#msg3187480)           ตอนที่ 22.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3440023#msg3440023)          ตอนที่ 42.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3632648#msg3632648)          ตอนที่ 62.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3787391#msg3787391)
ตอนที่ 2.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3193618#msg3193618)           ตอนที่ 22.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3442234#msg3442234)          ตอนที่ 42.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3634636#msg3634636)          ตอนที่ 62.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3787393#msg3787393)
ตอนที่ 3.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3203502#msg3203502)           ตอนที่ 23.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3444776#msg3444776)          ตอนที่ 43.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3642577#msg3642577)          ตอนที่ 63.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3787396#msg3787396)
ตอนที่ 3.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3209396#msg3209396)           ตอนที่ 23.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3446489#msg3446489)          ตอนที่ 43.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3644053#msg3644053)          ตอนที่ 63.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3787398#msg3787398)
ตอนที่ 4.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3219157#msg3219157)           ตอนที่ 24.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3449825#msg3449825)          ตอนที่ 44.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3645594#msg3645594)          ตอนที่ 64.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3808746#msg3808746)
ตอนที่ 4.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3228407#msg3228407)           ตอนที่ 24.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3453698#msg3453698)          ตอนที่ 44.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3646770#msg3646770)          ตอนที่ 64.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3808749#msg3808749)
ตอนที่ 5.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3256716#msg3256716)           ตอนที่ 25.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3458995#msg3458995)          ตอนที่ 45.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3649389#msg3649389)          ตอนที่ 65.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3808751#msg3808751)
ตอนที่ 5.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3259897#msg3259897)           ตอนที่ 25.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3461500#msg3461500)          ตอนที่ 45.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3651804#msg3651804)          ตอนที่ 65.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3808752#msg3808752)
ตอนที่ 6.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3269184#msg3269184)           ตอนที่ 26.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3464665#msg3464665)          ตอนที่ 46.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3656697#msg3656697)          บทส่งท้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3808755#msg3808755)
ตอนที่ 6.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3269857#msg3269857)           ตอนที่ 26.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3468179#msg3468179)          ตอนที่ 46.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3660379#msg3660379)
ตอนที่ 7.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3285538#msg3285538)           ตอนที่ 27.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3471709#msg3471709)          ตอนที่ 47.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3662392#msg3662392)          ตอนพิเศษ 1 [1/2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3859655#msg3859655)
ตอนที่ 7.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3287188#msg3287188)           ตอนที่ 27.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3474863#msg3474863)          ตอนที่ 47.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3664668#msg3664668)          ตอนพิเศษ 1 [2/2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3866412#msg3866412)
ตอนที่ 8.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3295105#msg3295105)           ตอนที่ 28.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3478731#msg3478731)          ตอนที่ 48.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3671033#msg3671033)          ตอนพิเศษ 2 [1/2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3889811#msg3889811)
ตอนที่ 8.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3300878#msg3300878)           ตอนที่ 28.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3483302#msg3483302)          ตอนที่ 48.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3672839#msg3672839)          ตอนพิเศษ 2 [2/2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3890677#msg3890677)
ตอนที่ 9.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3322386#msg3322386)           ตอนที่ 29.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3487879#msg3487879)          ตอนที่ 49.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3677651#msg3677651)          ตอนพิเศษ 3 [1/2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3896523#msg3896523)
ตอนที่ 9.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3327421#msg3327421)           ตอนที่ 29.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3493415#msg3493415)          ตอนที่ 49.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3681192#msg3681192)          ตอนพิเศษ 3 [2/2]
ตอนที่ 10.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3334259#msg3334259)          ตอนที่ 30.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3495821#msg3495821)          ตอนที่ 50.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3683147#msg3683147)
ตอนที่ 10.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3343785#msg3343785)          ตอนที่ 30.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3497586#msg3497586)          ตอนที่ 50.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3684554#msg3684554)
ตอนที่ 11.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3360207#msg3360207)          ตอนที่ 31.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3501606#msg3501606)          ตอนที่ 51.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3689097#msg3689097)
ตอนที่ 11.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3363183#msg3363183)          ตอนที่ 31.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3504819#msg3504819)          ตอนที่ 51.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3692312#msg3692312)
ตอนที่ 12.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3377915#msg3377915)          ตอนที่ 32.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3508648#msg3508648)          ตอนที่ 52.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3696609#msg3696609)
ตอนที่ 12.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3381014#msg3381014)          ตอนที่ 32.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3513186#msg3513186)          ตอนที่ 52.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3696611#msg3696611)
ตอนที่ 13.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3400760#msg3400760)          ตอนที่ 33.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3523289#msg3523289)          ตอนที่ 53.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3706552#msg3706552)
ตอนที่ 13.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3402631#msg3402631)          ตอนที่ 33.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3531993#msg3531993)          ตอนที่ 53.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3706556#msg3706556)
ตอนที่ 14.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3405098#msg3405098)          ตอนที่ 34.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3538147#msg3538147)          ตอนที่ 54.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3714678#msg3714678)
ตอนที่ 14.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3407563#msg3407563)          ตอนที่ 34.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3541232#msg3541232)          ตอนที่ 54.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3714679#msg3714679)
ตอนที่ 15.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3408827#msg3408827)          ตอนที่ 35.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3545965#msg3545965)          ตอนที่ 55.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3721723#msg3721723)
ตอนที่ 15.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3410785#msg3410785)          ตอนที่ 35.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3552297#msg3552297)          ตอนที่ 55.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3721725#msg3721725)
ตอนที่ 16.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3413245#msg3413245)          ตอนที่ 36.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3563781#msg3563781)          ตอนที่ 56.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3728041#msg3728041)
ตอนที่ 16.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3414606#msg3414606)          ตอนที่ 36.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3581160#msg3581160)          ตอนที่ 56.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3728043#msg3728043)
ตอนที่ 17.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3417127#msg3417127)          ตอนที่ 37.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3581172#msg3581172)          ตอนที่ 57.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3735785#msg3735785)
ตอนที่ 17.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3419063#msg3419063)          ตอนที่ 37.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3581176#msg3581176)          ตอนที่ 57.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3735786#msg3735786)
ตอนที่ 18.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3421461#msg3421461)          ตอนที่ 38.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3587332#msg3587332)          ตอนที่ 58.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3748221#msg3748221)
ตอนที่ 18.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3423902#msg3423902)          ตอนที่ 38.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3591418#msg3591418)          ตอนที่ 58.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3748222#msg3748222)
ตอนที่ 19.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3425929#msg3425929)          ตอนที่ 39.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3609356#msg3609356)          ตอนที่ 59.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3748813#msg3748813)
ตอนที่ 19.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3428634#msg3428634)          ตอนที่ 39.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3609357#msg3609357)          ตอนที่ 59.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3748818#msg3748818)
ตอนที่ 20.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3431048#msg3431048)          ตอนที่ 40.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3609361#msg3609361)          ตอนที่ 60.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3763504#msg3763504)
ตอนที่ 20.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3432514#msg3432514)          ตอนที่ 40.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3609362#msg3609362)          ตอนที่ 60.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48316.msg3763505#msg3763505)

         



 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> บทนำ (14/8/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 14-08-2015 17:42:46
บทนำ



“ฮึก ฮือ...หนูเจ็บ เจ็บมากเลยค่ะ” หญิงสาวพยายามจะกรีดข้อมือตัวเองต่อหน้าผู้เป็นพี่ชาย...ร่างสูงใหญ่พยายามที่เกลี้ยกล่อมให้น้องสาวหยุดทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ ในใจก็กลัวว่าน้องจะกรีดตัวเอง

ชายหนุ่มกลับจากโรงแรมของตนที่ทำงานอยู่กลับมาก็ได้ยินเสียงโวยวายอาละวาดมาจากห้องของน้องสาวเลยต้องเข้าไปดู ในขณะที่เขาเดินเข้าไปถาม ตาคมก็เบิกกว้างอย่างตกใจ รีบวิ่งไปรั้งมือของน้องสาวที่เตรียมจะแทงตัวเอง ใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาทำให้รามิทร์พูดไม่ออก ผลักเขาออกไปให้พ้นทางแล้วเอามิดจ่อเข้าที่ข้อมือ

“ใครทำอะไรริน บอกพี่มา พี่จะจัดการให้ แต่เอามีดมาให้พี่เถอะนะ” เขาร้องขออย่างกลัวๆ

ร่างสูงเป็นลูกชายคนโตมีน้องแค่คนเดียวซึ่งก็คือเธอคนนี้ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมเสียเธอไปด้วยเรื่องบ้าๆ แบบนี้แน่

“ไม่ ฮึก หนูอาย หนูเจ็บ อึก เขาปฏิเสธหนู เขาไม่รักหนู”

“พี่จะจัดการให้ ใครทำน้องเจ็บ พี่จะทำให้มันเจ็บกว่ารินหลายเท่า รินเชื่อพี่นะ เอามีดให้พี่ อย่าทำอะไรนะครับ” เขาพยายามเกลี้ยกล่อมเธอ แต่เธอก็ส่ายหน้าอย่างเดียว ปลายมีดเตรียมกรีดลงบนเนื้อสาวของเธอ

“ฮึก พี่รามโกหก ฮือ...พี่รามแค่พูดให้รินยอม”

“ไม่โกหกๆ รินบอกพี่มาว่าใครทำให้รินคิดสั้นแบบนี้”

“พี่รามต้องจัดการให้ริน ฮึก นะคะ ฮือ...รินอายคนทั้งมหาลัย รินไม่กล้าไปเจอใครแล้ว”

“ค่ะๆ พี่จะแก้แค้นให้น้อง พี่จะทรมานมันให้น้องเอง ปล่อยมีดให้พี่เถอะนะ”

“จริงๆ นะคะ ฮึก”

“จริงสิคะ”

เธอลังเลนิดๆ ก่อนจะทิ้งมีดลงพื้นแล้ววิ่งไปสวมกอดผู้เป็นพี่ชาย รามินทร์ที่เห็นมันเป็นแบบนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งใจ ที่สามารถเกลี้ยกล่อมน้องเขาได้

ร่างสูงลูบผมสวยของน้องสาวอย่างอ่อนโยน แต่ดวงตาก็ฉายแววโกรธแค้น ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ เขาจะต้องลากคนที่มันจะพรากน้องสาวไปจากเขาชั่วชีวิตให้ได้

“เกิดอะไรขึ้นครับ”

“ฮือ...เขาไม่รับรักหนู เขาปฏิเสธหนู เขาทำให้คนทั้งงานเลี้ยงหัวเราะหนู ฮือ...หนูอาย หนูไม่อยากอยู่”

“ไม่ได้นะริน รินต้องอยู่กับพี่ อยู่กับคุณพ่อคุณแม่”

“รินไม่อยากอยู่ที่นี่ รินกลัวต้องเจอใครในมหาลัย ฮือ...รินกลัว”

“งั้นรินอยากไปไหน พี่จะให้รินไป แต่รินห้ามคิดสั้นแบบนี้อีกนะครับ” เขาถาม

“รินอย่างไปเรียนฝรั่งเศส”

“โอเครับๆ พี่ให้รินไปนะ”

“แล้วพี่ราม ฮึก ต้องจัดการคนนั้นให้รินด้วยนะ เอาให้เขาเจ็บกว่ารินให้ได้” เธอร้องขอเสียงแค้น ไม่เคยมีใครทำกับเธอขนาดนี้ และเธอต้องเอาคืน!!

“มันเป็นใคร บอกพี่ได้ไหม”

ร่างสุงถามก่อนจะได้รับคำตอบเป็นชื่อของคนที่ทำให้น้องสาวของคิดสั้น ฆ่าตัวตาย เขาทวนชื่อนี้ซ้ำๆ หลายรอบจนขึ้นใจ... รอวันแก้แค้นให้กับน้องสาวของเขา

น้องเขาเจ็บ มันเองก็ต้องเจ็บ!!!












2 ปีผ่านไป

ในงานรับรางวัลนักธุรกิจไฟแรงที่มีชื่อของรามินทร์อยู่ในชื่อชิงตำแหน่งด้วย แต่ว่าเขามอบให้แค่สามลำดับเท่านั้นไม่ว่าจะหนุ่มไฟแรงหรือสาวไฟแรง แต่ปีนี้มีเพิ่มขึ้นมาอีกคือ คู่จิ้นแห่งวงการนักธุรกิจ ซึ่งผู้ที่ได้รับคือใครเขาก็ไม่รู้จักแถมผู้ชายทั้งคู่ พีรพัฒน์ รัตนมณีโชติกับธีรไนย อมรไพพิจิตร แต่ไม่ได้มารับรางวัล

อันดับหนึ่ง ปฐพี อภิหชัยดินทร์ ได้รับไป ด้วยบุคลิกอันเยือกเย็นและน่าเกรงขามตลอดเวลา ส่วนอันดับสอง อัคนี อภิหชัยบดินทร์ ได้รับไปด้วยความเก่งกล้าและชาญฉลาดจับอะไรเป็นเงินเป็นทอง และอันดับสุดท้ายที่ทำให้รามินทร์เบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึง เพราคนที่เขาตามหามานานอยู่ใกล้แค่นี้

เขามองชายรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหวานอย่างกับผู้หญิง แต่ร่างกายที่มองเห็นก็บอกได้เป็นอย่างดีว่านี้คือผู้ชาย กำลังขึ้นรับรางวัลนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอันดับที่สามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข

ไม่แปลกใจเลยที่น้องสาวของเขาจะตกหลุมรัก จนต้องร้องห่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเพราะถูกปฏิเสธ

“หึ! หน้าตาก็ดี แต่ไม่น่าชั่วเลย”

เขามองคนที่ยืนพูดอะไรสักอย่างที่เขาไม่ตั้งใจฟังเท่าไหร่นักด้วยความโกรธ ความแค้น ในฐานะที่เป็นพี่ชายของคนที่มันทำร้าย จนเขาเกือบจะเสียเธอไป


“เจอสักที”



อินทัช ชยอัมรินทร์!!!







 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:


ขอปล่อยบทนำเรียกน้ำย่อยไปก่อนนะคะ จะลงตอนที่หนึ่งได้ก็อีกนาน ต้องรอให้เสพติดอันตรายฯ จบเสร็จ เคลียร์ทุกอย่างเสร็จ เรื่องนี้จะอัพแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปนะคะ จะดองบ้างเพราะเปิดเทอมแล้ว ยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ

ปล. เปิดเรื่องเอาฤกษ์ค่ะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki (https://www.facebook.com/sawachiyuki)

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> บทนำ (14/8/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 14-08-2015 18:52:29
แค่เขาไม่รับรักก็แค้นขนาดนี้เลย?
จำอินในเรื่องของดรีมได้อยู่ ออกแนวจำเลยรักเลย  :hao7:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> บทนำ (14/8/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 14-08-2015 19:08:32
อ๊ายยยย...มาแล้วมาแล้ว..ตามมาอ่านอินนนนนนนกะรามมมมม...

เดาๆว่าน้องสาวนิสัยไม่ดีแน่เลย..

คนเขียนสู้ๆนะ..คนอ่านตามมาอ่าน.. :laugh:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> บทนำ (14/8/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Nunun_B2UTY ที่ 14-08-2015 20:42:26
พี่รามกับน้องอิน มาแล้ววววว >.<
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> บทนำ (14/8/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 14-08-2015 22:25:50
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> บทนำ (14/8/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 14-08-2015 23:36:35
อร๊ายยยย อินมีคู่แบ้ววววววว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> บทนำ (14/8/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-08-2015 10:35:48
ยัยคุณน้องสาวท่าจะนิสัยไม่ดีและเอาแต่ใจมากๆแน่ เราเดาว่าอินทัชคงปฏิเสทแบบนุ่มนวลแน่ๆ แต่ยัยคุณน้องคงไม่ชอบใจที่มีใครมาปฏิเสทเลยแก้เผ็ดให้พี่ชายจัดการให้แน่ๆ เลย แล้วความซวยก็มาตกกับอินทัช เฮ้อ ซวยจริงๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> บทนำ (14/8/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: yaya_nana ที่ 18-08-2015 14:22:23
เอ่อ คุณน้องสาวคะ อิจฉาที่พี่อินทัชสวยกว่าหรืออะไร? อีกอย่างนี่น้องแกโดนปฏิเสธแต่เนิ่นๆก็ถือว่าอีกฝ่ายเค้าเป็นคนดีนะ ดีกว่าคบแล้วบอกเลิกตั้งเยอะ นี่เค้าไม่ให้ความหวังเลยจะได้ตัดใจไง แทนที่จะแค้นอินทัช เอาเวลาไปสั่งสอนน้องดีกว่าไหมคะพี่รามมมม.  :m16:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/1 (15/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 15-09-2015 21:36:55
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก

ตอนที่ 1

จากคุณชาย กลายเป็น ‘ทาส’




 
ที่นี่ที่ไหน?

เป็นคำถามแรกที่โผล่เข้ามาในความคิดของเขาตอนนี้ สายตาคมมองไปยังสถานที่แห่งนี้อย่างสังเกตและครุ่นคิดไปด้วยว่าทำไมตอนถึงมาอยู่ที่นี่

“ที่ไหนวะเนี่ย”

เมื่อคืนเขาไปงานรับรางวัลของสมาคมนักธุรกิจฯ แล้วก็รอจนจบงาน พองานจบเขาก็เดินไปที่รถของตน แต่ก็เหมือนมีใครสักคนเอาผ้าอะไรบางอย่างมาปิดจมูกเขาจากนั้นเขาก็ไม่มีสติอีกเลย

“ชัดเลย...ลักพาตัว” เสียงทุ้มเอกลักษณ์พูดขึ้นกับตัวเอง ใบหน้าแสดงถึงความเครียดออกมาจากทางหน้าตาได้เป็นอย่างดี

“ใครวะ ที่กล้ามาลักพาตัวฉันคนนี้”

ครืด...

เสียงแปลกๆ พร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บหน่วงๆ ที่ข้อเท้าทำให้ร่างสูงโปร่งต้องก้มลงมอง ก็พบว่าข้อเท้าขวาของเขามีโซ่ล่ามเอาไว้อยู่ เขาจับโซ่ยาวๆ นี้ก่อนจะเตะมันออกไปให้พ้นอย่างหัวเสีย

อะไรกันวะเนี่ย!! กูเคยไปมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่าวะ!!!

แกร็ก…

“สวัสดีอินทัช ชยอัมรินทร์ ตื่นแล้วหรือ”

การปรากฏตัวพร้อมกับน้ำเสียงทุ้มฟังสบายหูแต่น้ำเสียงกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งกระด้างและใบหน้าที่หล่อเหลาสมกับชายชาตรีที่ให้คนที่ถูกทักทายถึงกับมองค้าง เพราะเจอคนที่หน้าตาหล่อสมกับผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายหน้าสวยอย่างเขา

แต่ทำไมคนที่เพิ่งจะเจอหน้ากัน ไม่รู้จักกัน ถึงได้ทำหน้าจงเกลียดจงชังเขานัก

“นายเป็นใคร”

“เจ้าของชีวิตมึงในตอนนี้ยังไงล่ะ!!” คนตัวสูงกว่าไม่กี่เซ็นเอ่ยเสียงแข็งจนอินทัชถึงกับไม่เข้าใจ แต่ก็โกรธที่อีกคนพูดเหมือนกับว่าเขาไปทำอะไรให้จนแค้นเคืองซะขนาดนั้น

“หมายความว่ายังไง”

“ทำชั่วไว้เยอะสินะถึงได้จำไม่ได้ว่าทำอะไรกับใครไว้บ้าง”

“แล้วกูทำอะไร!!” อินทัชถามเสียงแข็ง

“หึหึ มึงทำร้ายหัวใจของคนที่รักมึงมากี่คนแล้วล่ะ หน้าละอ่อนแบบนี้ไม่น่าจะมีผู้หญิงมาชอบเลยเถอะ” ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าที่เยาะเย้ยเต็มที่

“ทำไม หน้ากูมันยังไง มึงหล่อตายห่าล่ะ”

“กูก็ไม่ได้ว่าตัวเองหล่อ แต่หน้าแบบมึงไม่น่าจะเป็นคนเลว”

“แล้วกูมันเลวเรื่องอะไร”

“ถ้าเรื่องเลวที่มึงเคยทำไว้มันเยอะขนาดนั้นล่ะก็ กูจะบอกให้เอาบุญ” ร่างสูงพูดแล้วย่างก้าวเข้ามาหาอินทัชที่ถูกโซ่ล่ามไปไหนไม่ได้อย่างช้าๆ แววตาของอีกคนฉายแววหน้ากลัวจนร่างสูงโปร่งถึงกับแอบกลืนน้ำลาย

“แล้วมันอะไร”

ชีวิตนี้อินทัชไม่เคยทำร้ายจิตใจใคร...ใครที่เขาไม่ได้สนใจก็ไม่คบ ไม่คุย ไม่นอนด้วยจริงๆ ก็บอกออกไปดีๆ ไม่เคยต้องทำร้ายจิตใจใคร

ร่างสูงที่เห็นอินทัชถามด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกอยากจะรู้จริงๆ ก็ได้แต่กัดฟันตัวเองแน่น เห็นหน้าอีกคนแล้วอยากจะเข้าไปจัดการให้หายแค้น

“มึงนี่มัน สุดๆ เลยว่ะ”

“โอ้ย!!! แล้วด่ากูเอ๊า ด่ากูเอาตอนนี้แล้วไม่บอกว่ากูไปทำอะไรให้มึงกูจะไปรู้ไหมวะ!!! แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่กูกับมึงเจอกัน หรือว่ากูไปเหยียบตีนมึง ถึงได้จับมาแบบนี้เพราะแค้น” อินทัชระเบิดอารมณ์อย่างทนไม่ไหวที่ไม่รู้เรื่องอะไรดันโดนอีกคนด่าว่าเลวอย่างนั้นอย่างนี้

คือกูผิดอะไร ยังไม่รู้เลย

“กูชื่อรามินทร์ อัครสิงหบดี!!! มึงพอจะจำคนนามสกุลนี้ได้ไหม ว่ามึงทำอะไรไว้บ้าง!!!” คนตรงหน้าตะคอกเสียงกร้าว จนอินทัชต้องขมวดคิ้วแน่นอย่างสงสัย

ทว่านามสกุลที่ได้ยินจากปากร่างใหญ่ก็ทำให้อินทัชฉุกคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีกว่าขึ้นมาในงานเลี้ยงจบของมหาลัยฯ ในวันนั้น

ผู้หญิงคนนั้น รู้สึกจะนามสกุลนี้

“เงียบทำไม จำได้แล้วงั้นสิ!!”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง!!” ร่างสูงโปร่งตะคอกถามเสียงเครียด

มันเกี่ยวอะไรกันกับการที่เขาปฏิเสธผู้หญิงคนนั้น เพราะว่าเขาไม่ชอบ แต่วันนั้น เธอก็ไม่ได้ดูผิดปกติอะไรเลยนอกจากจะกรีดร้องโวยวายแล้วออกไปจากที่จัดงาน

หลังจากวันนั้นก็ไม่รู้ เพราะต่างคนต่างก็จบแยกย้ายกันไป

“น้องสาวกูเองไง”

“เหรอ!! แล้วไงอีกล่ะ กูทำผิดเหี้ยอะไรนักหนาถึงต้องจับกุมาไว้แบบนี้ ล่ามโซ่อย่างกับกูเป็นนักโทษ”

“มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำสำหรับสิ่งที่มึงทำกับน้องกู”

“มันน้อยไปยังไง กูทำอะไรให้น้องมึง น้องมึงต่างหากที่ทำตัวของตัวเอง”

“เป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า ถึงได้โยนความผิดมาให้น้องกูแบบนี้ กูรู้จักน้องกูดี” อินทัชหัวเราะให้กับประโยคนี้ของร่างสูงอย่างรามินทร์แบบสมเพช

“งั้นกูว่า...มึงควรจะทำความรู้จักน้องมึงใหม่ได้แล้ว จู่ๆ ก็เดินมาขอคบกู ท่าทางแบบนั้นคือต้องการจะมาควบคุมกู งั้นมึงตอบกูหน่อยว่าการจะปฏิเสธคนที่ตัวเองไม่ชอบไม่สนใจมันผิดตรงไหน!!!” อินทัชตะคอกถามทำเอารามินทร์ฉุกคิดไปนิดๆ เพราะเห็นด้วยกับร่างสูงโปร่ง

คนมันไม่ได้รักไม่ได้ชอบ ปฏิเสธก็ถูกแล้ว

“แต่มึงทำให้คนทั้งรุ่นหัวเราะเยาะเย้ยน้องกูจนอับอาย”

“นั่นกูไม่ได้ทำ”

“กูไม่เชื่อ!!!” รามินทร์สวนกลับมาเสียงดัง

“งั้นก็เรื่องของมึง ปล่อยกูกลับบ้านซะ เดี๋ยวกูจะเอาเงินมารับผิดชอบเรื่องนี้ก็ได้ เอาเท่าไหร่ล่ะ 10 ล้าน หรือว่า 20 ล้าน”

ผลัวะ!!!

สิ้นประโยคคำถามของอินทัชหมัดหนักๆ ของรามินทร์ก็กระแทกเข้าที่ใบหน้าสวยอย่างแรงจนหน้าหันไปตามแรงต่อย รู้สึกว่าโพรงปากเต็มไปด้วยเลือด มือขาวยกขึ้นใช้หลังมือปาดเลือดที่มุมปากเล็กน้อย มันเจ็บมาก เจ็บจนพูดอะไรไม่ออกอีก แต่เขาก็หันกลับมามาคนทำอย่างโกรธแค้นไม่แพ้กัน

คนอะไรไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ความจริง เอาอารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้งจริงๆ

“อย่าดูถูกพวกกู สิ่งที่กูต้องการคือการชดใช้จากมึง”

“แล้วมันเรื่องอะไรที่กูจะต้องชดใช้นักหนา”

“มึงทำให้น้องกูฆ่าตัวตาย!!” สิ้นเสียงที่แข็งกร้าวของรามินทร์ อินทัชก็นิ่งอึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง ผู้หญิงที่เข้ามาทำลายตัวเองตอนนั้น ฆ่าตัวตายเพราะเรื่องนี้

ไม่มีทาง มันไม่มีทางเป็นไปได้

“ไม่จริงหรอก...มันไม่จริง”

“แต่มันจริงไปแล้ว!! และนี่คือสิ่งที่มึงต้องชดใช้!!!”

“กูไม่ผิด!!” เถียงกลับเสียงแข็ง แม้จะรู้สึกเสียใจนิดๆ ที่ทำให้คนอื่นต้องมาฆ่าตัวตายเพราะตน เพราะถึงขนาดนี้การที่พี่ชายของเธอคนนั้นจะมาเอาคืนเขามันก็ไม่ผิด

แต่เขาก็ไม่ได้ผิดเหมือนกัน...

“นั่นสิ กูลืมไปได้ไงว่าคนที่มันชั่ว คนที่มันผิดมันมักจะไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด...เอาเถอะ ต่อให้มึงปฏิเสธว่ามึงไม่ได้ผิด กูก็จะยัดเยียดความผิดนี้ให้มึง ชดใช้สิ่งที่ทำกับน้องกูจนกว่ากูจะพอใจ!!!” ร่างสูงประกาศมองใบหน้าสวยของอินทัชด้วยความเกลียดชังสุดชีวิต ส่วนอินทัชก็มองร่างสูงกลับอย่างเกลียดชังเช่นเดียวกัน

เรื่องอะไรที่ทำให้เขาต้องมาเจออะไรแบบนี้

พ่อแม่เขาจะเป็นห่วงแค่ไหนที่ลูกชายคนเดียวหายตัวไป

บริษัทจะเดือดร้อนแค่ไหน ที่เขาไม่ได้อยู่ดูแล

ที่สำคัญ เพื่อนรักของเราจะเป็นทุกข์มากไหม ที่เพื่อนอย่างเขาหายตัวมาแบบนี้


อะไรกันนะ...เวรกรรมอะไรที่ทำให้เขาต้องมารับใช้สิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อแบบนี้

“งั้นก็ได้!! มึงอยากให้กูทำอะไรก็ว่ามา แต่ถ้าสะใจแล้ว พอใจแล้ว มึงต้องปล่อยกูกลับไปซะ!!!”

“แน่นอน ให้กูทรมานมึงก่อนเถอะ ถึงตอนนั้น กูก็ไม่อยากจะเก็บมึงไว้เหมือนกัน”

“ก็ดี จะเอายังไงว่ามา”

อินทัชกลัว กลัวว่าจะทำและทนเรื่องแบบนี้ไม่ได้

เขาใช้ชีวิตแบบคุณชายมาโดยตลอด นอกจากบริหารงาน งานในบริษัทแล้ว เรื่องอื่นๆ เขาก็ทำอะไรไม่เป็นเลย

“คนใช้ ขี้ข้า อะไรที่กูคนนี้ต้องการ!!”

อินทัชนิ่งอึ้งไป เพราะการเป็นคนใช้ให้คนอื่นคืออะไรที่อินทัชไม่เคยทำและไม่คิดที่จะทำ!!

“ไม่มีทาง”

“แต่มึงต้องทำ เพราะถ้ามึงไม่ชดใช้ให้พวกกู มึงไม่มีทางที่จะออกไปจากที่นี่ได้”

ร่างสูงแสยะยิ้มมองร่างโปร่งอย่างเหนือกว่า ให้อินทัชรู้ไว้ว่า ชีวิตของตนตอนนี้มีร่างสูงเป็นเจ้าของอยู่

“ที่นี่ที่ไหน”

“กูไม่บอก แต่บอกให้ก็แล้วกันว่ามึงอยู่บนเขา ลงจากที่นี่ไม่ได้ถ้าหากว่ากูไม่อนุญาต!!”

เป็นคำตอบที่ฉุดสติของเขาให้ดำดิ่งลงไปอีกครั้ง ทำไมถึงเป็นแบบนี้...

เพราะอะไรกัน แล้วแบบนี้เขาจะหาทางหนีได้ไหม

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มึงจะต้องทำงานอยู่ที่นี่ในฐานะที่เป็นคนงานของที่นี่ ใครสั่งอะไรก็ต้องทำ กูให้ทำอะไรมึงก็ต้องทำ ส่วนเงินเดือน หึหึ แค่ข้าวปลากับที่อยู่ก็เพียงพอแล้วล่ะมั้ง” ร่างสูงกอดอกพูด ใบหน้าหล่อเหลาที่มีแววความสุภาพอ่อนโยนมองร่างโปร่งด้วยสีหน้าที่โหดร้ายที่สุด

“แล้วเสื้อผ้ากูล่ะ” อินทัชถามเครียดๆ

มันจะบ้าหรือไง ให้ข้าวกับที่อยู่ก็พอทน แต่เสื้อผ้าเขาจะมีเงินที่ไหนซื้อใส่ล่ะ

ให้ตายสิ ตอนนี้เขายังอยู่ในชุดสูทอยู่เลย...

“นั่นน่ะสิ เอาเป็นว่ากูจะใจดีซื้อมาให้สักสองสามชุดก็แล้วกัน จะใช้จะใส่อะไรก็จัดการบริหารเอาเอง”

“ชิ!!” ร่างโปร่งสะบัดหน้าหนี ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาหาร่างโปร่งก่อนจะนั่งลงปลดโซ่ที่ข้อเท้าให้กับอินทัช รามินทร์กระชากแขนที่เล็กกว่าให้เดินตามตนมาข้างนอกทันที

ภาพบรรยากาศที่เขาเห็นตอนนี้ รอบๆ ของเขาเต็มไปด้วยธรรมชาติที่แสนจะงดงาม แต่มันจะงดงามมากว่านี้ถ้าเขาไม่ได้มาในฐานะที่เป็นเชลยของอีกคนแบบนี้

“รีสอร์ท?”

“ใช่! แต่ไม่ใช่รีสอร์ทที่มีคนเยอะเท่าไหร่หรอก สำหรับพวกที่ชอบขึ้นมาที่สูงๆ เท่านั้นแหละ”

นั่นก็หมายความว่า บนนี้มันอยู่ไกลจากตัวเมืองมากสินะ แล้วนี่มันบนเขาของจังหวัดไหนกันล่ะ มันอยู่ที่ไหนของประเทศไทยกันนะ

“ที่นี่มีแต่คนของกู การที่มึงจะหนีออกไปทำได้ยาก ต่อให้เอาเงินฟาดหัวคนของกูก็ไม่มีทางสำเร็จ เพราะคนเหล่านี้ คือคนที่รู้คุณของครอบครัวกู!”

“มึงนี่พูดมากฉิบหาย ย้ำอยู่นั่นแหละ กูเข้าใจแล้วไงวะ น่ารำคาญจริงๆ ไอ้เหี้ยนี่” อินทัชบ่นขึ้นมาอย่างรำคาญ

เขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ เข้าใจอะไรง่ายๆ ถ้าอยากให้ชดใช้นักเขาก็จะชดใช้ให้

เพราะเขาเองก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของรามมินทร์ต้องฆ่าตัวตาย...

“ก็ดี เข้าใจอะไรง่ายๆ ก็ดี ถ้างั้นกูจะพามึงไปที่บ้านพัก” ร่างแกร่งกระชากแขนเล็กกว่าให้เดินตามมาอย่างโมโหที่โดนอินทัชด่า

“บ้านพัก? ไม่ใช่ที่นี่หรือวะ” เขาขมวดคิ้วสงสัย มองไปยังทางที่รามินทร์พาไปอย่างไม่ไว้ใจนัก

รามินทร์หยุดเดินแล้วหันมาเผชิญหน้ากับอินทัชอย่างสะใจจนร่างโปร่งรู้สึกว่ามันแปลกๆ

“ที่นี่? คงไม่เหมาะกับขี้ข้ากูอย่างมึงหรอกนะ”

ถามว่าเจ็บไหม คำตอบคือเจ็บ

แต่อินทัชไม่ใช่คนชอบโต้ตอบ เลยทำให้นึกถึงเพื่อนรักที่ถ้าโดนแบบนี้คงจะด่ายันครอบครัวพร้อมสู้ตายเต็มที่อย่างธีรไนยแล้ว

ตอนนี้กูอยากจะเป็นให้ได้อย่างมึงจริงๆ ว่ะธีร์

“เออ...ที่ไหนก็พาไปสักที”

“ตามมาดีๆ ก็แล้วกัน”

ร่างโปร่งในชุดสูทกลายเป็นเป้าสายตาของคนงานในรีสอร์ทแห่งนี้ แต่ก็ไม่กล้ามองเท่าไหร่เพราะรามินทร์มองกวาดสายตาเป็นนัยๆ ว่าอย่ามายุ่งเรื่องนี้

ทางไปบ้านพักเป็นทางชัน และให้เดินลงไปตามทางของภูเขา เดินไปสักพักก็พบว่ามีน้ำตกสายเล็กๆ กับแอ่งน้ำที่รอรับน้ำจากน้ำตกอยู่ ข้างกันมีบ้านพักไม้ที่ดูน่าอยู่มากๆ ตั้งอยู่ หากแต่ร่างสูงกลับไม่หยุดอยู่ที่บ้านหลังนี้ กลับพาเดินเลยไปอีกไกลจากตัวบ้านพักหลังนั้นพอสมควร อินทัชหยุดยืนนิ่งตามที่รามมินทร์หยุด แต่เขาก็มัวแต่สนใจสายธารของน้ำตกที่ให้ความสดชื่นอย่างพอใจ รอบๆ มีแต่ป่าไม้และหญ้าขึ้นรกมาก จนระแวงว่าจะมีสัตว์อันตรายออกมาหรือเปล่า

“นี่แหละบ้านพักของมึง” สิ้นเสียงบอก เขาก็มองหาตัวบ้านพักทันที

ดวงตาสวยเบิกกว้าอย่างตกใจในสภาพของบ้านพักที่รามมินทร์บอก

“นี่มึง...” พูดไม่ออก

บ้านหรือ...สภาพเหมือนบ้านไม้ที่ร้างมานานหลายสิบปี จะพังแหล่ไม่พังแหล่ หน้าต่างก็เหมือนจะหลุดออกมา ประตูก็เหมือนไม่ช่วยปิดอะไรเลย บ้านไม้ชั้นเดียวที่ยกสูงให้มีใต้ถุนบ้าน มีแคร่ไม้ตัวหนึ่งตั้งอยู่ แต่ก็ต้องทำการถางหญ้าครั้งยิ่งใหญ่

“ทำไม? เป็นคุณชายมาตลอดคงจะไม่เคยพานพบกับความยากลำบากเลยสินะ นี่แหละ มึงจะได้ลิ้มรสก็คราวนี้แหละ หึหึ” ร่างสูงพูดกลั้วหัวเราะอย่างสะใจ

แค่เห็นหน้าตาของอินทัชที่อึ้งและตกใจไปแบบนี้ก็ เขาก็สะใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่แค่นี้มันไม่เพียงพอกับสิ่งที่อินทัชทำกับน้องสาวของเขาหรอก

มันไม่มีทางพอ!!

“แถวนี้ ไม่มีบ้านคนอื่นๆ หรือไงวะ”

“ไม่มี คนอื่นๆ พักที่เรือนคนงาน”

“แล้วทำไมกู…”

“เพราะมึงไง กูถึงให้มาอยู่แบบนี้”

เขาโกรธ โมโห หงุดหงิด และแค้นรามินทร์ไม่ต่างกัน แต่เข้าใจหรือเปล่าว่าทำอะไรไม่ได้ โวยวายออกไปก็เปล่าประโยชน์ เลยได้แต่ถอนหายใจยอมรับชะตากรรมของตัวเอง

เอาวะ!!

แค่นี้มันไม่ตายหรอก...

“ซ่อมเองก็แล้วกัน ส่วนผ้าปูเดี๋ยวกูจะสงเคราะห์ให้คนเอามาให้ อุปกรณ์ก็มีให้ครบทั้งจอบ ทั้งเสียม เมล็ดผักก็เตรียมไว้ให้ ช่วยหาพื้นที่แล้วทำปลูกมันด้วย เพราะเงินของมึงจะได้จากการขายผักมาที่ครัวรีสอร์ทกู ทำให้ได้ก็แล้วกัน เพราะกูไม่รับประกันว่ามึงจะมีเงินใช้จ่ายอะไรหรือเปล่า”

“มึงไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรือวะ”

“ทำไม หน้าตุ๊ดๆ อย่างมึงนี่ทำแบบนี้ไม่ได้ ก็อย่างว่าแหละ พวกเกย์อย่างมึงมันน่ารังเกียจ ทำอะไรก็ไม่เป็น มีดีแค่ทำเอกสารกับสั่งเขาไปวันๆ”

รามินทร์แค่ต้องการพูดให้ร่างโปร่งเจ็บใจและโมโหเท่านั้น ที่ว่าเกย์น่ารังเกียจน่ะ ก็แค่ต้องการยั่วโมโห เพราะถ้าเขาคิดเช่นนั้นจริงๆ เท่ากับว่า

เขาดูถูกตัวเอง และเกลียดตัวเองด้วย

“กูไม่ใช่เกย์” ร่างโปร่งกัดฟันกรอด

“แล้วที่เอากับผู้ชายมันเรียกว่าอะไรล่ะ”

“กูแค่ได้ทั้งหญิงและชาย!! เออ! กูจะทำทั้งหมดที่มึงพูดมานั่นแหละ เสร็จแล้วจะไสหัวไปไหนก็ไปซะ เห็นแล้วรำคาญลูกกะตา”

“มึงกล้าไล่กูหรือไง” ถามเสียงเข้ม

“แล้วคิดว่าทำไมคนอย่างกูถึงไม่กล้าไล่มึง!!”

“ปากดีให้มันตลอดก็แล้วกัน เพราะต่อให้มึงร้องไห้ อ้อนวอนกอดขากูให้พาไปส่งที่บ้าน กูก็จะไม่ทำ”

“ไม่มีทาง!!!”

“ก็ดี...อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณอินทัชจะทำได้สักกี่น้ำ หน้าตาอย่างกับผู้หญิง ร่างกายก็เหยาะแหยะ หึหึ แค่คิดก็รู้แล้วว่าจะเป็นลมภายใน 10 นาทีที่จับจอบจับเสียมแน่!!”



“ถ้างั้นมึงก็นั่งดูเลย ว่ากูทำได้หรือเปล่า ไอ้สัตว์!!”













50%


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:


   สวัสดีค่ะ เจอกันกับเรื่องใหม่ คู่นี้รามอินนะคะ ขอโทษที่เปิดเรื่องทิ้งไว้ แล้วหายไปเลยเดือนหนึ่ง ฮ่าๆ งานเยอะจริงๆ ค่ะ ตอนนี้จะพยายามมาลงให้อ่านนะคะ แต่งสดไม่มีแต่งไว้น่อ มาช้าก็อย่าถือโทษโกรธกันนะคะ มีอะไรสอบถาม พูดคุย ได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki (https://www.facebook.com/sawachiyuki)

   เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวโยงกันกับเรื่องก่อนๆ เพียงแต่ตัวละครเกี่ยวข้องกันค่ะ รู้จักกันบ้าง ปูเรื่องจากเรื่องอื่นๆ บ้าง ^_^
   
Double Husband มีสามีทั้งที...ได้ฟรีถึงสอง [3P]
   
เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/1 (15/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-09-2015 22:03:53
โอ้ว. ข้อหาหนัก
ตามมาให้กำลังใจน้องอินค่ะ. พี่รามจะดุได้นานสักแค่ไหนกันนะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/1 (15/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-09-2015 23:30:17
 :mc4: o13
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/1 (15/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 16-09-2015 00:03:54
เหตุผลในความผิดไม่เท่าไรเองนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/1 (15/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 16-09-2015 02:51:08
คู่นี้ท่าจะมันส์กว่าพัฒน์ธีร์อีกนะ เพราะพัฒน์น่ะมันแอบเลว แต่พี่รามเขาน่ารักนะคะ แอ๊บเลวไปงั้นเอง คืนดีกันเมื่อไร น้ำตาลท่วมจอแหง
นิสัยอินประหลาดดีแท้ 555 อึนๆอ่ะ กึ่งยอมกึ่งไม่ยอม ขี้ใจอ่อนซะด้วยแฮะ
รอตอนต่อไปจ้าาาา
ปล.ยูกิจังเขียนแนวนี้ขึ้นจริงๆด้วย 555 พระเอกเลวๆ 555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/1 (15/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 16-09-2015 04:50:54
พี่อวยน้องอินสุดชีวิตเลยค่ะ
นังชะนีน้องสาวก็ช่างน่ารังเกียจ :beat: :beat:
พี่รามก็รักน้องจนไม่รู้สันดาน :z6:
พี่เตรียมต้มน้ำรออย่างมีความสุขเลย มาม่าจงมาาาา :laugh:
รอตอนต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/1 (15/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-09-2015 07:23:40
ทำไมอินยอมง่ายจัง มันไม่ใช่ความผิดของอินเลยนะเนี่ย แบบแค่ปฏิเสธเองนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/1 (15/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-09-2015 10:19:21
ยอมๆไป รามจะได้รู้ตัวซะทีว่าน้องที่รักนักรักหนาน่ะไม่ได้ใสอย่างที่คิด
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/2 (17/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-09-2015 22:53:51
ตอนที่ 1 ครึ่งหลัง






2 ชั่วโมงแล้วที่ร่างโปร่งของอินทัชกำลังถางหญ้าออกจากบริเวณบ้านพัก...ใช่ เขาจำยอมเรียกบ้านหลังนี้ว่าเป็นบ้านพักของเขา

เพราะต่อให้มันจะโทรมมากแค่ไหน แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอนล่ะนะ

การทำงานแบบไม่ปริปากบ่นของอินทัชทำให้รามินทร์ที่นั่งมองอยู่บนแคร่ตัวเดียวก็ถึงกับแปลกใจ เพราะนอกจากที่ร่างขาวนั้นจะไม่บ่นแล้ว สายตากับใบหน้าก็ยังดูมุ่งมั่นมากจนเขาหงุดหงิด

“ทำไมถึงไม่เป็นไปตามที่คิดวะ”

รามินทร์คิดหาทางที่จะทำให้ร่างโปร่งคนนั้นรู้สึกอยากจะตายให้ได้...

“หรือว่าเรา...โหดไม่พอ”

คนตัวสูงขมวดคิ้วแน่น ในหัวก็คิดอะไรต่างๆ นาๆ ว่าจะให้คนตัวขาวหน้าสวยคนนั้นทำอะไรต่อไปดี อยากจะให้มันรู้สึกเจ็บเหมือนที่น้องสาวของเขาเจ็บ

จังหวะนั้นคนงานของเขาก็เอาอาหารกลางวันมาให้พอดี ที่สำคัญมีสองที่ซึ่งเขาก็แสดงสีหน้าไม่พอใจทันที

“เอามาทำไมสองที่”

“ก็เอามาเผื่อคุณผู้ชายคนนั้นด้วยไงครับ”

“ใครสั่งกัน ฉันยังไม่ได้สั่งเลย อย่าทำอะไรที่นอกเหนือคำสั่งฉันสิ เอากลับไปที่หนึ่ง” เขาสั่งคนของตัวเองที่ยืนนิ่งๆ ใบหน้าลังเล เพราะเห็นว่าอินทัชไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว

“แต่คุณเขา...”

“ช่างมันสิ ต่อไปนี้ไม่ต้องเรียกมันว่าคุณนะขรรค์ มันจะมาเป็นลูกน้องของแกอีกที” ชายร่างใหญ่ผิวคร้ามแดดแต่ออกเข้มกว่ารามินทร์ ที่สำคัญตัวสูงกว่า ตัวใหญ่กว่ามาตรฐานชายไทย ใบหน้าที่หล่อแบบคมสันต์ นามว่าขรรค์พยักหน้ารับน้อยๆ

“ครับ”

“เรื่องให้งานมันฉันจะให้แกเป็นคนดูแล แล้วฉันจะมาตรวจตลอดนั่นแหละ ห้ามแกใจดี ห้ามแกใจอ่อนกับมันเด็ดขาด อะไรที่ทำให้มันทรมานได้ ก็ทำเข้าใจนะ เพราะถ้าแกขัดคำสั่งฉัน ตัดเงินเดือน”

เป็นคำขู่ที่ขรรค์กลัวที่สุด เพราะเขากำลังตั้งใจเก็บเงินอยู่

“ครับนายท่าน”

“เออ...อย่าทำให้เสียชื่อหัวหน้าคนงานของที่นี่ก็แล้วกัน”

“ครับ”

“ฉันจะไปทำงานต่อแล้ว อาหารนี่ก็ให้คนมาเอาไปเก็บซะ หาเสื้อผ้าเก่าๆ ให้มันสักสองสามชุด หมอน เสื่อ ผ้าห่มให้มัน ไม่ต้องดีมากเข้าใจใช่ไหม ฉันจะมาตรวจบ่ายๆ”

“ครับนายท่าน”

ร่างสูงเดินเข้าไปหาร่างโปร่งในชุดที่เสื้อเชิ้ตสีดำหลุดลุ่ย เหงื่อไหลไคลย้อยเพราะความร้อนของแสงแดด เขาไม่เคยจับจอบ จับเสียม แต่ก็เคยเห็นผ่านๆ ตาบ้าง ไม่รู้ว่าทำยังไง แต่ทำตามที่ตนทำได้ก็เท่านั้น คนอย่างอินทัช ไม่ชอบให้ใครมาดูถูกเหยียดหยามและเขาเองก็ไม่เคยพูดจาดูถูกใคร

อินทัชให้เกียรติ์คนเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นคนเหมือนกัน เขาก็ไม่เคยคิดผยองตัวว่าตัวเองร่ำรวยกว่า ดีกว่าใคร ผิดกับรามินทร์ที่พูดจาดูถูก ดูหมิ่น และเหยียดหยามจนเขาเจ็บใจจนไม่อาจจะลงที่ใครได้

อาจจะเป็นเพราะสันดานของมันนั่นแหละ ทั้งพี่ทั้งน้องก็ไม่มีใครมีเหตุผลเลย

“ดูมันพูดกับไอ้ยักษ์นั่น ไม่ให้กูกินข้าว นี่มันกะทรมานชัดๆ ถ้าออกไปจากที่นี่ได้ มึงเจอหลายข้อหาแน่ๆ” เขาได้แต่บ่นพึมพำต่อไป จนกระทั่งรามินทร์เดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ เขา

“เอาสิ ถ้าคิดว่าจะออกไปได้น่ะ”

คนอย่างรามินทร์ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น...

“มึง...”

“กูจะไปทำงานต่อ แต่มีคนมาเฝ้ามึงแล้ว ห้ามคิดอู้หรือพักล่ะ เพราะถ้าหญ้าบริเวณนี้ไม่หมด นอกจากมึงจะไม่ได้กินข้าวเย็นแล้ว มึงยังจะได้งูเป็นเพื่อนด้วย” รามินทร์ว่า ริมฝีปากฉีกยิ้มอย่างเยาะเย้ย

“มันมีไฟให้กูหรือเปล่า”

“ใช้แค่ตะเกียงก็พอแล้วล่ะคนอย่างมึงน่ะ น้ำเย็นไม่มี เห็นโอ่งตรงนั้นไหม มึงต้องไปขอน้ำดื่มจากที่รีสอร์ท นั่นก็หมายความว่า มึงต้องขึ้นไปแบกมาเอง ส่วนที่อาบน้ำ ก็คงเห็นอยู่นะ ห้องน้ำอยู่ข้างบนนั่นแหละ แต่มึงก็ต้องหาบน้ำเองเหมือนกัน”

ร่างโปร่งสบตากับร่างสูงกว่าอย่างไม่แสดงความรู้สึกอะไรจนรามินทร์โมโห

ความเป็นคุณชายของอินทัช แม้ว่าไม่เคยลำบากแต่ก็ใช่ว่าจะทนกับความลำบากไม่ได้

“มีอะไรอีกไหม” ถามเรียบๆ

“อีกเยอะ แต่บ่ายๆ กูจะมาบอก”

“เออ!!”

อินทัชหันมาสนใจกองหญ้าแทน แล้วเริ่มลงมือทำงานต่อโดยไม่สนใจร่างสูงที่กำหมัดแน่นอย่างโมโห เพราะความอดทนและความนิ่งๆ ของอินทัชที่ไม่เป็นไปตามที่ตนคิด

หารู้ไม่ว่าหลังจากที่รามินทร์ไม่อยู่แล้ว อินทัชก็ขว้างจอบอย่างโมโหแล้วตรงไปที่ใต้ถุนบ้านที่มีร่างใหญ่ของขรรค์นั่งอยู่

“นี่นาย!! มีน้ำให้ดื่มบ้างไหม” เสียงทุ้มที่แหบพร่าจากการกระหายน้ำถามขึ้น

“มีครับ” เขาตอบพลางยื่นขวดน้ำให้กับคนตัวขาว ซึ่งเขาก็รับไปดื่มอย่างไม่รอช้า จนหมดขวดนั่นแหละถึงยื่นกลับไปคืนคนตัวใหญ่มองขวดน้ำเปล่าที่ถูกยื่นมาตรงหน้าก่อนจะหยิบมันมาเก็บไว้ คนตัวขาวที่ทำท่าจะเดินกลับไปทำงานต่อก็ต้องชะงักเมื่อคนตัวเข้มถามขึ้น

“คุณชื่ออะไรครับ ผมขรรค์เป็นหัวหน้าคนงานของที่นี่”

“งั้นนายก็เป็นเจ้านายของฉันด้วยสินะ ฉันชื่ออินทัช เรียกอินสั้นๆ ก็ได้”

“ครับคุณอิน”

“นายไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหรอก ยังไงในตอนนี้ฉันมันก็ไม่ได้มีอะไรเลย นอกจากต้องรับกรรมกับเจ้านายของนาย” ยิ่งคิดถึงใบหน้าที่หล่อเข้มของรามินทร์มันก็ทำให้อินทัชรู้สึกอยากจะไปทำงานต่อเพื่อระบายอารมณ์

“อืม...ฉันอายุ 24 ปี”

“ฉัน 25 ปี” อินทัชอายุมากกว่าหรือนี่ เห็นร่างกายของอีกคนที่ตัวใหญ่กว่าแล้วรู้สึกอิจฉา แต่สำหรับอินทัชก็คือส่วนสูง 183 ถือว่าสูงมาตรฐานแล้ว รูปร่างผอม มีกล้าเล็กน้อย พยายามออกกำลังกายแล้ว แต่ได้แค่นี้จริงๆ

บวกกับหน้าที่หวานอย่างกับผู้หญิงอีก แต่ไม่ใช่ประเด็น เพราะใบหน้าแบบนี้กับส่วนสูงนี้ ร่างกายนี้ ที่ทำให้หนุ่มและสาวติดเขาแจ

“เรื่องนี้ฉันคงช่วยนายกับนายท่านไม่ได้ เพราะนายสองคนมีปัญหาอะไรฉันก็ไม่รู้ แต่นายท่านไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลย ท่าทางจะเป็นเรื่องที่หนักเอาการนะ” ชายตัวใหญ่พูดบอก

“ช่างมันเถอะ ตามที่มันต้องการนั่นแหละ ฉันทำได้ นายจะได้ไม่เดือดร้อนด้วย” อินทัชบอกอย่างไม่ใส่ใจ

“เดี๋ยวฉันจะไปหาเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้มาให้ ที่นี่ไม่มีไฟฟ้านะ ต้องใช้ตะเกียง เสาไฟฟ้ามาไม่ได้เพราะน้ำท่วมและโดนน้ำหลากบ่อยน่ะ”

“รู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้ว่ะ”

“ช่วงนี้ไม่ใช่หน้าฝนคงไม่เป็นอะไรหรอก”

“ขอบใจนายมากนะขรรค์ แต่เจ้านายของนาย ชื่ออะไรนะ? นั่นแหละไม่กลัวว่ามันจะทำโทษหรือไง” มันไม่ผิดอะไรนี่ที่เขาจะจำชื่อรามินทร์ไม่ได้

ยังไงเขาก็ไม่คิดจะสนและใส่ใจอยู่แล้ว

“คุณราม ท่านชื่อราม ส่วนเรื่องทำโทษ ถ้าโดนก็โดนไม่เยอะหรอก”

“อ๋อ”

“แล้วจะให้ฉันทำอะไรต่อล่ะ ถางหญ้าทั้งหมดนี่ ทำแปลงปลูกผัก แล้วไอ้แปลกปลูกผักนี่ทำยังไง ปลูกผักยังไง แล้วปุ๋ยเอามาจากไหน ใส่ยังไงวะ โอ้ย!! กูอยากจะบ้าตาย ชีวิตอยู่แต่ในห้องแอร์ นั่งรถหรูๆ อยากกินอะไรก็สั่ง อยากได้อะไรก็มีคนมาประเคนให้ ต้องมาทำเรื่องพวกนี้เอง บ้าฉิบ!!” อินทัชได้ทีบ่นใหญ่ เพราะแค่หญ้าตนยังทำแบบทุลักทุเล แล้วแปลงผักเขาจะทำได้ไหม

“เดี๋ยวสอน”

“จะดีมากเลยถ้าทำให้”

“ฉันไม่อยากโดนทำโทษ”

“เออๆ แล้วแต่นาย”

ยังไงคนอย่างเขาก็ไม่ชอบให้ใครมาเดือดร้อนเพราะตนเด็ดขาด
สอนก็สอน ทำก็ทำ ดีเสียอีก เป็นบทเรียนในชีวิตเลย เผื่อเกษียนตัวเองแล้วอยากจะอยู่แบบง่ายๆ ปลูกผักกินเองที่บ้านของตนกับครอบครัว

“เป็นคนง่ายๆ ดีนะ”

“ก็จะยุ่งยากทำไมล่ะ” อินทัชสวนคืน

หัวหน้าคนงานอย่างขรรค์ไม่พูดอะไรอีก แต่ตรงไปที่จอบนอนรออยู่ เขาพาอีกคนไปยังข้างหลังบ้านพักซึ่งมีพื้นที่โล่งเตียนให้ทำแปลงปลูกผักอยู่ก่อนจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างหนึ่งแปลง ซึ่งร่างโปร่งก็จำๆ ก่อนจะกลับมาถางหญ้าต่อให้เสร้จ

หิวก็หิว ร้อนก็ร้อน

รู้สึกอยากกลับบ้านไปนอนตากแอร์เย็นๆ


เวลาบ่ายกว่าๆ ร่างสูงกลับมาดูอินทัชอีกครั้งก็พบว่าเจ้าตัวถางหญ้าเสร็จหมดแล้ว เขาเดินขึ้นบันไดผุๆ เพื่อไปดูว่าอินทัชอยู่ด้านบนหรือเปล่า ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น ร่างขาวกำลังทำความสะอาดบ้านพักของตนที่ แม้จะเป็นเพียงหลังเล็กๆ ผุๆ ใกล้จะถล่ม แต่ก็มีครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ และห้องนอน โชคดีที่ห้องน้ำท่อไม่พัง เพราะไม่งั้นเวลาปวดหนักต้องกลางปากลางดงแน่ๆ

“ขยันดีนะมึง”

“ไม่ขยันจะรวยถึงทุกวันนี้ไหมล่ะ พูดโง่ๆ” ตอกกลับไปด้วยความโมโห

อินทัชไม่ใช่คนชอบอวด แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ

อยากจะทำให้มันหน้าเจื่อนบ้าง อยากจะทำให้มันแสดงสีหน้าอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่หน้าที่จงเกลียดจงชังกันขนาดนี้...

“นั่นสินะ มึงมันขยัน ถึงได้ร่ำรวยมหาศาล แล้วไง ตอนนี้มีติดตัวสักบาทไหมล่ะ”

“เฮอะ! ตอนนี้ไม่มี แต่พอกลับบ้านไปก็เหมือนเดิม”

“ถ้างั้นก็ทนสภาพของยาจกไปก่อนก็แล้วกัน ถ้ามึงอยากกินข้าว ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อไปช่วยแม่ครัวทำอาหารให้คนงาน จากนั้นก็กลับมาจัดการทำสวนผักของมึงต่อ ทุกๆ 2 วันมึงต้องไปทำความสะอาดให้เรือนพักคนงานทั้งหลัง และทุกห้อง รวมถึงบ้านพักกู เสื้อผ้าก็ต้องซักของคนงานด้วย ไม่ทำ มึงก็อดข้าว”

“เรื่องอะไรที่กูต้องไปทำให้คนอื่นวะ”

“ก็แล้วแต่ ไม่ได้บังคับ แลกกับข้าวนี่”

“เออ!! ตอนนี้มึงมันเป็นต่อ มึงมันชนะอยู่ อย่าให้ถึงทีกูบ้างก็แล้วกัน”

“กูคิดว่าคงไม่มีวันนั้นหรอก เสร็จหรือยังทำความสะอาดที่พักมึงน่ะ ไอ้ขรรค์มันเอาของมาให้แล้วใช่ไหม ก็ดีใช้อย่างประหยัดๆ แล้วน้ำมันตะเกียงก็ใช้ดีๆ กูกลัวว่าจะโง่จุดเผาตัวเอง”

เหมือนจะพูดแบบเป็นห่วง แต่สีหน้าและน้ำเสียงไม่ได้เป็นไปตามรูปประโยคเลยสักนิด

“กูไม่โง่!! งั้นก็หมายความว่ากูเริ่มงานตีสี่ ก็เลิกงานบ่ายสามใช่ไหม”

“สำหรับคนอื่นอาจจะใช่ แต่สำหรับมึงไม่!! จนกว่ากูจะสั่งให้พัก มึงถึงมีสิทธิ์พัก”

“เฮ้ย!! นี่มันมากเกินไปแล้วนะเว้ย นี่มันถือว่าใช้แรงงานเกินควรนะเว้ย”

“กูไม่ได้เอามามาเป็นแรงงานอยู่แล้ว แต่มึงคือทาส คือขี้ข้ากู เพราะฉะนั้นสิ่งที่มึงต้องชดใช้ มึงก็ต้องรับคำสั่งจากกูเท่านั้น!!!”

อินทัชพูดไม่ออกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน ไม่เคยเห็นใครเอาตัวเองเป็นที่ตั้งได้รุนแรงเท่านี้มาก่อนเลย

ผู้ชายคนนี้ถูกเลี้ยงดูมายังไง

ถึงได้ใจร้าย ใจยักษ์ ใจมารได้ขนาดนี้...






100%


 :katai4: :katai4: :katai4:

   ตอนที่ 1 ก็ครบร้อยเปอร์เซ็นแล้วนะคะ คอมเม้นท์ด้วยนะคะ ขอกำลังใจหน่อยน้า จากที่อ่านนิสัยของอินทัชมาแล้วจากเรื่องของพี่ธีร์ ก็จะเห็นได้ว่า อินทัชเป็นคนสบายๆ ใครให้ทำอะไรก็ทำ แม้ไม่ได้ผิด แต่เขาก็ยอมรับไป เพราะคิดว่าหนีไปมันก็ไม่ได้อยู่ดีเนาะ (ใช่ว่าจะยอมน้า) อ่านไปเรื่อยๆ จะเข้าใจเองค่ะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki


หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/2 (17/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 17-09-2015 23:19:12
จำเลยรักชัดๆอ่ะ เราว่าขรรค์เรียกรามว่านายท่านแล้วดูแปลกๆไงไม่รู้
เรียกว่าคุณ นายหัว ทำนองนี้โอเคกว่าป่าวอ่ะ อันนี้ คหสต นะคนเขียน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/2 (17/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-09-2015 23:44:23
เรียกว่าน้องอินพยายามนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวสินะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/2 (17/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-09-2015 00:58:16
 :z3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/2 (17/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 18-09-2015 01:53:34
อยากรู้จักยัยน้องสาวจริงๆ..คงนิสัยแย่น่าดู :z6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/2 (17/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-09-2015 06:08:10
 :ling3:   เซ็งคนหูเบา
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/2 (17/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 18-09-2015 07:32:17
น้องอินเป็นนายเอกในอุดมคติเลย
หาแบบนี้มานานแล้ว ไม่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง ไม่เสียใจ ไม่ฟูมฟาย ไหลตามน้ำไปเรื่อยๆ พี่ชอบมากกกกกกก
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/2 (17/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 19-09-2015 14:05:29
 :a5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 1/2 (17/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 20-09-2015 00:21:58
จำเลยรัก? นายทาส? อื้อหืม
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/1 (26/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 26-09-2015 21:21:56
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 2
นรกของอินทัช ครึ่งแรก





   เวลาสองทุ่มกว่าๆ อินทัชที่กลับจากอาบน้ำที่น้ำตกใกล้ๆ ตัวบ้านที่ตนต้องพักตลอดที่อยู่นี่ที่ นี่ถ้าหากว่ามีฝนหรือพายุใหญ่ๆ หรือหนักๆ สักครั้ง บ้านหลังนี้พังแน่

“เฮ้อ...” ถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน

ตลอดทั้งวันเขาถูกรามินทร์ใช้งานหนักมาก หนักและเหนื่อยสุดๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แน่ล่ะ คุณชายอินทัชอย่างเขา ที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องมาลำบากลำบน จับจอบจับเสียมแบบนี้

“ทำไมถึงได้วังเวงแบบนี้วะ” ร่างขาวมองไปรอบๆ ตัวบ้าน บรรยากาศเงียบกริบมีแต่เสียงสัตว์ร้องยามค่ำคืน อินทัชเป็นคนขี้กลัว

แต่เพราะศักดิ์ศรีเขาถึงได้ถีบตัวเองออกจากความกลัวนั้น

“ต้องผ่านมันไปให้ได้นะอิน”

ตลอดทั้งวันที่เขาทำงานหนัก เหนื่อยและร้อนมาก ในช่วงกลางคืนแบบนี้ไม่คิดเลยว่าอากาศมันจะเย็นได้แบบนี้ อย่างว่าแหละอุณหภูมิบนเขามันมักจะเย็นกว่าข้างล่างอยู่แล้ว

ผ้าแพรผืนบางๆ ไม่อาจทำให้ร่างโปร่งบรรเทาความหนาวเย็นนี้ได้ แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อนแต่บ้านหลังนี้มีลมเข้าออกได้ทุกรู หน้าต่างที่พังเกือบหมด โชคดีที่ขรรค์จะมาซ่อมให้ในวันพรุ่งนี้พร้อมกับต่อไฟฟ้ามาให้ด้วย แม้จะไม่มากแต่เขาขอแค่หน้าบ้านกับในบ้านและห้องน้ำที่ละดวงก็พอ แค่อยู่ได้แบบนี้ก็พอ

กึกกัก

ในขณะที่เขากำลังข่มตาหลับ เสียงที่ดังมาจากหน้าประตูบ้านก็ทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งสุดตัว ความไม่รู้ที่รู้ทางและไม่ชิ้นกับการใช้ชีวิตข้างนอกแบบนี้ทำให้เขาอดกลัวไม่ได้

“เสียงอะไรวะ”

ร่างโปร่งหยิบตะเกียงขึ้นมาแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องนอนไป เสียงมันมาจากประตูทางเข้าตรงบันไดที่ใช้ขึ้นมาบนบ้านหลังนี้ บรรยากาศที่เย็นเฉียบก็ยิ่งทำให้ร่างโปร่งขนลุก ใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

“ใครวะนั่น หรือว่าโจร” ร่างโปร่งรีบดับตะเกียงแล้วซุ่มดูตรงรูหน้าต่างที่สามารถมองเห็นด้านนอกได้ ชายร่างใหญ่ที่มีผ้าห่มผืนหนายืนเปิดประตูอยู่ มองไม่ชัดว่าเป็นใคร

เขาเดินออกไปหาร่างใหญ่นั้นทันทีด้วยความสงสัย แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห้นว่าเป็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะมาเป็นที่สุด

“มึงมีอะไร”

“ทำไม? กูจะมาไม่ได้หรือไง ในเมื่อที่นี่ก็เป็นของกู” รามินทร์ตอบอย่างหงุดหงิดที่เห็นว่าร่างโปร่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแบบนี้ ทั้งๆ ที่กะว่าจะแอบมาเท่านั้น

คิดว่าอินทัชเหนื่อยจนหลับไปแล้วเสียอีก

“ก็เรื่องของมึง แต่กูแค่ถามว่ามึงมาทำไม” ร่างขาวถาม ใบหน้าขาวใสที่สวยยิ่งกว่าผู้หญิงคนนั้นจ้องใบหน้าคมเข้มอย่างเอาเรื่อง

“กูแค่คิดว่าถ้ามึงนอนหนาวตายมันจะทำให้เสนียดติดบ้านหลังนี้ ก็เลยเอาผ้าห่มเก่าๆ ของคนงานมาให้” เสียงทุ้มตอบ ก่อนจะโยนผ้านวมเก่าๆ ขาดๆ ที่บ้านอินทัชเรียกว่าผ้าขี้ริ้วมาตรงหน้าของเขา

ไม่รู้ว่าร่างขาวจะซาบซึ้งในน้ำใจของคนที่ตัวสูงกว่าดีหรือไม่

“ผ้าสภาพนี้มึงไม่ต้องเอามาก็ได้นะ”

“ทำไม รังเกียจสินะ”

“มึงก็ดูสภาพมันสิ เก่าก็เก่า ขาดก็ขาด ถ้ากูห่มแล้วแพ้ขึ้นมาทำยังไง”

“นั่นมันก็เรื่องของมึง”

“ไอ้!!!”

“ห้ามขึ้นเสียงใส่กู มึงเป็นแค่ขี้ข้า ไม่มีสิทธิ์ชูคอมาเท่ากู!!” ร่างสูงตวาดเสียงกร้าว จนอินทัชถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ

นั่นสินะ...

อินทัชก็แค่ลืมตัว นึกว่าตัวเองมีสิทธิ์ทุกอย่างอย่างที่เป็น

“เออ...เอาที่มึงสบายใจเถอะ ว่างๆ ก็ให้พ่อกับแม่พาไปเช็คประสาทบ้างก็ดีนะ คิดว่ากูแนะนำในฐานะที่เป็น ‘ขี้ข้า’ คนหนึ่งที่เป็นห่วงในตัวของ ‘เจ้านาย’ เดี๋ยวพาลเป็นบ้าขึ้นมา ลูกน้องคนอื่นๆ จะไม่มีที่พึ่ง”

อินทัชเป็นคนง่ายๆ มีเหตุผล แต่ก็ไม่ใช่คนที่ละทางโลกได้ขนาดโกรธ เกลียดไม่เป็น แต่เขาเลือกที่จะใส่อารมณ์อย่างมีสติและเหตุผล

รามินทร์จ้องหน้าของอินทัชอย่างโมโห ปานจะกินเลือดกินเนื้อที่เจ้าคนตัวขาวช่างปากคอเราะร้ายเหลือเกินแบบนี้ ใช่!! อินทัชไม่ได้ใส่อารมณ์ แต่คำพูดที่เถียง ที่ด่า ที่ว่าแต่ละคำมันช่างร้ายกาจไม่เหมาะกับปากบางสีแดงสดนั่นเลยสักนิด

“นี่มึงว่ากูเป็นโรคจิตหรือวะ”

“เปล่านี่ กูให้มึงไปหาหมอ ยังไม่ได้บอกเลยว่าหมอไหน” อินทัชแสยะยิ้มนิดๆ ที่ตนเองชนะในยกนี้ แต่ก็ยิ้มได้ไม่นาน ก็ต้องหุบยิ้มกลับเหมือนเดิม

เพราะคนที่ร้ายกว่าคือรามินทร์

ร้ายทั้งการกระทำ คำพูด หรือกระทั่งความคิดที่เขาไม่รู้ว่ามันร้ายมากแค่ไหน

แต่ที่เจอตอนนี้…

รามินทร์ร้ายกาจและใจร้ายที่สุด

“งั้นมึงก็ควรจะไปด้วยกัน ไปถามหมอว่าหัวใจมึงทำด้วยอะไร ถึงได้ทำร้ายผู้หญิงจนต้องคิดฆ่าตัวตาย”

มันเอาจุดอ่อนของเขาขึ้นมาเล่นแบบนี้ ต่อให้ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เขาก็รู้สึกผิดอยู่ดี การทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องตายเพียงเพราะมีชื่อ อินทัชเกี่ยวข้อง

เขาก็รู้สึกว่าบาปมันตามติดตัวแบบไม่ทันตั้งตัว

“กูไม่ได้ตั้งใจ แต่วันนั้นกูสาบานได้ว่ากูปฏิเสธดีแล้ว”

“ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันกูก็ไม่เชื่อมึงทั้งนั้น น้องกูทั้งคน กูรักมาก กูมีน้องคนเดียว มึงจะไปรู้อะไร แต่ถึงน้องกูจะผิดจริงๆ กูก็จะเอาคืนคนที่มันทำให้น้องกูฆ่าตัวตายเหมือนกัน!!!”

สายตาของรามินทร์ ใบหน้าของรามินทร์ บ่งบอกว่าเหตุผล หรือความถูกต้องอะไรก็ไม่เท่ากับความรักที่เขามีต่อน้องสาวเท่านั้น

“เออ!! กูมันไม่มีน้อง แต่อย่างน้อยกูก็มีพี่สาว พี่สาวกูยังไม่เคยเป็นเอามากอะไรอย่างมึงเลย ถ้าหากว่ามึงยังเป็นคนไร้เหตุผลอยู่แบบนี้ สักวันหนึ่ง...คนที่มึงอยากจะให้เขาฟังเหตุผลมึง เขาก็จะไม่ฟังมึงเหมือนที่มึงกำลังเป็นอยู่ตอนนี้”

แม้ว่าอินทัชจะเกลียด จะโกรธที่โดนรามินทร์จับตัวมาเป็นทาสอยู่บนเขาแบบนี้ แต่เขาก็เป็นเสียแบบนี้ ชอบสอน ชอบแนะนำคนอื่นไปทั่ว

“ไม่ต้องมาสอนกู!! กูทำอะไรกูรู้ตัวเองดี และกูเป็นแบบนี้กับมึงแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ จำใส่กะลาหัวเอาไว้ อย่าอย่าสะเออะมาสอนกู”

ตุ๊บ!!

“โอ้ย!!”

มือแกร่งผลักร่างตรงหน้าแรงๆ จนล้มลงไปกับพื้นเก่าๆ อินทัชไม่ได้บอบบางขนาดนั้น แต่ร่างสูงผลักเขาตอนที่กำลังไม่ตั้งตัว ก็เลยล้มไปแบบนั้น ใบหน้าขาวเงยหน้ามองอย่างเกลียดชังเต็มที่ ร่างสูงหัวเราะในลำคอน้อยๆ ก่อนจะเดินออกจากตัวบ้านไป ทิ้งให้อินทัชลุกขึ้นเองอย่างยากลำบาก

“นี่มันนรกชัดๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะนอนหลับแล้วนะ พอมาเจอแบบนี้ ทำเอากูนอนไม่หลับเลยแม่ง พรุ่งนี้ต้องตื่นตีสี่อีกด้วยนะ เฮ้อ...”

อยากได้ชีวิตที่สุขสบายของตนกลับคืนมา

เห็นทีว่าจะทนไม่ได้แล้วล่ะ


“ถ้ากูหาทางหนีได้ ต่อให้ต้องเสี่ยงแค่ไหน กูก็จะต้องหาทางออกไปให้ได้!!!”

อินทัช...ไม่ยอมทนมือทนเท้าของรามินทร์อีกแล้ว

...

...

...


เวลาตีสี่กว่าๆ

ร่างโปร่งลุกขึ้นมาแล้วตรงไปที่ครัวทันทีเพราะขรรค์เป็นคนมาปลุก ไม่ปล่อยโอกาสให้คุณชายได้ลืมตาเต็มที่ก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในครัวใหญ่ของรีสอร์ทเสียแล้ว

ดีมาก!!! น้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบ ฟันก็ยังไม่ได้แปรง แล้วต้องมาอยู่ท่ามกลางผู้หญิงมากมายเหล่านี้อีก คนที่ลากมาอย่างขรรค์ก็ทิ้งเขาหายไปกับงานของตน ส่วนเขาก็ถูกมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าจากทุกสายตาที่มองมา

“สวัสดีค่ะพ่อหนุ่ม”

“สวัสดีครับป้า”

“คุณชื่ออะไรคะ” ป้าคนหนึ่งถามขึ้นยิ้มๆ ซึ่งทำให้อินทัชรู้สึกโล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง

“ผมชื่ออินทัชครับ เรียกอินสั้นๆ ก็ได้ครับ”

“ป้าชื่อรีนะคะ เป็นหัวหน้าแม่ครัวของรีสอร์ทจ้ะ”

“ครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” ร่างสูงโปร่งถามก่อนจะเดินเข้าไปหาป้ารี เป็นคนงานคนเดียวที่ชวนเขาคุย ส่วนคนอื่นๆ ก็เอาแต่มอง ไม่รู้ว่าทำไม

“ทำอะไรเป็นบ้างล่ะคุณอิน”

“เอ่อ...ป้าไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้ครับ” เขาว่าไปแบบนั้นก่อนจะคิดในใจอย่างเหนื่อยๆ

ก็ในเมื่อไม่มีใครรู้สถานะของเขา แต่ให้คนอื่นมาเรียกว่าคุณก็แปลกๆ

“ก็ขรรค์มันบอกว่าเป็นแขกของคุณท่าน ป้าก็เรียกคุณสิจ้ะ” เธอบอกยิ้มๆ

“แขกที่ไหนกันล่ะครับ มันน่ะเอาผมมาทรมาน เอ่อ...” เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองหลุดอะไรออกไป เขามองหน้าคนอายุมากกว่าอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

นี่ถ้าคนงานรู้ว่าเขาโดนจับตัวมา พวกเขาจะเดือดร้อนไหมเนี่ย

“สนิทสนมกันดีนะคะ” แต่เธอกลับมองโลกในแง่ดี คิดว่าอินทัชพูดเล่นๆ เท่านั้น

“เอ่อ...ก็ประมาณนั้นมั้งครับ”

เขากลัวว่าทุกคนที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะเขา ฉะนั้นก็ตามน้ำ ตามเนื้อไปแบบนี้แหละ

ใครจะไปอยากสนิทกับคนที่ไม่เหตุผลแบบนั้นกันเล่า แค่เพื่อนร่วมโลกยังไม่อยากจะนับเลย ให้ตายเถอะ

“จ้า แล้วคุณอินทำอะไรเป็นบ้างล่ะคะ”

“ถ้าเรื่องอาหาร ผมทำอะไรไม่เป็นเลยครับ ปกติคนที่บ้านทำให้ตลอด” สาบานเลยว่าอินทัชไม่ได้เจตนาพูดแบบนี้ แต่เป็นเพราะความเคยชินเลยตอบออกไป

“งั้นป้าคงต้องสอนตั้งแต่เริ่มต้นเลยสินะคะ” ป้ารีเธอพูดยิ้มๆ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่จะได้สอนทำอาหารและงานครัวให้กับอินทัชที่ดูจะไม่เป็นอะไรเลย

การฝึกให้คนไม่เป็นจริงๆ ได้ทำเป็นนั้น คือความภาคภูมิใจของเธอ แล้วอินทัชก็น่าตาดีเกินต้านทานจริงๆ ไม่สอนก็อย่าเรียกเธอว่าป้ารีอีกเลย

“ต้องขอฝากตัวไว้ด้วยนะครับป้ารี”

“ยินดีจ้า งั้นเริ่มจากล้างผักดีกว่า ส้ม...มาช่วยสอนล้างผักคุณเขาหน่อยเร็ว” ป้ารีหันไปสั่งหญิงสาวคนงานที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเธอก็มองอินทัชนิดๆ ก่อนจะก้มหน้า หลบตาของอินทัชด้วยความเขินอาย

ร่างสูงโปร่งอยากจะหัวเราะดังๆ ขนาดตัวเองอยู่ในสภาพที่ไม่มีเค้าความเป็นคนแบบนี้ ยังจะมีผู้หญิงมาเขินอีก แสดงว่าเสน่ห์ของตนนี่ก็เยอะเอาการ

“ตามมานี่เลยจ้ะ”

“ครับ”

เขาไม่ได้ให้ความหวังหรือว่าอ่อยเลยจริงๆ นะ คนอย่างอินทัชแม้ว่าจะได้ทั้งชายและหญิง แต่เขาก็เลือกคนอยู่นะ ยิ่งคนอยู่ในระดับแบบนี้เขายิ่งไม่สนใหญ่

“ต้องทำอย่างนี้นะจ้ะ พอจะทำได้ไหม” เธอสาธิตให้ดูวิธีการล้างผักให้กับอินทัชดู ซึ่งร่างสูงโปร่งก็มองอย่างตั้งใจ แม้จะง่วงแค่ไหนก็ตาม

“คิดว่าได้นะ”

“ฉันเรียกคุณว่าพี่ได้ไหมจ้ะ” เธอถามแบบอายๆ

“ได้สิครับ”

เสียงนุ่มทุ้มเวลาพูดกับผู้หญิงของอินทัชทำให้ร่างบางของหญิงสาวแทบละลาย สาววัยรุ่นแถวนั้นอีกประมาณสองสามคนเกิดรู้สึกอิจฉาส้มที่ได้คุยกับหนุ่มหล่ออย่างอินทัชก็เริ่มเดินมาทำความรู้จักบ้างเพื่อไม่ให้น้อยหน้า

อินทัชก็ได้แต่ยิ้มรับแล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวก็เท่านั้น

เพราะน่าตาแท้ๆ ถึงทำให้เขามีคนคุยด้วยเยอะขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกคิดว่าเจ้านายจะเสี้ยมให้ลูกน้องทุกคนเกลียดเขาเสียอีก นั่นก็หมายความว่า ทุกคนไม่รู้ว่าเขามาในฐานะไหน

“คุณท่านบอกว่าคุณตกงาน ก็เลยพามาทำงานที่นี่จริงหรือเปล่าคะ” ป้ารีถามเมื่อเขากำลังช่วยหยิบส่วนผสมอาหารให้อยู่ข้างๆ เพราะถ้าหากอยู่กับสาวๆ เหล่านั้น ป้ารีเกรงว่าจะมีการทะเลาะกันเกิดขึ้นเลยแยกเขาออกมาจากตรงนั้น ให้มาช่วยแกแทน

“ถ้าเขาว่าอย่างนั้น ก็แบบนั้นแหละครับ”

“จ้ะ งานรีสอร์ทอาจจะหนักหน่อยนะคะ เพราะคุณต้องทำทุกอย่างเลยนี่นา”

“ผมก็เพิ่งจะเคยทำงานที่หนักหนาสาหัสแบบนี้เป็นครั้งแรก”

“ฮ่าๆ งั้นป้าช่วยอะไรได้ก็บอกนะจ้ะ ป้าจะช่วยเต็มที่”

“มีอย่างเดียวคือให้ป้าสอนงานนั่นแหละครับ”

“มันแน่นอนอยู่แล้วจ้า”

อินทัชที่หั่นผักตามที่ป้ารีสอนอย่างเก้ๆ กัง อยู่ในสายตาคมกริบของรามินทร์ตลอด เขามองร่างนั้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ไม่บ่งบอกอารมณ์อะไร และไม่มีทางเดาออกเลยว่าเจ้าของดวงตาเหยี่ยวคนนี้กำลังคิดจะทำอะไรต่อไป

ที่แน่ๆ เขาไม่ได้จะเลิกทรมานอีกคนแน่ๆ







50%


 :katai4: :katai4: :katai4:

   หายไปเต็มๆ 9 วัน ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่างานเยอะ การบ้านก็เยอะ ใกล้จะสอบมิดเทอมแล้วด้วย เลยต้องเคลียร์กันหนักเลย ยังไงก็อย่าลืมเม้นท์ๆ ให้ยูกิหน่อยน้า จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ ฮ่าๆ

   https://www.facebook.com/sawachiyuki
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/1 (26/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 26-09-2015 21:34:41
คิดถึงคู่นี้มาก
มาให้กำลังใจยูกิค่ะ  :pig4:
ปล. ที่คนเม้นท์น้อยอาจเป็นเพราะว่าคนอ่านไม่รู้ว่านักเขียนจะมาต่อเมื่อไหร่ เนื่องจากไม่มีแจ้งว่าจะยังไม่มาต่อหรือยังไง เหมือนกับทิ้งไว้แล้วหายไปนานๆ (อันนี้ไม่ว่ากัน เพราะแต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเองเนอะ) แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
รอคู่นี้อยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/1 (26/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-09-2015 21:40:11
รอลุ้นคู่นี้นะคะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/1 (26/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: yaya_nana ที่ 26-09-2015 21:45:51
สนุกอ่าา มาต่อเร็วๆน๊า รอฉากตบจูบๆ555 :katai3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/1 (26/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-09-2015 21:46:35
 :katai2-1:  นี่ก็เชือดเฉือนกันตลอด
เมื่อไหร่จะหึง คิคิ
ยูกิสู้ๆค่ะดูแลสุขภาพด้วยนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/1 (26/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 26-09-2015 22:36:56
อินทัช...พยายามเข้านะ... :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/1 (26/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-09-2015 01:27:57
 :hao5:



น่าเอ็นดุยยย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/1 (26/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 27-09-2015 02:24:59
อินเป็นนายเอกที่น่ารักมาก ไม่งี่เง่น่ารำคาญ ชอบๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/1 (26/9/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥ ที่ 03-10-2015 10:55:12
ว้ายยยๆๆ รีบกดเข้ามาอ่าน โดยไว สนุกมากเพิ่งเข้ามาอ่าน  o13  :mc4:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/2 (3/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 03-10-2015 16:32:27
ตอนที่ 2
ครึ่งหลัง





“ตามกูมานี่” เสียงเรียกทุ้มเข้มของรามินทร์ดังออกมาตรงหน้าโรงอาหารสำหรับคนงานที่มีอินทัชนั่งทานข้าวอยู่กับป้ารีและแผนกครัวอีกหลายคน ใบหน้าสวยของร่างสูงโปร่งแหงนมองคนที่เดินมาประชิดตัว คนงานในนั้นต่างพากันลุกทำความเคารพ ยกเว้นเขาที่ยังคงนั่งอยู่

“กูเพิ่งได้กินข้าว”

“แล้วไง กูก็เห็นมึงกินไปแล้ว แค่นี้พอ”

“ไม่ได้ กูต้องกินให้หมด มึงไม่เสียดายข้าวที่ชาวนาเขาอุตส่าห์ลำบากให้เราได้กินหรือไง ที่สำคัญมันทำลายพลังงานของโลกด้วย มึงนี่อย่าเอาแต่ใจให้มันมากนักจะได้ไหม”

“ปากดี นี่เป็นคำสั่งของกู ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้” เขาเพิ่มน้ำเสียงให้ดังขึ้นไปอีก

ไม่รู้หรอกว่าเป็นการหักหน้าร่างโปร่งมากแค่ไหน อินทัชมองไปทางไหนก็พบว่าสายตาทุกคู่กำลังมองเขาอย่างสนอกสนใจ บางคนก็ซุบซิบนินทา บางคนก็หันไปถามคนข้างๆ

“มึงนี่มัน…”

“ลุก!!!” สั่งเสียงดัง จนคนงานที่ไม่เคยเห็นอารมณ์ด้านนี้ของเจ้านายถึงกับสะดุ้งสุดตัว ต่างคนต่างกลัวและเป็นกังวล อินทัชไม่อยากให้ใครรู้เรื่องราวไปมากกว่านี้จึงลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

แต่จากนี้ทุกคนคงเข้าใจว่าอินทัชเป็นแขกของเจ้านายของตนไม่ได้แล้ว

เพราะร่างสูงแสดงออกทั้งการกระทำและสีหน้าว่าเกลียดอินทัชมากเพียงใด

“เออ!! จะไปไหนก็พาไป”

“ป้ารีไม่ต้องล้างจานของคนงานนะครับ เดี๋ยวผมจะให้มันมาล้าง” รามินทร์หันไปสั่งป้ารี ซึ่งเธอก็รีบพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้

ถึงไม่อยากจะรับเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่รามินทร์เป็นเจ้านาย เธอก็ไม่อาจที่จะคัดค้านอะไรที่เป็นคำสั่งของผู้เป็นนายได้ทั้งนั้น

“ค่ะ คุณท่าน”

“ส่วนมึงตามกูมา”

ร่างโปร่งเดินตามร่างสูงไปอย่างไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ข้าวเช้าก็ได้ทานแค่สองสามคำ

รามินทร์นำอีกคนมาที่กำลังก่อสร้างใกล้ๆ กับตัวรีสอร์ทซึ่งร่างโปร่งดูโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างนั้นก็เข้าใจทันทีว่ากำลังสร้างอะไรบางอย่างอยู่ แต่ไม่น่าจะขยายห้องพักแน่นอน เพราะไม่ค่อยมีแขกมาพักเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่เทศกาล เขาเลยไม่สามารถที่จะหนีหรือให้คนช่วยได้เลย

“นี่คืองานของมึงวันนี้ ทั้งวันมึงต้องช่วยคนงานก่อสร้างพวกนี้ทำงาน”

“ห๊ะ!! มึงจะบ้าหรือไง!!! กูเคยทำงานแบนี้ที่ไหนกันวะ” อินทัชโวยวาย

รามินทร์มองหน้าหวานของร่างโปร่งก็แสยะยิ้มร้าย เอ่ยออกมาเสียงเย็น

“ถามความสมัครใจมึงสักคำหรือยัง กูสั่งมึงก็ต้องทำ อ้อ!! แล้วมึงก็ต้องมาทำทุกวันจนกว่างานจะเสร็จนะเข้าใจนะ แล้วกูก็จะใจดีให้มึงมีรายได้ เอาไว้ซื้อของใช้ของมึงไป วันละ 200 บาท”

“ว่าไงนะ!!! นี่มันเกินไปแล้ว ทำงานหนักฉิบหายแต่ให้กูวันละ 200 กูไม่ทำ!!”

“มึงเป็นใคร แล้วกูเป็นใคร ถ้ายังอยากกลับไป ก็ต้องรีบชดใช้ให้กูซะ!!” ร่างสูงขึ้นเสียงขึ้นเรื่อยๆ เพราะอินทัชเริ่มออกฤทธิ์แล้ว

เมื่อวานทำเป็นว่าง่าย แต่ตอนนี้...

สันดานโผล่แล้วสิ หึ...

“มึงแม่งโคตรเลว โคตรชั่ว และโคตรไม่มีเหตุผลเลยว่ะ”

“ถ้าอย่างกูเลว อย่างมึงล่ะไอ้อิน”

“อย่างกูทำไม กูเคยทำอะไรให้ใคร มีแต่มึงกับน้องสาวของมึงนั่นแหละที่ยัดเยียดความผิดมาให้กู”

ให้มาทำงานก่อสร้างที่ไม่เคยทำ และไม่คิดจะทำเนี่ยนะ!!

“ใช่!! กูยัดเยียด ทำงานไปซะ กูไม่ได้ว่างมายืนเถียงมึงทั้งวันนะ”

“งั้นมึงก็ไปสิ ไปให้พ้นๆ หน้ากู และอย่าหวังว่ากูจะทำงานเหนื่อยๆ แบบนี้ด้วย ให้กูปลูกผัก ทำอะไรก็ช่าง แต่ไม่ใช่งานก่อสร้าง ยกหามแบบนี้!!!”

“แต่มึงต้องทำ ถ้ายังอยากมีเงินไว้ใช้ระหว่างที่ยังอยู่ที่นี่”

“กูไม่ทำ มึงกับน้องมึงนี่นิสัยเหมือนกันดีนะ คนหนึ่งก็มาโวยวายบังคับจะคบกับกูให้ได้ ส่วนพี่ชายก็บังคับให้กูทำที่ต้องการให้ได้ ถามจริง พ่อแม่ไม่ได้สั่งสอนหรือไง”

ผลั่วะ!!

ตุบ!!!

ร่างโปร่งของอินทัชล้มลงไปก้นกระแทกกับพื้นหยาบๆ อย่างแรง ใบหน้าขาวสวยหันไปตามแรงกระแทกจากกำปั้นหนักหน่วง โพรงปากรู้สึกถึงความคาวของเลือด ความเจ็บแล่นปราดไปทั่วทั้งใบหน้า แต่ก็ยังค้างใบหน้าอยู่แบบนั้น ไม่หันมามองคนที่ยืนมองเขาด้วยสายตาที่โกรธแค้นอย่างถึงที่สุด

“จำไว้! อย่าปากดีกับกู แล้วก็อย่าลามปามถึงน้องสาวกู เพราะกูรักเขามาก ที่สำคัญ...มึงแตะพ่อแม่ของกูอีกครั้ง กูฆ่ามึงแน่!!!” ร่างสูงเดินจากไปด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น ไม่เหลียวมองคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงนั่งหน้าชาอยู่กับพื้นหยาบ

รามินทร์ไม่มีทางได้เห็นแววตานี้ของอินทัช

เพราะแววตานี้ จะออกมาก็ต่อเมื่อ...เขาโกรธแบบสุดๆ โกรธมาก ถ้าหากว่าไม่มีสติยั้งคิดล่ะก็


อินทัช...คงได้ชื่อว่าเป็น ฆาตกรแน่ๆ


“มึง...มึงที่นั่งอยู่นั่นแหละ มาทำงานได้แล้ว อย่ากินแรงชาวบ้าน” เสียงแหบๆ ของชายคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในคนงานก่อสร้างเรียกให้เจ้าของใบหน้าหวานที่มุมปากช้ำ โหนกแก้มก็ช้ำเพราะแรงต่อยของรามินทร์หันมองหน้าคนเรียกทันทีที่มีสติ

“อือ”

“เร็วๆ อย่าอืดอาด ทำตัวอย่างกับเป็นคุณชาย ไปยกทรายมาแล้วผสมปูนซะ”

“ทำไม่เป็น”

“ว่าไงนะ!!”

“ก็บอกว่าทำไม่เป็น ต้องให้พูดซ้ำอีกรอบไหม!!”

“ไอ้นี่ปากดีจริง สมแล้วที่คุณรามท่านต่อยจะหมอบขนาดนั้น”

“อย่าพูดถึงมันจะได้ไหม”

“ไอ้นี่ไม่รู้จักกาลเทศะ เขาเป็นเจ้านาย ไปเรียกท่านว่ามันได้ยังไงวะ”

“ก็กูไม่ได้นับมันว่าเป็นเจ้านายนี่หว่า ทำอย่างกับว่ากูอยากจะทำงั้นแหละ ไอ้ควายเอ้ย!!!” ร่างโปร่งหันไปสบถข้างๆ ด้วยความโมโห

ยิ่งคิดยิ่งแค้น

“แต่มึงก็ต้องทำ เพราะมีคำสั่งแบบนั้นแล้วนี่ คุณรามเป็นคนจริงจังก็จริง แต่ไม่เคยเห็นท่านทำกับใครเหมือนที่ทำกับมึงเลย แสดงว่าท่านต้องเกลียดมึงมากแน่ๆ”

“แล้วไง อยากเกลียดก็เกลียดไป ถ้ากูกลับบ้านได้เมื่อไหร่ กูจะแจ้งตำรวจ ฮึ่ย!!”

“ข้อหาอะไรวะ” หนุ่มก่อสร้างคนนี้ยังคงถามต่อไป ในสมองก็เริ่มไตร่ตรองสถานการณ์ที่เห็นทันที

“เรื่องของกู!!”

บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะยังไงคนอย่างรามินทร์ก็เป็นที่รักของคนที่ทำงานอยู่แล้วนี่

ลูกน้องรักและจงรักภักดีขนาดนี้

“งั้นมึงก็ไปทำงานซะ เงินรับเป็นรายวัน เลิกงาน 5 โมงเย็น จะเจอกันที่โต๊ะหินอ่อนตรงนั้น หัวหน้าจะมาจ่ายเงินให้กับทุกๆ คน แล้วก็นะ ถ้ามึงทำงานไม่เป็นจริงๆ กูจะสอนให้ แต่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องสอน เพราะมันเป็นงานใช้แรงไม่ได้ให้ใช้สมอง”

อินทัชมองหน้าผู้ชายคนนั้นนิ่งๆ อย่างสำรวจ ผิวคร้ามแดด ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวและป่าเถื่อน ทั้งหนวดทั้งเครา แต่ถ้าลองจ้องและสังเกตดีๆ ผู้ชายคนนี้ จัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาดี ทั้งร่างกายที่กำยำ ความสูงพอๆ กับเขาแท้ๆ แต่ร่างกายกลับดูมีความแข็งแรงมากกว่า

“เออ...จะให้ทำอะไรก็บอกมา”

“ว่าง่ายแบบนี้ค่อยน่าคุยด้วยหน่อย”

ร่างโปร่งเงียบ ยกหลังมือเช็ดเหงื่อของตัวเองเบาๆ

“กูชื่อจักร มึงล่ะ”

สาบานว่านั่นคือการถามชื่อไม่ใช่การหาเรื่อง

“อิน”

“เป็นคนพูดน้อยหรือไง เมื่อกี้ยังเห็นเถียงฉอดๆ”

“เรื่องของกู”

“เออๆ ตามกูมา กูจะพาไปผสมปูนสำหรับก่อ ตามมา”

“อือ”

คนตัวขาวเดินตามคนผิวคล้ำมาที่พื้นที่สำหรับผสมปูน ก่อนจะสอนให้อินทัชทำตามตน ซึ่งร่างโปร่งก็ตั้งใจฟังอย่างดร จะได้ไม่ต้องถามอีกเป็นครั้งที่สอง ก่อนที่จักรจะปล่อยให้เขาทำงานต่อไปคนเดียว ส่วนคนตัวเข้มนั้นก็เดินไปยกอิฐ ยกปูนลงจากรถที่มาส่งของ

ตลอดทั้งวันเขาอดทนทำงานอย่างยากลำบาก เหนื่อยก็เหนื่อย ไหนจะต้องมาเป็นคนที่ต้องถูกสั่งอีก คุณชายอย่างอินทัช ถ้าไม่ได้มาลองเองแบบนี้ก็ไม่มีทางเข้าใจว่าอาชีพนี้มันลำบากขนาดไหน

“เฮ้ย!! ไอ้หน้าอ่อน ไปยกปูนมาอีกดิ๊ เร็วๆ”

“เอาหินมาด้วย”

“ผสมปูนเร็วๆ สิวะ”

“นั่นๆ ปูนหมดแล้ว ไปแบกมาจากตรงนั้น ให้ไวเลยๆ”

และอีกสารพัดการใช้งานเขา ร่างกายที่ไม่เคยทำงานหนักมาก่อนเริ่มอ่อนเพลียเปลี้ยแรง เหงื่อไหลเต็มร่างกายจนอยากจะอาบน้ำเต็มแก่ ความรู้สึกเหมือนว่าโลกมันสั่นคลอน เวียนหัว และอยากจะอาเจียน

เขาได้พักกลางวันแค่ 5 นาที ทานข้าวได้ไม่ถึง 5 คำก็ถูกเรียกให้ไปทำงานเร่งด่วน แต่จริงๆ แล้วก็ไม่น่าจะเร่งด่วนอะไรมาก อินทัชคิดว่า คนเป็นเจ้านายอย่างรามินทร์สั่งมาไม่ให้เขาได้กินข้าวเปล่าๆ

“เฮ้อ...”

ระหว่างที่ใบหน้าขาวใสที่เริ่มจะคล้ำเพราะตากแดดนานถอนหายใจระหว่างล้างเก็บอุปกรณ์ให้เข้าที่ อยากจะกลับไปอาบน้ำนอนเต็มทีแล้ว

“เป็นไงบ้างวะ ใกล้ตายยัง” จักรเดินเข้ามาถามร่างขาว

“ก็อย่างที่เห็น...กูไม่ได้ตาย”

“หึหึ...มึงนี่ก็เอาเรื่องเหมือนกัน ท่าทางเหมือนจะเป็นคุณชายแท้ๆ แต่ทำงานหนักขนาดนี้ยังไม่ปริปากบ่นสักคำ อึดดีนะมึง”

“เหรอ...แต่มึงก็ควรจะรู้เอาไว้ ว่าคนเรามันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน” เสียงทุ้มอ่อนๆ ของอินทัชพึมพำออกมาเบาๆ

“ช่างมันเถอะ เสร็จหรือยัง จะได้ไปรอเอาตังค์”

“เสร็จแล้ว”

“งั้นตามกูมา”

อินทัชเดินตามอีกคนอย่างไม่อิดออด เพราะเวลานี้ 5 โมงเย็นกว่าๆ ถึงเวลาเลิกงานแล้ว เขาจะได้กลับไปอาบน้ำพักผ่อนเสียที

ระหว่างที่ยืนรอคนมาจ่ายเงิน จักรก็หันไปคุยกับเพื่อนๆ คนงานก่อสร้างอย่างเมามันส์ ส่วนเขาก้ยืนเงียบอยู่คนเดียวเหมือนเดิม

ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา

และจะไม่มีวันใช่...


“ที่นี่จะทำอะไรวะ” อินทัชถามเมื่อจักรเดินมาหาเขาที่กำลังยืนเหงาอยู่คนเดียว

“มึงทำงานประสาอะไรไม่รู้ว่าเจ้านายจะทำอะไร” กลายเป็นโดนตำหนิเสียงั้น

“กูจะไปรู้ไหมล่ะ ก็โดนบังคับมานี่แหละ”

“คุณรามจะทำที่ให้คนงานใช้พักผ่อนเวลาว่างงานน่ะ”

“อ้อ!”

ทำเป็นพ่อพระ ชิ!!

“เห็นว่าจะเป็นห้องแอร์ทั้งหมด คนงานพากันดีใจใหญ่ที่จะได้พักในห้องแอร์บ้าง”

“ก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น”

เพราะนอกจากห้องพักในรีสอร์ทแล้วก็ไม่มีส่วนไหนมีแอร์เลยสักนิด ยกเว้นบ้านพักของรามินทร์เอง ร่างสูงตระหนักถึงความสำคัญในจุดๆ นี้เลยคิดอยากจะให้คนงานของตนได้มีโอกาสได้พักสบายๆ ในห้องแอร์บ้าง แม้ว่าจะเป็นวันละไม่กี่ชั่วโมงก็ตามแต่

 “จะเสร็จประมาณเท่าไหร่”

“เกือบ 2 เดือนล่ะมั้ง คนงานเราเยอะอยู่ คงจะเสร็จไว” จักรตอบ “นั่น...คุณจอม เร็วๆ ไอ้อิน ว่าที่เมียกูมาแล้ว” ร่างสูงของจักรรีบวิ่งไปยังโต๊ะม้านั่งที่มีผู้ชายตัวเล็กๆ นั่งลงอยู่ด้วยใบหน้าที่เป็นมิตร

แม้จะไม่ได้หน้าหวานเหมือนกับอินทัช แต่ก็หล่อน่ารักไปอีกแบบ

ใช่...คุณจอมที่จักรมันรีบวิ่งไปนั้น เป็นผู้ชาย

“ว่าที่...เมีย” ร่างโปร่งพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินขมวดคิ้วตามจักรไป

ไอ้นี่มันเป็นพวกหมาวัด คิดจะเด็ดดอกฟ้างั้นหรือวะ!!

ถ้าถามว่าทำไมอินทัชรู้ ก็ดูแค่การแต่งกายของคนชื่อจอม ก็รู้แล้วว่าเป็นคนมีฐานะพอตัว

ระหว่างที่จอมกำลังจ่ายเงินให้กับคนงานทุกคนที่อินทัชสังเกตเห็นว่าได้กับคนละ 400 บาทกว่าๆ นั้นก็ถึงกับขมวดคิ้ว

ไหนว่าได้ 200 บาท...

“สวัสดีครับคุณจอม”

“นาย...อ่ะ เอาไป แล้วกลับไปพักซะ” คนตัวเล็กยื่นเงินให้ก่อนจะไล่ด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ที่เจอกับคนที่ไม่อยากจะเห็นหน้าที่สุด แต่ก็ต้องเจอทุกวันอย่างช่วยไม่ได้

“อะไรกันครับ เป็นห่วงผมด้วยหรือไง”

“อย่ามาพูดแบบนี้กับฉันนะนายจักร รับเงินแล้วก็กลับไปซะ”

“แหม...ผมยังไม่หายคิดถึงคุณจอมเลย ขอมองให้ชื่นใจก่อนได้ไหมครับ”

อินทัชล่ะอยากจะอ้วกกับการจีบหนุ่มของจักรเสียจริงๆ คนอะไร ไม่มีชั้นเชิงในการจีบคนเลย ใครบ้างจะมาจีบคนที่ชอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา คนที่หน้าโหดๆ แล้วก็มาพูดจีบด้วยท่าทางกวนประสาทๆ แบบนี้

จีบติดกูนี่ขอทิ้งตำแหน่งคาสโนว่าให้เลย

“มองแล้วก็รีบกลับไปซะ มีคนต่อคิวด้านหลังนายอีกคนนะ”

แน่นอนว่าอินทัชเป็นคนสุดท้าย จักรกันมามองนิดๆ ก่อนจะหันกลับปิ้มกวนประสาทให้กับคนตัวเล็กแล้วพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า

“ไม่เป็นไร มันรอได้”

“แต่กูไม่รอ”

ร่างโปร่งบางผลักร่างหนาที่มีส่วนสูงพอๆ กันออกไปให้พ้นทางก่อนจะเดินไปยืนตรงหน้าหนุ่มน่ารักคนนั้น

“ชื่ออะไรครับ”

“อินทัชครับ”

“อ้อ! พี่รามบอกว่าให้ผมจ่ายพี่ 200 บาท อย่าโกรธผมนะครับ ผมทำตามหน้าที่” นั่นไง คิดแล้วไม่มีผิด

ไอ้ห่าราม...มันคิดจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม

“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไงก็ได้” ร่างสูงโปร่งยิ้มน้อยๆ จนคนตัวเล็กอย่างจอมถึงกับเขินหน้าแดง จักรที่มองอยู่นานก็ได้แต่ทำหน้าไม่พอใจ

เขาป้อมาตั้งหลายปี ไม่ติด แต่อินทัชยิ้มนิดเดียว ถึงกับเขิน

เออ!! เขามันไม่หล่อนี่...

“จอมรู้สึกผิดจัง” คนที่คาดว่าเด็กกว่าเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดจริงๆ จนร่างขาวต้องส่ายหน้ายิ้มๆ

“อย่ารู้สึกผิดเลยครับ คุณทำดีแล้ว”

“จอมเรียกพี่ว่าพี่อินได้ไหมครับ”

“ด่ะ...” ยังไม่ทันที่อินทัชจะตอบ คนตัวใหญ่กว่าอย่างจักรก็เข้ามาขวาง ขั้นกลางระหว่างทั้งคู่ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างที่สุด

“ผมล่ะครับ กับผมที่รู้จักคุณมาเป็นปี แต่ไอ้อินคุณเพิ่งจะเคยเห็นหน้ามัน ทำไมถึงได้สนใจมันมากกว่าผม เพราะมันหน้าตาดีกว่า ขาวกว่า หรือว่าอะไรล่ะครับ” จักรถามอีกคนอย่างเอาเรื่องและจริงจัง จนจอมต้องมองหน้าคนพูดอย่างไม่เข้าใจ

“นี่...ถอยไปเลยนะ ฉันจะคุยกับพี่อิน”

จักรถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ไม่มีใครรู้หรอกว่าภายใต้ความขี้เล่นของเขานั้นจะจริงจังกับจอมมากแค่ไหน ไม่มีใครรู้นอกจากเขาเอง

“เข้าใจแล้วครับ งั้นผมขอตัวก่อน ส่วนมึง...หึหึ คงจะรู้ใช่ไหมว่าควรจะทำยังไง” จักรหันมาพูดกับเขาด้วยสายตาที่ข่มขู่กันสุดๆ หากแต่อินทัชไม่กลัว

เพราะไม่มีทางที่จะสนใจจอมเป็นอย่างอื่นไปได้

“พี่ขอตัวก่อนนะครับ” อินทัชเดินตามจักรไปทันทีเพื่อเคลียร์ปัญหาไม่รอให้จอมได้พูดอะไรอีกเลย

อินทัชยอมรับว่าจักร มีนิสัยที่คล้ายกับเพื่อนสนิทที่สุดของเขา เพราะฉะนั้นก็อยากจะคบไว้ เพราะจักรดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร

“จักร...มึงสบายใจได้ คุณจอมไม่ใช่สเปคกูหรอก”

ร่างสูงใหญ่หยุดกึก แต่ไม่หันมามองหน้าอินทัชแต่อย่างใด

“ถ้ามึงสนใจก็ไม่เป็นไร เพราะคนอย่างกูสู้ไม่ถอย...แต่มึงก็ต้องเข้าใจ ว่าการที่หมาวัดอย่างกูจะเด็ดดอกฟ้าแบบคุณจอมมันไม่ใช่เรื่องที่ง่าย กูจีบเขามาเป็นปีๆ แต่ไม่เคยพูดดีๆ กับกูสักครั้ง แต่กับมึงกลับยิ้มมีความสุข มันก็ทำให้กูอดคิดไม่ได้ ว่าถ้าคุณจอมชอบมึง กูจะสู้ได้ไหม” จักรเดินหนีไปทันทีที่พูดจบ ทิ้งให้อินทัชยืนนิ่งอยู่คนเดียว สักพักก็ถอนหายใจออกมา มองแบงค์สีแดงในมือสองใบก่อนจะถอนหายใจออกมา

ชีวิตมีแต่ความวุ่นวาย...


“ถ้างานเสร็จแล้ว อย่าลืมไปล้างจานที่โรงครัวด้วย มันกองรอมึงไปล้างอยู่”

ไอ้เหี้ยเอ้ย!! นี่มึงกะจะไม่ให้กูพักเลยหรือไง ถึงได้โผล่มาดักหน้ากันแบบนี้

“ไอ้ราม...”






100%

 :katai5: :katai5: :katai5:

รู้สึกผิดจังเลยที่มาลงให้แค่อาทิตย์ละครั้ง ยังไงขอให้ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ก่อนนะคะ จันทร์นี้ก็สอบแล้ว คงจะหายไปอีก ฮ่าๆ แต่อย่างน้อย เสาร์อาทิตย์ก็จะพยายามมาแต่งให้อ่านกันนะคะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/2 (3/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 03-10-2015 17:09:50
สู้ๆ..สู้ๆทั้งอินและยูกินะ.. :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/2 (3/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 03-10-2015 17:59:42
อินสู้ๆ  o13
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 2/2 (3/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-10-2015 18:36:23
อีกไม่กี่วันร่วงแน่อิน
ยูกิอ่า สงสารอินจัง.  :hao7:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.1 (14/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 14-10-2015 14:27:17
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 3
พึ่งเริ่มต้น
[/size]




“ไม่ทำ กูจะพัก”

“มึงมีสิทธิ์ค้านด้วยหรือไง ตามมานี่”

“โอ๊ย!! ไอ้สัตว์ กูเจ็บนะเว้ย” ร่างโปร่งบางถูกคนตัวสูงกว่าและตัวใหญ่กว่ากระชากแขนอย่างแรงและบังคับให้เขาเดินตามไปอย่างเอาแต่ใจ

ให้ตายเถอะ เขาเหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย

พลั่ก!!

ร่างสูงผลักคนตัวเล็กกว่าไปยังที่ล้างจานของโรงครัวที่มีจานกองอยู่มากมาย ราวกับรอให้เขามาล้างอย่างเดียว อินทัชมองกองจานชามที่มีคราบสกปรกเหล่านั้นก็รู้สึกแข้งขาอ่อนแรงทันที

เขาแบกปูน ขนหิน ขนทราย ยกอิฐยกบล็อก ผสมปูน แล้วเต็มปูนให้ช่างทั้งวัน เหนื่อยจนกินอะไรไม่ลงและได้กินข้าวน้อยมากๆ ตอนนี้ก็หิวสุดๆ ไปเลย

“ถ้ามึงทำงานตรงนี้เสร็จ กูอนุญาตให้มึงกินข้าวได้”

“ให้กูกินก่อนไม่ได้หรือไงวะ!”

“ไม่ได้ ทำงานให้เสร็จก่อน ถึงจะพักและกินข้าวได้ มันเป็นกฎของที่นี่”

“กฎของมึงคนเดียวล่ะสิ” เขาพึมพำเบาๆ อย่างอ่อนแรง

“หึหึ ทำไป กูจะยืนดูมึงทำอยู่นี่แหละ”

อินทัชไม่เคยทำงานเยอะขนาดนี้มาก่อน แม้จะเป็นผู้บริหาร แต่ความเหนื่อยมันต่างกัน ก็จริงอย่างที่ใครๆ เขาพูดกันว่างานทุกงานมันก็เหนื่อยทั้งนั้น แค่เหนื่อยต่างกันก็เท่านั้นเอง

“เฮ้อ...”

เมื่อรู้ว่าเถียงไป โวยวายไปก็ไม่ชนะไอ้คนเอาแต่ใจตัวเองอย่างรามินทร์แล้ว อินทัชก็ตัดสินใจนั่งลงกับเก้าอี้ไม้เล็กๆ ที่ล้างจานของที่นี่ไม่มีที่ล้างแบบทันสมัย มีเพียงกะละมังใส่เศษอาหาร กะละมังล้างหนึ่งใบ แล้วก็กะละมังน้ำธรรมดาอีก 2 ใบที่ใส่น้ำเอาไว้รอเป็นตัวอย่างในการเปลี่ยนน้ำต่อๆ ไป

เอาวะ!! เคยล้างแบบสองสามใบ แค่เพิ่มมาหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร


“หึ” รามินทร์หัวเราะในลำคอเบาๆ ยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจ สองมือกอดอกมองดูร่างโปร่งที่นั่งหลังขดหลังแข็งสลับลุกล้างจานจากน้ำสะอาดลงตะกร้าใบใหญ่อย่างสนุกสุดๆ

รามินทร์ไม่ใช่คนที่ชอบทำร้ายใคร ไม่ชอบเอาเปรียบใคร แต่กับอินทัชเขารู้สึกสนุก สะใจพิลึก

“ห้ามอู้นะมึง” เขาส่งเสียงบอกอินทัชไป ซึ่งคนตัวขาวก็ไม่ได้สนใจแต่ตั้งใจล้างจานต่อไป โดยที่มีทำปากขมุบขมิบราวกับกำลังนินทาเจ้านายอย่างเขาอยู่

มันไม่หายพยศสักทีนะไอ้นี่

“ก็อดทนได้ดี แต่เสียที่ชอบเถียง ชอบขัดเนี่ยแหละ”

เริ่มจะเห็นเค้าของความเป็นของอินทัชขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

“กูนี่แหละจะทำให้มึงเผยธาตุแท้!!!”

“บนเหี้ยอะไร กูรำคาญ มันทำลายสมาธิกูนะไอ้ราม” ร่างโปร่งบางที่กำลังเหนื่อยและรำคาญกับเสียงพูดคนเดียวของรามินทร์ก็ถึงกับหันมาตวาดใส่

“นี่มึงกล้าว่ากูหรือวะ”

“เออสิ!! วิเศษวิโสมาจากไหนถึงแตะไม่ได้” อินทัชโยนฟองน้ำที่ไว้ล้างจานลงกับกะลังมังที่เต็มไปด้วยฟอง ก่อนจะลุกมาเผชิญหน้ากับรามินทร์

เดี๋ยวนิ่ง เดี๋ยวโวยวาย...

“หมาบ้าของแท้เลยว่ะ หึ”

ผลัวะ!!!

“ซี้ด...” ใบหน้าคมของรามินทร์หันไปตามแรงหมัดของอินทัช มือขาวที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะแพ้น้ำยาล้างจานกำแน่น ตัวสั่น แววตาแข็งกร้าว บ่งบอกว่าสุดๆ แล้ว

เหนื่อยมาก ก็หงุดหงิดมาก

หิวมาก ก็โมโหมาก...

“มึงนี่ทำอะไรก็ให้มันพอดีๆ หน่อยได้ไหมวะ รู้ว่าเกลียด รู้ว่าสะใจ แต่มึงดีใจหรือไง ถ้าหากว่ากูตายก็เท่ากับว่ามึงฆ่าคนๆ หนึ่งเลยนะ!” คนอย่างอินทัช เวลาด่าใคร ว่าใคร มักจะเต็มไปด้วยเหตุผล บางครั้งก็เป็นคำสั่งสอนไปในตัว

แบบนี้ไง ถึงได้เอาบริษัทใหญ่ๆ อยู่ พนักงาน คนงานทุกคนต่างก็เคารพนับถือในความเป็นคนมีเหตุผล ใครเจออินทัชโหมดนี้ ก็ต้องคิดได้ และมีสติกันทุกราย

หากแต่รามินทร์...ไม่ใช่

“เอาใหญ่เลยนะ หึหึ...มึงกล้าดียังไงมาต่อยกูห๊ะ!!!” ร่างสูงตะโกนเสียงกร้าว คว้าคอเสื้อของอินทัชขึ้นมาเป็นการบังคับคอของร่างโปร่งขึ้น ก่อนจะกำเสื้อแน่นรัดคอขาวจนอินทัชเริ่มหายใจไม่ออก แต่ก็ไม่คิดที่จะห้าม

ถ้าหากคนๆ นี้โหดร้ายพอที่จะฆ่าเขา ก็เอาเลย

กฎหมายอาจจะทำอะไรไม่ได้ แต่กฎแห่งกรรม...รามินทร์หนีไม่พ้นหรอก

“อ่ะ...อึก”

“เป็นไง หน้ามึงตอนนี้ดูดีใช้ได้ หึหึ เอาล่ะ อ้อนวอนขอชีวิตกูซะ” ร่างสูงพูดกัดฟันอย่างอดทน มองหน้าร่างบางกว่าอย่างเย้ยหยัน ใบหน้าแหยแกของอินทัชบ่งบอกว่ากำลังอึดอัดและกำลังจะตาย

เข้าใจแล้ว...

ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของชายคนนี้ ไม่ว่าจะถูก ไม่ว่าจะผิด ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่กำหนด

“ม่ะ...ไม่”

“ดื้อด้าน!! จะตายแล้วยังโง่อีก”

“อ่ะ เอาสิ อัก...”

ไม่ไหว...จะตายแล้ว หายใจไม่ออก

ตุบ!!!

“อึก!”

“น่ารำคาญฉิบหาย!! ทำงานให้เสร็จไปซะ กูจะยืนดู” ร่างสูงผลักร่างผอมกว่าลงไปที่พื้นเต็มแรงด้วยความไม่สบอารมณ์ กลับไปยืนพิงประตูของโรงครัวมองอย่างหงุดหงิด ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและไม่พอใจ

ทำไมมันถึงได้หยิ่งในศักดิ์ศรีแบบนี้...ทำไมมันถึงได้ทิฐิมากแบบนี้

ร่างโปร่งพยายามลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง แต่ก็สามารถลุกขึ้นมาได้ มองหน้าร่างสูงนิดๆ ก่อนจะประคองตัวเองไปนั่งล้างจานเหมือนเดิม

“มัน...จะฆ่าเรา”

รามินทร์มัน...ปีศาจ ปีศาจชัดๆ


ร่างสูงมองมือตัวเองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แต่ก็รู้สึกสั่นออกมาจนตัวเองรู้สึกได้ เมื่อกี้เขารัดคออีกคนด้วยสองมือนี้ เขาเกือบฆ่าอินทัช

ด้วยสองมือนี้...

เกิดอะไรขึ้น ต่อให้เกลียดมากขนาดไหน แต่จิตสำนึกของเราไม่มีเลยหรือไง จริงหรือ...เราสามารถ ใช้มือข้างนี้ ฆ่าคนได้จริงๆ น่ะหรือ

“ชิ!!!”

เพราะมัน...เพราะมันคนเดียว มันทำให้เขากลายเป็นคนชั่วร้าย

ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ อินทัชก็ล้างจานเสร็จทุกใบ ก่อนจะใช้แรงที่มีเหลืออยู่เพียงนิดเดียวขนมันเข้าไปไว้ที่เก็บจานภายในจนหมด เสร็จแล้วก็ออกมาเผชิญหน้ากับรามินทร์อีกครั้ง

“เสร็จแล้ว กูไปได้แล้วใช่ไหม”

“เออ!!”

ร่างสูงโปร่งเดินหนีไปอย่างไม่สนใจอะไรในตัวของรามินทร์อีก จนร่างสูงเรียกเอาไว้ อินทัชก็แค่หยุดอยู่กับที่เท่านั้น หากแต่ก็ไม่หันหน้ามามองเลยสักนิด

“ไม่กินข้าวหรือไง”

“เป็นห่วง?”

“อย่างกูน่ะเหรอจะห่วงทาสอย่างมึง”

“แล้วถามทำไม”

“ก็แค่ไม่อยากให้มึงอดแล้วตายอยู่ที่นี่ มันเป็นเสนียด”

“งั้นหรือ…” น้ำเสียงไม่ใส่ใจดังออกมา ทำเอารามินทร์ถึงกับขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่ประโยคที่ทำให้ร่างสูงถึงกับนิ่งไปจะออกมาเบาๆ พร้อมกับร่างของอินทัชที่เดินหนีไป

“เมื่อกี้มึงก็...จะฆ่ากูนะ”

อึก…

“ไอ้นี่! หึ...จะปล่อยไปสักวันก็ได้” ร่างสูงพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินไปยังทางที่กลับบ้านพักของตน ระหว่างทางก็เจอกับลูกน้องอย่างขรรค์

“ไอ้ขรรค์”

“ครับนายท่าน”

“แกกินข้าวหรือยัง” มันเป็นปกติที่ผู้เป็นนายจะถามลูกน้อง และก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนอย่างรามินทร์จะถามไถ่ลูกน้องอย่างเป็นห่วงเป็นใย

“ยังเลยครับ เดี๋ยวเสร็จตรงนี้แล้วจะไปกินน่ะครับ”

“งั้นก็ดี”

“ทำไมหรือครับนายท่าน”

“เปล่า ไอ้อินมันยังไม่ได้กินข้าว ช่วยคลุกน้ำปลากับข้าวไปให้มันหน่อยก็แล้วกัน” ผู้เป็นนายสั่งเสร็จก็เดินหนีลูกน้องอย่างขรรค์แล้วก็กลับไปยังที่พักของตนทันที

ทางด้านอินทัชที่เมื่อกลับถึงที่พักที่ก็ชื้นใจหน่อยที่มีไฟให้แล้ว แม้ว่ามันจะไม่ค่อยสว่างอย่างมันควรจะเรียกว่าไฟ แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่ามองไม่เห็นอะไรเลย

“อาบน้ำดีกว่า” เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเก่าๆ ที่ขรรค์เอามาให้ขึ้นพาดบ่า หยิบเสื้อกับกางเกงและของที่ต้องใช้ขึ้นมา ถอนหายใจเล็กน้อย

“ต้องอาบน้ำที่ลำธารอีกแล้วสินะ ใช่สิ! เราไม่ได้ไปหาบน้ำนี่หว่า เอาเถอะ พรุ่งนี้ก็แล้วกัน เหนื่อยมากพอแล้ว”

กรอด...

“อ่า มาหิวอะไรตอนนี้ ป่านนี้คงไม่มีข้าวให้กินหรอกนะไอ้อิน อดๆ ไปซะ พรุ่งนี้ค่อยกินก็แล้วกัน” ระหว่างทางเดินอินทัชก็พูดปลอบใจตัวเองไปด้วย

ทั้งเหนื่อย ทั้งท้อ ทั้งทรมาน

แต่จะให้เขายอมแพ้น่ะไม่มีทาง ถ้าอย่างนั้นมันอาจจะได้ใจ

“ฮ้า...สดชื่นจริงๆ”

อย่างน้อยมันก็มีเวลาส่วนตัวให้บ้างก็ยังดี ไม่ใช่ให้ทำงานทั้งวันทั้งคืน อาบน้ำเสร็จฟ้าก็มืดสนิท ระหว่างทางที่เดินกลับไปยังบ้านพักก็ระมัดระวังพวกงูอย่างดี เมื่ออยู่ในระยะที่มองเห็นตัวบ้าน แคร่ใต้ถุนที่เคยว่างก็พบว่ามันไม่ว่างอีกต่อไป

“นายมาทำอะไรที่นี่”

“ฉันมาชวนนายกินข้าว”

ร่างโปร่งมองดูอาหารที่วางอยู่บนแคร่ก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ มองหน้าคมเข้มของชายตัวใหญ่ของขรรค์อย่างรู้สึกขอบคุณ

“ขอบคุณนะ ขอบคุณมาก”

“เป็นคำสั่งของนายท่านน่ะ”

ประโยคที่แช่แข็งร่างทั้งร่างของอินทัชให้ยืนนิ่งด้วยความคาดไม่คิด

“งั้นหรอกหรือ เฮอะ! อย่างมันเนี่ยนะ ให้นายเอาข้าวมาให้ฉัน”

“ก็ประมาณนั้นแหละ”

“ไอ้บ้านี่ เป็นคนยังไงกันแน่” ร่างโปร่งพึมพำเบาๆ

“มากินข้าวเถอะ นายจะได้นอนพัก เห็นทำงานหนักมาทั้งวันแล้วนี่”

“อืม...ขอฉันเอาของขึ้นไปเก็บก่อนก็แล้วกัน”

ไม่กี่นาทีอินทัชก็ลงมานั่งตรงข้ามกับขรรค์ ก่อนที่ทั้งสองจะลงมือทานอาหารกันอย่างเงียบๆ รสชาติที่อินทัชสัมผัสได้คือ มันไม่มีรสชาติเลยสักนิด

มันไม่อร่อย เหมือนที่อยู่ที่บ้านเลย...

คิดถึง อยากกลับไป

“ผักของนายฉันรดน้ำให้แล้วนะ” ขรรค์บอกนิ่งๆ ทำให้ร่างบางสะดุ้งน้อยๆ เพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์ของห้วงความคิดอยู่

“จริงสิ ฉันลืมไปเลย ขอบใจนายมาก”

“ไม่เป็นไร”

“จริงสิ ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องนายหน่อยได้ไหม”

ไม่รู้ว่าถ้าเขาจะทำมัน มันจะสำเร็จไหม แต่เขาก็ไม่อยากจะอยู่เฉยๆ ให้รามินทร์โขกสับอีกต่อไปแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องมาทนอยู่อย่างนี้เลย

มันไม่ใช่ความผิดของเรา แล้วทำไมต้องไปยอม...

“ว่ามาก่อน จะได้รู้ว่าช่วยได้หรือไม่ได้”

“ที่นี่ที่ไหน จังหวัดอะไร ส่วนไหนของประเทศ”

“เพชรบูรณ์ ที่นี่คือเพชรบูรณ์ บอกได้แค่นี้แหละ” ขรรค์บอกนิ่งๆ

“ทำไม?”

“นายท่านสั่งไว้”

“ที่นี่อยู่ไกลจากตัวเมืองมากไหม หรือว่าไกลจากแหล่งชุมชนมากไหม” ถามเข้าไปอีก

“ถามว่าไกลไหม มันก็อยู่ไกลพอสมควร น้อยคนมากที่จะขึ้นมาพักถึงที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระดับสูงที่ชอบมาพักที่ไกลๆ คนไม่ค่อยเยอะ”

“ตรงไหนกันแน่ เขาค้อหรือเปล่านะ” ร่างบางครุ่นคิด มือก็ถือจานข้าวค้างไว้แบบนั้น

“ที่นี่ลึกกว่านั้น ถามว่าเขาค้อไหม มันก็ใช่แหละ แต่ไกลห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ”

ร่างโปร่งทานอาหารตรงหน้าต่อไปเรื่อยๆ ในหัวก็คิดอะไรมากมายจนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี เขาจะทำอะไรต่อไปดี

คิดไม่ออกเลยจริงๆ

“ขรรค์” เรียกเสียงเบา

“อะไร”


“ถ้าฉันจะหนี นายคิดว่าพอมีทางไหม…”












50%

 :katai4: :katai4: :katai4:

   สวัสดีค่ะที่รัก ยูกิเพิ่งจะผ่านมรสุมการสอบเสร็จและเคลียร์งานที่ค้างเสร็จไป หายไปนานแบบไม่บอกไม่กล่าวก็ต้องขอโทษด้วย อาจจะช้าบ้าง หายไปบ้างก็อย่าถือโทษโกรธกันเลยนะคะ

   ใครมีข้อตำหนิ ติชมก็บอกกับยูกิได้เลย แต่ช่วยใช้คำที่ดูไม่ทำร้ายจิตใจหน่อยนะ ช่วงนี้อารมณ์อ่อนไหวง่าย ฮ่าๆ พูดคุย สอบถามได้ที่แฟนเพจเลยค่ะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki (https://www.facebook.com/sawachiyuki)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.1 (14/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 14-10-2015 15:03:38
 :angry2: รามินทร์ ใจร้าย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.1 (14/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-10-2015 16:17:30
รามโหดว่ะ ถ้ารู้ความจริงว่าอินไม่ได้ทำอะไรน้องสาวเลยนนี่จะเป็นยังไงน่ะ รอลุ้นค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.1 (14/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-10-2015 16:23:13
 :hao7:  จะโหดร้ายได้สักแค่ไหน จะรอดู ชิ

เป็นกำลังใจให้ยูกิและอินนะคะ  :mew1: 
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.1 (14/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 14-10-2015 18:03:19
 :mew2: ขืนหนีรามรู้ตายแน่อินเอ๊ย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.1 (14/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: pumpui ที่ 14-10-2015 21:22:25
ขอให้ อินทัช เอาคืน รามินทร์ ให้สาสม  ให้ รามินทร์ ตามตื้อไม่สำเร็จ จน ใกล้จบปิดเล่มเลย อุต่ะ โหดไปมั๊ยเนี่นเรา หุหุ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.1 (14/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 14-10-2015 23:10:01
แล้วนึกยังไงถึงปรึกษาขรรค์ละเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.1 (14/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-10-2015 01:16:41
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.2 (21/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 21-10-2015 14:31:17
ตอนที่ 3 ครึ่งหลัง






อย่าคิดทำแบบนั้นเลยดีกว่า มันจะลำบากนายเปล่าๆ

เมื่อคืนขรรค์บอกกับเขาเอาไว้แบบนี้ แล้วมันหมายความว่ายังไงกันล่ะ ที่ขรรค์พูดเมื่อคืนตอนที่ทานข้าวเสร็จแล้วนั้น มันหมายความว่ายังไง

รามินทร์งั้นหรือ...

“คุณอินคะ ผักช้ำหมดแล้วมั้งคะนั่น” เสียงทักของหัวหน้าแม่ครัวดังเข้ามาในโสตประสาทการได้ยิน ทำเอาร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนคิดอะไรเพลินๆ ระหว่างล้างผักอยู่ถึงกับสะดุ้ง

เฮือก!!

“เอ่อ...ผมขอโทษครับ แล้วนี่ป้ายังไม่เลิกเรียกผมว่าคุณอีกหรือครับ”

“ไม่รู้สิคะ ความรู้สึกของป้าบอกว่าให้เรียกคุณอินแบบนี้”

“แต่ผมลำบากใจ เรียกผมอย่างอื่นเถอะนะครับ” เขาขอไปตรงๆ จนคนอายุมากกว่าถึงกับยิ้มอ่อนโยนมาให้ แล้วพยักหน้าน้อยๆ

“งั้นป้าเรียกอินนะคะ”

“ได้ครับ”

“ถ้าอินล้างเสร็จแล้ว ไปนั่งรอกินข้าวข้างนอกเลยก็ได้ วันนี้ป้าจะทำให้เสร็จอย่างหนึ่งก่อน กลัวว่าอินต้องรีบไปทำงานที่เขากำลังสร้างที่พักพนักงานต่อ”

“ไม่รีบหรอกครับนี่เพิ่งจะตี 5 กว่าๆ งานนั้นผมต้องไป 9 โมงน่ะครับ”

“นี่เปลี่ยนกำหนดการอีกแล้วหรือคะ”

“ใช่แล้วครับ ไม่รู้ว่าเจ้านายป้ามันจะเอาแต่ใจไปถึงไหน”

เดี๋ยวก็เปลี่ยนนู่นนั่นนี่ เขาล่ะตามมันไม่ทันจริงๆ

“ฮ่าๆ”

“ป้ามีอะไรให้ผมทำอีกไหมครับ เดี๋ยว 7 โมงผมต้องไปรดน้ำผักน่ะครับ”

“ก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่หรอกค่ะ วันนี้ทำไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เอาเป็นว่าลองหั่นหมูดูไหมคะ”

“ก็ได้ครับ เชิญป้าสอนได้เลย”

โชคดีจริงๆ ที่อยู่ที่นี่ เขาก็สามารถเข้ากับคนอื่นๆ ได้ ยกเว้นแต่คนที่บอกว่าเป็นเจ้านายของทุกคนที่นี่ที่ไม่ว่าเจอหน้าเขาก็ไม่อยากจะมอง

อินไปรดน้ำผักตอน 7 โมง ไม่เกิน 30 นาทีก็กลับมาทานข้าวเช้า แต่เหมือนจะทานไม่ค่อยอร่อยเพราะผู้เป็นนายอย่างรามินทร์ดันโผล่มาแต่เช้าแบบนี้

“ไง...ท่าทางแข็งแรงดีอยู่นี่”

“ก็ไม่ได้เป็นอะไร แค่โดนทรมาน ทำงานหนักทั้งวัน แล้วต้องมาล้างจานกับถูกรัดคออีก เรื่องแค่นี้สบายๆ อยู่แล้ว” อินทัชตอบอย่างไม่ใส่ใจ น้ำเสียงประชดประชันจนคิ้วเข้มกระตุก

“ก็ดีที่ไม่เป็นอะไร เอาเป็นว่ามึงทำงานเสร็จแล้ว รับเงินแล้วก็ไปซักเสื้อผ้ากูที่อยู่ที่บ้านพักของกูด้วยก็แล้วกัน”

“กูไม่ทำ”

“ดื้อด้านนะมึง สั่งยากสั่งเย็น แล้วสุดท้ายเป็นไง มึงก็ต้องทำอยู่ดี”

“คราวนี้กูไม่ทำ”

“ขัดคำสั่ง?”

“ไม่ได้ขัด”

“แล้วที่ทำอยู่คืออะไร”

“ก็แค่บอก”

“เถียงหน้าด้านๆ เลยนะ เอาเป็นว่า 5 โมงเย็นกูต้องเจอมึงที่บ้าน เข้าใจใช่ไหมว่าถ้าไม่มา มันจะเกิดอะไรขึ้น บางที กูอาจจะส่งข่าวของมึงไปให้คนอื่นๆ รู้ ว่ามึงตายแล้วก็ได้”

ร่างโปร่งมองหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เดินเลี่ยงไปนั่งทานอาหารกับฝั่งคนงานโรงครัวของรีสอร์ทแล้วเริ่มทานข้าวกันทันที ร่างสูงที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยักไหล่เล็กน้อย เดินไปยังโต๊ะที่ตนต้องทานข้าวซึ่งมันอยู่ในห้องอาหารอย่างดี

“อร่อยไหมจ้ะ” ป้ารีถามยิ้มๆ

“อร่อยมากครับ”

“ดีแล้วจ้ะ กินเยอะๆ นะ เดี๋ยวก็ต้องไปทำงานหนักแล้ว ป้ากลัวเป็นลมเป็นแล้ง”

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ แต่ผมแข็งแรงดี ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกครับ ฮะๆ”

“อินนี่หน้าส๊วยสวย สวยอย่างกับผู้หญิงแหนะ แต่ก็สูงสมเป็นผู้ชาย ป้าคิดว่า ถ้าตัวเตี้ยกว่านี้แล้ว แล้วหุ่นก็บางหน่อย นี่จับแต่งหญิงได้เลย แต่ตอนนี้ก็จับแต่งได้นะ แต่เป็นผู้หญิงที่สูงมากๆ เลยล่ะ ฮ่าๆ”

“ป้ารี...พูดอะไรแบบนี้ล่ะครับ ผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงสักหน่อย” อินทัชครางเสียงอ่อน

ถ้าไม่ใช่ป้ารี อินทัชสาบานว่าคนพูดคงจะเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว เพราะเรื่องหน้าหวาน หน้าสวย เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับอินทัชเลยก็ว่าได้

เขาไม่ชอบ แล้วก็ไม่มีวันชอบ

“ก็คิดว่าอย่างนั้นนะ แต่แบบนี้ผู้หญิงก็ชอบนะ ดูจากยัยพวกนี้แล้ว” ป้ารีบอกพลางพยักเพยิดหน้าไปยังสาวคนงานวัยรุ่นทุกคนที่มองหน้าของอินทัชอยู่อย่างเคลิบเคลิ้ม

คนถูกมองก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ

“อิ่มแล้วครับ เดี๋ยวผมจะต้องไปทำงานก่อน ส่วนจานนี่ผมล้างเองนะครับ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ เอ่อ...เดี๋ยวฉันล้างให้นะคะ” หญิงสาวคนหนึ่งอาสาขึ้น

“ไม่เป็นไรครับ ผมทำเองได้” พยายามปฏิเสธให้นุ่มนวลที่สุด จนทำให้หญิงสาวผู้นั้นได้แต่เขินกับรอยยิ้มของอินทัชที่มอบให้

“ต่ะ...แต่ฉันอยากทำนี่คะ แล้วมันก็เป็นหน้าที่ของฉันวันนี้ที่ต้องล้างจานในช่วงเช้าด้วย”

“เอ่อ...” เขาหันไปขอความช่วยเหลือจากป้ารีทางสายตา แต่คนที่อายุมากกว่ากลับพยักหน้ายิ้มๆ จนร่างสูงโปร่งต้องถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะวางจานไว้กับที่

“ขอบคุณครับ”

“ย่ะ...ยินดีค่ะ”


สถานที่แห่งความเหนื่อย สถานที่แห่งความลำบาก งานที่อินทัชไม่เคยทำ และไม่เคยอยู่ในสมองว่าจะทำอย่างงานก่อสร้าง เขาก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นงานที่ทำให้เขามีเงินตอนอยู่บนเขาแบบนี้

“เอ่อ...” ตรงหน้าของเขาตอนนี้คือจักรที่เมื่อวานดันเล่นบทดราม่าใส่ก่อนกลับไปพัก

อินทัชไม่รู้ว่าคนตรงหน้าอยู่ในอารมณ์ไหนเลยเลือกที่จะนิ่งๆ เอาไว้ ในจังหวะที่เขากำลังจะเดินออกไปทางอื่นเพื่อนไปทำงานกับคนอื่นๆ ก็ถูกเรียกเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยว”

“อะไร”

“ที่เมื่อวานกูพูดน่ะ ไม่ใช่จะยกคุณจอมให้มึงนะเว้ย อย่าเข้าใจผิด”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้สนใจคุณจอมแบบนั้น มึงพูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ”

น่าแปลก...ทั้งๆ ที่รู้จักกันแค่วันเดียว แต่อินทัชกับจักรก็พูดคุยกันราวกับเป็นเพื่อนกันมานาน หรืออาจจะเป็นเพราะว่า จักร มีส่วนคล้ายคลึงกับเพื่อนรักของเขากัน

“กูแค่บอกไว้ อย่าให้มึงไปทำอะไรให้ความหวังคุณจอมเขา”

“มึงนี่นะ...คิดเด็ดดอกฟ้า ก็ต้องกล้าๆ หน่อยสิวะ” อินทัชแนะนำ

“ทุกวันนี้กูยังไม่กล้าอีกหรือไง คนเขารู้กันทั่วรีสอร์ทแล้วเนี่ย”

“แล้วไง มึงจะแคร์ทำไม ในเมื่อมึงชอบเขา มึงรักเขา มึงอยากได้แล้ว เอาแต่แซว เอาแต่เสี่ยวทุกวันมึงไม่มีทางจีบติดหรอกรู้ไว้ซะด้วย”

“แล้ว...ต้องทำไงวะ” คนผิวเข้มถามอย่างกระตือรือร้น

คิดภาพคนหน้าโหดๆ แต่ชอบทำตัวไม่เข้ากับหน้าดูสิ จะรู้ว่ามันหน้าเกลียดขนาดไหน ตอนนี้อินทัชก็รู้สึกแบบนั้นเลยล่ะ

ร่างขาวถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ เดินหนีร่างหนาของจักรอย่างไม่ได้สนใจคำถามของคนๆ นั้นเลยสักนิด ทำเอาเจ้าของใบหน้าโหดถึงกับมองตามด้วยความหมั่นไส้กับประโยคที่ร่างโปร่งทิ้งท้ายเอาไว้ให้เจ็บใจเล่น

“ก็คิดเองดิวะ อยากได้เขาไม่ใช่หรือไง”



ช่วงพักกลางวันหนึ่งชั่วโมง เหล่าคนงานต่างๆ ก็พากันมานั่งทานข้าวที่ทางโรงครัวเอามาตั้งไว้ให้สำหรับคนงานทานกันโดยเฉพาะ แต่ที่ทำให้อินทัชอยู่ไม่เป็นสุขเพราะโดนจักจ้องจนแทบจะฆ่าหมกซากหิน นั่นก็เพราะเจ้าจอมลูกพี่ลูกน้องของรามินทร์ที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่การเงินและการบัญชีของรีสอร์ทมาช่วยตักอาหารให้คนงานในวันนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ปกติไม่เคยมาเหยียบถ้าไม่เอาเงินมาให้ในแต่ละวัน

“มึงนี่ดีจังเลยนะ มาทำงานวันเดียวคนอื่นๆ ก็ติดเต็ม สาวๆ ก็เอาแต่พูดถึง ไหนจะคุณจอมอีก น่าเบื่อ น่าเบื่อจริงๆ โว้ย” จะหงุดหงิดอะไรนักหนา

“หยุดโวยวายแล้วเข้าไปเอาข้าวกับคุณจอมซะ”

“ไม่โว้ย!! เข้าไปให้เจ็บหรือไง มึงทนได้หรือวะอินที่เห็นคนที่ตัวเองรักมาสนใจคนอื่น”

“อย่ามาป๊อด ไปเอาซะ!! แล้วก็พูดจาเสี่ยวๆ นั่นน่ะเลิกได้แล้ว วันนี้มึงลองเข้าไปแบบนิ่งๆ เงียบๆ ไม่สนใจจะมองหน้าสิ ได้ผลแน่”

“ผลบ้าบออะไรของมึง ไม่เชื่อเว้ย!!”

“แล้วแต่มึงก็แล้วกัน คนอื่นคาบไปแดกไม่รู้ด้วย”

“เออๆ ทำก็ทำ ไม่ได้ผลกูเตะมึงนะ”

“แน่นอน”

“คอยดูเถอะมึง” จักรชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ก่อนจะเดินไปเอาข้าวด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ ใบหน้าที่ดูโหดอยู่แล้ว พอเงียบ พอนิ่งเข้าไปก็กลับดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้คนอื่นกลัว จักรเลยต้องเลือกใช้วิธีการที่จะทำให้คนอื่นไม่กลัวโดยการทำตัวสบายๆ ไม่ซีเรียส แล้วก็เป็นกันเองกับคนอื่นๆ

มันหล่อน่ะใช่ แต่ถ้ายังทำตัวแบบนี้ แต่งตัวเซอร์ๆ ไว้หนวด ไว้เครา ก็มองไม่เห็นความเป็นคนน่ะสิ

ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่ชอบแบบนี้ ต่อใหมี่ก็คงน้อยมากล่ะนะ

“หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอเมื่อมองตามจักรที่เดินเข้าไปเอาอาหารด้วยท่าทีที่ดูแข็งๆ เกร็งๆ แต่หน้ากลับนิ่งจนอินทัชยกนิ้วให้ พอคนตัวใหญ่เข้าไปเอาอาหารกับจอมคนตัวเล็กที่หน้าตาน่ารัก ก็ทำให้เจ้าจอมแปลกใจเล็กน้อยที่คนตัวเข้มมาเงียบแบบแปลกๆ ไม่มองหน้า ไม่มองตา ทำเอาใบหน้าขาวใสต้องงอง้ำอย่างเห็นได้ชัด ส่วนจักรก็ทำเมินแบบที่อินทัชสั่ง จนไม่รู้สีหน้า และสายตาของเจ้าจอมที่แสดงถึงความไม่พอใจขนาดไหน

“ให้ตายสิ ก็ใจตรงกัน แต่ทำไมอีกคนก็เล่นตัว อีกคนก็ทำเหมือนเล่นๆ”

“ไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่น แต่ไม่ยุ่งเห็นทีก็คงไม่ได้”

การทำให้คนรักกันนี่น่าจะเป็นงานที่อินทัชชอบมากๆ เลยก็ว่าได้ พี่สาวของตนแต่งงานได้ก็เพราะว่าเขาเป็นพ่อสื่อนี่แหละ ที่ธีรไนยมีสามีเป็นตัวเป็นตนก็มาจากการช่วยเหลือของอินทัชบางส่วน เลขาของเขาก็ได้แต่งงานกับ


“มันดูไม่ออกเลยหรือวะ ว่าคุณจอมก็รู้สึกแบบเดียวกับมัน”

ที่สำคัญ เจ้าจอมดันมีอะไรที่มันแปลกๆ ซึ่งไม่เหมาะกับเขาแน่นอนอยู่แล้ว ตั้งแต่แรกแล้ว เจ้าจอมไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจเขาในเชิงชู้สาวเลยสักนิด คงจะใช้เขาเพื่อเข้ามาที่นี่ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวง ให้คนอื่นเข้าใจว่าสนใจอินทัช แต่ความเป็นจริงก็เพื่อมาอยู่ใกล้ๆ กับจักรอย่างที่ตัวเองต้องการมานานแล้วต่างหาก

สายตาของอินทัช และความรู้สึกของเขาไม่มีทางพลาดแน่นอน

...

...

...


โป๊ก!!

“โอ้ย! ไอ้เหี้ยจักรเขกหัวกูทำไมวะ” ระหว่างที่ร่างโปร่งกำลังนั่งทานอาหารอยู่ก็ถูกคนตัวใหญ่ที่กลับมาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความไม่พอใจออกมา

“ทำไม!! กล้าถามอีกนะ ไอ้ที่มึงแนะนำมาน่ะ มันใช่ไม่ได้ผลเหี้ยอะไรเลย นอกจากเขาจะไม่คิดที่จะถาม ยังเมินกูด้วย”

ทั้งคู่...เป็นเอามากกันทั้งคู่

“มันได้ผลนะ มึงเดินไป เขาไม่แสดงสีหน้าอะไรเลยหรือไง มึงอยู่ตรงนั้นอาจจะไม่เห็น แต่กูมองอยู่ห่างๆ นี่เห็นเต็มๆ เลยนะ” ร่างขาวพูดออกไป

ยังไงก็แล้วแต่ ช่วยให้คนรักกันได้ อินทัชล่ะชอบที่สุด ส่วนตัวเองก็เจ้าชู้ไปเรื่อย แต่ที่เจ้าชู้ก็เพื่อหาคนที่ตัวเองอยู่ด้วยแล้วมีความสุขก็เท่านั้น

ใครสักคนที่ไม่เข้าหาเขาเพราะผลประโยชน์หรือหวังเงินทอง

“เห็นอะไร คายมันออกมา”

“ก็เห็นว่าคุณจอมเค้ามองมึงน่ะสิ”

“เค้าก็มองทุกคนนั่นแหละไอ้ปลวก กูต่อยมึงสักหมัดดีไหมวะเนี่ย”

“ใจเย็นน่า เชื่อกู ถ้ามึงอยากได้คุณจอม มึงก็ต้องทำตามที่กูบอก เข้าใจนะ” จักมองหน้าอินทัชแบบไม่ค่อยเชื่อใจเท่าไหร่ แต่เมื่อหันไปมองยังร่างของจอมที่กำลังช่วยแม่บ้านตักอาหารนั้นแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ

“เฮ้ออออ”

“เอาไง”

“ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลองวิธีมึงก็ได้วะ”

“มันต้องอย่างนี้สิ แต่มึงต้องช่วยกูอย่างหนึ่งกลับด้วยนะ” อินทัชขอแลกเปลี่ยน เพราะตอนนี้ร่างผอมมีแผนในหัวแล้ว ว่าจะเอายังไงกับชีวิตที่นี่ต่อดี

“ช่วยอะไร”

“ได้ไหมล่ะ” ไม่ตอบ แต่เลี่ยงที่จะถามกลับ

“เออๆ กูช่วยได้ทุกอย่างนั่นแหละ”

“ขอบใจนะเว้ย” อินทัชยิ้มให้อย่างจริงใจ

“แล้วที่มึงบอกว่าคุณจอมมองกู มองแบบไหน”

 “แบบไม่พอใจ” สิ้นคำตอบ ร่างโปร่งก็โดนเขกศีรษะอีกครั้งอย่างแรง จนต้องส่งเสียงร้องออกมา

“ไอ้อิน!! นั่นมันก็แบบปกติที่เค้ามองกูเว้ย เผื่อมึงไม่รู้”

“มึงนี่โง่เนอะ”

“อย่าอวดฉลาดไอ้อิน เดี๋ยวเจอตีน” คนตัวเข้มพยายามจะประทุษร้ายอินทัชอีกครั้ง แต่ร่างโปร่งก็ขยับตัวเดินหนี อย่างรู้ทัน

“มึงก็ลองคิดดีๆ สิ เมื่อกี้กูให้มึงทำหน้านิ่งๆ เข้าไป ทำเป็นไม่สนใจเขาใช่ไหม” ถามยิ้มๆ

“ก็ใช่ไง ถามเหี้ยอะไรเนี่ย” จักรเริ่มจะหัวเสีย ข้าวที่ได้มาชักจะไม่อยากจะกินมันแล้ว ทั้งๆ ที่มันเป็นข้าวที่คนที่ตัวเองแอบรักมาตลอดสองปีตักให้แท้ๆ

“มึงก็คิดสิคิด ให้สมองที่มีอยู่อันน้อยนิดคิดสิว่ากูบอกว่ายังไง คุณจอมทำหน้าไม่พอใจใช่ไหม แล้วไม่พอใจทำไมล่ะ ทั้งๆ ที่ควรดีใจไม่ใช่หรือไงที่มึงไม่พูดจากวนประสาทเค้า ทั้งเมิน ทั้งไม่สนใจขนาดนั้น ถ้าเป็นคนที่เราไม่ชอบจริงๆ ก็จะรู้สึกดีใจมากๆ แต่นี่แสดงออกในทางตรงกันข้าม มึงก็คิดดูเองก็แล้วกัน กูเอาจานไปเก็บแล้ว” ร่างขาวพูดบอกยาวเพื่อให้จักรเข้าใจสักทีว่ามันเป็นยังไงกันแน่

และมันจะช่วยให้จักรมีไฟที่จะเดินหน้าจีบเจ้าจอมต่อไป


รามินทร์ที่แอบฟังอยู่ห่างๆ โดยที่ทั้งคู่ไมรู้เลยว่าเขามายืนแอบฟังบทสนทนานี้อยู่หลังต้นไม้ใหญ่ที่ทั้งคู่นั่งอยู่ ใบหน้าคมเข้มยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน

“พ่อสื่องั้นหรือ หึหึ...ต่อให้ไม่มีมึง เจ้าจอมก็ต้องเสร็จไอ้จักรมันอยู่แล้ว”

ทั้งๆ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ที่หวงน้องมาก ไม่ว่าจะน้องแท้ๆ อย่างรินลณี หรือลูกพี่ลูกน้องอย่างเจ้าจอมก็ตามที แต่ประโยคที่รามินทร์พูด ดูจะไม่สนใจเท่าไหร่นักที่จะหวงเจ้าจอมกับจักร

สนใจสิ่งที่อินทัชจะให้จักรช่วยเหลือเท่านั้นแหละว่าอีกคนต้องการอะไร

“เอาสิ มึงคิดจะหนีงั้นสินะ ถ้าทำได้ก็ลองดู หึหึ”


ทุกอย่าง...มันพึ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น...






100%

 :hao6: :hao6: :hao6:


   อาทิตย์หนึ่งเต็มๆ ที่ปล่อยให้ทุกคนรอครึ่งหลัง ขอโทษด้วยน้า งานเยอะจริงๆ จ้า ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ อ่านเสร็จแล้วอย่าลืมให้กำลังใจกันน่อ พูดคุย ทวงนิยายได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ

   https://www.facebook.com/sawachiyuki

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.2 (21/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-10-2015 14:42:51
 :mew3:  สงสารอิน
ขอบคุณค่ะยูกิ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.2 (21/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 21-10-2015 22:21:31
ชอบนิสัยนายเอกมากๆ

หายากนะนิสัยแบบอิน

คืออ่านไปแล้วไม่รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด

แต่จะคอยลุ้นว่า พ่อพระเอกรามจะใช้งานอินอะไรอีก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.2 (21/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 21-10-2015 23:43:52
รอตอนต่อไปนะ รามจะทำอย่างไรกับอินต่อไป
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.2 (21/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-10-2015 23:57:53
 :z13:



แอร้ยยยยยยยย ดันๆ รอๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.2 (21/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 22-10-2015 06:30:25
ฮึ่ม!!!!!!! ยิ่งอ่านยิ่งหมั่นไส้พระเอก น้องอินของเจ้ :hao5:
ความจริงเปิดเผยเมื่อไหร่ จะเอาตัวไปซ่อนไว้ให้หาไมาเจอเลย ชิๆๆๆๆๆๆๆ :z3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.2 (21/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥ ที่ 23-10-2015 18:35:35
 :pig4: อยากอ่านต่อแล้วสิ ดันๆๆ  :z13:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 3.2 (21/10/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-10-2015 19:11:28
มารออ่านจ้า
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> ตอนที่ 4.1 (1/11/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 01-11-2015 23:01:10
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 4
หนี!!!



   อินทัชทำงานเริ่มคล่องขึ้นกับงานก่อสร้างแบบนี้ แต่สิ่งที่เขายังไม่ชินนั่นคือแดดที่ร้อนเปรี้ยง ส่งผลให้ร่างกายหลั่งเหงื่ออกมาจนเปียกโชกไปทั้งตัว ดื่มน้ำแล้ว ดื่มน้ำเล่า ก็ไม่ได้ดับกระหายให้เขาได้เลย ใบหน้าหวานที่มักจะนิ่งตลอดเวลาบัดนี้กลับขมวดมุ่นราวกับใช้ความคิด

“เฮ้ยไอ้อิน ทำหน้าเครียดทำไมวะ”

“ถามมากว่ะไอ้จักร เอาเวลาไปทำงานเถอะ”

“ไอ้นี่! เดี๋ยวกูตบหัวให้”

“เอะอะก็ใช้แต่กำลังนะมึง” อินทัชบ่นอุบอิบ

เขาอยากจะบอกให้จักรพาหนีแทบตาย สุดท้ายสมองก็ไตร่ตรองแล้วว่าไม่ควรพูดออกไปตรงๆ เพราะยังไงจักรก็เป็นลูกน้องของรามินทร์อยู่ดี แล้วถ้าเขาบอกความจริงไป มันก็คงจะเลือกเจ้านายอยู่ดี

และจะกลายเป็นเขาที่ใส่ร้ายเจ้านายมันไปเสียเปล่าๆ

“เฮ้อ”

“เป็นไรวะ” อินทัชถามเมื่อเห็นเพื่อนใหม่ที่แสนจะเถื่อนถอนหายใจ

“เรื่องคุณจอม มึงว่ากูควรจะตัดใจดีไหมวะ”

“ทำไม มึงจีบเขามากี่ปีแล้ววะ” ร่างโปร่งถาม พลางเดินไปขนทรายมาเทเพื่อผสมปูน

“ก็ 2 ปีได้มั้ง”

“นานขนาดนั้นเลยหรือวะ”

“เออ! เนี่ยท้อแล้วนะเว้ย”

“อะไรวะ สู้ให้ถึงที่สุดเลยสิวะ ลูกผู้ชายไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ”

“แต่กูเหนื่อย ขนาดมึงช่วยกู จนเห็นความเป็นแปลงนิดๆ แต่มันก็เหมือนเม ดอกฟ้ากับหมาวัด หึหึ ของสูงส่งแบบนั้นจะมาให้คนบนดินต้อยต่ำอย่างกูเด็ดได้ง่ายๆ หรือวะ”

“หน้าเหี้ยๆ แบบมึงไม่หมดกับบทดราม่า กูว่าเปลี่ยนบทเถอะว่า”

“ไอ้สัตว์อิน มึงนี่มัน กวนตีนฉิบหาย”

“ขอบใจที่ชม กูปลื้มมาก” อินทัชบอกไปด้วยสีหน้านิ่งๆ

“ด่าเว้ย!”

“หึหึ มึงไม่ต้องห่วง กูมีวิธีที่ทำให้มึงไม่ต้องหาไม้ หาตระกร้อ หรืออะไรก็ช่างมาเด็ดดอกฟ้าหรอก ถ้าทำตามกู ดอกฟ้าจะมาให้มึงเด็ดเองถึงที่” อินทัชยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

“ทำหน้าชั่วฉิบหาย”

“ถ้าหน้ากูชั่ว มึงก็หัวหน้าโจรอ่ะไอ้จักร”

“เออ...มึงมันสวย ถ้ามึงตัวเล็กเหมือนคุณจอม กูคงชวนขึ้นเตียงไปแล้ว”

“อย่าพูด ไอ้สัตว์ กูขนลุก เห็นแบบนี้ก็รุกนะครับมึง” สิ้นประโยคชวนหัวเราะของอินทัช จักรก็มองกราดจากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบนอีกหลายๆ รอบจนร่างผอมโปร่งยกขาเตรียมเตะ

ไม่สำเหนียกตัวเอง

“หึหึ แสดงว่ายังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงสินะ บอกเอาไว้ตรงๆ นะเว้ยไอ้อิน ที่ผ่านมามึงจะรุกก็ช่าง แต่ว่าสภาพมึงนั้น ฮ่าๆ กูว่ารับว่ะ รับชัดๆ” อินทัชคิ้วกระตุก ชักอยากจะเตะปากคนขึ้นมา

“ไอ้เหี้ยจักร เอาเหี้ยอะไรมาพูด ชายอกสามศอกอย่างกู แม้ว่าชายหรือหญิงก็ได้ แต่ไม่คิดและไม่เคยเป็นรับให้ใคร จำใส่สมองเอาไว้ด้วย แล้วมึงก็ดูกู สูงจะเท่ามึงอยู่แล้ว ใครที่ไหนมันจะอยากกดผู้ชายสูงๆ วะ”

มันก็ยังไม่รู้ตัวเองอีก แค่หน้ามึงเขากอยากจะลากเข้าป่ากันแล้ว ไม่สังเกตหรือไงวะว่าไอ้พวกที่มันแบกปูน แบกหินอยู่มันมองมึงด้วยสายตาแบบไหน เฮ้อ...เวรกรรมของไอ้จักรแท้ๆ จะทำเป็นมองไม่เห็นก็ไม่ได้ เพราะยังไงมันก็ช่วยเราจีบคุณจอม...

นอกจากจะเป็นหมาวัด ยังเป็นไม้กันหมาให้ไอ้หน้าสวยนี่อีก

“เฮอะ! เอาที่มึงสบายใจเลยครับ แม่ง...ถ้ามึงตัวใหญ่มีกล้ามโตๆ อย่างกูกับคุณรามหรือไม่ก็ไอ้ขรรค์ล่ะก็นะ อ้อ ไอ้พวกที่ทำงานอยู่ด้วย มึงสูงแล้วไง แต่ผอมแห้งขนาดนี้ ก็เหมือนผู้หญิงที่สูงนั่นแหละ รู้ป่ะ ว่าคนที่นี่เขาไม่กล้าใช้งานมึงเพราะยกให้มึงเป็นเจ้าหญิงของหน้างานไปแล้ว”

“ไม่จริง ไม่มีทาง กูยังโดนทารุณ ใช้งานหนักอยู่เลย” เถียงเสียงแข็ง

เขาไม่ชอบให้มาทำเหมือนกับว่าเขาเป็นตัวถ่วง หรือเป็นของประดับสวยๆ งามๆ ให้เขาทำงานดีกว่า จะหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ช่าง เขาก็จะทำ

“แต่งานที่มึงทำถือว่าเบากว่าวันแรกเยอะเลยนะเว้ย กูนี่ก็แอบปลื้มใจแทนที่ว่าเขารู้สึกชอบมึงกัน เลยไม่ยอมให้ยกอย่างอื่น ให้ผสมแค่ปนกับยกของนิดหน่อย”

“งั้นมึงช่วยไปบอกให้หน่อยว่ากูจะทำงานหนัก ยกของ ก่อ ฉาบ หรืออะไรก็ได้ ช่วยสอนด้วย”

“จะบ้าหรือไง ไม่เอาเว้ย กูกลัวมึงตาย”

“ไอ้ห่า กูไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”

“น้ำหน้าและร่างกายของมึงมันบอกแล้วไอ้อิน ฮ่าๆ”

“หุบปากถ้าไม่อยากปากแตก จนต้องไปเย็บที่โรงบาล” อินทัชขู่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ เขาไม่ชอบให้ใครมาบอกว่าเขาสวย แม้ว่าจะรู้ตัวว่าหน้าหวานเหมือนผู้หญิงก็ตาม

แต่จักรพูดตรงเกินไป...อินทัชรับไม่ได้

“โรงบาลงั้นเหรอ”

ร่างบางยกยิ้มเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก เขาเดินไปทำงานอย่างอารมณ์ดีโดยไม่สนใจจักรอีกต่อไป ทำเอาเพื่อคนใหม่อย่างจักรต้องเดินไปทำงานของตัวเองคืนอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจอารมณ์ของอินทัชเหมือนกัน

เมื่ออยู่คนเดียวแล้ว อินทัชก็พึมพำอยู่คนเดียว มองไปรอบๆ อย่างใช้ความคิด

“ต้องเนียนที่สุด ก็คงต้องลงทุนหน่อยล่ะนะ” เสียงทุ้มแบบมีเสน่ห์พูดขึ้นเบาๆ

“เฮ้ย!! ไอ้หนุ่มตรงนั้นน่ะ รีบยกปูนมาสิวะ”

“ครับๆ” ร่างโปร่งถึงกับต้องหยุดชะงักความคิดเอาไว้ก่อนเพื่อจะทำงานตามที่ผู้อาวุโสกว่าสั่งมา ไม่อยากจะมีเรื่องกับใคร

ถ้าหากว่าแผนการหนีไม่สำเร็จ จะได้อยู่กับคนที่นี่ได้

“นี่ครับ”

“อ้าว! อินเองหรือ พี่ขอโทษนะ เหนื่อยหรือเปล่า” คนที่ตะโกนสั่งอินทัชเมื่อกี้นี้ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเมื่อเห็นคนที่ตัวเองตะโกนใส่เป็นหนุ่มหน้าสวยที่มาทำงานได้วันแรก ก็เอาใจเหล่าคนงานไปหมดทุกคน ถึงแม้ทุกคนจะมีเมียมีลูกเป็นส่วนใหญ่กันไปแล้ว การที่มีหนุ่มหน้าสวยมาอยู่ในไซต์งานก็ถือว่าเป็นอาหารตาให้เหล่าหนุ่มฉกรรจ์กระชุ่มกระชวยได้บ้าง

“ก็ไม่เหนื่อยหรอกครับ พี่คมมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”

“ไม่มีๆ ตรงนี้พี่กำลังจะลงเสาชั้นที่สองงานอันตราย อยู่ห่างๆ ดีกว่า”

“แต่ผมอยากช่วย”

“งั้นพี่ว่าไปร่อนทรายก่อนก็แล้วกัน แล้วไปหาพี่สันบอกว่าพี่ให้ช่วยสอนก่อเสาอิฐที่จะเอาไว้ปลูกต้นไม้นะ พี่ว่านายเริ่มทำแบบนี้ก่อนก็ได้”

“ขอบคุณนะครับ”

“แต่ถ้าไม่ไหว ก็คอยเสริร์ฟน้ำพวกเราก็ได้ จะได้ชื่นใจ ฮ่าๆ”

หัวงูโผล่เชียวนะ ดูหน้าบ้างเถอะพี่คม

“เหอๆ พี่อยากปากแตกเหรอ”

“วะไอ้นี่ ปากหมาเหมือนที่ไอ้จักรว่าจริงๆ งั้นกูขอแทนตัวว่ากูกับมึงก็แล้วกัน เรียกพี่กับนายแล้วกระดากปากฉิบหายเลยว่ะ”

“เอาที่พี่สบายใจอ่ะ”

“ฮ่าๆ ไปๆ เอ็งไปทำงานต่อไป แต่ที่บอกว่าไม่ไหวแล้วให้เสิร์ฟน้ำน่ะเป็นเรื่องจริง เพราะคนงานเรามีเพียงพออยู่แล้วล่ะ ได้มึงมาเพิ่มก็ไม่ได้เสียหาย ที่สำคัญคุณรามท่านฝากมาน่ะนะ”

“มันฝากมาให้ทรมานผม ทำไมพี่ไม่ทำล่ะ” ถามออกไปตรงๆ จนคมถึงกับเบิกตากว้าง ไม่คิดจะได้ยินคำว่ามันออกจากปากของอินทัช

“มันเมินอะไรล่ะ นั่นเจ้านาย เจ้าชีวิตเลยนะเว้ย”

“ก็ผมจะเรียกแบบนี้ ใครจะทำไม”

“เดือดร้อนมากูไม่รู้ด้วยนะเว้ย”

“เออน่า งั้นขอไปทำงานก่อนนะพี่”

“เออๆ”

ร่างโปร่งเดินหนีจากตรงนั้นมาด้วยความไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่มักจะได้ยินชื่อของรามินทร์ออกมาจากปากคนงานทุกๆ คน

อินทัชกำลังไม่เข้าใจ ว่าทำไมคนงานที่นี่ถึงได้รักเจ้านายของตัวเองกันจัง ทั้งๆ ที่เขาก็เห็นแค่ความชั่ว ความเลว และความเอาแต่ใจของรามินทร์

“คนแบบนั้น มันจะมีได้ยังไง ความดีน่ะ”


เลิกงาน

อินทัชไม่มีโอกาสได้ทำตามที่ตัวเองคิดเลยสักนิด เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกและภายในที่ไม่สามารถทำตามที่คิด ปัจจัยภายนอกคืองานที่เยอะจนทำไม่ทัน ปัจจัยภายใน คือความกลัวของตัวเองที่ไม่กล้าทำตามที่คิดนั่นแหละ

“เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

“อินๆ ไอ้อิน”

“อะไรของมึงวะจักร” ร่างโปร่งหันไปถาม

“พวกพี่คมชวนแดกเหล้า ไปเปล่าวะ”

“เหล้า?”

“ใช่ มึงไม่รู้จักหรือไงวะ สรุปไปไหม”

“กูอยากจะไปอยู่หรอก แต่เจ้านายบังเกิดเกล้าของมึงให้กูไปทำความสะอาดที่บ้านพักของมันน่ะ คราวหลังก็แล้วกันนะ”

“อะไรวะ นี่คุณรามใช้งานมึงขนาดนี้เลยเหรอ” คนเป็นลูกน้องถามอย่างสงสัย

“ที่มึงรู้ตอนนี้ก็ยังน้อยไปด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าพวกมึงมีวันหยุด มีเวลาพัก แต่กูไม่...เพราะเลิกจากตรงนี้แล้ว กูต้องไปทำอื่นๆ อีก อย่างที่มันต้องการนั่นแหละ” อินทัชบอกความจริงออกไป แต่ให้ตายก็ไม่มีวันเล่าเรื่องราวที่ตัวเองต้องมาอยู่ที่นี่เด็ดขาด

และไม่มีทางที่จะบอกว่าเจ้าตัวเป็นใครด้วย

“คงจะเหนื่อยนะมึง แล้วมึงไปทำอะไรให้ท่านโกรธเปล่าวะ เพราะคุณรามนี่เป็นคนดีมากเลยนะเว้ย ที่มึงพูดมากูนี่แทบจะไม่เชื่อเลย” ร่างบางหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างสมเพชตัวเอง

“กูเป็นคน ‘พิเศษ’ ไง”

“ห๊ะ!!!” จักรเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ในหัวก็คิดไปต่างๆ นาๆ โดยที่อินทัชไม่รู้เลยว่า จักรกำลังคิดลึกอยู่

ก็พอจะรู้รสนิยมของรามินทร์ผู้เป็นนายอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนจากหนุ่มตัวเล็กๆ น่ารักๆ มาเป็นหนุ่มร่างสูงที่หน้าสวยฉิบหายแบบนี้

แต่ว่า...ถ้าเป็นคนพิเศษของรามินทร์จริง...ทำไมต้องมาทำงานก่อสร้าง ทำไมต้องจิกหัวใช้เยี่ยงทาส?

“พิเศษที่ว่านี่...”

“คนที่มันเกลียดไง อย่าคิดลึกให้มันมาก เฮอะ!!”

“อ่อ...แล้วไปทำอะไรให้ท่านเกลียด”

“กูไม่อยากพูด ยังไงก็ขอตัวก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวมันจะว่าเอา”

“เออๆ เจอกันพรุ่งนี้”

“อือ”

อินทัชเดินจากมาจากหน้างานก่อสร้างที่ผู้คนรับเงินเสร็จแล้วก็เตรียมกลับบ้าน ส่วนอินทัชฝากให้จักรเก็บเงินไว้ให้ เพราะขี้เกียจรอเวลา กลัวฝั่งรามินทร์จะด่าเอา

ไม่ได้กลัวหรอกนะ แค่รำคาญก็เท่านั้น


“ช้าไป 5 นาที” เสียงแรกที่เมื่อเขาเดินมาถึงทางเข้าบ้านพักของรามินทร์ก็ดังขึ้นมา จนต้องเหลียวหลังหันไปมองร่างสูงที่กอดอกยืนพิงเสาไม้อยู่

“แล้ว?”

“มึงกล้ามากนะที่ทำให้กูต้องรอ”

“แล้วรอทำไมไม่ทราบ”

“กลัวมึงตุกติก คิดจะหนีไง ในบ้านกูยิ่งมีอะไรเยอะๆ อยู่ด้วย”

“อย่าโง่สิครับคุณราม กูไม่มีกุญแจบ้านมึงครับ” ร่างสูงนิ่งไปนิดๆ เมื่อรู้สึกเสียหน้า

“เออช่างเถอะ ตามกูมานี่ ไปทำความสะอาดห้องทำงานของกู”

“ตอนเย็นเนี่ยนะ”

“ทำไม มึงถือเหมือนพวกคนสมัยก่อนหรือไงที่ไม่ให้กวาดบ้านตอนเย็นน่ะ” ร่างสูงถามอย่างหาเรื่อง

“เปล่า”

“งั้นก็เลิกพูด เลิกถาม แล้วตามกูมา”

ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไร ร่างสูงบางก็เดินตามเข้าไปในตัวบ้านของร่างสูงก็พบว่ามันต่างจากห้องพักในรีสอร์ทหรือบ้านพักที่อื่นๆ อย่างฟ้าและเหว

ถ้ามันจะหลายมาตรฐานขนาดนี้น่ะนะ

“หรูดีนี่ แต่จะว่าไป เฟอร์นิเจอร์ก็ของบริษัทกูทั้งนั้นนี่ PLEUNG สร้างให้สินะ” ร่างโปร่งพึมพำแล้วมองรอบๆ บ้านอย่างสังเกต

“ตามมาสิวะ พรุ่งนี้มึงต้องมาทำทั่วทั้งบ้าน แล้วก็ไม่ต้องไปไซต์งานวันหนึ่ง ตื่นเช้ามามึงก็ทำงานให้เสร็จแล้วมาที่นี่ อ้อ ยกอาหารมาให้กูที่นี่ด้วย”

“แล้วทำไมไม่ให้กูทำพรุ่งนี้ทีเดียว”

“ก็กูแพ้ฝุ่น ห้องนอนฝุ่นเยอะ นอนไม่ได้” ว่าไปแบบกวนๆ จนอินทัชอยากจะบดกำปั้นลงที่หน้าหลอๆ นั่นให้หายแค้น

“คุณชายจังนะ”

“ไม่เท่ามึงหรอกมั้ง”

“กูไม่ใช่คุณชาย แล้วกูก็คิดว่างานของกูไม่ได้สบายเท่างานของมึง” ร่างบางแสดงสีหน้าที่เหนือกว่า เพราะดูไป รามินทร์ก็ใช่จะมีงานเยอะ

“นั่นสินะ ใครจะไปเข้าใจกันล่ะ มึงมันเจ้าของบริษัทใหญ่นี่ เพื่อนๆ ก็มีแต่พวกไฮโซ ทำงานทั้งเช้าสายบ่ายเย็น ก็มึงก็ยังมีเวลามากพอที่จะไปคั่วสาวๆ หรือหนุ่มๆ”

“มันใช่เรื่องที่มึงจะเอามาเกี่ยวไหม”

บางทีอินทัชก็สงสัย ทำไมรามินทร์ถึงเอาเรื่องบ้าบอมาเถียงเขา ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย ก็คงจะเป็นนิสัยของพวกที่ชอบเอาชนะล่ะมั้ง

“ก็ไม่หรอก เอาล่ะ มึงทำความสะอาดซะ หยากไย่ก็เอาออกให้หมด เปลี่ยนผ้าปู ปลอกหมอนให้ด้วย มันอยู่ในห้องของแม่บ้านนั่นแหละ อ้อ! ไม่ต้องถาม มีปัญญาก็เดินหาเอาเอง”

“ที่สำคัญ ฝุ่นห้ามมี!!!”

“เออ!!!”

“ก็ทำไปสิ ยืนเฉยทำไม”

“จิ๊!”

อย่าให้ออกไปจากที่นี่ได้นะ กูจะแจ้งจับข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว และใช้แรงงานเกินที่กฎหมายกำหนด





50%

 :katai4: :katai4: :katai4:

   ขอโทษที่ลงช้าจ้า พอดีคิดไม่ออก บวกกับรีบปั่นเล่มพิเศษน้องดรีมด้วย อย่าเพิ่งหนีหาย อย่างเพิ่งทิ้งกัน อย่าลืมกัน คิดถึงกันก็คอมเม้นท์ให้กำลังใจหน่อยน้า วันนี้ลงทีเดียวสามเรื่อง เรื่องละ 3 เว็บ ให้กำลังใจกันนิดหนึ่ง ไม่งั้นก็จะหายไปอีกนานๆ เลย ฮ่าๆ (อ้างมาก)

ทวงได้ เร่งได้ แต่ลงได้หรือเปล่าอีกเรื่อง แหะๆ เข้าไปพูดคุย ติดตามยูกิได้ที่แฟนเพจนะคะ

   https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 4.1 (1/11/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-11-2015 00:40:16
อินเอ้ยยยย


 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 4.1 (1/11/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 02-11-2015 02:40:57
เหอๆ รันทดจริงอินของฉัน  :sad4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 4.1 (1/11/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-11-2015 06:08:37
กลายเป็นแจ๋วไปแล้วนายเอกของชั้น
ขอบคุณยูกิค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 4.1 (1/11/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥ ที่ 07-11-2015 07:08:50
 :z10: อินอย่าไปยอม
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 4 100% (12/11/58) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 12-11-2015 20:12:22
ตอนที่ 4 ครึ่งหลัง






“ถูพื้นต้องถูสามรอบ”

“เช็ดตรงนั้นให้สะอาด”

“นั่นมันผ้าอะไร เอาใหม่ กูไม่ใช้ผ้านี้ปูเตียงนอน มันคัน”

แล้วมึงเอาเก็บไว้ทำซากอะไรวะ!

ไม่น่าเชื่อว่าอินทัชจะใช้เวลาไปกับการทำความสะอาดห้องนอนของรามินทร์ได้นานถึงสองชั่วโมงครึ่งแบบนี้ ข้าวก็ยังไม่ได้ทาน น้ำก็ไม่ได้ดื่ม ไอ้คนใจร้ายมันก็ใช้เอาใช้เอาอยู่นั่น ไอนู่นไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่พอใจ

ไม่พอใจอะไรสักอย่าง

“เฮ้อ...เสร็จสักที”

เขาจัดการเอาน้ำถูพื้นไปเททิ้งแล้วก็ล้างถังตามที่ไอ้คุณชายมันสั่งเอาไว้ก่อนที่มันจะไปทานข้าวคนเดียวเมื่อคนงานมาตามให้ไป แล้วอินทัชล่ะ

ขี้ข้าอย่างเขา...จะได้กินหรือไม่ได้กินก็ไม่มีใครสนใจเท่าไหร่นัก

“ช่างมันก็แล้วกัน เคยอดข้าวมาแล้วสองวันก็ไม่เห็นเป็นไร อดสักมื้อหนึ่งคงไม่ตายหรอกมั้ง”

อินทัชเดินเข้าไปเช็คในห้องนอนของรามินทร์อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ออกไป เจ้าของบ้าน เจ้าของรีสอร์ทก็กับมา เข้ามาหาร่างบางด้วยสีหน้าที่เดาความคิดไม่ได้

“เสร็จแล้ว?”

“เออ”

“ช้ามาก พยายามทำให้มันเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม เพราะจากนี้ไป งานมึงก็เพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่นี้หรอกจำเอาไว้ จะไปไหนก็ไป”

“อืม”

“เดี๋ยว” แต่ยังไม่ทันที่อินทัชจะเดินออกจากประตูไป เสียงทุ้มเข้มก็เรียกเอาไว้ก่อน ส่งผลให้สองเท้าชะงักอยู่กับที่

“มีอะไร”

“กูจะเตือนมึงเอาไว้”

“เตือนเหี้ยอะไรอีก”

“ไม่ว่ามึงกำลังคิดจะทำอะไร กูขอบอกเอาไว้ ว่ามันไม่มีทางที่จะสำเร็จ”

มือขาวกำแน่นอย่างโกรธที่อีกคนพูดราวกับรู้ความคิดของเขา แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ไม่มีทางถอยแน่ เขาไม่ทน แล้วไม่อยากจะทนอีกต่อไป เรื่องรับผิดชอบบ้าบออะไรนั่น ทำไมเขาต้องรับผิดชอบด้วย

เขาไม่ได้ทำอะไรผิด...

“เพราะถ้ากูไม่สะใจพอ กูก็ไม่ปล่อยมึงไป”

“เออ กูจะจำเอาไว้”

“ให้มันได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน”


อย่าคิดว่ากูดูไม่ออก อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงกำลังคิดจะหนีออกไปจากที่นี่


วันต่อมาอินทัชตื่นขึ้นมาเวลาตีสี่กว่าๆ เหมือนทุกวัน ติดที่ว่าเริ่มชินขึ้นมาเล็กน้อย เข้าไปช่วยในครัว รดน้ำผัก แล้วก็ทานข้าว จากนั้นก็ไปยกอาหารมาเพื่อเอาไปให้รามินทร์ที่บ้านพักตามที่ได้สั่งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน

แต่มาถึงก็ไม่เห็นจะมีใครอยู่ ไปเคาะห้องนอนที่เขาทำความสะอาดไปเมื่อวานก็ไม่เจอใคร

“แล้วให้กูแบกมาทำไม มันใช่เรื่องไหมวะ” ร่างโปร่งเดินลงจากชั้นสองลงมาข้างล่าง วางข้าวไว้บนโต๊ะแล้วสำรวจรอบๆ บ้านอย่างสนใจ

ถ้าไม่ติดว่าเจ้าของที่มันทำร้ายเขาอย่างหนัก บางทีที่นี่มันก็น่าอยู่

อินทัชก็อยากจะอยู่ที่นี่นานๆ ถ้าหากว่ามันไม่ลำบากพอๆ กับการทำงานในบริษัทใหญ่ๆ

“เมื่อไหร่จะได้รับอิสระเสียที”

เพราะเป็นลูกชายคนเดียว แม้ว่าจะเป็นคนสุดท้องแต่ก็เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล ไม่ฝากฝังที่เขา จะไปฝากฝังที่ใคร พี่สาวก็หนีไปเป็นดีไซน์เนอร์อย่างที่อยากเป็น แล้วเขาล่ะ...

“เฮ้อ...แล้วจะทำยังไงล่ะเนี่ย ไอ้คนสั่งงานไม่อยู่”

“อิน” เสียงเรียกชื่อเขาดังมาจากด้านหน้าบ้าน

“อ้าว? ขรรค์ มีอะไรหรือ อ้อ รู้ไหมว่าเจ้านายของนายไปไหน ให้ฉันมาที่นี่แต่ตัวเองกลับไม่อยู่ อยากจะฆ่าแม่งจริงๆ เลยว่ะ” ถามผู้มาใหม่ทันทีแล้วบ่นเบาๆ กับตัวเองในประโยคท้าย

“นายท่านไปจัดการรีสอร์ทที่มีปัญหาข้างล่างน่ะ”

แสดงว่ามีรีสอร์ทอยู่ด้านล่างเขาลูกนี้อีกที่สินะ

“แล้วฉันต้องทำอะไร”

“นายท่านโทรมาสั่งแล้วว่าให้นายทำความสะอาดทั้งบ้าน ฝุ่นห้ามมี หยากไย่ห้ามเหลืออยู่ และที่สำคัญ ผ้าปู ผ้าม่านให้นายเอาไปซักให้หมด” ขรรค์บอกคำสั่งของเจ้านายด้วยหน้าตาและน้ำเสียงราบเรียบ

อินทัชเบิกตากว้างอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำสั่งที่แค่ได้ยินก็เหนื่อยแล้ว สายตาสวยกวาดมองรอบๆ บ้านอย่างเครียดๆ

“ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ”

“ก็ฉันรับคำสั่งมาแบบนี้ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันพยายามที่จะช่วยแล้ว แต่ว่า...”

“พอๆ ฉันรู้แล้วว่านายพยายามจะช่วยแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ยังไงนี่มันก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องยอมรับอยู่แล้ว ขอบใจนายมากที่มาบอก”

“อืม...งั้นฉันไปทำงานต่อ มีปัญหาอะไรก็ไปหาได้ ฉันอยู่ที่ออฟฟิศ”

“อ่าๆ ขอบใจ”

ปัญหาน่ะหรือ มีสิ มีมากๆ เลยด้วย มีตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำงานเนี่ยแหละ

หลังจากที่ขรรค์ออกจากบ้านพักส่วนตัวของเจ้านายของตนไป ร่างโปร่งก้มองไปทั่วๆ แล้วถอนหายใจเสียงดัง

“ความน่าจะเป็น ควรซักผ้าก่อนสินะ” ไม่รอช้า อินทัชเดินไปถอดผ้าม่านทุกผืนมากองรวมๆ กันด้านล่าง เดินหาตะกร้ากับอุปกรณ์ซักผ้ามา ขนทั้งหมดไปที่ลำธารน้ำตก

ถ้าซักที่นี่คงจะไม่เป็นไร เพราะน้ำมันไหลตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่มีอะไรตกค้างหรอกนะ

“อยากจะบ้าตาย อยากจะบ้าตายจริงๆ เว้ย!! ฮึ่ย!!!” มือขาวขยี้ผ้าแรงๆ ให้สมกับความรู้สึกที่มีในตอนนี้ ปากก็บ่นก็ด่ารามินทร์ไปด้วย

กว่าจะซักผ้าม่านกองโตเสร็จก็ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่า กว่าจะตากผ้าเสร็จก็เอากล้ามเกือบขึ้นเลย แดดจ้าทำร้ายผิว เหงื่อไคลไหลออกมาเปียกเสื้อตัวบางที่ใส่อยู่ แต่มีงานอีกเยอะที่ต้องทำ เพราะฉะนั้นอินทัชจะพักไม่ได้เด็ดขาด แต่ใจจังหวะที่กำลังเดินเข้าบ้าน ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาอินทัช

“ข้ามาหานายท่าน” ชายคนนั้นบอกวัตถุประสงค์

“มันไม่อยู่ มีอะไรหรือเปล่า” อินทัชถามอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ข้าแค่เอากุญแจรถที่นายท่านให้ซ่อมมาคืนน่ะ”

“งั้นเอามาเลย เดี๋ยวผมเอาให้เอง แล้วให้บอกว่ายังไง” ร่างโปร่งถาม

“ก็ไม่มีอะไร รถซ่อมเสร็จแล้ว ไม่มีปัญหา จอดอยู่ฝั่งโน้นนะ” ชายสูงวัยชี้ไปยังจุดที่รถจอดอยู่ ซึ่งอินทัชก็พยักหน้ารับรู้ทั้งๆ ที่มองไม่เห็นเพราะต้องขึ้นเดินไปก่อนถึงจะเห็นตัวสวนกับรีสอร์ท เพราะบ้านพักของรามินทร์ลงมามีธารน้ำตก แต่บ้านพักที่เขาอยู่มันอยู่ลึกกว่านี้ ลงต่ำกว่านี้อีก

“ได้ครับลุง”

“เอาไป ข้าไปล่ะ อย่าลืมให้นายท่านนะเว้ย”

“รู้แล้ว” ร่างโปร่งรับกุญแจรถมาอย่างงงๆ ในหัวก็ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ขนาดที่ว่าไม่รู้สึกว่าชายสูงวัยเดินออกจากหน้าบ้านพักของรามินทร์ไปแล้ว

“เฮ้อ...คิดไม่ออกว่ะ” ร่างสูงโปร่งทำท่าจะเอากุญแจเข้าไปเก็บ แต่ก็คิดได้ขึ้นมาทันทีว่าเขาจะทำยังไงกับมันดี

ทำไมมึงไม่ขับรถหนีออกจากที่นี่วะไอ้อิน

“ใช่! นี่เป็นทางเดียวที่มึงจะได้ออกไปจากที่นี่นะอิน อย่างน้อยก็ขับรถคันนี้ไปที่โรงแรมของ PLEUNG แล้วให้ผู้จัดการติดต่อไปหาไอ้ธีร์ แค่นี้ก็รอดแล้วไอ้อิน พอกันทีกับที่นี่ กูไม่อยู่แล้ว” คิดได้เช่นนั้น อินทัชก็วิ่งไปยังรถที่อยู่ห่างออกไปจากที่นี่ทันที

กูจะได้กลับบ้าน กูจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองแล้ว...


“นายท่านจะไปที่ไหนครับ”

“กลับบ้าน ฉันจะไปตรวจงานที่นั่น” รามินทร์ตอบคนขับรถของตนที่ถามเมื่อเข้ามาถึงเขตรีสอร์ทที่เป็นบ้านพักของตน

“ครับ”

ระหว่างที่รถแล่นกำลังแล่นอยู่บนถนนเพื่อนวนไปจอดที่โรงจอดรถก่อนจะลงไปหาตัวบ้านพักของรามินทร์ ร่างสูงเห็นบุคคลคนหนึ่ง จนอดที่ถามไม่ได้

“หยุดรถตรงลุงชุ่ม”

“ครับนายท่าน”

ปิ๊นๆ
เสียงคนขับรถกดแตรเรียกชายสูงวัยที่กำลังจะเดินออกจากรีสอร์ทเขาไป ซึ่งเดินมาได้ขนาดนี้ รามินทร์ได้คำตอบแล้วว่าคงจะมาถึงนานแล้ว

“จะไปไหนลุง”

“นายท่าน...ลุงจะกลับบ้านพาเมียไปหาหมอน่ะ แต่ลุงเอารถมาให้กับนายท่านก่อนน่ะครับ ซ่อมเสร็จแล้ว ใช้ได้ดีเยี่ยมเหมือนเลิมเลยครับ”

“ดีแล้วล่ะลุง ผมไม่อยากทิ้งรถคันนี้น่ะ ขับมานาน จะเปลี่ยนใหม่ก็ไม่มีเวลาไปดูหรอก”

“รถมันยังดีอยู่ครับ ซ่อมใช้ยังคุ้มอยู่”

“ขอบคุณที่ช่วยซ่อมรถทั้งของผม ทั้งของรีสอร์ทมาตลอดนะครับ เดี๋ยวให้คนไปส่ง”

“โอ๊ย! ไม่ต้องหรอกครับ ลุงไปเองได้ จะได้เป็นการออกกำลังกายไปด้วย” รามินทร์หัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของคนซ่อมรถของรีสอร์ท

“งั้นก็ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวให้ขรรค์มันจัดการเรื่องค่าซ่อมให้”

“ตามนั้นครับนายท่าน เดี๋ยวลุงขอตัวก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวก่อนลุง” รามินทร์เรียกไว้เมื่อคิดได้ว่าลืมถามอีกหนึ่งคำถาม

“ครับ?”

“กุญแจรถกับรถจอดไว้ที่ไหน จะได้ตามเอาถูก”

“ผมเอาไปจอดไว้ที่โรงจอดรถก่อนลงไปบ้านพักของนายท่านนั่นแหละครับ ส่วนกุญแจก็ฝากพ่อหนุ่มหน้าสวยที่อยู่ในบ้านของนายท่านเอาไว้” สิ้นคำตอบของชายสูงวัย รามินทร์ก็ตะโกนสั่งคนขับรถเสียงกร้าวทันที

“ออกรถ ไปบ้านฉันให้เร็วที่สุด!!!”

ให้ตายสิ หวังว่าจะไม่ช้าไปนะ

“คิดจะหนีกูหรือ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”

ระหว่างทางรามินทร์ร้อนใจจนตะโกนเร่งคนขับรถบ่อยๆ จนเมื่อขับมาถึงทางเลี้ยวเข้าไปนั้น สายตาของเขาก็มองไปยังรถคันสีดำที่เพิ่งซ่อมเสร็จอยู่ จะไม่โกรธ จะไม่โมโหเลยถ้าไม่เห็นว่าร่างบางนั้นขึ้นรถเข้าไปแล้ว

“ไอ้สัตว์เอ้ย!!! จอด!!!” ร่างสูงวิ่งลงจากรถทันทีเมื่อการขับรถเข้าไปจุดนั้นต้องใช้ความระมัดระวังทำให้ต้องขับช้ากว่าเดิม เขาเลยทนไม่ไหว กระโดดลงจากรถทั้งๆ ที่ยังไม่จอดนิ่งพอ เขารีบวิ่งสุดแรงไปยังรถที่กำลังออกตัวช้าๆ มาทางเขา ร่างแกร่งทั้งร่างวิ่งไปขวางหน้ารถด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความโกรธอย่างรุนแรงจนคนในรถถึงกับเบรกไม่ทัน

มือขาวรีบกดล็อกประตูทุกด้านอย่างสั่นๆ เพราะไม่คิดว่าคนที่พยายามจะหนีไปจากมันดันโผล่มายืนทำหน้าเหี้ยมอยู่ตรงหน้า

“ทำไมต้องกลับมาเดียวขนาดนี้ด้วยวะ ทำไงดีๆ”

“ลงมา!!!”

“ไม่!!” เขาตอบอย่างไม่ลังเล

“กูบอกให้ลงมา ไอ้อิน!!!”

“กูไม่ลง!!” เขายังยืนยันคำเดิม แม้ว่าคนตรงหน้าจะดูหน้ากลัวมากแค่ไหนก็ตาม อินทัชใส่เกียร์แล้วเหยียบคันเร่งหวังว่ารามินทร์จะกลัวจนต้องหลบไป แต่เปล่าเลย คนตรงหน้าเขายังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกว่ากลัวอะไรเลย

“กูให้โอกาสมึงลงมาดีๆ ถ้ามึงไม่ลงมาดีๆ กูพังไอ้รถเหี้ยนี้แน่”

“กูไม่ลง กูจะไปจากที่นี่”

“มึงหนีไม่พ้นหรอกไอ้อิน”

“เออ!! มึงอยากยืนตรงนั้นก็ยืนไป แต่กูจะไปจากที่นี่ ชนมึงตายห่าอย่ามาว่ากูก็แล้วกัน” อินทัชขู่เสียงเข้ม

เป็นใครบ้างล่ะที่ไม่กลัวตาย อย่างน้อยถ้าเขาจะชนมันจริงๆ สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ต้องส่งผลให้รามินทร์หลบรถที่จะพุ่งชนตัวเองแน่ๆ

“กล้าก็ลองดูสิวะ!”

ไม่กล้า...อินทัชไม่กล้าทำ เขาทำร้ายคนโดยเจตนาไม่ได้

แม้ว่าคนๆ นั้นจะทำร้ายตัวเองขนาดไหนงั้นหรือ

คำตอบคือ...ใช่ เขาทำไม่ได้

“ไม่กล้าล่ะสิ” น้ำเสียงเย้ยหยันออกมาจากปากคนที่อินทัชเกลียดที่สุด มือกำพวงมาลัยแน่นอย่างเคียดแค้น มองไปทางไหนก็ทำไรไม่ได้

หนีไม่ได้แล้ว อินทัช มึงจะหนีไม่ได้งั้นหรือ...

“กูไม่ออก มึงอยากตากแดดให้ร้อนตายห่าก็เชิญ แต่กูไม่ลงจากรถแน่ๆ”

“งั้นมาลองดู ว่าใครจะทนได้มากกว่ากัน” รามิทร์ท้าทาย

พวกเขาสองคนนิ่งเงียบไป ร่างโปร่งนั่งตากแอร์อยู่บนรถ ส่วนรามินทร์ก็ยืนกอดอกจ้องอินทัชเขม็งที่ด้านหน้า ความร้อนของอากาศยิ่งทำให้รามินทร์หงุดหงิดจนไม่อยากจะทน

“ไอ้แสน”

“ครับนายท่าน” คนขับรถของรามินทร์ขานรับคำเรียก

“ทุบกระจกรถแล้วลากมันลงมา”

“เอ่อ แต่ว่านั่น...”

“กูบอกให้ทุบไง!!!” ตะคอกเสียงดังจนลูกน้องกลัว เพราะไม่เคยเห็นเจ้านายในมุมนี้มาก่อน คนขับรถเดินไปหาก้อนหินก้อนใหญ่ที่เอาไว้จัดสวนมา เดินตรงไปยังรถสีดำด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ

รถเจ้านาย ใครจะไปกล้าวะ

“ทุบ!! เร็วๆ” เร่งเสียงแข็ง อินทัชเริ่มมองหาทางหนีทีไล่

ตอนนี้รามินทร์เอาจริงแน่ เอาเขาตายแน่ๆ

“แต่ ผม...ทำไม่ได้”

“กูบอกให้ทุบไงไอ้แสน!!!” ตะโกนสั่งอีกครั้ง ร่างหนาของแสนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ แรงๆ เงื้อมือขึ้น ก่อนจะเอาก้อนหินทุบที่กระจกรถฝั่งคนขับแรงๆ สองสามทีจนมันแตกละเอียด ร่างโปร่งก็เอาแขนป้องกันหน้าตัวเองไว้อย่างกลัวมันจะเข้าตา

ตุบ ตุบ ตุบ

เพล้ง!!!

“ลงมา!!” ร่างสูงของรามินทร์เดินเข้ามาหา เอื้อมมือปลดล็อกรถจากช่องที่แตกก่อนจะเปิดประตูก่อนจะกระชากแขนขาวออกมาจากรถแรงๆ ด้วยความโมโห

“โอ๊ย! กูเจ็บ”

“เจ็บก็ดี จะได้เข็ดไม่คิดหนีอีก!!”

“มึงมีสิทธิ์อะไรมาขังกูไว้ที่นี่ กูจะออกไป กูจะกลับบ้าน ก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ กูเกลียดมึง ไอ้ราม กูเกลียดมึง!!!”

“ก็สิทธิ์ที่เป็นเจ้าชีวิตมึงไง!!!”


เกลียดกูนักใช่ไหม!! ได้ กูจะจัดให้ตามคำที่บอกกูเลย...หลังจากนี้แหละ กูจะให้มึงเกลียดกูซะให้พอเลย ไอ้อินทัช!!!






100%


 :mew3: :mew2: :mew2: :mew2:

   ในที่สุดครึ่งหลังก็แต่งได้สักที ขอโทษที่หายไปเลย หายไปนานมาก ซึ่งตอนที่ 5 ก็ไม่รับปากว่าจะมาตอนไหน งานเยอะมากจริงๆ ค่ะ อาจารย์นัดเรียนเสาร์ อาทิตย์อีก หาวันหยุด หาเวลาพักไม่ได้เลยค่ะ เข้าใจยูกิด้วยน้า

   เป็นยังไง ติชมกันได้เลยนะคะ ยูกิน้อมรับข้อผิดพลาดทั้งหมด ส่วนคำผิด ยูกิยังไม่ตรวจเช่นเคยนะคะ ใครเจอจุดไหนแจ้งได้น้า ขอบคุณมากค่า

https://www.facebook.com/sawachiyuki (https://www.facebook.com/sawachiyuki)

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 4 100% (12/11/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-11-2015 21:27:23
ไอ้ไม่มีเหตุผลไปตามสืบให้รู้เรื่องจริงๆ ก่อนไป ก่อนที่จะมาทรมาณอินของเค้า  สงสารอินทัชจัง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 4 100% (12/11/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 12-11-2015 22:40:35
นังรามนี่มันน่าโดนจริงๆเลย
สงสารน้องอินทัช :impress2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 4 100% (12/11/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-11-2015 23:46:32
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 4 100% (12/11/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 13-11-2015 00:01:48
มาสั้นและทำร้ายจิตใจแม่ยกน้องอินมาก :z3:
นี่รอเอาคืนแบบหนักๆนะบอกเลย!!!
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 4 100% (12/11/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 02-12-2015 15:05:44
สวัสดีค่าาา ยูกิซังงง เราตามมาจากเรื่องเสพติดอันตรายนะ ตอนแรกเฉยๆเลยกับเพื่อนธีร์คนนี้ แต่พอมาอ่านเรื่องนี้ ชอบนางงงงงง ชอบค่ะ ชอบนิสัยอินมากๆเลย ชอบแนวนี้ด้วย อยากเห็นพระเอกเจ็บปวด ขอหนักๆนะคะ 5555 เราชอบสำนวนการแต่งมากคะ อ่านแล้วลื่นไม่สะดุด ไม่งง เป็นกำลังใจให้ รอตอนต่อไปนะคะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 4 100% (12/11/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 05-12-2015 23:30:19
จี๊ดดดดดดเลย
รามเอ้ยยย ตอนนี้อยู่เหนือเค้า อยากทำไรก้อทำได้
แต่อย่าให้อินได้เอาคืนนะ
นายจะเจ็บเจียนตายเลย
อีกอย่างนะ
ของที่เสียไปแล้ว มันเรียกคืนไม่ได้นะ
ยิ่งความรู้สึกที่เสียไปด้วยแล้วหนะ
ปล.ตบจูบจงมา ...55
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 50% (13/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 13-12-2015 22:33:45
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 5
ยัดเยียด



พลัก!!!

ตุบ!!!

“โอ๊ย!!! กูเจ็บนะไอ้ราม” ร่างโปร่งบางตวาดเสียงดังเมื่อโดนจับลากมาที่บ้านพักของร่างสูง ก่อนที่จะโดนโยนเข้าไปในห้องนอนด้านบนของตน ร่างทั้งร่างกระแทกพื้นจังๆ

แกร๊ก!!

ตามด้วยเสียงล็อกประตู คนตัวสูงกว่าสาวเท้าเข้าไปหาร่างของอินทัชที่ขยับหนีเพื่อเอาตัวรอดจากใบหน้าที่แสนจะโหดร้ายของรามินทร์ และเชื่อว่าตอนนี้

มันสามารถฆ่าเขาได้แน่ๆ

“ทำไม? เริ่มกลัวหรือไง ไม่ต้องมองหาทางหนีหรอก เพราะมึงมีสิทธิ์ได้กลับบ้านก็ต่อเมื่อกูพอใจแล้วเท่านั้น” พูดเสียงเหี้ยม ทำเอาร่างโปร่งบางถึงกับรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“กูขอโทษ กูไม่คิดหนีแล้ว ปล่อยกูไปเถอะ” ลองใช้ไม้อ่อนออกไป แต่เหมือนจะลืมว่าอีกคน ไม่ว่าจะแข็งปานท่อนเล็ก หรืออ่อนราวกับขี้ผึ้งรนไฟ ก็ใช้ไม่ได้ผลหรอก

ทำอะไรก็ผิดในสายตาของผู้ชายคนนี้

“ไม่มีวัน!! มึงต้องเข็ดหลาบกับการคิดหนีในครั้งนี้”

“อะไรกันนักกันหนาวะ!!”

“อย่ามาขึ้นเสียง!!!” รามินทร์ตะคอกกลับ

“เออ...กูไม่ขึ้นเสียงก็ได้ กูจะพูดเบาๆ แบบนี้ก็แล้วกัน พอใจยัง” อีกคนว่าเสียงเบาราวกับกระซิบ ทำเอารามินทร์ถึงกับเลือดขึ้นหน้า

“ประชดประชันดีนักใช่มั้ย ได้!!” ตัวตัวสูงเดินไปหาอะไรบางอย่างจากตู้เสื้อผ้าแล้วตรงมายังที่ที่อินทัชนั่งเจ็บอยู่ กระชากแขนขาวแรงๆ แล้วมัดด้วยแขนแบบไขว้หลังด้วยเชือกที่เอามาจากตู้เสื้อผ้า

“จะทำบ้าอะไรวะ”

“มัดมึงไง”

“มันทำเหี้ยอะไร มึงจะบ้าหรือ ไม่เอาไว้ อัก” เขาถูกกดตัวด้วยร่างกายอันแสนจะใหญ่ของรามินทร์จนอินทัชไม่กล้าที่จะขยับเพราะมันเจ็บมาก จนอีกคนมันเสร็จนั่นแหละถึงได้ลุกออกไป

“จะได้เลิกซ่า”

“ไอ้สัตว์! ปล่อยกูนะ มึงทำแบบนี้กับกูไม่ได้”

“ทำไมจะทำไม่ได้”

“แม่งเอ้ย!! กูเกลียดมึงจริงๆ รังเกียจนิสัยมึงฉิบหาย ขอให้ชาติหน้าอย่าได้เกิดมาเจอะมาเจอกันอีกเลย แค่ชาตินี้ก็พอ ไอ้ควายป่าเถื่อน!!” คนที่นอนราบกับพื้นในสภาพที่คว่ำหน้ามือมัดแบบไขว้กันอยู่ด้านหลังโวยวายออกมา ทั้งก่นด่า สาปแช่ง จนรามินทร์โกรธที่อีกคนยังคงปากดีอยู่อีก

“หุบปาก!!”

“กูไม่หุบ ทำไม มึงจะเอาอะไรมามัดปากกูอีกหรือไง”

“อยู่ในท่าที่น่าสมเพชแบบนี้มึงยังทำซ่าอีกนะ”

“ก็เรื่องของกู ชีวิตของกู”

“เออ!! ชีวิตของมึง แต่ตอนนี้เป็นของกู!!!”

“อย่ามาพูดจาพล่อยๆ ไอ้ราม ถึงมึงจะมีสิทธิ์ทำบ้าบออะไรก็ได้ตอนนี้ แต่รู้ไว้ว่าชีวิตกูมันไม่ใช่ของมึง กูจะตายมันตอนนี้ก็ได้ จะได้จบเรื่องบ้าๆ นี้สักที ไหนๆ กูก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องมึงต้องตาย งั้นกูก็ขอตายเพื่อชดใช้ก็แล้วกัน!!!” ไม่มีความล้อเล่นอยู่ในน้ำเสียง ทำเอารามินทร์ถึงกับเชื่อว่าอีกคนยอมตาย

แต่เขาไม่ยอม...ทรมานเป็นๆ ดีกว่า

มันสะใจกว่าเยอะ

“หึ ถ้าคิดว่าตายได้ก็ทำดิ”

“กูว่าชาตินี้มึงคงหาคนที่รักมึงไม่ได้แน่ๆ ถ้ามึงทำตัวชั่วช้าแบบนี้” ร่างบางที่ยังคงเสียเปรียบเอ่ยขึ้น ขอแค่ได้พูดให้หายแค้นก็พอ

มีสาระ ไม่มีสาระ เกี่ยว หรือไม่เกี่ยว อะไรตอนนี้ก็ช่าง ขอแค่ได้พูดเป็นพอ

“ก็เรื่องของกู...แต่ที่แน่ๆ คนที่เข้าหากูก็มีเยอะแยะ อ้อ!! มึงก็เหมือนกันด้วยนี่ ได้ทั้งหญิงและชาย เสน่ห์แรงมาก มีเมียเยอะ แต่มึงยังไม่เคยเป็นเมียใครนี่ น่าสนเหมือนกันแฮะ!” รามินทร์กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ มองร่างโปร่งที่นอนคว่ำอยู่ด้วยสายตาสำรวจก็พบว่าหุ่นของรามินทร์ก็ดีเหมือนกัน

แม้ว่าจะไม่ได้ตัวเล็กมากเหมือนที่เขาชอบ แต่ทั้งหน้าสวย และสูงผอม ก็ถือว่าโอเคสำหรับเขา ถ้ามันไม่ใช่คนที่เขาเกลียดรับรองว่าไม่ปล่อยเอาไว้แน่

“อย่ามาประสาท กูจะไปเป็นเมียชาวบ้านเขาทำไม เฮอะ!!”

เรื่องอะไรที่จะให้คนอื่นเอา ‘ไอ้นั่น’ ใส่เข้ามาในตัว ถึงไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะลอง

“มึงรู้ไหม ว่ากูน่ะชอบผู้ชาย มีแฟนเป็นผู้ชายมาโดยตลอด แต่ตอนนี้โสด ไม่ได้เอาใครมาปีกว่าแล้ว” รามินทร์พูดบอกไปเสียงเรียบ ต่อประโยคให้ตัวเองในใจ

เพราะเอาเวลาทั้งหมดไปทำทุกอย่างที่จะได้ใกล้มึงไง

“บอกกูทำไม อยากให้กูเอา? เสียใจด้วย เรื่องนี้กูคงทำไม่ลงหรอก เกลียดขี้หน้า รังเกียจ ขยะแขยง” พอเจอประโยคนี้เข้า รามินทร์ถึงกับกัดฟันด้วยความโมโห ความอยากเอาชนะ อยากเหนือกว่าตีขึ้นมา เดินไปแก้เชือกให้กับร่างที่นอนอยู่ข้างล่างแบบไม่พูดอะไร แต่แรงกระชากของมือก็ทำให้อินทัชรู้ว่า อารมณ์ของรามินทร์ยังคงรุนแรง

และเมื่อเขาเป็นอิสระก็ถูกกระชากขึ้นมาจากพื้นแล้วโดนผลักไปที่เตียงกว้างแรงๆ

“อย่างกูเนี่ยนะเป็นฝ่ายโดนเอา หึหึ...ไหนๆ มึงก็ไม่เคยมีผัว งั้นกูก็อยากจะให้มึงลองว่ามันรู้สึกยังไงก็แล้วกัน” รามินทร์ว่าแบบนั้นก็เดินขึ้นเตียงไป ขัยบไปหาอินทัชช้าๆ ใบหน้าแสดงถึงความร้ายกาจจนอินทัชอดจะเสียงสันหลังไม่ได้

“ย่ะ อย่าเข้ามานะเว้ย กูถีบจริงๆ นะ”

“หึหึ ก็ลองดูสิ แต่แน่นอนว่ากูจะทำ เพราะมึงบอกว่าเกลียดกูมากใช่ไหม รังเกียจกันมาก ขยะแขยงกูสุดๆ งั้นก็ก็จะให้มึงรู้สึกแบบนั้นไปให้สุดๆ เหมือนกัน”

พรึ่บ!!

ว่าแล้วก็กระชากขาขาวของอินทัชเข้าหาตัว จนคนที่ไม่ได้ตั้งหลักถึงกับถลาตามแรงดึง อินทัชคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองเป็นคนที่แรงเยอะสุดๆ แล้ว

แต่พอมาเจอกับคนที่สูงกว่าเพียงเล็กน้อยนั้น ก็ทำเอาตกใจกับพละกำลังของรามินทร์ไม่น้อยเลย

“โอ้ย!!! อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ นะไอราม ก็ไม่เอาด้วยนะเว้ย” อินทัชเครียดเมื่อโดนคนตัวใหญ่กว่ากักเขาไม้ด้วยสองขาที่คร่อมทับตัวเขาอยู่

สภาพล่อแหลมมาก

ใบหน้าของรามินทร์ฉายความสะใจที่เห็นปฏิกิริยาที่แสนจะกลัวของอินทัช หัวเราะออกมาเบาๆ ถ้าทำแบบนี้ตั้งแต่แรก  ถ้าทำให้อีกคนเสียสิ่งที่รักไป ที่หวงแหนไป ก็คงจะสะใจดี

“ไอ้สัตว์ ให้ห่า ให้ควาย ไอ้ป่าเถื่อน มึงถอดเสื้อกูทำไม อึก” เมื่อมือแกร่งเริ่มถอดเสื้อผ้าที่แสนจะดูเก่าของอินทัชออกไป คนด้านล่างก็ร้องโวยวาย ทั้งดิ้น ทั้งพยายามผลักออก แต่แรงตัวเองไม่พอที่จะทำได้ เนื่องจากท่าทางที่เป็นรอง บวกกับโดนกักเอาไว้แน่นหนา

“จะ ‘เอา’ มึงไง แต่ไม่ได้ทำเมีย แค่ ‘ยัดเยียด’ ความเป็นผัวให้” รามินทร์ตอบด้วยรอยยิ้มปีศาจ อินทัชที่คิดว่าตนไม่มีทางรอดก็ได้กัดฟันอยากเจ็บใจ ปล่อยให้อีกคนถอดเสื้อผ้าตนออกไป

ใครไม่มาเจอแบบเขาไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าคนที่กำลังจะถูกข่มขืนรู้สึกยังไง ยิ่งรู้ว่ารามินทร์ชอบผู้ชาย ไอ้เรื่องเซ็กส์น่ะ จะกับใครก็ได้

รวมคนที่มันเกลียดอย่างเขาด้วย

“หึหึ ทำไม กลัวหรือไง อยากร้องไห้หรือ ร้องดิ ยิ่งร้องกูยิ่งสะใจ”

หัวใจมันทำด้วยอะไร...

ทำไมถึงได้เลว ต่ำช้า และใจร้ายได้ขนาดนี้

ไม่การจูบ ไม่มีการเล้าโลม ไม่มีการโอบกอด ไม่มีอะไรเลย เขารู้สึกว่ามันช่างน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงที่สุด มือหยาบกร้านที่ลูบไปทั่วผิวของเขา มันร้อน... แต่อินทัชกลับเย็นเยือกถึงขั้วหัวใจ เมื่อร่างสูงถอดเสื้อผ้าคนตัวจาวที่ซ่อนผิวเรียบเนียนสมกับเป็นคุณชายไว้ด้านใน เขาก็ต้องรู้สึกตกใจ เพราะมันมีผิวที่เนียนขาวกว่าคู่นอนหรือแฟนคนก่อนๆ ของเขามาก...

“คุณชายนะมึง ผิวดีฉิบหาย”

“อย่าลูบ กูรังเกียจ” อีกคนกัดฟันบอก พยายามที่จะยกขาถีบแต่ก็ไม่ทำเพราะในร่างกายเขาไม่มีอะไรปิดบังร่างกายอีกแล้ว ส่วนที่ยังคงนอนหลับสนิทก็ไม่อยากให้มันเห็นเท่าไหร่

“หึ...รังเกียจงั้นหรือ” ถามพลางแสยะยิ้ม มือก็ลูบตามผิวสวยไปด้วยความรุนแรงทำเอาใบหน้าสวยหวานถึงกับเหยเกเพราะเจ็บและแสบ

มือมันหยาบมาก ทั้งร้อนและหยาบ บ่งบอกว่าเป็นคนที่ทำงานหนัก

“อึก...อย่าลูบ กูขยะแขยง มึงอย่าทำเหมือนพิศวาสกู”

ชีวิตนี้ไม่ต้องมารู้สึกเสียหน้า เสียศักดิ์ศรีเท่านี้มาก่อนเลย

“เอาอีก รังเกียจกูเข้าไปอีก ขยะแขยงกูให้เต็มที่ เพราะมัน...ไม่ได้ช่วยให้มึงรอด”

รามินทร์เกลียดอินทัช ทั้งแค้น ทั้งโกรธ แต่ก็ยอมรับว่าร่างกายของคนที่เกลียดก็ทำให้ส่วนนั้นของเขาตื่นตัวขึ้นมาได้ง่ายๆ

หรือนั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้นอนกับใครมาปีกว่าๆ จะอะไรก็ช่าง ยิ่งเขามีอารมณ์มากเท่าไหร่ อินทัชจะยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น ถามว่ารามินทร์ชอบข่มเหง รังแกคนอื่นหรือ ตอบเลยว่าไม่

แต่อินทัชคือข้อยกเว้น...ต่อให้ดีแค่ไหน ก็เลวได้ถ้าปล่อยให้กิเลสครอบงำ

“มึงลองจับมันดู กูจะเอาอันนี้ ‘ยัดเยียด’ ให้กับมึง” ร่างสูงจับมือขาวที่ยื้อเอาไว้สุดแรงแต่ก็ทนต่อความเจ็บไม่ได้ต้องโอนอ่อนตามแรงดึงนั้นมือเย็นเพราะความกลัวของอินทัชสัมผัสเข้าที่ท่อนลำแข็งแร่งที่พอแตะโดนก็รู้ว่ามันใหญ่แค่ไหน แค่คิดภาพมันเข้ามาในตัวของเขา ก็เจ็บร้าวไปทั้งตัวแล้ว

เขาเคยเปิดซิงผู้ชายบริสุทธิ์มาก่อน รู้ดีว่ามันเจ็บแค่ไหน อินทัชคิดอย่างเครียดๆ ว่าคงจะเดินไม่ได้อีกหลายวัน

“หึ! เป็นไง อยากได้จนตัวสั่นเลยหรือไง” คำถามที่ดูหมิ่นของรามินทร์ทำให้ตาสวยต้องมองอย่างรังเกียจกับความคิดสกปรกแบบนั้น

แต่รามินทร์ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือว่าไม่พอใจ กลับรู้สึกสะใจที่สุดด้วย

“เอาล่ะ กูจะไม่รอเวลาแล้ว ตอนนี้น้องชายของกู มันอยากเต็มทีแล้วล่ะ” รามินทร์ว่าพลางจับบังคับคนตัวผอมให้นอนคว่ำ ซึ่งแน่นอนว่าร่างโปร่งบางไม่ยอมง่ายๆ พยายามจะดิ้นหนี แต่ก็ถูกจับไว้เหมือนเดิม กำปั้นหนาต่อยเข้าที่ท้องน้อยจนอีกคนตัวงอด้วยความจุก ในจังหวะนั้นแหละที่รามินทร์บังคบอีกคนให้นอนคว่ำได้สำเร็จ

“หึ” ที่หัวเราะไม่ได้อะไร แค่พึงพอใจที่ด้านหลังของร่างผอมนั้นก็ดูว่าจะเย้ายวนไม่แพ้ด้านหน้า ทำเอาส่วนนั้นปวดหนึบขึ้นมาทันที

“ต่อให้มึงจะเป็นคนที่กูเกลียดนะไอ้อิน แต่ซิงด้านหลังนี่กูถือว่ามึงยังสะอาดอยู่ แม้ว่าใจมึงมันจะสกปรกก็ตาม”ไม่ว่ายังไงรามินทร์ก็ยังไม่เปลี่ยนความคิดที่ว่าเขาเป็นคนที่ทำให้น้องสาวของมันตาย

คนที่ยังจุกน้ำตาเล็ดออกมา รู้สึกเจ็บเมื่อปลายนิ้วสอดแทรกเข้าไปในช่องทางคับแคบของอินทัช

“แน่นดีนี่”

จะไม่แน่นได้อย่างไร ในเมื่อคนตัวเล็กกว่าไม่มีอารมณ์ที่จะมีเซ็กส์ และไม่มีการเล้าโลม จู่ๆ ก็ถูกนิ้วสอดแทรกเข้ามาเพื่อเบิกทาง ทำเอาคนที่เพิ่งโดนต่อยถึงกับกัดปากเพราะเจ็บ

“หึหึ กูไม่ได้จะให้มึงมีความสุขหรืออะไรหรอกนะ เพราะฉะนั้นจะมีอารมณ์หรือไม่มีอารมณ์ก็เรื่องของมึง เพราะกูแค่ได้ปลดปล่อยก็พอ”

ร่างแกร่งว่าแบบนั้นก็สอดนิ้วที่สองที่สามเข้าไปเรียกเสียงร้องในลำคอของอินทัชได้เป็นอย่างดี เห็นแบบนั้นก็รู้ว่าตัวเองไม่มีทางรอดแน่ รามินทร์เอาจริง มือของเขาเลยเอื้อมมาจับที่ส่วนกลางลำตัวขนาดพอดีกับร่างกายก็จะรูดรั้งมันเบาๆ เพื่อปลุกอารมณ์ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาไม่นึกถึงสิ่งที่เกิดอยู่ด้านหลัง

คิดถึงเด็กๆ ที่เคยนอนด้วยเพื่อปลุกเร้าตนเองและก็ได้ผลมันตึงสู้มือ ประจวบเหมาะกับนิ้วที่สามของรามินทร์ที่กระแทกโดนจุดกระสันของอินทัชทำเอาคนที่นอนคว่ำหน้าเท้าแขนกำเตียง สะโพกยกสูงเพราะแรงบังคับถึงกับส่งเสียงครางออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“อา”

“เสียงดี” ไม่ได้ชมแบบจากใจ แต่เย้ยหยันมากกว่า

“ย่ะ...อย่า กูไม่เอา ป่ะ ปล่อย” เมื่อหายจุก ร่างโปร่งบางก็พลิกตัวนอนหงายหลบนิ้วแกร่งนั่น เรี่ยวแรงที่มีหดหายไป เหลือเพียงแค่ความอ่อนไหวที่ถูกปลุกเท่านั้น

พรึ่บ!!

“ยังมีแรงอยู่นี่ แต่รู้เอาไว้ด้วย ไม่ว่าท่าไหนกูก็เอามึงได้”

“อ๊ากกกก” เสียงร้องอย่างแสนเจ็บปวดดังลั่นห้องนอนของรามินทร์เมื่อขาถูกแยกออกให้ห่างแล้วกายใหญ่ก็สวนเข้ามาในช่องทางคับแคบอย่างรวดเร็วและรุนแรง

“จ่ะ เจ็บ โอ้ย กูเจ็บ อึก”

“หึหึ อึก” มันแน่นมากก็จริงแต่ก็ยังสะใจมากด้วย ขาข้างหนึ่งตั้งขึ้น ถูกมือหยาบจับเอาไว้เป็นหลักแล้วก็สวนกายเข้าออกโดยไม่รอให้คนที่รองรับอารมณ์เขาตอนนี้ได้ปรับตัวเลย

เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก...

“อืม...แน่นมาก อา” เสียงทุ้มครางออกมาอย่างพึงพอใจ ที่เขาว่ากันว่าได้เปิดบริสุทธิ์ของคนมันทำให้รู้สึกดี และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เปิดบริสุทธิ์ของคนคู่ขา

เพียงแต่อินทัชเขาไม่เรียกว่าคู่ขา...แค่ที่ระบายอารมณ์ก็คงพอ

“จ่ะ เจ็บ อึก เจ็บ อ๊า” มันทั้งเจ็บทั้งเสียวซ่าน แต่อย่างแรกมีมากกว่า นั่นเลยทำให้เขารู้สึกว่าช่องทางด้านหลังของเขาฉีกแล้วแน่ๆ

มันทั้งแสบ มันทั้งเจ็บ ความเจ็บปวดมันร้าวไปถึงไขสันหลัง ไม่ว่าจะยังไงอีกคนก็สวนกายกระแทกกระทั้นรุนแรงจนอินทัชน้ำตาไหล ไม่นานความทรมานนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่านที่ไม่คิดว่าจะได้สัมผัสมัน แต่ตอนนี้ก็คงจะทำได้เพียงคิดว่ามันเป็นฝันร้าย

ต่อให้รู้สึกดีกับมัน มันก็คือฝันร้าย

อินทัชหมดแรง ไม่แม้กระทั่งส่งเสียงร้อง พยายามกลั้นให้ได้มากที่สุด ทั้งกัดปากตัวเองจนเลือดออก ทั้งจิกผ้าห่มบนเตียงอย่างต้องการระบาย ความเจ็บปวดที่ถูก ‘ยัดเยียด’ ให้มันก็ไม่มีทางที่จะหายได้เลย

“อา...อืม ดีฉิบหาย”

อินทัชร้องไห้ออกมาอย่างสุดแสนจะแค้นเคือง เขาทำอะไรผิด สวรรค์ถึงลงโทษเขาแบบนี้ บอกเขาทีว่าอินทัชคนนี้ทำอะไรผิด...

ไม่รู้ว่าร่างสูงระบายอารมณ์ใคร่ที่แสนรุนแรงกับร่างกายของอินทัชไปกี่รอบ เพราะร่างโปร่งหมดสติไปตั้งแต่รอบที่สามที่อีกคนปลดปล่อยอย่างไม่ต้องการรับรู้อะไรอีก

รามินทร์ก็ใช่ว่าจะหยุดอยู่แค่นั้น...

หึ…ทรมานกว่านี้อีก มึงต้องรู้สึกตายทั้งเป็น!!!













50%

 :katai4: :katai4: :katai4:

   ปล่อยไว้ 1 เดือนเต็มๆ กับเรื่องนี้ ขอโทษด้วยนะคะ หลายคนเข้ามาทวงกันเยอะมาก ไม่ได้ทิ้ง แต่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจริงๆ ค่ะ

พอดีว่าช่วงนั้นงานเยอะมาก ไหนจะรายงานเขียนมือหลายเล่ม ไหนจะต้นฉบับน้องดรีมเล่มพิเศษ ตอนนี้หมดภาระแล้วค่ะ แค่สอบไฟนอล 14-18 นี้ แต่แน่นอนว่ามีเวลาแล้ว ไม่น่าจะหายไปแล้วล่ะค่ะ 555+ เรื่องนี้วางพล็อตสมบูรณ์แล้วนะ (แต่แต่งยังไม่ถึงไหน)

   ใครที่อ่านแล้วชอบ (?) อยากจะฆ่ารามแค่ไหน ก็บอกกล่าวกันได้ด้วยการเม้นท์ อยากให้กำลังก็เม้นท์ค่ะ ส่วนใครที่อยากคุยกับยูกิไปที่แฟนเพจค่ะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 50% (13/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-12-2015 00:04:28
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 50% (13/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 14-12-2015 22:34:29
ความโหด และไม่มีเหตุผลยังคงเดิม
รอวันที่ราม ต้องตามง้อบ้าง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 50% (13/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 14-12-2015 23:11:08
 :katai4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 50% (13/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 15-12-2015 14:00:59
อยากจะด่าว่ารามโง่อยู่หรอกนะ
จะรอวันที่รามรู้ความจริงแล้วกันให้น้องอินเล่นให้หนักเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 50% (13/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: pumpui ที่ 15-12-2015 23:31:49
ขอให้ ราม เป็น คนหลงรัก อินทัช ก่อน แล้ว อินทัช ไม่เล่นด้วย ให้ราม ตามง้อ จนใกล้จบ เลย แต่ใจจริง อยากให้ อินทัช รักกับคนอื่นไปเลย แต่ ชื่อเรื่อง นำไปแบบนี้ เขาคงต้องมารัก นะซิ อยากให้ จบแบบ อินทัช ไม่ได้รัก ราม ให้ราม อกหัก ตรอมใจไปเลย 5555
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 100% (17/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-12-2015 13:54:08
ตอนที่ 5 ครึ่งหลัง







ตายหรือยัง...

ที่นี่คือที่ไหน สวรรค์หรือเปล่า หรือว่านรก...

อินทัชค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกตัวจากการสลบไสลเป็นเวลาหลายสิบชั่วโมง จนตอนนี้คงจะเป็นเช้าวันใหม่ ความรู้สึกรวดร้าวไปทั่วทั้งช่วงล่าง ร่างกายปวดสะท้านไปทั้งสรรพางค์กาย

ไม่แปลกเลยที่น้ำตาเขาจะไหลอีกครั้ง มันทั้งเจ็บใจ และก็เจ็บกาย ทุกอย่างมันเลวร้ายสุดๆ จนอยากจะให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน อินทัชที่อยู่ในชุดเมื่อวานค่อยๆ ประคองตัวเองขึ้นมา ก็พบว่าไม่ได้อยู่ในห้องของรามินทร์แล้ว และไม่ได้อยู่ที่บ้านพักของเขาเช่นกัน

มันคือห้องเก็บของเก่าๆ ที่ฝุ่นเขรอะ ก็เดาเอาไว้ว่าคงจะนอนตรงนี้มาทั้งคืน...

“แคกๆ” ตอนนี้ร่างโปร่งที่ดูทรุดโทรมไอและจามออกมาอย่างสุดจะทน เพราะเขามีโรคประจำตัวคือโรคภูมิแพ้ และแพ้ฝุ่นด้วย 

เขาเจอฝุ่นได้ โดนฝุ่นได้ แต่ต้องไม่เยอะมากขนาดนี้

“อึก...เจ็บ”

อยากจะลุกแต่เขาก็ลุกไม่ได้ รู้สึกทั้งแสบช่องทางนั้น และก็แสบตามากๆ แสบจมูกและคัดจมูกสุดๆ อาการแพ้เริ่มกำเริบออกมา หายใจแทบจะไม่ออกจนต้องตะเกียกตะกายคลานไปที่ประตูห้อง แม้เสื้อผ้าที่สวมอยู่จะทำหน้าที่เป็นผ้าขี้ริ้วเช็ดพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น อินทัชก็หาได้สนใจ ขออกไปจากห้องนี้ ห้องที่ไม่มีแม้แต่หน้าต่างถ่ายเทอากาศ ทุกอย่างปิดทึบ

“เดินไม่ไหว ลุกไม่ขึ้น กรรมเวรอะไรของกู” เสียงสั่นเครือเพราะน้อยใจในชะตาชีวิตดังออกมาจากปากสวยที่ซีดเซียวราวกับกระดาษ

ทำไมเขาต้องมาอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเวทนาแบบนี้ด้วย

แกร๊ก!!

ยังไม่ทันที่จะคลานถึงประตู ร่างสูงของรามินทร์ก็เปิดเข้ามาในมือมีขันน้ำมาด้วย เลิกคิ้วนิดๆ เมื่อเห้นว่าคนที่เขาตั้งใจจะมาปลุกตื่นแล้ว

“ตื่นไวดีนี่ แต่ช้าไปหน่อยนะ มึงต้องตื่นตีสี่ไม่ใช่หรือไง นอนขนาดนี้ ไม่ได้ไปเลยล่ะ”

“ก็อยากอยู่เหมือนกัน” เสียงอ่อนแรงเถียงออกไป พยายามหยัดกายตัวเองเอาไว้ ไม่กล้าใช้ตรงนั้นโดนพื้นมากเพราะมันเจ็บ เจ็บจริงๆ และมันคงจะฉีกพร้อมกับอักเสบมากแน่ๆ

“หึหึ กูอุตส่าห์ใจดีให้ที่นอน ใส่เสื้อผ้ากับล้างตัวให้ ขอบคุณกูซะสิ”

“ฆ่ากูให้ตายเถอะ มึงไม่มีทางได้ยินคำว่าขอบคุณจากกูแน่”

“ปากดี ถ้าตื่นแล้ว กูจะช่วยอาบน้ำให้ก็แล้วกัน”

ซ่า...

ขันที่รามินทร์ตักน้ำเข้ามาด้วยถูกสาดไปที่ร่างของอินทัชเต็มๆ จนร่างโปร่งบางต้องหลับตาเพราะน้ำมันโดนที่หน้าเต็มๆ เชื่อเถอะว่า ถ้าเขาลุกขึ้นยืนได้ มันไม่มีทางได้กระทำเขาอยู่ฝ่ายเดียวแน่ๆ

ความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวที่มีอยู่ก่อนหน้านั้นกลับรู้สึกหนาวขึ้นเมื่อโดนสาดน้ำมา แม้ไม่เปียกมากเพราะขันเดียว แต่คนที่ไม่สบายอยู่ก็รู้สึกหนาวได้

“ไอ้เหี้ย!!!” แม้ว่าเสียงจะเบาแต่ก็แข็งจนรามินทร์กระตุกยิ้ม

“สภาพมึงนี่ดูไม่ได้เลยนะ ทำมาเป็นเจ็บ ทำมาเป็นสำออย หึหึ แน่ล่ะก็ของกูมันใหญ่ มึงคงจะเดินไม่ไหว แต่กูไม่ใจดีหายาหาข้าวให้หรอกนะ จัดการเอง อ้อ!! ไปทำงานด้วยล่ะ”

“มึงมันสารเลว”

“แค่กับมึงนั่นแหละ เอาล่ะ ไปซะ! ทำตามที่กูสั่ง” สั่งเสียงเข้ม

“เออ!!” แม้จะตอบไปแบบอวดดี แต่มีอ่อนแรงของตนก็พยายามที่จะหยัดตัวเองขึ้น เขาใช้มือดันตามข้าวของเก่าๆ ที่กองอยู่สูงๆ เพื่อลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ความเจ็บที่บีบรัดที่ช่องทางนั้นก็ทำเอาอินทัชกัดปากตัวเองแรงๆ จนเลือดซิป ท่ามกลางสายตาที่เย็นชาของรามินทร์ ก็ไม่รู้เลยว่า ใจของเขามันสั่นไหวขนาดไหนที่เห็นอีกคนมีสีหนน้าเจ็บปวดและทรมาน

แน่นอนว่าคนที่ทำผิดไม่ได้สะใจอย่างเดียว แต่แต่ก็รู้สึกผิดด้วย

“หลบ” บอกคนที่อยู่ขวางหน้าประตูเสียงเบา จมูกที่แดงเด่นชัดเพราะใบหน้าขาวใสของอินทัชมันซีดเซียวเหมือนกับปาก แต่ที่เห็นว่ามันแดงจัดก็คือจมูก

“เชิญ” เขาขยับเล็กน้อยให้มีช่องทางให้เดิน ก่อนที่ร่างบางๆ นั่นจะเดินผ่านเขาไปอย่างยากลำบาก แต่เพียงแค่เดินผ่านไป รามินทร์ก็รับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมา

เขาหันหลังกลับมามองคนที่เดินเกาะตามกำแพงไปด้วยความฉงน ใบหน้าเริ่มเครียดอย่างเห็นได้ชัด

รู้ตัวอีกที ก็เดินตามร่างโปร่งนั่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงที่พักซอมซ่อที่เขาเป็นคนให้อีกคนพักที่นี่เอง รามินทร์มองขาเรียวที่ก้าวขึ้นบันไดอย่างสั่นๆ มือกำราวบันได้แน่นเกร็งจนเห็นเส้นเลือด บ่งบอกว่าอีกคนเจ็บแค่ไหน เดินลำบากแค่ไหน แต่อีกคนก็ไม่มีท่าทีว่าจะร้องขอหรือเอ่ยบอกจนคนที่เป็นสาเหตุหงุดหงิด

ไม่รู้ว่าหงุดหงิดอะไร แค่หงุดหงิดก็เท่านั้น

“คงไม่ตายหรอกมั้ง” คิดแบบนั้นก็หันหลังกลับไปเพื่อไปทำงานของตัวเองทันที ปล่อยให้อินทัชจัดการตัวเองไป แม้จะรู้สึกกังวล แต่ความความโกรธความเกลียดมันบดบังจนทำให้ต้องก้าวไปแบบคนไม่รู้สึกอะไรเลย

...

...


ทางด้านอินทัชเมื่อเข้าไปถึงตัวห้องที่ใช้นอนก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเก่าๆ แล้วหยิบเสื้อผ้าแบบเดียวกับที่ใส่อยู่ตอนนี้มา ก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มีสีหน้าเครียดๆ

“น้ำหมดแล้ว” นั่นหมายความว่าต้องไปตักน้ำจากธารน้ำมาเติม แต่สภาพสังขารตอนนี้ไม่ไหวแน่ๆ แค่ยืนและเดินได้มาขนาดนี้ถือว่าสุดๆ แล้ว

“ช่างมัน ค่อยเดินไปอาบที่น้ำตกเอาก็ได้” พึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินจากห้องน้ำเก่าๆ มา ความรู้สึกแสบร้อนที่ดวงตาทำเอาอยากจะนอนพัก ไหนจะช่องที่ใช้งานหนักจะฉีกและบวมมากอีก อินทัชแตะนิดเดียวก็แทบจะร้องไห้

แค่ยาแก้อักเสบสักเม็ดก็ได้ แล้วจะไปหามาจากที่ไหนล่ะ

“อึก...เจ็บ”

มันร้าว มันปวด มันทรมาน...เขาค่อยๆ เดินอย่างสุดแสนจะลำบาก แต่คำสั่งของรามินทร์เขาก็ไม่อาจจะเพิกเฉยได้ กลัว...กลัวว่ามันโกรธแล้วทำแบบนี้กับเขาอีก

ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงจะตายจริงๆ

ตุบ!!

ร่างทั้งร่างทรุดลงที่พื้นอย่างแรงเพราะเดินต่อไปไม่ไหว มันทั้งปวดหัว เวียนหัว และหายใจไม่ออก

“ฮึก...เจ็บ” น้ำตาของเขาไหลออกมา และร้องไห้อยู่ตรงนั้นอยู่นาน ไร้เสียงร้อง ไร้เสียงสะอื้น มีเพียงน้ำตาที่ไหลรินกับมืออ่อนแรงที่พยายามกำให้แน่น

มันเวรกรรมอะไรเขานักหนา...

เขาทำอะไรผิดมากมายขนาดนั้น ถึงได้ลงโทษกันแบบนี้


ไม่เอาแล้ว...ไม่อยากอยู่แล้ว

“ฮึบ” แม้จะคิดอย่างนั้น แต่เขาก็ฝืนลุกขึ้นมาอีกครั้ง เดินไปที่บันไดอย่างค่อยๆ ช้าๆ เพื่อจะไปรดน้ำผัก แม้ว่ามันจะเลยเวลามาแล้วก็ตาม

พอมาถึงด้านล่างเขาก็แทบทรุดเพราะเหนื่อยที่สุดกับการเดินลงบันได แต่ในขณะที่เขาเจอแสงแดดทำร้าย อาการหน้ามืดก็ตีขึ้นมา พร้อมกับสติที่ดับวูบ ร่างกายล้มกระแทกพื้นอย่างแรง

ตุบ!!!

“เฮ้ย!!! อิน เป็นอะไรวะ” แต่โชคดีหน่อยที่ขรรค์มาทันเห็นภาพนั้นพอดีเลยรีบวิ่งมาดูอาการ หากแต่อินทัชก็ไม่ได้มีสติที่จะตอบใครได้ แต่พอร่างสูงใหญ่ของขรรค์แตะเข้าที่ผิวกายหวังจะอุ้มอีกคนขึ้นก็รับรู้ได้ถึงความร้อนที่ผิดปกติของร่างกาย บวกกับใบหน้าที่แสนซีดเซียว แต่จมูกแดงก่ำ มีน้ำมูก

“ไม่สบาย...ทำไงดีวะกู”

คิดอะไรไม่ออก ขรรค์เลยตัดสินใจยกร่างของอินทัชพาดบ่าแล้วตรงไปยังที่พักของคนงานทันที เนื่องจากที่นั่นจะมีที่นอนพักกับพวกยาสามัญประจำบ้านอยู่

“อ้าวเฮ้ย ขรรค์ มึงเอาใครมาวะนั่น”

“อิน...”

“ห๊ะ!!! คนของนาย?” คนที่ถามอุทานลั่น

“เออ” เขาตอบสั้นๆ พลางวางร่างของอินทัชลงบนเตียงที่ว่างอยู่ ก่อนที่คนที่ถามขรรค์จะเดินมาดูอาการ ช่วงนี้คนงานไม่ค่อยมาพักเท่าไหร่เพราะเพิ่งจะเริ่มทำงานกัน แต่ตอนพักเที่ยงก็ไม่แน่

“ไม่สบายนี่หว่า ตัวร้อนจี๋เลยไอ้ขรรค์”

“กูรู้แล้ว กำลังคิดอยู่”

“ตามหมอสิวะ อาการแบบนี้หนักมากเลยนะเว้ย”

“เออๆ กูจะไปบอกนายท่านก่อนก็แล้วกัน”

“เดี๋ยวเฝ้าให้” ร่างใหญ่รีบวิ่งออกไปทันทีเพื่อไปรายงานเรื่องนี้กับรามินทร์ที่ห้องทำงานของเจ้าของรีสอร์ท

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา”

ขรรค์เปิดประตูเข้าไปหลังจากได้รับอนุญาต เจอผู้เป็นนายกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานของตนอยู่อยู่อย่างเคร่งเครียด

“อินมันไม่สบายครับนาย” รายงานออกไปทันที ทำเอาร่างสูงที่กำลังเขียนบางอย่างถึงกับมือชะงักเงยหน้ามองคนพูดทันที

“แล้ว?”

“ผมมาถามว่าจะให้ทำยังไง ให้พาไปหาหมอไหมครับ”

“ปล่อยมันไว้แบบนั้นแหละ เดี๋ยวมันก็ตื่นขึ้นมาเอง”

“แต่ตัวมันร้อนมากเลยนะครับ” รามินทร์จ้องคนพูดนิ่งๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร จนขรรค์แปลกใจกับความเย็นชาที่ไม่เคยเจอจากเจ้าชีวิตคนนี้

ปกติรามินทร์ เป็นคนที่ใส่ใจคนงานเสมอ แม้จะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ยังจะให้ไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล แต่ทำไมกับอินทัช ถึงได้ไม่สนใจใยดีแบบนี้

“แค่นั้นมันไม่ตายหรอก”

“คุณรามครับ ผมไปเจออินมันสลบต่อหน้าต่อตาเลยนะครับ ผมคิดว่าถ้าไม่รักษา มันอาจจะได้ช็อกตายเพราะไข้แน่ๆ” ลูกน้องอย่างเขากล้าที่จะพูดอะไรตรงๆ ขัดคำสั่งของเจ้านายก็ครั้งแรก

ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าอินทัชจะหมดสติขนาดนั้น

“ไปตามหมอเอาก็แล้วกัน ไม่ต้องเอามันไปถึงโรงพยาบาลหรอก”

ก็แค่กลัวมันคิดหนีอีกครั้งก็เท่านั้น...

“ครับ”

“ฉันจะทำงานต่อ ฝากจัดการแล้วรายงานฉันด้วย”

“ครับ” ร่างสูงใหญ่ของลูกน้องอย่างขรรค์เดินออกจากห้องทันที ต้องกลับไปที่พักคนงานเพื่อใช้โทรศัพท์ของที่นั่นโทรตามหมอให้มาตรวจอินทัช

เมื่อมาถึงเขาก็แปลกใจที่เห็นว่าเพื่อนที่ดูแลที่พักคนงานไม่ได้อยู่คนเดียว แต่กลับอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขาคาดว่าน่าจะเป็นลูกค้าเพราะการแต่งตัวดูดีมากนั่งหันหลังให้อยู่

“อ้าว นั่นครับ มันมาแล้ว” ขรรค์ขมวดคิ้วเพราะเพื่อนมันไม่ได้พูดกับเขา แต่พูดกับผู้ชายที่กำลังนั่งหันหลังให้เขาอยู่ ด้วยความไม่สังเกตจึงถามออกไป

“อะไรวะ”

“อ้อ คุณหมอเขามาถามหามึงน่ะ”

“หมอ? กูยังไม่โทรเรียกเลยนะ”

“พอดีว่ากูจะออกไปหาอะไรมาเช็ดตัวไอ้อินมัน เจอคุณหมออาสาพอดี ตอนแรกเขาถามหามึง กูก็บอกว่ามึงไปหานายท่านเพราะรายงานเรื่องไอ้อินไม่สบาย คุณหมอรูปหล่อก็เลยอาสามารักษาให้” เพื่อนสนิทที่สุดของเขาเล่า จนคนที่กำลังตรวจดูอินทัชอยู่ หันมายิ้มให้น้อยๆ

หากแต่เอาร่างหนาชะงัก แล้วตัวแข็งทื่อ

“ไม่เจอกันนานนะขรรค์”

“เงิน...” ร่างแกร่งครางชื่ออีกคนเสียงเบาเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเขาคือใคร ใบหน้า รอยยิ้มที่แสนคุ้นเคย ทำเอาร่างสูงใหญ่ทำอะไรไม่ถูก

“อะไรกัน มาหาทั้งทีทักเราแค่นี้หรือ”

“มาได้ยังไง”

“ก็นั่งรถมา” เป็นคำตอบที่เหมือนจะกวน แต่คุณหมอนามว่าเงินก็ไม่รู้จะตอบอะไรนอกจากคำตอบนี้แล้ว

“อืม”

“ขรรค์...สบายดีนะ”

“สบายดี...สบาย...ดี” พูดแบบไม่เต็มเสียงมากนัก

เขาเคยคิดว่าตัวเองสบายดี...สบายดีมาโดยตลอด จนกระทั่งได้มาเจอคนตรงหน้าอีกครั้ง เขาเลยคิดว่าสิ่งที่เขาเข้าใจมาโดยตลอดมันผิด...

มันไม่โอเคเลยจริงๆ

“ขรรค์...เงินมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ”

“ก็...ได้สิ แต่ช่วงนี้เราไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ เอาเป็นว่าว่างเมื่อไหร่เราค่อยคุยกันก็ได้ แต่เงินจะกลับตอนไหนล่ะ” อาการที่คนตัวใหญ่ลนลานนั้นมันดูตลกในสายของเพื่อน เพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่คนงานตัวโตที่แสนจะหน้านิ่งคนนี้ลนลาน แต่มันกลับทำให้ตัวต้นเหตุอย่างเงินไม่ตลกไปด้วย

“เราไม่กลับหรอก”

“…” ขรรค์ทำหน้าฉงน แต่ประโยคถัดมาทำเอาชาวาบไปทั้งตัว

“เพราะเรามาประจำโรงพยาบาลในชุมชนนี้น่ะ”

ผู้ชายตัวโตอย่างเขาไม่เคยกลัวอะไร ไม่เคยกลัวใคร ทำงานให้กับรามินทร์ด้วยความจงรักภักดีมาโดยตลอด เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์สุดๆ จิตใจไม่หวั่นไหวอะไรง่ายๆ แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะหวนกลับคืนตอนนี้มันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว

คนเดียวที่ทำให้ขรรค์ไม่เป็นตัวของตัวเอง คนเดียวที่ทำให้หัวใจแข็งแกร่งอ่อนแอ

ผู้ชายตัวใหญ่คนนี้ ไม่เคยกลัวอะไรก็จริง…

แต่ ‘แฟนเก่า’ นี่สิที่เขากลัวสุดๆ

...

...

...


เขา...อยู่ที่ไหน

“อึก...”

“ค่อยๆ ครับ คุณยังอักเสบ และเจ็บแผลอยู่”

เสียงใคร...ทำไมอ่อนโยนเหลือเกิน

เปลือกตาบางค่อยๆ เปิดขึ้น สายตาปรับเข้ากับแสงยามบ่าย ภาพแรกที่เขาเห็นคือผู้ชายตัวพอๆ กับเขายืนยิ้มให้อยู่ข้างๆ เตียง

เตียง...ทำไมเราถึงได้นอนเตียง

“คุณ...เป็นใคร”

“ผมเป็นหมอครับ ตอนนี้คุณไม่สบายอยู่ ต้องพักผ่อนเอาไว้มากๆ ไหนๆ ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เดี๋ยวผมจะจัดการหาข้าวหายามาให้กินนะครับ”

“ขอบคุณครับ แต่ผมต้องทำงาน เดี๋ยวเจ้านายว่าเอา” ร่างโปร่งพยายามลุกขึ้น แต่ก็ถูกดันไหล่เอาไว้เบาๆ จนต้องนอนลงกับที่นอนคืนอย่างช่วยไม่ได้

“อย่าเลยครับ เจ้านายคุณเองก็รู้แล้วด้วย”

ถ้างั้นก็ยิ่งแล้วใหญ่เลย เขารู้จักมันไม่นาน แต่ก็รู้ดีว่าถ้าเขาพักมากเท่าไหร่ งานที่ตามมามันจะมากขึ้นเท่าตัว

“แต่ว่า...”

“ไข้ขึ้นสูง เป็นโรคภูมิแพ้ แล้วก็อักเสบ...เอ่อ...นั่นแหละครับ” คุณหมอหนุ่มมีสีหน้าที่ไม่ค่อยจะมั่นใจว่าจะพูดออกมาได้ไหม เรียกเลือดมากองที่ใบหน้าขาวเนียนด้วยความอับอาย

“คุณหมอ...ช่วยเก็บเป็นความลับด้วยนะครับ” เขาขอร้องเสียงเบา

“ได้ครับ หมอไม่บอกใครอยู่แล้ว ว่าแต่ว่า...คุณอิน มาอยู่ที่นี่ ในสภาพนี้ได้ยังไงครับ ข่าวในหนังสือพิมพ์ตามหาคุณให้วุ่นวายเลย” ร่างโปร่งหัวใจเต้นแรงอย่างดีใจที่คุณหมอคนนี้รู้จักเขา

“เรื่องมันยาว และผมคงไม่สะดวกเล่าให้ใครฟังด้วย”

“ไม่เป็นไรครับ แล้วทำไมคุณถึงไม่ติดต่อไปหาครอบครัวว่าคุณอยู่ที่นี่ หรือว่า...” ยังไม่ทันที่คุณหมอหนุ่มจะพูดจบ ประตูห้องพักของพนักงานก็เปิดออก บานประตูกระทบกับผนังอย่าแรงจนทั้งคู่สะดุ้ง

ปัง!!!

“ผมว่าเรา...ต้องคุยกันหน่อยนะครับ คุณหมอ!!” รามินทร์พูดขึ้นเสียงเรียบ ทำเอาทั้งสองต่างก็มองหน้ากันเล็กน้อยเพราะความน่ากลัวของรามินทร์

“เอ่อ...ได้ครับคุณราม”


อินทัชเดาจากสายตาแข็งกร้าวนั้นได้...

ไม่ว่าใครกี่คนก็ตามจะรู้จักเขา ก็ไม่มีใคร...ช่วยเขาได้ทั้งนั้น





100%

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

   โอเคค่ะทุกๆ คน ตอนนี้ตัวละครสำคัญโผล่มาครบแล้วเนาะ เรื่องนี้มีสามคู่นะคะ แน่นอนว่าคู่หลักคือรามอิน คู่รอง จักรจอม แล้วก็ขรรค์เงิน อยากลองแต่งเรื่องยาวๆ หลายๆ คู่ในเรื่องเดียวดูบ้าง เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

   ทวงนิยาย พูดคุยกับยูกิที่แฟนเพจ ติดตามข่าวสารการอัพนิยายก็ที่เพจค่ะ

   https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)


หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 100% (17/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 17-12-2015 16:44:17
รามใจร้าย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 100% (17/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-12-2015 18:35:11
 :z6: 
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 100% (17/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 17-12-2015 19:16:15
อินน่าสงสารจัง  :mew6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 100% (17/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 17-12-2015 21:35:00
อินน่าสงสารรรร อิรามแม่งโง่ รักน้องจนไร้เหตุผล ชิ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 100% (17/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 17-12-2015 22:09:00
รามใจร้ายสุด ๆ ทำกันขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 100% (17/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-12-2015 00:08:12
 :serius2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 100% (17/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-12-2015 11:44:26
อิราม อิชั่วววว!!!!!  :z6:
แหะๆ อินไปนิดนึง รอติดตามตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 100% (17/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 22-12-2015 10:44:20
อยากตบรามรัวๆ
ตบให้มันหายตาบอดเพราะความแค้นซักที
หึ่ยยยย นี่ขึ้นมากนะ บอกเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 100% (17/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-12-2015 00:21:29
รอคอย......
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 5 100% (17/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: bencup9443 ที่ 25-12-2015 01:12:34
แอบรู้สึกอยากได้สปอยเป็นตอนพิเศษปีใหม่ของรามอินจัง :o8: เพิ่งเข้ามาอ่าน จะกลับไปตามอ่าน สองเรื่องก่อนนี้นะ  สนุกมากเลย สมัครเป็นแฟนฟิคเรื่องนี้นะ :katai4:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 50% (29/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 29-12-2015 23:01:41
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 6
ดูแลหรือทำให้แย่กว่าเดิม




“หมอเงินคงจะรู้นะครับว่าผมจะคุยเรื่องอะไร” รามินทร์ที่เชิญร่างโปร่งของคุณหมอหนุ่มหล่อเข้ามาในห้องรับรองแขกของตนถามด้วยสีหน้านิ่งๆ

“ก็พอจะทราบครับ” เงินแทบอยากจะหายไปจากที่นี่ด้วยซ้ำไป ถ้าเลือกได้คงจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อไป แต่การที่เขาเห็นคนที่ถูกทรมานแบบนั้นก็ไม่อาจจะรับได้

“ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่รบกวนแค่ช่วยคิดในใจเอาไว้ เพราะถ้าหากว่าเรื่องนี้หลุดออกไป คุณเจอผมเล่นงานหนักแน่” ร่างสูงขู่ออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ใครๆ ก็พูดกันว่า รามินทร์เป็นคนที่ดีนักหนา สุภาพ อ่อนโยน แต่ที่เขาเจอตอนนี้มันไม่ใช่เลย ทำไมขรรค์ถึงได้ทำงานให้คนแบบนี้กัน

“แต่ทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะครับ”

“ผมรู้”

“แต่ทำไม...” แต่ทำไมคุณยังทำ

“เพราะถ้าคุณไม่มาเป็นผม คุณก็คงไม่เข้าใจ”

ภาพที่น้องสาวพยายามจะฆ่าตัวตายเข้ามาในหัว มือแกร่งบีบโซฟาแน่นอย่างต้องการระบายอารมณ์

“ผมไม่เห็นด้วยกับการทรมานคนแบบนี้”

“แต่ถ้าคุณรู้ว่ามันทำอะไรกับครอบครัวผมไว้ คุณจะไม่พูดแบบนี้”
“ถ้าเขาทำผิดจริง คุณรามก็น่าจะให้กฎหมายเป็นคนจัดการสิครับ”

“ก็เพราะว่ากฎหมายมันจัดการไม่ได้ ผมถึงได้ทำเองนี่ไง” ร่างสูงเถียง

“คุณเลยทำตัวเป็นกฎหมายสินะ แล้วถ้าเกิดว่าวันหนึ่งคุณรู้มาว่าคุณอินไม่ได้เป็นคนทำล่ะครับ คุณอินไม่ได้ผิดอะไรเลยล่ะครับ”

พอได้ยินคำถามนี้ก็ทำเอาร่างสูงชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะหน้านิ่งตามเดิม เพราะไม่มีทางที่น้องสาวเขาจะพูดโกหกแน่นอน แล้วก็น้ำตานั่น รินไม่ได้เป็นคนเจ้าน้ำตา

ยังไงน้องของเขาก็ต้องพูดความจริงแน่นอน

“ไม่มีทางหรอกครับ มันน่ะผิดเต็มๆ”

“ผมก็แค่เตือนเจ้านายของขรรค์ด้วยความหวังดี ถ้าคุณคิดว่าคุณทำถูกแล้วก็ตามสบาย แต่เมื่อไหร่ที่ผมเห็นคุณอินทนไม่ไหว...และคุณทำเกินเหตุ วันนั้น...ผมจะไม่สนใจแล้ว ผมจะพาคุณอินกลับไปส่งบ้าน”

รามินทร์นิ่งไปกับความมีน้ำใจของคนตรงหน้าที่แม้จะไม่รู้จักกับอินทัชเลย แต่เมื่อเห็นว่าใครเดือดร้อนก็ยื่นมือมาช่วยเหลือเสมอ สมกับเป็นคุณหมอ สมกับเป็นคนที่ลูกน้องของเขารัก

“ไม่แปลกใจที่ขรรค์มันรักคุณ”

“คุณรามต้องพูดว่า เคยรักครับ ตอนนี้ ขรรค์ไม่ได้รักผมอีกแล้ว” หมอเงินแย้งเสียงเศร้า จนรามินทร์ยกยิ้มอย่างนึกอะไรขึ้นได้

“แลกกับการที่คุณจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ผมมีข้อเสนอให้กับคุณ” ร่างโปร่งทำหน้าฉงน

รามินทร์ยกยิ้มมีเสน่ห์ให้กับหมอเงินก่อนจะพูดเมื่อหมอเงินถาม

“อะไรครับ”

“คุณมาที่นี่ทำไมล่ะ” หมอหนุ่มนิ่งไปกับคำถามนั้น

นั่นสิ...เขาขอย้ายมาที่นี่ทำไม

“แล้วทำไมครับ”

มันเกี่ยวอะไรกับที่คุณจะเสนอกันล่ะ เขามองรอยยิ้มของคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ

“ผมจะช่วยเรื่องคุณกับขรรค์ จะเปิดทางให้ จะเปิดโอกาสให้อยู่กันสองคน เพราะผมรู้ว่าคุณมาเพื่อขอคืนดีกับมัน แต่คุณเองก็ต้องทำเป็นไม่เห็นว่าผมจะทำอะไรกับไอ้อิน”

“คุณนี่มัน”

“ทำไมล่ะครับ ถ้าหากว่าคุณไม่ตกลง ผมก็คงจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้คุณเข้าใกล้ไอ้ขรรค์เลย”

ร้ายกาจ...ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจมาก

ไหนล่ะคนที่เขาพูดว่า ใจดี สุภาพบุรุษ อ่อนโยน อบอุ่น

เงินคนนี้ ไม่เห็นจะได้รับความรู้สึกแบบนั้นเลย

“อ้อ! ผมจะบอกคุณไว้อย่างหนึ่ง ไอ้อินน่ะ ผมไม่ทำมันถึงตายหรอก ถ้ามันสาสมกับสิ่งที่มันทำแล้ว ผมก็จะปล่อยมันเองนั่นแหละ ว่าไงล่ะครับ”

ร่างโปร่งนั่งนิ่งอย่างครุ่นคิด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน...

“ผมตกลง”

เป็นคำตอบที่สร้างความพึงพอใจให้กับร่างสูงเป็นอย่างมาก รามินทร์กระตุกยิ้มอย่างมีชัย เพราะตอนนี้ก็เท่ากับหมดปัญหาไปได้หนึ่งเรื่อง


ไม่มีใครช่วยมึงได้หรอก...ไอ้อิน

...

...

...


“กูจะใจดีให้มึงได้พักก็แล้วกัน แต่ต้องกลับไปพักที่บ้านพักของมึง” รามินทร์ยืนกอดอกสั่งร่างโปร่งบางที่นอนป่วยหนักอยู่บนเตียง

“อือ”

“อือแล้ว? ก็ลุกสิ จะนอนหาพระแสงอะไร ที่นี่เขามีไว้ให้คนงานพักผ่อน”
แล้วกูไม่ใช่คนงานหรือไงวะ!!

“อึก...” รามินทร์เห้นคนที่พยายามจะลุกขึ้นด้วยตัวเองก็รู้สึกสมเพชเวทนาเลยต้องเป็นคนเดินเข้าไปหา จับอีกคนให้นั่งแล้วยกร่างเล็กกว่าขึ้นพาดบ่า แล้วเดินออกไปท่ามกลางความตกใจของอินทัช

“อะไร...ป่ะ ปล่อย”

“แรงไม่มีจะดิ้นแล้วยังพูดมากอีก อยู่นิ่งๆ กูไม่ได้ใจดีอะไรหรอกนะ แค่สมเพช!!”

“ไอ้เหี้ย” ร่างโปร่งด่าเบาๆ แต่ก็ยังเข้าหูของรามินทร์อยู่ดี จนร่างสูงต้องตีเข้าที่สะโพกอย่างหมั่นไส้ เพราะความเจ็บจากการกระทำของรามินทร์ ทำให้อินทัชเจ็บจนร้องออกมาเมื่อโดนตบที่สะโพก

“โอ้ย!! เจ็บ”

“หึหึ สม...กูบอกให้อยู่นิ่งๆ ถ้ามึงอยู่ไม่นิ่งกูโยนมึงให้ก้นมึงกระแทกพื้นแน่”

ด้วยความไม่อยากเจ็บ เขาเลยเลือกที่จะอยู่นิ่งๆ เงียบๆ จนร่างสูงพามาถึงบ้านพักโทรมๆ ของเขาที่ไม่ได้นอนมันมาตั้งหนึ่งคืน ร่างของเขาถูกวางลงอย่างไม่เบานัก แต่ก็ถือว่ามันไม่ได้โหดร้ายขนาดโยนเขาลง

“เย็นๆ กูจะให้คนเอาอาหารมาให้ ส่วนนี่ก็ยา หมอเงินจัดไว้ให้แล้ว อ้อ...คงอ่านหนังสืออกนะ กินและทาตอนไหนก็อ่านเอา กูจะไปทำงานต่อ”

“เออ...ขอบใจ” ร่างบางไม่อยากจะพูดมันออกมาหรอก แต่มันก็ออกมาจากใจจริงๆ ที่ใครช่วยเหลือก้ต้องพูดแสดงความขอบคุณ

แต่ร่างสูงไม่อยากจะรับเท่าไหร่

“ไม่ต้องมาขอบใจ เพราะว่ากูทำไปเพราะรำคาญ และไม่อยากให้มึงมาตายที่รีสอร์ทกูด้วย ให้เวลาสามวัน มึงต้องหาย ถ้าไม่หาย กูก็ไม่ให้พักแล้ว เข้าใจใช่ไหม”

“อือ”

“หึ...” รามินทร์ไม่พูดอะไรอีกเดินออกไปจากห้องนอนของอินทัชที่ไม่มีอะไรเลย แม้กระทั่งผ้าห่มหนาๆ เพราะเป็นบ้านไม้ ช่วงหน้าร้อนก็จริงแต่บ้านหลังนี้อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เลยเย็นเป็นพิเศษ แต่เพียงผ้าห่มบางๆ ตอนนี้ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับคนอย่างเขาที่เป็นแค่ทาสก็ดีแล้ว ดีดว่าไม่มีอะไรเลย

พ่อครับ แม่ครับ พี่แอน ผมหนาว ผมอยากกลับบ้าน...

ไม่บ่อยครั้งที่เสาหลักครอบครัวในวัยยี่สิบตอนต้นจะรู้สึกท้อแม้และอ่อนแอแบบนี้ มือขาวกระชับผ้าห่มผืนบางแน่นด้วยความหนาว...

เป็นอีกครั้งที่คนป่วยหลับไปเพราะพิษไข้อีกครั้งหนึ่ง...


“คุณรามคะ ให้ป้าไปดูแลคุณอินให้ไหมคะ” ป้ารีเอ่ยขอเมื่อผู้เป็นนายเดินเข้ามาสั่งข้าวต้มในช่วงเย็นๆ แบบนี้ ร่างสูงคิดนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มอ่อนโยนไปให้

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

“แต่ป้าว่าให้ป้าไปดีกว่านะคะ คุณรามจะได้ไม่ติดไข้”

“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับป้ารี ผมจัดการเองได้”

“งั้นหรือคะ”

“ครับ” รามินทร์ยิ้มน้อยๆ

ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะทำนักหรอก แต่ไม่อยากให้คนงานเห็นว่าเขาโหดร้ายเลยเลี่ยงที่จะไม่ให้ใครรู้ใครเห็นดีกว่า ปล่อยให้ขรรค์คนเดียวที่รู้ก็พอ

ไม่สิ...หมอเงินด้วยอีกคน

ร่างแกร่งยกจานข้าวต้มร้อนๆ พร้อมกับน้ำดื่มไม่เย็นหนึ่งขวดไปที่กระท่อมของอินทัช แต่ภาพของร่างโปร่งทำเอาเขาต้องขมวดคิ้วแน่น

“ให้ตายสิวะ” เขารีบวางของที่ถือมาไว้ข้างๆ แล้วเช็คอุณหภูมิของร่างกายทันทีเมื่อเห็นภาพนั้น

ร่างกายที่บางกว่าเขามากสั่นสะท้านด้วยความเหน็บหนาว มือกอดตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบาง ปากซีด หน้าซีด และเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น

“ขรรค์ ช่วยเอาผ้าห่มหนาๆ มาสองสามผืนมาให้ฉันที่บ้านไอ้อินหน่อย” เขากดโทรศัพท์สั่งไปยังลูกน้องของตนทันที ซึ่งปลายสายก็รับคำสั่งด้วยความเคารพเชื่อฟัง

“กูไม่ได้ใจอ่อนอะไรหรอกนะ แต่กลัวมึงตายคาบ้านมากกว่า”

ร่างแกร่งพูดเพื่อปลอบใจตัวเองว่าเขาไม่ได้สงสารหรือว่ากำลังใจอ่อนอะไร หากแต่เขาก็รู้สึกผิดที่ทำให้คนๆ หนึ่งต้องป่วยแบบนี้ และป่วยหนักมากด้วย

“ไอ้อินๆ ลุก!!”

“อือ” ไม่ยอมลุกขึ้นมา และครางอย่างรำคาญออกมาด้วย

“ลุกขึ้นกินข้าวก่อนไอ้อิน”

“อื้อ...ฮือ”

ร่างโปร่งบางพยายามลืมตาขึ้นมองก่อนจะหลับลงไปอีกเพราะแสบตา แล้วก็เปิดขึ้นเมื่อปรับได้แล้วก็มองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดที่ร่างสูงอย่างไม่มีแรง

แม้จะตกใจ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก

“กินข้าว” แม้จะห้วนๆ แต่น้ำเสียงก็อ่อนลงเหมือนเดิม

“ม่ะ...ไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน ลุกขึ้นมา” อินทัชส่ายศีรษะแทนคำตอบ

“อย่าดื้อไอ้อิน ลุกขึ้นมา”

“ม่ะ ไม่ไหว”

“เฮ้อ...” รามินทร์ถอนหายใจก่อนจะไปช่วยประคองร่างของอินทัชขึ้นนั่งโดยให้นั่งพิงผนังไม้ตรงศีรษะเอาไว้ ก่อนจะยกข้าวต้มร้อนๆ ขึ้นมาถือแล้วตักมันก่อนจะจ่อไปที่ปากของอีกคนอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก

“ก่ะ กินเอง”

“อย่าอวดเก่ง แรงจะไม่มีจะลุกแล้วยังอยากจะกินข้าวเองอีก กินไป อย่าเรื่องมาก กูไม่ได้ใจดีบ่อยๆ นะ” ร่างโปร่งบางมองสบกับคนพูดนิดๆ ก่อนจะอ้าปากกินข้าวต้มที่อีกคนป้อนให้ ไม่มีการเป่ามันเลยลวกลิ้นจนสำลัก

“แคกๆ น่ะ น้ำ”

“ภาระกูจริงๆ เลย” ปากว่าแต่มือก็ส่งน้ำเปล่าขวดเล็กเข้าที่ปากเพื่อให้ดื่มจากขวดเนื่องจากไม่มีหลอดหรือแก้วเลย ทุลักทุเลหน่อยแต่ก็ดื่มได้

“เอ้า กินต่อ กูเป่าให้แล้ว” อินทัชไม่เข้าใจว่าอีกคนมาไม้ไหน ต้องการตบหัวแล้วลูบหลังงั้นหรือ แต่จะทำไปทำไมทั้งๆ ที่มันเกลียดเขาจะตาย

ร่างโปร่งบางกินต่อไปอย่างเงียบๆ สลับกับมองใบหน้าที่นิ่งเฉยของรามินทร์ที่ป้อนข้าวเขาไปด้วย ทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงต้องมาทำแบบนี้ หัวใจของอินทัชสันไหวอย่างรุนแรงที่ร่างสูงมาดูแลตนเองยามป่วยแบบนี้ แม้จะรู้ว่าต้องมีอะไรสักอย่าง แต่มันก็อด...หวั่นไหวไม่ได้

อยากจะต่อว่าหัวใจของตัวเอง...มันทำร้ายเขามาตั้งเท่าไหร่ มาหวั่นไหวเอาง่ายๆ ตอนที่มันมาป้อนข้าวแค่ครั้งเดียวเนี่ยนะ

“ไม่...ไม่กินแล้ว” คนตัวเล็กกว่ารู้สึกพะอืดพะอมจนแทบจะอาเจียน เพราะทานได้แค่นิดเดียวเขาก็ทานต่อไม่ไหวแล้วเลยได้แต่หันหน้าหนีช้อน และนั่นมันทำให้ร่างสูงโมโห

“ยังไม่ถึงครึ่งชามเลยไอ้อิน อย่าเรื่องมากราวกับตัวเองเป็นคุณชายเหมือนตอนที่มึงอยู่ที่บ้านนะ นี่มันที่ของกู ของที่กินอยู่ก็ของกู มึงต้องกินให้หมด ต่อให้ฝืนแค่ไหนมึงก็ต้องกินให้หมด” ว่าพลางยัดช้อนเข้าไปในปากของอินทัชจนต้องอ้ารับมันเข้ามา คนป่วยเคี้ยวแล้วกลืนอย่างอ้อยอิ่ง มองข้าวในชามแล้วอยากจะร้องไห้

“กินเข้าไป” ไม่รอให้อีกคนพักก็ส่งเข้าปากไปอีกจนแทบจะสำลัก หากแต่อินทัชก็ไม่ได้โวยวายหรือต่อต้าน ซ้ำแล้วกลับยอมให้อีกคนป้อนอยู่แบบนั้น

ไม่รู้ว่าอีกคนมาดูแล หรือทำให้อาการเขามันแย่ไปกว่าเดิมกันแน่

“อึก...”

“ห้ามอ้วก กลืนเข้าไป อย่าคาย ถ้ามึงคายออกมา มึงเห็นดีแน่” ชี้นิ้วสั่งจนร่างโปร่งต้องกลืนอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก น้ำตาใสไหลลงมาจากหางตาเพราะความทรมาน

“พ่ะ พอแล้ว กูขอร้อง อึก กูไม่ไหวจริงๆ”

“นี่มึงขอร้องกู?”

“ป่ะ เปล่า...แต่ กูไม่ไหว จริงๆ”

“เออ!! พอก็พอ งั้นกินยาซะ ไหนล่ะยา” วางชามข้าวต้มลงทั้งๆ ที่มันพร่องไปเกือบจะหมดแล้ว ก่อนจะถามหายาที่หมอเงินจัดเอาไส้ให้

“นั่น” มือขาวชี้ไปยังจุดที่วางยา ซึ่งรามินทร์ก็หยิบมาแล้วเอายาที่ร่างผอมต้องกินออกมาจากซอง ยื่นมันไปให้กับคนป่วยที่จะมีแรงถือยาหรือเปล่า และนั่นมันทำให้เขารู้ว่าอินทัช ไม่มีแรงจะทำอะไรทั้งนั้น

“อย่าปล่อยให้ยามันตกสิวะ”

“อือ...กูไม่กิน อึก ไม่เอา” คนป่วยเริ่มดื้อจนคนมาดูแลเริ่มหงุดหงิด

“ต้องกิน” สั่งเสียงเข้ม

“ไม่!”

“ไอ้สัตว์นี่ดื้อฉิบหาย”

“อึก อื้อ” ร่างสูงจับยาทั้งหมดใส่เข้าไปในปากหลังจากที่เขาบีบปากมันให้เปิดออก จากนั้นก็เทน้ำเข้าไปจนร่างบางสำลัก แต่ก็กลืนยาเข้าไปทั้งหมด หากแต่ก็สำลักอย่างทรมานเช่นกัน

“แคกๆ อึก พ่ะ พอใจยัง”

“เออ”

“ขอกูนอน”

รามินทร์ไม่พูดอะไร แต่จับร่างโปร่งให้นอนลงในท่าเดิม ประจวบเหมาะกับขรรค์ที่เอาผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาพอดี

“นี่ครับคุณราม”

“เออ ขอบใจ ไปได้แล้ว” รีบไล่ลูกน้องเพราะไม่อยากให้ต้องมาเห็นภาพเขาตอนนี้ คนที่ทำร้ายมันสารพัดแต่กลับมานั่งดูแลมันตอนป่วย

“ครับ” ขรรค์เดินออกไปตามคำสั่งแต่ก็ไม่วายมองร่างของอินทัชด้วยความเป็นห่วง ร่างสูงเอาผ้าห่มห่มให้กับอินทัชทันที ซึ่งคนที่ยังไม่หลับถึงกับรู้สึกดีขึ้นมานิดๆ

ทำไมมันต้องทำแบบนี้...ไหนว่าเกลียดนักเกลียดหนา แค่เขาป่วยก็น่าจะปล่อยๆ ไป ไม่ต้องมาสนใจ ไม่ต้องมาลำบากดูแลแบบนี้หรอก

มึงทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร






100%


 :ling1: :ling1: :ling1:

   รามอยู่ในช่วงสำนึกผิดมั้ง ฮ่าๆ เดี๋ยวรออินหายก่อนเถอะ จัดเต็มกว่านี้แน่นอน อ่านแล้วเม้นท์ให้กันด้วยนะคะ ^_^
   https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 50% (29/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-12-2015 06:20:01
สงสารอินจัง อินใจแข็งเข้าไว้ ใจแข็งเข้าไว้ อย่าหวั่นไหวง่ายๆ ซิ ต้องเอาคืนซักบ้างคนแบบนี้ไม่ฟังเหตุผลแถมยังไม่สืบเรื่องราวต่างๆ ให้ดีอีก คนแบบนี้ต้องโดนเอาคืนซักบ้างถึงจะสาสมนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 50% (29/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 30-12-2015 09:07:18
อีรามโครตโหดร้าย   :angry2:
โถ่ อินลูกแม่  :m15:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 50% (29/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-12-2015 11:03:42
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 50% (29/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 30-12-2015 14:41:54
 :mew3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 50% (29/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-12-2015 14:57:33
 :sad4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 50% (29/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-12-2015 16:12:05
น้ำตาคลอเบ้า
อิราม แม่งเลว
เข้าใจเลย ไอ้พยายามจะยัดข้าวเข้าปากทั้งที่กลืมไม่ลงเนี่ย
แม่มมมมมม เปลียดมัน..สงสารอินทัชของน้องงงง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 50% (29/12/58) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-12-2015 17:35:57
สงสารอิน  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 100% (30/12/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 30-12-2015 21:31:33
ตอนที่ 6 ครึ่งหลัง




“หลับเร็วชะมัด” คนตัวสูงพึมพำเมื่อเห็นว่าอินทัชนอนหลับไปแล้ว คงเพราะจะเหนื่อยและทรมานกับพิษไข้เลยทำให้หลับไปอย่างง่ายดาย ร่างสูงนั่งลงพิงกับผนังไม้บางๆ มองร่างสูงโปร่งด้วยสายตาเรียบนิ่งหากแต่ใจก็รู้สึกว้าวุ่นแปลกๆ

โชคดีที่มันไม่ถามว่าเขาทำแบบนี้ทำไม เพราะถ้ามันถาม เขาเองก็ไม่รู้จะตอบแบบไหนเหมือนกัน

“ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดไอ้ราม”

ลุกขึ้นสิ กลับบ้านพักของมึงซะไอ้ราม อย่าอยู่ตรงนี้ ถ้ามันจะเป็นอะไร ก็ปล่อยมันไป ไม่ต้องไปห่วง ไม่ต้องไปกลัว มึงก็เห็นว่ามันไม่เป็นอะไรแล้ว

“เฮ้อออ...” มือแกร่งหยิบถุงยาขึ้นมาดู อ่านดูว่ามีอะไรบ้างก่อนจะสะดุดอยู่กับยาทาภายนอก ที่เอาไว้แก้อักเสบ ซึ่งร่างสูงก้มองคนที่นอนหลับอยู่ทันที

“มันยังไม่ได้ทานี่”

รามินทร์ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านพักของตน แล้วกลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กและกะละมังใบพอดี เขาเข้าไปตักน้ำมาแล้วมานั่งข้างกับอินทัชอีกครั้ง ลงมือเช็ดตัวให้กับอินทัชทันที

ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...จะไม่ทำก็ไม่ได้ ให้คนอื่นทำ เดี๋ยวก็รู้กันหมด

“กูไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อนแต่ต้องมาทำให้มึงเนี่ยนะ เฮ้อ...”

อย่าตื่นขึ้นมาตอนนี้ก็แล้วกัน กูไม่พร้อมให้มึงเห็นกูตอนนี้

รามินทร์ทายาที่ส่วนนั้นให้กับอินทัช ก็เพิ่งจะรู้ด้วยตาตัวเองเนี่ยแหละว่ามันแดงช้ำแค่ไหน และแผลนั่นก็บวมจนน่ากลัวด้วย พอเห็นแบบนั้นก็คิดถึงตอนที่เขาบังคับให้มันทำงานต่อ

“กูชั่วได้ขนาดนี้เพราะมึงเลยนะไอ้อิน”

“ฮือ...ย่ะ อยากกลับบ้าน” เสียงของคนนอนหลับดังขึ้นจนร่างสูงที่นั่งมองนิ่งๆ หลังจากเชดตัวทายาให้อินทัชเสร็จถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ

“หึ...ทรมานงั้นสิ”

ทรมานทั้งกาย ทรมานทั้งใจ...

“จนกว่ากูจะพอใจ มึงก็ต้องทนไปก่อนล่ะนะ”

ถ้าถามว่าตอนไหน...ก็คงจะตอบในทันทีไม่ได้หรอกว่าเมื่อไหร่ แต่ขอให้สบายใจ เขาไม่ให้มันอยู่ที่นี่ไปตลอดไปแน่ๆ

...

...

...



เช้าวันใหม่มาถึง อินทัชที่ได้พักผ่อนเต็มที่ก็รู้สึกดีขึ้นหน่อยๆ ลืมตามองเพดานบ้านไม้โทรมแห่งนี้หน่อยๆ ก่อนจะมองไปรอบๆ ถ้าถามว่าหายหรือยัง ก็ตอบได้ทันทีว่ายัง


แต่ก็พอลุกขึ้นนั่งได้แล้ว

“มึง...” อุทานเสียงเบา เมื่อสายตามองเห็นคนที่นอนหลับอยู่ตรงผนังไม้อีกฝั่งหนึ่งใกล้ๆ กับเขา คนที่ไม่คิดว่ามันจะอยู่ที่นี่

“ไอ้ราม...มันดูแลเรา ทั้งคืน...หรือวะ” ถามตัวเองเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจสักอย่าง แต่พอมองไปยังร่างสูงนั่นอีกครั้งก็พบว่ามันไม่ใช้ภาพลวงตา

รามินทร์ ตัวเป็นๆ นอนพิงเสาไม้อยู่

มองไปรอบๆ ทั้งกะละมัง ผ้า ยา ชามข้าว ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ารามินทร์เป็นคนดูแลเขาทุกอย่าง

“งั้นที่เมื่อวานกินข้าวนั่น ไม่ได้ฝันสินะ”

ขนาดป้อนข้าวมันก็แทบจะฆ่าเขา...

อินทัชลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ไข้ลดลงแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกรุมๆ และยังเวียนศีรษะอยู่บ้าง ส่วนช่วงล่างยังคงเจ็บอยู่ไม่ดีไปกว่าเดิมเท่าไหร่

“อึก..จ่ะ เจ็บ”

“จะไปไหน!!” เสียงทุ้มถามเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าร่างโปร่งบางกำลังพยายามลุกขึ้นยืน คนตัวขาวสะดุ้งสุดตัวเพราะไม่คิดว่าคนที่หลับอยู่จะตื่นเร็วขนาดนี้

“ห้องน้ำ” ตอบเสียงพร่า ไม่สบตาคนตัวสูงกว่า

“อวดเก่ง”

“แล้วไง ถ้ากูไม่ไปเอง ใครจะพากูไป” หันมาเถียงเสียงแหบ บางคำก็เอ่ยไม่เต็มเสียงเพราะเจ็บคอหน่อยๆ

“กูไง” ตอบสั้นๆ ใบหน้าเรียบเฉยไม่บอกถึงอารมณ์อะไรเลย แต่ประโยคที่ดูเหมือนจะช่วยเหลือทำเอาอินทัชมองด้วยความไม่เข้าใจแล้วก็สับสนสุดๆ หากแต่หัวใจก็กลับเต้นแรงด้วยความหวั่นไหว

“อะไรของมึง”

“มา...จะเข้าห้องน้ำก็ลุก” ร่างสูงยืนขึ้นแล้วเดินตรงไปยังอินทัชที่นั่งอยู่ ฉุดแขนอีกคนแรงๆ จนร่างโปร่งต้องพยายามลุกตามแรงดึง

“โอ๊ย!! เบาๆ หน่อยได้ไหม”

“ทำไมต้องเบา”

“กูเจ็บ”

“แล้วไง กูไม่เจ็บนี่”

“อึก” ทำอะไรไม่ได้ เลยได้แต่เดินตามคนที่ลากเอาลากเอาไปอย่างยากลำบาก

“มึงควรจะขอบคุณกูนะ เพราะกูอุตส่าห์มาดูแลมึงทั้งคืน”

“เหรอ…”

ดูแล...หรือกำลังจะทำให้แย่กว่าเดิมกันแน่

คนที่ป่วยอยู่ไม่รู้หรอกว่าตลอดทั้งคืนรามินทร์คอยดูแล เช็ดตัวลดไข้ให้กว่าตัวเขาจะได้นอนก็ปาไปเกือบเช้าเพราะคนที่กำลังทำธุระอยู่ในห้องน้ำตอนนี้เพ้อหนักมาก หนักมากเสียจนเขารู้สึกว่าจะปล่อยให้นอนคนเดียวไม่ได้แน่ๆ เลยได้แต่นั่งเฝ้า ดูแลทั้งคืน

คิดแล้วก็สมเพชตัวเอง เป็นคนทำร้ายเขา แต่กลับต้องมานั่งดูแลเพราะกลัวว่ามันจะตายเสียเอง


‘ม่ะ ไม่ ย่ะ อย่าทำ อึก อย่าทำ’ คนที่นอนละเมอเพ้ออกมาอย่างกลัวๆ ทำเอาร่างสูงที่เตรียมจะออกจากห้องถึงกับหยุดชะงัก หันมามองร่างโปร่งที่นอนกระสับกระส่ายอย่างทรมาน

ฝันร้าย...นี่คือความคิดของรามินทร์

‘ฮึก...จ่ะ เจ็บ กูเจ็บ ฮือ ไม่เอา ย่ะ อย่านะ’ น้ำตาใสกลิ้งลงจากหางตาลงมา บ่งบอกว่ากำลังฝันสิ่งที่น่ากลัวที่สุดจนทนไม่ไหว รามินทร์เดินมานั่งข้างๆ ร่างบางที่นอนอยู่บนฟูกเก่าๆ เพื่อจับใจความคำพูดพวกนั้น

บางที...อาจจะมีเรื่องที่เขาจะเอาไว้พูดทำร้ายจิตใจมันได้

‘ไอ้...อึก ราม อย่า’

ร่างสูงตกใจไม่คิดว่าคนที่ทำร้ายอีกคนในฝันจะเป็นเขาเสียเอง นั่นทำให้ร่างสูงฉุกคิดขึ้นมาว่าการกระทำของเขาคงจะเลวร้ายมาก มากเสียจนคนตัวขาวกลัวจนเก็บไปฝัน

‘ม่ะ ไม่ แม่ แม่ครับ...ช่วยด้วย ฮือ เจ็บ’

ภาพตรงหน้ามันช่างบาดลึกเข้าไปในหัวใจของรามินทร์เป็นอย่างมาก ความสะใจที่คิดว่าอยากจะได้รับมันไม่มีอยู่เลยนอกเสียจากคำว่าเสียใจ...

‘กูยังไม่ทำอะไรมึงเลย’

‘ม่ะ ไม่ พ่ะ พอแล้ว...เจ็บ’

‘ไอ้อิน กูไม่ได้ทำอะไร’ รามินทร์พยายามที่จะปลุกอีกคนให้มีสติ เพราะกลัวว่าถ้าฝันมากไปกว่านี้ เพ้อไปกว่านี้ ร้องไห้หนักกว่านี้ คนตัวขาวอาจจะช็อกขึ้นมาก็ได้

ร่างสูงไม่รู้จะทำวิธีไหนให้อีกคนหายเพ้อ เลยคว้ามือขาวที่เย็นเฉียบมาจับไว้ ซึ่งร่างบางก็กระชับมือเอาไว้แนบแน่นราวกับเป็นที่พึ่งพิง

หารู้ไม่ว่ามือที่ตัวเองจับก็คือมือของคนที่ทำร้ายตัวเอง

‘อึก’

น่าแปลกที่ว่าอีกคนสงบลงทันที แต่ด้วยอะไรดลใจก็ไม่รู้ทำให้รามินทร์เอ่ยประโยคนี้ออกไปทันทีเบาๆ พร้อมกับลูบมือขาวราวกับกล่อมให้หลับ

‘นอนซะ กูไม่ทำอะไรมึงแล้ว’


 “เสร็จแล้วใช่ไหม” ถามคนที่ออกจากห้องน้ำทันที

“อือ” มือแกร่งเอื้อมไปจับแขนเรียวไว้แล้วบังคับให้อีกคนเดินตามมาที่ห้องนอนเหมือนเดิม

“กูจะไปทำงาน”

“ใครสั่ง” ถามเสียงเข้ม

“มึงไง”

“ตอนไหน”

“เมื่อวาน”

“นั่นมันส่วนเมื่อวาน วันนี้กูจะให้มึงพัก” เงยหน้ามองผู้พูดแบบไม่เชื่อสายตา แต่ก็กลับไม่เจอคำตอบใดๆ ผ่านทางสีหน้าและแววตาเลยสักนิด

“อะไรของมึง”

“มีหน้าที่ทำตามที่กูสั่งก็พอแล้ว และมึงหายดีเมื่อไหร่ กูจะใช้งานมึงหนักกว่าเดิมแน่ๆ”

“หึ...ไม่บอกก็รู้”

“รู้ก็ดี กูจะไปทำงาน ส่วนมึงกูจะให้ไอ้ขรรค์มันเอาข้าวเช้า ข้าวเที่ยงมาให้ กินยาตามคำสั่ง แล้วอย่าออกจากที่นี่เด็ดขาด ถ้ากูเห็นว่ามึงไม่ทำที่สั่ง เจ็บหนักกว่าเดิมแน่”

“เออ” ร่างโปร่งรับคำสั่งด้วยความอ่อนเพลีย ทางรามินทร์ที่เห็นว่าอีกคนเข้าใจก็เดินออกจากห้องนี้ไป ไม่วายหันไปมองอินทัชที่กำลังจะนอนลงอีกครั้งหนึ่ง แล้วเดินยิ้มมุมปากจากไป

อินทัชที่นอนลงแล้วมองตามแผ่นหลัวกว้างจนหายไปจากสายตา หัวใจเต้นแรงจนไม่อยากจะยอมรับอะไรทั้งนั้น อินทัชไม่ใช่คนที่ใสซื่อหรืออินโนเซ้นท์เรื่องแบบนี้

ทำไมจะไม่รู้ ว่าไอ้หัวใจที่เต้นแรงนี้น่ะ มันเป็นเพราะอะไร รู้...รู้ดีด้วยว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ แต่เขาไม่ยอมรับ

“ทำร้ายกูมาตั้งเท่าไหร่ ย่ำยีกูจนฝันร้ายทุกคืน แค่มันดูแลแค่นิดหน่อย ทำไมมึงถึงใจง่ายแบบนี้”

กูจะไม่มีวันให้ใจมึง

เพรารู้ดีว่ามันมีแต่เจ็บกับเจ็บ


“ขอร้อง...ให้เจ็บแค่กายก็พอ”

ใจอย่าได้เจ็บเลย...

...

...

...


“อ้าว? หมอ มากับขรรค์ได้ยังไงครับ” อินทัชถามเมื่อเห็นว่าร่างสูงใหญ่อย่างขรรค์ไม่ได้มาคนเดียวแต่พ่วงด้วยคุณหมอสุดหล่อที่ตัวเล็กน่ารักเมื่อยืนอยู่กับคนที่ตัวใหญ่เกินมาตรฐานอย่างขรรค์

แสดงว่าที่เรายืนกับขรรค์ ก็ให้ความรู้สึกเดียวกันสินะ

“พอดีว่าผมจะมาดูอาการคุณอินน่ะครับ”

“ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ครับ เราน่าจะอายุเท่ากัน” อินทัชพยายามลุกนั่งโดยที่หมอเงินเข้ามาช่วยประคอง

“ผม 26 ครับ แล้วคุณ...เอ่อ อินล่ะ” หมอเงินรีบเปลี่ยนจากเรียกว่าคุณเป็นเรียกชื่อเฉยๆ ทันทีที่เห็นสายตาคาดโทษจากอินทัช

“24ครับ งั้นผมต้องเรียกหมอว่าพี่ไหมเนี่ย”

“ไม่ต้องหรอกครับ เราก็เป็นเพื่อนกันได้” หมอเงินว่ายิ้มๆ

“เอ่อ...ฉันขอตัวก่อนนะ นี่ข้าวกับน้ำ นายท่านสั่งมาว่าห้ามลืมกินยา” ขรรค์พูดแทรกขึ้นมา มองทั้งสองสลับกันไปมาแล้วให้ความรู้สึกแปลกๆ

“อือ ขอบคุณนายมากนะ”

“ไม่เป็นไร อ้อ...พี่จักรถามหานายด้วย” ขรรค์พูดถึงเพื่อนของอินทัชที่ไซต์งานก่อสร้าง

“บอกมันไปยังไง”

“ไม่สบาย”

“โอเคๆ ก็ตามนั้นแหละ” ร่างโปร่งพยักหน้าเข้าใจ

“ฉันขอตัว”

“ขอบใจนะ” อินทัชตะโกนไล่หลังขรรค์ที่เดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้แค่อินทัชกับหมอเงินกันตามลำพัง ซึ่งนั่นทำให้อินทัชรู้สึกดีหน่อย เพราะอย่างน้อยก็มีหมอเงินคนหนึ่งที่รู้ว่าเขาเป็นใคร

 แม้ว่าจะช่วยเหลือเขาไม่ได้...อย่างน้อยก็ต้องมีสักคนที่เข้าใจว่าเขาไม่ผิดอะไร

“เมื่อวาน ไอ้รามมันพูดอะไรกับหมอ” ถามออกไปด้วยความอยากรู้ทันที

“เดี๋ยวผมป้อนข้าวให้นะครับ” หมอสุดหล่อพยายามบ่ายเบี่ยงและเปลี่ยนเรื่อง ยกชามโจ๊กขึ้นมาแล้วตักป้อนอินทัชทันที

คนตัวขาวกว่ามองหน้าหมอเงินน้อยๆ ก่อนจะยอมรับโจ๊กเข้ามาในปาก

“คงไม่ได้โดนขู่ใช่ไหม”

“อินครับ ผมต้องขอโทษจริงๆ ที่ช่วยอะไรไม่ได้ มันไม่ใช่ว่าคุณรามขู่อะไรผมหรอก”

“มีข้อแลกเปลี่ยนกันสินะครับ” ถามออกไป

“รู้? ได้ยังไงครับ” ถามทึ่งๆ ไม่คิดว่าอินทัชจะเดาได้ถูกจุดแบบนี้

“ผมพอจะมองสายตาที่คุณมองขรรค์ออก” สิ้นคำตอบ คุณหมอสุดหล่อก็เขินจนหน้าแดงซ่านทันที เพราะไม่คิดว่าตนจะเปิดเผยมากขนาดนี้

“ผม...แสดงออกขนาดนั้นเลยหรือ”

“ถ้าคนอื่นผมไม่รู้ แต่ผม...มองเห็นถึงความปรารถนาได้อย่างชัดเจนเลยล่ะครับ”

อึ้ง...อึ้งจริงๆ

“คุณเป็นคนฉลาดนะครับอิน ผมนี่ทึ่งจริงๆ ก็อย่างที่คุณพูดแหละครับ ข้อแลกเปลี่ยนของผมคือขรรค์ ที่จริงเราสองคนเคยรักกัน เราเคยเป็นแฟนกัน แต่มันก็มีปัญหาจนทำให้เลิกกัน ผมยังรักเขามาตลอด แต่สำหรับขรรค์ เขาไม่รักผมแล้วล่ะครับ”

“หมอก็เลยมาที่นี่ เพื่อทำทุกอย่างให้ขรรค์รักคุณเหมือนเดิม”

“ครับ”

อินทัชพยักหน้าน้อยๆ แล้วยิ้มออกมาบางๆ

“ผมอยากจะแลกเปลี่ยนกับหมอบ้างได้ไหมครับ ไม่ต้องช่วยผมออกจากที่นี่ แต่ขออย่างเดียว คือช่วยเป็นเพื่อนกับผม รับฟังผม แลกกับการที่ผมจะช่วยเรื่องคุณกับขรรค์” อินทัชเอ่ยออกมา หมอเงินมองหน้าคนหน้าสวยน้อยๆ อย่าทึ่งกับคำขอของเพื่อนใหม่

อินทัชเป็นคนที่ซื่อสัตย์และรักษาคำพูด

ทั้งๆ ที่เขาช่วยได้ แต่กลับไม่ขอร้องให้เขาช่วยพาออกไป หรือให้ใครมารับ

“ดีลไหมครับ”

“ตกลงครับ”

“ขอบคุณนะหมอ” อินทัชยิ้มอย่างสดชื่นเป็นครั้งแรก ทำเอาร่างโปร่งของหมอหนุ่มถึงกับอึ้งในความสวยงามของผู้ชายตรงหน้าไปเลย

ผมจะเป็นเพื่อนคุณเอง อินทัช...

ใครไม่ยืนข้างคุณ ผมจะยืนข้างคุณเอง...




 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

100%

รามอินตอนสุดท้ายของปีค่ะ เจอกันปีหน้านะคะ กลับมาหวังว่าจะมีคนเม้นท์ให้กำลังใจยูกิน้า ส่วนยูกิจะขอไปเที่ยวระบายความเหนื่อยล้าทั้งปีก่อน สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki/

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 100% (30/12/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-12-2015 21:47:04
 :sad11:    อย่าใจอ่อนนะอิน

ให้เขารักเราข้างเดียวบ้าง
ยูกิ.   :กอด1: 
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 100% (30/12/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-12-2015 23:25:40
 :laugh:

อินทัช เก่ง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 100% (30/12/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 30-12-2015 23:28:24
รอคอยวันที่อินจะมาแก้แค้นอีราม  :m31:
HNY จ้าคนแต่งจ๋า  :L2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 100% (30/12/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-12-2015 00:23:19
สวัสดีปีใหม่
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 100% (30/12/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-12-2015 02:35:12
อินจำเอาไว้ไอ้รามมันบังคับขืนใจเอ็งนะ อย่าหวั่นไหวง่ายๆ ซิ กะอีกแค่มาดูแลตอนไม่สบายเพราะมันรู้สึกว่าทำเกินไปแต่ไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกผิดหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 100% (30/12/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 31-12-2015 15:13:17
อินอย่าใจอ่อนง่าย ๆ ต้องให้อีกคนรู้สึกผิดให้มาก ๆ ที่ทำเรื่องเลวร้ายอย่างนี้
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 100% (30/12/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 01-01-2016 06:49:21
หมอมาได้ถูกที่ถูกเวลามากค่ะ
อน่าน้อย ก็อยากให้อินไม่รู้สึกว่ายู่ตัวคนเดียว
ก้อรามหน่ะ .. ใจร้ายจะตาย
อินทัช อย่าเพิ่งให้รามรู้นะ เอาคืนมันให้หนักก่อน
....
ปล ติดตามอ่านต่อเนื่องเลยค่า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 100% (30/12/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 02-01-2016 04:41:18
สงสารอินนนนนนน!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 100% (30/12/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 04-01-2016 09:49:18
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: อินสู้ ๆ นะ.. :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 6 100% (30/12/58) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-01-2016 23:53:54
อินสู้เค้าน๊า !!!
รอติดตามตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 7 500% (17/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-01-2016 21:19:41
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 7
เปลี่ยนไป



“เฮ้ย!! ไอ้จักร นี่มึงนั่งอู้หรือวะ” เสียงของชายฉกรรจ์วัยกลางคนตะโกนลั่นไซต์งานเมื่อเห็นว่าคนงานจากรีสอร์ท ของรามินทร์กำลังนั่งอู้งานอยู่เฉยๆ

“อะไรกันพี่ ขอฉันพักสักแป๊บไม่ได้หรือไง” คนหน้าโหดที่เต็มไปด้วยเคราแหละหนวด มองไม่เห็นถึงหน้าตาที่แท้จริงอย่างจุลจักรตะโกนกลับไป

“ไม่ได้โว้ย!! มาทำงานก็ต้องทำงานสิวะ”

“นี่มันงานของพี่หรือเปล่า คุณรามให้ฉันมาช่วยดูความเรียบร้อยเท่านั้นนะพี่”

“ถึงมึงจะไม่ได้เป็นคนงานของกู แต่คุณรามเขาก็ส่งมึงมาให้ช่วยงานเพราะเห็นว่ามึงชำนาญด้านนี้ไม่ใช่หรือไง อย่าอู้ๆ ลุกมาเลยไอ้จักร” หัวหน้าคนงานก่อสร้างจากบริษัทรับเหมารายใหญ่ของจังหวัดเอ่ยเรียกร่างสูงอย่างสนิทสนมทั้งๆ ที่เขาแค่มารับจ๊อบพิเศษก็เท่านั้น

“ไปก็ได้วะ พี่แม่งหงุดหงิดเมียไม่ให้เอาก็มาลงที่ฉันเนอะ”

“ปากมึงนี่มัน”

“คร้าบๆ ไปแล้ว ฮึ่ย! ไอ้อินนะไอ้อิน หายหน้าไปหลายวันเลยนะมึง กูรู้อยู่ว่ามึงไม่สบาย แต่ก็น่าจะให้กูไปเยี่ยมบ้างดิวะ คุณจอมแม่งก็ไม่สนใจกูอย่างที่มึงบอกเลย”

คิดเรื่องนี้แล้วปวดใจ ไปทำงานย้อมใจดีกว่ากู

วันทั้งวันจักรทำงานอย่างหนักและตั้งใจเหมือนกับทุกวันเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านกับเรื่องของคนที่ตนแอบรักมาสองปี ดอกฟ้าที่หมาวัดอย่างเขาอยากจะเด็ดมาไว้ข้างกาย หากแต่เขามันก็แค่คนงานตำแหน่งไม่สูง จน มีเงินแค่พอประทังชีวิตตัวเอง หน้าตาเต็มไปด้วยหนวดเครา เสื้อผ้าเก่าๆ ที่ใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า บ่งบอกเลยว่าไม่มีอะไรดีที่จะทำให้เจ้าจอมคนนั้นสนใจเลยสักนิด

แต่คนอย่างเขามันก็มีสิทธิ์หวังป่ะวะ?

“หวังลมๆ แล้งๆ”

“นาย...” เสียงหวานที่แสนจะคุ้นหูดังมาจากด้านหลังของร่างสูงจนเขานึกว่าตัวเองคงหูฝาดที่ได้ยินเสียงของคนที่แอบรักมาเรียกแบบนี้

“ถ้าทางหูจะเพี้ยนว่ะ”

“บ่นบ้าอะไร ฉันเรียกอยู่นะ” เสียงนั้นดังขึ้นอีกเขาจึงหันร่างโทรมๆ เหม็นเหงื่อของตนไปมอง เบิกตากว้างอย่างตกใจ ที่ไม่คิดว่าเจ้าจอมจะมาคุยกับเขา

“เอ่อ...”

“แล้วอ้ำอึ้งทำไม ทีเมื่อก่อนล่ะแซวเอาแซวเอา” คนตัวเหล็กหน้าหวานว่า

นั่นมันจีบครับ แต่ให้พูดกันตรงๆ เขาก็ไม่กล้าอยู่ดี

“มีอะไรหรือเปล่าคุณจอม”

“เปล่า...พี่อินล่ะ” พอร่างเล็กถามหาใครอีกคนที่เพิ่งมาใหม่ก็พาลทำให้หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวด

“มัน...ป่วย”

“แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ยิ่งเห็นท่าทีเป็นห่วงที่เขาไม่เคยรับ มันก็ยิ่งรู้สึกถึงความพ่ายแพ้แบบไม่ทันได้เริ่ม

“ถ้าคุณจอมเป็นห่วงมันมากก็ไปเยี่ยมเถอะ ถามนายท่านดูก็ได้นี่ครับ ไม่ต้องมาถามผมหรอก บอกตามตรงถ้าคุณจอมไม่คิดสนใจใยดีในตัวของไอ้จักรอย่าได้เข้ามาคุยเลยครับ เพราะการที่คุณจอมเข้ามาเพื่อถามไถ่เรื่องคนอื่นกับไอ้จักรคนนี้ ผมเจ็บ ที่ผ่านมาคุณอาจจะเห็นว่าผมแซวไปจนคิดว่าผมทำเล่นๆ แต่อยากยืนยัน ไอ้จักรคิดจริงและเจ็บเป็น ขอตัวก่อนครับ” เป็นครั้งแรกที่เจ้าจอมเห็นถึงความจริงจังและเคร่งขรึมของร่างแกร่ง ทำเอาตกใจจนก้าวเท้าให้ตามไปอย่างใจคิดไม่ได้

เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว...

แต่นั่นแหละ เจ้าจอมผิดเองทั้งนั้น...

“2 ปีงั้นหรือ คงพอแล้วล่ะมั้ง” เสียงหวานพึมพำเบาๆ มองตามแผ่นหลังกว้างด้วยสายตาที่อีกคนไม่มีทางได้เห็น...


1 อาทิตย์ผ่านไปนับจากวันนั้น

“มองหน้า?”

“เออ...ก็แข็งแรงดีนี่หว่า มีแรงหาเรื่องกูตั้งแต่เจอหน้าแบบนี้มึงคงจะหายดีแล้วสินะไอ้อิน”

“ถ้ากูยังไม่หายดีคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก” ร่างเล็กกว่าตอบเสียงกวนๆ

“ไอ้อิน มึงนี่มัน...ว่าแต่ว่า คุณจอม…” จักทำท่าจะถามแต่ก็อึกอักไม่ยอมพูดออกไป

“คุณจอมทำไม”

“ได้ไปเยี่ยมมึงหรือเปล่า”

“เปล่า ไม่ได้ไป”

“อ้าว?” ร่างแกร่งส่งเสียงร้องอย่างไม่เข้าใจ

แล้วทำไมคราวที่แล้วเจ้าจอมถึงมาถามเขาแบบนั้น และตอนนั้นก็น่าจะไปเยี่ยมตามที่เขาแนะนำแล้วนี่ เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจอมจะไม่ไปเยี่ยม

“ทำไม คุณจอมมาถามถึงกูหรือวะ”

“เออ!!”

“หึหึ อะไรกัน เสียงแข็งๆ แบบนั้น” อินทัชหัวเราะในลำคอ

“อย่ามาหัวเราะไอ้สัตว์”

“ด่ากูอีก แต่เอาเถอะ มึงจะเชื่อกูไหมล่ะ รับประกัน มึงได้คุณจอมมานอนกอดทั้งชาติแน่ๆ”

“อย่ามาเวอร์ เขาไม่สนใจกูหรอก”

“ไอ้ป๊อด!!”

“ชิ!! อย่ามาด่ากู” จักรหันหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์

“จะเอาไง จะทำตามที่กูบอกไหมล่ะ”

จักรนิ่งคิดไป มองหน้าของอินทัชที่นิ่งเฉยแบบพิจารณาว่าจะฝากความหวังไว้ที่เพื่อนใหม่คนนี้ได้หรือเปล่า หากแต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

สองปีที่ผ่านมา มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จะลองดูอีกสักหน่อย ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

“เออ!! ลองดู”

“งั้นอย่างแรกที่มึงต้องทำก็คือ สารรูป”

“หมายความว่ายังไง”

“โกนหนวด โกนเคราออกซะ”

“หา!!!”

“ตกใจอะไร หรือว่ามึงไม่มั่นในหน้าตาของตัวเอง กูจะบอกอะไรให้นะไอ้จักร หน้าเป็นส่วนหนึ่งของการยอมรับ ถ้าไม่ทำให้หนังหน้าตัวเองดีขึ้น”

“หนอย...”

เจ็บใจจริงๆ มึงคอยดูหน้ากูก็แล้วกัน

“ปากมึงนี่มัน”

“อะไรไอ้จักร แค่นี้ทำโกรธเหรอ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ช่วยโกนหนวดมาให้ดูหน่อยก็แล้วกัน”

“เออ! ได้!! พรุ่งนี้มึงก็คอยกันพวกผู้หญิงให้กูด้วยก็แล้วกัน” ระเบิดความโกรธแล้วก็เดินไปทำงานของตนทันที ทิ้งให้อินทัชยืนกอดอกยิ้มๆ

“ท่าทางของมันก็ไม่ได้โม้ล่ะนะ” อินทัชพึมพำก่อนจะเดินตามร่างสูงไปทำงานของตนทันที

ถ้าผู้หญิงเยอะจริง นั่นก็เข้าทางเลยล่ะ...


เช้าวันรุ่งขึ้น

“นั่นใครน่ะ คนงานใหม่หรือ”

“ไม่รู้สิ แต่หล่อจังเลย”

“โอ้ย!! ดูแบดบอยจังเลย ฉันล่ะอยากทำความรู้จักจัง”

เสียงของคนแถวนั้นที่ต่างพากันมาดูชายคนหนึ่งที่นั่งกระดิกเท้าด้วยความหงุดหงิดอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่รอเวลาทำงานอย่างชื่นชม

“ชิ เมื่อไหร่มันจะมาวะ”

จักรที่ตอนนี้กลายเป็นคนละคนจากที่ผ่านมา ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาไม่มีหนวดเคราขวางหูขวางตา กับใบหน้าที่ดูโหดๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ทำให้คนจำไม่ได้ว่าเขาคือใคร

“ไอ้อิน มึงนะมึง”

“อะไร มึงโวยวายอะไร” เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำเอาจักรสะดุ้ง พอหันไปก็เจอร่างโปร่งบางของอินทัชยืนยิ้มอยู่ด้วยสภาพที่เหงื่อชโลมไปทั้งกาย

“มึงมาช้า ว่าแต่มึงไปทำอะไรมา ทำไมถึงดูเหนื่อยแบบนี้วะ” จักรถาม

“หืม...หล่อนี่หว่า” อินทัชยกมือของตนลูบไปที่ใบหน้าคมแล้วชมยิ้มๆ ทำเอาจักรถึงกับชะงักไปนิดๆ เพราะตนเห็นว่าเพื่อนใหม่คนนี้ทั้งสวยและเซ็กซี่ เลยทำให้เคลิ้มไป

แต่เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นั้นก็ทำเอาจักรสะดุ้ง แต่อินทัชกลับยิ้มอย่างชอบใจ

“ทำอะไรกันน่ะ!!!”

เฮือก!!

“คุณ...จอม” จักรเรียกชื่อคนน่ารักของตนเสียงเบา

“สวัสดีครับคุณจอม”

“เรียกผมว่าจอมเฉยๆ เถอะครับ แต่ว่า...พี่อิน เมื่อกี้ทำอะไรครับ” เสียงของเจ้าจอมดูไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก บวกกับหน้าตาที่บ่งบอกว่าโกรธสุดๆ ก็ทำเอาอินทัชยิ้มกว้างเข้าไปอีก

“เปล่า พี่ไม่ได้ทำอะไร แค่คิดว่าจักรมันหล่อดีน่ะสิ”

“แล้วไงครับ ว่าแต่นายเถอะ โกนหนวดทำไม!!” ถามอีกคนเสียงเขียว จนคนที่ทำตัวหล่อถึงกับอึกอัก พูดอะไรไม่ถูก มองหน้าเพื่อนอย่างอินทัชอย่างต้องการความช่วยเหลือ

หากแต่คนอย่างเจ้าจอมกลับคิดว่าตัวเองโดนเมิน

“นายจักร!!!” ตะโกนเสียงดังลั่นจนคนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว

“น้องจอมตะโกนทำไมครับเนี่ย ทุกคนมองกันใหญ่แล้ว”

“พี่อินคิดจะทำอะไร เข้ามายุ่งแบบนี้จอมไม่ยอมนะครับ”

“หึหึ พี่ทำอะไรครับ” ถามอย่างเจ้าเล่ห์

“ก็...เชอะ จอมบอกไว้เลยนะ ว่าถ้าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ จอมจะไม่อยู่เฉยแน่”

นั่นแหละที่พี่ต้องการ... ร่างโปร่งคิดในใจ

จักรมองทั้งคู่ที่กำลังโต้กันไปมาอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจสถานการณ์กันเท่าไหร่ ร่างสูงใหญ่มองเจ้าจอมที่มองเพื่อนของเขาอย่างโกรธๆ แบบที่เลิกคิดได้เลยว่าคนที่ตัวเองชอบจะชอบอินทัช ท่าทางแบบนี้ไม่มีเค้าว่าชอบในสายตาหรือจากอะไรเลยของเจ้าจอม

คิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมเนี่ย

“พี่ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ”

“พี่อิน!!!”

“คุณจอม...อย่างแสดงกิริยาเอาแต่ใจตรงนี้นะครับ” สิ้นเสียง ร่างบางของเจ้าจอมกับอินทัชก็หันมองคนพูดทันทีด้วยความแปลกใจกับตกใจ

เจ้าจอมน่ะตกใจ และรู้สึกจี๊ดๆ ในใจไปด้วย ส่วนอินทัชก็มองอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าคนที่คลั่งเจ้าจอมสุดๆ จะกล้าตำหนิคนที่ตัวเองรักแบบนี้

“นาย...”

“คุณจอมกลับไปเถอะครับ อย่ามาหาเรื่องไอ้อินมัน ผมไม่รู้หรอกว่ามันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจ แต่นี่มันเพื่อนผม ถึงผมจะรักคุณใช่ว่าผมจะชอบทุกอย่างที่คุณจอมทำนะ”

จุก...จุกทั้งอินทัชกับเจ้าจอมเลย

“นายจักร ไอ้บ้า นายว่าฉันขนาดนี้ ฉันจะเลิกยุ่งกับนายแล้วนะ คนอุตส่าห์กล้าเข้ามาคุย แต่ก็โดนนายว่า นายไม่สนใจแบบนี้ บ้าที่สุดเลย!!!” เจ้าจอมระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างโมโห แล้ววิ่งหนีจากตรงนั้นท่ามกลางบรรยากาศดูเหมือนจะตกใจของจักรที่นิ่งสนิทเพราะคิดตามไม่ทัน

“หึ...หึหึ ฮะฮะ ฮ่าๆ” ร่างโปร่งหน้าสวยระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง จนจักรหันมามองอย่างเครียดๆ เพราะเขาผิดอะไร ทำไมเจ้าจอมถึงได้ดูโกรธขนาดนั้น

“กู...ทำอะไรผิดหรือเปล่าวะ”

“ฮ่าๆ มึงนี่มันมีดีแค่ทำงานเก่งกับหน้าตาดีจริงๆ สินะ”

มีสมอง แต่โง่ฉิบหาย แค่นี้ก็มองไม่ออกว่าเจ้าจอมเขาสนใจในตัวเองขนาดไหน

“อะไรวะ”

“ไม่คิดบ้างหรือไงว่าที่น้องจอมโกรธเพราะมึงปกป้องกู”

“แล้วจะโกรธ...ทำไมวะ?”

“นี่มึงโง่ขนาดนี้เลยหรือวะ” อินทัชเริ่มจะยิ้มไม่ออก เพราะถ้าไม่ทำให้ร่างสูงฉลาดมากกว่านี้ล่ะก็ คงจะสมหวังกันช้าแน่ๆ

“ไอ้สัตว์อิน มึงว่ากูมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” ใบหน้าคมคร้ามแสดงสีหน้าไม่พอใจให้กับเพื่อนหน้าสวย

“ก็มันจริงนี่หว่า”

“แล้วสรุปมันยังไง ทำไมคุณจอมเขาโกรธกู”

“ก็โกรธที่มึงปกป้องกูไง แล้วก็โกรธที่มึงด่าเขาไง”

“แล้ว?”

“การที่โดนคนที่ตัวเองชอบด่า นอกจากจะโกรธแล้ว กูว่าน้อยใจสุดๆ เลยว่ะ”

“เอ๊ะ!! กูยังไม่ได้โดนคุณจอมด่านี่”

โง่บรมเลยว่ะ

“ก็คุณจอมโดนมึงด่าไง ถ้าแค่นี้มึงยังคิดอะไรไม่ออกอีก กูไม่รู้จะบอกยังไงแล้ว ขอตัวไปทำงานก่อนละกัน พี่คมแกมองเราตาขวางแล้ว” พออินทัชเดินจากไป ร่างแกร่งก็ยืนนิ่งคิดไปอีกสักพัก ก่อนจะหัวใจเต้นแรงอย่างมีความหวัง

คุณจอม...ชอบกู

จริงๆ ใช่ไหมวะ... นี่กูเชื่อไอ้อินได้ไหมเนี่ย เอาเถอะ ถ้าไม่ใช่ก็แค่อกหักซ้ำซาก

“คราวนี้ผมจะตื๊อจริงๆ แล้วนะครับ”






50%


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

   รอกันนานเลย ขอโทษด้วยนะคะ จะพยายามมาให้เร็วที่สุด แต่ก็ทำได้เท่านี้จริงๆ ยังไงก็อย่าทิ้งกันนะคะ เม้นท์ๆ ด้วยน้า มีอะไรก็ติ แนะนำได้ จะนำสิ่งเหล่านั้นมาปรับปรุงงานเขียนของตนเองให้ออกมาดีที่สุดค่ะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 7 50% (17/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 18-01-2016 20:37:33
คู่นี้น่ารักน่าลุ้นแฮะ
เจ้าจอมคงละลายรัวๆถ้าจักรไปง้ออะ
ก้อรายนั้นเค้าเปิดใจแล้วหนิ
555+
อินคะ เรื่องของคนอื่นนี่รู้ดี เรื่องตัวเองว่าไงคะหนูอิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 7 50% (17/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 19-01-2016 10:05:49
 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 7 50% (17/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 19-01-2016 17:46:35
มาต่อบ่อยๆนะคะ สนุกดี  o13
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 7 50% (17/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-01-2016 19:11:51
จอมกับจักร จะได้ลงเอยกันแระ อิอิ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 7 100% (19/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 19-01-2016 21:37:22
ตอนที่ 7 ครึ่งหลัง





ตกเย็น

เจ้าจอมมาจ่ายเงินให้กับเหล่าคนงานของรีสอร์ทของรามินทร์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทรับเหมาที่จ้างมาด้วยใบหน้าที่แสนจะบึ้งตึงพอจัรเดินเข้าไปไกล้ๆ ด้วยรอยยิ้มมีความสุขข้างๆ มีร่างโปร่งบางของอินทัชเดินมาด้วยก็ยิ่งแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่

“ดีครับน้องจอม”

“ครับ”

“โกรธอะไรพี่หรือเปล่าครับ” อินทัชถาม

“เปล่าครับ เอานี่ครับ ส่วนของพี่อิน อ้อ! พี่รามฝากบอกให้รีบไปที่โรงครัวน่ะครับ” บอกคำสั่งของพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องให้กับอินทัชได้รับรู้ ซึ่งเป็นไปอย่างที่รามินทร์บอกกับเขา ใบหน้าสวยแสดงถึงความหงุดหงิดออกมา แต่ก็ยังยิ้มให้ร่างเล็กอยู่ดี

“งั้นพี่ไปก่อนนะครับ กูไปก่อนนะไอ้จักร พยายามเข้าล่ะ”

“เออ ขอบใจมาก”

ร่างโปร่งของอินทัชเดินห่างออกไปจนลับสายตา ตอนนี้ก็เลยเหลือเพียงแค่จักรกับจอมสองคน เพราะจักรกับอินทัชมักจะมาเข้าคิวเป็นลำดับหลังๆ คนอื่นๆ เลยทยอยกลับกันหมดแล้ว

“เอ้า! เงินของนาย”

“คุณจอมครับ” มือแกร่งเอื้อมไปหยิบเงินจากมือขาวบางแล้วค้างจับเอาไว้แบบนั้น จนคนตัวเล็กต้องมองสบอย่างไม่พอใจ

“ปล่อยฉัน”

“ไม่ครับ” เขาจับเอาไว้แน่นกว่าเดิมจนสลัดไม่หลุด

“ฉันบอกให้ปล่อย”

“ผมขอโทษนะครับเรื่องเมื่อเช้านี้”

“เรื่อง?”

“ที่ผมว่าคุณไง”

“ช่างมันเถอะ ฉันไม่ถือสา ปล่อยได้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน”

“งั้นให้ผมไปส่งได้ไหมครับ”

ร่างเล็กมองใบหน้าหล่อเหลาที่คมคร้ามของจักรอย่างพิจารณา เมื่อรับรู้ได้ว่าร่างสูงแกร่งยังไม่ได้เปลี่ยนใจไปจากเขา ก็แอบยิ้มขึ้นมานิดๆ

“ตามใจก็แล้วกัน”

“งั้นเดี๋ยวผมเก็บของให้”

“อือ...ฝากด้วย”

ว่าแล้วจักรก็จัดการเก็บของของเจ้าจอมลงกระเป๋าให้เรียบร้อยก่อนจะเป็นฝ่ายถือกระเป๋าให้กับเจ้าจอม ร่างเล็กเดินนำคนตัวใหญ่ไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เดินตามเจ้าจอมแบบนี้ นี่เป็นครั้งได้ที่ได้คุยกันยาวและเยอะขนาดนี้ แบบนี้ มันก็พอจะมีหวังบ้างล่ะน่า

“คุณจอมทำไมถึงมาทำงานที่นี่ล่ะครับ ได้ข่าวมาว่าคุณจอมเรียนจบบัญชีมา แต่คุณรามก็เสนอให้ทำงานอยู่ในสาขาใหญ่ในตัวเมืองนี่ครับ ทำไมถึงเลือกอยู่ที่นี่ล่ะ”

“แล้วไม่ดีหรือไงที่ฉันอยู่ที่นี่”

“ดีสิครับ ดีมากๆ เลย”

“งั้นก็ไม่ต้องรู้เหตุผลหรอก”

“อ้าว? ซะงั้น”

“ทำไม...อยากรู้ไปทำไม” คนที่ยังเดินนำอยู่ข้างหน้าถามขณะที่เดินไปด้วย

“เปล่า ผมก็แค่อยากรู้ไปงั้นๆ แหละครับ ว่าแต่ทำไมคุณจอมถึงยอมให้ผมมาส่งล่ะ หรือว่าจะเริ่มเปิดใจให้ผมแล้ว” ถามตรงๆ แบบมีความหวังมากๆ

กึก!

คนตัวเล็กชะงักกึก ใบหน้าแดงซ่านอย่างเขินๆ จะบอกได้ยังไงว่าเขาเองก็ชอบอีกคนตั้งแต่วันที่มาที่นี่แรกๆ แล้วเจอจักรแล้ว จักรอาจจะชอบเขาเมื่อสองปีที่แล้ว ที่เขาเรียนจบใหม่ๆ แล้วเข้ามาทำงานบัญชีให้รามินทร์ แต่สำหรับเขาแล้ว เขารู้จักจักรก่อนที่จักรจะรู้จักเขาอีก

แต่เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นความลับ

“แล้วนายอยากให้เป็นแบบไหน”

“ก็อยากได้โอกาส” ตอบเสียงอ่อย ซึ่งเจ้าจอมก็หันมามองสบตาผู้ชายตัวใหญ่โต หน้าโหดๆ แต่ถ้ารู้จักจริงๆ จะรู้ว่าคนตัวโตคนนี้เป็นคนที่ซื่อขนาดไหน

ซื่อสัตย์ ซื่อตรง นี่แหละคือคนที่เจ้าจอมหลงรักมาสามปี ใช่แล้ว... สามปี สามปีที่เขาหลงรักจักรมาตลอดโยไม่ลงมือทำอะไรเลย แต่นั่นแหละ เขาจะไม่รออีกต่อไปแล้ว

“อยากได้ขนาดนั้นเลย มั่นใจหรือไงว่าจะชนะใจฉันให้ได้น่ะ”

“ไม่มั่นใจหรอกครับ ก็คุณจอมทั้งน่ารัก ทั้งนิสัยดี ฐานะสูงส่งกว่าผมอีก การที่จะลดตัวลงมาคบกับผมน่ะมันไม่มีทางแน่นอนอยู่แล้ว แต่ผมก็อยากสู้ เพราะอย่างน้อย ก็ขอสู้ให้ถึงที่สุด แม้ว่าผลมันจะเป็นยังไงก็ตาม”

เจ้าจอมมองหน้าคนหน้าโหดๆ ท่าทางเถื่อนๆ แต่มีความจริงจังและจริงใจเต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึกตื้นตัน

“ก็เอาสิ อยากทำอะไรก็เชิญ”

“จริงหรือครับ”

“อือ ฉันให้โอกาสนาย”

“คือ...จ่ะ จริงหรือเนี่ย”

“อะไรเนี่ย เดินตามมาได้แล้ว ฉันหิว”

“ครับๆ” รีบเดินตามไปอย่างอึ้งๆ สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่เพราะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไปหรือเปล่า แต่มองด้านหลังของคนที่ตนรักมาสองปีเพ้อๆ

เมื่อเดินมาถึงบ้านพักส่วนตัวที่รามินทร์สร้างให้กับเจ้าจอม ร่างสูงก็ทำหน้าเสียดายที่เวลาอยู่ด้วยกันกับเจ้าจอมหมดลงแล้ว เขาวางของไว้ตรงโต๊ะ หันมองเจ้าของบ้านที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

“เดี๋ยว”

“ครับ”

“ทำอาหารเป็นไหม”

“ห๊ะ!!” อ้าปากค้างเหวอ

“ผม...ทำไม่เป็นหรอกครับ แต่ทำไข่เจียวได้นะครับ อยากกินไหมครับ” ถามออกไปอย่างนิ่งๆ ซื่อๆ จนเจ้าจอมหัวเราะออกมานิดๆ จนคนหน้าดุที่ไม่มีอารมณ์อะไรเลยบนใบหน้าก็มองคนตัวเล็กอย่างสงสัย

“เหมือนกันนะ แต่โชคดีที่ฉันพอทำอะไรง่ายๆ เป็น”

“ครับ?”

“จะกินไหมล่ะ” ถามไป

“กิน...ฝีมือของคุณจอม”

“ใช่”

“กินครับ กิน ผมอยากกิน” ตอบกลับอย่างกระตือรือร้น พอเห็นคนหล่อๆ ที่มีบุคลิกเป็นคนดิบเถื่อน แสดงสีหน้าดีอกดีใจ เจ้าจอมก็เลยรู้สึกดีขึ้นมาที่ปฏิกิริยาแบบนี้ เขาได้รับมันคนเดียว

“งั้นก็นั่งรอตรงนี้ไป ดูทีวีก็ได้”

“ให้ผมกลับไปอาบน้ำก่อนไหมครับ เหม็นเหงื่อหมด”

“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ถือ แล้วบ้านนายก็ไกลด้วยนี่ นั่งรอไปเถอะ”

“ให้ผมช่วยไหมครับ”

“ช่วยนั่งรอ”

“เอ่อ...โอเคครับ”

ร่างสูงรับปากอย่างจำยอมก่อนจะนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่เมื่อร่างเล็กของเจ้าจอมหายไปในห้องครัวของบ้านหลังเล็กแห่งนี้ ถึงจะบอกว่าเป็นบ้านหลังเล็ก แต่การตกแต่งถือว่าดูดีมาก บ่งบอกว่าเจ้าของมีสไตล์เป็นตัวของตัวเอง

“ความฝันหรือเปล่าวะเนี่ย กูเนี่ยนะได้เข้ามาในบ้านคุณจอม”

เพี๊ยะ!!!

ว่าแล้วก็ตบหน้าตัวเองดูหนึ่งทีแรงๆ จนตัวเองร้องเจ็บออกมา

“ไม่ฝันนี่หว่า เรื่องจริงนี่หว่า ย้ะฮู้!!! คุณจอมให้โอกาสกูแล้วโว้ย สองปีเต็มที่กูรอคอย ในที่สุดมันก็เป็นผล แล้วตอนนี้ ในบ้านของคุณจอม...”

เกินกว่าที่วาดฝันไว้เสียอีก...

ชั่วโมงผ่านไป บรรยากาศโดยรอบมืดลง เขายืนมองเจ้าจอมจัดโต๊ะอาหารแบบที่ทำตัวไม่ถูก ความรู้เหมือนมีภรรยาคอยทำอาหารรอสามีกลับบ้านมากิน แค่คิดก็รู้สึกฟินไปสิบชาติ

“นั่งสิ มัวแต่ทำหน้าพิลึกอยู่ได้”

“อ่ะ ครับๆ”

“หึหึ” ร่างบางหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเริ่มทานอาหารง่ายๆ สองสามอย่างที่ตัวเองทำอย่างไม่รอคนตัวใหญ่ที่ไม่กล้าแม้แต่จะจับช้อน

“จะกินไม่กิน”

“ครับๆ กินแล้วนะครับ”

พวกเขาทั้งสองลงมือทานอาหารด้วยกันเป็นครั้งแรกอย่างรู้สึกประหม่า ร่างสูงลอบมองใบหน้าน่ารักของเจ้าจอมเป็นระยะๆ ส่วนเจ้าจอมเองในจังหวะที่อีกคนไม่มองเขาก็มองกลับ

สลับกันไปมาจนทานเสร็จนั่นแหละ

“เดี๋ยวผมล้างจานให้”

“ก็ดีเหมือนกัน”

“ขอบคุณสำหรับข้าวเย็นอร่อยๆ นะครับ”

“อือ ไม่เป็นไร ล้างเสร็จแล้วนายช่วยล็อกบ้านให้ก่อนกลับนะ ฉันจะไปอาบน้ำพักผ่อนแล้ว”

“ครับคุณจอม”

“ขอบคุณ”

ร่างเล็กเดินเข้าไปข้างในอีก ซึ่งเป็นห้องนอนเนื่องจากเป็นบ้านชั้นเดียว เลยไม่ค่อยมีห้องมากนัก ฟากจักรเองก็ล้างจานเสร็จ เดินตรวจรอบๆ บ้าน แล้วล็อกประตูให้ก่อนจะเดินกลับบ้านก็ตนไป ซึ่งมันอยู่ไกลจากนี้ประมาณห้ากิโลได้ แต่เขาก็ชอบเดินหรือปั่นจักรยานมา หากแต่วันนี้เขาเดินมาเพราะจักรยานยางแตกยังไม่ได้เปลี่ยน

“วันนี้ ก็นอนหลับฝันดีแล้วสิ”








“เป็นไงบ้าง”

“คุณจอมให้โอกาสกูว่ะ” จักรเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนเย็นให้กับอินทัชฟังในวันถัดมา ซึ่งร่างโปร่งก็ยืนฟังนิ่งๆ เมื่อจบแล้วก็เอ่ยเบาๆ อย่างแปลกใจ

“แปลก...”

“แปลกอะไรวะ”

“ไม่น่ารอด”

“มึงพูดอะไรเนี่ย” จักรชักมีน้ำโห

“มีแค่นี้จริงๆ หรือวะ” ถามกลับอย่างไม่แน่ใจเพราะสิ่งที่จักรเล่ามันไม่เป็นไปตามที่เขาคิดสักเท่าไหร่

“ก็เออน่ะสิ มึงคิดว่ามันจะมีอะไรอีก?”

“สงสัยกูจะวิเคราะห์พลาด”

“วิเคราะห์...กูว่านะอิน ขอร้องเลยเหอะ เลิกพูดอะไรที่กูเข้าใจยากจะได้ไหม ฟังมึงพูดทีไร กูไม่เคยจะเข้าใจเลยว่ะ”

จักรทำหน้าเหม็นเบื่อใส่หน้าอินทัช ซึ่งร่างโปร่งบางก็ทำได้แค่หัวเราะ

“หึหึ เอาเถอะ ก็ดีแล้วนี่ คราวนี้มึงก็เดินหน้าจีบไปเลย”

“เอ่อ...คือว่า” ร่างแกร่งแสดงความอึกอักออกมา จนร่างสูงโปร่งขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

“อะไร”

“แบบว่า...กู จีบใคร ไม่เป็นว่ะ” ตอบแบบไม่ค่อยอยากจะตอบเท่าไหร่ไป

“รู้อยู่แล้วล่ะ”

“มึงไม่ตลกหรือวะ”

“อยากให้กูหัวเราะหรือไง”

“เปล่า กูเคยบอกคนอื่นเขาก็พากันหัวเราะน่ะ กูเลย...ไม่ชินมั้งที่มึงไม่หัวเราะ”

พอดีกูแอบหัวเราะในใจอ่ะนะ...อินทัชคิดในใจ

“งั้นเดี๋ยวกูหัวเราะให้”

“เอ้ย! ไม่ต้องๆ เอาเวลามาช่วยกูคิดวิธีจีบดีกว่า”

“เฮอะ!! ไม่ต้องจีบหรอก กูมีวิธีที่เด็ดกว่านั้น”

“อะไรวะ” ถามไปอย่างสงสัยระคนไม่เชื่อใจกับีหน้าเจ้าเล่ห์ของอินทัช

“เอาหูมา”

“ทำไมต้องกระซิบด้วย”

“จะฟังไหม”

“เออๆ ฟังก็ฟัง”

ร่างแกร่งยื่นหูเข้าไปหาร่างโปร่งของเพื่อน และจากนั้น อินทัชก็กระซิบแผนการต่อไปให้กับร่างสูงรับรู้ซึ่งสร้างความตกใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก

“มันเสี่ยงนะมึง”

“อือ เสี่ยงไง”

“แล้วถ้าคุณจอมโกรธ ไม่ยอมให้โอกาสกูล่ะ ทำไง”

“ไม่มีทางหรอกน่า คุณจอมเขาชอบมึง ใจพวกมึงน่ะตรงกันแล้ว แต่มัวมาพิรี้พิไร น่ารำคาญลูกกะตาจริงๆ จัดการตามที่กูว่านั่นแหละ เดี๋ยวกูจะเป็นคนเริ่มแผนการเอง มึงมีหน้าที่เล่นตามเนื้อกูเท่านั้น บอกไว้ก่อนไม่ว่ากูจะเล่นอะไรมึงต้องเล่นตาม” สั่งเสียงเข้ม

“เออๆ กูจะทำตาม”

“ดีมาก รับรองว่าไม่ถึงสองอาทิตย์ มึงได้นอนกอดคุณจอมแน่”

“กูก็หวังให้เป็นแบบนั้น”

“แน่นอนอยู่แล้ว ระดับกูสักอย่าง” อินทัชเดินหนีไปอย่างอวดดี แต่ก็ทำให้จักรเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ก่อนจะไปทำงานก่อนได้เหมือนกัน

หมั่นไส้มึงจริงๆ ไอ้อิน…

“ช่างเถอะ ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไป และกำลังไปได้สวยด้วย”

บางที...ถ้าไม่มีไอ้อิน เขาจะได้โอกาสแบบนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้

“ฮ่าๆ ก็ต้องขอบใจมึงล่ะนะ ไอ้อิน”


ต่อให้ผลข้างหน้าจะเป็นยังไง เขาก็ยอมรับทั้งนั้น

เพราะเขา สู้เต็มที่แล้วจริงๆ

...






100%

 :katai4: :katai4: :katai4:

   ครบ 100% แล้วนะคะ ^_^ ก็บอกว่ามี 3 คู่ไง ตอนนี้เป็นของจักรจอม ตอนหน้าก็เป็นขรรค์เงินนะคะ อยากลองดูว่าตัวเองจะเขียน 3 คู่ในเรื่องเดียวจบในกี่เดือน หรือปี ฮ่าๆ มีอะไรสอบถาม พูดคุย ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki/

เม้นท์ๆ ด้วยนะคะ รักทุกคนเลยยยยยย

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 7 100% (19/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 19-01-2016 23:13:39
อื้อออ มาแล้ววว ดีใจ
อินวางแผนให้คนอื่นนี่ดิบดีเชียวนะ
เห้อ....ไปเจอรามเลย แอบคิดถึงรามอินเบาๆนะเนี่ย
ปล แอบลุ้นขรรค์เงินเบาๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 7 100% (19/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-01-2016 23:49:11
 o13
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 7 100% (19/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-01-2016 01:56:52
ชอบคู่นี้ >///<
คุณจอมแอบชอบจักรก่อน แอร๊ยย ฟินตัวแตก
ทำเอาว่าอยากรู้เลยค่ะ เพราะอะไรทำให้จอมเริ่มแอบชอบจักร
 :-[
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 7 100% (19/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: boommerang ที่ 20-01-2016 02:09:51
โหสามคู่จะยาวนานขนาดไหนนี่. คนเขียนมาต่อบ่อยป่ะนะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 50% (29/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 29-01-2016 21:07:10
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 8
หลีกเลี่ยง



“อินครับ เห็นขรรค์หรือเปล่า”

“อ้าว...หมอเงิน มาแต่เช้าเลยนะครับ” ร่างโปร่งของอินทัชที่กำลังรดน้ำผักอยู่หันมาทักทายก่อนจะทำงานของตนให้เสร็จ

“มาหาขรรค์น่ะครับ”

“ทำแต้มน่าดูเลย”

“ไม่เรียกว่าทำแต้มหรอกครับอิน เพียงแค่จะเอาขรรค์คนเดิมคืนมาก็เท่านั้น”

“ถ้างั้นก็สู้ๆ นะ ขรรค์ไปดูห้องพักที่ต้องซ่อมแซมน่ะ ลองตามไปดู” ตอบยิ้มๆ แต่สีหน้าดูเหนื่อยอย่างมากจนหมอเงินเป็นห่วง

“อิน เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาไม่สู้ดีเลย”

“เปล่าหรอก รู้สึกเหนื่อยๆ น่ะ”

“จริงสิ อินต้องตื่นกี่โมงในทุกๆ วันหรือครับ” ถามเสียงอ่อนโยน

“ก็ตีสี่น่ะ”

“นอนล่ะครับ”

“มาแรกๆ ก็นอนสองสามทุ่มน่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไอ้รามมันใช้งานหนัก ห้าทุ่มน่ะถึงได้นอน”

“พักผ่อนน้อยมากเลยนะครับ อินก็รักษาสุขภาพบ้างเดี๋ยวผมจะจัดวิตามินบำรุงมาให้เดี๋ยวร่างกายจะแย่เอา ตอนนี้ก็คงทำได้แค่นี้ จะหวังให้คุณรามลดงานคงเป็นได้ยาก” หมอเงินบอกยิ้มๆ ใบหน้าสวยยิ้มรับอย่างเหนื่อยๆ แต่ก็ยังมีแววความจริงใจอยู่ในดวงตา

“ยังมีความโชคดีในความโชคร้ายสินะ นอกจากไอ้รามแล้ว ทุกคนที่นี่ดีกับผมมากจริงๆ”

“หรือครับ แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะอิน นอกจากผมกับขรรค์ อินมีเพื่อนอีกไหมครับ”

“ก็มีไอ้จักรน่ะ เจอที่งานก่อสร้าง”

“อ๋อ ดีแล้วล่ะครับ ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปหาขรรค์ก่อน แล้วจะมาหาใหม่นะอิน”

“โอเคหมอเงิน”

ร่างโปร่งของหมอเงินเดินจากสวนผักของอินทัชมาแล้วตรงไปหาขรรค์ทันที เขากวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาผู้ชายร่างสูงใหญ่อย่างตั้งใจ เพราะก่อนจะไปเข้าเวรก็ขอเจอก่อนเถอะ

“เอ๊ะ! เห็นหลังไวๆ อยู่นะ”

ว่าแล้วก็วิ่งทันที่เห็นเงาของคนตัวสูงที่ดูเหมือนจะหนีเขาไปแล้ว

“ขรรค์ อยู่ไหนเนี่ย เรามาหาน่ะ ออกมาเจอกันหน่อยสิ”

เงียบ...ไม่ออกมา แต่ร่างโปร่งของหมอเงินก็รู้ว่าร่างสูงอยู่แถวๆ นี้แน่นอน เพราะเห็นเงานผ่านไปไวๆ เมื่อกี้ แม้ว่าจะรู้ว่าคนตัวใหญ่พยายามที่จะเลี่ยงเขาเท่าไหนแต่เงินก็ไม่ยอมแพ้

เพราะครั้งนี้ ถ้าเขาไม่ได้หัวใจขรรค์คืนมา เขาจะไม่ยอมแพ้

“ขรรค์ ถ้าขรรค์ไม่ออกมานะ เราจะไม่ไปทำงานจริงๆ ด้วย” ร่างโปร่งขู่ออกมา รู้ว่าขรรค์เป็นคนยังไง และแน่นอนว่ามันก็เป็นไปตามที่ร่างผอมต้องการในเมื่อสิ้นเสียง คนที่ซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ก็ออกมาหาหมอเงินที่ยืนยิ้มๆ มองอยู่

“เงินมีธุระอะไรกับเราหรือเปล่า”

“ทำไมล่ะ ไม่มีธุระอะไรเรามาหาขรรค์ไม่ได้หรือ” แสร้งทำหน้าเศร้าถามออกไป

“เปล่า แต่ว่าเรายุ่งน่ะ ไม่ค่อยมีเวลานักหรอก เงินมีอะไรจะพูดหรือเปล่า”

“ทำไมขรรค์ถึงได้ดูเย็นชาจัง”

“เราก็เหมือนเดิม”

“สำหรับคนอื่นน่ะเราไม่รู้ แต่สำหรับเรา ขรรค์ไม่เหมือนเดิม แต่ช่างเถอะ เราเป็นคนผิดนี่นะ สมควรแล้วที่ขรรค์จะโกรธเงิน”

“เงินต้องการอะไรน่ะ อย่ารื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาใหม่เลยนะ” เสียงทุ้มใหญ่ขอร้องออกมา แววตามีความเจ็บปวดฉายชัดอย่างชัดเจน

“ก็ได้ เราจะไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ แต่เงินจะเริ่มใหม่ ให้โอกาสกับเงินหน่อยนะ”

“ไม่ได้หรอก เราสองคนมันเป็นไม่ได้” ร่างใหญ่กัดฟันบอก

“ทำไมล่ะขรรค์ ความผิดที่เงินทำมันรุนแรงขนาดที่ให้อภัยกันไม่ได้เชียวหรือ” ถามด้วยใบหน้าที่เศร้าสลดจนบุคคลที่แกร่งอย่างหินผาใจอ่อนยวบ

“มันไม่ใช่อย่างนั้นเงิน ต่อให้ไม่มีเรื่องนั้น ขรรค์ก็ต้องรู้สึกได้ถึงความต่างของเราอยู่ดี” ร่างสูงหลุดแทนตัวเองเหมือนกับที่เคยแทนตัวเมื่อที่ผ่านๆ มา

“ขรรค์...”

“มันไม่มีประโยชน์จริงๆ เงิน ต่อให้ขรรค์ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือเรา...ไม่มีทางเป็นไปได้” สิ้นเสียงร่างสูงก็เดินหนีออกไป ทิ้งให้ร่างโปร่งก้มหน้ากำหมัดแน่นด้วยท้อแท้ใจ แต่ก็ไม่สิ้นหวังมาก

ขรรค์พูดเหมือนกับว่ายังรักเราอยู่...

แค่นี้ก็พอเป็นกำลังใจได้แล้วล่ะ

“จนกว่าจะหมดแรงจริงๆ ขอเราสู้ก่อนนะขรรค์”

ว่าแล้วก็เดินออกจากตรงนั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่าร่างสูงใหญ่ยังคงยืนนิ่งอยู่หลังผนังกว้าง กำแพงนั่นบังร่างของเขาจนมิด และสิ่งที่คนรักเก่าพูดทิ้งท้ายก่อนกลับไป มันก็ทำให้ขรรค์รู้สึกหวั่น หวั่นกลัวต่อความรู้ของตัวเอง

“ขอโทษนะเงิน...มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ”

เราจะไม่กลับไปแบบวันวานอีกแล้ว แม้ว่าที่ผ่านมามันจะมีความสุขแค่ไหน แต่ท้ายที่สุด มันก็เจ็บปวดที่สุดอยู่ดี ต่อให้รักมากแค่ไหน สุดท้าย...มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี

ความห่างชั้นของเรา ช่องว่างของเรา มันมากเกินไป


“เป็นอะไรครับหมอเงิน”

“อิน...ผมจะทำยังไง ขรรค์เขาหนีหน้าผมมาสามวันแล้วนะครับ ผมมาก็ไม่อยู่ วันก่อนก็ไปข้างนอก เมื่อวานก็บอกว่างานยุ่ง เห็นทีว่าผมจะไม่มีความหวังแล้วล่ะครับ”

“อะไรกัน น้ำเสียงเหมือนจะท้อแท้แต่หน้านี่ยิ้มน่ากลัวจริงๆ”

“อะไรครับอิน”

“จะวางแผนอะไรล่ะ” อินทัชถามอย่างรู้ทัน “มีเวลาพักแค่ยี่สิบนาทีผมจะฟังแผนการก็แล้วกัน” คนหน้าสวยว่าพลางนั่งลงตรงหน้าคุณหมอหนุ่มตรงม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่

“เบื่อจริงๆ เลย แค่อินมองตาผมก็รู้แล้วสินะว่าคิดอะไรอยู่”

อินทัชฉลาดจนน่ากลัวจริงๆ แต่ก็แบบนี้แหละที่เป็นเสน่ห์ของนักธุรกิจหนุ่มอย่างอินทัชนั่นแหละ

“ก็ไม่เชิงหรอก ความรู้สึกมันบอกน่ะ”

“ความรู้สึกของอินนี่มันเหมือนกับมานั่งในใจของผมเลยนะครับ”

“ก็นะ ผมต้องฝึกอ่านตา อ่านใจเข้าไว้น่ะ แต่ก่อนเป็นคนเชื่อคนง่าย โดนหลอกอยู่บ่อยๆ พอตัวเองเป็นลูกชายคนเดียว ผมก็เลยจำเป็นต้องแบกรับกิจการของครอบครัวเอาไว้ การจะให้ใครมาหลอกง่ายๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีน่ะสิ แล้วคนที่สอนก็เป็นพี่สาวของผมที่ตอนนี้ออกไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วล่ะครับ”

“ก็หมายความว่า ต้นตำรับของความน่ากลัวคือพี่สาวสินะครับ”

“หมอเงินก็ใช้คำเวอร์เกินไป น่ากลัวอะไรกันล่ะ”

นี่คงไม่รู้หรอกใช่ไหม ว่าการที่ตัวเองรู้ทันใครต่อใครมันเป็นเรื่องที่ทำให้คู่สนทนากลัวที่สุดล่ะ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ เขาน่ะ...ไม่มีอะไรจะปิดกับอินทัชแล้วล่ะ

จะบอก...ให้หมดเปลือกเลย

...

...

...


สามวันผ่านไปหลังจากวันนั้นที่เขาเล่าแผนการทั้งให้กับอินทัชฟังก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี แต่ที่เจ็บใจสุดๆ นั่นคือเงินไม่สามารถช่วยอะไรอินทัชได้เลย

“คุณรามไม่คิดว่าทำมากไปหรือครับ”

“มากไป? อะไรที่ว่ามากไปหรือครับ” ถามกลับด้วยรอยยิ้มเทพบุตรที่ไม่ว่าใครๆ ก็ตกหลุมพรางมาให้เขาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการกระทำที่ดูโหดร้ายของตนเลย

“ก็การที่ใช้ให้อินทำงานหนักๆ ไม่พักนี่แหละครับ ผมขอร้องในฐานะหมอที่ดูแลอินอยู่ ร่างกายของเขาเพิ่งจะฟื้นตัว จะทำอะไร ให้มันอยู่ในขอบเขตความเป็นคนด้วยนะครับ ขอตัวก่อน” พูดออกไปตามที่คิดแล้วก็เดินออกมาจากตรงนั้นทันที เพราะทนเห็นภาพของเพื่อนใหม่อย่างอินทัชในสภาพนั้นไม่ได้

และอินทัชเอง ก็คงไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพตอนที่เขาดูน่าสมเพชแบบนี้แน่ๆ

“มันสนุกหรือไง กับการย่ำยีศักดิ์ศรีของคนอื่น” เงินพึมพำเบาๆ จากที่คิดว่าจะมาหาขรรค์เพื่อทำคะแนนกลับกลายเป็นว่าอารมณ์เหล่านั้นมันหายไปหมดแล้ว

ยังไงก็...กลับไปทำงานดีกว่า ขรรค์คงจะเลี่ยงเราเหมือนเดิมล่ะนะ

“เฮ้อ...พรุ่งนี้ต้องเข้าไปในตัวเมืองด้วยสิ มะรืนก็ไปประชุมอีก วันถัดไปอีกก็ออกไปในชุมชน สรุปว่าอาทิตย์นี้ ก็คงต้องปล่อยให้ขรรค์ลอยนวลไปสินะ”

“ช่วยไม่ได้แฮะ”

แล้วอาทิตย์หน้า เจอกันนะขรรค์...

ทันทีที่ร่างโปร่งเดินหันหลังกลับไปยังทางเดิมก็ทำให้ร่างสูงที่ซุ่มดูอยู่ถึงกับใจกระตุกไปเพราะไม่คิดว่าหมอเงินจะกลับไปแบบไม่หาตัวเขาแบบนี้

มัน...อะไรกัน

“จงใจ...เข้ามาปั่นหัวเล่นหรือเปล่านะ”

ถ้าเป็นแบบนั้น ก็มีทางเดียวที่จะสู้ได้ นั่นก็คือต้องใจแข็งเข้าไว้ ไม่ว่าเงินจะมาลูกไหน เราก็ต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้ให้ได้


1 อาทิตย์ผ่านไปโดยที่ร่างสูงใหญ่ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนรักเก่าเลยสักนิด ไม่ได้ยินเสียง ไม่มีรอยยิ้มหวานๆ ไม่มี...มันก็แค่เหมือนเดิม แต่ก็ไม่อยากจะยอมรับว่าสองอาทิตย์กว่าที่เงินกลับเข้ามาในชีวิต จิตสำนึกภายในก็ตอบสนองขึ้นมาทันที หัวใจที่เค้าคนนั้นเคยเป็นเจ้าของ พอห่างหายมันก็แทบขาดใจ พออยู่ได้ก็เหมือนขาดหาย แต่พอกลับเข้ามา...หัวใจที่เคยเป็นของใคร มันก็ตอบสนองเพื่อคนๆ นั้น

ขรรค์ยังรอ...รออยู่เสมอ

แต่พอสิ่งที่ตนรอมาอยู่ตรงหน้า เขากลับ...หนี

หนีออกไปจากความกลัวเหล่านี้ ความกลัวที่เขาหนีมาตลอด และไม่เคยสู้กับมันสักครั้ง

“สู้งั้นหรือ...เพื่ออะไรล่ะ”

“คำตอบมันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง...ก็เพื่อความสุข” เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ขรรค์หมุนไปหาอย่างตกใจ

“เงิน...”

“ขรรค์กำลังสงสัยอยู่ใช่ไหมว่าทำไมเงินถึงต้องสู้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าขรรค์ไม่มีทางใจอ่อนกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ที่เงินทำตอนนี้ก็แค่...ลองดู ถ้าสำเร็จมันก็มีความสุข แต่ถ้าไม่...ก็แค่เจ็บอีกครั้ง”

เขาไม่ได้สงสัยในตัวของอีกคน แต่สงสัยตัวเองมากกว่าว่าทำไมถึงไม่คิดจะสู้...

“เจ็บตอนนี้ มันดีกว่านะ”

“เงินรู้” ใบหน้าหล่อเศร้าลงซ้ำยังมีแววอ่อนล้าให้ขรรค์กังวลอีก “แต่ก็อยากจะลองดู อีกสักครั้ง ไม่ต้องห่วงหรอกว่าเงินจะทำให้ขรรค์ลำบาก เพราะถ้าวันไหนที่ขรรค์สุดจะทนจริงๆ เราก็จะไป”

“เรายังยืนยัน...”

“อือๆ เรารู้แล้ว เอ้า!!! ของฝากจากในเมือง เอาไปให้อินด้วยนะ เราจะกลับไปนอนพักสักหน่อยน่ะ” ร่างโปร่งขัดตอนที่ร่างสูงกำลังจะพ่นคำที่ไม่อยากฟังออกมาโดยการยื่นของฝากให้กับมือหยาบกร้านของขรรค์ด้วยความเร่งรีบ

“ขรรค์ไม่ต้องห่วงหรอกนะ มันเป็น...ครั้งสุดท้ายจริงๆ แต่ว่า...เงินก็ถามหน่อยได้ไหม”

“ได้”

“เวลา 7 ปีที่คบกัน ขรรค์...รักเราจริงๆ หรือเปล่า” ถามเสียงแผ่วเบา มองต่ำลงที่แผ่นอกแกร่ง ใจหนึ่งอยากจะฟังคำตอบ อีกใจหนึ่งก็กลัวคำตอบจะเป็นในสิ่งที่ไม่อยากฟัง

“รักสิ...แต่รักอย่างเดียว มันไม่พอหรอกนะเงิน”

“งั้น 3 ปีที่เลิกกันนี้ ขรรค์ยังรักเราอยู่หรือเปล่า” ถามออกไปราวกับสิ่งที่ได้ยินมันไม่พอ

ไม่พอจริงๆ แต่คำตอบที่จะได้รับต่อไปนี้ มันจะตัดสินความเป็นไปได้ ว่าเขาจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนในการเอาหัวใจของขรรค์คืนมา

“เงินกลับไปนอนพักเถอะนะ”

“ทำไมไม่ตอบล่ะ”

“เราไม่รู้ เงินพักผ่อนก่อนเถอะ เป็นหมอแต่ไม่ดูแลตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ขรรค์ก็มาดูแลเราสิ” รู้อยู่ว่ากำลังเอาแต่ใจ

อาจจะทำให้ขรรค์ไม่พอใจ รำคาญหรือไม่ชอบใจก็ได้...

“ไม่ได้หรอกเงิน เราไม่ควรเจอกันอีกแล้วจริงๆ”

“ทำไมล่ะ ฮึก...เรารักขรรค์นะ รักมากเหมือนเดิม 10 ปีที่ผ่านมา เคยรักยังไงก็ยังรักอย่างนั้น ในขณะที่เงินทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอยู่กับขรรค์ อึก...แต่ขรรค์กลับบอกเลิกเราแล้วมาที่นี่ ทิ้งเรา ให้เราอยู่คนเดียว มันเพราะอะไร ทำไม ฮึก ถึงให้เหตุผลกับเราไม่ได้” คุณหมอหนุ่มร้องไห้ออกมาก่อนจะระบายถามอย่างอัดอั้นปนเสียงสะอื้นไห้

ไหล่เล็กไหวอย่างน่าสงสาร แต่คนตัวสูงใหญ่ก็กำมือแน่นราวกับพยายามหักห้ามตัวเองไม่ให้เอามือไปคว้าอีกคนมากอด

ไม่เช่นนั้น...ทุกอย่างที่ทำมา มันต้องสูญเปล่า สูญเปล่าแน่ๆ

“กลับไปเถอะ” ขรรค์ขอร้อง...

หมอเงินเงยหน้ามองร่างสูงทั้งน้ำตา ปากบางสั่นระริกเอ่ยคำพูดที่ฉุดรั้งความรู้สึกของเขาให้หน่วงไปทั่วทั้งอกแบนี้ ก่อนจะเดินจากไปราวกับจะหมดแรงเดินทุกขณะ

“เราจะมาใหม่ ฮึก”

แผ่นหลังนั่นลับสายตาไปแล้ว เหลือเพียงเขาที่กำลังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับแสงแดดยามเย็นที่ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มทีด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน

รักสิ!!! ขรรค์ยังรักเงินมาก รักไม่เปลี่ยนแปลง

รัก...จนไม่สามารถจะรักใครได้อีกแล้ว แต่คนอย่างขรรค์ไม่คู่ควรเลย ไม่คู่ควรกับความรักของคนที่สูงค่าอย่างเงินเลยสักนิด

“เพราะฉะนั้น...ช่วยกลับไปที เข้าใจขรรค์ด้วย”


หนึ่งคนเจ็บปวดเพราะรัก...พยายามเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล

หนึ่งคนเจ็บปวดเพราะรัก...แต่ไม่อาจจะเก็บรักนั้นไว้ได้

หนึ่งคนสู้ อีกหนึ่งคนหลีกเลี่ยง ใครแพ้ใจตัวเองก่อน...มันก็จะได้ผลที่ต่างกัน ถ้าเงินสู้จนชนะ ทั้งสองก็จะมีความสุข แต่ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคในภายภาคหน้า แต่ถ้าหากขรรค์ชนะ...ทุกอย่างจะจบ ต่างคนต่างก็ทุกข์และเสียใจกับมันอีกครั้งเหมือนเมื่อสามปีที่ผ่านมา...

“อย่าจมปลัก อยู่กับขรรค์เลยนะ”












50%


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

   มาช้าไป จะบอกเหตุผลเดิมๆ ก็ไม่อยากพูดมาก แหะๆ อ่านแล้วเม้นท์ให้ด้วยนะคะ ขอกำลังใจหน่อย แม้ว่าจะหายไปบ้างแต่ไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ

   สามารถพูดคุย สอบถาม ทวงนิยายกับยูกิได้ที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 50% (29/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-01-2016 01:22:00
เฮ้อออ. แต่ละคู่
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 50% (29/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-01-2016 11:28:14
หน่วงมากกกกกด ขรรค์เงินหน่วงมากกกกก ณ ตอนนี้
รามแม่งก้อนะ ช่วยมีความเป็นคนหน่อย
อินมันจะเป็นยังไงเนี่ย โธ่ๆชั้นเป็นห่วงอิน
รออ่านต่อน้า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 50% (29/1/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-01-2016 22:15:13
3 คู่ เจ้มจ้น รู้สึกคู่จักรนี่จะดูราบรื่นสุด(รึเปล่า?)
รามอิน คู่นี้นี่ก็เห็นแต่ความงี่เง่าไร้เหตุผลของอิราม
ส่วนขรรค์เงิน นี่หน่วงค่ะ ไอความรู้สึกที่ใจตรงกัน รักกัน แต่มันเป็นไปไม่ได้นี่มันหน่วงแท้

เป็นกำลังใจให้ทั้งสามคู่ เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยค่ะ
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 100% (5/2/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 05-02-2016 20:39:30
ตอนที่ 8 ครึ่งหลัง





เช้าวันใหม่ เงินมาตามที่บอกไว้เมื่อวานจริงๆ และหาเขาเจอได้อย่างง่าย จนขรรค์สงสัยว่าผู้ที่ให้ความร่วมมือกับเรื่องแบบนี้ต้องเป็นอินทัชไม่ผิดแน่นอน

คนที่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน มีเพียงอินทัชกับคนงานบางคนเท่านั้น

เฮ้อ...ไม่รู้หรือไงว่าเขาอึดอัดใจ

“ขรรค์ กินข้าวหรือยัง เราซื้อข้าวต้มมาจากตลาดแหน่ะ”

“เรากินที่โรงครัวแล้ว เงินไม่เห็นต้องลำบาก” ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และใบหน้าที่แสนจะเย็นชา จนคนที่ถือข้าวต้มมายิ้มเก้อ

“งั้นเอาไว้อุ่นกินตอนกลางวันก็ได้นะ”

“ที่นี่มีโรงครัวนะ เงินไม่ต้องซื้อของกินมาฝากเรานะ”

“ใจร้ายจัง เราก็แค่อยากทำให้” ว่าแบบไม่จริงจังมากนัก ใจก็ไม่คิดอะไรมากเท่าเมื่อวานแล้ว เนื่องจากเขาพักผ่อนไม่เพียงพอ เหนื่อยกายเลยพาลทำให้น้อยใจไปหมดทุกๆ อย่างก็เท่านั้น

“มันเปลือง”

“เข้าใจแล้วๆ เราจะเลิกซื้อของกินมาให้ก็แล้วกัน”

“อย่างอื่นก็ไม่ต้องซื้อ”

“ก็ได้ งั้นเรามาแต่ตัวกับหัวใจก็พอนะ”

“…” ขรรค์เงียบ เพราะถ้าตอบออกออกไปก็อาจจะดูแรงไป

ยังไงซะ เขาก็ทำร้ายคนที่ตัวเองรักไม่หลงหรอกน่า

“ขรรค์ นายหยุดวันไหนน่ะ”

“ไม่มีตายตัวหรอก แต่ส่วนใหญ่ก็วันอาทิตย์” ตอบไปตามความจริง

“งั้นอาทิตย์นี้เราไปเที่ยวกับไหม เราอยากไปน่ะ ไม่เคยเที่ยวแถวนี้เลย เป็นไกด์ให้หน่อยสิ”

“อาทิตย์นี้เราไม่ว่างน่ะ” รีบออกปากปฏิเสธทันที

“อ้าว? ไปไหนล่ะ เราไปด้วยได้ไหม”

“ไม่ได้หรอก เราไม่ได้ไปเที่ยว”

“งานหรือ เราช่วยได้นะ” เสนอตัวอย่างกระตือรือร้นจนร่างใหญ่มองใบหน้าหล่อเหลาของหมอเงินด้วยความรู้สึกหนักใจไม่รู้จะเอาอะไรมาอ้างอีกคนแล้ว

“เงินทำงานไปเถอะ ไม่ใช่ว่าเงินมาที่โรงพยาบาลนี้เพราะหมอขาดหรือ”

“นั่นสินะ เรานี่แย่จัง”

“เปล่าว่าเงินนะ”

“ฮ่าๆ ไม่เอาน่า เงินไม่คิดมากอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะ วันนี้มีนัดเยี่ยมบ้านคนไข้น่ะ” ร่างโปร่งหัวเราะออกมาเสียงสดใส ใบหน้าบ่งบอกว่าไม่ได้คิดมากอย่างที่พูด

ขรรค์อยากจะใจร้ายให้มากกว่านี้ แต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่เพียงเย็นชาใส่เท่านั้น

“อืม...”

“บ๊ายบาย”

ร่างโปร่งเดินหันหลังให้เขา และขรรค์ก็เดินออกจากตรงนั้นเพื่อไปทำงานต่อทันที แต่ก่อนที่จะไปทำงาน มีอะไรต้องไปจัดการสักหน่อยแล้ว

“อินทัช!!”

“อ้าว? ว่าไงขรรค์ นายมีอะไรกับฉันงั้นหรือ แล้วหมอเงินล่ะ”

“กลับไปแล้ว ว่าแต่...นายช่วยกันเงินออกจากฉันทีได้ไหม” ขอร้องเสียงเรียบ นอกจากใบหน้าและน้ำเสียงจะนิ่งๆ เหมือนไม่ใช่การขอร้องแล้ว อินทัชก็สัมผัสได้จากดวงตาคมที่มีความกลัวกังวลอยู่

“ทำไมฉันต้องทำ”

“ขอร้อง”

“นายบอกฉันช้าไปนะ ฉันตกลงกับหมอเงินไว้แล้วว่าจะช่วยน่ะ โทษทีนะ แต่เห็นทีว่าฉันจะรับปากนายไม่ได้” อินทัชพูดบอกยิ้มๆ

“ทำไม?”

“เพราะหมอเงินรักนายไง รักมาก ฉันเองก็อยากจะเห็นนายสองคนลงเอยกัน”

“มันเป็นไปไม่ได้” เถียงเสียงแข็งจนร่างโปร่งสวนกลับทันควัน

“แล้วลองหรือยัง! สู้ดูหรือยัง!! หรือเอาแต่หนีกันแน่!!!” ยิ่งเพิ่มเสียงขึ้นเรื่อยๆ

คนประเภทไหนที่อินทัชเกลียดมากที่สุด คำตอบคือ พวกที่ตัวใหญ่แต่ใจเสาะแบบขรรค์นี่แหละ

“นายมันจะไปรู้อะไร ต่อให้สู้ไปแล้วได้อะไร ยังไงคนในครอบครัวของเงินก็ไม่ยอมรับอยู่ดี!!” คนตัวใหญ่ระบายออกมาอย่างโมโห และเจ็บปวดกับความรู้สึกตลอด 3 ปีที่เขาจมอยู่กับมัน

ไม่ใช่ว่าเขาไม่สู้ แต่สู้แล้วต่างหาก...ผลที่ได้คือไร้ความหมาย

“ก็เลยเลือกทิ้งหมอเงินสินะ”

“ฉันไม่ได้ทิ้ง แค่ปล่อยมือ...” ตอบไม่เต็มเสียง แววตามีแต่ความเศร้าเสียใจจนอินทัชรู้สึกเห็นใจ เรื่องที่หมอเงินเล่าให้ฟังเกี่ยวกับความรักของเงินกับขรรค์บวกกับประโยคที่ขรรค์ระเบิดออกมา ปะติปะต่อเรื่องราวได้แค่ว่า ครอบครัวของเงินไม่ยอมรับ ขรรค์เลยถอยออกมา...

แต่ถอยออกมา ในขณะที่เงินก็สู้แบบเต็มที่เพื่อให้ทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันต่อไป แต่ก็เปล่าเลย เขาจบความสัมพันธ์ไว้ที่ปีที่ 7 แล้วหนีออกจากกรุงเทพมา

“ปล่อยได้ก็จับใหม่ได้”

“ไม่มีทาง”

“มีสิ มันมีทางแน่ๆ”

“ไม่!!!”

“นายโกรธที่หมอเงินเคยแต่งงานใช่ไหม” ถามออกมาได้ตรงจุดสุดๆ ทำเอาร่างใหญ่โตสะอึกไปเลย มองหน้าอินทัชอย่างสงสัย แต่ก็รู้ได้โดยเร็วว่า เงินคงเล่าเรื่องราวให้อินทัชฟังหมดแล้ว

“...”

“นายโกรธที่เขาบอกว่าสู้เพื่อพวกเรา แต่กลับตกลงกับแม่ว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่หามาให้ใช่ไหม และนายเองก็ต้องถูกแม่ของหมอเงินพูดอะไรบางอย่าง ที่ทำให้นายตัดสินใจหนีมาที่นี่สินะ”

ฉลาดเกินไปแล้ว…

อินทัชน่ากลัวเกินไป

“ฉันรู้มากกว่านี้ แต่อยากให้นายฟังจากปากของหมอเงินเองมากกว่า”

“อืม...”

“ให้โอกาสให้เขาได้พูด ได้อธิบาย อย่ามัวแต่คิดเองเออเอง”

“มันก็ถูกแล้ว ทุกอย่างที่ผ่านมา ไม่มีอะไรที่ฉันเข้าใจผิดแน่ๆ”

‘เงินรักขรรค์นะ รักมากๆ แต่เงินจำเป็นต้องแต่งงานกับคุณสา เพื่ออนาคตของเรานะขรรค์’

ประโยคนี้คอยตามหลอกหลอนเขามาตลอด

‘ปล่อยลูกชายฉันไปซะ นายมันไม่มีอะไรดีสักอย่าง แถมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก เงินเป็นหมอ เขามีหน้ามีตาที่ต้องรักษา จะให้ใครมารู้ว่าลูกฉันคบผู้ชายไม่ได้ อ้อ! ตอนนี้ฉันก็หาคนที่เหมาะกับลูกชายฉันมาแล้ว และเงินกับหนูสาก็จะแต่งงานกัน ไอ้บ้านนอกอย่างนายก็ควรหายไปซะ!!!’

คิดถึงวันนั้นเมื่อไหร่ ก็รู้สึกแรงบีบรัดที่หัวใจมากเท่านั้น

ความเจ็บที่ไม่มีวันหาย...

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องทุกเรื่องมันจะจริงมากน้อยแค่ไหน ที่ฉันรับรู้ได้ คือ รักที่มีให้นายน่ะ ของจริงเลยล่ะ อาจจะจริงที่หมอเงินเคยแต่งงาน แต่เขาก็รักนายหมดหัวใจอยู่ดี อ้อ!! ดูเหมือนเขาจะหย่ากันแล้วล่ะนะ” อินทัชพูดจบก็เดินไปหยิบตะกร้าผ้าแล้วลงไปที่ธารน้ำทันทีเพื่อซักผ้ากองโตต่อไป ทิ้งให้ร่างแกร่งยืนชะงักอยู่กับที่

ยอมรับว่ากำลังดีใจ เพราะสิ่งที่เขารู้ คือสิ่งที่เขาไม่กล้าถาม

ตั้งแต่เจอหน้าของเงิน ขรรค์มีแต่คำถามนี้อยู่เต็มหัวใจ

เงิน...หย่ากับภรรยาหรือยัง? ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว หากแต่มัน ก็ไม่อาจจะทำให้เรื่องของเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกอยู่ดี


“มึงว่างขนาดนี้เลยหรือไง ถึงได้คอยวุ่นวายกับชาวบ้านเขาแบบนี้ ทั้งจอม ทั้งไอ้ขรรค์ หึหึ กูคงให้งานมึงน้อยไปสินะ” เสียงเข้มดังมาจากด้านหลังของอินทัชที่กำลังซักผ้าอยู่อย่างตั้งใจ โดยที่ขรรค์เดินจากไปแล้ว

“หึหึ กูแค่ช่วยคนที่ดีกับกู ทำความดีเอาไว้ เผื่อว่าความดีที่กูทำมันจะได้ส่งผลให้กูหลุดพ้นจากความชั่วช้าของมึง” ร่างโปร่งตอบแบบไม่หันมามองคนด้านหลังเลยสักนิด

“ปากดีตลอดเลยนะมึง”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

“ถ้ามึงทำงานได้ดีเหมือนปากก็จะดีกว่านี้ล่ะนะ”

“อ้าว? นี่กูมีสิทธิ์เข้าใกล้คำว่า ‘ดี’ของมึงด้วยหรือวะ” อินทัชประชดประชัน มือขาวที่แดงเถือเนื่องจากแพ้ผงซักฟอกก็ยังคงขยี้ผ้าอยู่แบบนั้น

“อย่ายั่วโมโห”

“หึหึ แล้วมึงมีอะไรจะสั่งกูอีกหรือไง”

“ไม่มีกูก็คงไม่มาหรอก ไม่อยากจะลดตัวมาคุยกับมึงเท่าไหร่” รามินทร์ว่า กอดอกมองแผ่นหลังที่เล็กกว่าเขาอย่างเหยียดหยาม

“ลดตัว...ตายแล้ว กูเพิ่งรู้ว่ามึงสูงส่ง เอาตรงไหนวัดกัน?”

“ทั้งๆ ที่มึงก็ว่า ด่ากูสารพัด ทำร้ายร่างกาย โขกสับทุกอย่าง ไหนจะเรื่องที่ให้กิน ให้พัก ทรมานอย่างกับทาสสมัยยังไม่เลิกทาสอีก ในสมองมีแต่ความโกรธแค้น ไม่ต้องพูดถึงการศึกษากับฐานะ...เด็กอนุบาลยังดูออกว่าใครมันสูงส่งกว่ากัน” อินทัชพูดต่อไปอีกเมื่อไม่ได้ยินว่ารามินทร์จะตอบอะไรกลับมา

แม้ว่าสภาพเขาดูไม่ได้ แต่กล้าพูดอย่างหลงตัวเองเลยว่า ความคิดของเขาสูงส่งกว่ามันเป็นร้อยเท่า

“มึง!!”

“ทำไม โกรธ? ฟังความจริงไม่ได้”

“เออ อยากพูดอะไรก็พูดไป ซักเสร็จแล้วช่วยไปตัดหญ้าที่สวนด้วย กูเห็นหญ้ามันเริ่มขึ้นยาว รำคาญลูกตา!!”

“รับทราบครับ”

รามินทร์เดินจากตรงนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ที่โดนอินทัชยั่วโมโหอีกแล้ว ทั้งๆ ที่มันควรเป็นอินทัชมากกว่าที่รู้สึกหัวปั่น แต่กลับกายเป็นเขาไปได้

คงต้องระวังมากขึ้น เพราะอินทัชมีเพื่อนถึงสองคนเลยทีเดียว ทั้งจุลจักร และหมอเงิน...


“อินครับ เห็นขรรค์ไหม”

“จะมีวันไหนบ้างไหมที่เวลาหมอเงินมา จะไม่ถามสารทุกข์สุกดิบของผมก่อนถามหาว่าขรรค์มันอยู่ไหน” อินทัชที่กำลังพรวนดินและใส่ปุ๋ยต้นไม้ ผักต่างๆ แขวะและค่อนขอดอย่างไม่จริงจังนัก

“เฮ้ย!! หน้าไปโดนอะไรมา” ถามอย่างตกใจเมื่อเห็นใบหน้าขาวใสของอินทัชที่มุมปากช้ำมาก

“ไม่มีอะไร”

“ไม่มีอะไรล่ะ คุณรามทำอะไรอ่ะ”

“ก็แค่ยั่วโมโหมันหน่อยๆ เลยโดนต่อยมาน่ะ หมอเงินอย่าได้สนใจเลย ถามหาขรรค์หรือ”

“ผมช่วยอินไม่ได้เลย”

“อย่าดราม่าน่ะหมอ”

“อินก็ทำเป็นไม่ใส่ใจไปได้ ตั้งแต่เรื่องโดนจับมา ถ้าเป็นคนอื่นคงจะหาโอกาสหนีทุกวินาที แต่นี่อินกลับอยู่เฉยและยอม” หมอเงินบ่น

“ใครว่าผมไม่คิดหนี...” ร่างโปร่งพึมพำเสียงเบา “แต่มันทำไม่ได้ต่างหาก”

“ผมอยากช่วยอินเหมือนที่อินช่วยผมจัง แต่ก็รู้ว่าถ้าทำไป คุณรามต้องขวางผมกับขรรค์แน่ๆ”

“ถามจริงเถอะหมอ ทำไมถึงต้องตามตื๊อขรรค์ขนาดนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ผมก็ดูแล้วมันก็เป็นแค่คนขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้น ไม่คิดจะสู้อะไรเลย” อินทัชถามอย่างจริงจัง

หมอเงินหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาส่อประกายความรักอย่างเต็มเปี่ยมเมื่อนึกถึงอีกคน

“ผมเชื่อว่าขรรค์มีเหตุผล เพราะตลอด 7 ปีที่คบกัน ขรรค์เป็นคนที่พึ่งพาได้และออกรับหน้าแทนผมมาโดยตลอด แต่ผมก็ผิดเองที่แต่งงานกับคนอื่นตามที่แม่ต้องการเพื่อที่จะ...” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดต่อไป อินทัชก็แทรกขึ้นมาก่อน

“พอๆ เล่าแล้วๆ ผมไม่อยากฟังบ่อยๆ หรอกนะ”

“ฮะๆ ขอบคุณนะ”

“มันเข้าไปในป่า เห็นว่าทุกวันหยุดจะไปพักผ่อนที่นั่น หมอนนั่นมีบ้านที่แยกโดดๆ ไปจากที่นี่ 2 กิโลน่ะ ไอ้รามมันยกที่ให้ ถามจากป้ารีในครัวแล้ว แกบอกว่าที่นั่นเหมือนกับสวรรค์เลยล่ะ ผมก็ไม่เคยไป แต่ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น” อินทัชเล่าบอกเท่าที่ตัวเองรู้

“แล้วทำไมขรรค์ถึงไม่พักที่นั่น ทำไมต้องไปเฉพาะวันหยุดด้วย”

“คงจะขี้เกียจมั้งเพราะมันต้องเดินไป”

“แค่ 2 กิโลเอง”

“ทางมันเปลี่ยวน่ะ เดินทางกลางวันมันไม่มีปัญหา แต่ถ้าไปกลับแล้วต้องเดินกลับดึกๆ มันก็อันตราย เพราะตลอดทางก็ไม่มีไฟมากนัก ขนาดที่ผมพักยังไม่มีไฟเลย” อดจะบ่นบ้านพักตัวเองไม่ได้

“งั้นผมจะไปยังไงล่ะ อินก็ไม่รู้เส้นทางด้วย”

“หมอว่างหรือไง ต้องทำงานไม่ใช่หรือ” ถามนิ่งๆ จนคนเป็นหมอถึงกับเบิกตากว้าง เพราะตัวเองมีงานต่อตามที่อินทัชถามมาจริงๆ

“นั่นสินะ แย่จัง”

ก็ไหนบอกว่ามีงานไง นี่หนีกันเข้าป่าไปนี่ ยังไงเขาก็ต้องหาทางตามร่างใหญ่ไปให้ได้ อาทิตย์นี้ไม่รู้ แต่อาทิตย์หน้าเขาจะเปลี่ยนวันหยุด จะหยุดวันเดียวกับขรรค์เลยคอยดู

“ไปทำงานก่อนเถอะหมอ ผมเองก็ต้องไปตามที่คุณชายบัญชาต่อ”

“อินจะไปหาคุณรามหรือ”

“อือ มันใช้ให้ไปทำความสะอาดบ้านน่ะ”

“งั้นก็สู้ๆ นะ อย่าไปกวนอารมณ์เขาอีกล่ะ เดี๋ยวจะหมดสวย” แอบแซวใบหน้าที่สวยกว่าผู้หญิงของอินทัชไปนิดๆ หวังจะยั่วอารมณ์ของอินทัช และก็เป็นไปตามนั้น

“หมอ!!!”

“ฮ่าๆ” ร่างสูงกว่าเพียงเล็กน้อยของหมอเงินเดินจากสวนผักตรงนี้ไปอย่างอารมณ์ดี แต่ก็มีผิดหวังที่ไม่ได้เจอคนที่ตัวเองอยากเจอก็ตาม...




100%

 :katai4: :katai4: :katai4:

   อันนี้ลืมของจริงค่ะ คิดว่าตัวเองลงครึ่งหลังแล้วนะเนี่ย ขอโทษจริงๆ แหะๆ ไปหมดแล้วสมงสมอง รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองโง่มาก จากที่โง่อยู่แล้ว พักนี้มักจะดูสมองช้าแปลกๆ แบบรู้สึกได้ ป้าถาม 50+50 เป็นเท่าไหร่ ยูกิยังสตั๊นอ่ะ ใครมีวิธีบริหารสมองมาบอกกันที่แฟนเพจได้นะคะ ไม่ไหวกับความช้าของตัวเองจริงๆ

   เม้นท์ ติชมกันด้วยนะคะ ยูกิจะได้ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น อยากพูดคุย อยากจะระบายไปหายูกิที่เพจได้ ช่วงนี้เพจเงียบไป กลัวทุกคนลืมกัน แหะๆ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 100% (5/2/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-02-2016 22:50:11
อินนี่ถูกกระทำตลอด อื้อออน่าสงสาร :hao5:
คะแนนอิรามก็ยังคงติดลบอยุ่ ทำตัวงี่เง่าน่าโดดถีบ
 :z6:

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 100% (5/2/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-02-2016 22:59:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 100% (5/2/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 05-02-2016 23:52:33
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 100% (5/2/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-02-2016 00:59:59
 :z6:

โมโห ราม อยู่ดี ใดๆก็ตามแต่
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 100% (5/2/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 06-02-2016 04:18:05
รอตอนต่อไป รอรามอินทร์ เค้าชอบคู่นี้ๆๆๆ
หมอเงินสู้ๆนะคะ อย่าเพิ่งถอดใจน้าาาา
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 100% (5/2/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 17-02-2016 21:27:33
เค้ายังรออินทัชอยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 100% (5/2/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-02-2016 19:14:47
คิดถึงอินทัชจัง
 :-[
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 8 100% (5/2/59) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-02-2016 14:59:35
เฮ้ออออ เมื่อไหร่อินถึงจะได้เอาคืนบ้าง อินแสนดียอมรามตลอดเลยถึงแม้จะยอมเพราะสู้ไม่ได้ก็เถอะ

เราจะรอวันที่จะได้ "สมน้ำหน้า" รามเมื่อวันนั้นมาถึงคงสะใจพิลึก ที่เห็นคนอย่างรามเจ็บปวดเหมือนที่ทำกับอินไว้
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 50% == (3/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 03-03-2016 21:22:32
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 9
เจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจ





ในขณะที่ต้องช่วยจักรเผด็จศึกเจ้าจอมกับช่วยหมอเงินให้ปรับความเข้าใจกับขรรค์แล้ว ก็ยังต้องเอาตัวเองให้รอดจากมรสุมงานหนักที่รามินทร์มักจะชอบเอางานมาให้ทำอยู่ทุกครั้ง ทุกวันก็เพิ่มขึ้นจนเขาแทบจะเหนื่อยแทบตาย

“อย่ามัวแต่อู้”

“อย่ามัวแต่สั่ง กูรำคาญ”

“ไอ้อิน!!!” เสียงทุ้มตะโกนดังลั่นเมื่ออินทัชสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“เรียกทำไมเสียงดัง ได้ข่าวว่าห่างกันไม่ถึงหนึ่งเมตร ประสาท!” เขาด่าร่างแกร่งเบาๆ กับตัวเองก่อนจะเดินตัดหญ้าในสวนต่อไปตามคำสั่งของร่างสูง

“มึงว่ากูอีกแล้วนะ อยากตายหรือไง”

“กูก็เห็นมึงถามกูแบบนี้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นจะฆ่าอย่างที่พูดเลย” เขาหันมาสบตากับดวงตาคมของรามินทร์คล้ายจะท้าทายหน่อยๆ

“ทำไม? มึงอยากตาย?”

“ถ้าถามว่ากูอยากตายไหม ก็คงตอบได้เลยว่าไม่...ใครจะไปอยากตายล่ะจริงไหม แต่เลิกเอาเรื่องตายมาขู่กู ถ้ามึงไม่คิดที่จะทำจริงๆ”

“ปากดี ถ้าวันนั้นที่มึงกำลังจะตายบอกเลยว่ากูไม่ช่วยมึงแน่”

“อือ...ไม่ขอให้ช่วยอยู่แล้วล่ะ ถ้าต้องติดหนี้บุญคุณมึงนะ กูยอมตายดีกว่า”

“หุบปากแล้วทำงานต่อไปซะ!! เสร็จแล้วก็ไปซักผ้า”

“ซักบ้าอะไรอีกวะ!! เมื่อวานเพิ่งจะซักไปเอง”

“คราวนี้เป็นเสื้อผ้าของคนงานทั้งหมด!” รามินทร์ตอบด้วยสีหน้าที่สะใจที่เห็นสีหน้าไม่พอใจออกมาจากใบหน้าของอินทัช

ดี...โกรธเข้าไปอีก มึงยิ่งทุกข์ กูยิ่งสะใจ

“อะไรวะ รับใช้มึงกูยังพอทน แต่นี่กูต้องมาทำให้คนอื่นทั้งรีสอร์ท มึงไม่คิดว่ามันมากเกินไปหน่อยหรือวะไอ้ราม!!” ถามเสียงดังลั่น ดับเครื่องตัดหญ้าในมือแล้วขว้างมันอย่างไม่ใยดี เดินเข้ามาหาร่างใหญ่ในร่ม

“มากไปยังไง กูจะให้มึงทำอะไรก็ได้”

“แต่กูไม่ทำ!!”

“มึงต้องทำ”

“ยังไงกูก็ไม่มีทางทำเด็ดขาด ชีวิตกูแค่โดนมึงโขกสับก็พอแล้ว แต่นี่มึงลากกูมาเป็นขี้ข้าของคนทั้งรีสอร์ทอีก คอยดูนะถ้ากูหลุดจากที่นี่ไปได้ รีสอร์ทของมึงทุกที่ กูจะไม่ให้มันได้อยู่ดีเลย” ว่าขู่ออกไปด้วยความโกรธ

มีอย่างที่ไหนที่จะให้เขาไปซักเสื้อผ้าให้กับคนงานทั้งรีสอร์ท มันเกินไปแล้ว เกินไปจริงๆ

“มึงต้องทำ!!”

“กูไม่ทำ!!” ว่าแล้วก็วิ่งหนีเสียเลย เพราะคนรักศักดิ์ศรีอย่างอินทัชไม่ยอมก้มหัวให้กับคนงานของรามินทร์เด็ดขาด เพราะเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวของรามินทร์ฆ่าตัวตาย ฉะนั้นจึงยอมรับใช้ แต่ถ้าให้เขาทำให้คนงานที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา

อินทัชไม่ทำ

“ไอ้สัตว์นี่! อย่าหนีนะเว้ย” ขายาวออกวิ่งตามคนตัวบางไปอย่างรวดเร็ว ในใจก็คิดว่าทำไมอินทัชถึงได้วิ่งเร็วนัก และคาดโทษอีกคนเอาไว้ด้วย

จับได้เมื่อไหร่ มึงเจ็บแน่!!

ร่างโปร่งวิ่งลงไปด้านล่างที่เป็นเชิงเขาเพื่อไปยังบ้านพักของตนเอง หากแต่พ้นตัวบ้านของรามินทร์ไปได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าของที่นี่ก็วิ่งมาประชิดตัวแล้วจับแขนเอาไว้ได้ในที่สุด

หมับ!!

“โอ้ย!! เจ็บนะไอ้เหี้ยราม”

“เจ็บน่ะดี มึงจะได้จำ แล้วไม่คิดทำอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้อีก” ว่าแล้วก็จัดการผลักร่างบางของอินทัชลงไปที่พื้น จนก้นกระแทกเข้ากับหินน้อยๆ ตามพื้นจนรู้สึกเจ็บไปหมด ช่วงล่างที่ยังไม่หายดีเท่าไหร่ก็เกิดอาการเจ็บแปลบไปทั้งร่าง คิ้วสวยขมวด ฟันขาวกัดริมฝีปากแน่นเพื่อระงับเสียงร้องของตน

“ลุกขึ้น!! แล้วไปขนเสื้อผ้าคนงานมาซักซะ!!”

“ไม่!!”

“ไอ้อิน กูจะพูดอีกรอบ ถ้ามึงไม่ทำ มึงเจ็บแน่”

“งั้นกูก็จะพูดอีกรอบเหมือนกันว่ากูไม่ทำ!!” สิ้นเสียงของอินทัช รามินทร์ก็ถึงกับสติขาดผึง ประเคนหมักหนักๆ เข้าไปที่ใบหน้าสวยขาวของอินทัชเต็มแรงจนอีกคนหันไปตามแรงต่อย

ผลัวะ!!!

ความชาแล่นไปทั่วทั้งบริเวณก่อนจะเริ่มเจ็บขึ้นมาทีละน้อยจนรู้สึกเจ็บสุดๆ ในโพรงปากมีรสชาติของเลือด จนต้องถุยมันออกมาอย่างช่วยไม่ได้

อินทัชไม่มองหน้าคนที่ลงไม้ลงมือใส่เลยสักนิด ได้แต่ปาดเลือดที่มุมปากออกก่อนจะพยายามยืนหยัดลุกขึ้นมาแต่แอบเซเล็กน้อย

“อึก...ถ้าจะให้กูซัก ก็ให้ลูกน้องมึงคนไปไว้ที่ธารน้ำ กูไม่ไปขนเอง คงจะได้นะ” เสียงของอินทัชดังขึ้นมาเรียบๆ และเย็นยะเยือกจนรามินทร์แอบรู้สึกกลัวนิดๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก

“ก็ได้ กูจะสั่งคนให้เอามาให้ หึ...แล้วเป็นไง กูพูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง สมน้ำหน้า” ว่าเยาะเย้ยอย่างไม่รู้สึกผิดหรือสำนึกผิดแต่อย่างใดที่ลงไม้ลงมือจนร่างบางปากแตกแบบนี้

“พอใจยัง กูขอตัว”

ไม่โวยวาย ไม่ด่า ไม่ว่าอะไรอีก...

เพราะอินทัชรู้ตัวเองดี ว่าทำไป โวยวายไปก็ไร้ความหมาย...

“มึงทำตัวของมึงเอง มึงดื้อเอง กูไม่ผิด” รามินทร์พึมพำกับตัวเองเบาๆ มองตามร่างโปร่งบางที่เดินจากไปด้วยสายตารู้สึกผิด หากแต่ใจก็ยังไม่คิดว่าตัวเองผิด

เพราะมันดื้อ เพราะมันไม่ฟัง เขาเลยต้องทำแบบนั้น

แต่ดูเหมือนว่ารามินทร์จะลืมไป ว่านอกจากใช้กำลังแล้ว มันยังมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ในการสั่งให้ร่างโปร่งทำตามที่เขาสั่ง ดีกว่าการทำร้ายร่างกาย


สำหรับอินทัชแล้ว การที่เขาโดนต่อยในครั้งนี้มันทำให้รู้สึกอยากร้องไห้มาก เขาได้แต่ตัดพ้อโชคชะตาของตัวเองอยู่ในใจเพียงลำพัง

ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ เขาทำผิดอะไร...

“เจ็บกาย มันไม่เท่าเจ็บใจ”

ก็รู้ซึ้งในความหมายของประโยคนี้ก็วันนี้นี่แหละ


ร่างโปร่งยืนมองดูกองเสื้อผ้าราวๆ เกือบสิบตะกร้าด้วยความรู้สึกโกรธแค้น และน้อยใจไปในคราวเดียวกัน ดวงตาใสมองสบเข้ากับดวงตาที่มองอย่างเย้ยหยันสะใจของรามินทร์อย่างตัดพ้อจนร่างสูงถึงกับชะงักแล้วขมวดคิ้ว

“ทำหน้าน่าสมเพช”

“เออ...กูน่าสมเพช กูเลว กูชั่ว กูสมควรโดนแบบนี้แล้ว นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่มึงอยากจะพูด” อินทัชดักทางอย่างรู้ทัน แม้จะเจ็บที่ต้องตอกย้ำตัวเอง แต่ก็ยังดีกว่าฟังประโยคพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาจากคนที่เขาเกลียด

“…”

“กูจะทำงาน ต้องการสมาธิ ช่วยออกไปจากตรงนี้ด้วย เป็นเจ้าของรีสอร์ทแล้วไม่มีงานการทำหรือไง”

“กูไม่ได้อยากอยู่ แค่จะดูให้แน่ใจว่ามึงทำจริงก็เท่านั้น”

“คอยเช็คตอนตากก็ได้”

“กูกลัวว่ามึงจะแค่เอาจุ่มน้ำแล้วขึ้นน่ะสิ”

“งั้นมึงคอยดมเอาก็ได้” อินทัชตอบอย่างหน่ายใจ

รามินทร์เป็นพวกที่ไม่ยอมใครจริงๆ ทั้งไม่ยอมฟังใคร และไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

“งั้นกูจะคอยดู ถ้ามาตรวจแล้วมันไม่สะอาด กูจะให้มึงซักใหม่ทั้งหมด!! ทำซะ อย่ามัวแต่ยืนนิ่ง” สั่งเสียงแข็ง ซึ่งร่างโปร่งก็นั่งลงกับเก้าอี้ไม้เล็กๆ อย่างจำยอม มองกองเสื้อผ้าอย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากกองไหน

“อ้อ! ช่วยแยกกองด้วยนะ เพราะมันมาจากหลายๆ ส่วน หลายๆ แผนก”

“เออ”

“อีกชั่วโมงกูจะมาดู และต้องเสร็จ”
“มึงจะบ้านหรือวะ!!! ใครมันจะไปทำได้ เสื้อผ้าเยอะแยะแบบนี้ อย่างน้อยก็สามชั่วโมง” อินทัชตวัดสายตาขึ้นมองคนสั่งที่ไม่รู้ว่าตั้งใจแกล้งหรือว่าไม่รู้กันแน่

“กูต้องการให้เสร็จในหนึ่งชั่วโมง มึงก็ต้องทำให้เสร็จ”

ถ้ารามินทร์ยืนยันขนาดนี้แล้ว อินทัชจะค้านอะไรได้ เถียงไปก็เจ็บคอ เปลืองน้ำลายเปล่าๆ เขาเลยไม่เถียงอะไร แต่ลงมือซักตะกร้าแรกก่อน ไม่สนใจร่างสูงใหญ่อีกต่อไป

คนตัวใหญ่เองก็ยกยิ้มแบบพอใจนิดๆ ก่อนจะเดินจากธารน้ำตกไป เพื่อไปเคลียร์งานของตนต่อ ซึ่งในอีกหนึ่งชั่วโมงเขาจะกลับมาหาเรื่องมันแน่ๆ

ยังไงก็ไม่มีทางซักเสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงแน่นอน

“เสร็จกูแน่ไอ้คุณชาย หึหึ”


“พี่รามไม่คิดว่ามันจะเกินไปกับพี่อินหน่อยหรือฮะ” เสียงเล็กติดหวานของเจ้าจอมที่นั่งทำบัญชีในสำนักงานถามลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าอย่างรามินทร์ทันทีที่อีกคนเข้ามาในตัวสำนักงาน

“แล้วเราจะไปสงสารมันทำไมล่ะจอม”

“พี่ราม แต่พี่อินเขาไม่ผิดอะไรเลยนะ”

“รู้ได้ยังไง! ก็เพราะมันนั่นแหละที่ทำให้รินเกือบฆ่าตัวตาย” ตะโกนเสียงดังลั่นจนร่างเล็กสะดุ้งด้วยความกลัว เพราะไม่เคยเห็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนของตนมีสีหน้าที่โกรธแค้นมากมายขนาดนี้มาก่อน

ทำเอาไม่กล้าพูดอะไรเลย ไม่กล้าพูดแม้กระทั่งความจริงที่ตนรู้ และเจ้าจอมคิดว่า...รามินทร์ในตอนนี้ ไม่รับฟังใครทั้งนั้น นอกจากตัวเอง

“ก็เพราะความเจ้าชู้ของมัน ก็เพราะมันนั่นแหละ ที่ทำรินอับอายคนทั้งมหา’ ลัย จนจะต้องฆ่าตัวตาย อย่าให้พี่ได้ยินว่าจอมกำลังเข้าข้างคนเลวพรรค์นั้นอีกนะ”

 “ฮะ...จอมจะไม่พูดแล้ว”

“ดีมากครับ คนดีของพี่” รามินทร์ปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว ความอ่อนโยนที่เจ้าจอมมักจะได้รับอยู่เสมอก็กลับคืนมา มือใหญ่ลูบเบาๆ ที่กลุ่มผมนุ่มของเขา รอยยิ้มอบอุ่นมอบให้กับเจ้าจอมเหมือนอย่างเคย

บอกตามตรงว่าเขาไม่อยากเห็นพี่ชายในโหมดนั้นอีกแล้ว

ก็คงจะต้องรอให้พี่ราม พร้อมที่จะฟัง และรับความจริงเท่านั้นแหละ แม้ว่าตอนนั้น มันอาจจะทำให้พี่เขารู้สึกผิดจนวันตายเลยก็ได้...

“ฮะ จอมเคลียร์บัญชีเสร็จแล้ว จะออกไปอ่อยจักรหน่อยนะครับ” นี่แหละคือเจ้าจอมตัวจริง

“หึหึ ตามสบายก็แล้วกัน พี่เองก็จะไปทำงานต่อ อ้อ! รู้สึกว่าจะมีสาวครัวคนหนึ่งคิดจะจีบจักรมันอยู่นะ ชื่อ...เอ...ชื่อปิ่นล่ะมั้ง ถ้าจำไม่ผิด” รามินทร์บอกน้องชายเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก

“ว่าไงนะ อีไหน มันบังอาจมาชอบผัวกู!!”

ดวงตาสวยเบิกกว้างอย่างตกใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ ร่างเล็กเดินฟึดฟัดออกจากสำนักงานทันทีโดยมีรามินทร์มองตามอย่างระอาบวกกับสงสารจุลจักรไปด้วย

“นางฟ้าของแกน่ะ ที่แท้ก็นางมารดีๆ นี่เองไอ้จักร”

ใครจะไปรู้ว่าสองปีที่ผ่านมา เจ้าจอมให้ท่าจักรทุกวันนั่นแหละ แต่เจ้าตัวมันเป็นพวกอ่อนหัด อ่อนประสบการณ์ เลยมองเจ้าจอมไม่ออก...

และรามินทร์รับรองได้ว่า จักรไม่พ้นเงื้อมือของมัจจุราชแสนน่ารักอย่างเจ้าจอมไปได้แน่นอน หากแต่รามินทร์ก็คงไม่รู้ว่าในไม่ช้า ตัวเองก็จะหลงมัวเมากับความแค้นแสนหวานที่เขามอบให้กับอินทัชเอง...






หนึ่งชั่วโมงผ่านไป

“ทำไมถึงไม่เสร็จ” ร่างสูงกอดอกถามคนตัวเล็กกว่าที่กำลังนั่งขยี้ผ้าอยู่ที่เดิม อารมณ์กรุ่นๆ ไม่พอใจเริ่มตีขึ้นมาตามที่ตัวเองบังคับให้รู้สึก

“ก็ไม่เสร็จไง จะอะไรนักหนา”

“กูบอกแล้วไงให้มึงทำให้เสร็จในหนึ่งชั่วโมง นี่อะไร เสร็จยังไม่ถึงครึ่งเลย แล้วไอ้ที่ซักๆ เสร็จก่อนก็ไม่ยอมเอาไปตากก่อน เดี๋ยวผ้ามันก็อับอีก โง่จริงๆ เลยมึง” ทั้งสอน ทั้งด่าไปในตัว แต่อินทัชก็ฟังเป็นคำด่ากับคำถากถางมากกว่า

“ก็มึงให้เวลากูน้อยไปไง กูเลยกะทำทีเดียว ตากทีเดียว”

“เออ!! งั้นให้อีกหนึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วก็ไปตาก อ้อ เสร็จจากตรงนี้ เก็บของให้เรียบร้อยนะ แล้วไปทำข้าวเที่ยงให้กูแดกด้วย ย้ำ! มึงต้องทำ”

“กูทำอาหารไม่เป็น”

“ก็หัดสิวะ!! อยู่ที่นี่มึงต้องเป็นทุกอย่าง เพราะไม่มีคนใช้ให้มึงหรอกนะ”

ใครอยากอยู่วะไอ้สัตว์!!!

“ไม่ต้องด่ากูในใจ กูไปแล้ว อารมณ์เสีย เห็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ งานแบบนี้ก็ทำไม่เป็น สงสัยเป็นแต่จับปากกากับสั่งลูกน้องให้ทำทุกอย่างให้แน่ๆ หงุดหงิดจริงๆ” รามินทร์บ่นไป ด่าไป ระหว่างที่เดินออกจากตรงนี้ ทำเอาอินทัชแทบจะขว้างแปรงซักผ้าใส่หัวอีกคน แต่ก็ทำไมได้ เลยเอาความโกรธ ความโมโหมามาลงที่เสื้อผ้าพวกนี้แทน

เขาใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการซักผ้าที่เหลือและเอาเสื้อผ้าไปตาก ก่อนจะเก็บของเข้าที่เดิม ล้างไม้ล้างมือให้เรียบร้อยแล้วเดินไปที่โรงครัว ซึ่งร่างโปร่งบางไม่ได้สังเกตหรือรู้สึกที่มือเลยว่า มันแดงมากขนาดไหน

“ผมมาทำอาหารเที่ยงให้ไอ้รามครับ”

“ตามสบายเลยค่ะ” ป้าหัวหน้าแม่ครัวตอบ ซึ่งร่างโปร่งก็ได้แต่ยิ้มเนือยๆ เดินไปมาแบบทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเกาแก้มเบาๆ ยิ้มแหยๆ ให้คนสูงวัย

“ทำไม่เป็น ช่วยสอนหน่อยครับ”

“ไม่มีปัญหาจ้า เอ๊ะ!! ว่าแต่มือแดงมากเลย ไม่คันหรือจ้ะ เหมือนแพ้อะไรสักอย่าง” เธอถามอย่างสงสัยที่เห็นมัน ซึ่งพอมีคนทัก อินทัชก็รู้สึกคันขึ้นมาทันที

แพ้ผงซักฟอก...

“ผมแพ้ผงซักฟอกน่ะครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หายครับป้านี”

“ได้ยังไงล่ะคุณอิน ต้องทายาและทานยาแก้แพ้ ถ้าอย่างนั้นมีโอกาสไข้ขึ้นเลยนะคะ” ว่าแล้วเธอก็จัดการสั่งลูกน้องให้หายาทากับยาทานมาให้ ก่อนจะจัดการทาที่มือแดงๆ ของอินทัชทันที และยังบังคับให้ร่างโปร่งทานยาอีกด้วย ฤทธิ์ของยาแก้แพ้คือทำให้ง่วง และคนที่นอนไม่ค่อยเพียงพออย่างเขา จะไม่ง่วงได้ยังไง

ตาจะปิดอยู่แล้ว

“คุณอินไปนอนพักเถอะค่ะ ทางนี้ป้าจัดการเอง”

“แต่ว่า…” เขาลังเล เพราะกลัวว่าร่างสูงจะรู้และหาเรื่องทั้งเขาและป้านี ซึ่งหาเรื่องเขาเขาไม่ว่า แต่ถ้าหาเรื่องคนอื่น อินทัชไม่มีทางยอม

“รับรอง...ป้าไม่ให้คุณรามรู้แน่ๆ คุณอินนอนที่แคร่ตรงนั้นก็ได้ค่ะ ป้าเอาไว้นอนพักนั่นแหละ” เธอชี้ไปยังแค่ที่อยู่ห่างจากพื้นที่ทำอาหารประมาณสองร้อยเมตร

“ไม่ดีกว่าครับ”

“ไปพักค่ะ!!” เธอสั่งเสียงเข้ม จนอินทัชต้องเกรงเพราะเธออายุมากกว่า ร่างผอมโปร่งเดินไปยังแค่แล้วนอนลงอย่างช่วยไม่ได้ ไม่นานเขาก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยา...






50%

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

   หายไปนานเลย งานเยอะจริงๆ ค่ะ และนี่ก็อยู่ในช่วงสอบมิดเทอม บวกกับวันที่ 6 นี้ ยูกิจะไปงาน Gen Y  ใครสนใจก็ไปกันได้นะคะ ^_^ ครึ่งหลังจะมาหลังวันจันทร์นะคะ ช่วยเม้นท์ๆ ให้หายคิดถึงด้วย แหะๆ

https://www.facebook.com/sawachiyuki/

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 50% == (3/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 03-03-2016 21:34:13
อิราม ชั้นเกลียเแก  :z3:
เปลี่ยนพระเอกทันมั้ยคะ 555+

ปล.ดีใจที่มาต่อนะคะ รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 50% == (3/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 03-03-2016 21:45:38
มาต่อแล้ววววววมาบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 50% == (3/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-03-2016 21:49:49
ยังคงร้ายแบบไม่มีเหตุผลเช่นเดิม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 50% == (3/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 03-03-2016 22:32:13
หมั่นไส้อิรามจัง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 50% == (3/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-03-2016 23:40:36
สงสารอินทัช  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 50% == (3/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-03-2016 00:58:24
 :angry2:


เมื่อไหร่จะได้เอาคืนสักที พูดสิ !!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 50% == (3/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 05-03-2016 23:56:52
 :pig4: รอติดตามตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 50% == (3/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 06-03-2016 20:53:00
คิดถึงจางงงงเลย..คิดถึงทั้งยูกิ..คิดถึงทั้งอิน..
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 50% == (3/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: boommerang ที่ 06-03-2016 21:28:53
บางครั้งการรอนานๆมันก็ลืมอ่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 50% == (3/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 08-03-2016 06:56:10
คิดถึงอินทัชชชชชชชชชชชช
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 100% == (9/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 09-03-2016 21:46:26
ตอนที่ 9
ครึ่งหลัง





ซ่า!!!

“ไอ้เหี้ยอิน ตื่น!!!”

ร่างโปร่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความเย็นของน้ำที่สาดมาที่กายเขาจนเปียกโชก ไม่ต้องลืมตามองก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ เจ้าตัวค่อยๆ ลุกขึ้นมา ก่อนจะลูบน้ำที่หน้าออกแบบไม่รู้สึกอะไร เพราะรู้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้

“อู้นะมึง!!”

“โทษที...” ร่างผอมโปร่งที่ตัวเปียกโชกลุกขึ้นยืน หันมองไปยังรอบๆ ก็พบว่าคนครัวพากันมองเหตุการณ์อย่างสนใจ ดวงตาสวยมองสบกับป้านีที่มองอย่างรู้สึกผิดก่อนจะยิ้มให้คนอายุมากกว่าน้อยๆ แบบไม่ได้โกรธอะไร

“ใครอนุญาตให้มึงนอน อยากลองดีหรือไงวะ!!” ตวาดใส่หน้าสวยอย่างโมโห ขว้างถังน้ำในมือลงพื้นด้วยความไม่พอใจแบบรุนแรง ทำเอาลูกน้องสะดุ้งเป็นแถว เนื่องจากไม่เคยเห็นเจ้านายในโหมดนี้เลย เพราะในสายตาของลูกน้องทุกคน รามินทร์คือคนที่อบอุ่น อ่อนโยน และใจดี การที่เห็นเจ้านายโกรธเกลียดอินทัชแบบนี้ ก็ทำให้พากันคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าอินทัชเป็นคนที่ไม่ดีหรือเปล่า หรือทำอะไรร้ายแรงไว้แน่ๆ

ตอนนี้ ทุกคนมองร่างโปร่งแบบติดลบไปแล้ว เพราะยัง เจ้าชีวิตของพวกเขาก็เป็นคนดี...ดีมากๆ สำหรับพวกเขา

“ป้าเองค่ะ คุณราม พอดีว่าคุณอินแพ้ผงซักฟอกเลยให้ทายากับกินยาแก้แพ้ แล้วฤทธิ์ยาเนี่ยมันทำให้ง่วง ป้าก็เลยให้คุณอินไปนอน ถ้าจะทำโทษ ก็ทำป้าเถอะค่ะ” ป้านีรีบเดินเข้ามาแสดงตัว เพราะไม่อยากให้อินทัชโดนทำโทษในสิ่งที่เจ้าตัวเขาไม่ผิด

เธอผิด เธอรับเอง

“ป้านี...ทีหลังอย่าให้มันพักนะครับ ต่อให้มันกำลังจะตายก็อย่าให้มันพัก ถ้าผมไม่อนุญาต ใครก็ห้ามช่วยเหลือเด็ดขาด เข้าใจนะครับ” รามินทร์พูดบอกเสียงอ่อนลง

ยังไงป้านีก็คือคนงานเก่าแก่ตั้งแต่ตอนที่พ่อของเขาบริหารอยู่ เป็นคนที่เขานับถือและเคารพมาโดยตลอด

“ค่ะ...แต่ขอทราบได้ไหมว่าทำไมต้องทำคุณเขาถึงขนาดนี้ด้วย”

“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกผม ป้าไม่ต้องกังวล ผมไม่ทำมันถึงตายหรอกครับ” เสียงโหดเหี้ยมของรามินทร์ทำให้ทุกคนต่างเกรงกลัว มองหน้ากันเลิกลัก แต่อินทัชกลับรู้สึกเฉยๆ

“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ เราทะเลาะกันนิดหน่อยน่ะ” อินทัชตอบออกไป ทำเอาทุกคนต่างซุบซิบกันหนัก และเป็นในทางที่เขาคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินเหมือนกัน

“แฟนของคุณรามหรือเปล่า สงสัยจะมีชู้อะไรแบบนี้ แล้วคุณรามก็โกรธ เอามาทำโทษไง ว่าไหมแก”

“ฉันก็ว่าแบบนั้นแหละ”

สาบานว่านี่กระซิบแล้ว...

“ไม่ใช่ครับ เราไม่ใช่แฟนกัน แค่ ‘เพื่อน’ กันครับ” อินทัชรีบแก้ตัว ซึ่งทำเอาคนที่พูดเมื่อกี้ตกใจ ไม่คิดว่าใครจะได้ยินสิ่งที่ตนพูด

ขอบอกว่าเป็นเพื่อนดีกว่า...เพราะการที่จะบอกว่าไม่รู้จักกันเลย แล้วโดนจับมาทำแบบนี้ มันจะทำให้ทุกคนสงสัยหนักเข้าไปอีก ไม่อยากให้บานปลายไปมากกว่านี้ ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าเพื่อนทะเลาะกันน่ะดีแล้ว หากแต่อีกคนก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือเท่าไหร่นัก

“อย่าพยายามทำให้ตัวเองดูดีหน่อยเลย ที่ลูกน้องกูพูดก็ถูก มึง ‘นอกใจ’ กูไง ถ้ามึงไม่ทำกู ‘เจ็บ’ ก่อน มึงก็ไม่ต้องมาชดใช้แบบนี้!!! ทุกคนทำงานต่อครับ ส่วนมึง...ตามกูมา!” แขนเรียวขาวถูกกระชากอย่างรุนแรงเป็นการบังคับให้เดินตาม ก่อนที่จะออกจากโรงครัว หูของเขาก็ได้ยินเสียงนินทาดังตามมา

และแน่นอน...ว่าเขา กลายเป็นคนร้ายไปโดยปริยาย


ปึก!!!

แผ่นหลังของอินทัชกระแทกเข้ากับแผ่นหินหนาที่อยู่ตรงธารน้ำตกอย่างแรง จนใบหน้ายู่ยี่เพราะเจ็บ ส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่อาจจะทนได้

“โอ้ย!!”

“มึงนี่ขยันทำให้กูโมโหจริงๆ เลยนะไอ้สัตว์” มันกระชากคอเสื้อยืดขึ้นมาจนคอแหงนตามแรงของอีกคน ส่วนคอเสื้อก็รัดคอจนหายใจลำบาก

“อ่ะ อะไรของมึง”

“กูสั่งให้มึงทำอาหารมาให้กูกิน แต่มึงกลับนอนอู้ ให้ป้านีทำอาหารให้กูแทน ขัดคำสั่งกูนะมึง บอกกูซิ! กูควรลงโทษมึงยังไง”

“ก็แล้วแต่มึง อยากทำอะไรก็ทำ อึก...กูมีสิทธิพูดอะไรหรือไง”

“ยังจะมาพูดจากวนประสาท”

“อึก!!”

อีกแล้ว รามินทร์มันกำลังจะฆ่าเขาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าอะไรนักหนา แค่เขานอนเท่านั้นเอง มันต้องโกรธจนกระทั่งต้องลงไม้ลงมือเชียวหรือ

“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ห้ามมึงมากินข้าวที่โรงครัว อยากกินก็ทำเอง อ้อ!! ใช้ผักในสวนนั่นแหละทำ ส่วนไข่ ถ้าอยากได้มึงก็ต้องเอาเงินค่าแรงไปซื้อจากโรงครัวเอาเอง ส่วนเนื้อสัตว์ กูไม่ให้มึงกิน และเครื่องปรุง...กูจะใจดีอนุเคราะห์ให้ ข้าวกูก็จะให้ทุกเดือน ไม่มีเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า อยากทำก็จุดไฟ เตาถ่านเอาเอง” ร่างสูงสั่ง ทำเอาอินทัชถึงกับเบิกตาด้วยความตกใจ

ไม่มีทางแน่ๆ คราวนี้เขาได้ตายเพราะอดตายแน่ๆ

เขาทำอาหารไม่เป็น ไม่เคยทำ ไม่เคยแตะเลยสักครั้งในชีวิต ลำพังที่เรียนๆ กับป้านียังไม่เข้าหัวเท่าไหร่ แต่นี่ต้องมาทำเอง...

“มึงจะบ้าหรือวะ อึก! กูทำอาหารไม่เป็น”

“ช่วยไม่ได้” รามินทร์ว่าอย่างไม่ใส่ใจ ปล่อยคอเสื้อแล้วผลักร่างของคนที่บางกว่ากระแทกโขดหินอีกครั้ง มองอินทัชอย่างเหนือกว่า “ถ้าไม่อยากอดตาย มึงก็ต้องทำ”

“มึงมันเลือดเย็น”

“แต่ก็ไม่เท่ามึงหรอกมั้งไอ้อิน ถ้ากูมันคนเลือดเย็น คนอย่างมึงเรียกว่าอะไร คงจะเรียกว่า...คนไม่มีหัวใจล่ะมั้ง หึหึ” ไม่ว่าจะพูดอะไร รามินทร์ก็วกกลับไปเรื่องเดิมๆ จนได้

จะพูดอีกสักกี่ครั้งกัน...

“กูไม่ได้กินข้าวเที่ยงเพราะมึง ฉะนั้นวันนี้มึงก็ต้องอด”

“เออ!! ไม่กินก็ได้ แล้วมีอะไรจะทำโทษกูอีกไหมวะ รำคาญหน้ามึงฉิบหาย!!”

“ปากดีนะไอ้สัตว์ เอาอีกสักหมัดไหมวะ!!” รามินทร์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมอารมณ์ของตนถึงได้ขึ้นง่ายแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะอคติที่มีต่ออีกคน ที่เห็นแค่หน้าก็อยากหาเรื่องแล้ว

“มึงก็ต่อยมาสิวะ!!! คิดว่ากูไม่สู้หรือไง” สิ้นคำท้าทายของร่างโปร่ง หมัดหนักก็ประเคนเข้ามาที่แก้มซ้ายเต็มๆ ทำเอาหน้าหันไปตามแรง แต่เขาก็โกรธเกินกว่าที่จะเจ็บ และไม่ทันที่รามินทร์จะรู้ตัว..

ผลัวะ!!!

อินทัชก็สวนกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน เล่นเอาปากของรามินทร์เต็มไปด้วยเลือด จนต้องถุยมันออกมาด้วยท่าทางที่โกรธสุดๆ สวนกลับอีกครั้ง และอินทัชก็สวนกลับไปอีกไม่ยอมแพ้ จากที่ต่างคนต่างสลับกันต่อย ทั้งคู่ก็เข้าปะทะกัน โดยที่อินทัชเสียเปรียบเล็กน้อยเพราะตัวบางกว่า แรงน้อยกว่า หากแต่ก็สามารถทำให้หน้าหล่อๆ ของรามินทร์มีแผลได้เหมือนกัน

คนอย่างอินทัช...ไม่ใช่คนที่ไม่สู้ใคร แต่เขาเป็นผู้ชาย ที่พร้อมเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน...

“อะไรกันเนี่ย!!”

“คุณราม” เสียงทุ้มพึมพำชื่อเจ้านายตัวเองเบาๆ อย่างไม่เชื่อสายตา

“ขรรค์ๆ ไปแยกพวกเขาร็ว”

“อ่ะ อือ”

หมอเงินที่เดินตามขรรค์มาที่นี่เห็นภาพที่เพื่อนคนใหม่กำลังเสียเปรียบเจ้าของที่นี่ก็อยู่ไม่สุข ทั้งเป็นห่วงและกังวลกลัวว่าอินทัชจะเจ็บหนัก เลยบอกเสียงละล่ำละลักให้ขรรค์เข้าไปแยกทั้งคู่ ซึ่งคนตัวใหญ่อย่างขรรค์เข้าไปช่วยแยกยังถูกลูกหลงไปด้วย หากก็สามารถแยกทั้งสองได้สำเร็จ

“พอแล้วครับ!!!” เป็นครั้งแรกที่ขรรค์คนซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อรามินทร์จะกล้าตะโกนใส่หน้าเจ้าชี้วิตแบบนี้ และนั่นมันก็ทำให้รามินทร์ได้สติ คิดโทษตัวเองที่ทำให้ลูกน้องมาเห็นภาพแบบนี้เข้า

มันไม่ใช่ภาพที่น่าดูจริงๆ

“อินครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ร่างโปร่งของหมอเงินรีบเข้าไปประคองอินทัชที่กำลังจะล้มลงแล้วถามอย่างเป้นกังวล

“ไม่...ครับ” ตอบเสียงสั่นๆ

“ผมจะพาจะไปทำแผล ขรรค์พาเจ้านายขรรค์ไปทำแผลด้วยนะ อ้อ! คุณรามครับ วันนี้ผมขอละกันนะครับ ให้อินพักหน่อย” ไม่รู้ว่าทำไม หมอเงินถึงได้กล้าพูดขอออกไปขนาดนี้ ทั้งๆ ที่กลัวว่ารามินทร์จะขัดขวางไม่ให้เขากับขรรค์เจอกันอีกเหมือนกัน

“ไม่! มันต้องไปทำงานต่อ เหลือความสะอาดห้องเก็บของ”

“แต่ว่า...” เงินทำท่าจะค้าน แต่อินทัชก็ห้ามไว้ก่อน

“ผมทำได้ครับหมอเงิน เดี๋ยวทำแผลเสร็จผมจะไปทำงานต่อ”

“เอางั้นหรือ” มีท่าทีที่ลังเล เนื่องจากเขาเป็นหมอ เห็นคนเจ็บ ย่อมก็อยากให้คนๆ นั้นพักผ่อน พักฟื้นร่างกาย ไม่ใช่ต้องมาทำงานตรากตรำต่อไป

“ครับ”

“งั้นผมขอช่วยอินด้วย คงไม่ว่ากันนะครับคุณราม” หันไปขออนุญาตกับรามินทร์แทน ซึ่งร่างสูงก็ทำท่าครุ่นคิดไปสักพักก่อนจะยอมพยักหน้าจำยอม

“แล้วแต่หมอแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ”

“ไอ้ขรรค์ แกพาฉันไปบ้านหน่อย แล้วค่อยกลับมาคุมงานไอ้อินมัน จะได้ไม่เอาเวลาทำงานไปอู้อีก” ไม่วายแขวะร่างโปร่งบางอีกครั้ง

“ครับ”

“ไปกันเถอะครับหมอ หายใจไม่ออก อากาศมีพิษ” ฝั่งนี้ก็ใช่ย่อย ตอกกลับทันที ก่อนที่หมอเงินจะตัดปัญหาด้วยการประคองร่างของอินทัชไปยังบ้านพักของเจ้าตัวที่อยู่ห่างไม่ไกลนัก

พอถึงบ้านพัก หมอเงินก็ให้อินทัชนั่งรออยู่ตรงแคร่ด้านล่าง ส่วนตัวเองก็ไปเอาอุปกรณ์ทำแผลที่รีสอร์ทมาแล้วลงมือทำแผลที่ใบหน้าสวยของอินทัชทันที

“ปากแตก หน้าช้ำหลายที่มากเลยครับอิน แบบนี้ต้องกินยาแก้อักเสบเอาไว้ด้วยนะ ไม้งั้นไข้ขึ้นแน่ๆ เย็นๆ ผมจะเอามาให้ก็แล้วกันนะ”

“ไม่ต้องลำบากก็ได้หมอเงิน”

“ลำบากอะไรล่ะ เราเพื่อนกันนะครับ”

“ขอบคุณนะหมอ” เอ่ยขอบคุณหมอเงินเสียงสั่น ดวงตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลลงมา หากแต่เขาก็พยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไม่ให้มันไหลออกมา

ไม่อยากอ่อนแอให้ใครเห็น

“เจ็บไหม” หมอเงินถามเสียงอ่อนโยนระหว่างที่มือก็ทำแผลไปด้วย

“เจ็บอะไรล่ะหมอ กายหรือว่าใจ แต่ถ้าจะให้ตอบ เจ็บกายมันไม่เท่าเจ็บใจหรอก มันเจ็บสุดๆ แล้ว ผมต้องมารับกรรมอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะเข้าใจเลยหมอ...”ระหว่างที่ระบายไป น้ำตาใสก็ไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่จนได้ หมอเงินทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลุกขึ้นแล้วโน้มตัวกอดอินทัชเบาๆ อย่างปลอบใจ

“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย...” เสียงสั่นเทาทำเอาเงินอยากจะร้องตาม

“ผมจะอยู่กับอินเอง ใครไม่เชื่ออิน ผมจะเชื่ออินเอง ใครจะว่าอินยังไง ผมจะเป็นคนเดียวที่จะฟังอิน เพราะงั้น เข้มแข็งนะครับ”

“ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วหมอ อยากกลับบ้านแล้ว”

“ผมก็อยากช่วยคุณนะอิน แต่ว่า...”

“เข้าใจครับ อึก...ผมเข้าใจดี อย่าต้องมาเดือนร้อนเพราะผมเลย”

“ไม่ๆ อิน มันไม่ได้เดือดร้อนอะไร อย่าคิดแบบนี้ ผมบอกแล้วว่าผมเป็นเพื่อนคุณ ฉะนั้นแล้ว ผมช่วยคุณไม่ได้ แต่ผมอยู่ข้างๆ คุณได้” มือขาวลูบเบาๆ ที่กลุ่มผมนุ่มของอินทัช ส่วนร่างโปร่งก็ซบไหล่ของเงินเพื่อระบายน้ำตาออกมา

จะร้องไห้...จะร้องให้พอ แล้วจะเข้มแข็งให้มากกว่านี้

สักวันหนึ่ง... สักวันหนึ่งเขาจะได้กลับบ้าน

สักวันหนึ่งเขาจะได้ออกไปจากที่นี่...






“ไปดูมันทำงาน เดี๋ยวฉันจัดการทำแผลเอง” รามินทร์เอ่ยไล่ขรรค์ทันทีที่ถูกประคองเข้ามาในห้องนอน

“ครับ...”

“แล้วอย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดบอกใครล่ะ ช่วยเก็บเป็นความลับด้วย”

“ได้ครับ”

“อืม...ไปได้แล้ว”

“ขอตัวครับ”

เมื่อขรรค์ออกจากห้องไป ร่างสูงของรามินทร์ก็ทิ้งตัวนอนราบกับเตียงนุ่มทันที ยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก พลางครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย และทุกเรื่องที่คิด

เป็นเรื่องของอินทัชทั้งนั้น

“ไม่เคยรู้สึกเลือดร้อนแบบนี้มาก่อนเลยว่ะ”

คิดภาพใบหน้าสวยราวกับผู้หญิงของอินทัชมีแต่รอยช้ำก็รู้สึกสมเพชตัวเองที่เหมือนจะรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แม้ว่าหน้าของเขาจะมีแผล แต่ก็ไม่เยอะเท่ากับอีกคนที่เขาปล่อยหมัดไม่ยั้ง

ตอนนั้นเขาคิดว่ามันเป็นอะไรนะ ถึงได้ทำลงไปได้ขนาดนั้น

“โว้ย!!!”

รามินทร์ตะโกนลั่นเพราะความว้าวุ่นใจ รู้สึกผิดหรือ? ก็ใช่ อยากขอโทษหรือเปล่า ก็ไม่ มันเป็นความรู้สึกผิดที่ไม่อยากขอโทษ ใจหนึ่งก็คิดว่าสมควรแล้ว แต่อีกใจก็คิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

น้องสาวของเขา เขาช่วยไว้ได้ทัน เลยไม่บาดเจ็บตรงไหน แต่อินทัช...เขากลับทำร้ายมัน ทำร้ายซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

“สิ่งที่มึงทำ ถูกแล้วไอ้ราม อย่าใจอ่อนเด็ดขาด”

มันยังไม่สาแก่สิ่งที่มันทำไว้เลยสักนิด!!

อินทัชต้องชดใช้อีก เมื่อพอใจ...เขาจะปล่อยมันไป

“ถ้ากูพอใจ แล้วมึงคุกเข่าขอโทษน้องกูแล้ว กูจะปล่อยมึง แล้วต่างคนต่างอยู่” ฉะนั้น อย่าตายไปก่อนล่ะ...

นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ของรามินทร์ก็ดังขึ้น พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์จากต่างประเทศที่รู้เลยว่าใครโทรมา เขายิ้มอ่อนโยนแล้วรับสายทันที

“ว่าไงครับริน…พี่ก็คิดถึงรินเหมือนกัน...พี่สบายดี แล้วรินล่ะ...ฮ่าๆ มีหนุ่มแล้วอย่าลืมเอามาให้พี่สแกนนะ...แล้วจะกลับมาตอนไหน เรียนจบแล้วไม่ใช่หรือ อ๋อ อีกสองเดือน วันเกิดพี่สินะ โอเคครับ ครับ...ฮ่าๆ ได้ๆ เดี๋ยวพี่จะโทรหารินบ้าง ไม่เอา ไม่น้อยใจพี่นะคนดี พี่รักรินครับ ครับ บาย”

รามินทร์วางสายจากรินลณีด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เนื่องจากเขามีกันสองพี่น้อง ฉะนั้นแล้ว รามินทร์จึงรักและหวงน้องสาวมาก ไม่แปลกใจที่จะแค้นเคืองอินทัชขนาดนั้น แค่คนว่าน้องสาวเขานิดๆ หน่อยๆ รามินทร์ก็พร้อมที่จะจัดการให้

เพราะรินลณีเป็นเหมือนคำสั่งเสียของแม่ที่กำลังจะจากไป

‘ดูแลน้องดีๆ รักน้องให้มากๆ นะลูก อย่าทิ้งน้องนะ แม่รักลูกนะราม’

แม้ว่าแม่เลี้ยงจะรักเขากับรินลณีเหมือนลูกแท้ๆ แต่ก็ไม่อาจจะแทนที่แม่บังเกิดเกล้าที่เสียไปเมื่อ 10 ปี ก่อนได้ เขารักทั้งสองท่านก็จริง แต่คำสั่งเสียในวันนั้นยังฝังลึกอยู่ในหัวใจจนถึงทุกวันนี้...






100%

 :katai5: :katai5: :katai5:

   จะหาว่ารามงี่เง่าก็ได้ แต่อยากจะบอกว่าคนแบบรามมีจริงๆ นะคะ ไม่ยอมฟังอะไรเลย เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ และคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำน่ะถูกแล้ว ฉะนั้น รามจะค่อยๆ ปรับใหม่เพราะด้านดีของอิน (แอบสปอย)

   เม้นๆ กันด้วยน้า... มีอะไรก็ไปพูดคุยกัน ทวงนิยายที่แฟนเพจนะคะ การแจ้งข่าวสารอะไรจะอยู่ที่นั่นหมดเลย https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 100% == (9/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-03-2016 22:05:29
เอ่อมม. อยากให้ดำเนินเรื่องให้ไวกว่านี้นิดนึงนะ รู้สึกซ้ำไปซ้ำมาจุดเดิมคือรามแกล้งอินสารพัด. ซึ่งคิดว่ามันยืดเยื้อเกินไป ไม่ค่อยมีการพัฒนาเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 100% == (9/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 09-03-2016 22:15:47
อืมมมม เราว่าอินน่าสงสารเกินไปละ
อินี่อยากดราม่าแล้ววววววว นุ้งอินโดนกลั่นแกล้งเยอะขนาดนี้ สมควรค่อยๆไปต่อได้ละเนาะ
เราว่ามันยังวนลูปกับการแกล้งอินอยู่เลย
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 100% == (9/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-03-2016 23:08:56
กว่าอิรามมันจะปรับตัวใหม่ น้องอิน(ของอิชั้น) ไม่ช้ำในตายไปก่อนเหรอ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 100% == (9/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 10-03-2016 17:42:11
สงสารอินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :hao5: :hao5:อินสู้ๆนะอย่ายอมแพ้อิรามมัน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 100% == (9/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 10-03-2016 21:28:19
ไม่อยากให้อินรักรามเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 100% == (9/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 11-03-2016 00:50:13
ราม เลวเข้าไป เลวให้มันเยอะๆ
ตอนโดนเอาคืน มันจะได้เจ็บเยอะๆเหมือนกัน
ทำอะไรเค้าไว้ มันจะตามทันเข้าสักวัน
ชั้นหล่ะสงสารอิน ทนหน่อยนะค้าอินทัชของเจ้
อยากให้รามเจ็บ #ทีมอิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 9 100% == (9/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-03-2016 23:18:13
อยากให้อินหนีไปจริง ๆ อยากจะรู้เหมือนกันว่ารามจะรู้สึกยังไง
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 50% == (16/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 16-03-2016 22:13:32
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 10
อินทัช หัดทำอาหาร




เคร้ง!!

ปึก!!

ร่างโปร่งกอดอกพิงราวบันไดมองลูกน้องของรามินทร์ เอาของที่ใช้ทำอาหารมาลงให้ที่ใต้ถุนของบ้านพักโทรมๆ หลังนี้ สายตาที่เขาใช้มองไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ ทั้งนั้น แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกังวล เพราะอินทัชรู้ตัวเองดีว่าการทำอาหารของเขาอยู่ในขั้นที่ติดลบสุดๆ แม้จะเรียนๆ ไว้บ้างก็รู้แค่ทฤษฏี ไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้ตามที่ใจคิดเท่าไหร่

“หมดยัง” ถามเสียงเรียบ

“ก็หมดแล้ว คุณรามท่านสั่งมาแค่นี้” ลูกน้องคนดังกล่าวตอบ

“แล้วไอ้นั่น มันคืออะไร” ร่างสูงโปร่งชี้ไปยังสิ่งที่ตนไม่รู้จัก

“นี่แกไม่รู้จักเตาหรือวะ”

“เตา?”

เตาอะไรรูปร่างแปลกๆ แล้วมันใช้ยังไงกัน ที่เคยใช้ในการแคมป์ปิ้งไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย

“เออ! มันเรียกว่าเตาถ่าน มองแบบนี้แสดงว่าใช้ไม่เป็นสินะ ถ้างั้นจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน” ลูกน้องของรามินทร์ใจดีแสดงวิธีจุดไฟกับเตาให้อินทัชดู ซึ่งเขาก็มองตามแล้วรู้สึกหนักใจ

“ฉิบหายแล้วไหมล่ะชีวิต...” พึมพำกับตัวเองเบาๆ

“ก็แค่นี้แหละ จุดไม่ติดหรอก แค่สาธิตตามคำสั่ง ยังไงแกก็ต้องจุดเอง คุณรามสั่งมาอย่างนี้ ไปล่ะ ขอให้โชคดี...” อินทัชถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อลูกน้องที่แสนจะภักดีต่อเจ้านายเดินจากไป ทิ้งเขาไว้กับกองข้าวสาร เครื่องปรุง เตา ถ่าน กับฟืนอันน้อยนิด

“ไอ้อินเอ้ย!! แค่อาหารยังเอาตัวไม่รอด แต่นี่ให้มาจุดไฟกับเตาถ่านอีก จะอดตายก็คราวนี้แหละ” แม้จะเป็นประโยคที่ดูจะไม่ซีเรียสอะไรมาก หากแต่ความเป็นจริงคือกลุ้มและกังวลสุดๆ

“แล้วจะทำอะไรกิน หุงข้าวทำยังไง กับข้าวทำยังไง โว้ย!! ไม่แดกแม่งแล้ว ทำงานดีกว่า ฮึ่ย!!” แต่คิดอีกทีถ้าไม่ทำแล้วจะเอาแรงที่ไหนทำงาน เขาก็เลยต้องนั่งลงจุดไฟไปอย่างช่วยไม่ได้

โชคดีที่เคยแคมป์ปิ้งกับธีรไนยมาก่อน เรื่องแค่นี้ก็ไม่ยากเท่าไหร่ แต่อาหารนี่สิ...

“หุงข้าว แล้วก็กินคลุกซอสเอาก็ได้วะ”

ประทังชีวิตไปก่อน ตอนเที่ยงๆ ค่อยแวบไปถามป้านีว่าทำยังไง จะได้ขอเนื้อ ไข่มาด้วย

“หม้อ...เอ ใช้น้ำอะไรหุงวะ น้ำดื่มๆ” เขาใส่ข้าวไปในหม้อสองด้วยเล็กๆ ก่อนจะไปที่โอ่งน้ำดื่มตักใส่หม้อทันที ไม่มีการล้างและการซาวแต่อย่างใด

“หลักการอะไรนะ น้ำสูงกว่าข้าวหนึ่งข้อนิ้วงั้นหรือ” นิ้วชี้จุ่มเข้าไปในหมอก่อนจะวัดน้ำว่าสูงกว่าข้อถึงหนึ่งข้อนิ้วไหม พอรู้ว่าเกินก็เทออกหน่อย แต่พอเทไป ก็เทมากเกินเลยต้องเติมอีก จนกระทั่งพอดีสุดๆ เขาก็เอามันวางลงบนเตาที่จุดไฟเรียบร้อยแล้วก่อนจะปิดฝา

“จะสุกตอนไหนวะเนี่ย”

นั่งรอไปไดสิบนาทีเขาก็เปิดฝาหม้อดูเพราะมันเดือดจนฟองดันฝาหม้อ อินทัชเอาช้อนตักเข้าขึ้นมาชิมดุว่ามันสุกหรือยัง

“ทำข้าวต้มเลยไหมวะ แฉะขนาดนี้” คิดได้ดังนั้นก็เริ่มเอาซอส เครื่องปรุงรสลงในหม้อเพื่อจะทำเป็นข้าวต้ม ส่วนข้าวที่เขาชิมก็ไม่แข็งแล้ว คิดว่าน่าจะทานได้

 “ถ้าไอ้ธีร์เห็น คงหัวเราะเยาะแน่ๆ”

อินทัชชิมน้ำซุปแล้วก็ปรุงไปด้วย พอได้รสชาติที่คิดว่าทานได้ ก็ปิดฝาต้มให้ข้าวมันดูเหมือนที่เคยทานมาที่สุด ทำไม่เป็น แต่ก็ขอใช้ความจำที่เคยทานๆ มาช่วยเอาก็แล้วกัน

“คงจะได้แล้วล่ะมั้ง เอาเถอะๆ มันไม่ตายหรอก แค่อาจจะปวดท้อง” อินทัชไม่อยากจะรอไปมากกว่านี้เลยตักข้าวต้มที่สีเข้มๆ เพราะซอสใส่ชามก่อนจะลงมือทานด้วยสีหน้าที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย

แม้ว่ารสชาติมันจะมีแต่ซอสกับผงปรุงรสและพริกไทยเล็กน้อย แต่อย่างน้อยก็ประทังชีวิตของเขาไปได้อีกมื้อหนึ่ง ร่างโปร่งตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่แล้วว่า

คงต้องหัดทำอาหารอย่างจริงจังสินะ








ร่างสูงโปร่งเดินจากบ้านไปเพื่อไปไซต์งานก่อสร้างที่สถานที่พักผ่อนของคนงานของรีสอร์ทใกล้จะเสร็จเข้าไปทุกที ในเจ็ดวัน อินทัชจะไปทำงานก่อสร้าง 3 วัน คือ จันทร์ พุธ ศุกร์ นอกนั้นจะเป็นทาสจิปาถะให้กับรามินทร์

พอร่างสูงของอินทัชเดินมาถึงที่ก็เจอกับจักรที่กำลังยืนมองร่างเล็กๆ ของเจ้าจอมอยู่ เขาเลยเดินไปด้านหลังของคนตัวใหญ่กว่าแล้วจี้เอวแรงๆ จนคนตัวสูงสะดุ้งหันมาด่าเสียงดัง

“เฮ้ย!!! ไอ้ควายไหนวะ!”

“กูเอง”

“ไอ้อิน...”

“เออ...ไม่ต้องเรียก มองเขาตาละห้อยเลยนะมึง” อดแซวคนตัวใหญ่ไม่ได้

“คุณจอมมาทำอะไรตอนนี้วะมึง” จักรถามด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นและดีใจที่ได้เห็นคนที่ตัวเองหลงรักมายืนเป็นกำลังใจในการทำงานให้อยู่ใกล้ๆ

“หน้ามึงจะฟินไปไหนไอ้จักร เห็นแล้วขนลุก แล้วที่ถามกูนี่ กูควรรู้คำตอบไหม”

“ก็เห็นว่ามึงฉลาด คิดว่ามองออกว่าคุณจอมมาทำอะไรแถวนี้ เขามาหากูหรือเปล่า”


“เพ้อเจ้อนะมึง” ที่คิดน่ะถูกแล้ว เขามาหามึงนั่นแหละไอ้โง่

“เฮอะ! มึงก็ให้กูเข้าข้างตัวเองบ้างสิวะ ไหนมึงบอกว่าคุณจอมเขาชอบกูไง”

“ก็แล้วไงล่ะ”

“นี่สรุปมึงหลอกกูหรือวะ” จักรทำท่าจะบีบคอคนหน้าสวยที่เตรียมเดินหนีด้วยรอยยิ้มกวนๆ

“ไม่ได้หลอก กูพูดจริงๆ”

“เออ!!! กูเชื่อ ว่าแต่ว่า กูได้ยินมาจากคนงานน่ะ มึงเป็นคนรักของคุณรามจริงหรือเปล่าวะ?” สิ้นคำถามของจักร ใบหน้าที่ยิ้มๆ อยู่ถึงกับหุบลงทันที

กะแล้วว่ามันต้องสร้างเรื่อง...นี่พยายามมองข้ามพวกเหล่าคนงานที่มองมาที่เขาตลอดทางที่เดินมานี่แล้วนะ ไม่คิดว่าจักรมันจะกล้าถาม

“ข่าวมั่ว มึงอย่าไปเชื่อ”

“แต่คุณรามประกาศกลางโรงครัวเลยนะมึง ทุกคนในนั้นก็เห็นๆ กันหมด สรุปว่าจริงไม่จริง” จักรคาดคั้น

“มึงจะเชื่อกู หรือว่ามึงจะเชื่อคนอื่น” อินทัชถามด้วยสีหน้า แววตาและน้ำเสียงที่จริงจัง จนจักรลังเลมองสบตาของอินทัชอย่างต้องการหาคำตอบ

จ้องตาอยู่นาน จักรก็ทนไม่ไหว

“เออๆ กูเชื่อมึง ไม่รู้หรอกนะว่ามึงกับคุณรามมีปัญหาอะไรกัน แต่ว่านะ...ถ้ารู้ตัวว่าผิด มึงก็ควรขอโทษ”

ต่อให้สนิทกันขนาดไหน ยังไงซะ อินทัชก็เป็นคนที่ผิดในสายตาของคนที่นี่อยู่ดี คิดแบบนั้นแล้วน้ำตาเหมือนจะไหล เขาหันหน้าหนีจักร จนร่างสูงตกใจคิดว่าเพื่อนโกรธ

“อือ...ขอบคุณมึงมาก ขอตัวไปทำงานก่อนก็แล้วกัน เพราะกู...กำลังทำเพื่อไถ่โทษอยู่”

ร่างโปร่งบางของอินทัชเดินไปแบกอิฐ ขนทราย ผสมปูน งานเดิมๆ ที่เขาสามารถทำได้อย่างไม่ต้องการที่จะคุยกับจักรอีก คนเป็นเพื่อนก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆ ไม่เข้าใจในสถานการณ์สักเท่าไหร่นัก ก่อนจะเริ่มลงมือทำงานตามอินทัชไป ไม่วายหันไปมองร่างเล็กของเจ้าจอมที่ยืนชมต้นไม้อยู่ใกล้ๆ ด้วยความชื่นชอบและสูบเอากำลังใจมา


“เฮ้ย!!! อิน ระวัง!!!”

ตุบ!!!

“โอ้ย!!!”

เสียงตะโกนของพี่คมทำเอาร่างโปร่งต้องรีบหลบคานไม้ที่กำลังหล่นจากตัวฐานวางไม้ด้านบนที่จะประกอบเป็นตัวตีเพดาน แต่ก็เสียจังหวะล้มลงไปทำให้คานไม้หล่นใส่ขาเต็มๆ

“อินๆ เฮ้ย! มึงเป็นไงบ้างวะ” จักรวิ่งเข้ามาหาเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ยกไม้ออกจากขาเห็นรอยแดงและรอยช้ำที่เผยให้เห็นได้ชัด

“เจ็บสิวะ”

“พักก่อนไหมมึง ไปหาหมอเหอะ”

“เออๆ พี่ก็เห็นด้วยว่ะอิน เดี๋ยวพี่พาไป” คมเดินเข้ามาบอกด้วยความกังวล

“ไม่เป็นไร มันแค่ช้ำ ไม่กี่วันก็หายแล้ว” ร่างโปร่งพยายามลุกขึ้นเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก ไม่พลิก ไม่แพลง แค่ช้ำตรงหน้าแข้งซ้ายเท่านั้น

ยังเดินได้ แค่เจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

“มันช้ำก็จริง บางทีกระดูกอาจจะแตกก็ได้นะ ข้าว่าเอ็งไปหาหมอเถอะอิน เดี๋ยวพี่จะพาไป”

“พี่คม ฉันไม่เป็นไรจริงๆ พี่ เนี่ยเห็นไหม ยังเดินได้ อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ” ร่างผอมโปร่งพยายามเดินให้ทุกคนในไซต์งานดูว่าตัวเองยังไหว ทำเอาคมต้องมองไปยังจักรด้วยสายตาแกมบังคับ

“งั้นก็พักหน่อย”

“กูไม่พัก กูไม่เป็นไรจริงๆ นะ ไอ้จักร ขอทำงานต่อก็แล้วกัน” ถ้าเกิดเรื่องนี้ถึงหูไอ้ราม มันจะต้องหาว่าเขาอู้อีก และที่สำคัญ ไม่อยากให้ทุกคนที่นี่โดนตำหนิด้วย

“ไอ้จักร จัดการดิ๊!” สิ้นเสียงคำสั่งของคม ร่างของคนอายุมากกว่าก็เดินไปทำงานต่อ พร้อมๆ กับคนงานที่กระจายไปทำงานเหมือนเดิม เหลือเพียงจักรที่ยืนมองอินด้วยสายตาไม่พอใจ

“อย่ามาดื้อนะมึง ไปนั่งพักไป”

“ไม่!!”

“ไอ้อิน จะเอางี้ใช่ไหม ฮึบ!!!” ร่างูงใหญ่ของจักรช้อนตัวของคนตัวเล็กกว่าขึ้นอุ้มในท่าที่อุ้มผู้หญิง จนร่างโปร่งบางตกใจนิ่งไปสักพักแล้วค่อยเริ่มดิ้น

“ไอ้ห่า อย่าอุ้มกู ไอ้สัตว์จักร มึงอย่าทำแบบนี้!!!”

อายฉิบหายเลย ให้ผู้ชายด้วยกันมาอุ้มเนี่ย

“ไม่ปล่อย อยู่นิ่งๆ กูจะพามึงไปนั่งพัก”

“แต่กูไม่พัก”

“มึงต้องพัก นิ่งนะมึง ไม่งั้นก็โยนมึงแน่ๆ” ขู่ออกไป

“กูไม่กลัว แน่จริงก็โยนสิวะ”

“ทำไมมึงถึงดื้อขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย อย่าดิ้นไอ้สัตว์ ล้มทั้งคู่นะมึง ตัวมึงก็ไม่ใช่จะเบา” จักรบ่นเมื่อจะหมดแรงอุ้มอีกคนแล้ว ถึงแม้ว่าอินทัชจะตัวเบา แต่เล่นดิ้นแบบนี้ก้ไม่ไหวปะ

“หนักก็วางกูลง โว้ย!! เอากูลง”

“เฮ้ยๆ อย่าดิ้น ไอ้สัตว์!!!”

“เฮ้ย!!!”

แล้วทั้งคู่ก็ล้มลงกับพื้นโดยที่ร่างสูงเป็นฐานรองรับไม่ให้อินทัชเจ็บไปกว่านี้ แต่จักรเนี่ยสิ หลังกระแทกพื้นเต็มๆ ไหนจะร่างของอินทัชที่ล้มทับใส่ตัวอีก ร่างสูงใหญ่ถึงกับหลับตาปี๋เนื่องจากความเจ็บที่หลัง ก้น และหน้าท้อง แผ่นอกที่โดนเพื่อนทับแบบเต็มๆ พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าใบหน้าของเพื่อนอยู่ห่างจากใบหน้าของตัวเองไม่เท่าไหร่ จากความคิดที่ว่าอินทัชสวยเหมือนผู้หญิงเลย ตอนนี้ยืนยันคำตอบได้แล้วว่า มันไม่ใช่แค่สวยเหมือนผู้หญิง แต่นี่มันสวยกว่าผู้หญิงหลายๆ คนที่เขาเคยเห็นเสียอีก

“ทำไม...มึงสวยจังวะ” ถามอย่างเพ้อๆ แต่ไม่คิดพิศวาสอะไร

“อย่าพูดนะเว้ย ไอ้เหี้ยนี่ปากเสียจังวะ เจ็บจริงๆ เลย เพราะมึงดื้อด้านอุ้มนี่แหละ เห็นไหม เจ็บทั้งคู่” อินทัชพยายามยันตัวเองขึ้นก็ทำได้ยากเพราะแทนที่เจ็บเพิ่มขึ้นมาทำให้ยันตัวเองยาก

“มึงดื้อเหมือนกันนั่นแหละวะ ลุกสิเฮ้ย หนักนะเนี่ย”

“มึงช่วยดันกูทีสิ”

“ห่า...ภาระกู นี่ถ้าคุณจอมมาเห็นต้องเข้าใจกูผิดแน่ๆ” จักรดันร่างด้านบนให้ลุกขึ้นพลางบ่นร่างโปร่งบางไปด้วย โดยไม่เห็นเลยว่า ร่างเล็กของเจ้าจอมกำลังยืนมองอยู่ด้วยสายตาที่ไม่อาจจะเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่ แน่นอนว่าอินทัชมองเห็น เพราะเขาอยู่ในจุดที่หันหน้าไปทางที่เจ้าจอมอยู่พอดี

ใบหน้าสวยยิ้มให้เจ้าตัวนิดๆ แต่ก็ได้เพียงแค่แววตาไม่พอใจตอบกลับมา ทำเอาอินทัชอยากจะเล่นสนุกให้มากกว่านี้เข้าไปอีก

ในขณะที่ทั้งคู่ช่วยกันประคองกันยืนขึ้น อินทัชก็ได้เอามือของตัวเองช่วยปัดฝุ่นกับเสื้อของจักร แล้วส่งยิ้มท้าทายให้กับเจ้าจอม

“มึง ก้มหน้าลงมาหน่อย”

“ทำไมวะ” จักรถามงงๆ

“เถอะน่า”

“เออๆ แม่ง อะไรนักหนาวะ” ว่าแล้วก็ก้มลงตามที่ร่างบางสั่ง ซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างเล็กของเจ้าจอมหมดความอดทน เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“จักร!!”

“เฮ้ย! คุณจอม มาได้ไงครับ” หันไปถามคนมาใหม่ด้วยความตกใจ ในใจก็หวังว่าร่างเล็กคงไม่เห็นภาพเขากับอินทัชล้มลงไปทับกัน

“มานานแล้ว และก็เห็นอะไรที่มันไม่ควรด้วย ทีหลังถ้าจะพลอดรักกันน่ะ ก็พากันไปในที่ที่มันลับๆ หน่อย ไม่ใช่ทำเรี่ยราดเหมือนสัตว์แบบนี้”

“เฮ้ย!! ไม่ใช่นะคุณจอม ผมกับไอ้อิน...” ร่างสูงพยายามจะแก้ต่าง หากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้จบ ร่างสูงของชายหนุ่มอีกคนก็เดินมาก่อน และนั่นทำเอาจักรเย็นสันหลังวาบ...

ส่วนอินทัชก็ได้แต่ยืนนิ่งๆ ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา

“ใช่…ต่อให้สันดานเหมือนสัตว์ยังไง ก็ช่วยคิดหน่อยว่ามันเหมาะสมที่จะทำตัวแบบนี้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าอยาก ก็เรี่ยราดไปทั่ว ไม่สนฟ้าสนดิน ถ้ามักมากหรืออยากขนาดนั้น...ก็ช่วยหาที่ดีๆ หน่อย!!!”

“คุณราม...”

“พี่ราม...”

ใช่แล้ว มันคือไอ้รามินทร์ ไอ้รามที่ยืนแสยะยิ้มน่ากลัวให้อินทัชอยู่ตอนนี้...

...

...

...





50%

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

   มาแล้วจ้า...รามอินตอนที่ 10 ครึ่งแรก ครึ่งหลังกำลังปั่นอยู่นะคะ ยูกิล่ะสงสัย นี่เกลียดรามกันขนาดนั้นเลยหรือคะ? (แอบสะใจเล็กน้อย) เม้นท์ให้กำลังใจด้วยนะคะ หากมีอะไร อยากเสนอแนะ ทวงนิยาย ไปได้ที่แฟนเพจค่ะ....

https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 50% == (16/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-03-2016 22:34:56
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 50% == (16/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 16-03-2016 23:41:14
เดี๋ยวอิรามมันคงได้บ้าอีกรอบ อินจะโดนอะไรอีกเนี่ย :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 50% == (16/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-03-2016 00:45:17
เละเทะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 50% == (16/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-03-2016 06:32:37
หวังว่าอิรามมันจะไม่อารมณ์ขึ้นจนต้องข่มเหงน้ำใจอินมันอีกหรอกนะ สงสารอินทัชสุดหัวใจเมื่อไหร่อิรามมันจะรู้ความจริงแล้วหายโง่เลิกกินหญ้าซะทีวะ นี่ถ้าอิรามรู้ความจริงทั้งหมดแล้วมันคงรู้ว่าตัวเองนั่นโง่ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดแน่ๆ เราจะรอวันที่จะได้ซ้ำเติมอิรามมันอยากโง่ไม่ยอมสืบเรื่องต่างๆ ให้ดีก่อนลงเอง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 50% == (16/3/59) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 17-03-2016 21:46:20
อูยยยย ดราม่าหนักมากแน่ๆ
โธ่ อินทัชของเค้าจะโดนไรอีกไม๊น้า
รามแม่งต้องทำเรื่องแย่ๆอีกแน่ๆ
อิน เทอต้องทนให้ได้นะ
รอเอาคืนราม
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 26-03-2016 22:59:36
ตอนที่ 10
ครึ่งหลัง




“จะพากูไปไหน”

“พามึงไปทำงานที่ทำให้มึงไม่ร่านไง”

“มันจะมากไปแล้วนะเว้ย ปล่อยเลยไอ้เหี้ย กูไม่ไป” อินทัชขืนตัวเองไว้ทันทีที่รู้ว่าอีกคนต้องพาเขาเดินไปยังทางกลับบ้านพักของเขา

“หึ! กลัวหรือไง สบายใจได้ กูแค่มีเรื่องจะตกลงกับมึงนิดหน่อย”

“แล้วทำไมต้องพากูมาแถวนี้” อินทัชถาม

“ก็แล้วทำไมกูต้องคุยกับมึงตรงนั้น? กูจะคุยตรงไหนก็ได้ ถูกไหม?” รามินทร์แสยะยิ้มอย่างเหนือกว่า ปล่อยแขนเนียน ก่อนจะกอดอกตัวเองมองหน้าอินทัชที่เสมองไปทางอื่น

“เออ!! มีอะไรก็พูดมา”

“ทำไม รีบไปหาไอ้จักรหรือไง กูเตือนไว้ก่อนนะว่าไอ้จักรมันเป็นของน้องกู อย่าริอ่านแย่งมันจากน้องชายของกูเด็ดขาด”

สิ้นประโยคของรามินทร์อินทัชก็ยกยิ้มออกมาน้อยๆ

ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะโดนด่า เสียดสีให้เจ็บใจเล่น พอมาเห็นว่าอีกคนรักน้องชายขนาดที่กลัวว่าเขาจะแย่งจุลจักรไปจากเจ้าจอมจนต้องพูดดักเดาไว้

“กูก็ไม่ได้คิดจะแย่งหรอกนะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ถ้าจักรมันจะเปลี่ยนใจ ก็น้องมึงเล่นตัวซะขนาดนั้นนี่”

“แล้วใครมันจะง่ายเหมือนมึง” รามินทร์สวนกลับอย่างไวทำเอาอินทัชกัดฟันอย่างโมโหที่ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไป ร่างสูงก็สวนกลับด้วยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจกัน

“หึ! พูดเหมือนว่ารู้จักกูดี ทำไม...กูง่ายแล้วหนักหัวใคร หนักหัวมึงมากเลยหรือวะ”

“มันไม่ได้หนักอะไรหรอก แต่แค่เห็นแล้วรู้สึกรังเกียจว่ะ ยังไงก็ตามตราบที่มึงยังอยู่ที่นี่ ห้ามมึงแรด ห้ามมึงร่านกับใคร ไม่ว่าจะคนงานคนไหนก็ตาม” ชี้หน้าสั่ง

อินทัชคิดอย่างเหนื่อยใจ และหน่ายใจที่จะตอบอะไร

“กูไม่เอาคนของมึงหรอก แค่นี้ก็รังเกียจมึงจะแย่แล้ว ถ้ามีลูกน้องของมึงเข้าไปอีก...กูคงจะอยู่ไม่สุขจนกว่าจะได้กลับบ้านแน่ๆ”

“ก็ดี คิดได้แบบนี้ก็ดี”

“แต่สำหรับจักร มันเป็นเพื่อนที่ดีกับกูมาก เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดกูตกหลุมรักมันขึ้นมา ก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้นะ เพราะถ้าน้องมึงยังเล่นตัวอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ กูคิดว่ามันอาจจะเปลี่ยนใจมาชอบกูแทนแล้วล่ะ” ร่างโปร่งตอบด้วยรอยยิ้มที่กวนโมโหร่างสูงจนรามินทร์ชักหมั่นไส้ใบหน้าสวยนั่น

“ทำไมถึงมั่นใจนัก หน้าด้านนะมึง”

“แล้วทำไม กูไม่มีดีตรงไหน ทั้งรูปร่าง หน้าตา ฐานะ ไม่ว่าอะไรกูก็เหนือกว่าน้องมึงทั้งนั้นแหละ อ้อ รวมถึงเหนือกว่ามึงด้วย”

จริงๆ แล้วอินทัชไม่ใช่คนชอบอวดตัวเอง แต่ว่าสถานการณ์แบบนี้ เขาอยู่ต่ำกว่ามันมากก็จริง ก็แค่อยากจะพูดให้ตัวเองดูเหนือกว่าบ้าง

อย่างน้อยมันก็เป็นกำลังใจให้กับเขานิดหนึ่ง

“ปากดีนะมึง อย่าคิดว่ามึงจะทำร้ายน้องของกูอีกคนได้เลย เห็นไหม สุดท้าย ความชั่วของมึงก็โผล่ออกมาให้กูเห็นเข้าสักวัน ยังไม่ทันไร มึงก็ออกลายแล้ว ขอบอกไว้เลยนะ ถ้าเจ้าจอมเสียน้ำตาเพราะมึงเมื่อไหร่...กูเอามึงตาย!!!”

“กลัวจังเนอะ แค่นี้กูก็รู้สึกเหมือนอยู่ในนรกแล้วล่ะ จะมากกว่านี้กูก็ไม่รู้สึกว่ามันจะต่าง มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่ กูจะกลับไปทำงานต่อ”

“จำคำสั่งกูไว้ให้ดี”

“เออ!! ไม่ลืมหรอก”

จะเตือนกูพันรอบ กูก็คิดกับไอ้จักรไม่ลงจริงๆ รสนิยมของเขาคือแบบเจ้าจอม ไม่ใช่แบบจุลจักร และดูเหมือนว่ารามินทร์จะไม่รู้ หรือรู้ แต่อาจจะลืมไป

“จะไปไหนก็ไป อ้อ แล้วทำงานในแต่ละวันให้เสร็จด้วยนะมึง วันนี้กูไม่อยู่ ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด เข้าใจนะ”

“เออ! มึงนี่สั่งเยอะฉิบหาย”

“...”

“ว่าแต่จะไปไหนล่ะ” เขาไม่ได้อยากรู้ แค่ถามเผื่อไหว

“ทำไม จะหาทางหนีหรือไง” และโดนรู้ทันอีกจนได้ “อย่าแม้แต่จะคิด เพราะถ้ามึงหนีไปได้ กูจะเอาเรื่องคนที่เกี่ยวข้องกับมึงให้ถึงที่สุด!!”

“คนที่เกี่ยวข้องกับกู? ก็อยู่บ้านกูหมดแล้วนี่ และบอกตามตรงว่าอำนาจฝั่งกูเยอะกว่า คงจะปล่อยให้พวกมือสมัครเล่นแบบมึงเข้าไปเอาเรื่องได้อยู่หรอก”

“กูหมายถึงไอ้จักรกับหมอเงินต่างหาก”

“…” อินทัชเงียบไปเพราะคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีผูกทางนี้เช่นกัน

เขาทำใจ เอาเรื่องเดือดร้อนมาให้ทั้งสองคนไม่ได้จริงๆ

“อย่าคิดลองดี...ไปทำงานได้แล้ว!!” ไล่ร่างผอมบางให้กลับไปทำงานของตัวเองต่อทันที ซึ่งอินทัชก็เดินออกด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง ส่วนร่างสูงก็มองด้านหลังของคนที่เดินไปก่อนจะเดินกลับยังที่สำนักงานเพื่อเตรียมตัวไปดูงานอีกสาขาหนึ่งทันที


“เป็นไงบ้างวะไอ้อิน คุณรามว่าอะไรมึง”

“เงียบเถอะไอ้จักร กูไม่อยากตอบ ว่าแต่มึงกับคุณจอมทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าวะ เมื่อกี้เดินสวนกับกูนะมองกูตาเขียวปั๊ดเลยว่ะ” พอถามไปแบบนั้น จักรก็ทำหน้าหมองลงเพราะโดนคนตัวเล็กของตนโกรธเข้า

“เออ เขาโกรธกูว่ะ กูก็ไม่รู้ว่าเขาโกรธกูทำไม ทั้งๆ ที่กูก็อธิบายไปแล้ว”

“หึงอ่ะดิ”

“ห๊ะ!! หึง ให้หึงใคร”

“คุณจอมไง เขาหึงมึงกับกู”

“จะใช่หรือวะ” ถามอย่างไม่มั่นใจในตัวเอง จนร่างโปร่งส่ายหน้าไปมาอย่างระอา

“ใช่ดิ มึงหัดมั่นใจในตัวเองหน่อยเถอะ”

“อือ กูจะพยายาม”

“งั้นมึงก็ต้องทำตามแผนกูต่อไป ไม่มีอะไรมาก แค่อยู่เฉยๆ ตอนที่กูทำอะไรก็ตามแต่ เข้าใจนะ”

“เออๆ ว่าแต่มึง ไม่เป็นไรแน่นะ” ถามกลับด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวของอินทัชมันอึดอัดมากกว่าเดิม

“ไม่เป็นไร กูโดนแบบนี้ประจำอ่ะ”

“เฮ้อ...มีอะไรให้ช่วยก็บอก”

“พากูไปจากที่นี่...” ร่างโปร่งพึมพำอย่างเหม่อลอย คิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว คิดถึงเพื่อนรัก มองไปโดยรอบก็พบเจอแต่คนที่ไม่รู้จัก

หนาวไปถึงขั้วหัวใจแล้ว...

อยากออกไปจากที่นี่สักที...

“กูไปส่งที่ท่ารถเอาไหม?” ถามอย่างหวังดี จะว่าสงสารก็ถูกอีกนั่นแหละ

“ไม่ต้องหรอก กูเชื่อว่ามันต้องรู้แล้วแน่ๆ และไม่มีทางอยู่เฉยๆ หรอก สักวันมันจะหาตัวกูเจอ...” ร่างโปร่งพูดอะไรบางอย่างที่จักรฟังแล้วถึงกับขมวดคิ้วแน่น

“ใคร...มึงพูดถึงอะไรเนี่ย”

“เปล่าๆ ทำงานต่อเถอะ” บอกปัดๆ ไปก่อนจะเดินไปทำงานของตัวเองทันที เดี๋ยวจะโดนหัวหน้างานตำหนิเอาได้ ในใจก็คิดถึงใครคนนั้นที่คิดถึงไปด้วย...

มึงจะตามกูเจอในสักวันใช่ไหมวะ...

ตามกูให้เจอเถอะ กูอยากกลับบ้านแล้วว่ะ...ธีร์

...

...

...


กรุงเทพมหานคร

“ไม่เจอเลยครับ ไม่มีวี่แววเลย ข่าวคราวก็ไม่มี ผมตามให้ทั้งในและต่างประเทศก็ไม่เจอครับ ครับคุณแม่ ผมจะตามหามันให้เร็วที่สุด ถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะโทรไปแจ้งนะครับ แม่อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะครับ ไอ้อินมันไม่เป็นอะไรหรอก ยังไงระหว่างนี้ให้ผมดูแลบริษัทแทนไปก่อนนะครับ ไม่มีปัญหาเลยครับ ผมดูแลได้ ครับ สวัสดีครับ” ร่างผอมโปร่งของธีร์วางสายโทรศัพท์แล้วโยนลงบนโซฟาด้วยความความเครียด

“มึงหายไปไหนวะอิน ทำไมต้องทำให้เป็นห่วง”

“อย่าเครียด”

“ไม่ให้เครียดได้ไงไอ้พัฒน์ เพื่อนกูหายไปทั้งคนนะเว้ย ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง”

“อาจจะไปเที่ยว”

“ไม่หรอก ไอ้อินไม่หายไปแบบเงียบๆ ไร้ร้องรอยแบบนี้แน่ๆ” ส่ายหน้าค้านแบบสุดๆ เพราะคบกันมาตั้งนานเลยรู้ดีว่าเพื่อนของตนมีนิสัยยังไง

“มึงกำลังคิดว่าอะไรธีร์” พัฒน์ถามน้ำเสียงนิ่งๆ

“โดนจับตัวไปแน่ๆ”

“อะไรที่ทำให้มึงคิดแบบนั้น”

“ไม่รู้ กูสังหรณ์ใจแบบนี้ ยังไงซะมันโดนจับตัวไปแน่ๆ และกู...ก็จะตามหามันให้เจอ” ร่างโปร่งตั้งปณิธานแน่วแน่ ใจกระวนกระวายเป็นห่วง

“เพื่อนมึงมีศัตรู?”

“ไม่มีนะ...แต่อาจจะมีก็ได้ พวกคู่แข่งทางการค้า ยิ่งบริษัทของมันโคเข้ากับ PLEUNG ได้ คงจะสร้างความไม่พอใจให้กับหลายๆ บริษัทแน่ๆ”

“ที่มึงพูดอาจจะเป็นไปได้” พัฒน์พยักหน้าเห็นด้วย

“ใช่ไหม...แล้วจะเริ่มจากตรงไหนล่ะ”

“มึงคุยกันครั้งสุดท้าย เพื่อนมึงอยู่ไหน” ร่างสูงถาม

“อยู่ไหนงั้นหรือ...วันสุดท้าย วันสุดท้าย...อืม...ที่ไหนวะ” ร่างโปร่งบางพยายามคิดโดยเดินไปเดินมา ลูบปลายคางตัวเองไปด้วยอย่างใช้ความคิด ก่อนจะต่อยที่ฝ่ามือตัวเองหนึ่งทีเมื่อคิดออก

“จริงสิ!!”

“อะไร...”

“งาน XXX ไง มันไปรับรางวัลที่นั่น” ธีร์เริ่มจะมีความหวังขึ้นมานิดๆ เพราะอย่างน้อยก็จะได้เริ่มหาจากที่นั่น งานใหญ่แบบนั้นคงจะมีกล้องวงจรปิดอยู่

สืบหาดีๆ ต้องเจอแน่

“งั้นก็เริ่มตามจากที่นั่น”

“เออๆ”

“ให้กูช่วยอะไรไหม” พัฒน์ถาม

“แน่นอนว่ามึงได้ช่วยแน่พัฒน์”

“เอาน่า อย่ากังวลไปเลย ถ้ามันจับตัวไปจริงๆ ถ้าไม่ใช่เงินก็ไม่มีเรื่องอื่นหรอก สักพักคงจะโทรมาเรียกค่าไถ่เอา ต่อให้อยากฆ่า กูก็คิดว่ามันต้องเอาเงินก่อนแน่ๆ เพราะฉะนั้น มึงเชื่อกู เพื่อนมึงยังปลอดภัย”

“จริงนะเว้ย”

“อือ”

ธีร์มองสบกับคนรักอย่างซึ้งใจที่อีกคนให้กำลังใจตนด้วยประโยคที่แสนยาวทั้งๆ ที่ปกติไม่เคยพูดยาวได้ขนาดนี้

“ขอบคุณ...”

อิน...กูต้องหามึงให้เจอ...

ไม่ว่ามึงจะมีเรื่องบาดหมางกับใคร กูจะหามึงให้พบ ไอ้อิน

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอใช้คนหน่อยก็แล้วกัน ลูกน้องมึงมีแต่เก่งๆ นี่” ธีร์เอ่ยขอ ซึ่งร่างแกร่งก็พยักหน้าน้อยๆ

“ตามสบาย”

“กูขอใช้แค่คนของมึงก่อนก็แล้วกัน ถ้ากูหมดปัญญาจริงๆ จะให้มึงช่วยนะพัฒน์”

“อืม...เข้าใจ”

ธีร์ขอใช้ความสามารถของตัวเองให้ได้มากที่สุดก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ไม่เจอจริงๆ ก็ต้องพึ่งอำนาจของรัตนมณีโชติเข้ามาช่วย และถ้ายังไม่เป็นผลอีก ยังไม่เจออีก ก็คงต้องใช้อำนาจของอภิหชัยบดินทร์

ก็ลองดูว่าจะสามารถต่อกรกับมหาอำนาจได้หรือเปล่า

“ช่วยตรวจจากกล้องวงจรปิดงาน XXX ที่อินทัช ชยอัมรินทร์ไปเป็นที่สุดท้ายด้วย ได้ความว่ายังไง ติดต่อมาที่ฉัน ขอให้ตามเรื่องนี้ให้ด่วนที่สุด เร็วที่สุด เข้าใจนะ ถ้าฉันรู้ว่าใครมันอู้...คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ธีร์ใช้โทรศัพท์ต่อสายไปยังลูกน้องมากฝีมือของพัฒน์ ซึ่งร่างสูงก็ยิ้มน้อยๆ ให้กำลังใจโดยที่ธีร์มองไม่เห็นมัน

“โหดนะมึง”

“ไม่ได้หรอก เรื่องเพื่อนรักของกู จะทำเป็นเล่นไม่ได้”

“มึงเป็นห่วงเพื่อนเกินไปไหมวะ” พัฒน์ถามนิ่งๆ แต่ไม่ได้หาเรื่องแต่อย่างใด แค่ถามดูเฉยๆ ว่าคนรักจะตอบยังไง แม้จะรู้อยู่แล้วก็ตาม

“ทำไม หึง? ไม่ต้องกังวลน่า เพราะอินมันเป็นเพื่อนรักคนเดียวของกู เราโตมาด้วยกัน เรียนด้วยกัน ผ่านอะไรมาด้วยกัน ไม่แปลกหรอกที่กูจะเป็นห่วงมัน อย่างตอนที่กุมีปัญหากับมึงคราวนั้น มันก็ทิ้งทุกอย่าง ทิ้งงาน ทิ้งเที่ยว ทิ้งนัดเพื่อมาอยู่กับกู”

“โอเคๆ กูเข้าใจแล้ว มึงจะเสียงสั่นทำไม อย่าร้องนะเว้ย” พัฒน์รีบเดินเข้าไปหาคนรักที่เสียงเริ่มสั่นเครือ ร่างโปร่งหันหลังให้เพราะไม่อยากให้พัฒน์เห็นด้านที่อ่อนแอ

“กูเปล่าร้อง”

“แล้วหันหนีเพื่อ?”

“เรื่องของกูไหม?”

“มึงเมียกูไหม?” พัฒน์ถาม ก่อนที่ร่างโปร่งของธีร์จะหันมา ดวงตาใสเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ ที่พร้อมจะไหลรินตลอดเวลา

“อึก...”

“ร้องทำไม” ถามเสียงเรียบ แต่ไม่ทันที่ตนจะต่อว่าเรื่องที่คนรักอ่อนแอร้องไห้ออกมาไม่สมกับเป็นผู้ชายก็เจอร่างนิ่มๆ ของคนรักเข้ามากอดแล้วรัดเอวสอบของพัฒน์เอาไว้แน่น “มึงเป็นผู้ชายนะธีร์ ถึงจะเป็นเมียกู แต่มึงก็ไม่ควรอ่อนแอ” แม้ว่าจะพูดออกไปแบบนั้น มือใหญ่ก็ลูบเบาๆ ที่กลุ่มผมนุ่มของคนรักอย่างปลอบประโลม

“มัน...อึก มันจะไม่เป็นไรใช่ไหม ไอ้อินมันจะปลอดภัยใช่ไหม”

“เพื่อนมึงไม่เป็นไร เดี๋ยวก็เจอนะ มึงหยุดร้องเถอะ ร้องไปก็ช่วยอะไรไม่ได้”

“อือ...” ถึงจะรับปากแบบนั้น แต่ร่างที่กำลังสั่นเทาโดยไร้เสียงสะอื้นที่พัฒน์สัมผัสได้ก็รู้ว่าคนรักกำลังพยายามมากแค่ไหน

“เฮ้อ...งั้นก็ร้องเถอะ”

“อึก...”

“วันเดียวนะ ห้ามมีแบบนี้อีก แล้วก็ทุ่มเททุกอย่างตามหาเพื่อนของมึงอย่างเข้มแข็งและมีความหวัง อย่าคิดมาก ถ้ามึงเชื่อมั่นว่าเพื่อนมึงไม่เป็นไร มึงก็จงเชื่อต่อไป”

“…”

“อย่าเอาความกลัวมาทำให้มึงไปต่อไม่ได้”

“อือ...ขอบใจ”

“อืม...”

ขอโทษนะอิน ขอโทษที่ชั่วขณะหนึ่งกูคิดว่ามึงตายไปแล้ว แต่ต่อให้มึงตายไปแล้ว ก็จะตามหามึงให้พบ...แต่ว่า...กูเชื่อว่ามึงยังมีชีวิตอยู่มากกว่า

คนอย่างอินทัชน่ะ ไม่ตายง่ายๆ หรอกใช่ไหม


ไม่รู้หรอกว่าจะมีใครเชื่อเรื่องความรู้สึกที่สื่อถึงกันไหม แต่อินทัชกับธีร์เชื่อมั่นในกันและกันมาโดยตลอด แค่คิดถึงกัน ก็มีกำลังใจขึ้นมา เพราะอย่างน้อยเพื่อนก็ไม่ถึงกัน เวลาธีร์มีปัญหา คนแรกที่เข้าไปช่วยก็คืออินทัช และในทางกลับกันตอนที่อินทัชมีปัญหา คนแรกที่เข้ามาช่วยก็คือธีร์เช่นกัน

และครั้งนี้...มันก็ต้องเป็นแบบนั้น

“แต่มันคงจะนานหน่อยใช่ไหมวะ ไม่เป็นไร กูรอมึงได้ธีร์”

กูจะรอ...ตราบที่กูยังไหวอยู่






100%

 :katai4: :katai4: :katai4:

   มาแล้วค่า ขอโทษที่อัพช้า ยูกิติดงานที่สาขาแล้วก็เรียนหนักค่ะ ในวันที่ 30 นี้ทางสาขายูกิจัดงาน Job Fair แล้วยูกิก็เป็นสตาฟ ต้องวิ่งทำหลายอย่างเลย ไม่มีเวลามาอัพนิยายเท่าที่ควร ขอโทษด้วยนะคะ ยังไงอย่าเลิกติดตามเรื่องนี้น้า...

   มีอะไรสามารถสอบถาม พูดคุย ทวงนิยายได้ที่แฟนเพจเลยค่า https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-03-2016 23:09:02
 :z3:


หาให้เจอเร็วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-03-2016 23:20:44
โอ๊ยยยยยย ธีร์รีบตามหาอินให้เจอเร็วๆ เถอะ สงสารอินแล้วนะ และเราก็รอดูว่าอิรามถ้ารู้ความจริงแล้วมันจะทำหน้ายังไง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-03-2016 00:52:37
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-03-2016 01:23:38
ขอให้ธีร์เจออินเร็วๆ ตอนนี้โคตรสงสารอิน อยากให้อิรามมันรู้ความจริง อยากให้มันรู้สึกผิด ให้มันเจ็บกับสิ่งที่มันทำไว้ :katai1:

//สาปส่งเสมือนมันไม่ใช่พระเอก 555+
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 27-03-2016 04:41:46
ชอบความเชื่อใจของทั้งสองคนมากๆค่ะ  :hao5:
ตามหาอินให้เจอไวๆน่ะ ธีร์น่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 27-03-2016 09:06:08
ธีร์ รีบมานะ มาดัดนิสัยรามที
อยากให้รามเจ็บ
อยากให้รามรู้ความจริง
อยากให้อินได้รับความยุติธรรม!
ปล.คิดถึงพัฒน์ธีร์จุงงงงง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 27-03-2016 09:45:31
คิดถึง..อิน...ราม..แล้วก็ยูกิด้วย...

ธีร์มาช่วยอินเร็วๆนะ..สู้ๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-03-2016 09:37:29
สู้ๆนะอิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 29-03-2016 22:35:53
ธีร์มาช่วยอินเร็วๆนะ
อินยิ่งเริ่มหวั่นไหวกะรามอยู่ด้วย
ไม่อยากให้อินลงเอยกับรามเลย รู้สึกขัดแย้งในใจแท้ๆ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองทำผิด ไม่มีเหตุผล ก็ยังจะทำ เลวอ่ะ ฮึ่ย ขอระบาย เกลียดพระเอกเรื่องนี้จริงๆ ไม่อยากให้สมหวังสักอย่าง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Tequila ที่ 04-04-2016 03:48:42
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: อยากมีเพื่อนแบบธีร์-อินบ้างงงงงงง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: boommerang ที่ 09-04-2016 21:46:19
คนเขียนหายไปนานละนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 10 100% == (26/3/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 13-04-2016 00:52:18
สงสารอินทัชมากเลย อ่านแล้วร้องไห้เลย เศร้ากว่าอินทัชก็คนอ่านนี่แหละ
อินสู้นะเว่ย ต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่รู้ว่าธีร์จะเจออินก่อนหรือว่ารามจะปล่อยอินก่อน
มาต่อเร็ว ๆ นะคะรออยู่ค่ะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 50% == (17/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-04-2016 11:44:58
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 11
เริ่มลงมือ...




“ขอตัว” เสียงเรียบของเจ้าจอมเอ่ยขึ้นมาเบาๆ เมื่อมองดูร่างสูงด้วยความหงุดหงิดใจ เพราะจักรไม่แม้แต่จะสนใจเขาเท่าไหร่นัก มองตามอินทัชที่ถูกรามินทร์ลากไปไหนก็ไม่รู้อย่างเป็นห่วงเพื่อน

นี่ขนาดเขายืนอยู่ตรงหน้า แต่จักรกลับมองตามคนอื่นเนี่ยนะ!!

“เดี๋ยวสิครับคุณจอม” จักรที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าอาจจะทำให้คนที่เขารักเข้าใจผิด เลยวิ่งมาดักข้างหน้าของจอมเอาไว้ได้ทันเวลา ซึ่งจอมก็ใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยที่ร่างสูงยังเห็นหัวเขาอยู่

แต่เรื่องล้มทับกันเมื่อกี้ยอมไม่ได้เด็ดขาด!!

“มีอะไร หลีกไป ฉันจะไปทำงาน”

“คุณจอมโกรธผมหรือเปล่าครับ”

“โกรธ? เรื่องอะไรล่ะ”

“ก็...เอ่อ ป่ะ เปล่าครับ” ร่างสูงเสตาหลบ อึกอักตอบอะไรไม่ถูก

“หึ” ร่างเล็กกอดอก ผันหน้าหนี แสดงให้ร่างแกร่งเข้าใจว่าอารมณ์ของเจ้าจอมตอนนี้กำลังไม่พอใจกับอะไรบางอย่าง

“คุณจอม ไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่าครับ”

“เปล่านี่”

ปฏิเสธ แต่หน้านี่หาเรื่องมากๆ เลยเนี่ยนะ จักรจะทำยังไงวะเนี่ย

“แล้วคุณจอมหงุดหงิดอะไร บอกผมได้นะ เผื่อผมจะช่วยได้” ร่างสูงอาสาตัวเองเพื่อจะช่วยเจ้าจอม แม้ว่าเขาจะคิดว่าร่างบางหงุดหงิดที่เขากับอินทัชล้มเมื่อสักครู่นี้ แต่ก็ไม่ได้หลงตัวเองขนาดที่จะถามออกไปอย่างมั่นใจขนาดนั้นได้

ถ้าคุณจอมไม่พอใจจริงๆ ก็เท่ากับว่าคุณจอมชอบเรา

“นายช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก”

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็เพราะนายเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันหงุดหงิดน่ะสิ!!!” ร่างเล็กตะโกนออกมา เพราะความซื่อบื้อของจักรแท้ๆ นี่ขนาดเขาทำเป็นโมโหอย่างชัดเจนแล้วนะ ยังไม่คิดที่จะรู้สึกอะไรบ้างเลย

“นั่นไง ผมนึกแล้ว แล้วคุณจอมไม่พอใจผมตรงไหนล่ะครับ”

“โง่!!!”

จักรทำหน้าสงสัยที่โดนเจ้าจอมด่าว่าโง่ใส่หน้าเต็มๆ

“ไอ้จักรโง่จริงๆ แหละครับ แต่คุณจอมช่วยบอกได้ไหมว่าโกรธอะไรผม ผมไปทำอะไรให้คุณจอมไม่พอใจหรือครับ ผมจะได้ไม่ทำอีก”

จักรเอ่ยขอร้องเสียงอ่อย ยังไม่ทันได้ทำคะแนน ก็ถูกคนที่เรากำลังจีบโกรธ

“งั้นเลิกยุ่งกับพี่อินได้ไหมล่ะ”

“ท่ะ ทำไมล่ะครับ”

“ฉันไม่ชอบ!! จบไหม”

ที่ว่าไม่ชอบ เพราะคุณจอมชอบไอ้อินมันหรือ...อยากจะถามแต่ก็เหมือนมีก้อนอะไรมาอุดเสียงไว้ไม่ให้มันดังออกมา

“กะแล้วเชียว” ร่างสูงพึมพำเสียงขื่น มองหน้าคนที่กอดอกอย่างเป็นต่อด้วยความรู้สึกเสียใจ

“กะอะไรของนาย แล้วทำไมต้องมองฉันแบบนี้ด้วย”

“ที่ไม่อยากให้ผมยุ่งกับไอ้อิน เพราะคุณจอมชอบมันใช่ไหมครับ”

โง่เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ฮึ่ย!!!
   
ใบหน้าและน้ำเสียงเศร้าๆ ของจักรทำให้เจ้าจอมรู้สึกหงุดหงิด อยากจะเตะผ่าหมากอีกคนให้หายแค้นเคืองใจ มันกล้าพูดได้ไงว่าเขาชอบอินทัช ทำไมไม่คิดว่าเป็นตัวเองบ้างล่ะ...

“ทำไมถึงคิดว่าฉันชอบพี่อิน” เหมือนจะเคยบอกไปแล้วว่าไม่ได้ชอบนะ ไอ้คนขี้ลืม หรือว่าจะแปลความหมายคราวก่อนไม่ออกกันนะ

“ก็คุณจอมบอกไม่ให้ผมยุ่ง”

“แล้วไม่คิดว่าคนที่ฉันชอบจะเป็นนายบ้างหรือไง โว๊ะ! หงุดหงิด ไปดีกว่า เบื่อขี้หน้าคน” จบประโยคเจ้าจอมก็เดินออกจากตรงนั้นไปด้วยความโมโห อากาศก็ร้อน ต้องมาเจอคนเข้าใจอะไรยากเย็นอีก

นี่ขนาดเขาเดินมาไกลแล้ว จักรยังไม่มีท่าทีที่จะเข้าใจระเบิดที่ร่างเล็กทิ้งไว้ให้เลย

“ชอบนาย...คุณจอมพูดกับกู นายแทนตัวกู ถ้างั้นคนที่คุณจอมอาจจะชอบ ก็คือ...ก่ะ เฮ้ย!! กูนี่หว่า เมื่อกี้คุณจอมบอกว่าชอบกูหรือเปล่าวะ!!!” จักรที่ประมวลผลเสร็จแล้วก็มองตามร่างเล็กที่ไปไกลแล้วด้วยความรู้สึกดีใจ เข้าใจทันทีเลยว่าดีใจจนเนื้อเต้นมันเป็นยังไง

เพราะตอนนี้ทั้งใจ ทั้งหน้า แสดงออกชัดเจนว่าดีใจมากมายอยู่ ดีใจฉิบหายวายวอดเลยว่ะ ฮ่าๆ

“ขอบใจนะเว้ยอิน กูเดินหน้าไม่ถอยแล้วล่ะทีนี้ วู้ว!!!”

ทำท่าชกอากาศแล้วเดินยิ้มเข้าไซต์งานไป ทำงานทุกอย่างอย่างขยันขันแข็งจนคนที่ทำงานด้วยกันถามอย่างแปลกใจว่าจักรเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ถึงได้โหมทำงานหนัก หน้าตายิ้มอย่างกับคนบ้า

“ฉันมีความสุขว่ะพี่”

“สุขอะไรของมึงวะ”

“พี่ไม่ต้องรู้หรอก มีอะไรให้ไปเอาอีกไหม ถ้าไม่ ฉันจะไปก่อกำแพงต่อ”

“เออๆ มึงจะไปไหนก็ไป”

ทุกคนที่ได้คำตอบแบบเดียวกันก็ส่ายหน้าระอา ปนแอบเป็นห่วงกลัวมันจะทำงานหนักจนเป็นบ้าไปแล้วก็ได้ หรืออาจจะตรอมใจเรื่องคุณจอมจนเป็นบ้า สมองไม่ทำงานแบบนี้

หารู้ไม่ว่า ต้นเหตุที่ทำให้จักรมีความสุขนั้น เป็นเพราะเจ้าจอมพูดเหมือนว่าชอบจักร...ไม่ใช่เพราะเขาตรอมใจ

“ฮ่าๆ มีความสุขโว้ย!!”



ทางด้านเจ้าจอม

“ไอ้คนโง่เอ้ย เนี่ยถ้ายังไม่เข้าใจอีก ฉันจะเลิกชอบนายจริงๆ ด้วย และถ้าเย็นนี้ฉันไม่เห็นหัวนายนะ หึหึ...ไอ้จอมคนนี้จะจัดการเอง แบบไม่รอให้คนโง่อย่างนายคิดได้แล้ว!!” เจ้าจอมเดินบ่นอย่างหงุดหงิดเข้าไปในสำนักงานคืน ก้นกระแทกเข้ากับเก้าอี้แรงๆ แต่ไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่เพราะมัวแต่คิดถึงจักร

“อยากทำอะไรก็รีบทำ” เสียงทุ้มต่ำของพี่ชายดังมาจากด้านหลังให้เจ้าจอมสะดุ้งเล่น

“พี่ราม...มาตั้งแต่ตอนไหนครับ”

“พอพี่ตกลงกับไอ้อินเสร็จก็เดินมารอเราที่นี่ นานพอจะเห็นน้องชายเดินปึงปังเข้ามา ว่าแต่...กับไอ้จักรน่ะไปถึงไหนแล้ว” ร่างสูงถาม

ตอนแรกก็ไม่อยากให้น้องรักกับคนที่ต่างฐานะกันขนาดนี้หรอก แต่รามินทร์รู้จักกับกับจักรมานานเลยค่อนข้างไว้ใจ ที่สำคัญ มันเป็นคนดี ถ้าน้องเขาจะรักจักร เขาก็ไม่คิดห้าม...

“ไปถึงไหนอะไรล่ะฮะ คนของพี่นี่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย นี่หมอนั่นคิดว่าจอมชอบพี่อินด้วยซ้ำ เฮ้อ...น่าหงุดหงิดจริงๆ”

“เอาเถอะน่า มันเป็นคนซื่อๆ แต่ไม่ได้โง่พี่รับรองได้ แค่บางเรื่องมันอาจจะรู้สึกช้าเท่านั้นเอง และคนอย่างไอ้จักรมันสุภาพบุรุษพอ กับแฟนเก่ามันมันให้เกียรติทุกคน ถ้าไม่แต่งงานกันมันจะไม่แตะต้องตัวคนอื่นเป็นอันขาด”

“พี่รามคงไม่ได้หมายความว่าจักร...”

“มันคงไม่ได้เวอร์จิ้นหรอก สมัยเรียนอยู่ก็คงมีบ้างแหละ พอเรียนจบมีงานทำก็อาจจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ให้เกียรติผู้หญิงทุกคนที่เคยคบ แต่เขาก็ทิ้งมันหมด เพราะอายบ้าง ไม่อยากลำบากบ้าง บางคนก็เข้ามาเพราะหน้าตามันดี แบบนี้ไงจักรมันเลยเลือกไว้หนวด ไว้เครา ปิดบังหน้าตัวเอง”

“ทำไมพี่รามรู้ดี” ใบหน้าน่ารักแสดงถึงความสงสัย

“พี่เคยกินเหล้ากับมันมาก่อน พอมันเมา มันก็โพล่งทุกอย่างออกมามาหมด”

“ก่อนที่จอมจะมาทำงานที่นี่ใช่ไหม”

“ใช่”

“แล้วไป”

“ทำไม หวงหรือ อย่ากังวล สเปคพี่ต้องตัวเล็กๆ ขาวๆ เท่านั้น แบบไอ้จักรตัวเท่าควายพี่ไม่โอเค” รามินทร์ตอบยิ้มๆ พร้อมทำหน้าขยะแขยงเมื่อคิดว่ากำลังกอดจักรอยู่

“ก็ดี จอมจะได้ไม่ระแวงพี่ แต่พี่อิน จอมชักไม่แน่ใจ ตอนแรกจอมคิดว่าพี่แกอยากจะแกล้งจอมเฉยๆ แต่วันนี้เห็นจักรชมว่าพี่อินสวยแล้วเริ่มระแวง กลัวใจจักรอ่ะพี่ราม” น้องชายทำหน้าเครียดให้พี่ชาย ซึ่งรามินทร์ก็คิดตามไปด้วย

“ก็จริงนะ”

“พี่ช่วยไม่ต้องให้พี่อินมาไซต์งานได้ไหม เลิกให้เจอกับจักรไปเลยได้หรือเปล่า” เจ้าจอมขอร้องรามินทร์เสียงอ่อนระคนความหวั่นกลัว ซึ่งรามินทร์ก็เห็นด้วย

“พี่ก็คิดว่าอย่างนั้น แต่พี่ว่าอินมันต้องการแกล้งจอมมากกว่า แล้วจักรก็เป็นคนที่มั่นคงคนหนึ่งเลย จอมต้องใช้เสน่ห์ตัวเองแล้วล่ะ พี่เองก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้” รามินทร์พูด

ร่างสูงมองหน้าน้องชายที่ใบหน้าบ่งบอกว่ามีแผนการอะไรไว้มากมายอย่างอย่างระอา รามินทร์อาจจะผิดที่เป็นคนชักจูงน้องมาในวงการนี้ แต่ว่า...ถ้าคนมันไม่ใช่ ยังไงก็ต้องเปลี่ยนในสักวันถูกไหม

แล้วอย่างเจ้าจอม เป็นเจ้าบ่าวให้ใครไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นถ้าต้องรักต้องชอบกับผู้ชาย รามินทร์ก็ขอฝากไว้ที่จักรนั่นแหละ แม้ไม่รวย แต่เชื่อว่าต้องทำให้องเขามีความสุขได้แน่ๆ

“หน้านี่ร้ายกาจมาก พี่จะไปเจอลูกค้าหน่อย กลับมาประมาณบ่ายโมงขอดูบัญชีหน่อยก็แล้วกัน” วกเข้ามาเรื่องงาน ซึ่งเจ้าจอมพยักหน้ายิ้มๆ

“ได้ฮับ!!” ตะเบ๊ะอย่างกับทหารด้วย พี่ชายหมั่นเขี้ยวเลยขยี้ผมนุ่มก่อนจะเดินจากห้องทำงานของเจ้าจอมไป

เมื่ออยู่ตามลำพังแล้ว ร่างบางก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอีกครั้งอย่างมีความสุข

“คิดไม่ผิดที่มาอยู่กับพี่”

ถ้าเขาอยู่ที่กรุงเทพต้องไม่มีความสุขแน่ๆ

...

...

...


“มีอะไร”

“คุณจอม ผมไปส่งนะครับ”

“อืม...” ตอบกลับแค่นั้นแล้วเดินนำร่างสูงไปยังบ้านพักของตน โดยมีจักรเดินตามหลังต้อยๆ

คุณจอมเปรียบเสมือนดอกฟ้าจริงๆ แม้จะอยู่ตรงหน้า แต่มันก็พร้อมที่จะปลิวหนีได้ตลอดเวลาเช่นกัน ร่างกายนี้ จักรจะมีโอกาสได้สัมผัสหรือไม่

เพี๊ยะ!!!

“คิดบ้าอะไรของมึงเนี่ย” ตบหน้าตัวเองแรงๆ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังคิดอกุศลกับร่างกายของเจ้าจอมอยู่ และยิ่งมองก็ยิ่งคิดเลยต้องหันไปมองทางอื่น หากแต่ก็อดเบนสายตากลับมาที่แผ่นหลังเล็กไม่ได้

ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ครั้งสุดท้ายที่มีอะไรกันกับผู้หญิงที่เป็นแฟนเก่าคือตอนมอสี่ จากนั้นก็ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานมารักษาแม่ตลอด

“ทำบ้าอะไร ตบหน้าตัวเองทำไม”

“ผมทำโทษตัวเองที่ทำให้คุณจอมโกรธ”

“โง่!!!” ร่างเล็กตะโกนด่า

“ครับ”

“ยอมรับทำไม”

“ก็ไอ้จักรโง่จริงๆ นี่ครับ” ยอมรับเสียงอ่อย แม้จะมีความหวังลึกๆ ว่าร่างบอบบางตรงหน้าจะคิดเหมือนกับเขา แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรมากอยู่ดี

“โว้ย!!!”

หงุดหงิดจริงๆ ให้ตายสิ!

“คุณจอม...”

“ไม่ต้องเรียก ตามมาเงียบๆ ก็พอ”

“ครับ”

จักรได้แต่เดินตามคนที่เป็นเจ้าของหัวใจตัวเองอย่างเงียบๆ พลางนึกถึงเหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงได้หันมาชอบผู้ชาย ที่สำคัญดันเป็นน้องชายของเจ้านายอีกด้วย...


สองปีที่แล้ว

จักรกำลังทำงานหนักโดยการเป็นคนสวนของรีสอร์ทของรามินทร์ เนื่องจากเพชรบูรณ์ทางครอบครัวของรามินทร์มีที่ดินอยู่เยอะ เลยจะเปิดรีสอร์ทอีกสาขาใกล้ๆ กับที่เขาทำงานอยู่ แต่อยู่สูงขึ้นมาหน่อย (ซึ่งตอนนี้จักรอยู่ที่สาขาใหม่ที่ว่า) วันนั้นเขาในฐานะคนงานคนหนึ่งไปพบเจ้านายตามที่เรียก

“คุณรามเรียกผมมีอะไรให้รับใช้ครับ”

“พอจะรู้ข่าวใช่ไหมว่าฉันจะเปิดรีสอร์ทอีกที่”

“ครับ”

“ฉันไม่อยากจ้างคนนอกมาทำงาน เห็นว่าแกเรียนเกษตรมา แล้วก็มีความสามารถด้านการจัดสวน ก็เลยอยากให้แกช่วยออกแบบสวนกับจัดสวนให้หน่อย ส่วนพวกงานก่อสร้างฉันให้ PLEUNG จัดการเหมือนรีสอร์ทที่อื่นๆ นั่นแหละ แต่ขอเรื่องสวนไว้ให้แกทำ เอาไง จะทำไหม”

“ให้ผมทำจะดีหรือครับ”

“ทำไม? ไม่มั่นใจในฝีมือหรือไง”

“ก็ครับ...แล้วมันเป็นงานใหญ่ด้วย ผมไม่อยากให้งานของคุณรามเสีย” ตอบอย่างถ่อมตัว ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ผ่านการจัดสวนมานักต่อนักแล้ว

“อย่ามาพูดดี งานฉันไม่ใหญ่ขนาดนั้น เป็นรีสอร์ทเล็กๆ เน้นความเป็นธรรมชาติ อย่างน้อยมันก็เล็กกว่าที่นี่น่ะ แต่บรรยากาศดีกว่าที่นี่เยอะ เลยอยากจะให้คนของเราทำ แกคิดว่ายังไง ค่าออกแบบ ค่าจัดสวนเท่ากับผู้รับเหมาทุกประการ ในเมื่อแกไม่เอาเงินฉันโดยไม่ทำอะไรก็ให้รับงานนี้แล้วเอาเงินไปรักษาแม่ซะ” รามินทร์สั่งเสียงเฉียบขาด

“แต่ว่า...”

“อย่ามาขัดฉันเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกที่ฉันยื่นเงินให้เป็นครั้งเดียวก็พอ”

“ครับ ขอบคุณนะครับคุณราม บุญคุณนี้จะไม่ลืมเลย ผมขอสัญญาว่าจะทำงานให้กับคุณรามตลอดไป”

“ไม่ต้องขนาดนั้น ถ้าที่ไหนให้เงินดีกว่าก็ไปได้ ถ้าที่ไหนดีกว่าก็ไป ฉันไม่ได้ว่าอะไร”

“ผมจะอยู่กับคุณราม”

“อย่าพูดแบบนี้สิวะ ฉันขนลุกเว้ย” รามินทร์ขยับออกห่าง เพราะกลัวว่าลูกน้องจะคิดอะไรด้วย ส่วนจักรก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“โถ่คุณราม ผมน่ะชอบผู้หญิงนะครับ”

“ฉันเห็นคนพูดแบบนี้มานักต่อนักแล้ว สุดท้ายก็ไม่รอดสักราย”

“ผมพูดจริงๆ นะคุณราม” ยังไม่ทันที่รามินทร์จะพูดอะไรต่อ เสียงเคาะประตูห้องทำงานของรามินทร์ก็ดังขึ้นก่อนจะมีคนเปิดประตูเข้ามา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แกร็ก!!

“พี่รามอยู่ไหมฮะ” เสียงหวานแบบผู้ชายดังขึ้นมาก่อนที่กายจะปรากฏ ชายร่างสูงหันไปยังประตูเป็นตาเดียวกัน ทำเอาคนมาใหม่ถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่คิดว่าพี่ชายจะมีแขก

“เอ่อ...จอมมาผิดเวลาหรือเปล่า”







 

50%

:hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

   มาแล้วค่า ตอนนี้เป็นตอนของจักรจอมแบบไม่ต้องสงสัยเลย ตอนหน้าเป็นของขรรค์เงิน แล้วค่อยมาลุ้นกับกับรามอินต่อนะคะ เป็นไปตามสเต็ปดังนี้นะคะ รามอินสองตอน จักรจอมหนึ่งตอน ขรรค์เงินหนึ่งตอน โดยที่ยูกิพยายามที่จะทำให้เรื่องราวมันต่อกันมากที่สุด หากมันไม่ต่อกันยูกิจะรีไรท์อีกค่ะ ^_^

   สามารถพูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจนะคะ ^_^ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 50% == (17/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 17-04-2016 14:53:42
แหม๋ อยากจะยุให้จักรจับเจ้าจอมกดซะ55+
เจ้าจอมคะ จักรมันไม่รุก จอมก้อรวบหัวรวบหางมันก่อนเลยก้อได้นะ ..อิอิ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 50% == (17/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Tequila ที่ 17-04-2016 21:25:05
จักรรรรรรรรรรรร  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 50% == (17/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 17-04-2016 21:42:10
น้องธีร์!!!!! ตามหาอินให้เจอนะลูกกกก
เจ้ต้มน้ำรอมานานละ!!!! พร้อมเสมอ!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 50% == (17/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 17-04-2016 22:28:57
ธีร์ช่วยอินไวๆนะแล้วเอาคืนไอ้รามเปน100เท่าเลย :m16:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 50% == (17/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-04-2016 03:04:51
อีจักรนี้นะ. บื้อริงๆเลยยย. น้องจอมจัดการเลย ช้าดีนัก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 50% == (17/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: boommerang ที่ 18-04-2016 08:11:59
บางครั้งผมก็อยากอ่านคู่หลักมากกว่าครับ
เพราะมันเหมือนกับไม่มีความคืบหน้าเลย
แต่คู่รองแซงไปแล้วหลายร้อยกิโล
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 50% == (17/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 18-04-2016 14:38:36
รามใจร้ายไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 50% == (17/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 18-04-2016 16:30:28
เอาคืนได้อยู่แล้ว แต่ต้องเอาให้มันกระอักเลือดตายไปเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 50% == (17/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-04-2016 00:22:59
 :laugh:


ฉันรอเวลานี้มานานมากแล้ว !
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 21-04-2016 17:23:37
ตอนที่ 11 ครึ่งหลัง




“ไม่หรอกจอม มาสิ พี่คุยธุระเสร็จพอดีเลย”

“เอ่อ สวัสดีฮะ” ร่างบอบบางยกมือขึ้นไหว้จักรที่มองหน้าก็รู้แล้วว่าอายุมากกว่าอย่างเคารพเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนของพี่ชาย ยิ่งไว้หนวด ไว้เคราอีก น่ากลัวเข้าไปอีก

แล้วดูจ้องเข้า...จอมกลัวอ่า

“เอ่อ ค่ะ คือไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ ผมเป็นคนงานธรรมดาๆ เอง” ร่างสูงรีบยกมือรับไหว้แล้วละล่ำละลักบอกออกไป ทำเอารามินทร์หัวเราะในความถ่อมตัวของจักร

“ไหว้น่ะถูกแล้ว ก็แกอายุมากกว่าน้องชายของฉันนี่ นี่เจ้าจอม ลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง จะมาช่วยงานด้านบัญชีให้ฉันน่ะ ส่วนจอมนี่จักร ลูกน้องคนสนิทของพี่เอง รู้จักกันเอาไว้นะ” รามินทร์ทำหน้าเป็นสื่อกลางในการทำความรู้จักของทั้งคู่ ซึ่งจักรก็พยักหน้าน้อยๆ มองร่างเล็กไม่วางตา ส่วนเจ้าจอมก็ยิ้มน้อยๆ เช่นกัน เพราะยังกลัวใบหน้าโหดๆ มาดเถื่อนๆ ของลูกน้องของพี่ชายอยู่

“ครับ” จักรครางรับก่อนจะมองหน้าน่ารักเกินชายของเจ้าจอมอย่างเพลินตา ทั้งใบหน้าและขนาดร่างกาย เจ้าจอมไม่เหมือนผู้ชายเลยสักนิด แบบนี้จะมีแฟนเป็นผู้หญิงหรือ

คิดภาพไม่ออกเลยแฮะ

“เอ่อ...หน้าผมมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ” เจ้าจอมถามกล้าๆ กลัวๆ

อ่า...น่ารักเหลือเกิน ทำไมถึงมองเห็นร่างเล็กคนนี้น่ารักนะ แล้วหัวใจน่ะ จะเต้นแรงไปไหม อย่าบอกนะว่ากำลังหวั่นไหวกับผู้ชาย ให้ตายสิจักร มึงเพิ่งพูดกับเจ้านายเองนะว่าไม่มีวันชอบผู้ชาย

“ป่ะ เปล่าครับ ขอโทษนะครับที่ผมเสียมารยาท” คนตัวโตหลุบตาต่ำ ทำเอาร่างเล็กมองอย่างแปลกใจ เพราะคิดว่าร่างสูงจะโหด จะดุเหมือนหน้าตา แต่ท่าทางหงอยๆ แบบนี้ เหมือนหมาตัวโตกำลังออดอ้อนเลย

“ไม่เป็นไรครับ”

“ทำไม หวั่นไหวกับน้องฉันล่ะสิ” รามินทร์กระซิบข้างหูเบาๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอาจักรสะดุ้งตกใจ มองหน้าเจ้านายแบบหวั่นๆ ก่อนจะตอบเสียงตะกุกตะกัก

“ป่ะ เปล่านะครับ คือว่า เอ่อ...”

“ฮ่าๆ เอาเถอะน่า ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าเป็นแกน่ะ” รามินทร์ว่า

“ผ่ะ ผมชอบผู้หญิง” กระซิบบอกเสียงอ่อย ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขัดเขิน แบบไม่เคยเป็นมานานแล้ว เพราะเขามีความรักครั้งสุดท้ายก็เมื่อสองปีที่แล้ว

“เสียงแกมันไม่มั่นใจเหมือนครั้งแรกที่บอกเลยนะ จีบได้ เจ้าจอมโสด” รามินทร์ยุเต็มที่ อย่างน้อยจักรก็เป็นคนดี แม้ไม่มีฐานะมากเท่าไหร่ก็ตาม แล้วดูจากตาน้องของเขาแล้ว ก็คงจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ หรอก

“คุยอะไรกันน่ะ นี่จอมยังอยู่ด้วยนะ เผื่อพี่รามลืม” ร่างเล็กส่งเสียงออกมาเมื่อเห้นว่าคนตัวใหญ่ทั้งสองคุยกันแบบมีลับลมคมใน โดยที่เขาฟังอะไรไม่ได้ยินเลย

“เปล่านี่”

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณราม” ร่างสูงหลบสายตาเจ้าจอม เอ่ยขอตัวกับเจ้านายอย่างมีมารยาท

“เออๆ แล้วเริ่มออกแบบไว้เลยล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาแบบที่ PLEUNG ส่งมาให้ดู ว่าสถานที่ที่จะใช้จัดเป็นยังไง ก่อนจะลงพื้นที่จริง ตามนี้นะ” คำสั่งสุดท้ายก่อนที่จักรจะรับคำสั่งแล้วก็เดินออกจากห้องไป

“ครับๆ”

ไม่ทันเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองตามหลังตนออกไป


“เหม่ออะไร เข้ามาสิ” เจ้าจอมชวนร่างสูงเข้าบ้าน ซึ่งจักรก็หลุดออกจากภวังค์ในวันแรกที่เขารู้จักกับเจ้าจอม แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาหลงรักคนตรงหน้า มันมีเหตุการณ์ต่อจากนั้น แต่ตอนนี้คงไม่สะดวกคิดถึงมันตอนนี้สินะ

ต้องเคลียร์เรื่องที่ทำให้ร่างเล็กไม่พอใจก่อน ค่อยนึกถึงภาพดีๆ วันนั้นอีก

“ครับๆ”

“มัวแต่คิดถึงสาวอยู่ล่ะสิ เดินเหม่อมาเลย นี่ถ้าไม่ใช่ทางโปร่งนะ นายเดินชนนั่นชนนี่ไปหมดแล้ว”

“ไม่ใช่นะครับ ผมคิดถึงแค่คุณจอมคนเดียวเท่านั้น” หลุดออกมาอย่างเร็ว ทำเอาใจของเจ้าจอมเต้นแรงเพราะตั้งตัวไม่ทันว่าอีกคนจะพูดอะไรแบบนี้ ร่างบางหันหนี เดินไปนั่งบนโซฟา ก่อนจะยกขาขึ้นไขว่ห้าง ก่อนที่นิ้วจะกระดิกให้จักรไปนั่งด้วยกัน

อ่า...ท่าเรียก เซ็กซี่จัง

“ยืนนิ่งทำไม มาสิ” ก่อนที่เจ้าจอมจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ร่างสูงก็สาวเท้าไปทรุดตัวนั่งที่โซฟาตัวเดี่ยวที่ถัดจากตัวยาวที่ร่างบางนั่ง

“คุณจอมครับ เมื่อตอนกลางวัน คุณจอมพูดจริงหรือแค่สมมติหรือครบ” เหมือนจะถามออกไปด้วยความไม่ลังเล แต่เชื่อหรือเปล่าว่าก่อนถามร่างสูงคิดมันมาแล้วหลายสิบรอบ ถึงได้ตัดสินใจถามออกมาตรงๆ แบบนี้

“แล้ว? ฉันบอกว่าให้โอกาสนายนี่ ขอบอกให้ว่าโอกาสฉันไม่ได้ให้กับใครไปทั่วนะ มีสมองก็หัดคิดเอาเองบ้าง เพราะถ้านายถามฉันมากๆ ฉันอาจจะไม่ให้โอกาสนายแล้วก็ได้” ร่างเล็กกว่าเอ่ยประโยคที่ร่างสูงไม่อยากได้ยินสุดๆ ออกมา จนเขาต้องรีบตอบรับคำสั่งนั้น

“ครับๆ ผมจะเลิกถาม ผมจะคิดให้มากกว่านี้ แต่คุณจอมให้โอกาสผมต่อนะครับ แล้วถ้าผมไม่ขอมากไป คุณจอมอย่าให้โอกาสคนอื่นเหมือนที่ให้ผมนะครับ” ขอร้องเสียงจริงจัง ทั้งใบหน้าหล่อที่ร่างบางชอบและก็หวงในเวลาเดียวกัน มันต้องเป็นเขาที่เห็นได้คนเดียวสิ

เพราะอินทัชคนเดียวเลยจริงๆ ทำเอาแผนการทั้งหมดพังไม่เป็นท่า จนต้องเริ่มคิดแผนใหม่แบบนี้

“อืม...ฉันให้เวลาหนึ่งเดือน ครบหนึ่งเดือนแล้วให้นายขอฉันคบดู ถ้าฉันตกลงแสดงว่านายทำสำเร็จ”

“แล้วถ้าไม่ล่ะครับ”

“ก็จะถอยหรือสู้ต่อก็แล้วแต่นาย” ร่างบางยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ

“ผมไม่มีอะไรดีเลยนี่นะ จะทำให้คุณจอมคบกับผมภายในหนึ่งเดือนได้ยังไง” ร่างสูงพึมพำ

หนักใจ แต่ไม่ได้ท้อถอย

“ใครว่าล่ะ นายมีดีตั้งเยอะ”

“อะไรบ้างล่ะครับ ไอ้จักรคนนี้ ทั้งจนแสนจน ตำแหน่งต่ำต้อย รถไม่มี บ้านก็เล็ก” แค่พูดก็รู้สึกต่างแล้ว แต่จักรก็อยากจะลองดู อยากเป็นคนนั้นในใจของเจ้าจอม

อยากให้เจ้าจอมรักและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ยอมรับในตัวตนของเขา

“นายก็รู้ว่าของพวกนั้นฉันมีแล้ว ที่ฉันต้องกสารคือความดีกับความจริงใจ นายทำได้ไหมล่ะ” คนน่ารักสบตากับตาคมดุ ถามด้วยความจริงจัง

“ถ้ามีผู้ชายมายุ่งกับคุณจอม”

“นายจะหึงก็ได้ นายจะทำอะไรก็ได้”

“ถ้ามีผู้หญิงมายุ่งกับผม”

“นายจะยุ่งกับเธอก็ได้ แต่เราจบกัน ข้อตกลงทุกอย่างจะถูกทำลายหายไป แล้วก็...ฉันจะไปจากที่นี่” ดูเหมือนว่าสิ่งสุดท้ายจะทำให้จักรกลัวที่สุด

ไม่ต้องสมหวังก็ได้ แต่ขอให้เห็นของเจ้าจอมเป็นพอ

“ผมเป็นคนไม่เจ้าชู้ รักเดียวใจเดียวมาตลอด ถ้าคุณจอมยังไม่เชื่อ ก็รอดูผมไปสักพักก็ได้ครับ ผมไม่ได้คบกับใครตั้งแต่วันที่รู้ว่ารักคุณ”

“ฮะๆ นายกำลังบอกรักฉันอีกแล้วนะ บางทีก็คิดว่าฉันจะเขินบ้างก็ได้” ร่างบางหัวเราะน้อยๆ ใบหน้าแดงซ่านประกอบประโยคที่ว่าออกไป

“ผมชอบที่จะเห็นคุณจอมหน้าแดง”

“บ้า”

“ดีใจเหลือเกินที่คุณจอมเขินเพราะผม” คำพูดที่แสนจะตรงของร่างใหญ่ ทำเอาเจ้าจอมเริ่มทำตัวไม่ถูก ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นคนที่เก็บอาการค่อนข้างเก่ง

“หยุดพูดเลยนะ ปากดีจริงๆ”

“คุณจอมรู้ได้ไงว่าผมปากดี ลองชิมแล้วหรือครับ” ถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ทำให้เจ้าจอมรู้สึกว่าจักรคนเดิมกลับมาแล้ว จักรที่ชอบตะโกนแซวจีบเขาอย่างกวนประสาททุกครั้งที่เขาไปจ่ายเงินคนงาน

คนที่ชอบทำหน้าตาเจ้าเล่ห์และเจ้าชู้ใส่เขาเสมอ...

“ไอ้บ้า!! กลับไปได้แล้วไป เดี๋ยวจะมืดเอา” ไล่เสียงดัง มองไปทางหน้าต่างก็พบว่ามันก็เริ่มพลบค่ำแล้ว กลัวว่าจักรจะเดินกลับบ้านลำบาก

“ผมอยู่ฝากท้องที่นี่ไม่ได้หรือครับ”

“ก็เดี๋ยวมันจะมืดเอา นายจะกลับบ้านลำบาก”

“ไม่เป็นไร ผมกลับได้”

“ดื้อจังนะ ฉันขออาบน้ำก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวจะมาทำให้กิน” ร่างบางบอกพลางลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินหายไปจากห้องโถงหน้าบ้าน เพราะเป็นบ้านพักไม่ใหญ่มาก เมื่อเปิดประตูมาก็เจอห้องโถงทันที

“ชื่นใจจัง เหมือนฝันเลยกู”

ระหว่างที่นั่งรอร่างบางอาบน้ำ เขาก็คิดถึงเรื่องราวต่อจากตอนนั้นต่อทันที...เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าเพราะอะไร จักรถึงได้รักเจ้าจอมมากมายเหลือเกิน...


หลังจากวันนั้นที่เขาเจอกับเจ้าจอมก็เหมือนว่าวงโคจรของเขาทั้งสองจะต้องกัน เพราะไม่มีวันไหนที่จักรจะไม่เห็นหน้าร่างบาง ขนาดเขาอยู่ที่สวนร้อนๆ ก็ยังเจออีกคนมาเดินเล่นราวกับตั้งใจ

“ไม่ร้อนหรือไงกันนะ” เขาได้แต่พึมพำ หากแต่มือก็ทำการตัดหญ้าไปด้วย

อ่า...สวยจังวะ

มันต้องเป็นเพราะแสงแดดแน่ๆ เลยที่ทำให้ร่างเล็กดูเจิดจรัสขนาดนั้น เหมือนนางฟ้าเดินดินเลย แม้จะแปลกใจที่คิดว่าผู้ชายคือนางฟ้า แต่คำนี้ก็เหมาะสมกับอีกคนจริงๆ

และเพราะมัวแต่มองหน้าของเจ้าจอม จักรเลยไม่ทันระวัง ทำให้ใบตัดหญ้าที่กำลังหมุนรุนแรงนั้นกระทบเข้ากับหินจนมันกระเด็นไปโดนกับเจ้าจอมที่เดินมาใกล้ๆ พอดี

“โอ้ย!!”

“คุณจอม!!!” ตอนนั้นร่างสูงเป็นห่วงเจ้านายอีกคนแบบไม่คิดชีวิต จนลืมปิดเครื่องตัดหญ้าไป แต่เดี๋ยวมันก็หยุดเองเพราะไม่มีคนบังคับ

“เจ็บจังเลย”

“โดนตรงไหนครับ”

“ตรงอกน่ะ สงสัยคงจะช้ำแน่ๆ ทีหลังก็ระวังหน่อยนะ ถ้าใบพัดมันหักมานี่คงจะอันตรายกว่านี้” ร่างบางเอ่ยตำหนิด้วยสีหน้าที่จริงจัง มือก็ลูบอกที่มีผ้าบางๆ กั้นอยู่เบาๆ

“ขอโทษด้วยนะครับ หินใหญ่ไหมครับ”

“มันไม่ใหญ่หรอก แต่มาแรงมาก ดูสิ ช้ำมากเลย ฮือ” ร่างเล็กปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกเผยให้เห็นผิวขาวๆ ที่เด่นชัดด้วยรอยแดงที่สาเหตุมาจากความใจลอยของจักรเอง

“ขอโทษนะครับคุณจอม ไอ้จักรไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“อือๆ ไม่ได้ว่าอะไร แค่ให้ระวัง”

“คุณจอมรีบไปทายาเถอะครับ เดี๋ยวมันจะช้ำหนัก” เขาบอกให้เจ้านายไปหายาทาทันที และอยู่ตรงนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ เพราะสายตาหลายๆ คนก็เริ่มจับจ้องมาที่ผิวของเจ้าจอม ซึ่งตอนนั้น จักรรู้สึกหงุดหงิดมาก รู้สึกหวงร่างกายนี้แปลกๆ แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรมาก

“อืม...รีบจัดการให้เสร็จด้วยล่ะ”

“ครับ”

วันต่อมาร่างสูงพยายามเลี่ยงงานที่เจอว่าเจ้าจอมอยู่แถวนั้น เพราะกลัวว่าตัวเองจะใจลอยแล้วเกิดปัญหาอีก เขาปีนต้นไม้เพื่อไปตัดกิ่งไม้ที่ใกล้หัก เสี่ยงต่อการหักมาโดนลูกค้า ไม่ทันเห็นว่าร่างบางของเจ้าจอมเดินมาทางนี้ กิ่งไม้เลยตกลงไปเกือบจะโดนตัวของเจ้าจอม โชคดีที่มันไม่โดน หากแต่ความตกใจของคนน่ารักก็ทำให้ส่งเสียงออกไป

“อ๊ะ!!! อะไรเนี่ย กิ่งไม้หล่นมาได้ยังไง เกือบไปแล้วเนี่ย”

“คุณจอมหรือครับ เป็นอะไรครับ ผมตัดกิ่งไม้โดนคุณจอมหรือครับ” น้ำเสียงร้อนรนกลัวว่าร่างบางจะเป็นอะไรทำให้คนตัวใหญ่ที่รีบลงจากต้นไม้พลัดตกลงมาแผ่นหลังกระแทกกับพื้นหญ้าเต็มๆ แต่มีดอีโต้ที่ถืออยู่นั้นก็ตอนตกลงมาเขาก็จับพลาดจนมันบาดแขนเขาเป็นทางยาวเลือดไหลออกมาไม่หยุด

“นาย!!!” เจ้าจอมตกใจมาก เพราะเพิ่งจะเคยเห็นคนตกลงต้นไม้แล้วโดนมีดบาดอีก ทำอะไรไม่ถูก โดยสัญชาตญาณที่ชอบช่วยเหลือก็วิ่งไปหาแบบไม่กลัวสิ่งใด

“คุณจอมเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

“ไอ้คนบ้า!! ตัวเองน่ะเจ็บยังจะมาห่วงคนอื่นอีก เลือดไหลออกมาไม่หยุดเลย ทำไงดีล่ะ จริงสิ! ต้องห้ามเลือดก่อนล่ะนะ” มองซ้ายขวาเพื่อหาของจะมาห้ามเลือด จะใช้เสื้ออีกคนก็สกปรกเกินไป เจ้าจอมเลยตัดสินใจคว้ามีดอีโต้นั้นมาตัดเสื้อตัวเอง แล้วฉีกเอาไปมัดแขนของจักร

แควก!!!

“คุณจอมทำอะไรครับ” ร่างใหญ่เบิกตากว้าง มองคนที่ฉีกเสื้อราคาแพงของตนมาห้ามเลือดให้เขา ดวงตากลมใสเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา จนจักรสงสัยว่าเจ้าจอมเจ็บตรงไหน ทำไมทำเหมือนจะร้องไห้

“เจ็บมากไหม” เสียงสั่นเครือถามขึ้น ดวงตาหวานที่น้ำตาไหลแล้วช้อนมอง ทำเอาใจแกร่งกระตุกแล้วเต้นระรัว ความรู้สึกที่เคยมีกับคนๆ หนึ่งมันกลับมาอีกครั้ง

และคราวนี้...มันมากกว่าเดิม

“ไม่ครับ แต่เสื้อของคุณจอม” ร่างสูงหลุบตาต่ำมองเสื้อที่ขาดวิ่นของเจ้าจอมอย่างรู้สึกผิด จนเจ้าจอมต้องตะคอกกลับ

“ช่างเสื้อเถอะน่า!!!”

“ครับ”

“ฉันจะไปตามคนมาแบกนายไปโรงพยาบาล อยู่เฉยๆ ล่ะ”

“ครับ”

“ห้ามขยับตัวนะ เดี๋ยวแผลอาจจะฉีกมากกว่าเดิม”

“ครับ”

“แล้วก็ไม่ต้องคิดจะลุกขึ้นเดินไปเองนะ”

“ครับ”

“เข้าใจนะ”

“ครับ”

ดีที่เจ้าจอมไม่กำชับอะไรเขาอีก เพราะตอนนั้น จักรเริ่มรู้สึกหน้ามืดเพราะเลือดที่ไหลออกมามากนั้นแล้ว โชคดีที่มีคนมาช่วยไว้ได้ทัน ภาพสุดท้ายที่จักรเห็น คือภาพที่เจ้าจอมกำลังเรียกเขาก่อนที่จะหมดสติไป พร้อมๆ กับรู้ใจตัวเองว่า ตอนนี้ตนกำลังหลงรักผู้ชายคนนี้อยู่...

จักรรักเจ้าจอม ตั้งแต่วันนั้น...

มากขึ้นทุกวันๆ จนกระทั่ง...

วันนี้ก็ยังรักอยู่ และมากกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ


“นายไปอาบน้ำก่อนสิ เหม็นกลิ่นเหงื่อ ออกมาจะได้กินข้าวเลย” คนน่ารักสั่งเมื่อตนเตรียมตัวจะไปทำอาหารในครัว ซึ่งจักรได้ยินแบบนั้นก็หูตั้ง

“แต่ผมไม่มีชุด”

“มันมีชุดของฉันตัวใหญ่ๆ วางอยู่แถวนั้น มีกางเกงด้วย ฉันขอพี่รามมาเพราะคิดว่าใส่ได้ ไซส์นายกับพี่รามคงจะเท่ากัน ยังไงก็คงใส่ได้ แล้วถ้านายใส่ได้ก็เอาไปเลย”

แต่ความจริงแล้ว ขอมาเตรียมไว้เพื่อการนี้แหละ...

“ครับ ขอบคุณนะครับคุณจอม”

“อือ”

มันเป็นโชคดีของไอ้จักรจริงๆ ได้ใช้ห้องน้ำห้องเดียวกับคุณจอม สบู่กลิ่นเดียวกัน แชมพูอันเดียวกัน อ่า...แค่นี้กูก็นอนตายตาหลับแล้วโว้ย!!







100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

   คอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ^_^

   หากมีอะไร อยากพูดคุย ทวงนิยาย ก็ไปที่แฟนเพจได้เลยค่ะ  https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 21-04-2016 18:01:06
 :hao6: แหม่...จักร..จับจอมปล้ำเลย..อ่ะ...หรือให้จอมปล้ำจักรดีหว่า.. :m20:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-04-2016 20:09:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 21-04-2016 20:20:53
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ben10 ที่ 22-04-2016 02:28:53
อยากอ่านคู่หลักกกกกกกมากกกกง่าาา งื้อออ จะรอดูวันที่อิรามโดนอินเอาคืนนนน ฮึ้ม!!! :m16:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-04-2016 02:44:26
 :serius2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 22-04-2016 11:49:05
จอมเจ้าเล่ห์จังเลย จักรดูไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรซักอย่าง
ชอบมากี่ปีละ โอย ต้องสู้นะ เค้าเปิดทางให้ขนาดนี้แล้ว
อยากคู่หลักค่ะ จะรอ ๆ แต่ว่าตอนหน้าเป็นคู่ของหมอ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 22-04-2016 19:07:09
 :m16:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 22-04-2016 20:01:54
จักร..แกแลดูโรคจิตมากกกกก
5555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 23-04-2016 00:00:04
 :katai5: ลุ้นทุกคู่ มันทุกตอน ( ให้มันได้อย่างนี้ :เสียงสูงๆ) รอๆๆๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-04-2016 20:09:12
รามบ้าบอ ไม่มีเหตุผล ต้องชอบทุกคนที่เข้ามาหรอ สงสารอิน ธีร์รีบหาอินให้เจอนะ

อินทนมาก ยอมเยอะมาก

ฮาเจ้าจอมและจักร เจ้าจอมต้องชัดเจนนะ 55

ขรรค์กับเงินต้องสู้จ้า มาตามหาขนาดนี้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 02-05-2016 18:55:49
หายไปไหนคัฟมาปูเสื่อรอแล้วคัฟ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 11 100% == (21/4/59) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-05-2016 09:32:22
รอ..ชั้นรอเทออยู่..ยู้วววฮูววววว
มาต่อเหอะน้าาา~~
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 50% == (12/5/59) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 12-05-2016 22:36:28
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 12
พิสูจน์หัวใจ




‘ลูกฉันตัดสินแต่งงานกับหนูสา เพราะฉะนั้นนายก็คงรู้ว่าควรจะทำยังไง ออกไปจากชีวิตตาเงินซะ แม้ว่าการแต่งงานนี้ตาเงินจะทำเพื่อช่วยครอบครัวหนูสา และรักษาสัญญาระหว่างครอบครัว แต่สักวันหนึ่งทั้งสองก็ต้องรักกัน อย่าถ่วงชีวิตลูกฉัน จัดการให้เรียบร้อยซะ!!’

‘แต่คุณหญิงสัญญาไว้แล้ว ว่าถ้าเงินยอมแต่งงานเป็นเวลาสองปี คุณจะยอมปล่อยเงินกลับมาหาผม คุณจะให้เรารักกัน’

‘ก็แล้วไงล่ะ คิดว่าฉันจะทำอย่างนั้นจริงๆ หรือไง คิดว่าคนเป็นแม่จะทนได้เหรอ จะมีความสุขหรือไงที่เห็นลูกตัวเองต้องรักและคบกับผู้ชายเหมือนกัน’

เมื่อได้ยินแบบนั้น ความหวังที่แสนริบหรี่ หวังว่าอีกสองปีพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันก็ดับมอดสนิท มืดมิดมองไม่เห็นแสงสว่าง เลยไม่รู้จะออกยังไง

‘ขอร้องล่ะครับ เราสองคนรักกันจริงๆ’

‘รักได้ก็เลิกรักได้ ถ้านายรักตาเงินจริง ก็ช่วยเห็นแก่อนาคตของตาเงินด้วย อย่าฉุดให้ลูกฉันอยู่กับคนที่ไม่มีอะไรอย่างนายเลย’

เจ็บปวด รวดร้าว บาดลึกเข้าไปจนหายใจแทบจะไม่ออก

อย่าฉุดให้ลูกฉันอยู่กับคนที่ไม่มีอะไรอย่างนายเลย

ความรู้สึกของเขาในตอนนี้บอกได้เลยว่ามันเจ็บปวดมาก เขาไม่ได้อยากจะปล่อยมือจากเงินจริงๆ แต่ก็ต้องทำสินะ ยังไงซะ เงินกับสาก็เป็นคู่ที่ดูเหมาะกันมาก

สักวันหนึ่งอาจจะรักกัน ในวันนั้นเขาอาจจะเจ็บอีก สู้เจ็บตอนนี้ไปเลยดีกว่า และเงินจะได้เจอกับอะไรที่มันดีกว่าอยู่กับคนจนๆ อย่างเขา

‘ผมจะทำครับ’

‘ดีมาก แล้วไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายอีกล่ะ ลืมตาเงินซะ’

‘ครับ...คุณผู้หญิง’

ร่างสูงยืนขึ้นแล้วโค้งให้กับแม่ของเงินที่นัดเขาออกมาพบที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งขรรค์รู้ดี ว่าการมาพบครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะมีโอกาสได้พบกับแม่ของเงิน

ขรรค์เดินทางกลับไปยังห้องพักของพวกเขาที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่คบกันใหม่ๆ จนกระทั่งปีนี้เป็นปีที่เจ็ดที่พวกเขาคบกัน และมันก็กำลัง...จะจบลง

‘มาแล้วเหรอ กับข้าวเสร็จพอดีเลย’ ร่างโปร่งบางของหมอเงินยิ้มต้อนรับคนรักที่กลับเข้ามาในบ้าน ‘ทำไมหน้าเครียดๆ จัง’ ถามเสียงอ่อนโยนด้วยความเป็นห่วง

‘เปล่าหรอก’

‘เสียงและสีหน้าแบบนี้ มีอะไรเครียดๆ หรือเปล่า บอกเรามาสิ’ เงินถามด้วยความกังวล เริ่มรู้สึกว่าคนรักผิดปกติ

แต่เมื่อสบตากัน เงินก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือเรื่องอะไร ดวงตาสวยน้ำตาเอ่อคลอ เมื่อสายตาของขรรค์กำลังมองเขาอย่างเจ็บปวด และนั่น...มันทำให้เงินรู้สึกกลัว

‘เงิน...’

‘ไม่ๆ ขรรค์ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย กินข้าวก่อนนะ แล้วเราค่อยคุยกัน ขอเงินทำใจก่อน’ ร่างสูงโปร่งเดินหนี พยายามเลี่ยงขรรค์อย่างถึงที่สุด

แม้ว่ายังไงเราก็ต้องจากกัน...เงินก็ขอยื้อเวลานี้เอาไว้ให้นานที่สุด

‘อย่าหนีปัญหาเลยเงิน’

อึก!

ร่างโปร่งชะงักเท้าอยู่กับที่ น้ำตารินไหลลงมาอย่างที่ร่างสูงใหญ่ไม่เห็น

‘เราต้องยอมรับความจริงว่าเราไปกันไม่ได้’ ขรรค์พูดเองก็เจ็บปวดเอง ถ้าเป้นไปได้ เขาไม่อยากพูดจาทำร้ายคนรักแบบนี้ เขาไม่อยากปล่อยมือเงิน

อยากจับมือคู่นั้นให้แน่นที่สุด อยากพาคนตรงหน้าหนีไปด้วยกัน แต่เขาทำไม่ได้ เงินมีอนาคตที่ดี ตรงข้ามกับเขาที่ยากจน ไม่มีอนาคต เรียนจบออกมาก็หางานทำไม่ได้

‘ไปกันไปไม่ได้ หรือว่าขรรค์ไม่สู้’

‘เงิน...ขรรค์สู้แล้ว’ สู้ในแบบของเขา สู้ในแบบที่จำเป็นต้องปล่อยมือคนรัก

‘สู้อะไร ฮึก ขรรค์สู้อะไร เราต้องยอมแต่งงานกับคนที่ไม่รัก แต่ขรรค์กลับจะทิ้งเราไปแบบนี้มันหมายความว่ายังไง ขรรค์ไม่รักเราแล้วก็บอกมา ฮึก...อย่าหาเหตุผลที่จะจากเราไปเลย ฮือ แค่พูดมาว่า...ไม่รัก อึก กันแล้ว’ หมอเงินร้องไห้ออกมา พูดกับคนรักปนเสียงสะอื้น ตัวสั่นอย่างที่ขรรค์อยากจะโอบกอดไว้แนบออกเหมือนที่ทำมาตลอดเจ็ดปี

แต่วันนี้เขาทำไม่ได้

‘ทำไมเงินพูดแบบนี้ เรารักเงินนะถึงต้องปล่อยเงินไป’

‘ปล่อย!? ขรรค์เรียกปล่อยเหรอ ฮึก แบบนี้มันเรียกว่าทิ้ง!! ขรรค์กำลังทิ้งเรา!!!’ เสียงสั่นของเงินตะคอกออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

‘เงินใจเย็นๆ สิ’

‘จะให้เราเย็นได้ยังไง ฮึก คนที่เงินรัก เขากำลังจะทิ้งเงิน ฮือ...เงินสู้เพื่อที่จะได้รักกับเขา แต่เขากำลังเดินหนีไป!!!’

มือหนากำหมัดแน่น มองใบหน้าของคนที่เขารักอย่างเจ็บปวด น้ำตาไหลออกมาไม่ต่างกัน เจ็บปวดไม่ต่างกัน ทั้งๆ ที่ขรรค์รักเงินมากพอที่จะตายแทนได้

แต่วันนี้...เขากำลังฆ่าเงิน ฆ่าคนที่เขารักทั้งเป็น…

‘แล้วเงินจะให้ขรรค์อยู่ทั้งๆ ที่คนที่ขรรค์รักแต่งงานอยู่กินกับคนอื่นเหรอ เงินคิดว่าขรรค์ใจกว้างนักใช่ไหม!!’

พูดอะไร? มึงพูดอะไรของมึง...

‘ขรรค์...คิดแบบนี้เองหรือ’ เสียงของเงินเหมือนจะหมดแรงลงตรงนั้น มองคนรักด้วยสายตาทั้งรักทั้งผิดหวัง

‘ใช่สิ!! ถ้าเป็นเงินล่ะ ขรรค์ต้องแต่งงานกับคนอื่นบ้าง เงินจะรู้สึกยังไง คงรู้สึกยินดีอยู่หรอกใช่ไหม’

ไม่!! มันไม่ใช่แบบนั้นนะเงิน...

ทุกอย่างที่เขาคิดกับพูดมันช่างไม่ตรงกัน ไม่แปลกใจเลยที่จะทำให้คนรักของเขาร้องไห้จนทรุดนั่งกับพื้นไปต่อหน้าตาตาแบบนี้

‘ฮึก...มันไม่จริงใช่ไหม ฮือ...บอกเรามาว่าที่ขรรค์พูด มันไม่ใช่สิ่งที่ขรรค์ ฮึก คิดจริงๆ’

‘อย่าหลอกตัวเองเลยเงิน เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นปล่อยเราไป เงินก็เดินไปข้างหน้าไปเรื่อยๆ ไม่ต้องหันกลับมาแล้ว’

อย่าเพิ่งสั่นนะขรรค์ อย่าทำให้ทุกอย่างพัง

‘ถ้าเราจะไม่แต่งงาน....ฮึก เราหนีไปด้วยกัน ฮือ...ขรรค์จะทำไหม’ เสียงสั่นเครือปนเสียงสะอื้นของเงินมันบาดลึกเข้าไปในใจของร่างสูงมาก

แต่ขรรค์ไม่มีทางเลือก...

‘เงินทำแบบนั้นไม่ได้’

‘ทำไมล่ะ’

‘เงินทิ้งแม่ของเงินได้ลงคอเหรอ ท่านรักเงินมากนะ เงินจะทำให้ท่านเจ็บปวดไม่ได้’ ขรรค์พูดเสียงเครียด เพราะเจ็ดปีที่คบกันมา เงินเป็นคนพูดจริงทำจริง ไม่มีลังเล

‘แล้วเราล่ะ เราก็รักขรรค์มากเหมือนกัน ฮึก ทำไมขรรค์ถึงทำให้เราเจ็บปวด’ พอเจอคำถามนี้ขรรค์ถึงกับไปไม่เป็น มองหน้าที่แสนทรมานของคนที่รักที่สุดอย่างเจ็บปวด

‘เราก็รักเงิน แต่เงินรู้ไหม...แค่ความรัก แค่เราสองคน มันไม่พอหรอกนะ’

มันต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย เงินเป็นถึงหมอ ต้องเป็นคนที่น่าเชื่อถือและน่าเคารพ จะมาแปดเปื้อนเพราะคนไม่มีอะไรอย่างเขาไม่ได้...

‘สำหรับเรามันพอ!’

‘แต่มันไม่พอสำหรับคนอื่น!!!’ ขรรค์ตะโกนกลับไป

อยากจะชกตัวเองให้แรงๆ ชกที่ปากนี่ ปากที่กำลังทำร้ายจิตใจของคนรักไม่หยุดหย่อนแบบนี้

‘ทำไม ฮึก ทำไม? แค่ความรักของเรา ฮึก ทำไมต้องมีคนอื่น...’

‘เรา...จบกันแค่นี้เถอะนะ ขอให้เงินโชคดี’ สองเท้าใหญ่รีบเดินเข้าห้องนอนไปแล้วล็อกประตูอย่างหนาแน่น ทิ้งตัวเองลงตรงประตูแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดแสนจะเจ็บปวดไม่แพ้คนด้านนอก

‘ฮืก...ขอโทษ เราขอโทษ เรารักเงินนะ เรารักเงินมาก เราขอโทษ’ ขรรค์พึมพำเบาๆ ทั้งขอโทษ ทั้งบอกรักอยู่แบบนั้น อย่างไม่รู้จักเหนื่อย

ในวันนั้น พวกเขาร้องไห้กันทั้งวัน ไม่มีใครขยับไปไหน ร้องไห้จนร่างโปร่งบางสลบไปด้วยความเหนื่อย ขรรค์เลยฉวยโอกาสนี้พาคนรักไปส่งที่บ้านของเงิน ส่วนตัวเขาเอง...ก็ออกเดินทางไปต่างจังหวัดทันที

เรารักกันมาก...แต่เราอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน




คิดถึงวันนั้นแล้วขรรค์ก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ คิดว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าคนที่รัก แต่วันนี้เงินตามเขามาถึงที่นี่ ขอบอกตามตรงว่าวันที่ได้เห็นเงินตรงหน้า ใจของเขาลอยไปโอบกอดอีกคนอย่างแนบแน่นแล้ว แต่ร่างกายมันไม่ยอมขยับ และนั่นมันก็ดีแล้ว

เงินควรจะอยู่กับภรรยาของเขา ทำไมต้องมาตามขอคืนดี ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็รู้สึกดีใจ ใจไม่รักดีเต้นรุนแรงอีกครั้ง หัวใจรู้สึกได้รับน้ำมาหล่อเลี้ยง ที่เห็นคนที่ตัวเองรักมาตลอดมาปรากฏใกล้ๆ ด้วย

“มึงอย่าได้คิดจะถลำลึกอีก ถ้าไม่อยากเจ็บอีกครั้ง” เตือนตัวเองเสียงเครียด เพราะตลอดสามปีที่เราจากกัน ร่างสูงก็เอาแต่คิดถึงเงินมาตลอด

ไม่คิดจะมีใคร แม้จะมีคนอื่นเข้ามาจีบ เข้ามาเพื่อจะสานสัมพันธ์ แต่ขรรค์ก็ปฏิเสธไป เพราะใจยังรักและภักดีต่อเงินไม่เปลี่ยนแปลง

ครั้งแรกในรอบสามปีที่เจอกัน เขาได้ยินคำว่าขอโทษมานับครั้งไม่ถ้วน ฟังเงินพร่ำว่าตัวเองผิดอย่างนั้น ขอโทษ ขออภัยในสิ่งที่เงินไม่ผิด ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนผิดแต่ก็ไม่คิดจะพูดแก้ต่างให้กับเงิน ปล่อยให้เงินเข้าใจว่าตัวเองผิด ทั้งๆ ที่เงินทำเพื่อความรักของพวกเรา

“เราต่างหากที่ผิด เราต่างหากที่ขี้ขลาด เราต่างหากที่ทำร้ายเงิน ไม่ใช่เงินทำร้ายเรา คำพูดร้ายกาจพวกนั้นทำให้เงินต้องเข้าโรงพยาบาล ตรอมใจอยู่หลายอาทิตย์กว่าจะกลับมาทำงานได้ ใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม” ขรรค์เหม่อมองออกไปตามทุ่งหญ้า ซึ่งมันเป็นบ้านพักอีกหลังของเขา ที่เขารู้ว่าคนรักเป็นยังไงตั้งแต่วันที่เขาจากมา เพราะเขามีสายจากคนใกล้ตัวของเงิน จนกระทั่งเงินหายดีนั่นแหละ เขาก็ปิดการติดต่อจากทุกคนหมด

บ้านไร่แห่งนี้ มันอยู่ไกลมากต้องเดินผ่านป่าที่อยู่ด้านหลังบ้านพักเก่าๆ ที่อินทัชพักอยู่ถึงสองกิโลกว่าๆ ในทุกวันหยุดของเขา เขาจะมาที่นี่ เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขา

บ้านไร่ที่ครั้งหนึ่งเราสองคนวาดฝันเอาไว้ว่าจะสร้างมันอยู่ด้วยกัน

เขาทั้งปลูกสวนผลไม้ ปลูกสวนผัก มีไร่ข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ ผลผลิตที่ได้ก็ส่งขายไปตลาด จ้างคนงานมาดูแล เขามีเงินเก็บอีกทางหนึ่ง ที่นี่เขาเป็นเจ้านายของคนงานกว่าสามสิบคน บ้านนี้ใหญ่กว่าบ้านพักที่รีสอร์ท แต่ไม่ได้ใหญ่มากมาย พออยู่อย่างอบอุ่น และเขาสร้างตามที่เงินเคยชี้ให้ดูตอนที่นอนอ่านหนังสือด้วยกันคราวที่ยังคบกันอยู่

ถ้าไม่มีรามินทร์ ขรรค์ก็ไม่มีทรัพย์สินมากมายขนาดนี้เช่นกัน แม้ว่าเขาจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองแต่ก็ยังทำตัวเหมือนเดิมคือใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ทำงานที่รีสอร์ท สลับมาพักที่บ้านไร่ของเขา ที่นี่ทำกำไรให้ขรรค์มหาศาลแต่เงินทุกบาททุกสตางค์ก็นอนนิ่งอยู่ในธนาคารเพราะไม่รู้จะใช้ทำอะไร

“นาย นายครับ” ระหว่างที่ขรรค์นั่งอยู่บนแคร่มองไปยังทุ่งหญ้าที่มีวัวกับแพะกำลังเดินไปมากินหญ้าอย่างอร่อยนั้น ลูกน้องของเขาก็เดินเข้ามาเรียกจนร่างสูงใหญ่สะดุ้ง

“มีอะไร”

“มีคนมาหาครับ”

“ใคร?” ร่างสูงขมวดคิ้ว

“คุณเขาเป็นหมอครับ ชื่อหมอเงิน มาหานายครับ”

พรึ่บ!!

เขาลุกขึ้นเดินไปตามทางกลับไปยังบ้านทันทีเพื่อได้ยินชื่อคนมาเยือน ในหัวก็มีคำถามมากมาย ใจเต้นแรงกลัวว่าเงินจะจำได้ว่าบ้านไร่นี้ เป็นแบบที่เงินอยากได้ทั้งหมด กลัวว่าเงินจะมีหวังแล้วไม่ยอมล้มเลิกเรื่องการคืนดี

แต่ยิ่งไปกว่านั้น...เงินมาที่นี่ได้ยังไง เพราะทางเดียวที่จะมาถึงที่นี่ได้มีเพียงเดินลัดผ่านป่าเท่านั้น เนื่องจากถนนใหญ่มันจะไปทะลุอีกอำเภอ ซึ่งมันไกลมาก

“ให้ตายสิ ไอ้อินแน่ๆ” เขาบ่นไปตามทาง เมื่อไปถึงสวนหน้าบ้าน เขาก็พบว่าเจ้าของแผ่นหลังบางนั่นกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะไม้ตัวเล็กใต้ร่มไม้ที่เงินเคยบอกว่าอยากได้

ร่างสูงก้าวไปข้างหลังของเงิน เสียงเดินทำให้ร่างโปร่งบางรู้ว่ามีคนกำลังมา เลยหันหน้ามามอง ก่อนจะยิ้มหวานออกมาอย่างดีใจที่เห็นเขา

“ขรรค์...”

“เงินมาที่นี่ได้ยังไง?” ถามเสียงดุๆ แทรกก่อนที่เงินจะพูดอะไรออกมา แสร้งทำเป็นเหมือนว่าโกรธมาก ส่งผลให้ใบหน้าขาวสะอาดของหมอเงินเจื่อนไป

“เราเดินมา มันมีทางเดินที่ถูกทำไว้ คิดว่าจะทำให้มาหาขรรค์ได้ เราก็เลยเดินมาเรื่อยๆ” คนตัวเล็กกว่าตอบเสียงอ่อย

“แล้วทำไมไม่คิดบ้างว่าทางนั้นอาจจะพาเงินไปที่อื่น ถ้าหลงป่าจะทำยังไง ในป่ามีแต่สัตว์อันตรายทั้งนั้น ต่อไปไม่ต้องมาแล้วนะเงิน”

ที่ว่าทั้งหมดนั่น เขาก็แค่เป็นห่วง

“แต่เราอยากมาหาขรรค์นี่ ขรรค์อยากหลบหน้าเราเอง”

“เราไม่ได้หลบ แต่นี่มันวันหยุด เราก็กลับบ้านปกติ” ขรรค์ตอบ เสมองไปที่อื่น

“บ้านสวยนะขรรค์” จู่ๆ เงินก็ชมขึ้นมามองรอบๆ ด้วยรอยยิ้มกว้าง ทำเอาขรรค์ใจเต้นแรงด้วยความดีใจที่เห้นว่าเงินชอบมัน เพราะบ้านไร่นี้ เขาสร้างมันเพื่อเงิน สร้างเพื่อที่จะได้รู้สึกว่าอยู่กับเงินตลอดเวลา

ในทุกๆ วันหยุดเขาจะจินตนาการตลอดว่าทำอะไรกันบ้างในบ้านหลังนี้ มองเงินเดินไปนั่น ทำนี่ แม้จะเป็นเพียงความเพ้อฝัน แต่ขรรค์ก็มีความสุขที่ได้ทำ

“ขอบคุณ”

“เก่งจังเลย สามปีมีบ้านไร่เป็นของตัวเอง ที่นี่คงเป็นทั้งบ้านแล้วก็ธุรกิจของขรรค์สินะ มิน่าล่ะใครต่อใครก็เรียกว่าสวรรค์ มันสวย มันร่มรื่น ร่มเย็นเหมือนได้ขึ้นสวรรค์จริงๆ” เงินยังพูดต่อไป มองรอบๆ อย่างหลงใหล และซึ้งใจที่ขรรค์ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ แม้ว่าไม่ได้สร้างมันขึ้นมาด้วยกันก็ตาม

มันทำให้รู้...เรายังรักกันอยู่

เขารู้ รู้ว่าทำไมขรรค์ถึงได้สร้างบ้านแบบนี้ ทำไมถึงปลูกผลไม้พวกนั้น ทำไมต้องปลูกผักเหล่านั้น ทำไมต้องเลี้ยงสัตว์แบบนั้น เพราะทุกอย่าง คือสิ่งที่เงินพูดวาดฝันเอาไว้ แล้วขรรค์ก็ทำมันออกมาได้เหมือนสุดๆ

“ขรรค์...ไม่ได้เลิกรักเราหรอกใช่ไหม บ้านไร่ในฝันของเงิน ขรรค์เป็นคนสร้างมันเพราะเงินใช่ไหม” ถามออกมาเสียงสั่น สบตากับคนรักที่เลิกกันมาสามปีอย่างสุดแสนจะรัก ขรรค์พูดไม่ออก ทำได้เพียงยืนนิ่งๆ มองหน้าดวงใจของเขาอย่างเจ็บปวด

จะทำยังไง...ล้มเลิกทุกอย่างแล้วคว้าคนตรงหน้ามากอด หรือจะเลือกทำร้ายคนๆ นี้อีกครั้ง...

“บอกเราสิขรรค์ รักเรามันยังเท่าเดิมใช่ไหม มันยังเหมือนใช่หรือเปล่า” น้ำตาของหมอเงินไหลเอ่อออกมาอย่างสุดแสนจะอดกลั้น

ไม่...ไม่เงิน มันไม่เหมือนเดิม มันไม่เท่าเดิมแล้ว...

แต่มันมากกว่าเดิม รักที่ขรรค์มีให้เงิน มันมากขึ้นทุกๆ วัน ยิ่งไม่เห็นหน้า ยิ่งคิดถึง ยิ่งอยากจะลืม ยิ่งโหยหา...รักกว่าสิบปีของเรา เงินคิดว่ามันจะหมดลงง่ายๆ หรือไง

“เงินหิวหรือเปล่า เราจะให้แม่บ้านทำอะไรให้กิน” ร่างสูงเปลี่ยนเรื่อง ยิ่งทำให้เงินร้องไห้หนักมากขึ้น

ภาพตรงหน้าเหมือนวันนั้นไม่มีผิด วันที่เงินร้องไห้ปานจะขาดใจตายไปต่อหน้าต่อตาเขา ขรรค์ไม่อยากเห็นแบบนั้นอีกแล้ว เขาไม่อยากจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนๆ นี้ร้องไห้เสียใจอีกแล้ว

“จะเลี่ยงอีกนานไหม ฮึก จะหนีต่อไปอีกเท่าไหร่ ไม่รักกันแล้วจริงๆ หรือ ฮือ...”

“ตามที่เราเคยบอกเงินไปนั่นแหละ เรา...ไม่ได้รักเงินแล้ว เลิกเถอะนะ กลับไปหาคุณแม่ของเงิน อย่าทำให้ท่านผิดหวัง กลับไปหาภรรยาของเงิน อย่าทำให้เธอเสียใจ”

ขรรค์ยังคงผลักไส...

“เมื่อครบสัญญาสองปี ฮึก เราก็หย่ากับคุณสา แม่ของเราก็ไม่ว่าอะไร ท่านยอมแล้ว ท่านยอมให้เงินกับขรรค์รักกัน ท่านยอมให้เราอยู่ด้วยกัน ฮึก...” ไหล่บางสั่นไหวอย่างน่าสงสาร แต่คำบอกเล่าของเงินทำให้ร่างใหญ่ตกใจ

ไม่รู้ว่าจะเชื่อได้มากแค่ไหน...

“เงิน เงินไม่ควรทำแบบนี้กับแม่นะ ท่านรักเงินมาก แล้วเงินก็ไปทำให้ท่านเสียใจได้ยังไง” ขรรค์ไม่เชื่อในสิ่งที่เงินพูด คิดว่าร่างโปร่งบางตรงหน้าต้องทวงสัญญากับแม่จนทะเลาะกันแล้วในที่สุดแม่ก็ต้องยอมเพราะรักลูกเกินกว่าจะขัดใจได้

เงินเป็นคนเอาแต่ใจกับคนรักและครอบครัว ขรรค์รู้ดี

“เงินไม่ได้ทำอะไร ฮึก เราพูดกันดีๆ แล้วแม่ก็ยอมเพราะแม่มีหลานตามที่ต้องการแล้ว ฮือ...ขรรค์ไม่เชื่อเราเหรอ เราดูแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?” คนตัวเล็กกว่าเล่าทั้งน้ำตา จนร่างสูงใหญ่สับสนไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง แต่คำพูดของแม่เงินยังคอยตอกย้ำให้ขรรค์ไม่กล้าคิดจะกลับไป

“ต่อให้หย่ากัน หรือแม่ยอมรับ เรื่องจริงหรือโกหก เราก็เป็นเหมือนเดิมไม่ได้” ขรรค์ยืนยันเสียงแข็ง ทำเอาร่างเล็กกว่าร้องไห้หนักเข้าไปอีก

“ชีวิตนี้ ฮึก เรามีแต่ขรรค์ รักแค่ขรรค์ ถ้าชีวิตที่เหลือนับจากนี้ไม่มีขรรค์อยู่ข้างๆ ฮึก...เราก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม ขอให้ขรรค์โชคดี” เงินวิ่งออกไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าว

ทุกสิ่งทุกอย่างนับจากนี้ เขาขอเดิมพรรค์ด้วยสิ่งสุดท้ายที่จะทำ ถ้าไม่ทำให้ขรรค์กลับมา เขาก็จะไปเอง...

“เงิน!!! เงิน อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ นะ โธ่เว้ย!!” ร่างสูงสบถอย่างโมโห ก่อนจะวิ่งตามคนที่ตนรักไป ในใจก็ภาวนาไม่ให้เงินทำเรื่องบ้าๆ





50%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ถ้าลงตอนนี้เสร็จครบร้อยเปอร์เซ็นแล้ว ยูกิขอพักเรื่องไว้ก่อนนะคะ ขอปั่นต้นฉบับน้องวาโยให้บีรีทก่อน เดี๋ยวไม่ทันพิมพ์เดือนหน้าค่ะ (ขออภัยในความไม่สะดวกนี้ด้วย) ถ้าเสร็จไวจะกลับมาไวค่ะ

สามารถพูดคุย ทวงนิยาย สอบถาม ติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ที่แฟนเพจค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 50% == (12/5/59) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 13-05-2016 00:03:39
ไม่รู้ว่าใครน่าสงสารกว่ากัน เศร้าทั้งคู่
กว่าคู่หลักจะมา อีกนานเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 50% == (12/5/59) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ben10 ที่ 13-05-2016 01:31:17
สงสารรรรรรเงินนนขรรค์
ธีตามหาอินให้เจอไวๆทีเถ้อะะะะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 50% == (12/5/59) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 13-05-2016 09:24:12
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 50% == (12/5/59) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 13-05-2016 09:48:58
สงสารนะ สงสารทั้ง 2 คน แต่เห็นใจหมอเงินมากกว่า เข้าใจว่าขรรน์กลัวเจ็บ แต่ขรรค์ลืมไปรึเปล่าว่าหมอเงินก็เจ็บไม่แพ้กัน

ฮือออออออเศร้า นี่เค้าต้องตื่นมาร้องไห้แต่เช้านี่นะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 50% == (12/5/59) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-05-2016 00:32:07
เห้ออออออ อ


 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 50% == (12/5/59) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-05-2016 20:33:54
ป๊าดดดด เศร้าแท้!!
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 100% => (17/5/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-05-2016 10:45:27
ตอนที่ 12

ครึ่งหลัง



ร่างสูงโปร่งวิ่งไปยังสระน้ำเหมือนรู้ว่ามันต้องอยู่ที่นี่ แต่ความเป็นจริงเงินไม่รู้หรอกว่าสระน้ำอยู่ตรงไหน แต่ถ้าบ้าน ไร่  และสวนของที่นี่มันเหมือนกับที่เขาวาดฝันเอาไว้ สระน้ำที่ขุดเพื่อเลี้ยงปลาก็น่าจะอยู่ในที่ที่เงินเคยบอก และมันก็จริง เมื่อสระน้ำขนาดใหญ่ และดูเหมือนจะลึกมากปรากฏอยู่ตรงหน้าของเงิน เขาเดินลงไปที่ศาลากลางน้ำ ร้องไห้หนักกว่าเดิม เพราะขรรค์ใส่ใจคำพูดของเขา จนทำมันเป็นจริงทุกอย่าง

แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าเราได้อยู่ด้วยกัน

“ฮึก...ฮือ ทำไมถึงใจร้าย ทำไมไม่ให้เราได้อยู่ด้วยกัน ฮือ...” ร่างโปร่งเงยหน้ามองฟ้าทั้งน้ำตา ทั้งตัดพ้อต่อโชคชะตา ตัดพ้อฟากฟ้าที่ไม่ทำให้เรามีความสุข

สามปีที่ผ่านมาแค่หายใจไปแต่ละวันก็ลำบากแล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีกันและกันข้างกาย เงินไม่มีทางอยู่ได้... เวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ให้มันมีแค่สามปีก็พอ

เขาจะพิสูจน์ใจของขรรค์ว่ายังรัก ยังมั่นคงต่อกันหรือเปล่า ถ้าเห็นว่าเขากำลังจะตาย ขรรค์จะพูดความจริงออกมาไหม

“เงิน!! นั่นคิดจะทำอะไรน่ะ!! สระนั่นมันไม่ลึกมากก็จริงแต่ตอไม้มันเยอะนะ อย่าคิดประชดเราด้วยวิธีนี้นะ!!” ร่างสูงที่ยังอยู่ห่างจากที่ที่เงินอยู่ตะโกนสั่งร่างโปร่งที่ยืนอยู่ปลายศาลา ซึ่งเงินก็หันมามองเล็กน้อย พอเห็นว่าขรรค์กำลังจะถึง ร่างโปร่งก็กระโดนลงไปในสระน้ำอย่างไม่มีความลังเล

ตู้ม!!!

“เหี้ยเอ้ย!! เงิน...” ไม่ต้องคิดอะไรมาก ร่างสูงกระโดดตามลงไปทันที
เงินกล้าคิด เงินก็กล้าทำ ใครจะหาว่าโง่แค่ไหน แต่พิษของความรักทำให้หมอหนุ่มที่แสนฉลาดและอ่อนโยนทรมานจนไม่อาจจะอยู่คนเดียวได้ ยอมทำทุกอย่างให้ได้ขรรค์กลับคืนมา

ในน้ำ ร่างโปร่งเหมือนตรอมใจปล่อยให้ร่างของตัวเองจมอยู่อย่างนั้นหลับตาลงแล้วอยู่ในน้ำนิ่งๆ

ร่างสูงแหวกว่ายหาร่างของคนรักแต่ก็หาไม่เจอเพราะใต้น้ำมันค่อนข้างขุ่น มองไม่เห็นอะไรเลย ด้วยความร้อนใจและความกลัวที่เกาะกินจิตใจ ร่างสูงแทบจะหมดแรงตามหาคนรัก

ถ้าเงินตาย เขาก็จะตาย ตายมันไปด้วยกันนี่แหละ!

เกือบสองนาทีที่อยู่ในน้ำ เขาดำลึกลงไปจนก้นสระ สัมผัสกับร่างกายของคนรักที่อยู่ใต้น้ำ เขามองไม่เห็นว่าเงินเป็นยังไง ไม่รอช้า รีบฉุดเงินขึ้นไปเหนือน้ำ ประคับประคองร่างที่สลบไปแล้วให้ขึ้นไปยังศาลา ก่อนที่เขาจะปืนขึ้นไปตาม มือแกร่งตบที่หน้าของเงินเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะหมอหนุ่มไม่มีสติแล้ว ก็ได้แต่ปั๊มหัวใจสลับกับผายปอดด้วยความกลัว

“ขอร้องล่ะ ฟื้นเถอะ ขอแค่เงินฟื้น เรายอมทำทุกอย่างจริงๆ” เสียงของขรรค์สั่นมากขณะที่ปั๊มหัวใจให้ร่างโปร่ง

ห้ามตายนะ ห้ามตายเด็ดขาด...อย่าให้สิ่งที่เราทำเพื่อเงินต้องสูญเปล่า อย่าเอาชีวิตมาทิ้งขว้างเพราะขรรค์เลย ขอร้องล่ะ...ที่รัก

“ขรรค์รักเงินนะ รักมาก มากที่สามารถยอมปล่อยมือเพื่อให้เงินเจอคนที่ดีกว่า เพราะฉะนั้น...ฟื้นเถอะนะ ขรรค์ขอโทษ ขอโทษที่ทิ้ง ขอโทษที่ปล่อยมือ”

“แค่กๆ อึก…” ร่างโปร่งบางสำลักน้ำออกมา ก่อนที่ขรรค์จะคว้าร่างเล็กกว่าขึ้นมากอดแน่น น้ำตาไหลพรากด้วยความดีใจ และก็โกรธไปด้วย

“ข่ะ ขรรค์” เรียกชื่อคนตัวใหญ่เสียงเบา ซึ่งร่างสูงก็ผละออกมามองหน้าเงินด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ ยกมือขึ้นแล้วตบไปที่หน้าของหมอเงิน แบบไม่เบาเกินไป และไม่แรงจนเกินไป ทำให้คนที่เพิ่งผ่านการจมน้ำน้ำตาไหลด้วยความน้อยใจ และรู้สึกเจ็บที่โดนคนที่รักตบหน้า

เพี๊ยะ!!!

“ทำไมคิดสั้น ทำไมคิดทำอะไรโง่ๆ”

“เรารู้...ว่าขรรค์ต้องช่วยเราได้” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่คล้ายจะหมดแรง

“เงินกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่คิดถึงคนข้างหลังเงินบ้าง แม่เงิน ครอบครัวเงินอีก ถ้าเงินเป็นอะไรไป ไม่คิดว่าเราจะโดนครอบครัวเงินตราหน้าว่าอะไรอีกเหรอ ไหนบอกว่ารักกัน ทำไมเงินถึงเห็นแก่ตัว!!!”

“ขอโทษ ฮึก ร่ะ เราขอโทษ” พูดได้แค่นั้นร่างโปร่งก็หมดสติไปทันที

ขรรค์ยกเงินขึ้นอุ้มก่อนจะเดินพาไปยังบ้านด้วยความรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งโมโห ทั้งเป็นห่วง ที่สำคัญ เขากลัวด้วย ถ้าเมื่อกี้นี้เขาลงไปช่วยเงินไม่ได้ ไม่ใช่ว่ากลัวครอบครัวของเงินจะต่อว่าเขาที่เป็นต้นเหตุหรอกนะ แค่กลัวว่าตัวเองจะอยู่ไม่ได้ เพราะสามปีที่เขาอยู่ได้ เขาคิดเสมอ ว่าไม่ได้อยู่ข้างกายอย่างน้อยเราก็อยู่ในประเทศเดียวกัน บนโลกเดียวกัน แต่ถ้าตราบใดที่เราอยู่กันคนละโลก

ก็ขอให้เขาเป็นคนแรกที่จากไป ไม่ใช่เงิน

“นายครับ คุณเขาเป็นอะไร ให้ตามหมอไหมครับ” ลูกน้องที่เดินผ่านแถวนั้นถาม

“ตามหมอมาก็ดี เอาที่ใกล้ที่สุด ฉันจะไปรอที่บ้าน”

“ได้ครับนาย”


หลังจากที่ให้หมอตรวจแล้ว ขรรค์ก็ปล่อยให้ร่างโปร่งนอนพักอยู่ในห้องนอนของตน ส่วนตัวเองก็เดินตรวจงานคุมงานลูกน้องต่อไป จนกระทั่งถึงเวลาเย็น ขรรค์กลับมาจากสวนก็เดินขึ้นไปยังห้องนอนตัวเองพบว่าเงินยังนอนหลับอยู่ ก็เลยเข้าไปอาบน้ำก่อน

ออกมาจากห้องน้ำเขาก็ตรงไปปลุกเงินเพื่อให้ลงไปทานอาหารเย็นพร้อมกัน เพราะแม่บ้านเตรียมเอาไว้แล้ว

“เงิน...ตื่นได้แล้ว”

“อื้อ” ครางออกมาเบาๆ เมื่อโดนรบกวนเวลานอน

“ตื่นไปกินข้าว”

“อืม...” ดวงตาสวยค่อยๆ เปิดขึ้น เห็นใบหน้าคมของคนที่ตนรักอยู่ตรงหน้าก็ยกยิ้มอย่างดีใจ ไม่รู้ว่าความจริงหรือความฝัน แขนขาวยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งแล้วดึงรั้งร่างสูงให้เข้ามาใกล้ ขรรค์ที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวก็ไปตามแดงดึง จนหน้าของเขาสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ

“ขรรค์…” ร่างโปร่งบางเรียกเสียงหวาน จนใจแกร่งของขรรค์เต้นแรง

นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่พวกเขาใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ ความรู้เดิมๆ ประดังประเดเข้ามา

อยากกอด อยากจูบ อยากสัมผัส อยากจะรักอีกคนให้หายคิดถึง...

“เงิน...ปล่อยเราก่อน” แม้ว่าแรงของเขาจะมีมากกว่า แต่ก็ไม่อยากจะทำร้ายหรือทำให้เงินเจ็บ เพราะแค่นี้ อีกคนก็เจ็บมากพอแล้ว

“อื้อ...ขรรค์จะหนีเราอีก” ร่างใหญ่หยัดแขนกับเตียงใหญ่คร่อมร่างคนรักเอาไว้ นิ่งไปกับประโยคนั้นของเงิน และเมื่อร่างโปร่งพูดแบบนั้น ก็ยิ่งดึงรั้งคอแกร่งให้ขยับเข้ามาอีก จนปลายจมูกแทบจะชนกัน

“เราไม่หนีหรอก ปล่อยแล้วลุกขึ้นนะ จะได้กินข้าว”

“ขรรค์โกหก ถ้ามีโอกาส ขรรค์ก็จะหนีอีก” ว่าอย่างรู้ทัน “แล้วนี่...เป็นความฝันนี่นา งั้นเราอยู่ด้วยกันนะ แค่ในฝันก็ยังดี อย่าทิ้งเราไปอีกเลย” เสียงขอร้องอ้อนวอนของเงินทำให้ขรรค์รู้สึกเศร้า

เขาใจร้ายกับเงินมากเขารู้ แต่ทำไปเพราะรักทั้งนั้น

“เงิน...”

“นะ…เรารู้ ขรรค์ยังรักเราอยู่ ใช่ไหม?”

“เงิน นี่ไม่ใช่ความฝันนะ ปล่อยเราก่อน”

“ไม่ใช่ฝัน?”

“ใช่” หน้าตาจริงจังของขรรค์ทำให้เงินรู้สึกตื่นเต็มตาก่อนจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความฝันจริงๆ แต่ขรรค์อยู่ตรงหน้าขนาดนี้แล้ว คิดว่าเขาจะปล่อยไปง่ายๆ หรือ

 “ความจริงก็ดี ฮึบ!” ใช้แรงทั้งหมดดึงร่างสูงลงมาที่เตียงก่อนจะพลิกตัวขึ้นนั่งทับหน้าท้องแกร่งอย่างที่ขรรค์ไม่ทันจะตั้งสติได้

ร่างแกร่งรู้ตัวก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของคนด้านบนไปแล้ว

“เงินจะทำอะไรน่ะ” น้ำเสียงเครียดถูกส่งออกไป เงินยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ

“ขรรค์เป็นของเงิน ถ้าขรรค์ไม่ยอมกลับมาคบกันคืน เราจะอยู่บนตัวขรรค์แบบนี้ทั้งคืน ทั้งวันจนกว่าจะยอม” ว่าแล้วก็ทิ้งตัวนอนทับไปตามกายแกร่งเอาแขนโอบรอบคอล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา ใบหน้าอยู่ใกล้กับใบหน้าคมเข้มของขรรค์ที่มีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด

“เงิน ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง”

“ถ้าอยากให้ถูกต้อง ขรรค์ก็สู้สิ สู้ไปกับเรา ตอนนี้อะไรๆ มันก็ง่ายขึ้นแล้วนะ ทำให้คุณแม่ยอมรับให้ได้แค่นั้นเอง เราทำได้อยู่แล้ว นะขรรค์ นะครับ” ลูกอ้อนที่ทำให้ขรรค์ใจอ่อนเสมอถูกงัดเอามาใช้ ร่างสูงกลืนน้ำลายเมื่อรู้สึกร้อนรุ่มที่กายของเขากับเงินสัมผัส

มันนานมาแล้วที่จะแนบชิดกันแบบนี้ และเขาก็โหยหาสัมผัสแบบนี้ทุกวันๆ

“เงินไม่เอา ลุกขึ้นนั่งคุยกันดีๆ”

“ไม่เอา!! เราคิดถึงขรรค์ อยากกอดขรรค์ อยากสัมผัสขรรค์ อยากจูบด้วย” ร่างโปร่งบางมองคนรักด้วยสายเชิญชวน ทำเอาร่างสูงต้องกลืนน้ำลายตัวเองอึกใหญ่เพื่อระงับอารมณ์

คิดถึงไม่ต่างกัน ก็อยากสัมผัสไม่แพ้กัน...

“ทำไมเงินถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?”

“เพราะใครล่ะ ก็เพราะขรรค์ไง ถ้าขรรค์ไม่ทิ้งเรา เราก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก” คนตัวเล็กกว่ากล่าวโทษ

“เฮ้อ...ลุกเถอะเงิน มันดูไม่ดี”

“ไม่มีใครเห็นสักหน่อย นี่มันห้องของขรรค์ บ้านของขรรค์ไม่ใช่หรือ”

“เราหิวข้าวแล้ว ทำงานมาเหนื่อยๆ ปล่อยให้เราไปกินข้าวนะเงิน” ร่างสูงขอร้อง พยายามเลี่ยงประเด็นที่สามารถวนกลับเข้าเรื่องคืนดีไปเรื่อย

ขรรค์ยังไม่พร้อมตัดสินใจในตอนนี้ ขรรค์ไม่กล้าที่จะเสี่ยง เพราะมันไม่ใช่จะมีคู่รักที่สามารถผ่านด่านครอบครัวของคนที่รักไปได้ทุกคู่หรอกนะ

มันก็ต้องมีผิดหวัง แล้วถ้าหากเขาสู้แล้วผิดหวังอีก จะสู้ไปทำไม?

ไม่ใช่ไม่รัก แค่กลัวการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

“ขรรค์ก็รับปากมาก่อนว่าเราจะกลับมาคบกัน”

ขรรค์ฝืนใจพูดจาร้ายกาจออกไปไม่ไหวแล้ว ไม่อยากทำให้คนที่รักต้องร้องไห้เพราะคำพูดเลวๆ ของเขาอีกแล้ว เขาจะคุยกันดีๆ พูดตามความจริง ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่หนีมาโดยตลอด

“ไม่ใช่ว่าขรรค์ไม่อยากนะเงิน ขรรค์รักเงินมาก รักมาตลอด แต่เราสองคนไม่เหมาะกัน” ขรรค์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง แทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนตอนที่คบกัน และประโยคบอกรักทำให้เงินยิ้มอย่างดีใจและมีความสุข

ไม่ว่าร่างใหญ่จะพูดอะไรออกมาอีก แค่ได้ยินคำว่ารัก เงินก็มีกำลังใจขึ้นเยอะ...

“ไม่เหมาะกันยังไง? ทำไมต้องคิดอะไรให้มากมายด้วย คุณแม่ของเงินก็แค่หัวโบราณ เราแค่สู้ แค่พยายามทำให้ท่านเห็นว่าความรักของเรามันไม่ผิด ต่อให้นานแค่ไหนเราก็แค่ไม่ยอมแพ้ต่อมัน ตอนนี้เงินแต่งงานให้แม่ไปแล้ว แม่มีหลานแล้ว แม่ได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว มีอยู่อย่างเดียวที่แม่ยังไม่เห็นจากเงิน…” น้ำเสียงที่ถูกถ่ายทอดมาพร้อมกับสีหน้าดวงตาของเงินมีแต่ความจริงจัง

“รู้ไหมว่าอะไรที่แม่ยังไม่เห็นจากเงิน?”

“อะไร” ถามกลับเสียงเบา

“ความสุขของเงินไง แล้วความสุขของเงินคืออะไร ก็คือการที่ได้อยู่กับขรรค์ไง ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ต่อให้เราจะทะเลาะกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่เงินมีความสุขที่สุด และคิดไม่ผิดที่รักผู้ชายคนนี้”

ขรรค์หลับตาลง สองมือแกร่งโอบกอดตอบกลับไป สร้างความตกใจพร้อมกับปลื้มใจให้กับร่างโปร่งบางไปด้วย

ยอมแพ้แล้ว...

ยอมแพ้ให้กับความต้องการของตัวเอง

ยอมแพ้ให้กับความรักของเงิน

และยอมแพ้ต่อคำสัญญาที่มีไว้ให้กับแม่ของเงิน...

“ความสุขของขรรค์ก็คือเงินเหมือนกัน”

“ขรรค์ ฮึก...”

“ร้องทำไม ขรรค์นี่แย่มากเลย ทำให้เงินร้องไห้ตลอดเลย เป็นคนรักที่แย่มากๆ แทนที่จะทำให้เงินยิ้ม กลับทำให้เงินร้องไห้ เสียน้ำตาและเจ็บปวด” นิ้วแกร่งค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้กับคนรักด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แบบที่ไม่มีใครเคยได้รับและไม่มีใครเคยเห็นนอกจากเงินคนเดียว

นี่เราเป็นเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม...

“เงินดีใจ ฮึก ดีใจที่ขรรค์ยอมกลับมาหาเงิน”

“ขรรค์ไม่ได้ยอม แต่ตั้งใจ ขรรค์ไม่อยากหนีอีกแล้ว ขอโทษที่ขรรค์ขี้ขลาดเหมือนที่เงินเคยว่า แต่ตอนนั้น ขรรค์ก็อดเปรียบเทียบกับเงินแบบที่แม่ของเงินพูดไม่ได้ เงินเป็นหมอมีอนาคต แต่ขรรค์เรียนจบแต่ก็หางานทำไม่ได้ ทำได้แต่ตำแหน่งล่างๆ เงินเดือนน้อย ไม่แปลกใจที่แม่ของเงินจะเป็นห่วงอนาคต เราเลยถอยออกมาให้เงินเจอคนที่ดีกว่า มีอนาคตที่ดีกว่า ขรรค์ไม่อยากเป็นคนถ่วงความเจริญของเงิน ขอทานะ ขรรค์ทำเพราะรักเงินจริงๆ” ร่างสูงสารภาพออกมาทั้งหมด ถึงเหตุผลที่ทิ้งคนรักไป

เงินไม่มีความรู้สึกขุ่นเคือง หรือโกรธขรรค์แต่อย่างใด ใบหน้าขาวใสของคุณหมอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะประทับริมฝีปากของตัวเองลงไปที่ริมฝีปากหนา ดวงตาคมดุของขรรค์เบิกกว้าง ไม่คิดว่าจะถูกจู่โจม แต่สักพักก็หันมาตอบสนองด้วยความคิดถึง

สัมผัสที่ได้ได้คิด ได้แต่ฝัน วันนี้ เขาทั้งสองได้รับรู้ด้วยตัวเองแล้ว

“อืม” หมอหนุ่มครางในลำคอเบาๆ ปลายลิ้นร้อนของขรรค์ไล่ต้อนปลายลิ้นของเงินอย่างเร่าร้อน รุนแรงจากตอนแรกเงินเป็นคนรุก ตอนนี้ฝ่ายร่างสูงเป็นคนรุกคุมเกมนี้เอง

“คิดถึง” เสียงทุ้มต่ำของขรรค์ดังขึ้นมาขณะที่ถอนจูบแล้วเมื่อพูดจูบ เขาก็กดศีรษะของเงินให้เข้ามาประกบริมฝีปากกันอีกครั้ง แลกสัมผัสกันอย่างร้อนแรง ไม่มีหยุด เมื่อผละออกก็ประกบใหม่ เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งเงินเงินทนไม่ไหวเอง ยกมือห้ามเอาไว้ก่อนที่จะถูกจูบอีกครั้ง

“อื้อ พอแล้ว หิวไม่ใช่หรือ”

“ก็หิว แต่คิดถึงเงินไง กินเงินก่อนได้หรือเปล่า” เป็นประโยคที่เรียกเลือดบนใบหน้าของคนตัวขาวไอย่างดี

“เงินให้กินได้ แต่สัญญามาก่อนว่าจะไม่ทิ้งกันอีก”

“ครับ ขรรค์จะไม่ทิ้งเงินอีกแล้ว” รับคำอย่างง่าย

ตอนนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิด ขรรค์ก็ไม่หวั่นแล้ว ถ้าเป็นขรรค์เมื่อก่อนอาจจะปฏิเสธเหมือนเดิม แต่ในเมื่อเขามีทุกอย่างแล้ว ก็น่าจะตัดเรื่องความไม่เหมาะสมทางด้านฐานะออกไปได้

“แน่ใจนะ ถ้ามีอีกเราฆ่าตัวตายนะ”

“พูดอะไรน่ะ!!” ถามเสียงเข้ม

“เราพูดจริง เราทำจริงด้วย”

“ขรรค์ไม่ยอมให้เงินทำได้หรอกนะ”

“งั้นก็หมายความว่าจะไม่ทำให้เงินห้องไห้อีกใช่ไหม มันมีทางเดียวเท่านั้นแหละขรรค์ ไม่ทิ้งกันไปไหน ยืนเคียงข้างกัน ต่อสู้ไปด้วยกัน แค่นั้นก็พอ”

“ครับๆ ขรรค์ไม่หนี ไม่ขี้ขลาดอีกแล้ว”

“ดีมาก...งั้นก็ ป่ะ! กินข้าวกัน” ร่างโปร่งลุกจากตัวของขรรค์มายืนที่ข้างเตียง ส่วนร่างใหญ่ก็ค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นมาเนื่องจากโดนทับอยู่นานทำให้เกิดอาการชาบ้าง

สองมือจับกันอย่างมั่นคงเดินไปยังห้องทานอาหาร หัวใจของทั้งคู่เหมือนมีน้ำมาหล่อเลี้ยงหัวใจ หลังจากที่ปล่อยให้มันแห้งเหี่ยวมาตลอดสามปี

ขรรค์จะไม่ปล่อยมือคู่นี้อีกแล้ว จะจับให้แน่น และสู้ไปให้ถึงที่สุด...





100%

 :katai5: :katai5: :katai5:

   อ่านจบแล้วเม้นท์กันด้วยนะคะ แล้วจะแจ้งว่ายูกิจะหยุดอัพเรื่องนี้สักพัก ขอปั่นต้นฉบับวาโยก่อนตามที่เคยบอกเอาไว้นะคะ แหะๆ ส่วนใครที่สงสัยว่าทำไมยอมง่ายจังทั้งๆ ที่ขรรค์หนีมาตลอด เพราะทนไม่ไหวแล้วไงคะ ขรรค์พร้อมจะสู้แล้ว และแน่นอนว่าอุปสรรคของคู่นี้มีอีกเพียบ รอติดตามค่า

   หากมีข้อสงสัย อยากพูดคุย หรือทวงนิยาย สามารถไปที่แฟนเพจของยูกิได้นะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 100% => (17/5/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 17-05-2016 13:16:54
คู่นี้เค้าเข้าใจกันแล้ว  แล้วพี่อินของเค้าละ จะต้องทรมานทรกรรมไปถึงไหน เศร้าแพรบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 100% => (17/5/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-05-2016 13:46:45
รอนานเลยเหรอคงคิดถึงน่าดูเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 100% => (17/5/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 17-05-2016 14:44:25
เฮ้อ...นึกว่าจะไม่รอดซะละ...ลุ้นแทบตาย... :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 100% => (17/5/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ตั่วเจ้เจค ที่ 17-05-2016 18:45:30
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 100% => (17/5/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 17-05-2016 22:05:47
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 100% => (17/5/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-05-2016 22:58:27
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 100% => (17/5/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 19-05-2016 00:26:42
ใช่ๆ สู้ต่อไปนะ
ต้องมีวันที่เรามีความสุขสิ
ปล. เราจะรอจนกว่ายูกิตะมาอัพต่อนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 100% => (17/5/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 20-05-2016 23:34:08
เรื่องนี้ฉากง้อหรือการโดนเมินขอเยอะๆนะเจ้าคะ หมั่นมาก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 100% => (17/5/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-05-2016 19:41:31
ค่ะ จะรออ่านนะ สู้ๆค่ะ

ลุ้นตอนดิ่งน้ำนี่แหละ รู้ว่าจะช่วยแต่กลัวเป็นหนักไง
ขรรค์บ้า กว่าจะยอมนะ ปล่อยเงินร้องไห้น้ำท่วมสระ

รักขนาดนี้ ทำฝันของเงินขนาดนี้
ดีแล้วที่ขรรค์กลับมารักกัน

ชอบค่ะ เงินทะเล้นดี
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 12 100% => (17/5/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ben10 ที่ 25-05-2016 03:48:08
รอคู่หลักอยู่นะะะะ :sad4:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 13 50% => (13/6/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 13-06-2016 21:33:07
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 13
ติดหนี้บุญคุณ



“โทรตามพี่ราม ให้ด่วนที่สุด”

“ดิฉันโทรแล้วค่ะ คุณรามไม่รับโทรศัพท์”

“งั้นโทรเข้าเบอร์สาขานั้นเลย”

“เอ่อ...ทางนั้นบอกว่าคุณรามออกไปทานข้าวกับลูกค้าค่ะ”

ตอนนี้ทั้งรีสอร์ทกำลังวุ่นวายโทรศัพท์หาผู้เป็นนายไม่ได้ รามินทร์ที่ไปทำธุระที่สาขาในตัวสถานที่ท่องเที่ยว โดยไม่รู้เลยว่าลูกค้าวีไอพีจะเข้ามาพักแบบไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้าแบบนี้ ทำให้พนักงานที่อยู่ไม่สามารถที่จะต้อนรับแขกได้ ทางลูกค้าเลยโวยวายใหญ่

“ตามพี่รามยังไม่ได้อีกเหรอ ให้ด่วนเลยได้ไหม โอ๊ย!! ทำไมมันวุ่นวายแบบนี้นะ แล้วผู้จัดการล่ะ ผู้จัดการอยู่ที่ไหน!!!” เสียงของเจ้าจอมตวาดถามลั่นทำเอาพนักงานตัวสั่นงันงกไม่กล้าสู้สายตา

เจ้าจอมเองก็ไม่เคยรับแขกรายใหญ่เพราะตนทำแค่บัญชี เลยไม่รู้จะต้องไปสู้หน้ายังไง

“คุณภพขอเข้าตอนบ่ายค่ะคุณจอม”

“ตอนบ่าย!!! แล้วใครหน้าไหนมันจะไปรับแขกได้ห๊ะ!! พนักงานต้อนรับธรรมดาเขาได้ดิสเครดิตเราแน่ๆ เพราะทุกครั้งก็เป็นพี่รามกับผู้จัดการคอยต้อนรับคุณขจรเขา ” เจ้าจอมเครียดจนไม่รู้จะหาทางออกที่ไหน

แขกรายใหญ่ของรีสอร์ท ทำไมมันถึงได้ซวยแบบนี้นะ!!

“ยังไงคุณจอมไปรับแขกเถอะค่ะ อย่างน้อยคุณจอมก็เป็นน้องชายคุณราม ทางคุณขจรน่าจะพึงพอใจได้”

“แต่ฉันไม่ถนัดประจบประแจง!!!”

“เอ่อ...แล้วจะทำยังไงล่ะคะ” พนักงานสาวถามอย่างกังวล

เจ้าจอมยืนคิดอยู่อย่างเครียดๆ แต่ก็ใช้ความคิดนานไม่ได้ เพราะการให้แขกวีไอพีรอแบบนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ไม่สมควรอย่างยิ่ง

“ก็ได้!! ฉันจะไป!! พาฉันไปสิ” เจ้าจอมจำเป็นต้องยอม บอกพนักงานคนนั้นให้พาเขาไปยังสถานที่รับรองแขกวีไอพีทันที ซึ่งเธอก็เดินนำร่างโปร่งบางของเจ้าจอมออกจากสำนักงานทันที

ระหว่างที่เจ้าจอมกำลังรีบๆ อินทัชที่กำลังตัดหญ้าอยู่แถวนั้นก็ทักขึ้น

“คุณจอมจะไปไหนหรือครับ”

“พี่อิน...พอดีว่าพี่รามยังไม่กลับมาเลยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนนี้มีแขกวีไอพีมา จอมกำลังจะไปต้อนรับ” ร่างเล็กกว่าหยุดตอบด้วยสีหน้าเครียด ทำเอาอินทัชขมวดคิ้วสงสัย

เมื่อวานมันบอกว่ามันจะไปทำธุระเดี๋ยวกลับ...แต่ทำไมถึงยังไม่กลับ เอ๊ะ! มึงจะไปสนใจมันทำไมล่ะเนี่ย
   
“งั้นพี่ไม่กวนแล้ว” อินทัชว่า ก่อนจะก้มหน้าก้มตาตัดหญ้าต่อ

“วันนี้ไม่ได้เข้าไซต์งานหรือครับ”

“พอดีว่าพี่ต้องทำตรงนี้ก่อนค่อยไปน่ะครับ” ร่างสูงโปร่งหันมาตอบ ใบหน้าหวานมีเหงื่อออกเต็มไปหมด แม้จะอยู่ในชุดโทรมๆ ก็ยังทำให้อินทัชดูดี

ร่างเล็กทำหน้าครุ่นคิดเมื่อมองดูอินทัช ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า อินทัชเป็นนักธุรกิจ...

เริ่มมีความหวังขึ้นมาเลือนราง...

“พี่อิน! ช่วยมากับจอมหน่อยได้ไหมครับ”

“ไปไหนครับ”

“ไปต้อนรับแขกวีไอพีให้จอมหน่อยนะ”

“ห๊ะ!!! พี่ไม่เอา ทำไมพี่ต้องไปด้วยล่ะ มันไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องทำ” ร่างสูงโปร่งปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่ยอมท่าเดียว เรื่องอะไรที่เขาจะต้องไปช่วยธุรกิจของคนที่มันจับเขามา

ปล่อยให้มันโดนซะบ้าง!!!

อินทัชวางมือจากตรงนั้นแล้วเดินหนีทันที เขาไม่สนใจและไม่คิดจะสนด้วย เรื่องของธุรกิจมัน ไม่เกี่ยวกับเขาที่มันยังไม่เห็นจะสนใจบริษัทของเขาที่ต้องโดนมันจับตัวมาเลย

อะไรที่เขาแก้แค้นได้ เขาจะทำ!!!

“พี่อิน!! ช่วยจอมหน่อยน้า...นี่จอมไม่เคยรับแขกวีไอพีมาก่อนเลย”

“ไม่เอาครับ พี่ขอตัวไปทำงานต่อก็แล้วกัน” ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยในทันที

“นะๆ พี่อินอยากได้อะไรเดี๋ยวจอมให้หมดทุกอย่างเลย แต่ช่วยจอมหน่อยน้า” ร่างเล็กเดินตามอินทัชแล้วตื๊อเสียงหวาน ร่างสูงโปร่งเป็นคนขี้ใจอ่อนนะ แต่กับเรื่องแบบนี้มันมีความแค้นฝังลึกจากเจ้าของที่นี่อยู่

ยังไงก็ไม่ยอม…เอ๊ะ! จอมบอกให้ทุกอย่าง...

“จริงไหมที่บอกจะให้พี่ทุกอย่าง” ถามขึ้นมาอย่างสนใจ เจ้าจอมที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปถึงกับปั้นหน้ายาก

“ยกเว้นพาหนีกับให้ใช้โทรศัพท์นะครับ”

อินทัชถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจเมื่อโดนคนตัวเล็กพูดตัดความต้องการ เขาไม่ได้จะหนี แค่อยากจะโทรไปหาพี่สาวกับธีร์เท่านั้น

“งั้นพี่ก็คงไม่ช่วยคุณจอม”

“อ้าว? ช่วยหน่อยนะครับ นี่ถ้าคุณขจรเห็นพี่อินต้องจำได้แน่ๆ”

เพราะอินทัชก็ถือว่าเป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจ แล้วพอพูดชื่อขจรออกมา อินทัชก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือใคร เพราะมีช่วงหนึ่งที่เขาเคยทำธุรกิจร่วมกัน

“นี่ถือว่าจอมช่วยพี่ไหม”

“แล้วให้พี่ไปเจอแขกแบบนั้นไม่กลัวว่ารามมันจะโกรธหรือไง”

“กลัวฮะ...แต่ว่าทำไงได้ คนระดับที่คุณขจรจะพอใจมีแค่ผู้จัดการกับพี่รามเท่านั้น” เจ้าจอมเองก็มีความรู้สึกหวั่นใจเหมือนกันที่จะให้จำเลยของพี่ชายได้เจอกับคนที่รู้จักเขา

และข่าวที่อินทัชหายตัวไปมันดังน้อยซะที่ไหนกันล่ะ...

“ตอนนี้มีแค่พี่อินที่ช่วยได้ นะฮะ ช่วยบอกว่าเป็นเพื่อนของพี่ราม มาเที่ยว มาพักผ่อนแค่นั้นเองฮะ”

“เฮ้อ...ก็ได้ๆ พี่จะช่วยคุณจอมเอง”

“จอมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกคุณ”

“พี่ชินแล้วน่ะ”

“เรียกจอมเฉยๆ สิ นะฮะ น้า...”

“โอเครับน้องจอม เดี๋ยวพี่ช่วยเอง แต่จะให้ไปสภาพนี้เนี่ยนะ” อินทัชก้มมองตัวเองที่ดูไม่ได้สุดๆ จะให้ไปเจอแขกวีไอพีก็กะไรอยู่

“เดี๋ยวจอมจัดการเอง เธอไปบอกให้คุณขจรรออีกสักพัก หาของว่าง หาอะไรมารับรองให้เต็มที่ เดี๋ยวฉันจะพาพี่อินไปเปลี่ยนชุดก่อน” หันไปสั่งพนักงานหญิงสาวที่หยุดยืนรออย่างเงียบๆ ตั้งนาน เธอรับคำอย่างสุภาพแล้วเดินไปก่อน

หลายวันก่อนจอมซื้อชุดใหม่มาแต่ว่าไม่ได้ลองก่อนเลยหลวมไปนิดหนึ่งคิดว่าอินทัชคงจะใส่ได้ แต่กางเกงคงต้องใส่ของรามินทร์ เพราะเขาเตี้ยวกว่าอินทัชมากๆ

“ใส่ได้พอดีเลย ส่วนกางเกงก็ใส่ของพี่รามไปก่อนนะฮะ ถึงพี่รามจะตัวใหญ่กว่าพี่อิน แต่ความสูงก็พอๆ กันน่าจะใส่กันได้”

“ครับ”

มันเป็นชุดที่ดูไม่ทางการมากเกินไป แต่ก็เหมาะที่จะใส่ไปพบแขกได้ ร่างสูงโปร่งจัดเสื้อผ้า หน้าผมของตัวเองหน้ากระจกในห้องทำงานของรามินทร์ ก่อนที่เจ้าจอมจะพาเขาเดินไปยังห้องรับรองแขกของรีสอร์ท

“น้องจอมต้องเข้าไปกับพี่ด้วย ศึกษาเอาไว้นะครับ ไม่มีคราวหน้าสำหรับพี่อีกแล้ว”

“ได้ฮะ” เจ้าจอมยิ้มอย่างสดชื่น ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องรับรองแขกที่มีคุณขจรนั่งหน้าบึ้งอยู่เงียบๆ คนเดียว แต่พอเห็นว่าเป็นอินทัช ท่าทีของหนุ่มใหญ่ก็เปลี่ยนไป

“สวัสดีครับคุณขจร”

“สวัสดีครับคุณอินทัช ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ” เขาทักและถามอินทัชอย่างแปลกใจ ไม่ได้สนหนุ่มน้อยที่เดินขนาบข้างมาด้วยอย่างเจ้าจอเลยสักนิด

“พอดีผมมาเที่ยวน่ะ มาพักผ่อนเงียบๆ” เขาโกหกออกไปอย่างช่วยไม่ได้

“เชิญนั่งก่อนครับ แล้วเป็นไรมาไงถึงได้เข้ามาหาผมล่ะครับ” เจ้าจอมเห็นว่าอินทัชทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะพูดยังไง ตนเลยถือวิสาสะแนะนำตัวเองขึ้นมา

“สวัสดีครับคุณขจร ผมเจ้าจอมครับ เป็นน้องชายของพี่ราม” ร่างเล็กโปรยยิ้มหวานให้

“สวัสดีครับ...เป็นถึงน้องชายทำไมถึงมาต้อนรับแขกช้าจังเลยล่ะครับ” ขจรที่มีความขุ่นมัวเรื่องการต้อนรักที่ไม่น่าประทับใจในครั้งนี้ได้แต่ถามแขวะเจ้าจอมจนคนอายุยังน้อยหน้าเสีย

อินทัชเห็นท่าจะไม่ดีเลยช่วยแก่ต่างให้

“พอดีน้องเพิ่งเคยรับแขกน่ะครับ อย่าว่าแกเลยนะ ว่าแต่คุณขจรมาพักผ่อนหรือครับ”

“ครับ...กะว่าจะมาผ่อนคลาย แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่อยู่ต้อนรับซะงั้น”

“คุณขจรได้บอกล่วงหน้าหรือเปล่าครับ”

“ไม่ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเหตุสุดวิสัย เพราะคุณรามเขาไปพบลูกค้าตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ” ขจรค่อนข้างจะไม่ค่อยกล้าต่อปากต่อคำอินทัชมากนัก เนื่องจากบริษัทของตนยังต้องพึงบริษัทของอินทัชอยู่ และบริษัทของอินทัช มี PLEUNG คอยคุ้มกันอยู่

“ผมผิดเองแหละครับที่มาไม่ได้บอกไว้ล่วงหน้า” หนุ่มใหญ่ยอมรับผิด

“ไม่หรอกครับ...”

“แล้วคุณอินทัชมาแบบไม่บอกทางครอบครัวเลยหรือครับ เห็นเขาประกาศหาตัวให้วุ่นวายไปหมดเลย” ขจรถามขึ้น ทำให้อินทัชไม่รู้จะตอบยังไงดี

“พอดีว่าพี่อินค่อนข้างอยากอยู่เงียบๆ น่ะครับ ยังไงคุณขจรช่วยเก็บเป็นความลับเอาไว้ด้วยได้ไหมครับ พี่อินพร้อมก็จะกลับไปเอง” เจ้าจอมตอบให้แทน

เป็นคำตอบที่อินทัชต้องฝืนยิ้มออกมา

“แบบนี้นี่เอง ได้อยู่แล้ว ผมจะไม่บอกใครเลยครับ แล้วคุณอินทัชรู้จักกับคุณรามได้ยังไงล่ะครับ”

“พี่อินกับพี่รามเป็นเพื่อนกันน่ะครับ”

“อย่างนี้นี่เอง”

“ยังไงผมขอต้อนรับคุณขจรแทนคุณรามก็แล้วกันนะครับ หวังว่าคุณขจรคงจะไม่ถือสา”

“โอ๊ย!! ไม่เป็นไรครับ ผมล่ะดีใจที่คุณอินทัชให้เกียรติมาต้อนรับผมมากกว่า”

เจ้าจอมเคยเห็นและได้ยินกิตติศัพท์ของขจรมาไม่น้อย แขกคนนี้ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดว่าตัวใหญ่นักหนา ใครที่มาต้อนรับต้องเป็นระดับเจ้าของหรือไม่ก็ผู้จัดการเท่านั้น เจ้าจอมไม่เคยเห็นขจรต้องเกรงใจใครมากขนาดนี้มาก่อน ขนาดรามินทร์ยังขัดใจอะไรไม่ได้เลย

พี่อิน...เท่ห์จังเลย

“ตอนนี้ผมถือว่าตัวเองเป็นพนักงานต้อนรับของที่นี่ คุณขจรเป็นลูกค้าของผม...ทางเราจะจัดเตรียมห้องพักที่ดีที่สุดให้กับคุณขจรพร้อมกับส่วนลด สิบเปอร์เซ็นที่ทำให้คุณไม่พอใจในการต้อนรับนะครับ” เขาใช้สิทธิ์ที่ไหนมาพูดว่าจะลดให้ อินทัชไม่มีสิทธิ์ลดราคาให้ใครทั้งนั้น

แต่ถ้าให้เขามาช่วยแบบนี้...ก็ต้องทำตามวิธีในแบบที่อินทัชเป็น!!

“ขอบคุณมากๆ เลยครับคุณอินทัช ถ้าอย่างนั้นทางผมขอเปิดสองห้องนะครับ พอดีภรรยากับลูกชายจะตามมาทีหลัง เรากะว่าจะมาพักผ่อนสักสามวัน”

“ได้สิครับ ทางรีสอร์ทสอร์ทยินดีบริการอยู่แล้ว จอม...ช่วยจัดการตามนี้นะครับ ถ้ามีอะไร พี่รับผิดชอบเอง” ประโยคสุดท้ายเขากระซิบข้างหูคนตัวเล็กกว่า

เจ้าจอมพยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ

“จนกว่าคุณรามจะมา ผมจะอยู่คุยเป็นเพื่อนกับคุณขจรแทนจะได้หรือเปล่าครับ”

“แน่นอนสิครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณอินทัชเยอะแยะเลย แต่ช่วงนี้ติดต่อคุณไม่ได้”

“เดี๋ยวผมก็กลับไปครับ ยังไงคุณขจรมาเพื่อพักผ่อนเราก็ควรจะคุยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องเครียดๆ ดีกว่านะครับ ผมเองก็ไม่อยากจะคิดถึงงานในช่วงนี้เหมือนกัน” อินทัชเลี่ยงประเด็นเรื่องงานกับขจร นักธุรกิจที่ร่วมงานกันบ่อยๆ

“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวไปดูแลเรื่องห้องพักให้นะครับ เดี๋ยวจะเข้ามาใหม่” เจ้าจอมคิดว่าเขาไว้ใจอินทัชได้ เขาเลยได้เอ่ยขึ้นมาแบบนี้

เห็นอินทัชในมุมนี้แล้ว เจ้าจอมรู้สึกว่าอินทัชมีความรับผิดชอบมากพอ และเป็นคนดี ใจกว้างคนหนึ่ง จะมีใครที่ไหนบ้างมาช่วยรับแขกให้กับศัตรูแบบนี้

ถ้าไม่ใช่อินทัช คงไม่มีใครทำ...

“ครับ” อินทัชกับเจ้าจอมสบตากัน คนอายุน้อยกว่ามองหาอะไรจากดวงตาของอินทัช ซึ่งร่างสูงโปร่งรู้ดี ว่าเจ้าจอมระแวง เขาก็เลยทำได้แค่พยักหน้ายิ้มๆ

เชื่อพี่เถอะ...พี่ไม่หนีหรอก

เจ้าจอมเดินออกจากห้องรับรองแขกไป เหลือเพียงอินทัชกับขจรสองคน...แวบแรก เขาอยากจะผิดสัญญาแล้วขอความช่วยเหลือ

“คุณอินทัชเป็นอะไรครับ ทำหน้าเครียดเชียว”

“เปล่าหรอกครับ...พอดีว่าเผลอคิดอะไรเพลินๆ”

“หืม...ผมนึกว่าคิดถึงหนุ่มน้อยที่เพิ่งจะออกไป” ขจรแซว

หนุ่มใหญ่ทำธุรกิจกับอินทัชมานานตั้งแต่รุ่นพ่อมาสู่รุ่นลูก รสนิยมทางเพศของอินทัชขจรรู้ดี แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แปลกด้วย

“นั่นน้องชายน่ะครับ” คนหน้าสวยตอบยิ้มๆ

“ถ้าอย่างนั้นลูกชายผมก็มีสิทธิ์”

อินทัชยิ้ม...ไม่น่าแปลกใจเลยที่ขจรพูดแบบนี้ เพราะเขารู้ดีว่าอีกคนอยากจะดองกับครอบครัวเขาขนาดไหน เพราะอินทัชจะหญิงหรือชายก็ได้ ส่วนทางนั้นก็มีลูกชายคนเดียวแต่ดันชอบผู้ชาย...

“ให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า”

“งั้นสามวันนี้คุณอินทัชช่วยดูแลน้องได้หรือเปล่าครับ”

“ต้องถามคุณรามดูครับ เพราะผมไม่ใช่พนักงานของที่นี่”

อินทัชทำท่าจะพูดออกไป...เพราะความต้องการอยากกลับบ้านของเขามีอยู่มาก โอกาสอยู่ตรงหน้า แต่ก็ทิ้งคนที่ดีกับเขาไว้เบื้องหลังไม่ได้

เขาไม่รู้จักรามินทร์ดีว่าจะทำอะไรจักรกับหมอเงินหรือเปล่าถ้าเขาหนีไป

‘ทำไม จะหาทางหนีหรือไง’

‘อย่าแม้แต่จะคิด เพราะถ้ามึงหนีไปได้ กูจะเอาเรื่องคนที่เกี่ยวข้องกับมึงให้ถึงที่สุด!!’

‘คนที่เกี่ยวข้องกับกู? ก็อยู่บ้านกูหมดแล้วนี่ และบอกตามตรงว่าอำนาจฝั่งกูเยอะกว่า คงจะปล่อยให้พวกมือสมัครเล่นแบบมึงเข้าไปเอาเรื่องได้อยู่หรอก’

‘กูหมายถึงไอ้จักรกับหมอเงินต่างหาก’

อินทัชขบฟันกรามแน่น จิกเล็บเข้าที่ขาของตัวเองอย่างแรงด้วยความเจ็บช้ำใจ...พอดีกับประตูห้องบานใหญ่ถูกเปิดออกอ

ย่างแรง...

ผ่าง!!!

พร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่อินทัชไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด ที่กำลังก้าวเข้ามาพร้อมกับจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ...


ก่อนหน้านั้น

รามินทร์ที่ออกมาจากร้านอาหาร ก็เปิดดูโทรศัพท์ที่ลืมไว้บนรถอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่าเป็นพนักงานในรีสอร์ทโทรมา ทั้งเจ้าจอม หลายสิบสาย เลยรีบโทรกลับทันที

“มีอะไรครับ ทำไมโทรมาหาตั้งหลายสาย”

(คุณขจรมาค่ะ คุณภพก็เข้างานบ่าย) ได้ยินแบบนั้นรามินทร์ก็เครียดขึ้นมาทันที

“แล้วใครต้อนรับคุณขจรอยู่” เสียงทุ้มถามออกไป

(คุณจอมค่ะ...คุณจอมกับคุณอินค่ะ)

“ว่าไงนะ!!!” ร่างสูงตัดสายทิ้งไปอย่างไม่คิดจะฟังอะไรอีก ขับรถออกจากร้านอาหารด้วยความโมโหและกลัว เพราะสิ่งที่เขาทำกับมัน...ไม่ใช่เรื่องที่ถูก

เขารู้ตัวว่ามันผิด ผิดมากด้วย...

ถ้าอินทัชมันรอดไปได้ ไม่มีครั้งต่อไปที่เขาจะได้แก้แค้นมันแน่ๆ และที่สำคัญถ้าเกิดเรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่น เขาโดนเล่นด้วยกฎหมายแน่นอน...






50%

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

   มาแล้วจ้า...ปล่อยให้รอมาเดือนหนึ่งเต็มๆ เลย ขอโทษด้วยน้า ตอนนี้ยูกิจะมาอัพแบบเต็มที่แล้ว ตอนนี้จะอัพเรื่องนี้อย่างเดียวเลย ไม่แวะวนเรื่องไหนแล้วค่า...ฮ่าๆ
        เป็นอย่างไร ก็คอมเม้นท์กันได้นะคะ อาจจะไม่ประติดประต่อแต่เดี๋ยวทำการแก้ไขเนื้อหาใหม่แน่นอนค่ะ
มีอะไรสอบถาม พูดคุย ทวงนิยายกับยูกิได้ที่ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 13 50% => (13/6/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-06-2016 22:48:47
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 13 50% => (13/6/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-06-2016 02:08:04
 :z6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 13 50% => (13/6/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-06-2016 06:25:50
อินเค้าไม่เลวเหมือนแกหรอกนะ ราม บอกเลย แกเลวสุดละตอนนี้
นี่เดี๋ยวก้อมาโวยวายอินอีกสินี่
เลิกงี่เง่าซักทีไม๊ ราม!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 13 50% => (13/6/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 14-06-2016 10:46:46
อ๊ากกก...คิดถึง..เมื่อไรอินจะได้หนีรามสักที.. :เฮ้อ:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 13 100% => (16/6/59) P.7 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 16-06-2016 12:38:50
ตอนที่ 13

ครึ่งหลัง






“สวัสดีครับคุณขจร ขออภัยที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับด้วยตัวเอง”

“อ้าว? คุณรามมาแล้วเหรอครับ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่มาไม่บอกก่อนล่วงหน้า” เห็นขจรยอมให้แบบนี้ร่างแกร่งก็ถึงกับตกใจมองหน้าอินทัชที่เบือนหน้าหนีเขา

แต่ก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี...

“ตอนนี้ผมมีธุระกับอินทัช ขอตัว ‘คนของผม’ ได้หรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมให้คุณภพมาดูแล”

“หืม...ก็ได้ครับไม่มีปัญหา แต่เย็นนี้ภรรยากับลูกชายผมจะเดินทางมาที่นี่ ขอให้คุณอินทัชมาดูแลลูกชายของผมหน่อยนะครับ” ขจรไม่ได้ขอแต่เป็นการบังคับมากกว่า ร่างสูงกัดแฟนแน่นทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ส่งยิ้มธุรกิจกลับไปให้

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”

“ขอบคุณครับ”

“งั้นผมขอตัวก่อน คุณภพต้อนรับแขกดีๆ นะครับ” รามินทร์หันไปสั่งผู้จัดการของที่นี่ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนจะไปจับแขนที่เล็กกว่าอย่างอินทัชแน่นจนรู้สึกเจ็บ “ตามสบายเลยนะครับ”

ใบหน้าสวยเหยเกเพราะถูกบีบแน่น อยากจะบิดหนีแต่ก็กลัวจะเจ็บเพิ่ม เลยทำได้เพียงเดินตามคนเจ้าอารมณ์ไป

“แล้วพี่จะกลับมาทำโทษจอม!! ส่วนมึงมานี่เลย!” ร่างสูงคาดโทษน้องชายที่ทำหน้าแบบรู้สึกผิดอยู่ตรงหน้าประตู เจ้าจอมรู้สึกผิดกับอินทัชที่ช่วยอะไรไม่ได้ ไม่ใช่รู้สึกผิดกับพี่ชายตัวเอง

“ขอโทษนะฮะพี่อิน”

เจ้าจอมได้แต่มองตามอย่างนึกเป็นห่วง


ปึก!!!

“โอ๊ย!! เบาๆ ไม่เป็นหรือไงวะ ถ้าหลังกูหักขึ้นมา มึงมีปัญญารับผิดชอบไหม!!!” อินทัชด่ารามินทร์ดังลั่นเมื่อโดนผลักกระแทกกำแพงห้องทำงานของรามินทร์

“ทำไมกูต้องรับผิดชอบ!! แล้วใครให้มึงสะเออะไปรับแขกของกู คิดจะหนีหรือไง คิดจะท้าทายกูใช่ไหม อยากรู้ใช่ไหมว่ากูจะกล้าทำอะไรไอ้จักรกับหมอเงินจริงๆ หรือเปล่า!!!” เสียงทุ้มตวาดลั่นจนอินทัชขมวดคิ้วไม่พอใจ

อยากจะเถียงแต่เถียงไปก็แพ้

“ทำเป็นเงียบ กูพูดถูกล่ะสิ มึงบอกอะไรคุณขจรไปบ้าง!!!”

“มึงจะขึ้นเสียงหี้ยอะไรนักหนาวะ กูไม่ได้บอกอะไรทั้งนั้น กูรับแขกให้มึงเฉยๆ เพราะเจ้าจอมขอมา กูจำได้ดีว่ามึงขู่เหี้ยอะไรกูไว้บ้าง!! และกูก็ไม่มีวันทำให้คนที่ ‘ดี’ กับกูเดือดร้อน!!!” เขาเองก็ตะคอกใส่หน้ารามินทร์กลับไปด้วยความโกรธ

อะไรๆ เขาก็ผิด...จะมีบ้างไหมที่ได้ยินคำว่าขอบคุณจากปากของมัน...

คนเขาช่วย ก็ยังมาว่า มาด่า...

“กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู...แต่กูไม่เชื่อว่ามึงจะไม่บอกอะไรคุณขจร...โอกาสอยู่ตรงหน้าขนาดนั้น กูไม่เชื่อว่ามึงจะไม่พูดอะไร!!”

“มึงนี่มัน!!” อินทัชด่าต่อไปไม่ถูก หันหน้าหนีอีกคนที่จ้องมองเขาด้วยสายตาดุร้ายเหมือนสัตว์ป่า

“หึ! กูพูดถูกล่ะสิ มึงบอกอะไรคุณขจร มึงบอกให้เขาแจ้งตำรวจมาจับกูใช่ไหม!!”

“แล้วสภาพของกูตอนนั้น ถ้าพูดไปแล้วคุณขจรจะเชื่อไหม ในเมื่อกูดูไม่มีอะไรเหมือนคนโดนจับตัวมาเลย เจ้าจอมก็พูดบอกคุณขจรว่ากูแค่มาเที่ยว เจ้าจอมก็อยู่ กูจะพูดอะไรได้ ไหนตอบกูมาสิ! ว่ากูจะพูดอะไรได้!!!”

ร่างสูงสะอึกแล้วนิ่งไป ครุ่นคิดตามที่อินทัชพูด พลางมองการแต่งกายของอินทัชที่อยู่ในชุดที่ดูดีกว่าชุดที่เขาให้ใส่มาก บอกไปก็คิดว่าอำเล่นแน่ๆ

แล้วคนที่ถูกจับตัวมา ใครจะปล่อยไปให้เจอคนอื่นง่ายๆ

“มึงไม่ได้พูดแน่นะ”

“เออ!! กูไม่ได้พูด”

“แล้วตอนที่เจ้าจอมอยู่ข้างนอกล่ะ”

“กูมีสัจจะมากพอ...ถ้ามึงต้องการให้กูชดใช้ กูจะชดใช้ให้ ชาตินี้เราจะได้ไม่ต้องมีอะไรข้องเกี่ยวกันอีก!!”

“เออ!! งั้นก็อยู่ให้กูทรมานก่อนก็แล้วกัน...”

“หึหึ...จนวันนี้กูเริ่มชินแล้วว่ะ...อยากจะทำอะไรก็ตามสบาย ตอนนี้กูไม่รู้สึกอะไรแล้ว” อินทัชว่า

น้ำเสียงและสีหน้าของร่างโปร่งดูเหนื่อยจนรามินทร์เห็นได้ชัด

“ก็ดี ถ้างั้นก็ทำตัวเป็นหุ่นยนต์ไปก็แล้วกัน ถ้ามึงไม่บอกก็แล้วไป แต่ถ้ากูเดือดร้อนเมื่อไหร่ กูเอามึงตายแน่ๆ”

“เออ!!! ทำคุณบูชาโทษจริงๆ” ร่างโปร่งบางพึมพำ แต่รามินทร์ก็ได้ยิน จนต้องมองคนตรงหน้าตาขวาง

“กูขอเหรอ!!!”

ได้ยินแบบนั้น อินทัชก็เม้มปากแน่น มันก็จริงอย่างที่รามินทร์พูด มันไม่ได้ขอเขาจริงๆ เขาผิดเองที่เข้าไปช่วย เขาผิดเองที่ใจดีกับเจ้าจอมมากเกินไป

ต่อจากนี้เขาจะไม่ยุ่งเรื่องของมันอีกแล้ว

“เออ!! กูขอโทษ กูยุ่งเอง กูเสือกเอง!! กูน่าจะปล่อยให้คุณขจรลดเครดิตมึงไปซะ ขอตัวก่อน จะไปทำงานทาสต่อ!!!” เขาผลักอกมันออกไปจากตรงหน้าแรงๆ จนร่างสูงเสียหลักไปตามแรงผลักของคนที่ตัวบางกว่า

อินทัชออกไปแล้ว ทิ้งให้ร่างสูงหงุดหงิดอยู่แบบนั้น

“โธ่เว้ย!!!”

ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ของตนอย่างแรง หลับตาลงด้วยความปวดศีรษะ แล้วก็หงุดหงิดใจที่ตัวเองต้องมาติดหนี้บุญคุณอินทัช

“ทำไมต้องมาติดหนี้บุญคุณมันวะ”

ยอมรับว่าถ้าอินทัชไม่ไปต้อนรับขจรแทนเขา รับรองได้ว่าเขาได้เสียรายได้และเสียเครดิตจากคนใหญ่คนโตไปเยอะแน่ เนื่องจากเครือข่ายของขจรที่มาพักรีสอร์ทของเขานั้นมีค่อนข้างเยอะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา”

“เอ่อ...พี่รามฮะ” เสียงกล้าๆ กลัวๆ ของเจ้าจอมเรียกพี่ชายพร้อมกับเดินมาหาด้วยความไม่มั่นใจ

“มาแล้วเหรอตัวดี”

“จอมขอโทษ ก็มันจำเป็นจริงๆ นี่ฮะ”

“หึ! แล้วทำไมไม่รู้จักรับหน้าเอง”

“ก็จอมไม่เคยทำนี่ แล้วคุณขจรก็เป็นคนใหญ่โตขนาดนั้น เขาคงพอใจหรอกที่จอมไปต้อนรับเขา” ที่เจ้าจอมเถียงมามันก็มีเหตุผล ส่วนผู้จัดการก็มีเหตุให้มาช้า

แล้วคนที่พอรับหน้าได้ก็มีแค่อินทัช...คนที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง

“เอาเถอะๆ ถือว่ามันสุดวิสัยจริงๆ”

“แต่ว่าพี่อินไม่ได้พูดอะไรออกไปจริงๆ นะ จอมรับประกันได้ แถมยังดูมืออาชีพสุดๆ ด้วย” เจ้าจอมแก้ต่างให้กับจำเลยของรามินทร์

ร่างสูงไม่พอใจที่เห็นลูกพี่ลูกน้องทำหน้าตาปลื้มนักปลื้มหนากับความสามารถของอินทัช เรื่องนี้รามินทร์ไม่ขอเถียงเลยเพราะตลอดเวลาที่เขาซุ่มจับตามองอินทัช คนๆ นี้ดูดีมากเวลาอยู่ในชุดสูตร และดูจริงจัง น่าเชื่อเถือ เป็นคนที่เกิดมาเป็นนักธุรกิจโดยแท้เลย

“ชมมันต่อหน้าพี่นี่คิดดีแล้วใช่ไหม”

“จอมขอโทษ”

“ช่างมันเถอะ...มันไม่ได้บอกก็ดีไป”

มันดีกับพี่ล่ะสิ...เจ้าจอมคิดในใจ แอบไม่พอใจอยู่ที่พี่เขาทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ แต่ทำยังไงได้ล่ะ เมื่อรามินทร์โกรธจริงๆ แล้วร้ายแค่ไหน

“แต่จอมว่าเรื่องนี้พี่ควรขอบคุณพี่อินเขานะฮะ ไม่มีใครที่โดนทำร้ายขนาดนี้แล้วจะมาช่วยคนที่ทำร้ายตัวเองหรอกนะครับ พี่อินถือเป็นคนดีคนหนึ่งเลย”

“ถ้ามันดีจริง มันจะทำร้ายรินได้ยังไง”

“แล้วพี่รามรู้จักน้องสาวตัวเองดีแค่ไหนครับ”

“จอมพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง!!” รามินทร์ขึ้นเสียงไม่พอใจ ที่โดนถามแบบนี้ มันให้ความรู้สึกว่าอินทัชกำลังจะบอกว่าน้องสาวเขาเป็นต้นเหตุ

“จอมก็ไม่ได้หมายความว่ายังไง”

“พี่รู้จักรินดี!!! น้องสาวของพี่ถูกกระทำ คิดจะให้พี่อยู่เฉยๆ ทั้งๆ ที่มันทำให้พี่เกือบเสียน้องสาวไปเนี่ยนะ!!”

“สิ่งที่พี่รู้อาจจะไม่ถูกทั้งหมดก็ได้”

“นี่จอมเถียงพี่เหรอ”

“จอมแค่อยากพี่มองสองด้าน” ไม่รู้เจ้าจอมเอาความกล้าแบบนี้มาจากไหน กล้าที่จะเถียงรามินทร์ กล้าที่จะพูดออกไปว่าความจริงแล้วรินลณีไม่ใช่อย่างที่รามินทร์คิด

แต่จะเชื่อหรือไม่นั้น...มันก็อีกเรื่อง

“พี่จะมองไปทำไมสองด้าน มันก็ยอมรับนี่...ถึงได้ยอมให้พี่โขกสับทุกๆ วันนี้”

“พี่อินยอมรับ...เพราะว่าพี่ยัดเยียดหรือเปล่า”

“ทำไมวันนี้จอมทำตัวไม่น่ารักเลย”

“จอมก็แค่ไม่อยากให้คนดีต้องมาเจอเรื่องเลวทรามพวกนี้ต่างหาก และจอมก็เป็นห่วงพี่ราม ไม่อยากให้พี่ทำผิดไปมากกว่านี้แล้ว ขอตัวก่อนนะฮะ” เจ้าจอมเอ่ยเสียงจริงจัง ก่อนจะเดินหนีพี่ชายที่ทำว่าจะต่อว่าเขา

ร่างบางเดินออกมาจากห้องทำงานของรามินทร์ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าจอมกล้าที่จะพูดกับพี่ชายตนเองถึงขนาดนี้

“พี่อินเป็นคนดีจริงๆ นะฮะ”

เขาพึมพำก่อนจะเดินออกไป...

ทางด้านรามินทร์ที่กำลังตกใจก็ได้แต่นั่งคิดถึงคำพูดของเจ้าจอม มันก็จริงที่เขาควรจะขอบคุณอินทัช เพราะถ้ามองในมุมเขาโดนกระทำบ้าง ก็คงไม่อยากจะช่วยศัตรูหรอก

“เฮ้อ...”

“เรื่องนี้กับเรื่องของริน มันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน”

เพราะฉะนั้น มันไม่ควรที่จะเอามาเกี่ยวกันได้!!! เรื่องที่มันช่วยเขา เขาจะตอบแทนมันแน่เพื่อไม่ให้เป็นการติดหนี้บุญคุณกัน...

รามินทร์ไม่ยอมติดหนี้บุญคุณคนอย่างอินทัชแน่ๆ!!


“นั่นมึงกำลังทำอะไร…” เสียงที่ถามขึ้นเป็นเสียงที่ทำให้ร่างโปร่งถึงทำหน้าเอือมระอา ก่อนจะหันจากการจุดไฟมามองรามินทร์

“ซักผ้ามั้ง มีตาก็แหกดูสิ” ตอบเสร็จก็นั่งลงจุดไฟใหม่ เพื่อทำอาหารเย็นทาน...

สำหรับอินทัชก็เริ่มทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ เป็นแล้ว ทอดไข่เป็น แต่หุงข้าวยังแฉะอยู่ หากแต่ก็พยายามที่จะฝึกฝนอยู่กับป้ารีทุกๆ เช้า

“อากาศมันเริ่มชื้น เพราะเข้าสู่หน้าฝนแล้ว กูคิดว่ามันคงจะจุดติดยาก”

“กูรู้ ไม่ต้องให้ใครหน้าไหนสะเออะมาบอกหรอก”

“ก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอกนะ”

“แล้วมึงจะโผล่หน้ามาที่นี่ทำไมไม่ทราบ”

“กูมาชวนมึงไปกินข้าว” สิ้นเสียงของรามินทร์ มือขาวที่กำลังใช้ไม้ขีดก็ชะงัก ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน หันมามองร่างสูงด้วยความแปลกใจ

มองหน้าคนหน้าเข้มที่แสดงสีหน้าเรียบเฉย ในมือมีถุงบางอย่างติดมาด้วย

“มึงมาไม้ไหน...” อดจะระแวงไม่ได้

“ก็ไม่ได้จะมาไม้ไหน แค่เพียงคุณขจรขอให้มึงไปร่วมโต๊ะอาหารเย็นด้วยก็เท่านั้น” รามินทร์บอกพลางยื่นถุงนั่นไปตรงหน้าของร่างโปร่งบาง

มือขาวหยิบมันมาดูด้วยความแปลกใจ มันเป็นชุดธรรมดาๆ แต่ดูดีกว่าเสื้อยืดกางเกงเลแบบที่เขาใส่ในตอนนี้

“เอามาทำไม กูไม่อยากได้”

“แล้วมึงจะใส่ชุดแบบนี้ไปกินข้าวกับคุณขจรหรือไง”

“มึงก็ไปบอกว่ากูไม่อยู่ก็ได้”

“ไม่ได้...กูไม่ยอมให้แขกของกูไม่พอใจอีกครั้งแน่ๆ” ใบหน้าคมเข้มมองสบกับดวงตาสวยของอินทัชอย่างจริงจัง คราวนี้พวกเขาสองคนคุยกันแบบไม่มีเสียงตะคอก ไม่มีการขึ้นเสียง

คุยด้วยน้ำเสียงธรรมดาเป็นครั้งแรก...

“แล้ว? หน้าที่กูก็ไม่ใช่”

“ในเมื่อมึงทำให้มันเป็นแบบนี้ มึงก็ต้องรับผิดชอบ”

อีกแล้ว...คำว่า ‘รับผิดชอบ’ อีกแล้ว ทำไมชีวิตนี้อินทัชต้องมารับผิดชอบอะไรหลายอย่างด้วยก็ไม่รู้ ทั้งครอบครัว ทั้งธุรกิจ ทั้งปัญหา แล้วก็เรื่องของคนอื่น...

“กูแก้ไขสถานการณ์ของรีสอร์ทมึงให้ดีขึ้น...ใช้คำว่ารับผิดชอบนี่ถูกแล้วหรือไง”

“กูจะใช้อะไรมันก็เรื่องของกู ขึ้นไปเปลี่ยนชุดซะ เดี๋ยวคุณขจรจะรอนาน” น้ำเสียงที่ใช้สั่งราบเรียบจนอินทัชมองแล้วก็ยากที่จะปฏิเสธต่อไป เพราะแววตาของามินทร์จริงจังขนาดนั้น ร่างสูงโปร่งก็ได้แต่เดินถือถุงในมือไปบนบ้านพักเพื่อเปลี่ยนชุด ส่วนรามินทร์ก็เอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบรออินทัช

ร่างสูงเคยคิดนะ ว่าไม่วันที่เขากับอินทัชจะคุยกันดีๆ ได้

“ความรู้สึกอะไรวะเนี่ย”

วุ่นวาย...ทำไมถึงรู้สึกวุ่นวายแบบนี้นะ


ทางด้านของอินทัชที่กำลังเปลี่ยนชุดก็ได้แต่รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ ที่รามินทร์มาแบบไม่ด่า ไม่ว่า ไม่ขึ้นเสียง ไม่ตะคอก...มองชุดในมือก็รู้ได้ว่ามันเป็นชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อ เพราะป้ายราคายังไม่แกะออกไปเลย ที่สำคัญมันเป็นชุดของแบรนด์ดังแบรนด์หนึ่ง

“เฮอะ!! กำลังตบหัวแล้วลูบหลังหรือไง”

ไม่รู้ว่ารามินทร์คิดอะไรถึงได้ซื้อเสื้อผ้าแพงๆ มาให้อินทัช อาจจะเป็นเพราะอยากจะให้เขาดูดีต่อหน้าแขกสำคัญ หรืออาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่นที่เขาไม่รู้ว่าสาเหตุอะไร

แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม...เขาไม่ได้กำลังดีใจแน่!!

“หรือว่าจะตอบแทนที่ช่วย...หึ อย่างมันเนี่ยนะ เลิกคิดเถอะว่ะไอ้อิน”

มันทำก็เพราะมันต้องมีประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งแน่ๆ ไม่ใชเพราะอยากจะขอบคุณแบบที่มึงเผลอคิดเลยไอ้อิน คนอย่างรามินทร์ทำดีกับคนอื่นได้ แต่กับมึงไม่มีวัน!!

เขาลงเดินไปข้างล่างก็พบว่ารามินทร์กำลังยืนพิงเสาเก่าๆ สูบบุหรี่รออยู่

“นานนะมึง”

“ใครใช้ให้รอล่ะ...”

“เฮอะ!! ตามกูมา...” เขาทิ้งบุหรี่ลงพื้นดินแล้วใช้เท้าขยี้มันก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงนำอินทัชไป ทางที่เริ่มมืดทำให้อินทัชเดินลำบาก เพราะเขาไม่เคยต้องเดินออกมาข้างยามมืดแบบนี้

“อ๊ะ!!”

หมับ!!

ในจังหวะที่เขากำลังจะลื่นเพราดินที่เปียกน้ำจากการรดต้นไม้ มือแกร่งของรามินทร์ก็จับเอาไว้ในก่อนที่เขาจะล้มลงไป ส่งผลให้ร่างแกร่งเซเล็กน้อยเพราะต้องคอยรับน้ำหนักของอินทัชที่เซไปหากายแกร่งเต็มๆ และเขาก็รับเอาไว้โดยไม่ปล่อยให้อินทัชล้ม

เพราะมันมืด เขาเลยไม่เห็นว่ารามินทร์ทำหน้าแบบไหน แต่ที่แน่ๆ อินทัชทำอะไรไม่ถูก เลยได้แต่ผละออกจากอ้อมแขนแกร่งนั่น พร้อมกับใจที่เต้นแรงราวกับกำลังวิ่งมาราธอน...

ขวับ!!

รามินทร์หมุนตัวเดินนำไปอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรสักคำ ส่วนอินทัชก็เดินตามไปแบบไม่ปริปากอะไรเช่นกัน...





100%

 :katai4: :katai4: :katai4:

   ครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วล่ะตัว อิอิ...เป็นยังไงก็คอมเม้นท์กันด้วยนะคะ เจอกันตอนต่อไปค่า...

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 13 100% => (13/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 16-06-2016 16:41:28
อร๊ายยยยย
เอาแล้ววววววว
หวั่นไหวคร่าาาาา บอกเลยว่าหวั่นไหว
55555+
แย่แล้ว เราเขินจัง
..>\\\<
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 13 100% => (13/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 16-06-2016 17:01:09
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 13 100% => (13/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 17-06-2016 22:48:37
ลูกชายคุณขจรน่าจะมาเป็นตัวแปลสำคัญนะ ทำให้รามินทร์รู้ตัวเร็วขึ้น
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 13 100% => (13/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-06-2016 09:12:37
จับรามไปถ่วงน้ำค่ะ คนอะไรตาบอด

อินน่าสงสาร ทำไงก็ไม่รอด สักวันรามจะโดนเอาคืน

แล้วให้คนของตัวไปรับหน้าแบบนั้น มีคนได้ตาร้อน หึงโหดแน่

รามงี่เง่า
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 50% => (19/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 19-06-2016 21:18:47
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 14
คำขอบคุณจากคนใจร้าย




“ดีใจจริงๆ ที่คุณอินทัชมาร่วมรับประทานอาหารในมื้อนี้ ขอบคุณคุณรามมากจริงๆ นะครับ” ขจรเอ่ยขึ้นมา ขณะที่ผายมือเชิญให้ทั้งสองร่างสูงนั่ง

“สวัสดีค่ะคุณอินทัช ไม่เจอกันนาน สบายดีนะคะ” ภรรยาของขจรทักทายอินทัชราวกับสนิทสนม ร่างโปร่งก็ได้แต่ยิ้มการค้าส่งไปให้

“สบายดีครับ แล้วคุณกิ่งละครับ”

“ดิฉันสบายดีค่ะ”

“พี่อินไม่ทักทายกรเหรอฮะ” เด็กหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับอินทัชถามขึ้นด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ดูจะงอนเต็มที ทำเอาร่างโปร่งส่งยิ้มหวานไปให้จนเด็กหนุ่มหน้าแดง

“พี่กำลังจะทักทายนี่ไงครับ เป็นยังไงคนเก่ง”

“ก็ดีฮะ แต่กรคิดถึงพี่อิน” สายตาที่ดูจะยั่วยวนเชิญชวนอย่างปิดไม่มิดนั่นทำเอาอินทัชยิ้มโปรยเสน่ห์ไปให้ รามินทร์ที่นั่งมองก็ได้แต่รู้สึกหงุดหงิดใจแปลกๆ

“เด็กคนนี้นี่จริงๆ เลย พูดแบบนี้ไม่ดีเลยนะลูก” คนเป็นพ่อติลูกอย่างไม่จริงจังนัก

“อย่าว่าน้องกรเลยครับ”

“จริงๆ ก็กรคิดถึงพี่อินนี่ฮะพ่อ...กรก็พูดไปตามที่คิด จริงไหมฮะ” หันมายิ้มหวานให้

ถ้าหากว่าอินทัชอยู่กันตามลำพังกับน้องรับรองได้ว่ากรไม่รอดแน่ๆ ทุกครั้งที่ผ่านมา...กรตามตื๊อ ตามให้ท่าเขาถึงที่ทำงาน เขาก็ไม่คิดจะสนใจ แต่พอห่างหายเรื่องนี้ไปนานก็ชักอยากจะปลดปล่อย...

ถ้าไม่ติดว่ามีไอ้หน้ายักษ์ข้างๆ นี่นะ!

“ผมว่าเราทานอาหารกันเถอะครับ วันนี้ทางรีสอร์ทมีเมนูหลากหายมาแนะนำ ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อทั้งนั้นเลยครับ ทั้ง...” รามินทร์พูดขัดการสนทนาของทุกคนบนโต๊ะโดยการชวนให้รับประทานอาหารแล้วก็แนะนำเมนูขึ้นชื่อของรีสอร์ทไปด้วย

ทุกคนเริ่มรับประทานอาหารกันโดยที่รามินทร์ถูกขจรซักถามบ้างอะไรบ้าง ส่วนกรก็เอาใจอินทัชโดยการตักนั่นตักนี่ให้ จนร่างโปร่งต้องตักให้คืนตามมารยาท

ภายใต้รอยยิ้มของรามินทร์ ในใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิดที่อินทัชเอาแต่โปรยเสน่ห์...

สันดานมันนี่จริงๆ เลย...นี่แหละมั้งที่ทำให้รินต้องเจ็บช้ำใจน่ะ!!


“คุณราม...ผมมีเรื่องที่จะคุยกับคุณต่ออีกเยอะเลย ยังไงให้คุณอินทัชพาตากรไปเดินเล่นได้ไหมครับ”

เมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรก็มีสีหน้าเบื่อหน่ายเพราะผู้ใหญ่เอาแต่พูดในเรื่องที่เขาไม่รู้เรื่องเลยสะกิดพ่อเป็นนัยๆ ที่รู้กันเองสองพ่อลูก ขจรเลยขอออกมาแบบนั้น อินทัชหันมองสบตาคนด้านข้างทันที

“ผมเกรงว่าคงจะไม่เหมาะมั้งครับ เพราะอินเองก็เป็นแขกที่นี่”

อินทัชแอบหัวเราะ...

แขก...พูดมาได้...

“หืม...ไม่มีอะไรเหมาะไปกว่านี้แล้วล่ะครับ นะครับคุณราม”

“เอ่อ...ต้องถามเจ้าตัวน่ะครับ” รามินทร์บอกไปแบบนั้น ก่อนจะยื่นมือไปบีแขนขาวแน่นเชิงบังคับให้ปฏิเสธไป แต่พอร่างโปร่งเห็นท่าทางแบบนั้นก็ยิ่งอยากจะประชด

“ด้วยความยินดีครับ”

“เย้!!! ไปกันเถอะฮะพี่อิน กรมีเรื่องจะเล่าให้พี่ฟังเยอะแยะเลย”

“ฝากด้วยนะครับคุณอินทัช”

“อย่าดื้อกับพี่เขานะกร”

“คร้าบคุณพ่อ คุณแม่”

ร่างสูงจำเป็นต้องปล่อยมือนั่นไปเมื่อร่างโปร่งลุกขึ้นยืนโดยที่มีคนตัวเล็กน่ารักยืนกอดแขนอินทัชเอาไว้ด้วยความดีใจ รามินทร์ไม่ได้ระแวงว่าอินทัชจะพูดบอกเด็กนั่น

แต่กลัวมันจะทำอะไรไม่งามในรีสอร์ทของเขาต่างหาก!! ก็เด็กนั่นเล่นให้ท่าขนาดนั้นแล้ว ใครบ้าจะไม่ทำอะไร เพราะถ้าเป็นรามินทร์ เขาก็เอา!!!

“อย่าเดินนานกันนะครับ กลางคืนน้ำค้างค่อนข้างเยอะ เดี๋ยวเป็นหวัดเอา”

สองคนไม่สนใจเสียงเตือนของเขาเลยสักนิดนั่นทำให้รามินทร์เก็บความโกรธเอาไว้ ถ้าหลุดจากตรงนี้เมื่อไหร่ มันโดนดีแน่!!!

“พอดีผมอยากให้สองคนนั้นคบกันน่ะครับ มีลูกชายชอบผู้ชายก็ต้องหาคนที่เหมาะสมให้ลูก คนเป็นพ่อทำได้แค่นี้แหละครับ” ขจรเอ่ยขึ้นมายิ้มๆ มองตามสองคนนั้นไปอย่างพอใจ

ส่วนภรรยาก็ทำได้แค่ยิ้มให้ไม่แพ้กัน... อย่าถามว่ารามินทร์อยู่ในอารมณ์ไหน...เพราะเขาโมโหมา โมโหแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!!!


ทางด้านอินทัชที่เดินออกมาด้านนอกกับกรลูกชายของขจรก็ต้องฟังน้องเจื้อยแจ้วไม่หยุดอย่างรำคาญหน่อยๆ เพราะตนเป็นคนไม่ชอบฟังใครพูดสักเท่าไหร่

“พี่อินมาเนี่ย...ไม่คิดจะบอกกรเลยเหรอ ทุกคนเขาตามหาพี่กันหมดเลยนะ”

“พี่แค่อยากพักผ่อนน่ะครับ กรสัญญากับพี่ก่อนนะว่าจะไม่บอกใคร พี่อยากอยู่เงียบๆ คนเดียวน่ะ” เพื่อป้องกันไม่ให้รามินทร์ทำอะไรกับจักรและหมอเงิน เขาก็ต้องปิดเรื่องบ้าๆ นี้เอาไว้เป็นความลับต่อไป

“ได้สิฮะ...แต่ว่ามีข้อแลกเปลี่ยนน้า...” ร่างเล็กเดินมายืนอยู่ตรงหน้าของอินทัชพูดด้วยดวงตาแพรวพราว นิ้วชี้กรีดไปมาบนอกของอินทัช

“จะเอาอะไรครับคนดี” ร่างสูงโปร่งยิ้มเจ้าเล่ห์ มองร่างเล็กกว่าด้วยสายตาที่โลมเลียอย่างเต็มที่

“อยากได้พี่อิน...”

“ตรงนี้ไม่ได้ครับ คนเยอะ” เขาหยุดนิ้วชี้ที่ลากต่ำมาที่สะดือเอาไว้ พูดบอกด้วยรอยยิ้มหวาน คนเป้นน้องยู่ปากอย่างไม่สบอารมณ์

ให้ท่ามาก็หลายที ทำไมอินทัชถึงไม่สนใจ...

“พี่อินเลี่ยงกรตลอดเลย ทีกับคนอื่นทำไมได้ล่ะ”

“น้องกรเด็กอยู่เลย เพิ่งเรียนมัธยมเองนะ”

“น้า...ถ้าอย่างนั้นกรเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นจริงๆ ด้วย” อินทัชทำท่าคิดหนัก...

ตอนนี้ก็อยากทำนะ เพราะไม่ได้ปลดปล่อยมานานแล้ว แต่ตรงนี้มันไม่ได้น่ะสิ จะให้ไปที่ห้องของน้องก็กะไรอยู่ ร่างสูงมองไปยังซอกตึกมืดๆ ที่อยู่ในมุมอัพ ต้นไม้บัง คนไม่เดินผ่านในตอนกลางคืน

“ตามพี่มา แล้วพี่จะให้ในสิ่งที่กรแลกเปลี่ยน”

กรยิ้มกว้าง เดินตามอินทัชไปยังที่มืดๆ จนน่ากลัว แต่ว่ามากับอินทัชเขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแหละ...

“คนดีเก็บเสียงได้ขนาดไหนครับ” เขาถามเสียงอ่อนโยน

ไม่แปลกใจเลยที่คู่นอน คู่ควงของเขาจะหลงและชอบเขามากขนาดที่เคยมีเรื่องมีราวกัน เพราะอินทัชช่างเอาอกเอาใจ พูดหวาน...

“กรเก็บเสียงไม่เก่งหรอกครับ ชอบครางดังๆ ด้วยสิ” น้องยิ้มยั่ว แม้จะอยู่ในมุมมืดแต่ก็พอมองเห็นหน้ากัน แขนเรียวเล็กโอบรอบคอของอินทัชอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัวเนื่องจากอินทัชกำลังคิดวิธีเก็บเสียงของกรอยู่

“แต่พี่อินก็ปิดปากกรด้วยปากพี่อินสิฮะ” ว่าแล้วก็โน้มคอคนที่สูงกว่าลงมือแล้วประกบริมฝีปากไปอย่างรวดเร็ว อินทัชที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่ตกใจสักพักก็หันมาจูบตอบมือไม้ก็ลูบไปทั่ว...


“ผมว่าท่านไปพักผ่อนดีกว่าครับ วันนี้ท่านก็เดินทางมาเหนื่อยๆ” รามินทร์เอ่ยขึ้นมาเมื่อผ่านมาเกือบสิบห้านาทีแล้วขจรก็ไม่เห็นจะคุยเรื่องธุรกิจสักที

และเขาเองก็รีบร้อนมากที่จะตามอินทัชไปด้วย

“ก็ดีเหมือนกันนะ ยังไงผมขอตัวไปนอนก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันก็แล้วกันนะคุณราม ขอโทษที่รบกวนเวลานานขนาดนี้”

“ด้วยความยินดีครับ”

“ไปเถอะกิ่ง” เขาหันไปชวนภรรยาของตน

“ค่ะ”

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ” รามินทร์บอกก่อนจะเดินออกไปยังประตูฝั่งที่อินทัชกับกรออกไปเมื่อเห็นว่าขจรกับภรรยาเดินออกไปแล้ว

พอออกมาข้างนอกก็ไม่เห็นวี่แววของทั้งคู่ ร่างสูงคิดอย่างเดียวว่าอินทัชมันลากไปกินแล้วแน่ๆ

“ไอ้เหี้ยนี่!!”

ร่างสูงครุ่นคิดว่าอินทัชจะพากรไปที่ไหน ที่แน่ๆ ไม่ไปที่ห้องพักของกรแน่ๆ แล้วเรื่องแบบนี้มันทำโจ่งแจ้งไม่ได้...ยังไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรมากมาย สายตาก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ ที่อยู่ในซอกตึกมืดๆ ที่ถ้าไม่เข้าไปใกล้ก็มองไม่เห็นแน่ว่ามีคนอยู่

“หึ! เข้าใจคิดดีนี่”

ร่างสูงสาวเท้าตรงไปยังตรงนั้นทันทีอย่างเร่งรีบ ยิ่งเข้าใกล้ ก้ยิ่งเห้นชัดเจนว่าทั้งสองคนกำลังทำอะไรอยู่

“อ๊า...พ่ะ อิน อ๊า...”

“ชู่วววว...เบาๆ สิครับ เดี๋ยวใครก็มาได้ยินหรอก”

มึงยังกลัวอีกเหรอวะ!! รามินทร์ที่แอบฟังอยู่ถึงกับกัดฟันกำหมัดแน่นด้วยความโมโห

“จะ ...อ๊า จะ ออก อ๊ะ อึก แล้ว อื้อออ...” เสียงสุดท้ายเป็นเสียงครางที่โดนอะไรบางอย่างปิดปากอยู่ รามินทร์ยอมรับว่าได้ยินเสียงครางนั่นทำให้เกิดอารมณ์

แต่ความโกรธ ความโมโหมีมากกว่า

“พอใจแล้วนะครับ...”

“ต่ะ แต่ว่า...”

“ควรจะพอแล้วมั้ง!!” รามินทร์เอ่ยขึ้นมาเสียงเข้ม ก่อนจะโผล่ตัวไปให้เห็น ซึ่งอินทัชก็ตกใจที่ได้ยินเสียงแบบนั้น ส่วนกรก็ได้แต่หันหลังแล้วรูดซิปกางเกงให้เรียบร้อยด้วยความอาย

“มึง!!”

“ทำไม...ตกใจอะไร เดี๋ยวมึงกูจัดการทีหลัง คุณหนูครับ...กลับห้องไปพักผ่อนได้แล้วนะครับ” รามินทร์หันไปพูดบอกลูกชายของลูกค้าด้วยน้ำเสียงดุๆ

“แต่ว่า...”

“ไปนอนก่อนนะครับกร...พี่มีเรื่องจะคุยกับเจ้าของที่นี่หน่อยน่ะ”

“ฮะ...พี่อิน” ร่างเล็กเดินออกมาจากเงามืดด้วยสีหน้าแดงๆ ก่อนจะเดินเร็วๆ ออกไปจากตรงนั้นเพราะอายที่มีคนมาเห็นและได้ยิน

ทั้งสองสบตากันผ่านความมืดอย่างไม่มีใครยอมใคร...ร่างสูงเห็นว่าอินทัชยังอยู่ในสภาพดีเรียบร้อยราวกับว่าไม่ได้ผ่านเรื่องอย่างว่ามา

“มึงนี่ทำตัวมั่วจริงๆ เอาไม่เลือกที่”

“แล้วไง...ยังไงก็มันก็พวกคนเลวอยู่แล้วนี่ จะเลวว่านี้ ต่ำกว่านี้ก็ไม่เห็นเป็นไร”

“ออกมานี่เลยไอ้สัตว์ อยากมากใช่ไหม!! ได้!! กูจัดการให้!!!”

เขากระชากแขนร่างบางกว่าให้เดินตามตนมา ทางที่ร่างสูงพาไปเป็นทางกลับบ้านพักของเขา แต่พอถึงทางเข้าบ้านของรามินทร์ ร่างสูงก็ดันอีกคนไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ มือไม้เริ่มดึงเสื้อผ้าของอินทัชออกไป

ผลัก!!

“อึก...เจ็บนะ อ๊ะ...แล้วมึงถอดเสื้อผ้ากูทำไม ไอ้เหี้ย อย่านะเว้ย!!!” ร่างโปร่งพยายามห้าม แต่แรงของรามินทร์มีมากกว่าเลยทำให้เขาขัดมันไม่สำเร็จ

“อยากมากนักกูจะสนองให้!! เห็นเอาไม่เลือกที่ก็เอากับกูตรงนี้เลยก็แล้วกัน”

“ไม่!! อ๊ะ...อย่านะไอ้สัตว์ ไอ้ราม ไอ้เหี้ย อย่านะ อื้อ” กางเกงของเขาถูกปลดลงไปกองที่อยู่ปลายขา มือแกร่งยกขาข้างหนึ่งของเขาขึ้นมาแล้วแล้วจัดการแทรกเข้าไปหว่างขาขาวโดยที่ร่างโปร่งไม่ทันตั้งตัว

อินทัชคิดถึงภาพในวันนั้นที่เขาโดนร่างสูงกระทำอย่างโหดร้ายและรุนแรงก็เริ่มสั่นกลัว มือที่กำลังสั่นพยายามที่จะดันร่างของคนตรงหน้าออกไป

“มึงอย่าทำกูนะ...”

“มึงอยากไม่ใช่เหรอ!! กูจะสนองให้ไง!!!”

“กูไม่ได้อยาก!!”

“แล้วที่มึงเอากับเด็กนั่นเมื่อกี้ล่ะ มึงยังไม่เรียกว่าอยากอีกหรือไง นิสัยร่านๆ อย่างมึงนี่คงแก้ไม่หายสินะ เอาทุกที่!!! ขนาดถูกจับตัวมายังมีอารมณ์เอาคนอื่น!!”

อินทัชไม่เข้าใจว่าทำไมอีกคนถึงต้องโมโห...

“กูไม่ได้เอากับกร!!! ไอ้สัตว์ราม...กูแค่ใช้มือช่วย ถ้ากูเอากับกรจริงๆ กูคงไม่มีสภาพอย่างนี้หรอก!!” เขาพยายามที่จะเอาขาลงจากการถูกยกสูงแต่ก็ไม่เป็นผล

ความเย็นวูบๆ ที่ช่วงล่างทำให้หน้าขาวๆ ของอินทัชแดงด้วยความอาย แม้จะมืดแต่แสงไฟจากบ้านของรามินทร์ก็ทำให้เห็นกันอยู่รำไร

“แต่มึงก็ทำบัดสี!! นั่นหมายความว่ามึงเงี่ยน...แล้วถ้ามึงเงี่ยนนัก กูจะสนองให้ไง!!! สำหรับมึงน่ะเหมาะกับถูกเอามากกว่าที่จะไปเอาเขา”

“แล้วมึงเอาที่ไหนมาตัดสินว่ากูเหมาะ ปล่อยกูเดี๋ยวนี้ กูไม่มีวันปล่อยให้มึงทำกูเป็นครั้งที่สองแน่!!!”

“หึ...ห้ามได้ก็ลองดู”

“อ๊ะ...ไอ้สัตว์ อึก...อย่าจับนะเว้ย อา...” เขาร้องเสียงหลงเมื่อถูกมือใหญ่ร้อนของรามินทร์คว้าเข้าที่ส่วนอ่อนไหวซึ่งกำลังหลับใหลราวกับว่าก่อนหน้านั้นมันไม่เคยมีอารมณ์เลย

ช่วยคนอื่น...แต่ตัวเองไม่มีอารมณ์...เป็นไปได้เหรอวะ!!

“รู้สึกเร็วนี่หว่า”

“อ่ะ ไอ้...อะ ไอ้สัตว์!” คนตัวเล็กกว่าด่าออกมาเสียงสั่น เมื่อรู้สึกตัวว่ามีสิ่งแปลกปลอมกำลังลุกล้ำที่ช่องทางด้านหลังของเขา ก็ก้มหน้าลงกัดเข้าที่บ่าแกร่งอย่างแรงจนร่างสูงร้องออกมาด้วยความเจ็บแต่ก็ไม่ยอมปล่อย

“โอ้ย!!! ไอ้อิน!!”

“มึงปล่อยกูเลย”

“เล่นอย่างนี้ใช่ไหม ได้!!”

เพราะโมโหที่โดนกัดลงมาเต็มแรง ร่างสูงเลยคิดจะเอาคืนอย่างสาสมนั่นคือการเปลี่ยนท่าทางให้ร่างโปร่งบางตรงหน้าหันไปยังต้นไม้ใหญ่ บังคับให้สะโพกงอนโก่งมาด้านหลัง ส่วนเขาก็ปลดกางเกงตัวเองอย่างเร็ว เอาความเป็นชายออกมาด้านนอกแล้วขยับมันสองสามทีก่อนจะจ่อที่ปากทาง

“ไอ้รามอย่านะเว้ย!! อ๊า...” เสียงครางดังลั่นด้วยความเจ็บที่ถูกเสียบพรวดเดียวโดยไม่มีการเบิกทางไม่มีสารหล่อลื่น รามินทร์เองก็ครางออกมาไม่แพ้กันเพราะแรงรัดของอินทัชทำให้เขาแทบจะปลดปล่อย

“อึก...กูเจ็บ อ๊ะ!! เจ็บ”

“หึ นี่คือบทลงโทษที่มึงสำส่อน อืม...แน่นดีนี่หว่า”

จะไม่แน่นได้ยังไงก็มีมึงเคยเข้าอยู่คนเดียว คิดแล้วอินทัชก็ได้แต่เจ็บใจ...

“อึก...อ๊ะ เอาออก”

“ถ้ามึงไม่ผ่อนคลายกูไม่รับประกันนะว่ามึงจะไม่เจ็บ เพราะกูจะไม่อ่อนโยนให้” ว่าแล้วก็สวนสะโพกเข้าไปจนตัวของคนที่รับแรงกระแทกถึงกับตัวสั่น ขาสั่น

“อ๊ะ...เจ็บ ไอ้เหี้ย กูเจ็บ อึก”

“หึหึ...” เสียงหัวเราะเสียงต่ำดังขึ้นมาทำให้อินทัชรู้สึกรังเกียจ...มันหัวเราะเหมือนคนโรคจิตกำลังจะข่มขืนคน และตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากการข่มขืนเลยสักนิด

อินทัชโดนข่มขืนเป็นครั้งที่สอง......

อินทัชทำตัวให้ผ่อนคลายไม่เช่นนั้นเขาจะบีบรัดส่วนนั้นของรามินทร์มากจนเกินไป นั่นทำให้รามินทร์สวนกายเข้าออกได้อย่างง่ายขึ้นและรุนแรง จากความเจ็บปวดกลายเป็นความเสียวกระสันจนต้องร้องครางออกมาหากแต่อินทัชก็เอามือข้างหนึ่งยันต้นไม้ส่วนอีกข้างปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้หลุดเสียงน่าอับอายของตนออกไป

“อืม...อา...” เสียงครางต่ำของรามินทร์ดังออกมาด้วยความพึงพอใจ

ร่างทั้งสองกรตุกเกร็งเมื่อแรงกระแทกครั้งสุดท้ายของรามินทร์ทั้งแรงทั้งเน้นแช่อยู่แบบนั้นจนน้ำกามปล่อยเข้าไปด้านในช่องทางเต็มๆ ร่างสูงถอนแก่นกายออกมาแล้ว ดึงกางเกงขึ้นสวมแล้วเดินออกไปเงียบๆ ไม่สนใจอะไรคนตรงหน้าอีก ปล่อยให้ร่างโปร่งค้างอยู่ท่านั้นด้วยความเหน็ดเหนื่อย น้ำตาของอินทัชไหลรินออกมาด้วยความรู้สึกอัปยศ ก่อนจะเริ่มจัดการเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเดินกลับบ้านพักของตนไปอย่างยากลำบาก

ความเจ็บปวดที่ถูกกระทำรุนแรงที่ช่องทางทำให้ต้องกัดแฟนทุกครั้งที่มันสะเทือน...

“ฮึก…”

เมื่อไหร่เขาจะพ้นจากคนใจร้าย ป่าเถื่อนพรรค์นี้สักที...

...

...

...







50%

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

   เป็นยังไงก็คอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ^_^ หากต้องการติดตามข่าวสารการลงนิยายของยูกิ ทวงนิยาย หรือพูดคุยกับคนแต่งกากๆ (ฮ่าๆ)  ไปที่แฟนเพจเลยนะขอรับ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 50% => (19/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 19-06-2016 23:17:18
 :sad4: :sad4: :o12: :o12: สงสารอิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 50% => (19/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bencup9443 ที่ 19-06-2016 23:24:25
อยากใหพลิกเกมแล้วอะ  :z3: อยากให้รามโดนอินเมินใส่จัง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 50% => (19/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 19-06-2016 23:55:55
ราม มึง..เกลียดมึง..
สักวันเหอะราม มึงจะต้องเจ็บ ยิ่งกว่าที่อินเจ็บ!!
#แค้นแทนอิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 50% => (19/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-06-2016 00:06:01
 :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 50% => (19/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-06-2016 00:18:07
ยังจะใจดีไปช่วยอีกกกกก


จนตอนนี้นึกไม่ออกแล้วว่า อินจะเอาคืนรามแบบไหน ?


หนีเถอะ !


 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 50% => (19/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-06-2016 00:34:46
ไอ้เลว ไอ้เหี้ยราม แม่งไม่ฟังเหตุผลอะไรเลยนะ แม่งหึงจนหน้ามืดข่มขืนอินอีกแล้วอ่ะ ไรท์ต้องเอาคืนให้หนักเลยนะ สงสารอินมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 50% => (19/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 20-06-2016 12:19:11
อีกนานไหมกว่าอินจะได้เอาคืนแต่ของอย่างนะไม่เอาแล้วพอสำนึกผิดแล้วก็มาขอโทษคนมันเหี้ยแบบนี้ควรไล่ไปตาย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 50% => (19/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 20-06-2016 13:17:01
ต้องสู้ ต้องสู้จึงจะชนะ อินสู้เว่ย
รามไม่ควรทำอย่างนี้อะ คือถ้าเห็นว่าอินทำอย่างนั้น แสดงว่าทำให้น้องเจ็บ
แล้วทำไมต้องมาทำอย่างนั้นกับอินด้วย ตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกันเลย
ข้ออ้างชัดๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 50% => (19/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-06-2016 19:01:46
จะหึงจะหวงก็ทำดีๆ ทำไม่ดีก็ไม่ต่างกับที่รามว่าให้อินนะ

สงสารอินทัช
ราม ถ้ารู้ใจตอนสายไป จะสมน้ำหน้าให้

น้องกรแรดมากบอกเลย มัธยมเองนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 50% => (19/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 21-06-2016 21:52:16
รามทำแบบนี้ก็ไม่ต่างจากที่เคยว่าอินทร์เลยนะ
แถมยังจะทำมากกว่าที่ว่าอินทร์ด้วย อย่างน้อยอินทร์ก์ไม่เคยข่มขืนน้องตัวเองซักหน่อย
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 22-06-2016 21:20:31
ตอนที่ 14 ครึ่งหลัง



อินทัชตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ของวันใหม่ด้วยความรู้สึกไม่สบายตัวเลยสักนิด วันนี้สายหน่อยเพราะคงจะเป็นเวลาตีห้าเกือบหกโมงแล้ว ที่เขารู้เพราะมีนาฬิกาปลุกเรือนเล็กๆ ที่รามินทร์เอามาทิ้งไว้ให้อยู่บนหัวนอน

“สายขนาดนี้คงไปโรงครัวไม่ทันแล้ว” ได้แต่พึมพำเบาๆ ก่อนจะลุกไปหยิบผ้ากับเสื้อผ้าเพื่อไปอาบน้ำในห้องน้ำ

“น้ำจะหมดแล้ว ต้องไปตักมาไว้อีกแล้วสินะ”

มีแต่งานหนักๆ ทั้งนั้นเลยวันนี้...

สองเท้าก้าวลงมาจากบนบ้านเก่าๆ ที่พร้อมจะพังทุกเมื่อเพื่อจะมาทำอาหารเช้าทาน แต่เมื่อลงมาก็เจอกับร่างสูงของคนที่เขาไม่อยากเจอนั่งอยู่บนแคร่ด้วยสีหน้านิ่งๆ ข้างๆ มีปิ่นโตวางอยู่ด้วย

“มีอะไร...”

รามินทร์มองร่างโปร่งอย่างสำรวจนิดๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนี ทำเอาอินทัชถึงกับอารมณ์เสียแต่เช้า

“ถ้าไม่มีก็ช่วยใสหัวไปที่อื่น กูรำคาญตา”

“ก็ไม่ได้อยากมานักหรอก”

“งั้นก็เชิญ...” เขาผายมือไปยังทางกลับบ้านพักของรามินทร์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“กูไปแน่...ไม่อยากอยู่นานเหมือนกัน”

“งั้นมึงมีอะไรก็พูดมา”

“กูแค่เอาข้าวเช้ามาให้” สิ้นเสียงของรามินทร์ อินทัชก็ตกอยู่ในตะลึงมองคนตรงหน้าตาค้างอ้าปากหวอ ใบหน้างงงวยอย่างเห็นได้ชัดจนรามินทร์รู้สึกเขินๆ แต่ก็ฟอร์มทำหน้าเงียบขรึมใส่

“เนื่องด้วย?”

“ขอบคุณที่มึงช่วยเรื่องคุณขจรไง แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเพราะกูไม่อยากติดหนีบุญคุณคนอย่างมึง”

พอรู้คำตอบก็ร้องอ๋อออกมาเบาๆ

“ที่จริงมึงแค่พูดออกมาก็พอ ไม่ต้องเอาข้าวมาให้กูก็ได้...เพราะกูทำกูไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้ว แค่ช่วยเจ้าจอมเท่านั้น” เขาว่าออกมาจากใจ

แต่ก็โดนมองสำรวจอย่างจับผิดจากคนตรงหน้าอยู่ดี

“เออ!! มึงคงไม่เชื่อ งั้นวางปิ่นโตไว้ตรงนั้น เสร็จแล้วก็กลับไปซะ”

“กูพึ่งรู้ว่ามึงมีสิทธิ์ไล่กูด้วย?”

“กูก็พึ่งรู้ว่ามึงมีสิทธิ์ทำร้ายกูได้ด้วยเหมือนกัน…ถือว่าเจ๊ากันไป แม้จะเป็นการเจ๊าที่กูเสียเปรียบก็ตาม” ประโยคสุดท้ายเจ้าของหน้าสวยพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“กินเสร็จมึงอย่าลืมทำงานตัวเองก็แล้วกัน แล้วที่ตื่นสายวันนี้กูจะอนุโลมให้”

“ใจดีจังเนอะ” พูดประชดออกไป

“อย่ามีอีกก็แล้วกัน กูไปล่ะ” รามินทร์เดินออกไปโดยที่ไม่หาเรื่องด่า ไม่ว่าอะไรทั้งที่ปกติไม่เป็นแบบนี้ แต่ก็ช่างมันเถอะ ได้ข้าวมากินดีๆ มื้อหนึ่งก็ถือว่าดีแล้ว

อินทัชไม่รู้หรอกว่ารามินทร์มานั่งรอตัวเองตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง...ก็ได้แต่เปิดปิ่นโตแล้วทานอาหารดีๆ อย่างไม่ได้คิดอะไรมาก

ส่วนทางด้านรามินทร์ก็เดินไปที่สำนักงานด้วยความรู้สึกรำคาญใจแปลกๆ ที่ตัวเองดันตื่นขึ้นมาแต่เช้าให้ป้ารีทำอาหารให้สองสามอย่างแล้วไปนั่งรอมันอยู่จนฟ้าสว่าง...

“อะไรของมึงวะ”

มันก้ำกึ่งกับคำขอบคุณและคำขอโทษ เมื่อคืนเขาทำแรงไปจริงๆ การที่ทิ้งให้อินทัชอยู่แบบนั้นตอนที่เขา ‘ทำ’ เสร็จนั้น มันจะทำให้อินทัชรู้สึกแย่ขนาดไหน

การข่มขืน...ไม่ได้อยู่ในวัตถุประสงค์ที่เขาจะแก้แค้นเลยสักนิด

แล้วเขาทำไปได้ยังไงตั้งสองครั้ง...

“อ้าว? พี่ราม...”

“จอม? ทำไมมาเช้าจังเลย เวลางานคือแปดโมงไม่ใช่หรือครับ” เขาถามเสียงนุ่มทุ้มเป็นพี่ชายที่แสนดีเหมือนเดิม

“จอมตื่นเช้า...เลยมาเดินเล่นที่รีสอร์ทดีกว่า”

“ใช่เหรอ...ไม่ใช่มีอะไรแอบแฝงนะ”

“เปล๊า!!” น้องชายปฏิเสธเสียงสูง ทำเอาพี่ชายยิ้มให้อย่างเอ็นดู “เมื่อกี้จอมเห็นพี่ขรรค์ด้วยแหละ พี่หล่อๆ ที่อยู่กับพี่ขรรค์เป็นใครเหรอฮะ” เจ้าจอมถามด้วยความอยากรู้

“นี่เรายังไม่รู้จักเหรอ”

“ไม่อ่ะ จอมเพิ่งจะเคยเห็นเอง”

“นั่นหมอเงิน เป็นคนรักของขรรค์มัน” พอตอบไป เจ้าจอมก็ทำสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าคนตัวยักษ์ๆ หน้านิ่งๆ แบบนั้นจะมีคนรักที่ทั้งหล่อ ทั้งขาวแล้วก็ดูสุภาพบุรุษ

“ไม่คิดว่าพี่ขรรค์จะชอบผู้ชาย”

“เขาคบกันมาเกือบสิบปีได้แล้วล่ะมั้ง แต่ก็มีปัญหากัน”

“แต่ที่จอมเห็น เขาสองคนสวีทกันมานะพี่ราม ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรกันเลย”

“สงสัยเคลียร์กันแล้วล่ะมั้ง” มีอะไรไม่ยอมบอกยอมกล่าวกันเลยนะ...ต่อประโยคในใจ

“งั้นล่ะมั้งฮะ แต่เห็นพี่ขรรค์มีความสุขได้ก็สบายใจ”

“จะไปสบายใจอะไรแทนเขาล่ะเรา เอาตัวเองรอดหรือยัง” ขยี้ผมนุ่มของน้องชายด้วยความหมั่นเขี้ยว เจ้าจอมก็ได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้

“ระดับไหนแล้ว...”

“ตอนนี้ไอ้จักรมันโกนหนวด คนงานผู้หญิงกรี๊ดมันตรึมเลยนะ ระวังแล้วกัน”

เป็นไปตามที่รามินทร์พูดนั่นแหละ แต่หนวดของจักรก็ขึ้นแล้วนะ ขึ้นเร็วมาก แต่ไม่รุงรังหน้าโจรเหมือนที่ผ่านมาแล้ว คงเป็นอินทัชที่บอกให้จัดการล่ะมั้ง

ไม่เห็นจะมีปัญหาตรงไหน ของๆ ของก็ต้องเป็นของเขา...

“รู้แล้ว ว่าแต่พี่ไปขอบคุณพี่อินหรือยัง”

ร่างสูงเงียบไป ปากที่ฉีกยิ้มอยู่ก็หุบราวกับไม่พอใจที่ได้ยินสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน แต่มันไม่ใช่...อินทัชทำให้เขารู้สึกแปลกๆ

“ว่าไงฮะพี่ราม”

“ขอบคุณแล้ว”

“ดีแล้วฮะ เพราะเรื่องนี้ถ้าไม่ได้พี่อินเราแย่นะฮะ”

“อืม...พี่รู้”

“งั้นจอมขอไปเดินเล่นต่อนะฮะ อากาศวันนี้กำลังดีเลย”

“ครับ”

เจ้าจอมเดินไปแล้ว เหลือแค่รามินทร์ที่กำลังยืนนิ่ง...ก่อนจะสลัดศีรษะแรงๆ ไล่ความฟุ้งซ่านออกไปแล้วเดินตรวจงานต่อ...

“ช่างมันเถอะ...”



“อิน...”

“อ้าว? หมอเงิน แล้วก็ขรรค์ อรุณสวัสดิ์” ร่างโปร่งบางที่กำลังรถน้ำผักอยู่วางบัวรถน้ำแล้วทักทายทั้งสองที่ยืนอยู่เคียงคู่กัน อีกคนหน้านิ่งเรียบเฉย มือถือจอบส่วนหมอเงินก็ยืนฉีกยิ้มมาให้

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

“อือ...อรุณสวัสดิ์”

“เป็นไง คืนดีกันหรือยัง” เขาถามออกไปตรงๆ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะปิด ยังไงก็แล้วแต่เขาก็ต่างรู้กันดี

“อื้อ ขอบคุณอินมากๆ เลยนะที่ช่วย”

“เฮ้ย!! ผมยังไม่ทันทำอะไรเลย จะขอบคุณทำไม” เขาได้แต่โบกมือไปมา เพราะตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายที่ทั้งสองดีกันนั่นเป็นเพราะความรักของทั้งคู่ต่างๆ

“ต้องขอบคุณสิ เนอะขรรค์เนอะ”

“อืม...ขอบคุณที่ยุ่ง”

“นายนี่ก็ปากจัดเหมือนกันแฮะ” คนหน้าสวยแขวะร่างสูงใหญ่อย่างขรรค์ไป เรียกเสียงหัวเราะจากหมอเงินได้เป็นอย่างดี

“ขอบใจ”

“กูด่าเถอะ” พึมพำกับตัวเองเบาๆ

“แล้วอินเป็นยังไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งสองวันแน่ะ”

“ผมก็เหมือนเดิม ยังแย่แบบไหนก็แบบนั้นแหละ”

“เห็นคนงานเล่ากันให้ทั่วเลยว่าเมื่อวานอินไปรับแขกสำคัญของรีสอร์ทนี่ คุณรามได้ว่าหรือทำอะไรอินไหมครับ” หมอเงินถามด้วยสีหน้าจริงจังแฝงไปด้วยความเป็นห่วงจนอินทัชซึ้งใจ

ในเรื่องที่โหดร้ายยังมีเรื่องที่ดีอยู่...

“คนอย่างมันมีหรือจะไม่ทำอะไรผม”

“คุณรามทำอะไร...”

“อย่าไปรู้เลยครับ มาคุยเรื่องของหมอดีกว่า ยินดีด้วยนะครับ หวังว่านายคงไม่ปอดแหก ขี้ขลาดอีกเป็นครั้งที่สองหรอกนะ แหกตาดูบ้างว่าคนที่รักนายต้องทำเพื่อนายขนาดไหน” ร่างโปร่งเปลี่ยนเรื่องโดยการที่พูดถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง ประโยคท้ายๆ ก็ยังแอบแขวะขรรค์อยู่เนืองๆ

ก็อินทัชไม่ชอบคนขี้ขลาดตาขาว...

แต่ก็เข้าใจว่าที่ขรรค์ทำนั่นก็เพราะว่ารัก...

“รู้แล้ว นายอย่าพูดมากดีกว่านะ”

“ทำไมขรรค์คนนี้ ไม่เหมือนกับขรรค์คนที่ฉันรู้จักวันแรกๆ ที่มาที่นี่วะ”

“เขาก็เป็นแบบนี้แหละครับอิน...พอสนิทกันก็เริ่มเผยธาตุแท้” หมอเงินตอบให้

“อ้อ! ที่ผ่านมาคือละครสินะ เก่งดีนะขรรค์ เป็นดาราได้เลย”

“นายก็เหมือนกัน...แขวะเก่ง กัดเก่งแบบนี้ อย่าลืมฉีดยาล่ะ ไม่อยากติดเชื้อ”

“เฮ้ย!! ฉันไม่ได้เป็นหมาบ้านะเว้ย!!”

“เฮอะ!!” ร่างสูงใหญ่ส่งเสียงขึ้นจมูก กระตุกยิ้มอย่างสะใจให้กับอินทัชก่อนจะเดินไปจากตรงนี้ ปล่อยให้คนรักของตนยืนอยู่กับอินทัชตามลำพัง

“ขรรค์ก็เป็นแบบนี้แหละครับ อินอย่าถือสา”

“ไม่หรอกหมอ...ผมไม่ซีเรียส ดีเสียอีกที่รู้จักในอีกมุมหนึ่งของมัน” อินทัชพูดยิ้มๆ

“ยังไงผมก็ขอบคุณอินมากนะ”

“ยินดีครับ...หมอเงินเป็นเพื่อนไม่กี่คนของผมที่อยู่ที่นี่ อีกคนมันชื่อจักรครับ ถ้าหมอได้รู้จักก็ต้องชอบมันแน่ๆ มันหน้าโหดๆ เถื่อนๆ แต่นิสัยมันโง่ๆ ซื่อๆ พูดกับมันแล้วสบายใจดี อยากให้หมอลองเจอ”

“ลองอินพูดแบบนี้ คนนั้นคงดีจริงๆ นั่นแหละ...ว่างๆ ผมจะเข้าไปคุยด้วยนะ” หมอเงินยิ้มให้ ในใจก็นึกโล่งใจที่อย่างน้อยอินทัชก็มีเพื่อนที่นอกเหนือจากเขา

มันทำให้เงินเชื่อเลยว่า...คนดีน่ะ...ยังไงก็ไม่มีทางอับจนหนทางหรอก

“งั้นผมขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวจะถึงเวลาเข้าเวรแล้ว ขอไปอยู่กับขรรค์ก่อน” หมอเงินขอตัว ใบหน้าเปื้อนยิ้มมีความสุข

“ฮ่าๆ เชิญครับ อิจฉาจริงๆ คนมีความรัก”

“อินเองก็มีคนรักเยอะนะ ในฐานะเพื่อนก็มีผมคนหนึ่ง”

“ขอบคุณครับ ผมก็รักหมอเหมือนกัน”

“ฮ่าๆ เรารักกันเนอะ! ไปนะ แล้วเจอกัน”

“ครับ” เขาโบกมือให้ร่างโปร่งที่วิ่งตามคนรักของตนไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ก่อนที่ตัวเองจะเริ่มรถผักที่ยังเหลือต่อให้เสร็จ...

ระหว่างที่ร่างโปร่งกำลังรถผัก ร่างเล็กของน้องชายเจ้าของรีสอร์ทที่เดินเล่นจนมาถึงนี่ก็ทำหน้าฉงนที่เห็นอินทัชทำงานหนักแบบนั้นอยู่

รู้ว่าพี่ชายใช้งานอินทัชหนัก แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ แล้วบ้านเก่าๆ หลังนั้น ก็คงจะเป็นบ้านที่พี่อินนอนอยู่ทุกๆ วันนี้แน่ๆ

“พี่อิน...”

“เอ๊ะ! น้องจอม!! มาได้ยังไงครับ” ร่างโปร่งที่ตกใจหันมาถามคนตัวเล็กเสียงดัง

“จอมเดินเล่นเลยมาถึงที่นี่”

“นึกว่ามีธุระกับพี่เสียอีก”

“แปลงผักนี่...พี่อินทำเองเหรอฮะ” คนอายุน้อยกว่าถามพลางใช้สายตากวาดมองไปยังแปลงผักด้านหน้าที่มีผักเจริญเติบโตขึ้นมาบ้างแล้ว

“ใช่แล้วน้องจอม...ถ้าพี่ไม่ทำเองจะเอาอะไรที่ไหนกินล่ะครับ”

“พี่รามทำขนาดนี้เลยหรือฮะ”

“น้องจอมไม่ต้องเครียดหรอก ได้ทำอะไรแบบนี้ก็ท้าทายดี...ชีวิตพี่ไม่ค่อยได้เจอแบบนี้เท่าไหร่หรอก ถือว่าผ่อนคลายไปด้วย”

รอยยิ้มของคนสวยตรงหน้าทำให้เจ้าจอมรู้สึกอิจฉาแล้วก็รู้สึกประทับใจในความคิดไปในแง่ดีของคนที่ถูกจับมาแก้แค้น

“ทำไมพี่อินถึงได้ดีขนาดนี้นะ”

“ฮ่าๆ น้องจอมก็ว่าไป ถ้าพี่ดีขนาดนี้ พี่จะถูกจับมาทำไมครับ” แอบที่จะตัดพ้อรามินทร์ไม่ได้ ทำเอาร่างเล็กถึงกับน้ำตาคลอด้วยความสงสาร

“สำหรับจอม พี่อินเป็นคนดี”

“ขอบคุณครับ”

“ถ้ามีอะไรที่จอมช่วยได้บอกมาเลยนะฮะ”

“ช่วยรับรักไอ้จักรมันสักที พี่ขี้เกียจช่วยมันแล้ว...” สิ้นเสียงคำขอก็ทำเอาเจ้าจอมหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันที...มองหน้าที่กึ่งแซวกึ่งจริงจังของอินทัชแล้วไม่รู้จะเริ่มพูดตรงไหนก่อนดี

แต่ก่อนที่เจ้าจอมจะพูดอะไรออกมา คนตรงหน้าก็พูดมาอีกประโยคหนึ่ง ซึ่งทำเอาคนตัวเล็กสะอึกไป

“เล่นกับความรักน่ะ มันไม่สนุกหรอกนะครับเจ้าจอม”






100%


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


    แม้ที่นี่จะไม่ค่อยมีคนอ่านก็ไม่ท้อค่ะ แหะๆ...ตอนนี้ยูกิแต่งเรื่องนี้ไปได้แล้วประมาณหนึ่ง แต่ก็ลงตามสเต็ปเดิมนะคะทีละ 50% เว้นวันหนึ่งหรือสองวันแล้วก็ลงอีกครึ่ง (ส่วนใหญ่เว้นสอง) แล้วจะเว้นอีกสองวันอีก แบบนี้นะคะ ^_^

   ถ้าคุณไม่อยากพลาดข่าวสารสำคัญ กดไลค์แฟนเพจหรือกดรับการแจ้งเตือนด้วยก็ได้ค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 22-06-2016 21:41:58
แล้วมาไรความดีของพี่อินจะไปถึงรามินทร์ซักทีนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-06-2016 21:46:13
สงสารอินเมื่อไหร่ธีร์จะมาช่วยซักที และเมื่อไหร่ไอ้เหี้ยรามมันจะรู้ความจริงซักที ไรท์เอาคืนให้ไอ้เหี้ยรามมันกระอักเลยนะ แต่อย่างอินทัชผู้แสนดีอาจมองผ่านมันไปก็ได้แบบแล้วไปแล้วแต่อย่ามาให้เห็น อย่ามาให้เจอกันอีกแน่ๆ เลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 22-06-2016 22:46:28
สงสารอิน มองโลกในแง่ดี จริง ๆ แล้วก็น่าจะปลงละอะ
เพราะคงคิดว่าไม่ได้ออกไปง่ายๆแน่  สู้!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-06-2016 23:04:13
 :serius2:


เมื่อไหร่จะหลุดพ้น
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 22-06-2016 23:21:22
น่าสงสารอ่ะเจอคนประเภทข้างในเป็นสัตว์แบบนี้
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-06-2016 23:54:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 23-06-2016 05:30:16
อยากกอดอินทัชแน่นๆ สงสารน้ำตาจะท่วมป่าแล้ว นี่ร่ำๆว่าจะเป็นผีไปเข้าฝันพี่ธีร์บอกว่าน้องอินอยู่ไหน แล้วเลยไปเข้าฝันหลอกหลอนรามกับน้องสาวให้จับไข้สักที!!!!!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 23-06-2016 09:03:51
เมื่อไหร่น้อออออเฮียรามจะรู้ใจตัวเอง กลัวถึงวันนั้นแล้วมันจะสายไป สงสารอินมากๆ อย่าเพิ่งหมดความอดทนจนกว่าเฮียแกจะรู้ตัวนะอิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 23-06-2016 11:20:46
เราอ่านนะยูกิ
เรารอเรื่องนี้ตลอดเลย
เราปลื้ม...
ปล.ความรักของทุกคนก้าวหน้ามาก
แต่ความรันทดของอินทัชยังเท่าเดิม
เพิ่มเติมคือความเลวของราม!! แง่มๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 23-06-2016 14:13:57
พี่อิน..เปลี่ยนคู่ดีไหมมมมม..น้องจอมก็น่ารักนร๊าาาาาาาาาาา... :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Porttgas D. Acs ที่ 23-06-2016 19:25:45
อยากแพ่นกระบาลรามจริงๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 14 100% => (22/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-06-2016 01:24:48
มีไม่เยอะแต่ยังมีอยู่นะจ๊ะ  เป็นกำลังใจให้ค่ะ  รออ่านอยู่นะ

อินทัชน่าสงสาร ดีที่อาการไม่หนักมากแต่ไม่รู้จะทนพ้นวันไหม
มีแต่คนมองเห็นว่าอินทัชดี แต่รามก็บื้อไม่เลิกนะ

รามไม่รู้ตัวเลยหรอว่าทำไปทำไม หรือแค่ไม่ยอมรับว่าคิดไกลไปแล้ว

อินสู้ๆนะคะ หมอเงินน่ารัก 555 ขรรค์คนบ้า กวนประสาท
เจ้าจอมช่วยพี่อินด้วยนะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 50% => (24/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 24-06-2016 20:33:22
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 15
น้อยใจและหวง



‘เล่นกับความรักน่ะ มันไม่สนุกหรอกนะครับเจ้าจอม’

เสียงของอินทัชยังดังอยู่ในหัวของเจ้าจอมซ้ำไปซ้ำมาจนปวดหัวไปหมด...อยากรู้ว่าทำไมอินทัชถึงได้พูดแบบนั้น อยากรู้ว่าทำไมอินทัชพูดเหมือนรู้ออกมาอย่างนั้น

สิ่งที่เจ้าจอมรู้นั่นคืออินทัชเป็นคนดี...

แต่ก็เพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้เหมือนกันว่าอินทัช...เป็นคนที่น่ากลัว น่ากลัวมากๆ เลยสำหรับเขา

“อะไรคือการเล่นกับความรักนะ...”

ร่างบางเดินไปตามทางซึ่งเป็นเส้นทางที่พาเขาไปที่สำนักงานเพื่อลงเวลาเข้างาน เดี๋ยวโดนพี่ชายหักเงินเดือน...เพราะเจ้าจอมเป็นถึงน้องชายของเจ้าของรีสอร์ท การเข้างานส่ายถือเป็นสิ่งไม่สมควร จะถูกหักเงินเดือนมากกว่าเป็นพิเศษ และไม่มีการรับฟังเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าจะเข้างานช้าต้องบอกล่วงหน้า...นั่นคือสิ่งที่รามินทร์กำหนดให้กับเจ้าจอม

“สวัสดีค่ะคุณจอม”

“สวัสดีครับ” เขาทักทายพนักงานที่เดินตามทางเดินบ้างสวนกันบ้างไปทางเดียวกัน

เขาเดินเข้าห้องทำงานไปแล้วสแกนนิ้วมือลงเวลางานก่อนเวลาแปดโมงเช้าประมาณสิบนาที ร่างเล็กเดินไปนั่งประจำโต๊ะของตัวเองแล้วเริ่มทำงานในส่วนที่รามินทร์เร่งให้เสร็จก่อน

Rrrrrr

“ฮะพี่ราม” เขารับดทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงสุภาพ

(เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอก กลับประมาณสิบโมง ตอนนั้นเอาบัญชีมาให้พี่นะ)

“ได้ฮะพี่ราม...”

เจ้าจอมวางโทรศัพท์เอาไว้ข้างมือแล้วลงมือทำงานที่ได้รับมอบหมายต่อไป โดยที่พยายามสลัดคำพูดของอินทัชออกไปจากความคิดด้วย


“ตามนี้เลยฮะพี่ราม...ถ้ามีอะไรดูแปลกไป พี่รามรีบบอกเลยนะ” มือเล็กยื่นแฟ้มข้อมูลบัญชีที่พิมพ์ออกมาให้รามินทร์ตรวจสอบไปยังเจ้าของรีสอร์ทที่นั่งอยู่ตรงหน้า

“อืม...พี่ขอดูแป๊บนะครับ”

“ฮะ…”

“เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับเจ้าจอม ตอนเช้าเรายังดูอารมณ์ดีอยู่เลย ทำไมตอนนี้ทำหน้าเครียดๆ ล่ะครับ” รามินทร์ที่สังเกตเห็นความผิดปกติของลูกพี่ลูกน้องหนุ่มก็เอ่ยปากถามอย่างนึกห่วง

“เปล่าฮะ จอมแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรสำคัญหรอกฮะ”

“แน่ใจนะ มีอะไรบอกพี่ได้”

“ไม่มีจริงๆ ฮะพี่ราม”

“ถ้าอย่างนั้นจอมไปพักดีกว่าไป เดี๋ยวพี่จะตรวจอีกสักพัก ถ้ามีอะไรผิดปกติหรือผิดพี่จะไปหาที่ห้องนะ” รามินทร์อยากให้น้องชายพักเลยเสนอให้เจ้าจอมไป ซึ่งคนเป็นน้องก็พยักหน้าจำยอม...

“ฮะพี่ราม งั้นจอมขอตัว”

“ครับ”

เจ้าจอมเดินออกจากห้องทำงานของรามินทร์แล้วตรงออกไปยังด้านนอก ก่อนจะตรงไปยังไซต์งานเพื่อที่จะได้เห็นหน้าจุลจักร เผื่อจะอารมณ์ดีกว่านี้

แต่เมื่อไปถึงเขากลับได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ...คนที่เจ้าจอมชอบกำลังรับของบางอย่างจากหญิงสาวคนหนึ่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“พี่จักร แก้วทำกับข้าวมาให้จ้ะ ลองกินดูนะจ้ะ ฉันทำมาสุดฝีมือเลย”

“ขอบใจนะแก้ว พี่จะกินมันให้หมด ไม่ให้เสียน้ำใจเลยล่ะ”

อะไรก็ไม่น่าเจ็บใจเท่าที่จุลจักรยินดีที่จะรับมันแล้วยิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สาเลยว่าผู้หญิงกำลังให้ท่า เรียกสั้นๆ ว่าอ่อยนั่นแหละอยู่...

“ถ้าพี่ชอบ พรุ่งนี้ฉันจะทำมาอีกนะจ้ะ”

“เอาเวลาว่างทำอาหารให้ผู้ชายไปทำงานดีกว่าไหม!!”

“ค่ะ คุณจอม” สองเสียงหนุ่มสาวเรียกชื่อของคนที่พูดขึ้นมาขัดด้วยน้ำเสียงที่ติดจะไม่พอใจอย่างนึกกลัว...

“ที่นี่ก็มีบริการอาหารให้กับคนงานอย่างดี...แล้วที่เธอทำมาใช้ของที่ไหนทำ ของที่บ้านตัวเอง หรือของโรงครัว” เจ้าจอมถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าหาเรื่อง

“ค่ะ คือแก้ว...แก้วใช้ของครัวค่ะ”

“หึ...ของทุกอย่างมีต้นทุน มิน่าล่ะ ค่าใช้จ่ายของรีสอร์ทถึงได้เยอะนัก เพราะมีคนงาน พนักงานเอาของของรีสอร์ทมาใช้ส่วนตัวนี่เอง” ที่พูดมามีส่วนเป็นจริง เจ้าจอมไม่ได้หาเรื่องเพราะเหตุผลส่วนตัวอย่างเดียว แต่ค่าใช้จ่าของรีสอร์ทมันเพิ่มมากขึ้นจริงๆ

“ข่ะ ขอโทษค่ะคุณจอม แก้ว…แก้วจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”

“เอ่อ...คุณจอมครับ อย่าตำหนิแก้วนักเลยครับ แก้วคงทำไปด้วยความไม่รู้” จุลจักรช่วยพูดขึ้นมาทำเอาทั้งสองหันไปมองเป็นตาเดียว หญิงสาวมองด้วยความขอบคุณและซึ้งใจ และคิดไปไกลว่ากำลังช่วยปกป้องเธออยู่ ส่วนเจ้าจอมมองด้วยความโมโหที่จุลจักรพูดช่วยผู้หญิงคนนั้น ทั้งๆ ที่ทำผิด

“เรื่องพวกนี้ไม่ต้องมีใครบอกก็ควรรู้เอาไว้ ถ้าเธอทำ แสดงว่ามีคนอื่นก็ทำด้วย ถ้าอย่างนั้นเธอไม่กล้าทำหรอกจริงไหม!”

เจ้าจอมกำลังโมโหและโกรธ ทั้งอยากจะร้องไห้ออกมาที่คนซื่อบื้ออย่างจักรไม่เข้าใจอะไรเลย แถมยังมองว่าเขาเป็นคนใจร้ายอีกด้วย

“ฮึก...ก่ะ แก้ว ข่ะ ขอโทษค่ะ แก้วจะไม่ทำอีกแล้ว ฮึก” เธอร้องไห้ออกมาเพราะกลัวน้ำเสียงที่ติดดุของเจ้าจอมที่สำคัญมันยังดังขึ้นเหมือนตะคอก

ทางด้านจักรเองที่มองอยู่ก็นึกสงสาร เลยช่วยพูดเท่าที่ช่วยได้

“คุณจอม...อย่าว่าแก้วนักเลยนะครับ ผมก็รับมายังไงผมก็ขอโทษแทนน้องมันด้วย”

เจ้าจอมมองหน้าร่างสูงแล้วเม้มปากแน่น...

ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเขา...เขาแค่ทำตามหน้าที่เพราะรู้ต้นตอของการทำให้ค่าใช้จ่าของรีสอร์ทมันเพิ่มมากขึ้น แต่คนพวกนี้ทำเหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่...

“อืม...ฉันจะรับคำขอโทษของนายแล้วก็เธอเอาไว้ อย่าให้เจออีกก็แล้วกัน”

“ข่ะ ขอบคุณค่ะคุณจอม ขอบคุณค่ะ” เธอเงยหน้าทั้งน้ำตายกมือไหว้ขอบคุณร่างบางยกใหญ่ ส่วนจักรเองก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ช่วยน้องเอาไว้ได้

“ขอบคุณนะจ้ะพี่จักร”

“ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่ได้ทำอะไร” จักรยิ้มให้แก้วอย่างไม่คิดอะไร แต่คนคิดคือคนที่มองภาพบาดตาบาดใจอยู่ตอนนี้อย่างเจ้าจอมต่างหาก

ถ้าจะโง่จนไม่เข้าใจความรู้สึกเขาแบบนี้นะ...

“นี่เป็นเวลางาน ไม่ใช่เวลาจีบกัน...ถ้าจะจีบก็ต้องรอให้เลิกงานก่อน ฉันขอตัวล่ะ” ร่างบางหมุนตัวเดินหนีหลังจากทิ้งระเบิดเอาไว้

จุลจักรที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ยืนนิ่งค้างทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าจะโดนเข้าใจผิด แต่พอจะแก้ตัว เจ้าจอมก็เดินหนีไปแล้ว...

“เอ่อ...คือว่า”

“เองไม่ต้องคิดมาแก้ว พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเองเกินกว่าน้องสาวหรอก สบายใจได้ เดี๋ยวพี่จะไปพูดบอกคุณจอมใหม่ไม่ให้เข้าใจเราผิด” จักรพูดแบบนั้นเมื่อเห็นว่าแก้วทำสีหน้าอึกอัก หน้าแดงด้วยความอาย ก้คิดว่าน้องมันกำลังอายที่โดนเข้าใจผิดแน่ๆ

คนที่ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกใคร เข้าใจแต่ความรู้สึกตัวเองอย่างจักร ไม่รู้เลยว่ากำลังทำร้ายจิตใจคนถึงสองคนด้วยกัน หญิงสาวมองจักรด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย ส่วนจักรก็มองตามร่างบางของคนที่กุมหัวใจตนเอาไว้ด้วยความกังวล ประจวบเหมาะกับอินทัชเดินเข้ามาหา

“มึงโง่จริงๆ ว่ะจักร ถ้ามึงยังไม่ฉลาดขึ้นนะ กูแนะนำว่ามึงอย่าเพิ่งจีบน้องจอมเลย...รังแต่จะทำให้ไม่เข้าใจกันเปล่าๆ” เสียงทุ้มเสน่ห์ของอินทัชดังขึ้นมาจากด้านหลังของคนทั้งสอง หลังจากที่แอบดูอยู่นานแล้ว

เจ้าจอมทำถูกแล้วที่ตำหนิพนักงาน เพราะน้องไม่ได้ใช้การตะคอก แค่ขึ้นเสียงปกติเวลาตำหนิใคร แล้วก็ยังมีเหตุผลด้วย ซึ่งอินทัชก็เป็นแบบนั้นเวลาลูกน้องผิดพลาด

“ไอ้อิน...”

“พ่ะ พี่อิน...เอ่อ คือ อะไร” แก้วมองอินทัชสลับกับมองจุลจักรที่เธอแอบชอบ คิดไปคิดมาก็เข้าใจว่าทำไมจักรถึงอยากจะอธิบายเรื่องที่เจ้าจอมเข้าใจผิดนัก

ที่แท้พี่จักรก็ชอบคุณจอมนี่เอง...

“แก้วไปทำงานเถอะไป แล้วก็กล่องอาหารนี่พี่ขอคืนนะ มันเป็นอาหารที่ไม่ควรทำมา”

“เอ่อ...จ้ะ พี่จักร” ร่างบางหยิบกล่องข้าวกลับคืนมาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เพราะผิดหวัง...ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นไปอย่างเศร้าใจ...

พอเหลือกันสองคน จักรก็หันไปมองอินทัชอย่างต้องการคำตอบ

“มึงหมายความว่ายังไง”

“กูก็หมายความตามนั้น ก็มึงโง่ไงจักร มึงเลยไม่รู้ว่าเมื่อกี้น้องจอมเสียใจขนาดไหน”

“เสียใจ? เสียใจอะไรวะ” พอได้ยินคำว่าเจ้าจอมเสียใจ จักรก็กระวนกระวายทันที

“น้องจอมทำถูกแล้วที่ตำหนิพนักงานที่ทำผิด น้องเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรแรงเลย ไม่ขึ้นเสียง ไม่ตะคอกใส่ เป็นเจ้านายที่ดีออกแบบนั้น แต่มึงดันเห็นใจขอร้องไม่ให้น้องจอมตำหนิแก้ว...เจ้าจอมเห็นแก่มึงเลยยอมถอย แต่มึงไม่รู้หรอกว่าน้องจอมเขาคิดยังไง”

“คิดยังไง…”

“คิดว่ามึงปกป้องแก้วไง คิดว่ามึงชอบ เลยปกป้อง และน้อยใจที่มึงไม่ยอมเข้าใจว่าเจ้าจอมทำไปเพราะอะไร ก็เพราะหน้าที่ไง หน้าที่ของคนเป็นเจ้านายกับสถานะของมึงมันไม่เหมือนกัน มึงอาจจะมีความเห็นใจ แต่ในฐานะที่น้องจอมเป็นคือเห็นใจไม่ได้ ต้องเด็ดขาด หากคนๆ นั้นทำผิดจริงๆ น้องเขาก็ต้องว่า เชื่อเถอะว่าตอนนี้แก้วกำลังถูกน้องจอมตำหนิต่อแน่ๆ แต่ที่ยอมทำตามที่มึงขอเพราะน้องเขาไม่อยากให้มึงมองเขาไม่ดีไง” จุลจักรนิ่งค้างไปเมื่อคิดตามสิ่งที่อินทัชบอกมา

เขาไม่รู้จริงๆ เขามองสีหน้าของเจ้าจอมไม่ออกจริงๆ เขารู้เพียงแต่ว่าเขาสงสารแก้วที่โดนว่า เลยช่วยเท่านั้น ไม่ได้คิดเลยว่าเจ้าจอมจะคิดมากไปขนาดนั้น

“จริงหรือวะ”

“มึงจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่มึง...”

“กูควรทำยังไง”

“อย่างแรกคือมึงต้องฉลาดไง!!”

“แล้วทำยังไงถึงจะฉลาดล่ะ!!!” ขึ้นเสียงถาม เพราะตัวเองชักจะหงุดหงิดแล้วนะที่โดนด่าว่าบ้าอย่างนั้น โง่อย่างนี้ เขาไม่ได้โง่ แค่ไม่รู้...

“อย่างแรกเลยนะ มึงต้องรู้...ดูสถานการณ์ให้เป็น อ่านสีหน้าและฟังน้ำเสียงให้ออก”

“เรื่องแบบนั้นมีแต่เทพที่ทำได้เว้ย!!!” แย้งขึ้นมาอย่างโมโห

“งั้นกูก็เทพสิวะ เพราะกูมองทุกคนออก ไม่เหมือนมึง!!” อดจะด่าเพื่อนไม่ได้จริงๆ

“เออๆ ไอ้อิน มึงนี่หลอกด่ากูตลอดเวลาจริงๆ”

“ทีแบบนี้ทำมาเป็นฉลาด!!!”

“คุณจอมโกรธกูมากไหมวะ” จู่ๆ จักรก็เข้าสู่โหมดเครียดอย่างจริงจัง ทำเอาร่างโปร่งบางถึงกับส่ายหน้าไปมาด้วยความหน่ายใจ

ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจอมไม่รับรักจักรเร็วๆ

เพราะถ้ามีแฟนที่ใจกว้างเป็นแม่น้ำ ใจดีรับของที่ผู้หญิงอื่นเอามาให้ด้วยหน้าชื่อตาบาน คงจะต้องไม่มีความสุขแน่ๆ ล่ะ

“โกรธไหมไม่รู้ แต่ถ้าน้อยใจไหม เสียใจไหม ตอบเลยว่า...มาก!!” หน้าของจักรเจื่อนไปเลยเมื่ออินทัชตอบแบบนั้น

“ทำไงดีวะ”

“ถ้าอยากให้น้องจอมเขารับรักมึง อย่างแรกมึงต้องฉลาด มองหน้า มองสายตาให้ออกว่า ณ ตอนนั้นเจ้าจอมรู้สึกอะไร อย่าทำตัวใจดีกับคนอื่นต่อหน้าเขา...แล้วกูบอกไว้เลยนะว่า ความเชื่อที่เจ้าจอมเชื่อว่ามึงรักเค้าจริงๆ น่ะมันลดฮวบลงมาแล้วรู้ไหม”

ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก เขาแค่กระตุ้นให้จักรมันฉลาดขึ้นเท่านั้นเอง...

“จริงเหรอวะ”

“มึงไม่ควรให้ความหวังผู้หญิงคนไหน อย่างแก้วเมื่อกี้เขาก็ชอบมึง แต่มึงก็ทำเหมือนให้ความหวัง เจ้าจอมก็รู้ ก็ดูออกเลยคิดว่ามึงสองคนจีบกันไง...”

ดวงตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะไม่รู้มาก่อนว่าแก้วชอบเขา แต่พอคิดดีๆ แล้วมันก็มีเค้าที่จะเป็นจริง นั่นทำให้จักรรู้สึกผิดเข้าไปอีก... ใจของเขาลอยตามคนครอบครองไปแล้ว แต่ร่างกายยังคงต้องทำงานหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

“แล้วกูจะทำได้ยังไง”

“งั้นมึงไม่ต้องฉลาดแล้วไอ้จักร”

“อะไรของมึงเนี่ย สรุปจะให้กูทำยังไงกันแน่วะ!!” ร่างสูงใหญ่ชักจะอารมณ์ไม่ดีที่อินทัชเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนสับสนไปหมดแล้วตอนนี้

อินทัชที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าจักรคงไม่มีทางดูความเจ้าเล่ห์ของเจ้าจอมออกแน่ๆ เลยเปลี่ยนวิธีใหม่ และคิดเอาไว้ว่าต้องโดนด่า

“ก็ไหนๆ มึงก็ฉลาดไม่ได้ ก็โง่ต่อไปแล้วกัน แต่โง่กับน้องจอมคนเดียว ส่วนคนอื่นมึงต้องมองให้ออกมาเขาเข้าหามึงเพราะจุดประสงค์อะไร เพราะถ้าหากว่ามึงกับน้องจอมคบกัน เป็นแฟนกัน ทั้งๆ ที่มึงยังใจดีแบบนี้ อย่าหวังเลยว่าความรักมึงจะชื่นมื่น มีความสุข”

“อะไรวะ?”

“นี่กูพูดอย่างเยอะมึงไม่เข้าใจ?”

“เออดิ พูดอะไร งงไปหมดแล้ว”

“งั้นมึงจับใจความได้ว่ายังไง”

“ให้กูโง่กับคุณจอมคนเดียว นอกนั้นก็ต้องดูให้ออก แค่นี้” เขาตอบไปตามที่ตัวเองจับใจความได้จริงๆ อย่างอื่นมีแต่ประโยคที่ต้องแปลเป็นไทยอีกรอบ

“ดีหน่อยที่อย่างน้อยก็ฟังได้เนื้อ” อินทัชพึมพำเบาๆ อย่างเหนื่อยใจ

เขาไม่น่าให้ไอ้จักรมันโกนหนวดโกนเคราจริงๆ ไม่คิดว่าจะทำให้เรื่องของเจ้าจอมกับจุลจักรมันวุ่นวายกว่าเดิมแบบนี้ นี่เป็นการคำนวณที่ผิดพลาดไปจริงๆ

ช่างเถอะ...มีทางแก้ไขอยู่ก็ไม่เท่ากับผิดพลาดมากมายเท่าไหร่

“สรุปคือกูต้องยอมคุณจอม ชี้ไม้เป็นนกก็ต้องว่านกใช่ไหม”

“เออ!! แบบนั้นแหละ”

ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องนะ แต่เอาเถอะ ถ้าไอ้จักรได้อยู่กับเจ้าจอมนานๆ มันอาจจะซึมซับและรู้จักคนที่มันรักเยอะกว่านี้แน่ๆ

คราวนั้นก็คงจะตามเจ้าจอมทันแล้วล่ะมั้ง...คนเราคงไม่ซื่อบื้ออยู่อย่างนี้นานๆ หรอก


ทางด้านเจ้าจอมที่รู้สึกหงุดหงิด โมโห ไม่สบอารมณ์ เดินเข้าโรงครัวไปด้วยความไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้เหวี่ยงใส่ใครแต่อย่างไร หลายคนที่รู้จักเจ้านายตัวเองดีก็ได้แต่ทำงานของตัวเองเงียบๆ เพราะถ้าไปสะกิดต่อมระเบิดเมื่อไหร่ องค์ลงเมื่อนั้นแน่ๆ

“ที่นี่มีพนักงานที่เอาวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารให้กับลูกค้าและคนงานไปใช้เพื่อการส่วนตัว นั่นคือการทำอาหารออกไปให้ผู้ชาย!!! ผมจับได้คนหนึ่ง แล้วได้ตำหนิไปแล้ว เตือนไปแล้ว ไม่อยากจะเห็นอีกเป็นครั้งที่สอง พวกคุณรู้บ้างไหมว่าการที่ใช้วัตถุดิบเพื่อส่วนตัวมันทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ผมหวังว่าจะไม่เจอแบบนี้อีก ครั้งนี้ผมจะไม่รายงานพี่รามแต่ถ้าพี่รามรู้ ผม...ช่วยอะไรไม่ได้นะครับ” เจ้าจอมว่ากล่าวตักเตือนพนักงานที่ต่างพากันทำหน้ากลืนไม่ได้คายไม่ออก ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับแก้วที่เดินกลับมา เธอเดินก้มหน้าเข้ามาด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัว

ส่วนร่างบางก็มองเธอแบบไม่พอใจ แต่ก็ไม่คิดจะหาเรื่อง

“อย่าให้มีอีกก็แล้วกัน ส่งใบซื้อวัตถุดิบ เช็คขายเช็คเสียให้ผมด้วยทุกวันด้วยนะครับป้ารี” เขาหันไปบอกหัวหน้าแม่ครัว ซึ่งเธอเป็นคนงานเก่าแก่ รู้ดีว่าอะไรควรทำและต้องทำยังไง

“ได้ค่ะคุณจอม เดี๋ยวป้าจะให้เด็กๆ จัดการเรื่องนี้อย่างเคร่งครัดเลยค่ะ แล้วจะเตือนเด็กๆ อีกครั้งค่ะ”

“ขอบคุณนะครับป้ารี ยังไงก็ทำงานต่อเถอะครับ ผมไม่รบกวนเวลาแล้ว”

ร่างเล็กเดินออกมาจากโรงครัวตรงไปยังห้องทำงานของตัวเองเพื่อทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ จากที่คิดว่าจะไปเจอหน้าจักรให้หายหงุดหงิด ดันกลายเป็นว่าหงุดหงิดมากกว่าเดิมเสียอีก

...

...

...






50%

 :hao5: :hao5: :hao5:


   เม้นท์ๆ ด้วยนะคะนักอ่านที่น่ารัก ^_^ ตอนนี้มาเร็วหน่อยความเป็นจริงต้องลงพรุ่งนี้ แต่ทนคิดถึงทุกคนไม่ไหว อยากลงให้อ่านกันไวๆ
หากมีคำถามหรืออยากพูดคุยไปที่แฟนเพจของยูกินะเจ้าคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 50% => (24/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 24-06-2016 21:20:29
อยากอ่านตอนของอินอ่ะแบบช้าไม่ทันใจ 5555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 50% => (24/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 24-06-2016 22:16:38
ง่าวแท้จักร เราว่าแบบนี้ ถ้าจอมไม่พูดเอง จักรก็ไม่เข้าใจหรอก
เล่นตัวไปไย? รุกไปก่อนสิคะ!!!!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 50% => (24/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-06-2016 23:01:15
อีจักรนี้โง่จริงๆๆๆๆ. เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 50% => (24/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 24-06-2016 23:34:40
คือจักรก็นะ จริง ๆ ก็ทั้งจักรทั้งจอมอะ จอมก็รู้ว่าเค้าชอบ
ลองใจกันไปถึงเมื่อไหร่หนอ จักรมันยิ่งไม่ฉลาดอยู่
อยากอ่านอินแล้วค่ะ ค้างคาใจมากเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 50% => (24/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-06-2016 01:16:21
จักรจะซื่อบื้อเกินไปหรือเปล่าถึงดูไม่ออกเลยว่าแก้วทำอาหารมาจีบเนี่ยหืม จอมคงน้อยใจแย่เลย ไปตามง้อเลยนะจักร
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 50% => (24/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-06-2016 02:44:01
 :laugh:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 50% => (24/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-06-2016 04:40:47
เอิ่มมมม จักรได้สักครึ่งอินทัชจะดีมากก
บื้อโลกแตกได้อีก 555

อินก็รู้ทางเค้าไปหมด

เจ้าจอมคะ อย่าเครียดนะ พี่อินแค่เป็นห่วง
ไม่เข้าใจก็กลับไปถามเหอะ
เรื่องตัวเองบางครั้งก็บื้ิอเกินเข้าใจได้นะ

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 50% => (24/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-06-2016 22:05:24
โธ่..จักร ซื่อบื้อจนได้เรื่อง
ปล. อิน แบบนี้หละเทพ มองออกไปหมด
แต่เดี๋ยวพแเจอกับตัว อาจจะหน้ามืดตามัวไปพักใหญ่ๆเลยก้อได้นะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 50% => (24/6/59) P.8 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 26-06-2016 19:42:10
ลุ้นกะคู่นี้จริงๆ... :ling1:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 100% => (27/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 27-06-2016 15:47:23
ตอนที่ 15 ครึ่งหลัง



ตกเย็น

เลยเวลาเลิกงานของเจ้าจอมมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว วันนี้เจ้าจอมไม่ไปจ่ายเงินให้คนงานที่ไซต์งานให้คนอื่นไปแทนเพราะไม่อยากเจอหน้าคนซื่อบื้อ แต่ไม่คิดว่าคนที่ตัวเองไม่อยากจะเจอหน้ามานั่งรออยู่ตรงหน้าประตูสำนักงานแบบนี้ ร่างเล็กถึงกับผงะตกใจ แต่ก็ปั้นหน้าไร้ความรู้สึกมองคนตัวใหญ่ที่กำลังมองเขาด้วยสายตาง้องอน

“คุณจอม...” เรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงอ่อย

“มีธุระอะไร”

“ไอ้จักรอยากขอโทษคุณจอม”

“ขอโทษ? เรื่องอะไรล่ะ เอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน ฉันเหนื่อย อยากพักผ่อน” พอเห็นว่าคุณจอมของตนมีท่าทีที่ห่างเหินเหมือนกับตอนที่จักรยังไม่ได้โอกาส

คนตัวเล็กเดินหนี แต่จักรก็เดินตามไม่ยอมแพ้

“ผมไม่ส่งนะครับ เดี๋ยวผมถือกระเป๋าให้”

“ไม่ต้องมาทำเป็นใจดีกับฉัน เก็บความใจดีพร่ำเพรื่อของนายเอาไว้เถอะ”

เป็นไปตามที่ไอ้อินบอกจริงๆ ด้วย คุณจอมไม่พอใจที่เขาใจดีเกินไป ก็มันเป็นนิสัยนี่นา จะให้ทำยังไงได้กันล่ะ

“คุณจอม ผมขอโทษจริงๆ ครับ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”

“จะไม่ทำอะไรของนาย” หยุดถามคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง เพราะโดนดักหน้าเอาไว้ เจ้าจอมเลยจำเป็นต้องเท้าเอวมองคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง

ร่างสูงดึงกระเป๋าของคนตัวเล็กไปถืออย่างถือวิสาสะ แต่เจ้าจอมกลับทำหน้าไม่พอใจแค่นั้น ไม่ได้ต่อว่าอะไร

“ก็ที่คุณจอมไม่พอใจไงครับ”

“แล้วมันอะไรบ้างล่ะ”

“ก็...เอ่อ...ไอ้จักรคนนี้มันโง่ มันซื่อบื้อ ไม่เคยเข้าใจคุณจอม ถ้าคุณจอมไม่ชอบให้ผมรับของใคร ผมก็จะไม่ทำอีก แล้วก็เรื่องที่คุณจอมต่อว่าคนงาน ผมจะไม่เข้าไปยุ่งอีก ผมรู้ว่ามันเป็นหน้าที่ของคุณจอม” ประโยคหลังคนตัวใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆ

“ทำไมถึงมาฉลาดเอาตอนนี้ ใครบอกมา”

“ไอ้อิน...”

ว่าแล้วเชียว...พี่อินอีกแล้ว

แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเขาจะได้ไม่ต้องแสดงออกมากมายว่า ‘หวง’ จุลจักรมากแค่ไหน

“เรื่องแบบนี้รู้เองไม่ได้ ต้องให้คนอื่นบอกเหรอ? ฉันควรจะคิดเรื่องที่ให้โอกาสนายใหม่ไหม” ถามออกไปเสียงเข้ม แกล้งขู่อีกคนไปแบบนั้นแหละ ไม่ได้จะทำจริงอะไร

“ไม่นะครับ อย่านะครับคุณจอม ยกโทษให้ไอ้โง่คนนี้ด้วย”

“เฮ้อ...เลิกว่าตัวเองโง่สักทีจะได้ไหม” ถึงจะโง่จริงๆ ก็เถอะ...

“ก็...”

“พอๆ หลีกไป ฉันจะกลับบ้าน เหนื่อย!”

“ครับๆ” ร่างแกร่งหลีกทางให้คนน่ารักของเขาที่กำลังเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง สองเท้าเดินตามคนด้านหน้าไปด้วยอย่างมีความหวังที่เจ้าจอมจะยกโทษให้

พอถึงบ้านหลังน้อยของเจ้าจอม เจ้าของบ้านก็เปิดประตูเข้าไปในบ้านโดยไม่เรียกจักรเลยสักนิด แต่ร่างสูงก็เดินเข้าไปในบ้านอย่างเกร็งๆ เพราะในมือมีประเป๋าของเจ้าจอมอยู่

“ช่วยทำอาหารมาให้ที่บ้านหน่อย...ประมาณสามสิบนาทีเอาเข้ามาเลย” เจ้าจอมกำลังคุยโทรศัพท์สั่งคนในครัวให้ทำอาหารมาให้เพราะเขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะทำเอง

“เอาข้าวมาเยอะๆ เลยนะ กับข้าวก็พอดีๆ สองคน”

ร่างบางวางโทรศัพท์บนโต๊ะ หันมามองคนตัวใหญ่ที่ยังทำหน้าสลดอยู่ด้วยความรู้สึกที่ดีกว่าเดิมหน่อย อารมณ์ดีที่อย่างน้อยอีกคนก็ตามง้อแบบนี้

ความอยากแกล้งก็ขึ้นมาในความรู้สึก

“นั่งรออยู่นี่ ฉันจะไปอาบน้ำ”

“ครับ”

เจ้าจอมเดินไปยังห้องนอนของตน สักพักก็ออกมาในสภาพที่อาบน้ำเรียบร้อย อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาสวยกับเสื้อยืดตัวใหญ่ จุลจักรจ้องมองร่างนั้นอย่างไม่วางตา

“มองอะไร” ถามขึ้นด้วยสีหน้าที่แสร้งทำเป็นไม่พอใจ

“อ่ะ...เอ่อ ป่ะ เปล่าครับๆ” เขาปฏิเสธออกมาเสียงสั่นด้วยความตกใจ จะให้บอกได้ยังไงว่ามองขา มองหุ่นของเจ้าจอมอยู่ ไม่งั้นโดนด่าตายเลย

“ก็เห็นมองอยู่ชัดๆ”

“ป่ะ เปล่า...ผมมองไปเรื่อยแหละครับ” หลบตาคนถาม พอเจ้าจอมเห็นคนตัวใหญ่แต่ใจเสาะแล้วก็อยากจะแกล้งมากขึ้นไปอีก สาวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของจักรที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว

“เหรอ...นึกว่ามองฉันซะอีก เห็นจ้องเอาจ้องเอา ไม่ใช่เหรอ”

“เปล่านะครับ เอ่อ...”

“ไม่ได้มอง?”

“ก็...เอ่อ” พยักหน้าโกหกไปว่าตัวเองไม่ได้มอง ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองมอง

“ทำไม ขาฉันไม่สวยเหรอ?” สิ้นคำถาม เสียงทุ้มก็ตอบสวนขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเสียงดัง

“ไม่ใช่นะครับ!!”  แต่พอรู้ว่าตัวเองเผลอตอบก็ก้มหน้ามองมือตัวเองที่พันกันไปมาเพราะไม่รู้ว่าจะเอาไปวางตรงไหน

“’งั้นก็แปลว่าสวย” ร่างเล็กนั่งลงข้างๆ กับจักร จนคนตัวใหญ่ขยับชิดด้านข้างเพราะต้องการทิ้งระยะห่าง แต่ก็ชิดจนไม่มีที่ไป จะเปลี่ยนที่นั่งก็เสียมารยาทอีก

“ว่าไง...สวยหรือเปล่า” ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“เอ่อ...สวยครับ”

“แล้วอยากรู้ว่ามันเนียนหรือเปล่าไหม” ถามเสียงยั่วๆ จักรหันมามองคนเป็นนายทันทีอย่างตกใจ พอหันมาก็ยิ่งเบิกตากว้างหนักเข้าไปอีกเพราะขาขาวๆ ยื่นมาวางพาดบนตักของเขา ส่วนเจ้าของขาก็นอนราบไปกับโซฟาศีรษะก็หนุนหมอนอิง

“คุณจอม...ท่ะ ทำอะไรครับ”

“ก็ให้นายทดสอบไง ว่าเนียนหรือเปล่า”

“อึก...ไม่ดีมั้งครับ” ร่างสูงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สบตาคนที่ยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวด้วยใจที่สั่นๆ มือก็สั่น ทุกอย่างสั่นไปหมด มือไม่กล้าโดนขาที่วางพาดเลยสักนิด

“ทำไม...ไม่อยากจับเหรอ หืม...”

เจ้าจอมทำในสิ่งที่จักรตัวแข็งค้างนั่นคือลากนิ้วเท้าไปตามหน้าท้อง ขึ้นไปแผ่นอก แล้ววนอยู่แบบนั้น จักรกลืนน้ำลายด้วยรู้สึกที่มีอารมณ์ ลำคอแห้งผาก มองภาพยั่วยวน กับขาขาวเนียนอย่างหลงใหล พยายามคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ ปลายเท้าสะอาดเลื่อนขึ้นมาจนเกือบถึงปากก็ถูกมือใหญ่คว้าค้างเอาไว้ตรงหน้าตัวเอง

“คุณจอม...” เรียกชื่อคนที่ตนรักเสียงแหบพร่า ทำให้มุมปากของเจ้าจอมยิ้มอย่างพึงพอใจ

“ว่าไง...ไม่อยากจับมันเหรอ ไม่อยากลูบขาฉันเหรอ...”

“อึก...มันไม่สมควร”

“ทำไมล่ะ”

“อา...คุณจอม อย่าโดนมันนะครับ” ในเมื่อขาอีกข้างถึงจับเอาไว้ อีกข้างก็ยังว่าง ร่างบางใช้ขาอีกข้างถูส่วนนั้นที่ซ่อนใต้ร่มผ้าเบาๆ จนรู้สึกว่ามันสู้ฝ่าเท้าเขา

อ่า...ตื่นไวจัง...

“อะไรกัน แข็งแล้วเหรอ”

“อึก...อา คุณจอม โถ่ อย่าครับ”

“ให้ช่วยไหม”

“ม่ะ มันไม่เหมาะ...คุณจอม อย่าครับ อึก” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ร่างสูงเลยจับขาทั้งสองข้างเอาไว้แน่นก่อนจะวางลงบนโซฟาเมื่อเขาลุกขึ้นยืน

“อะไรกัน...คนอุตส่าห์หวังดีจะช่วยเหลือน้า...”

“ผ่ะ ผม...สกปรก เอ่อ เหงื่อเติมไปหมดเลย คุณจอมอย่าอยู่ใกล้มาดีกว่าครับ มันเหม็น”

“งั้นเหรอ...แต่ว่านายท่าจะแย่นะ” ร่างบางยิ้มออกมาเมื่อได้ฟังเหตุผลของจักร

จริงอย่างที่พี่รามว่าเลย จักรเป็นคนสุภาพบุรุษ...แต่ก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีอารมณ์ ต้องการปลดปล่อย...

“ผมขอใช้ห้องน้ำนะครับ”

“ได้สิ...อาบน้ำไปเลยก็แล้วกัน ชุดก็มีของพี่รามที่เอามาทิ้งไว้น่ะ หาๆ ดู”

อันที่จริงก็เตรียมเอาไว้เพื่อการนี้แหละ...

“ขอบคุณครับ...” จักรโค้งให้นิดๆ ก่อนจะเดินหนีไปด้วยสีหน้าแดงๆ อย่างเขินอาย

ผู้ชายผิวเข้มแต่หน้าแดงกับเรื่องแบบนี้ทำให้เจ้าจอมรู้สึกตกหลุมรักอีกครั้ง...จักรมีเสน่ห์ มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง...

“น่ารักจริงๆ หึหึ”


เวลาผ่านไปเกือบสามสิบนาที ร่างสูงเดินออกมาก็เห็นว่าเจ้าจอมกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ สงสัยตอนที่เขากำลังทำ ‘ธุระ’ อยู่ คนงานจะเอามาส่งแล้ว

จักรอดคิดด้วยความเพ้อฝันไม่ได้ว่านี่มันเหมือนภรรยาที่กำลังเตรียมอาหารรอสามีกลับมาจากทำงานเลย...

“คิดอะไรทะลึ่งๆ อยู่หรือไง” เสียงนุ่มน่าฟังของเจ้าจอมดังขึ้น ทำเอาคนตัวใหญ่สะดุ้งด้วยความตกใจทันที

“ไม่ใช่นะครับ...ผมไม่ได้คิดอะไรทะลึ่งๆ”

“เหรอ? แต่หน้านายมันฟ้องมากเลยนะ”

“จริงๆ นะครับ” ใบหน้าเถื่อนๆ แสดงความจริงจังออกมาจนร่างเล็กต้องพยักหน้าเชื่อ

“โอเคๆ ฉันเชื่อ มากินข้าวเถอะ ฉันหิวแล้ว”

“ให้ผมกินด้วยหรือครับ” ชี้นิ้วมาที่ตัวเองด้วยความงงงวย

“ฉันก็เรียกนาย มีนายอยู่ในบ้านคนเดียว ให้ฉันไปเรียกหนุ่มๆ อื่นมากินไหมล่ะ” ถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน เล่นทำเอาจักรถลาไปหาทันที

“โถ่...คุณจอมอย่าทำแบบนั้นเลยครับ ไม่งั้นไอ้จักรคนนี้ขาดใจตายแน่ๆ”

“แหวะ! เสี่ยวตลอดเลย ฉันนึกว่านายจะไม่เล่นมุกจีบเสี่ยวๆ นี่แล้วซะอีก”

“มันไม่ใช่มุกจีบเสี่ยวๆ นะครับ แต่มันมาจากหัวใจของผมเลย”

“ลิเกมาก....”

“ถ้าคุณจอมไม่ชอบ...ผมไม่พูดแล้วก็ได้” น้ำเสียงกับสีหน้าของจักรดูเสียใจจนคนตัวเล็กถึงกับกลอกตาไปมาอย่างหน่ายใจ

“ฉันพูดตอนไหนว่าไม่ชอบ อยากพูดก็พูดไป...แต่ถ้าได้ยินพูดกับคนอื่น ฉันจะไม่เชื่อคำพูดนายอีก”

“ไม่แน่นอนครับ ผมรักคุณจอม...”

เจ้าจอมไม่คิดว่าตัวเองจะโดนบอกรักจังๆ แบบนี้ก็ได้แต่นิ่งค้าง สักพักหน้าเริ่มแดง ไม่กล้าสบตากับคนตัวใหญ่ทีมีสีหน้าแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าทำให้คนตัวเล็กเขินอยู่

“เอ่อ...รู้แล้วน่า!”

“คุณจอม...ทำไมหน้าแดงจังครับ ไม่สบายหรือเปล่า ไอ้จักรเรียกหมอให้ไหม” ร่างสูงมีรู้สึกร้อนใจที่เห็นใบหน้าขาวใสมีสีแดงของเลือดฝาดเต็มหน้าเลยเป็นห่วง

“เปล่าๆ ฉันร้อนน่ะ นั่งๆ กินข้าวได้แล้ว ฉันหิว”

“ครับๆ”

ทั้งสองคนนั่งลงทานอาหารมื้อเย็นกันอย่างเงียบๆ โดยที่มีจักรลอบมอง ลอบสังเกตคนน่ารักอยู่ตลอดเวลา...ส่วนเจ้าจอมก็แอบมองบ้างตอนที่คนตัวสูงเผลอ

แอบมองกันไป แอบมองกันมา...

พอรับประทานอาหารเย็นเสร็จ จุลจักรก็ล้างจานชามทุกใบอย่างสะอาดเรียบร้อย...เดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นของบ้านก็เห็นเจ้าจอมกำลังนอนดูทีวีอยู่

“เกือบจะสองทุ่มแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ...”

“หืม...จะกลับแล้ว?”

“ครับ...”

“งั้นก็ไปเถอะ ขอบคุณมากที่ล้างจานให้”

“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ ที่คุณจอมให้เกียรติผมร่วมกินข้าวด้วยอีกแล้ว”

จะขอบคุณทำไม เดี๋ยวก็ต้องมากินทุกวันๆ อยู่ดี เจ้าจอมคิดในใจ ไม่ได้พูดออกไป ได้แต่เพียงส่งยิ้มหวานไปให้เจ้าคนตัวสูงหวั่นไหวเล่นเท่านั้น

อย่าทำแบบนี้สิคุณจอม...เดี๋ยวไอ้จักรคนนี้ทนไม่ไหวจับคุณปล้ำขึ้นมา โทษกันไม่ได้นะครับ...

จักรกำหมัด และกัดฟันแน่นอย่างอดทนก่อนจะยิ้มกว้างไปให้คนเป็นเจ้านาย

“ปิดประตูบ้านดีๆ นะครับ...มีอะไรโทรหาผมได้”

“ฉันไม่มีเบอร์นายหรอก” เจ้าจอมบอก ทั้งๆ ที่ความเป็นที่เขามี...

“งั้นเดี๋ยวไอ้จักรจดให้”

“อื้อ...”

คนตัวใหญ่กระตือรือร้นหากระดาษกับปากกามาเขียนชื่อของตัวเองลงไป...ก่อนจะยื่นมันให้กับเจ้าจอมด้วยความตื่นเต้นดีใจ จึงไม่แปลกที่มีจะสั่นตอนยื่นให้

“นี่ครับ โทรได้ตลอดเวลา สำหรับคุณจอม ผมพร้อมมาหาทุกเมื่อครับ”

“เหรอ...ดีจัง”

“ครับ...งั้นผมลาล่ะครับ”

“อื้อ เดี๋ยวไปส่งหน้าประตู” เจ้าจอมเดินไปส่งจักรที่หน้าประตู

“พรุ่งนี้เจอกันนะครับ อย่าหลบหน้าผมอีกนะ”

“รอดูความประพฤตินายก่อน” เจ้าจอมว่า ทำเอาร่างสูงหน้าสลดทันที

“ผมทำตัวดีนะครับ”

“หึ! วันนี้ยังไม่ดีเลย”

“ขอโทษครับ ผิดไปแล้ว จากนี้ไปผมจะเชื่อฟังคุณจอม ไม่ขัดคุณจอมเลยครับ อยากได้อะไร ไอ้จักรจะหามาให้หมด”

ผู้ชายอะไร...น่ารักจัง...

“ขอบคุณนะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปให้เห็นหน้าก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับ...”

“ไปได้แล้ว มันมืดแล้ว อันตราย”

“ครับ”

ร่างบางมองร่างสูงเดินไปจนลับตาก่อนจะปิดประตูบ้านลงกลอนแน่นหนา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำอย่างตื่นเต้น มองเบอร์มือถือในมือก่อนจะเก็บเอาไว้ในสมุดบันทึกอย่างดี...

“นายเป็นของฉัน...”





100%

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

   อ่านแล้วเม้นท์ด้วยน้า...ถือว่าแลกกันนะคะ ^_^ เจอกันตอนหน้านะคะ หากมีคำถามหรืออยากจะคุยกับยูกิ หรือว่าอยากจะติดตามข่าวการลงนิยาย ก็ไปที่แฟนเพจนะคะ ขอบคุณที่มาอ่านเรื่องนี้ แม้จะไม่สนุกหรือสนุกบ้างก็ขอบคุณค่ะ อาจจะแต่งไม่ดีเท่าไหร่เพราะยังไงยูกิก็เป็นเพียงมือสมัครเล่น ติได้น้า แต่อย่าด่า ยูกิเซ้นซิทีฟมาก T^T

   https://www.facebook.com/sawachiyuki/


หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 100% => (27/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: wika ที่ 27-06-2016 16:21:26
ผู้ชายแบบนี้ ขออิกสักคนได้ไหม 5555 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 100% => (27/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 27-06-2016 16:59:08
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 100% => (27/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-06-2016 18:21:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 100% => (27/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 27-06-2016 19:27:08
น่ารักดี... o13
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 100% => (27/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-06-2016 19:40:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 100% => (27/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 27-06-2016 21:06:02
จอม.....ลูก...
อย่าเล่นกับความรักน้าาาาา
มันไม่สนุกหรอก #มีคนเคยบอกไว้
แบบเบาๆ ซอฟๆ ได้อยู่
อย่าเยอะไปน้า เค้าแอบสงสารจักร 555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 100% => (27/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-06-2016 21:22:12
ยั่วมากกกก คุณจอม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 100% => (27/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-06-2016 22:06:26
น่ารักมาก เจ้าจอมแผนสูงมาก
แต่ก็ดี ไม่งั้นจักรจะบื้อไปอีกนาน

เจ้าจอมจะเผด็จศึกตอนไหนน้า
ลุ้นว่าจักรจะทนไหวไหม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 100% => (27/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 27-06-2016 23:09:58
จักรคนซึน ยังซึนอยู่ร่ำไป เมื่อไหร่จะหายซึนก็ไม่รู้
อาจจะเป็นตอนสุดท้ายหล่ะมั้ง จอมเจ้าวางแผนมากอะ
จักรมันยิ่งไม่รู้เรื่องอยู่ เมื่อไหร่จะได้กัน เอ้ย เมื่อไหร่จะลงเอยกันซักที
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 15 100% => (27/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-06-2016 23:43:18
กลัวเมียน่าดู
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 50% => (30/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 30-06-2016 21:12:28
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 16
บรรยากาศเดิมๆ




เงินเดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนเก่าๆ ใต้ต้นไม้ไม่ห่างจากที่ขรรค์กำลังทำงานเท่าไหร่ แม้ว่าตัวเองจะมีงานต่อ แต่ก็ขอมาอยู่กับคนรักในคุ้มกับเวลาที่สุด

ขนาดเจอกับอินทัชเมื่อกี้ ยังคุยกันได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องขอตัวมาก่อน ทั้งๆ ที่เขาน่าจะช่วยอินทัชรดน้ำผักเมื่อกี้ก็ได้ แต่เงินก็กลัว...กลัวว่าเวลาแบบนี้มันจะไม่มีอีก

ยังกลัวขรรค์นี้เขาไปอีก...

“ไม่ไปเข้าเวร เดี๋ยวก็สายหรอก”

“สายแต่มีความสุขเงินก็ยอมนะขรรค์” หมอหนุ่มตอบทั้งๆ ที่กำลังนั่งเท้าคางมองคนรักในชุดเสื้อกล้ามอวดแขนและอกที่แข็งแรง... ขุดดินท่ามกลางแสงแดด มันดูมีเสน่ห์มาก...

ผู้ชายบ้านๆ ตัวใหญ่ๆ ผิวเข้มๆ หน้าตาก็หล่อเข้มแบบไทยๆ

“ขรรค์ไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินเกงานนะ”

“เงินไม่ได้จะเกซะหน่อย เดี๋ยวก็ไปแล้วเถอะ”

“จริงๆ แล้วเงินไม่ต้องตื่นแต่เช้ามาหาขรรค์ก็ได้นะ ค่อยมาตอนเลิกงาน จะได้พักผ่อนแบบเต็มที่” ร่างสูงพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง

เพราะหลังจากที่กลับจาบ้านสวนของขรรค์วันนั้น เงินก็มาหาเขาที่บ้านพักตอนเช้าตรู่ตลอด เห็นแล้วเขาก็เหนื่อยแทนคนรัก

“ก็เงินอยากเห็นหน้าขรรค์นี่นา อยากเห็นทั้งตอนเช้า กลางวัน เย็นเลย ตลอดเวลาเลย”

ถึงจะกลับมาคบกันแต่ขรรค์ก็ไม่ได้เอ่ยชวนคนรักมาอยู่ด้วยกันแบบแต่ก่อน เพราะกลัวว่าตัวเองจะเอาแต่ใจกับเงินมาก จนเงินไปทำงานไม่ได้ เพราะการได้อยู่ใกล้ๆ คนที่เรารัก แบบที่สามปีไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวกันมันจะมีความต้องการมากขนาดไหน

ขรรค์ก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความต้องการกับคนที่ตัวเองรัก

“ขรรค์ก็อยากเห็นเงินตลอดเวลาเหมือนกัน”

ไม่มีวันไหนเลยที่สามปีมานี้ขรรค์จะไม่ปรารถนาที่อยากจะเห็นรัก อยากโอบกอด อยากเช็ดน้ำตา ไม่เคยลืมรักนี้เลย นั่นเป็นเพราะว่าเกือบสิบปีที่เรารู้จักกัน สิบปีที่ได้รักกัน มันกลายเป็นความผูกพันไปแล้ว

“ไม่จริงหรอก...” เงินแย้ง

“ข่ะ...”

ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะแย้งร่างโปร่งกลับไป หมอหนุ่มที่มองนาฬิกาข้อมือตัวเองอยู่ถึงกับอุทานออกมาเสียงดัง ก่อนจะมองหน้าเขาอย่างลนลาน

“อ๊ะ!!”

“มีอะไรหรือเงิน”

“ใกล้ถึงเวลาเข้าเวรแล้ว เงินไปก่อนนะขรรค์ อย่าลืมหาอะไรกินด้วยล่ะ อย่าทำแต่งานอย่างเดียว”

“ครับ...เงินก็เหมือนกัน อย่าทำงานหนักจนลืมเวลา”

“ครับผม!” ร่างโปร่งลุกขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานให้ขรรค์ ส่วนขรรค์ก็ยิ้มน้อยๆ ให้ตามฉบับของตนเอง มองร่างของหมอตัวขาวเดินจากไปด้วยสายตาที่ทอดมองอย่างอบอุ่น

อะไรในตัวของเขาถึงให้ผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างเงินมารัก เงินเป็นผู้ชายในฝันของสาวๆ ผู้ชายที่ผู้ชายหลายๆ คนต่างก็อิจฉา...ทั้งหน้าตา รูปร่าง ฐานะ

ขรรค์ไม่ได้คิดน้อยเนื้อต่ำใจแล้วนะเงิน ขรรค์แค่รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของเงิน


“หน้าตาอิ่มเอม มีความสุขเชียวนะ”

“ครับคุณราม”

“ก็ดีแล้ว ดีใจที่แกมีความสุข ยอมรับแล้วก็สู้กับมันบ้าง ตอนนี้แกมีทุกอย่างแล้วนะเว้ย ไม่ใช่ขรรค์คนจนๆ บ้านนอกๆ คนนั้นแล้วนะ” รามินทร์พูด

“ผมก็ยังเป็นผมนั่นแหละครับคุณราม”

“เออๆ ฉันไม่เถียงคนชอบถ่อมตัวเองแบบแกแล้ว”

“ไม่ทราบว่าคุณรามเรียกผมมาทำไมหรือครับ” ขรรค์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้เป็นนายถามขึ้นมาเมื่อไม่เห้นว่านายท่านของตนไม่ยอมพูดธุระที่เรียกเขาเข้ามาสักที

“เออใช่! พอดีว่าที่โรงพยาบาลเขาจะจัดสวนน่ะ ไว้ให้คนไข้ผ่อนคลายพักผ่อน ทางโรงพยาบาลมีงบน้อย ไม่อยากจ้างพวกผู้รับเหมา หมอเงินก็เลยเสนอมาว่าทางรีสอร์ทเราสามารถช่วยได้ แต่ฉันกะจะทำให้โรงพยาบาลฟรีเป็นการบริจาคซึ่งมันก็เป็นการดีนะ...รีสอร์ทได้ชื่อเสียงด้วย ได้บุญด้วย เลยกะจะส่งแกกับไอ้จักรไปดูแลงานนี้ แกคิดว่ายังไง”

พอได้ฟังที่เจ้านายพูดตาเขาก็ลุกวาวขึ้นมาทันที ได้ทำงานใกล้ๆ กับคนรัก เป็นอะไรที่ไม่ต้องปฏิเสธแล้วล่ะ

“ผมจะทำครับ แล้วไซต์งานก่อนสร้างล่ะครับ ให้พี่จักรมามันจะดีเหรอครับ” ขรรค์ทำหน้าสงสัย

“ไม่หรอก ที่นั่นใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ที่เหลือก็ให้พวกคมมันจัดการไป”

“ถ้าอย่างนั้นจะให้ผมเริ่มงานวันไหนครับ”

“แล้วแต่แก...แต่งานนี้ฉันต้องการให้แกสองคนทำด้วยกันเพราะมันงานถนัดของทั้งแกแล้วก็ไอ้จักรมัน แล้วก็เป็นหน้าตาของรีสอร์ทด้วย ไว้ใจคนอื่นไม่ได้ ผลงานของแกสองคนก็เยอะ ฉะนั้นก็ฝากด้วย ฉันไม่ดูแบบแปลนอะไรทั้งนั้น จะรอเซ็นอนุมัติงบอย่างเดียว ที่เหลือ แล้วแต่พวกแก” รามินทร์ตอบแล้วก็อธิบาย

ร่างสูงใหญ่ไม่แปลกใจหรือรู้สึกอะไรกับคำสั่งของรามินทร์เลยสักนิด เพราะคำสั่งแบบนี้มีมาบ่อยๆ รามินทร์ไว้ใจให้ขรรค์ทำงานโดยที่ไม่ต้องตรวจสอบอะไร รอเซ็นงบประมาณอย่างเดียว ซึ่งนั่นมันทำให้ขรรค์ ไม่กล้าคิดทรยศผู้มีพระคุณอย่างรามินทร์

ผู้เป็นทั้งนาย และเจ้าชีวิต...

“ขอบคุณที่ไว้ใจผมนะครับ ผมสัญญาว่าจะทำงานนี้ให้ดีที่สุด”

“อืม...ไปบอกไอ้จักรด้วยก็แล้วกัน ยังไงแกก็เป็นหัวหน้าคนงานอยู่แล้ว อยากได้ใครไปช่วยก็เอาไป ยกเว้นไว้คนเดียว...อย่ายุ่งกับ ‘มัน’ เข้าใจนะ” รามินทร์เน้นเสียงคำว่ามัน จ้องตากับขรรค์อย่างจริงจัง ซึ่งขรรค์ก็รู้ว่านั่นหมายถึงอะไร แล้วก็หมายถึงใคร

เพราะอินทัชค่อนข้างจะสนิทกับจักรและเงิน ก็เลยเลี่ยงที่จะไม่ให้สามคนนี้อยู่ด้วยกันสินะ

“รับทราบครับ”

“อือ...เริ่มงานได้แล้วไป มีอะไรก็บอก”

“ครับ ขอบคุณครับ”

ขรรค์ยืนขึ้นแล้วโค้งสี่สิบห้าองศาให้กับเจ้านายก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของรามินทร์ไปเพื่อไปหาจักรมาคุยรายละเอียดของงานโดยไม่ปล่อยให้เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์


“พี่จักร!”

“อ้าว? ไอ้ขรรค์ มีอะไรวะ เราไม่ได้เจอกันมานานแล้วนะว่าไหม” จักรที่กำลังทำงานอยู่หยุดงานนั้นแล้วเดินมาหาขรรค์ทันที

“มีงานว่ะพี่!”

“ก็ทักทายกันหน่อยก็ไม่ได้เนอะ เฮ้อ...ว่ารายละเอียดมา” จากนั้นสองร่างสูงก็ยืนคุยงานกันอยู่สักพักก่อนจะตกลงทุกอย่างได้อย่างลงตัว

“ตามนี้ใช่ไหม แค่นี้นะ?”

“อือ...”

“งั้นพรุ่งนี้ไปดูสถานที่ กูจะได้ร่างแบบได้” จักรบอก

“อืม ตามนั้น” ขรรค์พยักหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้านิ่งๆ

“ได้ข่าวว่าดีกับคนรักแล้วเหรอวะ เลี้ยงฉลองกันมะ” จักรยักคิ้วอย่างกะล่อนไปให้ขรรค์ ซึ่งคนตัวสูงกว่าก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างระอา

“ไม่เอาดีกว่าพี่”

“ทำไม...”

“เขาไม่ชอบให้ฉันกินเหล้า” สิ้นคำตอบของขรรค์ก็ทำให้จักรเบะปากอย่างหมั่นไส้

“เออๆ งั้นก็เชิญมึงแสนดีไปก็แล้วกัน กูไปทำงานต่อล่ะ วันสุดท้ายแล้วนี่” จักรหัวเราะที่จู่ๆ ตัวเองก็ได้ทำงานที่ไซต์งานเป็นวันสุดท้ายแบบกระทันหัน

แต่ก็ยังดีที่มีงานเข้ามาเพิ่ม แถมยังเป็นงานที่ชอบอีกด้วย...


ตกเย็น

ขรรค์กลับไปบ้านพักของคนงานที่อยู่ในรีสอร์ทประมาณห้าโมงกว่าๆ ซึ่งบ้านเขาจะแยกออกมาจากคนงานอื่นๆ เนื่องจากมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก เขาเก็บอุปกรณ์ทำงานเอาไว้แล้วถอดรองเท้าเปิดประตูเข้าไปใบบ้านเล็กๆ แคบๆ แต่เพราะเขาไม่ค่อยอยู่กับบ้านเท่าไหร่เลยไม่รู้สึกว่ามันแคบ


ร่างสูงอาบน้ำเสร็จแล้ว อยู่ในชุดกางเกงขายาวแล้วก็เสื้อกล้ามสีดำมันเป็นชุดนอนของเขาเอง กะว่าจะออกไปทานข้าวที่โรงครัวแล้วค่อยกลับมาเตรียมงานในวันพรุ่งนี้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เงินเหรอ” พึมพำชื่อคนรักเบาๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้าน สิ่งที่เห็นคือคนรักที่มาในชุดเดี๋ยวกับเมื่อเช้า สองมือถือถุงกับข้าวมาด้วย

“ขรรค์! เราซื้อข้าวมาฝาก ไปกินกันเถอะ เงินหิวมากๆ เลย” ร่างโปร่งเดินผ่านร่างสูงเข้าไปในบ้านของคนรักอย่างเคยชิน เดินไปที่ห้องครัวแล้วก็จับนั่นนี่ เทนู่เทนี่จนโต๊ะอาการเต็มไปด้วยอาหารมากมายที่ขรรค์รู้ดีว่ามันเป็นของโปรดเขาทั้งนั้น มีอยู่อย่างเดียวที่เป็นของโปรดของเงิน

“เป็นไง น่ากินใช่ไหมล่า กินเถอะ เงินหิวม๊ากมาก นี่เป็นข้าวเที่ยงเลยนะ” คุณหมอหนุ่มนั่งลงอย่างรีบร้อน เพราะความหิวกำลังจะทำให้เขาตาลาย

“ก็บอกให้หาอะไรกินไม่ใช่หรือ ทำงานจนลืมกินหรือว่าไม่ใส่ใจตัวเอง” เสียงดุๆ ของขรรค์ถามขึ้น ทำเอาคนรักไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ขรรค์เลยต้องนั่งลงตรงกันข้ามเผื่อว่าเงินจะเห็นหน้าเขาบ้าง

แต่คนสูงสองเมตรอย่างเขาแม้จะนั่งเงินก็มองไม่เห็นหน้าหรอก

“ก็เงินไม่ว่าง ไม่เป็นไรหรอกตอนอยู่ที่กรุงเทพบางวันก็ไม่ได้กินด้วยซ้ำ” คำบอกเล่าของเงินทำให้ขรรค์ไม่พอใจ

“ทำไมถึงต้องอด”

“เอ่อ...ก็มันไม่ว่างนี่นา ขรรค์ก็รู้ว่าเคสที่กรุงเทพเยอะขนาดไหน เงินไม่ได้พักหรอก”

“ต่อจากนี้เงินต้องกินข้าวให้ครบทุกมื้อ ขรรค์จะเป้นคนควบคุมเอง”

“แล้วตอนเที่ยงล่ะ” เงยหน้าจากอาหารขึ้นสบตากับคนรัก

“ขรรค์ก็จะไปบังคับถึงที่โรงพยาบาลเลย”

“ว่างเหรอ...”

“ทำเป็นไม่รู้ เงินไปเสนออะไรทางโรงพยาบาลล่ะ คุณรามจะให้ขรรค์ไปจัดสวนให้น่ะ” พอขรรค์พูดจบ เงินก็ยิ้มออกมาตาหยี

“จริงเหรอ! เงินก็แค่แนะนำเอง ไม่คิดว่าทางโรงพยาบาลจะจัดการตามที่บอก”

“อือ...แล้วเป็นทางรีสอร์ทบริจาคไปด้วยนะ ไม่ใช้งบโรงพยาบาล”

“ว้าว!! คุณรามนี่ใจดีจังนะ ถ้าตัดเรื่องอินออกไปคงจะดีที่สุดเลยล่ะ” เงินพูดชื่นชมก่อนที่ประโยคสุดท้ายจะทำหน้าแบบไม่พอใจออกมา

“ทุกอย่างมันมีเหตุ และมีผลนะเงิน สิ่งที่คุณรามทำมันก็ไม่ถูกหรอก แต่นั้นก็เพราะเขาเลือกแล้ว รอดูผลที่จะตามเถอะ ขรรค์ว่าคุณรามคงรู้ดี”

“อือ...กินข้าวเถอะขรรค์ เดี๋ยวจะเย็น”

“ครับ”

ทั้งสองนั่งคุยกันไปทานอาหารเย็นกันไปอย่างมีความสุขและสนุกสนาน ส่วนใหญ่จะเป็นหมอเงินที่ชวนคุยนั่น พูดนี่ ขรรค์มีหน้าที่ฟังอย่างเดียว แต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

รอยยิ้มที่มีความสุข...ที่หายไปนานถึงสามปี...ตอนนี้เขายิ้มได้อีกครั้ง

พอทานอาหารเสร็จแล้ว เจ้าของบ้านก็ทำหน้าที่เอาจานไปล้างเพราะไม่อยากให้เงินที่เพิ่งเลิกงานเหนื่อยๆ มาทำ คุณหมอสุดหล่อนั่งมองขรรค์เดินไปมาทำนู่นทำนี่ด้วยรอยยิ้ม

มันจะดีมากเลยถ้าได้อยู่ด้วยกัน...

แล้วเงินจะไม่รอให้ขรรค์ชวนแล้ว ถ้าขรรค์ชวนคงจะเฉาตายไปก่อนพอดีล่ะสิ

“ขรรค์...”

“หืม...ว่าไง” ร่างสูงที่กำลังกลาดบ้านหันมาถามคนรักที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเก่าๆ ของเขา

“เงินมาอยู่ด้วยได้ไหม”

ร่างสูงชะงักกึก ค่อยๆ วางไม้กวาดก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ กับคนรัก เอื้อมมือคว้ามือขาวๆ เนียนของหมอหนุ่มมาจับเอาไว้

“เงิน...ฟังนะ”

“อือ...เงินเข้าใจแล้ว ขรรค์ไม่อยากให้มาก็ไม่เป็นไร...เงินก็ขอไปงั้นๆ แหละ ไม่ซีเรียส” ร่างโปร่งยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่นัก ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงกำลังรู้สึกผิดหวังอยู่

คนตัวใหญ่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าคนรักกำลังฝืนยิ้มออกมา

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะเงิน”

“อ่าใช่...เงินเข้าใจๆ ไม่ต้องพูดแล้วขรรค์ เงินเข้าใจ”

“เงินเข้าใจอะไร? ขรรค์ยังไม่พูดเลย”

“ก็เข้าใจว่าขรรค์ไม่อยากให้เงินอยู่ด้วยไง ขรรค์ชอบความเป็นส่วนตัว ถ้ามีเงินอยู่ด้วยอาจจะไม่มีความสุขก็ได้ แล้ว...อื้อ!!”

ปากช่างจ้อที่ชอบพูดอะไรแบบไม่ฟังเหตุผลถูกปิดด้วยริมฝีปากหนาของขรรค์ที่กำลังโมโหเพราะเงินไม่ฟังเหตุผลเขาเลย คิดเป็นตุเป็นตะเอาเอง จากที่คิดว่าจูบปิดปาก ขรรค์ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเดิมๆ ที่เคยมีมาตลอดเจ็ดปีที่คบกัน เรื่องกอด หอม จูบ แล้วก็เรื่องบนเตียงมันเป็นเรื่องธรรมดาของเขาสองคน

แต่นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่จูบกัน หัวใจของทั้งสองคนเลยเต้นแรกผิดปกติอย่างตื่นเต้น ริมฝีปากของทั้งคู่หยอกล้อกันและกันตามแรงอารมณ์ที่พาไป กลิ่นกายหอมสะอาดของหมอเงินทำให้ร่างสูงใหญ่อยากสูดดมเรื่อยๆ ปลายลิ้นทั้งสองเกี่ยวกันไปมา ผลัดกันไล่ต้อน มือไม้ก็ลูบไล้ไปตามร่างกายของคนรัก จนทั้งคู่ผละออกมามองตากันอย่างมีความหมาย ไม่ทันไรก็รู้สึกถึงพลังดึงดูดที่ดึงดูดให้พวกเขาสองคนแลกสัมผัสหวานกันอีกครั้ง

อีกครั้ง...

และอีกครั้งอย่างไม่รู้เบื่อ

จุ๊บ! จ๊วบ...

“อืม...”

“อือ”

เสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจของทั้งสองดังออกมา ต่างก็พากันจมปลักอยู่กับสัมผัสที่อ่อนหวานนี้ กอบโกยราวกับว่าจะไม่มีครั้งต่อไป...

ผ่านไปเกือบสิบนาทีกว่าที่ทั้งคู่จูบกันอยู่บนโซฟาตัวเก่าในบ้านพักของขรรค์ พอต่างคนรู้สึกว่ามันนานเกินไปก็ต่างผละออกมา ร่างโปร่งหน้าแดงซ่านหลบสายตาขรรค์ ส่วนขรรค์เองก็เขินไม่ต่างกัน หันหน้าหนี ทั้งสองคนนั่งมองไปยังทีวีที่ไม่ได้เปิดแบบเงียบ ไม่มีใครเปิดปากพูดขึ้น

“เอ่อ/เอ่อ” พอจะพูดก็ดันพร้อมกันอีก

“ขรรค์พูดก่อน/เงินพูดก่อน”

หมอเงินกับขรรค์หันมามองหน้ากันแล้วก็หัวเราะเสียงดังออกมา เงินกุมท้องตัวเองเพราะหัวเราะมากจนเกินไป จนขรรค์เองก็หัวเราะแต่ไม่ได้มากขนาดท้องแข็งเหมือนคนรักของตน

“ตลกเนอะ ฮ่าๆ”

“หึหึ...ขรรค์ก็ว่างั้น”

พอทั้งสองหัวเราะกันเสร็จ เงินก็พูดขึ้นมา

“ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเราไม่เห็นต้องเขิน ต้องอายเลย”

“นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้เจอกันนาน ไม่ได้ทำกันนานเหรือเปล่า”

“อื้อ เงินก็คิดว่างั้น”

“เงินน่ะดื้อ...ไม่ชอบฟังขรรค์แบบไหนก็ยังเหมือนเดิม” ขรรค์พูดเสียงจริงจัง ทำเอาร่างโปร่งต้องหันมามองด้วยสีหน้าสงสัย

“ก็มันจริงไหมล่ะ แล้วขรรค์เองก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเหมือนกัน ชอบปิดปากเงินยังไงก็ปิดแบบนั้น” เถียงกลับไปอย่างไม่ยอม

บรรยากาศเก่าๆ เริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง...

“ได้ผลดีไหมล่ะ”

“เฮอะ!! กลับบ้านดีกว่า พรุ่งนี้มีเวรเช้า” ร่างโปร่งว่าพลางลุกขึ้น แต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าแขนเอาไว้ ทำให้คนที่ยืนอยู่ต้องหันมามองขรรค์ด้วยสีหน้างงๆ

หมับ!






50%

 :z6: :z6: :z6: :z6:

   ตัดให้ค้าง...สวัสดีนักอ่านชาวเล้านะคะ ขอบคุณที่หลงมาอ่านเรื่องกากๆ พล็อตบ้านๆ เรื่องนี้น่อ คนเขียนเป็นแค่มือสมัครเล่นอาจจะดูหลวมหรือไม่ดียังไง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
       
        ถ้ามีอะไรอยากจะถาม หรืออยากจะไปคุยเล่นไปที่แฟนเพจน้า คุยกันได้ ยูกิฉีดยาแล้ว ฮ่าๆ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 50% => (30/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 30-06-2016 23:22:37
คู่นี้ไม่มีอุปสรรคแล้วใช่มั้ย ถ้ามีอีกนี่เศร้าแทนเลยนะ
กว่าจะเจอกัน กว่าจะคุยกัน กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ร้องไห้กันไปหลายยกละ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 50% => (30/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-07-2016 00:04:08
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 50% => (30/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-07-2016 00:52:29
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 50% => (30/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 01-07-2016 09:14:45
รอครับ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 50% => (30/6/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-07-2016 06:56:40
ไม่กากจ้า สนุกดี รออ่านตอนต่อไปนะคะ

เงินขรรค์ลงตัวแล้วนะ ลงเอยด้วยดี อย่ามีมารอีกเลยนะ เสียเวลาไปหลายปี
ขรรค์ทุ่มเทมาก ดีจังเลย ไม่น้อยหน้าใครหรอกนะ
เงินก็น่ารัก รุกหนักมาก ขี้งอนมากด้วย 555

จักรกวนประสาท สม คุณจอมยั่วให้อยากหนักเลย

ราม จะคิดได้ตอนไหน

ธีร์รีบหาอินให้เจอนะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 100% => (2/7/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 02-07-2016 20:58:15
ตอนที่ 16 ครึ่งหลัง






“มีอะไรหรือ? เงินจะกลับไปอาบน้ำนอนแล้ว”

“กลับยังไง” ขรรค์ถามกลับเสียงเข้ม

“ก็เดินกลับไง ถามแปลกๆ”

“มันมืดนะ จะเดินกลับได้ยังไง นี่ก็เกือบสองทุ่มแล้ว” ร่างสูงมองนาฬิกาแล้วพูดกับเงินไปด้วย

“อ้าว? แล้วจะให้เงินทำยังไง งั้นยืมไฟฉายหน่อยสิ”

“ไม่มีถ่าน”

“งั้นก็ต้องเดินกลับทั้งอย่างนี้แหละ ไม่เป็นไรขรรค์ เงินเดินบ่อย เพราะตอนแรกๆ เงินก็มามองขรรค์แถวนี้จนดึกๆ แล้วค่อยกลับประจำ” พอคำบอกเล่าออกมาจากปากของเงินมันทำให้คนที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนรักต้องมาทำอะไรเสี่ยงอันตรายแบบนี้ก็เพราะตน

ทั้งโกรธเงินก็แล้วก็โกรธตัวเอง...

“ทำไมต้องทำแบบนี้ มันอันตรายนะเงิน”

“ก็ทำไงได้ เงินอยากเห็นหน้าขรรค์นี่ อะไรที่เงินสามารถมองหน้าหรือเห็นขรรค์ได้นานที่สุดเงินก็จะทำ” คนตัวเล็กกว่าช้อนมองตากับขรรค์อย่างจริงจังจนขรรค์เถียงไม่ได้

เขาเข้าใจ...

เข้าใจดีเลยล่ะ

“ขรรค์ไปส่งนะ”

ประโยคนี้ทำเอาเงินน้อยใจและเสียความรู้สึกมาก คิดว่าขรรค์จะให้นอนที่นี่แล้วพาไปส่งที่บ้านพักหมอตอนเช้า จิตใจทำด้วยอะไร ทำไมถึงใจแข็งนัก

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเงินกลับเอง”

“อย่าดื้อสิเงิน”

“ไม่ได้ดื้อสักหน่อย”

“ไม่ดื้อก็ให้ไปส่งสิ...”

“ไม่เอาหรอก เงินจะไปเอง เบื่อคนใจร้าย” เงินสะบัดข้อมือแรงๆ จนหลุดจากการเกาะกุม เดินหนีไปยังประตูบ้าน

“เดี๋ยวก่อนเงิน ขรรค์ใจร้ายอะไร?” ร่างแกร่งวิ่งตามคนรักไป เงินกำลังสวมรองเท้าเตรียมจะเดินออกจากหน้าบ้านทันทีถ้าสวมรองเท้าเสร็จ

คนตัวขาวไม่ตอบคำถามของร่างแกร่ง เดินหนีจากหน้าบ้านพักของขรรค์อย่างไม่เกรงกลัวต่อความมืด แต่อย่างน้อยมีแสงจากรีสอร์ทส่องให้อยู่ แต่ก็เปลี่ยนน่ากลัวอยู่ดี

“เงิน...เดี๋ยวก่อนสิ ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า” ขรรค์ที่รีบปิดไฟบ้านล็อกประตูเสร็จก็ก้าวเท้ายาวๆ มาถึงตัวของคนรักอย่างเร็วเพราะความได้เปรียบทางส่วนสูงที่มีถึงเกือบสองเมตร

“เปล่า...ขรรค์กลับบ้านไปเถอะ เงินกลับเองได้จริงๆ”

“ขรรค์จะไปส่ง เงินห้ามดื้อ!” รางสูงสั่งเสียงเข้มจนเงินไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีก ได้แต่นำร่างสูงไปยังบ้านพักที่ทางโรงพยาบาลจัดการให้

พอมาถึงหน้าบ้านพักหลังเล็กๆ ของเงิน ร่างสูงโปร่งก็หันมาพูดกับขรรค์เมื่อตนไขกุญแจเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ขรรค์ก็กลับได้แล้วนะ”

“อืม...ฝันดีนะเงิน”

“ครับ...ฝันดีเช่นกันนะ” เงินยิ้ม หายเคืองคนรักแล้วอย่างง่ายดาย เพราะอย่างน้อยขรรค์ก็มาส่งถึงหน้าบ้านพักแล้วก็ยังบอกฝันดีด้วย

ตอนนี้...ได้แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

ขรรค์ทำเป็นเดินออกไปเมื่อเห็นว่าเงินยังไม่ยอมเข้าบ้านเพราะต้องการให้เขากลับไปก่อนสินะ ตัวเองถึงจะเข้า พอถึงทางเลี้ยวที่สามารถซ่อนตัวได้ ขรรค์ก็หยุดอยู่แบบนั้น จนแอบเห็นว่าเงินเข้าบ้านไปแล้ว

ร่างสูงยืนอยู่แบบนั้นนานมาก...จนกระทั่งคุณหมอหนุ่มปิดไปในตัวบ้านพักไปแล้ว ขรรค์ถึงได้เดินกลับบ้านพักตัวเองไป ถ้าปั่นจักรยาน ขับมอเตอร์ไซค์แน่นอนว่าบ้านพักของเงินอยู่ใกล้มาก แต่ถ้าเดินก็กินเวลาเกือบสิบห้านาทีเหมือนกัน

เงินขยันเดินไปมาหาเขาได้ยังไงตั้งเกือบสองอาทิตย์

เห็นที...ขรรค์คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว...แบบนี้มันเป็นอันตรายต่อเงินมาก แล้วก็เสี่ยงสุดๆ


เช้าวันต่อมาร่างสูงตื่นแต่เช้ามาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมข้าวของลงกระเป๋าผ้าใบใหญ่เพื่อจะไปทำงานที่โรงพยาบาล แต่ก่อนไปเขาก็ต้องจัดการงานต่างๆ ที่รีสอร์ทให้เรียบร้อย นึกแปลกใจที่วันนี้เงินไม่มาหาเขา แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเงินคงเข้าเวรแต่เช้าไปแล้ว

“พร้อมใช่ไหม ไม่ลืมอะไรนะ”

“กูพร้อมตั้งแต่เมื่อวานแล้วน่า ไม่มีอะไรลืมหรอก” จักรตอบ

“คุณรามให้ใช้รถได้ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง”

เดินทางไปโรงพยาบาลในตัวถ้าเป็นรถยนต์ใช้เวลาสิบห้านาที มอเตอร์ไซค์หรือรถรับส่งใช้เวลายี่สิบถึงสามสิบนาที ตอนแรกหมอเงินมาอยู่ที่โรงพยาบาลในตัวชุมชน แต่เนื่องจากทางโรงพยาบาลใหญ่ในจังหวัดต้องการหมอมากกว่าทำให้เงินต้องย้ายไปประจำที่โรงพยาบาลในตัวเมือง แต่ก็ขอพักที่เดิมเพราะสะดวกใจมากกว่า

ดีที่มีรถขับ เพราะหมอเงินเอารถมาเอง...

เรื่องนี้ ขรรค์ก็เพิ่งรู้เหมือนกัน...

“งั้นก็ไปเถอะ” จักรพูด แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะเดินไปที่รถ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาจนทั้งคู่ต้องหันไปมอง

“เดี๋ยวก่อน!!!”

“เอ่อ...มีอะไรครับคุณจอม” จักรถามเมื่อเห็นว่าเจ้านายอีกคนของตนเดินหน้าบูดเข้ามา ทางขรรค์เองก็ได้แต่ยืนนิ่งๆ เพราะไม่รู้จะทักอะไร

“ฉันไปด้วย วันนี้ฉันมีธุระ แต่ไม่มีคนขับรถให้ ขอติดรถไปด้วยก็แล้วกัน”

“เอาไง” จักรหันมาถาม

“ก็ได้ครับคุณจอม เชิญเลยครับ” โชคดีที่รถที่พวกเขาใช้เป็นกระบะสี่ประตู ขรรค์เลยเปิดด้านหลังให้เจ้านายตัวเล็กขึ้นไปนั่ง ส่วนขรรค์ก็เป็นคนขับ จักรก็ครอบครองที่นั่งข้างหน้าข้างคนขับไป

ทางสามคนเดินทางไปยังในตัวเมืองโดยเลือกจอดที่ร้านเบเกอรี่ให้เจ้าจอมลงไปทำธุระ เห็นว่านัดเพื่อนที่มาจากกรุงเทพเอาไว้ ส่วนจักรกับขรรค์ก็ไปยังโรงพยาบาลต่อไปเพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมาย...


เวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ หมอหนุ่มสุดหล่อของโรงพยาบาลเดินออกจากห้องพักแพทย์เพื่อจะไปพักทานข้าว แล้วก็จะไปดูที่สวนด้วยเผื่อจะเจอกับขรรค์

“หมอเงินจะไปทานข้าวเหรอคะ” เสียงของสาวคนหนึ่งที่หมอเงินเพิ่งจะรู้จักทักถาม ใบหน้าสวยหวานปานนางฟ้าเหมาะสมกับอาชีพส่งยิ้มสวยให้คุณหมอสุดหล่อ

“ใช่ครับหมอหวาน” เงินส่งยิ้มให้กับเพื่อนร่วมงาน

“หวานกำลังจะพักพอดีเลย ถ้าไม่รังเกียจขอหวานไปด้วยได้ไหมคะ” คุณหมอคนสวยขอยิ้มๆ ทำสีหน้าที่ผู้ชายไม่กล้าปฏิเสธแน่นอน แต่ก็ต้องผิดหวัง...

“หืม...ต้องขอโทษจริงๆ นะครับคุณหวาน พอดีว่าผมต้องไปทำธุระก่อนน่ะ วันนี้ไม่สะดวกจริงๆ” เงินแสร้งทำสีหน้าเสียดาย แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาแค่กำลังเลี่ยง

ไม่ใช่คนแรกที่เข้าหาเขาแบบนี้ แต่คราวหวานดูแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรมาก ถ้าไม่ได้สนใจ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นหรอก

“ว้า...เสียดายจัง นึกว่าจะได้ไปกินข้าวกับคุณหมอสุดหล่อซะอีก” เธอแสร้งทำหน้าผิดหวัง แต่ในใจก็รู้สึกว่าผิดหวังจริงๆ เพราะเธออยากจะสานสัมพันธ์

ถึงหมอเงินจะผ่านการแต่งงานมาแล้ว แต่ทั้งหล่อ ทั้งรวยแบบนี้...ไม่มีอะไรเสียหายเลยนี่

“เอาไว้โอกาสหน้าเดี๋ยวผมจะเลี้ยงเป็นการขอโทษนะครับ”

รอยยิ้มของหมอเงินก็เหมือนกับรอยยิ้มที่มอบให้กับคนทั่วไป ทั้งคนไข้ คนรู้จัก แต่บางครั้งรอยยิ้มของหมอเงินก็ทำให้คนอื่นคิดไปไกลเหมือนกัน

“หวานจะรอนะคะ”

“ครับ ยังไงผมขอตัวก่อนนะ”

“ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ”

ร่างสูงโปร่งของคุณหมอหนุ่มเดินออกจากตรงนั้นทันที สองเท้าก้าวไปตามทางไปสวนของโรงพยาบาลใหญ่ เดินจนกระทั่งถึงสวนที่มีเหล่าคนไข้มาเดินเล่นสูดอากาศบ้าง บางคนรู้จักเขาก็ทักทายตามประสา แต่สายตาของเงินก็สอดส่องหาคนรักตัวเอง

ขรรค์ชอบที่เงียบๆ

“นั่นไง...หืม…นั่งกับใครน่ะ” พอเจอแผ่นหลังที่กว้างใหญ่ของขรรค์เงินก็จำได้ทันที แต่ดันมีผู้ชายอีกคนที่ตัวสูงพอๆ กับขรรค์นั่งอยู่ด้วยเนี่ยสิ

เพื่อนร่วมงานเหรอ?

“ขรรค์…” พอไปถึงก็เรียกชื่อคนรักเบาๆ เมื่อเห็นหน้าของอีกคนชัดๆ ก็ทำหน้านึกว่าเคยเห็นที่ไหนเพราะคุ้นกับคนๆ นี้มาก

“เงิน...พักเหรอ”

“อื้อ...แล้วนี่กินข้าวอยู่เหรอ” ดวงตาสวยของหมอหนุ่มมองกล่องโฟมในมือของทั้งคู่มีอาหารง่ายๆ อยู่

“ใช่แล้ว...ของร้านอาหารหน้าโรง’บาลน่ะ” ขรรค์ตอบ

“อ๋อ...เอ่อ สวัสดีครับ” เงินหันไปทักคนตัวใหญ่หน้าโหดๆ อย่างจักรอย่างประหม่า ไม่เคยเจอใครที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน แต่คนเป็นหมออย่างเขา จะดูแค่ที่หน้าก็ใช่เรื่อง

“สวัสดีครับคุณหมอ ผมจักรนะครับ เป็นลูกน้องของไอ้ขรรค์มัน”

เป็นครั้งแรกที่เห็นคนเป็นลูกน้องเรียกเจ้านายตัวเองว่า ‘ไอ้’ แต่นั่นอาจจะมีเหตุผลก็ได้ คำหยาบคายเขาไม่ว่า ไม่ถือสาอะไรหรอก แค่อย่าพูดหยาบกับเขาก็พอ

“จักร? หรือครับ อ้อ! ผมเงินนะครับ”

“ถ้าทางคุณหมอจะอายุน้อยกว่าผมนะเนี่ย” จักรพูดขึ้น

ทำเอาความกลัวที่เงินมีต่อหน้าของจักรหายไปเลย เพราะจักรก็เป็นคนที่มนุษย์สัมพันธ์ดีคนหนึ่ง

“ฮ่าๆ ผมอายุยี่สิบหกแล้วครับ” ตอบเสียงกลั้วหัวเราะ ส่วนขรรค์ก็อมยิ้มน้อยๆ

“ห๊ะ!! มากกว่าผมตั้งสองปีแหนะ” จักรอุทาน

“อ้าว? จักรอายุมากกว่าขรรค์อีกเหรอ”

“ปีเดียวเองน่า” ขรรค์แย้ง ทำเอาหมอเงินกับจักรหัวเราะออกมา

“แต่หมอหน้าเด็กมากๆ เลยนะครับ” จักรชมอย่างทึ่งๆ มองใบหน้าขาวใสและดูเด็กอย่างน่าอิจฉา

“ขอบคุณครับ” เงินพูดแล้วเงียบไป

“ว่าแต่เงินกินข้าวยังล่ะ” ขรรค์ถามขึ้นเมื่อบรรยากาศเริ่มเงียบ แล้วก็ฉุกขึ้นได้ว่ายังไม่ถามว่าคนรักทานข้าวเที่ยงหรือยัง

“ยังเลย...”

“หือ? ทำไมไม่กิน” น้ำเสียงที่ถามออกไปติดจะดุจนเงินยิ้มออกมา

“ก็รอมากินพร้อมขรรค์ไง”

“แต่ขรรค์ซื้อมาแค่กล่องเดียวเอง แต่เดี๋ยวจะไปซื้อให้ นั่งรอก่อนนะ!” ว่าจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทันทีไม่ให้คนรักได้ทักท้วงอะไรเลย แต่เป็นแบบนั้นก็เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ได้อย่างดี

“ผมเพิ่งจะเคยเห็นมุมนี้ของมันนะครับ” จักรพูดขึ้น ส่วนร่างโปร่งก็นั่งลงตรงที่ของขรรค์ ส่งยิ้มให้กับจักรไป

“เขาก็เป็นแบบนี้แหละครับ”

“กับคุณหมอคนเดียวล่ะสิ ยินดีด้วยนะครับที่ดีกันแล้ว” จักรเอ่ยขึ้น

“หืม?”

“ผมรู้น่ะครับ มองก็ออกแล้ว แล้วยิ่งมีข่าวมาว่าคุณหมอที่เป็นคนรักเก่าของขรรค์มีตามง้อขอคืนดี ตอนแรกผมไม่เชื่อหรอก แต่พอเห็นแล้วก็...คงจะจริง” จักรพูดอธิบายออกมา

“ครับ...แล้วคุณไม่รังเกียจหรือ”

“ฮ่าๆ รังเกียจทำไมครับ คนที่ผมรักก็เป็นผู้ชาย” พอได้ยินแบบนั้นหมอเงินก็เบิกตาโพลง

“พูดเป็นเล่นน่ะ”

“จริงๆ ครับ เขาเป็นน้องชายของคุณราม จริงๆ ก็เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องน่ะครับ” จักรยิ้มออกมาเมื่อเอ่ยถึงเจ้าจอม นั่นทำให้หมอเงินรับรู้ได้ว่า...คนนี้มีความรักและมีความซื่อสัตย์มากๆ

“คุณจอมน่ะหรือ หื้อ! เอาใจช่วยนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

หมอเงินหยุดคิดนิดๆ เพราะชื่อจักรมันคุ้นมากๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนก็เลยพยายามคิดจนกระทั่งคิดออกว่าอินทัชเคยพูดถึงคนชื่อจักรเมื่อวาน

จะใช่คนเดียวกันไหมนะ?

“คุณจักร...”

“ไม่ต้องเรียกคุณหรอกครับ ผมไม่ค่อยชิน ฮ่าๆ” ร่างสูงว่า

“โอเคครับ...จักรรู้จักอินไหม?” ถามออกไปแล้วเรียกใบหน้าที่ดูจะสงสัยของจักรได้เป็นอย่างดี

“หมอหมายถึงอินทัช ที่คุณรามพามาใช่ไหมครับ ถ้าใช่ผมเป็นเพื่อนมันเองแหละ เพื่อนที่เพิ่งจะรู้จัก แต่สนิทเหมือนรู้จักกันมานาน ฮ่าๆ มันเป็นคนดีนะครับ เก่งแล้วก็ฉลาดด้วย หมอรู้จักมันได้ยังไง?”

“อินเขาชมจักรให้ผมฟังน่ะ ผมก็ดีใจที่นอกจากผมแล้วอินยังมีเพื่อน” ประโยคนี้ทำเอาคนที่ไม่ค่อยจะรู้ทันเท่าไหร่ถึงกับคิดหนัก

“ทำไมหมอพูดแบบนี้น่ะครับ”

“อ้าว? จักรไม่รู้เรื่องของอินเลยหรือ”

“ไม่รู้หรอกครับ มันไม่เคยเล่าให้ฟัง แต่ที่รู้ๆ มามันเป็นคนรักของคุณรามแล้วก็นอกใจคุณรามโกรธก็เลยพามันมา แค่นั้นแหละครับที่คนงานเขาพูดกัน” จักรเล่า

ใบหน้าคมคาย ดิบเถื่อนตึงเครียดเมื่อเห็นว่าใบหน้าของหมอเงินไม่มีรอยยิ้ม

“อินก็ไม่เคยเล่าสาเหตุที่ถูก ‘จับ’ ตัวมาหรอกครับ แต่ที่ผมรู้คืออินเขาไม่ผิด คุณรามจับอินมาทำร้ายด้วยความเข้าใจผิด อินพยายามหนีหลายรอบแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ และทุกครั้งก็จะโดนหนักกว่าเดิม...ผมคิดว่าจักรจะรู้เพราะเห็นเขาบอกว่าสบายใจที่ได้อยู่กับคุณ” หมอเงินพูดออกไป

เขาอยากช่วยอินทัช อยากช่วยมากๆ แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี...

“ไม่...มันไม่เคยเล่า” มิน่าล่ะ...มันถึงได้ดูเศร้าๆ เป็นบางครั้ง...จักรคิดต่อในใจ

ตอนนี้เงินกับขรรค์ก็เข้าใจกันแล้ว ข้อตกลงของเขากับรามินทร์ก็เป็นโมฆะไป เพราะต่อให้รามินทร์แยกขรรค์ไปจากเขา เขาก็จะตามไปทุกที่ แต่เชื่อว่า...รามินทร์ไม่ทำแบบนั้นหรอก ก็แค่ขู่เท่านั้นแหละ

“และที่ผมสงสัยก็คือ อินบอกว่ายอม...ยอมให้คุณรามแก้แค้นต่อไปเพราะหนีไม่ได้ นั่นก็หมายความว่า คุณรามต้องขู่อินไว้แน่ๆ แล้วคำขู่นั่น...ก็น่าจะเกี่ยวกับผม แล้วจักรด้วย” คุณหมอหนุ่มพูดออกไปตามที่ตนเองคิดมาตลอด

ว่าคนอย่างอินทัชมีหรือจะหนีไม่ได้...แต่พอรู้จักนิสัยของอินทัช ก็รู้ได้เลยว่า คนๆ นี้...เพื่อเพื่อน เพื่อมิตรภาพ เขาทำได้หมด...ทนได้หมด

“ผม?” ชี้ตัวเองแบบงงๆ

“เพราะเราสองคนเป็นเพื่อนของอิน มีความเป็นไปได้ว่าคุณรามเอาเราสองคนไปต่อรอง ประมาณว่า ถ้าอินหนี เราสองคนเดือดร้อนอะไรทำนองนี้...แต่ผมก็แค่สันนิษฐานนะ ต้องรอถามอินให้แน่ชัดไป”

ร่างสูงของจักรนั่งครุ่นคิดต่อไปอีกสักพักเพราะยังไม่เข้าใจในคำพูดของคนเป็นหมอเท่าไหร่ พยายามแปลข้อความต่างๆ ให้เป็นภาษที่ตนเองเข้าใจ สักพักเงินก็มองเห็นร่างคนรักเดินมา แล้วจึงหันไปพูดบอกกับจักรว่าให้เก็บเป็นความลับไม่ให้ขรรค์รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน ซึ่งจักรก็พยักหน้ารับ

เงินยิ้มกว้างออกมารับข้าวกล่องจากมือคนรัก ส่วนขรรค์ก็ยิ้มน้อยๆ แล้วนั่งลงข้างๆ กับเงิน ไม่สนใจที่จะถามหรอกว่าคุยอะไรกันระหว่างรอ เพราะไม่ใช่นิสัยของขรรค์

“ขอบคุณนะขรรค์ น่ารักจังเลย”

“อือ...เพื่อเงินนั่นแหละ กินให้หมดด้วย”

“คร้าบ...”

พอได้อยู่กับขรรค์ เงินก็ลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้กำลังจริงจังกับอะไร นั่งยิ้ม นั่งหัวเราะกับคนรักโดยที่มีจักรนั่งขมวดคิ้วคิดประมวลเรื่องต่างๆ คนเดียว...

 




100%

 :ling3: :ling3: :ling3:

   อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ จะด่าราม ด่าจักร ก็ด่าตามสบายเลย แหะๆ แล้วเจอกันตอนต่อไปนะคะ
   https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 100% => (2/7/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 02-07-2016 22:49:24
ตอนนี้ไม่ด่ารามค่ะ เพราะรามไม่โผล่55555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 100% => (2/7/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-07-2016 00:06:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 100% => (2/7/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-07-2016 01:31:23
 :hao5:


ช่วยอินด้วย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 100% => (2/7/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Phenol ที่ 03-07-2016 07:13:50
อยากให้ถึงตอนราม อิน ไวๆจัง  อยากเห็นอิตารามตกหลุมรักอิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 16 100% => (2/7/59) P.9 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-07-2016 20:29:34
อ่านแล้วน้ำตาไหลเยาๆ
คิดถึงความเจ็บช้ำของอินแล้วปวดใจ
อีกนิดนะอิน
รามจะต้องได้รับผลตอบแทน
แบบที่จุกไปจนตาย!
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 50% => (5/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 05-07-2016 23:32:27
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 17
ตายทั้งเป็น



“มึงมีอะไรจะบอกกูไหม”

“อะไร?”

“มีอะไรปิดบังกู พูดออกมานะ”

“มึงเป็นอะไรเนี่ยจักร!! แล้วไม่ไปทำงานแล้วหรือไง” อินทัชถามเพื่อนขณะที่ตนกำลังเก็บพวกอุปกรณ์ช่างอยู่ แล้วตนเองก็โดนเพื่อนอย่างจักรที่บอกว่ามีงานใหม่ให้ทำแล้วจะไม่มาที่นี่อีก

แต่นี่อะไร ไม่เจอกันวันเดียวก็มาซักเขาอย่างกับเป็นนักโทษ

“งานกูมีแค่ร่างแบบ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเพราะในหัวมีแต่เรื่องของมึง!!”

“อ้าว? ไอ้นี่โทษกูได้ไง แล้วกูไปทำอะไรให้” ร่างโปร่งเถียง

“ไม่ต้องทำไขสือ นี่ถ้ากูไม่รู้มา มึงก็ไม่คิดจะบอกกูเลยใช่ไหม” จักรทำสีหน้าเครียดๆ

“รู้? มึงรู้อะไร”

“ก็ที่มึงถูกคุณรามจับตัวมา อุ๊บ!!” ร่างโปร่งกระโดปิดปากเพื่อนตัวสูงแทบจะไม่ทันเมื่อจักรมันโพล่งออกมาแบบไม่แคร์ว่าใครจะได้ยินเลย

อินทัชหันมองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใครสนใจก็ลากเพื่อนออกไปอีกทาง ซึ่งเป็นที่ๆ ไม่มีคนอยู่และปลอดภัยที่จะคุยเรื่องที่จักรโพล่งออกมาได้

“อื้อ...แหวะ! ไอ้อิน มือมึงสกปรกมาก ปิดมาได้นะ แม่ง ถุย!!” พอเป็นอิสระจากการมือที่ปิดปากอยู่ จักรก็ถ่มน้ำลายใหญ่ เพราะรังเกียจมือที่จับพวกของเปื้อนๆ สกปรกๆ มา

อินทัชเองก็เช็ดมือที่เปื้อนน้ำลายของเพื่อนอย่างขยะแขยงเหมือนกัน แต่เรื่องนั้นมันไม่ทำให้เขาเครียดเท่าที่ว่าจักรมันรู้...

รู้ได้ยังไง ใครบอก...

“มึงพูดเรื่องอะไร”

“อ๋อ...เรื่องที่มึงถูกจับตัวมาอ่ะนะ”

“เออ!! มึงรู้ได้ยังไง” ถามด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นอารมณ์หน่อยๆ

จักรหัวเราะหึหึในลำคอ...เขากำลังหัวเราะ หัวเราะที่ไม่รู้อะไรเลยจนถึงตอนนี้...อินทัชไม่คิดจะบอกอะไรเขาเลย หรือเพราะไม่ไว้ใจกันแน่

“กูรู้ได้ยังไงก็ช่าง แต่ที่กูสนคือมึงไม่คิดจะบอกกู ไหนว่ากูเป็นเพื่อน ชมนักชมหนาถึงกูกับหมอเงิน แต่แม่งกูก็เป็นคนไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่ามึงเจออะไรมาบ้าง!!”

อินทัชไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือเครียดดี พูดะดิบดีว่ารู้ได้ยังไงก็ช่าง...แต่ก็โพล่งชื่อเขาออกมาเลยเนี่ยนะ

“หึหึ”

“หัวเราะบ้าอะไร”

“แล้วมึงจะเครียดทำไม ตอนนี้กูก็ปกติดีนี่ อย่ากังวลไปเลย กูไม่เป็นอะไรหรอก”

แปะๆ

มือขาวตบที่บ่าแกร่งเบาๆ เป็นการตอกย้ำว่าไม่เป็นไรจริงๆ แต่จักรก็ยังคิดมากอยู่ดี

“ทำไมไม่หนี”

อินทัชถึงกับหลบสายตาจักรทันทีพอได้ยินคำถามแบบนี้ ใจเต้นแรงเพราะกังวล ถ้าหากว่าเขาไม่มีเหตุผลให้ จักรมันจะตามตื๊อแบบนี้ต่อไปแน่ๆ

“กูหนีไม่ได้ หนีแล้วก็โดนมันจับได้ทุกที” อันนี้คือความจริง

แต่ก็บอกไปแค่บางส่วนเท่านั้น อีกส่วนคือเขาหนีได้ เขามีโอกาส แต่ว่า...ก็กลัวว่าหมอเงินกับจักรจะเดือดร้อนตามคำขู่ของรามินทร์

ขนาดเขามันยังกล้าจับมา แล้วกับคนอื่นล่ะ...ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่ารามินทร์จะไม่ทำอะไรเพื่อนทั้งสองของเขา

“เพราะกูกับหมอเงินใช่ไหม?” สิ้นเสียงทุ้มของจักร ร่างโปร่งบางก็นิ่งไปทันที

กึก!

พอเห็นท่าชะงักกึกพร้อมๆ กับสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอินทัช ต่อให้โง่หรือซื่อบื้อแค่ไหนก็มองออกว่ามันเป็นไปตามที่เขาถามเลย มันเป็นเพราะเขากับหมอเงินจริงๆ ด้วย

และเพราะแบบนี้ มันเลยทำให้จักร...รู้สึกดีกับอินทัชมากขึ้นจนน้ำตาจะไหล

มันไม่ใช่ความรักแบบชู้สาวอย่างที่รู้สึกกับเจ้าจอม แต่มันเป็นความรู้สึกที่ปลื้มปิติกับมิตรภาพของคนที่รู้จักกันได้ไม่นานอย่างเขาสองคน

“มึงเป็นคนดี...กูไม่อยากให้มึงต้องมาลำบากแบบนี้”

“ไม่ปฏิเสธหรอกว่ากูลำบาก แต่อย่างน้อยในความลำบากกูยังมีมึง ยังมีหมอเงิน...ฉะนั้นแล้วไม่ต้องสนใจเรื่องของกู มึงอยู่แบบเดิมต่อไป เพิ่มเติมคือเป็นกำลังใจให้กูด้วย ตอนนี้กูต้องการเพื่อน ต้องการคนเข้าใจ และกู...ก็รอเพื่อนรักของกูมารับอยู่” ประโยคสุดท้าย ดวงตาของอินทัชเหม่อมองออกไปจนสุดขอบฟ้า

คิดถึงธีร์สุดหัวใจ...

“ให้กูช่วยไหม”

“อย่าเลยจักร...ทำตามที่กูต้องการเถอะนะ ถือว่ากูขอร้อง”

“ถ้าอย่างนั้น...บอกกูได้ไหมว่ามันเรื่องอะไร” จักรถามต่อเผื่อว่าอินทัชจะยอมเล่าให้ฟัง แต่คำตอบที่ได้ก็มีเพียงแค่การส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ เท่านั้น

ร่างแกร่งถึงกับถอนหายใจออกมา...

“เออๆ กูจะลืมไปก็แล้วกันถ้ามันทำให้มึงสบายใจมากกว่า”

“ขอบใจมึงมาก ถ้ากูกลับไปได้ กูจะไม่ลืมมึงเลยว่ะ” อินทัชพูด

“เออๆ ให้มันจริงนั่นแหละ งั้นกูสบายใจแล้ว ไปทำงานต่อได้แล้วล่ะ มึงเองก็สู้ๆ ละกัน มีอะไรบอกกู” จักรให้กำลังใจ ซึ่งอินทัชก็หัวเราะออกมา

“ฮะๆ ทำไม มึงจะช่วยเหรอ”

“เปล่า...กูจะเป็นผู้ฟังที่ดี ฮ่าๆ”

“เหี้ย!” ด่าจักรออกไปสั้นๆ แต่เจ็บ หากแต่คนถูกด่ากลับทำได้พยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ

“เออ กูรับ...ไปล่ะ แล้วเจอกันนะเว้ย”

“เออๆ”

ร่างโปร่งมองจักรที่เดินไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข ทั้งๆ ที่ไม่ใช่สภาพที่เขาควรจะมีความสุขเลยสักนิด

“ไอ้บ้านี่มีความหลอกง่าย...แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องของกู กูก็ต้องจัดการเอง”

อินทัชเดินกลับไปทำงานของตนต่อ โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังแอบฟังอยู่...


เวลาประมาณทุ่มกว่าๆ

“อะไรของพี่เนี่ยพี่ราม ดื่มอย่างกับไม่เคยดื่ม” เจ้าจอมที่นั่งดูแลพี่ชายในบ้านพักของร่างสูง ขณะที่รามินทร์กำลังดื่มเหล้าเอาอย่างกับดื่มน้ำเปล่า

ที่จริงเจ้าจอมไม่รู้หรอกว่าพี่ชายของตนสั่งเหล้ามาดื่ม มารู้ก็ตอนเดินสวนกับคนงานที่พี่ชายเขาสั่งให้เอาเหล้าไปเพิ่มนั่นแหละ

นี่กะจะไม่หลับไม่นอนหรือไง...

“ให้พี่ดื่มเถอะ”

“อะไรเนี่ย ทำตัวอย่างกับอกหัก”

“พี่ไม่ได้คบใครทำไมพี่ต้องอกหักด้วย” รามินทร์ตอบทั้งหน้าแดงๆ เพราะก่อนที่เจ้าจอมจะมาเขาก็ดื่มไปประมาณหนึ่งแล้ว

“ก็นั่นแหละที่สงสัย พี่จะดื่มทำไมล่ะ?” เจ้าจอมถามเครียดๆ

“พี่ก็แค่อยากดื่ม”

“เฮอะ!! โกหกชัดๆ พี่ราม...เป็นอะไรบอกจอมมาเถอะ เผื่อจอมช่วยได้”

“ไม่มีอะไรหรอกน่า พี่แค่อยากจะดื่มพี่ก็ดื่ม”

เจ้าจอมไม่เชื่อ แต่ก็ไม่คิดเซ้าซี้ถามต่อ คิดว่าถ้าพี่ชายเมาคงจะระบายออกมาเองนั่นแหละ เจ้าจอมมองนาฬิกาเห็นว่าเกือบจะสองทุ่มแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

วันนี้ก็เลยอดอยู่กับจุลจักรเลย เพราะต้องมาดูแลพี่ชายเดี๋ยวจะเมาแล้วชนนั่นชนนี่ตายไปก่อน

“เกิดอะไรกับพี่รามเนี่ย ครั้งล่าสุดที่ดื่มหนักก็ตอนที่เลิกกับพี่มิวนี่นา แต่มันก็หลายปีมาแล้วด้วย” เจ้าจอมพึมพำ แต่รามินทร์ก็ยังได้ยินชัดเจน

พอได้ยินชื่อคนรักเก่าก็นิ่งไปเลย มันไม่ได้เจ็บแบบตอนแรกๆ ก็จริง แต่บาดแผลที่โดนทิ้งมันก็ยังอยู่...

“พี่จับไอ้อินมานานเท่าไหร่แล้ว”

นี่เปลี่ยนเรื่อง?

“ก็ถ้าให้จอมนับ ก็เดือนหนึ่งได้แล้วล่ะมั้ง”

เจ้าจอมตอบแบบประมาณเอาเนื่องจากตนไม่ได้นับจริงๆ แต่ว่าอินทัชปรากฏตัวช่วงที่บ้านพักคนงานกำลังสร้างอยู่ได้สองเดือนได้ จนตอนนี้บ้านพักเสร็จแล้วเหลือแค่ทาสีแล้วก็ตกแต่ง

“อืม...”

รามินทร์นิ่งไปจนน้องชายขมวดคิ้ว

“นี่อย่าบอกนะว่าคิดมากเรื่องพี่อิน ถ้าทำแล้วตัวเองรู้สึกผิดพี่รามก็ไม่ควรจะทำตั้งแต่แรกสิ”

“อย่าบ่นได้ไหมล่ะ” รามินทร์ยกแก้วขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่

“จอมจะพูด”

“เจ้าจอม! เอาเหล้ามาให้พี่!” รามินทร์ขึ้นเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าน้องชายคว้าเอาขวดเหล้าไปถือไว้ คนที่กำลังดื่มได้ที่พอโดนขัดก็ชักหงุดหงิด

“จอมภูมิใจในตัวพี่มาตลอดนะ พี่รามเป็นพี่ชายที่แสนดีมาตลอด แต่แบบนี้จอมไม่โอเค ปล่อยพี่อินไปเถอะนะฮะ” เพราะเจ้าจอมคิดว่าคุยกับร่างสูงตอนที่อีกคนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี่แหละ อาจจะง่ายที่สุดก็ได้

“ไม่!! เจ้าจอมอย่ามาห้ามพี่เลย”

“พี่อินไม่ได้ผิดอะไร”

“พี่ไม่อยากจะทะเลาะกับเรานะเจ้าจอม ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็เชื่อฟังพี่ แต่ถ้ากลับกรุงเทพฯ พี่ก็ไม่ห้ามอะไร” รามินทร์ว่าออกมา เจ้าจอมก็ได้แต่ยื่นขวดเหล้ามาให้พี่ชายช้าๆ ใบหน้าใสดูเครียดก่อนที่ดวงตาจะฉายแววเศร้าๆ ออกมา

พี่รามคนเดิมหายไปแล้ว คนใจร้ายคนนี้เป็นใคร?

เอาพี่ชายที่แสนดีของเขากลับมาคืนได้ไหม...

“จอมจะไม่ห้ามพี่รามอีกแล้วก็ได้ แต่จอมก็จะช่วยพี่อินเท่าที่จะทำได้เหมือนกัน”

“หึ! ทำไมไอ้คนเลวแบบนั้นถึงได้มีคนรักเยอะแยะแบบนี้นะ ทั้งจอม ทั้งไอ้จักร ทั้งหมอเงิน ไม่แน่ไอ้ขรรค์ก็ด้วย” รามินทร์ถามอย่างสงสัย หัวเราะน้อยๆ ให้กับคนที่ตาบอดไปเห็นว่าอินทัชมันดี

แต่ว่าใครกันแน่ที่ตาบอด

“พี่ลองใช้ใจพี่ดูเอาสิ แล้วจะรู้ว่าทำไมมีแต่คนรักพี่อิน ไม่แน่วันหนึ่ง...พี่อาจจะรักคนที่พี่ทำร้ายก็ได้”

กึก!!

“ไม่มีทาง คนอย่างพี่ ไม่มีทางรักไอ้คนสารเลวพรรค์นั้นหรอก”

“น้องสาวพี่มาเมื่อไหร่ พี่ได้รู้ความจริงแน่ๆ หึหึ ถ้าถึงวันนั้นนอกจากพี่จะไม่ได้รับความเห็นใจ ความสงสารจากผมแม้แต่น้อย แล้วก็จะหัวเราะ ซ้ำเติมให้พี่เสียใจกว่านี้อีก”

เจ้าจอมพูดแล้วลุกขึ้นยืน เพราะเขาจะไปแล้ว จะไม่อยู่ดูแลคนนิสัยไม่ดีแบบนี้อีกแล้ว

ไม่คิดเลยว่า...ความแค้น มันสามารถเปลี่ยนคนใจดี อ่อนโยนของเขาให้กลายเป็นซานตานที่แสนใจร้ายไปได้

“พี่ควรจะรู้เอาไว้ ว่ารินที่แสนดีของพี่รามน่ะ ที่จริงแล้วเป็นคนแบบไหนกันแน่!! คนที่มัวแต่ตาบอดไม่มองคนอื่นนอกจากน้องสาวตัวเองแบบพี่ วันหนึ่งพี่จะเสียใจ จำคำจอมไว้นะ พี่จะเสียใจ!!!”

เจ้าจอมตะคอกใส่ผู้เป็นพี่ชายเสียงดังก่อนจะเดินออกจากบ้านพักหลังนี้ไป นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าจอมตะคอกหรือขึ้นเสียงใส่พี่ชายที่แสนดีของตน คนเป็นน้องร้องไห้ด้วยความเสียใจโดยที่พี่ไม่เห็น เพราะถ้ารามินทร์เห็นก็คงไม่รู้สึกอะไร

ทางด้านร่างสูงก็ซัดน้ำเหล้าเข้าปากเรื่อยๆ พลางครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ อย่างเครียดๆ แล้วไหนจะพวกคำพูดที่เขาเผลอไปได้ยินตอนที่จักรกับอินทัชคุยกันเมื่อเช้าอีก

“อึก...โถ่เว้ย!!!” เขาขยี้ผมตัวเองอย่างเครียดๆ

อดจะยอมรับไม่ได้จริงๆ ว่าอินทัชมันเป็นคน ‘ดี’ เพราะที่เขาได้ยิน เขาก็คิดเอาไว้ว่าอินทัชต้องเล่าบอกจักรแน่ๆ แต่เปล่าเลย...อินทัชมันกลัวคำขู่ของเขา ยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนที่ดีกับมันเดือดร้อน

“อะไรมันจริง อะไรมันไม่จริงวะ!!”

แต่เมื่อรามินทร์พยายามจะเปิดใจลองมองอีกด้านหนึ่ง เสียงร้องไห้พร้อมกับหยาดน้ำตาในวันที่น้องของเขากำลังจะฆ่าตัวตายก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ตอกย้ำความโกรธเกลียดของตัวเองให้พุ่งสูงขึ้น

“เพราะมัน...เพราะมันนั่นแหละ มันเป็นคนเลว มันเป็นคนชั่ว มันทำร้ายน้องสาว อึก ของกู!!” ร่างสูงดื่มเหล้าในขวดเข้าไปจนหมด ก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกจากบ้านไปอย่างทุลักทุเล ปลายทางคือบ้านพักเก่าซอมซ่อที่อินทัชใช้อาศัยอยู่...

รามินทร์ไม่มีสติรับรู้อะไรแล้วว่าตัวเองก้าวเท้าไปที่นั่นทำไม...แต่คนที่อยู่ในความรู้สึกนึกคิดของร่างสูงมีเพียงแค่อินทัชเท่านั้น...

ทางลงไปยังบ้านของอินทัชค่อนข้างชันเพราะถมดินให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันภัยจากน้ำป่าไหลหลากที่ประสบอยู่บ่อยๆ เพราะเป็นทางผ่านของน้ำ

ตึก ตึก ตึก

สองเท้าเหยียบแผ่นไม้บันไดเก่าๆ ของบ้านขึ้นไปจะพลัดตกไปบ้างแต่ก็จับราวประคองตัวเองไว้ได้จนไปถึงข้างบนอย่างไม่ตกลงไปคอหักตาย ด้วยความเคยชิน ร่างสูงก้าวเซๆ ไปยังห้องนอนของอินทัช ที่เขารู้จักได้ดีแม้กระทั่งตอนเมาแบบนี้ เพราะรามินทร์เคยใช้ที่นี่เป็นที่พักมาก่อน

แต่เจอน้ำท่วมบ่อยๆ เลยเปลี่ยนไปสร้างด้านบนแทน


เสียงคนเดิน?

“ใครจะมาตอนป่านนี้วะ” อินทัชที่ตื่นจากการนอนขมวดคิ้วมองผ่านความมืดก่อนจะลุกขึ้นเมื่อเสียงมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตูห้อง อินทัชมีความกังวลและกลัว

ของที่จะใช้เป็นอาวุธไม่มีเลยสักอย่าง มีแต่หมอน ผ้าปูแล้วก็ผ้าห่ม

แกร๊ก!

แอ๊ดดดด...

พอประตูเปิดออกสิ่งที่อินทัชเห็นคือเงาของผู้ชายร่างใหญ่ โงนเงน ยืนไม่ตรง กลืนเหล้าหึ่งออกมาจนอินทัชถอนหายใจ เพราะอย่างน้อยคนๆ นี้ก็เมามา แสดงว่าเขาก็สู้มันได้

“มึงเป็นใคร!!”

“อ้ายยยอิน มึงงงง อึก!”

“ไอ้เหี้ยราม!” อินทัชเรียกชื่อของรามินทร์เสียงดังก่อนจะขยับเข้าไปมองชัดๆ แสงจากเสาไฟฟ้าทำให้เขาสามารถมองเห็นใบหน้าของร่างสูงได้แต่ไม่ชัดเท่าไหร่

ร่างแกร่งค่อยๆ ก้าวเข้ามาในห้อง อินทัชเองก็ขยับกายหนีตามสัญชาตญาณ

“เออออ...กูเอง ทามมายวะ!”

“ถ้าเมามึงก็ควรจะนอนอยู่ที่บ้านมึงนะไอ้ราม จะมาเรื้อนอะไรแถวนี้”

“เรื่องของกู!!!”

“เรื่องของมึง แต่มันรบกวนกู รู้บ้างไอ้ขี้เมา ต่อให้กูจะมาเป็นทาสมึง แต่ก็ควรมีเวลาส่วนตัวให้กูบ้างป่ะ!!” ตวาดเสียงดังอย่างนึกโกรธ

ทำไมมันต้องตามจองเวรเขาแม้กระทั่งเวลาพักผ่อนด้วย

“กูแค่ อึก...จะมาดู ว่าทำไม คนถึงร้ากกแต่มึง!”

“ดู? มาดูเหี้ยอะไร ใครจะรักกูแล้วเกี่ยวเหี้ยอะไรกับมึงด้วย!!”

“เฮอะ! กูแค่อยากจะเห็นไง ว่าไอ้เลวแบบมึงเนี่ย อึก...ทำไมคนถึงตาบอดมองว่ามึงดีด้าย”

พาล...มันกำลังพาลมากๆ...

อะไรบางอย่างทำให้อินทัชรู้สึกไม่ปลอดภัย...

“มึงกลับไปนอนเถอะไอ้ราม หรือให้กูไปส่งไหม” ตอนนี้อินทัชพยายามจะพูดดีๆ กับคนเมา เพราะกลัวว่าถ้าไปกระตุ้นอารมณ์โมโหของมัน เขาจะลำบากเสียเอง

เขากลัว...เขาไม่อยากตกนรกแบบนั้นอีกแล้ว สิ่งที่มันทำกับเขามันทรมานแล้วก็เจ็บมาก เขาไม่อยากให้มีครั้งที่สาม...ไม่อยากให้มีจริงๆ






50%

 :katai5: :katai5: :katai5:

   จริงๆ ตอนนี้ยูกิค่อนข้างจะลังเลใจว่าจะลงดีไหม แต่งแบบนี้ดีไหม จะเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะตัวเองไม่ค่อยเขียนอะไรแรงๆ ขั้นนี้มาก่อน (มันอยู่ครึ่งหลัง)
   https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 50% => (5/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-07-2016 23:57:31
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 50% => (5/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-07-2016 23:59:39
 :เฮ้อ:


เป็นเจ้าคนนายคน เก่งมาได้ทุกเรื่อง มาโง่จม
กับเรืองแค่นี้

อย่าให้อภัยง่ายๆ น่ะ ... น้องสาวตัวดีต้องได้รับโทษนี้ !!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 50% => (5/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-07-2016 08:05:33
ไปถามน้องสาวตัวดีก่อนดีมั้ยไอ้เลว เก่งทุกเรื่องทีเรื่องแบบนี้ดันโง่นะ อินอย่าไปยอมมันง่ายๆ นะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 50% => (5/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 06-07-2016 10:23:00
อิน....กลัวจังเลย
กลัวอินเจ็บ
รามจะทำร้ายอินไปถึงเมื่อไหร่
เมื่อไหร่จะพอสักที
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 50% => (5/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 06-07-2016 12:21:59
อยากเห็นบทสรุปของเรื่องเร็วๆ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 100% => (8/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 08-07-2016 14:05:36
ตอนที่ 17
ครึ่งหลัง



“ไม่!! มีสิทธิ์อะไรมาสั่งกูวะ!!” ร่างสูงก้าวไปหาร่างโปร่งอย่างโมโห พอต้อนอินทัชไปจนติดกับผนังของบ้าน ร่างแกร่งเดินมาทั้งๆ ที่แทบจะทรงตัวเองไม่ไหว

“อย่าเข้ามานะเว้ย!” เขาหันซ้ายหันขวาผ่านความมืดเพื่อหาทางหนี แต่ก็ไม่ทันเพราะแขนแกร่งยื่นมาที่ผนังไม้อย่างแรงเพื่อกักเขาเอาไว้ แรงที่กระทบกับฝาไม้ไม่อาจจะทำให้ร่างสูงรู้สึกเจ็บ แต่ตัวแผ่นไม้แทบจะหลุดเพราะไม่มีความคงทนแล้ว

“กลัวเหรอออ...”

“มึงเมามากไอ้ราม มึงเมามากจริงๆ”

“มึงเป็นครายยย”

ห๊ะ!!! อะไรคือจู่ๆ ลืม...คนเมาแม่งเดาอารมณ์ได้ยากฉิบหายเลยว่ะ

“อือ...แม่งเอ้ย!! ทำไมต้องทิ้งกูด้วยวะ! อึก...กูแม่งไม่ดีตรงหนายยย” ร่างสูงทิ้งหน้าลงบนไหล่ของอินทัชท่ามกลางความแข็งทื่อของร่างกายที่บางกว่า

“ไอ้ราม...ออกไปนะเว้ย”

“เฮอะ! แล้วนี่มึงเป็นครายยย...”

“อินทัช...คนที่มึงเกลียดไง” เขาตอบหวังว่ามันจะมีสติ ออกไปจากตัวเขาสักที

“อินทาช...เอออ...กูเกลียดดมึง อึก...แต่มึงแม่งสวยว่ะ ลีลาก็ดี สมแล้ว ที่มึง เอิ้ก...ฟันใครเขาไปทั่ว” อินทัชตัวสั่นผลักร่างสูงออกไปอย่างแรงจนอีกคนแทบจะล้มแต่ก็ยังไม่ล้ม

“ถึงกูจะนอนกับใครเยอะ แต่กูก็เลือก...แล้วไม่ได้ฟันแล้วทิ้ง ไอ้สัตว์!!”

“หึ...มาให้กูเอาดิ๊!! กูแม่งเงี่ยนว่ะ” นี่คงจะเป็นคำที่หยาบที่สุดจากปากของรามินทร์ที่อินทัชเคยได้ยินมา รามินทร์ก้าวมาหาอินทัชที่เดินหนี ก่อนจะจับอีกคนโยนไปที่พื้นอย่างแรงแบบไม่ได้สนใจเลยว่าร่างบางกว่าจะเจ็บแค่ไหน คนตัวใหญ่กว่าขึ้นคร่อมร่างบางแบบทันที อินทัชทั้งถีบทั้งเตะ พอหลุดก็พยายามคลานหนี แต่ก็ถูกจับข้อเท้าเอาไว้ ซึ่งร่างสูงก็ตามมาคร่อม รวบมือทั้งสองข้างไว้เหนือหัว

หมับ!!

“ไอ้ราม!!! ไอ้เหี้ย!! ออกไปจากตัวกู!!” เขาตะโกนสุดเสียงด้วยความกลัว

“ไม่!!!”

“ไม่นะ!! อย่า...” เขาได้แต่ร้องห้ามยามที่ใบหน้าของคนที่ได้เปรียบกว่าซุกลงที่ซอกคอขาวของอินทัช ร่างโปร่งพยายามดิ้นแล้วหันหน้าหนี แต่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนใจร้ายซุกไซ้ได้มากกว่าเดิม

หัวใจของอินทัชเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว ยามที่ริมฝีปากร้อนลากผ่านไปยังจุดต่างๆ ของร่างกาย พอเขาหมดแรงที่จะดิ้นต่อต้าน รามินทร์ก็ปล่อยแขนขาวมาลูบไล้ไปตามร่างกายตามแรงอารมณ์ที่กำลังประทุ

และยิ่งเมาด้วยแล้ว ความต้องการของร่างใหญ่ก็มีมากกว่าเวลาปกติ...

แควก!!!

เสื้อและกางเกงบางๆ ถูกฉีกออกไปด้วยฝีมือของคนใจร้าย อินทัชก็ได้แต่เม้มปากแน่น น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ ที่โดนอีกคนทำร้ายด้วยวิธีนี้อีกครั้ง

“อื้อ...ฮึก”

เขาพยายามห้ามเสียงครางอันน่ารังเกียจของตนโดยการเอามือปิดปากตัวเอง ปลายลิ้นของร่างสูงลากผ่านแผ่นอกแล้วมาที่แอ่งสะดือ มือก็ทำหน้าที่ที่ส่วนกลางลำตัวของอินทัชเพื่อกระตุ้น...

“อืม...” เสียงครางต่ำดังออกมาเป็นระยะๆ ด้วยความพึงพอใจกับร่างกายนี้

ไม่ใช่ว่าอินทัชไม่อยากสู้...แต่มันหมดแรงที่จะต้านทานแล้ว ทั้งร่างกายแล้วก็หัวใจ...

“อื้อ...อ๊ะ!”

เรียวขาสวยถูกจับแยกออกจากกันก่อนที่ร่างแกร่งนั้นจะสวนความเป็นชายอันใหญ่โตของตนเข้าไปทีเดียวจนสุด ทำเอาร่างบางถึงกับร้องออกมาด้วยความเจ็บเนื่องจากรามินทร์ไม่มีความอ่อนโยน แม้จะเบิกทางให้ก่อนแล้วก็ตามเขาก็ยังเจ็บ...

เจ็บจนร้องไห้ออกมา

จนจนอยากจะตายๆ ไปซะ...

“ร้อง!! ร้องออกมาสิ อา...” ร่างสูงสั่งเสียงแหบพร่า ใบหน้าหล่อแสดงถึงความหงุดหงิดที่ไม่ได้ยินเสียงของคู่นอนครางออกมาอย่างที่เคยเป็น

“อึก...” ส่วนอินทัชก็พยายามที่จะกัดเข้าที่มือตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงหลุดลอดออกไปยามที่ถูกกระแทกกระทั้นกายเข้าโดนจุดกระสัน

แค่โดนแบบนี้ก็อัปยศมากพออยู่แล้ว...ได้โปรดอย่าให้เสียงแห่งความน่ารังเกียจดังออกมาด้วยเถอะ

“กูบอกให้ร้อง อา...ดีจริง อืม...ของมึงนี่ตอดแน่นดีมาก อ๊า” ร่างสูงครางอย่างพอใจที่ร่างกายของอินทัชให้ความสุขกับเขาได้อย่างสุดยอดจริงๆ

แม้จะเมาอยู่ ก็ยังเรียกถูกว่าทำอยู่กับใคร...

ถ้าคิดว่าเป็นคนอื่น อินทัชคงได้เจ็บปวดกว่านี้แน่ๆ

“อื้อ”

“เอามืออกมา อึก”

“อ๊า..ย่ะ อย่า อ๊า...แรงไปแล้ว” อินทัชครางออกมาเสียงดังลั่นเมื่อร่างสูงถึงแขนให้หลุดออกจากปากของเขา แล้วก็สวนกายกระแทกกระทั้นรุนแรงจนแทบจะคุมสติตัวเองไม่อยู่

ทุกอย่างขาวโพลนไม่รับรู้อะไรนอกจากสัมผัสที่แสนจะเสียวซ่านนี้ อินทัชลืมตัวลงระเริงไปกับมัน จนกระทั่งร่างกายของเขากระตุกเกร็งก่อนจะปลดปล่อยออกมาอย่างสุดจะทน ตามมาด้วยร่างสูงที่กระแทกเน้นๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแช่กายปลดปล่อยในร่างกายของเขา

อินทัชนอนหายใจหนักหน่วงในท่านั้น ไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำอะไรต่อไปแล้ว

มันคงจะพอแล้วใช่ไหม...

ในจังหวะที่เขาคิดแบบนั้น ความเป็นชายของรามินทร์ก็ขยายขึ้นมาอีกครั้งจนอินทัชเบิกตาท่ามกลางความมืดอย่างตกใจ...

“อ๊ะ...ม่ะ ไม่นะ อ๊า...ย่ะ อย่า อ๊ะ”

ไม่ทันเสียแล้ว...

ร่างสูงยกขาข้างหนึ่งของอินทัชขึ้นพาดบ่าแล้วสวนกายเข้าออกอย่างเร็วและแรงอีกครั้ง...ร่างขาวตะแคงเพื่อให้ขาตัวเองไม่เจ็บ ได้แต่หลับตาแน่นรับแรงกระทกของคนเมาที่ไม่รู้จักพอต่อไป

“อ๊า...ดีมาก อืม...แม่งยังแน่นอยู่ อึก”

“อ๊า...อ๊ะ อ๊ะ อึก”

เสียงครางปนเสียงสะอื้นของอินทัชไม่ได้ทำให้รามินทร์รู้สึกตัวเลยสักนิด กลับกันแล้ว คนเมาที่ไม่รู้เรื่อง ไม่มีสติกลับทำอินทัชครั้งแล้วครั้งเล่า

เปลี่ยนท่าทางไปเรื่อยๆ ตามความพึงพอใจของตนเอง ส่วนอินทัช ก็ได้แต่นอนให้ร่างสูงใหญ่ทำตามอำเภอใจอย่างที่รู้สึกเหมือนกับตายทั้งเป็น...

“อึก...อา”

“มันส์ฉิบหาย”

ช่วยด้วย...ฮึก...ช่วยกูที...

รามินทร์เสพสมร่างกายโปร่งบางนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า กี่รอบแล้วไม่อาจที่จะรู้ได้

ในความรู้สึกของคนที่ถูกกระทำมันเหมือนฝันร้าย...ฝันที่รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น...แต่ในสัมผัสที่รุนแรงนี้ สิ่งที่อินทัชรังเกียจไม่ใช่แค่การมีเพศสัมพันธ์กันอย่างเดียว

เขารังเกียจตัวเอง...ที่ก็รู้สึกดีไปกับสัมผัสนี้...

สัมผัสจากคนที่เกลียด แต่ดันมีความรู้สึกดีปะปนในความเจ็บปวดจนไม่อยากจะให้อภัยตัว

“ฮึก...พ่ะ พอแล้ว” เสียงแหบขอร้องเสียงเบาอย่างหมดแรง

“ไม่!! ยังไม่พอ...”

ว่าแล้วก็เริ่มขยับกายอีกครั้ง

อีกครั้ง…

แล้วก็อีกครั้ง...

เมื่อไหร่จะพอ...ความแค้นของมึงจะหมดวันไหน...

ฆ่ากูให้ตายไปเลย ง่ายกว่าไหม...


ช่วงสายของอีกวัน ร่างสูงตื่นขึ้นมาด้วยความหยุดหงิดที่ถูกแสงอาทิตย์สาด และรู้สึกปวดหัวเหมือนมันจะระเบิดออกมา สายตาปรับไปตามความสว่างเพื่อให้ชิน มองหาต้นเหตุที่ทำให้พระอาทิตย์สาดมาเพราะห้องของเขาแสงไม่สามารถเล็ดลอดมาได้ และม่านห้องเขาก็ทึบมาก ถ้าจะเอาแสงก็ต้องเปิดม่านออก แต่นี่...

ทำไมสว่าง?

“โอ้ย!! ทำไมปวดหัวแล้วเมื่อยตัวจังวะ” ร่างสูงบ่นบีบนวดขมับตัวเองหวังคลายความปวดศีรษะที่รุนแรง และก็บิดตัวไปมาคลายความเมื่อยของร่างกาย

เมื่อยอย่างกับออกกำลังกายมาอย่างหนักเลยว่ะ...

“เฮ้ย!!”

ทำไมกูมาอยู่ที่นี่ได้...พอเปิดตามองดีๆ และรับรู้ได้ถึงพื้นแข็งๆ เย็นๆ ก็รู้ทันทีว่ามันไม่ใช่ห้องของเขา ที่สำคัญเขาไม่ใส่อะไรเลย และที่นี่...

“บ้านไอ้อิน...” สายตามองหาคนที่อาศัยอยู่ในบ้านนี้ทันที ก่อนจะพบว่าคนตัวเขาที่ตอนนี้มีรอยช้ำไปทั่วทั้งตัวกำลังนอนหันหลังให้เขาในสภาพที่มีผ้าห่มปิดช่วงล่าง

รามินทร์ขมวดคิ้วแน่น

“มาได้ยังไงวะ”

ร่างแกร่งพยายามคิดอย่างเครียดๆ ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองดื่มหนักมากหลังจากที่เจ้าจอมออกจากบ้านไป จิตใจสำนึกเลยพาเขามาที่นี่ในตอนเมาสินะ แล้วก็ทำ...เรื่องอย่างว่าลงไปอีกแล้ว

คราวนี้...เหมือนหนักกว่าเดิม เพราะตัวขาวๆ มีรอยเต็มไปหมด ไม่ต้องมองตรงนั้นเลย คงจะแดงแล้วก็ช้ำมากแน่ๆ รามินทร์กำหมัดแน่นก่อนจะลุกเดินเอาเสื้อผ้าของตัวเองที่เกลื่อนกลาดมาสวมเหมือนเดิม

“ไอ้อิน...” เรียกคนที่นอนอยู่เสียงเบา เอื้อมมือไปแตะหวังจะปลุกแต่พอโดนตัวก้รู้สึกได้ถึงไอความร้อนที่สูงผิดปกติ

“ไม่สบายเหรอวะ”

รามินทร์ไม่คิดอะไรให้มาก เขาเดินไปที่ห้องน้ำก่อนจะตักน้ำใส่กะละมังมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่ตากอยู่แถวนั้นมาด้วย ร่างสูงเช็ดตัวและทำความสะอาดส่วนนั้นของอินทัชด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย หากแต่ในใจกับรู้สึกวุ่นวายจนปวดหัวไปหมด

พอทำทุกอย่างเสร็จ รามินทร์ก็เดินไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมให้ให้กับอินทัชที่ตัวเบาเพราะผอมลงกว่าแต่ก่อนมาก คงเป็นเพราะว่าไม่ค่อยได้ทานอาหารหรือไม่ก็ทำงานหนัก

“กูขอโทษ...”

ครั้งนี้รามินทร์รู้สึกผิดจริงๆ รู้สึกผิดเอามากๆ ที่ทำลงไปแบบนี้ เลยช้อนตัวร่างบางกว่าขึ้นอุ้มก่อนจะพาไปบ้านพักของเขา...


รามินทร์วางร่างของอินทัชลงบนเตียงนอนของเขาเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาลูกน้องคนสนิท

“ขรรค์ แกช่วยเรียกหมอเงินมาที่บ้านฉันด่วน ให้เอายาลดไข้ ที่ตรวจหรืออะไรที่ช่วยคนไม่สบายได้ นั่นแหละ เอามาด้วย” สั่งแค่นั่นรามินทร์ก็วางสายไปทันที

ร่างสูงเดินไปห้องน้ำก่อนจะเปิดน้ำจากฝักบัวใส่ศีรษะตัวเองแล้วยืนแช่อยู่แบบนั้น แขนเท้ากำแพง สมองก็ครุ่นคิดเรื่องราวจากนี้ไปเรื่อยๆ

ยอมรับตรงๆ เลยว่าถ้าอินทัชตื่นขึ้นมา เขาไม่กล้าสู้หน้าอีกคนแน่ๆ


ทางด้านหมอเงินที่ถูกคนรักโทรบอกเรื่องที่รามินทร์ให้เรียกเขาไป หมอหนุ่มก็ตรียมทุกอย่างที่คาดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับอินทัชไปให้หมด ก่อนจะขับรถตรงไปยังสถานที่นั้นด้วยความเร่งรีบ

“อิน...ผมหวังว่าอินจะไม่เป็นอะไรมาก”

ไม่ต้องให้ใครเอ่ยขึ้นมาเลยว่ารามินทร์เรียกเขาไปรักษาใคร...

เพราะร่างโปร่งรู้ดี...ที่คนๆ นั้นเรียกเขา เพราะมีเขาคนเดียวที่รู้ว่าอินทัชอยู่ที่นี่...และรู้ดีว่าเขาจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร

เมื่อถึงรีสอร์ท หมอเงินก็คว้าทุกอย่างวิ่งไปที่ด้านหลังของรีสอรืทเพื่อไปยังบ้านพักของรามินทร์ ก่อนจะพบเจ้าของทั้งบ้านทั้งรีสอร์ทยืนรออยู่หน้าบ้านพักองตนเองด้วยสีหน้านิ่งๆ

“อินอยู่ไหนครับ”

“ข้างใน ตามมาสิ”

ภาพที่หมอเงินเห็นทำเอาน้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตาของหมอหนุ่ม ดวงตาที่บวมจับ ปากที่มีรอยกัดและแผลเพราะกัดตัวเองหรืออาจจะมีคนทำ ก่อนจะเดินไปยังร่างนั้น หมอเงินหันไปมองรามินทร์ด้วยสายตาแข็งกร้าวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนร่างสูงรู้สึกเสียใจ

“คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ ผมจะอยู่ดูแลอินเอง”

“ผมจะอยู่ด้วย” ร่างสูงแย้ง

“คุณคิดว่าอินอยากเห็นหน้าคุณหรือไง”

“...”

“เอาเถอะ...อยากอยู่ก็อยู่ แต่อย่าเกะกะผมก็แล้วกัน” หมอเงินทนไม่ไหวที่เห็นร่างสูงยืนนิ่งไม่ตอบโต้อยู่แบบนั้น ก่อนจะหันมาตรวจคนที่นอนหลับอยู่ตรงหน้า แค่สัมผัสด้วยมือก็รู้แล้วว่าไข้สูงขนาดไหน ในจังหวะมือขาวดึงเสื้อยืดออกเพื่อฟังเสียงหัวใจ ก็ต้องร้องอุทานออกมากับสิ่งที่เห็น

“พระเจ้า...”

เขาถือวิสาสะเปิดเสื้อดูก็พบว่ามีร่องรอยความช้ำอยู่เต็มตัวไปหมด ใบหน้าหล่อหันมองคนที่ยืนกอดอกนิ่งๆ เงียบอย่างไม่พอใจ

“คุณทำอะไรไปบ้าง”

“หมอเห็น หมอก็น่าจะรู้”

“คุณมันใจร้ายที่สุดเลยคุณราม...สิ่งที่คุณทำ ครั้งแรกมันยังไม่ขนาดนี้เลย คราวนี้ผมว่ามันแรงเกินไป คุณทำเกินไปจริงๆ คุณราม” หมอเงินพูดเสียงเครือ

“ผมเมา” ตอบออกมาสั้นๆ แต่สิ่งที่หมอเงินให้คือคำๆ เดียว แต่รามินทร์ก็เจ็บไปทั้งหัวใจ

“ชั่ว!!!”

“รักษามันสิหมอ ด่าผมมันก็ไม่ได้ดีขึ้นหรอกนะ”

หมอเงินหันกลับมาเมื่อรามินทร์เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับความผิดที่ตัวเองทำ เขาจัดการตรวจ วัดไข้ แล้วก้ใส่น้ำเกลือ

“ต้องใส่ด้วยเหรอ”

“...คงไม่มั้ง คุณคิดว่าอินจะมีแรงขึ้นมาเองได้หรือไงถ้าไม่ให้น้ำเกลือ” ตอนแรกก็ไม่อยากตอบ แต่ก็ตอบออกไปจนได้...

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”

ร่างสูงยืนมองหมอเงินรักษาคนไข้ไปเรื่อยๆ อย่างเหม่อลอย...ทำไมเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยที่ทำไปแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้สึกเจ็บที่โดนหมอเงินมองและด่าแบบนั้น

เขารู้สึก...แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกต่างหากล่ะ






100%

 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

   อ่านแล้วเป็นยังไงคอมเม้นท์บอกกันได้นะคะ นี่จะเป็นความน่าสงสารสุดท้ายแล้วล่ะมั้งก่อนจะสบับบทให้พระเอกของเรารู้สึกผิดบ้าง ฮ่าๆ (ฉากมันค่อนข้างรุนแรง ใครรับไม่ได้ก็ขออภัยด้วย)
        https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 100% => (8/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 08-07-2016 15:08:40
สงสารอิน เมื่อไรธีร์จะมาช่วย :sad4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 100% => (8/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-07-2016 16:10:40
เป็นพระเอกที่น่ารังเกียจที่สุดที่เคยอ่านมาในทุกเรื่องของคนแต่งและเป็นเรื่องที่ 2 ทีอยากให้นายเอกจบกับคนอื่น
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 100% => (8/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-07-2016 16:11:44
ด่า "ชั่ว" มันยังน้อยไป ต้อง "เหี้ย" ถึงจะคู่ควร จะมาบอกว่าเมามันใช่เหรอถามหน่อย
เมาแล้วต้องเที่ยวไปข่มขืนคนอื่นแบบนี้เหรอ สงสารอินจริงๆ เมื่อไหร่ถึงจะได้ออกจากขุมนรกนี้ซะที
ธีร์รีบมาช่วยอินเร็วๆ เข้าก่อนที่อินจะช้ำไปมากกว่านี้ เราเตรียมสมน้ำหน้าคนที่จะรู้ความจริงที่ว่า
อินไม่ได้ทำอะไรให้น้องสาวมันเลย อยากรู้จริงๆ ว่าไอ้เหี้ยรามถ้ามันรู้ความจริงจะทำหน้ายังไง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 100% => (8/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 08-07-2016 20:00:09
อิราม แกทำให้เราน้ำตาไหลอีกละ
ทำร้ายกันแบบนี้มันเจ็บจัง
ธีร์ รีบมาเถอนะ
อยากให้อินได้รับการเยียวยา
ตอนนี้จิตใจอินทัชมันสลายไปหมดแล้วอะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 100% => (8/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-07-2016 20:14:25
 :m31: :m31: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 100% => (8/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 08-07-2016 23:00:09
อ่านมากี่ตอนก็สงสารอินทุกตอนเลย อินเป็นคนดีนะ
ใครๆก็รัก นอกจากรามเนี่ย พระเอกเอ้ย โมโหอะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 100% => (8/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-07-2016 23:10:18
เอาดีๆ เปลี่ยนพระเอกได้ป่าว



ไม่ไหวแล้วๆ



 :z6:   :a5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 100% => (8/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 08-07-2016 23:16:12
เมื่อไรรามจะตาสว่าง และรับผลกรรมที่ตัวเองก่อซักทีนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 100% => (8/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 10-07-2016 18:02:07
รักน้องไม่ลืมหูลืมตาเล้ย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 17 100% => (8/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 10-07-2016 19:05:47
 :sad4: สงสารอิน..ขอให้ยายน้องสาวได้รับผลที่ควรจะได้รับ.. :call:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 50% => (11/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 11-07-2016 18:03:31
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 18
ทำไมต้องเสียใจ?




“หมอกลับโรงพยาบาลไปเถอะ เดี๋ยวผมดูแลต่อเอง”

“คุณกล้าใช้คำว่า ‘ดูแล’ ได้ยังไงคุณราม? ไม่ไปหรอก ผมจะอยู่ดูแลอินที่นี่ ไม่ปล่อยให้คุณได้อยู่กับอินสองคนลำพังอีกแล้ว”

“นี่มันบ้านผมนะหมอเงิน”

“งั้นผมจะย้ายอินไปบ้านพักของผม”

“ไม่ได้!!”

“ถ้าไม่ได้ผมจะอยู่ที่นี่!”

“หมอนี่ก็ดื้อเหมือนกันนะ อยากจะทำอะไรก็ทำ ผมไปทำงานก่อน เดี๋ยวจะให้คนเอาอาหารมาให้ ต้องการอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” รามินทร์ถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มทุ้มดูสุภาพ แต่หมอเงินก็ไม่รู้สึกอะไรด้วย

ตอนนี้ทั้งโกรธ และไม่อยากมองหน้าเจ้านายของคนรักมาก

“ข้าวต้มหรือโจ๊กครับ”

“แล้วของหมอล่ะ”

“ขอผมหาเองได้”

“ตามใจ”

รามินทร์เดินออกจากห้องนอนของตัวเองเพราะรู้ดีว่าหมอเงินไม่ต้องการให้เขาอยู่ที่ห้องนี้ ซึ่งร่างสูงก็เดินไปทำงานปกติ ไม่ลืมที่จะสั่งอาหารไปให้คนที่นอนป่วยหนักอยู่ที่ห้องนอนในบ้านพักของเขา

เขาไม่ได้เป็นคนที่เลว ตายด้าน ไม่มีความรู้สึก หรือโง่ที่ไม่รู้ว่าการกระทำของตัวเองมันเลวมากขนาดไหน แต่เขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเมื่อคืนเขาไปที่นั่นทำไม จำได้ว่าตัวเองอยากรู้ว่าคนอย่างอินทัชมีดีอะไรทำไมใครๆ ก็ต่างรักมัน จากนั้น...เขาก็ฝัน...ฝันว่ามีอะไรกันกับอินทัช...ไม่คิดว่ามันจะเป้นความจริง

แล้วไม่คิดว่าตัวเองจะชอบขนาดเก็บไปจินตนาการแล้วเกิดอารมณ์...

“มีรามมานั่งอะไรตรงนี้ แล้วทำไมถึงมาสาย จอมมาหาที่ห้องตั้งหลายครั้งแล้ว จะเอางบมาให้ดู” เสียงเล็กๆ ของเจ้าจอมถามเมื่อเห็นพี่ชายนั่งกุมขมับอยู่บนโซฟาในห้องทำงานแทนที่จะเป็นโต๊ะทำงานอย่างที่เขาเห็นประจำ

“พี่ปวดหัวน่ะ”

“ก็สมควร เล่นดื่มหนักขนาดนั้นนี่”

“เอาวางไว้เลย ถ้ามีอารมณ์พี่จะดู”

“เป็นอะไรมากป่ะ ไปหาหมอไหม เดี๋ยวจะป่วยเอา” เจ้าจอมวางเอกสารไว้บนโต๊ะก่อนจะมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กับพี่ชายตัวเองถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง ราวกับว่าความน้อยใจเมื่อคืนมันหายไปหมดแล้ว

“ไม่ต้อง พักเดี๋ยวก็หาย”

“พี่รามก็ชอบพูดแบบนี้ แต่ก็เป็นหนักตลอดทุกที”

“อืม...”

แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ร่างเล็กนั่งสังเกตอาการท่าทางของพี่ชายก็พบว่ามีสีหน้าที่เรียบเฉยผิดปกติเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ คิ้วเข้มขมวด ดวงตามองไปด้านหน้าทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรที่น่ามอง มีแต่กำแพงว่างเปล่า

“พี่รามเป็นอะไร”

“จอม...คิดยังไงกับคำว่า ‘ข่มขืน’ น่ะ” ถามเสียงเบาๆ ดวงตาเหม่อลอยออกไป

“ถามแปลกๆ จอมต้องเกลียดที่สุดอยู่แล้วพวกที่ข่มขืนน่ะ อย่าคิดว่าจะโดนกับตัวเองแล้วเกลียดเลย ถ้าจอมรู้ว่าใครไปข่มขืนใครนะ จอมจะ ‘เกลียด’ คนๆ นั้นสุดๆ ไปเลยล่ะ คนที่จะข่มเหงจิตใจและร่างกายคนอื่นได้น่ะ มันไม่ใช่คนแล้วพี่ราม เรียกปีศาจหรือซาตานยังน้อยไป” เจ้าจอมใส่อารมณ์เวลาพูดถึงเรื่องพวกนี้

เพราะตนเกลียดมาก เกลียดสุดๆ พวกโจรขโมยสิ่งของยังน่าให้อภัยกว่าพวกนี้

“งั้นหรือ”

เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นยื่นเข้าไปบีบคั้นหัวใจเขาอย่างรุนแรง ทุกอย่างมันตอกย้ำถึงความเลวทรามของเขา รามินทร์บอกตัวเองเอาไว้ ครั้งแรกคือการสั่งสอน อยากให้อีกคนรู้สึกเหมือนตกนรก

ครั้งที่สองเป็นการทำโทษ…

และครั้งล่าสุด...เป็นเพราะความเมา ความไม่ตั้งใจของเขา ถึงได้กระทำย่ำยีอินทัชลงไป ที่สำคัญเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด...รุนแรงยิ่งกว่าครั้งแรกที่เขาทำ

“พี่รามถามแบบนี้ทำไม อย่าบอกนะว่าไปข่มขืนใครเขามา” เจ้าจอมถามออกมาเสียงเข้ม พยายามที่คาดคั้นพี่ชายตัวสูงของตนให้รู้เรื่อง

ถ้ามันไม่เกี่ยวกับรามินทร์หรือคนรู้จัก รามินทร์ไม่มีทางพูดออกมาแบบนี้แน่ๆ

“…” เขาตอบไม่ถูก เพราะมันเป็นอะไรที่เขาทำมันจริงๆ

“พี่ราม เงียบแบบนี้อย่าบอกนะว่าจริงน่ะ ใคร!! พี่ไม่ทำใครมา เมื่อคืนนี้พี่ก็ดื่มอยู่ที่บ้านไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะ!!! พี่ราม...พี่อินอยู่ที่ไหน” ถามหาอินทัชด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

ภาวนาขอให้คนที่พี่ชายเขาทำร้ายไม่ใช่คนๆ เดียวกับคนที่เจ้าจอมคิดตอนนี้

“อย่าเอาแต่เงียบสิพี่ราม พูดออกมาสิว่าพี่ไม่ได้ทำอะไรใครเขามา ช่วยบอกจอมทีว่าคนๆ นั้นไม่ใช่พี่อินใช่ไหม” น้ำตาไหลรินออกมาด้วยอารมณ์ที่แสนจะกลัว มองหน้าพี่ชายที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงแล้วก็ร้องไห้ออกมา

“พี่ราม ฮึก...ทำไมพี่ถึงใจร้ายแบบนี้ พี่ทำลงไปได้ยังไง คนทั้งคนนะพี่ ต้องแก้แค้นกันขนาดนี้เลยเหรอ ฮึก...”

“พี่ขอโทษ” รามินทร์พูดออกมาเสียงเบา

คำขอโทษที่เปล่งออกมาก็เท่ากับคำตอบที่เจ้าจอมอยากรู้ถึงกับกระจ่าง แต่เป็นความกระจ่างที่ไม่อยากจะรับรู้

“พี่ราม!!!” เจ้าจอมตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำตาไหลพราก ก่อนจะทุบตีคนเป็นพี่อย่างแรง...

ทำไมถึงเป็นแบบนี้...

“พี่ไม่ได้ตั้งใจ...พี่เมา”

“มันไม่ใช่ข้ออ้างพี่ราม ฮึก มันใช่สิ่งที่ควรพูดไหม ต่ะ ต่อให้พี่จะไม่ได้ตั้งใจหรือเมา แต่พี่ทำมันลงไป ฮึก พี่ทำมันลงไปแล้วพี่ราม บ่ะ บอกจอมมา พี่อินอยู่ไหน...” น้ำเสียงสั่นเครือของเจ้าจอมทำให้พี่ชายรู้สึกเจ็บปวด

แล้วยิ่งคิดถึงภาพตอนที่อินทัชร้องไห้ขณะที่เขากำลังทำเรื่องอย่างนั้น

หัวใจก็บีบรัดอย่างรุนแรง...

เขาเสียใจ...เสียใจจริงๆ

“พี่ขอโทษ พี่เสียใจ...” รามินทร์ก้มหน้าลง หลับตาอย่างกับไม่ต้องการเห็นน้ำตาของน้องชาย

คนที่รักพี่ รักน้อง รักครอบครัวอย่างรามินทร์ทนไม่ได้ที่จะเห็นน้องเสียใจ โดยเฉพาะความเสียใจนั้น...มันมาจากพี่เลวๆ แบบเขา

“เสียใจ ฮึก...พี่จะเสียใจทำไม!! พี่ต้องดีใจสิ พี่ต้องหัวเราะ พี่ต้องมีความสุขสิ ฮือ...พี่อยากให้พี่อินเจ็บปวดมากไม่ใช่เหรอ รู้เอาไว้ซะด้วย...ว่าการ ‘ข่มขืน’ น่ะ มันที่สุดของความเจ็บปวดใดๆ บนโลกใบนี้แล้วพี่!!” ทุกคำพูดของเจ้าจอมไม่มีประโยคไหนที่จะไม่ขึ้นเสียงใส่

เจ้าจอมไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ วันที่ตัวเองมานั่งต่อว่าพี่ชายทั้งน้ำตาแบบนี้...

“พี่อินอยู่ไหน!!!”

“อยู่ห้องพี่...”

“จมอยู่กับความสุขของพี่ไปซะ!! จอมจะไม่สนใจอะไรพี่อีกต่อไปแล้ว อยากจะส่งจอมกลับกรุงเทพก็ตามสบาย จอมอยู่อย่างทรมานที่นั่นดีกว่าต้องมาอยู่กับพี่ชายที่ใจร้ายแบบนี้!”

ปัง!!!

เจ้าจอมออกไปแล้ว ทิ้งให้ร่างสูงทิ้งตัวนอนก่ายหน้าผากตัวเอง น้ำตาไหลรินออกทางหางตา ยอมรับว่าเสียใจ...เสียใจมากๆ ทั้งที่มันควรจะดีใจเหมือนที่เจ้าจอมพูด...

เสียใจทำไม?

“ใครจะไม่เสียใจล่ะเจ้าจอม”

พี่ไม่ได้มีความสุขที่ได้ทำร้ายมันเลยสักเสี้ยวหนึ่ง...ไม่เคยเลยสักนิด ที่ผ่านมาพี่ก็หลอกตัวเองเสมอว่าที่พี่ทำคือสิ่งที่มันสมควรจะได้รับ...

“กูขอโทษ”

เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่รามินทร์ร้องไห้ ครั้งล่าสุดคือตอนที่ถูกทิ้งนั่นแหละแต่มันก็หลายปีแล้ว ความเจ็บตอนที่ถูกทิ้งมันไม่หลงเหลืออยู่แล้ว...

ผู้ชายใจร้ายอย่างเขา ใช่ว่าจะร้องไห้ไม่เป็น...

แล้วเขาก็เป็นเพียงแค่คนๆ หนึ่งที่เสียใจเป็นเหมือนกัน...

...

...

...


“หมอ...ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ” เสียงแหบจากพิษไข้ทำให้อินทัชพูดไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แล้วก็เจ็บคอมากๆ ด้วย

“ทำไมอินชอบโกหก ถ้าการโกหกของอินเพราะต้องการทำให้ผมสบายใจ บอกเลยว่าอินคิดผิด ผมไม่สบายใจเอามากๆ เลยนะ ได้โปรด...ปล่อยความอ่อนแอของคุณออกมาเถอะ” อินทัชทำได้เพียงส่งยิ้มบางๆ ให้

ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาเพราะมีคนปลุก ยอมรับว่าโล่งอกว่าคนที่คนปลุกเป็นหมอเงิน เขาทานข้าวทานยา สังเกตอีกทีก็พบว่าตัวเองมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ แล้วนี่...ก็ไม่ใช่ที่นอนอของเขา

และอินทัชก็จำได้ดีว่าที่นอนนี้เป็นของใคร เพราะเขาเป็นคนซัก เป็นคนทำความสะอาดเป็นประจำ

“ช่างมันเถอะหมอ ผมไม่อยากพูดถึง”

“เจ็บคอมมากไหม เอายาอมหรือเปล่า”

“ตอนนี้ผมไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากนอนอย่างเดียว...” อินทัชตอบ

“งั้นก็นอนพักนะครับ” ร่างสูงโปร่งของหมอเงินห่มผ้าให้กับอินทัช แต่ร่างที่นอนอยู่กับส่ายหน้าไปมา

“พาผมไปที่ของผมเถอะ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่”

“อยู่ที่นี่แหละดีแล้ว ผมไม่ยอมให้คุณรามเข้ามาทำอะไรอินแน่ๆ”

“แต่ผมไม่อยากเห็นหน้ามัน” อินทัชสวน

“เชื่อผมนะ”

อินทัชมองตาหมอเงินก่อนจะพยักหน้าอย่างจำยอม ถ้าหมอเงินบอกว่าไม่เป็นไรเขาก็จะเชื่อ...อย่างน้อยๆ คนๆ นี้ก็ไม่คิดจะทรยศเขา

แกร๊ก!!

ในจังหวะที่อินทัชกำลังจะหลับตานอนลง เสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น ก่อนที่หัวใจของอินทัชจะกระตุกด้วยความหวาดกลัว...

“ฮึก...พ่ะ พี่อิน” ร่างโปร่งบนเตียงลืมตาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกปนเสียงสะอื้นของเจ้าจอม

“เจ้าจอม!”

“ฮือ...เจ็บมากไหม ฮึก ขอจอมดูหน่อย” ร่างเล็กเดินเข้ามาหาโดยที่หมอเงินเลี่ยงให้อย่างเงียบๆ มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้ที่ไม่ค่อยไว้วางใจเท่าไหร่แต่ก็ไม่น่าจะมีอะไร

“พี่ไม่เป็นอะไร” ตอบไปทั้งๆ ที่เสียงตัวเองแทบจะไม่มี

เจ้าจอมร้องไห้แล้วก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นหน้าของอินทัชชัดๆ ทั้งริมฝีปาก ตามคอ มันก็ตอบชัดเจนแล้วว่าพี่ชายของเขาทำลงไปจริงๆ

เขาไม่ได้ปักใจเชื่อจนกระทั่งเห็น...

ร่างเล็กๆ ทรุดตัวลงที่พื้น ร้องไห้ออกมาจนตัวสั่น ทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง ทั้งสงสาร...มันปนเปจนเจ้าจอมทนไม่ไหว

“น้องจอม ลุกเถอะครับ พี่ไม่ได้เป็นอะไร”

“ขอโทษ ฮือ...จอมขอโทษ”

“ขอโทษ? ขอโทษทำไมครับ”

“ฮือ...” คนตัวเล็กเอาแต่ร้องไห้ จนหมอหนุ่มทนไม่ไหว เดินมาประคองคนที่นั่งอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้นยืนดีๆ โดยมีร่างสูงโปร่งของเขาเป็นคนประคองเอาไว้

“ขอโทษ? ขอโทษทำไมครับ”

“เพราะจอม ฮึก เพราะจอม...ถ้าจอมไม่อยู่ดูแลจนพี่รามเข้านอน ฮึก ตอนที่พี่รามดื่มเมื่อคืน ฮือ...พี่อินก็ไม่ต้องโดนแบบนี้” น้องโทษตัวเอง

เจ้าจอมคิดว่าถ้าตัวเองอยู่ดูรามินทร์เมื่อคืน เรื่องนี้คงจะไม่เกิด เป็นเพราะเขา มันเป็นเพราะเขา!!!

“ไม่ครับ น้องจอมไม่ผิดนะ หยุดร้องไห้ก่อนเถอะ” อินทัชปลอบ อยากจะลุกขึ้นกอดแต่ก็ทำไม่ได้

อินทัชไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกเลย ถ้าไม่มีคนคอยประคอง

“ผิดสิ ฮึก จอมผิด...” จู่ๆ เจ้าจอมก็หมดสติไปทำเอาอินทัชเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“เจ้าจอม!! หมอ...น้องจอมเป็นอะไร”

“อินไม่ต้องห่วง นอนอยู่เฉยๆ เถอะ” หมอเงินบอก

หมอเงินรีบช้อนตัวร่างเล็กขึ้นอุ้ม พาไปวางบนเตียงนอนอีกฝั่งหนึ่งข้างๆ กับอินทัช รีบตรวจเช็คชีพจรเพราะกลัวจะช็อกหรือมีอะไรร้ายแรงมากกว่านี้

“แค่หมดสติน่ะ แต่ก็ต้องส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คให้แน่ใจอีกที”

“งั้นก็ไปสิครับ”

“อินรู้จักใครที่พอจะพาคุณจอมไปโรงพยาบาลได้ไหม ผมไม่อยากทิ้งคุณ” หมอหนุ่มถามเสียงเครียด เริ่มจะเป้นกังวล ในฐานะหมอเขาก็ห่วงเจ้าจอม แต่ในฐานะเพื่อนก็ไม่อยากจะทิ้งอินทัช

กลัว...กลัวว่ารามินทร์จะเข้ามาทำอะไรอินทัชอีก

“ไอ้จักร...” อินทัชตอบเสียงเบา หันมองด้านข้างด้วยความเป็นห่วงเจ้าจอม

“ถ้าอย่างนั้นสักครู่นะครับ” หมอเงินเดินไปโทรศัพท์หาขรรค์เพื่อให้ขรรค์พาจักรมาที่นี่

พอทั้งสองมาถึงจุลจักรก็ตรงเข้ามาหาเจ้าจอมด้วยความเป็นห่วง ช้อนตัวอุ้มคนที่ตนรักขึ้นมาอุ้มแล้วเดินไปยังรถที่นำมาจอดรอไว้แล้วแบบไม่ได้สังเกตเลยว่าอินทัชก็นอนอยู่ตรงนั้น ส่วนขรรค์ก็มองร่างโปร่งที่นอนบนเตียงนิดๆ ก่อนจะเดินตามจุลจักรไป

แต่สำหรับอินทัชนั้น ดีแล้วที่จักรไม่เห็นเพราะเขาไม่รู้จะตอบเพื่อนอีกคนยังไงเหมือนกัน

สุดท้ายอินทัชก็ได้นอนหลับไป เพราะความอ่อนเพลียเข้ารุมเร้าอีกครั้งโดยมีหมอเงินดูแลอยู่ข้างๆ ไม่ไปไหน...เป็นครั้งแรกในรอบเดือนที่อินทัชได้นอนมากขนาดนี้


ตกเย็น

รามินทร์เดินกลับบ้านพักตัวเองด้วยใบหน้าที่ดูกังวล ในใจก็คิดอะไรวุ่นวายเต็มไปหมด กลับไปจะมองหน้าใครติดบ้าง สงสัยคงต้องนอนที่ห้องนอนเล็กเสียแล้ว เนื่องจากในตัวบ้านหลังนี้มีแค่สองห้อง ก็คือห้องนอนใหญ่ของเขากับห้องนอนเล็กที่ไว้ให้เพื่อนๆ เขาเวลามาพักนอน แต่ส่วนใหญ่จะนอนห้องของรีสอร์ท ไม่ใช่บ้านพักเขา ห้องนั้นเลยไม่ค่อยมีใครเข้าไปนอน แต่อินทัชทำความสะอาดมันอยู่ตลอดเวลา

แกร๊ก...

“หมอไม่คิดจะกลับไปบ้านหรือไง” ร่างสูงถามหมอเงินที่ยืนกอดอกมองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ต้อนรับสุดๆ ทั้งๆ ที่ห้องนี้เป็นของเขา

“แล้วคิดว่าผมจะวางใจปล่อยให้อินอยู่คนเดียวได้หรือไง”

“ผมไม่ทำอะไรมันหรอก”

“ยังไงผมก็ไม่ไว้ใจ”

“ก็แล้วแต่นะ เชิญนอนตามสบาย ผมจะไปอยู่ห้องเล็ก อยากได้อะไรก็บอกแล้วกัน” รามินทร์พูดจบก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบข้าวของที่จำเป็นออกจากห้องน้ำแล้วก็มองไปที่เตียงนิดๆ ก่อนจะเดินออกไป

มันอึดอัดนะ...เขาทั้งอยากจะขอโทษ

อยากจะยกเลิกทุกอย่างแล้ว คิดว่า...มันคงจะพอแล้วกับการแก้แค้นนี้...

ยังไงน้องสาวเขาก็ไม่ได้ตายไปจริงๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความโง่ของเขาเอง...

ปัง!






50%

 :ling1: :ling1: :ling1:

   รามรู้ตัวเองว่าโง่ด้วยล่ะ แต่ว่าจะปล่อยอินไปหรือไม่อยู่ที่อารมณ์ของนางอีกที ฮ่าๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยูกินะ ขึ้นอยู่กับพระเอกของเขา...

หากต้องการติดตามข้อมูลข่าวสาร พูดคุย หรือทวงนิยาย เชิญที่แฟนเพจสุดแสนจะอบอุ่นนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 50% => (11/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-07-2016 18:44:31
เสียใจทำแล้วค่อยมาสำนึกจะบ้าเหรอ บอกเลยไม่รู้สึกเห็นใจรามเลยซะนิด สงสารอินจริงๆ รีบๆ ปล่อยอินไปเถอะขอร้อง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 50% => (11/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 11-07-2016 19:04:00
อินน่าสงสารมากๆ โอ้ยยยยยยอีรามแกจะมาสำนึกอะไรตอนนี้ อินอย่าใจอ่อนนะ ใจแข็งๆไว้  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 50% => (11/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-07-2016 19:23:07
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 50% => (11/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 11-07-2016 19:29:44
เวรกรรมต้องตามทันแกแน่ๆไอ้รามฉันขอสาปส่งแก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 50% => (11/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 11-07-2016 22:04:39
อิรามแก ขอให้กรรมตามสนอง
ไม่ให้เป็นพระเอกแล้ว!! ไม่ยอม!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 50% => (11/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 11-07-2016 22:54:15
โครตไม่อิน โครตรับไม่ได้ ข่มขืนข่มขืน ติดคุกสักหน่อยดีไหมคะข้อหานี้
มันถึงสาสมกับสิ่งที่ทำไม่ใช่หนีแล้วตามง้อ คือข่มขืนขนาดนี้แล้วรักนี้ โครตแปลก กราบเท้ขอขมาก่อนเข้าคุกยิ่งดี  :ling2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 50% => (11/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 11-07-2016 23:25:01
 :pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 50% => (11/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-07-2016 00:37:14
โง่ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


ควรมีพระเอกต่อไปไหม ? นี่เริ่มตั้งคำถาม


 :a5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 50% => (11/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-07-2016 01:57:54
เป็นพี่ชายที่รักน้องแบบไม่ลืมตาจริงๆ  เจ้าจอมยังรู้เลย

อินน่าสงสารมาก โล่งใจไปได้แปบเดียว ต้องมาเจอกับคนโง่ร้ายกาจอีก

รู้สึกผิดแล้วยังไง ยังไงก็ยังคิดว่าอินผิดอยู่ดี รามควรกลับไปคิดใหม่นะ

หมอเงินแน่มากค่ะ ขรรค์น่ารัก
จักรก็ซื่อจนบื้อเสมอต้นเสมอปลาย คนอยู่ตรงนั้นทั้งคน ในสายตามีแต่เจ้าจอมเนาะ เข้าใจๆๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 50% => (11/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 12-07-2016 20:36:50
ไม่ว่ารามจะปล่อยอินทร์ไปหรือไม่
ความผิดของรามก็ไม่ลดลงหรอก
บอกเลย ยังเกลียดรามอยู่
#นะคะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 100% => (14/7/59) P.10 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 14-07-2016 21:55:40
ตอนที่ 18 ครึ่งหลัง






“คุณรามออกไปแล้วครับ” หมอเงินพูดขึ้นมา จนร่างที่นอนหลับอยู่บนเตียงค่อยๆ ลืมตา มองไปรอบๆ ห้องเพื่อเช็คว่าร่างสูงออกไปแล้วจริงๆ

เสียงถอนหายใจของอินทัชเรียกรอยยิ้มบางๆ จากหมอเงินได้

“ที่จริงแล้วหมอกลับไปพักที่บ้านก็ได้นะครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่าอิน คนกันเอง...มีเพื่อนเป็นนักธุรกิจใหญ่ โก้ดีออก”

“ฮะๆ หมอก็พูดเป็นเล่น” อินทัชหัวเราะออกเป็นครั้งแรก ทำเอาหมอเงินสบายใจ เพราะกลัวจิตใจของอินทัชจะแย่ แต่ก็คงสบายใจได้แล้วล่ะนะ

“แต่วันพรุ่งนี้...ผมคงอยู่ไม่ได้ทั้งวันนะอิน วันนี้ก็ลามาแล้ว ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องไปตรวจคนไข้น่ะ” สีหน้าของหมอเงินติดจะกังวลเอามากๆ

“ไม่เป็นไรหรอกหมอ...พรุ่งนี้ผมก็คงหายแล้วล่ะ”

“ไม่หายหรอกอิน เดินก็ไม่ไหวแน่ๆ ไข้ก็ยังไม่ลด ผมเป็นห่วง”

“มันไม่ทำอะไรผมตอนที่กำลังจะตายแบบนี้หรอกครับ อย่างน้อยมันก็ยังมีความเป็นคนเรียกหมอมารักษาผม” อินทัชพูดยิ้มๆ

ตอนแรกที่รู้ว่ารามินทร์เป็นคนเรียกมาก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง และนั่นมันทำให้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ มันไม่ได้ตั้งใจ แล้วเขา...ก็ไม่ติดใจเอาความอะไรทั้งนั้น รามินทร์เมามาก ทำไปแบบไม่มีสติ...

เขาเป็นผู้ชาย...โดนทำขนาดนั้นก็ไม่เสียหายอะไร...เขาท้องไม่ได้

แต่ที่บอกว่าไม่ได้จะเอาเรื่องเอาราวอะไร ไม่ได้หมายความว่าไม่โกรธ ไม่เกลียด...

“ทำไมอินถึงได้คิดอะไรง่ายๆ ล่ะครับ” หมอเงินถาม

“ก็มันไม่มีอะไรต้องยุ่งยากนี่ครับ เรื่องก็ผ่านมาแล้ว เจอมาแล้ว จะไปคิดมากกับมันทำไม อยู่กับตอนนี้ดีที่สุดแล้ว”

ปากก็พูดออกไปแบบนั้น ฉีกยิ้มให้กับหมอเงินมากขนาดไหน แต่ตัวของอินทัชรู้ดีว่าข้างในใจเขามันเจ็บ เจ็บมาก...เจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว

ไม่รู้ว่าอีกกี่ปี บาดแผลนี้มันจะหายไป หรือมันจะติดเป็นแผลเป็นในใจของเขาตลอดชีวิต

“อิน...ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งก็ได้นะ อยู่กับผมอ่อนแอบ้างก็ดี เจ็บก็บอกว่าเจ็บ เสียใจก็บอกเสียใจ อยากร้องก็แค่ร้องออกมา อินไม่ต้องฝืนนะครับ”

เงินดูสีหน้าและแววตาของอินทัชออก...

พยายามที่จะเข้มแข็งเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนแอของตัวเอง

“ไม่เป็นไรจริงๆ หมอ”

“เอาเถอะๆ เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน” หมอเงินบอกก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่ขรรค์เอามาให้เข้าไปในห้องน้ำทันทีหลังจากที่อินทัชขานรับ

“ครับ”

 ใบหน้าสวยมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ด้วยความรู้ที่บอกไม่ถูก เขาอยากร้องไห้นะ แต่เหมือนว่ามันออกมาหมดแล้วกับเมื่อคืนนี้ ยิ่งคิดถึงมันมากเท่าไหร่ มือขาวก็เผลอกำผ้าปูที่นอนแน่น

ทางด้านรามินทร์ที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ไปไหนตั้งแต่ที่เข้ามาเอาของ ร่างสูงได้ยินทุกอย่างเพราะห้องมันไม่เก็บเสียง มันตอกย้ำว่าอินทัชเป็นดีขนาดไหน จะมีใครที่โดน ‘ทำ’ แบบนั้นแล้วยังสามารถพูดแบบนิ่งๆ ได้อย่างอินทัช จะมีสักกี่คนเชียวที่สามารถปล่อยผ่าน ไม่เอาเรื่องได้อย่างอินทัช...

รามินทร์กลายเป็นคนชั่ว เป็นคนเลวเองอย่างที่ตัวเองปรามาสอินทัชเอาไว้

ทุกอย่างย้อนกลับมาที่ตัวของเขาเอง...

“โถ่เว้ย!” สบถกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินไปเปิดห้องนอนเล็กที่อยู่ข้างๆ กับห้องนอนใหญ่

พวกเขาอยู่ห่างกันเพียงแค่ผนังกั้นเท่านั้น...


วันต่อมา

ร่างสูงลุกขึ้นเมื่อพระอาทิตย์เริ่มขึ้น เขาไม่มีอาการงัวเงียเลยเพราะไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน...มันนอนไม่หลับ คิดอะไรวุ่นวายเต็มไปหมด

แกร๊ก...

ร่างสูงเปิดประตูมาเจอกับหมอเงินที่ออกมาพอดี ทั้งสองยืนมองหน้ากันนิดๆ ก่อนที่มอเงินจะพูดออกมา

“ห้ามคุณทำอะไรอินอีก”

“รู้แล้ว ผมไม่ได้เลวขนาดนั้น”

“ให้มันจริง ถ้าเกิดว่ามีอะไรขึ้นมาผมแจ้งตำรวจแน่ คงจะรู้นะว่าจะโดนกี่กระทง” หมอเงินถามด้วยน้ำเสียงแข็งๆ อย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน

“เข้าใจแล้วครับ...”

แม้จะแปลกใจที่เห็นรามินทร์ว่าง่ายแบบนี้ แต่ก็ไม่อาจจะเชื่อใจต่อไปได้อีก

“จะดีมากให้อินพักสักหนึ่งอาทิตย์”

“ก็ตามสบาย”

“หึ! เกิดรู้สึกผิดเหรอคุณ”

“แล้วทำไมคนอย่างผมจะรู้สึกผิดไม่ได้ คุณกำลังดูถูกคนนะหมอ” พอรามินทร์พูดออกไปแบบนี้ ร่างโปร่งก็ถึงกับเงียบไป แล้วเดินหนีร่างสูงไปเพื่อจะไปทำงาน

ส่วนรามินทร์คิดว่าอินทัชคงจะยังไม่ตื่นเลยเดินไปตรวจงานยามเช้าก่อน เมื่อถึงเวลาประมาณเจ็ดโมงครึ่งเขาก็ไปที่โรงครัวให้คนงานทำข้าวต้มให้เพื่อจะเอาไปให้คนที่นอนป่วยอยู่ทาน

มือหยาบเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าคนบนเตียงพยายามจะลุกขึ้น เขาเลยส่งเสียงถามออกไป ร่างนั้นสะดุ้งแรงจนเขาสังเกตชัด

“จะไปไหน”

อินทัชค่อยๆ หันมามองรามินทร์ที่เดินเข้ามาพร้อมถาดข้าวในมือด้วยสีหน้าและแววตาที่พยายามควบคุมไม่ให้มันสั่นหรือแสดงอะไรออกไปมาก

“ห้องน้ำ”

“เดี๋ยวกูช่วย” ร่างสูงวางถาดลง ขยับตัวจะมาประคองคนตัวเล็กกว่าแต่เสียงแหบๆ จากการป่วยของอินทัชก้ห้ามออกมาก่อน

“ไม่ต้อง!!”

กึก…

รามินทร์เลยต้องชะงักตัวอยู่กับที่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะด่าอินทัชว่ามีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธ มีสิทธิ์อะไรมาขึ้นเสียงใส่ แต่ถ้าเขายังทำแบบนั้นล่ะก็...เขาก็คงไม่ใช่คนแล้ว

“กูไปเองได้”

“ลุกไม่ได้ก็ยังจะมาปากเก่งอีกนะ” รามินทร์แขวะ แต่สีหน้านิ่งกว่าครั้งก่อนๆ ที่เคยแขวะ ทั้งแสยะยิ้มสมเพชให้

“เรื่องของกู ต่อให้กูจะเดินไปแล้วล้มลง ก็ยังดีกว่าให้มึงมาแตะต้องตัวกู” อินทัชพูดอย่างมีน้ำโห ใบหน้าแสดงถึงความรังเกียจจนรามินทร์เองก็ชักจะมีอารมณ์เหมือนกัน

อารมณ์ที่ว่าคือไม่พอใจ...ไม่พอใจมากๆ ทั้งๆ ที่ร่างกายนั้นมันเป็นของเขาไปแล้ว

ให้ตายสิวะ! ทำไมมันวุ่นวายใจแบบนี้เนี่ย...

“อย่ามาทำเป็นรังเกียจ มา! กูช่วย อย่าดื้อไอ้อิน อยากแตกตรงนี้หรือไง” อินทัชเม้มปากอย่างขัดใจ แต่ก็ยอมให้ร่างสูงประคองเพราะเขาเองก็ปวดท้องไม่ไว้แล้ว

“เอายานั่นมา” นิ้วสวยชี้ไปยังโต๊ะหัวเตียงที่มียาทาแก้อักเสบวางไว้อยู่ รามินทร์ใช้มือที่ประคองตัวอินทัชมาหยิบเพราะอีกข้างถือน้ำเกลืออยู่ พอหยิบมาแล้วยื่นให้อินทัชตามที่เจ้าตัวต้องการ

ทุกการก้าวเดินเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ร่างบางก็พยายามที่จะกัดฟันเดินต่อไปโดยที่คนตัวใหญ่กว่าที่เป็นทั้งศัตรูและเป็นทั้งต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องเจ็บคอยประคองอยู่ไม่ห่าง

อินทัชถูกประคองเข้ามาในห้องน้ำได้สำเร็จ รามินทร์เองก็เดินออกจากห้องน้ำไปโดยที่ไม่ต้องให้ร่างโปร่งไล่ จนกระทั่งอินทัชทำธุระส่วนตัวทุกอย่างเสร็จ ก็พยายามเดินไปที่ประตูห้องน้ำ แล้วเปิดมันออก ในจังหวะที่ก้าวเท้าขึ้น ทำเอาร่างทั้งร่างเกือบจะล้มลงไปกองที่พื้น ดีที่ร่างสูงที่ยืนคอยหน้าตูคว้าเอาไว้ได้ก่อน แล้วก็คว้าขวดน้ำเกลือมาถือไว้เอง

“อ๊ะ!”

หมับ!!

“ทำไมไม่เรียก?” รามินทร์ดุพลางจ้องหน้าสวยของอินทัชอย่างไม่พอใจ

ส่วนอินทัชที่อยู่ในอ้อมแขนของรามินทร์พอดิบพอดีก็เงยหน้ามองอีกคนในจังหวะเดียวกันพอดี...ทั้งสองมองสบตากันอยู่แบบนั้นนิ่งๆ หัวใจของทั้งคู่เต้นแรงและสั่นไหวอย่างน่ากลัว

ใบหน้าของทั้งสองค่อยๆ ขยับเข้าหากันแบบไม่รู้ตัว เหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างทำให้เขาสองคนลืมเรื่องราวบาดหมางกันออกไป จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันเบาๆ คนที่ได้สติก่อนคืออินทัช ร่างบางกว่าผลักคนตัวสูงออกไปไม่แรงนักเนื่องจากแรงไม่ค่อยจะมี แต่นั่นก็ทำให้รามินทร์ถึงกับหลุดจากภวังค์

อินทัชเม้มปากแล้วผันหน้าหนี พยายามจะเดินแต่คนตัวใหญ่ก็มาประคองเอาไว้อย่างเดิมเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไรกันอีก

อินทัชสับสน รามินทร์ก็สับสน...

รามินทร์กำลังสับสนว่าทำไมตนเองถึงมีความรู้สึกอยากจะสัมผัสริมฝีปากซีดตรงหน้านี้

“กินข้าวเถอะ เดี๋ยวมันจะเย็น”

พอร่างโปร่งขึ้นไปนั่งบนเตียงได้ รามินทร์ก็ตักข้าวต้มในชามแล้วจ่อไปที่ปากของอินทัช หากแต่อีกคนก็ไม่ให้ความร่วมมือ

“จะกินเอง มึงก็ไปได้แล้ว”

“กูจะป้อน!”

“ไม่!!!”

“เลือกเอาว่าจะกินช้อนหรือจากปากกู” สิ้นคำขู่ คนป่วยก็จิ๊ปากอย่างไม่พอใจ ไม่มองหน้าคนด้านข้างแต่ก็ยอมอ้าปากรับข้าวต้มในช้อนมาทาน

“เป่าบ้างก็ดี”

“ร้อนหรือ?”

“มึงลองจับยัดปากตัวเองดิ”

“ปากดี” แม้จะว่าไปแบบนั้น รามินทร์ก็ยอมเป่าให้แล้วป้อนร่างโปร่งจนหมด ก่อนจะเอายาที่หมอเงินทิ้งไว้มานั่งอ่านแล้วเลือกเอายาหลังอาหารมาให้ร่างโปร่งทานต่อ

“กูกินข้าวกินยาเสร็จแล้ว มึงจะไปได้หรือยัง”

“ไล่กันจัง กูอุตส่าห์มาป้อนข้าวป้อนยา...”

“ต้องขอบคุณไหม?”

“ช่างมันเถอะ...เอาเป็นว่ากูขอโทษเรื่องที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้ด้วย กูเมา...กูไม่รู้ตัวจริงๆ” ร่างสูงตัดสินใจพูดออกไป แต่อินทัชเหมือนจะไม่เชื่อ

“หึ! กูจะเชื่อได้ไหมว่ามันออกมาจากใจ มึงก็ต้องการเห็นกูเจ็บกูทรมานอยู่แล้วนี่ จะขอโทษทำไม บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ก็ช่วยปล่อยกูไปที กูขอแค่นี้” อินทัชขอร้อง

“ไม่!!!”

“ทำไมวะ! ยังไม่สาแก่ใจมึงอีกหรือไง จะเอาอะไรอีก!!” อินทัชตะเบ็งเสียงถามทั้งๆ ที่เจ็บขออยู่ รามินทร์กัดฟันกำหมัดแน่น

เขาปฏิเสธอีกคนไปเสียงดังมาก

รามินทร์ไม่อยากปล่อยอีกคนไป ไม่ใช่ว่าต้องการจะแก้แค้นอะไรต่อไป แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากให้อินทัชอยู่ที่นี่...

“กูไม่ให้ไป!!”

“ไอ้เลว!!!”

“เออ...มึงต้องอยู่ที่นี่ต่อไป กับคนเลวๆ อย่างกูนี่แหละ”

“ชั่วที่สุด”

“เออ!! กูชั่ว กูเลว...แต่เสียใจด้วยนะ กูไม่ปล่อยมึงไปง่ายๆ แน่”

ไม่ใช่...มึงไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้

ปากรามินทร์ไม่ตรงกับใจ รู้สึกแบบไหนก็ไม่เคยพูดออกไปแบบนั้นเลยสักครั้ง...ถ้าการต้องการเป็นคนเลวในสายตาของอินทัชแลกกับการที่ยื้ออีกคนไว้ได้

เขาก็ยอม...จนกว่าจะไถ่โทษความผิดที่ได้ข่มเหงอีกคนไป...

“ฮึก...ไอ้คนเลว”

อินทัชร้องไห้ออกมาต่อหน้ารามินทร์อย่างอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ร่างสูงยืนมองน้ำตานั่นด้วยใจที่แสนจะเจ็บปวด...

ตัดสินใจหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปซะ...


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แกร๊ก...

“ไอ้จักร...เจ้าจอมเป็นยังไงบ้าง” รามินทร์ถามคนที่เปิดประตูบ้านของเจ้าจอมด้วยสีหน้าเป็นกังวล เขาอยากจะมาเยี่ยมน้องชายตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ไม่กล้า

ไม่กล้าสู้หน้าน้องชายของตน

“ก็ซึมๆ ครับ ทานข้าวได้น้อย เอาแต่โทษว่าตัวเองผิด” จักรตอบ เพราะตัวเองก็ไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรที่ทำให้เจ้าจอมดูเศร้าแบบนี้

“งั้นเหรอ ถ้างั้นฉันฝากของไปให้เจ้าจอมหน่อยได้ไหม”

“ทำไมคุณรามไม่เข้าไปเองล่ะครับ ผมคิดว่าคุณจอมต้องรอให้คุณเข้าไปหาอยู่แน่ๆ”

ไม่...มันไม่ใช่อย่างนั้น เจ้าจอมไม่อยากเห็นหน้าพี่ชายเลวๆ อย่างเขา...

“ฉันคิดว่าเจ้าจอมคงไม่อยากเห็นหน้าฉันหรอก เอาไปให้หน่อย แล้วก็ให้เจ้าจอมกินข้าวเยอะๆ ด้วยนะ”

“ทะเลาะกันหรือครับ?” จักรถามออกมาเบาๆ เมื่อรับตะกร้าผลไม้จากมือของรามินทร์มาถือ

“ประมาณนั้นล่ะมั้ง”

“ผมว่าคุณรามยิ่งต้องเข้าไปดูเลย ถ้างั้นคุณจอมอาจจะคิดมากไปกว่านี้ก็ได้นะครับ”

ร่างสูงยืนนิ่งคิดตาม ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ จำยอมที่จะเดินเข้าไปพบหน้าน้องชายที่มีอาการซึมๆ ไป ต้นเหตุก็เพราะเขา...

เพราะพี่ชายชั่วๆ อย่างเขาทำให้น้องชายต้องผิดหวัง...

“งั้น...แกช่วยเข้าไปเป็นเพื่อนก็แล้วกัน”

“จะดีหรือครับ ผมเป็นคนนอก”

“เดี๋ยวก็จะเป็นคนกันเองแล้ว หรือจะไม่เป็น?” รามินทร์ถาม ซึ่งจักรก็ส่งยิ้มแห้งๆ ให้

ไม่คิดว่ารามินทร์จะรู้เรื่องนี้ด้วย แต่ก็โชคดีที่เจ้านายไม่รังเกียจ แต่จะยอมรับได้มากน้อยขนาดไหนจักรไม่รู้

“เอ่อ...ถ้าคุณรามไม่รังเกียจ”

“เรื่องของหัวใจ ฉันไม่ซีเรียส แต่กับทางครอบครัวของเจ้าจอม แกต้องผ่านไปเองนะ” รามินทร์พูดบอก ซึ่งจักรก็เม้มปากพยักหน้าน้อยๆ

รามินทร์เดินนำจักรไปยังห้องนอนของเจ้าจอม สองเท้าหยุดอยู่หน้าห้องนอนของเจ้าจอมก่อนจะหายใจเข้าลึกแล้วพ่นลมหายใจออกมายาวๆ มือหยาบก็เปิดประตูเข้าไป

แอ๊ด...





100%

 :katai4: :katai4: :katai4:

   มาแล้วจ้า ขอโทษน้า ที่จริงจะลงเมื่อวาน แต่ยูกิดันปวดท้องเลยนอนลูกเดียวเลยเมื่อวาน ฮ่าๆ หลายคนอินจัด เมื่อไหร่รามจะโดนเอาคืน มันเริ่มแล้วล่ะค่ะ เพราะนังรามจะถอยแล้ว (เขาเป็นคนอ่อนโยนจริงๆ นะ เพิ่งมาร้ายกับอินคนแรกนี่แหละ)
   ไปพูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจนะคะ ^_^ https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 100% => (14/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 14-07-2016 22:10:50
รอสมน้ำหน้ามันอยู่นะจะเป็นอะไรที่สะใจมากเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 100% => (14/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-07-2016 22:36:32
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 100% => (14/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-07-2016 23:55:07
 :katai2-1:


ถึงเวลาเอาคืนได้หรือยัง ?
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 100% => (14/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 15-07-2016 00:32:51
เอาอีก รามต้องเจ็บหนักกว่านี้
แค่นี้มันยังไม่สาค่ะ!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 18 100% => (14/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-07-2016 07:19:34
เอาคืนให้หนักเลยนะ เอาให้รู้สึกเจ็บไปจนตายเลย
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 50% => (17/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-07-2016 22:26:02
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 19
ผู้ชายคนนี้ของฉัน!




แอ๊ด...

“จอมไม่อยากเห็นหน้าพี่ราม” พอคนบนเตียงเห็นหน้าคนที่เปิดประตูเข้าไปก็พูดขึ้นมาทันทีโดยที่รามินทร์ยังไม่ทันเอ่ยอะไรออกมา

“เจ้าจอมครับ...พี่รามขอโทษนะครับ พี่สำนึกผิดแล้ว” รามินทร์เดินเข้าไปหาน้องนายบนเตียงด้วยสีหน้าที่สำนึกผิดแล้วจริงๆ

“พี่รามขอโทษถูกคนแล้วหรือฮะ” น้องชายถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“อย่าโกรธพี่เลยเจ้าจอม...”

“จอมถาม...ตอบมาก่อน” รามินทร์วางสีหน้าไม่ถูก

“พี่ขอโทษพี่อินหรือยัง” เจ้าจอมถาม ส่วนคนที่ยืนฟังอยู่ห่างๆ ถึงกับขมวดคิ้วแน่น สงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกับอินทัช หรืออินทัชจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้สองพี่น้องทะเลาะกัน

“ขอโทษแล้วครับ”

“ถ้าอย่างนั้นจะปล่อยพี่อินกลับบ้านแล้วใช่ไหมครับ” เจ้าจอมถามอย่างตื่นเต้น แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อรามินทร์หน้านิ่งไม่ยอมตอบอะไรอีก

เป็นอันรู้ว่าพี่ชายเขาไม่คิดจะปล่อยตัวอินทัช

“พี่ราม!!”

“คุณจอมอย่าขึ้นเสียงใส่พี่ชายสิครับ” จักรรีบเอ่ยปรามเพราะไม่ค่อยจะชอบใจเท่าไหร่ที่เห็นอายุน้อยกว่าขึ้นเสียงใส่คนอายุมากกว่า

เจ้าจอมเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่าใบหน้าของจักรติดจะดุๆ ออกมาไม่รู้ตัว

“ช่างจอมเถอะไอ้จักร”

“แต่...”

“ฉันสมควรจะโดนแล้วล่ะ” รามินทร์พูดออกมาเสียงเบา

“ใช่!! พี่รามโดนแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าไม่คิดจะทำให้ทุกอย่างมันถูกต้อง พี่ก็ไม่ควรจะมาให้จอมเห็นหน้า” เจ้าจอมพูดไปตามแรงอารมณ์ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้ออกมาจากใจเลยสักนิด

เจ้าจอมเสียใจที่ต้องพูดแบบนี้...แต่ที่พี่ทำอยู่เจ้าจอมก็ไม่อยากจะสนับสนุน

“พี่ขอโทษ”

“ถ้าวันนั้น ฮึก จอมอยู่ดูแลพี่จนพี่เข้านอน...พี่อินก็คงไม่...ฮือ จอมไม่กล้าไปเจอหน้าพี่อินแล้ว ไม่กล้าไปเจอ” นอกจากที่จะต่อว่าพี่ชายเป็นคนผิด เจ้าจอมก็โทษตัวเองด้วย

นั่นทำให้รามินทร์รีบคว้าร่างเล็กของเจ้าจอมมากอดเอาไว้ สีหน้าของเขาเจ็บปวดมาก ร่างสั่นเทาของน้องชายทำเอาหัวอกของคนเป็นพี่สะเทือน

“พี่ขอโทษ ขอโทษนะครับ”

“ฮือ...ออกไปเลยคนใจร้าย จอมไม่อยากเห็นหน้าพี่ราม ออกไปเลย ฮือ” ร่างเล็กดันอกพี่ชายออก แล้วไล่รามินทร์ออกไปทั้งน้ำตา

“วันนี้จอมก็อยากจะพักแล้ว งั้นพี่ขอตัวกลับก่อน ฝากดูแลเจ้าจอมด้วยนะไอ้จักร” รามินทร์พูดบอกน้องชายด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด ก็จะหันไปพูดกับจักรจนคนรักฝากถึงกับรับด้วยเสียงแข็งขัน

“ครับ”

“ขอบใจมาก” ร่างสูงเดินหันหลังกลับไป

แต่เสียงของเจ้าจอมก็หยุดชะงักตัวเขาได้นิดหนึ่ง ก่อนที่เท้าแกร่งจะก้าวไปอย่างไม่คิดจะหันหลังกลับ

“ห้ามทำร้ายพี่อินอีกเด็ดขาด!!!”


“คุณจอม อย่าทำหน้าเศร้าสิครับ” จักรที่เห็นว่าเจ้าจอมยังคงนั่งหน้าเศร้าๆ มองไปยังหน้าต่างด้วยความเหม่อลอยก็เป็นกังวล

“ฉันไม่เป็นอะไร”

“อย่าโกหกสิครับ ถึงไอ้จักรจะโง่ แต่ก็ดูคุณออกว่ากำลังรู้สึกยังไง”

“เปล่า...ฉันไม่ได้ว่านายโง่”

“ครับ...”

“นี่...คืนนี้...นอนเป็นเพื่อนฉันอีกคืนนะ” ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเตียงหันมาขอร้องร่างสูงด้วยสีหน้าที่ดูออดอ้อนจนจักรทำตัวไม่ถูก

“ไม่ได้เหรอ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวให้คนอื่นมานอนแทน”

“ได้ครับ! ผมจะมานอนเป็นเพื่อนคุณจอมเอง”

จักรรีบตอบเพราะกลัวว่าคนที่เจ้าจอมจะให้มานอนเป็นเพื่อนจะเป็นผู้ชายคนอื่น เขาไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้นจนกว่าหัวใจของเจ้าจอมจะเป็นของเขา...

เจ้าจอมยิ้มได้เป็นครั้งแรกของวัน ทำเอาจักรถึงกับชื้นใจขึ้นมาหน่อย

“ขอบใจนะ”

“งั้นคุณจอมพักไปนะครับ เดี๋ยวผมจะขอไปทำงานก่อน”

“ไปที่ไหน?”

“ก็นัดกับไอ้ขรรค์ไว้ที่สวนหลังที่พักคนงานน่ะครับ จะไปคุยเรื่องรูปแบบจัดส่วยให้ทางโรงพยาบาล” จักรตอบไปทั้งสีหน้างงงวยว่าเจ้าจอมจะถามทำไม

“งั้นฉันไปด้วย”

“ห๊ะ! คุณจอมนอนพักอยู่ที่บ้านนี่แหละครับ”

“ไม่เอา น่าเบื่อ จะไปด้วย”

“เอ่อ...”

“เดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำก่อน รอแป๊บนะ” เจ้าจอมก้าวลงจากเตียงแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าแล้วก็ผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ส่วนจักรที่ร่างเล็กบอให้รอก็ไปพับผ้าห่มแล้วจัดเตียงให้กับเจ้าจอม

จนกระทั่งผ่านไปสิบห้านาทีกว่าๆ เจ้าจอมก็ออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่พร้อมจะออกไปข้างนอก คนเจ้าสำอางอย่างเจ้าจอมต้องทาครีมกันแดดทาแป้งอ่อนๆ ก่อนถึงจะออกข้างนอกได้

“พร้อมแล้ว ป่ะ!”

“ครับ” จักรยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินนำร่างเล็กออกไป ร่างสูงทำหน้าที่ล็อกประตูบ้านให้เจ้าจอม แล้วทั้งสองคนก็เดินเคียงข้างกันไปยังสถานที่ที่นัดกับขรรค์เอาไว้

เมื่อไปถึงก็พบว่าขรรค์นั่งรออยู่ก่อนแล้วใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แสนร่มรื่น จริงๆ แล้วเจ้าจอมไม่เคยมาที่นี่หรอกเพราะมันเป็นเขตที่พักของคนงาน เจ้านายแบบเจ้าจอมเลยไม่เคยเหยียบมา

“สวัสดีครับคุณจอม หายดีแล้วหรือครับ” ขรรค์ทักทายนิ่งๆ ตามฉบับของตัวเอง

“สวัสดีพี่ขรรค์ จอมดีขึ้นแล้วล่ะ อยากจะมาสูดอากาศเฉยๆ”

“งั้นก็ตามสบายนะครับ อาจจะน่าเบื่อที่ต้องมองพวกเราทำงาน” ขรรค์ว่า เรียกเสียงหัวเราะของเจ้าจอมได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

“ฮ่าๆ ไม่เบื่อหรอกฮะ นอนอยู่แต่กับที่นั่นแหละน่าเบื่อกว่า”

“ผมก็คิดว่างั้น”

“อ่ะแฮ่ม...ทำงานได้แล้วมั้งไอ้ขรรค์”

ใช่ว่าขรรค์จะไม่รู้ว่าจักรจะขัดเขาทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะอิจฉาที่เขากับเจ้าจอมดูสนิทเกินเจ้านายกับลูกน้อง ที่จริงแล้วเจ้าจอมก็เห็นเขาเป็นพี่คนหนึ่ง แต่ขรรค์เจียมตัวเองเพราะเป็นลูกน้องเลยไม่ยอมเรียกเจ้าจอมอย่างเป็นกันเองตามที่เจ้าตัวต้องการ

“อะไรติดคอเหรอ?” เจ้าจอมถามยิ้มๆ

“ก็...น้ำลายน่ะครับ น้ำลายมันติดคอ” จักรตอบไปแบบไม่มองหน้าเพราะชักจะอายๆ

จะให้พูดได้ยังไงว่าไอ้จักรคนนี้อิจฉาน่ะหา!!

ร่างสูงไปนั่งตรงข้ามกับขรรค์ บนโต๊ะมีกระดาษกับแท็บเล็ตวางไว้ ร่างเล็กกว่านั่งลงข้างๆ กับจักรโดยที่ไม่พูดอะไรอีก นั่งมองทั้งสองคนงานไปอย่างเงียบๆ อย่างสนใจ

ยอมรับว่าพอเห็นมุมนี้ของจักรมันทำให้เจ้าจอมรู้สึกว่าจักรหล่อและเท่ขึ้นมาก บวกกับหนวดเคราที่เริ่มขึ้นแล้วเขาก็บังคับไม่ให้โกนมันออกอีก แต่ไว้พอดีไม่รกรุงรังเหมือนแต่ก่อน

ไม่รู้สิ แค่คิดว่าหนวดกับเครามันเข้ากับจักรดี...


“คุณจอมหิวไหมครับ”

“หืม...นี่กี่โมงแล้ว” เจ้าจอมถามคนที่นั่งข้างๆ ซึ่งเป็นคนถามคำถามนั้น

“ก็เที่ยงกว่าๆ แล้วครับ”

“ป่านนี้แล้วหรือ...นั่งดูนายกับพี่ขรรค์ทำงานเพลินเลย สนุกดีนะงานแบบนี้” เจ้าจอมยิ้มออกมา

ลืมเรื่องเศร้า เสียใจ และทุกข์ใจเกี่ยวกับพี่ชายและอินทัชไปซะสนิทเลย นี่เป็นเหตุผลที่เจ้าจอมไม่อยากอยู่คนเดียว เพราะมันทำให้ฟุ้งซ่านนี่แหละ

อยู่กับจักรมันทำให้เขาไม่คิดอะไรมาก

“ครับ...พวกเราก็ทำงานเพลินเลย ลืมไปว่าคุณจอมคงจะหิว” จักรว่าอย่าสำนึกผิด

“ที่จริงก็ไม่หิวหรอก แต่พอพูดขึ้นมาก็เริ่มหิวละ”

“งั้นไปกินข้าวกันก่อนเถอะครับ เดี๋ยวฉันจะไปในเมืองต่อ พรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันอีกทีก็แล้วกัน วันนี้พอก่อน” ขรรค์บอกเพราะตัวเองมีธุระแล้วก็งานของรีสอร์ทที่ต้องไปดูในฐานะหัวหน้าคนงาน

“เออๆ ตามนี้ก็ได้ กูก็โอเคแล้ว เหลือแค่เลือกแบบ”

“อืม...งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณจอม” ร่างสูงใหญ่ของขันหันมาลาเจ้าจอม ซึ่งคนที่อายุน้อยกว่าได้แต่ส่งยิ้มกว้างออกไปให้

“แล้วเจอกันฮะ”

พอขรรค์เก็บข้าวของของตัวเองเสร็จก็เดินจากตรงนี้ไปทันที ส่วนจักรเองก็มาแต่ตัวกลับก็กลับแต่ตัวเพราะของทุกๆ อย่างให้ขรรค์เป็นคนเก็บ ส่วนพวกรายละเอียดเขาถ่ายไว้ในแท็บเล็ตเรียบร้อย ทำงานตอนไหนก็ได้

“คุณจอมไปกินข้าวเถอะครับ”

“แล้วนายล่ะ?”

“ผมจะไปกินที่โรงครัว”

“ฉันจะไปด้วย”

“ห๊ะ!! แต่นั่นมันเป็นที่คนงานนะครับ” จักรอุทานอย่างตกใจ

“ทำไม? ฉันไปไม่ได้หรือไง” ถามอย่างเอาเรื่อง

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ แต่มันร้อน ผมไม่อยากให้คุณจอมไปนั่งที่ร้อนๆ อับๆ นั่งกินในห้องอาหารนั่นแหละดีแล้วครับ แอร์เย็นๆ อาหารดีๆ”

“งั้นนายก็มานั่งกินกับฉัน” ร่างเล็กสั่ง

“ไม่เหมาะอย่างยิ่งเลยครับ”

“เพราะ?”

“ผมก็แค่คนงานคนหนึ่งเหมือนกันจะให้เพื่อนร่วมงานมาเสิร์ฟอาหารให้ได้ยังไง” จักรพูดเหตุผลของตัวเองออกไป ซึ่งเจ้าจอมก็พยักหน้าเข้าใจ

คนที่เกรงอกเกรงใจคนอื่น จิตใจดีไม่เข้ากับหน้าโหดๆ ดุๆ ของจักรทำให้เจ้าจอมยิ้ม

“งั้นฉันจะสั่งอาหารกับนายแล้วนายก็เอามาเสิร์ฟให้ฉัน แล้วก็เก็บจานด้วย แบบก็โอเคใช่ไหม”

“แต่มันก็ไม่เหมาะอยู่ดี”

“จะเอาไหมโอกาส ถ้าอยากทำคะแนนก็ห้ามขัด” เจ้าจอมถามเสียงเรียบ กอดอกอย่างเป็นต่อ นั่นทำให้ร่างสูงมีสีหน้าที่กลืนไม่ได้คายไม่ออก

“คุณจอม...”

“คนงานคนอื่นเขากินข้าวที่โรงครัวกันหมด ผมจะสบายคนเดียวได้ยังไง”

“งั้นฉันสั่งในฐานะเจ้านาย แค่นี้ก็ได้แล้วใช่ไหม ตามมา! อย่าเรื่องมาก” เจ้าจอมตัดบทด้วยความโมโห เดินนำคนตัวสูงไปยังห้องอาหารของรีสอร์ท

ส่วนจักรก็เดินตามอย่างหงอๆ เพราะใบหน้าน่ารักของเจ้าจอมมีแต่ความไม่พอใจ


“รับอะไรดีครับคุณจอม”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวให้จักรทำ” เจ้าจอมปฏิเสธพนักงานบริการไป

“เอ่อ ครับ” เจ้าจอมหันมาสนใจเมนูทันทีที่พนักงานคนนั้นเลี่ยงออกไปโดยที่จักรยืนทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆ จนร่างบางโมโห

นี่ถ้าไม่ใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้านาย จักรก็คงไม่คิดจะทำตามสินะ

“ข้าวคลุกกะปิ”

“ครับ”

“เดี๋ยว” ร่างบางเรียกเอาไว้ก่อนเมื่อร่างสูงทำท่าจะเดินไป

“สองจาน ถ้าเอามาไม่ครบ คงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เจ้าจอมถาม ซึ่งจักรก็ทำหน้าอึดอัดแต่ก็พยักหน้ารับไปอย่างช่วยไม่ได้

“ครับ รอสักครู่นะครับ” จักรเดินหายเข้าไปข้างหลังซึ่งเป็นครัว เจ้าจอมถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายใจก่อนจะลุกขึ้นยืน

“เดี๋ยวฉันกลับมา” หันไปบอกพนักงานที่ยืนอยู่แถวนั้น ซึ่งอีกฝ่ายก็โค้งรับน้อยๆ

สองเท้าก้าวตามร่างสูงไปเนื่องจากคิดได้ว่าหญิงสาวที่เคยทำอาหารไปให้จักรก็ทำงานอยู่ในครัวเหมือนกัน ถ้าไม่แสดงตัวอย่างชัดเจน...ก็คงไม่ได้


“ป้ารี!!”

“เอ้ย! ตกใจหมดเลยไอ้จักร ทีหลังอย่ามาแบบนี้นะ ฉันใจคอไม่ดี” ร่างผอมของคนที่อายุมากกว่าสะดุ้งเมื่อร่างสูงเดินไปยืนอยู่ข้างหลังแล้วตะโกนเรียกหัวหน้าแม่ครัวเสียงดัง

“ฮ่าๆ แก่แล้วก็แบบนี้”

“เออๆ รู้ตัวย่ะ ว่าแต่มีอะไร ไม่ไปกินข้าว กับข้าวเสร็จแล้ว วันนี้เป้นแกงจืดกับน้ำพริกนะ”

“สงสัยไม่ได้กินน่ะป้า” จักรตอบ

“อ้าว? ทำไมอ่ะ”

“คุณจอมให้ไปกินข้าวด้วย เออ...เอาข้าวคลุกกะปิสองจานนะป้า จะรอเอาเลยของคุณจอมกับของผมเอง” จักรพูดบอกป้ารี ซึ่งเธอก็มีแววแปลกใจนิดๆ

“ทำไมถึงได้ไปกินข้าวกับคุณจอม”

“ก็คำสั่งอ่ะป้า”

“เออๆ ไม่ถามก็ได้วะ นั่งรอไปก่อนไป” ป้ารีไล่คนตัวใหญ่ออกไป ซึ่งจักรก็เอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้วเดินออกไปยังประตูหลังของครัวซึ่งจะเจอกับโรงอาหารที่คนงานเอาไว้มานั่งรับประทานอาหารกัน หญิงสาวที่ตักกับข้าวให้กับคนงานหันมาเจอก็เดินมาหาร่างสูงทันที

“พี่จักร”

“แก้ว...”

เธอคือผู้หญิงคนเดียวกันที่ทำอาหารไปให้จักรในวันที่เจ้าจอมดุเธอ

“มาจ้ะ ฉันตักกับข้าวให้...วันนี้มีของอร่อยทั้งนั้นเลยนะ”

“คือ...พี่ไม่ได้มากินข้าวหรอก” ร่างสูงตอบ

“อ้าว? ทำไมจ้ะ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย

“พอดีพี่ต้องรีบไปน่ะ” จักรตอบ โดยเลี่ยงที่จะพูดออกไปตรงๆ ว่าตัวเองต้องไปทานข้าวกับเจ้าจอม ซึ่งคำตอบนี้ทำเอาคนที่ยืนอยู่ข้างหลังถึงกับแสดงสีหน้าไม่พอใจ

“ไปไหนจ้ะ ทำงานหรือ เห็นมีคนบอกว่าพี่จักรกับพี่ขรรค์กำลังทำงานใหญ่อยู่ คงเหนื่อยแย่” แก้วเอ่ยอย่างยิ้มๆ ไม่ได้สังเกตเห็นว่าเจ้าจอมยืนอยู่ด้านหลังของจักรเพราะตัวของจักรใหญ่เลยบังร่างที่บอบบางของเจ้าจอมได้มิดเลย

“อือ...ก็ไม่เท่าไหร่หรอก” ร่างสูงตอบน้อยๆ ไม่ได้ยิ้มหรืออะไรที่ทำให้แก้วมีความหวัง

เพราะจักรเชื่อที่อินทัชพูดทุกอย่าง ถ้าอินทัชบอกว่าแก้วชอบเขา เขาก็ควรที่จะไม่ยุ่งกับหญิงสาวมากนัก

“ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย บอกฉันได้นะ ฉันยินดี”






50%

 :mew2: :mew2: :mew2:

   บอกไว้ก่อนว่าแก้วไม่ได้มาเล่นๆ แล้วจอมก็ไม่ใช่ง่ายๆ นะคะ ^_^ อ่านแล้วเม้นท์ติชมกันได้ค่ะ ยูกิจะได้นำไปปรับปรุง และขออภัยสำหรับคำผิดเนื่องจากแต่งเสร็จก็ไม่ได้พิสูจน์อักษรก่อนลงน่ะค่ะ เพราะเพื่อนยูกิเป็นคนพิสูจน์อักษรให้น่ะค่ะ

   ติดตามข้อมูลการอัพนิยาย พูดคุย หรือทวงนิยายได้ที่แฟนเพจจ้า

   https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 50% => (17/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-07-2016 00:34:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 50% => (17/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-07-2016 02:02:36
 :hao3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 50% => (17/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 18-07-2016 05:54:53
น้องจอมจะแสดงอิทธิฤทธิ์แล้ววว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 50% => (17/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 18-07-2016 12:58:01
เจ้าจอม..แสดงควสมเป็นเจ้าของด่วน... :laugh:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 50% => (17/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 18-07-2016 15:48:49
ใช่ค่ะน้องจอม ใส่เลยลูก
จะไปยอมชะนีไม่ได้!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 50% => (17/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 18-07-2016 17:52:37
ตามอ่านมาตั้งแต่เช้า.. ตื่นเต้นมากๆ
มาต่อไวไวนะครับ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 50% => (17/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Konta45 ที่ 18-07-2016 21:25:28
ตามมาอ่านจนทันแล้วค่ะ แฮ่  :katai5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 50% => (17/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-07-2016 00:32:35
บอกเลย สงสารอินมาก เมื่อไหร่ธีร์จะหาเจอนะ
แล้วรามคิดได้แล้ว แต่ยังไม่แก้ไข ก็สมควรที่จะโดนน้องกับคนอื่นโกรธอะนะ

เจ้าจอมร้ายนะมีเดินตาม 5555 จักรก็บื้อ คนทั้งคนมองไม่เห็นสมควรแล้วที่ไม่รู้เรื่อง
เงินได้ใจไปเลยค่ะ สู้โลด

หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 100% => (20/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 20-07-2016 22:05:44
ตอนที่ 19 ครึ่งหลัง





“ไม่มีหรอก งานพี่เป็นงานผู้ชาย เอ็งทำไม่ได้หรอก”

“ก็เอางานที่ผู้หญิงอย่าฉันทำได้มาสิจ้ะ ทำกับข้าวให้พี่ทุกเช้า เที่ยง เย็นก็ได้นะ ฉันยินดี” แก้วเอ่ยแบบทอดสะพานสุดๆ ไปให้ ซึ่งจักรก้มองว่าเป็นเรื่องที่หวังดีของผู้หญิงคนหนึ่ง

“ไม่ต้องลำบากเอ็งเลยแก้ว พี่หากินเองได้”

“ไม่เลย งานถนัดฉันเลย ฉันเต็มใจ”

“แต่พี่ว่ามันไม่เหมาะหรอก ขอบใจที่หวังดีนะแก้ว แต่ว่าพี่รับไม่ได้หรอก” เธอหน้าเสียไปเมื่อโดนปฏิเสธไปตรงๆ แบบนี้

ก็จักรเป็นซะแบบนี้ พูดอะไรก็พูดตรงๆ ไม่เคยรู้หรอกว่าอะไรมันทำร้ายจิตใจใครหรือเปล่า เพียงแต่สิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดเขาก็จะพูด

ยอมรับไม่ได้ว่าแอบสะใจ...เจ้าจอมคิด

“เพราะคุณจอม...ใช่ไหมจ้ะ”

จักรนิ่ง ตัวแข็งทื่อ เพราะไม่คิดว่าจะมีคนรู้ นอกจากอินทัช ขรรค์ หมอเงิน และรามินทร์แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดยังไงกับเจ้าจอม

สงสัยเพราะวันที่คุยกับอินทัชวันนั้นแน่ๆ

“ใช่!! เพราะฉันเอง ทำไม” เจ้าจอมแสดงตัวจากด้านหลังของจักรด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แต่ดวงตามองหญิงสาวอย่างเหนือชั้นกว่า ทำเอาแก้วก้มหน้า แต่ไม่มีใครรู้ว่าขณะที่ก้มหน้าเธอทำหน้าแบบไหนอยู่

“คุณจอม...” จักรครางชื่อคนที่ตนรักเบาๆ

“เลิกเอาเวลาทำงานมา ‘อ่อย’ ผู้ชายได้แล้วล่ะมั้ง” ผู้ชายปากจัดหรือเปล่า อันนี้เจ้าจอมไม่รู้ แต่รู้ว่าผู้หญิงอย่างแก้วเรียบร้อยแค่ภายนอกเท่านั้น

“ข่ะ ขอโทษค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยเสียงสั่นๆ ตัวสั่นๆ ด้วยความกลัว

“ขอโทษแล้วก็ไปทำงาน...ที่นี่คือที่ทำงาน ถ้าเวลาพักก็ควรที่จะพัก อย่าเอาเวลามาทำเรื่องไร้สาระ” เจ้าจอมเอ่ยตำหนิขึ้นมา

“เอ่อ...ค่ะ คุณจอม”

“ส่วนนาย เข้าไปในครัว...เอาข้าวไปวางที่โต๊ะแล้วนั่งรอซะ!” เจ้าจอมหันไปสั่งคนตัวสูง

“ครับ...” จักรรับคำสั่งแต่โดยดีโดยไม่คิดจะมองหรือสนใจอะไรแก้วอีก เนื่องจากกลัวคนน่ารักของเขาโกรธเอาเหมือนกับวันนั้น

แบบนั้นไอ้จักรทรมานแน่ๆ

“คิดว่าจักรเขาจะจะช่วยอีกหรือไง รู้ไว้ซะว่าหมอนั่นกลัวฉันโกรธยิ่งกว่าต้องมากลัวใครถูกตำหนิหรอก อยากอยู่ที่นี่ไปนานๆ ก็ทำตัวให้ดีๆ หน่อยนะแก้ว” เจ้าจอมพูดออกมาเสียงเบา ได้ยินกันแค่สองคน ซึ่งเธอก็ตัวสั่น โค้งขอโทษหลายครั้งจนเจ้าจอมรำคาญ

“ขอโทษค่ะ แก้วขอโทษจริงๆ อย่าไล่แก้วออกเลยนะคะ แก้วไม่มีที่ไปแล้ว ฮือ...” เธอร้องไห้ออกมาเสียงดัง เรียกสายตาจากคนงานแถวนั้นได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหา มายุ่ง เพราะเจ้าจอมเป็นคนงาน

“ใครพูดว่าจะไล่เธอออก?”

“คุณจอม...ฮือ...แก้วจะไม่ทำแล้วค่ะ แก้วผิดไปแล้ว แก้วขอโทษ!!!”

นี่...จงใจทำให้เขาดูไม่ดีในสายตาคนอื่นใช่ไหม?

คิดจะเล่นกับเจ้าจอมคนนี้หรืออย่างไร!!

ไม่อยากทำงานที่นี่แล้วงั้นหรือ…

“เอาสิแก้ว...ทำไปเลย ถ้าคิดว่าจะเล่นงานฉันคนนี้ได้” เจ้าจอมกระซิบเสียงโหด ซึ่งแก้วก็เงยมองหน้าสบตาอย่างท้าทายโดยที่ไม่มีใครเห็น

นั่นมันทำให้เจ้าจอมยิ้มออกมาอย่างชอบใจ...

เรื่องชักสนุกแล้วสิ...

“พี่จักรเขาชอบคนเรียบร้อยนะคะ”

“แต่เขารักฉัน” เจ้าจอมตอบกลับในทันทีทำเอาแก้วสะอึก “ฉันไม่ใช่คนที่จะดูถูกใครหรอกนะ แต่ฉันน่ะชนะใสๆ เลยแก้ว ทั้งฐานะ หน้าตา และลีลา!!”

“ก่ะ...” เธอแทบจะหลุดกรี๊ดออกมา โชคดีที่ระงับเอาไว้ก่อน

“เฮ้อ...พี่รามเลี้ยงงูพิษเอาไว้เหรอเนี่ย อ้อ! นอกจากจักรจะรักฉัน ฉันยังเป็นน้องชายที่พี่รามรักมากด้วย ไม่เคยเลยสักครั้งที่ไม่ตามใจฉันมาก่อน”

“ไม่มีฝีมือจะสู้เองเหรอคะ” แก้วท้าทาย ทำเอาร่างบางแสยะยิ้มร้ายกาจไปให้ นั่นทำให้แก้วรู้สึกขนลุก...

“อยากโดนฉันจัดการเองก็บอกมา...เพราะคนนี้...ฉันสู้ขาดใจ จักรน่ะ เป็นของฉัน รู้เอาไว้ซะด้วย” เจ้าจอมพูดจบก็สะบัดหน้าหันกลับไป ร่างหญิงสายืนตัวสั่น คราวนี้ไม่ได้สั่นเพราะกลัว แต่สั่นเพราะโกรธ หากแต่คนงานด้วยกันเองกลับคิดไปในอย่างแรกแล้วก็พากันมาปลอบใจแก้วกันใหญ่ ซึ่งแก้วก็เล่าเรื่องเท็จออกไปเพื่อให้เจ้าจอมถูกพนักงานมองไม่ดีแล้วก็นินทาไปในทางที่เสียๆ

แต่คนงานธรรมดาๆ อย่างแก้ว จะสู้อะไรคนที่มีทุกอย่างอย่างเจ้าจอมได้

คิดผิดแล้วล่ะที่เป็นกบฏต่อเจ้านายตัวเอง...


“ทำไมไม่นั่งรอ”

“ผมรอคุณจอม”

“รอฉันก็นั่งรอได้ ทำไมต้องยืน” เจ้าจอมนั่งลงตรงที่เดิมจนร่างสูงต้องนั่งลงตามอย่างช่วยไม่ได้

“ผมอยากยืนรอ...ว่าแต่”

“ว่าแต่อะไร?” เจ้าจอมถาม เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“คุณจอม...คุยอะไรกับแก้วหรือครับ”

“ผู้หญิงคนนั้นน่ะหรือ หึ! ถามทำไม เป็นห่วงงั้นสิ” เจ้าจอมประชดไม่พอใจ จนจักรรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้เป็นห่วงแก้ว”

“งั้นถามทำไม”

“ก็แค่อยากรู้” จักรตอบเบาๆ

ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ฉันไม่อยากจะพูดหรอกนะ พูดไปนายก็ไม่เชื่อหรอก เอาเป็นว่าฉันแค่ตำหนิการทำงานนิดหน่อยล่ะมั้งแล้วก็มาเลย”

“แต่คุณจอมคุยนานมากเลยนะครับ แล้วผมจะไม่เชื่ออะไร ไม่ว่าคุณจอมจะพูดอะไร ไอ้จักรเชื่อทั้งนั้นแหละครับ”

ดี...เจ้าจอมหัวเราะในใจอย่างผู้ชนะ

คนที่เขาแคร์น่ะไม่ใช่ทุกคน แต่เจ้าจอมแคร์เฉพาะบางคนเท่านั้น...

“นายรู้ใช่ไหมว่าแก้วชอบนาย” พอเจ้าจอมถามออกมาตรงๆ แบบนี้ จักรก็ถึงกับสะอึกเพราะไม่คิดว่าเจ้าจอมจะรู้ กลัวโดนเข้าใจผิดอีกจริงๆ

“เอ่อ...พอรู้ครับ”

“รู้ไหมว่าแก้วอยากได้นายไปเป็นผัว!”

“เอ่อ...”

บางทีเจ้าจอมก็ตรงเกินไปจนจักรตอบไม่ถูก

“ไม่รู้ครับ”

“งั้นนายรู้ไหมว่าแก้วไม่ได้เรียบร้อยแสนดีอย่างที่นายคิด”

พอถึงประโยคนี้จักรถึงกับลังเล เพราะในสายตาเขาแก้วก็เป็นน้องสาวที่น่ารักเรียบร้อยๆ คนหนึ่งของเขา มันเลยยากที่จะตอบออกไป

“นายไม่เชื่อฉัน...เห็นไหมล่ะ เอาเถอะ ฉันไม่พูดหรอก เดี๋ยวจะกลายเป็นการใส่ร้ายแก้วที่แสนดีของนาย”

“แก้วไม่ใช่ของผม...ผมไม่ได้คิดอะไรกับแก้ว”

“แต่เธอบอกฉันว่านายต้องเป็นของเธอ เพราะเธอมีดีกว่า เรียบร้อยกว่าฉัน ทำอาหารเก่ง ทำงานบ้านเป็น มีลูกให้นายได้”

ใครว่าเจ้าจอมใส่สีตีไข่ไม่เป็น เจ้าจอมน่ะเป็นตัวร้าย...ขนานแท้เลยนะจะบอกให้

จักรไม่คิดว่าแก้วจะพูดแบบนี้ออกมาได้ แต่เจ้าจอมก็ไม่ใช่คนที่โกหกเหมือนกัน และเขาก็พร้อมที่จะเชื่อคนตรงหน้าเสมอ ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นมายังไงก็ตาม

“ผมรักคุณจอม...”

“อืม...ฉันรู้ แต่ฉันก็คิดแบบเดียวกับแก้วนะ ถ้าหากวันใดวันหนึ่งที่ฉันรักนาย แต่มีลูกไม่ได้แบบนี้ นายอาจจะทิ้งฉันไปอยู่ดีก็ได้” เจ้าจอมตีหน้าเศร้า ทำเอาจักรถึงกับลนลานทำอะไรไม่ถูก

นึกโกรธแก้วที่พูดอะไรแบบนั้นออกมา

“โธ่! คุณจอม...ผมจริงจังมากนะครับ ผมเสียอีกที่ไม่มีอะไรดีพอสำหรับคุณจอมเลย”

ถ้าวันนั้นคุณจอมเลือกเขา...เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพร้อมดูแลไหม แต่เขาอยากจะสู้...

“กินข้าวเถอะ แล้วค่อยคุยกัน ฉันหิว”

เจ้าจอมตัดบทด้วยสีหน้านิ่งๆ ที่แสร้งทำเป็นกำลังคิดมาก แสดงละครเก่งจนจักรเชื่อและตลอดกับรับประทานอาหารก็กระสับกระส่ายมองหน้าเจ้าจอมตลอด

พอทานข้าวเสร็จเจ้าจอมก็เดินหนีร่างสูงไปตามส่วนของสวน ซึ่งจักรมีจักรเดินตามอยู่ไม่ห่าง นั่งๆ เดินๆ จนกระทั่งตกเย็น เจ้าจอมก็เดินกลับบ้าน โดยที่หันไปสั่งให้จักรกลับไปเอาเสื้อผ้ามา

“ไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านนายมา”

“ครับ”

“นายมีกุญแจอยู่ใช่ไหม ไขเข้ามานะ” เจ้าจอมบอกก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านแล้วกดล็อกประตูจากข้างใน ส่วนร่างสูงก็เดินกลับบ้านพักของตนที่อยู่ห่างออกไป

ระหว่างทางก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ คนงานด้วยกันทักทายตามประสาคนรู้จัก เขาเลยต้องหยุดคุยด้วย

“ไอ้จักรๆ เอ้า! ดื่มเว้ย สักแก้วสองแก้ว”

“ไม่ได้ๆ กูต้องไปนอนเป็นเพื่อนคุณจอม เดี๋ยวคุณจอมเหม็น” จักรปฏิเสธ

“เหยๆ เดี๋ยวนี้มีพัฒนานะมึง ไปถึงไหนกันแล้ววะ ได้กันยัง”

โป้ก!

“ไอ้สัตว์!! ได้เหี้ยอะไรล่ะ กูแค่ได้รับโอกาสเว้ย ดูพูดถึงเจ้านายสิ!” จักรด่าเพื่อน

“ฮ่าๆ กูล้อเล่น ขอให้สมหวังก็แล้วกัน แล้วทำไมต้องไปนอนเป็นเพื่อนคุณจอม”

“คุณจอมไม่สบายเลยให้กูไปนอนเป็นเพื่อน” จักรตอบนิ่งๆ พลางมองเพื่อนๆ กำลังนั่งดื่มเหล้าด้วยความอิจฉา เพราะอยากจะดื่มเหมือนกัน

แต่กลัวว่าเจ้าจอมจะไม่ชอบกลิ่น

“อ๋อ...เอ้อ! กูได้ยินคนเขาคุยกันมา ว่าคุณจอมต่อว่านังแก้วจนถึงขั้นจะไล่ออกเลยหรือวะ! แต่คุณจอมก็ไม่น่าทำแบบนั้นนา เวลานั้นก็เวลาพักด้วย แก้วมันก็ต้องพักเปล่าวะ” เพื่อนของจักรถามขึ้นมาทำเอาร่างสูงถึงกับขมวดคิ้วแน่น

“รู้มาจากไหน?”

“ก็เขาเล่าๆ กันมาว่านังแก้วมันร้องไห้หนักมากเพราะกลัวจะไล่ออก บอกอีกนะว่าคุณจอมขู่มันด้วย”

“ขู่? ขู่ว่าอะไรวะ”

“ไม่รู้ดิ นังแก้วไม่ได้เล่า เพราะกลัวว่าถ้าเล่าไปจะโดนไล่ออก” ชายคนนั้นว่าพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

จักรยืนนิ่งไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไงแน่ชัด แต่เขาก็ไม่ยอมให้คนที่เขารักต้องถูกพูดถึงในทางไม่ดีแบบนี้

“คุณจอมบอกกูว่าแก้วไปพูดว่าคุณจอมในทางไม่ดี”

“เฮ้ย! นังแก้วมันเป็นลูกน้องนะเว้ย จะไปกล้าพูดว่าคุณจอมแบบนั้นได้ยังไงวะ”

สิ่งที่เพื่อนของจักรพูดมามันก็ถูก แก้วเป็นแค่ลูกน้อง และแสนขี้กลัวแบบนั้นจะกล้าต่อปากต่อคำกับเจ้านายได้ยังไง จักรเริ่มคิดหนัก

แต่คุณจอมจะใส่ร้ายแก้วเหรอ? ไม่มีทาง

“แล้วคุณจอมเขาจะโกหกทำไมวะ! คนเป็นเจ้านายนะเว้ย จะแกล้งลูกน้องทำไม ที่รู้จักกันมาคุณจอมเป็นคนแบบนั้นเหรอวะ” จักรเถียงกลับไป

“เออ!! มันก็จริงเว้ย...ไม่แน่ นังแก้วอาจจะผิดจริงๆ แต่ทำเป็นไม่ยอมพูดออกมาว่าไปทำอะไรหรือเปล่า เพราะไม่มีใครรู้เรื่องด้วย เห็นร้องไห้ก็เลยสงสาร”

“พูดแบบนี้แก้วมันก็เสียหายน่ะสิ”

“วะ!! ไอ้นี่ จะเอาไงแน่วะ”

“มึงไม่ควรจะพูดถึงคุณจอมและก็แก้วในทางที่ไม่ดี ก็แค่นั้น”

“เออๆ ไอ้คนดี! จะไปไหนก็ไป คุณจอมรอนานหรอกมึง”

“งั้นกูขอตัว”

ร่างสูงเดินออกจากวงเหล้าของเพื่อนแล้วเข้าไปเอาของใช้ของตัวเองในบ้านออกมาก่อนจะเดินไปยังบ้านพักของเจ้าจอม ในหัวก็คิดอะไรวุ่นวายเต็มไปหมด

แต่เรื่องนั้นมันก็ไม่สำคัญเท่ากับคืนนี้ต้องทรมานหรอก...


แกร๊ก!!

ร่างสูงไขประตูเข้าไปในบ้านแล้วก็ล็อกประตู ได้กลิ่นหอมๆ ของอาหารก็เอาของไปวางที่โต๊ะว่างๆ แล้วเดินไปที่ครัวตามที่ใจสั่ง เห็นร่างเล็กๆ ของเจ้าจอมกำลังสนใจอาหารหน้าตาโดยหันหลังให้เขาอยู่

ดวงตาคมจ้องมองด้วยความหลงใหล อยากจะเข้าไปโอบกอดข้างหลัง กอดรัด นัวเนียตามที่ใจต้องการ

ให้ตายสิ! เพราะมึงคิดอกุศลแบบนี้ไงถึงไม่ได้อยากอยู่ใกล้คุณจอมมาก

“ฮืม...” เจ้าจอมฮัมเพลงไปด้วยโดยไม่รู้สึกเลยว่าจักรกำลังยืนมองอยู่ด้วยสายตาที่แสดงชัดถึงความปรารถนาอย่างชัดเจน

สายตาคมดุมองด้านหลังของเจ้าจอมอย่างโลมเลียตั้งแต่ศีรษะ ลงมาที่หลังบาง เอวคอด แล้วก็หยุดที่สะโพกกลมงอนที่อยู่ในกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาอ่อน

รู้งี้กินมาสักสามสี่แก้วดีกว่า จะได้มีข้ออ้างถ้าเผลอลวนลามคุณจอมไป แม่งเสียดาย!

 เคร้ง!

“อ๊ะ!! ช้อนตก”

ไม่รู้ว่าเจ้าจอมเจตนาหรือว่ามันเป็นท่าของเจ้าตัวจริงๆ ถึงได้เก็บช้อนด้วยท่านั้น ในจังหวะที่ร่างเล็กโค้งตัวลงไปเพื่อจะเก็บช้อน สะโพกกลมก็งอนขึ้นต่อหน้าของจักรพอดิบพอดี เล่นทำเอาคนตัวสูงถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตัวสั่นด้วยความรู้สึกต้องการที่พุ่งขึ้น

ไม่ไหวแล้ว!!!

จักรตัดสินใจ...เดินออกจากตรงนั้นแล้วไปนั่งรอเจ้าจอมดีๆ ที่โซฟาดีกว่า เพราะจะได้ระงับสติอารมณ์ด้วย ส่วนเจ้าจอมน่ะหรือ

“ฮ่าๆ ขึ้นง่ายจริงๆ”

ก็หัวเราะร่วนอยู่คนเดียวอย่างสะใจ






100%

 :ling2: :ling2: :ling2:

ไม่ต้องกังวลเรื่องแก้ว เพราะเจ้าจอมเอาอยู่แน่นอน

ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยายได้ที่แฟนเพจค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 100% => (20/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 20-07-2016 22:33:35
คุณจอมร้ายจัง ชอบๆๆ
ว่าแต่ชะนีแก้ว .. ต้องเห็นโรงศพถึงจะหลั่งน้ำตาใช่ไม๊
คุณติม จัดนางเลยจ่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 100% => (20/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-07-2016 22:40:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 100% => (20/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 20-07-2016 23:07:27
แบบนี้ต้องจัดเต็มให้นังแก้วมันรู้กันไปเลย!!!!
รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 100% => (20/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-07-2016 00:02:59
 :laugh:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 100% => (20/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 21-07-2016 01:56:54
รอต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 100% => (20/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 21-07-2016 05:42:04
เจ้าจอมเป็นคนช่างยั่วจริงๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 100% => (20/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-07-2016 19:48:37
5555 จักรเจอของจริงเข้าแล้ว โดนแบบต้องยอมด้วยนะ แล้วเจอยั่วไป จักรแพ้ทางแรงมาก

เจ้าจอมจัดเต็มมากค่ะ แก้วร้ายนะ อย่าเนียนเป็นคนดีนะคะ เจ้าจอมไม่ยอมหรอก

อินทัชน่าสงสารมากเลย รามรู้ตัวแล้ว แต่ปล่อยอินไปเหอะ ทุกคนยังรู้เลยว่าอินเป็นคนยังไง

ธีร์เมื่อไหร่จะเจออินทัช
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 19 100% => (20/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 21-07-2016 20:18:37
 :m20: :m20:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 50% => (23/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 23-07-2016 22:09:10
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 20
อีกบททดสอบ



หลังจากที่ขรรค์แยกกับจักรและเจ้าจอมก็ไปคุมงานของคนงานที่รามินทร์กำลังถมที่ทำสวนผลไม้ เพื่อสร้างให้ลูกค้าที่มาพักรีสอร์ทได้ชมวิวในหลายๆ แบบ แต่ก็อยู่ในขั้นของการเตรียมการ เสร็จแล้วร่างสูงก็เข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปหาคนรักที่ได้นัดกันเอาไว้ว่าจะไปทานข้าวกัน

แต่ตอนนี้เที่ยงครึ่งกว่าๆ แล้ว คงไปไม่ทันแน่ๆ

(ว่าไงขรรค์ ถึงไหนแล้วอ่ะ)

“ขรรค์ไปไม่ทันแน่ๆ เลยเงิน เงินไปกินข้าวก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวขรรค์จะตามไป”

(ให้เงินกินก่อนแล้วขรรค์จะมาทำไมเนี่ย)

“ก็...” ยังไม่ทันที่ขรรค์จะเอ่ยอะไรต่อ เสียงจากปลายสายก็ดังแทรกขึ้นมา แต่มันไม่ใช่เสียงคนรักของเขาเขาเลยต้องเงียบเพื่อฟัง

(หมอเงิน...ไปทานข้าวกับหวานไหมคะ หมอติดหวานเอาไว้อยู่นะ...เอ่อ...วันนี้ผมก็มีนัดแล้วสิครับ โอกาสหน้าจริงๆ นะครับ อ่า...ขรรค์ เดี๋ยวเงินไปรอที่ร้านหน้าโรงพยาบาลนะ เร็วๆ เลย) เสียงที่พูดกับเขาเป็นเสียงกระซิบก่อนจะวางสายไป

ขรรค์ที่ค่อนข้างกังวลกับเสียงผู้หญิงที่เข้ามาหาคนรักเขาอยู่ก็รีบเหยียบคันเร่งเพื่อไปยังจุดนัดพบให้เร็วที่สุด...

ไม่แปลกใจเลยไอ้ขรรค์ เงินจะมีผู้หญิงเข้ามาหาก็เป็นธรรมดาอยู่แล้ว คนที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่างแบบเงิน ผู้หญิงเขาก็ชอบกันทั้งนั้น...

ขรรค์กลัว...กลัวว่าตัวเองจะรู้สึกว่าไม่คู่ควรจนต้องทิ้งเงินไปอีก


“ขรรค์ ทำไมทำหน้าเครียดๆ” เงินที่นั่งทานข้าวตรงข้ามกับร่างสูงถามด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง

“เปล่าหรอก...”

“อย่าโกหก คิดอะไรอยู่บอกเงินมาเลย”

“เงินรีบกินข้าวดีกว่านะ เดี๋ยวก็จะหมดเวลาพักแล้ว” ร่างโปร่งของหมอหนุ่มชักสีหน้าไม่พอใจที่คนรักเปลี่ยนเรื่อง หลบสายตา...

“ขรรค์”

“ไม่มีอะไรจริงๆ”

“ขรรค์โกหกเงิน ไหนสัญญาว่าจะไม่มีอะไรปิดบังกันไง” เงินถามด้วยสีหน้าที่ดูเสียใจ จนขรรค์เลิกลักทำตัวไม่ถูก

“เอ่อ...ขรรค์ขอโทษ ขรรค์แค่คิดงานเพลินๆ ไปน่ะ” เจ้าตัวตอบไม่สบสายตาคนตรงหน้าตัวเองด้วย

“ถ้าจะให้เงินเชื่อเงินก็เชื่อ ลืมไป...ว่าเงินคงสำคัญน้อยกว่าเมื่อก่อนแล้วสินะ” หมอหนุ่มตัดพ้ออย่างน้อยใจด้วยน้ำเสียงที่ติดสั่นๆ

จริงๆ หมอเงินเป็นคนเข้มแข็งนะ  แต่ถ้าอะไรที่มันเกี่ยวกับคนรักคนสำคัญ เขาจะกลายเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายมากๆ เลยคนหนึ่ง

“ไม่จริงนะเงิน!! โอเคๆ เอาไว้ขรรค์จะบอกเงินนะ”

“เดี๋ยวนี้!”

“ไม่ได้ เงินมีตรวจคนไข้ต่อไม่ใช่หรือ”

“งั้นตอนเย็นก็ได้” ร่างโปร่งเอ่ยอย่างจำยอมเมื่อดูนาฬิกาที่ข้อมือพบว่าเวลามันไม่พอ

“ครับ”

“แต่เงินก็ขอโทษขรรค์ด้วยนะที่เร่งให้ขรรค์รีบมาน่ะ ทั้งๆ ที่เวลามันไม่ค่อยจะมี” หมอหนุ่มว่าอย่างรู้สึกผิด เพราะขรรค์ขับรถเร็วมากจนมาทันเขาได้อาหารที่สั่งพอดี

“ไม่หรอก รถมันไม่ติดน่ะ” ขรรค์ตอบไป

เมื่อทั้งสองทานอาหารกันเสร็จแล้ว ร่างสูงก็ขับรถพาคนรักไปส่งที่โรงพยาบาลแม้จะทานแค่หน้าโรงพยาบาลก็ตามที ร่างสูงเคาะนิ้วไปกับพวงมาลัยอย่างครุ่นคิด มองคนรักที่กำลังหยิบข้าวของที่ซื้อมาฝากเพื่อนร่วมงาน

“งั้นเงินไปแล้วนะ เจอกันเย็นนี้นะขรรค์” หมอหนุ่มพูดบอกยิ้มๆ

แต่ขรรค์กลับทำหน้านิ่งๆ เหมือนกับกำลังคิดวุ่นวายไปหมด

“ขรรค์!”

“หืม...” ร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโดนเรียกเสียงดัง

ก็แค่เหม่อนิดเดียวเอง

“เหม่ออะไรน่ะ ขรรค์เป็นอะไรหรือเปล่า” หมอหนุ่มซึ่งเป็นคนรักมีสีหน้าที่ค่อนข้างกังวลเพราะหน้าของขรรค์ดูมีความกังวลตลอดเวลา

“เปล่า”

“ขรรค์ไม่สบายหรือเปล่า เข้าไปตรวจดูหน่อยไหม เงินเป็นห่วง”

“เราสบายดี แค่เครียดเรื่องงานนิดหน่อย”

“งั้นก็เลิกคิดมากซะ ขรรค์ทำงานออกมาได้ดีอยู่แล้ว” เงินยิ้มกว้างให้กำลังใจคนรัก ขรรค์ที่มัวแต่กังวลเรื่องเสียงผู้หญิงในโทรศัพท์ของเงินก็สบายใจขึ้น

มึงจะกังวลไปทำไมวะขรรค์ คนที่เงินรักก็คือมึง มึงได้รับความเป็นห่วงนี่ สายตาที่แสนจะรักคู่นี้ ร่างกาย และหัวใจเงินเป็นของมึง...

มีแต่มึงนั่นแหละที่ทิ้งเขามา เงินไม่มีทางทิ้งมึง จำเอาไว้

“ครับ”

“งั้นเจอกันเย็นนี้นะ เดี๋ยวเงินจะซื้ออาหารเข้าไปเอง ขรรค์หุงข้าวรอนะ”

“ครับ”

“ไปล่ะ”

“เงิน...” ร่างสูงเรียกคนรักที่กำลังจะเปิดประตูรถออกไปเอาไว้ก่อน ใบหน้าหล่อเหลาขาวใสของเงินหันมามองคนรักอย่างสงสัย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อโดนคนรักคว้าตัวไปแล้วประกบริมฝีปากหยักเข้าที่ริมฝีปากของเขา

ปลายลิ้นใหญ่ร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของเขายามที่เขากำลังตกใจอยู่ ก่อนจะตอบสนองปลายลิ้นที่แสนจะคุ้นเคยของคนรักอย่างเต็มใจ ใบหน้าขาวใสแหงนรับเพราะคนรักตัวสูงมากกว่า มือก็ถือของฝากอยู่ไม่ปล่อยไม่ขยับไปไหน แต่เอียงหน้าไปมาให้ได้มุมองศาตอนที่จูบกัน

จริงๆ แล้วเขาสองคนควรจะกังวลเพราะนี่มันที่จอดรถของโรงพยาบาล คนผ่านไปผ่านมาค่อนข้างเยอะมาก แต่ดีที่วันนี้ขรรค์เอารถที่ติดฟิล์มค่อนข้างหนามา เลยไม่ต้องกังวลว่าใครจะเห็น แต่ต่อให้เห็นก็ไม่ได้สนใจ

“อืม...”

“ตั้งใจทำงานนะ” ขรรค์ผละริมฝีปากเอามาก่อนจะพูดกับคนรัก ส่วนหมอเงินก็หน้าแดงมองตาขรรค์อย่างไม่เข้าใจในการกระทำ

“ขรรค์...”

“ขรรค์รักเงินนะ”

“อื้อ...เงินก็รักขรรค์ ขรรค์เองก็ตั้งใจทำงานก็แล้วกัน เจอกันตอนเย็น”

“ครับ”

ร่างโปร่งลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ไม่รู้ ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมจู่ๆ ขรรค์ถึงจูบตน แต่ก็ดีแล้วล่ะ...มันเริ่มจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมทีละนิดๆ แล้ว

แม้จะกังวลเพราะขรรค์ดูจะคิดมากกับเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ แต่สัมผัสเมื่อกี้ก็ทำให้เขาสบายใจมากขึ้น

ขรรค์มองคนรักเข้าไปในตัวโรงพยาบาลแล้วก็ขับรถออกจากตรงนั้นมาไปยังสถานที่ที่ตัวเองต้องไปซื้อของต่อไป พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปให้หมด แล้วเชื่อใจคนรักให้มากๆ


วันต่อมา

“หมอเงิน วันนี้ว่างหรือยังคะ หวานมีร้านแนะนำด้วยแหละ หมอเงินเพิ่งจะมาอยู่ได้เดือนเดียวเองคงยังไม่ได้เที่ยว หวานเป็นไกด์ให้เอาไหมคะ”

ร่างโปร่งที่เดินออกมาจากห้องพักแพทย์ก็พบกับหมอหวานคนสวยที่ยืนยิ้มหวานสมชื่อมาให้เขา

“ฮ่าๆ ผมเกรงใจครับ พอดีผมมีคนรู้จักอยู่ที่นี่น่ะ”

“ว้า...แอบเสียดาย นึกว่าจะได้เที่ยวกับหนุ่มหล่อ” หมอหวานแสร้งทำเป็นเสียดาย จนหมอเงินหัวเราะออกมาน้อยๆ

“หนุ่มหล่อๆ จังหวัดนี้มีเยอะครับ”

“หวานทำแต่งาน ไม่ค่อยได้ออกไปเห็นหนุ่มหล่อที่ว่าหรอกค่ะ” เธอตอบ

แล้วเมื่อกี้เสนอตัวเองจะเป็นไกด์ทำไมถ้าไม่ว่าง...

“นั่นสินะครับ”

“ว่าแต่วันนี้จะเบี้ยวหวานอีกไหม หมอเงินทำให้หวานรู้สึกเหมือนโดนปฏิเสธมาหลายครั้งแล้วนะคะ” เธอเอ่ยออกมาแบบทีเล่นทีจริง

“วันนี้ผมได้ครับ” เพราะขรรค์ไม่เข้าเมืองวันนี้เลยไม่ได้ทานข้าวด้วยกัน...เขาต่อประโยคในใจ

“ดีจัง...งั้นไปกันเลยไหมคะ”

“หืม...ชวนคนอื่นๆ ไปด้วยกันสิครับ คนเยอะๆ จะได้สนุก เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” หญิงสาวทำหน้าหนักใจออกแวบหนึ่งแต่ก็ปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว

“งั้นก็ได้ค่ะ”

หมอหนุ่มพาหมอหวานกับเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่เป็นพยาบาลอีกสองคนไปด้วยเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดถ้าไปกันสองคนกับหญิงสาวเพียงลำพัง

กับคนอื่นเงินจะวางตัวเองไม่ให้คนที่มองมามองแบบผิดๆ ถ้าการจะพาผู้ชายมาอีกคน ผู้หญิงสองคน คนอื่นก็จะมองว่าพวกเขาเป็นแฟนกันสองคู่ ฉะนั้นเงินเลยพาผู้หญิงมาถึงสามคนเลย คนอื่นจะได้มองว่าเป็นเพื่อนกันจริงๆ

“สั่งได้เลย ผมเลี้ยง”

“หมอเงินนี่หล่อแล้วยังไงดีอีกนะคะ” พยาบาลสาวที่มาด้วยกันเอ่ยยิ้มๆ

“ฮ่าๆ คุณเข็มก็ว่าไป” หมอเงินหัวเราะ

“ถ้าใครได้เป็นแฟนคงจะโชคดีมากแน่ๆ เลย น่าอิจฉาคนๆ นั้นจัง”

“หืม...คนที่เคยแต่งงานมาแล้วอย่างผมนี่นะคุณอ้อม” เงินถามพยาบาลอีกคนที่อายุมากที่สุดในที่นี่ ถือว่าเป็นรุ่นพี่ด้วย แต่เธอเป็นพยาบาล เขาเป็นหมอเท่านั้น

“แหม...ต่อให้เคยแต่งงานมาแล้ว แต่คุณหมอก็หล่อ รวย และแสนดีแบบนี้ สาวๆ เข้าคิวกันเยอะค่ะ ถ้าไม่ติดว่าอ้อมมีสามีมีลูกแล้ว คงจะตามจีบหมอเงินอีกคนแน่ๆ” เธอพูดขึ้นมายิ้มๆ

“มันก็ขึ้นอยู่ว่าหมอเงินจะเลือกใครอีกไม่ใช่หรือคะ” หมอหวานถามขึ้น ทำเอาอ้อมถึงกับหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างสงสัยทันที

“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงหรือคะหมอหวาน”

“ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละค่ะคุณพยาบาลอ้อม” หวานฉีกยิ้มหวานให้กับอ้อม ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรหมอหวานอีก หันไปสั่งอาหารของตนแทน

“เข็มสั่งได้เลยใช่ไหมคะหมอเงิน? หญิงสาวที่นั่งข้างๆ กับหมอเงินถามขึ้น ซึ่งร่างสูงโปร่งก็ตอบด้วยรอยยิ้มกว้างที่ใครก็ตามจะต้องหลงเสน่ห์แน่นอน

“ครับ ตามสบายเลยครับ”

จากนั้นทั้งสี่คนก็เริ่มสั่งอาหาร ระหว่างที่รออาหารก็พูดคุยเรื่องทั่วๆ ไป โดยส่วนใหญ่หมอหวานจะถามนั่น ถามนี่หมอเงิน จนพยาบาลสองสาวถึงกับแอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้

“โห...ถ้าที่นั่นดีกว่าแล้วหมอเงินมาที่นี่ทำไมคะ”

“ผมชอบความสงบน่ะ”

“จริงเหรอหมอเงิน ไม่ใช่ว่าหัวใจอยู่ที่นี่เลยตามมาเหรอ” อ้อมแซว ทำเอาร่างสูงนั่งอมยิ้มน้อยๆ ไม่ตอบอะไร

และการไม่ตอบอะไรแบบนี้แสดงว่าจริง!!

“หมอเงินไม่ตอบ แต่ยิ้มแบบนี้แสดงว่าจริงเหรอคะ?” เข็มถามอย่างตื่นเต้น ไม่คิดว่ารุ่นพี่ตนจะเอาทางถูก ซึ่งพอเธอถามจบ เงินก็แค่ยิ้มออกมาเขินๆ เท่านั้น

คนอย่างหมอเงินเขิน!!

“งั้นแสดงว่าคนแถวนี้ก็หมดสิทธิ์น่ะสิ” อ้อมจงใจแขวะหมอหวานที่ตอนนี้ทำหน้าไม่สู้ดี

“ฮะๆ หมดสิทธิ์อะไรกันล่ะครับ จริงๆ แล้วต้องบอกว่าไม่มีสิทธิ์ต่างหาก”

“ทำไมหมอเงินพูดแบบนี้ล่ะคะ” หวานแสร้งถามยิ้มๆ

“แสดงว่าคนนี้หมอเงินรักมากเลยใช่ไหมคะ” เข็มถาม

“ฮะๆ ทานข้าวเถอะครับ อาหารมาเสิร์ฟแล้ว” ร่างสูงเลี่ยงที่จะไม่ตอบ แต่ทุกคนก็ต้องรู้แน่นอนอยู่แล้วว่าเขามีคนรักแล้ว เข้าใจแบบนี้ก็ดี...เขาจะได้ไม่ลำบากมากนัก

หญิงสาวทั้งสามพอโดนเลี่ยงก็ไม่ซักไซ้อะไรอีกเพราะมันเป็นการเสียมารยาท อ้อมกับเข็มไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก แค่มีข่าวไปกระจายให้สาวๆ ที่หมายปองหนุ่มหล่อ โปรไฟล์ดีอย่างเงินให้อกหักกันเป็นแถวๆ ก็เท่านั้น

ส่วนหมอหวานที่หมายปองหัวใจของหมอเงินก็รู้สึกผิดหวังหนัก คิดว่าหย่ากับภรรยาไปแล้วจะโสดสนิท หัวใจไม่มีเจ้าของเสียอีก ที่ไหนได้ หมอเงินมีคนที่รักแล้ว...

ใครกันคือผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นนะ...

เธอสามารถสู้ได้หรือเปล่า...


ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าบอกทีว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดใช่ไหม...

ตัวสูงใหญ่ชาวาบ  ความกลัวกัดกินหัวใจ…

ทำไม...นี่มันอะไรกัน

“เฮ้ย!! ไอ้ขรรค์ มึงมองอะไรวะ ทำไมไม่เข้าไป หิวแล้วนะเว้ย!!” จักรที่เดินตามหลังร่างสูงมาบ่นหัวหน้าที่อายุน้อยกว่าตัวเองด้วยความโมโหหิว เพราะทั้งสองคนเพิ่งจะไปเดินดูดอกไม้ ต้นไม้มาอย่างเหน็ดเหนื่อย เลือกร้านอาหารดีๆ แล้วก็จะกินข้าวเสียหน่อย ดันมาเจอขรรค์ยืนนิ่งเหมือนโดนแช่แข็งขวางทางเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่แบบนี้

“...”

“เฮ้ย!! ไอ้ขรรค์ เข้าไปสิวะ อยากตากแอร์จะแย่แล้วเนี่ย ร้อน!”

“เปลี่ยนร้านกันไหมพี่”

“ทำไมวะ...” จักรทำหน้าสงสัย ก่อนจะมองทะลุกระจกร้านเข้าไปด้านไหน สอดส่องสายตาหาต้นเหตุที่ทำให้ขรรค์อยากจะหลบเลี่ยงด้วยความอยากรู้ปนอารมณ์โมโหหิวของตัวเอง

“นั่นมัน...หมอเงินนี่หว่า มากับใครวะ สวยเชียว” จักรถามขึ้นอย่างสงสัย

ส่วนขรรค์ตอนนี้เริ่มทำสีหน้าเย็นชาที่ดูน่ากลัวแบบที่จักรไม่เคยเห็นมาก่อน เห็นแล้วก็รู้สึกได้เลยว่า...คนตัวใหญ่ข้างๆ

“อย่าบอกนะว่ามึงหึง...เฮ้ยๆ เชื่อใจหมอเงินเขาหน่อย นั่นอาจจะเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน”

เขารู้ เขาเชื่อใจ แต่มันก็อดเครียด อดคิดมากไม่ได้อยู่ดี...

มองจากตรงนี้...ยังรู้สึกได้เลยว่าสองคนนั้นเหมาะสมกัน

“ฉันเชื่อใจเงินนะพี่จักร แต่ว่าฉันไม่อยากเห็นภาพแบบนี้ว่ะพี่”

“คนเรามันต้องมีสังคมป่ะวะ มึงต้องรับให้ได้ไอ้ขรรค์”

ภาพที่เงินยืนเคียงคู่กับอดีตภรรยาโผล่ขึ้นมาทับซ้อนกับภาพตรงหน้า...ถึงแม้จะไม่มีอะไรแต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้กับบาดแผลที่มันยังไม่หาย

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะกักขังคนรักเอาไว้ไม่ให้ไปไหน แต่ถ้าเขาทำแบบนั้นไม่ได้...ขรรค์จะทำอะไรที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้

“มึงก็คิดมากไป ไม่มีอะไรหรอก”

“ทำไมต้องมากันสองคนวะพี่”

“โอ๊ย! ไอ้นี่...เออว่ะ มันก็จริงนะ ทำไมไม่พาคนอื่นๆ มาด้วย” จู่ๆ จักรก็เห็นด้วยและคิดตามที่ขรรค์พูด นั่นยิ่งทำให้ขรรค์รู้สึกดีเข้าไปใหญ่

การมีจักรอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ช่วยให้จิตใจของขรรค์รู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิด

“เปลี่ยนร้านเถอะพี่”

“เออๆ ถ้ามึงสบายใจก็เปลี่ยน” จักรพยักหน้าเออออ ก่อนจะเดินตามหลังขรรค์ที่เดินหนีออกจากร้านมา ไม่ทันได้เห็นหญิงสาวอีกสองคนที่เดินมานั่งที่โต๊ะเลยสักนิด...






50%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

   เหมือนว่าขรรค์จะเข้าใจหมอเงินของเราผิดจนคิดมากไปแล้วล่ะค่ะ แหะๆ

        ช่วยให้กำลังใจยูกิ หรือจะติชมตรงไหนก็ได้ค่ะ ยูกิจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไปจ้า

        ติดตามข่าวสารแบบชัวร์ สอบถาม พูดคุยกับคนเขียนได้ที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 50% => (23/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Phenol ที่ 24-07-2016 01:02:05
รอตอนอินทัชกับราม นะคะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 50% => (23/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-07-2016 01:28:25
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 50% => (23/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-07-2016 01:34:56
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 50% => (23/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-07-2016 07:14:26
อ่าวว ขรรค์ เข้าใจผิดแล้ววว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 50% => (23/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 24-07-2016 15:32:39
โอ๊ยยย ขรรค์จะมาเห็นตอนไหนไม่มา มาตอนเค้าอยู่กันสองคนอีก ปัดโธ่ๆๆๆๆ!
อร๊ายยยย เพลีย~
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 50% => (23/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 24-07-2016 19:34:29
ลุ้นๆๆๆ.. :ling3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 50% => (23/7/59) P.11 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-07-2016 20:24:08
ค่ะ พอดีอะไรขนาดนั้น ตอนอยู่หลายคนก็ไม่เห็นอีก

เงินไม่รู้ตัวเลย น่าสงสาร ทั้งที่ทำทุกทางให้คนอื่นรู้
ขรรค์อย่าบื้อค่ะ กลับมาคบกันใหม่ไม่ง่ายนะ แต่อย่าทำตัวนอยด์ง่ายเลย เงินจะน้อยใจ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 100% => (25/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 25-07-2016 18:38:09
ตอนที่ 20 ครึ่งหลัง





ตลอดทั้งวันขรรค์มีแต่ความคิดฟุ้งซ่านเต็มไปหมด จากที่ตอนแรกๆ ไม่อยากจะคิดแล้ว แต่ภาพวันนี้มันทำให้เขาคิดหนัก...

ไม่มีสมาธิที่จะทำงานจนลูกน้องต้องไล่ให้กลับไปพัก

จนกระทั่งเย็น เงินกลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและกับข้าวเต็มไม้เต็มมือเหมือนกับทุกๆ วัน

“เนี่ย! วันนี้มีของอร่อยมาด้วยล่ะ รับรองว่าขรรค์ต้องชอบ”

ร่างสูงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรเงินเลย ได้แต่ช่วยคนรักแกะกับข้าวใส่จานเงียบๆ แล้วก็เอาแต่เหม่อจนเงินขมวดคิ้วสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป

ขนาดเมื่อวานตอนเย็นบอกว่าจะเล่าว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ก็ยังโกหกออกมาเพื่อให้เขาสบายใจ แต่ถ้าลามมาถึงวันนี้วันนี้ เงินก็เริ่มจะไม่โอเคแล้วนะ

ทั้งสองนั่งทานอาหารเย็นกันไปตามปกติโดยที่เงินก็ชวนคุยเหมือนไม่ได้เอะใจกับท่าทางของคนรักเลยสักนิด...ส่วนขรรค์เองก็ตอบกลับบ้าง ฝืนยิ้มออกมาบ้าง

“วันนี้ขรรค์ไปไหนมาบ้างเหรอ ดูต้นไม้เป็นไงบ้าง” ร่างโปร่งบางถามพลางนั่งลงข้างๆ กับคนรักบนโซหาตัวเก่า

หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเย็นและล้างจานเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งคุยกันที่โซฟาตามปกติที่นั่งทำกันเป็นประจำ แต่คราวนี้ วันนี้เงินต้องซักคนรักให้ได้ว่ามีเรื่องอะไรในใจอยู่

ถ้าไม่ได้รู้ความจริงวันนี้ เขาจะไม่กลับบ้าน!!

“ก็ดีนะ...มีต้นไม้ที่อยากจะลงในสวนเยอะเลย”

“หืม...ปกติขรรค์พูดถึงเรื่องต้นไม้จะมีความสุขไม่ใช่หรือ” หมอเงินถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เริ่มจริงจัง ทำเอาร่างใหญ่ต้องหันไปมองด้วยความแปลกใจ

แต่พอเห็นสายตาที่มองตนราวกับจะเสาะหาความจริงนั้นทำให้เขาต้องหันหน้าหนี

เขามันตัวใหญ่ ใจเสาะอย่างที่อินทัชว่าจริงๆ นั่นแหละ...

“มีอะไรไม่สบายใจ บอกเงินมาเถอะ” ใบหน้าขาวใสทำสีหน้าอ้อนวอนออกมา

ขรรค์อยากจะถามออกไปตรงๆ นะ แต่ก็กลัวจะทำให้คนรักผิดหวังที่เขาไม่เชื่อใจ

“ไม่มีหรอก”

“เมื่อวานขรรค์ก็พูดแบบนี้มารอบหนึ่ง เรารู้จักกันมาเกือบสิบปีนะขรรค์ ทำไมเงินจะไม่รู้ว่าขรรค์กำลังมีเรื่องทุกข์ใจอะไรอยู่ เกี่ยวกับงานหรือเกี่ยวกับเงิน”

“เงิน...” ครางชื่อคนรักเสียงแผ่ว

ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ขรรค์ก็ไม่เคยโกหกคนๆ นี้ได้เลยสินะ

“ถ้ายังเห็นเงินเป็นคนรักอยู่ล่ะก็...บอกมาเถอะนะ”

ต่อให้เข้มแข็งมากขนาดไหนก็มีสิทธิ์อ่อนแอได้

ทั้งเงินและขรรค์ก็เป็นเช่นนั้น

“ขรรค์ขอโทษ...ขรรค์กลัว...เมื่อวานขรรค์ได้ยินเสียงของผู้หญิงดังมาจากโทรศัพท์ของเงิน แต่เงินก็ไม่อธิบายว่าใครก็เลยคิดมาก วันนี้...ขรรค์ไปเห็นเงินนั่งกินข้าวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้านอาหารเมื่อตอนกลางวันด้วย ขรรค์...หึง” รางสูงก้มหน้าก้มตาสารภาพออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ

ร่างโปร่งตัวแข็งไม่คิดว่าสาเหตุมาจากตนจริงๆ

ที่เขาไม่พูด ไม่อธิบายก็เพราะว่าขรรค์ไม่ถาม

“เงินขอโทษที่ทำให้ขรรค์ไม่สบายใจ เธอเป็นหมอหวาน เพื่อนร่วมของเงินเอง และจะเป็นแค่ร่วมงานด้วย แล้ววันนี้เงินไปกันสี่คนนะขรรค์ ตอนที่ขรรค์ไปเห็นอาจจะเป็นตอนที่คุณอ้อมกับคุณเข็มไปเข้าห้องน้ำก็ได้” หมอหนุ่มอธิบายออกมาเพื่อไม่ให้คนรักเข้าใจผิด

ขรรค์ที่ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ถึงกับโทษตัวเองในใจที่คิดอะไรบ้าบอไปคนเดียว

ทำไมถึงไม่เชื่อใจเงินวะไอ้ขรรค์ แล้วแบบนี้เงินจะโกรธมึงไหม?

“ขรรค์ขอโทษ ขรรค์แค่กลัว...เงินมีดี มีพร้อมทุกอย่าง แล้วเธอคนนั้นก็เหมาะสมกับเงินทุกอย่างเลย...”

“ขรรค์...เงินเลือกคนที่รักนะ ไม่ใช่คนที่เหมาะสม ดูอย่างคุณสาสิ เขาดีขนาดไหนเงินยังรักเขาไม่ได้เลย” ร่างโปร่งพูดถึงอดีตภรรยาของตน

“ขอโทษ ขอโทษที่ไม่เชื่อใจ”

“ไม่เป็นไร เงินไม่โกรธขรรค์หรอก เงินเข้าใจ” ร่างโปร่งยิ้มออกมาก่อนจะโอบกอดร่างใหญ่เอาไว้แน่นเพื่อตอกย้ำว่าคนที่เขารักคือคนที่เขากำลังกอดตอนนี้

รักตลอดมาและจะรักตลอดไป...

“มีอะไรก็บอกเงินนะ เงินพร้อมจะอธิบายไม่โกหกขรรค์อยู่แล้ว”

“ครับ...ขรรค์รักเงินนะ” ร่างสูงหันมาโอบกอดกลับแล้วกระซิบคำรักข้างหูของร่างเล็กกว่า ส่วนคนที่ได้ยินคำว่ารักก็ออกแรงกอดรัดร่างหนามากยิ่งขึ้น

“อื้อ...เราก็รักขรรค์”

“พรุ่งนี้วันหยุด...ไปบ้านกับขรรค์นะ”

“ได้สิ...เงินอยากไปอยู่แล้ว” ร่างเล็กกว่าตอบรับอย่างดีใจ

เขาชอบที่นั่น ชอบบรรยากาศ ชอบทิวทัศน์ ชอบความสงบ ชอบคนงาน ชอบทุกๆ อย่างขอแค่ได้อยู่กับคนๆ นี้ก็พอ แค่ได้อยู่ข้างๆ กับขรรค์ แค่นั้นก็พอ

“วันนี้เงินนอนกับขรรค์ที่นี่นะ”

ร่างสูงสร้างความแลปกใจให้กับหมอเงินเข้าไปอีกโดยการชวนให้นอนค้างคืนที่นี่ ทั้งๆ ที่ปกติพยายามที่จะไล่ให้เขากลับบ้านอยู่เรื่อย...

เงินรู้ดี...เวลาขรรค์หึง มักจะชอบกอด ชอบอยู่ใกล้ๆ เขา เพื่อตอกย้ำว่าเขาอยู่กับใคร

เงินก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับชอบใจด้วยซ้ำ

“วันนี้มาแปลก”

“นะครับ” ใครไม่เคยเห็นคนตัวใหญ่ร่างยักษ์อ้อนก็เห็นเอาไว้ได้เลย ผู้ชายคนนี้จะทำมันกํบเงินแค่คนเดียวเท่านั้น มุมนี้ของขรรค์ มีเงินได้เห็นคนเดียวเท่านั้น

“ทำไมวันนี้ขรรค์งอแงจัง”

“อยากกอด อยากนอนกอดเงิน”

ไม่บ่อยนักหรอกที่ขรรค์จะทำตัวเด็กๆ แม้ว่าตัวเองจะอายุน้อยกว่าเงินก็ตาม นั่นเป็นเพราะใบหน้าที่ดูโต จึงไม่สามารถทำอะไรแบบเด็กๆ ได้ เลยมอบหน้าที่นี้ให้คนรักหน้าเด็กแทน

“กอดอย่างเดียว ไม่ลามกนะครับ” เงินพูด

“ครับ กอดอย่างเดียว”

“โอเคๆ เดี๋ยววันนี้หมอจะนอนเป็นเพื่อนเด็กดีเองนะครับ” มือขาวลูบกลุ่มผมหนาของขรรค์เบาๆ ประกอบท่าทางเหมือนกล่อมเด็ก ทำเอาขรรค์รีบผละตัวออกมาด้วยสีหน้าติดไม่พอใจนิดๆ

“ขรรค์ไม่ใช่เด็กแล้วนะเงิน”

“แต่ก็อายุน้อยกว่าเงินอยู่ดีนี่”

“ไม่ต้องเอาอายุมาพูดเลยนะเงิน”

“ฮ่าๆ โอเคๆ เงินไม่ล้อแล้วก็ได้ จะให้เงินไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนไหม? จะได้รีบกลับไปเอา” หมอหนุ่มถามคนรัก เพราะถ้าจะให้ค้างพรุ่งนี้ก็เดินทางไปบ้านสวนอีก คงต้องมีชุดเตรียมเอาไว้

“ไม่ต้องหรอก ขรรค์ให้คนซื้อชุดเตรียมไว้ที่บ้านสวนแล้ว ส่วนวันนี้ใส่เสื้อขรรค์ไปก่อนได้ไหม”

“ตัวใหญ่ๆ เนี่ยนะ แก้ผ้านอนยังดีกว่าอีก” เงินพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

ก็ดูตัวเขากับตัวของขรรค์สิ ต่างกันลิบลับแบบนี้

“ใส่ได้น่า”

“ครับๆ ใส่ได้ก็ใส่ได้”

ทั้งสองนั่งคุย นั่งดูทีวีกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงสี่ทุ่มกว่าๆ เงินเริ่มหาวนอนแล้ว ส่วนขรรค์ที่มักจะนอนดึกเสมอก็ไม่ได้รู้สึกอะไร

“ฮ้าววว”

“ไปอาบน้ำนอนเถอะ”

“หืม...ไม่ดูหนังต่อเหรอ”

“ไม่เป็นไรหรอก ขรรค์ไม่ติดละคร เงินคงเหนื่อย ไปอาบน้ำนอนกันเถอะ”

ร่างสูงปิดทีวีแล้วจูงมือพาคนรักไปที่ห้องนอนที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เนื่องจากที่นี่เป็นบ้านพักชั้นเดียว เลยไม่ต้องเดินไกล มี่ก้าวก็เจอห้องนอนแล้ว

พอเปิดประตูเข้าไป เงินถึงกับร้องว้าวด้วยความตกตะลึง

“ขรรค์...ทำไมมันรกขนาดนี้เนี่ย”

ที่จริงมันก็ไม่ได้รกมาก ส่วนใหญ่จะมีแต่กระดาษแบบแปลนเกลื่อนห้องไปหมด แต่โชคยังดีที่เตียงค่อนข้างใหญ่ และไม่มีอะไรรกบนเตียงเลย ทำให้เงินคนสะอาดไม่กังวลมาก

“ขอโทษ เอาไว้เดี๋ยวขรรค์ค่อยเก็บนะ”

“ครับๆ เก็บห้องบ้าง ทำความสะอาดบ้าง เดี๋ยวก็เป็นภูมิแพ้หรอก”

“ครับคุณหมอ...”

“ฮ่าๆ เบื่อขรรค์จริงๆ ไปอาบน้ำดีกว่านะ”

“ชุดอยู่ในตู้เลือกเอานะ เดี๋ยวขรรค์จะเก็บของรอ”

“อื้อ...”

ร่างสูงเริ่มเก็บกระดาษมาม้วนๆ ไว้ให้เป็นระเบียบ ส่วนคุณหมอก็เข้าไปอาบน้ำก่อนจะออกมาด้วยเสื้อยืดตัวใหญ่ตัวเดียวของขรรค์ที่ไม่ต้องใส่กางเกงเลยก็ยาวเกือบถึงหัวเข่า

เป็นภาพที่ขรรค์ค่อนข้างจะคิดถึง...

“ขรรค์ ไปอาบน้ำมานอนได้แล้วไป ไม่ต้องเก็บแล้ว” เงินบอกแล้วเดินไปเปิดพัดลมก่อนจะเดินไปที่เตียงแล้วขึ้นนอนรอเจ้าของบ้าน

ระหว่างรอก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข...

“ดีจริงๆ ที่เราไม่ตัดใจไปก่อน”

ที่จริงแล้วตอนที่มีตื๊อขรรค์ใหม่ๆ เขาเกือบจะตัดใจแล้วนะ...เกือบจะยอมแพ้แล้ว แต่เพราะตัวเองอยากมีความสุข อยากอยู่กับคนๆ นี้ก็เลยสู้

“ไม่คิดว่าจะมีวันนี้อีกครั้ง”

คราวนี้...จะไม่ให้มีอะไรมาทำให้เราผิดใจกันอีกแล้ว

แปะ แปะ แปะ

ซ่า!!!!

“อ่า...ฝนตกเหรอเนี่ย จริงสิ เดือนนี้มันฤดูฝนแล้วนี่นา” คนตัวบางนอนพึมพำก่อนจะหลับไปเพราะเสียงฝนกล่อม ความเหนื่อยล้าจากการทำงานเองก็มีส่วนทำให้หลับไปก่อนโดยไม่รอเจ้าของบ้าน

แต่นั้นมันคงไม่เป็นอะไรหรอก

ทางขรรค์เมื่ออกมาก็พบว่าคนรักหลับไปแล้ว...

“ให้ตายสิเงิน ยังแพ้เสียงฝนเหมือนเดิมเลยนะ ได้ยินเสียงฝนทีไร หลับง่ายทุกที” ขรรค์ส่ายหน้าไปมา วางผ้าเช็ดตัวพาดไว้แถวๆ นั้นก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วขึ้นเตียงไปนอนกอดคนรักเอาไว้ในอ้อมแขนทันที

ถ้าถามขรรค์ว่าไม่อยากกอดคนรักทุกๆ วันเหรอ...ทำไมไม่ชวนเงินมาอยู่ด้วย คำตอบน่ะเขามี...เพราะเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ห่างหายการสัมผัสกายกับคนรักมานาน ถ้าคนรักอยู่ข้างๆ ใกล้ๆ เขาต้องรังแกเงินหนักแน่ๆ

และดูตัวเขากับตัวเงินสิ...

มีหวังลุกไม่ขึ้นไปหลายวัน เขาไม่อยากให้เงินเสียงานเสียการเพราะเขา

“ขรรค์รักเงินนะ สัญญาว่าจะจับมือของเงิน ไม่ปล่อยไปอีกแล้ว”

คนตัวสูงค่อยๆ จุมพิตที่หน้าผากมนของหมอหนุ่มเบาๆ ก่อนจะตระกองกอดร่างบอบบางนี้เอาไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงนี้ด้วยความรักและอยากปกป้อง

การได้อยู่ด้วยกันมันมีความสุขกว่าการที่จะต้องเสียสละให้เงินไปเจอคนที่ดีกว่าเสียอีก

เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวได้นะ...ในเมื่อเงินเลือกที่จะกลับมาหาเขาอีกครั้ง และเขาก็ยอมที่จะกลับไปหาคนที่เป็นเจ้าของหัวใจมาโดยตลอดอย่างเงิน

คนในอ้อมแขนนี้...ไม่มีทางหนีไปจากการกักขังไปได้

ไม่มีใครพรากเงินไปจากเขาได้ แม้กระทั่งแม่แท้ๆ ของเงินเองก็ไม่มีทางทำได้...








ทางด้านอินทัช

“ฝนตก...หนักด้วย บ้าจริง คงไม่สาดบ้านจนที่นอนเปียกหรอกนะ” ร่างสูงโปร่งที่ยังอาศัยอยู่ในห้องนอนของรามินทร์ในบ้านพักของเจ้าตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนมามองไปยังด้านนอก

เขายังไม่หายดี...คนบ้าอำนาจก็ไม่ยอมให้เขากลับไปที่บ้านพักโทรมๆ หลังนั้น

หลายวันมานี้หมอเงินไม่ค่อยมาเท่าไหร่ เพราะงานคงเยอะ แต่รามินทร์เองมันก็เปลี่ยนไป มาป้อนข้าวป้อนยา พาไปทำธุระในห้องน้ำทุกวันโดยที่ไม่หาเรื่องด่า เรื่องว่า หรือถากถางเขาอีกจนน่าแปลกใจ

แต่คิดหรือว่าเรื่องพวกนี้จะลบล้างความผิดไปได้ ไม่มีทาง

“จะลุกไปไหน...” เสียงที่อินทัชคิดว่าเป็นพวกสัมภเวสีไม่ที่อยู่ดังขึ้นมาจากทางหน้าประตูห้อง

“เรื่องของกู”

“เจียมสังขารบ้างเถอะ”

“มึงกลับไปนอนไป”

“ไม่...ถ้ามึงล้มแล้วคอหักตายในบ้านกูขึ้นมาทำยังไง” รามินทร์ยังคงปากร้ายอยู่เหมือนเดิม สวนทางกับการกระทำที่อ่อนโยนขึ้นจนอินทัชกลัวใจ

กลัวใจอ่อนเข้าสักวัน

“มึงก็ดีใจไง”

“ใครบอก…”

“ว่าไงนะ” อินทัชถามเสียงดังเมื่อได้ยินสิ่งที่รามินทร์พึมพำไม่ถนัด

“ไม่มีอะไร จะไปไหนบอกมา กูจะพาไป”

“กูเดินเองได้แล้ว”

“เหรอ...เก่งเนอะ งั้นก็เดินสิ” ร่างสูงยืนกอดอกมองร่างเล็กกว่าที่พยายามยันตัวเองขึ้นจากเตียงแต่ก็ไม่ไหว จนรามินทร์ส่ายหน้าไปมา

“ไงล่ะ...ก็ไม่ได้”

“ใครบอกล่ะ กูจะไม่ลุกแล้วต่างหาก ปิดไฟด้วย กูจะนอนแล้ว!!” ร่างโปร่งสั่งเสียงไม่พอใจ ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง รามินทร์เองก็ส่ายหน้าไปมากับความดื้อของอินทัชแต่ก็ไม่คิดจะตื๊อ

ร่างสูงเดินกลับไปที่ประตูแล้วปิดไฟห้องใหญ่ให้ ส่วนตัวเองก็เดินกลับห้องเล็กไป...

ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะเดินมาดูอินทัชหรอก ก็แค่มาเช็คให้แน่ใจว่าอินทัชหลับแล้ว...ไม่คิดว่าจะได้ต่อปากต่อคำกันก่อนนอน

รามินทร์รู้กระทั่งว่าเมื่อกี้อินทัชจะลุกเพื่อกลับไปบ้านหลังนั้น แต่นั่นแหละ คงลุกไม่ได้อีกหลายวันเพราะแผลค่อนข้างจะอักเสบรุนแรง...

ก็ดีแล้วที่ไปไม่ได้ การกลับไปที่บ้านหลังนั้นในช่วงหน้าฝนเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ





100%


 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

   อัพครึ่งหลังจ้า...
   ขอบคุณที่กำลังใจและคำติชมนะคะ จะนำไปปรับปรุงแก้ไขจ้า
   https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 100% => (25/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-07-2016 19:44:54
ธีร์มาช่วยอินเร็วๆๆนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 100% => (25/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-07-2016 21:54:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 100% => (25/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-07-2016 23:55:35
 :katai1:


เอาคืนๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 100% => (25/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 26-07-2016 01:08:58
กรี๊ดดดดด คิดถึงรามอินทร์
อย่าเพิ่งใจอ่อนนะอินทร์
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 100% => (25/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-07-2016 06:11:07
นั่น มีหึง แล้วไม่บอก ขรรค์โหมดนี้ เงินปลื้ม ยังไงก็แพ้ทางเงิน
เงินน่ารัก รู้ทันตลอด เงินเหมือนเด็กกว่าขันอีก มีแซว 5555

อินทัชน่าสงสาร รามทำดีด้วยแต่ก็ไม่ช่วยนะ โดนขนาดนั้นใครจะลืม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 100% => (25/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 26-07-2016 08:18:53
เมื่อไรรามจะรู้ใจตัวเอง..เดี๋ยวอินก็หนีไปหรอก..ชิชิ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 20 100% => (25/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 27-07-2016 23:01:31
มาแล้วๆๆๆ ตื่นเต้นๆๆ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 28-07-2016 19:24:57
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 21
ไม้กันหมา



“นั่นมึงจะไปไหน”

เสียงทุ้มต่ำของรามินทร์ดังขึ้นจากทางด้านหลังของอินทัชที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านพักของร่างสูงที่เตรียมจะเปิดประตูออกไปจากที่นี่

คนตัวเล็กกว่ายืนอยู่นิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้หันหน้ามามองคนถามเลยสักนิด

“กลับไปที่บ้านพักเก่าๆ นั่นไง”

“กลับไปทำไม”

“กูอยากกลับ...อยู่ที่นั่น อย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่าอยู่ใกล้มึง”

“พอหายแล้ว ก็ออกฤทธิ์เลยนะ ไม่ต้องกลับไปที่นั่นแล้ว มึงนอนที่นี่แหละ” ร่างสูงสั่ง

“เพื่อ?” ร่างโปร่งหมุนตัวกลับมาจ้องตากับรามินทร์อย่างไม่เข้าใจ

“ไม่ได้เพื่ออะไร แต่ไม่ต้องกลับไปที่บ้านหลังนั้นแล้ว กูให้คนไปขนของออกหมดแล้ว และเตรียมจะรื้อที่นั่นทิ้ง”

“ทำไม?”

“ก็มันเก่าแล้ว และตรงนั้นมันก็เป็นทางไหลของน้ำถ้าหากว่าน้ำมันหลากน่ะนะ ช่วงนี้หน้าฝน อยู่ที่นั่นอันตราย” รามินทร์พูดบอกออกมา ทำเอาใบหน้าสวยอย่างผู้หญิงของอินทัชถึงกับเบะปาก

“ทำเหมือนว่าอยู่ที่นี่ไม่อันตรายนั่นแหละ”

“แล้วมันอันตรายตรงไหน?”

“...” อินทัชไม่ตอบ

“ตลอดสองอาทิตย์ที่มึงอยู่ที่นี่กูก็ไม่ได้ทำอะไรมึง ไม่ได้ใช้งานหนักด้วย มึงยังจะกลัวอะไรอีก” รามินทร์ถาม

มันก็จริงที่ว่าผ่านมาสองอาทิตย์นับจากวันที่เขาโดนหามมารักษาตัวที่นี่อีกคนไม่ได้ทำอะไรเขาเลย อาจจะมีเผลอๆ สัมผัสกันบ้าง นั่นก็ไม่คิดว่าจะนับเป็นส่วนอันตราย เพราะเขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร

“อยู่กับมึงแล้วกูอึดอัด หายใจไม่ออก ไม่อยากจะมองหน้า”

“นั่นก็เรื่องของมึง แต่ยังไงมึงก็ต้องอยู่ที่นี่!”

“แล้วจะให้กูอยู่ตรงไหนของที่นี่”

“ห้องเล็กที่กูนอนมาตลอดสองอาทิตย์ไง”

“แล้วเรื่องงาน?”

“มึงก็ทำงานบ้าน ซักผ้าเหมือนเดิม แล้วก็งานในครัวด้วย งานใช้แรงอื่นๆ ไม่ต้อง”

มันไม่คิดจะปล่อยเขาไปจริงๆ สินะ...

“เพิ่มเติมคือเตรียมอาหารเช้าเย็นให้กูที่นี่ ทุกวัน! แล้วก็เอาข้าวไปให้กูที่ห้องทำงานทุกเที่ยงด้วย” สิ้นเสียงคำสั่งนี้ ร่างโปร่งถึงกับปฏิเสธทันทีเสียงแข็ง

“ไม่!! เรื่องอะไรที่กูจะต้องเตรียมอาหาร ใช่เรื่องหรือไง”

“ทำไม? มึงไม่อยากกลับบ้านแล้วหรือไง? นี่กูอุตส่าห์ลดโทษให้กับมึงแล้วนะ แค่ทำอาหารให้อร่อยก็แค่นั้นยากตรงไหน”

ยากตรงที่หน้าที่นี้มันเหมือนหน้าที่ของเมียไงวะ!!

“เออ!!! กูเลือกเหี้ยอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่”

“เริ่มจากวันพรุ่งนี้ละกัน วันนี้ฝนยังตกหนักอยู่ มึงก็ไปนอนพักอีกสักวันไป”

นี่นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพวกเราสองคนเลยก็ได้ อะไรที่ทำให้คนใจร้ายอย่างรามินทร์อ่อนโยนและใจดีได้ขนาดนี้

หรือจะเป็นเพราะรู้สึกผิด...

“นอนอะไร น่าเบื่อจะตาย”

“งั้นก็อยู่ในนี้ จะทำอะไรก็ทำ แต่ห้ามใช้คอมพิวเตอร์เด็ดขาด ถึงจะเปิดก็เปิดไม่ได้เพราะมันต้องใส่รหัส”

“เออ...ไม่ใช้หรอก”

รามินทร์ทำท่าจะพูดต่อแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์ของเขาดัง เมื่อเห็นเบอร์ของประชาสัมพันธ์ก็ได้แต่ขมวดคิ้วเพราะอาจจะมีปัญหาเรื่องงานมา

“ครับ…ใครนะครับ! โอเคงั้นบอกให้เขารอผมแถวนั้นแหละ สักพักผมจะไป”

ร่างสูงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าด้วยสีหน้าเครียดๆ ใบหน้าแสดงถึงความกังวลและกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จนอินทัชอดจะถามไม่ได้

“ทำหน้าเครียดทำไมวะ!!”

ก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรหรอก แค่อยากรู้ เห็นรับโทรศัพท์บอกว่าจะตามไป แต่กลับยืนคิดอะไรตั้งนานไม่ยอมไปสักทีก็เลยสงสัย

ร่างสูงที่ได้ยินเสียงอินทัชก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก...

“มึงไปกับกู”

“ไปไหน?”

“ทำงานไง”

“ก็ไหนว่าวันนี้ให้พัก” อินทัชถามอย่างเอาเรื่อง

เชื่อคนอย่างมันไม่ได้จริงๆ สินะ

“ไม่ต้องพักแล้ว มีงานด่วนเลย”

“งานเหี้ยอะไร ไม่เอาไม่ทำ!” ร่างโปร่งปฏิเสธ เดินหนีกลับเข้าไปในตัวบ้าน แต่ร่างสูงก็คว้าแขนเรียวเอาไว้ก่อนด้วยสีหน้าที่บังคับกันสุดๆ

“แต่มึงต้องทำ”

“งั้นก็บอกกูมาก่อนว่าจะให้ไปทำอะไร” รามินทร์แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาเมื่ออินทัชไม่ยอมไปกับตนง่ายๆ แถมยังพยายามที่จะบิดแขนออกจากการเกาะกุมอีก

“เออๆ พอดีแฟนเก่ากูมา”

“ทำไม? เขามาตื๊อขอคืนดีหรือไง”

“เออ!!” ร่างสุงตอบสั้นๆ

“แล้วเกี่ยวอะไรกับกู”

“กูไม่อยากคืนดีกับเขา...กูไม่ได้รักเขาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมง่ายๆ มึงก็เลยต้องไปช่วยกู แสดงเป็นคนรักของกู”

“ห๊ะ!! ไม่เอาอ่ะ ให้กูเล่นไม่เนียนหรอกเชื่อกู เราสองคนเกลียดขี้หน้ากันจะตาย แค่มองหน้าก็จะอ้วกแล้ว นี่จะให้ไปแสดงเป็นคนรักกัน ไอ้สัตว์พูดแล้วขนลุก” ร่างบางส่ายหน้าไปมา

แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว

“แต่มึงต้องทำ!! หน้ามึงเหมาะ”

“มึงไปหาคนอื่นเถอะ ผู้หญิงสวยๆ ในรีสอร์ทมึงก็มีเยอะแยะ”

“ประเด็นคือกูเป็นเกย์ มีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอด เอาผู้หญิงไปเขาคงจะเชื่อหรอก!!” รามินทร์ตะคอกเสียงดัง ทำเอาอินทัชเบ้หน้าอย่างไม่พอใจ

“คือจะให้กูทำให้ได้เลยว่างั้น”

“เออ!!”

“งั้นต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” อินทัชเสนอขึ้นมา

“มึงอย่ามาเจ้าเล่ห์ มีข้อต่อรองไอ้อิน” รามินทร์ว่า

“ได้ยังไง...กูเป็นนักธุรกิจนะเว้ย อะไรที่ทำแล้วเสียผลประโยชน์กูไม่ทำ”

“เหี้ยเอ้ย!! ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่การปล่อยมึงกลับไปนะ กูไม่ให้” ร่างแกร่งดักทาง ทำเอาอินทัชถึงกับส่งเสียงหึเบาๆ

กลัวเขาจะกลับไปขนาดนั้นเลยหรือไง....

“เออ!!”

“งั้นก็ว่ามา” รามินทร์จำยอม

ยอมรับว่าอินทัชฉลาดมาก ถ้าเป็นเขา เขาก็ไม่อยากจะเสี่ยงกับคนๆ นี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ใช่อินทัชเขาก็หาใครมาไม่ทันแล้ว

“กูขอคิดก่อนก็แล้วกัน”

“งั้นก็ไปทำงานก่อน”

“จะแน่ใจได้ยังไงว่ามึงจะไม่โกงกู” อินทัชถาม

ไม่ใช่พอทำหน้าที่เสร็จแล้วก็ทำเป็นลืมข้อเสนอนะ ไม่งั้นเขาฆ่ามันให้ตายแน่ๆ

“เออ!! ไม่โกหก ไม่เบี้ยว กูมีสัจจะมากพอ พอใจยัง”

“อือ”

“งั้นก็ไปเอาร่มมา”

อินทัชยอมเดินไปหาร่มให้กับร่างสูง ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากบ้านพักไปยังสถานที่ที่รามินทรืให้แฟนเก่าตัวเองรออยู่ที่นั่น...

ถ้าถามว่าคนรักเก่าเขามาตอนไหนก็คงจะเป็นสามวันก่อน คนๆ นั้นมาขอคืนดี ด้วยเหตุผลที่ว่าตนเองถูกทิ้ง และเพิ่งจะรู้ใจว่าขาดรามินทร์ไม่ได้ เพิ่งรู้ว่าคนที่ดีและให้ทุกอย่างได้จริงๆ คือรามินทร์ ทางร่างสูงก็ปฏิเสธไปแล้วนะ แต่อีกคนดูเหมือนจะไม่ยอม

ถึงรามินทร์จะเคยอกหัก ร้องไห้ เสียน้ำตากับคนๆ นี้มาแล้ว ก็ใช่ว่าจะเลิกรักไม่ได้ ยิ่งคำพูดของคนที่ทิ้งเขาไปหาคนใหม่ ไม่มีอะไรที่น่ากลับไปเลยสักนิด พอเขาทิ้งไปก็ซมซานกลับมา คนอย่างรามินทร์เจ็บแล้วจำ!!

ไม่ยอมโง่ซ้ำสองแน่ๆ


“ราม...มิวรอตั้งนานแหนะ ทำไมไม่รีบมา” หนุ่มตัวเล็กน่ารักคนนั้นเดินเข้ามากอดแขนของรามินทร์อย่างสนิทสนมเป็นกันเอง ไม่ทันเห็นอินทัชที่เดินตามมาด้วย

“ก็ฝนมันตก”

“จริงด้วยสิ มิวขอโทษนะราม ดูสิ เปียกหมดเลย” ชายหนุ่มตัวเล็กชื่อว่ามิวนั้นพูดอย่างตกใจก่อนจะเช็ดน้ำที่เกาะตามผมของรามินทร์ออก

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันก็แห้ง” เขาจับมือของมิวออกไปอย่างสุภาพแล้วยิ้มเบาๆ

เพราะมันทำเหมือนยังแคร์เขาอยู่ไงเลยสลัดไม่หลุด จนต้องให้เขามาเป็นไม้กันหมา...อินทัชที่กอดอกมองอยู่คิดแล้วส่ายหน้าอย่างระอา

จะว่าไปมันก็เข้ากันดีนะสองคนนี้...

คนหนึ่งดูตอแหล หลอกลวง ส่วนอีกคนก็เหี้ย!!

“งั้นรามนั่งก่อนดีกว่านะ มิวมีเรื่องจะคุยกับรามเยอะแยะเลย วันนี้เราค้างด้วยได้ไหม ไม่ได้มานานแล้ว คิดถึง” มิวพยายามส่งสายตาหวานซึ้งให้กับรามินทร์ที่นั่งลงตรงข้ามกับตน จับมือของร่างสูงที่วางบนโต๊ะแล้วลูบเบาๆ หากแต่ร่างสูงก็ค่อยๆ ชักมือกลับอย่างสุภาพที่สุด

ใบหน้าหล่อเหลาของรามินทร์ทำให้แค่ยิ้มบางๆ กลับไป ทำเอาอินทัชขมวดคิ้ว...ให้มาเป็นไม้กันหมา เพราะไม่อยากคืนดี แต่ทำเหมือนให้ความหวังเนี่ยนะ

ไอ้นี่มันโง่หรือว่าอะไร?

“ที่จริงมิวจะมาเที่ยวบ่อยๆ ก็ได้ รามไม่ว่า เดี๋ยวจะให้คนจัดห้องให้”

“มิวอยู่ที่บ้านพักของรามไม่ได้เหรอ”

“บ้านหลังนั้นเราทิ้งไปแล้วน่ะ พอดีว่ามันมีปัญหา”

อินทัชแอบพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ ว่าบ้านเก่าๆ ที่อินทัชให้เขาอยู่หลังนั้น ที่แท้ก็เป็นรังรักเก่าของทั้งคู่นั่นเอง...สงสัยที่ทิ้งไม่ใช่เพราะมันท่วมบ่อยอย่างเดียวล่ะมั้ง

“ว้า...เสียดาย ว่าแต่ก็พักที่บ้านใหม่รามก็ได้นี่”

“คงไม่ได้หรอกมิว เราอยู่กับคนรักน่ะ”

“หือ? คนรัก...รามมีแฟนใหม่แล้วเหรอ” ใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ขอโทษนะมิวที่ไม่ได้บอกแต่แรก แต่เรามีคนรักใหม่แล้วจริงๆ” สิ้นคำพูดของอินทัช ร่างโปร่งก็ถึงกับสะดุ้งไม่คิดว่าจะถึงคิวของเขาแล้ว

แต่ว่าคำว่าคนรักนั่น...

มึงจะใจเต้นทำไมวะอิน มันแค่คำโกหก มันเป็นแค่คำลวง

“ที่รัก...มานี่สิ” ร่าสูงกวักมือเรียกร่างสูงเพรียวของอินทัช ซึ่งเจ้าตัวก็เนเข้าไปหาด้วยใบหน้าที่ปั้นยิ้มเต็มที่

เออ...กูก็เก่งเนอะ ทำเป็นญาติดีกับคนที่ทำร้ายตัวเองได้แนบเนียนมาก

“นี่คืออินทัชนะมิว เรียกว่าอินสั้นๆ ก็ได้ เป็นคนรักของเรา” ร่างสูงเพรียวของอินทัชเดินเข้าไปหารามินทร์ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับร่างสูง แอบเบะปากด้วยความเอียนกับคำว่าที่รักของรามินทร์

ขนลุกฉิบหายเลยตอนนี้!!

“สวัสดีครับคุณมิว” รามินทร์ฉีกยิ้มหวานทรงเสน่ห์ไป ทำเอาร่างเล็กของมิวกระตุกเล็กน้อย

“สวัสดีครับ...ไม่จริงใช่ไหมราม ก็ไหนตอนนั้นรามบอกว่ารักมิวมากไง” หันไปถามร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรออกมา ทั้งๆ ที่ในใจเดือดพล่าน

“มันก็หลายปีแล้วนี่ครับคุณมิว ไม่มีใครทนจมปลักรักคนๆ เดียวได้นานขนาดนั้นหรอกครับ ใช่ไหมอ่ะ...เอ่อ ราม” เกือบจะหลุดคำว่าไอ้ออกไปแล้วเชียว ดีนะที่ชะงักได้ทันเมื่อสายตาดุๆ ของรามินทร์ส่งมา

“ใช่ครับที่รัก...”

ไอ้เหี้ยราม...มึงจะเล่นเนียนไปแล้ว

บอกตามตรงว่าการที่เขาต้องมาทำเป็นพูดดีกับรามินทร์นั้นมันทำให้เขารู้สึกประหม่ามาก ทำตัวไม่ถูกไปเลย...แต่เพราะถ้าเขาทำแผนนี้ล่ม ต้องโดนมันดูถูกและโขกสับต่อไปอีกแน่

และเขา...ก็มีข้อแลกเปลี่ยนกับมันอยู่...

“อ่ะ...ไม่จริงน่า” เหมือนสติของมิวจะไปแล้ว

จากที่คิดว่าตัวเองมีความหวังเต็มเปี่ยมเพราะคนตรงหน้านั้น ตอนคบกันเขาอยากได้อะไรก็หามาให้ตลอด บอกว่ารักเขามาก รักคนเดียว

สงสัยเราจะกลับมาช้าไปสินะ

“จริงครับมิว รามต้องขอโทษด้วยนะ”

“แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่ราม” มิวฉีกยิ้มหวานกลับไป

“ถ้าเพื่อนรามก็ยินดี ไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับที่รัก” รามินทร์หันมาขอร่างโปร่ง แสดงเป็นคนกลัวเมียได้สมจริงจนร่างโปร่งบางแอบรู้สึกไปด้วยขณะหนึ่ง

“ก็แล้วแต่รามเลย อินไม่ว่า ถ้าแค่เพื่อนนะ”

รามินทร์ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ที่ได้เห็นมุมนี้ของอินทัช

ยอมรับว่าชอบ...จนลืมเรื่องความแค้นนั้นไป

“คุณอินนี่ใจกว้างจังเลยนะครับ”

“ก็ธรรมดาแหละครับ ถ้าอย่างนั้นจะกุมหัวใจของรามได้เหรอ จริงไหม?” หันไปยิ้มให้รามินทร์อย่างต้องการคำตอบ ซึ่งร่างสูงก็เอื้อมมือมาขยี้กลุ่มผมของอินทัชเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยว

“จริงสิครับคนดี”

เหี้ย!!! มันแอทแทคใส่กูอีกแล้วนะ...เข้าใจแล้วทำไมคนๆ นี้ถึงกลับมาขอคืนดี เพราะมันน่ารักกับแฟนมันอย่างนี้นี่เอง ผิดกับการกระทำที่อยู่กับเขาลิบลับเลย

พอคิดว่านี่เป็นแค่ละครฉากหนึ่ง พอจบเรื่องมันก็จะกลับมาพูดจาแย่ๆ กับเขาคืนก็รู้สึกไม่ดีและน้อยใจขึ้นมา อินทัชไม่รู้ว่าจะเรียกน้อยใจได้ไหม...แต่มันรู้สึกไม่ดีสุดๆ ต่างจากร่างสูงที่ดูเหมือนว่าประโยคพวกนี้มันจะออกมาจากใจมากกว่าเป็นการแสดงละคร

ไม่รู้ว่าเนียนพอหรือเปล่า เพราะตอนที่คบกับมิว รามไม่เคยเรียกมิวว่าที่รักเลยสักครั้ง...

“น่ารัก! แล้วนี่ให้อินมาแนะนำตัวแค่นี้เหรอ”

“เปล่าหรอก เดี๋ยวก็จะพากลับไปพักแล้วไง” ร่างสูงยิ้มกว้างออกมาให้กับอินทัช

ดวงตาของทั้งคู่สบประสานกัน ไม่มีแววความเกลียดชังอยู่ในดวงตาของทั้งสองเลย มีแต่ความรู้สึกแปลกๆ ที่ก่อขึ้นมาในหัวใจแทน





50%

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

   ในตอนนี้รามเริ่มที่จะกลับมาเป็นรามคนเดิมนั่นคือนางเป็นคนอ่อนโยน สุภาพ (ไม่เชื่อกลับไปอ่านน้องดรีมดู) เพราะนางฉลาดแล้ว คิดว่าการแก้แค้นที่ผ่านมารังแต่จะทำให้เสียใจกันทั้งคู่

ติดตามข่าวสารการลงนิยายของยูกิได้ที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: boommerang ที่ 28-07-2016 19:32:02
เค้ารออ่านเฉพาะคู่หลักจริงๆนะ คู่รองขอผ่าน
รอนานจริงๆๆๆๆ แต่ก็รอ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-07-2016 20:22:07
เกลียดกันจะตายมาเล่นเป็นคนรักกัน ก็เนียนกันดีเนาะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-07-2016 20:36:18
อินสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-07-2016 20:37:34
อร๊ายย.  หวานกันในรอบสามชาติ อิอิ แม้จะแสดงก็เถอะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-07-2016 21:30:32
อินหวั่นไหวง่ายไปป่ะ เป็นมาโซหรือชอบให้เขาทำรุนแรงแล้วชอบเนี่ย ถามจริงทำดีแค่นี้แค่ 2 อาทิตย์เกิดหวั่นไหวซะแล้ว แล้วที่แล้วๆมาล่ะจะลืมไปง่ายๆ หรือ ไหนจะโดนข่มขืนไป 3 ครั้งล่ะ อ่ะเราไม่นับครั้งที่เมาก็ได้ มันจะไม่หวั่นไหวง่ายไปหน่อยเหรอค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-07-2016 22:51:39
 :katai1:



ไม่ยอมๆๆๆ  ยังไม่หายแค้นเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-07-2016 23:11:39
ค่ะ รักเค้าแล้วล่ะสิ ถึงอยากให้อยู่ใกล้
รามมีลดงานให้ด้วย มีส่งข้าวส่งน้ำ

อินสู้ๆนะ รามแค่หลงผิด อินก็มีอาการแล้ว
จะจริงจังกันตอนไหนนะ ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 28-07-2016 23:17:26
เค้าเริ่มรู้สึกกันแล้ว เคมีเริ่มมาแล้วค่ะ
แต่ว่ายังหมั่นใส้รามอยู่มาก หมั่นมากทุกตอน
จะมาเป็นคนดีตอนนี้ ก็ยังแก้ตัวไม่ขึ้นค่ะ
ยังไม่ให้อภัยพระเอก อยากให้อินหนี
ปล่อยให้น้ำตาเช็ดหัวเข่า ทำกับเค้าไว้เยอะ
ใครเตือนก็ไม่ฟัง นิสัยไม่ดีเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 29-07-2016 08:32:28
อ๊ายยยยยยย..น่ารัก..อ่านไปยิ้มไป...จะขำหรือฟินดีเนี่ยะ...
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-07-2016 16:13:47
อิน..ไม่เอาไม่ใจง่ายค่ะลูกกกก
เล่นตัวนะคะ ยิ่งไว้นะคะ อย่าแสดงให้รามเห็นค่ะว่าเราใจอ่อน
รามมันต้องโดนสั่งสอนค่ะ เอาให้หลาบจำ เข็ดกับสิ่งที่มันทำไว้กับอินทร์
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 50% => (28/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 30-07-2016 21:07:09
หวั่นไหวง่ายไปนะคือรักลงจริงดิคนแบบราม? ถึงเนื้อแท้รามจะน่ารักก็เหอะแต่สิ่งที่กระทำมาทั้งหมดมันไม่น่าลบล้างกับแค่แกล้งเป็นแฟนได้นะ
ไม่อินแล้วอ่ะแง้งเมื่อไหร่อินจะได้ไปสักทียืดเกิน
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 30-07-2016 21:18:59
ตอนที่ 21 ครึ่งหลัง







“งั้นรามขอตัวพาอินไปพักก่อนนะ พอดีว่าอินเพิ่งจะหายจากไข้ มิวอยากจะพักที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวเราให้คนเตรียมห้องให้” รามินทร์พูดกับคนตรงหน้า ซึ่งมีท่าทางไม่สู้ดีนักจนรามินทร์ชักจะใจอ่อน

“มิวขอพักที่นี่ก็แล้วกันนะ แล้วแบบนี้ตอนเย็นเราจะได้ทานข้าวด้วยกันไหม” มิวถาม

“ก็คงต้องดูอาการของอินก่อนน่ะ แล้วก็รออินอนุญาตด้วย”

“อะไรกัน...แต่ก่อนรามไม่เห็นต้องถามความเห็นอะไรใครเลย”

“เพราะคนนี้ราม ‘จริงจัง’ ไง” ร่างสูงตอบออกมายิ้มๆ

ร่างโปร่งบางสติหลุดไปแล้วหลังจากประโยคนี้...

“ทำเหมือนกับว่าตอนคบกับมิวรามไม่จริงจัง” มิวถามขึ้นมา

“ตอนนั้นก็จริงจัง...ถ้าไม่ติดว่าโดนหักหลังก็จะจริงจังแบบนั้นแหละ แต่เราเจ็บแล้วจำนะมิว เรื่องอื่นเราให้อภัยได้ทุกอย่าง แต่เรื่องนอกใจ...เราไม่มีโอกาสให้จริงๆ” ร่างสูงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆ สีหน้าเรียบนิ่งจนมิวอดจะขนลุกไม่ได้เพราะตนไม่เคยเจอรามินทร์โหมดนี้

“แต่...”

“การนอกใจ...ก็เหมือนกับเป็นการบอกว่า ไม่ได้รักกันแล้ว”

“ราม...มิวก็ขอโทษแล้วไง”

“ครับ รามรับคำขอโทษไว้ แต่ก็ขอตัวก่อน พอดีว่าอินต้องการพักผ่อน” ร่างสูงฉุดแขนของอินทัชให้ยืนขึ้น ซึ่งเรียกสติของคนตัวบางกว่าให้กลับเข้ามา

เห็นเพียงใบหน้าบูดบึ้งของมิวกับใบหน้าที่เรียบนิ่งของรามินทร์เท่านั้น

เขาถูกพาให้เดินออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะพากลับไปยังบ้านพักด้วยการเดินกางร่มกลับไปเพราะฝนยังไม่หยุดตก...พอถึงตัวบ้าน รามินทร์ก็เดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟามีอินทัชที่ยืนนิ่งอยู่ไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่มองร่างสูงนิ่งๆ

“ถ้ามึงยังรักเขาอยู่...ก็น่าจะให้โอกาสนะ”

“หึ...มึงจะไปรู้อะไร มิวทำกับกูไว้เยอะขนาดไหน ที่กลับมาเพราะอะไรทำไมกูจะไม่รู้”

“เอาเถอะ...ไม่ใช่เรื่องของกู”

“นั่นมึงจะไปไหน”

“ไม่มีอะไรทำ กูจะไปนอน...” อินทัชตอบคำถามด้วยสีหน้านิ่งๆ

เขาไม่อยากจะมองหน้ารามินทร์มากเท่าไหร่ เพราะมองไปก็คิดถึงการเล่นละครเมื่อครู่จนใบหน้าร้อนผ่าวราวกับเป็นไข้ทุกที...

“แล้วเรื่องข้อเสนอของมึงล่ะ”

“กูอยากคุยโทรศัพท์กับแม่” ร่างโปร่งขอขึ้นมาเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้รามินทร์ได้ยิน

คนตัวใหญ่นั่งนิ่ง ไม่ตอบรับคำขอของอินทัชเพราะกำลังใช้ความคิดอยู่

“ถ้ากูปล่อยมึงไป มึงจะแจ้งตำรวจจับกูไหม”

“ถามทำไม...”

“กูก็แค่อยากรู้”

“แค่มึงปล่อยกูไปก็พอ กูจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมึงอีก” อินทัชตอบ

แต่เป็นคำตอบที่รามินทร์รู้สึกไม่พอใจเอามากๆ

ไม่ยุ่งเกี่ยวงั้นหรือ? ไม่มีทาง!!!

“มึงนี่ใจดีนะ” รามินทร์ยิ้มเยาะ

“ถือว่าชดใช้กรรม ไม่ได้ใจดีอะไร ชาติก่อนกูคงทำกับมึงไว้เยอะล่ะมั้ง เลยโดนทำคืนแบบนี้”

“หึ!!”

“แล้วสรุปว่าไง จะให้กูคุยกับแม่ได้ไหม”

“ก็ได้ แต่ต้องเปิดลำโพงให้กูได้ยินด้วย”

“อือ...” ร่างโปร่งพยักหน้า

เขาไม่ได้คิดจะบอกให้ใครมาช่วยเพราะเชื่อฝีมือเพื่อนของตัวเองว่าต้องหาเขาเจอ แต่ที่อยากจะคุยกับแม่เพราะเป็นห่วงก็เท่านั้น

กลัวท่านจะเครียดเรื่องเขาจนป่วยไป

“วันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน กูจะให้คนจัดการเรื่องโทรศัพท์มาให้”

“เออ... นับว่าเป็นกรุณาอย่างสูงยิ่ง”

“หึหึ” รามินทร์หัวเราะออกมากับท่าทางของอินทัช

ไม่รู้ว่าเขาสองคนมาพูดกันแบบธรรมดาๆ ปกติๆ แบบที่คนเขาคุยกันตอนไหน แต่รามินทร์รู้สึกว่ามันดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ

ไม่น่าเชื่อว่าแค่หนึ่งเดือนกว่าๆ...ความรู้สึกของเขาก็เปลี่ยนไปจากเดิมตั้งมากขนาดนี้

ตอนนั้น...อย่าว่าแต่เห็นหน้าเลย แค่ได้ยินเสียงก็แทบอยากจะทำลายให้ตายคามือ แต่หลังจากวันนั้น...เขากลับรู้สึกผิดที่ทำลายอีกคนลงไป เขารู้เลยว่า การแก้แค้นมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุข

เขาเสียใจ เขารู้สึกผิด...

และเขาก็อยากจะไถ่โทษอินทัชถึงความเลวร้ายที่เขาทำไปทั้งหมด...

นี่เป็นเหตุผล...ที่ทำไมเขาไม่ยอมปล่อยอินทัชกลับบ้านไป

...

...

...


“อ่ะ! โทรซะ!!” รามินทร์ยื่นโทรศัพท์ให้กับอินทัชที่กำลังทำความสะอาดบ้านพักของรามินทร์อยู่ “โทรเสร็จแล้วก็ช่วยทำงานให้เสร็จจนมิวกลับไปด้วย เข้าใจนะ”

“เออน่า...”

“วันนี้คงต้องไปกินข้าวกับมิว เมื่อวานก็เบี้ยวมาแล้ว”

“ทำไงได้ กูไม่อยากไปนี่หว่า”

“กูก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองอยากไป เอ้า! รีบโทรสิวะ กูจะได้รีบเอาซิมไปทิ้ง!!!”

“เออๆ” อินทัชรับโทรศัพท์มาด้วยมือที่สั่นอย่างตื่นเต้น กดเบอร์โทรของมารดาที่ตนจำได้อย่างขึ้นใจไปอย่างช้าๆ โดยมีรามินทร์ยืนมองอยู่ใกล้ๆ

พอกดโทรออกเขาก็เปิดสปีกเกอร์โฟนทันทีโดยให้รามินทร์อ้าปากขึ้นมาสั่งอีก

[สวัสดีค่ะ] เสียงที่รับโทรศัพท์เป็นเสียงที่เขาคิดถึงมาตลอดหนึ่งเดือนมานี้

“ม่ะ...แม่ครับ” เสียงของเขาสั่น เขารู้

ตาของเขาแสบพร่าไปหมดจนอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ให้แม่ปลอบ

[อ่ะ อินเหรอลูก ฮึก อินใช่ไหม ฮึก...อินอยู่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน ทำไมไม่ติดต่อมา รู้ไหมว่าทางนี้เป็นห่วงมากขนาดไหน ฮือ...แม่จะขาดใจทุกครั้งเมื่อคิดว่าลูกจะเป็นตายร้ายดียังไง]

เขาบอกตัวเองว่าอย่าร้องไห้...แต่มันก็ห้ามไม่ไหวจริงๆ

อินทัชไม่ได้อยากอ่อนแอ...แต่การที่ได้ยินเสียงแม่มันทำให้น้ำตาของเขาไหลลงมาอย่างดีใจ

“อินสบายดี...พ่อ แม่ พี่แอนไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

[แล้วทำไมไม่ติดต่อมาเลย แม่ทุกข์รู้บ้างไหมลูก]

“อินขอโทษ...อินแค่เหนื่อย เลยมาพัก ถ้าอินพร้อม...อินจะกลับไปหาแม่นะครับ”

[งานมันหนักไปใช่ไหมลูก...ถ้างั้นอินก็พักเถอะแม่ไม่ว่า แค่แม่ได้รู้ว่าลูกมีชีวิตอยู่ แม่ก็ดีใจแล้ว]

“อินมาแบบนี้ ใครดูแลบริษัทและงานของอินครับ”

[พ่อกับพี่แอนลูก แล้วมีตาธีร์เข้ามาช่วยบ้าง ทำไมไม่ติดต่อเพื่อนบ้าง รู้ไหมว่าตาธีร์ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตามหาเราเสียวุ่นวายทั้งๆ ที่งานตัวเองก็เยอะ]

“ฝากขอโทษธีร์มันด้วยนะครับแม่”

[ทำไมไม่โทรไปบอกเองล่ะลูก]

“อินไม่พร้อมจะคุยกับมันตอนนี้ บอกมันไม่ต้องเป็นห่วงผม แล้วผมจะกลับไป”

[ได้จ้ะ แม่จะบอกให้ รีบกลับมาให้แม่กอดนะลูก แม่คิดถึงอินมากๆ เลยนะคะ]

“อินก็คิดถึงแม่”

มือขาวกำแน่นอย่างต้องการข่มความทรมานนี้ ทรมานเพราะคิดถึง...

[แม่กับพ่อรักอินนะลูก มีอะไรพูดกับแม่ได้ ยังไงอินก็เป็นลูกของแม่ ไม่มีใครรักลูกได้เท่ากับที่พ่อแม่รักลูกหรอกนะอิน] ปลายสายเอ่ยเสียงสั่นไม่หาย

“อินก็รักพ่อกับแม่ ฝากขอโทษพ่อกับพี่แอนด้วยที่ต้องเข้ามายุ่งกับงานจนได้ ทั้งๆ ที่อินสัญญาแล้วว่าจะเป็นดูแลทุกคนเอง”

[ไม่เป็นไรลูก งานที่มีอยู่มันหนักเกินไป ขนาดที่ทำกันสองคนยังไม่ไว้ ไม่แปลกที่ลูกจะไม่ไหวเลยอิน]

ไม่ใช่...อินทำทุกอย่างไหวเพื่อครอบครัว แต่ที่อินต้องทิ้งมาเพราะต้องชดใช้กรรมของอินเอง

“ขอโทษครับ”

[ไม่มีใครโกรธอินเลย แค่อินกลับมา พวกเราก็ดีใจแล้ว]

“อีกไม่นานครับ รออีกไม่นานนะครับ”

[จ้ะ...แม่จะรอ]

“งั้นอินต้องวางแล้วล่ะครับ อินรักแม่นะ”

[โชคดีนะลูก ขอให้พระคุ้มครอง แม่จะสวดมนต์ให้ลูกหายดีและปลอดภัย…]

อินทัชแทบจะหมดแรงที่ต้องวางสายจากแม่ที่แสนจะคิดถึง ส่วนรามินทร์เองก็ทำหน้านิ่งไม่รู้สึกอะไร หยิบโทรศัพท์มา แล้วก็ทำลายซิมจนไม่สามารถใช้ได้อีก

“ขอบใจ” อินทัชพูดแค่นั้นก็เดินเลี่ยงออกไปทำงานต่อ

รามินทร์ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้แรงๆ ด้วยความเหนื่อยล้า...น้ำเสียงปานจะขาดใจของแม่อินทัชยังติดหูเขาอยู่ เขาเพิ่งจะมาคิดได้เอาตอนนี้ว่าไม่ได้ทำให้อินทัชเจ็บปวดคนเดียว

แต่คนที่อยู่รอบข้างอินทัชก็เจ็บปวดด้วย โดยเฉพาะพ่อกับแม่ของอินทัช

ทำไมมึงจะมาคิดได้เอาป่านนี้ ถ้าเกิดเป็นพ่อแม่มึงก็คงจะเจ็บปววดแบบนี้เหมือนกัน

“โธ่เว้ย!!!”



Rrrrrrr…

“สวัสดีครับคุณแม่”

[ตาธีร์ เมื่อกี้ตาอินโทรมาหาแม่] ไม่มีการทักทาย ปลายสายบอกเล่าเรื่องเมื่อกี้ให้กับร่างโปร่งที่กำลังทำงานอยู่อย่างตื่นเต้นดีใจ

“จริงหรือครับคุณแม่” ธีร์วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ แล้วหันมาคุยโทรศัพท์อย่างเดียว

เพราะเพื่อนรักเพียงคนเดียวติดต่อมาแล้ว...นั่นมันทำให้เขารู้ว่า อินทัชยังไม่ตาย

[จริงจ้ะ...] แล้วปลายสายก็เล่าสิ่งที่พูดกับอินทัชทั้งหมดให้กับเพื่อนลูกชายฟัง ซึ่งร่างโปร่งก็ถึงกับขมวดคิ้วเพราะไม่เชื่อว่าอินทัชจะหายไปด้วยเหตุผลนี้

“มีแค่นี้หรือครับ”

[จ้ะ]

“คุณแม่มีเบอร์ที่โทรมาไหมครับ” ธีร์ถามออกไป

[มีนะ...จะเอาเหรอตาธีร์ แต่แม่โทรไปอีกรอบก็ไม่ติดแล้วนะ]

“ครับ ผมขอหน่อย”

[งั้นเดี๋ยวแม่ส่งให้ทางไลน์นะจ้ะ]

“ขอบคุณครับ”

สายถูกตัดไปแล้ว ธีร์เลยเคาะนิ้วกับโต๊ะรอแม่ของอินทัชส่งหมายเลขนั้นมาอย่างร้อนใจ เขาไม่เชื่อว่าอินจะมีเหตุผลแบบนั้น นั่นเพราะเขารู้จักมันดีกว่าใคร

อินทัชไม่ใช่คนหนีปัญหา งานหนักแค่ไหนมันก็สู้ไม่เคยถอย!!

“มันต้องมีอะไรอยู่แน่ๆ”

ไม่นานนัก ไลน์ของเขาก็ดังขึ้น พร้อมกับเบอร์ที่แม่ของอินทัชส่งมา เขาพิมพ์ขอบคุณกลับไปแล้วกดที่หมายเลขนั้นจนมันเด้งมาที่หน้าจอโทร

ธีร์ลองโทรดูก็พบว่าติดต่อไม่ได้แล้วจริงๆ อย่างที่แม่เพื่อนรักบอก

“ให้ตายสิ มันแปลกเกินไปแล้ว”

ในเมื่อโทรไม่ได้ เขาก็ต้องทำอย่างอื่นแล้วล่ะ

“ฮัลโหล...เห็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ฉันส่งไปให้ไหม หาข้อมูลของเจ้าของเบอร์มาให้ฉัน แล้วก็บันทึกรายการโทรทั้งหมดมาด้วย ถ้าเช็คสถานที่ที่โทรออกแต่ละเบอร์ได้ก็จะดีมาก ฉันจะได้ในกี่วัน โอเค...หนึ่งอาทิตย์ก็หนึ่งอาทิตย์ แต่ว่าอาทิตย์หน้าฉันไปต่างประเทศ เอาไว้หลังจากนั้นก็ได้”

เพราะรู้ว่าเพื่อนปลอดภัยดีเลยไม่รีบร้อนเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นห่วง

“อือ...ขอบใจมาก”

ธีร์วางสายจากลูกน้องที่ให้ไปตามสืบข้อมูล แล้วก็นั่งครุ่นคิดถึงข้อมูลต่างๆ ที่ได้มาจากกล้องวงจรปิดที่สุดท้ายที่อินทัชอยู่ก่อนจะหายไป ถ้ามีข้อมูลจากเบอร์เมื่อกี้ มันคงจะช่วยอะไรเขาได้มากกว่านี้

Rrrrrrr….

“อือ...ว่าไง”

[กินข้าวหรือยัง] เสียงทุ้มต่ำดังออกมาเรียกพลังจากธีร์ได้อย่างเต็มเปี่ยม

“ยังเลย...นี่พัฒน์”

[อืม...มีอะไร]

“เมื่อกี้แม่ไอ้อินโทรมาบอกว่าไอ้อินติดต่อไปทางนั้น”

[ก็ดีแล้วนี่ แสดงว่าเพื่อนมึงปลอดภัย]

“ก็ใช่!”

[มึงยังกังวลใจอะไรอีก]

“กูคิดว่ามันแปลกๆ”

ร่างโปร่งเล่าที่ฟังจากแม่ของอินทัชให้คนรักฟัง ซึ่งพัฒน์ก็ได้แต่เงียบๆ ฟังคนรักพูดเท่านั้น

[แล้วมันยังไง]

“กูรู้จักมันมานานมาก มันไม่ใช่คนหนีปัญหาพัฒน์ กูว่ามันแปลกๆ”

[ก็แค่สืบต่อไป จะได้รู้ว่าที่มึงคิดถูกหรือผิด] พัฒน์ว่า

“ก็ว่างั้น”

[รีบไปหาอะไรกิน เดี๋ยวโรคกระเพาะก็กำเริบ]

“โอเคครับแฟน”

[หึหึ...อย่าให้รู้ว่าไม่กินข้าวนะ]

“รู้แล้วล่ะน่า”

เขาวางสายคนรักที่มักจะโทรมาเตือนให้เขาทานอาหารให้ตรงเวลาด้วยรอยยิ้มนิดๆ ก่อนจะกลับมาตึงเครียดเหมือนเดิมเพราะเรื่องของเพื่อนรัก

“มึงคงไม่ได้จะกลับมาเร็วๆ นี้หรอกใช่ไหม...ถ้าอย่างนั้น กูจะไปรับมึงกลับมาเอง”

เพราะธีร์เชื่อ...

เชื่อว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เพื่อนรักของเขากลับมาไม่ได้...





100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

   แอบมีพี่ธีร์เข้ามาแจมนิดหน่อย ฮ่าๆ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ
   มีอะไรพูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจ หรือสอบถาม ติดตามข่าวสารการลงนิยายได้ที่เพจนะคะ ^_^
   https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 30-07-2016 21:36:03
เริ่มแล้วค่ะ เดี๋ยวก็คงดราม่าอีกยาวๆ แน่เลย
เอาใจช่วยอินนะ หวั่นไหวแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 30-07-2016 21:54:41
น้องธีร์ของเจ้ ฉลาดล้ำเลิศค่ะลูกกกก ตามเพื่อนให้เจอนะคะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 30-07-2016 22:24:06
สนุกแน่วันที่ฉันรอคอยใกล้มาถึงแล้ว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 30-07-2016 23:14:22
หาอินให้เจอเร็วๆนะธีร์...
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-07-2016 01:05:14
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 31-07-2016 02:22:22
ใกล้จะไคลแมกซ์แล้วสินะ สู้ๆพี่อิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 31-07-2016 07:20:14
รามอยากขอโทษก็ปล่อยไปเหอะ
แต่ที่ปล่อยไม่ได้เพราะกลัวใจตัวเอง
กลัวไม่ได้อีกล่ะสิ อยากผูกมัดก็บอก คิดได้ช้าไปนะ

สงสารอินทัช รับผิดแบบไม่รู้ตัว

ธีร์ช่วยอินให้ได้นะ อยากรู้ว่ารามจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 31-07-2016 08:42:40
รามเริ่มรู้สำนึกแล้วไง แต่หวังว่า อินจะไม่ยกโทษให้ง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 31-07-2016 15:50:53
คิดถึงพัฒน์ธีร์สุดๆ
ส่วนอินทัช อย่าเพิ่งใจอ่อนสิคุณลูกสาว..
นะๆ ทำให้รามหลงมากกว่านี้เยอะๆก่อนนะ
ค่อยจากมันไป..
หึๆ รามต้องเจ็บปวด นะคะ#เสียงสูง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: honey_noii ที่ 31-07-2016 23:35:44
สงสารอิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 21 100% => (30/7/59) P.12 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 01-08-2016 17:09:27
งืออออออออออ
อยากอ่านตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 50% => (3/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 03-08-2016 22:17:22
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 22
ข้อเสนอ





“คุณอินทำงานอะไรหรือครับ หรือว่ามาอยู่นี่เฉยๆ”

ตอนนี้อินทัชกำลังเจอศึกหนักจากคนรักเก่าของรามินทร์อยู่ ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งทานข้าวเย็นอยู่ด้วยกันสามคน พนักงานทั้งหลายก็ไม่รู้รามินทร์ไปเตี๊ยมมากันตอนไหนถึงได้เรียกเขาปานเป็นเจ้านายอีกคน

และยังจะมาถูกซักถามอย่างกับนักโทษจากมิวอีก

“ผมก็ทำงานรับจ้างทั่วๆ ไปน่ะครับ” คนโดนถามอย่างอินทัชตอบยิ้มๆ

“หืม...แค่นี้หรือครับ”

“ครับ ‘แค่’ นี้แหละครับ มีอะไรหรือเปล่าครับคุณมิว” อินทัชเน้นคำว่าแค่ออกไปเหมือนเป็นการบอกว่าไม่พอใจหน่อยๆ

“ทำไมไม่ออกจากงานแล้วมาอยู่เฉยๆ ล่ะครับ รามเลี้ยงดีอยู่แล้ว”

ดีเหี้ยอะไรล่ะครับ มาเป็นกูนี่...

“ตอนนี้ก็ให้อินออกมาแล้วล่ะ เวลาไม่ตรงกัน” รามินทร์พูดบอกขึ้นมา

“งั้นคุณอินก็อยู่นี่ ไม่ทำงานแล้ว”

“ครับ” ถ้ามันอยากให้กูเป็นก็เป็นไปตามนั้น

ยังไงก็มีหน้าที่แค่เล่นตามเกมที่ไอ้รามวางไว้เท่านั้นสินะ

“ดีจังเลย น่าอิจฉา ตอนนี้มิวทำงานอยู่ในเมืองเหนื่อยมากเลยล่ะราม”

“ก็ต้องอย่างนั้นแหละครับ คนเราต้องดิ้นรนสู้” อินทัชพูดขัดรามินทร์ด้วยสีหน้ายิ้มๆ ทำเอาคนตัวเล็กตรงหน้าส่งสายตาขัดใจมาให้เขา

“มิวอยู่ในจังหวัดเหรอ นึกว่าไปทำงานอยู่กรุงเทพเสียอีก”

“เพิ่งกลับมาน่ะ ยังไงอยู่ที่บ้านก็อบอุ่นกว่า จริงไหม”

“ดีใจที่มิวคิดได้นะ” รามินทร์เอ่ยยิ้มๆ

เขาพยายามที่จะพูดแบบเป็นกลาง ไม่ให้ความหวังจนเกินไปแล้ว แต่รามินทร์เป็นแบบนี้ ตัวตนของเขาจริงๆ คือเป็นคนสุภาพแล้วก็อ่อนโยน

แบบที่อินทัชเพิ่งจะเคยเห็นเคยสัมผัสนี่แหละ แม้จะสองครั้งแต่ก็ไม่ชิน

พูดเพราะกับกูทุกประโยค มองหวานเชื่อมจนอยากจะอ้วก

“อ่ะ! กินนี่ดู ของชอบไม่ใช่เหรอ” รามินทร์ตักเหนื้อปลามาให้อินทัช ซึ่งคนหน้าสวยก็หันขวับไปอย่างไม่ชอบใจ

“แกล้งนี่!! ใครบอกว่าชอบ ก็รู้ๆ กันอยู่ก็ชอบแกล้ง เอาคืนไปเลย” อินทัชแสร้งทำเป็นงอนแล้วตักเนื้อปลาคืนไป อันนี้คือความจริงเลย รามินทร์ส่งมาเพื่อให้เขาเล่นบทหวานๆ กลับไปแน่

แต่เขาไม่ชอบกินปลาจริงๆ นี่นา

“ฮ่าๆ ก็แกล้งอินแล้วสนุกดีนี่นา” รามินทรืตั้งสติได้ก็เล่นไปตามน้ำ แอบหยิกเอวของอินทัชด้วยความหมั่นไส้ที่ไม่ยอมเล่นตามเนื้อ

แต่ไม่เป็นไร บทง้อคนรักก็ไม่ได้ทำให้ดูพลาดตรงไหน

“คืนนี้นอนข้างนอกเลยนะ”

“ได้ไงล่ะ ขอโทษ อย่าโกรธเลยที่รัก” รามินทร์ซบใบหน้าลงกับลาดไหล่แข็งแรงของอินทัช ซึ่งอินทัชก็เผลอทำหน้าไม่ชอบใจออกมาเสี้ยววินาทีหนึ่ง แต่มิวก็ไม่ได้เห็นเพราะมัวแต่มองรามินทร์อย่างเจ็บใจ

“อือๆ หายก็ได้”

“ขอบคุณครับ”

ฟอด!!

แล้วมันก็ทำในสิ่งที่ร่างโปร่งบางต้องนิ่งไปด้วยความตกใจ ตัวของอินทัชแข็งทื่อเหมือนโดนแช่แข็งเมื่อตอนที่รามินทร์หอมแก้มของเขาแรงๆ

“อ่ะ…” ยังไม่ทันที่ร่างสูงโปร่งจะออกปากด่า คนตัวสุงกว่าก็หันมากระซิบข้างหูเบาๆ

“เพื่อความสมจริง”

โว้ย!!! สมจริงเกินไปน่ะสิ นี่คงไม่มีการจูบปากต่อหน้าใช่ไหมวะ!!

“สวีทกันไม่เกรงใจมิวเลยนะราม”

“เอ่อ...ขอโทษนะมิว พอดีลืมคิดไปน่ะ”

ลืมเหี้ยอะไรล่ะ มึงคิดมาเยอะมากไอ้ราม...

“อย่าถือสารามเลยครับคุณมิว เขาก็ชอบทำแบบนี้แหละ  แต่รามเองก็ทำไม่ถูก ทำแบบนี้ต่อหน้าแฟนเก่าได้ยังไง เดี๋ยวคุณมิวก็เสียความรู้สึกหรอก” หันไปตำหนิร่างสูงด้วยสายตาที่ฉายแววไม่พอใจจริงๆ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ...” มิวกัดฟันแน่น

ทั้งสามเริ่มลงมือทานอาหารกันอย่างจริงจังแต่ก็ทานไปเรื่อยๆ พลางพูดคุยกันบ้าง แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นรามินทร์กับอินทัชที่แสดงละครกันออกนอกหน้าเพื่อให้มิวรีบออกไปจากที่นี่โดยด่วน

พอทานเสร็จแล้ว ทั้งสามก็นั่งคุยกันเรื่อยๆ

“พรุ่งนี้มิวก็จะกลับแล้วล่ะ”

“หืม...ทำไมรีบจัง”

“พอดีงานที่สมัครเอาไว้ที่กรุงเทพฯ เขาเรียกสัมภาษณ์น่ะ” มิวตอบ

ในเมื่อกลับมาแล้วไม่ได้ เขาก็กลับไปแล้วหาคนใหม่แทนก็แล้วกัน...เพราะตนรู้จักนิสัยของรามินทร์ดี ถ้าคนๆ นี้รักใคร ก็จะรักคนๆ นี้แค่คนเดียว...จงรัก ภักดีกับคนๆ นี้แค่คนเดียว

ฉะนั้นแล้วการจะแย่งกลับคืนมานั้น เป็นไปไม่ได้เลยสักนิด

“ยินดีล่วงหน้านะมิว ขอให้โชคดี”

“รามก็เหมือนกัน ขอให้มีความสุขกับคุณอินล่ะ” มิวยิ้มจริงใจไปให้ ร่างสูงเองก็ส่งยิ้มอ่อนโยนให้เช่นกัน  ยังไงเขาก็เคยรักกัน เคยอยู่ด้วยกัน แม้รามินทร์จะโดนทำร้ายจากคนตรงหน้า แต่อย่างน้อยมิวก็เคยเป็นกำลังใจ เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขามีวันนี้

ไม่ได้เป็นคนรักกัน ก็อยากจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น

ทั้งคู่มองหน้ากันจนอินทัชรู้สึกเป็นส่วนเกิน ความรู้สึกอึดอัดแปลกๆ ตีตื้นขึ้นมาจนไม่อยากมองภาพตรงหน้า จึงเบนหน้าหนีแบบไม่รู้ตัว

ถ้ามันยังรักเขาอยู่ก็แค่ให้โอกาส คนเรามันสามารถทำผิดได้...

“ฝากดูแลรามด้วยนะครับคุณอิน”

“เอ่อ...ครับ” ร่างโปร่งสะดุ้งเมื่อโดนฝากฝัง เลยทำได้แค่รับคำสั้นๆ

อินทัชก็พอจะมองว่ามิวเป็นคนยังไง ถึงมิวจะเป็นคนที่ดูแรงๆ แต่ก็ไม่ได้เอาศักดิ์ศรีตัวเองมาตามตื๊อผู้ชายขนาดที่ต้องแย่งจากคนอื่นมา เป็นคนที่ชอบความสุขสบายและอยากรวยทางลัด แต่ก็ไม่ใช่คนชอบแย่งของคนอื่น

คนเรามันมีดีและไม่ดีอยู่ในตัวกันทั้งนั้นแหละ

“ขอให้คุณมิวโชคดี”

“พรุ่งนี้รามจะไปส่งในเมืองก็แล้วกันนะ” ร่างสูงอาสา

“ขอบคุณนะ” มิวยิ้ม

แม้จะเสียดายที่ต้องเสียผู้ชายคนนี้ แต่มิวก็คิดว่าคงจะมีสักคนแหละที่เป็นของเขาจริงๆ

“งั้นอินให้รามกับคุณมิวคุยกันต่อไปดีกว่า ท่าทางจะมีเรื่องคุยกันอีกเยอะเลย ดีไหมครับคุณมิว” ทางคนตัวเล็กคนรักเก่าของรามก็พยักหน้ายิ้มๆ อย่างเห็นด้วย

ดีใจที่อินทัชจะเปิดโอกาสให้เขาได้คุยกับคนรักเก่า

“ตามนั้นนะราม”

“เดี๋ยว” ร่างสูงเรียกด้วยเสียงเข้มๆ อย่างเคยตัว

“ว่า?”

“จะไปไหน นั่งด้วยกันนี่แหละ”

“ไม่เอาอ่ะ อยากไปนอนแล้ว นั่งคุยกับคุณมิวไปเถอะ” อินทัชพูดตอบ

“แน่ใจ?”

“อืม...”

“งั้นก็เดินกลับดีๆ นะ” อินทัชคิดว่าประโยคนี้มันก็เป็นแค่คำลวงเพื่อแสดงละครตบตามิว เขาเลยลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆ เดินจากตรงนั้น โดยที่หันกลับไปมองทั้งคู่ที่กำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานแบบไม่สนใจเขาอีกแล้ว นั่นมันทำให้อินทัชคิดไปว่า

“ถ้ายังรักกัน...ก็ไม่น่าจะทำร้ายหัวใจตัวเอง”

ทำไมถึงได้รู้สึกเบื่อๆ เหนื่อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้นะ

“มันก็แค่คนใจร้ายคนหนึ่งเท่านั้น...อย่ารู้สึกอะไรไปมากกว่านี้เลยอิน”

ขอร้อง...

ให้เขาเกลียดมันต่อไปเถอะนะ...อย่าทำร้ายเขาโดยการที่ต้องรู้สึกอย่างอื่นเลย

อินทัชได้แต่มองท้องฟ้าที่มืดสนิทอย่างเศร้าใจ เขาอ้อนวอนขอร้องฟากฟ้าด้วยความกลัวทั้งหมดที่เขามี...ขอให้เขาระหว่างรามินทร์ มีแต่ความเกลียดชังกันต่อไปแค่นั้นก็พอ...


ทางด้านร่างสูงก็นั่งคุยกับมิวต่อไป แต่ใจก็ยังพะวงกับคนที่เพิ่งจะเดินจากไป เพราะสีหน้าของอินทัชดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ที่เขาชวนให้อยู่ด้วยกันนั่นเขาก็อยากให้มันอยู่ด้วยจริงๆ

ไม่ใช่เพราะเอาไว้กันมิว แต่เขาให้มันอยู่ข้างๆ

“เป็นห่วงคุณอินเหรอ”

“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ”

“ก็เห็นนั่งมองนาฬิกาไปด้วย หน้าตาเครียดๆ ถ้าเป็นห่วงก็ตามไปเถอะ มิวไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ”

“ขอโทษจริงๆ นะมิว”

“มิวเข้าใจ...แต่ถามอีกทีนะราม เรื่องเรา...มันเป็นเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม ถ้าไม่มีคุณอิน เราจะเป็นเหมือนเดิมไหม” คนตรงหน้าถามด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าสร้อยจนรามินทร์ใจอ่อนและสงสาร

“ต่อให้รามไม่มีใคร ระหว่างเราก็เป็นไปไม่ได้ รามทำใจได้ตั้งแต่สามเดือนแรกหลังจากที่มิวทิ้งไปแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นรามก็ไม่ได้รักเราจริงๆ สินะ”

“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นอย่างนั้น เพราะตอนนั้นรามก็ยังเด็กอยู่ ไม่รู้หรอกว่ารักคืออะไร แต่รามก็รู้สึกดี และมีความสุขที่อยู่กับมิวนะ”

“แต่ก็แค่เคยสินะ”

“ครับ...แค่เคย”

“อย่าปล่อยให้คุณอินหลุดมือนะราม ดูเขาเป็นคนดีมากๆ เลย ขนาดมิวพยายามที่จะแดกดันเขาหลายครั้งก็ไม่เห็นทีท่าว่าจะโกรธ” ร่างสูงนึกตามที่มิวพูดก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อคิดภาพนั้นของอินทัชออก

มันไม่โกรธเลยสักนิดที่มิวพยายามแดกดันหรือพยายามต้อนมันด้วยคำถามต่างๆ นาๆ

มันเป็นรอยยิ้มที่รามินทร์ไม่รู้ตัว

“รามยิ้มกว้างกว่าตอนอยู่กับเราอีก”

“งั้นหรือ...” รามินทร์ครางเสียงอ่อน

ตอนนี้เขากำลังสับสน...ว่าระหว่างความเกลียด ความแค้นกับความรู้สึกดีๆ ที่ก่อขึ้นมาเนี่ย เขารู้สึกยังไงกับอินทัชกันแน่...

“อย่าปล่อยให้คนนี้หลุดมือนะราม”

“ครับ”

อย่าให้หลุดมือเหรอ...จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อมันอยากจะไปจากที่นี่ตลอดเวลา...


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“อิน...มึงหลับแล้วเหรอวะ” ร่างสูงเคาะประตูห้องนอนเล็กที่เขาให้อีกคนใช้เป็นที่อาศัยใหม่ แล้วเรียกอินทัชเสียงไม่ดังมากไป แต่ก็ได้ยินเข้าไปในห้องแน่ๆ

“คุยกันก่อนได้ไหมวะ”

“มีอะไร” เสียงของคนในห้องดังออกมา

“เปิดประตู”

“มึงเมารึเปล่า?” เป็นคำถามที่ตอกย้ำความเลวร้ายที่ร่างสูงเคยทำลงไป รามินทร์ทำหน้าเจ็บปวดเมื่อคิดว่าคนๆ นี้ยังกลัวเขาอยู่ทุกวินาที

แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่กลัว ทำเป็นไม่โกรธ ไม่เอาเรื่อง ไม่เอาความ...

แต่ในใจของอินทัชมันมีแต่แผลเป็น คงยากที่จะลบมันออกไป

“กูไม่ได้ดื่ม”

แกร๊ก...

“มีอะไร” คนตัวเล็กกว่าที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวบาง กางเกงขายาวเก่าๆ เปิดประตูแล้วกอดอกถามเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย

“กูมีเรื่องจะตกลงกับมึง”

“อะไรอีกล่ะ?”

“สามเดือน กูขอเวลามึงอีกแค่สามเดือน กูจะปล่อยมึงไป” รามินทร์พูดออกมาเสียงราบเรียบ แต่เป็นประโยคที่ทำให้คนหน้าสวยยิ้มออกมาอย่างดีใจ

เห็นไหม...มันอยากจะไปจากที่นี่จะตายไป...

“จริงไหม มึงพูดจริงๆ นะ”

“อือ...”

“งั้นมึงจะให้กูทำอะไรชดใช้มึง มึงก็บอกมาเลย” มือขาวจับมือแกร่งมาเขย่าอย่างดีใจด้วยความลืมตัว

“ไม่หรอก มึงทำตามแค่ที่กูบอกเมื่อวานนั่นแหละ”

“ทำไมจู่ๆ มึงก็ยอม” คิ้วสวยขมวดแน่น

รามินทร์ส่งเสียงหึออกมาในลำคอ มองดวงหน้าหวานของอินทัชด้วยสายตาที่ต่างจากเดิมไปจนร่างบางถึงกับไม่กล้าสบสายตา

“กูแค่พอ...พอแล้วกับทุกอย่าง”

“รู้ไหมว่ากูไม่เชื่อมึงเลยราม...มึงจะมาไม้ไหนอีก หลอกให้กูตายใจ แล้วก็ทำร้ายอีกงั้นหรือ”

“ถ้ามึงหมายถึงเรื่องนั้น...กูสัญญา กูจะไม่ทำแล้ว” ถ้ามึงไม่เต็มใจ

“กูเชื่อมึงได้ใช่ไหม?”

“เออ!!”

“ถ้ากูกลับไปแล้วกูสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องอะไรมึงเลย เรามาจบเรื่องบ้าบอนี้แค่นี้ก็แล้วกันนะ กูจะยอมทุกอย่างแลกกับความแค้นของมึง แต่เรื่องนั้น...กูขอได้ไหม กูไม่เคยข่มขืนน้องมึง อย่าทำแบบนี้กับกูอีก”

พอโดนขอร้องออกมาตรงๆ แบบนี้ รามินทร์ก็ถึงกับสะอึก

แค่คำว่า ‘ข่มขืน’ ออกมาจากปากอินทัช นั่นก็หมายความว่า มันคิดว่าสิ่งที่เขาทำ คือการฝืนใจของมัน...ตอกย้ำความรู้สึกผิดให้ผู้ชายใจร้ายคนนี้เข้าไปอีก...

รามินทร์ไม่ใช่คนที่จะไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่อทำร้ายใครลงไป

ที่เขาทำมันมีเหตุผล เขาแค้น เขารักน้องสาวของเขา แต่ในทางกลับกันเขาก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง...แต่เพราะความโง่ของเขาเอง ที่แรงแค้นมันมีมากกว่าความถูกต้องทั้งหมด เขาไม่สนใจใครหน้าไหน กับจับตัวอินทัชมาทรมาน คือสิ่งที่เขาต้องการที่สุดตั้งแต่วันนั้น

วันที่น้องสาวกำลังจะฆ่าตัวตาย...จากนั้นเขาก็ฝันว่าไม่มีน้องสาวอยู่ข้างกายแล้วเสมอๆ ยิ่งรินลณีไปเรียนที่ต่างประเทศไม่ค่อยจะติดต่อมา นั่นยิ่งทำให้ฝันของเขาร้ายแรงขึ้น

เขาฝันร้ายทุกวันทั้งๆ ที่น้องสาวยังอยู่จนต้องพบจิตแพทย์แต่มันก็เป็นแค่เขาฝังใจและคิดมากจนเกินไป ถ้าเขารู้จักปล่อยวางตั้งแต่ตอนนั้น...

มันก็คงไม่ต้องมาเสียใจและเจ็บปวดกันทั้งคู่แบบนี้...

...

...

...




50%

 :ling1: :ling1: :ling1:

อัพต่อแล้วจ้า ขอบพระคุณสำหรับคอมเม้นท์ค่า ยูกิได้อ่านแล้วน้า ส่วนครึ่งหลังขอดูสถานการณ์ก่อนนะคะ พอดีรับจ๊อบจัดหน้ากับพิสูจน์อักษรมาทำหาค่าเทอมที่จะถึงนี้ อิอิ

https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 50% => (3/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 03-08-2016 22:34:35
ต้องเป็นสามเดือนที่ดีแน่ๆ รึเปล่า5555 เดาอะไรไม่ได้อะ
รามโอเคแล้ว อินยังไม่โอเค ต้องให้บทเรียนรามหนักๆ
เพราะทำเค้าไว้เยอะ หน้ามืดตามัว โหดเหี้ยมมากที่สุด
อย่ายอมง่ายๆนะอิน ถึงอิรามจะทำตัวดีก็ต้องใจแข็งไว้!
ต้องให้พี่แกทุ่มสุดตัวอะ ถึงจะเชียร์ นางทำกับนางเอกไว้เยอะ
ใครพูดอะไรก็ไม่เชื่อไม่ฟัง มีแต่ความแค้น แล้วเป็นไง
สุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นมาเลย
โอย จัดไปซะเต็มเลยค่ะ อินมากไปหน่อย อ่านแล้วโมโหอิรามมาก
ทำกับอินของเราได้ไง ใจร้ายที่สุด
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 50% => (3/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-08-2016 23:59:05
อินต้องให้บทเรียนกับคนที่ไม่ยอมปล่อยวางให้หนักเลยนะคะ อย่าใจอ่อนง่ายๆ เรารู้ว่ารามน่ะเป็นคนดี สุภาพ แต่เราไม่ชอบความไม่มีเหตุผล ความไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ความที่ไม่รู้จักปล่อยวางความแค้นจนทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 50% => (3/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 04-08-2016 00:18:03
เราชอบละครเรื่องนี้มากเลย ต้องขอบคุณมิว จริงๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 50% => (3/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-08-2016 01:36:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 50% => (3/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 04-08-2016 06:32:29
กว่าจะคิดได้นะ... :z6:..
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 50% => (3/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 04-08-2016 10:52:31
ใช่ต้องให้บทเรียนมันหนักๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 50% => (3/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-08-2016 12:27:32
อยากให้เป็น สามเดือนที่ดี จังเลย รามน่าจะรู้สึกตัวได้แล้ว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 50% => (3/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 04-08-2016 20:55:56
เวลาต่อจากนี้ ทั้งอินแล้วก็ราม จะมีมีสุขหรือมีทุกข์น้าาาา
ช่วงเวลาที่เหมือนจะรู้ใจตัว้อง ดหมือนจะเข้าใจตัวเองกันทั้งคู่
แต่ไม่อาจจะยอมรับมัน
ฮืออออ น้ำตาซึม
ยอมรับว่าใจอ่อนกับราม แต่!ๆๆ
รามต้องโดนหนักกว่านี้ ต้องหน่วงกว่านี้ ต้องเจ็บกว่านี้ !!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 50% => (3/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-08-2016 12:11:38
 :hao3:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 100% => (6/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 06-08-2016 22:44:01
ตอนที่ 22 ครึ่งหลัง






‘ฮึก ฮือ...หนูเจ็บ เจ็บมากเลยค่ะ’

หญิงสาวพยายามจะกรีดข้อมือตัวเองต่อหน้าผู้เป็นพี่ชาย...ร่างสูงใหญ่พยายามที่เกลี้ยกล่อมให้น้องสาวหยุดทำอะไรที่อันตรายแบบนี้ ใจสั่นกลัว เหงื่อไหลโทรมกาย ไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวน้องสาวจะกรีด

แต่แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาร้องเสียงดัง

‘ไม่!!! ม่าย!!!’

เขายืนมองเลือดที่ค่อยๆ ไหลออกจากแขนของน้องสาว จนแดงฉานไปทั่วพื้น รามินทร์ร้องไห้ เจ็บปวดหัวใจ ร่างกายไม่ขยับ ได้แต่ยืนมองน้องสาวที่เสียเลือดจนแน่นิ่งไป

นั่นทำให้เขารู้ว่า...รินตายแล้ว

น้องสาวของเขาจากไปแล้ว

‘พี่ราม ลาก่อนนะคะ’

‘ไม่...อย่าทิ้งพี่ริน อย่าทิ้งพี่...’ ในห้วงของฝันรามินทร์ตะโกนและร้องไห้อย่างเจ็บปวด หัวใจบีบรัดรุนแรงเมื่อเห็นน้องตายต่อหน้าต่อตา

หากแต่ก็เป็นแค่ฝันร้าย...ที่ตามหลอกหลอนเขามาตลอด



“ไม่! ริน อย่าทิ้งพี่ไป ริน!!! ม่ายยยยย” ร่างบนเสียงกระสับกระส่าย ทั้งร้อง ทั้งตะโกนจนอินทัชที่ถือวิสาสะเข้ามา ค่อยๆ ขยับไปบนเตียง

มันฝันร้าย...ฝันถึงเหตุการณ์ที่น้องฆ่าตัวตายสินะ

อินทัชไม่รู้จะทำยังไง เลยจับมือของรามินทร์เอาไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งก็ใช้เพื่อปลุกคนตัวใหญ่ที่ทำท่าทางทรมาน

“ราม...ไอ้ราม ตื่นๆ” มือขาวตบเข้าที่ใบหน้าที่ชื้นเหงื่ออย่างต้องการจะปลุกอีกคนจากความฝันเลวร้ายนั้น

แต่เจ้าตัวไม่ยอมตื่น หากแต่ก็สงบลงอย่างง่ายดายจนไม่อยากจะเชื่อ คิ้วที่ยังขมวดอยู่บ่งบอกว่ากำลังคิดอะไรวุ่นวายอยู่ในหัว

“ขนาดนอนหลับมึงยังจะมาคิดอะไรอีก”

ใบหน้าของร่างสูงดูทรมานมาก มากเสียจนอินทัชต้องเดินไปหาผ้ากับกะละมังมานั่งเช็ดเหงื่อเช็ดหน้าให้เพราะรามินทร์ไม่ยอมตื่นจากฝันร้าย

สัมผัสเย็นที่ใบหน้าทำให้ร่างสูงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืดที่มีแสงสลัวๆ มาจากโคมไฟเล็กบนหัวเตียงที่ไม่รู้เปิดขึ้นมาตอนไหน

“ใคร...”

“กูเอง” อินทัชตอบ

“มีอะไร”

“เปล่า กูมาเช็ดหน้าให้มึง มึงตะโกนลั่นบ้าน กูเลยเข้ามาดู เห็นมึงกำลังละเมออยู่” อินทัชพูดออกไป แต่ก็เช็ดไปตามใบหน้าและลำคอของร่างสูง

ซึ่งมันทำให้รามินทร์รู้สึกดี...ดีจนเผลอมองใบหน้าสวยหวานอย่างเผลอไผล

ในใจก็มีคำถาม...ทั้งๆ ที่เขาทำร้ายกับมันมาตั้งเยอะ แต่ทำไมมันถึงได้มาดูแลแบบนี้

“มองหน้ากูทำไม”

“กูแค่แปลกใจ...”

“แปลกใจอะไร” มือขาวหยุดเช็ดใบหน้าและลำคอของรามินทร์ เอาผ้าแช่เข้าไปในกะละมัง

“เปล่า...ไม่มีอะไร”

“งั้นกูจะกลับไปนอนแล้ว อย่าส่งเสียงอีกก็แล้วกัน กูนอนไม่หลับ” ร่างโปร่งลุกขึ้นพร้อมกับกะละมัง แต่รามินทร์ก็ดันเผลอเรียกชื่อเอาไว้ด้วยความไม่รู้ตัว

“อิน...”

“มีอะไรอีก”

“เปล่าหรอก”

“อะไรวะ!! เสียเวลานอนชะมัด ฮึ่ย!” เจ้าของใบหน้าสวยสะบัดหน้าหนีแล้วเดินเอาน้ำไปเทในห้องน้ำโดยที่ร่างสูงมองตามแบบไม่ให้คลาดสาย

ทั้งๆ ที่เขาทำเลว ทรมานมันไว้ แต่มันก็ยังทำดีกับเขา ในยามที่เขากำลังเดือดร้อน

ไม่แปลกใจเลย...

เขาไม่แปลกใจเลยที่ ใครๆ ก็ต่างรักและเอ็นดูอินทัชมากมายขนาดนี้

“ขอบใจ” ร่างสูงเอ่ยออกไปเบาๆ เมื่ออีกคนกำลังจะออกจากห้องนอนเขาไป ซึ่งคนตัวบางก็ชะงักนิดๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้

รามินทร์นอนไม่หลับแล้ว ดูนาฬิกาก็พบว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้า เลยทิ้งตัวลงนอนไป ข่มตานอนให้หลับอีกครั้ง แต่เพราะอินทัชเมื่อกี้ มันทำให้เขาคิดถึงเรื่องอีกคนจนนอนต่อไปไม่ได้

พยายามสลัดคนนั้นออกไปจากความคิดแต่ก็ทำไม่ได้

พื้นที่ในใจเริ่มจะมีอินทัชเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง จนเขาไม่อยากจะยอมรับ

“เฮ้อ...”


อินทัชกวาดบ้าน ถูบ้านให้เสร็จ ก่อนจะไปที่โรงครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้กับรามินทร์ ซึ่งเป็นหน้าที่พ่อบ้านที่ดีมากๆ อย่างเขา ไม่ได้ประชดประชันอะไรตัวเองเลยจริงๆ

“คุณอินทำอาหารเก่งขึ้นเรื่อยๆ เลย หัวไวมากค่ะ” ป้ารีชม ทำเอาอินทัชยิ้มเขินๆ

“ขอบคุณครับ เพราะมีครูดีอย่างป้ารีไง”

“คุณอินปากหวาน”

“ฮะๆ”

“ยิ้มบ่อยๆ หัวเราะบ่อยๆ ได้ไหมคะ ป้าชอบรอยยิ้มของคุณอิน สวยดี” อินทัชยิ้มกว้างเลยล่ะทีนี้ ทำเอาป้ารียิ้มออกมาอย่างเอ็นดู

“จะยิ้มให้ตกหลุมรักเลยป้ารี”

“แหนะ! จะให้ป้านอกใจสามีกับลูกเหรอคะ”

“ฮ่าๆ ป้ารีตลกจังนะครับ”

นี่เป็นครั้งแรกเลยล่ะมั้งที่เห็นแววตาที่ประกายด้วยความสุขจริงๆ ไม่ใช่แบบอมทุกข์อย่างที่ผ่านของอินทัช สงสัยระหว่างอินทัชกับเจ้านายเธอ คงจะดีกันแล้ว

ตอนนี้เรื่องที่อินทัชเป็นคนรักของรามินทร์ก็ยิ่งถูกพูดเข้าไปอีกเนื่องจากมีเหตุการณ์ของมิวมาทำให้เรื่องมันเลยเถิดไปกันใหญ่ รามินทร์ไม่คิดจะแก้ข่าว เขาก็คงจะทำอะไรไม่ได้

“งั้นผมขอเอาอาหารไปเสิร์ฟเจ้านายป้ารีก่อนนะครับ”

“จ้า”

ร่างโปร่งถือปิ่นโตที่ใส่อาหารหลากหลายอย่างเอาไว้ไปเตรียมใส่จานให้กับคนที่กำลังนอนหลับเป็นตายอยู่ที่บ้านพัก...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“อะไร” เสียงของคนในห้องถามขึ้นมา

“กับข้าวพร้อมแล้ว มึงไปกินได้”

“อือๆ”

“มีอะไรอีกไหม”

“ไปล้างห้องน้ำทุกห้องในรีสอร์ทยกเว้นพวกห้องพัก แล้วก็เอาเสื้อผ้าคนงานไปนั่งซัก แค่นั้นแหละ” เป็นงานที่ร่างสูงสั่งเพื่อปกป้องตัวเอง

ความรู้สึกที่มีต่ออินทัชมันเปลี่ยนไปจนเขากลัว...

สิ่งที่ทำได้ก็คือต้องเป็นเหมือนเดิม...

“เออๆ”

อินทัชรับคำสั่งนั่นด้วยความชินชา งานหนักกว่านี้ก็เคยมาแล้ว แค่ซักเสื้อผ้าคนงานทั้งหมดก็ไม่ยากอะไรหรอกล่ะมั้ง...

อดทนไว้อิน...เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว


ช่วงสายๆ เกือบจะเที่ยง อินทัชที่เสร็จภารกิจล้างห้องน้ำ เดินจากตัวอาคารมาเห็นร่างสูงของรามินทร์กำลังยืนคุยกับผู้ชายตัวเล็กๆ หน้าหวานๆ แต่ดูเยือกเย็น ด้วยรอยยิ้มแพรวพราว ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่คนเดียวกันกับมิว เพราะรามินทร์ออกจากบ้านพักแต่เช้าเพื่อจะไปส่งคนรักเก่าที่ในตัวเมืองตามที่พูดกันเมื่อคืน

เฮอะ! แฟนเก่าเพิ่งจะกลับไป นี่ก็มาม่อคนใหม่เลยนะ!!

ความเหนื่อยของอินทัชมันตีขึ้นหน้า อยากจะด่ามันใจจะขาด โดยไม่รู้ตัว สองเท้าของเขาก็ก้าวไปหาทั้งสองด้วยความโมโห โกรธ และหงุดหงิดแปลกๆ

เขาทำงานหนักๆ เหนื่อยๆ แต่มันเอาเวลามาจีบหนุ่มหน้าหวานคนนี้นี่นะ!!

เอ๊ะ! ว่าแต่ทำไมกูต้องหงุดหงิดวะ ใช่! เขาแค่โมโห คนงานก็ทำงานกัน เจ้านายก็เอาเวลามาจีบหนุ่มแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน เฮอะ!!

“ไอ้ราม!! มึงมันชั่ว...นี่มึงสั่งให้กูไปล้างห้องน้ำลำบากๆ แต่มึงมาม่อหนุ่มหน้าตาน่ารักๆ แบบนี้เนี่ยนะ อย่าทำเหมือนกูเป็นขี้ข้ามึงนะเว้ย!” อินทัชเปิดฉากด่าอย่างหงุดหงิด จนทั้งสองหันมาสนใจเขา

“เรื่องของกู มึงไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่กู” รามินทร์ขึ้นเสียงติดจะตะคอกก็ว่าได้

“ทำไมๆ กูจะด่ามึง จะตะโกนใส่มึง จะประกาศให้ทุกคนรู้ว่ามึงมันชั่วแค่ไหนที่จับกูมา!!” อินทัชโวยวายออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

เขาหงุดหงิด เขาไม่พอใจ...เขาเหนื่อย เขาเบื่อมัน เขาเกลียดมัน

โว้ย!!! สับสน...

“อะไรนะครับ” ผู้ชายหน้าหวานถามขึ้นเพราะฟังไม่ค่อยชัด

“ไม่มีอะไรหรอกคุณดรีม ลูกน้องของผมมันค่อนข้างก้าวร้าว ไม่ค่อยมีใครสั่งสอน” รามินทร์หันมาอธิบายให้คนที่เกิดสงสัยฟัง

“มึงมันชั่วไอ้ราม ฮึ่ย! กูเกลียดมึง! ส่วนนาย...ระวังมันจะหลอกเอาอีกคนล่ะ” อินทัชพูดเตือนเด็กคนนั้นจบก็เดินหนีไปทันที

รามินทร์ยิ้มเบาๆ มองตามร่างโปร่งบางไป ไม่ได้โกรธเลยสักนิดที่โดนคนที่เป็นทาสมาต่อว่าเขาปาวๆ แบบนี้ ทั้งที่ปกติ รามินทร์จะต้องโกรธแท้ๆ

มันเป็นสัญญาณเตือน ว่าความรู้สึกของรามินทร์เริ่มเปลี่ยนไป

“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินตามอินทัชไปด้วยใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ รู้สึกดีใจแปลกๆ ที่เห็นอินทัชเหวี่ยงขนาดนั้น

ทั้งๆ ที่ไม่รู้เหตุผล แต่เขาก็รู้สึกชอบใจน่ะนะ


อินทัชนั่งขยี้ผ้าในมือตรงลำธารที่ประจำในการซักผ้าด้วยมือของเขาด้วยอารามโกรธ โมโห...แถมมันยังตามมาถากถางเขาก่อนที่จะมานั่งซักผ้ากองเท่าภูเขานี่อีก

อะไรกันนักกันหนาวะ

หงุดหงิดโว้ย!!!

“เอ่อ...มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” ร่างโปร่งบางชะงักมือที่กำลังขยี้อย่างแปลกใจก่อนจะเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่รามินทร์เรียกเด็กหน้าหวานนี้ว่า ‘ดรีม’

“นายมาที่นี่ได้ยังไง” เสียงทุ้มของอินทัชถาม ใบหน้าติดนิ่งๆ ตามแบบฉบับ

“เอ่อ...คุณรามินทร์ให้ผมมาเดินเล่นได้น่ะครับ” เด็กนั่นตอบ

อินทัชเบะปากหมั่นไส้ ที่รู้ถึงความใจดีของรามินทร์ ที่แม่งเขาไม่เคยได้!!

“เฮอะ!! คงสำคัญกับมันล่ะสิ” หันไปซักผ้าต่อ

“ไม่ใช่หรอกครับ ผมก็แค่เคยเป็นลูกค้าของที่นี่น่ะครับ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรหรือครับ” คนตรงหน้ายังถามไม่หยุด

“พี่?”

“ก็ผมอายุแค่ยี่สิบ กว่าๆ เองนะครับ” คนตรงหน้ายิ้มให้อินทัช

“ถามชื่อฉันแต่ไม่คิดจะแนะนำตัวเองนี่นะ”

“เอ่อ...ขอโทษนะฮะ ผมชื่อดรีมครับ ปลายฝัน สุขสวัสดิ์” ร่างเล็กแนะนำตัว

“ปลายฝัน สุขสวัสดิ์” อินทัชพึมพำ หัวใจเต้นเร็ว

คู่หมั้นของผู้สืบทอดอภิหชัยบดินทร์ คนนี้ต้องรู้จักกับธีร์เพื่อนของเขาแน่ๆ

อยากจะถามถึงเพื่อน...แต่ก็ไม่ถามมันออกไป

“ฉันชื่อ อินทัช เรียกว่า ‘อิน’ ก็ได้” ร่างโปร่งบางแนะนำตัวเอง ไม่แปลกใจที่คนตรงหน้าจะไม่รู้จักเขา เพราะเราสองคนไม่เคยเจอ ไม่เคยทำความรู้กันมาก่อน แม้ว่าธีร์เพื่อนของเขาจะเป็นคนสนิทของอัคนีที่เป็นหนึ่งในคู่หมั้นของปลายฝัน ก็ไม่ได้หายความว่าเพื่อนอย่างเขาต้องรู้จักกับอภิหชัยบดินทร์ทุกคน

“ครับพี่อิน”

ตีสนิทเลยนะ แต่ช่างเถอะ เป็นเด็กไมมีพิษมีภัยอะไร

ที่สำคัญมีคนรักอยู่แล้ว แต่ทำไมมาคนเดียวล่ะ?

“แล้วไอ้รามล่ะ” ถามหาอีกคน

“ไม่รู้สิครับ คุณรามินทร์แค่บอกว่ามาเดินเที่ยวที่นี่ได้ ผมก็ลองมาแล้วมาเจอพี่อินกำลังซักผ้าอยู่นี่ล่ะฮะ ว่าแต่ทำไมเสื้อผ้าพี่เยอะจังเลย”

“เยอะบ้าอะไรล่ะ นี่ของคนงานทั้งหมดเลยเถอะ” ตอบเสียงแค้นเคือง

ไอ้คนโกหกที่บอกว่าไม่ต้องทำงานหนักอะไรนั่น เชื่อไม่ได้ทั้งเพ

“อ้าว? ทำไมพี่ถึงได้เอาของคนอื่นมาซักล่ะครับ” ปลายฝันถามอย่างสงสัย

“ก็มันสั่งไง ถ้าไม่ทำตามมันเดี๋ยวมันจะซ้อมเอา” ก็ใส่ร้ายเกินจริงไปหน่อย แต่มันก็ทำโทษจริงๆ นั่นแหละ ไม่ด่าก็แกล้งทำตรงนั้นตรงนี้สกปรกให้เขาตามทำความสะอาด

“คุณรามินทร์โหดขนาดนี้เลยหรือครับ”

“ไม่กลัวหรอก มันทำกับฉันแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ”

ถ้าปลายฝันสังเกตไม่ผิด เสี้ยววินาทีหนึ่งเขาเห็นสายตาเศร้าๆ มาจากอินทัชด้วย แต่ก็เพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น จนมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ ระหว่างรามินทร์กับอินทัชขึ้นมา

แต่มันเป็นเรื่องของพวกเขา ปลายฝันก็จะไม่เข้าไปยุ่ง

“ให้ช่วยไหมฮะ” ถามด้วยความหวังดี

“ไม่ต้องหรอก ขืนให้นายมาช่วยฉันจะโดนทำโทษหนักน่ะสิ กลับไปเถอะ หรือเดินเล่นต่อก็ได้ แต่ไม่ต้องมายุ่งกับฉันก็พอ” อินทัชเอ่ยปากไล่

ถ้าให้แขกคนสำคัญของไอ้รามมาทำงานพวกนั้นได้หาเรื่องด่าเขาอีกแน่ๆ

ขี้เกียจจะฟังแล้ว!!

“แต่ว่า...”

“ใช่แล้วล่ะครับคุณดรีม อย่าไปช่วยคนอย่างนั้นเลยล่ะครับ ขึ้นไปหาอะไรทานกับผมดีกว่าไหม มีเรื่องงานจะพูดด้วยน่ะครับ” รามินทร์ที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหน เดินเข้ามายืนข้างๆ กับปลายฝัน แล้วมองอินทัชอย่างเยาะเย้ย

มันเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ...หรือเพราะมีปลายฝันอยู่ด้วยถึงได้ทำกร่างให้ตัวเองดูดี?

“อ่า...งานอะไรหรือครับ” ปลายฝันถามรามินทร์

“งานสำคัญมากๆ เลยน่ะครับ”

“โอเคครับ งั้นพี่อิน เดี๋ยวคุยกันใหม่นะฮะ” ปลายฝันหันไปพูดกับอินทัช แต่คนที่ร่างบางพูดด้วยก็ไม่สนใจ หันไปซักผ้ากองใหญ่ต่ออย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

จะพากันไปไหนก็ไป...





100%

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ในส่วนที่ดรีมมา ถ้ากลับไปอ่านเรื่องของน้อง น้องจะพึมพำว่าเป็นหน้าร้อน...(ยูกิแบบเปลี่ยนไม่ทันแล้วไง ขออนุญาตใช้เรื่องนี้เป็นฤดูฝนนะคะ ขออภัยในความผิดพลาดจริงๆ ยูกิเอาน้องมาก่อนหน้านี้ไม่ได้น่ะค่ะ วางโครงไปแล้ว ลืมคิดถึงประโยคเล็กๆ ไปเลย คิดซะว่าน้องอยู่กรุงเทพฯ แล้วฝนไม่ตกพอมานี่ ก็ลืมคิดถึงเดือนเพราะกำลังเสียใจ เลยคิดผิดฤดูแล้วกันเนาะ แหะๆ)

เม้นท์ๆ ด้วยนาจา เม้นท์หาย ยูกิก็หาย ฮ่าๆ (ว่าไปนั่น)
https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 100% => (6/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-08-2016 23:09:38
โอ้ยยยย วุ่นวายนะ รามจะเอายังไงก็ทำสักที ตอนนี้ยังไงอินทัชก็ไม่เชื่อใจนะ รู้ไหม
สงสารอินทัช คิดมากไปอีก เป็นตัวปลอมไปอีก หึงล่ะสิ ถามใจตัวเองดูให้ดีนะอิน

ดรีมมาแล้ว เดี๋ยวสองแสบก็ตามเจอค่ะ คงได้กลับเร็วๆนี้ใช่ไหม
ดรีมออกจะน่ารัก อินอย่าเคืองน้องเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 100% => (6/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-08-2016 23:16:19
 :katai2-1:



จะได้กลับแล้วๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 100% => (6/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 06-08-2016 23:32:11
 :hao3:  :hao3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 100% => (6/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-08-2016 02:45:50
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 100% => (6/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-08-2016 07:04:17
555555 น้องดรีมสับสนเหรอ....
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 100% => (6/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-08-2016 08:05:34
เดี๋ยวคงจะได้กลับบ้านแล้วทนๆไปนะอิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 100% => (6/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 08-08-2016 15:54:44
ฉากนี้ที่ดรีมมาที่รีสอร์ทรามสินะ
จำได้ๆ
ปล.ขอมาม่า
5555++
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 100% => (6/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 08-08-2016 15:56:25
อินหึงคุณรามหรอ  55555555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 100% => (6/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 08-08-2016 19:42:32
แสดงว่าอีกไม่นาน อินจะได้กลับบ้านแล้วซินะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 22 100% => (6/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 09-08-2016 22:38:31
แอบมาให้กำลังใจค่ะ...
เรื่องนี้ช่วงแรกแอบไม่ชอบคุณรามมากอะคะ
ตอนนี้เหมือนจะเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังคงงอนคุณรามอยู่ดี
รอน้องอินเอาคืนเล็ก(แบบเจ็บๆ)อยู่นะคะ... ^_^ ...
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 10-08-2016 12:58:33
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 23
ใส่ร้าย




ช่วงนี้ฝนตกบ่อยมาก บรรยากาศทำเอาไม่อยากลุกจากที่นอน แต่ว่าจักรก็ต้องดีดตัวลุกขึ้นมาจากที่นอนที่ปูให้นอนข้างล่าง จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านไปอาทิตย์กว่าแล้วที่เขาต้องมานอนเป็นเพื่อนเจ้าจอม

คนตัวเล็กขยันมีข้ออ้างมาให้เขานอนที่นี่เสมอๆ และจักรเองก็ค่อนข้างจะเต็มใจมาอยู่แม้ว่าจะต้องถูกยั่วให้ขันติพร้อมแตกซ่านได้ทุกเมื่อ

“เจ็ดโมง ฝนยังตกหนักอยู่เลย ฟ้าก็มืดๆ” เขาลุกขึ้นผับผ้าปูแล้วนำไปใส่ในตู้เหมือนเดิม แอบมองไปยังร่างเล็กที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียง

ภาพตรงหน้านี้เหมือนเทวดารูปงามองค์น้อยกำลังนอนหลับอยู่ ช่างเป็นภาพที่สวยงาม ทำเอาเป็นเช้าที่มีความสุขมาเป็นอาทิตย์เลย

วาดฝันไว้ว่าอยากจะมีเจ้าจอมอยู่ข้างกาย ตื่นขึ้นมาก็เห็นกันและกันเป็นอันดับแรก แค่คิดก็มีความสุขแล้ว แต่ว่ามันจะมีวันนั้นไหม

วันที่หมาวัดจนๆ จะมีดอกฟ้า ยืนอยู่เคียงข้าง

“ผมไปทำงานก่อนนะครับ”

จักรพูดเบาๆ ด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ก่อนจะเดินออกจากบ้านของเจ้าจอมเพื่อไปทำงานของตน ส่วนทางด้านร่างบางเองก็ตื่นตามเวลาที่นาฬิกาปลุก ไม่เห็นจักรอยู่ก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไร หากแต่ก็อารมณ์ดี ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน...


ร่างเล็กเดินดูรอบๆ ของรีสอร์ทเรื่อยๆ หลังจากไม่มีงานบัญชีสำคัญที่ต้องทำ เพราะส่วนพวกนั้นก็ให้พนักงานคนอื่นทำเอาก็ได้ เจ้าจอมเดินด้วยสีหน้านิ่งๆ สังเกตคนงานไปด้วย ก็พบว่าเหล่าคนงานส่วนใหญ่มักจะมองเขาแบบแปลกๆ พอเจอเขาก็หันหนี บางคนก็เดินหนี ไม่ทักทายเหมือนแต่ก่อน บ้างพอเขาเดินผ่านก็พากันซุบซิบอะไรก็ไม่รู้ เจ้าจอมไม่แน่ใจ แต่ที่เขามั่นใจเลยก็คือ...

มันเกี่ยวกับเขา...

และมันก็น่าจะเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานด้วย

“เฮ้อ...เบื่อจัง แค่คำพูดคนไม่กี่คำก็ทำเอาให้เป็นเรื่องขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมต้องทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่”

มันทำให้เจ้าจอมรู้ว่าความดีที่ผ่านมาที่ตัวเองทำ มันไม่ได้ทำให้เขาดูเป็นผู้บริสุทธิ์ได้เลยสินะ...คิดว่าเขาเป็นมารร้ายไปกันหมดแล้วสิ

“ก็อุตส่าห์เตือนแล้วนะ ว่าอย่าลองดีกับฉัน!”

เจ้าจอมพูดกับตัวเองเบาๆ แต่ดวงตาฉายแววแข้งกร้าวและแน่วแน่

คนตัวเล็กว่าแล้วก็ออกเดินต่อ แต่ผ่านแท้งค์น้ำใหญ่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนงานพูดถึงเขาอย่างเมามันส์เลยทีเดียว...

ที่จริงแล้วงานของเจ้าจอมคืองานบัญชี จะมีส่วนน้อยที่เขาไปทำส่วนอื่นๆ ของรีสอร์ท เพราะทุกคนก็มีหน้าที่เป็นของตัวเองอยู่แล้ว หากแต่ในฐานะที่เจ้าจอมเป็นน้องชายของเจ้าของรีสอร์ท นั่นก็หมายความว่าเจ้าจอมคือเจ้านายอีกคนของคนงานที่นี่ รวมถึงที่อื่นๆ ด้วย

การที่ได้ยินคนงานพูดถึงเขาในทางไม่ดี...ก็คงไม่มีใครชอบใจเท่าไหร่หรอกมั้ง

“ฉันเห็นกับตาว่าเมื่อวานคุณจอมเขาต่อว่านังแก้ว”

“เห็นแต่ไม่ได้ยินนี่ จะไปกล่าวหาคุณจอมเขาได้ยังไง”

“แต่นังแก้วมันร้องไห้บอกว่าอย่าไล่มันออก แกคิดว่าคุณจอมจะพูดอะไรล่ะ”

“แล้วคุณจอมเขาจะทำไปทำไมล่ะ”

“เรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับพี่จักรแน่ๆ”

“ยังไง? เกี่ยวกับพี่จักรยังไง”

“ก็นังแก้วมันชอบพี่จักร แล้วช่วงนี้คุณจอมก็ดูจะติดพี่จักรมากๆ เลย ฉันคิดว่าคงจะเป็นเรื่องนี้แน่ๆ คุณจอมคงชอบพี่จักรนั่นแหละ แล้วก็น่าจะรู้เรื่องที่แก้วมันชอบพี่จักร เพราะก่อนจะมีเรื่องเมื่อวานนี้นะ คุณจอมก็เคยต่อว่านังแก้วตอนที่แอบเอาวัตถุดิบในครัวไปทำอาหารให้พี่จักรน่ะสิ”

“เออจริงด้วย มีเค้าอย่างที่แกว่าจริงๆ คุณจอมไม่น่าทำอย่างนี้เลยนะ เพราะยังไงพี่จักรก็ชอบผู้หญิงอยู่แล้ว”

เจ้าจอมยืนกำมือแน่นด้วยความโมโหที่ต้องฟังคนงานหญิงนินทาเขาอยู่ในระยะประชิดแบบนี้...เรื่องนี้มันชักจะเข้าทางของแก้วไปกันใหญ่แล้ว

“เฮ้อ...ไม่รู้นังแก้วจะโดนอะไรบ้าง เพราะคุณจอมดันเป็นเกย์นี่สิแก คงไม่ปล่อยไปง่ายๆ หรอก”

“เออๆ ฉันก็ว่านังแก้วมันซวยแล้วล่ะ”

เออ!!! มันซวยแล้วจริงๆ นั่นแหละ

คิดผิดแล้วที่คิดจะต่อกรกับคนอย่างเจ้าจอม...

“สงสารพี่จักรด้วย ปฏิเสธคุณจอมไม่ได้แน่ๆ เลย ก็เขาเป็นเจ้านายนี่นา”

“ใช่ๆ ฉันก็เห็นด้วยกับแก”

“หวังว่าคุณจอมคงไม่ทำอะไรถึงกับไล่ออกหรอกนะ”

“ไม่หรอก...” คราวนี้ไม่ใช่เสียงของเพื่อนคู่สนทนาของเธอที่เป็นคนตอบ แต่เป็นเจ้าจอมเองที่ตอบ ร่างเล็กที่สูงกว่าผู้หญิงไม่กี่เซ็นเดินออกมาด้วยสีหน้าที่แสร้งทำเป็นเสียใจ

“ค่ะ คุณจอม” สองสาวอุทานชื่อของเจ้านายเสียงสั่น ทำหน้าเลิกลักตัวสั่น เพราะกลัวจะโดนไล่ออก

“ฉันไม่ไล่ใครออกแบบไม่มีเหตุผลหรอกนะ พวกเธอสบายใจได้ แต่เวลานี้เป็นเวลางานไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ทำงาน” เขาถามออกไปเสียงอ่อน ไม่ได้ขึ้นเสียง ไม่ได้กระชากเสียง ใบหน้าเองก็ดูเศร้าๆ

“ค่ะ คือเรามาขนน้ำเข้าครัวน่ะค่ะ”

“กำลังจะไปแล้วค่ะ”

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ฉันไม่ตำหนิเธอสองคนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะถูกมองไม่ดีอีก หวังว่าเธอสองคนคงไม่เอาสิ่งที่ฉันกำลังพูดไปแปลงเป็นแบบอื่นนะ” เจ้าจอมพูดเศร้าๆ

“ย่ะ ยังไงคะ”

“ช่างเถอะ...เอาเป็นว่าฉันจะไม่ดุ ไม่ตำหนิใครเวลาบกพร่องต่อหน้าที่ก็ได้นะ แต่ได้โปรด อย่าใส่ร้ายฉันเลย...แค่นี้คนงานก็มองฉันไม่ดีอยู่แล้ว”

“คุณจอมคะ พวกเราจะไปใส่ร้ายคุณจอมได้ยังไง”

“ใครจะไปรู้ล่ะ เมื่อวานฉันก็แค่ตำหนิคนงานบกพร่องต่อหน้าที่เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันควรจะทำ แต่แก้วก็ดันว่าฉันจะไล่ออก นี่ถ้ามีกล้องกับตัวบันทึกเสียงก็คงจะยืนยันความบริสุทธิ์ของฉันได้ แต่นี่ก็...ก็ไม่มี ทุกคนก็เข้าใจฉันผิดแบบนี้ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ออกจากห้องทำงานแล้วก็ได้ พวกเธอไปทำงานต่อเถอะ...ฉ่ะ ฉัน อึก...ขอตัว” เจ้าจอมน้ำตาไหลก่อนจะเดินหนีทั้งสองสาวไปอย่างไม่สนใจจะมองกลับมา ทิ้งให้คนงานสองสาวยืนตัวสั่นด้วยความรู้สึกผิด

“เอาไงดีแก คุณจอมร้องไห้ด้วยล่ะ”

“นั่นสิ น่าสงสารจังเลย...จริงๆ แล้วมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณจอมนะที่ต่อว่าหรือตำหนิเรา เพราะเขาเป็นเจ้านาย”

“แล้วคุณจอมจะบอกคุณรามไหมแก ฉันกลัวจัง”

“ไม่หรอก ขนาดเมื่อกี้คุณจอมยังไม่เอาเรื่องเราเลย คุณจอมไม่ฟ้องนายท่านหรอก”

“จริงสินะ”

“เราต้องกระจายเรื่องนี้ใหม่ ทุกคนจะได้เลิกนินทาว่าร้ายคุณจอมของเราผิดๆ อีก”

“ใช่ๆ คุณจอมของเราออกจะเป็นคนน่ารัก นิสัยดี จะมีนิสัยร้ายกาจแบบที่นังแก้วมันเล่าได้ยังไง”

“อีนี่มันตอแหลจริงๆ มันบอกฉันเองว่ามันโดนคุณจอมข่มขู่จะไล่ออก”

“คิดยังไงถึงใส่ร้ายเจ้านายที่น่ารักของเราได้”

หญิงสาวคนงานทั้งสองคนเดินมุ่งมั่นกลับไป โดยมีเจ้าจอมยืนยิ้มอย่างสะใจอยู่หลังต้นไม้ใหญ่เพื่อแบฟังสองสาวที่ตอนแรกนินทาเขา พอเขาแสดงละครนิดหน่อยก็เปลี่ยนมาสงสารเขา

ก็บอกแล้วไงว่าเจ้าจอมเป็นคนน่ารักของที่นี่เสมอ...

ใครๆ ก็รู้ว่าเจ้าจอมคือเทวดาตัวน้อยของรีสอร์ท เป็นที่รักของคนงานทุกคนๆ แต่พอมีเรื่องขึ้นมา คนเราก็มักจะเชื่อแต่ข่าวโคมลอย ออกจากปากคนแบบไม่มีหลักฐาน คนไม่ผิด...กลายเป็นคนผิดได้เพราะคำพูดของคน


“จริงเหรอ!! คุณจอมเนี่ยนะร้องไห้” เหล่าคนงานที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ในโรงครัวของคนงาน นั่งฟังข่าวใหม่ที่สองสาวขานินทาของรีสอร์ทอย่างตกใจ

พอรู้ว่าทำเจ้านายเสียใจ ทุกคนที่เอาไปพูดนินทาในทางที่ไม่ดีก็รู้สึกเสียใจที่ทำเอาเทวดาองค์น้อยของพวกเขาต้องเสียใจร้องไห้

“คุณจอมบอกว่าจะไม่ออกจากห้องทำงานแล้ว กลัวจะมีคนแกล้งอีก”

“งั้นนังแก้วก็ใส่ร้ายคุณจอมน่ะสิ” เสียงคนงานคนหนึ่งตะโกนถาม เจ้าตัวที่ถูกพูดถึงก็สะดุ้งด้วยความตกใจไม่คิดว่าเรื่องมันจะเปลี่ยนเร็วแบบไม่ทันจะข้ามวันแบบนี้

อะไรกัน...ทำไมเรื่องมันกลับมาที่เธอได้

นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าจอมบอกว่าเธอไม่มีทางจะสู้ได้

หญิงสาวลังเลไม่กล้าออกไปทานข้าวกับเพื่อนร่วมงานเพราะกลัวจะถูกซักหรือต่อว่า หากแต่คนที่มาหยุดอยู่หลังเธอก็ดังขึ้นมาก่อน

“ทำไมไม่ไปกินข้าวล่ะแก้ว”

“คือว่า...แก้วไม่กล้าเข้าไปน่ะพี่จักร”

“อ้าว? ทำไมล่ะ” จักรที่จะมาทานข้าวถึงกับทำหน้าสงสัย ไม่เข้าใจ มองใบหน้าที่แสนจะเศร้าสร้อยของเธอด้วยความเป็นห่วง

ไม่ได้ห่วงในฐานะอื่นใด แต่ห่วงในฐานะที่เห็นหน้ากันมาหลายปี

“คือ...มีคนพูดว่าฉันใส่ร้ายคุณจอมน่ะจ่ะ แต่ฉันพูดจริงๆ นะพี่จักร เมื่อวานคุณจอมจะไล่ฉันออกจากรีสอร์ทจริงๆ นะพี่ แต่ทำไมมีคนว่าฉัน ฮึก ใส่ร้ายคุณจอมล่ะ”

“พี่ก็ไม่เชื่อว่าคุณจอมจะพูด”

“งั้นพี่จักร ฮึก ก็หมายความว่าเชื่อว่าแก้วใส่ร้ายคุณจอมหรือจ้ะ” หญิงสาวมองคนตัวโตน้ำตาคลอ

“เปล่า...ไปเถอะ ไปกินข้าว” จักรดึงข้อมือของแก้วให้เข้าไปในโรงครัวด้วยกัน ทุกสายตาจับจ้องมาที่จักรและเธอ แต่จักรก็ปล่อยมือแก้ว แล้วเดินไปหาคนงานที่เป็นเพื่อนสนิททันที

“มาแล้วเหรอนังแก้ว!!” เสียงเรียกชื่อแก้วจากปากของคนงานหญิงที่เจ้าจอมเผลอไปได้ยินว่ากำลังนินทาเมื่อไม่กี่ชั่วดมงที่ผ่านมา

“เอ่อ...อะไรหรือจ้ะ”

“แกใส่ร้ายคุณจอมทำไม คุณจอมคนดีของเราไม่มีทางพูดไล่ออกใครต่อใครง่ายๆ หรอก เราก็อุตส่าห์หลงเชื่อ พอมาคิดดีๆ คุณจอมก็ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลย จะไล่แกออกได้ยังไง”

“คือว่า ฉัน...” แก้วอึกอัก

ในใจว้าวุ่นเพราะทุกอย่างมันไม่เป็นไปตามที่เธอคิดเลยสักนิด

นี่หรือคือฤทธิ์ของเจ้าจอม...

“ฉันขอโทษจ้ะ อึก เมื่อวานฉันตกใจ กลัว เลยอาจตื่นตูมไปเอง ฉันไม่ได้เจตนาที่จะใส่ร้ายคุณจอมนะจ้ะ” แก้วก้มหน้าพูดทั้งน้ำตา เรียกความสงสารจากเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี แต่บางคนก็ไม่รู้สึกด้วย

“การตื่นตูมของเองมันส่งผลเสียหายต่อคุณจอมมาก”

“พอเถอะแตง แก้วมันสำนึกแล้ว” จักรรีบช่วยห้าม

“สำนึกได้ก็ดีพี่จักร แล้วก็อย่าทำตื่นตูมอีก คุณจอมของเราเป็นคนดี ยังไงแกก็ต้องไปขอโทษคุณจอมด้วย” หญิงสาวเจ้าของชื่อแตงเอ่ย

“ได้จ้ะ ฉันจะไปขอโทษคุณจอม” แก้วรับคำสั่งด้วยสีหน้าเศร้าๆ

เพียงแค่นี้ เหล่าคนงานทุกคนก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร เพราะแก้วไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ถ้ามันจะผิดก็ผิดกันทุกคนนั่นแหละ ที่ไปพูดถึงเจ้านายแบบไม่ดีอย่างนั้น

“งั้นก็จบแค่นี้แหละนะ แก้วมันก็ไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้หรอก” จักรว่า มองหน้าแก้วด้วยความรู้สึกสงสาร แต่ก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เนื่องจากสิ่งที่แก้วพลาดมันทำให้เขาไม่พอใจ

ใครที่ทำให้เจ้าจอมดูไม่ดี ถูกพูดถึงเสียๆ หายๆ จักรโกรธทั้งนั้น แต่แค่ไม่แสดงมันออกมา...

“จ้ะ...แต่แกคงจะหาตัวคุณจอมยากหน่อยนะนังแก้ว เพราะคุณจอมเขาบอกกับฉันทั้งน้ำตาเองว่าจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับคนงานอีก จะอยู่ทำงานแต่ในออฟฟิสแล้วก็กลับบ้านพัก เพราะเรื่องที่คุณจอมถูกนินทาทำให้คุณเขาเสียใจมาก”

“ว่ายังไงนะแตง” จักรหันมามองคนพูดอย่างเครียดและตกใจ

คุณจอมของไห้?

เทวดาน้อยของเขาร้องไห้งั้นหรือ...

“ก็ตามนั้นแหละพี่จักร ถ้าคุณจอมไล่ใครออกง่ายๆ ขนาดนั้น ฉันกับนังส้มคงจะโดนไล่ออกไปแล้วเพราะดันไปพูดถึงคุณจอมในทางที่ไม่ดีจนคุณเขามาได้ยินขนาดนั้น”

“จริงหรือเปล่า จริงหรือเปล่าที่คุณจอมร้องไห้” ถามเสียงรีบร้อน

ในใจร้อนรนไปหมด กายเขายังอยู่ที่นี่ก็จริง แต่ใจมันลอยไปหาใครอีกคนที่เป้นเจ้าของหัวใจเขาแล้ว

“จริงจ้ะ!”

“วันนี้พี่ไม่กินข้าวนะ พวกมึง กูไปก่อนนะ”

ไม่สนใจอะไรแล้ว...ร่างสูงของจักรวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันทีด้วยความเป็นห่วง จักรวิ่งหน้าตั้งไปสถานที่ที่เขารู้จักดีแต่ไม่เคยได้เข้าไป เพราะมันไม่ใช่ที่ทำงานของเขา ไม่ใช่ที่ๆ เขาจะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า

แต่วันนี้เขาจะไม่สนเรื่องนั้นอีกต่อไป!!

เขาตรงไปที่ออฟฟิสของเจ้าจอมพรวดพราดเข้าไปในห้องโดยที่เจ้าของไม่ได้อนุญาต พอไปถึงก็พบว่าเจ้าจอมกำลังนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ จักรทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองอย่างเจ็บปวดเหลือเกิน

“คุณจอม...” เรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงแผ่ว

“จักร ฮึก...”

“โธ่...คนสวยของจักร ร้องไห้ทำไมครับ”

“ทุกคนว่าฉัน ฮึก ทุกคนด่าฉัน...ฮือ ฉันไม่ได้ทำ” พอเห็นเจ้าจอมร้องไห้หนักขนาดนี้ จักรก็ไม่มีอะไรต้องคิดมากอีกต่อไป เดินไปคว้าคนตัวเล็กมาโอบกอดไว้อย่างแนบแน่น

จักรไม่เคยกล้าสัมผัสตัวของเจ้าจอม แต่วันนี้เขาทำ ไม่รับรู้ ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ขอให้เขาได้เป็นคนที่ปลอบโยน ได้เป็นคนที่เจ้าจอมพึงพา

นั่นคือสิ่งที่จักรต้องการตอนนี้

“ไม่ร้องนะครับ ผมจะปกป้องคุณเอง ไม่มีใครว่าคุณแล้วครับ ไม่มีแล้ว” มือหยาบลูบกลุ่มผมบางอย่างปลอบประโลม

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะปกป้องคนตัวเล็กนี้เอาไว้เอง...

“ทุกคนเห็นฉันเป็นมารร้าย ฮือ...”

“ไม่จริงครับ ไม่จริง คุณจอมเป็นคนที่แสนดีมากๆ”

ร่างเล็กแสยะยิ้มกับอกแกร่งของจักร หัวเราะในใจอย่างผู้กุมชัยชนะ

ก็บอกแล้วว่าอย่าคิดลองดีกับเจ้าจอม...เพราะคนที่คิดลองดีกับเขา มันจะเจอจุดจบแบบนี้กันทุกราย...

นี่ยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ...

“นายต้องเชื่อฉันนะ ไม่มีใครเชื่อฉัน นายต้องเชื่อฉันนะ” เงยหน้าสบตากับดวงตาคมของจักรอย่างขอร้อง ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำไปด้วยน้ำตา ปากแดงๆ หน้าขาวๆ ทุกอย่างมันดูเย้ายวนใจของจักรเหลือเกิน

ทั้งๆ ที่อยู่ในสถานการณ์ที่คุณจอมกำลังเครียด กำลังเสียใจ แต่มึงก็ยังมาคิดอกุศลอยู่อีก ใช่ไม่ได้เลยจริงๆ นะมึงไอ้จักร!

“ครับ ผมเชื่อคุณจอม ไม่ว่ายังไงไอ้จักรก็เชื่อคุณจอม”

“ขอบคุณนะจักร ฮึก ขอบคุณนะ”

“ด้วยความเต็มใจครับคุณจอม หยุดร้องนะครับ ใบหน้านี้ไม่เหมาะกับน้ำตาเลยสักนิด”

เป็นประโยคที่ทำให้เจ้าจอมรู้สึกอบอุ่นและใจเต้นแรงมาก แม้ว่ามันจะเป็นน้ำตาและความรู้สึกที่โกหก แต่ความอบอุ่นนี้ หัวใจที่เต้นแรงนี้ สาบานได้เลยว่ามันคือของจริง




50%

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

   มาแล้วค่า อย่าลืมเม้นท์ด้วยนะคะ ตรงไหนมีคำผิด ตรงไหนเรียบเรียงแปลกๆ เดี๋ยวยูกิจะแก้ไขนะคะ ขอบคุณค่า แล้วเจอกันครึ่งหลังนะคะ
   https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 10-08-2016 13:40:41
รู้จักเจ้าจอมน้อยไปปปปปป ระวังตัวให้ดีชะนีทั้งหลาย
รออีกครึ่งนะจ๊ะ ยูกิสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 10-08-2016 14:05:35
กรี๊ดดด เจ้าจอม~ กระแทกไลค์ สะใจสุดๆ
ยัยผญ.นิสัยไม่ดี จะมาเล่นกับเจ้าจอมหรอ คนละระดับค่ะ!
ปล.อ่านแล้วแอบยิ้ม ชอบเจ้าจอมตอนแสยะยิ้มจัง!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-08-2016 17:00:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 10-08-2016 22:49:42
ร้ายไม่ใช่เล่นเลยนะคุณจอม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-08-2016 23:01:29
 :laugh:


มันคงต้องมีเอาคืนกันอีก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-08-2016 06:21:01
เจ้าจอมน่ารักอ่ะ มารยาเล็กๆเรียกคะแนนสงสาร จักรยิ่งรักยิ่งหลงล่ะที่นี้
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-08-2016 08:34:34
55555 จักรเอ้ยยย หลุดจนได้ น้ำตาเจ้าจอมช่วยได้จริงๆ
เจ้าจอมแสบมากค่ะ แต่ก็นะมาแบบร้ายก็ต้องเจอนางร้ายตัวแม่

เก็บแก้วไปเหอะค่ะ จักรไม่ว่า แต่ก็ไม่ได้ชอบนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 11-08-2016 12:59:13
คุณจอมสู้ๆ...ถึงจอมจะร้าย..แต่เพื่อจักร..จอมต้องสู้...ฮิ้ววววว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 11-08-2016 19:44:51
จักรตามไม่ทันแล้วจอมจ๋า ชอบคู่จักรจอม ชอบจักรมากๆ ดูซื่อๆดูรักเดียว หลงรักจักรจริงบอกเลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 12-08-2016 00:44:55
เยี่ยมมากค่ะ คุณจอม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 50% => (10/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 12-08-2016 10:48:07
มันต้องอย่างนี้สิ คุณจอมฉลาดมากอ่ะ เก่ง    o13
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 100% => (12/8/59) P.13 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 12-08-2016 21:53:19
ตอนที่ 23 ครึ่งหลัง




“เหรอ...แล้วนายชอบแบบไหนล่ะ” เจ้าจอมที่ซุกใบหน้ากับอกแกร่งของจักรเงยหน้าขึ้นสบตาคม จักรถึงกับเขินหน้าแดง พอรู้ตัวเองว่าอยู่ในท่าทางไหนก็ปล่อยแขนออกจากร่างเล็กทันที

“อ๊ะ!”

“ข่ะ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินคุณจอม” ร่างสูงเสหลบสายตาของเจ้าจอม

เจ้าจอมปาดน้ำตาออกจากใต้ดวงตาลวกๆ ยิ้มออกมานิดหนึ่งให้อีกคนเข้าใจว่าเขาอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”

“แต่ว่า มันไม่สมควร” ร่างสูงเอ่ย

“ก็ไหนว่าอยากจะจีบฉัน อยากจีบ แต่ไม่อยากสัมผัสงั้นหรือ?” เจ้าจอมถามออกไป โดยทำหน้านิ่งๆ ให้กับจักร ร่างสูงรู้สึกกังวลมากที่เห็นสีหน้าแบบนั้นจากคนที่ตนรัก

คุณจอมทำหน้าเหมือนผิดหวัง...

“อยากสิครับ! เพราะไอ้จักรมีความคิดทุเรศๆ เลยไม่อยากจะอยู่ใกล้คุณจอมมาก” สารภาพเสียงเบา ใบหน้าคมดุของจักรหงอลงไม่สมกับใบหน้าเท่าไหร่

แต่เจ้าจอมรู้สึกว่าน่ารักนะ...

“ทำไมล่ะ ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

“คุณจอม...เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน” พอสิ้นคำตอบเจ้าจอมก็นิ่งไป คำพูดของพี่ชายดังเข้ามาทั้งๆ ที่ไม่อยากจะคิดถึงรามินทร์สักเท่าไหร่ เพราะเรื่องของอินทัชเขาก็ยังโกรธพี่ชายไม่หายอยู่ดี

แต่ช่างเรื่องนั้นเถอะ...

จริงอย่างที่พี่รามบอก จักรเป็นคนสุภาพบุรุษ ถ้ายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็จะไม่ทำอะไรเขา แต่สำหรับจักรนั้น ต่อให้เป็นอะไรกัน จักรก็ยังคงไม่กล้าทำอะไรเขาอยู่ดี

“นั่นสินะ นายยังไม่ผ่านบททดสอบนี่นา จริงไหม” เจ้าจอมยิ้มให้ร่างแกร่งบางเบา ซึ่งจักรก็พยักหน้าน้อยๆ มือใหญ่กำแน่น รู้สึกเจ็บนิดๆ ที่ยังไม่ผ่านบททดสอบสักที

แต่เจ้าจอมเอาอะไรมาทดสอบเขากัน...

หรือแค่ดูพฤติกรรมของเขาเท่านั้น

“ครับ”

“ฉันเป็นคนขี้หึง” จู่ๆ ร่างเล็กก็พูดออกมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วกวักมือให้จักรเดินไปนั่งข้างๆ ร่างสูงก็ทำตามอย่างไม่อิดออด

“ครับ?”

“ฉันไม่ชอบให้ใครมาเกาะแกะ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย นายทำได้ใช่ไหม”

“ผมมีคุณจอมคนเดียว”

“มีฉันคนเดียวฉันเชื่อ รักฉันคนเดียวฉันเชื่อ แต่ฉันแค่ไม่ชอบให้คนของตัวเองไปใจดี แจกยิ้มพร่ำเพรื่อให้คนอื่นหรอกนะ นายทำได้ใช่ไหม” เจ้าจอมถาม

จะว่าเป็นบททดสอบที่เห็นแก่ตัว เจ้าจอมก็ไม่สน

“ผม...”

จะไปทำได้ยังไง? เขามีสังคม และเพื่อร่วมงานอีกเยอะแยะ จะไม่ให้ยิ้มให้ใครเลยเขาก็ทำไม่ได้

“ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวนะจักร เห็นแก่ตัวอย่างที่นายไม่คาดคิดเลยล่ะ”

“ถ้าคุณจอมบอกว่าคุณจอมเห็นแก่ตัว ไอ้จักรก็คงจะเห็นแก่ตัวมากกว่าคุณจอมเสียอีก” ร่างสูงแย้ง ใบหน้าจริงจัง ทำเอาร่างเล็กใจเต้นแรง

เจ้าจอมชอบใบหน้าที่แสนจะจริงจังของจักร...

‘แต่ไหน แต่ไร’ เขาก็ชอบอยู่อย่างนั้น

“ยังไง”

“ก็ไอ้จักรมันไม่เจียมตัว คิดจะเด็ดดอกฟ้าอย่างคุณจอม อยากมีคุณจอมอยู่ข้างกายทั้งๆ ที่ผมไม่มีอะไรดีที่เหมาะสมกับคุณจอมเลยสักนิด แต่ก็ยังเห็นแก่ตัวดึงคุณจอมลงมา ใฝ่สูงอยากจะเป็นคนที่คุณจอมรัก ผมต่างหากที่เห็นแก่ตัว ผมไม่ควรเอาตัวเองไปยุ่งกับคนสูงส่งอย่างคุณจอมด้วยซ้ำ” จุลจักร...ผู้ชายคนนี้ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งธรรมดา ที่ตามจีบเจ้าจอมมาสองปีโดยการแซวบ้าง ปล่อยมุกบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าจอมเลย

เขาคิดว่าเขาไม่ได้หวังให้เจ้าจอมมาชอบ มาสนใจ แต่เขาก็โกหกตัวเองมาตลอด ที่ย้ำตัวเองว่าไม่ได้หวังนั่นแหละ ใจเขาน่ะมันหวังเต็มร้อยเลย จนทนไม่ได้ที่เจ้าจอมสนใจอินทัชที่เพิ่งจะมามากกว่าเขา วันนั้นจักรกลัวที่จะเสียเจ้าจอมไปมากๆ เลยอยากจะลองสู้อย่างจริงจังสักครั้ง

และก็ได้โอกาสนี้มา โอกาสที่ไม่รู้ว่าจะชนะใจเจ้าจอมได้หรือเปล่า

คนตัวเล็กเพิ่งรู้ว่าจักรคิดแบบนี้ ก็ได้แต่นั่งอึ้ง...ที่สำคัญมันก็โมโหด้วย

“ทำไมถึงดูถูกตัวเอง ทำไมต้องกดตัวเองให้ดูต่ำ ฉันสูงส่งตรงไหน ฉันก็คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ฉันอาจจะมีฐานะที่ดีกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะสูงส่งกว่าใคร ถ้านายไม่เลิกคิดแบบนี้ ก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก”

เจ้าจอมไม่ชอบ...

เขาไม่ได้อยากเป็นคนที่สูงส่งจนจักรเอื้อมไม่ถึง แต่จักรเองนั่นแหละที่เป็นคนเว้นระยะของเราจนเจ้าจอมต้องลงมาเองแบบนี้

“ขอโทษครับ...ขอโทษนะครับคุณจอม”

“สัญญาสิว่าจะไม่ทิ้งฉัน สัญญาว่าจะสู้ไปกับฉัน”

“ครับ ผมสัญญา”

ต่อให้จักรไม่มีอะไรเลยแบบนี้ แต่ผู้ชายคนนี้คือคนที่เจ้าจอมอยากจะฝากชีวิตให้

ไม่ต้องสุขสบายก็ได้ ขอแค่มีความสุขก็พอ...

“ขอบคุณนะจักร ขอบคุณจริงๆ”

สวบ!!

เจ้าจอมทำในสิ่งที่ทำให้ดวงตาของจักรเบิกกว้างอย่างตกใจ โดยการหันมาสวมกอดคนตัวใหญ่กว่าอย่างแนบแน่น จักรได้แต่ทำตัวไม่ถูก มือเองก็ไม่กล้าที่จะสัมผัสคนตรงหน้าเท่าไหร่ เลยยกข้างเอาไว้แบบนั้น

“หัวใจนายเต้นแรงจัง กอดฉันตอบสิ จะได้ชินๆ” เจ้าจอมพูด เรียกเลือดให้ไปกองที่ใบหน้าสีเข้มได้ทันที หากแต่จักรก็ไม่ยอมกอดตอบ

นั่นเพราะเขาไม่กล้า...

“แต่”

“กอด!! นี่ฉันยอมนายคนเดียวเลยนะจักร” เสียงของเจ้าจอมออกแนวข่มขู่ จักรจึงค่อยๆ โอบไปรอบหลังของเจ้าจอมแล้วค่อยๆ รัดคนในอ้อมแขนเบาๆ

ใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าซุกอยู่ที่อก คางของจักรอยู่บนศีรษะของเจ้าจอม เลยสูดดมความหอมของกลุ่มผมนุ่มได้อย่าลืมตัว

“หอม...”

“หืม? นายว่ายังไงนะ” เจ้าจอมไม่ได้ยินเสียงพึมพำของจักร

“เปล่าครับ” ปฏิเสธเสียงราบเรียบ แต่ใบหน้านี่เขินไปถึงโลกหน้าแล้ว

ถ้าตายก็คงตายตาหลับแล้วล่ะชาตินี้...

ทั้งสองคนยังอยู่ในท่าเดิมคือการกอดกันเอาไว้ ทั้งคู่เงียบไม่พูดคุยอะไร แต่สิ่งที่เจ้าจอมได้ยินคือเสียงหัวใจเต้นของร่างสูง และของตัวเองด้วย

จังหวะของเราเต้นแรงเท่ากันเลย...

“คุณจอม...” จู่ๆ จักรก็เรียกร่างบางขึ้นมา เรียกเอาความสนใจมาอยู่ที่ใบหน้าของจักรทันที

“ว่ายังไง”

“คุณจอมจะไม่ออกไปพบพวกคนงานแล้วจริงๆ หรือครับ ตอนนี้ทุกคนเขารู้สึกผิดมากๆ ออกไปเจอพวกเขาหน่อยได้หรือเปล่าล่ะครับ แก้วก็อยากจะขอโทษคุณจอมด้วย”

หึ!...แก้ว ชื่อนี้ฟังแล้วหงุดหงิดชะมัด

เจ้าจอมค่อยๆ ผละกอดของตนออกมานั่งเฉยๆ ด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งจนร่างสูงเดาอารมณ์ไม่ถูกว่าคนข้างๆ กำลังคิดและรู้สึกยังไงอยู่

“ฉันยังไม่พร้อมหรอก”

“คุณจอม...”

“สิ่งที่ฉันได้ยินกับหูวันนี้มันทำให้ฉันรับไม่ได้ รู้ไหมว่าเขาพูดกันยังไงบ้าง เขาบอกว่าฉันหมั่นไส้แก้วเพราะฉันชอบนาย แต่ทุกคนเขาเข้าใจว่านายชอบแก้ว”

“ไม่จริงนะครับ!”

จักรกำหมัดแน่น...ไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่คุณจอมได้ยินจะเป็นเรื่องนี้

“ฉันรู้ อย่าขัดได้ไหม” ตำหนิร่างสูงด้วยสีหน้าไม่พอใจนิดๆ

“ครับ” รับคำเสียงอ่อย

“แล้วยังไง ใครๆ ก็รู้ว่าฉันชอบผู้ชาย พวกเขาบอกว่านายก็คือเหยื่อของฉัน นายปฏิเสธฉันไม่ได้เวลาไปไหนมาไหน เพราะว่าฉันเป็นเจ้านาย นายก็เลยต้องยอม เขาพูดถึงฉันแบบนี้ แล้วอย่างนี้จะให้ฉันไปเจอหน้าพวกเขาได้ยังไง ฉันยังทำใจไม่ได้หรอก” เจ้าจอมพูดออกมา ด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

“คุณจอม...”

“นี่คือสิ่งที่นอกเหนือจากเรื่องไล่ออกที่พวกเขาคุยกัน มันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว แต่มันรวมถึงเรื่องของนายด้วย แล้วจะให้ฉันอธิบายว่านายมาจีบฉันเองแบบนี้ใครเขาจะเชื่อ เพราะนายเป็นผู้ชายและไม่เคยชอบผู้ชาย”

“ผมขอโทษ ไม่คิดเลยว่าจะทำให้คุณเดือดร้อน”

“เอาเถอะ ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก”

“ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ผมจะเป็นคนบอกทุกคนเองว่าผมรักคุณจอม ตามจีบคุณจอมอยู่”

“อย่าเลย เดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันไปบังคับนายอีก”

“ไม่หรอกครับคุณจอม”

“หึ...ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น” ร่างบางส่งเสียงในลำคอ “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกจักร แค่นายอยู่ข้างๆ และเป็นคนเดียวที่จะเชื่อฉันทุกอย่างก็พอ”

“ครับ ผมจะเชื่อคุณจอมคนเดียว”

เจ้าจอมยิ้ม ไม่ใช่รอยยิ้มพึงพอใจที่คนตัวสูงจะเชื่อฟังเขา แต่เขายิ้มอย่างมีความสุขที่มีคนอยู่ข้างๆ กาย แม้ว่าเรื่องคนงานจะไม่ได้ทำให้เขาแคร์เลยสักนิด

“แค่นั้นแหละที่ฉันต้องการ แต่ขอร้องได้ไหม อย่าอยู่ใกล้แก้ว อย่าให้ความหวังแก้ว เพื่อฉันนะ จะได้ไหม ฉันไม่ชอบใจจริงๆ”

“ได้ครับคุณจอม แต่ผมยืนยัน ว่าผมคิดกับแก้วแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น”

“น้องสาวก็ไม่ได้ ให้ได้แค่คนรู้จักและเพื่อนร่วมงานก็พอ”

“คุณจอม...”

“นะ” เจ้าจอมขอเสียงอ้อน ช้อนตามองสบกับคนตัวสูงด้วยสายตาที่ขอร้อง จนจักรปฏิเสธไม่ได้ และไม่อยากปฏิเสธด้วย

“ครับๆ ผมจะทิ้งระยะห่างจากแก้ว”

“ขอบคุณนะ” ว่าแล้วก็ขยับเข้าไปหาร่างแกร่งแล้วแนบใบหน้าซบที่อกแกร่ง ร่างกายก็เอียงพิงร่างของจักรเอาไว้ ส่วนคนตัวสูงก็ได้แต่ประหม่า หากแต่ก็ไม่ได้สัมผัสอะไรคนตัวเล็กมาก

เจ้าจอมแอบยิ้มร้ายออกมา...

เขาแค่แสดงละครต่อหน้าคนงานพวกนั้นก็เท่านั้น ให้พวกนั้นรู้ว่าเขาไม่ได้ทำ จนให้แก้วถูกเพ่งเล็งแทน ก็ช่วยไม่ได้ อยากจะใส่ร้ายเขาก่อนทำไม...

มันก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่ง...ที่จะกำจัดศัตรูออกไปอย่างช้าๆ ก็เท่านั้น

“ผมเต็มใจครับคุณจอม”

เจ้าจอมไม่ได้หลอกใช้ความรู้สึกของจักร...แต่กำลังประกาศความเป็นเจ้าของอยู่ต่างหากว่าจักรคือของของใคร...จุลจักรเป็นของเจ้าจอม

ของเจ้าจอมคนเดียวเท่านั้น

...

...

...

“เป็นไงบ้างพี่จักร คุณจอมให้พบหรือเปล่า” แตงกับส้มปรี่ตัวมาหาจักรทันทีที่เขาโผล่ไปให้เห็นที่โรงครัวหลังจากอยู่เป็นเพื่อนเจ้าจอมเกือบสองชั่วโมง

“อือ...ให้พบอยู่”

“แล้วคุณจอมว่ายังไงบ้าง” ส้มถามอย่างตื่นเต้น

“คุณจอมก็ไม่ได้โกรธอะไรพวกเราหรอก ไม่ทำโทษ ไม่บอกคุณราม ไม่หักเงิน และไม่ไล่ใครออกหรอก เพราะไม่ใช่สิทธิ์ของคุณจอม คนที่มีสิทธิ์ไล่ออกคือคุณรามคนเดียวน่ะ” จักรตอบสั้นๆ

“โถ่...เราไม่น่าโง่เลยนะส้ม พูดบ้าๆ อะไรออกไป ตั้งแต่อยู่มาคุณจอมก็ไม่เคยทำตัวไม่ดี ส่วนมากก็แค่ตำหนิเราเรื่องงานจริงๆ”

“นั่นสิ รู้สึกผิดจริงๆ ตอนที่เราพูดกัน เรายังไม่ได้ขอโทษคุณจอมเลย”

“จริงสิ! คุณจอมจะออกมาพบพวกเราไหมพี่จักร” แตงหันมาถามร่างสูงอย่างมีความหวัง

“คุณจอมบอกว่ายังไม่พร้อม ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็คงจะมาพูดมาคุยกันเหมือนเดิม”

คำตอบของจักรทำให้สองสาวรู้สึกเสียใจและผิดหวัง รวมทั้งคนงานคนอื่นๆ ที่เดินมาฟังด้วย ทุกคนก็ได้รับความผิดหวังไปกันถ้วนหน้า ที่ทำให้เทวดาของคนงานต้องเสียใจแบบนี้

นอกจากรามินทร์จะเป็นที่รักและเคารพของคนงานแล้ว เจ้าจอมก็เป็นเหมือนเจ้านายตัวน้อยที่พวกเขาเหล่าคนงานเอ็นดูและรักมาโดยตลอด...

“ทำไงได้ พวกเอ็งทำกันเองทั้งนั้น”

“เกิดพี่จักรนี่ดีจัง”

“ดียังไงวะส้ม”

“ก็ตรงที่คุณจอมให้เข้าพบไง เฮ้อ...”

“ที่ฉันได้เข้าพบเพราะฉันไม่เคยนินทาว่าร้ายคุณจอม ไม่เคยพูดถึงคุณจอมไม่ดีไม่ว่าต่อหน้าและลับหลัง ขอตัวไปทำงานต่อนะ” จักรทิ้งประโยคให้ทุกคนได้คิดกัน

ไม่ชอบใจอย่างมากที่พากันนินทาเจ้านายที่มีพระคุณของตัวเอง

ต่อให้เจ้าจอมจะเป็นจริงอย่างที่ทุกคนพูดมา แต่ในฐานะที่เป็นลูกน้อง ก็ไม่ควรที่จะไปพูดถึงเจ้านายในทางที่ไม่ดีแบบนั้น จะพูดก็พูดได้นะ แต่ควรจะเลือกสถานที่นินทากันนิดหนึ่ง ทำงานที่รีสอร์ทของเขายังจะมานินทาเขาในที่ทำงานอีก ไม่โอนไล่ออกก็ถือว่าโชคดีขนาดไหนแล้ว

“พี่จักรจ้ะ” เสียงหวานของแก้วเรียกร่างสูง จักรถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะหันกลับไปมองหญิงสาวด้วยสีหน้านิ่งๆ

เขารับปากกับเจ้าจอมแล้ว และไม่มีทางที่เขาจะรับปากไปแบบส่งเดช จักรต้องทำมัน และต้องทำให้ได้

“ว่าไงแก้ว”

“พี่จักรไม่กินข้าวหรือจ้ะ  ฉันแบ่งเอาไว้ให้แล้ว”

“ก่อนที่พี่ไปหาคุณจอมพี่บอกแล้วนะว่าพี่ไม่กิน แก้วกินเองไปเถอะ คุณจอมไม่กินพี่ก็ไม่กิน”

“แต่พี่จักรต้องใช้แรงงานทำงาน ตากแดด ตากฝน คุณจอมนั่งทำบัญชีห้องแอร์ มันต่างกันนะพี่จักร” แก้วพยายามที่จะเกลี้ยกล่อม แต่จักรก็ส่ายหน้าไปมา

“แก้วก็รู้ว่าพี่คิดยังไงกับคุณจอม ถ้าคนที่พี่รักไม่กินอะไร แล้วพี่จะกินได้ยังไง ต่อจากวันนี้ไปแก้วไม่ควรอยู่ใกล้พี่มากเข้าใจนะ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับแก้ว ขอโทษที่ต้องบอกตรงๆ แต่พี่ไม่อยากให้แก้วมีความหวัง” จักรพูดออกไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย จนแก้วไม่กล้ามองหน้า

“พี่จักร...”

“ช่วยเข้าใจพี่ด้วย พี่ไม่อยากให้คุณจอมไม่สบายใจ” ว่าแล้วจักรก็เดินออกจากตรงนั้นโดยพยายามใจแข็งไม่สนใจใบหน้าที่แสนจะเศร้าสร้อยนั่นของหญิงสาวเลย

โดยหารู้ไม่ว่า ยามที่จักรเดินออกไปไกลไม่หันมามอง แก้วก็ได้แต่กำมือแน่นใบหน้าแสดงถึงความไม่พอใจและแค้นใจสุดๆ ที่เรื่องมันกลายมาเป็นเธอผิดไปได้

เจ้าจอมร้ายกว่าที่เธอคิดเอาไว้...

“ฮึ่ย! ใครจะไปยอมแพ้กันล่ะ”





100%

 :katai4: :katai4: :katai4:

อาทิตย์หน้ายูกิเปิดเทอมแล้ว แล้วก็จะมีกิจกรรมเยอะแยะมากมาย วุ่นวายตามประสาปีสาม แต่จะมาอัพนิยาย ไม่หายไปแน่นอนค่ะ แต่อาจจะช้าบ้างนะคะ

ติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านทางแฟนเพจนะคะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 100% => (12/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-08-2016 23:20:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 100% => (12/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 12-08-2016 23:42:51
 :pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ จักรซื่อๆ น่ารักดี
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 100% => (12/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 13-08-2016 02:16:23
 :katai5: รักจักร ชอบจอม รักอิน รักขรรค์ รักหมอเงิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 100% => (12/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-08-2016 06:09:35
นังแก้ววว มันร้ายมากกก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 100% => (12/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-08-2016 11:07:57
 :hao3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 100% => (12/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 13-08-2016 15:02:42
อร๊ายยยย นี่แกยังไม่นอมแพ้อีกเหรอะ
แก้ววววว ยัยนี่นี่!
เดี่ยวปั๊ดๆๆๆๆ
ตบซะ!!~
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 100% => (12/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 13-08-2016 21:14:25
เจ้าจอมมมมมม...จับแก้วตบเลย..... :z6:..คนไรนิสัยไม่ดี..ชิชิ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 100% => (12/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer_love ที่ 13-08-2016 22:28:20
ติดตามครับ :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 23 100% => (12/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 15-08-2016 13:08:07
นังไม่ยอมอีก  โอ้ยยยย   ไม่คิดว่าจะร้ายขนาดนี้  คุณจอมต้องสู้นะคะ 
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 50% => (17/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-08-2016 15:02:22
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 24
แสดงความเป็นเจ้าของ




“ก็ในส่วนของเราไม่มีอะไรมาก เพราะทางลูกค้าได้ขอพื้นที่เข้ามาแล้ว แกช่วยดูแลจัดการในส่วนของออแกไนซ์จัดงานที่เขาจะมาทำก็แล้วกัน ให้ความสะดวกสบาย เขาต้องการอะไรก็หามาให้ เดี๋ยวแม่งานจัดงานให้คุณดรีมเขาทำกับออแกไนซ์ไป งานของเขาก็ให้เขาออกแบบเอง คุณปฐพีกับคุณอัคนีนี่ฉลาดจริงๆ ตามนี้ก็แล้วกันนะขรรค์” ร่างสูงพูดยิ้มๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่นักธุรกิจใหญ่อย่างปฐพีโทรมาขอจัดงานแต่งกะทันหัน

เรื่องของปลายฝันก่อนหน้านี้ รามินทร์ก็แค่ถูกใจเพราะเจ้าตัวเขาตรงสเปครามินทร์สุดๆ แต่มีคนรักแล้วเขาก็ไม่ขอยุ่งด้วยเหมือนกัน...

“ได้ครับคุณราม แล้วทางทีมงานเขาจะมาวันไหนครับ”

“ประมาณช่วงอังคารน่ะ จะมาดูสถานที่ เตรียมงานสี่วัน งานจัดวันอาทิตย์ เรื่องนี้ฉันพูดกับคุณดรีมไปแล้ว ยังไงฝากแกอำนวยความสะดวกด้วย”

“ได้ครับคุณราม”

“อือ...จริงสิ พรุ่งนี้วันหยุดแกใช่ไหม” ผู้เป็นนายถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นมาได้

“ใช่ครับ”

“จะกลับบ้านสวนล่ะสิ ที่นั่นอะไรมันพอกินได้ก็เอามาแบ่งบ้างสิ”

“ได้ครับ แล้วเดี๋ยวจะให้คนงานเก็บเอามาให้คุณรามนะครับ” ขรรค์รับปาก

“แกก็แปลกนะ มีสวนผัก ไร่ผลไม้ใหญ่โต แต่ก็ยังมาทำงานงกๆ ด้วยสภาพนี้ทำไมก็ไม่รู้”

“ผมไม่อาจจะลืมพระคุณของคุณรามได้หรอกครับ ที่ผมมีทุกวันนี้ก็เพราะคุณราม ต่อให้ผมมีทุกอย่าง ผมก็จะทำงานเคียงข้างคุณรามไปตลอด”

“ต่อให้แกไม่ทำงานกับฉัน แต่เราก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เองขรรค์ เอาเถอะ ถ้าอยากจะพัก อยากจะหยุดก็บอกฉันได้ทุกเมื่อ เล่นทำงานแบบไม่เอาเงินแบบนี้ฉันก็เกรงใจ” รามินทร์ส่ายหน้าไปมากับความคิดของลูกน้องคนสำคัญ

ตัวเองก็พูดไปแบบนั้นแหละ ถ้าไม่มีขรรค์ก็เหมือนคนไม่มีมือ ทำอะไรไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่มีร่างสูงใหญ่คอยช่วยเหลืออยู่แบบนี้...

“ทุกวันนี้ผมก็มีกินมีใช้แล้วครับ งานที่นี่ก็ไม่ได้หนักอะไรมาก” เพราะหนักกว่านี้ ก็ทำมาแล้ว...

“ก็แล้วแต่แล้วกัน แกก็เหมือนเพื่อนคนหนึ่งของฉัน”

“ขอบคุณคุณรามที่ให้เกียรติครับ”

“อืม...จริงสิ! พรุ่งนี้ฉันจะพาไอ้อินไปรีสอร์ทที่เลย จะกลับมาวันเสาร์ เดี๋ยวฉันต้องมาต้อนรับตระกูลอภิหชัยบดินทร์เอง ฝากดูแลที่เหลือด้วยนะ ถ้ามีแขกวีไอพีมาก็ให้ผู้จัดการรับหน้าไปแทน แต่ฉันบอกกับคุณภพไว้แล้วล่ะ อ้อ!! ถ้าเจ้าจอม หมอเงินกับไอ้จักรถามหาไอ้อิน แกคงรู้สึกนะว่าต้องตอบยังไง”

“ครับคุณราม”

มีแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่เขาไม่อยากจะรับคำสั่งสักเท่าไหร่

ทำไมจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของการที่รามินทร์พาอินทัชข้ามจังหวัดไปแบบนี้ เพราะต้องการหนีให้พ้นจากแขกเหรื่อที่จะมาในงาน และตระกูลอภิหชัยบดินทร์ที่อินทัชรู้จักดีในฐานะคู่ค้า


ขรรค์เดินทางเข้าไปในตัวเมืองพร้อมๆ กับจักรเพราะต้องไปดูแลเรื่องการจัดสวนของโรงพยาบาลใหญ่ในตัวเมืองใหม่ ตอนนี้เริ่มลงมือจัดการเอาคนไปลงระดับหนึ่งแล้ว แต่ของยังมาไม่ครบ ต้องรอของมาครบถึงจะจัดอย่างจริงๆ จังๆ ได้ เพราะการจัดสวนมันต้องมีขั้นตอนของมัน

“อะไรทำได้ก็ทำไปก่อน เอาตรงนั้นไปเก็บไว้ก่อน รอกระถางมาก่อน เออๆ นั่นแหละ” จักรที่ทำหน้าที่สั่งการพวกลูกน้องที่ดึงเอามาเป็นลูกมืออย่างตั้งใจและขยัน ไม่ต่างจากขรรค์ที่กำลังนั่งมองแปลนสลับกับสถานที่จริงเผื่อมีอะไรต้องแก้อีก จะได้บอกให้ทางจักรแก้ทัน

“พี่จักร...ฉันว่าตรงนี้มันยังไม่ค่อยเข้าว่ะ ใช้ดอกไม้มันจะดีเหรอ”

“ดีสิวะ มึงเชื่อกูเถอะน่า ดูในแปลนมันก็ไม่เข้าหรอก ดูของจริงดีกว่า แล้วมึงจะยิ่งคาราวะกู ฮ่าๆ”

“เออๆ อย่าหัวเราะแบบนี้อีกนะเว้ยพี่ มันดูน่าเกลียดว่ะ”

“ไอ้สัตว์นี่!!!”

“หึหึ” ขรรค์หัวเราะในลำคอก่อนจะปลีกตัวออกมาทำงานในส่วนของตัวเอง จนกระทั่งเวลาผ่านมาจนถึงเที่ยงวัน ขรรค์ดูนาฬิกาจากโทรศัพท์ ก่อนจะเดินไปบอกจักรว่าจะไปหาคนรักของตน เนื่องจากได้นัดเอาไว้แล้ว...

“พี่จักร ฉันไปหาเงินก่อนนะพี่”

“อ้าว? นี่ก็ทำงานหาเงินอยู่ไม่ใช่หรือวะ?” จักรถามด้วยสีหน้าสงสัย ทำเอาขรรค์ถึงกับกลอกตาไปมาอย่างระอากับคนคิดช้า

“ฉันหมายถึงหมอเงินน่ะ” จะบอกว่าแฟนก็รู้สึกแปลกๆ

จักรครางอ๋อทันที...

“เออๆ เบื่อจริงๆ พวกมีแฟน อย่าให้กูมีบ้างก็แล้วกัน” จักรบ่นพึมพำ ใบหน้าก็แหงนมองท้องฟ้าเพ้อถึงเจ้าจอมด้วยความคิดถึง

“ขอให้สมหวังกับคุณจอมไวๆ ละกันพี่”

“เออ!! พูดให้คิดถึงทำไมวะเนี่ย”

ขรรค์ไม่สนใจคำบ่นของคนเป็นพี่อย่างจักรเลยสักนิด ตรงเข้าไปในตัวโรงพยาบาลกะว่าจะไปนั่งรอตรงจุดที่คนไข้เขานั่งรอรับยาเนื่องจากเงินบอกให้รอตรงนั้น

แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า ขรรค์ไม่ต้องไปนั่งรอเลย เพราะคนรักของเขาอยู่ตรงหน้านี้เองกับใครที่อีกคนที่ขรรค์เคยเห็นว่าอยู่กับคนรักของเขาในวันนั้น

สองเท้าชะงักเมื่อเห็นว่าร่างโปร่งบางที่ดูตัวเล็กเมื่ออยู่กับเขากำลังถลาไปรับผู้หญิงคนนั้นที่กำลังจะล้มเอาไว้ ทำให้หญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนของคนรักของเขา ภาพตรงหน้าทำให้ขรรค์รู้สึกใจกระตุกวูบลงไป ดวงตาพร่ามัว ความบอบบางเวลาอยู่กับเขามันหายไปเลยเมื่อมองภาพนี้

เงินดูเป็นผู้ชายแข็งแรงคนหนึ่งที่ดูแลปกป้องผู้หญิงเพศที่อ่อนแอกว่าได้

เป็นผู้ชายที่เหมาะจะยืนข้างผู้หญิง...

“เป็นอะไรไหมครับหมอหวาน”

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณหมอเงินมากที่รับไว้ทัน หวานนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย”

ร่างสูงไม่อยากมองภาพนี้ ไม่อยากเห็น ได้แกกำหมัดแน่น ใบหน้าเรียบนิ่งของเขายิ่งเรียบเฉยไร้ความรู้สึก ร่างโปร่งบางยังไม่เห็นว่าคนรักมาถึงแล้ว เลยไม่ได้สนใจ มัวแต่ไถ่ถามเพื่อนร่วมงานด้วยความเป็นห่วง

สองเท้าแกร่งก้าวออกไปจากตรงนั้นเร็วๆ เพราะทนไม่ได้กับภาพนี้...

“เงิน!!”

เสียงทุ้มของขรรค์เรียกคนรักเสียงดังไม่มาก แต่ก็พอที่จะเรียกคนสองคนให้หันมาสนใจเขาได้อย่างทันที คนหนึ่งมีสีหน้าที่ดีใจยิ้มแย้ม ส่วนอีกคนมองอย่างสงสัย

ขรรค์ไม่ได้เดินหนีออกไปอย่างเมื่อก่อน แต่เขาเดินมาหาทั้งคู่ เพื่อหยุดภาพบ้าๆ พวกนี้!! คนที่ยืนเคียงข้างเงินได้มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ต่อให้มีผู้หญิงอีกเป็นร้อยเป็นพันเหมาะสมกับคนรักของเขา แต่ในเมื่อเรารักกัน ทำไมจะต้องไปกลัว ทำไมจะต้องไปกังวล

ร่างแกร่งทิ้งความขี้ขลาดของตัวเองเอาไว้ แล้วออกมาแสดงตัว มาสู้ มาทำเพื่อร่างโปร่งบางคนนี้สักที

เงินเป็นของเขา เงินรักเขา...เขาไม่มีทางไม่เชื่อใจคนรัก

“ขรรค์ มาแล้วเหรอ”

“ครับ...ไปกันเลยไหม” ขรรค์รู้ว่าทำตัวไร้มารยาทที่ไม่สนใจหญิงสาวเลยสักนิด กลับถามคนรักของตนว่าจะออกกันไปเลยไหม

“เอ่อ...คือว่า” เสียงหวานๆ ของหญิงสาวดังขึ้นขัดทั้งสอง มองผู้ชายสองคนนี้สลับไปมา ไม่อยากจะคิดเลย แต่ก็ห้ามความคิดไม่ได้

หมอเงินดูเหมาะสมกับผู้ชายตัวคล้ำๆ ร่างใหญ่ๆ กายสูงๆ ที่หมอเงินเรียกว่า ขรรค์ อย่างแปลกประหลาด

“อ้อ! จริงสิ ขรรค์...นี่หมอหวาน เพื่อร่วมงานเงินเอง”

“สวัสดีครับ” ขรรค์โค้งให้เล็กน้อย

“สวัสดีค่ะ นี่คงเป็นเพื่อนของหมอเงินที่เคยบอกว่ามีเพื่อนอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ” ถามพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน

“ครับ...” ขรรค์รับคำเสียงเบา

รู้สึกปวดใจที่ประกาศออกไปไม่ได้ว่านี่ไม่ใช่เพื่อน เขาไม่ใช่เพื่อนของเงินนะ เขาเป็นคนที่เงินรัก เป็นคนที่รักเงิน เราสองคนเป็นคนรักกัน...

“ที่จริงขรรค์เป็นมากกว่าเพื่อนของผมน่ะครับ เป็นครอบครัวของผม เป็นคนที่ขาดไม่ได้ เป็นคนสำคัญ เพราะเรารู้จักกันมาตั้งสิบกว่าปีน่ะ ยังไงผมขอตัวไปทานข้าวกับขรรค์นะครับหมอหวาน แล้วก็เดินระวังๆ ด้วยนะครับ เดี๋ยวจะล้มเอาอีก” หมอหนุ่มพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มปกติ หากแต่ขรรค์ก็มามองหน้าคนรักอย่างอึ้งๆ

ไม่คิดว่าเงินจะพูดแบบนี้ แม้จะไม่ได้ออกไปตรงๆ แต่ใครมันจะไปคิดไม่ได้กัน...

ดูจากสีหน้ากับอาการนิ่งค้างของหมอหวานแล้วก็คงจะรู้แหละว่าหมอเงินสื่ออะไรออกไป

เงินไม่คิดที่จะปิดว่ามีเขาเป็นคนสำคัญ แล้วที่ผ่านมาเขาทำอะไร นอกจากหนีแล้วก็กลัว...


ร่างสูงใหญ่นั่งรอคนรักอยู่ตรงจุดให้คนไข้รอรับยาที่เมื่อตอนกลางวันไม่ได้มานั่งรออย่างที่คิด ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า อากาศเย็นๆ เข้ามาแทนที่ ฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนจะตกลงมา ร่างสูงนั่งมองนาฬิกาสลับกับมองไปทางที่คิดว่าคนรักจะเดินมาอย่างเร่งรีบ กลัวว่าฝนจะตกลงมาก่อนจะถึงบ้านน่ะสิ อยู่บนเขาแบบนี้ขับรถตอนฝนตกอันตรายมากๆ

ขรรค์มารถยนต์คันเดียวกันกับจักรก็จริงแต่ให้จักรขับรถกลับไปคนเดียว ส่วนขรรค์ก็จะขับรถให้คนรักเพื่อไปยังบ้านสวนของเขาเอง

บ้านที่ขรรค์ทำไว้เพราะคิดถึงคนรักและเจ็บใจที่แต่ก่อนทำให้ไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้หมอเงินวาดฝันเอา แต่ในเมื่อเขาทำมันได้ คนที่ขรรค์อยากจะอยู่ด้วยมาตลอดก็คือเงิน วันนี้...ที่เราได้อยู่ด้วยกัน มันไม่ใช่ความฝัน

พรุ่งนี้วันหยุดเราทั้งคู่...จะใช้เวลาให้มีความสุข ให้คุ้มที่สุด

“สวัสดีค่ะ เมื่อตอนเที่ยงเราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะคุณกับหมอเงินรีบออกไปกัน ขอแนะนำตัวอีกครั้งนะคะ ฉันชื่อหวาน เป็นหมอของที่นี่”

“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ขรรค์หยัดร่างสูงๆ ของตัวเองยืนขึ้นเป็นมารยาท

“นั่งเหมือนเดิมเถอะค่ะ ฉันไม่อยากเงยหน้าพูด เมื่อย” เธอพูดออกมายิ้มๆ ขรรค์ยังคงหน้าเรียบนิ่ง แต่ก็นั่งลงตามที่เธอขอ

“หมอขอยืนคุยนะคะ”

“ไม่ต้องแทนตัวเองว่าหมอก็ได้ครับ ผมไม่ได้เป็นคนไข้”

ไม่รู้อะไรดลใจให้ขรรค์พูดออกไปแบบนั้น แต่มันก็ถูกแล้ว ขรรค์ไม่ใช่คนไข้ ไม่จำเป็นต้องมาแทนตัวเองว่าหมอกับเขา...

“อ้อค่ะ งั้นฉันขอถามตรงๆ เลยนะคะว่าคุณกับหมอเงินเนี่ย เป็นอะไรกัน” หญิงสาวค่อนข้างจะถามเสียงเบา และโชคดีที่ไม่มีคนอยู่ใกล้ๆ กับที่ทั้งสองคุยกันเลยสักนิด อาจจะมีบ้างที่มีคนมองมา แต่ก็ไม่ได้ยินหรอก

“ก็ตามที่คุณเข้าใจครับ แต่ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ถามเงินเอา ผมคงจะตอบอะไรได้ไม่มาก”

“ถ้าฉันกล้าถามก็คงถามไปแล้วล่ะค่ะ”

“แล้วที่คุณมาถามผม คิดว่าคุณจะได้รับคำตอบจากผมหรือไงครับ” ขรรค์สวนกลับไปหน้านิ่งๆ

หมอหวานหันไปยิ้มให้กับคนไข้ที่เดินผ่านนิดๆ ก่อนจะหันกลับมามองคนตัวใหญ่ที่ไม่เคยรู้จักกัน แต่กลับรู้สึกไม่ชอบหน้าได้ขนาดนี้

เธอมีอะไรถึงสู้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้กัน

“ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน เงิน...ไม่มีทางชอบคุณ ขอตัวนะครับ” ขรรค์พูดทิ้งท้ายก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาคนรักที่เดินมาด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยๆ ระคนแปลกใจที่เห็นขรรค์คุยกับหมอหวานอยู่

“เหนื่อยไหม”

“อื้อ...เหนื่อยแหละ แต่เห็นขรรค์ก็หายเหนื่อยแล้ว”

“งั้นกลับกันเถอะ เดี๋ยวฝนตกก่อนมันอันตราย”

หมอเงินพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเดินเคียงคู่ไปกับขรรค์ โดยไม่ลืมหันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเป็นการบอกลา โดยที่เธอเองก็ยืนนิ่งค้างฝืนยิ้มส่งกลับมา

ระหว่างที่นั่งรถโดยที่ขรรค์เป็นสารถีขับรถให้อยู่นั้น ร่างโปร่งก็เอ่ยเสียงถามออกมาอย่างสงสัย

“เมื่อกี้...ขรรค์พูดอะไรกับคุณหวานหรือ?”

“ไม่มีอะไรหรอก ถามเรื่องเงินนั่นแหละ”

“เรื่องเงิน? ทำไมไม่ถามเงินเองล่ะ” พึมพำเบาๆ แต่ก็เลิกสนใจในทันที

“ดูเหมือนเธอจะชอบเงินนะ ดูไม่ออกเหรอ?”

“ก็...ไม่มีอะไรหรอกน่า ถึงเขาจะชอบเงิน แต่เงินรักแค่ขรรค์นี่นา อย่าคิดมากนะเด็กดี”

“ขรรค์บอกแล้วว่าขรรค์ไม่ใช่เด็ก!” เสียงทุ้มเข้มขึ้นมาทันทีด้วยความไม่ชอบใจที่ร่างเล็กกว่าชอบทำเหมือนเขาเป็นเด็ก

“ครับๆ ไม่ใช่เด็กหรอก เด็กอะไรตัวใหญ่อย่างกับยักษ์วัดแจ้งแบบนี้ล่ะ”

“ยังไม่หยุดอีก ทำโทษคนปากดีเลยดีไหม”

“อะไร...จะจูบเหรอ” ยักคิ้วให้อย่างรู้ทัน ปากสวยยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

“ทำมากกว่าจูบอีก” สิ้นคำพูดของขรรค์แล้ว ก็ทำให้หมอเงินเงียบได้จริงๆ ผันหน้าหนีมาดูกระจกฝั่งตัวเองด้วยความขัดเขิน...

มันก็นานแล้วนะที่เราไม่ได้แตะต้องกันและกันทางด้านร่างกายแบบลึกซึ้ง แม้จะคืนดีแต่ทำมากสุดก็คือจูบ

ถามว่าโหยหาไหม โหยหาสิ...

ถามว่าอยากไหม ก็อยากสิ...

แต่ทุกอย่างมันยังไม่ลงตัว...แต่ตอนนี้ คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของความพร้อมของทั้งสองคนดีกว่า...

ในขณะที่หมอเงินคิดว่าคนรักของตนคงจะขู่เล่นๆ ขรรค์ก็ได้แต่คิดอย่างหมายมั่นปั้นมือว่าคืนนี้ยังไงก็ต้องเผด็จศึกให้จงได้ ไม่ใช่เพราะความคิดถึงและโยหาเพียงอย่างเดียว

แต่เป็นการ ‘แสดงความเป็นเจ้าของ’ ในร่างกายของเงินด้วย


“ฮ้า...ป้าน้อยแกทำอาหารอร่อยมากเลยนะขรรค์ เงินกินอิ่มจนพุงยื่นแล้วเนี่ย สงสัยต้องออกกำลังกายอย่างหนักแล้วล่ะ” ร่างโปร่งพูดชมป้าน้อยที่มีหน้าที่ดูแลบ้านระหว่างที่ขรรค์ไปทำงานที่รีสอร์ท มือก็ลูบหน้าท้องที่ยื่นออกมานิดๆ ของตัวเองเนื่องจากซัดอาหารเย็นไปหมดทุกจาน

ร่างสูงส่ายหน้าไปมา ก่อนจะไปหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นพาดบ่า เตรียมเข้าไปอาบน้ำ

“อย่านอนนะเงิน เพิ่งจะกินอิ่มๆ เดี๋ยวก็จุก ขรรค์จะไปอาบน้ำก่อนนะ”

“ครับๆ ทราบแล้วครับ”

“อย่าให้รู้ว่าแอบนอนนะ”

“รู้แล้วน่า...ไม่ทำหรอก จะเดินไปเดินมาเผาผลาญแบบนี้แหละ ขรรค์ไปอาบน้ำเถอะ”

“อืม...”

พอขรรค์เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เงินก็พยายามไม่มองเตียงนอนที่มันล่อตาล่อใจให้กระโดดไปกลิ้งโดยการเดินไปมารอบห้องนอนของขรรค์ที่ตั้งแต่วันที่มากระโดน้ำวันนั้นก็ได้มานอนตลอดทุกอาทิตย์

และอยากจะอยู่แบบนี้ไปตลอดเลย...

ครืน!!

แปะ แปะ แปะ...ซ่า!!!!

“หืม...ฝนตกหรือเนี่ย อ่า...บรรยากาศน่านอนจัง ถ้าฝนตกแบบนี้ ตอนเช้าอากาศต้องสดชื่นน่าดูเลย” หมอหนุ่มเดินไปรับลมและไอฝนจากหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ มองสายฝนที่กระหน่ำตกลงมาด้วยใบหน้าที่แสนจะผ่อนคลาย อากาศในห้องเย็นสบายโดยไม่ต้องพึ่งพาพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ

บ้านถูกสร้างออกมาอย่างดี ค่อนข้างที่จะเก็บเสียง ถ้าหากว่าไม่เปิดหน้าต่างก็คงจะได้ยินเสียงฝนเบาๆ เท่านั้น แต่หมอเงินชอบเสียงฝน ชอบมองฝนตก

“เงิน...ไปยืนทำไมตรงนั้น เดี๋ยวละอองฝนก็ทำให้ป่วยหรอก” เสียงทุ้มของขรรค์ทำให้ร่างขาวสะอาดของหมอเงินสะดุ้งเพราะมัวแต่เหม่อ

“อ๊ะ! เสร็จแล้วเหรอ”

“ครับ เงินไปอาบน้ำเถอะ”

“อือๆ”

หมอเงินเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อจะไปหยิบเอาชุดนอนแต่ทว่าคนตัวสูงกลับเดินมาบังไว้ไม่ให้เดินไปถึงตู้ มือใกล้ส่งแค่ผ้าเช็ดตัวให้กับหมอสุดหล่อ

“เงินจะเอาชุดนอน”

“ค่อยออกมาใส่”

“ทำไมวันนี้มาแปลก มีอะไรหรือเปล่า” รับผ้าเช็ดตัวมาด้วยสีหน้าที่งุนงงสุดๆ

“พอดีขรรค์ให้คนเอาเสื้อผ้าของเงินไปซักหมดน่ะ เดี๋ยวขรรค์จะไปเอามาให้”

“อ๋อ...แบบนี้นี่เอง ก็ไม่บอกแต่แรก เงินจะได้ไปเอาเอง”

“พอดีขรรค์เพิ่งจะคิดได้น่ะ เข้าไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้นอนพัก...”

ร่างโปร่งเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยสีหน้าแปลกๆ ยังไง ขรรค์ก็ทำตัวมีพิรุธแปลกๆ และสายตาก็ดูไม่น่าไว้ใจยังไงชอบกลๆ

“อ่า...คิดไปเองล่ะมั้ง”





50%


 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

   ตอนที่ทุกคนรอคอยยยยย ฮุฮุ อย่าลืมเม้นท์นะคะ ถ้าอยากอ่านเร็วๆ ว่าสองคนนี้ร้อนแรงแค่ไหน หึหึ  ยูกิเปิดเทอมแล้วนะคะ ตอนนี้ปีสามแล้ว งานเยอะ เรียนเยอะ กิจกรรมเยอะมาก แต่จะพยายามมาอัพนะคะ นิยายแต่งไว้เยอะแล้ว แต่ต้องหาเวลาอีกทีน่ออออ เข้าใจยูกิด้วยค่ะ

   มีอะไรสามารถไปพูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจนะคะ ถ้าถามอะไรที่ต้องการคำตอบรบกวนเป็นอินบ็อกน้า เม้นท์ไม่ค่อยแจ้งเตือนเท่าไหร่แต่เข้าไปอ่านอยู่จ้า https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 50% => (17/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-08-2016 15:18:12
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 50% => (17/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-08-2016 15:27:49
ขรรค์วางแผนไว้แล้วล่ะซิ หมอเงินระวังนะคืนนี้ไม่รอดแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 50% => (17/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-08-2016 18:05:04
อ่าาา อีก 50% คู่นี้ร้อนแรงแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 50% => (17/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 17-08-2016 22:55:41
หมอเงินช่างไม่รู้ตัวเองบ้างเลยว่าคืนนี้ต้องเดินเผด็จศึกแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 50% => (17/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-08-2016 23:09:51
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 50% => (17/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 18-08-2016 18:33:34
ว๊ายยย น้ำลายจะไหล
รอตอนหน้าใจจดจ่อ
อยากเห็นการแสดงความเป็น้จ้าของของขรรค์จัง
อ๊ายบบ หมอเงิน ยินดีล่วงหน้าค่ะ
ออกเรือนล่ะ 65555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 50% => (17/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 19-08-2016 11:56:10
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 50% => (17/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 19-08-2016 19:54:01
หมอเงินจะโดนเผด็จศึกแล้วววววว :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 50% => (17/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-08-2016 19:59:13
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 50% => (17/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 22-08-2016 13:34:08
หมอเงินค่ะ  รู้ตัวไหมจะโดนกินแล้ว  55555  ขรรค์หึงน่ารักมาก
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 100% => (22/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 22-08-2016 23:24:13
ตอนที่ 24 ครึ่งหลัง




UP


เมื่อเงินอาบน้ำเสร็จแล้วก็พันผ้าเช็ดตัวที่เอวก่อนจะเดินออกมา ร่างกายที่มีกล้ามเนื้อน้อยๆ อย่างคนสุขภาพดี ผิวขาวผ่องเรียบเนียน หยดน้ำที่เช็ดไม่หมดไหลลงมาตามร่าง มันดูเย้ายวนใจ หากแต่ขรรค์ไม่ได้เห็น นั่นเป็นเพราะ...

“เอ๊ะ!! ขรรค์ปิดไฟทำไมน่ะ”

สองเท้าชะงักอยู่หน้าประตูห้องน้ำ แสงไฟจากห้องน้ำทำให้เขามองเห็นคนรักที่ยังไม่แต่งตัวได้ เงินใจเต้นแรงเพราะรู้แล้วว่าที่ร่างสูงดูมีพิรุธนั่นต้องการอะไร

“ก็บอกกันดีๆ ก็ได้ ขรรค์ก็รู้ว่าเงินยอมขรรค์หมดทุกอย่างแหละ” พูดออกไปด้วยความเขิน

“เงินก็รู้...ว่าขรรค์กล้าพูดตรงๆ ที่ไหนกัน”

“บ้า...”

มือขาวเอื้อมไปปิดไฟห้องน้ำแล้วเดินไปหาร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเตียงอย่างรู้งาน แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟน้อยตรงหัวเตียงมันทำให้เขาสองคนสามารถมองเห็นกันและกัน บรรยากาศเย็นสบาย เสียงฝนตกกระทบหลังคา พื้นหญ้า และต้นไม้ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่สนใจ

ที่ตรงนี้มีแค่เรา...เราสองคนเท่านั้น

คนตัวสูงเกือบสองเมตรอย่างขรรค์ค่อยๆ โน้มโลงมาหาคนรักช้าๆ ก่อนที่ริมฝีปากจะประกบลงที่ริมฝีปากนุ่มของหมอเงิน ร่างโปร่งยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอของคนที่สูงกว่าแล้วตอบรับสัมผัสอันร้อนแรงที่แสนจะโหยหาด้วยความร้อนเร่าไม่ต่างกัน

พรึ่บ!!!

ร่างแกร่งผลักเงินไปบนเตียงก่อนจะทาบทับอย่างรีบร้อน ซุกไซ้ซอกคอขาวอย่างหื่นกระหายและรุนแรง ผ้าเช็ดตัวที่พันตัวของทั้งคู่หลุดออกไปตอนนี้มีเพียงแค่เนื้อสัมผัสกับเนื้อ ริมฝีปากขบเม้มซอกคอขาวอย่างหนักหน่วงและเอาแต่ใจ

ขรรค์ต้องการประทับตีตรา แสดงความเป็นเจ้าของร่างกายขาวเนียนนี้เอาไว้

คนๆ นี้เป็นของเขา ทั้งร่างกายและหัวใจ...

“อื้อ...อ๊ะ จะเย็นๆ สิ อ๊ะ” แม้ว่าเงินจะคอยปรามแต่ขรรค์ก็ไม่คิดที่จะฟัง เหมือนตอนนี้ความอดทนที่มีของร่างสูงมันได้ทลายลงไปแล้ว

“เงิน...เงินเป็นของขรรค์”

“ใช่...อ๊ะ! เงินเป็นของขรรค์”

จากซุกไซ้ไล่เลียที่ซอกคอขาวหอมกรุ่นของคนรัก ปลายลิ้นร้อนก็ค่อยๆ ลากเลียงจากคอลงมาที่แผ่นอกบางก่อนจะแตะเม็ดทับทิมหวานเบาๆ เป็นการหยั่งเชิง

ลิ้นร้อนกระหวัดเลียที่เม็ดทับทิมสีสวยของเงินด้วยอารมณ์ที่อยากจะกลืนกินร่างกายนี้หมดทุกส่วน คิดถึง...คิดถึงความหอมหวานที่ห่างหายกันไปนาน คิดถึงความสุขสราญที่เคยมีกัน

“อ๊ะ...ขรรค์ อื้อ...” เสียงครางทุ้มของหมอหนุ่มทำให้ร่างกายของขรรค์ตื่นตัวขึ้นไปอีก ความเร่าร้อนที่กลางลำตัวเสียดสีไปกับต้นของเงิน

ไม่ต้องเล้าโลมอะไรมาก แค่ขรรค์เห็นร่างกายของเงินมันก็พร้อมที่จะสู้รบตลอดเวลาอยู่แล้ว ที่ไม่อยากชวนเงินมาอยู่ด้วยกันมันก็เพราะอย่างนี้แหละ ขรรค์มีความต้องการที่หนักหน่วง มีความต้องการที่มากเกินไป กลัวจะทำให้เงินไปทำงานไม่ไหว แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ

อาหารอันแสนหวานอยู่ตรงนี้แล้ว...

ปลายลิ้นเล่นอยู่ที่เม็ดทับทิมข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ใช้นิ้วบีบเบาๆ แล้วขยี้กระตุ้นความรู้สึกให้กับคุณหมอ...

พอสัมผัสที่ส่วนบนจนพอใจแล้ว เขาก็ลากลิ้นลงมาข้างล่างเรื่อยๆ ไล่วนที่แอ่งสะดือจนต้องแขม่วเพราะเสียวซ่าน จากนั้นก็ครอบครองเข้าที่ส่วนกลางลำตัวของหมอเงินทันที

แทบจะขาดใจตาย...เงินรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขาดใจตายจริงๆ แต่มันก็ต้องการมากกว่านี้...เมื่อความร้อนจากโพรงปากใหญ่ทำให้เงินรู้สึกดีจนต้องร้องครางออกมาเป็นการระบาย มือกำแน่นที่ผ้าปูที่นอน แอ่นอกขึ้น เงยหน้าที่แสดงความเสียงซ่านขึ้นด้านบน

“อ๊ะ...จะไปแล้ว อ๊า ขรรค์ อ๊า...” คนบอบบางที่ถูกคนรักปรนเปรอให้ปลดปล่อยความสุขออกมาก่อน ก่อนที่ตนจะถูกกระตุ้นอีกครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็วแบบไม่มีเวลาให้พักหายใจ

“อืม...หอม...คิดถึง”

“อ๊ะ เงินก็คิดถึง อื้อ คิดถึงมากๆ สัมผัสเงินอีกสิขรรค์ เงินต้องการขรรค์ ช่วยเติมเต็มสิ่งที่หายไป อ๊ะ ตลอดสามปีให้กับเงินที”

สิ้นเสียงขอร้อง เรียวขายาวก็ถูกจับมาพาดที่บ่าแกร่งข้างหนึ่ง มือใหญ่จับต้นขาทั้งสองข้างแล้วยกขึ้น เผยให้เห็นช่องทางสีสดที่ขมิบรัวๆ รอการเติมเต็ม

ลิ้นร้อนแตะที่ช่องทางเรียกเสียงครางดังจากเงินได้เป็นอย่างดี เมื่อชิมความหวานจนพอใจแล้ว ร่างแกร่งก็ผละออกมาแล้วค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแคบที่ฝืดเคืองราวกับคนๆ นี้คือผู้บริสุทธิ์ แต่เปล่าเลย ตลอดเจ็ดปีที่คบกัน พวกเขาก็มีอะไรกันตามปกติและบ่อยด้วย แต่เหมือนว่าสามปีที่ห่างหาย มันเลยทำให้ช่องทางดูคับแน่น

มันให้ความรู้สึกเหมือนครั้งแรกที่เรามีอะไรกันเลย ต่างกันนิดหน่อยตรงที่ว่าครั้งแรกมันค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป แต่หลังจากนั้น เงินก็รู้ว่า...จริงๆ แล้ว ขรรค์เป็นคนที่อารมณ์รุนแรงมากขนาดไหน

เหมือนสัตว์ป่า...ขรรค์เหมือนสัตว์ป่าที่กระหายเหยื่อ

“อ๊ะ! อื้อ...มันแน่น”

“อา...ใช่ มันแน่นมาก” ขรรค์กัดฟันพูดเสียงต่ำเพราะพยายามที่จะอดทนเอาไว้ไม่ให้สอดร่างกายแล้วกระแทกกระทั้นตามที่ใจคิด

ทำแบบนั้นไป เงินเจ็บหนักแน่ๆ

“ผ่อนคลายเงิน”

“ก็ผ่อนอยู่ อื้อ...”

“ดีมาก สองนิ้วแล้วเงิน...อา สามแล้ว” น้ำเสียงสั่นพร่าเอ่ยบอกเล่าว่าตอนนี้นิ้วเข้าไปในช่องทางรักกี่นิ้วแล้ว

“อ๊า...อ๊ะ อ๊ะ ต่ะ ตรงนั้น มัน อื้อ...” นิ้วยาวแข็งแรงทั้งสามนิ้วหมุนวนแล้วดันเข้าไปด้านในให้สุดสลับกับดึงเข้าหาตัว แรงกระแทกของนิ้วโดนจุดกระสันจนทำให้เงินร้องบอก

ขรรค์เลียริมฝีปากอย่างคนกระหาย มองร่างคนรักด้วยสายตาราวกับสัตว์ป่าจ้องจะเขมือบเหยื่อ เขาดึงนิ้วมือออกมาเลียไปที่นิ้วทั้งสามจนน้ำลายชุ่มนิ้วแล้วสอดเข้าไปใหม่เพื่อให้ช่องทางมันไหลลื่นสอดใส่ง่ายยิ่งขึ้น

เพราะเขาไม่มีครีม ไม่มีโลชั่น ไม่มีตัวช่วยใดๆ อยู่ในห้องทั้งนั้น

ไม่รู้จะเรียกว่าชอบหรืออะไรดี มันเป็นการกระทำที่ดูดิบเถื่อน จนใบหน้าขาวใสเห่อร้อนขึ้นมา...เงินเคยได้ยินมาว่าคนที่ทำตัวนิ่งๆ มักจะเซ้กส์จัดและรุนแรง...เขาได้รับรู้มันด้วยตัวเองเพราะคบกับขรรค์นี่แหละ

“พร้อมนะ”

“อ่ะ...อื้อ พร้อม”

“ถ้าเจ็บบอกขรรค์นะ”

“ได้ครับ”

พรวด!!

เขาถอนนิ้วออกมาแล้วจับแก่นกายสอดเข้าไปในช่องทางทันทีอย่างรวดเร็ว เรียกเสียงร้องของคนถูกกระทำได้เป็นอย่างดี

“อ๊า....า...จ่ะ เจ็บ”

“อึก...ชิบ!” ขรรค์สบถเสียงต่ำ ใบหน้าเหยเก ลืมคิดไปว่าช่องทางค่อนข้างฝืด ไม่ควรที่จะสอดกายเข้าไปเร็วๆ แบบนี้  ไม่รู้ว่าช่องทางจะฉีกหรือเปล่า...

“เงิน...เจ็บไหม ขรรค์ขอโทษ”

“อึก...ไม่เป็นไรหรอก หึหึ เงินเข้าใจขรรค์ เงินรู้ว่าขรรค์เป็นยังไง” ยังมีอารมณ์มาหัวเราะ แต่เงินก็ทำเพื่อไม่ให้ขรรค์คิดมากและรู้สึกผิด

เมื่อร่างสูงลองขยับดู ช่องทางคับแคบก็เผลอตลอดรัดแน่นจนขยับต่อไม่ได้

“แน่น...อึก รัดขรรค์แน่นไปแล้ว ผ่อนคลายหน่อยนะ”

ใบหน้าคมเข้มทรมานอย่างเห็นได้ชัด แต่เงินไม่สามารถมองเห็นเพราะตนเองก็หลับตาแน่นด้วยความเจ็บเช่นกัน ทั้งเจ็บทั้งอึดอัด

นั่นเพราะเขาไม่มีใครเลย...รอเพียงแค่ขรรค์คนเดียว เวลาช่วยตัวเองก็ไม่เคยช่วยทางด้านหลัง

ไม่แปลกที่มันจะฝืดมากเหมือนกับเป็นครั้งแรกแบบนี้

“ขรรค์ อึก...ขยับเลยก็ได้” บอกคนรักเสียงอึดอัด เพราะรู้ว่าคนตัวใหญ่ต้องทรมานแน่ๆ ของร่างแกร่งก็ใช่ว่าจะน้อยๆ เสียเมื่อไหร่กัน

แค่ขนาดร่างกายก็ต่างกันแล้ว...

“เงิน...อึก ผ่อนคลาย แล้วจะหายเจ็บ นะ...”

เงินค่อยๆ หายใจเข้าออกลึกๆ ค่อยๆ ผ่อนคลายทีละน้อย ขรรค์ที่เหงื่อกาฬไหลเต็มใบหน้าและผุดตามร่างกายเพราะทั้งร้อน ทั้งอึดอัด มันทรมานมากที่อยู่ในตัวคนรักแล้วไม่สามารถทำอะไรได้

แต่เขาต้องรอ...รอให้เงินพร้อมกว่านี้ จะได้ไม่เจ็บมาก

“เงินโอเค...ขรรค์ ขยับเถอะ”

“งั้น...ขรรค์จะค่อยๆ นะ”

ว่าแล้วก็ค่อยๆ ขยับกายเข้าออกช้าๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเร็วตามที่เสียงเรียกเอง ร่าใหญ่สวนกายเข้าออกรุนแรงจนร่างของเงินเคลื่อนไปตามแรงที่ถาโถม

ว่าแล้ว...ขรรค์ค่อยๆ ได้ไม่นานจริงๆ

ความใหญ่โตของร่างกายสวนเข้าออกช่องทางของคนรักอย่างเร่าร้อนรุนแรง คิดว่าห่างกันมานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำได้เร็วและแรงมากยิ่งขึ้น จนร่างที่รองรับอารมณ์อย่างเงินสั่นคลอนไปหมด เสียงครางดังลั่นเมื่อความเสียวซ่านมันทำให้เขาไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว

ปึก! ปึก! ปึก!

ตับ ตับ ตับ...

เสียงเตียงกระทบกับฝาผนังดังควบคู่กับเสียงเนื้อที่กระทบกันอย่างรุนแรง

ทั้งคู่จมอยู่ในห้วงของกามอารมณ์อย่างที่ไม่สามารถจะหยุดได้ หากไม่ได้รับการปลดปล่อย และแน่นอนว่าทั้งคู่มากันขนาดนี้แล้ว แต่ให้มีมารมาขัดขวาง ทั้งสองก็จะทำต่อไปโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น แต่มันจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่ออากาศก็เป็นใจ ในบ้านก็มีแค่เราสองคนเท่านั้น

“อ๊า...จะออกแล้ว ข่ะ ขรรค์ อ๊า เร็วๆ”

“อ่ะ...อื้ม อ๊า พร้อมกันนะ อืม...”

ร่างกายของทั้งคู่กระตุกเกร็งก่อนเมื่อปลดปล่อยเป็นเวลาไล่เลี่ยกัน อกขาวกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงเพราะกำลังหอบแต่ขรรค์เหมือนจะยังไม่เหนื่อยนัก มือใหญ่คว้าเงินขึ้นมาแล้วแลกจูบกันอย่างร้อนแรง ก่อนจะจับกายขาวพลิกแล้วบรรเลงเพลงรักอีกรอบโดยไม่รอให้ร่างโปร่งบางพักหายใจเลยสักนิด

พรึบ!!!

“อ๊ะ เดี๋ยว อ๊า...”

สมองของหมอเงินขาวโพลนไม่รับรู้อะไร ทำได้แค่ร้องครางแล้วก็ตอบสนองขรรค์ไปตามที่อารมณ์ตัวเองนำพาไป มันเปี่ยมไปด้วยความสุข...

ไม่รู้ว่าปลดปล่อยไปกี่ครั้ง ไม่รู้ว่าเปลี่ยนท่าทางไปกี่ท่า ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน รู้เพียงแต่ว่า อากาศที่เย็นสบาย ไม่สามารถทำให้พวกเขารู้สึกเย็นไปด้วย กลับกันมันทำให้บนเตียงนี้เต็มไปด้วยความร้อนระอุกับเพลงรักของสองเราที่ร่วมกันบรรเลงด้วยความรัก...

...

...

...


ร่างโปร่งบางค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อแสงแดดมันแยงตาจนนอนต่อไปไม่ได้ เหยียดแขนไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยล้าออกไป พอเอื้อมไปด้านข้างที่เป็นที่นอนของคนตัวใหญ่ก็ทำให้ใบหน้าขาวใสถึงกับขมวดคิ้ว

ไม่พบร่างที่ควรนอนอยู่ มีแต่เพียงความเย็นของอากาศบนที่นอนเท่านั้น บ่งบอกว่าเจ้าของที่ลุกออกไปนานแล้วโดยที่ไม่ปลุกเขา

“หืม...จะสิบโมงแล้วหรือเนี่ย”

เงินค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแต่ก็เหมือนจะยืนไม่ไหวจนต้องนั่งลงบนเตียงคืนเพราะไม่สามารถที่จะยืนหรือเดินได้ ขายาวเหยียดไปมาเพื่อบริหารขา พาลนึกถึงการร่วมรักอย่างหนักหน่วงที่ผ่านมา ไม่แปลกใจเลยที่จะทำให้ขาไม่มีเรี่ยวแรงแล้วยังเจ็บหนึบๆ ที่ส่วนนั้นอีกด้วย

แกร๊ก...

“เงิน...ตื่นแล้วเหรอ”

“ตื่นแล้ว...ว่าแต่ขรรค์ไปไหนมา” ถามคนรักที่เปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าที่สงสัย

“ขรรค์ไปดูสวนมาน่ะ”

“ทำไมไม่ปลุกเงินล่ะ อยากจะไปด้วย”

“เดินไหวเหรอถึงอยากจะไปด้วย” พอเจอคำถามนี้ ใบหน้าขาวใสก็เห่อแดงขึ้นมาอย่างอายๆ มันก็จริงอย่างที่ร่างสูงพูด เขาเดินไม่ไหวหรอก...คงต้องพักร่างกายใหญ่เลยล่ะ เดินได้ไหมก็ได้นะ แต่ก็เจ็บๆ แหละ

เพราะงั้นวันนี้เลี่ยงที่จะเดินมากๆ ดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ทำงานได้

“หิวแล้ว...” เปลี่ยนเรื่องทันที

คนตัวใหญ่ในชุดเสื้อกล้ามสีดำกางเกงขายาวหัวเราะนิดๆ ก่อนจะเดินไปอุ้มร่างโปร่งในท่าอุ้มเจ้าสาวที่อยู่ในชุดนอนคือเสื่อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวผ้าบาง

“ขรรค์...จะพาเงินไปไหน”

“กินข้าวไง”

“บอกกันดีๆ ก็ได้ ตกใจหมดเลย”

“ลืมน่ะ”

“แล้วมีใครอยู่ในบ้านหรือเปล่า” เงินถามระหว่างทางที่เดินจะไปห้องทานอาหาร

“ไม่มีหรอก ให้ป้าน้อยทำอาหารเสร็จก็ให้แกไปพักน่ะ”

“อ๋อ...ดีแล้ว เงินจะได้ไม่อายเพราะโดนอุ้มมาแบบนี้” ร่างโปร่งหัวเราะออกมา ก่อนจะเอื้อมแขนโอบคอแกร่งเอาไว้

หมับ!!

“ขรรค์นี่แรงเยอะจังน้า...ยกเงินได้สบายๆ เลย”

“ก็ดูตัวขรรค์กับเงินก่อนสิ”

“หึหึ...นี่เงินมีแฟนเป็นยักษ์หรือเนี่ย ที่สำคัญนะ เวลาหื่นนี่รุนแรงมากเลยล่ะ” ใช่ว่าที่แซวร่างแกร่งไปตัวเองจะไม่เขินนะ เขินมากๆ เลยล่ะ แต่รู้ว่ายังไงขรรค์ก็ต้องเขินกว่า

ดูสิ...ใบหน้าคร้ามแดดเริ่มมีสีแดงๆ แซมบนใบหน้าแล้ว...แต่หน้าก็ยังนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรอยู่

“เงิน...” ปรามเสียงเข้ม

“ฮ่าๆ โอเคๆ เงินไม่แซวแล้วก็ได้”

“กินข้าวเสร็จเงินอยากไปไหนไหม” ขรรค์ถามพลางวางคนรักบนเก้าอี้ตรงโต๊ะประทานอาหาร เงินมองอาหารบนโต๊ะด้วยสายตาวาวๆ ก่อนจะมามองคนรักยิ้มๆ

“จะอยู่กับขรรค์ ขรรค์อยู่ไหน เงินก็จะอยู่นั่นแหละ” เป็นคำตอบที่เรียกรอยยิ้มก็คนยิ้มยากได้ทันที

ก็เป็นวันหยุดที่แสนจะเรียบง่าย แต่ทั้งคู่ก็มีความสุขมากๆ สายตาคมมองไปทั่วทั้งร่างอย่างต้องการตอกย้ำว่าคนตรงหน้าเป็นของเขา...ก่อนจะตักอาหารให้คนรัก เอาใจคนรักอย่างที่เคยทำมาตลอด...

จะเข้มแข็งขึ้น เพื่อก้าวผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน...





100%


 :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2:

   อ่านแล้วเม้นท์ด้วยนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจ้า แม้ว่ายูกิจะหายไป แต่ว่าก็แต่งอยู่นะคะ เพียงแต่เวลาที่จะนำมาอัพมันไม่ค่อยเอื้อเท่าไหร่นะค่ะ นี่ก็ไปงาน One Y Day มา เพิ่งกลับ เลยช้าไปนิด ขออภัยนะคะ
   มีอะไรสอบถาม พูดคุย ทวงนิยายได้ที่แฟนเพจเลยจ้า https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 100% => (22/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 22-08-2016 23:56:07
คู่นี้เค้าสมหวังกันแล้ว แล้วอินทัชของเราละคิดถึงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 100% => (22/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-08-2016 00:40:25
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 100% => (22/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 23-08-2016 15:03:31
คู่นี้ผ่านไปได้ดวยดี
คิดถึงราม อิน แล้วอะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 100% => (22/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 23-08-2016 15:19:51
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 100% => (22/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 27-08-2016 17:44:29
 :z13:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 100% => (22/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-08-2016 19:35:53
 :z1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 24 100% => (22/8/59) P.14 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 29-08-2016 22:31:27

o18 o18 o18
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 50% => (29/8/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 30-08-2016 00:11:53
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 25
หวั่นไหวเอง



ตั้งแต่วันที่ปลายฝันมาที่นี่เมื่อวานนี้รามินทร์ก็ดูเหมือนว่าจะดูแลแขกคนนี้พิเศษกว่าคนอื่น ทั้งๆ ที่ปลายฝันก็มาของานทำ นั่นก็เท่ากับว่าเป็นพนักงานของรีสอร์ทเหมือนกัน

ไม่ใช่สิ ไม่เหมือนกัน...

“เหอะ! กูมันก็แค่ทาสสินะ”

เขาหงุดหงิด ไม่พอใจมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่รู้ทำไม ไม่ชอบใจที่รามินทร์ทำดีกับคนอื่น อ่อนโยนกับคนอื่น แต่เขาไม่เคยได้รับ ถามว่าน้อยใจไหม มันก็น้อยใจสิ มันไม่ควรทำให้เขารู้สึกว่ามีแค่เขาคนเดียวที่ไม่เคยได้รับความสุภาพอ่อนโยนนั้น นั่นเป็นเพราะความเกลียด ความโกรธแค้นของรามินทร์ที่เขา...ไม่ได้ผิดอะไรเลย

“ช่างหัวมันไปสิ! เดี๋ยวมึงก็ได้กลับบ้านแล้ว” ปลอบตัวเองเบาๆ

เขาไม่ได้เรียกร้องหรืออยากให้รามินทร์มาเอาใจ มาอ่อนโยน แค่ไม่ต้องให้เขารับรู้ก็พอว่าเขามันต่างจากคนอื่นๆ ขนาดไหน...

ยิ่งการแสดงละครตบตาแฟนเก่าของรามินทร์ ทำให้เหล่าคนงานยิ่งพูดถึงและเชื่อสนิทว่าอินทัชคือคนรักของรามินทร์ ตอนนี้...ร่างโปร่งกลายเป็นคนนิสัยแย่หลายใจที่ทำให้รามินทร์โกรธมาก และพูดกันต่างๆ นาๆ ว่าที่เขายอมอยู่ในสภาพคนใช้ก็เพื่อที่จะง้อขอคืนดี

หึ! คนมันมีหัวคิด มีปากพูด ก็มโนไปต่างๆ นาๆ ได้แหละ อย่าให้ถึงวันที่เขาได้ไปจากที่นี่ก็แล้วกัน จะไม่มีวันมาเหยียบอีกเด็ดขาด!!

“เตรียมตัวเสร็จหรือยัง” เสียงของเจ้าของบ้านพักถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ยืนกอดอกพิงประตูมองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ในห้องนอนเล็กของบ้านพัก

“อือ...”

“งั้นก็ไปได้แล้ว”

“ถามจริงๆ จะพากูไปไหน” อินทัชถามขึ้นมา น้ำเสียงจริงจัง แล้วก็ครุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าคนตัวสูงกว่าจะพาเขาไปไหน

มันก็อดที่จะระแวงไม่ได้ เพราะกลัวว่าถูกพาไปขายหรือไปฆ่า

“กูไม่พามึงไปฆ่าหรอก”

“งั้นมึงก็บอกมาสิว่าจะพากูไปไหน”

“เลย” รามินทร์ตอบสั้นๆ

“เลย? ไปทำไมที่เลย”

“ไม่ต้องรู้อะไรมากได้ไหม กูบอกให้ไปก็คือไปสิวะ”

“มึงทำเหมือนว่ามึงกำลังพากูหนี มึงพากูหนีใคร?” อินทัชถามออกไปตรงๆ ซึ่งร่างแกร่งตรงหน้าก็ชะงักไป นั่นทำให้อินทัชยิ้มมุมปาก

ไม่รู้ว่ายิ้มทำไม อาจจะยิ้มเพราะสมเพชมัน...หรือสมเพชตัวเองที่รู้แต่ทำอะไรไม่ได้

“ฉลาดนี่...งั้นกูคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ  ตามมาเถอะ หรือจะให้อุ้ม?” เลิกคิ้วถามกวนๆ ซึ่งอินทัชก็เดินไปหารามินทร์ที่หน้าประตูทันที

“ก็นำไปสิ!!”

“ก็แค่นี้ ถามมากมายอยู่ได้”

อินทัชเดินฟึดฟัดตามรามินทร์ไป พอไปถึงรถกระบะสีดำที่จอดเอาไว้ รามินทร์ก็พยักเพยิดหน้าให้ขึ้นไปนั่งบนรถ ส่วนเจ้าตัวก็เดินไปยังฝั่งคนขับแล้วขึ้นไปประจำที่ตัวเอง ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างเงียบๆ

จากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางยาวสู่จังหวัดเลยทันที...


ใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงกว่าๆ รามินทร์ก็พาอินทัชที่นอนหลับตลอดทางมาถึงรีสอร์ทที่จังหวัดเลยของตน เพราะตรงมาเลยไม่มีการจอดพักที่ไหน มาถึงก็จัดการตบหน้าคนที่นอนหลับเป้นการปลุก จนอินทัชสะดุ้งตื่น มองหน้ารามินทร์อย่างหงุดหงิด

เพี๊ยะ!!

“ปลุกดีๆ ก็ได้มั้ง”

“อย่างมึงปลุกดีๆ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวได้ใจ”

ถุย!! ได้ใจห่าเหวอะไรล่ะ

“ลงไป”

“เออๆ”

ทันทีที่อินทัชเปิดประตูรถลงมาก็มีคนงานชายคนหนึ่งมารอต้อนรับอยู่แล้ว

“สวัสดีครับคุณราม”

“อืม...เดี๋ยวฉันจะเข้าบ้านพักเลย ไปทำงานของตัวเองเถอะ” รามินทร์เดินมาคว้าแขนของอินทัชก่อนจะบอกคนงานของตัวเองเสร็จก็ลากร่างโปร่งให้ตามตัวเองไปทันที

“มึงจะรีบร้อนไปไหน”

“ก็พามึงไปที่พักไง”

อินทัชปิดปากเงียบไม่คิดจะถามอะไรอีกเพราะถามไปก็เหมือนว่าจะไม่ได้คำตอบอะไรมากมายเท่าไหร่นัก รามินทร์พาคนตัวบางไปที่ส่วนตัวของตัวเองซึ่งเป็นบ้านพักหลังเล็กๆ มีหนึ่งห้องนอน แต่มีครัว มีห้องรับแขกพร้อม ส่วนตัวแล้วรามินทร์ไม่ค่อยมาที่นี่เท่าไหร่ จะมาก็ต่อเมื่อมีงานหรือมีปัญหาเท่านั้น เพราะจะอยู่ที่เพชรบูรณ์ซะส่วนใหญ่ ที่นั่นเป็นเหมือนบ้านของตัวเองไปแล้วทั้งๆ ที่ก็มีบ้านใหญ่อยู่ แต่ก็ไม่ค่อยไปเช่นกัน

“มึงพากูมาไว้ที่นี่แล้วมึงก็จะไปเลยใช่ไหม” ถามพลางใช้สายตามองไปรอบๆ ตัวบ้านพัก

“ใครบอกมึง”

“อ้าว? แล้วมึงจะพักไหนล่ะ”

“ที่นี่ไง”

“มันมีห้องเดียวนี่ มึงจะให้กูไปอยู่ไหน หรือมีกระท่อมร้างๆ อยู่?” ถามแกมประชดประชัด ซึ่งเสี้ยววินาทีชั่วครู่ใบหน้าของรามินทร์แสดงความรู้สึกผิดออกมา แต่ก็ปัดมันออกไปอย่างเร็ว

“มึงก็พักที่นี่ไง”

“กับมึง?”

“เออ!!”

“ฆ่ากูให้ตายเถอะให้นอนกับมึงเนี่ย!!!” อินทัชโวยวายเสียงดัง ส่ายหน้าไปมาไม่ยอมรับในสิ่งที่ร่างสูงพูดเด็ดขาด!! ไม่มีทาง อินทัชไม่นอนห้องเดียวกับมันเด็ดขาด

“ทำไม? รังเกียจกูหรือไง” ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจใบหน้าหล่อคมสันฉายแววโหดจนร่างโปร่งแอบขนลุก จะว่ากลัวก็ใช่...ไม่ใช่กลัวมันทำร้าย

แต่กลัว...ว่ามันจะเกิดขึ้นอีก

“รีสอร์ทมึงมีห้องเยอะแยะ ให้กูได้นอนคนเดียวมันจะขาดทุนหรือไงวะ!”

“ห้องมีเอาไว้รับรองแขก และนี่บ้านพักกู แล้วกูก็พอใจที่ให้มึงนอนที่นี่ จะทำไม”

“ก็ไหนว่าจะมีงานสำคัญ มึงกลับไปเถอะ”

“ไม่เป็นไร ไอ้ขรรค์กับคุณดรีมจัดการได้ กูจะไปวันงานวันเดียว แล้วจะกลับมารับมึงคืน”

ได้ยินชื่อปลายฝันก็ชะงักไปทันที ก่อนจะถอนหายใจแล้วพาเปลี่ยนเรื่อง

“เฮ้อ...ถามจริงเถอะ มึงพากูหนีอะไรกันแน่ มีคนรู้จักกูจะมาในงานนั้นหรือไง” ใบหน้าสวยชักสีหน้าสุดจะหน่ายใจ กอดอกถามร่างสูงอย่างจริงจัง

อย่างน้อย...ก็ขอรู้เหตุผลที่รามินทร์พาหนีมาไกลถึงนี่ก็พอ

“วันอาทิตย์เป็นวันเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานคุณดรีมที่คุณปฐพีกับคุณอัคนีเตรียมเอาไว้” รามินทร์เดินไปทรุดตัวนั่งที่โซฟานุ่ม ตอบคำถามที่อินทัชอยากรู้ด้วยสีหน้านิ่งๆ

“หึ!”

ก็เลยพากูหนี ‘ไอ้ธีร์’ เพื่อนของกูสินะ

เพราะคนสนิทของปฐพีและอัคนีต้องตามผู้เป็นนายไปทุกที่...วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เพื่อนของเขากำลังจะมาถึงตัวเขา แต่ก็ไม่...เราต้องคลาดกัน ไม่ใช่เพราะโชคชะตากำหนด แต่เป็นปีศาจอย่างรามินทร์ต่างหาก

“มึงเลวร้ายกว่าที่กูคิดอีกนะ”

“ก็ถือซะว่ากูพามาเปลี่ยนบรรยากาศ”

“มึงกำลังจะทำให้กูรู้สึกเกลียดที่นี่อีกที่หนึ่ง”

“แล้วแต่มึงเลย...”

อินทัชเดินเข้าไปในห้องนอนเพราะไม่อยากจะมองหน้าหรือฟังเสียงของรามินทร์อีกต่อไปแล้ว จะไปข้างนอก คนเป็นเจ้าของที่นี่ก็คงจะไม่ยอมให้ออกไปแน่ๆ

นอกจากพ่อ แม่ และพี่สาวแล้ว คนที่อินทัชปรารถนาจะเจอก็คือธีร์เพื่อนรักของเขา

“ตามหากูให้เจอ...กูอยากกลับบ้านแล้ว”

หวังว่าคำภาวนาของเขาจะสื่อไปถึงเพื่อนรัก...


ทางด้านร่างสูงก็นอนแหงนหน้าศีรษะพิงที่พนักของโซฟาแล้วครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ นาๆ ไปด้วย โดยเฉพาะคำพูดของอินทัช สีหน้า และแววตาของคนที่เขาจับตัวมา

“ทำไม...กูถึงรู้สึกแบบนี้วะ!!”

รามินทร์อยากให้อินทัชยิ้มให้เขาเหมือนที่เราแสดงละครตบตามิวในวันนั้น อยากได้รอยยิ้มนั้นบ้าง แต่ว่า...สิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด คงจะไม่ได้รับในเร็ววัน

ร่างสูงกำลังที่จะรู้สึกผิด ยกเลิกการแก้แค้นแต่จะให้หยุดเลยเขาก็ทำไม่ได้ เลยได้ให้งานเล็กๆ น้อยๆ ให้อีกคนทำ ดึงรั้งความผิดของอินทัชเอาไว้ให้อยู่กับเขา โกหกตัวเองว่าอินทัชยังชดใช้ไม่หมด...ทั้งๆ ที่มันหมดไปตั้งแต่เขาทำให้มันตายทั้งเป็นในครั้งแรกแล้ว หากมันก็มีครั้งที่สองและครั้งที่สาม...

เขาพยายามที่จะชดเชยความผิด พยายามทำตัวดีๆ แต่ว่า มันก็รู้สึกอายเกินกว่าที่จู่ๆ ก็มาพูดดี ทำดีใส่ เพราะถ้าทำแบบนั้น อินทัชก็จะขอให้ปล่อยมันไป ซึ่งเขาไม่อยาก...

แล้วนี่...ก็จะพาอีกคนมาอยู่ในบรรยากาศใหม่ๆ เผื่อจะสร้างความทรงจำดีๆ ได้บ้าง แต่ก็เปล่า เพราะความปากหนัก ปากแข็ง และปากร้ายของเขานี่แหละ ที่ทำให้เรื่องมันพังตั้งแต่เขายังไม่ได้เริ่ม

พอคิดอะไรมากๆ เพลินๆ ความเหนื่อย ความเมื่อยล้าจากการขับรถนานทำให้ร่างสูงเผลอนอนหลับไป...


อินทัชออกมาจากห้องนอนเมื่อเข้าไปนอนขลุกอยู่ในห้องหลายชั่วโมงจนตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว อาการหิวจนแสบท้องทำให้อินทัชไม่อยากนอนต่อ เลยจะออกไปให้คนที่พามาหาอะไรให้กิน...

“ไอ้เหี้ยนี่ก็หลับนี่หว่า”

ร่างโปร่งเดินผ่านร่างแกร่งที่นอนเหยียดกายไปตามความยาวของโซฟาตัวใหญ่ มือขาวบิดลูกบิดประตูออกไปเพื่อรับลมเย็นๆ

“ถ้าออกไปข้างนอกมันต้องด่าและทำโทษแน่ๆ”

พึมพำเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาแล้วตรงไปยังห้องครัวทันที เปิดตู้เย็นดูก็พบว่ามีของสดอยู่เต็มตู้ที่พอจะทำกินทั้งอาทิตย์ แล้วหัวเราะเยาะตัวเองเบาๆ

“ก็ว่าแล้ว...มันคงไม่คิดจะให้เราออกไปข้างนอกจริงๆ สินะ”

อินทัชลงมือทำอาหารง่ายๆ ที่ตัวเองทำเป็นเพราะป้ารีสอนมาอย่างดี และอินทัชเป็นพวกที่เรียนรู้เร็ว ความจำเป็นเลิศเลยสามารถทำอาหารเป็นได้โดยไม่ต้องทนกินฝีมือแย่ๆ ของตัวเอง ตอนนี้ก็ฝึกไปเรื่อยๆ นั่นแหละ สนุกดี...เหมือนที่ธีร์เคยพูดบอกไว้เลย

‘ทำอาหารมันก็สนุกดีนะเว้ยอิน บางทีก็คลายเครียดได้เยอะเลย’

“ทำอะไรกิน” เสียงของเจ้าของบ้านที่อินทัชคิดว่ายังนอนอยู่ดังมาจากด้านหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อินทัชหันไปสนใจแต่อย่างใด ทำอาหารต่อไป และไม่ตอบอีกด้วย

“กูถาม...” ร่างสูงเดินมายืนข้างๆ กับอินทัชที่กำลังทำผัดกระเพราหมูสับอยู่

“มีตาก็ดูเอาสิ” ร่างโปร่งตอบกวนๆ

“ทำเพิ่มอีกอย่างด้วย แล้วนี่หุงข้าวยัง กูหิว...”

“หุงแล้ว...แต่ใครบอกว่าจะให้มึงกินด้วย มึงก็ไปหากินที่ห้องอาหารของรีสอร์ทมึงไปดิ ยุ่งอะไรกับกู”

รามินทร์ยักไหล่

“ขีเกี้ยจเดิน”

“ก็โทรสั่งมากินที่นี่ดิ”

“กูจะกินที่มึงทำ”

“แต่กูไม่ให้!!”

“ลืมหน้าที่มึงแล้วหรือไง”

อินทัชเงียบไป เถียงไม่ออกเลยทีเดียว ก็จริงอยู่ที่หน้าที่ของเขาคือการเตรียมอาหาร แต่คนมันลืมได้นี่...ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ร่างโปร่งบางก็เลยได้แต่ฟึดฟัดทำอาหารเพิ่มอีกอย่าง และอีกอย่างที่ว่าก็คือ...ไข่เจียว

ผัดกระเพรากับไข่เจียว สองอย่าง พอ...จบ!!

“กูจะนั่งรอก็แล้วกัน”

“อย่างน้อยก็ช่วยตักข้าวก็ดีนะ ถ้าคิดว่าตัวเองมีน้ำใจ” เสียงทุ้มของอินทัชแขวะรามินทร์ที่กำลังเดินกลับไปนั่งรอที่โต๊ะที่อยู่ห่างจากตรงนี้นิดเดียว เพราะเป็นห้องครัวบวกห้องทานอาหารไปในตัว

“รอมันสุกก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวกูจะไปตักเอง”

“ห๊ะ!!”

“ตกใจอะไร?” รามินทร์ถามเสียงเรียบ

“ก็ตกใจมึงไง...ไม่คิดว่ามึงจะทำตามที่กูพูดนะเนี่ย”

“ก็แล้วจะทำไม หรือจะไม่ให้ทำ?” รามินทร์ถามแก้เก้อ ใบหน้าขึ้นสีแดงเข้มแต่อินทัชก็ไม่ได้สนใจจะมองนัก หันกลับไปทำอาหารต่อ

“เปล่า...จะทำก็ทำ”

ร่างโปร่งทำนั่น หยิบนี่ โดยมีร่างสูงนั่งมองอยู่ไม่ละสายตา หัวใจแกร่งเต้นแรงจนน่ากลัว เห็นอินทัชในสภาพแบบนี้แล้วรู้สึกหวั่นไหว...

ก็คิดไว้แล้วว่าตัวเองจะต้องหวั่นไหว...แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้

“เสร็จแล้ว หม้อหุงข้าวมันเด้งตั้งนานแล้ว ไหนว่าจะตัก” อินทัชที่ตักกับข้าวที่ตนทำใส่จานแล้วเอามาวางบนโต๊ะ สายตาเหลือบไปมองหม้อหุงข้าวก็พบว่ามันสุกแล้ว ร่างสูงสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบจานสองใบตรงไปที่หม้อหุงข้าวทันที

รามินทร์ตักข้าวใสจานทั้งสองใบในปริมาณที่เท่าๆ กัน แล้วเดินมาวางตรงหน้าของอินทัช แล้วก็เอาไปฝั่งของเขา อินทัชเลิกคิ้วสงสัย มองจานข้าวที่ร่างสูงเอามาให้อย่างแปลกใจ

ก็คิดว่าจะตักกินคนเดียวซะอีก...แต่ก็ไม่คิดที่ถามออกไป

เรื่องบางเรื่อง...ก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างเงียบๆ อาจจะดีกว่าถามออกไปแล้วทะเลาะกัน

“ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องด่ากูนะ มึงเลือกเอง”

“เออน่า”

ทั้งสองลงมือทานอาหารกันอย่างเงียบๆ ไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาทานอาหาร จะมีบ้างที่รามินทร์ลอบมองใบหน้าสวยหวานของอินทัช และบางครั้งที่รามินทร์ไม่สนใจอินทัช ร่างโปร่งก็แอบมองคนตัวสูงไม่ต่างกัน

บรรยากาศระหว่างเรามันแปลกๆ

“ก็อร่อยดี” ชมออกมาเบาๆ ทำเอาช้อนที่กำลังตักกับข้าวของคนทำอาหารมื้อนี้ชะงักไป อยากจะทุบอกตัวเองแรงๆ ว่าให้หยุดดีใจกับคำพูดของผู้ชายคนนี้ซะ!

รามินทร์ที่พยายามจะทำดีไถ่โทษในสิ่งเลวร้ายที่เขาได้ทำลงไปกับเจ้าตัวนั้น กลับเป็นว่าเขานั่นแหละที่แย่ นอกจากอินทัชจะไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้สึกดีขึ้นเลย มีแค่เขาที่หวั่นไหว...หวั่นไหวกับคนตรงหน้านี้เหลือเกิน โหยหาสัมผัสจากร่างที่เขาเคยได้ครอบครอง

เหมือนว่าความเกลียดชัง ความโกรธแค้นที่เคยมีมันค่อยๆ ถูกทำให้จางลง...แล้วที่แทนเข้ามาดันเป็นความรู้สึกดีๆ อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอินทัช...เมื่อได้ลองเปิดใจ รามินทร์ก็พบว่าอินทัชเป็นคนที่ดีคนหนึ่งได้ ใช่...เขารู้ แต่ก็ทำเป็นว่าไม่รู้ ทำเป็นมองไม่เห็นความดีของอินทัชมาโดยตลอด...

จะมีใครที่ไหนยอมให้เขาทรมานและใช้สารพัดแบบนี้โดยไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น เอาคืน...

“ขอบคุณสำหรับอาหาร”

ประโยคนี้สร้างความแปลกใจเป็นรอบที่สี่จนอินทัชเม้มริมฝีปากแน่น แล้วก็ต้องตกใจหนักเข้าไปอีกเมื่อได้ยินประโยคนี้จากร่างสูง...

“จานกูจะล้างเอง...”






50%

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

เปิดเทอมแล้ว ทุกคนคงจะทราบว่ากิจกรรมจะเยอะมากเป็นธรรมดา ซึ่งยูกิกำลังประสบอยู่ค่ะ ฮะๆ เวลาแทบจะไม่มีทำอะไรเลย กิจกรรมเยอะแล้ว การบ้านจัดเต็มทุกวิชาอีก ดีงามสุดๆ ค่ะ แต่ยูกิสตรองอยู่แล้ว เพราะงั้นสู้ไม่มีถอยค่ะ!!

อ่านแล้วเม้นท์ด้วย ไม่เม้นท์มีโกรธ ต้องการกำลังใจอย่างหนักค่ะตอนนี้

พูดคุย ทวงนิยาย สอบถามได้ที่แฟนเพจะเลยจ้า ทักได้ ยูกิไม่กัด https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 50% => (29/8/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-08-2016 00:37:06
 o3
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 50% => (29/8/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 30-08-2016 01:19:25
ห๊ะ (เสียงสูง) อินทัชคงต้องคิดว่า ตัวเองฝันไป ที่อีกคนบอกจะล้างจาน555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 50% => (29/8/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 30-08-2016 01:50:11

:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 50% => (29/8/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-08-2016 03:42:12
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 50% => (29/8/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-08-2016 05:52:54
อย่าให้อภัยง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 50% => (29/8/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 30-08-2016 08:17:34
บางทีมันก็ช้าไปนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 50% => (29/8/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-08-2016 13:51:32
หวั่นไหว โครตหวั่นไหว
อ่านแล้วหวั่นไหวตาม
อยากให้ถึงวันที่ธีร์เจออินทร์แล้วหล่ะ
อยากให้รามเจ็บมากๆ เค้าอยากได้ดราม่า 555+
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 50% => (29/8/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 02-09-2016 07:54:26
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 02-09-2016 09:47:03
ตอนที่ 25 ครึ่งหลัง






“ผีเข้า...มันผีเข้าแน่ๆ” อินทัชเดินพึมพำออกจากห้องครัวโดยปล่อยให้รามินทร์ล้างจานอยู่ในนั้นไปคนเดียว...ใบหน้าที่แสดงถึงความตกใจยังคงฉายชัดอยู่

“หรือว่ามันไม่ได้กินยา” ขณะที่นั่งลงบนโซฟาก็ยังเอาแต่คิดเรื่องรามินทร์ไม่หยุด

“เอ๊ะ! หรือว่ากูฝันวะ” ว่าแล้วก็ลองตบหน้าตัวเองแรงๆ หนึ่งที

เพี๊ยะ!!!

“โอ๊ย!! แม่งเจ็บว่ะ แสดงว่าผีเข้าแน่ๆ เลย มันพามานี่แต่ลืมไหว้เจ้าที่หรือเปล่าวะ” ลูบแก้มตัวเองเบาๆ ตรงรอยที่ตบตัวเองเมื่อกี้

อินทัชคิดไปด้วย แล้วก็ลุกไปเปิดทีวีด้วยเพราะไม่มีอะไรจะทำ ดูนาฬิกาแล้วก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ ยังไม่ถึงเวลานอน... และยังไม่คิดที่จะนอนด้วย

ก็ห้องมันมีห้องเดียว เตียงก็เตียงเดียว บ้าบอ เขาไม่นอนกับมันเด็ดขาด...

“กูจะเข้าไปอาบน้ำ ถ้ามึงจะอาบก็ไปในห้องนะ เสื้อผ้าใช้ของกูที่อยู่ในตู้ได้ ถึงตัวจะต่างกันแต่สูงก็พอๆ กัน คงใส่ได้” รามินทร์ที่เดินออกมาจากห้องครัวหยุดอยู่ตรงหน้าอินทัชซึ่งเป็นจอทีวีพอดี นั่นทำให้อินทัชต้องเงยหน้าสบตาคนพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้

“อือ...มีอะไรอีกไหม”

“ส่วนเรื่องที่นอน...” ยังไม่ทันที่รามินทร์จะพูด อินทัชก็แทรกขึ้นมาก่อน

“กูจะนอนตรงนี้แหละ”

“ไม่ได้!! เตียงกูใหญ่ นอนได้สองคนอยู่ แล้วถ้ามึงไม่อยากนอนใกล้กู บนเตียงมีหมอนข้างก็เอามาคั่นกลางไว้ได้”

“กูจะนอนตรงนี้”

“กูบอกว่าไม่ได้!!”

“ทำไมวะ? มันน่าจะดีสำหรับมึงไม่ใช่หรือไงที่กูจะไม่ไปเบียดเบียนพื้นที่บนเตียงของมึงน่ะ” อินทัชถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัยและติดจะไม่พอใจด้วย

ร่างสูงยืนนิ่งเพราะคิดคำตอบไม่ทัน สุดท้าย...ก็โพล่งแต่คำเดิมๆ ออกไป เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้คนตรงหน้ายอมถ้าไม่ใช่ประโยคนี้

“กูสั่ง!!”

ดวงตาของอินทัชวูบไหวไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเป็นอันเข้าใจสำหรับอินทัช...

“ก็ได้ แต่มึงห้ามทำอะไรกูเด็ดขาด ไม่งั้นกูฆ่ามึงจริงๆ แน่” ขู่เสียงเรียบ รามินทร์พยักหน้ารับเบาๆ

“ไม่ทำหรอก”

กูไม่ทำแล้วอิน...กูไม่ทำแล้ว กูรู้ว่ามึงเกลียดสัมผัสกู ไม่ไว้ใจที่จะอยู่ใกล้กู แต่กูก็อยากจะแก้ตัว ว่ากู...ก็รักษาสัญญาได้เหมือนกัน

“ให้มันจริง...”

“อืม...ขอตัว” คนตัวสูงเดินเข้าห้องนอนไปทันที โดยที่ร่างบางยังคงนั่งดูทีวีอยู่ แต่หูไม่ได้ฟังอะไรเลย ในหัวก็ได้แต่คิดวีธีป้องกันตัวต่างๆ นาๆ เอาไว้

ยอมรับว่ากำลังกลัว...ยอมรับว่าตัวกำลังสั่น

แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของมัน...

“กูจะทำอะไรได้ล่ะ”







วันนี้...อินทัชไม่ได้ทำอะไรเลย ก่อนจะมาที่นี่ก็อยู่ในห้องก็เกือบจะเที่ยง อยู่บนรถสามชั่วโมงกว่า แล้วไหนจะมาขลุกอยู่ในห้องจนถึงเย็น จนกินข้าวเสร็จก็ยังไม่ได้ออกจากที่อุดอู้เลยสักนิด และตอนนี้ก็เลยเที่ยงคืนมานานแล้ว แต่อินทัชก็ยังไม่คิดที่จะเข้าไปในห้องนอนเลยสักนิด

ทำเป็นดูรายการนั่นนี่สลับกันไปมาเพื่อฆ่าเวลา...และถ่วงเวลา

 แกร๊ก...

“มึงจะดูอะไรนักหนา เสียงมันดัง กูนอนไม่ได้” ร่างสูงเดินออกมากอดอกพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“งั้นเดี๋ยวกูเบาเสียงลง”

“ไม่ต้อง! ปิดแล้วเข้าไปอาบน้ำนอนซะ!!” สั่งเสียงดังลั่น

“ให้กูดูหน่อยก็ไม่ได้หรือไง”

“มึงดูนานแล้วอิน”

“แต่กูเพิ่งจะเคยได้ดูไง มึงคิดว่าระยะเวลาที่มึงจับตัวกูมาทรมานกูได้ดูอะไรบ้าง หนังสือพิมพ์ยังไม่มีสิทธิ์ได้อ่านเลย” ประโยคสุดท้ายอินทัชพึมพำเบาๆ

“ก็ได้ดูไปแล้วไง ปิดแล้วไปอาบน้ำนอน”

“แต่...”

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำ” สวนกลับมาก่อนเสียงเข้ม

“จิ๊!!” ร่างผอมส่งเสียงออกมาอยากขัดใจ แต่ก็คว้ารีโมทมากดปิดตามที่เจ้าของบ้านต้องการ เจ้าของรูปร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าห้องนอนไป โดยที่ปล่อยให้รามินทร์คอยปิดไฟตามมา

คว้าเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้วางพาดบนไหล่ มองหน้าร่างสูงเล็กน้อยก่อนจะกระทืบเท้าเป็นเด็กๆ เข้าไปในห้องน้ำ โดยมีรามินทร์ยืนอมยิ้มมองตาม

“หึ...”

ร่างสูงขึ้นไปนอนบนเตียงฝั่งหนึ่งแล้วเอาหมอนข้างมากั้นกลางเอาไว้ หลับตาลงรออินทัชที่กำลังอาบน้ำอยู่ออกมา

เวลาผ่านไปนานมากจนกระทั่งคนที่รามินทร์รอออกมาจากห้องน้ำ แต่ร่างสูงยังคงหลับตาอยู่เหมือนว่าตัวเองกำลังหลับ ได้ยินเสียงถอนหายใจมาจากอินทัชด้วย

“เฮ้อ...หลับแล้วใช่ไหมวะเนี่ย”

ถ้าให้รามินทร์เดา...ร่างสูงคิดว่า อินทัชรอให้เขาหลับ แล้วจะแอบย่องไปนอนข้างนอก

“อย่าแม้แต่จะคิดออกไปนอนข้างนอกเด็ดขาด…” คนที่นอนอยู่บนเตียงพูดดัดทางทั้งๆ ที่หลับตาอยู่ ทำให้ร่างโปร่งชะงักไปเลย ก่อนจะส่งเสียงฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ

“ทำไมไม่หลับวะ” บ่นเบาๆ

“รีบปิดไฟแล้วมานอน กูบอกแล้วไงว่าจะไม่ทำอะไรมึง”

“เออๆ”

อินทัชเอาผ้าไปพาดไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่ไม่มีอะไรอยู่บนโต๊ะเลย สองเท้าเดินไปปิดไฟมือค่อยๆ คลำหาทางในความมืดไปที่เตียงอย่างช้าๆ

ฟุบ!

พอสัมผัสเตียงได้ก็เริ่มคลำว่าฝั่งไหนว่าง พอมือโดนขาของรามินทร์ อินทัชก็รีบชักกลับแล้วมาอีกฝั่งที่ว่างๆ ทันที ร่างผอมบางขึ้นไปนอนบนเตียงโดยที่ชิดขอบเตียงเสียจนเกือบตก ทั้งๆ ที่พื้นที่ที่ห่างจากหมอนข้างยังมีอีกเยอะ แต่มันก็อดระแวงไม่ได้

เกิดอะไรขึ้นมา หมอนข้างก็ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้หรอกนะ

“มึงไม่กลัวตกเตียงหรือไง” ร่างสูงที่ปรับสายตาให้ชินกับความมืดแล้วก็พอที่จะเห็นร่างโปร่งจากแสงที่ส่องจากข้างนอก...

“ไม่นี่...ก็พอดี” ตอบเสียงเบา

“ขยับมา...ตกเตียงไปกูขี้เกียจพาไปหาหมอ”

“ไม่เป็นไร เตียงไม่สูงเท่าไหร่ คงไม่เจ็บจนเวอร์หรอก” เถียงออกไปแบบไม่ยอมแพ้

นี่ทั้งคู่คิดว่ามันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว ถึงได้มาถกเถียงกันเอาป่านนี้ อีกไม่กี่นาทีก็จะตีหนึ่งแล้วแท้ๆ ยังจะส่งเสียงเถียงกันอยู่ได้ โชคดีที่มันเป็นบ้านพักส่วนตัว ไม่มีใครเพ่นพ่านผ่านมาแน่นอน

“แล้วจะไปเสี่ยงทำไม?”

“กูเสี่ยงตกเตียง ดีกว่าเสี่ยงนอนใกล้มึง”

“จะขยับดีๆ หรือจะให้กูนอนกอด” เสนอทางเลือกให้เสียงเข้ม แต่อินทัชก็ไม่ยอมรับทั้งสองอย่างนั่นแหละ

“ไม่!!”

“ไอ้อิน!! จะให้กูกอดใช่ไหม” พอเตียงขยับเพราะรามินทร์ทำท่าจะลุกขึ้นมาลากอินทัชเข้าไปในอ้อมแขน อินทัชก็เอ่ยเสียงดังออกมาก่อนว่า

“ไม่ๆ กูขยับแล้ว” พร้อมกับค่อยๆ ขยับมาชิดหมอนข้างอย่างที่รามินทร์ต้องการ

“เฮอะ! ก็แค่นี้ แล้วก็นอนๆ ไปซะ กูไม่ทำอะไรมึงหรอก” รามินทร์ทิ้งศีรษะกับหมอนแรงๆ แล้วเงียบไปเลยเพื่อ อดจะหงุดหงิดไม่ได้เพราะเขาย้ำคำว่า ‘ไม่ทำอะไรมัน’ มาหลายรอบ หลายครั้ง แต่อินทัชไม่คิดจะเชื่อถือในคำพูดของเขาเลย

นั่นหมายความว่า คำมั่นสัญญาของรามินทร์ ไม่สามารถทำให้อินทัชเชื่อใจได้

ก็แน่นอนล่ะ...เล่นทำกับเขาไว้ขนาดนั้น

ทั้งคู่รู้ว่าต่างคนต่างก็ยังไม่หลับกัน แค่เงียบเพราะไม่มีอะไรจะพูดก็เท่านั้น อินทัชเลยตัดปัญหาบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้โดยการพลิกตัวหันหลังให้กับรามินทร์ ร่างสูงเองก็พลิกกายมองแผ่นหลังของอินทัชเช่นกัน

นอนฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเอง อินทัชเม้มริมฝีปากอย่างประหม่า ส่วนรามินทร์ก็จ้องแผ่นหลังที่เคยได้ประทับรอยเอาไว้ผ่านความมืดมิด

อยากจะโอบกอดอีกคนเอาไว้...

พรึ่บ!!!

รามินทร์พลิกตัวหันหลังให้ทันทีเพื่อระงับความรู้สึกของตน ทั้งๆ ที่ครั้งแรกที่ครอบครองคนด้านข้างนี้ก็เพราะโกรธ เพราะโมโห ครั้งที่สองก็โกรธ ส่วนครั้งที่สาม...จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันรู้สึกยังไง แล้วทำไมกันนะ...ถึงได้รู้สึกโหยหาสัมผัส ถึงได้อยากกอด

หยุดคิดบ้าๆ นะไอ้ราม...จะเป็นไปได้ยังไง กับคนที่มึงบอกว่าเกลียดมันมาก เพราะมันชั่ว มันเลว มันน่ารังเกียจ...พูดดีๆ กันสักครั้งยังจะไม่เคยพูด...แล้วไอ้ความรู้สึกบ้าๆ นี่มาได้ยังไง!!

ไม่ใช่!! ไม่มีทาง!!!

แค่รู้สึกผิด ใช่ แค่รู้สึกผิด...ทำไปเพราะรับผิดชอบในสิ่งเลวร้ายที่เขายัดเยียดให้กับมัน พอไถ่โทษจนความรู้สึกผิดนี้มันหมดไปแล้ว...ต่างคน จะได้ต่างอยู่กันเสียที

แต่ทำไมพอคิดว่าอินทัชจะไป...ทำไมมันถึงได้ใจหายขนาดนี้นะ...


เป็นเพราะตั้งแต่โดนจับตัวมาล่ะมั้ง การตื่นเช้าของอินทัชถึงได้ดูชินจนต้องตื่นขึ้นมาตามอัตโนมัติของร่างกายแม้จะเพิ่งนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ตามที

“หลับด้วยเหรอวะ” พึมพำกับตัวเองเบาๆ

อาจจะเป็นเพราะนอนข้างๆ กับคนที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจล่ะมั้ง แต่มันก็ไม่น่าจะนอนหลับได้นี่นา จำได้ว่าคิดอะไรเพลินๆ อยู่นี่แหละ แล้วก็หลับไป อินทัชหันไปมองคนข้างๆ ที่มีหมอนข้างกั้นอยู่นิดๆ ก็เจอเจ้าของใบหน้าหล่อกำลังนอนหลับสนิทอยู่ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเป็นปกติ บ่งบอกว่าเจ้าตัวยังมีชีวิตอยู่

“แล้วตื่นมาตอนนี้กูจะทำอะไรล่ะวะ”

ก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมเลยไม่รู้ว่าต้องทำงานแบบเดิมๆ อย่างที่ทำให้รีสอร์ทนั้นหรือไม่...ฉะนั้นแล้ว...

“ไม่ทำแม่งละกัน ไม่ได้สั่งเอาไว้นี่หว่า”

อินทัชทิ้งตัวนอนลงกับที่คืน ดูจากความสว่างแล้วคงจะหกโมงกว่าๆ ได้ ไหนๆ ก็เห็นว่ารามินทร์หลับสนิทขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ล้ำเส้นเข้ามา ก็ถือว่ายังเชื่อใจได้อยู่

ก็รู้สึกเชื่อใจมันได้ขึ้นมานิดๆ แล้วล่ะ...แต่ไม่ทั้งหมดหรอก

เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดาทาง เดาอารมณ์ไม่ถูกหรอก...

เมื่อไหร่นะ...ถึงจะหลุดพ้นจากตรงนี้สักที เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน

ถามว่าเกลียดรามินทร์ไหม ตอนแรกก็เกลียด เกลียดมาก อยากจะเอาคืนกลับไปให้สาสมกับสิ่งที่มันทำกับเขา ไม่อยากแม้กระทั่งหายใจบนโลกใบเดียวกันด้วยซ้ำ แต่พอนานๆ เข้าเขาก็เข้าใจ...ไม่ได้เกลียด แต่แค่ไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย

ถ้าไม่มีกรรมด้วยกันมา ก็คงไม่มาเจอกันแบบนี้

ไม่นับเรื่องที่เขาปฏิเสธน้องสาวของมันนะ เพราะนั่นเขาไม่ผิดจริงๆ แต่ว่าที่เขายอมรับสภาพนี้นั่นเป็นเพราะว่าน้องสาวมันตายและสองชดใช้ทั้งกรรมเก่า กรรมใหม่ให้หมดๆ ไป

จากนี้ไปจะได้สงบสุขสักที...

ทั้งๆ ที่คิดแบบนี้...ทำไมถึงมีอีกเสี้ยวความรู้สึกหนึ่งที่ไม่อยากจะกลับไปขึ้นมา...

“มึงต้องกลับไปอิน...ที่นี่ไม่ใช่ที่ของมึง มึงมีหน้าที่อีกมากมายที่ต้องแบกรับเอาไว้อยู่” หลับตาพึมพำเบาๆ เหมือนเป็นการเตือนสติตัวเอง

พอนึกถึงวันที่ตัวเองกลับไป ความวุ่นวายต่างๆ ที่ต้องรับมือก็ทำเอาเครียดมาก คิดถึงทุกคนในครอบครัว คิดถึงเพื่อนรัก คิดถึงลูกน้อง...

ทุกคนจะมองเราแย่ขนาดไหนกันนะ...คิดไปเรื่อยๆ ร่างโปร่งก็ผล็อยหลับไป

Zzzzz…

...

...

...


ตึ๊ง!!

“หืม...เร็วกว่าที่คิดแฮะ” ร่างโปร่งบางที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเมื่อมีคนส่งข้อความมาให้ พอเปิดอ่านก็เป็นข้อมูลที่เขาสั่งให้ลูกน้องไปหามา

“อะไร” เสียงทุ้มต่ำเจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดสูทพร้อมเดินทางไปทำงานถาม

“ลูกน้อง...ส่งข้อมูลโลเคชันของเบอร์ที่ไอ้อินโทรมาหาแม่ของมันน่ะ” ธีร์ตอบคนรักด้วยสีหน้าจริงจัง

“ก็ไหนว่าจะได้รู้อีกหนึ่งอาทิตย์ไง”

“ก็...จริงๆ แล้วต้องส่งมาอาทิตย์หน้านั่นแหละเพราะหลังจากงานแต่งดรีมแล้ว กูจะไปต่างประเทศต่อไง...สงสัยมีมือดีโผล่มาในทีมล่ะมั้ง” สันนิษฐานไปแบบไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรเลย ส่วนใหญ่ลูกน้องก็ทำงานไวแบบนี้แหละ แต่อาจจะช้าบางเรื่องไปหน่อย

“แล้วข้อมูลมีอะไรบ้าง”

“แป๊บนะ” ธีร์บอกคนรักแล้วก็ผันหน้ามาอ่านข้อความในโทรศัพท์ทันทีด้วยสีหน้าที่ดูสงสัย แต่พัฒน์รู้ว่าธีร์กำลังประมวลเรื่องราวบางอย่างไปด้วย

“อืม...”

“ซิมเปิดใช้ที่เพชรบูรณ์ ใช้โทรไปหลายเบอร์อยู่นะ แต่ที่โทรมาเบอร์ของคุณแม่คือครั้งล่าสุดนี่เอง...เขาค้อ? ไปทำอะไรที่นั่นวะ” ธีร์ขมวดคิ้วสงสัย เงยหน้ามองพัฒน์ทันที

ตึ๊ง!

“มีอะไรอีกเนี่ย...อ๋อ! แผนที่” ธีร์หันมาดูแผนที่ในมืออีกครั้งหนึ่งเพราะลูกน้องส่งมาอีกก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนดีใจ

“มีอะไรธีร์?”

“พัฒน์...นี่มัน...ที่เดียวกับที่ดรีมหนีไปเลยนี่!!!”





100%

 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

   มาแล้วค่า อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ขอกำลังใจให้ยูกิหน่อย ตอนนี้งานและกิจกรรมเยอะมาก จนป่วย เมื่อวานเลยนอนทั้งวันเลย ที่จริงจะลงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่น็อคก่อนเลยขอแก้ตัววันนี้ก็แล้วกันนะคะ

   ขอบคุณสำหรับผู้ที่ให้กำลังใจ คำติ คำชม นะคะ ยูกิจะนำทุกความเห็นไปพิจารณานะคะ

   มีอะไรสามรถไปพูดคุย สอบถาม หรือทวงนิยายได้ที่แฟนเพจนะคะ

   https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 02-09-2016 10:05:48
มาช่วยอินเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-09-2016 11:58:03
แล้วๆๆๆๆๆๆ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 02-09-2016 15:00:13
กรี๊ดดดด จะเจอแล้ววว
ธีร์จะมาตามเจออินทร์แล้ว
ดีใจเบาๆ แต่ก้อหน่วงใจอยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 02-09-2016 16:37:19
ขอโทษเลย แต่ไม่มีความซี้งอินอะไรกับความรู้สึกผิดของรามเลย สะใจสุดคือที่อินไม่มีความรู้สึกอะไรเลยมากกว่า โดนทำร้ายข่มขืนแบบนั้นแต่ดันรักนี้สิถึงแปลก อยากดราม่าแล้วอ่ะ ธีร์มาช่วยอินด่วน เกลียดรามแทนอินเลยตอนนี้ 5555 :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 02-09-2016 17:07:07
อ๊ายย..ธีร์จะเจอแล้ว...ทำไงดีทำไงดี
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 02-09-2016 18:28:00
แต่ไปช่วงนี้ก็ไม่เจออยู่ดีเพราะไปอยู่เลยแล้ว เว้นแต่จะสอบถามกับดรีม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 02-09-2016 18:34:46
 :hao4: จะเจอกันมั๊ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 02-09-2016 22:48:01
อึมครึมเหมือนเดิม อ่านแล้วแบบว่า หม่นหมองมาก
ต่างคนต่างก็คิดคนละแบบ แต่ว่าก็มีใจเหมือนกันนะ
อินคือสองจิตสองใจ ถึงเวลาอินต้องไม่อยากกลับไปแน่เลย
เอาใจช่วยให้ทั้งสองคิดได้เร็วๆ อย่ามึนอึนเลย
คนอ่านรู้สึกขัดใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-09-2016 23:19:14
 :z3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-09-2016 20:34:01
สงสารอินทัช เมื่อไหร่จะได้กลับเนาะ

ไม่แปลกที่รามจะสับสน มันก้ำกึ่ง ก็เริ่มต้นไม่ปกติอะนะ
จะรู้สึกดีให้กันก็ไม่เต็มที่ ต่างคนต่างมีเงื่อนไข

ธีร์เจอแหล่งอินแล้ว พัฒน์แอบช่วยด้วยล่ะสิ หาเจอไวมากกก
หาเจอเร็วๆนะคะ อยากเห็นรามดิ้นบ้าง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 04-09-2016 23:45:09
เพื่อนใกล้จะตามเจอแล้วอิน
รามทำดีด่วนเวลาใกล้หมดแล้ว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Sunsmile07 ที่ 05-09-2016 00:01:51
รามทำคะแนนด่วน ก่อนที่อินจะจากไป :o12:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 25 100% => (2/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 05-09-2016 00:33:50
เสร็จล่ะคุณราม
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 50% => (6/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 06-09-2016 22:33:38
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 26
รู้สึกดี...กลัวใจ




ฟึบ!!!

“เอานี่ไป” รามินทร์โยนถุงใบใหญ่ใส่อินทัชที่นั่งดูทีวีอยู่ ใบหน้าสวยก้มมองที่ตักของตัวเองด้วยความฉงน หยิบของที่อยู่ในถุงมาดูแล้วเงยหน้ามองคนที่โยนมาให้ทันที

“ให้กูทำไม”

“เสื้อผ้าเอาไว้กินมั้ง” รามินทร์ตอบกวนๆ

“เออ...งั้นเดี๋ยวกูจะเอาไปทำอาหารให้แดก”

“ไปเปลี่ยนชุด...” จู่ๆ ร่างสูงก็สั่งอินทัชด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูจริงจัง

“จะพาไปไหน”

“หาอะไรกิน”

“ไม่ต้อง กูทำกินเองได้”

“บอกให้เปลี่ยนก็เปลี่ยน หรือจะให้กูเป็นคนเปลี่ยนให้” สิ้นประโยคนี้ ร่างโปร่งก็ลุกพรวดถือถุงเสื้อผ้าเข้าไปในห้องนอนโดยไม่พูดอะไรอีกเลย

“ก็ชอบทำตัวให้ต้องขู่เอง เฮ้อ...” รามินทร์ถอนหายใจยาว ก่อนจะนั่งลงตรงที่ที่อินทัชนั่งอยู่เมื่อกี้นี้มองที่หน้าจอทีวีดูรายการที่อินทัชเปิดทิ้งไว้

รอไม่นานร่างโปร่งในชุดที่เขาซื้อมาให้ก็ออกมาจากห้อง มันไม่ได้เป็นเสื้อผ้าที่พิเศษอะไรหรอก ก็แค่เสื้อคอปกสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์สีดำที่ราคาไม่ได้แพงมากอย่างที่เจ้าตัวเคยใส่หรอก ซื้อตามตลาดแถวๆ นี้เอา แต่ยอมรับว่าพอมาอยู่บนตัวของอินทัชมันกลับดูดี

ดูดีเอามากๆ เลย

“ซื้อชุดให้กูดูดีแบบนี้ คงไม่ได้ให้ใส่กับดาวเทียมหรอกใช่ไหม” อินทัชถาม พลางคิดถึงเจ้าของเท้าขาหนีบที่สุดแสนจะดูเรียบและเชยที่ตัวเองใส่อยู่ประจำ

“กูซื้อรองเท้าผ้าใบมาให้ อยู่ข้างนอก”

“วันนี้มึงมาแปลกๆ นะ จะพากูไปไหน” เลิกคิ้วขึ้นเพราะสงสัยในการกระทำของร่างสูง

“กูอยากพักผ่อน”

“แล้ว?”

“มึงก็ต้องไปเป็นเพื่อนกูไง กูจะไปเที่ยว...มีบางที่ที่กูยังไม่เคยได้ไป แต่อยากจะไปอยู่” รามินทร์ตอบออกไปตามความจริง

“แล้วพากูไปไม่คิดว่ากูจะหนีมึงเหรอ”

“ก็แล้วแต่...เราตกลงกันไว้แล้วที่สามเดือน ถ้ามึงหนีกูไป ก็ถือว่ามึงไม่ใช่ผู้ชาย”

อินทัชกัดฟันกรอด ที่ถูกร่างสูงพูดใส่แบบนี้ เขาไม่ได้คิดจะหนีหรอก...มันมีอะไรบางอย่างทำให้เขารู้สึกว่ายังไม่ควรจะหนี...ยิ่งพอได้ยินคำพูดท้าทายแบบนี้...

คนรักศักดิ์ศรีอย่างเขาเลยฟึดฟัด

“เฮอะ!”

“ไปกันได้แล้ว กูหิว” รามินทร์ปิดทีวีแล้วหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินนำร่างโปร่งบางไปที่หน้าประตูบ้านพัก

อินทัชเดินตามร่างสูงไปโดยที่เพิ่งจะสังเกตว่ารามินทร์แต่งตัวคล้ายๆ กันกับเขา ทั้งสีเสื้อและกางเกง แต่ของคนตรงหน้าจะเป็นของมียี่ห้อชื่อดังหน่อย

ไม่เข้าใจ...ทำไมต้องใส่สีเหมือนกัน

“นี่ครับคุณราม”

“ขอบใจนะ” ร่างสูงยิ้มให้คนงานเล็กน้อยก่อนจะหยิบกุญแจรถจากมือลูกน้องมา กดปลดล็อครถกระบะสีดำคันที่เขาสองคนใช้เดินทางมาที่นี่

“ขึ้นไป”

“อือ”

อินทัชไม่อิดออด...เดินไปเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งอย่างไม่มีเสียง

รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากตัวรีสอร์ทไป อินทัชเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าที่นี่ก็เน้นความเป็นธรรมชาตไม่ต่างจากที่เขาอยู่ เดาเอาเลยว่าเจ้าของต้องชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติแน่ๆ

ผิดแต่กับมัน...ที่เหมือนธรรมชาติลงโทษให้มาเกิดเป็น ‘เหี้ย’

“หน้ามึงเหมือนกำลังด่ากู” จู่ๆ ร่างสูงก็พูดขึ้นมาแทรกความเงียบภายในรถ อินทัชถึงกับหันขวับทันทีแล้วเลิกคิ้วถามออกไป

“รู้ได้ไง”

“หึ...รู้ได้ไงไม่สำคัญที่สำคัญกูพูดถูก มึงกำลังด่ากู”

“ก็ใช่ไง...ด่ามึงต่อหน้าไปก็ทำอะไรไม่ได้ ด่าในใจนี่แหละ หรือไม่ได้?”

“เปล่า...อยากด่าก็ด่าไป”

เป็นอีกครั้งที่รามินทร์ยอมอะไรง่ายๆ จนอินทัชทำตัวไม่ถูกต้องหันหน้าหนีไปมองด้านหน้าที่เป็นถนนแทน

พวกเขาสองคนมาถึงร้านอาหารบรรยากาศบ้านๆ ไม่มีแอร์ มีแต่ลมธรรมชาติ ถนนเปียกบ่งบอกว่าฝนเพิ่งจะหยุดตก อากาศฟ้าครึ้มๆ แบบนี้ไม่ได้รู้สึกร้อนอบอ้าวแต่อย่างใด มันเย็นสบายมาก มากเสียจนทั้งคู่ผ่อนคลาย

“รับอะไรดีครับ”

“มึงอยากกินอะไร” รามินทร์ถามทั้งๆ ที่ตาก็ดูเมนูอยู่ อินทัชนึกไปสักพักก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ ซึ่งเป็นเมนูโปรดของอินทัชที่ไม่ได้กินมานาน

ไหนๆ ก็เปิดโอกาสแบบนี้ เขาก็ไม่เกรงใจก็แล้วกัน

“ข้าวซอยไก่กับมะนาวโซดา”

“เอาแบบนี้สองครับ” รามินทร์สั่งก่อนจะปิดเมนูยื่นให้พนักไป อินทัชถึงกับมองคนตรงข้ามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสั่งอะไรเหมือนเขาด้วย

“มองทำไม กูก็แค่คิดอะไรไม่ออก”

“ยังไม่ได้ว่าอะไร ร้อนตัวทำไม”

รามินทร์นิ่งไปแต่ก็มองหน้าอินทัชจนเจ้าตัวไม่กล้ามองกลับ หันมองบรรยากาศรอบๆ ร้านแทน

ใบหน้าสวยเผยยิ้มอย่างไม่รู้ตัว เพราะรู้สึกชื่นชอบบรรยากาศจริงๆ อินทัชไม่เคยได้มาเที่ยวพักผ่อนอะไรแบบนี้หรอก ส่วนมากเวลาพักก็หมดไปกับหนุ่มๆ สาวๆ ในสังกัด

พอโดนจับมาแม้จะเลวร้าย แต่มันก็ทำให้เขาได้เห็นมุมใหม่ๆ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ขึ้นเยอะ

“ถ้าไม่อิ่มจะสั่งเพิ่มก็ได้”

“ยังไม่ทันได้กินเลย มึงบอกตัวมึงเองไปเถอะ”

“ก็แค่บอกเฉยๆ”

“วันนี้มึงใจดีแปลกๆ นะ บอกตามตรงกูขนลุก” อินทัชที่ทนความสงสัยนี้ไม่ไหวเลยพูดออกไป เผื่อจะได้คำตอบกับคนตรงหน้า

“กูบอกแล้วว่าวันนี้กูจะพัก”

“อ้อ! จริงๆ แล้วไม่ต้องพากูมาก็ได้มั้ง มึงก็มาพักคนเดียวไปก็ได้”

“ก็มาแล้วนี่ จะอะไรมากมาย” เหมือนว่าร่างสูงจะรำคาญนิดๆ ที่อินทัชซักไซ้อยู่แบบนี้

“เออๆ ตามใจมึงละกัน”

พออาหารมาเสิร์ฟ ทั้งคู่ก็ลงมือรับประทานอาหาร โดยไม่พูดจากันอีก อินทัชอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยหนึ่งและยิ้มได้เมื่อเห็นของโปรดวางอยู่ตรงหน้า เวลานี้เลยไม่คิดจะใส่ใจคนตรงข้ามที่มองเขาด้วยรอยยิ้มแปลกๆ เลยสักนิด

มันชอบข้าวซอย มันชอบมะนาวโซดา

ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากจำ แต่ก็จะจำเอาไว้ก็แล้วกัน


ภาพตรงหน้าที่อินทัชมองอยู่นี้เรียกความสงบสบายใจให้กับเขายังไงก็บอกไม่ถูก สองเท้าค่อยๆ ก้าวผ่านประตูใหญ่ของวัดตามรามินทร์ไป มองบรรยากาศรอบๆ วัดด้วยความสนใจ

นี่ก็เป็นอีกครั้งที่อินทัชรู้สึกตื่นเต้น เพราะชีวิตนี้เข้าวัดแทบจะนับครั้งได้เลย ไม่ใช่ไม่อยากเข้า ไม่ใช่ไม่อยากทำบุญไหว้พระ แต่เพราะภาระหน้าที่ที่มี ทำให้ปลีกเวลาไปไหนก็ไม่ค่อยจะได้

ใช่แล้ว รามินทร์พาอินทัชมาที่วัด

“ไปไหว้พระกันเถอะ”

“อือ...”

อินทัชรู้แล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหนในตอนนี้...เพราะรอบๆ ข้างทางมีป้ายบอกตลอดเส้น ร่างโปร่งเลยมองอย่างสังเกตตลอดทางที่นั่งรถมา

เชียงคาน...จังหวัดเลย

ทั้งคู่เข้าไปกราบพระพุทธรูป ต่างคนต่างก็ขอพร อินทัชเองก็ขอพรแล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อให้หลุดพ้นการการกักขังของคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ส่วนรามินทร์เองก็ขอให้ตัวเองมีความสุข พบเจอแต่เรื่องดีๆ และขมากรรมในสิ่งที่ได้ล่วงเกินคนข้างๆ ไป

แม้ว่าจะไม่ได้ล้างบาปล้างกรรมที่ทำไว้ แต่ก็อยากให้ตัวเองสบายใจขึ้น

ไม่คิดว่าจะได้ทำบุญกับคนที่เกลียด อินทัชคิดในใจ มองศิลปะแบบล้านนาและล้านช้างอย่างสนออกสนใจ โดยที่มีร่างสูงเดินตามไม่ห่างกาย

พวกเขาไม่คุยกัน เพียงแต่เดินไปนั่นนี่ด้วยกันอย่างเงียบๆ

บรรยากาศมันควรจะอึดอัด แต่เปล่าเลย มันดูโล่ง มันดูสบายไปหมด

“พ่อหนุ่มทั้งสองมาทำบุญกันเรอะ” เสียงของผู้สูงอายุที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้แถวๆ นั้นถามเมื่ออินทัชหันไปมอง ร่างโปร่งบางส่งยิ้มให้แล้วพยักหน้าตอบ

“ครับ”

“ดีจริงๆ ที่ยายได้เห็นวัยหนุ่มๆ อย่างนี้เข้าวัดเข้าวา ไม่คิดว่าจะได้เห็นเลยนะหลานเอ้ย”

“คุณยายมาทำบุญเหมือนกันหรือครับ” อินทัชเดินมาคุยเลย รามินทร์เลยเดินตามมาแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้ยายเช่นเดียวกัน

“ยายมาวิปัสสนาน่ะหลาน พอดีลูกๆ ไปต่างประเทศยายก็เลยแก้เหงาโดยการมาวิปัสสนาที่วัด”

“ยายเป็นคนที่นี่หรือครับ” รามินทร์ถาม

“ใช่แล้วลูก บ้านยายอยู่แถวๆ นี้แหละ” ยายตอบยิ้มๆ มองทั้งสองสลับไปมาก่อนจะเงยหน้ามองรามินทร์กับอินทัชแล้วเอ่ยสอนจนร่างทั้งทั้งคู่แข็งทื่อไปเลย

“อะไรที่ปล่อยวางได้ ก็ปล่อยวางซะนะ มัวแต่ผูกจิตแค้นก็รังแต่จะทำให้เสียใจเปล่าๆ ความโกรธ ความเกลียด มันมีกันทุกคนแหละหลานเอ้ย มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะปล่อยวางได้ขนาดไหน อย่าหลอกตัวเอง อย่าโกหกตัวเอง รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมา ยอมรับมันซะ เพราะไม่งั้นมันจะทำให้หลานๆ ไม่มีความสุขและพาลสับสนไปด้วย”

“ค่ะ คือ...” อินทัชทำท่าจะแย้ง แต่ยายคนดังกล่าวก็พูดต่อ

“หลานๆ รู้ไหมว่านอกจากการให้ทานแล้ว ให้อะไรยิ่งใหญ่ที่สุด”

“ไม่ทราบครับ” รามินทร์ตอบ

“ให้ ‘อภัย’ ไงหลาน”

หญิงชราคนนี้พูดเหมือนรู้ว่าทั้งคู่มีเรื่องราวอะไรกันมา แต่ในความเป็นจริงแล้วท่านก็ไม่ได้รู้อะไรหรอก เพียงเห็นท่าทีของคนทั้งคู่กับสายที่แสดงออกของรามินทร์ อินทัช เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ ว่ามันมีความโกรธ ความแค้นหลงเหลืออยู่เศษเสี้ยวเอาไว้ในดวงตา คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนแล้วก็ผ่านอะไรมามากมายย่อมดูออก เลยถือวิสาสะพูดสอน

“แล้วถ้าเกิดว่าสิ่งที่เขาทำมันเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัยล่ะครับ” รามินทร์ถามต่อ

“แล้วมีใครกำหนดไว้ล่ะว่าอะไรให้อภัยได้ อะไรให้อภัยไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ตัวเราเอง ขนาดองคุลีมารที่ฆ่าคนมากมายยังคิดได้ ทำไมเราจะคิดไม่ได้” ร่างสูงนิ่งไปเลยแล้วก็พยายามตึกตรองคิดคำพูดของหญิงชราคนนี้ไปด้วย

“แต่ว่า…”

“อย่าพิพากษาคนอื่นด้วยความคิดของเราคนเดียว เราต้องฟังจากหลายๆ ปาก หลายๆ ความคิดเห็นบ้าง...”

“แล้วถ้ามีคนเข้าใจผิดว่าคนๆ หนึ่ง เป็นต้นเหตุของเรื่องเลวร้าย ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่กลับต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ ยายคิดว่ายังไงครับ” อินทัชถามขึ้นมาบ้าง เรียกสายตาจากทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี

อินทัชอยากให้มันรู้ว่าเขาไม่ผิด...เขาไม่ได้ทำ

สาบานให้ตายว่าวันนั้นเขาปฏิเสธน้องสาวของรามินทร์ดีมาก อย่างที่บุรุษเพศควรจะกระทำต่อสุภาพสตรี

“การที่เรามาเจอกันชาตินี้แสดงว่ามีกรรมร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน หลานเข้าใจถูกแล้วที่ว่ารับ ‘กรรม’ ชาติที่แล้วเราอาจจะไปทำเขาไว้ ชาตินี้เขาเลยเอาคืน ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลในการกระทำ แล้วกฎแห่งกรรมก็ยุติธรรมเสมอ แต่ว่านะพ่อหนุ่ม...”

“ครับ?”

“ความจริงยังไงก็คือความจริง สักวันความจริงก็ต้องปรากฏ…”

ใช่แล้วอิน...สักวันความจริงก็ต้องเปิดเผย...

สักวัน...เขาจะได้หลุดพ้นจากข้อหาบ้าๆ นี้สักที

สักวัน...เราจะต้องหลุดพ้นจากการแก้แค้นบ้าๆ ของรามินทร์

“ขอบคุณนะครับยายที่ช่วยสอนพวกเรา แต่ว่าผมสองคนต้องขอตัวก่อน” รามินทร์เอ่ยออกมาหลังจากมีสติแล้ว เผยรอยยิ้มขอบคุณให้กับผู้หลักผู้ใหญ่แล้วยกมือไหว้

“หวังว่าคงมีโอกาสได้เจอกันอีกนะครับ” อินทัชว่า

“จ้า...โชคดีนะพ่อหนุ่ม”

“สวัสดีครับ” รามินทร์กับอินทัชยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นเพื่อไปยังที่จอดรถด้านนอกวัด โดยมีสายตาของหญิงชรามองตามไป เลยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มและไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายที่หญิงชราได้พึมพำออกมาเบาๆ ได้

“หากเคยสาบานร่วมชาติกันมา ต่อให้ชาตินี้จะเกิดมาคนละเพศ คนละจังหวัด หรืออยู่ห่างไกลกันคนละขั้วโลก ก็ไม่อาจจะหลุดพ้นสัญญาจากสัจจะวาจาที่ได้เอ่ยด้วยความรักร่วมกันได้...”


“มึงจะไปไหนต่อล่ะ” อินทัชถาม มองไปยังข้างทางที่ผ่านป้ายบอกทางต่างๆ ไปหลายต่อหลายที่แล้ว และไม่เห็นทีท่าว่าจะกลับไปที่รีสอร์ทเหมือนเดิมด้วย

“ไปวัดมาแล้ว ก็จะไปชมวิวไง”

“ชมวิว?”

“อือ ไปดูทะเลหมอก”

“ทะเลหมอกที่รีสอร์ทที่เพชรบูรณ์ของมึงก็มีไหม?” อินทัชทำหน้าฉงน

“มันไม่เหมือนกันหรอก มันคนละที่ ความรู้สึกต่างกัน” คนที่ขับรถอยู่ตอบ น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกว่าตื่นเต้นยินดีที่จะพาไปเลยสักนิด แต่ก็อยากจะพาไป

มันเป็นที่ที่เขาไม่เคยไปเลย ไม่กล้าไป ด้วยซ้ำ

“เออๆ ที่ไหนล่ะ”

“ภูทอก เชียงคานนี่แหละ”

อินทัชเงียบทันทีเมื่อได้คำตอบ ได้มาเปลี่ยนบรรยากาศด้านนอกก็ถือว่าดีไป แม้ว่าจะมากับคนที่ไม่อยากจะอยู่ใกล้ก็ตามที...







50%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

   มีคำผิดเยอะเดี๋ยวยูกิจะแก้ไขที่ต้นฉบับนะคะ ไม่แก้ไขที่หน้าเว็บ เพราะลงไว้สามเว็บเลย (มีความขี้เกียจ) ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะจ้ะที่รัก แล้วก็ขอให้เม้นท์กันต่อไปนะคะ แล้วเจอกันครึ่งหลังซึ่งไม่ทราบว่าจะมาวันไหน ^_^

   มีอะไรพูดคุย สอบถาม ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจของยูกินะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 50% => (6/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-09-2016 23:10:21
กฏแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ



 o13
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 50% => (6/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-09-2016 01:15:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 50% => (6/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 07-09-2016 02:12:51
มีคนพูดเตือนสติแล้ว ก้อคิดๆกันบ้างนะ
นายสองคน
หนทางข้างหน้ายาวไกลชะมัดเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 50% => (6/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-09-2016 06:47:59
อินทัชใจอ่อนแล้วแน่ๆเลยยยย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 50% => (6/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 07-09-2016 08:33:58
สงสารอินจริงๆรักแต่อภัยให้ยาก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 50% => (6/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 07-09-2016 14:15:55
อ๊าย...ใจอยากลุ้นให้รักกันเร็วๆ..อีกใจก็อยากให้อินเล่นตัวเยอะๆ...โหยเครียด
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 50% => (6/9/59) P.15 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-09-2016 23:08:41
อินจะเคลิ้มก็ไม่เต็มที่ แล้วรามก็ทำมึนไปอีก

เมื่อไหร่รามจะยอมรับความจริง
ยายแม่นมากค่ะ สุดท้ายก็คู่กันใช่ไหม 5555

ธีร์รีบมาด่วนๆ เผื่อจะได้เมาท์กับดรีม
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 11-09-2016 12:12:02
ตอนที่ 26 ครึ่งหลัง




UP


มันต่างกันจริงๆ ทั้งบรรยากาศและความรู้สึก มันต่างจากที่เห็นที่เพชรบูรณ์จริงๆ บรรยากาศรอบๆ ชุ่มไปด้วยน้ำฝนที่เพิ่งจะหยุดตกไป ตามถนนเลยทั้งเปียกทั้งแฉะ แต่พวกเขาก็เดินไปที่จุดชมวิวอย่างไม่กลัวจะเลอะเลยสักนิด

ที่ตื่นเต้นอาจจะเป็นทิวทัศน์ใหม่ๆ ที่เพิ่งเคยเห็นก็ได้

“คิดยังไงถึงพากูมาที่นี่” ร่างโปร่งเอ่ยถามเสียงเบา แม้ว่าตรงนี้จะไม่มีคนเลยก็ตามที เพราะฝนตกหนักและเพิ่งจะหยุด นักท่องเที่ยวเลยน้อย

“กูไม่เคยมาที่นี่ ที่ผ่านมาก็มีโอกาสแต่ก็ไม่กล้ามาเหยียบ”

“เพราะ?”

“ถ้ามึงรู้ มึงอาจจะหัวเราะเยาะเย้ยกูก็ได้”

“อย่าตัดสินอะไรแทนกู”

“อืม...ขอโทษด้วยก็แล้วกัน”

“ก็ว่ามาสิ...บางทีกูอาจจะหัวเราะก็ได้ แต่ถ้ามึงไม่อยากพูดกูก็ไม่ได้ว่า…” อินทัชมองไปยังกลุ่มหมอกหนาด้านหน้า แต่ก็ยังรอฟังเหตุผลที่รามินทร์ไม่กล้ามาที่นี่

“แม่กู...แม่กูสัญญาไว้กับกูตอนเด็กๆ ว่าจะพากูกับรินมาเที่ยวที่นี่ แต่ท่านก็ไม่มีเวลาว่างพามาสักที จนกระทั่งท่านเสีย...พอกูโตขึ้น ไปไหนมาไหนเองได้ กูกลับไปทุกที่ที่อยากไปได้ แต่มีอยู่แค่ที่นี่ที่กูไม่กล้ามา” ระหว่างที่ฟังรามินทร์พูด อินทัชก็หันมามองเสี้ยวหน้าของรามินทร์บ้าง เพราะอยากจะรู้ว่าหน้าจะเศร้าเหมือนน้ำเสียงไหม

“มันรู้สึก...เจ็บ เพราะตอนเด็กๆ กูก็น้อยใจว่าทำไมแม่ถึงไม่พามาสักที พอถามแม่ แม่ก็บอกว่าไม่ว่างๆ จนกูโพล่งว่าแม่ออกไป...เชื่อไหมว่าจนกระทั่งตอนนี้...กูก็ยังไม่ขอโทษแม่เลย”

‘แม่ก็เอาแต่อ้างๆ ถ้าทำไม่ได้จริงๆ ก็ไม่ต้องสัญญาสิ!!!’

“ทุกคนก็ทำผิดได้ทั้งนั้นแหละ และกูเชื่อว่าไม่มีแม่คนไหนที่จะโกรธลูกของตัวเองหรอก”

“อืม...กูรู้”

“แล้วคิดยังไงถึงอยากมา”

“กูอยากเห็น...ว่าทำไมกูถึงอยากมาที่นี่นักหนา จนกล้าต่อว่าแม่ขนาดนั้น”

ที่สำคัญ...เขามากับคนที่เขาทำผิดด้วยอย่างรุนแรง ที่เขารู้สึกผิดพอๆ กับที่รู้สึกกับแม่ของเขา

รามินทร์เชื่อว่าการที่มากับอินทัช จะสามารถลบล้างความรู้สึกผิดในใจที่เคยว่าแม่เอาไว้...

“แล้วเป็นยังไง มึงรู้คำตอบหรือยัง”

“รู้แล้ว...”

“อืม...ก็ดีแล้วนี่”

“ที่นี่สวยมาก...สวยที่กูคิดว่า ถ้าแม่มาด้วยก็ดี” เสียงของรามินทร์สั่นเครือจนอินทัชทำอะไรไม่ถูก ถ้าได้เห็นรามินทร์ร้องไห้ต่อหน้าเขาคงจะตลกมาก

“มึงอย่าร้องไห้นะเว้ย!!”

“กูไม่ได้ร้อง”

“ก็ดี...ถ้ามึงร้องแล้วให้กูปลอบนะ แค่คิดก็ขนลุกแล้วว่ะ” อินทัชทำท่ากอดตัวเองยกไหล่ขึ้นเหมือนกับกำลังขนลุกจริงๆ

“เฮอะ! ให้ร้องไห้ต่อหน้ามึง กูกระโดดหน้าผาตายดีกว่า”

“ไอ้...”

“แต่ก็...ขอบคุณนะที่มึงมาเป็นเพื่อนกูในวันนี้” ร่างแกร่งหันมาสบตากับร่างโปร่งด้วยสายตาที่อ่อนลงและดูเป็นมิตรมากกว่าแต่ก่อน ทำให้อินทัชเผลอไผลมองสบสายตาของรามินทร์อย่างถูกสะกด

“มึงบังคับมา”

“เออๆ กูบังคับ ชิ! หมดอารมณ์” รามินทร์หันหน้าหนีทันทีที่อินทัชตอบ ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างไม่สบอารมณ์

คนกำลังจะพูดขอบคุณดีๆ ก็มาทำให้หงุดหงิดไปได้

“ไม่ถ่ายรูปเอาไว้เหรอ?” อินทัชถาม

“ไม่...แค่จำมันไว้ก็พอแล้ว”

“ก็จริง...บางอย่างถ่ายไป ก็ไม่ได้เอามาดูหรอก ถ้าอยากดูก็เสิร์ชในกูเกิลเอา แค่นั้น” อินทัชเห็นด้วย แล้วยักไหล่น้อยๆ เรียกเสียงหัวเราะจากรามินทร์ได้เป็นอย่างดี

“ฮะๆ”

“หึหึ”

เป็นเสียงหัวเราะเบาๆ ดงออกมาจากทั้งคู่ ขณะที่สายตากำลังเหม่อมองไปยังวิวตรงหน้าที่เต็มไปด้วยไอหมอก คล้ายทะเล มีภูเขา และอากาศที่เย็นสบาย

นี่คงเป็นรอยยิ้มที่ออกมาอย่างจริงใจ ไม่เสแสร้งระหว่างกันเป็นครั้งแรก...

รามินทร์รู้สึกสบายใจอย่างแปลกๆ ที่ได้พูดเรื่องส่วนตัวที่เก็บเป็นความลับมานานกับคนที่เขาเกลียด ส่วนอินทัช ก็ลืมไปเลยว่ารามินทร์เคยทำอะไรกับตนไว้

‘เกลียด’ คำนี้มันค่อยๆ จางหายไปจากความรู้สึกของทั้งสอง แทนที่ด้วยความรู้สึกดีที่เรียกว่า ‘หวั่นไหว’ และนั่นมันทำให้ทั้งสอง ‘กลัวใจ’ ตัวเองขึ้นมา...


ช่วงค่ำรามินทร์พาอินทัชไปเดินถนนคนเดินที่มีผู้คนมาเดินเที่ยวกันอย่างเนืองแน่น รวมทั้งมีของมากมายมาตั้งขายอีกด้วย ถ้าไม่ติดว่าอินทัชไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท ของที่เห็นแล้วอยากได้ ก็คงจะเต็มไม้เต็มมือไปแล้ว

ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยเดินที่แบบนี้มาก่อน อินทัชมักจะเดินห้างสรรพสินค้าเย็นๆ หรูๆ ซื้อสินค้าราคาแพงๆ พอมาเห็นของถูกๆ แถวนี้ก็ตาวาว แต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมามากนัก พึงระลึกได้ว่า ตนเองไม่มีเงินติดตัวสักบาทเดียว มีเพียงตัวเปล่าๆ กับเสื้อผ้าที่คนข้างๆ ยังซื้อให้

“ถ้าเป็นแต่ก่อน ก่อนที่กูจะมาลำบาก ของพวกนี้สำหรับกูถือว่าถูกมาก เงินที่มีสามารถเหมาทั้งตลาดได้เลย แต่ตอนนี้กูเหมือนตกเหว ไม่มีอะไรสักบาท ของที่กูคิดว่าถูก แม่งดูแพงไปเลยว่ะ เข้าใจเลยว่าทำไมคนแถวนี้ถึงต่อราคาแล้วต่อราคาอีก” อินทัชพูดขึ้นมา ขณะมองไปยังร้านต่างๆ

“บางคนก็ไม่ได้ต่อราคาเพราะไม่มีเงินหรอก แต่ต่อเพราะอยากได้ของถูก แล้วพวกนี้มันก็ตั้งราคาเพื่อที่จะสามารถลดได้อยู่แล้ว” รามินทร์ตอบ

“การตลาดก็ดีนะ”

“มึงไม่เคยเดินที่อย่างนี้หรือไง”

“อือ...เดินแต่ห้างกับเข้าผับ”

“คั่วเด็กด้วยใช่ไหมล่ะ” รามินทร์ถามอย่างรู้ทัน ทำเอาร่างโปร่งมองค้อนทันที เรียกรอยยิ้มจากรามินทร์ได้ดีจนคนถูกยิ้มให้สตั๊นไปเลย

ขวับ!

“หันหน้าหนีทำไม?”

“เปล่า...ไม่มีอะไร”

“จะกินอะไรไหม จะซื้อให้”

“เอาอะไรก็ได้ ที่แปลกๆ อยากลอง”

“หึหึ จะไปมีเหรอวะของแบบนั้น ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวไหมล่ะ แต่คนเยอะหน่อยนะ”

“ทุกวันนี้กูก็ไม่ได้แคร์เรื่องแบบนี้แล้วล่ะ ชินแล้วกับความติดดินที่ถูกยัดเยียด” ไม่วายแขวะเรื่องที่ถูกคนข้างๆ จับตัวมาอีก รามินทร์ส่งเสียงหึในลำคอก็จะคว้าแขนเรียวไว้แน่นแล้วพาเดินเพราะกลัวจะหลงกัน

“มึงคงมาเดินบ่อย”

“ก็มาบ่อย ถ้ามาดูงานที่นี่ก็แวะมาหาอะไรกินที่นี่ตลอด”

“ห้องอาหารรีสอร์ทตัวเองกี้มี”

“กินแต่อะไรเดิมๆ มันก็น่าเบื่อล่ะนะ”

อินทัชเงียบไปเพราะเข้าใจในส่วนนี้ เขาเองก็มีเบื่ออะไรเดิมๆ เหมือนกันเปลี่ยนร้านอาหาร เปลี่ยนเมนูบ่อยๆ ดวงตาสวยมองแขนตัวเองที่ถูกมือแกร่งจับไว้แล้วเม้มปากแน่น

เพิ่งจะรู้ตัวนะเนี่ย...

แม้จะรู้ตัว แต่ก็ไม่คิดที่จะสะบัดออก...

“เล็ก ต้มยำ พิเศษสองครับ แล้วมึงอ่ะ เอาแบบกูไหม” รามินทร์ที่ยืนสั่งอยู่ตรงที่เป็นส่วนรถเข็นหันมาถามอินทัชก็มองการทำก๋วยเตี๋ยวอยู่

“อือ...แต่เอาเส้นหมี่”

“กี่จาน”

“สองก็ได้ หิวมาก”

“งั้นก็หมี่ ต้มยำ พิเศษสองครับ เสิร์ฟอย่างละจานก็นะครับ”

“โอเคครับ เชิญนั่งรอก่อนครับ”

“ไปนั่งสิ” รามินทร์เดินนำไปนั่งที่โต๊ะที่ยังว่างอยู่ อินทัชเดินตามไปนั่ง อดจะทึ่งกับการสั่งที่ชำนาญของรามินทร์ไม่ได้ ไม่คาดคิดว่าคนที่คอยเชิดหน้าบอกว่าตัวเองเหนือกว่าเขาจะทำอะไรติดดินได้ขนาดนี้

มันติดดินกว่าที่เราคิดนะเนี่ย...

ไม่ใช่ไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยว แต่อินทัชไม่เคยกินตามร้านข้างทางมาก่อนเลย เพิ่งจะมารู้ว่าของข้างทาง อร่อยกว่าของในร้านอาหารหรือภัตตาคารดังๆ อีก มันมีรสชาติ ไม่เหมือนกับที่เขาเคยกินเลยสักนิด...พวกตามภัตตาคารคงจะทำรสชาติให้ถูกกับเหล่าคนมีฐานะที่ส่วนใหญ่ไม่ทานจัดกันมากกว่า

“อร่อยล่ะสิ”

“เออ! กูก็เพิ่งเคยกินตามร้านข้างทางเนี่ยแหละ”

“ไม่อิ่มสั่งเพิ่มได้”

“วันนี้มึงใจดีเนอะ”

“หึ! ก็แค่ขี้เกียจใจร้ายแล้วเท่านั้น”

“ถ้าขี้เกียจแล้วก็น่าจะให้กูกลับบ้าน” พอจบประโยคนี้ของอินทัช ร่างแกร่งถึงกับหุบยิ้มทันที ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินของตัวเองโดยไม่พูดไม่จาหรือตอบโต้อะไรออกมาอีก

อินทัชเม้มปากเมื่อเห็นปฏิกิริยาแบบนั้น

“กินต่อไปดิ...เดี๋ยวอืด” รามินทร์ใช้ตะเกียบชี้มาที่จานของร่างโปร่งบาง พยักเพยิดให้กินต่อ อินทัชก็รู้ว่ากำลังโดนพาเปลี่ยนเรื่อง ก็พักหน้ารับๆ ไปทันที

เออ! ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด

ไม่อยากปล่อยก็ไม่ต้องปล่อย...


“กินของหวานป่ะ เดี๋ยวกูพาไปกิน”

“กะจะให้กูอ้วนว่างั้น”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวมึงกลับไปทำงานก็เป็นการออกกำลังกายเองนั่นแหละ”

“มึงจะพากูกลับวันไหน”

“วันไหนที่คนจากอภิหชัยบดินทร์กลับไปไง”

“ตอบได้ตรง”

“แล้วจะอ้อมค้อมทำไม”

“กลับเถอะ เหนียวตัว อยากอาบน้ำจะแย่แล้ว” อินทัชเปลี่ยนเรื่อง บอกว่าอยากจะไปพักผ่อน ซึ่งรามินทร์ก็พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเรียกเด็กของร้านมาคิดเงิน

ทั้งคู่พากันเดินกลับไปยังรถที่จอดเอาไว้ โดยที่ไม่พูดคุยอะไรกันอีก อินทัชเลยมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าแทน เพราะไม่รู้จะเอาสายตาไปจ้องตรงไหน

จนกระทั่งขึ้นรถและรถออก รามินทร์ก็ยังคงเงียบ อินทัชก็ยังคงเงียบ นิ่งเฉย ไม่พูดไม่จากัน บรรยากาศพาอึดอัดไม่เหมือนช่วงกลางวันที่ดูสบายๆ

หรือตอนนี้...มันกลับมาเป็นอย่างเดิม

“ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเที่ยวด้วยกันได้” อินทัชพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ

“นั่นน่ะสิ กูก็ยังแปลกใจตัวเอง”

“อืม...”

“ไอ้อิน...”

“อะไร?”

“กูถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมวะ”

“ถ้าตอบได้”

“มึงช่วยพูดออกมาอย่างจริงๆ ไม่โกหกนะ”

“กูต้องฟังคำถามก่อน”

“วันนี้...มึงสนุกไหมวะ” รามินทร์ถามออกไป แล้วก็ลุ้นเอง

เขาอยากให้มันรู้สึกสนุก...เหมือนที่เขาเองก็สนุก...

“…”

การที่ได้เงียบมาเป็นคำตอบทำเอารามินทร์ใจเสียไป มือกำพวงมาลัยแน่น ลุ้นคำตอบจากปากของอินทัชที่เดาไม่ถูกว่าจะตอบคำถามนี้ไหม

“ว่าไงล่ะ”

“ถ้ากูไม่ตอบล่ะ”

“ก็เรื่องของมึง แต่กูจะเซ้าซี้ถามมึงจนกว่าจะตอบนั่นแหละ”

“กูว่ากูไม่เคยเห็นมึงมุมนี้มาก่อนเลยว่ะ”

“ใช่! มึงไม่เคยเห็นมุมนี้ของกู” เพราะกูเอาแต่ใจร้ายไง...

“หึ แล้วคิดยังไงถึงทำแบบนี้กับกูล่ะ” ถามกลับ

คิ้วเข้มขมวดแน่น หันมามองคนถามอย่างไม่พอใจ

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง กูถามมึงก่อน มึงก็ตอบสิวะ” ขึ้นเสียงดุ

“เอาแบบจริงๆ เลยนะ กูไม่เคยมาเที่ยวแบบนี้ ไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน...”

“เอาแค่ว่าสนุกหรือไม่สนุก”

“หึหึ...” ร่างผอมหัวเราะ แล้วเอนหลังไปที่เบาะด้วยท่าทางที่สบายๆ

“แม่งลีลาว่ะ”

“ทำไมถึงอยากรู้นักล่ะ” ยกยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ

ความใจร้อนของรามินทร์ทำให้อีกคนดูเด็กไปเลย ก็แน่ล่ะ อินทัชอายุมากกว่ารามินทร์ปีหนึ่ง แถมน่าที่การงานยังทำให้มีความเป็นผู้ใหญ่สูง

“แค่อยากรู้!! ว่ามึงจะสนุกเหมือนที่กูสนุกไหม แค่นั้น!!” รามินทร์โพล่งออกมา ทำเอาดวงตาสวยเบิกกว้างอย่างตกใจ ส่วนคนที่พูดก็เหมือนจะรู้ตัวว่าโพล่งอะไรออกมาเลยกัดริมฝีปากล่างแรงๆ

ใบหน้าคมเข้มขึ้นสีอย่างอายๆ ที่หลุดคำพูดบ้าๆ ออกไป แต่ก็ไม่ต่างจากอินทัชนักหรอก นอกจากตาที่เบิกกว้างแล้วแก้มขาวๆ ยังขึ้นสีชมพูด ขับให้ความสวยของใบหน้าดูดีมากขึ้น

แต่รามินทร์ไม่เห็นเพราะไม่กล้าหันมามองหน้าคนข้างๆ

ใจเต้นแรงแข่งกันรัวเป็นกลองชุด

“เออ! สนุก” แล้วนี่ก็เหมือนมีผีตบปากให้พูด

อินทัชรู้สึกอายที่พูดออกไปแบบนั้นเลยเสมองหน้าต่างด้านข้าง ส่วนใบหน้าหล่อเหลาของรามินทร์ก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ใจที่เต้นแรงแบบนี้...ไม่ดีเลย

มันไม่ดีต่อใจเอามากๆ

เราสองคนเกลียดกันนะ!!!

ต่างคนต่างย้ำประโยคนี้ ต่อต้านหัวใจที่สั่นไหวของตัวเอง...






100%

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

   จริงๆ แล้วคนเรามันก็ไม่อยากหวั่นไหวกับคนที่เกลียดหรอกค่ะ แต่หัวใจเนาะ ใครมันจะไปห้ามได้กัน ฉะนั้นแล้ว เม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ (เกี่ยว?)

   มีอะไรสามารถเข้าไปพูดคุย สอบถาม หรือติดตามข่าวสารการอัพนิยายของยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-09-2016 12:22:45
จะรักกันแล้วๆๆๆ แต่ อินทัชอย่าเพิ่งให้อภัยง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 11-09-2016 13:09:08
ถึงจะรู้สึกดีแค่ไหน แต่เรื่องรักกัน มันคงไม่ง่าย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 11-09-2016 14:07:52
อินแกต้องใจแข็งกว่านี้ให้มากนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-09-2016 14:22:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 11-09-2016 15:40:51
รักกันเหอะ
นะ
อันนี้ไม่ได้เรียกว่าเกลียดละ
อย่าให้เวลาผ่านไปเปล่าๆเลย
รักกันเลย รักกันเลย!~~~
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-09-2016 16:25:41
ไม่รู้ซิรู้แต่ว่าไม่อยากให้อินใจอ่อนง่ายๆ ไม่อยากให้หวั่นไหวง่ายๆ ก่อนที่รามจะรู้ความจริงว่าอินไม่ได้ทำอะไรน้องสาวรามเลย เพราะกลัวอินจะยอมยกโทษให้รามง่ายๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-09-2016 20:41:08
 :katai1:


ต้องเอาคืนน่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-09-2016 21:44:42
ถ้ารามินทร์ยอมรับความจริงว่าชอบอินแล้งใช้เวลาที่เหลิอเดินหน้าจีบอิินก็คงดี
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 12-09-2016 11:27:15
 :ling1: จ้าเอาๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 12-09-2016 14:34:24
ลุ้นตัวโก่งได้ทุกตอนสิเนี่ยะ...อยากอ่านต่อๆ..ยูกิจ๋า..มาต่อเร็วๆนะ.. :ling3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 26 100% => (11/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 12-09-2016 21:01:35
เพลงจำเลยรักลอยมาเลยค่ะะะะะะะ เกลียดแต่ก็หวั่นไหววววว
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 50% => (15/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 15-09-2016 21:32:03
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 27
อย่ามาลองดี




“นี่เขามีงานอะไรกันน่ะ คนเยอะเชียว” เจ้าจอมถามจุลจักรที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของตนด้วย เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ ทีมออแกไนซ์จัดงานแต่งก็เริ่มลงมือการจัดเตรียมสถานที่แต่เช้า จริงๆ แล้วก็เริ่มที่จะจัดตั่งแต่เมื่อวานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ดูเป็นรูปเป็นร่างแบบนี้

ห้องทำงานของเจ้าจอมอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นสวนได้

“งานแต่งงานน่ะครับ”

“งานแต่ง?”

“ครับ...คุณรามสั่งไว้ตั้งก่อนไปเลยแล้วว่าจะมีทีมออแกไนซ์จัดงานมาที่นี่” จักรตอบ

“ทำไมฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง”

“ก็เพราะคุณจอมเอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ ไงครับ เลยไม่รู้ว่าจะมีงาน”

ก็จริงอย่างที่จักรว่า ตั้งแต่วันนั้นเจ้าจอมก็พยายามที่จะหลบเลี่ยงการเจอกับเหล่าคนงาน ทำเพียงแค่เดินไปบ้านพักแล้วก็มาทำงานในแต่ละวันเท่านั้น หนำซ้ำยังไม่ออกจากห้องทำงานอย่างที่ตนว่าด้วย เรื่องเสียๆ หายๆ ที่มีก็เริ่มหายไปแล้วด้วย ที่รับรู้มาคือคนงานหลายคนรู้สึกผิดและอยากให้เจ้าจอมเป็นเหมือนเดิม

ซึ่งเขาก็รอเวลาอีกนิด ค่อยออกไปเจอก็แล้วกัน แต่ดันมีงาน น้องชายเจ้าของรีสอร์ทอย่างเขาไม่ไปเจอลูกค้าเลยก็ทำไม่ได้ด้วยสิ เดี๋ยวจะกลายเป็นขี้ปากคนงานอีกรอบหนึ่ง ขี้เกียจทำหน้าเศร้า บีบน้ำตาแล้ว

“เฮ้อ...งั้นฉันควรจะออกไปพบกับลูกค้าบ้างดีกว่า”

“ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหมครับ”

“ก็แหงอยู่แล้ว หยุดทำงานของนายทุกอย่างซะ แล้วเดินข้างๆ ฉัน โอเค้?”

“ครับ”

“งั้นก็ไปกันเถอะ”

ร่างสูงล่ำสันเดินตามชายร่างเล็กอย่างเจ้าจอมไป ระหว่างทางคนงานก็ทั้งก้ม ทั้งโค้งให้ แล้วยังเอ่ยอย่างยินดีที่ได้เห็นเจ้าจอม ซึ่งเจ้าจอมก็ยิ้มตอบรับบางๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่โกรธอะไร

ถือว่าเป็นเรื่องดีของเหล่าคนงานเลยนะเนี่ย

“ฉันไม่ได้โกรธหรอก ไปทำงานกันได้แล้วไป พรุ่งนี้จะมีงานใหญ่นี่”

“ครับ!!”

“ค่ะ!!”

คนงานทั้งหญิงและชายต่างรับคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่แข็งขัน ราวกับได้รับน้ำหล่อเลี้ยงกำลังใจจากเจ้านายตัวน้อยของพวกเขาทั้งหลาย

“ผมดีใจที่คุณจอมยอมอภัยให้คนงาน”

“ก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก”

“ดีจังเลย คุณจอมจิตใจดี”

หึ...ถ้านายรู้ธาตุแท้ของฉัน นายยังอยากจะรักฉันอยู่ไหมนะ...

แต่ต่อให้ไม่อยาก นายก็ต้องเป็นของฉัน...ของฉันตลอดไป

“ก็ไม่ดีเท่าไหร่หรอก ฉันก็คน มีรัก โลภ โกรธ หลงกันทั้งนั้นแหละ”

“ครับ”

“เลิกพูดเรื่องนี้ แล้วตามฉันมา”

ร่างบางเดินตรงไปยังสวนที่กำลังเริ่มจัดสถานที่และตกแต่ง ซึ่งพอเห็นร่างผอมโปร่งที่สูงกว่าเจ้าจอมหน่อยๆ ใบหน้าหวานก็เหมือนมีแรงดึงดูดให้เดินเข้าไปหา อาจเป็นเพราะดูภายนอก เห็นชายคนนี้กำลังยืนสั่งงานอยู่ เลยคิดว่าเป็นหัวหน้างาน เลยจะมาทักทาย

“สวัสดีครับ” เจ้าจอมยิ้มหวานให้คนตรงหน้า

“เอ่อ...สวัสดีครับ”

“ผมเจ้าจอมนะครับ เป็นน้องชายของคุณรามินทร์ แล้วคุณ?”

“ผมปลายฝันครับ เรียกดรีมก็ได้ เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ของรีสอร์ทที่คุณรามินทร์ให้ดูแลประสานงานกับออแกไนซ์จัดงานจากกรุงเทพฯ น่ะครับ”

“อ๋อ...คุณดรีม เห็นจักรพูดให้ฟังอยู่ กว่าจะได้เจอตัว ขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้มาทักทายก่อนหน้านี้” เจ้าจอมร้องอ๋อ ก่อนจะขอโทษปลายฝันอย่างรู้สึกผิด

แม้คนตรงหน้าจะบอกว่าเป็นพนักงาน แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคนๆ นี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ของเรา

คู่หมั้นของผู้มีอิทธิพล ปฐพี อัคนี แห่งอภิหชัยบดินทร์...

“ไม่เป็นไรครับ ยังไงตอนนี้ผมก็แค่เด็กพาร์ทไทม์คนหนึ่ง”

“โถ่...คุณดรีมถ่อมตัวอย่างที่จักรบอกจริงๆ ถ้ามีอะไรขาดเหลือ บอกผมได้นะครับ”

ตลอดการเก็บตัวของเจ้าจอม จักรก็เล่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรีสอร์ทให้ฟังทั้งหมด รวมถึงเรื่องของปลายฝันด้วย แต่ไม่รู้ว่างานวันพรุ่งนี้ ก็เป็นของคนตรงหน้า และปลายฝัน ก็ยังไม่รู้

คนที่รู้มีเพียงทีมงานออแกไนซ์ รามินทร์ และขรรค์เท่านั้น

“ตอนนี้ไม่มีอะไรขาดแล้วล่ะครับ แค่จัดสถานที่ให้เสร็จเท่านั้นเอง” ปลายฝันตอบยิ้มๆ

“ยังไม่ทันเสร็จ ผมก็ว่าสวยแล้วนะครับ ถ้าเสร็จจะสวยขนาดไหนนะ”

เจ้าจอมมองสถานที่รอบๆ ที่มีดอกไม้รอบๆ กับสวน ที่เตรียมจะทำซุ้ม ทำอะไรต่างๆ อย่างชอบใจ ถ้าได้แต่งงาน เจ้าจอมก็ฝันไว้ว่าอยากจะมีงานแต่งสวยๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้

ถ้าพูดออกไปทุกคนจะหาว่าเขาสาวแตกแน่ๆ แต่เปล่าเลย

ถึงเจ้าจอมจะเป็นเกย์ แต่ก็ไม่ได้ออกหญิง และเป็นชายที่ชอบดอกไม้ก็เท่านั้น...

“ดูเหมือนคุณเจ้าจอมจะชอบดอกไม้นะครับ” คำถามของปลายฝัน ทำให้เจ้าจอมหันกลับมามองอย่างแปลกใจ รวมทั้งจักรที่ยืนสังเกตไปด้วย

คุณจอมชอบดอกไม้จริงๆ สินะ ตาเป็นประกายเชียว...

“ครับ...ผมชอบ”

ไม่ได้ปิดบัง เพียงแต่ไม่เคยมีคนถามก็เลยไม่พูดเท่านั้น

“ชอบดอกอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”

“ผมชอบกุหลาบ...”

“ชอบดอกไม้ที่สมกับเป็นคุณเลยนะครับ ไม่ต้องเดาสีเลย ผมรู้ว่าคุณเจ้าจอมชอบสีอะไร แต่ว่า...ให้คุณเจ้าจอมบอกคนสำคัญของคุณเป็นคนแรกเถอะครับ” ปลายฝันพูด ในประโยคสุดท้ายมองไปยังจักรที่ไม่ว่าเจ้าจอมจะพูดหรือทำอะไร คนๆ นี้ก็ยังคงมองที่เจ้าจอมไม่มองที่อื่นเลย

เดาไม่อยากเลยว่าทั้งคู่รู้สึกยังไงต่อกัน

“คุณดรีมน่ากลัวนะครับ”

“ฮะๆ น่ากลัวอะไรล่ะครับ งั้น...ผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ คุณเจ้าจอมเดินดูรอบๆ ต่อได้เลยนะครับ” ปลายฝันเอ่ยขอตัว

“ครับ เชิญเลย” เจ้าจอมผายมือไปข้างหน้าน้อยๆ ก่อนที่ร่างโปร่งบางของปลายฝันจะเดินไปทำงานในส่วนต่างๆ ต่อไป...

“ไอ้จักรพึ่งรู้...ว่าคุณจอมชอบดอกกุหลาบ”

“ทำไมล่ะ มันไม่เข้างั้นหรือ”

“เปล่าครับ มันเหมาะ เหมาะกับคุณจอมมาก โดยเฉพาะสีแดง ผมว่าสีแดงเป็นอะไรที่เหมาะกับคุณจอมอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน”

เจ้าจอมยิ้ม...สีแดงงั้นหรือ

กุหลาบแดง...เป็นดอกไม้ที่เขา ชอบมากที่สุดเลยล่ะ

“ฉันอาจจะเป็นคนแรงๆ มั้ง เลยดูเหมาะ”

“คือ...”

“เอาเถอะ ตามฉันมาสิ จะไปดูตรงอื่นต่อ”

จักรเดินตามร่างเล็กอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับครุ่นคิดไปด้วยว่าอะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่ากุหลาบแดงเป็นดอกไม้ที่เหมาะกับเจ้าจอมมาก มากจริงๆ

บางครั้ง เจ้าจอมก็ดูร้ายกาจ...แต่ก็ดูสุภาพ อ่อนโยน

บางครั้ง ก็เหมือนจะใช้คำพูดแรงๆ แต่ก็ไม่ใช่คำหยาบคาย

“ป้ารีครับ”

“คุณจอม! ป้าดีใจมากที่คุณจอมมาให้ป้าเห็นสักที โถ่ คุณหนูของป้า...มีเรื่องอะไรทำไมไม่บอกป้าล่ะคะ จะได้จัดการให้”

ป้ารีที่เป็นหัวหน้าแม่ครัว ก็ถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ของเจ้าจอม เพราะตอนเด็กเวลาที่เขามาที่นี่ ป้ารีจะคอยดูแลเขาเสมอ...

“ผมจัดการได้ครับ ไม่มีอะไรแล้ว วันนี้เลยมาอ้อนของโปรดจากป้ารี”

“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวไปนั่งรอนะคะ เดี๋ยวป้าทำให้แป๊บเดียว จะให้เด็กยกไปให้” ป้ารีพูดอย่างเอ็นดูกับการออดอ้อนที่แสนน่ารักของคุณหนูของเธอ ท่ามกลางสายตาที่มองเจ้ายอมด้วยรอยยิ้มและเอ็นดูไม่ต่างกัน

แค่นี้ก็ดีใจแล้ว ที่เจ้าจอมมาร่าเริงเหมือนเดิม

“ขอบคุณนะครับ ฟอด!” หอมแก้มตอบแทนไปทีนึง ทำเอาคนอายุมากแล้วถึงกับยิ้มกว้าง

“ตายแล้ว!! ทำอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้ล่ะคะ”

“ฮ่าๆ ไปดีกว่า”

ร่างบางหัวเราะก่อนจะเดินกลับไปยังห้องอาหารคืนเมื่อรอรับประทานอาหาร ส่วนจักรก็ยืนรออยู่ที่โต๊ะแล้ว พอเห็นว่าเจ้าจอมเดินมาก็รีบนั่งลงทันที เพราะก่อนที่เจ้าจอมจะเข้าครัวได้สั่งไว้ว่าให้นั่งรอ

แต่เขาก็เป็นแค่คนงานธรรมดาๆ จนๆ จะกล้านั่งรอได้ยังไง

“เป็นยังไงบ้างครับ”

“ก็ดี ไม่มีอะไร”

“ดีจัง”

“หึหึ” หัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วมองตาจักรอย่างหวานซึ้ง ทำเอาตาคมต้องเสหนีไปอีกทางเพราะรู้สึกหวั่นไหว อีกทั้ง...มันยั่วอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก

วันนี้...เป็นการกินข้าวที่ทรมานที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลย






“อึก...อ้า ค่ะ คุณจอม คุณจอม อืม...” เสียงครางแหบพร่าดังขึ้นในห้องนอนของบ้านพักจุลจักร จินตนาการในมโนสึกนึกเขาทำให้ไม่อาจต้านทานความต้องการได้เลยต้องใช้มือล้วงเจ้าลูกชายออกมาปลอบ

มือแกร่งนำพาส่วนแข็งขืนไปแตะสวรรค์ด้วยมือ หลับตาพริ้มนึกถึงภาพที่แสนจะยั่วเย้า ยั่วยวนของเจ้าจอมไปด้วย แล้วยิ่งคิดถึงภาพที่เจ้าจอมทำเรื่องอย่างว่ากับเขา...

ก็ปลดปล่อยความต้องการได้มา จักรหอบน้อยๆ ปาดเหงื่อที่หน้าออกไป ก่อนจะลุกไปเปิดไฟแล้วทำความสะอาดตรงนั้นที่เลอะน้ำกามของเขา

“วิตถารจริงๆ เลยมึง กล้าคิดได้ยังไงวะ” ต่อว่าตัวเองไปด้วยขณะที่ทำความสะอาดอยู่

Rrrrr…

“ว่าไงวะ”

(พี่จักรๆ พรุ่งนี้ฝากดูงานของฉันให้ด้วยนะพี่) เสียงร้อนรนจากปลายสายทำให้ใบหน้าดุยิ่งดูโหดเข้าไปอีก

“เกิดอะไรขึ้นวะ ไอ้ขรรค์?”

(บ้านพักของเงิน...ถูกโจรขึ้นบ้านว่ะพี่ ฉันจะไปดูเงินที่โรงพยาบาลแล้วก็จัดการเรื่องนี้ด้วย)

“อ้าว? หมอเงินเป็นไรมากไหมวะ” ถามด้วยน้ำเสียงเครียดๆ แล้วก็เป็นห่วง

(ไม่รู้พี่ ฉันกำลังไป)

“แล้วมึงบอกคุณรามหรือยัง”

(บอกแล้ว คุณรามให้ฉันโทรมาบอกพี่ ช่วยจัดการงานพรุ่งนี้ต่อนะพี่)

“ได้ๆ มีอะไรให้ช่วยก็ติดต่อมานะเว้ย”

(ขอบใจว่ะพี่) ขรรค์ตัดสายไปทันทีที่พูดจบ

จักรเองก็วางโทรศัพท์ไปด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะเอาผ้าไปโยนไว้ในห้องน้ำ ก็เป็นห่วงหมอเงินเหมือนกัน เพราะยังไงก็คนรู้จักกัน หวังว่าจะไม่เป็นอะไรมาก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ใครมาวะ?”

จักรที่ทำท่าจะนั่งซักผ้าก็ลุกขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องนอนไปยังหน้าประตูบ้านพักทันที พอเปิดประตูออกมาก็ทำหน้าตาสงสัยทันที

“มาทำไมแก้ว นี่มันค่ำมากแล้วนะ มันดูไม่ดี” จักรเดินออกมาจากตัวบ้าน แล้วปิดประตู ยืนคุยกับหญิงสาวที่มาบ้านเขาอยู่หน้าบ้าน

“ห้องแก้วไฟมันเสียน่ะจ้ะ”

“ก็แล้วทำไมไม่ให้ลุงชมดูให้ ที่นี่กับบ้านพักสำหรับผู้หญิงก็อยู่ไกลกันจะตาย”

“ฉันหาลุงชมไม่เจอ จะให้พึ่งคนอื่นฉันก็กลัว พี่จักรไปดูไฟให้แก้วหน่อยได้ไหมจ้ะ” หญิงสาวทำหน้าขอร้องอ้อนวอน จนจักรถอนหายใจแรงๆ

“ทำไมไม่ไปนอนห้องคนอื่นก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาตามคนไปซ่อม แก้วก็รู้ว่าผู้ชายไปที่พักผู้หญิงตอนกลางคืนมันไม่ดี”

“แต่ว่า...ที่เรือนพักมีคนอยู่ไม่กี่คน แล้วคนที่ฉันรู้จักก็ยังเตรียมอาหารสำหรับงานพรุ่งนี้อยู่ ฉันเลยมาขอให้พี่ช่วยหน่อย ได้ไหมจ้ะ”

“เออๆ เดี๋ยวพี่ไปเอาอุปกรณ์ก่อน”

“ไม่ต้องจ้ะ!!” เธอรีบบอกเสียงดัง ทำเอาจักรหันมามองหน้าแก้วอย่างไม่เข้าใจ

“ทำไม?”

“ฉันมีจ้ะ ที่ห้องฉันมี คราวก่อนพี่ยิมมาซ่อมให้ครั้งหนึ่ง แล้วแกก็ลืมไว้น่ะจ้ะ ไฟห้องฉันเสียบ่อย”

“เหรอ...งั้นก็ไป พี่ปิดบ้านก่อน”

จักรปิดบ้านแล้วเดินตามหญิงสาวไปยังเรือนพักคนงานหลังใหญ่ ที่แบ่งไว้เป็นห้องๆ สำหรับผู้หญิงและคนงานที่อายุมากแล้ว โดยไม่ได้เห็นรอยยิ้มของแก้วเลยสักนิดว่าเป็นยังไง

พอมาถึงจักรก็พบว่าไฟในห้องของคนงานเปิดอยู่บางห้อง แสดงว่ายังมีบางส่วนที่ยังเตรียมงานวันพรุ่งนี้อยู่ ส่วนแก้วที่จริงก็ยังไม่เสร็จงานหรอก เพียงแต่บอกกับคนอื่นว่าตนไม่สบาย ขอมาพักก็เท่านั้น

“เข้ามาสิพี่จักร” หญิงสาวเปิดประตูห้องแล้วเชื้อเชิญให้จักรเข้าไป

“แก้วไปรอพี่ที่อื่นไม่ดีกว่าเหรอ ให้พี่เข้าไปซ่อมคนเดียวดีกว่า มันดูไม่ดี”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่จักร ถ้ามีอะไรขาดเหลือฉันจะได้ช่วยได้”

เมื่อเห็นว่าจนใจจะพูด จักรก็เข้าห้องไปตามหญิงสาว โดยที่แก้วก็ปิดประตูทันที ส่วนจักรยังไม่รู้อะไรนอกจากความมืดมิด คลำๆ หาสวิสต์ไฟ ก่อนจะเปิด

พรึ่บ!!

“แก้ว!!! นี่มันอะไร...ไฟไม่ได้เสียนี่ โกหกพี่ทำไม?”








50%

 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

   ตัดฉับไว้ครึ่งหนึ่งเช่นเดิม ยังไงก็เม้นท์ให้กันด้วยนะคะ ทำไมเม้นท์ถึงลดจัง สงสัยตั้งใจเรียนสินะ ฮ่าๆ ^_^ ถือว่าขอร้องเนาะ คนแต่งก็อยากได้กำลังใจเพราะกว่าจะแต่งได้ตอนหนึ่งคนเขียนก็ต้องผ่านอุปสรรคหลายๆ อย่างมาก กว่าจะเสร็จในแต่ละตอน

หากมีอะไรสงสัย อยากสอบถาม อยากพูดคุยกับคนเขียน หรือติดตามข่าวสารการอัพนิยาย ก็ไปหากันที่แฟนเพจได้นะเจ้าคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 50% => (15/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-09-2016 21:48:16
อีแก้วไม่เข็ดสินะ.   จักรอย่าไปหลงกลมันนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 50% => (15/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-09-2016 22:35:09
นังแก้ว!! ต้องโดนตบซักทีนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 50% => (15/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-09-2016 23:04:37
คุณจอมมาสั่งสอนนังร่านคนนี้ให้หนักเลยนะคะ อยากได้ผู้ชายซะตัวสั่นเชียว คุณจอมเอาให้นังแก้วมันไม่กล้ากลับมาอยู่ที่นี่เลยได้ยิ่งดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 50% => (15/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 15-09-2016 23:21:33
รอดูจุดจบของนาง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 50% => (15/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 16-09-2016 01:28:31
แก้วนี่ไม่จบจริงๆ นะ อยากโดนจอมเล่นงานแบบจัดหนักรึไง
คู่นี้ยิ่งจูนกันยากๆ อยู่ จักรมันยิ่งไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าทะเลาะกันนี่ยาวเลยนะ
อยากน้อยแก้วต้องโดนตบอะ ให้จอมจัดหนักเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 50% => (15/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 16-09-2016 08:14:46
โถถถถถถ ชะนีระริกระรี้แบบนี้ต้องเจอน้องจอมVer. Last Boss ทำลายล้างมันเลยค่ะ!!!!!!  :m31:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 50% => (15/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 17-09-2016 08:01:40
อ๊ากกกกก..จักร..กระโดดถีบเลย :z3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 50% => (15/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 17-09-2016 18:07:50
นังแก้วววว เดี่ยวเอ็วจะโดนไม่ใช่น้อย!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 50% => (15/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-09-2016 22:39:14
 o22


แก้วยังไม่ตาย อีกหรอ ?
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 50% => (15/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-09-2016 11:23:35
กำลังจะไปได้สวย ยังมีมารมาอีก ช่างกล้าเนาะ

เจ้าจอมคงต้องจริงจังแล้วใช่ไหม
จักรต้องรอดนะ อย่าปล่อยให้ลามล่ะ

ปลายฝันเอ้ยยย จัดงานให้ตัวเอง ดีละจะได้ถูกใจ 555
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 100% => (19/9/59) P.16 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 19-09-2016 23:04:13
ตอนที่ 27 ครึ่งหลัง

 



“เตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“ใช่ค่ะคุณจอม คุณจอมไปพักก่อนก็ได้นะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกแตง รอกลับพร้อมกันนี่แหละ” เจ้าจอมส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“คุณจอมนี่ใจดีจังนะคะ พวกเราว่าคุณจอมเสียๆ หายๆ คุณจอมยังไม่ไล่เราออกเลย”

“เป็นธรรมดานั่นแหละ ถ้าให้ฉันมามัวนั่งไล่ออก ก็คงจะโดนกันหมดทั้งรีสอร์ทล่ะมั้ง ว่าแต่...แก้วไปไหนเหรอ อยากจะคุยด้วยหน่อย จะได้ไม่เข้าใจกันผิดอีก”

“กลับไปนานแล้วล่ะค่ะ” ส้มตอบ

“อ้าว? ทำไมได้กลับก่อน”

“คือพอดีมันไม่สบายก็เลยขอกลับไปพักก่อนค่ะ”

“งั้นเหรอ งั้นไปเยี่ยมหน่อยก็แล้วกัน”

“งั้นเดี๋ยวแตงกับส้มพาไปนะคะ”

เจ้าจอมพยักหน้าน้อยๆ เมื่อทำงานทุกอย่าง เก็บข้าวของเรียบร้อย เจ้าจอมพร้อมกับแตงและส้มที่จะพาไปเยี่ยมแก้วก็พากันเดินไปยังบ้านพักคนงานหญิงทันที ซึ่งก็มีคนงานหญิงที่กำลังกลับไปพักพ่วงมาด้วยอีกเกือบสิบกว่าคน

เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองก่อนที่จะพากันหยุดอยู่ตรงหน้าห้องห้องหนึ่ง แตงทำท่าจะเคาะประตู แต่ว่าเจ้าจอมห้ามไว้ก่อนเนื่องจากได้ยินเสียงมาจากข้างในห้อง

“ทำไมคะ?”

“ฉันได้ยินเสียงผู้ชายในนั้น”

“เอ๋...แต่ผู้ชายจะมาทำอะไรที่นี่ตอนกลางคืนแบบนี้ล่ะคะ” ส้มถาม

“ลองฟังดู ฉันไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ใช่ ค่อยเคาะ”

เหล่าคนงานหญิงคนอื่นๆ ที่ทำท่าจะแยกย้ายเข้าห้องตัวเอง เห็นเจ้านายกับแดงและส้มกำลังยืนนิ่งหน้าห้องของแก้วก็เกิดความสงสัย เลยเดินมาสมทบด้วย เผื่อได้รู้เรื่องดีๆ

และมันก็เป็นอย่างนั้นเมื่อเสียงในห้องเริ่มดังขึ้นเพราะพวกเขาเงียบตั้งใจฟัง เจ้าจอมกำหมัดแน่น กัดปากล่าง ใจบีบรัดกัน เจ็บแบบหน่วงๆ

เสียงของจักร...เจ้าจอมจำได้ดี...

ทำไมไม่รักษาสัญญา...คิดจะลองดีกับฉันเหรอนายจักร!!


“ทำแบบนี้ต้องการอะไร?”

ร่างสูงหันไปเอาเรื่องหญิงสาวด้วยสีหน้าที่เกรี้ยวโกรธ แต่แก้วกลับทำในสิ่งที่ทำให้จักรตกใจเข้าไปอีก

หมับ!

“แก้วชอบพี่จักร” เธอกอดจักรจากข้างหน้าอย่างแน่น จักรพยายามดันหญิงสาวออกแต่ก็ไม่เป็นผล พยายามเบียดหน้าอกของเธอกับแผ่นอกของร่างสูง จักรพยายามแก่งออกอย่างที่ไม่ทำให้หญิงสาวต้องเจ็บมาก ใบหน้าที่ดูดุและเถื่อนยิ่งดูน่ากลัวเข้าไปอีก

จักรเกลียดคนโกหกที่สุด...และตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจอะไรหญิงสาวคนนี้อีก หากว่าเจ้าจอมให้เขาออกห่าง เขาก็จะออกห่าง

“ดูสิพี่จักร แก้วเป็นผู้หญิง แก้วมีนม แก้วมีทางข้างหน้า แล้วก็มีลูกให้พี่ได้ คุณจอมสู้อะไรแก้วไม่ได้หรอก ของแบบนั้นจะสู้ของแท้ได้ยังไง พี่จักรจับดูสิ” แก้วพยายามดึงมือจักรให้มาวางที่หน้าอกของเธอ แต่แรงผู้หญิงจะไปบังคับผู้ชายได้ยังไง พยายามเท่าไหร่ จักรก็ขืนมือตัวเอง พร้อมกับจับแขนหญิงสาวอีกข้างแล้วผลักไปไม่แรง แต่ก็ทำให้เธอหลุดจากตัวของจักรได้ และล้มไปนั่งกับพื้นได้

“กรี๊ด!! พี่ผลักแก้ว”

จักรทำหน้าขยะแขยง...เขาไม่ชอบคนแบบนี้ เขาไม่ชอบหญิงสาวที่กำลังพยายามยั่วยวนเขาโดยการเปรียบเจ้าจอมให้ต่ำกว่าเธอ

สำหรับจักร...เจ้าจอมคือคนที่แตะต้องไม่ได้!!!

“คุณจอมดีกว่าเธอทุกอย่าง...หยุดพูดจาน่ารังเกียจแบบนี้สักที!!” เสียงทุ้มต่ำของจักรตะโกนดังกร้าวพร้อมกับชี้หน้าแก้วที่กำลังมองจักรอย่างโกรธๆ และไม่พอใจ

ปัง!!!

“ใช่แล้ว!! คุณจอมดีกว่าแกทุกอย่างนังแพศยา” ส้มเปิดประตูอย่างแรงพร้อมกับตะโกนใส่แก้วที่มองคนมาใหม่ด้วยสายตาที่เบิกกว้างตกใจ

ไม่ใช่ตกใจที่เห็นคนงานหญิงเกือบสิบคน แต่ตกใจที่เห็น...

“ค่ะ คุณจอม...” สิ้นเสียงพึมพำของแก้ว จักรก็หันมามองทางประตูหน้าห้องอย่างตกใจไม่แพ้กัน พอเห็นเจ้าจอมก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว

สายตาของเจ้าจอมเย็นชาสุดๆ

“คุณจอม...”

“เงียบไปจักร ฉันจะซักนาย แต่หลังจากนี้” เสียงของเจ้าจอมไม่มีทีท่าว่าจะล้อเล่นเลยสักนิด

“เอายังไงดีคะคุณจอม”

“เรื่องนี้ต้องถามพี่รามแล้วล่ะ ว่าคนงานหญิงทำพฤติกรรมแบบนี้จะโดนโทษแบบไหน” เจ้าจอมตอบ กอดอกเชิดหน้ามองหญิงสาวที่พื้น แววตาของแก้วสั่นระริก หาคำพูดตัวเองไม่เจอ

เจ้าจอมใช้สายตาที่เรียบเฉย เยือกเย็น ไม่แสดงอารมณ์อะไร และไม่มีแม้แต่ความรู้โกรธ ไม่พอใจ เป็นสายตาที่แก้วรู้สึกว่า...ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ก็ไม่อาจจะทำให้คนๆ นี้มีความรู้ได้

หรือในอีกความหมาย...ไม่มีทางชนะเจ้าจอมได้

“ก็คงไล่ออกอย่างเดียวแหละค่ะคุณจอม” แตงตอบ แล้วใช้สายตามองเพื่อนร่วมงานอย่างรังเกียจ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้หญิงที่ดูซื่อๆ ต่อหน้าพวกเธอ จะกลาทำเรื่องบัดสีแบบนี้

“นี่ถ้าคุณจอมไม่อยากจะมาเยี่ยมไข้แก คงจะไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้หรอก”

ได้ยินตั้งแต่แก้วพูดว่าเธอเป็นผู้หญิงแล้ว แตงกับส้มพยายามจะเปิดประตูเข้าไปแต่เจ้าจอมทำท่าให้หยุดฟังไปก่อน ส่วนหนึ่งเพราะเชื่อใจจักร แม้ว่าตอนนั้นจะกัดฟันแน่นมากก็ตาม

“ล่ะ แล้วทำไมมาโทษฉันคนเดียวล่ะ พี่จักรเข้ามาในห้องฉันนะ พี่จักรพยายามจะข่มเหงฉัน”

จักรเบิกตากว้าง หันมองเจ้าจอมแล้วเตรียมจะอธิบาย

“หยุด! ไม่ต้องพูด ถ้าฉันถาม นายค่อยพูด เข้าใจใช่ไหม” เจ้าจอมไม่สบตาจักรเลย ไม่แม้จะหันมาด้วยซ้ำ นั่นทำให้จักรกำหมัดแน่น แล้วมองหน้าเจ้าจอมแบบอ้อนวอนแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่เห็น

“แต่ที่พวกเราได้ยิน คือแกพยายามยั่วยวนพี่จักร และประโยคสุดท้ายบวกกับสภาพแกที่นั่งอยู่กับพื้นขนาดนี้ คิดเหรอว่าจะมีคนเชื่อว่าพี่จักรมาที่นี่เพราะพิศวาสแก” แตงตอบด้วยน้ำเสียงโกรธๆ แทบอยากจะถลาไปสั่งสอน

“นายมาที่นี่ทำไม” ร่างเล็กถามเสียงเรียบ ไม่มองหน้าจักรเหมือนเดิม เอาแต่มองร่างหญิงสาวที่ยังคงนั่งอยู่กับพื้นเพราะไม่กล้าลุกขึ้นยืน

“แก้วบอกว่าไฟที่ห้องเสีย ให้ผมมาซ่อมครับ”

“ไฟเสีย? หึ”

“นี่ขนาดโกหกว่าไฟเสียเลยเหรอ ตอแหลเกินไปไหมห๊ะนังแก้ว!!” แตงตะคอกแทรกขึ้นมา

“ช่างเถอะแตง”

“แต่คุณจอม...”

“ฉันจะไม่เอาเรื่องไปบอกพี่รามก็แล้วกัน ให้โอกาสทำงานต่อไปก็ได้” เพราะรู้ว่ายังไงก็คงไม่กล้าอยู่หรอก...

“ทำแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ!! ทำไมฉันถึงผิดคนเดียวล่ะ พี่จักร!! ฉันเป็นผู้หญิง ฉันเสียหายนะพี่!!” หันไปโวยวายใส่ร่างแกร่งที่เป็นผู้ชายคนเดียวในที่นี้แทน จักหันไปมองแก้วด้วยสายตาที่ดูสมเพชเวทนา แต่ก็ไม่อาจจะเอ่ยอะไรออกมาได้อีก เพราะสิ่งที่ทำกับเขามันยังไม่เลวร้ายเท่ากับที่แก้วพูดว่าตัวเองดีกว่าเจ้าจอม

เจ้าจอม...ที่เป็นนางฟ้าที่แสนสูงส่งของเขา

ต่อให้เป็นหน้าตัวเมีย ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ จักรไม่สนใจ เท่าความรู้สึกของเจ้าจอม...แล้วแก้วก็ผิดจริงอย่างที่ว่า ถ้าโทษมีว่าอย่างไรก็ควรจะเป็นไปตามนั้น

เพราะต่อให้ไม่มีการลงโทษและปล่อยผ่าน สำหรับจุลจักร ก็คงไม่อยากเข้าใกล้หรือมองหน้าหญิงสาวอีกแน่ๆ

“เสียหายตรงไหน ประเด็นนี้คนที่เสียหายคือพี่จักรเว้ย คิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะทำงามหน้ายังไงก็ต้องมีคนไว้หน้ามันก็ไม่ใช่ป่ะวะ? ขนาดฉันเป็นผู้หญิงด้วยกันยังขยะแขยงเลย” แตงพูดขัดขึ้นมาอีก

“ใช่ๆ อย่างพี่จักรเนี่ย ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่ก็เป็นผู้เสียหายตัวจริงเลยล่ะ ใครๆ ก็รู้ว่าพี่จักรเป็นคนยังไง เพราะฉะนั้นอย่าได้ฉุดพี่จักรมาตกต่ำกับคนแบบแก” ส้มสมทบ คนงานหญิงที่เหลือก็ต่างพากันพูดอย่างเห็นด้วยออกมา

แก้วรู้สึกทั้งเจ็บใจและรู้สึกว่าแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนีเพราะอับอายเหลือเกิน มองเจ้าจอมอย่างเคียดแค้น ในเสี้ยวหนึ่งเจ้าจอมยิ้มมุมปากให้อย่างเย้ยหยัน

เพราะรู้ดีว่า...แก้วจะออกจากที่นี่ไปเอง ด้วยความอับอายด้วย

“แก!!!”

ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว แก้วเลยระเบิดอารมณ์ของตัวเองออกมา ที่ผ่านมาเธอทำเป็นแสนซื่อและเรียบร้อยต่อหน้าคนอื่น และคนอื่นก็หลงเชื่อ มีเพียงแค่กับเจ้าจอมนั่นแหละที่เธอไม่สามารถทำได้

เจ้าจอมมองเธอออก...ซึ่งความใจร้อนของเธอ ก็เป็นสิ่งที่ทำลายตัวเอง

“อย่ามาชี้หน้าคุณจอมนะ!!”

“ช่างเขาเถอะส้ม ปล่อยให้เขาทำ” เจ้าจอมว่า

“อีเกย์ อีผิดเพศ...แกกำลังฉุดให้พี่จักรมาเป็นตัวน่ารังเกียจแบบแก แกมัน...” ยังไม่ทันที่แก้วจะต่อว่าเจ้าจอมด้วยความโกรธจบ ร่างแกร่งก็ตะคอกแทรกขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“หุบปาก!!!”

ทั้งหมดอยู่ในอาการนิ่งอึ้ง มองจักรเป็นตาเดียวเพราะไม่เคยเห็นคนๆ นี้โกรธมาก่อน ต่อให้หน้าของจักรจะดูโหด ดูดุ แต่นิสัยของจักรก็คือคนซื่อๆ และใจดีคนหนึ่งเท่านั้น

“หยุดพูดจาว่าคุณจอมเดี๋ยวนี้ พี่ไม่คิดว่าแก้วจะเป็นได้ขนาดนี้ พี่รักคุณจอมมานานหลายปีมาก คุณจอมไม่ได้ฉุดพี่มาชอบผู้ชาย แต่พี่รักแค่คุณจอม แค่คุณจอมเท่านั้น แล้วคนที่รักเพศเดียวกันไม่ได้น่ารังเกียจ เพราะเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วคนที่น่ารังเกียจจริงๆ คือคนแบบเธอ!!”

“ทำไมจะไม่เดือดร้อน!! เพราะไอ้จอมเนี่ยแหละที่ทำให้พี่ไม่สนใจฉัน ไม่สนใจผู้หญิง”

“แล้วมันยังไง...ฉันรักคุณจอมก่อนที่จะมาเจอกับเธอด้วยซ้ำ และต่อให้เจอเธอก่อน ก็ไม่มีทางรักเธอได้!!!” จักรเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกและแทนตัวใหม่อย่างห่างเหิน ตัวสั่นระริกอย่างโกรธ

มีความรู้สึกอยากจะต่อยผู้หญิงก็ครั้งนี้แหละ... 

“ตอนนี้ฉันรักษาการแทนไอ้ขรรค์อยู่ ในฐานะที่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนมันได้ ฉันขอไล่เธอออก และรีบเก็บข้าวของออกไปให้เร็วที่สุดด้วย!!!” สิ้นเสียงของจักร ก็ทำให้คนงานที่ยืนดูเหตุการณ์ถึงกับอึ้งเข้าไปอีก

ส่วนเจ้าจอมก็ตีสีหน้าเรียบนิ่งไม่รู้สึกอะไรกับคำสั่งของจักร

เพราะต่อให้เขาไม่บอกรามินทร์ คนงานแถวนี้ก็ต้องบอก และแก้วก็ต้องถูกไล่ออกอยู่ดี

“เออ!! ไม่อยู่ก็ได้วะ ไอ้ที่ทำงานน่ารังเกียจแบบนี้น่ะ คนพี่ก็เป็นเกย์ คนน้องก็ตุ๊ดแอ๊บแมน ถุย!!” ถ่มน้ำลายลงพื้นห้องก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าคว้าเสื้อจากตู้ใส่ลวกๆ

จักรทำท่าว่าจะเข้าไปต่อว่าให้หายโกรธก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าจอมสั่งสั้นๆ

“พอแล้ว...ตามฉันมา แตง ส้ม ฉันขอฝากตรงนี้ให้เรียบร้อยด้วยนะ” หันไปฝากฝังกับสองหญิงสาวที่ดูเป็นเหมือนคนที่อยู่ที่นี่มานานกว่าทุกคนให้จัดการกับแก้วต่อ

“ค่ะคุณจอม”

“ทำเป็นคนดี เสแสร้ง ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง!!” แก้วด่าตามหลัง

“เหรอ? ทำอย่างกับตัวเองไม่เสแสร้ง วันนั้นเธอพูดกับฉันว่าจักรไม่ชอบคนอย่างฉัน ฉันก็แค่บอกว่าเธอสั้นๆ ว่า มั่นใจได้ยังไง แต่เธอดันร้องไห้ออกมาว่าฉันจะไล่ออก ใครกันแน่ที่เสแสร้ง ใครกันแน่ที่ตอแหล!!!” เจ้าจอมไม่ชอบให้ใครมาว่าแล้วขึ้นเสียงใส่ และไม่คิดจะทนต่อไปด้วย

อาจจะบิดเบือนข้อความในวันนั้นบ้างแต่ก็ความจริง

“แล้วยังไง...ยังไงแกก็ชนะนี่ มีพรรคพวกมากเหลือเกินนี่” แก้วเหมือนเสียสติไปแล้ว

ก็คงเป็นวิธีของหมาจนตรอกที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอด อย่างแก้ว...ก็เถียงออกมาเพื่อให้ตัวเองสบายใจว่าที่ตัวเองทำมันไม่ได้ผิด..

“ฉันก็เตือนแล้ว...ว่าอย่าลองดีกับฉัน รู้ดีนี่ว่าฉันไม่ได้แมนเต็มร้อยแต่ก็ไม่คิดจะรังแกผู้หญิงหรอกนะ ถ้าถามว่าทำได้ไหม ก็ทำได้ อยากลองไหมล่ะ จะได้สงเคราะห์ให้” เจ้าจอมถามด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว

เหล่าคนงานและจักรในเวลาปกติอาจจะตกใจ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกชอบที่เห็นเจ้านายในโหมดร้ายกาจกับผู้หญิงเลวร้ายแบบนี้...

“ก็ทำเลยสิ!! คอยดูนะ ฉันออกไปจะประกาศให้ทั่วเลยว่าพวกแกทั้งพี่ชายแกเป็นพวกวิปริต คนพี่ก็จับใครก็ไม่รู้มาทำระยำตำบอน คนน้องก็คั่วคนงาน ทุเรศ!!”

“อ้อ! แล้วหลอกผู้ชายมาในห้องไม่ทุเรศเหรอ เชิญตามสบายเลยนะจะไปประกาศก็ได้ แต่คลิปที่คนงานถ่ายอยู่ตอนนี้ก็ต้องหลุดไป...แล้วฉัน ก็ไม่ใช่คนผิดอยู่ดี” เจ้าจอมยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ

“แก!!!” แก้วถลาตัวจะมาหาเขาแต่โดนแตงกับส้มล็อกเอาไว้ได้ทัน พร้อมๆ กับจักรที่รีบมาบังร่างเพื่อปกป้องเจ้าจอมเอาไว้อย่างเร็ว

“ฝากด้วยนะ ส่วนนาย...ตามมา!” ร่างเล็กไม่อยากอยู่ตรงนั้นแล้ว เลยได้เอ่ยฝากกับแตงและส้มอีกครั้ง ก่อนจะเรียกให้จักรตามตนมา

“ครับ”

เจ้าจอมเดินออกจากห้องแคบๆ นั้นโดยมีจักรเดินตามหลังมาไม่ห่าง คนตัวโตหลังค่อมลงเพราะกำลังเหนื่อยและคิดมาก กลัว...กลัวเจ้าจอมจะโกรธแล้วเอาโอกาสที่ให้เขากลับคืน

และจักรก็ผิดสัญญาที่ว่าจะไม่ยุ่งกับหญิงสาวอีกด้วย...

“กลับไปนอน พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า”

“แต่ว่า...”

“จะขัดคำสั่งเหรอ”

“ครับ...แต่ขอให้ผมได้ไปส่งคุณจอมที่บ้านนะครับ” ขอร้องเสียงอ่อน

“ไม่ต้อง ฉันเดินกลับเองได้”

“แต่ผมเป็นห่วง”

“ฉันดูแลตัวเองได้! ไปนอนซะ แล้วค่อยคุยกัน” เจ้าจอมสั่งเสียงเย็น หันหน้าแล้วเดินหนีร่างสูงทันที ปล่อยให้คนตัวใหญ่ยืนมองเจ้าจอมไปจนหายไปกับความมืด เขาก็เลยถอนหายใจแล้วขยี้ผมแรงๆ ด้วยความเครียดก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านของตัวเอง

ให้ตายสิ!! มีแต่ปัญหา…








“หมอเงินถูกโจรขึ้นบ้าน พวกมันมากันสี่คน จับได้สอง หนีได้อีกสอง แต่ตำรวจกำลังตามจับอยู่ ส่วนหมอเงินไม่เป็นอะไรมาก บาดเจ็บนิดหน่อย ไอ้น้อยพาไปส่งโรงบาลให้แล้ว”

ทางด้านขรรค์ที่หลังจากฟังคนในหมู่บ้านบอกว่าบ้านพักของหมอเงินถูกขโมยขึ้นบ้านก็แทบจะล้มทั้งยืน หากแต่เมื่อมีสติก็ได้วิ่งไปยังที่รถเมื่อรู้ว่าคนรักอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะบาดเจ็บเล็กน้อยเนื่องจากต่อสู้กับพวกโจร แต่ก็ไม่ถึงกับร้ายแรงมาก

ไม่เป็นอะไรก็เป็นห่วง...

อยากให้เห็นกับตาว่าเงินไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่ว่าจริงๆ

“จะรีบไปไหนวะไอ้ขรรค์”

“ไปหาเมียฉันสิลุง”

“เฮ้ย! ขับรถระวังๆ หน่อย เดี๋ยวก็เป็นอะไรไปอีกคนหรอก” ลุงที่มาบอกข่าวตะโกนเตือนตามหลังของขรรค์ไป

“เงิน...ขรรค์กำลังไปหานะ”

ระหว่างทางที่ขับรถด้วยความเร็วเขาก็โทรไปหาเจ้านายของตนว่าขอลาวันพรุ่งนี้ และจะให้จักรรักษาการแทนไปก่อน ก่อนจะโทรไปฝากงานกับจักรทันทีหลังจากที่รามินทร์อนุญาตให้หยุด

ขรรค์รู้ดีว่าทำอะไรแบบไม่มีสติ ทั้งขับรถด้วยความเร็วแล้วก็โทรศัพท์ไปด้วยอีกแบบนี้ แต่ความเป็นห่วง อยากจะเห็นคนรักมันมีมากกว่า...

เหตุการณ์นี้ทำให้ขรรค์คิดได้เลยว่า...เราไม่รู้ว่าจะอยู่กันไปได้นานขนาดไหน ถ้ารู้ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ขรรค์จะให้เงินมาอยู่ด้วย...ย้ายมาอยู่ด้วยกัน...

และโชคดี ที่มันไม่สายไป...






100%

 :ling2: :ling2: :ling2:

เดี๋ยวตามรีไรท์ทีหลังนะคะ บางประโยค บางเหตุการณ์ของตัวละครอาจจะแปลกๆ พอดียูกิเพิ่งมาอ่านดูก่อนอัพ แต่ยังไม่มีเวลานะคะ ฝากคอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ อย่าหายไปเลยน้า ^^

ไปติดตามการอัพเดทข่าวสาร นิยายได้ที่แฟนเพจ หรือไปพูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 100% => (19/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-09-2016 23:22:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 100% => (19/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 20-09-2016 00:40:34
อยากตบปากแก้ว!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 100% => (19/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-09-2016 01:07:26
 :angry2:


แก้วคือควรตายหรือหายไปได้แล้ว ?
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 100% => (19/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 20-09-2016 07:26:20
เอามันไปถ่วงน้ำเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 100% => (19/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-09-2016 14:22:53
เอานังแก้วถ่วงน้ำเลย!!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 100% => (19/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 20-09-2016 16:41:39
คุณจอมเยี่ยมมาก..
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 100% => (19/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 22-09-2016 18:51:35
 :เฮ้อ:  :hao3:  :z13:  :กอด1:  :L2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 27 100% => (19/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-09-2016 10:05:00
มีแต่เรื่องนะคะ เงินปลอดภัย จะได้มาอยู่กับขรรค์สักที ถ้าไม่เกิดเรื่องก็ไม่ยอมนะ

เจ้าจอมแน่มากกค่ะ ให้คนรอบข้างจัดการ 5555
จักรถึงกับหงอยเลย

ผู้หญิงคนนั้นช่างกล้า อย่ากลับมาทำร้ายกันทีหลังนะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 50% => (25/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 25-09-2016 14:16:39
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 28
มาอยู่ด้วยกันนะ






ตึก ตึก ตึก

“หมอเงินพักที่ห้องไหนครับ” ขรรค์ถามตรงประชาสัมพันธ์อย่างรีบร้อนเมื่อวิ่งเข้ามาในตัวโรงพยาบาลที่เป็นที่เดียวกับที่เงินทำงานอยู่ ใบหน้าคมเข้มเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ คิ้วขมวดจนพยาบาลกลัว

“คุณเป็นญาติของหมอเงินหรือเปล่าคะ?”

“ครับ”

“หมอเงินพักอยู่ที่ชั้นเก้า ห้องเก้าศูนย์ห้าค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

สองเท้ายาวก้าวเร็วๆ ไปยังลิฟต์แล้วตรงไปชั้นเก้า ใจเขาไปอยู่กับคนรักแล้ว แต่ตัวยังไม่ไม่ถึง ขรรค์มองหาว่าห้องนั้นจะอยู่ตรงไหนก็ตรงไปทันที และเมื่อมาหยุดหน้าห้องที่มีชื่อเงินเป็นคนไข้ เขาก็เปิดประตูเข้าไปแบบไม่สนใจจะเคาะ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครอยู่

ยังไม่ทันจะปิดประตูห้องเสร็จก็ได้ยินเสียงหวานของผู้หญิงพูดขึ้นมา เลยยืนแอบฟังอย่างเงียบๆ ไม่ให้คนในห้องรู้ตัว...

“ให้หวานอยู่เฝ้าไหมคะ”

“ไม่ดีกว่าครับ ผมอยู่คนเดียวได้”

“แต่แบบนี้คุณทำอะไรลำบากแน่ๆ เลยนะคะ”

“มีพยาบาลอยู่ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง ขอบคุณในความหวังดีของหมอหวานนะครับ”

“แต่แผล...”

“แค่โดนมีดถากๆ ไม่ได้โดนแทงครับ ยังขยับได้อยู่”

“เฮ้อ...ทำไมเพื่อคุณคนนั้นไม่ยอมมาเฝ้าคุณล่ะคะ ปล่อยให้อยู่คนเดียวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน หมอเงินไม่น่าไปคบกับคนอย่างนั้นเลย” ร่างแกร่งกัดฟันนิดๆ ที่โดนนินทาแบบนี้

ไม่ได้การแล้ว...

ขรรค์ไม่ยอมให้โดนว่าแล้ว ยิ่งเป็นห่วงคนรักมากๆ อยู่ ยังต้องมาฟังประโยคดูถูกแบบนี้อีก

“คนอย่างผมมันทำไมครับ” ขรรค์เดินเข้าไปแสดงตัวขัดการสนทนาของทั้งคู่ทันที หญิงสาวตัวแข็งทื่อ หน้าซีดเผือดทันที ไม่กล้าหันมามองร่างสูง ขรรค์เลยเดินไปอีกฝั่งหนึ่งของเตียงที่ยังว่างอยู่

คนรักของเขายิ้มบางๆ ให้ ส่วนขรรค์ก็ทำหน้าเรียบนิ่งจ้องนัยน์ตาคนรักอย่างดุๆ

“งั้น...หวานขอตัวนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเยี่ยมใหม่ค่ะ” หญิงสาวลาคนไข้บนเตียงทันที ไม่กล้าสู้หน้าของขรรค์ที่ไม่แม้จะสนใจเธอเลยสักนิด

เหมือนกับว่าไม่ได้แคร์คำพูดของเธอ และไม่รับรู้ว่ามีเธออยู่ตรงนี้

“ขอบคุณครับ” เงินยิ้มให้หญิงสาว ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องไป คราวนี้ก็เหลือเพียงแค่เขาสองคนเท่านั้น...มือแกร่งเอื้อมไปลูบเบาๆ ที่แก้มเนียนขาวด้วยสายตาที่รู้สึกผิด

รู้สึกผิดที่ดูแลไม่ได้

รู้สึกผิดที่ปกป้องไม่ได้

และรู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่ข้างกายของเงินในตอนนั้น

“เจ็บมากไหม”

“ไม่เลย...แค่นี้จิ๊บๆ” ยิ้มบางๆ ให้คนรัก

“ไปสู้กับพวกมันทำไมเงิน ทำไมไม่ปล่อยให้มันเอาของไป พวกมันมีตั้งสี่คน ดีเท่าไหร่แล้วที่เงินไม่เป็นอะไรมาก” เสียงของขรรค์สั่นเครืออย่างชัดเจน ทำเอาร่างโปร่งบางบนเตียงรู้สึกผิดไปเลย

หมอเงินไม่ใช่คนที่งกหรือหวงของเท่าไหร่หรอก

แต่พวกมันจะเอากล่องที่มีของสำคัญทางใจไปด้วย เลยเข้าไปแย่งชิงมาคืน

“ในนั้นมีแหวนวงแรกที่ขรรค์ให้เงิน เงินไม่อยากให้มันเอาไป เพราะมันไม่ใช่ของมีค่าอะไร มันก็ต้องทิ้งอยู่ดี”

“เงินไม่น่าจะไปหวง แค่แหวนพลาสติกเด็กๆ วงเดียวเอง”

“แต่มันเป็นของแทนใจ...ที่ตอนนั้นขรรค์ตอบรับว่ารักเงินแล้วนะ”

“ชีวิตของเงินไม่สำคัญเหรอ ไม่คิดหรือว่าถ้าเป็นอะไรไปขรรค์จะอยู่ยังไง” ร่างสูงตัดพ้อจนเงินน้ำตาไหลออกมาจากหางตา

เขาก็คงจะเสียใจที่ต้องเห็นขรรค์ร้องไห้และเจ็บปวด

“จะไม่ทำอีกแล้ว ฮึก เงินขอโทษ จะไม่ทำอีกแล้ว”

“ขรรค์ไม่ปล่อยให้ทำอีกแน่ๆ ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่...มาอยู่ด้วยกันนะ”

เป็นคำขอที่เงินรอคอยมานานมาก ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ นึกขอบคุณโจรพวกนั้นในใจที่มาเลือกปล้นบ้านเขา เพราะฉะนั้นก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้ ให้ขรรค์รู้สึกกลัว และเราต้องแยกกันอยู่ต่อไป

“จริงๆ นะ จะให้ไปอยู่ด้วยจริงๆ ใช่ไหม”

“ครับ...ขรรค์จะดูแลเงินเอง”

“ขอบคุณนะขรรค์ ขอบคุณ”

“ขรรค์สิต้องขอบคุณ ขอบคุณที่เงินไม่เป็นอะไร ขอบคุณที่เงินยังอยู่ตรงนี้ ขอบคุณนะ ขรรค์รักเงิน แค่คิดว่าไม่มีเงินแล้ว เหมือนจะตายให้ได้”

อาจจะฟังดูเวอร์ แต่ขรรค์ก็รู้สึกแบบนี้จริงๆ

“บ้าเหรอขรรค์ วันนี้พูดมากนะเรา” แอบแซวคนรักด้วยความเขินอาย

“หึหึ” ร่างสูงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะดึงเก้าอี้มานั่ง

“ว่าแต่...ขรรค์จะกลับตอนไหนเนี่ย จะดึกแล้วนะ”

“ขรรค์จะเฝ้าเงิน”

“ไม่ต้องก็ได้ พรุ่งนี้มีงานสำคัญไม่ใช่เหรอ” ร่างโปร่งถาม

“ขรรค์ลาแล้ว ฝากพี่จักรดูแลแล้วด้วย”

คำตอบของขรรค์ทำให้เงินทำหน้ารู้สึกผิด

“เงินไม่น่าทำให้ขรรค์เสียงานเลย ขอโทษนะครับ” ขรรค์ชักสีหน้าดุทันทีที่คนรักพูดออกมาแบบนี้

คนที่ผิดต้องไม่ใช่เงิน ถ้าผิด ก็ผิดที่ขรรค์...

ที่ไม่ยอมเอ่ยปากชวนคนรักมาอยู่ด้วย จนเกิดเรื่องอันตรายแบบนี้ขึ้น

“คนที่ผิดคือขรรค์ เงินไม่ผิดอะไรเลย อย่าโทษตัวเองนะ” มือใหญ่ที่หยาบกร้านเพราะทำงานหนักเอื้อมไปลูบศีรษะของเงินเบาๆ

คนเย็นชาที่มักจะอ่อนโยนเสมอกับคนรัก

“อื้อ...”

“แล้วนี่...จะออกจากโรงพยาบาลวันไหน” ร่างแกร่งถาม

“พรุ่งนี้เช้าก็ออกได้แล้วล่ะ เงินไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ที่จริงวันนี้ไม่ต้องนอนก็ได้ แต่ทางหมอกริชบอกว่าให้เงินนอนที่โรงพยาบาลดีกว่าเพราะกลับไปบ้านพักก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะย้อนกลับมาไหม” หมอหนุ่มพูดบอก

“แล้วทำไมไม่คิดจะโทรมาบอกกัน ทำไมต้องรอให้คนอื่นบอกขรรค์”

“ก็เงินไม่อยากให้ขรรค์กังวล” ตอบเสียงอ่อย

“แล้วไม่คิดหรือว่า การที่ขรรค์มารู้ที่หลังแล้วจะไม่กังวล”

“อื้อ...อย่าดุเงินเลยนะ เงินขอโทษ” หมอหนุ่มอ้อนเสียงนุ่ม แม้มันจะไม่ได้หวานแบบผู้หญิง แต่ก็หวานในแบบผู้ชาย...

“โอเคๆ งั้นเงินนอนพักไป ขรรค์นอนที่โซฟาเอง เดี๋ยวตอนเช้าจะให้ลูกน้องเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน”

“ครับ ขอบคุณนะขรรค์”

“เพื่อเงิน ขรรค์ทำได้”

ร่างแกร่งเดินไปปิดไฟห้องเพื่อให้คนรักพักผ่อน เพราะสีหน้าของหมอเงินดูอ่อนล้าและอ่อนเพลียมาก ควรจะพักผ่อนได้แล้ว...ส่วนขรรค์ก็ทิ้งตัวนอนลงบนโซฟามองไปยังเตียงคนไข้มองอยู่อย่างนั้น จนได้ยินเสียงหายใจของเงินสม่ำเสมอที่เข้าสู่นิทราไปแล้ว...


เช้ารุ่งขึ้นขรรค์ตื่นขึ้นมาจัดการโทรสั่งลูกน้องให้เอาเสื้อผ้ามาให้คนรักเปลี่ยน ซึ่งเจ้าตัวก็ยังไม่ตื่นเลย สงสัยทำงานเหนื่อยแล้วไม่ค่อยได้นอน

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ของหมอเงินดังขึ้นมาเรียกความสนใจจากขรรค์ที่กำลังนั่งมองคนรักนอนทันที เขายืนเต็มความสูงไปหยิบโทรศัพท์ราคาแพงของคนรักมาดูก่อนจะตาเบิกกว้าง ตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นแรงด้วยความกลัว มือไม้อ่อนแรง

‘คุณแม่’

แม่...แม่ของเงินโทรมา ทำไงดี จะทำยังไงดี ถ้ามึงรับ แม่เงินไม่พอใจ แล้วสั่งให้มึงเลิกยุ่งกับเงินอีกแน่ๆ

ร่างสูงมีสีหน้าที่สับสนลังเล มองคนรักที่หลับพักผ่อนอยู่ก็ไม่กล้าที่จะปลุก แต่ทางฝั่งแม่ของหมอเงินก็คงจะเป็นห่วงคงปล่อยให้สายตัดก็คงจะไม่ดี

ขรรค์กำหมัดข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์แน่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจรับสายแทนคนรัก

เอาวะ! ในเมื่อจะต่อสู้ไปกับเงินอีกครั้ง ก็ไม่เห็นจะต้องกลัวและหนีเลย

“สวัสดีครับ”

(สวัสดีจ้ะ...เอ๋ ไม่ใช่เสียงตาเงินนี่นา นั่นใครคะ? แล้วลูกชายของดิฉันเป็นยังไงบ้าง ทางโรงพยาบาลแจ้งมาว่าตาเงินได้รับบาดเจ็บเพราะขโมยขึ้นบ้าน) เสียงที่คุ้นเคยดีดังมาจากปลายสาย

เสียงที่เคยตอกย้ำว่าเขาคนนี้ไม่เหมาะสมกับเงิน...

เสียงที่เคยตอกย้ำว่าขรรค์คนนี้ต่ำต่อยไม่คู่ควร...

“เงินไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ตอนนี้ยังไม่ตื่น”

(ฉันโทรไปเช้าไปสินะ แล้วใครกำลังพูดสายอยู่คะเนี่ย ขอบคุณที่ดูแลลูกชายให้นะคะ)

“ผม...ขรรค์ครับ” สิ้นคำพูดของเขา แม่ของเงินก็เงียบไปทันที ไม่รู้ว่าตกใจหรือกำลังคิดคำต่อว่าเขาอยู่กันแน่ ผ่านไปเกือบสองนาที ปลายสายก็ยังไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้ตัดสายจนเขานึกเป็นห่วง

“คุณสร้อยเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

(เปล่า...) ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำเอาขรรค์โล่งออกไป

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมบอกเงินให้โทรกลับถ้าเงินตื่นนะครับ”

บางที...แม่ของเงิน อาจจะลืมเขาไปแล้วก็ได้

(ขรรค์...งั้นเหรอ)

“ครับ”

(ดูแลเงินด้วยก็แล้วกันนะ)

“คุณ...จำผมได้ด้วยหรือครับ” ขรรค์ถามออกไปอย่างแปลกใจ

(ทำไมจะจำไม่ได้ คนที่ตาเงิน...รัก ก็มีแค่คนเดียวนี่) ปลายสายตอบ แต่วรรคไว้ก่อนจะพูดคำว่ารักต่อ

“ครับ”

(เอาเถอะ...เดี๋ยวถ้าฉันว่างๆ จะขึ้นไปเยี่ยม บอกตาเงินให้ด้วยก็แล้วกันว่าเดี๋ยวพา ‘ลูก’ ไปหา) น้ำเสียงของปลายสายไม่บ่งบอกว่ารู้สึกอะไรอยู่ แต่เน้นคำว่าลูกจนขรรค์เผลอเม้มปากแน่น

ใช่...เงินเคยพูดไว้ว่าแม่ของเงินมีหลานสมดังที่หวังแล้ว นั่นก็หมายความว่า...นี่คงจะเป็นลูกของเงินกับอดีตภรรยาแน่ๆ

“ผมจะบอกให้ครับ” พอเขารับคำเสร็จไม่รอให้ขรรค์ลา แม่ของเงินก็วางสายไปทันที ทำเอาร่างสูงรู้สึกเสียหน้าไปเลยได้แต่มองโทรศัพท์เครียดๆ แต่ไม่โดนโวยวายใส่ก็ถือว่าดีแล้ว

พอเงินตื่นขึ้นมาก็พอดีกับเสื้อผ้าที่มาถึง หมอกริชเข้ามาตรวจดูอาการเล็กน้อยก็ให้กลับได้เลย เขาก็เลยให้ลูกน้องไปจัดการเรื่องยากับค่าใช้จ่าย แม้จะมีสวัสดิการของหมออยู่แต่ก็ยุ่งยากเลยขอจ่ายดีกว่า ส่วนหนึ่งขรรค์อยากจะทำอะไรให้คนรักบ้าง

เงินที่มีก็เอาออกมาใช้ได้สักที...

“ขรรค์จะพาเงินไปบ้านสวนนะ จะให้คนเอาข้าวของจากห้องของเงินไปไว้ที่บ้านพักของขรรค์ที่รีสอร์ท เล็กหน่อยแต่ก็อยู่ได้ วันหยุดก็ไปนอนบ้านสวนกัน แบบนี้ดีไหม”

“อื้อ...โอเคครับ เงินชอบทุกที่แหละที่มีขรรค์อยู่ด้วย”

ร่างสูงทำได้แค่เพียงยิ้มเบาๆ ก่อนจะประคองคนรักขึ้นไปนั่งบนรถที่เขาขับมาเมื่อคืน พาไปยังบ้านสวนของตัวเองทันทีโดยที่ยังไม่บอกเรื่องที่แม่ของเงินโทรมา...

ไม่ใช่ว่าลืม แต่จงใจไม่พูด...เพราะกลัวจะรู้ว่าเด็กคนนั้น เป็นลูกที่เกิดจากคนรักของเขากับคนอื่น

แบบนั้น...มันก็เจ็บนะ ถึงจะเข้าใจ แต่มันก็เจ็บอยู่ดี

ทางด้านร่างโปร่งก็จับสังเกตคนรักมาโดยตลอด ขรรค์เปลี่ยนไปทำไมจะดูไม่ออก แต่ก็ไม่อยากถามให้คนรักหนักใจ ถ้าพร้อมขรรค์ก็คงจะบอกเองนั่นแหละ

ถ้ามันเป็นเพราะเขาที่ทำให้ขรรค์ไม่สบายใจ เงินก็พร้อมที่จะอธิบายทุกอย่าง...


“เงินไปนอนพักไหม” ถามคนรักเมื่อเดินเข้าไปในตัวบ้านหลังพอดีท่ามกลางสวนผักผลไม้และธรรมชาติที่แสนจะร่มรื่นเย็นสบาย

“โห! นอนจนเบื่อแล้ว ไม่เอาอ่ะ เงินไม่เป็นอะไรสักหน่อย”

“งั้นจะนั่งเล่นข้างล่างก็ได้ กลัวเงินไม่มีอะไรทำจะเบื่อเอาน่ะ”

“นอนก็เบื่อเถอะ”

“ที่นี่ไม่มีอะไรให้เงินแก้เบื่อด้วยสิ” ขรรค์ทำหน้าเครียด

“ทำไมจะไม่มี แค่อยู่กับขรรค์เงินก็มีความสุขแล้วก็สนุกที่สุดแล้ว” พอเงินพูดจบ ขรรค์ก็ถอนหายใจแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กับร่างโปร่ง

“ขรรค์ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเงิน”

“แน่นอนอยู่แล้ว ก็ขรรค์รักเงินไง” ยักไหล่ขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ เป็นท่าทางที่ดูจะน่ารักมากๆ สำหรับขรรค์

“หึหึ หลงตัวเอง”

“ก็หรือไม่จริงล่ะ ขรรค์ไม่รักเงินเหรอ”

“ก็รู้อยู่แล้วจะถามทำไม”

“อย่าเลี่ยงสิ น้าๆ เงินอยากฟังอีก ฟังบ่อยๆ เลย”

ร่างสูงโปร่งเขย่าแขนคนรักอย่างออดอ้อน ทั้งๆ ที่ตาก็สังเกตท่าทางของคนรักไปด้วย ขรรค์กำลังกลบเกลื่อน พยายามทำเป็นเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ก็มีอะไรอยู่ในใจตลอด

นิสัยแบบนี้เมื่อไหร่จะหาย...

เมื่อไหร่จะเลิกคิดมาก คิดคนเดียวสักที

“ขรรค์...” ร่างสูงอึกอัก

“หืม?”

“คือว่า...” เกริ่นนำแล้วก็เงียบไป

ไม่กล้าพูด ไม่กล้าพูดออกไป กลัวคำตอบของคนรัก...จะหาว่าขี้ขลาดก็ได้ จะหาว่าใจเสาะก็ได้ แต่ใครไม่มาเป็นขรรค์ไม่มีทางเข้าใจได้หรอก ว่ามันรู้สึกยังไง

ขรรค์เองก็ไม่สบายใจที่ต้องปิดบัง แต่ก็กลัวว่าจะรับกับความจริงไม่ได้

เอาก็เอาวะ จะได้ยินเงินเล่าแบบนี้ ก็พร้อมล่ะวะ!

แต่ในเมื่อมาขนาดนี้แล้ว...เราก็ต้องรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเขาเป็นคนปล่อยเงินไปเอง เขาไม่คิดจะสู้ให้มากกว่านี้ ฉะนั้น ถ้ามันจะเจ็บปวด...เขาก็ยินดีรับ

“ขรรค์มีอะไรจะพูดหรือเปล่า” ร่างขาวสะอาดเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังผิดกับเมื่อสักครู่นี้ที่กำลังออดอ้อนให้คนรักบอกรักอยู่

เงินยังคงดูขรรค์ออกเสมอ...

“บอกเงินได้ไหม?”

ขรรค์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ แล้วอ้าปากพูด

“เมื่อเช้า...แม่ของเงินโทรมาหา”







50%


 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

   เม้นท์หายอ่ะ ^^ เจอกันครึ่งหลังนะคะ ยังไงก็เม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ขอกำลังใจให้กับคนสวยด้วย แหะๆ หากมีอะไรจะพูดคุยกับยูกิ หรือสอบถาม หรือทวงนิยาย ไปหายูกิที่แฟนเพจได้เลยค่า https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 50% => (25/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 25-09-2016 14:46:13
ขออีก 50 น้าาาา ชอบหมอเงินอ่าาาา
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 50% => (25/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-09-2016 16:32:33
 :katai1: :hao3: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 50% => (25/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 25-09-2016 16:44:04
หมอเงินรู้สึกขอบคุณพวกโจร555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 50% => (25/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-09-2016 19:05:02
โอ๊ยยยยยยย สรุปตอนนี้ยังไม่มีคู่ไหนลงเอยซักคู่ ยิ่งคู่หลักยังอีกยาวววววววว
ปักธงอ่านกันต่อไป ฮึบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 50% => (25/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-09-2016 23:06:07
อื่อหือ..ดราม่าเบาๆ
ขรรค์เงิน ผ่านดราม่าไปให้ได้นะทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 50% => (25/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-09-2016 00:57:20
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 50% => (25/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-09-2016 09:17:06
ขรรค์น่ารัก หมอเงินมีความอ้อน

ถ้าแม่จะห้ามอีก คงไม่ไหวละนะ หมอเงินคงหนีอะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 50% => (25/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 29-09-2016 17:22:30
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 50% => (25/9/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 01-10-2016 08:57:24
ขรร สู้ๆ.. :เฮ้อ:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 100% => (2/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 02-10-2016 11:59:21
ตอนที่ 28 ครึ่งหลัง




UP


อ๋า...เรื่องนี้นี่เอง เงินพยักหน้าแล้วยิ้มเบาๆ ให้

“อ๋อ...แม่รู้เรื่องที่เงินเจ็บใช่ไหม แล้วแม่ว่ายังไงบ้าง” ร่างโปร่งไม่ได้มีทีท่าว่าจะตกใจเลยสักนิด กลับยิ้มๆ ออกมาด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่แต่ก่อนแม่ของเงินกับขรรค์ไม่ถูกกัน

ไม่สิ...แม่ของเงินไม่ชอบขรรค์แค่ฝ่ายเดียว

“แม่เงินบอกว่า ถ้าว่างจะมาเยี่ยมพร้อมกับ...พร้อมกับ เอ่อ...ลูก ของเงิน” ขรรค์พูดตะกุกตะกัก แต่ก็มันก็รู้เรื่องพอที่จะทำให้เงินร้องอ๋อในใจ

“หึหึ ขรรค์กำลังกังวลใช่ไหมว่าลูกคนนั้นจะเป็นลูกของเงินกับคุณสา”

ร่างแกร่งมองหน้าคนรักทันที ก็รู้อยู่แล้วถ้าพูดไป เงินจะรู้ได้เลย ไม่ต้องเล่าความรู้สึกให้ฟังเงินก็รับรู้ได้ ขรรค์มองรอยยิ้มของเงินอย่างโล่งใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“มันก็ใช่...”

 ใจของขรรค์หล่นวูบไปอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อได้ยินประโยคถัดมา ดวงตาสะท้อนความเสียใจเอาไว้อย่างปิดไม่มิด แต่จะให้ทำยังไงได้

เขาทิ้งเงินมาเอง เขาไม่ยอมสู้เอง...

“แต่เราไม่ได้รักกัน และไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายกัน ขรรค์ก็รู้ว่าเงินทำเรื่องอย่างว่ากับคนที่ไม่รักไม่ได้”

“แล้วเงินมีลูกได้ยังไง...”

มันเป็นคำถามที่ทั้งอยากรู้และไม่อยากรู้ที่กำลังตีกันในหัวของร่างขาวตอนนี้

“เด็กคนนั้น เกิดจากความรักของเงินที่มีต่อขรรค์”

“ยังไงเหรอเงิน...” ขรรค์ทำหน้าสงสัย ไม่เข้าใจในสิ่งที่คนรักพูดออกมา

มันจะเป็นความรักของเงินที่มีต่อขรรค์ไดยังไง ในเมื่อเงินมีลูกกับคนอื่น...

“คุณสาอุ้มท้องเด็กคนนั้นที่เกิดจากการทำกิ๊ฟ เพราะแม่จะยอมให้เงินหย่าก็ต่อเมื่อคุณสาคลอด นั่นหมายความว่าเงินต้องมีลูก เราทั้งคู่ไม่ได้รักกัน คุณสาก็มีคนรักอยู่แล้วและมีลูกก่อนที่จะแต่งงานกับเงินอีก แต่เงินเก็บเป็นความลับไว้ไม่ให้ใครรู้ แล้วก็ทำข้อตกลงกันอย่างลับๆ เอาไว้ เงินพาคุณสาไปทำกิ๊ฟแต่สามีตัวจริงของเธอก็ไปด้วยนะ เขายอมรับได้ทุกอย่างแม้กระทั่งยอมให้น้ำเชื้อของเงินไปอยู่ในตัวคนรักของเขา เพราะการที่คุณสามีลูกกับเงิน คือทางออกเดียวที่จะทำให้เราทั้งสองเป็นอิสระ...” เงินเล่าไปพลางทำหน้าเศร้าๆ ไปด้วย

ตอนนั้นมันทั้งเจ็บปวด ทั้งทรมาน เขาและเธอต่างก็ทนอยู่กับความทุกข์เพราะไม่ได้รักกัน

ขรรค์พยักหน้าเข้าใจ รู้ดีว่าถ้าแม่ของเงินไม่ได้ตามที่ตัวเองต้องการ จะไม่ยอมให้ในสิ่งที่ลูกต้องการเช่นกัน เธอมีลูกชายคนเดียว และก็อยากจะให้เงินมีลูกไว้สืบทอดสกุลต่อไป

“แล้วพอคลอด เราก็ไปบอกแม่ของเงินกับคุณสาว่าเราไม่ได้รักกัน อยากจะหย่าตามที่สัญญากันไว้ ท่านทั้งสองก็ยอม แต่เด็กต้องอยู่กับครอบครัวเงิน พร้อมกับหนี้ที่ครอบครัวคุณสาที่เคยมีอยู่ ครอบครัวเราก็ช่วยจนหมดไปแล้ว แม้ว่าแม่จะรักคุณสามากขนาดไหน แต่พอรู้ว่ามีลูกมีสามีก่อนอยู่แล้วก็รับไม่ได้”

ขรรค์นั่งฟังเงียบๆ กำหมัดตัวเองแน่น

“แม่ก็สั่งห้ามไม่ให้คุณสามาเจอลูก เพราะไม่อยากให้หลานโตมารับรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้รักกัน...นั่นจะทำให้น้องรักษ์อาจรู้สึกไม่ดี เลยตกลงกันไว้ว่าถ้าน้องรักษ์ถามหาแม่ก็ให้บอกว่าเสียไปตั้งแต่คลอด และเงินก็เห็นด้วย แต่เงินก็ยังพาน้องรักษ์ไปเจอคุณสาตลอด เพราะรู้ดีว่าแม่รักลูกมากแค่ไหน ถึงจะเป็นลูกที่อุ้มให้เงิน แต่ยังไงเธออุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือนไม่ผูกพันเลยก็ไม่ใช่ แล้วเราตกลงกันไว้ว่าคุณสาจะเป็นแค่อาเท่านั้น ซึ่งเธอก็ยอม...” พอพูดถึงตรงนี้ภาพใบหน้าที่แสนเจ็บปวดของอดีตภรรยาก็ขึ้นมา

เป็นคนให้กำเนิด แต่ไม่มีสิทธิ์ให้ลูกรู้ว่าเป็นแม่ มันเจ็บปวดนะ...แต่เพื่อคนที่เรารักและรออยู่ของทั้งสองฝ่าย เราจำเป็นที่จะต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยน

แม้ว่าสิ่งแลกเปลี่ยนจะเป็นอะไรที่ดูใจร้ายต่อเด็กมากก็ตามที

“น้องรักษ์…” ขรรค์ครางชื่อลูกของเงินออกมาเบาๆ

“อื้อ...น้องรักษ์ ลูกชายของเงิน แม้ว่าน้องรักจะไม่มีแม่ แต่ว่าก็ยังมีพ่อถึงสองคนเชียวนะ ขรรค์รับได้ไหม รับเด็กที่เกิดจากคนอื่น”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

“ขอบคุณนะขรรค์” เงินยิ้มบางเบา

“ขรรค์ต่างหากที่ต้องขอบคุณที่เงินพยายามทำอะไรแบบนี้ก็เพื่อเรา ยอมเจ็บปวด ยอมเสียใจ ในขณะที่ขรรค์ปอดแหกเอาแต่วิ่งหนี” ขรรค์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

เจ็บใจที่ไม่ยอมอยู่เป็นกำลังใจให้กับคนรัก...

เจ็บใจที่ไม่ได้สู้ไปกับคนรัก...

เจ็บใจ เจ็บใจ เจ็บใจตัวเองที่สุด

“เปล่าเลย ตอนนั้นก็น้อยใจอยู่หรอก แต่ว่านะ ถ้าขรรค์ไม่มา ขรรค์คงไม่ตั้งตัวได้ขนาดนี้จริงไหม”

เงินก็คือเงิน โกรธเขาได้ไม่นานหรอก...ไม่สิ ไม่เคยโกรธมากกว่า ยิ่งร่างโปร่งไม่โกรธ ร่างแกร่งก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ ละอายมากๆ

ปากบอกว่ารัก...แต่ก็ไม่ได้แสดงออกทางการการกระทำ

“แล้วน้องรักษ์ อายุเท่าไหร่ แล้วเงินไม่คิดถึงลูกเหรอ”

“ตอนนี้น้องรักอายุได้ห้าเดือนแล้วล่ะ ส่วนคิดถึงไหม ก็คิดถึงแหละ ยิ่งน้องยังเป็นเด็กทารกอยู่ แต่เงินไม่มีเวลาเลี้ยงลูก เลยต้องฝากแม่เอาไว้ แล้วก็มาทำตามหัวใจก่อนน่ะ เงินหวังเอาไว้ว่าสักวัน เราจะเลี้ยงน้องรักษ์ด้วยกัน” เงินหันมายิ้มให้กับขรรค์ ซึ่งร่างสูงก็ยิ้มตอบกลับไป

“แน่นอน...เราจะเลี้ยงน้องรักษ์ไปด้วยกัน”

“ขอบคุณนะขรรค์ ขอบคุณที่เข้าใจ”

หมับ!

ทั้งสองร่างโผเข้ากอดกันแน่น เติมเต็มความรับความอบอุ่นให้กัน แม้ว่าหมอเงินจะมีแผลอยู่ แต่มันก็ไม่อาจจะทำให้รู้สึกเจ็บได้ ขอให้ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้ จะเจ็บอีกเท่าไหร่ เงินก็ยอม...

“ขรรค์สัญญา...จากนี้ไป ขรรค์จะดูและเงินเอง”

จะไม่ทำให้เจ็บปวด จะไม่ทำให้ลำบาก

จะดูแล...จะไม่ปล่อยมือคู่นี้อีกแล้ว...

“สัญญาแล้วนะ”

น้องรักษ์...ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่เอาไว้ทำลายกรงกักขังของเงิน แต่เป็นเทวดาน้อยที่ปลดปล่อยเขาให้ได้รับอิสระต่างหาก แม้ไม่ได้เกิดจากความรัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รัก...


“ป้าไม่คิดว่าคุณหมอจะทำอาหารเป็นนะคะเนี่ย”

“แต่ก็ทำอร่อยสู้ป้าน้อยไม่ได้หรอกครับ ผมคิดว่าผู้ชายทำอาหารเป็นดูมีเสน่ห์ออก เลยหัดทำไว้น่ะครับ” ร่างสูงโปร่งตอบกลับป้าน้อยที่เป็นแม่บ้านดูแลบ้านให้กับขรรค์

“คุณหมอนี่ปากหวานกันทุกคนหรือเปล่าคะ”

“ไม่รู้สิครับ ผมไม่เคยลองชิมดู”

“ตายจริง! พูดแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะคุณหมอ คนอื่นมาได้ยินมันไม่งามค่ะ” ป้าน้อยดุหมอเงินอย่างต้องการสอน แต่เป็นการสอนี่หวังดีไม่ใช่อยากจะตำหนิติเตียน

“ฮ่าๆ โอเคครับ ผมขอโทษด้วย แค่แซวๆ เล่นน่ะครับ”

“แซวก็ไม่ได้ค่ะ”

“งั้นไม่ทำแล้วครับป้าน้อย”

“ดีแล้วค่ะ เอาล่ะค่ะ คุณหมอใส่กระเทียมลงไปหรือยังคะ” ป้าน้อยถาม

“ใส่แล้วครับ”

“งั้นต่อไปก็ใส่พริกไทย แล้วก็ใส่กระดูหมูลงไปนะคะ”

“รับทราบครับ”

หมอเงินที่ตอนนี้กำลังบาดเจ็บ แต่ก็กำลังฝึกฝีมือการทำอาหารของตัวเองกับป้าน้อยอย่างตั้งใจ โดยที่ขรรค์ไปคุมลูกน้องปลูกผักรอบใหม่อยู่ คงจะวุ่นๆ แล้วกลับมาทีเดียวตอนอาหารเย็นพอดี

“คุณหมอกับขรรค์คบกันมานานแล้วหรือคะ”

“ก็คบกันเจ็ดปีน่ะครับ แต่ก็เลิกกันไปสามปี ตอนนี้ก็เป็นสิบปีกว่าแล้วล่ะครับ”

“ไม่น่าเชื่อนะคะเนี่ย”

“ทำไมล่ะครับ” เงินทำหน้าสงสัย

“ดูยังไงๆ ก็ไม่เห็นว่าคุณหมอกับขรรค์จะเข้ากันได้เลย ประมาณว่ามีนิสัยที่ไม่เหมือนกัน แต่คบกันได้ ป้าอยากรู้จริงๆ ค่ะว่าคนเย็นชาแบบขรรค์จะรักคนเป็นยังไง”

สิ้นคำพูดของป้าน้อย ร่างโปร่งบางก็หัวเราะออกมาอย่างตลก

“ฮ่าๆ”

“หัวเราะอะไรกับคะคุณหมอ” ป้าน้อยชักสีหน้าดุๆ แต่ไม่จริงจังเท่าไหร่นัก

“ฮะๆ จริงๆ แล้ว ขรรค์เขาเป็นคนที่เงียบๆ แบบนั้นแหละครับ ขนาดตอนเริ่มจีบกันผมยังเป็นคนจีบก่อนเลย เพราะขรรค์เขาเป็นคนไม่กล้า แต่ที่ไหนได้ เราใจตรงกัน เลยคบกันมาตั้งแต่เรียนเลยน่ะครับ”

“โห...สมัยไหนคะนั่น”

“ถ้านับจากอายุตอนนี้กลับไปสิบปี คงจะเป็นช่วงมอสามมอสี่น่ะครับ เราเรียนที่เดียวกัน พอผมเข้ามหาลัยไปก่อน จากนั้นขรรค์ก็ตามไปเรียนที่เดียวกัน เราเรียนกันคนละคณะ แต่ก็ยังเจอกันตลอด นั่นเป็นเพราะเราทั้งสองคนไม่เคยรักใคร แต่ดันรักกันนานมาจนถึงทุกวันนี้เลยล่ะครับ” เล่าไปก็ยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วย

ป้าน้อยมองคนอายุน้อยกว่าที่อาจจะเป็นรุ่นลูกหลานแล้วยิ้มออกมา รู้สึกได้ว่าความรักของทั้งสองมีเต็มเปี่ยมจริงๆ แม้จะเป็นเพศเดียวกัน เธอก็ไม่ได้รังเกียจหรอก ที่สำคัญทั้งคุณหมอ ทั้งเจ้านายเธอก็ต่างผ่านเรื่องที่แสนเจ็บปวดมาด้วยแล้ว...

ความรักของทั้งคู่ต้องการกำลังใจและความเข้าใจ

“ไม่มีทะเลาะกันเหรอคะ”

“มีสิครับ แต่ขรรค์ก็ง้อผมตลอดเลย ทั้งๆ ที่บางครั้งผมก็เป็นฝ่ายผิดเอง”

“ขรรค์เขารักคุณหมอมากนะคะ วางรูปของคุณหมอไว้บนหัวนอนตลอดเลย” ป้าน้อยบอก เรียกรอยยิ้มบางเบาจากใบหน้าของเงินทันที

เรื่องนี้เขาก็รู้นานแล้ว เห็นตั้งแต่วันที่เขาประชดกระโดดน้ำแล้ว

ขรรค์ไม่เคยเลิกรัก ยังคิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลา

“ผมรู้ครับ ผมถึงต้องมา”

“จากนี้ไปป้าก็ขอให้ชีวิตคู่มีแต่ความสุขนะคะ เรื่องราวร้ายๆ จะผ่านไปได้ ถ้าทั้งสองยังเชื่อมั่นเชื่อใจในกันและกันค่ะ” คนอายุมากกว่าหลายสิบปีอวยพรให้อย่างจริงใจ จนคนเป็นหมอต้องหันมาแล้วยกมือไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อม

“ขอบคุณครับ”

“ทำอาหารต่อเถอะค่ะ มีอีกหลายอย่างเลยที่ขรรค์ชอบทาน”

“งั้นคงต้องให้ป้าน้อยสอนบ่อยๆ แล้วล่ะครับ”

“ป้ายินดีค่ะ ว่าแต่มีเมนูไหนที่ขรรค์ชอบอีกบ้าคะ อยู่กันมาก็เห็นทานได้ทุกอย่างถามว่าชอบอะไรก็ไม่เคยจะตอบ เพิ่งจะมารู้เอาตอนที่คุณหมอบอกป้านี่แหละค่ะ”

“ขรรค์เป็นคนอยู่ง่าย กินง่าย ที่ผมรู้ ผมจะใช้วิธีสังเกตสีหน้าของขรรค์เวลาที่กินอะไรน่ะครับ คนเราสามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น ไม่รู้สึกอะไรได้แต่ไม่สามารถกลบเกลื่อนดวงตาที่สื่อออกมาได้หรอกครับ”

“ก็จริงแหละค่ะ”

“เวลาที่ขรรค์ได้กินของที่ชอบตาของขรรค์จะเป็นประกายเหมือนเด็กๆ เลยล่ะครับ”

“ฮ่าๆ ถ้าขรรค์มาได้ยินเข้าคงจะโกรธน่าดูเลย” ป้าน้อยหัวเราะ

“ป้าน้อยก็อย่าเอาไปบอกขรรค์นะครับ”

“ไม่บอกหรอกค่ะ ไม่บอก”

“แต่ถ้าขรรค์ได้ยินเองล่ะ!!” เสียงทุ้มถามขึ้นมาจากด้านหลังของหนึ่งหนุ่มกับอีกหนึ่งสาวที่กำลังยืนคุยกันอย่างออกรสชาติพลางทำอาหารไปด้วย

ขรรค์มานานแล้ว แอบฟังอยู่นานแล้วด้วย

“ข่ะ ขรรค์ ไมกลับมาไวจัง”

“พอดีขรรค์หิวน่ะ” ร่างสูงตอบสีหน้านิ่งๆ

“เหรอ แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่ที่เงินบอกป้าน้อยว่าขรรค์เหมือนเด็กนั่นแหละ” ร่างสูงตอบไป พลางยืนกอดอกพิงประตูห้องครัว มองหน้าคนรักเรียบๆ ส่วนป้าน้อยก็ยิ้มๆ ส่ายหน้าไปมาแล้วสนใจอาหารต่อ

“โธ่...ก็มันจริงนี่นา”

 “เฮ้อ...ใครจะว่าอะไรเงินได้ล่ะ แล้วนี่ทำอะไรกินครับป้าน้อย” ร่างสูงก้าวไปหาคนรักข้างใน เอ่ยถามป้าน้อย แม่บ้านดูแลบ้านที่ตนจ้างมา

“ทำของโปรดของขรรค์นั่นแหละ ป้าเพิ่งจะรู้”

“ผมกินได้หมดแหละ ฝีมือป้าน้อยซะอย่าง”

“เดี๋ยวนี้พูดจาดแบบนี้ได้ด้วยเหรอจ้ะ ฮะๆ ป้าล่ะดีใจจริงๆ ที่ได้เห็นเจ้านายมีความสุข” ป้าน้อยแซว จนร่างสูงหน้าแดงซ่าน

เป็นคนเงียบๆ แต่ก็ขี้อายล่ะนะ

“ป้าน้อยอย่าแซวขรรค์สิครับ เขินจนหน้าดำไปหมดแล้ว อุ่ย! ไม่ได้ว่านะ” ร่างโปร่งบางที่ตอนแรกว่าร่างสูงซะอย่างดีก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จนขรรค์หมั่นไส้

ที่ดำก็ดำมาตั้งแต่กำเนิดแล้วไหม

“ป้าว่าตอนนี้โกรธจนหน้าดำ อุ๊ย! ป้าไม่ได้ตั้งใจ” ทางป้าน้อยก็เอาบ้าง เรียกเสียงหัวเราะจากเงินได้เป็นอย่างดี ขรรค์เลยได้แต่ตีหน้านิ่งส่ายหน้าไปมา

ไม่ได้โกรธอะไรหรอก...

แค่อยากจะแกล้งบ้างเท่านั้นแหละ

“ครับๆ ขรรค์เขินหน้าดำ โกรธก็หน้าดำ แต่ชักอยกจะเห็นคนเขินจนหน้าแดงบ้างแล้วสิ หึหึ” สองเท้าเข้าประกบคนรักอย่างรวดเร็วก่อนที่ริมฝีปากจะฉกเข้าที่แก้มขาวเนียนอย่างรวดเร็วและสูดดังฟอดใหญ่

ฟอด!!!

ฟอด!!!

ไม่ใช่แค่ข้างเดียว แต่เป็นสองข้าง

ร่างโปร่งตกใจตาข้าง หน้าแดงซ่านขึ้นมาคิดได้ว่าคนรักหอมแก้มเขาต่อหน้าป้าน้อย...จนตอนนี้ไม่อยากจะมองหน้าป้าแกเลย ไม่รู้จะโดนแซวหรือเปล่า

“หึหึ แดงดีจริงๆ ขรรค์ไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวลงมากินข้าว วันนี้ป้าน้อยก็อยู่กินด้วยกันนะครับ”\

“ได้จ้าๆ”

“เดี๋ยวลงมากินข้าวนะ หึหึ” แล้วก็หัวเราะในลำคอก่อนจะเดินออกจากครัวไป ทิ้งให้ร่างโปร่งบางยืนเม้มปากด้วยความอาย หลบสายตาล้อเลียนของป้าน้อย

ขรรค์นะขรรค์...บ้าที่สุด อายเป็นเหมือนกันนะ!!







100%

 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

   ลูกชายของหมอเงินจริงๆ นะคะ ^_^ ชื่อน้องรักษ์ เกิดจากการทำกิฟต์ (เขียนถูกหรือเปล่าเอาไว้แก้อีกที) เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ อ่านแล้วต้องเม้นท์น้า ถึงจะหายไปนานๆ มาทีแต่ก็จะพยายามอัพให้ มีเวลาแต่งแต่ไม่มีเวลาอัพ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ

พูดคุย สอบถาม หรือทวงนิยายก็เจอกันที่แฟนเพจเลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 100% => (2/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-10-2016 12:25:57
น้องรักษ์ๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 100% => (2/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 02-10-2016 17:58:36
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 100% => (2/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-10-2016 22:16:23
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 28 100% => (2/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-10-2016 23:36:43
มีความหวาน ฟ้าหลังฝนสินะ ขรรค์เงิน
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 50% => (8/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 08-10-2016 10:40:39
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 29
กักขัง





รามินทร์ตื่นในช่วงตีห้าของวันใหม่เพื่อจะเตรียมตัวไปร่วมงานแต่งงานของอภิหชัยบดินทร์ เพราะในฐานะที่เป็นเจ้าของรีสอร์ทจะไม่โผล่ไปงานเลยก็เห็นทีจะไม่ใช่เรื่อง เขาจัดการอาบน้ำแต่งตัวอย่างเงียบเชียบที่สุด โชคดีที่อินทัชหลับลึกมาก ไม่รู้ว่าเหนื่อย หรือไม่ระแวงกันแล้ว...

แต่มันก็เป็นเรื่องดี เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก

ที่สำคัญ...เขาไม่อยากเห็นสายตาที่แสดงถึงความผิดหวัง

ไม่ได้อยากทำ...แต่ก็ทำ

“กูขอโทษ...ที่ครั้งนี้ กูก็จำเป็นต้องใจร้ายอีก”

ร่างสูงเดินไปเช็คประตูหน้าต่างทุกบานของบ้านพักให้ดี ก่อนจะทำการล็อกกุญแจบ้านโดยขังร่างโปร่งบางจากด้านในเอาไว้ หน้าต่างก็ใส่กรงเล็กที่โทรมาสั่งก่อนจะพาอินทัชมาที่นี่แล้ว กันร่างโปร่งบางหนี แล้วก็สั่งห้ามไม่ให้ลูกน้องเข้ามายุ่มย่ามแถวนี้ด้วย

“แล้วจะรีบกลับ”

เขามองตัวบ้านพักที่เงียบสลัดก่อนจะตัดใจเดินจากตรงนั้นด้วยความรู้สึกผิด รู้สึกไม่ได้ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ พามันกลับไปมันก็เจอเพื่อนของมัน แต่ถ้ามันอยู่นี่โดยไม่ขัง มันก็อาจจะหนี...

ถ้าอินทัชกลับไปแล้ว...ระหว่างเราจะกลายเป็นคนอื่นกันทันที เขาจะไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ ไม่ได้พบ และนั่นรามินทร์ไม่ยอมเด็ดขาด!


แสงแดดแยงกระทบเปลือกตา ทำให้คนที่นอนหลับสบายอยู่ต้องขมวดคิ้วอย่างรำคาญแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา หันมองข้างๆ ก็ไม่พบกับเจ้าของบ้านพักก็มองไปยังประตูห้องน้ำพบว่ามันไม่ได้ปิด ไม่มีเสียงน้ำไหลหรือเสียงน้ำกระทบกับพื้น ร่างขาวค่อยๆ หยัดตัวเองขึ้นนั่ง เหยียดแขนขาแล้วค่อยๆ ลุกออกจากเตียง เดินไปที่ห้องน้ำทำธุระส่วนตัวของตัวเองให้เรียนร้อยอย่างที่ทำเป็นปกติ

ยังไม่ได้รู้สึกเลยว่า...มีบางอย่างผิดปกติไป

“ไปไหนของมัน” พึมพำเบาๆ เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยจนออกมาข้างนอกห้องนอน เดินจนรอบบ้านก็ไม่เห็นรามินทร์อยู่เลยเดินไปที่ครัวแล้วทำอาหารเช้าทานแทน

ร่างโปร่งทำเผื่อรามินทร์ด้วยความเคยชิน พอกินส่วนของตัวเองเสร็จก็จัดการเอาอะไรมาปิดจานที่แบ่งไว้ให้รามินทร์เอาไว้ ก่อนจะเดินจากห้องครัวไปเพื่อไปเดินเล่นข้างนอก รามินทร์ไม่อยู่ตอนนี้ ก็ขอไปสูดอากาศหน่อยเถอะ

กึก!

“หือ...ทำไมเปิดประตูไม่ได้”

กึก!

ลองอีกครั้งก็ไม่เป็นผล ไม่ต้องให้ลองครั้งที่สามอินทัชก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

“มึงขังกู!! ไอ้ราม!!!” กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ เดินไปที่หน้าต่างก็พบว่าทุกบานติดลูกกรงทั้งหมด ออกไม่ได้ แล้วประตูก็บานใหญ่เกินว่าที่แรงของเขาจะพังมันออกไป

เจ็บใจ!!!

เจ็บใจ...ที่มันไม่เชื่อใจเขาว่าไม่คิดหนีจริงๆ

และนอกจากความเจ็บใจแล้วเขายังเสียใจ...เสียใจที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องเสียใจ เพราะยังไงซะ มันก็เป็นเรื่องที่เขาต้องชินชาไปได้แล้ว...

“มึงมันใจร้าย...ที่ทำดีกับกูเมื่อวานนี้ก็เพราะว่ามึงจะทำแบบนี้ใช่ไหม”

ร่างโปร่งไม่มีทางรับรู้เลยว่า น้ำเสียงและดวงตาของตนมันตัดพ้อคนที่ขังเขาไว้ยังไงบ้าง...และถ้ารามินทร์เห็นมัน คงจะรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกันนัก

เอาคืนกันให้พอ...เพราะถ้าเขาไปแล้ว เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันอีก

ทั้งๆ ที่คิดแบบนี้...แต่ทำไม ลึกๆ ในใจถึงรู้สึกว่าไม่อยากไปกันนะ

...

...

...


“พี่ราม...ถึงกับต้องพาพี่อินหนีเลยเหรอ” เจ้าจอมถามด้วยน้ำเสียงและใบหน้าตึงๆ บ่งบอกว่ายังไม่หายโกรธรามินทร์ แต่ที่คุยด้วยเพราะเป็นห่วงอินทัช

“พี่ไม่ได้พาหนี”

“งั้นทำไมถึงไม่ให้พี่อินอยู่ อ๋อ...เพราะถ้าพี่อินอยู่ พี่อินก็จะถูกพาตัวกลับไป พี่ก็จะไม่ได้แก้แค้นใช่ไหมล่ะ” เจ้าจอมประชดประชันพี่ชาย จนรามินทร์ทำหน้าไม่ถูก

“เจ้าจอม...มันไม่ใช่อย่างนั้น”

“แล้วมันยังไง ถ้าพี่บอกว่าพี่ไม่โกรธพี่อินแล้ว ไม่แค้นพี่อินแล้ว ทำไมไม่ปล่อยพี่อินไป ไอ้ที่พี่เคยบอกจอมน่ะ จอมไม่เชื่อหรอก” เจ้าจอมดูท่าจะยิ่งหัวเสีย

“พี่ก็ไม่ได้หวังให้เจ้าจอมเชื่อพี่”

“เฮอะ!!”

“ถ้าคุณธีรไนยถามถึงไอ้อิน ให้บอกไปว่ามันไม่อยู่แล้ว แค่มาพักผ่อนแล้วก็ไป”

“จอมต้องเชื่อพี่ด้วยเหรอ?”

“พี่แค่ขอร้อง…”

“ถ้าพี่รามไม่ใช่พี่ชายของจอมนะ...” ร่างเล็กพูดแค่นั้นก็เดินออกจากตรงจุดที่ร่างหนานั่งอยู่

“พี่รู้เจ้าจอม...”

งานกำลังจะเริ่มการเซอร์ไพรส์ แต่จิตใจของรามินทร์ไม่ได้อยู่ที่นี่

มันอยู่ที่ใครอีกคน คนที่เขาขังเอาไว้ในบ้านพักหลังเล็กๆ หลังนั้น มองดูนาฬิกาว่าจะออกไปได้ช่วงไหนอย่างกระวนกระวาย

“ดูคุณรีบๆ นะครับ” น้ำเสียงไม่คุ้นหูถามขึ้น เรียกสายตาของรามินทร์ให้หันไปมองคนที่เดินมาทักอย่างให้ความสนใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าเป็นลูกค้า

“สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อนสิครับ”

“ขอบคุณนะครับคุณรามินทร์ นั่งคนเดียวแบบนี้คงจะเหงาแย่เลยสินะครับ” ชายคนนั้นถามขณะนั่งลงไปด้วย ส่วนรามินทร์ก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านั่งลงแล้ว

“ก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรอกครับคุณธีรไนย”

“เรียกธีร์สั้นๆ ก็ได้ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณธีร์ก็เรียกผมว่ารามสั้นๆ ก็ได้ครับ”

“โอเคครับ”

คนที่มาทักทายรามินทร์เป็นคนเดียวกันกับคนที่เขาต้องการพาอินทัชหนีออกไป เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนเจอกัน...และเหมือนว่าจะชีวิตจะดูตลกร้ายเพราะธีรไนยดันเข้ามาหาเขาเอง

และจุดประสงค์ ทำไมเขาจะไม่รู้

“คุณธีร์มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” รามินทร์ปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้ดูจริงจัง ยังไงซะ รีสอร์ทและโรงแรมของเขาก็ให้ทางบริษัทของอัคนีเป็นคนดูแล ฉะนั้นรามินทร์ก็ถือว่าเป็นลูกค้าคนสำคัญของอภิหชัยบดินทร์

“ผมแค่มาทักทายน่ะครับ ก็คุณรามเป็นลูกค้าของบริษัทเรา แต่ว่าผมยังไม่เคยเจอคุณรามเลย ก็เลยมาทักทายและพูดคุยด้วยก็เท่านั้นครับ” ร่างโปร่งบางยิ้มให้

สำหรับรามินทร์ ธีรไนยหล่อ หล่อมากๆ ตรงกันข้ามกับเพื่อนรักอย่างอินทัชที่น่าหวานและสวยสุดๆ แต่ในเชิงกายภาพแล้ว ธีรไนยดูจะผอมกว่า อินทัชจะมีกล้ามเนื้อมากกว่า ส่วนสูงก็คงจะพอๆ กัน แต่ธีรไนยน่าจะสูงกว่าอยู่นิดหน่อย

“งั้นหรือครับ” รามินทร์ยิ้มให้

“รีสอร์ทที่นี่สวยดีนะครับ ไม่ใช่แบบที่ทางเราออกแบบเสียด้วย ใครออกแบบรีสอร์ทให้คุณรามหรือครับ” ธีรไนยชมและสอบถามด้วยความสนใจส่วนตัวของตนล้วนๆ

“เป็นลูกน้องคนสนิทที่เก่งมากๆ ในด้านนี้น่ะครับ”

“สวยจริงๆ ครับ เข้ากับธรรมชาติได้ดีสุดๆ ไปเลย บรรยากาศก็ดี”

“ขอบคุณครับ ถ้าคุณธีร์ชอบก็มาพักบ่อยๆ สิครับ มาพักผ่อน แล้วผมจะให้ส่วนลดพิเศษเลยครับ”

“ฮะๆ ถ้าว่างผมจะมาพักผ่อนที่นี่ก็แล้วกันนะครับ”

“ยินดีเลยครับ”

สองหนุ่มคุยกันอย่างออกรส สนิทสนมกันเร็วกว่าที่คาด เพราะช่วงอายุที่ไล่เลี่ยกันทำให้ไลฟ์สไตล์ก็เหมือนๆ กัน ทางรามินทร์เองเมื่อคุยอยู่กับธีรไนยนานๆ เข้าก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมาทางเขาจนรู้สึกเย็นยะเยือก ก็พยายามมองหาสาเหตุ ก็พบกับดวงตาดุจราชสีห์ของพีรพัฒน์ที่จ้องเขาไม่วางตา

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณราม”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

แค่แฟนคุณจ้องผมอย่างกับจะกินหัวแล้วก็เท่านั้น

“ก็เห็นมองหาอะไรอยู่ นึกว่ารอคนเสียอีก”

“ฮ่าๆ เปล่าครับ ผมแค่มองบรรยากาศภายในงานไปรอบๆ น่ะครับ แล้วคุณธีร์กับคุณพัฒน์ออกมาแสดงตัวแบบนี้ไม่กลัวคุณดรีมเห็นครับ”

“ไม่หรอกครับ เดี๋ยวดรีมมาผมค่อยหลีกไป ว่าแต่ว่า ผมมีเรื่องอยากจะให้คุณรามช่วยเหลือหน่อยน่ะครับ” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้น ทำเอาหัวใจของรามินทร์เต้นแรงด้วยความตื่นเต้นทันที

นี่สินะ ความรู้สึกกังวลของคนที่มีความผิดติดตัว

“อะไรหรือครับ”

“เพื่อนผมเขาหายไป...” ธีรไนยเกริ่น แต่เพียงแค่เกริ่นก็ทำเอาเหงื่อกาฬของรามินทร์ไหลลงมาอย่างรู้สึกกังวลและเครียดๆ เพราะสายตาของธีไนยดูเปลี่ยนไป

“ครับ…?” แสร้งทำสีหน้าสงสัยให้อย่างแนบเนียน

“เขาชื่ออินทัช เป็นนักธุรกิจ รู้จักไหมครับ”

“รู้จักครับ” จะบอกว่าไม่รู้จักก็คงจะพิรุธเกินไปสินะ

“ผมให้คนของผมตามหาเพื่อนของผม และหลายวันก่อนเพื่อนผมมันโทรไปหาแม่ของมัน ผมเลยให้คนตามว่าเบอร์นั้นโทรจากที่ไหน แล้วมันก็บอกว่าเป็นที่นี่”

กลัว...ความรู้สึกแรกที่ฟังจบ รามินทร์รู้สึกกลัว แต่ก็ตีหน้านิ่งได้อย่างเหมือนไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

“ครับ...ที่จริงแล้วผมก็ไม่อยากจะผิดคำพูดกับคุณอินหรอกครับ แต่ในเมื่อทุกคนตามหาและเป็นห่วงขนาดนั้น ผมจะบอกเท่าที่ผมทราบนะครับ”

“ครับ” ดวงตาของธีรไนยมีประกายของความหวังเข้ามาจนรามินทร์รู้สึกผิด

รู้สึกผิดที่ต้องโกหก...

“คุณอินมาที่นี่จริงครับ มาพักอาทิตย์หนึ่งแล้วก็ไปแล้ว ซึ่งผมไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณอินจะไปที่ไหนต่อ แต่จากการได้พูดคุยกับคุณอิน รู้สึกว่าเขาบอกว่าจะเที่ยวให้รอบประเทศก่อนก่อนจะกลับไปน่ะครับ”

“งั้นหรือครับ” ธีรไนยทำหน้าผิดหวังในทันที

“ขอโทษจริงๆ ครับที่บอกได้เท่านี้”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่รู้ว่าเพื่อนยังสบายดีก็สบายใจแล้วล่ะครับ ว่าแต่...มันไม่ได้พูดเกริ่นๆ บ้างหรือเปล่าครับว่าจะไปไหนต่อ”

“ไม่เลยครับ”

“งั้นหรือครับ” ธีรไนยพึมพำเบาๆ กับตัวเอง แล้วมองโต๊ะอย่างเหม่อลอย

“เอาเป็นว่าถ้าคุณอินกลับมาที่นี่ ผมจะติดต่อคุณธีร์ไปนะครับ”

“ขอบคุณนะครับ ยังไงขอรบกวนด้วย นี่เป็นนามบัตรของผม สามารถติดต่อได้ตลอดเวลานะครับ” ธีรไนยหยิบนามบัตรจะกระเป๋าเสื้อสูทที่พกติดตัวเสมอเผื่อเจอลูกค้าให้กับรามินทร์ไป ซึ่งรามินทร์เองก็เก้บมันไว้ในเสื้อสูทอย่างดีเช่นกัน

“ครับ ถ้าได้ข่าวผมจะรีบติดต่อไปทันทีเลย”

“ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณมากๆ เลยครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปก่อนนะครับ เดี๋ยวแผนเซอร์ไพรส์ดรีมจะแตกเสียก่อน”

“ครับ เชิญตามสบายเลยนะครับ”

รามินทร์มองร่างโปร่งที่เดินไปหาคนรักที่ยืนแอบๆ อยู่หลังต้นไม้เพื่อบังไม่ให้ปลายฝันที่กำลังเดินเข้ามาในตัวงานเห็นหรือจับสังเกตได้

พอพนักงานพาปลายฝันไปนั่งที่โต๊ะที่จัดไว้ให้ปลายฝันแต่เพียงผู้เดียว เขาก็ลอบมองสีหน้าที่แสนจะงงงวยของปลายฝันไปด้วย แม้ว่าคนตัวเล็กจะดูไม่เข้าใจและดูจะสับสนแต่ก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี ไม่นานพิธีกรก็เริ่มพูด จวบจนการเปิดโปรเจคเตอร์ฉายภาพของปลายฝัน และฉากขอแต่งงานที่แสนอบอุ่นของทั้งสามคน

แน่นอนว่ามันเป็นภาพที่สวยงามมาก ทั้งสามคนดูเป็นครอบครัวเดียวกัน ไหนจะเด็กแฝดทั้งสองที่อยู่เคียงข้างกับปลายฝันอีก...เป็นงานแต่งงานที่สร้างความอิจฉาให้กับผู้หญิงทั้งประเทศไปแล้ว...

ขนาดรามินทร์เองยังคิดเลยว่า ปลายฝันนั้นช่างโชคดีจริงๆ

“ผมขอให้คุณดรีมกับคนรักมีความสุขมากๆ นะครับ ขอให้ชีวิตรักยั่งยืนยาวนาน” รามินทร์เดินไปอวยพรและแสดงความยินดีกับปลายฝันที่ยิ้มบานอย่างมึงความสุขตลอดทั้งงาน

“ขอบคุณคุณรามมากนะครับที่ช่วยเหลือผม ถ้าไม่มีคุณรามผมก็ไม่รู้จะไปที่ไหนเหมือนกัน”

“ยินดีอยู่แล้วล่ะครับ คราวหน้าก็คุยกันดีๆ ก่อนจะหนีมานะครับ แบบนี้ไม่ดีเลย” ร่างหนาตำหนิแบบจริงใจ ซึ่งร่างบางก็ยิ้มให้อย่างขอบคุณ ก่อนจะโดนคนรักของปลายฝันทั้งสองเรียกให้ไปหาแขกสำคัญ ซึ่งเจ้าของงานก็ขอตัวไป ปล่อยให้รามินทร์ยืนยิ้มอยู่ที่เดิม

ปลายฝันถือเป็นคนในอุดมคติของรามินทร์ ตอนที่เจอครั้งแรกก็คิดอยากจะจีบ แต่พอรู้ว่ามีเจ้าของเขาก็ไม่ได้คิดจะเดินหน้าอะไรอีก มันก็แค่การถูกใจในครั้งแรกที่ได้เห็นนั่นแหละ

ตอนนี้...เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แค่นั้นก็พอ

แต่สำหรับอินทัชคนที่ทำให้เขาทั้งกังวลใจ อยากจะกลับไปหาเต็มแก่อยู่ตอนนี้ รามินทร์ไม่มีทางรู้เลยว่าถ้าเขาปล่อยมันไปตอนนี้ เราจะเป็นเพื่อนกันได้ไหม...และดูเหมือนว่า คำว่าเพื่อน เขาไม่ได้อยากได้จากมันเหมือนกัน

“หึ...ไม่อยากเป็นเพื่อน”

แล้วจะเป็นอะไรล่ะ ในเมื่อ...ศัตรู เขาก็ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว


งานดำเนินมาจนถึงช่วงเย็นรามินทร์อยู่ร่วมรับประทานอาหารความกังวลเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน เป็นห่วงความรู้สึกของคนที่เขาขังไว้ เรื่องอาหารอะไรไม่มีปัญหาเพราะเขาเตรียมไว้เต็มตู้เย็นแล้ว แต่ในขณะที่เขาจะเลิกร้ายและจะทำดีกับมัน มันก็มีเหตุจำเป็นให้เขาต้องดีแตก

“ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีธุระต้องไปทำต่อ”

แม้จะดูแปลกๆ ที่ดันมีธุระตอนใกล้จะค่ำแบบนี้ แต่รามินทร์จำเป็นต้องขอตัวแม้จะทานข้าวไปได้แค่คำสองคำเท่านั้น

“โอ้…เชิญเลยลุงไม่คิดว่ารามจะมีธุระต่อ” คุณอิสระพูด

“พอดีว่าต้องไปหาเพื่อนน่ะครับ ปล่อยให้รอนานแล้ว ยังไงผมจะบอกคุณพ่อว่าคุณลุงฝากความคิดถึงมาให้นะครับ” รามินทร์ยิ้มสุภาพ

แม้ว่าเขาจะรู้จักกับทางอิสระซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อเขา และพ่อของรามินทร์ก็ทำธุรกิจกับอิสระมานาน แต่เขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับทางลูกชายของคุณอิสระมากนัก

ปฐพีกับอัคนี เป็นบุคคลที่เข้าหายาก ถ้าไม่มีอิทธิพลมากพอก็ตีสนิทอะไรไม่ได้ พอๆ กับพีรพัฒน์ที่มีความร้ายกาจและฉลาดเป็นกรดชนิดที่ว่าไม่สมควรคบเป็นเพื่อนอยู่อีก

อภิหชัยบดินทร์เป็นอะไรที่รามินทร์เลี่ยงได้ เขาก็จะเลี่ยง

“ดีๆ ลุงฝากรามด้วยนะ พ่อเราน่ะติดต่อยากเย็นเหลือเกิน”

“ได้ครับคุณลุง ยังไงผมขอตัวนะครับ”

“โชคดีๆ”

ร่างสูงยกมือไหว้อิสระกับคุณหญิงก่อนจะเดินไปสั่งงานกับจักรที่เดินไปมาภายในงาน จากนั้นเขาก็ตรงไปที่รถแล้วขับกลับจังหวัดเลยด้วยความเร่งรีบ

ไม่สนใจเลยว่ามันจะมืดและอันตรายขนาดไหน

ไม่สนใจเลยว่าฝนกำลังตกหนักแค่ไหน

ขอแค่ตอนนี้...เขาไปถึงรีสอร์ทที่เลยให้ได้เร็วที่สุดก็พอ

“ฝนมาตกอะไรตอนนี้วะ!!!” เขาสบถด่าอย่างหงุดหงิด แต่เท้าก็เหยียบคันเร่งไม่มีลดความเร็วเลยสักนิด รู้สึกว่าตัวเองใจร้อนสุดๆ ก็ตอนนี้แหละ






50%

 :mew4: :mew4: :mew4:

   สวัสดีค่ะ อัพเรื่องนี้ได้ค่อนข้างช้าเพราะยูกิเองก็เรียนเยอะ เรียนหนักขึ้นทุกวันๆ การบ้านและงานที่อาจารย์สั่งก็เยอะตามไปด้วย และช่วงนี้จะเป็นการสอบมิดเทอมของยูกินะคะ แจ้งไว้เผื่ออัพช้า จะได้ไม่โกรธกัน ^^ อ่านแล้วคอมเม้นท์ติชมหรือให้กำลังใจยูกิด้วยนะคะ

        มีปัญหาตรงไหน สอบถาม พูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจนะคะ หน้านิยายยูกิจะมาลงนิยายและอ่านคอมเม้นท์อย่างเดียว อาจจะมีไปตอบเม้นท์บ้างแต่ไม่ทุกอันเนาะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 50% => (8/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 08-10-2016 11:56:01
เมื่อไหร่น้อออออ ที่ทั้ง 2 จะเริ่มต้นใหม่กัน พูดคุยปรับความเข้าใจ แต่ตอนนี้ก็ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว ขอแค่อินอย่าน้อยใจไปมากกว่านี้จนไม่ยอมอภัยให้รามเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 50% => (8/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-10-2016 12:40:49
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 50% => (8/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 08-10-2016 14:51:43
ผิดไหมถ้าจะเชียร์ให้รถคว่ำ  555
ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวคุณอินถูกขังลืม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 50% => (8/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-10-2016 18:32:22
รามไม่น่าทำแบบนี้เลยยยย ความเชื่อใจที่สร้างมาพังหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 50% => (8/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 08-10-2016 20:04:33
เมื่อไหร่จะได้ไปจากรามสักที ยืดเยื้อโครต :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 50% => (8/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 08-10-2016 23:15:30
เหมือนจะดีกัน แต่ก็กลับมาทำแบบนี้อีก
ทำใจเชียร์รามยากเหมือนกัน
ของให้มีคนสกดรอยตามไปจนเจอนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 50% => (8/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-10-2016 23:52:58
เมื่อไหร่ ?



 :mew5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 50% => (8/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 09-10-2016 10:55:04
รอๆ สงสารอินจัง ดูแล้วจริงๆเป้นคนดีมากๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 50% => (8/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 12-10-2016 11:15:04
ตื่นเต้น.... อยากรู้จัง..
ทางของรามอินทร์จะเดินต่อยังไง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 50% => (8/10/59) P.17 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-10-2016 20:58:22
โอ้ยยยย ตอนท้ายบีบหัวใจนะคะ รามจะเป็นไรไหม
สงสารอิน ดีขึ้นมาบ้างยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก ช้ำใจกันไปอีก

รามทำไรไม่คิด บอกก่อนก็ได้ แล้วแบบนี้จะหวังเป็นเพื่อนยังยากเลย

ธีร์น่าจะเดาทางได้นะ แล้วพัฒน์ดันฉลาดเข้าไปอีก ขอให้เจอเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 100% => (17/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-10-2016 09:21:50
ตอนที่ 29 ครึ่งหลัง








รามินทร์มาถึงตอนสี่ทุ่มกว่าๆ เพราะฝ่าทั้งฝน ทั้งรถ ทั้งอุบัติเหตุระหว่างทาง แต่ก็นับว่าเร็วสุดๆ แล้วในสถานการณ์ที่อุปสรรคในการเดินทางเยอะแบบนี้

“ยังไม่นอนอีกหรือวะ” รามินทร์ถามเสียงอ่อน อินทัชที่นั่งดูทีวีอยู่หันมามองนิดเดียวก่อนจะหันกลับไปดูละครต่อไม่สนใจรามินทร์ จนร่างสูงทำตัวไม่ถูก

“ทำไมไม่ตอบ” แม้ว่าใจจะโอนอ่อนขนาดไหน แต่ความปากแข็งมันก็ไม่หายง่ายๆ รามินทร์เลยใช้น้ำเสียงเข้มๆ แกมบังคับออกไป

“ก็เห็นอยู่ว่ายังไม่นอน จะเอาคำตอบอะไรอีก”

ก็จริงของมันนะ...คำถามของเขาก็ช่างเป็นคำถามที่โง่เง่าเต็มที

“มึงก็ควรจะพูดกับกู หรือถามอะไรกูก็ได้”

“แล้วทำไมกูต้องพูด ต้องถามมึงด้วย ปกติเราก็ไม่ค่อยจะคุยอะไรกันอยู่แล้วนี่”

“มึงกำลังทำให้กูหงุดหงิดนะอิน” ร่างสูงเดินตรงไปหาอินทัช ยืนค้ำหัวอีกคนแล้วมองลงไปยังร่างที่นั่งดูทีวีอยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย

ทั้งๆ ที่เขารีบกลับมาหามัน เสี่ยงอันตรายแทบตาย ต้องมาเจออินทัชกวนประสาทแบบนี้บอกตรงๆ ว่าโมโห หงุดหงิด...

มันไม่ได้สนใจเขาเลย...ไม่โกรธ ไม่หาเรื่อง ไม่โวยวาย

“ฮึ! ไม่ว่าจะยังไง กูก็ทำให้มึงหงุดหงิด ไม่ชอบใจตลอดนั่นแหละ” รามินทร์กำหมัดแน่น กัดฟันกรอด ดวงตาคมมองใบหน้าสวย ฉายชัดถึงความไม่พอใจ

มันก็ดีแล้วนี่...มันไม่โกรธ ไม่โวยวาย ไม่ถามมาก นั่นเป็นสิ่งที่มึงควรต้องการราม แล้วนี่...มึงจะไม่พอใจอะไร มึงต้องการอะไรจากมัน!!!

“รู้ตัวก็ดี”

“ทีหลังมึงก็ล่ามกูไว้ด้วยเลยก็ได้นะ”

ตอนแรกคิดว่ามันจะจบ ที่ไหนได้ อินทัชก็หาเรื่องขึ้นมาเพราะอดไม่ได้

“ไม่ต้องบอกหรอก ถ้ามึงคิดหนีเมื่อไหร่ กูล่ามเมื่อนั้นแหละ แต่พอดีกูไม่ได้เอามันมาด้วยไง เลยไม่ได้ล่ามมึงไว้” รามินทร์ตอบแบบประชดประชันกลับไปเช่นกัน

ร่างบางกัดริมฝีปากล่างอย่างเจ็บใจ

นึกถึงวันแรกที่เขารู้ตัวว่าถูกจับมา ขาเขาถูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่ราวกับนักโทษ ภาพทรงจำอันเลวร้ายก็ฉายขึ้นมาราวกับเปิดหนัง ทั้งโดนทำร้าย ก่นด่า ต่อว่า ทำกับเขาเยี่ยงทาส ย่ำยีเขาอย่างไม่ใช่คน...

แค่คิด น้ำตาก็ไหลลงมา ไร้เสียงสะอื้น ไร้เสียงร้องไห้ มีเพียงแค่หยาดน้ำตาที่รินไหล

“มึง...” รามินทร์ทำท่าจะเข้าไปปลอบ แต่ก็ต้องชะงักตัวเองเอาไว้ กลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วหันหน้าหนีภาพใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา

“ตอนแรกกูคิดว่ามึง...จะดีแล้ว แต่มาวันนี้ มึงก็เหมือนเดิม” เสียงสั่นเครือของอินทัชมันบาดลึกเข้าไปในหัวใจของรามินทร์เหลือเกิน

มันใจร้ายเหมือนเดิม...มันเห็นว่าเขาเป็นแค่นักโทษของมัน

เพราะมึงหวั่นไหวไงอิน เพราะหวั่นไหว มึงถึงคาดหวังว่ามันจะดีกับมึง แล้วเป็นยังไง ความใจร้ายของมัน ทำให้มึงนั่งเสียใจอยู่แบบนี้

พอกันที จะไม่เชื่ออะไรจากปากของมันอีกแล้ว!!!

“หึ! สมเพชกูล่ะสิ สะใจมากสินะ ที่เห็นกูเป็นแบบนี้”

“มึงอย่ามาดราม่าไอ้อิน อย่าคิดไปเอง!!” ร่างสูงตะคอก ทำเอาร่างโปร่งถึงกับปาดน้ำตาออกด้วยความคับแค้นใจ แล้วหันหลังให้กับรามินทร์

อย่าคิดไปเอง...ใช่ กูคิดเองไปเอง

“กูอยากรู้จริงๆ” เสียงทุ้มสั่นของอินทัชเอ่ยขึ้นมาเบาๆ “ว่ามึงถูกเลี้ยงมายังไง จิตใจถึงได้โหดเหี้ยม ใจร้ายได้ขนาดนี้!!!” ก่อนจะตะโกนออกมาสุดเสียง

ปัง!!!

ร่างโปร่งหยัดกายลุกขึ้นยืน เดินเข้าห้องนอนแล้วล็อกประตูอย่างแน่นหนา

“โถ่เว้ย!!” ส่วนรามินทร์ก็สบถแล้วทิ้งตัวบนโซฟาอย่างหัวเสีย หลับตาทั้งๆ ที่คิ้วก็ยังขมวดแน่นไม่คลาย...รามินทร์ที่เหนื่อยมาทั้งวันจากการเดินทางไป อยู่ร่วมงานจนเดินทางกลับ ไหนจะยังมามีเรื่องกับอินทัชอีก ความล้าที่มีก็ทำให้เขาหลับไปทั้งๆ ที่ยังเครียดอยู่

...

...



เฮือก!!!

ร่างแกร่งสะดุ้งพรวดขึ้นมาเมื่อรับรู้ได้ว่าตอนนี้เช้าแล้ว อะไรบางอย่างทำให้เขาต้องลุกขึ้นเดินไปยังห้องนอนทันทีและทันทีที่เปิดประตูได้ คิ้วเข้มก็ผูกกันแน่น ใจเต้นแรงคาดหวังว่าจะเจออินทัชในห้อง แต่แล้วก็ต้องรู้สึกผิดหวังเมื่อทั้งห้องนอนและในห้องน้ำ ไม่มีคนที่ตามหาอยู่แล้ว

“หรือว่ามัน...หนี” รามินทร์สันนิษฐานหน้าเครียด วิ่งไปยังห้องครัวแต่ก็ไม่พบใครอยู่

สองเท้ายาววิ่งออกไปยังข้างนอกเพื่อไปตามหาอินทัช เสื้อผ้าก็ยังอยู่ในชุดสูทตัวเดิมกับเมื่อวาน น้ำท่าก็ไม่ได้อาบ สายตาคมมองหาไปรอบๆ ใจก็เต้นแรงเพราะความกังวล

“มันไปไหนของมันวะ!!”

“คุณราม หาใครหรือครับ” ลูกน้องที่เห้นว่าเจ้านายกำลังวิ่งตามหาใครสักคนอยู่เดินเข้ามาถามเพราะอยากจะให้ความช่วยเหลือ

“คนที่มากับฉันน่ะ เป็นผู้ชายๆ สูงเกือบเท่าฉัน หน้าสวยๆ เหมือนผู้หญิง เห็นบ้างไหม”

“ไม่เห็นนะครับ ผมอยู่แถวนี้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้วก็ยังไม่เห็นใครเลย”

“ถ้างั้นก็ช่วยตามหาหน่อยนะ”

“ได้ครับคุณราม”

เขามองตามลูกน้องที่วิ่งไปเพื่อช่วยตามหาอินทัช รามินทร์ก็รู้สึกโกรธและโมโหตัวเองที่ดันสะเพร่าหลับสนิทปล่อยให้อินทัชหนีไป

ร่างสูงใช้เวลาเดินหาทั่วรีสอร์ทก่อนจะกลับไปที่บ้านพักและที่จอดรถก็ยังมีรถของเขาจอดอยู่ เช็คกล้องวงจรปิดก็ไม่มีอินทัชเดินออกจากรีสอร์ทไป แต่ในตัวของรีสอร์ทไม่มีกล้องไหนจับอินทัชได้เลย เนื่องจากกล้องตรงบ้านพักเขามันเสีย เลยไม่ได้คิดเอาไว้ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้

“ไปอยู่ที่ไหนวะ!!”

รามินทร์เชื่อ เชื่อว่าอินทัชยังอยู่ในรีสอร์ท เพียงแต่เขาไม่รู้เท่านั้นเองว่าร่างโปร่งอยู่ส่วนไหนของรีสอร์ท แต่นั่นก็ยังสบายใจไม่ได้ถ้าไม่ได้เห็นกับตาว่าอีกคนยังอยู่

มันก็มีหลายวิธีที่จะออกจากที่นี่ได้...

“มีที่ไหนอีกบ้างที่ยังไม่ได้หาวะ” พูดกับตัวเองเบาๆ รามินทร์คิดระหว่างที่เดินกลับบ้านพัก และเมื่อถึงหน้าบ้าน ก็ไม่เห้นรองเท้าของอินทัชวางอยู่ก็คิดได้ว่ามันยังไม่กลับมา สายตาเขามองตรงไปยังข้างหน้าที่เลยบ้านไปอีก ที่ที่เขายังไม่ได้หา...

“จริงสิ!”

มันมีศาลาชมวิวที่เขาสร้างเอาไว้นั่งเล่น นั่งพักผ่อนอยู่ถัดจากบ้านพักไปอีก ที่เขากับลูกน้องไม่ได้มาหาที่นี่เพราะรามินทร์เองก็ลืมไปแล้ว ส่วนลูกน้องก็คิดไม่ถึง ขายาวๆ รีบก้าวเดินไปยังสถานที่นั้นทันที

“เฮ้อ...” แล้วพอเห็นตัวศาลาเขาก็พบแผ่นหลังที่คุ้นเคยนั่งมองไปยังวิวที่มีเทือกเขามากมายอยู่เงียบๆ นิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ

รอยยิ้มจุดประกายที่มุมปากนิดๆ

อินมันไม่ได้หนี...มันรักษาสัญญาทั้งๆ ที่มันจะหนีก็ได้

ต้องเป็นคนยังไงนะ มีโอกาสหนี แต่ไม่ยอมหนี...

 
“มึงรู้ไหมว่ากูให้ลูกน้องออกตามหามึงซะวุ่นวายไปทั่วรีสอร์ท” เสียงของรามินทร์ทำให้ร่างที่นั่งนิ่งอยู่สะดุ้งนิดๆ และก็เรียกร้องความสนใจจากอินทัชไม่ได้

รามินทร์เดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างๆ กับร่างเล็กกว่าอย่างเงียบๆ ดวงตาก็มองไปยังวิวธรรมชาติเบื้องหน้าด้วยเช่นเดียวกัน จนบรรยากาศรอบตัวปกคลุมไปด้วยความเงียบ ราวกับว่าอยู่ตัวคนเดียว

“กูจำเป็นที่ต้องขังมึง” รามินทร์เอ่ยทำลายความเงียบ

“เออ! กูเข้าใจ มึงกลัวกูหนีไง”

“มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด”

“เฮอะ! นอกจากเหตุผลนี้แล้วยังจะมีอะไรอีกไม่ทราบ”

อีกเหตุผลก็คือ...เขาไม่อยากให้อินทัชกลับไปตอนนี้

“แล้วแต่มึงจะคิดก็แล้วกัน”

อินทัชที่อารมณ์ดีแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจมากมาย เพราะรู้ว่าเหตุผลที่โดนขังคืออะไร แต่อย่างไรก็ตาม คำว่า ‘คน’ ย่อมไม่ชอบถูกกักขัง หรือแม้แต่ ‘สัตว์’ เอง ก็ยังต้องการอิสระ

มันไม่ผิดที่เขาจะโกรธ

มันไม่ผิดที่เขาจะเสียใจ

“พรุ่งนี้กลับเพชรบูรณ์นะ” รามินทร์บอก

“ทำไมต้องบอก ตอนมา ก็ไม่เห็นจะพูดอะไรมากมาย”

“เมื่อวาน กูได้คุยกับเพื่อนมึงด้วย เขามาถามหามึงกับกู” รามินทร์เล่าบอกไปตามความจริง

“ไอ้ธีร์น่ะหรือ? หึ! แล้วมึงตอแหลไปว่ายังไงล่ะ”

“มึงไม่ต้องรู้หรอก”

“ถึงมึงไม่บอก กูก็รู้ว่าคนเหี้ยๆ อย่างมึงพูดบอกเพื่อนกูไปว่ายังไง”

“จะบอกว่ารู้ใจกูว่างั้น”

“คนละเรื่องแล้วไหม? ตรงไหนที่บ่งบอกว่ากูรู้ใจมึง” หันมาถามอย่างเอาเรื่อง

“แล้วทำไมต้องร้อนตัว กูก็พูดไปงั้น”

“ไอ้!!!”

อินทัชหงุดหงิด ไม่รู้จะด่าร่างแกร่งยังไงถึงจะสะเทือนมัน แล้วต้องด่ายังไงถึงจะสะใจตัวเอง ในเมื่อคำหยาบใช้ไม่ได้ผล อะไรก็ไม่ได้ผล สุดท้ายก็หมดอารมณ์ที่จะดูวิว ร่างโปร่งบางลุกขึ้นยืนแล้วเดินหน้าบึ้งกลับบ้านพักไป โดยที่รามินทร์ก็ตามไม่ห่างด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งดั่งเดิม

มีโอกาสให้หนีได้แล้ว...ทำไมถึงเลือกที่จะทิ้งมันไป

ถ้าจะเอาคำตอบจากอินทัช เขาก็บอกได้อย่างเดียว คือ...ไม่รู้

ไม่รู้ว่าทำไมถึงโง่ ที่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือไป

“กูไม่รู้หรอกนะว่าทำไมมึงถึงอยู่ แทนที่จะหนีไปเพราะมีโอกาสแล้ว แต่ยังไงซะ จากนี้ไปกูจะพยายามทำตัวดีๆ ไถ่โทษที่ร้ายกาจกับมึง ก่อนจะปล่อยมึงกลับไป” รามินทร์พึมพำมองตามหลังที่อยู่ข้างหน้าตนเอง

เสียงมันเบามาก ไม่ได้พูดกับอินทัช แต่เป้นการย้ำเตือนตัวเอง

อย่างน้อย ก็อยากให้อินทัชมีความทรงจำดีๆ กลับไปบ้าง

และที่สำคัญ นอกจากความเลวร้ายที่รามินทร์ทำกับอินทัชแล้ว เขาอยากจะให้อินทัชเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขา...รู้สึกผิดและอยากจะขอโทษจริงๆ

...

...

...


“ไอ้อิน ทำยังไงดีวะ คุณจอมเขาโกรธกูอ่ะ”

“เรื่อง?”

“มานั่งๆ เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง ว่าแต่มึงหายหัวไปไหนมาวะ” ร่างโปร่งโดนเพื่อนหน้าเถื่อนลากไปนั่งยังร่มไม้เมื่อเดินทางมาถึงรีสอร์ทที่เขาค้อได้ไม่ถึงชั่วโมง ส่วนรามินทร์พอมาถึงก็สั่งให้เขาไปทำงานของตัวเอง แล้วมันก็หายไปกับผู้จัดการรีสอร์ท จักรที่ยืนกระวนกระวายอยู่แถวนั้น เห็นร่างโปร่งของอินทัชกำลังทำงานอยู่ก็ตรงเข้าไปทันที

“ถามเจ้านายมึงดิ”

“เออช่างมันเถอะ ตอนนี้เรื่องกูก็หนักใจพออยู่แล้ว”

“ว่ามาๆ”

ไม่นานร่างแกร่งของจักรก็เล่าทุกอย่างออกไปตามความจริงทั้งหมด ซึ่งพอเห็นใบหน้าสวยของเพื่อนขมวดคิ้วแน่นไม่รู้ว่าโกรธเขาไปอีกคนหรือกำลังไม่พอใจแก้วที่ทำให้เกิดเรื่องกันแน่

“เรื่องก็มีเท่านี้แหละ”

“ไม่เห็นจะยาก มึงก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่ แค่อาจจะโง่เชื่อคนง่ายไปหน่อย”

“นี่จะช่วยให้กำลังใจหรือกำลังหลอกด่ากูกันแน่”

“กูไม่ได้หลอกด่า อย่าเข้าใจผิด กูด่ามึงตรงๆ เลย มึงก็รู้ว่าไม่ควรไปห้องผู้หญิงตอนค่ำๆ มืดๆ แบบนั้นป่ะ เมื่อไหร่ไอ้ความใจดีพร่ำเพรื่อของมึงจะหมดไปวะ กูเป็นน้องจอมกูก็โกรธ” จากที่ขอคำปรึกษากลับต้องมารู้สึกไม่ดีซ้ำเข้าไปอีก

แต่ทำยังไงได้ เพราะความใจดีของเขาเองนั่นแหละที่ทำให้เจ้าจอมโกรธ

ไอ้จักรคนนี้กลายเป็นคนไม่รักษาคำพูด ไม่รักษาสัญญา

“กูจะทำยังไงดีวะ”

“สิ่งที่มึงทำได้นะไอ้จักร คือตามตื๊อเหมือนอย่างที่มึงเคยตามจีบ ทำหน้าเหงาหงอยเหมือนหมาโดนเจ้านายทิ้งยามที่ตัดพ้อคิดว่าเจ้าจอมไม่มีทางหันมาสนใจ แล้วก็ทำตัวโง่เง่าซื่อบื้อต่อไปพอ อ้อ! ทำหน้าเศร้าๆ หงอยๆ เข้าไว้ เดี๋ยวน้องจอมก็ใจอ่อนเอง”

เพราะแค่มึงตามตื๊อเข้าหน่อย เจ้าจอมก็ใจอ่อนเองแหละ ไอ้นี่ก็โง่ คิดว่าเจ้าจอมจะโกรธจริงจังมากมาย ไอ้โกรธน่ะโกรธจริง แต่ก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น

“จะได้ผลเหรอวะ แม่งคำปรึกษาของมึงเหมือนโดนด่าไปด้วยเลยว่ะ”

อินทัชส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา

“งั้นกูต้องตื๊อยังไง”

“คิดเองบ้างนะมึง ถ้ามึงมาให้แต่กูช่วยแบบนี้ น้องจอมรู้เข้าว่าไม่ใช่ความคิดของมึงเอง มึงจะซวยอีกไม่ใช่น้อยเลยล่ะ”

“เออว่ะ จริงด้วย!!” คนผิวเข้มทำหน้าเหมือนเพิ่งจะคิดได้ ก่อนจะใช้สายตาที่แสนจะขอบคุณให้กับร่างบาง จนอินทัชยิ้มให้น้อยๆ

“มีอะไรอีกไหม จะไปทำงานต่อ”

“ไปไหนวะ?”

“ว่าจะไปดูผักหน่อยน่ะ”

“ด้านล่างนั่นน่ะเหรอ” จักรถามโดยนิ้วก็ชี้ไปยังด้านล่างที่เป็นแอ่งเขาซึ่งจำได้ว่าอินทัชเคยพักอยู่ที่นั่นด้วย

“อือ”

“กูว่าอย่าดีกว่า ช่วงนี้มึงอย่าลงไปที่นั่นเลยนะ” จักรทำหน้าเครียดๆ จนอินทัชอดสงสัยไม่ได้

“ทำไม?”







100%

 :mew6: :mew6: :mew6:


   ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ หลังจากนี้จะพยายามมาอัพให้บ่อยขึ้นค่ะ อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนเขียนต่อไปค่ะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

   หากต้องการสอบถาม พูดคุย ติดตามข่าวสาร ทวงนิยาย ก็ไปหายูกิได้ที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 100% => (17/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 17-10-2016 10:02:41
มาบ่อยๆนะคะ รอเสมอ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 100% => (17/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-10-2016 14:06:02
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 100% => (17/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 17-10-2016 15:11:36
สนุกมาก ชอบจอมกะจักร ขรรค์กะเงินด้วย มาต่อบ่อยๆน้าาา
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 100% => (17/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 17-10-2016 19:42:19
มาบ่อยๆนะคนแต่ง

จะรอสมน้ำหน้าอีพระเอก

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 100% => (17/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-10-2016 21:01:52
รอส้มน้ำหน้าไอ้เลวนั้น
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 100% => (17/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 18-10-2016 01:46:00
นั่นสิ ทำไม ลงไปไม่ได้หละ
มีอะไร
รามทำอะไรไว้ปะ?
รื้อทิ้งไปแล้ว? หรืออะไร
อยากรู้ๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 100% => (17/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-10-2016 10:32:26
 :serius2:

แฟนเก่า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 100% => (17/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-10-2016 12:50:19
เมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักที สงสารอิน
รามจะแก้ไข จะทำไรก็ให้รีบนะ ถ้าธีร์ยังตามอยู่ ไม่มีโอกาสแล้วนะ

จักรก็บื้อเหมือนอินทัชว่าน่ะแหละ 5555

แล้วแปลงผักมีอะไร
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 29 100% => (17/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 18-10-2016 18:13:24
เมื่อไหร่จะได้ไปๆสักที ยิ่งอ่านยิ่งอยากเบ้ปากเรื่อยๆ
มันดูยืดๆไปป่ะคะ
:ling1:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 21-10-2016 14:59:17
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 30
วินาทีเป็น วินาทีตาย




ช่วงนี้ฝนตกหนักมาก ตกทั้งวันทั้งคืนไม่มีหยุด กรมอุตุฯ ก็พยากรณ์ว่าจะโดนพายุอย่างหนักเสี่ยงต่อน้ำป่าไหลหลาก ชาวบ้านบางส่วนที่ทราบข่าวก่อนก็ต่างอพยพไปอยู่ในตัวเมืองที่ปลอดภัยๆ ส่วนทางรีสอร์ทเองก็เตรียมรับมือเต็มที่ คนงานทำงานก็ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งแม้จะต้องตากฝนก็ตามที เผื่อมีน้ำป่ามาอย่างน้อยมันจะไม่ไหลมาทางรีสอร์ท มาก ขรรค์เองก็ต้องทำงานตากฝนทุกๆ วัน

ซึ่งในวันนั้นที่อินทัชได้กลับมาที่นี่ก็เป็นวันที่สามแล้วที่ฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง เข้าใจในทันทีเลยว่าการที่ฝนตกหนักมากแบบนี้สำหรับคนที่นี่มันน่ากลัวขนาดไหน เพราะเขาแค่ยืนมองดูฝนกับลมแรงๆ นี่แล้วยังรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย

“นี่คือสิ่งที่มึงบอกกูใช่ไหม”

ร่างโปร่งมองฝนที่กำลังตกกระทบพื้นดินแล้วนึกถึงวันที่คุยกับจักรวันนั้น...

‘กูว่าอย่าดีกว่า ช่วงนี้มึงอย่าลงไปที่นั่นเลยนะ’

‘ทำไม?’

‘มึงสังเกตดูฟ้าดิ ครึ้มขนาดนี้ อีกไม่นานก็คงจะเทลงมา’

‘ก็มันหน้าฝน ฝนจะตกก็ไม่เห็นแปลกนี่’

‘เออ! มันหน้าฝน แต่กรมอุตุฯ เพิ่งจะพยากรณ์ไปเองว่าที่นี่จะได้รับผลกระทบจากพายุหนักเลยล่ะ แล้วข้างล่างนั่นก็เป็นทางไหลของน้ำป่า ถ้าไม่อยากตายก็อย่าลงไปตอนที่ฝนกำลังตกหนัก ไม่ใช่แค่ผักของมึงที่จะหายไป แต่อาจจะเป็นมึงด้วย’

‘เรื่องอะไรวะ กูปลูกมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของกู ไม่ยอมนะเว้ย’

‘มึงห้ามธรรมชาติได้เหรอวะไอ้อิน’

‘กูห้ามไม่ได้หรอก แต่นั่นผักกูนะ กูปลูกมันมาทั้งๆ ที่ไม่เคยปลูกแล้วมันกำลังโตพอจะเก็บได้แล้ว มึงจะให้กูทำใจปล่อยไปง่ายๆ อ่ะนะ’

‘ทำไงได้วะอิน’

‘ชีวิตกูนี่มัน เจอแต่เรื่องน่าผิดหวังเนอะ’

‘แล้วกูจะช่วยปลูกใหม่นะ’

‘ขอบใจว่ะจักร’


อินทัชยอมตัดใจจากผักพวกนั้นโดยไม่ลงไปที่นั่นตามคำเตือนของเพื่อน เพราะหลังจากที่เขากับจักรแยกย้ายกันไปทำงานกันคนละทาง ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ไม่หยุดเลย ตกมาจนถึงวันนี้นี่แหละ ยังไม่ทันจะได้ชื่นชมผลงานของตัวเองได้เท่าไหร่เลย ก็ต้องเสียมันไปแบบนี้ อินทัชรู้สึกผิดหวังกับโชคชะตาตัวเองมาก หลายคนไม่เข้าใจคิดว่าก็แค่ผักจะอะไรนักหนา แต่สำหรับเขามันคือผลงาน...ที่นักธุรกิจวันๆ เอาแต่จับแต่ปากกากับกระดาษ ประชุมแล้วก็พบลูกค้าจะทำมันได้สักครั้งในชีวิต...

“เฮ้อ...พึ่งจะเคยเก็บมากินได้ไม่กี่ครั้งเอง”

เสียดาย...คนที่มีเงินจะซื้ออะไรก็ได้อย่างอินทัชก็พึ่งจะรู้จักกับคำว่าเสียดายก็ครั้งนี้แหละ ความยากลำบากมันสอนเขาหลายอย่างจริงๆ

“ผักน้อยของฉัน” อาจจะเป็นคำพูดที่ดูตลกแต่ใบหน้าและดวงตาของคนพูดไม่ได้แสดงตามประโยคของตนเลยแม้แต่น้อย ยืนมองไปยังทางที่จะลงไปยังบ้านพักเก่าๆ ที่เคยใช้อาศัย

ส่วนรามินทร์ก็ไปเตรียมรับมือกับผลกระทบของพายุที่ดูจะทำให้บางส่วนเสียหายกับพวกจักรและขรรค์

“เงินของฉัน ที่อุตส่าห์ทำงานก่อสร้างมาก็อยู่ที่นั่น จริงสิ!! เงิน...”

พอนึกได้ว่าเงินที่เพียรทำงานอย่างหนักเขาเก็บไว้ใต้หมอนที่บ้านหลังเก่าก็รู้สึกว่าทิ้งไปไม่ได้ ถ้าหากว่าเขาได้ไปจากที่นี่ เงินเหล่านั้นจะเป็นค่ารถ ค่าเดินทางกลับของเขา

อินทัชไม่อยากโทรให้ใครมารับกลับ ในเมื่อบอกทุกคนไปว่าเขาหนีมาเที่ยวเอง เขาก็ต้องกลับไปเอง ฉะนั้น เรื่องที่ถูกจับตัวมาแก้แค้นเพราะเป็นต้นเหตุที่ทำน้องสาวของรามินทร์ตาย อินทัชจะไม่เล่ามันบอกใครเด็ดขาด จะเก็บเอาไว้เป็นบทเรียน และก็จะลืมรามินทร์ออกมาจากสมองแล้วก็หัวใจด้วย

“ลมแรงชะมัด” พูดกับตัวเองแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงของตัวเองหรอกเพราะเสียงฝนมันดังมาก

ร่างโปร่งที่พยายามจะฝ่าพายุออกไปถึงกับรำคาญและหงุดหงิดเพราะร่มเหมือนจะเป็นอุปสรรคของการเดินมาก แต่ก็ดันทุรังเดินไปจนถึงทางลง แต่มองไปยังด้านหน้าก็ตกใจเพราะน้ำมันท่วมแล้วถึงจะไม่สูงมากก็ตาม น้ำเองก็ไหลแรง เชี่ยวสุดๆ เพราะน้ำจากบนเขามันไหลลงมาสมทบกับน้ำข้างล่างด้วย

‘มันเป็นทางไหลผ่านของน้ำ’

ตอนแรกที่ได้ยินบอกเลยว่าคิดภาพไม่ออก แต่พอเห็นตอนนี้ก็เข้าใจทันทีว่ามันเป็นยังไง ถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ก็คงจะไม่เชื่อหรอก

ลงไปคงโดนซัดพาไปกับกระแสน้ำแน่ๆ

“ลงไปนี่ก็ฆ่าตัวตายชัดๆ” ร่างโปร่งชะโงกหน้าลงไปดู ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินกลับเพราะยังไงก็ลงไปไม่ได้อยู่แล้ว

เฮือก!!!

“เหี้ย!! ตกใจหมด”

หากแต่ว่าพอหันกลับมาดันเจอกับร่างแกร่งที่ยืนมองเขาด้วยสีหน้าเครียดๆ ในสภาพที่เปียกโชกไปทั้งตัวก็ทำให้อุทานออกมาเสียงดัง แต่รามินทร์ก็ไม่ได้ยิน

ร่างสูงเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหา ใบหน้าเครียดๆ ของคนตัวใหญ่กว่าทำให้อินทัชรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อยเพราะกลัวจะไปทำอะไรผิดเข้า

“จะไปไหน!!!”

“กูแค่มาดูเฉยๆ”

“แล้วมาดูทำไม”

“มีของที่ต้องไปเอาที่บ้านหลังนั้น”

“นี่ถ้ากูไม่มาตาม มึงคงลงไปสินะ”

“จะบ้าหรือไง ลงไปฆ่าตัวตายเหรอวะ น้ำเชี่ยวขนาดนั้น”

ทั้งคู่ตะโกนคุยกันจนแทบจะเจ็บคอ รามินทร์โมโหคนตรงหน้ามากมายเหลือเกิน ถามว่าทำไมเขาถึงมาหาอินทัชได้ถูก นั่นก็เพราะว่าเขาจะมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วนอนพักสักหน่อย ก็เจอกับอินทัชที่เดินออกจากตัวบ้านพักพอดีเลยเดินตามมา พอเห็นว่าอินทัชทำท่าจะลงไปเขาก็แทบจะวิ่งไปหา แต่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่มันหันกลับมาไม่ได้ลงไปอย่างที่คิด

รามินทร์เกณฑ์คนงานมาดูแล้วแต่ว่าน้ำจากเขามันทะลักก่อนเลยท่วมมาถึงนี่ หากแต่มันก็ไม่ขึ้นมาถึงด้านบนนี้หรอก เพราะตรงนี้มันอยู่สูงจากฝั่งน้ำตกด้านล่างมาก

“แล้วของอะไรที่มึงจะไปเอา”

“เรื่องของกูน่า”

“ไอ้อิน!!!”

“อ๊ะ!”

ในจังหวะที่โดนตะคอกเสียงดัง อินทัชขยับขาไปด้านหลังเล็กน้อยเพราะรู้สึกเหมือนโดนคุกคาม จนทำให้ลื่นพลาดท่าตกลงไป

ตุ้ม!!!

“ไอ้อิน!!!” เสียงเรียกของรามินทร์ฟังดูตกใจ รู้สึกใจหายที่เห็นร่างของอินทัชตกลงไปต่อหน้าต่อตาโดยที่เขาคว้าเอาไว้ไม่ทัน

ถ้าให้คาดคะเนความสูงของน้ำคงอยู่ที่ระดับเอวของเขา ซึ่งอินทัชตกลงไปแบบหงายหลัง มันเลยยากต่อการควบคุมและทรงตัว อินทัชสำลักแล้วก็พยายามลูบน้ำที่ใบหน้า ร่างกายไหลไปตามแรงของน้ำขณะที่ฝนก็ยังตกไม่หยุด สายตาของเขามองร่างสูงที่ยืนมองอยู่อย่างอึ้งๆ ในใจก็รู้สึกอยากจะให้มันลงมาช่วย

ช่วยกูด้วย ราม ด้วยกูด้วย...

ไม่รู้ว่าหวังมากไปหรือเปล่า แต่เขายังไม่อยากตาย ร่างโปร่งเห็นว่ารามินทร์ยืนมองอยู่ไม่คิดจะมาช่วยก็รู้สึกสมเพชตัวเอง

หวังมากไปหรือเปล่าอิน ลงมามันก็ตาย...ใครมันจะเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อช่วยมึง

ใครจะช่วยคนที่มันเกลียดอย่างมึง...

“ชิ!!!”

ร่างแกร่งไม่รอให้ร่างโปร่งถูกน้ำพาไปไกล เขาก็ลงไปตามทันทีเพื่อช่วยเหลือ หากแต่กระแสน้ำยิ่งรุนแรง ยิ่งควบคุมทิศทางยาก เขาพยายามว่ายไปหาอินทัชที่ตอนนี้ตะเกียกตะกายตัวเองจนทรงตัวได้ แต่ก็ต้านแรงน้ำไม่ไหวเช่นกัน

“เหี้ย!!”

รามินทร์สบถ เพราะข้างหน้าจะเป็นหน้าผาน้ำตก ซึ่งด้านล่างเต็มไปด้วยโขดหินมากมาย ถ้าตกลงไปแล้วไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต...

“ไอ้อิน!!! ได้ยินกูไหม!!!”

“อึก...ราม!!!”

“ชิ!!!”

มันไม่ไหวแล้ว รามินทร์รู้สึกได้ แม้ว่าจะมองยากเพราะฝนมันตกใจบดบังการมองเห็น แต่เขาก็รู้ว่าอินทัชไม่ไหวแล้ว มันต้านทานน้ำเชี่ยวขนาดนี้ไม่ไหวหรอก เขายังยอมแพ้เลย

ถ้ากระแสน้ำมันไม่บังคับมาฝั่งนี้ รามินทร์จะไม่กังวลเลย

“ว่ายกลับมาหากู ทนอีกนิด ว่ายกลับมา!!!” ร่างสูงตะคอก ซึ่งอินทัชก็พยายามที่จะว่ายทวนกระแสน้ำเพื่อให้ตัวเองอยู่กับที่ รามินทร์ไม่รอช้ารีบเร่งให้ตัวเองไปถึงอินทัชที่กำลังจะต้านไม่อยู่ เขายื่นมือไปหาร่างโปร่ง ซึ่งมือขาวก็ยื่นมาหาเขา จนกระทั่งปลายนิ้วเราทั้งคู่สัมผัสกัน รามินทร์คว้าข้อมือเล็กแล้วดึงเข้ามาหาตัว เขาโอบรอบกายของอินทัชไว้ มองหาทางที่จะไปแต่ก็ไม่มี

มันเลือกไม่ได้ จำเป็นต้องไหลไปกับกระแสของน้ำ จนรามินทร์เห็นว่าด้านหน้าใกล้ถึงที่น้ำจะตกลงไปด้านล่างใจก็เริ่มสั่นกลัว

“อิน...เราต้องตกไปแล้วจริงๆ ว่ะ”

“อึก...ข้างล่างเป็นอะไร” ถามสั่นๆ

“มันไม่มีอะไร ก็แค่น้ำตก มึงไม่ต้องกลัวนะ” พยายามบอกให้อินทัชไม่ต้องกลัว จริงๆ แล้วก็แค่ปลอบขวัญตัวเองนั่นแหละ

ใครกำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่กลัวก็คงเป็นไปไม่ได้

อินทัชหลับตาลง ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว ถ้าหากจะต้องตายอย่างน้อยรามินทร์ก็ไม่ได้ทิ้งให้เขาไหลไปกับน้ำตามลำพัง สองแขนขาวโอบรอบตัวของรามินทร์แน่น เช่นเดียวกับร่างสูงที่กอดเขาแน่นเช่นกัน

ความหวาดเสียวแล่นริ้วไปที่ท้องน้อยยามที่ทั้งคู่กำลังหล่นจากที่สูง จนแทบจะลืมหายใจ หลับตายอมรับจะตากรรม โดยลืมไปเลยว่า...

ที่ร่างสูงกำลังกอดอยู่นั้น คือคนที่เกลียด คือคนที่เกือบทำให้เสียน้องสาวไป คือคนที่เขาอยากจะแก้แค้นให้มันตายทั้งเป็น คือคนที่เขาครหามันว่ามันเป็นคนเลว ชั่ว สำส่อน คนที่เขาย่ำยีศักดิ์ศรีไปอย่างเลวร้าย เป็นคนๆ เดียวที่เขาใจร้ายและได้เห็นมุมนี้ของเขา ทั้งๆ ที่เกลียด แต่ก็กลับหวั่นไหวและสนุกที่ได้อยู่ด้วยกัน แม้เป็นเพียงเวลาสั้นๆ ก็ตามที

ตู้ม!!!!!

มันดูตลกไปหน่อยไหมที่คนเกลียดกันจะมากอดกันตายแบบนี้น่ะ

อิน...

เรียกชื่อสุดท้ายในห้วงความคิดก่อนจะไม่รับรู้อะไรอีกเลย


“แค่กๆ เชี่ย...เจ็บฉิบหาย อึก” อินทัชที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำได้ก็สำลักอย่างทรมาน ก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆ ก็พบว่าข้างล่างนี้เป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับน้ำได้จำนวนมหาศาล แต่ก็ยังทำให้น้ำขึ้นกินพื้นที่ป่าด้วยเพราะมันระบายไม่ทัน

ฝันยังคงตกอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุด อินทัชมองหาร่างสูงของคนที่ตกมาด้วยกันอย่างเป็นกังวล ใจเต้นแรงอย่างหวาดกลัว

“ไอ้ราม!!!” ตะโกนเรียกเสียงดังแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ตามหา ไม่รอช้าอินทัชก็ดำลงไปในน้ำเพื่อหาดูว่ารามินทร์ยังอยู่ในน้ำหรือเปล่า ก่อนจะโผล่ขึ้นมาหายใจแล้วก็ดำลงไปใหม่ สามถึงสี่ครั้งก็ยังหาไม่เจอจนใจเสีย

“อย่าทำแบบนี้สิวะ กูไม่ตลกนะเว้ย!”

รามินทร์มันช่วยเขานี่คือสิ่งที่เขาไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ได้ ความจริงแล้วมันจะทิ้งเขาไว้คนเดียวก็ได้ แต่มันก็ตามลงมา...แล้วมันจะมาหายไปแบบนี้ไม่ได้

ร่างขาวที่ตอนนี้ซีดดำลงไปใหม่ จนสัมผัสได้กับความนุ่มนิ่มบ่งบอกว่าเป็นสิ่งมีชีวิต พอเพิ่งดีๆ ก็พบว่าเป็นรามินทร์ที่ไม่ได้สติอยู่ มันทั้งดีใจพอๆ กับความรู้สึกกลัว ดีใจที่เจอแต่ก็กลัวว่าจะช้าไป เขาแหวกว่ายพาร่างสูงใหญ่ขึ้นไปเหนือน้ำ ก่อนจะดึงคนตัวใหญ่กว่าไปยังทางที่ใกล้กับพื้นดินมากที่สุด

“ไอ้รามๆ ตื่นสิวะ” มือขาวตบที่ใบหน้าของรามินทร์อย่างร้อนใจเมื่อดึงร่างใหญ่มานอนราบบนพื้นดินได้สำเร็จ

ไม่รอช้าร่างโปร่งก็ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่เคยได้เข้าคอร์สเรียนมาด้วยการปั๊มหัวใจสลับกับการผายปอดเพื่อช่วยชีวิตรามินทร์ เขาทำไปเรื่อยๆ อย่างไม่ยอมแพ้แม้ว่ารามินทร์จะนอนแน่นิ่งขนาดไหน ริมฝีปากของมันซีด ร่างกายมันก็ไม่ได้ข่าวแต่ว่าตอนนี้กลับซีดจนอินทัชกลัว

“มึงห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด ฮึก...มึงห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด” น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ขณะที่ปั๊มหัวใจก็พูดกับคนที่ไม่มีสติไปด้วย

“มึงต้องมารู้ความจริงก่อน...มึงต้องได้รู้ว่ากูบริสุทธิ์ มึงต้องได้รู้ว่ากูไม่ผิด” จบประโยคก็เปาปากให้อีก แล้วก็สลับมาปั๊มหัวใจต่อ

“มึงต้องรู้สึกผิด มึงต้องชดใช้ให้กูก่อน ฮึก ฟื้นสิวะแม่ง...เหี้ยเอ้ย!”

ตุ้บ!!

ด้วยความเหนื่อยและถอดใจเลยทุบลงที่อกแกร่งแรงๆ อย่างคับแค้นที่ไม่สามารถช่วยชีวิตมันได้ น้ำตาไหลออกมาอย่างเสียใจ แต่แล้วหัวใจก็ต้องเต้นแรงอย่างมีความหวังเมื่อรามินทร์สำลักน้ำออกมา

“แค่กๆ”

“ราม!!”

แต่แล้วหัวใจก็ต้องเต้นแรงอย่างมีความหวังเมื่อรามินทร์สำลักน้ำออกมา แพขนตาของร่างสูงขยับ ร่างผอมบางเลยประคองให้รามินทร์ลุกขึ้นนั่ง ลูบแผ่นหลังช่วย ร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ

“เป็นไงบ้างวะ”

“แค่กๆ อึก...เจ็บ”

“เจ็บ? เจ็บตรงไหน เจ็บอะไร” อินทัชร้อนรนมองหาบาดแผลตามร่างกายของร่างสูงทันที ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะมีไม้ขนาดไม่ใหญ่มากเสียบอยู่ที่ตนขาแกร่ง มือไม้ของอินทัชอ่อนแรงทันทีที่เจอเรื่องน่ากลัวต่อหน้าต่อตา ทำไมตอนที่เอามันขึ้นมาถึงไม่เห็น

ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม้มันไม่หักแล้วทิ้งส่วนที่อยู่ในขาเอาไว้น่ะ

“โอ๊ย! เจ็บ...แสบคอด้วย ขอน้ำ มีน้ำไหม?” เสียงแหบบ่งบอกบอกได้เป็นอย่างดีว่ารามินทร์ต้องการน้ำดื่มจริงๆ

“แล้วกูจะไปหาน้ำที่ไหนให้มึงล่ะวะ”

“ช่างน้ำก่อน...ตอนนี้ มึงช่วยดึงไม้จากขากูได้ไหม แล้วห้ามเลือดเอาไว้”

“ด่ะ ดึง”

“เออ ดึงออกเลย”

“มึงจะไม่เจ็บเหรอวะ?”

“เจ็บ...” เขาตอบอินทัชสั้นๆ “เพราะฉะนั้น ช่วยดึงทีเดียวให้ออกมาเลยนะ”

ร่างผอมถอนหายใจยาว กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะจับไม้ที่พาจะดึงออกได้ด้วยความสั่น รามินทร์หันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อไม่ให้อินทัชเห็นใบหน้ายามเจ็บปวด

“ไม่ต้องบอกกูว่าจะดึงตอนไหน ถ้าจะดึงก็ดึงเลย”

“เออ...”

ร่างโปร่งหลับตาแล้วนับ...หนึ่ง สอง สาม...ดึง!!!

“อ๊ากกกกก!!!” เสียงร้องของรามินทร์ดังลั่นด้วยความเจ็บ ก่อนจะกัดปากเอาไว้แล้วหายใจแรงๆ เพื่อระงับความเจ็บที่ขา

“เลือดมึงไหลไม่หยุดเลย”

“เออ...มึงช่วยห้ามเลือดให้กูที”

“มึงต้องไปหาหมอนะเว้ย จะมีใครมาช่วยเราไหมวะ” อินทัชถาม มองใบหน้าซีดเซียวของรามินทร์ด้วยความเป็นห่วงจนคนที่เจ็บรู้สึกได้

“ไม่รู้...”

“ชิ!!”

แควก!!!

อินทัชฉีกเสื้อของตัวเองจนขาดเป็นเศษผ้าที่พอจะมัดห้ามเลือดให้รามินทร์ได้อย่างไม่ลังเล เจ้าของใบหน้าสวยยกขาของรามินทร์มาวางพาดบนตักตัวเองแล้วก็มัดห้ามเลือดตรงปากแผลเอาไว้ ทุกการกระทำอยู่ในสายตารามินทร์ทั้งหมดจนดวงตาที่เคยมองอินทัชอย่างแข็งกร้าว ส่อประกายอะไรบางอย่าง

เหมือนกับหัวใจที่รู้สึกอบอุ่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ








50%

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

มาแล้วค่า สำหรับครึ่งหลังถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะลงให้วันอาทิตย์นะคะ  ส่วนพวกรูปประโยคถ้ามีแปลกๆ บ้างยูกิก็ต้องขอโทษด้วย ตอนนี้ยังไม่ได้ทำการรีไรท์เลยแต่ให้เพื่อนเอาไปพิสูจน์อักษรแล้วนะคะ

อัพเดทเรื่องหนังสือนิดนึงนะคะ ตอนนี้ยูกิกำลังเร่งปั่นเล่มสามอยู่ค่ะ ถ้าหากว่าล่าช้ายังไงจะแจ้งอีกที ตอนนี้ยังคงเป็นกำหนดการเดิมคือส่งประมาณต้นปี จะพยายามไม่ขอบวกเวลาเพิ่มเพราะรู้ว่ายูกิเปิดจองนานแล้ว ยอมรับว่าแต่งนิยายไม่ตามแพลนที่วางไว้ แต่ก็พยายามเร่งให้ตามทันกำหนดที่ยูกิทำตารางไว้ ^^

มีอะไรสอบถาม พูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 21-10-2016 15:27:38
มันจะโรแมนติกมากเลยถ้าไม่ใช่หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้
รู้สึกเหมืนรามต้องมีไข้ตามมา นอนในป่ากอดกันแล้วเพ้อแล้วก้อไข้ขึ้น!!
เรารออ่านอยู่นะยูกิ~
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-10-2016 15:56:30
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 21-10-2016 16:12:03
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: sextoythailand ที่ 21-10-2016 17:01:03
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 21-10-2016 19:21:02
คิดว่ารามจะไข้ขึ้นแน่ ๆ  โอ้ยตอนนี้แหละพวกเขาขะเข้าใจกันใช่ไหม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 21-10-2016 19:33:03
เชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป

ทั้งสองจะรักกันมากยิ่งขึ้นแน่นอน

แล้วจะมีใครมาช่วยอะ จักร กับ ขรรณ์ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-10-2016 19:47:46
 :ruready


จะใจร้ายไปไหมถ้าปล่อยให้เจ็บกว่านี้ !!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-10-2016 19:52:28
เห็นความดีของกันและกันแล้ว
เปิดใจเถอะนะ อย่าเจ็บปวดอีกเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 21-10-2016 20:10:59
หวังงว่าอุบัติเหตุครั้งงนีนี้จะทำให้ทั้งสองขยับความสัมพันธ์กันดีขึ้ึ้นนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 21-10-2016 22:21:21
หวังว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ อะไรๆจะดีขึ้นนะ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 50% => (21/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 22-10-2016 04:11:05
ใครก็ได้มาช่วยสองคนนี้ที ติดแง๊กในป่า ขาเจ็บอีก ไปรักษาให้ทันนะ อย่าติดเชื้อละ เห็นความเป็นห่วงเป็นใยกันก็ปรับความเข้าใจปรับทัศนคติใหม่นะ เวลาและโอกาสไม่มีมาเสมออย่างตอนนี้ดีที่รอดทั้งคู่ โคตรเสียวตอนตกหน้าผาอ่ะคิดภาพตามน้ำตกสูงๆแรงๆไรงี้ อูยยยยยย ลุ้นนนชิบหาย!!!!555 รออีก 50%  ชอบรามอิน แม้รามมันจะอารมณ์ขึ้้นๆลงก็เถอะ แต่ก็ชอบนะ 555

ปล.ก่อนหน้านี้อ่านรวดเดียวไม่ค่อยได้เม้นท์เลยแต่ก็ตามอ่านและ +เป็ดเหลือง สนุกดีค่ะ ชอบบบบบ  :pig4:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 23-10-2016 22:42:10
ตอนที่ 30 ครึ่งหลัง





“แถวนี้พอจะมีที่หลบฝนไหม”

“มี...มันจะมีบ้านเก่าๆ หลังหนึ่งอยู่ฝั่งนั้น” รามินทร์ชี้ไปยังทางที่จะไปบ้านที่ว่า

“ทำไมมึงรู้”

“กูเคยมาเล่นน้ำที่นี่บ่อยๆ เลยสร้างเอาไว้เป็นที่พักตอนที่มาเล่นน้ำ”

“ไกลไหม”

“ไม่ไกลหรอกห้าร้อยเมตรได้”

“งั้นก็ไปเถอะ เดี๋ยวกูประคองไป มึงเดินไหวไหม” อินทัชถาม

“ไหว”

“งั้นก็ค่อยๆ ลุกนะมึง”

ร่างโปร่งค่อยๆ ประคองร่างสูงให้ลุกขึ้นยืน ซึ่งมันเจ็บระบมไปจนแทบจะล้มลงไปที่พื้น หากแต่อินทัชก็ช่วยประคองเอาไว้ ก่อนจะกอดเอวแล้วรับน้ำหนักบางส่วนของรามินทร์ไปเพื่อให้ขาข้างขวาที่เป็นแผลอยู่ใช้น้อยที่สุด

“ค่อยๆ เดิน”

“อืม...”

“มีบ้านจริงๆ ด้วย”

อินทัชพาร่างสูงขึ้นไปบนกระท่อมด้วยความยากลำบาก แต่ก็สำเร็จ อินทัชสำรวจในตัวบ้านไม้ ที่เปิดเข้าไปก็เป็นห้องนอนเลย แล้วเอาหมอนเก่าๆ มาให้รามินทร์หนุนนอน

“มึงถอดเสื้อผ้าออกก่อนไป กูจะเอาไปซักตากให้ เดี๋ยวปอดบวมตายห่าอีก” โชคดีที่มันมีผ้าห่มเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นอยู่ อินทัชเลยเอามันไปสะบัดๆ ข้างนอกก่อนจะเดินเอามาให้ร่างสูง “ห่มผ้านี้แทนไปก่อนก็แล้วกัน กูจะหันหลังให้ เสร็จแล้วก็บอก” ว่าแล้วก็หันหลังให้ทันที

“อืม...”

ร่างสูงค่อยๆ ถอดเสื้อออกอย่างง่ายดาย แต่ปัญหามันอยู่ที่กางเกงขายาวของเขาที่มีผ้าพันแผลมัดทับเอาไว้อยู่เนี่ยสิ

“อ่ะ ซี้ด...” เสียงครางอย่างเจ็บปวดดังจากด้านหลัง

“เป็นอะไร เจ็บแผลเหรอ”

“อือ...กูถอดกางเกงไม่ได้”

“ห๊ะ!”

“กูเจ็บ”

“เฮ้อ...” ร่างโปร่งหันกลับมาแล้วนั่งลง เขาแก้มัดผ้าที่ห้ามเลือดเอาไว้ออกไป ก่อนจะเอาผ้ามาคลุมท่อนล่างของรามินทร์ไว้ “ปลดตะขอ เดี๋ยวกูช่วยดึงออกให้”

“เสร็จแล้ว”

“ถ้าเจ็บก็บอก”

“อืม...”

ใบหน้าที่แสนจะจริงจังของอินทัชที่พยายามจะถอดกางเกงโดยไม่มองและต้องระวังไม่ให้โดนแผลทำให้รามินทร์จ้องมองด้วยความเพลิน

“อึก”

“เจ็บเหรอ โทษที”

ในที่สุดกางเกงตัวยาวก็หลุดออกจากร่างกายของรามินทร์ ส่วนชั้นในอีกตัวอินทัชก็บอกให้มันถอดออกมาด้วย ไม่ได้รู้สึกกระดากอายที่จะต้องเห็นหรอก เพราะเสื้อผ้าทุกตัวขงมันอินทัชก็เป็นคนซัก รวมถึงกางเกงในด้วย

เขาเห็นมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว

“กูเห็นมีโอ่งอยู่ด้านล่าง เดี๋ยวจะไปล้างเพื่อรองน้ำฝนให้มึงดื่ม และกูจะไปซักเสื้อมึงที่น้ำตกด้วย มึงนอนไปเถอะ”

“อือ”

ร่างโปร่งจับเสื้อผ้าของรามินทร์รวมกันแล้วถือออกไปข้างนอกโดยมีสายตาคมมองตามตลอด รามินทร์ทิ้งตัวนอนลงเมื่อเห็นว่าอินทัชถือครุเก่าๆ ลงไปจากบ้านแล้ว

ความรู้สึกมากมายมันตีตื้นขึ้นมาจนสับสนไปหมด ยิ่งเห็นว่าอินทัชเป็นห่วงและดูแลเขาขนาดนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

“กูทำกับมึงไว้ขนาดนั้น ทำไมมึงถึงยังช่วยคนอย่างกูอีก”

ไม่เข้าใจจริงๆ กูไม่เข้าใจมึงเลยอิน...

มึงทำให้กูรู้สึกดี...ดีจนกลัวใจตัวเอง


ทางด้านอินทัชลงมาตากฝนอีกครั้งกับการล้างโอ่งดินปั้นเก่าๆ ที่มีอยู่ด้านหน้าทางเข้าบ้านเป็นหลักฐานว่าเคยมีคนมาอยู่อาศัยที่นี่ เขาล้างโดยใช้น้ำจากฝนที่กำลังตกหนักอยู่จนสะอาด ก่อนจะปล่อยให้น้ำที่ไหลจากรางน้ำไหลงลงไปในโอ่ง ส่วนตัวเองก็เดินถือครุที่ใส่เสื้อผ้ารามินทร์ไปยังน้ำตกเพื่อล้างผ้าให้กับคนที่นอนเจ็บอยู่

แม้จะหนาวและอยากนอนพักแค่ไหน แต่ว่ารามินทร์เจ็บหนักขนาดนั้นเขาก็พักไม่ได้ด้วย จะไปตามหาคนมาช่วยก็ไม่ได้เพราะดูจากความสูงที่ตกลงมาก็ค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว และทางขึ้นไปยังด้านบนไปทางไหนก็ไม่รู้ ที่สำคัญ จะให้ทิ้งรามินทร์ไว้ที่นี่เขาก็ทำไม่ได้

“เฮ้อ...ฟ้ารั่วรึไง ทำไมตกไม่หยุดเลยนะ”

ร่างโปร่งบางเดินตัวสั่นขึ้นไปตัวบ้าน จัดการตากเสื้อผ้าของรามินทร์ไว้บนราวไม้ที่วางพาดเอาไว้ ก่อนจะเดินตัวสั่นเข้าไปด้านในบ้านทั้งๆ ที่สภาพเปียกปอนแบบนั้น เห็นว่ารามินทร์หลับไปแล้วก็ออกมาด้านนอกเหมือนเดิม ร่างโปร่งถอดเสื้อของตนออกมาแล้วบิดน้ำออก สลัดๆ แล้วก็ผึ่งไว้ใกล้ๆ กับเสื้อผ้าของรามินทร์ ส่วนท่อนล่างเขาก็ใส่ไว้อย่างนั้น

“หนาวชะมัด! ถ้าไม่มีบ้านหลังนี้มีหวังตากฝนอยู่ด้านนอกสินะ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ขอบคุณจริงๆ ครับ” อินทัชยกมือไหว้ อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่าเจ้าเขาที่ช่วยคุ้มครองให้ทั้งเขาและรามินทร์รอดปลอดภัยไม่ถึงแก่ชีวิต

มันคือปาฏิหาริย์...

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนใกล้เย็นเต็มที ฝนเองก็ซาลงแล้ว แต่ยังตกเป็นละอองเล็กๆ อยู่ ความหิวเริ่มประท้วงจนอินทัชนิ่วหน้า ลืมสนิทเลยว่ารามินทร์เองก็คงจะหิวเหมือนกัน

“ราม...ไอ้ราม”

เมื่อเรียกแล้วไม่ยอมตื่นมือก็เลยเอื้อมเข้าไปแตะที่ผิวของรามินทร์แต่ก็ต้องชักกลับอย่างไวเพราะความร้อนจากร่างกายของร่างสูงมันช่างสูงเหลือเกิน

“ร้อนมาก...นี่ไข้ขึ้นเหรอวะเนี่ย ซวยแล้ว จะมีอะไรให้กินไหมวะแถวนี้” ขยี้ผมตัวเองอย่างเครียดๆ หันไปมองข้างนอกก็เจอแต่ป่ากับป่า จะหาอะไรให้คนป่วยกิน ใบไม้เหรอ?

“เอาวะ!! ไม่ลองไปหาก็ไม่รู้หรอก ราม...มึงรอกูนะ เดี๋ยวกูจะกลับมา” รู้ทั้งรู้ว่าคนที่นอนอยู่ไม่ได้ยินไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นแต่ก็ยังจะบอกเอาไว้ อย่างน้อยก็ถือว่าบอกก่อนออกไปแล้ว

อินทัชไปหยิบเสื้อที่เริ่มแห้งแต่ก็ยังหมาดๆ อยู่เพราะไม่มีแดดส่องเลยมาใส่ก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไป ทิ้งให้รามินทร์นอนอยู่บนบ้านคนเดียว โดยไม่รู้เลยว่าในนาทีต่อมาร่างสูงลืมตาขึ้นมานิดๆ ก่อนจะหลับไปคืนเพราะฝืนตัวเองไม่ไหว


“ให้ตายสิวะ มีแต่อะไรก็ไม่รู้ น่าจะมีต้นผลไม้ที่กินได้หน่อยสิ”

ขอร้องเถอะครับ...ขอให้ผมได้เจออะไรที่สามารถกินได้ด้วยเถอะ

ลองขอพรในใจดูแล้วเดินต่อไปได้อีกร้อยเมตร อินทัชก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจตรงหน้าเขามีต้นกล้วยป่าอยู่และมันก็มีผลที่สุกบ้างไม่สุกบ้างอยู่บนต้นและมันก็มากพอที่เขาจะใช้เป็นเสบียงเพื่อรอคนมาช่วย นอกจากนี้รอบๆ ก็ยังมีผลจากต้นไม้ต่างๆ ที่เขาไม่รู้จักอยู่ด้วย แต่ก็คิดว่าน่าจะกินได้ ไม่รอช้าเขาก็เดินไปที่ต้นกล้วยนั้นแล้วก็ดึงมันให้หักมาทั้งเครือด้วยมือเนื่องจากเขาไม่มีมีดอะไรเลย เลยค่อนข้างจะลำบากไปหน่อย

“ขอบคุณมากครับ”

อินทัชพูดออกไปลอยๆ ให้เสียงมันหายไปตามสายลม

ร่างโปร่งเดินถือเครือกล้วยป่าสองเครือและใบของมันกลับไปยังบ้านเก่าๆ ที่รามินทร์นอนอยู่ ซึ่งก็เดินตามรอยเท้าของตนกลับไปทำให้ไม่หลงทาง เขาเอากล้วยวางไว้ข้างนอกก่อนแล้วแกะอันที่กินได้ออกมาหวีหนึ่ง ก่อนจะใช้ใบกล้วยทำเป็นกรวยยาวๆ ใช้เศษไม้เสียบให้มันอยู่แล้วไปตักน้ำฝนในโอ่งเพื่อเอาไปให้คนไม่สบายดื่มและกิน

“ราม...ราม ตื่นขึ้นมากินอะไรหน่อยเถอะ แล้วค่อยนอนต่อ มึงต้องกินนะ” ร่างโปร่งวางกล้วยไว้ข้างๆ แต่มือข้างหนึ่งยังถือกรวยใส่น้ำเอาไว้เพราะวางไม่ได้ มือที่ว่างเลยทำหน้าที่เขย่าร่างสูงเพื่อปลุก

“รามๆ มึงลุกขึ้นมากินกล้วยก่อนเถอะ”

คิ้วเข้มขมวดอย่างรำคาญ แต่ก็พยายามเปิดตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ความร้อนที่ดวงตาส่งผลให้น้ำตาไหล ร่างกายที่ร้อนผ่าวกับใบหน้าที่ซีดเผือด บ่งบอกถึงความทรมานทางร่างกายได้เป็นอย่างดีจนอินทัชเห็นใจ

“อื้อ...ปวดหัว เวียนหัว”

“เพราะแผลอักเสบกับตากฝนนานน่ะสิ ลุกขึ้นมากินกล้วยก่อน กูออกไปหามาได้”

“ไม่ไหว” บอกเสียงแหบแห้ง

“ฝืนลุกขึ้นมาก่อนไอ้ราม เพื่อตัวมึงเองนะ”

“อือ...” ร่างสูงพยายามยันตัวอันหนักอึ้งของตัวเองขึ้นมาโดยมีมือข้างหนึ่งของอินทัชช่วยดันหลังประคองให้นั่ง มือที่ถือกรวยใส่น้ำยื่นให้รามินทร์ดื่ม ซึ่งร่างสูงก็ก้มลงดื่มอย่างไม่ปฏิเสธ

“อันนี้กล้วย กูไปเจอมา โชคดีชะมัด กินซะ”

“ไม่อยากกิน”

“แต่มึงต้องกิน สักลูกก็ยังดี”

“ลูกเดียวนะ”

“เออๆ” ร่างขาวเข้าใจว่าตอนที่ไม่สบายหนักอะไรก็ไม่อยากกิน กินอะไรก็ไม่ลงหรอก อยากนอนพักอย่างเดียว จริงๆ แล้วมันควรจะต้องไปหาหมอ แต่ว่าจะมีคนมาช่วยหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

มือขาวปอกกล้วยให้รวมถึงป้อนถึงปากด้วย รามินทร์เองก็กัดเข้าปากไปทีละคำทีละคำจนหมด ก่อนที่อินทัชจะค่อยๆ ประคองให้ร่างสูงนอนลงไปเหมือนเดิม

“เดี๋ยวจะไปเอาน้ำมาให้อีก”

“กูหนาว”

“ทำไงได้ล่ะ มีแค่ผ้าห่มผืนนี้ผืนเดียว เสื้อผ้าก็ยังไม่แห้ง มึงอดทนไปก่อนนะ”

“อืม...”

อินทัชเอาน้ำมาให้ดื่มอีกครั้ง ก่อนจะนั่งพิงกำแพงอยู่เหนือศีรษะของรามินทร์นิ่งๆ ปล่อยให้ร่างสูงนอนพักผ่อนไป แต่ดูเหมือนว่าคนไม่สบายจะยังไม่หลับ

“มึง...กินหรือยังวะ”

“ยังไม่หิว เดี๋ยวค่อยไปกิน มึงนอนไปเถอะ”

“อืม...ขอบคุณ”

ไม่เป็นไร...เพราะตอนที่มึงลงมาช่วยกูจนตกมาด้วยกัน กูยังไม่ขอบคุณมึงเลย

“ถือว่าหายกัน”

“อือ”

รามินทร์หลับตาอีกครั้ง น้ำตากลิ้งลงจากหางตา อาจจะเป็นเพราะแสบตาด้วย แต่สิ่งที่รามินทร์รู้ตัวเองดีที่สุดคือกำลังซาบซึ้งใจ...ซาบซึ้ง ปลื้มปริ่ม จนน้ำตาไหล

คนที่เขาตราหน้าว่าเลว ว่าชั่ว...ดูแลเขาโดยไม่สนใจเลยว่าเขาจะเคยทำร้ายมันมามากขนาดไหน มันช่วยชีวิตเขา มันประคองเขา มันฉีกเสื้อทำแผลให้เขา มันซักผ้า มันหาน้ำ หาผลไม้มาให้เขากิน โดยที่ตัวเองยังไม่ได้กินเลยสักนิด...

‘แล้วพี่จะเสียใจพี่ราม ที่ทำกับพี่อินแบบนี้’

ใช่...ตอนนี้พี่กำลังเสียใจเจ้าจอม พี่กำลังเสียใจเอามากๆ พี่รู้สึกแล้วเจ้าจอม พี่รู้แล้ว ว่ามันเป็นคนดีขนาดไหน ไอ้อิน...มันแสนดีขนาดไหน

พี่รับรู้ได้ด้วยตัวเองแล้วจริงๆ

“ปวดตรงไหนหรือเปล่า” ยิ่งร่างโปร่งแสดงถึงความเป็นห่วงมากขนาดไหน ก็ยิ่งตอกย้ำว่าที่ผ่านมาเขาใจร้ายจนไม่อยากจะให้อภัยตัวเอง

มันต้องทรมานมากๆ แน่นอนเลย ไม่งั้นไม่น้ำตาไหลแบบนี้หรอก

“ปวด...”

“ปวดอะไร ปวดตรงไหน ปวดหัวหรือว่าปวดแผล” น้ำเสียงร้อนรนกับการขยับร่างมาดูเขาทันทีที่บอกว่าปวด เป็นเครื่องยืนยัน ว่ามัน...เป็นห่วงเขาจากใจจริง

กูปวดใจว่ะอิน กูปวดใจ

“ข่ะ ขอโทษ...กูขอโทษ”

“มึงจะขอโทษกูทำไม กูหล่นของกูเอง มึงไม่ได้ทำอะไรกูสักหน่อย” อินทัชขมวดคิ้วแน่น

ราม...ถ้าเป็นคนอื่นที่มึงทำกับเขาไว้อย่างโหดร้าย เขาจะพูดยอมรับผิดให้ตัวเองแบบนี้ไหม เขาจะโทษตัวเองแบบนี้หรือเปล่า คนที่มีแต่ความเกลียดน่ะ ต่อให้ ‘ไม่ผิด’ ยังไง มันก็จะ ‘ยัดเยียด’ ความผิดนั้นให้มึงแน่ๆ เหมือนกับที่มึงทำกับมันไงราม

แต่มึงดูสิ...มันบอกว่ามันหล่นมาเอง มันไม่ได้โทษมึงเลยสักคำ

ไม่มีคำไหนที่จะโทษมึงเลยราม...

“ขอโทษ”

“พอแล้ว ขอโทษอยู่นั่นแหละ นอนไปซะ จะได้รีบหาย”

“มึงก็...พ่ะ พักด้วยสิ” เขาพยายามจะเอ่ยด้วยเสียงขาดๆ หายๆ

“ไม่ต้องห่วงกูหรอก กูไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก หนักกว่านี้ก็ผ่านมาแล้ว ห่วงตัวเองเถอะ” อินทัชไม่ได้เจตนาจะทำให้รามินทร์รู้สึกไม่ดีหรอกนะ แต่ว่าประโยคที่สื่อออกมามันทำให้รามินทร์รู้สึกผิด

รู้สึกผิดเหลือเกิน...

เจ็บปวดใจเหลือเกิน...

เพราะทนกับความเหนื่อยล้าและพิษไข้ไม่ไหว รามินทร์ก็หลับไปพร้อมๆ กับความรู้สึกไม่ดีอยู่เต็มอก....อินทัชส่ายหน้าไปมาก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก เริ่มกินกล้วยที่ตัวเองเก็บมาทันที

เขารอให้มันหลับก่อนนั่นแหละถึงจะมากิน...


ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ความมืดครอบคลุมทุกพื้นที่ อินทัชเดินสำรวจบ้านไว้แล้ว เจอตะเกียงกับน้ำมันก๊าดที่สามารถจุดไฟในค่ำคืนนี้ได้ แต่ปัญหามันติดอยู่ที่ว่า

“จะใช้อะไรจุดวะเนี่ย”

อากาศก็เย็นชื้น ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ บ่งบอกว่าฝนจะตกหนักอีกครั้งในไม่ช้านี้ ไม่มีแสงก็ลำบากแน่ๆ เพราะแค่นี้ก็แทบคลำทางเดินแล้ว

“จริงสิ ในกระเป๋ากางเกงไอ้รามจะมีไฟแช็กไหมวะ มันก็ต้องสูบบุหรี่แหละน่า ขอทีเถอะ มีด้วยเถอะนะ” ร่างโปร่งเดินไปที่ตากเสื้อผ้าของรามินทร์ล้วงมือหาตามกระเป๋ากางเกงอย่างมีความหวัง ซึ่งล้วงไปมาก็เจอจริงๆ

“เยส!! ขอบคุณพระเจ้า”

อย่างน้อย คืนนี้ก็มีไฟให้พอมองอะไรเห็นแล้วล่ะ...





100%


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

   อ่านแล้วเม้นท์ด้วยนะคะ เม้นท์ตกไปเยอะเลย ^^ แล้วเจอกันตอนต่อไปนะคะ

ไปพูดคุย ติดตามข่าวสาร หรือทวงนิยายได้ที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-10-2016 23:32:21
 :z3:


ไม่อยากให้ช่วยเลย จริงๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 23-10-2016 23:39:25
จะมีคนมาช่วยตอนไหนอ่ะ... :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 23-10-2016 23:54:38
เย้!!! มาต่อแล้ว :katai2-1: :katai2-1:
เมื่อไหร่เขาจะรักกันสักที ตอนหน้าขอเจ้าจอมน้าาาา คิดถึงจักรจอมกะขรรค์เงิน
 :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 24-10-2016 00:12:03
ไฟแช็คเปลียกน้ำจะจุดติดเปล่าเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 24-10-2016 00:15:05
 :hao5:น้องอินคนดี
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 24-10-2016 01:14:23
ผ่านคืนนี้ไปมีคนมาช่วยเถอะไม่งั้นรามแย่แน่ๆ //หนาวๆ ก็กายแนบกายนะ จะได้อุ่น อิอิ //รามมมม งื้อเข้าใจรู้สึกแล้วใช้ไหม น้ำตาลูกผู้ชาย พร่ำบอกขอโทษ ต่อไปก็ทำดีกับอินให้มาก อินอยากอะไรก็ให้เถอะ ให้ในสิ่งที่อินต้องการเป็นดีสุด แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน (ตามจีบใหม่)55555 อินน่ารักมาก ดีจริงๆ แล้วที่อินไม่ค่อยเป็นไรเพราะทนจากการฝึกโหดและทรมานของราม ก็เลยอึดแบบนี้ 555/รอกลับไปแล้วหายไข้ //จะเป็นยังไงต่อ รอตอนต่อไปนะ สนุกกกกกคะ ชอบบบ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-10-2016 02:19:12
กลางคืนในป่ามันหนาว
เค้าจะได้นอนกอดกันมั้ย
 :-[

ลุ้นยิ่งกว่าให้คนมาช่วยอีก ถถถ

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 24-10-2016 08:29:17
สงสารก็สงสารนะแต่สมน้ำหน้ามันมากกว่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-10-2016 10:29:43
สงสารก็สงสารนะแต่สมน้ำหน้ามันมากกว่าอ่ะ

เห็นด้วยเลยค่ะ สงสารแต่ก็สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 24-10-2016 16:33:48
แค่นี้มันยังน้อยราม นายต้องเจอเยอะกว่านี้
รุ้สึกผิดให้เยอะกว่านี้ แล้วชั้นจะสงสารแกทีหลังแล้วกันนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 24-10-2016 18:24:46
ทำไม้ ต้องถอด กกน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 24-10-2016 19:23:35
ความรัก ความรู้สึกผิด

เริ่มก่อตัวขึ้นมาแล้ว

แบบนี้ตอไปจะดราม่าหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 25-10-2016 07:43:58
อินเป็นคนดีจริง ๆ  รามนั้นแหละเข้าใจผิดเอง เมื่อไหร่จะมีคนมาช่วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 30 100% => (23/10/59) P.18 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 25-10-2016 12:54:31
 :katai5: เริ่มเข้มข้นแล้วอ่ะดิ  :hao3: มารอๆ นะงับ  :hao5:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 50% => (29/10/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 29-10-2016 13:35:41
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 31
ออกตามหา





ช่วงนี้จักรงานยุ่งมากเพราะเจอพายุ ทางรีสอร์ทเลยเตรียมรับมือและแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ เรื่องที่มีปัญหารอเคลียร์กับเจ้าจอมก็ยังไม่ไปถึงไหน จะเข้าไปหาก็เดินหนี จะคุยด้วยก็ทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง คำแนะนำของอินทัชก็ยังไม่สามารถทำตามได้สักที

“ฝนตกหนักมากเลย เห็นทีว่าคราวนี้จะหนักกว่าปีก่อนๆ”

“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นพี่จักร”

“ว่าแต่ไอ้ขรรค์ คุณรามเมื่อไหร่จะมาวะ ปกติคุณรามท่านจะมาทำงานไม่สายนะ” จักรถามหาเจ้านายของตนที่เมื่อวานทำท่าไม่สู้ดีขอตัวกลับไปนอนพักที่บ้านทั้งๆ สภาพเปียกปอนที่ตากฝนมาเป็นเวลานาน

“ไม่รู้เหมือนกันพี่ ฉันไม่ได้ไปดูที่บ้านพักเลยน่ะ”

“ไปดูหน่อยก็ดี เผื่อคุณรามไม่สบาย”

“ท่านน่าจะป่วยนั่นแหละ ตากฝนข้ามวันข้ามคืนแล้ว” ขรรค์ตอบ

ที่รามินทร์ตากฝนนั้นเป็นเพราะยืนอยู่กับคนงานที่ต้องไปอุดช่องทางน้ำเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้ามา แล้วก็เปิดทางให้น้ำไหลไปฝั่งอื่น หามรุ่งหามค่ำ ชนิดที่ว่าถ้าลูกน้องยังคงยืนตากฝน เขาก็ต้องตากฝนด้วย

รามินทร์เป็นเจ้านายแบบนั้น

“มึงไปดูคุณรามไป เดี๋ยวกูจะดูทางนี้ให้เอง”

“โอเคพี่ เดี่ยวฉันมาก็แล้วกัน” จักรพยักหน้า จากนั้นขรรค์ก็เดินกางร่มเพื่อไปหาเจ้านายของตนที่ป่านนี้ก็ยังไม่มาทำงานทันที

ส่วนจักรก็ยืนนิ่ง คิดถึงแต่เจ้าจอม ยิ่งนึกถึงวันที่ผ่านมา เขาก็ยิ่งยืนถอนหายใจจนลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่งด้วย...



ย้อนกลับไป

แล้วค่อยคุยกัน

ประโยคนี้เจ้าจอมพูดเอาไว้คืนวันที่เกิดเรื่อง เลยทำให้จักรไม่สามารถนอนหลับได้เลยด้วยจิตใจที่ร้อนรน อยากจะคุยอยากจะอธิบาย อยากจะขอโทษใจจะขาด พอเช้ามาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปทำงาน เจ้าจอมก็เลี่ยงเขาตลอด จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกันเลย เพราะงานแต่งยุ่งมาก แขกเหรื่อเยอะแยะจนต้องคอยช่วยรามินทร์ เจ้าจอม และผู้จัดการดูแลแขกในงานในฐานะรีสอร์ทด้วย

“ก็เรียบร้อยดีว่ะ คนเยอะมาก...แล้วทางมึงล่ะเป็นยังไง เออ! ดีแล้วที่หมอเงินไม่เป็นอะไร มึงไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้หรอก กูเอาอยู่ เออๆ ฝากแสดงความเป็นห่วงกับหมอเงินด้วย แค่นี้ก่อนนะเว้ย งานยุ่ง แล้วเจอกัน” จักรวางสายขรรค์ไปทันทีที่เห็นเจ้าจอมเดินมาทางนี้ ร่างสูงสาวเท้าไปหาแล้วพูด

“คุณจอมครับ ผมอยากคุย...”

“เอาไว้ก่อน ฉันงานยุ่ง”

เอาไว้ก่อน...

โอเค เอาไว้ก่อนก็เอาไว้ก่อน...ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้เคลียร์กันตอนไหนก็ไม่รู้...

“ครับ...”

ผ่านการเซอร์ไพรส์สุดซึ้งให้ปลายฝันไปแล้ว...

ผ่านพิธีแต่งงานแบบโรแมนติกไปแล้ว...

จนกระทั่งช่วงงานเลี้ยงตอนกลางคืนผ่านไป บ่าวสาวเข้าห้องหอ แขกแยกย้ายกันกลับและเข้าพักผ่อน จักรจัดการงานของตนไปจนเลยเที่ยงคืน ทุกอย่างเสร็จสิ้น คนงานเตรียมกลับไปพักผ่อนบ้าง แต่สายตาของจักรก็มองหาร่างบางของเจ้าจอมอยู่

“เห็นคุณจอมไหม”

“เห็นคุยอยู่กับแขกทางด้านนั้นน่ะจ้ะ”

“ขอบคุณ”

ร่างสูงรีบก้าวเท้าไปยังทางที่หญิงสาวคนนั้นบอก และเมื่อไปถึงก็เห็นว่าเจ้าจอมกำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มที่ดูจะอายุเท่าเขา รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาจนจักรกลัว

กลัวใจของเจ้าจอม

“คุณจอม...” เรียกชื่อผู้เป็นเจ้าของหัวใจเสียงแผ่ว

“สักครู่นะครับ...มีอะไรหรือเปล่า ฉันกำลังคุยกับแขกอยู่เห็นไหม” เจ้าจอมถามอย่างดุๆ จักรหน้าเสียไปเลย จนชายอีกคนที่มองอยู่ถึงกับรีบพูดออกมา

“ไม่เป็นไรครับคุณจอม เขาคงจะเป็นห่วงน่ะ”

ดูจากสายตาก็รู้แล้วล่ะ ว่าไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกน้องแน่ๆ

“ผมแค่มาตามคุณจอมให้ไปพักเพราะมันดึกมากแล้ว”

“เดี๋ยวฉันก็ไปเอง” ร่างเล็กตอบ

“แต่ว่า...”

“จริงสิ ดึกมากแล้วนี่ครับ ยังไงผมก็ขอตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวแฟนผมจะว่าเอา ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับคุณจอม ไม่ได้คุณคงจะแย่เลย”

“ด้วยความยินดีครับคุณธีร์...อะไรที่ช่วยได้ผมก็ช่วย”

“ยังไงถือโอกาสลาตรงนี้เลยนะครับ พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางแต่เช้าเพราะต้องไปต่างประเทศต่อ ถ้าไอ้อินกลับมาอีก ช่วยบอกให้หน่อยว่าผมเป็นห่วงและคิดถึงมันมาก บอกให้มันรีบกลับบ้านนะครับ”

จักรขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อของอินทัชมาจากปากธีรไนย

“ได้ครับ โชคดีนะครับ ฝันดีและพรุ่งนี้เดินทางปลอดภัยนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

ธีรไนยเดินจากไป เหลือไว้เพียงแค่เจ้าจอมที่มองส่งร่างโปร่งของธีรไนยกับจักรที่ยืนมองด้านหลังของคนที่ตนรัก สายตาฉายแววเศร้าสร้อย แต่เจ้าจอมไม่เห็น

“คุณจอมครับ...”

“ฉันเหนื่อย อยากจะพักแล้ว”

“งั้นคุณจอมไปพักเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”

เอาไว้คราวหน้าก็ได้ จักรได้แต่คิดอย่างยอมแพ้

“ม่ะ...”

“อย่าปฏิเสธผมเลยนะครับ ผมขอร้อง” เสียงเศร้าๆ ของร่างสูงไม่อาจจะทำให้เจ้าจอมทนใจแข็งต่อไปได้ ปรายตามองคนตัวใหญ่นิดๆ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

สองเท้าออกเดินนำคนตัวใหญ่ ทั้งสองเดินไปอย่างเงียบๆ ไม่มีการพูดคุยกัน จริงๆ แล้วจักอยากจะคุยกับเจ้าจอม แต่ร่างบางไม่เปิดโอกาสให้ต่างหาก จนกระทั่งมาถึงหน้าบ้านของเจ้าจอม

“ขอบคุณที่มาส่ง”

“คุณจอมครับ...”

“เอาไว้คุยวันหลัง ฉันอยากพัก”

“เอ่อ...ได้ครับ”

“ไปได้แล้ว” เอ่ยปากไล่จักร จนหัวใจแข็งแรงของจักรรู้สึกเจ็บปวด ดวงตามองคนที่รักอย่างตัดพ้อ นั่นทำให้เจ้าจอมรีบหันหลังให้แล้วเข้าบ้าน หากแต่ก็ได้ยินประโยคต่อมาของจักรอยู่ดี

“ฝันดีนะครับ...”

ถ้าจะให้ดี ช่วยบอกฝันดีเขากลับเหมือนเดิมได้ไหม... ให้โอกาสได้อธิบาย อย่าโกรธกันเลย

แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ... หัวใจที่เคยแกร่งกล้ากับรู้สึกเหมือมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก…

จักรยืนมองร่างเล็กเปิดประตูเข้าไปในบ้านแล้วปิดใส่หน้าเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มันเหมือนเรากลับไปยังวันวานที่เขาเคยตามจีบอย่างไม่มีความหวัง ไม่ได้แม้แต่เจ้าจอมจะชายตามามองหรือจะคุยด้วย

แต่ตอนนี้มันแย่กว่านั้น...เพราะตอนนั้นเจ้าจอมยังแสดงความรู้สึกโกรธ ยังรู้สึกรำคาญ

แต่วันนี้...มันเต็มไปด้วยความเย็นชา และความห่างเหิน

“ผมรักคุณจอม...”

“ผมขอโทษครับ”

ได้แต่ยืนตรงนั้นอยู่นาน จนกระทั่งตัดสินใจหมุนตัวกลับไปเพื่อพักผ่อน ที่ไม่รู้ว่าจะนอนหลับหรือเปล่า...





“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจ

“พี่จักร แย่แล้วเว้ย!!!”

ร่างแกร่งของจุลจักรสะดุ้งด้วยความตกใจที่ได้ยินเสียงของขรรค์ที่วิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งเครียด

“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้ขรรค์ ทำไมถึงรีบวิ่งตากฝนมาแบบนี้”

“ฉันไปหาคุณรามที่บ้านพักมา ไม่เจอทั้งคุณรามทั้งอิน ฉันเลยลองเดินไปยังทางลงไปยังน้ำตก ฉันเจอรองเท้าทั้งสองข้างของคุณรามถอดอยู่ตรงทางลงกับร่มคันหนึ่ง มีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองจะต้องเกิดอุบัติเหตุจนตกลงไปตอนที่น้ำกำลังท่วมและเชี่ยว”

“แน่ใจเหรอวะขรรค์ มึงหาดีหรือยัง”

“หาดีแล้วพี่ ฉันถามคนงานแล้วว่ามีใครเจอคุณรามกับอินไหม ไม่มีใครเห็นทั้งสองตั้งแต่เมื่อวานตอนที่คุณรามกลับบ้านพักแล้วพี่” ขรรค์เครียดและเป็นกังวลมาก

“งั้นก็เกณฑ์คนงานผู้ชายไปที่นั่นเลยไอ้ขรรค์ เราจะไปตามคุณรามกับไอ้อิน” จักรสั่งขรรค์ที่เป็นหัวหน้าคนงานเพราะความเป็นห่วงเจ้านายกับเพื่อน

“ตอนนี้ฝนยังตกหนักอยู่เลยนะเว้ย! ฉันว่าไปตอนนี้ก็หาลำบากเปล่าๆ น้ำก็ยังท่วมอยู่ แต่มันจะลดลงเรื่อยๆ เพราะเราเปิดให้น้ำไหลไปยังทิศต่างๆ แล้ว ส่วนน้ำที่ไหลลงมาจากเขา ลูกน้องมันไปเช็คมาแล้วว่าถ้าฝนตกไม่หนักเท่าสองวันก่อนรวมกันน้ำบนเขาก็จะไม่ทะลักอีก”

“มึงได้ให้ใครเช็คข่าวไหมขรรค์”

“กรมอุตุฯ บอกว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย แต่ถึงฝนหยุด เราก็ต้องรอให้น้ำมันระบายออกไปอยู่ดี”

จักรขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าดุๆ อยู่แล้วยิ่งดุเข้าไปใหญ่เมื่อเจอเรื่องเครียดๆ ที่ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาอย่างไหร่ เจ้านายก็อยู่ในสถานการณ์อันตราย เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้

“ฉันจะไปเตรียมคน ฝนหยุดเมื่อไหร่เราจะออกหาทันที ตามนี้นะพี่จักร” ขรรค์ถามแกมสั่ง ซึ่งร่างแกร่งก็พยักหน้าเข้าใจ มองขรรค์ที่ไปสั่งลูกน้องอย่างอิจฉา

ถ้าเขาฉลาดกว่านี้ ก็คงจะช่วยไอ้ขรรค์แก้ปัญหาได้ดีกว่านี้

ถ้ามึงฉลาดมากกว่านี้...มึงจะไม่เสียรู้แก้ว

ถ้ามึงฉลาดมากกว่านี้...รู้ทันคนมากกว่านี้

มึงจะไม่ทำให้คุณจอมโกรธและรู้สึกผิดหวังกับมึงแบบนี้

“หวังอะไรลมๆ แล้งๆ”


คนงานผู้ชายประมาณสิบกว่าคนกำลังรวมตัวกันที่อาคารสำหรับคนงานไว้พักผ่อนที่เพิ่งจะสร้างเสร็จเพื่อประชุมเกี่ยวกับการออกตามหาเจ้านาย

“ถ้าคุณรามถูกน้ำพาไปจริง ฉันคิดว่าน่าจะพาไปตรงปากน้ำตกเลยนะพี่ แล้วเราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าข้างล่างนั้นเต็มไปด้วยหินด้วย บางทีถ้าเรารอนานกว่านี้ เกิดคุณรามกับอินเป็นอะไรขึ้นมามันจะไม่ทันการนะพี่”

“กูก็เห็นด้วยกับมันนะไอ้ขรรค์” จักรพูดขึ้นเมื่อได้ฟังคนงานคนหนึ่งเสนอแนะ

ขรรค์ยืนนิ่งครุ่นคิดไปสักพักก็เห็นด้วยกับที่ลูกน้องว่ามา แต่ตอนนี้ฝนก็ยังตกอยู่ มันก็ยังลำบากในการเดินทางตามหาอยู่ดี ไหนจะความปลอดภัยของคนงานอีก

เจ้านายสำคัญ แต่ลูกน้องก็สำคัญเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมอุปกรณ์ ในการตามหาให้ทุกคนดูแลตัวเองด้วย ถ้าไม่ไหวและคิดว่ามันเสี่ยงให้ถอยออกมา เข้าใจนะ”

“ครับ!!” ทุกคนรับคำสั่งของขรรค์อย่างหนักแน่น ก่อนจะพากันลุกไปใส่เสื้อกันฝนและเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น ทางด้านขรรค์กับจักรเองก็เตรียมตัวเพื่อไปหาเช่นกัน หากแต่เสียงของคนๆ หนึ่งก็เรียกความสนใจจากจักรและทุกคนได้เป็นอย่างดี

“พี่ขรรค์!!”

“ครับ? คุณจอม”

“ได้เรื่องอะไรหรือยัง ออกหาพี่รามกับพี่อินหรือยัง” ร่างเล็กเขย่าแขนแกร่งของขรรค์อย่างกังวลใจ

“กำลังจะเริ่มตามหาครับ”

“ให้จอมไปด้วยนะ ให้จอมไปช่วยหานะ”

“อย่าดีกว่าครับคุณจอม มันอันตรายมากนะครับ คุณจอมรออยู่ที่นี่ดีกว่านะครับ” ขรรค์เกลี้ยกล่อมเสียงอ่อน ซึ่งก็เข้าใจความรู้สึกของเจ้าจอมดี เพราะเขาเองก็เป็นห่วงเจ้านายไม่แพ้กัน

“แต่ว่า...”

“เชื่อผมเถอะนะครับคุณจอม แล้วผมสัญญาว่าจะพาคุณรามกับอินกลับมาอย่างปลอดภัย”

“ฮะ...ฝากด้วยนะครับพี่ขรรค์”

“เป็นหน้าที่อยู่แล้วครับ ถ้างั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ” ร่างสูงใหญ่ยิ้มให้เจ้านายอย่างปลอบใจบางเบา “คุณจอมครับยังไงช่วยโทรตามเงินให้มาที่นี่หน่อยได้หรือเปล่าครับ เผื่อฉุกเฉินอะไร”

“ได้ครับ เดี๋ยวจอมจะตามพี่เงินให้”

“ขอบคุณครับ…เอาล่ะ!! เตรียมตัวเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวจะเสียเวลาไปเปล่าๆ” สิ้นเสียงของหัวหน้าคนงานอย่างขรรค์ ทุกคนก็ต่างพากันเดินออกไป โดยมีขรรค์เดินนำออกไปก่อนแล้ว ส่วนจักรที่ยืนมองขรรค์กับเจ้าจอมอยู่ก็เหมือนจะได้สติ รีบเดินตามออกไป โดยผ่านหน้าเจ้าจอมแบบไม่มองหน้า ไม่พูดด้วย

เขาแค่รู้สึกเสียใจและผิดหวังที่เจ้าจอมไม่ได้เห็นว่าเขาเป็นคนแรกที่พึงพาได้ เอาแต่พูดกับขรรค์ ฝากความหวังกับขรรค์

แต่นั่นมันก็สมควรแล้วล่ะ...

“เดี๋ยว...”

กึก!

เสียงเดียวที่สามารถทำให้เขาชะงักขาที่กำลังเดินและใจเต้นแรงอย่างมีความหวังขึ้นมา ร่างสูงหันมามองคนที่ตนรักซึ่งเจ้าจอมก็มองเขาด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดกับแววตาที่มีแต่ความกังวล

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณจอม ผมจะตามหาคุณรามกับไอ้อินให้เร็วที่สุด” จักรคิดว่าเจ้าจอมคงจะเป็นกังวลเรื่องของพี่ชายกับอินทัชเลยพูดออกไปให้ร่างเล็กสบายใจ

เจ้าจอมมองใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าแต่ก็ฝืนยิ้มให้ตนด้วยความรู้สึกสงสาร

“ดูแลตัวเองด้วย”

ประโยคนี้ที่จักรรอคอยมานานมาก ในที่สุดก็ได้ยินเสียที ความรู้สึกที่เหนื่อยล้า ความง่วงนอนที่นอนไม่หลับมาหลายคืนก็พลันหายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

เจ้าจอมเป็นดั่งกำลังใจชั้นดีของจักร...

“ขอบคุณครับคุณจอม”

“ถ้านายบาดเจ็บกลับมา ฉันจะโกรธหนักกว่านี้อีก เข้าใจใช่ไหม”

เจ้าจอมเป็นห่วงพี่ชาย เป็นห่วงอินทัช และเขาก็เป็นห่วงจักรด้วย...เพียงแต่ความโกรธที่มีมันทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรออกไปมาก เพราะฟอร์มจัด แต่ก็ยังอยากจะให้กำลังใจคนที่ทำหน้าเศร้าๆ หงอยๆ ด้วย

“ผมจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดครับ”

“อือ”

“ขอตัวนะครับ”

แค่นี้ก็เพียงพอ...ที่จะทำให้จักรมีกำลังใจในการทำงานขึ้นมาได้แล้ว

เขาขอแค่นี้จริงๆ เจ้าจอมจะโกรธเขามากขนาดไหนก็ได้ แต่แค่ขอให้ได้พูดด้วยเหมือนเดิมก็พอ

...

...






50%

 :a5: :a5: :a5: :a5:

   หากมีข้อผิดพลาด รูปประโยคแปลกๆ คำผิด ยูกิก็ขออภัยด้วยนะคะ อ่านแล้วอย่าลืมเม้นท์ให้กำลังใจ แนะนำ หรือติชมยูกิด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ที่ติดตามกันมา

   พูดคุย สอบถาม ติดตามข่าวสารการอัพนิยาย เชิญที่แฟนเพจได้เลยนะคะ ยูกิจะใช้ที่นั่นเป็นช่องทางกระจายข่าวสารเป็นหลักค่ะ  https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 50% => (29/10/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-10-2016 14:25:39
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 50% => (29/10/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 29-10-2016 15:12:35
จักรอย่าบาดเจ็บกลับมานะ เอาแค่ข่วนเล็กๆน้อยๆพอจะอ้อนให้จอมทำแผลให้ก็พอ อิอิ!! //รีบไปหาให้เจอเร็วๆนะทุกคน รามอินจะแย่ละ //รออีก 50% และตอนต่อไปค่ะ ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 50% => (29/10/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 29-10-2016 17:27:04
คิดอยู่ว่า คนหายทั้งสองคน

ไม่ออกตามหากันเลยรึไง

เร็วๆหน่อยพี่รามไม่ไหวแล้วทุกคน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 50% => (29/10/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-10-2016 17:41:42
ตื่นเต้นนะ  ไม่ต้องเจอเร็วนะทุกคน
ให้รามมันทรมานบ้างงงง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 50% => (29/10/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 01-11-2016 09:52:22
ลุ้นนนนนน..สงสารจักรเหมือนกันนะเนี่ยะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 100% => (2/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 02-11-2016 15:37:57
ตอนที่ 31 ครึ่งหลัง





UP


“เป็นห่วงเหรอครับน้องจอม”

“พี่เงิน...จะทำยังไงดี ถ้าพี่รามเป็นอะไรขึ้นมาจอมจะกล้าบอกคุณลุงคุณป้ายังไง แล้วถ้าพี่อินเป็นอะไรไป จอมจะบอกกับทางครอบครัวพี่เขาได้ยังไง จอมกลัวครับพี่เงิน จอมกลัว” เสียงของเจ้าจอมสั่นจนหมอเงินรู้สึกได้ถึงความหวดกลัวเลยคว้าร่างเล็กมากอดปลอบเอาไว้

“มันต้องไม่มีอะไร คุณรามกับอินต้องปลอดภัย”

“แล้วจักรจะปลอดภัยไหม”

“จักรเก่งจะตายไป ไม่มีทางเป็นอะไรหรอก ขรรค์ก็ด้วย”

“แต่ว่า...”

“ชู่!! ไม่เอาครับน้องจอม ไม่คิดเรื่อง แล้วมานั่งให้กำลังใจขรรค์กับจักรดีกว่านะครับ” หมอเงินห้ามปรามไม่ให้เจ้าจอมพูดในสิ่งที่ไม่ดีออกมา แล้วพากันนั่งรออยู่บนโซฟาตัวยาว

เจ้าจอมเก่งมากที่ไม่ร้องไห้ออกมาแม้ว่าเสียงและตาจะดูแดงๆ มากแค่ไหนก็ตาม ถือว่าเป็นคนที่เข้มแข็งคนหนึ่งจนเงินได้แต่นึกทึ่ง ถ้าถามว่าเขาเป็นห่วงคนรักไหม หมอเงินก็เป็นห่วง แต่เขาเข้าใจว่าขรรค์ไม่ได้มีแค่เงินในชีวิตคนเดียว ขรรค์มีเจ้านายที่ทำให้ขรรค์มีทุกวันนี้อย่างรามินทร์ หากเจ้านายตกอยู่ในอันตราย ต่อให้ตายแทนได้ ขรรค์ก็จะทำเพื่อตอบแทนพระคุณอย่างไม่คิดลังเล

ขรรค์ตายแทนรามินทร์ได้เพราะความจงรักภักดี

และตายแทนเงินได้เพราะความรักสุดหัวใจ...

“นายต้องปลอดภัยนะจักร นายต้องไม่เป็นอะไร” เจ้าจอมได้แต่ภาวนาเบาๆ ดวงตาก็เหม่อมองไปยังด้านนอกที่ฝนก็ตกหนักเพิ่มขึ้นทุกทีๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอย่างกังวล

ส่วนหมอเงินก็มองเจ้าจอมอยู่อีกด้านหนึ่งด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน เขาเข้าใจว่าเจ้าจอมรู้สึกยังไงเพราะตอนนี้เขาก็รู้สึกไม่ต่างกัน เจ้าจอมเป็นห่วงจักร เขาก็เป็นห่วงขรรค์เหมือนกัน

สิ่งที่เราสองคนทำได้ตอนนี้ก็คือการนั่งภาวนา ขอให้ทั้งจักรและขรรค์ไม่บาดเจ็บหรือมีอันตรายเกิดขึ้นก็พอแล้ว

“ทำไมถึงได้พากันหายไปนะ”

“เจ้าจอมว่าไงนะครับ”

“จอมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่รามกับพี่อินถึงไปทำอะไรที่นั่นทั้งๆ พี่รามก็รู้ว่าตรงนั้นมันเป็นทางไหลของน้ำ ไม่น่าจะพาพี่อินไป” เจ้าจอมสงสัย

“นั่นสินะ พี่ก็สงสัยเหมือนกัน”

“หรือว่าจะทะเลาะกันครับ”

“ไม่จริงน่า...ทะเลาะจนเล่นกันถึงตายเลยนี่นะ” หมอเงินไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ เพราะถึงว่าจะรู้ว่ารามินทร์ทำอะไรไว้กับอินทัชบ้างแต่ก็ไม่คิดว่าจะเล่นถึงชีวิตแบบนี้

เพราะถ้ารามินทร์จะเอาถึงชีวิต คงไม่ปล่อยให้อินทัชอยู่จนถึงทุกวันนี้หรอก

“จอมก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าพี่รามจะทำแบบนั้น” ใบหน้าของเจ้าจอมดูเศร้าๆ

“พี่ว่ามันเป็นอุบัติเหตุนะ”

“ครับ”

“อย่าเพิ่งไปคิดอะไรเลยครับน้องจอม เรามาภาวนาให้คุณรามกับอินปลอดภัยกันเถอะ” หมอเงินชวนร่างเล็กกว่าด้วยใบหน้าที่ดูอบอุ่น

เจ้าจอมพยักหน้ารับน้อยๆ


พอตกเย็นเหล่าคนงานที่ออกตามหารามินทร์กลับอินทัชก็กลับมาด้วยสภาพที่เปียกปอนและใบหน้าหน้าที่ดูเหนื่อยล้าอิดโรยกันทุกคน เจ้าจอมได้ให้คนครัวทำอาหารไว้ชุดใหญ่เพื่อเสริมสร้างพลังให้กับเหล่าคนงานที่ต้องลงแรงและเสี่ยงอันตราย

แม้ว่าจะผิดหวังที่ยังไม่เจอรามินทร์กับอินทัชก็ตาม...

“ฉันว่าพรุ่งนี้น้ำก็คงลดเป็นปกติแล้วล่ะ จะได้ลงไปหาที่น้ำตกใหญ่ด้านล่าง” ขรรค์พูดกับจักรโดยมีเจ้าจอมกับหมอเงินร่วมโต๊ะอาหารด้วย

“กูว่ามีความเป็นไปได้เก้าสิบเปอร์เซ็นที่คุณรามกับไอ้อินจะอยู่ที่น้ำตกด้านล่าง เพราะทิศทางน้ำไหลไปทางนั้น” จักรสันนิษฐาน

“และถ้าตกแบบโชคดีหน่อยก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะด้านล่างน้ำก็ลึกและกว้างพอสมควร มันถึงรองรับน้ำได้เยอะโดยไม่ไหลลงไปให้คนที่อยู่ล่างไปอีกเดือดร้อนเลย”

“แต่โขดหินเยอะมากนะเว้ยขรรค์”

“แต่ก็น่าจะตกพร้อมกับน้ำที่ไหลเยอะแบบนั้นฉันว่ามีโอกาสรอดสูง”

“เออ...ก็จริงอย่างที่มึงพูดว่ะขรรค์ งั้นพรุ่งนี้เช้าเราจะเริ่มออกตามหาเลย พรุ่งนี้หมอเงินช่วยเตรียมทีมแพทย์ให้หน่อยได้ไหมครับ” จักรหันไปถามหมอเงินที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับคนรักของตน โดยที่เจ้าจอมนั่งตรงข้ามกับจักร

“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งทางโรงพยาบาลให้ ยังไงคุณรามก็เป็นผู้สนับสนุนโรงพยาบาลมาตลอดอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรครับ”

“งั้นดีเลยนะเงิน ฝากด้วยนะ”

“อื้อ...เงินช่วยอะไรได้ก็ดีใจแล้ว” ร่างโปร่งส่งยิ้มให้คนรัก ซึ่งขรรค์ก็ยิ้มตอบกลับเล็กน้อย

เจ้าจอมนั่งเงียบฟังทั้งสามคุยกันอย่างนึกน้อยใจที่ตัวเองช่วยอะไรใครไม่ได้เลย ได้แต่นั่งรอฟังข่าวอยู่ที่นี่ยังไม่พอก็ต้องมานั่งฟังจักรกับขรรค์คุยกันอยู่สองคนอีก ไหนจะหมอเงินที่ก็ได้เข้าสู่การสนทนาด้วย เจ้าจอมเลยรู้สึกว่าตัวเองถูกกีดกันออกจากวง และนั่นทำให้เจ้าจอมถึงกับไม่อาจทนได้ต่อไป

“ขอตัวนะครับ”

ร่างเล็กลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากที่นี่ไปทันที ซึ่งทั้งสามคนก็มองตามด้วยความแปลกใจ หันมองกันราวกับต้องการจะถามว่า...เจ้าจอมเป็นอะไร

“กูขอตัวไปดูคุณจอมก่อนนะ”

“อือๆ เจอกันพรุ่งนี้นะพี่จักร”

“เออๆ”

“ฝันดีนะครับ”

“ขอบคุณครับหมอ ฝันดีเช่นกัน”

ไม่รอช้า ร่างสูงของจักรก็ออกวิ่งตามเจ้าจอมไป ซึ่งพอมองเห็นแผ่นหลังเล็กๆ ที่เดินมุ่งหน้าไปยังบ้านพักของเจ้าตัวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

สองเท้าแกร่งก้าวตามร่างบอบบางไปเรื่อยๆ โดยที่เจ้าจอมไม่รู้สึกเลยว่ามีคนตามอยู่ จนกระทั่งเดินไปจนถึงบ้านของเจ้าจอมนั่นแหละ จักรก็วิ่งไปหาเพราะกลัวว่าร่างบางจะเข้าไปก่อนโดยที่เราจะไม่มีโอกาสได้คุยกันอีก

“คุณจอมครับ”

“นาย!” เจ้าจอมตกใจ เพราะไม่คิดว่าจักรจะตามมา แต่พอตั้งสติได้ ก็ตีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิม

“ผมอยากคุยกับคุณจอม คุณจอมยังโกรธผมอยู่ไหมครับ”

“โกรธ...”

“ผมขอโทษ” ร่างสูงเอ่ยเสียงอ่อย กำหมัดแน่นเมื่อคิดถึงสิ่งที่แก้วทำในวันนั้น

จะโทษแก้วอย่างเดียวก็ไม่ได้ ถ้าจะโทษก็โทษที่ความใจดีและเชื่อคนง่ายของตัวเองดีกว่า

“เฮ้อ...นายรู้ไหมว่าสิ่งที่ฉันไม่ชอบในตัวนายมากที่สุดคืออะไร” เจ้าจอมถอนหายใจอย่างหน่ายใจก่อนจะถามคำถามจักรออกไป

“ความโง่ของผม”

“ไม่ใช่!!” ร่างเล็กตอบเสียงดัง ใบหน้าฉายชัดถึงความหงุดหงิด “นายกำลังดูถูกฉันนะจักร...และนายก็ดูถูกตัวเองด้วย ถ้านายบอกว่านายโง่ ฉันก็โง่ ทุกคนมีความโง่และความฉลาดอยู่ในตัวเองกันหมดนั่นแหละ เราอาจจะรู้บางเรื่องแต่จะให้รู้ทุกเรื่องบนโลกใบนี้ก็ไม่ใช่”

“ขอโทษครับ”

“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว ถ้าจะใจดีก็ใจดีแค่กับฉัน ห้ามยุ่งกับคนอื่นยกเว้นเรื่องงาน แต่นายทำไม่ได้ นายสัญญากับฉันว่ายังไง ไม่นานนายก็ทำให้ฉันผิดหวัง แล้วผู้หญิงที่ชื่อแก้วเนี่ย ฉันรู้จักธาตุแท้มานานแล้ว เพียงแต่ถ้าพูดออกไป นายก็จะไม่เชื่อฉันอยู่ดี”

ร่างสูงยืนนิ่ง ฟังสิ่งที่เจ้าจอมพูดอย่างตั้งใจ

“ถ้าวันนั้นฉันไม่เข้าไป จะเกิดอะไรขึ้น นายก็คงจะนอนกับเจ้าหล่อนสินะ เฮอะ!” ยิ่งเจ้าจอมพูดเท่าไหร่ ตัวเองก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีตามไปด้วย

เพราะตลอดหลายวันนี้ เจ้าจอมก็เอาแต่คิดไปซ้ำๆ ว่าวันนั้นเขาไม่เข้าไป ไม่ไปเห็น ไม่ไปได้ยิน อะไรจะเกิดขึ้น เพราะเจ้าจอมรู้ว่าจักรก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน เจอผู้หญิงยั่วยวนขนาดนั้นไม่นานก็ต้องตกหลุมพรางแน่ๆ

“ไม่ครับ!! ไม่รู้ว่าพูดไปคุณจอมจะเชื่อหรือเปล่า แต่ว่าผมไม่มีทางนอนกับแก้วเด็ดขาด แค่สิ่งที่เธอโกหกผมมันก็ทำให้ผมรังเกียจมากพอแล้วครับ” จักรตอบด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง

ดวงตาของเจ้าจอมมองสบกับดวงตาดุของจักรเพราะต้องการจะมองหาคำตอบจากดวงตาว่าคนๆ นี้จะโกหกเขาไหม แม้จะรู้ว่าจักรไม่เคยโกหกตัวเอง แต่ก็ไม่มั่นใจอยู่ดี

“ผมรักคุณจอม...ผมขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง แต่วันนั้นผมไม่ได้แม้ที่จะมีความรู้สึกคล้อยตามแก้วแม้แต่นิดเดียว ผมสา...”

“พอแล้ว! ไม่ต้องพูดแล้ว” เจ้าจอมเอ่ยขัดเมื่อร่างสูงกำลังจะพูดคำว่าสาบานออกมา

“ผมอยากให้คุณจอมเชื่อและให้อภัยผม”

“เข้ามาข้างในก่อน” ร่างบางชวนจักรเข้าไปในตัวบ้าน ซึ่งเจ้าของบ้านก็ได้เข้าไปก่อนแล้ว ส่วนจักเองก็ยืนทำหน้าลังเลอยู่นิดหนึ่งก่อนจะถอดรองเท้าแล้วเดินตามเจ้าจอมไป ซึ่งก็ไม่ลืมที่จะปิดประตู

“ไปอาบน้ำ ชุดของพี่รามก็ยังมีอยู่ วันนี้ก็นอนที่นี่แล้วกัน มันใกล้กับที่ที่ต้องไปหาพี่รามกับพี่อินมากกว่า”

“ครับ...ขอบคุณครับคุณจอม”

ได้โอกาสมาแล้วก็ต้องรีบคว้า ถึงแม้จะไม่ได้ยินคำว่าให้อภัยจากปากของเจ้าจอมก็ตามที แต่เขาก็ต้องทำทุกอย่างไม่ให้เจ้าจอมไม่พอใจอี

เจ้าจอมถอนหายเมื่อเห็นว่าจักรเดินเข้าไปในห้องนอนเขาเพื่ออาบน้ำตามคำสั่ง ส่วนตัวเจ้าจอมเองก็เดินตามเข้าไปในห้องเช่นกัน หากแต่นั่งรอร่างสูงอยู่ที่ปลายเตียงของตน

“เฮ้อ...”

จริงๆ แล้วก็ไม่ได้โกรธมากหรอก แค่วางฟอร์มไปก็แค่นั้น แต่ที่คิดว่าวันนั้นจักรกับแก้วต้องมีอะไรกันถ้าเขาไม่ได้ไปนั่นน่ะ เขาคิดจริงๆ แต่ไม่ได้ฟุ้งซ่านขนาดนั้น ยังไงมันก็เป็นแค่ความคิด

ยิ่งได้ยินคำย้ำเตือนจากจักรก็ยิ่งมั่นใจขึ้น ความขุ่นข้องหมองใจก็พลันหายไปเมื่อได้เห็นสีหน้าจริงจังของร่างสูงเมื่อกี้นี้

แต่ทุกอย่างมันก็วางใจไม่ได้...ถ้าหากว่าจักรยังไม่ได้เป็นของเขาอย่างแท้จริง


“ขึ้นมานอนบนเตียง ข้างๆ กับฉัน”

“แต่ว่า...”

“อย่าขัดคำสั่ง บอกให้ขึ้นมานอนก็ขึ้นมา อย่าให้ต้องพูดมากจะได้ไหม”

“มันไม่เหมาะนะครับคุณจอม”

“ไม่เหมาะยังไง”

“คุณจอมเป็นเจ้านาย เอ่อ...แล้วถ้าหากผมล่วงเกินไป มันก็จะแย่เอานะครับ”

เป็นเวลาหลายนาทีที่กำลังเถียงกันเรื่องที่นอน จักรทำท่าจะนอนพื้นท่าเดียว แต่เจ้าจอมต้องการให้ขึ้นมานอนข้างๆ กัน คนที่ขี้เกรงใจและเจียมตัวเองอยู่เสมอก็ไม่กล้าน่ะสิ ปฏิเสธเสียจนเจ้าจอมหงุดหงิด

“อย่าให้ฉันต้องโกรธ” เอ่ยเสียงข่มขู่

“โถ่...คุณจอมครับ”

“นายจักร! ฉันบอกให้ขึ้นมา!!” เพิ่งระดับเสียงเข้าไปอีก เล่นทำเอาคนคนตัวใหญ่เหงื่อแตกด้วยความประหม่า คิ้วเข้มขมวดแน่นเพราะกำลังคิดหนักว่าจะเอาเช่นไรดี

“ผม...”

“ถ้านายกล้าปฏิเสธฉันอีก โอกาสที่ได้ทั้งหมดฉันจะไม่ให้มันแล้วนะ!” พอขู่เรื่องนี้จักรก็เดินมานั่งที่เตียงก่อนจะนอนลงไปอย่างว่าง่าย

“ผมยอมแล้ว”

“ดี...ยอมแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง แล้วนั่น ไม่ต้องนอนริมขอบเตียงขนาดนั้นก็ได้ ขยับเข้ามาอีกสิ เดี๋ยวก็นอนตกเตียงหรอก” เจ้าจอมสังเกตเห็นคนตัวใหญ่นอนซะริมขอบเตียงเลยออกคำสั่งอีก

“ผมนอนแบบนี้ได้ครับ สบายมาก”

“เร็ว!!”

“ครับๆ” ร่างสูงขยับเข้ามาอีกนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ร่างเล็กโมโห

เจ้าจอมส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียงแล้วทิ้งตัวนอนที่นอนของตนทันที ร่างกายของทั้งสองคนสัมผัสกันอย่างช่วยไม่ได้ จนเกิดความรู้สึกว่ามีกระแสไฟฟ้าจากตัวของคนตรงข้าม

“นี่...ไม่ต้องนอนเกร็งขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ว่า”

“ผมกลัวคุณจอมนอนไม่สบาย”

“ฉันสบาย ตัวฉันเล็กกว่านายเยอะเลยนายจักร เพราะฉะนั้นผ่อนคลายแล้วนอนหลับไปซะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปหาพี่รามกับพี่อินแต่เช้านี่”

“ครับ”

“นอนไปเถอะ”

“ผมนอนไม่หลับครับ” ร่างสูงสารภาพผ่านความมืด

“ทำไม?”

“ผมตื่นเต้น ประหม่าไปหมดแล้ว การที่ได้นอนข้างๆ กับคุณจอมมันเป็นอะไรที่เกินฝันเอามากๆ แค่ตอนนั้นได้นอนเฝ้าคุณจอมอยู่ด้านล่างก็ถือว่าโชคดีแล้ว แต่นี่ได้นอนข้างๆ แบบนี้ ผมรู้สึก...มีความสุขมากครับ” จักรสารภาพออกมาด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะอ่อนโยน เรียกรอยยิ้มหวานผ่านความมืดมิดทันที

ที่เขาชอบก็ตรงที่เป็นคนซื่อตรงต่อจิตใจของจักรนี่แหละ

คิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น...

“อย่ามาเวอร์ ยกย่องฉันซะเป็นของสูงส่งมากเลยเนอะ ฉันก็แค่คนธรรมดา เป็นเจ้าจอมคนธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้สูงไปกว่าใคร และไม่ได้ไกลขนาดที่นายจะจับต้องไม่ได้”

“คุณจอมเป็นเหมือนดอกฟ้าที่หมาวัดอย่างผมอยากเอื้อมเด็ดมาไว้กับกาย แต่ก็กลัวว่าดอกฟ้านั้นจะเฉาตายเอาสักวัน”

“เปรียบได้เชยมาก” เจ้าจอมหัวเราะ เร่งจังหวะการเต้นของหัวใจกันและกันมากยิ่งขึ้น

“ผมอยากจะเด็ดดอกฟ้ามา แต่ว่าถ้าดอกไม้ไร้ต้นไม้ มันก็จะอยู่ได้ไม่นาน”

เจ้าจอมยิ้มกว้างอย่างมีความสุข หันข้างไปหาร่างสูงที่นอนหงายมองไปยังเพดานของห้อง พาดแขนเรียวกอดที่เอวสอบของจักร ทำเอาร่างกายใหญ่แข็งทื่อไปเลยด้วยความตกใจ

คุณจอมกอดมึง...ไอ้จักร! คุณจอมกอดมึง

“จะเด็ดดอกฟ้าทำไม ก็ในเมื่อตอนนี้ ทั้งต้นมาอยู่ข้างนายแล้ว”

“คุณจอม...หมายความว่าไงครับ”

“ก็ไม่ได้หมายความอะไรลึกซึ้งมาก”

“ผมไม่เข้าใจ”

“ฝากดูแลต้นไม้อย่างฉันให้ดีที่สุดด้วยก็แล้วกัน”

“ไอ้จักรไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ผมจะดูแลคุณจอมด้วยชีวิตเลยครับ” เสียงที่แสนหนักแน่นทำเอาหัวใจของเจ้าจอมรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน

ไม่รู้ว่าที่เจ้าจอมพูดหมายความว่ายังไง ให้เขาดูแลในฐานะไหน แต่ว่ามันก็เป็นหน้าที่ที่เขาอยากทำและจะทำด้วยความตั้งใจตลอดไปด้วย...







100%

 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

เจอกันตอนหน้าค่ะ (ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แหะๆ) แต่อย่าลืมเม้นท์นะตัวเอง ^^

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 100% => (2/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-11-2016 15:52:55
  :o8: :o8: :o8: อยากให้คู่รามกะอินหวานๆแบบนีบ้าง แต่คงเป็นไปไม่ได้อะนะ แค่พูดดีๆกัน 2-3 คำก็ดีแค่ไหนแระ อิอิ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 100% => (2/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 02-11-2016 17:58:53
น่ารัก จักรเป็นคนน่ารักนะ ซื้อตรงดี
ปล. รามตายยัง? 55+ #แซว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 100% => (2/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 02-11-2016 18:19:53
หาเจอเร็วๆนะ เรากลัวรามเลือดไหลหมดตัวตาย นุ้งอินของเจ้ฝันร้ายกันพอดี
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 100% => (2/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 02-11-2016 19:00:42
อ่านถึงตอนนี้แล้วขัดใจ

ตามหาพระเอกกับนายเอก

ทำได้แค่นี้เหรอ

ไหนบอกเป็นห่วง 555

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 100% => (2/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Phenol ที่ 02-11-2016 22:24:51
เรารอคู่รามอินอยู่นะ กำลังเข้มข้นคู่นั้นเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 100% => (2/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-11-2016 00:42:39
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 100% => (2/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 05-11-2016 17:40:23
พี่อินของน้อง เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 31 100% => (2/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 06-11-2016 22:42:09
 :sad4: มาแต่ล่ะตอนเหมือนจะขาดจัย   :hao5:
 :L2:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 50% => (7/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 07-11-2016 21:28:46
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 32
บาดเจ็บ




เงินนั่งมองคนรักที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้าเตรียมที่จะเอาเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเมื่อกลับจากทานข้าวเสร็จ เห็นสภาพที่เปียกปอนและเลอะโคลนของคนรักก็รู้สึกเห็นใจ

หมอหนุ่มมองตามร่างใหญ่ที่อารมณ์ไม่ค่อยดีเข้าห้องน้ำไปด้วยความเป็นห่วง เราคุยกันแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น แต่เงินก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร เกือบสิบปีที่รู้จักกันมา เจ็ดปีที่คบกัน เขารู้ดีว่าเวลาแบบนี้ควรจะทำอะไร

ถ้าขรรค์เครียด ถ้าขรรค์หงุดหงิด ถ้าขรรค์ไม่สบายใจ คนรักอย่างเงินก็ทำได้เพียงอยู่เงียบๆ นิ่งๆ รอจนกว่าคนรักจะอารมณ์เย็นขึ้นมาเองเท่านั้น ไม่เช่นนั้นอาจจะโดนพาลเอาได้ เพราะเวลาที่ร่างแกร่งเครียด เป็นเวลาที่น่ากลัวที่สุด ตอนที่อยู่กับคนอื่นน่ะขรรค์จะไม่ออกอาการหรอก แต่ถ้าอยู่กับเงิน ขรรค์สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ที่สุด

“พรุ่งนี้ช่วยปลุกขรรค์ด้วยนะเงิน” ร่างแกร่งเอ่ยขึ้นมาเมื่อขึ้นไปบนเตียงเพื่อนจะนอนพักผ่อนเสียทีหลังจากใช้เวลาอยู่กับน้ำทั้งวัน

“อื้อ...ได้ เงินจะปลุกขรรค์เอง”

การที่ขรรค์เอ่ยปากขอให้ปลุกแบบนี้แสดงว่ากำลังเหนื่อยและเพลียสุดๆ

“ขรรค์รีบนอนเถอะนะ จะได้นอนนานๆ”

“ครับ...ฝันดีนะเงิน”

“ฝันดีครับ” เงินยิ้มให้เบาๆ เมื่อมองคนรักที่หัวถึงหมอนก็หลับแทบจะทันที ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเดินไปปิดไฟก่อนจะกลับมาที่เตียง นอนตระกองกอดร่างคนรักเอาไว้ ถ่ายทอดพลังให้กับคนรักให้มากที่สุดเท่าที่จะส่งไปถึง

แม้ว่ามันจะไม่ถึง แต่เขาก็ขอที่จะทำแบบนี้ อย่างน้อยก็ขอให้กำลังใจคนที่รักเท่าที่จะทำได้

“เงินรักขรรค์นะ”

...

...



“หนาว...” เสียงแหบและสั่นดังขึ้นมาจนคนที่นั่งพิงกับตัวพนังบ้านต้องขยับเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วงคนป่วยที่เริ่มเพ้อหนักออกมา

“แล้วจะให้ทำยังไงวะ ผ้าก็มีผืนเดียว เสื้อผ้าก็ใส่อยู่” อินทัชพึมพำเบาๆ แต่ก็พยายามคิดวิธีช่วยอีกคนไปด้วย

นี่เป็นคืนที่สองที่เขาสองคนยังอยู่ที่นี่ ตะเกียงน้ำมันก็หมดไปแล้วเลยต้องทนอยู่อย่างมืดๆ ส่วนฝนก็หยุดตกไปแล้วแต่ก็มีบ้างที่ยังคงตกลงมาทิ้งท้ายประปรายไม่ถึงกับหนัก

แต่รามินทร์เองก็ยังป่วย ไม่ดีขึ้นเลย นั่นเป็นเพราะแผลที่อักเสบ สารอาหารไม่เพียงพอ บวกกับไม่ได้รับยารักษา แม้ว่าจะคอยเช็ดตัวโดยสละเสื้อของเองเป็นผ้าเช็ดตัวให้รามินทร์ ก็ไม่ได้ทำให้ความร้อนของร่างกายลดลงเลย อินทัชมีความกังวลมาก เพราะกลัวว่ารามินทร์จะเป็นอะไรหนักกว่านี้ จะออกไปเดินหาให้คนมาช่วยก็ไม่อยากทิ้งร่างสูงให้อยู่คนเดียว

“อิน...อิน” รามินทร์เพ้อเรียกชื่ออินทัช เสียงแหบพร่าที่ไม่เหมือนอย่างปกติที่ชอบเอาแต่ด่า เอาแต่ว่าและคอยหาเรื่องกัน แต่วันนี้น้ำเสียงของรามินทร์ดูทรมานสุดๆ

“อืม...กูอยู่นี่ ไม่ได้หนีไปไหน กูอยู่ข้างๆ กูอยู่กับมึง” มือขาวลูบหลังมือของรามินทร์เบาๆ เพื่อย้ำว่าเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ แม้ว่าอีกคนจะไม่รับรู้ก็ตาม

ถ้าย้อนกลับไปคิดถึงตอนที่อินทัชถูกทำร้ายจากรามินทร์แล้วก็อยากจะปล่อยให้ร่างสูงนอนซมไปแบบนั้นแหละ แต่ว่าเขาทำไม่ได้...ต่อให้รามินทร์ไม่ได้กระโดดมาช่วยเขาก็ตาม อินทัชปล่อยให้รามินทร์นอนทรมานโดยที่เขาแค่นั่งมองไม่ได้หรอก

อย่างน้อยก็ได้บุญ...

“น่ะ หนาว...ม่ะ แม่ครับ รามหนาว”

อินทัชเม้มปากอย่างคิดหนัก ก่อนจะถอนหายใจแล้วทิ้งตัวนอนกอดร่างแกร่งเอาไว้เพื่อมอบความอบอุ่นที่มีแค่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ในสถานที่และสถานการณ์แบบนี้

“ราม...ค่ะ คิดถึงแม่”

มันคงจะเจ็บปวดมากสินะกับเรื่องของแม่

“กูเชื่อ...แม่มึงเองก็กำลังมองมึงอยู่”

พรึ่บ!!

ร่างทั้งร่างถูกคนป่วยรวบเข้าไปกอดแน่น อินทัชใจเต้นแรงแต่ก็ยอมให้รามินทร์นอนกอดไปโดยไม่กลัวเลยว่าตัวเองจะติดไข้ต่อ

“อิน...อิน...”

เขาไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมมันถึงเพ้อเรียกหาเขาสลับกับแม่ของมัน แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าจิตใต้สำนึกก่อนที่มันจะป่วยไม่ได้สติ เขาอยู่กับมัน...

แต่ในความเป็นจริง มันเป็นเสียงของส่วนลึกในหัวใจของรามินทร์ ที่ร้องหาอินทัชด้วยความรู้สึกที่ก้าวข้ามเข้ามาแล้ว...

...

...

...


“น้ำไหลลงธารน้ำตกหมดแล้วก็จริง แต่พื้นดินมันลื่นนะ ให้เดินระวังๆ ก็แล้วกัน ถ้าใครไม่ไหวก็พักได้ อุปกรณ์เต็มให้พร้อม หลังกินข้าวเช้าเสร็จเราจะเดินลงไปตามคุณรามกับอินที่น้ำตกใหญ่ด้านล่าง” เหล่าลูกน้อง คนงานที่จะออกตามหาเจ้านายพยักหน้าเข้าใจพลางทานอาหารเช้าไปด้วย ส่วนขรรค์ที่ยืนพูดกำชับลูกน้องเสร็จก็ลงเดินไปนั่งทานข้าวกับจักรที่ตั้งหน้าตั้งตาซัดอาหารเช้าเพื่อเอาแรงเต็มที่

เจ้าจอมกับหมอเงินเดินเข้ามาสมทบเมื่อเห็นว่าจักรกับขรรค์พร้อมกับลูกน้องเกือบสิบคนกำลังเดินผ่านบ้านพักของรามินทร์ไปยังทางลงไปยังธารน้ำตกที่จะไหลไปตกที่ปากทางที่คนแถวนี้เรียกว่าน้ำตกใหญ่ ซึ่งทางเจ้าจอมกับหมอเงินได้นำทีมแพทย์มาเตรียมรอที่บ้านพักเรียบร้อย

“ทางนี้เรียบร้อยแล้วล่ะขรรค์”

“ขอบคุณเงินมากเลยนะ”

“อื้อ...อะไรที่ช่วยได้เงินก็จะช่วยนะ แล้วนี่จะพากันไปแล้วเหรอ” หมอหนุ่มถามคนรัก พร้อมกวาดสายตามองเหล่าคนงานที่กำลังเตรียมพร้อม บางส่วนก็เดินนำหน้าไปบ้างแล้วเพราะเราแบ่งออกเป็นสองกลุ่มแยกกันไป กลุ่มของจักรกับกลุ่มของขรรค์

“ก็จะออกไปเลย จะได้ไม่เสียเวลา เผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยทัน”

“งั้นขรรค์ก็ไปเถอะ ระวังตัวด้วยนะ”

“ขรรค์จะรีบกลับมานะครับ”

“ต้องมาอย่างไม่มีรอยขีดข่วนด้วยนะ”

“อืม...ขรรค์จะพยายามนะ”

“เดี๋ยวเงินจะรออยู่ที่นี่แหละ”

“ไปก่อนนะ” ขรรค์บอกยิ้มๆ ซึ่งหมอเงินเองก็ยิ้มให้กำลังใจคนรักไปด้วย นี่น่าจะเป็นรอยยิ้มแรกที่ขรรค์ยิ้มให้เขาหลังจากที่รู้ว่าเจ้านายของตนตกไปด้านล่าง

เงินมองตามคนรักที่เดินหายไปจากสายตาก่อนจะเดินขึ้นตัวบ้านไปพร้อมกับเจ้าจอมเพื่อรอเวลาทุกคนกลับมา และกลับมาพร้อมกับรามินทร์และอินทัช


“พี่ขรรค์ เอาจริงหรือพี่”

“เออ! เอาจริงดิวะ” ร่างสูงตอบลูกน้องเสียงหนักแน่น

“แต่มันเสี่ยงมากนะพี่”

“ไม่ต้องกังวลหรอกน่า กูคุ้นชินกับที่นี่ดี” ขรรค์พยายามทำตัวสบายๆ เพื่อให้ลูกน้องไม่ต้องเป็นกังวลที่เขาจะกระโดดลงไปด้านล่างที่เป็นธารน้ำตกขนาดใหญ่

มันเป็นแผนการที่เขากับจักรวางเอาไว้แล้วว่าจะแบ่งเป็นสองกลุ่มออกตามหา กลุ่มของจักรจะไปยังทางที่จะลงไปด้านล่างได้ แต่ค่อนข้างใช้เวลานาน ส่วนทางขรรค์กับลูกน้องอีกสองคนที่มาด้วยกันจะมาทางที่คาดว่ารามินทร์กับอินทัชตกลงไป ซึ่งจะรวดเร็วกว่า แต่ก็เสี่ยงมากกว่าเช่นกัน

“พวกมึงไม่ต้องลงไปกับกูก็ได้”

“ได้ไงพี่ จะให้พี่ไปคนเดียวได้ยังไง”

“แต่มันอันตราย ถ้ากูกระโดดลงไปแล้ว มึงสองคนรีบไปสมทบกับพวกพี่จักรได้เลยนะ”

“แต่ฉันจะกระโดไปกับพี่ด้วย แล้วให้ไอ้อ๊อดมันไปหาพี่จักรคนเดียว อย่างน้อยถ้าเราไปด้วยกันก็จะได้ร่วมมือกันได้นะพี่” ลูกน้องอีกคนเสนอ

ขรรค์ยืนคิดนิ่งๆ

“เอาแบบนั้นก็ได้ แต่มึงไหวแน่นะ” ขรรค์ถาม

“ไหวดิพี่ เห็นอย่างนี้ตอนเรียนฉันก็เรียนรด.นะ ของพวกนี้สบายมาก”

“งั้นก็ตามนี้นะไอ้อ๊อด”

“ได้เลยพี่ขรรค์”

“มึงพร้อมนะ” ขรรค์หันไปถามลูกน้องที่บอกว่าจะกระโดดด้วยเพื่อถามความพร้อม

“พร้อมพี่”

“งั้นก็ไป”

ทั้งสองเดินลงไปในน้ำที่ไหลไปยังหน้าผา ก่อนจะไหลตัวไปกับน้ำช้าๆ จนกระทั่งตกลงไป ทางลูกน้องที่ไม่ได้กระโดดเมื่อเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งไปสมทบกับกลุ่มของจักรทันที

ขรรค์ไม่ได้บอกแผนนี้กับคนรักเพราะรู้ว่าถ้าบอกเขาต้องถูกสั่งห้ามแน่ๆ เลยปิดเอาไว้เป็นความลับระหว่างเขากับจักรเพียงสองคน ที่สำคัญขรรค์ไม่อยากให้เงินไม่สบายใจและคอยแต่พะวงเป็นห่วงเขา


ทางด้านของหมอเงินที่กำลังนั่งคุยกับเจ้าจอมอยู่ก็เกิดรู้สึกใจหายขึ้นมาแวบหนึ่งแต่ก็หายไปเหมือนกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

“อ๊ะ!!”

“เป็นอะไรครับพี่เงิน”

“เปล่าครับ พี่แค่รู้สึกแปลกๆ”

“เป็นห่วงพี่ขรรค์หรือครับ” เจ้าจอมถาม

จะว่าเป็นห่วงมันก็เป็นห่วงนะ ไม่มีใครไม่เป็นห่วงคนรักของตัวเองหรอก ยิ่งป่าที่ยังเปียกชื้นอยู่ก็ยิ่งอันตราย ทั้งสัตว์ ทั้งทางที่ลื่น

“ครับ...ก็เป็นห่วงครับ แล้วน้องจอมล่ะ เป็นห่วงจักรล่ะสิ”

“จะว่างั้นก็ถูก แต่จอมก็เป็นห่วงพี่รามกับพี่อินด้วย”

“ขรรค์กับจักรต้องพาคุณรามกับอินกลับมาอย่างปลอดภัยได้แน่ๆ ครับ”

“ครับพี่เงิน...แต่ว่า...” เจ้าจอมมีท่าทางที่ดูจะลังเลและสับสน จนหมอเงินรู้สึกได้ว่าคนตัวเล็กกว่าเหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่ยอมพูดเสียที

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“คือว่า...จอม จอมอยากจะติดต่อไปหาคุณธีร์น่ะครับ” เจ้าจอมยอมบอกออกมา

“คุณธีร์? ใครครับ” จะว่าคุ้นๆ มันก็คุ้น แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินชื่อนี้มากจากไหน แล้วคนชื่อธีร์ก้มีหลายคนที่เขาเคยเห็น เคยรู้จัก

“เพื่อนสนิทของพี่อิน จอมคิดว่า มันเกิดเรื่องอันตรายแบบนี้แล้ว พี่อินควรจะกลับไปสักที อยู่ไปก็มีแต่เจ็บ ก็มีแต่อันตราย”

“พี่ก็เห็นด้วยนะครับน้องจอม แต่ว่าตอนนี้เรายังไม่เห็นอินเลยนะครับ ให้เราได้เจอก่อน แล้วเจ้าจอมจะโทรบอกคุณธีร์ยังไงก็ได้ เพราะพี่เชื่อว่าคุณรามก็คงจะพอแล้วเหมือนกัน”

“งั้นจอมจะติดต่อไปวันหลังก็ได้ครับ”

“ครับ”



“แค่ก แค่ก อึก”

เสียงไอจากการสำลักน้ำของขรรค์กับลูกน้องดังขึ้นไล่เลี่ยกันเมื่อโผล่ขึ้นเหนือน้ำได้อย่างปลอดภัย ไม่เจอโขดหินก็นับว่าโชคดี แม้ว่าจะเจ็บจากการกระทบกับน้ำอย่างแรงก็ตาม

“ไปทางไหน อึก ต่อล่ะพี่”

“ทั้งนั้น...มันจะมีบ้านพักเก่าๆ อยู่หลังหนึ่ง” นิ้วแกร่งชี้ไปยังทิศทางที่บ้านหลังนั้นอยู่ ก่อนจะพากันว่ายน้ำแล้วก็ขึ้นไปยืนบนบกได้สำเร็จ

“ให้ตายสิ ฝนตกหนักขนาดนั้นมันก็ลบร่องรอยหมดแล้วน่ะสิ” ขรรค์บ่นเมื่อพยายามมองหาร่องรอยของคนตามพื้น แต่ก็ไม่เจออะไรผิดปกติเลย

“ลองไปบ้านหลังนั้นเลยไหมพี่”

“เออๆ กูก็ว่างั้นแหละ”

“พี่ขรรค์ ประมาณกี่นาทีที่กลุ่มพี่จักรจะมาถึงข้างล่างน่ะพี่”

“ประมาณสิบห้านาทีคงมาถึง แต่ว่าทางโดนน้ำป่าคงจะใช้เวลาเคลียทางนานพอสมควร”

ขรรค์เดินนำลูกน้องไปยังบ้านพักร้างเก่าๆ ที่เคยเป็นสถานที่พักผ่อนของรามินทร์ด้วยความชำนาญ และเมื่อเดินไปถึงหน้าบ้าน เห็นเสื้อของคนตากอยู่ก้ใจชื้น มั่นใจแล้วแน่ๆ ว่าเจ้านายตนต้องอยู่ที่นี่

“พี่ขรรค์ๆ มีคนอยู่พี่”

“คุณราม!!! คุณรามครับ คุณรามอยู่ในบ้านหรือเปล่าครับ ผมขรรค์เองนะครับ!!!” ร่างใหญ่ตะโกนเรียกเจ้านายทันที สองเท้าก็ตรงไปยังทางบันไดขึ้นบ้าน และทันทีที่เท้าแตะที่บันไดขั้นแรก อินทัชก็เดินออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอิดโรยแต่แววตาก็สะท้อนความยินดีเอาไว้

“ขรรค์...” เสียงของอินทัชแหบแห้ง

“อิน...นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“อือ...ฉันไม่เป็นอะไร แต่ไอ้รามน่ะสิ”

“คุณรามเป็นอะไร!!” ถามไปอย่างร้อนใจทันที

“มันบาดเจ็บและตอนนี้ก็ไข้สูงมาก ต้องรีบพาไปหาหมอด่วนเลย” อินทัชบอก ซึ่งขรรค์ก็รีบตรงเข้าไปหาเจ้านายในตัวบ้านทันที และพอเห็นสภาพของเจ้านายเขาก็ยิ่งรู้สึกแย่

อยากจะพาเจ้านายไปซะตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้ เพราะถ้ากลุ่มของจักรยังมาไม่ถึงที่นี่แสดงว่าทางยังเคลียไม่เสร็จ และนั่นมันจะเป็นอุปสรรคในการพาเจ้านายไปพัก

“คุณราม คุณรามครับ”

“มันไม่รู้สึกตัวหรอก รีบพามันไปเถอะ”

“ไม่ได้ ต้องรอพวกพี่จักรมาถึงก่อน”

“แต่มันกำลังจะแย่” อินทัชเถียงเสียงเครียด

“รู้...แต่ถ้าพี่จักรยังมาไม่ถึง เราก็ไปไม่ได้ เพราะพี่จักรกำลังเคลียร์เส้นทางให้อยู่” ขรรค์ชี้แจงด้วยเหตุผล มองร่างของเจ้านายด้วยความเป็นห่วง

“อีกนานแค่ไหน”

“ไม่รู้”

เป็นคำตอบที่อินทัชไม่อยากจะได้ยินเท่าไหร่ นอกจากอยากจะให้รามินทร์ได้รับการรักษาและดูแลจากหมอแล้ว เขาเองก็ต้องการที่จะพักผ่อนด้วยเช่นกัน

อินทัชไม่ได้นอนมาสองคืนแล้ว...

ขรรค์สั่งให้ลูกน้องคนที่มาด้วยไปยืนรอจักรที่ปากทางเพื่อบอกข่าวเรื่องที่เจอรามินทร์กับอินทัชแล้ว และให้เร่งมาช่วยกันพาร่างของเจ้านายกลับไปยังด้านบนด้วย ไม่นานจักรก็มาถึงด้วยความรวดเร็วกว่าที่คิด ร่างสูงมองอินทัชด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง แต่เจ้าเพื่อนตัวดีกลับยิ้มให้เสียอย่างนั้น

“มึงยิ้มอะไร” จักรถามเสียงเครียด ไม่ได้รู้สึกอยากจะยิ้มตามคนตรงหน้าเท่าไหร่ แต่ก็ดีใจที่เห้นว่าอินทัชยังคงปลอดภัยดี

“กูดีใจ”

“ดีใจบ้าอะไร มึงรู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนและเป็นห่วงขนาดไหน” จักรต่อว่า แววตาและสีหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงความขี้เล่นเหมือนอย่างเคย

“ขอโทษ...”

“มึงได้ไถ่โทษแน่อิน แต่ตอนนี้เราต้องกลับไปก่อน มึงดูไม่ไหวแล้ว”

“กูไหว พวกมึงไปช่วยกันพาไอ้รามไปเถอะ กูเดินตามได้”

“แน่ใจนะ” จักรถาม

“อือ...”







50%

 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

   จริงๆ การกระโดดจากน้ำตกมันก็ไม่ได้อันตรายเท่าไหร่ ถ้ารู้มุม ยิ่งพวกที่ชอบอะไรผาดโผนด้วยแล้วก็ไม่น่าเป็นไร แต่ตอนที่อินกับรามตกลงมามันเป็นตอนน้ำพัดให้พาไป ไม่ได้ตรียมพร้อมที่จะโดด ความสูงก็ถือว่าสูงมากนะ แต่ยูกิไปดูคลิปมาก็ โอเค กระโดดได้ ไม่เวอร์ไป ฮ่าๆ เจอกันครึ่งหลังนะคะ นี่เป็นตอนที่ 32 ครึ่งเรื่องแล้วจ้า
   มีอะไรพูดคุยสอบถามได้ที่แฟนเพจค่า https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 50% => (7/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 07-11-2016 22:16:41
จักรจอมเท่านั้น ตอนนี้ขอให้รามหายป่วยก่อน  :katai4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 50% => (7/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 07-11-2016 23:26:55
โอ๊ยยลุ้นน รีบๆพากลับไปเล้ยยยย จะตายกับรามอยู่ล่ะ ไข้ป่าแดกแล้ว แผลติดเชื้ออีก แต่ก็ดีที่หาเจอสักที อิอิ!! ^^ โล่งไปเปราะนึง ตื่นมาจะว่ายังไงละเนี้ยรามมมมมมม เอาไงกับอินดี รอฟื้นก่อนนะค่อยว่ากัน เป็นอะไรที่อยากอ่านยาวๆ เยอะๆ มันค้าง 5555555 //รอๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 50% => (7/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-11-2016 23:48:15
 :z3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 50% => (7/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-11-2016 01:48:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 50% => (7/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-11-2016 06:05:05
อินจะไหวหรือเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 50% => (7/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 08-11-2016 08:55:37
เปลี่ยนพี่ ขรรค์เป็นพระเอก ได้ไหมคะ เหมาะสมทุกอย่าง :-[
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 50% => (7/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 08-11-2016 12:35:30
โทรหาธีร์เลยจอม
พาอินกลับไปพักกายพักใจ
ให้รามสูญเสียและเจ็บปวดหน่อย
อยากได้ดราม่ารามมมมมมมมมม!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 50% => (7/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 08-11-2016 20:14:19
 :pig4: รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 50% => (7/11/59) P.19 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-11-2016 06:58:14
คิดถึงรามอินทร์แล้วอะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 100% => (14/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 14-11-2016 12:09:47
ตอนที่ 32 ครึ่งหลัง





UP


โชคดีที่เตรียมเปลหามมาด้วยเผื่อต้องใช้ และก็เป็นอย่างนั้นเมื่อคนที่ได้ใช้คือรามินทร์ที่นอนหน้าซีด ตัวสั่นไม่ได้สติอยู่แบบนั้น อินทัชสวมเสื้อคลุมของจักรที่สละให้แทนเสื้อที่สภาพขาดวิ่นและยังไม่แห้งเพราะต้องใช้เช็ดตัวให้กับรามินทร์อยู่ตลอด ร่างกายที่แสนอ่อนล้าฝืนเดินตามเพื่อนอย่างจักรไป โดยที่ข้างหน้าก็มีลูกน้องแบกร่างของรามินทร์เดินไป

“นายไหวแน่นะ” ขรรค์ถามขึ้น

“อืม...ไหว”

“แต่กูว่าหน้ามึงซีดๆ นะอิน ให้กูแบกไหม” จักรถามอย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร กูเดินเองได้”

อินทัชยังคงฝืนบออกไปเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ตาก็พร่ามัว ร่างก็เริ่มโงนเงน ความอ่อนเพลียที่สั่งสมมาหลายวันก็ทำให้ร่างโปร่งหมดสติไปทั้งๆ ที่เดินได้ไม่ทันเท่าไหร่

ขรรค์เห็นว่าร่างของอินทัชกำลังหงายหลังลงไปเพราะตรงนี้มันเป็นทางเดินขึ้น ถ้าล้มลงไปในท่าหงายหลักมีหวังได้รับอันตรายมากแน่ๆ ร่างกายเลยไปก่อนความคิด ขรรค์รีบคว้าแขนของอินทัชเอาไว้ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะล้มไป แต่ขาของขรรค์กลับยึดเอาไว้ไม่ได้เพราะพื้นมันลื่นเลยทำให้ร่วงลงไปทั้งคู่ แต่ร่างแกร่งกว่าเอาร่างตัวเองรองไว้ด้านล่างเพื่อไม่ให้อินทัชได้รับบาดเจ็บ จนศีรษะกระแทกกับต้นไม้ใหญ่เข้าอย่างแรง

“โอ๊ย!!”

“เฮ้ย!! ไอ้ขรรค์ ไอ้อิน!!!” จักรร้องเรียกอย่างตกใจก่อนจะวิ่งลงไปช่วยด้วยความระมัดระวัง เหล่าลูกน้องที่ไม่ได้แบกรามินทร์เองก็รีบลงไปช่วยทันที

“เป็นไรไหมวะ”

“ช่วยยกอินขึ้นไปหน่อยพี่” ขรรค์ร้องขอ

“เออๆ พวกมึง มาช่วยยกไอ้อินหน่อยดิวะ เดี๋ยวกูจะดูไอ้ขรรค์มัน”

“ได้พี่!!”

ร่างของอินทัชที่นอนหมดสติอยู่ถูกคนงานยกขึ้นมาแล้วให้ขึ้นขี่หลังของคนงานคนหนึ่ง แล้วค่อยสลับกันเมื่อเหนื่อย

“หัวมึงแตกว่ะขรรค์” จักรบอกเสียงเครียด มือแกร่งของขรรค์เอามือแตะตรงจุดที่เจ็บเบาๆ ก่อนจะชักกลับมาดูก็พบว่ามีเลือดไหลค่อนข้างเยอะ ความเจ็บแล่นไปทั่วศีรษะ

“เจ็บว่ะ!!”

“ไม่เจ็บก็แปลกแล้ว มา กูช่วยประคอง” จักรช่วยประคองร่างของขรรค์ให้ลุกขึ้นมายืนอย่างยากเย็นเพราะน้ำหนักตัวที่เยอะของขรรค์เอง

“ต้องห้ามเลือดอะไรไหมวะเนี่ย”

“จริงๆ มันก็ต้องทำแหละพี่ แต่ว่ารีบไปเถอะ ค่อยให้หมอดูให้ทีเดียวเลย” ขรรค์ว่า

“งั้นก็เดินต่อ พวกมึง!! เดินต่อเลย ระวังๆ นะเว้ย เดี่ยวลื่นกันอีก” จักรตะโกนสั่งทุกคน ซึ่งด้านหน้าขบวนก็ออกเดินกันอีกครั้ง

เดินไปได้ประมาณห้านาที ทุกคนก็เริ่มเหนื่อย เนื่องจากมันเดินขึ้นไม่ใช่เดินลง แถมยังมีบางคนต้องแบกรามินทร์กับอินทัชอีก ก็เลยหยุดพักตามจุดที่พอพักได้เรื่อยๆ

“เลือดมึงไม่หยุดเลยว่ะ ไหลจะหมดตัวแล้วเนี่ย”

“งั้นก็รีบเดินเถอะพี่ คุณรามกับอินก็ต้องเจอหมอนะ”

“เออๆ งั้นมึงมาประคองไอ้ขรรค์ เดี๋ยวกูไปแบกไอ้อินต่อเอง” จักรหันไปพูดกับคนที่แบกอินทัชอยู่ ซึ่งลูกน้องคนนั้นก็พยักหน้ารับอย่างไม่ขัด

จักรเอาร่างของเพื่อนขึ้นบนหลัง ก่อนจะเดินทางกันต่อ ซึ่งใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการขึ้นไปถึง พอไปถึงเจ้าจอมกับหมอเงินก็วิ่งมาทันทีตามด้วยทีมแพทย์ที่มาด้วย

“พี่ราม!!! พี่รามเป็นอะไร” เจ้าจอมถามอย่างกังวลที่เห็นร่างของพี่ชายนอนแน่นิ่ง ใจเริ่มเสีย คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าพี่ชายเสียชีวิตแล้ว

“คุณรามไม่สบายครับ หมอครับ ช่วยดูอาการหน่อยนะครับ”

“ได้ครับๆ เดี๋ยวนำคุณรามไปที่ห้องได้เลยนะครับ ตามหมอมาเลย” หมอจากโรงพยาบาลคนหนึ่งพูดบอกก่อนจะเดินนำลูกน้องที่ทำหน้าที่แบกรามินทร์ตามไปในตัวบ้าน ส่วนหมอเงินรอดูอินทัช เพราะหมอมาที่นี่เพียงสองคน นอกนั้นจะมีพยาบาลอีกสี่คน

“พี่อินล่ะ อยู่ไหน”

“พี่จักรกำลังพามาครับ”

“นายจักร พี่อิน!!!” ร่างเล็กเห็นว่าจักรมาพร้อมกับอินทัชที่อยู่บนหลังก็เดินเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง

“อินเป็นอะไรน่ะจักร” หมอเงินถาม

“หมดสติน่ะครับ คิดว่าน่าจะเพลีย และมีไข้หน่อยๆ ด้วย” จักรตอบไป

“งั้นพาไปที่ห้องเล็กได้เลยนะจักร เดี๋ยวหมอตามไป” เงินบอกให้จักรพาอินทัชไปที่ห้อง โดยมีเจ้าจอมเดินนำไป ส่วนเงินก็รอคนรักเพื่อรอดูว่าขรรค์ปลอดภัยหรือเปล่า

“เงิน...”

“ขรรค์!! หัวเป็นอะไร ทำไมเลือดไหล” ร่างโปร่งวิ่งไปหาคนรักทันทีที่เห็นว่ามีคนประคองขึ้นมา เมื่อเห็นว่าศีรษะเต็มไปด้วยเลือดก็ถามอย่างกังวลและเป็นห่วง

“หัวแตกน่ะ”

“พาไปในบ้านเลย เดี๋ยวเงินจะดูแผลให้” เงินบอกคนงานอย่างเร่งรีบ ลืมไปเลยว่าตัวเองต้องไปดูอาการของอินทัชที่จักรพาไปที่ห้องแล้ว

“เงินไปดูคุณรามกับอินเถอะ เดี๋ยวแผลนี่ให้พยาบาลดูก็ได้” จักรที่พอนั่งลงบนโซฟาในตัวบ้านพักของรามินทร์ก็บอกคนรักไปทันที ซึ่งร่างโปร่งก็มีทีท่าลังเล เพราะอยากจะดูแผลให้คนรักเองมากกว่า แต่อินทัชที่อยู่ในห้องก็น่าเป็นห่วงพอๆ กัน

“หมอเงินคะ คนไข้ห้องเล็กดาได้ให้น้ำเกลือแล้วค่ะ คนไข้แค่ร่างกายอ่อนเพลียกับไข้ขึ้นค่ะ รอให้หมอเข้าไปตรวจเพิ่มเติมเผื่อเจออะไรแทรกซ้อนค่ะ” พยาบาลเดินออกมาพูดกับหมอเงิน ซึ่งร่างโปร่งก็พยักหน้ารับน้อยๆ

“ตอนที่ไปเจอกับทั้งสองคน อินยังมีสติใช่ไหมขรรค์” เงินถามคนรัก

“ใช่ ยังมีสติอยู่”

“งั้นคุณดาเข้าไปดูคนไข้นะครับ เดี๋ยวผมตามเข้าไป ขอดูแผลคนนี้ก่อน”

“ได้ค่ะ”

“เดี๋ยวเงินดูแผลให้” ขรรค์พยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะหันไปบอกลูกน้องที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ “มึงออกไปบอกให้คนอื่นๆ ไปกินข้าวแล้วก็กลับไปพักผ่อนได้เลย พรุ่งนี้ก็ทำงานปกติ”

“ครับพี่ขรรค์”

เมื่ออยู่กันสองคนในห้อง เงินก็เดินไปหยิบอุปกรณ์มาแล้วเริ่มดูแผลของขรรค์ด้วยสายตาที่เรียบเฉย แต่ในใจกลับรู้สึกเจ็บแทนจนอยากจะร้องไห้ หากแต่เขาเขาคือหมอ เพราะฉะนั้นจะอ่อนแอไม่ได้

“ไปทำท่าไหนให้ได้แผลขนาดนี้ ต้องเย็บรู้ไหมขรรค์”

“ก็ดีแล้วนี่นาที่ไม่เป็นอะไรมากกว่านี้ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ”

“ขรรค์สัญญาแล้วว่าจะดูแลตัวเองดีๆ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

“มันเป็นอุบัติเหตุ แล้วถ้าขรรค์ไม่ช่วยเอาไว้ อินจะได้รับบาดเจ็บนะ แค่นั้นร่างกายของอินก็แทบจะไม่ไหวแล้ว ถ้าต้องมาเจ็บตัวแบบนี้อีก คงจะบาดเจ็บหนักเลย”

“เงินดีใจนะ...ที่ขรรค์เป็นคนแบบนี้” เงินยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจในความในกว้างและเสียสละของคนรัก แม้ว่าจะเจ็บตัวกลับ หากแต่เป็นการช่วยเหลือผู้อื่น เงินก็ยินดี

“เจ็บมากไหม”

“เจ็บ...” ตอบออกไปเบาๆ ว่าเจ็บ แต่สีหน้าก็ยังคงเรียบนิ่งอยู่ดี ราวกับว่ารู้สึกเฉยๆ กับความเจ็บปวดนี้

“ถ้าเงินทำแผลเสร็จแล้ว พรุ่งนี้จะพาไปเอ็กซเรย์สมอง ว่ามีอะไรกระทบกระเทือนหรือเปล่านะ”

“ไม่ต้องก็ได้ ขรรค์ว่ามันไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอก” ร่างแกร่งปฏิเสธ

“ไม่ได้! อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของเงินนะ” หมอเงินเอ่ยขอร้องด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ค่อนข้างกังวล เพราะกลัวว่าสมองจะได้รับกระทบกระเทือนหนัก

“ก็ได้ๆ เพื่อความสบายใจของเงิน ขรรค์จะไปให้หมอตรวจก็แล้วกัน”

“ขอบคุณนะ”

มือขาวของหมอเงินพยายามเช็ดเลือดออกจากบาดแผลเบาๆ เพื่อที่จะทำการเย็บปากแผลต่อไป

“งั้นเดี๋ยวเงินขอฉีดยาชาให้จะได้เย็บแผล”

เงินระมัดระวังมากกับการทำแผลให้คนรัก โชคดีที่แผลไม่ใหญ่มาก และเมื่อเสร็จแล้วก็พันผ้ารอบศีรษะเอาไว้เพื่อป้องกันน้ำและฝุ่นละออง

“เสร็จแล้ว แต่เดี๋ยวขรรค์นอนพักตรงนี้ก่อนก็ได้ เงินจะเข้าไปดูอาการของอินกับคุณรามก่อน แล้วจะให้คุณดาเอายาแก้ปวดมาให้กินด้วย”

“อืม...ขรรค์จะรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน”

“ครับ”

ขรรค์เห็นคนรักเดินเข้าไปในห้องนอนเล็กก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ การแสร้งทำเป็นเฉยๆ เหมือนไม่เจ็บต่อหน้าคนรักเป็นอะไรที่ทรมานมาก ตอนนี้เขาเลยได้แต่นั่งทำหน้าเจ็บปวดสุดๆ


วันต่อมา ขรรค์เข้ามาในตัวโรงพยาบาลพร้อมกับหมอเงินคนรักที่มีเวรตอนเช้าพอดี ส่วนรามินทร์กับอินทัชก็มีเจ้าจอมกับจักรคอยดูแลอยู่

“อ้าวหมอเงิน ทำไมวันนี้มาก่อนเวลาล่ะคะ”

“พอดีพาคนมาเอ็กซเรย์สมองน่ะครับ เมื่อวานเอาหัวไปกระแทกกับต้นไม้มา” หมอเงินตอบพยาบาลที่นั่งประจำที่เคาท์เตอร์

“ตายจริง ทำไมซนล่ะคะ”

“ฮ่าๆ ขอตัวนะครับ” เงินหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าขรรค์เริ่มชักสีหน้ากับคำว่า ‘ซน’ ของพยาบาลคนนั้น เพราะนั่นมันหมายความว่าเขาเป็นเด็กคนหนึ่งเลยนะ

และขรรค์ไม่ชอบให้ใครมาว่าตัวเองเด็กเท่าไหร่

“ต้องรอหมอเข้าตอนสิบเอ็ดโมงน่ะ บอกแล้วว่าไม่ต้องมา ถ้ารอก็อีกหลายชั่วโมงเลยนะ ไปนั่งรอที่ห้องพักเงินไหมล่ะ”

“ได้เหรอ”

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

“งั้นก็ไปรอที่ห้องของเงินก็ได้”

“ครับ ตามมาเลย”

ร่างโปร่งพาคนรักไปยังห้องพักแพทย์ของตน ซึ่งจะเอาไว้ใช้ยามที่ตัวเองอยากจะพักระหว่างไม่มีเคสหรือไม่มีตรวจคนไข้ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ใช้พักเท่าไหร่ ส่วนมากจะไว้เปลี่ยนชุดกับไว้ของเท่านั้น

“ห้องดูธรรมดามาก”

“ก็ธรรมดาน่ะสิ โรงพยาบาลนะ ไม่ใช่โรงแรม ขรรค์นี่ก็ถามแปลกๆ เอาเป็นว่าขรรค์นั่งรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวประมาณสิบโมงเงินจะมาหาโอเคนะขรรค์”

ร่างโปร่งหยิบเสื้อกาวน์มาสวม ส่องกระจกตรวจดูความพร้อมของตัวเองแล้วหันมามองคนรักที่ยืนมองตนอยู่ก่อนจะยิ้มให้คนตัวสูง

“มองเงินทำไม”

“เปล่า...”

“หึหึ อยากถอดเสื้อกาวน์เงินออกหรือ” ยักคิ้วถามกวนๆ

“อืม...ก็อยาก”

“ตอบตรงไปแล้วขรรค์” ร่างโปร่งส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนรักที่อยู่ในชุดธรรมดาๆ ที่ดูแตกต่างกับชุดฟอร์มของเขาเหลือเกิน

“เอาไว้หัวหายดีก่อนเถอะ ค่อยมาถอด”

ตอนที่เคยอยู่ด้วยกันเมื่อตอนเรียน เงินมักจะไม่ชอบเอาเสื้อกาวน์กลับมาที่ห้องเท่าไหร่ถ้าไม่ต้องซัก เพราะขรรค์จะชอบขอร้องให้ใส่ชุดกาวน์ให้ดูแล้วก็ถอดออกจนไปเรียนแทบจะไม่ไหวตลอดเลย ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก หลังๆ ก็เพิ่งจะมารู้ว่าคนรักของตัวเองชอบเขาตอนอยู่ในชุดกาวน์แบบนี้

กับคนอื่นไม่เป็นหรอก เป็นแต่กับเงินคนเดียว

“ไม่เอาน่า อย่ามองเงินด้วยสายตาแบบนี้สิ”

“ขรรค์...”

“งั้นเดี๋ยวเงินรีบออกไปดีกว่า อยู่ตรงนี้เริ่มจะไม่ปลอดภัยแล้ว” ร่างโปร่งว่าด้วยสีหน้าทะเล้นๆ ก่อนจะเดินผ่านร่างคนรักเพื่อจะออกไปจากห้องนี้ แต่ดูเหมือนว่าร่างแกร่งจะไม่ยอมให้ไป เพราะทันทีที่เงินเดินผ่านไป เขาก็หันหลังกลับแล้วกอดร่างนั้นจากข้างหลังทันที

หมับ!!

“อ๊ะ ขรรค์...อย่าสิ”

“เงิน...” เสียงทุ้มแหบพร่าดังเบาๆ ที่ข้างหูทำเอาขนลุกชันไปด้วยความสยิว

“เดี๋ยวก่อนขรรค์...เงินจะไปทำงาน ขรรค์อย่าดื้อสิ” มือขาวแกะแขนแกร่งที่โอบรอบเอวออกแต่ก็ไม่สำเร็จ และเหมือนว่าขรรค์จะไม่มีสติอะไรหลงเหลืออยู่แล้ว ในเมื่อภาพที่เขาไม่ได้เห็นมานานมันกลับได้เห็นอีก

ที่ผ่านมาก็เห็นคนรักในชุดกาวน์บ่อยๆ แต่นั่นไม่ได้เห็นตอนใส่นี่นา ขรรค์จะมีอารมณ์แบบนี้ก็ตอนที่เห็นตอนใส่เท่านั้น เพราะมันกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากจะเป็นคนถอดมันออกจากตัวคนรัก แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วเขาก็รู้สึกกับเงินตลอดเวลานั่นแหละ แต่ก็ทำเอาแต่ใจเหมือนแต่ก่อนมากไม่ได้ ด้วยหน้าที่การงานของเงินแล้ว

“ขรรค์อยากทำ”

“ขรรค์...หยุดก่อน โอเคๆ เรามาตกลงกันก่อนดีกว่านะ เย็นนี้นะขรรค์ อื้อ...ตอนเย็น เงินจะกลับไปใส่ให้ดูที่บ้านนะ แต่ตอนนี้ปล่อยก่อน นี่มันที่ทำงานของเงินนะขรรค์” เหมือนว่าร่างแกร่งไม่ได้ฟังคนรักพูดเลย ใบหน้าซุกไซ้ที่ซอกคอของคนรัก ส่วนมือก็พยายามที่จะสอดเข้าไปในเสื้อเชิ้ตด้านในให้ได้

“นิดเดียวนะ แป๊บเดียวจริงๆ”

ตอนที่ขรรค์มีอารมณ์แบบนี้มันยากที่จะบอกให้เจ้าตัวหยุด เพราะขรรค์เป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ห่างหายจากเรื่องพวกนี้มานาน และตั้งแต่กลับมาพบกันเราก็เพิ่งมีอะไรกันไปได้แค่ครั้งเดียว และนั่นมันก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของขรรค์หรอก เงินรู้ แต่ว่าเราเองก็โตๆ กันแล้ว ฉะนั้น มันยังมีหน้าที่การงานที่เราต้องนึกถึง

“ขรรค์อย่าต่อรองสิ นะๆ ทำที่นี่ไม่เหมาะจริงๆ”

“แต่ว่า...”

“ถ้าขรรค์ยอม ตอนเย็นเงินยอมตามใจขรรค์ทุกอย่างเลย” ร่างโปร่งยื่นเอ่ย ทำเอาร่างสูงกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ขรรค์ถอนหายใจแล้วค่อยๆ ปล่อยคนรักให้เป็นอิสระ

ก็ไม่ได้จะทำที่นี่อยู่แล้ว แต่กำลังรอประโยคเมื่อกี้อยู่ต่างหาก

ใครว่าขรรค์เจ้าเล่ห์ไม่ได้ ความเจ้าเล่ห์ของขรรค์มีมาก แต่แค่ไม่เคยแสดงออกมาให้ใครได้รับรู้เท่านั้น แม้แต่คนรักอย่างเงินเองก็ไม่เคยรู้หรอกว่าคนนิ่งๆ อย่างขรรค์ก็ร้ายลึกเช่นกัน

“ไปทำงานก่อนนะ”

พอคนรักออกไปแล้ว ขรรค์ก็ยิ้มออกมาอย่างสุขใจ

“อย่าลืมสัญญาก็แล้วกัน”

ผ่านงานเหนื่อยๆ มา อย่างช่วงพายุเข้า ไหนจะตามหาเจ้านายอีก แม้ยังไม่ถึงวันหยุดก็อยากจะทำมันจริงๆ จะได้เรียกพลังในการทำงานกลับคืนมาด้วย...

“หึหึ”






100%


 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:


   ช่วงนี้อัพช้า แล้วก็อาจจะหายไปบ่อยๆ หน่อยนะคะ งานเยอะมากจริงๆ ค่ะ ทั้งงานที่ต้องส่งอาจารย์ ทั้งเดี่ยว ทั้งกลุ่ม แล้วก็ต้องทำรูปเล่มด้วย ทุกวันนี้ยูกิได้นอนวันละสามถึงสี่ชั่วโมงเอง เพราะฉะนั้นยูกิจะมาอัพก็ต่อเมื่ออยากรีแลกซ์จริงๆ เพราะยูกิจะเป็นคนที่ถ้างานไม่เสร็จจะไม่ไปยุ่งกับอะไรเลย ขอให้เข้าใจกันนะคะ
   

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 100% => (14/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-11-2016 12:56:03
กร๊ด เค้าก้ออยากเห็นขรรค์ถอดชุดกาวน์เงินเหมือนกันนะ
แค่คิดก้อเขิลละเนี่ย 555+
ปล.รามกับอินทร์หายป่วยไวๆนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 100% => (14/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-11-2016 13:11:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 100% => (14/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-11-2016 13:12:31
ก็นึกว่าจะเจ้าเล่ห์ไม่เป็นซะอีก  o13
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 100% => (14/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 14-11-2016 15:51:09
ขรรค์ ชอบคนในยูนิฟอร์มก็ไม่บอกนะ
หื่นได้น่ากลัวมากนะ ถ้าเราเป็นเงินก็ยอมอะ อิอิอิ
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 100% => (14/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 14-11-2016 16:07:30
สู้ๆนะ ยูกิ เรารอเสมอ5555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 100% => (14/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 14-11-2016 21:54:11
อื้ออออออศึกครั้งหน้าฟ้าเหลืองแน่หมอเงิน หู้ววว!!คึกในเครื่องแบบนี้หว๊า!ทำเอาตรูหื่นตามเลย!! *สำรองเลือดด่วนๆ* 555555  //เอออออออโล่งที่พา #อินราม กลับมาได้สักที ต่างเพลียต่างสลบ รอฟื้นต่อไป ค่อยว่ากันนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 100% => (14/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 15-11-2016 16:56:04
 :hao7: ไม่เจ้มจ้น เร้ามายนอน  :jul3: เอาอีกๆ ๆ ๆ ๆ ล้านตัวไปเบย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 100% => (14/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 15-11-2016 20:52:20
ว่าแต่พระเอก

กับนายเอกเป็นยังไงบ้าง


ปลอดภัยแล้วหรือยัง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 100% => (14/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-11-2016 00:37:14
 o13
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 32 100% => (14/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 26-11-2016 00:16:56
แอบมานั่งรอยูกิจ้าาาา
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 50% => (28/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 28-11-2016 20:55:06
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 33
ตกหลุมรัก




อินทัชได้นอนหลับเต็มอิ่มถึงสองวันจนหมอเงิน ขรรค์ จักร และเจ้าจอมถึงกับเป็นกังวล เพราะขนาดคนที่ป่วยหนักมากๆ อย่างรามินทร์ยังมีสติตื่นมากินข้าว กินยาได้ แต่อินทัชหลับยาวไปสองวันเต็มๆ แบบไม่ตื่นขึ้นมาเลยสักครั้ง เล่นเอาทุกคนต้องจัดเวรมาเฝ้า

ร่างสูงที่ได้พักผ่อน ได้ทานยาและได้รับการดูแลที่ดีจากหมอก็ฟื้นไข้ไวแต่ก็ยังคงรุมๆ อยู่แต่ไม่มากแล้วพอลุกขึ้นมาช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว

“อินมันเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ยังไม่ตื่นเลยฮะ” เจ้าจอมตอบ พลางยื่นยาหลังอาหารให้กับพี่ชาย

ร่างสูงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนั้น เมื่อวานก็ถามหารอบหนึ่งแต่ก็ยังไม่ตื่น วันนี้ก็ยังไม่ตื่น

“มันไม่ได้เป็นอะไรมากแน่นะ”

“ฮะ...ก็แค่ร่างกายอ่อนเพลีย ทำไมครับ พี่รามเป็นห่วงเหรอ” เจ้าจอมถามนิ่งๆ

“อืม...ก็มันเป็นคนที่ดูแลพี่ตลอดเลยนี่ พี่ก็ต้องเป็นห่วงมัน...”

“ดีแล้วที่พี่รามคิดได้ จอมคิดว่าวันนี้พี่อินคงจะตื่นแล้วล่ะ อ้อ! จริงสิฮะ รู้สึกจะมีเอกสารจากโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่พี่รามร่วมหุ้นมาเมื่อวานด้วย”

“เอกสารอะไร”

“เป็นเอกสารเชิญประชุมนี่แหละ จอมเปิดอ่านให้แล้ว วันนี้ตอนบ่าย แต่พี่รามคงไปไม่ไหวหรอก โทรไปลาได้ไหมฮะ” ร่างเล็กถามพี่ชาย

“จอมช่วยเป็นธุระให้พี่หน่อยได้ไหม มันเป็นการประชุมที่ขาดไม่ได้ แล้วพี่จะบอกเพื่อนพี่ให้ว่าจะให้เราไปแทน พาจักรมันไปด้วยก็ได้ สรุปวาระที่ประชุมมาให้พี่ด้วยนะ”

“ก็ได้ฮะ เดี๋ยวจอมไปให้ แล้วแบบนี้ใครจะดูแลพี่อินล่ะ วันนี้พี่ขรรค์กับพี่เงินก็ไม่อยู่ด้วย”

“เดี๋ยวพี่ไปดูให้ พี่ดีขึ้นแล้วล่ะ”

เจ้าจอมหรี่ตามองรามินทร์พลางพิจารณาไปด้วยว่าจะยอมให้รามินทร์เป็นคนดูแลอินทัชดีไหม เพราะยังไงก็ไม่ไหวใจในตัวพี่ชายอยู่ดี

“พี่ไม่ทำอะไรมันหรอกน่า คิดว่าพี่จะเลวกับคนที่ช่วยชีวิตพี่เหรอ”

“เปล่า จอมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

“เชื่อใจพี่เถอะน่า พี่ไม่ทำอะไรมันแล้ว”

“สัญญานะ”

“ครับ...พี่สัญญา”

“งั้นจอมไปก่อนนะครับ แล้วจะสรุปเรื่องที่เขาประชุมมาให้ ส่วนพี่รามก็อย่าเดินมากนะฮะ เป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาเดี่ยวไม่มีใครช่วยทัน”

“ครับน้องรักของพี่”

เจ้าจอมยิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่ได้เห็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนของตัวเองกลับมาอีกครั้งแล้ว และเขาก็เชื่อใจได้ว่า อะไรที่เป็นสัญญาจากพี่ชายคนนี้ รามินทร์จะทำตามสัญญาเสมอ

พอเจ้าจอมออกไปจากห้อง ร่างสูงก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำอย่างยากลำบากเพราะยังเจ็บแผลที่โดนไม้เสียบ อาบน้ำทันทีเพราะทนไม่ไหวกับสภาพเน่าๆ ของตัวเอง เพราะตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสี่วันที่เขายังไม่ได้อาบน้ำเลย พอร่างกายโดนน้ำก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที

รามินทร์เดินออกจากห้องนอนของตัวเองตรงไปยังห้องข้างๆ ที่มีร่างของอินทัชนอนอยู่ด้านใน ร่างโปร่งยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เขาเลยเดินไปนั่งบนเตียงเบาๆ มองใบหน้าหวานสวยของอินทัชด้วยความรู้สึกบางอย่างมันเปลี่ยนไป ซึ่งรู้ดีแก่ใจว่ามันคืออะไร แต่ก็ปฏิเสธมาตลอด

“อิน...มึงนอนไปนานแล้วนะ ตื่นขึ้นมากินข้าวกินปลาเถอะ” ร่างสูงเรียก แต่ร่างโปร่งก็ยังนอนนิ่งไม่ขยับตัว ดวงตาคมที่เคยจ้องมองอีกคนด้วยความเกลียดและเคียดแค้น บัดนี้กลับมองด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจ

“ตื่นเถอะ...ถ้ามึงไม่ตื่น กูจะจูบมึงนะ” ร่างสูงโน้มใบหน้าเข้าไปหาใบหน้าขาวจนจมูกชนกัน

“ไม่ตื่นเหรอ...งั้นกูจูบ” สิ้นเสียงของเขา ริมฝีปากก็ประทับลงที่กลีบปากบางที่ซีดเซียวไม่เป็นธรรมชาติของอินทัชทันที มันไม่ใช่จูบที่ลึกซึ้งอะไร แค่ริมฝีปากสัมผัสกับริมฝีปาก ราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าชายและกำลังจุมพิตปลุกเจ้าหญิงนิทราอยู่

เนิ่นนานกว่าจะผละออกมา มือแกร่งลูบไล้ใบหน้าของอินทัชเบาๆ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะจูบจากเขาหรือเปล่า ร่างของอินทัชค่อยๆ ขยับ พร้อมๆ กับเปลือกตาที่พยายามจะเปิดออก รามินทร์ดีใจที่เห็นว่าอินทัชตื่นขึ้นมาแล้ว เลยเรียกเพื่อเป็นการปลุกให้ตื่นเต็มตา

“อิน...มึงได้ยินกูไหม”

“อือ...น่ะ น้ำ” รามินทร์รีบเทน้ำใส่แก้วแล้วประคองร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะป้อนน้ำที่ริมฝีปากบาง อินทัชที่เห็นสิ่งที่ตนอยากได้ก็ดื่มทันทีจนหมดแก้ว

“เป็นไง เอาอีกไหม”

“พอแล้ว” ส่ายหน้าไปด้วย

อินทัชขยับตัวไปมาไล่ความเมื่อยล้าออกไป หันซ้ายหันขวา ก่อนจะหันมามองหน้ารามินทร์อีกครั้ง ก่อนที่เสียงแหบๆ จะถามขึ้นมา

“มึงเป็นไงบ้าง หายแล้วใช่ไหม”

เป็นคำถามที่ทำเอาใจของรามินทร์เต้นแรงสุดๆ แทนที่จะห่วงตัวเองก่อนแต่มันกลับถามเขาก่อนว่าเขาเป้นยังไงบ้าง หายหรือยัง...

ที่ผ่านมามึงทำร้ายคนดีๆ แบบนี้ได้ยังไง

ที่ผ่านมามึงมองไม่เห็นความดีของมันได้ยังไง...

“กูหายแล้ว แต่มึงนั่นแหละ หลับไปสองวันเต็มๆ เลย รู้บ้างไหม” ได้ยินเช่นนั้นตาของอินทัชก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะนอนนานขนาดนั้น

“หา!! นี่กูนอนหลับนานขนาดนั้นเลยหรือวะ”

“เออ...สองวัน แบบไม่ตื่นมาด้วย ข้าวปลาก็ยังไม่กิน ว่าแต่มึงหิวหรือยัง เจ้าจอมเอาอาหารมาไว้ให้มึง เดี๋ยวจะไปอุ่นให้”

กรอกกกก...

พอโดนถามว่าหิวไหม เหมือนท้องจะทำงานทันทีโดยการร้องออกมาเสียงดัง ทำเอารามินทร์ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ส่วนอินทัชก็ได้แต่หน้าแดงด้วยความอับอาย

“หิว!! ไปทำมาไป”

“เออๆ รอกูแป๊บหนึ่ง”

“อือ...”

อินทัชมองตามร่างของรามินทร์ที่เดินออกไปจากห้องด้วยสายตาที่ฉงนและเกิดความรู้สึกสงสัย ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือว่าตาของเขาจะฝาดไป

สายตาของรามินทร์...มันดูแปลกไปกว่าเดิม

มันมองเขาด้วยสายตาที่แปลกไปกว่าเดิม มันไม่แข็งกร้าว มันไม่เฉยชา แต่กลับกันมันยังดูอบอุ่น ที่สำคัญ...มันมองเขาด้วยสายตาของคน...ที่มีความรัก

รามินทร์มีความรัก...

“มันรักใคร” ได้แต่สงสัยบวกกับความรู้สึกแปล๊บๆ ที่อกข้างซ้าย

หรือระหว่างที่เขาหลับอยู่ จะมีใครบางคนเข้ามาดูแลมัน...


“กินเสร็จแล้วก็กินยาด้วย และนี่เกลือแร่ นอนเยอะมากๆ ก็กินให้หมดล่ะ กูจะยืนดู”

“กูไม่กินเกลือแร่ได้ไหม ก็ใส่น้ำเกลือให้แล้วนี่”

“มึงรู้ได้ไงว่าเขาใส่น้ำเกลือให้มึง” รามินทร์ถาม

“กูไม่ได้โง่นะที่จะไม่รู้ว่าหลังมือกูโดนอะไรเสียบมา” ตอบพลางยกมือที่รู้สึกเจ็บๆ ให้ดู อินทัชพยายามลุกขึ้นออกจากเตียงเพราะต้องการจะยืดเส้นยืดสายและจะไปอาบน้ำ

“มึงจะทำอะไร”

“อาบน้ำไง ถามได้”

“เออๆ ถ้ามีอะไรก็เรียกแล้วกัน กูจะได้เข้าไปช่วย” รามินทร์บอก ทำเอาอินทัชถึงกับขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“กูไม่ได้ป่วย กูแค่เพิ่งตื่น อย่าเวอร์ได้ไหม”

“ก็แค่เป็นห่วง” รามินทร์ตอบเสียงเบา ทำเอาอินทัชต้องถามซ้ำเพราะไม่ได้ยินประโยคเมื่อกี้นี้

“มึงว่าไงนะ!”

“เปล่าๆ มึงเข้าไปอาบน้ำเถอะ จะได้สดชื่นๆ”

“เออๆ”

ร่างโปร่งเดินเข้าห้องน้ำไปโดยที่ลืมหยิบเสื้อผ้าเข้าไปด้วย เนื่องจากเคยตัวจากการอยู่คนเดียว เขาก็มักที่จะออกมาแต่งตัวด้านนอกเสมอ

ร่างโปร่งอาบน้ำเสร็จ จังหวะที่หยิบผ้าเช็ดตัวซึ่งมันอยู่ในห้องน้ำอยู่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมหยิบเสื้อผ้าเข้ามาด้วย แล้วจะให้นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกไปให้รามินทร์เห็นก็ไม่น่าเป็นเรื่องที่ดี

หากเป็นคนอื่นเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก แต่นี่รามินทร์ และเรา...ก็เคยมีอะไรกันมาแล้ว

“ราม...”

“อะไร”

อินทัชสะดุ้ง เพราะไม่คิดว่าคนตัวสูงจะอยู่ใกล้ประตูห้องน้ำแบบนี้ ทันทีที่เขาเรียกชื่ออีกคน เจ้าตัวก็ขานกลับมาทันที จนน่าตกใจ

“กูไม่ได้เอาเสื้อผ้าเข้ามา เอามาให้หน่อย”

“ก็ออกมาเลย มึงจะอายอะไร ผู้ชายด้วยกัน”

ถ้ากูไม่ใช่ผู้ชายที่เคยโดนมึงเอา กูก็ไม่กังวลหรอก ไอ้ควายเผือก

“งั้นมึงออกจากห้องไปก่อนเลย กูไม่ไว้ใจมึง”

“กูไม่ทำอะไรมึงหรอกน่า”

ร่างโปร่งยืนลังเลอยู่นานก่อนจะเปิดประตูออกไป สองเท้าก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าที่มีชุดอยู่ไม่กี่ชุด ซึ่งมีแต่ชุดแบบเดิมๆ คือเสื้อยืดสีขาวกับสีดำ แล้วก็กางเกงขายาว อินทัชพยายามไม่สนใจรามินทร์ที่ยืนมองตัวเองอยู่ รีบหยิบชุดออกมาแล้วสมใส่ทันที...

รามินทร์ยืนมองคนตัวบางที่ออกมาด้วยสภาพที่มีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่าง เผยสัดส่วนที่เคยเห็นมาแล้ว เอวที่ดูคอดลง หน้าท้องแบนเรียบมีกล้ามเนื้อน้อยๆ กับเม็ดทับทิมสีชมพูที่ดูเย้ายวนมาก ภาพที่เคยกอดร่างนั้นเข้ามาพร้อมกับเสียงที่เคยได้ยินยามที่เรามีความสัมพันธ์กัน ทำเอารามินทร์รู้สึกต้องการและมองร่างขาวนั่นด้วยสายตาที่ดูหื่นกระหาย อยากจะสัมผัสเหลือเกิน

เคยเฉยๆ กับร่างกายตรงหน้า เพราะที่ผ่านมาเขาก็ทำแบบไม่มีสติ แต่ตอนนี้ความรู้มันเปลี่ยนไป ไม่แปลกเลยที่เขาจะต้องการอินทัช

ร่างโปร่งหันกลับมาเมื่อสมเสื้อผ้าเสร็จ ก็ต้องชะงักกับสายตาที่มองของรามินทร์ จนรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

“ทำไมมึง...มองกูด้วยสายตาแบบนั้น” อินทัชไม่ได้เป็นคนอ่อนต่อโลก เพราะที่ผ่านมาเขาก็ใช้ชีวิตกลางคืนมาโดยตลอด สายตาที่รามินทร์มองเขา เขาก็เคยใช้มองคนอื่นๆ ด้วย

“หึหึ ถ้ามองออกขนาดนั้น แล้วรู้หรือเปล่าว่านอกจากอยากจะเอามึงกูรู้สึกอะไรอีก” รามินทร์ยอมรับออกมาแต่ก็ตรงเสียอินทัชไม่ทันตั้งตัว ขยับถอยหลังเข้าหาตู้เสื้อผ้าเพื่อปกป้องตัวเอง

“ย่ะ อย่ามาล้อเล่นนะไอ้ราม”

“กูไม่ได้ล้อเล่น” รามินทร์ตอบด้วยสีหน้าที่จริงจัง ทำเอาร่างโปร่งลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความประหม่า มองรามินทร์อย่างไม่ไว้ใจ

“อย่าเข้ามา!!!”

“เรื่องที่ผ่านมากูขอโทษนะอิน กูขอโทษ” รามินทร์ชะงักตัวเองอยู่กับที่เอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดจริงๆ แต่อินทัชก็ไม่อยากจะเชื่อ เพราะที่ผ่านมามันไม่เคยฟังอะไรเขาเลย

แล้ววันนี้มันเป็นอะไร!!

“มึงขอโทษกู มึงต้องการอะไร ถ้าอยากได้คำพูดว่ากูให้อภัยมึง มึงก็ต้องรอหน่อย เพราะมันต้องใช้เวลามากที่จะลืมเรื่องพวกนั้นไป กูบอกว่ากูไม่เอาเรื่องมึงก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่ากูไม่โกรธมึง”

“กูเข้าใจ...แต่กูอยากขอโอกาสจากมึง”

“โอกาสอะไร”

“กูอยากไถ่โทษ กูอยากดูแลมึง”

“ไม่จำเป็น กูเป็นผู้ชาย ดูแลตัวเองได้ แล้วถ้ามึงอยากไถ่โทษจริงๆ มึงก็ควรปล่อยกูไป อย่าขังกูไว้ให้ทรมานอยู่ที่นี่ ปล่อยกูกลับบ้าน”

เหมือนโดนกระชากหัวใจอย่างแรง รามินทร์ก็รู้ตัวเองอยู่แล้วว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะสิ่งที่ตนทำอีกคนมันช่างเลวร้ายมาก

“มึงอย่ามาตลกไอ้ราม มุกนี้กูไม่โอเคจริงๆ”

“มันไม่ใช่มุก”

“แล้วจะให้กูเชื่ออะไรกับคนอย่างมึงวะราม ออกไปเถอะ กูขออยู่คนเดียว”

“กู...”

“ไม่ต้องพูดมันออกมา!!!” อินทัชตะโกนแทรกเสียงดังลั่น หันหน้าหนีร่างสูงอย่างไม่อยากจะมองหน้าเพราะกลัวว่าถ้าเห็นสายตานั่นของรามินทร์

เขาอาจจะหลงกล และนั่น อาจจะเป็นแค่แผนการแผนหนึ่งของมันก็ได้...

“กูขอโทษ”

“กูบอกให้ออกไปไง!!!”

“อืม...แล้วกูจะมาใหม่ก็แล้วกัน” รามินทร์ไม่ทู่ซี้ต่อเพราะจะอธิบายยังไง จะพูดยังไง จะพยายามให้อินทัชเห็นความจริงใจแค่ไหน

ก็เหมือนว่ามันจะไร้ค่าในสายตาของอินทัช เพราะร่างโปร่งไม่คิดที่จะให้โอกาสและไม่คิดจะรับฟังความรู้สึกของเขาเลยสักนิด

ร่างแกร่งเดินออกมาจากห้องเล็กแล้วตรงไปยังโซฟาหน้าทีวี ทิ้งตัวนอนลงเพราะยังรู้สึกเวียนหัวอยู่หน่อยๆ เนื่องจากก็ยังไม่หายจากไข้หวัดดีเท่าไหร่นัก และวัตถุประสงค์หลักก็คือเฝ้าอินทัชไว้ เผื่อว่าร่างโปร่งจะออกไปข้างนอก

“มึงพลาดเองราม มึงไม่น่ารีบร้อนเลย”

เกลียดความใจร้อนไม่คิดไม่คิดหลังของตัวเองจริงๆ ถ้ารอให้เรื่องมันผ่านไปมากกว่านี้หน่อยๆ แล้วค่อยบอกความรู้สึกไปก็คงดี แต่ประเด็นคือเขากลัวว่าจะไม่มีวันนั้น...

รามินทร์เป็นคนหนึ่งที่มักจะพ่ายแพ้ให้กับความดีเสมอ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นความดี ความอ่อนโยน และความเสียสละของอินทัชเลย จนกระทั่งวันที่เกิดเรื่อง ยอมรับว่าที่ลงไปช่วยก็ไม่ได้คิดว่าจะช่วยอินทัชได้ แต่เขาทำใจไม่ได้ที่จะเห็นร่างโปร่งไหลห่างไปเรื่อยๆ เขาไม่ได้ต้องการให้มันตาย แต่กลายเป็นว่าคนเจ็บคือเขา รามินทร์ยังจำได้ดีถึงความรู้สึกที่ขาดอากาศหายใจตอนอยู่ในน้ำ แต่ตอนที่ฟื้นขึ้นมาก็รู้ว่าใครเป็นคนช่วยเขาเอาไว้ สีหน้าที่เป็นห่วงเขาจากใจจริงยังติดอยู่ในความทรงจำ ไม่อาจจะลบเลือนออกไปได้ และจะไม่มีทางลบมันไป

อินทัชเสียสละฉีกเสื้อมาพันแผลให้กับเขา ประคองเขาไปที่บ้าน ดูแลเขาตลอดเวลา ไหนจะไปหาอะไรมาให้กิน เสียสละให้เขากินก่อน หาน้ำให้ดื่ม ซักผ้า เช็ดตัว ทำทุกอย่างไม่ได้หลับไม่ได้นอน อากาศก็เย็น แต่อินทัชก็เสียสละผ้าห่มให้เขาห่มคนเดียวเพราะว่าเขาไม่สบาย ยอมรับว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับทั้งหมดที่เป็นอินทัชไปแล้ว

เข้าใจแล้วว่าทำไมใครๆ ก็รักอินทัช

เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าจอมถึงย้ำนักย้ำหนาว่าอินทัชเป็นคนดี...

แล้วก็รู้ซึ้งเลยที่เจ้าจอมเคยบอกว่าเขาจะเสียใจทีหลัง มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ รามินทร์กำลังเสียใจที่ความแค้นของตัวเองทำร้ายอินทัชแบบนี้...เพียงเพราะรักน้องอย่างไม่ลืมหูลืมตา

“ขอโทษ...กูขอโทษ”

จากความรู้สึกเกลียด...แปลเปลี่ยนเป็น...รัก

รามินทร์ตกหลุมรักคนที่ ‘เคย’ เกลียดแบบเต็มเปา แล้วมันก็เป็นหลุมที่ค่อนข้างลึกมาก ที่ต่อให้อยากจะปีนขึ้นออกจากหลุมคงทำได้ยาก...

“มันเป็นผลที่ต้องยอมรับใช่ไหม”

ความรู้สึกทุกอย่างมันรุมกัดกินรามินทร์จนแทบจะบ้า อินทัชมองออกว่าตาเขาสื่อถึงอะไร แต่มันไม่เชื่อ และไม่อยากจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่มาจากเขาเลยสักนิด...

...

...

...







50%

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

   เรื่องนี้หายไป 2 อาทิตย์เลย ขอโทษด้วยค่า ยูกิอยู่ช่วงสอบไฟนอล ต้องเคลียร์งานเยอะมาก ไหนจะต้นฉบับรามอินอีก วุ่นวายมากเลยค่ะ ไหนจะป่วยเป็นอาทิตย์อีก ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงแล้ว ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

   อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า ขอบคุณค่ะ

   พูดคุย สอบถาม ติดตามข่าวสารได้ทางแฟนเพจเลยค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 50% => (28/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-11-2016 21:37:08
สมน้ำหน้าอีราม.   แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 50% => (28/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-11-2016 21:40:03
สมน้ำหน้ามันจริงๆเวลาทีรอก็มาถึง เราว่าคนระดับอินถ้าอยากจะตัดรามออกไปคงทำได้ง่ายๆเลยมีทั้งเงิน อำนาจ หน้าตาก็ดีเราว่ารามคงต้องทำใจอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 50% => (28/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 28-11-2016 21:43:45
เข้ามาเปิดดูบ่อยๆ ดีใจที่กลับมาต่อจ๊ะ
ตอนนี้ สะใจกับรามที่ต้องเจ็บเสียเอง
แต่ก็นะ เราเป็นคนขี้สงสาร ให้อภัยละกัน
 :ling3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 50% => (28/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 28-11-2016 22:54:45
ลุ้นๆๆๆๆๆ..ลุ้นต่อไป :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 50% => (28/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 29-11-2016 06:03:43
เข้าใจนะว่า เจ็บ แต่อินทัชก็เจ็บมามากกว่านี้เยอะเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 50% => (28/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 29-11-2016 18:21:11
ก็นะ มันต้องใช้เวลาว่ะราม รออีก 50% ค่ะ จะเอายังไงละทีนี้
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 50% => (28/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-11-2016 04:35:12
 :laugh:


วันนี้ที่รอคอย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 50% => (28/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-11-2016 10:05:26
เจ็บนี้...อีกนาน..ค่ะพี่ราม
ทนให้ได้นะ
ให้อินเอาคืนก่อน
พี่ทำเค้าไว้เยอะอะ
ยอมรับมันซ่ะ

ปล.ดราม่าเอยจงมา 555+
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 50% => (28/11/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 09-12-2016 17:26:04
 :mew2: :mew1: :mew3: :mew4: :mew5: :mew6:


รอไรท์ๆๆๆ อยากอ่านจักรกะจอมแล้ว :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 100% => (11/12/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 11-12-2016 14:18:30
ตอนที่ 33

ครึ่งหลัง





“ไม่ตลกเลยนะ มันไม่ตลกเลยสักนิด” ร่างโปร่งเดินวนเวียนไปมาในห้องอย่างครุ่นคิดหนัก ภาวนาให้ตัวเองอ่านความหมายจากสายตานั่นผิดไป

ต้องไม่ใช่อย่างที่คิดแน่ๆ

อินทัชไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไงกันแน่ แต่ใจเต้นแรงมาก เต้นด้วยความรู้สึกแบบไหนอินทัชก็ไม่รู้ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดหรือรู้สึกยังไง เพราะอยากจะคิดแบบนั้น แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างปิดกั้นเอาไว้ไม่ให้คิด ไม่ให้ยอมรับ เสียใจ ดีใจ หรือว่ากลัว ตอนนี้มันก็ปะปนมั่วไปหมดในความรู้สึก

เขาเคยเป็นแบบนี้อยู่ครั้งหนึ่งตอนที่จะตัดสินใจเรื่องเรียนว่าจะเรียนด้านไหน เพราะพ่อกับแม่คาดหวังให้เขาสืบทอดธุรกิจ จะให้เรียนอย่างที่อยากก็ไม่ได้ ถ้าเขาอยากจะทำที่ตัวเองอยากทำ พี่สาวก็จะหมดอิสระในการเลือกใช้ชีวิตของตัวเองไป แต่ความรักที่มีต่อพี่สาวที่เสียสละเพื่ออินทัชมาโดยตลอด ตอนนั้น เขาก็เลยยอมรับมันและเสียสละให้พี่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ส่วนเขาก็เรียนบริหารด้วยความภาคภูมิใจ

แต่ปัญหาที่เผชิญอยู่ตอนนี้มันไม่มีเหมือนตอนนั้น เพราะตอนนี้ ไม่มีทางเลือกให้เลย

“ทำไมชีวิตกูถึงได้เจออะไรแบบนี้วะ!!!”

อินทัชใช้เวลาอยู่ในห้องนอนครึ่งวัน จนบ่ายกว่าๆ ก็เปิดประตูออกไปจากห้องเพราะคิดว่าตัวเองพร้อมเผชิญหน้ากับรามินทร์แล้ว พอเดินออกมาก็เห็นร่างสูงนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวเลยเดินเข้าไปดูเพราะคิดว่าไข้จะกำเริบขึ้นมาคืนหรือเปล่า อยากจะทำเป็นไม่สนใจนะ แต่ทำไมถึงทำไม่ได้ก็ไม่รู้

“ไอ้ราม...มานอนอะไรตรงนี้วะ”

“อืม...”

“ถ้าง่วงก็ไปนอนในห้องดีๆ ดิ อยู่ตรงนี้อากาศมันเย็น ฝนก็จะตกแล้วด้วย”

“อิน...” ร่างแกร่งลืมตาขึ้นมา ครางชื่ออินทัชเบาๆ

“เออ กูเอง ทำไมมึงถึงมานอนตรงนี้ ไปนอนในห้องดีๆ สิวะ”

“ไม่เป็นไร อึก...” ในจังหวะที่ลุกขึ้นนั่ง ร่างสูงก็รู้สึกว่าตัวเองหน้ามืดเพราะพรวดพราดลุกขึ้นมา ร่างโปร่งบางเข้าไปประคองตามสัญชาตญาณ

“ไข้กลับหรือเปล่าวะ”

“ไม่รู้ อาจจะ...”

“ลุกขึ้น!!” อินทัชสั่งเสียงเข้ม “กูจะพาไปนอนในห้อง แล้วนี่กินข้าวเที่ยงกับยาหรือยัง” รามินทร์ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ทำเอาอินทัชถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายใจ

“งั้นก็ไปที่ห้อง เดี๋ยวจะไปหาอะไรให้กิน”

“อืม...”

อินทัชช่วยพยุงรามินทร์เข้าห้องนอนใหญ่ของเจ้าตัวไป ร่างสูงรู้สึกว่าไข้กลับมา ทั้งเวียนหัว แล้วก็หนาวนิดๆ เลยนอนลงบนเตียงอย่างไม่อิดออด อาจจะเป็นเพราะอินทัชมาดูแลเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขายอมนอนแต่โดยดีด้วย

ถ้าอินทัชไม่อยากให้พูด เขาก็จะไม่พูด แต่จะแสดงออกทางการกระทำแทน

“จะกินอะไร”

“อะไรก็ได้”

“งั้นก็ข้าวต้มก็แล้วกัน”

“อืม...มึงเอาอะไรมากูก็กินหมดแหละ”

“นอนรอไป เดี๋ยวกลับมา”

“อือ”

ดวงตาคมมองแผ่นหลังบางออกจากห้องไปแล้วก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักสายตา รู้สึกว่าตัวเองร่างกายอ่อนแอทั้งๆ ที่เป็นคนป่วยยากมาก แต่ป่วยทีหนึ่งก็หนักเอาการ

อย่างตอนนี้ไง…

ดูเป็นพวกอ่อนแอจริงๆ มันน่าขายหน้าไหมล่ะ อยากจะขอโอกาสเป็นคนดูแลอินทัช แต่ตอนนี้กลับให้อีกคนเป็นดูแลแทน

“กินเองได้ใช่ไหม” อินทัชถามเมื่อกลับมาที่ห้องอีกครั้งพร้อมข้าวต้มร้อนๆ ที่เขาอุตส่าห์เดินไปถึงครัวของรีสอร์ทเพื่อให้แม่ครัวทำอาหารให้เจ้านายที่นอนป่วยได้ทาน ส่วนตัวเองค่อยไปกินที่โรงครัวของคนงานเอาก็ได้ เพราะยังไงตัวเองก็ไม่ใช่ลูกค้า แล้วก็ไม่ใช่เจ้านายด้วย

“ถ้าบอกว่าไม่ได้ล่ะ”

“มึงแค่ไม่สบาย ไม่ได้เป็นง่อย กินเองไปเลย กูไปเอามาให้ขนาดนี้แล้ว”

“มือกูไม่มีแรง”

“สำออย!!! เดี๋ยวไปเรียกลูกน้องมึงมาป้อนก็แล้วกัน”

“กูอยากให้มึงป้อน”

“ว่าไงนะ!!!” ถามเสียงดังทั้งๆ ที่ตัวเองก็ได้ยินอยู่เต็มๆ สองหูว่ารามินทร์ต้องการให้เขาเป็นคนช่วยป้อนข้าวให้กับร่างสูง

และแน่นอนว่าเขาไม่ทำเด็ดขาด เพราะถ้าการที่เขาทำดีกับมัน ดูแลมัน จะทำให้มันรู้สึกอะไรเกินกว่าที่ควรจะเป็น อินทัชก็ไม่อยากจะทำ เขาไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้แล้ว

มันไม่ควรจะวุ่นวายไปมากกว่านี้แล้ว...

มันควรจะหยุดอยู่แค่นี้ เราสองคนควรจะเป็นแค่คนที่เกลียดกัน อยากจะให้มันแค้นเขาอยู่เหมือนเดิม ไม่ต้องทำดีกับเขา จะทำร้ายเขาขนาดไหนก็ได้ จะทำให้เจ็บปวดแค่ไหนก็ได้ แต่อย่ารู้สึกดีๆ ต่อกันเลย

เพราะนั่น...มันอาจจะทำให้เราทั้งคู่ เจ็บปวดมากกว่านี้ก็ได้

“ป้อนกูหน่อย” ขอร้องเสียงอ่อน

ริมฝีปากบางเม้มแน่น รู้สึกเกลียดความขี้ใจอ่อนของตัวเองที่ไม่ว่ามันจะทำเลวกับเขาไว้ขนาดไหน เขาก็ยังเกลียดมันไม่ลง เพราะที่มันทำไปมันก็มีเหตุผลของมัน แต่ถ้าถามว่าอยากจะญาติดีกันไหม อินทัชตอบได้เลยว่าไม่อยาก ถ้าปล่อยเขาไปแล้ว ก็ต่างคนต่างอยู่เถอะ

แต่รามินทร์กำลังเอาตัวเองมาผูกมัดไว้กับเขา...เราสองคนไม่มีทางรักกันได้หรอก แค่เส้นทางของเรามันก็ไม่ได้มีอะไรดีแล้ว เริ่มจากเกลียด ลงท้ายด้วยรัก มันไม่น้ำเน่านิยายไปหน่อยหรือ...

“ถ้ากูป้อนมึง มึงต้องสัญญามาก่อนว่าจะไม่ทำให้กูลำบากใจอีก อย่าให้กูลำบากใจเพราะคำพูดนั้น...”

คำว่า...รัก ได้โปรดอย่าพูดออกมา

อย่าทำให้กูลำบากใจ กูไม่อยากได้ความรักจากมึง ที่กูอยากได้จากมึงคืออิสระ ไม่ใช่ความรัก เพราะการที่มึงรักกูมันจะเป็นการกักขังกูเอาไว้ เพราะกูรู้ว่ามึงรักใครมึงรักจริงๆ และพร้อมจะเห็นแก่ตัวเพื่อตัวเอง

“อืม...กูสัญญา” รามินทร์ตอบรับเสียงแผ่วพร่า

รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะดันหลงรัก...คนที่ไม่ควรจะรัก ไม่ใช่ว่าฐานะเราแตกต่างกัน แต่เป็นเพราะว่าจุดเริ่มต้นของเรามันไม่ได้สวยงาม การที่จะให้คนที่ตัวเองไปทำเลวกับเขาไว้หันมารักตัวเองนั้น มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สุดๆ

มันเป็นไปไม่ได้...แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีทางที่จะเป็นไปไม่ได้

“ถามจริงๆ ถ้ากูไม่ดีกับมึง ไม่ดูแลมึง มึงจะยังเกลียดกูอยู่ไหม” ถามขณะที่ป้อนข้าวต้มอีกคนไปด้วย รามินทร์ชะงักมองหน้าอินทัชทันที

ตอบไม่ถูกเหมือนกัน แต่ที่รู้

“กูเกลียดมึง แต่ก็มันก็ยิ่งจางหายไปในความรู้สึก ไม่ว่ากูจะพยายามทำร้ายหรือกลั่นแกล้งมึงแค่ไหน แต่มึงก็ไม่เคยต่อต้าน ยอมให้กูโขกสับ มันทำให้กูรู้ว่ากูแม่งงี่เง่า ที่ทำบ้าบออะไรไม่เข้าท่ากับชีวิตของมึง กับความรู้สึกของมึง กูเสียใจที่ข่มเหงมึง ตั้งแต่วันนั้นก็ก็ตั้งใจว่าจะหยุดทุกอย่าง...”

“แต่มึงก็ยังทำ...มึงยังใจร้าย ทำร้ายความรู้สึกกูอยู่” อินทัชสวนกลับทันทีเพราะคิดย้อนกลับไปในวันนั้นและหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น พร้อมทั้งป้อนข้าวให้กับรามินทร์ไปด้วย

ส่วนร่างสูงเองก็กลายเป็นคนละคนที่ไม่ว่าอินทัชอยากจะรู้อะไรก็ยอมตอบอย่างว่าง่าย
“เพราะกูไม่รู้ว่ากูจะดีกับมึงยังไง มึงต้องเข้าใจว่าที่ผ่านมากูร้ายมาตลอด จู่ๆ จะให้ทำดีกับมึง กูก็รู้สึกเสียฟอร์มเหมือนกัน ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะต้องกลัว”

“แค่มึงปล่อยกูไปราม แต่ปล่อยกูกลับบ้าน...”

“กูทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่ากูกลัวว่ามึงจะเอาตำรวจมาจับกู แต่ที่กูกลัว...กลัวที่จะไม่ได้อยู่ใกล้มึงอีก มึงก็รู้ว่ามึงกับกูต่างกันแค่ไหน”

“แล้วทำไมต้องอยู่อยู่ใกล้กู เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไงว่าถ้ากูยอมให้มึงแก้แค้นจนพอใจ มึงจะปล่อยกูไป จากนั้นเราจะกลายเป็นคนอื่น ไม่ใช่แม้แต่คนรู้จัก”

“ก็ใช่”

“จะผิดสัญญาหรือไง” อินทัชถาม

“เปล่า...ไม่ได้จะผิดสัญญา”

“อิ่มหรือยัง...” อินทัชเปลี่ยนเรื่องเมื่ออ่านแววตาที่แสนจริงจังแล้วก็แฝงไปด้วยคามเจ้าเล่ห์ของรามินทร์ เขาก็เลยเรื่องที่จะไม่พูดถึงมันอีก

ยังไงก็แล้วแต่...คงต้องยอมให้มันปล่อยเขากลับไปก็พอ

“ยัง...”

“งั้นก็กินไป เงียบด้วย กูไม่อยากรู้เหี้ยอะไรอีกแล้ว”

“หึ...”

รามินทร์หัวเราะน้อยๆ ที่เห็นว่าอินทัชพยายามจะหลีกเลี่ยงจากเขา สิ่งที่เขาเรียนรู้ได้อย่างหนึ่งคืออินทัชเป็นคนขี้ใจอ่อน แต่ว่าหายโกรธยาก และการขอโอกาสก็คงจะยากตามด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือแสดงความความใจทั้งหมดที่มีให้กับอินทัชได้รับรู้

ถ้าพูดไม่ได้ ก็แสดงออกทางการกระทำแทนก็แล้วกัน

“ยิ้มทำไม”

“อะไร ปากก็ปากกู กูจะยิ้มมันเรื่องของกูไม่ได้หรือไง”

“ถ้างั้นกูขอตัวก็แล้วกัน”

“เดี๋ยวสิ” รามินทร์เรียกเอาไว้ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะลุกขึ้นจากเตียงไป

“อะไรอีก”

“ยาหลังอาหารกูล่ะ”

“เออ!! ลืมไปว่ากูมันขี้ข้า!! รอเดี๋ยว เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้” อินทัชประชดประชันแล้วยกถาดจานเปล่าออกไปด้วย ที่มีสายตาของรามินทร์มองตามไปด้วยสายตาที่ฉายแววถึงความรักความเอ็นดูที่ไม่เคยใช้มองอีกคนมาก่อน

เกลียดอย่างไหน มักได้อย่างนั้น...

“หึ!”

ไอ้คำพูดพวกนี้ที่เขาไม่เคยคิดจะเชื่อ วันนี้กลับตรงกับชีวิตของเขาสุดๆ จนอยากจะหัวเราะดังๆ ให้สมกับความรู้สึกที่สมเพชตัวเองอยู่ในตอนนี้...

...

...

...


ในอีกฟากหนึ่งของโลก

หญิงสาวร่างโอดสะองสมส่วน ใบหน้าสวยหวานแอบคมเข้มแบบไทยกำลังนั่งต่อโทรศัพท์หาใครสักคนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโลกเช่นกัน

“ฮัลโหล...พี่รามเป็นยังไงบ้างจอม”

(ก็เกือบหายดีแล้วล่ะ แต่ตอนนี้จอมอยู่ข้างนอกทำธุระให้พี่รามน่ะ แล้วนี่โทรมามีอะไรเหรอ)

“ก็แค่จะมาบอกน่ะว่าจันทร์หน้าให้คนมารับเราด้วยนะ เราเป็นห่วงพี่ราม เราจะกลับไทย”

(ห๊ะ!!! ทำไมเร็วขนาดนั้นล่ะ จอมเพิ่งโทรไปบอกเมื่อวานเองนะ รินไม่เห็นต้องรีบร้อนเดินทางมาเลย คุณลุงคุณป้าจะมาด้วยหรือเปล่า) เจ้าจอมถามกลับมาอย่างตกใจ

หญิงสาวหัวเราะเสียงใส

“จริงๆ แล้วรินเองก็วางแผนเอาไว้แล้วล่ะ ช่วงนี้มันว่างพอดีเลย ก็เลยเลื่อนกำหนดเข้ามาน่ะ พอดีกับที่จอมโทรมาบอกข่าวเมื่อวานเลย แล้วจะพาแฟนไปให้พี่รามแสกนด้วย”

(มีแฟนแล้วเหรอ? คราวนี้ไม่ใช่เล่นๆ แน่นะ)

“จอมล่ะก็...รินเลิกนิสัยแบบนั้นแล้วเถอะ คนนี้รินจริงจังนะ เป็นคนที่ทำให้รินรู้ว่าที่ผ่านมา รินแย่ขนาดไหน ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณจอมมากๆ ที่ช่วยปิดบังนิสัยแย่ๆ ของรินกับคุณพ่อ คุณแม่แล้วก็พี่รามมาโดยตลอด” หญิงสาวพูดออกไปอย่างรู้สึกขอบคุณจริงๆ

(เฮ้อ...จอมก็ดีใจที่รินคิดได้นะ ถ้าอย่างนั้นจอมมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟัง เอาอย่างนี้ เราไปเจอกันที่กรุงเทพก่อนนะ แล้วค่อยมาที่นี่)

“มีอะไรเหรอ?”

(รินจำเรื่องผู้ชายที่ชื่อ ‘อินทัช’ ได้ไหม)

รินลณีนิ่งไป ใบหน้าสวยดูสับสนและครุ่นคิด ก่อนจะจำได้ว่าคุ้นๆ ชื่อผู้ชายคนนี้ที่ไหน เธอเลยถามออกไปอย่างเป็นกังวล เพราะผู้ชายคนนี้คือคนที่ปฏิเสธเธอคนแรกและคนเดียวในชีวิตผู้หญิงรักสนุก

“จำได้ อย่าบอกนะว่า...”

(อือ...คนที่ทำให้รินเสียหน้าน่ะ อยู่ที่นี่…อยู่กับพี่ราม)

“หมายความว่ายังไง”

(รายละเอียดค่อยคุยกันนะ รินวางสายเถอะ โทรจากต่างประเทศมันแพงนะ)

“ก็ได้ แล้วจะโทรหานะ”

(โอเค แล้วเจอกันนะริน)

“แล้วเจอกันจอม”

หญิงสาวยืนนิ่งมองโทรศัพท์ตัวเองด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง ไม่มีแววกังวลและความกลัวที่จะต้องเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่ชายได้รับรู้ เธอรู้จักพี่ชายของเธอดี

รามินทร์รักเธอมาก ใครแตะเธอไม่ได้ หากใครทำเธอร้องไห้ พี่ชายจะจัดการให้เธอทุกครั้ง นั่นทำให้เธอใช้ชีวิตที่ผ่านมาแบบไม่กังวลใจอะไร อยากจะสนุกก็สนุก อยากจะคบใครก็คบ อยากเที่ยวก็เที่ยว

แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว...

และจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

“นี่จะเป็นเรื่องสุดท้าย ที่เราก่อไว้สินะ”

เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้...

นี่คือสิ่งที่รินลณีได้เรียนรู้จากความรักที่เคยพานพบเป็นครั้งแรก จากผู้ชายที่เธอรักและทำให้เธอตาสว่างและเปลี่ยนตัวเองจากความเอาแต่ใจ





100%


 :katai4: :katai4: :katai4:


   สวัสดีค่า อาทิตย์ที่แล้วหายไปเพราะเป็นอาทิตย์สอบไฟนอล ว่าจะมาแต่ก็ต้องเคลียร์งานกลุ่ม งานเดี่ยว แล้วก็อ่านหนังสือสอบ ตอนนี้เหลือแค่วิชาเดียวกับพรีเซ้นท์งานกลุ่มค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ^^

   อ่านแล้วเม้นท์ติ ชม ให้กำลังใจได้ค่ะ ยูกิจะนำไปปรับปรุงในเรื่องต่อๆ ไป

   สอบถาม พูดคุย แนะนำ หรือติดตามข่าวสาร การอัพเดทนิยายต่างๆ ก็แอด Favorite เอาไว้หรือติดตามที่แฟนเพจนะคะ ^^ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 100% => (11/12/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-12-2016 15:37:19
ต่ออีกตอนได้ไหม กำลังลุ้นเลยรามจะรู้ความจริงแล้ววววว แล้วถ้านี่รินรู้ว่าอินโดนพี่ชายตัวเองทำอะไรไว้บ้างจะรู้สึกผิดมั้ยที่ทำให้คนๆ นึงเหมือนตายทั้งเป็นที่โดนจับมาทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 100% => (11/12/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 11-12-2016 16:02:59
ลุ้นๆเหมือนกันได้อีกตอนคงดี
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 100% => (11/12/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 11-12-2016 18:08:10
อดทน รามต้องอดทน
ทนรับกรรมของตัวเอง
แล้วนายจะความสุข
อิน..ใจแข็งไว้
อย่าเพิ่งใจอ่อนนะ
ฮึ๊บๆไว้
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 100% => (11/12/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-12-2016 22:52:52
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 100% => (11/12/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-12-2016 02:08:09
 :hao4:


จอม รู้ตั้งแต่แรก ?
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 33 100% => (11/12/59) P.20 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 13-12-2016 00:00:01
สงสารอินสุดๆ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 50% => (18/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 18-12-2016 22:49:51
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 34
ความพยายาม




“ไอ้อินมันไปไหน”

“ไปช่วยคนงานตัดแต่งกิ่งไม้ครับคุณราม” คำตอบที่ได้จากขรรค์ทำให้ร่างสูงรู้สึกไม่พอใจที่ร่างโปร่งไปทำงานเป็นคนงานเหมือนกับที่ผ่านๆ มา

แต่ก็ผิดที่ตัวเองนั่นแหละไม่ยอมพูดอะไรให้รู้เรื่อง ไม่ทำอะไรให้มันชัดเจน

“ใครบอกให้มันไป”

“ผมไม่ทราบครับ ก็คิดว่าเป็นหน้าที่ปกติ”

“หึหึ เดี๋ยวนี้แกหัดยอกย้อน ประชดประชันจังเลยนะ” รามินทร์แขวะขรรค์ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นเพื่อไปหาอินทัชที่กำลังตัดแต่งกิ่งไม้อยู่

ทางด้านอินทัชเมื่อเห็นว่าเจ้าของรีสอร์ทเดินมาก็ทำเป็นไม่สนใจ ทำงานในมือต่อไปราวกับว่าไม่เห็นการมาของรามินทร์ ทำเหมือนร่างสูงไม่มีตัวตน ทั้งๆ ที่คนงานคนอื่นๆ ก็ยังทำความเคารพตามปกติ

“ใครใช้ให้มึงมาทำงาน”

“มึงไง”

“ตอนไหน?”

“ก็ตั้งแต่แรกไง กูก็ทำงานปกติของกู มึงจะมามีปัญหาอะไรอีก”

“มีสิ...เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มึงไม่ต้องทำอะไรแล้ว”

“ห๊ะ!! ผีเข้าหรือไง ไม่ให้กูทำงานแล้วจะให้กูทำอะไร”

“ไม่ต้องทำ ถ้าอยากทำก็ไปทำกับกูในออฟฟิศ”

“เรื่องอะไรกูจะต้องไปกับมึง”

“สรุปคือว่าจะทำงานให้ได้ใช่ไหม” รามินทร์กอดอกถามเสียงเข้ม

“ใช่!!”

“งั้นก็ตามมานี่ กูมีงานให้มึงทำเยอะแยะเลย”

หมับ!!

ว่าแล้วก็เดินไปลากแขนของอินทัชให้เดินตามตัวเองไปโดยที่ร่างโปร่งได้แต่เดินตามเฉยๆ ไม่ได้ต่อต้านอะไรเพราะรู้ว่าขัดคำสั่งและความต้องการของอีกคนไม่ได้

“ทำงานบัญชีแทนเจ้าจอมหน่อย เรื่องแบบนี้มึงคงทำเป็นใช่ไหม”

“น้องจอมไปไหน”

“ขอลาไปกรุงเทพน่ะ”

“ไปทำไม”

“ทำไม คิดถึงเหรอ”

“เออ ก็คิดถึงน่ะสิ ใครที่ดีกับกูมาตลอดกูก็คิดถึงทั้งนั้นแหละ” ว่าอย่างประชดประชันก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะทำงานของเจ้าจอมอย่างสำรวจ

“นี่ประชด?”

“แล้วแต่จะคิด ว่าแต่จู่ๆ ให้กูมาทำแบบนี้มึงคิดว่ากูอัจฉริยะเหรอ งานของมึงกูยังไม่รู้โครงสร้างรีสอร์ทของมึงเลยสักนิด ระบบต่างๆ ก็ไม่รู้ บันทึกถูกผิดก็ไม่รับผิดชอบนะเว้ย”

“หึหึ กูเชื่อว่ามึงทำได้”

“ไม่ทำ ปวดหัว”

“อย่าปฏิเสธได้ไหม” รามินทร์ถามเสียงอ่อน เพราะอินทัชคุยยากคุยเย็นเหลือเกิน

“ก็มันใช่เรื่องที่กูต้องทำให้ไหมล่ะ”

“งั้นมึงจะทำอะไร บริหารรีสอร์ทแทนกูไหมล่ะ” รามินทร์ถามอย่างกวนๆ แต่เป้นคำถามที่ทำให้อินทัชรู้สึกใจกระตุกไปเลย

“เอาไหมล่ะ มึงกล้าให้ไหมล่ะ”

“ให้ได้สิ ถ้ามันเป็นสิ่งที่มึงต้องการ กูให้ได้ทั้งนั้น”

“งั้นเหรอ มึงให้กูได้ทุกอย่างจริงๆ งั้นหรือ?” เลิกคิ้วขึ้นมานิดๆ เพราะไม่เชื่อในสิ่งที่คนตัวใหญ่กว่าโพล่งออกมา

“ยกเว้นอย่างเดียว...”

“เฮอะ!! ก็ว่าอยู่แล้ว”

เพราะมันรู้ว่าเขาจะพูดขออะไร มันเลยดักทางเอาไว้ก่อน

“ก็มึงอยากได้ในสิ่งที่กูไม่อยากให้ พอแล้ว เลิกพูด เดี๋ยวก็วกเข้ากลับเรื่องเดิมๆ อีก กูกำลังพยายามอยู่มึงรู้ไหมเนี่ย พยายามอย่างที่ไม่เคยต้องทำมาก่อน”

“อย่าฝืนเลย ถ้าทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เต็มใจ”

“ก็ไม่ได้ไม่เต็มใจ แค่มันกระดากเว้ย”

อินทัชส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของเจ้าจอมที่เจ้าของที่ลางานไปทำธุระที่กรุงเทพเลยไม่มีใครทำหน้าที่แทน

“กูจะทำให้ก็แล้วกัน ถือว่าทำบุญทำทาน”

“หึ เป็นพระคุณอย่างสูงจริงๆ นะ”

อินทัชยักไหล่ แล้วคว้าเอาแฟ้มเอกสารบนโต๊ะของเจ้าจอมมาเปิดอ่านดูเพื่อศึกษาว่าต้องทำยังไงบ้าง คนที่ทำงานมาทุกแผนกในบริษัทของตัวเองแล้วอย่างอินทัชบัญชีง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้คณามืออินทัชเลยสักนิด

นั่งดูไม่นาน ก็เปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทันที ร่างแกร่งเห็นว่าอินทัชเริ่มลงมือทำงานแล้วก็เดินหลบฉากอย่างเงียบๆ ไปที่ประตูห้องทำงานของตัวเองก่อนจะเปิดประตูเอางานออกมานั่งทำข้างนอก ไม่ใช่ไม่ไว้ใจอินทัช แต่อยากจะนั่งมองหน้าร่างโปร่งตอนทำงานไปด้วยเท่านั้น เพราะช่วงเวลาที่เขาไม่ได้ทำงานก็เกือบอาทิตย์พอดี ทำให้ตอนนี้มีเอกสารที่ต้องเซ็น ต้องอ่าน ต้องจัดการเยอะมากจนต้องมีกำลังใจอยู่ใกล้ๆ

“เอามัวแต่มองหน้ากู งานมึงเต็มโต๊ะนะนั่น ไม่รู้ว่าวันนี้จะเสร็จหรือเปล่า” พูดออกมาทั้งๆ ที่ตาก็จ้องมองอยู่ที่หน้าจอคอม มองเห็นว่ารามินทร์กำลังจ้องหน้าตัวเองราวกับมีตาที่สาม

“เป็นห่วงเหรอ”

“มึงคิดอย่างอื่นเป็นไหม ที่ไม่ใช่ความคิดที่หลงตัวเองแบบนี้น่ะ” หันมาสบตานิดๆ ก่อนจะสลับมาดูแฟ้มในมือเพื่อเทียบกับตัวโปรแกรมหน้าจอ

“ก็กูคิดแบบนี้แล้วมีความสุข”

“แม้ว่าจะหลอกตัวเองน่ะเหรอ” คำพูดตรงๆ ของอินทัชที่เอ่ยออกมาแบบไม่ทันคิดทำให้สีหน้าของรามินทร์ดูเจื่อนลงทันที ในใจก็รู้สึกบีบรัดเมื่อโดนแทงใจดำ

“หึหึ ก็ช่วยได้นิดหนึ่งล่ะนะ” เขากลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองออกไปโดยการทำตัวกวนประสาทเหมือนเดิม แต่คนที่ฉลาดอย่างอินทัชมีหรือที่จะจับสังเกตน้ำเสียงที่ดูฝืนผิดปกตินั่นไม่ได้

“กู...” ร่างโปร่งทำท่าจะโพล่งบางอย่างออกไป แต่ก็กลืนลงลำคอคืนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่พูดออกไปจะดีกว่า

ให้มันรู้สึกเจ็บแบบนั้นแหละ ให้มันรู้สึกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้

จะได้เลิกหวังอะไรลมๆ แล้งๆ สักที และที่สำคัญ...มันจะได้ไม่ทำให้เขาต้องรู้สึกสับสนไปมากกว่านี้

ทั้งสองนั่งทำงานไปกันอย่างเงียบๆ โดยที่รามินทร์ก็ลอบมองหน้าของอินทัชเรื่อยๆ อินทัชเป็นคนที่เหมาะกับงานพวกนี้มากกว่างานทำงานสวนใช้แรงงาน ยิ่งเขาเคยเห็นตอนที่อีกคนอยู่ในชุดสูทแล้วมีลูกน้องเดินตามหลัง มันดูเป็นภาพที่เหมาะกับอินทัชมากๆ แม้ว่าจะมีใบหน้าที่สวยหวานเหมือนผู้หญิง แต่ว่าก็ดูเท่ห์ในแบบของผู้ชายยามอยู่ในชุดสูทแล้วทำงานอย่างจริงจังแบบนี้

ขนาดเขาที่เป็นผู้บริหารรีสอร์ท โรงแรมหลายๆ สาขายังไม่มีออร่าผู้นำได้เท่ากับอินทัชเลยสักนิด แต่รามินทร์มีความน่าเกรงขามกว่า

อยากจะให้มันอยู่ในสายตาแบบนี้ตลอดไปจริงๆ

แม้ว่าที่กำลังหวังอยู่จะไม่สามารถเป็นจริงได้ แต่เขาก็อยากที่จะหวัง หวังว่าจะได้เห็นคนๆ นี้นานที่สุด คนที่เขารัก ยอมรับว่ารักคนที่เคยเกลียด คนที่ทำน้องสาวเสียใจอย่างไม่อาจจะถอนตัวได้ ในจำนวนคนรักของเขาที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครเสียสละ ดูแลเขาเลย ไม่มีเลยจริงๆ ทุกคนล้วนหวังแต่เงินจากเขา และเขาเองก็โง่ยอมมองผ่านไป เพราะอยากจะมีคนอยู่ข้างกาย ต้องการความรักความเอาใจใส่ แต่ก็ไม่เคยได้รับมันเลย

“คุณรามจะรับอะไรไหมคะ” พนักงานในออฟฟิศถามขึ้นเมื่อกำลังจะออกไปทานอาหารกลางวัน

“เอาอะไรหน่อยไหมไอ้อิน” แต่เขากลับหันไปถามร่างโปร่งแทน

“เดี๋ยวหาเองได้ ไม่ต้องหรอก”

“งั้นฉันไม่เอาอะไรหรอกปลา พวกเธอไปกินข้าวเถอะ ตอนบ่ายค่อยกลับมาทำงานต่อให้เสร็จนะ”

“ได้ค่ะ ขอตัวนะคะ” เหล่าพนักงานออฟฟิศประมาณห้าคนเดินออกไป

“หิวหรือยัง หยุดก่อนก็ได้นะ” ร่างแกร่งบอก

“ไม่เป็นไร กูจะทำให้เสร็จก่อน”

“นี่เป็นนิสัยที่ดื้ออย่างหนึ่งของมึงเลยนะอิน ตอนที่ทำงานที่บริษัทของมึงคงจะเป็นแบบนี้ล่ะสิ ถามจริงเคยกินข้าวครบทุกมื้อไหม”

“ก็ครบบ้าง ไม่ครบบ้าง ส่วนมากก็ซัดกาแฟทั้งวันน่ะ”

แค่คิดตามที่อินทัชพูด เขาก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว แม้ว่าเขาก็เป็นเหมือนผู้บริหาร แต่ก็ไม่ได้เป็นกิจการใหญ่โตเหมือนอย่างที่อินทัชทำ เขาก็แค่นักธุรกิจที่มีรีสอร์ทกับโรงแรมอยู่ไม่กี่สาขา แต่อย่างน้อยเกรดของรีสอร์ท โรงแรมของเขาก็อยู่ในระดับสูงอันดับต้นๆ ของประเทศที่รองรับลูกค้าระดับกลางจนถึงระดับสูง

ก็ยังดีที่ไม่ได้ต่างกันมาก

“มึงล่ะ” อินทัชถามกลับ ไม่รู้ว่าเป็นมารยาทหรือว่าอยากจะรู้จริงๆ

“กูกินทุกมื้อว่ะ ครบทั้งสามทุกวัน กาแฟไม่ค่อยดื่มเท่าไหร่”

“แค่เวลานอนก็แทบจะไม่มีแล้ว กูเดินทางต่างประเทศบ่อยๆ พูดถึงเรื่องงานแล้วก็เครียด มึงรู้ไหมว่าพ่อกูที่วางมือแล้วกับพี่สาวกูที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องบริษัทต้องเข้าไปจัดการปัญหาแทนกู ตอนนี้กูคงโดนกรรมการไล่ออกจากบริษัทของตัวเองแล้วล่ะมั้ง” อินทัชพูดเสียงเครียด ใบหน้า แววตาฉายชัดถึงความกังวลจนรามินทร์แสร้งทำเป็นหลบสายตา

รามินทร์อาจจะใจร้าย ใจแข็งกับอินทัช จริงๆ แล้วเจ้านายของคนที่นี่เป็นสุภาพบุรุษ สุภาพ อ่อนโยนที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่แสดงต่ออินทัช รักใครก็รักสุดๆ เกลียดใครก็เกลียดสุดๆ เช่นกัน

และตอนนี้เขารักอินทัช ถ้าหากเห็นสายตานั่นของร่างโปร่งบาง เขาอาจจะใจอ่อนยอมส่งอินทัชกลับไป แล้วเขาก็จะเจ็บปวดที่สุด

อย่างน้อยก็ขอทำให้อินทัชรักเขาก่อน จากนั้นเขาก็จะปล่อยไป และแน่นอนว่าเขาจะตามอินทัชไปจนกว่าจะได้คบหาดูใจกันในฐานะคนรัก

“กูขอโทษจริงๆ กูขอโทษ”

“เฮ้อ...ช่างเถอะ กูมีปัญญาแก้ไข ถ้ากลับไปได้”

“อืม...มึงเป็นคนเก่ง เป็นคนฉลาด มึงต้องทำได้อยู่แล้ว”

“อย่ามายอไอ้ราม กูไม่ชิน นั่งเงียบๆ แล้วทำงานของตัวเองไป ของกูก็ใกล้จะเสร็จแล้วด้วย ถ้างานนี้เสร็จจะให้กูทำอะไรอีกไหม รีบสั่งมาทีเดียว”

“ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”

“มึงหิวเหรอ?” ร่างโปร่งเลิกคิ้วแต่ตาก็จ้องหน้าจอไปด้วย

“ก็เริ่มหิวแล้ว มึงไม่หิวหรือไง”

“กูบอกว่าถ้าเสร็จแล้วจะไป หรือไม่ไว้ใจกู?”

“เปล่า...กูอยากพามึงไปกินข้าวด้วยกัน”

“ว่าไงนะ! พากูไปกินข้าว? หึหึ จู่ๆ ก็จะให้ทาสผู้แสนต่ำต่อยอย่างกูไปกินข้าวด้วยเนี่ยนะ มึงจะตอบความอยากรู้อยากเห็นของลูกน้องมึงยังไงฮึ?”

“ก็ไม่เห็นจะต้องตอบอะไร พวกนั้นเข้าใจว่ามึงเป็นคนรักกูตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แค่กูพามึงมาลงโทษ ใครๆ ก็เชื่อกันอย่างนั้น เพราะงั้นก็ไปในฐานะ ‘คนรัก’ ของกูที่ดีกันแล้วก็ได้” ร่างสูงตอบยิ้มๆ หัวใจเต้นแรงกับคำว่าคนรัก แม้ว่าอยากจะให้มันเป็นจริงขนาดไหนก็ตาม

“อย่ามามโนไอ้ราม ที่ผ่านมากูก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกับพวกคนงานมาตลอด เรื่องอะไรที่จะต้องเป็นคนรัก มึงก็บอกเขาไปว่า มึงพอใจแล้ว เราคุยกันแล้ว และตกลงจะเป็นแค่เพื่อน แค่นั้น” ยักไหล่ให้อย่างไม่หยี่ระที่จะต้องเป็นเพื่อนกับร่างสูง แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าเป็นคนรักล่ะนะ

“ไม่!”

“เอาแต่ใจตัวเอง”

“ก็กูอยากจะให้มันเป็นอย่างนี้ อย่างน้อยก็ขอให้มันเป็นเรื่องโกหกก็ยังดี” น้ำเสียงที่สั่นเครือ แววตาและสีหน้าที่แสนเจ็บปวดเผยให้เห็นชัดเจนจนอินทัชเม้มปากแน่น

เขาเองก็รู้สึกหนึบๆ ที่หัวใจเหมือนกัน

“เฮ้อ...อีกสิบนาทีก็แล้วกัน ค่อยไปกิน”

สุดท้าย...มึงก็ใจอ่อนอีกแล้วอิน

“ขอบคุณ” รามินทร์ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจสุดๆ ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่ดูจะจริงใจเป็นยิ้มแรกที่อินทัชเห็น พอมันยิ้มแล้วก็ดูหล่อเป็นบ้าเลย

มุมปากบางสวยยกยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะทำงานต่อให้เสร็จ


ห้องอาหารรีสอร์ทที่อินทัชได้เหยียบมันแทบจะนับครั้งได้ ทุกคนมองมาที่เขากับรามินทร์เป็นตาเดียว ก็แน่ล่ะสิ อินทัชที่อยู่ในตำแหน่งคนงานซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวสมส่วนกับกางเกงสีดำขายาวเดินคู่มากับรามินทร์ที่อยู่ในชุดแบรนด์โปรดที่ดูดีมีราคา เทียบการแต่งตัวแล้วช่างแตกต่างกันมาก หากแต่อินทัชให้มีความรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ทำให้มองว่าคนตัวบางข้างๆ กับเจ้าของที่นี่ดูมีออร่าความเป็นผู้นำและน่าเคารพนับถือมากเหลือเกิน

“จัดสองที่ วันนี้ฉันพา ‘คุณ’ อินมากินข้าวด้วย”

“ได้ครับท่าน เชิญครับ”

อินทัชลอบถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคนงานทุกคนกำลังมองเขาอย่างสนใจ เพราะไม่ค่อยจะเห็นว่าเขามาเหยียบที่นี่บ่อยๆ แต่ข่าวของเขาคงจะกระจายไปทั่วแล้ว

ก็ไม่เคยจะสนใจพวกคำครหานินทาอยู่แล้ว

“มึงอยากจะกินอะไร สั่งเลยนะ”

“อะไรก็ได้ กูกินได้หมดแหละ”

“เลือกเถอะน่า กูจะรู้ว่ามึงชอบกินอะไร” มือแกร่งยื่นเมนูที่ตัวเองดูอยู่ให้กับอินทัช ซึ่งมือขาวก็รับมาดูอย่างช่วยไม่ได้ เขาเปิดเมนูผ่านๆ ก็มีแต่เมนูที่เคยกินมาหมดแล้ว เอาตามตรงเขาคิดว่าอาหารของคนงานน่าจะอร่อยกว่าของที่ไว้ให้ลูกค้าทาน

“สลัดแซลม่อนกับน้ำส้มคั้นก็แล้วกัน”

“อืม...ทำมาสองจานเลย ฉันจะกินแบบคุณอิน” ร่างสูงหันไปสั่งพนักงานบริการของห้องอาหารตัวเอง ซึ่งร่างสูงของพนักงานก็รับคำสั่งอย่างนอบน้อมพร้อมเก็บเมนูไป

“ทำไมไม่สั่งที่มึงอยากกิน จะสั่งตามทำไม”

“ก็กูอยากจะกินเหมือนมึง”

คำตอบที่ได้ทำเอาสะอึกจนพูดไม่ออก เพราะกลัวว่าตัวเองจะพ่ายแพ้เสียเอง รามินทร์มันเป็นคนดื้อแพ่ง อะไรที่บอกว่าไม่ได้ๆ มันก็จะทำให้ได้

ก็ลองทำดู ถ้ามึงคิดว่าจะเอาชนะกูได้

“เด็กชะมัด” พึมพำเบาๆ กับตัวเอง ก่อนจะกอดอกเสหันมองรอบๆ จนพนักงานที่กำลังมองมาที่เขาถึงกับสะดุ้งเป็นแถบเมื่ออินทัชหันไปสบตา

หึหึ...คนเรานะ อยากจะรู้เรื่องของชาวบ้านเขาไปหมดเลย

“มึงยิ้มอะไรวะอิน” รามินทร์มองตามสายตาของอินทัชไป เห็นพนักงานสาวคนหนึ่งที่กำลังบีบมือก้มหน้างุดๆ ราวกับเขินอายอินทัชที่เหมือนจะยิ้มให้ แต่ให้ความเป็นจริงแล้วเธอก้มเพราะกลัวว่าอินทัชจะจับได้ว่าเธอแอบมองอยู่ ส่วนอินทัชก็ยิ้มเพราะตลกกับท่าทีของเธอ

แต่เหมือนว่ารามินทร์จะไม่คิดแบบนั้น...

“สนใจเหรอ?”

“มึงว่าไงนะ” หันมาถามอย่างงงๆ ที่จู่ๆ ก็ถามว่าสนใจเหรอ

สนใจ? สนใจอะไร

คิ้วสวยขมวดแน่น ก่อนจะมองไปยังหญิงสาวคนนั้นที่ตอนนี้รามินทร์กำลังจ้องมองเธออย่างไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ที่อินทัชสนใจคนอื่นมากกว่าคนที่พามาอย่างเขา

“เปล่า...รอตรงนี้นะ เดี๋ยวกูมา” รามินทร์ลุกขึ้นแล้วตรงไปที่พนักงานหญิงคนนั้นยืนอยู่ พูดคุยอะไรกันสักอย่างอินทัชไม่ได้ยิน แต่สังเกตเห็นสีหน้าซีดเผือดของหญิงสาวก็เข้าใจว่าเธอต้องโดนตำหนิแน่ๆ อินทัชมองเธอที่โค้งให้กับร่างสูงก่อนจะเดินไปยังมุมอื่นที่เขาไม่สามารถมองเห็น

“อะไรวะ...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”






50%

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

มาแล้วๆ คร้าบ ขอคอมเม้นท์ให้กันโหน่ยยยยย ครึ่งหลังยูกิจะลงให้วันอังคารนะคะ เพราะวันจันทร์ยูกิจะอัพพ่อเลี้ยงฯ น่ะค่ะ (ยูกิปิดเทอมอาทิตย์เดียว มีความเศร้ามาก)

ตามข่าวสาร พูดคุย ได้ที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 50% => (18/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-12-2016 00:37:54
 :m16:


ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น เลยยยยย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 50% => (18/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-12-2016 01:41:00
หมั่นไส้อีรามินทร์  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 50% => (18/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 19-12-2016 02:07:24
ไม่เห็นจะรู้สึกดี สักทีเถอะะะ
อย่ายืดไปกว่านี้เลย เอาตรงๆนะ มันเหมือนยัดเยียดรามให้อินเต็มที่เลยไม่รู้สึกเห็นถึงความพยามแท้ๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 50% => (18/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 19-12-2016 15:50:17
ราม...หึงแรงนะนาย
นี่ยังตามจีบเค้าอยู่นะคะ
สำเนียกตัวเองหน่อยดิ๊...
555+
ยังรอรามอินทร์เสมอนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 50% => (18/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-12-2016 16:08:04
ยังหมั่นไส้พระเอกไม่เลิกรา   :katai4: 
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 50% => (18/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 19-12-2016 21:49:27
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 50% => (18/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-12-2016 22:21:34
จีบเค้าน่ะ เค้ายอมให้อภัยแล้วเหรออ รามเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 50% => (18/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 19-12-2016 23:42:57
ไปว่าอะไร นีองพนักงานคนนั้นหรือป่าวน่ะ  อย่าไปยอมนะอินทัช เอาคืนหนักๆค่ะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 23-12-2016 11:56:46
ตอนที่ 34 ครึ่งหลัง




ร่างแกร่งเดินกลับมาที่โต๊ะ สีหน้าราบเรียบของรามินทร์ทำให้อินทัชไม่อยากจะปริปากถามอะไรออกไป เพราะกลัวจะโดนพาลใส่ตอนอารมณ์ไม่ดีแบบนี้ ร่างบางเลยหันมองรอบๆ เหมือนเดิม แต่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกลับคิดว่าอินทัชกำลังมองหาหญิงสาวคนนั้นอยู่ เพราะสนใจ

“อิน...มึงจะมองไปถึงไหน”

“ก็กูไม่มีอะไรจะมองนี่ ให้มองหน้ามึงงั้นเหรอ?”

“เออ!! มองหน้ากูนี่ กูพามึงมานะ” ร่างสูงเริ่มขึ้นเสียง ซึ่งมันทำให้อินทัชไม่ชอบใจมากที่โดนพาลใส่ทั้งๆ ที่เขาก็มาเพราะมันอยากให้มา ไม่ได้อยากจะมาเองเสียหน่อย

ไอ้คนไม่มีเหตุผล กูตามมึงไม่ทันแล้วนะ

“กูขอร้องจะมากับมึงหรือไง ถ้าจะเป็นแบบนี้กูขอตัวก็แล้วกัน” ร่างโปร่งหยัดกายลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดทำท่าจะเดินไปออกจากตรงนี้ไป แต่มือแกร่งกลับคว้าข้อมือบางเอาไว้ได้ทัน

หมับ!!

“กูขอโทษ อย่าไปนะ นั่งกินข้าวกับกูก่อน”

ทุกคนให้ความสนใจทั้งคู่มากเพราะตรงหน้าพวกคนงานรามินทร์กับอินทัชดูเหมือนคู่รักที่กำลังงอนง้อกันและกันอยู่ บางคนก็มองอย่างยิ้มๆ บางคนก็มองเฉยๆ บางคนก็มองอย่างไม่ชอบใจ

“มึงพาลราม มึงโกรธ มึงไม่พอใจอะไร อย่ามาลงที่กูอีก”

“กูขอโทษ กูจะพยายามนะ กูกำลังพยายาม”

“ไหนใครๆ ก็บอกว่ามึงเป็นคนใจดี ใจเย็น แต่ที่กูเห็นมันกลับตรงกันข้ามวะราม” อินทัชนั่งลงกับที่เหมือนเดิมพลางถามไปด้วยความสงสัย

พนักงานคนนั้นยังไม่ทันทำอะไรผิด แต่กลับถูกตำหนิ...

“เรื่องอะไร?”

“เมื่อกี้มึงพูดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น” รามินทร์เม้มปากแน่น อารมณ์ตอนนี้เดือดพล่านมากเพราะอินทัชทำเหมือนเป็นห่วงเธอ

ถ้าหากว่าอินทัชไม่ใช่ไบแล้วชอบแค่ผู้ชายอย่างเขา เขาจะไม่กังวลเลย แต่นี่มันผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ได้ เขาก็เลยอดกลัว อดระแวงไม่ได้ กลัวคนที่มันจะชอบ จะรักไม่ใช่เขา

เขาทนไม่ได้ เขาไม่ได้เป็นคนดีขนาดที่จะไม่อยากให้ที่ตัวเองรักรักตอบ

“กูแค่ตำหนินิดหน่อยเพราะเธอบกพร่องในหน้าที่”

“เธอทำอะไรผิดล่ะ”

“มึงไม่ต้องรู้หรอก”

“ก็แล้วแต่ แต่ทำอะไรมึงต้องคิดด้วย อะไรที่มันเล็กน้อยมึงก็ต้องดูด้วยว่ามันพอจะอนุโลมได้ไหม ไม่ใช่ตำหนิๆ อย่างเดียว ทำแบบนี้ใครเขาจะไปอยากทำงานด้วย” ได้ทีก็สอนออกไป ซึ่งรามินทร์ก็ยิ้มรับอย่างเต็มใจที่จะฟัง ถ้าเป็นแต่ก่อนคงจะไม่พอใจแล้วตะโกนด่าว่า ‘อย่ามาสอนกู!!’ อะไรทำนองนี้แน่ๆ

“ขอบใจที่แนะนำ”

“เออ...กูแค่เผลอพูดน่ะ ไม่ได้อยากจะบอกอะไรหรอก”

“ก็ดีแล้ว กูจะได้นำแนวคิดการบริหารคนงานจากผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ มาใช้กับรีสอร์ทกูบ้าง ถือว่าเป็นความโชคดีของกูล่ะมั้ง” รามินทร์ว่า ไม่ใส่ใจหนำซ้ำยังหัวเราะออกมาด้วย

อย่างกับคนละคนกันเลย

“ไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากคนอย่างมึง”

“จะคิดว่ามึงชมก็แล้วกัน”

“ก็เอาที่สบายใจเลย กูคงจะว่าอะไรมึงมากไม่ได้หรอก เดี๋ยวลูกน้องมึงจะมารุมด่ากูเอา”

“ใครจะไปกล้าว่าอะไรมึง ทุกคนที่นี่เขาเห็นมึงดีกว่ากูอีก”

“อย่ามาเวอร์”

ทุกๆ วันนี้คนที่เขารู้จักก็ยังเท่าเดิมจากวันแรกๆ นอกนั้นก็ไม่มีใครอยากจะคุยกับเขาสักเท่าไหร่ เพราะข่าวที่เขาเป็นแฟนของมันแต่ดันมีชู้เนี่ยแหละ เขาก็เลยพากันมองอย่างตัวน่ารังเกียจ

ไม่อยากจะนึกถึงมันหรอกเพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมองแบบนั้น

ถามว่าอยากจะแก้ต่างให้ตัวเองไหม ก็อยาก แต่เขาพูดไปมันจะไปน่าเชื่อถือกว่าคนเป็นเจ้านายอย่างรามินทร์ได้ยังไง ก็เลยกลายเป็นว่าเขาเงียบก็เหมือนกับยอมรับเรื่องพวกนั้น คิดแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างนึกสมเพชตัวเอง ปลอบตัวเองว่าเดี๋ยวก็ผ่านไป กลับไปแล้วทุกคนก็จะลืม

“มึงเป็นอะไร หิวแล้วเหรอ กูจะตามอาหารให้ก็แล้วกัน”

“ไม่ต้อง! อย่าแซงคิว มึงเป็นเจ้าของนะ ไม่ควรจะทำอะไรที่มันผิดจรรยาบรรณเอง ต่อให้หิวมึงก็ควรรอตามคิว เพราะเขากำลังทำอาหารให้ลูกค้ามึงอยู่”

ที่ผ่านมาทำไมเขาถึงได้มองข้ามความดี ความอ่อนโยนของอินทัชไปได้นะ...

ทำไมถึงไม่มองเห็นให้เร็วกว่านี้...

อะไรๆ จะได้ไม่สายเกินไปแบบนี้...

“โอเคๆ กูจะไม่ทำแล้ว ว่าแต่มึงทำหน้าเครียดๆ ทำไมล่ะ”

“เปล่าหรอก กูคิดอะไรนิดหน่อย”

“อือ...”

ไม่ถามออกไปหรอก รู้ดีว่าถ้าเข้าถามออกไป เขาก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมาอยู่ดี เพราะอินทัชไม่ได้ไว้วางใจอะไรเขาขนาดนั้น ไม่สิ...ไม่เคยไว้ใจเลยต่างหาก

แต่มันก็เป็นเพราะมึงเองนั่นแหละราม มึงโกหกมันมากี่ครั้ง มึงไม่เคยรักษาสัญญาที่ให้ไว้ ไม่แปลกอะไรที่มันจะไม่เชื่อใจมึง ไม่ไว้ใจมึง

ต้องพยายาม พยายามมากกว่านี้อีก...



อินทัชนั่งดูงานของเจ้าจอมอยู่นิ่งๆ คิ้วขมวดแน่นเพราะตัวเลขมันดูแปลกๆ จะถามไอ้คนที่ยัดเยียดงานให้ก็ดันไม่อยู่ ไปธุระข้างนอกกับลูกค้ากะทันหัน ทิ้งให้ร่างโปร่งนั่งทำงานต่อไปโดยไม่แจ้งรายละเอียดอะไร แต่คนที่บริหารงานมาหลายปี ผ่านปัญหาใหญ่ๆ มามากมาย งานง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้น่าปวดหัวเท่าไหร่

“คุณรามไปไหน”

“ไปคุยกับลูกค้าข้างนอก”

“จะกลับมาตอนไหน” เธอถามต่อ

“ไม่รู้ มันไม่ได้บอกเอาไว้”

“นี่นาย...เรียกคุณรามที่เป็นเจ้านายว่ามันได้ยังไง” เธอตำหนิเสียงแข็ง ร่างโปร่งถอนหายใจแรงๆ เงยหน้ามองหญิงที่เดินมาถามเขาด้วยสายตาที่เรียบเฉย ก่อนจะถึงบางอ้อเพราะหญิงสาวคนนี้เป็นคนเดียวกับพนักงานหญิงที่ก่อนจะไปทานข้าวถามรามินทร์ว่าจะเอาอะไรไหม

ปลา...

“ก็เรียกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นว่า ‘มัน’ จะว่าอะไรเลย”

“แต่ก็ไม่เหมาะที่จะเรียกแบบนั้นนะ ไม่รู้จักที่ต่ำ ที่สูงจริงๆ”

“โห...ที่ต่ำ ที่สูง ยังไงหรือ ที่ฉันรู้ๆ นะ เราก็ยืนอยู่บนพื้นดินเหมือนกันนี่ ไม่เห็นจะมีใครเหาะได้ ลอยได้เลยสักคน” อินทัชเองก็ไม่ไหวกับนิสัยแบบนี้เหมือนกัน

ไม่หาเรื่องเขาก่อนเขาก็ไม่ตอบกลับหรอก แต่นี้เหมือนเธอจะเกลียดๆ เขายังไงก็ไม่รู้

“กวนประสาทฉันเหรอ!!!”

“นี่!! อย่าส่งเสียงดังจะได้ไหมฉันกำลังทำงานอยู่ไม่เห็นหรือไง”

“คนที่ฉันเห็นว่าวันๆ เอาแต่ทำงานยกปูน ก่อทราย เป็นคนสวน ซักผ้าอย่างนายน่ะ จะทำงานของคนที่มีการศึกษาอย่างงานคุณจอมได้ยังไง เดี๋ยวบัญชีก็เสียหายเปล่าๆ”

ยัยนี่...มันเป็นพวกชอบดูถูกคนนี่หว่า...เป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาๆ ที่เงินเดือนยังไม่เท่ากับแม่บ้านของบริษัทเขาด้วยซ้ำ ยังจะมาทำปากเก่ง อวดว่ามีการศึกษาอยู่อีก

“ถ้าฉันไม่มีการศึกษา ไอ้รามมันจะให้ฉันมานั่งทำได้ยังไง ฮึ! แม่ปากนกแก้ว”

“แก!!!”

“หยุดนะปลา เธอจะทำอะไรคุณอินน่ะ” เพื่อนพนักงานที่อยู่ในห้องทำงานอีกห้องซึ่งแบ่งเป็นโซนสำหรับพนักงานทั่วไปไว้ในห้องเดียวกันก็เปิดประตูออกมาห้าม

“ก็มันว่าฉัน!!”

“นี่ปลา ขอโทษคุณอินเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย ก็มันเป็นแค่คนงานกระจอกๆ ริอาจมานั่งโต๊ะทำงานคุณจอมได้ยังไง” เธอยังคงพ่นแวดๆ ออกมาไม่หยุด ทำเอาร่างโปร่งถึงกับรำคาญหูยังไงชอบกล

“ก็เป็นคำสั่งของคุณราม เธอไม่มีสิทธิ์นะ” หญิงสาวที่มาห้ามขึ้นเสียงว่า ทำเอาเธอเม้มปากแน่น มองหน้าของอินทัชอย่างไม่พอใจที่สุด

“ก็คุณจอมฝากให้ฉันทำแทนนี่ แล้วไอ้บ้านี่ก็มาแย่งฉันได้ยังไง”

“ปลา!!! ที่คุณจอมฝากให้เธอทำไม่ได้หมายความว่าเธอจะได้ทำที่คุณอินกำลังทำอยู่ได้นะ คุณจอมให้เธอดูแลในส่วนของใบเสร็จแล้วบันทึกสมุดก็เท่านั้น เพราะคุณจอมจะกลับมาทำต่อเอง แต่นี่คุณรามเป็นคนพาคุณอินที่มีความรู้และประสบการณ์มาช่วยทำให้เสร็จก่อนก็เป็นเรื่องของท่าน เธอไม่มีสิทธิ์นะ การทำงานของทุกสาขา คนที่ดูแลบัญชีของสาขานั้นได้จะต้องเป็นคนในครอบครัวและญาติๆ ของคุณรามเท่านั้น คนนอกไม่มีสิทธิ์!!! จำกฎไม่ได้หรือไง”

ปลานิ่งไปเมื่อเจอเหตุผลนั้น แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอินทัชมีอะไรเกี่ยวข้องกับรามินทร์ถึงมีสิทธิ์มานั่งดูบัญชีของรีสอร์ทได้แบบนี้

“แล้วมันล่ะ มันเป็นคนในครอบครัวด้วยหรือไง”

“นี่คุณอินทัช ชยอัมรินทร์ ธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่เป็นผู้บริหารอัมรินทร์กรุ๊ป และเป็นคนรักของคุณรามด้วย เท่านี้ก็มีสิทธิ์ มีความสามารถ มีการศึกษามากพอที่คุณอินจะทำแทนได้แล้วใช่ไหม!!” หญิงสาวเบิกตากว้าง อ้าปากค้างมองหน้าอินทัชทันที ส่วนร่างโปร่งเองก็แปลกใจที่หญิงสาวคนนี้รู้จักเขาด้วย ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ค่อยจะออกทีวีหรือหนังสือพิมพ์เท่าไหร่นัก และไม่คิดว่าคนที่นี่จะรู้จักด้วย

“อ่ะ อัมรินทร์กรุ๊ป” ปลาเสียงสั่น หน้าซีดเผือดเหมือนคนเห็นผี

“ใช่!! รู้แล้วก็กลับเข้าไปทำงาน แล้วอย่าปริปากบอกใครล่ะ ไม่งั้นฉันจะบอกคุณราม และคุณรามต้องไล่เธอออกแน่ๆ”

“เอ่อ...อือ” หญิงสาวเดินกลับไปในห้องด้วยสภาพที่เหมือนวิญญาณยังไม่กลับร่าง ส่วนหญิงสาวที่ออกมาห้ามทัพก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะมองหน้าอินทัชแล้วโค้งให้อย่างต้องการขออภัย

“ขอโทษแทนปลาด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณรู้จักผมได้ยังไง” อินทัชขมวดคิ้วสงสัย

“ดิฉันชื่อ ไพลิน เคยเป็นพนักงานฝ่ายจัดซื้อที่สำนักงานหลักของอัมรินทร์กรุ๊ปค่ะ” อินทัชยิ้มออกมาบางเบา การได้เจอลูกน้องเก่าที่ตัวเองไม่รู้จักนั้น จะเรียกว่าบังเอิญหรือว่าอะไรดี

“ครับ...ว่าแต่ว่าทำไมถึงได้ลาออกจากบริษัทหรือครับ หรือว่ามีปัญหาอะไร ผมกลับไปจะได้จัดการว่าทำไมพนักงานถึงได้ลาออก” แซวออกไปเล่นๆ เรียกเสียงหัวเราะให้กับหญิงสาวทันที

เธอเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มีโอกาสคุยกับคนที่เธอคิดมาตลอดว่าช่างอยู่สูงจนคนอย่างเธอเอื้อมไม่ถึง แต่ตอนนี้เธอได้ยืนอยู่ตรงหน้าเขา...แต่ต่อให้ยืนอยู่ตรงหน้าจนเอื้อมมือก็ถึง หากก็ไม่อาจจะมีความหวัง...

เพราะเจ้านายคนเก่าของเธอเป็นคนรักของเจ้านายคนใหม่

“ดิฉันต้องมาดูแลแม่น่ะค่ะ ท่านป่วยเลยต้องลาออกแล้วมาทำงานที่นี่แทน โชคดีที่คุณรามรับเพิ่ม”

“บริษัทมีสวัสดิการให้เงินรักษาบุพการีนี่ครับ หรือว่าไม่พอ”

“ค่ะ...แล้วท่านก็ไม่มีใครดูแลด้วย ดิฉันเลยต้องกลับมา ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสคุยกับคุณอินแบบนี้เลย”

“ฮ่าๆ ตอนที่ผมอยู่บริษัท ผมค่อนข้างจะหยิ่งสินะครับ แต่ถ้าจะเข้าไปคุย ไปทักก็ได้ ผมก็คุยด้วยหมดแหละ ไม่ได้อยากห่างเหินกับพนักงานของตัวเองเหมือนกัน”

“ดิฉันทราบค่ะ”

เพราะดิฉัน...เฝ้ามองคุณมาโดยตลอด

“งั้นคุณไพลินกลับเข้าไปทำงานต่อเถอะครับ เดี๋ยวเจ้านายคุณจะดุเอาได้ ผมช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะครับ” อินทัชพูดออกมา ซึ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียดายที่มีโอกาสก็ได้คุยแค่นิดเดียว

ตลอดที่อินทัชอยู่ที่นี่ เธอตามดูอยู่ห่างๆ แต่ก็ตามไปที่บ้านพักของรามินทร์ไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าอินทัชต้องทำงานหนักยังไงบ้าง แต่ทุกครั้งที่เธอเห็น เธออยากจะเข้าไปช่วยเหลือมากมายเหลือเกิน อยากจะเอาน้ำไปให้ดื่ม อยากจะเป็นคนซับเหงื่อให้ หากแต่ข่าวที่ว่าอินทัชเป็นคนรักของรามินทร์แต่มีชู้นอกใจจนต้องถูกจับมาทำโทษมันก็ทำให้เธอเชื่อสนิท เธอรู้ดีว่าคนที่ตัวเองแอบรักมีคู่ควง คู่นอนที่เป็นชายและหญิงสลับไป บางครั้งก็รู้สึกโกรธรามินทร์จนแทบบ้าที่ทำให้เทวดาของเธอต้องอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้แบบนี้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่มองเท่านั้น

“ค่ะ...”

“เดี๋ยวครับ คุณไพลินไม่สบายหรือเปล่าครับ สีหน้าไม่ดีเลย”

“ป่ะ เปล่า...เอ่อ ก็รู้สึกไม่สบายนิดหน่อยน่ะค่ะ” จากที่คิดจะปฏิเสธบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร กลับต้องเปลี่ยนมาบอกอีกอย่าง

เธอคาดหวังว่าจะได้รับการดูแลจากอินทัช ผู้ชายสูงส่งที่เธอคอยแหงนมองดูเสมอ

“ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่าไหมครับ เดี๋ยวผมจะบอกรามให้”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวทานยาแล้วค่อยไปทำงานต่อดีกว่า”

“อย่างนั้นเหรอครับ ถ้าไหวก็ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าไม่ไหวกลับไปพักดีกว่า ผมเชื่อว่ารามมันก็ไม่ใช่คนที่จะทารุณลูกน้องตัวเองแบบนั้น”

ทารุณค่ะ...ทารุณมากๆ

อยากจะใส่ร้ายรามินทร์เหลือเกิน แต่เธอก็ไม่กล้า...

“ค่ะ ขอตัวนะคะ” ในจังหวะที่เธอหมุนตัวกลับไป ความคิดบางอย่างก็แทรกเข้ามาในหัวก่อนที่ร่างจะเซจนเกือบล้มลงพื้น ถ้าไม่ติดว่ามือและแขนของอินทัชขยับมาโอบรับเอาไว้ได้ก่อน

หมับ!!

“ผมว่าไปพักดีกว่านะครับ”

“ข่ะ ขอบคุณนะคะคุณอิน” เธอหันมามองสบตาอินทัชด้วยสีหน้าที่แดงซ่าน อินทัชตกใจนิดๆ ก่อนจะทำสีหน้าราบเรียบเหมือนเดิม ยกร่างหญิงสาวให้ยืนตัวตรง ก่อนจะขยับมายืนห่างๆ อย่างต้องการทิ้งระยะไม่ให้ดูน่าเกลียด

“ไม่เป็นไรครับ”

“ขอตัวนะคะ” เธอหันหลังเดินกลับเข้าห้องไปอย่างรู้สึกผิดหวังเพราะอินทัชไม่ประคองเธอไปที่ห้องทำงานอย่างที่วาดฝันเอาไว้ เธอไม่มีสิทธิ์ ไม่มีหวังเลยสินะ

ได้แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ...เธอเสียใจแต่เธอก็รู้ตัวเองดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย แค่ได้อยู่ในอ้อมแขน แม้จะเพียงไม่กี่วินาทีก็ตาม เธอจะจำเอาไว้...

“เฮ้อ...” อินทัชถอนหายใจ เดินมานั่งที่เก้าอี้เหมือนเดิม เขาส่ายหน้าไปมาเพื่อสลัดสายตาที่แสดงชัดว่ารักและเสน่ห์หาเขามากแค่ไหนนั้นออกไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะทำให้เธอสมหวังได้ แต่ตอนนี้ อินทัชรู้สึกว่ามันทำไม่ได้แล้ว มันไม่มีความต้องการอะไรแบบนั้นเลย ทั้งๆ ที่เขามันพวกมีความต้องการสูง

หลังจากโดนรามินทร์กอด ก็เหมือนว่าจะรู้สึกกับคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว ทั้งๆ ที่คนงานสาวสวยมีมากมาย ให้ท่าบ้าง ยั่วบ้างแต่เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด...แล้วถ้าเป็นรามินทร์...

ไม่!!!

“ทำไม ถอนหายใจเสียดายเหรอ” เสียงทุ้มที่ประโยคชวนหาเรื่องมีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ

“มาตั้งแต่ตอนไหน”

“ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ไพลินแนะนำตัวกับมึงนั่นแหละ” ร่างสูงเดินเข้ามาอย่างไม่สบอารมณ์

“สมองคิดได้แต่เรื่องสกปรกหรือไง...ที่กูถอนหายใจเพราะกูเหนื่อยใจต่างหาก”

“ก็นึกว่าเสียดาย”

อินทัชส่ายหน้าไปมา ไม่สบอารมณ์ที่ยังโดนแขวะไม่หยุด จนต้องส่งสายตาดุๆ มาห้ามปราม ซึ่งรามินทร์ก็ทำท่าจะกระโจนเข้าหา หากแต่ก็ชะงักตัวเองเอาไว้กับที่ได้ กำหมัดแน่นระงับอารมณ์หึงหวงเอาไว้

เขากำลังพยายาม เขาก็ต้องทำให้ได้

“ขอโทษนะ ขอโทษ...อย่าโมโหกูนะ”

ดวงตาใสเบิกกว้างไม่คาดคิดว่าร่างสูงจะทนมันได้ทั้งๆ ที่ขยับตัวจะมาหาเขาแล้วเชียว...ที่มันบอกว่ามันพยายาม มันก็พยายามอย่างหนักจริงๆ เห็นทีว่าเขาเองก็ต้องพยายามเหมือนกัน

พยายามไม่ให้ตัวเอง ‘มีใจ’ ให้กับรามินทร์...






100%

 :impress2: :impress2: :impress2:

   ขอโทษค่า บอกว่าจะมาวันอังคาร แต่ล่อมาวันศุกร์เลย ฮือ ยูกิลืมอ่ะค่ะ ถ้าคราวหน้ายูกิบอกว่าจะลงวันไหนแต่ยังไม่อัพ ไปเตือนยูกิหน่อยน้า ช่วงนี้จำอะไรไม่ค่อยได้เลย

   อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะที่รัก

พูดคุย ทวงนิยาย ติดตามข่าวสารที่แฟนเพจเลยค่า https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 23-12-2016 12:41:29
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 23-12-2016 13:03:38
อยากอ่านอีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-12-2016 13:20:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 23-12-2016 13:42:11
มาอีก มาบ่อยๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 23-12-2016 15:52:25
เค้าก็จะพยายามนะ....พยายามไม่คิดถึงอินกับราม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 23-12-2016 16:04:29
มาน้อย ไมัทันหายคิดถึงเลยนะ
 :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-12-2016 18:51:48
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 23-12-2016 19:02:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 23-12-2016 23:04:11
สงสารอ่า เหมือนคนเป็นโรคประสาทเลยรามน่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-12-2016 23:27:13
 :serius2:


มันต้องไม่ใช่ตอนนี้ คุณอิน !!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 34 100% => (23/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-12-2016 02:18:43
อื้อหืออออ
กำลังพยายามกันอย่างสวนทางกัน
อินจะทนได้ถึงไหน?
รามจะพยายามได้ถึงไหน?
อะไรจะทำให้นายสองคนรักกันนะ?

อยากอ่านต่อมากกกก
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 50% => (29/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 29-12-2016 21:46:18
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 35
ฉันก็รักนาย





หลังจากที่รามินทร์กับอินทัชหายดีจนสามารถทำงานได้ปกติ เจ้าจอมก็สั่งให้จักรลางานไปกรุงเทพด้วยกัน ซึ่งรามินทร์ก็ไม่ได้ว่าอะไร คิดว่ามีธุระสำคัญต้องทำเลยให้ไป โดยไม่รู้ว่าน้องชายคนนี้จะกลับมาพร้อมกับใครอีกคนที่รามินทร์คาดไม่ถึง

“คุณจอมจองโรงแรมไหนไว้ครับ”

“ไม่ใช่โรงแรมหรอก เป็นคอนโดของฉันเอง พ่อซื้อให้ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยน่ะ ตอนนี้ก็ปล่อยทิ้งไว้ แต่ก็จ้างแม่บ้านไปทำความสะอาดตลอด”

“ขับตามแผนที่เลยนะครับ”

“อือ...ตามนั้นแหละ”

“ทำไมคุณจอมดูเครียดๆ จัง เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“เรื่องน่าปวดหัวกำลังจะเกิดขึ้น เร็วๆ นี้แหละ เดี๋ยวนายก็รู้เอง” เจ้าจอมไม่อยากจะพูดบอกอะไรมากมายนัก เพราะตัวเองก็จะกังวลไปด้วย

เขาไม่อยากกังวล ไม่อยากเครียดให้ปวดหัวแบบนี้เลย แต่พอนึกถึงว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นก็อดจะขมวดคิ้วไม่ได้

“ถ้ามันยังไม่เกิด คุณจอมก็อย่าเพิ่งเครียดจะดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะปวดหัวเอา”

“ฉันก็ว่างั้น เฮ้อ...” ร่างบางถอนหายใจก่อนจะเอียงศีรษะซบคนขับรถอย่างจักรเพราะต้องการกำลังใจ ร่างสูงอมยิ้มยินดีที่ได้อยู่ข้างๆ กับดอกฟ้าของเขา

แค่นี้ก็มากเกินที่ฝันแล้ว แต่ทำไม...กลับรู้สึกต้องการมากกว่านี้อีก

นี่เขากำลังละโมบอยู่ใช่ไหม...แล้วเจ้าจอมจะรู้สึกแบบเดียวกันหรือเปล่า

“นายเคยอยู่ที่กรุงเทพนี่ ตอนนั้นใช้ชีวิตยังไงบ้างเหรอ” จู่ๆ เจ้าจอมก็ถามถึงชีวิตในอดีตของจักร ซึ่งร่างสูงก็ยินดีที่จะตอบหากว่าเจ้าจอมถาม

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน เขาก็จะตอบให้เจ้าจอมได้รับรู้ ไม่มีปิดบัง ไม่มีการโกหก เพราะคนอย่างเขามีความซื่อสัตย์ต่อคนที่เขารักและเคารพเสมอ

“ผมเคยมาทำงานอยู่ช่วงหนึ่งกับแฟนน่ะครับ แต่เธอทนความลำบากไม่ได้เลยทิ้งผมไปกับคนใหม่ที่รวยกว่า ส่วนผมก็ตัดสินใจกลับบ้านไปดูแลพ่อแม่ดีกว่า แต่ได้ไม่นานท่านทั้งสองก็จากผมไป”

“เล่าสั้นๆ อย่างนี้เลยเหรอ ผู้หญิงคนนั้นใจร้ายใจดำจังเลยนะ”

“ครับ...แต่ผมก็เสียใจไม่นานหรอกครับ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีค่าอะไรที่จะทำให้ผมต้องรักเธอต่อไป”

“แค้นฝังลึกนะนาย นี่ถ้าฉันหักอกนาย นายจะฆ่าฉันไหมเนี่ย” เจ้าจอมถามเล่นๆ

“ผมไม่ทำอะไรคุณจอมหรอกครับ ผมจะทำใจ รับได้ และจะคอยมอง คอยดูแลคุณจอมตลอดไป”

เจ้าจอมหันไปยิ้มคนเดียวอย่างชอบใจ ใบหน้าแดงซ่านเพราะเขินกับคำพูดที่แสนจะจริงใจของจักร ร่างบางดีใจและตื้นตันใจที่ร่างสูงมอบความรักให้ขนาดนี้

“ก็ดี...ว่าง่ายๆ แบบนี้ก็ถือว่าดี” แต่ก็ยังแกล้งร่างสูงให้รู้สึกหวาดกลัวด้วยประโยคที่ตอบอย่างคลุมเครือ

จักรใจกระตุกวาบ คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าเจ้าจอมคงจะปฏิเสธตัวเองแน่ๆ แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ เขาจะยอมรับทุกการตัดสินใจของเจ้าจอม เพราะได้แค่นี้ก็ถือว่ามากมายพอแล้วสำหรับคนต่ำต้อยอย่างเขาที่ฐานะก็ยากจน เป็นคนงานในรีสอร์ทอีก ใครจะไปอยากเป็นคนรักของเขากัน


เมื่อมาถึงคอนโดของเจ้าจอม ก็เป็นเวลาเย็นพอดี ร่างบางก็เดินเข้าไปในห้องของตัวเองอย่างเคยชินในฐานะเจ้าของบ้าน แต่จักรที่เพิ่งจะเคยมาก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงห้องโถง

“ที่นี่มีสองห้องนอนนะ นายไปนอนห้องเดียวกับฉันเพราะรินจะพาแฟนมาด้วย”

“คุณริน? คุณรินกลับมาไทยหรือครับ” จักรถามอย่างแปลกใจ

“ใช่...จะกลับมาเยี่ยมพี่รามแล้วก็จัดการเรื่องทุกอย่างให้มันถูกต้องด้วย”

“เรื่องทุกอย่าง...เรื่องของไอ้อินใช่ไหมครับ”

“อืม...พี่อินควรได้รู้ความจริงเสียที พี่รามจะได้ปล่อยให้พี่อินกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง” เจ้าจอมพูดเสียงแผ่ว รู้สึกใจหายที่จะไม่ได้เจอกับอินทัชอีกแล้ว

เขารักอินทัชเหมือนพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่ง

“จะเกิดอะไรขึ้นครับ แล้วความจริงคืออะไร?” จักรมีสีหน้าที่งงงวย ไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าจอมต้องการจะสื่อเลยสักนิด หากแต่คำตอบที่ได้กลับเป็นรอยยิ้มบางเบาๆ

“วันนั้นนายจะรู้เอง”

“ครับ...”

“เอาของไปไว้ในห้องได้แล้ว คืนนี้รินคงจะถึงแต่ว่าเราค่อยรอเจอพรุ่งนี้เช้าเลย เดินทางจากฝรั่งเศสมาที่นี่คงจะต้องการพักน่ะ”

“ครับคุณจอม...”

ร่างสูงเดินถือกระเป๋าใบเก่าของตัวเองไปในห้องนอนที่เจ้าจอมเข้าไปแล้วก่อนหน้านี้ มองอย่างสำรวจก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด...

นี่คือชีวิตคุณจอม...แล้วมึงจะพาคุณจอมมาลำบากเหรอถ้าหากมึงกับคุณจอมรักกันจริงๆ มึงจะเลี้ยงดูคุณจอมได้เหรอ ในเมื่อชีวิตของเจ้าจอมเป็นแบบนี้

“ห้องสวยๆ เหมาะกับดอกฟ้าที่สุดแล้ว ไม่เหมาะกับห้องเก่าๆ โทรมๆ หรอก” ร่างแกร่งพึมพำเบาๆ โดยไม่รู้ว่าเจ้าจอมยืนอยู่ด้านหลังตัวเองและได้ยินทุกประโยค มองเห็นทุกท่าทาง

ร่างเล็กส่ายหน้าไปมาอย่างระอา เพราะก่อนจะมาก็คิดเอาไว้แล้วว่าจักรต้องคิดเปรียบเทียบ ความจริงแล้วอยู่คอนโดที่มีครบทุกอย่างเตียงนุ่มๆ แอร์เย็นๆ มันก็สบายกว่าห้องเก่าๆ โทรมๆ ที่มีแต่พัดลมก็จริง แต่ว่าสุขทางใจล่ะ...อยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนที่เจ้าจอมมีความสุข แต่อยู่ที่นั่นเจ้าจอมมีความสุขมากกว่า

“จักร...วางกระเป๋าแล้วไปซื้ออะไรมาให้ฉันกินหน่อย”

“เอ่อ...ครับคุณจอม”

“ซื้อด้านล่างนี่แหละไม่ต้องไปไกล ฉันจะอาบน้ำรอก็แล้วกัน”

“ได้ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวสิ...นั่นคีย์การ์ด เอาไปด้วย เผื่อฉันยังอยู่ในห้องน้ำ ส่วนนายถ้ามาถึงก่อนที่ฉันจะออกจากห้องน้ำก็เข้าไปอาบน้ำในห้องของรินก่อนนะ”

“ครับคุณจอม”

ดวงตาสวยจ้องมองแผ่นหลังแกร่งที่เดินออกจากห้องไปอย่างเจ้าเล่ห์ มุมปากยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันมองตัวเองผ่านกระจกของโต๊ะเครื่องแป้ง เขามองใบหน้าก่อนจะไล่ไปมาบนร่างกายตัวเอง

“หึ...นายคิดจะปล่อยมือฉันงั้นสิ”

ไม่มีทางหรอกนะจักร...นายเป็นของฉัน ฉันรักของฉันมากี่ปีแล้ว และฉันจะไม่ยอมปล่อยนายไปเด็ดขาด ก็เอาสิ...ถ้าคิดว่าจะปล่อยมือจากฉันได้น่ะ

 
ทางด้านจักรที่ลงลิฟต์มาชั้นล่างก็เดินไปสั่งอาหารมาสองสามอย่างโดยที่มีของตัวเองด้วย รู้ดีว่าถ้าเขาไม่มีของตัวเองไป เจ้าจอมจะไม่ยอมกิน ถึงไม่ได้สั่งมาร่างแกร่งก็รู้ดี

“ประมาณกี่นาทีได้ครับ”

“ประมาณสิบห้านาทีครับ”

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมมารับก็แล้วกันนะครับ”

“ได้ครับคุณลูกค้า”

จักรเดินออกมาจาตัวคอนโดก็พบว่าข้างนอกมีร้านขายของมากมายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า มินิมาร์ท ร้านสะดวกซื้อ ร้านดอกไม้...

สายตาคมสะดุดกับความโดดเด่นของสีแดงจากร้านดอกไม้ เขาเดินไปหามันทันทีอย่างไม่ลังเล ยืนจ้องมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย

“คุณจอมชอบกุหลาบ”

“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”

“เอ่อ...ผมขอซื้อกุหลาบแดงแค่ดอกเดียวได้ไหมครับ” ร่างสูงถามกลับไปอย่างประหม่าเมื่อหญิงสาวที่เป็นพนักงานร้านดอกไม้เดินมาถามตน

“ได้สิคะ จะเอาไปให้แฟนหรือคะ” เธอถามยิ้มๆ

“อ่า...ครับ”

“งั้นเดี๋ยวดิฉันจัดการให้ค่ะ สักครู่นะคะ”

“ครับ”

ไม่นานร่างสูงก็ได้ดอกกุหลาบแดงหนึ่งดอกที่พนักงานนำไปเอาหนามออกแล้วใส่โบว์มาให้ด้วย จักรจ่ายเงินไปทันที มองความสวยงามของมันอย่างหลงใหล

กุหลาบแดงเหมาะกับคุณจอม

“หวังว่าคุณจะชอบนะครับ”

ร่างสูงเดินกลับไปเอาอาหารที่สั่งไว้แล้วขึ้นลิฟต์ไปยังห้องของเจ้าจอมทันที รู้สึกตื่นเต้นจนประหม่าไปหมด เขาอยากจะทำให้ร่างเล็กชอบและประทับใจ

เขามีปัญญาซื้อให้แค่ดอกเดียว ไม่ได้มีช่อใหญ่ๆ ให้ แต่เขามีความจริงใจอย่างเต็มเปี่ยม และมีความรักอยู่เต็มอก...

“ยังอาบน้ำไม่เสร็จสินะ”

เขาเอาดอกกุหลาบไปซ่อนไว้ก่อน เอาอาหารไปวางที่โต๊ะรับประทานอาหาร ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าแล้วไปอาบน้ำอีกห้องหนึ่งตามคำสั่งของเจ้าจอม...


อึก!!

“คุณจอม...” เรียกเจ้าของห้องอย่างแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าร่างบางแต่งตัวแบบไหนอยู่

เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีขาวตัวเดียว โชว์เรียวขาขาวเนียนน่าสัมผัส สายตาคมมองจ้องไปยังส่วนที่ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ต้องมองเมื่อเห็นของสวยๆ งามๆ มันเลื่อนขึ้นลงตามจังหวะในการขยับร่างกาย คนที่ปกติดูตัวเล็กอยู่แล้วพอใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ แบบนี้กลับดูตัวเล็กลงไปอีก

เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ยอมรับว่าการเผชิญหน้ากันตอนนี้เขาต้องใช้ความอดทนมากแน่ๆ เคยได้สัมผัสมาแล้วแม้จะเพียงชั่วเวลาสั้นๆ แต่ความเนียนนุ่มก็ตราตรึงในความรู้สึก

เจ้าจอมแต่งตัวปลุกความกระหายของสัตว์ป่าให้ตื่นขึ้นแบบจงใจ

“มาแล้วเหรอ ฉันแกะใส่จานแล้ว มากินได้เลย”

“ค่ะ ครับ”

“เป็นอะไรน่ะ เสียงดูแปลกๆ นะ”

“ป่ะ เปล่าครับ แต่...คือ ผมยังไม่ค่อยหิว คุณจอมทานก่อนได้เลยครับ” ร่างสูงคิดว่าตัวเองคงจะทนไม่ได้แน่ๆ ก็เลยขอไม่ร่วมโต๊ะกับเจ้าจอมจะดีกว่า

“มานั่ง!! แล้วก็กิน จะได้ล้างจานทีเดียว” ร่างเล็กสั่งเสียงเข้ม ทำเอาร่างสูงไม่กล้าจะขัดใจเพราะกลัวจะโดนโกรธอีก เพราะเรื่องของแก้วเขาสองคนก็ยังไม่ได้เคลียร์กันอย่างจริงจังเลย

ไม่รู้ว่าเจ้าจอมจะเข้าใจหรือเปล่า...

เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับคนตัวเล็กกว่า ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มลงมือทานอาหารโดยที่จักรเองก็ไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิด กลัวว่าตัวเองเจออะไรที่มันยั่วยวนมากๆ เขาจะเผลอไปแบบไม่มีสติเอา

เคร้ง!

เจ้าจอมเห็นท่าทีของจักรที่เริ่มเหงื่อออก สีหน้าที่ดูพยายามที่จะหักห้ามและอดทน ไหนจะไม่มองหน้าเขาอีก เลยอยากจะแกล้งโดยทำช้อนตกไปที่ใต้โต๊ะ

“โอ๊ะ...ช้อนตก” ร่างบางทำท่าจะก้มลงไปเก็บแต่จักรก็ห้ามเอาไว้ก่อน

“อย่าครับ เดี๋ยวผมเก็บให้” ที่อาสาเพราะหวังจะซ่อนสีหน้าและหลบอีกคนแม้จะเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็ตามที

“อือ...ขอบคุณนะ”

โดยไม่รู้เลยว่าการที่เขาคิดแบบนี้มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ เพราะทันทีที่จักรมุดไปใต้โต๊ะก็เห็นช้อนตกอยู่ใกล้ๆ กับปลายเท้าสวยของเจ้าจอม เสื้อเชิ้ตตัวเดียวเวลานั่งลงแล้วชายเสื้อจะร่นขึ้นเผยขาอ่อนขาวเนียนที่หยุดชะงักสายตาคมให้จ้องมองอย่างเผลอไผล และเป็นจังหวะเดียวที่เจ้าจอมแสร้งสลับขาไขว่ห้าง

อึก...

ร่างแกร่งมองขาขาวตรงหน้าด้วยสายตาพร่าเลือน มือยื่นไปหวังจะสัมผัส หากแต่ก็มีสติได้ก่อนเลยรีบหยิบช้อนแล้วก็ลุกจากใต้โต๊ะ เดินไปเปลี่ยนช้อนใหม่มาให้กับเจ้าจอม ใบหน้าคมดุที่เวลาอดทน อดกลั้น จะยิ่งดูดุ ดูดิบเถื่อนมากกว่าเดิมหลายเท่า ร่างบางยิ้มบางๆ พอใจ

“ขอบคุณนะ กินต่อเถอะ”

“ครับ”

จากนั้นก็พากันทานอาหารต่ออย่างเงียบๆ เจ้าจอมก็จ้องจักร ส่วนจักรก็ไม่มองหน้าเจ้าจอมเลยสักนิด กลัวว่าร่างตรงหน้าจะอ่านสายตาของเขาออกว่าเขากำลังรู้สึกยังไง

ถ้าคุณจอมรู้ว่าไอ้จักรคนนี้กำลังคิดเรื่องสัปดนกับคุณจอมอยู่ล่ะก็ ต้องโดนเกลียดแน่ๆ

“อิ่มจัง ส่วนจานก็วางไว้ในอ่างเลย พรุ่งนี้แม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาด”

“ผมล้างเองดีกว่า”

“เอางั้นก็ได้ถ้านายอยากจะทำ ฉันจะไปนอนในห้อง มีอะไรก็ไปหาฉันที่ห้องละกัน อ้อจริงสิ...ที่นอนของนายน่ะคือบนเตียงข้างๆ ฉัน ไม่ใช่พื้น จำเอาไว้ด้วยนะ แล้วอย่าขัดใจฉัน ถ้าไม่ง่วง ไม่อยากนอนก็ดูทีวีข้างนอกก็ได้”

“ครับคุณจอม”

เจ้าจอมเดินเข้าห้องด้วยท่าทางสบายๆ ปิดไฟทุกดวงในห้องแล้วเปิดแค่โคมไฟหัวเตียงแค่ดวงเดียว แต่ก็สามารถมองเห็นอยู่ ด้านนอกท้องฟ้าก็มืดสนิทเป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ร่างบางนอนเหยียดขาอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ ไม่นานเกินรอ ร่างใหญ่ๆ ของจักรก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง เรียกสายตาของเจ้าจอมให้ไปมองทันที แอบตกใจที่เห็นดอกกุหลาบสีแดงในมือของจักรด้วย

“คุณจอมครับ” จักรเดินมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงฝั่งที่ร่างบางกำลังนอนกอดอกมองอยู่

“ว่า...”

“ผม...ให้ครับ” พูดบอกเสียงเบา แต่มือที่ยื่นดอกกุหลาบให้กับเจ้าจอมถือว่าเป็นการพูดแทนแล้วว่าสิ่งที่จักรพูดออกมาเบาๆ นั้นมันคืออะไร

เจ้าจอมยิ้มอย่างตื้นตัน ใจเต้นแรงกับความโรแมนติกแบบฉบับของผู้ชายซื่อๆ อย่างจักร มือขาวรับมันมาถืออย่างเบามือ นิ้วเรียวไล้ไปตามกลีบของดอกไม้เบาๆ เขาชอบกุหลาบแดงมาก ชอบมากจริงๆ

“ขอบคุณ ฉันชอบมาก นายรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบกุหลาบสีแดง”

“ผมแค่รู้สึกว่ามันเหมาะกับคุณจอมน่ะครับ”

“ฮ่าๆ แค่รู้สึกเนี่ยนะ แล้วดันรู้สึกถูกอีกด้วย”

“ผมดีใจที่คุณจอมชอบนะครับ แล้วก็ขอโทษเรื่องนั้นด้วย ผมไม่ได้มีอะไรกับแก้วจริงๆ นะครับ ไม่ได้มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความรู้สึกที่จะเผลอไผลด้วย แต่ผมมันโง่ ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเธอ เลยทำให้คุณจอมไม่พอใจ” จักรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังผสมกับอ้อนวอนให้เห็นใจ

“ฉันจะเชื่อนายก็ได้...แต่ฉันหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกนะ”

“ไม่มีแน่นอนครับ”

“ดีมาก...” เจ้าจอมดมดอกกุหลาบนิดๆ ก่อนจะใช้ริมฝีปากสัมผัสเบาๆ ที่ดอกกุหลาบ แต่ดวงตาก็ช้อนมองตาคมที่นั่งคุกเข้ามองท่าทางของร่างเล็กอยู่แล้ว “งั้น...ฉันจะให้รางวัลนายหน่อยจะดีกว่านะที่ทำตัวโรแมนติกเอาดอกไม้มาให้” เจ้าจอมเอ่ยขึ้นมาพลางวางดอกกุหลาบไว้บนหัวเตียง

“ผมไม่อยากได้รางวัลอะไรหรอกครับคุณจอม ผมให้ด้วยใจ” ร่างแกร่งปฏิเสธ

“แน่ใจนะว่าไม่อยากได้น่ะ” ถามออกไป โดยสื่อสายตาที่เชิญชวนออกไปอย่างเต็มที่ ก่อนจะยื่นมือไปให้กับจักรที่มองมือขาวด้วยสายตาแวววาว

“ค่ะ...คือ ผม”

“ว่าไง...ฉันให้แล้วนะ จะเอาไหมล่ะ” จักรคว้ามือขาวมาจูบเบาๆ ที่หลังมือ ทำตามที่ใจตัวเองเรียกร้องแล้วก็ค้างไว้อย่างนั้นนานๆ นานจนรู้สึกว่ามันไม่พอ

ไม่พอ...อยากได้อีก...อยากสัมผัสคุณจอมอีก

“พอไหม...จะเอาอีกหรือเปล่า” คำถามของเจ้าจอมทำให้คนตัวใหญ่สะดุ้งรีบผละออกจากมือเล็กทันทีด้วยความตกใจ เขาวางมือของเจ้าจอมเอาไว้บนเตียงอย่างเบามือที่สุด แล้วนั่งก้มหน้าอยู่แบบเดิม

“ขอโทษครับ”

“ขอโทษทำไม ทำผิดอะไรถึงต้องขอโทษ”

“ที่ผม...ล่วงเกินคุณจอม”

“ก็แค่จูบมือ...หรือว่านายไม่อยาก ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” เจ้าจอมยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ

“ไม่ครับ มันไม่เหมาะสม” ส่ายหน้าปฏิเสธหนักแน่น กำกางเกงตรงตักตัวเองแน่นแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกับหัวใจ

“เฮ้อ...นายเนี่ยนะจักร ก็เป็นแบบนี้ตลอดเลย ไม่คิดที่จะกล้าเลยหรือไง”

“...”

“ขึ้นมานอนเถอะ...”







50%

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ฉากนี้เป็นฉากที่ยูกิเลือกมาทำภาพปก ปกที่ 2 นะคะ ใครเห็นแล้วก็คงจะนึกภาพออกเนาะ อ่านแล้วเม้นท์ๆ ให้ยูกิด้วยน้า ^^ แม้ว่ายูกิจะห่างหายไป อัพไม่บ่อย แต่ไม่ได้จะทิ้งกันนะคะ ^^

พูดคุย ติดตามข่าวสาร ทวงนิยาย ก็ไปที่แฟนเพจเลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 50% => (29/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-12-2016 22:28:43
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 50% => (29/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-12-2016 23:14:57
 :katai1:


ซื่อบื้อ ?
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 50% => (29/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 29-12-2016 23:41:51
โอ๊ยยยยจักร น้องเปิดโอกาสให้ขนาดนี้
ใส่เกียร์หมาแล้วเดินหน้าเถอะ
กราบหล่ะ .. พ่อจักร!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 50% => (29/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-12-2016 11:43:58
น้องเปิดโอกาสให้ซะขนาดนี้แล้วคว้าไว้เลยพี่จักรคนดี อินความจริงใกล้จะเปิดเผยแล้วนะจะได้เป็นอิสระแล้วนะ
แต่ใจของอินนี่ซิจะได้เป็นอิสระด้วยมั้ย ยังทันหรือเปล่าคงไม่ได้ติดบ่วงของรามไปแล้วหรอกนะอย่าเพิ่งเลยนะอิน
ให้รามมันตามไปจีบและง้อถึงกรุงเทพไปเลยโทษฐานที่กักขังเราเอาไว้นาน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 50% => (29/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 01-01-2017 15:33:58
แวะมาHNY รามอินทร์และยูกิจ้าาา
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 50% => (29/12/59) P.21 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 03-01-2017 12:12:36
เมื่อไหร่น้อพี่จักรจะรุกน้องสะที น้องจอมอ่อยแล้วอ่อยอีก ชอบๆๆ :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 100% => (7/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 07-01-2017 19:15:37
ตอนที่ 35 ครึ่งหลัง




“ครับคุณจอม” จักรลุกขึ้นมานอนบนเตียงอีกฝั่งหนึ่งทันทีตามคำสั่งของเจ้าจอม ร่างแกร่งนอนหงายตัวตรง ส่วนเจ้าจอมที่ยังนั่งพิงหัวเตียงอยู่ก็มองร่างสูงที่เอาแต่นอนมองเพดานว่างเปล่าเพราะต้องการจะเลี่ยงสายตาจากเขา

ไม่เริ่มก่อนไม่ได้สินะ

พรึ่บ!!

“ค่ะ คุณจอม ทำอะไรครับ ลงไปเถอะครับ มันไม่เหมาะสม แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ” จักรถามละล่ำละลักเมื่อเจ้าจอมขึ้นมานั่งทับบนหน้าท้องแกร่งของจักร

 “ถ้าคิดว่าไม่อยากให้ฉันทำแบบนี้จริงๆ ก็ใช้แรงที่มีของนายเอาฉันลงไปสิ” จักรนิ่ง พูดไม่ออก เพราะสิ่งที่เจ้าจอมพูดออกมามันคือความจริง

ถ้าเขาไม่อยากให้เจ้าจอมทำแบบนี้จริงๆ ไม่ต้องการแตะตัวของร่างบางจริงๆ แรงของเขาก็สามารถที่จะเอาร่างเล็กลงไปจากตัวของเขาได้อย่างง่ายดายเลย

“ว่าไง หือ...” โน้มหน้าลงไปใกล้ๆ มือเล็กลูบหน้าอกแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเบาๆ ส่งสายตายั่วยวนสบสู้กับดวงตาคมดุ ที่มองเขาด้วยความซื่อสัตย์มาตลอด

ร่างเล็กบดเบียดร่างของตัวเองเข้ากับร่างกายแกร่งก่อนจะแสร้งเสียดสีขึ้นลงจนปากหนาต้องเม้มแน่นพร้อมกับหลับตาปี๋ระงับอารมณ์และหักห้ามใจของตัวเอง

“อึก...คะ คุณจอม”

“หึหึ นี่ขนาดทอดตัวให้ขนาดนี้แล้ว ยังจะใจแข็งต่อไปได้เหรอ”

มือแกร่งลูบแผ่นหลังของเจ้าจอมเบาๆ ร่างเล็กคิดว่าเจ้าตัวคงจะไม่รู้ตัวเองแน่ๆ สัมผัสเบาๆ ที่แผ่นหลังทำให้ร่างบางรู้สึกวูบวาบบดเบียดกายเข้าไปอีก อาจจะคิดว่าการกระทำของเจ้าจอมจะดูไม่อาย แต่จริงๆ แล้วเจ้าจอมก็อาย เพียงแต่ถ้าเขามัวอายและจักรก็อาย ก็คงไปไม่ถึงไหนแน่ๆ เลยต้องมีอีกคนรุกก่อน เดี๋ยวอีกคนก็เป็นฝ่ายตอบกลับเอง

“อย่าครับ”

“ร่างกายนายไม่ได้เป็นไปตามที่ปากนายปฏิเสธเลยนะ”

“มันไม่ควรจริงๆ ครับ”

“ไหนว่ารักฉัน ไม่อยากครอบครองฉันหรือไง” เจ้าจอมถามเสียงหวาน เล่นทำเอาจักรเคลิ้มไปกับน้ำเสียงของเจ้าจอม

“ผมรักคุณจอม...ผม...อึก คุณจอม” เสียงทุ้มต่ำบอกรักก่อนจะครางเพราะเจ้าจอมใช้มือบีบที่กลางกายของร่างสูงเบาๆ แต่เพียงแค่สัมผัสเบาๆ ก็รู้เลยว่าจักรมีอารมณ์กับตัวเองนานแล้ว อาจจะตั้งแต่แรก

“ก็อยากแล้วนี่ ทนได้เหรอ...”

“แต่เรา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน” จักรค้าน

“เป็นสิ นายเป็นคนของฉันไงจักร นายรักฉัน”

“แต่คุณจอม...”

“ฉันรักนาย”

“ว่ะ ว่าไงนะครับ” จักรตกใจ เบิกตากว้าง ลุกพรวดขึ้นมาจนอยู่ในท่าที่เจ้าจอมนั่งทับตักแกร่ง ทั้งสองหันหน้าเข้าหากัน จักรไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในท่าไหน แต่เจ้าจอมรู้เลยหน้าแดงซ่าน หลบสายตา พยายามที่ลุกออกเพราะชายเสื้อเชิ้ตมันร่นมากองที่เอวหมด โชว์ขาวอ่อนแบบเต็มที่

“คุณจอมว่ายังไงนะครับ” แต่จักรกลับกดร่างเล็กเอาไว้อย่างนั้น บังคับให้อยู่ในสภาพนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังสัมผัสกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

“จักร...”

“คุณจอม...ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหมครับ ไอ้จักรไม่ได้หูฝาดใช่ไหมครับ” จักรถามด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นและดีใจอย่างที่ไม่สามารถปิดมิดได้

“อือ...ฉันรักนาย ชัดพอป่ะ!” บอกรักอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด ตอกย้ำให้คนที่คิดว่าตัวเองต่ำต้อยได้ยินว่าตัวเองเป็นเจ้าของหัวใจดอกฟ้าแล้ว

“ผม...คุณจอมรักผม”

“ใช่!! ทีนี้นายไม่มีโอกาสเปลี่ยนใจแล้วล่ะนะ”

“ขอบคุณครับคุณจอม ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด ผมสัญญา” เจ้าจอมแพ้ความจริงจัง ความซื่อของจักร เพราะมันเป็นตัวตนของร่างแกร่ง เป็นตัวตนของจุลจักร

“อืม...หมดเรื่องที่จะพูดที่จะถามหรือยัง” เจ้าจอมถาม

“ครับ...หมดแล้วครับ”

“งั้นก็คงดูได้แล้วสินะว่าเราอยู่กันในสภาพไหน” เจ้าจอมว่ายิ้มๆ ทำให้จักรรีบสำรวจตามทันทีแต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพที่ปลุกอารมณ์ให้พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าจอมหลบตาจักรเพราะไม่อาจจะทำเป็นไม่รู้สึกอะไรได้อีกต่อไป ร่างแกร่งใจเต้นแรง ใจหนึ่งก็อยากยกร่างเนียนนุ่มนี้ออกไป อีกใจก็อยากจะสัมผัสอย่างที่อยากจะทำมาตลอด

“คุณจอม...ไอ้จักร ส่ะ สัมผัสได้ไหมครับ” ถามด้วยเสียงทุ้มซึ่งมันแหบพร่าที่ความรู้สึกมันแทบจะระเบิดออกมา

จุ๊บ!!

แทนการตอบด้วยเสียงเจ้าจอมก็ตอบด้วยการกระทำแทนด้วยการประทับริมฝีปากไปที่ปากหยักหนักๆ เรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าที่คมเข้มของจักร มือแกร่งกดศีรษะของเจ้าจอมให้โน้มมาหาก่อนที่ร่างแกร่งจะประกบริมฝีปากเข้าไปอย่างหนักหน่วง บดขยี้ปากนุ่มนิ่มตามที่ใจปรารถนา  รุกรานเข้าไปด้วยปลายลิ้นร้อน ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับไม่มีใครยอมใคร ต่างก็งัดเอาความสามารถทั้งหมดที่มีมาใช้ตอบสนองกันและกัน

“อ๊ะ...อือ”

จักรผละจากริมฝีปากแล้วซุกไซร้ที่แก้ม ซอกคอ ขบเม้มสร้างรอยแสดงความเป็นเจ้าของ เจ้าจอมเงยหน้าเปิดทางให้จักรสัมผัสได้ง่ายมากขึ้น ร่างแกร่งหลงใหล มัวเมากับความหอมหวานของคนรัก เสียงครางแผ่วเบาดังเคล้าคลอกัน มือข้างหนึ่งเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกหมดแล้วดึงให้พ้นทาง จนไปกองอยู่ที่ข้อศอกไม่ได้หลุดออกจากร่างกาย ไม่รอช้าปลายลิ้นร้อนก็ครอบครองเข้ายอดอกที่จินตนาการบ่อยๆ ว่าได้เห็นได้สัมผัส แต่วันนี้มันคือความจริง จักรกำลังสัมผัสคนที่เขารักและปรารถนามาตลอด

และที่สำคัญที่มันทำให้จักรรู้สึกมีความสุขมากที่สุดไม่ใช่แค่การได้สัมผัสร่างกายของคนที่รัก แต่เป็นเพราะเขาได้รับความรักจากเจ้าจอมตอบต่างหาก

เขาได้ยินคำว่ารักจากเจ้าจอมแล้ว...

“อ๊ะ...อ๊า นายอดอยาก อ๊ะ มาจากไหนเนี่ย” ถามออกไปทั้งๆ ที่จักรกำลังตั้งหน้าตั้งตาเล่นกับหน้าอกของเขา ซึ่งร่างเล็กก็โอบรอบคอแกร่งกดศีรษะให้สัมผัสกับเม็ดทับทิมมากยิ่งขึ้น

จ๊วบ จ๊วบ จุ๊บ

ไม่มีคำตอบจากร่างแกร่ง แต่เสียงดูดหน้าอกเล็กของร่างบางดังขึ้นมาเป็นระยะๆ เพราะจักรที่มัวเมากับตรงนั้นไม่มีทีท่าว่าจะละออกจากหน้าอกเลยสักนิด หากแต่สลับข้างไปมาเพื่อสร้างความเสียวซ่านให้กับร่างเล็กอย่างเท่าเทียม

ความแข็งแรงที่เจ้าจอมกำลังนั่งทับอยู่ตอนนี้มันยิ่งนูนขึ้นมาดุนดันกับส่วนล่างของเจ้าจอม เรียกร้องให้อยากจะสัมผัสกับตรงนั้นให้มากกว่านี้ เจ้าจอมเลยขยับถูไถไปมาระบายความซ่านของตัวเอง แต่นั่นมันก็เป็นการกระตุ้นให้กับร่างสูงด้วยเช่นกัน

“คุณจอม...อืม...ซี๊ด ตัวคุณจอม ทั้งหอม ทั้งหวาน อึก” ผละใบหน้าออกจากหน้าอกเมื่อรู้สึกที่ส่วนกลางลำตัวจนต้องแหงนหนาครางอย่างชอบใจ

มันเหมือนกับความฝัน เหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง

คุณจอมเป็นของเรา คุณจอมเป็นของเรา ตรงนี้ก็ของเรา ตรงนี้ก็ของเรา ร่างกายนี้เป็นของเรา หัวใจของคุณจอมเป็นของเรา เป็นของเราคนเดียวเท่านั้น...

จักรตอกย้ำความคิดของตัวเองโดยการลากมือสัมผัสลูบไล้ไปทั่วทั้งร่างเนียนขาว

“คุณจอมเป็นของผม”

พรึ่บ!!!

ร่างแกร่งพลิกร่างขาวลงไปนอนบนเตียงก่อนที่ตัวเองจะถอดเสื้อผ้าของตนออกจากร่างกายแกร่งจนเปลือยเปล่าเผยร่างกายสีแทนสุดกำยำ ใบหน้าหวานแดงซ่าน แต่ก็ยังความความเป็นคนที่มีความมั่นใจและใจกล้าอยู่ในแบบที่ตัวเองเป็น ซึ่งนั่นมันก็ดูเชิญชวนและยั่วยวนจักรจนแทบจะหน้ามืดตามัวไม่รับรู้อะไรเป็นอะไรแล้ว

ถ้าหากว่าเผลอรุนแรงกับเจ้าจอมไปนั่นมันก็เพราะเจ้าจอมเองนั่นแหละ

ที่น่ากินเกินไปจนไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้อีก

“ถ้าไอ้จักรรุนแรง ผมขอโทษคุณจอมด้วย”

“อ๊ะ...เดี๋ยวกัน นาย อย่าเพิ่งรีบร้อน อื้อ”

ชั้นในตัวน้อยหลุดออกไปจากส่วนสงวน มือแกร่งก็คว้าหมับที่ส่วนนั้นแล้วขยับขึ้นลงรัวเร็วจนร่างเล็กต้องครางลั่นออกมาเพราะโดนกระตุ้นหนักหน่วงและรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

ปากกว้างครอบครองส่วนนั้นของเจ้าจอมอย่างไม่คิดรังเกียจ แต่กลับคิดว่ามันคือขนมวิเศษที่มีเพียงเขาที่มีสิทธิ์จะได้กินมัน หน้าอกของเจ้าจอมแอ่นขึ้น ขาขยับไปมากับเตียงเพื่อระบายความเสียวซ่าน และใช้ปลายลิ้นไล่เลียไปทั่วทุกที่ที่อยากจะทำ ก่อนจะยกขาเรียวสวยมาพาดไว้บนบ่าตัวเอง จากนั้นก็ทำในสิ่งที่ทำให้เจ้าจอมเบิกตากว้าง ครางออกสลับกับหายใจหนักหน่วงเมื่อปลายลิ้นรุกรานช่องทางคับแคบของตน

ช่องทางที่ไม่เคยมีใครได้เคยเข้าไป แม้กระทั่งแฟนเก่าของเจ้าจอมก็ไม่เคยได้รับสิทธิ์นั้น ถ้าจักรรู้ ก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าเจ้าจอมรักจักรมากขนาดไหน

“อ๊า...ทำบ้า อ๊ะ อะไร จักร อ๊า ไม่เอานะ หยุดเลย อื้อ”

“ผมขอโทษ อึก แต่ผมไม่ไหวแล้ว”

ใบหน้าหวานสั่นไปมา อายก็อาย รู้สึกดีก็รู้สึกดี หากแต่มันกลับอบอวลไปด้วยความรัก ความอบอุ่น สองร่าง สองขนาดต่างไซส์ตะกองกอดแนบแน่น เมื่อเตรียมความพร้อมให้กับช่องทางคับแคบนั่นเรียบร้อยแล้ว จักรก็ค่อยๆ ส่งผ่านความร้อนของส่วนลำตัวเข้าไปในร่างเล็กที่ฝืดเคืองอย่างที่รู้สึกได้จนร้องออกมาด้วยความเจ็บแม้เข้าไปได้แค่นิดเดียวเท่านั้น แต่จักรก็จูบประโลมไปตามร่างเนียน จนเจ้าจอมต้องพยายามผ่อนคลายตัวเอง พอปรับตัวได้ ร่างแกร่งก็สามารถดันเข้าไปได้สุด สองร่างกอดรัดกันและแลกเปลี่ยนน้ำหวานผ่านริมฝีปากอย่างร้อนแรงและดุดัน

ไม่นานทั้งสองก็บรรเลงเพลงรักตามจังหวะเบาๆ จนกระทั่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางระงมดังประกอบกันไป ส่งผลให้ทั้งคู่รู้สึกร้อนระอุมากยิ่งขึ้น เสียงทุ้มต่ำของจักร เสียงแหบพร่าของเจ้าจอม

“อ๊า...ไม่ไหว อึก”

“พร้อมกันครับ อืม...”

สองร่างสอดประสานกระแทกกระทั้นรุนแรง เน้นๆ สองถึงสามครั้งต่างคนก็ต่างถึงปลายทางแห่งสวรรค์ ปลดปล่อยน้ำสีขุ่นออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน จักรแช่มันเอาไว้อยู่อย่างนั้น พลิกตัวให้ร่างบางนอนอยู่บนตัวเองเพราะรู้ดีว่าคนรักของตนกำลังเหนื่อย เขาเลยต้องให้เจ้าจอมเป็นฝ่ายนอนทับตัวเขาดีกว่า แต่ส่วนนั้นก็ยังคงเชื่อมกันอยู่ไม่หลุดไปไหน

เจ้าจอมหอบหายใจหนักหน่วง มองตาจักรที่สบมาด้วยแรงปรารถนาไม่หมดไม่สิ้น จนต้องแอบถอนหายใจด้วยความเหนื่อย...

ไม่พอใจง่ายๆ แน่นอนเลยแบบนี้ แต่ก็เข้าใจแหละนะ คนอย่างจักรถ้าจบแค่รอบเดียวพอก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเจ้าตัวดูเป็นคนที่ความต้องการทางเพศค่อนข้างสูง...และยิ่งเก็บกดมาเป็นเวลานานหลายปี มีเพียงแค่มือของตัวเองที่คอยตอบสนองความอยากของตน

“ต่อนะครับ”

“หึ...หื่นจริงๆ”

“คุณจอมจุดมันเองนะครับ” นี่เป็นครั้งแรกที่จักรแย้งเจ้าจอม แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะถึงเจ้าจอมจะชอบให้จักรทำตามที่ตัวเองต้องการแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่อยากจะรู้ในสิ่งที่จักรต้องการ

ความรักคือการให้ซึ่งกันและกัน ไม่ใช่คนหนึ่งให้และอีกฝั่งก็คอยรับอย่างเดียว

“ทีแบบนี้กล้าเชียวนะ”

“ผมพูดเรื่องจริงนะครับ”

“หึหึ...”

“คุณจอมหายเหนื่อยหรือยังครับ” ถามด้วยความรีบร้อน บดเบียดกายกระเซ้าไปด้วยให้ร่างเล็กในอ้อมแขนได้รู้ว่าเขามีความต้องการอยู่เต็มเปี่ยมขนาดไหน

“ยัง...” เจ้าจอมตอบเสียงเนือยๆ

ไม่ได้อยากจะแกล้งหรอกนะแต่มันเหนื่อยจริงๆ เพราะโดนสูบพลังไปอย่างหนักหน่วงมาก ยังรู้สึกเจ็บๆ ระบมช่วงล่างอยู่เลย มีหวังต้องเจ็บยาวแน่ๆ

หากมันเป็นความต้องการของจักรแล้วล่ะก็ เจ้าจอมก็จะยอม เพราะไหนๆ เขาเตรียมใจจะให้ร่างกายจักรไปแล้ว ก็ให้จนกว่าจักรจะรู้สึกพอใจไปเลย...

“ฉันเป็นของใคร” ร่างเล็กถาม ช้อนตามองด้วยความลึกซึ้ง รอยยิ้มหวานส่งผลให้หัวใจแกร่งเต้นแรงอย่างดีใจ ตื้นตันใจ และสุขใจ จนน้ำตาไหลออกมา

ผู้ชายหน้าดุๆ เถื่อนๆ ผิวคล้ำๆ กำลังร้องไห้ ถ้าใครรู้คงมีคนหัวเราะเยาะตายเลย

“คุณจอมเป็นของไอ้จักร”

หึ...พอได้ร่างกายฉัน ก็กล้าขึ้นมาทันทีเลยสินะ...

“ใช่ ฉันเป็นของนาย แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่าเป็นของนาย...คนเดียว” เจ้าจอมย้ำเสียงหนักแน่น

“ครับ คุณจอมเป็นของไอ้จักรคนเดียว” ในน้ำเสียงของจักรเองแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้อย่างจริงจัง ทั้งสีหน้า ทั้งแววตาที่มองเจ้าจอม ราวกับเป็นตัวที่จะคอยพันธนาการร่างบางเอาไว้ในอ้อนแขนตลอดไป พร้อมกับแรงกอดรัดที่แน่นมากยิ่งขึ้น

“ทีนี้ก็เลิกคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรสักทีนะ แล้วเอาเวลามาคิดว่าจะทำยังไงให้คู่ควรกับฉันดีกว่า”

“ครับ ผมพอจะมีเงินเก็บในบัญชีจากการรับงานจัดสวนอยู่ ไม่เคยเอาออกมาใช้เลย อาจจะน้อยสำหรับคุณจอม แต่มันเป็นทุกอย่างสำหรับผม”

“ที่ฉันต้องการไม่ใช่เงินทองหรืออะไรหรอกนะ ที่อยากได้คือความจริงใจของนายต่างหาก”

“ผมจะซื่อสัตย์และจริงใจกับคุณจอมครับ”

คำสัญญาที่หนักแน่นของลูกผู้ชายคนหนึ่งก็พอที่จะทำให้ผู้ชายที่รู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่ชายแท้มาตั้งแต่จำความได้นั้นรู้สึกเชื่อมั่นในคำพูดนั้น

เพราะเจ้าจอมรู้ดี...ว่าจักรเป็นคนที่รักษาคำพูดของตัวเองเสมอ แม้ว่าบางครั้งจะมีขัดใจบ้าง ทำผิดบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะร้ายแรงอะไร...

“ฉันรักนาย...”

เพียงแค่เจ้าจอมบอกรักมาอีกครั้งเท่านั้นแหละ จักรก็เริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้นมาอีกรอบ อีกรอบ และอีกรอบ หลายต่อหลายเพลง หลายท่วงท่า เคล้าคลอไปด้วยเสียงครวญครางของทั้งคู่ จนกว่าทั้งคู่จะเหนื่อยและหลับไป…


“นั่งได้ไหมครับคุณจอม” จักรถามอย่างกังวลขณะที่ประคองคนตัวเล็กนั่งลงบนโซฟานุ่ม โดยมีสายตาของคนที่มาใหม่อย่างรินลณีกับคนรักของเธอนั่งมองอยู่

“ก็ไม่เห็นจะต้องทำหนักขนาดนั้นเลย ทั้งๆ ที่รินมาถึงเที่ยงคืนกว่า ตอนตีสองรินก็ยังได้ยินอยู่เลย ไม่เจ็บก็แปลกแล้วล่ะนะ”

“จะมีบ้างไหมที่จะทักทายกันด้วยความคิดถึงกันก่อนจะแขวะน่ะ”

“ก็เป็นจอมเองไม่ใช่เหรอที่ไม่คิดจะออกมารอรับริน มัวแต่ทำกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่นั่นแหละ” หญิงสาวเองก็ตอกกลับเจ้าจอมแบบไม่ยอมแพ้ หญิงสาวร่างบางกับชายหนุ่มตัวเล็กจ้องตากันแบบไม่มีใครยอมใครจ้องกัน ทำราวกับว่าทั้งสองคนไม่ได้มีความคิดถึงอะไรต่อกันแม้แต่น้อย

“ทำไม อิจฉาเหรอ”

“ทำไมรินต้องอิจฉาจอมด้วยไม่ทราบ รินก็มีของริน” เธอยืดอก เชิดหน้าใส่เย้ยๆ

“ก็ดีแล้ว ถ้ามีก็มีแค่คนเดียวให้มันตลอดล่ะ อย่าเป็นเหมือนแต่ก่อน”

“เจ้าจอม!!”

“รินลณี!!”

ไม่มีการยอมให้ใครอะไรทั้งนั้น จักรกับคนรักของรินลณีหันมามองหน้ากันปรึกษาทางสีหน้าว่าจะเอาอย่างไรกับเหตุการณ์แบบนี้ดี หากแต่ไม่ทันได้มึนงงไปมากกว่านี้ เจ้าจอมกับรินลณีก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง คราวนี้จักรกับคนรักของรินลณีก็หันมามองกันอีกครั้งสีหน้าทั้งคู่ดูมึนงงสุดๆ

“มีเรื่องอะไรเล่ามาให้หมดเลยจอม รินพร้อมฟังแล้ว”

“รินต้องรับปากนะ ว่าต้องทำเรื่องทุกอย่างให้มันถูกต้อง” เจ้าจอมถามกลับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังไม่แพ้กับรินลณี

“ได้...รินรับปาก”

“เรื่องมันเป็นแบบนี้...” เจ้าจอมก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับรินลณีฟัง ซึ่งจักรกับคนรักของรินลณีก็เดินมานั่งฟังกันอย่างเงียบๆ ด้วย แม้จะสับสนกับบรรยากาศที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทันของทั้งสองคนก็ตามที

ระหว่างที่กำลังฟัง หญิงสาวก็มีสีหน้าราบเรียบแต่แววตาก็สะท้อนความเสียใจ รู้สึกผิด และเจ็บปวดที่เจ้าจอม จักร และคนรักของเธอเองก็มองออกได้อย่างง่ายดาย มือเล็กของเธอกำแน่นเมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่เธอโกหกไว้กับพี่ชายเมื่อหลายปีก่อน มันจะเป็นการทำร้ายคนๆ หนึ่งที่ไม่ได้ผิดอะไรเลยอย่างอินทัช และทำร้ายคนพี่ชายที่เธอรักอย่างรามินทร์ได้ถึงขนาดนี้

แม้ไม่มีใครโทษเธอ แต่เธอก็กำลังโทษตัวเอง...





100%

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ครบแล้วจ้า อ่านแล้วเม้นท์ด้วยนะคะ ส่วนหนังสือตอนนี้กล่องยังไม่เสร็จนะเจ้าคะ ^_^ จะช้าที่บ็อกน่อ รอหน่อยนะคะ กำลังทำอยู่ค่า

ทวงนิยาย พูดคุย กับยูกิได้ที่แฟนเพจค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 100% => (7/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-01-2017 20:08:10
 :z3:


รีบๆเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 100% => (7/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-01-2017 20:16:32
เฮ้ออออ รู้สึกไม่อยากให้ยัยรินมีความสุขเลยแต่ก็นั้นแหล่ะเพราะมีคนรักดีถึงได้รู้จักความรู้สึกผิดที่ได้ทำลงไป หวังว่าจะรีบกลับไปรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไปนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 100% => (7/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-01-2017 20:39:35
เม้นอะไรก่อนดี จักร เอ้ย ได้กันแล้ว
ริน ก็ไปช่วยพี่ชายด่วนเลยนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 100% => (7/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 07-01-2017 22:35:08
เจ้าจอมโดนกิน... :jul1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 100% => (7/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-01-2017 22:50:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 100% => (7/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 07-01-2017 23:43:31
ใช่ๆยัยรินอะไรนีไม่สมควรมีความสุขเลยทั้งๆที่นางมีความสุขคนอื่นกลับทุกข์แต่ยังดีทียังมีจิตสำนึกอยู่่บ้าง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 100% => (7/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 08-01-2017 15:27:45
เมื่อความจริงปรากฎคิดว่าอินทร์จะยังอยู่กับรามไหม คิดว่าไม่น่าจะอยู่นะ
ถึงจะมีใจให้อยู่บ้างก็เถอะ แต่การต้องมาลำบากในสิ่งที่ตัวเองไม่มีความผิดก็ทำใจยอมรับยากอยู่นะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 100% => (7/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 09-01-2017 22:23:10
ร้อนแรงงง จักรร้อนแรงถึงทรวงจริงๆ
ริน โทษตัวเองหน่ะถูกแล้ว
ความผิดเธอชัดๆ
ไปสารภาพกับรามเลย มันจะได้ดราม่ากว่านี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 35 100% => (7/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 10-01-2017 09:21:49
โอ้ยยยยย เจ้าจอมโดนกินแล้ว  ร้อนแรงเฟ่อร์อะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 36 50% => (23/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 23-01-2017 19:59:07
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 36
เปิดเผย!!!





“หมอเงินคะ ไปกินข้าวกับหวานไหมคะ”

หมอเงินเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถาม ปิดแฟ้มเอกสารที่พยาบาลเอามาให้ตรวจดูก่อนจะพูดกับพยาบาลคนนั้นเกี่ยวกับรายละเอียดของเอกสารอีกเล็กน้อย

“อย่าลืมสรุปข้อมูลคนไข้มาให้ด้วยนะครับ”

“ค่ะ ขอตัวนะคะ”

“ครับ”

ร่างสูงโปร่งหันมามองหน้าหมอหวานที่กำลังยืนยิ้มหวานให้กับตน แววตาคาดหวังกับคำตอบสุดๆ จนคนขี้ใจอ่อนอย่างเขาได้แต่ถอนหายใจเบาๆ จะปฏิเสธบ่อยๆ ก็คงจะไม่ดีแน่ ยังไงก็เพื่อนร่วมงานกัน อย่าให้มีอะไรมาทำให้มองหน้ากันไม่ติดจะดีกว่า

“ว่าไงคะหมอเงิน”

“ตกลงครับคุณหวาน ว่าแต่ชวนคนอื่นๆ ไปด้วยกันดีไหมครับ”

หญิงสาวได้แต่ยิ้มอ่อนๆ ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรออกมา ซึ่งอาการนี้คิดได้อย่างเดียวคือหมอหวานต้องการไปกับหมอเงินแค่ตามลำพังเท่านั้น

“เดี๋ยวผมจะลองชวนคนอื่นๆ ไปด้วย”

“หวานขอไปกับหมอเงินแค่สองคนได้ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยขอเสียงหวาน ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกอะไรกับเธอ แต่ไม่ใช่กับหมอเงิน...

คนที่อยู่ในใจมาตลอดเกือบสิบปีของหมอเงินมีแค่ขรรค์ แม้จะมีคนเข้ามาหาเขามากมายแค่ไหน หัวใจของเงินก็ซื่อสัตย์และมั่นคงอยู่ที่ขรรค์คนเดียว

“ผมคิดว่า มันอาจจะดูไม่ดีได้นะครับ คุณหวานจะเสียหายเอา” โดยพื้นเพของคนที่เป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง หมอเงินรู้สึกแบบนั้นตามที่พูดจริงๆ นอกจากจะไม่อยากให้คนรักของตัวเองไม่สบายใจแล้ว เขาก็ไม่อยากให้หญิงสาวต้องถูกเข้าใจผิดหรือถูกนำไปพูดในทางที่ไม่ดี

ยิ่งถ้าเขาเป็นต้นเหตุ หมอเงินก็ยิ่งไม่ชอบ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หวานไม่ถือ หวานมีเรื่องจะคุยกับหมอเงินน่ะค่ะ แต่ถ้าหวานทำให้หมอเงินลำบากใจ ก็ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวทำหน้าเสียความรู้สึกจนร่างสูงโปร่งถึงกับใจอ่อน

“ไม่ลำบากใจหรอกครับ ไปกันสองคนก็ได้ครับ”

“ขอบคุณนะคะ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยไหมคะ” เธอยิ้มกว้างออกมาอย่างทันทีที่ได้คำตอบจากหมอเงิน หมอสุดหล่อได้แต่ยิ้มบางๆ ออกไปตามมารยาท

ถามว่าอยากไปไหม ก็ไม่ได้อยากไปหรอก...

“ครับ คุณหวานเลือกร้านได้เลยนะครับอยากไปที่ทานร้านไหน”

“งั้นไปร้าน...กันนะคะ อาหารอร่อย บรรยากาศดีด้วยค่ะ ที่สำคัญไม่ไกลจากโรงพยาบาลเท่าไหร่ค่ะ หมอเงินได้เอารถมาไหมคะ”

“เอามาครับ”

“ถ้าอย่างนั้นไปรถของหมอเงินนะคะ เดี๋ยวหวานจะบอกทางให้เอง”

“ได้ครับ”

หญิงสาวเดินเคียงข้างไปกับหมอเงินที่ใครๆ ก็ต่างตกหลุมรักในรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนโยนของชายหนุ่ม เธอเดินเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ ปากก็ยิ้มกว้าง ทุกคนต่างก็พากันมองในความเหมาะสมของทั้งคู่ คนหนึ่งหล่อ คนหนึ่งสวย ไหนจะหน้าที่การงานที่เพียบพร้อมของทั้งคู่อีก...

บางคนจึงคิดว่า หากสองคนนี้เป็นคนรักกันคงจะเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด...

“สั่งได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”

“ขอบคุณค่ะ”

ร่างโปร่งนั่งอ่านเมนูผ่านๆ ก่อนจะสั่งที่อยากจะทานมา ส่วนหญิงสาวเองก็สั่งอาหารไปสองสามอย่าง ช่วงที่รออาหารหมอหวานก็มักจะมีคำถามเข้ามาถามอยู่เสมอๆ ทำให้หมอเงินต้องตอบกลับไปตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวของเขา บ้างเธอก็เล่าชีวิตของตัวเองให้ฟัง ซึ่งเงินก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีอย่างเดียว

“แล้วช่วงที่หมอเงินเรียนเป็นยังไงบ้างคะ”

“ก็เหนื่อยครับ แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย”

“เหมือนกันเลยค่ะ กว่าจะจบมาได้ทำเอาหวานลำบากสุดๆ เลยล่ะค่ะ เห็นเพื่อนคณะอื่นๆ มีเวลาไปเที่ยวหวานก็ได้แต่อิจฉา เป็นเหมือนกันไหมคะ”

“ครับ” ก็ได้แต่เออออไปกับหญิงสาวด้วยรอยยิ้มเบาๆ นั่งฟังหมอหวานพูดต่อไปทั้งที่ใจก็นึกรำคาญเอามามากๆ แต่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้

จนกระทั่งรับประทานอาหารเสร็จ ทั่งสองคนก็เดินดูของด้านนอกเป็นการย่อยอาหารที่เพิ่งจะทาน โดยที่หมอหวานก็พาเดินเข้าไปดูนั่น ดูนี่ไม่คิดจะสนใจเวลาเลยว่าจะต้องเข้าไปทำงานต่อ

“หมอเงินคะ คิดว่าระหว่างอันนี้กับอันนี้อันไหนสวยกว่าคะ” เธอหยิบกิฟต์ติดผมมาเทียบด้วยมือทั้งสองข้าง ถามความเห็นของหมอหนุ่มอย่างสนุกสนาน ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้ชายที่มาด้วยเลยสักนิด

แล้วที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยก็ไม่เห็นมี...เอาแต่ถาม เอาแต่พูดอยู่คนเดียวเลย

“สวยทั้งสองเลยครับ”

“ว้า...ทำไมให้คำตอบแบบนี้ล่ะคะ หวานให้หมอเงินช่วยหวานเลือกนะคะ” เธอทำแก้มป่องอย่างน่ารัก หน้าเง้างอดเป็นเด็กๆ หวังให้หมอเงินเอาใจ

“ก็มันสวยทั้งสองจริงๆ นะครับ คุณหวานก็เอาไปทั้งสองเลยถ้าคุณหวานเลือกไม่ได้ ผมเลือกของแบบนี้ไม่เป็นด้วยน่ะครับ” เงินพูดยิ้มๆ

“นั่นสินะคะ แต่ว่า...หวานอยากซื้อแค่อันเดียวนี่คะ หมอเงินช่วยหวานคิดหน่อยสิคะ นะคะ” ขอร้องเสียงออดอ้อนจนแม่ค้ายิ้มให้อย่างเอ็นดู เพราะคิดว่าเราเป็นคู่รักกัน

ถ้าขรรค์อยู่ตรงนี้บอกเลยว่าเงินจะไม่ปล่อยให้ใครมาเข้าใจผิดแน่ๆ แต่ที่นี่มีเพียงคนที่เขาไม่รู้จัก ฉะนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องแคร์ อยากจะคิด อยากจะเข้าใจยังไงก็ปล่อยเขาไป เพียงแค่ใจของเราทั้งสองมั่นคงต่อกันไม่หวั่นไหวง่ายๆ ก็เพียงแล้ว

“เงิน...มาทำอะไรแถวนี้น่ะ” เสียงทุ้มต่ำอันแสนคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของร่างโปร่ง เรียกความสนใจจากเงินได้ในทันทีเพราะคนที่ทักเขาเป็นคนๆ เดียวกันกับคนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลา

“อ้าวขรรค์! พอดีเงินพาคุณหวานมาทานข้าวน่ะ แล้วเธอก็อยากจะซื้อของเลยพามาดู ขรรค์ล่ะ มาทำอะไรแถวนี้ ไหนบอกว่าวันนี้ไม่มีธุระต้องเข้ามาในเมืองไง” คุณหมอสุดหล่อขมวดคิ้วน้อยๆ เพราะสงสัยที่เห็นคนรักของตนที่นี่

“สวัสดีครับหมอหวาน” ขรรค์หันไปทักทายหญิงสาว ก่อนจะหันกลับมาตอบคนรักของตัวเอง “ขรรค์มาหาซื้อของน่ะ อุปกรณ์บางอย่างมันหมด เลยพาลูกน้องมา ไม่คิดว่าจะเจอกัน” ขรรค์ยังคงสีหน้านิ่งๆ ชำเลืองสายตามองหญิงสาวข้างกายของเงินด้วยสายตานิ่งๆ

“สวัสดีค่ะ” จำใจทักทายกลับตามมารยาทที่พึงปฏิบัติในสังคม

“งั้นเหรอ แล้วซื้อจะเสร็จหรือยังล่ะ” เงินถามคนรักทันทีอย่างเคยชิน เริ่มจะตัดหญิงสาวออกจากวงสนทนาของตนกับคนรักทีละน้อย

“ก็เกือบครบแล้วล่ะ เงินอยากได้ของอะไรไปไว้ในบ้านบ้างไหม ขรรค์จะซื้อกลับไปเลย” คนตัวสูงถาม

“อืม...มีอยู่นะ จริงๆ แล้วเงินก็จดเอาไว้แล้วล่ะว่ามีของหมด ว่าจะพาขรรค์เข้ามาซื้อตอนวันหยุด แต่ถ้าขรรค์มาแล้วก็ซื้อไปเลยก็ได้นะ” ร่างโปร่งหยิบสมุดพอเล่มเล็กที่พกเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงตลอดเวลาส่งไปให้กับคนรัก ซึ่งขรรค์ก็รับมาเปิดดูคร่าวๆ ก่อนจะพยักหน้าให้น้อยๆ

“โอเคครับ เดี๋ยวขรรค์จะซื้อไปเลย”

“อื้อ...เจอกันที่บ้านนะ”

“ครับ ตั้งใจทำงานนะเงิน”

“ขรรค์ก็เหมือนกัน” หมอเงินยิ้มส่งคนรักจนหายไปกับฝูงคน ร่างสูงโปร่งหันมามองหญิงสาวที่มาด้วยก่อนจะถามอย่างสุภาพ

“คุณหวานเสร็จธุระยังครับ”

“เสร็จแล้วค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ห้วนๆ ใบหน้าเรียบตึง บ่งบอกถึงความไม่พอใจ

“งั้นก็กลับโรงพยาบาลกันเถอะครับ”

“ค่ะ”

ทั้งสองตรงไปยังที่จอดรถเอาไว้เพื่อที่จะกลับไปทำงานต่อของตัวเองโดยระหว่างทางหมอหวานก็เงียบตลอดทางเหมือนกับโกรธเงินอยู่ ซึ่งทำท่าราวกับรอให้ง้อ

แม้ว่าการคุยกันแบบปกติทั่วไประหว่างเงินกับขรรค์จะดูไม่มีอะไรมาก ตาสรรพนามที่ใช้แทนตัวของทั้งคู่ ไหนจะประโยคที่บ่งบอกว่าอยู่ด้วยกันนั้น มันก็เป็นการประกาศอย่างหนึ่งว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่แค่เพื่อนที่อยู่ด้วยกัน แต่มันเป็นมากกว่านั้น...

ก็บอกไว้แล้วว่าถ้าขรรค์อยู่ด้วย เงินก็พร้อมที่จะประกาศ...ไม่ปิดบังอะไรอยู่แล้ว

“ขอบคุณนะคะหมอเงินที่พาหวานไปทานข้าว อร่อยมากๆ เลยค่ะ คราวหน้าไปอีกนะคะ” เธอพูดออกมาเสียงค่อนข้างดังกว่าปกติจนเหล่าพยาบาล พนักงาน และคนไข้หันมามองอย่างสนอกสนใจ หมอเงินก็รู้ว่าหมอหวานต้องการจะสื่อให้คนอื่นเข้าใจผิด

“ไม่เป็นไรครับ คราวหน้าเราพาเพื่อนๆ ทุกคนไปด้วยกันนะครับ กินกันเยอะๆ สนุกกว่านะ”

“เอ่อ...ได้ค่ะ”

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับหมอหวาน”

“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”

“ครับ”

ร่างสูงโปร่งเดินแยกไปอีกทาง ระหว่างทางที่เดินอยู่ หมอเงินก็ถูกทักถูกถามจากคนที่อยากจะรู้เรื่องราวว่าเป็นมายังไง เพราะอะไรถึงไปทานข้าวกันสองต่อสอง

“ก็ผมถามคนอื่นๆ แล้วไม่มีใครว่าง ผมก็เลยต้องไปกับหมอหวานสองคนน่ะครับ”

“อ้าว...แล้วคบกันหรือยังคะหมอเงิน”

“ฮ่าๆ หมอหวานเป็นแค่เพื่อนครับ ผมเองก็มีคนรักอยู่แล้วด้วย”

“งั้นเหรอคะ? แสดงว่านังหมอหวานมันคิดเออเองคนเดียวสินะ อุ๊ย! ขอโทษค่ะหมอเงิน อุ๊ปากเร็วไปหน่อย”

“แหม...ขอโทษจริงหรือเสแสร้งคะพี่อุ๊”

“เงียบน่า”

“ฮ่าๆ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับทุกคน คราวหน้าเราก็ไปทานข้าวด้วยกันนะครับ ผมชวนเอาไว้เลย” หมอเงินเอ่ยชวนอย่างคนที่มีนิสัยอัธยาศัยดี

“ได้สิคะ แหม...หมอสุดหล่อชวนทั้งที”

“ไม่ค่อยเร็วเลยนะพี่อุ๊ แพรวก็ไปด้วยนะคะหมอเงิน” หญิงสาวแขวะรุ่นพี่พยาบาลของตัวเองเสร็จก็หันมาขอเขาเสียงหวาน

“ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละครับ”

“เยส!! เดี๋ยวพวกเราจะหาวันแล้วจะรีบบอกหมอเงินนะคะ”

“ได้เลยครับพี่อุ๊ ไปก่อนนะสาวๆ”

“ค่า”

เจ้าของใบหน้าหล่อหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินส่ายหน้าไปยังจุดหมายของตัวเองอย่างมีความสุข ปล่อยให้คนอยากจะพูด อยากจะคิดอะไรก็ปล่อยไป

เขาไม่สามารถที่จะทำให้คนทั้งโลกเข้าใจตัวเขาได้ แต่เราสามารถที่จะทำให้คนที่เรารักเข้าใจเขาได้...

สำหรับเงิน แค่นั้นก็เพียงพอ...


“เงิน...”

“อ้าว...ขรรค์ มายังไงเนี่ย?” เงินถามคนรักด้วยความงุนงงเมื่อเห็นว่าเจ้าของร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดตรงหน้าเขาขณะที่เขากำลังเดินคุยมากับหมอรุ่นพี่

“ขรรค์ให้ลูกน้องมาส่งก่อนที่พวกมันจะกลับรีสอร์ทน่ะ” เจ้าตัวตอบ

“นี่แสดงว่ารอเงินมานานแล้วสิ กี่ชั่วโมงเนี่ย” ร่างโปร่งเดินไปหาขรรค์ด้วยความเป็นห่วง สีหน้าเคร่งเครียดจนขรรค์กังวล กลัวว่าคนรักจะโกรธ

“ก็ตั้งแต่บ่ายน่ะ”

“ขรรค์! ทำไมไม่กลับไปรอที่บ้านล่ะ มานั่งรอเงินแบบนี้ตั้งกี่ชั่วโมง น่าเบื่อออก”

“ไม่เป็นไร ขรรค์รอได้ ไม่เบื่ออะไร” ขรรค์ตอบให้คนรักสบายใจ แต่เงินกลับไม่ยอมหายโกรธง่ายๆ เพราะไม่ชอบให้ขรรค์มารอตัวเองนานๆ แบบนี้

“อย่าทำอีกนะขรรค์!! ถ้าจะมาก็ให้โทรมาถามก่อนแล้วมาก่อนเวลาที่เงินออกเวร ขรรค์เล่นรอตั้งแต่บ่ายแบบนี้ เงินไม่อยากนึกภาพตามเลย”

“ครับๆ ขรรค์ไม่ทำแล้ว”

ร่างโปร่งบางมองหน้าคนรักไม่พอใจอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าขรรค์จะรับปากว่าจะไม่ทำอีกแล้วก็ตาม ลืมไปเลยว่าตนไม่ได้เดินมาคนเดียว

“เอ่อ...ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะนะหมอเงิน แต่พี่ขอตัวก่อนนะ เมียโทรตามแล้ว” รุ่นพี่ที่เดินคุยมากับร่างโปร่งตั้งแต่แรกขัดขึ้นมา จนเงินต้องรีบหันไปหาอย่างรู้สึกผิด

ลืมสนิทเลยว่าเดินมากับรุ่นพี่...ตายแล้วเรา

“ขอโทษครับรุ่นพี่ งั้นพรุ่งนี้ผมจะปรึกษาใหม่นะครับ” ยกมือไหว้เพราะเกรงใจที่กำลังปรึกษาเรื่องงานอยู่ จู่ๆ ก็ยังพูดไม่จบเขาก็ดันเดินเข้าไปหาขรรค์เสียก่อน

คนรักสำคัญที่สุดสำหรับเงินจริงๆ

“ได้ๆ มีอะไรก็ถามได้ตลอด ว่าแต่ใครน่ะ” ยังไม่วายอยากรู้เรื่องชาวบ้านชาวช่อง ทั้งๆ ที่บอกว่าเมียโทรตามแต่ก็ไม่ได้รีบกลับอย่างที่คิด

“หึหึ ไหนบอกว่าจะกลับไงครับ” เงินแซวขำๆ

“ก็อยากรู้ไง ต่อมเผือกพี่มันพุ่งแล้วเนี่ย” เงินหัวเราะออกมาเบาๆ ที่ได้ยินแบบนั้นจากปากรุ่นพี่คนสนิท ก็เลยตอบออกไปตามความจริง

“นี่ขรรค์ครับ เป็นแฟนของผมเอง”

“ห๊ะ!!!”

“เงิน!!”

ทั้งคู่ส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ขรรค์เรียกชื่อคนรัก แต่รุ่นพี่คนนั้นอุทานอย่างตกใจ แต่พอสังเกตท่าทางของรุ่นน้องตนกับผู้ชายตัวยักษ์นี้แล้ว ไหนจะสรรพนามเรียกอย่างไพเราะนั่นอีก

ก็ต้องเชื่อล่ะนะ เพราะคุยกันมุ้งมิ้งมาก ขนาดเขากับภรรยาที่เป็นผู้หญิงยังคุยกันธรรมดาๆ เลย

“ตกใจล่ะสิ”

“ตกใจสิ...เฮ้อ แบบนี้สาวๆ อกหักทั้งโรงพยาบาลน่ะสิ แต่ขรรค์ ผมไม่ได้หมายความว่าคุณสองคนไม่เหมาะสมนะ แค่เสียดายความหล่อของหมอเงินเฉยๆ” หมอหนุ่มรุ่นพี่รีบแก้ตัว ขรรค์เองก็ยิ้มให้นิดๆ ไม่ได้คิดมากอะไร

ต่อให้ใครว่าเราจะไม่เหมาะสม เขาก็ไม่มีทางสนใจนอกจากความรู้สึกของเงินอีกแล้ว

บทเรียนที่ผ่านมาทำให้ขรรค์เข้มแข็งและแข็งแกร่งขึ้น...

“ครับ ผมเข้าใจ จริงๆ ผมก็เคยอิจฉาเงินเรื่องที่เขาหล่อกว่าผมแหละครับ แต่ทำไงได้ล่ะครับ พ่อแม่ให้มาเท่านี้” ขรรค์พูดนิ่งๆ แต่เป็นประโยคที่ทำให้เงินกับหมอรุ่นพี่ระเบิดหัวเราะออกมา

“แฟนหมอเงินนี่ตลกดีนะ”

“ฮ่าๆ ตลกหน้าตายน่ะหรือครับ”

“ก็ดีกว่าไม่ตลกเลยนะ ตอนแรกที่เห็นคุณขรรค์ผมคิดว่าหมอเงินจะอยู่กับผู้ชายคนนี้ได้ยังไงนะทำหน้านิ่งๆ ตัวทื่อๆ ตลอดเวลาแบบนี้”

“เราคบกันมาเกือบสิบปีแล้วนะ มั่นคง ใจเดียวมาตลอดด้วย”

“โหย...น่าอิจฉาว่ะหมอเงิน ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้กับชีวิตคู่ของทั้งสองคนนะครับ เดี๋ยวนี้โลกมันเปิดกว้างมากแล้ว พวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ไม่ต้องคิดมากแล้วสนคำพูดของสังคมนะครับ รักกันนานๆ นะหมอเงิน” ทั้งสอน ทั้งแนะนำ จนเงินกับขรรค์หันมองตากันหวานซึ้ง ทำเอาหมอรุ่นพี่มองด้วยความอิจฉา

มันดูอบอุ่น มากกว่าดูแปลกประหลาดในสายตา

“ขอบคุณครับ” ทั้งคู่เอ่ยพร้อมกัน

“ไม่เป็นไรๆ โชคดีนะ พี่ขอตัวก่อน เดี๋ยวเมียด่า”

“ครับ ขับรถกลับบ้านดีๆ”

หมอเงินโบกมือลารุ่นพี่ของตัวเอง ก่อนจะหันมากอดอกให้คนรักอย่างไม่พอใจเหมือนเดิม เรื่องที่ขรรค์มานั่งรอเขาไม่โกรธแล้วก็จริง แต่ใช่ว่าความไม่พอใจจะหายไปด้วย

ตอนสมัยเรียนก็มีหลายครั้งที่ขรรค์ชอบมารอเงินเป็นชั่วโมงกว่าจะเรียนเสร็จ บางวันก็เลทเป็นชั่วโมงขรรค์ยังมารอทั้งๆ ที่สั่งห้ามเอาไว้ พอโกรธทีไรขรรค์ง้อนิดเดียวเงินก็ใจอ่อนแล้ว

“มา...เดี๋ยวขรรค์ขับให้”

“ไม่ต้องมาเนียนเลย”

“ขรรค์ขอโทษ” ขรรค์ทำหน้าหงอยจนคนรักอย่างหมอเงินใจอ่อนยวบ

ใจแข็งกับขรรค์ได้ไม่เคยนานเลยเรา...





50%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาตามสัญญาค่า บอกว่าจะเริ่มอัพวันนี้ ยูกิก็มาอัพแม้ว่าจะมีงานนอนสุมอยู่บนโต๊ะรอให้สะสาง ฮ่าๆ เดี๋ยวทุกคนจะลืมแล้วงอนยูกิเนาะ อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า ให้กำลังใจหน่อยนะคนดี ^^

มีอะไรพูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ ข่าสารยูกิก็อัพเดทที่นั่นเป็นส่วนใหญ่น่อ เรื่องหนังสือตามได้ที่เพจค่ะ ตอนนี้หนังสือมาถึงยูกิแล้วครึ่งหนึ่ง เหลืออีกครึ่งหนึ่งนะคะ  https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 36 50% => (23/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 23-01-2017 20:12:35
สม..หมอหวาน
สั่นคลอนขรรค์เงินไม่ได้หรอกจ๊ะ
คู่นี้เค้ามั่นคง เปิดตัวแล้วนะ รู้ยัง!!
ปล.ยูกิสู้ๆนะคะ ขอให้งานเส็ดเร็วๆแล้วมาอัพบ่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 36 50% => (23/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 23-01-2017 20:46:59
ลุ้น คุณรามกะน้องอิน เสียวสันหลังแทนคุณราม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 36 50% => (23/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-01-2017 21:45:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 36 50% => (23/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-01-2017 22:55:56
 o13
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 36 50% => (23/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: AkaneSama ที่ 25-01-2017 15:54:22
หมอเงินกับขรรค์ใครแก่กว่าเหรอคะ พอดีลืม :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 36 50% => (23/01/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-02-2017 22:08:43
ว้ายยย จอมชงเองเลยนะคะ จักรก็ได้ใจนะ จัดเต็มเลย 5555

รามจะทำไรก็รีบทำนะคะ ตอนนี้ทุกคนจะบุกแล้วนะ
อินน่าสงสาร จะระแวงก็ไม่เต็มที่ จะรักก็ไม่อยากทำ

รีบเคลียร์กันนะคะ ลุ้นมากก

ขรรค์ขี้หึงมากจ้า 5555 แต่ผู้หญิงก็ตลก ไม่ใช่ไม่รู้แต่ก็ยังพยายาม
แต่เงินชัดเจนมากค่ะ ดีงาม
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 36 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-02-2017 22:22:01
ตอนที่ 36 ครึ่งหลัง





“เดี๋ยวขรรค์ขับให้นะครับ อยากกินอะไร เดี๋ยวพาไปเลย”

“ชิ...เป็นแบบนี้ตลอด เอากุญแจไปเลย” หมอหนุ่มยื่นกุญแจรถให้คนรัก ขรรค์รับไปแล้วแตะเอวเงินเบาๆ ให้เดินไปที่ประตูฝั่งคนนั่ง ก่อนจะเปิดประตูให้คนรักอย่างเอาอกเอาใจ เรียกรอยยิ้มกว้างๆ จากเงินจนได้ขรรค์ก็เลยยิ้มตามเดินไปอีกฝั่ง

“ไปกินข้าวร้านเดิมด้วย”

“ตามคำบัญชาขอรับ”

“น่ารักมาก มาๆ ให้รางวัลคนเก่งหน่อย”

ขรรค์ยื่นหน้ามาหาคนรักอย่างว่าง่าย เงินก็เลยจุ๊บเบาๆ ที่ปากหยักหนาของคนรัก ก่อนที่ขรรค์จะยื่นมาหอมแก้มใสเบาๆ แล้วกลับไปตั้งใจขับรถพาคนรักไปทานข้าวเย็น เปิดเพลงคลอเบาๆ บรรยากาศมันอบอุ่น มีความสุขมากจนไม่อยากจะคิดเลยว่า ในวันข้างหน้าจะมีอะไรมาขวางทางเราอีก

...

...

...


“จริงหรือเปล่ายะ”

“จริงสิ พวกฉันเห็นกับตาเลยนะ ผู้ชายคนนั้นที่เราเคยเห็นมาโรงพยาบาลบ่อยๆ น่ะ แล้วตอนนี้ก็มาจัดสวนโรงพยาบาลด้วย เขาเปิดประตูรถให้หมอเงินนั่ง ถ้าฟังตอนที่ทั้งสองคุยกันนะเธอ แทนตัวว่าเงินอย่างนั้น แทนตัวว่าขรรค์อย่างนู้น อย่างนี้ไม่เรียกว่าแฟน ให้เรียกว่าอะไรล่ะ” 

“นั่นสินะ จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นหมอเงินจะสนใจผู้หญิงด้วย ขนาดหมอหวานสวยอย่างนั้นหมอเงินยังไม่สนใจเลย ถ้าตัดผู้หญิงออกไป ก็เหลือแค่ผู้ชายนี่แหละที่หมอเงินจะชอบ”

เหล่าพยาบาลต่างพากันพูดคุยเรื่องของหมอเงินอย่างสนุกปาก เดาไปกันต่างๆ นาๆ ว่าสรุปแล้วผู้ชายคนที่มารับหมอเงินบ่อยๆ เป็นใคร เป็นอะไรกับหมอเงินกันแน่

มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมด

“แต่หมอเงินจะคบกับผู้ชายหรือผู้หญิงจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีผลต่องานและสังคมหรอกนะ เพราะฉันรู้สึกเฉยๆ แต่ที่อยากรู้คือเขาเป็นแฟนกันจริงๆ หรือเปล่ายะ”

“เป็นแน่ๆ เชื่อสายตาของฉันสิ”

“งั้นเพื่อที่จะสนองต่อมเผือกของพวกเรา ใครจะเป็นอาสาหน่วยกล้าตายไปถามหมอเงินดี”

“ใครจะไปกล้าถามยะ เรื่องส่วนตัวหมอเงินเขา”

พยาบาลที่กำลังพูดคุยกันอยู่ต่างก็ทำหน้าสลด ผิดหวังเพราะอยากจะได้คำตอบเรื่องนี้จริงๆ ไม่งั้นมันจะอยากรู้อยากเห็นอยู่แบบนี้แหละ ทำงานไม่รู้เรื่องกันแน่ๆ

“เอาเป็นว่าเราก็ค่อยๆ สังเกตกันไปแล้วกัน “

“เฮ้ยๆ หมอเงินมาแล้วๆ ทำตัวปกติๆ เลย” พยาบาลสาวที่เห็นว่าหมอเงินเดินเข้ามาในตัวอาคารของโรงพยาบาลก็ต่างพากันลนลาน หันซ้ายขวาแสร้งทำงาน หลบตาหมอเงินเหมือนทำอะไรผิด จนหมอหนุ่มสุดหล่อส่ายหน้าไปมาเพราะรู้ดีว่าอาการแบบนี้ คือกำลังนินทาเขาอยู่แน่ๆ

“สวัสดีครับ สาวๆ”

“สวัสดีค่า หมอเงิน” เธอทั้งหลายต่างก็พากันเอ่ยทักทายหมอเงินเป็นเสียงเดียวกัน แต่ละคนก็ช่างหวานเหลือเกิน จนหมอเงินหัวเราะออกมาอย่างขำๆ

“ฮ่าๆ วันนี้ดูแปลกๆ กันนะครับ”

“เอ่อ...ไม่มี๊ค่า ไม่เห็นแปลกเล๊ย ก็ปกติดีนี่คะ” ทั้งเสียงสูง ทั้งกลอกตาไปมา

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ถามผมได้นะ ยินดีตอบ”

“เรื่องส่วนตัวก็ได้ใช่ไหมคะ” พยาบาลสาวคนหนึ่งโพล่งออกมาก่อนจะปิดปากตัวเองเมื่อรู้ตัวเองว่าเผลอหลุดความจริงที่อยากรู้ไป

ร่างสูงโปร่งเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง

“ว่ามาสิครับ ผมจะตอบเอง”

“ถามไปจะโกรธไหมคะหมอเงิน”

“จะโกรธทำไมครับ”

“คือ...หมอเงินมีแฟนหรือยังคะ” พยาบาลคนหนึ่งถามขึ้นมา นับว่าเป็นคำถามที่ฉลาดที่สุด ถ้าถามออกไปตรงๆ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับหมอเงินมันจะดูไม่ได้เอา

“มีแล้วครับผม”

“ล่ะ แล้วสวยไหมคะ?”

“หึหึ” ร่างโปร่งหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้าไปมากับความแนบเนียนของเพื่อนร่วมงาน ดูก็รู้ว่าอยากจะรู้ว่าแฟนของเขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายมากกว่า

“ว่าไงคะหมอ” เร่งเร้าเอาคำตอบ ทุกคนต่างลุ้นจนตื่นเต้นกันไปหมด

“ในสายตาของผมนะครับ...เขาดูหล่อดี”

กรี๊ดดด...

สาวๆ พากันกรีดร้องเสียงดังลั่น หันไปวี้ดว้ายด้วยกันจนหมอเงินชักเริ่มเขิน มองสาวๆ ที่ดูเหมือนจะยินดียินงามเหลือเกิน หลังจากคำตอบที่บอกว่าแฟนหล่อเท่านั้นแหละ หมอเงินก็โดนซักจนสีแทบซีด

“ผู้ชายที่มาบ่อยๆ ใช่ไหมคะ”

“คนเดียวกันใช่ไหมคะ”

“ชื่อขรรค์ใช่ไหมคะ”

หมอสุดหล่อได้แต่พยักหน้ากับคำถามพวกนั้นด้วยรอยยิ้ม ส่วนพวกพยาบาลสาวที่รวมกลุ่มซักเขาอยู่ก็มีความชอบอกชอบใจกับเรื่องความรักของเขาเป็นพิเศษจนอดที่จะดีใจไม่ได้

ความรักของเราสองคนไม่เคยเป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัว แต่วันนี้ เพื่อนๆ ร่วมงานของเงินทุกคนไม่มีใครมีทีท่าว่าจะรังเกียจหมอเงินเลย

“รักกันนานๆ นะคะหมอ แล้วคบกันมากี่ปีแล้วคะ”

หมอเงินนิ่งคิดไปนิดๆ เพราะเราคบกันมาเจ็ดปีแล้วก็เลิกกันสามปีก่อนจะกลับมาคบกันใหม่ตอนนี้ รวมๆ แล้วก็เกือบสิบปีแล้ว

“เกือบสิบปีแล้วครับ”

เพราะช่วงเวลาที่เราเลิกกัน เงินไม่เคยคิดว่าตัวเองเลิกกับขรรค์ เงินไม่เคยคิดว่าตัวเองไม่มีขรรค์อยู่ข้างกาย แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้พูดคุยกัน แต่เงินก็มีความหวังว่าสักวันเราจะต้องกลับมาเจอกัน กลับมารักกันเหมือนเดิม

ชีวิตนี้เงินรักใครไม่ได้อีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างทุ่มให้กับผู้ชายคนนั้นไปหมด...

“นานมากเลยค่ะหมอเงิน แสดงว่าต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากสินะคะ พวกเราขอให้หมอเงินกับคุณขรรค์มีความสุขมากๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้กับความรักของหมอค่ะ”

“ถึงว่าไม่เห็นหมอสนใจผู้หญิงเลย”

“ใครบอกว่าไม่สนใจล่ะครับ แต่ในฐานะเพื่อนนะ”

“ฮ่าๆ แบบนี้พวกเราก็หมดหวังน่ะสิคะ พวกเราทุกคนกรี๊ดหมอเงินมาตั้งแต่วันแรกแล้ว โธ่...ชะนีเสียใจมากจริงๆ”

“เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงขอโทษนะครับ ปลอบใจที่หมอสุดหล่อมีแฟนแล้ว” เงินพูดทีเล่นทีจริงมีหลงตัวเองให้สาวๆ หัวเราะอย่างสนุกสนานด้วย

“ป๋ามากเลยค่ะหมอเงิน งั้นเราไปตอนไหนกันดีคะ”

“ทุกคนหาวันกันเลยก็ได้ครับ เอาช่วงเย็นๆ นะครับ หาให้ตรงกันจะได้ไปกันเยอะๆ แต่ถ้าใครไม่ได้ไป ผมจะเลี้ยงหลายๆ รอบเลย เงินป๋าเยอะ ฮ่าๆ”

“แหม...หมอเงินล่ะก็ ได้ค่า เดี๋ยวเราจะนัดวันกัน นัดเสร็จแล้วจะแจ้งนะคะสุดหล่อ”

เงินอมยิ้มอารมณ์ดี ก่อนจะบอกขอตัวไปเตรียมเข้าวอร์ด

“หมอขอตัวก่อนนะ”

“ค่า”

พออยู่ในห้องพักแพทย์แล้ว ร่างโปร่งก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างอดใจไว้ไม่ไหว มันทั้งตื้นตันใจ ทั้งดีใจ และรู้สึกมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น

ขอบคุณนะทุกคน...ขอบคุณที่ไม่รังเกียจความรักของพวกเรา

ในจังหวะเดียวกันขรรค์ก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี เห็นแค่ชื่อ หัวใจของเงินก็พองโตไปด้วยความสุขล้นหัวใจแล้ว หมอหนุ่มรับสายนั้นแล้วพยายามกลั้นก้อนสะอื้นของตัวเองสุดความสามารถ

(เงินถึงหรือยัง)

“ถ่ะ ถึงแล้ว”

(เป็นอะไร เสียงสั่นๆ นะ ไม่สบายเหรอ)

“เปล่า เดินมาเหนื่อยน่ะ มัวแต่คุยกับสาวๆ เพลินไปหน่อย เลยเกือบสายน่ะ” มือขาวเช็ดน้ำตาของตัวเองพร้อมกับตอบเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่นเพราะกลัวว่าขรรค์จะกังวลจนต้องตามมาหากันถึงที่นี่

ไม่อยากทำให้ขรรค์เสียงานเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

(เกเรนะเงิน นอกใจสามีเหรอ)

“โถ่ เงินก็แค่อัธยาศัยดีตามแบบคนหล่อมากเท่านั้น ส่วนใจก็มีแค่ขรรค์คนเดียวนะเด็กดี ไม่โกรธ ไม่น้อยใจ ไม่คิดมากนะ โอเค้?”

(หึหึ คนหล่อก็พูดได้สินะ ขรรค์มันไม่หล่อ เลยไม่มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนคุณหมอ)

“ประชดประชันกันเก่งจริงๆ”

(ตั้งใจทำงานนะครับ ขรรค์จะไปทำงานแล้วเหมือนกัน) ปลายสายพูดเสียงอ่อนโยน เรียกกำลังใจให้กับร่างโปร่งได้อย่างมหาศาล

แค่นึกหน้าของกันและกันก็มีแรงมีกำลังใจการทำงานในแต่ละวันแล้วล่ะ

“ขรรค์ก็เหมือนกัน ตั้งใจทำงานนะ”

(ขรรค์รักเงินนะ)

“เงินก็รักขรรค์ครับ”


ข่าวของหมอเงินกับขรรค์แพร่สะพัดไปทั่วทั้งโรงพยาบาล บางคนก็มองหมอเงินด้วยสีหน้าและสายตาแปลกๆ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พูดทางเสียหาย กลับกันยังเข้าใจและแยกแยะได้ด้วยว่ามันไม่ส่งผลกระทบกับงาน แต่พอข่าวของเขาถูกพูดต่อกันมากๆ ผู้ชายบางส่วนที่ไม่ใช่ชายแท้ก็มองเขาตาเป็นมันจนรู้สึกไม่ปลอดภัยกับชีวิต

“เงิน...ทำไมคนในโรงพยาบาลมองเราแปลกๆ”

“หึหึ ไม่มีอะไรหรอก ขอบคุณมากที่มาส่งนะ”

“อะไรน่ะเงิน ขรรค์อยากรู้นะเนี่ย มองกันเต็มเลย แหนะ...ตอนนี้พากันยิ้มแล้วหัวเราะแปลกๆ ด้วย” ขรรค์สงสัยเพราะท่าทางของคนในโรงพยาบาลมันดูแปลกๆ ทั้งหัวเราะ ทั้งส่งเสียงกรี๊ด ทำเอาคนหน้านิ่งๆ แบบขรรค์ ทำสีหน้ามึนงงได้ดูตลกสุดๆ ขนาดคนรักอย่างเงินยืนหัวเราะด้วย

“ฮ่าๆ ก็ขรรค์ทำหน้าตลกอ่ะ”

“ตลกยังไง ก็ขรรค์สงสัยจริงๆ”

“ก็ทำหน้าเหมือนยักษ์ยืนงงนี่ไง ใครๆ เห็นก็ต้องหัวเราะทั้งนั้นแหละ พ่อหนุ่มร่างยักษ์” มือขาวเอื้อมไปบิดแก้มของขรรค์อย่างมันเขี้ยว

“ทำอะไรน่ะเงิน เดี๋ยวคนเข้าใจผิดหรอก”

“เข้าใจอะไรผิดล่ะ ไม่มีอะไรที่มันต้องผิดเลยนี่”

“เดี๋ยวเขาก็เข้าใจว่าเราเป็นแฟนกันหรอก”

“แล้วมันเข้าใจผิดตรงไหนล่ะขรรค์ เรื่องจริงทั้งนั้นนี่ เราสองคนเป็นคนรักกัน เป็นแฟนกัน ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องเข้าใจผิดหรอก”

“แต่มันจะเสียหายเงินนะ”

“เสียหายอะไร ก็มองดูรอบๆ สิ ไม่เห็นจะมีใครมองเราสองคนไม่ดีเลยสักนิด”

ร่างสูงหันมองดูรอบๆ อีกครั้ง คราวนี้สังเกตท่าทางและสายตาของคนรอบๆ พอเห็นรอยยิ้มแซวๆ ตัวเขาเองก็รู้สึกเริ่มเขินขึ้นมา หลบสายตา ก้มหน้ามองคนรักตัวเองเพราะไม่สามารถทนสายตาคนรอบข้างได้

“อายล่ะสิ”

“ขรรค์ขอตัวกลับก่อนนะ”

“รีบไปไหนล่ะขรรค์”

“กลับไปเตรียมงานแล้วก็คนงานลงสวนน่ะ”

“ฮ่าๆ ก็ไปสิ เงินไม่รั้งเอาไว้หรอกน่า”

“ไปก่อนนะครับ เดี๋ยวขรรค์มารับตอนเย็นนะ”

“อย่าลืมโทรมาก่อนล่ะ”

“ได้ครับผม จะทำตามอย่างเคร่งครัดเลย จะไม่ทำให้เงินต้องโกรธแล้ว สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลยเงิน กระผมขอตัวนะครับ”

“คร้าบบบ”

ร่างโปร่งมองตามคนรักที่ก้มหน้าก้มตาออกจากอาคารไปอย่างเอ็นดูในความน่ารักที่มีแต่เงินเท่านั้นแหละที่มองเห็นขรรค์น่ารัก

ก็จะไม่น่ารักได้ยังไง คนตัวสูงโย่งขนาดนั้นเดินก้มหน้าเพราะต้องการหลบสายตาของคนทั้งโรงพยาบาล
“เมย์คิดว่าคงไม่กล้าเข้ามาอีกนานเลยล่ะค่ะหมอเงิน” เพื่อนร่วมงานเดินเข้ามาพูดกับหมอหนุ่มที่กำลังมองแผ่นหลังกว้างคนรักแบบไม่ยอมสนใจคนอื่น อิจฉาตาร้อนที่ได้ครอบครองสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยรักของเงิน

“ครับคุณเมย์ ผมก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ ถ้าเจอก็อย่าไปแซวเขามากนะครับ ขรรค์ก็เป็นแบบนี้แหละ ขี้อาย ผมกลัวเขาจะไม่กล้ามาอีก”

“ได้ค่า เดี๋ยวเมย์จะกระจายข่าวไปให้ทุกคนให้ความร่วมมือเอง”

“ขอบคุณนะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะ”

เงินที่กำลังอ่านเอกสารคนไข้อยู่หันมองหน้าจอโทรศัพท์ที่สั่นแจ้งเตือนว่ามีคนโทรเข้ามา คิ้วสวยขมวดแน่น แต่ปากก็ยิ้มนิดๆ

“ครับแม่”

(ไงตาเงิน ไม่ติดต่อแม่บ้างเลยนะ ลืมหรือยังล่ะว่ามีแม่มีลูกอยู่ทางนี้) พอลูกชายรับสายก็แขวะแทนการทักทายด้วยความรักความคิดถึงทันที

ไม่รู้ว่าเงินจะร้องไห้หรือหัวเราะดี

“สบายดีครับแม่ ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อไปเลยนะครับ ว่าแต่แม่กับน้องรักษ์เป็นไงบ้าง”

(แม่สบายดี แล้วรักษ์ก็สบายดี แต่แม่คิดว่าลูกคงคิดถึงพ่อมากๆ แล้วแม่เองก็อยากจะเจอลูกชายเหมือนกัน หายหัวเหมือนช่วงที่เรียนเลยนะ)

“แม่จะมาหาเหรอครับ”

(ใช่!! แม่จะไปหา อยู่ที่ไหนส่งที่อยู่มาให้แช่มด้วย มันจะได้ขับไปหาถูก)

“ได้ครับ” รับเสียงอ่อย

ในเมื่อเงินก็คิดถึงลูกชายและแม่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าแม่จะว่ายังไงเรื่องของขรรค์เหมือนกัน ตอนที่รู้ว่าเขาจะมาประจำที่นี่และบอกเหตุผลไปแล้ว แม่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็ใช่ว่าจะยอมรับ

คงต้องเจอมรสุมลูกใหญ่อีกสักครั้งแล้วล่ะขรรค์

“วันไหนครับ”

(อีกสามสี่วันนั่นแหละ แต่เดี๋ยวจะโทรบอกอีกที)

เป็นคำตอบที่ไม่อยากจะได้ยินเท่าไหร่ แต่เงินก็ต้องยอมรับและหาวิธีรับมือกับแม่ของตัวเองไว้แต่เนิ่นๆ เพราะไม่รู้ว่าจะมารูปแบบยังไง...






100%

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

   กลับมาอัพแล้วค่า อ่านแล้วเม้นท์ด้วยนะคะ ^^
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-02-2017 22:26:18
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 37
รินลณี อัครสิงหบดี





สองเท้าแกร่งเดินตรงไปยังสถานที่ที่เจ้าจอมโทรศัพท์ตามให้ไปพบเพราะมีแขกสำคัญอยากจะเจอ เจ้าของรีสอร์ทเลยเดินผ่านพนักงานไปในโซนรับรองลูกค้าที่ตอนนี้ถูกจัดไม่ให้ลูกค้าและพนักงานเข้าไปยุ่มย่ามเนื่องจากต้องใช้พูดคุยเรื่องสำคัญ

“ว่าไงเจ้าจอม ทำไมถึงเรียกพี่มาที่นี่ แล้วนี่กลับมาถึงตอนไหน ไม่ไปพักผ่อนก่อนล่ะครับ เดินทางมาเหนื่อยๆ” รามินทร์ที่พอเห็นหน้าน้องชายก็ไถ่ถามรัวเร็วอย่างเป็นห่วง จนร่างเล็กของเจ้าจอมต้องยิ้มให้อ่อนๆ แล้วตอบ

“จอมไม่เหนื่อยหรอกฮะ”

“ไหนแขกคนสำคัญของจอมที่อยากเจอพี่ล่ะ ใครกัน?”

หญิงสาวที่นั่งหันหลังอยู่อมยิ้มซึ่งเจ้าจอมบังเอาไว้เลยทำให้รามินทร์มองไม่เห็นว่ามีคนอื่นอยู่ตรงนี้ด้วย เขาเลยมองหา แต่ก็ไม่เห็นเลยมองหน้าเจ้าจอมงงๆ

“ก็คนนี้ไง” ว่าแล้วก็ขยับตัวออกไป หญิงสาวที่นั่งหันหลังให้ลุกขึ้นหันมาแล้วยิ้มหวานให้ รามินทร์อึ้งตัวแข็งทื่อ เย็นวาบไปทั้งกาย

“สวัสดีค่ะพี่ราม รินคิดถึงพี่รามมากๆ เลยค่ะ ไม่เจอกันนาน หล่อกว่าเดิมอีกนะคะ”

หมับ!!

ร่างกายแข็งแรงของเขาถูกน้องสาวแท้ๆ ที่เป็นดั่งดวงใจสวมกอดอย่างแน่นหนาสมกับความคิดถึงที่เธอมีต่อพี่ชาย หากแต่รามินทร์ก็ยังคงตกใจอยู่ ไม่คิดว่าจะได้เจอน้องสาวกระทันแบบนี้

“อะไรกัน ไม่คิดถึงรินเหรอคะ” เธอผละออกมาถามด้วยสีหน้าเง้างอด จนรามินทร์ต้องรีบปฏิเสธ คว้าตัวหญิงสาวมากอดอีกทีแทน

“ไม่ครับๆ พี่คิดถึงรินมากๆ แค่ตกใจนิดหน่อยที่โดนเซอร์ไพรส์น่ะ แต่พี่ดีใจมากเลยนะ ไม่เจอกันหลายปีน้องสาวพี่สวยขึ้นเป็นกองเลยนะเนี่ย แล้วก็แต่งตัวเรียบร้อยกว่าเดิมด้วย” ไม่รู้ว่าตัวเองดีใจจริงๆ หรือพูดไปให้น้องสาวสบายใจกันแน่ เพราะถ้าถามหัวใจตามจริงแล้ว

รามินทร์กล้ายอมรับในใจเลยว่า เขา ‘ไม่’ ดีใจเลยที่เห็นรินลณี น้องสาวของตัวเองในวันนี้ ทั้งๆ ที่เขาก็คิดถึงน้องสาวคนเดียวของเขามาโดยตลอดแท้ๆ

ถ้าอินทัชเจอ เขาต้องโดนมันเกลียดหนักกว่าเดิมแน่ๆ แค่คิดแบบนั้นก็หวาดกลัวจนมันออกทางสีหน้าหมดแล้ว เจ้าจอมกับรินลณีมองหน้ากันอย่างเห็นใจ แต่ก็สงสารคนที่โดนจับมาอย่างอินทัชเช่นกัน

“รินก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างสิคะ พี่ฟรองซัวเขาสอนรินหลายเรื่องมากๆ เลย จนไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถคิดและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้”

“รินก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องเปลี่ยนแปลงเลยนี่ครับ น้องสาวพี่เป็นเด็กดีอยู่แล้ว”

หญิงสาวหน้าเสียไปเลยที่ตัวเองเคยแสดงละครตนอยู่กับพี่ชายและคนในครอบครัวมาโดยตลอด เธอทำเป็นเด็กไร้เดียงสา แต่ความจริงก็เจนโลก

“พี่รามคะ ความจริงแล้ว...ที่รินมาวันนี้ ไม่ใช่มาแค่เยี่ยมพี่รามอย่างเดียวนะคะ รินมาสารภาพความผิดของรินด้วย” รินลณีพูดบออกไป ใบหน้าและน้ำเสียงจริงจังมากจนรามินทร์สงสัย

“สารภาพ? สารภาพเรื่องอะไรครับริน น้องก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับพี่นี่ครับ”

“นั่งก่อนเถอะครับพี่ราม เดี๋ยวรอคนอื่นก่อนแล้วเราจะพูดเรื่องนี้พร้อมกันเลย” เจ้าจอมบอกเพื่อให้ทั้งคู่อย่าเพิ่งพูดคุยกัน เนื่องจากต้องรอคนสำคัญอีก

รามินทร์มองหน้าน้องสาวน้องชายสลับกันไปมา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดต่อ เขาก็จำยอมเดินไปนั่งโซฟา ข้างๆ มีน้องสาวนั่งอยู่ข้างๆ ร่างสูงปิดความสงสัยและความกังวลเอาไว้ไม่มิด เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเจ้าจอมกำลังจะทำอะไร

เพียงแค่เห็นสีหน้าและท่าทางของเจ้าจอมแล้ว รามินทร์ก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนที่เหลือน่ะมีใครบ้าง ตัวสำคัญของเรื่องน่าจะเป็นอินทัช...

“จอมคิดจะทำอะไร”

“จบเรื่องทั้งหมดครับพี่ราม พี่ควรรู้ความจริงเสียที จะได้ไม่ต้องเข้าใจพี่อินผิดๆ อีก แต่จอมบอกให้พี่เตรียมใจเอาไว้ก่อนนะกับเรื่องที่จะฟังต่อไปนี้ มันอาจจะน่าผิดหวังและเสียใจกับพี่มาก แต่ต้องสัญญากับเรามาก่อนว่าจะไม่โกรธไม่เกลียดเราสองคน” เจ้าจอมเองก็กังวลไม่แพ้กัน

เขาน่ะไม่เท่าไหร่ เพราะเจ้าจอมเปิดเผย จะเที่ยวก็บอกว่าเที่ยว จะคบกับผู้ชายคนไหนก็คบแบบไม่ปิดบัง แต่รินลณีนี่สิ ที่ปกปิด แสดงละครหลอกพี่ชาย พ่อกับแม่มาตลอดคงจะรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ในการเล่าเรื่องอยู่บ้าง แต่เธอก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง

“มันเรื่องอะไรกัน?”

“เดี๋ยวก็รู้ครับ รอก่อน...อ๊ะ มาพอดีเลย” เจ้าจอมพูด

รามินทร์หันไปมองก็เจอกับร่างโปร่งบางของอินทัช ที่เดินมาพร้อมกับจักร ขรรค์ และหมอเงิน ทั้งสามคนเดินมานั่งที่โซฟาตัวที่เหลือ มีอินทัชกับหมอเงินที่นั่งตรงข้ามกับรามินทร์และรินลณี อีกสองคนก็นั่งกับเจ้าจอมไปกับโซฟาตัวยาว อินทัชมองหน้าหญิงสาวข้างกายของรามินทร์นิดหน่อยก่อนจะสบตากับรามินทร์อย่างต้องการจะรู้เรื่องราว

รามินทร์ เจ้าจอม รินลณีที่เห็นท่าทีของอินทัชก็ทราบได้ในทันทีว่าเจ้าของใบหน้าสวยหวานคนนี้ จำหน้าของรินลณีไม่ได้แม้แต่น้อย

จะพูดว่า ไม่มีอยู่ในเศษเสี้ยวความทรงจำด้วยซ้ำ

“มีอะไร ถึงเรียกให้มาพร้อมหน้าขนาดนี้” อินทัชถาม มาดที่ดูสง่า สุขุม ทำเอาทุกคนเริ่มรู้สึกขนลุก เพราะน้ำเสียงของอินทัชเหมือนจับอะไรบางอย่างได้ เพราะเจ้าตัวสังเกตใบหน้าของรินลณีอีกครั้งอย่างครุ่นคิด บ่งบอกว่าตนเริ่มคุ้นๆ กับใบหน้าแบบนี้แล้ว

แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน

“เอ่อ คือ...” รินลณีอึกอัก ไม่กล้าสบตา เพราะครั้งหนึ่งเธอก็เคยเจอสายตาคู่นี้มองอย่างเชือดเฉือนมาแล้ว หญิงสาวมองหน้าเจ้าจอมอย่างต้องการความช่วยเหลือ ส่วนรามินทร์ก็นั่งนิ่ง ในใจกระวนกระวาย คิดหาทางออก หากว่าอินทัชจะโกรธจนอาละวาดออกมา

“พูดมาสิครับ เรียกพี่มา แสดงว่ามันก็ต้องเป็นเรื่องที่พี่ควรจะรู้ ฉะนั้นก็รีบพูดมาเถอะครับ จะมานั่งเงียบกันทำไม” อะไรบางอย่างดลใจให้อินทัชรู้สึกหงุดหงิดไปก่อนที่จะได้ฟัง

เจ้าจอมเรียกกำลังใจให้กับตัวเองก่อนจะตัดสินใจพูด

“ก่อนอื่นจอมต้องขอแนะนำผู้หญิงคนนี้ก่อนนะครับพี่อิน เธอเป็นน้องสาวของพี่ราม เป็นลูกพี่ลูกน้องกับจอม ชื่อของเธอคือ รินลณี อัครสิงหบดี”

กึก!!!

วาบ!!

ดวงตาหวานเบิกกว้างอย่างตกใจ หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากอก เสียงที่พูดชื่อรินลณี ดังซ้ำๆ ไปทั้งหู จนไม่สามารถรับรู้เสียงอื่นได้ ร่างโปร่งนั่งตัวตรง แข็งค้าง จ้องหญิงสาวอยู่แบบนั้น สมองก็ประติประต่อเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ตอนตอนแรก พอเริ่มเข้าใจเรื่องคร่าวๆ แล้ว อินทัชก็ปิดตาลงอย่างข่มอารมณ์ที่ประทุขึ้นมา สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จนเต็มปอดก่อนจะพ่นมันออกมาแรงๆ เพื่อระบายความโกรธ ความโมโหนี้

อินทัชจิกเล็บไปที่หน้าตักของตัวเองแรงๆ แม้ว่าจะมีกางเกงขวางกั้นอย่างระบายอารมณ์ตัวเอง ตอนนี้มันโกรธมาก โมโหมาก จนพูดอะไรไม่ออก มีคำพูดมากมายที่อยากจะตกคอกใส่รามินทร์ที่กำลังจ้องมองเขาอย่างรู้สึกผิด อินทัชหลบตาโดยการหันหน้าหนีไปทางอื่น รู้สึกแสบตาจนน้ำตาจะไหลออกมา หากก็พยายามหักห้ามใจเอาไว้ ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็พากันเงียบหมด ไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไรออกมา หากอินทัชไม่ยอมว่าอะไรออกมาสักคำแบบนี้

ที่ผ่านมา...มึงโดนแก้แค้น มึงโดนทำร้าย มึงโดนใช้งาน กูยอมรับชะตากรรมนั้นเพราะกูคิดว่ากูเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องสาวมันตาย แต่นี่มันอะไร!! น้องสาวของมันที่ชื่อเดียวกับคนที่มันบอกว่าตายทำไมถึงได้อยู่ตรงนี้ ทำไมถึงได้นั่งอยู่ตรงหน้ากูแบบนี้!!!

คิดในใจอย่างโกรธแค้น อารมณ์คุกรุ่นแทบจะประทุออกมา อยากจะผรุสวาทหยาบคายต่างๆ ออกมาให้มันสาแก่ใจที่โดนมันมันหลอกทำร้ายมาตลอด

“มึง...ต้องเหี้ยขนาดไหนวะราม ถึงทำแบบนี้ได้ น้องสาวมึงยังอยู่ดีมีสุข แต่ลากกูมา กักขัง ด่าทอ จิกหัวใช้ และย่ำยี...มึงต้องให้กูใช้คำไหนแทนตัวมึงดีรามถึงจะเหมาะสมกับความชั่วช้าที่มึงทำกับกู”

แม้ตัวประโยคจะดูเหมือนว่าอินทัชระเบิดอารมณ์เต็มที่ แต่ความเป็นจริงแล้ว น้ำเสียงของอินทัชดูระโหยโรยแรงราวกับคนจะขาดใจตายให้ได้ ทำเอาทุกคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจกับการตอบสนองจากอินทัชที่ไม่เป็นไปตามที่คิด อินทัชนิ่งและระงับอารมณ์ได้ดีกว่าที่พวกเราคาด จนนับถือในความเข้มแข็ง แต่รามินทร์ที่รู้ดีว่าแม้น้ำเสียงของอินทัชจะไม่ได้น่ากลัว หากแต่ดวงตาแข็งกร้าวจนมันบาดลึกไปทั่วทั้งใจรามินทร์

“มึงจะให้กูทำยังไงที่มึงเอาน้องมาอ้างกับกูว่ากูเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องมึงตาย แล้วนี่อะไร วิญญาณเหรอไอ้ราม นี่วิญญาณของน้องสาวมึงใช่ไหม หรือว่ามึงมีน้องสาวชื่อรินลณีสองคน? หึ…มึงแม่ง ใจร้ายว่ะ” อินทัชยังคงพูดต่อ เสียงในประโยคสุดท้ายสั่นเครือสะท้านความรู้สึกจนทุกคนต้องหันหนี

ภาพของอินทัชที่พวกเขาเห็น แม้ว่าเจ้าตัวพยายามจะปกปิดมัน แต่มันก็ปิดไม่หมด ความรู้สึกเสียใจ เจ็บปวด ผิดหวัง โกรธ แค้น ไม่พอใจที่อินทัชกำลังมีตอนนี้ ไม่มีใครแข็งแกร่งขนาดที่ไม่ประทุออกมาได้หรอก อินทัชไม่อาละวาด ไม่ตะคอก ไม่เข้าไปต่อยไปเตะรามินทร์ ก็ใช่ว่าจะไม่อยากทำ หากแต่เขาก็คิดได้ว่าถ้าทำแบบนั้น อินทัชจะกลายเป็นคนคิดแค้นและต้องแก้แค้นอย่างที่รามินทร์เป็น

เขาจะไม่เป็นคนแบบรามินทร์เด็ดขาด

“กูขอโทษ ขอโทษนะอิน ขอโทษ” กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ รามินทร์ก็โดนสายกับคำพูดของคนที่เขารักทิ่มแทงจนอยากจะหายไปจากตรงนี้

“จริงๆ แล้ว เรื่องราวทุกอย่างมันเป็นความผิดของรินคนเดียวค่ะ คือ...เอ่อ คือว่า...ตอนนั้นรินเจ็บใจพี่อินมาก ไม่มีใครเคยทำแบบนั้นกับรินมาก่อน” รินลณีพูดขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ในที่สุด เธอก็จัดการเล่าทุกอย่างออกมาตามความเป็นจริง โดยที่เธอก้มหน้ามองมือที่บีบกันอย่างประหม่าของตัวเองระหว่างที่เล่าไปด้วย


เมื่อสามปีที่แล้ว

ในงานเลี้ยงจบการศึกษาของเหล่านักศึกษามหาลัย ร่างสูงโปร่งของอินทัช ชยอัมรินทร์ กับธีรไนย อมรไพพิจิตร กลายเป็นบุคคลที่น่าจับตามองที่สุดในค่ำคืนเพราะเป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาร่วมงานเลี้ยงในฐานะของผู้ที่ประสบความสำเร็จที่ทางมหาวิทยาลัยอยากจะให้มาเป็นแรงกระตุ้นและกำลังใจให้กับนักศึกษาที่จบ

ด้วยหน้าตาและการแต่งกายที่ดูดีราวกับเทพบุตร สมมาดนักธุรกิจที่เป็นเศรษฐีตั้งแต่อายุยังน้อย แน่นอนว่าทั้งมหาวิทยาลัย ไม่มีใครไม่รู้จักสองคนนี้ ทั้งในเรื่องที่ดี และเรื่องที่ไม่ดี ทั้งคู่เดินขึ้นไปบนเวทีทีละคนเพื่อกล่าวอวยพรให้กับรุ่นน้องรวมถึงชักชวนให้ลองไปสมัครงานที่บริษัทของเจ้าตัวดูได้

“ครับ...ผมก็ขออวยพรให้พวกคุณที่จบการศึกษาแล้ว ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เพราะการเรียนจบไม่ใช่การประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง สิ่งที่จะเรียกว่าประสบความสำเร็จคือพวกคุณต้องมีงานทำที่มั่นคง สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ไม่เดือดร้อน อยากไปไหนก็ไปได้ อยากไปเที่ยวก็ไปได้ และแน่นอนว่าพวกคุณต้องเจออุปสรรคที่หนักหนากว่าการเรียนอยู่อีกมาก ผมในฐานะรุ่นพี่ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวต่อไป และต่อสู้กับมันไม่ว่าจะคุณจะเจอกับอะไรก็ตาม”

พออินทัชกล่าวจบแล้ว เสียงปรบมือก็ดังมาพร้อมกับเสียงกรี๊ดของสาวๆ ซึ่งก็พอๆ กับธีรไนยก่อนหน้านี้ที่ได้ความนิยมไม่แพ้กัน

ถึงช่วงที่เปิดเพลงให้เต้นรำ ก็มีหลายคนเดินเข้ามาขอให้อินทัชกับธีรไนยเป็นคู่เต้นรำให้ เพราะใครๆ ก็อยากจะเป็นคู่ควงของทั้งสองคนนี้มากๆ แม้จะเพียงไม่กี่นาทีก็ยินดีขอให้ได้คู่เต้นรำเป็นอินทัชหรือธีรไนยก็ได้ และพวกเขาตอบรับอย่างไม่ปฏิเสธ เพียงแต่คนหนึ่งเต้นด้วยได้ไม่นานต้องเวียนให้ครบเพราะมีเข้ามาเรื่อยๆ

“สองคนนั้นใครอ่ะแก”

“ห๊ะ!! ยัยริน นี่แกไม่รู้จักพี่อินกับพี่ธีร์เหรอ โลวมากอ่ะ”

“ก็ไม่รู้จักน่ะสิ สรุปเขาสองคนเป็นใครกันล่ะยะ” เธอเร่งเอาคำตอบจากเพื่อนสนิทสายตามองชายหนุ่มหน้าตาดีสองคนที่กำลังยืนพิงเคาน์เตอร์ดื่มไวน์แล้วก็คุยกันอยู่ ดูดีจนเธอมองด้วยสายตาแวววาว

“นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงไง ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ ทั้งรวย คนหน้าสวยๆ นั่นชื่ออินทัช ชยอัมรินทร์ หรือพี่อิน อีกคนที่หล่อๆ ชื่อธีรไนย อมรไพพิจิตร หรือพี่ธีร์ นามสกุลดังพอไหมล่ะ ถ้าเคยเห็นตาทีวีแกก็จะรู้ว่าพวกพี่เขาดังขนาดไหน” เพื่อนสนิทของรินลณีตอบ ท่าทางของเธอยามพูดถึงดูเพ้อฝันมาก

“งั้นเหรอ หึหึ”

“แกคิดจะทำอะไรน่ะ”

“แกว่าสองคนนั้นใครคนไหนรวยกว่ากันล่ะ”

“ถามแบบนี้อย่าบอกนะว่า?”

“เป้าหมายไงล่ะ”

“นี่ยัยริน พี่เขาไม่ได้เคี้ยวง่ายๆ นะยะ ต่อให้เธอสวยหยาดฟ้าขนาดไหน แต่ถ้าเขาไม่ชอบก็คืออดนะจ้ะ”

“คนอย่างฉันไม่มีทางโดนปฏิเสธหรอกน่า” รินลดีตอบเชิดหน้าอย่างมั่นใจ ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางยิ้มหวาน ทำเอาเหล่าเพื่อนสนิทต่างพากันทำหน้าเอือมระอา

“มั่นใจเข้าไปเถอะ โดนปฏิเสธมาอย่ามาโวยวายนะ คนเยอะ ขายขี้หน้าเขา”

“เอ๊ะยัยนา เชื่อฉันเถอะน่า ตอบคำถามฉันได้หรือยัง”

“พี่ธีร์มีธุรกิจร้านเพชร เครื่องประดับแต่พี่ชายของพี่ธีร์บริหารอยู่ ตอนนี้พี่ธีร์โดนคุณเพลิงเอาตัวไปช่วยงานที่บริษัทตำแหน่งใหญ่โตอลังการเท่มากๆ ด้วย ส่วนพี่อินก็มีธุรกิจที่สืบทอดต่อจากครอบครัว เป็นผู้บริหารเต็มตัว บอกไว้เลยนะว่าใครรวยกว่าใคร ฉันเองก็ไม่รู้”

“ฉันเลือกได้แล้วว่าจะเอาคนไหนดี”

เธอว่าพลางเดินตรงไปทางที่อินทัชกับธีรไนย ความสวยสง่าของเธอทำให้คนทั้งงานต่างพากันมองเป็นตาเดียว ยิ่งเห็นว่าเธอตรงไปที่สองหนุ่มที่ฮอตที่สุดในงานก็ยิ่งหยุดยืนมองอย่างสนใจ

“หน้าแหกมาแม่จะหัวเราะเยาะเลยคอยดู”

“เออ ฉันคนหนึ่งนี่แหละที่จะช่วยหัวเราะ”

รินลณีเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของอินทัช เรียกความสนใจจากสองหนุ่มได้อย่างทันที สองหนุ่มอัธยาศัยดียิ้มโปรยเสน่ห์ให้กับหญิงสาวสุดสวยของเธอ

“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” ธีรไนยถามขึ้น

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ!”

“คุณอินกับคุณธีร์ ฉันชื่อรินนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เธอยื่นมือไปหาธีรไนยก่อนจะยื่นมาจับอินทัช แต่ในจังหวะที่ปล่อยเธอแอบไล้ปลายนิ้วไปตามมือของชายหนุ่ม ดวงตาสวยจ้องมองเธออย่างรู้ทัน

“ฉันชอบคุณ เราลองมาคบกันดูไหมคะ”

อินทัชเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนจะมองหน้าเธอแล้วไล่ตั้งแต่ผมจรดปลายเท้า ยอมรับว่าเธอเป็นคนที่สวยมาก แต่การที่เขาจะคบกันเป็นแฟน เขาต้องเลือกให้ดีที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลานานมาก เพราะฉะนั้นข้างกายอินทัชถึงได้มีแค่คู่ควง

“ขอโทษด้วยนะครับแต่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะคบกันเลยก็ไม่ได้ ยังไงก็แค่ลองเดทกันดูก็พอครับ” เขาปฏิเสธออกไปอย่างนุ่มนวล

แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความไม่พอใจและไม่ยอม มันเป็นการหักหน้าเธออยากเยือกเย็น ดูก็รู้ว่าเธอไม่เป็นที่สนใจของอินทัชเลยสักนิด

“เดทเหรอ ให้ฉันเป็นหนึ่งในคู่ควงน่ะเหรอ ไม่มีทางหรอก ฉันต้องเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แล้วคนอย่างฉันไม่มีทางเป็นหนึ่งในสต็อกของใคร” เธอเชิดหน้าขึ้นกอดอกปรายตามองคนที่อินทัชเต้นรำด้วยอย่างเหยียดๆ

“งั้นคุณก็ต้องเป็นที่หนึ่งของคนอื่นแล้วล่ะครับ เพราะสำหรับผม ที่หนึ่ง...ต้องดีกว่านี้ ตอนนี้ผมก็ไม่ได้หาตัวจริงด้วย ยังอยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ” อินทัชบอออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่น่าฟัง หากแต่ประโยคที่กลั่นออกมาก็ทำให้หญิงสาวเต้นเร่าๆ ท่ามกลางสายตานับน้อยคนที่อยู่ในงานเลี้ยง

“รู้ไหมว่านายกำลังปฏิเสธใคร ฉันคือคุณหนูรินลณี อัครสิงหบดี เชียวนะ ไม่เคยมีใครปฏิเสธฉันแบบนี้” เธอโวยวายออกมาตามฉบับคุณหนูเอาแต่ใจที่ไม่เคยยอมพ่ายแพ้ต่ออะไรแบบนี้ ทุกคนต้องสยบแทบเท้าเธอ ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับเธอ...

อินทัชทวนนามสกุลในใจด้วยความไม่คุ้น

“ผมว่าคุณชักพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วนะครับ”

“นายนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง!! โง่มากที่ปฏิเสธฉัน หน้าตาก็ดีแต่ไม่มีสมอง”

อินทัชส่ายหน้าเอือมระอา แต่ก็ไม่ได้ต่อประโยคอะไรออกไป เพราะแค่นี้เธอก็ทำลายตัวเองไปมากพอแล้ว จากสายตาคนในงานที่มองเธอราวกับตัวน่ารังเกียจ

“คุณไม่อายหรือไง ทำแบบนี้เนี่ย” ธีรไนยถาม

“ฉันเหรอต้องอาย คนที่อายคือพวกนายมากกว่า”

“โรคจิตหรือเปล่าวะอิน” เขาหันไปถามเพื่อนรักอย่างกังวลใจ อินทัชก็ได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง หันหน้าหนีหญิงสาวแล้วยกไวน์ขึ้นจิบต่อ เสียงความไม่พอใจจากรินลณีได้อย่างดี จนเธอต้องระเบิดมันออกมา

“กรี๊ดดดดด!!!” เธอร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังจนอินทัชหมดอารมณ์จะอยู่ต่อ

“กลับเถอะธีร์ กูเบื่อแล้ว”

“ก็ว่างั้น ขอตัวก่อนนะครับทุกคน”

อินทัชกับธีรไนยขอตัวกลับก่อนที่ทั้งคู่จะเดินคู่กันไปทางออกของห้องจัดงานเลี้ยงด้วยท่าทางที่สบายๆ ไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องของผู้หญิงอย่างรินลณีเลยสักนิด

“ฮ่าๆ ไม่อายเลยหรือยะที่กล้าประกาศว่าตัวเองเป็นคุณหนู ทั้งๆ ที่กิริยามารยาทต่ำตมสิ้นดี”

“ใช่ๆ ถ้ากลับบ้านไปแล้วอย่าลืมบอกให้พ่อแม่พาไปหาหมอดูนะ พบจิตแพทย์ดูว่ามีปัญหาทางไหนหรือเปล่า”

“อ้อ...แล้วอย่ามั่นใจให้มันมากนักนะหล่อน เธอก็ไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหนหรอก ไม่แปลกที่จะมีคนขัดใจ แล้วเรื่องที่พี่อินเขาปฏิเสธเธอน่ะ มันก็เหมาะสมแล้ว เพราะพี่เขา ควงพวกดาราสวยๆ โน่น ฮ่าๆ”

“สมน้ำหน้า อยากให้เจอแบบนี้มานานแล้ว”

 เสียงหัวเราะดังขึ้นไปทั่วทั้งห้องประชุมที่จัดงานเลี้ยง เธอมองคนในงานไปมาอย่างไม่พอใจและเจ็บแค้น ทั้งโดนปฏิเสธ ทั้งโดนหัวเราะใส่ ทั้งอายทั้งโกรธ จนต้องวิ่งหนีออกจากงานไป

“กรี๊ดดดดด!!!”

จำไว้เลยนะอินทัช ชยอัมรินทร์ โทษฐานที่ปฏิเสธฉัน โทษฐานที่คนของนายทำฉันอับอายในวันนี้ นายจะต้องชดใช้อย่างแสนสาหัส

เธอไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบหรอก เพราะคนอย่างรินลณีแค่รักสนุก อยากได้ใครก็ต้องได้ และเมื่อได้เห็นอินทัชเป็นครั้งแรกพอรู้ว่ารวยและดังเธอเลยสนใจ อยากชนะด้วย...







***************
มีต่อค่ะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-02-2017 22:27:37
ตอนที่ 37 ครึ่งหลัง





 “ตั้งแต่เกิดมา รินชอบผู้ชายคนไหนก็ไม่เคยมีใครปฏิเสธรินเลยสักครั้ง บางทีแฟนของเพื่อนยังหันมาหาริน มันก็เลยทำให้รินได้ใจคิดว่าความสวยของรินจะทำให้พี่อินตอบตกลงเหมือนคนอื่นๆ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามที่คิด ตอนที่รินโดนปฏิเสธ รินยอมรับว่ารินโกรธมาก แค้นมาก ไม่พอใจมาก อยากจะเอาคืนพี่อินให้สาสม ไหนจะสายตาจากคนทั้งรุ่นที่มองอย่างเยาะเย้ยอีก รินรีบกลับมาบ้าน แล้วก็รอจังหวะที่พี่รามกลับมา ค่อยเริ่มทำเป็นจะฆ่าตัวตาย...”

สิ้นเสียงเล่าเรื่องราวของรินลณี ทุกคนตกอยู่ในอาการอึ้งยกเว้นเจ้าจอมกับอินทัชที่รู้ฤทธิ์เดชของรินลณีดี แต่คนอื่นๆ ที่เพิ่งจะได้ยินก็นิ่งค้างรู้สึกเหมือนถูกหลอกมาโดยตลอด

โดยเฉพาะรามินทร์ที่ตอนนี้ความรู้สึกต่างๆ มันประดังประเดเข้ามา จนไม่รู้ว่าเขาจะมองหน้าใครก่อนดีระหว่างอินทัชหรือรินลณี

“ริน...ท่ะ ทำไม” ร่างแกร่งเสียงสั่นเครือ ก้มมองพื้น ดวงตาสั่นไหว อยากจะร้องไห้ออกมา ทั้งผิดหวัง ทั้งเสียใจ ไม่อยากจะมองเลยว่าอินทัชกำลังมองตนด้วยสายตาแบบไหน

“รินขอโทษค่ะพี่ราม รินขอโทษ ฮึก รินผิดไปแล้ว พี่อินคะ รินขอโทษ ไม่ต้อง ฮึก ให้อภัยรินก็ได้ แต่รินขอแค่ได้ขอโทษและพี่รับรู้ ฮึก ว่ารินสำนึกผิดแล้วจริงๆ” หญิงสาวลงมานั่งคุกเข่าที่พื้น พนมมือไหว้พี่ชายสลับกับอินทัช เสียงสั่นๆ ปนสะอื้นของเธอทำให้รู้ว่าผู้หญิงแสนเอาแต่ใจ นิสัยเสียคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว

เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เปลี่ยนไปมากด้วย

อินทัชเองก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร อะไรที่มันผ่านไปแล้ว ก็ปล่อยให้มันผ่านไป ไม่ต้องยื้อเรื่องราวให้มันนานไปกว่านี้จะดีกว่า

แล้วก็ไม่ต้องมารู้จักอะไรกินอีก...

“หึหึ มึงกับน้องค่อยเคลียร์กันทีหลัง ตอนนี้มึงมาเคลียร์กับกูก่อนไอ้ราม มึงไม่ต้องขอโทษ ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องไถ่โทษอะไรกูทั้งนั้น ในเมื่อมึงก็รู้ความจริงแล้วว่ากูไม่มีความผิดอะไรเลย มึงก็ควร...ปล่อยกูกลับบ้านได้แล้ว และมันจะเป็นไปตามสัญญาที่เราตกลงกันไว้เหมือนเดิม นั่นคือ...กูจะไม่เอาเรื่องมึงไปแจ้งตำรวจ ต่างคนก็ต่างอยู่”

เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ รามินทร์เงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาแข็งกร้าวของอินทัชด้วยความรู้สึกเจ็บปวด และรู้สึกใจหายกับความเย็นชาที่อินทัชกำลังแสดงอยู่

ที่มันไม่รู้สึกอะไรเลยก็เพราะว่ามันรู้ตัวตั้งแต่แรกที่ว่ามันไม่ได้ผิด แต่ที่อินทัชยอมให้เขาทำร้ายอยู่อย่างที่ผ่านมานั่นเป็นเพราะเขาโกหกว่าน้องสาวของตัวเองตายเพราะอินทัชเป็นต้นเหตุสินะ

ยิ่งคิดได้ ยิ่งได้รู้เหตุผล ร่างแกร่งก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมันชั่วช้าเกินกว่าที่จะได้รับการให้อภัยจากคนตรงหน้า แม้ว่าตัวเองจะอยากได้มันมากแค่ไหน แต่ก็คงไม่มีหน้าไปขอให้อินทัชอภัยให้ ในเมื่อสิ่งที่อินทัชเจอจากเขามันเลวร้ายเกินกว่าที่จะทำใจยอมรับมันได้

ยิ่งโดนกระทำไปแบบฟรีๆ โดยที่อินทัชไม่ได้ประโยชน์อะไรจากความไร้เหตุผลและความโง่ของรามินทร์เลย

“ก็ขอโทษ อิน กูขอโทษ”

“บอกแล้วไง...ว่ากูไม่ต้องการ สิ่งที่กูต้องการมีเพียงอย่างเดียว คือการที่ได้ออกไปจากที่นี่!!”

มันเป็นประโยคที่ตัดสินใจเด็ดขาดไม่มีความลังเล ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ บ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ กับรามินทร์เลย ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเกลียด มันว่าเปล่า ถึงจะดูแข็งๆ แต่มันก็ว่าเปล่า ว่างเสียจนรามินทร์ใจเสีย

อย่างน้อยถ้าอินทัชเกลียดเขา มันก็จะเป็นการตอกย้ำให้จดจำไปตลอดชีวิต แต่ถ้ามันว่างเปล่าแบบนี้ก็เหมือนกับว่า อินทัชพร้อมที่จะลืมรามินทร์ออกไปจากความทรงจำทันที

“พี่ราม...ไหนๆ ก็รู้ความจริงแล้ว ให้พี่อินกลับบ้านเถอะนะ” เจ้าจอมขอร้องด้วยอีกคน ไม่ได้รู้สึกถึงความรักที่รามินทร์มีต่ออินทัชเลยสักนิด

“นะคะ ฮึก รินขอโทษ แต่พี่รามปล่อยพี่อินไปเถอะ เขาไม่ผิดอะไร ฮือ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ คนที่ผิดคือริน รินคนเดียวเท่านั้น ฮือ...” รินลณีพูดเสียงสั่นพร้อมๆ กับสะอึกสะอื้นอย่างหนักไปด้วย

“อิน...” ครางชื่ออินทัชเสียงอ่อนแรง ใบหน้าสวยหันหน้าหนีสายตาที่รวดร้าวของรามินทร์เพื่อข่มจิตข่มใจไม่ให้ใจอ่อนกับดวงตานั่น

อินทัชเป็นคนขี้ใจอ่อนก็จริง แต่ก็เฉพาะกับคนสนิท คนในครอบครัว เพื่อน และคนพิเศษเท่านั้น กับรามินทร์...อินทัชไม่รู้ว่าอยู่ในสถานะไหนสำหรับตัวเอง แต่เขามักจะใจอ่อนบ่อยครั้งกับคนๆ นี้

“ปล่อยกูกลับบ้าน” ยังยืนยันความตั้งใจเดิม

“ขอโทษนะ...กูขอโทษ อย่าทิ้งกูนะ กูขอร้อง” เสียงสั่นเครือที่เริ่มจะควบคุมไม่ได้ของรามินทร์เรียกความสนใจจากทุกคนให้ไปมองใบหน้าหล่ออย่างแปลกใจ

เจ้าจอมกับรินลณีมองหน้ากัน หมอเงินกับขรรค์เองก็มองหน้ากันอย่างสงสัยด้วย เพราะระหว่างสองคนนี้มันมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

“ราม...กูจะทิ้งมึงได้ยังไง” อินทัชว่าออกมาเสียงเรียบ เป็นประโยคที่เรียกรอยยิ้มปิติจากร่างสูงได้เป็นอย่างดี ก่อนจะหุบลงไปอย่างสิ้นหวังกับประโยคต่อมา “เพราะที่ผ่านมา...มึงไม่เคยมีกูอยู่แล้ว”

เจ็บกว่าตอนอกหักร้อยเท่า นั่นเป็นเพราะว่า ความรักครั้งนี้ เขาทำมันพัง ด้วยมือของตัวเอง...

“อิน...กูขอร้อง”

“ทีตอนกูขอร้อง อ้อนวอนไม่ให้มึง...” อินทัชนึกถึงความขมขื่นนั่นแล้วก็อยากจะน้ำตาไหลเลยได้แต่พยายามระงับมันไว้ไม่ให้ออกมา “ทำร้ายกู มึงก็ไม่เคยฟัง แล้วพอตอนนี้กูทำบ้าง...มึงคิดว่ากูจะให้มึงเหรอ จริงอยู่ที่ว่ากูไม่แก้แค้นมึงกลับ ไม่เอาเรื่อง แต่ก็ใช่ว่ากูจะให้โอกาสคนที่ทำร้ายกูเข้ามาในชีวิตได้อีก”

“มึงคิดว่ากู...อยากจะยอมรับเหรอว่าไอ้คนที่มันทำร้ายกูสารพัด คิดแบบนั้นกับกูจริงๆ”

“มึงจะด่าจะว่ากูเลวยังไงกูทนได้ กูรับได้ แต่มึงอย่าคิดว่าสิ่งที่กูรู้สึกกับมึงเป็นเรื่องที่เชื่อไม่ได้ เพราะไม่ว่าไอ้คนเลวคนนี้จะเคยโกหกมึง แต่กูก็ไม่เคยคิดจะเอาความรักมาพูดเล่น!”

พอจบประโยคนี้ทุกคนถึงกับอึ้ง มองรามินทร์เป็นตาเดียว...ขณะที่อินทัชเองก็ชะงักไปเช่นกัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่ แต่ไม่ได้มั่นใจว่ามันจะจริงจังขนาดนี้...

“กูรักมึง...”

คำว่า ‘รัก’ เป็นคำที่มีค่า และเป็นสิ่งที่รามินทร์มอบให้กับคนที่ตัวเองรักจริงๆ เท่านั้น เกลียดคือเกลียด รักคือรัก แสดงออกตามที่รู้สึกจริงๆ

“ม่ะ ไม่จริงน่า” เจ้าจอมพึมพำเบาๆ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ริลณีเองก็ร้องไห้หนักเข้าไปอีก เอามือปิดปากระงับเสียงสะอื้น ทั้งอึ้ง ทั้งตกใจ สงสารพี่ชายแต่ก็เข้าใจอินทัช รักของสองคนนี้ไม่มีทางเป็นไปได้...ต่อให้รักมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางสมหวัง

“ฮึก...พ่ะ พี่ราม”

เจ้าจอมกับรินลณีรู้จักนิสัยของพี่ชายของตนดี ถ้ารักใครแล้วก็รักแบบทุ่มทั้งใจ ไม่เผื่อใจเอาไว้...แค่คิดถึงสภาพพี่ชายในวันที่ไม่อินทัชแล้ว ก็ได้แต่ทำใจ

มันเป็นเวรกรรม รามินทร์ทำอินทัชเจ็บปวด เสียใจก่อน ไม่แปลกที่รามินทร์จะโอนกรรมตามสนอง

“รักกูจริง...ก็ปล่อยกูไปสิ เรื่องแค่นี้ มึงคงทำได้ใช่ไหม” ร่างโปร่งต่อรอง

“กู...”

“ว่าไงล่ะ มึงทำได้ใช่ไหม!!”

“อิน...กูขอ...”

“กูไม่ให้!! กูจะไม่พูดอะไรกับมึงแล้วราม มึงไม่มีสิทธิทำอะไรกูแล้ว ไม่มีสิทธิกักขัง ไม่มีสิทธิแก้แค้น กูจะกลับบ้าน!!!” ตวาดเสียงดังขัดรามินทร์ที่กำลังจะขอโอกาสจากอินทัช

พรวด!!

ร่างโปร่งบางลุกขึ้นพรวดแล้วเดินออกจากตรงนี้ทันที รามินทร์ใจหายวาบมองตามร่างของอินทัชที่เดินจากไปด้วยความร้อนรน แต่ร่างสูงก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเลยวิ่งตามออกไป

“อิน!! รอกูก่อน อย่าไปนะ” ร่างสูงตะโกนเรียก ยิ่งทำให้ร่างโปร่งด้านหน้าเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง

จนมาถึงล็อปบี้ของรีสอร์ท พนักงานกับลูกค้าต่างที่อยู่แถวนั้นก็พากับมองรามินทร์และอินทัชเป็นตาเดียวเมื่อคนตัวสูงกว่าวิ่งมาขวางหน้าหยุดร่างเล็กกว่าเอาไว้ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงคุกเข่าลงที่พื้นแล้วกอดขาของอินทัชเอาไว้แน่นสร้างความฮือฮาให้กับคนที่ดูเหตุการณ์อยู่

หมับ!!!

“อย่าไปจากกู กูขอโทษ กูรักมึงนะอิน กูขอโทษ ฮึก” น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมาอย่างไม่อายพนักงานและลูกค้าเลยสักนิด ใบหน้าสวยของอินทัชเรียบเฉยแต่ดวงตาก็ฉายแววเจ็บปวด ยืนนิ่งให้รามินทร์กอดเข่าตัวเองไว้อย่างนั้น

อินทัชรู้ดีว่าคนอย่างรามินทร์ไม่ก้มหัวให้ใครง่ายๆ แน่นอน เพราะมันคือศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย อินทัชเองก็เป็น แม้จะรู้สึกดีใจแต่ในความดีใจมันมีความเสียใจและเจ็บปวดอยู่มากกว่า...

และมันมากเกินไปที่ความดีใจจะเอาชนะได้

“กูรักมึง...ฮึก กูรักมึง”

รามินทร์พร่ำบอกรักปนเสียงสะอื้นของตัวเอง พนักงานทุกคนต่างมองภาพนี้อย่างสงสารเจ้านาย ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเห็นรามินทร์กอดเข่าใครแบบนี้

ต่อให้เป็นแฟนคนล่าสุดที่ทิ้งไปเมื่อหลายปีก่อนนั้น รามินทร์แค่ยืนมองดูเฉยๆ ไม่คิดจะรั้งเอาไว้อย่างที่รั้งอินทัช แต่ถ้าพนักงานรู้เรื่องราวความเป็นมาของพวกเขาก็จะรู้ว่าที่รามินทร์ยอมก้มหัวให้ เพราะตัวเองเป็นฝ่ายผิดเอง ผิดคนเดียว และเป็นการบอกว่า...คนนี้ คือคนที่รามินทร์ รัก...

‘รัก’ ที่มีให้อินทัชมากกว่าให้คนอื่นๆ ที่ผ่านมา อาจจะหมดทั้งหัวใจของรามินทร์เลยด้วยซ้ำ

“ปล่อยกู!”

“ไม่ปล่อย ถ้ากูปล่อย มึงก็จะทิ้งกูไป กูไม่ปล่อย กูไม่ยอมให้มึงไปไหนทั้งนั้น ฮึก อยู่กับกูนะอิน ให้โอกาสกู ไม่ต้องให้อภัยก็ได้ แต่ให้โอกาสกูได้แก้ไข ฮึก ได้แก้ตัวเองใหม่ นะ...”

ถามว่าอินทัชใจแข็งขนาดนี้เลยหรือที่เห็นผู้ชายที่แสนจะแข็งแกร่งเป็นเจ้านายของใครหลายๆ คนร้องไห้กอดขาเขาอยู่ เจ้าตัวขอตอบอย่างตรงๆ เลยว่าไม่...เขาไม่ได้ใจแข็ง แต่กลับกันแล้ว ร่างสูงบางใจอ่อนตั้งแต่มันตะโกนบอกว่ารักคำแรกแล้ว แต่ที่ทำแบบนี้ ก็เพื่อปกป้องตัวเอง จากความเจ็บปวดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ถ้าจะตัด ก็ตัดในตอนที่ตัวเองยังตัดได้...

ดีกว่าจะต้องถลำไปมากกว่านี้ จนทั้งเขาเองก็ไม่สามารถตัดใจได้

“ราม...ปล่อยกู”

“กูขอล่ะ กูขอนะอิน...สามวัน ฮึก สามวันก็ยังดี กูขอแค่สามวัน จากนั้นกูจะส่งมึงกลับบ้าน”

อินทัชยืนคิดอย่างลังเล เวลาสามวันอาจจะดูน้อย แต่มันก็ไม่น้อยเลยถ้าหากอินทัชต้องอยู่ร่วมกับรามินทร์ที่ต่อให้มันใจร้าย โหดร้ายกับเขามากแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ หัวใจของอินทัชก็ไม่เคยเต้นได้ถูกจังหวะเลยสักครั้ง มันตื่นเต้น มันหวั่นไหวทุกครั้งที่ใกล้กัน แม้จะเจ็บใจแค่ไหนที่รู้สึกแบบนี้กับคนที่ใจร้ายกับตัวเอง

แล้วแบบนี้...เวลาสามวัน เขาจะทนใจแข็งได้ยังไง จะทำได้เหรอ...

แล้ววันที่เขาต้องไปจริงๆ อินทัชจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ...

“ได้...กูให้มึงสามวัน”

สุดท้าย...ความต้องการของหัวใจก็เอาชนะความคิด เพราะถ้าเขายืนกรานจะกลับไป มันก็ได้...รามินทร์ไม่มีสิทธิที่จะไม่ยินยอม ไม่มีสิทธิเหนี่ยวรั้งหรือบังคับเขาให้อยู่ หากว่าเขาจะไป เขาก็ต้องได้กลับไป

แต่อินทัชเลือกที่จะให้เวลาสามวันนี้กับรามินทร์ และให้เวลากับตัวเองด้วย...

“ขอบคุณนะ ฮึก ขอบคุณ กูสัญญา สามวันนี้ กูจะทำให้มึงมีความทรงจำดีๆ กลับไปด้วย กูจะไม่ให้มึงลืมเรื่องระหว่างเรา ต่อให้มันเป็นเรื่องร้าย เรื่องดี กูก็อยากให้มึงจำเอาไว้ จำเอาไว้ในทุกๆ เรื่อง และกูเองก็จะพยายามทำให้เรื่องดีๆ มีมากกว่าเรื่องร้ายๆ ในสามวันนี้ให้ได้ อย่างน้อยกูจะได้มีส่วนดีในความทรงจำของมึงบ้าง” น้ำเสียงของรามินทร์ยังคงสั่นเครือและสะท้อนความเสียใจเจ็บปวด หากแต่ดวงตากลับมีประกายความหวังเต็มเปี่ยม

และรามินทร์จะจำเอาไว้ ว่าคนอย่างเขาที่เคยลั่นวาจาเอาไว้อย่างหนักแน่นว่าไม่มีทางจะรู้สึกกับอินทัชไปมากกว่าคำว่าเกลียดที่สุมอยู่เต็มอก จะไม่ยกระดับอินทัชให้เป็นอย่างอื่นนอกจากศัตรู...วันนี้กลับต้องกลืนน้ำลายตัวเอง

เพราะดันหลงรัก...อินทัชสุดหัวใจ

“ขอบคุณ...กูรักมึงนะ”

ร่างบางยืนนิ่งดวงตาเหม่อมองไปด้านหน้าไม่มีจุดหมาย ปล่อยให้ร่างแกร่งกอดขาเอาไว้แบบนั้น ใบหน้าที่เดาไม่ได้ว่ากำลังคิดอะไร ดวงตาที่แสนว่างเปล่า แต่ใครจะไปรู้นอกจากตัวของอินทัชเอง ว่าในใจตอนนี้รู้สึกยังไง รู้สึกแบบไหน

สามวันสุดท้ายนี้...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อินทัชยินดียอมรับผลในการตัดสินใจของตัวเอง

หากแม้มันจะเจ็บปวด...แต่ก็อยากให้มันจบด้วยดีเถอะ



เจ้าจอม จักร หมอเงิน ขรรค์ และรินลณียืนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้ที่เห็นใจ ยอมรับว่าสภาพของรามินทร์ที่ทิ้งทุกศักดิ์ศรีกอดขาของอินทัชมันไม่ใช่สิ่งที่น่ามองนัก ไม่แน่ว่าอินทัชจะรู้สึกสมเพชด้วยซ้ำ

“พี่ราม...” เจ้าจอมไม่มีความรู้สึกอยากสมน้ำหน้าหรือซ้ำเติมอย่างที่เคยคิดเอาไว้เลยสักนิด แต่เห็นใจ สงสารพี่ชายที่ตนรักและเคารพจนไม่อาจห้ามน้ำตาของตัวเองได้ หันไปกอดร่างหนาของจักรแน่น เช็ดน้ำตากับเสื้อของร่างสูง จักรเองก็รู้สึกเวทนา แต่ก็เข้าใจเพื่อนอย่างอินทัช เลยทำได้แค่เป็นฝ่ายกลาง ปล่อยให้พวกเขาจัดการเรื่องของตัวเองไป

“คุณจอมครับ...อย่าร้องไห้เลยครับ” ปลอบประโลมด้วยสุ่มเสียงที่อ่อนโยน มือหยาบกร้านลูบเบาๆ ที่กลุ่มผมนุ่ม โอบรัดร่างสั่นเทาของเจ้าจอมเอาไว้อย่างเห็นใจ

“ฮึก...เป็นเพราะริน เพราะความเลวของรินเอง ฮือ...ถ้ารินไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ฮึก พี่รามก็ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้” หญิงสาวตำหนิต่อว่าตัวเองทั้งน้ำตา

เพราะเรามีกันอยู่สองคนพี่น้อง รามินทร์รักน้องสาวมากขนาดไหน รินลณีรู้ดี รักมาก ขนาดที่บางครั้งเธอเป็นฝ่ายผิด รามินทร์ยังเป็นคนเดียวที่คิดว่าน้องตัวเองถูกเสมอ ถ้าน้องสาวบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำ ไม่ได้ผิด รามินทร์ก็เชื่อว่าเป็นแบบนั้น...

“คุณรินครับ เรื่องในอดีตมันผ่านมาแล้ว ต่อให้เรานึกย้อนกลับไป จะเสียใจแค่ไหนก็ไม่ช่วยให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหรอกนะครับ ทางที่ดีลืมมันแล้วทำปัจจุบันให้ดีที่สุดครับนะครับ ผมเชื่อว่าอินเองก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรคุณรินหรอก อินเขาเป็นคนที่ดีมีเหตุผล” หมอเงินพูดขึ้น น้ำเสียงนุ่มทุ้มเกลี้ยกล่อมให้รินลณีโอนอ่อนได้ไม่ยาก เธอมองหน้าหมอเงินทั้งๆ ที่สะอื้นไห้อยู่แบบนั้น แม้ว่าจะไม่รู้จักแต่รินลณีรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่าเชื่อถือ

“ฮึก...ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“อย่างที่เงินพูดแหละครับคุณริน อินเป็นคนดี รอให้อารมณ์เย็นกว่านี้คุณรินก็ลองเข้าไปคุยดูได้นะครับ อินเป็นคนให้โอกาสคน” ขรรค์เองก็พูดต่อในสิ่งที่ตัวเองรู้และเคยสัมผัสมันมาจากอินทัช

ถ้าหากอินทัชไม่ใช่คนที่ให้โอกาสคนล่ะก็ ไม่ยอมตกปากรับคำขอของรามินทร์อยู่ทุกครั้งไปแน่ๆ

“จริงหรือคะพี่ขรรค์”

“จริงสิครับ”

“แต่รินไม่มีปัญหาหรอกนะคะถ้าพี่อินจะไม่ให้อภัย รินอยากให้พี่รามกับพี่อินเข้าใจกันมากกว่า รินสงสารพี่ราม ฮึก หลังจากคุณแม่เสีย รินไม่เคยเห็นพี่รามร้องไห้เลยสักครั้ง”

“มันก็ต้องเป็นเรื่องของทั้งสองคนน่ะครับ เราคงเข้าไปยุ่งไม่ได้” เงินบอกอย่างจนใจ

มันเป็นเรื่องของรามินทร์กับอินทัช พวกเขาสองคนอยากจะให้มันเป็นแบบไหน มันก็ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของอินทัชคนเดียวเท่านั้น...

“รินสงสารพี่รามจัง แต่ก็เข้าใจพี่อินด้วย ถึงแม้ว่ารินจะไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น แต่เท่าที่ฟังจากจอมพี่รามทำไว้กับพี่อินได้ร้ายกาจมาก”

รินลณีเสียใจที่ทำให้พี่ชายที่แสนดีของตัวเองต้องมาทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้

“แค่คิดถึงตัวเองเมื่อก่อน รินยังรู้สึกรังเกียจตัวเองอยู่เลย” หญิงสาวพึมพำเบาๆ แล้วหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาหลังจากลืมมันไปนานแล้ว

ที่รินลณีเล่าออกไปมันก็แค่ส่วนหนึ่งจากหลายๆ ส่วนที่รินลณีเคยเป็น ทั้งเที่ยวกลางคืน นอนกับผู้ชาย ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เอาแต่ใจตัวเอง แฟนของคนอื่นตัวเองก็ยังแย่งมาแม้แต่แฟนของเพื่อนก็ไม่เคยยกเว้น รินลณีไม่เคยมีเพื่อนที่คบกันอย่างจริงใจเลยสักคน เพราะนิสัยร้ายกาจของตัวเอง

พอไปฝรั่งเศสเธอก็ยังทำเหมือนเดิมจนได้เจอกับฟรองซัวคนรักของเธอเอง ในตอนนั้นเธอก็แค่อยากจะได้เพราะฟรองซัวก็เป็นทายาทธุรกิจใหญ่ในยุโรป หน้าตาหล่อ ใครๆ ก็อยากเป็นคนรัก รินลณีก็เลยเข้าไปหาอย่างมั่นใจ และโดนปฏิเสธเป็นครั้งที่สอง แปลกที่ว่าครั้งนี้เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บใจอะไร แต่มันรู้สึกว่าต้องก้าวข้ามไปให้ได้ เลยทั้งตื๊อตามตอแยสารพัด ทำตัวร้ายกาจกับผู้หญิงที่เข้าหาฟรองซัวทุกคน โดนฟรองซัวด่า ว่า และสอนอยู่เสมอ เธอเริ่มคิดตามที่ฟรองซัวสอนเธอ แล้วค่อยๆ ปรับตัวเองทีละเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยว การแต่งตัว คำพูดคำจา แล้วก็การจริงใจกับเพื่อนๆ

จากที่อยากจะเอาชนะ มันได้กลายเป็นความรักแบบไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีรินลณีก็รักไปหมดทั้งใจแล้ว แต่พอความคิดตัวเองเปลี่ยนไป คิดได้ว่าที่ผ่านมาเธอทำตัวแบบไหน เธอก็รู้สึกว่าตัวเองมันไร้ค่า สกปรกเกินกว่าจะเข้าใกล้ผู้ชายที่แสนดีอย่างฟรองซัว รินลณีหลบหน้าหลบตาฟรองซัวได้ง่ายดายเพราะเธอกับเขาเรียนกันคนละคณะอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเธอก็เป็นฝ่ายไปหาฟรองซัวตลอดไม่เคยมีสักครั้งที่ฟรองซัวจะสนใจเธอ รินลณีไม่เคยอยู่ในสายตาของฟรองซัว

จนกระทั่งเรียนจบเธอก็ไปสมัครงานที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งเพราะไม่อยากใช้เงินของพี่ชายแล้ว อยากจะทำงาน ยืนหยัดด้วยตัวเองบ้าง เธอสมัครเข้าไปในตำแหน่งเลขาฝึกหัดของรองประธานเพราะสิ่งที่เธอเรียนมามันสอดคล้องกับสิ่งคุณสมบัติที่บริษัทต้องการพอดี เธอต้องผ่านการสัมภาษณ์ถึงสามด่าน ด่านแรกคือผู้จัดการฝ่ายบุคคล ด่านที่สองคือเลขาของรองประทาน และด่านสุดท้ายคือรองประธาน รินลณีมีความสามารถในการพูด การตอบคำถามที่ฉะฉาน เลยมาถึงด่านสุดท้ายได้พร้อมกับอีกสองคนที่ผ่านมาเหมือนกัน แต่ว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งหรืออาจเป็นพรหมลิขิต รองประธานบริษัทคือคนๆ เดียวกับฟรองซัวคนที่เธอรัก รินลณีตัดสินใจที่จะสละสิทธิ์ ไม่ขอสัมภาษณ์ต่อ แต่กลายเป็นว่า ฟรองซัวเลือกเธอทันทีโดยไม่ทันจะให้สัมภาษณ์อะไรเลย และไม่ให้ปฏิเสธด้วย

ตลอดการทำงานอยู่ที่บริษัทกับฟรองซัว เธอไม่เคยทำอะไรเกินเลย ตั้งใจเรียนรู้งานจากเลขาอีกคนของรองซัวเป็นอย่างดี ทำเหมือนไม่รู้จัก ทำเหมือนเป็นแค่พนักงานกับเจ้านาย และยิ่งมีคนจีบเธอมากขึ้นทุกๆ วัน จนฝ่ายชายที่ทนไม่ไหวเอง สารภาพว่ารักรินลณีมานานแล้ว เธอดีใจแต่ก็ปฏิเสธเพราะเธอมันสกปรกเกินไป ฟรองซัวเองก็ยกเหตุผลมาแย้งว่าตัวเองก็ผ่านผู้หญิงมาเยอะเหมือนกัน ถ้าสกปรกก็สกปรกกันทั้งคู่ เธอจำได้ว่าวันนั้นคือวันที่รินลรีมีความสุขที่สุด

“แต่วันนี้พี่ชายเสียใจ”

รินจะกล้ามีความสุขต่อไปหรือคะ...







100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


   กลับมาแล้วค่า ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ยูกิติดเรียนแล้วก็ต้องเก็บชั่วโมงฝึกงานภายในอีก แต่ตอนนี้ยูกิแวบมาได้แล้วค่า อ่านแล้วเม้นท์ให้กันด้วยนะคะ ยูกิลงให้เต็มตอนแบบไม่ตัดครึ่งแรก ครึ่งหลัง เพื่อเป็นการไถ่โทษนะคะ แล้วเจอกันค่า

   ฝากเพจค่า  https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 17-02-2017 23:16:57
สามวันหรอ
มันจะเป็นยังไงนะ สามวันนี้
โอ๊ยยย ให้ตายเหอะ ปวดแปร๊บบบบบที่อก
หน่วงมากกกกกกก
#มาม่าชามโตๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 17-02-2017 23:30:03
หวังว่าเวลา 3 วันจะมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 17-02-2017 23:40:37
 :katai4: :katai4: :katai4:  โอ๊ย..ลุ้น..อนากอ่านต่อแล้วค่.. :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-02-2017 23:41:11
เห้อ~
สงสารก็สงสารนะ แต่อิรามมันก็ทำกับอินไว้เยอะ
ก็ต้องยอมรับผลของการกระทำไปซะแก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-02-2017 00:54:30
หายคิดถึงเสียที รอมานาน
แต่พอมา ก็บีบคั้นหัวใจซะ
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 18-02-2017 10:16:34
สงสารรามมม อ่านแล้วใจสั่นเลย อินอย่าใจแข็งเลยนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-02-2017 22:24:50
 :mew5: มาม่าชามโตกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-02-2017 23:14:09
หึหึ


ง่ายไปไหม ?
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: satiara ที่ 18-02-2017 23:51:08
คือนี่ยังจำฉากข่มขืนได้อยู่เลย
เป็นฉากที่เกิดในเรื่องแล้วแต่ละครั้งคือรุนแรงมาก...
ถ้าดีกันได้ง่ายๆจริงๆนี่จะสะเทือนใจมากจริงๆ (_ _)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 37 100% => (17/02/60) P.22 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 19-02-2017 11:34:36
ตื่นเต้น รอต่อครับ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 50% => (26/02/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 26-02-2017 20:28:38
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 38
ทุกนาทีมีค่า





“พ่ะ พี่รามคะ” รินลณีรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาพี่ชายที่กำลังนั่งกอดอกครุ่นคิดอะไรอยู่นานสองนานคนเดียวตรงโซฟาที่เอาไว้รับรองลูกค้าหลังจากที่เจ้าตัวยอมปล่อยให้อินทัชไปพักผ่อนที่ที่ตัวเองอยากจะไป โดยให้ขรรค์ หมอเงินและจักรตามไปด้วย

ส่วนเจ้าจอมกับรินลณีก็ยืนอยู่ห่างๆ จากพี่ชายของตนเอง แต่ก็รวบรวมความกล้าเข้าไปหา ไม่อยากปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้

“มีอะไร” ถามห้วนๆ

หญิงสาวหน้าเสียไปเพราะไม่เคยมีสักครั้งที่พี่ชายจะใช้น้ำเสียงและสีหน้าแบบนี้ตอบรับหรือคุยกับเธอเลย แต่รินลณีก็เข้าใจดีว่าเธอเป็นต้นเหตุความแค้นของพี่ชาย

“ริน...ขอโทษนะคะ”

“เรื่องอะไรอีกล่ะ พี่เห็นว่ารินขอโทษไปเยอะแล้วนี่ ยังไม่หมดเหรอ” รามินทร์อดที่จะประชดประชันน้องสาวตัวเองไม่ได้ แม้จะรู้ว่าน้องต้องเสียใจก็ตามที

“พี่ราม” เรียกพี่เสียงเครือ น้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้งจนรามินทร์ต้องเบือนหน้าหนี เจ้าจอมที่ยืนข้างๆ กับลูกพี่ลูกน้องวัยเดียวกัน ก็เอื้อมไปจับมือบางแล้วบีบเบาๆ เพื่อส่งผ่านกำลังใจ

“ที่จริงแล้วรินก็สำนึกผิดแล้วนะพี่ราม และเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีรินที่ผิดคนเดียวด้วย” เจ้าจอมพูดขึ้นเพราะทนไม่ได้ที่รามินทร์เหมือนจะไม่รับฟังอะไรใครทั้งนั้น

“จะบอกว่าจอมก็มีส่วนผิดงั้นสิ”

“เปล่า...จอมไม่ได้ผิด เพราะที่ผ่านมาจอมพยายามบอกพี่รามหลายครั้งแล้ว แต่พี่รามต่างหากที่ไม่เชื่อ ไม่คิดจะฟังจอมเลย อีกคนที่ผิดก็คือพี่ราม พี่รามต่างหาก ถ้าพี่รามปล่อยให้เรื่องมันผ่านไป ไม่แค้น ไม่เคืองอะไรพี่อิน เรื่องก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก” เจ้าจอมว่า

ร่างแกร่งนั่งฟังอย่างเงียบๆ คิดตามในสิ่งที่น้องชายพูด

“พี่โกหกกับพี่อินว่ารินตายแล้ว แล้วเพราะอะไรรู้ไหมที่พี่อินยอมให้พี่แก้แค้น เพราะพี่อินมีจิตสำนึกที่ดี มีความรับผิดชอบ แค่ได้ยินว่าชื่อตัวเองเกี่ยวข้องกับการตายของใครสักคน พี่อินก็ยอมรับผิดชอบแต่โดยดี แม้ตัวเองรู้ดีแก่ใจว่าไม่มีความผิดก็ตามเถอะ ถ้าจอมเป็นพี่อิน จอมก็จะทำแบบเดียวกัน”

ที่เจ้าจอมพูดมามันถูกหมดทุกอย่าง น้องไม่มีความผิดอะไร เพราะเจ้าจอมทั้งเตือน ทั้งคอยบอกว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดมาเสมอ คนที่ผิดคือเขาเอง ที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอินทัช

พอทุกอย่างมันพลิกกันไปหมด รามินทร์ก็รู้สึกเคว้ง

มันไม่ต่างอะไรกับการที่จับคนบริสุทธิ์มาฆ่า...เป็นแพะรับบาปให้กับรินลณี

“พี่เอง...ก็อยากให้เข้าใจพี่ด้วย หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น พี่ฝันร้ายมาตลอด พี่ฝันว่ารินไม่อยู่กับพี่แล้ว รินฆ่าตัวตายและตายต่อหน้าพี่ พี่ฝันแบบนี้อยู่บ่อยๆ และยิ่งรินไปอยู่ต่างประเทศ มันยิ่งทำให้พี่รู้สึกว่ารินไม่อยู่แล้วจริงๆ พี่เลยไปหาหมอ ปรึกษาหมอ และทานยาตามที่หมอสั่ง...แม้มันจะดีขึ้นแต่ก็ไม่หายขาด พี่เลยคิดว่าถ้าพี่แก้แค้นอินมันได้ พี่คงจะหายจากไอ้ฝันร้ายบ้าๆ นี้แน่นอน...” เจ้าของรีสอร์ทสารภาพออกมาเสียงเบาหวิวคล้ายคนจะหมดแรง

เจ้าจอม รินลณีตกใจ ไม่รู้มาก่อนว่าพี่ชายตนจะมีอาการทางปราสาทขนาดต้องปรึกษาหมอ ต้องทานยาแบบนี้ แต่พอเจ้าจอมนึกกลับไปเมื่อสองปีก่อนที่เห็นว่าช่วงหนึ่งรามินทร์มักจะทานยาอยู่เสมอ

นึกว่าป่วย เป็นไข้หวัด ที่ไหนได้ มันเป็นยารักษาอาการนั่นเอง

“พี่ราม...หายดีหรือยังคะ”

“ไม่รู้สิ พี่ไม่ได้ทานยา ไม่ได้ไปหาหมอมานานแล้วด้วย แต่ไม่ค่อยฝันแล้วล่ะ ล่าสุดก็เมื่อมี่กี่สัปดาห์ก่อน แต่อินมันเข้ามาช่วยพี่ก่อน พี่เลยสงบได้”

ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเห็นใจพี่ชาย

ทุกคนมีเหตุผลในการกระทำของตัวเองทั้งหมด แต่เหตุผลนั้นจะนำมาซึ่งการกระทำที่ดีหรือการกระทำที่เลวร้าย คนที่จะตัดสินเรื่องนี้คืออินทัช

“ขอโทษนะคะ ขอโทษสำหรับที่ผ่านมา ที่รินปิดบัง รินโกหก รินไม่อยากให้พี่รามกับพ่อแม่ต้องผิดหวัง”

“เอาเถอะ พี่ไม่ถือโทษโกรธอะไรรินแล้ว ถ้าน้องเปลี่ยนตัวเองได้แล้วพี่ก็จะไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมา ผ่านไปแล้ว ก็ให้มันหายไปกับอดีตนั่นแหละ” รามินทร์ว่า

“ขอบคุณนะคะ”

“แต่สิ่งที่รินต้องทำคือขอโทษอินมัน และพี่ก็จะทำเหมือนกัน ของพี่อาจจะต้องพยายามหน่อย เพราะที่อยากได้ไม่ใช่แค่คำว่าให้อภัย แต่มันมีคำว่ารักด้วย”

“ค่ะ รินต้องทำอยู่แล้ว แต่รินก็จะคอยช่วยพี่รามด้วย มันถึงเวลาที่รินต้องทำอะไรเพื่อพี่รามบ้างแล้ว”

“ดีใจที่รินคิดได้นะ ส่วนเรื่องที่ผ่านมาก็ช่างมันเถอะ พี่โกรธเราไปก็แก้ไขอดีตไม่ได้ ไม่อยากจะทำผิดซ้ำสองอีก ไปพักผ่อนเถอะ พี่เองก็อยากพักเหมือนกัน”

“จะให้รินพักที่ไหนคะ ที่ห้องเล็ก?” หญิงสาวหมายถึงห้องเล็กในบ้านพักของรามินทร์ที่ตอนนี้อินทัชเป้นคนอยู่

“ห้องนั้นพี่ให้อินมันอยู่ไปแล้ว รินไปบอกพนักงานให้เปิดห้องให้เลยนะ ว่าแต่แฟนของรินไม่ได้มาด้วยหรือ” ร่างแกร่งถามหาคนรักของน้องสาวที่เจ้าตัวอวดนักอวดหนาตอนที่ยังอยู่ฝรั่งเศส

“รินเปิดห้องให้พี่ฟรองซัวนอนพักน่ะค่ะ แต่เดี๋ยวจะเปิดอีกห้องไม่นอนด้วยกันแน่นอนค่ะ”

“ครับ ดีแล้ว เดี๋ยวพนักงานจะมองเราไม่ดี”

“รินรู้ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธริน รินรักพี่รามนะคะ” หญิงสาวเข้าไปสวมกอดพี่ชายอย่างแนบแน่น รามินทร์เองก็กอดร่างของรินลณีกลับเช่นกัน

พี่น้องสายเลือดเดียวกัน...ไม่ว่าจะผิดยังไง ก็ตัดกันไม่ขาดหรอก ก็เรามีอยู่กันแค่นี้

“จอมดีใจนะที่ทุกอย่างมันคลี่คลาย ผู้บริสุทธิ์ได้รับความเป็นธรรม รินได้สารภาพและขอโทษ พี่รามเองก็จะได้ตาสว่าง...” เจ้าจอมพูดขึ้นมายิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งอีกฝั่งของรามินทร์ ก่อนจะสวมกอดเอวหนาอย่างรักใคร่เช่นเดียวกัน

“มันจะเป็นบทเรียนราคาแพงของพี่เลยล่ะ”

“จอมรักและภูมิใจในตัวพี่รามเสมอนะครับ ต่อให้พี่จะทำผิดไปบ้าง แต่จอมก็รักและเคารพพี่ราม เพราะจอมรู้ว่าไม่มีใครจะดีร้อยเปอร์เซ็นได้ขนาดนั้น ทุกคนต้องมีผิดมีพลาดกันบ้าง”

“พี่ก็ต้องขอโทษจอมและขอบคุณจอมกับทุกเรื่องด้วยนะ” ร่างสูงว่า

“ไม่เป็นไรหรอกครับ จอมไม่โกรธ แค่ตอนนี้จอมได้พี่รามคนเดิมกลับมา จอมก็ดีใจสุดๆ แล้วครับ” ร่างเล็กพูดด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

สามพี่น้องกอดกันแน่น เป็นภาพที่แสนประทับใจของเหล่าพนักงานและลูกค้าที่วันนี้ได้เห็นกันหลายภาพ หลายอิริยาบถเหลือเกิน

“พี่รักรินกับจอมนะครับ น้องสาวน้องชายของพี่”

“รินก็รักพี่รามกับจอมนะ”

“จอมก็รักพี่รามกับรินเหมือนกัน”

ต่อให้อีกสามวันรามินทร์จะพบเจอกับอะไร จะดีใจ เสียใจ เศร้าใจ ผิดหวัง ร้องไห้ แต่เขาจะยังมีน้องสาวน้องชายคอยเป็นกำลังใจและอยู่ข้างๆ เสมอ

ครอบครัว ยังไงก็คือครอบครัว...

รักแท้...ที่แสนจะมั่นคงและยั่งยืนนาน


ช่วงเย็น รามินทร์พาอินทัชมายังสวนที่ถูกจัดสถานที่เอาไว้อย่างสวยงามราวกับเป็นงานเลี้ยงต้อนรับแต่ความเป็นจริงรามินทร์ก็แค่อยากจัดให้กับอินทัชเท่านั้น

“กูแค่คิดว่ามึงน่าจะชอบ”

“ทำไมกูต้องชอบ ที่จริงกูชอบที่จะกินในครัวกับพวกคนงานมากกว่า” ตอบแบบไม่คิดจะรักษาน้ำใจของรามินทร์เลยสักนิด หากแต่รามินทร์ก็ยิ้มให้น้อยๆ

“ไม่ต้องมายิ้ม กูไม่ได้ชม”

“อะไรที่มึงพูดกับกู กูจะคิดว่ามันเป็นเรื่องดีหมดนั่นแหละ”

“หึ...ทำมาเป็นมองโลกในแง่ดี ทีเมื่อก่อนนะ กูพูดอะไรก็เลวไปหมด”

ไม่อยากจะรื้อฟื้นหรอก แต่มันอดไม่ได้ที่จะประชดประชันออกไป

“มันก็เป็นเรื่องของอดีตนี่ ไปนั่งเถอะ เขารอมึงกินข้าวอยู่” รามินทร์ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดถากถาง เสียดสีนั่น เพราะมันยังเจ็บได้ไม่เท่ากับสิ่งที่เขาเคยทำลงไปด้วยซ้ำ

ร่างแกร่งเดินนำร่างโปร่งไปยังโต๊ะอาหารโต๊ะยาวที่มีคนนั่งรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งเจ้าจอม จักร ขรรค์ หมอเงิน รินลณี และฟรองซัว ทุกคนนั่งเป็นคู่ในรูปแบบของการนั่งตรงกันข้ามกัน รามินทร์กับอินทัชเดินไปนั่งที่เก้าอี้ว่างทันที บรรยากาศคลอไปกับดนตรีคลาสสิกเบาๆ ที่เปิดเอาไว้ไม่ให้บรรยากาศเงียบ

“ขอแนะนำอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะคะ นี่พี่ฟรองซัวค่ะ แฟนของรินเอง...พี่ฟรองซัวคะ นี่พี่ชายของรินค่ะ พี่ราม ที่นั่งตรงข้ามคือพี่อิน นี่ก็พี่ขรรค์กับหมอเงินค่ะ” รินลณีแนะนำแฟนตัวเองให้รู้จัก และแนะนำคนที่ฟรองซัวยังไม่รู้จักให้กับคนรักด้วย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ฟรองซัวพูดเป็นภาษาอังกฤษออกมา ซึ่งทุกคนก็ยิ้มรับน้อยๆ ยกเว้นอินทัชที่นั่งหน้านิ่งตลอดเวลา ไม่สนใจใคร ไม่มองหน้าใคร จนฟรองซัวต้องสังเกตดีๆ ว่าอินทัชเป็นอะไรหรือเล่า ไม่ชอบอะไรตน แต่กลับต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“อิน? อินทัช ใช่อินหรือเปล่า” ภาษาฝรั่งเศสออกมาจากปากของฟรองซัวเรียกความสนใจจากอินทัชได้ทันที แต่เมื่อเห็นหน้าของคนที่ถามเขาแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี

นับว่าเป็นรอยยิ้มแรกของวันเลยก็ว่าได้

“ฟรองซัว? นี่นายเองเหรอ” อินทัชเองก็ถามกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส ทำเอาคนที่ฟังไม่ออกอย่างรามินทร์ เจ้าจอม จักร ขรรค์และหมอเงินถึงกับมองหน้ากันอย่างมึนงง

“ใช่น่ะสิ โลกกลมชะมัดเลย ช่วงนี้ไม่เคยเห็นบินไปฝรั่งเศสเลย ที่แท้ก็มาขลุกตัวอยู่นี่เอง รู้ไหมว่าข่าวการหายตัวไปของนายน่ะ มันกระจายไปทั่วโลกแล้วนะ บริษัทคู่แข่งนายต่างก็พากันกอบโกยเละเลย” ฟรองซัวพ่นภาษาฝรั่งเศสต่ออีก คราวนี้ยาวเหยียด ชนิดเหมือนฟังภาษาต่างด้าวอยู่ก็ไม่ปาน

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันมีวิธีกอบกู้วิกฤตน่า สบายดีนะ ไม่เจอกันนานเลย ตั้งแต่เมื่อปีก่อนที่ฉันไปดูงานที่ฝรั่งเศส”

“ก็สบายดีนั่นแหละ แต่เหมือนว่านายคงไม่สบายเท่าไหร่นะอิน” พอถึงประโยคนี้อินทัชก็นิ่งไป กลับมาสีหน้าราบเรียบเหมือนเดิม

“ค่อยคุยกันนะฟรองซัว เอาไว้ฉันกลับกรุงเทพก่อน นายค่อยไปหาฉันที่บริษัท”

“ก็ได้ ตามนั้น”

ทั้งคู่ตกลงกันเสร็จก็กลับมาต่างคนต่างนั่งนิ่งเหมือนเดิม รินลณีมองหน้าของอินทัชสลับกับคนรักไปมาอย่างสงสัย แปลกใจที่ทั้งสองคนรู้จักกัน คนอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่าทั้งคู่คุยอะไรก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้

จักรมองเพื่อนอย่างทึ่งในความสามารถ จนนึกอิจฉาที่เขากับมันแตกตางกันขนาดนี้ ถ้ามันกลับไปในที่ของมัน จักรคงไม่กล้าเรียกอินทัชว่าเพื่อนอีกต่อไปแน่ๆ

“He is my friend. We do business together and I respect his ability. He was so good and all employees loved him. The company's problems, He will be on hand to advise me.”

ฟรองซัวออกปากชมร่างโปร่งด้วยภาษาอังกฤษเป็นชุด ทำให้รามินทร์ หมอเงิน และขรรค์กระจ่างในข้อสงสัยทันที แต่จักรที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาอย่างนึกสมเพชตัวเอง

“Shut up!!” อินทัชหันไปสั่งเสียงดุ ทำให้ฟรองซัวรีบเม้มปากแน่นทันที ไม่ได้กลัวจริงหรอก แต่ก็ไม่อยากจะขัดอินทัชเทาไหร่ เราเป็นเพื่อนกันมานานมาก...

“ทานข้าวเถอะครับ” รามินทร์ชวน ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าแล้วเริ่มทานอาหารกันทันที ต่างคนก็ต่างเอาอกเอาใจคนรักที่อยู่ตรงหน้า สลับกันตักอาหารให้กันและกัน แต่รามินทร์กับอินทัชก็ยังต่างคนต่างทาน หากร่างสูงก็ลอบมองใบหน้าหวานของอินทัชอยู่ตลอด

“พี่อินอยากได้ปลาไหมครับ” เจ้าจอมถาม

“ไม่เป็นไรครับน้องจอม พี่กินเฉพาะแค่ตรงหน้าก็ได้ แค่นี้ก็ไม่หมดแล้วล่ะ” อินทัชยิ้มให้คนข้างๆ ตัวเอง

“ตามสบายเลยครับ พี่อินอยากกินอะไรถ้าตักไม่ถึงบอกจอมได้ เดี๋ยวจอมตักให้”

“ได้ครับ ถ้าพี่อยากได้อะไร พี่จะบอกให้จอมช่วยนะ”

“ครับ”

แต่อินทัชก็เลือกที่จะทานแต่ของที่ตัวเองตักถึงเพราะไม่อยากจะรบกวนใคร ระหว่างที่ทานอาหารกันอยู่ไม่มีการพูดคุยอะไรกันอย่างที่ควรจะเป็น เพราะอินทัชทำตัวเย็น จนใครๆ ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากคุยด้วย โดยเฉพาะรินลณีที่อยากจะคุยแต่ก็ไม่มีความกล้าเสียที

“อ่ะ...อันนี้อร่อยนะ มึงลองกินดู”

“ขอบใจนะจักร” อินทัชยิ้มให้เพื่อนตัวใหญ่ของตนที่ตักอาหารมาใส่จานของเขาทั้งๆ ที่นั่งกันคนละฝั่งและไม่ได้นั่งตรงกันอีก

“อือ...กูแค่อยากให้มึงกินหลายๆ อย่าง จะได้รู้ว่ามีอะไรที่อร่อยถูกปาก อะไรไม่ถูกปาก”

“ยังไงก็ขอบใจนะ”

รามินทร์กำมือแน่นอย่างอิจฉา ตวัดสายตามองจักรที่อยู่ข้างๆ ตัวเองทันทีแบบไม่พอใจ ทำเอาจักรต้องยิ้มมุมปากให้กับเจ้านาย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จักรทำแบบนี้กับรามินทร์ ทั้งๆ ที่ผ่านมาตัวเองจะให้เกียรติและเคารพเจ้านายเสมอ แต่ตอนนี้ขอหน่อยเถอะ...

มีอย่างที่ไหนทำร้ายเพื่อนของเขาเสียขนาดนั้น แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่เพราะความเป็นกันเอง ความไม่ถือเนื้อถือตัวของอินทัช ก็ทำให้จักรผูกพันได้ไม่ยาก

“พี่รามทำไมมองจักรอย่างนั้นล่ะครับ” เจ้าจอมถามขึ้น

“เปล่า พี่ก็ไม่ได้มองนี่ แค่หันไปดูอะไรเฉยๆ”

“เหรอครับ”

“ครับ...พี่จะโกหกจอมทำไมล่ะ” รามินทร์ยิ้ม

บางครั้ง คนเราก็ต้องรู้จักโกหกเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอด

“แล้วไป”

“อาหารอร่อยไหมครับคุณฟรองซัว” รามินทร์ถามแขกที่เป็นชาวต่างชาติอย่างกังวลเพราะกลัวว่าจะไม่ชินกับอาหารไทยแบบนี้

“อร่อยมากเลยครับ ผมชอบ”

“ดีใจที่ชอบนะครับ ถ้าชอบก็ทานเยอะๆ เลยนะครับ คิดว่าจะทานอาหารไทยไม่ได้เสียแล้ว”

“ผมกินได้ครับ ยิ่งอาหารไทยผมยิ่งชอบ พอดีตอนมาหาอินที่ไทย ทุกครั้งอินก็จะพาไปกินอาหารไทยนี่แหละครับ” ฟรองซัวตอบตามจริง ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้มีเตนาแอบแฝงอะไร เพียงแต่เจ้าของรีสอร์ทกลับคิดมากหนักเข้าไปแล้ว

อิจฉา ไม่พอใจ ที่ฟรองซัวรู้จักอินทัชมาก่อนเขา ไหนจะความสนิทสนมนั่นอีก

ฮึ่ย! ถ้าโลกมันจะกลมขนาดนี้...

“ดีครับ ปรับตัวได้เข้ากับทุกที่ได้ดีเลย”

อินทัชส่ายหน้านิดๆ เพราะเข้าใจท่าทีของรามินทร์ดีว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกอะไรอยู่ เล่นแสดงออกมาทางหน้าตาหมดเลยแบบนั้น...

พอกลายเป็นคนที่มันรัก...อะไรๆ ก็ดูเปลี่ยนไปหมด ถามว่าดีไหม มันก็ดี...แต่ก็ไม่ดีไปทั้งหมดหรอก เพราะการกระทำพวกนี้อาจจะมีผลต่อความรู้สึกในภายภาคหน้าได้

ความรู้สึกเป็นสิ่งที่เข้าใจยาก ขนาดที่ตัวของเราเองยังไม่เข้าใจมันในบางครั้งเลย...ไม่รู้จะส่งผลกระทบที่ความรู้สึกไหน แต่แน่นอนว่ามันต้องมีบ้าง...เขาไม่อาจจะพูดได้ว่าจะไม่หวั่นไหวกับรามินทร์ เพราะนั่นมันเป้นความรู้สึก นึกคิดที่เป็นไปอย่างธรรมชาติ และธรรมชาติก็ไม่มีใครฝืนหรือเปลี่ยนมันได้

หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ขรรค์กับหมอเงินก็ขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อนเพราะหมอเงินต้องเข้าเวรเช้า จักรกับจอมเองก็อยู่คุยกันสักพักแล้วก็ขอตัวกลับตามไปอีกคู่ เหลือเพียงแค่รามินทร์ อินทัช รินลณีและฟรองซัว สองพี่น้องอัครสิงหบดีนั่งมองอินทัชกับฟรองซัวพูดภาษาฝรั่งเศสกันอย่างสนุกสนาน

“ฮ่าๆ จริงเหรอวะ เอาไว้ว่างๆ นายพาฉันไปดูหน่อยสิ อยากจะเห็นเหมือนกันนะ”

“ได้สิ แต่คงต้องเป็นคราวหน้านะ เพราะฉันกลับกรุงเทพคราวนี้มีงานที่ต้องเคลียร์เยอะเลยล่ะ”

“อืม...ฉันเข้าใจ ฉันเองก็พอรู้เรื่องจากรินมาบ้างแล้ว เห็นใจนายนะ ไม่ได้ผิดอะไรแต่ต้องมาทนรับกรรมอยู่แบบนี้  แต่นายก็ต้องฟังเหตุผลของคุณรามเขาดูด้วยนะ ทุกการกระทำมันมีเหตุผลเสมอ นายสอนฉันเองนะอิน” ร่างโปร่งบางนิ่งไป ก่อนจะหันไปมองรามินทร์และรินลณีอย่างครุ่นคิด

เหตุผล? อินทัชก็แค่คนๆ หนึ่งที่มีเลือด มีเนื้อ มีความรู้สึก และแน่นอนว่าไม่ใช่เทวดาที่จะให้อภัยคนได้ง่ายขนาดนั้น...ไม่ถือโทษ เอาความ แต่ใช่ว่าจะลืมเรื่องเลวร้ายพวกนั้น

“อืม...จะพยายามก็แล้วกัน”

“และขอร้องนะอิน เรื่องมันผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ แล้วศาสนาของนายก็สอนไว้ไม่ใช่เหรอ ว่าการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการให้อภัย ถ้านายยึดติดอยู่แบบนี้ นายจะไม่มีความสุขนะ” ฟรองซัวพูดเตือนสติ ทำเอาอินทัชถึงกับหัวเราะออกมา

“นี่นายนับถือคริสต์ไม่ใช่หรือ”

“ก็ใช่ ฉันนับถือคริสต์ แต่ว่าก็ไม่มีใครห้ามไว้นี่ว่าจะนับถือศาสนาได้แค่ศาสนาเดียว อย่างคำสอนของศาสนานายฉันก็ชอบนะ สอนและเตือนสติได้ดีทีเดียว”

“ถ้านายไปพูดให้คนอื่นที่ไม่ใช่ฉันฟัง รับรองคนไทยบางคนมีอายน่ะ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า”

“ฮ่าๆ”

“หัวเราะแล้ว” ฟรองซัวว่า

ร่างสูงโปร่งยิ้มให้เพื่อนต่างชาติของตน เข้าใจในความหมายของประโยคที่ฟรองซัวพูด...แสดงว่าที่ผ่านมาเขาทำหน้าไม่มีความสุขอยู่ตลอดเวลาสินะ ฟรองซัวถึงได้ดีใจที่เห็นเขาหัวเราะได้

“ไม่คุยกับนายแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ ฉันเองก็จะไปนอนแล้วเหมือนกัน”

“พรุ่งนี้เราจะเจอกันไหม?”

อินทัชหันมองสองพี่น้องรามินทร์ รินลณีที่จ้องมองเราสองคนอยู่เพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะตอบออกไปเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้รามินทร์เข้าใจในคำตอบของเขาด้วย

ขี้เกียจพูดซ้ำหลายรอบ

“ไม่ต้องเจอกันหรอก นายค่อยไปเจอฉันที่กรุงเทพแล้วกัน ส่วนสามวันต่อจากนี้ ฉันมีนัดแล้ว คงไม่มีเวลามาเจอนายหรอกนะ”

นับว่าเป็นประโยคที่ให้ความหวังกับรามินทร์สุดๆ จนร่างสูงใหญ่ฉีกยิ้มกว้างมีความสุข นั่นมันทำให้หัวใจของร่างบางกระตุกไปด้วย

คิดผิดหรือถูกที่พูดแบบนั้นออกไป...แต่ที่พูดไปอย่างนั้นไม่ใช่ว่าอยากจะอยู่กับรามินทร์หรอก แค่ทำตามคำพูดที่ได้สัญญาไปแล้วต่างหาก...






50%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


   มาแล้วค่า ขอโทษที่ให้รอนานนะจ้ะ อ่านแล้วเม้นท์ให้ด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้ยูกิ

   พูดคุยกับยูกิ ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจเลยค่า https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 50% => (26/02/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 26-02-2017 22:30:09
ผู้บริสุทธิ์ได้รับความเป็นธรรม #กลอกตาบนรัว
ยังไม่เห็นได้รับอะไรเลยอ่ะจากที่อ่านๆมา
โอ้ยตาย เบะปากกกก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 50% => (26/02/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 27-02-2017 00:05:16
ยังอีกยาว รามเอ๊ย...
กว่าจะสุข นายคงทุกข์เยอะเลย
สู้ๆนะ #อันตัวเราก้อรอฟ้าหลังฝนเช่นกัน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 50% => (26/02/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 27-02-2017 10:22:56
ตอนนี้เห็นใจ สงสารรามสุดๆ สู้ๆอย่ายอมแพ้นะก็รักไปแล้วนิ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 50% => (26/02/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 27-02-2017 11:01:43
มีโทษติดตัวยังไม่พอ มีแอบหึงเขาไปทั่วอีก
ยังไง อิน ก็ให้อภัยเร็วๆ นะ สงสาร
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 50% => (26/02/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 27-02-2017 18:05:13
รอดู 3 วันหลังจากนี้ รามจะเอาใจอย่างไรบ้าง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 50% => (26/02/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-02-2017 15:37:08
 :katai1:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 04-03-2017 23:38:51
ตอนที่ 38 ครึ่งหลัง





“ร้ายกาจ” กระซิบข้างหูของอินทัชเบาๆ จนอินทัชต้องยกมือปัดใบหน้าของฟรองซัวให้ออกห่างไป ความจริงแล้วฟรองซัวอายุมากกว่าอินทัชถึงสองปี แต่ในวงการธุรกิจอินทัชเหมือนเป็นรุ่นพี่ของฟรองซัว เลยตกลงจะเป็นเพื่อนกันดีกว่า แต่ก็ไม่ใช่เพื่อนรักเพื่อนสนิทแบบธีรไนยที่สามารถพูดทุกอย่างออกไปได้ ไม่ได้ไว้ใจขนาดนั้น แค่เพื่อนที่สานสัมพันธ์เอาไว้ เวลามีปัญหาอะไรเราจะช่วยเหลือกันและกันได้

“หุบปากน่าฟรองซัว แต่นายก็แน่เหมือนกันนะ สยบผู้หญิงคนนี้ได้ด้วย”

“หึ...สุดๆ น่ะ คิดภาพออกเลยว่านายเจออะไรมาบ้าง”

“แล้วทำไมถึงรักกันได้ล่ะ”

“ผู้หญิงที่รู้ถึงข้อเสียของตัวเองและพยายามเปลี่ยนแปลงน่ะ มันก็สมควรที่เราจะยกย่อง ชื่นชมนะ ที่สำคัญฉันให้โอกาสเธอ เพราะที่ผ่านมาฉันก็เคยทำตัวแบบนั้น แต่ตลกนะ ตอนนั้นฉันคิดว่าถ้าทำให้รินเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนนิสัยได้ เธอจะตามจีบฉันต่อไปด้วยวิธีอื่น แทนการกรี๊ด วี้ดว้าย พูดจาข่มคนอื่นไปทั่ว กลับกันเลย เธอหายออกไปจากชีวิตของฉัน และช่วงนั้นฉันก็อยู่ในช่วงใกล้จบป.โทและต้องเรียนรู้งานพร้อมๆ กันด้วย เลยไม่มีเวลาจะตามหา โลกกลมว่ะ รินมาสมัครเป็นเลขาให้ฉัน ฉันเลยตั้งใจแน่วแน่ว่าไม่มีทางปล่อยให้เธออกไปจากชีวิตได้เป็นครั้งที่สอง จนรู้เหตุผลนั่นแหละว่าทำไมถึงหายออกไป ทำไมต้องหนีหนา เพราะรินคิดว่าตัวเองสกปรก ไร้ค่า เกินกว่าจะเข้าใกล้กับฉัน ตลกว่ะ...บทจะคิดได้ แม่งก็คิดได้ดีเกินกว่าที่คาด เสียเวลาไปปีกว่าเต็มๆ ไม่งั้นมีแฟนไปนานแล้ว” ฟรองซัวเล่าไปยิ้มไปอย่างมีความสุข ทำเอาอินทัชต้องหันกลับไปมองหญิงสาวอีกทีอย่างพิจารณา จนคนสวยสง่าอย่างรินลณีสะดุ้ง หลบสายตาไปหาพี่ชายตัวเองทันที

เฮ้อ...ผู้หญิงคนนี้ เปลี่ยนแปลงตัวเองได้จริงๆ สินะ จะว่าไปก็ควรชื่นชมและควรให้โอกาสอย่างที่ฟรองซัวว่านั่นแหละ คนเราไม่เคยไม่มีผิดพลาด และสิ่งที่คนเคยผิดพลาดต้องการมากที่สุดคือโอกาส...

“ยินดีด้วยก็แล้วกัน ทีนี้ก็เที่ยวด้วยกันไม่ได้แล้วสินะ”

“เที่ยวด้วยได้ แต่มั่วหญิงไม่ได้แล้ว มีตัวจริงแล้ว” ฟรองซัวยักคิ้วให้กวนๆ ทำเอาอินทัชหมั่นไส้ในความกวนของเพื่อนชาวต่างชาติ

“เออ...มีข่าวดีเมื่อไหร่อย่าลืมชวนแล้วกัน”

“แน่นอน มีเพื่อนเป็นถึงคุณอินทัชคงไม่ชวนไม่ได้”

“เวอร์...”

“งั้นฉันไปนอนดีกว่า ว่าจะไปนานแล้ว มัวแต่ถามอยู่นั่นแหละ” ฟรองซัวลุกขึ้นยืน

“ฉันผิด?”

“หึหึ ฝันดีนะ…คุณรามครับผมขอตัวไปนอนพักผ่อนก่อนนะครับ จะได้ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า” ฟรองซัวหันไปบอกรามินทร์ที่ก็ยืนขึ้นตาม

“ครับ ถ้ามีอะไรขาดเหลือ แจ้งพนักงานได้เลยนะครับ”

“ขอบคุณนะครับ ริน...เธอจะไปกับฉันหรือเปล่า หรือว่าจะคุยกับคุณรามต่อ” เมื่อขอบคุณเจ้าของรีสอร์ทที่มีศักด์เป็นพี่แฟนก็หันมาถามคนรักบ้าง

“รินยังไม่ไปหรอกค่ะ พี่ฟรองซัวไปนอนก่อนเถอะ เจอกันตอนเช้าเลย”

“อืม...เอาแบบนั้นก็ได้ ฝันดีนะ”

“ฝันดีค่ะพี่ฟรองซัว”

สามคนที่ยังอยู่มองส่งร่างสูงของฟรองซัวจนกระทั่งไม่เห็นอยู่ในสายตา อินทัชก็ลุกขึ้นบ้างเพื่อจะไปเดินเล่นย่อยอาหาร หากแต่ร่างสูงเรียกไว้ก่อน

“อิน!”

“มีธุระอะไร ตามข้อตกลงคือสามวัน ซึ่งมันเริ่มพรุ่งนี้ วันนี้กูจะอยู่เงียบๆ คนเดียว” ดักเอาไว้ก่อนเผื่อว่าร่างสูงจะพาไปไหนมาไหน แต่กลับเป็นว่าไม่ใช่ในแบบที่เขาคิดเอาไว้เลย

“รู้น่า...แต่รินมีเรื่องอยากจะคุยกับมึง”

“จะคุยอะไรอีก ทุกอย่างกูก็รู้เรื่องหมดแล้ว คำขอโทษก็ฟังแล้ว ยังจะมีอะไรอีกงั้นหรือ?” ถามอย่างเย็นชา ทำเอาหญิงสาวหน้าเจื่อนไปเลย หลบสายตาของร่างโปร่งอย่างประหม่า

อากัปกิริยาตอนนี้ยิ่งทำให้อินทัชรู้ว่าเธอเปลี่ยนไปแล้ว จากสาวมั่นใจ ตาต่อตา ฟันต่อวัน วันนี้มีเพียงแค่ผู้หญิงที่ขี้กลัวคนหนึ่ง ความผิดที่ทำกับเขาจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรด้วย มันก็เป็นเรื่องที่เจอบ่อยๆ ติดจะชินเสียอีก เขาไม่ได้โกรธรินลณี เพราะถ้าจะต้องมานั่งโกรธคนที่ทำแบบนั้นกับเขา อินทัชก็คงต้องเสียเวลาในการทำงานของตัวเองมากเพราะก็ไม่ได้มีแค่รินลณีคนเดียวที่เขาปฏิเสธไปมีลูกเศรษฐีเอาแต่ใจบางคนที่เขาก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยวเหมือนกัน

“มีค่ะ”

“งั้นก็พูดมาสิ”

“เอ่อ...คือว่า”

“อ้าว? ทำไมติดอ่างล่ะ มีอะไรก็พูดมาสิ ฉันรอฟังอยู่” อินทัชเร่ง แสดงสีหน้าติดรำคาญให้หญิงสาวรู้สึกกลัวเข้าไปอีก ทั้งๆ ที่ในใจก็ไม่ได้รำคาญอย่างที่ออกสีหน้า

แค่อยากจะเห็นท่าทีเพื่อประเมินอะไรบางอย่างเท่านั้น สิ่งที่เขาเคยเจอกับตอนนี้มันแตกต่างกัน ไม่แปลกหรอกที่อินทัชจะไม่ค่อยเชื่อว่ารินลณีตรงหน้าคือเปลี่ยนไปจริงๆ หรือว่าแค่เสแสร้งแกล้งทำ ช่วยไม่ได้ มันเป็นวิธีของเขาที่จะใช้สังเกตท่าทีของของคน

“ขอโทษนะคะ”

อินทัชถอนหายใจ หันไปมองหน้ารามินทร์ก่อนจะเอ่ยปากไล่ร่างสูงออกไป

“มึงจะไปไหนก็ไป ขอกูคุยกับน้องสาวมึงสองคน”

“แต่ว่า...”

“งั้นกูไม่คุยแล้ว ขอตัวนะ”

“โอเคๆ กูไปก็ได้ พี่ไปก่อนนะริน” ก่อนที่อินทัชจะเดินออกไป รามินทร์ก็ต้องรีบยอมทำตามในสิ่งที่คนหน้าสวยต้องการทันทีเพราะกลัวว่าน้องสาวจะไม่มีโอกาสได้เคลียร์ตัวเอง

พออยู่กันสองคนตามลำพัง อินทัชก็นั่งลงบนเก้าอี้เช่นเดิม หญิงสาวเองก็ค่อยๆ เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับร่างสูงโปร่งด้วยท่าทางที่ไม่มั่นใจสุดๆ

“ว่ามา”

“ค่ะ คือ...รินต้องขอโทษอีกครั้งนะคะสำหรับเรื่องในตอนนั้น และเป็นสามเหตุที่ทำให้พี่รามจับตัวพี่อินมา รินไม่มีอะไรจะแก้ตัว เพราะทุกอย่างมันเป็นเพราะรินคนเดียวจริงๆ รินผิดคนเดียว พี่อินให้อภัยพี่รามนะคะ จะโกรธจะเกลียดรินก็ได้ แต่พี่รามทำไปเพราะรักรินมาก...มันอาจจะดูแย่ที่รินพูดเหตุผลแบบนี้นะคะ”

อินทัชนั่งฟังนิ่งๆ ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจในเหตุผลที่รามินทร์ทำไป เพราะถ้ามีใครมาทำพี่สาวของเขาแบบนี้ เขาก็ไม่มีทางปล่อยไว้แน่ๆ แต่คงจะไม่ได้ทำแบบวิธีจับตัวมาแบบนี้ อะไรที่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้เขาก็จะทำ แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่ไม่กระทบพี่เขาจนเลือดตกยางออก อินทัชก็จะปล่อยให้เวรกรรมเป็นตัวจัดการแทน

“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันหลอกใช้ความรู้สึกผิดของฉันที่คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ใครสักคนต้องฆ่าตัวตาย ทั้งๆ ที่คนนั้นไม่ได้ตาย มันสมเหตุสมผลหรือเปล่า มันใช่สิ่งที่คนเขาทำกันเหรอ จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้ ‘สัตว์’ มันยังไม่ทำเลยนะ”

รินลณีพูดไม่ออก เพราะมันก็จริงอย่างที่อินทัชพูดเลย เธอไม่ได้ตายจริงๆ แต่พี่ชายเธอกลับเอามาอ้างเพื่อให้อินทัชยอมชดใช้ มันเป็นสิ่งที่เลวร้าย ใจร้ายไปจริงๆ

“พี่รามเล่าให้รินฟังว่าพี่รามมีอาการทางจิตอยู่ช่วงหนึ่งหลังจากที่รินไปฝรั่งเศส พี่รามจะฝันเรื่องเดิมซ้ำๆ นั่นคือ ฝันว่ารินฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตา แล้วยิ่งรินอยู่ห่างจากสายตาพี่ราม ไม่ค่อยโทรติดต่อพี่ราม มันเลยยิ่งทำให้พี่รามรู้สึกว่าฝันนั่นมันคือเรื่องจริง เรามีอยู่กันสองพี่น้องและตอนที่คุณแม่จะเสียพี่รามก็เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับคุณแม่จนท่านสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตา...เรื่องสะเทือนใจนี้มันเคยกระทบจิตใจพี่รามมาครั้งหนึ่งแล้ว และยิ่งรินมาทำแบบนั้นกับพี่รามอีก เลยกลัวว่าจะเสียรินไปอีกคน และโกรธที่พี่เป็นต้นเหตุ”

คิ้วสวยขมวดแน่นเพราะพึ่งจะเคยได้ยินเรื่องแบบนี้ คิดกลับไปในวันที่เขาได้เห็นรามินทร์ละเมอบอกไม่ให้น้องสาวทิ้งไป ใบหน้าคมเข้มที่ดูเจ็บปวดทรมานในยามที่หลับฝันร้ายยังติดอยู่ในความทรงจำ เห็นใจไหมก็เห็นใจ มันคงจะผ่านเรื่องเจ็บปวดมาเยอะ ทั้งเรื่องของแม่ และน้องสาวดันมาทำเป็นฆ่าตัวตายต่อหน้าอีก มันเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก เขาเข้าใจก็แล้วกัน

“อาการทางจิต?”

“ค่ะ พี่รามไปหาหมอ ไปปรึกษาหมอแล้ว...แม้ว่ามันจะดีขึ้น แต่ก็ไม่หายขาด...พี่รามเลยไปจับพี่อินมาแก้แค้นเพราะคิดว่าจะทำให้เลิกนอนฝันร้ายน่ะค่ะ”   

“แต่ก็ไม่หายสินะ”

“ทำไมพี่อินรู้ล่ะคะ”

“ช่างมันเถอะ ฉันจะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไร” อินทัชบอกปัด

“ถ้างั้นพี่อินให้โอกาสพี่รามนะคะ รินยอมรับผิดชอบแทนพี่รามทุกอย่างเลย”

“จะรับผิดชอบอะไรฉัน? ต่อให้เอาอะไรมาชดใช้ก็เรียกความรู้สึกให้เหมือนเดิมไม่ได้หรอกนะ ความรู้สึกไม่ใช่นาฬิกาที่จะซ่อมได้เมื่อมันพังน่ะ”

“รินเข้าใจค่ะ รินขอโทษนะคะ”

เข้าใจน่ะมันก็เข้าใจ แต่ให้ลืมไปเลยก็คงทำไม่ได้หรอกนะ เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย แต่ทำไมต้องมาโดนทำแบบนี้ด้วย อินทัชไม่ใช่นางฟ้าเทวดานะ ไม่ใช่คนที่แสนดีขนาดนั้น ช่วยเข้าใจกันบ้างได้ไหม ที่ผ่านมาทำอะไรไว้บ้าง เขาทั้งขอ ทั้งอ้อนวอน...เคยสนใจกันบ้างไหม

เคยเห็นใจจำเลยแค้นคนนี้บ้างหรือเปล่า...

“อืม...ก็เข้าใจแล้วกัน แต่การให้อภัยน่ะมันต้องใช้เวลา”

“พี่อินไม่เชื่อหรือคะ”

“เชื่อ...ฉันจะเชื่อ” ร่างโปร่งตอบ เป็นคำตอบที่ให้ริลณีรู้สึกเหมือนกับว่าอินทัชแค่ตอบว่าเชื่อไปอย่างนั้นแต่ไม่ได้เชื่อจริงๆ จนเธอร้อนรน

“ถ้าพี่อินคิดว่ารินพูดแก้ตัวให้พี่ราม รินจะลองหาใบประวัติการเข้ารักษามาให้พี่อินดูนะคะ รินคิดว่าพี่รามต้องเอาไว้สักที่แน่ๆ ค่ะ”

ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอก ฉันบอกว่าเชื่อก็คือเชื่อ...เอาเป็นว่าฉันเข้าใจเธอ เข้าใจไอ้รามก็แล้วกัน ส่วนเรื่องให้อภัยมันก็เป็นเรื่องของเวลา แต่สบายใจไว้เลย ฉันสัญญากับพี่ชายเธอไว้แล้วว่าถ้าฉันได้กลับบ้าน ฉันจะไม่เอาเรื่อง ไม่แจ้งความ ไม่ดำเนินคดีอะไรทั้งนั้น พวกเราจะเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” ประโยคที่ออกมาจากปากของอินทัชทำให้ริลณีหัวใจกระตุก สงสารพี่ชายขึ้นมาจนน้ำตาเอ่อคลอ

พี่ชายของเธอรักอินทัช แล้วอินทัชก็มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะไป และจะลืม...

พี่ชายของเธอก็จะต้องเสียใจอีกครั้ง และครั้งนี้จะเป็นครั้งที่รามินทร์เสียใจมากที่สุดในชีวิต เสียใจมากกว่าครั้งไหนๆ เพราะรักคน...ที่ทำเอาไว้กับเขาอย่างมากมาย

“พี่อิน...ไม่ให้โอกาสพี่รามหน่อยหรือคะ”

“โอกาส? โอกาสอะไร มันขอสามวันฉันก็ให้แล้วไง” เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งๆ ที่เข้าใจดีว่าหญิงสาวต้องการจะสื่อความหมายถึงเรื่องไหน

“พี่รามรักพี่อิน รินรู้...พี่รามรักพี่อินจริงๆ และรักพี่อินมากด้วยนะคะ”

“อืม...แล้วยังไงล่ะ ฉันไม่ได้รักมันนี่”

“พี่อิน...รินขอร้องนะคะ รินไม่อยากเห็นพี่ชายรินเสียใจ ที่ผ่านมารินปล่อยให้พี่ชายเสียใจกับเรื่องโกหกที่รินแสดงหลอกมาแล้ว รินไม่อยากให้มันเป็นอีก”

“นั่นมันต้องแก้ที่เธอ ฉันไม่เกี่ยว”

“เกี่ยวสิคะ เพราะพี่อินจะเป็นคนเดียวที่ทำให้พี่รามมีความสุขได้”

“แน่ใจได้ยังไง ถ้าฉันกลับไปแล้ว ไม่นานหรอกเดี๋ยวมันก็ลืม...แล้วมันก็จะมีคนเข้ามาใหม่ มีรักใหม่ และนั่นอาจจะเป็นคู่แท้ของมันก็ได้ แต่ฉัน...ฉันไม่ ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับมันไปมากกว่านี้แล้ว เรื่องที่จะคุยมีแค่นี้ใช่ไหม ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกัน” ร่างโปร่งลุกขึ้นยืน ก้มมองหน้าสวยของหญิงสาวครู่เดียวก่อนจะเดินออกจากตรงนั้น ไม่สนใจว่าเธอจะทำหน้าแบบไหน ไม่สนว่าเธออ้าปากจะพูดอะไรต่อ

แต่เขาไม่อยากได้ยินว่ารามินทร์รักเขาอีกแล้ว

ไม่อยากได้ยิน...ไม่อยากฟัง ไม่อยากรับรู้…


“มาทำอะไรตรงนี้” เสียงทุ้มคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง แต่อินทัชไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร ก็เลยยืนนิ่งกอดอกมองดาวบนท้องฟ้าอยู่แบบนั้น ทำเอาร่างหนายิ้มเบาๆ แล้วเดินไปยืนข้างๆ กับอินทัช สายตาของร่างโปร่งบางมองที่ท้องฟ้าแต่สายตาของรามินทร์จ้องใบหน้าสวยของอินทัช

ผู้ชายที่หน้าหวาน หน้าสวยกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก แต่กลับเป็นใบหน้าที่ผู้หญิงผู้ชายต่างก็ชอบ และหลงใหล ไม่แปลกใจเลยที่รามินทร์จะเห็นว่าอินทัชมีผู้หญิงผู้ชายควงไม่เคยขาดมือ

พอคิดย้อนกลับไปก็รู้สึกเหมือนจะหึงย้อนหลังยังไงก็ไม่รู้...

“มึงนั่นแหละ มารบกวนเวลาของกูทำไม คิดจะโกงเวลาหรือไง มึงนี่มันพวกขี้โกงจริงๆ”

“มันก็ควรมีกำไรให้กูบ้าง ถึงกูจะไม่ได้บริหารบริษัทใหญ่เหมือนมึงแต่กูก็เป็นนักธุรกิจนะ มึงเองก็เหมือนกันอย่าพูดว่าตัวเองไม่เคยโกง เพราะกูไม่เชื่อ”

“หึ...อวดรู้”

“ทำไมไม่นอน”

“กูไม่อยากนอน ไม่ง่วง”

“แต่มึงต้องตื่นแต่เช้า เพราะพรุ่งนี้เป็นต้นไปสามวัน เวลาของมึงเป็นของกู และทุกวินาทีมีค่า กูจะไม่ปล่อยให้มันเสียไปแม้แต่วินาทีเดียวแน่ๆ” เสียงทุ้มน่าฟังขึ้นมากเพราะมันเป็นครั้งแรกที่รามินทร์พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจและจริงจังขนาดนี้

“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ที่ผ่านมากูนอนเที่ยงคืนตื่นตีสามตีสี่ทุกวันกูยังทำได้เลย”

“นี่ประชดกันใช่ไหม ตอกย้ำความเลวกูจังนะ”

“ความจริงทั้งนั้น”

“กูต้องทำยังไง อิน...กูต้องทำยังไง” อินทัชไม่สนใจประโยคนั้น นิ่งสยบทุกอย่าง เพราะถ้าพูดคุยไปมากกว่านี้ มันจะทำให้ที่เขาตั้งใจมันเปลี่ยนแปลงไป

“ทำใจว่ะราม...แล้วก็เผื่อใจเอาไว้ด้วย เพราะมันจะไม่เป็นตามที่มึงต้องการ”

ร่างสูงกว่ายืนนิ่ง รู้สึกเหมือนหมดสิ้นความหวังจนไม่อาจจะขยับไปไหนได้

“อย่างน้อยก็โกหกให้กูมีหวังสักนิดก็ยังดี”

“กูไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก เพราะกูไม่ชอบทำร้ายจิตใจใคร แค้นมันไม่ได้ล้างได้ด้วยการเอาคืน เพราะการทำแบบนั้นมันจะเป็นการสร้างความแค้นต่อไปอีกไม่รู้จบ จำเอาไว้ด้วยล่ะ...”

อินทัชเดินกลับไปยังบ้านพักทันทีหลังที่ทิ้งประโยคแสนจะแทงใจดำให้รามินทร์ได้ยินเคว้งคว้างอยู่ตรงนั้นคนเดียวอย่างนั้น เงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เสียใจกับการกระทำที่ไม่ว่าตอนไหนก็ยังตามหลอกหลอนให้รู้สึกแทบบ้าอยู่แบบนี้

เวลาที่เหลืออยู่นี้...จะขอใช้ให้คุ้มค่าที่สุดก็แล้วกัน





100%

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

มาต่อแล้วค่า เม้นท์ๆ ด้วยนะคะ ^_^

มีอะไรพูดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/) ค่า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-03-2017 00:05:39
 :katai2-1:


สาแก่ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: kp ที่ 05-03-2017 00:47:50
สงสารทั้งคู่ อินทัชต้องรักคนที่ทำร้ายจิตใจ ย่ำยีร่างกาย ของตัวเอง ส่วนรามินทร์ก็คงรู้สึกผิดที่ทำอะไรลงไปเพราะตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งคู่รักกัน แต่ความรักจะชนะทุกอย่างจริงไหม หืมมม... สงสาร
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 05-03-2017 10:14:13
สั้นจังเลยแต่แอบสะใจ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 05-03-2017 17:33:06
อยากอ่านอีก อยากอ่านต่อ..
หน่วงจัง
อยากรู้จัง รามจะชนะใจอินได้ยังไง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-03-2017 17:37:54
ไม่รักจริงๆเหรอ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 05-03-2017 18:04:56
รามจะชนะใจอินได้ไหม อินดูไม่ค่อยใจอ่อนง่ายๆเลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-03-2017 20:22:48
ตอนนี้ถึงแม้ว่าอินจะเอาคืนได้
แต่เราก็หน่วงๆ แทนรามซะงั้น
สู้ๆ นะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-03-2017 22:37:18
เปลี่ยนกันชกนำแล้วค่ะ ใครจะอยู่ใครจะรอด

สงสารทุกคนเลย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดใจ ไม่ใช่แค่บอกว่ารักแล้วทุกอย่างจะจบ

ทุกอย่างตอนนี้อินทัชได้เปรียบมากค่ะ รามจะพังไม่พังก็เพราะโอกาสจากอินแล้วนะ
แต่ก็ไม่แปลกถ้าอินทัชจะไม่รับ เพราะที่ผ่านมา ถือว่าโหดมาก

เอาใจช่วยทั้งคู่เลยนะคะ

แล้วแม่หมอเงินจะมาหาทำไมตอนนี้นะ ถ้ามาร้าย ขรรค์ต้องสู้แล้วนะ อย่าปล่อยมือไปอีก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-03-2017 22:53:47
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: soya29 ที่ 20-03-2017 10:08:11
รอๆๆๆๆๆๆ :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 24-03-2017 19:57:03
ต่อเหอะ คิดถึง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 24-03-2017 20:46:53
หายไปไหนคัฟ  รออ่านต่อคัฟ คิดถึงมาก :call:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 28-03-2017 13:23:46
รออยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 38 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 28-03-2017 18:13:21
สามวัน สองคนนั้น เขาไปถึงไหนกันแล้วเนี่ยย :mew2:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 39 50% => (3/04/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 03-04-2017 20:16:01
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 39
ไม่คู่ควร



“ทำหน้าแบบนี้ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพแล้วนะนายจักร มีอะไรให้คิดงั้นเหรอ ดูเครียดๆ ว่าจะถามตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสถามเสียที” เจ้าจอมที่กำลังนั่งเช็ดผมอยู่ปลายเตียงถามร่างแกร่งที่ขนาดจะนอนแล้วยังทำหน้าเครียดๆ อยู่ได้

จักรเป็นคนซื่อ คิดอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าแบบนั้น ถ้าเครียดคิ้วก็จะขมวดกัน เหม่อๆ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างตลอดเวลา ถ้ามีความสุขก็นั่งยิ้มมองทุกอย่างแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย

“เปล่าครับ”

“ปฏิเสธทั้งๆ ที่มีน่ะ คิดว่าจะโดนโทษอะไรงั้นหรือ”

“ผมไม่ได้คิดอะไรจริงๆ นะครับ”

“โกหกฉันอีกแล้วนะ อยากให้โกรธจริงๆ ใช่ไหม”

“ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้อยากให้คุณจอมโกรธ แต่ว่า...เอ่อ คือว่าผม” จักรมีสีหน้าอึดอัด จนเจ้าจอมรู้สึกน้อยใจแต่ก็เข้าใจว่าบางเรื่องเขาก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง

ร่างเล็กพยักหน้าน้อยๆ ก่อนเอ่ยเสียงเบา

“ฉันเข้าใจๆ มันเป็นเรื่องส่วนตัวสินะ ฉันไม่คาดคั้นแล้ว แต่ถ้าอยากให้ฉันช่วยอะไรก็บอกมาได้เลยนะ ฉันยินดีที่จะช่วย...ยังไง เราสองคนก็คบกันแล้วนี่”

จักรยิ้มให้อย่างซึ้งใจที่เจ้าจอมเข้าใจเขา

“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ”

“หึหึ...ไม่ต้องมาขอบคุณหรอกน่า เห็นฉันเอาแต่ใจอย่างนี้แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวที่บอกใครไม่ได้ ฉันก็ไม่คะยั้นคะยอที่จะรู้หรอกน่า เพราะถ้าเป็นฉันก็คงอึดอัดเหมือนนาย”

“คุณจอมทำให้ไอ้จักรตกหลุมรักอีกแล้ว” ร่างสูงพึมพำเพ้อๆ มองใบหน้าน่ารักของคนตัวเล็กกว่าอย่างรัหใคร่และหลงใหล

ยิ่งได้รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ อะไรบางอย่างก็ทำให้จักรต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างอย่างจริงจังเสียแล้ว อย่างน้อยก็ให้เป็นคนที่คู่ควร...

ไม่ใช่สถานะเจ้านายกับลูกน้องแบบนี้

จักรอยากจะเป็นฝ่ายดูแลเจ้าจอม อยากที่จะช่วยเหลือเจ้าจอมในทุกๆ เรื่องได้ อยากจะเป็นที่พึ่งพาให้กับเจ้าจอม อยากจะคุยทุกเรื่องกับเจ้าจอมได้โดยที่เขาเองก็รู้เรื่องนั้น

“บ้า! ปิดไฟแล้วมานอนได้แล้วไป”

“เช็ดผมยังไม่แห้งเลยนะครับ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

“ขี้เกียจแล้ว ง่วงมาก อยากนอนเลย เดินทางมาถึงก้ยังไม่ได้พัก มัวแต่เคลียร์ปัญหาวุ่นวายของพี่รามกับพี่อินแล้วก็รินนี่แหละ เฮ้อ...นึกว่าพี่รามจะอาละวาดรินเสียอีก”

“มาครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้” จักรเดินมาหาร่างบางที่นั่งอยู่ คว้าเอาผ้าเช็ดตัวแล้วเริ่มเช็ดผมให้กับเจ้าจอมอย่างเบามือที่สุด

“ขอบคุณนะ”

“จริงๆ แล้ว ผมคิดว่าคุณรามน่าจะอาละวาดนะครับ แต่ว่านี่มันมีเรื่องของไอ้อินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แล้วมันก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย ไม่แปลกหรอกครับที่เรื่องที่ตัวเองทำกับอินมันจะน่าเสียใจกว่าเรื่องที่คุณรินปิดบังมาตลอดทั้งชีวิต” จักรพูดขณะที่มือก็เช็ดผมให้กับเจ้าจอมไปด้วย

“ฉันก็คิดแบบนายนะ”

“สงสารนะครับ ผมไม่รู้ว่าจะสงสารใครดี”

“อืม...พอมาได้รู้เหตุผลของแต่ละคน ฉันก็เห็นใจทั้งสามนั่นแหละ แต่ถ้ารินมันยังนิสัยเหมือนเดิมฉันก็ตัดมันออกจากกลุ่มคนน่าสงสาร”

“ทำไมดูเหมือนคุณจอมกับคุณรินไม่ถูกกันเลยล่ะครับ”

“ใครว่าไม่ถูกกัน?”

“ก็ผมเห็นพวกคุณทะเลาะกันตั้งแต่เจอเลย”

“ฮ่าๆ มันเป็นการทักทายของเราน่ะ แต่ก็รักกันนั่นแหละ ให้มาพูดจาหวานๆ กับเพื่อนที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เนี่ยนะ ขนลุกตายเลย” ตอบพลางทำท่าประกอบการขนลุกไปด้วย เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอจากจักรได้เป็นอย่างดี

“คุณรินนี่เก่งนะครับ พูดได้ตั้งหลายภาษา”

“ก็เรียนต่างประเทศไง สถานที่มันบังคับให้เราต้องพูดได้น่ะ แต่ถ้าเราอยากจะเป็นโดยไม่ต้องไปที่ประเทศนั้นๆ ก็ต้องมีความใฝ่รู้ อดทน ตั้งใจมากๆ เลยล่ะ จริงอยู่ที่ภาษามันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับความสามารถของคนเราหรอก”

“ก็จริงนะครับ ขนาดผมเรียนจบป.ตรี ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เลย พอฟังออกได้นิดหน่อย แต่พูดนี่ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่เลยครับ”

“ภาษาน่ะ จะภาษาไหนก็ตามแต่ ต้องอาศัยความกล้า ต้องลองพูดจริง ต้องลองผิดลองถูก อย่ากลัวที่จะพูด เพราะนั่นมันจะทำให้เราพัฒนาช้า ที่ถามแบบนี้เนี่ย สนใจจะเรียนภาษาเพิ่มเติมเหรอ”

“ครับ” ตอบเจ้าจอมเบาๆ

พอเห็นเจ้าจอมพูดภาษาอังกฤษได้ปร๋อ ฟังออกได้สบายแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่ามากๆ แล้วยิ่งมาเห็นอินทัชพูดฝรั่งเศสอย่างไม่ติดขัดนั่นอีก

คนเราน่ะ...ถูกปูทางชีวิตมาไม่เหมือนกัน

“ก็ดีนะ เข้าสู่อาเซียนแล้วด้วย ฉันคิดว่าทางรีสอร์ทควรจัดอบรมภาษาอังกฤษให้พนักงานดีไหม แล้วก็ทำการโปรโมทให้ชาวต่างชาติมาพักมากขึ้น”

“เป็นความคิดที่ดีนะครับ คุณจอมลองเสนอมคุณรามดูนะครับ”

“ได้สิ” เจ้าจอมตอบรับยิ้มๆ

ไม่นานผมของเจ้าจอมก็แห้งพอที่จะนอนได้แล้ว จักรเดินเอาผ้าไปตากที่ราวก่อนจะเดินเข้ามาในห้องปิดไฟแล้วเดินไปนอนบนเตียงข้างๆ กับเจ้าจอมอย่างรู้งาน

วันไหนที่ต้องมานอนกับเจ้าจอม เขาต้องนอนบนเตียง นอนข้างๆ กับร่างเล็กที่เดี่ยวนี้เป็นหมอนข้างให้เขากอดโดยไม่อยากจะห่างไปไหนแม้สักวินาทีเดียว

หมับ!!

“ผมชอบที่จะกอดคุณจอมแบบนี้”

“เหมือนกัน”

“จะไม่มีใครพรากคุณไปจากผมใช่ไหมครับ” ถามคนในอ้อมแขนเสียงแผ่วเบา แต่ติดสั่นกลัวอยู่ด้วย

“ไม่มีทางหรอกน่า นอกเสียจาก นายจะเดินออกไปจากฉันเอง”

“ไม่มีวันครับ”

“อืม...”

“ไม่มีวันมีวันนั้นแน่นอนครับ”

“ให้มันจริง”

ผมจะจับมือคู่นี้ ไม่มีวันปล่อย แม้ว่าอุปสรรคข้างหน้าจะมากมายขนาดไหน แค่มีคุณจอม ผมก็พร้อมที่ลุยฝ่ามันไป และจะปกป้องคุณจอม ไม่ให้มีรอยแผล แม้แต่รอยขีดข่วน...


“เงินเก็บแค่นี้ไม่พอแน่ๆ เราต้องมีมากกว่านี้ ต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง จะให้ใครมาว่าเรามาเกาะคุณจอมไม่ได้เด็ดขาด” จักรมองตัวเลขในสมุดบัญชีของตนแล้วถอนหายใจ แม้จะมีอยู่เจ็ดหลัก แต่แค่นี้มันก็หมดไปเร็วจะตายไป ยิ่งของทุกวันนี้ราคาแพงขึ้นด้วยแล้ว

จะสร้างบ้านทั้งทีก็อยากให้มันสวยและใหญ่โตสมกับฐานะเจ้าจอม

“อีกกี่ปีถึงจะเก็บเงินถึงขนาดนั้นได้นะ”

เพราะตอนที่รามินทร์จะขึ้นเงินเดือนให้ ตัวเขาก็ปฏิเสธ เพราะชีวิตเหลือตัวคนเดียวแล้ว ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนจะต้องเลี้ยง ต้องส่งเงินดูแล ไม่คิดไม่ฝันด้วยว่าตัวเองจะสมหวังกับเจ้าจอม

“เฮ้อ...ต้องรับงานข้างนอกอีกแล้วสินะ”

ถ้าเป็นไปได้ จักรก็ไม่อยากรับงานข้างนอกหรอก เพราะมันเหนื่อย เนื่องจากจักรค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องของการจัดสวน ทั้งทางบริษัทบางแห่งที่ต้องการจัดสวนบริษัท เหล่าเศรษฐีใหม่ นักธุรกิจหรือกระทั่งคนทั่วไปที่กำลังสร้างบ้านหรือต้องการเปลี่ยนรูปแบบสวนใหม่ก็ต้องการจะให้เขาไปออกแบบสวนและจัดสวนให้อยู่เยอะมาก จนเขาต้องหยุดรับงานไป  เพราะถ้าเขาจะรับ เขาก็อยากจะทำทุกเคส ไม่ใช่จะรับเฉพาะงานใหญ่ได้เงินเยอะ แต่เขาก็อยากจะจัดให้คนที่ต้องการแบบเล็กๆ งบน้อยๆ ด้วย

“ฮัลโหลพี่เสก ผมจะรับงานน่ะ ช่วยหาลูกค้าให้หน่อยนะพี่” แต่ต่อให้เหนื่อยขนาดไหน จักรก็ต้องทำและต้องทนเท่านั้นแหละ ค่าตอบแทนแต่ละงานของเขาก็ค่อนข้างจะสูงกว่าคนอื่นด้วย นับว่าโชคดีทีสั่งสมประสบการณ์เอาไว้อย่างมากมายจนได้รับความนิยมแบบนี้

(ได้ยินแบบนี้พี่ชื่นใจจังเลยว่ะจักร มีลูกค้ารายใหญ่ที่ให้จัดสวนปริษัทติดต่อของคิวของมึงเอาไว้อยู่สามบริษัท แต่อยู่ต่างจังหวัดนะ แล้วก็มีบ้านพักตากอากาศของพลโทนฤทธิ์ด้วยนะ อืม...จริงๆ ก็มีรายเล็กๆ อยู่ประมาณสามสี่รายนะ ขอดูรายละเอียดก่อน ทั้งหมดที่กูพูดมาเนี่ย ยินดีจองคิวมึงแบบที่กูก็บอกไปแล้วว่าไม่รู้เมื่อไหร่มึงจะรับงานอีก) ปลายสายเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่เขาเคยทำงานด้วยช่วงหนึ่ง แกเปิดบริษัทรับจัดสวนเล็กๆ

“ส่งรายละเอียดการติดต่อมาทั้งหมดเลยพี่ ฉันจะทำทั้งหมดนั่นแหละ”

(ไหวเหรอวะจักร มันเยอะมากเลยนะเว้ย)

“ฉันทำไหวน่ะพี่”

(ตามใจ เดี๋ยวเข้ามาเอาเองได้ไหมล่ะ อยากเจอพอดี จะได้คุยงานกันนิดๆ หน่อยๆ ด้วย)

“ก็ได้พี่ เดี๋ยวประมาณบ่ายๆ ฉันจะเข้าไปก็แล้วกัน ขอไปทำงานแล้วบอกคุณรามก่อน”

(เออๆ บอกคุณรามให้เรียบร้อยนะเว้ย เจอกันเว้ยจักร)

“ครับพี่”

ร่างแกร่งวางสายไป ก่อนจะเก็บสมุดบัญชีเข้าลิ้นชักเหมือนเดิม ถอนหายใจเรียกกำลังใจจากตัวเองแล้วอาบน้ำแต่งตัวออกไปทำงานของตัวเอง

ยังคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเขาไม่มีเวลาให้เจ้าจอมหลายๆ เดือน เจ้าจอมจะเลิกรักเขาหรือเปล่า แต่ทุกอย่างที่ทำไป จักรก็ทำเพื่อคำว่า ‘เรา’ ในอนาคตทั้งนั้น


“เอาไป ฉันให้ทิพย์ติดต่อไปยังลูกค้าที่คอนเฟิร์มจริงๆ แล้ว มึงจะได้ไม่ต้องติดต่อไปเอง ส่วนนี่เป็นตารางนัดคุยงานของลูกค้าแต่ละคน ถ้ามึงคุยกับลูกค้าคนไหนเสร็จแล้วมึงรีบบอกกูนะ กูจะได้เตรียมคนงานให้มึง”

“ได้ครับพี่”

“ว่าแต่ร้อนเงินหรือมึง ถึงได้รับงานเยอะขนาดนี้”

“ไม่ได้ร้อนหรอกพี่ แต่จะรีบเก็บเงินสร้างบ้านน่ะ”

“อ๋อ...ดีแล้วๆ แต่ไม่ควรรีบหรือเปล่า มึงก็อายุไม่เท่าไหร่เอง”

“โหยพี่ ถ้าไม่รีบตอนนี้แล้วจะเก็บเงินได้ตอนไหนล่ะพี่ ก็ต้องเก็บไปเรื่อยๆ แหละ” จักรตอบจริงจัง รุ่นพี่ของเขาก็เลยได้แต่หัวเราะน้อยๆ

“จะสร้างกี่บ้านกี่ล้านวะมึง”

“ก็เอาที่มันดีที่สุดน่ะพี่”

“เป็นกำลังใจให้ก็แล้วกันนะเว้ย เอาเป็นว่าคราวนี้มึงไม่ต้องแบ่งเงินมาให้กูก็ได้ ยังไงเราก็คนกันเอง มึงก็เหมือนน้องชายกู มึงช่วยให้บริษัทกูมาถึงตรงนี้ได้ แต่กูยังไม่เคยตอบแทนมึงเลยนะ คราวนี้ไม่ต้องให้เปอร์เซ็นบริษัทหรอก แต่ค่าคนงานก็ตามปกติเลย”

“จะบ้าเหรอพี่ เอาแบบเดิมนั่นแหละนะ”

“มึงแม่งจริงๆ เลยว่ะจักร” เสกสรรส่ายหน้าอย่างระอา

“ยังไงฉันก็ได้เยอะอยู่แล้วน่า เก็บไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบอะไรหรอก พี่เองก็ต้องใช้เงินจ่ายลูกน้อง ลงทุนในบริษัทอีก ฉันไม่อยากจะเอาเปรียบพี่หรอก”

“เอาเปรียบที่ไหนกันวะ มึงก็เป็นอย่างนี้ตลอด กูให้อะไรก็ไม่เคยเอา”

“แค่มีพี่เป็นพี่ฉันก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว สำหรับฉันพี่เป็นเหมือนญาติคนเดียวในชีวิตที่ฉันมีนะพี่ แค่ตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ พี่คอยช่วยเหลือฉันมาตลอด แค่นี้ฉันยังทดแทนพี่ไม่หมดด้วยซ้ำ”

“ทดทงทดแทนอะไรวะจักร เราพี่น้องกันนะเว้ย ไม่ใช่สายเลือด แต่ก็เหมือนใช่ เพราะกูเองก็มีมึงเป็นเหมือนญาติคนเดียวเหมือนกัน”

เพราะพวกเขาเหมือนกัน เราเลยเข้าใจกัน

“ขอบคุณนะพี่ แล้วนี่พี่ทิพย์กับหลานไปไหนล่ะ”

“ทิพย์เลี้ยงเจ้าแสบอยู่ด้านหลังนั่นแหละ จะเข้าไปหาหลานไหมล่ะ”

“ไม่ล่ะพี่ ฉันจะไปทำงานต่อ”

“ไปทำงานหรือมีนัดกับใคร? กับคุณเจ้าจอมไปถึงไหนแล้ววะ” เป็นคำถามที่จักรยิ้มให้อย่างเดียว เพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร แต่เสกสรรเห็นแบบนั้นก็เข้าใจนัยยะที่จักรสื่อได้ทันที

ปุบๆ

ตบไหล่แกร่งของจักรด้วยความยินดี

“ดีใจด้วย มิน่าล่ะ เก็บเงินสร้างบ้านแล้ว ขอให้มึงประสบความสำเร็จนะเว้ย มีความสุขกับชีวิตคู่นะ ที่สำคัญอย่าโง่ให้มันมาก เข้าใจ๋?”

“ฮ่าๆ”

หัวเราะเสียงดังกับคำว่าโง่ที่พี่ชายตอกย้ำมา...ไม่ได้โกรธหรอก เพราะชินแล้วกับเรื่องที่โดนเสกสรรเอาเรื่องซื่อบื้อของเขามาล้อว่าโง่

“ไปๆ แล้วเจอกันนะ”

“สวัสดีครับพี่” จักรยกมือไหว้ลา ก่อนจะเดินออกจากสำนักงานบริษัทที่ชั้นล่างสำนักงาน ชั้นบนเป็นบ้านของเสกสรรกับภรรยาและลูกตัวน้อย

จักรเดินทางกลับมาถึงรีสอร์ทก็ไปทำงานของตัวเองต่อทันที ระหว่างนั้นก็เจอเข้ากับรามินทร์และอินทัชที่กำลังจะพากันออกไปข้างนอก

“จักร...”

“ครับคุณราม”

“กลับมาจากทำธุระแล้วเหรอ ฉันกับอินจะออกไปข้างนอก ยังไงฝากดูแลความเรียบร้อยช่วยขรรค์มันหน่อยนะ อยากได้อะไรหรือเปล่าจะซื้อมาให้”

“ไม่เป็นไรครับคุณราม เชิญคุณรามกับอินทำธุระตามสบายเลยครับ”

“เย็นนี้มากินข้าวด้วยกันนะ ฉันสั่งให้คนให้รอเตรียมตอนเย็นแล้ว มีอะไรก็ค่อยไปพูดกันตอนเย็นเลย วันนี้ฉันไม่ค่อยว่าง” รามินทร์พูด

“ครับ”

เรื่องที่จักรรับงานจากข้างนอกยังไม่ได้พูดกับรามินทร์เลย เพราะตอนที่โทรไป เจ้านายบอกไม่ว่างกำลังติดธุระอยู่ ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะอยู่กับอินทัช เหมือนจะไม่ให้เวลาที่มีอยู่สูญเปล่าเลยจริงๆ

อินทัชพยักหน้าแล้วยิ้มทักทายจักร ส่วนจักรเองก็ยิ้มทักทายกับอินทัช จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่ค่อยรู้จักอะไรในตัวเพื่อนของเขาคนนี้มากนัก เป็นนักธุรกิจ...และโดนจับตัวมาแก้แค้น รู้อยู่แค่นั้น แต่ด้วยความสามารถด้านภาษาฝรั่งเศสนั่น ก็คงจะไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดาๆ สินะ


“จอมจะทำอะไรมันก็เรื่องของจอม พ่อเลิกบงการชีวิตของจอมสักทีได้ไหม!!”

กึก!

เท้าแกร่งชะงักนิ่ง เมื่อจักรมาหาคนรักตามปกติก็ได้ยินเสียงเจ้าจอมคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆ โมโหที่เขาไม่เคยได้เห็นเลย

“ถ้าพ่อไม่คิดจะเลิกบังคับจอมก็อย่าหวังว่าจอมจะกลับบ้านเลย ที่ที่เต็มไปด้วยกฎหลัก กฎเกณฑ์ เอาแต่บังคับให้ทำนู่นนี่นั่นอย่างกับลูกไม่มีหัวใจ ไม่มีความรู้สึก จอมไม่มีทางกลับไปหรอก และจะไม่ทำตามที่พ่อต้องการด้วย!!!”

จักรไม่รู้จะทำยังไงดี จะเข้าไปหา จะแอบฟังหรือว่าจะเดินออกไปก่อนดี แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะยืนฟังต่อไป จะได้รู้ปัญหาของคนรักด้วย และเขาก็เพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้แหละ ว่าเจ้าจอมมีปัญหากับครอบครัวรุนแรงแบบนี้

“ถ้ารู้ว่าพ่อโทรมาพูดเรื่องบ้าๆ พวกนี้ จอมไม่รับให้เสียเวลาหรอก เลิกบังคับกันสักที ก็แล้วไงล่ะ จอมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อก็จริง แต่พ่อเองก็หลานรักอยู่แล้วนี่ ก็คาดหวังที่พวกมันแทนสิ”

ใบหน้าน่ารักของเจ้าจอมตอนนี้บิดเบี้ยวด้วยอารมณ์โกรธ โมโห...แต่ก็ไม่น่าตกใจเท่ากับประโยคต่อมาหรอก

“จอมรักจักร!!! จอมจะอยู่กับจักร จะอยู่กับพี่รามที่นี่!!” ลั่นวาจาออกมาจริงจัง แม้ว่าจะดีใจที่ได้รู้ว่าเจ้าจอมรักเขามากจริงๆ แต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่เป็นต้นเหตุให้พ่อของเจ้าจอมโดนลูกชายขึ้นเสียงใส่

“จักรไม่รวยก็จริง แต่จักรเป็นคนดี เขาไม่ได้มาเกาะจอมอย่างที่พ่อคิดหรอก ก็แล้วแต่ครับ เงินที่พ่อส่งมาให้ทุกเดือน บัตรเครดิตทุกใบ จอมก็ไม่เคยใช้อยู่แล้ว ทุกวันนี้จอมทำงาน ใช้เงินเดือนของตัวเอง ก็มีความสุขดี ไม่จำเป็นต้องมีเงินทองมากมายมากองให้ท่วมหัวตัวเองแต่ไม่มีความสุขหรอกครับ จอมอยู่ที่นี่ มีเงินใช้แค่นี้ จอมมีความสุขที่สุดแล้ว!! ที่สำคัญ...จอมได้รับความรัก แบบที่จอมไม่เคยได้รับมันจากพ่อกับแม่!! แค่นี้นะครับ สวัสดี!!” เจ้าจอมวางสายอย่างหัวเสีย รู้ตัวเองดีว่าที่ทำตัวแบบนี้มันไม่เหมาะสม มันบาป

การที่ขึ้นเสียงใส่บุพการี ใช่ว่าเจ้าจอมอยากจะทำเสียเมื่อไหร่...แต่ทุกครั้งก็โดนบิดาหาเรื่องตลอด จากที่จะพูดกันดีๆ ก็เปิดฉากทะเลาะกันทุกครั้งไป

...

...

...

มีต่อ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 39 100% => (3/04/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 03-04-2017 20:16:55
ตอนที่ 39 ครึ่งหลัง




“ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่เคยเข้าใจอะไรจอมเลยนะ” ร่างเล็กตัวสั่น เสียงสั่นเครือ ร้องไห้ออกมาอย่างสุดแสนจะอดกลั้น...ทำเอาร่างสูงแทบจะถลาเข้าไปโอบกอด แต่จักรรู้ดีว่าเจ้าจอมไม่อยากให้เขาเห็นด้านนี้ของตัวเองแน่ๆ เลยได้แต่อดทนยืนรอเวลาเหมาะสมก่อนค่อยเข้าไป

อย่างน้อยก็ทิ้งช่วงจากการวางสายโทรศัพท์ของเจ้าจอมหน่อยจะได้ไม่มีพิรุธ

จักรเป็นคนที่เข้าใจอะไรช้าก็จริง โง่ ซื่อบื้อ แต่ก็ไม่ขนาดที่จะฟังไม่รู้เรื่องว่าเขาโดนต่อต้านจากครอบครัวของคนรัก แน่นอนแหละในเรื่องของฐานะ ส่วนในเรื่องชอบเพศเดียวกัน จักรคิดว่าทางครอบครัวก็คงรู้ดีอยู่แล้วเพราะร่างเล็กไม่เคยปิดบังว่าตัวเองชอบผู้ชายกับใคร

“คุณจอมครับ” จักรเดินไปหยุดที่ด้านหลังของเจ้าจอมก่อนจะเรียกคนรัก จนเจ้าจอมต้องรีบเช็ดน้ำตาออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วหันมายิ้มหวานให้กับจักรเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จักรรู้ดีว่าเจ้าจอมอยากให้เข้าสบายใจเลยไม่แสดงมุมอ่อนแอออกมา

“มาแล้วเหรอ หิวหรือยัง”

“นิดหน่อยครับ”

“งั้นก็ไปกันเถอะ ฉันหิวมากๆ เลยล่ะ”

“คุณจอมครับ...” จักรเรียก

“ว่าไง”

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ตาแดงๆ นะ” ชั่ววูบหนึ่งเขาเห็นความวูบไหวในดวงตาสวยก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะเจ้าจอมปรับอารมณ์ตัวเองได้ไว

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฝุ่นมันเข้าตาเฉยๆ”

มันช่างเป็นมุขที่ไม่ว่านิยายหรือละครเรื่องไหนก็ต้องมีประโยคนี้ ‘ฝุ่นเข้าตา’ ไม่มีใครเคยบอกหรือไงว่าเหตุผลนี้มันเชื่อไม่ได้

“ไม่เป็นอะไรแน่นะครับ คุณจอมมีอะไรบอกผมได้นะครับ อย่าเก็บเอาไว้คนเดียวเลย”

เจ้าจอมยิ้มหวานให้ แล้วส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินมาควงแขนแกร่ง ดึงรั้งให้เดินตามตนออกไปจากสำนักงานของรีสอร์ท

“ถ้าเป็นห่วงฉันก็ช่วยพาไปกินข้าวเร็วๆ หน่อย ฉันหิวมาก”

“ครับ…”

เจ้าจอมทำได้ยังไง ที่พยายามแสร้งทำเป็นเข้มแข็งทั้งๆ ที่อยากจะร้องไห้ออกมาเต็มทีแล้ว ร่างเล็กไม่รู้หรอกว่าจักรกำลังรู้สึกยังไง อยากจะช่วยคลายความทุกข์ แต่ก็ไม่อยากพูดออกไปให้เจ้าจอมไม่สบายใจถ้ารู้ว่าเขาได้ยินหมดทุกอย่าง

เจ้าจอมกลัวว่าจักรจะยอมถอย ไม่ยอมสู้

โดยไม่รู้เลยว่า ต่อให้เจอเรื่องหนักหนาสาหัสกว่านี้ จักรก็ไม่วันปล่อยมือ...กว่าจะได้ความรักตอบกลับมามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ แล้วจะให้เห็นแก่ตัวทิ้งเจ้าจอมง่ายๆ จักรทำไม่ได้

และไม่มีวันทำด้วย...


“รับงานข้างนอกเหรอ ตามใจแกสิ...แต่ว่ามันจะไม่หนักไปเหรอ ถึงงานที่รีสอร์ทจะไม่หนักเท่าไหร่ก็ตาม แต่คิวแกเยอะขนาดนี้ จอมมันยอมเหรอ” รามินทร์ถาม ส่วนอินทัชเองที่นั่งอยู่ด้วยก็กอดอกมองจักรอย่างพิจารณาอะไรบางอย่าง

พวกเขานั่งกันอยู่ในห้องอาหารของรีสอร์ทสามคน รอเจ้าจอมที่ตอนนี้ไปอาบน้ำที่บ้าน ส่วนขรรค์กับเงินไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วยเนื่องจากว่ามีแขกคนสำคัญมาหาอย่างกะทันหันไม่บอกไม่กล่าว เลยต้องไปต้อนรับและอยู่กับทางนั้น รินลณีกับฟรองซัวไปเที่ยวเลยจะทานข้างนอกก่อนกลับมา วันนี้เลยมีแค่สี่คนที่ร่วมโต๊ะเท่านั้น

จักรที่เห็นว่าเจ้าจอมยังไม่มาก็เลยรีบบอกเจ้านายทันที เขาไม่อยากให้เจ้าจอมรู้ว่ารับงานข้างนอก ไม่งั้นอาจจะโดนถามถึงเหตุผลได้ ให้เขาหาเรื่องมาโกหกก็ทำไม่เป็นด้วยสิ ไม่ใช่ว่าดีซะจนโกหกใครไม่เป็น แต่โกหกทีไรโดนจับได้ตลอดเลยต่างหาก

“คุณจอมไม่รู้ครับ แล้วก็ไม่อยากให้รู้ด้วยน่ะครับ ขอร้องคุณรามอย่าบอกคุณจอมนะครับ” จักรอ้อนวอน

“ทำไมล่ะ มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าแกเดือดร้อนเรื่องเงิน ให้ฉันช่วยได้นะ ยังไงแกก็เป็นลูกน้องคนสนิทของฉัน” รามินทร์ออกตัว ทำเอาจักรมองเจ้านายด้วยสายตาซาบซึ้ง

ถึงแม้ว่ารามินทร์จะทำไม่ดีกับอินทัช ทำเรื่องเลวร้ายที่เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่ที่เขาทำงานที่นี่จนถึงวันนี้ รามินทร์เป็นเจ้านายที่แสนดีเสมอ...และเขาก็จะจงรักต่อไป

“ผมไม่ได้เดือดร้อนเงินหรอกครับ แต่มีเหตุผลส่วนตัวนิดหน่อย” เลี่ยงหลบสายตาจากรามินทร์และอินทัช พอรามินทร์ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา

“เฮ้อ...เอาเป็นว่าฉันจะไม่บอกเจ้าจอมก็แล้วกันนะ”

“ขอบคุณครับ”

รอไม่นานเจ้าจอมก็มาถึงห้องอาหารพอดีกับอาหารเสิร์ฟครบพอดี ทั้งสี่คนลงมือทานอาหารทันที แต่ก็ทานไปคุยไปอย่างไม่รีบร้อน บรรยากาศระหว่างรามินทร์กับอินทัชดูไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เพราะเจ้าของใบหน้าสวยยังคงมีท่าทีที่เย็นชาเหมือนเดิม ผิดกับรามินทร์ที่เอาใจใส่ ตักอาหารให้อินทัชอยู่ตลอดเวลา

จักรกับเจ้าจอมเองก็ดูแลกันและกันตามปกติเวลาที่ทานอาหาร พอมื้อเย็นเสร็จแล้ว รามินทร์กับอินทัชก็ขอตัวกลับไปก่อน เหลือเพียงจักรกับเจ้าจอมที่ยังนั่งอยู่ไม่ไปไหน

“วันนี้ดูเราจะไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ”

“ครับ ก็เราเจอกันแค่ตอนกลางวันและตอนนี้นี่ครับ คุณจอมงานยุ่งผมเลยไม่อยากจะกวน”

“กวนอะไรล่ะ นายไม่อยู่นี่แหละที่มันกวนใจฉัน”

“ผมก็ต้องทำงาน”

“ฮ่าๆ นั่นสินะ ลืมไปเลยว่านายก็ต้องทำงาน” เจ้าจอมว่าเสียงกลั้วหัวเราะ

รอยยิ้มและเสียงของเจ้าจอมตอนมีความสุขเป็นเหมือนน้ำชโลมหัวใจของจักรให้สดชื่น มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป ดวงตาคมดุจ้องมองดวงหน้าน่ารักของเจ้าจอมอย่างเหม่อลอย

ไม่รู้ว่า...รอยยิ้มนี้จะยังคงอยู่ไหมหากเจ้าจอมอยู่กับคนจนๆ อย่างเขา

มันจะหายไปไหม ถ้าหากว่าวันหนึ่งเราต้องเจอกับความลำบากมากมาย

“จักร...นายจักร!!! เหม่ออะไรน่ะ ได้ยินที่ถามไหม”

“ฮะ...ครับ คุณจอมว่าอะไรนะครับ” ร่างหนาสะดุ้งเมื่อเจ้าจอมเรียกเขาเสียงดังลั่น ทำเอาพนักงานกับลูกค้าต่างพากันมามองอย่างสนใจ พอเจ้าจอมหันไปโค้งขอโทษเท่านั้นแหละ ถึงได้เลิกเป็นจุดสนใจ

“นายดูแปลกๆ นะช่วงนี้ แต่ฉันคาดคั้นไปนายก็ไม่พูดหรอกใช่ไหม”

“ผม...แค่รู้สึกว่าจะไม่สบายน่ะครับ”

“หืม...งั้นไปกินยาแล้วนอนพักเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งที่บ้านนายเอง”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปส่งคุณจอมก่อนก็ได้”

“ได้ยังไงล่ะ ถ้าปล่อยนายกลับคนเดียวแล้วไม่ยอมกินยาล่ะ ไม่รู้แหละ ฉันจะไปส่ง จนกว่าจะเห็นนายกินยาฉันถึงจะกลับ” ร่างเล็กบอกอย่างเด็ดขาด จักรก็เลยไม่กล้าขัด กล้าแย้ง

“ครับ”

“ที่บ้านนายมียาไหม”

“มีครับ”

“มียาอะไรบ้าง”

“ก็มี...พาราครับ” ตอบเสียงเบา

“มีแค่นี้?”

“ครับ”

“แล้วเวลาที่ป่วยล่ะ อย่าบอกนะว่ากินแต่พารา” จักรพยักหน้าแทนที่จะตอบ ทำเอาเจ้าจอมทำหน้าเอือมระอาทันที ร่างเล็กกว่าเลยลุกขึ้นยืนเดินมาหาจักรก่อนจะฉุดแขนแกร่งให้ลุกขึ้น จักรเองก็เดินตามแรงดึงที่ไม่มากของร่างเล็กกว่า ก่อนที่ตนจับมือของเจ้าจอมออกจากแขน แล้วสอดประสานนิ้วมือทั้งห้าเข้ากันแทน

หมับ!

เจ้าจอมก้มมองมืออย่างแปลกใจ แต่ก็ยิ้มออกมาด้วยความสุขใจเช่นกัน ก่อนจะกระชับมือให้แนบแน่นกว่าเดิม เดินเคียงคู่กันไป ไม่สนว่าจะมีใครมองมาหรือเปล่า แต่เวลานี้...มันเป็นเวลาของเรา

ไม่ว่าใคร...ก็พรากเราจากกันไม่ได้

หากจักรถูกพรากเจ้าจอมออกไปจากอ้อมแขนของเขา ชีวิตนี้...จักรก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ถ้ามันมีวันนั้น เขาจะยังมีชีวิตอยู่ไปได้ยังไง...

เขาตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงได้รักเจ้าจอมมากมายถึงเพียงนี้...

“ยาอยู่ตรงไหน”

“เดี๋ยวผมหาเองดีกว่าครับคุณจอม บ้านผมมันรก หาของยาก”

“รู้ว่ารกแล้วทำไมไม่รู้จักเก็บ ไม่รู้จักทำความสะอาด”

“ผม...ไม่ค่อยมีเวลาน่ะครับ”

“เฮ้อ...จริงๆ เลยนะนาย รีบไปกินยาซะ อ้อ เอามากินให้ฉันเห็นด้วยนะ ฉันจะนั่งรออยู่ตรงนี้แหละ” เจ้าจอมสั่ง แล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเก่าที่เคยมานั่งแล้วอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งจักรเดินกลับมาพร้อมกับกินยาโชว์เจ้าจอมตามคำสั่ง ก่อนจะวางขวดเอาไว้แถวๆ นั้น

“ผมกินแล้วครับ”

“อืม...ดีมาก”

“คุณจอม...ให้ผมเดินกลับไปส่งไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกน่า ฉันเดินกลับเองได้ จะกลัวอะไร ฉันก็ผู้ชายเหมือนกับนายนะจักร”

“ทุกวันนี้ผู้หญิงผู้ชาย ถ้าอยู่คนเดียวก็อันตรายพอๆ กันนั่นแหละครับ” เจ้าของใบหน้าโหดเถียงกลับอย่างเป็นห่วงและกังวลว่าเจ้าจอมจะได้รับอันตราย

และถ้าเขาไม่ได้เห็นว่าเจ้าจอมถึงบ้านแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลิกกังวลแน่ๆ

“แต่ที่นี่มันถิ่นรีสอร์ทนะจักร ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำอะไรหรอกน่า”

“แต่ว่า...”

“ไม่สบายก็ไปพักไป”

“ผมแค่รู้สึกเหมือนว่าจะไม่สบายครับ ยังไม่ได้ไม่สบายจริงสักหน่อย”

“มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ อย่าเถียงนะ ฉันว่ายังไงก็อย่างนั้น แต่ว่าขอนั่งเล่นที่นี่สักพักก็แล้วกัน พึ่งจะมาถึงจะให้หลับเลยหรือไง”

“ป่ะ เปล่าครับ คุณจอมนั่งเล่นก่อนก็ได้ครับ” จักรยืนอยู่กับที่แบบนั้น มองหน้าของเจ้าจอมไม่วางตา ส่วนคนถูกมองก็ไม่ได้รู้เลยว่าคนรักกำลังมองตนเองอยู่ เพราะสายตาของเจ้าจอมมองไปรอบๆ ห้องอย่างสังเกต เหมือนทุกๆ ครั้งที่มานั่นแหละ แต่ครั้งนี้ใบหน้าของเจ้าจอมดูจะไม่พอใจ คิ้วขมวดกันแน่น ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ส่ายหน้าไปมา เป็นท่าทางที่ทำให้จักรรู้สึกไม่ดี

ใจวูบโหวงกังวล คิดเอาเองว่าคนตัวบางกำลังไม่ชอบสภาพบ้านของเขา ก็แน่ละ ทั้งเล็ก ทั้งรก แล้วก็มีแต่ข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ ดูยังไงแล้วก็แตกต่างจากสิ่งของที่เจ้าจอมใช้และมีอยู่ในปัจจุบันมาก

“คุณจอมกลับเลยดีไหมครับ อยู่ที่นี่ก็สกปรกเปล่าๆ”

“รู้ด้วยเหรอว่าสกปรก แล้วนายอยู่ไปได้ยังไงฮึ?” เจ้าจอมถามด้วยความไม่พอใจ ไม่ได้รู้สึกเลยว่าทำให้คนรักคิดไกลไปแล้ว

“ผมมันคนจน ตัวก็อยู่กับดินมาตั้งแต่เกิด เลยชินกับที่สกปรกๆ น่ะครับ” ตอบอย่างน้อยอกน้อยใจ คราวนี้แหละเจ้าจอมถึงได้รู้สึกถึงความผิดปกติจากน้ำเสียงและรูปประโยค

พอเห็นหน้าเศร้าๆ ของจักรเท่านั้นแหละ เจ้าจอมก็เข้าใจทันทีว่าคนรักคิดอะไรอยู่ และกำลังรู้สึกยังไงอยู่ในตอนนี้

“จักร...ฉันว่านายกำลังเข้าใจฉันผิดนะ”

“ครับ?” มีสีหน้างงงวยจนดูตลก หากแต่เจ้าจอมกลับหัวเราะไม่ออก ถ้าไม่พูดอธิบายให้จักรเข้าใจเขาใหม่ให้ได้ก่อน

“นายกำลังคิดว่าฉันรังเกียจที่นี่?”

“เอ่อ...คือว่า ก็คุณจอมทำเหมือนไม่ชอบใจเวลามองไปรอบๆ บ้าน”

“เหอะ! นี่นายคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกัน ที่ฉันไม่พอใจกับสภาพบ้านแบบนี้ของนายเพราะฉันเป็นห่วงสุขภาพของนาย ไม่ได้หมายความว่าฉันรังเกียจ ขยะแขยงที่จะอยู่ในที่แบบนี้นะนายจักร เข้าใจเอาไว้ใหม่ด้วย อย่าได้คิดว่าฉันจะพวกดูถูกคนอีก”

“ผมเปล่านะครับคุณจอม ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ ขอโทษครับ ไอ้จักรขอโทษ ผมแค่กลัวว่าคุณจอมจะลำบากกับที่แบบนี้” จักรรีบเดินเข้าไปอธิบาย แต่ก็ถูกเจ้าจอมเมินหน้าหนีอย่างเกี่ยงงอน หากจักรกลับมองว่าเจ้าจอมโกรธมากกว่า

“ชอบตัดสินใจแทนฉันจริงๆ”

“ขอโทษนะครับ อย่าโกรธนะครับ นะครับคุณจอม”

กายใหญ่ทรุดนั่งข้างๆ กับเจ้าจอม จนร่างบางต้องหันหนีไปอีกข้างเพื่อหลบหน้าจักร

“ฉันไม่ได้โกรธ” ตอบห้วนๆ

“ไม่ได้โกรธก็มองหน้าผมสิครับ”

“ไม่อยากมอง”

“โถ่...คุณจอม” เขาครางเสียงอ่อนแรง ขยับหน้าเข้าไปหาคนตัวเล็กกว่าเพราะไม่กล้าจับบังคับให้ร่างบางหันมาหาตน เลยเลือกที่จะเข้าใกล้แทน

“คุณจอมครับ ยกโทษให้ผมนะครับ”

“ก็บอกว่าไม่ได้โกรธ...”

จุ๊บ!!

ร่างเล็กกว่าหันมาตอบจักรอย่างรวดเร็ว จักรที่ไม่ทันจะตั้งตัวหลบออกไป ริมฝีปากของเราก็ปะทะกันเบาๆ ทันที และค้างเอาไว้แบบนั้นไม่ผละออกไป ดวงตาของทั้งคู่สบกันในระยะประชิด ริมฝีปากสัมผัสกันบางเบา จมูกก็คลอเคลียกันไปมา เจ้าจอมต้องเงยหน้าขึ้นนิดๆ เนื่องจากตัวเตี้ยกว่าจักรที่ตอนนี้ก็ก้มลงมาให้ปากเราสัมผัสกันแน่นกว่าเดิม

“จะทำอะไร” ถามเสียงเบาทั้งๆ ที่ริมฝีปากก็ยังแนบกัน เวลาเจ้าจอมพูด มันก็เสียดสีกับตามจังหวะเปิดปาก

“คุณจอมนั่นแหละครับที่หันมาเอง” จักรผละออกมานิดๆ เพื่อให้พูดสะดวกมากขึ้น

“แต่เมื่อกี้นายบดปากลงมานะ ไม่ใช่ฉัน” พอจบประโยคนี้จักรก็พูดไม่ออก ได้แต่หน้าแดงเพราะเขินๆ กับการกระทำของตัวเอง แต่จะทำยังไงได้ล่ะ

ยิ่งได้สัมผัสร่างกายนี้มากแล้ว มันก็ยิ่งละโมบอยากจะครอบครองร่างกายนี้เอาไว้ข้างกายตลอดเวลา

“ฉันกลับบ้านดีกว่า” เจ้าจอมทำท่าจะลุกขึ้น หากแต่มือแกร่งกลับยึดร่างของเจ้าจอมให้นั่งอยู่กับที่พร้อมกับโน้มหน้าเข้าหาใกล้จนปลายจมูกแตะกัน

หมับ!!

“อะไร...มารั้งฉันไว้ทำไม เมื่อกี้ยังเห็นอยากให้ฉันรีบกลับจะตายไป” เจ้าจอมบ่น แต่กลับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ร่างแกร่ง ขัดกับรูปประโยคแปลกๆ

“ถ้าคุณจอม...ไม่ได้รังเกียจจริงๆ นอนที่นี่นะครับ” ขอเสียงอ่อน ซึ่งเจ้าจอมจะคิดว่านี่เป็นการออดอ้อนของผู้ชายอย่างจักรก็แล้วกัน

“นอนจริงๆ หรือว่าทำอะไร”

เพราะเจ้าจอมรู้ทันจุดประสงค์ของเขา ก็เลยเลือกตอบออกไปสั้นๆ ก่อนจะประกบริมฝีปากเข้าที่กลีบปากบางอ่อนนุ่มทันทีอย่างเร่าร้อนรุนแรง 

“ไอ้จักร ‘อยาก’ กอดคุณจอม”

ร่างเล็กถูกช้อนขึ้นมาในอ้อมแขนแล้วถูกพาไปยังเตียงนอนที่ไม่ใหญ่มากของผู้เป็นเจ้าของบ้าน...จากนั้นก็เริ่มบรรเลงเพลงรักอันเร่าร้อนขึ้น...





100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

   ไม่ได้อัพเดือนหนึ่ง ขอโทษด้วยนะคะ อ่านต่อในตอนต่อไปเลยค่ะ คราวนี้ลงให้เต็มๆ 2 ตอน โทษฐานที่หายไปเดือนหนึ่งเต็มๆ ค่ะ

   https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 40 50% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 03-04-2017 20:20:24
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 40
อุปสรรคสุดท้าย





“แอ้ แอ้ แอ้”

“อะไรน้องรักษ์ คิดถึงพ่อเหรอครับ คิดถึงเหรอครับ หืม”

ร่างโปร่งบางของหมอหนุ่มสุดหล่อประจำโรงพยาบาลที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามเสมอ ตอนนี้กำลังอุ้มเด็กทารกวัยห้าเดือนกว่าที่เป็นลูกชายของตัวเอง ทั้งคุยเล่นกับลูกชายที่ยืนแขนร้องอ้อแอ้ราวกับดีใจที่ได้เจอคุณพ่อของตัวเอง

มันเป็นภาพที่ตรึงตาตรึงใจขรรค์อย่างบอกไม่ถูก คนรักของขรรค์มีความสุขและดูบริสุทธิ์ที่ได้อยู่กับเด็กน้อยที่ขาวสะอาด ยิ่งทำให้ขรรค์รู้สึกรักเงินมากเข้าไปอีก

“พ่อก็คิดถึงน้องรักษ์น้า คิดถึงมากๆ เลย ไม่งอนพ่อนะครับ เดี๋ยวอีกไม่นานเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้วน้า”

“ทำไมเหรอตาเงิน ลูกจะกลับไปอยู่บ้านกับแม่เหรอ” หญิงอายุห้าสิบต้นๆ มีศักดิ์เป็นแม่ของหมอเงินถามขึ้นมาเรียกความสนใจจากขรรค์และเงินให้หันไปมองทันที

“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ”

“จ้ะ แม่อาบน้ำเสร็จแล้ว” เธอตอบลูกชายยิ้มๆ

คนเป็นแม่ได้เห็นลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ ก็ทำให้เธอมีความสุขมากแล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาเงินจะทำตามในสิ่งที่เธอต้องการตลอด แต่เธอก็ไม่เคยมีความสุขสักครั้ง นั่นก็เป็นเพราะ...ลูกชายเธอไม่เคยมีความสุขเช่นกัน

สร้อยหันมามองขรรค์ที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ด้วยสายตาที่ไม่อาจจะแปลความหมายได้

“ห้องที่จัดให้อยู่ได้ใช่ไหมครับ” ขรรค์ถามเกร็งๆ

“อืม...อยู่ได้ ใหญ่โตและมีครบทุกอย่างดี ไม่น่าเชื่อว่านายจะทำมันได้”

“ขอบคุณครับ”

แม่ของหมอเงินเบือนหน้ามามองลูกชายตัวเองที่ตอนนี้อุ้มลูกชายเดินไปรอบๆ ห้องรับแขกแล้วยิ้มดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของเงิน

ขรรค์นึกย้อนกลับไปตอนที่รู้ว่าแม่ของเงินมาที่รีสอร์ทแบบไม่บอกกล่าวใครกระทั่งลูกชายของตนยังไม่โทรมาบอกก่อนกะจะเซอร์ไพรส์ หารู้ไม่ว่าไม่ได้เซอร์ไพรส์ลูกชายของเธอคนเดียว แต่เซอร์ไพรส์ขรรค์ด้วย เขาไปต้อนรับอย่างประหม่า ไม่กล้าสบตาแต่ก็ทำความเคารพทักทายตามมารยาทที่ควรเป็น

ยิ่งเห็นหน้าของสร้อย ขรรค์ก็ยิ่งได้ยินเสียงประโยคพวกนั้นวนเวียนอยู่ในหัวอีกครั้ง...

ใจสั่นไหว และกลัวกังวลไปหมดว่าการมาครั้งนี้ เขากับเงินจะต้องพรากจากกันแบบตลอดไป

ถ้าเป็นแบบนั้น เขาจะไม่หนีอีก คราวนี้สู้เป็นสู้ ตายเป็นตาย ให้สมกับความเสียสละของเงินที่ทำเพื่อเขา เพื่อเรามาตลอดมาโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรเพื่อเราบ้างเลย...


สร้อยแม่ของเงินเดินทางมาถึงที่รีสอร์ทของรามินทร์เมื่อช่วงเย็นพอดีโดยที่ไม่ได้บอกลูกชายเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะมาวันนี้ โชคดีที่เงินส่งที่อยู่ไปให้ก่อนหน้านี้แล้ว ขรรค์ที่อยู่รีสอร์ทเลยพาแม่ของคนรักมาที่บ้านสวนของตน และต้องยกเลิกคำชวนรับประทานอาหารจากเจ้านายไปเพราะมีแขก

ตอนนั้นคนรักก็ยังไม่ออกเวรอีก จะให้รออยู่ที่นี่แล้วรอไปพร้อมกันก็เสียเวลาเปล่าๆ

โชคดีที่ไม่ต้องนั่งรถคันเดียวกันเพราะขรรค์ขับรถมอเตอร์ไซด์ของลูกน้องนำรถแวนของสร้อยที่มีลูกชายของเงิน คนติดตามอีกหนึ่งคนและคนขับรถหนึ่งคน เมื่อมาถึงสร้อยดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อสายตากับสิ่งที่ตัวเองเห็นสักเท่าไหร่ เพราะมันดูสวยงามและลองตีราคาดูก็ไม่น่าจะใช้เงินน้อยๆ ในการสร้าง

‘บ้านนายจริงๆ เหรอ’ เป็นคำถามที่เหมือนจะดูถูกแต่ขรรค์ก็ชินแล้วล่ะ

‘ครับ บ้านของผมเอง’

‘อืม...’ ชั่วขณะหนึ่ง

‘ผมให้เด็กเตรียมห้องให้คุณสร้อยแล้ว ส่วนพี่คนขับรถกับพี่ที่ติดตามของคุณสร้อย ผมเตรียมห้องไว้อยู่ชั้นล่าง ด้านหลังนะครับ’

‘ขอบใจ ยังไงช่วยหยิบเปลหลังรถมาด้วย ถ้าประกอบเป็นก็ประกอบให้ด้วยนะ จะให้ตารักษ์นอน’

‘ครับ’

ขรรค์ไปยกเปลที่ถูกถอดชิ้นส่วนเก็บไว้มาถือแล้วเป็นคนพาสร้อยที่อุ้มน้องรักษ์อยู่ไปที่ห้องพักแขกด้านบนบ้าน ส่วนคนติดตามกับคนขับรถให้เด็กพาไปยังห้องหลังบ้าน

พอเข้ามาตัวบ้านแล้ว คนที่เคยด่าว่า ดูถูกขรรค์สารพัดถึงกับตะลึงอึ้งค้าง แม่ของคนรักก็ชะงักนิดหนึ่งแต่ก็เดินตามเขามาแต่โดยดี

จากนั้นไม่นานคนรักของเขาก็กลับมา วิ่งเข้ามาในตัวบ้านอย่างเร่งรีบ ไม่ทันได้ทักทายเขาเหมือนอย่างทุกวันเพราะเจ้าตัววิ่งไปไหว้มารดาของตนแล้วเอาตาหนูมาอุ้มในอ้อมแขนด้วยความคิดถึง ก่อนที่เงินจะบอกให้แม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนตัวเองก็ปลุกลูกชายมาเล่นด้วย ขรรค์เห็นแบบนั้นก็คิดเอาไว้แล้วว่าเด็กน้อยจะต้องแผดเสียงร้องไห้ที่โดนขัดการนอน แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น

น้องรักษ์ส่งเสียงแอ้ แอ้ ตามนิสัยเด็กอารมณ์ดี ที่ไม่ค่อยร้องไห้เท่าไหร่ถ้าไม่ได้ป่วย หิว หรือเจออะไรที่ตัวเองกลัว เสียงของน้องรักษ์ทำให้เงินยิ้มกว้างอย่างมีความสุข และไม่เพียงแค่เงินที่สุข เขาเองก็มีความสุขและรู้สึกเอ็นดูน้องรักษ์ไม่ต่างจากที่เป็นลูกเป็นหลานของขรรค์เอง


“แม่หิวหรือยังครับ”

“ก็พอหิวบ้างแล้วล่ะ”

“ขรรค์ อาหารตั้งหรือยังน่ะ” เงินหันมาพูดกับขรรค์เป็นประโยคแรกตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน ร่างสูงใหญ่ยิ้มเบาๆ ให้กับคนรักแล้วเอ่ย

“เดี๋ยวขรรค์ไปดูก่อนนะ”

“ฝากด้วยนะขรรค์”

“ครับ เดี๋ยวมาเรียกนะ”

“ครับ” หมอเงินยิ้มหวานให้ขรรค์ จนขรรค์เดินออกจากห้องรับแขกมาตรงไปที่ห้องครัวเพื่อดูว่าป้าน้อยกับเด็กๆ จะทำอาหารเสร็จหรือยัง…

ที่สำคัญ เขาปล่อยให้สองแม่ลูกได้มีเวลาคุยกันต่างหาก รู้ดีว่าเงินคิดถึงแม่ขนาดไหนและรู้ว่าแม่ของเงินก็คิดถึงลกชายตัวเองขนาดไหน เขาเข้าใจดี แม้ว่าจะไม่เคยมีพ่อแม่มานั่งคิดถึงแบบนี้เหมือนคนอื่นเขาก็ตาม...


“แม่ชอบที่นี่ไหม”

“ก็สวยดี บรรยากาศดี พื้นที่กว้างใหญ่ดี เหมาะกับที่จะให้เด็กมาวิ่งเล่น”

“ครับ...ตอนแรกที่เงินมาหาขรรค์นะ เงินยังไม่รู้หรอกว่าขรรค์สามารถสร้างบ้านในฝันที่เงินอยากจะได้ได้เร็วขนาดนี้ ช่วงเวลาแค่สามปีเองแต่มีเงินสร้างได้ขนาดนี้ มันบ่งบอกได้ดีเลยว่าเจ้าของบ้านทำงานหนักขนาดไหน แม่ว่าไหมครับ ขนาดเงินยังทำไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่เงินมีงานทำที่ดีกว่า มั่นคงกว่าและอาจจะได้เงินเดือนเยอะกว่าด้วยซ้ำ” ระหว่างที่พูดเงินก็ยิ้มไป ดวงตาทอดมองลูกชายในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน

สร้อยคิดตามที่ลูกชายพูด ก็เข้าใจในสัจธรรมทันที...คนที่เคยรวยล้นฟ้า ก็มีวันที่จะร่วงสู่ดินได้ และคนที่จนแสนจน มีแต่คนดูถูกก็อาจจะกลายเป็นเศรษฐีได้ ถ้ามีความอดทน มุมานะ และซื่อสัตย์

บ้านส่วนแห่งนี้เป็นคำตอบได้ดีเลยว่า...ขรรค์ต้องทำงานหนักมากแค่ไหนที่จะทำได้อย่างนี้

“เงิน...แม่มีลูกคนเดียวนะ”

“ครับ เงินก็มีแม่แค่คนเดียวเหมือนกัน”

ประโยคของเงินทำให้เธอคิดอะไรได้หลายอย่าง เธอชอบอ้างกับลูกชายว่าตนมีลูกชายแค่คนเดียว เลยคาดหวังไว้ที่ลูก อยากให้ลูกเป็นอะไร ลูกก็ทำให้ อยากให้เงินแต่งงาน เงินก็แต่ง อยากให้มีลูก เงินก็มีให้ เพราะคำพูดเดียวที่ว่าเธอมีลูกแค่คนเดียวนี่แหละ ที่ทำให้เงินไม่อยากขัดใจ ไม่ใช่ไม่กล้า แต่เขาก็รักแม่มากเกินกว่าที่จะทำร้ายความรู้สึกของท่าน จนลืมนึกในทางกลับกันว่าลูกชายของเธอ ก็มีเธอเป็นแม่แค่คนเดียวเหมือนกัน แต่นอกจากให้กำเนิด เลี้ยงดูลูกมาจนเติบโต เธอยังไม่เคยให้อะไรที่ลูกชายอยากได้เลยแม้แต่น้อย

ลูกอยากเล่นหุ่นยนต์ แต่เธอซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่เป็นของเล่นให้แทน

ลูกอยากอ่านการ์ตูน เธอก็จะซื้อแต่หนังสือการ์ตูนที่เกี่ยวกับเรื่องการเป็นหมอให้กับลูกชายเสมอ

ลูกอยากเล่นกีฬากับเพื่อนตอนเย็นๆ เธอกลับบังคับให้เงินเรียนพิเศษทุกวันหลังเลิกเรียน

ยี่สิบหกปีที่ผ่านมา เธอบังคับ ฝืนใจลูกมาตลอด โดยไม่รู้เลยว่า สิ่งที่เธอคิดว่าทำไปเพราะรักลูก จริงๆ แล้ว สร้อยแค่รักตัวเองมากกว่า...

“แม่อย่าคิดมากเลยครับ เงินรักแม่มาก พระคุณของแม่นั้น ต่อให้ตอบแทนทั้งชีวิตก็ไม่มีวันหมดลงได้ เงินยินดีทำทุกอย่างที่แม่ต้องการ เงินจะมีความสุขหรือไม่มีความสุขก็ช่าง แต่แม่มีความสุขเงินก็ภูมิใจแล้ว” ลูกชายว่า รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าอย่างจริงจัง ไม่ได้ประชดประชันอะไร

“เงินก็รู้...แม่รักเงินมากที่สุด คนเป็นแม่น่ะ อยากเห็นลูกได้ดีกันทุกคนนั่นแหละ แต่ก็ลืมไปว่า การที่ลูกไปได้ดี ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ไม่ได้หมายความว่าลูกจะมีความสุข”

ร่างโปร่งนิ่งไป เพราะไม่คิดว่าผู้เป็นแม่จะพูดแบบนี้ หากแต่เขาก็ยังคงหยอกเล่นกับลูกชายไปด้วย สลับกับสบตาแม่ของเขา

“แม่...ทำร้ายลูกมากเลยสินะ”

“ไม่เลยครับ แม่ไม่ได้ทำร้ายเงิน ถ้าใครสักคนจะเป็นคนที่ทำร้ายเงินนั่นก็คงจะเป็นตัวเงินเอง ที่รักผู้หญิงไม่ได้...เงินผิดเองที่เกิดมาเป็นแบบนี้...เงินผิดที่รักผู้ชายเหมือนกันกับตัวเอง” ต่อว่าตัวเองเสียงสั่นเครือ ดวงตาเศร้าสร้อยแต่ก็ฝืนยิ้มออกมาบางเบาจ้องมองลูกชายเพียงคนเดียวของเขาที่ไม่ได้เกิดจากความรัก แต่ก็รักจนสุดหัวใจ...

พ่อขอโทษนะลูก ขอโทษที่พ่อมีแม่ให้ลูกไม่ได้...แต่พ่อสัญญา พ่อจะเติมเต็มในส่วนของแม่ให้กับลูกเอง หนูไม่มีแม่ แต่ไม่ใช่ว่าแม่จะไม่รักหนู...ขอโทษนะครับ น้องรักษ์ พ่อขอโทษ...

“อาหารพร้อมแล้วครับ” ขรรค์เข้ามาขัดจังหวะสองแม่ลูกโดยไม่รู้ตัว แต่ก็เป็นการดีเพราะตอนนี้ทั้งคู่รู้สึกว่าบรรยากาศมันกำลังอึมครึม หากคุยกันแต่เรื่องที่ผ่านมาก็คงจะหมดสนุกเปล่าๆ

“งั้นเหรอขรรค์...แม่ครับ เราไปทานข้าวเถอะ”

“จ้ะ...”

“คุณเงินคะ มาค่ะ เดี๋ยวพิกุลดูคุณหนูต่อเองค่ะ” คนติดตามที่มีหน้าที่ช่วยแม่ของเงินเลี้ยงน้องรักษ์และเป็นคนสนิทของสร้อย เดินเข้ามาหาร่างโปร่งก่อนจะรับเด็กน้อยมาอุ้มเอาไว้แทน

“สวัสดีครับพี่พิกุล” พอมือว่าง หมอเงินก็ยกมือไหว้ผู้ที่มีอายุมากกว่าทันทีอย่างที่เคยปฏิบัติมาตลอด

“สวัสดีค่ะคุณเงิน”

“ฝากน้องรักษ์ด้วยนะครับ ผมทานข้าวเสร็จจะกลับมาเล่นด้วย”

“ได้ค่ะ คุณหนูคิดถึงคุณพ่อมากๆ เลยรู้ไหมคะ”

“หือ...ห้าเดือนนี่รู้ประสาขนาดนั้นเลย?”

“ได้ความฉลาดมาจากคนเป็นพ่อแน่ๆ เลยค่ะ”

“อ่าๆ พี่พิกุลก็ชอบผมเกินไป แต่ก็ขอบคุณนะครับ”

“ค่า...”

ขรรค์เดินนำสองแม่ลูกไปยังโต๊ะอาหารที่ตอนนี้มีอาหารมากมายจัดวางอยู่บนโต๊ะ เงินเห้นแบบนั้นก็น้ำลายสอ เงยหน้ามองคนทำทันที

“ป้าน้อย น่ากินมากๆ เลยครับ”

“ถ้าน่ากินก็ทานเยอะๆ เลยนะคะ เชิญคุณสร้อยเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะถูกปากหรือเปล่า”

“ดิฉันทานได้หมดแหละค่ะ” สร้อยตอบยิ้มๆ เงินเลื่อนเก้าอี้ข้างๆ ให้กับแม่ของตัวเอง ส่วนขรรค์ก็เลื่อนเก้าอีกให้ป้าน้อยที่วันนี้ขอให้มาร่วมทานอาหารที่โต๊ะด้วย แม่ของเงินจะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองมานั่งเป็นส่วนเกิน เลยจัดให้ครบคู่ดีกว่า แต่มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะป้าน้อยเองก็ร่วมทานอาหารกับขรรค์และเงินบ่อยๆ

ป้าน้อยไม่ใช่แค่ลูกจ้าง แต่เป็นเหมือนผู้ใหญ่ของขรรค์ที่มีอยู่แค่ไม่กี่คน

“อันนี้อร่อยนะครับ ฝีมือป้าน้อยอร่อยอย่างนี้เลย แม่ลองกินดูนะ แล้วจะติดใจ” ร่างโปร่งเอาอกเอาใจมารดาแต่ก็ชมป้าน้อยไปด้วย

“อร่อยจริงๆ ด้วยค่ะ”

“ขอบคุณนะคะ” ป้าน้อยตอบรับคำชมด้วยการขอบคุณกลับไปอย่างจริงใจ ส่วนขรรค์เองก็นั่งนิ่งๆ เพราะโดยปกติแล้วก็ไม่ใช่คนพูดมากอะไร แต่สิ่งที่ขรรค์ทำเป็นปกตินั่นคือ ตักกับข้าวให้คนรักแล้วก็ป้าน้อยที่นั่งข้างๆ

แม้ว่าจะไม่มีเสียงพูดคุยร่วมกับใคร แต่การกระทำของขรรค์อยู่ในสายของทุกคนอยู่ดี...

“ขรรค์จะเอาข้าวเพิ่มไหม ป้าจะไปตักให้” ป้าน้อยถามเจ้านายที่เอ็นดูเหมือนหลาน รู้ดีเลยว่าในทุกๆ เย็นขรรค์จะทานข้าวเยอะกว่ามื้ออื่นๆ

“เดี๋ยวผมลุกตักเองป้าน้อย ป้านั่งกินสบายๆ แบบนี้แหละ ยังไงผมก็อยู่ใกล้หม้อกว่า” ขรรค์บอกก่อนจะลุกขึ้นไปตักข้าวใส่จานตัวเองเพิ่มอีก

“คุณสร้อยจะมาพักกี่วันหรือคะ ป้ากับเด็กๆ จะได้จัดเวลาทำความสะอาดน่ะค่ะ” ป้าน้อยถามขึ้นมา

“ก็ดูก่อนน่ะค่ะ ถ้าติดลมก็น่าจะอยู่นานหน่อย ดิฉันก็ไม่ได้ทำงานอะไร กลับไปก็อยู่แต่ในบ้านน่ะค่ะ”

“น่าเบื่อแย่เลยสินะคะ”

“ไม่เบื่อหรอกค่ะ ดีที่มีหลานเลี้ยง” สร้อยตอบกลับยิ้มๆ

“น้องรักษ์เนี่ย หน้าตาเหมือนหมอเงินมากเลยนะคะ โตมาฉลาดและเก่งเหมือนพ่อแน่ๆ” ป้าน้อยชม เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากสร้อยได้เป็นอย่างดี

“ฮะๆ ก็มีแต่คนพูแบบนั้นเลยค่ะ แต่ต้องรอดูก่อนว่าโตขึ้นมาเขาอยากจะเป็นเหมือนพ่อของเขาไหม”

“ดีแล้วค่ะ จริงๆ แล้วเป็นหมอกันหมดเลยก็ไม่ดีนะคะ ทั้งครอบครัวก็จะรู้แต่เรื่องเดียว ถ้ามีลูกหลานเยอะก็ให้กระจายเรียนไม่เหมือนกันน่ะจะดีกว่านะคะ หากมีปัญหาอะไรเราจะได้ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นมาก” ในฐานะที่ป้าน้อยอายุมากกว่าค่อนข้างมากเลยกล้าพูดแนะนำ บวกกับป้าน้อยเป็นคนมองโลกเป็น เลยทำให้ทุกประโยคมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือ ไม่แปลกใจเลยที่สร้อยจะคิดตาม

จะว่าไปแล้วทางครอบครัวของเราก็เป็นหมอหรือไม่ก็ทำงานในโรงพยาบาลเกือบทั้งหมด ทั้งพ่อของเงินที่ตอนนี้เป็นผอ.เจ้าของโรงพยาบาลเอกชน ญาติพี่น้องก็เป็นหมอ เป็นพยาบาลกันหมดเพราะจะได้ทำงานในโรงพยาบาลของญาติ ไม่ต้องลำบากในการทำงานเท่าไหร่

“ยังไงหรือคะ”

“ดิฉันโชคดีที่มีลูกสามคน แต่ละคนก็ไปกันคนละด้านและประสบความสำเร็จทุกคน คนหนึ่งเป็นทนายความ อีกคนหนึ่งเป็นครูมหา’ลัย และอีกคนก็เป็นผู้จัดการธนาคาร พวกเขามักจะเอาความรู้มาแบ่งปันกันเวลามีปัญหากันน่ะค่ะ”

“ดีจังเลยนะคะ ดิฉันมีลูกชายคนเดียวน่ะค่ะ พอคลอดตาเงินเสร็จมดลูกมีปัญหาเลยทำให้มีลูกไม่ได้อีกเลย แต่โชคดีที่เรามีญาติเยอะ หลานๆ ของสร้อยก็จะเรียนแพทย์ เรียนพยาบาลหมด มันเหมือนกับว่าเป็นอาชีพประจำตระกูลไปแล้วน่ะค่ะ”

“แสดงว่าเป็นค่านิยมที่ผู้ใหญ่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ”

ยิ่งพูดก็ยิ่งจี้ใจดำของสร้อยเหลือเกิน เพราะไม่ว่าป้าน้อยจะพูดอะไรออกมา มันก็ตรงกับสิ่งที่เธอและตระกูลของเธอกับสามีก็เป็นอย่างนั้น

เราปลูกฝังลูกๆ หลานๆ ให้โตมาเป็นหมอ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครที่แหวกแนวออกไป หากแต่ก็น้อยคนนัก เพราะคนส่วนใหญ่ก็ชอบเข้าทำงานโดยใช้เส้นทั้งนั้น

“ค่ะ...ตระกูลของสามีดิฉัน พ่อของตาเงินน่ะค่ะ เป็นเจ้าของโรงพยาบาล... สืบทอดกันมานานแล้ว ก็ต้องเป็นอย่างนั้นต่อไป”

“หมายความว่าหมอเงินก็ต้องกลับไปบริหารโรงพยาบาลสินะคะ” เป็นคำถามที่ขรรค์เองก็อยากจะรู้คำตอบเหมือนกัน ร่างสูงเลยได้แต่นั่งตัวตรง ฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองอย่างหวั่นๆ

“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นค่ะ”

เคล้ง!

มือใหญ่ทำช้อนหลุดมือกระทบจานเสียงดัง เรียกความสนใจจากทุกคนได้ทันที เงินกับป้าน้อยยิ้มให้ส่วนสร้อยก็ได้แต่มองดีสีหน้านิ่งๆ

แม้จะไม่มีความเกลียด ชิงชัง ดูถูกดูแคลนเหมือนแต่ก่อน แต่ความเรียบเฉยและความว่างเปล่าในดวงตาก็ไม่อาจจะทำให้สบายใจได้เท่าไหร่นัก

ยิ่งได้ยินว่าเงินต้องกลับไปบริหารงานที่กรุงเทพอีก...มันก็เลยกลัวไปหมด

“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นค่ะ แต่ดิฉันคุยกับตาเงินไว้นานมากแล้ว ตาเงินชอบที่จะเป็นหมออยู่กับคนไข้มากกว่าที่จะเป็นหมอที่บริหารโรงพยาบาล ฉันกับสามีเลยไม่อยากจะขัดใจตาเงินน่ะค่ะ”

เพราะตอนนี้ทางโรงพยาบาลมีผู้ที่เตรียมสืบทอดอยู่แล้วนั่นก็คือลูกพี่ลูกน้องของหมอเงินที่มีอายุมากกว่าเขาหกปี เป็นแพทย์ชื่อดังและมีความสามารถมากๆ เป็นที่ยอมรับ เป็นคนเก่ง ขนาดที่เงินยังเอาเป็นบุคคลแบบอย่าง

“อย่างนี้นี่เอง ดีแล้วล่ะค่ะ ดิฉันเองก็นึกภาพหมอเงินเป็นเจ้าของโรงพยาบาลไม่ออกเลย แต่ถ้าให้นึกภาพหมอเงินที่กำลังตรวจคนไข้ตามชนบทแบบนี้ดูจะเห็นภาพชัดกว่านะคะ”

“งั้นหรือคะ ดิฉันไม่เคยได้เห็นลูกชายทำงานเท่าไหร่ ตอนอยู่ที่นี่เงินเป็นยังไงบ้างคะ” สร้อยแสดงท่าทางอยากรู้สุดๆ ทำให้ป้าน้อยรู้ได้ทันทีว่าผู้เป็นแม่คงไม่เคยเห็นลูกชายในรูปแบบของหมออาสาสมัคร

เงินจ้องตาคนรักอย่างต้องการปรึกษาว่าสถานการณ์แบบนี้จะเอายังไง ถ้าผู้ใหญ่ยังคุยกันอยู่แบบนี้ เขาสองคนก็ไม่กล้าจะลงมือทานอาหารต่อ หากแต่ขรรค์กับเงินที่ทำงานมาเหนื่อยๆ ก็อยากจะทานอาหารให้เต็มที่กับพลังงานที่เสียไป เห็นอาหารน่ากินก็ตาลุกวาว แต่ต้องมาสะดุดกับสร้อยและป้าน้อยนี่สิ







มีต่อ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 40 100% => (4/03/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 03-04-2017 20:21:36
ตอนที่ 40 ครึ่งหลัง




เอาไงดี... เงินพยักเพยิดหน้าทาทางแม่ของตนกับป้าน้อยให้ขรรค์อ่านการกระทำว่าเงินต้องการอะไร หากแต่ร่างแกร่งก็ทำเป็นถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเบา

ไม่รู้

“ป้าน้อย แม่ครับ ตอนนี้กินข้าวให้เสร็จก่อนดีกว่านะครับ เวลาคุยกันยังมีอีกเยอะเลย พรุ่งนี้แม่ค่อยคุยต่อนะ” เงินเลือกที่จะขัดคอของทั้งคู่ดีกว่าเพราะดูท่าทางแล้วว่าจะไม่จบง่ายๆ เพราะเรื่องของเขาจบก็ถามนั่น พูดนี่ไปเรื่อยๆ อย่างสถานที่ท่องเที่ยว ในละแวกนี้มีอะไร บลาๆ

“จริงสินะ พรุ่งนี้พี่น้อยมาคุยกับสร้อยอีกนะคะ”

“พี่มาอยู่แล้วค่ะ มาเตรียมอาหารให้กับขรรค์กับหมอเงินเขา”

พูดคุยจนแทนตัวกันอย่างสนิทสนมไปแล้ว...

“กินข้าวต่อเถอะครับ เงินหิวมากๆ เลยตอนนี้”

“ตายจริง!” สร้อยอุทานเอามือทาบอก “แม่ขอโทษนะลูก เอาล่ะๆ กินต่อค่ะ”

จากนั้นทั้งสี่คนก็เริ่มทานอาหารต่อ มีพูดคุยบ้างเล็กน้อยไม่ทำให้โต๊ะอาหารเงียบ ซึ่งร่างโปร่งกับขรรค์ก็ได้แต่ยิ้มๆ ที่อย่างน้อยสร้อยก็เข้ากับป้าน้อยได้ดี

เข้าใจแล้วว่า เงินได้นิสัยอัธยาศัยดีมาจากใคร ได้มาจากแม่นี่เอง ขรรค์คิดแล้วก็นั่งยิ้มอยู่คนเดียว

แค่ไม่ได้ยินคำพูดครหาดูถูก ดูแคลนเหมือนเมื่อสามปีที่แล้ว มันก็เริ่มที่จะทำให้ขรรค์มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไปแล้ว ไม่ว่าแม่ของเงินจะมาเที่ยวโดยมีวัตถุประสงค์แอบแฝงหรือไม่มีก็ตาม

ขรรค์พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองและจับมือพาคนรักผ่าน ‘อุปสรรค’ สุดท้ายไปให้ได้


“เงินไม่อยากไปนอนกับลูกหรือ?” ขรรค์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหมอหนุ่มคนรักขึ้นมานอนบนเตียงโดยที่ปิดไฟเรียบร้อยจนมีแค่ไฟตรงหัวเตียงส่องสว่างเท่านั้น

“อยากสิ...แต่เงินเพลีย กลัวดูแลลูกได้ไม่ดีถ้าน้องรักษ์งอแงกลางดึก ให้นอนกับคุณแม่นั่นแหละดีแล้ว ขรรค์เองก็รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่หรือ”

“อือ...แต่ขรรค์ยังไม่ง่วงหรอก”

“ทำไมล่ะ กังวลเรื่องแม่เหรอ” เงินถามอย่างรู้ทัน

“ครับ...ขรรค์แค่กลัวว่าคุณสร้อยจะไม่ยอมอีก”

“สบายใจได้เลยนะขรรค์ แม่ยังยอมรับได้ไม่เต็มร้อยก็จริงแต่ท่านไม่ได้มาขัดขวางเราหรอกนะ เพราะเงินทำตามเงื่อนไขหมดทุกอย่างแล้ว...ตอนนี้เงินทำตามที่ตัวเองคิดและอยากได้แล้ว”

“แต่เงินจะแน่ใจได้ยังไงว่าแม่ของเงินจะไม่รู้สึกเสียใจ”

“อืม...มั่นใจสิ ท่านก็แค่ทิฐิน่ะ ก็จริงที่ยังไม่ยอมรับเราเต็มร้อย แต่ท่านก็ไม่คิดจะทำอะไรให้เงินไม่มีความสุขแล้วล่ะ แม่รักเงินมาก ขรรค์ก็รู้ใช่ไหม”

“รู้สิ...ไม่งั้นท่านคงไม่มาบังคับให้คนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างขรรค์ออกไปจากชีวิตเงินหรอก ที่สำคัญรักของเรามันไม่ปกติ เพราะเราเป็นผู้ชายทั้งคู่ เรื่องแบบนี้ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจะกล้าเชิดหน้าชูตาได้หรอกนะ”

“มันก็จริงนั่นแหละขรรค์ แต่ว่าเราจะใช้ชีวิตที่ต้องคอยระแวงสายตาของคนอื่นไม่ได้นะขรรค์ ชีวิตมันเป็นของเราก็ต้องเป็นเราที่เลือกเอง และทุกวันนี้ทุกอย่างมันเปิดกว้างมากแล้วนะ รักของผู้ชายกับผู้ชายเงินก็เห็นเขาทำหนังทำละครเยอะแยะไป จากที่แต่ก่อนนะ ไม่มีเลยด้วยซ้ำ”

“ทำไมถึงมาพูดเรื่องหนังได้ล่ะเงิน”

“ฮ่าๆ แค่อยากจะยกตัวอย่างเฉยๆ น่ะ แล้วมันจริงไหมล่ะ ขนาดเงินประกาศทั้งโรงพยาบาล ก็ยังไม่เห็นจะมีใครพูดถึงเราในทางที่ไม่ดีเลย”

“เงินนี่น้า เป็นคนที่ชอบทำอะไรไม่ปรึกษาขรรค์เลย”

“ก็ถ้าเงินปรึกษา ขรรค์จะยอมให้เงินทำในสิ่งที่เงินอยากทำไหมล่ะ เอาเถอะน่า เงินมีวุฒิภาวะมากกว่าขรรค์ รู้ดีว่าอะไรทำแล้วดีอะไรทำแล้วมีผลเสีย”

“จะเอาอายุที่มากกว่ามาข่มขรรค์เหรอ”

“ไม่ได้ข่มสักหน่อย แค่บอกว่าเงินมีความคิด จะยี่สิบเจ็ดแล้วนะขรรค์ วัยนี้คงจะไม่ทำอะไรให้มันผิดพลาดอีกแล้วล่ะ” ร่างโปร่งที่นอนอยู่ข้างๆ กับขรรค์พูดเสียงเบา

“ตั้งแต่รู้จักกับเงินมาสิบปีกว่า ขรรค์ยังไม่เคยเห็นว่าเงินจะทำอะไรผิดพลาดเลยสักครั้ง เห็นจะมีก็แต่ขรรค์เองแหละที่เป็นคนทำผิด ทำพลาดมาทั้งหมด”

“อย่ารื้อฟื้นเลยขรรค์ ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว พูดขึ้นมาตอนนี้ก็แก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ขรรค์ก็เก็บเอาไว้เตือนใจว่าไม่ให้ไปผิดพลาดซ้ำสองอีกก็พอ”

เงินพลิกกายเข้าหาคนรักที่นอนตะแคงมาหาเงินอยู่ก่อนแล้วทันที เราสองคนสบตาผ่านความมืดที่มีแสงไฟจากโคมไฟอันน้อยนิด

“ขรรค์คิดย้อนกลับไปก็เจ็บใจ ที่ปล่อยให้เงินต่อสู้อยู่คนเดียวตั้งสามปี”

ขรรค์เผยความเจ็บปวดออกมาทางดวงตา จนคนรักต้องเอื้อมมือมาลูบศีรษะของขรรค์อย่างปลอบใจ พร้อมๆ กับพึมพำบอกว่าไม่เป็นไรซ้ำๆ

“ขรรค์มันเป็นคนเห็นแก่ตัวจริงๆ ขี้ขลาด และยิ่งต้องให้เงินเป็นฝ่ายมาขอดทา มาง้อก่อนแล้ว ขรรค์ก็ยิ่งละลายใจตัวเอง ว่าทำไมขรรค์ถึงได้ทำให้เงินเจ็บซ้ำๆ ซากอยู่แบบนั้น” เสียงของขรรค์สั่นเครือราวกับกำลังจะอดกลั้นความเสียใจเอาไว้ไม่ไหว

“เงินไม่เป็นไร เพราะเงินใช้ชีวิตอย่างมั่นใจว่าขรรค์ไม่มีทางเลิกรักเงิน เงินจะบอกตัวเองตลอดสามปีว่าขรรค์จะไม่ลืมเงิน ขรรค์ยังคงรักเงิน”

“ขรรค์ขอโทษ...ตลอดเวลาที่ขรรค์หนีออกมา ขรรค์ไม่เคยลืม ไม่เคยไม่รักเงิน ขรรค์ยังรักเงินอยู่ตลอดเวลาและยังคาดหวังว่าเราสองคนจะได้เจอกันอีก ใครต่อใครที่เข้ามา ขรรค์ก็ไม่เคยคิดที่จะตัดใจจากเงินแล้วเริ่มใหม่กับคนอื่นเลยนะ เพราะตัวเองสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้ว ว่าถ้าชาตินี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ขรรค์ก็จะไม่ขอมีใครไปตลอดชีวิต”

หมอเงินได้ยินคำสารภาพที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ความจริงจังก็น้ำตารื้นอย่างปิติยินดี เขารู้ว่าเรารักกันมากกว่าเกินกว่าที่จะตัดใจจากกันได้

เวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา มันไม่ใช่น้อยๆ การจะลืมคนที่เรารักมากที่สุดมันไม่มีทางทำได้ง่ายๆ

“ขรรค์ขอโทษนะเงิน ขอโทษที่ไล่เงิน ขอโทษที่ปฏิเสธเงิน ถ้าเงินไม่กระโดดน้ำวันนั้น ขรรค์ก็ยังตัดสินใจที่จะไม่จับมือเริ่มต้นใหม่กับเงิน แต่ขรรค์ทนเห็นเงินเสียใจอีกไม่ได้แล้ว”

เขาไม่อยากจะเห็นน้ำตาของคนๆ นี้อีกแล้ว

เขาไม่อยากให้คนๆ นี้เจ็บปวด เสียใจอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร แค่ขรรค์ไม่เคยเลิกรักเงินเลยสักวินาทีเดียวเงินก็ดีใจแล้ว” เงินพูดตอบเสียงอ่อนโยน ไม่มีเค้าความไม่พอใจเลย

ต่อให้ขรรค์จะทำให้เงินรู้สึกผิดหวังกี่ครั้ง...

เงินก็ไม่เคยโกรธหรือโทษเขาเลยสักครั้ง...

“ทำไมเงินถึงไม่เคยโกรธอะไรขรรค์แบบจริงจังสักครั้งล่ะ” ขรรค์ถามเสียงอ่อนโยน เรียกเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ จากหม่อหนุ่ม

“ถ้าการโกรธแล้วมันทำให้เรามึนตึงใส่กัน ไม่พูดกัน แล้วต้องเสียเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันไปทำไม เงินไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นหรอก” ร่างผอมตอบกลับไป

ไม่มีคำไหนที่จะตอบแทนและสื่อถึงอีกคนได้เท่ากับคำๆ นี้...

“ขรรค์รักเงินนะ”

จุ๊บ!

คนตัวใหญ่บอกรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนก่อนจะจูบหน้าผากของเงินเบาๆ และเป็นการบอกฝันดีไปในตัวอีกด้วย...

“เงินก็รักขรรค์ ฝันดีนะ”

“ครับ…”

มือแกร่งเอื้อมไปปิดไฟบนหัวเตียงแล้วกลับมานอนสวมกอดเงินเอาไว้ในอ้อมแขนเหมือนที่ทำทุกวัน นอกจากจะเป็นการมอบความรักให้กันและกันแล้ว มันยังเป็นการตอกย้ำ ว่าวันนี้เราอยู่ด้วยกัน…

และมันจะอยู่แบบนี้...ตลอดไป

...

...

...


ทางด้านรีสอร์ทของรามินทร์ ในบ้านพักส่วนตัวของเจ้าของรีสอร์ทเดินเล่นอยู่ด้านนอกหน้าบ้านพักของตนที่มีน้ำตกยามค่ำคืนให้ชม หากก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับร่างโปร่งบางของอินทัชที่กำลังยืนกอดอกอยู่บนโขดหิน ดวงตาเหม่อมองท้องฟ้านิ่งๆ

อินทัชไม่รับรู้อะไรเลย แม้แต่รามินทร์ที่เดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง...

“ทำไมไม่นอน” เสียงทุ้มเปล่งออกไป ทำให้เจ้าของร่างตรงหน้าสะดุ้งด้วยความตกใจที่มีคนมาหยุดอยู่ด้านหลังโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะมัวแต่เหม่อมองท้องฟ้า

“กูนอนไม่หลับ”

“ทำไมนอนไม่หลับ”

“ก็มีอะไรให้คิดนิดหน่อย”

“มึงคิดอะไรอยู่” ร่างสูงกว่าเดินไปยืนข้างๆ กับร่างสูงผอมที่แม้ว่าจะเตี้ยกว่าเขาแต่ก็สูงกว่ามาตรฐานของผู้ชายไทยอยู่ดี

ตัวก็ผอม เอวก็คอด หน้าท้องก็แบนราบ...

เผลอคิดถึงเรือนร่างของอินทัชที่เขาเคยเห็นมาแล้วด้วยความรู้สึกโหยหาและต้องการ หากแต่ก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องร่างกายนี้ ถ้าเจ้าของไม่อนุญาต

และอินทัชเองก็ไม่อยากจะฝืนใจของอินทัชให้เรื่องระหว่างเรามันแย่ไปกว่านี้แน่ๆ

อดทนเว้ยราม อดทน...อินมันไม่ใช่คนใจแข็ง เพียงแต่มันเป็นคนที่อดทนเก่งมาก และตอนนี้ มันก็แค่อดทนไม่ให้ใจอ่อนกับมึงเท่านั้น

ถ้าทำลายกำแพงนั่นได้ มันจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับรามินทร์มาก

“กูจำเป็นต้องตอบมึงหรือเปล่า?”

“มึงอยากบอกมึงก็บอก แต่ถ้าไม่อยาก กูก็จะไม่อยากรู้แทนเอง”

“งั้นกูเลือกอย่างที่สองก็แล้วกัน”

“หึหึ...วันนี้เป็นยังไงบ้าง” รามินทร์ถามถึงตลอดทั้งวันที่เราสองคนไปเดินเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ของจังหวัดมา แม้ว่าจะไปได้ไม่กี่ที่แต่เขาก็พยายามที่จะทำให้บรรยากาศมันเต็มไปด้วยความทรงจำที่ดีระว่างเรา แต่อินทัชกลับปิดกั้น ไม่สนุกไปด้วย เดินตามนิ่งๆ เงียบๆ ไม่พูดไม่จาก จนรามินทร์แทบจะท้อแท้ หากแต่ว่ามันก็เป็นเพียงการเริ่มต้น

ยังเหลืออีกสองวัน...

วันนี้ไม่ได้อะไรก็จริง แต่อีกสองวันมันต้องดีกว่านี้ มันต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่านี้...เขาไม่อยากผิดหวังจากอินทัช เพราะรู้ดีว่าถ้าเขาผิดหวังคราวนี้

มันจะรู้สึกเจ็บปวดเจียนตายจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเลยก็ได้ รามินทร์เป็นคนจริงใจ รักใครก็ทุ่มไปเต็มที่ แต่กับอินทัช เขารู้สึกว่ากลับสามารถให้ได้มากกว่าคนอื่นๆ ที่เขาเคยรักมา รู้สึกต่างจากคนอื่นแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน...มันเป้นความรัก ที่มีอย่างอื่นในความรู้สึกที่ไม่ใช่รักอย่างเดียว...

“ก็ไม่เป็นไง”

“ทำไมตอบสั้นๆ แบบนี้ล่ะ”

“ก็ไม่รู้จะตอบให้ยาวยังไงนี่”

“ถามจริงๆ มึงไม่สนุกเลยสักนิดหรือ ไม่รู้สึกว่ามันมีความสุขบ้างเหรอ? มึงรู้สึกเฉยๆ เหมือนกับที่มึงแสดงออกผ่านทางสีหน้าและท่าทางจริงๆ หรือเปล่า”

รามินทร์บังคับร่างของอินทัชให้หันมาเผชิญหน้ากันก่อนที่ตัวเองจะถามคำถามพวกนั้นไปอีกครั้งด้วยสีหน้าที่จริงจัง และคาดหวังกับคำตอบสุดๆ

อินทัชใจเต้นแรง...แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร มองสบตาคมอย่างแน่นแน่ ไม่หวั่นกลัวอะไรทั้งนั้น

“จะให้กูตอบว่ายังไงล่ะ ก็กูไม่ได้รู้สึกอะไร กูรู้สึกเฉยๆ รู้สึกเสียเวลามาก”

อินทัชอยากจะตอบให้มันถนอมน้ำใจนะ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ เราสองคนจะตัดกันไม่ขาด...ไม่สิ...เขาเองนั่นแหละที่จะตัดรามินทร์ออกจากชีวิตไม่ได้

รามินทร์พยายามทำทุกอย่างให้อินทัชได้มีความทรงจำที่ดีกลับไป แต่อินทัชกลับทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ทำให้เราทั้งคู่ถลำลึกไปมากกว่านี้

จากตอนแรกที่คิดว่าจะทำได้ ทนได้...ก็รู้สึกเหมือนว่ากำแพงในใจของเขานั่นสั่นคลอนขึ้นทุกที และสักวันมันมันจะต้องทลายลงมาจนรามินทร์เข้ามาอยู่ในใจของเขาเต็มตัวใจแน่ๆ

“ไม่เป็นไร” ไม่รู้ว่าบอกตัวเองหรือว่าตอบอินทัชกลับไปกันแน่

“พรุ่งนี้เอาใหม่...กูไม่เชื่อว่ามึงจะไม่รู้สึกอะไรเลย”

“จะมารู้ดีกว่าใจกูได้ยังไง”

“ใช่...ใจของเรา ก็ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเราเองหรอก แต่มึงอย่าลืมสิอิน...คนเราน่ะ ปากไม่ตรงกับใจ บางทีคิดแบบหนึ่งก็พูดอีกแบบหนึ่งก็ได้นี่”

“แต่ไม่ใช่กับกู!!” อินทัชสวนกลับเสียงดัง หากแต่รามินทร์ทำได้แค่หัวเราะเบาๆ แล้วยิ้มน้อยๆ ออกมาเท่านั้น ต่อให้อินทัชมันจะเก่งมากขนาดไหน ก็ไม่มีใครปิดบัง ปิดซ่อนมันเอาไว้ได้ตลอดเวลาหรอก

อย่างตอนนี้ไง...

“ตามึงกำลังบอกอะไรบางอย่างกับกู”

“บอกอะไร!”

“ก็บอกว่ามึงโกหกไง ที่บอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยกับวันนี้ที่เราไปกัน”

“หลงตัวเองจริงๆ เลยนะ” เบะปากอย่างหมั่นไส้ใส่คนตัวสูงกว่า พร้อมกับหันหน้าหนีไปยังทางน้ำตกคืนอีกด้วย ที่ทำแบบนั้นไม่ใช่ว่ากลัวรามินทร์

แต่กลัวว่าดวงตาของเขา มันจะเผยอะไรออกไปอีกต่างหาก...

“กูคิดเข้าข้างตัวเองแล้วกูมีความสุข กูมีความหวัง”

“กูบอกแล้วไง” ร่างโปร่งหันกลับมาสบตาคมอย่างเดิมเมื่อควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว...ความเย็นชาในดวงตาเสียดแทงหัวใจจนรู้สึกล้มทั้งยืน

“ต่อให้มึงจะบอกกูกี่ครั้ง กี่หนก็ตาม...ก็ไม่มีวันทำให้กูรู้สึกหมดหวังได้หรอก มันยังมีเวลาอีกสองวันอิน มึงอย่าเพิ่งด่วนสรุปตัดสินกูดีกว่า ไม่แน่...มันอาจจะเป็นไปอย่างที่กูต้องการก็ได้”

อินทัชนิ่งอึ้ง เพราะไม่เข้าใจว่าคนตัวใหญ่ไปเอากำลังมาจากไหน จะต้องคิดแบบไหนที่จะมองเขาด้วยสายตามุ่งมั่น แน่วแน่โดยไม่มีความรู้สึกหวั่นไหว หวาดกลัวในดวงตาเลยสักนิด...

น่ากลัว...

“มึงมัน...” ร่างโปร่งพูดไม่ออก ก็เลยหมุนตัวหนีเพื่อที่จะเดินกลับไปยังบ้านพักคืน หากแต่กลับโดนรั้งแขนเอาไว้อย่างแน่นหนา อินทัชก็เลยหยุดอยู่ด้วยท่านั้น ไม่หันไปมอง ไม่หันไปสนใจ

“มึงบอกให้กูเตรียมใจ...มึงเองก็เตรียมตัวด้วยก็แล้วกัน เพราะตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป กูจะรุกมึงแบบไม่ให้มึงมีเวลาปั้นสีหน้า ระงับอารมณ์แน่นอน...”

“พูดจบยัง” ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่ดวงตาที่รามินทร์ไม่สามารถมองเห็นได้กำลังสั่นคลอนอย่างน่ากลัว...

รามมันน่ากลัวเกินไป เราคิดตื้นไป

“หมดแล้ว”

“ถ้างั้นก็ปล่อย...จะไปนอน”

“อืม...ฝันดีนะ” รามินทร์ปล่อยแขนเล็กแล้วมองแผ่นหลังบางที่เดินหนีไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและโหยหา...อยากจะโอบกอด อยากจะบอกรัก...

แม้อยู่ใกล้ แต่ก็เอื้อมไม่ถึง...




100%

 :ling2: :ling2: :ling2: :ling2:

ติดตามตอนต่อไปต่ออาทิตย์หน้านะคะ

ขอโทษที่ไม่ลงเรื่องนี้เลย แต่ยังไงอ่านแล้วก็เม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ อย่าหนีหายกันไปเลย อัพช้าบ้างแต่ไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ ยูกิลงจนจบแน่ๆ ค่ะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 39+40 100% => (3/04/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 03-04-2017 20:40:04
 :z3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 39+40 100% => (3/04/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-04-2017 20:59:40
อื้อหืออออ เอาเว้ยยย
ใครจะเซไปก่อนกัน
คนที่รุกเต็มที่อย่างราม
หรือคนที่วิ่งหนีเต็มที่อย่างอิน
#ตอนนี้โฟกัสรามอินทร์ จนขรรค์เงิน จักรจอมหลุดออกจากเราไปเลยอะ 55+
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 39+40 100% => (3/04/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 03-04-2017 21:05:29
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 39+40 100% => (3/04/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 03-04-2017 21:42:44
เศร้าไปอีกคู่อื่นลงตัวไปหมดแล้วนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 39+40 100% => (3/04/60) P.23 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-04-2017 01:09:33
 :hao7:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 50% => (15/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 15-04-2017 22:19:12
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 41
ความจริงที่ต้องยอมรับ






รุ่งเช้าวันต่อมา อินทัชตื่นขึ้นมาสูดอากาศในยามเช้าแทนที่จะตื่นมาทำงานเหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะทำ และไม่ควรจะทำตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ อินทัชเดินไปเรื่อยๆ บรรยากาศของรีสอร์ทที่นี่มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ทุกที่มีดอกไม้ ต้นไม้ หญ้า เขียวชอุ่มทั่วรีสอร์ท ยิ่งในตอนเช้าถ้าได้ออกมาเดินเล่นแบบนี้จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่งมาก เพราะธรรมชาติทำให้อินทัชรู้สึกสดชื่น

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณอิน” คนงานที่เดินผ่านเขาทักทายอย่างสุภาพ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเรียกไอ้ด้วยซ้ำเวลาจะใช้งานเขา แต่ดูเหมือนว่าเรื่องที่รามินทร์คุกเข่ากอดขาแล้วร้องไห้รั้งเขาเอาไว้จะกระจายไปทั่วทั้งรีสอร์ท จนไปถึงหูคนข้างนอกแล้วเรียบร้อย

ไม่แปลกอะไรที่พวกคนงานจะให้ความเคารพอินทัช เพราะขนาดเจ้านายของพวกคนงานยังนั่งลงกอดขาอินทัชเลย...แล้วคนงานอย่างพวกเขาจะกล้าหือกับอินทัชหรือไง ใครที่เคยเรียกไอ้ เคยด่า เคยจิกหัวใช้ก็เปลี่ยนท่าทีกับอินทัชหมด แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่อินทัชจะต้องรู้สึกแปลกๆ อะไร

ที่ผ่านมาเขาก็มักจะได้รับความเคารพมาโดยตลอด จากลูกน้อง พนักงานในบริษัท

“อรุณสวัสดิ์ นี่กำลังจะไปไหนเหรอ?” ทักทายและสอบถามอย่างจริงใจ อินทัชแยกแยะออกว่าลูกน้อง คนงานของรามินทร์ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย ที่โดนด่า โดนใช้ ต้นเหตุก็มาจากเจ้านายทั้งนั้น พวกเขาก็ทำไปตามหน้าที่โดนสั่งมา

“ไปรดน้ำต้นไม้ครับ แล้วคุณอินจะเดินไปไหนครับ”

“ผมมาเดินเล่นน่ะ อากาศมันดี ที่ผ่านมามัวแต่ตื่นมาทำแต่งาน เลยไม่ได้มาเดินสบายๆ แบบนี้เลย” อินทัชตอบพลางส่งยิ้มหวานให้กับคนงานที่ยืนคุยกับเขาอยู่ เล่นทำเอาชายคนนั้นถึงกับยิ้มดีใจที่อินทัชยังเป็นกันเองกับตนอยู่

แม้ว่าเรื่องสาเหตุการจับตัวอินทัชมาจะเป็นความลับอยู่ แต่ทุกคนก็เข้าใจเอาเองว่ารามินทร์เข้าใจผิดว่าอินทัชมีชู้ พอรู้ความจริงก็เลยเสียใจ ร้องอ้อนวอนไม่ให้อินทัชไป ร่างโปร่งเองก็ไม่อยากจะแก้ข่าวอะไรด้วย อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้รามินทร์หมดความศรัทธาจากลูกน้อง

อยากจะเข้าใจยังไงก็ปล่อยไป เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่ที่นี่ และจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก

“ครับ อากาศตอนเช้าที่นี่ดีมากๆ เลย เวลาลูกค้ามาเที่ยว มาเข้าพักถ้าไม่ตื่นมาตอนเช้าก็จะพลาดบรรยากาศดีๆ แบบนี้ด้วยครับ”

“ผมก็คิดแบบนั้นครับ ยังไงไม่รบกวนเวลางานของพี่ดีกว่า ผมจะไปเดินต่ออีกหน่อย”

“ครับ ถ้ามีอะไรจะเรียกใช้ก็เรียกได้เลยนะครับ”

“ขอบคุณครับ” อินทัชยิ้มให้ ทำเอาคนงานคนนั้นถึงกับยิ้มอย่างดีใจที่ทำให้อินทัชยิ้มให้

เพราะความเข้าใจผิดคิดว่าอินทัชเป็นคนรักของรามินทร์ ก็อยากจะทำให้ผู้เป็นเหมือน ‘เจ้านาย’ อีกคนพึงพอใจมากที่สุด ไม่แน่ว่าอาจจะได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้รับรางวัล...

ร่างสูงผอมเดินไปสูดอากาศยามเช้าต่อ จนเจอเข้ากับเพื่อนตัวสูงของเขาที่ตอนนี้กำลังยืนเหม่ออยู่ จนอินทัชต้องแอบยืนสังเกตท่าทางไปก่อน จักรมองไปบนฟ้า ดูด้านข้างอินทัชก็รับรู้ได้ว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกเศร้ามากขนาดไหน มันต้องมีเรื่องอะไรที่ไม่บอกเขาแน่ๆ

“จักร...”

“ไอ้อิน มาตั้งแต่ตอนไหนวะ” จักรหันมาถามอินทัช

“นานแล้ว นานพอที่จะเห็นมึงยืนทำหน้าเศร้า ถอนหายใจเป็นร้อยครั้งนั่นแหละ มีเรื่องอะไร เล่ามา แล้วห้ามสะเออะโง่โกหกกูว่าไม่มีอะไร เพราะสีหน้ามึงมันออกทุกอย่าง” อินทัชบังคับแล้วก็พูดดักร่างสูงกว่าทุกทาง ทำเอาจักรทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลบสายตาของอินทัชที่มาถึงก็ซักเอาซักเอา

“อย่าเงียบหนีดิวะ เกี่ยวกับน้องจอมหรือไง”

“อือ...ประมาณนั้น”

“ทำไม? น้องจอมไม่รับรักมึง?”

“เปล่า? คุณจอมกับกูเราคบกันแล้ว”

อินทัชยิ้มออกมาที่ได้ยินแบบนี้ แต่จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้สังเกตเรื่องของชาวบ้านเขาหรอก มัวแต่เอาตัวเองให้รอดอยู่...

“แล้วอะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้มึงมายืนเศร้าอยู่ตรงนี้”

“เอ่อ...คือ”

“กูช่วยมึงได้ทุกอย่าง มึงก็รู้นี่ เพราะฉะนั้นก็ว่ามา” ร่างโปร่งกอดอกทำหน้าเรียบนิ่ง รอฟังเพื่อนสารภาพออกมา แต่จักรเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดนักเลยคิดจะเปิดเผยกับเพื่อนคนนี้ดีกว่า อย่างน้อยเขาก็อาจจะมีทางออกอื่น

“อิน...กูแอบไปได้ยินคุณจอมคุยโทรศัพท์กับพ่อของเขา ทะเลาะกันด้วยนะมึง แล้วก็มีชื่อกูในการสนทนานั่นด้วย” อินทัชทำท่าทางสนอกสนใจขึ้นมาทันที เลยถามต่อว่า

“น้องจอมพูดแบบไหน”

“คุณจอมพูดประมาณว่า ยังไงก็จะคบกับกู ถึงกูจะจน แต่อยู่กับกูแล้วคุณจอมมีความสุข แล้วจากนั้นคุณจอมก็โมโหใส่พ่อ ก่อนจะตัดสายไปว่ะ”

“อืม...” อินทัชลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด “กูคิดว่า...พ่อของน้องจอมต้องไม่ยอมให้มึงคบกับน้องจอมแน่ๆ”

“กูรู้ มึง...กูไม่ได้โง่ขนาดนั้น”

“รู้เว้ย แค่สันนิษฐานข้อแรกก่อน แล้วมึงรู้ไหมว่าสาเหตุที่พ่อของน้องจอมไม่ยอมให้มึงคบกันเพราะอะไร” จักรส่ายหน้าเป็นคำตอบ ทำเอาอินทัชถึงกับถอนหายใจอย่างหน่ายใจ

“ก็กูไม่รู้ มึงอย่าทำเป็นเบื่อกูได้ไหม”

“จากที่กูฟังที่มึงบอกเมื่อกี้นะ ในกรณีที่พ่อแม่ไม่ยอมให้คบกันคือ หนึ่ง...เป็นเพศเดียวกัน สอง...คนที่ลูกคบด้วยจนกว่า สาม...ไม่ดีพอสำหรับลูกของเขา สำหรับน้องจอมตัดข้อแรกออกได้เลย พ่อกับแม่ต้องรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าลูกชายไม่ได้ชอบผู้หญิง บังคับยังไงก็บังคับไม่ได้แน่ๆ แล้วจากที่มึงบอกว่าน้องจอมพูดกับพ่อว่า ถึงมึงจะจน แต่เขาก็มีความสุขใช่ไหม นั่นก็น่าจะเป็นข้อสองกับข้อสาม...พ่อของน้องจอมไม่อยากให้มึงคบกับน้องจอมเพราะว่ามึงจน ไม่มีอะไรเหมาะสมกับน้องจอม...”

จักรไม่มีอารมณ์มาชื่นชมความฉลาดของอินทัชหรอก เพราะสิ่งที่อินทัชพูดออกมามันก็ถูกหมดทุกอย่าง เขาไม่มีอะไรดี ไม่มีอะไรคู่ควรกับเจ้าจอม...ในภายภาคหน้าก็จะพาเจ้าจอมไปลำบากกับตัวเองเปล่าๆ คิดแล้วเจ็บใจที่ฟ้าต้องกลั่นแกล้งให้เขามารักเจ้าจอมด้วย ทำไมต้องให้เจ้าจอมเกิดมาสูงส่งกว่าเขาด้วย

“มึงจะทำหน้าเศร้าไปทำไม หรือว่ามึงคิดถอดใจจะปล่อยมือน้องจอม?” อินทัชเลิกคิ้วถาม หากแต่ร่างสูงกว่ากลับไม่ตอบแต่เสหน้าหนีไม่สู้สายตา นั่นทำเอาอินทัชถึงกับโกรธขึ้นหน้า ตบเข้าที่ศีรษะของเพื่อนแรงๆ

“โอ๊ย!! กูเจ็บนะไอ้อิน”

“อย่าขี้ขลาดนะไอ้จักร อย่าทำให้น้องจอมเสียใจ ผิดหวังที่เลือกฝากชีวิตไว้กับมึง มึงอย่าขี้ขลาดเหมือนไอ้ขรรค์ที่มันหนีหมอเงินมาสามปีนะ” ยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่จักรรู้เรื่องของขรรค์เจ้านายที่อายุน้อยกว่าตนกับคนรักอย่างหมอเงิน

“ไอ้ขรรค์? หนีหมอเงิน”

“เออ!! มันหนีปัญหาเพราะแม่ของหมอเงินไม่ยอมรับให้พวกเขาสองคนรักกัน บังคับให้หมอเงินแต่งงานกับผู้หญิงอื่น มันก็เลยไม่คิดจะสู้หนี หมอเงินมาอยู่ที่นี่ไง กูเตือนมึงไว้เลยนะว่าอย่าทำแบบมัน มันไม่ใช่สิ่งที่ลูกผู้ชายควรจะทำ ถ้าปัญหาของมึงก็คือมึงจน มึงก็แค่ทำยังไงก็ได้ให้มึงรวย แค่นั้น...”

“มึงก็พูดง่ายนี่ มึงมันรวยมาตั้งแต่เกิด มึงไม่ต้องดิ้นรนหาเงินเหมือนกูไงอิน มึงแค่อยู่เฉยๆ มึงก็มีใช้ไปทั้งชาติแล้ว” จักรเถียงกลับไปด้วยความโกรธ มองใบหน้าสวยของเพื่อนที่ตอนนี้มองจักรด้วยสายตาที่ผิดหวังและเสียใจอย่างที่พูดอะไรไม่ออก

“มึงคิดแบบนั้นเหรอ มึงคิดว่ากูรวยแล้วกูจะสบายเหรอ? ได้!!! วันมะรืนมึงเก็บเสื้อผ้าเลยนะ มึงต้องไปกับกู มึงต้องไปดูว่ากูจะสบายจริงอย่างที่มึงพูดหรือเปล่า แล้วอย่าคิดที่จะปฏิเสธไม่ไป ในเมื่อมึงตัดสินกูแบบนั้นได้ กูก็จะบังคับให้มึงไปกับกูให้ได้เหมือนกัน!! ไม่ต้องห่วง กูจะพูดกับไอ้รามและน้องจอมให้เอง!!!” อินทัชขึ้นเสียงด้วยความโกรธ ชี้หนังบังคับคนตรงหน้าอย่างเกรี้ยวกราด ทำเอาจักรรู้สึกกลัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ไม่เคยเห็นสีหน้าตอนโกรธแบบจริงจังของอินทัชมาก่อน ตอนที่เพื่อนของเขารู้ความจริงเรื่องของรินลณียังไม่โกรธเท่าตอนนี้เลย...แต่ร่างสูงกลับรู้สึกอึ้งจนไม่รู้จะพูดออกไปยังไงก่อนดี

“จำเอาไว้นะมึง ถ้ามึงไม่ยอมไปกับกูวันนั้น กูจะส่งคนมาลากมึงไปเอง” ขู่เสร็จสรรพก็เดินหนีจากไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้จักรได้ขอโทษเลยสักนิด และหน้าตาของอินทัชบ่งบอกว่าเอาจริงเอาจังขนาดไหน โดยไม่รู้เลยว่าหลังจากที่อินทัชหันหลังให้ ริมฝีปากสวยก็แย้มยิ้มออกมานิดๆ

กูช่วยมึงอยู่นะจักร...

คนอย่างจักรไม่มีทางที่จะตามความคิดของอินทัชได้ทันหรอก เพราะความร้ายกาจของอินทัชก็คือไม่มีใครสามารถคาดเดาความคิดได้


“กูนึกว่ามึงจะไม่แล้วนะ” รามินทร์ทักเมื่อเห็นว่าคนที่ตนรออยู่มานั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับตัวเองในห้องอาหารของรีสอร์ทที่บนโต๊ะมีอาหารเช้าเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

“กูเป็นคนรักษาคำพูด เมื่อคืนมึงบอกกูเองว่าให้กูมากินข้าวนี่”

“หึหึ กูก็แค่กลัวว่ามึงจะไม่มา ว่าแต่มึงลุกไปตอนไหนตั้งแต่เช้า” ร่างสูงถามด้วยความสงสัย เพราะตนตื่นมาแล้วไปหาอินทัชที่ห้องก็พบว่าเจ้าตัวไม่อยู่แล้ว

“ไปเดินเล่นแถวๆ นี้แหละ”

“แล้วทำไมมึงไม่ชวนกูล่ะ”

“ก็แล้วทำไมกูต้องชวน ทั้งๆ ที่กูอยากจะเดินคนเดียวอย่างสบายใจ” อินทัชสวนกลับแบบไม่รักษาความรู้สึกของรามินทร์ทันที

ร่างหนาที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำเป็นไม่รู้สึกอะไร แล้วบอกให้อินทัชเริ่มกินข้าวเช้าได้แล้ว ร่างโปร่งเองก็ยักไหล่น้อยๆ แต่ก็เริ่มลงมือทานโจ๊กตรงหน้าด้วยความหิวที่ไม่อาจจะทำเป็นฟอร์มอยู่ได้

“อร่อยไหม”

“ก็อร่อย จะถามทำไม อาหารฝีมือป้ารีอร่อยทั้งหมดนั่นแหละ” อินทัชตอบ

รามินทร์อมยิ้มอย่างดีใจที่อินทัชอร่อยกับอาหารที่เขาลองหัดทำดูครั้งแรก โดยที่มีป้ารีคอยสอนคอยชิมให้ว่าต้องทำยังไง รสชาติประมาณไหนถึงจะดี

ยังไม่เคยทำให้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย

“ยิ้มทำไม” คนตรงหน้าถาม มือก็ชะงักช้อนไว้อย่างนั้นเพราะหวาดระแวงว่ารามินทร์จะใส่อะไรแปลกๆ ลงไปในชามโจ๊กหรือเปล่า

“เปล่า...ถ้ามีอร่อยก็ดีแล้ว ป้ารีแกจะได้ดีใจ”

“กูก็ชมฝีมือป้ารีทุกวัน จะดีใจหรือไม่ดีใจมึงไม่ต้องมาดีใจแทนหรอก” อินทัชว่า

ร่างสูงปล่อยให้ร่างโปร่งเข้าใจว่าป้ารีเป็นคนทำโจ๊ก ไป เพราะถ้าบอกว่าเป็นฝีมือของเขา รับรองว่าอินทัชต้องอิ่มเร็วแน่ ไม่ได้เห็นเติมชามที่สองแบบนี้หรอก

แค่มองดู ก็มีความสุขแล้ว...

เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว รามินทร์ก็ไปเคลียร์งานก่อนที่จะพาเขาออกไปข้างนอกเหมือนกับเมื่อวาน ทั้งๆ ที่บอกเอาไว้แล้วว่าจะใช้ที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าก็ดันมีงานด่วนเข้ามาขัดขวางได้สิน่า ทางด้านอินทัชเองก็จะพูดเรื่องขอตัวจักรไปกับตนเองแต่ต้องเก็บเอาไว้ก่อน ใครอยู่กันตามลำพังแล้วค่อยพูดเรื่องนี้ก็แล้วกัน

อินทัชเลือกที่จะเดินเข้าไปในครัวที่ตอนนี้พนักงาน คนงานต่างก็ปฏิบัติกับอินทัชเปลี่ยนไปหมด ยกเว้นป้ารีที่ยังเป็นเหมือนเดิม คงจะเข้าใจดีว่าเขาต้องการอะไร แบบไหน...สมกับเป็นผู้ใหญ่ที่อินทัชรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เลยล่ะ

“ป้ารีครับ”

“อุ๊ย...ป้าตกใจนะคะคุณอิน”

“แหม ขี้ตกใจเหลือเกินนะครับ สักวันหัวใจจะวายไหมเนี่ย ฮ่าๆ” แกล้งพูดแหย่ไป จนคนอายุมากกว่าเอามามาตีแขนของเขาเบาๆ อย่างเอ็นดู

“ป้าออกจะแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มี ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”

“ผมเชื่อครับ ก็ป้าออกจะเก่งแบบนี้”

“ว่าแต่วันนี้ไม่ออกไปข้างนอกกับคุณรามหรือคะ” ป้ารีถามอินทัช เขาเลยยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะตอบไป

“มันไปเคลียร์งานครับ เดี๋ยวถ้ามันเสร็จก็จะออกไปแล้ว”

“เที่ยวให้สนุกนะคะ”

“สนุกที่ไหนกันล่ะครับ” อินทัชทำหน้าเบื่อโลกให้

ป้ารีส่ายหน้ากับความใจแข็งที่ดูยังไงก็แสร้งทำ เธอดูออก คนอื่นอาจจะดูไม่ออกก็ตาม แต่เธอดูออก ดูออกเลยว่าอินทัชพยายามที่จะฝืนให้ตัวเองใจแข็ง คำพูดคำจาไม่ตรงกับใจที่รู้สึก

วัยรุ่นมีความรักก็แบบนี้แหละนะ เธอก็เคยผ่านวัยอย่างนี้มาแล้ว...

“ถ้ามัวแต่ใจแข็ง ปั้นปึ่งใส่กัน ระวังจะเสียใจในภายหลังนะคะ” อินทัชเงียบไป ยืนนิ่งคิดตามที่คนอายุมากกว่าพูดสอนตนเอง

“มันเป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้วล่ะครับป้ารี สิ่งที่ผมเจอมันมากเกินไปที่จะทำใจยอมรับผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตของผม เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผม”

“แล้วที่ฝืนใจทำอยู่คุณอินมีความสุขหรือเปล่าคะ ทุกความผิดพลาดถือเป็นบทเรียนค่ะ เอาไว้เตือน เอาไว้สอน ไม่ให้เราทำมันผิดซ้ำอีก คุณอินก็น่าจะรู้ดีนะคะว่า คนเรามันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็น คนเรามันมีผิดพลาดกันได้ จะมากจะน้อยเขาก็ไม่มีใครอยากจะให้มันผิดพลาดหรอกค่ะ ถ้าคุณอินอยากมีความสุข คุณต้องปล่อยวางความโกรธลง แล้วก็ให้อภัยเขา อโหสิกรรมให้เขา แล้วคุณอินจะมีความสุข เชื่อป้านะคะ เพราะป้าเอ็นดูคุณอินเหมือนลูกเหมือนหลาน ป้าก็อยากที่จะให้คนดีๆ อย่างคุณอินมีความสุข ไม่ใช่ว่ายึดติดกับความโกรธ จนสุดท้ายจะมานั่งเสียใจทีหลัง”

ร่างโปร่งยืนฟังป้ารีพูดอย่างตั้งใจ จิตใจไหวเอนไปตามที่ป้ารีพูด...สบตากับดวงตาที่แสนจะจริงใจของคนอายุมากกว่าแล้วรู้สึกแสบตา

ป้ารีพูดถูกหมดทุกอย่าง...เขาฝืน เขาอดทนแค่ไหนที่ต้องทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ทำเป็นเฉยชา แล้วก็พูดจาทำร้ายจิตใจของรามินทร์ ทั้งๆ ที่ปากบอกว่าไม่อยากเอาคืนรามินทร์ เพราะกลัวจะเป็นเหมือนกับมัน สุดท้าย...อินทัชก็ทำมันอยู่ดี เขาเอาคืนรามินทร์ด้วยคำพูด การกระทำ โดยใช้ความรักของรามินทร์ที่มีต่อเขาเป็นเครื่องมือ...

ไม่ได้อยากจะทำ แต่ต้องยอมรับความจริงให้ได้...

ความจริงที่ต้องยอมรับว่าเรา...ไม่มีทางไปกันได้ เราไม่มีทางรักกันได้ เขาไม่ได้รักมัน...ไม่ได้รักรามินทร์ เขาอยากจะไปจากที่นี่ เขาไม่อยากอยู่กับมัน ไม่อยากใกล้มัน ไม่อยากเห็นหน้ามัน...

“คุณอิน...ร้องไห้ทำไมคะ”

ร้องไห้? เราร้องไห้เหรอ

อินทัชแตะดูที่ใต้ตาก็พบว่าน้ำตามันไหลจริงๆ ด้วย เขาเลยพยามที่จะเช็ดมันออกไป แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเช็ดมันออก เขาก็ยิ่งร้องออกมาหนักกว่าเดิม

ไม่มีเสียงร้องไห้ ไม่มีเสียงสะอื้น มีแต่น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ กับหัวใจที่มันรู้สึกหวิวๆ แปลกๆ

“โถ่...ทูนหัวของป้า ไม่ร้องนะคะ ไม่ร้อง คุณอินของป้าเข้มแข็งมาตลอด จะมาร้องไห้แบบนี้ได้ยังไงกัน” เธอเดินเข้าไปสวมกอดอินทัช ลูบแผ่นหลังอย่างปลอบประโลมเมื่อร่างสูงโอบกอดเธอกลับ

“เป็นอะไรไปคะ บอกป้าได้ไหม รู้สึกยังไง”

“ผม...ผม คิดถึงพ่อกับแม่ อึก...ผะ ผมอยากกลับบ้าน” แม้จะพูดบอกออกไปแบบนั้น หากแต่ในใจกลับคิดเป็นอีกอย่างหนึ่ง...

ไม่!! เราไม่ได้รักไอ้ราม เราไม่มีทางรักมัน...ไม่มีทาง รักไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด

กึก!

รามินทร์ที่เดินเข้ามาได้ยินประโยคนี้พอดีเลยหยุดชะงักนิ่ง มองร่างโปร่งที่กอดป้ารีอยู่ด้วยความรู้สึกรวดร้าวที่ตนทำให้คนที่เขารักต้องเจ็บปวดซ้ำๆ ซากๆ แบบนี้

ตอนแรกเพราะความเข้าใจผิด เพราะความโง่ มาตอนนี้ก็เพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง เห็นแก่ตัว ที่อยากให้ยื้อให้อินทัชอยู่กับตัวเองให้นานที่สุด โดยไม่คิดถึงจิตใจของอินทัชเลยว่าจะรู้สึกยังไง...

“คุณราม...” ป้ารีพึมพำเบาๆ หากแต่อินทัชก็ได้ยิน ก่อนจะรีบผละออกจากป้ารีปาดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองออกให้หมด แล้วหันมาเผชิญหน้ากับรามินทร์ในที่สุด

แม้จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็ปกปิดความแดงก่ำที่ดวงตาไม่ได้ ไหนจะรอยความชื้นที่ยังคงค้างอยู่บนใบหน้าอยู่บ้าง ดวงตาของเราสบกัน อินทัชมีประกายความอ่อนล้าในดวงตา ส่วนรามินทร์ฉายความเจ็บปวดอย่างชัดเจน ทั้งสองยืนมองกันอยู่อย่างนั้น ป้ารีที่มองอยู่ก็รู้ได้แต่นึกสงสาร...สงสารทั้งอินทัช และสงสารทั้งรามินทร์

“กูจะมาบอกว่า...งานเสร็จแล้ว จะพาไปข้างนอกน่ะ” ในที่สุดรามินทร์ก็หาเสียงของตัวเองเจอ แต่มันกลับดูสั่นเครือชอบกล อินทัชที่จับสัมผัสน้ำเสียงได้ก็แน่ใจว่าร่างสูงต้องมาทันได้ยินเขาพูดกับป้ารีแน่ๆ แต่ไม่แน่ใจว่ามาได้ยินตั้งแต่ตอนไหน...

“อืม...ขอตัวนะครับป้ารี ขอบคุณที่ช่วยแนะนำนะครับ ผมจะลองคิดดู” อินทัชครางรับในลำคอ ก่อนจะหันไปพูดกับป้ารีอย่างจริงใจ

“ค่ะ เที่ยวให้สนุกนะคะ ขับรถดีๆ นะคะคุณราม” หันไปอวยพรเจ้านายของตนอีกที

“ครับป้ารี”

“ไปสิ...” อินทัชสั่งร่างสูง ซึ่งรามินทร์ก็เดินหันหลังกลับไป โดยที่อินทัชเดินตามอยู่ด้านหลัง ทั้งสองคนตรงไปที่รถเก๋งที่จอดอยู่ในโรงจอดรถ ก่อนจะใช้มันขับออกจากรีสอร์ทไป

ระหว่างทางบรรยากาศมันเงียบมาก ไม่มีแม้แต่เสียงจากทั้งคู่ มีเพียงแค่เสียงของรถเท่านั้น เพราะวิทยุก็ไม่ได้เปิด อินทัชเลยหันหน้ามองด้านข้างทางเพื่อเอาตัวเองออกจากบรรยากาศที่น่าอึดอัดแบบนี้

“กูขอโทษนะ...”

“ขอโทษเรื่อง?” อินทัชหันมาถาม คิ้วสวยขมวดแน่น ไม่เข้าใจว่าจู่ๆ จะขอโทษเขาเรื่องอะไรอีก

“ที่ทำให้ต้องอดทนอยู่ต่อ ทั้งๆ ที่มึงก็คิดถึงครอบครัวจะแย่อยู่แล้ว”

“ช่างมันเถอะ...พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวกูก็จะกลับแล้ว รอมาได้ตั้งหลายเดือน อีกแค่วันสองวันทำไมจะรอไม่ได้ล่ะ”

รามินทร์ใจหายกับคำว่า ‘กลับ’ ที่คนข้างๆ พูดมันบ่อยมาก เหมือนจะย้ำเตือนเขาให้รู้และจำเอาไว้ว่าอินทัชต้องกลับไป...

ยังไงก็ต้องกลับไป...

“งั้นกูขอร้องอะไรมึงสักอย่างได้ไหม” รามินทร์ถาม

“อะไรล่ะ?”






50%

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

มาแล้วค่า ช่วยเม้นท์ๆ ให้ด้วยนะคะ แล้ววันจันทร์จะมาลงอีกครึ่งหนึ่งค่า

หากต้องการสอบถาม พูดคุยกับยูกิสามารถไปคุยกันได้ที่แฟนเพจนะคะ แต่ช่วงนี้ยูกิอาจจะตอบข้อความช้าหน่อยน้า เพราะหลังสงกรานต์ไปนี้ก็ต้องเคลียร์งานกับสอบไฟนอล เนื่องจากมหาลัยจะกลับมาเปิดปิดเทอมแบบเดิมน่ะค่ะ ทุกอย่างเลยต้องเร็วไปหมด

https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 50% => (15/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-04-2017 23:08:55
 :katai1:

โอยยยย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 50% => (15/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-04-2017 00:30:38
ตัดฉับเลยน้าาาา
มาต่อไวๆ เลย
 :katai4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 50% => (15/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 16-04-2017 07:29:43
ตอนแรกก็กะจะให้อินเอาคืนรามหนักๆนะ แต่พอเห็นอินน้ำตาไหลแล้วก็อยากให้รักกันเลยอ่ะ อยากรู้ว่าจะเป็นคู่โหดแบบเพื่อนธีร์ไหม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 50% => (15/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 16-04-2017 15:59:18
สงสารทั้งคู่อ่ะ อย่าฝืนเลยนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 50% => (15/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 16-04-2017 16:35:58
 :katai2-1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 50% => (15/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 16-04-2017 22:46:28
ยี่แทบรอวันจันทร์ไม่ไหว
รีเฟรชรอตอนนี้ได้ไม๊อะ
น้ำตาไหลเหมือนกันเนี่ย
เข้าใจอินเลย น้ำตาไหลแบบไม่มีเสียง
นั่งอ่านเงียบๆแต่หน้าเปียก ตาแดง โฮกกกก
อินโว้ยค่ะ
รีบมานะยูกิ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 50% => (15/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 17-04-2017 12:23:58
โอ้ยยยยย สงสารทั้ง 2 คนเลย :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 50% => (15/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-04-2017 14:45:45
ปวดใจ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้จากไปทั้งนั้น

จักรต้องสู้สิ ไหนว่าจะไม่ปล่อยมือไง ยังไม่ทันถึงไหนเลย คนบ้า

เข้าใจอินนะคะ เพราะเจอมาเยอะ เจ็บมามาก มันเป็นแผลลึกนะ
ถามว่าหวั่นไหวไหม ก็ต้องมีแหละ แต่มันไม่เต็มที่

รามก็พยายามเข้านะ อย่าทำพังอีกนะคะ เชื่อว่ารามดูออกว่าอินปากแข็ง ก็ต้องสู้ต่อนะ

จอมจ๋า อดทนนะ แล้วอย่าปล่อยให้จักรคิดไปเอง จอมทำถูกแล้วที่ชอบสังเกต ไม่งั้นจักรคนบื้อก็บื้อว่าเค้ารังเกียจไปเหอะ

ขรรค์เงินมีพร้อมแล้วนะ แถมแม่เปิดใจบ้างแล้วด้วย ขรรค์ไม่ต้องห่วงนะ เงินยังเข้าใจ ยังสู้เลย
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 100% => (18/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 18-04-2017 18:50:26
ตอนที่ 41 ครึ่งหลัง





“มันอาจจะเห็นแก่ตัวที่คนผิดอย่างกูกล้าขอร้องเอาอะไรจากมึงอีก ที่ผ่านมากูยอมรับผิด มึงไม่ต้องให้โอกาสกูแล้วก็ได้...แต่แค่สองวันเท่านั้น ถึงเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้...มึงช่วยแสดงละครกับกูได้ไหม พูดดีๆ กับกู ยิ้มให้กู...ทำเหมือนว่าเราเป็นคนรักกัน...ได้ไหม อย่างน้อยก่อนที่เราจะจากกัน ก็ให้กูได้สมหวัง แม้จะเป็นเรื่องโกหกก็ตาม”

คำขอร้องอ้อนวอนที่มาจากผู้ชายใจร้ายคนนี้ สะเทือนเข้าไปในหัวใจของอินทัชอย่างรุนแรง

“ช่วยเป็นแฟนกับกู แค่สองวันก็พอ สองวันก็ยังดี...นะ”

ร่างโปร่งบางนั่งนิ่ง มองตรงไปยังด้านหน้าที่เป็นถนน เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจมน้ำอยู่ มันหายใจไม่ออก...หาเสียงตัวเองไม่เจอ เขาอยากจะตอบรับหรือปฏิเสธ ตอนนี้มันชั่งกันไม่ได้เลย

ทำไมถึงกลายเป็นคนลังเลไปได้...ทำไมวะอิน ทำไม...

“มึงจะหลอกตัวเองเพื่ออะไร”

“กูแค่ทำใจไม่ได้ ที่จะปล่อยมึงไปโดยที่ไม่มีความทรงจำดีๆ กันเลย”

“มีสิ...ทำไมจะไม่มี อย่างน้อยมึงก็ไม่ได้ร้ายตลอด คิดเอาตรงนั้นเป็นความทรงจำที่ดีก็แล้วกัน” อินทัชว่าอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ถือว่ามึงช่วยเพราะสมเพชกูก็ได้ กูยอมหมด กูยอมหลอกตัวเอง...กูยอมอิน”

“ทำไมต้องทำให้ตัวเองดูไม่มีศักดิ์ศรีด้วย”

“กูมีศักดิ์ศรี...แต่กับมึง กูยอมไม่มี ต่อให้ในใจมึงจะหัวเราะเยาะกูแค่ไหน กูก็ขอแค่เป็นมึงก็พอ...ขอร้อง กูขอร้องนะอิน เป็นแฟนกับกู แค่สองวันนะ...สองวันเท่านั้น”

ร่างโปร่งถอนหายใจ...ก่อนจะตอบรับสั้นๆ

“อืม”

“ขอบคุณ” รามินทร์พึมพำเบาๆ ปากกว้างยิ้มอย่างดีใจและมีความสุข ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันคือการแสดง มันคือเรื่องโกหก ที่อินทัชยอมเพราะสงสาร...

หึ...สงสารงั้นหรือ สงสารคนที่มันทำร้ายเรางั้นเหรอ...

มันไม่ใช่ความสงสารหรอก แต่มันเป็นความต้องการของตัวเขาเองด้วย มันเป็นความต้องการในส่วนลึกๆของหัวใจ ที่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

ที่เห็นใบหน้าของรามินทร์กำลังยิ้มกว้าง และเต็มไปด้วยความสุขนั้น หารู้ไม่ว่า หัวใจของเขากำลังร่ำไห้อย่างทรมานแสนสาหัสที่สุด

มันกำลังร้องไห้ กับความเป็นจริงที่ตัวเองต้องยอมรับ...

ความเป็นจริงที่ว่า อินทัชไม่มีทางคิดไปเป็นอื่นไกลกับเขา ที่อาจจะเป็นได้แค่คนเคยรู้จัก พอกลับไป เราสองคนก็จะกลายเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า...ไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน...

“จะขอบคุณทำไมนักหนา”

“ขอบคุณที่มึงยอมกูไง”

“กูแค่สงสารเท่านั้นแหละ ยังไงกูมันก็คนมีความเมตตาต่อสัตว์โลก”

คำพูดที่เจ็บแสบออกมาจากปากของอินทัชอีกครั้ง แต่รามินทร์ก็เข้มแข็งพอที่จะทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ขับรถไป ปากก็ยังยิ้มอยู่แบบนั้น...

ใครบอกว่าเขาจะสามารถโกหกตัวเองได้ แต่ที่เขาขอ เพราะอย่างน้อยสองวันนี้...เราจะได้มีความสุข ก่อนที่จะเจ็บทรมานโดยไม่รู้ต้องใช้เวลากี่ปีรักษาเยียวยาหัวใจ อาจจะห้าปี สิบปี หรือตลอดชีวิตก็ได้

“เอาเป็นว่า...กูจะพูดดีๆ กับมึงตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปก็แล้วกัน แต่ไม่ใช่พวกคำแทนตัวเพราะๆ นะ ใช้กูมึงเหมือนเดิม แต่กูจะไม่พูดเสียดสีมึง โอเคนะ?” อินทัชเสนอออกมา ซึ่งไม่ว่าอะไร รามินทร์ก็เอาด้วยทั้งนั้น

“ตามนั้นแหละ”

“ก็ดี...”

เพราะเหตุใด อินทัชถึงได้พูดขึ้นมาเองว่าจะพูดีๆ กับรามินทร์ อาจจะเป็นเพราะเขาทนเห็นรอยยิ้มที่มันฝืนเต็มประดาแบบนั้นไม่ได้ล่ะมั้ง...อินทัชไม่ได้ใจแข็งและใจร้ายได้ขนาดนั้นเสียหน่อย ทุกครั้งที่เขาพูดออกไป ทำออกไป อินทัชก็เสียใจในการกระทำของตัวเองทุกครั้ง...

มันปวดใจที่ต้องเห็นรอยยิ้มที่ฝืนแบบนั้น  แสร้งทำเป็นเข้มแข็งทั้งๆ ที่เจ็บปวดเจียนตาย...

จะแสดงว่าตัวเองไม่รู้สึกอะไร ก็ทำให้มันเนียนๆ หน่อย...มันทำให้กูรู้สึกผิด








อินทัชหลับไปจนตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ารถได้จอดอยู่กับที่แล้ว พอลืมตาได้ก็พบว่าตัวเองอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่ป้ายเด่นหราอยู่ด้านหน้าของเขาเอง

“มึง...จำเป็นต้องมาขนาดนี้ไหม”

“เอาเถอะน่า กูเองก็ไม่เคยมาด้วย เลยอยากจะลองมาเที่ยวดูสักครั้ง ถึงเป็นการผ่อนคลายไง” ร่างสูงหันมาตอบยิ้มๆ

อินทัชนิ่งค้างไปนิดๆ ก่อนจะยิ้มตอบกลับน้อยๆ

รามินทร์อาจจะคิดว่าที่อินทัชทำเป็นเพราะละครที่เราตกลงกันไว้ หากแต่อินทัชกลับเรื่องพวกนั้นไปหมดแล้วหลังจากที่ตื่นๆ หลับๆ อยู่บนรถหลายชั่วโมง

“ก็ดี กูก็ไม่เคยเที่ยวอะไรในเมืองไทยเท่าไหร่”

“ลงจากรถก่อนเถอะ จะได้เดินเที่ยวเลย เพราะเราจะไปกลับกัน” รามินทร์ชวน อินทัชเลยพยักหน้ารับ ก่อนจะลงจากรถไป พอได้ออกมาแล้วเขาเลยยืดเส้นยืดสายนิดๆ  เพราะเมื่อยหลังจากนั่งรถมานาน มองร่างสูงกว่าที่เดินมายืนข้างๆ กับเขา

“ก่อนอื่นพากูไปหาห้องน้ำก่อน”

“ได้สิ ตามมา” รามินทร์เดินนำอินทัชไปหาห้องน้ำ เพราะเข้าใจว่าต้องการจะทำธุระ เนื่องจากระหว่างทางเราไม่ได้หยุดปั๊มเลยสักที่ วิ่งยาวมาจนถึงพิษณุโลกนั่นแหละ

“ถามจริงเถอะ ที่เขาค้อก็มีที่เที่ยวเยอะไม่ใช่หรือไง”

“ก็เยอะนั่นแหละ แต่เขาบอกว่าที่นี่ตอนหน้าฝนแบบนี้อากาศมันดี วิวก็ดีด้วย เลยอยากจะลองมาดูน่ะ” ร่างแกร่งตอบ

“ไอ้ ‘เขา’ ที่ว่านี่คือใคร”

“ก็พวกลูกค้า นักท่องเที่ยวนั่นแหละ เขาก็บอกกุว่าที่ไหนสวย ที่ไหนดี เพราะถึงกูจะอยู่ใกล้ๆ ก็ใช่ว่าจะมีโอกาสเที่ยวบ่อย”

“แล้วทำไมมึงถึงได้มีโอกาสล่ะ” อินทัชถาม

“ก็ตอนนี้...กูอยากจะอยู่กับมึงนี่”

“เหตุผลโคตรไร้สาระเลย พากูมาก็จ่ายให้กูทุกอย่างก็แล้วกัน”

“ก็อย่าซื้อเยอะนะเว้ย กูพกเงินมาแค่ไม่กี่พันในกระเป๋า” รามินทร์ว่า แต่มันก็ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะต่อให้กระเป๋ามีเงินจำกัดแต่ก็ยังมีบัตรเอทีเอ็มกับบัตรเครดิตอยู่

“กูจะปอกลอกมึง”

“ก็ยอม...นานๆ ทีจะได้ออกเงินให้กับคนที่รวยกว่า น่าภูมิใจจะตาย” ร่างแกร่งพูดแล้วยืดอกนิดๆ บ่งบอกว่าตัวเองภูมิใจกับเรื่องนี้จริงๆ

อินทัชหัวเราะในลำคอน้อยๆ ไม่พูดอะไรอีก

การที่เราพูดดีๆ กันแบบนี้...มันก็ให้ความรู้สึกสบายใจไปอีกแบบนะ

พอเข้าห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว รามินทร์ก็พาอินทัชเดินไปตามทางโดยมือถือแผนที่อุทยานเอาไว้อยู่ ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไป มองบรรยากาศรอบๆ อย่างผ่อนคลาย แม้จะไม่ได้พูดคุยกันมาก แต่บรรยากาศก็ไม่ได้อึดอัดเหมือนแต่ก่อน

อินทัชรักษาคำพูดเสมอ...

“เมเปิ้ลเปลี่ยนสีจะมีช่วงเดือนมกราคมน่ะ เสียดายจัง”

“มึงก็ค่อยมาตอนเดือนมกราคมอีกครั้งสิ” อินทัชแนะนำ

“ไม่เอาอ่ะ...จะให้กูมาคนเดียวเหรอ”

“ก็พาน้องจอมมา หมอเงิน และขรรค์มาก็ได้นี่”

“เหมือนมึงจะตกไปชื่อหนึ่งนะ ไอ้จักรล่ะ เจ้าจอมอยู่ไหน มันก็คงจะต้องอยู่ด้วยที่นั่นนั่นแหละ”

“จริงสิ...กูมีเรื่องจะคุยกับมึง เรื่องไอ้จักร แต่เอาเป็นว่าตอนเดินทางกลับดีกว่า จะได้สะดวกกว่านี้” อินทัชทำท่าคิดได้ แต่ก็ยังไม่พูดออกไป เพราะตอนนี้เรามาผ่อนคลาย มาเดินเที่ยวก็ควรจะเที่ยวก่อน ส่วนเรื่องของคนอื่นเอาไว้ทีหลัง

“กูพอจะเดาปัญหาออกนะ เรื่องของเจ้าจอมกับไอ้จักรใช่ไหม”

“อืม...ก็นั่นแหละ มึงเองก็น่าจะรู้อยู่”

“เอาไว้ค่อยคุยกันก็แล้วกัน” รามินทร์ตัดบทแล้วพาอินทัชเดินต่อ “มีที่ให้เที่ยวเยอะมากเลยว่ะอิน วันเดียวก็คงไปไม่ครบหรอก ยังไงมึงเลือกเอาว่าอยากจะไปที่ไหนก่อนดีกว่านะ” รามินทร์หลังจากดูแผนที่คร่าวๆ แล้ว

พวกเขาอยากเที่ยวโดยการเดินเท้ามากกว่าจะนั่งรถ เพราะอย่างน้อยมันจะมีเวลาในการซึมซับบรรยากาศข้างทางไปด้วย...แล้วการเดินมันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่หรอก

“อืม...น้ำตกหมันแดงน่าสนนะ”

“เขาบอกเอาไว้ว่าทางค่อนข้างที่จะสมบุกสมบันเลยนะมึง แต่ภาพมันสวยจริงว่ะ เอาไง จะไปน้ำตก หรือจะไปพิชิตลานหินปุ่มด้านบนนู่น วิวสวยนะเว้ย มองเห็นทะเลหมอกด้วย”

“ทะเลหมอกเหรอ? กูเห็นที่รีสอร์ทมึงจนเบื่อแล้วว่ะ”

“แต่มันไม่เหมือนกันนะ มันคนละวิวกันเลย ทางนี้มันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ส่วนน้ำตกเอาไว้เรามีเวลามากกว่านี้ค่อยไปไหมวะ”

“เอางั้นก็ได้” อินทัชตอบรับอย่างไม่ได้คิดอะไร

รามินทร์เองก็ยิ้มกว้าง...ที่อินทัชไม่เรื่องมาก เขาพูดอะไรก็ตามน้ำหมด...

“งั้นก็ไปกัน”

“อืม...จริงๆ แล้วกูยังขยาดน้ำตกอยู่เลย คิดถึงวันนั้นแล้วก็รู้สึกกลัว ตอนนี้ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองตกจากที่สูงขนาดนั้นแล้วจะรอด” อินทัชพูดด้วยสีหน้าที่ดูหวาดเสียวเพราะคิดภาพวันนั้นเข้ามาในหัว

“ก็มึงเป็นคนดี มึงเลยไม่เป็นอะไรเลย ดูอย่างกูสิ กูเกือบตายแล้ว แล้วยังมาโดนไม้เสียบขาอีก สมควรที่จะโดนกรรมตามสนองแล้วล่ะ”

“รู้ด้วยเหรอ...”

“ฮ่าๆ กูก็เป็นคนที่มีจิตใต้สำนึกนะเว้ย”

“ก็นึกว่าไม่มี”

“แล้วถ้าไม่มี มึงจะเป็นคนปลูกจิตใต้สำนึกให้กูไหมล่ะ” รามินทร์ถามพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กับอินทัชที่มองหน้ารามินทร์ด้วยสายตาที่อ่อนลงจากเดิม

“ให้ปลูกด้วยอะไรดีล่ะ ว่าไง...”

“ก็แล้วแต่มึงสิ...กูยอมอยู่ในกำมือมึงเลย ยอมทุกอย่าง”

“หึหึ...งั้นก็ปล่อยให้มันงอกขึ้นมาเองก็แล้วกัน เหมือนหญ้าไง”

“เปรียบซะกูดูต่ำเลย” รามินทร์พูดเสียงติดตลก ทำเอาอินทัชต้องหัวเราะเบาๆ ตาม

“แล้วจะให้เปรียบเป็นอะไร สาหร่าย หรือตะไคร่น้ำดีล่ะ”

รามินทร์ทำหน้างอนๆ จนดูตลกไม่เข้ากับใบหน้าของตัวเอง หากแต่อินทัชกลับรู้สึกว่ามันก็ดูน่ารักดี...

“หญ้าแหละดีแล้ว อย่างน้อยมันก็ยังมีโอกาสถึงตัวมึงมากกว่า” คำตอบที่แฝงไปด้วยความหมายที่ทำให้อินทัชก็ต้องหันหน้าหนีสายตาคมคู่นั้น

เพราะไม่งั้น...เขาต้อง ‘เขิน’ แน่ๆ แค่นี้หัวใจก็เต้นแรงมากจนเกินไปแล้ว

“เสี่ยวว่ะ”

“เดินต่อๆ เดี๋ยววันนี้จะไม่ได้พิชิตลานหินปุ่ม”

หมับ!

รามินทร์ถือวิสาสะคว้ามือของอินทัชมากุมเอาไว้ โดยที่เจ้าของมืออย่างร่างโปร่งก็ได้แต่ก้มมองอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าร่างสูงจะทำถึงขนาดนี้ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ในเมื่อเขาตกลงจะเป็นแฟนกับมันสองวัน ฉะนั้นการจับมือถือเป็นเรื่องปกติที่แฟนจะทำกันเวลาไปเที่ยวหรือออกเดท

อินทัชเองก็จำไม่ได้ ว่าครั้งสุดท้ายที่เดินจับมือกับแฟนไปเดทนั่นมันเกิดขึ้นตอนไหน น่าจะเป็นก่อนขึ้นมหาวิทยาลัย เพราะช่วงนั้นเขาติดเที่ยวหนัก และควงคนอื่นไม่ซ้ำหน้า เพราะรักที่ผ่านมามันล้มเหลวหมด...มันล้มเหลวจากตัวเขาเองที่คิดว่ารักผู้หญิงคือผู้ชายคนนี้ แต่พอคบกันได้สองสามเดือนก็เริ่มที่จะเบื่อ และเขาก็จะเป็นฝ่ายบอกเลิกไป...จนทุกวันนี้ ก็ไม่รู้ว่ารักที่แท้จริงมันเป็นแบบไหน

เวลามองเพื่อนสนิทกับคนรักอยู่ด้วยกัน...ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงคบกันได้นานขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษไปกว่าคู่อื่นๆ นัก เขาอาจจะเคยให้คำปรึกษาเพื่อนรักเรื่องความรัก แต่นั่นมันก็แค่ทัศนคติและความคิดจากมุมของเขา แต่ถามว่าตัวเองมีความรักจริงๆ หรือยัง ก็ขอบอกเลยว่าไม่มี...

“อ๊ะ!!”

พรึ่บ!!

ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะล้มไป คนที่จับมือเขาเอาไว้อยู่ก็ดึงร่างกลับไปหาคนตัวใหญ่ไม่ให้อินทัชล้มไปกับพื้นเพราะเดินสะดุดหินที่เป็นทางเดินแบบต่างระดับกัน

“มัวแต่ใจลอยอะไร เดินระวังๆ สิวะ” รามินทร์ดุ แต่ที่ดุก็เพราะว่าเป็นห่วง ถ้าหากว่ารามินทร์ไม่ได้จับมืออินทัชเดิน ป่านนี้คงจะล้มไปกระแทกหินที่พื้นแล้ว

“ขอโทษ แล้วก็ขอบคุณนะ” อินทัชเงยหน้าขึ้นสบกับรามินทร์ที่ตอนนี้ใบหน้าอยู่ใกล้กับหน้าของเขามาก เลยรู้ตัวเองว่ากำลังอยู่แนบชิดกับกายใหญ่ของรามินทร์มากขนาดนี้

รามินทร์กับอินทัชรู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกด เพราะทั้งคู่ยืนนิ่งมองตากันอยู่แบบนั้น ร่างบางอ่านสายตาของรามินทร์ได้ มันทั้งเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความรัก จนเขาอดเคลิบเคลิ้มจ้องมองอยู่แบบนั้นไม่ได้

อินทัชทนใจแข็งต่อไปไม่ได้ เลยปล่อยให้เป็นไปตามที่รู้สึก...

“เอ่อ...คือ” อินทัชเป็นฝ่ายได้สติก่อน เสหน้าหนีอย่างประหม่า ใบหน้าแดงซ่านบ่งบอกถึงความเขินอาย นั่นเป็นปฏิกิริยาที่รามินทร์ไม่คิดว่าจะได้รับ...

การเขิน การอาย...มันแสดงไม่ได้หรอกนะ ถ้าไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

“เจ็บไหม?”

“ไม่หรอก สะดุดนิดเดียว”

“งั้นก็เดินต่อเถอะ แต่กูขอจับมือมึงเอาไว้แบบนี้นะ เดี๋ยวมึงจะสะดุดอีก” ร่างสูงขอ

“อืม...ตามใจมึง”

“ขอบคุณนะ” ร่างสูงยิ้มอ่อนโยนให้กับอินทัช ซึ่งร่างบางก็เผยยิ้มตอบรับไปบางเบา มันไม่ใช่รอยยิ้มฝืน...หรือแสร้งทำ แต่มันออกมาจากความรู้สึกของตัวเองทั้งนั้น

มันไม่ใช่แค่ตามใจรามินทร์หรอก...มันเป็นการทำตามใจตัวเองด้วย...







100%

 :mew6: :mew6: :mew6:

วันนี้วันจันทร์ใช่ไหมคะ? แหะๆ ขอโทษค่า ยูกิจำวันผิด เมื่อวานก็คิดว่าเป็นวันอาทิตย์ นี่ไม่ค่อยได้พักจนสมองเบลอไปแล้วนะเนี่ย ตายๆ ชีวิตของยูกิจะอัลไซเมอร์ตอนอายุยี่สิบสองเหรอเนี่ย 555

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจด้วยนะค้า

https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 100% => (18/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 18-04-2017 19:11:54
โธ่ .. ราม
โธ่ .. อิน
โถถถถถถ.. กรู.....
ยิ่งอ่านยิ่งชอกช้ำ
เอ้า เอา สองวันนี้.....ก็ดื่มด่ำให้เต็มที่นะทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 100% => (18/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-04-2017 20:53:58
ทำไมตอนนี้ มันดูหวานแหวว
แต่เรารู้สึกหน่วงๆ จังเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 100% => (18/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 18-04-2017 21:07:42
ทำไมอ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเฉยๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 100% => (18/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-04-2017 08:28:32
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 100% => (18/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 19-04-2017 10:23:38
หวานแบบหน่วงๆง่าาา เมื่อไหร่คู่นี้จะลงเอยย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 100% => (18/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 19-04-2017 18:48:01
หลังจาก 2 วันนี้อิน จะตัดสินใจอย่างไรต่อไป
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 100% => (18/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 05-05-2017 18:47:30
คิดถึงรามอิน..
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 100% => (18/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 07-05-2017 17:44:08
ผ่านมานานล่ะ ป่านนี้ ไปถึงไหนกันแล้วคะเนี่ย :impress2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 41 100% => (18/04/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 08-05-2017 21:51:37
พี่ทัช หายไปไหน
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 10-05-2017 18:42:28
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 42
เวลาของ ‘เรา’





“สวย”

“ใช่...สวยมาก”

อินทัชมองไปยังวิวด้านหลังหลังจากพิชิตลานหินปุ่มสำเร็จ พวกเขายืนอยู่ตรงป้าย ‘ผู้พิชิตลานหินปุ่ม’ พอดี ความรู้สึกที่เดินมาอย่างเหน็ดเหนื่อยมันหายไปเมื่อได้เห็นภาพสวยงามกับบรรยากาศที่เย็นสบายแบบนี้

ส่วนรามินทร์ก็เอาแต่มองหน้าด้านข้างของร่างบาง แต่ปากก็เอ่ยชมออกไปว่าสวย ที่อินทัชเข้าใจว่าเจ้าตัวคงจะชมวิวเหมือนกับตัว แต่ความจริงคือชมคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างหาก

“อากาศดีมาก คุ้มกับที่เดินมาเหนื่อยๆ”

“ใช่...มันคุ้มมากๆ” ตอบกลับอย่างใจลอย

คุ้มที่ได้เห็นรอยยิ้มของมึง...คุ้มที่ได้อยู่กับมึง...มันคุ้มสำหรับกูที่สุดแล้วอิน

“เสียดายไม่ได้เอากล้องมา” อินทัชพึมพำ

“เก็บเอาไว้ในความทรงจำก็พอแล้ว ต่อให้เราถ่ายไป เราก็ไม่เคยเอากลับมาดูหรอก ถ้ามึงอยากเห็นภาพมันใหม่ มึงก็แค่มาที่นี่ หรือไม่ก็เปิดภาพจากเน็ตดูเอา”

“มึงนี่คิดอะไรง่ายๆ กับเขาก็เป็นด้วยนะ” อินทัชชม

“กูแค่พูดในฐานะคนที่ชอบถ่ายรูป แต่ก็ไม่เคยหยิบรูปที่เคยถ่ายมาดูเลยสักครั้ง เลยไม่คิดจะเอากล้องมาให้เสียเวลา สู้เก็บเอาไว้ในความทรงจำดีกว่า จำมันเอาไว้ บรรยากาศแบบนี้ ภาพแบบนี้...”

ร่างโปร่งหันไปมองที่ด้านหน้าเหมือนเดิมเพื่อซึมซับความรู้สึกต่างๆ อย่างที่รามินทร์พูดออกมาเมื่อกี้นี้...อินทัชจะจดจำภาพนี้ บรรยากาศแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้เอาไว้...

จะไม่ลืม...และไม่มีวันลืม

“กูเองก็เป็นแบบนั้น เวลาไปเที่ยวเพื่อนกูมักจะมีคนที่ถ่ายรูปให้อยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นต้องพกกล้องเอง อยากได้รูปนั้นก็แค่ให้มันส่งมา ก็จบแล้ว”

“ไหนว่ามึงไม่ค่อยเที่ยว”

“ไม่ค่อยเที่ยวในไทย เพราะกูเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ที่เที่ยวของกูก็จะขึ้นอยู่กับประเทศนั้นและ อ้อจริงสิ ขึ้นอยู่กับเวลาพักที่มีด้วย…”

นับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับรามินทร์ เพราะตอนนี้อินทัชกำลังเปิดใจมากยิ่งขึ้น ทั้งพูยาวขึ้น และเล่าเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ฟังอีก...

รามินทร์เข้าหาไปได้อีกระดับแล้ว โดยที่อินทัชไม่มีทางรู้เลยว่า เปิดทางให้ร่างแกร่งเข้ามาแล้ว...แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่ความสามารถของรามินทร์อีกนั่นแหละ ว่าจะสามารถเข้าไปได้ถึงขนาดไหน

“นั่นสินะ...งานมึงเยอะนี่นา”

“เลิกพูดเรื่องงานเถอะ” อินทัชตัดบท เพื่อเลี่ยงประเด็นที่จะทำให้ตนเครียด

“กูก็ว่างั้น...มึงหิวหรือยังอิน”

“หิว...แต่ขออยู่นานกว่านี้หน่อยนะ กว่าจะมาถึง”

“ได้ๆ ถ้ามึงทนได้น่ะ แต่ถ้าทนไม่ไหวก็รีบบอกแล้วกันนะ”

“มึงล่ะ…”

“กู? ทำไม?” ทำหน้างงงวยที่อินทัชถามมาสั้นๆ

“หิวหรือยัง”

“กูยังไม่ค่อยหิวหรอก”

“อืม...ก็ดีแล้ว”

“มึงไม่ต้องมาห่วงกูหรอกน่า กูอยู่ได้ถ้าหากว่ากูหิวน่ะ แค่อดทนมันจะไปยากลำบากอะไรนักหนา”

“หึหึ”

ร่างโปร่งหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วออกเดินจากตรงนี้ไปยังตรงที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่การยืนดูแต่จุดเดิมๆ โดยที่มีร่างสูงกว่าเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง

“มึงรู้ไหมว่าอุทยานนี้ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัดเลยนะ” รามินทร์ที่เดินอยู่ข้างๆ ถามอินทัชที่ยังคงเดินมองนั่นนี่ด้วยความสนอกสนใจ ท่าทางผ่อนคลายกว่าเมื่อวานที่ไม่ว่ารามินทร์จะพยายามทำอะไร ก็ไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีเลยสักนิด

“จริงดิ! จังหวัดอะไรบ้างวะ” อินทัชมีสีหน้าที่แปลกใจ เพราะมันเป็นความรู้ใหม่ที่เขาเพิ่งจะรู้

“อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก แล้วก็อำเภอหล่มสัก เพชรบูรณ์ เส้นทางที่กูพามึงมานั่นแหละ จริงๆ แล้วกูว่าจะพามึงไปเที่ยวที่หล่มสักเพราะมันก็น่าเที่ยวพอๆ กัน”

อินทัชหยุดเดินแล้วหันมาสนใจรามินทร์แทน

“แล้วทำไมถึงพากูมาที่นี่ล่ะ”

“กูอยากมาพิชิตลานหินปุ่มกับมึงไง”

“สาระ...”

“ก็เนี่ยแหละสาระของกู แต่มันอาจจะไร้สาระสำหรับมึง”

“อยากจะบ้ากับมึงจริงๆ เมื่อกี้กูลองอ่านใบแนะนำสถานที่ เขาบอกว่าที่นี่ในอดีตเคยใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้ของโรงพยาบาล ประวัติของที่นี่แม่งน่าสนใจดีว่ะ” อินทัชยิ้มแย้มออกมาเมื่อได้เจอเรื่องที่ตัวเองชอบ

อินทัชชอบศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ยิ่งสถานที่ไหนมีประวัติ อินทัชมักจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ อย่างที่นี่เองก็เช่นกัน...

“กูเพิ่งรู้ตอนมึงพูดเมื่อกี้นี่แหละ” รามินทร์สารภาพ

“ห่างจากที่นี่ไปประมาณห้าร้อยเมตรจะเป็นผาชูธง เคยเป็นที่ที่พวกผกค.จะขึ้นไปชูธงแดงที่มีสัญลักษณ์ค้อนเคียวทุกครั้งหลังที่รบชนะด้วยนะ ชักสนุกแล้วสิมึง กูอยากรู้ประวัติอีกอ่ะ แสดงว่าที่นี่ต้องเคยมีสงครามใช่มะ” ดวงตาคู่สวยส่องประกายความสนุกตื่นเต้นเต็มที่ ปากก็ยิ้มกว้างอย่างจริงใจไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ นั่นทำให้รามินทร์รู้สึกว่าตาของตนพร่ามัว มองเห็นแสงวิบวับออกมารอบกายของอินทัชราวกับเทวดารูปงาม

ใจเต้นแรง สั่นไหว ลำคอแห้งผาด หาเสียงของตนไม่เจอ เพราะโดนโจมตีจากความสวยของอินทัชแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเลย

จะจำเอาไว้...ว่าอินทัชชอบเรื่องประวัติศาสตร์

“ไอ้ราม! จะเงียบทำไมวะ ตอบสิ” อินทัชเรียกเสียงดัง ทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ในที่สุด ตาคมมองอินทัชด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะพูดออกมาอย่างอายๆ

“เอ่อ...คือ ไอ้ที่มึงพูดมาน่ะ ผกค. ธงแดง ค้อนเคียว มันคืออะไรวะ” พร้อมกับเกาแก้มด้วยนิ้วเดียวประกอบการเขินอายในความไม่รู้เรื่องของตัวเอง

อินทัชกลอกตาไปมา ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องใกล้ตัวของรามินทร์แท้ๆ เจ้าตัวยังไม่เคยคิดจะสนใจมัน

“ผกค.คือผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ส่วนธงแดงที่พวกผกค.ชูจะมีสัญลักษณ์ค้อนและเคียวไขว้กันอยู่บนธงเพราะค้อนเคียวเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิคอมมิวนิสต์ ถ้ามึงคิดภาพไม่ออกก็เสิร์ชธงชาติของสหภาพโซเวียตดู จะเห็นชัดที่สุด โอเคนะ?” ร่างสูงพยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ

จะว่าไปก็เหมือนจะเคยอ่านอยู่ แต่ก็ลืมไปหมดแล้ว...

“อืม...กูคิดว่ากูพอจะเข้าใจและนึกภาพออกแล้วล่ะ มึงนี่เก่งเนอะ รู้เรื่องพวกนี้ด้วย”

“ก็แล้วแต่คนชอบน่ะ กูชอบกูเลยจำ” อินทัชตอบ ไม่ได้ดีใจกับคำว่าเก่งที่ร่างสูงชมเลยสักนิด นั่นเป็นเพราะว่าไม่ใช่เรื่องที่จะมายินดีอะไร

คนที่ไม่รู้ใช่ว่าจะไม่เก่ง แต่เพราะไม่สนใจมากกว่า

“งั้นจะไปผาชูธงเลยไหมล่ะ”

“ไปเลยก็ได้ จะได้รีบเดินกลับไปหาอะไรกินต่อ ตั้งสี่กิโลกว่า ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะเว้ย”

“มึงไม่เคยขึ้นเขาเหรอวะอิน เวลาเราเดินขึ้นน่ะมันลำบากก็จริง มันดูนานก็จริง แต่เวลาเราลงน่ะ มันคนละอย่างเลยนะ”

“กูรู้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่เหนื่อยนี่”

“เออๆ กูขอโทษก็แล้วกัน ไปๆ ไปทางไหนล่ะ” รามินทร์ยอม ไม่พูดต่อเพื่อเลี่ยงความยืดเยื้อในการเถียงกัน

พออินทัชคลายทุกอย่าง เป็นตัวของตัวเอง รามินทร์ก็รับรู้ได้ทันทีว่า อีกคนเป็นคนที่ดื้อพอตัว ฉะนั้นอย่าเถียง อย่าขัดใจอะไรให้อินทัชต้องรู้สึกหงุดหงิดจะดีกว่า ไม่งั้นคงต้องโดนยกเลิกข้อตกลงแน่ๆ

“ตามมา”

พวกเขาสองคนเดินไปที่ผาชูธงที่อยู่ห่างประมาณห้าร้อยเมตรต่อทันที และเผื่อไปถึงทั้งคู่ก็ได้แต่มองอย่างตกตะลึงในความสูงและความสวยที่แฝงไปด้วยความอันตรายที่ตกลงไปคือตายและอาจจะหาศพไม่เจอด้วย

เป็นหน้าผ้าที่สูงชัน เห็นทิวทัศน์รอบๆ ได้อย่างกว้างไกล เห็นภูเขาสีเขียว ลมเย็นสบาย บรรยากาศดี เป็นจุดชมวิวที่ไม่แพ้จุดชมวิวที่เขาค้อเลยสักนิด

“มึงคิดว่าตอนพระอาทิตย์ตกดินมันจะสวยไหมวะ” อินทัชถามขึ้นมา ดวงตาจับจ้องที่ทัศนียภาพเบื้องหน้าอย่างหลงใหล แม้ว่าวิวพวกนี้จะดูไม่แตกต่างจากที่อื่นๆ แต่ว่าถ้าลองใช้ความรู้สึกมากกว่านี้ พวกเขาก็จะรับรู้ได้ว่าทุกสถานที่มันมีความหมายและมันมีที่มาที่ไม่เหมือนกัน และแน่นอนว่าถ้าเรามาที่แห่งนั้นโดยที่รู้ประวัติ นั่นจะยิ่งทำให้การมาเที่ยวของเราสนุกและตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น

เพราะเราจะซึมซับความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้ และตอนนี้ อินทัชกำลังหลับตารับความรู้สึกนั้นอยู่ คิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงนั้น...

“กูคิดว่ามันต้องสวยมากแน่ๆ มึงเห็นระหว่างเขาตรงนั้นไหม กูว่าจากจุดนี้ พระอาทิตย์ต้องตกระหว่างเขาสองลูกนั้นแน่ๆ” รามินทร์พูดพร้อมใช้ท่าทางประกอบ นั่นคือชี้ไปยังเขาสองลูกตรงหน้า

อินทัชลืมตาแล้วมองไปตามนิ้วเรียวของรามินทร์ แล้วพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ

“กูก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ถ้าทางนั้นเป็นทิศตะวันตกนะ”

“มันต้องใช่อยู่แล้ว เสียดายที่เราอยู่ตรงนี้จนเย็นไม่ได้”

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ระหว่างทางเราก็ยังขับผ่านเขานี่ ก็ดูตามทางเอาก็ได้” อินทัชแนะนำ

“นั่นสินะ” แค่มีมึงอยู่ด้วยจะดูพระอาทิตย์ตกที่ไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละ

รามินทร์อมยิ้ม มองร่างสูงบางที่กำลังยิ้มเช่นเดียวกันด้วยความสุขที่แฝงไปด้วยความเศร้า ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ หยุดรอยยิ้มของอินทัชเอาไว้ แต่มันทำไม่ได้ แค่พรที่เขาขอให้เวลาเดินไปช้าๆ ไม่รู้ว่าท่านจะให้คนอย่างรามินทร์หรือเปล่า

“ทำไม...มึงอยากจะดูที่นี่เหรอ”

“เปล่า...กูแค่คิดว่ามึงอาจจะเสียดายที่มึงไม่ได้ดูมากกว่า” รีบตอบกลับร่างบางทันทีเพราะกลัวว่าอินทัชจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาอยากจะดูพระอาทิตย์ตกที่นี่

“ไม่หรอก...พระอาทิตย์มันก็ตกของมันทุกวัน ดูที่ไหนก็ไม่สำคัญหรอก มันสำคัญตรงที่ว่าเวลาเรามองพระอาทิตย์ตกน่ะ...เราได้คิดหรือเปล่าว่าวันนี้เราปล่อยเวลาให้มันเสียไปเท่าไหร่แล้ว เราทำประโยชน์อะไรบ้างมากกว่า วันเวลามันก็เปลี่ยนผันไปตามหน้าที่ของมัน และเราเองก็ต้องทำหน้าที่ของเราเหมือนกัน”

รามินทร์ไม่รู้หรอกว่าอินทัชพูแบบนั้นต้องการจะสื่อสารถึงอะไรกับเขา แต่เขาเข้าใจความหมายในประโยคนั้นดีว่ามันหมายถึงอะไร

“หึหึ...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมึงถึงบริหารธุรกิจใหญ่ๆ ได้ บริหารคนเป็นร้อยเป็นพันได้ เพราะมึงมีความคิดที่ไม่ปล่อยให้เวลามันสูญเปล่านี่เอง ถามจริงที่ผ่านมามึงเอาเวลาที่ไหนไปเที่ยว”

“ก็หลังเลิกงานไง กูก็เที่ยวทุกคืน”

“มึงแม่งตรงเกินไปแล้ว มันใช่คำตอบที่สมควรตอบแล้วหรือวะ”

“ก็มันเป็นความจริงนี่หว่า จะให้กูตอบอะไร ที่เที่ยวกูก็คือผับ บาร์พวกนี้ เวลาไปเที่ยวที่แบบนี้กูไม่ค่อยมีหรอก ชีวิตกูอยู่แต่ในกรุงเทพกับออกนอกประเทศ เจอแต่ก้อนเมฆและท้องฟ้า”

ไม่รู้ว่ารามินทร์จะหัวเราะหรือสงสารดี แต่คงจะต้องเป็นข้อแรก เพราะเจ้าตัวที่ตอบคำถามยังยิ้มออกมาเวลาเล่าเลย...คงจะตลกตัวเองอยู่ล่ะมั้ง

ตลก...ตลกที่คิดขอบคุณมัน ขอบคุณที่จับเขามา ทำให้เขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติดูบ้าง ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ถ้าเอาตามจริงการที่เขาอยู่ที่รีสอร์ทมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น งานมันเหนื่อยก็จริงแต่ใช้แค่แรงงาน แต่กับงานที่บริษัทต้องใช้ทั้งแรงและใช้ทั้งสมอง...

หากแต่ว่า...ที่เขาเข็ดขยาดและโกรธมากจนไม่อยากจะให้อภัยมันก็คือการที่ตนต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของมันมากกว่า…

“หิวหรือยัง” รามินทร์ถามเปลี่ยนเรื่อง

“อืม...ก็หิวแล้วล่ะ”

“งั้นลงไปเลยไหม”

“เออๆ ไปเลยก็ได้”

ใบหน้าสวยหันไปมองบรรยากาศโดยรอบอีกครั้งเพื่อซึมซับและจดจำเอาไว้ในความรู้สึกและความทรงจำของตนเอง...เพราะไม่รู้ว่า นี่จะเป็นการมาครั้งแรก หรือว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย นับจากนี้ไปเมื่ออินทัชหันหลังให้กับที่นี่...ภูหินร่องกล้าจะกลายเป็นแค่ความทรงจำของเขา

จะกลายเป็นเพียงแค่อดีต...ของเขากับของรามินทร์


ในช่วงเย็น พวกเขาเดินทางกลับหลังจากที่เที่ยวกันจนหนำใจแล้ว ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มจะตกดิน ฟ้าเริ่มมืดลง แสงสว่างค่อยๆ ถูกความมืดกลืนกิน รามินทร์ได้เลี้ยวรถเข้าจอดที่สามารถเดินลงไปดูพระอาทิตย์ตกดินได้ จากภาพด้านหลัง เห็นเพียงเงาผู้ชายตัวสูงสองคนที่รูปร่างต่างกันกำลังยืนมองพระอาทิตย์ตกดิน

ความอบอุ่นสุดท้ายของพระอาทิตย์ในวันนี้กำลังจะหมดลงในอีกไม่ช้า รามินทร์กับอินทัชก็ทำได้เพียงแค่ยืนมองมันลับขอบฟ้ากันอย่างเงียบๆ

ตอนนี้...สิ่งที่พวกเขารู้สึกเหมือนกันมีแค่อย่างเดียวนั่นก็คือ ‘อบอุ่น’ ความอบอุ่นที่ซ่านไปทั่วหัวใจของเราทั้งสอง รถหลายคันที่ขับผ่านไปก็ไม่มีใครไม่มองภาพนี้...มันให้ความรู้สึกและความหมายได้หลายแบบมาก จากด้านหลังเห็นเพียงเงาที่สะท้อนแสง มันดูสวยงาม...ดูเป็นมิตรภาพที่ดี

“พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว มึงได้คิดไหมว่าวันนี้มึงปล่อยเวลาให้สูญเปล่าไปหรือเปล่า” อินทัชถามขึ้นมาเมื่อความมืดเข้าปกคลุม มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าที่ส่องแสงสว่างแทนพระอาทิตย์ดวงใหญ่

“สำหรับวันนี้กูไม่มี...ทุกอย่างที่กูทำ มันคุ้มค่ามากที่สุดแล้ว”

“อืม...”

ร่างบางครางรับในลำคอเบาๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร ในเมื่อประโยคของรามินทร์มันสะท้อนความหมายที่ทำให้อินทัชไม่อาจจะตอบอะไรได้อีก

“อิน...วันนี้กูมีความสุขมากเลยว่ะ ได้มาเที่ยวกับมึงนี่เป็นสิ่งที่กูไม่เคยคิดภาพมาก่อนเลย ตอนนั้นกูเกลียดมึงมาก เพราะยึดติดความแค้นก็เลยใช้อารมณ์และความคิดตัวเองตัดสินทุกอย่าง คิดว่ามึงผิด แต่ไม่ลองสืบเรื่องราวให้มันดีก่อน เชื่อน้องมากจนกลายเป็นคนโง่ กูขอโทษมึงอีกครั้งนะ”

“เฮ้อ...เห็นแก่ว่าวันนี้มึงพากูมาเปิดหูเปิดตา กูจะรับคำขอโทษไว้ก็แล้วกัน ถ้ามึงรู้ตัวเองแล้ว ก็อย่าทำแบบนั้นกับใครอีกล่ะ” อินทัชแสดงท่าทีอ่อนลง ทั้งๆ ที่มักจะหงุดหงิดทุกครั้งที่คิดย้อนกลับไป หากแต่พอวันนี้เขาได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปกับรามินทร์ ไม่ใช่แบบไม่ชอบขี้หน้ากันก็พบว่ารามินทร์ไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่เขาคิด

กลับกันแล้วยังรู้สึกว่าไอ้ที่มันทำกับเขาที่ผ่านมา นั่นคือสิ่งที่มัน ‘พยายาม’ จะให้มันเป็นแบบนั้นมากกว่า พยายามใจร้าย พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน อินทัชไม่เคยเชื่อเวลาที่พวกคนงานพูดถึงว่ารามินทร์เป็นคนดีอย่างนั้น ใจดีอย่างนี้ สุภาพ อ่อนโยน ตอนนั้น ทำได้แค่ฟังแล้วค้านในใจเท่านั้น

จนวันนี้...เขาได้เห็นในอีกมุมหนึ่งกับตัวเอง...บอกตามตรงว่ามันดูเป็นธรรมชาติมากจนอินทัชไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นคนเดียวกัน

“กูไม่ทำความผิดซ้ำสองหรอก กูสัญญา” รามินทร์ให้คำสัญญากับอินทัช

“อืม...”

“แล้วมึงล่ะ? วันนี้เป็นยังไงบ้าง”

พอเจอถามมาแบบนี้อินทัชก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เลยนิ่งไว้ เลือกที่จะไม่ตอบออกไป ร่างหนาใช่ว่าจะไม่รู้ว่าอินทัชกำลังคิดอะไรอยู่ เขาก็เลยยิ้มบาง

“กูจะไม่ถามว่ามึงมีความสุขไหม...แต่มึงช่วยตอบกูได้หรือเปล่าว่าวันนี้มึงสนุกหรือไม่สนุก”

รามินทร์ยืนสบตากับอินทัชอย่างใจจดใจจ่อ ดวงตาสื่อถึงความคาดหวังในคำตอบจากอินทัชเอามากๆ และแน่นอนว่าที่เขาอยากได้ยินคือในด้านบวก ไม่ใช่ด้านลบ

อินทัชถอนหายออกมาแรงๆ แค่ตอบออกไป...ก็แค่พูดมันออกไปเท่านั้น

“สนุกสิ...มึงดูไม่ออกหรือไง”

ใบหน้าหล่อแสดงความดีใจอย่างออกนอกหน้าที่ได้ยินแบบนั้น แม้ว่าน้ำเสียงกับสีหน้าของคนตอบจะไม่ได้ดูมีอารมณ์ร่วมกับคำว่าสนุก แต่นั่นก็เป็นคำตอบที่ทำให้รามินทร์มีความสุขล้นอกจนเผลอตัวคว้าร่างเล็กกว่ามาสวมกอดอย่างแนบแน่น

หมับ!!

“เฮ้ย!!” ร่างขาวอุทานด้วยความตกใจ ขมวดคิ้วแน่นเพราะเจ็บที่โดนรัดแน่นเกินไป

“ขอบคุณ...ขอบคุณจริงๆ”

อินทัชยืนนิ่ง...แขนเรียวยกขึ้นมาอย่างทำตัวไม่ถูกที่ถูกจู่โจมแบบนี้ ร่างโปร่งลังเลอยู่ว่าจะเอายังไงกับสถานการณ์แบบนี้ดี จะผลักออกหรือว่าจะกอดตอบ...

อะไรวะเนี่ย!! มันอยู่ในข้อตกลงหรือไงวะ

แม้จะรู้สึกไม่พอใจที่โดนสัมผัสร่างกาย หากแต่อินทัชก็เลือกทำตามหัวใจมากกว่าทำตามสมองของตน...

สัมผัสเบาๆ ที่แผ่นหลังกว้างทำให้หัวใจของรามินทร์เต้นอย่างรุนแรงขนาดที่อินทัชเองยังได้ยิน...อินทัชรู้ว่าการที่เขากอดตอบรามินทร์ มันเป็นความต้องการของหัวใจ...อินทัชอยากจะกอดร่างแข็งแกร่งเหมือนกับที่รามินทร์กอดเขา

แต่ว่า...แบบนี้ มันอาจจะทำให้อินทัชลำบากมากยิ่งขึ้น

...

...

...





50%

:katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ไม่ได้ตั้งใจจะไม่อัพให้อ่านจริงๆ นะคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า ให้กำลังใจ ติชม หรือด่าพระเอกก็ได้ค่ะ ^_^ แล้วเจอกันครึ่งหลังในวันศุกร์นะคะ หรืออาจจะเป็นวันเสาร์ค่ะ

หากใครมีข้อสงสัย อยากพูดคุยหรือสอบถามยูกิ ก็ไปข้อความหากันที่แฟนเพจได้นะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-05-2017 19:43:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 10-05-2017 20:40:23
เป็นหน่วงๆ แงง
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-05-2017 21:27:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-05-2017 21:32:10
 :L2:
ขอบคุณนะ ถึงแม้อ่านไปจะมีความสุขก้ำกึ่งก็ตาม
แต่อย่างน้อย หัวใจแต่ละคนก็ได้รับการสื่อสารที่ดีนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 10-05-2017 21:35:06
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-05-2017 23:22:21
 :hao3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-05-2017 00:03:26
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 11-05-2017 12:10:58
รอวันที่ทั้งสองคนรักกัน ได้คบกัน

ตอนนี้เป้นความทรงจำที่ดีมากจริงๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 11-05-2017 15:10:11
ไมัรุ็จะเม้นอะไร จะสมน้ำหน้ารามก็สมน้ำหน้าไม่เต็มปาก เพราะนางกำลังเก็บเกี่ยวความสุขของนางไว้เป็นความทรงจำ ให้กำลังใจคนเขียนละกัน

สู้ๆคะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 12-05-2017 08:12:19
น้ำตาคลอเลยแฮะ สงสัยว่ารามจะอยู่ต่อไหวได้ยังไง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 12-05-2017 14:05:54
มาแล้วววว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 50% => (10/05/60) P.24 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 13-05-2017 19:30:20
อีกครึ่ง จะมา ศุกร หรือเสาร อ่อ วันนี้ยังวันเสารอยู่ เดี่ยวเข้ามาดูใหม่ค่า
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 100% => (13/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 13-05-2017 23:35:31
ตอนที่ 42 ครึ่งหลัง





UP


“เรื่องแบบนี้ต้องให้สองคนพูดกันเองหรือเปล่า”

“แล้วมึงคิดว่าคนอย่างไอ้จักรจะพูด? ชาติหน้ามั้งเหอะ ที่จะให้มันพูดน่ะ”

“แต่กูว่าการที่มึงจะให้ไอ้จักรไปกรุงเทพกับมึงด้วยมันจะทำให้เจ้าจอมเสียใจหรือเปล่า” เพราะการที่ตัวเองเป็นพี่ชาย รามินทร์เลยเป็นห่วงความรู้สึกของเจ้าจอมเมื่อฟังเรื่องทั้งหมดจากปากของอินทัช

ตอนนี้พวกเขายังไม่ถึงรีสอร์ทหรอก เพราะมัวแต่แวะทานอาหารเย็นอยู่ที่หล่มสัก พอขึ้นรถจะกลับรีสอร์ท อินทัชก็เลยพูดเรื่องของจักรกับเจ้าจอมที่ค้างไว้ไม่ให้บรรยากาศมันเงียบ

“แล้วมันมีวิธีอื่นที่จะทำให้พ่อแม่เจ้าจอมยอมรับคนจนไหมล่ะ”

“เฮ้อ...” รามินทร์ถอนหายใจ รู้ดีว่าพ่อแม่ของเจ้าจอมเป็นยังไง คิดถึงวันที่พ่อแม่ของเจ้าจอมรู้ว่าลูกชายชอบผู้ชายด้วยกัน คราวนั้นก็ตัดออกจากกองมรดกจนรามินทร์ต้องเป็นคนรับผิดชอบส่งให้น้องเรียน และดูแลน้องจนจบจวบจนให้น้องทำงานในรีสอร์ทของตน แต่ทางครอบครัวก็ใช้สิทธิ์ในความเป็นพ่อแม่จับคู่กับเจ้าจอมกับลูกชายของเพื่อนตนเองที่ชอบผู้ชายเหมือนกัน...

ตอนแรกก็บอกว่าจะไม่สนใจอะไรแล้ว แต่พอคิดได้ว่าถ้าแต่งกับผู้หญิงไม่ได้ ผู้ชายที่ลูกชายจะใช้ชีวิตด้วยต้องดีพร้อมทุกอย่างในเรื่องฐานะ ที่ไม่ว่ายังไงก็ยังคงบังคับและไม่ยอมปล่อยให้เจ้าจอมเลือกคนที่ไม่มีอะไรเลยมาเป็นแฟนแน่ ที่ผ่านมาเจ้าจอมเลยไม่ค่อยมีแฟนเท่าไหร่

“เอาไงล่ะ”

“ก็ต้องเรียกทั้งสองคนมาคุยนั่นแหละ จะได้หาทางรับมือด้วย”

“อืม...แต่ให้ไอ้จักรไปกับกูดีที่สุด คนมีความสามารถอย่างมันบอกตรงๆ ว่ากูเสียดาย อยู่กับมึงก็ไม่ได้ใช้อะไร แต่บริษัทกูต้องการคนอย่างมันว่ะ” อินทัชพูดออกมาตามความรู้สึกของตัวเอง

ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาจักรเป็นคนที่ทำงานได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานจัดสวนแล้วก็เขียนแบบ แล้วทุกอย่างที่จักรทำมันดูมืออาชีพมาก เสียดายที่ต้องอยู่แบบนี้

“กูเองก็เคยคิดเหมือนกัน แต่ทำไงได้มันไม่ยอมไป กูเลยอนุญาตให้มันรับงานข้างนอกได้ตามที่มันอยากทำเลย แล้วก็หางานมาให้มันบ่อยๆ แต่ว่ามันจะยอมไปหรือไง” ถามทั้งๆ ที่ตาก็มองถนนอยู่อย่างไม่ประมาท

“กูว่ายอม...แค่ไปทำงานกับกู ไม่ได้ให้เลิกกัน อย่างไอ้จักรน่ะ ถ้าฝึกมันหน่อยน่ะมันจะเก่งมาก มันไม่ใช่คนโง่ แต่มันแค่ไม่รับ อาจะเป็นเพราะการใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆ มาตลอดก็ได้”

“ก่อนหน้านั้นกูก็ไม่รู้นะว่ามันแบบไหน แต่ว่าตอนที่มันมาทำงานกับกูมันก็เป็นแบบที่มึงพูดนั่นแหละ” รามินทร์อดทึ่งกับความสามารถด้านการสังเกตคนของอินทัชไม่ได้

มันสุดยอดจริงๆ ขนาดเขาก็เพิ่งมาคิดตามตอนที่อินทัชพูดนี่แหละ

“เอาเป็นว่าดูสถานการณ์พรุ่งนี้ก่อนก็แล้วกัน ถ้าพวกนั้นไม่ยอมพูดอะไร เดี๋ยวกูจะเรียกมาคุย” รามินทร์ว่า

“อืม...ก็ดี มึงไม่ได้มีแผนจะพากูไปที่ไหนอีกใช่ไหม”

“ช่วงบ่ายๆ นั่นแหละ”

“อืม...” อินทัชพยักหน้า

“ถ้ามึงง่วงมึงนอนไปเลยก็ได้ ถ้าถึงแล้วกูจะปลุกมึงเอง”

รามินทร์บอกให้ร่างโปร่งนอนได้เพราะดูท่าทางของอินทัชแล้วเหมือนจะเพลียสุดๆ แน่นอนอยู่แล้วก็พวกเราเล่นเดินทั้งวันเลยนี่นะ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวมึงหลับใน กูยังไม่อยากตายด้วย”

“ปากดีจริงๆ”

รามินทร์พึมพำเบาๆ หากแต่คนโดนว่าก็ยังได้ยินอยู่ดีเพราะเรามีกันแค่สองคน บนรถก็เงียบด้วย ฉะนั้นต่อให้เบาขนาดไหนอินทัชก็ได้ยิน ร่างโปร่งเลยเปิดเพลงดังๆ แทน แล้วปรับเบาะนอนไปเลย เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนขับรถได้อย่างนึกเอ็นดู

“หึหึ”


“ฝันดีนะ”

เพราะถึงห้องของอินทัชก่อน ร่างสูงที่เดินตามหลังก็เลยบอกฝันดีขึ้นมาเพราะคนตรงหน้าไม่คิดจะสนใจหันมามองกันหรือบอกกล่าวอะไรกันก่อนเข้าห้องเลยสักนิด

เย็นชาอะไรแบบนี้...

“อืม...”

“ไม่คิดจะบอกกลับหน่อยหรือไง”

“มันจำเป็นด้วยเหรอ” หันมาถามอย่างกวนๆ “กูไม่เห็นว่ามันจะสำคัญอะไรตรงไหนเลยนี่”

“ก็อาจจะไม่จำเป็นสำหรับมึง แต่มันจำเป็นสำหรับกู มึงก็รู้ว่าตอนนี้ อะไรที่กูทำได้กูก็จะทำหมดนั่นแหละ” อินทัชยิ้มมุมปาก ช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาคมอย่างท้าทาย ทำเอารามินทร์ถึงกับสงสัยในท่าทีที่เปลี่ยนไป

“ทำไม...คลั่งกูขนาดนั้นเลยหรือไง”

เป็นคำถามที่รามินทร์พอจะเข้าใจแล้วว่าอินทัชกำลังคิดจะทำอะไร…มันก็รู้ว่าเขาคิดยังไงกับมัน แล้วทำไมมันถึงได้กล้าส่งสายตาท้าทาย ทำท่าเชื้อชวนจนรามินทร์หายใจไม่ทั่วท้อง

เริ่มจะเข้าใจแล้ว ว่าทำไมอินทัชถึงได้เสน่ห์แรงมาก เพราะเจ้าตัวมีท่าทางน่าเข้าหาแบบนี้ไง แม้จะเป็นเพราะอินทัชทำให้มันเป็น แต่มันก็เป็นธรรมชาติขนาดที่เขายังยอมรับเลย

“กำลังเอาคืนอยู่หรือไง ไหนว่าจะไม่เอาคืน”

“งั้นมึงก็คิดว่ากูไม่ได้เอาคืน แต่ใช้คำว่า ‘แกล้ง’ แทนก็ได้นี่” ยักคิ้วให้ร่างแกร่งพร้อมกับกอดอกอย่างเป็นต่อ แสยะยิ้มมุมปากให้ดูน่าค้นหาเข้าไปอีก

ที่ผ่านมารามินทร์ก็เคยเห็นอินทัชในรูปแบบน่าค้นหามาก่อนแต่ก็สลัดมันออกไปได้ เพราะตัวเองไม่อยากจะให้ความสนใจอินทัชไปมากกว่าคนที่เกลียด แต่เพราะอินทัชนั่นแหละ ที่ชอบทำให้สายตาของเขามองหาอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ว่าจะจ้องจับผิดหรือแค่อยากให้อินทัชอยู่ในสายตากันแน่

แต่เหมือนตอนนี้จะเข้าใจแล้ว...

“ร้ายกายว่ะ” รามินทร์ว่าอินทัชแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก ส่วนคนที่ถูกว่าก็ยังทำหน้านิ่งๆ ไม่รู้สึกอะไร แต่ก็หัวเราะอยู่ในใจกับท่าทีของคนตรงหน้า

“เอาไง จะให้กูไปอาบน้ำนอน หรือว่ามึงจะพูดอะไรกับกูอีก”

“มึงแม่ง...”

“เร็วๆ เลย กูง่วงมากแล้ว” อินทัชเร่ง

“มึงให้เวลากูอีกไม่ได้หรือไง เพิ่งจะสี่ทุ่มเองนะเว้ย” รามินทร์แย้ง

“ก็วันนี้กูเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กูอยากนอน”

“งั้นขอนอนด้วยได้ไหม?”

เป็นคำถามที่ทำให้อินทัชเบิกตากว้างรู้สึกเกิดเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะกล้าขอนอนด้วยแบบนี้ สงสัยชักเหลิงใหญ่แล้วสินะ...

“มากไปหรือเปล่าวะ”

“แค่นอนเอง กูนอนพื้นก็ได้”

“อย่าโง่น่า เตียงในห้องมึงใหญ่กว่า สบายกว่า มึงก็ไปนอนสบายๆ ในห้องของมึงนู่น กูเองก็อยากนอนสบายๆ เหมือนกัน” เป็นอันเข้าใจว่า การที่รามินทร์จะไปนอนด้วยนั้นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดสุดๆ

เขาไม่ต้องการที่จะทำให้อินทัชลำบากใจอะไรหรอก แต่ที่ขอก็เพราะว่าอยากจะลองดูเท่านั้น เผื่อจะฟลุ๊คได้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางได้แน่นอน ร่างสูงเลยหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆ กูก็ขอไปงั้นแหละ แต่ล็อกห้องด้วยล่ะ ไม่แน่ว่ากูอาจจะย่องมา”

“ย่องมา ข้อตกลงของเราก็จบทันที ตามนั้น”

เป็นคำขู่ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลยก็ว่าได้ ขนาดโดนขู่ทำร้าย รามินทร์ยังไม่กังวลเท่านี้มาก่อนเลย

“โอเคๆ กูยอมแล้ว ยังไงก็ฝันดีนะ”

“อืม...ฝันดี”

ปัง!!

อินทัชยอมบอกฝันดีด้วยสีหน้านิ่งๆ และใช้น้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับว่าพูดมันไปส่งๆ แล้วก็เปิดประตูเข้าไปในห้องทันที...

รามินทร์เองก็ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าประตูห้องเล็กแบบนั้นอีกสักพักก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเองไป ด้วยหัวใจที่มีแต่ความสุข...

แม้ว่าจะเหลือเวลาแค่พรุ่งนี้อีกวันเดียวก็ตาม...






บรรยากาศตอนเช้ามักจะทำให้ใครหลายๆ คนที่ตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์นั้นจะรู้สึกผ่อนคลายและมีพลังในการทำงาน แต่วันนี้ฝนกลับตกตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ก็ยังตกอยู่ ทำให้อินทัชไปไหนไม่ได้นอกจากจะเดินอยู่แถวๆ รีสอร์ทแล้วก็ช่วยพนักงานคนงานทำงานแก้เซ็งแทน

“พี่อิน” ในขณะที่กำลังเดินผ่านสำนักงานของรีสอร์ท เจ้าจอมที่เปิดประตูออกมาก็เรียกเอาไว้ทันทีด้วยสีหน้าที่ดูร้อนอกร้อนใจ

“อ้าว? น้องจอม มีอะไรหรือเปล่า”

“คือว่า...พี่อินว่าหรือเปล่าครับ จอมมีเรื่องจะปรึกษา” สีหน้าของเจ้าจอมดูไม่ดีเลยสักนิด มีแต่ความเครียดความกังวลเต็มไปหมด

“ว่างครับ พี่ไม่ได้ไปไหน ตอนนี้ฝนก็ตกด้วย”

“งั้นมาคุยกับจอมที่ห้องทำงานของพี่รามหน่อยนะครับ”

“ครับ”

อินทัชเดินเข้าไปในสำนักงานแล้วตามเจ้าจอมที่หน้าเครียดๆ เข้าไปในห้องทำงานของรามินทร์ที่เจ้าของห้องไม่อยู่ เพราะออกไปทำธุระในตัวเมือง

“มีอะไรหรือเปล่าครับน้องจอม ทำไมดูเครียดๆ”

เมื่อร่างสูงโปร่งนั่งลงข้างๆ กับเจ้าจอม เขาก็ถามทันที เจ้าจอมมองหน้าอินทัช

“จักรมีท่าทางแปลกๆ มาสองวันแล้วครับ วันนี้ก็ไม่เจอเลย โทรไปก็ไม่รับ ปิดเครื่องด้วย จักรได้มาปรึกษาอะไรพี่อินไหมครับ”

อินทัชคิดไม่ผิดเลยว่าจะต้องเกี่ยวกับเรื่องของจักรแน่ๆ

“เมื่อวานพี่เจอมันอยู่นะ จริงๆ ก็มีปรึกษาบ้างแหละ” อินทัชตอบออกไปตามความจริง

“งั้นหรือครับ จักรปรึกษาเรื่องอะไรกับพี่อินหรือครับ”

“จริงๆ แล้วพี่อยากจะให้จักรมันพูดอง แต่ดูเหมือนว่ามันคงจะไม่พูดหรอก” อินทัชพูด เจ้าจอมเองก็มีสีหน้าที่อยากรู้สุดๆ

“เกี่ยวกับจอมใช่ไหมครับ”

“ครับ”

“แล้วมันเรื่องอะไรนะ จอมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนี่นา” ร่างเล็กพึมพำแล้วพยายามนึกว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้จักรดูไม่สบายใจแบบนั้น แล้วการหายไปทั้งวันแบบนี้มันยิ่งทำให้เจ้าจอมรู้สึกไม่ดี

“น้องจอมไม่รู้หรอก มันรู้ของมันอยู่คนเดียวนั่นแหละ”

“พี่อินบอกจอมได้ไหมครับ” เจ้าจอมขอร้อง

“ก็ได้ครับพี่จะบอกน้องจอมเรื่องที่ไอ้จักรมันมาปรึกษา แต่พี่จะบอกให้น้องจอมเข้าใจก่อนว่าจักรมันไม่ได้หนีหน้าน้องจอมแต่มันรับงานข้างนอก ไอ้รามมันบอกพี่ว่าไอ้จักรมันรับงานเยอะมาก ก็เลยไปคุยงานข้างนอกน่ะ”

“จริงแล้วๆ เรื่องรับงานจักรน่าจะบอกจอมตรงๆ นะ ยังไงจอมก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว แต่ว่าทำไมถึงได้รับงานเยอะขนาดนั้นล่ะครับ”

“เหตุผลที่รับงานนี้ก็มาจากน้องจอมนั่นแหละครับ”

“ยังไงเหรอครับ” ขมวดคิ้วสวยแน่น สบตากับอินทัชอย่างไม่เข้าใจสุดๆ

“มันได้ยินน้องจอมคุยโทรศัพท์กับคุณพ่อน่ะ มันก็เลยคิดว่าความจนของมันต้องทำให้น้องจอมลำบากทีหลัง ก็เลยจะรับงานเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว” อินทัชเล่า

เหตุผลของจักรที่อินทัชบอกเจ้าจอมไป แม้ว่าเพื่อนตัวใหญ่คนนั้นจะไม่ได้บอกเขา แต่อินทัชก็เข้าใจในวัตถุประสงค์ของการไปรับงานข้างนอกในครั้งนี้ของจักรได้

“จริงหรือครับ แสดงว่าวัน...” เจ้าจอมเงียบไปเมื่อคิดถึงวันนั้น... “ได้ยินหมดเลยสินะ”

วันนั้นเจ้าจอมเถียงกับพ่อเสียงดังมาก ทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องที่เขาคบกับจักรทั้งนั้น ถ้าจักรได้ยินเขาคุย แสดงว่าก็ต้องรู้เรื่องหมดแล้วว่าพ่อแม่ของเขาไม่ยอมให้คบกันง่ายๆ แน่

“ไม่น่าจะหมดหรอก มันได้ยินแค่ที่น้องจอมพูดว่า ‘ถึงจักรจะจน’ แค่นั้นแหละที่มันเล่าให้ฟัง”

“ทำไงดีครับพี่อิน จักรต้องกังวลมากแน่ๆ แล้วพ่อแม่จอมก็ไม่ยอมง่ายๆ ด้วย”

“มันก็รู้แหละ เลยจะทำงานเก็บเงินเยอะๆ”

“เพราะจอมแท้ๆ เลย”

“ไม่หรอกครับน้องจอม จะโทษตัวเองไม่ได้ครับ มันเป็นเรื่องของคนสองคน จักรมันก็ทำถูกแล้วเพราะนั่นคือการต่อสู้ของมัน ไม่ได้หนี แต่มันสู้เพื่อความรักของมันกับน้องจอมอยู่นะ”

เจ้าจอมน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจที่จักรให้ความรักกับตนมากขนาดนี้ แล้วที่เจ้าจอมไม่เคยบอกว่ามีปัญหาเรื่องนี้กับครอบครัวก็เพราะว่ากลัวจักรจะทิ้งเขาไป ไม่สู้ ไม่อยู่ข้างๆ กับเขา เจ้าจอมก็เลยคิดจะแกปัญหานี้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อรู้แบบนี้แล้วความรักที่มีต่อจักรยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนแสดงออกมาผ่านน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างซาบซึ้ง ไม่ได้เสียใจแต่กำลังดีใจ...

จะมีใครที่จะทำอะไรแบบลับหลังเพื่อเจ้าจอมได้อย่างจักรบ้าง...

“จอมทำอะไรไม่ได้เลย จอมต้องปล่อยให้จักรเหนื่อยคนเดียวหรือครับ มีทางเดียวที่จะผ่านพ่อกับแม่จอมไปได้ ก็คือต้องรวยอย่างเดียวเท่านั้น” มันเป็นเรื่องที่เจ้าจอมพูดบอกคนอื่นได้ลำบากมากที่จะต้องมาบอกว่าพ่อแม่ของตนเป็นบุคคลที่ไม่ยอมรับและดูถูกคนมีฐานะต่ำกว่าสุดๆ

เปลี่ยนพ่อแม่ไม่ได้หรอก เขาลองทำมาตลอดทั้งชีวิตแล้ว...

“พี่ช่วยได้นะ...” เจ้าจอมหันมามองหน้าให้ความสนใจอินทัชที่พูดเสนอตัวขึ้นมาทันที รู้สึกว่าตัวเองมีความหวังขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าอินทัชจะช่วยเหลือเจ้าจอมกับจักรเรื่องนี้ได้ยังไง

“ยังไงครับ”

อินทัชยิ้มหวานให้เจ้าจอม...แล้วพูดบอกไปว่า...

“รอไอ้รามกับไอ้จักรก่อนนะ ค่อยพูดทีเดียว”






100%

:katai5: :katai5: :katai5:

สวัสดีค่า เอาครึ่งหลังมาลงให้ดึกๆ ของวันเสาร์เสาร์เลย ไม่รู้ว่าจะมีใครอยู่อ่านกันหรือเปล่า หรือว่าใครที่อ่านช่วงวันใหม่หรือวันอื่นก็ไม่เป็นไรค่ะ เข้าใจว่าทุกคนมีหน้าที่กันหมด ยังไงก็สู้ๆ กับงานนะคะ ^_^

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจคนเขียนด้วยนะคะ ขอบคุณค่า

มีอะไรสอบถาม พูดคุย ติดตามข่าวสารการอัพนิยายของยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 100% => (13/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 14-05-2017 00:06:43
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 100% => (13/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-05-2017 01:41:14
จักรสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 100% => (13/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-05-2017 10:52:22
ลุ้นคู่จักรจอมไม่เท่าคู่รามอินทร์
ก็จักรจอมมีรามอินทร์ช่วย
แต่รามอินทร์นี่...อุปสรรค์เยอะอะ
#เอาใจช่วยนะพี่ราม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 100% => (13/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-05-2017 05:16:17
อย่างน้อยวันนี้รามก็ได้ยิ้ม เหลืออีกหนึ่งวัน ทำให้ดีนะ

อินทัชตอนเปิดใจ อะไรก็ดีงาม ยิ้มได้แล้วด้วย ปล่อยวางไปเยอะ
อินปากแข็ง ใจแข็ง

จะรอดูว่าวันที่สาม รามจะทำยังไง จะมีเรื่อง surprise ไหม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 100% => (13/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 16-05-2017 08:36:07
เดี๋ยวนะ อ่านจากตอนที่แล้ว เจ้าจอมโดนพ่อแม่ตัดขาดทำให้รามต้องรับมาส่งเสียเลี้ยงดู แล้วพอเรียนจบทำงานใช้ชีวิตเองคบกับจักรก็อยู่กับราม แล้วพ่อแม่มาวุ่นวายหาสามีให้ลูกอีกได้ไง ไหนว่าตัดขาดกันแล้ว พ่อแม่ประเภทไหนกัน เลี้ยงก็ไม่เลี้ยงแล้วอยู่ๆ ก็กลับมาบอกว่าเป็นลูก แล้วบังคับหาผัวนี่นะ โอวว งง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 42 100% => (13/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 23-05-2017 19:23:43
คิดถึง ราม อินทร์
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 50% => (27/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 27-05-2017 20:27:33
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 43
เพื่อคำว่า ‘เรา’




จักรเดินไปตามทางอย่างเหนื่อยล้าเพราะคุยกับลูกค้ารายใหญ่อยู่นานมากกว่ากว่าจะตกลงรูปแบบสวนลงตัวก็ปาไปหลายชั่วโมง และตอนนี้เขากำลังเดินตรงไปยังห้องทำงานของรามินทร์เพราะทันทีที่เขาเปิดโทรศัพท์ก็มีเบอร์ของเจ้าจอมโทรมาอยู่ยี่สิบกว่าสาย พอโทรกลับเขาก็โดนนัดให้มาที่นี่ เสียงของเจ้าจอมจริงจังจนจักรใจคอไม่ดีเท่าไหร่นัก ตลอดการเดินทางกลับมาที่นี่จักรกังวล คิดนั่นนี่ไปต่างๆ นาๆ เลย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“มาแล้วเหรอ”

พอเขาเข้าไปในห้องทำงานหลังเคาะประตูเสร็จคนที่ทักก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรามินทร์เจ้านายของเขาเอง แต่ว่าในห้องไม่ได้มีแค่รามินทร์กับเจ้าจอมแต่มีอินทัชที่นั่งกอดอกนิ่งๆ มองมาที่เขา จนจักรคิดไปเองแล้วว่าเพื่อนคนนี้ยังคงโกรธเขาอยู่แน่ๆ

“ครับ”

“มานั่งสิ วันนี้กลับช้านะ คุยงานนานเหรอ” รามินทร์ชวนก่อนจะถามเหตุผลที่ทำให้ร่างสูงกลับมาเย็นขนาดนี้ ส่วนคนที่โดนถามก็หันหน้าไปมองท่าทีของเจ้าจอมด้วยความกังวลทันที

คุณจอมรู้แล้วเหรอ...

แต่ร่างแกร่งได้รอยยิ้มบางๆ กลับมาเล่นทำเอาความเหนื่อยล้าที่มีอยู่ตามร่างกายมลายหายไปราวกับได้ยาวิเศษ

คุณจอมไม่ว่าอะไร แถมยังยิ้มให้ด้วย...

“ครับ...เพราะผมมันพวกสมองช้าด้วยแหละเลยไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูดเท่าไหร่” จักรตอบกลับไปอย่างถ่อมตัวเอง ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วลูกค้าเรื่องมากต่างหาก

กับเรื่องอื่นจักรอาจจะช้าและเข้าใจอะไรยาก แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ตัวเองเก่งและชำนาญ เจ้าจอม รามินทร์และอินทัชรู้ดีว่ามันไม่ใช่แบบนั้น

“บางครั้งมึงก็ถ่อมตัวเองเกินไปจนกลายเป็นการดูถูกตัวเอง” อินทัชพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ถึงแม้ว่าเราจะรู้ตัวเองว่าเราไม่เก่งเรื่องไหนก็ตาม ก็ไม่ควรที่จะดูถูกตัวเอง เพราะถ้าขนาดเรายังดูถูกตัวของเราเองเลย แล้วจะมีใครที่ไหนมาชื่นชมมาภาคภูมิใจ

“เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า” เจ้าจอมแทรกขึ้น เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างอินทัชกับจักรมันดูแปลกๆ อินทัชทำท่าเหมือนโกรธจักรมาก ส่วนจักรตอนนี้ทำหน้าเศร้าไปแล้ว

ที่นั่งของจักรคือข้างๆ กับเจ้าจอม อินทัชนั่งคนเดียว ส่วนรามินทร์ก็นั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเองเพราะมีโซฟาจำกัด

“ตอนนี้ฉันรู้ปัญหาของนายแล้วนะ แต่ฉันไม่ได้โกรธหรอกที่นายรับงานข้างนอก แต่ที่ฉันโกรธคือนายไม่ยอมบอกเหตุผล ไม่ยอมถาม ไม่ยอมพูดเรื่องที่ตัวเองไม่สบายใจ ก็จริงอยู่ที่นายไม่อยากให้ฉันต้องลำบากใจ ไม่สบายใจ หรือเพราะว่าฉันอายุน้อยกว่านาย เลยคิดว่าฉันจะช่วยนายไม่ได้?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณจอม”

“แล้วทำไมถึงไม่พูด...มันเป็นเรื่องของเรานะจักร ถ้าฉันไม่ถามพี่อิน ฉันจะรู้เรื่องไหม? มันเป็นเรื่องของเราแต่นายกลับบอกคนอื่นได้ แต่บอกฉันไม่ได้ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ”

เจ้าจอมน้อยใจ แม้ว่าทุกอย่างที่จักรทำไปเพราะไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกไม่ดี แต่ถ้ามันกลายเป็นว่าเจ้าจอมต้องเป็นคนรับอยู่ฝ่ายเดียวมันจะไปแฟร์กับจักรเหรอ นี่มันเรื่องของ ‘เรา’ นะ ความรักของเรา จะให้คนหนึ่งมีความสุขและอีกคนหนึ่งลำบากไปทำไม

มีทุกข์ ก็ต้องร่วมทุกข์ไปด้วยกัน

มีความสุข ก็ต้องสุขไปด้วยกัน...

“ผมขอโทษครับ” จักรก้มหน้าสำนึกผิด

“แต่ฉันดีใจนะ ที่นายทำเพื่อเราน่ะ” จักรเศร้าไม่นานก็กลับมายิ้มออกเมื่อได้ยินประโยคที่แสนอ่อนโยนของคนรักตัวเล็ก ที่นอกจะพูดแบบนั้นแล้ว เจ้าจอมยังยิ้มหวานให้เป็นรางวัลอีกครั้งด้วย

อ่า...’คนรัก’ คุณจอมเป็นคนรักของเราสินะ เราสองคนรักกัน เพราะอย่างนี้ไง ผมถึงอยากทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คุณจอมต้องลำบาก

“ฉันไม่มีความสุขหรอกนะที่ต้องให้นายมาเหนื่อยคนเดียวโดยที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ผมแค่อยากให้คุณจอมสบายอย่างที่เคยเป็น ไม่ต้องมาลำบากกับผม”

“แล้วถ้าการที่ฉันสบายแล้วเห็น ‘คนรัก’ ของตัวเองต้องเหนื่อยแบบนี้ นายเห็นฉันเป็นคนรักแบบไหนกันจักร ฉันไม่ได้เห็นแก่ตัว และฉันก็ไม่ได้เป็นคุณหนูขนาดนั้นนะ” เจ้าจอมพูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง ทำให้จักรรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ที่คิดเองเออเองไปคนเดียว

“ขอโทษครับ”

“บอกแล้วไงว่าไม่โกรธ เลิกทำหน้าแบบนี้แล้วยิ้มซะ” มือนุ่มเอื้อมไปจับที่แก้มทั้งสองแล้วบังคับให้หันมาสบตากับตน ก่อนที่คนน่ารักของจักรจะยิ้มหวานให้อีกครั้ง จักรเลยยิ้มตามอีก

“ขอบคุณครับ”

“แฮ่ม! ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะ แต่พี่ยังอยู่นะครับเจ้าจอม” รามินทร์กระแอมขึ้นขัดจังหวะการสวีทหวานของทั้งสองคน ทำให้เจ้าจอมกับจักรผละออกจากกันไม่ทัน

“ขอโทษครับ ว่าแต่พี่อินบอกว่าจะช่วยพวกเรา ช่วยยังไงหรือครับ ตอนนี้จักรก็มาแล้ว”

เจ้าจอมเข้าเรื่องทันที อินทัชหันไปสบตากับรามินทร์ก่อนจะร่างสูงจะพยักหน้าเป็นการบอกให้อินทัชพูดได้เลย ร่างโปร่งเลยหันมามองหน้าเจ้าจอมกับจักร

“ปัญหาอยู่ที่พ่อแม่ของน้องจอมไม่ยอมรับอยู่แล้ว เรื่องนี้พี่ช่วยได้นะ”

“ยังไงหรือครับ”

“พี่จะพาไอ้จักรไปทำงานที่บริษัทพี่ เรียนรู้เพิ่มเติมและจะพาไปดูงานที่ต่างประเทศด้วย แต่ว่าน้องจอมกับจักรก็ยังเจอกันได้ตลอดนะ เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหม”

“มึงเอาจริง?” จักรถาม

“ก็เอาจริงดิ”

“แต่คนอย่างกู…”

“คนอย่างมึงทำไม” อินทัชสวนทันทีไม่ปล่อยให้จักรพูดจบ

“ทำงานบริษัทมึงแบบนั้น มันไม่เหมาะกับกูว่ะ”

“ไม่เหมาะยังไง ลองแล้วหรือไง หรือว่ามึงมีวิธีอื่นที่จะทำให้มึงหาเงินได้เยอะๆ แบบง่ายกว่าไปอยู่กับกู?” คำถามของอินทัชทำให้จักรถึงกับไปไม่เป็น

ก็จริงอย่างที่อินทัชว่า

“แล้วมึงจะให้กูไปอยู่ในตำแหน่งอะไร”

“บริษัทของกูทำเกี่ยวกับการตกแต่งอสังหาริมทรัพย์ทั้งภายใน ภายนอกและเป็นพันธมิตรกับบริษัทของคุณอัคนีคนรักของดรีมที่เคยมาจัดงานแต่งที่นี่” เจ้าจอมเบิกตากว้างอย่างตกใจกับประวัติที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน รู้ว่าอินทัชคือนักธุรกิจดังแต่ไม่รู้ว่าบริษัทอะไร ตอนนี้ก็รู้แล้วล่ะ

ส่วนจักรก็มองหน้าคนพูดอย่างตกตะลึงไม่แพ้กัน เขาก็แค่ตกใจที่ไม่คิดว่าเราสองคนจะแตกต่างกันถึงขนาดนี้ นี่อินทัชกล้ามาเป็นเพื่อนกับเขาได้ยังไงกัน

“กูไม่ได้พูดเพราะอวดตัวเองหรอกนะ แล้วมึงก็ไม่ต้องมาทำท่าทางเหมือนว่าเราแตกต่างกันขนาดนั้นด้วย กูจะมีเพื่อนสักคนกูไม่เน้นรวย ไม่เน้นดัง แต่เพื่อนสำหรับกูคือคนที่อยู่ข้างกู ไม่ทิ้งกู ช่วยเหลือกู ซึ่งแต่ก่อนกูก็มีแค่ไอ้ธีร์คนเดียว เดี๋ยวมึงไปกรุงเทพมึงจะได้รู้จักเองแหละ แต่ตอนนี้กูมีมึง มีหมอเงินเป็นเพื่อนเพิ่มมาอีกสองคน มันอาจจะยังไม่ใช่เพื่อนตายเหมือนที่กูกับไอ้ธีร์ แต่มึงก็เป็นเพื่อนที่กูต้องช่วยเหลือถ้าเพื่อนลำบากหรือเดือดร้อน”

“มันจะไม่มากไปหน่อยหรือวะ”

“จะมากไปยังไง กูเป็นผู้บริหารนะเว้ย กูเลือกคนเข้าทำงานโดยเลือกจากความไว้วางใจและความซื่อสัตย์เป็นอันแรก ส่วนความสามารถ เรื่องพวกนี้มันฝึกกันได้”

อินทัชตอบอย่างจริงจัง จักรซึ้งใจมากที่อินทัชช่วยเหลือเขามากขนาดนี้

“มึงจะให้กูไปทำอะไรที่บริษัทมึง”

“มึงถนัดอะไรที่สุด ก็ทำอันนั้นแหละ”

“จริงหรือวะ” คราวนี้จักรมีประกายความยินดีขึ้นมาอย่างมาก ทำเอาเจ้าจอมยิ้มกว้างที่ได้เห็นความดีใจที่จะได้ทำงานที่จักรรักอย่างเต็มที่และจริงจังเสียที

เจ้าจอมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยที่จักรจะไปกรุงเทพ เพราะยังไงแล้ว เจ้าจอมก็ยังไปหาได้ เราโทรคุยกันได้...ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากังวลหรอก

“อืม...มึงอาจจะต้องฝึกงานอย่างเต็มที่ภายในหกเดือน ถ้ามึงผ่านทดสอบทุกเดือนๆ ไปได้ เดือนที่เจ็ดมึงจะได้บรรจุเป็นหัวหน้าทันที ส่วนหัวหน้าคนก่อนกูมีแผนเลื่อนตำแหน่งเขานานแล้ว มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไปแย่งใคร ส่วนคนงานอื่นๆ ที่เขาทำมานานกว่ามึงกูยังไม่เห็นว่ามีใครมีศักยภาพพอจะเป็นหัวหน้าได้ ก็เลยยังไม่มีการเลื่อนตำแหน่งอะไรเสียที คราวนี้ก็จะได้โอกาสแล้วล่ะ”

ทั้งนี้...รวมถึงว่า เขาต้องกลับไปจัดการความเรียบร้อยของกรรมการบริษัทก่อนล่ะนะ เพราะเขาหายตัวมาหลายเดือนแบบนี้...มันเป็นเรื่องที่ทำให้บริษัทสั่นคลอนอย่างมหาศาล

“ขอบคุณนะ กูขอบคุณมึงจริงๆ ไอ้อิน”

“เออน่า...ว่ายังไงครับน้องจอม แบบนี้โอเคไหม” ทั้งจักรทั้งอินทัชหันมาสนใจเจ้าจอมที่นั่งเงียบอยู่ตั้งนานทันที คนรักอย่างจักรพอคิดได้ก็เครียดขึ้นมาอีกแล้ว เขาไม่อยากห่างเจ้าจอม

ไม่อยากห่าง แต่ก็ต้องห่าง...

“ไม่มีอะไรที่จอมจะไม่โอเคครับ ดีเสียอีก คราวนี้เรื่องงานก็หมดปัญหาไปแล้ว เดี๋ยวปัญหาอื่นๆ จอมจัดการเองครับ พ่อแม่จอม จอมรู้ดีที่สุดว่าต้องรับมือยังไง ระหว่างนี้ก็ตั้งใจทำงานล่ะ” ประโยคสุดท้ายหันมาสั่งจักรอย่างจริงจัง

“ครับ...ผมจะรีบสร้างเนื้อสร้างตัว”

“ว่าแต่ไปวันไหนครับ”

“จักร...ว่าไงมึง”

“กูรับงานมาแล้ว ขอเคลียร์งานให้เสร็จก่อนได้ไหมวะ” จักรถาม

“งั้นก็ได้ จะใช้เวลากี่เดือนล่ะ”

“ประมาณหนึ่งเดือนน่ะ เดี๋ยวกูจะโทรไปก็แล้วกัน กูจะออกแบบแล้วให้คนที่บริษัทพี่ที่รู้จักจัดไป”

โชคดีที่เขายังรับงานได้ไม่ครบทุกคน เพิ่งจะคุยไปไม่กี่รายเอง ก็เลยมีโอกาสได้เคลียร์งานไว...

“เออๆ กูจะทิ้งเบอร์ไว้ให้”

“สรุปกันได้แล้ว ก็ตามนี้ แยกย้ายกันพักผ่อนได้แล้วไป” รามินทร์ลุกจากโต๊ะทำงานมาหาทั้งสามคนเมื่อเห็นว่าทุกอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อยดีแล้ว

เจ้าจอมก็โอเค จักรก็เหมือนว่าจะดีใจและมีความสุขที่จู่ๆ ก็มีโอกาสดีๆ แบบนี้มาหาตน ส่วนรามินทร์ก็ยอมรับได้เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางทำให้จักรได้ดีไปมากกว่านี้แล้ว เพราะธุรกิจของรามินทร์คือรีสอร์ท โรงแรม ซึ่งแม้ตอนนี้กำลังจะร่วมลงทุนธุรกิจกับเพื่อนก็ตามที ก็ไม่มีงานไหนที่จะเหมาะกับจักรเลยสักงาน

อินทัชเหมือนเป็นเทวดาเลยนะแบบนี้...

“รีบไล่จังเลยนะฮะ” เจ้าจอมแขวะพี่ชาย

“แล้วจะนอนที่นี่กันหรือไง”

“งั้นจอมกับจักรกลับบ้านก็ได้ ขอตัวก่อนนะครับพี่อิน ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ โชคดีนะฮะที่วันนี้ฝนตกทั้งวันเลยยื้อพี่อินอยู่ต่อได้อีกหนึ่งวันแหนะ” เจ้าจอมพูดอย่างดีใจ ทำเอาอินทัชได้แต่หัวเราะน้อยๆ ออกมา ซึ่งมันก็เป็นความจริง จริงๆ วันนี้ควรจะเป็นวันสุดท้ายของอินทัช แต่ว่าฝนตกทั้งวันเลย เลยออกไปข้างนอกอย่างที่รามินทร์อยากจะพาไปไม่ได้ เจ้าจอมเองก็เลยขอให้อนยู่ต่ออีกวัน

ถามว่าทำไมเขาไม่ปฏิเสธ เขาปฏิเสธแล้วนะ แต่เจ้าจอมให้เหตุผลว่า...

‘อันนั้นพี่รามเป็นคนขอ อันนี้จอมขอร้อง นะครับ พี่อินอยู่อีกวันน้า’

ฉลาดมาก แล้วอินทัชจะทนกับลูกอ้อนของเจ้าจอมได้หรือ แน่นอนว่าไม่ แต่คนที่ดีใจจนออกนอกหน้าไม่ได้มีแค่เจ้าจอมคนเดียว พี่ชายสุดที่รักของเจ้าจอมเองก็แสดงความดีใจออกนอกหน้าเช่นกันที่น้องชายตนเองทำอะไรได้ถูกใจเขามากๆ

‘ได้ครับๆ’

ไม่รู้อะไรดลใจให้ยอม แค่รู้สึกว่าอยากจะพูดออกไปแบบนั้น

“เจอกันครับ ฝันดีนะครับน้องจอม”

“ฝันดีครับ”

จักรกับอินทัชมองตากัน ไม่ต้องพูดอะไรก็เหมือนจะเข้าใจว่าจักรอยากจะพูดอะไร แต่มันเป็นพวกปากแข็ง ฉะนั้นไม่ต้องพูดหรอก...

แค่นี้ก็ดีแล้ว เป็นเพื่อนกัน...มันก็ดีแล้ว

“เอาล่ะ ตอนนี้ทุ่มกว่าๆ ไปกินข้าวได้แล้ว” พอจักรกับเจ้าจอมออกจากห้องทำงานของรามินทร์ไป ร่างสูงของเจ้าของห้องเอ่ยชวน อาหารที่เตรียมไว้คงจะพร้อมแล้วล่ะ

“อืม...ไปสิ”

ทั้งสองตรงไปยังห้องอาหารและไปนั่งที่โต๊ะที่ถูกจัดไว้ ก่อนจะเริ่มทานอาหารเย็น อินทัชที่สงสัยในอะไรบางอย่างก็เลยถามร่างสูงขึ้น

“ราม...น้องสาวมึงกับฟรองซัวกลับไปแล้วหรือวะ”

“ยังไม่กลับหรอก สองคนนั้นไปเที่ยวอยู่น่ะ ก่อนจะกลับจะมาค้างที่นี่อีกคืนแล้วค่อยเดินทางกลับกรุงเทพ”

“เหรอ...แล้วก็กลับฝรั่งเศสเลยหรือเปล่า”

“ก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น คุณฟรองซัวบอกว่าลามาจำกัด แค่จะมาเยี่ยมกูเพราะเจ้าจอมโทรไปบอกว่ากูตกจากน้ำตกน่ะ” รามินทร์ตอบ

“อืม...งั้นเหรอ”

“ทำไมเหรอ มึงมีอะไรจะคุยกับคุณฟรองซัวหรือไง”

“เปล่าหรอก แค่ไม่เห็นมาลาเฉยๆ”

ร่างโปร่งไม่ได้ต้องการที่จะให้รินลณีมาล่ำลาอะไรหรอก แต่อย่างน้อยเพื่อนต่างชาติอย่างฟรองซัวควรจะมาลากันก่อนกลับสิ เพราะมันก็เป็นแบบนั้นเสมอ เมื่อตอนที่เขาไปธุระที่ฝรั่งเศสต่อให้วันนั้นฟรองซัวจะมีประชุมสำคัญก็จะปลีกตัวมาลาเสมอ...

“อีกสองวันล่ะมั้ง มึงจะรอไหมล่ะ”

“อย่ามาแผนสูง กูไปรอมันที่กรุงเทพได้”

“เกลียดจริง รู้ทันอีก”

“แล้วทำไมกูจะไม่รู้ทันมึง มองตาก็รู้แล้ว”

“งั้นรู้หรือเปล่าว่ากูต้องการอะไรอีก”

รามินทร์จ้องตากับอินทัชอย่างจริงจัง แววตาสะท้อนความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้อินทัชต้องหลบวูบเพราะไม่อาจจะสู้สายตานั่นได้

หัวใจของร่างโปร่งบางสั่นไหวรุนแรงราวกับว่ามันจะทะลุออกมาข้างนอก เจ้าตัวไม่รู้หรอกว่าใบหน้าของตัวเองจะแดงหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คืออินทัชรู้สึกร้อนหน้ามาก ร้อนจนไม่อยากมองหน้ารามินทร์เลย ซึ่งมันเป็นท่าทางที่ทำให้รามินทร์มีความหวัง

เขามั่นใจว่าอินทัชต้องมีความรู้สึกดีๆ กับเขาบ้างแน่ๆ ไม่งั้นไม่มานั่ง ‘เขินอาย’ หลบหน้า หลบสายตาที่เขามองอย่างจาบจ้วงแบบนี้หรอก ใช่! รามินทร์มองอย่างจาบจ้วงชิดที่ไม่เคยใช้มองใครแบบนี้มาก่อน เพราะเขาจะให้เกียรติคนเสมอ

“มึงหิว มึงก็ควรรีบกิน”

“หึหึ วันนี้มีไวน์นะ”

“ไม่กิน!” ปฏิเสธทันที

“ทำไม? คออ่อนเหรอ”

อินทัชรู้สึกเหมือนโดนท้าทาย ผู้ชายนอกจากเรื่องหยามศักดิ์ศรีโดยการท้าทายเรื่องต่างๆ แล้ว ยังมีเรื่อง ‘คออ่อน’ ที่ถือเป็นการหยามกันมากในความเป็นผู้ชาย ยิ่งกับอินทัชที่ใช้ชีวิตที่ผ่านมากับแอลกอฮอล์ทุกคืนแล้ว ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนดูถูกและท้าทาย เรื่องแบบนี้ยอมได้ที่ไหนกัน

“งั้นก็มาดูกัน!!!”

เข้าทางรามินทร์แล้วสิ…

ทางด้านจักรที่เดินไปส่งเจ้าจอมที่บ้านก็คิดว่าตัวเองควรจะกลับบ้านไปทำงานที่รับมาต่อทันที แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้จักรเดินเข้าบ้านไปกับเจ้าจอม

“มีงานไม่ใช่หรือไง”

“ก็มีครับ”

“ก็กลับไปทำสิ จะได้ไม่ต้องนอนดึกมาก” จริงๆ แล้วเขาก็อยากอยู่กับจักรต่อนั่นแหละ แต่เจ้าจอมมีเหตุผลมากพอ ในเมื่อจักรเลือกที่จะรับงานก็ควรให้จักรได้จัดการงานของตัวเองไป และที่รีบไล่ทั้งๆ ที่เพิ่งทุ่มกว่าๆ นั่นเป็นเพราะเขาไม่อยากให้จักรต้องกลับดึกแล้วอยู่ทำงานดึกดื่นอีก

แบบนี้ไม่ดีต่อร่างกายแน่ๆ

“ผมขออยู่กับคุณจอมสักพักไม่ได้หรือครับ” คนตัวใหญ่ถามเสียงออดอ้อนที่ไม่บ่อยครั้งหรอกที่เจ้าจอมจะได้ยินอะไรแบบนี้

“เป็นอะไร”

“ตอนแรกผมคิดว่าคุณจอมจะโกรธ”

“แล้วมีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องโกรธนายด้วย นายทำงาน ฉันเข้าใจ ฉันไม่ได้งี่เง่าขนาดนั้น ถ้ามีอะไรก็พูด ก็บอกกันตรงๆ ถ้าคิดจะคบกันนายไม่ควรปิดบังอะไรฉัน”

“แล้วคุณจอมล่ะครับ มีอะไรปิดบังผมหรือเปล่า” จักรถามยิ้มๆ

“ไปรู้อะไรมา” เจ้าจอมเริ่มไม่ไว้ใจกับรอยยิ้มของจักรเสียแล้ว

“มีจริงๆ ด้วยสินะครับ”

“นี่นาย!! หลอกถามฉันเหรอ เดี๋ยวนี้เจ้าเล่ห์นักนะ” คนตัวเล็กชี้หนี้ร่างสูงอย่างคาดโทษ แต่ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ยังปิดความลับนั้นไว้ได้

ความลับที่เจ้าจอมเป็นฝ่ายที่รักจักรก่อน...






50%

:katai5: :katai5: :katai5: :katai5:


   ไม่ได้ลงเรื่องนี้มาสองอาทิตย์เลย ไม่ได้ตั้งใจหายจริงๆ นะคะ แต่ยูกิว่างแค่เสาร์กับอาทิตย์ (ฝึกงานอยู่) แล้วสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ วันเสาร์ยูกิติดธุระตลอดเลย วันจันทร์นี้ ช่วงดึกๆ ถ้าไม่มีอะไร ยูกิจะอัพครึ่งหลังให้นะคะ แล้ววันพฤหัสจะอัพตอนถัดไปให้ ยูกิจะอัพวันเว้นวัน ถ้าตอนไหนครอบร้อยเปอร์เซ็นจะเว้นสองวันแล้วค่อยอัพตอนใหม่ หากคิดว่ายูกิหายไป ทักท้วงได้เลยนะคะ
   อ่านแล้วเม้นท์ให้กำลังใจกันด้วยน้า ^_^
   สามารถพูดคุย ติดตามข่าวสารได้ทางแฟนเจนะจ้ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 50% => (27/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 27-05-2017 20:47:53
ตื่นเต้นนน ยูกิมาแล้วว
เหมือนรามได้ต่อลมหายใจเลย
หลังจากไวน์มื้อเย็น จะเป็นไงน้าาาา
จักรเจ้าเล่ห์ขึ้น ชอบนะ
มีเส่น์ดี 55+
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 50% => (27/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-05-2017 01:44:47
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 50% => (27/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 28-05-2017 11:34:59
ลุ้นอีกครึ่งนึงอยู่ค่า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 50% => (27/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 28-05-2017 12:13:01
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 50% => (27/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 28-05-2017 16:06:27
ค่อยยังชั่วหน่อยไม่ดราม่าเท่าไหร่ มุ้งมิ้งดีต่อใจนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 50% => (27/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 29-05-2017 19:27:14
มานั่งรอครึ่งหลังค่าา
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 100% => (29/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 29-05-2017 23:50:39
ตอนที่ 43 ครึ่งหลัง






“คุณจอมมีความลับสินะครับ”

“ก็...ไม่มีหรอกน่า”

“ยิ่งคุณจอมพูดแบบนี้ ผมก็ยิ่งอยากรู้นะครับ ไหนว่าเราเป็นคนรักกัน ไม่ควรที่จะปิดบังอะไรกันไงครับ แล้วคุณจอมจะปิดบังผมทำไม”

“เอาน่า มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรที่มันเลวร้ายหรอก ยังไงสักวันนายก็คงรู้”

ดูเหมือนว่าจักรจะค่อยๆ ตามเจ้าจอมทันขึ้นมาทีละน้อยๆ จนตอนนี้คนที่เริ่มหวั่นใจเป็นฝั่งของเจ้าจอมเองเสียแล้ว

“ครับ...ยังไงผมก็ไม่บังคับจิตใจของคุณจอมหรอกน่า”

“ดีมาก...ทำตัวดี” เจ้าจอมชมยิ้มๆ หากแต่คนถูกชมก็ส่งยิ้มกลับมาแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ยังไงชอบกล

พอจักรกับเจ้าจอมคบกัน ดูเหมือนว่าจักรจะกล้ากลับร่างกายของเจ้าจอมมากขึ้น อาจจะมากสุดๆ แล้วก็ได้ เพราะจากที่ขออนุญาตก่อน เดี๋ยวนี้อยากจับก็จับ อยากกอดก็กอด

แต่เจ้าจอมชอบนะ อย่างน้อยจักรก็มีความกล้าที่จะแสดงความรักกับเขา

“ไม่มีรางวัลเหรอครับ” ร่างแกร่งถามพลางลูบหลังมือของเจ้าจอมไปด้วย

จุ๊บ!

ก่อนจะยกขึ้นมาใช้ริมฝีปากตัวเองจรดลงบนหลังมือนั่น ทำเอาเจ้าจอมหันหน้าหนีด้วยความเขิน

ถึงว่าเจ้าจอมจะใจกล้า แต่ก็ใช่ว่าจะอายไม่เป็น…

“ก็นี่ไง นายเอาไปแล้ว” ทำเป็นเฉไฉ เตรียมเดินหนี หากแต่ก็ถูกคนตัวใหญ่กว่าสมกอดจากทางด้านหลังแน่น ทำเอาเจ้าจอมต้องซบศีรษะกับแผ่นอกกว้างเพื่อซึมซับความอบอุ่นที่ตนชอบ

หมับ!!

เขาชอบที่ซบอกของจักร มันแข็งแรงและอบอุ่นมาก

“อย่าหนีสิครับ งั้นผมขอกำลังใจก่อนไปทำงานก็ได้”

“หึ! จะเอาอะไรล่ะ”

“จูบเดียวนะครับ นะ...”

“อ้อนจริงๆ เฮ้อ...” คนในอ้อมแขนแกร่งขยับตัวทำท่าจะพลิกมาหาจักร ซึ่งคนตัวสูงจำเป็นต้องคลายการกอดรัดออกเพื่อให้คนน่ารักของเขาหันมาหาได้อย่างง่ายดาย

“ผมรักคุณจอม...”

“ปากหวาน”

ว่าแล้วก็เอาแขนคล้องคอแล้วดึงใบหน้าให้ก้มต่ำลงมาแล้วก็ประทับริมฝีปากบางสวยของตนไปที่ปากหหยักของจักรอย่างต้องการจะชิมว่าจะหวานสมกับคำพูดที่พูดออกมาไหม

จักรรุกล้ำกลับ พลิกมาเป็นฝ่ายรุกจนเจ้าจอมที่รุกในตอนแรกต้องมาเป็นผู้ตามอย่างที่ไม่สามารถห้ามอะไรได้ ใบหน้าสวยเอียงซ้ายคว้าตอบรับจังหวะการจูบเพื่อให้ปากของทั้งคู่สัมผัสมากขึ้นและเร่าร้อน

พอจูบแล้วจักรก็เกิดอาการที่ความต้องการพุ่งสูงขึ้นมา จนต้องผละริมฝีปากออกมาเพื่อหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำรุ่มร่าม ล่วงเกินเจ้าจอม

“อืม...พอใจหรือยัง”

“มากครับ”

มันไม่พอหรอก...เขาต้องการอีก แต่คงต้องรอว่างกว่านี้ก่อนถึงจะทำได้สินะ

“ดูเหมือนหน้านายจะไม่เหมือนอย่างที่นายว่าเลยนะ” เจ้าจอมแหย่ ดูก็รู้แล้วว่าคนรักกำลังอยากมากแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะจักรเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง

ส่วนเจ้าจอมเองก็ยังอยากจะอยู่กับจักรต่อด้วย...

“ผมกลับแล้วดีกว่าครับ”

“เดี๋ยว...รอก่อนนะ ขอไปเตรียมของก่อน” หากแต่เจ้าจอมกลับเรียกเอาไว้ก่อนจะสั่งให้ เพราะเจ้าจอมจะไปเก็บเสื้อผ้าและข้าวของบางส่วนเพื่อนจะไปกับจักรด้วย

“เอ๋...คุณจอมจะทำอะไรครับ”

“ไปนอนกับนายไง นอนเฉยๆ นะ แล้วจะไปคุมนายไม่ให้ทำงานดึกเกินไปด้วย” จักรแสดงสีหน้าลำบากใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ไม่อยากนอนกับเจ้าจอม แต่กลัวว่าเขาจะเกเรไม่ทำงานมากกว่า

มีอย่างที่ไหนที่ของหวานอยู่ตรงหน้าแต่ทำได้แค่มอง

ทรมานยิ่งกว่าการไม่ได้เห็นหน้ากันอีกนะ

“ไม่เป็นไรครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำดึกเกินไป”

“ไม่! ฉันจะไปนอนด้วย หรือนายไม่อยากให้ฉันไป”

“อยากสิครับ แต่...” จักรตอบกลับทันที หากแต่ก็ยังมีความลังเลอยู่ จนเจ้าจอมต้องตัดบทอย่างเด็ดขาดว่า

“ไม่มีแต่ ฉันจะไป รอเดี๋ยว”

จักรจะทำอะไรได้ นอกจากยืนรอคนรักตามที่เจ้าตัวสั่ง และเมื่อเจ้าจอมเตรียมเสื้อผ้า ของที่ต้องใช้เสร็จ พวกเขาก็ออกจากบ้านพักของเจ้าจอมแล้วตรงไปที่บ้านหลังเล็กของจักรทันที

เจ้าจอมให้ร่างสูงอาบน้ำก่อนเพื่อจะได้มานั่งทำงานของตน ส่วนเขาก็เข้าไปอาบน้ำเป็นคนที่สอง และออกมาในชุดนอนตัวเก่งที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นตัวเดียว เล่นทำเอาคนที่นั่งทำงานอยู่ถึงกับมองตาม ไม่อาจมีสมาธิจดจ่อกับงานเลย

“ทำงานไปซะ ฉันจะนอนเล่นรอก็แล้วกัน ถ้าฉันเผลอหลับไปนายก็ดูเวลาด้วยก็แล้วกัน บอกฉันไว้กี่โมงแล้วปิดไฟนอนให้ตรงเวลาด้วย อ้อ!! ถ้างานเสร็จไว นายจะได้นอนกอดฉันนานขึ้นนะ”

นับว่าเป็นกำลังใจที่จะทำให้สมาธิและความตั้งใจของจักรกลับมาคืนอย่างเต็มเปี่ยม ชนิดที่สนใจร่างแบบโดยไม่คิดจะมองเจ้าจอมอีกเลย...

ส่วนคนตัวเล็กก็ได้แต่นอนเล่นโซเชียลมีเดียทางโทรศัพท์ยี่ห้อดัง กระดิกขารอเวลานอนหลับของตัวเอง โดยมีความเชื่อว่าจักร ต้องทำงานเสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้แน่ๆ


ตีหนึ่งกว่าๆ ตัวแบบสวนของลูกค้าก็เสร็จ แม้จะเลยเวลาที่บอกเจ้าจอมเอาไว้มาหลายนาทีแล้วก็ตาม แต่ร่างเล็กไม่รู้หรอกเพราะตอนนี้เจ้าตัวนอนหลับไปแล้ว แม้ว่าแสงไฟจะสว่างจ้าเพราะจักรต้องทำงานก็ตามแต่เจ้าจอมที่ง่วงก็ไม่อาจที่จะฝืนเปลือกตาตัวเองได้ ก็เลยหลับไป

ส่วนจักรก็รีบเก็บของก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วขึ้นไปแทรกบนเตียงขนาดไม่ใหญ่มากของตนที่มีคนรักนอนอยู่บนนั้นอยู่แล้ว เพื่อให้บนเตียงมีพื้นที่จักรก็รวบร่างที่บอบบางกว่าผู้ชายทั่วไปมากอดไว้ในอ้อมแขนด้วยความรักและหวงแหน เจ้าจอมเองก็เบียดกายเข้าหาอย่างเคยชิน

“คุณจอม...”

ฟอด!!

จักรหอมแก้มนุ่มๆ ของเจ้าจอมโดยไม่ขออนุญาต เพราะเขาเรียกเจ้าตัวแล้วแต่ร่างบางไม่ตอบรับ นั่นแสดงว่าเจ้าจอมหลับลึกไปแล้ว จักรก็เลยแอบจูบ แอบหอมได้ จริงๆ อยากทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่มันคงดีกว่าถ้าทำตอนที่เจ้าจอมมีสติดีอยู่...จักรไม่ชอบเอาเปรียบใคร โดยเฉพาะคนที่ตัวเองรัก

จุ๊บ!!

ริมฝีปากของจักรจูบไปทั่วทั้งใบหน้าเพื่อสัมผัสหาว่าริมฝีปากของเจ้าจอมอยู่ตรงไหน เพราะเขาปิดไฟไปหมดแล้ว แสงสว่างมีเพียงแสงจากไฟข้างนอกที่ไม่สามารถส่องผ่านม่านสีทึบของห้องได้ หากแต่สัมผัสก็เหมือนจะเป็นการปลุกคนที่หลับไปแล้วให้ตื่นขึ้นมา

“อือ...กี่โมงแล้ว” เจ้าจอมถามเสียงงัวเงีย จักรเลยหยุดการกระทำทุกอย่างลง แต่มือก็เปลี่ยนมาลูบไปทั่วแผ่นหลังบางแทนเพื่อกล่อมให้ร่างบางสบาย

“ตีหนึ่งครับ” เกือบครึ่งแล้วล่ะครับ...แน่นอนว่าเขาไม่พูดออกไป ถ้าหากเจ้าจอมรู้คงจะต้องไม่พอใจแล้วต้องมาคุมความประพฤติของเขาทุกวันแน่ๆ

จักรไม่อยากให้เจ้าจอมลำบาก ต้องมานอนเตียงเล็กๆ แบบนี้ ถึงแม้ว่าร่างบางจะไม่รู้สึกลำบากอะไร แต่ในฐานะคนรักจักรก็ทนไม่ได้ที่จะเจ้าจอมต้องมานอนอึดอัด

“ดีมาก” เจ้าจอมชมเบาๆ เหมือนละเมอ แต่เจ้าตัวยังมีสติอยู่

“นอนเถอะครับ”

“อื้อ...นายเองก็เหมือนกัน ฝันดีนะ”

“ฝันดีเช่นกันครับ” ถ้าจะให้ดีฝันถึงผมด้วยจะดีมากเลย...จักรคิดในใจ ไม่กล้าพูดออกไป เพราะกลัวว่าจะทำให้เจ้าจอมนอนฝันร้ายเอาได้ หากแต่ประโยคต่อมาของเจ้าจอมทำให้จักรยิ้มมาด้วยความดีใจไม่ได้

คุณจอมรู้ใจไอ้จักรเสมอเลย

“ฉันจะฝันถึงนาย”

“ไอ้จักรก็จะฝันถึงคุณจอม”

หมับ!!

ร่างแกร่งกระชับอ้อมแขนกอดคนตัวเล็กแน่นกว่าเดิมแต่ไม่มากจนทำให้เจ้าจอมอึดอัด จูบเข้าที่ปากบางอีกครั้ง และเน้นย้ำอยู่อย่างนั้นเพื่อนเติมพลังให้ตนเอง แล้วก็หลับตานอนตามเจ้าจอมไปอย่างมีความสุข








ทางด้านของรามินทร์กับอินทัชที่ตอนนี้เปลี่ยนจากประลองไวน์ มาประลองเหล้าต่างประเทศที่รามินทร์พอจะมีอยู่แทน จากที่แข่งอยู่ที่ห้องอาหาร ก็ย้ายมาที่บ้านพักตรงโซฟา

ร่างโปร่งนั่งดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย เพราะคุ้นเคยกับมันดี ก่อนที่อินทัชกับเพื่อนรักจะทำงานกันอย่างจริงจัง และก่อนที่เพื่อนเขาจะมีสามีเป็นตัวเป็นตน เขากับธีรไนยเพื่อนรัก ใช้ชีวิตในตอนกลางคืนตั้งแต่เรียนจนถึงทำงาน ดื่มเที่ยวด้วยกันประจำ ดวลเหล้ากันประจำ นับว่าเขากับธีรไนยค่อนข้างคอแข็งเลยทีเดียว แต่ถ้าดื่มเพียวๆ ก็จอดไวเหมือนกัน

“มึงเมามากแล้วว่ะราม พอเถอะ” อินทัชที่ยังมีสติดีอยู่เอ่ยกับร่างสูงที่กำลังดื่มเอาๆ ใบหน้าแดงก่ำ ตาหยาดเยิ้มเพราะเมาไปแล้ว ส่วนอินทัชก็ดื่มเยอะมากพอๆ กับรามินทร์นั่นแหละ ก็เมาเหมือนกัน มึนเหมือนกัน แต่ก็รู้ตัวและมีสติอยู่ ยังไม่ถึงกับจะฟุบเหมือนรามินทร์

“อึก...อิน...กูร้ากกเมิง อึก” ร่างสูงบอกรักเสียงยานคาง พูดไม่รู้เรื่อง ประโยคก็ฟังไม่ได้ศัพท์ แต่อินทัชก็เข้าใจดีว่ารามินทร์กำลังบอกรักตน

“เมาแล้วเรื้อนฉิบหาย”

“ครายมาว อย่ามั่วนะเว้ย” มีการเถียงมาอีก

ยังจะฟังรู้เรื่องอีกนะ...นับว่ายังมีสติอยู่บ้าง

“มึงนั่นแหละราม พอได้แล้ว กูมึนหัว กูอยากนอนแล้ว มึงเองก็ควรจะลากตัวเองไปนอนที่ห้องได้แล้ว ไม่งั้นกูจะทิ้งให้มึงนอนอยู่ตรงนี้นะ” อินทัชสั่ง ก่อนจะสะบัดหน้าไปมาเพื่อเรียกสติที่พร้อมจะดับทุกเมื่อ

ถ่างตาสู้กับความง่วงเพราะตอนนี้ก็ตีหนึ่งกว่าๆ แล้ว พวกเราดื่มมันมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว รู้เลยว่าตอนเช้ามาจะต้องมีอาการยังไง แค่คิดก็ทรมานรอแล้ว

“อือ....พากูไปด้วย” คนเมากว่าขอร้อง

“จะให้กูพาไปไง?”

“ลากกูไปก็ได้”

“วิธีเหี้ยมาก มึงคิดว่ามึงตัวบางร่างน้อยที่กูสามารถแบก สามารถลากได้ง่ายๆ งั้นสิ ตลก”

“ฮ่าๆ” คนเมากว่าหัวเราะชอบใจ

“เหี้ย...กูมึน กูไม่น่าบ้าจี้จริงๆ”

อินทัชรู้ตัวเองดีว่าตอนนี้ตัวเองก็ไม่ไหวแล้ว ทั้งสีหน้า ทั้งสายตามันดูเบลอๆ ไปหมด แต่เขาไม่ใช่คนเมาแล้วพูดมาก พูดไม่รู้เรื่อง เพราะถ้าเขาจะเป็นอย่างนั้นได้มันต้องมาสุดๆ อย่างรามินทร์ ที่ก่อนจะเมาเละ ซัดเหล้าเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า ส่วนอินทัชค่อยๆ ดื่มทีละนิดในช่วงหลังๆ

กลัวว่าความเมาจะทำให้เราสองคนทำอะไรกันลงไปอีกน่ะสิ

“น้า...” อ้อนตอนเมาได้น่าถีบฉิบหาย

คิดว่าน่ารักตายล่ะ

“เรื่องมากจริงๆ มา!”

หมับ!!

ว่าแล้วก็ค่อยๆ ประคองร่างสูงให้ยืนขึ้น แล้วรามินทร์ที่ตัวสูงกว่าไม่กี่เซ็นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับอินทัชหากแต่เป็นน้ำหนักตัวที่แตกต่างของคนตัวใหญ่คนนี้ต่างหาก

แดกช้างเข้าไปหรือไง หรือว่ากูเมาจนไม่มีแรงวะ

“เดินดิวะ แล้วหน้าไม่ต้องซุกคอได้ไหม” ร่างโปร่งบางพูดสั่งเสียงหงุดหงิด ที่ใบหน้าหล่อของรามินทร์ซุกอยู่ตรงซอกคอเหมือนจงใจ

“กู...ยกหัวม่ายหวาย” ตอบเสียงอู้อี้ พ่นลมหายใจใส่ซอกคอขาวจนอินทัชขนลุกซู่ไปทั้งร่าง แทบจะโยนมันลงที่พื้นแต่เขาก็ไม่ทำ เพราะมองหน้าที่ฟุบอยู่ตรงคอแล้ว มันก็แค่คนเมาไม่มีสติอะไร

อินทัชไม่รังแกคนไม่มีทางสู้หรอกน่า

“เฮ้อ...งั้นเดิน”

“อือ”

อินทัชได้แต่เดินประคองอีกคนเข้าห้องนอนของรามินทร์ไป โดยที่ตนก็พยายามทำให้ตัวเองมองเห็นชัดๆ เหมือนกัน...รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรบ้าจี้ทำตามคำพูดท้าทายของมันเลย

 ตุบ!!!

ร่างสูงบางผลักรามินทร์ลงบนเตียงของเจ้าตัวก่อนจะยกแขนยกขาขึ้นไปอยู่บนเตียงให้หมด ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อและถอดเข้มขัดให้จะได้นอนหลับสบาย พอทุกอย่างเรียบร้อย อินทัชก็หันหลังเตรียมกลับห้องเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไป เห็นเตียงนอนของรามินทร์แล้วก็คิดถึงที่นอนของตัวเองบ้าง แต่ไม่ทันได้ก้าวเท้า เขาก็ถูกคนที่เพิ่งผลักลงเตียงเมื่อกี้คว้าข้อมือเอาไว้ แล้วกระชากตัวเขาให้ขึ้นไปยังบนเตียงด้วยกัน

หมับ!!

พรึ่บ!!!

“อ๊ะ...ไอ้เชี่ย ปล่อยกูเลยนะ”

เรี่ยวแรงของรามินทร์เหมือนคนที่ไม่ได้เมาเลยสักนิด แต่นั่นคงไม่ใช่...เพราะท่าทางของรามินทร์ถ้าโกหกหรือเสแสร้งแกล้งทำ มีหรือที่คนอย่างอินทัชจะดูไม่ออก

“เอาแรงมาจากไหนวะเนี่ย” ร่างบางบ่นเบาๆ ทั้งพยายามที่จะดิ้นออกจากอ้อมแขนที่รัดแน่นของรามินทร์ที่ดูยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเขาเลย

“…” ไม่มีสัญญาณตอบรับนอกจากความแน่นิ่งของรามินทร์

“ปล่อยดิวะ”

เขาโดนคนเมาหลับไปแล้วกอดเอาไว้แน่นอนจนไม่สามารถที่จะออกจากอ้อมแขนไปได้ ดิ้นไปก็เหนื่อยเปล่าๆ เพราะขยับตัวมากๆ จะอาเจียนออกมาได้ บวกกับตอนนี้ง่วงและมึนหัวมาก อยากนอนสุดๆ เขาก็เลยขี้เกียจที่จะต่อต้านอะไรอีก ปิดตาหลับไปอย่างไม่คิดจะสนใจเรื่องโดนกอดหรือนอนที่นอนเดียวกันอีก

ไม่ใช่ว่าไว้ใจ...แต่คนเมาน่ะ ไม่มีปัญญาปล้ำใครได้หรอก แล้วยิ่งคนที่มีความผิดอยู่หลายๆ เรื่องอย่างรามินทร์ มันคงไม่ใช่คนที่จะทำร้ายคนที่มันบอกว่า ‘รัก’ ได้หรอก

ถือว่าเป็นกำไรให้เล็กๆ น้อยๆ ก็แล้วกัน...

อินทัชไม่ได้รู้เลยว่าการที่ตนคิดแบบนั้น มันก็เหมือนว่าตัวเองไว้เนื้อเชื่อใจรามินทร์ในระดับหนึ่งแล้ว เพียงแต่ยังไม่รู้ตัวเองเท่านั้นเอง...หรือรู้ตัว แต่ไม่อยากยอมรับ





100%

:katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


   ดึกไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่มาเลยนะจ้ะ อ่านแล้วเม้นท์ให้ด้วยน้า...แล้วเจอกันตอนต่อไปนะคะ วันนี้เหนื่อยมากกก (กอไก่ล้านตัว) ฮ่าๆ งานวันนี้ของที่ที่ยูกิฝึกงานอยู่ยุ่งมาก นี่ก็อยู่เลยเวลาเลิกตั้งชั่วโมงครึ่ง ไม่ได้เงินเดือนก็อย่าหวังโอทีเลยค่ะ ใช้งานคุ้มเกิ๊นนนน ฮ่าๆ

ถ้าอยากพูดคุยกับยูกิ หรือติดตามข่าวสารของยูกิ ก็ไปที่แฟนเพจเลยนะคะ ^_^ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 100% => (29/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-05-2017 01:27:38
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 100% => (29/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-05-2017 01:30:54
 :ling1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 100% => (29/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 30-05-2017 09:29:32
รอตอนตื่น อย่างใจจรดจ่อออ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 100% => (29/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 30-05-2017 19:03:07
ดีงามอ่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 43 100% => (29/05/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-05-2017 20:59:23
หึๆๆๆๆๆ
รามเอ๊ยยยย
ตื่นมาเจอว่าได้นอนกอดอิน เมิงกรี๊ดแน่
ฮ่าาาๆ
สู้ๆนะยูกิ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 50% => (01/06/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 01-06-2017 23:30:44
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 44
จำใจปล่อยมือ

 

ช่วงสายของวันใหม่ รามินทร์รู้สึกถึงแดดที่ส่องกระทบบนใบหน้าเลยตื่นขึ้นมาพร้อมๆ กับความรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิด แล้วก็อยากจะอาเจียนสุดๆ

แฮงค์...

นี่เป็นความรู้สึกแรกที่รามินทร์เข้าใจได้ แต่ยังไม่ทันที่ตนจะทำอะไรกับตัวเอง อะไรบางอย่างที่อยู่ใต้ผ้าห่มก็ขยับยุกยิกเรียกร้องความสนใจจากร่างสูงได้อย่างดี มือกร้านค่อยๆ เอื้อมมาเปิดผ้าห่มออก ก็พบคนตัวบางกำลังนอนขนตัวอยู่ข้างๆ กับเขาโดยที่ไม่ใช้หมอนหนุนศีรษะ มือข้างหนึ่งของอินทัชวางทับที่หน้าท้องของรามินทร์

“อิน…” นับว่าเป็นเช้าที่ดีและมีความสุขที่สุดตั้งแร่รามินทร์เกิดมาเลย

ตอนที่ตื่นมาบอกเลยว่าไม่รู้สึกว่ามีคนนอนอยู่ด้วย ไม่รู้สึกว่ามีแขนวางบนหน้าท้อง แต่พอได้เห็นเท่านั้นแหละ ความรู้สึกที่ควรจะรู้ก็เข้ามาแทนที่ความมึน ความปวดหัวของตนไป

“ทำไมถึงมานอนที่นี่ได้นะ...สงสัยมึงรั้งมันไว้แน่ๆ เลยราม” เขาคิดว่าเป็นตัวเองนั่นแหละอันแรก เพราะถ้าจะให้อินทัชมานอนด้วยความรู้สึกของตัวเองมีความเป็นไปได้ยากกว่าที่ตนจะเป็นคนรั้งให้อินทัชนอนด้วยกัน

“หลับลึกซะด้วย”

จากตอนแรกรามินทร์คิดว่าเขาควรจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแปรงฟันให้ตัวเองตื่นเต็มตา แต่ถ้ามีคนนอนอยู่ข้างๆ แบบนี้แล้วก็ขอกอบโกยเอาไว้ให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน

ร่างแกร่งจัดท่าทางตัวเองแล้วยกศีรษะของอินทัชให้มานอนทับบนต้นแขนของตน ส่วนคนหลับก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยไม่ว่าจะถูกจัดท่าทางแบบไหนก็เหมือนว่าจะหับลึกเอามากๆ นั่นทำให้รามินทร์พอจะเข้าใจแล้วว่า แอลกอฮอล์สำหรับอินทัชถือเป็นยานอนหลับชั้นดีเลย

“อยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้จริงๆ”

พรึ่บ!

อินทัชพลิกตัวนอนตะแคงข้างโดยที่หันใบหน้าสวยหวานราวกับผู้หญิงมาหารามินทร์โดยไม่รู้ตัว  ร่างสูงเองก็นอนมองหน้าหวานนั่นยิ้มๆ  ใช้นิ้วเกลี่ยผมที่ปรกหน้าของอินทัชออก แล้วก็ลูบไล้ใบหน้าคนหลับเบาๆ รามินทร์มีความรู้สึกอยากจะสัมผัสมากกว่านี้ ยิ่งคิดไปถึงเวลาเรามีอะไรกัน ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะทำไปด้วยความรู้สึกแบบไหนก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไร

อินทัชเป็นของเขาในทางพฤตินัย ถ้าพูดภาษาชาวบ้านๆ อินทัชเป็นเมียของเขา

“ฮื่อ...” ร่างบางครางอย่างรู้สึกรำคาญเมื่อโดนก่อกวน

รามินทร์ที่กำลังพรมจูบไปทั่วดวงหน้าหวานก็ถึงกับหยุดชะงัก มองคนที่ตัวเองกำลังแอบแต๊ะอั๋งอย่างตื่นเต้น แต่แล้วอินทัชก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาแค่ขยับตัวเล็กน้อยนั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขาล่ะนะ เพราะนี่เป็นโอกาสที่จะได้แตะต้องตัวของอินทัชโดยที่เจ้าตัวไม่ปริปากว่า

จะหาว่าฉวยโอกาสได้ แต่ก็ช่างหัวมัน เพราะนอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครรู้

“อืม...”

รามินทร์ถูกอารมณ์ชักพาให้รุกล้ำร่างบางอีก ตามความรู้สึกที่ฉุดรั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ เขาขบเม้มริมฝีปากของอินทัชก่อนค่อยๆ สอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปอย่างที่ใจต้องการ แต่การจูบกับคนหลับอยู่ก็ไม่ได้เร้าใจอะไรหรอก แต่สำหรับเขาแล้วมีความสุข

สุขที่จะได้ทำ...เพราะพรุ่งนี้ อินทัชก็กลับแล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้าย

รามินทร์ที่ขบเม้มริมฝีปากสวยของอินทัชอย่างพอใจก็ผละออกมาดูผลงานของตน ปากบางสวยของอินทัชแดงช้ำจากการขบเม้มของเขา ถ้าหากว่าอินทัชตื่นมาแล้วเห็นคงจะต้องสงสัยแน่ๆ ว่าตัวเองไปโดนอะไรมา

ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด...

เปลี่ยนมาเป็นหอมแก้มซ้ำๆ หลายทีเพื่อซึมซับความรู้สึก จับมือของอินทัชมาลูบที่หลังมือเบาๆ ก่อนจะประทับริมฝีปากของตัวเองบนนั้น

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ...

การกระทำของรามินทร์ตอนนี้ไม่ต่างไปจากคนคลั่งไคล้ในตัวของคนๆ หนึ่งเท่าไหร่ ถ้าเกิดว่าไม่มีคดีติดตัวรับรองว่าอินทัชจะไม่ได้นอนให้เขากอดให้เขาลวนลามแบบนี้แน่ๆ

อย่างน้อยก็จนกว่าใครสักคนจะ ‘สลบ’ หรือว่า ‘หมดแรง’ ไปนั่นแหละ

“กูจะไปเตรียมข้าวเช้าให้มึงดีกว่า ฝันดีนะ” ร่างสูงกระซิบที่ข้างหูของอินทัชเบาๆ ทั้งๆ ที่อยู่กันแค่สองคนไม่จำเป็นต้องกระซิบกระซาบก็ตามที

ร่างโปร่งบางขยับเล็กน้อย คิ้วสวยขมวดแน่นราวกับหงุดหงิดก่อนที่อินทัชจะพลิกตัวหันหลังให้กับรามินทร์

พรึ่บ!!

“รักมึงนะอิน” ร่างสูงเองตามมาบอกรักแล้วก็หอมแก้มอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป...

ปัง!!

เมื่อเสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น อินทัชที่นอนหลับอยู่ก็เม้มริมฝีปากตัวเองอย่างประหม่า เปลือกตาค่อยๆ เปิดรับแสงอรุณยามสาย ยกมือขึ้นสัมผัสที่แก้มของตนเบาๆ สลับกับจับที่หัวใจของตัวเองเพื่อจับจังหวะอัตราการเต้นของหัวใจ ถ้าถามว่าอินทัชรู้สึกตัวตอนไหน ก็คงจะเป็นตอนที่ถูกหอมแก้มครั้งแรกก่อนจะจูบนั่นแหละ

ช่วงที่เขาส่งเสียงครางเหมือนรำคาญ ตอนนั้นคือกำลังรู้สึกตัว แต่พอรู้ว่าตัวเองกำลังโดนลวนลามก็เลยทำเป็นหลับต่อไม่ลืมตาอย่างที่ใจอยากทำ ไม่คิดว่ารามินทร์จะกล้าทำถึงขั้นจูบ

มันกล้ามาก กล้าที่ทำกับเขาแบบนี้...

“เฮ้อ...” ถอนหายใจออกมา ก่อนจะปิดเปลือกตาตัวเองหลับไปอีกครั้ง เพราะยังง่วงอยู่ ที่ตื่นมาเพราะรู้สึกเหมือนรบกวน ไหนๆ มันก็ทำไปแล้ว

จะทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกัน...


เกือบชั่วโมง อินทัชตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกที่นอนต่อไปไม่ไหว ความร้อนและเหนียวตัวอยากจะอาบน้ำ เนื่องจากเมื่อคืนก็ไม่ได้อาบน้ำก่อนนอน ก็นอนไปทั้งที่ตัวเองเน่าๆ อย่างนั้นแหละ

“จะสิบโมงแล้วหรือเนี่ย” อินทัชพึมพำขณะที่มองนาฬิกาในห้องนอนของรามินทร์ เขาเลยรีบออกจากห้องของเจ้าของรีสอร์ทไปยังห้องเล็กของตัวเองทันที

อินทัชใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเป็นพิเศษ และนานมากจนเจ้าของบ้านต้องถือวิสาสะเข้ามาตามในห้อง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“อิน...มึงอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”

ร่างโปร่งที่กำลังยืนล้างตัวหันไปมองที่หน้าประตูทันที

“เออ!! กูอยู่ในห้องน้ำ”

“รีบออกมานะ ข้าวเช้าพร้อมแล้ว”

ต้องพูดว่าเป็นข้าวเช้าที่น่าจะควบข้าวเที่ยงเลยเพราะมันอยู่กึ่งเช้ากึ่งเที่ยงไปแล้ว ก็พวกเขาเล่นนอนตื่นสายกันทั้งคู่นี่นา ทำไงได้ เพราะมัวแต่ดวลเหล้ากัน

ตื่นมาก็แฮงค์กันไปตามระเบียบ อย่างอินทัชนี่ก็มีอาการ แต่ก็ไม่ถึงกับหนักมาก เพราะร่างกายชินกับการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากๆ แล้ว

“เออๆ อีกห้านาทีกูจะออกไป”

“อย่านานล่ะ”

“เออ!!”

รามินทร์ออกไปจากห้องนอนเล็กแล้วก็ไปนั่งรออินทัชที่โต๊ะอาหารที่มีข้าวต้มร้อนๆ กับน้ำส้ม ไม่นานอินทัชก็ออกมาสีหน้าของร่างโปร่งดูยังคงมึนๆ อยู่เลย

“รู้สึกไงบ้าง”

“ก็มึนๆ” เขาตอบพลางเลื่อนเก้าอี้นั่งฝั่งตรงข้ามกับรามินทร์ ไม่ต้องให้ใครบอกให้เริ่มทาน อินทัชก็จัดการตักข้ามต้มตรงหน้าตัวเองทานด้วยความหิว

ส่วนรามินทร์เองที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มทานตามอย่างเงียบๆ เขาปล่อยให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไปอย่างเงียบเชียบแบบนี้แหละ เพราะรามินทร์เองก้ใช่ว่าจะสดชื่นเต็มร้อยนัก เพราะเขารู้ตัวเองดีว่าดื่มหนักกว่าอินทัชเยอะเลย ไม่งั้นก็คงจะพอจำเหตุการณ์ต่างๆ ตอนกลางคืนได้บ้าง

ไม่ใช่มาเห็นเอาตอนเช้าเลย

“เดี๋ยวกูล้างเอง” รามินทร์อาสาเมื่อเห็นว่าอินทัชกำลังยกจานไปล้าง

“ตามใจ”

คนตัวบางก็ไม่คิดจะปฏิเสธความหวังดีนั่น วางจานลงที่เดิมแล้วออกจากตรงนี้ไปนั่งเล่นที่โซฟา เปิดโทรทัศน์ดูรายการทีวีไปด้วยเพื่อฆ่าเวลาว่าง

ฟุบ!!

รามินทร์ที่ล้างจานเสร็จแล้วเดินมานั่งลงข้างๆ กับอินทัชที่นั่งมองทีวีไม่สนใจอะไรเขาเลยสักนิด

“อิน...ไปข้างนอกกันไหม”

“ไปไหน”

“กูจะพาไปเที่ยวแถวๆ นี้แหละ เขาค้อมึงยังเที่ยวไม่ครบเลยนี่”

“อืม...ตอนนี้กูกำลังขี้เกียจอ่ะ”

“งั้นเหรอ…” ครางรับเสียงเบา

ยอมรับว่ากำลังคิดมาก กลัวว่าวันนี้จะไม่ได้ไปไหนหรือทำอะไรกับอินทัชอย่างที่ควรเป็นตั้งแต่เมื่อวานที่เขาวางแผนเอาไว้ แต่ฝนไม่เป็นใจ ตกทั้งวันแบบนั้น วันนี้เขาก็ยังได้รับโอกาสที่อินทัชให้มันกับเจ้าจอม ด้วยการอยู่ต่ออีกวัน ทั้งๆ ที่วันนี้...ควรเป็นวันที่เราจากกัน

“ถามหน่อยสิ หลังจากวันนี้ไปแล้ว ถ้าเกิดกูบังเอิญเจอมึงตามข้างทาง กูสามารถเข้าไปทักมึงได้ไหม” ร่างสูงถามขึ้นมา

“ก็คิดว่าไงล่ะ ขอตกลงของเราคือจะไม่รู้จักกันอีก เราจะเป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกัน”

“ไม่ได้สินะ”

ในขณะที่ร่างสูงก้มหน้าก้มตาเพราะเศร้าใจ อินทัชก็หันมามองคนตัวสูงกว่าแล้วยิ้มมุมปากน้อยๆ ส่ายหน้าไปมากับความขี้น้อยใจของรามินทร์

มันดูตลกดีนะ...

“ก็แน่ล่ะ”

“เฮ้อ...ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว กูเจ็บ” คำว่าเจ็บของรามินทร์ทำให้อินทัชรู้สึกใจสั่นแปลกๆ เหมือนกัน แต่ก็ทำเป็นใจแข็งไม่รู้สึกอะไรกับมัน

“มีแผนจะพาไปไหนก็ว่ามา กูจะไปด้วยก็ได้”

“จริงนะ!”

“เออ...”

“เดี๋ยวนี้ ทันทีเลยนะ”

“เออ...”

“มึงไม่ได้หลอกกูนะ”

“เออ...”

“อย่า...”

“ไอ้ราม!! นี่มึงอายุกี่ขวบแล้ววะ กูบอกว่าไปก็คือไป จะถามมากๆ เป็นเด็กอยู่ทำไม” อินทัชแทรกขึ้นมาก่อนที่รามินทร์จะถามประโยคต่อไปที่เป็นคำถามเหมือนพวกย้ำคิดย้ำทำ ถามซ้ำๆ ซากๆ ย้ำอยู่นั่นแหละ

ที่ผ่านมาเขาเคยผิดสัญญาหรือไง...

“ขอโทษ...กูแค่ดีใจ” ร่างสูงทำหน้าสำนึกผิดจนอินทัชถอนหายใจอย่างระอา

มุมแบบนี้เขาก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ มันดูเป็นเด็กปัญญาอ่อน...

“เฮ้อ...”

เพลีย...

...

...

...


“วัด?”

อินทัชมองไปรอบๆ สถานที่ที่รามินทร์พามาด้วยความฉงนใจ เพราะคิดว่าเจ้าตัวแผนการพาอินทัชมาที่วัด...เป็นวัดที่สวยมากๆ ด้วย ไม่คิดว่าจะอยู่ห่างจากตัวรีสอร์ทไม่เท่าไหร่

“อืม...กูคิดว่าเราควรจะมาไหว้พระ ทำบุญ แล้วก็อโหสิกรรมให้กัน”

“ทำไม? ไม่ได้โอกาสแต่จะเอาอโหสิแทนสินะ หัวหมอนะมึง”

“แน่นอนสิ...อย่าคิดว่ามึงฉลาดเป็นคนเดียวนะอิน”

“กูก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองฉลาดคนเดียว แต่กูคิดว่ากูฉลาดกว่ามึง”

“อ้าว? ไหงพูดงี้อ่ะ”

รามินทร์วิ่งตามอินทัชที่ทิ้งประโยคที่ไม่รู้ด่าหรืออะไรไปทันที จนได้เดินคู่กันไปในตัววัด ในฐานะเจ้าบ้านที่ดี รามินทร์เลยพาไปยังที่ต่างๆ เพื่อไหว้สักการบูชา

ยอมรับว่าอินทัชสบายใจมากที่ได้มาที่นี่ มันรู้สึกสงบจิตสงบใจ อะไรที่ที่เคืองข้องหมองใจก็มลายหายไปทันที เหมือนกับว่าเขาได้เจอทางแห่งสวรรค์ แม้จะไม่ได้มาเพื่อเรียนรู้ธรรมะ แต่เขาก็เข้ามาด้วยจิตที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาคนหนึ่ง อินทัชไม่รู้หรอกว่าธรรมะคืออะไรเป็นยังไง แต่ตอนนี้...จิตใจของเขาสงบก็พอ

“เป็นไงบ้าง”

“กูรู้สึกสงบมาก”

“ที่นี่ดีนะ กูมาบ่อยๆ เวลากูมีเรื่องทุกข์ใจ กูจะมาที่นี่ มาไหว้พระ มาทำบุญ แล้วก็มาคุยกับหลวงพ่อให้ท่านช่วยสอนอะไรต่างๆ ให้...”

“มึงมีมุมแบบนี้ด้วย?” อินทัชทำหน้าไม่เชื่อ

“กูก็เป็นคนมีธรรมะในหัวใจนะเว้ย”

“เหรอ...” ลากเสียงยาวแบบไม่เชื่อ

เพราะสิ่งที่เขาเจอมา มันตรงข้ามกับสิ่งที่รามินทร์พูดน่ะสิ

“จริงดิวะ ที่กูทำทั้งหมดกับมึงนั่นน่ะ ไม่ใช่นิสัยจริงๆ ของกูนะ นิสัยจริงๆ ของกูนี่โคตรของต้นแบบความดีเลยนะเว้ย อ่อนโยน พูดเพราะ ใครๆ ก็รักกูนะ”

อวดซะดูกลายเป็นคนหลงตัวเองเลยทีเดียว อินทัชเบะปากด้วยความหมั่นไส้ เอาเข้าจริงๆ ความรู้สึกโกรธ โมโหจนไม่สามารถให้อภัยได้มันกลับมีแต่ความรู้สึกเฉยๆ ไม่รู้ว่าจะให้อภัยได้ไหม แต่รู้สึกว่ามันเฉยๆ แล้ว

“พอๆ กูจะอ้วกกับความดีของมึงจริงๆ”

“หึหึ”

“ในวัดในวาก็ยังไม่เว้น พูดโกหกในวัดมันบาปนะ มึงไม่รู้หรือไง”

“กูไม่ได้โกหกเสียหน่อย”

“พอๆ พูดไปยังไงกูก็ไม่เชื่อ”

ระหว่างที่พวกเขาสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ก็มีเด็กวัดคนหนึ่งเดินเข้ามาหารามินทร์ด้วยท่าทางที่สนิทสนม

“พี่ราม สวัสดีครับ”

“อืม...เป็นไงบ้าง พี่ไม่ได้มาเดือนเดียว ดูอ้วนขึ้นนะเนี่ย”

“โหย...พี่ราม ช่วงนี้คนทำบุญเยอะมากเลย แล้วก็มีขนมมาถวายเยอะมาก ก็เลยตกมาถึงเด็กวัดเยอะมากๆ ด้วย ผมก็เลยกินจนพุงกางเลย อิอิ”

“มิน่าล่ะ หัดออกกำลังกายบ้างนะ ไม่งั้นเอ็งไม่หล่อเหมือนพี่นะเว้ย”

“โหย ถึงผมจะผอมก็หล่อสู้พี่รามไม่ได้หรอก”

“ว่าแต่มาหาพี่มีอะไรหรือเปล่า” รามินทร์ถาม

“เมื่อกี้ไอ้แคนมันเห็นพี่มาวัดเลยไปบอกหลวงพ่อ หลวงพ่อก็เลยใช้ให้ผมมาตามพี่ไปพบท่าน ท่านมีเรื่องจะพูดกับพี่รามแหนะ”

“งั้นเหรอ โอเคๆ เดี๋ยวพี่จะไปหาท่าน มึงอ่ะ จะไปกับกูไหม” ร่างสูงหันมาถามอินทัชที่นั่งมองอยู่ แต่ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าไปมาแทน

“กูอยู่แถวนี้แหละ อยากเดินเล่นรอบๆ ดู”

“เอางั้นหรือ งั้นลี่พี่ฝากพี่ชายคนนี้หน่อยนะ” รามินทร์หันไปฝากฝังอินทัชกับเด็กวัดวัยรุ่นที่ดูว่าอายุไม่น่าจะเกินเด็กมอต้น

“สวัสดีครับ โหยพี่...เพื่อนพี่รามหล่อมากอ่ะ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้อินทัชก่อนจะขยับไปกระซิบกับรามินทร์อย่างตะลึง เรียกเสียงหัวเราะจากรามินทร์และอินทัชได้ทันที

เด็กๆ ก็แบบนี้แหละ จะหล่อจะสวย แต่ถ้าเป็นผู้ชายก็ว่าหล่อหมด แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะว่าสวยหรือไม่ก็เท่ห์ ยังแยกไม่ออกว่าอะไรเรียกสวยหรือหล่อจริงๆ

อย่างน้อยก็เป็นคำชมที่ทำให้อินทัชดีใจล่ะนะ






50%

 o13 o13 o13 o13


   สวัสดีค่า มาลงต่อให้แล้วนะคะ เป็นยังไงกันบ้าง สนุกหรือไม่สนุกยังไง บอกยูกิได้นะคะ เม้นท์บอกได้เลยค่ะ ^_^ อย่าลืมช่วยกันเม้นท์น้า เจอกันอีกทีวันเสาร์จ้า ^^

   พูดคุย สอบถาม ติดตามข่าวสารการอัพนิยาย ให้ไปที่แฟนเพจของยูกิได้เลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 50% => (01/06/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 01-06-2017 23:52:01
รู้สึกว่า อิน อ่อนลงมากเลย ไม่ใช่ใจอ่อนนะ เหมือนหมดคำจะด่าล่ะ กลายเปนเฉยๆไปล่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 50% => (01/06/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-06-2017 01:32:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 50% => (01/06/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-06-2017 07:01:40
มีแอบจุ๊บตอนหลับด้วย
 :-[
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 50% => (01/06/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-06-2017 08:20:52
 o13
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 50% => (01/06/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-06-2017 14:59:25
หลังจากกันแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 50% => (01/06/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-06-2017 21:43:26
หลวงพ่อคงเรียกรามไปสั่งสอน
ฟ้าหลังฝนของรามกำลังจะมา หรือพายุกำลังจะมากันแน่นะ?
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 50% => (01/06/60) P.25 <=
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 03-06-2017 22:27:58
มันยืดไปหรือเปล่าคัฟอ่านมา3อาทิตย์แล้วก็ยังไม่ไปไหนเลย :t3:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 100% => (03/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 03-06-2017 23:14:47
ตอนที่ 44 ครึ่งหลัง






“ฮ่าๆ พี่ฝากด้วยก็แล้วกัน”

“ได้ครับพี่ ผมจะดูแลเพื่อนพี่รามให้ดีที่สุดเลยครับผม”

“หึหึ”

ร่างสูงยิ้มให้กับอินทัชเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้เด็กหนุ่มกับอินทัชอยู่ตรงนั้นกันตามลำพังพอไม่มีรามินทร์อยู่ เด็กลี่ก็เกิดอาการเขินอินทัชเสียงั้น

“พี่ชื่ออินนะ พี่เพิ่งมาเที่ยวน่ะ ไม่ค่อยรู้จักแถวนี้หรอก” อินทัชชวนคุยแล้วฉีกยิ้มหวานให้ ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับหน้าแดงด้วยความเขิน

เพิ่งจะบอกไอ้รามไปเองว่าอยู่วัดอย่าโกหก แต่ดันโกหกเสียเอง

“พี่มาจากกรุงเทพหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างกระตือรือร้น เดินมานั่งข้างๆ อินทัชด้วยความสนใจ จนร่างโปร่งแปลกใจว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ตื่นเต้น

“ใช่แล้ว พี่มาจากกรุงเทพ”

“โห...ดีจัง ผมนี่อยากจะลองไปเห็นกรุงเทพสักครั้งจริงๆ คงแต่มีที่น่าเที่ยวๆ ทั้งนั้นแน่ๆ”

“ถ้าสำหรับคนต่างจังหวัดถ้าได้ไปเที่ยวล่ะก็คงจะแปลกใหม่ ตื่นตาตื่นใจ แต่สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นไม่มีใครชอบเท่าไหร่หรอกครับ มันทั้งร้อน แออัดสุดๆ วุ่นวายด้วย ที่นี่ดีกว่าเห็นๆ เลยครับ” อินทัชพูด

“จริงเหรอครับ แต่ผมไม่คิดว่างั้นน้า...ผมเห็นพวกลูกคนรวยที่มาวัดชอบพูดบ่อยๆ ว่าไม่เห็นที่นี่จะดีไปกว่ากรุงเทพเท่าไหร่เลย อะไรทำนองนี้บ่อยมากครับ”

อินทัชหัวเราะเบาๆ ให้กับความใสซื่อของเด็กหนุ่ม

“มันก็แล้วแต่คนชอบนั่นแหละ ถ้าเป็นพี่ พี่ชอบที่สงบๆ แบบนี้มากกว่า คนกรุงเทพส่วนใหญ่ ถ้ามีเวลาพัก เขาก็จะมาเที่ยวต่างจังหวัดกันทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าลี่อยากไปกรุงเทพ ถ้ามีโอกาสก็แค่ไปเที่ยว ไปชมวิถีชีวิตพอนะ ไม่ต้องคิดไปอยู่ถาวร พี่แนะนำเฉยๆ”

“จริงๆ แล้วผมก็ชอบที่จะอยู่ที่นี่แหละครับ แต่อีกสามปีผมก็ต้องไปจากที่นี่แล้ว”

“หืม...?”

“พ่อแม่ของผมเอาผมมาอยู่วัดจนกว่าจะเรียนจบมอปลายน่ะครับให้ผมฝึกฝนกับหลวงพ่อ แล้วจบมอปลายผมก็ต้องย้ายไปเรียนกรุงเทพต่อน่ะครับ”

อ่า...ไม่ใช่เด็กกำพร้า แต่เป็นเด็กที่พ่อแม่เอามาฝากให้ทางวัดช่วยอบรมสั่งสอนสินะ

แปลกดีจริงๆ แล้วเด็กคนนี้ก็ท่าทางจะเป็นเด็กดีมากๆ ด้วย ผิดกับวัยรุ่นสมัยนี้เยอะเลย

“อย่างนี้นี่เอง”

เด็กหนุ่มยิ้ม เปลี่ยนเรื่องคุยโดยที่แนะนำสถานที่เกี่ยวกับที่ที่ตัวเองรู้ให้อินทัชฟังด้วยความตั้งอกตั้งใจ เพราะไม่ค่อยจะมีโอกาสได้พูดคุยกับนักท่องเที่ยวแบบนี้หรอก

สามสิบนาทีผ่านไป รามินทร์ก็กลับมา ก่อนจะบอกลาเด็กหนุ่มที่นิสัยดีน่ารักอย่างลี่แล้วออกจากวัดแห่งนี้ไป โดยที่รามินทร์ไม่ลืมให้เงินค่าขนมกับลี่ไปด้วยอย่างที่เคยทำ นั่นทำให้อินทัชได้เห็นอีกมุมหนึ่งของรามินทร์ที่ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้มาตลอดหรือว่าเป็นเพราะว่าเขาอยู่ที่นี่ด้วยกันแน่ แต่ความรู้สึกมันเป็นอย่างแรกมากกว่า เพราะลี่เองก็ดูรักและเคารพรามินทร์มากพอตัวเลย

กระทั่งช่วงเย็น รามินทร์พาเขาไปเดินตลาดที่ดูเหมือนคนจะเริ่มเยอะตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดสนิทเท่าไหร่นัก

“คนมาเดินที่นี่เยอะเหรอ”

“อืม...ก็เยอะนะ มันมีครบทุกอย่างนี่”

“เหรอ...”

“มึงอยากได้อะไรไหม หรืออยากกินอะไรหรือเปล่า”

“กูหิวแล้วล่ะ อยากกินลูกชิ้นนึ่งสมุนไพรอ่ะ” อินทัชบอกพร้อมกับชี้นิ้วไปยังจุดที่ร้านมันตั้งอยู่ ร่างสูงมองตามก่อนจะหันมายิ้มให้

“เดี๋ยวกูไปซื้อให้”

“อือ...ไม่เอาลูกชิ้นเนื้อนะ กูไม่กินเนื้อ”

“รับทราบ มึงรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน ห้ามไปไหนล่ะ” รามินทร์กำชับ ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ

จะให้ไปไหนได้ล่ะ ทางก็ไม่รู้ เงินก็ไม่มี...

“หืม...ร้านสร้อยเหรอ?” อินทัชพึมพำเมื่อเห็นร้านเครื่องประดับอยู่ทางด้านซ้ายมือซึ่งห่างจากตัวเขาไม่เกินสามเมตร อินทัชก็เลยมองไปยังร่างสูงที่กำลังยืนเลือกซื้อลูกชิ้นนิดๆ แล้วตัดสินใจเดินไปยังร้านเครื่องประดับด้วยความสนใจ เพราะเท่าที่ดู ร้านมันก็อยู่ในเขตที่รามินทร์พอจะเห็นเขาอยู่

“สนใจอันไหนสอบถามได้นะคะ”

“ขอโทษนะครับ นั่นสร้อยอะไรหรือครับ ผมไม่เคยเห็นน่ะ” อินทัชถามทันทีด้วยความอยากรู้

“เป็นสร้อยดอกไม้ในขวดโหลน่ะค่ะ ดอกไม้ในขวดโหลเป็นดอกไม้จริงนะคะ สามารถอยู่ได้เป็นสิบปีเลย แล้วความหมายแต่ละดอกก็ดีมากๆ ด้วยค่ะ” คนขายแนะนำด้วยท่าทีที่กระตือรือร้นในการขายสุดๆ

“ราคาเท่าไหร่ครับ”

“หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเก้าบาททุกแบบเลยจ้า”

“ราคาไม่แพงด้วย ผมชอบนะครับ แต่ไม่ได้เอาเงินมานี่สิ” อินทัชยิ้มแห้งๆ บอกคนขายไป ซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ยิ้มกลับมาอย่างไม่โกรธด้วย

“ไม่เป็นไรค่า สนใจก็ดีใจแล้วค่ะ”

“อยากได้เหรอ เดี๋ยวกูซื้อให้” เจ้าของเสียงที่ถามเดินมายืนข้างๆ กับเขา ซึ่งลูกค้าไม่เยอะเท่าไหร่เลยทำให้ไม่ค่อยแออัดเหมือนร้านของกิน

รามินทร์ที่ซื้อลูกชิ้นเสร็จเดินมาหาอินทัชก็ได้ยินว่าร่างโปร่งชอบพอดี และแน่นอนว่าถ้าเขารู้ว่าอินทัชชอบอะไรแล้ว รามินทร์จะหามาให้ทุกอย่าง

“ไม่เป็นไรอ่ะ”

“เออน่า อยากได้อันไหน เลือกเลย”

“บอกว่าไม่ไง” ร่างโปร่งปฏิเสธเสียงแข็ง จนรามินทร์ไม่อยากจะเซ้าซี้คนปากแข็งเลยหันไปพูดกับคนขายแทน

“พี่ครับ ดอกอะไรที่มีความหมายรักที่มั่นคง รักตลอดไป อะไรทำนองนี้ มีไหมครับ” ร่างสูงหันมายิ้มสื่อความหมายให้กับอินทัช ซึ่งเจ้าตัวก็หันหนีแบบไม่อยากจะมองหน้า แต่ความเป็นจริงคือกำลังเขินอยู่ต่างหาก

“มีจ้า อันนี้เลย ดอกสโนไวท์ หมายถึงความรักนิรันดร์ ความรักที่มั่นคงตลอดไป มีหลายสีให้เลือก อยากได้สีไหนคะ” เธอหยิบตัวที่แนะนำออกมาให้รามินทร์เลือก ส่วนอินทัชก็มองตามและแอบเลือกสีไว้ในใจ

“ชื่อสโนไวท์ ก็ต้องสีขาวสิครับ เอาสีขาว ส่วนโหลเอาแบบนี้ครับ” รามินทร์เลือก ซึ่งเหตุผลในการเลือกสีดอกไม้ที่เจ้าตัวพูดออกมาเรียกความสนใจจากอินทัชได้ทันที

ทำไมมันคิดเหมือนกันกับเรา

“โอเคค่า สนใจอะไรอีกไหมเอ่ย”

“แล้วดอกอะไรที่มีความหมายลืมไม่ลงหรือเป็นความทรงจำของเรา แบบนี้มีไหมครับ”

“มีค่า อันนี้สวย...ดอกแคสเปียร์ หมายถึงความทรงจำหรือการรำลึกถึงใครสักคนที่ไม่อาจลืมเลือน”

แม่ค้าเหมือนจะท่องจำมาดี...

“งั้นผมเอาอันนี้ด้วยครับ เป็นสองอย่าง คิดเงินเลยครับ”

รามินทร์จ่ายเงินไปแล้วก็รับของมาถือไว้กับตัวเอง ก่อนจะพาร่างโปร่งที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จากออกจากตรงนั้น แล้วพาเดินไปตามทางที่มีแผงขายของจัดตั้งอยู่ตลอดแนว เผื่อว่าจะมีของที่อินทัชสนใจอีก เขาจะได้ซื้ออีก แม้ว่าเจ้าตัวจะปากแข็งก็ตามทีเถอะ

“เป็นไง อร่อยไหมล่ะ กินอยู่คนเดียว” ถามแบบแขวะๆ ที่อินทัชเอาแต่เดินกินลูกชิ้นอยู่คนเดียวไม่แบ่งคนซื้อมาเลยสักนิด

“ก็ของกู มึงซื้อมาให้กูนี่”

“แต่กูก็อยากกินด้วย”

“ก็ไปซื้อใหม่ดิ” อินทัชทำท่าเหมือนเด็กหวงของ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนตัวสูงที่อายุน้อยกว่าอีกด้วย

“เชิญกินไปเถอะ มองมึงกินกูก็อิ่มแล้ว”

กึก!

หงุดชะงักความอร่อยของอินทัชได้ด้วยประโยคเลี่ยนๆ มือขาวยื่นถุงลูกชิ้นให้กับรามินทร์ทันทีทั้งๆ ที่ยังทานมันไม่หมดเลย แต่เหมือนจะทานไม่ลงแล้ว

“หึหึ อิ่มแล้วหรือไง”

“เปล่า...กูเบื่อ อยากกินอย่างอื่น”

“แสดงว่ามึงเป็นห่วงกูสินะ ถึงได้ยื่นมาให้กูกินเนี่ย”

“อย่าหลงตัวเองได้ป่ะ กูอยากกินเครป ไปซื้อมาหน่อย เอาสตรอเบอร์รี่ปั่นด้วย” สั่งอย่างกับเป็นเจ้านาย แถมยังกอดออกวางมาดคุณชายเรียบร้อย

ถ้าเป็นแต่ก่อนรามินทร์คงจะหมั่นไส้มากแน่ๆ แต่ตอนนี้ไม่ว่าร่างบางจะทำอะไร ก็น่าดู น่ารักไปหมดสำหรับเขา

หลงเข้าขั้นรุนแรงจริงๆ


ระหว่างที่กำลังเดินจากที่จอดรถไปยังบ้านพัก ร่างสูงก็จับข้อมือบางให้เดินมาตรงโขดหินที่เป็นเหมือนที่ดูดาวตอนกลางคืนของรามินทร์ เพราะนอกจากจะได้ดูดาวแล้วมันยังมีเสียงของน้ำไหลให้รู้สึกผ่อนคลายด้วย รามินทร์คิดว่านับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาคงต้องมายืนตรงนี้ทุกวันแน่ๆ

แค่คิดก็ใจหายแล้ว...ใจหายจนแทบอยากจะร้องไห้

“คืนสุดท้ายแล้ว”

เสียงของรามินทร์ฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่าอีกคนเจ็บปวดแค่ไหน อินทัชตอนนี้ก็รู้สึกใจหายแล้วอึดอัดในหัวใจแปลกๆ เหมือนกัน

ไม่น่า...อย่าบอกนะว่าเราผูกพันกับมันน่ะ

“มึงคงจะดีใจมากล่ะสิ”

“อืม...แน่นอนอยู่แล้ว”

“อ่ะ...กูให้ กูให้ดอกสโนไวท์กับมึง เป็นเหมือนความรู้สึกของกู...กูอยากจะขอร้องให้มึงใส่ แล้วจากวันพรุ่งนี้...มึงจะทำอะไรกับมันก็ได้ ส่วนแคสเปียร์ กูจะเก็บไว้ เพราะมันเป็นเหมือนความทรงจำที่กูจะไม่มีวันลืม...ถึงแม้ว่าช่วงเวลาดีๆ ของเรามันจะน้อยกว่าช่วงเวลาเลวร้าย แต่มันก็มีความสุขที่สุดแล้วสำหรับคนอย่างกู”

อินทัชยืนนิ่ง มองหน้ารามินทร์แต่ก็ไม่ได้จับจ้อง มองแบบเหม่อลอย เพราะกำลังจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอยู่...

“ขอโทษนะ”

ร่างสูงขยับมายืนใกล้ๆ ก่อนจะสวมสร้อยให้กับอินทัชจากด้านหน้า อินทัชก้มหน้ามองตัวจี้ที่เป็นดอกสโนไวท์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วที่ได้ยินประโยคสั่นคลอนหัวใจจากปากของรามินทร์

“กูรักมึง...”

จุ๊บ!!

ริมฝีปากของเราสัมผัสกันเบาๆ และนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ไม่มีการลุกล้ำ มีเพียงความอ่อนนุ่มที่สัมผัสกันเบาๆ เราสบตากันนิ่งๆ มือใหญ่คว้ามือของร่างโปร่งบางไปจับเอาไว้แน่น สอดประสานเอาไว้แล้วบีบมือขาวอย่างแรง รามินทร์ทำราวกับว่านี่เป็นครั้งสุดท้าย...ที่เขาจะมีโอกาสได้ทำแบบนี้

ได้จับมือของคนที่เขารักเอาไว้แนบแน่น ได้ส่งมอบความรู้สึกรักจากใจออกไปผ่านแววตา เวลาผ่านไปหลายนาที รามินทร์ก็ผละริมฝีปากออก พร้อมๆ กับคลายมือที่จับอินทัชไว้

ขวับ!!

ร่างแกร่งรีบหันหลังให้อินทัชทันทีที่น้ำตาของตัวเองหลั่งริน “ฝันดี” ประโยคที่แสนจะสั่นเครือกลั่นออกมาจากความรู้สึกรวดร้าว ก่อนที่รามินทร์จะเดินเข้าบ้านพักไป ปล่อยให้ร่างโปร่งยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยที่รามินทร์ไม่รู้เลยว่า อินทัชจะแสดงสีหน้าอย่างไร เพราะตอนนี้...เขากำลังร้องไห้

เจ็บปวด...ทรมานเจียนตายเป็นยังไง เขาเพิ่งจะรู้ซึ้งในความหมายของมันก็ตอนนี้...

“กูรักมึง...”

แต่รามินทร์รู้ตัวเองดี...ว่าไม่อาจจะเป็นคนที่อินทัชรักได้ และเพื่อคนที่รามินทร์รักแล้ว ความสุขของเขาถือว่าสำคัญกว่าความสุขของตัวเอง...

รักแค่ไหน...ก็ต้อง ‘จำใจ...ปล่อยมือ’


อินทัชยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นปล่อยให้ความรู้สึกต่างๆ มันถาโถมใส่แบบไม่ปิดกั้นมันอีก...

“ฮึก...” เสียงสะอื้นของตัวเองเรียกสติของอินทัชให้คืนกลับมา จึงได้รู้ว่า ตนเองกำลังร้องไห้อยู่ น้ำตาที่ไหลรินไม่หยุดอยู่ตอนนี้...ผสมกับความหน่วงที่หัวใจ ทำให้มือข้างที่อินทัชโดนบีบต้องเอามาจับที่หัวใจเอาไว้ หวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความรู้สึกได้

เจ็บปวด...

ทรมาน...

แต่อินทัชก็ไม่รู้...ว่าจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง มันสับสนไปหมดแล้ว...น้ำตาของรามินทร์ ครั้งนี้...อินทัชยอมรับว่ามันสะท้านหัวใจเหลือเกิน

อยากจะโอบกอดอีกคนเอาไว้...แต่ไม่รู้ว่าจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร เพราะถ้าทำแบบนั้น มันจะกลายเป็นการให้ความหวังกับรามินทร์หรือเปล่า

เขาจะกลายเป็นคนใจร้ายหรือไม่...

“ฮือ...” ได้แต่ระเบิดความรู้สึกออกมาเพราะไม่สามารถทานทนมันได้ เขาต้องการอะไร หัวใจต้องการอะไร สมองต้องการแบบไหน อินทัชไม่เข้าใจสักอย่าง

คนฉลาดอย่างอินทัช มักจะเจอทางออกที่ดีอยู่เสมอ แต่ทำไมปัญหานี้ ทางถึงได้ตัน ทำไมมันตัน ทำไมมันมืด เขามองไม่เห็นช่องทางที่จะออกไปได้เลยสักนิด

“ขอโทษ...ฮือ กูขอโทษ...กู...ฮึก”

คำพูดที่อยากจะบอก อินทัชก็ได้แต่บอกผ่านสายลม หวังว่ามันจะช่วยพัดพาไปถึงรามินทร์ ว่าเขาอยากขอโทษ...ขอโทษเรื่องอะไร...เขาเองก็ไม่รู้

รู้เพียงแค่อยากจะพูดคำนี้ รู้แค่นี้จริงๆ

อินทัชได้แต่หวังว่า...เวลาจะช่วยรักษาพวกเรา

มือขาวกับสร้อยตรงอกไว้แน่น...แหงนหน้ามองท้องฟ้า ปล่อยห้ำตามันไหลอย่างที่มันอยากจะเป็น ไม่ฝืนมัน ไม่ปิดกั้นมัน...

แค่ปล่อยมันตามที่มันต้องการ...


พรุ่งนี้...ที่นี่จะกลายเป็นเพียงแค่อดีตสำหรับอินทัช...






100%

:mew2: :mew2: :mew2:

ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้ารามดี แต่ยูกิว่าน่าสงสารนิดๆ นะ ฮ่าๆ อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้กันต่อไปน้า....

ถ้ามีอะไรสงสัย อยากสอบถาม หรืออยากพูดคุย ติดตามข่าวสารก็ไปที่แฟนเพจเลยนะคะ ^^ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 100% => (03/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-06-2017 23:42:46
 :laugh:


เห็นเสียน้ำตาแล้วมีความสุข โรคจิตเบาๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 100% => (03/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-06-2017 04:07:03
 :sad4 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 100% => (03/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Chattcha ที่ 04-06-2017 07:05:54
สงสารทั้งคู่ เมื่อไหร่จะกลับมาเข้าใจกัน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 100% => (03/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 04-06-2017 08:34:31
อื้ออออ สงสารทั้งสองคนเลยตอนนี้
แค่อยากให้อินรู้ใจตัวเอง

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 100% => (03/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-06-2017 14:50:39
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 100% => (03/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-06-2017 04:10:23
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 44 100% => (03/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 05-06-2017 22:35:04
 :sad4: :sad4: :sad4:
่มันหน่วงหัวใจเหลือเกิน..
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 50% => (07/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 07-06-2017 23:35:58
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 45
กำลังใจสำคัญ





ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แกรก!!

“มีอะไร...เฮ้ย!”

ปัง!!!

ยังไม่ทันที่อินทัชจะถามเสร็จก็ต้องส่งเสียงร้องตกใจเมื่อคนตัวใหญ่กว่ากำลังผลักเขาเข้าไปในห้องคืนจนกระทั่งล้มลงบนเตียงโดยมีร่างสูงกว่าคร่อมทับอยู่ข้างบน ก่อนที่รามินทร์จะจู่โจมเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยริมฝีปากของคนที่บุกเข้ามาตอนตีหนึ่งกว่าๆ แบบนี้

“อ่ะ...อื้อ อัมอะไอ” อินทัชส่งเสียงอู้อี้พยายามหันหนีริมฝีปากที่บดขยี้อย่างรุนแรง มือไม้ก็พยายามดันอกแกร่งออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล จนรามินทร์ต้องใช้มือของตัวเองยึดแขนทั้งสองข้างของอินทัชไว้เหนือศีรษะของเจ้าตัว ร่างบางกว่าเลยสู้ได้เพียงหันหน้าหนีเท่านั้น

รามินทร์ทำเหมือนตัวเองขนาดสติ แต่ไม่ใช่...ทุกอย่างเขารู้ตัวเองดี หลังจากนอนร้องไห้ ทบทวนความคิดทั้งหมดแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะเดิมพันครั้งสุดท้าย...เลยบุกมาหาอินทัชตอนตีหนึ่งแบบนี้

“ร่ะ...ราม หยุดนะ! มึง อย่าทำแบบนี้ อ๊ะ!” เสียงน่าอายดังออกมาเป็นช่วงๆ เมื่อโดนรามินทร์ซุกไซ้ซอกคออย่างรุนแรง แต่มันก็ทำให้อินทัชรู้สึกขนลุกได้

แรงขบเม้มที่ซอกคอทำให้คนโดนกระทำรู้สึกเจ็บแปลบ รู้เลยว่ามันต้องมีรอยหลายรอยแน่ๆ รามินทร์ที่กำลังจูบไปทั่วทั้งคอก็จูบโดนสร้อยที่ตนซื้อให้ ที่เวลาสัมผัสโดนแล้วรู้สึกดีทุกครั้งเพราะอินทัชไม่ได้ถอดมันออกไป ทั้งๆ ที่จะถอดออกไปก็ได้

“ไอ้ราม!! อื้อ” แล้วก็โดนปิดปากอีกครั้ง คราวนี้ทุกความรู้สึกที่อินทัชกำลังรู้สึกสับสนมันก็ทะลักออกมาเป็นสายน้ำตาอีกครั้ง คราวนี้ถึงกับหยุดชะงักการกระทำอันป่าเถื่อนของรามินทร์ได้ทันที

ร่างแกร่งจ้องตาแดงก่ำของอินทัชด้วยความรู้สึกเจ็บปวด แต่มันก็เต็มไปด้วยความจริงจัง อินทัชเองก็มองตารามินทร์ทั้งๆ ที่มีน้ำตาบังเอาไว้อยู่

มันทั้งกลัวความรู้สึกแบบวันที่โดน ‘ย่ำยี’ และมันก็มีทั้งความรู้สึกที่ทั้งขัดขืนผสมกับอยากจะยอมอยู่ในอารมณ์ มันสับสน สับสนจนอินทัชทนไม่ไหว

“ฮึก...” อินทัชหันหน้าหนีทั้งน้ำตา พังความหวังที่เหลือทลายลงในพริบตา

“มึงเกลียดกูจริงๆ สินะ” ถามเสียงสั่นเครือ

อินทัชกัดปากตัวเองแรงๆ ไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร และไม่รู้ว่าจะหันไปองหน้าร่างสูงดีไหม บอกตามตรงว่าเขากำลังกลัวรามินทร์

กลัวว่ามันจะเป็นเหมือนวันนั้น จนใจสั่นไปหมด

“ลุก...ออกไป” สั่งเสียงแข็งเน้นเสียงทุกคำ แต่อินทัชก็ไม่ได้ทำให้รามินทร์รู้สึกกลัวได้

“ไม่เกลียดกูไม่ได้เหรอ” ถามด้วยน้ำเสียงเว้าวอน

“กู...กูไม่ได้เกลียด” ตอบเสียงเบา แต่มันก็ทำให้หัวใจของรามินทร์มีชีวิตชีวามากขึ้น หากก็คิดได้ว่า ไม่ได้เกลียด แต่ก็ใช่ว่าจะรักหรือชอบได้

“งั้นมึงรู้สึกยังไงกับกู ไหนๆ กูก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถ้าการทำแบบนี้ของกูจะทำให้มึงไม่ชอบหรืออะไรก็ตาม กูก็จะทำมันทุกวิถีทาง ถ้ามึงเกลียด รังเกียจกู มึงก็แค่บอกมา พูดมา แล้วก็มองตากูด้วย กูจะได้เลิกหวังลมๆ แล้งๆ”

เลิกหวัง...ไม่ได้จะตัดใจ คนละความหมาย อย่าเข้าใจผิด

“ตอบกู แล้วกูจะปล่อยมึง”

อินทัชค่อยๆ หันหน้ามาเผชิญกับรามินทร์ที่ตอนนี้ใบหน้าของร่างสูงอยู่ห่างไม่ถึงคืบ ดวงตาสวยที่มีหยาดน้ำพยายามที่จะจ้องตากับรามินทร์แต่ก็ยังลอกแลกไม่กล้ามองตรงๆ

“ว่าไง...มึงรังเกียจกูเหรอ”

“ป่ะ...เปล่า”

“แล้วทำไม ถึงปฏิเสธสัมผัสจากกู ทำไมไม่รับความรู้สึกของกู โกรธในสิ่งที่กูทำกับมึงกูเข้าใจ แต่กูเชื่อว่ามึงสี่วันมานี้ ความรู้สึกมึงเปลี่ยนไปแล้ว”

รามินทร์เห็นความวูบไหวในดวงตาตอนที่เขาพูดว่าอินทัชเปลี่ยนไป แสดงว่าที่เขาคิดมันไม่ใช่เรื่องที่คิดไปเอง อินทัชโอนอ่อนให้กับเขาบ้างแล้ว

“กูตอบไปแล้ว ลุกจากตัวกูซะ กูเจ็บ” อินทัชพยายามดิ้น

“มองตากูอิน...แล้วตอบออกมาว่ามึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับกู”

อินทัชสบตากับรามินทร์ด้วยความจำใจ หากแต่ปากและเสียงก็ไม่ยอมพูดออกมาตามที่ใจคิด ได้แต่อึกๆ อักๆ จนรามินทร์ดีใจกับความลังเลนี้

“กู...คือ...กู”

“กูรักมึง รักมึงนะอิน”

ร่างโปร่งนิ่งค้างไปกับประโยคบอกรัก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังละลาย ไม่มีรงที่จะต่อต้านอะไรรามินทร์อีกแล้ว แม้แต่พูด อินทัชยังไม่อยากพูดเลย รามินทร์ที่เห็นแบบนั้นก็แนบริมฝีปากลงไปประทับที่ริมฝีปากของอินทัชเบาๆ รามินทร์เสี่ยงครั้งสุดท้ายคือค่อยๆ ปล่อยมือจากแขนทั้งสองข้างของอินทัช แต่ริมฝีปากก็ยังแนบอยู่กับปากบางแบบนั้น

อินทัชนิ่ง ไม่ดิ้นรน ไม่ขัดขืน หนำซ้ำยังปิดตาลงเหมือนกำลังยอมให้รามินทร์ทำตามใจชอบ ซึ่งเมื่อทันทีที่อินทัชหลับตา รามินทร์ก็ค่อยสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากที่เขาเคยรุกล้ำมันมาแล้วหลายครั้งอย่างอ่อนโยนที่สุด

แขนขาวค่อยๆ ยกขึ้นมาโอบรอบคอแข็งแรง ปล่อยความรู้สึกให้ไปตามที่ใจรู้สึก รามินทร์เองก็ถ่ายถอดความรักออกไปด้วยความอ่อนโยนที่สุด หวังว่า ‘กอด’ ครั้งนี้ จะทดแทนความรู้สึกเลวร้ายนั่นให้กับอินทัชได้ จนสักวันหนึ่ง อินทัชจะเปิดโอกาสให้กับเขา

ให้เขาได้เป็นคนรัก...

ทั้งคู่กอดกัน สัมผัสกันและกันทั้งน้ำตา มันทั้งสุขและเจ็บปวดไปคราเดียวกัน รามินทร์ทำไปเพราะรัก...ส่วนอินทัช ยอมเพื่อล่ำลา

“จำเอาไว้...ว่ากูรักมึงขนาดไหน”

อินทัชไม่สนแล้วว่าวันพรุ่งนี้จะสู้หน้ารามินทร์ได้ไหม จะทำเป็นไม่รู้อะไรได้ไหม แต่สัมผัสที่แสนอ่อนโยนและอบอุ่นของรามินทร์ บวกกับความรู้สึกบางอย่างในใจ มันทำให้อินทัช...เลือกที่จะปล่อยมันไปตามที่มันอยากจะเป็น มากกว่าไปฝืนความรู้สึก

พรุ่งนี้มันเป็นเรื่องของอนาคต ยังไง เขาก็ต้องไป

ยังไงเขาก็ต้องกลับบ้าน ต้องไปจากที่นี่...

ที่นี่...ไม่ใช่ที่ของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...

...

...

...


ทางด้านของหมอเงินกับขรรค์ที่วันนี้ก็ผ่านไปอย่างเรียบง่ายไม่มีอะไรมาก แม่ของหมอเงินก็ทำหน้าที่เลี้ยงหลานไปด้วยบรรยากาศธรรมชาติของบ้านสวนของจักรโดยไม่มีทีท่าขัดขวางอะไรเลย แต่ก็ไม่ค่อยจะคุยกันเหมือนเดิม หากแต่บรรยากาศระหว่างขรรค์กับแม่ของเงินก็ดีมากขึ้น

มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย

“พรุ่งนี้อินก็จะกลับแล้วใช่ไหม เงินไม่ค่อยได้คุยกับอินเลยช่วงนี้ แต่โชคดีที่พรุ่งนี้มีเวรดึก เงินจะไปหาอินแต่เช้าเลยคอยดู เอ...หรือจะตามไปส่งที่กรุงเทพแล้วนั่งเครื่องกลับมาดี” หมอหนุ่มที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ กับขรรค์บนเตียงพูดขึ้นเพราะยังนอนไม่หลับกันทั้งๆ ที่เข้าสู่เช้าวันใหม่แล้วก็ตาม

“จะดีหรือเงิน กลับมาทันก็จริง แต่มันจะไม่ล้าเหรอ”

“ไม่รู้สิ ก็ล้านั่นแหละ แต่ทำไงได้ ช่วงนี้เราไม่ได้ไปที่รีสอร์ท เพราะแม่เงินมาเราก็ต้องมานอนที่นี่ทุกวัน เงินเลยไม่มีโอกาสได้เจอกับอินเลย เบอร์ติดต่อก็ยังไม่ได้ขอ ถ้าหากอินกลับไปแล้ว เกิดเงินคิดถึง เงินจะติดต่อยังไงล่ะ โทรเข้าบริษัทต้องยุ่งยากมากแน่ๆ”

“พรุ่งนี้เช้าเราค่อยไปก็ได้ คุณรามบอกว่าจะออกเดินทางสายๆ หน่อยน่ะ”

“นี่คุณรามจะไปส่งเองเลยเหรอ”

“ใช่...จะขับรถไปเองด้วย”

“ทำไมไม่ขึ้นเครื่องนะ เร็วกว่าขับรถไปเองด้วย” เงินถามอย่างไม่เข้าใจ ลืมไปสนิทเลยว่ารามินทร์น่ะตกหลุมรักอินทัชไปแล้ว เหตุผลที่รามินทร์ต้องการขับรถไปส่ง ก็คือ...

“คุณรามต้องการอยู่กับอินให้ได้นานที่สุดน่ะ”

“อ๋อ...เงินลืมไปเลยนะ จริงๆ แล้วคุณรามก็น่าสงสารอยู่นะ ถ้าเอาเหตุผลมาชั่งดูแล้วก็น่าสงสาร แต่ถ้าถามว่าเห็นด้วยไหมกับการแก้แค้น เงินไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่าเข้าใจไหม เงินก็เข้าใจแหละ เงินเข้าใจว่าทำไมคุณรามถึงได้ทำลงไป”

เงินพูดออกมา นับว่าเป็นคนที่เป็นกลางมาก มีเหตุผลเสมอ ส่วนขรรค์ บอกตามตรงว่าเอนเอียงไปทางรามินทร์มากกว่า เพราะยังไงแล้ว รามินทร์ก็เป็นเจ้านายของตน แม้จะรู้แก่ใจว่าสิ่งที่เจ้านายทำมันผิดก็ตามที

“ขรรค์ก็เข้าใจ เข้าใจดีด้วย ช่วงนั้น...คุณรามดูไม่ใช่คุณรามจนขรรค์อดหวั่นๆ ไม่ได้ เหมือนกัน อินมันก็ควรจะเข้าใจด้วยไม่ใช่หรือไง”

“เฮ้อ...ก็ต้องปล่อยเป็นเรื่องของเขาทั้งสองล่ะนะ เงินรู้ ว่าขรรค์เป็นห่วงความรู้สึกของคุณราม แต่ขรรค์ต้องนึกถึงความรู้สึกของคนถูกกระทำบ้างนะ ถ้าขรรค์โดนแบบอินบ้าง ขรรค์จะรู้สึกยังไง โดนทำทั้งๆ ที่ไม่ได้ผิดอะไรเลย” คนรักของเขาย้อนถามกลับ

“ขรรค์รู้ ขรรค์ก็เข้าใจ”

แต่ที่ไม่เข้าใจคือ...การเปิดใจรับรามินทร์ มันเป็นเรื่องที่ยากและเป็นไปไม่ได้เลยหรือไง

ก็แค่ทิ้งอดีตแล้วทำความรู้จักกันใหม่ คนเรามันก็ต้องผิดพลาดกันบ้าง...ขนาดขรรค์เอง ก็ยังตัดสินใจผิดและทำผิดมาแล้วตั้งหลายครั้ง

“เงินคิดว่าอินรู้สึกยังไงกับคุณราม” ขรรค์ถามคนรักเพราะอยากจะรู้

“ไม่รู้สิ...สามสี่วันมานี้เงินยังไม่เคยเห็นอินเลย ถ้าไม่ได้เห็นสายตา เงินก็คงพูดไม่ได้หรอก แต่ที่เงินรู้ คืออินเป็นคนใจอ่อนนะ แต่ที่ไม่ยอมคุณรามง่ายๆ อาจเป็นเพราะทิฐิบางอย่าง”

“อืม...ขรรค์อยากเห็นคุณรามมีความสุข”

“เงินก็อยากเห็นอินมีความสุขเหมือนกัน”

“ทำได้แค่เป็นกำลังใจให้เท่านั้นแหละ” ขรรค์ว่า

“ก็จริงนะ เอาล่ะ นอนได้แล้วนะขรรค์ พรุ่งนี้เราจะไปหาอินแต่เช้า”

“ครับ...ฝันดีนะเงิน”

“ฝันดีครับ”


“จะไปไหนกันแต่เช้าล่ะลูก” หญิงวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นมารดาของหมอเงินเอ่ยถามลูกชายที่วันนี้แต่งตัวพร้อมออกไปข้างนอกแต่เช้า ทั้งๆ ที่บอกเธอเอาไว้เมื่อวานว่ามีเวรดึก

“วันนี้เพื่อนของเงินจะกลับกรุงเทพแล้วครับ ก็เลยอยากไปส่ง กลัวจะไม่ได้เจอกันอีก”

“หืม...ก็เวลาเงินไปประชุม ไปสัมมนาก็ค่อยนัดเพื่อนมาเจอได้นี่ลูก”

“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ เพื่อนของเงินคนนี้น่ะ พบตัวได้ยากมากเลย”

“เอ๊ะ! แม่งงนะเนี่ย ถ้าเจอตัวยากขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าทำงานผิดกฎหมายนะลูกนะ” เธอแสดงสีหน้าเป็นกังวลจนลูกชายต้องเดินไปสวมกอดคนเป็นแม่ด้วยความรัก หัวเราะน้อยๆ กับความกังวลของแม่ตนเอง

“ไม่ใช่หรอกครับแม่ เพื่อนผมคนนี้เขาเป็นนักธุรกิจน่ะครับ”

“อ๋อ...แม่ตกใจแทบแย่ ว่าแต่ลูกมีเพื่อนเป็นนักธุรกิจตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่ตอนอยู่ที่นี่แหละครับ จริงๆ แล้วเขาเป็นเพื่อนของขรรค์ แล้วเงินก็มารู้จักอีกทีน่ะครับ” ร่างโปร่งอธิบายให้แม่ฟัง เธอก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“นายขรรค์ก็จะไปด้วยด้วยสินะ”

“ครับ”

เอาจริงๆ แล้วเงินรู้สึกว่าแม่ตัวเองจะเริ่มถูกใจขรรค์ขึ้นมาบ้างแล้วแหละ แต่ยังทิฐิอยู่ ไม่ใช่เพราะขรรค์มีร่ำรวย มีบ้าน มีสวนใหญ่โตหรอกนะ แต่เป็นเพราะความเจียมตัวและความติดดินของขรรค์ต่างหาก

เป็นเจ้าของบ้าน เป็นเจ้านาย แต่ก็ทำตัวเหมือนไม่ใช่...จนบางทีเธอเองก็คิดว่าลูกชายเธอเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้เสียเอง เพราะคนงานจะเรียกขรรค์พี่อย่างสนิทสนม ไม่มีคำว่าคุณอย่างที่ควร แต่กับเงิน คนงานต่างก็พากันเคารพมากกว่าอีก

“จะกลับมาตอนไหนล่ะลูก”

“แม่อยากไปไหนหรือครับ”

“เปล่าจ้า แค่อยากรู้ไปนานไหม กลัวตารักษ์จะคิดถึง”

“แหม...เงินก็คิดว่าอะไร เงินจะกลับมาทันทีที่ส่งเพื่อนแล้วนะ บอกน้องรักษ์ไม่ต้องงอนพ่อนะครับแม่ ฮ่าๆ”

“ตาเงินนี่นะ...แล้วนี่เมื่อไหร่จะไปกันล่ะ”

“รอขรรค์อาบน้ำแต่งตัวอยู่ครับ”

“อืม...หิวไหมลูก กินอะไรก่อนไหม แม่จะทำให้”

“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวเด็กก็มาทำอาหารแล้ว แม่ไม่ต้องทำเองนะครับ ให้เด็กๆ ทำไป ตอนกลางวันเงินจะพาแม่ไปทานอาหารข้างนอกนะครับ”

ร่างโปร่งยิ้มหวานให้กับแม่ ผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดในชีวิต

“จ้า...แม่มาพักผ่อนนี่นะ อยู่สบายๆ ดีกว่า”

“โอ๊ะ...ขรรค์มาแล้วครับ คงต้องไปแล้วล่ะครับแม่” เงินอุทานเมื่อเห็นว่าคนรักเดินลงบันไดลงมาในชุดธรรมดาเหมือนทุกๆ วัน ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหาคนรักและแขกคนสำคัญด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยทักทายคนอายุมากกว่าที่มีศักดิ์เป็นแม่ของคนรัก

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

“อืม...อรุณสวัสดิ์”

นับว่าเป็นปฏิกิริยาที่น่าพึงพอใจแล้วสำหรับเจ้าของบ้านที่ทำตัวไม่เหมือนเจ้าของบ้านอย่างขรรค์ อย่างน้อย แม่ของเงินก็ไม่ได้อึดอัดใจที่จะต้องอยู่ร่วมบ้านกับเขา

“รบกวนฝากดูแลบ้านด้วยนะครับ” ขรรค์มักจะพูดแบบนี้ก่อนออกจากบ้านทุกวัน จนเป็นความเคยชินไปแล้ว ซึ่งตรงนี้แหละมั้งที่ทำให้แม่ของหมอเงินรู้สึกชื่นชม

ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าที่ผ่านมาเธออคติอะไรในตัวของขรรค์กัน ทั้งๆ ที่ขรรค์ก็เป็นคนดี เจียมเนื้อเจียมตัว และไม่เคยลืมตัวเลยแม้ตอนนี้จะรวยไปแล้วก็ตาม...

หากแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะทำดีกับขรรค์อย่างตรงไปตรงมานัก

“ได้ๆ ฉันจะดูบ้านให้ ไปทำงานเถอะ”

“ขอบคุณครับ”

“ไปนะครับแม่”

“จ้า”

ขรรค์กับเงินเดินทางออกจากบ้านสวนด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่ต้องขับอ้อมไปยังรีสอร์ท เพราะถ้าเดินเท้าทะลุผ่านป่าจะใช้เวลาเร็วกว่าการขับรถไป เพราะทางป่าเป็นทางตรงกว่า แต่ไม่มีทางให้รถสัญจรได้เลยต้องเลือกที่จะเดินกับเลือกเสียเวลาเพิ่มขึ้นโดยการขับรถอ้อม

แต่พวกเขาก็เลือกที่จะขับรถดีกว่า เพราะช่วงนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน เดินผ่านป่าไม่น่าจะปลอดภัยเท่าไหร่นัก

“ขรรค์ รู้สึกไหม...แม่ของเงินเหมือนจะเอ็นดูขรรค์ขึ้นมาแล้วนะ” ชวนคนรักคุยระหว่างทาง

“ไม่รู้สิ ขรรค์คิดว่าบรรยากาศดีกว่าเมื่อก่อนก็จริง แต่ใช่ว่าท่าจะยอมรับขรรค์ได้ง่ายๆ นะเงิน” ร่างสูงตอบตาก้ตั้งใจมองถนนไม่ลอกแลก

“จริงๆ ท่านไม่ได้เกลียดขรรค์นะ แค่ไม่ยอมรับความรักอย่างเราเท่านั้นเอง เงินคิดว่าท่านคงจะยอมรับได้บ้างแล้วล่ะ ก็โลกมันไปถึงไหนแล้วนี่นะ แม่ของเงินคงไม่มานั่งหัวโบราณได้ตลอดเวลาหรอก ทัศนคติคนเรามันเปลี่ยนได้เสมอแหละ หากว่ามันสมเหตุสมผลพอ”

“ขรรค์ก็ขอให้เป็นแบบนั้นนะ”

“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว นอกจากเราจะเป็นกำลังใจให้กันและกันแล้ว ขรรค์ไม่รู้สึกเหรอว่า น้องรักษ์ก็เป็นกำลังใจให้เราเหมือนกัน กามเทพตัวน้อย น้องรักษ์ไง”

ขรรค์นึกภาพเด็กน้อยที่เป็นเหมือนเป็นเทวดาองค์น้อยที่เวลามองหรือได้เล่นด้วยแล้ว รู้สึกมีพลังขึ้นเยอะ นั่นอาจจะเป็นเพราะได้รับพลังงานความบริสุทธิ์ของเด็กน้อยมาล่ะมั้ง...

ทำไมขรรค์ถึงได้รู้สึกรักและผูกพันกับน้องรักษ์มากถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะน้องรักษ์...มีสายเลือดของเงินอยู่ ซึ่งเป็นคนที่เขารักมากที่สุดในตอนนี้...

พ่อกับแม่คือคนที่เขารักและคำนึงถึงตลอดเวลา แต่ท่านก็ไม่ได้อยู่ในขรรค์ได้ตอบแทน ขรรค์ก็เลยปฏิญาณกับตัวเองไว้ ว่าจะรักและดูแลเงินไปตลอดทั้งชีวิตนี้...ทุ่มทุกอย่างที่มีเพื่อเงินกับลูก

“จริงสินะ รักของเรามันจะสิบปีแล้วนะเงิน จากความรักแบบเด็กๆ จนวันนี้...เรากลายเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว”

“อ่า...วันนี้ขรรค์พูดเลี่ยนจัง” แม้ว่าหมอเงินจะว่าแบบนั้น แต่การที่ไม่มองหน้าขรรค์แล้วยังหน้าแดงหูแดงอีกแบบนี้ คำตอบคือเขินจัด

เพราะนานๆ ครั้งที่ขรรค์จะพูดอะไรหวานๆ เลี่ยนๆ ออกมา






50%

 :hao6: :hao7: :mew1: :mew2:

เป็นยังไงบ้างคะ อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า จะติชมหรือว่าจะด่าจะว่ายังไงยูกิก็ได้ แล้วเจอกันวันศุกร์นะคะ ถ้ามีอะไรสามารถติดต่อยูกิได้ที่แฟนเลยจ้า ^^ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 50% => (07/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-06-2017 23:56:48
หวายยยย. อินกะรามทำไรกันอะ อิอิ



หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 50% => (07/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 08-06-2017 13:22:17
 :katai2-1: รอๆ อีก 50%
หลังจากนี้ รามกะอิน จะเป็นยังไงน๊าาา..
แอบลุ้นจุง... :katai5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 50% => (07/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 08-06-2017 16:39:37
แล้วจะเป็นไงต่อ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 50% => (07/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 11-06-2017 12:52:31
รออ อยากรู้ อินจะกล้ามองหน้ารามหรือไม่ :katai2-1:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 100% => (11/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 11-06-2017 22:28:44
ตอนที่ 45 ครึ่งหลัง




“ไม่ชอบหรือ?”

แล้วก็เป็นแบบนี้ พอปล่อยประโยคเสี่ยวๆ ก็ทำเป็นใสซื่อ ไม่รู้เรื่องรู้ราวปล่อยให้ร่างโปร่งบางอายและเขินอยู่คนเดียว

“ขับรถเงียบๆ ไปเลย เงินไม่คุยด้วยแล้ว”

“หึหึ”

ใครบอกว่าหมอเงินจะสามารถเอาชนะขรรค์ได้อยู่คนเดียว คนที่รู้จักมาสิบกว่าปี รักกันมาเกือบสิบปี คบกันมาเจ็ดปี...เป็นไปไม่ได้ที่ขรรค์จะไม่รู้ว่าอะไรที่จะทำให้เงินแพ้ หากแต่ว่าขรรค์ชอบที่จะยอมร่างโปร่งมากกว่า จะหยอดๆ เป็นครั้งคราวเท่านั้น

และก็จะทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เขินเหมือนกัน

เห็นแบบนี้...พวกเราจีบกันทุกวันนะ แม้ว่าจะคบกันแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่พวกเขาทำคือการจีบกันเหมือนตอนแรกๆ มันไม่ใช่กฎ แต่มันเป็นความเคยชินต่างหาก


“พี่ขรรค์ เงิน มาแต่เช้าเลยนะครับ” เจ้าจอมทักทาย

“อ้าว? น้องจอม จะไปไหนแต่เช้าครับ” หมอเงินทักทายอย่างสนิทสนม เจ้าจอมได้แต่ยิ้มให้อย่างน่ารัก

“จะแปดโมงแล้วพี่เงิน ถึงเวลาทำงานแล้วครับ”

“ก็เช้านะ”

“ฮะๆ พี่เงินไม่ได้ดูนาฬิกาเลยใช่ไหมเนี่ย” เจ้าจอมหัวเราะน้อยๆ

“ดูสิครับ แหม...แซวพี่นะเรา ว่าแต่อินอยู่ไหนล่ะครับน้องจอม”

“อยู่ที่บ้านพักนั่นแหละครับ แต่เดี๋ยวก็จะไปทานข้าวที่ห้องอาหาร พี่ขรรค์กับพี่เงินก็ไปด้วยนะครับ จอมกับจักรเองก็จะไปเหมือนกัน มื้อสุดท้ายกับพี่ชายที่น่ารัก”

เจ้าจอมดูเศร้าลงทันทีที่คิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้กินข้าวกับอินทัช

“พูดอะไรแบบนั้นล่ะครับน้องจอม ถ้าอินมาได้ยินเข้าคงเสียใจแย่เลย เวลาน้องจอมเข้ากรุงเทพ พี่เชื่อว่าถ้าน้องจอมอยากเจออิน อินก็จะมาหาน้องจอมเลย มิตรภาพของเรามันตัดไม่ขาดกันง่ายๆ หรอกนะ”

คำพูดของหมอเงินทำให้เจ้าจอมกลับมาดูสดใสเหมือนเดิม

“นอกจากจะเป็นหมอรักษาคนไข้แล้ว คำพูดของพี่เงินยังช่วยรักษาจิตใจคนอื่นได้อีกนะครับ”

“ก็พี่เป็นหมอนี่นา” เงินยืดอกอย่างภูมิใจที่ได้พูดว่าตนเป็นหมอ เรียกสายตาเอ็นดูจากคนตัวใหญ่ที่ยืนฟังยืนมองทั้งคู่สนทนากันแบบเงียบๆ

“จริงด้วยสินะ...งั้นพี่เงินกับพี่ขรรค์รอไปพร้อมจอมก็ได้ ขอจอมไปลงเวลาเข้างานก่อนนะฮะ เดี๋ยวถูกพี่รามตัดเงินเดือน”

“ครับ พี่สองคนจะรอเราอยู่ตรงนี้แหละ”

ขรรค์กับเงินยืนรอเจ้าจอมที่ไปลงเวลาเข้างานไม่นาน ทั้งสามคนก็เดินไปที่ห้องอาหารทันที และเมื่อไปถึงก็ปรากฏว่าอินทัชอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสองเม็ดกับกางเกงสแลคเข้ารูปชุดเดียวกับที่เขาใส่ตอนรามินทร์จับตัวเขามา แต่นั่นมีเนคไทกับสูทนอกด้วย หากแต่เขาก็ไม่ใส่...

เล่นทำเอาทุกคนจ้องมองด้วยความตกตะลึงในความหล่อเหลาและสง่างามของอินทัช ไม่เว้นแม้กระทั่งพนักงาน ลูกค้าที่พากันเหลียวหลังมองเวลาเดินผ่าน

“อิน...”

“อ้าว? หมอเงิน เชิญนั่งครับ”

ทั้งสามคนที่มาใหม่นั่งลงตรงที่ที่ว่างทันที ก่อนที่หมอเงินจะเอ่ยทักด้วยความทึ่ง

“อิน...ดูดีมากเลยอ่ะ”

“หมอก็ชมผมเกินไป สภาพนี้ดีตรงไหนล่ะครับ ผมยังรู้สึกเลยว่าผิวตอนนี้ไม่เข้ากับชุดสุดๆ” อินทัชมองผิวที่คล้ำขึ้นของตัวเองอย่างหน่ายใจ เพราะปกติเวลาที่เขาใส่สีดำที่เป็นเชิ้ตแบบนี้มันจะทำให้ผิวตัวเองขาวมาก แต่นี่...หมองลงอย่างเห็นได้ชัดเลย

“แล้วนี่ทำอะไรอยู่หรือครับ”

“รอทุกคนนั่นแหละครับ เหลือไอ้จักรคนเดียวนี่แหละ”

“เดี๋ยวมาครับพี่อิน นั่นไง มาพอดีเลย” อินทัชหันไปมองคนมาใหม่ด้วยรอยยิ้มทักทาย ซึ่งจักรเองก็ยิ้มและยักคิ้วให้ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับเจ้าจอม

“ครบแล้วนะ ลงอาหารได้เลย”

“ครับคุณราม” พนักงานรับคำสั่งของเจ้านาย แล้วเดินไปจัดการเอาอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ

แม้ว่าอินทัชจะยิ้มเป็นปกติแต่เงินกลับรู้สึกได้ว่าบางอย่างมันดูแปลกๆ เพราะอินทัชกับรามินทร์นั่งตรงข้ามกันแท้ๆ แต่ไม่มองหน้ากันเลย ไม่สิ...อินทัชไม่มองหน้ารามินทร์เลย มีแต่ร่างสูงที่นั่งมองอยู่ฝ่ายเดียว

เกิดอะไรขึ้นอีก?

เงินได้แต่เก็บความสงสัยนี้เอาไว้ เพราะถึงตัวเองจะอยากรู้แค่ไหน และต่อให้ถามออกไปก็ไม่น่าจะได้รับคำตอบจากทั้งคู่แน่ๆ

“เอาล่ะ ทานได้เลยทุกคน”

พวกเขาทั้งหกคนได้แต่ทานอาหารเช้าอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จากันเพราะป้องกันไม่ให้บรรยากาศมันแย่ กลัวว่าคำพูดของใครสักคนมันขัดหูใครบางคนเข้าแล้วจะทำให้อินทัชจดจำเรื่องไม่ดีไปเปล่าๆ

เงินเองก็อยากให้เพื่อนต่างวัยคนนี้ มีความทรงจำที่ดีกลับไป

“จะเดินทางกี่โมงหรืออิน”

“กินข้าวเสร็จก็จะไปเลยน่ะครับหมอเงิน” รามินทร์เป็นคนตอบแทน

“เร็วจัง”

อินทัชทำได้แต่แค่นยิ้มบางเบา ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อไป จนกระทั่งเวลาที่ไม่มีใครอยากให้มาถึงโดยเฉพาะรามินทร์...

หลังจากที่อินทัชไปลาป้ารีแล้ว พวกเขาก็มารวมตัวส่งอินทัชที่รถ ทั้งพนักงาน ทั้งคนที่เคยร่วมงานกัน แต่ละคนทำหน้าเศร้าที่อินทัชจะต้องไปแล้ว...แม้ว่าจะเป็นเวลาไม่กี่เดือน แต่ความดีของอินทัชเป็นที่น่าจดจำ...

“ขับรถดีๆ นะพี่ราม” ร่างสูงพยักหน้าตอบรับเจ้าจอม เข้าไปนั่งประจำที่คนขับทันที ปล่อยให้อินทัชได้ล่ำลาทุกคนอย่างที่ต้องการต่อไป

“อย่าลืมจอมนะพี่อิน”

“พี่จะลืมน้องชายพี่ได้ยังไง โทรหาพี่ได้นะ ให้เบอร์ไปแล้ว” อินทัชยิ้มหวาน ทำเอาเจ้าจอมน้ำตารื้นอย่างช่วยไม่ได้ ซบหน้าที่ไหล่กว้างของคนรักทันทีเมื่อกำลังจะร้อง ส่วนหมอเงินก็ได้แต่ยิ้มให้ ยิ้มที่เรารู้ความหมายกันแค่สองคน

ยิ้มที่หมายถึง ‘แล้วเจอกัน’

“เดินทางปลอดภัย ขอให้มีความสุขนะ” ขรรค์อวยพร ซึ่งอินทัชก็พยักหน้ายิ้มๆ

“ขอบคุณมากนะ”

“แล้วเจอกันนะมึง”

“แล้วเจอกัน กูให้เวลามึงแค่สามเดือนเท่านั้นนะ ไม่งั้น...กูจะส่งคนมาลาก โอเค้?” อินทัชพูดกับจักร เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนผิวเข้มได้ทันที

“ฮ่าๆ เออน่า...”

“โชคดีนะทุกคน ผมขอตัวกลับก่อน บ๊ายบาย ไปหาพี่ได้นะน้องจอม หมอเงิน”

อินทัชส่งยิ้มที่แสนจริงใจให้อีกครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะเห็นเพียงรถที่แล่นออกไป ปล่อยให้บรรยากาศในรีสอร์ทดูหดหู่ไม่มีชีวิตชีวา...หมอเงินอยากจะร้องไห้นะ แต่มันไม่ใช่ที่ที่เขาจะอ่อนแอได้

ผมขอให้อินโชคดี...อย่าปิดกั้นหัวใจตัวเอง ความสุขของอิน...อยู่ใกล้แค่นี้เอง อย่าพยายามที่จะทิ้งมันไปเลยนะ…หมอเงินก็ได้แต่หวังว่า คำอวยพรจากเขาจะส่งถึงใจของอินทัช...

“ไปทำงานต่อได้แล้วทุกคน” ขรรค์สั่งคนงาน ซึ่งเหล่าพนักงานคนงานก็ต่างแยกย้ายกันไปเพื่อทำงานของตัวเอง แม้ว่าจะยังรู้สึกเศร้าๆ อยู่ หากแต่หน้าที่ของเราก็ต้องดำเนินไปให้ดีที่สุด


“สรุปว่าเงินคิดว่ายังไง...อินมันรู้สึกยังไงกับคุณราม”

“เงินนึกว่าขรรค์จะลืมไปแล้วเสียอีก”

“ไม่หรอก ก็เงินบอกว่าขอดูสายตาไม่ใช่หรือ นี่ไง...ได้เห็นแล้ว ขรรค์แค่อยากรู้ว่า เงินเห็นเหมือนที่ขรรค์เห็นหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง”

“หือ?”

“พวกเขา...”

“ใช่...คุณรามกับอินรักกัน ไม่ใช่แค่คุณรามรักอินข้างเดียวนะ แต่พวกเขา...รักกัน”

ที่หมอเงินพูดออกไป เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นเลยว่ามันคือความจริง...มันเป็นความรัก

“ขรรค์หวังว่า คุณรามจะสมหวัง”

“เงินก็หวังเอาไว้อย่างนั้น”

บอกตามตรง ว่าหมอเงินกับขรรค์ไม่อยากเห็นรามินทร์กลับมาด้วยสภาพที่ผิดหวังเท่าไหร่...เพราะนั่นมันหมายความว่า อีกคนที่อยู่ที่นั่น ก็จะเจ็บปวดไม่ต่างกัน

ต่างคนต่างเจ็บปวด

“เราผ่านมันมาแล้วขรรค์  คราวนี้ เราก็ต้องลุ้นให้พวกเขาผ่านมันไป ผลจะเป็นยังไง ท้ายสุดแล้ว มันก็คือสิ่งที่พวกเขาเลือกเอง”

“ใช่...ผลมันจะเป็นยังไง พวกเขาก็ต้องยอมรับมัน”

ขรรค์คิดว่าตัวเองโชคดี...ที่เงินยังมั่นคงอยู่ที่เขา และกลับมาหาเขา เพราะถ้าเช่นนั้น วันนี้คงจะไม่มีกันและกันอยู่อย่างนี้ ตอนนั้น ขรรค์ตัดใจที่จะได้อยู่กับเงินไปแล้ว แต่ไม่ได้คิดจะเปิดใจรับเข้ามาใหม่

หัวใจของขรรค์เหมือนถูกกำหนดมาให้รักได้แค่คนๆ เดียว








“คุณสร้อยยังไม่นอนหรือครับ” ขรรค์ถามเมื่อเห็นว่ามารดาของคนรักยังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นอยู่เลย ขรรค์ที่เพิ่งเสร็จจากการไปคุยกับคนทำบัญชีของสวนผักเขาเป็นประจำทุกสัปดาห์

“ฉันไม่ค่อยง่วงน่ะ”

“น้องรักษ์หลับแล้วหรือครับ”

“หลับแล้วล่ะ ตอนนี้มันจะสามทุ่มแล้วนะ เด็กต้องนอนแต่หัวค่ำนั่นแหละ”

“ครับ...คุณสร้อยน่าจะไปพักผ่อนนะครับ วันนี้คงจะดูแลน้องรักษ์เหนื่อย แล้วยังจะออกไปข้างนอกมากับเงินอีก”

“ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกน่า”

น้ำเสียงของมารดาคนรักติดจะรำคาญจนร่างสูงรู้ตัวว่าตัวเองพูดมากและก้าวก่ายเกินไป เลยรีบยกมือไหว้ขอโทษ ทำเอาหญิงอายุมากกว่าตกใจที่จู่ๆ ก็โดนขอโทษ

“ขอโทษนะครับ”

“ขอโทษทำไม?”

“ที่ผมก้าวก่ายคุณสร้อยเกินไป ผมแค่เป็นห่วงน่ะครับ เงินรักคุณสร้อยมาก ถ้าคุณสร้อยไม่สบายขึ้นมา เงินต้องทำงานไม่รู้เรื่องแน่ๆ เลยครับ”

เธอลอบยิ้มเบาๆ รู้สึกดีใจที่ขรรค์เป็นห่วงเธอ ความรู้สึกมันเหมือนกับที่เธอรู้สึกกับลูกชายของเธอเอง

“ก็ไม่ได้ก้าวก่ายอะไรนี่ ฉันไม่ได้ว่าอะไรหรอก ฉันเข้าใจว่านายเป็นห่วงความรู้สึกลูกชายฉัน”

“ผมเป็นห่วงคุณสร้อยด้วยครับ”

สร้อยมองหน้าคนรักของลูกชายทันที เธอรู้สึกว่าตัวเองอยากจะยิ้มเหลือเกิน แต่มันก็เหมือนยังมีอะไรมันกั้นขวางอยู่ อยากจะเปิดใจยอมรับแต่มันก็รู้สึกอายเกินกว่าที่จะทำได้

ที่ผ่านมาเธอทำร้ายจิตใจขรรค์เอาไว้มาก ทำร้ายทั้งลูกตัวเอง ทำร้ายทั้งคนที่ลูกชายเธอรัก เธอรู้แล้ว...ว่าการที่เงินกับขรรค์รักกัน มันไม่ใช่เรื่องผิด...

“ขอบใจที่เป็นห่วง เอาเป็นว่าฉันจะไปนอนพักก็แล้วกัน ว่าแต่ นายเลี้ยงเด็กเป็นใช่ไหม”

“พอได้ครับ” ขรรค์ตอบทั้งๆ ที่ทำหน้าสงสัย

“ก็ดี...ถ้านายอยากฉันพักจริง เอาตารักษ์ไปนอนด้วยก็แล้ว ไม่ต้องห่วง ตารักษ์ไม่ตื่นมากลางดึกหรอก เด็กคนนี้ชอบนอน จะตื่นก็ตอนหิวนั่นแหละ”

“เอ่อ...จะดีหรือครับ”

“ทำไม? ไม่ชอบเด็กหรือไง”

“เปล่าครับ ผมกลัวว่าถ้าน้องรักษ์ร้อง ผมจะทำอะไรไม่ถูก”

“ก็แค่เรียกฉัน ถ้าอยากจะใช้ชีวิตกับตาเงินแล้วก็ตารักษ์ นายต้องหัดเลี้ยงตารักษ์เอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้ เพราะความผูกพันจะทำให้นายกับตารักษ์ตัดกันไม่ขาด นายต้องเข้าใจว่าความรักของนายกับเงินมันไม่ปกติ เด็กเมื่อโตไปแล้วอาจจะรู้สึกไม่ดี รับไม่ได้ แต่นั่นแหละ ถ้ามีความผูกพัน มันจะตัดกันไม่ขาดหรอก”

ขรรค์คิดว่านี่เป็นการยอมรับในตัวของเขาได้ไหม แต่ไม่รู้หรอกว่ามันใช่หรือไม่ใช่ ขรรค์ไม่กล้าถาม แต่เขาขอคิดเข้าข้างตัวเอง...

“ไปยกเตียงของตารักษ์ที่ห้องฉัน เดี๋ยวฉันจะอุ้มตารักษ์ให้”

“ค่ะ ครับ...”

ร่างสูงเดินตามแม่ของคนรักไป ก่อนจะยกเตียงเด็กทารกมาไว้ที่ห้องของตน ข้างเตียงนอนของตัวเองที่วันนี้ต้องนอนคนเดียว หากแต่ตอนนี้มีเพื่อนตัวน้อยมานอนด้วยอีกคน

“ตารักษ์เลี้ยงง่าย ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ แกจะไม่ตื่นกลางดึกหรอก แต่ถ้าร้องก็ลองอุ้มกล่อมแกดู ถ้าไม้หยุดก็ให้นม ชงเป็นอยู่ใช่ไหม? ถ้านานเกินก็ตามฉันได้ ฉันไปนอนก่อนล่ะ”

“ครับ ฝันดีนะครับ”

และขอบคุณสำหรับโอกาสด้วยครับ แต่ประโยคนี้เขาไม่ได้พูดออกไป เมื่อแม่ของคนรักออกไปจากห้องนอนของเขาแล้ว ร่างสูงก็เดินไปปิดไฟแล้วเปิดไฟที่หัวเตียงแทนเพราะกลัวเด็กน้อยจะรำคาญ

นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ...ที่ขรรค์ได้อยู่ใกล้กับน้องรักษ์ขนาดนี้

“เหมือนเงินจริงๆ โตขึ้นมา ขอให้เป็นคนดี เก่งและฉลาดเหมือนกับคุณพ่อนะครับน้องรักษ์” ขรรค์นั่งอยู่ข้างเตียงเล็กที่มีมุ้งป้องกันยุงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเอ็นดู

ไม่ได้รังเกียจเลยว่าน้องรักษ์จะเกิดมาจากผู้หญิงอื่น แต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้หรอก เพราะยังไงน้องรักษ์เป็นลูกชายของคนที่เขารัก และตอนนี้เขาเองก็รักน้องรักษ์มากเหมือนกัน

“เราน่ะ...เป็นกำลังใจให้อาใช่ไหมครับ เป็นกำลังให้อากับพ่อของหนูนะตัวเล็ก ฝันดีครับ...น้องรักษ์”

อาจจะเป็นมุมที่ไม่ค่อยจะเข้ากับผู้ชายร่างใหญ่เท่าไหร่ แต่ถ้าหมอเงินมาเห็น รับรองว่าต้องเห็นเป็นภาพที่น่ารักมากแน่ๆ






100%

:katai5: :katai5: :katai5:

   ครึ่งหลังมาช้าไปหน่อย ทั้งๆ ที่แจ้งไว้ว่าวันศุกร์แท้ๆ พอดีศุกร์เสาร์ติดธุระน่ะค่ะ ก็เลยมาลงวันนี้พร้อมกับพ่อเลี้ยงแทน อ่านแล้วเม้นท์ๆ ให้ด้วยนะคะ
   พูดคุย สอบถาม ทวงนิยายหรือติดตามข่าวสารของยูกิก็ไปที่แฟนเพจเลยนะคะ ^^ https://www.facebook.com/sawachiyuki/
 (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 100% => (11/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-06-2017 22:43:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 100% => (11/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-06-2017 23:17:17
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 100% => (11/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 11-06-2017 23:50:26
รอตอน หมอเงินมาเห็นภาพลูกชายนอนอยู่กะอาขรรค์
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 100% => (11/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-06-2017 01:42:50
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 100% => (11/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 15-06-2017 09:46:16
พี่ขรรค์มุ้งมิ้งจัง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 45 100% => (11/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 15-06-2017 19:42:38
รอออออิ :katai2-1:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 46 60% => (19/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 19-06-2017 22:38:50
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 46
รามินทร์คนใหม่




“ให้กูส่งที่ไหน”

เป็นคำถามที่รามินทร์ไม่อยากจะถามออกไปเลย เพราะเวลาที่เขาจะได้อยู่กับอินทัชมันน้อยลงทุกทีแล้ว ยิ่งตอนนี้ อยู่ในกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นจังหวัดที่อินทัชเกิดและอาศัยอยู่ แม้ว่าจะยังไม่ใช่ในส่วนที่อินทัชอยู่ แต่ก้ใช่ว่ามันจะไกลไปมากกว่านี้

ยังไงก็ต้องจาก...

“คอนโด”

“อืม...”

“รู้เหรอว่าอยู่ตรงไหน”

“ก็...รู้นิดหนึ่ง”

“อ๋อ...” อินทัชส่งเสียงในลำคอเมื่อคิดได้ว่าก่อนที่รามินทร์จะจับตัวเขาไปนั้น ร่างสูงจะต้องศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับเขามาหมดแล้วแน่ๆ

“ทำไมมึงไม่กลับบ้าน”

ที่ถามเพราะเห็นว่าอินทัชมักจะบ่นว่าคิดถึงพ่อแม่และพี่สาวเสมอ แต่พอมาถึงแล้วแทนที่จะกลับไปบ้านก่อน ดันไปคอนโดก่อนเสียได้

“ให้กูกลับบ้านสภาพนี้น่ะหรือ กูค่อยกลับไปตอนเย็นๆ น่ะ มีอะไรต้องจัดการก่อน”

“งั้นเหรอ...”

“หวังว่ามึงจะไม่ลืมข้อตกลงของเรานะ” อินทัชพูดขึ้นมา

รามินทร์นิ่งไป แต่ก็มีสติที่จะขับรถอยู่ เพียงแต่กำลังทำเป็นไม่ได้ยินก็เท่านั้น...จะมีข้อตกลงอะไรเขาก็ปล่อยให้มันพูดไปคนเดียว เพราะถ้าหากว่าเขาไม่อาจจะทนอยู่ได้โดยไม่มีอินทัช

วันนั้นเขาจะกลับมา...แน่นอนว่าจะทำทุกอย่างให้อินทัชใจอ่อนให้ได้

“อย่าทำเป็นหูทวนลม กูจะถือว่ามึงเงียบๆ เนี่ยคือการตกลงนะ”

คิดเองเออเองไปเถอะ กูไม่มีวันเอออกับมึงแน่ๆ ไม่มีทาง!!!


เมื่อรามินทร์มาจอดรถที่ด้านหน้าคอนโดของอินทัช ร่างโปร่งก็ทำท่าจะเปิดประตูออกไปทันทีโดยไม่คิดจะล่ำลาอะไรกันเลยสักนิด

หมับ!

“เดี๋ยว...ไม่คิดจะลากันหน่อยหรือไง หรือไม่คิดจะชวนกันขึ้นไปพักผ่อน ดื่มน้ำบ้างเหรอ กูขับรถมาตั้งไกล พักก็ไม่ได้พัก ใจคอจะให้กับทั้งแบบนี้จริงๆ นะหรือ”

“ถ้ากูจำไม่ผิดข้างทางก็มีจุดพักรถอยู่นะ จอดเซเว่นซื้อน้ำดื่มเอา หรือว่าไม่มีเงิน กูจะได้ให้เงินมึงไว้เป็นค่าขับรถพากูมา”

“กูไม่ต้องการ ที่กูอยากได้คือน้ำใจของมึง”

“ถ้าอย่างนั้นกูก็ไม่มีให้หรอก” อินทัชทำท่าเปิดประตูอีกครั้ง

“เดี๋ยว...แค่แป๊บเดียวก็ได้นะ”

“ไม่!!”

“ใจคอจะใจร้ายกับสามีแบบนี้เหรอ ได้กันแล้วก็ทิ้งแบบนี้อ่ะนะ”

ผลัวะ!!

หมัดลุ่นๆ กระแทกเข้าที่ใบหน้าหล่อคมเข้มของรามินทร์อย่างแรง ไม่นึกถึงคนโดนเลยว่าจะเจ็บขนาดไหน แต่นั่นมันก็เป็นสิ่งที่อินทัชคิดว่าสมควรโดนแล้ว เพราะดันพูดเรื่องที่เขาไม่ชอบออกมา

“ปากหมา!!”

“กูแค่พูดความจริง”

เหมือนว่ารามินทร์จะไม่กลัวเลยว่าตัวเองจะโดนอีกหมัด มือแกร่งบีบปากตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บ แต่สีหน้าก็ไม่ได้ดูหวาดกลัวหรือตกใจอะไร

ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องโดนซัด

“ปล่อยมือกูเลยไอ้สัตว์ กูไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมึงแล้ว” ร่างโปร่งบิดข้อมือข้างที่ถูกจับไว้แน่นอย่างต้องการที่จะหลุดพ้นไปจากคนตรงหน้า

“ทำไม? รับไม่ได้หรือไง ที่เป็นเมียกูน่ะ”

“เมีย? เมียที่เกิดจากการขืนใจอ่ะนะ กูไม่นับเว้ย!!”

“แต่เมื่อคืนกูไม่ได้ฝืนใจมึง” รามินทร์สวนขึ้นมาทันควัน ร่างโปร่งทำท่าจะเถียงแต่รามินทร์ก็ไม่ปล่อยให้พูดได้หรอก “หรือมึงจะเถียงว่ามึงไม่ได้เต็มใจ?”

อินทัชนิ่งเงียบเพราะเถียงไม่ออก หลบสายตาที่ทอดมองมาอย่างสื่อความหมายด้วยความรู้สึกหวั่นไหว หลากหลาย

ใช่...เขาเถียงไม่ได้ เพราะสิ่งที่รามินทร์พูดมันถูกต้องแล้ว เขายินยอมเอง และด้วยความเต็มใจด้วย...แต่ไม่คิดว่ามันจะเอามาอ้างแบบนี้

“แล้วไง”

“มันหมายความว่ามึงเองก็รู้สึกดีๆ กับกูไง”

อินทัชทำสมาธิสักพักก่อนจะพูดประโยคที่มันตรงข้ามกับหัวใจออกไป

“แน่ใจได้ยังไง? เมื่อคืน...กูถือว่าให้ทาน เพราะยังไงกูก็เสียมันไปแล้ว จะเสียอีกก็คงไม่เป็นไร ได้บุญด้วย มึงคิดว่างั้นไหม”

รามินทร์ก็คิดไว้แล้วว่าต้องได้ยินประโยคทำนองนี้ เลยทำใจไว้บ้างแต่พอมาได้ยินจริงๆ กลับรู้สึกเจ็บปวดจนไม่มีแรงจะยื้ออินทัชเอาไว้ได้อีก

เขาค่อยๆ ปล่อยแขนขาวของร่างโปร่งออกให้เป็นอิสระ ก่อนจะหันหน้าไปมองพวงมาลัยรถเพราะไม่อยากให้อินทัชเห็นแววตาเจ็บปวดของตนเอง

ความหวัง...ริบหรี่ลงแล้วสินะ ทำใจยอมรับมันได้แล้ว ต่อให้อินจะรู้สึกอะไรกับมึงจริงๆ แต่ถ้ามันไม่อยากสานต่อ...ก็คงจะไปฝืนใจมันไม่ได้...

“ขอให้มึงมีความสุขนะ ดูแลตัวเองดีๆ แล้วก็ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมาด้วย”

รามินทร์จะไม่พูดคำว่าลาก่อน...เพราะเขาไม่คิดจะล่ำลากับอินทัช แม้ว่าอีกคนอยากจะลาขาดจากเขาไปมากขนาดไหนก็ตาม

“อืม...ขอบคุณที่มาส่ง มึงเองก็ขับรถกลับดีๆ ก็แล้วกัน”

อินทัชลงมาจากรถหลังจากพูดประโยคที่เป็นเหมือนให้ความหวังกับรามินทร์ไปทันที อินทัชกัดฟันเดินออกจากตรงนั้นแล้วเข้าไปด้านใน...ส่วนรามินทร์เองก็นั่งมองแผ่นหลังของอินทัชจนหายไปจากสายตา น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างไม่อาจจะห้ามมันได้

หมับ!!!

“โธ่เว้ย!!” รามินทร์จับพวงมาลัยรถแน่น กระแทกหน้าผากกับมันแรงๆ

ตอนนี้นอกจากที่หัวใจแล้ว...ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเจ็บตรงไหนมากไปกว่าตรงนี้เลย

“กูรักมึง กูรักมึง ได้ยินไหม! กูรักมึง ไอ้อิน!! กูรักมึง ฮึก…”

ได้แต่พร่ำประโยคนี้ซ้ำๆ หวังว่าจะส่งไปถึงอีกคน...

จนถึงตอนนี้ รามินทร์มั่นใจแล้วว่า เขารักอินทัชมากกว่าที่เคยรักใคร...รักมาก...จนคิดภาพไม่ออกว่าตัวเองจะเลิกรักอินทัชได้เลย...


บ้านชยอัมรินทร์

“อินขอโทษครับพ่อ แม่ พี่แอน” ร่างสูงโปร่งก้มกราบแทบเท้าพ่อแม่ของตัวเอง แล้วหันไปไหว้ขอโทษพี่สาว ที่ตอนนี้ทั้งสามไม่ได้โกรธที่อินทัชหายไปเลย มีแต่น้ำตาแห่งความดีใจที่ได้ลูกชายและน้องชายกลับสู่อ้อมอก

“อินขอโทษ...ที่อินทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวได้ไม่ดี บกพร่องในการบริหารบริษัท อินขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร แค่ลูกกลับมา ฮึก แม่ก็ดีใจมากแล้วนะลูก” คนเป็นแม่ทรุดตัวลงมากอดลูกชายที่พื้น ร้องไห้ออกมาไม่หยุดตั้งแต่เห็นหน้าลูกชายที่หายไปหลายเดือนจนเธอกังวลว่าอินทัชจะเป็นอะไรไป

และบางครั้ง เธอก็ยังคิดว่า ลูกชายเธอได้จากโลกนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ

“ฮึก...ขอโทษครับ พ่อ...ผมขอโทษนะครับ ผมขอโทษ”

“พ่อไม่โกรธลูกหรอก แต่บอกพ่อได้ไหมว่าอินมีปัญหาอะไรถึงได้หนีไปแบบนี้ พ่อไปบริษัทแทนเราก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลยนี่”

ร่างโปร่งพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบพ่อตัวเองยังไง ถึงสิ่งที่เตรียมมาพูดเขาจะเตรียมและคิดมาดีแล้ว แต่ว่า ไม่เคยมีครั้งไหนที่อินทัชจะโกหกคนเป็นพ่อได้สำเร็จ

“ขอโทษครับ...มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย”

แม้จะบอกตัวเองว่าที่ไม่พูดความจริงออกไปเป็นเพราะไม่อยากจะพูดถึง ไม่อยากนึกถึงมัน...แต่ความเป็นจริง อินทัชกำลังปกป้องรามินทร์อยู่ต่างหาก

ปกป้องผู้ชายใจร้ายคนนั้น...

“พ่อจะไม่ซักไซ้ลูกมาก เพราะพ่อเห็นสภาพลูกตอนนี้ พ่อคิดว่าเราคงเหนื่อย ถ้าพร้อมจะเล่าเมื่อไหร่ ก็บอกพ่อได้ตลอดเวลานะ”

อินทัชซาบซึ้ง...ในคามรักของพ่อแม่ อ้อมกอดของท่าทั้งสองเป็นสิ่งที่เขาโหยหามาตลอดหลายเดือน ตอนนี้ อินทัชได้รับมันแล้ว

เขาได้กลับบ้าน ได้อยู่กับครอบครัว...แต่ทำไม ถึงไม่มีความสุขเลยนะ

ดีใจ...แต่ไม่มีความสุข

“จริงๆ แล้วการที่อินหายไปน่ะ มันก็มีส่วนดีเรื่องหนึ่งนะ” พี่สาวของอินทัชพูดขึ้นมา เรียกความสนใจจากน้องชายที่กำลังกอดพ่อแม่อยู่ทันที

“ทำไมครับ?”

“เพราะมันทำให้พี่รู้ ว่าอินต้องแบกรับอะไรไว้บ้าง...มันทำให้พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่เห็นแก่ตัวที่ได้ทำความฝันแต่อินกลับต้องเหนื่อยสารพัดแบบนี้”

“อินเหนื่อย...แต่อินมีความสุขนะพี่แอน เพราะความฝันของอิน...คือการที่ได้เห็นคนที่อินรักมีความสุข ซึ่งอินก็ได้ทำมันแล้ว และก็ทำลายมันลงไปแล้วเหมือนกัน” ประโยคสุดท้าย อินทัชพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ ใบหน้าเศร้าหมองลง เมื่อคิดว่าตลอดเวลาที่เขาอยู่เพชรบูรณ์ พ่อ แม่ พี่สาวเขาต้องทุกข์ใจขนาดไหน

“พี่รักอินนะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”

“อินต่างหากที่ต้องขอบคุณ ที่ตอนอินไม่อยู่ พี่ช่วยดูแลพ่อกับแม่แล้วก็บริษัทของเรา”

“มันเป็นหน้าที่ของลูกและพี่ที่ดีอยู่แล้วล่ะ อินกลับมาอย่างปลอดภัย พวกพี่ก็ดีใจแล้ว คราวหน้า...ถ้าเหนื่อย ท้ออะไร ปรึกษาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะ พี่ไม่อยากให้เราหายไปแบบนี้อีกแล้ว”

“ขอโทษครับพี่แอน ขอโทษครับ”

“พอแล้วๆ พี่ได้ยินคำขอโทษมาเป็นร้อยครั้งได้แล้วมั้ง...เอาล่ะ ลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเรามามีความสุขกันดีกว่า อินหิวไหม พี่กับแม่จะไปทำของโปรดมาเลี้ยงฉลองให้”

“หิวครับ”

“งั้นเราเข้าครัวกันเถอะค่ะคุณแม่” พี่สาวคนเดียวของอินทัชหันไปชวนแม่ที่กำลังกอดลูกชายออยู่ ซึ่งคนเป็นแม่กพยักหน้ารับเพราะเห็นด้วย

เธอเองก็อยากจะทำอาหารให้ลูกชายทานเหมือนกัน อินทัชต้องคิดถึงมันมากแน่ๆ

“จ้ะ! แม่ไปทำของโปรดของอินนะลูก คุยกับคุณพ่อไปก่อนนะ”

“ครับ”

กับข้าวฝีมือแม่กับพี่แอน จะต้องอร่อยมากและเป็นมื้อที่อร่อยสุดๆ แน่นอนเลย ร่างโปร่งยิ้มบางเบาออกมา มองแม่กับพี่สาวที่เดินไปยังห้องครัวด้วยความรู้สึกขอบคุณ ที่ไม่มีใครโกรธเขา

ที่สำคัญยังเข้าใจเขาด้วย

“ขึ้นมานั่งกับพ่อซิ” พ่อของอินทัชที่ลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาก่อนแล้วสั่งพร้อมกับตบที่นั่งข้างๆ อินทัชเองก็ขึ้นไปนั่งด้วยความรู้สึกที่กังวลเล็กน้อย แต่ในเมื่อพ่อบอกว่าจะไม่ถาม ไม่บังคับ ไม่พูดถึง เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวอะไร

ร่างโปร่งขึ้นไปนั่งข้างๆ กับพ่อของตนทันที

“คิดเอาไว้หรือยังว่าจะจัดการกับเรื่องที่บริษัทยังไง”

พอคิดถึงเรื่องนี้อินทัชก็หนักใจ แต่ก็พอเตรียมข้อมูลมาบ้างแล้ว

“สถานการณ์เป็นยังไงผมพอจะรู้มาจากเลขาบ้างแล้วครับ วันนี้ผมโทรไปถามสถานการณ์ช่วงหลายเดือนมานี้แล้วครับ แต่ผมจะยังไม่เข้าบริษัทเลย วานคุณพ่อช่วยดูแลส่วนของผมต่อไปอีกนิดได้ไหมครับ ผมขอเวลาอีกสามวันผมจะตรวจสอบเอกสารที่วานเลขาให้เอามาให้ที่คอนโดน่ะครับ”

“ลูกกำลังสงสัยใช่ไหม ว่าระหว่างที่ลูกไม่อยู่...”

“ครับ ก็คนเดิมนั่นแหละ ถ้าไม่ติดว่าเป็นญาติผมไม่เอาไว้หรอก”

“พ่อตรวจบัญชีดีแล้วนะ ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลย” อดีตผู้บริหารหลายสิบปีลูบคางอย่างครุ่นคิด

“ดุที่บัญชีที่เดียวไม่ได้หรอกครับพ่อ เดี๋ยวนี้อาเก่งกว่าเดิม”

“งั้นหรือ แล้วแต่ลูกเลยก็แล้วกัน สามวันใช่ไหม พอสามวันแล้วอย่าลืมให้เงินเดือนพ่อด้วยล่ะ”

“ฮ่าๆ ทำไมพ่อพูดแบบนี้ล่ะครับ”

“เอ้า! ก็พ่อเข้าไปดูแลงานให้ลูกตั้งกี่เดือน นี่เงินเดือนก็ไม่ได้สักบาท จ่ายย้อนหลังให้พ่อเลยนะ พ่อลงเวลาเข้าออกงานทุกวัน ไปเช็คก็โอนเงินเข้าบัญชีให้พ่อด้วย” พ่อของอินทัชสามารถทำให้ลูกชายอารมณ์ดีขึ้นมาได้เสมอๆ ถ้าถามว่าคุยกับใครได้มากกว่าระหว่างพ่อกับแม่ สำหรับอินทัชแล้ว น่าจะเป็นพ่อมากกว่า เพราะเขาสองคนมีอะไรที่เหมือนกันเยอะมากๆ แน่นอนแหละ ก็เขาสองคนเป็นพ่อลูกกันนี่นา ไม่เหมือนกันสิแปลก

ส่วนกับแม่และพี่สาวนั้น อินทัชจะสนิทเหมือนกัน แต่คุยได้ไม่ทุกเรื่องเหมือนกับที่คุยกับพ่อ

“เค็มไปไหนเนี่ย”

“พ่อแก่แล้วไง จะเอาเงินพาแม่ลูกไปเที่ยวนั่นแหละ”

“จริงสิ! พ่อกับแม่อยากไปเที่ยวยุโรปช่วงหน้าหนาวนี่นา อีกเดือนกว่าก็จะเข้าช่วงหน้าหนาวแล้ว พ่อกับแม่จะไปเลยไหมล่ะครับ ผมจะให้เลขาจองตั๋ว จองที่พักเอาไว้เลย” อินทัชถาม

“ยังดีกว่า พ่อรอให้ลูกจัดการเรื่องที่บริษัทเรียบร้อยก่อน เพราะอาของเราเหมือนอยากจะเขี่ยลูกออกจากบริษัทเต็มทีแล้ว แต่โชคดีกรรมการเกินครึ่งที่ยังยอมรับในเรื่องการบริหารและรอให้ลูกเอาเหตุผลไปอธิบายอยู่”

“ผมเข้าใจครับพ่อ เพราะสิ่งที่ผมทำให้บริษัทมันก็ไม่ได้น้อยๆ เลย แต่ที่ผมหายไปแบบนี้ก็ส่งผลกระทบไม่น้อยเหมือนกัน”

“พ่อรู้น่าลูก ใครๆ ก็รู้ นี่ได้พนักงานมาช่วยเอาไว้เหมือนกันนะ ช่วงที่อาเรากำลังหาแนวร่วมที่จะให้มาพากันออกเสียให้ไล่ลูกออกน่ะ พวกพนักงานรักลูกน่าดูเลยนะ ออกมาประท้วงกันทั้งบริษัทเลย เล่นทำเอาพ่อต้องมาไกล่เกลี่ยแต่เช้า” พ่อของอินทัชเล่า ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทำให้อินทัชเริ่มมีกำลังใจในการต่อสู้ต่อไป

ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอุปสรรคอะไรรออยู่ก็ตาม เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงจะโดนให้ออกไปแล้ว แต่โชคดีที่หุ้นส่วนใหญ่มันเป็นของเขากับครอบครัว

“กลับมาแล้วก็อย่าหักโหมงานล่ะลูก แล้วก็กลับบ้านนานๆ บ้าง ไม่ใช่อยู่แต่คอนโด แม่ลูกคิดถึงมากนะ แต่ก่อนก็บ่นๆ ว่าตัวเองความสำคัญน้อยกว่าที่เที่ยวพวกนั้น”

ที่เที่ยวในความหมายของพ่อของเขาก็คือพวกคู่ควง คู่นอนนั่นแหละ

“กำลังทำให้รู้สึกผิดอีกแล้วนะครับ”

“อ้าวเหรอ? แต่พ่อก็พูดเรื่องจริงนี่นา”

“ขอโทษครับ คราวหน้าผมจะไม่เที่ยวบ่อยๆ แล้ว จะมาหาพ่อกับแม่ให้บ่อยกว่านี้ดีไหมครับ” อินทัชถามอย่างเอาใจ แต่เขาก็หมายความตามนั้นจริงๆ

เขาจะเลือกเที่ยวพร่ำเพรื่อแล้ว...เพราะต่อให้เที่ยวไป เขาก็คงจะกอดใครไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อสัมผัสของรามินทร์มันยังคงชัดเจนอยู่ในความรู้สึกแบบนี้

“ได้ยินแบบนี้พ่อกับแม่ก็ดีใจแล้ว”

“รับรองว่าพ่อกับแม่จะต้องเบื่อขี้หน้าผมไปเลยแน่ๆ” อินทัชว่าอย่างติดตลก

“ฮ่าๆ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจะเบื่อลูกตัวเองหรอกน่า”

อินทัชหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นว่าพ่อของตนหัวเราะ...

“นี่บอกตาธีร์หรือยัง ว่ากลับมาแล้ว?” ผู้เป็นพ่อถามเมื่อนึกขึ้นได้

“ยังเลยครับ กะว่าจะเซอร์ไพรส์”

“พ่อกลัวว่าตาธีร์จะโกรธเอาน่ะสิ รู้หรือเปล่าว่ารายนั้นเขาตามหาลูกวุ่นวายขนาดไหน ขนาดต้องเอาลูกน้องลงสืบหาเลยนะ ตอนแรกก็จับที่อยู่เอาจากเบอร์ที่ลูกใช้โทรมา เห็นอยู่ที่เขาค้อที่เดียวที่ใช้เป็นที่แต่งงานของของคุณดินคุณเพลิง แต่พอไปก็ไม่เจอ”

จะเจอได้ยังไงล่ะครับ ผมถูกไอ้รามมันพาหนีไปอยู่ที่เลยน่ะสิ

แต่คิดในใจ แต่ไม่กล้าตอบออกไป

“ผมว่ามันต้องโกรธอยู่แล้วล่ะ แต่ก็มีแผนง้อเหมือนกัน”

“พ่อดีใจที่เรามีเพื่อนอย่างตาธีร์”

“ตอนนี้ผมก็มีเพื่อนแท้เพิ่มมาอีกสองคนนะพ่อ ตอนที่ผมลำบากก็คอยช่วยเหลือผมตลอดเลย มันชื่อจักร อีกประมาณหนึ่งเดือนมันจะมาที่กรุงเทพ มาทำงานกับเรา ฝีมือการทำงาของมันเยี่ยมมากพ่อ แล้วอีกคนชื่อหมอเงิน อายุมากกว่า แต่เราก็เป็นเพื่อนกัน”

“ดีแล้ว มีเพื่อนแบบนี้บ้าง อย่ามีแต่เพื่อนเที่ยว เพื่อนกินเหล้ามาก มันไม่ดี”

“คร้าบ” ลากเสียงยาว

เพื่อนพวกนี้ก็เที่ยวได้ กินเหล้าได้เหมือนกันครับ...

ช่วงเวลาแห่งครอบครัวที่อินทัชรอมานานตอนนี้แม้จะรู้สึกเหมือนกับความฝันอยู่ แต่ก็รู้สึกดี เขารู้สึกอยากจะอยู่ที่นี่มากกว่าแต่ก่อน เพราะรู้ซึ้งถึงความทรมานที่อยากจะมาแต่ไม่ได้มาดี ที่ผ่านมาคิดว่าบ้าจะกลับตอนไหนก็ได้ แต่ตอนนี้...มาบ่อยๆ ได้จะดีมากเลย

เพราะไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าที่บ้านของเราอีกแล้ว

...

...

...






60%

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ยูกิว่างานงอกแล้วล่ะค่ะ ฮือ ทำไมในตอนนี้ยูกิเขียน น้าไปได้ล่ะ แสดงว่าตัวหนังสือเองก็เป็นเวอร์ยังไม่ได้แก้สินะ จริงๆ เป็นอานะคะ (ซึ่งเปลี่ยนแล้ว) กรี๊ด...เสียใจ ดูไม่ดีเอง จริงๆ คนพิสูจน์อักษรเป็นเพื่อนของยูกิ ไม่ได้ทำเองเลยไม่ได้ดูและลืมแก้ คนที่ซื้อหนังสือไปยูกิขอโทษนะคะ แง...

มีอะไรสอบถามพูดคุยกันได้ที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 46 60% => (19/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-06-2017 00:35:13
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 46 60% => (19/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-06-2017 09:03:41
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 46 60% => (19/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 20-06-2017 12:45:29
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 46 60% => (19/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 20-06-2017 19:36:24
ต่อค่าาาา รออ่านต่อ
ใครคิดถึงธีร์เหมือนกันนะเนี่ย
แต่อยากรู้รามอินทร์มากกว่า
ใครจะทนคิดถึงกันไม่ได้มากกว่า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 46 60% => (19/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 20-06-2017 20:34:34
 :mew4: ฉากแยกกัน หน่วงดีแท้
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 46 60% => (19/06/60) P.26 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 25-06-2017 22:35:05
ตอนที่ 46 ครึ่งหลัง





คอนโดของอินทัช

“ไม่รอให้กูตายก่อนล่ะมึงค่อยติดต่อมาหากู”

เป็นประโยคแรกที่แสนประชดประชันจากเพื่อนรัก เพื่อนตายอย่างธีรไนยที่โดนนัดออกมาหาในช่วงสายของวันถัดมา หลังจากที่เมื่อวานใช้เวลาอยู่กับครอบครัว

วันนี้ก็เป็นเวลาของเพื่อนรักบ้าง

“ไม่เอาน่า อย่าโกรธกันเลย”

“มันสมควรโกรธไหมล่ะ เล่ามา ห้ามโกหกด้วย เพราะคนของกูไปสืบเรื่องได้อะไรบางอย่างมา แต่ก็อยากให้มึงเล่าเองมากกว่า กูอยากรู้ว่ากุจะมีความสำคัญกับมึงอยู่อีกไหม หรือว่าเพื่อนใหม่ของมึงมันจะดีกว่าเพื่อนอย่างกู” นี่เป็นอาการของคนที่น้อยใจเพื่อนสนิทอย่างที่อินทัชอยากจะหัวเราะออกมาแต่ก็กลัวจะโดนโกรธหนักกว่าเดิม เลยอยู่เงียบๆ นิ่งๆ จะดีกว่า

“เพื่อนอะไรล่ะ”

“พ่อมึงโทรมาเล่าให้พ่อกูฟังเมื่อวาน”

“พ่อหรือผัว?”

“เอ๊ะ! ไอ้อิน กูบอกว่าพ่อก็คือพ่อ ถ้าผัวกูก็พูดผัวสิวะ” ธีรไนยติเพื่อนอย่างหงุดหงิด เพราะตนโกรธเพื่อนจริงจังมากๆ ไม่ได้มีความล้อเล่นแต่อย่างใด

ถามว่าดีใจไหมที่เพื่อนกลับมามันก็ดีใจ แต่ก็เสียใจเหมือนกันที่มาสืบเรื่องเจอช้าไปก้าวเดียว ไม่ใช่เพราะคนของธีรไนยช้าหรอก แต่มันเป็นเพราะเวลาของเขาไม่ค่อยมี ทำให้ติดตามเรื่องได้ไม่ค่อยร้อยเปอร์เซ็นต์นัก

 แต่ถึงรู้ เขาก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องที่เพื่อนของเขาต้องจัดการเอง...จนกว่าจะได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือนั่นแหละ แม้ว่าตัวเองอยากจะช่วยขนาดไหน แต่ถ้าอินทัชไม่คิดจะหาทางส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ นั่นหมายความว่าเพื่อนของเขายังต้องการที่จะแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเองอยู่

“เดี๋ยวนี้กล้ายอมรับว่าตัวเองมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ”

“ก็แล้วไง ยอมรับหรือไม่ยอมรับ ความจริงก็คือกูมีผัวแล้วอยู่ดี...แล้วนี่มึงอยากจะให้กูโกรธมึงมากไปกว่านี้ใช่ไหมถึงได้กล้าเปลี่ยนเรื่องหน้าด้านๆ แบบนี้”

“ไม่เอาน่าเพื่อนรัก อินขอโทษนะเพื่อนธีร์ ไม่ว่ากูจะมีเพื่อนกี่คน แต่มึงคือเพื่อนที่กุรักมากที่สุดนะเว้ย แล้วมึงก็เป็นเพื่อนที่กูกล้าพูดได้เลยว่ากล้าตายด้วยกันกับมึง”

ธีรไนยสบตาคนพูดทันที มันนานมากแล้วที่ไม่ได้มองหน้า มองตากันแบบนี้ ต่อให้พวกเขาสองคนจะทำงานกันคนละที่ เวลาไม่ตรงกัน แต่ก็ไม่เคยที่จะไม่ติดต่อกัน ไม่เห็นหน้ากันเกินสามวันเลยสักครั้ง

“ไอ้เหี้ย...น้ำตาจะไหล” ธีรไนยพึมพำแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องของห้องชุดคอนโดของอินทัชทันที เพราะความคิดถึง ความเป็นห่วงแทบจะบ้าตายที่ผ่านมา ตอนนี้ ร่างโปร่งได้เพื่อนลับมาอยู่ตรงหน้าแล้ว

“จะร้องทำไมวะ เดี๋ยวกูก็ร้องตามหรอก” อินทัชว่าด้วยเสียงสั่นเครือ

“ก็มึง...” ธีรไนยว่าแค่นั้นก็หยุดชะงัก หันหลังให้กับอินทัชทันที แต่ร่างโปร่งบางรู้ดีว่าเพื่อนของตนกำลังร้องไห้ เพราะสังเกตเอาจากแผ่นหลังที่กำลังสั่นอยู่ตอนนี้

“ธีร์...ร้องไห้ทำไมวะ” ถามเสียงสั่น

อินทัชเป็นคนที่อารมณ์อ่อนไหวไม่ง่ายหรอก แต่ถ้าเป็นคนสำคัญแล้ว เขาจะเป็นเหมือนเด็กทันที นั่นคืออะไรกระทบจิตใจก็พร้อมจะร้องไห้ออกมา

อย่างเช่นตอนนี้...และเมื่อวาน

“ใครร้อง” เสียงอู้อี้แบบนี้ยังบอกว่าตัวเองไม่ร้องอีกเหรอ แล้วท่าทางเช็ดน้ำตานั่นอีกล่ะ

ปากแข็งเหมือนเดิม...

หมับ!!!

อินทัชเข้าไปกอดเพื่อนจากข้างหน้าแล้วร้องไห้ออกมาเหมือนกัน ธีรไนยที่พอรู้ว่าโดนกอด เขาก็เอื้อมมือมากอดตอบ พร้อมกับรอดแน่นๆ ให้หายคิดถึง

สำหรับพวกเขาแล้ว...พวกเขาเป็นมากกว่าเพื่อน เป็นเหมือนคนในครอบครัว...

“กูคิดถึงมึง ฮึก กูเป็นห่วงมึง กูตามหามึงแทบพลิกแผ่นดิน ฮึก...กูคิดว่ามึงตายไปแล้วด้วยซ้ำ ใครๆ ก็ว่ามึงตายไปแล้ว แต่กูก็ไม่เชื่อ...ให้คนตามหามึง ฮึก...ไม่เจอมึงแบบปลอดภัยไม่เป็นไร ยังไงก็ขอให้เจอศพมึง แต่มึงมัน...ไอ้เหี้ย!! มึงมันใจร้าย” ธีรไนยระบายออกมาพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย

อินทัชเองก็ลูบแผ่นหลังปลอบเพื่อนไปมา ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ร้องไห้จนมองไม่เห็นอะไรเลยแท้ๆ

นอกจากความอบอุ่นที่มาจากความห่วงใยของคนในครอบครัวแล้ว อินทัชเองก็ได้รับความห่วงใยนี้จากเพื่อนรักคนเดียวของเขา...

“ขอบคุณ...แล้วก็ขอโทษ กูขอโทษ ฮึก ขอบคุณมากๆ ธีร์”

“กูรักมึงนะอิน อย่าหายไปแบบนี้อีก มีอะไรก็บอกดิวะ ฮึก”

“ขอโทษนะ...กูก็รักมึงนะธีร์ จะไม่เป็นแบบนี้แล้ว มันจะไม่มีอีก อึก สัญญา กูสัญญา” อินทัชยื่นนิ้วก้อยไปให้ธีรไนยเกี่ยวด้วยความเคยชิน

เวลาพวกเขาจะสัญญาอะไรกัน ก็มักจะทำแบบนี้ ตั้งแต่เด็กแล้ว

“สัญญา...”

“อืม สัญญา”

หลังจากที่เกี่ยวก้อยสัญญากันแล้ว ต่างคนก็ต่างปรับอารมณ์กันใหม่ อยู่อย่างเงียบๆ ตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น ไม่มีใครมองหน้าใครทั้งนั้น

จนกระทั่งธีรไนยที่เหมือนจะพร้อมแล้ว จึงได้โพล่งออกมา ทำเอาอินทัชสะดุ้งสุดตัว

“มึง!!”

เฮือก!!!

“อ่ะ อะไร”

“ขี้ตกใจนะมึง” ธีรไนยหรี่ตาจับผิด

“มึงเรียกกูทำไม”

“กูจะให้มึงเล่าเรื่องทั้งหมด ว่าทำไมถึงโดนจับตัวไป”

“มึงรู้ได้ไงว่ากูโดนจับตัวไป” ถามย้อมกลับไป

“คนอย่างมึงนี่นะจะหนีไปเองแบบไม่มีเหตุผล” คนที่รู้จักอินทัชดีที่สุดตอบ

อินทัชตั้งใจจะเล่าให้กับเพื่อนฟังอยู่แล้ว เพราะระหว่างเขากับธีรไนยไม่มีอะไรจะต้องปิดังกัน แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะเปิดเผยเช่นกัน

เรื่องนี้เขาพูดกับพ่อกับแม่ไม่ได้ ไม่งั้นรามินทร์โดนดำเนินคดีแน่ๆ เพราะงั้นมันจะทำให้อินทัชเสียสัจจะได้ เลยไม่เล่าให้พ่อกับแม่รู้ แต่กับธีรไนย ถ้าเขาขอร้องไม่ให้บอกใคร

มันจะเป็นความลับแค่ระหว่างเรา...

“สัญญามาก่อนว่าจะไม่เลือดร้อน”

“ดูก่อน” ธีรไนยตอบสั้นๆ ทำเอาอินทัชไม่ไว้ใจ เพราะธีรไนยเป็นคนใจร้อน เลือดร้อน ขนาดเขายังเอาไม่อยู่ โชคดีที่เพื่อนของมีคนรักที่เอาเพื่อนเขาอยู่หมัดได้

แต่ตอนนี้ คนรักของมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไว้ใจได้แค่ไหนเนี่ย

“สัญญามาก่อน”

“แสดงว่าเรื่องมันเลวร้ายมากสินะ”

“ธีร์!”

“เออๆ สัญญา จะไม่ใจร้อน วู่วาม พอใจยัง ทีนี้จะเล่าได้หรือยังล่ะ” ร่างสูงโปร่งของธีรไนยทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ กับอินทัชด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย แต่ถ้ามันทำให้เขาได้ฟังความเป็นมาล่ะก็ ยอมก็ได้...

“ดีมาก”

จากนั้น...อินทัชก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ธีรไนยฟัง...





ทางด้านรามินทร์

หลังจากกลับจากกรุงเทพเมื่อวาน จนตอนนี้ก็ยังไม่ลุกอกจากเตียงเล็กในห้องนอนเล็กที่อินทัชเคยใช้นอนเลย ทำเอาเจ้าจอมและลูกน้องเป็นห่วงเพราะเข้าไปหาในตัวบ้านไม่ได้

รามินทร์ขังตัวเองเอาไว้ในบ้านอย่างนั้น ไม่รับโทรศัพท์ใคร ไม่ออกมาหาใคร ไม่กินข้าว

“อกหักอีกครั้ง...แต่ครั้งนี้ อาจจะเลวร้ายไปหน่อย แต่มึงต้องผ่านมันไปให้ได้ราม มึงต้องทำให้ได้อีกครั้ง” เขานอนพูดปลอบตัวเองด้วยท่าที่นอนคว่ำกับเตียงนอน

แม้จะคิดแบบนั้น แล้วทำไมถึงยังร้องไห้...

รามินทร์ไม่เคยร้องไห้เพราะโดนทิ้งมาก่อน  เพราะน้ำตาเขาจะไม่เสียให้กับคนที่ไม่คิดจะจริงจังด้วย แต่ในกรณีของอินทัชมันต่างออกไป

อินทัชคือคนที่เขาอยากจะใช้ชีวิตด้วย...ไม่ใช่แค่อยากคบอย่าสานสัมพันธ์อย่างที่ผ่านมา แต่เขาอยากจะหยุดอยู่ที่อินทัช...

“แต่มึงเดินจากกูไป...”

ไม่มีทางเอื้อมถึงเลยงั้นเหรอ...หรือต้องเวลา แล้วต้องทำยังไง...

รามินทร์พยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นจากเตียงอย่างคนไม่มีแรง แน่นอนเพราะเขาทานอะไรไม่ลงมาตั้งเมื่อวานแล้ว แม้จะขับรถเหนื่อยแค่ไหน แต่รามินทร์ก็ไม่มีอารมณ์จะกินอะไรเลย เขาตรงกลับมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัยก็ถือว่าดีแล้ว

รามินทร์ออกจากบ้านแล้วก็เดินไปยังบ้านร่างที่เขาเคยให้อินทัชอาศัยอยู่เป็นเดือน ร่างสูงเดินขึ้นไปบนบ้านด้วยความรู้สึกหลากหลายเพราะที่นี่เขาใช้มันบังคับขืนใจอินทัชครั้งที่สองเพราะความเมาของตน

“อยู่ได้ยังไงนะ”

ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ผิดอะไร แต่เขาก็ยังทำให้คุณชายอย่างมันต้องมาตกระกำลำบาก

รามินทร์ใช้เวลาอยู่กับที่นี่หลายชั่วโมง แม้ว่าจะไม่มีอะไรให้ทำก็ตาม แต่เหมือนว่าที่นี่จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น...หมอนที่อินทัชเคยใช้ ผ้าห่ม และเสื้อผ้าบางชิ้นยังคงอยู่ที่นี่ รวมทั้งเงินทุกบาทก็ยังอยู่...

“หึ...ให้เงินมัน โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้มันได้ใช้”

เขาเก็บเงินนั้นเอาไว้ในกระเป๋าอย่างดี ก่อนจะจับที่สร้อยคอดอกไม้ในขวดโหลที่มีความหมายสำหรับเขาแน่น ดวงตามองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่โหยหาคนในห้วงคำนึงนี้

ถ้ารู้ว่าจะรัก...ก็คงไม่ใจร้ายหรอก

ถ้า...ก็ได้แต่พูดว่า ‘ถ้า’ ล่ะนะ ในเมื่อมันผ่านมาแล้ว แล้วจะทำยังไงได้ล่ะ

“กูคิดถึงมึง แค่วันเดียว...กูก็จะตายอยู่แล้ว”

ตอนนี้เขาได้กลายเป็นรามินทร์คนใหม่ คนที่มีชีวิตแบบไร้สีสัน ทุกอย่างรอบๆ ตัวดูน่าเบื่อไปหมด ไม่อยากจะทำอะไร ไม่อยากจะคุยกับใคร

อยากจะอยู่กับที่แล้วร้องไห้ก็แค่นั้น...

ถ้าจะต้องให้ใครมาเห็นมุมอ่อนแอของตัวเอง รามินทร์ก็ไม่โอเคกับมันนัก ฉะนั้นแล้ว ในช่วงนี้ ขออยู่กับตัวเองเงียบๆ ตามลำพังสักพัก เมื่อพร้อมแล้ว เข้มแข็งขึ้นแล้ว

เขาจะกลับมาเป็นรามินทร์คนเดิม

...

...

...




“ไอ้เหี้ยนั่น!!!”

“ใจเย็นดิวะธีร์ นี่แหละที่กูไม่อยากให้มึงรู้น่ะ” อินทัชจับแขนเพื่อนรักเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าธีรไนยจะพุ่งไปหาเรื่องรามินทร์ตามอารมณ์โมโหของเจ้าตัว

“ก็มันสมควรเย็นไหมล่ะ มึงรู้ไหมว่าไอ้ห่ารากนั่นน่ะ มันบอกว่ามึงแค่ไปพักแล้วก็ไป ไอ้สัตว์โกหกกู ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นลูกค้าคุณเพลิงนะมึง ฮึ่ย!!” ธีรไนยหายใจฟึดฟัดอย่างขัดใจ

“เอาเถอะน่า...มันทำไปเพราะเข้าใจผิดทั้งนั้น”

“มึงปกป้องมัน?”

อินทัชชะงัก นิ่งค้างไป หลบสายตาเพื่อนสนิทที่จับจ้องมา

“เดี๋ยวนะ? ท่าทางมึงมันแปลกๆ”

“แปลกอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”

“ยังมีอะไรที่กูไม่รู้ใช่ไหม มึงเล่าไม่หมดใช่หรือเปล่า?” ธีรไนยซักไซ้ต่อเมื่อเห็นท่าทีที่ดูแปลกๆ ของเพื่อน เพราะอินทัชแสดงออกเหมือนกับว่าไม่ได้โกรธรามินทร์ ทั้งๆ ที่โดนทำขนาดนั้น

มันผิดวิสัยคนปกติทั่วไปมากๆ

“หรือมึงกับมัน...”

“กูกับมันทำไม” รีบถามออกไปอย่างร้อนรน ยิ่งทำเอาคิ้วสวยของธีรไนยขมวดแน่นหนักกว่าเดิม

“แปลกๆ ว่ะ ญาติดีกับมันแล้วหรือไง?”

“ไม่ใช่! นี่มึงไม่ได้ฟังที่กูเล่าเลยใช่ไหมว่ามันทำอะไรกับกูไว้บ้าง ถ้าเป็นมึงจะญาติดีกับมันเหรอ” เวลาที่อินทัชอยู่กับธีรไนย เขาจะกลายเป็นคนที่ไม่รอบคอบเท่าไหร่นัก และครั้งนี้ก็เช่นกัน

ธีรไนยจับอะไรบางอย่างได้จากสีหน้าและคำพูดของเพื่อนสนิท

“มึงก็รู้ว่าไอ้พัฒน์ทำอะไรกับกูไว้บ้าง กูยังรักมันเลย”

อึก...

เป็นประโยคที่ทำเอาอินทัชพูดอะไรไม่ออก สบตากับเพื่อนก็รู้เลยว่าธีรไนยกำลังคิดและรู้สึกอะไรอยู่ เขาก็เลยเลี่ยงโดยการไม่มองหน้ามัน

“อิน...มึงรักมันใช่ไหม?”

“เปล่า...ไม่ได้รัก” ปฏิเสธทันทีด้วยเสียงแผ่วเบา

“ไม่ได้รัก...มึงจะร้องไห้ทำไม”

อินทัชจับหน้าตัวเองก็พบว่าตัวเองน้ำตาไหล ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างของตนปิดหน้า เท้าแขนกับตักตัวเองเพื่อหลบซ่อนน้ำตาจากเพื่อนสนิท...

ธีรไนยเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนรัก ก็เลยได้แต่ขยับไปกอดปลอบเพื่อนสนิทที่กำลังร้องไห้เสียใจ และอาจจะสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอยู่...เขาไม่อยากให้เพื่อนฝืนความรู้สึก ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ยอมรับรามินทร์ จนกว่าจะแน่ใจว่ารามินทร์เป็นคนแบบไหน...

มึงเจอกูแน่ ไอ้รามินทร์!!!







100%


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


ขอโทษที่อัพช้าจ้า เจอกันวันพุธนะคะคนดี อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า

พูดคุย สอบถาม ติดตามข่าวสารการอัพเดทหรือทวงนิยายได้ที่แฟนเพจอิฉันเลยเจ้าค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 46 100% => (14/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-06-2017 23:09:48
รักธีร์จัง
ธีร์กับอินอยู่ด้วยกันแล้วมุ้งมิ้งชะมัดเลย
โอ๊ยยยยยย
ว่าแต่ธีร์จะทดสอบอะไรรามนะ?
ไม่สิ ธีร์จะเอาคืนรามแทนอินยังไง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 46 100% => (14/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 26-06-2017 05:15:38
รออยู่นะค้า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 46 100% => (14/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 26-06-2017 10:13:24
เอาแล้วววว เพื่อนรักรู้แล้ว รามซวยแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 46 100% => (14/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 26-06-2017 16:56:56
กว่าจะไปถึงพ่อแม่อิน ผ่านด่านธีร ก่อเหอะ หุหุ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 50% => (29/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 29-06-2017 00:07:19
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 47
ดินโอบเดือน




“พี่รามน่าสงสาร”

“ครับ คุณรามน่าสงสารจริงๆ ทุกวันนี้เหมือนคนไม่มีวิญญาณเลยครับ” จักรออกความเห็น ระหว่างที่ยืนมองรามินทร์สั่งงานคนงานอยู่

“ใช่…ไม่ยิ้มให้ใครเลย พี่รามกลายเป็นคนเย็นชา เป็นรามินทร์ที่ใครๆ ก็ไม่รู้จัก นายคิดว่าฉันจะบอกเรื่องนี้กับคุณลุงคุณป้าดีไหม” เจ้าจอมหันมาถามความเห็นคนรักที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ผมว่าคุณรามคงไม่อยากให้คุณท่านเป็นกังวลหรอกครับ”

“นั่นสินะ”

เจ้าจอมพึมพำแล้วมองพี่ชายด้วยสายตาที่แสนจะเป็นห่วง เขาเข้าใจดีว่าการต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ไม่รู้สึกอะไรของรามินทร์ทั้งที่เจ็บปวดน่ะ มันยากและเหนื่อย

แต่ก็ยังดีที่พี่ชายเขาไม่ดื่มเหล้า เมามายเหมือนแต่ก่อน...

“นายจะไปกรุงเทพวันไหนนะ คิดวันไว้หรือยัง” เจ้าจอมถามคนรัก

“ผมคิดว่าจะไปต้นเดือนหน้าเลยครับ”

“อืม...อย่าลืมจองตั๋วล่วงหน้าก็แล้วกันจะได้ถูกหน่อย นั่งเครื่องไปเถอะ เร็วด้วย”

“ครับ ผมก็คิดไว้อย่างนั้น”

“ถ้านายไปทำงานที่กรุงเทพแบบนี้ ฉันจะไปเรียนต่อโทดีไหมนะ” เจ้าจอมพูดขึ้นมา เพราะตนคิดเรื่องนี้นานแล้ว ก่อนจะเกิดเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำ

เจ้าจอมแค่อยากจะเรียนให้สูงๆ จะได้ช่วยงานพี่ชายได้มากกว่านี้ และดูเหมือนว่า มันคงจะถึงเวลาแล้วเหมือนกัน

“แล้วใครจะดูแลคุณรามล่ะครับ”

“นั่นสินะ นี่แหละคือสิ่งที่ฉันกำลังเป็นห่วงอยู่”

เจ้าจอมไม่กล้าทิ้งให้รามินทร์ต้องอยู่คนเดียวในช่วงแบบนี้แน่ๆ ยิ่งรินลณีกลับฝรั่งเศสไปแล้วด้วย พี่ชายเขาไม่มีใครเลย นอกจากเจ้าจอมคนเดียว

“แต่ถ้าคุณจอมพูดกับคุณรามดู ผมคิดว่ายังไงคุณรามก็ต้องให้ไปแน่นอนอยู่แล้ว แต่คุณจอมนั่นแหละครับ จะกล้าทิ้งคุณรามให้อยู่คนเดียวหรือเปล่า”

“ตอนนี้ฉันคงต้องดูไปก่อนล่ะนะ”

“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ แล้วจะรีบกลับ”

“อื้อ...ฉันเองก็ต้องไปทำงานแล้วเหมือนกัน โชคดีนะจักร”

“ครับ” ร่างสูงยิ้มให้กับเจ้าจอมเล็กน้อยก่อนจะวิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์คันเก่งของตนที่ตอนนี้กลายเป็นยานพาหนะที่คู่ใจอันดับหนึ่งของเจ้าตัวไปแล้ว

เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่เจ้าจอมต้องมาส่งจักรไปทำงานก่อนที่ตัวเองจะไปทำงานต่อ มันเป็นเรื่องที่หลายคนหลายคู่ไม่ทำ แต่พวกเขาทำแล้วมีความสุข


“เจ้าจอม พี่ขอบัญชีมาดูหน่อยนะ”

“ได้ครับ อีกประมาณสิบนาทีนะครับ”

เพราะโต๊ะทำงานของเจ้าจอมอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าห้องของรามินทร์ เลยไม่ได้ยุ่งยากในการเอาเอกสารเข้าไปให้มากกมายเหมือนแต่ก่อน ที่รามินทร์มักจะอยู่ไม่เป็นที่เป็นทางเท่าไหร่

“ได้ๆ อ้อ! บอกฝ่ายการตลาดให้จัดโปรโมชั่นปลายปีมาใหม่นะ พี่ไม่โอเคกับที่เสนอมา”

“ครับพี่ราม”

“พี่จะอยู่ในห้องตลอดนะ มีอะไรก็ไปบอกพี่ได้เลย”

“ไม่มีงานด้านนอกหรือครับ”

“ไม่มีหรอก”

“ครับ”

เป็นประโยคที่ช่วงนี้พวกเขาสองพี่น้องพูดคุยกันจนชินไปแล้ว มักมีแต่เรื่องงานมาคุยกันเสมอ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่รามินทร์จะถามไถ่อะไรต่างๆ นาๆ ด้วยความเป็นห่วง

แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้ความสำคัญของคนในครอบครัวดูจะน้อยลงสำหรับรามินทร์ นอกจากความสำคัญของคนในครอบครัวแล้ว มินทร์ยังให้ความสำคัญกับตัวเองน้อยลงเหมือนกัน เรียกว่าไม่ใส่ใจดีกว่า

“นี่เป็นบัญชีของเดือนที่แล้วครับ”

“ขอบคุณครับ” รามินทร์ไม่มองหน้าเจ้าจอม เอาแต่นั่งอ่านเอกสารและเปิดเอกสารไปมา ทั้งๆ ที่แต่ก่อนไม่ค่อยได้ยุ่งกับมันเท่าไหร่นัก

“พี่รามไม่จำเป็นต้องทำงานเยอะขนาดนี้ก็ได้”

“ไม่ได้หรอกเจ้าจอม ถ้าพี่ไม่ทำงาน พี่จะฟุ้งซ่าน”

“แล้วอะไรที่ทำให้พี่ฟุ้งซ่านล่ะครับ”

“เจ้าจอมก็รู้ว่าพี่เป็นแบบนี้เพราะอะไร ฉะนั้นเลิกถามพี่เรื่องนี้เถอะ ถ้าไม่อยากให้พี่เครียดไปมากกว่านี้”

“ขอโทษครับ” เจ้าจอมเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดที่ตนเองถามไปโดยไม่คิด จนทำให้พี่ชายต้องรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้โกรธ”

“พี่ราม...จอมมีเรื่องอยากจะปรึกษา” เจ้าจอมพูดขึ้นมาเมื่อปล่อยให้บรรยากาศมันเงียบไปประมาณเกือบห้านาที โดยที่พี่ชายไม่คิดจะสนใจเจ้าจอมอย่างที่เคยเป็น

“หืม...มีอะไรครับ” ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะทำให้รามินทร์ละความสนใจจากงานได้ เรียกรอยยิ้มหวานจากเจ้าจอมได้ในทันที

ก็เหมือนความรู้สึกเด็กๆ เวลาได้รับความสนใจนั่นแหละ

“จอมอยากต่อโท”

“อืม...เรื่องนี้นี่เอง เราก็พูดกับพี่ไว้นานแล้วนี่ อยากไปแล้วงั้นหรือ” รามินทร์ถามเสียงอ่อนโยน

“ฮะ จอมอยากจะไปต่อโท พี่รามเองก็กำลังจะทำธุรกิจเพิ่ม จอมอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระพี่รามบ้าง”

“ใช่เรื่องนี้อย่างเดียวเหรอ” ถามน้องชายอย่างรู้ทัน

“อยากอยู่ใกล้ๆ กับจักรด้วยครับ” ยอมรับอย่างอายๆ เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากรามินทร์ได้ แม้เพียงนิดหน่อย แต่มันก็ทำให้เจ้าจอมรู้ว่ารามินทร์ไม่ได้คิดมากหรือเครียดอย่างที่คิด

แต่เรื่องเสียใจ...เจ็บปวด คงต้องใช้เวลาในการรักษามันพอสมควร

“พี่ว่าแล้ว จอมอยากจะไปเรียนต่อก็ไปเถอะ หรือจะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็ได้ พี่มีร้านอาหารอยู่ในห้างของคุณเพลิงอยู่สามสาขา เจ้าจอมจะไปทำงานที่นั่นก็ได้”

“จอมขอคิดดูก่อนนะครับ ไม่อยากให้พี่รามอยู่คนเดียวด้วย”

“ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกน่า พี่อยู่ได้ สบายมากๆ พี่ไม่เป็นไรหรอก”

“พี่รามก็ชอบพูดว่าไม่เป็นอะไร ทั้งๆ ที่ในใจพี่กำลังรู้สึกไม่ดีกับมัน”

เจ้าจอมไม่ชอบเลยที่พี่ชายตัวเองเป็นคนแบบนี้ มีอะไรไม่ยอมพูด เก็บเอาไว้คนเดียว จนตัวเองเป็นโรคจิตอ่อนๆ แล้วถ้าครั้งนี้ถ้ามันแรงขึ้นล่ะ รามินทร์เป็นหัวหน้าครอบครัว ถ้ารามินทร์เป็นอะไรไปขึ้นมา ทุกอย่างของครอบครัวคือจบแน่ๆ

“พี่โอเคจริงๆ”

“เอาเถอะ จอมก็แค่มาบอกพี่รามเฉยๆ ว่าจอมจะต่อโท เพื่อให้เวลาพี่รามเตรียมตัวเตรียมใจ”

“พี่จะต้องเตรียมใจทำไม หืม...แค่จอมไปเรียนต่อเอง พี่ไม่คิดถึงเราหรอกน่า”

“ใจร้าย นี่น้องนะ” เจ้าจอมโวยวายแต่ไม่จริงจังนัก

“หึหึ ไปทำงานต่อได้แล้วไป”

“ครับ”

เจ้าจอมยิ้มนิดๆ ที่อย่างน้อยวันนี้พี่ชายของตนก็อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว...

บางที...เวลา มันช่วยเยียวยาหัวใจได้ ไม่ได้ลืม...ไม่ได้เลิกรัก แต่ก็อยู่ได้...

...

...

...


เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ก็ใกล้วันที่จักรต้องย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพอีกครั้ง โดยที่คราวนี้เขามีงานรออยู่ ไม่ใช่ไปหางานเอาดาบหน้า แต่ยิ่งคิดว่าจะต้องไป จักรก็ยิ่งใจหายที่ต้องห่างกับคนรัก

“คุณจอม พรุ่งนี้ผมเดินทางแล้วนะครับ”

“อืม...ฉันรู้แล้วน่า ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นล่ะ” เจ้าจอมที่กำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ของตนหันมาถามร่างสูงที่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่

วันนี้เจ้าจอมมานอนค้างที่บ้านของจักรเพราะจะเป็นคืนสุดท้ายก่อนจะไม่ได้เจอกันหลายเดือน ที่เห็นเจ้าจอมนิ่งๆ ไม่รู้สึกอะไร แต่ก็ใจหายไม่ต่างจากจักรที่แสดงออกมาทางสีหน้าอยู่ทุกวัน

“คุณจอม อยู่ได้แน่นะครับ”

“อยู่ได้ยังไงล่ะ ก็แค่ไม่มีใครมาตามตอแยเอง แต่จะว่าไปตั้งแต่ฉันให้โอกาสนายจนกระทั่งเราคบกัน นายก็ไม่เคยตอแยฉันเลยนี่ เพราะงั้นอยู่ได้ สบายมาก” เจ้าจอมยักไหล่สบายๆ แต่คำพูดน่าลงโทษมากสำหรับร่างสูง หากแต่เขาก็ไม่เคยที่จะกล้าทำอะไรคนรักตัวเองหรอก

เคยอยากจะลงโทษหลายครั้ง แต่ก็ไม่กล้าทำ ไอ้การลงโทษของเขาไม่ใช่เรื่องที่ใช้กำลัง ในเรื่องไม่ดีแต่อย่างใดนะ ก็แค่มันเขี้ยว อยากฟัดเฉยๆ แต่ไม่กล้าทำ

“คุณจอมพูดแบบนี้ ไอ้จักรก็น้อยใจเป็นนะครับ”

“น้อยใจอะไร พูดเป็นเด็กไปได้ นายอายุมากกว่าฉันนะ ต้องทำตัวพึ่งพาได้หน่อย”

“ที่ผ่านมาผมได้แต่ตามคุณจอม มองเห็นคุณจอมทุกวัน ไม่แม้จะมีโอกาสได้มายืนใกล้ๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ พอได้ครอบครัว ผมยังคิดภาพตัวเองตอนไม่ได้เห็นคุณจอมไม่ได้เลย ต้องคิดถึงมากแน่ๆ”

เจ้าจอมละโฟกัสจากโทรศัพท์มามองคนรักตัวสูงที่ชอบพูดจาเลี่ยนๆ ให้เขิน ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมา หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น

เจ้าจอมชอบฟังอะไรแบบนี้จากจักร

“เสี่ยว! คิดว่าตัวเองกำลังจีบสาวอยู่หรือไง”

“ผมจีบแค่คุณจอมคนเดียวนั่นแหละครับ”

“หึหึ...รู้ด้วยนะว่าพูดยังไงฉันจะใจอ่อน ฉันจะดีใจ”

ร่างเล็กส่ายหน้า เอาโทรศัพท์ในมือวางไว้บนหัวเตียง เพื่อให้ความสนใจผู้ชายตัวใหญ่ที่เรียกร้องความสนใจเหลือเกิน

“ผมเป็นคนที่รักคุณจอมนี่ครับ”

“มานอนได้แล้วมา อย่ามัวแต่จีบฉัน พรุ่งนี้ถึงจะเดินทางบ่ายแต่ก็ต้องนอนให้เพียงพออยู่ดี”

จักรไม่ได้คัดค้านอะไรเจ้าจอม เลยเดินไปปิดไฟนอนแต่โดยดี โชคดีที่วันนี้พระจันทร์เต็มดวง จักรเลยมองเห็นคนบนเตียงได้อย่างชัดเจน

เจ้าจอมไม่ได้นอนอย่างที่คิด...

“คุณจอม ไม่นอนหรือครับ”

“ถ้านอนนายก็เห็นสิ”

“ไหนบอกจะนอนไงครับ” จักรถามพลางขึ้นไปแทรกตัวข้างๆ กับเจ้าจอม

พรึ่บ!!!

ร่างบอบบางขึ้นมานั่งทับหน้าท้องของจักรทันทีที่ร่างแกร่งนอนราบลงกับที่นอน

“คุณจอม ทำอะไรครับ”

“ทำขนาดนี้แล้วยังจะไม่รู้อยู่อีกหรือไง”

“ก็พอรู้ครับ แต่คุณจอมบอกให้นอนไม่ใช่หรือครับ” จักรถามอย่างใสซื่อ

สาบานเลยว่าถ้าเจ้าจอมเห็นหน้าของร่างสูงตอนนี้ต้องตกใจ ขอบคุณที่หน้าของเขาแสงส่องมาไม่ถึง ไม่งั้น เจ้าจอมคงจะไม่ใช่คนเดียวที่เจ้าเล่ห์เป็นแล้ว เพราะว่าจักรตอนนี้ก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ตรงข้ามกับน้ำเสียงที่ถามคนรักออกไป

“งั้นนอน” เจ้าจอมพูดอย่างโมโห แล้วทำท่าจะลงจากตัวของจักร หากแต่มือแกร่งก็โอบรอบเอวเล็ก กอดเกี่ยวเอาไว้แน่น

“อย่าโกรธไอ้จักรเลยนะครับ”

“ฉันง่วงแล้ว ปล่อย” ร่างเล็กดิ้น หากแต่แขนแกร่งกลับกอดแน่นกว่าเดิม

“แต่ผมไม่ง่วง”

“กล้าขัดใจฉันเหรอ”

“ตามใจผมหน่อยสิครับ พรุ่งนี้เราก็ต้องห่างกันแล้วนะ”

“เดี๋ยวนี้กล้าต่อรองเหรอ”

“ผมมีสิทธิ์หรือเปล่าล่ะครับ”

พอรู้ว่าเป็นเจ้าของหัวใจ และร่างกายของฉันไปแล้ว นายก็ชักกล้าใหญ่แล้วนะ แต่แบบนี้ก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องกลายเป็นคนหน้าด้านเริ่มก่อนอีก

เพราะถ้านายเริ่มกล้า ฉันก็จะได้ไม่ต้องทำอะไรหน้าด้านๆ มากนัก

“ถ้าฉันบอกว่าไม่” เจ้าจอมถามกลับไป

“ผมก็จะถามต่อว่า ถ้าไม่ใช่ผม แล้วใครที่มีสิทธิ์”

“ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ ตัวฉัน ฉันก็เป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์”

“ใจร้ายจังนะครับ”

ร่างเล็กกว่าค่อยๆ โดนคนที่เคยเจียมเนื้อเจียมตัวมาตลอดพลิกไปนอนบนเตียงแทนก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะขึ้นคร่อม กักคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ใต้ร่างของตัวเอง

“ทำอะไร”

“เปล่านี่ครับ”

“ถ้าฉันเห็นหน้านายตอนนี้ ฉันว่าฉันคงอยากจะถีบนายแรงๆ แน่นอน”

“แล้วทำไมไม่ถีบเลยล่ะครับ”

“ท่าของฉันตอนนี้คงจะยกขาได้หรอก ล็อกแน่นขนาดนี้เนี่ย” เจ้าจอมประชดออกไป

จักรไม่พูดอะไรอีก แต่โน้มใบหน้าของตัวเองเข้าหาเจ้าจอมแล้วประทับริมฝีปากเข้ากับริมฝีกของเจ้าจอมเบาๆ อย่างอ่อนโยน ไม่มีการรุกล้ำ หรือบดเบียดใดๆ มีแค่สัมผัสบางเบาที่จักรมอบให้คนที่ตนรักก็เท่านั้น แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้เจ้าจอมใจอ่อน ยอมหมดแล้วทุกอย่าง

ร่างเล็กกว่ายกแขนขึ้นโอบรอบคอแกร่งแล้วเป็นฝ่ายกอดศีรษะของจักรเข้าหาตัวเอง ปลายลิ้นเล็กรุกล้ำเข้าไป แล้วทั้งสองก็ตอบรับสัมผัสอย่างอ่อนหวานนุ่มนวลของกันและกัน

“ผมต้องคิดถึงคุณจอมมากแน่ๆ” จักรผละริมฝีปากออกมาแล้วพูดเสียงเบา

“หึหึ ก็อยู่ประเทศเดียวกันเอง ทำอย่างกับอยู่ห่างกันงั้นแหละ”

“แค่ไม่ได้เห็นหน้าคุณจอมหนึ่งวัน ผมก็จะตายแล้วล่ะครับ”






50%

:katai4:

แวะมาลงดึกๆ จริงๆ ก็เป็นวันใหม่แล้ว ขอโทษนะคะ นอนเพลินไปหน่อย แหะๆ อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ^_^ -ขอบคุณมากๆ ค่า

มีอะไรก็ไปพูดคุย สอบถาม ทวงนิยายหรือติดตามข่าวสารของยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/
 (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 50% => (29/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-06-2017 00:28:07
สงสารอีรามนิดนึงก็ได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 50% => (29/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 29-06-2017 08:37:22
เห็นใจคุณราม ขึ้นมานิดนึง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 50% => (29/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 29-06-2017 14:06:11
อีกนานแค่ไหนกว่า เราจะได้พบกัน..
อ่ะฮึกๆ.. (อันนี้เป็นความในใจของราม.. #รามไม่ได้กล่าว
55+
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 50% => (29/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 29-06-2017 14:14:15
สงสารรามจัง โถๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 50% => (29/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 29-06-2017 17:46:46
ธีร์ลงมาเล่นงานรามแน่ ทำเพื่อนรักร้องไห้
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 50% => (29/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 29-06-2017 22:36:20
โอ๊ยยย เจ้าจอม
หวานจังงงงง
ปล.สงสารราม แต่นังไใพอ
ขอมากกว่านี้ค่ะ !!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 50% => (29/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-06-2017 00:00:01
 :laugh:



รามอ่วมแน่งานนี้
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 50% => (29/06/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 30-06-2017 02:38:11
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 100% => (2/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 02-07-2017 21:45:26
ตอนที่ 47 ครึ่งหลัง






“อย่ามาเวอร์น่า...ถามหน่อยสิ อะไรที่ทำให้นายรักฉันมากมายขนาดนี้” เจ้าจอมถาม โดยที่ท่าของทั้งคู่ก็ยังอยู่กันในท่าเดิม

“คงเป็นเพราะความไม่ถือตนของคุณจอมล่ะมั้งครับ ตอนนั้นคุณจอมถือเป็นคุณหนูของที่นี่ การที่ผมได้รับความช่วยเหลือจากคุณจอมมันทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจ แล้วพอมองใบหน้าของคุณจอมผมก็รู้สึกเหมือนกับเห็นเทวดาอยู่ตรงหน้า แล้วก็ตกหลุมรักเลยครับ”

“แล้วมั่นใจได้ยังไงว่ามันคือความรัก ทั้งๆ ที่นายเองก็ไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อน”

“ไม่รู้สึกครับ แต่ที่ผมรู้ก็คือผมรู้สึกกับคุณจอมต่างกับคนอื่น ผมใจเต้นแรง ผมดีใจที่ได้เห็นคุณจอม และผมก็รู้สึกหวงคุณจอมทุกครั้งที่มีคนอื่นมายุ่ง”

จักรเป็นคนใสซื่อก็จริงแต่ไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้ว่าตัวเองคิดหรือรู้สึกยังไง

หัวใจของเขา เขารู้ว่ามันคิดและรู้สึกยังไง...

“แล้วทำไมถึงกล้าจีบฉัน”

“เพราะผมคิดว่าตัวเองคงไม่สมหวัง ก็เลยกล้าจีบ”

“กะจีบเล่นๆ สินะ” เจ้าจอมถามเสียงเบา ไม่ได้รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจอะไรหรอก เพราะเข้าใจดี เพราะถ้าเจ้าจอมเป็นจักรก็คงจะทำแบบเดียวกัน

“แต่ความรู้สึกคือของจริงนะครับ”

“แล้วมาเอาจริงเอาจังได้ยังไง อย่าบอกนะว่ากลัวฉันจะชอบพี่อิน”

“ครับ ผมเห็นคุณจอมสนใจไอ้อินทั้งๆ ที่มันมาได้ไม่กี่วันเอง จากที่คิดว่าจีบเล่นๆ แต่พอคิดว่าสักวันคุณจอมต้องเป็นของคนอื่น ผมก็กลับไม่อยากยอมเสียงั้น เพราะแบบนี้ผมเลยเดินหน้ารุกคุณจอมเต็มกำลังเลย”

“ฮะๆ จริงๆ แล้ว ฉันมีความลับบางอย่างจะบอกนายล่ะ” เจ้าจอมพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

“อะไรหรือครับ”

“เอาไว้ถึงเวลาฉันจะบอกเองนะ ตอนนี้นอนได้แล้ว” ร่างบางตัดบท ทำเอาจักรถึงกับขมวดคิ้วเพราะค้างคากับเรื่องที่เจ้าจอมอยากจะบอก แต่ก็ไม่ยอมบอก

“เวลานั้นคือตอนไหนล่ะครับ”

“ก็เร็วๆ นี้แหละน่า”

“หืม...”

“ลงไปนอนได้แล้วไป”เจ้าจอมไล่จริงจัง เพราะตนรู้สึกอยากจะนอนแล้ว

หากแต่จักรกลับไม่ยอมปล่อยให้คนใต้ร่างได้รับอิสระ แถมยังประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งเร่าร้อน รุนแรง จนร่างเล็กกว่ารู้ได้เลยว่า...คงไม่ได้นอนในเร็วๆ นี้แน่

“อื้ม...”

“ขอนะครับ”

“อ๊ะ...อื้อ”

ถ้าจะขออนุญาตกันแต่ไม่ยอมรอฟังคำตอบแบบนี้ ทีหลังก็ไม่ต้องถามหรอกนะ...เจ้าจอมได้แต่คิดอย่างไม่จริงจังนัก เพราะตนเองก็ไม่อยากจะขัดใจจักรเหมือนกัน

ไหนๆ พรุ่งนี้เราก็จะต้องแยกกันแล้ว ให้กำลังใจกับจักรไปก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร ยังไงเราก็เป็นแฟนกัน เป็นคนรักกัน เรื่องแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ดินคนนี้ขอโอบกอดเดือนเอาไว้ ก่อนจะถึงเวลาที่เขาจะได้อยู่ด้วยกัน...

 ...

...

...


“ถ้าลืมอะไรก็โทรมาบอกนะ ฉันจะส่งไปให้ แล้วที่อยู่กับเบอร์โทรของพี่อินน่ะอยู่ในกระเป๋าสะพายช่องนอกสุดนะ อย่าทำหายล่ะ ไปถึงสนามบินแล้วให้นายนั่งแท็กซี่ไปที่นั่นเลย พี่อินบอกว่าไม่ว่างมารับแต่ที่คอนโดจะมีลูกน้องรอรับอยู่” เจ้าจอมพูดยาวเหยียดด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล เช็คนั่นเช็คนี่ให้กับคนรักอย่างจริงจัง จนคนที่มองอยู่อย่างจักรระบายยิ้มอ่อนโยนออกมา

ดีจริงๆ ที่มีเจ้าจอมอยู่ข้างกาย จากนี้ไปเขาจะทำทุกอย่างให้สามารถยืนข้างกายกับเจ้าจอมได้อย่างเต็มภาคภูมิ จะต้องไม่มีใครมาว่าเขาไม่เหมาะสมอีกต่อไป

เขาจะทำให้เจ้าจอม เป็นคนที่โชคดีและมีความสุขที่สุด

“รับทราบครับคุณจอม ผมไม่ลืมหรอก ผมเองก็เคยอยู่ที่กรุงเทพมาก่อนนะครับ เรื่องแค่นี้สบายมากเลย”

เครื่องบินก็เคยนั่งมาแล้ว เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก...

“ฉันแค่เป็นห่วง”

“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”

“เอาไว้ฉันจะไปเยี่ยมนายก็แล้วกันนะ” เจ้าจอมยิ้ม

“ผมอยากให้ถึงวันนั้นไวๆ”

“จะบ้าหรือไง นายยังไม่ไปเลยนะ” เจ้าจอมเอ็ด

“แค่คิดว่าจะไป...” ก็แทบจะขาดใจแล้วล่ะครับ ประโยคนี้เขาพูดในใจเพราะกลัวว่าเจ้าจอมจะไม่สบายใจที่เขารู้สึกอ่อนแอที่ต้องจาก

จักรไม่อยากให้เจ้าจอมเห็นว่าเขาอ่อนแอ

“ทำไม”

“เปล่าครับ” รีบปฏิเสธทันที

“อ่า...ก็ดีแล้วล่ะ เอ้าถึงเวลาแล้ว ไปที่เครื่องได้แล้วไป แยกกันตรงนี้แหละ ขอให้นายโชคดีนะ ดูแล รักษาตัวเองดีๆ กินข้าวให้ครบทุกมื้อด้วย ถ้าไม่สบายหรือมีปัญหาอะไรโทรรายงานฉันให้ตลอดด้วยนะ ไม่งั้นฉันจะตามไปฆ่านายถึงที่นั่นเลย”

“ครับคุณจอม”

“ทำให้ได้ล่ะ”

“ผมรักคุณจอมนะครับ” ร่างสูงโพล่งบอกรักออกมาให้ได้ยินกันแค่เขาสองคน

วันนี้มีเพียงเจ้าจอมที่มาส่งคนรักขึ้นเครื่องไปกรุงเทพ ส่วนรามินทร์ ขรรค์และหมอเงินจักรได้ลาเรียบร้อยแล้วที่รีสอร์ทก่อนจะออกมา

“อื้อ...ฉันก็รักนาย”

“ดูแลตัวเองด้วยนะครับคุณจอม”

“รับรองน่า ฉันจะไม่มีทางเป็นอะไรเด็ดขาด แล้วเจอกันนะจักร” ร่างบางยิ้มออกมา แม้ว่าในใจจะรู้สึกว่าใจหายไปแล้วก็ตามที

เจ้าจอมไม่คิดว่าพอถึงเวลาที่ต้องแยกกันแบบนี้มาถึง มันจะมีผลต่อหัวใจได้มากขนาดนี้

“แล้วเจอกันครับ”

จักรหันหลังให้กับเจ้าจอม เป็นวินาทีที่ทำให้เจ้าจอมเข้าใจความรู้ของรามินทร์ตอนโดนคนที่รักหันหลังให้ทันที เจ้าจอมคิดมาตลอดว่าต่อให้ตนต้องแยกกับจักรก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะเราไม่ได้เลิกกัน

แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่ใช่...

ตอนที่ยังมีจักรอยู่ข้างๆ ก็รู้แหละว่าต้องมาถึงวันนี้ แต่นั่นมันยังมีอีกคนอยู่เขาก็เลยรู้สึกเฉยๆ บ้าง พอมาวันนี้ วันที่จักรหันหลังให้แบบนี้ เจ้าจอมก็รู้สึกใจหายขึ้นมา

“ให้ตายสิเจ้าจอม จะทำยังไงดีเนี่ย”

ร่างบางพึมพำเบาๆ กับตัวเอง กำมือแน่นเพราะกำลังอดทนไม่ให้น้ำตาตัวเองไหลออกมา และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่จักรหันมามองเขาอีกครั้ง สีหน้าของจักรไม่สู้ดีนักแต่ก็ฝืนทำเป็นยิ้มออกมา เจ้าจอมเองก็แทบจะร้องไห้ อยากจะวิ่งไปโอบกอด แต่ถ้าทำแบบนั้น จักรได้ตกเครื่องแน่ๆ มือบางเลยยกขึ้นโบกน้อยๆ พร้อมกับรอยยิ้มหวาน

จักรรีบหันกลับแล้วออกเท้าเดินต่อไปเร็วๆ เพราะกลัวใจของตัวเอง

ส่วนเจ้าจอมเองก็รีบหันหลังเดินจากตรงนั้นไปทันที...


ตอนนี้จักรมาหยุดอยู่หน้าคอนโดหรูที่แท็กซี่พามาส่ง ร่างสูงมองมันรอบๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจนักว่าจะใช่ที่เดียวกันหรือเปล่า แต่ถามพี่คนขับแท็กซี่แล้ว ก็มีที่นี่อยู่ที่เดียว

เป็นคอนโดในเครือของ เพลิง เรียลเอสเตท

อย่าบอกนะว่า คอนโดที่จะเขาอยู่คือที่นี่...คงแพงและใหญ่น่าดูเลย

“แล้วจะเข้าไปตรงไหน ยังไงวะเนี่ย”

แค่วันแรกเขาก็ไปอะไรไม่เป็นแล้ว แบบนี้จะไปรอดไหมเนี่ย

“โทรหาไอ้อินสินะ” จักรหาที่ยืนที่ไม่เกะกะทางเดินแล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าของตนขึ้นมากดเบอร์ที่เจ้าจอมแนบเอาไว้ให้ รอสายสักพักก็มีคนรับ

(สวัสดีครับ)

“อิน...กูอยู่หน้าคอนโดแล้วนะ”

(มาถึงแล้วหรือวะ เข้ามารอด้านในก็ได้ เดี๋ยวกูลงไปรับ) อินทัชบอกมา แต่คนฟังกลับส่ายหน้าไปมาทันทีราวกับว่าอินทัชจะมองเห็นการปฏิเสธนี้

“ไม่เอาอ่ะ กูไม่กล้าหรอก การแต่งตัวของกู ขืนเข้าไปข้างใน พนักงานคงไล่ออกมาอ่ะ”

(คุณเพลิงเขาไม่อบรมพนักงานแย่แบบนั้นหรอกนา)

“กูจะรอข้างนอก มึงรีบมาเลยนะ คนมองกูอย่างกับคนประหลาดอยู่เนี่ย” จักรเร่งอินทัช ทั้งๆ ที่ม่มีใรมองอะไรเขาเลยก็ตามที

(ไอ้เวอร์ เออๆ เดี๋ยวกุลงไป ห้านาที)

“นานไป”

(จะนานก็เพราะมึงไม่วางสายนั่นแหละ)

“งั้นวาง” พูดจบ มือแกร่งก็กดตัดสายที่ปุ่มสีแดงของโทรศัพท์ตัวเองแล้วเก็บเข้ากระเป๋าทันที ทิ้งให้ปลายสายอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ แต่อินทัชก็รีบลงมาหาจักรทันทีเพราะคิดว่าคนที่เดินทางมาเหนื่อยๆ คงอยากจะพักเต็มแก่แล้ว

“ไงมึง ไม่เจอกันตั้งเดือนกว่า ดำเหมือนเดิมนี่หว่า”

“ปากหมาขึ้นนะไอ้อิน แต่...หล่อนี่หว่า” จักรชมพลางใช้สายตามองร่างโปร่งในชุดเรียบๆ ตามฉบับของตน แต่ก็ดูดี ดูแปลกตาจากที่เคยเห็นมาตลอดอยู่ดี

“หึหึ หล่อของกูอยู่แล้ว ตามกูมา จะพาไปห้องของมึง”

“อือ...จริงๆ แล้วเช่าที่เล็กๆ ถูกๆ กว่านี้ให้กูก็ได้นะ กูคิดว่าคงไม่มีปัญญาจ่ายค่าห้องแน่ๆ”

“ห้องฟรีส่วนค่าน้ำ ค่าไฟกูจะหักจากเงินเดือนก็แล้วกัน”

“ทำไมค่าห้องถึงฟรี”

จักรถามขณะที่เดินขนาบข้างไปกับอินทัชเข้าไปยังตัวคอนโดหรู หากแต่อินทัชก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา จักรเลยเดินตามเงียบๆ เพราะเข้าใจว่าอินทัชคงอยากจะให้นั่งคุยกันดีๆ มากกว่ามาเดินคุยกันแบบนี้

“นี่ห้องของมึง เป็นแบบใช้คีย์การ์ดกับรหัสผ่าน ดูกูนะ แล้วจำเอาไว้” อินทัชเปิดประตูห้องให้กับจักร ซึ่งจักรก็มองตามอย่างตั้งใจ จำรหัสผ่านเอาไว้ให้ขึ้นใจเลย

เมื่อสองเท้าพาเขาเข้าไปในห้องที่เรียกว่าคอนโด จักรก็ได้แต่เบิกตากว้างมองไปรอบๆ ห้องด้วยความตกใจปนความสนอกสนใจ

“นี่เป็นห้องของมึง มีสองห้องนอน แล้วก็มีห้องน้ำในตัว ด้านนอกอีกหนึ่งห้อง มีครัว มีห้องนั่งเล่น แล้วก็โซนทำงานให้ ห้องนี้เป็นห้องที่กูซื้อเอาไว้ให้เพื่อนเช่า แต่พอดีเพื่อนกูมันไปทำงานต่างประเทศก็เลยเลิกเช่าไป ที่นี่ก็เลยไม่มีใครอยู่ ส่วนห้องข้างๆ นี้เป็นห้องของกู มึงจะไปหากูก็ได้ เดี๋ยวเย็นนี้ไปกินข้าวกับกูนะ มีเพื่อนอยากแนะนำให้มึงรู้จักเอาไว้”

“ห้องไหน?”

“ห้องข้างๆ นี่ไง ถัดจากห้องมึงนี่แหละ”

“อ๋อ...อิน มึงไม่คิดว่ามันใหญ่ไปสำหรับกูหรือวะ อยู่คนเดียวด้วย” จักรถามเสียงเครียด

“เดี๋ยวก็ชิน กูก็ยังอยู่คนเดียวเลย”

“แล้วทำไมไม่ให้กูอยู่กับมึงวะ ห้องมึงก็น่าจะมีสองห้องนอนไม่ใช่หรือไง” ร่างแกร่งถามอย่างสงสัย

ทั้งๆ ที่อยู่คอนโดเดียวกัน แต่ทำไมต้องแยกห้องกันอยู่

“ห้องของกูเอาไว้เผื่อเพื่อนกูมาค้างไง ส่วนที่ให้มึงอยู่คนเดียวเพราะกูคิดว่าเจ้าจอมหรือขรรค์ก็อาจจะมาเยี่ยม มาหามึงไง”

“เออ...จะพยายามทำตัวให้ชินก็แล้วกัน”

“อ้อ ในห้องนอนของมึงกูเลือกเอาไว้ให้แล้วนะเป็นห้องด้านซ้ายมือ ห้องใหญ่สุด ในนั้นนะมีโซนแต่งตัวต่างหากใกล้ๆ กับห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้ากูเตรียมทั้งชุดทำงานแล้วก็ชุดไปรเวทเอาไว้ให้มึงแล้ว ที่มึงเอามาจะใส่ก็ได้ แต่อย่าใส่ไปข้างนอก เข้าใจนะ” อินทัชทั้งบอกทั้งสั่ง

“นี่มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มึงมีเงินเดือนเยอะเมื่อไหร่กูจะเรียกเก็บเงินจากมึงคืนแน่ๆ ไม่ต้องกังวล” อินทัชพูดดัก เพราะรู้ว่าจักรคงไม่อยากรับของของใครมาแบบฟรีๆ แน่ๆ

ผู้ชายน่ะ ร้อยทั้งร้อยจะเหมือนกันตรงรักศักดิ์ศรีของตัวเองเนี่ยแหละ

“ขอบใจมากนะอิน มึงเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ว่ะ”

“หึหึ ไม่ต้องมายอ กูขนลุก” ทำท่าประกอบไปด้วย

“ไอ้นี่ คนอุตส่าห์ทำซึ้ง” จักรว่า

“ไม่ต้องหรอกน่า ที่ผ่านมามึงก็ช่วยกูมาตั้งเยอะ ถ้าไม่มีมึงนะจักร ป่านนี้กูคงฆ่าตัวตายไปแล้วล่ะ” อินทัชพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงใจ บ่งบอกถึงการขอบคุณอย่างแท้จริง

“กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

“ทำสิ ทำเยอะด้วย เราเลิกคุยเรื่องนี้กันเถอะ” อินทัชเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากที่จะคิดถึงใครบางคนที่เกือบเดือนแล้วที่เขาตัดขาดมันออกไปจากชีวิต

“มึงไม่มีงานเหรอ”

“มี...เดี๋ยวสักพักก็จะกลับห้องไปเคลียร์ต่อแล้วล่ะ คุยกับมึงก่อน เดี๋ยวจะหาว่ากูไม่สนใจ”

“ไม่หรอก มึงไปทำงานเถอะ กูจะสำรวจห้องหน่อย”

“โอเคๆ มีอะไรก็โทรหาแล้วกัน ลืมบอกไป กูเตรียมโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้มึงแล้ว อยู่บนเตียงในห้องนอนนะ ไปลองหัดใช้ดูแล้วกัน”

“ห๊ะ!! เออๆ ขอบใจมาก”

“เอาน่า กูไม่อยากได้ยินคำขอบคุณแล้วล่ะ ไปพักเถอะ กูขอตัวก่อน เดี๋ยวตอนเย็นกุจะมาหาใหม่นะ” อินทัชบอกแค่นั้นก็เปิดประตูห้องของจักรออกไปทันที ส่วนร่างสูงก็ถือกระเป๋าของตนเข้าไปด้านใน เห็นความใหญ่โตของมันก็ชักจะทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหนก่อนดี

“ใหญ่ชะมัด เกิดมาไม่เคยคิดเคยฝันว่าตัวเองจะมีโอกาสได้มาอยู่ในที่แบบนี้”

นี่มันเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีเรื่องที่จักรต้องฝ่าฟันอีกมากมายเลยล่ะ...






100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ครบแล้วจ้า อ่านแล้วเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ^^

พูดคุย สอบถาม ทวงนิยาย ได้ที่แฟนเพจของยูกิเลยค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 100% => (2/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 02-07-2017 22:03:04
ให้กำลังใจจักรนะ สู้ๆ เพื่ออนาคต
ปล.คิดถึงรามเบาๆ แต่คิดถึงธีร์หนักมาก 55+
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 100% => (2/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-07-2017 22:07:51
เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน การให้ใจแก่กันและกัน เรื่องอื่นไม่สำคัญเท่าการให้ใจ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 100% => (2/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-07-2017 22:28:10
 :katai2-1
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 100% => (2/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 02-07-2017 23:09:51
พี่ราม คิดถึง คุณอิน.. ชิมิ..
มาเยี่ยมจักร เร็ว... มาน้องจอมมาด้วยนะ..  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 100% => (2/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Gato88 ที่ 03-07-2017 01:45:40
ฮือออ ตามอ่านจทันแล้ว ชอบมากเลยยยยย

ตอนแรกเคยอ่านแล้ว แต่มีช่วงนึงหายไปแล้วก็ไม่ได้ตาม พอมาเจออ่านย้อนหลังตั้งแต่แรกเลย ชอบมาก รอตอนต่อไปเรื่อยๆนะจ้ะ :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 100% => (2/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 03-07-2017 05:53:05
อินเปนคนดีจริงๆ เสียใจแทนราม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 100% => (2/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-07-2017 01:04:02
 :katai5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 100% => (2/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 04-07-2017 07:38:10
เซอร์ไพส์ข้างห้องอาจเป็นเจ้าจอมก็ได้เนอะ จักร
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 47 100% => (2/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 06-07-2017 23:44:57
 :call:จงมาๆ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 60% => (12/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 12-07-2017 20:15:23
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 48
พิสูจน์ด้วยชีวิต




จากที่แม่ของหมอเงินมาเยี่ยมคราวนั้น อยู่ประมาณอาทิตย์หนึ่งเธอก็กลับไป ผ่านมาเดือนกว่าๆ เงินก็มีสัมมนาที่กรุงเทพหนึ่งอาทิตย์ ขรรค์ก็เลยถือโอกาสลาพักร้อนด้วยเพื่อมาขับรถให้กับคนรัก

แต่จักรกลับต้องพบกับเรื่องหนักใจนั่นก็คือ เขาต้องมาค้างที่บ้านของเงินซึ่งไม่ใช่โรงแรมอย่างที่คิด เพราะฉะนั้นในช่วงที่เงินไปเข้าสัมมนา เขาก็ต้องอยู่ที่บ้านซึ่งมีแม่ของเงินอยู่เลี้ยงหลานตลอดเวลา

บรรยากาศระหว่างเขากับแม่ของเงินมันดีขึ้นก็จริง แต่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกเกร็งๆ อยู่

“ชื่น เอากระเป๋าของคุณๆ ขึ้นไปเก็บที่ห้องของเงินให้หน่อยไป” แม่ของหมอเงินสั่งเด็กรับใช้ในบ้าน

“ค่ะ คุณผู้หญิง”

“แล้วนี่หิวกันไหม จะให้เด็กทำให้กิน” สร้อยหันมาถามลูกชาย แต่ในตัวประโยคก็หมายถึงขรรค์ด้วยเช่นกัน

“ผมกับขรรค์ทานมาแล้วระหว่างทางครับ รอตอนเย็นทีเดียวเลยดีกว่า ตอนนี้น้องรักษ์อยู่ไหนครับ”

“นอนกลางวันอยู่ห้องนั่งเล่นนู่น”

“เสียดาย ต้องรอตื่นก่อนใช่ไหมเนี่ย”

“ก็ทำไมลูกไม่มาแต่เช้าล่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยังมีโอกาสได้นอนกับน้องรักษ์อีกหลายวัน” เงินว่าอย่างไม่สนใจที่มาไม่ทันก่อนลูกชายนอนกลางวัน

ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้พักด้วย

“งานเป็นไปได้ด้วยดีใช่ไหมลูก”

“ก็เรื่อยๆ แหละครับ แต่ช่วงนี้มีคนป่วยเยอะมากเลยครับ อาจจะเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ฤดูหนาว ยังไงแม่ก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ”

“จ้าๆ แม่ดูแลตัวเองตลอดนั่นแหละ”

“แล้วนี่พ่อไปไหนครับ ไม่เจอนานแล้ว คิดถึงมากๆ เลย”

“อยู่โรงพยาบาลสิ จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ถ้าคิดถึงก็โทรหาแล้วก็ไปรับพ่อกลับบ้านสิลูก”

“จริงด้วยสินะครับ งั้นตอนเย็นผมไปรับพ่อดีกว่า”

“จ้าๆ แต่ตอนนี้ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนไป แล้วค่อยพักผ่อน นายก็ด้วย พักผ่อนตามสบายเลย” ประโยคสุดท้ายสร้อยกันมาพูดกับขรรค์ ซึ่งร่างแกร่งก็ยิ้มรับอ่อนๆ

“ครับ”

“โห ได้กลับมาบ้านทั้งที อยู่คุยกับแม่ดีกว่า ส่วนขรรค์จะไปข้างนอกก็ได้นะ เป็นห่วงจักรไม่ใช่หรือไง” หมอเงินถามคนรัก

“ครับ”

“ใครหรือลูก”

“จักรเขาเป็นพี่ที่ขรรค์เคารพน่ะครับ ตอนนี้มาทำงานกับอิน เพื่อนที่ผมบอกว่าเป็นนักธุรกิจน่ะครับ”

“งั้นหรือ...จะไปไหมล่ะ ฉันจะได้ให้คนขับรถพาไป” เธอถามเรียบๆ เหมือนไม่ใส่ใจ แต่นั่นเป็นเพราะทิฐิที่ยังคงมีมากกว่าที่ทำให้เธอยังเสียงแข็งกับขรรค์อยู่

“ไม่เป็นไรครับ ผมขับไปเองดีกว่า”

“ไปถูกหรือ”

“ถูกครับ ผมขับรถในกรุงเทพบ่อย ก็พอรู้เส้นทางอยู่บ้างครับ”

“แล้วจะไปหาที่ไหนล่ะ”

“บริษัท อัมรินทร์ กรุ๊ปน่ะครับ ผมจะไปเยี่ยมจักรกับอินหน่อย” ขรรค์ตอบ

“เอ๊ะ! บริษัทของคุณอิศวรนี่ ตอนนี้ลูกชายของคุณอิศวรเป็นคนดูแลบริหารอยู่นะ” เธอโพล่งออกมา

“แม่รู้จักด้วยหรือครับ” เงินถามอย่างสงสัย

“ก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอกลูก แค่เห็นตามข่าวสังคมบ้างน่ะ”

“นึกว่ารู้จักเป็นการส่วนตัวเสียอีก”

“แล้วเพื่อนของลูกทำแผนกอะไรในบริษัทน่ะลูก เอ๊ะ...แต่เงินบอกแม่ว่าเพื่อนคนนี้เป็นนักธุรกิจนี่ อย่าบอกนะว่า...”

“ใช่ครับ เพื่อนของผมชื่ออินทัช ชยอัมรินทร์ ตอนนี้เป็นผู้บริหารอัมรินทร์ กรุ๊ปน่ะครับ”

“จริงหรือลูก!! ทำไมถึงได้รู้จักคนระดับนี้ได้ล่ะ” เธอเอามือทาบอกอย่างตกใจ แล้วถามลูกชายอย่างคาดไม่ถึงที่ลูกชายตนจะรู้จักคนระดับนี้ได้

“ก็เรื่องมันยาวน่ะครับ แล้วอินก็ไม่อยากให้ผมเล่าให้ใครฟังด้วย ขอโทษนะครับแม่”

“ไม่เป็นลูก แม่ก็ไม่อยากรู้เท่าไหร่หรอก แค่สงสัยที่ลูกจะเป็นเพื่อนกับคนระดับนั้นน่ะ แต่เอ๊ะ! เขาอายุน้อยกว่าลูกไม่ใช่หรือตาเงิน” ถามทันทีเมื่อนึกขึ้นมาได้

“ครับ แต่เราตกลงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเรียกผมสุภาพอยู่ดี แต่อินเขาจะสนิทกับจักรมากกว่าน่ะครับ เลยเอาจักรมาทำงานด้วย”

“ถือว่าลูกมีเพื่อนที่ดีไปนะ”

“ถ้าอย่างงั้นผมขอตัวก่อนะครับ”

“มาให้ทันข้าวเย็นล่ะ ฉันจะทำรอ”

“เอ่อ...ได้ครับ”

“รีบไปเถอะขรรค์ เงินจะอยู่คุยกับแม่ที่นี่แหละ ขับรถดีๆ นะ” เงินพูดกับคนรัก ร่างสูงพยักหน้าแล้วยิ้มให้ก่อนจะลุกออกไปทันที

จริงๆ แล้วจุดประสงค์หลักที่ขรรค์ไปวันนี้เลย เพราะอยากจะให้แม่ลูกได้อยู่ด้วยกันมากกว่า เพราะตอนที่แม่ของเงินไปที่นั่น ก็แทบจะไม่ได้อยู่กับลูกชายเลย แล้วครั้งนี้เงินก็มีเวลาแค่ไม่กี่วัน ถ้าอะไรที่ขรรค์พอจะทำได้ก็ทำ ให้สองแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันเพื่อไม่ให้สร้อยรู้สึกว่าเงินเห็นคนรักดีกว่าตน

จุดประสงค์รองก็คือ รามินทร์วานให้เขารายงานความเป็นไปของอินทัช ขรรค์ก็เลยจำเป็นต้องไปหาอินทัชกับจักร แม้ว่าจะไม่ได้เป็นห่วงจักรอย่างที่บอกก็เถอะ

“เดือดร้อนจริงๆ ตัวเองยังเอาไม่รอด”

ไม่บ่อยนักหรอกที่ขรรค์จะบ่นออกมาแบบนี้ ปกติเขาจะเก็บมันเอาไว้ในใจ


“ขอโทษนะครับ ผมมาพบคุณอินทัชน่ะครับ” ขรรค์เดินเข้าไปแจ้งกับประชาสัมพันธ์ทันทีที่รวบรวมความกล้าเข้าไปด้านในตัวบริษัท ที่พอได้เข้ามากลับรู้สึกใหญ่กว่าที่คิดและใหญ่กว่าที่เห็นจากภายนอกเสียอีก

เรารู้จักคนระดับนี้ได้เพราะคุณรามจริงๆ

“ได้นัดกับท่านไว้หรือเปล่าคะ”

“นัดครับ”

“ขอทราบชื่อด้วยค่ะ”

ต้องถามกันถึงขนาดนี้เลยหรือวะเนี่ย? ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“ขรรค์ชัยครับ”

“คุณขรรค์ชัยนะคะ เชิญได้เลยค่ะ” เธอผายมือไปทางลิฟต์ ซึ่งร่างสูงก็ก้มหน้าให้น้อยๆ เป็นการขอบคุณเธอก่อนที่ตนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์แล้วกดชั้นที่ได้คุยกับอินทัชก่อนหน้านี้มาแล้ว

สรุปแล้วทุกคนก็ติดต่อกับอินทัชอย่างปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่คนที่ถูกตัดขาดออกไป ก็คือรามินทร์ แค่รามินทร์คนเดียวเท่านั้นที่อินทัชไม่ได้ติดต่อด้วย

“มาพบคุณอินทัชครับ”

“ที่นัดไว้ใช่ไหมคะ คุณ...เอ่อ”

“ขรรค์ครับ”

“คุณขรรค์นะคะ รอสักครู่ค่ะ พอดีคุณอินกำลังอ่านสรุปการประชุมอยู่น่ะค่ะ” พูดจบเธอก็ต่อสายตรงหาเจ้านายในห้องว่าขรรค์มาแล้ว ซึ่งอินทัชก็รีบบอกให้เข้าไปทันทีแล้วก็ให้โทรลงไปที่ฝ่ายออกแบบและตกแต่งให้จักรที่กำลังฝึกงานเกี่ยวกับการออกแบบและตกแต่งมาพบที่ห้องด้วย

ไม่นานในห้องทำงานก็พร้อมด้วยทั้งจักรและขรรค์

“มึงเป็นไง สบายดีนะ” จักรถามขรรค์ทันทีที่เห็นหน้าของอดีตเจ้านายและน้องชายที่สนิท

“ก็สบายดีตามที่เห็นแหละพี่ แต่พี่มาทำงานที่นี่ แต่งตัวดูดีนี่หว่า”

“มึงอย่าทักดิ กูอายนะเว้ย” จักรว่า หน้าเข้มๆ แดงขึ้นมาบ่งบอกว่าเจ้าตัวอายจริงๆ ขรรค์ก็ได้แต่หัวเราะน้อยๆ เพราะไม่เคยเห็นว่าจักรจะเขินหรืออายแบบนี้

“แต่ชุดมันดูดี เข้ากับพี่มากๆ เลยนะ ใครเลือกให้”

“ไอ้อินนู่น จัดการทุกอย่าง”

“กูก็แค่อยากให้มึงแต่งตัวดีๆ ก็แค่นั้น แล้วงานเป็นไงบ้างล่ะ”

“ก็ดีนะ แต่มันลำบากที่กูต้องมาหัดใช้คอมฯ เนี่ยแหละ ไอ้คอมฯ ไม่เท่าไหร่นะมึง โปรแกรมเหี้ยอะไรใช้ยากใช้เย็นจังวะ แค่กระดาษกับดินสอทำงานไม่ได้หรือไง” จักรได้ที่บนให้เจ้านายที่เป็นถึงเจ้าของบริษัทฟัง

“เออน่า ฝึกไปเรื่อยๆ มึงก็จะชำนาญเองแหละ คิดไว้ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ว่าแต่นายล่ะขรรค์ ผ่านด่านแม่ยายหรือยัง” อินทัชหันมาถามขรรค์

“ไม่รู้สิ แต่บรรยากาศมันก็ดีขึ้นนะ”

“ฉันว่านะ แม่ของหมอเงินน่ะเลิกคิดจะกีดกันขรรค์แล้วล่ะ แค่ตอนนี้กำลังพยายามปรับตัวเข้าหานายอยู่”

“ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น” ขรรค์พยักหน้าเห็นด้วย

“แล้วนี่คุณรามเป็นยังไงบ้าง คุณจอมล่ะ” จักรถามต่อ

กึก!!

แค่ชื่อแรกก็ทำเอาร่างของอินทัชชะงักได้แล้ว ยอมรับเลยว่าชื่อนี้มีอิทธิพลกับหัวใจเขาสูงมากจริงๆ ตอนแรกคิดว่าเวลาจะช่วยทำให้อินทัชลืม แต่เปล่าเลย มันยังจำเต็มหัวใจ แต่แค่ไม่พยายามนึกถึงเท่านั้นเอง

“คุณจอมก็สบายดี แต่คนที่ไม่สบายคือคุณราม”

ประโยคนี้เรียกความสนใจจากอินทัชได้อย่างทันที

“คุณรามเป็นอะไร”

“ตรอมใจมั้งพี่ วันๆ เอาแต่ทำงานหนัก นี่เห็นจะขยายธุรกิจเยอะแยะเลย คุณรามเริ่มนัดคุยกับเพื่อนเพื่อจะร่วมลงทุนธุรกิจกันแล้วล่ะ”

“ขนาดนั้นเลยหรือวะ”

“อืม...คุณรามกลายเป็นอีกคนไปแล้วล่ะพี่ ไม่ยิ้ม แล้วก็ดุขึ้นด้วย พนักงาน คนงานไม่กล้าเข้าหาเลยพี่”

“น่าสงสารคุณรามเนอะ คนบางคนแถวนี้ก็ทิฐิมาก ทั้งๆ ที่คิดถึงเขาเหมือนกัน แต่ก็ทำเป็นไม่รู้สึกอะไร” จักรได้ทีแขวะอินทัชที่ทำเป็นอ่านเอกสารนิ่งๆ

“เนอะพี่...คนเรามันก็ต้องมีผิดพลาดกันได้บ้างแหละ จะมีใครที่ไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายกันพี่ แค่ทำอยู่ในเลเวลไหนก็เท่านั้นเอง”

“กูเพิ่งเคยเห็นมึงพูดมากและพูดได้ดีก็ครั้งนี้แหละ” จักรแซวแต่ก็เห็นด้วยที่ขรรค์พูด

“ฉันก็พูดตามที่คิด”

“หิวไหม...จะพาไปกิน” อินทัชถามขึ้นมา เพื่อเปลี่ยนเรื่องและเปลี่ยนบรรยากาศ

“กูพักเที่ยงเสร็จแล้วไอ้อิน”

“ส่วนฉันก็กินมาแล้ว รอกินข้าวเย็นฝีมือแม่เงิน”

“เรื่องของพวกมึงละกัน”

“หมอเงินสบายดีนะ” จักรถามต่อ

“สบายดี ไม่มีอะไร”

“เบื่อพวกที่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ดูอย่างกูนะ รักกันดีๆ ก็ต้องมาแยกจากกัน ส่วนบางคู่ ทั้งๆ ที่รู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ก็ยอมเจ็บกันทั้งคู่”

“ความรักเข้าใจยากเนอะพี่”

อินทัชหลับตาสงบสติอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูงทุกครั้งที่โดนพาดพิง ใครไม่รู้ก็โง่มากแล้ว ในห้องก็มีกันอยู่สามคน แต่สองคนนั้นก็ชอบพูดพาดพิงบุคคลที่สาม แล้วบุคคลที่สามนั่นจะเป็นใครถ้าไม่ใช่เขา

จากนั้น ร่างโปร่งก็ได้แต่นั่งอดทนฟังสองคนนั้นพูดคุยกันไม่คิดจะแทรกอะไรขึ้นมา หากแต่เขาก็โดนพาดพิงอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งก็แทบอยากจะลุกขึ้นเดินไปถีบพวกมันคนละที...

...

...

...


วันต่อมา

“ส่งตาเงินถึงที่แล้วใช่ไหม” แม่ของหมอเงินถามร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในตัวบ้านหลังจากที่ขรรค์ส่งคนรักไปสัมมนาแล้ว

“ครับ”

“งั้นก็พาฉันไปซื้อของหน่อยก็แล้วกัน”

“ตอนนี้เลยหรือครับ” ขรรค์ถาม

“ใช่! ทำไม ไม่ว่างงั้นเหรอ” คนอายุมากกว่าแสดงสีหน้าเอาเรื่อง ซึ่งใบหน้าคมก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที

“เปล่าครับๆ ผมว่างครับ”

“รออะไรล่ะ ตามมาสิ”

ขรรค์ทำหน้าที่ขับรถพาสร้อยและคนติดตามไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ที่สำคัญก็กลายเป็นคนเข็นรถเข็นตามหญิงสาวทั้งสองเดินเลือกซื้อของเข้าบ้าน

“ห้าพันหกร้อยแปดสิบแปดบาทเจ็ดสิบห้าสตางค์ค่ะ”

“เดี๋ยวผมจ่ายให้ครับ” ขรรค์อาสาแล้วยื่นบัตรเครดิตของตนที่ไม่ค่อยได้ใช้ไปให้พนักงานแคชเชียร์ทันที ซึ่งแม่ของหมอเงินก็ไม่คิดจะห้ามหรือแสดงท่าทางเกรงใจอะไร ก็แค่ยืนมองร่างสูงคนรักของลูกชายด้วยท่าทางที่เดายาก

“เรียบร้อยแล้วครับ คุณสร้อยจะไปไหนต่อหรือเปล่า”

“อืม...ฉันอยากได้ดอกไม้ ต้นไม้ลงสวนหน่อย”

“อยากไปที่ไหนครับ”

“เดี๋ยวฉันบอกทางก็แล้วกัน”

“ครับ”

เป้าหมายต่อไปคือร้านขายต้นไม้...

ขรรค์ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้แล้วมันก็ไม่ใช่การฝืนใจทำด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างเขาทำไปเพราะเขาจริงใจต่อทั้งแม่ของเงินแล้วก็จริงจังต่อความรักของเขากับหมอเงินด้วย

และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือขรรค์ไม่มีพ่อกับแม่ การที่ขรรค์ได้ทำอะไรให้กับแม่ของคนรักเขาก็รู้สึกเหมือนได้ทำให้กับแม่ของตน...

ถ้าได้เรียกแม่ของเงินว่าแม่ได้ก็คงดี...

“สวัสดีครับคุณสร้อย ไม่เจอกันนานเลยนะครับ วันนี้อยากได้อะไร บอกมาได้เลยครับ” เจ้าของร้านขายต้นไม้เดินเข้ามาถามไถ่ด้วยความสนิทสนม

“เดี๋ยวให้คนนี้เป็นคนเลือกก็แล้วกัน” สร้อยพยักเพยิดมาทางขรรค์

“หน่วยก้านดีนะครับเนี่ย แต่ผมไม่เคยเห็นเลย”

“เพื่อนของตาเงินน่ะค่ะ พามาช่วยเลือกต้นไม้ เขาเก่งเรื่องพวกนี้” สร้อยตอบยิ้มๆ ให้กับเจ้าของร้านต้นไม้ ขรรค์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองคนอายุมากกว่าด้วยความอึ้ง

แค่บอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับเงินก็ไม่น่าเชื่อแล้ว...

“โอ้ งั้นเชิญเลือกได้ตามสบายเลยนะครับ เรียกพนักงานได้ตลอดเวลาเลย ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะ”

“คุณสร้อยจะให้ผมเลือกจริงๆ หรือครับ”

“จริงสิ...หรือว่านายไม่อยาก”

“อยากครับ”

“งั้นก็ไปเลือกได้เลย ฉันจัดสวนใหม่”

“คุณสร้อยอยากได้แบบไหนล่ะครับ”

“เอาตามใจนายเถอะ อ้อ! ฉันอยากให้จัดตรงน้ำตกใหม่ด้วย พอดีจะเอาไว้นั่งอ่านหนังสือน่ะ อยากให้มันดูสวยและร่มรื่นกว่านี้ นายคงเคยเห็นอยู่ใช่ไหม”

“เคยเห็นครับ ผมพอจำได้อยู่ ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปเลือกของก่อนนะครับ คุณสร้อยจะไปรอตรงม้านั่งนั่นก่อนก็ได้ครับ” ขรรค์ว่าพลางชี้ไปยังจุดที่มีม้านั่งอยู่ ซึ่งแม่ของหมอเงินก็ได้แต่พยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะเดินนำคนติดตามไปตรงนั้นแบบไม่พูดไม่จาอย่างเคย ส่วนขรรค์ก็เดินไปเลือกต้นไม้กับของที่ต้องใช้ตกแต่ง


“กลับเลยนะครับ”

“ถ้าเรียบร้อยแล้วก็กลับเลย แต่ก่อนถึงซอยเข้าหมู่บ้าน จอดร้านขนมให้หน่อยนะ ฉันอยากกิน แล้วจะซื้อของโปรดเอาไว้ให้ตาเงินด้วย” สร้อยสั่ง

“ได้ครับ”

ขรรค์ก็ได้แต่ทำตามอย่างเต็มใจ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเรียบนิ่ง แต่มันก็มีความสุขดี อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ถูกกีดกัน ขัดขวางจากแม่ของเงินแล้ว

แต่การยอมรับ นี่มันก็เรื่องหนึ่ง...







60%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาอัพต่อแล้วจ้า มะรืนเจอกันครึ่งหลังนะคะ อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะที่รัก มีอะไรสงสัย สามารถเข้าไปสอบถามยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 60% => (12/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-07-2017 21:29:54
อิจฉาาาาา และดีใจด้วยกับขรรค์นะ / จักรก็ดูภูมิฐานขึ้นเยอะเลย
ส่วนอินนะเหรอ โดนเพื่อนเอาเข็มทิ่มแทงให้เจ็บเล่นๆ ไปก่อนละกัน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 60% => (12/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-07-2017 21:39:17
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 60% => (12/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 13-07-2017 12:37:06
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 60% => (12/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 13-07-2017 19:32:56
 :z13:คู่รองแต่ละคนไปกันได้ดีสุดๆ
คู่หลักนี่หละ
ร่อแร่มากๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 60% => (12/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-07-2017 21:44:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 60% => (12/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-07-2017 23:47:24
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 60% => (12/07/60) P.27 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-07-2017 00:45:29
 :katai2-1:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 100% => (15/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 15-07-2017 23:24:41
ตอนที่ 48 ครึ่งหลัง







ระหว่างที่ขรรค์ยืนรอแม่ของหมอเงินกับคนสนิทซื้อขนมอยู่ห่างๆ นั้น ชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ๆ สามคนก็เดินเข้าไปหาสร้อยเหมือนกับรู้จักกัน แต่ขรรค์ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะเขาไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจอะไรจากภายนอก แม้ว่าสามคนนั้นจะดูเป็นนักเลงหัวไม้ก็ตามที

แต่แล้วขรรค์ก็ต้องขมวดคิ้วแน่นที่เห็นว่าสามคนนั้นพยายามบังคับให้สร้อยกับคนสนิทออกจากร้านขายขนมไทยโดยท่าทางของสร้อยไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด ขรรค์เห็นทีท่าว่าจะไม่ดีก็เลยตามไปดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าไปแสดงตัวเลยแต่อย่างใด เพราะถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีขึ้นมา อาจจะซวยกันทั้งสามคนก็ได้

“ก็ฉันบอกพวกแกแล้วไงว่าฉันจ่ายได้แค่เดือนละหนึ่งหมื่น” สร้อยพูดเสียงเครียด

“มันน้อยเกินไปหรือเปล่าเจ๊ ขนาดผ่อนรถยนต์สี่ปียังงวดละหมื่นสองกว่าเลย เถ้าแก่ไม่ได้ใจดีขนาดนั้นเจ๊ก็รู้ จ่ายเดือนละหมื่นแล้วเมื่อไหร่จะใช้หนี้หมด ไหนจะดอกอีก บ้านเจ๊ก็ออกจะรวย เอามาจ่ายให้มันหมดๆ เรื่องๆ ไปดีกว่า” หนึ่งในสามคนนั้นพูดแกมบังคับ

“ถ้าฉันทำได้ก็ทำนานแล้วล่ะ พวกแกไม่คิดบ้างหรือไงว่าถ้าสามีกับลูกชายฉันรู้ ฉันคงโดนโกรธตายเลย”

“นั่นมันก็เรื่องของคครอบครัวเจ๊ แต่ที่เจ๊ติดหนี้เห้าแก่น่ะ เจ๊ต้องคืน ภายในเดือนนี้!!”

“แกจะบ้าหรือไง!! เงินมากมายขนาดนั้นฉันจะไปหามาจากไหน”

“เงินของสามีเจ๊ที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล กับลูกชายที่เป็นนายแพทย์ ฉันว่ามันก็น่าจะเยอะกว่าหนี้บวกดอกเบี้ยอีกนะเจ๊ เอาน่า ก็แค่โดนโกรธ ก็ดีกว่าโดนซ้อมเยอะนะเจ๊”

“นี่แกกล้าทำผู้หญิงเลยเหรอ?”

“อ้าว? ก็มันเป็นหน้าที่นี่เจ๊ ยังไงวันนี้ฉันสามคนขอสักหมื่นหนึ่งนะเจ๊ ค่าช่วยต่อชีวิตเจ๊จนถึงสิ้นเดือนไง”

“อะไรกัน!! นี่ฉันเป็นหนี้เจ้านายแกยังไม่พอ ต้องให้ฉันเอามาให้พวกแกอีกเนี่ยนะ มันจะเกินไปหรือเปล่า ฉันจะแจ้งตำรวจ” สร้อยพูดขู่ออกมา แต่ดูเหมือนว่าคำขู่นั้นจะไม่ได้ผล เพราะทั้งสามคนหยิบปืนขึ้นมาขู่สร้อยคืน ขรรค์ที่แอบดูอยู่ก็ไม่รู้จะเข้าไปยังให้รอดพ้นดงกระสุนปืน

แกร๊ก!!

“ก็ถ้าคิดว่าจะมีชีวิตกลับไปแจ้งตำรวจล่ะนะ แต่ถึงแจ้งไป ก็ทำอะไรเถ้าแก่ไม่ได้อยู่ดี”

“พ่ะ พวกแกนี่มัน”

“อ้าว? ว่าไงเจ๊ ถ้าเจ๊ไม่ให้ล่ะก็ พวกฉันจะไปบอกเถ้าแก่ว่าเจ๊จะไม่จ่ายด้วยนะ ก็เอาสิ ถ้าอยากให้เถ้าแก่ไปทวงกับสามีและ...ลูกชายเจ๊กับตัว” พวกมันสามคนหัวเราะอย่างคนเหนือกว่า มือก็ถือปืนอยู่อย่างนั้นจนสร้อยกับคนสนิทไม่กล้าขยับตัววิ่งหนี

“เลวจริงๆ”

ขรรค์ค่อยๆ เดินย่องไปทางด้านหลังของพวกมันสามคน เพราะอย่างน้อยตัวเขาก็สูงใหญ่ แรงก็เยอะยังไงก็ต้องต่อกรกับสามคนได้สักระยะล่ะนะ และนั่นก็คงจะพอสำหรับที่จะถ่วงเวลาให้ผู้หญิงหนีไปก่อนได้

ร่างสูงหยิบไม้ที่มันอยู่แถวๆ นั้นมาเป็นอาวุธ แล้วเพราะพวกมันไม่คิดจะสนใจด้านหลัง เขาก็ฟาดเข้าเต็มๆ ที่ท้ายทอยของคนตรงกลางจนสลบคาที่ไป เหลือสองคนที่หันมามองเขาทันที

ผัวะ!!!

“โอ๊ย!!!”

“ขรรค์!!!” สร้อยอุทานชื่อของร่างสูงใหญ่เสียงดังด้วยความตกใจ และก็ดีใจที่ได้เห็นขรรค์ในตอนนี้ที่สุด อย่างน้อยเธอก็อุ่นใจที่มีขรรค์อยู่ตรงนี้ แม้ว่าคนเดียวจะเสียเปรียบก้ตาม

พรึ่บ!!

สองคนที่เหลือหันกระบอกปืนใส่ขรรค์ทันทีตามสัญชาตญาณการป้องกันตัว ร่างสูงจึงยืนนิ่งๆ ไม่ขยับตัวเพราะกลัวว่าปืนจะลั่น

“เฮ้ย! มึงเป็นใครวะ”

“ไอ้สังข์ อย่าตายนะเว้ย! มึงอยากตายมากใช่ไหมฮะ ไม่รู้หรือไงว่าพวกกูเป็นใคร”

ขรรค์ที่โดนปืนสองกระบอกจ่ออยู่ก็ได้แต่ยืนนิ่ง ยังไงก็แล้วแต่ต้องรอให้สร้อยกับคนสนิทหนีออกไปจากตรงนี้ให้ได้ก่อน เขาถึงจะกล้าทำอะไรได้

“ก็แล้วไง กูเห็นพวกมึงกำลังรังแกผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่พวกพวกมึงอยู่ กูก็ต้องเข้ามาช่วยสิวะ กูไม่ใช่เดนนรกแบบพวกมึงนี่” ต่อให้เป็นรอง แต่ปากของเขาก็ทำงานได้ดี

“ไอ้เหี้ยนี่วอนหาที่ตาย”

ขรรค์ส่งสายตาบอกให้แม่ของหมอเงินหนีไป หากแต่เธอก็ไม่คิดจะทิ้งให้คนรักลูกชายอยู่ตรงนี้คนเดียว เพราะถ้าหากขรรค์เป็นอะไรไป เธอก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกชายกับคนรักต้องพลัดพรากจากกันเป็นครั้งที่สอง

เธอไม่อยากจะทำผิดซ้ำสองอีกแล้ว

ไม่อยากทำ และจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว...

“มึงมองอะไรวะ” ทั้งสองคนหันไปด้านหลังตามสายตาของขรรค์ และในจังหวะนี้ขรรค์ก็เลือกที่จะโจมตีโดยฟาดสันมือที่ท้ายทอยของคนที่ใกล้ที่สุดจนสลบคาที่ไปอีกคน แล้วใช้ความเร็วไปประกบมือของคนที่เหลืออยู่ยกขึ้นไปบนฟ้าป้องกันไม่ให้กระสุนปืนมาทางตน

“เฮ้ย!!”

ปัง!! ปัง!!

สองนัดถูกยิงขึ้นไปบนฟ้าท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของหญิงสาวทั้งสอง

กรี๊ด!!!

“หนีไปครับคุณสร้อย ทางนี้ผมจัดการได้” ขรรค์ตะโกนบอกเสียงเครียด เพราะแรงขัดขืนของชายคนนี้ไม่ได้ธรรมดา กลัวว่าจะต้านไม่ไหวเอา

“อยากลองดีมึงก็ไปเลยอีสร้อย”

“หนีไปสิครับ แล้วแจ้งตำรวจด้วย”

“เฮอะ!! มึงคิดว่าตำรวจจะทำอะไรพวกกูได้หรือไง”

“ได้ไม่ได้ก็ต้องลองดู ไปสิครับคุณสร้อย!!” ขรรค์สั่งเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าแม่ของคนรักกำลังยืนด้วยความลังเล ไม่กล้าที่จะขยับตัว

“ด่ะ ได้”

“กูไม่ยอมหรอกเว้ย!!”

พลั่ก!!!

ขรรค์ถูกถีบเข้าเต็มแรงที่หน้าท้องจนทำให้เขาไม่สามารถที่จะบังคับกระบอกปืนนั้นได้แล้ว ขรรค์กุมหน้าท้องด้วยความเจ็บและจุก

“จะไปไหนอีแก่” ปลายกระบอกปืนหันไปยังสร้อยที่หันหลังเตรียมวิ่ง หญิงอายุมากชะงักตัวอยู่กับที่ ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความกลัว หลับตาปี๋เพราะไม่รู้ว่ากระสุนจะผ่านร่างของตนเมื่อไหร่

“ถ้าขยับอีกก้าวมึงตายแน่ๆ”

“คุณสร้อยหนีไปครับ”

“มึงหุบปากไป ถ้าไม่อยากตาย!!” มันหันมาข่มขู่ขรรค์ต่อ จนตอนนี้คนที่เป็นต่อยังคงเป็นฝ่ายที่มีปืน ขรรค์ที่กำลังจุกก็ได้แต่เครียดคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับสถานการณ์แบบนี้

“เชื่อผม!! คุณสร้อยจะไม่เป็นอะไร”

“ไม่เป็นไรห่าอะไร ก็ตายทั้งสามคนนั่นแหละ เฮ้ย!! นังผู้หญิงอีกคนหายไปไหนวะ!! อย่าบอกนะว่าหนีไปได้ พวกมึง!!! แสบนักนะ...”

เมื่อมันรู้ว่าคนสนิทของสร้อยไม่อยู่ตรงนี้เพราะล่วงหน้าไปแจ้งความก่อนแล้วก็ได้แต่โกรธ ปลายกระบอกปืนเล็งไปที่สร้อยอีกครั้ง และคราวนี้มันเหนี่ยวไกพร้อมยิง ขรรค์เห็นท่าไม่ดีก็รีบฝืนตัวเองวิ่งไปสุดแรงแล้วใช้ร่างกายที่ใหญ่โตของตนเป็นโล่บังกระสุนให้กับแม่ของคนรัก

ปัง!!

“กรี๊ดดดดดดด!!!”

เสียงกรีดร้องของสร้อยดังลั่นเมื่อหันมาเห็นว่าขรรค์นอนคว่ำอยู่ที่พื้น กลางหลังเต็มไปด้วยเลือดจนเธอทำอะไรไม่ถูก ส่วนคนที่ยิงก็ไม่คิดจะอยู่ให้โดนจับได้อยู่แล้ว เพราะมันพลาดโดนคนที่ไม่ใช่เป้าหมายเสียได้ แล้วคนทวงหนี้ก็ไม่ได้จะยิงสร้อยให้ตายเพียงแค่จะข่มขู่ให้เจ็บตัวเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

“ขรรค์...อย่าเป็นอะไรนะ ทำไงดี ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่า!!!!”


หน้าห้องฉุกเฉิน

“ขรรค์!!! แม่ครับ ขรรค์เป็นยังไงบ้าง แล้วโดนอะไร ทำไมถึงต้องเข้าห้องฉุกเฉินครับ” หมอเงินที่มาถึงโรงพยาบาลแล้ววิ่งเข้าไปหาแม่ของตนที่นั่งกระสับกระส่ายเป็นกังวลอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ถามคนเป็นแม่ด้วยความร้อนอกร้อนใจและเป็นห่วงคนในห้องฉุกเฉิน

ตอนที่คนสนิทของแม่โทรไปบอกเขา เงินก็ยังไม่รู้หรอกว่าขรรค์เป็นอะไร เพราะสร้อยรู้ดีว่าลูกชายต้องหุนหันพลันแล่นออกมาแล้วอาจจะประสบอุบัติเหตุไปอีกคนก็ได้

“แม่ขอโทษนะลูก ฮึก...แม่เป็นต้นเหตุทำให้ขรรค์ต้องเจ็บตัว”

“ขรรค์เป็นอะไรครับแม่” ถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ใจหลุ่นวูบไปหมดแล้ว เพียงเพราะเห็นอาการของแม่

“ฮึก...ขรรค์ ข่ะ ขรรค์โดนยิง”

“ว่ะ ว่าไงนะครับ โดนยิง” เงินพึมพำอย่างหมดแรง หัวใจแทบแตกสลายเมื่อรู้ว่าคนรักโดนอาวุธร้ายแรงทำร้ายมา ร่างโปร่งทรุดตัวกับพื้นอย่างหมดแรง จนคนเป็นแม่ต้องลงมากอดปลอบลูกชาย

เพราะเธออีกแล้ว...

นี่เธอเป็นแม่ภาษอะไร ทำไมถึงทำให้ลูกชายเพียงคนเดียวเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนี้ไป เธอจะกล้าเรียกตัวเองว่าแม่ได้อยู่อีกหรือ...

“ท่ะ ทำไมล่ะครับ ฮึก แม่ครับ ขรรค์ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม” ดวงตาที่มักจะเข้มแข็งกล้าหาญของเงิน เวลานี้กลับดูอ่อนแอและหวาดกลัวเหลือเกิน

“แม่ขอโทษ ฮึก เป็นเพราะแม่ เป็นเพราะแม่เอง ฮึก แม่ขอโทษนะตาเงิน”

“ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะครับ แม่จะขอโทษผมทำไมครับ” แต่เงินก็คือเงิน ต่อให้ตัวเองจะเหนื่อยลา อ่อนแรง และเจ็บปวดแค่ไหน ก็ไม่คิดจะทำให้คนเป็นแม่ต้องรู้สึกไปดีไปกับตน

แต่เงินไม่รู้เลยว่า ความกลัวของเงินไม่สามารถปกปิดได้มิดแล้ว...

คนเป็นแม่พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของลูกชาย ส่วนหมอเงินเงยหน้าขึ้นมองเพดานเพื่อห้ามไม่ให้น้ำตาตัวเองไหลต่อหน้ามารดา

ถ้าเขาอ่อนแอ แม่ก็อ่อนแอ แล้วเราจะพึ่งใครได้...

สร้อยร้องไห้จนหมดสติไป จนต้องให้พยาบาลนำไปปฐมพยาบาลโดยด่วน จนตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียวที่รออยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างมีความหวัง

“อาหมอ...อาหมอ ขรรค์เป็นไงบ้างครับ เขาไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมครับอาหมอ” เมื่อร่างโปร่งเห็นหมอออกมาจากห้องฉุกเฉินเขาก็รีบเข้าไปถามไถ่อย่างร้อนใจ

“ใจเย็นๆ นะหมอเงิน...ฟังอา”

“เขาปลอดภัยใช่ไหมครับอาหมอ” เงินถามเสียงเครือ จนคนเป็นอาอดสงสารไม่ได้

“อาผ่าตัดเอากระสุนออกให้แล้วล่ะ แต่คนไข้ หัวใจหยุดเต้นไปสามครั้งเพราะมันโดนอวัยวะสำคัญ ใกล้กับหัวใจด้วย ตอนนี้หัวใจกลับมาเต้นเหมือนเดิมแล้วก็จริง แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ อาคงต้องให้อยู่ในห้องไอซียูไปก่อนนะหมอเงิน”

ได้ยินแบบนั้นแล้ว เงินแทบจะทรุดอีกครั้ง

“อาหมอช่วยเขาด้วยนะครับ ผมขอร้อง...ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีขรรค์”

หมอได้แต่ลูบผมของหลานสายเลือดเดียวกันด้วยความเวทนา หลานชายคนนี้ไม่เคยได้รับความสุขกับเขาเลย ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้อีก...

“อาจะพยายามให้สุดความสามารถเลย หมอเงินเชื่อใจอานะ”

ความจริงหมออยากจะบอกให้หลานชายทำใจเผื่อเอาไว้ด้วย แต่คงไม่ต้องบอก เงินก็ต้องรู้อยู่แก่ใจว่า อาการแบบนี้มันก็ห้าสิบห้าสิบที่จะรอดและไม่รอด...

“ครับ”

“จะเข้าไปดูหน่อยไหม หมอเงินเข้าไปได้นะ กำลังเตรียมพาไปที่ไอซียูน่ะ” ร่างโปร่งส่ายหน้าปฏิเสธอาทันที

ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วง แต่เงินไม่อยากเห็นสภาพของคนรักตอนนี้...เขากลัวว่าพอเห็นอาการ เปอร์เซ็นต์ความหวังของเขาอาจจะลดลงก็ได้

แน่ล่ะ ก็เขาเป็นหมอ...ที่สามารถวินิจฉัยอาการได้ทันทีที่เห็น เงินกลัว...กลัวรับไม่ได้...

“ไม่ล่ะครับ”

“งั้นอาขอตัวก่อนนะ ส่วนเพื่อนของเรา มีพยาบาลคอยดูแลใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลาไม่ต้องเป็นห่วงนะ แล้วก็พักผ่อนบ้างนะลูก”

“ขอบคุณครับอาหมอ” หมอเงินยกมือไหว้ขอบคุณและไหว้ลาคนที่มีศักดิ์เป็นอาของตน  มองประตูฉุกเฉินที่ยังไม่มีวี่แววว่าร่างคนรักจะถูกเคลื่อนออกมา เงินไม่อยากเห็นเลยเลือกที่จะเดินไปหาแม่ของตนที่ตอนนี้นอนพักอยู่ในห้องเดี่ยววีไอพีเพราะมีภาวะช็อก

“พี่จิตกลับไปพักผ่อนเถอะครับ”

“ค่ะคุณเงิน เอ่อ...แต่สักพักตำรวจจะมาขอสอบปากคำที่นี่ ให้พี่อยู่ก่อนดีไหมคะ”

“สอบปากคำ?”

“ค่ะ ก็ที่พวกทวงหนี้จะยิงคุณผู้หญิงแต่คุณขรรค์มาบังกระสุนเอาไว้น่ะค่ะ”

“พวกทวงหนี้?” คิ้วสวยขมวดกัน ตกใจที่เป้าหมายคือแม่ และก็สงสัยว่าใครคือพวกทวงหนี้ แม่ของเขาไปติดหนี้อะไรใครมา

จะเป็นไปได้อย่างนั้นเหรอ ทุกวันนี้แม่ก็ได้เงินจากทั้งเขาและก็พ่อไม่น้อยเหมือนกัน...

“ค่ะ...” เธอทำท่าตกใจที่เหมือนหลุดความลับบางอย่างออกมา หลบสายตาหมอเงินไปมองร่างของเจ้านายที่

“เล่ามาครับ ให้ละเอียดเลย” ร่างสูงโปร่งนั่งลงบนโซฟาแล้วสั่งคนสนิทของแม่ด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่เครียดแล้วก็จริงจังที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน






100%
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

อัพต่อครบแล้วนะคะ อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่า มีอะไรก็ไปพูดคุยกับยูกิได้ที่เพจ Sawachi Yuki ได้เลยนะคะ

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 100% => (15/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-07-2017 23:42:30
เฮ้อออ สงสารขรรค์กะหมอเงิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 100% => (15/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-07-2017 01:33:03
 :katai5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 100% => (15/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-07-2017 09:29:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 100% => (15/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 16-07-2017 11:24:16
ไม่น้าาา
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 100% => (15/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-07-2017 11:59:38
อย่าเป็นอะไรมากนะ ใจไม่ดี
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 100% => (15/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 16-07-2017 12:12:17
โอ้ยยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 48 100% => (15/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 18-07-2017 12:02:44
อ้าว ขรรค์
ซ่ะงั้นอะ
รีบฟื้นเร็ว
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 50% => (24/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 24-07-2017 19:19:25
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 49
โหยหา เรียกร้อง




“พี่รามๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้วฮะ!!! พี่ขรรค์โดนยิง”

เจ้าจอมพรวดพราดเข้ามาในบ้านของพี่ชายที่ตอนนี้กำลังเตรียมจะออกไปทำธุระข้างนอกแต่เมื่อได้ยินน้องชายบอกว่าขรรค์โดนยิงเขาก็ต้องถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ทั้งๆ ที่สีหน้าตอนนี้ของรามินทร์มันเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“ว่ายังไงนะจอม เมื่อกี้พี่ได้ยินผิดไปใช่ไหม”

“ไม่ผิดหรอกฮะ พี่หมอโทรมาบอกจอมเมื่อกี้แหละ นี่จอมก็รีบวิ่งมาเลย”

“แล้วเป็นไงบ้าง มันเป็นยังไงบ้างจอม”

“พี่หมอบอกว่า...ห้าสิบห้าสิบ ต้องรอดูอาการก่อน เพราะกระสุนโดนอวัยวะสำคัญ”

รามินทร์หลับตาลงทันทีด้วยความเครียด

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”

“พี่รามจะไปกรุงเทพไหมฮะ”

“ไปสิ พี่จะยกเลิกนัดทั้งหมดเลย จอมจองตั๋วเครื่องบินด่วนเลยนะ” ร่างสูงสั่งน้องชาย “พี่จะไปเตรียมของก่อน คงต้องอยู่กรุงเทพหลายวัน” เจ้าจอมพยักหน้า

“งั้นจอมก็จะไปเก็บของด้วยนะครับ”

“อย่าลืมตั๋วล่ะ”

“ไม่ลืมฮะ จอมขอตัวก่อนนะครับ”

สองพี่น้องรีบแยกย้ายกันไปเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมไปอยู่ที่กรุงเทพเพื่อเยี่ยมขรรค์แล้วก็จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับลูกน้องคนสนิท ไม่ต้องสงสัยว่ารามินทร์เครียดแล้วก็กังวลมากขนาดไหน ขรรค์เป็นเหมือนเพื่อนของรามินทร์ ที่ไม่ว่าเขาจะกังวลอะไรอยู่ ขรรค์เป็นคนที่รับฟังเขาทุกเรื่อง

ถ้าหากว่าขรรค์เป็นอะไรขึ้นมา...เขาคงทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียเพื่อนคนสำคัญไป


“เป็นไงบ้างครับหมอเงิน ขรรค์ปลอดภัยหรือยัง” ร่างสูงที่มาถึงโรงพยาบาลก่อนเจ้าจอม เพราะเจ้าจอมกำลังเอากระเป๋าสัมภาระไปเก็บที่โรงแรมก่อนแล้วจะตามมาอีกที

รามินทร์เห็นหมอเงินไม่ทันได้ทักทายก็ถามถึงขรรค์อย่างเป็นห่วง หมอหนุ่มที่ตอนนี้มีสภาพอิดโรยราวกับคนที่ไม่ได้พักผ่อน ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่เมื่อวานที่เกิดเรื่องจนวันนี้หมอเงินก็ยังไม่ได้นอนเลยแม้แต่นาทีเดียว

ใครจะไปหลับได้ คนรักของตนยังอาการหนักอยู่แบบนั้น

“ดีขึ้นกว่าเมื่อวานแล้วครับ แต่ก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย อาหมอบอกว่าวันนี้น่าจะดีขึ้นอีกครับ เพราะร่างกายของขรรค์ไม่ปฏิเสธยา และไม่มีผลข้างเคียงอะไร”

“กี่นัดครับ”

“สองนัดครับ”

“ผมอยากรู้สาเหตุ หมอเงินสะดวกที่จะเล่าไหม”

ร่างสูงโปร่งพยักหน้าน้อยๆ แม้ว่าตนไม่อยากจะคิดเรื่องพวกนี้อีกแต่มันก็เลี่ยงอะไรไม่ได้

“เชิญที่ห้องพักของแม่ผมเลยครับ ตอนนี้ท่านหลับอยู่ เราคงไม่ไปรบกวนเท่าไหร่” หมอเงินพูดแล้วนำร่างแกร่งของรามินทร์ไปที่ห้องพักผู้ป่วยที่แม่ของตนกำลังนอนรักษาอยู่ทันที

และเมื่ออยู่กันตามลำพังหมอเงินก็เล่าที่มาที่ไปของเรื่องให้รามินทร์ฟังทันที เพราะสาเหตุมันมาจากการที่แม่ของเขาเล่นการพนันแล้วไปติดหนี้พวกบ่อน แล้วแม่ก็ไม่อยากให้พ่อกับเขารู้เลยเลือกที่จะปิดบังแล้วจ่ายหนี้เดือนละหมื่นหักจากเงินประจำเดือนที่ตนเองจะได้ครึ่งหนึ่ง แต่หนี้มันเยอะมากเกินไปพวกมันไม่ยอมเลยมาขู่บ่อยๆ

ไม่คิดเลยว่า แม่ของเขาจะเล่นการพนันด้วย...

หมอเงินผิดหวังมาก แต่ก็ต้องทำความเข้าใจ...

“หมอเงินทำยังต่อไปครับ ได้ให้ปากคำกับตำรวจหรือเปล่า”

“ผมไม่รู้ครับ ไม่รู้ว่าถ้าพูดเรื่องนี้ไป แม่ของผมจะมีความผิดหรือเปล่า เพราะท่านเล่นการพนัน”

“พอจะทราบไหมครับว่าหนี้ทั้งหมดเท่าไหร่”

“ทำไมหรือครับ” หมอเงินทำหน้าสงสัย

“ถ้าเป็นเรื่องเงินผมสามารถช่วยได้นะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณราม เงินของผมก็พอจะมีใช้หนี้อยู่ แต่ปัญหาคือผมอยากจะให้พวกมันได้รับผิดในสิ่งที่มันได้ก่อเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะจับได้สองคน แต่สองคนนี้ถูกขรรค์ทำให้สลบไปก่อนที่จะมีการยิง พวกนั้นก็เลยโดนข้อหา พกปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต เจตนาข่มขู่เท่านั้นครับ แต่คนที่ยิง มันยัง...” รามินทร์ไม่เคยเห็นหมอเงินทำหน้าโกรธแค้นมาก่อน แต่ถ้าเป็นเขา เขาก็คงจะแค้นมากเหมือนกัน

“จับไม่ได้สินะครับ”

“ครับ...เส้นมันใหญ่ คงจะโดนคุ้มกะลาหัวอยู่แล้ว แล้วสองคนที่จับได้ ก็คงถูกปล่อยตัวเร็วๆ นี้”

รามินทร์เข้าใจความรู้สึกของหมอเงินนะ

เข้าใจมากๆ เลยด้วย

“ผมเข้าใจหมอเงินนะครับ” เป็นประโยคที่ทำให้หมอเงินเม้มปากแน่น เพราะกำลังรู้สึกอยากหาที่พักพิง อยากจะมีคนที่เขาสามารถแสดงความอ่อนแอให้เห็นได้ แต่นอกจากขรรค์แล้ว มันไม่มี...

ไม่มี...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ใครมานะ” หมอเงินกับรามินทร์มองไปที่หน้าประตูห้องเพื่อรอดูว่าใครมา แต่เมื่อเห็นคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง ร่างแกร่งถึงกับลมหายใจชะงัก ร่างแข็งทื่อ ในขณะที่คนมาใหม่เองก็ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม่ต่างกัน ทั้งสองมองตากันนิ่งๆ เหมือนความรู้สึกอะไรบางอย่างมันทำให้เราสองคนต้องมองหน้ากันอยู่แบบนั้น

เดือนกว่าๆ แล้วสินะ...

“หยุดทำไมวะไอ้อิน เข้าไปสิ เกะกะทางกูจริงๆ ไม่เห็นเหรอว่ากูถือของเยี่ยมเต็มไม้เต็มมือเนี่ย” เสียงของคนที่เขาไม่คุ้นเคยดังเข้ามา หากแต่ยังไม่เห็นหน้าเลยไม่รู้ว่าอินทัชมากับใคร

“อ่ะ เออ...” ร่างโปร่งเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย หมอเงินเลยลุกเดินไปหาเพื่อต้อนรับแขก

“สวัสดีครับ...ผมธีร์ เราเคยเจอกันแล้วนี่ครับที่เพชรบูรณ์ นี่ของเยี่ยมไข้คุณแม่กับของขรรค์ครับ” ธีรไนยยื่นกระเช้าผลไม้สองกระเช้าให้กับหมอเงิน

“ขอบคุณนะครับ จริงๆ แล้วแค่มาผมก็ดีใจแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ธีรไนยยิ้มอ่อนๆ

“อิน...เมื่อวานก็มาแล้ว ที่จริงวันนี้ก็ไม่ต้องมาก็ได้นะครับ” หมอหนุ่มที่เอาของเยี่ยมไปเก็บเรียบร้อยแล้วเดินมาพูดกับอินทัชที่ตอนนี้พยายามเมินสายตาคมที่จ้องมองไม่วางตาจากรามินทร์สุดๆ

“ไม่ได้หรอกครับ ผมรู้ว่าหมอต้องการเพื่อนที่สุด”

มันยังใส่ใจคนอื่นเหมือนเดิม และก็เมินเขา...

ทำเหมือนไม่รู้จักกันจริงๆ สินะ

“อ้าว? มีแขกเหรอครับ หืม...มิน่าล่ะ มึงถึงไม่อยากจะเข้ามา สวัสดีครับคุณรามินทร์” ธีรไนยยิ้มทักทายรามินทร์เมื่อเห็นว่าร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ในห้องด้วย รูปประโยคเหมือนจะทักทายอย่างเป็นมิตร แต่น้ำเสียงกับดวงตาไม่ได้เป็นไปตามนั้นเลย

รามินทร์เองก็เข้าใจปฏิกิริยาแบบนี้ เลยได้แต่ทำหน้านิ่ง ยืนขึ้นทักทายกลับ

“สวัสดีครับคุณธีร์”

“ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน” ธีรไนยบอก ทำเอาอินทัชเอื้อมมือมาสะกิดเพื่อนสนิททันที “มึงหยุดไปเลยไอ้อิน กูไม่ตามฆ่ามันตามที่มึงต้องการก็เกินพอแล้ว นี่มันมาอยู่ตรงหน้า ขอกูเคลียร์หน่อยเถอะ...มึง!! ตามกูมา!!” ประโยคสุดท้ายหันมาสั่งรามินทร์ด้วยความโมโหจนถึงกับเปลี่ยนสรรพนามการเรียกที่หยาบคายขึ้น

“ไอ้ธีร์”

“คุยอย่างเดียว กูสัญญา”

อินทัชที่ได้ยินคำพูดแบบนั้นก็ยอมปล่อยมือเพื่อนรัก ก่อนที่ธีรไนยจะเดินนำออกจากห้องไป โดยมีรามินทร์เดินตามไป แต่ในจังหวะที่เดินผ่านอินทัช ร่างสูงมองใบหน้าสวยหวานด้วยความคิดถึง สูดกลิ่นหอมจากกายบางให้เต็มปอดที่สุด ราวกับว่านี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้เห็น ได้อยู่ใกล้กับอินทัช


“จะดีหรือครับ ปล่อยเขาไปแบบนั้น คุณธีร์เหมือนจะโกรธๆ นะครับ เขารู้ความจริงหมดแล้วหรือ?” หมอเงินถามอินทัชที่มองไปที่ประตูอย่างกังวล ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ทำเป็นเก่งมองเมินไม่สนใจ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็เป็นห่วงเพราะธีรไนยมีนิสัยเลือดร้อน

“ครับ...ผมเล่าให้มันฟังหมดแหละครับ”

“ไม่เป็นห่วงคุณรามหรือ”

“ทำไมผมต้องห่วงมันด้วยล่ะครับ”

“เพราะอะไร...อินก็รู้อยู่แก่ใจนะครับ อินครับ ผมไม่ได้จะเข้าข้างคุณรามนะ แต่ผมพึ่งจะมาเข้าใจความรู้สึกของคุณรามก็ตอนที่ขรรค์โดนยิงนี่แหละครับ ผมโกรธ ผมโมโห ผมแค้นคนที่ยิงขรรค์มาก ขนาดที่คิดอยากจะจับมันมายิงคืนบ้างเลย...กรณีที่คุณรามทำไป นั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้ความจริง และเขาก็แค่รักน้องมากเกินไป”

“หมอกำลังจะพูดอะไร”

“อย่าให้มันสายเกินไปนะครับ ขนาดผมกับขรรค์เรารักกันดี ยังเกิดเรื่องแบบนี้เลย...” เสียงของหมอเงินสั่นเครือจนอินทัชต้องเดินเข้าไปสวมกอด

เรากอดปลอบกันเหมือนเดิม แต่สลับบทบาทกัน

“พักบ้างนะหมอ...ขรรค์มันเป็นคนดี คนดีพระคุ้มครองนะหมอ เชื่อในความดี อย่าเชื่อว่าแก้แค้นแล้วจะดี”

“ขรรค์จะอยู่กับผมใช่ไหมอิน จะอยู่จนแก่ไปด้วยกันใช่ไหม”

“ใช่แล้วหมอ...หมอเคยบอกว่าผมพูดอะไรก็ถูกทั้งหมดใช่ไหม หมอฟังผมนะ...พรุ่งนี้...พรุ่งนี้ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับหมอ...” ต่อให้มันจะเป็นเรื่องโกหก แต่เพื่อความสบายใจของเพื่อนคนนี้ อินทัชก็ยอมกลายเป็นคนพูดโกหก

“จริงๆ นะ...อึก”

“ครับ”

ขรรค์...นายรีบตื่นขึ้นมาได้แล้ว คนรักของนายทุกข์ใจจนจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม...

...

...

...


พอได้เจออย่างที่หวัง ก็รู้สึกอยากจะโอบกอดให้หายคิดถึง อยากแสดงความรัก อยากครอบครอง อยากสัมผัส...ความโหยหานี้ มันทรมานจริงๆ

อาการลงแดง...เป็นแบบไหน ก็เพิ่งจะเข้าใจ

“หมัดของคุณธีร์นี่หนักฉิบหายเลยว่ะ เล่นเอาเล่นกบปาก” โดยต่อยที่โรงพยาบาลก็ถือโอกาสทำแผลที่นั่นได้พอดีเลย ไม่ต้องเสียเวลา แต่ตอนหมอถามนี่พูดยากหน่อย

‘เดินชนต้นไม้น่ะครับหมอ’

‘คิดว่าหมอโง่เหรอครับคุณ แต่เอาเถอะ ถ้าตอบแบบนี้แล้วสบายใจหมอก็จะไม่ซักไซ้’

อายหมอไปตามระเบียบ...

“ว่าแต่คุณธีร์เขาให้อภัยเรายังวะ...คงจะให้ง่ายๆ เถอะ ทำกับเพื่อนรักเขาไว้ขนาดนั้น” ถามเองตอบเองเหมือนคนบ้าอยู่ในห้องโรงแรมหรู

แต่ซัดไม่ยั้งแบบนั้น...คงหายโกรธได้แล้วมั้งเถอะ

ถ้าต่อยแล้วหายโกรธ ก็น่าจะให้ไอ้อินมันทำบ้างนะ

ตื๊อดึง!

มือหนาหยิบโทรศัพท์ข้างกายตัวเองขึ้นมาอ่านเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์บ่งบอกว่ามีคนส่งข้อความผ่านทางโปรแกรมไลน์ เป็นใครไม่ได้นอกจากเจ้าจอม ตอนแรกก็กะจะพิมพ์ด่า แต่พออ่านข้อความน้องชายดีๆ ก็รีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที...

‘ตอนนี้จอมอยู่ที่ XXXCLUB กับจักรและพี่อิน ใกล้โรงแรมเรา’

’10 นาที’

‘เร็วๆ นะ พี่อินจะกลับท่าเดียวเลย กลัวพี่มาอ่ะ เนี่ยจอมแอบมาส่งในห้องน้ำนะเนี่ย’

ร่างสูงไม่ทันได้เห็นข้อความหรอก เพราะตัวเองตอบเสร็จก็วิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเงิน กุญแจห้องมาแล้วออกจากห้องไปด้านล่างทันที

รามินทร์โบกแท็กซี่ไป ใช้เวลาไม่นานก็ถึงสถานที่ตามที่น้องชายบอกตนมา

ความคิดถึงทำให้รามินทร์ทำได้ทุกอย่างจริงๆ

‘อยู่ตรงไหน’

‘พี่อินไปเข้าห้องน้ำ พี่จักรรีบไปห้องน้ำเลย’

‘ขอบใจมาก’

สองเท้าก้าวเข้าไปในตัวผับ คนกำลังสนุกสนานกันเต็มที่ แต่ที่เขามาไม่ได้มีจุดประสงค์มาเที่ยวทั้งๆ ที่ขรรค์ยังอาการไม่ดีอยู่แบบนี้หรอก จักร เจ้าจอม รวมทั้งอินทัชด้วย คงจะมาดื่มคลายเครียดกันมากกว่า

ในห้องน้ำชายมีคนอยู่ไม่กี่คนและมีห้องที่กำลังใช้งานอยู่สองห้อง เขาก็แค่ยืนรอว่าห้องไหนจะเป็นห้องของอินทัชก็เท่านั้น...

“อยากจะทำเป็นไม่รู้จักตามที่สัญญานะ”

แต่มันยาก...มันยากเหลือกเกิน ยิ่งยากมากขึ้นไปอีกเมื่อได้เจอมึงวันนี้...

แกร็ก!!

“มึง!!” อินทัชอุทานทันทีที่เปิดประตูออกมาแล้วเห็นรามินทร์ยืนอยู่ แต่เมื่อตั้งสติได้ ก็รีบเดินผ่านเพื่อหนีอีกคนทันที คิดในใจอย่างโกรธๆ ไม่จักรก็เจ้าจอมนี่แหละตัวการหรืออาจจะทั้งสอง

“เดี๋ยวสิ คุยกันก่อนได้ไหม”

“ไม่คุย!”

“กูอยากคุย”

“แต่กูไม่มีอะไรจะคุย”

“งั้นมองหน้ากันเฉยๆ ก็ได้” รามินทร์เปลี่ยนวิธี

“หน้ามึงกูก็ไม่อยากมอง”

“คุยก็ไม่คุย มองหน้าก็ไม่อยากมอง จะให้กูทำยังไงล่ะ ก็กูอยากคุยกับมึง อยากมองหน้ามึงนี่ กูคิดถึงมึง...” ร่างสูงพูดออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ เรียกสายตาจากคนที่เดินเข้าออกห้องน้ำได้เป็นอย่างดี

พออินทัชรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นเป้าสายตา เขาก็รีบเดินหนีออกจากห้องน้ำโดยที่ร่างสูงใหญ่ยังเดินตามไม่ห่าง ตามติดเป็นปลิงจนอินทัชหงุดหงิด...

พลั่ก!!

“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ” รามินทร์เดินชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่เหมือนจงใจเดินเข้ามาหาเขามากกว่าที่จะเป็นอุบัติเหตุ ทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกไปด้วยเหล้าจากมือของเธอ

รามินทร์ก้มมองเสื้อตัวเองด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะเงยหน้ายิ้มให้กับหญิงสาวนิดๆ รามินทร์ยังทำเป็นยิ้มทั้งๆ ที่คนตรงหน้าทำให้อินทัชหนีเขาไปได้

“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อน”

“แต่ลิลลี่ทำเสื้อคุณเปื้อน” สีหน้าของเธอรู้สึกผิดแต่ก็แบบไม่จริงใจเท่าไหร่นัก หากเธอสนใจในตัวของรามินทร์มากกว่าที่จะรับผิดชอบ

“ไม่เป็นไรครับ ผมส่งซักเองได้”

“แต่ลิลลี่อยากรับผิดชอบนี่คะ ถ้าไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ลิลลี่ต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ เลยค่ะ” เธอยังตื๊อต่อ แล้วก็ส่งสายตาเชิญชวนไม่ต่างจากชุดของเธอเท่าไหร่นัก

แต่เสียใจด้วย...

รามินทร์ชอบผู้ชาย มีอารมณ์แต่กับผู้ชาย และตอนนี้ก็รักเดียวใจเดียวต่ออินทัช...น้องชายก็ไม่เคยตั้งอีกเลยตั้งแต่ที่อินทัชจากมา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือสาอะไร ตอนนี้ขอตัวก่อนนะครับ คือตามง้อแฟนอยู่ เดี๋ยวผมจะโดนข้อหามากกว่านี้น่ะครับ” นับว่าเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้หรอกเพราะถ้าคนมันอยากได้ มีแฟนหรือไม่มีแฟนก็ไม่คิดสนหรอก เพราะงั้นพูดจบแล้วรามินทร์ก็เดินหนีออกมาทันที ไม่คิดจะสนใจอะไรใครทั้งนั้น

เพราะตอนนี้คนที่อยู่ในห้วงคำนึงตลอดเวลาที่ผ่านมา อยู่ใกล้แค่เอื้อม...

เมื่อมองหาแล้วไม่เจอ เขาก็ใช้โทรศัพท์ไลน์หาเจ้าจอม ถามอินทัชได้กลับไปที่นั่นไหม หาแต่คำตอบที่เขาได้รับทำเอาผิดหวังอย่างที่สุด

‘กลับไปแล้วครับ’

ในเมื่ออินทัชกลับไปแล้ว ก็ไม่เหลือเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องอยู่ที่นี่ รามินทร์เองก็กลับโรงแรมไปเช่นเดียวกัน พรุ่งนี้เช้าจะได้ไปรอดูอาการของขรรค์ต่อ...

ไม่แน่...เขาอาจจะเจออินทัชที่นั่นอีกครั้งก็ได้






50%

 :mew6: :mew6: :mew6:

พยายามที่จะมาลงให้มากที่สุดแล้วค่ะ T^T ต้องขอโทษด้วยนะคะ ยังไงอ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ

ยูกิไม่ได้ลงช้าเพราะต้องการให้หลายคนทนไม่ไหวต้องไปหาซื้อแบบหนังสือหรืออีบุ๊คมาอ่านตามที่บางคนเข้าใจเนาะ ยังไงก็ลงจนจบแล้วก็ไม่มีวันลบออกอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่ยูกิก็ไม่ได้นั่งหน้าคอมฯ ทั้งวันเน่อ เป็นคนมีภาระหลายอย่างค่ะ ต้องเรียน ต้องทำงาน เหมือนๆ กับทุกคนนั่นแหละ บ่ได้แบมือขอเงินพ่อแม่แล้วเที่ยวเล่นสนุกสนานเลย ^^ ขอบคุณหลายๆ คนที่ยังรอและเข้าใจยูกิเสมอ ยังไงก็ติดตามกันต่อไปนะคะ

คุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยครัช  https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 50% => (24/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-07-2017 19:28:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 50% => (24/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-07-2017 19:42:20
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 50% => (24/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 25-07-2017 12:00:51
ง่ะ.. คุณรามเห็นหน้าคุณอิน ยังไม่อิ่มเรย..
รอตอนต่อไป...  :katai5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 50% => (24/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 25-07-2017 12:08:59
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 50% => (24/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-07-2017 21:09:45
โอ๊ยยย ราม แกนี่มัน...
โอ๊ยยย ยีหัวตัวเอง หน่วงชะมัด
อินนี่ ใจแข็งคงเส้นคงวาจิงๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 50% => (24/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-07-2017 22:05:13
 :interest:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 50% => (24/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: chaaem ที่ 25-07-2017 23:11:48
หมอเงินเข้มแข็งไว้น้าาา  เดี๋ยวขรรค์ก็ฟื้น
 :mew1:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 100% => (30/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 30-07-2017 23:28:50
ตอนที่ 49 ครึ่งหลัง





รามินทร์กับเจ้าจอมเดินเข้ามาในตัวของโรงพยาบาลที่ขรรค์รักษาอยู่ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่รามินทร์กับเจ้าจอมมาเยี่ยมขรรค์ แต่มีข่าวดีสำหรับทุกคน เมื่อตอนเช้าหมอเงินโทรมาบอกรามินทร์ว่าขรรค์รู้สึกตัวแล้ว ย้ายมาห้องพักธรรมดาแล้วด้วย ความรู้สึกตอนนั้นคือดีใจมาก เหมือนฝันเลย...

“พี่ขรรค์รู้สึกตัวแล้วจริงๆ ใช่ไหมฮะ”

“จริงสิ หมอเงินโทรมาบอกพี่เองเลยนะเมื่อเช้า”

“ดีจัง...จอมคิดไปไกลแล้วรู้ป่ะ โชคดีจริงๆ”

“ก็ขรรค์มันเป็นคนดี”

“ครับ พี่ขรรค์เป็นคนดี พี่หมอก็เป็นคนดี พี่ๆ ควรจะมีความสุขได้แล้วนะฮะ” เจ้าจอมยิ้มออกมา เมื่อวานตอนที่รู้ข่าวก็เครียดและกังวล ขนาดที่ให้แอลกอฮอล์ช่วยเมื่อคืนนี้ยังไม่ดีขึ้นเลย

ขรรค์เป็นเหมือนครอบครัว...

ไม่ใช่แค่คนงาน แต่คือครอบครัว...

ภายในห้องพักผู้ป่วยมีเพียงหมอเงินกับแม่ของหมอเงินอยู่ในห้องเท่านั้น รามินทร์กับเจ้าจอมทำความเคารพแม่ของหมอเงินที่ตอนนี้สีหน้าดูดีขึ้นจากเมื่อวานหน่อยแล้ว เธอนั่งมองร่างแกร่งของคนรักลูกชายที่หลับสนิท

“ผมรามินทร์ครับ”

“อ๋อ คุณรามนี่เอง”

“ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ครับ ผมอายุน้อยกว่าหมอเงินอีก เรียกรามเฉยๆ ดีกว่าครับ”

“ค่ะ มาเยี่ยมขรรค์หรือคะ”

“ครับ”

“เพิ่งหลับไปน่ะค่ะ” เธอตอบทุกอย่างแทนหมอเงินหมดทุกอย่าง ส่วนสภาพของหมอเงินตอนนี้ก็ยังอิดโรย แต่สีหน้าไม่มีความกังวลอยู่แล้ว

“ขรรค์ก็ปลอดภัยแล้ว หมอเงินนอนพักบ้างเถอะครับ”

“ใช่ครับพี่หมอ...พักบ้างเถอะนะ เดี๋ยวเป็นอะไรมาอีกคนก็แย่เลย”

“ครับ...เดี๋ยวรอให้คนที่บ้านเอาเสื้อผ้ากับของมาให้น่ะครับ ผมจะนอนที่นี่แหละ” หมอเงินบอก เรียกรอยยิ้มจากคนที่เป็นห่วงทั้งแม่ รามินทร์และก็เจ้าจอมได้เป็นอย่างดี

ได้ยินแบบนี้ ก็ดีใจแล้ว

“เหมือนปาฏิหาริย์เลยล่ะครับ รู้อะไรไหม เมื่อวานอินบอกว่าวันนี้ขรรค์จะฟื้น ขรรค์ก็ฟื้นจริงๆ” หมอเงินเล่า รอยยิ้มแรกที่มาจากหมอหนุ่มมาจากการที่นึกถึงอินทัช

เงินมีเพื่อนอยู่มากมาย แต่ตอนนี้ก็ต่างคนต่างมีงาน มีชีวิตเป็นของตัวเอง การที่เงินมีอินทัชอยู่ด้วยนั้น ทำให้เขาก้าวผ่านความอ่อนแอมาได้

“ตลกนะครับ เป็นหมอ จะเชื่ออะไรก็แล้วแต่ต้องมีเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ผมกลับ...กลับภาวนา รอให้เกิดปาฏิหาริย์”

“โชคดีที่มีปาฏิหาริย์นะครับ ความจริงหมอก็เก่งด้วย ควบคู่กันครับ เหมือนทางโลกต้องไปพร้อมๆ กับทางธรรมนั่นแหละ”

“จอมไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากพี่รามนะเนี่ย” เจ้าจอมแซวพี่ชาย

“พี่ก็เข้าวัดเข้าวา ศึกษา ปฏิบัติธรรมบ่อยๆ นะจอม”

“ฮะๆ เห็นพี่น้องเถียงกันแล้วช่วยทำให้ผ่อนคลายเยอะเลย ขอบคุณนะครับ ขอบคุณแทนขรรค์ด้วย ขรรค์นี่โชคดีจริงๆ ที่มีเจ้านายดีๆ อย่างคุณรามและน้องจอม”

“พี่ขรรค์ไม่ใช่แค่ลูกน้องนะฮะ เขาเป็นเหมือนพี่ชายอีกคนของจอม เป็นครอบครัวของเรา” เจ้าจอมตอบ รอยยิ้มสดใสของเจ้าจอมทำให้ใครๆ ต่างก็ยิ้มตาม

“แม่ว่า แม่ปล่อยให้หนุ่มๆ คุยกันดีกว่า ใกล้ถึงเวลาที่แม่ต้องกินข้าวกลางวันแล้วก็ยาแล้ว ขอแม่กลับไปที่ห้องก่อนนะลูก” สร้อยเอ่ยแทรกขึ้นมา

“เดี๋ยวผมพาไปครับแม่”

“จ้ะ…ขอตัวตาเงินแป๊บนึงนะลูก”

“เชิญเลยครับ”

หมอเงินพาแม่ของตนกลับไปยังห้องพักผู้ป่วยอีกห้อง ปล่อยให้สองพี่น้องนั่งอยู่ในห้องของขรรค์อย่างเงียบๆ รามินทร์เดินเข้าไปดูขรรค์ใกล้ๆ

“จากนี้ไป ฉันขอให้แกพบเจอแต่ความสุขนะขรรค์ หมดทุกข์และเรื่องร้ายๆ ไปสักที”

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ของเจ้าจอมดังขึ้น คนเป็นพี่ชายหันไปจ้องน้องชายทันทีอย่างสนใจ เจ้าจอมทำหน้าอึดอัดแต่ก็รับสายแต่โดยดี

“ครับ…ตอนนี้จอมอยู่ในห้องผู้ป่วยน่ะครับ ห้องที่พี่ขรรค์อยู่...พี่รามกลับไปแล้วครับ จริงๆ ครับ จอมไม่ได้โกหกนะพี่อิน ครับๆ จอมจะรออยู่ที่นี่ เจอกันครับ” เจ้าจอมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า

“อินจะมาเหรอ”

“ครับ...”

“เยส!!” ร่างแกร่งกำมือแล้วดึงเข้าหาตนเองแสดงทีท่าดีใจอย่างออกนอกหน้า

“จอมต้องโกหกพี่อินเพราะช่วยพี่เลยนะ ถ้าพี่อินโกรธจอมรับผิดชอบเลย”

“โอเคๆ พี่จะบอกมันว่าพี่บังคับจอม ห้ามโกรธจอม โอเคนะ”

“อื้อ...โอเคก็ได้”

เจ้าจอมนั่งเงียบๆ อยู่กับที่ ส่วนร่างสูงใหญ่ก็เดินไปยืนเฝ้าที่ประตูแทน เพราะถ้าหากเป็นอินทัชที่เข้ามา เขาจะฉุดมันไปอีกครั้ง

คุยกันให้รู้เรื่องสักที...รามินทร์ไม่ยอมหรอก...

ชีวิตที่ไม่มีอินทัช เขาไม่ยอมเด็ดขาด

แกร็ก!!

“ม่ะ มึง” อินทัชที่เข้าเปิดประตูเข้ามาเจอกับร่างสูงที่ดักอยู่ตรงประตูก็ตกใจ ผงะไปด้านหลังอัตโนมัติ แต่ยังไม่ทันจะป้องกันตัวเอง แขนของอินทัชก็ถูกจับลากออกจากตรงอย่างแรงแบบที่สลัดยังไงก็สลัดไม่หลุด

“ไอ้ราม ปล่อย!! ปล่อยกู”

“ไม่ปล่อย”

“นี่คุณ!! คุณกำลังทำอะไรน่ะ แบบนี้มันลักพาตัวนะ” สรรพนามที่เปลี่ยนไปของอินทัชกำลังทำให้เขากลายเป็นคนร้ายในสายตาของคนอื่นๆ

จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม...ได้!

“อยากอายก็พูดดังๆ เลย อยากโดนด่าก็เอาให้ดังไปเลย เขาจะได้เอาข่าวมึงไปลงหน้าหนึ่ง”

พอเจอแบบนี้ อินทัชก็ปิดปากเงียบ ยอมเดินตามรามินทร์แต่โดยดี ดวงตาสวยมองแผ่นหลังกว้าง ความรู้สึกตอนนี้อินทัชก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ากำลังคิดอะไร

แต่หัวใจที่เคยเต้นช้าๆ น่าเบื่อกับชีวิต ตอนนี้กำลังเต้นแรง เหมือนมีชีวิตอีกครั้ง…

อินทัชไม่เคยหลอกตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับรามินทร์ แต่ที่เขาไม่ยอมรับความรู้สึกของรามินทร์ไม่ใช่เพราะกลัว หรือยังโกรธ...พอได้สงบจิต สงบใจ อยู่คนเดียว โดยปราศจากแม้แต่เงาของรามินทร์ อินทัชก็คิดได้ และเข้าใจในสิ่งที่ร่างสูงทำลงไป

อินทัชไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น...

“จะพาไปไหน”

“หาที่คุย” ตอบสั้นๆ

“กูมีเวลาแค่ชั่วโมงเดียว มีประชุมต่อ” อินทัชบอก

“รับรองว่าจะพาไปถึงบริษัทเลย”

“ไม่ได้ มึงต้องพากูกลับไปเอารถก่อน ฉะนั้นเผื่อเวลาด้วย”

“กูจะไปส่งที่บริษัท แล้วก็จะรอจนกว่ามึงจะเลิกงาน ไปกินข้าวเย็นด้วยกันก่อน แล้วจะไปส่งที่คอนโดมึงด้วย” พูดเองเออเองเสร็จสับเลย

“มึงกำลังทำผิดข้อตกลง”

“ข้อตกลงอะไร”

“อย่าทำเป็นไม่รู้”

“อ๋อ...ที่เราจะกลายเป็นคนไม่รู้จักกันน่ะเหรอ ก็ได้!! งั้นเราไม่รู้จักกันนะ...” รามินทร์พูดเสียงสูง ก่อนจะแนะนำตัวเองออกมา หลังจากที่หยุดยืนสวัสดีครับ ผมชื่อรามินทร์ อัครสิงหบดี เป็นนักธุรกิจ ทำธุรกิจรีสอร์ทเล็กๆ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณอินทัช ชยอัมรินทร์ นักธุรกิจใหญ่”

ถ้าเราไม่รู้จักกัน ก็แค่ทำความรู้จักใหม่ แค่นั้นเอง

“ผมไม่อยากรู้จักคุณ”

“ว้า...เข้าใจครับ ฐานะของผมมันด้อยกว่าที่นักธุรกิจใหญ่โตจะลงมาเกลือกกลั้วด้วยสินะครับ”

“เหลวไหล”

“ถ้างั้นเพราะอะไรถึงไม่อยากรู้จักผมล่ะครับ” ร่างสูงกว่าถาม

“ไม่รู้สิครับ ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น”

“ไม่ใช่ว่ากลัวหวั่นไหวหรือครับ”

“นี่คือธุระใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน เสียเวลามากแล้ว”

“อะไรกัน ยังไม่ทันจะได้พาขึ้นรถเลย จะไปแล้วหรือครับ ผมขอเวลาหน่อยไม่ได้หรือไง” รามินทร์ถามกวนๆ อินทัชหันหน้าหนี แอบยิ้มน้อยๆ แล้วก็ปรับมาเป็นสีหน้านิ่งๆ เหมือนเดิม

“เจ้าเล่ห์นักนะมึง”

“เชิญขึ้นรถครับ” ร่างสูงจับอีกคนเข้าไปนั่งในรถของตัวเอง อินทัชเองก็นั่งอย่างไม่ขัดขืนอะไร ไม่รู้ว่าเพราะขัดขืนไม่ได้ หรือเป็นเพราะตัวเองก็ต้องการด้วย

รามินทร์ขับรถออกจากโรงจอดรถของโรงพยาบาลไปตามทางโดยที่อินทัชเดาไม่ได้เลยว่าจะถูกพาไปที่ไหน แต่ถ้าเดาไม่ผิดคงจะต้องเป็นร้านอาหาร...


มันพาเขามากินข้าวจริงๆ ด้วย

“กูมีปัญญาหากินเองได้”

“แต่มันจะเหมือนมากินกับกูได้ยังไง ไม่คิดแบบนั้นเหรอ” รามินทร์ถามยิ้มๆ

“หึ...หลงตัวเอง”

“กูคิดถึงมึง...ตอนนี้กูรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองฝันไป” สีหน้าของรามินทร์ดูเพ้อๆ เหมือนไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง ส่วนอินทัชก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา...

คิดถึงงั้นหรือ?

ก็คงจะเหมือนกัน...

“ฝัน? ลากกูมาถึงนี่แล้วบอกว่าตัวเองฝันนี่นะ ควรจะไปเช็คสภาพจิตได้แล้วนะ เผื่อกำเริบ”

“กูก็คิดว่าตัวเองจะอาการกำเริบนี่แหละ แต่มึงรู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้กูสามารถหายขาดได้”

“รู้” ตอบกลับทันที

“อะไร?”

“ก็แค่ตายๆ ไปซะ”

“นั่นมันใช่การรักษาหรือไง” รามินทร์ถาม

พวกเขาสองคนพูดคุยกันด้วยท่าทางที่สบายๆ ไม่เหมือนกับเมื่อเดือนที่แล้วที่อินทัชยังอยู่กับเขาที่เพชรบูรณ์ ที่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็เหมือนว่าความพยายามในการเข้าหาของรามินทร์จะไม่เข้าไปถึงใจของอินทัชเลย

แต่วันนี้...รามินทร์รู้สึกว่า อินทัชเข้าหาง่าย ง่ายมากจนเขาก็มีส่วนที่กังวล...

รามินทร์เชื่อมาตลอด ว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ

“มันเป็นการแก้ไขต่างหาก”

“ถ้างั้นมึงตอบกูมา...ว่าอยากให้กูหายหรืออยากให้กูตาย” เป็นคำถามที่อินทัชไม่รู้จะตอบอะไรเหมือนกัน จะตอบอันนั้นก็กลัวจะไปทำให้มันมีความหวัง แต่ถ้าตอบอีกอย่างก็ใจร้ายเกินไป

“กินข้าวเถอะ”

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง ตอบกูมาก่อน” คนตัวใหญ่กว่าเร่งรัดเอาคำตอบให้ได้

“ทำไมกูต้องตอบ”

“เพราะกูอยากรู้ไง”

“เพราะมึงอยากรู้? มึงสำคัญกับกูขนาดนั้นเลยหรือไงที่กูต้องทำอะไรเพื่อมึงด้วย” ร่างโปร่งย้อนกลับไปด้วยประโยคที่กระแทกหัวใจของรามินทร์อย่างจัง แต่ก็ไม่มากนัก...

อย่างน้อย ตอนนี้อินทัชก็นั่งอยู่ตรงหน้า โดนคำพูดทำร้ายจิตใจมากแค่ไหน รามินทร์ก็ยอม ยอมหมดทุกอย่าง แค่เพียงได้อยู่ใกล้ๆ แบบนี้ก็พอ

“นั่นสินะ...กูมันจะไปสำคัญอะไร แค่จะรู้จักกันมึงยังไม่อยากจะรู้จักเลย” รามินทร์ตัดพ้ออย่างน้อยใจแบบที่เขาไม่สามารถที่จะระงับอารมณ์นี้ของตนได้

“รู้ตัวเองก็ดีแล้ว”

“หึ...เจ็บว่ะ!”

แล้วมึงจะพูดออกมาทำไม มึงคิดว่าการที่กูเห็นมึงเป็นแบบนี้ กูรู้สึกดีตายแหละ กูเองก็พูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจของตัวเอง...จนทำให้เขาต้องมากลั้นใจ กลั้นความรู้สึกเหมือนกัน

รามินทร์คิดถึงเขา เขาเองก็อยากจะบอกว่าคิดถึงเหมือนกัน...

อินทัชจำความรู้สึกวันแรกที่เห็นกันเมื่อวานได้ดี รามินทร์มองเขานิ่งๆ ไม่คิดจะทักทายหรือพูดคุย ตอนนั้น ใจเขามันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเรียบร้อย เพราะรู้สึกกลัวว่ารามินทร์จะทำเป็นไม่รู้จักเขาจริงๆ อย่างที่เขาพูดบอกเจ้าตัวไป

ไม่เช่นนั้น...อินทัชคงต้องนั่งเสียใจเป็นแน่...

อยากเห็นหน้า อยากเจอ แต่พอเจอจริงๆ กลับหนี... ก็เป็นแบบที่ธีรไนยเคยพูดเอาไว้ ว่าถ้าหากว่าเราปฏิเสธสิ่งที่ใจรู้สึกมากเท่าไหร่ ก็เป็นเหมือนว่าเรากำลังหนีหัวใจของตัวเองเท่านั้น

หนีคนอาจจะหนีรอด แต่หนีหัวใจเอง...หนียังไงก็ไม่รอด







100%

 :mew1: :mew1: :mew1:

ครบ 100% แล้วจ้า เม้นท์ๆ ด้วยน้า ช่วงนี้มาลงได้อาทิตย์ละครั้ง แต่วันพุธกับศุกร์นี้จะมาลงตอนต่อไปให้นะคะ ^^

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 100% => (30/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-07-2017 02:25:33
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 100% => (30/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 31-07-2017 08:31:06
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 100% => (30/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: chaaem ที่ 01-08-2017 05:29:16
 :monkeysad:   
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 100% => (30/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 01-08-2017 10:04:15
อย่าแง่งอน กันนานเรยน้าาา..
เค้าอยากได้หวานๆบ้าง...  :katai1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 49 100% => (30/07/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-08-2017 20:45:47
 :pig4:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 50% => (3/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 03-08-2017 18:30:12
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 50
ภาพบาดตา คำพูดบาดใจ





“เมื่อวานมึงไปไหนมา”

“ไม่ได้ไปไหนนี่ กูก็ไปทำงานปกติ แล้วก็มีออกไปเยี่ยมขรรค์ด้วย” อินทัชตอบเพื่อนรักอย่างธีรไนยที่กำลังซักไซ้สอบปากคำเขาอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของอินทัช

“แต่เมื่อวานกูไปที่ห้างมา กูเจอใครไม่รู้หน้าเหมือนมึงมากกำลังนั่งกินข้าวกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่น่าแปลกนะมึง คนที่ไอ้คนหน้าเหมือนมึงไปกินข้าวด้วย หน้าตาเหมือนไอ้รามไม่มีผิด”

“ถ้ามึงจะพูดแบบนี้ มึงเจาะจงมาตรงๆ ดีกว่าธีร์”

“เออๆ นั่นแหละ มึงไปกับมันเหรอ ไหนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันอีกไง” เหล่ตาจับผิดเพื่อน

“กูขัดขืนไม่ได้”

“แน่ใจนะว่าเป็นเหตุผลนี้ คนอย่างมึงเนี่ยนะขัดขืนไม่ได้ ไอ้พัฒน์ตัวใหญ่กว่าไอ้รามอีก บางครั้งกูยังถีบมันตกเตียงได้เลย แม้ว่ามันจะรัดกูแน่นก็ตาม”

“พูดออกมาไม่อายปากเลยนะ”

“หึหึ...ถามจริงๆ เถอะ มึงเล่าให้กูฟังไม่หมดใช่ไหม นอกจากที่โดนจับไปทรมานให้ทำงานหนักๆ แล้ว มันยังมีอะไรอีก กูรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น” ธีรไนยยังคงซักไซ้จับผิดเพื่อน เพราะท่าทางของทั้งสองมันดูไม่ใช่แบบที่อินทัชเล่าให้ฟัง

โดยเฉพาะรามินทร์ที่แสดงออกชัดเจนเหลือเกินว่ารู้สึกพิเศษกับเพื่อนเขามากขนาดไหน และท่าทางของอินทัชก็เช่นกัน มันไม่ใช่แค่คนที่เพื่อนเขาบอกว่าเกลียดกันแล้ว

นี่มัน ‘รัก’ กันชัดๆ

“ก็มีเท่าที่เล่าให้ฟังนั่นแหละ”

“คราวนี้ถ้ามึงโกหกกูอีก กูจะเลิกคบมึงเป็นเพื่อนนะอิน” ไม่ใช่แค่ขู่เล่นๆ นะ แต่ถ้าอินทัชดึงดันจะโกหกต่อไป อินทัชก็จะโกรธจริงๆ คงไม่ถึงขั้นเลิกคบหรอก แต่ก็น่าจะอยู่ในระดับที่ง้อยาก

“ไม่มีจริงๆ”

“เราเคยสัญญา...ว่าจะไม่มีความลับต่อกัน แต่กูก็ลืมไปสัญญานั่นใครจะรักษามันหรือไม่ก็ได้”

“อย่าโกรธกูสิ”

“ช่างมันเถอะ กูคงก้าวล้ำเรื่องส่วนตัวของมึงมากไป ขอโทษทีละกัน” ประโยคน้อยใจมาขนาดนี้ คิดว่าอินทัชจะช่างมันได้จริงๆ น่ะหรือ

“เดี๋ยวคืนนี้เล่าให้ฟังก็แล้วกัน”

ธีรไนยยิ้มอย่างผู้ชนะ

“ที่เดิมนะ”

“เออ! ที่เดิม”

“แล้วนี่คุณขรรค์เป็นยังไงบ้างล่ะ”

“วันนี้กูโทรถามหมอเงินแล้ว ขรรค์มันพูดคุยกับคนอื่นได้อย่างปกติดี แต่ก็ยังเจ็บที่แผลอยู่ต้องระมัดระวังการขยับเป็นพิเศษ วันนี้กูคงไปเยี่ยมไม่ได้เพราะมีเรื่องต้องสะสาง”

“จริงสิ...วันนี้มึงจะทำเรื่องใหญ่โตนี่นะ”

“ใช่เรื่องที่มึงจะมามีความสุขไหม”

“เอาจริงหรือวะอิน”

“ก็เอาจริงสิวะ อ่ะ! มึงคิดดูสิ ถ้ามึงมีก้อนเนื้อร้ายอยู่ในร่างกาย มึงจะผ่าตัดออกไหม” อินทัชถามเพื่อนสนิท ธีรไนยหัวเราะออกมาเบาๆ

“หึหึ เลือดเย็นนะ นั่นอามึงเลยนะเว้ย”

“กูให้โอกาสมาหลายครั้งแล้วนะธีร์”

“อืม...กูเข้าใจ”

“แล้วนี่มึงไม่มีงานมีการทำหรือไง ถึงมาวุ่นวายกูที่บริษัทเนี่ย” ร่างโปร่งลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน แล้วล้วงกระเป๋า หันหลังให้กับเพื่อนสนิท มองไปยังวิวข้างนอก

“มี...มีเยอะเลยด้วย กูก็ไม่ได้ว่างมากขนาดนั้นหรอกน่า ที่มานี่ก็แค่ทางผ่านเฉยๆ”

“กูก็นึกว่ามีเรื่องอะไร แต่ถ้ามีปัญหาอะไรจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องให้มึงมาเองหรอกใช่ไหม”

“แน่ล่ะสิ แค่งานของกูก็วุ่นวายพออยู่แล้ว”

“อ๋อ...มาเพื่อซักเรื่องของกูกับไอ้รามสินะ”

“ถูกต้องนะคร้าบ”

“งั้นก็เชิญกลับไปได้แล้วครับคุณธีร์ ผมจะไปประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว”

“อ้าว? พร้อมแล้วเหรอครับท่านประธาน”

“กูพร้อมมาหลายเดือนแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาส”

“งั้นก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีก็แล้วกันนะมึง”

อินทัชพยักหน้ารับคำอวยพรยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปส่งเพื่อนสนิทที่ประตูลิฟต์ แล้วเขาก็เดินเข้าห้องประชุมไปพร้อมกับเลขาสาวของตน


“ยักยอกเงินของบริษัทสามครั้ง ยอดรวมยี่สิบล้านบาท แอบส่งสินค้าหนีภาษี เรื่องยักยอกเงินน่ะไม่เท่าไหร่ผมยังพอให้อภัยได้ แต่เรื่องแอบส่งสินค้าหนีภาษี มันผิดสัญญากับทาง PLEUNG นะครับอา ถ้าทางนั้นรู้ อาคิดว่าทางเราจะรับผิดชอบไหวเหรอครับ อาก็รู้จักคุณเพลิงดีไม่ใช่หรือครับ” น้ำเสียงของอินทัชราบเรียบแต่หนาวสะท้านไปทั้งร่างของผู้ถือหุ้นทุกคนในที่ประชุมแห่งนี้

อินทัชเป็นคนนิ่งๆ เวลาที่โกรธและโมโห อินทัชไม่เคยโวยวายหรือตะคอก เพราะรู้ดีว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีอะไรดีขึ้นมา...

“อา...คือว่า”

“ตอนนี้อาไม่มีสิทธิ์แก้ตัวแล้วครับ เพราะถ้าอาสำนึกผิดจริงๆ อาต้องไม่ทำเป็นครั้งที่สอง แต่นี่อาทำมาเรื่อยๆ จนบริษัทได้รับความเสียหาย ที่ผ่านมาผมรับผิดชอบทั้งหมดเพราะอาเป็นญาติ แต่ผมตัดสินแล้วครับ”

“อิน...อาขอโทษ อาขอโอกาสอีกสักครั้งนะ” อาของอินทัชแสดงความกังวลออกมา เขาไม่คิดอะไรแล้ว เอ่ยขอร้องอ้อนวอนหลานชาย แม้ว่ามันจะดูน่าสมเพชก็ตามที

หากเขาหลุดโอกาสนี้ไป...ชีวิตบนกองเงินกองทองของเขาก็ต้องหายไปด้วย ที่ผ่านมาเขาทำมันทั้งหมดจริงๆ ทั้งยักยอก ทั้งส่งของหนีภาษี แต่พอไม่มีใครจับได้ เขาก็คิดว่าตัวเองเก่งเลยเลยลำพองตัวเอง ทำมันต่อแบบนั้น หากแต่ความเป็นจริงแล้ว อินทัชรู้ตั้งแต่แต่ก็ปล่อยให้เขาได้ทำ

“มันไม่มีโอกาสแล้วครับอา ผมให้โอกาสอาได้สำนึกเอง แต่ก็ไม่ เอาเป็นว่าเงินที่อายักยอกไป กับค่าเสียหายทั้งหมด ผมจะรับผิดชอบเอง แต่ว่า...” อินทัชทิ้งช่วงเอาไว้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนตรง มองหน้าอาตัวเองอย่างจริงจัง ดวงตาเด็ดเดี่ยวคนเป็นอาหวาดกลัว ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ก็แอบกลืนน้ำลายลงคอ ไม่บ่อยนักหรอกที่จะเห็นอารมณ์แบบนี้จากอินทัช

“แต่จากนี้ไป อาไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่บริษัทนี้อีกต่อไป”

“นี่อินไล่อาออกเหรอ!!”

“ครับ!! ที่จริงแล้วไล่ออกมันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่อาทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย”

“นี่แกไล่อาแท้ๆ ของแกเลยนะอิน!”

“ใช่ครับ ผมไล่อาออก ก็ดูสิที่อาทำสิครับ ต่อให้ผมไม่เป็นคนตัดสินใจ กรรมการ ผู้ถือหุ้นทุกท่านที่เห็นหลักฐานทุกอย่างก็ลงมติเดียวกันอยู่ดี”

อาของอินทัชมองไปที่กรรมการทุกคนด้วยความโมโห แต่สายตานับสิบคู่กลับกดดันเขาจนทำให้อาของอินทัชออกจากห้องประชุมไปด้วยความโกรธแค้น ไม่พอใจ แต่ไม่มีสิทธิทำอะไร เพราะอาไม่ได้มีหุ้นส่วนในบริษัท ไม่ได้เป็นกรรมการ แต่ทำงานในบริษัทเพราะเป็นญาติที่พ่อฝากฝังให้ทำงาน

ร่างโปร่งนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งด้วยความสงบนิ่ง เยือกเย็นเหมือนเดิม ไม่รู้สึกอะไรเลยกับการไล่อาแท้ๆ ของตัวเองออกจากบริษัท

“ยกเลิกประชุมก่อนไหมครับคุณ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค ประชุมเรื่องต่อไปได้เลยครับ”

“งั้นพักก่อนดีไหม หน้าคุณอินดูไม่ดีเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ช่วงที่ผมหนีหายไปก็สร้างความเดือดร้อนมามากพอแล้ว เริ่มต่อได้เลยครับ” อินทัชไม่ยอมที่จะพัก ทั้งๆ ที่สีหน้าดูไม่ดีเท่าไหร่

ทั้งหมดเลยเริ่มประชุมกันต่ออีกครั้ง ส่วนทางด้านอาของอินทัชที่เดินปึงปัง โกรธแค้นหลานชายของตนที่ได้ครอบครองทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขาไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งประธานกรรมการ ธุรกิจต่างๆ ในเครือ โดยที่เขาไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว

เขาก็แค่เอาสิ่งที่ควรเป็นของเขามาก็เท่านั้น

“จำเอาไว้เลยไอ้เด็กเมื่อวานซืน กูไม่จบง่ายๆ แบบนี้แน่ มึงทำลายชีวิตของกู กูจะทำลายชีวิตของมึงบ้าง!!! ไอ้อินทัช...ไอ้เด็กนรก!!”








Paradise Club

“จะเล่าได้หรือยัง มึงดื่มไปหลายแก้วแล้วนะ มึงรู้ไหมว่ากูต้องกลับก่อนเที่ยงคืน ไม่งั้นไอ้พัฒน์เอากูตาย” ธีรไนยถามเพื่อนรักที่กำลังนั่งดื่มเอานั่งดื่มเอา ไม่ปริปากเล่าเสียที

“นี่มึงโดน ‘เอา’ จนจะตายเลยหรือวะ” อินทัชแสร้งเบิกตาโต ถามเพื่อนแบบกวนๆ

“กูหมายถึงแบบนั้น หรือสมองมึงมันหมกมุ่นแต่เรื่องอย่างว่าวะ ถ้าโดนเอาขนาดนั้น คงไม่มีไอ้ธีร์มานั่งตรงหน้ามึงแบบนี้หรอกนะ เล่ามา! อย่าเปลี่ยนเรื่อง”

“เออๆ กูพร้อมแล้ว ฟังนะ กูจะไม่ปิดบังอะไรมึงอีกแล้วธีร์”

“อืม...ว่ามา”

เมื่อพร้อมที่จะเล่า อินทัชก็เล่าเรื่องที่ยังเล่าไม่หมดให้ธีรไนยฟัง พลางดื่มเหล้าย้อมใจไปด้วย จู่ๆ ให้มาพูดเรื่องแบบนี้กับเพื่อน เขาเองก็อายเหมือนกันนะ

“อืม...เข้าใจแล้ว”

“ทำไมมึงดูไม่ตกใจเลยนะ” อินทัชถาม ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“จริงๆ แล้วกูก็พอเดาออกนะ ว่ามึงสองคนต้องมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่านี้ แล้วมันก็จริงๆ ไม่น่าล่ะ ไอ้รามมันถึงมองหน้ามึงแบบจะกลืนกินเชียว”

“มองผิดหรือเปล่า”

“ไม่นี่...มันรักมึงจะตาย”

“ไอ้ธีร์”

“แล้วมึงเอง ก็...”

“หุบปากไป ไอ้เพื่อนเลว”

“หึหึ ทำมาเป็นด่า...ไม่น่าล่ะมึงถึงได้กลัวมันนักหนา เอาแต่เลี้ยง เอาแต่หนี แต่เมื่อวานก็อดคิดถึงมันไม่ได้ล่ะสิ ถึงได้ยอมไปกับมันน่ะ” อินทัชส่ายหน้าไปมา ธีรไนยเองก็นั่งด้วยท่าทางสบายๆ แต่กวนโอ๊ยในความรู้สึกเหลือเกิน

ต่อยเพื่อนสักทีจะเป็นอะไรไหมเนี่ย

“กูไม่ได้กลัว”

“งั้นทำไมไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง” ธีรไนยถาม สีหน้าที่จริงจังของเพื่อนสนิททำเอาอินทัชหลบเลี่ยงสายตา

“กู...ก็ไม่มีความรู้สึกอะไรที่ต้องยอมรับนี่”

“รู้แก่ใจตัวเองดีอยู่แล้วนี่...อย่าทำเหมือนไอ้พัฒน์ตอนนั้นได้ไหม มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าความรู้สึกของไอ้รามจะเป็นยังไง ก็คงไม่ต่างจากกูในตอนนั้นเท่าไหร่หรอกนะ แต่อาจจะเข้มแข็งกว่า”

“นี่มึงเป็นเพื่อนกูนะ มึงต้องเข้าข้างกูสิ มึงไม่ชอบมันไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมมึงถึงพูดเหมือนอยากให้กูกับมันรักกันล่ะ” อินทัชโวยวายใส่เพื่อนอย่างไม่พอใจ หากแต่ธีรไนยกลับปั้นหน้านิ่งๆ เช่นเคย

“ใช่...กูโกรธที่มันทำกับมึง แต่มันไม่ได้หมายความว่ามึงจะรักมันไม่ได้”

“ไอ้ธีร์!”

“ไม่ต้องมาเถียงกูเลยอิน กูไม่อยากให้มึงต้องมาเสียใจทีหลัง อะไรที่เรามีความสุขได้ ก็มีๆ ไปเถอะนะ ไม่ต้องแคร์ใคร...ไม่ต้องสนใจคนอื่น”

“ทำไมมีแต่คนอยากให้กูกับมันรักกันนะ รวมทั้งมึงด้วยไอ้ธีร์” อินทัชไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมทุกคนต้องอยากให้เขากับรามินทร์ลงเอยกัน ทั้งๆ ที่มันทำเรื่องเลวร้ายไว้กับเขา

“มึงหายโกรธมันแล้วอิน และมึงก็คิดถึงมันมากๆ ด้วย ตลอดหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมามึงเหม่อบ่อยๆ มึงรู้ตัวไหมอิน มึงรู้ไหมว่ามึงคิดถึงมันมากขนาดไหน” ธีรไนยถาม

รู้ตัว!!! และรู้ดีว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับรามินทร์

ต่อให้รู้สึกเหมือนกัน แต่เขาก็กลัว...กลัวว่ามันจะรักมากเกินไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เลือดร้อนของรามินทร์มันจะต้องมาอีกครั้งแน่ๆ

อินทัชไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ต้องทำให้รามินทร์ทำความผิดอีก

คนอย่างรามินทร์ รักแรง และเกลียดแรงด้วย

“อย่าให้มันสายเกินไปอิน กูขอเตือนนะ”

“อืม...ขอบใจมาก”

ธีรไนยยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ดวงตามองคนเป็นเพื่อนที่กำลังนิ่งอยู่ในภวังค์  ไม่มีทางยอมปล่อยให้เป็นแบบนี้แน่ๆ กว่าอินทัชจะมีความรักอีกครั้งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

อินทัชขยาดความรักมากๆ

“พี่อิน...พี่อินจริงๆ ด้วย จำพีมได้ไหมฮะ” อินทัชหลุดจากภวังค์ เงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาทักทันที ใบหน้าสวยไม่ได้แสดงอะไร เพราะกลัวว่าคนทักจะเสียใจที่เขาจำไม่ได้

คู่ควงเขาก็เยอะมาก ใครจะไปจำได้ทั้งหมด

“สวัสดีครับน้องพีม ไม่เจอกันนาน น่ารักขึ้นนะครับ”

“พี่อินก็ปากหวานเหมือนเดิมเลย หล่อขึ้นด้วย พี่ธีร์ก็เหมือนกันนะครับ หล่อมากเลย ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่สองคนอีกนะครับ” ธีรไนยยิ้มให้นิดๆ เพราะตนก็จำไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าคงจะเป็นคู่นอนคนเก่าของเพื่อน

เพราะที่ผ่านมาถึงธีรไนยจะเปลี่ยนคู่ควง คู่นอนเป็นว่าเล่นแต่ก็ผู้หญิงทั้งนั้น ส่วนอินทัชอย่างที่เห็นมันได้ทั้งหญิงและชาย แต่ผู้ชายเยอะกว่า เพราะอินทัชค่อนข้างให้เกียรติผู้หญิง

“ขอบคุณครับ”

“ขอพีมนั่งด้วยคนไหมครับ เพื่อนมันมากับแฟนหมด พีมเหงา”

สุภาพบุรุษมาด้วยกันทั้งสองคน คิดหรือว่าจะปฏิเสธไม่ให้ชายหนุ่มน่ารักคนนี้มานั่ง แม้ว่าพวกเขาสองคนจะอยากได้เวลาส่วนตัวก็ตามที

“เชิญเลยครับ แต่พวกพี่คงได้นั่งอีกไม่นานเพราะต้องรีบกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้มีงานน่ะครับ” ธีรไนยเป็นคนตอบ ทำเอาหนุ่มน่ารักแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มหวานทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ กับอินทัชแบบแนบชิดสุดๆ

“พีมคิดถึงพี่อินจังเลยฮะ พี่อินล่ะฮะ ไม่เห็นติดต่อกันมาบ้างเลย”

“พี่งานยุ่งน่ะ แล้วช่วงนี้ก็ไม่ค่อยเที่ยวกลางคืนเท่าไหร่”

“ว้า แบบนี้พีมก็เจอกับพี่อินยากน่ะสิฮะ”

อินทัชได้แต่ยิ้ม ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักที่ตอนนี้นั่งอมยิ้มอย่างสนุกสนานกับเหตุการณ์นี้ของเพื่อนอยู่

ช่วยกูด้วย!!

ธีรไนยพยักหน้านิดๆ เพราะเข้าใจว่าเพื่อนต้องการอะไร แต่ถ้าจะให้เขาช่วยพูดก็คงจะไม่ได้เช่นกัน เพราะเด็กคนนี้ท่าทางจะไม่ยอมอะไรง่ายๆ

กูจัดให้ไอ้อิน...หึหึ

“พี่อิน...พรุ่งนี้ไปทานข้าวกับพีมได้ไหมฮะ นะฮะ” อินทัชอึกอัก จะปฏิเสธยังดีล่ะเนี่ย...

อินทัชไม่คิดที่จะสานสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น เพราะเขาไม่มีอารมณ์ที่อยากจะทำแบบเดิมแล้ว ไม่อยากสร้างปัญหาอี ถ้าไปเจอน้องสาวน้องชายใคร หากไปทำร้าย ไปทิ้งเขา อาจจะมีปัญหาตามมาทีหลังอีก

พอกันที...เข็ดแล้ว

“พี่ไม่ค่อยว่างน่ะครับ เอาไว้ถ้าพี่ว่างพี่จะติดต่อไปก็แล้วกันนะ”

พีมรู้ว่าการที่อินทัชพูดแบบนี้เป็นการปฏิเสธตนแล้วก็จะไม่ติดต่อมาหาตนแน่นอน เพราะคราวที่แล้วอินทัชก็พูดกับตนแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ติดต่อมาเสียที คราวนี้ไม่ยอมปล่อยไปแน่ๆ

เขาต้องได้อินทัช

“ไม่เอาอ่ะ...พี่อินสัญญาไว้กับพีมครั้งที่แล้วก็ไม่เห็นจะรักษาสัญญาเลย”

“โธ่...ก็พี่ไม่ว่างจริงๆ นี่ครับ”

“ไม่รู้แหละ พี่อินต้องไม่ผิดสัญญากับพีมอีก”

“พีมครับ...” อินทัชปรามเสียงเข้ม เป็นการบ่งบอกว่าอารมณ์ของเขาเริ่มไม่ดีแล้ว และไม่ชอบที่จะให้ใครมาเอาแต่ใจกับตน ธีรไนยที่นั่งมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความสนุกสนาน เดาในใจเล่นๆ ว่าจะเพื่อนรักจะทำอะไรต่อไป หรือว่าคนที่เขาตามให้มาช่วยจะมาถึงก่อน...

จุ๊บ!

“ขอโทษฮะ พีมไม่ได้ตั้งใจจะเอาแต่ใจ พี่อินอย่าโกรธพีมนะฮะ” พีมที่รู้ตัวว่ากำลังทำตัวไม่น่ารักต่อหน้าอินทัชก็เลยหอมแก้มนุ่มของร่างสูงโปร่งอย่างง้องอน

เมื่อเห็นว่าอินทัชยังนั่งนิ่ง พีมก็จูบที่ปากอิ่มของอินทัชเร็วๆ อีกครั้ง ขนาดที่เจ้าตัวยังตั้งตัวรับไม่ทัน ร่างโปร่งหันขวับไปมองคนตัวเล็กกว่าทันที ร่างโปร่งค่อนข้างจะรู้สึกไม่พอใจที่โดนทำรุ่มร่ามใส่ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเขาก็ยอมให้คนมาทำรุ่มร่ามใส่แบบนี้ตลอด

ไม่ผิดหรอกที่พีมจะทำ เพราะมันก็เคยทำได้... แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วไว






50%

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

มาแล้วจ้า อย่าลืมเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า เจอกันครึ่งหลังวันเสาร์จ้า ^^
พูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยจ้า https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 50% => (3/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-08-2017 21:53:47
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 50% => (3/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 03-08-2017 23:03:46
ยอมรับใจตัวเองเถอะอินเอ้ย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 50% => (3/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 04-08-2017 01:07:02
ก้อนะ อินมันรักราม ใครมาทำรุ่มร่ามใส่ตัวเองมันก้อคงไม่ชอบหรอก
ว่าแต่คุณอาเหอะ จะวางแผนทำง้ายอินลับหลังไหมละ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 50% => (3/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-08-2017 23:09:03
 :katai2-1:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 100% => (6/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 06-08-2017 10:34:26
ตอนที่ 50 ครึ่งหลัง





“พีม...ทีหลังไม่ทำแบบนี้กับพี่นะครับ”

“ทำไมอ่า พีมก็แค่ทำเหมือนเดิม”

“แต่ก่อนก็ทำได้ แต่ตอนนี้พี่ว่าอย่าดีกว่านะครับ”

“ทำไมล่ะครับ หรือพี่อินมีแฟนแล้ว”

“ไม่มีครับ”

“แต่มีสามีแล้ว!!” ไม่เสียงของอินทัชที่ตอบ และไม่ใช่ธีรไนยด้วย หากแต่เป็นตัวช่วยที่ธีรไนยเรียกให้มาช่วยอินทัชต่างหาก

ร่างโปร่งเบิกตากว้างอย่างตกใจ ส่วนพีมก็มองคนมาใหม่ทั้งสงสัยและไม่พอใจ ธีรไนยเองก็นั่งยิ้มอยู่แบบนั้น คิดไม่ผิดที่เรียกให้รามินทร์มา ก็เผื่อใจเอาไว้แล้วว่ารามินทร์อาจจะอ่านข้อความหรือไม่อ่าน และที่ธีรไนยมีเบอร์โทรศัพท์ของรามินทร์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คนอย่างเขาหาได้ทุกอย่างถ้าต้องการ

“ราม!!”

“ใครหรือฮะพี่อิน” พีมที่ยังคงกอดแขนเรียวของอินทัชแน่นก็ ดวงตาสวยมองคนตัวเล็กกว่าสลับกับมองหน้ารามินทร์ที่สีหน้าดูน่ากลัวสุดๆ

นี่ไง...แค่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน มันก็มองเด็กคนนี้แบบจะกลืนกินแล้ว

ถ้าเราคบกันไป มันก็ต้องมีอีก ลับหลังมันอาจจะแอบทำอะไรคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขาก็ได้ แบบนี้ไง...เราถึงไม่ควรจะสานสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้น

“แค่...คนเคยรู้จักน่ะครับ พี่เคยไปพักที่รีสอร์ทของเขาตอนที่ไปเที่ยว” อินทัชตอบพีมด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ยิ้มโปรยเสน่ห์ให้กับร่างเล็กข้างกาย ยิ่งทำให้คนที่มองมาอย่างรามินทร์รู้สึกหึงหวง เจ็บที่ใจเมื่อได้เป็นแค่นั้นสำหรับอินทัช

“อ๋อ...ก็แค่คนเคยรู้จัก” พีมหันมาเยาะเย้ยให้กับรามินทร์ ถึงแม้ว่ารามินทร์จะหล่อเข้มถูกใจพีมเหมือนกับอินทัชก็ตามที

มือแกร่งกำแน่น สบตากับอินทัชที่มองตนด้วยสายตาเย็นชา และอินทัชก็ยังทำมากกว่านั้นโดยการโอบไหล่ของพีมต่อหน้าของรามินทร์

ธีรไนยที่นั่งมองอยู่ก็ยังคงยิ้ม ไม่ได้รู้สึกอะไรกับสถานการณ์ตรงหน้า แม้ว่าสีหน้าของรามินทร์จะดูไม่ดีแต่ธีรไนยก็ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไร เขาจะรอดูเพื่อนว่าจะทำแบบนี้ต่อหน้าคนที่มันรักได้อีกนานขนาดไหน จะทนเห็นสีหน้าเจ็บปวดของรามินทร์ต่อไปได้อีกแค่ไหน

และจะฝืนใจทำไปได้ถึงขั้นไหน...

“กูมารับมึงกลับ”

“ใครขอ”

“คุณธีร์...เป็นคนบอกให้กูมารับมึง”

ขวับ!!

ใบหน้าสวยหันไปมองเพื่อนสนิทอย่างคาดโทษ แต่ก็ได้รับท่าทางที่ไม่ได้สำนึกผิดอะไรจากธีรไนยเป็นคำตอบ แล้วยังทำหน้าตากวนๆ มาอีก

“งั้นก็กลับไปซะ กูกลับเองได้” อินทัชไล่

“พี่อินไล่ก็ไปสิ เพราะวันนี้พี่อินจะไปกับผม ใช่ไหมครับ” พีมหันไปถามอ้อนๆ กับอินทัช ร่างโปร่งมองหน้าหวานของพีมนิดๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับรามินทร์

จริงๆ แล้วก็ไม่ได้พิศวาสอะไรคนตัวเล็กกว่านี้หรอก แต่ก็น่าจะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้เขาไม่ต้องไปอยู่ใกล้รามินทร์ได้ คนผิดสัญญา...ไม่รักษาคำพูด

ไม่ว่าจะครั้งไหนๆ รามินทร์ก็ไม่เคยรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเขาได้เลย

“ครับ พี่จะไปกับพีม” ใบสวยโปรยยิ้มหวานให้เด็กหนุ่มละลายเล่น พอได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ พีมก็ตอบแทนประโยคนั้นโดยการโอบคอขาวเข้าหาตนแล้วประกบริมฝีปากลงบนปากบางของอินทัชอย่างร้อนแรง

ท่ามกลางความตกใจของอินทัชที่ไม่คิดว่าจะโดนจู่โจมต่อหน้ารามินทร์และเพื่อนสนิท เขากำลังจะผลักร่างเล็กออก แต่สายตาก็หันไปเห็นรามินทร์ที่มองอยู่อย่างเจ็บปวด อินทัชหลบสายตานั่นด้วยความรู้สึกที่เจ็บทรมานไม่ต่างกันแต่ก็ต้องฝืนใจ ปล่อยให้พีมจูบตนอยู่ต่อไปแบบนี้ โดยไม่ปฏิเสธ และ...ไม่ได้ตอบสนองด้วย

แต่กับรามินทร์ที่ภาพมันเบลอไปหมดไม่สามารถเห็นว่าอินทัชไม่ได้จูบตอบ เพราะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว มันช็อก...มันเจ็บปวด เขากำลังล้มทั้งยืน

นอกจากคำพูดที่มันบาดลึกเข้าไปในจิตใจแล้ว ภาพตรงหน้านี้มันยังบาดตาเขาจนเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วทั้งหัวใจ...

ทำไม...ทำกับกูแบบนี้

เหมือนพีมจะรู้ว่าอินทัชไม่เล่นด้วยก็เลยผละออกมามองหน้าอินทัชอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ใส่ใจอะไรมาก เพราะยังไงแล้ว อินทัชก็ตกลงที่จะไปกับเขาวันนี้แล้ว...

“พี่อินน่ารัก”

อินทัชยิ้มให้ร่างเล็กนิดๆ

“พอใจหรือยัง สนุกมากพอหรือยัง ที่เห็นกูจะเป็นบ้าแบบนี้” รามินทร์ถามขึ้นมาเสียงราบเรียบ จนอินทัชหวนคิดถึงตอนที่รามินทร์โกรธมากๆ ทันที

“เรื่องของมึง” อินทัชพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น

รามินทร์หลับตา ข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้อาละวาดในคลับแห่งนี้ พวกเขาอยู่ในมุมที่ค่อนข้างส่วนตัวหน่อย เลยไม่ค่อยมีคน มือแกร่งกำแน่น จนอินทัชกลัวว่ามันจะลอยไปโดนหน้าของพีมเอา

“คุณธีร์ครับ” รามินทร์กัดฟันเรียกธีรไนย

“ว่า?”

“ขอตัวอินนะครับ”

“หึ...เอาไปสิ มึงเป็นผัวมันนี่” สิ้นเสียงอนุญาต อินทัชก็หันไปขึ้นเสียงใส่เพื่อนรักทันทีอย่างโกรธๆ ที่มันยกเขาให้รามินทร์เร็วมากโดยที่มันเองก็ไม่ได้ชอบอะไรรามินทร์นักหนาเพราะสิ่งที่มันเคยทำไว้กับเขา

แต่นี่อะไร ทำไมถึงยอมยกเขาให้มันไปง่ายๆ แบบนี้

“ว่าไงนะฮะ! พี่อินครับ มันไม่จริงใช่ไหมครับ”

“ม่ะ...” ยังไม่ทันที่อินทัชจะปฏิเสธ รามินทร์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“จริง!!”

“ไอ้ราม!!”

“ทำไม กูก็แค่พูดเรื่องจริง...มึงเป็นเมียกู กูได้มึงมากี่รอบแล้ว จำไม่ได้หรือไง”

“นั่นกูไม่นับ!!” อินทัชเถียง

“ไม่เอาครั้งแรกกับครั้งที่สองก็ได้ ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนที่แล้วก่อนมึงจะกลับมาที่นี่น่ะ!! มึงเต็มใจมีอะไรกับกูนะ มึงเต็มใจที่จะเป็นเมียกู แล้วมึงจะมาทิ้งๆ ขว้างๆ กูแบบนี้ไม่ได้” รามินทร์โวยวายกำลังทวงสิทธิ์ความเป็นสามีกับอินทัชอยู่ ทั้งๆ ที่คนเสียหายคืออินทัช แต่ทำไมคนที่เอาแต่เรียกร้องความรับผิดชอบถึงเป็นคนที่ได้กับได้ล่ะ

อินทัชอายมากกว่าโกรธอีก

“ไอ้ปากหมา!! หยุดเห่าเดี๋ยวนี้นะ นี่มันใช่ที่ที่มึงจะมาพูดเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้หรือไง” อินทัชสั่งเสียงแข็ง ลุกขึ้นมาจากโซฟาตรงเข้ามาร่างสูงใหญ่ทันที

อินทัชอยากจะบีบคอคนตรงหน้าเหลือเกิน อยากจะบีบให้ตายคามือ!!

“กูแค่พูดความจริง...นี่คุณ! คุณยังอยากได้เมียของผมไปเป็นสามีมากขนาดนั้นเลยหรือไง” หันไปถามพีมที่ยังคงตามสถานการณ์ไม่ทัน

“แต่พีมมาก่อนนะฮะ”

“แต่ก็ในฐานะคู่นอนไม่ใช่หรือไง”

“ไอ้ราม!! ให้เกียรติน้องเขาหน่อย”

“คนที่เข้าใกล้มึงน่ะ กูไม่ให้เกียรติใครทั้งนั้นแหละ” ร่างสูงตอบ รามินทร์กลายเป็นคนที่ดื้อสุดๆ ไม่มีเหตุผลจนอินทัชอยากจะหลับหนีไปซะตอนนี้เลย

“แต่มึงไม่มีสิทธิ์”
“เออ!! กูไม่มีสิทธิ์ แต่กูแค่รักมึง หึงมึง หวงมึง ในฐานะคนที่รักมึงเท่านั้น ไม่ใช่ในฐานะคนที่มึงรัก” ไม่รู้ตัดพ้อหรือประชดประชัน รามินทร์ผสมๆ หลายๆ ความรู้สึกไปกับประโยคที่ลั่นออกไป

ถ้าร้องไห้ออกมาตอนนี้มันก็ดูทุเรศไปเพราะมันที่สาธารณะ ถ้าจะมีใครที่เห็นน้ำตาของรามินทร์ เขาขอให้อินทัชเห็นมันแค่คนเดียวก็พอ...

“หุบปากแล้วกลับไปซะ!”

“ไม่กลับ...กูไม่ปล่อยให้มึงไปเอากับใครแน่ๆ”

ก็ไม่ได้จะไปเอาใคร เพราะกูไม่มีอารมณ์จะเอาใครแล้ว ไอ้เหี้ยราม!! กูเลิกนิสัยมั่วๆ ไปแล้ว เลิกเพราะมึง!!!

“ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้วะ สัญญาก็ไม่รักษา แล้วยังมาทำตัวแบบนี้อีก กูควรทำยังไงกับมึงดีวะ” อินทัชพูดเครียดๆ มองหน้า

“กูว่ามึงกับมันไปคุยกันที่ส่วนตัวกว่านี้ดีกว่านะ” ธีรไนยเดินเข้ามาหารามินทร์กับอินทัช โดยที่ทิ้งให้พีมนั่งหน้างออยู่คนเดียว

อินทัชหันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อนตัวดี พร้อมกับเอามือตบที่ศีรษะของธีรไนยไม่แรงมากนักแต่ให้เพื่อนรู้ว่าเขากำลังโกรธ โกรธจนอยากลงไม้ลงมือด้วย

“ไอ้ธีร์!!”

“กูแค่อยากให้มึงมีความสุข”

“สุขเหี้ยอะไรล่ะ กูจะบ้าตายเพราะมันเนี่ย” อินทัชชี้หน้าคนที่ทำให้ตัวเองหัวเสีย

รามินทร์ยังคงนิ่ง แต่ในใจก็ว้าวุ่น เจ็บปวดไม่หายไป ภาพที่คนที่ตนรักจูบกับคนอื่นมันยังติดอยู่ในหัว สลัดยังไงก็สลัดไม่ออก...

ริมฝีปาก ร่างกาย และหัวใจ ต้องเป็นของเขา ของเขาคนเดียวเท่านั้น...

“มึงก็รู้ดีอินว่าทำยังไงมึงถึงจะมีความสุข ส่วนมึงไอ้ราม ที่กูยอมให้มึงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเพื่อนกูไม่ใช่ว่ากูจะหายโกรธในสิ่งที่มึงทำกับเพื่อนกูนะ แค่ไม่อยากให้เพื่อนกูอมทุกข์” ธีรไนยพูดกับรามินทร์ข้ามหัวของอินทัชไปจนน่าโมโห

“กูไม่เคยอมทุกข์!!”

“เงียบไปไอ้อิน คราวกู...มึงยังให้กูบอกความรู้สึกของกูไปเลย แต่มึงเองนั่นแหละที่...”

“หุบปากไปธีร์!!” รีบสั่งเพื่อนเสียงดังเพราะกลัวว่าเพื่อนสนิทจะพูดอะไรที่เขาไม่อยากจะให้มันรู้ออกไป

“งั้นมึงก็ไปกับมัน ไปคุยกันซะ ไปเคลียร์กันให้เรียบร้อย”

“กูกับมันพูดกันรู้เรื่องหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”

“มี!! มีเยอะด้วย”

“ไอ้ราม!!”

“มึงกลัวมันหรือไงอิน”

“กูไม่ได้กลัวนะธีร์”

“ไม่ได้กลัวก็ไปกับกูสิ!” รามินทร์ท้าทาย

ร่างโปร่งบางเม้มปากแน่น คิดไม่ตก ถ้าไปกับมันต้องไม่ดีแน่ๆ

ไม่ดีกับใจตัวเอง...

“เออ!!!”

ก็แค่ไม่อยากโดนหาว่าเขากลัว...ไม่ใช่ความต้องการลึกๆ ของตัวเองเลยจริงๆ


ร่างแกร่งพาอินทัชมาที่โรงแรมที่ตนเองพักอยู่ตอนแรกก็อยากจะขัดอยู่หรอก แต่มันต้องหาเรื่องท้าทายเขาอีกแน่ๆ ฉะนั้นแล้วร่างโปร่งเลยนั่งเงียบๆ พอคุยธุระเสร็จก็จะกลับเลย

แต่ทำไมเขาถึงได้นั่งอยู่บนโซฟา โดยมีรามินทร์นั่งจ้องเขาอยู่แบบนี้ ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย ไหนว่ามีเรื่องจะคุยไง ก็รีบพูดมาสักทีสิ

“รีบพูดธุระของมึงมาได้แล้ว”

“มึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับกูเลยจริงๆ งั้นเหรอ”

“ถามอะไรของมึง?”

“กูแค่อยากรู้”

“เออ!! ไม่ได้รู้สึก” หลบสายตาแล้วตอบออกไปดังๆ เพื่อตัดปัญหา

แต่รามินทร์กลับไม่ยอม ใช้มือบังคับใบหน้าสวยให้หันมามองหน้ากับตน แต่ถึงอย่างนั้นอินทัชก็ไม่กล้าสบสายตากับดวงตาคมคู่นั่นอยู่ดี

“มองตากู แล้วพูดว่ามึงไม่รู้สึกอะไรกับกู เกลียดกู อยากให้กูออกไปจากชีวิตมึง อยากให้กูหายไปพ้นๆ จากสายตามึง มองตา...แล้วมึงพูด”

รามินทร์เขย่าร่างโปร่งเบาๆ เร่งเร้าให้อินทัชทำตามที่เขาบอก มันเป็นการเดิมพันสุดท้ายจริงๆ เพราะถ้าหากว่าอินทัชสบตาแล้วพูดออกมาได้...เขาก็คงจะหมดหวังแล้วจริงๆ

“ยืนยันหลายรอบไง มึงจะเอาอะไรอีก”

“ความชัดเจนไง”

“กูก็ชัดเจน”

“งั้นก็ช่วยย้ำมันอีกครั้ง...นะ” รามินทร์ขอร้อง

อินทัชข่มจิตใจที่หวั่นไหวของตนช้อนตามองสบกับดวงตาที่มองกันอย่างลึกซึ้ง แต่ยังไม่ทันได้พูดรามินทร์ก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเราชนกัน

“ใกล้ไปแล้วนะ”

“สบตา แล้วพูด”

“กู...เกลียด อื้อ...” คนตัวสูงกว่าประกบริมฝีปากเข้ากับปากบางชมพูโดยไม่ปล่อยให้อินทัชพูดประโยคเสียดแทงหัวใจนั่นออกมา

ปลายลิ้นร้อนค่อยๆ สอดผ่านกลีบปากนุ่มที่ไม่ได้เม้มกีดกันอย่างที่ควรเป็นทำให้รามินทร์ได้ใจ สอดปลายลิ้นเข้าไปได้สำเร็จ เขาค่อยๆ หยอกล้อกับปลายลิ้นของอินทัชที่ยังคงนิ่ง ร่างบางนั่งตัวตรง พยายามไม่ให้ตัวเองเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและอ่อนหวานนี่ เขาอยากจะผลักมันออก อยากจะขัดขืน แต่ทำไมร่างกายไม่รักดีนี่ถึงได้ไม่ยอมทำตามที่ต้องการ

“กูรักมึง...กูคิดถึงมึง”

น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาสวย อินทัชหลับตาแน่น ยกแขนตัวเองโอบรอบคอแกร่ง ก่อนจะเปิดตาที่พราวไปด้วยน้ำสบกับดวงตาคมของรามินทร์ที่กำลังยิ้มน้อยๆ อยู่

“กูเกลียดมึง...อึก…เกลียดที่สุด” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงสั่น

ถ้าเวลาปกติรามินทร์คงหัวใจจมดิ่งลงก้นเหวไปแล้ว แต่คราวนี้...เขาเห็นอะไรบางอย่างจากแววตาของอินทัช และการกระทำของอินทัชตอนนี้ มันก็บอกได้เป็นอย่างดี...

“กูรู้แล้ว กูเข้าใจแล้ว”

“เกลียด...เกลียดที่สุด”

เกลียดตัวเอง...เกลียดที่ตัวเองแพ้ต่อความต้องการของหัวใจของตัวเอง

เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถเกลียดรามินทร์ได้อย่างที่พูด

เกลียด...ที่รักมัน

รักคนใจร้ายอย่างมัน...





100%

 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

ไหนวันเสาร์ของแกยูกิ? ทุกคนคงมีคำถามนี้ใช่ไหมล่า แหะๆ

ไม่ได้แก้ตัวเลยน้า เมื่อวานจริงๆ ก็มีเวลาแหละ แต่เราทำงานที่จะส่งวันจันทร์อยู่ไง ตอนแรกก็แบบโอเคยังไม่สี่ทุ่ม ยังทันๆ

ทำไปทำมา มองดูนาฬิกาเพราะคิดขึ้นได้ก็ตีหนึ่งแล้ว เวรกรรม ก็เลย...เลย...เลยตามเลย แหะๆ

รีบมาลงให้ทันทีที่ตื่นเลยนะคะเนี่ย อย่าลืมเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า ขอบคุณมากเลยจ้า

พูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลย ตอบช้าแต่ตอบชัวร์  https://www.facebook.com/sawachiyuki/
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 100% => (6/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: viewier ที่ 06-08-2017 14:04:36
ให้เค้าไปเถอะอินเอ้ย :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 100% => (6/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-08-2017 14:11:46
ถึงจะแกร่งแค่ไหน ก็แพ้ใจตัวเองนะอิน  :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 100% => (6/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-08-2017 16:11:45
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 100% => (6/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-08-2017 19:03:02
ยอมได้แล้วอิน :mew2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 100% => (6/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 06-08-2017 19:56:51
อ๊ายยยย ธีร์นี่เป็นตัวเชื่อมที่ดีจิงๆ
ปล. เป็นจูบที่หวานมากในความรู้สึก
หัวใจเต้นแรงอะ ราวกับรอคอยสิ่งนี้มานาน
งื้ออออ รักรามอิน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 100% => (6/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 07-08-2017 09:11:46
เหอเหอ... จะยังไงดี..
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 100% => (6/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 07-08-2017 23:58:13
 :ling1:  :hao7:  :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 100% => (6/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-08-2017 23:39:19
 o11
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 50 100% => (6/08/60) P.28 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-08-2017 19:14:48
เจ็บแล้วจำ มันก็ดี แต่เจ็บแล้วเจ็บอีก มันจะไม่จบนะ

อินน่าสงสารนะ เจ็บมาเยอะ จะให้ยอมรับว่ารัก ก็ทำใจยาก แล้วยังไม่อยากให้รามไปวุ่นวายกับคนที่เข้าหาอินด้วย
รักก็รัก ห่วงก็ห่วง แต่ก็ยังเจ็บอยู่ เลยปากแข็งไปงั้น

รามก็รุกจริง รุกจัง ดีแล้ว ต้องแก้ตัวนะ ถ้ารักจริง ต้องยอมให้ช้ำกันไปข้าง

ธีร์กวนประสาท สนิทมากก็รู้ใจมาก แต่ชอบอะ รักกันดี

ขรรค์เอ้ยย เกือบไม่รอดไหมล่ะ เงินเกือบล้มนะ
แม่เงินคงได้บทเรียนเยอะกว่าเดิม แล้วตอนนี้คงเคลียร์กันไปบ้างแล้วใช่ไหมคะ

จักรจอม ถ้ายอมพูดกันแต่แรกว่า เจอปัญหา คงหวานชื่นไปนานละ เรียนรู้กันไปนะ
แต่ตอนนี้พอหวานกันแล้ว คือยอมใจ จักรทำตัวเลี่ยนได้อีก 5555

หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 51 50% => (15/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 15-08-2017 00:23:36
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 51
เรื่องของเจ้าจอม




เวลาผ่านไปสองชั่วโมงกว่าตอนนี้ก็เลยมาวันใหม่แล้ว รามินทร์ปล่อยให้อินทัชนอนอยู่นิ่งๆ ในอ้อมกอดของเขา เพราะเจ้าตัวร้องไห้หนักมาก จนเหนื่อยแล้วก็หลับไป

แต่ดูเหมือนตอนนี้...อินทัชจะรู้สึกตัวแล้ว

“อื้อ...”

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเช้าแล้ว รามินทร์รู้สึกว่าไม่อยากให้อินทัชตื่นขึ้นมาเลย อยากจะให้นอนนานกว่านี้อีก จะได้อยู่กับเขาให้ได้นานที่สุด

อินทัชค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับลุกจากอ้อมแขนของรามินทร์ที่เขาจำได้ว่าเผลอหลับไปตอนที่กำลังร้องไห้อยู่ และก็เป็นการนอนที่หลับสนิทที่สุดในรอบหนึ่งเดือนเลย

“กี่โมงแล้ว”

“ยังไม่เช้าเลย มึงนอนต่อไปก็ได้”

“ไม่เอา...กูมีงานต้องทำ” อินทัชตอบเสียงเบา มองหาทาง จะเดินลงจากเตียงเพราะมันยังมืดอยู่ก็เลยลำบากที่จะหาทางจะออกไปที่นี่

อินทัชเผยความอ่อนแอไปแล้ว และไม่อยากจะให้รามินทร์รู้ว่าเขารู้สึกยังไง..ต่อให้รู้แล้ว อินทัชก็จะไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น...

“งานอะไรนักหนา ต้องไปแต่เช้า”

“กูจะไปนอนต่อที่คอนโด”

“แล้วนอนที่นี่ต่างจากคอนโดมึงตรงไหน” ร่างสูงคว้าร่างของอินทัชเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้ขยับหนีได้อีก อินทัชรู้สึกถึงความเครียดที่เล่นงานตนเองแต่เช้า

“ต่างสิ อยู่ที่นี่กูนอนไม่หลับ มันจะทำให้กูพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ”

“กูเห็นว่ามึงหลับสบายดี”

“มึงจะมารู้ดีกว่ากูได้ยังไงไอ้ราม ปล่อย กูจะกลับคอนโดกู”

“ไม่ปล่อย มึงนอนที่นี่แหละ แล้วจะตื่นกี่โมงก็บอก กูจะปลุกมึงให้ รับรองว่ามึงไปทำงานไม่สายหรอก กูจะไม่ทำให้เจ้าของบริษัทไปสายแน่ๆ โอเคนะ”

อินทัชเห็นว่าคงไม่มีทางที่เขาจะได้กลับไปอย่างที่หวังก็ได้แต่ถอนหายใจแรงๆ แต่ก็ยอมทิ้งตัวนอนลงบนที่นอนด้วยความเพลีย อินทัชไม่มีพลังจะมาเถียงหรือขัดขืนอะไรรามินทร์แล้ว...ถ้าการได้อยู่ใกล้กับรามินทร์มันทำให้เขานอนหลับสบาย ก็ขอกอบโกยเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน

“จะให้ปลุกกี่โมงครับ ท่านนักธุรกิจใหญ่”

“กูจะเข้าบริษัทสิบโมง”

“งั้นสักเก้าโมงกูจะปลุกก็แล้วกัน โรงแรมกูไม่ได้อยู่ไกลจากที่ทำงานมึงมากนัก”

“อือ...ห้ามรบกวนด้วย”

“ไม่รบกวนหรอกน่า เพราะกูจะนอนด้วย”

“เรื่องของมึงเถอะ แต่อย่าทำอะไรกูก็พอ ถ้ามึงทำ อย่าหวังเลยว่าจะมีครั้งหน้าที่เราจะเจอกันอีก” อินทัชคาดโทษเอาไว้ก่อนล่วงหน้า เผื่อว่ารามินทร์มันคิดจะแตะต้องตัวของเขา

โดยไม่ได้ไตร่ตรองคำพูดของตัวเองเลยสักนิดว่ามันเป็นการสัญญาหากรามินทร์ไม่ทำอะไรอินทัชก็จะมีโอกาสได้เจอในครั้งต่อไป...

“มึงพูดแล้วนะ”

“พูดอะไร”

“ถ้ากูไม่ทำอะไรมึง คราวหน้าเราจะเจอกันอีก”

“ไม่ได้พูดเว้ย!!”

“มึงลองคิดดีๆ ที่มึงขู่กูเมื่อกี้น่ะ มันหมายความว่าแบบนั้น”

ร่างโปร่งรู้สึกพูดอะไรไม่ออกเป็นครั้งที่สอง เลยหายใจฮึดฮัดเอาผ้าห่มขึ้นคลุมโปงหนีไป เสียงหัวเราะเบาๆ เลยออกมาจากรามินทร์อย่างชอบใจ

รามินทร์นั่งพิงหัวเตียงมองร่างที่ถูกผ้าห่มคลุมจนมองไม่เห็นแม้แต่ปลายเท้าหรือเส้นผมด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความสุข

“กูไม่นอนหรอก กูจะนั่งมองมึงแบบนี้แหละ เพราะกูไม่รู้ว่าจะมีโอกาสหน้าไหม...ที่จะได้นั่งมองมึงแบบนี้”

กลัวว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว…

รามินทร์รู้...ว่าอินทัชยังไม่หลับในทันทีหรอก ทางด้านร่างโปร่งที่ได้ยินประโยคนั้นอย่างชัดเจนก็ไม่สามารถควบคุมความรู้ของตัวเองได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึก ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ

แต่เราไปกันไม่ได้หรอกยังไงก็ไม่มีทางที่จะไปกันรอดเลย เจ็บกันตอนนี้ดีกว่า





 

“ดีนะที่ไอ้ขรรค์มันฟื้นแล้ว ไม่งั้นนะ หมอเงินคงได้ล้ม เป็นอะไรไปอีกคนแน่ๆ” จุลจักรเอ่ยขึ้นมาขณะที่เขากับคนรักเดินออกจากโรงพยาบาลหลังเยี่ยมขรรค์เสร็จแล้ว

“ฉันก็คิดว่าแบบนั้น แต่พี่ขรรค์ดีขึ้นแล้ว ฉันก็คงจะต้องกลับแล้วล่ะ”

“คุณจอมจะกลับวันไหนครับ”

“ฉันคุยโทรศัพท์กับพี่รามเมื่อเช้า พี่รามบอกว่าจะขออยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อยเลยให้ฉันกลับไปก่อน ฉันก็จำเป็นต้องกลับไปล่ะนะ เพราะช่วงนี้ลูกค้าเยอะมาก คุณภพคงจะดูแลคนเดียวไม่ไหวแน่ๆ”

“แต่ว่า...ตั้งแต่คุณจอมมา เรายังไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเลยนะครับ มีแค่วันที่ไปดื่มวันเดียวเท่านั้นเอง”

“ก็นายมีงานต้องทำนี่” เจ้าจอมพูด

ร่างบางเองก็รู้สึกเสียดายที่ได้อยู่กับจุลจักรแค่ช่วงตอนกลางคืนไม่กี่ช่วงโมง เพราะจุลจักรต้องทำงาน และมันเป็นช่วงฝึกงานกับทดลองงาน อินทัชก็บอกเหตุผลกับเจ้าจอมแล้วว่าช่วงสามเดือนก็จะเป็นแบบนี้แหละ

“ขอโทษนะครับ แต่คุณจอมต้องอดทนนะครับ ผมก็จะอดทนเหมือนกัน แล้ววันของเราจะมาถึง อีกไม่นานหรอกครับ อีกไม่นาน”

“ฉันเพิ่งจะมารู้นะจักร ว่าการที่ไม่มีอยู่ด้วยทำให้ฉันเหงากว่าที่คิดอีก” เจ้าจอมพูดออกมาตามที่ตัวเองรู้สึก ในแต่ละวันที่อยู่คนเดียวตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เจ้าจอมไม่มีความสุขเลย มันมีความสุขแค่ช่วงเวลาเดียวคือตอนที่จุลจักรโทรศัพท์มาหา

เจ้าจอมจะไม่เป็นคนที่โทรไปหา เพราะกลัวจะไปรบกวนเวลาทำงาน เลยให้จุลจักรเป็นฝ่ายโทรมาหาเอง

“ผมเป็นยิ่งกว่าอีกครับ”

“ทำไงดีจักร...ฉันยังไม่อยากกลับเลย”

“คุณจอมจะกลับวันไหนครับ”

“พรุ่งนี้”

ร่างแกร่งนิ่งไปเมื่อได้รับคำตอบที่มันค่อนข้างจะกะทันหัน ร่างทั้งร่างเลยชะงักอยู่กับที่แบบนี้จนเจ้าจอมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน หากแต่เขาก็ต้องทำเป็นเข้มแข็งเข้าไว้

ยังซะ!! มันก็เป็นเรื่องเราต้องผ่านมันไปให้ได้

“ทำไมเร็วล่ะครับ”

“ลูกค้าเยอะมากนะจักร ฉันในฐานะน้องก็ต้องทำหน้าที่แทนพี่ชาย ในขณะที่พี่รามยังตามง้อพี่อินอยู่” เจ้าจอมไม่ได้โกรธรามินทร์ที่ให้เหตุผลว่าจะอยู่ที่นี่ต่อเพราะต้องการง้ออินทัช เพราะอย่างน้อยเจ้าจอมกับจุลจักรก็รักกัน คบกันเป็นคนรัก แต่รามินทร์กับอินทัชมันยังคงคลุมเครือ

เจ้าจอมรู้จักพี่ชายตัวเองดี ว่าถ้ารักใครไปแล้ว ก็จะรักคนนั้นมากๆ รักจนยอมทำทุกอย่าง...

“นั่นสินะครับ ผมขอโทษนะคุณจอม”

“ไม่เป็นไรหรอก”

“งั้นวันนี้คุณจอมไปนอนกับผมที่คอนโดนะครับ”

ร่างเล็กยิ้มให้แล้วพยักหน้าเป็นการตอบรับ

“ตอนนี้นายควรไปทำงานได้แล้วจักร ขอเข้าช้าไปแล้วก็ไม่ควรที่จะสายเกินไปนะ”

“ครับคุณจอม”

“เดี๋ยวฉันไปส่ง”

“ครับ”

...

...

...


 
“ไง! หาบ้านเจอด้วยเหรอ”

กึก!!

สองเท้าชะงักกึกอยู่กับที่เมื่อเจอคำทักทายที่ไม่สมควรที่จะออกมาจากปากของคนที่เพิ่งเจอกันในรอบหลายปี แต่ก็อย่างว่าแหละถึงเจอกันบ่อยๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้ ขนาดโทรศัพท์คุยกัน ก็ยังทะเลาะกันตลอด

“ก็ไม่ได้อยากจะมานักหรอก แต่มาตามหน้าที่ สวัสดีครับพ่อ แม่” เจ้าจอมยกมือไหว้พ่อกับแม่ของตนเอง ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะพูดดีๆ กับท่านทั้งสอง แต่ระหว่างเราสามคน มันมีบรรยากาศแย่ๆ ร่วมกันมาหลายปีแล้วตั้งแต่วันที่เจ้าจอมสารภาพว่าไม่ได้ชอบผู้หญิง จนโดนไล่ออกจากบ้านไป

“ดูมันพูดซิ!!”

“งั้นจอมลานะครับ” เจ้าจอมที่เห็นว่าพ่อกำลังหัวเสีย เขาก็ไม่อยากอยู่ให้ต้องทะเลาะกัน ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน การที่เขาเป็น ‘เกย์’ ก็เป็นที่น่ารังเกียจของพ่อแม่อยู่ดี

มันเสียใจ จนด้านชาไปหมดแล้ว

“เดี๋ยว!!! แกยังคบอยู่กับไอ้บ้านนอกนั่นอยู่หรือเปล่า”

“พ่อจะอยากรู้ไปทำไม”

“ฉันก็ต้องรู้สิว่าลูกมันไปเกลือกกลั้วกับพวกกระจอกหรือเปล่า ฉันจะบอกไว้ให้เลยนะ ว่าถ้าแกจะเป็นพวกร่วมเพศ แกก็ต้องเอาคนที่ฉันหามาให้เท่านั้น”

“ทำไมจอมต้องทำตามที่พ่อบอกด้วย ทั้งๆ ที่ผ่านมาพ่อไม่ใยดีอะไรลูกชายคนนี้เลย”

“ก็ใครให้แกเกิดมาผิดเพศล่ะ!!!”

“แล้วให้จอมเกิดมาทำไม!!!”

เจ้าจอมตะโกนกลับไปอย่างอัดอั้นใจ มองหน้าพ่อกับแม่อย่างตัดพ้อ น้อยใจ แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ไม่เข้าใจ มองหน้าลูกชายคนเดียวด้วยความโทสะ

บางทีเจ้าจอมก็อยากรู้...พ่อกับแม่รักเขาบ้างไหม...

หรือแค่รักตัวเอง...

“จอมบอกไว้เลยว่าจอมเลือกจักร จอมจะใช้ชีวิตกับเขา!! จอมจะไม่เอาผู้ชายที่พ่อกับแม่หามาให้เด็ดขาด จอมมีชีวิตเป็นของตัวเองมานานแล้ว”

“นี่เจ้าจอม...ลูกกำลังขึ้นเสียงกับพ่อและแม่อยู่นะ” หญิงสาวที่เป็นแม่ของเจ้าจอมพูดอย่างไม่พอใจ

“แล้วแม่จะให้จอมทำยังไง พ่อกับแม่ไม่เคยถูกบังคับเหรอ ถึงไม่รู้ว่ามันทรมานยังไง” คำถามของเจ้าจอมทำเอาสองสามีภรรยามองหน้ากันนิ่งๆ

“แต่แกเป็นลูก แกต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ที่ให้กำเนิดแกมา”

“นั่นหมายถึงความกตัญญูใช่ไหมครับพ่อ” ร่างเล็กถามเสียงสั่น

“ใช่!!”

“แล้วความรัก...ที่พ่อกับแม่ควรมีให้ลูกล่ะครับ จอมมีโอกาสหรือมีสิทธิ์ได้ไหม”

สองสามีภรรยามองหน้ากันอีกครั้ง เพราะไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไง ถ้าถามว่ารักลูกไหม พ่อแม่ที่ไหนบ้างจะไม่รักลูก แต่การรักลูกของคนเรามันต่างกัน

อย่างพวกเขาก็ต้องการให้ลูกได้คนที่เหมาะสมที่สุด ไม่ใช่จะไปคว้าใครที่พวกเขาเห็นว่าไม่สามารถดูแลลูกของพวกเขาได้...

“จอมจะกลับแล้ว แค่แวะมาทักทาย เห็นพ่อกับแม่สบายดีก็หมดห่วงแล้ว สวัสดีครับ” ร่างบางยกมือไหว้พ่อแม่ของตนแล้วเดินออกจากบ้านแห่งนี้ไปทันที ไม่ได้โกรธ ไม่ได้โมโห แต่ก็เป็นอารมณ์เดิมๆ ที่ถาโถมเข้ามา

น้อยใจ...

รามินทร์สอนให้เจ้าจอมแวะมาหาพ่อกับแม่บ้าง ถ้าครั้งไหนมากรุงเทพก็ให้มา แม้ว่าจะต้องมาทะเลาะกันตลอด ก็ต้องมา ยังไงท่าก็เป็นพ่อแม่ แต่แล้วยังไง มาทุกครั้ง ท่านก็ยังไม่รู้ว่าอะไรที่จะทำให้ลูกคนนี้มีความสุข

“เพราะจอมไม่ได้เกิดจากความรัก พ่อกับแม่เลยไม่รักจอมใช่ไหมฮะ”
               
เจ้าจอมพูดกับตัวเองเบาๆ มองภาพบ้านของตัวเองจากด้านนอกประตูรั้ว ที่ตอนเด็กๆ นั้น เขาเคยอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข และอบอุ่น แต่วันนี้ เจ้าจอมกลับมองมันด้วยความเศร้า..ไม่ใช่ความสุข
 
               


ทางด้านของจุลจักรที่ตอนนี้กำลังคุยกับรามินทร์อยู่ เนื่องจากเจ้านายมาหาเขาถึงแผนกเพราะได้ขออนุญาตจากอินทัชแล้วเรียบร้อยหลังจากที่รามินทร์ไปส่งถึงห้องทำงานชั้นบน

ต่อให้จุลจักรจะออกจากการทำงานให้รามินทร์แล้ว แต่เขาก็นับถือรามินทร์เป็นเจ้านายอยู่ดี

รามินทร์เล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของเจ้าจอมให้จุลจักรฟัง เพราะถ้ารอให้เจ้าตัวเล่าเอง คงไม่มีวันนั้นแน่ๆ ไม่มีใครอยากจะเล่าเรื่องแบบนี้ของครอบครัวที่มีแต่ปัญหาให้คนอื่นฟังได้หรอก

“พ่อกับแม่คุณจอม แต่งงานกันเพราะถูกบังคับงั้นหรือครับ”

“ใช่...และท่านก็พลาดทำให้เจ้าจอมเกิดมาเพราะแผนการของคุณย่าฉัน ก็คุณยายของจอมนั้นแหละ”

“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ”

“ท่านเห็นว่าเหมาะสมกันล่ะมั้ง แต่โชคดีหน่อยที่แม่ของฉันเกิดมาเพียบพร้อมเลยได้แต่งงานกับพ่อโดยไม่มีปัญหาอะไร แต่เพราะแม่ของเจ้าจอมเป็นคนสุดท้องด้วยนั่นแหละ คุณย่าเลยอยากให้เจอคนที่ดีและเหมาะสม ถึงแม้จะแต่งงานกันโดยไม่ได้เต็มใจ แต่คุณอาทั้งสองท่านก็รักเจ้าจอมมากนะ จากตอนแรกจะหย่ากันทันทีที่คลอดเจ้าจอม แต่เป็นเพราะความรักความผูกพันที่มี คุณอาไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กมีปัญหา ท่านก็เลยตกลงไม่หย่ากัน และอยู่กันมาจนถึงทุกวันนี้...”

ความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่เจ้าจอมอาจจะไม่ได้มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ท่านทั้งสองมีความผูกพันกันและอยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน เหมือนเป็นเพื่อนที่จะอยู่กันจนวันตาย ไม่มีปัญหาบ้านเล็ก บ้านน้อย

“ถ้าอย่างนั้นพวกท่านก็ต้องทราบสิครับว่าการถูกบังคับมันทรมานขนาดไหน” จุลจักรถามรามินทร์ ซึ่งร่างสูงใหญ่ก็พยักหน้าตอบ

“แต่ว่า...การที่ท่านทั้งสองอยู่ด้วยกันโดยไม่มีปัญหาอะไรเนี่ยแหละ มันทำให้พวกท่านคิดจะให้เจ้าจอมอยู่กับคนที่พวกท่านเลือก เพราะสักวัน ก็จะเป็นแบบท่านทั้งสอง ที่อยู่กันได้โดยไม่ต้องรักกัน”

เมื่อได้รู้แบบนี้แล้ว จุลจักรก็ยิ่งเป็นห่วงความรู้สึกของเจ้าจอมจนอยากจะหายตัวไปหาเสียเดี๋ยวนี้ แต่มันก็ทำไม่ได้ เขามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ...

“ที่ฉันมาเล่าให้แกฟัง หากแกเจอเจ้าจอมเย็นนี้ แล้วอารมณ์ของจอมดูไม่มีความสุข นั่นเป็นเพราะไปหาพ่อกับแม่มานั่นแหละ แกก็ช่วยพูดกับเจ้าจอมบ่อยๆ นะ ถึงท่านจะไม่รักกัน แต่ใช่ว่าไม่ได้รักเจ้าจอม”

“ครับคุณราม ผมจะดูแลคุณจอมให้เองครับ”

“เชื่อเถอะ ว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ด้วยดีสำหรับคุณอาน่ะ ความดีเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องความเหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญ...แกจำเอาไว้ แล้วสร้างตัวให้เร็วที่สุด ฉันฝากน้องชายของฉันด้วย”

“ผมจะดูแลคุณจอม ด้วยชีวิตเลยครับ”

รามินทร์เชื่อใจและมั่นใจในตัวของจุลจักรว่าจะต้องทำให้น้องชายที่เขารักมากคนนี้มีความสุขที่สุดและจะไม่พาเจ้าจอมไปเจอกับเรื่องลำบากแน่นอน เพราะจุลจักรจะเป็นคนแบกรับมันเอาไว้ทั้งหมด...

คนอย่างจุลจักร รักใครแล้ว...ก็จะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนที่ตนรักต้องมาลำบากเพราะตัวเอง

...

...






50%

==============================================

   อัพจ้าที่ร้าก อย่าลืมเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ^^ ฝันดีจ้าาาาา เจอกันใหม่อีกครึ่งหนึ่งน้าาาา มีอะไรเข้าไป พูดคุย สอบถาม หรือทวงนิยายกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยจ้า (ทวงตลอด อัพช้าตลอด ฮ่าๆ) เรื่องนี้มี 65 ตอนจบนะคะ แล้วก็บทส่งท้าย จากนั้นก้ลงตอนพิเศษให้ (กี่ตอนหว่า จำไม่ได้และ แหะๆ)

https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 51 50% => (15/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-08-2017 01:00:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: เฮ้อออ แต่ละคู่ก็มีปัญหาต่างกันไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 51 50% => (15/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 16-08-2017 08:48:57
มันเศร้าใจจ เมื่อไหร่จะสุขน้าา
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 51 50% => (15/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 16-08-2017 11:17:52
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 51 50% => (15/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-08-2017 19:59:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 51 50% => (15/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-08-2017 01:39:02
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 51 50% => (15/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 19-08-2017 22:29:15
เรื่องของจอมทำเอาน้ำตาไหล
แต่เรื่องของราม ก็ใช่ว่าตะทำให้ยิ้มได้ตอนนี้เหมือนกัน
ทุกเรื่อง รอเวลาที่เหมาะสมหมดเลย
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 51 100% => (15/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 21-08-2017 12:42:33
ตอนที่ 51 ครึ่งหลัง





“คุณจอมทานน้อยจังเลยครับ”

“ฉันไม่ค่อยหิวน่ะ…ว่าแต่ห้องของนายก็ใหญ่ดีเนอะ พี่อินใจดีจัง” เจ้าจอมเปลี่ยนเรื่องมองรอบๆ ห้องคอนโดอย่างสนอกสนใจ

ได้อยู่ในห้องสวยๆ ได้อยู่กับจุลจักร มันก็ทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นตลอดทั้งวันลดลงได้จนเกือบจะหายดีแล้ว แต่คงต้องขึ้นอยู่กับจิตใจของตัวของเจ้าจอมเองด้วยว่าจะยอมคลายออกมากน้อยขนาดไหน

“ผมอยู่คนเดียวในนี้แบบเหงามากครับ มันใหญ่ไป แต่พอได้ทำงาน เวลาอยู่ในห้องน้อยกว่าอยู่ที่บริษัทอีกครับ มาถึงที่นี่ก็หลับเป็นตาย ตื่นเช้าไปทำงาน”

“แล้วเรื่องเสื้อผ้าล่ะ”

“จะมีแม่บ้านมาเอาไปซักให้ทุกสองวันครับ”

“พี่อินดูแลดีจัง แบบนี้ก็หมดห่วงแล้วล่ะ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับคุณจอม”

เจ้าจอมลุกขึ้นหยิบจานที่ทานข้าวกันเสร็จแล้วไปล้าง บอกให้ร่างแกร่งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พอจุลจักรออกมาจากห้องนอนก็เห็นว่าเจ้าจอมกำลังนั่งดูทีวีอยู่นิ่งๆ สายตาเหมือนไม่ได้โฟกัสที่หน้าจอเลย ร่างแกร่งเลยเดินไปนั่งข้างๆ แต่เจ้าจอมก็ไม่ได้สนใจ

“ผมรักคุณจอมนะครับ”

เป็นประโยคที่ทำให้เจ้าจอมหันมามองหน้าทันทีด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ จุลจักรถึงได้มาบอกรักกันแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้

แต่รู้สึกดีนะ...

“ทำไมจู่ๆ ถึงบอกล่ะ”

“คุณจอมดูเหมือนไม่สบายใจ ไปพบคุณพ่อ คุณแม่มาใช่ไหมครับ”

“ทำไมรู้ล่ะ”

“คุณรามบอกผมว่าถ้าคุณจอมมากรุงเทพจะต้องเข้าไปที่บ้าน”

“อืม...ฉันไปหาพวกท่านมาน่ะ แล้วก็...ทะเลาะกันเหมือนเดิม จักร...ฉันสงสัยนะ ว่าถ้าท่านไม่รักฉันท่านจะให้ฉันเกิดมาทำไม ฉันทำอะไรผิด ฉันแค่ชอบผู้ชาย...ฉันผิดมากเหรอ ฉันผิดเหรอที่เลือกเกิดไม่ได้” เจ้าจอมระบายเสียงสั่นเครือ แต่ไม่ได้ร้องไห้ แค่พยายามกลั้นมันเอาไว้ ไม่อยากให้ร่างสูงต้องมากังวลด้วย

“คุณจอมไม่ผิดหรอกครับ...”

“แล้วทำไมท่านไม่เข้าใจฉัน ท่านไม่รักฉัน”

จุลจักรรู้สึกเห็นใจคนรักของตนมาก ใครที่เจอแบบนี้ก็คงต้องคิดแบบเดียวกับเจ้าจอม ต้องรู้สึกเจ็บปวดมากแน่ๆ จุลจักรไม่สามารถที่จะเอาความเจ็บปวดนั่นมาเป็นของตัวเองได้ แต่เขาสามารถที่จะช่วยให้ความเจ็บปวดนี้ลดลงไปได้

“ท่านรักคุณจอม...ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกของตัวเองหรอกครับ ใช่...มันอาจจะมี แต่สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ของคุณจอมน่ะ ท่านรักคุณจอมมากนะครับ ท่านเลยอยากให้คุณจอมได้เจอคนที่ดีๆ สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ท่านแค่ไม่เข้าใจครับ ไม่ใช่ไม่รักคุณจอม”

ศีรษะเล็กพิงลงบนไหล่แกร่งอย่างต้องการที่พึ่งพิงและหลับตาซึมซับความอบอุ่นของคนรักเอาไว้

“ฉันจะเชื่อนาย”

“เชื่อผมเถอะครับ”

“อื้อ...ฉันรักนายนะจักร รักมานานแล้วด้วย”

“หมายความว่ายังไงครับ”

“รู้อะไรไหม ความลับที่ฉันบอกว่าถ้าพร้อมฉันบอกนาย” เจ้าจอมนั่งตัวตรง หันหน้ามามองคนรักของตัวเองอย่างจริงจัง จนร่างแกร่งเองก็หันมาสบตากับร่างบางด้วยความอยากรู้เต็มที่ “ฉันพร้อมที่จะบอกแล้วนะ”

อย่างน้อย...ก็แค่อยากให้รู้เอาไว้ว่าใครกันที่เป็นฝ่ายรักก่อน

“ครับ...ผมเองก็พร้อมที่จะฟังแล้ว”

“นายตามจีบฉันมาสองปีใช่ไหม”

“ครับ?”

แล้วมันยังไงอ่ะ เกี่ยวกันงั้นเหรอ

แม้ว่าจุลจักรจะมีคำถามในหัวอยู่ก็ตามแต่ก็ไม่คิดจะถามออกไป รอฟังจากร่างบางอย่างตั้งใจแทน

“นายก็เจอฉันในปีนั้นเป็นครั้งแรกใช่ไหม”

“ครับ...”

“นายคงจำไม่ได้ว่าเราเคยเจอกันก่อนหน้านั้นอีก”

“อะไรนะครับ! ตอนไหน ทำไมผมไม่รู้”

“ตอนนั้นนายคงจำหน้าฉันไม่ได้หรอก เพราะฉันเอาแต่ร้องไห้ วันวาเลนไทน์ปีนั้น ปีก่อนที่เราจะเจอกันในฐานะเจ้านายกับลูกน้องน่ะ ฉันโดนแฟนบอกเลิก สาเหตุที่โดนบอกเลิกก็เพราะพ่อแม่ฉันเนี่ยแหละ นายพอจะนึกออกไหมว่าคนที่นายพยายามปลอบวันนั้นคือฉันเอง”

จุลจักรคิดตามกลับไปเมื่อประมาณสามปีที่แล้ว ก่อนจะเบิกตากว้างมองหน้าคนรักอย่างเหลือเชื่อ เด็กผู้ชายที่ร้องไห้จะเป็นจะตายวันนั้นคือเจ้าจอมเองหรือ

‘น้อง...ร้องไห้ทำไม แฟนทิ้งเหรอ ก็แบบนี้แหละน้องผู้หญิงอ่ะ พอเจอใครดีกว่าก็ไป พี่เคยเจอมาแล้วเว้ย...ทางที่ดีอย่าร้องไห้เลยน้อง คิดซะว่ามันไม่มีค่าพอสำหรับเรา’

‘ฮึก...ฮือ...’

‘งั้นก็ร้องไปให้พอเลยน้อง ถ้ามันหยุดไม่ได้อ่ะ แล้วจากนี้ไปต้องเข้มแข็ง ไม่ต้องไปนึกถึงแล้วเสียน้ำตาคนที่ไม่เห็นค่าเรา จำเอาไว้นะ...ไม่มีใครรักเราไปมากกว่าพ่อกับแม่อีกแล้ว’

“คนอะไรไม่รู้ พูดเองเออเองคนเดียวอยู่ได้ แต่ยอมรับนะว่านายทำให้ฉันหายเศร้าเลย แต่ที่ยังร้องไห้อยู่เพราะอารมณ์มันค้างน่ะ”

“บังเอิญจังนะครับ”

“ใช่...ฉันไม่คิดว่าฉันจะได้เจอนายอีกด้วยซ้ำ รู้อะไรไหม ฉันน่ะ ตกหลุมรักนายตั้งแต่วันนั้นเลยนะ มันก็ดูเหมือนใจง่ายที่เพิ่งอกหักแท้ๆ ดันมารักคนใหม่ได้ง่ายๆ”

“ผมดีใจนะครับ ที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากคุณจอม เพราะมันทำให้ผมดีใจและมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น”

เจ้าจอมยิ้มเขินๆ หันหน้าแดงๆ ของตนหลบสายตาคมของจุลจักรที่มองอย่างหยาดเยิ้ม

“เอาล่ะ ฉันก็บอกความจริงไปแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน”

“เชิญครับ”

ร่างสูงมองตามแผ่นหลังบางไปอย่างมีความสุข ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้เป็นคนที่ถูกรักก่อน ถ้าอย่างนั้นที่ผ่านมาตลอดสองปีที่เจ้าจอมทำเป็นไม่สนใจ มันเป็นแผนการสินะ

“ร้ายกาจจริงๆ แต่แบบนี้แหละที่ผมชอบ”

โง่อย่างที่ไอ้อินมันบอกจริงๆ

“ผมจะไม่เกรงใจอะไรคุณจอมแล้วนะ”

ร่างสูงพึมพำแล้วลุกเดินตามร่างบางเข้าไปอย่างมาดมั่น ยังไงคืนนี้ก็เป็นคืนของเราสองคนก่อนที่พรุ่งนี้ร่างบางจะกลับไปเพชรบูรณ์แล้วเราจะไม่ได้เจอกันอีกนาน

“นาย...” เจ้าจอมอุทานอย่างตกใจที่เห็นร่างคนรักเข้ามาในห้องน้ำขณะที่ตนเองกำลังอาบน้ำอยู่

ไม่ทันที่เจ้าจอมจะตั้งตัวอะไร ร่างแกร่งก็เข้าประชิดตัวจู่โจมเจ้าจอมทันที เสียงครวญครางดังของทั้งคู่ทั้งก้องไปทั่วทั้งห้องน้ำ ห้องนอน...ร่างทั้งสองตระกองกอดกันผลัดกันมอบความรักให้แก่กัน

ความสุขช่วงเวลาสั้นๆ แต่ตราตรึงนาน...
 

“มาถึงแล้ว อย่างปลอดภัย นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า”

(ได้ยินแบบนี้ก็หมดห่วงแล้วครับ)

“ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกน่า เป็นห่วงตัวเองเถอะ กินข้าวให้ครบห้าหมู่นะ แล้วก็ให้ครบทุกมื้อด้วย) เจ้าจอมที่กำลังเก็บของเข้าตู้และแยกของเตรียมไปซัก ใช้หูกับไหล่เหน็บโทรศัพท์คุยกับคนรัก

(รับทราบครับคุณจอม)

“แค่นี้ก็แล้วกัน ฉันจะไปทำงานต่อ ลูกค้าเยอะมาก”

(ครับ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ)

“อื้อ”

 
สามวันผ่านไป

“เป็นไงบ้างฮะพี่ราม เรื่องพี่กับพี่อินเป็นยังไงบ้าง” เจ้าจอมถามพี่ชายที่พอมาถึงก็ทำงานทันทีด้วยความอยากรู้ และลุ้นให้คู่นี้สมหวัง

“ก็ไม่มีอะไร”

“ไม่มีอะไรได้ยังไงล่ะพี่ราม”

“ก็ใช่ไงจอม หลังจากวันนั้นพี่ก็เข้าไม่ถึงไอ้อินอีกเลย สรุปว่าสามวันที่พี่อยู่ต่อ พี่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย โอเคแล้วนะ รู้เรื่อง” คนเป็นพี่ชายตอบออกมาด้วยความไม่พอใจและอารมณ์ไม่พร้อมที่จะคุยกับใครตอนนี้สุดๆ

อยากจะอยู่คนเดียว...

“เข้าใจแล้วใช่ไหม ถ้าเข้าใจขอพี่อยู่คนเดียว”

เจ้าจอมเดินออกจากห้องทำงานของพี่ชายไปเมื่อเห็นว่ารามินทร์กำลังอารมณ์ไม่ดี และคงจะต้องเป็นแบบนี้อีกนาน อีกนานเลยล่ะ...

“พี่อินนี่ก็ใจแข็งจังเลยนะ”

เจ้าจอมอยากจะทำอะไรสักอย่างให้พี่ชายที่ตนเองรักและเคารพทั้งสองคนลงเอยกันเสียที ถ้าหากว่ารามินทร์จะต้องมีชีวิตคู่ก็ขอให้เป็นอินทัชเถอะ

ไม่มีใครเอาพี่รามอยู่ถ้าไม่ใช่พี่อิน

ตื๊อดึง…

“ข้อความอะไรเข้านะ”

เจ้าจอมที่นั่งลงประจำโต๊ะทำงานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเช็คข้อความเข้า คิดว่าคงจะเป็นคนรักอย่างปกติ แต่ก็ไม่ใช่ เพราะนี่เป็นข้อความจากพ่อกับแม่ของเขาเอง

‘ฉันขอสั่งให้แกมาที่กรุงเทพให้เร็วที่สุด กำหนดเวลาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ฉันต้องเห็นแกที่บ้าน แล้วอย่าคิดว่าจะไม่มา เพราะถ้าแกไม่มา ฉันจะไปหาแกถึงที่นั่น แล้วอย่าคิดว่าตารามจะช่วยอะไรแกได้’

“เรื่องบ้าอะไรอีกเนี่ย คงไม่ใช่นัดดูตัวอะไรแบบนั้นหรอกใช่ไหม” เจ้าจอมคิดหนักที่เห็นข้อความบังคับกันขนาดนี้ อยากจะทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจ แต่ก็ทำไม่ได้

ยังไงก็เป็นพ่อกับแม่ การตอบแทนพระคุณที่ให้กำเนิดเขามายังไงก็เป็นสิ่งที่เจ้าจอมต้องทำ เขาทำได้หมดทุกเรื่อง แต่ยกเว้นเรื่องไว้เรื่องหนี่งเถอะ

คนรักของเขา…ก็ขอเป็นคนเลือกเองเถอะ

“เห็นใจกันบ้างเถอะนะ”

เจ้าจอมนั่งคิดหน้าเครียดอยู่อย่างนั้น จะทำยังไงดี...พาจุลจักรไปแนะนำให้รู้จักตรงๆ เลยดีไหม หรือว่าจะไปคนเดียว แต่ถ้าไปคนเดียวแล้วเกิดโดนจับขังขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง

“มันเสี่ยงมากถ้าไปคนเดียว...คงต้องให้พี่อินช่วยแล้วล่ะ”

เท่าที่เจ้าจอมคิดได้ตอนนี้คงมีแค่อินทัชคนเดียวเท่านั้นที่จะพอช่วยกันเจ้าจอมได้...และหวังว่าวันนั้นอินทัชจะว่างมาช่วยเขาในวันนั้นได้นะ...

เรื่องนี้มันยืดเยื้อมานานมากแล้ว และมันก็ควรจะจบเสียที...

และต้องจบแบบที่เขากับจุลจักรต้องได้รักกันด้วย

“ฮัลโหล...พี่อินครับ จอมมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย...”

...

...

...
 

อาการของขรรค์ดีวันดีคืนจนหิรัญที่ทำหน้าที่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็หน้าตาสดใสขึ้นทุกวันๆ เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ร่างแกร่งต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล แต่เพื่อให้ตัวเองหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว ขรรค์ก็จำเป็นต้องอดทนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมๆ แบบนี้ และมีบ้างที่หิรัญพาออกไปเดินเล่น

“ขรรค์อยากกลับไปรักษาที่บ้านสวน”

“แต่ว่าขรรค์ยังไม่หายดีเลยนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ขรรค์มีคนรักเป็นหมอนี่ ยังไงก็ไม่น่าจะเป็นอันตรายแล้วล่ะ”

ขรรค์จริงจังมากที่อยากจะกลับไปรักษาที่บ้าน เพราะอย่างน้อยที่นั่นก็มีอากาศที่บริสุทธิ์ที่สำคัญนะ ที่นนั่นไม่ค่อยมีใครมารบกวนเท่าที่นี่

ขรรค์ไม่ชอบที่พยาบาลเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น

“เงินรู้ ยังไงเงินก็ต้องดูแลขรรค์อยู่แล้ว แต่ที่เงินยังไม่อยากให้ขรรค์กลับเพราะอยากให้ดูอาการก่อนว่ามันคงตัวแล้ว มันจะไม่ทรุดลงแล้ว เงินถึงจะวางใจ ยังไงรักษาที่นี่ก็ดีกว่าต่างจังหวัดนะ” หิรัญให้เหตุผล ทำเอาขรรค์เถียงไม่ได้ ทำได้เพียงยิ้มออกมาบางๆ

“เพราะขรรค์แท้ๆ เลยที่ทำให้เงินไม่ได้สัมมนาครั้งนี้” ร่างสูงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขรรค์พูดออกมาแบบนี้ แต่มันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วต่างหาก

“ไม่เป็นไรหรอก เงินมีเหตุผลนี่นา”

ร่างโปร่งพูดให้คนรักสบายใจทั้งๆ ที่ตนเองโดนตำหนิเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ว่ามันจำเป็นที่ต้องทำจริงๆ ร่างโปร่งก็เลยใช้เส้นสายของพ่อตนเองเล็กน้อย เพื่อให้ได้มาเฝ้าดูแลคนรักของตัวเองแบบนี้

“ขรรค์ทำให้เงินลำบากแท้ๆ”

“แค่ขรรค์ไม่เป็นอะไรไป เงินก็ยอมลำบากมากกว่านี้เพื่อขรรค์ได้ สัญญากับเงินนะว่าจะไม่คิดทำอะไรวู่วามอย่างครั้งนี้อีก แต่เงินก็รู้สึกขอบคุณนะที่ขรรค์เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยแม่ของเงิน ถ้าไม่มีขรรค์เงินเองก็ไม่รู้ว่าแม่จะเป็นยังไงเหมือนกัน”

“ดีแล้วที่เป็นขรรค์...”

ไม่ดีเลย...ไม่ดีทั้งกับแม่และกับขรรค์นั่นแหละ

“พอเถอะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เราเลิกพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะนะ” หิรัญขอร้องคนรักว่าให้เลิกพูดเรื่องโดนยิงนั่นเสียที ปล่อยให้มันเป็นความทรงจำไป แค่เห็นว่าขรรค์ปลอดภัย หิรัญก็ดีใจมากแล้ว

“อื้อ...แล้วสรุปคดีเป็นยังไงบ้าง”

“พวกมันเส้นใหญ่จะตาย ไอ้พวกที่โดนจับก็โดนปล่อยตัวไปตามที่คาดไว้แล้ว ส่วนไอ้คนที่ยิงขรรค์น่ะ มันก็ไม่โดนอะไรเลย หนี้...เงินก็เอาไปจ่ายแล้ว เรียบร้อย...”

“คุณสร้อยเป็นยังไงบ้างครับ” ขรรค์ถามถึงแม่ของคนรักที่ช่วงนี้มาเยี่ยมบ่อยเหมือนกัน แต่สีหน้าของเธอรู้สึกผิดมาก...ไม่มีความสุขเอาเสียเลย

“ท่านเอาแต่โทษตัวเอง จนตอนนี้ก็ซึมๆ เงินกับพ่อก็บอกแล้วว่าไม่ได้โกรธอะไร และทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง แม่ก็ไม่ดีขึ้นเลย” หิรัญมีสีหน้าที่ไม่สบายใจยามนึกถึงอาการของผู้เป็นแม่

“ท่านคงจะขวัญเสียน่ะเงิน เห็นคนโดนยิงต่อหน้าต่อตาแบบนั้น”

“เงินเข้าใจ ขรรค์อย่าโกรธแม่เงินเลยนะ”

“ขรรค์ไม่เคยโกรธท่านหรอก ขรรค์เคารพท่านเหมือนเป็นแม่ของขรรค์ด้วยซ้ำ”

“ถามจริงๆ นะขรรค์...ตอนนั้นคิดยังไง ถึงได้เอาตัวเองไปรับกระสุน คงไม่ใช่เหตุผลเพราะเป็นแม่ของเงินหรอกใช่ไหม?” หิรัญถาม

“ขรรค์ไม่มีพ่อกับแม่...ตอนนั้น ขรรค์แค่ทำหน้าที่ลูกกับแม่ของคนที่ขรรค์รักก็เท่านั้น” ร่างสูงใหญ่ตอบเสียงสั่นเครือ...หิรัญได้ยินคำตอบแบบนั้นก็น้ำตาไหล... ลูบมือของคนรักอย่างปลอบประโลม ทั้งคู้ยิ้มให้กัน มองตากัน ซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้...

หากวันไหนทะเลาะกัน ก็ให้นำเหตุการณ์และความรู้สึกในครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจ ว่าเราผ่านอะไรกันมาบ้าง...
 






100%
============================

ครบร้อยแล้ว เม้นท์ให้กันด้วยนะคะ แล้วก็ฝากเรื่องใหม่ด้วยน้า ตอนนี้เริ่มอัพบทนำไปแล้วค่ะ
Fall in love ติด...ตาม...รัก [คู่ : พีช x ธิน]
He is mine ที่ร้าย เพราะนายเป็นของฉัน! [คู่ : พุฒิ x เจ็ม]
   มีอะไรพูดคุย สอบถาม ทวงนิยายได้ที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/   (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 51 100% => (15/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-08-2017 09:11:53
คู่จอมนี่ อุปสรรค์เยอะมาก
แต่เยอัสุดนี่คู่รามอินใช่ไม๊
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 51 100% => (15/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: chaaem ที่ 29-08-2017 22:13:41
รอๆๆ คิดถึงรามอินแล้วอ่าาา  :hao5:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 29-08-2017 23:53:00
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 52
ด้ายแดงของเรา





วันนี้เป็นวันที่หมออนุญาตให้ขรรค์กลับบ้านได้ พอเคลียร์ค่าใช้จ่ายก็สูงมากแต่รามินทร์เขียนเช็คเอาไว้ให้แล้ว และจำนวนเงินที่รามินทร์ให้ก็ยังเหลือด้วยซ้ำ แต่หิรัญจะเอาไว้ซื้อของกิน ของใช้ให้กับคนรักต่อไป

ขรรค์อยากจะกลับบ้านของตัวเองมากๆ เพราะไม่มีที่ไหนจะสบายใจเท่าที่ที่เป็นบ้านของตนอีก แต่สร้อยฟ้ากับพ่อของหิรัญอยากจะให้ขรรค์พักที่บ้านก่อนจะเดินทางกลับเพชรบูรณ์ ร่างแกร่งอยากจะปฏิเสธมากๆ เพราะเขารู้สึกแปลกๆ ที่จะต้องมานั่งนอนอยู่ในบ้านของคนรัก

ไม่เคย...ก็เลยประหม่า แต่ดีที่มีหิรัญอยู่ด้วย

“สงสัยกลับไปคราวนี้ ขรรค์ต้องทำงานแบบไม่เอาเงินเดือนแล้วล่ะ” ร่างสูงพูดขึ้นมาขณะที่นั่งดูใบเสร็จค่าใช้จ่ายทั้งหมดตอนที่ตนนอนอยู่โรงพยาบาล

“ไม่ขนาดนั้นมั้งขรรค์ คุณรามเขารับผิดชอบในฐานะเจ้านายและขรรค์ก็เป็นเหมือนครอบครัว เงินดีใจนะที่ขรรค์ได้ทำงานกับคุณรามน่ะ แม้ว่าตอนแรกๆ เงินจะไม่ค่อยชอบคุณรามก็ตาม”

“แต่แม่ว่า...ค่าใช้จ่ายทั้งหมดแม่ควรจะเป็นคนจ่ายมากกว่านะ”

เสียงของสร้อยฟ้าดังมาก่อนที่ตัวจะปรากฏต่อหน้าของลูกชายกับขรรค์ แต่ไม่ได้มีเพียงแค่สร้อยฟ้าแต่ยังมีเหรียญชัยสามีของตนเดินมาด้วย กลายเป็นว่าในห้องนั่งเล่นมีผู้ใหญ่สองท่านมานั่งด้วย

“เป็นไงบ้างขรรค์ พ่อไม่ได้ค่อยได้ไปเยี่ยมเท่าไหร่ ไม่ว่างเลยแต่ก็ตามอาการจากหมอตลอด ดีแล้วนะที่ไม่เป็นอะไรมาก”

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” ร่างแกร่งยกมือไหว้ขอบคุณด้วยความซึ้งใจ

กับพ่อของหิรัญน่ะ ขรรค์ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับท่านหรอก เพราะท่านรับได้ที่ลูกชายมีคนรักเป็นผู้ชายและท่านยังเอ็นดูเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วด้วย หากแต่ท่านมีความเกรงใจภรรยา ไม่อยากขัดใจ เพราะเขาเชื่อว่าแม่ทุกคนทำเพื่อลูก โดยลืมนึกไปว่าลูกชายต้องทรมานขนาดไหน แต่ตอนที่เขาจะช่วยลูกชายมันก็ไม่ทันเสียแล้ว

ทุกวันนี้เขาก็รู้สึกผิดที่ช่วยลูกได้ไม่มากพอแล้วปล่อยให้ภรรยาทำอะไรผิดๆ เพราะนอกจากจะทำร้ายลูกชายแล้ว ยังทำร้ายนิสาอดีตลูกสะใภ้ด้วย...

“ขอบคุณคุณสร้อยด้วยนะครับ ที่ไปเยี่ยมและไปดูแลผมที่โรงพยาบาล” ขรรค์หันมาไหว้ขอบคุณมารดาของหิรัญที่นั่งข้างๆ กับสามี

“คุณสร้อยอะไรกัน…เรียกฉันว่าแม่สิ ให้ฉันเป็นแม่ของนายนะขรรค์ แม้ว่าจะเป็นแม่ที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ฉันก็อยากจะมีนายเป็นลูกนะ ขอโทษสำหรับที่ผ่านมานะ ขอโทษที่ฉันทำให้นายต้องเจ็บปวด อภัยให้ฉันได้ไหม”

ร่างแกร่งนั่งนิ่ง ช็อกกับสิ่งที่ได้ยินจนไม่เชื่อว่านี่เป็นความจริง ท่าทางของขรรค์ทำให้สร้อยฟ้าใจหาย คิดว่าขรรค์จะโกรธและเกลียดเธอไปแล้ว แต่เปล่าเลย ขรรค์กำลังคิดว่านี่เป็นความฝัน

ต้องฝันไปแน่ๆ

“ขรรค์...นายโกรธฉัน เกลียดฉันใช่ไหม ก็แน่ล่ะ ฉันทำเรื่องไว้เยอะนี่ ฮึก มันก็ถูกแล้วที่นายจะเกลียด ฮือ” สร้อยฟ้าพูดเสียงสั่นจนกระทั่งร้องไห้ออกมา

“แม่ครับ ใจเย็นๆ ก่อน ขรรค์แค่ตกใจน่ะครับ มันกะทันหัน” หิรัญลุกจากที่นั่งข้างกายของขรรค์ไปหาแม่ของตนเพื่อปลอบโยน ซึ่งสามีของเธอก็ช่วยลูกชายปลอบผู้เป็นภรรยาเหมือนกัน

“ฮือ...ความผิดของแม่เอง แม่ทำร้ายเงิน ทำร้ายขรรค์มาเยอะ แบบนี้ก็สมควรแล้ว”

“คือว่า คุณสร้อยครับ ผมไม่ได้เกลียดคุณสร้อยเลยนะครับ แล้วก็ไม่ได้โกรธคุณสร้อยด้วย ผมแค่ตกใจ ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้รับเกียรติแบบนี้”

“มันไม่ใช่การให้เกียรติ แต่มันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำต่างหาก ฉันควรจะรับสิ่งที่ลูกชายฉันเป็นตั้งแต่แรก เพราะยังไงตาเงินก็เป็นลูกชายของฉัน แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษนะขรรค์”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่โกรธ ไม่ถือสา ผมเข้าใจว่าคุณสร้อยรักเงินมาก ถ้าผมเป็นแม่ ผมก็คงต้องทำแบบเดียวกับคุณ เรื่องที่ผ่านก็ให้มันผ่านไปเถอะครับ เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่เราสามารถสร้างอนาคตได้นะครับ”

ยิ่งขรรค์พูดแบบนี้ ยิ่งทำให้สร้อยฟ้าร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เธอเสียใจที่ทำผิดพลาดไป เธอเสียใจที่ทำร้ายคนดีๆ ไปตั้งหลายคน เพราะความคิดบ้าๆ ของเธอเอง สร้อยฟ้ามั่นใจว่าความคิดของตัวเองถูกที่สุด จนลืมไปว่า บางครั้งคนเราก็ทำตามความถูกต้องไม่ได้หมดทุกเรื่อง

“นายเป็นคนดีจริงๆ ฮึก ให้ฉันเป็นแม่ของนาย ให้ฉันทำหน้าที่แทนแม่ของนายได้ไหมขรรค์”

“ด้วยความยินดีเลยครับ” ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ไม่เคยได้รับของขวัญพิเศษเท่านี้มาก่อนในชีวิต

มันเป็นของขวัญที่ดีที่สุดของเขาเลย การที่แม่ของคนรักยอมรับในตัวของเขามันก็มากเกินกว่าที่คิดเอาไว้แล้วนะ แต่การที่ได้ที่จะได้มีแม่กับเขาบ้างมันก็ทำให้ขรรค์แทบอยากจะร้องไห้ออกมา

ดีใจจริงๆ

“งั้นต่อไปนี้เรียกแม่ว่าแม่นะลูก”

“ครับ...คุณแม่” ขรรค์เรียกสร้อยฟ้าด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไปอย่างประหม่า

“แม่จะไม่ขัดขวางอะไรลูกทั้งสองคนอีกแล้ว ยังไงก็ประคับประคองกันไปนะลูก กว่าลูกจะได้อยู่ด้วยกันต้องผ่านอะไรมาเยอะมาก แต่พวกลูกก็ทำให้แม่เห็นว่าทั้งสองมั่นคงกับความรักขนาดไหน”

เธอยอมรับแล้ว...

เธอจะไม่ขัดขวางอะไรทั้งคู่อีกต่อไปแล้ว...

“ขอบคุณครับ”

ขรรค์ขยับตัวลวมานั่งข้างล่างและคลานเข่าไปหาผู้ใหญ่ทั้งสอง หิรัญเห็นคนรักทำแบบนั้นเขาเองก็ทำบ้าง ก่อนที่ทั้งคู่จะก้มกราบแทบเท้ากับสร้อยฟ้าและเหรียญชัย

น้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม ปีติยินดีแสดงบนใบหน้าหน้าของทุกคน ในที่สุดเรื่องร้ายๆ มันก็ผ่านไป จากนี้ครอบครัวของเราจะมีแต่ความสุขและเข้าใจซึ่งกันและกันเสียที

“ฝากตาเงินด้วยนะขรรค์” สร้อยฟ้าพูดฝากฝังลูกชายให้ขรรค์ดูแล เพราะคราวนี้เธอมอบลูกชายของเธอเองให้กับขรรค์ไปด้วยความเต็มใจอย่างที่สุด

“ด้วยชีวิตครับ”

“ส่วนพ่อก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วนะขรรค์ เพราะเราเคยคุยกันแล้ว พ่อยังยืนยันเหมือนเดิมนะลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าปล่อยมือกันอีก”

“ผมสัญญาครับคุณพ่อ...คุณ...แม่” สร้อยฟ้ายิ้มออกทันทีที่ขรรค์พูดจบ

ส่วนหิรัญเองก็ยิ้มอย่างมีความสุข กอดขาของคุณพ่อตัวเองด้วยความรักและดีใจ...ส่วนสร้อยฟ้าก็ใช้มือของเธอลูบผมของขรรค์อย่างเอ็นดู

ในที่สุดความฝันของผมก็เป็นจริง ผมได้แม่ของเงินมาเป็นแม่อีกคนของผมแล้วนะครับ

“ผมดีใจที่จะได้มีพ่อกับแม่”

“ไม่ใช่จะมีนะ แต่ขรรค์มีแล้ว เราคือพ่อแม่ของขรรค์นะ มีอะไรก็พูดคุยกับพวกเราได้ แม้ว่าเราอาจจะช่วยไม่ได้มาก แต่ก็ขอให้รู้ว่าพ่อกับแม่รับฟังลูกเสมอนะ” เหรียญชัยพูด รอยยิ้มของชายคนนี้ยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม และขรรค์ก็ได้รับความอบอุ่นจากผู้ชายคนนี้เหมือนเดิม และอาจจะมากขึ้นด้วยซ้ำ

“ถ้าแม่ใช้ใจดู เปิดใจรับ แม่คงจะเห็นความดีของขรรค์ตั้งนานแล้ว”

“อย่าคิดมากกับอดีตที่ผ่านมาเลยครับแม่” หิรัญบอกกับแม่ตัวเอง

“นั่นสินะ เอางี้ไหมลูก วันนี้เรามาฉลองกันหน่อยดีกว่า ชวนเพื่อนของลูกมาด้วย อินกับจักรน่ะ”

“ดีเหมือนกันครับแม่ เดี๋ยวผมจะโทรถามนักธุรกิจใหญ่ก่อนนะครับ”

“จ้ะ!” หิรัญลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปเพื่อโทรศัพท์ไปชวนอินทัชกับจุลจักรมาร่วมฉลองด้วย เพราะยังไงคนเยอะๆ ก็ย่อมดีกว่า

“ส่วนขรรค์ก็อยู่นิ่งๆ นะ”

“แต่ผมอยากช่วยนี่ครับคุณ...แม่”

“พักไปเถอะจ้ะ นี่มันเป็นงานเลี้ยงให้กับขรรค์นะ ไปค่ะคุณ...พาฉันไปซื้อของ”

 “อ้าว? นี่มันวันหยุดผมนะคุณ” เหรียญชัยค้านผู้เป็นภรรยาแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก

“ก็ใช่ไงคะ เป็นวันหยุดคุณ เพราะเป็นวันหยุดนี่แหละค่ะ สร้อยถึงใช้ให้คุณพาไป”

“โอเคๆ”

คนเป็นสามีรับคำอย่างเซ็งๆ แต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนแต่โดยดี

เป็นอันรู้ว่าช้างเท้าหน้าที่แท้จริงน่ะคือใคร...แม้ว่าตอนแรกเหรียญชัยจะโกรธภรรยามากที่เล่นการพนันจนเป็นหนี้เป็นสิน นำพาความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัว แต่ก็ต้องเข้าใจว่าลูกชายคนเดียวก็ไม่อยู่ เขาก็ทำงานยุ่ง เลี้ยงหลานกับอยู่บ้านอย่างเดียวคงจะเบื่อ

คนเราก็ผิดพลาดกันได้ อยู่ที่ว่าเขาจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็เท่านั้น

“เดี๋ยวแม่กับพ่อกลับมานะลูก”

“ครับ” ร่างสูงยิ้มกว้างมองภาพคนอายุมากกว่าทั้งสองด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข หัวใจเต้นแรงกว่าที่เคยเต้น เหมือนว่าตอนนี้ ทุกอย่างในชีวิตมันถูกเติมเต็มแล้ว

เต็มจนล้น...

เกินกว่าที่คาดฝัน...

เหมือนความฝัน แต่มันคือความจริง...

ขรรค์ค่อยๆ ลุกจากพื้นแล้วไปเดินเล่นในสวนที่มีต้นไม้มาลงสวนแล้วเรียบร้อย คิดว่าสร้อยฟ้าคงจะให้คนมาลงดอกไม้ต้นไม้ที่เขาเป็นคนเลือกแล้วเพราะถ้าไว้อยู่อย่างนั้นก็คงไม่ใช่นิสัยของสร้อยฟ้าเท่าไหร่

“อากาศที่นี่ก็ดี...แต่ถ้าเป็นบ้านเราดีกว่า”

สวบ!!

“ใช่! บ้านของ ‘เรา’ อากาศดีกว่า” ร่างโปร่งของหมอหนุ่มที่เดินมาทางด้านหลังตอบ พร้อมๆ กับแขนขาวที่โอบรอบเอวหนาของขรรค์เบาๆ ไม่ต้องการให้กระทบแผลที่ยังไม่หายดี

“เงิน...คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอ?”

“อืม...เงินโทรไปหาอินมา”

“แล้วสรุปพี่จักรกับอินจะมาหรือเปล่า?”

“มาแน่นอนอยู่แล้ว มาฉลองให้ขรรค์ที่ได้ออกจากโรงพยาบาล แล้วก็เลี้ยงส่ง เพราะอีกสองวันเราจะกลับบ้านสวนของเราแล้ว”

“อื้อ...ขรรค์อยากจะกลับไปที่บ้านจะแย่แล้ว”

“อยู่ที่นี่ไม่ดีหรือไง”

“ก็ดี...แต่มันจะดีกว่านี้ถ้ามันเป็นบ้านของเรา”

มือแกร่งจับแขนบางแล้วดึงให้มาเผชิญหน้ากับเขา นิ้วแข็งแรงไล้ไปตามสันกราม ดวงตาคมดุติดเย็นชาทอประกายอ่อนโยน ขรรค์เลื่อนนิ้วไปที่ปลายคางแล้วเชยคางของหิรัญขึ้น

“จะทำอะไรขรรค์ จูบเหรอ?” ยักคิ้วกวนๆ ให้คนรักไป

“หรือทำไม่ได้ล่ะ”

“ก็แล้วแต่สิ ตอนนี้ไม่มีคนอยู่บ้านเลย”

เมื่อหิรัญอนุญาตขนาดนั้นแล้ว ขรรค์ก็ไม่รอช้า ก้มลงเอาอวัยวะเดียวกันประกบกัน ทั้งสองค่อยๆ ขยับริมฝีปากตอบโต้กันอย่างช้าๆ อ่อนโยนซึมซับความหอมหวาน เหมือนตอนที่ทานไอศกรีมที่เราค่อยละเลียดชิมมันอย่างช้าๆ เพื่อที่จะได้กินของอร่อยๆ หวานๆ ให้นานที่สุด

เมื่อทั้งคู่ผละออกมา ร่างที่สูงน้อยกว่าอย่างหิรัญก็เอนตัวซบกับอกแกร่งของคนรักเบาๆ ขรรค์เองก็ใช้แขนแกร่งโอบรอบกายของคนรักเอาไว้

“เงินมีความสุขจัง”

“ขรรค์ก็เหมือนกัน”







 
สามวันผ่านไป ขรรค์กับหิรัญก็เดินทางกลับมาถึงบ้านสวนอย่างปลอดภัยโดยที่หิรัญเป็นคนนับรถเองตลอดทั้งการเดินทาง แม้ว่าขรรค์จะขอช่วยขับ แต่คนรักก็ไม่ยอม ก็เลยกลายเป็นว่าขรรค์นอนหลับมาตลอดทางเพราะฤทธิ์ยา

“ให้ตายสิขรรค์ เป็นอะไรทำไมไม่คิดจะบอกป้าเลย เป็นอะไรมากไหมเนี่ย”

ทันทีที่มาถึงบ้านสวนของขรรค์ ป้าน้อยที่เป็นคนเฝ้าบ้านให้ก็สอบปากคำทันทีหลังจากที่หิรัญเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“สบายดีครับป้าน้อย หายดีแล้ว”

“โถ่...ถือว่าฟาดเคราะห์ไปนะลูก” ป้าน้อยว่า สีหน้าของเธอก็ยังไม่คลายความเป็นห่วง มองตามร่างกายเผื่อเห็นว่ายังไม่หายดีจะได้ระมัดระวังกันมากกว่านี้

“ฟาดแรงมาเลยครับ กระสุนฝังในสองนัด ฮะๆ”

“หมอเงินก็...หัวเราะอยู่ได้ เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะคะ” ป้าน้อยดุหมอหนุ่ม

“ก็เพราะว่าขรรค์ไม่เป็นอะไรแล้วไงครับ ผมถึงได้มีความสุขแบบนี้”

“นั่นสินะ ป้านี่ก็ตื่นตูมไปเอง”

“ป้าก็แค่เป็นห่วงผมนี่ครับ ขอบคุณที่ดูแลบ้านให้นะครับป้าน้อย วันนี้ป้าน้อยกลับบ้านไปได้เลยก็ได้นะครับ ไปพักผ่อน...เฝ้าบ้านผมมาตั้งเกือบสองอาทิตย์กว่าแล้ว” ขรรค์บอกให้ป้าน้อยกลับไปพักผ่อนเพราะเป็นห่วงสุขภาพของแก ยังไงท่านก็แก่ตัวลงมากแล้ว ทำงานหนักๆ มากก็ไม่ดีหรอก

“โอเคจ้ะ ป้ากลับก่อนนะ แล้วก็เรื่องที่ป้าขอลาไว้ล่ะขรรค์”

“ครับ ป้าน้อยไปเที่ยวกับลูกๆ หลานๆ ตามสบายเลยครับ”

“แล้วป้าจะซื้อของมาฝากนะขรรค์”

“ครับ”

“อย่าลืมของคุณหมอสุดหล่อคนนี้ด้วยนะครับ” หิรัญแหย่คนอายุมากกว่าที่เดินห่างออกจากประตูบ้านไปแล้ว แต่เธอก็หันมายิ้มแล้วพยักหน้ารับน้อยๆ โบกไม้โบกมือล่ำลา ส่วนร่างโปร่งเองก็โบกมือกลับไปด้วยเช่นกัน

เมื่อมองส่งป้าน้อยกลับบ้านไปแล้ว หิรัญก็หันมาถามขรรค์ว่าต้องการอะไรไหม

“ไม่ดีกว่า ขรรค์อยากนั่งอยู่ที่นี่แหละ”

“งั้นขอเงินไปเคลียร์กระเป๋ากับเสื้อผ้าก่อนนะ”

“ครับ”

“อย่าดื้ออย่าซนนะขรรค์” ชี้หน้าคนรักแบบปรามๆ แต่มันเป็นการแหย่เล่นมากกว่า

“ขรรค์โตแล้วนะเงิน หยุดล้อว่าเด็กได้แล้วน่า”

“เอ้า! ก็มันจริงไหมล่ะ”

“ไม่จริงไง” สวนกลับทันทีแบบไม่ยอมรับ

“งั้นไง ถ้าไม่จริงขรรค์ก็อย่าร้อนตัวสิครับที่รัก” พูดจบก็ยกกระเป๋าหนีไปเลย ปล่อยให้ขรรค์มองตามอย่างคาดโทษแต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

ขรรค์ยืนมองรอบๆ บ้านด้วยความคิดถึง...การที่เราต้องจากบ้านที่ทุ่มทั้งชีวิตสร้างมันขึ้นมาไปนานๆ เนี่ย มันทำให้เขาคิดถึงได้มากขนาดนี้ได้เชียวหรือ...นอกจากนี้นะ มันเป็นสถานที่แห่งความฝันของหิรัญ ผู้ชายที่รักเขาและเขาก็รักหิรัญมากที่สุดอยากจะได้ อยากอยู่บ้านสวนไปด้วยกันจนตาย

วันนี้...เราเหยียบบ้านหลังนี้ ด้วยความรู้สึกที่ต่างกันออกไป

คราวก่อนนั้น เราอยู่ด้วยความกังวล หวาดระแวงว่าประวัติจะซ้ำรอยเดิม...แต่มาคราวนี้ เราอยู่ด้วยกันด้วยความรู้สึกที่ไม่มีอะไรต้องกังวลหรือติดค้างอะไรอีก...

“กลับมาแล้วครับ”








//////// :katai4: :katai4: :katai4:


มีต่อค่ะ ลงทีเดียวครบ 100 เปอร์เซ็นเลย

หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 29-08-2017 23:54:30
ตอนที่ 52 (ต่อ)






 
ร่างโปร่งบางหนุนศีรษะของตนอยู่บนตักแกร่งของขรรค์ที่นั่งพิงต้นไม้ใหญ่ ลำตัวของร่างโปร่งนอนราบไปกับพื้นหญ้ายามค่ำคืนโดยไม่กลัวสัตว์อันตรายตัวเล็กและน้ำค้างที่เริ่มหยดลงสู่พื้นดิน

เพราะพระจันทร์คืนนี้เต็มดวงพวกเขาสองคนก็เลยออกมานอนดูพระจันทร์กัน

“หนาวไหมเงิน”

“ไม่อ่ะ อากาศกำลังดี แต่ลมหนาวก็ใกล้จะมาแล้วสินะ”

“จริงๆ มันเป็นหน้าหนาวแล้วล่ะ แต่มันยังไม่ค่อยหนาวเท่านั้นเอง อากาศประเทศไทยเดาใจยากนะ”

“แต่ที่นี่ก็เย็นกว่าที่กรุงเทพเยอะเลยเนอะขรรค์ ไม่ต้องเปิดแอร์เลย” สบตากับขรรค์ขณะที่พูดไปด้วย ขรรค์เองก็ก้มหน้ามองคนรัก เพราะยังไงแล้ว ดวงจันทร์ก็น่าดูน้อยกว่าใบหน้าของคนรักอยู่ดี

“ใช่! ที่นี่สบายและเงียบสงบทีนี้เราก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วนะเงิน ขอบคุณที่เงินไม่ทิ้งขรรค์ ขอบคุณที่ไม่เลิกรักกัน ขอบคุณที่มาหาขรรค์ที่นี่ ขอบคุณนะครับ”

ร่างโปร่งส่ายหน้าไปมา เอื้อมมือไปสัมผัสที่ใบหน้าคมเข้มด้านบนอย่างอ่อนโยน

“ไม่ใช่เรื่องที่ขรรค์ต้องขอบคุณหรอก เพราะยังไงเงินก็รักใครไม่ได้อีกแล้ว ถ้าคนๆ นั้นไม่ใช่ขรรค์ แต่ก็ขอบคุณขรรค์เหมือนกันที่ยังรักและไม่ลืมเงิน”

“ขรรค์ไม่มีทางลืม และไม่คิดจะเลิกรักเลยสักนิด ต่อให้เงินไม่มา ขรรค์ก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะรักแค่เงินไปคนเดียวตลอดชีวิต แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม”

“เลี่ยนเนอะ!!”

“ขรรค์อุตส่าห์จะทำโรแมนติก” ร่างแกร่งบ่นอุบอิบ ที่คนรักทำเสียเรื่องทั้งๆ ที่ขรรค์พยายามจะทำตัวโรแมนติที่ไม่เคยได้ทำเลยสักครั้ง

จะให้ผู้ชายแมนๆ หน้าไม่ให้อย่างขรรค์มาทำเรื่องหวานๆ กับแฟน มันก็ดูแปลกๆ ใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นขรรค์เลยไม่ค่อยทำอะไรแบบนั้นเท่าไหร่ เพราะยังไงขรรค์ก็เสมอต้นเสมอปลาย แสดงออกความรักอยู่ทุกวันอยู่แล้ว

“ฮ่าๆ ไม่ต้องหรอก แค่มีขรรค์อยู่ตรงนี้ก็พอแล้วล่ะ”

“หึหึ...เราจะไม่จากกันอีกแล้ว ขรรค์สัญญา จะไม่ปล่อยมือเงินเป็นครั้งสองแน่ๆ”

“เงินถามจริงๆ ขรรค์ตัดสินใจนานไหมที่พูดบอกเลิกกันน่ะ” หิรัญถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้ สบตาคนรักอย่างจริงจัง เพราะคิดกลับไปวันนั้นทีไร หัวใจมันก็บีบรัดจนแทบตายทุกที

“นานสิ ขรรค์ทำใจนานมาก ขรรค์ไม่อยากอยู่ห่างจากเงิน ไม่อยากอยู่ในที่ที่มองไม่เห็นเงิน แต่มันก็ต้องทำ”

“เราเลิกพูดเรื่องอดีตเถอะนะ ไม่ต้องลืมมัน ไม่ต้องทิ้งมัน แต่เอาไว้เตือนสติเราก็พอ” หิรัญจับมือแกร่งมาวางไว้บนอกของตนแล้วคลึงเล่นนิ้วแกร่ง สลับกับมองดวงจันทร์ไปด้วย

“ขรรค์มีอะไรจะให้”

“หืม”

ขรรค์ใช้มือซื้อล้วงกระเป๋ากางเกงเอาของที่ตนเองเตรียมไว้ออกมา ร่างที่นอนอยู่ก็พยายามมองว่าของที่คนรักของตนจะให้คืออะไร ขรรค์ไม่พูดอะไรดึงมือซ้ายของหิรัญไปหาตนเองก่อนจะเอาเชือกเส้นเล็กสีแดงมันที่นิ้วก้อย พอมัดให้หิรัญเสร็จแล้วก็มัดให้ตัวเองบ้าง หิรัญมองตามความยาวของเชือกที่มันไปสิ้นสุดที่นิ้วของขรรค์ด้วยความรู้สึกอธิบายไม่ถูก เขารู้สึกแสบตาเหมือนน้ำตาจะไหล เงยหน้ามองสบกับดวงตาของขรรค์ ร่างสูงก็ยิ้มออกมาน้อยๆ ใช้มือขวาจับประสานกับเรียวนิ้วสวยของคุณหมอหนุ่ม

“รู้ไหมว่าเงินดีใจกว่าการได้แหวนสักวงอีก ด้ายแดงงั้นเหรอ”

“ใช่ ตามตำนานมันบอกว่า ชายหญิงจะมีด้ายสีแดงที่มองไม่เห็นเชื่อมกับเนื้อคู่ของตนเอาไว้ ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันคนละซีกโลก มันจะบันดาลให้ทั้งสองมาเจอกันในที่สุด แต่เราสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่ ขรรค์ก็เลยจะสร้างตำนานใหม่โดยอ้างอิงจากตำนานด้ายแดงเปลี่ยนมาเป็นเชือกสีแดงแทนไง เป็นตำนานเฉพาะของเรา”

“โรแมนติกจัง”

“ชอบหรือเปล่า”

“อื้อ...ชอบมากๆ เลย ด้ายแดงของเรามันมาบรรจบกันแล้วนะขรรค์”

“และมันจะไม่มีวันขาดจากกัน”

ร่างโปร่งลุกขึ้นนั่ง แล้วจู่โจมจูบที่ริมฝีปากนาของขรรค์ทันทีไม่ให้เจ้าตัวได้ตั้งตัวเลย ร่างแกร่งเองก็ประคองศีรษะบางบังคับเข้าหาตัวเองเพื่อให้แนบชิดกันกว่านี้

หิรัญนั่งคร่อมหน้าตักของขรรค์ ปล่อยตัวปล่อยใจให้ไปตามอารมณ์ที่ตัวเองรู้สึก ขรรค์เองก็ปล่อยให้คนรักทำตามที่ใจต้องการ ปลายลิ้นของทั้งสองพันเกี่ยวแลกสัมผัสวาบหวาม มือหยาบลูบไล้ไปตามร่างกายของหมอหนุ่ม ก่อนจะล้วงเข้าไปใต้เสื้อผ้า สัมผัสความเนียนสะอาดของร่างกายคนรัก

ทั้งสองคนไม่กลัวว่าจะมีใครเข้ามาเห็น เพราะมันเป็นที่ส่วนตัวในเขตตัวบ้านของขรรค์เอง ฉะนั้นแล้ว นอกจากพวกเขาสองคนก็ไม่มีใครเข้ามาที่นี่ในเวลาอย่างนี้แน่นอน

“อื้อ...ตรงนี้จะดีเหรอ”

“ก็ถือว่าเปลี่ยนสถานที่บ้างไงเงิน” ร่างสูงตอบพลางซุกไซ้ไปตามแนวความยาวของคอขาวเนียน

“หื่นจัง”

“ขรรค์เป็น อืม...กับเงินคนเดียวเท่านั้น”

“รู้หรอกน่า อ่ะ...”

“เงินตัวหอม”

“ไม่เจ็บแผลเหรอ อื้อ จะทำแบบนี้น่ะ”

“เงินเริ่มเองนะ ตอนนี้ต่อให้เจ็บก็ยอม”

ขรรค์ขบเม้มซอกคอขาวจนเกิดเป็นรอยคิสมาร์กแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้อยู่หลายรอย ฝ่ามือก็ทำหน้าที่อยู่ใต้เสื้อยืดของหมอร่างบาง หิรัญนั่งทับบนหน้าตักแกร่ง เอาแขนกอดรอบคอของขรรค์เอาไว้ แล้วเอียงคอให้คนรักสัมผัสได้ง่ายกว่าเดิม นอกจากต้นไม้ที่คนรักใช้เป็นที่พิงแล้ว หิรัญก็มองไม่เห็นอะไรเลย หากแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดี

เขาหลับตาเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่ค่อยเป็นค่อยไปของขรรค์ มันไม่ได้มูมมามราวกับคนอดอยากเหมือนที่ผ่านๆ มา แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และค่อยเป็นค่อยไป ยิ่งทำให้หิรัญรู้สึกมากกว่าที่เคยรู้สึกไปอีก

“อื้อ...ขรรค์”

“ขรรค์จะทำให้วันนี้เป็นความทรงจำที่ดีของเรา”

ร่างสูงกระซิบข้างหูเบาๆ มือก็เอื้อมไปถอดกางเกงของคนรักแล้วดึงลงไปกองไว้ที่หัวเข่า ส่วนหิรัญก็รู้หน้าที่ดีว่าจะต้องทำยังไงต่อไป

มือร้อนคว้าที่จุดสำคัญกลางลำตัวของหิรัญแล้วทำการขยับชักนำอารมณ์ของคนรักให้ประทุมากยิ่งขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของหมอหนุ่มแหงนหน้าขึ้นด้วยความเสียวซ่าน กัดปากตัวเองแล้วครางในลำคอเบาๆ อย่างพึงพอใจ

“ไม่มีเจล...”

“อื้อ...ไม่เป็นไร ขรรค์จัดการเถอะ”

“งั้นขรรค์จะพยายามเบาๆ นะ”

“อื้อ”

นิ้วแข็งแรงค่อยๆ สอดเข้าไปในช่องทางคับแคบที่ฝืดเคืองมากเพราะเราไม่ได้มีกิจกรรมร่วมกันบ่อยนัก นานๆ ทีจะมีบ้าง ยิ่งเกือบสามอาทิตย์ที่ผ่านมาเราสองคนห่างหายไป แต่มันก็ไม่ได้เข้ายากเข้าเย็นมากนัก ขรรค์กัดแฟนกรอด พยายามระงับอารมณ์ที่ถูกปลุกอย่างอดทน

มือนุ่มของคนเป็นหมอกอบกุมที่แก่นกายใหญ่ของคนรักแล้วขยับขึ้นลงเป็นจังวะ เรียกเสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงจากคนรักได้อย่างทีเนื่องจากว่ากำลังพยายามอดทนไม่ให้ตัวเองปลดปล่อยออกมาตามการแกล้งของหิรัญ

“ฮืม...เงิน”

“อะไรเหรอ” ถามเสียงหวาน เห็นสีหน้าทรมานของขรรค์ร่างโปร่งบางก็ยิ้มอย่างพออกพอใจ แต่ตัวเองเป็นต่อไม่เท่าไหร่ ร่างสูงก็พบจุดกระสันของหิรัญที่พอเขากดเน้นๆ เข้าไป ก็เรียกเสียงครางจากหิรัญได้ จนกลายเป็นว่าคนที่เป็นต่อตอนนี้คือขรรค์

“อ๊ะ! ย่ะ อย่าแกล้ง”

“งั้นไม่แกล้งแล้ว”

ไม่รอให้ร่างเล็กกว่าเตรียมพร้อม ร่างแกร่งก็จัดการถอดนิ้วออกมาจกช่องทางแล้วนำส่วนกลางลำตัวเข้าไปแทนอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ยิ่งทำให้รู้สึกมากเข้าไปอีก

“อ๊ะ!! ขรรค์ อื้อ...มันอึดอัด”

“ใจเย็นๆ นะ มันกำลังจะสุดแล้ว อื้ม”

เมื่อขรรค์เข้าไปจนสุดแล้ว ก็เริ่มขยับช้าๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหิรัญเองก็ตอบสนองสัมผัสและขยับกายเป็นจังหวะเดียวกันกับร่างแกร่ง

เพลงรักท่ามกลางพระจันทร์เต็มดวง บวกกับด้ายแดงที่ผูกนิ้วก้อยของทั้งสองคนนั้นทำให้ทั้งคู่รู้สึกอบอุ่นมากกว่าความรู้สึกร้อนแรงของการร่วมรัก

เสียงครางของทั้งคู่ดังระงมไปทั่วบริเวณ เสียงของสัตว์ตอนกลางคืน เสียงลม เสียงของใบไหม้ เสียงของธรรมชาติรอบๆ สถานที่นี้ เป็นเหมือนดนตรีที่ช่วยขับเคลื่อนบทเพลงรักนี้ให้ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้ ทั้งขรรค์และหิรัญก็ไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างเลยนอกจากกันและกัน

ไม่สนใจเลยว่าตรงนี้มันเป็นข้างนอก เป็นที่โล่ง...

“อ๊า...เงิน ขรรค์รักเงิน อื้อ รักเงินมาก”

“อ๊ะ อ๊ะ อื้อ...เงินก็ อึก รักขรรค์”

“เหลือเชื่อเลย อึก...ตอนนี้เรากำลังมีอะไรกันข้างนอก อ๊า...ได้มองพระจันทร์ไปด้วย อื้อ มองหน้าเงินไปด้วย”
ร่างโปร่งยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วก้มจูบริมฝีปากของร่างแกร่งอย่างร้อนแรง เผื่อว่าการจูบนี้จะช่วยคลายความรู้สึกเสี่ยวซ่านที่มีอยู่เต็มเปี่ยมได้

เสียงครางของหิรัญยิ่งหนักขึ้นเมื่อร่างแกร่งรัวจังหวะเร็วแรง ไม่ปล่อยให้ได้พัก ภาพตรงหน้าที่ขรรค์เห็นมันดูเซ็กซี่ ร้อนแรงมากยิ่งแสงจันทร์กระทบร่างเห็นเป็นเพียงเงาของหิรัญบนตัวเขาเท่านั้น เพราะแบบนี้ขรรค์จึงเร่งจังหวะเพราะต้านทานอารมณ์ของตนเองไม่ไหวแล้ว

“ไม่ไหวแล้ว อื้อ...อ๊ะ ขรรค์”

“พร้อมกันนะ อืม...”

ทั้งสองเร่งเครื่องกันอีกครั้ง ไม่นานก็ร่างเกร็งกระตุกออกมาเป็นเวลาไล่เลี่ยกัน แก่นกายใหญ่แช่อยู่ในลำตัวของหิรัญอยู่แบบนั้นแล้วกดเน้นย้ำๆ เข้าไปจนปล่อยออกหมด จากนั้นจึงถอนแก่นกายตนออกมาพร้อมกับยกร่างคนรักออกจากตัก

“ข่ะ...ขรรค์” หิรัญเรียกชื่อคนรักสั่นๆ เมื่อเห็นแววตาที่ไม่น่าไว้วางใจของคนรัก

“หันหลังให้ขรรค์หน่อย”

ยังไม่ทันที่ร่างโปร่งจะหายเหนื่อยกับบทรักบทแรก ขรรค์ก็ยังมีที่ท่าไม่เหนื่อยเลยสักนิด แต่ด้านของหิรัญที่หมดแรงไปแล้ว แข็งขาอ่อนไปแล้วก็ไม่อยากให้คนรักรีบร้อยต่อรอบที่สอง

“คือ...เงินเหนื่อย”

“อีกรอบนะเงิน เดี๋ยวขรรค์จะพาไปพักบนห้อง”

“อ่ะ...อื้อ ก็ได้”

สุดท้ายหิรัญก็แพ้ลูกอ้อนของคนรักอยู่ดี ไม่ว่าจะยังไง ร่างโปร่งบางก็ไม่เคยปฏิเสธคนรักได้เลยสักครั้ง ยิ่งขอร้องอ้อนวอนมา หิรัญยิ่งปฏิเสธไม่ได้

ร่างขาวค่อยๆ หันหลังให้คนรักแล้วทำท่าคลานโก่งสะโพกของตนขึ้น พร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความอาย เพราะการกระทำอันน่าอายของตัวเอง

ขรรค์เห็นท่าทางที่ต้องการก็ลูบก้มกลมเนียนของหิรัญอย่างหลงใหล เลียริมฝีปากตัวเองราวกับเห็นอาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้า มือแกร่งกอบกุมแก่นกายของตัวเอง อีกข้างหนึ่งก็ใช้นิ้วเขี่ยที่ปากทางนุ่มของหิรัญจนร่างตรงหน้าสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด

“ขรรค์อยากให้เงินเห็นพระจันทร์ตอนมีอะไรกัน”

“ขรรค์แอบโรคจิตเบาๆ นะ”

“หึหึ...ขรรค์ก็เป็นเพราะเงินนั่นแหละ”

“แต่ว่า...อ๊า!!” หมอหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ แก่นกายใหญ่โตก็แทรกเข้าไปโดยไม่บอกไม่กล่าวกันก่อน ใบหน้าขาวเชิดขึ้นจนสุด หลับตาพริ้มด้วยความเสียวซ่าน ก่อนจะค่อยๆ เปิดตามองพระจันทร์ยามที่ร่างของคนรักเริ่มขยับแก่นกายกระแทกกระทั้นบั้นท้ายเขาอย่างรุนแรง

สุดท้ายที่บอกว่าจะเบาๆ ก็ทำไม่ได้อยู่ดี...

หิรัญบอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูก เพราะรอบนี้มันรู้สึกมากกว่ารอบที่แล้ว หรือครั้งก่อนๆ ที่เคยมีอะไรกัน อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้เขากำลังมองพระจันทร์อยู่ มองเห็นบรรยากาศรอบๆ ที่มีแต่ต้นไม้กับหญ้า นั่นทำให้หิรัญโกหกตัวเองไม่ได้ว่าตนเองไม่ได้อยู่ข้างนอก...

ใบหน้าหล่อก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่หยัดอยู่กับพื้นหญ้า เห็นนิ้วก้อยยังคงมีด้ายสีแดงอยู่ก็น้ำตาคลอ...

ขรรค์บอกว่ามันจะไม่มีทางขาด

มันจะไม่มีวันขาดอีกเป็นครั้งที่สอง...

“อ๊ะ...อ๊ะ อ๊า”

“อืม...อ๊า เงิน...รัดแน่นจัง อ้า...ดี”

ต่อให้มีใครอีกหลายคนจะบอกว่าความรักของเรามันผิดหรือน่ารังเกียจ ขรรค์ก็จะไม่มีทางหวั่นไหวไปกับมันอีกแล้ว เพราะสิ่งเดียวที่เขาอยากได้คือการที่ครอบครัวของหิรัญยอมรับในความรักของเรา แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว

และตอนนี้เขาก็ได้มันมา

ได้โอกาสดูแลหิรัญไปตลอดทั้งชีวิต...

“ขรรค์สัญญา...ทั้งชีวิตนี้ ให้เงินคนเดียว”

“อื้อ...อ่ะ เงินก็สัญญา”

จากนี้เป็นต้นไป...ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไร พวกเขาสองคนจะจับมือกันให้แน่นและก้าวผ่านมันไปได้ เพราะไม่มีอุปสรรคไหนจะหนักหนาเท่ากับสิ่งที่พวกเขาเคยผ่านมาอีกแล้ว

สิบกว่าปีที่รักกัน มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์มากพอแล้วกับความรักของพวกเขา...

ต่อแต่นี้ไป...เราสองคนจะมีแต่ความสุข...
 









100%

=================================================

วันนี้ยูกิสวยมากกกกก (ฮ่าๆ) ลงให้ครบร้อยเลย

แต่จะมาต่อให้วันไหนอันนี้ไม่รับปากนะคะ

เม้นท์ให้ยูกิด้วยน่อออออ ใกล้จบแล้ว รอความกรุณานิดนึง คือลงให้แบบเต็มๆ

ก็ขอเม้นท์เยอะๆ นะคะ T^T เรียกร้องนิดนึง อย่ารำคาญกันเลยนะเธอจ๋าาาา

(แม้ว่ายูกิจะหายบ่อยก็เถอะ แหะๆ)

https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-08-2017 01:45:42
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 30-08-2017 09:28:46
หู้ยย.. ขรรค์กะเงิน.. เอาท์ดอร์ กันไป..  :hao6:
หวานไปหรือเปล่าหึ...  :katai2-1:
วงวารคู่พี่รามกะอิน นะ..  :katai1:
ไรท์... รีบมานะคะ..  :katai4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 30-08-2017 12:43:39
มุ้งมิ้งจังเลยตอนนี้ ฟิน ๆ ๆ ๆๆ  ๆ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-08-2017 18:23:29
ว๊ายยยยย
เอ้าท์ดอร์เคียงจันทร์
โรเมนติกสุดและหื่นสุดด้วย
กริ๊บกริ้ว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-08-2017 18:44:52
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 30-08-2017 20:09:26
แฮปปี้กันไปอีกคู่  :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-09-2017 11:30:06
แฮปปี้ สมบูรณ์ไปหนึ่งคู่ ขรรค์เงิน มีความอบอุ่น มีความรัก ความห่วงใย
ขรรค์โรแมนติกนะ แต่ชอบแบบเอาท์ดอร์ก็ไม่บอก 55555
เงินน่ารักค่ะ ยอมให้ขรรค์จนหมดใจ เงินมาตามหาขรรค์ ทำให้ทุกอย่างมีวันนี้

รามก็รอไปก่อนนะ อินแค่สับสน

จักรจอม สู้ๆ นะคะ
จอมฉลาดพาอินไปด้วย หวังว่าอินจะแก้เกมส์ได้

ยูกิสวยจริงๆ ค่ะ 55555 ต่อจบตอนแบบสมใจเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: chaaem ที่ 10-09-2017 13:58:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-09-2017 21:55:31
เงินกะขรรค์เร่าร้อนมากก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 52 100% => (29/08/60) P.29 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 15-09-2017 23:46:43
 :call:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 18-09-2017 21:27:33
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 53
สารจากธีร์





“มานั่งหงอยอะไรอยู่คนเดียว”

ร่างโปร่งบางสะดุ้งด้วยความตกใจที่โดนทักทายแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะเขากำลังเหม่อ มองอะไรสักอย่างอยู่อย่างไร้จุดมุ่งหมาย

มันเงียบ...เหมือนก่อนหน้าที่รามินทร์จะมาเยี่ยมขรรค์...

“มึงตามมาได้ไง”

“กูใครวะอิน...นี่ธีร์ เพื่อนของมึงนะ อารมณ์แบบไหนมึงจะไปที่ไหนกูรู้ทุกอย่างนั่นแหละ” ว่าแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับอินทัชทันที

“แล้วมีธุระอะไรกับกู?”

“แค่จะมาดูว่ามึงอารมณ์ไหน ถึงได้มาร้านนี้ ร้านที่แม่งโคตรจะห่างไกลจากบริษัทมึงมาก”

ธีรไนยมองไปรอบๆ ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งนี้ด้วยความรู้สึกคุ้นเคยกับมัน เพราะมันเป็นร้านหน้ามหาวิทยาลัยของพวกเขาเอง และการที่อินทัชมาที่นี่นั่นก็หมายความว่า กำลังอยู่ในช่วงที่อารมณ์ไม่ปกติ

อยากอยู่คนเดียว...

“กูอยากอยู่คนเดียว”

“หึ...ตอนนี้มึงก็ได้อยู่คนเดียวสมใจแล้วนี่ กูไม่เข้าใจเลยเว้ย ว่ามึงจะทรมานตัวเองไปทำไม ทั้งๆ ที่อยากจะอยู่กับมันจะตายห่าแต่กลับไล่มันออกจากชีวิต”

“เรื่องของกู!”

“เรื่องของมึงก็จริง แต่มึงไม่คิดว่ากูจะเป็นห่วงเพื่อนบ้างหรือไงวะ ที่วันๆ เอาแต่เหม่อลอย ไม่พูดไม่จากับใคร นัดไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ว่าง ไม่มีอารมณ์ กูแค่อยากได้เพื่อนคนเดิมกลับคืนมาก็เท่านั้น ถ้ามึงไม่อยากให้มันอยู่ในชีวิตมึง มึงก็ต้องกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ อย่าทำตัวแบบนี้ กูขอร้อง” ธีรไนยพูดยาวอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย กับอาการของเพื่อนที่ไม่ว่าเขาจะโทรไปหาก็บอกว่าไม่มีอารมณ์จะคุย

จะพาไปเที่ยวต่างประเทศ ก็ไม่ไป...

“กูก็เหมือนเดิม”

“เหมือนเดิมเหี้ยอะไร มึงเปลี่ยนไปเยอะมากรู้ไหมอิน” ธีรไนยถามเพื่อนรัก สีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกถึงความจริงจังจนอินทัชชักเครียด

“กูเปลี่ยนยังไง”

“มึงมันกลายเป็นคนปากแข็งไปแล้ว อินทัชที่ว่านอนสอนง่ายคนนั้นของกูหายไปไหน มึงพอจะบอกกูได้ไหมว่าเพราะอะไร มึงถึงไล่มันกลับไป ทั้งๆ ที่อยากจะให้มันอยู่กับมึงจะตาย”

“มึงรู้ได้ไง” อินทัชถามกลับมา

“แล้วทำไมกูจะไม่รู้ กูมีตา กูก็สังเกตอาการของมึงสิวะ”

“เหรอ?”

“ว่ามาซิ! เผื่อกูจะช่วยได้”

อินทัชเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดออกมา ขืนเขาพูดออกไป มีหวังโดนด่ากลับมากแน่ๆ ไม่เอาด้วยหรอก แค่เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวตอนนี้มันปนกันวุ่นวายไปหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเรื่องปวดหัวเข้ามาให้รกสมอง

“ไม่เป็นไร กูเกรงใจ”

“ดื้อว่ะ...”

“ไม่มีงานทำหรือไง”

“มี! แต่ลงมาซื้อกาแฟไง”

“เฮอะ!! เลขาไม่ชงให้เหรอวะ”

“เปลี่ยนรสชาติไง กินอะไรเดิมๆ มันก็น่าเบื่อ ถูกป่ะ” ธีรไนยตอบพลางยักคิ้วข้างหนึ่งอย่างกวนๆ ไปให้เพื่อนสนิทที่มองตนด้วยความหมั่นไส้

“มึงนี่ตามเสือกชีวิตกูจัง”

“อ้าว? ไม่ให้เสือกมึงแล้วจะให้กูไปเสือกใคร”

“ก็ไปอยู่กับผัวมึงโน่น ปล่อยกูบ้างก็ได้” อินทัชไล่ สีหน้าเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายกับนิสัยจุ้นๆ ของเพื่อนสนิท แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้รำคาญจริงจังขนาดนั้นหรอก

มีเพื่อนอยู่ด้วยในตอนที่มีความรู้สึกแบบนี้ก็ดี...

“กับไอ้พัฒน์ กูอยู่กับมันทุกวัน แบ่งเวลามาให้เพื่อนนิดๆ หน่อย มันไม่ว่าหรอก”

หมั่นไส้ท่าทางมันจริงวุ้ย!

“แล้วเมื่อไหร่คุณเพื่อนจะเลิกแบ่งเวลาให้กูล่ะครับ กูเกรงใจจะแย่อยู่แล้ว” ฝั่งเขาเองก็ประชดประชันกลับไป ไม่ยอมแพ้กันเลย...

เพราะศีลเสมอกัน ก็เลยคบกันได้จนถึงทุกวันนี้...

“จนกว่าเพื่อนรักจะมีผัว”

“ชีวิตนี้กูรุกมาโดยตลอดว่ะครับ ให้มีเมียง่ายกว่าไหม จะจัดให้เลย” ถามออกไปโดยแสร้งทำเป็นซ่อนความรู้สึกเอาไว้ ไม่แสดงมันออกมา

ทั้งๆ ที่มันไม่สามารถที่จะปิดมิดเลยด้วยซ้ำ

“จนกว่ามึงจะเลิกปากแข็ง แล้วก็เลิกทรมานตัวเองด้วย”

“เฮ้อ...”

“ถอนหายใจทำไม เอาจริงๆ กูก็โกรธที่มันทำกับมึงนะ และกูก็รู้ว่ามึงเองก็ไม่ได้โกรธมันแล้ว คนขี้ใจอ่อนแบบมึง โกรธใครได้นานๆ ที่ไหน ถ้าไม่เกลียดจริงๆ แต่สำหรับไอ้ราม มึงไม่ได้เกลียดมันกูรู้ ฉะนั้นแล้ว มึงอย่ากลัวในสิ่งที่มึงยังไม่เคยลองดูสิวะ ถ้ามึงไม่ลอง มึงจะรู้ไหมว่ามันจะเป็นแบบที่มึงคิดหรือไม่เป็น มึงเป็นนักธุรกิจนะอิน...มึงก็รู้ ว่าทุกอย่างมันต้องเสี่ยง มันต้องลงทุน เรื่องความรักก็เหมือนกัน มันก็ต้องมีเสี่ยงบ้าง แต่นั่นก็จะถือเป็นบทเรียนในชีวิตไป ถ้ามันไม่ใช่...มันก็ไม่ถึงตายหรอกอิน”

ใช่...ไม่ถึงตาย แต่ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ล่ะ ถึงจะลืม...

สิ่งที่ธีรไนยพูดออกมาทั้งหมดมันใช่...เขาก็แค่กลัว ว่าคนที่นิสัยต่างขั้วกันสุดๆ อย่างเรามารักกันแล้วมันไปไม่รอด พาลทำให้รู้สึกไม่ดีต่อกันไปเสียเปล่าๆ

“มึงกลัวอิน...มึงกลัวว่าถ้ามึงจริงจังกับความรักอีกครั้งมันจะทำให้มึงผิดหวัง แต่มึงต้องเข้านะเว้ยอิน...ว่าคนเรามันไม่เหมือนกัน ไม่แน่...คนอย่างไอ้รามมันอาจจะเป็นคนที่รักใครรักจริงก็ได้”

“กูรู้...แต่มึงก็เห็นว่ามันรักกูมากเกินไป”

“แล้วไม่ดีหรือไง มึงจะไม่มั่นใจอะไรอีก ไอ้รามไม่ใช่ยัยนั่นนะ”

“เพราะมันรักกูมากเกินไปนี่แหละ...ธีร์ มึงลองคิดดูนะ ว่าไอ้ที่กูโดนมันจับตัวไปเนี่ยต้นเหตุมันมาจากอะไร มันไม่ใช่แค่มาจากที่น้องสาวมันหลอกนะ แต่มันมาจากตัวของไอ้รามด้วย ถ้ามันไม่รักน้องมันมากเกินไป มีเหตุ มีผล มันก็ไม่ต้องมาทำร้ายกูแบบนั้น”

“มึงกำลังจะบอกว่า มึงกลัวว่าถ้ามึงโดนทำร้ายหรือเป็นอะไรไป ไอ้รามมันจะแค้นจนขาดสติอีก ทำเหมือนกับที่ทำกับมึง ว่างั้น?”

“เออ!!”

“หึหึ...กูจะบอกอะไรให้นะอิน ต่อให้มึงกับมันจะคบหรือไม่คบกัน แต่ถ้ามันรักมึง...คนที่ทำให้มึงเจ็บมันก็เอาคืนได้หมดนั่นแหละไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม เพราะงั้นมึงยิ่งต้องตอบรับความรู้สึกมันเลย ถ้ามีมึงอยู่ด้วยอาจจะทำให้มันเปลี่ยนแปลงได้ก็ได้นะ คนอย่างมันน่ะดูเชื่อฟังมึงจะตายไป”

ใบหน้าสวยเผยให้เห็นความตึงเครียดบนใบหน้าเพราะกำลังใจความคิดประมวลผลตามคำพูดของเพื่อนสนิทเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตนเอง

“ให้โอกาสมันบ้างอิน อย่างน้อยก็ให้มันได้ลอง มึงได้ลอง”

“จะเก็บไปคิดก็แล้วกัน”

“ก็อย่าคิดนานแล้วกัน มันเปลี่ยนใจก่อนกูไม่รู้ด้วยนะ”

“ก็แล้วแต่สิ...” ยักไหล่แบบไม่รู้สึกอะไร ทั้งๆ ที่ใจหายไปแล้วด้วยซ้ำ

จริงสิ...เขาลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย ถ้าหากว่ารามินทร์มันเลิกรักเขาแล้วหันไปรักคนอื่น เลือกคนอื่นมาเป็นคู่ชีวิต เขาจะรู้สึกยังไง ไม่ต้องรอให้เห็นเลยด้วยซ้ำ แค่คิดก็เจ็บปวดจะแย่อยู่แล้ว


“ซึน...”

“ว่าไงนะ?” อินทัชถามทวนเพราะได้ยินไม่ถนัด

“เปล่า...ก็บ่นกับตัวเองน่ะ”

“เหรอ? ให้มันจริงเถอะ”

“จะโกหกทำไมวะ เฮ้อ...ถึงเวลาต้องกลับไปเคลียร์งานแล้วสินะเนี่ย มึงอ่ะ จะกลับพร้อมกูไหม” ธีรไนยถาม มองอินทัชที่กำลังนั่งดื่มกาแฟของตนสลับกับมองไปข้างนอกร้าน

“กลับเลยก็ได้”

“งั้นก็ไป กาแฟกูคงได้แล้วล่ะ” ธีรไนยลุกขึ้นเดินนำไปที่เคาท์เตอร์ พูดคุยกับพนักงานร้านอย่างสนิทสนมก่อนจะจ่ายเงินแล้วรับกาแฟของตนมา

“กูจอดรถฝั่งตรงข้ามน่ะ” อินทัชบอกเพื่อนสนิทเมื่อพากันออกมาจากร้านกาแฟแล้ว

“งั้นมึงก็ต้องข้ามถนนไปสินะ เดินระวังๆ นะมึง”

“เออน่า กูข้ามมาเป็นล้านรอบแล้วมั้ง”

“ฮะๆ งั้นแยกเลย แล้วเจอกันนะมึง”

“อื้อ...แล้วเจอกัน กูไปก่อนนะ”

ร่างสูงโปร่งของอินทัชเดินลงจากฟุตบาทไปเพื่อเตรียมข้ามถนน ส่วนธีรไนยก็จะยืนมองเพื่อนให้ข้ามถนนไปถึงที่จอดรถก่อนแล้วค่อยไปที่รถของตัวเอง อินทัชเห็นรถที่อยู่เลนซ้ายชะลอความเร็วแล้วโบกมือเป็นเชิงบอกให้เดินข้ามถนนไป ร่างโปร่งก็โค้งให้นิดๆ แล้วก้าวเท้าออกไป แต่ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปต่อ รถคันนั้นก็เร่งความเร็วเหมือนจงใจจะพุ่งชนอินทัช ทำเอาธีรไนที่ยืนมองอยู่ตะโกนเสียงดัง

“ไอ้อิน!! ระวัง!!!”

“เฮ้ย!!!”

อินทัชหันมามองรถคันดังกล่าว มีทีท่าว่าตัวเองจะไปไม่พ้นแน่หากเดินหน้า ก็เลยตัดสินใจถอยหลังกลับมา แต่ด้วยความรีบ ทำให้ขามันสะดุดถอยได้ไม่เร็วมากนัก รถคันนั้นเลยเฉี่ยวเขาไปเต็มๆ จนร่างทั้งร่างล้มลงข้างถนน

“โอ๊ย!!”

“เหี้ยเอ้ย!! เป็นอะไรหรือเปล่าวะอิน แม่ง จงใจชัดๆ เลยนี่หว่า”

“กูเจ็บ...”

“เจ็บตรงไหน”

“แขน” ใบหน้าของอินทัชแสดงถึงความเจ็บปวด เอามือข้างที่ไม่เจ็บประคองแขนข้างที่โดนรถเฉี่ยวไปเต็มแรงเอาไว้เพื่อไม่ให้มันเจ็บมาก

“กูจะพาไปโรง’ บาลก่อน”

“อือ...”

“ลุกไหวไหมวะ”

อินทัชกัดฟันฝืนลุกทั้งขาเจ็บ เพราะล้มผิดท่าด้วย ข้อเท้าเลยแพลง ธีรไนยทิ้งแก้วกาแฟแล้วมาประคองเพื่อนสนิทไปที่รถของตัวเอง ก่อนจะพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที


“แขนจะปวดๆ หน่อยนะครับแต่ไม่เป็นอะไรมาก ส่วนขาหมอใส่เฝือกอ่อนให้แล้ว งดใช้เท้าข้างที่ใส่เฝือกจนกว่าจะหายนะครับ แล้วก็ทำตามที่หมอสั่งทุกอย่างนะจะได้ลดอาการบวมไวๆ ถ้าหายบวมหายเจ็บบ้างแล้วก็มาตามที่หมอนัดด้วยนะครับ”

“ครับ” อินทัชพนักหน้ารับ มองสภาพขาตัวเองที่บวมอย่างน่ากลัวกับเฝือกที่ทำให้ดูเป็นคนพิการไปในทันที มองแขนข้างขวาที่ต้องใช้เขียนงานพันไปด้วยผ้ายืดแล้วก็ถอนหายใจ “ประมาณกี่วันถึงจะหายครับ” ถามกลับไป

“โดยปกติจะหายภายในสามถึงหกสัปดาห์ครับ ถ้าทำตามที่หมอบอกก็มีโอกาสหายไวนะครับ”

“หมอพูดเหมือนหลอกล่อเด็กเลยนะครับ”

“ฮ่าๆ ก็เห็นทำหน้าไม่สบายใจนี่ครับ เอาเป็นว่าถ้าเกิดรู้สึกว่ามันปวดจนทนไม่ไหวแล้วก็ให้มาหาหมออีกรอบนะครับ เดี๋ยวเอายาไปทานด้วย แขนนี่ก็มีอาการช้ำ อย่าใช้งานหนักนะครับ พักเอาไว้ให้มากๆ โดนกระแทกแรงมากเลยสินะครับ”

“แรงครับ”

พุ่งเข้าใส่เหมือนกะเอาให้ตายแบบนั้น

“โอเคครับ เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวไปรอรับยาด้านนอกนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

ธีรไนยที่นั่งฟังอย่างเงียบๆ อยู่ข้างเพื่อนสนิทลุกขึ้นแล้วลากวิลแชร์มาให้อินทัชนั่งก่อนจะเป็นคนเข็นพาเพื่อนออกไปเพื่อรอรับยา

ระหว่างที่รอรับยา อินทัชก็กำลังคิดอะไรบางอย่างเหมือนกับธีรไนยที่กำลังคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างเครียดๆ และมองเพื่อนด้วยความกังวล

“อิน...กูว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ”

“อืม...กูก็คิดว่าจงใจ กูเห็นว่ามันโบกมือให้กูไปแล้วนะแล้วมันก็ชะลอด้วย”

“ใช่! กูก็เห็นแบบนั้น แต่พอมึงข้ามปุ๊บ แม่งก็เหยียบคันเร่งใส่เลย แบบนี้มันเจตนาชัดๆ แต่ปัญหาก็คือ มันคือใคร? ทำไปทำไม?” ธีรไนยนึกว่าเพื่อนจะมีศัตรูที่ไหนบ้าง แต่ก็คิดไม่ออก ถ้าคนที่จะมีศัตรูมันควรจะเป็นธีรไนยเองมากกว่าที่มี เพราะช่วงที่ดูแลธุรกิจมืดให้กับปฐพีและอัคนีนั้น เขาค่อนข้างที่จะขัดแย้งจากหลายๆ ฝ่าย

แต่อินทัชล่ะ...มันทำธุรกิจขาวสะอาด ไม่เคยขัดแย้งกับใคร...

“อาจจะเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ก็ได้มั้ง เราคงคิดมากเกินไป” อินทัชคิดในทางที่ดีทั้งๆ ที่ไม่ได้เชื่อไปตามนั้นเลยสักนิด มันมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า อินทัชโดนประสงค์ร้ายอยู่

แต่จากใครล่ะ

“มึงเคยขัดแย้งกับใครบ้างไหม”

“ไม่มี...ธุรกิจที่กูทำ กูผ่านการเจรจาต่อรองกับทุกฝ่ายดีแล้ว ไม่ขัดแย้งกับฝ่ายไหนแน่นอน”

“คู่แข่งล่ะ”

“ถ้าเป็นคู่แข่งกูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะทำกูไปทำไม กูตายก็ไม่มีทางที่บริษัทกูจะตกต่ำลงหรอก กูว่ามันต้องเป็นเรื่องส่วนตัว หรืออาจะผิดคน” อินทัชว่า

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะปรึกษาหารืออะไรกันต่อ เสียงประกาศเรียกชื่ออินทัชก็ดังขึ้น ทำให้ธีรไนยต้องรีบลุกขึ้นไปรับยาแล้วชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ทันที ก่อนจะพาเพื่อนรักกลับคอนโดไปพักผ่อน

อินทัชโทรศัพท์ไปหาเลขาส่วนตัวเพื่อสั่งงาน จะไม่เข้าบริษัทจนกว่าจะหายดีแต่จะเอางานมาทำที่คอนโดแทนและสั่งให้ปิดเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด อินทัชยังกำชับกับเพื่อนสนิทอีกว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด รู้กันแค่สองคนก็พอ...

“กูไม่บอกใครหรอกน่า แต่มึงอยู่คนเดียวจะช่วยเหลือตัวเองได้ไหมวะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้ไอ้จักรมาช่วย”

“แต่มันก็ทำงานนะเว้ย กลับมาก็เหนื่อยจะตายห่า ไหนจะรับงานมาทำที่บ้านอีก งานไอ้จักรก็วุ่นวายพอๆ กับเจ้าของบริษัทอย่างมึงนั่นแหละ จะให้มันมาดูแลช่วยเหลือมึงอีก กูว่าไม่ไหวว่ะ”

“กูก็ไม่คิดจะให้มันมาดูแล แต่จะให้มันมาช่วยเวลาที่กูทำอะไรเองไม่ได้เฉยๆ”

“เอางี้...เดี๋ยวกูมาอยู่ด้วย” ธีรไนยอาสา แต่ก็ทำให้อินทัชรีบปฏิเสธทันที

“ไม่เอาเว้ย!! เดี๋ยวคุณพัฒน์งับหัวกู”

“มันจะไปว่าอะไรได้ กูมีเหตุผลนี่หว่า”

“ไม่เอาๆ ไม่ต้องมาหรอก กูดูแลตัวเองได้”

ธีรไนยหรี่ตามองเพื่อนอย่างพินิจวิเคราะห์ ดูขากับแขนของเพื่อนแล้วหนักใจ สภาพแบบนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าดูแลตัวเองได้ อวดเก่งแบบดูสภาพตัวเองหน่อยเถอะ

เขาเคยมีประสบการณ์ในการใส่เฝือกอ่อนมาก่อน ถ้าไม่มีพีรพัฒน์คอยช่วย คอยดูแล บอกตรงๆ เขาเองก็ทำอะไรเองไม่ได้หรอก แล้วดูขามันดิ บวมมาก...หมอห้ามใช้ขาไปเลยสักพักจนกว่าจะหาย แล้วแขนก็เจ็บอีก...สภาพแบบนี้เด็กยังดูรู้เลยว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

“อย่ามาทำเก่ง กูเคยใส่เฝือก กูรู้ดีว่ามันลำบากแค่ไหน”

“เออน่า...กูมีลูกน้อง เดี๋ยวให้ลูกน้องมาช่วยก็ได้”

“แต่มันก็ไม่ตลอดเวลานี่หว่า มึงทำงานในห้อง มึงก็ต้องมีลุกบ้างแหละ”

“แค่ลุกกูทำเองได้ธีร์ มีไม้เท้าช่วยอยู่แล้ว อย่าห่วงไปเลยน่า เพื่อนคนนี้เก่งกว่าที่มึงคิด” อินทัชพยายามที่จะแสดงออกให้ธีรไนยเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร ช่วยเหลือตัวเองได้ จะได้ไม่ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นกังวลจนทำงานทำการไม่ได้ อินทัชไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนต้องเสียงาน

งานของมันก็เยอะมากพอแล้ว อย่าไปสร้างภาระให้มันอีกเลย






--------
มีต่อ

หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 18-09-2017 21:28:21
ต่อ





“เอาคีย์การ์ดมา”

“เอาไปทำไมวะ” อินทัชถาม

“ก็เอาไว้เผื่อกูมาหามึงไง มึงจะได้ไม่ต้องลุกขึ้นมาเปิดประตูให้กู” ธีรไนยให้เหตุผลที่ทำให้อินทัชต้องยอมเปิดกระเป๋าเงินหยิบคีย์การ์ดมาหนึ่งใบแล้วส่งให้เพื่อน

“สองสองศูนย์หนึ่ง”

“วันเกิดมึง?”

“อือ...ก็จำง่ายดีไม่ใช่เหรอ”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร...” ธีรไนยพูด แล้วนั่งลงข้างๆ กับเพื่อนสนิท จากตอนแรกจะกลับไปเคลียร์งานต่อ แต่เพื่อนดันมาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน เขาก็เลยยอมที่จะเลื่อนนัดกินข้าวเย็นนี้กับคนรักเพื่อทำงานให้เสร็จ โชคดีที่พีรพัฒน์เป็นคนยังไงก็ได้

“มึงคิดว่าไงกับเรื่องนี้วะ” ธีรไนยถามต่อ

“ไม่รู้ดิ กูยังนึกไม่ออกว่าไปขัดใจอะไรใคร หรือว่าจะเป็นเหมือนกับคราวของไอ้รามวะ กูเล่นหักอกสาวๆ หนุ่มๆ ไปเยอะเหมือนกัน” ตอบเพื่อนทีเล่นทีจริง

“คิดดีๆ ว่าหลังจากที่มึงกลับจากเพชรบูรณ์ มึงมีเรื่องกับใครหรือเปล่า”

อินทัชนิ่งคิดตามที่เพื่อนรักพยายามที่จะให้เขานึก นึกยังไงก็นึกไม่ค่อยออก แต่ไม่รู้มีอะไรคลใจทำให้เรื่องราวเมื่ออาทิตย์ก่อนเข้ามาในหัว ทำให้ใบหน้าสวยต้องหันไปมองธีรไนยทันทีอย่างเครียดๆ

ขวับ!

“ว่าไง นึกอะไรออก”

“อาเทพ!!!”








รามินทร์ล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชั่นที่เอาไว้ใช้ติดต่อสื่อสารอย่างไลน์

“เดี๋ยวผมขอเดินดูพื้นที่รอบๆ ก่อนก็แล้วกันนะครับ” รามินทร์บอกกับเจ้าของที่ดินที่เขามาดูเพราะมีแผนจะทำบริษัทนำทัวร์ ที่เขาอยากจะทำมานานแต่ก็ยังไม่ได้เริ่มเสียทีเพราะต้องดูแลธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทของพ่อที่ตนต้องสืบทอดมัน

“ได้ครับคุณราม ได้เรื่องยังไงก็บอกผมได้เลย”

ร่างสูงเดินมาสำรวจรอบๆ บริเวณของพื้นที่ประกาศขาย พลางมองหน้าจอโทรศัพท์ไปด้วย แต่เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนส่งข้อความมา รามินทร์ก็หยุดชะงักอยู่กับที่แล้วเปิดข้อความดูทันที

ธีรไนยส่งภาพของอินทัชที่มีสภาพใส่เฝือกที่ขาซ้าย มีผ้าพันแขนขวามาสามสี่ภาพ รามินทร์เห็นแบบนั้นก็ร้อนใจเลื่อนอ่านข้อความถัดไปที่ธีรไนยยังคงส่งมาอย่างต่อเนื่อง

‘เห็นภาพข้างบนแล้วใช่ไหม...กูแค่จะบอกว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการลอบทำร้าย’

‘วันนี้มันอาจจะโชคดีไม่เป็นอะไรมาก แต่วันหน้ากูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน’

‘มันอยู่คนเดียว ไม่มีใครดูแล คงจะช่วยตัวเองลำบากน่าดูเลยนะ เฮอะ! ดันดื้อบอกว่าดูแลตัวเองได้เอง กูก็ทำอะไรไม่ได้น่ะสิ’

‘กูแค่มาบอกข่าวเฉยๆ อยากจะมาหรือไม่มาดูมันก็ไม่เป็นไร แต่มันกำลังอยู่ในอันตราย’

‘กูฝากคีย์การ์ดห้องคอนโดมันไว้ที่เคาท์เตอร์ด้านล่างมึงแค่บอกชื่อเขาไปเขาก็จะให้คีย์การ์ดมึง รหัสเข้าห้องคือ สองสองศูนย์หนึ่ง’

‘คราวนี้ถ้ามึงยังทำให้เพื่อนกูมีความสุขไม่ได้ มึงยังทำไม่สำเร็จ มึงก็หมดสิทธิ์ เพราะโอกาสกูไม่ได้ให้ใครบ่อยๆ หวังว่ามึงจะเข้าใจที่กูบอกนะ’

เหมือนว่าจะจบอยู่ที่ข้อความนี้สินะ รามินทร์ยิ้มทั้งๆ ที่เครียดอยู่ มันทั้งดีใจและเป็นห่วงอินทัชในคราเดียวกัน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่ธีรไนยเปิดให้

“ขอบคุณนะครับคุณธีร์” ร่างสูงพึมพำเบาๆ มือก็กดพิมพ์ขอบคุณไป

‘ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมอีกแล้ว คราวนี้ผมจะทำให้สำเร็จให้ได้ครับ’

รามินทร์เห็นว่าอ่านแล้ว เขาก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงทันทีเพราะยังไงก็รู้ดีว่าธีรไนยไม่ตอบกลับมาหรอก ร่างสูงเดินกลับไปยังเจ้าของที่ดินด้วยความเร่งรีบ

“คุณเอกครับ ผมตกลงจะซื้อที่นี่ในราคาที่คุณเสนอเลยครับ ยังไงก็เตรียมเอกสารซื้อขาย กับโอนที่ดินให้เรียบร้อยนะครับ แล้วนัดวันผ่านคุณภพได้เลย”

“ได้ครับคุณราม ขอบคุณมากๆ เลยครับ”

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ มีธุระด่วนที่กรุงเทพฯ น่ะครับ”

“เชิญเลยครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่ง”

“ครับ”

รามินทร์รีบเดินไปที่รถของตัวเอง แล้วขับกลับรีสอร์ทอย่างด่วนที่สุด เมื่อถึงบ้านพักแล้ว รามินทร์ก็สั่งให้เจ้าจอมจองตั๋วเครื่องบินให้ด่วนที่สุด เพราะถ้าขับรถไปเองมันก็ได้ แต่ก็ใช้เวลาหกชั่วโมงกว่า ถ้าเขาขับรถไปจอดไว้ที่โรงแรมของตนในพิษณุโลกแล้วนั่งเครื่องไปกรุงเทพก็จะลดเวลาลงได้ จากหกชั่วโมงกว่าก็จะเหลือแค่ชั่วโมงสี่สิบห้านาทีกว่าๆ ไม่เกินสามชั่วโมง

อะไรที่ย่นระยะเวลาได้ รามินทร์ทำมันหมดนั่นแหละ...


“ฝีมือของอาจริงๆ สินะครับ นี่อาไม่คิดจะเข้าใจอะไรเลยหรือไง ก็แล้วแต่ครับ...ผมไม่ได้กลัวอะไรอยู่แล้ว อาอยากจะทำอะไรมากกว่านี้ก็เชิญเลย แล้วเรามาดูกันว่าใครกันที่จะชนะ อ้อ...ผมจะบอกอาให้ว่าผมมันพวกตายยาก ถ้าคิดจะเอาชีวิตกันก็ทำให้มันดีกว่านี้หน่อยนะครับ ครับ เชิญเลยครับ ผมพร้อมรับมือ”

ร่างโปร่งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างแรงอย่างหงุดหงิดไม่ได้รับรู้เลยว่ามีคนเข้ามาในห้องของตน

“ไปท้าทายแบบนั้นดีแล้วเหรอ” เสียงที่ถามขึ้นมาทำให้ร่างโปร่งชะงักกึกแต่ก็รีบหันไปมองต้นเสียงเมื่อได้สติ

ขวับ!!

“มึง...มาได้ยังไง” อินทัชหันไปมองคนถามทันทีอย่างตกใจ คิดว่าตัวเองหูฝาดที่ได้ยินเสียงรามินทร์ใกล้ๆ กับตัวเองแบบนี้ แต่ที่จริงแล้ว รามินทร์ตัวเป็นๆ กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาเลยต่างหาก

มันมาได้ยังไง มาทำไม แล้วเข้ามาในห้องเขาได้ยังไง?

“นั่งเครื่องมาแล้วก็มานี่ด้วยแท็กซี่”

“กูหมายถึงมึงเข้ามาคอนโดกูได้ยังไง” อินทัชอยากจะลุกไปดึงมันออกจากห้องมากๆ แต่ทำไม่ได้ เพราะขาของตนไม่สะดวกจะทำอะไรแบบนั้น

คนที่มีคีย์การ์ดกับรู้รหัสมีเพียงแค่ตัวเขากับธีรไนยเท่านั้น

“ไอ้ธีร!! ไอ้เพื่อนเลว”

เมื่อรู้ว่าใครคือตัวการ อินทัชก็เลือดขึ้นหน้าทันทีที่เจอเพื่อนหักหลังแบบนี้ มันทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง ก็รู้อยู่ว่าเขากำลังหนีมัน หลีกเลี่ยงมัน แต่นี่อะไร ส่งมันมาให้เขาเนี่ย

“จะไปว่าคุณธีร์เขาทำไม”

“มึงหุบปากแล้วออกจากบ้านกูได้แล้ว” ชี้นิ้วไล่อย่างหงุดหงิด แต่รามินทร์ก็ถือคติด้านได้อายอด เพราะฉะนั้นก็ตีหน้ามึน ทำหน้าด้านอยู่แบบนี้ต่อไป แล้วอะไรมันจะดีเอง

“ไม่ไป กูจะมาอยู่ที่นี่...กับมึง”

“กูไม่ให้อยู่!!” ปฏิเสธทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่วินาทีเดียว

“มันเป็นประโยคบอกเล่า...ไม่ใช่ประโยคขอร้อง”

“หน้าด้าน”

“ห้องมึงอยู่ไหนนะ” ร่างสูงสะพายกระเป๋าเป้ของตนเดินไปทางห้องนอนในคอนโดหรูนี้อย่างถือสิทธิ์ ทั้งๆ ที่ตนเองกำลังเสียมารยาทอยู่แท้ๆ

“ไอ้รามนั่นมันห้องกู หยุดเลยนะ!!” อินทัชตะโกนห้ามเสียงดัง

แต่เหมือนว่ารามินทร์ไม่ได้สนใจเปิดประตูห้องนอนของอินทัช เข้าเอากระเป๋าไปเก็บในห้องราวกับตัวเองเป็นเจ้าของห้องนี้อีกคน

ร่างสูงเดินออกมาหาอินทัชที่นั่งหน้าบึ้งพร้อมกับนั่งลงข้างๆ กับคนตัวบางที่ขยับหนีทันทีที่เขานั่งลง

“อย่าขยับแรงดิ เดี๋ยวขาก็ไม่หายหรอก”

“เรื่องของกู”

“ก็ดี ไม่หายก็ดี เพราะกูจะได้อยู่ที่นี่นานๆ เลย” รามินทร์ว่า

“หมายความว่ายังไง”

“ก็หมายความว่ากูจะอยู่ที่นี่จนกว่ามึงจะหายไงล่ะ ไม่ต้องห่วง กูจะดูแลมึงอย่างดีเลยล่ะ” รามินทร์ฉีกยิ้มหวานให้ แต่มันไม่ได้ทำให้อินทัชรู้สึกหวั่นไหวเลยสักนิด กลับกันยังทำให้หงุดหงิดกว่าเดิมอีก

มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงวะ!!!

“เอาน่า...มึงก็คิดซะว่ากูเป็นพยาบาลที่คุณธีร์จ้างมาดูแลมึงก็ได้”

“คิดไม่ลงเว้ย!!”

“ฮ่าๆ ทำหน้าบูดเป็นตูดเลย”

“อย่ามาจับ” อินทัชปัดมือหนาที่ยื่นมาจะจับจับเขาออกไปดังแปะ

“ทำมาเป็นงอนเพื่อน คุณธีร์เขาหวังดีเถอะ”

“หวังดีกับมึง ไม่ใช่กู”

“รู้ได้ไง” ถามกลับไป ปากแดงเม้มกันแน่น ไม่ยอมตอบหรือพูดอะไรออกมา หันหน้าหนีร่างสูงที่มองเขาอย่างมีความสุขเหมือนกับได้รับของขวัญสุดพิเศษเสียอย่างนั้น

“หุบปากไป ถ้าจะอยู่ก็อย่าทำให้กูหงุดหงิดหรือรำคาญ”

“มึงจะไม่หงุดหงิด ไม่รำคาญ ถ้ามึงเปิดใจอิน...มึงก็รู้ว่าเรารักกัน แล้วมึงจะฝืนใจตัวเองทำไม” รามินทร์ถาม ใบหน้าจริงจังของเขากับคำถามนั่นทำให้ร่างโปร่งบางนิ่ง

เจอคำถามจี้ใจดำ...มันรู้จนได้ว่าเขาก็คิดแบบเดียวกัน

“มึงรู้ได้ยังไง”

“ใจมึงรู้ดีที่สุดอิน”

‘อย่ากลัวในสิ่งที่มึงยังไม่เคยลองดูสิวะ ถ้ามึงไม่ลอง มึงจะรู้ไหมว่ามันจะเป็นแบบที่มึงคิดหรือไม่เป็น’

คำพูดที่ธีรไนยเพื่อนรักของเขาพูดเอาไว้เมื่อตอนกลางวันมันกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ดวงตาหวานมองหน้ารามินทร์อย่างพิจารณา แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ

เออ!! ลองดูก็ได้วะ!!! ถ้าไม่ใช่ มึงรับผิดชอบความรู้สึกกูเลยไอ้ธีร์ ไอ้เพื่อนเวร ไอ้เพื่อนจอมจุ้น!!

อินทัชบริภาษเพื่อนอยู่ในใจ ปั้นหน้านิ่งมองรามินทร์ที่ยิ้มให้ตนอย่างอ่อนโยน

“กูหิว...”

“กูซื้อเข้ามาแล้วล่ะ จะกินเลยไหม เดี๋ยวกูไปเตรียมให้”

“เออ!! บอกไว้เลยนะ มาอยู่กับกูก็ทำตัวให้มีประโยชน์ด้วย ไม่ใช่มานั่งๆ นอนๆ ไม่ทำอะไรเลย มึงต้องทำงานบ้าน ทำอาหาร ทำทุกอย่างของกูให้หมด ทำตามที่กูสั่งด้วย” ร่างโปร่งบอก

รามินทร์หัวเราะ

“ไหนว่าจะไม่เอาคืนไง”

“หรือจะไม่ทำ” เลิกคิ้วถาม สีหน้าเอาเรื่องสุดๆ

“ทำสิครับ แหม...ได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้ จะไม่ทำได้ยังไง”

“เฮอะ!!”

“งั้นกูจะไปเตรียมอาหารก่อน เดี๋ยวมาอุ้มนะครับเมีย”

“ไอ้สัตว์นี่!!!” ไม่รอให้อินทัชด่าได้อีกหรอก ร่างแกร่งก็วิ่งไปที่ครัวทันทีด้วยความอารมณ์ดีส่วนอินทัชที่ควรจะทำหน้าไม่ชอบใจไม่พึงพอใจที่รามินทร์พูดคำที่ตนไม่ชอบออกมา ร่างโปร่งกลับยิ้มออกมาซะงั้น

ก็บอกแล้ว...ฝืนอะไรก็ฝืนได้ แต่ฝืนใจไม่ให้รักใคร ไม่ให้หวั่นไหวมันทำไม่ได้หรอก...ยิ่งฝืนใจกับคนที่ตัวเองรู้สึกดีๆ ด้วยแล้ว...ยิ่งยาก

“ฮัลโหล ไอ้เพื่อนเลว มึงทำอะไรเอาไว้ มึงรับผิดชอบเลยนะ กล้าดียังไงเอาคีย์การ์ดคอนโดกูไปให้มันเนี่ย!!” อินทัชรับสายธีรไนยทันทีกรอกเสียงไปตามสายไม่ฟังคำทักทายของเพื่อนเลย

(ฮ่าๆ โวยวายเลยนะมึง)

“ไม่ต้องมาหัวเราะ นี่กูโกรธอยู่!!”

(โกรธจริงๆ หรือวะ แต่กูว่ามึงอยากจะขอบคุณกูมากกว่านะ) ปลายสายว่า

อินทัชส่ายหน้าไปมา มองไปยังทางที่ไปห้องครัวที่รามินทร์เพิ่งจะเดินไปเตรียมอาหารแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ

“ขอบคุณอะไร อย่ามาพูด”

(มึงกำลังยิ้ม กูรู้นะ)

รู้ดีเกินไปแล้วมะ! ไม่รู้อะไรบ้างอ่ะมึง

“วางสายไปเลย กูไม่อยากคุยกับมึงแล้ว ไม่ต้องมาหา ไม่ต้องโทรมาแล้วนะ กูตัดขาดกับมึงไปก่อนสักเดือนหนึ่ง เอาเวลาไปอยู่กับผัวมึงเถอะไป”

(ถึงมึงไม่บอก กูก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว)

“เออ!! กูจะให้คุณพัฒน์ช่วยทำโทษมึง หมั่นไส้”

(ทำโทษอะไร ไม่เห็นว่ากูจะทำอะไรผิดเลยสักนิด) อินทัชคิดภาพสีหน้าของเพื่อนสนิทได้เลยว่ามันกำลังยิ้มแล้วทำหน้ากวนตีนอยู่แน่ๆ

“ไม่ผิดเลย เออ...มึงทำไม่ผิดเลยเนอะ”

(ก็รู้ว่าไม่ผิด มึงจะให้ไอ้พัฒน์ทำโทษกูในข้อหาอะไรไม่ทราบเพื่อนรัก)

“ทำให้กูหมั่นไส้ไง กูจะให้คุณพัฒน์เอามึงจนลุกไม่ขึ้นเลยคอยดู”

(ถึงมึงไม่ต้องบอกให้มันทำโทษ กูก็โดนมันเอาอยู่ทุกวัน)

“หน้าไม่อาย พูดได้ไม่อายปาก!!”

(ฮ่าๆ แค่นี้แหละ ฟังสียงมึงแล้วกูก็หายเครียดเลย ทำงานต่อดีกว่าบาย แล้วเจอกัน) พูดจบแล้ว เพื่อนสนิทก็วางสายไปทันที ไม่รอให้อินทัชสาปส่งอะไรอีก

อินทัชนั่งมองโทรศัพท์แล้วยิ้มออกมาคนเดียวอีกครั้ง แม้ว่าเพื่อนรักของตนจะทำตัวน่าหงุดหงิดกับนิสัยจอมจุ้นของมัน แต่ก็นับว่ามันรู้ใจเขาที่สุดและรู้ว่าจะต้องรับมือกับเขายังไง

“ขอบใจ”





100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

อัพหลังจากไม่ลง 20 วัน ขอโทษด้วยจ้า ยังไงนี่ก็ลงแล้วเนาะ ไม่โกรธกันดีกว่าเนอะ ฮ่าๆ อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิคนสวยด้วยได้ม้า จะได้มีกำลังใจต่อไปไง อิอิ

พูดคุย สอบถาม ทวงนิยาย ติดตามการอัพเดทได้ที่แฟนเพจเลยจ้า https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: chaaem ที่ 18-09-2017 22:28:28
ในที่สุดก็ยอมเปิดใจสักทีนะอิน   ลุ้นสุดๆๆ   รามสู้ๆ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก 55555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-09-2017 22:41:00
แก้แค้นให้สมใจอยากเลยหลานอิน คนแก่หนับหนุน  :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-09-2017 22:47:51
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 18-09-2017 23:50:58
อ่านแล้วยิ้ม ดีใจ
อินเปิดใจ ชอบนะ
กำลังจะมีโหมดราม..แสนเชื่อง
เราชอบ..บอกเลย
ปล. เป็นกำลังใจให้ยูกิมาต่อถี่ๆ เลิฟ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 18-09-2017 23:53:25
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 19-09-2017 00:53:10
มึงก็รู้ ว่าเรารักกัน :hao7:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-09-2017 02:15:04
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 19-09-2017 11:52:26
  :-[ คุณราม..... มันก็จะเริ่มหวานหน่อยๆ..
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-09-2017 19:27:53
ดีต่อใจ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-09-2017 20:17:50
ต้องพาคุณธี ไปเลี้ยงเจ็ดย่านน้ำแล้วละ อินทัช  :mc4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 20-09-2017 17:10:20
ดีใจได้อ่านแล้ววว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 25-09-2017 10:02:53
อยากจะแปลงเป็นตัวผึ้ง ไปแอบดูเขา ดูแลกันจังเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 25-09-2017 18:16:51
น่ารักกกกก  แหมยิ้มล่ะสิ  คุณธีร์เป็นเพื่อนที่น่ารักมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 01-10-2017 20:06:28
 :3123:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 53 100% => (18/09/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 04-10-2017 19:39:34
คิดถึง..
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 04-10-2017 21:34:47
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 54
ไม่อาจฝืนใจตัวเอง





อินทัชตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ เวลาที่เขาตื่นเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าตามปกติ ความเคยชินนี้เขาเลยไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกาปลุก และไม่ต้องให้คนที่นอนอีกห้องหนึ่งมาปลุก

“โอ้ย!เจ็บ...” เขาลุกขึ้นนั่งแล้วก็ขยับขาแรงไปหน่อยเลยกระทบกับเท้าที่บวม บางทีก็ลืมไป ว่าตัวเองกำลังเจ็บอยู่ แน่ล่ะ...ใครจะไปอยากจำว่าตัวเองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

เมื่อคืนเขาเสียแรงในการไล่รามินทร์ไปนอนอีกห้องหนึ่งยากมาก เพราะมันจะนอนที่ห้องเดียวกับเขาให้ได้ อ้างเหตุผลต่างๆ นาๆ ว่าถ้าเขาอยากจะเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนจะทำยังไง หิวล่ะ แล้วถ้านอนตกเตียงอีกล่ะ กว่าจะยอมไปนอนอีกห้องหนึ่งทำเอาอินทัชหมดแรงข้าวต้มเลยล่ะ

“เจ็บแต่เช้าเลยกู”

“อ้าว? ตื่นแล้วเหรอ ว่าจะมาปลุกพอดี” รามินทร์เดินเข้ามาในห้องเห็นว่าอินทัชกับนั่งอยู่นิ่งๆ ก็เอ่ยทักทายยามเช้าที่รูปประโยคเป็นคำถามกับบอกเล่า

“คนอย่างกูไม่ต้องให้ใครมาปลุกหรอก”

“แล้วนี่จะทำอะไร”

“กูจะเข้าห้องน้ำ”

“จะอาบน้ำ?”

“มึงคิดว่ากูอาบน้ำได้ไหมล่ะ หมอห้ามเฝือกโดนน้ำเนี่ย”

“เดี๋ยวกูอาบให้ รับรองว่าน้ำสักหยดก็ไม่โดนเฝือกแน่นอน”

“ไม่เป็นไร กูเกรงใจ กูอยู่ในนี้ทั้งวัน คงไม่ได้ออกไปไหน และกูเป็นคนเหงื่อไม่เยอะ เพราะฉะนั้น กูอาบน้ำวันละรอบพอ ตอนเย็นค่อยอาบ แต่มึงพากูไปล้างหน้าแปรงฟันหน่อยซิ”

“รับคำสั่งครับผม”

พรึ่บ!!!

“ไอ้เหี้ย อุ้มกูทำไมวะ ประคองก็ได้ กูเดินได้” อินทัชด่าทันทีที่ถูกคนตัวใหญ่กว่าช้อนตัวขึ้นอุ้ม แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากดิ้น แต่ก็ดิ้นแรงไม่ได้ ตกมาเจ็บซ้ำสองอีก

“เออน่า...แบบนี้ดีที่สุด เร็วที่สุด”

“ไอ้เลว น่าด้านนะมึงอ่ะ”

“ก็กูเนาะ...”

“เหอะ!!!”

ร่างสูงยิ้มหน้าบาน พาอินทัชเข้าไปในห้องน้ำ แล้ววางเจ้าของห้องบนเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า หันหลังให้กับกระจกและก๊อกน้ำ

“ให้กูล้างหน้า แปรงฟันยังไง?” คิ้วสวยขมวดแน่น ถามรามินทร์ออกไป ส่วนคำตอบที่ได้ก็เป็นรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้ ก่อนที่ตัวของร่างสูงจะขยับไปบีบยาสีฟันลงบนแปรงเปิดน้ำใส่แก้วที่วางไว้ แล้วเอามายื่นให้กับอินทัช

“อ่ะ”

อินทัชมองแก้วกับแปรงนิดๆ แต่ก็รับมันมาบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าก่อน โชคดีที่เขาสามารถก้มลงบ้วนน้ำลงอ่างได้ ไม่งั้นต้องให้รามินทร์ช่วยทุกอย่างแน่ๆ ร่างโปร่งนั่งตัวตรงเอาแปรงเข้าไป ส่งแก้วน้ำให้กับรามินทร์คืนแล้ว

อายชะมัด...ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้ามันด้วย

“เสร็จยัง”

“อื้อ” ร่างโปร่งพยักหน้า รามินทร์ยิ้มแล้วอุ้มอินทัชให้มายืนบนพื้นให้เบาที่สุด แล้วจับให้อินทัชหันไปล้างหน้ากับบ้วนปากเอง ทั้งๆ ที่ทำแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง

เมื่ออินทัชล้างหน้า ล้างปากเสร็จแล้ว เขาก็คว้าผ้าเช็ดหน้าใกล้ๆ มาซับน้ำที่หน้าออก โดยที่รามินทร์ยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างไปไหนเผื่อว่าอินทัชช่วยตัวเองไม่ได้

“เสร็จแล้ว...”

“จะฉี่มะ”

“ช่วยพูดเพราะๆ หน่อยซิ!”

“ฉี่ไม่เพราะตรงไหนวะ” รามินทร์ถามกลับด้วยความสงสัย ก็ไพเราะและสุภาพแล้วนะ หรือต้องถึงขั้นพูดคำว่าปัสสาวะ?

“เออ...อะไรที่ออกจากปากมึงไม่มีอะไรเพราะหรอก”

“ไปเอาไม้เท้ามา กูจะเดินเอง มึงไปเตรียมอาหารเช้าให้กูไป”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูจะพาไปเอง เพราะอาหารกูเตรียมแล้วเรียบร้อย”

“ไม่เอา!!”

“จะอายอะไรวะ” รามินทร์ถาม

“ไม่ได้อาย แค่ไม่สะดวกใจ”

ก็ความหมายคล้ายๆ กันหรือเปล่าวะ...

“เออน่า คนกันเอง”

“ใครบอกว่าคนกันเอง มึงนี่มันมโนของแท้เลยว่ะราม” บางทีเขาก็เริ่มเหนื่อยใจที่ต้องรับมือกับนิสัยแบบนี้ของรามินทร์อ่ะนะ

คนอะไรไม่รู้ เถียงกลับทุกคำเลย

“ไม่มโนนะ...ระหว่างเรามันเป็นยังไงก็รู้ๆ กันอยู่”

“พอๆ เลิกพูด แม่ง พูดแบบนี้ทำเอากูขี้ไม่ออกเลย ไม่ขี้แล้ว พากูไปกินข้าว!!” อินทัชโมโหกลบเกลื่อนความเขิน ยิ่งรามินทร์มาทำให้ตนแบบสามีภรรยากันแบบนี้เขาก็จั๊กจี้จะหายห่าอยู่แล้ว

“มึงจะขี้ก็ได้นะ”

“ไม่เอา!! ไม่ปวดแล้ว หิว!!”

“โอเคๆ งั้นเราไปกินข้าวเช้ากัน  วันนี้กูทำโจ๊ะให้มึงกิน”

“กูไม่ได้ป่วยนะ ทำอะไรที่มันหนักท้องกว่านี้ไม่ได้หรือไง”

“ก็กูทำเป็นอยู่แค่นี้!! กูให้ป้ารีสอนให้แค่นี้นี่หว่า ข้าวต้ม โจ๊ก หรือจะเอาไข่เจียวด้วย?” รามินทร์เลิกคิ้วถาม แต่ก็ยังไม่พาร่างบางออกจากห้องน้ำเสียที

“กูกินโจ๊กก็ได้ ไม่เรื่องมาก”

“ไป...อึ๊บ!!”

ร่างของอินทัชถูกช้อนขึ้นมาอุ้มอีกครั้ง จนบางทีอินทัชก็เบื่อที่จะด่าแล้วเหมือนกัน อยากอุ้มก็อุ้มไป เดี๋ยวก็หมดมแรงอุ้มไม่ไหวไปเองนั่นแหละ

“เดี๋ยวๆ ให้กูเปลี่ยนชุดก่อนเพราะเดี๋ยวจะไปนั่งทำงานในห้องทำงานเลย”

“เออๆ เดี๋ยวเอาชุดไปให้ที่เตียง” รามินทร์วางอินทัชลงบนเตียงแล้วัวเองก็เดินไปเลือกชุดสี่ใส่ง่ายๆ มาให้กับคนหน้าสวยที่ยังทำหน้านิ่งๆ ไม่ยอมยิ้มให้กับเขาสักที

ไม่เป็นไร ถ้ามันไม่ยิ้มให้ เขาก็จะยิ้มเอง

“กางเกงนี้ขากว้างอยู่ คงใส่ผ่านเฝือกนี้ไปได้”

“อือ...หันหน้าไปทางอื่น กูใส่เองได้”

“ก็ได้ๆ”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำให้กับอินทัชนะ แต่เขาก็อยากให้คนเจ็บช่วยเหลือตัวเองในบางเรื่องบ้าง ถ้าทำให้ทั้งหมด มันไม่เป็นผลต่ออินทัชเลยสักนิด

เขารักมัน...เขาถึงไม่คิดทำร้ายมัน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม

“เรียบร้อย”

“เก่งนี่หว่า” รามินทร์เอ่ยปากชมเมื่อหันกลับมาเห็นคนหน้าสวยใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

“ไม่ใช่เด็ก ไม่ต้องมาชม”

“ทำหน้าบูดแต่เช้าเชียว โมโหหิวเหรอครับ” ยักคิ้วถามกวนๆ

“กูโมโหแต่เช้าเพราะมึงนั่นแหละไอ้ราม พอแล้วเลิกพูด เลิกกวนตีน พากุไปกินข้าว แม่งเลยเวลาอาหารเช้ากูมาเยอะแล้วเนี่ย กูต้องกินยานะเว้ย”

“คร้าบๆ ทราบแล้วครับ”

แล้วในที่สุด อินทัชก็ได้ทานข้าวทานยาเสียที เป็นเช้าวันแรกของขาที่ใช้งานมากไม่ได้ ไม่คิดว่าทุกอย่างจะช้าไปหมดแบบนี้ ไหนจะงานที่เลขาเอามาให้กองพะเนินอยู่บนโต๊ะทำงาน ไหนจะตามเรื่องของเทพากรอาของเขาอีก ถ้าอาของเขาขู่มาแบบนั้นแล้ว แล้วเล่นกะเอาชีวิตอย่างเมื่อวานมันก็ชัดพออยู่แล้วว่าเทพากรเอาจริง

แบบไม่สนความเป็นอาเป็นหลานเลยด้วย


“อิน...กูถามจริงๆ นะ ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ทำไมมึงถึงโดนทำร้าย”

“เรื่องภายในของกู คนนอกไม่เกี่ยว” อินทัชที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ตอบ โดยไม่สนใจที่จะมองหน้าของรามินทร์ที่นั่งมองเขาทำงานอย่างเงียบๆ ทำตัวดีๆ ตามคำสั่งแต่ก็ดีแตกเพราะความอยากรู้อยากเห็นมันรบกวนจิตใจ

“กูก็ถือเป็นคนๆ เดียวกับมึงนะเมีย”

“หุบปากสักทีเถอะ กูไม่ใช่เมียมึง”

“มึงเป็น”

“ไอ้ราม!!!”

“ว่าไง? ไอ้อิน!!”

เอาสิ...ไม่มีใครยอมใครจริงๆ เสียงดังมาก็เสียงดังกลับ ไม่โกง

“เลิกรบกวนกูสักที ถ้ามึงจะมารบกวนการทำงานของกูมึงก็ออกจากห้องทำงานของกูไปเลย แต่ถ้ามึงอยากจะอยู่ในนี้ ก็นั่งอยู่อย่างเงียบๆ ธุรกิจกูมีค่าหลายร้อยล้านนะเว้ย”

“ขอโทษก็แล้วกัน...” รามินทร์หน้าเศร้า นั่งเงียบไป เรียกความสนใจจากอินทัชให้เงยหน้าขึ้นมองทันที แต่ก็หลงกลมันจนได้ เพราะทันทีที่เขาสบตากับมัน รามินทร์ก็ยิ้มกว้างมาหะจนอยากลุกขึ้นไปถีบ

“ไอชั่ว!!”

“เคยมีใครบอกหรือไงว่าคนเป็นเมียห้ามด่าสามี มันจะไม่เจริญ”

ร่างโปร่งกัดฟันแน่น มองหาของบนโต๊ะที่พอจะฟาดหัวของคนข้างหน้าได้ อินทัชทำงานไม่รู้เรื่องแน่ๆ ถ้าไม่ได้ฟาดไอ้คนปากเสียเนี่ย

“เฮ้ยๆ นั่นมันปากกานะเว้ย แล้วปากกานั่นไม่ใช่พลาสติกด้วย โดนแล้วหัวกูแตกได้นะอิน”

“ดี!! มึงจะได้หุบปากหมาๆ ของมึงสักที” มือขาวทำท่าจะขว้างไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรามินทร์ยกมือสองข้างขึ้นมาเท่าอก เหมือนกับบอกว่าตนเองยอมแล้ว

“โหย...อิน ถ้ามึงอยากจะปิดปากกู มันมีวิธีง่ายๆ อยู่วิธีเดียว รับรองว่าปิดสนิทไม่ปริปากพูดอีกเลย”

ดวงตาสวยจ้องร่างสูงอย่างพินิจวิเคราะห์ท่าทีกับสีหน้าเจ้าเล่ห์นั่นว่ามันจะมาไม้ไหนอีก เพราะรามินทร์มันเป็นคนเจ้าเล่ห์ เจ้าเล่ห์ในแบบที่เดาทางยากมาก ไม่คิดเลยว่านิสัยที่แท้จริงของมันจะคนละขั้วกับไอ้คนใจร้ายที่ตลอดหลายเดือนเขาเห็นแต่มุมแบบนั้นของมัน แต่พอได้รู้จักอีกมุม รามินทร์ก็เป็นคนที่กวนๆ เจ้าเล่ห์ ที่สำคัญมันให้เกียรติเขา สุภาพขึ้นและอ่อนโยนมากด้วย

แต่ใช่ว่ามันจะทิ้งลายคนใจร้ายนั่นไปนะ...

“ยังไง บอกมาซิ! กูอยากจะปิดปากมึงจะแย่อยู่แล้ว”

รามินทร์ลุกขึ้น เดินมาหาร่างโปร่งด้วยรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจ แต่อินทัชก็ไม่ได้คิดจะป้องกันตัวเองแต่อย่างใด จนกระทั่งมันมาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขาเนี่ยแหละ แผ่นหลังบางของอินทัชก็เลยเอนพิงกับเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทางสบายๆ แต่มองหน้าของรามินทร์ที่อยู่สูงกว่าอย่างต้องการคำตอบ

“วิธีนี้ไง”

จุ๊บ!!

“อื้อ...”

ดวงตาของอินทัชเบิกตากว้างอย่างตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกรามินทร์จู่โจมเข้าที่ริมฝีปากด้วยอวัยวะเดียวกันอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมมองสบกับตาหวานของเขา อินทัชนิ่ง ยอมให้รามินทร์สัมผัสอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขัดขืน ร่างสูงเองก็ใช้ปากของตัวเองสัมผัสค้างอยู่แบบนั้นไม่มีการรุกล้ำ

มันเป็นการปิดปากจริงๆ แต่ปิดด้วยปากของอินทัชนะ

“กูไปแล้ว เดี๋ยวตอนกลางวันจะมาพาไปกินข้าว”

ร่างสูงยักคิ้วให้ก่อนจะหันหลังเดินจากห้องทำงานของอินทัชไป ทิ้งให้เจ้าของห้องนั่งนิ่งค้างอยู่แบบนั้น แต่พอได้สติ ร่างโปร่งบางก็เอานิ้วมาแตะปากตัวเองเบาๆ แล้วยิ้ม

ส่ายหน้าไปมา...และเริ่มทำงานต่อเมื่อหมดตัวกวนแล้ว

“ไอ้บ้า...”

จริงๆ แล้วเขาไม่ได้รำคาญอะไรรามินทร์หรอก แค่ทำงานไม่รู้เรื่องเท่านั้น สาเหตุดันถูกจ้องมองด้วยสายตาที่เขาไม่ค่อยมีภูมิต้านทานกับมันเท่าไหร่จ้องเอาๆ

“ฝืนตัวเองเนี่ย...มันยากจริงๆ ว่ะธีร์”

เขารักมัน...รักตั้งแต่ตอนไหนเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็รักมันแล้ว...

แต่มันก็แปลกนะ...ที่ดันรักคนที่แม่งไม่เคยดีกับตัวเองเลยสักนิด ทำร้าย ขืนใจ พูดจาด่าทอต่างๆ นาๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะมารักคนที่เคยเกลียดแบบนี้เลย

จริงๆ เขาแพ้ใจตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะถ้าเขาไม่อยากให้รามินทร์มาเกาะแกะวุ่นวายในชีวิตเขาจริงๆ เขาก็ทำได้ จะกันใครไม่ให้เข้ามาในชีวิตมันง่ายมาก จะหนีไปให้ไกลแค่ไหนก็ทำได้

แต่นี่อินทัชไม่ทำเอง เป็นคนเปิดโอกาสให้เอง ใจอ่อนเอง...

“กูให้โอกาสแล้วนะ”

อย่าทำให้กูผิดหวังล่ะ...

...

...

...


ช่วงเย็น รามินทร์พาอินทัชมาทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารด้านล่างของคอนโด เพราะรามินทร์ทำอาหารอย่างอื่นไม่เป็นเลยนอกจากอาหารง่ายๆ แล้วจะได้เป็นการพาอินทัชสูดบรรยากาศข้างนอกบ้างเพราะอยู่แต่ในห้องแล้วก็ทำงานแบบนั้น กลัวจะเครียดจนเป็นบ้า

“มึงเคยมากินที่นี่ไหม” รามินทร์ถาม

“ก็มาบ้าง แต่ไม่บ่อย ปกติก็กินมาจากข้างนอกเลย ถามทำไมอ่ะ ไม่อร่อยเหรอ กูก็เห็นมึงกินจนหมดอยู่นะ แล้วกูก็ว่ารสชาติมันก็ดีออก”

“เปล่า...กูไม่ได้หมายความว่ามันไม่อร่อย มันอร่อยนั่นแหละ แค่ถามเฉยๆ”

“อ๋อ...” อินทัชครางรับ เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ไม่ค่อยมีดาวเท่าไหร่ ตอนนี้พวกเขาสองคนกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนของคอนโด ค่ำคืนที่ลมหนาวเริ่มพัดเข้ามาแล้ว อากาศเย็นสบายจนรามินทร์ชักจะเป็นห่วงกลัวว่าอินทัชจะไม่สบาย แต่พอเห็นว่าอีกคนกำลังผ่อนคลายและเหมือนจะชอบก็เลยไม่อยากขัด

เขาเข็นวิลแชร์ที่มีอินทัชนั่งอยู่ไปเรื่อยๆ ตามทางเดินของสวนที่พวกเขาจะสามารถเดินเล่นได้ แม้ว่าจะเป็นคอนโดหรูใจกลางเมือง แต่ก็มีพื้นที่จัดสวนสำหรับผ่อนคลายหรือพักผ่อน ให้กับผู้ที่อยู่อาศัยได้เหมือนกัน

“ราม...”

“ฮึ?”

“กูฝากบอกน้องจอมได้ไหม ว่าที่วานให้กูช่วยน่ะ กูไปได้นะ เมื่อวานน้องโทรมายกเลิกเรื่องที่จะให้กูช่วยเพราะขากูเจ็บ”

“ช่วยอะไรวะ ทำไมกูไม่รู้เรื่อง เจ้าจอมไม่ให้กูช่วยล่ะ”

อินทัชส่ายหน้า

“น้องจอมต้องไปหาพ่อแม่ตามคำสั่ง แล้วก็กลัวว่าจะถูกบังคับก็เลยจะพาจักรไปเปิดตัวโดยที่จะให้กูไปด้วย”

อินทัชพูดบอก เขารับปากว่าจะช่วยเขาก็ต้องช่วย แต่เจ้าจอมนี่สิ พอรู้ว่าเขาบาดเจ็บก็ไม่อยากรบกวนโทรมาขอยกเลิกซะงั้น แค่ขาเจ็บนิดเดียว ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเดินทางไปไหนมาไหนไม่ได้

แล้วเขาก็มีรามินทร์อยู่ด้วย...

“เดี๋ยวกูจะพาไปเอง ต้องเป็นเรื่องดูตัวแน่ๆ เห็นพวกคุณอา”

“พ่อแม่ของน้องจอมนี่เลเวลไหนวะ จะได้รับมือถูก”

“ระดับที่ไม่ฟังใครว่ะ แต่ถ้าคนรวยพวกแกจะฟังอยู่ ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ แล้วก็รักลูกเกินไป รักแบบผิดๆ รักแบบไม่แสดงออกให้ลูกรู้ว่ารัก”

“ก็พอจะเข้าใจล่ะนะ” ร่างโปร่งพยักหน้า

ฟังคนรวยงั้นเหรอ? คนแบบนี้ก็มีด้วย? แล้วเขารวยหรือไงเจ้าจอมถึงได้อยากให้เขาไปช่วย ถ้าจะเอาทั้งรวย ทั้งมีอำนาจ ต้องเพื่อนสนิทเขาโน่น...

“ถ้าให้ไอ้ธีร์ไป รับรองว่าง่าย”

“กูว่ามึงไปก็ง่าย เพราะมึงเป็นเจ้านายของไอ้จักรด้วย”

“นั่นสินะ แต่สภาพกูตอนนี้คงจะลบความน่าเชื่อถืออกไปประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ”

“จริง...อันนี้กูไม่เถียง ฮ่าๆ” รามินทร์หัวเราะออกมาเสียงดัง

อินทัชชักจะเริ่มชินแล้วล่ะ ในเมื่อมันยั่วโมโหมาบ่อยๆ การที่เขาจะไปดิ้นตามมันก็ทุกครั้งมันเปลืองแรงเปล่า ปล่อยให้มันพูดไป อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะพูดอะไรก็พูดไป

ให้โอกาสเต็มที่

“มึงจะไม่กลับไปทำงานทำการหรือไง ช่วงไฮซีซั่นไม่ใช่เหรอ”

“ไม่มีกูพวกพนักงานก็ทำงานกันเองได้ แล้วทุกสาขาก็มีผู้จัดการที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า”

“ใครบอกว่ากูเป็นห่วง กูแค่สงสัยว่าทำไมเจ้านายถึงได้ทิ้งเหล่าลูกน้องมาสุขสบายทั้งๆ ที่งานเยอะ”

“แขวะกูเหรอ” ถามยิ้มๆ

“เออ! อยากคิดไงก็เชิญเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า กูไม่ได้ทิ้ง กูก็ยังทำงานอยู่ตลอดนะ”

อินทัชไม่รู้หรอกว่ารามินทร์เอาเวลาไหนไปทำงาน อาจจะเป็นช่วงที่เขาทำงานอยู่ มันเองก็ทำเหมือนกัน แต่ช่วงนั้นมันก็เอาของว่างเข้ามาให้บ่อยๆ  แล้วก็เตรียมอาหารทุกมื้ออีก ช่วงที่เขาพักมันก็มาพักกับเขาแต่ก็ไม่เห็นจะรับโทรศัพท์หรือทำงานเลย

“เอาเวลาที่ไหนวะ”

“กูมีเวลาทำก็แล้วกัน แล้วนี่มึงจะขึ้นไปข้างบนหรือยัง หรือว่าอยากอยู่ที่นี่อีกสักพัก”

“เพิ่งจะทุ่มกว่าๆ เอง ขึ้นไปก็ไม่มีอะไรทำ”

“แล้วอยู่ที่นี่มึงจะทำอะไรล่ะ เดินเองก็ไม่ได้ แขนก็ยังเจ็บอยู่ จะนั่งอยู่เฉยๆ แบบนี้ก็น่าเบื่อไม่ต่างกับขึ้นไปอยู่บนห้องหรอกน่า” รามินทร์ว่า

“อ๋อ...มึงอยากขึ้นไปแล้วใช่ไหม”

“ใช่!!”

“แต่กูไม่อยาก จบนะ เข็นไปตรงนั้นเร็ว” รามินทร์อยากจะฟัดแก้มนุ่มให้หายหมั่นเขี้ยวที่โดนเอาคืน เขาอยากจะขึ้นห้องเร็วๆ เพราะกลัวว่าอินทัชจะไม่สบาย

แต่เขาก็ไม่กล้าจะพูดออกไปตรงๆ บางทีบางครั้งมันก็มีช่วงที่เขาเขินหรืออายเหมือนกันนะ

“เออๆ จะพาไปตามบัญชาเลยครับ”

ร่างสูงพูดแล้วจัดการเข็นพาอินทัชไป แต่คนละทิศทางที่อินทัชอยากให้พาไป จนร่างโปร่งโวยวายออกมาทันที

“มึงจะพากูไปไหน กูบอกแล้วไงว่าจะไปตรงนั้น” นิ้วเรียวชี้ไปทางสถานที่ที่ตัวเองอยากไป หากแต่ร่างสูงกลับไม่ยอมฟัง ไม่สนใจ เข็นพาร่างโปร่งกลับคอนโดทันที

“ไอ้ราม!!”

“จะเสียงดังทำไม ไม่อายเขาเหรอ”

“กูไม่อาย! มึงพากูกลับไปคืนเดี๋ยวนี้นะ” อินทัชสั่งอย่างเอาแต่ใจ

“อย่าดื้อดิอิน อากาศมันเย็นแล้ว เดี๋ยวมึงจะไม่สบายเอานะ”

“มึงเนี่ยนะเป็นห่วงกู ทั้งๆ ที่ผ่านมาทรมานกูสารพัด กูไม่สบายเพราะมึงมาก็หลายครั้ง จะแคร์อะไรวะ”

“อย่ารื้อฟื้นดิ ตอนนี้กับตอนนั้นความรู้สึกกูมันเหมือนกันที่ไหนล่ะ”

“เหมือนไม่เหมือน มึงก็ทำร้ายกูอยู่ดี”

“เพราะงี้ไงกูถึงพามึงกลับห้อง เพราะกูไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้มึงไม่สบายอีก” น้ำเสียงของรามินทร์จริงจังมาก แม้จะไม่เห็นสีหน้าแต่ก็รับรู้ได้ว่าคนพูดจริงจังขนาดไหน

อินทัชรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่า และรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายหาเรื่องรามินทร์ก่อนก็เลยปิดปากนั่งเงียบๆ ปล่อยให้รามินทร์พาตัวเองกลับห้องไปแบบไม่โต้แย้งอะไรอีก

...






มีต่อค่ะ

....
..
.
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 04-10-2017 21:35:27
....
..
.



และแล้วก็ถึงเวลาที่เครียดที่สุดสำหรับอินทัช

“กูอาบพรุ่งนี้เช้าได้ไหม”

“เมื่อเช้ามึงก็พูดงี้อ่ะ พอถึงเวลาอาบมึงมาผลัดเป็นพรุ่งนี้อ่ะนะ ไม่เอาๆ เน่าตาย”

“ไม่เป็นไร กูไม่มีเหงื่อ ตัวกูหอม”

ให้รามินทร์อาบน้ำให้อ่ะนะ ไม่มีทางแน่ๆ แค่คิดก็ไม่กล้ามองหน้าอีกคนแล้ว แต่ทำยังไงได้ล่ะ...ในนี้มีแค่รามินทร์คนเดียวที่พอจะช่วยอาบน้ำให้เขาได้

“งั้นก็มาให้กูพิสูจน์ก่อนว่าตัวมึงหอมจริงๆ”

“ยังไง?”

“ก็ ‘ดม’ ไง มามะ” ร่างสูงทำท่าทางคุกคามใส่ร่างโปร่งบาง อินทัชเลยทำหน้ารังเกียจใส่ยิ่งทำให้ร่างสูงใหญ่ยิ้มอารมณ์ดีเดินไปช้อนร่างโปร่งขึ้นมาอุ้มแล้วพาไปที่ห้องน้ำทันที ท่ามกลางการขัดขืนจากอินทัชที่พยายามจะดิ้นไม่คำนึงถึงขาที่เจ็บของตัวเองเลยสักนิด

“ปล่อยๆ ปล่อยกูนะ อย่า!! กูไม่อาบ”

“ต้องอาบ เชื้อโรคทั้งนั้น”

“งั้นกูอาบเอง”

“ไม่ได้ เดี๋ยวน้ำโดนเฝือก”

“ไม่เป็นไร กูยอม เดี๋ยวเรียกหมอมาก็ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ จะไปรบกวนคุณหมอเขาทำไมวะ ใช้ผัวสิครับ ผัวทำให้เมียได้ทุกอย่างเลย”

“ไอ้ปากหมา กูบอกว่ากูไม่ใช่เมียมึงไง!!!”

“ทำไมชอบหนีความจริง เลิกโกหกตัวเองเถอะน่า ยังไงก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้ เราสองคนรักกัน เป็นผัวเมียกัน และตอนนี้ผัวจะอาบน้ำให้เมีย ออย่าดื้อนะ โอเค้?”

ร่างสูงวางอินทัชลงอ่างอาบน้ำเบาๆ แล้วยกขาที่ใส่เฝือกมาวางไว้บนขอบอ่างอาบน้ำป้องกันไม่ให้เฝือกโดนน้ำ อินทัชเม้มปากแน่น มองไปรอบๆ อย่างไม่ไว้วางใจ และเลี่ยงที่จะสบตากับรามินทร์ที่กำลังเปิดน้ำใส่อ่างโดยที่เขายังใส่เสื้อผ้าครบทุกตัว

ก็ดีที่มันไม่ถอด อาบทั้งเสื้อผ้าแบบนี้ก็ดี

“ใส่ครีมอาบน้ำด้วย เอาฟองเยอะๆ เลย”

“กลัวกูเห็นมึงโป๊หรือไง”

“เออ!!” อินทัชยอมรับ เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากรามินทร์ ซึ่งร่างสูงกว่าก็ทำตามโดยไม่มีการกลั่นแกล้งอะไรทั้งนั้น อินทัชก็เลยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา

ร่างโปร่งถอดเสื้อออกจนเปลือยท่อนบนเผยผิวขาวเนียนที่รามินทร์เคยได้สัมผัสมาแล้วสู่สายตาของรามินทร์ที่จ้องราวกับจะกลืนกิน หากแต่ก็ต้องชะงักกับสิ่งที่เห็นตรงคอขาว

“มองทำไม?”

“กูดีใจ” ร่างสูงเหมือนคนเพ้อ

“ดีใจบ้าอะไรวะ”

“ดีใจที่มึงยังใส่สร้อยที่กูให้ เหมือนที่กูยังใส่สร้อยนี้เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่ามีมึงอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา” รามินทร์พูดพลางยกจี้สร้อยที่ตัวเองใส่ขึ้นมา ร่างโปร่งตกใจเอามือกุมจี้สร้อยในคอทันทีหวังว่ามันจะปกปิดได้ทัน

ไม่น่าเลย...ไม่น่าลืมเลย ไม่งั้นเขาไม่ถอดเสื้อเร็วแน่ๆ

หมดกันเลย…หมดกันจริงๆ

“ก็แค่...ไม่มีเวลาถอด” อินทัชเฉไฉ

“กูไม่ได้โง่นะอิน”

อินทัชทำเป็นไม่สนใจ ไม่พูดโต้ตอบ นั่งกุมสร้อยนั้นเงียบๆ นิ่งๆ ร่างสูงเห็นว่าร่างโปร่งดื้อกว่าที่คิดก็เหนื่อยใจ ไม่ซักไซ้ ไม่ถามเอาคำตอบต่อ ในเมื่ออินทัชก็อ่อนลงมามากขนาดนี้แล้ว คิดว่าไม่นานก็คงจะใจอ่อนให้กับเขาแน่ๆ

ก็ขอให้เป็นแบบนั้น

“ระวังอย่าเอาขาลงอ่างนะ”

“รู้น่า”

“จะล้างตัวเมื่อไหร่ก็บอก หรือจะให้กูช่วยขัดให้”

“ไม่เป็นไร กูทำเองได้”

“ทำไมชอบปฏิเสธ”

“แล้วมึงคิดว่าเรื่องแบบนี้ควรยินดีน้อมรับหรือไง? ถามแปลกๆ อ้อ! มึงคงชอบให้คนอื่นมาโดนตัวมากสินะ ถึงไม่ได้คิดแบบกูเนี่ย”

“เปล่า” ร่างสูงตอบนิ่งๆ น้ำเสียงจริงจัง “กูแค่รักมึง อยากจะสัมผัสมึงก็เท่านั้น”

พูดกันง่ายๆ ตรงๆ แบบนี้เลย...ไอ้บ้า ไม่คิดว่ากูจะอาย จะเขินกับสิ่งที่มันพูดออกมาบ้างหรือไง เขาก็มีความรู้สึกนะเว้ย ไม่ได้ตายด้าน

“เสื่อม...” ด่าแก้เขินไป

รามินทร์กระตุกยิ้มนิดๆ ที่เห็นว่าใบหน้าขาวใสของคนในอ่างอาบน้ำแดงซ่าน เจ้าตัวพยายามลูบแขนของตัวเองโดยใช้ฟองครีมอาบน้ำที่ตอนนี้ฟูเต็มอ่าง มองไม่เห็นร่างกายของอีกคนเลยนอกจากไหล่ขาวเนียนกับใบหน้าสีระเรื่อชวนมอง

มันสวย...มันสวยมากจริงๆ แต่นั่นแหละ มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลยที่ยอมสยบให้กับอินทัช

“สวย…” รามินทร์พึมพำเบาๆ อย่างหลงใหล หากแต่อินทัชที่แอบได้ยินว่าร่างสูงพูดก็หันมามองพร้อมกับถามว่าเมื่อกี้พูดอะไรหรือเปล่า

“ไม่ได้พูดอะไรนี่ มึงหูฝาดไปเองหรือเปล่า กูก็ยืนมองมึงเฉยๆ นี่แหละ”

“ออกไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเสร็จจะเรียก”

“ไม่เป็นไร เสียเวลา”

ไม่รู้ว่าวันนี้รามินทร์กับอินทัชพูดคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ กันกี่ครั้งแล้ว แต่เท่าที่จำได้คือพูดกันบ่อยมาก ไม่รู้จะพากันปฏิเสธอะไรกันนักหนา พอรามินทร์จะทำอะไรให้ อินทัชก็จะปฏิเสธด้วยคำว่าไม่เป็นไรก่อน พออินทัชสั่งห้ามไม่ให้รามินทร์ทำอะไร รามินทร์ก็จะบอกว่าไม่เป็นไรเหมือนกัน

ใช้กันคนละกรณี แต่ก็พูดประโยคเดียวกัน

“โอ๊ย!! ปวดหัวเว้ย...นี่แค่วันที่สองนะ กูก็จะบ้าตายกับมึงแล้วราม”

“เวอร์!! กูยังไม่ได้ทำอะไรมึงเลย มึงนั่นแหละอินที่อคติไปเอง เปิดใจดิวะ แล้วมึงจะรู้ว่ากูรักมึงมากขนาดไหน ขนาดชีวิตกูยังให้ได้เลยนะเว้ย”

“มึงมาบอกรักกูในห้องน้ำเนี่ยนะ โคตรโรแมนติกเลยว่ะ” คนตัวขาวว่ากลบเกลื่อน

“กูรู้...มึงเขินใช่ไหมล่ะ”

“ไอ้บ้า…พอแล้ว เปิดน้ำออกแล้วล้างตัวเลย กูหนาวแล้ว” ร่างโปร่งสั่ง ซึ่งรามินทร์ก็ทำให้แต่โดยดี ทั้งเปิดน้ำ เอาน้ำเปล่ามาล้างตัวให้เมื่อล้างัวเสร็จ รามินทร์ก็ไปหาพลาสติกมาคลุมรอบเฝือกไว้ ตอนถอดกางเกงออกไป น้ำจะได้ไม่หยดใส่เฝือก

ร่างสูงทำใจข่มอารมณ์เป็นอยากมากที่จะไม่สัมผัสต้นขาขาวเนียนของอินทัชยามที่ตนถอดกางขาสั้นตัวนอกของร่างโปร่งบางออกไป เหลือไว้เพียงกางเกงในที่รามินทร์รู้ว่าอินทัชต้องการถอดด้วยตัวเอง เขาก็เลยอุ้มขึ้นมาจากอ่างแล้วให้อินทัชยืนโดยที่เขาพยุงเอาไว้อยู่

“กูจะหลับตาให้ก็แล้วกัน”

“กูซึ้งใจจริงๆ” แม้จะพูดแบบนั้นแต่อินทัชก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนแล้ว

ให้แก้ผ้ากับใครก็ได้เขาก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่นี่ต่อหน้าของคนที่มีสถานะเป็นสามีทางพฤตินัย มันก็เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ เพราะแค่อยู่ใกล้ ก็หายใจลำบากแล้ว

ว่าแล้วก็ถอดกางเกงในตัวเองออกไป แต่ก็จ้องหน้ารามินทร์เอาไว้เผื่อว่าคนตัวใหญ่กว่าจะตุกติกไม่รักษาสัญญา แต่จนกระทั่งเขาคว้าเอาเสื้อคลุมอาบน้ำที่ถูกเตรียมไว้ให้ใกล้ๆ มาสวมจนเสร็จนั่นแหละ

“เสร็จแล้ว”

“งั้นก็ไปแต่งตัว อึ๊บ!”

มาแบบไหนก็กลับแบบนั้นสินะ...


“มึงนอนไปเลยนะ กูเองก็จะไปนอนเหมือนกัน ฝันดีนะอิน”

“อื้อ” คนที่นอนอยู่บนเตียงครางรับคำในลำคอ หลับตาพร้อมจะหลับอยู่ทุกเมื่อ

เหมือนเด็กเลย...อินทัชตอนนี้เหมือนเด็กมากๆ แล้วมันก็น่ารัก น่าเอ็นดูสุดๆ ไม่รู้ว่าจะมีใครเคยเห็นมุมนี้ของอินทัชเหมือนเขาไหม และมันจะผิดหรือเปล่า ถ้าเขาอยากจะเป็นคนที่มีสิทธิเห็นมุมนี้ของอินทัชคนเดียว

มีสิทธิในตัวของอินทัช...

เป็นเจ้าของหัวใจของอินทัช...

และก็เป็นคนที่อินทัชคิดถึงเป็นคนแรก

“ทำไมไม่ไปอีกล่ะ”

“กูแค่อยากมองมึง...ก่อนจะไปนอนเท่านั้นเอง”

“มึงนี่ท่าจะบ้านะ เป็นเมามากจริงๆ”

“กูเป็นคนแบบนี้แหละ ไม่เคยประสบความสำเร็จด้านความรัก ก็เลยกลัวว่ามันจะไม่มีพรุ่งนี้...ที่กูจะมีโอกาสได้มองมึงใกล้ๆ”

“กว่าขากูจะหายก็อีกนาน” ร่างสูงโปร่งพูดขึ้นมา “มึงก้ใช้โอกาสที่มีเอาชนะใจกูให้ได้ก็แล้วกัน”

“หมายความว่า...”

“มึงนี่โง่เนอะ...”

“…”

“อือ...กูให้โอกาสมึงแล้ว...ทำให้ได้ก็แล้วกัน เพราะต่อให้กูจะรักมึง แต่ถ้ากูมองไม่เห็นว่าการคบกันของเรามันดีมันรอด...กูก็จะพิจารณาใหม่”

รามินทร์อึ้ง ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคบอกว่ารักจากปากของอินทัช มันทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น หัวใจตอนนี้เต้นแรงราวกับกำลังเต้นอยู่ในคอนเสิร์ตมันส์ๆ เลยล่ะ

จุ๊บ!!

เขาโน้มหน้าไปจูบเบาๆ ที่ปากบางด้วยความดีใจ แล้วก็หอมแก้มใสอย่างรักใคร่ อินทัชเองก็ยิ้มออกมาบางๆ ไม่ได้ว่าที่รามินทร์ล่วงเกิน

“ขอบคุณนะ...ขอบคุณจริงๆ”

จะขอบคุณทำไม...กูก็ทำเพื่อตัวเองเหมือนกัน






100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

อินทัชยอมรับและยอมให้โอกาสแล้วค่ะ ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ยูกิด้วย ขอโทษที่ไม่ค่อยมีเวลามาลงจริงๆ นะคะ ขอโทษจริงๆ

มีอะไรพูดคุยสอบถาม หรือเข้าไปทักทายยูกิ ติดตามข่าวสารการอัพเดทได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-10-2017 22:59:33
อร๊าาาาย เขาดีกันแล้ว เขาจูบกันแน่แล้วววววว  :man1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-10-2017 23:05:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-10-2017 23:37:21
 :katai2-1:

นี่ถ้าอินไม่โดนปองร้ายอยุ่ น่ะ รามก็อย่าหวัง
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-10-2017 23:56:57
ดีกันแล้ว อย่างนี้ต้องฉลอง  :mc4: :mc3: :mc2: :m18: :m3: :mc4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 05-10-2017 08:27:41
ปกป้องให้ได้นะราม อินหน่ะ สำคัญมากนะ
รักคู่นี้ เห็นหวีดหวานแล้วเขิน

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 05-10-2017 14:04:45
โอย หวานเว่อออออ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 05-10-2017 15:42:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 05-10-2017 18:10:59
ใจอ่อนตลอดเลยอินเอ้ย เข้่าทางราม แต่ก็แค่นั้นรามยังไงก็มีธีร์เป็นแบ็คล่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 05-10-2017 22:33:58
สนุกมากๆค่ะ ในที่สุดอินก็ยอมให้โอกาสตัวเองและรามซะที
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: chaaem ที่ 06-10-2017 23:25:51
ในที่สุดก็ใจอ่อนแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-10-2017 09:11:10
ว้าว อินเปิดใจแล้ว ให้โอกาสแล้วด้วย มีความสุขล่ะสิ

รามก็พยายามมาก มีลูกเล่น อย่าทำพลาดอีกนะ

น่ารักดี หลังจากนี้จะหวานขนาดไหนนะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 54 100% => (4/10/60) P.30 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 16-10-2017 19:59:57
ตีกันตายไปหรือยังนะ แต่ก็แอบห่วงนะ คนยังปองร้ายอินอยู่ใช่ไหมเนี่ย :hao4:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 55 100% => (17/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-10-2017 21:16:15
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 55
พบพ่อแม่




“คุณจอม...”

“จักร...”

“ทำไมไม่โทรมาล่ะครับ ผมจะได้ไปรับที่สนามบิน” ร่างสูงที่เดินมาเปิดประตูหลังได้ยินเสียงออดดัง พอมาเปิดก็เห็นว่าเป็นคนรักของตัวเองเสียนี่

“ฉันก็มาเองได้ นายก็พักผ่อนไปเถอะ” ร่างเล็กตอบพลางส่งกระเป๋าสัมภาระของตนให้คนตรงหน้า ก่อนจะเดินแทรกร่างแกร่งเข้าไปในตัวคอนโดอย่างเคยชิน แม้จะมาที่นี่นับครั้งได้ก็ตาม แต่ในเมื่อมันเป็นบ้านของคนรักก็เหมือนเป็นบ้านของเขาด้วยนั่นแหละ

จริงมะ!

“หิวน้ำจัง”

“ผมมีเครื่องดื่มอยู่ในตู้เย็นเยอะเลยครับ เพิ่งจะซื้อมาเตรียมไว้เพราะคุณจอมบอกว่าจะมา”

“เหรอ...ของที่ฉันชอบทั้งนั้นเลยใช่ไหม”

“ครับ...คุณจอมชอบอะไร ไอ้จักรก็ชอบแบบเดียวกันนั่นแหละครับ”

เจ้าจอมยิ้มแต่ไม่ตอบอะไรเดินเข้าไปในโซนห้องครัวทันทีด้วยความกระหายน้ำ เขาเดินทางแบบไม่หยุดพักเลย ลงจากเครื่องก็ตรงมาหาแท็กซี่เลย หยุดซื้อน้ำดื่มเขาก็ไม่ยอมทำ ทั้งๆ ที่ใช้เวลาไม่นานแท้ๆ แต่เจ้าจอมกลับคิดว่ามันเสียเวลา เพราะความคิดถึง อะไรที่รีบได้ ร่างเล็กก็ทำมันหมดนั่นแหละ

“ฉันชอบที่นี่จัง”

ร่างเล็กพูดแล้วทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาตัวใหญ่ ส่วนร่างแกร่งที่เอากระเป๋าคนรักไปเก็บในห้องแล้วก็เดินมานั่งโซฟาตัวเล็กแทน มองร่างคนรักที่กำลังนอนหลับตาอย่างเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง

“อินมันบอกว่า ถ้าผมทำงานกับมันครบสิบปีมันจะยกที่นี่ให้”

“ไหนว่าจะหักจากเงินเดือนไง”

“ครับ แต่ก็หักไม่เยอะหรอก เพราะถ้าจะผ่อนคอนโดนี้จริงๆ สิบปีผมก็ว่าไม่น่าหมด”

“แล้วนายคิดว่ายังไง”

“ผมคิดเอาไว้ว่าผมจะอยู่ทำงานให้มันจนกว่าจะตายเลยล่ะครับ พระคุณของไอ้อินมันเยอะมากจนผมไม่อยากจะทิ้งมันไปเลย แล้วผมก็ชอบงานที่ทำอยู่ด้วย”

เจ้าจอมพยักหน้าทั้งๆ ที่หลับตาอยู่แบบนั้น ร่างบางไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ได้ยินคนรักพูดแบบนี้ อยู่กรุงเทพก็ไม่ได้เสียหายอะไรนักหรอกเพราะยังไงที่นี่ก็คือบ้านเกิดของเขาอยู่แล้ว เจ้าจอมคิดว่าตัวเขาก็คงต้องย้ายกลับมาที่นี่ในสักวันหนึ่งอยู่ดี

“ดี...ฉันเองก็อยากให้เป็นแบบนั้นนะ เอาเป็นว่าถ้าฉันเคลียร์เรื่องพ่อกับแม่เสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะมาเรียนต่อที่นี่และทำงานในโรงแรมของพี่รามก็แล้วกัน”

“จริงหรือครับ” จุลจักรถามอย่างดีใจ

ที่กรุงเทพนี้มีโรงแรมของรามินทร์อยู่ประมาณสามสี่แห่งแต่ไม่ใช่โรงแรมหรูสำหรับลูกค้าระดับสูงๆ แต่เป็นเพียงโรงแรมระดับสามและสี่ดาวเท่านั้น เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่เดินทางมาประชุมสัมมนาที่กรุงเทพฯ หรือมาท่องเที่ยวและที่มาพักแบบไม่นานเท่านั้น

หากก็อยู่ในทำเลที่ดี สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับรามินทร์อีกทางหนึ่ง

“ใช่ๆ แต่ก็ต้องรอดูพี่รามกับพี่อินเขาก่อนนะ ถ้าทั้งสองยังไม่สมหวัง ฉันก็ไม่กล้าทิ้งพี่รามให้เฮิร์ทอยู่คนเดียวหรอก”

“ผมว่ามีลุ้นนะ”

พรึ่บ!!

ร่างเล็กดีดตัวลุกขึ้นนั่ง สบตากับตาคมของคนรักอย่างแวววาวเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“รู้อะไรดีๆ เล่ามาซิ!”

“เดี๋ยวอีกไม่กี่นาทีก็จะเห็นเองล่ะครับ ไอ้อินชวนเราสองคนไปกินข้าวที่ห้องของมันน่ะ”

อาจจะดูแปลกๆ ที่ดันเรียกเจ้านายตัวเองว่าไอ้ พูดคำหยาบ แต่ตอนอยู่ที่ทำงานเขาก็พูดเพราะกับมันนะ ผม คุณตลอดเวลาเพราะอินทัชไม่อยากให้ใครมามองว่าจุลจักรใช้เส้นเข้าทำงาน แต่คนหน้าสวยก็ขอร้องว่าถ้าอยู่กันตามลำบางก็ให้เรียกกันปกติ เพราะยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน

จุลจักรก็ไม่คัดค้านอะไร

“นายเห็นอะไรดีๆ ตลอดหลายวันมานี้ใช่ไหม”

“ครับ บางวันผมก็ไปกินข้าวกับมันแล้วก็ไปดูอาการมันตลอดนั่นแหละครับ”

“เหรอ...เป็นไง ทะเลาะกัน กัดกัน หรือว่าหวานใส่กัน?”

“อันสุดท้ายนี่เป็นไปได้ยากหน่อยนะครับ ทั้งๆ ที่คุณรามเป็นคนหวานๆ โรแมนติกนะ แต่กับไอ้อินคุณรามกวนประสาทมาก ยั่วโมโหไอ้อินตลอดเวลาเลยล่ะครับ”

“เป็นปกติของผู้ชายเวลาอยู่กับคนที่ตัวเองรักนั่นแหละ ชอบหาเรื่องแกล้ง เหมือนนายแต่ก่อนไง ชอบจีบฉันดังๆ ยิงมุกเสี่ยวๆ ต่อหน้าคนงานจนฉันอับอายมาก” เจ้าจอมพูด ใบหน้าเปื้อนยิ้ม จุลจักรเองก็หัวเราะน้อยๆ

ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดหรอกว่าเจ้าจอมจะอาย แค่ทำตามที่ใจเรียกร้องเท่านั้น

ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะเด็ดดอกฟ้าได้...

“จริงๆ คุณจอมก็แกล้งผมไม่ใช่หรือไง”

“ฮ่าๆ ถือว่าเจ๊างั้นไง ถ้าฉันไม่ทำแบบนั้น นายจะมาชอบฉันเหรอ นายบอกพี่รามเองนี่ว่านายชอบผู้หญิง ฉันแอบได้ยินแบบนั้นนี่ท้อไปแล้ว คิดจะไม่ทำอะไรแล้วด้วย วันที่ฉันไปช่วยนายวันนั้นก็บังเอิญจริงๆ จะร้องไห้จริงๆ นะ พอหลายวันถัดมาจู่ๆ นายก็เริ่มเข้าหาฉัน ฉันก็มีความหวัง คิดแผนใหม่เสร็จสรรพ”

“แผนคุณจอมนี่ใช้เวลาตั้งสองปีเลยนะครับ ถ้าผมรู้ตั้งแต่แรกจับทำเมียไปนานแล้ว”

“บ้า...”

“คืนนี้นะครับ” ร่างสูงขอร้องด้วยสีหน้าและน้ำเสียงออดอ้อน

“ไม่เอา พรุ่งนี้ต้องไปหาพ่อแม่ เดี๋ยวนั่งไม่ได้”

“ผมสัญญาว่าจะทำเบาๆ”

“ไม่เชื่อหรอก...นายมันพวกหื่นกาม ทำเบาๆ อย่างที่พูดไม่ได้หรอก จนกว่าจะจบเรื่องพรุ่งนี้ ยังไงก็ไม่!!” ก็ถือว่าเป็นคำสั่งเด็ดขาดที่จุลจักรต้องทำตามอย่างเคร่งครัด

ฝืนไม่ได้เด็ดขาดเลย

“โถ่...ผมคิดถึงคุณจอมนี่ครับ”

“ฉันก็คิดถึง แต่ไม่เห็นอยากจะทำเรื่องอย่างว่าเลย”

“ก็ผมอยากรักคนที่ผมรัก ผิดหรือไงครับ”

“เดี๋ยวนี้ต่อปากต่อคำเก่งนะ”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่ได้ชมเถอะ!”

Rrrrrr…

เสียงโทรศัพท์ของร่างแกร่งดังขึ้นมาขัดการสนทนาของทั้งคู่ แต่ร่างสูงก็หยิบโทรศัพท์เครื่องหรูของตนมาแล้วรับสายคนที่โทรมาทันที

“ครับคุณราม...มาถึงแล้วครับ ครับ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”

เป็นอันรู้กันว่าคนที่โทรมาคือรามินทร์ที่อยู่คอนโดห้องใกล้กันของอินทัช บอกให้เขากับเจ้าจอมรีบไปที่ห้องนั้นเลยเพราะอาหารเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

“พี่รามให้ไปแล้วเหรอ”

“ครับ...เราไปกันเถอะครับ”

“อื้อ...ฉันหิวแล้วล่ะ”

เจ้าจอมเดินทางมาช่วงเย็นเลยทันทานอาหารเย็นพอดี ทั้งสองลุกขึ้นเดินไปหารามินทร์กับอินทัชทันที สิ่งแรกที่เจ้าจอมอยากจะทำคือการกอดอินทัช ซึ่งเมื่อได้เจอหน้า เขาก็ทำแบบนั้นจริงๆ

ชนิดที่พี่ชายลูกพี่ลูกน้องอย่างรามินทร์ถึงกับมองด้วยความหมั่นไส้

“พี่อิน จอมคิดถึงพี่อินมากเลย”

“ฮ่าๆ พี่ก็คิดถึงน้องจอมนะครับ”

“พี่อยู่นี่ไหมเจ้าจอม”

“อ้าว? พี่ราม...ไม่เจอกันตั้งหลายวันแหนะ ดูอารมณ์ดีขึ้นนะ”

“ถ้าจะทักพี่แบบนี้ก็ไม่ต้องหรอกทีหลัง”

“ฮ่าๆ งอนเหรอ”

“เปล่านี่ พี่จะงอนทำไม กินข้าวกันดีกว่า ไปที่โต๊ะเลย เดี๋ยวพี่จะพาไอ้อินตามไป”

“คร้าบ...ไปจักร”

“ครับ”

เจ้าจอมกับจุลจักรเดินไปนั่งรอเจ้าของห้องและรามินทร์ก่อนอย่างที่รามินทร์บอก ก่อนจะตามมาด้วยอินทัชที่นั่งวิลแชร์มาโดยมีร่างสูงใหญ่เข็น

เมื่อทุกอย่างพร้อม พวกเขาทั้งสี่คนก็เริ่มลงมือรับประทานอาหารที่สั่งมาจากร้านอาหารร้านโปรดของเจ้ามือเลี้ยงวันนี้ นั่นก็คืออินทัช ทุกคนพูดคุยกันสนุกสนาน โดยเฉพาะอินทัชนี่เผาจุลจักรซะจนเจ้าตัวแยกเขี้ยวใส่

“พอๆ เลิกผากูเถอะ แค่นี้ก็อายจะตายห่าอยู่แล้ว”

“คิดดูสิ ตอนที่มันพรีเซ้นท์งานครั้งแรกนะองจอม มันนี่โคตรประหม่าเลย ฮ่าๆ พี่คิดถึงตอนนั้นทีไรพี่ก็ตลกตลอดเลย ยิ่งตอนที่พี่ประเมินมันนะ ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรนักหนา ดีที่ไม่ทำเสียเรื่องจนพี่ต้องหักคะแนน” หากแต่อินทัชก็ยังไม่หยุดพูดต่อไป

“ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยเหรอครับพี่อิน จอมอยากเห็นจัง”

“คงยากแล้วล่ะน้องจอม เพราะเดี๋ยวมันเก่งมาก พูดคล่อง พูดดีขึ้น ก็นะคนเรามันมีประสบการณ์อยู่แล้ว แต่พอต้องมาพรีเซ้นท์ต่อหน้าคนเยอะๆ มันก็เลยประหม่าน่ะ เดือนกว่าๆ เองนะ แต่มันพัฒนาได้เยอะมาก เห็นทีว่าสามเดือนก็ผ่านฝึกงานแล้วล่ะ แล้วก็ไปฝึกงานที่ต่างประเทศอีกสามเดือนรวมเป็นหกเดือน กลับมาก็รับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบงานสถาปัตยกรรมภายในเลย”

“ส่วนนี้ไม่ใช่ต้องให้คนที่จบสายตรงมาทำเหรอครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกงานนี้มันทำเป็นทีม เพราะยังไงฝ่ายออกแบบภายในก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของสถาปนิกกับวิศวกรอยู่ดีซึ่งในส่วนนี้จะอยู่ที่บริษัทของคุณอัคนีน่ะ บริษัทพี่จะรับแค่งานออกแบบและตกแต่งเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฐานลูกค้าของบริษัทพี่กับบริษัทคุณอัคนีก็เยอะมาก โชคดีที่เราดีลกันเพราะบริษัทพี่จะได้เปรียบและโดดเด่นในวงการของการออกแบบมานานตั้งแต่รุ่นพ่อพี่แล้วล่ะ ทางคุณอัคนีเลยยกเลิกฝ่ายนั้นในบริษัทโอนพนักงานมาให้พี่แล้วหันมาจ้างเราแทน”

“โห...พี่อินนี่เก่งจัง จอมรู้มาว่าคุณอัคนีทำธุรกิจร่วมกับคนอื่นได้ยากมาก”

“พี่ก็อาศัยว่าพี่เป็นเพื่อนไอ้ธีร์มันนั่นแหละ รู้จักใช่ไหม มันเป็นเพื่อนรักพี่แล้วก็เป็นลูกน้องคนสนิท คนสำคัญของคุณเพลิงเขาน่ะ”

“เพราะพี่อินเก่งด้วยแหละ”

“ยังไงก็เก่งสู้คุณเพลิงไม่ได้หรอก”

“แล้วคุณดินล่ะครับ พี่อินไม่รู้จักเหรอครับ”

“งานเราคนละสายน่ะ ฝั่งนั้นเขาผลิตและส่งออกรถ พี่เลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝั่งคุณดินเขา” อินทัชตอบทุกอย่างที่เจ้าจอมถามโดยมีรามินทร์กับจุลจักรนั่งทานอหารพร้อมกับฟังอย่างตั้งใจไปด้วย

รามินทร์ทึ่งในความเก่งกาจของอินทัชมากๆ เลยตอนนี้

“เออจริงสิ...สรุปมึงจะเรียนต่อไหมจักร จริงๆ แล้วจะทำงานส่วนนี้ต้องจบสายตรง แต่กูใช้อำนาจให้มึงเข้ามาแบบไม่ต้องเรียนสายนั้นมา กะให้มึงดูเรื่องออกแบบสวน แต่เห็นแววของมึงแล้วเสียดายฝีมือว่ะ มึงเรียนเกษตรทำไมวะ ทำไมไม่เรียนพวกสถาปัตยกรรม”

“ตอนนั้นกูก็ไม่รู้ ชีวิตก็ทำแต่นาทำแต่ไร่ก็เลยเลือกเรียนที่ตัวเองถนัดไม่ได้รู้เลยว่าชอบอะไร มารู้ว่าตัวเองชอบออกแบบก็ช่วงปีสามจะให้ซิ่วเรียนใหม่ก็ใช่เรื่องป่ะ คนไม่มีเงินอยู่นะเว้ย” จุลจักรตอบเครียดๆ

ใช่ว่าตนไม่อยากเรียน แต่เรียนมันมีค่าใช้จ่ายเยอะ เขาก็เลยเรียนเท่าที่ไหว...

“แล้วแกอยากเรียนหรือเปล่าล่ะ” รามินทร์ถาม

“อยากครับ”

“ก็แค่นี้” รามินทร์ว่า ก่อนที่จะให้อินทัชพูดต่อ

“งั้นก็เรียน บริษัทจะให้ทุนเรียนต่อกับพนักงานที่สนใจจะเรียนต่อ แต่จบแล้วต้องมาทำงานใช้ทุน มึงจะเรียนต่อในหรือต่างประเทศล่ะ”

“กูโง่อังกฤษ”

“ฮ่าๆ แกนี่ตอบไม่คิดเลยนะไอ้จักร” รามินทร์หัวเราะ “เรื่องภาษามันฝึกกันได้”

“งั้นก็เรียนต่อเลย เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยหวังว่าจะไหวนะ อืม...มึงอยากจะเรียนด้านไหนล่ะ”

“แล้วแต่มึงเลย ยังไงกูก็ได้ทำงานที่กูชอบแล้ว”

“โอเค เดี๋ยวกูจะให้เลขากูจัดการหาที่เรียนในไทยให้ก็แล้วกัน เกรดเฉลี่ยมอปลายมึงเท่าไหร่วะ” ร่างโปร่งบางถามเพื่อน

“อืม...สี่”

ทุกคนอยู่ในสภาวะตกตะลึงไปชั่วขณะจนจุลจักรต้องรีบเรียกสติทุกคนกลับมา เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการที่เขาเรียนได้เกรดดีๆ แบบนี้มันเป็นเรื่องน่าตกใจ

“ไหนบอกว่าตัวเองโง่ไงวะ ไอ้ตอแหล”

“เดี๋ยวนะจักร ไม่ใช่เกรดมอหกอย่างเดียวนะ คือทั้งหกเทอมของมอปลายน่ะเฉลี่ยรวมเท่าไหร่” เจ้าจอมบอกแล้วถามอีกครั้งเพราะไม่เชื่อว่าจะจบมาด้วยเกรดสี่

“สี่ครับ...แต่ถ้าไม่เชื่อผมไปเอามาให้ดูก็ได้”

จุลจักรทำท่าลุกขึ้น แต่เจ้าจอมก็ห้ามเอาไว้ก่อนทำให้ร่างสูงต้องนั่งลงกับที่เหมือนเดิม

“ไม่ต้องๆ ฉันเชื่อๆ แล้วตอนที่นายเรียนมอเกษตรนายจบมาด้วยเกรดเท่าไหร่”

“ตอนเรียนอยู่ผมได้เอทุกเทอมครับ เฉลี่ยตอนจบก็สี่ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง” ตอบออกมาด้วยหน้าตาที่ซื่อๆ แต่ทำเอาชายหนุ่มสามคนที่เหลือนั่งยิ้มแหยๆ กันเพราะไม่มีใครเลยที่จบแล้วได้เกียรตินิยม แค่จบออกมาได้ก็ถือว่าดีแล้วล่ะนะ แต่จุลจักรรักษาเกรดอันเพอร์เฟ็คของตัวเองเอาไว้ได้

เหลือเชื่อจริงๆ

“ฮะๆ ยอมใจมึงเลยว่ะจักร”

“หึหึ...นี่กูรับมึงมาทำงานโดยไม่ได้ดูเกรดเลยนะเนี่ย” รามินทร์ว่า

เจ้าจอมก็ได้แต่หัวเราะออกมา มองคนรักด้วยสายตาที่ปลาบปลื้มแทน

“งั้นกูจะให้มึงเรียนสถาปัตยกรรมภายในเลยก็แล้วกัน เดี๋ยวให้เลขาจัดการให้ ส่วนเวลาในการเรียนน่าจะประมาณห้าปี ทำงานไปด้วย แต่ปีนี้คงไม่ทันแล้วล่ะ ก็เลื่อนเป็นปีหน้าไปเลยก็แล้วกัน มึงจะได้ไปต่างประเทศก่อน”

“อือ...แล้วแต่มึงเลย”

“งั้นช่วงเย็นกูจะจัดคอร์สเรียนภาษาอังกฤษให้พนักงานวันละสองชั่วโมงให้ มึงก็ไปเข้าด้วยก็แล้วกัน”

“ได้...”

“นายได้รับโอกาสเยอะมากเลยนะจักร”

“ครับคุณจอม ต้องขอบคุณไอ้อินมัน”

“หึหึ ไม่ต้องขอบคุณหรอกน่า มึงต้องทำงานให้กูเยอะเลยจักร” อินทัชว่า

“นั่นสินะ”

“เอาล่ะๆ เลิกพูดเรื่องงาน แล้วกินข้าวต่อได้แล้ว เดี๋ยวมันจะเย็นหมด” รามินทร์เอ่ยขึ้นมา

ทุกคนมองหน้ากันนิดๆ ก่อนที่พวกเขาก็ลงมือรับประทานอาหารกันต่อ...พูดกันซะเกือบลืมไปเลยว่าพวกเขากำลังทานข้าวอยู่ ส่วนรามินทร์กับจุลจักรน่ะหรือข้าวพร่องเกือบหมดแล้ว สงสัยจะกินช่วงที่เจ้าจอมกับอินทัชกำลังคุยกันอย่างออกรสอยู่แน่ๆ

พอทานข้าวกันเสร็จแล้วพวกเขาก็ย้ายกันไปนั่งคุยที่ห้องนั่งเล่นกันต่อจากนั้นก็แยกย้ายกันพักผ่อนเพราะตอนเช้าพวกเขาจะต้องเดินทางไปบ้านของเจ้าจอมกัน ซึ่งไม่สามารถเดาล่วงหน้าได้ว่า เหตุการณ์มันจะเป็นไปในทางที่ดีหรือทางที่เลวร้าย แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จุลจักรจะไม่มีทางปล่อยมือเจ้าจอมเด็ดขาด

เราสองคนจะก้าวผ่านมันไปด้วยกัน...

...

...

...





มีต่อค่า

V

V

V
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 55 100% => (17/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 17-10-2017 21:16:51
ต่อ

V

V

V


“สวัสดีครับ”

ทุกคนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันที่ห้องรับแขกในบ้านของเจ้าจอมที่ตอนนี้พ่อกับแม่รวมถึงผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งก็นั่งอยู่ก่อนแล้ว พ่อกับแม่มองทุกคนอย่างพิจารณาโดยเฉพาะจุลจักรกับอินทัชที่พวกเขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน

“สวัสดี...ได้ข่าวว่าฉันบอกให้แกมาคนเดียวนะเจ้าจอม” พ่อของเจ้าจอมรับไหว้ทุกคนด้วยการพยักหน้ารับรู้ แล้วก็หันมาเอาเรื่องลูกชายของตน

“ดูข้อความดีๆ ก่อนดีไหมครับ...ในข้อความไม่เห็นจะบอกเลยว่าให้มาคนเดียว ผมก็พาพี่ชายกับแฟนมาด้วยไง”

“เจ้าจอม!!” คนเป็นพ่อขึ้นเสียงดุลูกชาย

“คุณอาครับ” รามินทร์ปรามเสียงราบเรียบทำเอาพ่อของเจ้าจอมถึงกับสงบลงแต่ยังคงสีหน้าไม่พอใจอยู่

“คนไหนล่ะแฟน คนที่ขาเดี้ยงหรือว่าคนที่นั่งข้างแก”

“คนไหนพ่อก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ครับ”

“งั้นอีกคนแกพามาทำไม?”

จอมพลซักไซ้จะเอาคำตอบจากลูกชายให้ได้ แต่คนเป็นภรรยาก็แทรกขึ้นมาก่อน

“วันนี้แม่กับพ่อนัดคนที่จะให้ลูกดูตัวมาด้วย พี่เขาชื่อมาวิน เขาทำงานเป็นผู้จัดการทั่วไปด้านการผลิตของบริษัทชั้นแนวหน้าของประเทศไทยนะเจ้าจอม รู้จักกันไว้สิ” เจนจิราพูดกับลูกชายแนะนำคนที่นั่งข้างเธอโดยไม่สนว่าลูกจะพาแฟนมาด้วยก็ตาม

ถ้าเธอไม่อนุญาตก็อย่าหวังว่าจะได้สมหวัง

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องจอม” มาวินยิ้มทักทายเจ้าจอมไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เจ้าจอมเห็นแบบนั้นก็ไม่อยากจะเสียมารยาทยิ้มกลับไป

“สวัสดีครับ”

“เจอตัวจริงน่ารักกว่าในรูปเยอะเลยนะครับเนี่ย”

“จ้ะ” เจนจิรารับคำยิ้มๆ พอใจที่ลูกชายไม่ได้เอ่ยขัดอะไรด้วย แต่เหมือนว่าเธอจะดีใจได้ไม่นานเพราะเจ้าจอมก็พูดขึ้นมาว่า

“นี่จักรครับ เป็นคนรักของจอมเอง”

“สวัสดีอีกครั้งนะครับคุณพ่อ คุณแม่” จุลจักรไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาทคนอายุมากกว่าแต่อย่างใดหรอกนะ แต่อินทัชบอกให้เขาพูดแบบนี้ เขาก็ต้องทำตามที่มันบอกน่ะสิ

“ใครเป็นพ่อแม่แก” จอมพลสวนกลับมาด้วยความไม่พอใจ มองร่างสูงใหญ่ตั้งแต่หัวจนปลายเท้าด้วยสีหน้าที่เหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด

อินทัชที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ก็กระตุกยิ้มเย็นพอจะรู้วิธีการรับมือบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เริ่มทำอะไร

“ก็จักรเป็นแฟนของจอมเรียกพ่อกับแม่ก็ถูกแล้วนี่ครับ” เจ้าจอมตอบ

“ฉันไม่ยอมรับไอ้บ้านนอกแบบนี้หรอกนะ” จอมพลพูด

“นี่มันอะไรกันครับคุณน้า” มาวินหันมาถามเจนจิราอย่างเอาเรื่อง ไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เจ้าจอมแสดงกริยาแบบนี้ต่อหน้าเขา

“ใจเย็นๆ นะจ้ะมาวิน น้องเขากำลังโดนหลงผิดน่ะ”

“เหรอครับ” มาวินก็เชื่อคนง่ายเหลือเกิน หันกลับมามองเจ้าจอมด้วยสีหน้าที่ดูเห็นใจแล้วก็มองรามินทร์ อินทัชและจุลจักรอย่างเหยียดๆ แล้วพูด “น้องจอมครับ ฟังคุณพ่อคุณแม่หน่อยนะครับ ท่านหวังดีกับน้องจอมอยู่แล้วล่ะ”

เจ้าจอมเริ่มไม่พอใจผู้ชายคนนี้เสียแล้วสิ รู้จักกันได้แค่ไม่กี่นาทีก็ทำเป็นสอนเขาแล้ว นี่คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหนหรือคิดว่ามีพ่อแม่ของเขาให้ท้ายแล้วจะพูดอะไรก็ได้งั้นเหรอ

ไม่มีทางหรอก!!

“คุณจะไปรู้อะไรล่ะครับ”

“เจ้าจอม พูดกับพี่เขาดีๆ หน่อย” จอมพลสั่ง หากแต่เจ้าจอมก็ไม่คิดจะเชื่อฟัง

“ไม่ครับ ทีพ่อแม่ยังพูดจาดูถูกคนที่จอมรักเลย ทำไมจอมต้องพูดดีๆ กับคนที่จอมไม่รู้จักด้วย”

“ที่แกนิสัยเสียแบบนี้คงเป็นเพราะอยู่ในที่ที่มีแต่คนนิสัยแบบนี้สินะ”

“คุณอาจะพูดอะไรก็ให้เกียรติคนที่ส่งเสียให้เจ้าจอมเรียนหน่อยก็ดีนะครับ เพราะผมก็ถือว่าเป็นผู้ปกครองของเจ้าจอม และก็ถือว่าเป็นเจ้านายของคุณอาด้วย” รามินทร์ไม่อยากพูดแบบนี้กับญาติผู้ใหญ่หรอกนะ แต่เขาพาดพิงรามินทร์ก่อนเอง

“อาขอโทษด้วย อาไม่ได้ไม่ถึงรามนะ อาหมายถึงใครบางคนต่างหาก” จอมพลหันไปจ้องหน้าจุลจักรที่ตอนนี้ก็มองหน้าแบบไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งนั้น

อินทัชเหมือนถูกลืม...แต่ก็ช่างเถอะยังไม่ถึงเวลาล่ะมั้ง

“หมายถึงผมหรือครับ” จุลจักรถาม

“ก็รู้ตัวนี่”

“พ่อเลิกว่าจักรสักทีเถอะครับ พ่อยังไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของจักรเลยก็ว่าเขาเอาว่าเขาเอา กับคุณมาวินอะไรนี่พ่อกับแม่รู้จักดีเหรอครับถึงได้ชอบเข้านักหนา”

“เถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ ว่าแต่แกแห่มาทำไมตั้งเยอะแยะ แล้วคนที่ใส่เฝือกนี่ใคร” จอมพลถามมองหน้าอินทัชอย่างต้องการคำตอบ

“สวัสดีครับ ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยก็แล้วกันนะครับ ผมชื่ออินทัช ชยอัมรินทร์ นี่เป็นนามบัตรของผมครับ” ร่างโปร่งตอบแล้วยื่นนามบัตรที่ใช้กับลูกค้าหรือคู่ติดต่อทางธุรกิจให้กับจอมพลไป ด้านพ่อของเจ้าจอมที่ได้ยินชื่อก็คุ้นหูมากพออยู่แล้วพอเอานามบัตรไปดูก็เบิกตาโพลง มองหน้าของอินทัชสลับกับนามบัตรก่อนจะส่งนามบัตรให้กับภรรยาตนเองที่นั่งข้างๆ

อินทัช ชยอัมรินทร์

ประธานกรรมการอัมรินทร์ กรุ๊ป

เจนจิราอ่านแล้วก็ตกใจเหมือนกัน เก็บนามบัตรนั้นเอาไว้อย่างดี สร้างความแปลกใจให้กับมาวินและสร้างความพึงพอใจให้กับเจ้าจอมและจุลจักร

“ผมเป็น ‘เพื่อน’ สนิทของจักรแล้วก็เป็นเจ้านายของจักรด้วย ในวันนี้มาเป็นเถ้าแก่สู่ขอน้องจอมให้กับจักรน่ะครับ วันนี้ก็มาคุยดูว่าทางคุณจอมพลกับคุณเจนจิราจะว่ายังไง แล้วค่อยพูดกันเรื่องสินสอดทองหมั้น” อินทัชพูดไปตามบทบาทหน้าที่ที่ตนได้รับมา

“เอ่อ...ครับ” เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคิดและต้องการสองภรรยาก็มองหน้ากันทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่ไมมีหัวนอนปลายเท้า เป็นแค่คนจนๆ คนหนึ่ง ที่พวกเขาได้สืบหาข้อมูลมา จะเป็นถึงเพื่อนและลูกน้องของนักธุรกิจระดับนี้ไปได้

“ผมเชื่อว่าเงินเดือนของจักรจะไม่ทำให้น้องจอมต้องลำบากแน่นอนครับ เพราะตอนนี้จักรมีคอนโดอยู่แถว XX เป็นโครงการของ PLEUNG ราคาก็ตกประมาณแปดห้าสิบล้าน” สิ้นคำพูดของอินทัชก็ทำให้จุลจักรรู้ถึงราคาของคอนโดที่ตนอยู่ทันที เขาหันไปมองเพื่อนอย่างตกใจ

ตอนแรกก็คิดอยู่ว่ามันต้องหลักสิบล้านแน่ๆ เพราะทั้งชั้นมีแค่ห้องของเขากับอินทัช ห้าสิบล้านอัพ ชาติไหนจะใช้หมดวะเนี่ย แต่เงินเดือนที่เขาได้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ ตอนแรกก็แย้งว่ามันเยอะไป แต่อินทัชบอกว่าสมน้ำสมเนื้อกับความสามารถของเขาแล้ว จุลจักรก็เลยไม่คัดค้านอะไร

“เอ่อ...นายคนนี้น่ะเหรอคะ”

“ครับ...คนนี้แหละครับที่มีคอนอยู่หลักห้าสิบล้าน เงินเดือนหลักแสน” แม้ว่าตอนนี้จะได้หลักหมื่นเพราะเป็นแค่พนักงานทดลองงานอยู่ก็ตามแต่ก็เกินห้าหมื่นล่ะนะ

อภิสิทธิ์ของอินทัชมอบให้จุลจักรเป็นพิเศษ

“หลักแสน!!” สองภรรยาอุทานออกมาพร้อมกันเสียงดัง คนที่เธอจะให้ลูกได้แต่งงานด้วยอย่างมาวินเงินเดือนยังแค่ห้าถึงหกหมื่นต้นๆ เท่านั้นเอง แต่จุลจักรได้หลักแสน

หลักแสน...ก็ยังไม่บอกว่าหนึ่ง สอง สามแสนหรืออาจจะมากกว่านี้ก็ได้

จะว่าไปถ้าให้เลือกทางฐานะการเงิน คนที่จะดูแลลูกชายของเขาได้ดีก็น่าจะเป็นจุลจักร และลูกชายของพวกเขาก็รักนายคนนี้ด้วย

ทั้งสบาย ทั้งมีความสุขแน่ๆ

“คุณน้าครับไหนว่าให้ผมมาพบกับน้องจอมไงครับ แล้วนี่มันอะไรกัน บอกว่าน้องจอมไม่มีแฟน อยากฝากฝังให้ผมดูแล แต่น้องเขาก็มีแฟนแล้วนี่ครับ แถมยังรวยกว่าผมด้วย ถ้างั้นผมก็คงจะไม่มีความหมายสำหรับคุณน้าแล้ว ขอตัวเลยก็แล้วกันนะครับ พี่กลับก่อนนะครับน้องจอม” มาวินพูดกับจอมพล เจนจิราด้วยความไม่พอใจเพราะเหมือนโดนหักหน้าต่อหลายๆ คน ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากบ้านหลังขนาดกลางนี้ไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะบอกลาเจ้าจอม ร่างเล็กเห็นแบบนั้นก็คิดว่ามาวินไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีเท่าไหร่ ยิ้มให้บางๆ แล้วยกมือไหว้

“สวัสดีครับ”

“ครับ...ไม่ต้องห่วงนะครับคุณน้าผมจะเรียนคุณพ่อคุณแม่ใหม่เอง ว่าผมกับน้องจอมเราเข้ากันไม่ค่อยได้ จะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเราต้องแตกหักแน่นอนครับ” ยิ้มให้กับเจ้าจอมแล้วทำหน้าเรียบๆ ให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองคน...

“ขอบใจนะจ้ะมาวิน น้าขอโทษด้วย”

“ไม่เป็นไรครับ แต่คุณน้าครับ...ถึงคุณน้าจะหวังดีกับน้องจอม แต่อย่าลืมความสุขของน้องจอมด้วยนะครับ พ่อแม่ผมบอกกับผมเสมอว่าเราเลี้ยงลูกมาได้แต่ตัว ชีวิตของลูกก็ให้ลูกเลือกและตัดใจเอาเอง เพราะในวันที่ไม่มีพ่อแม่อยู่แล้วเขาจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง ผมลาล่ะครับ สวัสดีครับ”

มาวินออกไปแล้ว ทิ้งประโยคให้ผู้ใหญ่ที่เคารพได้ฉุกคิด ซึ่งรามินทร์กับเจ้าจอมก็หันมายิ้มให้กันที่เห็นความลังเลของจอมพลและเจนจิรา

“ถ้าฉันอนุญาตให้แต่งกันได้ สินสอดลูกชายฉันเท่าไหร่” เจนจิราถามขึ้น

ยังไงนิสัยกับมุมมองก็ไม่สามารถเปลี่ยนง่ายๆ ได้ภายในวันเดียว แต่ถึงจะได้รักกันเพราะเงิน อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกัน...

พ่อแม่ของเจ้าจอมไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการหน้าตา...จะให้ใครมาดูถูกไม่ได้

“แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่จะเรียกเลยครับ”

“ทำงานในอัมรินทร์กรุ๊ป ถ้าเงินเดือนหลักแสนจริงๆ ภายในห้าปี สินสอดฉันขอเป็นเงินสดยี่สิบล้านมากองตรงหน้าในวันหมั้น เดี๋ยววันหมั้นฉันจะหาฤกษ์ให้ แต่ถ้าไม่มียี่สิบล้านมาวันนั้นก็เลิกคบ เลิกเจอกัน ส่วนตอนนี้ฉันฉันจะให้ลูกชายคบกับนายก็ได้” เจนจิรายื่นข้อเสนอเด็ดขาดที่ทำเอาจุลจักรนั่งทำหน้าเครียด ใจเต้นแรงด้วยความกังวลปนดีใจ

ห้าปีต้องหาเงินมาเป็นสินสอดยี่สิบล้าน ยังไม่ท่าทีว่าจะได้เลย แต่ถ้าเขาเรียนตามที่ได้ตกลงกับอินทัชเมื่อคืนก็จะใช้เวลาห้าปี ยังไงก็ยังไม่เห็นว่าจะมีทีท่าจะหาได้เลย

แต่อะไรที่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันก็เป็นไปได้หมดสำหรับเขา จุลจักรจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด

“ได้ครับ...ผมตกลง”

“งั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรคัดค้าน จะปล่อยให้คบกันไปก่อนห้าปี” จอมพลเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ยังเรียบนิ่ง เย็นชาอย่างเดิม หากแต่ประโยคที่ว่ายอมให้เราคบกันก็ทำให้เจ้าจอมกับจุลจักรยิ้มออกมาอย่างดีใจ ทั้งสองมองหน้ากันมอบรอยยิ้มให้กัน...

และนั่น มันทำให้จอมพลกับเจนจิราได้เห็นรอยยิ้มของลูกชาย ที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว...

“ขอบคุณนะครับ” เจ้าจอมกับจุลจักรยกมือไหว้ขอบคุณทั้งรอยยิ้มดีใจแบบเด็กๆ

พวกเขาเห็นรอยยิ้มนั้นใสซื่อเหมือนเด็กๆ พาลทำให้นึกถึงเจ้าจอมตอนเด็กๆ ที่เอาแต่ยิ้ม หัวเราะอย่างมีความสุข เด็กใสซื่อบริสุทธิ์ที่พวกเขาประคบประหงมเลี้ยงดูมาด้วยความรัก ความเอาใจใส่ ตอนนี้มีแต่ความหมางเมินห่างเหิน นั่นมันก็เพราะคนเป็นพ่อแม่เอง ที่อยากให้ลูกทำในสิ่งที่ตนอยากให้ทำ เป็นคนในแบบที่พ่อแม่อยากให้เป็น ไม่ได้สนใจเลยว่า...ลูกชายของพวกเขาจะมีความสุขหรือเปล่า

และเพราะความดันทุรัง ครอบครัวเราจึงไม่มีความสุข

“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ ภายในห้าปี จักรจะต้องหาเงินค่าสินสอดให้ได้ยี่สิบล้านบาทแล้วอีกห้าปีผมจะให้ผู้ใหญ่มาเป็นเถ้าแก่ให้จักรมัน เราไม่อยากให้โดนว่าผมไม่ให้เกียรติท่านทั้งสองน่ะครับ” อินทัชพูดขึ้นมา มองหน้าสองสามีภรรยาที่กำลังจ้องลูกชายคนเดียวยิ้มกับจุลจักรอย่างมีความสุขอยู่แบบนั้น

ดวงตาของท่านฉายชัดถึงความคำนึงโหยหา แต่ก็เป็นคนปากแข็งมีทิฐิกันทั้งคู่

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุณอินทัชก็ให้เกียรติพวกเรามากพออยู่แล้ว”

“ขอบคุณนะครับ”

“ขอบคุณเช่นเดียวกันนะคะที่เอ็นดูลูกชายของดิฉัน”

“เจ้าจอมเป็นเด็กดี เป็นน่ารัก ผมก็รักและเอ็นดูเจ้าจอมเหมือนน้องชายคนหนึ่งน่ะครับ”

“ทำไมถึงได้รู้จักกับรามกับเจ้าจอมได้ล่ะครับ”

“ผมเจอตอนที่ไปพักที่รีสอร์ทน่ะครับก็เลยรู้จักกัน ส่วนจักรนี่เป็นเหมือนผู้มีพระคุณสำหรับผมมากเลย ถ้าไม่มีมัน ผมเองก็ไม่รู้จะมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้หรือเปล่า”

ถ้าไม่มีจุลจักร อินทัชคงจะเป็นบ้า ประสาทแตกแน่ๆ เพราะอย่างน้อยที่ที่โหดร้ายนั้น เขาก็มีเพื่อนอย่างมันและมีเพื่อนอย่างหมอเงิน รวมทั้งเจ้าจอมอีกด้วย

ส่วนตอนนี้...คนที่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในหัวใจมันเป็นไอ้บ้าข้างๆ นี้ไปได้

“ขอบคุณ” รามินทร์กระซิบข้างหู จนใบหน้าสวยเบี่ยงออกอย่างต้องการเว้นระยะห่าง

“ห่างๆ ไปเลย”

“ทำเป็นรังเกียจ”

จอมพลสังเกตเห็นรามินทร์กับอินทัชที่กำลังกระซิบกระซาบด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนเพื่อนปกติก็ขมวดคิ้วอย่างฉงนใจ หากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไปเพราะจะเป็นการเสียมารยาทต่ออินทัชเอาได้

“คุณอินครับ ผมอยากจะถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่าครับ”

“ครับคุณจอมพล”

“ขาคุณอินไปโดนอะไรมาหรือครับ ถึงต้องใส่เฝือก”

“ซุ่มซ่ามน่ะครับคุณอา...ขาก็เลยแพลง”

คนที่ตอบดันไม่ใช่คนที่ถูกโดนถามแต่เป็นคนที่นั่งข้างๆ กับอินทัชต่างหากล่ะ

“อาถามคุณอิน รามจะตอบแทนทำไม”

“ก็ได้คำตอบเหมือนๆ กันนั่นแหละครับ”

“ตามนั้นแหละครับคุณจอมพล ผมซุ่มซ่ามเอง แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีงานจะต้องไปเคลียร์ให้เสร็จ ยังไงขอลาตรงนี้เลยก็แล้วกันนะครับ” อินทัชพูดแล้วยิ้มบางๆ ส่งให้ด้วย

“ครับ...ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติมา เลยไม่มีน้ำท่าต้อนรับเลย คราวหน้าเราจะต้อนรับคุณอินอย่างดีเลยนะครับ ต้องขออภัยด้วย”

“ไม่เป็นไรครับ สวัสดีครับคุณจอมพล คุณเจนจิรา…ราม ไปได้แล้ว” ประโยคสุดท้ายหันมาสั่งร่างแกร่งที่นั่งข้างๆ รามินทร์ลุกขึ้นเอ่ยปากลาผู้ใหญ่ทั้งสองท่านแล้วพาอินทัชกลับคอนโดไป ทิ้งไว้เพียงเจ้าจอมกับจุลจักรที่ยังคงอยู่ยังไม่กลับไปไหน...

“จะกินอะไรก่อนไหมเจ้าจอม” น้ำเสียงอ่อนโยนของคนเป็นแม่ถามขึ้นมา มันเป็นน้ำเสียงที่เจ้าจอมไม่ได้ยินมันมานานจนตอนนี้ดวงตาร้อนผ่าว น้ำตาจะไหลออกมาด้วยความดีใจ

เจ้าจอมรู้...ว่าแม่กำลังพยายามปรับเข้าหาเขาโดยทิ้งทิฐิที่มีออกไป ส่วนพ่อ เจ้าจอมรู้...ว่ายังไงก็ยากที่จะกลับมาอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน ก่อนที่จะรู้ว่าเขาเป็นเกย์…แต่ก็รู้สึกได้ในท่าทีที่อ่อนลง

เป็นเพราะเงิน...ที่ทำให้ครอบครัวของเรากำลังประสานรอยร้าวของแก้วเข้าด้วยกัน แม้ว่าแก้วจะไม่เหมือนเดิมก็ก็สามารถทำให้น้ำไม่รั่วไหลได้...

“กินข้าวด้วยกันก่อนไหมลูก” เธอถามย้ำอีกที

“จอมไม่ได้รบกวนเหรอครับ” ถามเสียงสั่น

ทั้งเสียงทั้งประโยคที่ถามมันสะเทือนใจคนเป็นพ่อแม่มากแค่ไหน...เจ้าจอมอาจจะไม่รู้ แต่จอมพลกับเจนจิรารู้...

“พ่อกับแม่...กล้านั่งร่วมโต๊ะกับคนน่ารังเกียจ เป็นตัวสกปรกคนนี้ด้วยเหรอครับ”

เจ้าจอมถามกลับด้วยคำครหาด่าทอที่ผู้เป็นพ่อกับแม่เคยว่าตนเอาไว้ จุลจักรทำได้แค่บีบมือคนรักเอาไว้ให้แน่นส่งกำลังใจผ่านสัมผัสที่อบอุ่นนี้ บอกกับคนรักว่ายังมีเขาอยู่ และจะไม่มีวันทิ้งไปไหน

แต่แล้วเจ้าจอมกับจุลจักรก็ไปนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารโดยที่มื้อนี้แม่ของเจ้าจอมเป็นคนทำมาให้ลูกชาย เจ้าจอมที่เห็นว่าแม่ทำของโปรดมาให้ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ตักอาหารตรงหน้ารับประทานทั้งที่น้ำตาไหลอยู่ทั้งอย่างนั้น คนเป็นพ่อหันหน้าหนีไม่มองภาพของลูกชายที่กำลังร้องไห้ ส่วนคนเป็นแม่ก็นั่งร้องไห้มองลูกชายที่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารฝีมือเธออย่างเอร็ดอร่อยแม้ว่าจะเต็มไปด้วยน้ำตาที่ใบหน้านั้นก็ตาม

“ฮึก...” เสียงสะอื้นของหญิงสาวและเจ้าจอมดังเป็นระยะ พอกินข้าวเสร็จแล้ว เจ้าจอมก็นั่งร้องไห้มองจานที่เกลี้ยงเกลาเหมือนไม่เคยใช้อย่างนั้นไม่ลุกไปไหน

พวกเขาไม่อยากให้ลูกชายลำบาก...เพราะรักมาก จึงไม่อาจทนเห็นลูกชายต้องตกระกำลำบาก แต่ในเมื่อจุลจักรในตอนนี้สามารถที่จะดูแลลูกชายของพวกเขาไม่ให้ลำบากได้ มันก็ไม่มีอะไรที่จอมพลกับเจนจิราจะต้องคัดค้านอีกต่อไป

อยากให้ลูกได้รู้...ว่าต่อให้พ่อกับแม่ใจร้ายแค่ไหน แต่ก็รัก...

รักมากกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก

“ไม่มีพ่อแม่ที่ไหน ไม่รักลูกของตัวเองหรอกนะ...”

และประโยคสุดท้ายแสนสั่นเครือที่ออกมาจากหัวหน้าครอบครัวก็ยิ่งทำให้เจ้าจอมปล่อยโฮร้องไห้เสียงดังออกมาอย่างไม่อายใคร หันไปซบไหล่คนรักเพื่อเช็ดน้ำตาของตัวเอง จุลจักรก็ลูบไหล่สั่นเทาของร่างเล็ก สลับกับมองพ่อแม่ของเจ้าจอมไปด้วย...

สายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความหวังดีและอยากขอโทษ...

แม้วันนี้จะยังไม่สามารถเป็นเหมือนเดิมได้ แต่จุลจักรเชื่อว่าสักวันความสัมพันธ์ของทั้งสามคนจะประสานต่อกันติดในที่สุด ยังซะ...สายสัมพันธุ์ทางสายเลือดก็ไม่มีวันตัดขาดได้
   
“ฝากดูแลหัวใจของเราด้วย”






100%

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

มาแล้วจ้า นานเลย 5555 เป็นเพียงจินตนาการของยูกิน้า ข้อมูลอะไรผิดพลาด เวอร์วังเกินจริง ขออภัยด้วยจ้า

ที่ผ่านมา ชีวิตวุ่นวายกับสัมมนามาก แต่ก็ผ่านพ้นไปแล้วด้วยดีไม่ต้องซ่อมด้วย เย้ๆ ส่วน อาทิตย์นี้ก็สอบไฟนอลค่า ตั้งแต่เสาร์นี้ก็จะปิดเทอมแรกแล้ว ซึ่งปิดแป๊บเดียวก็เริ่มเทอมสองซึ่งเจอวิจัย ฉะนั้น บอกเอาไว้ก่อนล่วงหน้าว่าคงหายไปอีก ^_^

มีอะไรก็ไปพูดคุย สอบถาม ติดตามข่าวสารที่แฟนเพจได้เลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/   (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 55 100% => (17/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-10-2017 21:48:16
 :เฮ้อ: โล่งใจแทนเจ้าจอมแล้วก็จักร์
ส่วนราม ก็เป็นเบี้ยล่างอินต่อไปนะ สมควร
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 55 100% => (17/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-10-2017 22:07:05
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 55 100% => (17/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-10-2017 22:36:08
 :monkeysad: ตอนนี้กินใจคนแก่เต็ม ๆ ซึ้งจังเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 55 100% => (17/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 17-10-2017 22:45:10
ไรท์ ทำซะน้ำตาซึมเบย...  :hao5:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 55 100% => (17/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 18-10-2017 00:31:55
อิน..คือดีงาม
นายนี่มันน่ารักจิงๆ
ปล. จักร บ้าจิง คนบ้า เรียนยังไงให้ได้4.0ว่ะ
นายเป็นเอเลี่ยนใช่ไม๊!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 55 100% => (17/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: chaaem ที่ 22-10-2017 22:22:42
ในที่สุดพ่อแม่จอมก็ยอมรับสักที  :o12: :o12:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 30-10-2017 18:09:24
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 56
ลอบทำร้าย




รามินทร์พาอินทัชขับรถออกจากบ้านของเจ้าจอมโดยมุ่งหน้ากลับสู่คนโดที่อยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร ระหว่างทาง ร่างโปร่งก็ถามคนขับจำเป็นไปด้วยว่า

“อามึงนี่พูดง่ายกว่าที่คิดนะ”

“ถ้าไม่มีเงินก็ไม่ง่ายหรอก”

“กูเชื่อ...แต่ท่านก็ดูรักเจ้าจอมมากนะ”

“รัก...รักลูกพอๆ กับรักหน้าตาของตัวเองนั่นแหละ” รามินทร์พูดแขวะอาทั้งสองที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของตนเล็กน้อย เพราะที่เขาพูดมันก็คือเรื่องจริง

จอมพลกับเจนจิรารักลูกชายมากและก็รักหน้าตาตัวเองมากเหมือนกัน

“มึงนี่นะ”

“กูทำไมวะอิน?”

“ก็มึงว่าญาติผู้ใหญ่ตัวเองอยู่นะเมื่อกี้”

“กูไม่ได้ว่า แค่พูดความจริง ผิดตรงไหนวะ?” คิ้วเข้มขมวดกันอย่างสงสัย

“มันบาปเว้ย”

“แล้วทีมึงไล่อาแท้ๆ ของตัวเองออกจาบริษัทล่ะ นี่ไม่บาปเลยสินะ” รามินทร์ย้อมถามกลับไป ทำเอาร่างโปร่งบางถึงกับสงสัยขึ้นมาทันทีว่าร่างสูงรู้ได้ยังไง เรื่องนี้มีแค่คณะกรรมการบริษัท ธีรไนยแล้วก็จุลจักรที่รู้เท่านั้น

ไม่ธีรไนยก็จุลจักรนั่นแหละ

“ใครบอกมึง”

“กูก็รู้เองได้มะ” หันมายักคิ้วกวนๆ ให้ ทำเอาได้รับรางวัลเป็นฝ่ามือนุ่มๆ ตบเข้าที่หัวอย่างแรง จนร้องโอ้ยออกมาเพราะเจ็บ

ผลัวะ!!

“โอ้ย!! ตบมาได้ เขาห้ามเมียตบหัวผัวนะอิน ไม่รู้เหรอว่ามันจะไม่เจริญ”

“ชีวิตคนเป็นเมียนี่น่าสงสารเนอะ ทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็จะไม่เจริญ” ประชดประชันกลับไป เรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวใหญ่กว่าทันที

“ฮ่าๆ ยอมรับแล้วเหรอว่าเป็นเมีย”

“ถึงกูไม่ยอมรับมึงก็ยัดเยียดมาให้กูอยู่ดี ไม่ใช่เหรอวะ” ตอบอย่างไม่พอใจ

“หึหึ...ก็มึงเป็นเมียกูจริงๆ นี่”

“หุบปากแล้วขับรถดีๆ ไปเลย”

“คร้าบๆ คุณเมียสุดที่รัก”

“ยังไม่หยุดอีก” ใบหน้าสวยเตรียมจะวีนเต็มที่กับความอารมณ์ดีเกินเหตุของรามินทร์ทำให้เขาหมั่นไส้

“หยุดแล้วๆ เอามือลงนะ ทุบมาหัวกูแบะ พามึงรถคว่ำตายทำไงอ่ะ ไม่ได้นะเว้ย เราต้องครองรักบนโลกมนุษย์ให้นานๆ ก่อน แล้วค่อยไปครองรักกันต่อบนสวรรค์”

ปึก!!!

กำปั้นที่กำเตรียมไว้ทุบคนปากหมาก็ไม่เป็นหม้าย เพราะทันทีที่รามินทร์พูดจบเขาก็ทุบมันลงบนไหล่แกร่งแรงๆ ไม่สนใจเลยว่ามันจะขับรถอยู่ แต่การทุบแค่นี้คงไม่ทำให้รามินทร์เจ็บจนขับรถไม่ได้หรอกนะ...

“อย่างมึงน่ะลงนรกอย่างเดียวเถอะไอ้ราม”

“ถ้างั้นที่นรกก็มีมึงด้วยใช่ไหม”

“เรื่องอะไร กูมันคนดีเว้ย ต้องขึ้นสวรรค์อยู่แล้ว” ร่างสูงโปร่งตอบด้วยความมั่นอกมั่นใจ

“ถ้าอย่างนั้นกูจะฉุดมึงมาอยู่กับกู จะไม่ปล่อยไปไหนอีกด้วย มึงต้องอยู่กับกู ไม่ว่าจะนรกหรือสวรรค์ มึงก็ต้องอยู่กับกู...”

อินทัชส่าหน้าไปมาอย่างระอาใจ หันหน้าหนีอีกคนไปยังกระจกฝั่งตัวเอง มองออกไปข้างนอกแก้เขิน...เขาไม่อยากให้มันเห็นว่าตัวเองกำลังหน้าแดงอยู่ ไม่งั้นโดนล้อตายห่า

แต่ระหว่างที่รามินทร์กลับเปลี่ยนเส้นทางไปทางซ้ายไม่ใช่ทางขวาอย่างที่ควรเป็น อินทัชก็หันมามองคนขับรถด้วยความสงสัยแล้วถามออกไปเสียงเครียด

“มึงจะไปไหน”

“ชลฯ”

“ไปทำไมชลฯ?”

“พามึงไปเที่ยวไง พักผ่อนบ้าง อยู่แต่ในคอนโดมีแต่บรรยากาศเดิมๆ น่าเบื่อออก” ร่างสูงตอบแต่เป็นคำตอบที่ทำให้อินทัชโมโหสุดๆ เนื่องจากเขาต้องสะสางงานที่เอามาทำให้เสร็จเรียบร้อย

“ไอ้เหี้ยราม!! กูมีงานเยอะแยะเลยนะเว้ย”

“แล้ว?”

“พากูกลับคอนโดเดี๋ยวนี้”

“ไม่กลับ!!” ร่างสูงขัดคำสั่งของอินทัชเป็นครั้งแรก ส่งผลให้คนตัวขาวหน้าแดงแต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะเขินแต่เป็นเพราะความโกรธ ไม่พอใจต่างหาก

“ไอ้ราม!! กูมีงานต้องเคลียร์ มึงอย่าดื้อ อย่าทำตัวงี่เง่าเป็นเด็กสิวะ”

“กูไม่ได้งี่เง่า แต่กูอยากให้มึงพัก แล้วไม่ต้องห่วง กองเอกสารของมึงกูเอามาให้หมดแล้ว ทุกอย่างเลยอยู่หลังรถ ส่วนเสื้อผ้าของมึงกูก็เก็บมาให้หมดแล้ว”

“นี่กะอยู่กี่วัน”

“กูมีรีสอร์ทที่นั่น จะพักกี่วันก็ได้ แต่ว่านี่กูจะพาไปบ้านพักริมทะเลของกู เป็นบ้านที่กูเอาไว้พักผ่อนถ้ามาทะเลน่ะ แล้วกูคิดว่ามึงจะชอบมากด้วย” ร่างสูงอวดใหญ่

ปากสวยเบะด้วยความหมั่นไส้

“ทำมาเป็นรู้ใจกู...”

“กูรู้หมดนั่นแหละ มึงคิดว่าที่เราห่างกันกูจะอยู่เฉยๆ ไง กูให้คนหาข้อมูลของมึงมาให้กูอ่าแก้คิดถึง มึงรู้บ้างไหม”

“ทำไมต้องรู้?”

“ไอ้สัตว์...ปากดี จับจูบตอนนี้ได้ไหมวะ”

“เสื่อม!!” ร่างโปร่งด่าสั้นๆ แต่ปากก็แอบยิ้ม รามินทร์เองก็แอบเห็นด้วย เลยผิวปากขับรถอย่างอารมณ์ดี ส่วนอินทัชก็ไม่รู้หรอกว่ารามินทร์อารมณ์ดีเรื่องอะไร

ใช้เวลาในการขับรถไม่นานมากนักจากกรุงเทพมาชลบุรี ก็ถึงบ้านพักที่รามินทร์บอกไว้ มันอยู่ริมทะเลจริงๆ แล้วก็ค่อนข้างเงียบ แต่ใช่ว่าจะไม่มีคนเลย มีนักท่องเที่ยวอยู่บ้างแต่ไม่เยอะเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือว่าเงียบสงบสำหรับอินทัชล่ะ ส่วนตัวบ้านก็ไม่ใหญ่มาก ขนาดมาตรฐานของบ้าน จำนวนสองชั้น แต่ด้านในตกแต่งสวยลักษณะเหมือนโรงแรมแต่ว่าเป็นบ้านส่วนตัวที่น่าอยู่มาก

“กูไม่นอนกับมึงแน่ๆ”

“แล้ว? ก็ที่นี่มีห้องเดียว ข้างบนมีห้องนอนห้องใหญ่ ห้องทำงาน ไม่นอนด้วยกันมึงจะไปนอนที่ไหน”

“มึงบอกเองว่ามีรีสอร์ท ให้กูไปนอนรีสอร์ทมึงก็ได้ กูจ่ายเงินเอง”

“ไม่ได้ นอนกับกูที่นี่แหละ”

“ไม่เว้ย!!”

“แล้วใครจะช่วยเหลือมึง คิดบ้างสิวะ ขาตัวเองยังไม่หายเลยแท้ๆ อวดเก่งจะอยู่คนเดียว” อินทัชสะอึกเถียงไม่ออก ก็เลยนั่งเงียบๆ อยู่บนโซฟาแทน

“เออ!! ขนกระเป๋ากับเอกสารของกูไปเก็บเลยไป”

“คร้าบๆ”

ร่างโปร่งนั่งมองคนตัวใหญ่ที่เดินเข้าออก ขึ้นข้างบนสองรอบ ก็ได้แต่ยิ้ม...ที่ผ่านมามีแต่มันที่สั่งที่บังคับให้เขาทำในสิ่งที่มันต้องการมาตลอด แต่มาในวันนี้ รามินทร์มันยอมเขาเกือบทุกอย่างเลย

มันยอม...ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะยอมได้

“เสร็จยัง พากูไปทำงานเลย”

“อะไรวะ มาถึงก็ทำงานนี่นะ มึงไม่โดนวิว บรรยากาศชักนำให้ขี้เกียจบ้างเลยเหรอ?” ร่างสูงถาม

“กูมีความรับผิดชอบ ถ้างานไม่เสร็จกูก็ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นพากูไปทำงานให้เสร็จเดี๋ยวนี้!!”

“เออๆ”

พรึ่บ!

อินทัชชินแล้วล่ะที่จะต้องถูกอุ้ม ชินแล้วที่จะต้องเอาแขนตัวเองคล้องคออีกคนกันไม่ให้ตก แต่มีอย่างเดียวที่เขาไม่ชินคือสายตาตอนที่มันอุ้มเข้านี่แหละ

มองเหมือนกูเป็นเจ้าสาวของมึงไปได้...เหี้ยเอ้ย เขินชะมัด

“มองไร?” ถามกลบเกลื่อนความอายไปงั้นแหละ

“มองมึง...เมื่อไหร่จะได้จูบเสียที”

“ไอ้บ้า! คิดแต่เรื่องแบบนี้หรือไงวันๆ”

“มึงคิดว่ากูตายด้านเหรอ...อยู่กับมึงทุกวันแต่ทำอะไรไม่ได้ กอดก็ไม่ได้ จูบก็ไม่ได้ แม้แต่หอมแก้มมึงยังไม่ให้กูเลยอ่ะ กูป็นผู้ชายนะเว้ย มีความต้องการเหมือนกัน มึงจะสงเคราะห์ ทำบุญให้กูบ้างไม่ได้เหรอวะ?”

“อ้าว? คิดว่าตายด้านเสียอีก หึหึ...ไม่ได้เว้ย!! ไม่ให้ทำเด็ดขาด เข้าใจนะ?”

“ไม่เข้าใจ...กูจะทำ แล้วจะแอบทำด้วย อย่าเผลอก็แล้วกัน”

ถ้าจะแอบทำแล้วจะบอกกู ให้กูระแวงเพื่อ?

รามินทร์อุ้มอินทัชขึ้นไปข้างบนแล้วพาไปยังห้องๆ หนึ่ง พอเข้าไปก็พบว่ามันเป็นห้องทำงานเหมือนกับห้องทำงานที่บริษัทของเขาแต่มันเป็นกระจกด้านเดียว เห็นวิวทะเลอย่างชัดเจน ดวงตาสวยมองมันด้วยประกายแวววาว ดีใจและชอบใจที่สุด

ที่มันบอกว่าเขาจะชอบ...ก็ชอบจริงๆ ด้วย

“ชอบล่ะสิ นี่เป็นห้องทำงานของกูเองแต่กูจะยกให้มึงก็แล้วกัน หวังว่าจะทำให้มึงผ่อนคลายนะ กูเห็นมึงนั่งทำงานด้วยหน้าเครียดๆ ทุกวันเลย”

ความเอาใจใส่ของรามินทร์ทำให้ร่างโปร่งบางหวั่นไหวเอามากๆ หัวใจเต้นแรง มองคนตัวสูงกว่าด้วยสายตาที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามองอีกคนยังไง ส่วนร่างสูงก็พาเขาไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ของตน ที่มีงานของเขาอยู่เต็มโต๊ะของเจ้าของบ้านไปแล้วเรียบร้อย

“อืม...กูชอบ ขอบคุณนะ”

“คำขอบคุณนี่ขอดีพคิสแทนได้ป่ะ” ถึงจะถามแบบเล่นๆ แต่ก็อยากได้จริงๆ นะ ถ้าได้ก็จะดีใจมากๆ เลยล่ะ ทุกวันนี้เขาดูแลอินทัช ถามว่าเหนื่อยไหม ก็เหนื่อยแหละ แต่มีความสุขมากกว่า อินทัชมีความสุขที่อยู่กับอินทัช แม้จะโดนด่า โดนจิกใช้อยู่ตลอดเวลา แต่ก็มีความสุข

ได้ทำอะไรให้คนที่รักแบบนี้ รามินทร์มีความสุขที่สุดแล้ว

“ขอมากไปแล้วมึง”

“มากตรงไหนวะ ทำอย่างกับมึงไม่เคยจูบใครงั้นแหละ จะอายอะไร”

“เพราะมึงไง...มึงมันไม่น่าไว้ใจ”

“กลัวกูไม่จบที่จูบ? ไม่ต้องห่วง มึงก็ปฏิเสธกูดิวะ หรือว่ากลัวเคลิ้มจนปฏิเสธไม่ได้กัน แบบนั้นก็ดีนะเว้ย ดีสำหรับกูเลย หึหึ” ร่างสูงพูด ดวงตามคมมองร่างโปร่งอย่างจาบจ้วง เลียริมฝีปากของตัวเอง อินทัชหันหน้าหนีภาพนี้เพราะร่างแกร่งดูเซ็กซี่จนเกิดอาการวูบวาบเลย

อินทัชเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความอดทนต่อการยั่วยวนเท่าไหร่นัก เพราะถ้าใครยั่วยวนหรือเสนอตัวมา เขาก็รับไว้แบบไม่มีข้อกังขา แต่ก็เลือกบ้างไม่ใช่ทุกคน

ยิ่งคนที่ตัวเองรักยั่วแบบนี้...ร้อยทั้งร้อยก็ยั่วขึ้นนั่นแหละ

“เป็นอะไร?”

รามินทร์ถาม ขมวดคิ้วแน่นอย่างสงสัยที่เห็นว่าอินทัชทำหน้านิ่งๆ แล้วหันหน้าหนีด้วย ไม่มองหน้า ไม่มองตาเขาก็ชักจะแปลกใจว่าไปทำอะไรให้โกรธหรือเปล่า

“เปล่า”

“แล้วหนีหน้ากูทำไม?”

“กูแค่กำลังรวบรวมสมาธิทำงาน”

“เหรอ...ทำไมกูรู้สึกว่ามึงกำลังหลบหน้ากูมากกว่ารวบรวมสมาธิวะ”

“ถ้าว่างมากนักก็ไปหาอะไรให้กูกินไป ไม่ต้องมายืนจับผิดกันแบบนี้” อินทัชเห็นว่าถ้าจะแย่เพราะตอนนี้ตัวเองก็ยังไม่กล้ามองหน้าของรามินทร์เลย กลัวว่าร่างสูงจะเห็นอะไรบางอย่างในแววตาของเขา

คนอย่างอินทัชถ้าหากว่าต้องการแล้วจะแสดงออกทางแววตาได้ชัดเจนมากๆ ไม่งั้นไม่หนุ่มๆ สาวๆ ไม่หลงใหลเขาหรอก เพราะสายนี้ของอินทัช ไม่ว่าใครเห็นก็ต้านไม่ไหวหรอก...

“กูไม่เคลียร์ว่ะ”

“โอ้ย!!! วุ่นวายจังวะ!”

“หิวเหรอ” รามินทร์ถามเสียงอ่อยที่เห็นร่างโปร่งหงุดหงิด “ไม่หงุดหงิดดิ เรามาพักผ่อนนะ”

“มึงก็อย่าทำให้กูหงุดหงิดดิ” ไหนๆ ก็เข้าใจว่าเขาหงุดหงิดไปแล้วก็เลยตามเลยก็แล้วกัน

“ขอโทษๆ เดี๋ยวจะไปหาอะไรมาให้กินนะ นั่งทำงานไป ถ้าต้องการอะไรก็โทรไป กูจะไปซื้อของข้างนอก” รามินทร์ยอมแล้ว เพราะไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักโมโห

เดี๋ยวจะเสียบรรยากาศเปล่าๆ

“เอาคาปูเย็นมาให้ด้วยก็แล้วกัน”

“กาแฟอีกแล้ว”

“ถ้าไม่ให้กูกินกาแฟ จะให้กูกินอะไรไม่ทราบ” ถามร่างสูงกลับไป

“นม...หรือไม่ก็โกโก้”

“ไม่เอา! กูจะกินกาแฟ”

“โอเค กาแฟก็กาแฟ”

“รีบมาด้วยล่ะ กูอยากกินแล้ว”

“คร้าบ...” รามินทร์ออกไปจากห้องทำงานทันที ทิ้งให้ร่างโปร่งบางอยู่คนเดียวตามลำพังในบ้านหลังนี้ แม้ว่าเจ้าของบ้านจะไม่ค่อยมาอยู่เท่าไหร่ แต่ก็มีคนดูแลบ้านให้และทำความสะอาดตลอด ซึ่งจะพร้อมใช้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องเสียเวลาสั่งล่วงหน้าเลย

“ถ้ามีไม้ช่วยพยุงก็ดีสิ” ร่างโปร่งพึมพำ มองไปยังวิวข้างหน้า โต๊ะทำงานหันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่ที่ทำให้สามารถมองเห็นวิวทะเลรอบๆ นี้ได้ ส่วนหลังก็หันให้ประตูแทน ไม่เหมือนกับที่ทำงานในบริษัท จะหันหลังให้วิวข้างนอก หันหน้าหาประตูห้อง

มันก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายไปอีกแบบ เพราะเขาทำงานไปด้วย เงยหน้ามองทะเลไปด้วย มันทำให้เขารู้สึกว่างานที่ทำอยู่มันง่ายขึ้นเยอะเลย

เพราะสมองของเขาผ่อนคลายสินะ...


Rrrrrr…

“เบอร์ใครวะ?” อินทัชพึมพำ แต่ก็กดรับสายเผื่อเป็นรามินทร์ เพราะเขาเองก็เคยเห็นว่าร่างสูงมีโทรศัพท์หลายเครื่องก็คิดว่าคงใช้เบอร์ที่ไม่ได้บันทึกให้เขาโทรมา

(สวัสดีหลานรัก...ไม่ได้คุยกันนาน สบายดีนะ)

ใบหน้าหวานเผยความเครียดออกมาอย่างชัดเจน หยุดงานทุกอย่างแล้วตั้งใจกับปลายสายที่โทรมา

“ผมสบายดีครับอา ตั้งแต่ที่อาทำให้ผมขาเดี้ยงเนี่ย ผมก็สบายสุดๆ ไปเลยล่ะครับ” ร่างโปร่งตอบกลับไปแบบประชดประชัน แต่ปลายสายกลับหัวเราะอย่างมีความสุข

ตั้งแต่วันที่รามินทร์มาจนวันนี้ก็ประมาณอาทิตย์กว่าได้ที่เทพากรไม่มีความเคลื่อนไหวเลย แต่ดันมาเคลื่อนไหวในวันที่เขาออกนอกสถานที่ แสดงว่าอินทัชถูกจับตามองใกล้ๆ ตลอดเวลาสินะ

(ฉันก็ดีใจที่แกสบายดีอยู่ เพราะนับจากวันนี้ไป...แกจะไม่ได้สบายดีอย่างนี้แล้ว)

“ทำไมครับ อาจะทำอะไร”

(บอกไปแกก็รับมือได้น่ะสิ แกมันพวกเก่งและฉลาดนี่ แล้วเรามาคอยดูกันว่าความต่างของอายุใครมันจะได้เปรียบเสียเปรียบ ฉันรู้จักโลกนี้มาก่อนแกตั้งนาน รู้หมดว่าเล่นสกปรกน่ะมันต้องทำยังไง ไอ้คนที่ทำงานแบบเด็กๆ อย่างแกน่ะ ไม่มีทางสู้ฉันได้หรอก)

“ครับ...ผมเล่นสกปรกไม่เป็น แต่ผมสามารถนำบริษัทพัฒนาไปได้ไกลกว่าอาก็แล้วกัน”

(ไอ้เด็กนี่...)

“อานี่ยังไม่สำนึกอีกนะครับ ว่าการที่ผมยกหนี้ให้ทั้งหมดโดยไม่ฟ้องร้องอาเนี่ย มันเป็นเพราะผมเห็นแก่หน้าของอา แต่อาก็ยังทำร้ายผม คิดว่าผมจะเป็นคนดีมากพอไม่เอาเรื่องกลับเหรอครับ”

(เฮอะ!! คิดว่ามีผู้ชายคู่ขาของแกอยู่ด้วยแล้วฉันจะทำอะไรไม่ได้ แกคิดผิดแล้วล่ะ)

ใจของอินทัชกระตุกวาบที่เทพากรู้ว่ารามินทร์อยู่กับเรา แสดงว่าตอนนี้ก็คงจับตาดูอยู่ใกล้ๆ

“อาคิดจะทำอะไร ถ้าจะเล่นสกปรกก็ทำที่ผมคนเดียว อย่ายุ่งกับคนที่เขาไม่รู้เรื่องด้วย” อินทัชร้อนใจจนเผยจุดอ่อนออกไป เรียกเสียงหัวเราะสะใจจากปลายสายได้ทันที

(ฮ่าๆ มันสำคัญกับแกจริงๆ สินะ โง่ชะมัดเลย นี่แหละฉันถึงได้บอกว่าแกมันอ่อนหัด)

ไอ้โง่อินเอ้ย!!!

ถึงได้บอกไงว่าถ้ามีความรักเมื่อไหร่ คนที่เคยเก่งกาจ ทำอะไรก็ชนะ สำเร็จไปซะทุกเรื่อง ก็สามารถอ่อนแอจนเผยให้เห็นจุดอ่อนของตนเองได้

“ผมขอร้อง”

(ทีฉันขอร้องแกล่ะ แกยังไม่เห็นใจฉันเลยไอ้อิน!!)

ทีใครทีมันสินะ...

“ถ้าอาทำอะไรมันแม้แต่นิดเดียวผมก็จะไม่เห็นแก่ความเป็นญาติของเราจริงๆ ด้วย” อินทัชพูดบอกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าของเขาตอนนี้ถ้าใครได้เห็นคงจะต้องกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้แน่ๆ

อินทัชเป็นคนที่สุภาพ แต่ถ้าโกรธแล้วก็น่ากลัว เพราะความน่ากลัวของเขามันอยู่ลึกมาก ใครก็เดาไม่ได้ว่าอินทัชคิดอะไรอยู่ และเห็นอ่อนโยนแบบนี้ เขาก็เลือดเย็นเป็นเหมือนกัน

(ฉันก็ไม่เคยเห็นแกเป็นญาติมาตั้งแรกแล้วไอ้อิน!! แกเป็นศัตรูของฉันตั้งแต่แกเกิดมาแล้ว!!!)

อินทัชไม่ได้นึกเสียใจหรอกที่ได้ยินประโยคแบบนี้ออกมาจากปากของผู้เป็นอา เพราะเขาก็รู้มาตลอดว่าอาไม่ชอบขี้หน้าของเขาเท่าไหร่ ตั้งแต่จำความได้ก็ไม่ค่อยได้คุยกับผู้เป็นอาเท่าไหร่ แม้ว่าจะทำงานอยู่ในบริษัทก็ตามเขาก็ไม่คิดที่จะพูดคุยกับอามากไปกว่าถามเรื่องงานเพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ...ผมจะได้ไม่เกรงใจ”

(ทำให้ได้อย่างที่ปากว่าก็แล้วกัน อ้อ!! ฉันมอบของขวัญเป็นการเปิดศึกของเรานะหลานรัก...หวังว่าแกจะชอบของขวัญที่ฉันมอบให้ อ้อ!! ฉันดูแกอยู่ใกล้ๆ นี่แหละ แล้วไม่ต้องมองหา แกไม่มีทางรู้...บอกใบ้ให้นิดๆ ก็ได้ว่าของขวัญคืออะไร คนที่แกรัก...ฮ่าๆ) ปลายสายพูดจบก็วางสายไปทันที ทิ้งให้เขามองโทรศัพท์ด้วยความเครียดและกังวล เห็นทีว่าเรื่องนี้จะใหญ่กว่าที่คิด

“คนที่รักงั้นเหรอ? หมายถึงใครวะ” ร่างโปร่งพยายามคิดว่าของขวัญที่ฝากเอาไว้กับคนที่เขารักมันคืออะไร แล้วคือใคร...

พ่อ...แม่...พี่แอน...ไอ้ธีร์...

“ไอ้ราม...”





มีต่อ
.......
.....
...
.

หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 30-10-2017 18:10:19
.............
........
...
.


“ไอ้ราม...” อินทัชพึมพำออกมาแล้วเปิดโทรศัพท์หาเบอร์ของรามินทร์ที่ถูกเจ้าของเบอร์แอบบันทึกเอาไว้ด้วยความร้อนใจ...เมื่อเจอแล้วเขาก็กดโทรออกทันที ไม่ได้สนใจเลยว่ามันจะบันทึกไว้ในชื่ออะไร เพราะความเป็นห่วงของเขามันมีมากกว่าที่จะมาสนใจเรื่องเล็กๆ น้อย

‘ที่รักของอิน’

“รับสายกูสิไอ้ราม รับสิ...”

เขาโทรออกจนสายตัดไปห้ารอบร่างสูงก็ไม่ยอมรับสาย จนอินทัชกังวลจนแทบบ้า ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพยายามเดินอย่างช้าๆ ไม่ให้ขาที่แพลงต้องรับน้ำหนักมากๆ แต่เมื่อถึงประตูห้อง มันก็ถูกเปิดออกก่อนที่อินทัชจะเป็นคนเปิด ปรากฏให้เห็นรามินทร์อยู่ตรงหน้าของเขาพอดี

“ลุกมาทำไม?” ถามเสียงดุๆ ตวัดกายบางขึ้นอุ้มแล้วพาเดินลงไปข้างล่าง

อินทัชตกใจแต่ก็โล่งใจเพราะรามินทร์ยังอุ้มเขาได้แบบนี้แสดงว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ตาสวยมองสำรวจที่ใบหน้าของรามินทร์ที่ดูนิ่งๆ เหงื่อเกาะเต็มใบหน้าราวกับไปวิ่งมา...หากแต่ก็ไม่มีรอยแผลอะไรเลย

“เฮ้อ...”

“ถอนหายใจ เป็นอะไร แล้วเมื่อกี้มึงลุกทำไม ไม่อยากหายเหรอ” น้อยครั้งมากที่รามินทร์จะกล้าดุอินทัชแบบนี้ แต่คราวนี้รามินทร์ไม่พอใจจริงๆ เพราะอินทัชทำอะไรไม่นึกถึงขาของตัวเองเลย ถ้าเจ็บกว่านี้จะทำยังไง...

“เปล่า...กูโทรหามึงตั้งห้าครั้งแต่มึงไม่รับสายกูเลย กูก็แค่อยากจะลงไปข้างล่าง”

“กูเอาอีกเครื่องไป เครื่องที่บันทึกไว้ให้มึงกูลืมไว้ในกระเป๋าน่ะ”

“อ๋อ...ราม” ร่างโปร่งครางเข้าใจ ก่อนจะเรียกร่างสูงเบาๆ

“ว่าไงหืม”

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม” สิ้นคำถามนี้ร่างสูงชะงักเล็กน้อยก่อนจะเดินลงบันไดต่อไป เพียงเท่านี้อินทัชก็รู้แล้วว่ารามินทร์ต้องเจออะไรมาแน่ๆแต่ไม่ยอมบอกเขา

“ไม่มีอะไรนี่”

“แล้วทำไมเหงื่อเต็มหน้า มึงไม่มีรถขับหรือไง” ร่างโปร่งคาดคั้น หากแต่ร่างสูงก็ไม่ตอบ กระทั่งวางเขาลงบนเก้าอี้ตรงโต๊ะรับประทานอาหารนั่นแหละ เขาถึงได้ตอบอินทัชให้หายสงสัย

“กูแค่รีบมาเพราะมึงดูเหมือนจะหิว”

เป็นคำตอบที่คิดมาแล้วสินะ...อินทัชรู้ว่านี่ไม่ใช่คำตอบที่แท้จริงของร่างสูง แต่ก็เงียบเอาไว้ก่อน เขาใช้สายตาสำรวจความผิดปกติเองเอาก็ได้...

ร่างสูงกว่าก็จัดการตักข้าวให้กับเขา ยื่นคาปูชิโน่เย็นมาให้กับอินทัชแล้วยิ้มออกมาเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่มันดูเหมือนมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแท้ๆ

รามินทร์มันโกหกไม่เก่ง ไม่มีใครบอกมันหรือไงกัน...

“กินได้เลย อาหารของร้านนี้อร่อยมากนะ กูแนะนำเลย แล้วถ้ามึงชอบ ตอนเย็นเราไปนั่งกินที่ร้านกัน บรรยากาศดีอย่างนี้เลย” ร่างสูงบอกกับคนตรงหน้า สีหน้าเป็นเหมือนปกติแล้ว แต่ก็กลบสายตาที่มีแต่ความกังวลนั่นไม่ได้

“แล้วแต่มึง”

“กินเยอะๆ นะ”

“อื้อ”

ทั้งสองลงมือรับประทานอาหารกลางวัน โดยที่มีรามินทร์คอยตักนั่นตักนี่ให้เหมือนเดิม ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข ดูแลร่างบางอย่างไม่ขาดตกบกพร่องอย่างเดิม...

หรือว่าอาเทพจะไม่ได้ทำอะไร แค่พูดให้เราพะวงไปงั้นๆ

ไม่สิ! ท่าทางตอนแรกของรามมันบอกว่ามีชัดๆ


ทานข้าวเสร็จก็กลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง ร่างแกร่งทำท่าจะผละออกมาหากแต่เจ้าของใบหน้าสวยกลับสั่งให้หยุดอยู่กับที่ กลายเป็นว่าตอนนี้รามินทร์กำลังยืนค้ำหัวของอินทัชอยู่อินทัชที่นั่งเก้าอี้อยู่เอื้อมมือไปเปิดเสื้อของอีกคนทันที แต่รามินทร์กลับเร็วกว่าคว้าข้อมือขาวเอาไว้

หมับ!

“ทำอะไรวะอิน”

“ปล่อย...กูจะดู”

“ดูอะไร มึงนี่ลามกเนอะ อยากจะดูก็บอกดีๆ กูก็เปิดให้มึงดูแล้วน่า” ร่างสูงแซวอย่างอารมณ์ดี

“ปล่อย...” แต่อินทัชไม่ได้สนุกด้วย เขาสั่งเสียงเข้ม แบบที่รามินทร์จำเป็นต้องยอมปล่อย ให้คนสวยดูหน้าท้องใต้ร่มผ้าของตน

“ไหนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วรอยช้ำที่ท้องหมายความว่ายังไง มึงโดนซ้อม...แต่มึงก็ปิดกู นี่เหรอคือคนที่บอกว่ารักกู อยากอยู่กับกู แค่เรื่องนี้มึงยังไม่บอกกูเลย แล้วถ้าเราคบกันไป มึงจะไม่โกหกกูหนักกว่านี้เหรอวะราม” อินทัชเอ่ยเสียงราบเรียบ เงยหน้าสบตากับคนที่ยืนอยู่ด้วยความรู้สึกน้อยใจและผิดหวัง

ผิดหวังที่มันโกหกเขา...

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะอิน กูขอโทษ...อย่าโกรธกูเลยนะ” รามินทร์ที่รู้ตัวว่าผิดก็ทรุดนั่งคุกเข่าที่พื้น คว้ามือขาวมากุมเอาไว้แล้วยกมันขึ้นจูบเบาๆ ที่หลังมืออย่างง้องอน

อินทัชใจอ่อน...เม้มปากแน่น

“กูไม่อยากให้มึงกังวลหรือเครียด เพราะทุกวันนี้มึงก็เครียดมากอยู่แล้ว”

“แต่ที่มึงเจ็บตัวมันเป็นเพราะกู ไม่ได้การแล้ว มึงกลับเพชรบูรณ์ไปเลยนะราม ไม่ต้องมาอยู่ใกล้กูแล้ว เดี๋ยวกูจะให้คนมาดูแลแทน มึงอยู่แล้วจะได้รับอันตรายไปด้วย”

อินทัชไล่ร่างสูงด้วยความเป็นห่วง แต่คนตัวสูงกว่าสติหลุดไปตั้งแต่โดนไล่แล้ว ประโยคหลังๆ ก็เลยไม่เข้าหัว เขาสบตากับดวงตาอย่างก้าวร้าว

“ไม่ไป กูจะอยู่กับมึง...อินอย่าไล่กูนะ กูขอโทษที่โกหก กูขอโทษ จะไม่ทำอีกแล้วนะ แต่อย่าไล่กูนะ กูขอร้อง กูรักมึง อิน...กูรักมึง” ร่างสูงเอ่ยร้อง คว้ามือของเขาเข้าไปจับเอาไว้แน่น ทั้งเขย่า ทั้งจูบ จนร่างโปร่งนิ่งไปอย่างตกใจ

“เดี๋ยวราม...มึง ฟังที่กูพูดจบหรือเปล่า?” ทำไมถึงได้สติแตกไปขนาดนี้วะ

“ไม่...อย่าไล่กูนะ กูอยากอยู่กับมึง ให้กูอยู่กับมึงนะอิน นะครับ อย่าไล่กันเลยนะ”

อินทัชพอจะเข้าใจแล้ว...รามินทร์ได้ยินแค่ช่วงแรกแน่ๆ ส่วนหลังๆ ที่เขาพูดมันคงไม่ได้ฟังเพราะสมาธิหลุดไปแล้ว แบบนี้มันทำให้เขารู้ว่ารามินทร์อ่อนไหวได้ง่ายกับเรื่องของเขามากขนาดไหน

แล้วดูตอนนี้สิมันไม่พร้อมที่จะฟังอะไรทั้งนั้นแหละ...เฮ้อ!

“ราม...โอเคๆ ไม่ไล่ ไม่ต้องไปไหนแล้ว อยู่ด้วยกันเนี่ยแหละ ลุกขึ้นๆ”

“จริงๆ นะ มึงไม่ไล่กูแล้วนะ”

“อือ...แต่ถ้ามึงยังโกหกกูอีก ก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก โอเคนะ”

“ไม่โกหกแล้ว จะไม่โกหกแล้ว ขอบคุณนะ ขอบคุณ”

จุ๊บ!

ขอบคุณก็จูบมือ ขอโทษก็จูบ ขอร้องก็จูบ...

“ลุกขึ้นเถอะ แล้วเจ็บมากไหมที่ท้องน่ะ มันช้ำมากเลย มึงไปหาหมอเถอะ หรือไปเอาน้ำแข็งมาประคบ หายามาทาเอา” อินทัชสั่ง สีหน้าดูเป็นห่วงรามินทร์มากและก็รู้สึกผิดด้วยที่เป็นต้นเหตุทำให้รามินทร์ต้องเจ็บตัว

“กูจะไปเอายามา แต่มึงทาให้ได้ไหม” รามินทร์เงยหน้าถามทั้งขอร้องและอ้อนวอนอยู่ในที จนอินทัชใจอ่อนแล้วก็อ่อนใจด้วย

เหมือนเด็ก...ไอ้รามตอนที่กำลังกลัวเหมือนเด็กมากๆ

นี่มันรักเราขนาดไหนกันนะ ถึงได้แสดงท่าทางแบบนี้ได้

“อืม...” พยักหน้ารับนิดๆ แต่คนที่เจ็บตัวก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจก่อนจะลุกขึ้น แต่ลุกรวดเร็วไปหน่อยเลยเซไปข้างหลังนิดๆ มือกุมท้องเพราะสะเทือน แต่ก็ยังยิ้มหวานให้กับอินทัชแล้วรีบออกจากห้องไปทันที

ส่วนอินทัชก็หันไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองก่อนจะโทรออกไปเบอร์ของเทพากรทันที

“ผมปลื้มกับของขวัญมากครับ ขอบคุณที่ฝากมานะครับ แต่คราวหลังไม่ต้อง ผมไม่ต้องการ เอาไว้แจกให้กับคนของคุณอาเถอะ อ้อ! เอาไว้มีโอกาสเหมาะๆ เมื่อไหร่ ผมจะส่ง ‘ของขวัญ’ กลับไปคืนให้นะครับ”

(ฮ่าๆ เอาสิ อาจะรอนะหลานรัก หึหึ นี่แค่ทักทายนะ อาจจะมีคอมโบเซ็ทไปให้)

“ผมไม่อยากได้หรอกครับ เอาไว้ให้ตัวเองเถอะ”

(ทำไม เจ็บใจเหรอ ที่ฉันทำให้คนที่แกรักเจ็บตัวน่ะ)

“อาทำได้แค่นี้เหรอครับ จริงๆ แล้วไอ้รามมันถึกจะตายไป แค่นี้มันไม่เจ็บอะไรหรอก แล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ด้วย แต่คงไม่มีคราวหน้า!” อินทัชบอกกลับไป น้ำเสียงเดียวกับที่ไล่เทพากรออกวันนั้นไม่มีผิด

มันเย็นยะเยือกที่ขนาดคนที่เดินเข้ามาอย่างรามินทร์แอบกลืนน้ำลาย แต่ก็ใจเต้นดีใจที่อินทัชปกป้องเขา ตอนที่รามินทร์กำลังโดนดักทำร้ายก็คิดว่าเป็นพวกนักเลงแถวนี้ แต่ว่ามันก็ไม่ได้เอาเงิน หรือของมีค่าของเขาไปเลย ก็เริ่มแปลกใจว่าตัวเองไปทำให้ใครเขาแค้นหรือเปล่า แต่ก็รีบวิ่งหนีกลัวพวกมันจะกลับมาซ้อมอีก

พอกลับมาถึงบ้านก็ต้องทำตัวเป็นปกติทั้งๆ ที่เจ็บท้องจะตายห่า มาได้ยินว่าอินทัชไล่กลับอีก กลัวจนเขาจะเป็นบ้าไปเลย...สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  ทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ข้างๆ กับอินทัช

“คิดจะทำอะไรคนที่ผมรักไม่ว่าจะพ่อ แม่ พี่แอน รับรองได้ว่าอาได้ลงข่าวหน้าหนึ่งแน่ๆ สารพัดเลยล่ะครับที่สังคมเขาจะครหาอา ที่แน่ๆ คือความชั่ว ที่ทำกับพี่ชาย พี่สะใภ้ แล้วก็หลานแท้ๆ ของตัวเอง”

(แกนี่ปากจัดดีนะ แต่เอาเถอะ ปล่อยให้แกดีแต่ปากไป)

“อาก็คอยดูแล้วกันครับ ว่าอินทัชคนนี้...มีดีแต่ปากหรือเปล่า”

ร่างสูงโปร่งวางสายไปแล้วหมุนเก้าอี้กลับมาเผื่อว่ารามินทร์จะมาแล้ว พอหันมาก็สะดุ้ง ผงะไปด้านหลังที่เห้นว่าร่างสูงยืนยิ้มกรุ้มกริ่มส่งมาให้ตัวเอง

“มองอะไร ยิ้มทำไม เข้ามาตอนไหน”

“ทีละคำถามได้ไหม ตอบไม่ทัน”

มึงแพ้แล้วอิน แพ้อะไรกูก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือแพ้ใจตัวเองนี่แหละ

“ไม่อยากรู้แล้ว เอายามา รีบทาจะได้ไปพักซะ”

“ครับผม”

ร่างแกร่งเดินเอายามาให้อินทัช มือขาวหยิบมาเปิดบีบยาใส่นิ้วแล้วเปิดเสื้อยืดของรามินทร์ขึ้น แล้วสั่งให้ร่างสูงกว่าจับมันไว้ รามินทร์ก็ทำตามที่สั่งอย่างว่าง่าย

“หุ่นกูดีมะ”

“งั้นๆ”

“หึหึ จริงๆ ก็แอบหวั่นไหวล่ะสิ”

ทำมาเป็นรู้ดี...แค่ทายาตอนนี้มือกูก็สั่นจะตายห่าอยู่แล้ว คนบ้าอะไรมีกล้ามหน้าท้องเป็นลอนเลย ทำไมกูไม่มีแบบนี้บ้างวะ เห็นทีว่าจะต้องเข้าฟิตเนสบ้างแล้วล่ะมั้ง

ปลายนิ้วแต้มยาแล้วลูบไปทั่วๆ รอยช้ำวงใหญ่จนน่ากลัวเบาๆ 

“เสร็จแล้ว...”

“ขอบคุณมากนะครับ”

“ไม่ต้องมาพูดเพราะ”

“หวั่นไหวล่ะสิ กูรู้ว่ามึงจะใจอ่อนก็ต่อเมื่อกูพูดเพราะๆ”

“ใครๆ ก็ชอบคนพูดเพราะๆ ทั้งนั้นแหละ หรือว่ามึงไม่ชอบ?” อินทัชถามกลับไป รามินทร์ใช้สะโพกหนาของตนพิงกับโต๊ะทำงาน ก้มหน้ามองอินทัชที่เลื่อนเก้าอี้ถอยให้ห่างจากรามินทร์ออกไป

“กูชอบ...”

“นั่นไง”

“ชอบทุกอย่างที่เป็นมึง รักทุกอย่างที่มึงเป็น”

“จะอ้วกว่ะ ไปนอนพักไป กูจะทำงานต่อ”

“ก่อนไปนอนกูขอถามหน่อยนะว่ามึงจะเอาไงต่อกับอาของมึง” รามินทร์ถามอย่างจริงจัง ส่วนอินทัชก็กอดอกสบตากับคนตัวใหญ่ แววตาราบเรียบ เอาจริงเอาจังจนร่างสูงคิดว่ามันน่าหลงใหล

“เดี๋ยวมึงก็รู้เองแหละ”

“ให้กูช่วยอะไรไหม”

“ไม่เป็นไร เรื่องภายในครอบครัว กูจัดการได้” แม้จะเป็นการปฏิเสธแบบทันทีและไม่รักษาน้ำใจ แต่รามินทร์ก็ไม่ได้เสียความรู้สึกเพราะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องในครอบครัว ถ้าหากว่าเขาเป็นอินทัช เขาก็คงจะทำแบบเดียวกัน...

รามินทร์ทำได้แค่อยู่ข้างๆ และเป็นกำลังใจให้เท่านั้น






100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

รามเป็นคนหลงเมียเข้าขั้นรุนแรงมากกกกก อ่านแล้วเม้นท์ให้ด้วยเด้อ

มีอะไรพูดคุยกันได้ที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-10-2017 18:54:41
 :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-10-2017 19:55:18
ทั้งรัก ทั้งหลง รามเอ๊ยย
ลูกไก่ในกำมืออินมากๆ
อยากเห็นอินร้าย!!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 30-10-2017 21:21:30
อิน สู้ๆ นะ มีรามอยู่ข้างๆ ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
ส่วนอีตาคุณอานะเหรอ  :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-10-2017 00:30:49
 :เฮ้อ:


เหนื่อยยยยยยยยยยยแทนนนนนน
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-10-2017 02:23:16
อาของอินคนนี้ ท่าทางจะเลวสุด ๆ ไปเลย ทำไมคนแก่ไม่อยากให้หลานอินกับหลานรามไปยุ่งด้วย แต่อยากให้หลานธีร์ช่วยไปยุ่งแทน  :m26:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-10-2017 20:50:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-11-2017 08:46:18
รามอาการหนักนะ ฟังอย่างอื่นบ้างเหอะ แต่ก็ได้ใจอิน

อินทัชน่าสงสารนะ คนในครอบครัวแท้ๆ ยังทำกันได้ลง

รามโดนจัดไปเต็มๆ แต่ก็ดี ทำให้รู้ว่าห่วงกัน

จักรจอมมีโอกาสแล้ว คืบหน้ามากค่ะ ยี่สิบล้านไม่ยากแล้ว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 04-11-2017 10:02:14
รามอาการหนักไปปะ  เฮ้อเข้าใจนะ  ต้องง้ออิน ทำไมอาของอินเป็นแบบนี้ ไม่สำนึกเลยสินะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 05-11-2017 23:41:54
ยังรอ...
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 56 100% => (30/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 09-11-2017 23:57:28
ยูกิ เราคิดถึง...
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 57 100% => (12/10/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 12-11-2017 23:00:05
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 57
รักเปิดเผย





เขาค้อ, เพชรบูรณ์

ขรรค์ลุกขึ้นจากเตียงกว้างที่ว่างเปล่าไร้คนนอนข้างกายเนื่องจากคนรักอยู่เวรดึกจนตอนนี้เจ็ดโมงเช้าก็ยังไม่ออกเวร ร่างแกร่งเลยตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะรับคนรัก มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพแล้วที่เวรของหิรัญถูกเปลี่ยนใหม่ มันเป็นเหตุมาจากเขานั่นแหละ ที่ขรรค์โดนยิงแล้วหิรัญก็ลากะทันหันไปอาทิตย์กว่า ก็เลยทำหิรัญถูกเปลี่ยนเวรให้เข้าดึกแทน

ทั้งขรรค์และหิรัญก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะยอมรับในข้อนี้ได้ แม้ว่าจะไม่ได้นอนด้วยกันในตอนกลางคืนก็ตามที เวลาอยู่ด้วยกันก็น้อยลงเพราะขรรค์นอนตอนกลางคืน หิรัญนอนตอนกลางวัน มีเวลาอยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น

“มารับหมอเงินเหรอคะ” พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าร่างสูงใหญ่มานั่งรอหิรัญอย่างเช่นทุกวัน ซึ่งมันเป็นภาพที่หมอ พยาบาล คนไข้ และพนักงานทุกคนเห็นจนชินตาไปแล้ว

“ใช่ครับ”

“แหม...น่ารักจังเลยนะคะ รู้ไหมคะว่าฉันเป็นแฟนคลับของพวกคุณเลยนะคะ นี่กว่าจะกล้าเข้ามาคุยด้วยก็ทำใจมาตั้งนานแหนะค่ะ อยากถ่ายรูปพวกคุณเอาไว้ด้วย ได้ไหมคะ” เธอถาม ลักษณะเหมือจะเป็นพยาบาลใหม่เพราะขรรค์ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย

“ได้ครับ แต่ต้องรอให้เงินออกมาก่อนนะครับ”

“ขอบคุณนะคะ”

รอไม่นานหิรัญก็เดินตรงมายังตรงจุดที่ขรรค์กับพยาบาลคนนั้นนั่งอยู่ ตอนแรกก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นพยาบาลคนนั้นชัดๆ ก็ร้องอ๋อเบาๆ

น้องพยาบาลใหม่ที่เคยขอถ่ายรูปเขากับขรรค์แต่ว่ายังไม่มีโอกาสเสียที

“มาทำงานแต่เช้าเลยนะเรา”

“หมอเงิน...อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

“มารอถ่ายรูปค่ะ” เธอบอกพลางทำหน้ามีความสุข มองร่างสูงใหญ่กับร่างโปร่งยืนด้วยกันแล้วหน้าแดง ทั้งเขินทั้งชอบ จนทำหน้าไม่ถูกแล้ว

อย่าว่าแต่พยาบาลสาวเลยที่ทำตัวไม่ถูก เพราะขรรค์กับหิรัญก็วางตัวไม่ถูกเหมือนกันที่จู่ๆ ก็ต้องมายืนให้คนอื่นถ่ายรูปแบบนี้

“งั้นก็ถ่ายกันเถอะ ว่าแต่ต้องโพสท่าอะไรเนี่ย” หิรัญถามพยาบาลคนนั้นออกไป รู้สึกเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้

“โพสยังไงก็ได้ค่ะ”

“เอาเป็นว่ายืนอยู่เฉยๆ นะขรรค์แล้วยิ้มให้กล้องด้วยนะ” หันไปบอกคนรัก ซึ่งก็ได้รับพยักหน้าเป็นคำตอบกลับมา

พวกเขายืนตัวตรงมองที่เลนกล้องของโทรศัพท์ขรรค์กับหิรัญยิ้มบางๆ ให้ แอบเห็นสีหน้าฟินๆ ของเธอด้วย ไม่คิดเลยว่าความรักของพวกเขาจะได้รับการยอมรับที่ดีเกินคาดแบบนี้ แต่มันก็ดีกว่ามีคนมาคอยห้ามหรือแอนตี้ล่ะนะ

“ขอบคุณนะคะ”

“ยินดีครับ”

“พลอยลงเฟซได้ไหมคะหมอเงิน”

“ตามสบายเลยครับ แต่อย่าทำให้เราเสียหายก็พอ” หิรัญตอบ

“ได้ค่า ยังไงขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ขอบคุณที่ให้ถ่ายรูปค่า”

“ครับ”



“วันนี้กินอะไรดีคะหนุ่มๆ” ป้าเจ้าของร้านอาหารตามสั่งที่เปิดตั้งแต่เช้าถามชายหนุ่มทั้งสองคนด้วยความเคยชิน และสนิทสนมกันดีเพราะขรรค์กับหิรัญจะมาทานข้าวที่นี่บ่อยๆ หากไม่อยากทำกินเองที่บ้าน เพราะอยู่ใกล้ สะดวก เป็นทางผ่านตอนกลับบ้านอีกด้วย

“วันนี้ผมขอเหมือนเดิมแล้วกันนะครับ”

“ท่าทางจะหิวมากๆ เลยนะคะหมอเงิน”

“สุดๆ เลยครับ เพราะงั้นช่วยทำให้ผมเยอะๆ หน่อยนะครับ”

“สำหรับคุณหมอสุดหล่อ ป้าจัดให้เต็มที่ค่า แล้วคุณล่ะคะเอาเหมือนเดิมหรือเปล่า” ป้าเจ้าของร้านหันมาถามร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ

“เอาแบบเดิมก็ได้ครับ” ขรรค์ไม่เรื่องมาก เลือกทานอะไรเดิมๆ เหมือนกับคนรักที่สั่งแบบเดิมกิน พวกเขาสองคนสั่งอาหารเสร็จแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะ

“เป็นไงเงิน เหนื่อยไหม ง่วงหรือเปล่า”

“ถามทุกวันเลยนะ”

“ก็เป็นห่วง”

“รู้แล้วครับ...ตอนนี้เงินทนได้ เดี๋ยวไปถึงบ้านจะอาบน้ำแล้วทิ้งตัวนอนเลย เหนื่อยมาก ง่วงสุดๆ รู้ไหมเมื่อคืนมีอุบัติเหตุด้วยล่ะ คนเจ็บเยอะมาก แล้วก็มีคนที่มาตายที่โรงพยาบาลด้วย ทุกคนทั้งหมอทั้งพยาบาลวิ่งวุ่นกันไปหมดเลย เมื่อยมากๆ”

อยู่เวรกลางคืนนี่ไม่ได้สบายเลยนะ...

“บ่นเหรอ?”

“เปล่า...แค่เล่าบอกเฉยๆ”

“หึหึ...เดี๋ยวขรรค์กลับไปนวดให้ก็แล้วกัน” ร่างสูงบอก

“จริงนะ!!”

คนตัวใหญ่ส่ายหน้าอย่างระอาเพราะเสียรู้ให้กับคนรักอีกแล้ว ชอบทำเป็นน่าสงสารให้เขาต้องยอมอยู่เรื่อย แต่ขรรค์ก็เต็มใจที่จะทำมันล่ะนะ ชดเชยกับเวลาที่ผ่านมา

“อื้อ...ขรรค์จะนวดให้แล้วค่อยออกไปทำงานก็ได้”

“จริงสินะ ขรรค์ต้องไปทำงานนี่นาเพราะคุณรามน้องจอมก็อยู่กรุงเทพกันทั้งคู่เลย งั้นไม่เป็นไรก็ได้นะขรรค์เอาไว้ช่วงเย็นๆ ที่ขรรค์เลิกงานแล้วดีกว่า”

“ตามใจเงินก็แล้วกัน”

“ขรรค์น่ารักที่สุดเลย”

“น่ารักอะไรกันเงิน ไม่พูดแบบนี้ได้ไหม มันไม่เข้าเลย” ร่างสูงขอร้อง

ลองคิดภาพสิว่า ‘น่ารัก’ มันเหมาะกับเขาแล้วจริงๆ งั้นหรือ ทั้งตัวก็ใหญ่ สูงเกือบสองเมตร ผิวออกคล้ำๆ หน้าตานิ่งๆ ถ้าจะให้น่ารักก็คงจะน่ารักกับร่างโปร่งบางคนเดียวเท่านั้นแหละ

“ฮ่าๆ ทีอยู่บ้านขรรค์ไม่เห็นจะว่าอะไรเลย”

“ก็นั่นมันอยู่บ้าน เรารู้กันสองคน แต่นี่มันข้างนอกนะเงิน...”

“ทำไมต้องจริงจังด้วยล่า ล้อเล่นนิดๆ หน่อยๆ เอง”

“งอนเหรอ?” ร่างสูงถามเมื่อเห็นว่าใบหน้าของคนรักเง้างอบ่งบอกว่าไม่พอใจในสิ่งที่เขาดุไป แต่ก็ไม่ได้งอนหนักมากเพราะอยู่ในระดับที่รับได้ แต่อีกผลหนึ่งก็คือร่างโปร่งวางตัวเป็นด้วยแหละ ด้วยหน้าที่การงานจะมางอนคนรักต่อหน้าสาธารณะได้ยังไงกัน เขาทำเขาก็รักษาระดับเอาไว้อยู่นะว่าทำข้างนอกแล้วไม่น่าเกลียด

“เปล่า...ไม่ได้งอน”

“นี่แหละคืองอน”

“ขรรค์มั่วแล้ว...เงินจะไปงอนขรรค์ทำไม?”

ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่อีก แต่จะให้ง้องอนคนรักตรงนี้ก็แปลกๆ เพราะไม่ได้มีเพียงแค่เขาสองคนที่นั่งอยู่ในร้าน ยังมีลูกค้าอีกหลายโต๊ะเลยที่พร้อมจะยุ่งเรื่องของพวกเขาน่ะ

“เอาไว้ง้อที่บ้านนะ”

“ชิ! ก็บอกว่าไม่ได้งอนไง” ร่างโปร่งเถียงกลับมา ตาสีหน้าก็ยังเหวี่ยงๆ เหมือนเดิม จนกระทั่งป้าเจ้าของร้านเอาอาหารมาเสิร์ฟนั่นแหละ ถึงสงบศึกของทั้งคู่ลงได้

“ได้แล้วหนุ่มๆ นี่ทะเลาะอะไรกันจ้ะ เป็นเด็กๆ เชียว”

“ไม่มีอะไรหรอกครับป้า” ขรรค์ตอบ

“ยังไงก็อย่าทะเลาะกันรุนแรงนะลูก ชีวิตคู่ต้องประคับประคองกันไป อะไรที่เข้ากันไม่ได้ ก็อย่าดื้อดึงนะลูก ให้เข้าหากันคนละครึ่งทางนะลูก แล้วทุกอย่างมันจะเดินไปได้สวย เชื่อป้าๆ เอ้า! กินให้อร่อยนะหนุ่มๆ” พูดจบป้าแกก็เดินกลับไปทำออเดอร์อื่นๆ ของลูกค้าต่อไป

ปล่อยให้ขรรค์กับหิรัญมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

โถ่ป้า...ป้ายังเลิกกับสามีเลยครับ

ขรรค์พาคนรักกลับบ้านหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้าน หิรัญก็เปิดประตูลงไปอย่างเพลียๆ แต่ขรรค์ก็ทำให้ได้เปิดประตูแล้วยืนลาคนรักอยู่ตรงนั้น เพราะจะต้องรีบไปทำงานที่รีสอร์ทต่อ

“หลับฝันดีนะเงิน เดี๋ยวตอนเย็นขรรค์จะรีบกลับมา อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวขรรค์จะซื้อกลับมาให้”

“เอาอะไรมาก็ได้ เงินไม่อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรอก”

“โอเคครับ เข้าบ้านไปอาบน้ำนอนเถอะ พักผ่อนเยอะๆ นะเงิน”

“ขรรค์ตั้งใจทำงานล่ะ อย่าอู้นะ”

“ครับ...”

เป็นเพียงบทสนทนาสั้นๆ เหมือนทุกวันก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน ไปนอนพัก

ตั้งแต่ได้รับการยอมรับจากแม่ของหิรัญ ขรรค์กับหิรัญก็กลับมาบ้านสวนที่เพชรบูรณ์ ขรรค์พักได้สามวันก็เริ่มทำงาน ส่วนหิรัญก็ทำงานตั้งแต่วันที่สองที่มาถึงเลย ชีวิตของทั้งคู่มันทั้งเรียบง่าย ไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะขรรค์มักจะเงียบๆ ฟังคนรักพูดอย่างเดียวก็เลยไม่มีทะเลาะกันเท่าไหร่ แต่ไม่มีเลยก็ไม่ใช่ เถียงกันเรื่องเล็กๆ น้อยจะเป็นส่วนใหญ่

“พี่ขรรค์ มาแล้วเหรอพี่”

“ไม่มาจะเห็นฉันเหรอวะ”

“ตอบกวนนะเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่คืนดีกับแฟนเนี่ย”

“เรื่องของฉัน แล้วนี่มาทำอะไรตรงนี้ ไม่ไปทำงานทำการวะ”

“ก็แอบอู้นิดๆ หน่อย ไม่เป็นหรอกน่าพี่ เดี๋ยวฉันก็จะไปทำงานแล้ว” ลูกน้องตอบแบบไม่สนใจว่าจะด่าเลยสักนิด เพราะการกวนประสาทเจ้านายเป็นความสุขของคนงานที่นี่

ขรรค์มีความเป็นเองในแบบของตัวของเขา แม้ว่าจะน่านิ่งๆ ดูดุ แต่ก็ใช่ว่าพวกคนงานจะกลัวหรือเกรงขามเลยสักนิด จะมีบ้างก็ตอนที่จริงจังๆ เท่านั้น

“เออๆ ถ้าแกไม่รีบไปทำงานล่ะก็ ฉันอาจจะรายงานความประพฤติกับคุณรามนะ”

“โหยพี่...ฉันล้อเล่น คุณภพให้มาตามน่ะพี่”

“ตามทำไม?” ร่างสูงใหญ่ถามลูกน้องกลับไป

ขรรค์ค่อนข้างจะแปลกใจนิดหน่อยที่ผู้จัดการรีสอร์ทเรียกเขาตอนเช้าแบบนี้ เพราะไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่พิภพจะเรียกเขาปาแบบนี้ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องด่วนหรือเรื่องสำคัญอะไร

“ไม่รู้ดิพี่ แต่พี่รีบไปดีกว่า”

“เออๆ แกก็ไปทำงานต่อได้แล้วไป อย่าอู้ งานไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ”

เพราะลูกค้าเยอะพนักงานในแต่ละส่วนก็ค่อนข้างงานยุ่ง เขาจะเป็นหัวหน้าส่วนควบคุมการทำงานของพนักงานแผนกแม่บ้าน แผนกครัว แผนกรักษาความปลอดภัย คนงานดูแลสวน ส่วนผู้จัดการอย่างพิภพก็จะดูแลในส่วนหน้า ดูแลการทำงานของทุกแผนก แต่จะอยู่ส่วนหน้าที่ต้องเจอกับลูกค้าโดยตรง ส่วนแผนกบัญชี แผนกการตลาดจะอยู่สำนักงานแยกออกมาซึ่งเป็นที่ทำงานเดียวกับเจ้าของรีสอร์ท

ที่อื่นเป็นยังไงขรรค์ไม่รู้ แต่รีสอร์ทนี้รามินทร์บริหารแบบนี้...จริงๆ แล้วงานของเขาจะเรียกว่าเป็นผู้จัดการก็ไม่เชิงหรอก แต่เพราะเขาขอเอาไว้ว่าจะไม่รับหน้าที่เป็นผู้จัดการเนื่องจากก็มีพิภพอยู่แล้ว เขาไม่อยากจะไปแย่งงานของพิภพเขา แม้ว่าพิภพจะบอกเองว่าไม่เป็นไรเพราะงานมันเยอะ แบ่งๆ กันไปก็ดีกว่า แต่ขรรค์ก็ไม่ยอม รามินทร์ก็เลยให้งานผู้จัดการบางส่วนกับขรรค์แต่ให้ตำแหน่งหัวหน้าคนงานแทน ขรรค์จะอยู่เบื้องหลังส่วนพิภพจะอยู่เบื้องหน้า

ที่นี่มีผู้จัดการสองคน...ทุกคนก็รู้ๆ กันหมด แต่ก็ทำเป็นไม่รู้เพราะเจ้านายเจ้าชีวิตสั่งเอาไว้อย่างเด็ดขาดว่าห้ามให้ขรรค์รู้ ปล่อยให้เจ้าตัวทำหน้าที่ที่ตัวเองคิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของผู้จัดการต่อไป...

“คร้าบๆ”

ขรรค์ก้าวเท้ายาวๆ ของตนไปหาผู้จัดการที่ห้องด้านหลังเคาท์เตอร์แผนกตอนรับของรีสอร์ททันที เมื่อเห็นพิภพเขาก็ถามอย่างสุภาพ

“มีอะไรให้ช่วยหรือครับคุณภพ”

“คุณขรรค์ครับ ผู้จัดการรีสอร์ทที่ภูทับเบิกเกิดไม่สบายขึ้นมา ผมจำเป็นต้องไปดูแลที่นั่นตามคำสั่งของคุณราม แล้วทีนี้ก็จะไม่มีใครคอยดูแลที่นี่ อยากให้คุณขรรค์ช่วยมาดูแลให้หน่อยน่ะครับ”

“ได้ครับ...เดี๋ยวผมจะจัดการให้” เรื่องนี้เขาไม่ได้มีปัญหาเพราะเขาก็ทำอยู่บ่อยๆ เวลาที่พิภพต้องไปทำงานให้รามินทร์ ร่างสูงก็จะมาอยู่ส่วนหน้า

“ช่วงนี้ลูกค้าเข้าพักเยอะมาก ห้องเต็มทุกห้องเลยล่ะครับ ยังไงคุณขรรค์ช่วยดูแลทีนะครับ”

“ได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไร คุณภพไปที่นั่นเถอะครับ ที่นั่นเองก็วุ่นวายไม่แพ้ที่นี่หรอกครับ”

“นั่นสินะ ฝากด้วยนะครับ”

“ครับ”

หลังจากที่พิภพรีบร้อนออกไป ขรรค์ก็เข้าไปในห้องของเขาที่รามินทร์จัดเอาไว้ให้ เพื่อเปลี่ยนชุดเป็นชุดยูนิฟอร์มของพนักงานต้อนรับ แต่ติดป้ายชื่อที่อกบ่งบอกว่าเป็นผู้จัดการ

ขรรค์คิดว่าป้ายชื่อที่ตัวเองได้รับนี้มันเป็นป้ายชื่อสำหรับตอนที่เขามารักษาการแทนเท่านั้น ไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นตำแหน่งจริงๆ ของเขาเอง...

“พี่ขรรค์คะ ช่วยหน่อยค่ะ ลูกค้าไม่ยอมเชื่อว่าเราไม่มีห้องเหลือแล้ว จะเข้าพักให้ได้เลยค่ะ” นักงานต้อนรับเปิดประตูเข้ามาหาด้วยความร้อนใจ ขรรค์ที่ยังไม่ทันจะได้เตรียมตัวเท่าไหร่นักงานก็เข้ามาทันที

“โอเคๆ เดี๋ยวพี่ออกไป”

“เร็วๆ นะคะพี่”

“ได้...ไม่นานหรอก”

ร่างสูงจัดระเบียบตัวเองทั้งหน้าทั้งผมเสื้อผ้าจนเรียบร้อยดีแล้วก็ออกจากห้องไปยังเคาท์เตอร์ด้านหน้าเพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น

“สวัสดีครับคุณลูกค้า ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือหรือครับ”

“ฉันต้องการเข้าพักที่นี่ มีห้องว่างให้ฉันไหม” เธอตอบแบบติดจะเหวี่ยง แต่สีหน้าของขรรค์ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลหรือว่าหวานกลัวอะไรเลย มันนิ่งมาก ขนาดที่อารมณ์ของลูกค้าก็นิ่งตามลงด้วย

“ขอประทานอภัยนะครับ ห้องพักของเราเต็มหมดแล้วจริงๆ ครับ จะมีว่างพรุ่งนี้ตอนสิบโมง หากลูกค้าประสงค์ที่จะเข้าพักในวันพรุ่งนี้ทางเราจะจองห้องไว้ให้ท่านนะครับ”

“แล้วคืนนี้ฉันจะนอนที่ไหน ลำพังฉันไม่เท่าหรอก แต่ลูกๆ ของฉันล่ะ ตอนนี้เขาเหนื่อยกับการเดินทางมานะ ตอนแรกก็โทรถามว่าห้องว่างไหม ก็บอกว่าว่างเลยมานี่ไง พอมาก็ไม่ว่างแล้วเหรอ”

“คุณลูกค้าได้จองเอาไว้หรือเปล่าครับ” ถามกลับไปอย่างใจเย็น

“ไม่ได้จอง...แต่คิดว่าจะว่างก็เลยรีบมา”

“ถ้าอย่างนั้นลูกค้าสะดวกที่จะพักรีสอร์ทอื่นไหมครับ ผมจะให้พนักงานเช็คว่ามีที่ไหนว่างบ้างแล้วผมจะให้พนักงานรับส่งขับรถไปส่งคุณผู้หญิงที่นั่นแล้วรับกลับมาตอนเช้าเพื่อมาเข้าพักที่นี่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ”

แม้จะไม่ใช่ความผิดของรีสอร์ทแต่รามินทร์บอกเอาไว้ว่าให้บริการเพื่อดึงลูกค้าเข้ามาให้มากที่สุด จะเสียกำไรเล็กๆ น้อยๆ ไปก็ไม่มีปัญหา

“แบบนั้นก็ได้ค่ะ แล้วค่าห้องจะเท่ากันใช่ไหมคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

“เดี๋ยวผมเช็คให้ สักครู่นะครับ” ขรรค์หันไปบอกพนักงานให้ช่วยเช็คตามรีสอร์ทอื่นๆ ในเครือของรามินทร์ว่ามีที่ไหนมีห้องพักเหลืออยู่บ้าง ไม่นานเขาก็ได้คำตอบ

“มีห้องว่างนะครับ อยู่ห่างจากที่นี่ประมาณสามสิบนาที ว่างอยู่สองห้องลูกค้าต้องการจองกี่ห้องครับ”

“ห้องเดียวค่ะแต่เสริมเตียงให้ด้วยนะคะ”

“รับทราบครับเดี๋ยวผมจะจัดการให้”

“ขอบคุณนะคะ”

“ด้วยความยินดีเลยครับคุณผู้หญิง ยังไงคุณผู้หญิงรบกวนนั่งรอสักครู่ เดี๋ยวผมจะให้พนักงานพาคุณผู้หญิงไปส่งให้ถึงที่เลยนะครับ”

“ได้ค่ะ” เธอเดินกลับไปนั่งที่โซฟาด้วยความดีใจและมีความสุข

ทางด้านขรรค์เองก็หันมาพูดกับพนักงานด้วยความเป็นกันเอง

“ติดต่อไปยังที่นั่นแล้วจองห้องไว้ห้องหนึ่ง อีกประมาณห้าสิบนาทีจะไปส่งลูกค้าที่นั่น แล้วถ้ามีกรณีแบบนี้อีก ทำตามเมื่อกี้ได้เลยนะ แล้วถ้ามีปัญหาอะไรเข้าไปเรียกพี่ได้ตลอด เดี๋ยวพี่ขอไปดูค่าใช้จ่ายก่อน ตั้งใจทำงานนะทุกคน ปีนี้ลูกค้าเยอะกว่าปีที่แล้ว มีโอกาสที่จะได้โบนัสเยอะ”

พอได้ยินคำว่าโบนัสพนักงานทุกคนก็ทำตาแวววาวมีความหวัง มีกำลังฮึกเหิมที่จะทำงานมากขึ้นทันที

“อย่าทำหน้าไม่รับแขกนะ ยิ้มเข้าไว้ จะโดนด่าก็ต้องทน...เราทำให้คนอื่นเข้าใจเราไม่ได้หรอก แต่เราต้องเข้าใจตัวเราเอง และจำไว้ เราไม่จำเป็นที่จะต้องคิดว่าลูกค้าคือพระเจ้า แต่ลูกค้าคือคนที่เราต้องบริการให้ดีที่สุดในขณะที่เขายังใช้บริการรีสอร์ทของเรา ทำให้เขาประทับใจจนกลับมาใหม่ เข้าใจนะ สู้ๆ นะ”

“ค่ะ/ครับ พี่ขรรค์”

นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไม รามินทร์ถึงอยากให้ขรรค์เป็นผู้จัดการที่นี่ เพราะการจัดการกับปัญหาได้เฉียบขาดและสงบนิ่งนี่แหละ สมควรที่จะเป็นผู้นำ

ทุกคนในรีสอร์ทนี้รักขรรค์มาก เพราะขรรค์เหมือนกับพี่น้องเหมือนญาติของพนักงานหลายๆ คน แม้ว่าจะดุบ้างแต่ขรรค์ก็หวังดีและจริงใจ...

เป็นหัวหน้าที่อายุน้อยกว่าใครหลายๆ คนก็จริง แต่ก็ได้รับการยอมรับสูง บางคนที่อายุมากกว่ายังเรียกขรรค์ว่าพี่เลย...











(มีต่อ)
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 57 100% => (12/11/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 12-11-2017 23:00:54
(ต่อ)

...

...

...





ห้าโมงเย็น

หิรัญตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนว่าหัวจะระเบิด ความปวดหัวของการนอนกลางวันใครที่เคยนอนจะรู้ดีว่ามันปวดหัวขนาดไหนตอนตื่นขึ้นมา ร่างโปร่งรู้สึกไม่อยากลุกจากที่นอนเลย แต่ก็จำเป็นที่ต้องลุกขึ้นมาจากที่นอนเพราะถ้านอนนานกว่านี้อาจจะกลายเป็นศพอยู่บนที่นอนได้

“ปวดหัวชะมัด”

กรอด....

“อ่า...หิวจัง ขรรค์กลับมายังนะ” หิรัญลุกขึ้นเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วเดินลงไปข้างล่าง ที่สว่างไสวบ่งบอกว่ามีคนอยู่ในบ้าน ถ้าไม่ใช่ขรรค์ก็...

“ป้าน้อยเองเหรอครับ” หิรัญถามเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ไม่ใช่ขรรค์คนรักของตน แต่เป็นป้าน้อยคนดูแลบ้านที่อยู่กับเด็กสาวคนหนึ่งที่คาดว่าอายุไม่เกินสิบห้าปี

“ค่ะหมอเงิน ป้ามาเปิดไฟบ้านน่ะค่ะ เห็นว่าหมอเงินยังไม่ตื่น”

“แล้วขรรค์ล่ะครับ กลับมาหรือยัง”

“ขรรค์ยังไม่กลับหรอกค่ะ รายนั้นโทรมาบอกป้าว่าต้องอยู่จนดึกเลยเพราะผู้จัดการไปดูแลที่สาขาภูทับเบิกก็เลยต้องรักษาการแทน”

“ขรรค์เนี่ยนะครับ?”

“ค่ะ ขรรค์บอกป้าแบบนี้ ป้าก็พูดตามทุกคนเลย”

“รักษาการแทนผู้จัดการเนี่ยนะ?”

หิรัญคิดภาพไม่ออกเลยว่าผู้ชายที่จบเกษตรมา วันๆ เขาเห็นเอาแต่ทำสวน ขลุกอยู่แต่กับเหงื่อไคลทุกๆ วันอย่างขรรค์จะรักษาการแทนผู้จัดการ...

โห...โคตรน่าเหลือเชื่อเลย

“ใช่ค่ะ อ้าว? หมอเงินไม่รู้เหรอ ว่าคุณรามให้ตำแหน่งหัวหน้าคนงานไปงั้นๆ แหละค่ะเพราะขรรค์เขาไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ แต่จริงๆ แล้วขรรค์เขาเป็นผู้จัดการอีกคนของรีสอร์ทต่างหากแต่เรื่องนี้หมอเงินอย่าไปบอกขรรค์เขานะคะ ขรรค์เขาไม่รู้”

ร่างโปร่งบางขมวดคิ้วแน่นเข้าไปอีกเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ครับ...ไม่บอกหรอก”

ไม่รู้เนี่ยนะ...อยู่มาตั้งหลายปีไม่เอะใจอะไรเลยหรือไง แต่ก็อย่างว่าแหละ ถ้าไม่มีใครพูดขรรค์ก็ไม่รู้

“ดีมากค่ะ แล้วนี่หิวไหมคะ ป้าจะทำกับข้าวให้”

“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะไปหาขรรค์ที่รีสอร์ท แล้วจะแวะทานข้าวที่นั่นเลย”

“อ๋อ...งั้นเดี๋ยวป้าขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาอยู่บ้านให้ จริงสิ...นี่ชะเอมหลานสาวป้าเองค่ะ ชะเอมไหว้หมอเงินสิลูก” ป้าน้อยหันไปบอกหลานสาวของตน ซึ่งเด็กสาวก็ไหว้เสียงดงามดูน่ารัก

“สวัสดีครับคนสวย”

“เอ้าๆ เขินคุณหมอเขาล่ะสิ เจอคนหล่อๆ ไม่ได้เลยนะ” ป้าน้อยแซวหลานสาวตัวเอง ซึ่งเด็กหญิงชะเอมก็ยิ้มหน้าแดงๆ หลบเขากับหลังของคุณยาย

“อายุเท่าไหร่ครับ”

“สิบสามปีค่ะ อยู่มอหนึ่งแล้ว”

“เด็กสมัยนี้โตวัยจัง ผมคิดว่าอายุสิบห้าซะอีก”

“จะบอกว่ามันแก่แดดก็ได้ค่ะ ป้าไม่ว่า ฮ่าๆ”

“ไม่หรอกครับ น้องยังดูเหมือนวัยตัวเองอยู่ยังน่ารักครับ แต่ต้องดูช่วงมอสองมอสามว่าจะเปลี่ยนไหม แรกๆ ยังไม่ค่อยเริ่มหรอก”

“ป้าล่ะกลัวมันจะแรด”

“โถ่...ป้าน้อยครับ เด็กผู้หญิง เราก็ต้องเข้าใจนะครับ สอนเขา เตือนเขาดีๆ”

“ป้าเข้าใจค่ะ นี่ก็พามาอยู่ด้วย เรียนแถวๆ นี้เอา ป้าฝากชะเอมให้ทำงานบ้านที่นี่ได้ไหมคะ” ป้าน้อยถามหิรัญเอาจริงเอาจังไม่มีแววล้อเล่น

“ยาย...เอมไม่ทำงานนะ ไม่เอา!” เด็กหญิงปฏิเสธทันที เพราะไม่ชอบที่จะลำบาก แล้วตัวเองวัยขนาดนี้เองจะมาทำงานได้ยังไง อดเล่นกับเพื่อนๆ น่ะสิ

“ไม่ได้! ถ้าเอ็งไม่ทำงานเอ็งก็จะเหลวไหลน่ะสิ”

“แต่เอมไม่อยากทำ เอมเหนื่อย เรียนการบ้านก็เยอะจะตาย”

“ยายไม่เห็นเอ็งจะเคยทำการบ้านเลย”

“ทำสิ!! ยายไม่เคยเห็นเองต่างหาก ชอบหาเรื่องเอม” เด็กหญิงทำหน้าบูดบึ้ง ไม่พอใจ

หิรัญมองท่าทีของเด็กหญิงชะเอมก็รู้สึกว่าน่าเอ็นดูและดูเหมือนจะเป็นเด็กดีด้วย แต่ชอบเถียงยายของตนไปงั้นๆ แหละ ตามวัยที่ไม่ยอมใครแบบนี้

“ชะเอมไม่อยากมีเงินกินขนมเหรอครับ พี่ให้เงินด้วยนะ” พอได้ยินคำว่าเงินกินขนม เด็กหญิงชะเอมก็มองหน้าหมอสุดหล่อทันที แต่ก็ต้องหลบตาอย่างเขินๆ

“อยากค่ะ” ตอบเบาๆ

“งั้นก็ทำงานให้พี่ เลิกเรียนกี่โมงล่ะหืม” หิรัญถามเสียงอ่อนโยน

“บ่ายสามครึ่งค่ะ”

“งั้นสี่โมงครึ่งมาทำงานบ้าน เราทำอะไรเป็นบ้างล่ะ”

“ตอบหมอเงินเขาไปสิ”

“หนู...กวาดบ้าน ซักผ้า ทำอาหาร ล้างจาน หนูทำได้หมดค่ะ”

หิรัญได้ยินคำตอบแบบนั้นแล้วหัวเราะเบาๆ ป้าน้อยท่าทางจะกลัวอะไรที่เกินเหตุไปนะ แต่สอนหลานมาได้ดีเป้นแม่ศรีเรือนได้ขนาดนี้เลย

เป็นทุกอย่างที่ผู้หญิงสมัยนี้ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่...

“เก่งจังครับ ทำเป็นหมดเลย ถ้าอย่างนั้นชะเอมมาทำงานให้พี่ เริ่มจากสี่โมงครึ่งเลย พี่ให้ชั่วโมงละสี่สิบบาท วันละไม่เกินสามชั่วโมง อยากอยู่ทำกี่ชั่วโมงก็แล้วแต่ชะเอม แต่ไม่เกินทุ่มครึ่งนะ แล้วก็ต้องทำงานทุกอย่างที่เราทำเป็นด้วย ต้องทำเต็มชั่วโมงนะ พี่ถึงจะนับชั่วโมงให้ พี่จะให้ป้าน้อยบันทึกเวลาให้ด้วย แล้วก็รับเงินกับพี่เป็นรายสัปดาห์ แต่ถ้าชะเอมจะทำเสาร์อาทิตย์ด้วย เสาร์อาทิตย์พี่จะให้วันละสามร้อยบาท แปดชั่วโมง สิบโมงถึงหกโมงเย็น ถ้าทำทั้งเจ็ดวันเต็มชั่วโมงชะเอมจะได้เลยหนึ่งพันสี่ร้อยยี่สิบบาท เป็นไงล่ะ อยากทำไหม ได้เงินด้วย ได้ช่วยแบ่งเบางานยายด้วย”

หิรัญพูดข้อเสนอให้กับเด็กหญิงฟังอย่างใจเย็นและอารมณ์ดี ตอนเด็กน้อยได้ยินตัวเงินที่จะได้ก็ตาโต น่ารักน่าเอ็นดูเชียว แถมยังทำหน้านับนิ้วด้วย

“หนึ่งเดือนมีสี่สัปดาห์ หนึ่งพันสองร้อยสี่สิบบาทคูณสี่ เป็น...เป็นเท่าไหร่นะ” เด็กน้อยยืนครุ่นคิด พึมพำออกมาเบาๆ แต่เขาก็ได้ยินอยู่ดี ส่วนป้าน้อยตอนนี้ยืนยิ้มไปแล้ว

“สี่พันเก้าร้อยหกสิบบาทครับ เกือบห้าพันแหนะ เสียดายออก...ถ้าชะเอมทำงานนี้นะ เพื่อนๆ จะต้องอิจฉาชะเอมแน่ๆ ที่หาเงินเองได้ตั้งแต่อายุสิบสามน่ะ” หิรัญช่วยตอบให้ ทำเอาเด็กหญิงเบิกตาโตมองหน้ายายตัวเองอย่างตื่นเต้น

“ว่าไงเอม...เอ็งจะทำไหม บอกหมอเงินเขาไปสิลูก” ป้าน้อยถามหลานยิ้มๆ

“ทำค่ะ...หนูจะทำงานนี้ แต่เงินให้กับยายเลยนะคะ เดี๋ยวหนูจะเบิกกับยายเอง” เด็กหญิงชะเอมตอบแบบยิ้มตาหยี เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหมอหนุ่มได้ดีเลย

นิสัยน่ารักอีก...หิรัญแพ้เด็กน่ารักๆ เสียด้วย

“โอเค ตกลงตามนี้...ป้าน้อยครับ ตามนี้เลยนะครับ”

“ขอบคุณหมอเงินมากนะที่เอ็นดูชะเอมมัน”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ชะเอมเป็นเด็กดีก็ควรจะได้รับสิ่งดีๆ ว่าแต่ถ้าได้เงินไปแล้วชะเอมจะทำอะไรครับ” หิรัญถามอีก ตอนนี้เด็กหญิงไม่ประหม่าร่างโปร่งแล้ว เพราะเป็นเด็กมนุษยสัมพันธ์ดีและหมอหนุ่มก็เป็นกันเองไม่ดุ แถมยังใจดีอีก เด็กหญิงเลยเลิกประหม่า แต่ก็เขินๆ อยู่

“หนู...จะเอาฝากธนาคารไว้ ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรค่ะ แต่หนูเอาไว้เผื่อยายไม่พอใช้”

“โถ่...เอมเอ้ย!”

“ดีแล้วครับชะเอม เป็นเด็กดีแบบนี้ตลอดไปนะครับ งั้นเดี๋ยวผมจะไปอาบน้ำแต่งตัว ป้าน้อยกลับไปอาบน้ำได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปตอนที่ป้าน้อยมา” ประโยคหลังหันมาบอกกับป้าน้อยอีกครั้ง

“ได้ค่ะ ป่ะเอม กลับบ้านกัน”

“จ้า...สวัสดีค่ะหมอเงิน”

“เรียกพี่หมอก็ได้ครับ”

“ค่ะพี่หมอ...”

หิรัญยิ้มมองตามสองยายหลานเดินออกจากบ้านไป ก่อนจะหมุนตัวเองกลับขึ้นบันไดไปอาบน้ำแต่งตัว...


“มาหาพี่ขรรค์เหรอคะหมอเงิน” พนักงานต้อนรับหน้าเคาท์เตอร์ถามขา แม้ว่าจะไม่ค่อยได้มาที่รีสอร์ทเท่าไหร่นักแต่ทุกคนก็รู้จักเขา และรู้ว่าขรรค์กับหิรัญเป็นคนรักกัน

พวกเราไม่คิดปิดบังใครได้รับการยอมรับจากครอบครัว พวกเขาก็ไม่กลัวอะไรแล้ว...และพวกเขาก็คิดว่าว่าการที่รักกันแบบเปิดเผยมันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน...หลายคนจะมองด้วยความไม่ชอบหรือรังเกียจก็มองไป...พวกนั้นมันเป็นพวกที่เดือดร้อนกันเอง และเขาสองคนก็ไม่ขอพวกนั้นมันกิน ส่วนคนที่เฉยๆ ก็มี เป้นกำลังใจให้พวกเขาอย่างออกนอกหน้าก็มี...

ฉะนั้น...ใส่ใจคนที่รักและหวังดีกับเราดีกว่า

“ใช่ครับ...ตอนนี้ขรรค์อยู่ไหนหรือครับ”

“พี่ขรรค์อยู่ที่ห้องอาหารค่ะ น่าจะไปดูเรื่องของขาด”

“ลูกค้าเยอะมากไหมครับ”

“เยอะมากค่ะ พี่ขรรค์วุ่นทั้งวันเลย”

“อ่า...คงเหนื่อยแย่เลยสินะครับ” หิรัญถามยิ้มๆ

“หมายถึงใครเหรอหมอเงิน แหม...อย่าทำให้เราคิดเข้าข้างตัวเองสิ”

“ฮ่าๆ ผมก็ถามทุกคนนั่นแหละครับ” หมอสุดหล่อหัวเราะแล้วยิ้มให้กับพนักงานทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ สาวๆ ที่นั่งอยู่ก็ใจละลายเลย แม้ว่าคนๆ นี้จะมีเจ้าของแล้วก็ตาม

แต่เป็นอาหารตาสำหรับพวกเธอได้ดีเลยนะ ยิ่งอยู่ข้างกับขรรค์แล้วก็ดูฟินๆ ยังไงก็ไม่รู้ เอ๊ะ! หรือพวกเธอจะเข้าสู่วงการสาววาย?

“งั้นผมขอตัวไปหาขรรค์ก่อนนะครับ”

“ตามสบายเลยค่ะหมอเงิน”

“ครับ”

ร่างโปร่งบางเดินตรงไปที่ห้องอาหารของรีสอร์ทที่ตอนนี้มีลูกค้าอยู่เต็มไปหมดกำลังทานอาหารอยู่ วันนี้คงจะเป็นบุฟเฟต์อาหารเย็นตามโปรโมชั่นที่เขาได้อ่านตรงหน้าเคาท์เตอร์เมื่อสักครู่ ร่างโปร่งหยุดชะงักกับที่เพื่อหาว่าคนรักของตนอยู่ที่ไหน พอเห็นก็อดยิ้มไม่ได้ แต่ที่ดูมีเสน่ห์ก็คือการที่ขรรค์ทำอะไรในสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น นั่นคือการเดินคุยกับลูกค้าตามโต๊ะต่างๆ แม้จะมีเพียงรอยยิ้มบางๆ แต่ก็ได้รับคำชมจากลูกค้าเป็นอย่างดี ดูจากสีหน้าของลูกค้าที่ยิ้มแย้มมีความสุขแล้ว

พอหิรัญเห็นว่าคนรักเดินหายเข้าไปในครัว สองเท้าก็รีบเดินตามไปทันที

“ขอเข้าไปหาขรรค์หน่อยนะครับ”

“หมอเงินนี่เอง เชิญเลยครับ พี่ขรรค์เพิ่งเข้าไป”

“ขอบคุณครับ” เมื่อได้รับอนุญาตจากพนักงานบริการ ร่างสูงโปร่งก็เดินเข้าไป เห็นคนรักกำลังยืนหันหลังให้ยืนคุยกับป้ารีหัวหน้าแผนกครัวกับหัวหน้าบริการอยู่ เขาไม่ขัดแต่แอบฟังแทน

“งั้นพรุ่งนี้เชียร์อย่างอื่นไปก่อน จนกว่าของจะมาส่ง ตอนเช้าผมไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพราะเป็นข้าวต้มกับกับข้าวไม่กี่อย่าง เราก็เปลี่ยนเมนูเลยนะถ้าวัตถุดิบไม่พอ ทำเมนูที่คิดว่าจะพอกับลูกค้านะครับป้ารี ผมไม่อยากให้เกิดปัญหาลูกค้าได้ทานอาหารต่างกัน ทั้งๆ ที่จ่ายเท่ากัน ส่วนลูกค้าห้อง Deluxe กับ Suite ก็จัดอาหารแบบเดิมเลยนะครับ แล้วเช็คบัตรลูกค้าดีๆ ว่าลูกค้าใช้ห้องแบบไหน ก็จัดอาหารให้ถูก แยกเป็นส่วนตามปกติ อย่าเผลอพาลูกค้าไปนั่งผิดฝั่งนะครับ กำชับกับพนักงานบริการคนอื่นๆ ให้ดีด้วย”

“ได้เลยขรรค์ พี่จะกำชับพวกพนักงานให้” หัวหน้าบริการรับคำสั่ง

“ป้าเองก็จะให้เด็กๆ เช็ควัตถุดิบดีๆ อีกครั้ง”

“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวเราออกไปข้างนอกเถอะพี่กร” ร่างสูงหันกลับมาก่อนจะเบิกตากว้างที่เห็นคนรักยืนยิ้มอยู่ หัวหน้าบริการเห้นว่าขรรค์มีแขกมาหาถึงที่ก็ยิ้มแซวๆ แล้วขออกไปอ่อน ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปหาร่างโปร่งบางทันที

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะเงิน”

“ตั้งนานแล้วล่ะ พอจะเห็นอีกมุมหนึ่งของขรรค์เลย” หิรัญพูดแล้วหัวเราะ ทำเอาขรรค์หมดความมั่นใจไปในทันทีเลย เพราะกลัวว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดี จนคนรักเห็นว่ามันตลก

“มันตลกเหรอ”

“เปล่าๆ มันดูดีมากต่างหาก แต่ที่เงินหัวเราะเพราะไม่คิดว่าขรรค์จะมีมุมนี้ด้วย”

“ก็มันเป็นงานที่ได้รับมอบหมาย ขรรค์ก็ต้องทำให้ดีที่สุดสิเงิน”

“ครับๆ เงินก็ไม่ได้ว่าอะไร”

“ขรรค์ก็กลัวว่ามันจะดูตลกจนหมดความมั่นใจไปเลยนะเนี่ย”

“เท่ดีออก...” หิรัญพูด ยิ้มแล้วส่งสายตาที่สื่อความหมายบางอย่างไปให้คนรัก

มันเท่มาก...ตอนที่ขรรค์แบกจอบ ขุดดิน มีเหงื่อไหลเต็มหน้าเต็มตัวก็คิดว่าเท่และเซ็กซี่แล้วนะ พอมาเห็นอีกมุมหนึ่งที่ดูสะอาด นิ่งขรึม เป็นผู้นำ มันก็ดูเท่มีเสน่ห์ไปอีกแบบ แต่ไม่ว่าจะแบบไหน หิรัญก็รักขรรค์ทั้งนั้นแหละ

“ชอบไหม?”

“ชอบสิ...แต่ชอบขรรค์ตอนมีเหงื่อเต็มตัวมากกว่า”

“ก็เหมือนที่ขรรค์ ชอบเงินในชุดกาวน์สินะ” จ้องคนรักกลับไปด้วยสายตาที่ร้อนแรงอย่างปิดไม่มิด ทำเอาหิรัญต้องหันหน้าหนีเพราะกลัวจะรู้สึก...

“เงินหิว...หาอะไรให้กินหน่อย”

“ป่ะ...เดี๋ยวพาไปกิน”

“กินได้เหรอ?”

“อื้อ...ใช้ชาร์จของขรรค์เอง ปกติไม่ใช้หรอก แต่เงินมาก็ใช้เลี้ยงเงินดีกว่า”

“แหม...ลงทุนเนอะ” ร่างโปร่งประชด แต่ก็ยอมจับมือกับร่างสูงแล้วออกไปสั่งอาหารทานกัน ก็ถือว่าดินเนอร์...ที่ไม่ค่อยโรแมนติกเท่าไหร่ก็แล้วกันนะ

แต่ต่อให้โรแมนติกหรือไม่เขาก็รักอยู่ดี...







100%
 :ling2: :ling2: :ling2: :ling2:

อัพต่อแล้วนะคะ และมีเรื่องจะแจ้งด้วย ว่ายูกิเปิดเทอมแล้วนะคะ เป็นโค้งสุดท้ายของชีวิตปีสี่แล้ว
ก็คงจะยุ่งๆ วุ่นๆ มาๆ หายๆ อีกตามเคยก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ
ขนาดได้ปิดเทอมยังต้องทำงานให้อาจารย์อีก ไหนจะกิจกรรมของสาขาที่จัดให้พี่บัณฑิตอีก
นี่ปิดเทอมแล้วถูกมะ? 5555 มีอะไรพูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 57 100% => (12/11/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-11-2017 23:25:49
มดตอมไปหมดแล้ว หวานหยดย้อยเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 57 100% => (12/11/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-11-2017 01:33:33
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 57 100% => (12/11/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-11-2017 02:38:16
ดู ๆ ไปแล้ว คู่นี้น่าจะลงตัวมากกว่า 2 คู่ที่เหลืออีกนะ  o13
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 57 100% => (12/11/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 13-11-2017 10:34:39
ขรรค์ความสามารถล้นเหลือจิงๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 57 100% => (12/11/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 22-11-2017 22:28:00
เราคิดถึงคุณ!!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 57 100% => (12/11/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 29-11-2017 11:02:22
รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 57 100% => (12/11/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 29-11-2017 16:31:52
ทางนี้ก้อรอเหมือนกัน
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 58 100% => (04/12/60) P.31 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 04-12-2017 22:22:08
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 58
กลางทะเล





ร่างโปร่งบางกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้อาบแดดอยู่ในร่มไม้ที่ริมหาดขาวโพลน ผู้คนเดินเล่นไปมาอยู่น้อยมาก เลยไม่ได้สนใจร่างขาวที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่เลย ช่วงนี้ลมหนาวกำลังเข้ามา อากาศตอนนี้ก็เลยดีเอามากๆ โชคดีที่อินทัชทำงานทุกอย่างเสร็จแล้ว เลยให้รามินทร์ขับรถเอาเอกสารไปให้เลขาของเขาที่ขับรถมารับ ซึ่งจะเจอกันแบบคนละครึ่งทาง เนื่องจากเลขาของเขามีธุระ

ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงกล้าอยู่คนเดียวทั้งๆ ที่สภาพขาเป็นอย่างนี้ล่ะก็...

“จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดอยู่รอบๆ เต็มไปหมดแบบนี้ไหม” เสียงของคนที่ไปทำธุระให้เขาดังขึ้นมา ทำให้อินทัชต้องลืมตาขึ้นมามองคนที่ขัดการนอนหลับของเขา

ก็ไม่ได้นอนหลับหรอก แค่หลับตาเฉยๆ ใครจะไปกล้านอนหลับในขณะที่ตัวเองกำลังโดนปองร้ายอยู่กันล่ะ

“ก็ไม่เห็นเป็นไร พวกนั้นก็ใส่ชุดกลมกลืนกับนักท่องเที่ยว ไม่ได้สุ่ดสูทดำ เดินทะมึนรอบๆ สักหน่อย มึงก็อย่าไปคิดว่าพวกนั้นเป็นบอดี้การ์ดดิวะ”

“จะไม่ให้กูคิดได้ยังไง มึงเล่นส่งมาประกบกูสามคนเลยนะเว้ย กูดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องมีหรอกน่า มึงเอาไปคุ้มกันมึงคนเดียวเถอะ”

“งั้นมึงก็กลับเพชรบูรณ์ไป แลกกัน”

“โอเคๆ ให้มาตามกูก็ได้ แต่ลดเหลือคนเดียวได้ไหมวะ เพราะยังไงตั้งแต่นี้ไปกูจะอยู่กับมึงตลอดเวลาอยู่แล้ว และตั้งแต่มึงเอาบอดี้การ์ดมาก็สามวันแล้วที่อามึงเงียบหายไป”

“หายไปก็จริง แต่กูเชื่อว่าจะต้องมองหาช่องอยู่แถวๆ นี้แหละ”

รามินทร์หันมองรอบๆ อีกครั้ง เพราะไม่ไว้วางใจกับอาของอินทัช ไม่แน่อาจจะส่งคนมาแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวอยู่แถวนี้ก็ได้

“จะดูออกเหรอว่าใคร”

“ใครที่มันพิรุธที่สุด ก็มันนั่นแหละ”

จุดประสงค์ที่ออกมานอนเล่นที่หาดแบบนี้เพราะต้องการออกมาล่อด้วยแหละ

บอดี้การ์ดที่เขาขอธีรไนยไปก็ไหวพริบดีใช่เล่น เพราะวันแรกที่มาถึงกัน ก็เหมือนจะเจอคนหนึ่งแต่มันก็หนีไปได้ก่อน เลยทำให้เขารู้ว่าพวกมันแฝงตัวมาเป็นนักท่องเที่ยว อยู่ใกล้จมูกเขานิดเดียวเท่านั้น

“บางทีเขาอาจจะมีพิรุธเพราะกลัวบอดี้การ์ดของมึงก็ได้” รามินทร์ว่าพลางทิ้งตัวนอนลงเก้าอี้ข้างๆ ที่ตั้งวางคู่กันกับของอินทัช

“ไม่รู้สิ...ยังไงความปลอดภัยกูก็ต้องมาก่อน แล้วบอดี้การ์ดกูไม่ใช่นักฆ่าที่จะเที่ยวทำร้ายคนอื่นถ้าหากว่าคนๆ นั้นไม่ทำร้ายกูก่อน เข้าใจนะ”

“กูเข้าใจ แค่ไม่ชินที่ต้องมีคนตามเป็นพรวน”

“กูก็ไม่ได้ชอบนักหรอกนะ แต่ชีวิตของกูต้องดูแลชีวิตของพนักงานอีกหลายๆ คน แล้วถ้าเกิดกูเป็นอะไร บริษัทจะทำยังไง มึงเองก็เหมือนกัน มาตาม มาอยู่ใกล้กูแบบนี้มันก็เป็นอันตราย ถ้ามึงไม่อยากให้คนคอยตามก็แค่อยู่ห่างๆ กูไปซะ แต่ถ้าอยากจะอยู่ข้างกูก็ต้องยอมรับในสิ่งที่กูเป็นให้ได้”

“กูยอมให้คนตามกูเป็นร้อยก็ได้ แค่ได้อยู่กับมึง”

“งั้นก็เลิกบ่น เพราะกูรำคาญ”

“ครับ...จะเลิกบ่นแล้วครับ”

“ดี...”

จริงๆ แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่อินทัชต้องใช้บอดี้การ์ดมาคุ้มครองตัวเอง เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยไปขัดแข้งขัดขาใคร ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน อยู่อย่างสงบ ทำธุรกิจแบบมีคุณธรรม ไม่เคยตัดหน้าใคร กับคู่แข่งขันเราก็คุยกันดี

แต่อินทัชรู้จักเทพากรดี...ดีจนต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาแบบนี้

(คุณอินครับ มีคนน่าสงสัยอยู่ทางสิบสองนาฬิกา)

หูฟังไร้สายที่เสียบอยู่ที่หูข้างหนึ่งก็ทำหน้าที่ได้ดีเหลือเกิน รามินทร์ไม่รู้หรอกว่าเขาหูฟังไร้สายอยู่ก็เลยไม่ได้เอะใจอะไรที่เขาหันไปมองตามที่บอดี้การ์ดรายงานมา

เพราะผมเขาค่อนข้างยาวเลยปิดหูจนมองไม่เห็น...

“อืม...’ไปเดินเล่นหน่อยไหม’ ว่ามีอะไรน่าสนใจหรือเปล่า” เหมือนจะถามรามินทร์แต่ก็เป็นประโยคที่แอบแฝงคำสั่งให้บอดี้การ์ดไปตรวจดู

“มึงอยากไปเหรอ”

“อยากนะ แต่ก็ขี้เกียจเดิน...” อินทัชว่าเพื่อเลี่ยงอย่างเนียนๆ

“นั่นสิ ว่าแต่ขาให้ปวดหรือยัง”

“เริ่มแล้วล่ะ ขาก็หายบวมแล้ว แต่ยังเจ็บเวลาเดินอยู่แต่อีกไม่นานก็คงหาย กลับกรุงเทพก็ไปเอาเฝือกออกได้แล้วล่ะมั้ง” ร่างโปร่งตอบ

“กูว่ามันก็ดีขึ้นแล้วจริงๆ แหละ งั้นกลับกรุงเทพกูจะพาไปหาหมอนะ”

“อือ...”

“อยากจะไปนั่งเรือเล่นไหม”

“ได้เหรอ?” ถามกลับอย่างสนอกสนใจ เพราะตลอดเวลาที่อินทัชเหม่อมองไปยังท้องทะเลข้างหน้า เขาก็อยากที่จะไปนั่งเรือเล่นแล้วนอนกลางทะเลสักชั่วโมงสองชั่วโมง

“ได้สิ วันนี้เต็มที่เลย เพราะพรุ่งนี้เราก็กลับกันแล้ว มึงมีประชุมนี่”

“จริงด้วย! ทำไมมึงรู้”

“คุณวัลย์บอกกูมา”

“อ๋อ...งั้นพรุ่งนี้ก็เตรียมอุปกรณ์ในการประชุมให้กูด้วยก็แล้วกัน อยู่ในห้องทำงานนั่นแหละ”

“วิดีโอคอลอ่ะนะ?”

“เออ! กูไม่ไปบริษัทด้วยสภาพขาเดี้ยงๆ หรอก”

“ได้...พรุ่งนี้ก็จะจัดการให้ เริ่มประชุมสิบโมงใช่ไหม?”

“อือ...”

“หึหึ เหมือนกูทำหน้าที่เป็นเลขาให้มึงเลยว่ะอิน” ร่างสูงว่า

“อยากทำเองไม่ใช่หรือไง?”

“ก็ใช่! กูก็แค่พูดเฉยๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นดิวะ” รามินทร์ว่า

“กูทำหน้าแบบไหน?”

“ก็แบบที่พร้อมเหวี่ยงตลอดเวลาไง ฮ่าๆ”

“ไอ้สัตว์นี่!!” ร่างโปร่งชี้นิ้วด่าร่างสูงที่วิ่งหนีไปแล้ว รามินทร์ตรงไปยังเรือที่เขานอนมองมันหลายชั่วโมง อินทัชถอนหายใจเฮือกใหญ่

“นอนไม่ได้สินะ”

พอมีโอกาสให้นอนอินทัชก็อยากจะนอนให้มันเยอะๆ ไปเลย เอาให้คุ้มกับที่ผ่านมานอนไม่ค่อยพอมาตลอดทั้งชีวิต แต่ความเป็นจริงมันก็ทำไม่ได้อยู่ดี ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง

ร่างสูงขึ้นไปบนเรือเช็คเครื่องยนต์ เช็คน้ำมัน ก่อนจะเดินมาหาอินทัช

“พร้อม...”

“ไม่มีลำใหญ่กว่านี้หรือไง กูอยากนอน”

“มันก็นอนได้นะเว้ย มึงดูจากตรงนี้จะไปเห็นอะไร”

“มันเล็กอ่ะ”

“เล็กบ้าอะไร เรือของกูเรือยอร์ชนะเว้ย มีห้องนอน มีโต๊ะกินข้าว มีห้องครัว มีห้องน้ำ มีทีวี มีตู้เย็น มีที่นอนอาบแดด สรุปคือหรูครับ เหมาะกับจริตมึง”

“เหรอ? มึงซื้อมาทำไมขนาดนี้วะ”

“กูชอบ เวลากูไม่สบายใจนอกจากวัดแล้วก็จะเอาตัวเองไปทิ้งกลางทะเล บางวันก็นอนแม่งกลางทะเลนั่นแหละ”

“งั้นวันนี้นอนกลางทะเลได้ไหม”

“อืม...ก็ได้สิ เดี๋ยวไปเก็บเสื้อผ้าก่อนก็แล้วกัน แต่ว่ากูมีเรือของกูแค่ลำเดียวนะ บอดี้การ์ดมึงก็ไปสปีดโบ๊ทเล็กๆ เอา กูมีอยู่สองคำ ไปทีละสี่ผลัดกันคุ้มกันเอา แบบนี้โอเคไหม?” รามินทร์ถาม มองไปรอบๆ ที่เห็นบอดี้การ์ดนับสิบคนกระจัดกระจายอยู่รอบๆ

“มีสองคันเองเหรอวะ”

“ทำไม จะให้พวกเขาล้อมเราเอาไว้หรือไง”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“กูมีแค่สองลำจริงๆ ส่วนเรือยอร์ชกูไม่ค่อยให้ใครใช่หรอกจะมีเพื่อนกูคนหนึ่งที่มาบ่อยๆ เรือกูก็เลยไม่ค่อยเป็นหม้าย มันเป็นที่ส่วนตัวน่ะนะ นอกจากเพื่อนสนิทกูก็มีแค่มึงเนี่ยแหละที่กูยอมให้มึงขึ้น”

“เจ้าจอมกับน้องสาวมึงล่ะ พ่อกับแม่อีก”

“เอาจริงๆ ไหม”

“อือ”

“พวกเขาไม่รู้หรอกว่ากูเอาเงินไปซื้อเรือยอร์ชมา”

“แล้วทำไมไม่ไปอยู่แถวกระบี่ ภูเก็ตอะไรพวกนี้วะ” ร่างโปร่งบางถาม

“แล้วสัตหีบน้ำไม่ใสเหรอวะ ที่นี่ก็บรรยากาศดีนะเว้ย ส่วนทางนั้นมันไกลไป ลงใต้ไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับกูเลย”

“ไม่มีรีสอร์ทหรือโรงแรมที่นั่นเหรอ”

“ก็มี...แต่ก็ให้ญาติๆ ดูแหละ กูไม่ค่อยได้ไปหรอก แต่ตรวจสอบตลอด มีอะไรจะซักอีกไหมครับคุณภรรยา จะได้พาไปขับเรือเล่น แล้วก็นอนค้างคืนสักคืน อากาศวันนี้ไม่มีปัญหา”

“เดี๋ยว...” ร่างโปร่งเรียกร่างสูงเอาไว้เมื่ออีกคนทำท่าจะเดินกลับบ้านพักไป

“อะไรอีกครับ”

“ใครขับ?”

“กูไง...ทำไม?” รามินทร์เลิกคิ้วถามกลับมา

“ขับเป็นเหรอวะ”

“ไม่เป็นจะซื้อมาขับเหรอ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กูไม่พามึงเป็นอะไรแน่ๆ อ้อ! มึงอย่าหวังเลยว่าจะคนขึ้นเรือเราไปด้วย เพราะกูจะอยู่กับมึง...แค่สองคน”

ร่างโปร่งส่ายหน้าอย่างระอามองตามคนตัวใหญ่กว่าที่พูดเอาๆ แล้วก็เดินหนีไปไม่รอให้เขาได้คัดค้านด้วย

“มาหาฉันหน่อย” อินทัชสั่งออกไปเพราะไมค์ที่ติดเอาไว้ยังทำงานอยู่ พอมาคิดๆ ดูแล้วเมื่อกี้นี้รามินทร์หลุดคำว่าภรรยาออกมาด้วยสินะ ได้ยินกันหมดแล้วแน่ๆ

ไม่นานบอดี้การ์ดสามคนที่ใส่หูฟังเชื่อมกับเขาก็เข้ามาหา

“ฉันจะไปนอนกลางทะเลคืนนี้ มีสปีดโบ๊ทให้พวกนายสองลำ แล้วก็ไปเช่ามาอีกสองลำนะ ลงเรือไปแปดคน อยู่บนนี้สามคนคอยดูว่ามีใครน่าสงสัยตามฉันลงไปหรือเปล่า อ้อ คนที่จะไปกลางทะเลน่ะ ให้กระจายรอบเรือยอร์ชลำนั้นนะ กระจายอยู่ให้ห่างไม่ต้องใกล้มาก ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว” อินทัชสั่งบอดี้การ์ดที่จ้างมาด้วยสีหน้าจริงจัง

“รับทราบครับ”

“ตอนที่จะขับตามฉันไปไม่ต้องไปทีเดียวทั้งหมดก็ได้ ให้บางส่วนไปซื้ออาหารกับน้ำไปกันเองก็แล้วกัน จัดการกันเอง เอาใบเสร็จมาเบิกที่ฉันในวันพรุ่งนี้”

“ครับคุณอิน”

“อืม...ไปเตรียมตัวเถอะ”

“ครับ”

อินทัชมองไปยังทะเลแล้วยิ้มออกมา ถ้าหากรามินทร์เห็นเขาตอนนี้คงจะต้องหัวเราะแน่ๆ ที่เขาทำตัวตื่นเต้นเป็นเด็กๆ ออกมาอย่างออกนอกหน้า

เขาไม่ค่อยได้นั่งเรือเท่าไหร่ ชีวิตอยู่แต่กับเครื่องบิน รถส่วนตัว แล้วก็บริษัท

ไม่แปลกที่เขาจะอยากไปแบบสุดๆ อย่างนี้


“ชอบล่ะสิ”

“มึงพากูมาถึงไหนเนี่ย แน่ใจนะว่าจะพากลับถูก” อินทัชไม่ตอบคำถามร่างสูง แต่มองรอบๆ แล้วถามกลับไปแทน ร่างโปร่งรู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะไม่ค่อยไว้ใจรามินทร์เท่าไหร่นัก หากแต่อากาศมันก็ดีจนทิ้งความกังวลออกไปได้

“เออน่า ยังไงมึงก็ให้คนตามาตั้งแปดคนขนาดนี้ มึงไม่คิดว่าจะเวอร์ไปหน่อยเหรอวะ คนตามเป็นพรวนเนี่ย”

“ถ้าขากูดีอยู่ กูก็ไม่ใช้เยอะหรอกน่า แต่มึงก็ไม่ต้องบ่นได้ไหม กูให้พวกนั้นมันอยู่ให้ห่างเพราะกูต้องการเวลาส่วนตัว”

รามินทร์ยิ้มกับคำพูดนี้ แสดงว่าอินทัชอยากจะอยู่กับเขาตามลำพังสินะ ใช่ไม่ใช่ก้ขอคิดเข้าข้างตัวเองเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน

“ยิ้มบ้าอะไร”

“เปล่านี่...กูไม่มีสิทธิ์ยิ้มหรือไง”

“เรื่องของมึง”

อินทัชรู้สึกเซ็งอยู่อย่างหนึ่งก็คือเขาลุกเดินเองไม่ค่อยสะดวกเพราะความโคลงเคลงของเรืออาจจะทำให้อินทัชอาการหนักกว่าเดิมได้ เพราะแค่เดินพื้นเรียบในบ้านยังรู้สึกเจ็บๆ อยู่เลย เดินบนเรือที่กำลังแล่นมีหวังโดนด่าว่าจะฆ่าตัวตายแน่ๆ

ขี้เกียจฟังไอ้รามมันพูดแล้ว อยู่เฉยๆ ก็ได้วะ

“ทำหน้าเหมือนอยากจะเดินสำรวจ”

ทำมาเป็นรู้ใจ ไอ้ห่าเอ้ย!!

“เปล่า...”

“ห้องนอนกูใหญ่นะเว้ย นอนสบายมาก ยิ่งนอนกลางทะเลแล้ว ได้ฟีลสุดๆ”

“มึงจะพูดทำไมวะไอ้ราม ทรมานคนเดินไม่ได้สนุกนักหรือไงวะ!”

“อย่าโกรธเลยน่า เดี๋ยวกูก็จะพามึงสำรวจเอง ให้ทั่วเลย”

“จริง?”

“เออ! ไม่โกหกหรอกน่า กูรักษาสัญญา..”

“ไม่ต้องพูดคำสุดท้ายนะ มันไม่ใช่” ยังไม่ทันที่รามินทร์จะพูดจบประโยค อินทัชก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน เพราะรู้ว่าคนที่ขับเรืออยู่ตอนนี้จะพูดคำอะไรออกมา

“ฮะๆ รู้ใจดีจังนะ”

‘เสมอ’ คำๆ นี้คือคำที่มันจะพูด อินทัชไม่เชื่อว่าคนอย่างรามินทร์จะเป็นคนที่รักษาสัญญา เพราะไม่ว่าอีกคนจะสัญญาอะไรกับเขา รามินทร์ไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง

“มึงมันเป็นพวกเชื่อไม่ได้ กูไม่รู้เลยว่าจะเชื่อคำสัญญามึงดีหรือเปล่า เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาสัญญาอะไรกับกู กูไม่อยากผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

“นี่กูทำมึงผิดหวังขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“ไม่มั้ง...สัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับกู แล้วดูสิ่งที่มึงทำดิ”

รามินทร์ได้แต่หัวเราะ มือก็บังคับพวงมาลัย ท่าทางที่เจ้าของเรือใช้ขับเรือมันช่างดูเท่และเหมาะกับรามินทร์เอามากๆ ขนาดที่อินทัชไม่กล้าจะมองภาพนั้นตรงๆ ต้องมองนั่นมองนี่ระหว่างที่พูดตอบโต้ร่างสูงแกร่ง

หากแต่ความสนใจของอินทัชไม่ได้มีเพียงแค่การสำรวจเรือ...

“ขับยากไหมวะ”

“อยากลองเหรอ?”

“อือ...มันยากไหม”

“ก็ไม่ยากเท่าไหร่หรอก กูสอนเอาไหม?”

“กูยืนนานไม่ได้นะ มันเมื่อย” อินทัชพูด

“ก็ไม่ต้องนาน เมื่อยเมื่อไหร่ก็บอกกู จะให้นั่งเหมือนเดิม” รามินทร์แนะนำ แต่ดวงตาดูเจ้าเล่ห์ยังไงชอบกล อย่าคิดว่าไม่รู้ว่ามันกำลังคิดจะทำอะไร

ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อต้องใช้ความคิด ชั่งใจดูว่าจะเอายังไงกับสถานการณ์แบบนี้ดี  ใจหนึ่งก็อยากเรียน อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากโดนลวนลาม...

หน้าตาหื่นกามออกขนาดนั้น...แน่ใจไหมว่าถ้าโดนลวนลามแล้วจะไม่เคลิ้ม? อินทัชไม่ใช่คนใจแข็งขนาดนั้นด้วย ที่ผ่านมาการที่ต้องปฏิเสธรามินทร์ต้องข่มอารมณ์ตัวเองขนาดไหน ไม่มีใครรู้นอกจากตัวของเขาเอง

“มาเถอะน่า”

“หน้ามึงไม่น่าไว้ใจ...”

“กูจะทำอะไรมึงได้ ถ้ามึงไม่เต็มใจ ถูกไหม?”

ไอ้ที่กลัวก็คือตัวเองจะเต็มใจเนี่ยแหละ ไอ้หน้ามึน!!

“กลัวเหรอ”

เออ!! กลัว...แต่ใครจะไปยอมให้มันหยามกันเล่า!!

“ไม่ได้กลัว” ตอบเสียงห้วน

“งั้นก็มาขับ จะสอนให้” ร่างสูงเดินมาหาคนสวยที่ตอนนี้ทำหน้าหวาดระแวงแบบไม่ปิดบัง ทำเอาร่างสูงอมยิ้มอย่างมีความสุขและสนุกกับท่าทีของคนที่ตนรัก

พอเขาอยู่ตรงพวงมาลัยเรือก็โดนประกบหลังจากคนตัวใหญ่กว่าทันที มือแกร่งจับมือเล็กให้เอาไปวางไว้ตรงจุดที่ควรจะวางเวลาขับเรือ แล้วก็อธิบายการขับชิดกับใบหูจนร่างเล็กกว่าขนลุกซุ่ต้องเบี่ยงหลบเล็กน้อย

“อย่าน่า...สอนอย่างเดียวสิ” เอ่ยปรามเสียงดุ

“ก็สอนอยู่ไง”

“แต่ปากมึงอยู่ไม่นิ่งนี่หว่า พูดอย่างเดียวไม่จำเป็นต้องสิงหูกูก็ได้มั้ง”

“กลัวมึงไม่ได้ยิน”

“ขอบคุณในความหวังดี แต่กูได้ยินชัดมาก ต่อให้มึงจะพูดอยู่อีกฝั่งของเกาะกูก็ได้ยิน” อินทัชประชดประชันออกไป เสียงหัวเราทุ้มต่ำก็ดังข้างหูอีกครั้งจนสยิวกิ้วไปหมด

“ไอ้ราม!”

“อย่าตะโกนดิ...เจ็บคอเปล่าๆ เอ้าขับไปสิ”

“กูไม่ขับแล้ว”

“ไม่ได้ กูยังพักไม่พอเลย”

พักของมึงคือการเอามากเอาจมูกมาไซ้คอกูเนี่ยนะ เห็นว่าขยับตัวมากไม่ได้ก็เลยได้ใจ จะทำอะไรกับร่างกายกูก็ได้เหรอ ลืมไปแล้วหรือไงว่าแขนกูยังใช้ได้!!

ปัก!!

“อั่ก!!! เจ็บนะเว้ยอิน ศอกมาได้”

“ก็มึงทำรุ่มร่ามเอง ช่วยไม่ได้”

“แล้วทำไมกูจะทำไม่ได้อ่ะ”

“ก็มันร่างกายกู กูไม่อนุญาต” เถียงไม่ออกเลยทีนี้ รามินทร์เห็นว่ารุกหนักไปอาจจะทำให้ทุกอย่างพังได้ก็เลยยอมพาอินทัชมานั่งอยู่กับที่เหมือนเดิม แต่ก็แอบหอมแก้มนุ่มเบาๆ แล้วเดินกลับมาประจำที่คนขับอย่างรวดเร็วเลยไม่ทันโดน่ามืออรหันของอินทัช

จุ๊บ!!

“ไอ้นี่!”

“ฮ่าๆ นุ่มจังเลยว่ะ น่าฟัดแรงๆ หลายที”

“ไอ้ตัณหากลับ!!”

“แล้วไง เป็นกับเมียคนเดียวนี่หว่า”

“หุบไปไปเลยไป น่ารำคาญจริงๆ เลยมึงเนี่ย!!” รามินทร์สั่งเสียงดัง ร่างสูงกลับทำหน้าไม่หยี่ระแต่ก็ยอมเงียบไม่กวนประสาทคนรักอีก

 ...

...

...


(มีต่อ)
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 58 100% => (04/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 04-12-2017 22:22:55
ตอนที่ 58 (ต่อ)




เวลาค่ำคืบคลานเข้ามาถึง ฟ้าเริ่มมืดลง ไฟของเรือยอร์ชก็ทำงานให้ความสว่าง ห่างไปหลายร้อยเมตรมีสปีดโบ๊ทสี่ลำ จอดล้อมรอบพวกเขาเอาไว้อยู่ หามองจากด้านบนจะเห็นเป็นจุดแสงไฟสวยงาม

รามินทร์ทำอาหารง่ายๆ ให้อินทัชกิน ซึ่งมันก็ง่ายมากอย่างที่บอกและทำไม่นานจริงๆ เพราะมันก็แค่อุ่นอาหารพวกนั้นในโมโครเวฟ อยากจะกินอะไรก็หยิบจากตู้แช่แข็งมาอุ่นเท่านั้น

“ในนี้นี่มีพร้อมทุกอย่างเลยนะ มึงเตรียมไว้เพื่อ เปลืองค่าไฟเปล่าๆ”

“ก็เพื่อนกูไง กูบอกแล้วว่ามันมาบ่อยๆ”

“ก็ไม่ใช่ทุกวันนี่หว่า”

“เอาน่า...กูชอบของกู กูยอมหมดนั่นแหละ”

อินทัชพยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ หากเป็นเขา ถ้าได้ชอบอะไรแล้วก็จะทุ่มทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมาเหมือนกัน ก็ถือว่ามีอะไรที่เหมือนกันแล้วหนึ่งอย่างล่ะนะ

แต่เป็นนิสัยที่พากันล่มจมสุดๆ

“แล้วให้กูกินอาหารเวฟ? เรือยอร์ชมีครัวอย่างหรู แต่เวฟอาหารแช่แข็งให้กิน เหอะ! ดีงามเวอร์”

“อย่าประชดน่า...ก็กูทำอาหารไม่เป็น หรือว่ามึงจะทำล่ะ”

“กูคงลุกไปยืนทำได้เนาะ”

“นั่นไง งั้นก็แดกไอ้นี่ไป อย่าบ่นได้ไหมครับ มันก็ดีกว่าไม่มีให้คุณอินรับประทานนะครับ” รามินทร์ว่าอย่างประชดประชันกลับไม่แพ้กัน

“เฮอะ! ไม่ได้ดั่งใจเลยว่ะ”

“แล้วจะเอายังไง?”

“มันก็ต้องกินอาหารทะเลอร่อยๆ สิวะ”

“ให้โทรสั่งไหมล่ะ?”

“พอๆ ไม่ต้องแล้ว กูกินจนจะอิ่มแล้วเนี่ย”

“แล้งบ่นเพื่อ?”

“ก็มันไม่ได้ฟีลไง มาอยู่กลางทะเลแต่เสือกกินอาหารแช่แข็ง เฮ้อ...เกือบเป็นทริปที่ดีแล้วเชียว”

“บ่นจังเลยวะ เอาโล่เกียรติคุณไหม”

รามินทร์ไม่ได้รู้สึกโมโหอะไรหรอกที่ร่างโปร่งบ่นออกมาแบบนี้ ดูท่าทางก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่ตัวเองพูดนักหรอก...

“ทำให้ก็เอามา” ท้าทายกลับมาจนดูน่าหมั่นเขี้ยวสุดๆ อยากจะโน้มหน้าไปฟัดแก้มนุ่มๆ นั้นให้หายหมั่นเขี้ยว

รามินทร์ลุกขึ้นแล้วเคลียร์ของบนโต๊ะ เอาจานไปล้างที่ซิงค์น้ำ ใบหน้าสวยมองตามรามินทร์เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะมองตรงไหน ก็เลยเลือกที่จะมองร่างสูงกว่าที่ขยับไปมาไม่น่าเบื่อดีกว่า

มองไปมองมาก็ชักเพลิน...

“อยากขึ้นไปนั่งเล่น กินลม ชมดาว หรือว่าจะไปนอนดูทีวี” ร่างสูงเช็ดมือกับกางเกงตัวเองอย่างไม่กลัวว่ามันจะเปียก หันกลับมาถามร่างโปร่งบางที่นั่งเท้าคางมองเขาอยู่จนสะดุ้งตกใจ

“ห๊ะ! อะไรนะ”

รามินทร์ยิ้มแล้วส่ายหน้าให้กับอินทัชด้วยความเอ็นดู ปากขยับพูดทวนคำถามอีกครั้ง จนร่างบางร้องอ๋อ...

“กูอยากจะไปดูอากาศข้างบนก่อนว่ามันเป็นยังไง”

“มันหนาวนะ”

“จริงเหรอ?”

“อืม...กูขึ้นไปเอาของข้างบนมา อากาศอย่างเย็นเลย มึงอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนดีไหม”

“อาบยังไง ไม่อาบหรอก เรือมึงมีอ่างอาบน้ำให้กูหรือไง”

“ไม่มี...แต่มีเก้าอี้ให้มึงเอาขาพาด แล้วก็มีถุงพลาสติกคลุมเฝือกมึงด้วย คิดดุว่ากูพร้อมขนาดไหน สามีแบบนี้หาที่ไหนอีกไม่ได้แล้วนะครับ” ยักคิ้วให้ด้วยเป็นการหว่านเสน่ห์ ทำเอาอินทัชทำหน้าเบื่อหน่าย

อาบก็อาบ...ทุกวันนี้แก้ผ้ากับมันจนรู้สึกชินแล้ว

ชินที่ถูกอาบน้ำให้ แต่ไม่ชินกับสายตาที่มองกันปานจะกลืนกินเสียที...

“แบบไหน? เลวน่ะเหรอ ไม่ต้องบอกกูก็รู้น่า”

“ไม่เป็นไร ต่อให้มึงจะด่าจะว่ากู แต่ยอมรับว่ากูเป็นสามีกูก็มีความสุขแล้ว”

“เอาที่มึงสบายใจ”

“หึหึ มา...เดี๋ยวจะพาไปอาบน้ำนะครับที่รัก”

“ไม่ต้องพูดอะไรที่มันชวนอ้วกได้ป่ะ กูเสียดายอาหารแช่แข็งที่แดกไป” อินทัชเอาแขนพาดไหล่ของรามินทร์ เพราะเจ้าตัวเลือกประคองเขาให้เดินเองแทนที่จะเป็นการอุ้มอย่างทุกที

รามินทร์พยายามให้ร่างโปร่งเดินเองบ้าง เพราะอยู่เฉยๆ มากเกินไป มันไม่ดีกับกล้ามเนื้อ ก็เลยให้อินทัชเดินบ้าง แต่ถ้ารู้สึกเจ็บมากๆ เมื่อไหร่จะให้หยุดเดิน...

ถือว่าเขาทำหน้าที่นักกายภาพบำบัดได้ดีเลยนะ


เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วรามินทร์ก็พาอินทัชขึ้นมาข้างบน มันเป็นที่นอนที่สามารถดึงมานอนได้มีพนักพิงเหมือนโซฟา แต่สามารถปรับระดับได้ เขาก็ปรับให้มันเฉียงหน่อยแล้วให้อินทัชนอนพิงดูดาวรอไปก่อน เพราะเขาลงไปเอาผ้าห่มขึ้นมาให้กับอินทัชที่พอได้สัมผัสกับอากาศด้านนอกก็ตัวสั่นจนเขารู้สึกได้

บอกแล้วไง ว่าอากาศมันเย็นมาก

“หนาวมากไหม”

“อากาศกำลังดี กูชอบ”

“ดีแล้วที่มึงชอบ”

อินทัชยิ้มบางๆ มองท้องฟ้าที่มีดาวอยู่เพียงน้อยนิด แต่เมื่อเห็นว่ารามินทร์ก็ยังยืนมองเขาอยู่แบบนั้น เขาก็เลยขมวดคิ้วแปลกใจ

“ไม่นอน?”

“นึกว่าจะไม่ชวน”

“ทำไมต้องรอชวน ที่ก็มีตั้งเยอะ ที่สำคัญนี่เป็นเรือของมึง”

“ลุกขึ้นหน่อยได้ไหม”

“ทำไม?” ถึงจะถามไปอย่างนั้น แต่ร่างบางก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วรามินทร์ก็แทรกตัวเข้าไปแย่งที่แยกขาออกจากกัน มือแกร่งก็ดึงร่างโปร่งเข้ามาหาตัวแล้วโอบกอดคนตัวเล็กกว่าจากข้างหลัง อินทัชตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะโดนจู่โจมเร็วเกินไปก็ได้แต่นั่งนิ่ง ไม่ขัดขืน

ผ่านไปสักพักก็ยังอยู่ท่านั้น แต่ก็ผ่อนคลายอารมณ์ลง เอนกายซบกับร่างสูงใหญ่ด้านหลังทีละน้อยจนทิ้งน้ำหนักมาทั้งตัว

หมับ!!

รามินทร์กระชับอ้อมแขนแน่นมากขึ้นแต่คนในอ้อมแขนก็ไม่มีทีท่าจะพูดหรือว่าอะไรเลย มีแต่ความเงียบมอบให้เขา แต่นั่นรามินทร์ก็คิดว่าตัวเองเข้าใจความรู้ของอินทัชตอนนี้ดี

“กูไม่มีผ้าห่ม...” ร่างสูงพูดเสียงเบา ข้างๆ กับหูขาว

“แล้ว?”

“ห่มกับมึงได้ไหม”

“ก็ทำแบบนั้นอยู่ไม่ใช่หรือไง” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังข้างหูขาวอีกครั้ง ร่างขาวขนลุกไปทั้งตัวแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่รู้สิ...มันก็อดยอมรับไม่ได้ว่าการโดนสัมผัสจากรามินทร์ มันทำให้เขารู้สึกดี

และรู้สึกอบอุ่นมากๆ

“โรแมนติกเนอะ ว่าไม?”

“ไม่เลยสักนิด”

แต่อินทัชก็คืออินทัช การพูดขัดบรรยากาศเพราะต้องการแก้เขินน่ะมันก็เป็นหนึ่งในความสามรถของเจ้าตัวเขาล่ะ...แต่รามินทร์ก็คิดว่าการที่อินทัชเป็นแบบนี้ก็คือเสน่ห์อย่างหนึ่งนั่นแหละ

“ตลอดอ่ะมึง”

“หึหึ” เสียงหัวเราของอินทัชดังขึ้นเบาๆ แต่คนที่อยู่ใกล้ตัวอย่างเขาได้ยินมันอย่างชัดเจน

ได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะ จากคนที่เขารัก รามินทร์ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...ที่ผ่านมาเขาทำผิดเอาไว้มาก มากจนไม่อยากให้อภัยตัวเองเลย แต่รามินทร์ไม่ใช่คนดี...และไม่ได้เลวขนาดนั้น

รักเป็น โกรธเป็น เจ็บเป็น...

“กูรักมึงนะ”

“คิดว่าจะเคลิ้มหรือไง”

“ถ้าเขินก็อยู่เงียบๆ ก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องทำลายบรรยากาศ” รามินทร์พูด

“บ้าเหรอ!! ใครจะไปเขินกันล่ะ มั่ว!!”

ถ้าให้อินทัชสาบานบอกเลยว่าตายไปนานแล้ว เพราะประโยคที่เถียงออกไป กับสีหน้าตอนนี้มันตรงกันข้ามกันสุดๆ รามินทร์เองก็รู้เพราะหูที่แดงๆ ของร่างขาวบางมันก็ตอบได้ดีเลยล่ะ

“หันมาหน่อย...”

“ทำไม?”

“อยากจูบ”

ไม่รู้ว่าการที่พูดออกไปตรงๆ แบบนี้จะทำให้เขาได้ในสิ่งที่อยากได้หรือเปล่า แต่มันก็ต้องเสี่ยงกันบ้างแหละ...อยากได้อะไรก็ต้องกล้าเสี่ยงทำให้ได้มา

ใบหน้าสวยแสดงความกังวลออกมาทางสีหน้า ที่กังวลนี่ไม่ใช่ว่ากลัว ไม่ใช่ไม่อยาก...เขาเองก็อยากจูบกับมัน เพียงแต่ว่าอะไรหลายๆ อย่างมันค้านกันอยู่ในใจ...

แต่แล้วร่างบางก็ต้านทานความรู้สึกของตัวเองไม่ไหว ความต้องการส่วนลึก...สัญชาตญาณดิบที่ไม่ได้ปลดปล่อยเลยเกือบสองเดือน ใบหน้าสวยทำเพียงเอนตัวไปทางซ้าย หันหน้าไปทางขวาแล้วแหงนขึ้น ยังไม่ทันได้มองตาอีกคนเลย ริมฝีปากสวยก็ถูกครอบครองอย่างรุนแรง

“อื้อ”

ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มอย่างร้อนแรง ทั้งดูดุน ทั้งขบเม้มหลอกหล่อ แล้วก็สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กในโพรงปากร้อนของอินทัช ร่างโปร่งบางเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้ ตอบรับสัมผัสกลับไปด้วยทักษะที่ตัวเองมีทั้งหมด...

คนจูบเก่ง เจอคนจูบเก่ง ไม่ต้องถามถึงความร้อนแรง....เพราะเขาสองคนก็รู้ๆ กันอยู่

มือหนาค่อยๆ ลูบไล้ร่างกายบางโดยมุดใต้ผ้าห่มไปอย่างถือวิสาสะ...ร่างโปร่งสะดุ้งเมื่อมือเย็นๆ ของรามินทร์สัมผัสโดนกายอุ่นใต้ผ้าห่มหนา แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนหรือต่อต้าน แล้วท่าทางแบบนั้นก็เป็นสัญญาณเตือนที่ดี เป็นสัญญาณแห่งการอนุญาต...

“อื้อ...ค่ะ แค่จูบ”

“โอเค...จูบก็จูบ...แต่จนกว่ากูจะพอใจนะ”

“ม่ะ...อื้อ” ไม่ทันได้ปฏิเสธ กลีบปากหนาก็เข้าครอบครองปากสวยอีกครั้ง...ไม่มีทีท่าให้ร่างโปร่งได้พักหายใจนานก็จูบเรื่อยๆ หลายต่อหลายครั้ง...กว่าจะหยุดก็ตอนที่อินทัชเหนื่อยจนหลับไปนั่นแหละ...

มันเป็นการลงทุนเสี่ยงที่รามินทร์โคตรจะคุ้มเลย...ว่าไหม?






100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาลงต่อแล้วจ้า หาเวลาลงไม่ได้จริงๆ งือ...แต่พรุ่งนี้วันพ่อ จะลงให้อีกตอนนะคะ ลงแบบติดๆ กันเลย เพื่อแสดงความขอโทษที่ไม่ค่อยได้ลง ทั้งๆ ที่มันก็ใกล้จะจบแล้ว
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ที่ยังติดตามและรออ่านกัน
มีอะไรพูดคุยได้ที่แฟนเพจค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 58 100% => (04/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-12-2017 23:01:40
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 58 100% => (04/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-12-2017 23:44:15
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 58 100% => (04/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-12-2017 00:01:35
ฮันนีมูนอันแสนหวาน  :mew1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 58 100% => (04/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 05-12-2017 00:11:53
จูบจนหลัยเลยจ้า 555 น่ารักๆ หวานๆอีกนะะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 58 100% => (04/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-12-2017 08:04:15
ตอนนี้หวานแหวว ปลาตายทั้งทะเล  :o8:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 59 100% => (05/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 05-12-2017 23:05:26
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 59
ไม่ไปไหนแล้ว





บรรยากาศทางด้านของเจ้าจอมกับพ่อแม่ก็ดีขึ้น แต่ก็ยังมึนตึงกับจุลจักรอยู่ ไม่ได้ยอมรับอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะพวกเขายังไม่เห็นว่าจุลจักรจะดูแลเจ้าจอมได้จริงๆ จอมพลกับเจนจิราก็เลยมาหาลูกชายที่คอนโดของจุลจักรที่อินทัชเคยบอกเอาไว้โดยไม่ได้บอกล่าวลูกชายเอาไว้ด้วยว่าจะมา

“ผมมาหาคนชื่อจุลจักร ไม่ทราบว่ามีชื่อนี้ไหมครับ”

“มีค่ะ แต่คุณจักรไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”

“งั้นมีคนอยู่ข้างบนไหม”

“ดิฉันไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่คิดว่าคงจะมีเพราะเห็นว่าคุณจักรเดินเข้าออกพร้อมกับคุณผู้ชายอีกท่านน่ะค่ะ ทุกวันเลย จะลองขึ้นไปดูก็ได้นะคะ อยู่ชั้นที่ห้าสิบค่ะ ออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้ายจะเป็นโซนของคุณจุลจักร ส่วนด้านขวาจะเป็นโซนของคุณอินทัชค่ะ” พนักงานต้อนรับของที่นี่บอก ซึ่งเธอก็คิดว่าถ้ารู้จักกับจุลจักรก็ต้องรู้จักรกับอินทัชด้วย เนื่องจากทั้งชั้นเป็นของอินทัชทั้งหมด

“คุณอินทัชอยู่ด้วยหรือครับ” จอมพลถาม

“อยู่ค่ะ แต่สี่วันแล้วค่ะที่คุณอินทัชยังไม่กลับมา”

“อ๋อครับ งั้นผมขอตัวขึ้นไปหาลูกชายก่อน ขอบคุณนะครับ”

“ด้วยความยินดีค่ะ”

สองสามีภรรยาเดินตรงไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่พนักงานบอกมาก่อนหน้านี้ทันที พอถึงหน้าประตูก็กดออด ไม่นานก็มีคนออกมาเปิด ซึ่งก็คือลูกชายของพวกเขา เจ้าจอมนั่นเอง

“มาได้ยังไงครับ”

“แม่ก็แค่อยากมาดูว่าลูกอยู่ที่นี่จริงๆ หรือเปล่า” เจนจิราตอบ

“เข้ามาก่อนสิครับ จักรไม่อยู่ ไปทำงานครับ” ร่างที่ดูเล็กกว่ามาตรฐานชายไทยขยับตัวให้พ่อกับแม่เข้ามาข้างใน ซึ่งเมื่อเข้ามากันแล้ว จอมพลกับเจนจิราก็มองรอบๆ อย่างสำรวจ

“อืม...หรูกว่าบ้านเราเยอะเลย” จอมพลพูดพึมพำ

“ใช่...ฉันก็ว่าอย่างนั้น”

“แต่จอมมาอยู่แค่ชั่วคราวนะครับ พรุ่งนี้ก็กลับเพชรบูรณ์แล้ว”

“งั้นแฟนลูกก็อยู่คนเดียวน่ะสิ” เจนจิราถามต่อ

“ครับ”

“ไม่กลัวมันพาคนอื่นมาหรือไง” จอมพลถาม

“ไม่กลัวหรอกครับ...จอมเชื่อใจจักรแล้วจักรก็เชื่อใจผม”

“ก็ดี...ให้มันเป็นอย่างที่พูดก็แล้วกัน” แม้จะยังดูห่างเหินระหว่างพ่อลูกคู่นี้ แต่ว่าก็พูดคุยกันดีๆ ส่วนน้อยที่จะขึ้นเสียงใส่กัน...

ผู้มีพระคุณของเจ้าจอมนั่งลงบนโซฟานุ่มที่มีราคาแพงกว่าที่บ้านของพวกเขาหลายเท่า เวลานั่งก็เลยรู้สึกว่ามันจะสบายกว่าหลายขุมนัก ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ เจ้าจอมเดินไปเอาน้ำส้มคั้นที่คั้นเตรียมเอาไว้ให้คนรักมาให้พ่อกับแม่คนละแก้วแล้วก็น้ำเปล่าคนละแก้ว

“ที่มาเนี่ยก็เพื่อมาเช็คใช่ไหมครับ”

“อันนั้นมันจุดประสงค์รอง จุดประสงค์หลักคือมาหาแกนั่นแหละ พรุ่งนี้ฉันมีธุระก็เลยไปส่งที่สนามบินไม่ได้ เลยมาหาวันนี้แทน วันนี้ฉันว่าง”

“พ่อมีวันว่างด้วยเหรอครับ ปกติก็เห็นเอาแต่ทำงาน”

“ก็ถ้าไม่ทำงาน พี่ชายแกก็จะว่าเอาน่ะสิ” จอมพลตอบแต่ก็แอบแขวะถึงหลานชายที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าไปด้วย เนื่องจากเขาทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมที่อยู่กรุงเทพหนึ่งสาขา นอกนั้นก็กระจายให้ญาติ ลูกพี่ลูกน้องคนอื่นทำ หากแต่ก็อยู่ภายใต้การบริหารของรามินทร์

“พี่รามไม่เห็นจะเคยว่าอะไรใคร พี่รามใจดีจะตาย พ่ออย่าใส่ร้ายสิครับ”

“หึ...ออกรับกันแทนดีนะ”

“นี่คุณ…เรามาหาลูก มาเยี่ยมลูกนะ ไม่ใช่มาชวนลูกทะเลาะ” เจนจิรารีบห้ามทัพเพราะกลัวว่าจะทะเลาะกันอีก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่ทั้งลูกทั้งสามีจะทิ้งทิฐิลงง่ายๆ

พ่อลูกเหมือนกันก็ตรงนี้แหละ

“ฉันก็ไม่ได้ชวนทะเลาะ”

“ไม่เป็นหรอกครับแม่ จอมก็ไม่ได้คิดอะไร รู้ๆ กันอยู่ว่าพ่อก็มีนิสัยแบบนี้”

จอมพลยิ้มนิดๆ แล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ ส่วนเจ้าจอมเองก็ยิ้มให้กับแม่นิดๆ เขาไม่ได้คิดว่าพ่อจะหาเรื่องหรือชวนทะเลาะ เพราะเขารู้ดีว่าแบบไหนที่พ่อกำลังโมโห แบบไหนแค่ปากแข็ง

“จะบอกว่ารู้นิสัยของฉัน ฉันก็รู้นิสัยแกเหมือนกันนั่นแหละ นอกจากย่าแกแล้ว ก็มีแกเนี่ยแหละที่ฉันขัดใจไม่ได้เลยสักครั้ง” คนเป็นพ่อว่า

“ก็แล้วจะขัดใจจอมทำไมอ่ะ”

“ถ้าแกเป็นพ่อเป็นแม่แกก็จะเข้าใจ คนเป็นพ่อแม่ไม่ใครอยากให้ลูกต้องลำบากหรอกนะ ไม่ใช่ไม่เชื่อในความรัก แต่ความรักมันกินไม่ได้ พ่อกับแม่ก็คิดแบบนี้กันมาตลอด จนได้มาเห็นรอยยิ้มของแกวันนั้นนั่นแหละ ฉันเข้าใจทันทีเลยว่าต่อให้แกจะลำบากแค่ไหน ถ้าอยู่กับคนที่รักแกก็จะมีความสุข แต่ถามจริงเถอะจอม จะมีคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ไหนทนเห็นลูกตัวเองลำบากได้ ก็ต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก”

เจ้าจอมฟังที่พ่อพูดอย่างตั้งใจ และพยายามทำความเข้าใจในเหตุผล และมันก็ทำให้เจ้าจอมรู้ว่าพ่อกับแม่รักเขามาตลอด ไม่ใช่ไม่รัก...อย่างที่เขาคิด

“แล้วทำไมตอนที่จอมสารภาพว่าชอบผู้ชาย พ่อถึง...”

“ไล่แกออกไปจากบ้าน!” ร่างเล็กยังถามไม่จบ คนเป็นพ่อก็เอ่ยแทรกเมื่อรู้ว่าลูกชายจะถามอะไร เพราะไม่ใช่แค่เจ้าจอมคนเดียวที่เจ็บปวดกับเรื่องนี้ เพราะคำพูดที่เขาพูดออกไปในวันนั้นก็ยังตอกย้ำให้เขาเจ็บปวดอยู่จนถึงทุกวันนี้

คำพูดแสนร้ายกาจที่ด่าทอ ต่อว่าลูกชายคนเดียวของตนในวันนั้นมันเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจผิดและทำผิดพลาดที่สุดในชีวิต ไม่เคยเสียใจมากขนาดนี้มาก่อน แต่เพราะทิฐิของเขาก็ไม่อาจจะทำให้เขาไปตามลูกชายกลับบ้าน แม้ว่าจะเป็นห่วงมาจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

“ครับ...”

“ฉันเสียใจ...เสียใจที่พูดแบบนั้นไป ทั้งๆ ที่ไม่ว่าแกจะเป็นอะไร แกก็คือลูกของฉัน แต่การที่ไล่แกออกไปจากบ้าน ฉันคิดว่ามันอาจจะทำให้แกเปลี่ยนได้ แต่ฉันก็มานั่งเสียใจทีหลัง”

“พ่อ...” เสียงของเจ้าจอมสั่นเครือ

“เอาเป็นว่าพ่อขอโทษ...ขอโทษที่ทำร้ายจิตใจ ขอโทษนะลูก”

“ไม่ครับ ไม่ต้องขอโทษ จอมเข้าใจแล้ว จอมเองก็ขอโทษที่คิดว่าพ่อกับแม่ไม่รัก ทั้งๆ ที่ผ่านมาพ่อกับแม่ก็ให้ทุกอย่างกับจอม แต่จอมก็น้อยใจ คิดต่างๆ นาว่าพ่อกับแม่ไม่รัก ขอโทษนะครับ”

เจ้าจอมทิ้งตัวนั่งพื้นแล้วก้มกราบเท้าพ่อกับแม่แล้ว สัมผัสที่ศีรษะอบอุ่นมากจนเจ้าจอมร้องไห้เป็นเด็ก โผเข้าสู่อ้อมกอดของพ่อแม่ทั้งน้ำตา ภาพความทรงจำในวัยเด็กย้อนเข้ามาไม่ขาดสาย ความรู้สึกตอนนี้กับตอนนั้นไม่ได้แตกต่างกันเลยสักนิด

มันอบอุ่น...

“พ่อรักลูกนะจอม”

“แม่ก็รักลูกนะลูก รักมากที่สุด พ่อกับแม่อาจจะเป็นพ่อแม่ที่ไม่ดี แต่พ่อกับแม่ก็รักลูกมากๆ...แม่ขอโทษนะลูกที่ไม่เคยเข้าใจอะไรลูกเลย ตั้งแต่นี้ไป แม่ ฮึก...จะทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด”

เจ้าจอมส่ายหน้าทั้งน้ำตา

“จอมก็รักพ่อกับแม่ ฮึก รัก...รักมากกว่าใครๆ ด้วย”

เจ้าจอมพูดเสียงสั่น สะอื้นไห้จนตัวโยน พ่อกับแม่ก็ตระกองกอดลูกชายเอาไว้ เหมือนว่าลูกชายคนนี้เป็นเด็กน้อยของพวกเขาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง...








หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป

เจ้าจอมที่กลับมาทำงานเหมือนเดิมที่เพชรบูรณ์ก็เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะไม่ว่าจะโทรไปหาพี่ชายอย่างรามินทร์วันไหนก็มีตอบว่ายังไม่กลับๆ ตลอด

“มันสองอาทิตย์แล้วนะครับที่พี่รามไม่กลับมาเลย”

(พี่เป็นห่วงอินมันน่ะ ไม่มีพี่ ไอ้ขรรค์กับคุณภพก็จัดการได้)

“แต่ผมอยากเห็นหน้าพี่รามนี่นา” คนเป็นน้องพูดอย่างน้อยใจที่พี่ชายไม่ยอมกลับมาหากันเลย จนบางครั้งก็แอบอิจฉาอินทัชนิดๆ หากแต่เขาก็ย้อมมองดูตัวเองตลอดเพราะเวลาที่พี่ชายอู่ เขาก็เอาแต่อยู่กับจุลจักร จนตอนนี้มานึกเสียใจเวลาที่ผ่านมาที่ให้เวลากับพี่ชายได้ไม่มาก

แต่ถ้าพี่รามมีความสุข จอมก็มีความสุขด้วย

(มีเรื่องดีๆ ล่ะสิ) ปลายสายถามอย่างรู้ทัน

“ตอนนี้จอมกับพ่อแม่เข้าใจกันแล้วนะ ขอบคุณนะครับพี่ราม ที่ส่งเสียน้องชายคนนี้เรียนจนจบแล้วยังให้งานทำอีก จอมไม่รู้จะตอบแทนพี่รามยังไงดี” สีหน้าและน้ำเสียงของเจ้าจอมฟังแล้วมีความสุขอย่างที่รามินทร์คิดภาพออก

(แค่จอมมีความสุข พี่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วล่ะ)

“ต้องการแค่นี้เหรอครับ?”

ยิ่งพี่ชายพูดแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าบอกในสิ่งที่เขาอยากจะพูดออกไปเลย เพราะมันเป็นเรื่องที่เขาเคยพูดเอาไว้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็สองจิตสองใจ

ถ้าพี่อินไม่ยอมรับรักของพี่ราม...พี่รามจะอยู่ยังไง จะเหงาไหมถ้าเขาไม่อยู่ตรงนี้

แล้วถ้ารับรัก ยังไงพี่รามก็ต้องกลับมาเพชรบูรณ์ ก็ต้องแยกกันอยู่อยู่ดี แล้วตอนที่พี่อินไม่มาหาหรือไม่ได้ไปหาพี่อิน พี่รามจะเหงามากไหม

(จอมครับ...อยากจะเรียนต่อก็เรียน แล้วก็ทำงานในโรงแรมพี่ ส่วนเราก็ไม่ได้จากกันไปไหน เราเจอกันได้ตลอด ยังไงจอมก็ทำงานให้พี่อยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวจะห่างจากพี่ชายคนนี้หรอกน่า)

เพราะเจ้าจอมอยู่กับพี่ชายมาตลอด พอคิดว่าจะต้องออกไป เขาก็รู้สึกใจหายยังไม่รู้ ทั้งๆ ที่พวกเราไม่ได้ไปไหนห่างกันไกลเลย

เราเจอกันได้ตลอด แต่มันก็รู้สึกใจหาย...

“จอมรักพี่รามนะครับ”

(หึหึ พี่ก็รักครับ...รักมากๆ พี่เคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าถ้าจอมมีความสุข พี่ก็มีความสุขด้วย ฉะนั้นแล้ว เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ พี่จะสนับสนุนน้องชายเอง)

“ฮือ...ขอบคุณนะครับ”

(มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะครับเจ้าจอม ไปทำงานได้แล้วไป เดี๋ยวรีสอร์ทพี่เจ๊ง)

“จะเจ๊งได้ไงเล่า!”

(ฮ่าๆ แล้วเจอกันนะครับ)

เจ้าจอมวางสายกับพี่ชาย ก่อนจะเดินไปช่วยงานอื่นๆ ของรีสอร์ทที่ไม่ได้อยู่แต่ในสำนักงานเพราะยังไงเจ้าจอมก็ถือว่าเป็นน้องชายของเจ้าของรีสอร์ท ก็ควรจะทำหน้าหน้าที่แทนพี่ชายเมื่อพี่ชายไม่อยู่...


ทางด้านจุลจักรก็ตั้งใจทำงานเต็มที่ เวลาพักผ่อนก็เริ่มน้อยลงพร้อมกับงานที่ต้องเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น จนเขาลืมดูแลสุขภาพของตัวเองไป วันนี้ก็เลยตื่นสายโด่งเลยเวลาเข้างานไปแล้วตั้งสองชั่วโมง พอจะลุกขึ้นเขาก็ลุกไม่ไหว ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเหมือนเดิม มองนาฬิกาที่หัวเตียงก็รู้สึกกังวล แต่ไม่มีแรงจะดีดตัวลุกขึ้น

“อืม...ปวดหัวชะมัด”

ร่างกายของร่างสูงร้อนผ่าวจนน่ากลัว และจำเป็นอย่างมากที่จุลจักรจะต้องได้รับการตรวจรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุด แต่ตอนนี้ใครจะช่วยเขาได้ ในเมื่ออยู่ตัวคนเดียวแบบนี้

ถ้าตอนนี้มีคุณจอมอยู่ด้วยก็คงจะดี

Rrrrrr…

เสียงโทรศัพท์บนหัวเตียงดังขึ้นมา จุลจักรพยายามเอื้อมมือไปหยิบมันมารับอย่างยากลำบาก เห็นเบอร์คนที่โทรเข้ามาก็ยิ้มอย่างมีความหวัง

“สะ...สวัสดี”

(เสียงมึงดูไม่ดีเลยนะ ไม่สบายล่ะสิ เห็นคุณสมพรโทรมารายงานฉันว่ามึงไม่ไปทำงาน)

“เออ...ใกล้ตายแล้วเนี่ย”

(เดี๋ยวกูจะให้หมอไปตรวจ มึงนอนรอไป ส่วนงานก็พักไว้งั้นแหละ กูบอกคุณสมพรให้แล้ว)

“ขอบใจมาก”

(ให้บอกน้องจอมไหม)

“ไม่ต้อง...กูไม่อยาก...ให้คุณจอมเหนื่อย”

(แล้วใครจะดูแลมึงล่ะจักร กูไม่ไว้ใจที่จะจ้างพยาบาลมานะ)

“กูดูแลตัวเองได้”

(ไม่ได้!)

จุลจักรพูดไม่ไหวแล้ว อยากจะปล่อยโทรศัพท์ให้มันไปอยู่ที่ของมัน แล้วอยากจะนอนหลับไปยาวๆ เลย มันเหนื่อย แต่มันก็ทรมานมาก...

“อือ...”

(ราม...โทรหาหมอหรือยัง เสียงไอ้จักรไม่ดีเลยว่ะ) จุลจักรยิ้มเมื่อได้ยินอินทัชถามรามินทร์แบบนั้น ก่อนจะได้ยินเสียงของรามินทร์เล็ดอดมาจากปลายสาย (เรียกแล้ว...เดี๋ยวก็มา)

“ขอบใจนะอิน”

(เออน่า...ยังไงเราก็เพื่อนกัน เดี๋ยวกูจะไปหามึงนะ แต่ตอนนี้กูกำลังจะเข้าประชุม แต่เดี๋ยวไอ้รามจะไปหานะ) พูดแบบนี้แสดงว่าปลายสายอยู่ที่ห้อง กำลังจะเข้าประชุมในรูปแบบวิดีโอคอลอยู่แน่ๆ เพราะเขาก็ได้ข่าวมาตลอดว่าช่วงที่อินทัชไม่เข้าบริษัทก็ยังทำงานอย่างหนักอยู่ตลอด

ช่างเป็นตัวอย่างที่น่าเอาอย่างจริงๆ แต่ตอนนี้เขาดันนอนป่วยอยู่แบบนี้จะไปทำอะไรอย่างนั้นได้...จุลจักรไม่ได้อิจฉา แต่อยากเอาเยี่ยงอย่าง

“อือ”

หลังจากที่วางสวายไปแล้ว ประมาณสามสิบนาทีกว่าได้ รามินทร์ก็เข้ามาหาจุลจักรพร้อมกับหมอ ร่างแกร่งได้รับการตรวจและรักษาอย่างดี คุณหมอให้น้ำเกลือแล้วก็ให้ยาเอาไว้

“ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอครับ สารอาหารก็ไม่ครบ แล้วนี่ก็มีอาการปวดท้องด้วยใช่ไหมครับ”

จุลจักรพยักหน้า

“เป็นโรคกระเพาะนะครับ หมอจัดยาไว้ให้แล้ว ทานอาหารให้ครบทุกมื้อที่สำคัญต้องตรงเวลาด้วยนะครับ จะได้หายไวๆ แล้วยานี่ก็ทานให้หมดนะครับ ยาหมดแล้วยังไม่หายก็เรียกหมอได้ หมอจะมาตรวจให้อีกครั้งครับ”

“ขอบคุณครับหมอ”

“แล้วแบบนี้จะหายในกี่วันน่ะครับ” รามินทร์ถามขึ้น

“ถ้าพักผ่อนอย่างเดียวแล้วก็ทานข้าวทานยาครบทุกมื้อ อย่างเร็วก็สี่ห้าวัน อย่างช้าก็อาทิตย์หนึ่งครับ”

รามินทร์พยักหน้ารับ มองอดีตลูกน้องอย่างเป็นห่วง

“งั้นก็ขอบคุณครับที่มาดูให้ มาครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”

“ส่งหน้าห้องพอครับ ผมกลับเองได้ คนป่วยต้องมีคนดูแลนะครับ”

รามินทร์ส่งหมอแค่ด้านหน้าแล้วกลับเข้าไปในห้องคืน...หัวเราะเล็กน้อยที่เห็นจุลจักรนอนแน่นิ่งอยู่กับที่แบบนี้ ลบภาพคนที่เอาการเอางาน ไม่เคยเจ็บป่วยออกไปเลย

“เป็นไงล่ะ ฮ่าๆ”

“อย่าหัวเราะสิครับ”

“พูดไม่ไหวก็ไม่ต้องพูดสิวะ หึหึ”

“ผม...”

“จริงๆ แล้วแกอยากให้เจ้าจอมมาคอยดูแลใช่ไหมล่ะ แต่ก็อย่างว่าแหละ น้องฉันเพิ่งจะกลับไป ก็ให้มาอีกแล้ว แกคงจะกลัวว่าเจ้าจอมเหนื่อยใช่ไหม แต่แกก็ต้องมีคนดูแล แล้วฉันก็ดูแลไอ้อินอยู่ด้วย...”

จุลจักรที่กำลังจิตใจอ่อนไหวง่ายก็คิดตาม...อยากจะให้เจ้าจอมมาหา เพราะเขาคิดถึงมาก มากจริงๆ ไม่อยากแยกจากกันแล้ว มันทรมาน อย่างน้อยการที่เจ้าจอมอยู่ใกล้ๆ กับเขามันทำให้เขามีกำลังใจที่จะสู้ในแต่ละวัน

อยู่ไกลกันมันก็ได้กำลังใจ แต่มันจะดีกว่าถ้าเราได้อยู่ด้วยกัน...

“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้รอรับของขวัญจากฉันก็แล้วกัน”

“ยังไงครับ”

“เอาเถอะ พรุ่งนี้ก็รู้เองแหละ แต่วันนี้ฉันต้องเป็นคนดูแลแก เพราะฉะนั้นเชื่อฟังกันด้วยนะ ฉันมีเวลาให้แกไม่นานเพราะฉันก็ต้องไปดูแลเมียฉัน”

ถ้าหัวเราะได้ จุลจักรก็อยากจะหัวเราะที่เห็นสีหน้าหงุดหงิดของคนที่เขานับถือเป็นเจ้านายอยู่ตลอดแม้ว่าจะไม่ได้ทำงานให้กับรามินทร์แล้วก็ตาม...

คิดถึงคุณจอมจนใจจะขาดแล้ว...

...

...

...



(มีต่อ)

หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 59 100% => (05/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 05-12-2017 23:06:59
ตอนที่ 59 (ต่อ)




เช้าวันใหม่ จุลจักรตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่ากลิ่นหอมของอาหารมันลอยเข้ามาในห้องนอน ทั้งๆ ที่ปกติไม่เคยมีกลิ่นอาหารลอยเข้ามาถึงห้องนอนถ้าไม่เอาเข้ามา ดวงตาคมองหาที่มาของกลิ่นก็พบข้าวต้มร้อนๆ ที่มีควันลอยขึ้นมาบอกว่ามันเพิ่งจะเสร็จใหม่ๆ ตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียง

“ใครทำนะ?”

แกร็ก...

“อ้าว? จักร นายตื่นแล้วเหรอ” เสียงของคนที่เปิดประตูห้องนอนเข้ามาเรียกความสนใจจากดวงตาคมทันที จุลจักรอึ้งไปไม่คิดว่าคนรักจะอยู่ตรงหน้านี้

“คุณจอม” เขาครางชื่อคนรักเสียงอ่อนแรง รู้สึกเจ็บคอมมากๆ แต่ก็สนใจคนรักมากกว่าตัวเอง

“ก็ฉันไง จะใครล่ะ”

“มาได้ไงครับ”

“ฉันก็นั่งรถไปพิษณุโลก แล้วก็ขึ้นเครื่องมา พี่รามโทรไปบอกว่ามีคนบางคนทำงานหนักจนป่วย อ่ะ...น้ำ เสียงแหบมาก” ร่างเล็กเดินมารินน้ำตรงหัวเตียงยื่นให้กับคนรักแล้วก็ตอบคำถามของจุลจักรไปด้วย

ร่างสูงพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยความลำบากแต่สุดท้ายก็ลุกนั่งได้ด้วยตัวเอง เจ้าจอมก็ยิ้มอย่างโล่งใจที่อย่างน้อยร่างแกร่งก็พยายามช่วยเหลือตัวเองจนได้

ยอมรับว่าตอนที่รามินทร์โทรมาบอกเขา แทบจะทำดทรศัพท์หลุดมือเพราะสติหลุดไปแล้ว ตอนนั้นใจลอยไปหาคนรักแล้ว แต่ตัวยังอยู่ตรงนั้น รามินทร์เองก็รู้ว่าโทรไปบอกแบบทันที น้องชายจะเสียสติเร่งรีบมาแน่ๆ ก็เลยโทรบอกให้ขรรค์เป้นคนเตรียมพาเจ้าจอมไปส่งที่สนามบิน แล้วเขาค่อยโทรไปหาน้องชาย

“ฉันโกรธนะ เพราะฉันบอกให้นายดูแลตัวเองตลอด ให้หาข้าวกินให้ตรงเวลา แล้วดูนายสิ ป่วย...ร่างกายขาดสารอาหาร พักผ่อนไม่เพียงพอ และก็โรคกระเพาะกำเริบ ฉันจะทำยังไงกับนายดีนะ” มือบางก็เอามาอังหน้าผากวัดดูว่าตัวร้อนมากขนาดไหน “ยังร้อนอยู่” พึมพำกับตัวเองเบาๆ

“ขอโทษครับ” ร่างสูงพูดเสียงเบา

เจ้าจอมที่มีความเป้นห่วงมากกว่าความโกรธก็ส่ายหน้าไปมา จัดหมอนให้คนรักสามารถเอนพิงได้เพราะจะให้จุลจักรทานอาหารเช้า

“นายไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว กินยาก่อนอาหารเร็ว แล้วฉันจะป้อนข้าวต้มให้” จุลจักรทำตามอย่างว่าง่าย เพราะแค่เจ้าจอมมา เขาก็รู้สึกว่ามันสดชื่นขึ้น แม้ว่าจะยังเวียนหัวแทบตายก็ตาม

“คุณจอมมาถึงตอนไหนครับ”

“ก่อนนายตื่นประมาณชั่วโมงหนึ่งได้”

“ไม่เหนื่อยเหรอครับ”

“จักร...ฉันสบายดี ส่วนนายกำลังไม่สบาย เพราะฉะนั้นควรเป็นห่วงตัวเองก่อนดีไหม?” ร่างเล็กกว่าถาม นั่งเฉียงลงบนขอบเตียงยกชามข้าวมาถือข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งก็ตักป้อนให้กับจุลจักรไป ตลอดที่ร่างแกร่งนั่งทานข้าวต้มนั้นก็มองหน้าคนรักไม่วางตา จนเจ้าจอมก็รู้สึกประหม่า

“มองอะไรนักหนา”

“นึกว่าผมฝันไปซะอีก”

“ฝันบ้าอะไรล่ะ ป่วยจนเพ้อเจ้อแล้วนะนาย”

“ผมคิดถึงคุณจอมมาก”

“กินไป...จะกลัวอะไร ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว”

ไม่กลับไปได้ไหมครับ...

อยู่ด้วยกันตลอดไปเลยได้หรือเปล่า?

จุลจักรได้แต่ถามคนรักอยู่ในใจ ไม่กล้าที่จะพูดออกไปเพราะกลัวว่าคนรักจะคิดมากและเป็นกังวลพาลเป็นห่วงเขาเมื่อกลับไปแล้วอีก ขอทนทรมานต่อไปก็แล้วกัน จนกว่าจะถึงวันหนึ่งที่จะได้อยู่ด้วยกัน…

“รู้สึกยังไงบ้าง”

“ปวดหัวครับ แล้วก็แสบตามากๆ”

“นอนพักเถอะ เดี๋ยวฉันจะเอาจานไปล้างก่อน”

“รีบกลับมานะครับ ผมไม่อยากอยู่คนเดียว”

จุ๊บ!

ร่างเล็กโน้มลงมาสัมผัสเบาๆ ที่หน้าผากร้อนผ่าวของจุลจักรด้วยริมฝีปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้มหวานๆ ที่คนป่วยเห็นแล้วรู้สึกมีความสุขที่สุด จนยอมหลับตาไป

“หลับตานอน สัญญา...จะรีบกลับมาอยู่ด้วย”

จะหาว่าเขาติดแฟนก็ได้ แต่จิตใจของจุลจักรมันหวั่นไหวง่ายจริงๆ ร่างกายป่วย หัวใจก็ป่วย โชคดีที่มีคนรักมาคอยดูแลเอาใจใส่เขา

ร่างสูงก็หลับไปเพราะความอ่อนเพลีย...


“หลับไปแล้วครับ พี่อินคงมาเยี่ยมผิดเวลาแล้วล่ะครับ”

“อะไรกัน เมื่อวานมาก็หลับ วันนี้มาก็หลับ สรุปจะได้คุยไหมเนี่ย เฮ้อ...” ร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องของจุลจักรบ่นอย่างผิดหวังที่มาเสียเที่ยวตั้งสองครั้ง

“จะคุยอะไรหรือครับ ฝากผมไว้ได้นะ”

“เรื่องงานครับน้องจอม พี่แค่จะบอกมันว่าเลื่อนการไปต่างประเทศน่ะ ไม่ใช่ว่าเพราะมันไม่พร้อมนะ แต่ที่นั่นยังไม่พร้อมน่ะ”

“เลื่อนกี่เดือนครับ”

“กำหนดการมันสิ้นเดือนหน้าใช่ไหม...แต่จะเลื่อนออกไปอีกสองเดือนน่ะ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“ใช่! กลับมาก็รายงานตัวแล้วก็ปฐมนิเทศที่มหาวิทยาลัยพอดี”

“พี่อินเตรียมเรื่องมหาลัยให้กับจักรแล้วเหรอครับ” เจ้าจอมถามอย่างตื่นเต้น อยากจะรู้ว่าคนรักเรียนที่มหาลัยไหน เขาจะได้เลือกตามไปเรียนโทด้วย แต่ว่าคงเจอกันยากอยู่ดีล่ะนะ

“ใช่ครับ พี่ให้คุณวัลย์เลขาพี่เตรียมทุกอย่างแล้ว”

“ดีจัง จอมก็จะเรียนต่อเหมือนกันครับ” เจ้าจอมบอกยิ้มๆ

“หืม? ต่อโทเหรอครับ ก็ดีนะ จะได้อยู่เป็นเพื่อนกับจักรมันด้วย หัวหน้างานของมันรายงานพี่ทุกวันเลยว่ามันเหมือนหุ่นยนต์ ไม่ยิ้ม ไม่ร่าเริงเลย โชคดีที่มันก็เข้าหาคนไม่งั้นไม่สนิทกับเพื่อนร่วมงานแน่ๆ” อินทัชเล่าอย่างขำขัน คิดภาพเพื่อนออกเลยว่าวันๆ เอาแต่ทำหน้าแบบไหน

“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งครับ”

“พี่ว่ามันก็เป็นแบบนั้นนะ โดยเฉพาะวันที่จอมกลับวันนั้น พี่รับรู้ได้เลย มันดูไม่มีชีวิตชีวาเลยนะเจ้าจอม คงจะทำงานหนักๆ ไม่อยากให้ฟุ้งซ่านน่ะ” รามินทร์พูดขึ้น ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่เจ้าจอมเองก็เห็นด้วยว่ามันมีสิทธิที่จะเป็นไม่ได้

เฮ้อ...แล้วแบบนี้จะกล้าปล่อยไว้คนเดียวได้ยังไง

“เหรอครับ...งั้นพี่รามครับ จอม...” เจ้าจอมทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พี่ชายก็ขัดเอาไว้ก่อน

“พี่รู้ครับจอม...ทำตามที่ตัวเองอยากเถอะ”

“ขอบคุณนะครับ”

“ขอบคุณพี่กี่ครั้งแล้วฮึ? เลิกขอบคุณได้แล้ว” มือใหญ่ขยี้ผมของน้องชายอย่างเอ็นดู ก่อนจะโอบไหล่ของร่างเล็ก  ส่งยิ้มอ่อนโยนอย่างที่เจ้าจอมคุ้นเคยมาให้ น้องชายซึ้งใจจนทนกลั้นน้ำตาไม่ไหว กอดร่างพี่ชายจนใบหน้าจมไปกับอกกว้าง...ไหล่เล็กสั่นจากแรงสะอื้น พี่ชายก็ได้แต่ลูบผมแล้วก็พูดปลอบน้องชายอย่างอบอุ่น

ภาพอบอุ่นของสองพี่น้องทำให้อินทัชยิ้มตาม ความอ่อนโยนของร่างสูงที่มีกับน้องชาย จะว่าไปนี่ก็คือครั้งแรกเลยนะ ที่ได้เห็นภาพที่พึ่งพาได้ของรามินทร์...

“พี่อิน...เมื่อไหร่จะใจอ่อนกับพี่รามล่ะครับ” เจ้าจอมที่หยุดร้องไห้แล้วหันมาถามร่างโปร่งบางที่นั่งยิ้มอยู่อย่างนั้น ส่วนอินทัชพอได้ยินคำถามนี้ก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน

“พี่ต้องดูพฤติกรรมมันอีกนาน ทำผิดมาเยอะ”

“โหย...งั้นก็คงนานสินะครับ”

“หึหึ ก็ห้าปีขึ้นล่ะมั้ง ทนไม่ได้ก็ไป”

“เฮ้ยๆ นานไปป่าววะอิน นี่ผัวนะ”

“ผัวพ่อมึง!!”

“พ่อกูไม่มีผัวเว้ย! มีแต่เมีย”

“ไอ้สัตว์ กวนตีน”

เจ้าจอมหัวเราะ มองพี่ชายกับอินทัชทั้งคุยกันแล้วก็กัดกันไปมาแต่ทั้งสองดูมีความสุขกันดี...เจ้าจอมเห็นแบบนี้ก็หมดห่วงพี่ชายแล้วล่ะ

ขอบคุณนะครับพี่อิน...ที่ให้โอกาสพี่ชายสุดที่รักของจอม


สามวันผ่านไป จุลจักรก็หายดีเป็นปกติอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อแม้จะยังรู้สึกมึนๆ อยู่บ้างแต่ไข้ก็หายไปหมดแล้ว แล้วที่หายเร็วได้แบบนี้เพราะคนดูแลดีด้วย และได้พักผ่อนเต็มที่ด้วย

“วันนี้ฉันทำข้าวผัดกะเพราให้ เห็นบ่นว่าอยากกินอะไรเผ็ดๆ เลยใส่พริกเยอะๆ ให้อย่างที่นายชอบ” จุลจักรยิ้มกว้างมองข้าวของตัวเองอย่างซาบซึ้งใจ เพราะมื้อที่ผ่านๆ มาเขากินอะไรอ่อนๆ มาทุกมื้อเลย อย่างกินรสจัดๆ ก็ไม่ได้เพราะกินเข้าไปแล้วไม่มีรสชาติเลย

“ขอบคุณนะครับคุณจอม หอมมากๆ เลย”

“หวังว่ากินไปแล้วจะได้รสชาตินะ”

“ต้องได้สิครับ ก็ผมหายแล้วนี่นา”

“หึหึ ถ้ากินแล้วไม่มีรสชาติจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย”

“โธ่...คุณจอมครับ”

“ล้อเล่น! รีบกินเถอะ จะได้รู้ว่ากินได้หรือไม่ได้จะได้ทำให้ใหม่ ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา เข้าใจนะ?”

“ครับๆ” จุลจักรรับคำสั่งแล้วรีบตักข้าวกิน พอคำแรกเข้าปากไปแล้วร่างสูงก็เอาคำต่อไปเข้าปากไปเรื่อยด้วยความอร่อย เจ้าจอมเห็นท่าทางแบบนั้นก็ไม่คิดจะถามเอาคำตอบอะไรแล้ว ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วเดินไปล้างกระทะแทน ปล่อยให้คนรักกินข้าวต่อไป

“กินเสร็จแล้วก็กินยาด้วยนะจักร”

“ครับ”

ข้าวกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจกว่าแฟนไปแล้วสินะ...

พอจุลจักรทานข้าวเสร็จแล้ว เจ้าจอมกับจุลจักรก็ย้ายไปนั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่น เปิดหนังดู ส่วนจุลจักรก็ไม่รู้จะทำอะไร ทิ้งตัวนอนบนตักของเจ้าจอม ซึ่งร่างเล็กก็แค่ยิ้มออกมาม่ได้ว่าอะไร ถือรีโมทเลื่อนหนังไปยังฉากที่อยากดู หัวเราะอย่างสนุกสนานไม่สนใจคนตัวหนักที่กำลังรบกวนตนอยู่

“คุณจอมครับ”

“หือ?” ครางรับแต่ก็ไม่ยอมก้มมองกันจนคนที่เพิ่งหายป่วยชักจะเริ่มน้อยใจ ดึงมือขาวเนียนมาลูบเล่น หวังว่าจะได้รับความสนใจบ้าง

“สนุกเหรอครับ”

“ก็สนุกดีนะ พระเอกหล่อมากเลย ฉันชอบ” คนน่ารักตอบ

“นี่คุณจอมกล้าชมผู้ชายอื่นต่อหน้าผมเหรอครับคุณจอม...ใช่สิ ผมมันไม่หล่อนี่ครับ” อาการน้อยใจของจุลจักรทำให้เจ้าจอมแปลกใจ ก้มหน้ามองคนรักที่พูดตัดพ้ออย่างตกใจ

“นี่นาย...น้อยใจ?”

“ใช่น่ะสิครับ คุณจอมไม่สนใจผมเลยอ่ะ”

ร่างเล็กหัวเราะลั่นในความเป็นเด็กน้อยของคนรักที่ไม่ได้เข้ากับใบหน้าที่ดูดิบเถื่อนเลยสักนิด และดูเหมือนว่าการที่เจ้าจอมหัวเราะจะยิ่งทำให้จุลจักรน้อยใจหนักเข้าไปอีก แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนเลย

“ฉันก็สนใจนายจนนายหายดีแล้วนี่ไง พอนายหายแล้วก็ขอฉันได้พักบ้างสิ อย่าเอาแต่ใจ อย่างอแง แล้วก็นอนไป โอเค้?”

“คุณจอม!”

“ฮ่าๆ ตลกอ่ะจักร เพิ่งเคยเห็นนายทำหน้าแบบนี้เป็นครั้งแรกเลย อย่าทำบ่อยหรือทำตอนอยู่ข้างนอกนะ คนเขาจะกลัวได้” ร่างเล็กหัวเราะไม่หยุดเลย แรงสะเทือนจากการหัวเราะกระทบถึงร่างสูงที่ยังนอนหนุนตักอยู่ ยิ่งทำให้เขารู้สึกน้อยใจเข้าไปอีก

“คุณจอมช่วยสนใจผมหน่อยสิครับ นี่ผมเป็นแฟนคุณจอมนะครับ”

“ก็ทำไมล่า ฉันไม่ได้หนีนายไปไหนสักหน่อย”

“ก็ผมหายแล้ว ไม่กี่วันคุณจอมก็ต้องกลับไปคืน” ร่างใหญ่ตอบเสียงเศร้า

ร่างเล็กกว่ายิ้มออกมา ส่ายหน้าไปมานิดๆ

“เอ้า! ฉันก็ต้องกลับไปทำงานน่ะสิ ทำไมล่ะ ไม่อยากให้ฉันไปเหรอ?”

“เปล่าครับ...เพียงแต่ผมคิดถึงคุณจอม”

จุลจักรเห็นว่าการที่เก็บความรู้สึกเอาไว้ในในมันไม่ได้ช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเลย สู้พูดออกไปเลยดีกว่าอย่างน้อยเจ้าจอมจะได้รู้ว่าเขาคิดแบบไหนอยู่ เผื่อจะได้กำลังใจที่ทำให้เขาสามารถอดทนและสู้ต่อไปได้

“หึหึ...ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะกลับวันไหนดี เลยกะว่าจะให้พี่ขรรค์ส่งเสื้อผ้ามาให้แทน เอ๊ะ! หรือว่าจะเอาไว้ที่นั่นแล้วซื้อใหม่ที่นี่ดีนะ นายคิดว่ายังไง?” เจ้าจอมถาม

“หมายความว่ายังไงครับคุณจอม?”

“ฮ่าๆ นายนี่นะ” คนตัวเล็กส่ายหน้าอีกครั้ง

“คุณจอมก็รู้ว่าไอ้จักรโง่”

เออเว้ย!! ยอมรับว่าตัวเองโง่ด้วย คนโง่อะไรจะเข้าใจงานในบริษัทพี่อินได้ภายในสองเดือน

“หมายความว่าฉันจะมาอยู่กับนายที่นี่ไง”

สิ้นเสียงของเจ้าจอม ร่างแกร่งก็ดีดตัวจากตักคนรักแล้วมองหน้าร่างเล็กทันที จากสีหน้าสงสัยกลายเป็นเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วก็ยิ้มในที่สุด

มีสีหน้าหลายสเต็ปจริงๆ

หมับ!!

“ผมดีใจที่สุดในโลกเลยครับ” ร่างเล็กๆ ถูกคว้าไปกอดแน่น แต่เจ้าจอมกลับหัวเราะออกมาแล้วกอดคนรักตอบ “ผมรักคุณจอมนะครับ”

“อื้อ...”

จะไม่ทนคิดถึงกันอีกต่อไปแล้ว สองเดือนที่ผ่านมามันก็เกินพอ จากนี้เป็นต้นไป เราจะอยู่ด้วยกัน...






100%

 :ling1: :ling1: :ling3: :ling3: :ling2:

มาตามที่สัญญาไว้เมื่อวานค่า อ่านแล้วเม้นท์ด้วยนะคะ ยูกิไม่รู้เหมือนกันว่าจะมาต่อได้อีกตอนไหน แต่จะพยายามหาเวลามาลงนะคะ พูดคุยกับยูกิได้ปกติที่แฟนเพจนะคะ ถึงจะตอบช้า แต่ไม่เกินวันแน่นอนค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 59 100% => (05/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-12-2017 23:58:57
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 59 100% => (05/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-12-2017 00:33:45
ูสุข ๆ กันทั้ง 2 คู่เลย ดีใจ ๆ  :กอด1:

ตอนนี้หลานคนแต่งคงติดภารกิจหลายอย่างซินะ  จัดการเรื่องส่วนตัวก่อนเลยคะ แล้วอย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 59 100% => (05/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 06-12-2017 15:08:05
อย่าหายไปนานนะยูกิ
เราโครตคิดถึงเลย
ดีใจ แต่ละคนกำลังลงเองด้วยดี
เริ่มเข้าใจกันแล้ว คนอ่านก็สุขใจ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 59 100% => (05/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-12-2017 20:42:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 59 100% => (05/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 26-12-2017 06:56:42
ทุกอย่าง ดูจะลงตัว กันหมดล่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 59 100% => (05/12/60) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 31-12-2017 13:16:18
ดีต่อใจค่ะ เบาใจได้เยอะแล้วนะ จักรจอม
พ่อแม่ก็เข้าใจ ให้อภัยกันแล้ว ไม่ได้โกรธเคืองอะไรกัน
จักรนอยด์หนักมากเลยนะ โถ่ ทำเป็นห่างแฟนไม่ได้ น่ารักค่ะ

รามอินก็ฟินเป็นบางเวลา
อาของอินน่ะ ก็ไม่ล้มเลิกเนาะ คนแบบนี้น่าจะจัดให้หนัก

รามก็อดทนนะ ความรักชนะหลายสิ่งจริงๆ ค่ะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 60 100% => (01/01/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 31-12-2017 23:54:49
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 60
ทะเลาะกันบ้าง




“น้องจอมไปอยู่กรุงเทพแล้วจริงเหรอขรรค์”

หิรัญถามคนรักระหว่างทางที่กำลังขับรถไปส่งเขาในตัวเมือง แม้ว่ามันจะเหนื่อยแต่พวกเขาก็ไม่คิดจะหาบ้านในตัวเมืองอยู่กัน เพราะขรรค์ทำงานอยู่เขาค้อ ห่างจากโรงพยาบาลในเมืองอยู่หลายกิโล เวลาเดินทางไปในเมืองก็ชั่วโมงกว่า ขากลับก็ชั่วโมงกว่าๆ รวมแล้วสองชั่วโมง เขาจะขับรถมาเองก็ไม่ยอม

เป็นห่วงขรรค์เหมือนกันนะ แต่เจ้าตัวไม่ยอม

“อืม...ไปดูแลพี่จักรน่ะ แกไม่สบาย โหมงานหนักมาจนเกินไป”

“เงินเข้าใจจักรเขานะ เพราะตลอดสามปีที่เงินไม่มีขรรค์อยู่ข้างๆ มันก็ทรมานแบบนั้นแหละ ละเลยตัวเอง ทำงานหนักๆ เพื่อให้ไม่คิดถึงขรรค์” คนรักของขรรค์พูดบอกด้วยรอยยิ้ม ส่วนขรรค์นั้นที่ฟังเรื่องแบบนี้ทีไรก็สะเทือนใจทุกทีเลย

จนบางครั้งก็อยากให้คนรักเลิกพูดถึงมัน ไม่ใช่เพราะว่ารับไม่ได้หรือไม่ยอมรับอะไร แต่เขาแค่ไม่อยากจะคิดถึงอดีตที่มันผิดพลาดบ่อยๆ นัก มันยังคอยทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจนถึงทุกวันนี้เลย

แม้ว่าจะคิดแบบนั้น แต่ขรรค์ก็ไม่เคยที่จะกล้าบอกออกไป เพราะกลัวว่าคนรักจะรู้สึกไม่ดี

“เงินไม่ได้พูดให้ขรรค์รู้สึกไม่ดีนะ แค่พูดบอกในมุมของเงินเท่านั้นเอง แค่ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันก็พอแล้วล่ะ ขรรค์ก็อย่าทิ้งเงินอีกก็แล้วกัน”

“ขรรค์ไม่ทำแล้วครับ เชื่อกันนะ”

“ฮ่าๆ เงินแค่ถามเล่นๆ เอง เงินเชื่อขรรค์อยู่แล้วล่ะ”

“เงินก็น่าจะรู้นะว่าเรื่องแบบนี้มันทำให้ขรรค์รู้สึกไม่ดี แต่เงินก็พูดมันอยู่แบบนั้น ทุกครั้งที่เงินย้ำมัน มันทำให้ขรรค์เสียใจ…”

หลุดปากออกมาจนได้

ร่างแกร่งเม้มปาก มองถนนอย่างเดียวไม่หันมาดูสีหน้าของคนรักเลย ส่วนหิรัญก็นั่งนิ่งไป หน้าเสียแล้วก็เสียความรู้สึกด้วย...

ไม่ใช่ว่าเสียความรู้สึกที่โดนพูดใส่แบบนี้ แต่เขาแค่เสียความรู้สึกที่ทำให้คนรักรู้สึกไม่ดีต่างหาก เพราะเขามักจะพูดแนวๆ นี้อยู่บ่อยๆ

“ขอโทษ...ต่อไปเงินจะไม่พูดถึงแล้ว” ไม่ได้ประชดประชัน ไม่ได้น้อยใจ มีแต่ความรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดจนขรรค์เองก็รู้สึกผิด...

“ขรรค์ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะเงิน แต่ว่า...” ขรรค์พูดต่อไปไม่ได้ ยิ่งทำให้หิรัญรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่

หิรัญรู้...รู้ว่าขรรค์พยายามจะทำให้เขาสบายใจ แต่จะพูดปฏิเสธยังไง ก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้หรอก ทั้งสองเลยเลือกที่จะเงียบกัน

ขรรค์ไม่กล้าพูดเพราะกลัวคำพูดของเขาจะไปทำร้ายคนรักอีก ส่วนหิรัญก็ไม่กล้าพูดเพราะกลัวว่าเราจะไม่เข้าใจกัน พาลทำให้เราทะเลาะกันไปเปล่าๆ

“เงินเข้าใจ...ขรรค์ทำถูกแล้วล่ะ ไม่ชอบอะไรอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เลย ไม่ต้องเกรงใจเงินหรอก” ร่างโปร่งพูดขึ้น ยิ้มกว้างๆ ออกมาจนตาปิด แต่น้ำเสียงสั่นๆ นั่นก็ทำให้คนรักอย่างขรรค์รับรู้ได้ว่าหิรัญกำลังฝืน และฝืนเอามากๆ ด้วย

หิรัญไม่อยากทำให้เราต้องทะเลาะกัน...ส่วนขรรค์เองก็ทำอะไรไม่ถูก เอาแต่เงียบหวังว่าสถานการณ์ดีขึ้น แต่เปล่าเลย มันกลับทำให้เรื่องมันแย่เพราะหิรัญคิดไปไกลแล้วว่าขรรค์โกรธ โกรธจนไม่อยากพูดด้วย แค่หน้าก็ไม่อยากหันมามอง...

หรือว่าการที่เรารักห่างกันไปนานถึงสามปีมันทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว แรกๆ ที่ยังเหมือนเดิมเพราะเราเชื่อว่าเรารักกันอยู่ แต่พอเอาเข้าจริงๆ หิรัญชักไม่แน่ใจ...ว่าที่ขรรค์บอกว่ารัก มันคือความรักจริงๆ หรือแค่ความผูกพันกันแน่...

 “ถึงแล้ว...” คำพูดสั้นๆ ที่ฟังดูเหมือนว่าไล่ แต่ในความหมายของขรรค์คือเป็นประโยคบอกเล่าเฉยๆ ไม่ได้แฝงอะไรทั้งนั้น

ร่างโปร่งยิ้มออกมาเหมือนเดิม เอ่ยขอบคุณทั้งๆ ที่อยากจะร้องไห้...

หิรัญรู้สึกว่าตั้งแต่วันที่ขรรค์รักษาการแทนพิภพนั้น มันทำให้เราสองคนห่างเหินกันมากขึ้น ยิ่งเราทำงานกันคนละกะเวลาด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย พอวันนี้มีเวลาที่ขรรค์มาส่งเขา ก็ปรากฏว่ามีเรื่องให้ต้องไม่เข้าใจกันอีก...

ขรรค์เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หรืออาจจะแค่เหนื่อย...

“เงินจะไปทำงานก่อนนะ ขรรค์ไม่ต้องมารับเงินหรอก เดี๋ยวเงินกลับเอง นอนพักผ่อนให้เต็มที่นะ อย่าลืมกินข้าวเช้าก่อนไปทำงานด้วย ฝันดีนะครับ”

หิรัญทำทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ร่างแกร่งกลับทำเพียงแค่หันมามองหน้าคนรักนิดๆ แล้วรีบหันหน้าหนี ท่าที่ของขรรค์ทำให้หมอหนุ่มแทบจะร้องไห้ออกมา

ขนาดไม่อยากมองหน้ากันเลยเหรอ

“เงินก็เหมือนกัน หาข้าวกินด้วยนะ”

บรรยากาศมันอึดอัดมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนร่างโปร่งทำมันไม่ไหวเปิดประตูรถออกมาแล้วเดินเร็วๆ เข้าตึกโรงพยาบาลไป ทิ้งให้ขรรค์ฟุบหน้ากับพวงมาลัยอย่างเครียดๆ

“โธ่เว้ย!!”

ไหนว่าจะไม่ทำให้เงินเสียใจไง...ไหนว่าจะไม่ทำให้เงินเสียความรู้สึกอีก...ยังไม่ทันไรเลย มึงก็ทำมันล่มแล้วขรรค์...ทำไมมึงไม่อดทนให้มันมากกว่านี้วะ ก็รู้ๆ อยู่ว่าเงินไม่ตั้งใจพูดให้มึงรู้สึกไม่ดี

“มึงมันเห็นแก่ตัวจริงๆ” เขาว่าตัวเอง ไม่อยากจะให้อภัยตัวเองเลย ร่างแกร่งมองตามไปยังตึกที่ไม่มีเงาของคนรักแล้วด้วยความกังวลและเป็นห่วงความรู้สึกของคนรัก

ทำไมไม่อธิบาย ทำไมไม่คุยกันก่อน ทำไมถึงปล่อยให้เงินวิ่งหนีมึงไปวะ!!

“ขรรค์ขอโทษ...อย่าร้องไห้นะเงิน”

เพราะความเหนื่อยแท้ๆ ที่ทำให้ขรรค์อดทนได้ไม่มากอย่างที่เคยเป็น ช่วงนี้เขาทำงานหนักจริงๆ จากที่ควรเลิกห้าโมงไม่เกินหกโมงแต่เขาลากยาวแปดโมงเช้าถึงสี่ห้าทุ่มมาหลายวันแล้ว นอนก็ไม่เคยพอ กับคนรักยังไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย พอได้อยู่ด้วยกัน ก็มีเรื่องไม่เข้าใจกันซะงั้น

มันเป็นเพราะเขาเอง...เพราะขรรค์ทั้งหมด


“หมอเงินคะ เป็นอะไรไปคะ สีหน้าไม่ดีเลย พักก่อนไหมคะ”

“อ้าว? หมอหวาน...เวรดึกเหมือนกันเหรอครับ” ร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินไปยังห้องพักแพทย์ของตัวเองด้วยสีหน้าที่เศร้าๆ และเหม่อจนจะชนกับสาวเจ้า

“ใช่แล้วค่ะ แล้วนี่เหม่ออะไรคะจะชนหวานแล้วเนี่ย”

หญิงสาวถามยิ้มๆ หมอหวานยิ้มหวานสมชื่อ เป็นเหมือนนางฟ้าของทุกคนที่นี่ แต่ก็เฉพาะผู้ชายเท่านั้น เธอสนใจในตัวของหิรัญยังไงก็ยังคงเป็นแบบนั้น หวังว่าสักวันหิรัญจะเปลี่ยนใจ หรือไม่ก็คบกับเธออีกสักคนแบบลับๆ ก็ได้ เธอไม่สนใจเท่าไหร่นัก

“ผมคิดอะไรเพลินๆ น่ะครับ”

“ทะเลาะกับแฟนเหรอคะ” เธอถามลองเชิง แต่เห็นท่าทางชะงักและหน้าเสียของหมอสุดหล่อก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ คิดว่าต้องทะเลาะกันหนักแน่ๆ ดูจากหน้าของร่างสูงโปร่งแล้ว

“เปล่าครับ ผมแค่เหนื่อยๆ น่ะ”

“จริงสินะคะ ช่วงนี้หมอเงินคงไม่ได้นอนอย่างเพียงพอแน่ๆ เลย แต่ก็อย่างนี้แหละค่ะ เรารักษาคนไข้ได้ แนะนำคนไข้ได้ แต่ทำกับตัวเราเองไม่ได้สักอย่าง”

“ก็เราเป็นหมอนี่ครับ” หิรัญพูดยิ้มๆ

“นั่นสิคะ สภาพหวานตอนอยู่กะกลางคืนจะต้องเหมือนศพแน่ๆ เลยล่ะค่ะ” เธอยิ้มหวาน ส่วนหิรัญก็หัวเราะออกมานิดๆ ยอมรับว่าหมอหวานทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้ แต่ก็รู้สึกในฐานะเพื่อนเท่านั้น

ก็บอกแล้วว่าหิรัญรักใครไม่ได้อีก...

“ไม่หรอกครับ หมอหวานสวยออก ผู้ชายหลายคนก็ยังชื่นชมหมอหวานเลยล่ะครับ”

“แต่คนที่หวานอยากให้ชื่นชมดันมีเจ้าของแล้วสิคะ” เธอส่งสายตาหวานเชื่อมให้กับหิรัญหวังจะให้ร่างสูงโปร่งหวั่นไหว แต่หิรัญรู้ดีว่าหญิงสาวน่ะชอบเขา แต่ทำยังไงได้ล่ะ ความรู้สึกเขามีให้ได้แค่สถานะเพื่อนเท่านั้น

ไม่อยากจะให้ความหวังใคร แต่ก็ไม่อยากจะพูดปฏิเสธไปตรงๆ กลัวเธอจะเสียความรู้สึก เขาเลยต้องทำเป็นวางตัวดีๆ ไม่ให้เธอต้องมาคิดเข้าข้างตัวเอง และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่หิรัญประกาศและแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีแฟนแล้ว และไม่คิดปิดบังว่าใครคือคนรักของเขา

“ผมว่า...อย่างหมอหวานจะต้องมีคนรักที่ดีๆ แน่เลยล่ะครับ”

“หวานก็อยากให้เป็นอย่างนั้น หวานอยากมีคนรักดีๆ เพรียบพร้อมทุกอย่างแบบหมอเงิน” นอกจากเธอจะสวยแล้ว เธอยังมีความกล้าในระดับที่คนอื่นไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่อีกด้วย

หิรัญทำตัวไม่ถูกที่โดนพูดใส่ตรงๆ แบบนี้ ที่ผ่านมาเธอก็แค่แสดงออกทางสีหน้าท่าทางแต่ก็ยังไม่เคยพูดออกมาตรงๆ เลยสักครั้ง แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้กล้าพูดมันออกมา

แล้วแบบนี้เขาจะปฏิเสธไปยังไง

“ผมไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกครับ ยังมีอีกหลายอย่างเลยที่ไม่เคยมีใครเห็นจากผม ทางที่ดีหาคนที่รักหมอหวานอย่างจริงใจดีกว่าครับ มันจะทำให้หมอหวานมีความสุขที่สุด”

“แล้วมันจะไปมีความสุขยังไงล่ะคะ ถ้าหากว่าหวานไม่ได้คบกับคนที่หวานรัก”

“ผมหมายถึงให้หมอหวานหาคนที่หมอหวานรักครับแล้วเขาก็รักหมอหวาน” หิรัญขยายความหมายเพิ่มเติม ซึ่งเธอก็นิ่งไปเลย เข้าใจในความหมายของหิรัญที่ต้องการจะสื่อ

“หมายความว่า? หวานไม่มีโอกาสเลยหรอคะ”

“ครับ...ขอโทษนะครับ ผมให้หมอหวานเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น ผมรักขรรค์แค่คนเดียว และรักมาตลอดครับ แต่ต่อให้ผมจะไม่ได้เป็นแฟนกับขรรค์ ผมก็เป็นผู้ชายมีตำหนิ ผ่านการมีภรรยาและหย่าร้างที่สำคัญมีลูกแล้วด้วย หมอหวานคิดว่าผมยังเป็นคนเพียบพร้อมอยู่อีกเหรอครับ” หิรัญถามกลับไปอย่างจริงจัง

เธอตอบกลับอะไรไม่ได้เพราะในความหมายของคำว่าเพียบพร้อมของเธอคือหน้าตา ฐานะและเงินทอง

“ให้ตายสิ หวานนี่ดูแย่จังเลยนะคะ”

“ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจ”

“ขอโทษหมอเงินด้วยนะคะที่ผ่านหวานทำให้ลำบากใจ” เธอว่าออกมาอย่างฝืนๆ ถามว่าเสียดายไหมก็เสียดาย แต่เสียหน้ามากกว่าที่ผู้หญิงสวยที่ใครๆ ต่างก็ชอบจะแพ้ผู้ชายตัวดำร่างใหญ่คนนั้นของหิรัญอย่างหมดรูป จะว่าแพ้ก็ไม่ได้สินะ เพราะเธอไม่เคยแข่งขันกับขรรค์ และไม่เคยได้ทำคะแนนอะไรทั้งนั้นเพราะหิรัญปิดกั้นหมดทุกทาง

“ไม่เป็นไรครับ”

“งั้นหวานขอตัวนะคะ”

“เดี๋ยวก่อนครับ” ร่างโปร่งเรียกเอาไว้ก่อนที่หญิงสาวจะเดินหนีไป

“คะ?”

“คุณไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหมครับ”

“ปล่อยหวานไปเถอะค่ะ แล้วก็ขอแนะนำนะคะว่าถ้าคิดจะหักอกใครแล้วอย่าแสดงท่าทีเป็นห่วงเลยค่ะ มันจะยิ่งทำให้ตัดใจยาก” หิรัญยิ้มแห้งๆ ที่โดนพูดใส่แบบนั้น ก็เลยไม่คิดจะต่อยาวสาวความยืดอีก ปล่อยให้ร่างบางของหญิงสาวเดินหนีไปอีก ส่วนเขาก็เดินไปยังห้องพักแพทย์ของตน


“หลับหรือยังครับ”

(กำลังจะนอนครับ แต่หมอเงินโชคดีที่โทรมาก่อน) ปลายสายหัวเราะอารมณ์ดี

“อินครับ” ร่างโปร่งเรียกชื่อปลายสายเสียงสั่น ทำให้อินทัชที่กำลังหัวเราะอยู่เปลี่ยนน้ำเสียงได้ทันที

(เกิดอะไรขึ้นหมอเงิน ใครทำอะไรหมอ ทำไมหมอเงินถึงร้องไห้!) ปลายสายถามอย่างร้อนใจ แต่หมอหนุ่มที่ได้ยินเสียงของอินทัชคนที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาเป็นห่วงก็รู้สึกซาบซึ้ง ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมา...

“ฮึก...อินครับ”

(หมอเงิน...เป็นอะไรไปครับ)

“ป่ะ เปล่าครับ” แค่อยากโทรไปเพื่อให้ได้ยินเสียงเฉยๆ อย่างน้อยก็ยังรู้ว่ามีคนอยู่เคียงข้าง

(ทะเลาะกับขรรค์เหรอครับ)

“ป่ะ เปล่าครับ ไม่ได้ทะเลาะกัน”

(หมอโกหกไม่เก่งเลยนะครับ...ถ้าไม่ได้ทะเลาะกันจะร้องไห้ทำไม จะโทรหาผมทำไม ถ้าเกิดว่าไม่เกี่ยวกับขรรค์หมอก็จะต้องคิดถึงขรรค์และหาขรรค์เป็นคนแรก แต่นี่หมอเงินโทรหาผม แสดงว่ามันจะต้องเกี่ยวกับขรรค์ ผมพูดถูกใช่ไหมครับ?) อินทัชพูดอย่างรู้ทัน

หมอหนุ่มน้ำตาไหล แต่ก็เอามือเช็ดมันออกเรื่อยๆ พยายามระงับเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกมา จนปลายสายกังวลในความเงียบที่หิรัญสร้าง

(หมอเงิน...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เล่าให้ผมฟังได้ หรือจะให้ช่วยอะไรก็บอกมาครับ เก็บเอาไว้คนเดียวมันก็ไม่สบายใจเปล่าๆ อย่างน้อยก็ได้ระบายนะครับ)

“อิน...อึก...ผมรู้สึกว่า ขรรค์เขาไม่ได้...รักผมแล้ว”

(ห๊ะ!! หมอเงินเอาอะไรมาพูดเนี่ยครับ ขรรค์นี่นะไม่รักหมอ) ปลายสายถามเสียงดัง แต่ก็เริ่มจะเข้าใจสถานการณ์แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น

หิรัญก็ไม่ได้คิดแบบนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เพียงแต่อาการน้อยใจ เสียใจมันพาลทำให้เขารู้สึกอะไรไปเรื่อย หลงลืมไปแล้วว่าที่ผ่านมาเขาสองคนรักกันมากขนาดไหน

นี่แหละนะหัวใจของคน...

รัก โลภ โกรธ หลง...

(เล่ามาครับ)

 หิรัญเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่อินทัชก็พยายามจับใจความให้ได้ เพราะจะให้หิรัญเล่าอีกครั้งก็คงจะไม่ได้แน่ๆ

พอฟังสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วอินทัชก็ถอนหายใจเพราะต้นกำเนิดเรื่องราวมันมาจากเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่ทั้งคู่ไม่เข้าใจแล้วก็อารมณ์ร้อน หงุดหงิดกันเนี่ย เป็นเพราะว่าทำงานกันหนักมากเกินไป และยิ่งไม่มีเวลาอยู่ด้วยกัน ความเครียดก็เลยสะสม พอสะสมเข้ามากๆ เจออะไรนิดๆ หน่อยมันก็ไม่ถูกใจ ไม่เข้าหู

ชีวิตคู่มันก็เป็นแบบนี้แหละ กระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา

(ฟังผมนะหมอเงิน...ขรรค์อาจจะคิดแบบนั้นจริงๆ แต่มันไม่คิดจะทำให้หมอเงินเสียใจหรือรู้สึกผิดหรอกครับ มันทำงานหนักแล้วก็เครียดที่ไม่มีเวลาอยู่กับหมอ ส่วนหมอก็เหมือนกันที่จิตใจอ่อนไหวง่ายแบบนี้เพราะเหนื่อยแล้วไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเหมือนกัน ปัญหามันเรื่องเล็กน้อยมากครับ หมอเงินต้องคุยกับขรรค์ครับ รู้ใช่ไหมครับว่าขรรค์เขาเป็นยังไง ผมไม่รู้หรอกว่าจะต้องทำยังไง เพราะผมไม่รู้จักกับขรรค์มากเท่าที่หมอเงินรู้...แต่ที่ผมรู้ก็คือขรรค์ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้แน่ๆ มันรักหมอเงินจะตายไป ทำใจให้สบายแล้วก็ทำงานอย่างมีสมาธินะหมอ)

หมอหนุ่มนั่งฟังอินทัชพูดอย่างตั้งใจจนน้ำตาหยุดไหล หยุดร้องไห้ แล้วก็รู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น แต่มันก็ยังกังวลใจอยู่

“ขอบคุณอินมากนะ”

(เลิกร้องไห้ได้แล้วหมอ ถ้าขรรค์รู้มันต้องไม่สบายใจมากๆ แน่ แต่ตอนนี้ผมก็คิดว่ามันนอนไม่หลับอยู่นะ)

“ผมสบายใจขึ้นเยอะเลย”

(ดีแล้วหมอ อย่าคิดมาก ตั้งใจทำงานนะหมอ ลืมเรื่องนี้ไปก่อน คนไข้สำคัญที่สุด)

ก็หวังแค่ว่าวันนี้จะไม่มีเคสหนักๆ อย่างอุบัติเหตุก็แล้วกัน ไม่งั้นเขาจะต้องทำอะไรได้ไม่เต็มที่แน่ๆ

“ครับอิน”

(ผมไปนอนก่อนนะ ไอ้รามมันมองตาขวางแล้ว)

“ครับๆ แล้วค่อยเจอกันนะครับ”

(ฮ่าๆ ได้ครับ ฝันดีครับ)

“ผมทำงานนะอิน”

(อ้าว? ลืมไปๆ โทษทีนะหมอ ตั้งใจทำงานนะครับ)

“หึหึ ครับ”

ก็ต้องขอบคุณอินทัชที่ช่วยทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาได้ อินทัชเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเขาเลยล่ะ ขนาดที่ว่าเพื่อนที่คบกันมานานๆ ยังดูไม่จริงใจเท่ากับอินทัช


ทางด้านอินทัชที่ทันทีหิรัญวางสายไป ก็เอายื่นโทรศัพท์ให้กับรามินทร์ที่ยืนมองด้วยสีหน้าดุๆ เพราะตอนนี้มันเลยเวลาพักผ่อนของอินทัชไปแล้ว

รามินทร์ต้องการให้อินทัชพักผ่อนให้เป็นเวลาบ้างเพราะกว่าจะลากอีกคนออกจากห้องทำงานได้มันไม่ง่ายเลย

“เออๆ กำลังจะนอน จะทำหน้าดุทำไมวะเนี่ย”

“มึงควรจะนอนให้เป็นเวลาและเป็นนิสัย ไม่ใช่ว่าวันนี้นอนตีสาม พรุ่งนี้นอนเที่ยงคืน”

“ก็กูคุยกับหมอเงินอยู่ เขากำลังไม่สบายใจเพราะทะเลาะกับขรรค์ลูกน้องของมึงไง กูเป็นเพื่อนที่ดีก็ต้องให้กำลังใจเพื่อน คุยกับเพื่อนยามที่เพื่อนต้องการสิวะ” อินทัชตอบ

“แล้วเขาทะเลาะอะไรกัน”

“ขรรค์มันแค่หงุดหงิดน่ะ”

“กูก็คิดว่างั้น ไอ้ขรรค์มันรักหมอเงินมากนะเว้ย ไม่ว่าจะที่ผ่านมาหรือในปัจจุบัน”

“อืม...คนรักกันน่ะ ต่อให้รักกันมากแค่ไหน ยังไงมันก็มีทะเลาะกันบ้างแหละน่า คนเรามันต่างความคิด ภูมิคุ้มการด้านความรู้สึกก็ต่างกันนะ แต่เชื่อเถอะว่าการทะเลาะกันมันจะทำให้ขรรค์กับหมอเงินรักกันมากไปอีก”

“มึงนี่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านเขาเนอะ”

“ไอ้ราม!!!”

“นอนๆ พรุ่งนี้ตื่นเช้า”

อินทัชมองหน้าร่างสูงที่เข้ามาช่วยห่มผ้าห่มอย่างเคืองๆ ที่โดนหาว่าเขาเสือก ก่อนที่รามินทร์เดินกลับออกไปนอนอีกห้องเหมือนอย่างทุกวัน...


ทางด้านร่างแกร่งของขรรค์นอนพลิกตัวไปมาบนเตียงกว้างเนื่องจากนอนไม่หลับ สาเหตุก็มาจากเรื่องที่เพิ่งจะผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง

ขรรค์กลัวว่าคนรักจะคิดมากและร้องไห้จนเป็นห่วง ร่างแกร่งลุกขึ้นมาขจากที่นอนคว้าโทรศัพท์มาดูแล้วหาหาเบอร์ของคนรัก ทำท่าจะโทรไป แต่ก็ต้องชะงักเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าตนจะเริ่มพูดอะไรก่อนดี ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเรื่องมันเริ่มที่เขา แต่กลัวว่าเราจะยิ่งไม่เข้าใจกันไปกันใหญ่มากกว่า

“เฮ้อ...พรุ่งนี้เช้าก็ได้วะ”

ขรรค์ตัดใจที่จะเคลียร์ในคืนนี้ทันที วางโทรศัพท์ลงที่เดิมแล้วทิ้งตัวลงนอนข่มตาให้หลับ แม้ว่ามันจะหลับไม่ได้ก็เถอะ ก็แค่นอนเวลาเท่านั้นแหละ

รอเวลาที่จะได้พูดกับคนรัก ซึ่งระหว่างที่นอนอยู่นี้เขาก็พยายามคิดคำพูด คำอธิบายแล้วก็คำขอโทษเอาไว้ เพราะยังไงแล้วคนที่ไม่อดทนคือเขาเอง

ขรรค์ผิดเอง...

พอนาฬิกาปลุกในตอนเช้า ร่างสูงก็ดีดตัวลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทันทีอย่างร้อนใจ มันคือเวลาที่เขารอมานานมากเพราะนอนไม่หลับเลยตลอดทั้งคืน จนตอนนี้ก็ยังไม่ง่วง เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วขรรค์ก็วิ่งลงไปข้างล่างแต่ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูบ้านออกไป โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา เห็นว่าเป็นเบอร์ทางรีสอร์ทก็ขมวดคิ้วยุ่ง

“สวัสดีครับ…อะไรนะครับ โอเคๆ เดี๋ยวพี่จะรีบไปเลย สิบนาที”

ร่างแกร่งเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง ตรงไปที่รถของตนแล้วขับออกจากบ้านไป แต่เปลี่ยนเส้นทางจากที่จะไปในตัวเมืองก็ต้องเปลี่ยนไปที่รีสอร์ทเพราะดันเกิดปัญหาตั้งแต่เช้า

มันทำให้ร่างแกร่งรู้สึกว่าเมื่อคืนตัดสินใจผิดที่ไม่ยอมเคลียร์ตั้งแต่เมื่อคืน เพราะตอนนี้ก็เหมือนว่าเราทะเลาะกันยาวมากขึ้นไปอีก กว่าจะได้เจอกันก็ตอนเย็น และตอนเย็นก็ไม่รู้ว่าจะได้เคลียร์กันหรือเปล่า

“เฮ้อ...”

ด้านของหมอหนุ่มที่กำลังทำงานรอเวลาออกเวรก็รู้สึกรีบร้อนมากเข้าไปอีกมองนาฬิกาที่ข้อมือของตนไปด้วยสลับกับอ่านแฟ้มของคนไข้ไปด้วย แต่ยังไงก็แล้วแต่ เขากลับไม่มีสมาธิเอาเสียเลย

ใจมันลอยไปหาคนรักแล้ว...

ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก

“โอเค...ถึงเวลาแล้ว” ร่างโปร่งรีบลุกขึ้นเดินไปเก็บข้าวของของตนแล้วรีบออกจากโรงพยาบาลไปเพื่อหารถกลับบ้าน...เพราะเขาไม่ได้ให้คนรักมารับเลยจำเป็นต้องกลับด้วยตัวเอง

แต่หิรัญไม่ได้จะกลับบ้านหรอกนะ แต่จะไปหาขรรค์ที่รีสอร์ทต่างหาก…



(มีต่อ)

หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 60 100% => (01/01/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 31-12-2017 23:57:14
ตอนที่ 60 (ต่อ)




อะไรกันน่ะ...

ดวงตาของหิรัญร้อนผ่าวราวกับจะร้องไห้ออกมาเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้านี้

“ทำไมกัน...”

ร่างใหญ่ของคนรักกำลังอุ้มร่างบอบบางของหญิงสาวหน้าตาดีเอาไว้ในท่าอุ้มเจ้าสาว ไม่พอร่างสูงยังยิ้มให้เธอด้วย ส่วนเธอเองก็เอามือคล้องคอของขรรค์เพื่อไม่ให้ตก ภาพตรงหน้านี้บีบรัดหัวใจของคนที่มาเห็นจนคิดนั่นนี่ไปหมดทุกอย่างแล้ว

ที่ขรรค์เปลี่ยนไป อาจจะเป็นเพราะขรรค์อยากกลับตัวกลับใจไปเป็นผู้ชายคืนหรือเปล่านะ

ขรรค์หันมาทางที่หิรัญยืนอยู่เพราะจะพาเธอกลับไปยังที่พัก แต่ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เห็นว่าหิรัญยืนอยู่...แต่ร่างโปร่งก็หมุนตัวกลับเตรียมหนีไป

“เงิน!!!”

“อะไรเหรอคะ?” หญิงสาวในอ้อมแขนถามขึ้นอย่างสงสัย

“นั่นคนรักผมน่ะครับ เขาคงจะกำลังเข้าใจผมกับคุณผิด”

“อ้าว? งั้นก็รีบวางเถอะค่ะ แล้วตามคนรักคุณไปดีกว่า เดี๋ยวแฟนดิฉันก็คงมาแล้วล่ะมั้งคะ”

“แต่ขาคุณ”

“ฉันนั่งรอได้ค่ะ แล้วจะไม่คอมเพลนเรื่องบริการด้วย ฉันเข้าใจค่ะ” เธอบอกยิ้มๆ

“งั้นผมขอโทษด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

ขรรค์เดินไปวางร่างของหญิงสาวลงบนเก้าอี้ใต้ร่มไม้อย่างเบามือเพราะเธอเป็นลูกค้ารีสอร์ท จำเป็นต้องดูแลให้ดีที่สุด...ก่อนที่ขรรค์จะตะโกนเรียกพนักงานที่อยู่ใกล้ๆ มาให้ดูแลผู้หญิงคนนี้แทนเขา ส่วนร่างสูงใหญ่ก็วิ่งตามคนรักไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ถ้าเขาเห็นไม่ผิด สายของของหิรัญเมื่อกี้นี้มันทั้งน้อยใจ เสียใจ ผิดหวังแล้วก็มีน้ำตา

“โถ่เว้ย!!”

ขรรค์อยากจะต่อยตัวเองแรงๆ ที่ทำร้ายจิตใจของคนรัก แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดก็ตามแต่ถ้ามันทำให้คนรักเสียใจ ยังไงก็คือทำร้ายทั้งนั้น

“เงิน!! รอขรรค์ก่อน!!!” เห็นหลังบางๆ อยู่ตรงหน้า แต่ก็วิ่งหนีห่างออกไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หิรัญเรียกวินมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปทันที ทิ้งให้เขายืนสบถด้วยความเครียด หากแต่เขาก็วิ่งกลับไปในตัวรีสอร์ทเพื่อเอารถตัวเองขับกลับบ้าน

“ฮัลโหล...จิน พี่ฝากดูแลไปก่อนนะ ถ้ามีปัญหาอะไรโทรถามพี่ได้ วันนี้พี่ขอหยุด” ระหว่างที่ขับรถก็โทรศัพท์ไปหาลูกน้องเพื่อฝากงานด้วย

และเมื่อถึงบ้านเขาก็วิ่งเข้าบ้านและขึ้นไปข้างบนทันทีแต่คนรักของเขาดันอยู่ในห้องน้ำเนี่ยสิ

“เงิน...ออกมาคุยกับขรรค์ก่อนนะครับ เงินกำลังเข้าใจขรรค์ผิดนะ”

ซ่า!!!

ข้างในห้องน้ำเปิดน้ำลงพื้นแรงยิ่งขึ้น ราวกับไม่อยากฟังสิ่งที่คนรักพูดหรือไม่ก็กำลังกลบเสียงร้องไห้ของตนอยู่...จิตใจของหิรัญอ่อนไหวง่ายเพราะเหนื่อยและพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงการที่เขากับขรรค์ไม่ค่อยอยู่ด้วยกัน เลยทำให้การพูดคุยมันน้อยลง เลยทำให้บางอย่างมันเปลี่ยนไป ทั้งๆ ที่มันก็เหมือนเดิม

“เงิน...ถ้าเงินไม่ออกมาขรรค์จะเอากุญแจไขเข้าไป วันนี้เราต้องคุยให้รู้เรื่อง”

“เงินจะอาบน้ำ” ด้านในตอบกลับเสียงสั่น คนหน้าประตูห้องน้ำอย่างขรรค์ก็ยอมที่จะเดินไปนั่งรอที่เตียง เพราะถ้าหากหิรัญบอกจะอาบน้ำ เขาก็จะเชื่อและปล่อยให้คนรักอาบน้ำไป

“ขรรค์จะนั่งรอนะ”

เวลาผ่านไปสามสิบนาที่กว่า หิรัญก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากห้องน้ำเลย ร้อนใจถึงขรรค์ที่กำลังรออยู่อย่างใจเย็น แต่ทันทีที่เข้าลุกขึ้นประตูห้องน้ำก็เปิดออกมาพร้อมกับคนรักของเขาในชุดนอนที่เดินออกมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาและเรียบนิ่งสุดๆ

“เงิน...เงินกำลังเข้าใจผิดนะ”

ร่างโปร่งบางไม่ตอบไม่พูดอะไร เดินเอาผ้าไปผึ่ง แล้วเดินเปิดประตูห้องออกไป จนร่างสูงใหญ่ต้องเดินตามออกไปเพราะต้องการเคลียร์ให้รู้เรื่อง

สถานการณ์อึดอัดเมื่อร่างโปร่งลงไปทำอาหารง่ายๆ ทานแบบเงียบ ซึ่งก็ไม่ได้ทำเผื่อเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นอันรู้กันว่าหิรัญโกรธมากขนาดไหน

“เงิน...ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นลูกค้าที่รีสอร์ท เธอสะดุดล้มจนขาพลิก ขรรค์ก็แค่อุ้มเธอพาไปยังที่พักเพื่อให้พนักงานทำแผลให้ มันไม่ใช่อย่างที่เงินคิดเลยนะ”

ใบหน้าหล่อเงยหน้ามองคนรักเล็กน้อยแล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ

เอาจริงๆ อารมณ์ของหิรัญสงบลงตั้งแต่อาบน้ำแล้วล่ะ ไตร่ตรองนึกคิดดีๆ ก็หายโกรธ เพราะยังไง หิรัญก็เชื่อใจในตัวของขรรค์...ถ้าขรรค์บอกว่ารักก็คือรัก...

ขรรค์ไม่เคยสนใจคนอื่นมากกว่าเขา ขรรค์ไม่เคยมีเรื่องชู้สาว...

“เชื่อขรรค์นะเงิน จะให้ขรรค์ไปสาบานที่ไหนก็ได้ ขรรค์ไม่ได้โกหกเงินนะ”

“อื้อ...เงินเชื่อขรรค์” หิรัญพูดออกมาแค่นั้น

เรื่องเมื่อกี้เคลียร์ แต่ใช่ว่าเรื่องเมื่อคืนจะเคลียร์ไปด้วยเสียหน่อย ยังไงหิรัญก็ยังไม่ยังน้อยใจกับเรื่องเมื่อคืนนี้อยู่ดี

“แล้วทำไม...เงินยังทำหน้าเหมือนกำลังโกรธอยู่ล่ะ”

“เปล่านี่...เงินก็ปกติ”

“แต่ขรรค์ว่าไม่” ร่างสูงสวนกลับ

“เหมือนกับที่เมื่อคืนที่เงินรู้สึกเลย เงินรู้สึกว่าขรรค์เปลี่ยนไป...ถ้าหากว่าขรรค์จะเปลี่ยนใจ…”

“ไม่ใช่นะเงิน!! ขรรค์ไม่ได้เปลี่ยนไปแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนใจอะไรทั้งนั้น ขรรค์ยังเหมือนเดิม ยังรักเงินคนเดียว รักมากขึ้นทุกวัน...รักเงิน อยากอยู่กับเงิน ขรรค์ขอโทษที่เอาความเหนื่อยมาลงที่เงิน ขอโทษนะครับ” ร่างสูงเดินไปนั่งคุกเข่าบนพื้นข้างๆ กับหิรัญที่กำลังนั่งกินข้าวนิ่งๆ

“เงิน...อย่าเงียบ ขรรค์ขอร้อง”

“เฮ้อ...เงินก็ผิดเหมือนกันที่ชอบพูดเรื่องเก่าๆ ลืมไปว่าขรรค์คงไม่ชอบฟังเท่าไหร่นัก เอาเป็นว่าเงินจะพยายามไม่พูดถึงมันถึงนะขรรค์” คนรักหันมามองหน้า

“ไม่เป็นไร เงินจะพูดก็ได้ ขรรค์ไม่รู้สึกอะไรแล้ว”

“ขรรค์จะมาทำเพื่อเงินตนเดียวไม่ได้นะ เราต้องเจอกันครึ่งทาง อะไรที่ขรรค์ไม่ชอบเงินก็จะไม่ทำ ไม่ใช่ให้ขรรค์มาเอาใจแต่เงิน มันไม่ใช่ชีวิตคู่แล้ว”

“แต่...”

“ถ้าขรรค์มีอะไรที่ไม่ชอบก็บอกมาได้นะ แต่พูดดีๆ นะขรรค์ เงินรับไม่ได้กับน้ำเสียงเมื่อคืนจริงๆ มันเจ็บนะ มันเหมือนกับวันนั้น...ฮึก...ขอโทษ ทั้งๆ ที่บอกว่าจะไม่พูดแล้วเชียว” หิรัญเสียงสั่น กลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ให้หลุดออกมา ส่วนขรรค์เองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กันที่ทำให้คนรักเสียใจ

“ขอโทษ...ขอโทษครับ ยกโทษให้ขรรค์นะ”

“เงินไม่เคยโกรธขรรค์ ฮึก จะให้ยกโทษอะไร”

หิรัญก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ไม่เคยคิดจะโกรธอะไรขรรค์เลยทั้งๆ ที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทะเลาะกัน แต่น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบสามปีมากกว่า

“เงิน...ขรรค์รักเงินนะ”

“อื้อ...เงินก็รักขรรค์เหมือนกัน”

พรึ่บ!!

ทั้งสองโผเข้ากอดกันด้วยความรัก และดีใจที่เคลียร์กันเรียนร้อยแล้ว และตั้งใจเอาไว้ว่าจากนี้เป็นต้นไป ถ้าทะเลาะกันก็จะเคลียร์กันให้เสร็จในวันนั้น อย่าให้มันข้ามคืนเหมือนครั้งนี้

หากว่าเรื่องมันร้ายแรงจนหิรัญหนีไปขรรค์คงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ

คงจะเสียใจจนไม่มีวันให้อภัยตัวเอง...และเสียใจไปตลอดชีวิต

...

...

...


“เงิน...วันนี้ขรรค์จะไปรับนะ”

(อื้อ...ทำไมตื่นไวจัง) ปลายสายถาม

“ก็ขรรค์อยากจะไปรับเงินไง”

(มาก็มา...เงินรอที่เดิมก็แล้วกันนะ)

“ครับ...แล้วเจอกันนะครับ”

เหตุการณ์เป็นไปอย่างปกติแล้ว แต่คนรอบข้างกลับรู้สึกว่าทั้งสองหวานกันมากขึ้นไปอีก...แน่ล่ะ พอผ่านการทะเลาะกันในแต่ละครั้ง มันจะยิ่งทำให้คู่รักที่ผ่านเรื่องต่างๆ มาได้ยิ่งรักกันมากขึ้นไปอีก

รวมถึงคู่ของหิรัญกับขรรค์ด้วย

(อย่าขับรถเร็วนะ)

“ครับผม!”

ขรรค์วางสายด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม วันนี้เป็นวันหยุดของเขาและวันหยุดของหิรัญด้วยและก็เป็นวันสุดท้าที่คนรักของเขาจะได้อยู่เวรดึก...หลังจากเสร็จสิ้นวันหยุดไป หิรัญก็จะเข้าเวรเช้าเหมือนเดิม...

เวลาของเราก็จะมีมากขึ้นด้วย...

จากนี้ไปพวกเราจะใช้เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันให้คุ้มค่าที่สุดเลยล่ะ เผื่อคนรักจะต้องกลับไปเวรดึกอีกจะได้ไม่ต้องมานั่งคิดถึงกันมาก...

“ขรรค์ไม่ชอบการนอนคนเดียวเลย”

“ก็นี่ไง เงินก็จะเข้าเวรเหมือนเดิมแล้วล่ะ”

“ว่าแต่ทำไมถึงได้เปลี่ยนล่ะ” ขรรค์ถามคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน

ตอนนี้เรากำลังเดินทางกลับไปยังบ้านสวนของเรา...

“มีรุ่นพี่ขอเปลี่ยนน่ะ”

“อ๋อ...ดีแล้วล่ะ”

“หึหึ ยิ้มดีใจเป้นเด็กเลยนะ” หิรัญแซวคนรัก ส่วนขรรค์ก็ได้แต่ยิ้มรับไม่ได้ว่ากลับอย่างงอนๆ เช่นทุกทีเพราะที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยชอบให้คนรักเรียกว่าเด็กสักเท่าไหร่

แต่ตอนนี้ไม่ว่าอะไรที่ออกมาจากปากของหิรัญ ขรรค์ชอบทั้งนั้นแหละ

“ก็คนมันดีใจนี่นา”

“เงินก็ดีใจ ที่จะได้นอนกอดกับขรรค์สักที เฮ้อ...คิดถึงจัง”

“งั้นวันนี้กลับไปถึง ขรรค์จะให้เงินกอดจนหนำใจเลย เอาไหม?”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

ทั้งสองหันมายิ้มกว้างๆ ให้กัน มือข้างหนึ่งของขรรค์เอื้อมมากุมมือบางของหมอหนุ่มคนรักเอาไว้อย่างต้องการมอบความอบอุ่นให้กับหิรัญ

และเป็นการสัญญาว่า จะจับมือกันไปอย่างนี้...ตลอดไปเลยล่ะ

 



:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

HAPPY NEW YEAR 2018

ขอให้นักอ่านที่น่ารักของยูกิทุกคนมีความสุขมากๆ ตลอดทั้งปี 2018

แล้วอย่าทิ้งกันไปไหนนะคะ อยู่ด้วยกันไปตลอดเลยน้า ยูกิมาถึงจุดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่มีนักอ่านทุกคนคอยสนับสนุน

นิยายของยูกิจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าไม่มีคนอ่าน ทุกคอมเม้นท์ ทุกข้อความ

ทุกกำลังใจ ทุกคำแนะนำ และขอบคุณทุกความเชื่อใจที่มีให้กัน

ขอบคุณสำหรับทุกๆ การสนับสนุนที่มีให้กันมาตลอด

ในปี 2017 ยูกิได้ทำอะไรผิดพลาดไปหลายอย่าง ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ

หวังว่าปีนี้ ปี 2018 จะเป็นปีที่มีความสุขของทุกๆ คนน้า รักทุกคนค่า
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 60 100% => (01/01/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-01-2018 01:37:18
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 60 100% => (01/01/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: sexysunn ที่ 01-01-2018 02:24:14
สวัสดีปีใหม่ครับ   
  นึกว่าจะเป็นคู่หลักซะอีก  คู่หลักไม่คืบหน้าเลย  :z10:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 60 100% => (01/01/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-01-2018 02:37:15
ทะเลาะแล้วก็คืนดี เป็นธรรมดาของชีวิตคู่ และชีวิตเดี่ยวอย่างคนแก่  :กอด1:

สุข สมหวังดั่งที่ต้องการในปีใหม่นี้นะจ๊ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 60 100% => (01/01/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-01-2018 02:45:15
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 60 100% => (01/01/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-01-2018 09:34:25
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 60 100% => (01/01/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-01-2018 01:36:59
HNY 2018 ค่ะยูกิ
ขอให้สุขภาพแข็งแรง
ลงรามอินทร์ให้เราได้เรื่อยๆนะ
ดีใจที่ขรรค์เงินเคลียกันรู้เรื่อง
ก็รักกันมากนี่นา
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 60 100% => (01/01/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-01-2018 05:29:25
น้ำตาไหล สงสารความไม่เข้าใจกัน
เงินก็คิดมาก ขรรค์ก็ไม่ค่อยพูด เลยได้เรื่องจนได้

อินช่วยขรรค์ไว้อีกแล้วนะ เพราะทำให้เงินรู้สึกดีขึ้น

หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 60 100% => (01/01/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-01-2018 22:44:10
คิดถึงเรื่องนี้
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61 100% => (10/10/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 10-02-2018 21:00:48
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 61
สิ่งที่กลัว...




“หายไวนะครับเนี่ย เดินได้แล้วล่ะครับ แต่อย่าเดินมากเกินไป แบบว่าเดินสามสี่ชั่วโมงโดยไม่พักนะครับ แบบนั้นขาจะบวมเอาได้”

“ทำงานน่ะหมอไม่ใช่เดินทางไกล ถึงจะไม่หยุดเลย”

“ฮ่าๆ หมอก็แค่เตือน” หมอวัยกลางคนตอบกลับอินทัชอย่างอารมณ์ดี

วันนี้รามินทร์พาอินทัชมาหาหมอเพื่อให้เอาเฝือกออก ที่มาเอาป่านนี้เพราะว่าหลังจากกลับมาจากทะเลอินทัชก็ไม่ว่างที่จะมาเลย ก็เลยมาได้วันนี้ จากวันนั้นก็เกือบอาทิตย์ได้แล้วล่ะมั้ง

“ผมเดินได้แล้วใช่ไหมครับ”

“เดินได้แล้วล่ะครับ ถ้าเจ็บก็พักแล้วก็นวด ทายา แต่อย่าวิ่งหรือทำอะไรหนักๆ”

“โอเครับหมอ...รู้ไหมว่าที่ผ่านมาสองสามอาทิตย์ที่ผมต้องใส่เฝือก ผมเหมือนคนพิการเลย”

“ฮ่าๆ หมอเข้าใจนะครับ แต่ตอนนี้ได้รับอิสรภาพแล้วครับ”

“อิสรภาพเลยเหรอครับ แต่ยังไงก็ดีใจด้วยนะครับ มีอะไรก็มาหาหมอได้”

“ขอบคุณมากนะครับหมอ”

“ครับ”

อินทัชยกมือไหว้หมอแล้วก็ขอตัวออกมาเลย เจอกับรามินทร์ที่ยืนรออยู่ข้างนอกด้วยรอยยิ้มกว้าง ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่อินทัชเห็นมันทุกวันเลยตั้งแต่ที่ขาของเขาเจ็บจนมาถึงวันนี้

มันบอกว่าจะมาดูแลเขาจนกว่าเขาจะหาย นี่ก็หายแล้ว...มันจะกลับตอนไหนล่ะ?

“อยากไปไหนไหมวะ”

“กูเหรอ? ตอนนี้กูหิวมาก แล้วก็อยากได้เสื้อผ้าใหม่ด้วย” อินทัชบอก

“มึงนี่ก็เจ้าพ่อแฟชั่นเนอะ กูเห็นเสื้อผ้ามึงแต่ละตัวแม่งมีแต่แบรนด์เนมทั้งนั้นเลย”

“ก็กูชอบของกู” ร่างเล็กกว่ายักไหล่น้อยๆ

“เอาเถอะ กูมีหน้าที่เดินตามมึงนี่นะ จะทำอะไรได้”

อินทัชยิ้มน้อยๆ ก่อนจะออกเดินนำร่างสูงออกจาโรงพยาบาลไปที่รถ แบมือมาตรงหน้าของรามินทร์เมื่อหยุดตรงรถของเขาที่จอดอยู่

“อะไร?”

“กูจะขับ จะยืดแข้งยืดขา”

“ไม่เป็นไร กูขับเอง” แต่รามินทร์กลับไม่ยอม ปฏิเสธอย่างทันทีทันใด ทำเอาอินทัชที่กำลังอารมณ์ดีเพราะสามารถเดินได้แล้วถึงกับอารมณ์เสียขึ้นมาทันที

“ไอ้ราม!!”

“เชื่อกูเถอะน่า กูขับเอง” แต่รามินทร์ก็ยังไม่สนใจความรู้สึกของอินทัช ตั้งใจจะขัดใจยังไงก็ยังทำอยู่แบบนั้น

“เออ!! ก็ได้วะ” อินทัชรู้ดีว่าโมโหไปก็มีแต่ตัวเองที่เหนื่อยเปล่า เพราะงั้นในเมื่อมันดึงดันรั้นจะเป็นคนขับเหมือนเดิมให้ได้ เขาก็ไม่คิดที่จะดื้อกลับด้วย

เหนื่อยเปล่าๆ

“กูหายแล้วนะ” อินทัชพูดขึ้นมาระหว่างที่เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้า รามินทร์ขมวดคิ้วทันทีเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่อินทัชต้องการจะสื่อ

“อือ...แล้วไงอ่ะ ก็ดีใจด้วยไง”

“มึงบอกว่าถ้ากูหายมึงจะไป”

“อ๋อ...จะไล่เหรอ?”

“หึ”

“กูพูดว่าจะมาดูแลมึงจนกว่าจะหาย แต่ไม่ได้บอกว่าถ้ามึงหายแล้วกูจะไปสักหน่อย” รามินทร์หันมายักคิ้วให้อย่างกวนๆ แล้วหันกลับไปมองถนน

อินทัชแอบยิ้มขึ้นมาน้อยๆ

จะว่าดีใจก็ดีใจนะ ไม่รู้สิ การที่ได้อยู่กับรามินทร์มันก็สนุกแล้วก็มีความสุขดี มันดีกว่าที่เขาอยู่คนเดียวเยอะเลย การที่ได้อยู่กับเพื่อนสนิทอย่างธีรไนยมันก็อีกความรู้สึกหนึ่ง ส่วนกับรามินทร์ก็อีกความรู้สึกหนึ่ง

“มึงไม่ทำงานทำการหรือไง”

“ทำสิ กูก็ยังทำอยู่”

“เหรอ นึกว่าโดนไล่ออกไปแล้ว”

“บ้าเหรอ นั่นมันธุรกิจของครอบครัวกูนะ ใครจะมาไล่ออกได้วะ” รามินทร์ตอบกลับมา

“พ่อมึงไง”

“หึหึ...พ่อกูนอนกินเงินเดือนนู่น ไม่มาสนทำงานอะไรแล้ว”

“ดีเนอะ เหมือนพ่อแม่กูเลย” อินทัชบอก

ระหว่างที่พวกเขาสองคนกำลังนั่งคุยกันระหว่างทางที่กำลังขับไปยังสถานที่ที่เป็นจุดหมาย ดวงตาคมก็สังเกตเห็นรถสีดำคันหนึ่งขับตามมาตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว

ตอนแรกก็คิดว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติ แต่นี่มันผิดปกติเกิน อะไรจะไปทางเดียวแล้วขับขับประชิดกันขนาดนี้

“อิน...”

“อะไร?”

“กูว่ามันแปลกๆ ว่ะ”

“อะไรแปลก?”

“รถคันข้างหลังน่ะ กูสังเกตมานานแล้ว มันตามเราตั้งแต่โรงพยาบาลเลยนะเว้ย” รามินทร์บอกพลางใช้ตามองกระจกหลังไปด้วย

“จริงเหรอวะ!” อินทัชถามแล้วหันไปมองด้านหลังทันที

“ว่าไงมึง คุ้นๆ กับรถป่ะ”

“ไม่ว่ะ รถสีดำใครๆ ก็มี แต่กูรู้สึกว่ามันไม่ปกติเหมือนกัน”

“มันจะมาลอบยิงมึงหรือเปล่า” รามินทร์ถาม

พออินทัชได้ยินคำถามแบบนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เปิดลิ้นชักดูว่ามีปืนอยู่หรือเปล่า เพราะรถของเขาไม่ได้มีปืนติดรถทุกคัน...

“หาอะไร?” รามินทร์ถาม

“มึงขับรถไปเถอะนะ ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่เส้นทางเปลี่ยว ยูเทิร์นกลับไปก็ได้ หรือไปสถานตำรวจก็ได้ ดูซิว่ามันตามเราอยู่อีกไหม” ร่างโปร่งสั่งแล้วก็หาปืนในลิ้นชักปรากฏว่ามัน...

“ซวยแล้ว”

ปืนไม่มี...รถคันนี้ของเขาไม่มีปืน

“อะไร!”

“ไม่มีปืนว่ะ”

“แล้วถ้ามันยิงมาทำไง ไม่ตายเหรอวะ” รามินทร์ถามอย่างกังวล

อินทัชส่ายหน้าไปมา

“ไม่หรอก กูมีบอดี้การ์ดขับตามอยู่มึงอย่าลืมดิวะราม” อินทัชปลอบใจ

โชคดีที่อินทัชไม่ประมาท ไม่สั่งให้บอดี้การ์ดไม่ต้องตามเขา ทั้งๆ ที่วันนี้อยากจะอยู่แบบเงียบๆ สงบๆ โดยไม่ต้องให้ใครตาม แต่อินทัชก็เปลี่ยนจาไม่ตามเป็นตามสองคนพอ...

“ไหนล่ะบอดี้การ์ดมึง”

อินทัชรีบมองหาทันทีที่รามินทร์ถามเสร็จ ก่อนจะตอบออกมาว่า

“อยู่หลังรถที่ตามเรานี่แหละ มึงระวังตัวดีๆ นะราม” อินทัชบอกอย่างเป็นห่วง เรียกรอยยิ้มพึงพอใจจากรามินทร์ทั้งๆ ที่อยู่ในสถานการณ์น่าเป็นกังวล

“แค่มึงห่วงกูกูก็ดีใจแล้ว”

“ดีใจไม่ได้ช่วยทำให้รอดตาย เอาไว้ให้รอดตายก่อนแล้วค่อยดีใจก็แล้วกัน”

“หึหึ”

ร่างโปร่งบางส่ายหน้า หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแล้วต่อสายไปยังบอดี้การ์ดที่ตามอยู่ห่างๆ ทันที

“รถที่ขับตามฉันอยู่น่าสงสัยมาก ช่วยระวังให้หน่อยเข้าใจนะ ฉันไม่มีอาวุธพกติดตัว ถ้ามันทำอะไรพวกฉัน ช่วยสกัดมันจากด้านหลังให้ด้วย อ้อ! ถ้ามันลงมือ ทำยังไงก็ได้ให้จับพวกมันให้ได้ เพราะฉันต้องการสาวให้ถึงคนบงการ”

(รับทราบครับคุณอิน ผมจะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดครับ)

“และห้ามพลาด จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ เพราะถ้าพวกนายทำพลาด ไอ้ธีร์มันก็จะรู้ทันที” อินทัชขู่ออกไปโดยใช่ชื่อของเจ้านายตัวจริงอย่างธีรไนยออกไปเพราะรู้ดีว่าบอดี้การ์ดพวกนี้เกรงใจธีรไนยมาก

“มึงจะไปขู่เขาทำไมล่ะ เขาก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว มึงไม่ต้องกังวลหรอกน่า แล้วยังมีกูอีกคน กูไม่มีทางปล่อยให้มึงได้รับอันตรายหรอกน่า” รามินทร์เอ่ยขึ้น

“กูไม่ได้กลัวหรือกังวล แค่กระตุ้นการทำงาน”

“ก็แล้วไป”

“มึงกำลังจะไปที่ไหนเนี่ย” อินทัชถาม

“พามึงไปที่ที่ปลอดภัยไง”

“ที่ไหน?”

“เดี๋ยวก็รู้น่า”

“อยากออกนอกเมืองนะเว้ย ไอ้ราม มันอันตราย!” อินทัชรีบโวยวายที่รามินทร์เบี่ยงเส้นทางด้วยความรวดเร็วพาออกไปยังถนนใหญ่ คันที่ขับตามมาก็ยิ่งเร่งความเร็วตามเพื่อให้ทัน

“เชื่อกูน่า เสี่ยงหน่อย แต่เรื่องมันจะจบได้เร็ว”

“จบเร็วบ้าอะไร!! จบชีวิตน่ะสิไม่ว่า ไอ้ราม อย่าโง่ กูขอร้อง”

“ไม่เป็นไร กูรับผิดชอบเอง”

อินทัชจนปัญญาที่จะห้ามได้แต่นั่งกระวนกระวายมองกระจกข้างอย่างหวาดระแวง เพราะกลัวว่าพวกมันจะชิงลงมือก่อน

“เห็นได้ชัดเลยว่า มันตามเราจริงๆ” รามินทร์พูดขึ้นมา

อินทัชหันขวับมองไปยังคนพูดทันที ดวงตาแข็งกร้าว ไม่พอใจที่อีกคนทำเหมือนว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเล่นๆ ทั้งๆ ที่ชีวิตกำลังอยู่ในความเสี่ยงแท้ๆ

“แล้วแต่มึงเลยก็แล้วกัน”

อินทัชขอฝากฝังชีวิตของตัวเองไว้กับบอดี้การ์ดสองคนนั้นก็แล้วกัน

“อยากได้พ่อเสือ มึงก็ต้องล่อเหยื่อให้ติดกับ” รามินทร์ยักคิ้วให้ ใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ของรามินทร์ยิ่งทำให้อินทัชรู้สึกไม่อยากจะไว้ใจอะไรมากนัก

กลัวจะตายเร็วขึ้น...

ปัง!!!

เอี๊ยด…

มันเริ่มแล้วไหมล่ะ!

“อิน ระวังนะมึงแล้วก็จับดีๆ”

เสียงปืนหนึ่งนัดยิงโอนเต็มๆ ท้ายรถจนทั้งคู่สะดุ้ง รามินทร์พยายามขับรถเบี่ยงไปมาเพื่อให้ยากต่อการเล็ง แต่อินทัชรู้สึกเวียนหัวมากกับการขับรถแบบนี้ของรามินทร์มากกว่ากลัวปืนเสียอีก

“ขับแบบนี้ยิงโยนยางทีเดียวก็จอดแล้ว” อินทัชว่า หันไปมองข้างหลังก็พบว่าพวกมันมุดหัวกลับเข้ารถไปแล้ว รถของมันส่ายไปมาเพราะเสียสมดุล เสียงปืนยังดังต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้มาจากพวกมัน เป็นบอดี้การ์ดของเขายิงโจมตีจากด้านหลังต่างหาก

“คนที่จอดน่ะพวกมันต่างหาก”

“บอดี้การ์ดของกูเองต่างหาก”

“แต่คนที่ล่อมันออกมาคือกูนะ”

“ขอบใจก็แล้วกัน แต่ตอนนี้...ไม่ได้หมายความว่าเราจะรอดนะ” อินทัชว่า แล้วหันมอง

“รอดสิ ลูกน้องมึงลงมาแล้วเนี่ย” รามินทร์หันมายักคิ้วให้

อินทัชส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะเปิดประตูลงไปหาพวกมันเมื่อเห็นว่าพวกมันสองคนถูกบอดี้การ์ดของอินทัชจับเอาไว้ได้แล้ว

“มันมากันสองคนใช่ไหม” อินทัชถาม

“ครับคุณอิน”

“เอาส่งตำรวจเลย” สิ้นคำสั่งของร่างโปร่ง พวกมันทั้งสองก็มองหน้าเขาอย่างขอร้องอ้อนวอน แต่อินทัชก็ไม่ได้สนใจ และไม่คิดจะสงสารหรืออภัยให้

คนที่คิดเอาชีวิตของคนอื่น...ทำตัวเป็นมัจจุราชตัดสินชีวิตของคนอื่น

ต่อให้ถูกจ้างมา...ปล่อยไป ก็ต้องไปทำกับคนอื่นอยู่ดี...

“ได้ครับ”

“สาวให้ถึงตัวแล้วก็ให้ตำรวจออกหมายจับได้เลย ฝากจัดการด้วย”

“ครับ!”

“ส่วนมึง!!” รามินทร์ยิ้มออกมาแห้งๆ ที่เห็นสายตาคาดโทษจากอินทัชที่เอาเรื่องเอาราวเหลือเกิน แน่ล่ะ ก็เขาเล่นทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันมีปืน ยิ่งไม่รู้ด้วยว่าในรถมีกี่คน รอดมาได้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว

โชคดีที่ลูกน้องของเทพากรมันโง่...หรือไม่ก็

เป็นการการลองเชิง...

“กูมีเรื่องจะพูดกับมึงอีกเยอะเลยราม กลับคอนโด!!!”

คราวนี้ อินทัชโกรธรามินทร์มาก จริงจังมากว่าที่ผ่านๆ มาก มากกว่าที่เขาเคยโดนกระทำตอนที่อยู่เพชรบูรณ์เสียอีก เพราะนี่มันหมายถึงชีวิต...

ไม่เขาก็มันนี่แหละที่จะตายก่อน...

อินทัชเกลียดความใจร้อนวู่วามของรามินทร์ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงใจแข็ง ปฏิเสธร่างสูงมาโดยตลอด แล้วให้โอกาสไม่ทันไร รามินทร์ก็เริ่มเผยนิสัยที่เขากลัวออกมา...

...

...

...


“โกรธเหรอวะ?”

เมื่อมาถึงคอนโดของอินทัช ใบหน้าสวยก็ยังคงเรียบนิ่งอย่างนั้น แผ่รังสีความเย็นยะเยือกออกมาจนรามินทร์สัมผัสได้ ทำให้ร่างแกร่งนั่งเกร็งด้วยความกลัว

เกิดมาในชีวิตนี้ไม่เคยต้องมานั่งกลัวและเกรงใจใครเท่ากับอินทัชมาก่อน

“กูขอโทษ แต่กูทำเพื่อมึงนะ”

“เพื่อกู?”

“ใช่...ถ้าไม่ทำแบบนี้ พวกมันก็ไม่ลงมือหรอก”

“เหรอ...”

“มึงอย่าทำหน้าแบบนี้ดิวะอิน”

“อะไร”

“ขอโทษ”

“เฮ้อ...” ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สบตากับดวงตามคมอย่างจริงจัง ถ้าวันนี้พูดเรื่องนี้กันไม่รู้เรื่อง อินทัชก็จำเป็นจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

“อย่าทำเหมือนเหนื่อยใจกับกูสิวะ”

“รู้ไหมว่าทำไมมึงถึงไม่ผ่านสักที”

“ผ่านอะไร?” ใบหน้าหล่อคมแสดงออกถึงความไม่เข้าใจ ที่จู่ๆ อินทัชก็ถามอะไรแปลกๆ ออกมา

“โอกาสจากกูไง มึงอย่าลืมว่ามึงต้องผ่านการทดสอบจากกู มึงยังไม่ผ่าน แล้วกูก็คิดว่ามันไม่มีวันผ่าน” น้ำเสียงราบเรียบกรีดลึกไปถึงขั้วหัวใจ แทบจะหายใจไม่ออก

“ทำไม”

“กูเกลียด...” รามินทร์แทบจะสิ้นสติกับคำๆ นี้อีกแล้ว จนต้องรีบปรามเอาไว้ก่อนที่รามินทร์จะสติแตก “อย่าเพิ่งโวยวาย ฟังก่อน”

“แต่...”

“มันไม่ได้มีอะไร กูแค่อยากบอกว่า มันมีนิสัยบางอย่างของมึงที่กูไม่ชอบ ถ้ามึงแก้ไม่ได้ กูก็ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไงดี” อินทัชทำหน้าเหนื่อยๆ

“นิสัย? นิสัยของกู?”

“ใช่ นิสัยใจร้อนของมึง เลือดร้อน วู่วาม ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง อย่างที่มึงจับกูไปก็เหมือนกัน เรื่องวันนี้ก็เหมือนกัน มึงทำให้กูกลัวว่ะราม...”

รามินทร์นิ่งคิดไป สลับกับมองหน้าอินทัชไปด้วย

“กู...”

“อย่าปฏิเสธว่ามึงไม่เป็นอย่างที่กูว่า”

“อิน...”

“เราไปกันไม่ได้หรอก ถ้ามึงยังไม่เลิกนิสัยนี้ของมึง”

“อย่าบอกนะ...ว่าที่มึงปฏิเสธกูมาตลอดไม่ใช่เพราะมึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับกู แต่มึงแค่ไม่ชอบนิสัยของกู” ร่างสูงขมวดคิ้วยุ่งไปหมด เริ่มประติประต่อเรื่องราวในใจ

“อย่าคิดเองเออเองไอ้สัตว์ราม กูแค่บอกว่าเราไปกันไม่ได้”

“แต่มึงเคยบอกรักกู” รามินทร์ยิ้มกว้าง

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง”

“โอเคๆ กูรับปากว่าจะพยายามเปลี่ยนนิสัยใจร้อน วู่วามของกูนะ มึงอย่าเพิ่งตัดโอกาสกูนะ กูขอร้อง”

อินทัชมองสีหน้าที่อ้อนวอนของรามินทร์อย่างเย็นชา ไม่ได้แสดงอะไรออกมาผ่านทางใบหน้า แต่ใจก็อ่อนไหวไปกับรามินทร์เรียบร้อยแล้ว

ขี้ใจอ่อนจริงๆ เลยนะมึงน่ะ

“มันทำไม่ได้ง่ายๆ หรอกราม”

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง”

“มึงกลับไปก่อนราม...กลับไปที่เพชรบูรณ์ จนกว่าเรื่องทางนี้ของกูจะคลี่คลาย”

เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ อินทัชไล่รามินทร์ ทั้งเสียง ทั้งใบหน้าจริงจังจนรามินทร์ไม่สามารถคิดเข้าข้างตัวเองได้อีกต่อไป...

ไม่สามรถคิดว่าอินทัชกำลังล้อเล่นได้ ไม่สามารถคิดว่านี่มันเป็นความฝันได้...

“กูอยากอยู่กับมึง”

“ถ้าเราอยู่ด้วยกันมันรังแต่จะทำให้เรื่องมันแย่ราม กูกลัว...กลัวจริงๆ นะ”

กลัวว่าสักวันหนึ่งมึงจะตายไปก่อน...เพราะอารมณ์ร้อนแบบนี้

“กูสัญญา...กูจะเปลี่ยนตัวเอง”

“ไม่ราม...กูบอกแล้วว่ามันทำได้ไม่ง่าย อย่างแรกต้องเริ่มจากความอดทน...ถ้ามึงทนได้ที่ไม่มาหากูเลย กูก็จะเชื่อว่ามึงมีความอดทนอดกลั้น”

“แต่ช่วงนี้มึงกำลังไม่ปลอดภัย กูอยากอยู่ข้างๆ มึง”

“นี่แหละ จะเป็นอย่างแรกในการฝึกความอดทนเลย” ร่างโปร่งพูดเสียงแข็ง แต่รามินทร์ส่ายหน้าปฏิเสธ ยังไงก็ไม่ยอมกลับไปทั้งๆ ที่อินทัชกำลังตกอยู่ในอันตรายแบบนี้แน่ๆ

ไม่มีทาง!!



มีต่อ
V
V
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61 100% => (10/10/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 10-02-2018 21:01:28
ตอนที่ 61 ครึ่งหลัง




“ไม่เด็ดขาด”

“ไอ้ราม! ทำไมมึงถึงพูดยากพูดเย็นแบบนี้วะ!”

“มึงนั่นแหละที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของกู”

“กูดูแลตัวเองได้ มึงไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอกน่า”

“ถ้ามึงเป็นกูจะทำยังไง ที่รู้ทั้งรู้ว่าคนที่ตัวเองรักกำลังตกอยู่ในอันตราย เป็นมึง มึงจะทิ้งไปได้เหรอวะ!!” รามินทร์ถามเสียงดังแทบจะขึ้นเสียงใส่อินทัช ร่างโปร่งสะดุ้งนิดๆ เอามือขยี้ผมตัวเองเครียดๆ

รามินทร์ก็เอามือลูบหน้าลูบตาตัวเองแบบโมโห

“ราม...กูขอ”

“เห็นใจกูเถอะอิน”

“เอาไว้คุยกันทีหลังก็แล้วกัน กูขออยู่คนเดียว”

อินทัชตัดปัญหาโดยการลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนไป...ทิ้งให้รามินทร์นั่งมองตามอย่างน้อยใจ วันนี้ก็พูดกันไม่รู้เรื่อง วันไหนก็พูดไม่รู้เรื่องหรอก...

ทั้งสองมีความคิดเป็นของตัวเอง...พวกเขาทั้งสองยอมกันได้เฉพาะบางเรื่อง แต่ถ้าเรื่องไหนที่พวกเขาต่างก็คิดว่าถูก ก็จะไม่เปลี่ยนความคิดนั้นง่ายๆ จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าความคิดของใครถูกต้องที่สุด!


รามินทร์ขับรถออกไปข้างนอกคนเดียวเพื่อไปซื้อของ ซื้ออาหารและสงบสติอารมณ์ เมื่อซื้อของเสร็จแล้วเขาก็ไปสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้ๆ กับคอนโด แล้วนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย คิดในสิ่งที่อินทัชบอก...

“ใจร้อน วู่วาม ถึงกูจะเป็นแบบนั้น แต่กูก็เป็นเฉพาะตอนคนที่กูรัก เจ็บปวด บาดเจ็บ หรือได้รับอันตราย”

รามินทร์ไม่ได้เป็นแบบนี้กับทุกคน แต่ถ้าใครที่มันทำให้คนที่เขารักต้องเจ็บปวด หรือได้รับอันตราย รามินทร์จะทำทุกอย่างเพื่อเอาคืน...

“กูทำเพราะรักมึง ทำไมมึงถึงไม่เข้าใจวะ!!” ร่างสูงกุมขมับตัวเองอย่างเครียดๆ

ทุกอย่างที่รามินทร์เป็น ก็เพราะรักทั้งนั้น...

แต่ความรักของรามินทร์ ทำให้อินทัชกลัว

“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

แกร็ก!

“สวัสดี...คู่ขาไอ้อิน”

ร่างสูงตัวเกร็งเมื่อถูกวัตถุที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นปลายกระบอกปืนจ่อเข้าที่กลางหลัง เสียงทักทายที่ไม่คุ้นหูเองก็ดังขึ้นมาพร้อมๆ กัน

“ใคร...”

“ขอแนะนำตัวเองก็แล้วกัน...ฉันชื่อเทพากร หรืออาเทพของไอ้อินมัน!” ดวงตาคมเบิกกว้างทันทีเพื่อได้รู้ชื่อของคนที่เอาปืนจ่ออยู่ที่หลังเขากลางที่สาธารณะแบบนี้

“ต้องการอะไร”

“หึหึ...สิ่งเดียวในตอนนี้ที่ฉันอยากได้ก็คือล้างแค้นไอ้หลานไม่รักดี ทำให้มันเจ็บปวด ทำให้มันทรมานที่สุด”

“แล้วฉันเกี่ยวอะไรด้วย” ถามกลับไป ในหัวก็คิดหาทางหนีออกไปจากสถานการณ์นี้

“เพราะแกเป็นคนรักของมันไง!!! ฮ่าๆ มันต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ ที่คนที่มันรักต้องเป็นอะไรไป”

“เลว!!”

ผลัวะ!!!

ร่างสูงหมดสติไปทันทีที่โดนสันของกระบอกปืนทุบเข้าทอยทอยอย่างรุนแรง จากนั้นก็มีพรรคพวกของเทพากรมาอุ้มรามินทร์ออกไปทันที โดยไม่สนใจคนที่เห็นเหตุการณ์เลยสักนิด

เทพากรสนใจแค่เรื่องแก้แค้นเท่านั้น!!!


“ออกไปซื้อของ เดี๋ยวกลับมา” ร่างโปร่งอ่านโพสอิทที่ไว้หน้าตู้เย็นแล้วขมวดคิ้วแน่น มองนาฬิกาที่ติดห้องเอาไว้อย่างเป็นห่วง

“นี่มันจะทุ่มหนึ่งแล้วนะ เมื่อไหร่จะกลับมาล่ะ”

อินทัชเดินไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองก็พบว่ามีเบอร์แปลกๆ โทรมาเกือบสิบสาย ยิ่งทำให้รู้สึกใจไม่ดีเข้าไปอีก อกจากเบอร์ที่ไม่ได้รับแล้วยังมีข้อความส่งมาอีกด้วย

“จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ รบกวนโทรกลับด้วย”

แค่เห็นข้อความนี้ก็ทำให้อินทัชสติแตกไปแล้ว โยงเรื่องที่รามินทร์ยังไม่กลับมาเข้ากับเรื่องของตำรวจจนใจหาย หวาดกลัวไปหมด

ไม่มีอะไรหรอกอิน รามมันก็แค่ไปซื้อของแล้วอาจจะยังไม่กลับก็ได้....

“แค่จะคุยเรื่องไอ้สองตัวนั้นก็ได้” เขาปลอบใจตัวเอง

(สวัสดีครับ...)

“ผม...อินทัช ชยอัมรินทร์ เห็นเบอร์ของคุณโทรมาหลายสาย ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” อินทัชรวบรวมสมาธิถามออกไป

(คุณอินทัชนี่เอง พอดีผมจะบอกว่าคนที่ใช้รถทะเบียน  XXXX  ซึ่งมีชื่อของคุณอินทัชเป็นเจ้าของรถ ถูกลักพาตัวที่สวนเบญจกิติ ซึ่งผู้ที่เห็นเหตุการณ์เป็นผู้แจ้งเข้ามาไม่ทราบว่าชายที่โดนลักพาตัวเป็นเพื่อนหรือเป็นอะไรกับคุณอินทัชหรือครับ ทางเราต้องการทราบเพื่อสืบตามหาต่อไปครับ)

ร่างโปร่งนิ่ง สติหลุดลอยออกไป ใจเต้นโครมคราม หายใจไม่ออก มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดมิด มือที่โทรศัพท์ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา จนแทบจะปล่อยให้มันหลุดจากมือ

(คุณอินทัชครับ ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่าครับ ฮัลโหล...)

เพราะเขา...รามมันถูกจับไปก็เพราะเขา

ถ้ามันเป็นอะไรไป เราจะทำยังไง ราม...กูจะทำยังไง...

“ค่ะ ครับ”

(ได้ยินผมหรือเปล่าครับ)

“ดะ ได้ยินครับ แน่ใจนะครับว่าคนที่ถูกลักพาตัวคือคนที่ขับรถของผมจริงๆ”

(จริงครับ ผู้แจ้งความเป็นคนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด) ตำรวจที่โทรมาเล่าสถานการณ์ที่รามินทร์โดนจับตัวไปตามที่คนเห็นเหตุการณ์แจ้งให้อินทัชฟัง

ร่างโปร่งกำหมัดแน่น...ดวงตาโกรธขึ้ง

“เขาชื่อรามินทร์ อัครสิงหบดี เป็นเพื่อนของผมครับ”

(ถ้าอย่างนั้น รบกวนคุณอินทัชช่วยมาให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ)

“ครับ ผมจะรีบไป”

อินทัชไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก อยู่ในชุดแบบไหนก็ออกไปทั้งชุดนั้น ไม่สนใจสภาพผมยุ่งที่เพิ่งตื่นนอนของตัวเองเลยสักนิด แต่แม้ว่าสภาพจะไม่พร้อมขนาดไหน อินทัชก็ยังดูดีไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี หากแต่สีหน้าของร่างโปร่งบางตอนนี้ ทำให้คนหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้เลยสักนิด...

“อาเทพ...” เขากัดฟันพูดชื่อของคนที่อยู่ในความคิดออกมาอย่างแค้นใจ...

ไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อนในชีวิต โกรธมากๆ โกรธชนิดที่อยากจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่เขาก็ยังคงนึกถึงความ เป็นชยอัมรินทร์ ที่พ่อกับแม่สร้างมาจนมีได้ในปัจจุบัน จะยอมให้เสียเพราะคนในครอบครัวแตกแยกกันเองไม่ได้!!

อาทำตัวอาเอง อาคิดทำร้ายคนที่ผมรักเอง!!


ซ่า!!!

น้ำเย็นสาดเข้าที่ร่างของรามินทร์จนเรียกสติของคนที่กำลังหลับไม่ได้สติให้ตื่นขึ้นมา ก่อนจะพยายามเพ่งมองเพราะน้ำที่สาดมามันไหลเข้าตา

“ตื่นได้แล้ว!!!”

“แก!!” รามินทร์ได้สติก็พรวดพราดจะไปหาเทพากรที่นั่งไขว่ห้างมองเขาอย่างสบายอารมณ์ แต่ก็ต้องล้มลงกับที่คืนเพราะที่ขาของเขาถูกโซ่ตรึงเอาไว้ มือก็ถูกมัดไพล่หลัง ลูกน้องของมันมีประมาณสองคนในนี้ แต่ข้างนอกรามินทร์ไม่รู้ แต่รู้ว่ามันต้องไม่มีแค่นี้แน่ๆ

“อารมณ์ร้อนจริงๆ เลยนะแกน่ะ ดี...แบบนี้แหละฉันชอบ” เทพากรพูดแล้วหัวเราะเสียงดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ

“แกนี่มันชั่วจริงๆ คิดจะฆ่าได้แม้กระทั่งหลานชายตัวเอง”

“แล้วไง? ก็มันดันมาขวางหูขวางตา ขวางทางรวย ขัดความเจริญของฉันเอง มันก็สมควรที่จะตายๆ ไปซะ จริงๆ แล้วมันไม่ควรจะเกิดมาด้วยซ้ำ!!” ผู้มีศักดิ์เป็นอาของอินทัชเดินมาหาร่างแกร่งแล้วตะโกนใส่หน้ารามินทร์ สีหน้า แววตา และน้ำเสียง ทำให้รามินทร์รู้สึกได้ว่าเทพากรแค้นอินทัชจริงๆ

และนอกจากนี้ มันยังทำให้เขารู้ด้วยว่า ที่เขาจับอินทัชไปทรมาน เขาก็คงจะมีสีหน้าที่ดูน่าเกลียดแบบนี้...ยิ่งคิดถึงเรื่องนั้น มันก็ยิ่งทำให้รามินทร์เจ็บปวด

“แกสิควรตาย!!”

“มึง!!!” เทพากรโกรธที่ร่างสูงตะคอกใส่หน้า ต่อยเข้าที่ใบหน้าหล่ออย่างแรงจนหน้าหัน ปากแตกจนเลือดออกที่มุมปาก แต่ร่างสูงก็ไม่ได้กลัว หันกลับมาสบตาด้วยความโกรธและแค้นไม่ต่างกัน ก่อนที่จะ

ถุย!

“มึง!!!…กล้ามากนะ พวกแก!! ซ้อมมัน กูจะส่งหนังสั้นไปให้ไอ้อินมันดูสักหน่อย ว่าผัวมันเล่นได้ดีขนาดไหน” เทพากรต่อยเข้าที่หน้าของรามินทร์อีกข้าง ลุกขึ้นถีบซ้ำ จนร่างสูงล้มไปนอนกองที่พื้น

มือหยาบกร้านเอาเช็ดน้ำลายของรามินทร์ออกไป จ้องมองร่างสูงที่อินทัชรักอย่างสะใจแล้วก็หงุดหงิดปนไปด้วย ส่วนรามินทร์ถึงแม้จะเจ็บที่โดนซ้อม เขาก็กัดฟันอดทนไม่คิดปริปากร้องออกมาโดยเด็ดขาด

ถ้าจะตาย…ก็ขอตายอย่างมีศักดิ์ศรี

“พอ!! เดี๋ยวมันตายก่อน ปล่อยมันไว้แบบนี้แหละ” เทพากรที่เห็นว่ารามินทร์โดนจนพอใจแล้วก็สั่งให้ลูกน้องหยุดซ้อมรามินทร์ แล้วพากันออกไปจากโกดังร้างแห่งนี้ ปล่อยให้รามินทร์นอนหมดแรงและไม่กล้าขยับอยู่แบบนั้น

ถ้ากูไม่น้อยใจมึงแล้วออกมาข้างนอก...กูก็คงไม่ทำให้มึงเดือดร้อนเพราะกู...

กูเป็นคนทำให้มึง...ต้องได้รับอันตราย...

“กู...ขอโทษ”

ที่ปกป้องมึงไม่ได้อย่างที่กูอยากทำ...

น้ำตาของรามินทร์ไหลออกมาอย่างเจ็บใจแล้วก็เจ็บปวด...ที่นอกจะปกป้องอินทัชไม่ได้ ยังเป็นภาระ เป็นตัวถ่วงของคนที่เขารักด้วย...

นี่ใช่ไหม? ที่มึงกลัว...มึงกลัวว่ากูเป็นตัวถ่วง เป็นภาระ

กูสัญญา ถ้ารอดไปได้ กูจะไปจากมึง...

อย่างที่มึงต้องการ...







100%
 :katai4: :mew1: :mew2: :mew3: :mew4:
มาแล้วจ้า มาเดือนละครั้งหรือไงนะ 555 ยูกิพยายามแล้วน้า พยายามที่จะหาเวลามาลงแต่ก็ไม่ได้ วันนี้ยูกิขอพักทุกอย่าง ก็เลยมาลงนิยายดีกว่าๆ ใกล้จะจบแต่ไม่จบสักที กี่ปีแล้วนะเรื่องนี้ วันนี้เลยลงให้ทีเดียวสองตอนนะคะ ถ้าอารมณ์ดีๆ หน่อยก็ 3 ตอนไปเลย เอาให้คุ้มกับที่หายไปนาน แต่หายไปใช่ว่าจะหายไปเลยน้า ใครที่ไปพูดคุยกับยูกิที่เพจนี่ก็ตอบอยู่เด้อ ส่วนใครตามไอจี ยูกิก็อัพเดทชีวิตตัวเองบ้างอยู่แล้ว คือไม่เงียบ ไม่หาย เดือนหน้าก็จบแล้วค่ะ แต่วิจัยยังอยู่ในขั้นให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจคุณภาพเครื่องมือฯ (ช้าใช่ไหม? ยูกิไม่อยากพูด เรื่องมันยาว เรื่องมันเยอะ เดี๋ยวจะกลายเป็นปัญหา ไม่เจาะลึกก็แล้วกันนะคะ ขอพื้นที่ในการบ่นเท่านั้น แหะๆ)

พูดคุยกันที่เพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 62 100% => (10/10/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 10-02-2018 21:07:06
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 62
ช่วยเหลือ...





ผลัวะ!!!

ทันทีที่อินทัชดูคลิปที่เทพากรส่งมาจบเขาก็ปาโทรศัพท์เครื่องหรูของตนใส่กำลังของห้องแล้วตรงเข้าไปกระทืบซากมันซ้ำๆ จนธีรไนยต้องมาดึงไว้ให้ระงับสติอารมณ์ตัวเอง

“อิน...มึงใจเย็นๆ”

“เพราะกู...ธีร์” อินทัชโทษตัวเอง สบตาแดงๆ ของตัวเองกับดวงตาเล็กของเพื่อนสนิท

“ไม่ใช่เพราะมึง ไม่ใช่” ธีรไนยปลอบใจ

มันไม่ใช่ความผิดของอินทัช ไม่ใช่ความผิดของรามินทร์

ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น ถ้าจะมีคนผิดก็ต้องผิดที่คนทะเยอทะยาน แค้นไม่จบไม่สิ้นอย่างเทพากรต่างหาก

“ทำไมจะไม่ใช่เพราะกูวะธีร์” ร่างโปร่งหันมาพูดกับธีรไนยสียงสั่น ดวงตาปริ่มไปด้วยน้ำแต่มันก็ยังไม่ไหลออกมา ธีรไนยนับถือความเข้มแข็งของอินทัชมาก

เห็นสภาพคนที่รักสะบักสะบอมขนาดนั้นเป็นธีรไนยเองก็คงจะไม่ไหว...

“ใจเย็นๆ ดิวะอิน ยังไงเราก็ช่วยไอ้รามได้น่า”

“แล้วถ้าอาเทพฆ่ามันก่อนล่ะ”

“อามึงคงไม่โง่ฆ่าหรอก เพราะมันยังทำให้มึงเจ็บได้อีกเยอะ ที่สำคัญนอกจากอาเทพจะแก้แค้นมึงแล้วกูว่ายังต้องการเงินจากมึงด้วย”

แม้จะดูโหดร้าย แต่ที่ธีรไนยพูดมันก็ถูก รามินทร์ยังใช้ทรมานอินทัชได้อีกเยอะ ฆ่ามันยังคงไม่สะใจสำหรับเทพากรแน่ๆ แล้วคนโลภมากแบบนั้น ยังไงเรื่องเงินก็ต้องมีเอี่ยวแน่ๆ

“เออ...”

“มึงได้บอกพ่อกับแม่ไหมวะ” ธีรไนยถาม

“ไม่ได้บอก กูไม่อยากให้ท่านกังวล แต่ถึงไม่บอก พ่อก็รู้อยู่ว่าอาเป็นยังไง ทำอะไร ที่ไหน” อินทัชทิ้งตัวนั่งกับโซฟา เอานิ้วมือนวดคลึงขมับตัวเอง “กูไม่อยากจะรบกวนมึงหรอกนะธีร์ แต่มึงเท่านั้นที่จะช่วยกูได้”

“เอาน่า คนของกูกำลังสืบหาที่อยู่ให้มึงอยู่ สบายใจได้ คนของไอ้พัฒน์ไม่เคยพลาด” ธีรไนตบบ่าเพื่อนรักให้กำลังใจผ่านการสัมผัสเบาๆ

“ขอบใจมึงมากนะ ฝากขอบคุณคุณพัฒน์ด้วย”

“เออ! มันช่วยมึงเต็มที่อยู่แล้ว มึงเองก็เถอะ อย่าลืมทำตามที่คุยกันไว้ เข้าใจนะ” ธีรไนยกำชับ ซึ่งอินทัชก็พยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะมีเรี่ยวแรง

“กูฝากมึงด้วยนะธีร์ ส่วนกูจะต้องเข้าบริษัทปกติ ทำงานด้วยความปกติ ไม่รู้สึกรู้สาทั้งๆ ที่ไอ้รามกำลังเจ็บ ใช่ไหม?” ร่างโปร่งถามเพื่อนสนิท

อินทัชพยายามขนาดไหนที่จะไม่อ่อนแอต่อหน้าเพื่อน แต่มันก็เริ่มทนไม่ไหวทุกที

“กูทำไม่ได้ว่ะธีร์ กูทำไม่ได้ กูเป็นห่วงไอ้ราม มันจะต้องเจ็บมากแน่ๆ สภาพมัน...ธีร์ มึงต้องหาไอ้รามให้เร็วๆ นะ กูกลัว...กูไม่น่าทะเลาะกับมันเลย”

อินทัชรู้สึกผิดที่ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกัน...เขาไล่มันกลับไป

ถ้าย้อนกลับไปได้...อินทัชจะพูดดีๆ

“กูสัญญา...เร็วๆ นี้แน่นอน”

“อย่าลืมโทรหากูนะ ได้เรื่องเมื่อไหร่ โทรหากูทันทีเลยนะ”

“อืม...วันนี้กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึงเอง ไม่ต้องเครียดนะเว้ย”

ธีรไนยคว้าเพื่อนรักมากอดเอาไว้ เสียใจไม่ต่างกับที่อินทัชกำลังรู้สึก ส่วนร่างโปร่งที่กอดเพื่อนไม่ปล่อยก็ได้แต่หลับตาพยายามไม่นึกภาพที่รามินทร์ถูกทรมานนั่น...


เวลาผ่านไปสามวันนับจากวันนั้น อินทัชก็เข้าทำงานตามปกติ พยายามทำงานอย่างมีสมาธิที่สุด ไม่วอกแวก และเป็นสามวันที่อินทัชไม่ได้รับการติดต่อจากอาของเขาเลย คงเป็นเพราะว่าสัญญาโทรศัพท์จะทำให้ถูกตามตัวได้ง่ายด้วยนั่นแหละ

แล้วแบบนี้เขาจะรู้ไหมล่ะว่าเทพากรต้องการอะไร แล้วจะติดต่อมาวิธีไหน นอกจากส่งคลิปมาให้ดูแล้วก็เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ทุกครั้ง และก็ทำลายมันจนตามรอยไม่ได้เลย

สภาพใบหน้าที่หล่อเหลาของรามินทร์ เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล หน้าบวมมาก เขาจำเป็นต้องดูคลิปนั้นทุกๆ วัน โทรศัพท์เครื่องต่อหลายเครื่องพังไปด้วยน้ำมือของอินทัช

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“อิน!!!” ธีรไนยเคาะประตูห้องทำงานของอินทัชแล้วก็พรวดพราดเข้ามา คนที่นั่งทำงานอยู่รีบลุกขึ้นมาแล้วเดินไปหาเพื่อน มองเลยไปยังด้านหลังที่มีทั้งจุลจักร เจ้าจอม ขรรค์ หิรัญ แล้วก็พีรพัฒน์มาด้วย

ใบหน้าสวยหันมองหน้าทุกคนอย่างแปลกใจที่ทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ มันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่พร้อมใจกันมา

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนถึงมาที่นี่”

“เจอที่กบดานแล้ว” ธีรไนยเป็นคนตอบ อินทัชยิ้มออกมานิดๆ หันมาสบตาเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว

“งั้นก็บอกกูมาสิ”

“ไม่ได้ เราจะไปเลยโดยไม่วางแผนไม่ได้ คนของไอ้พัฒน์สืบเจอ ลูกน้องของอาเทพไม่เยอะก็จริงประมาณเจ็ดแปดคนแต่มีอาวุธทุกคน สุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป ไม่เราก็ไอ้รามที่ต้องตาย ใจเย็นๆ แล้วมานั่งวางแผนกันก่อน”

อินทัชกัดแฟน มองหน้ากับเจ้าจอมที่มีสีหน้าเป็นห่วงพี่ชายของตัวเองแล้วก็ยอมกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองคืน พีรพัฒน์ไปยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ห่างๆ เพราะไม่ค่อยชอบรวมกลุ่มเท่าไหร่ ธีรไนยก็ยืนกลางระหว่างโต๊ะทำงานกับโซฟาที่เจ้าจอมกับหิรัญนั่งอยู่ ส่วนขรรค์กับจุลจักรก็นั่งพิงตรงขอบโซฟาข้างๆ คนรักตัวเอง เว้นโซฟาไว้ที่หนึ่งเพื่อให้แขกอีกคนนั่ง

 “จะวางแผนยังไงก็ว่ามา”

“เดี๋ยวผู้กองเทียนจะมาที่นี่ คงอีกไม่เกินสิบนาที” ธีรไนยบอก อินทัชขมวดคิ้วแน่น สงสัยว่าคนชื่อเทียนคือใคร เพราะคนที่ดูแลคดีให้เขาไม่ได้มีชื่อว่าเทียน

“ใครวะ?”

“คนรู้จักของกู เป็นเพื่อนสนิทคุณดินคุณเพลิง”

“แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้วะ”

“กูกับผู้กองเทียนเนี่ย ทำงานร่วมกันมานานแล้วว่ะ ก็เลยขอให้เขามาช่วยเรื่องคดีของมึง”

“กูพอจะจำได้แล้วที่มึงบอกว่าเขาอยู่หน่วยปราบปรามพิเศษใช่ไหม แต่คดีกูมันเล็กๆ มากเลยนะถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบ มึงรบกวนเขาทำไมวะธีร์” อินทัชตำหนิเพื่อน

“ไม่เป็นไรหรอก คุณเทียนเขาเต็มใจที่จะช่วย”

ร่างโปร่งถอนหายใจ นั่งเคาะโต๊ะรออย่างใจร้อนมองไปที่ประตูห้องทำงานของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

“คนของมึงว่ายังไงบ้าง”

“ไอ้รามมันยังไม่ตายหรอก แต่สภาพก็ตามที่มึงในคลิป ดีหน่อยที่ให้น้ำดื่ม แต่ข้าว...” ธีรไนยส่ายหน้าไม่ยอมพูดต่อให้จบ แค่นั้นก็ทำให้อินทัชเข้าใจทุกอย่างได้แล้ว

“กะเอาให้อดตายเลยเหรอ พี่ราม...จอมเป็นห่วงพี่ราม” เจ้าจอมโพล่งขึ้นมาเสียงสั่น อินทัชไม่กล้ามองหน้าน้อง ไม่กล้าสบตา เพราะเขารู้สึกผิด

ผิดที่เป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมด...

“พี่ขอโทษนะครับเจ้าจอม” อินทัชพูดเสียงเบา เจ้าจอมส่ายหน้าทั้งน้ำตา

“ไม่เลยครับ พี่ไม่ได้ผิด พี่อินไม่ได้ผิดอะไรเลย”

“แต่พี่เป็นต้นเหตุ”

“ไม่ครับ...พี่ไม่ใช่ต้นเหตุ และจอมก็เชื่อว่าพี่รามจะต้องไม่เป็นอะไร พี่รามเป็นคนดี เป็นคนดีมาโดยตลอด...” เจ้าจอมพูดอย่างมั่นใจ แม้ว่าความกังวลจะมีอยู่สูง แต่อย่างน้อยเขาก็เชื่อในความดีของพี่ชายตน

รามินทร์อาจจะไม่ใช่คนที่ดีมากร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องที่มันเลวร้าย...ถ้าไม่นับเรื่องที่เคยทำเอาไว้กับอินทัช

“พี่ก็เชื่อว่ามันต้องไม่เป็นไร”

เพราะพี่...จะต้องช่วยมันให้ได้ ช่วยด้วยน้ำมือของพี่เอง


“คุณอินจะต้องรอให้ทางนายเทพากรติดต่อมา ว่าทางนั้นต้องการใช้ตัวประกันเจรจาต่อรองเอาอะไรจากคุณ จากนั้นคุณจะต้องเอาสิ่งที่มันต้องการไปให้ ตอนนี้ทางนายเทพากรมีสภาพเป็นผู้ต้องหาอย่างเต็มตัวแล้ว เรามีหลักฐานที่จับกุมนายเทพากร ถ้าจะให้ตำรวจบุกเข้าจับเลยก็ต้องมีการชิงตัวประกันให้ปลอดภัยก่อน เรื่องนี้มันไม่ยากหรอกครับ เพียงแต่ว่า...”

อินทัชและทุกคนตั้งใจฟังในสิ่งที่ผู้กองเทียนพูดอย่างตั้งใจ รู้สึกมีความหวังที่จะเข้าไปช่วยรามินทร์ออกมาได้ พอผู้กองหยุดชะงักไป อินทัชก็เร่งเร้าเอาคำตอบ

“แต่ว่าอะไรครับ”

“ถ้าทีมผมพลาดให้พวกมันรู้...พวกมันอาจจะฆ่าตัวประกันทันที”

อินทัชหลับตาเอามือกุมขมับด้วยความเครียด...ขรรค์กับจุลจักรก็พยายามที่จะปลอบเจ้าจอมให้หายกลัว ส่วนหิรัญก็เดินมาหาร่างโปร่ง ลูบไหล่ของเขาเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

“ไม่เป็นไรนะ เราต้องทำได้”

“ครับ...” อินทัชตอบรับเบาๆ แล้วหันมาสบตากับผู้กองเทียนอีกครั้ง

“ผมไม่อยากบอกว่าทีมของผมคือมืออาชีพ ส่วนน้อยจะทำงานพลาดแล้วเรื่องเล็กๆ แบบชิงตัวประกันและจับกุมนี้ ทีมพวกผมก็ไม่เคยพลาด แต่คติของผมคือไม่ประมาท อะไรที่เป็นไปไม่ได้ ให้คิดว่าเป็นไปได้เสมอ”

“กูรับรองนะเว้ยอิน คุณเทียนไม่เคยทำงานพลาด เขาเป็นเบอร์หนึ่งของประเทศ แล้วแค่ไอ้พวกกระจอกเจ็ดแปดคนแค่นั้น คงไม่ยากอะไรนักหรอก” ธีรไนยที่ทำงานร่วมกับผู้กองเทียนมานานสบทบอีกคนเพื่อให้เพื่อนรักไว้วางใจ และอยากให้ทุกคนไว้วางใจด้วย

“ไม่ต้องห่วงนะอิน ผมจะเตรียมรถจากโรงพยาบาลของพ่อไปด้วย เผื่อมีอะไรฉุกเฉินเราจะคอยช่วยเหลือได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลารอรถโรงพยาบาลนาน” หิรัญพูดขึ้น ซึ่งผู้กองก็หันไปพยักหน้าให้

“ผมเห็นด้วยกับหมอเงินนะครับ ถ้าตกลงที่จะบุกชิงตัวและจับกุมเลย ผมจะประชุมทีมเพื่อวางแผนการแล้วดำเนินการคืนนี้เลย ยังไงซะ ทางเราก็รู้ที่ของมัน ภายใน ภายนอกหมดแล้ว แค่หาทางบุกเข้าไปก็เท่านั้นครับ”

“ถ้าคืนนี้ ผมขอไปด้วยนะครับ” อินทัชรีบพูดบอก

“มันอันตรายนะครับ ถ้าเกิดว่ามันมีการปะทะกัน”

“ผมพอใช้ปืนเป็น และป้องกันตัวเองได้ครับ”

“ไม่ต้องห่วงนะคุณเทียน เดี่ยวผมจะไปกับไอ้อินเอง” ธีรไนยอาสา ซึ่งผู้กองที่เคยเห็นฝีมือของธีรไนยมานับครั้งไม่ถ้วนก็พยักหน้ารับอย่างตกลง หากแต่มีคนไม่ตกลงด้วย...

“ถามกูหรือยัง?” พีรพัฒน์โพล่งขึ้นมาเสียงราบเรียบ ทำเอาธีรไนยลืมไปเลยว่าคนรักของตัวเองก็อยู่ด้วย หันไปขอร้องคนรักทางสายตา จนร่างสูงต้องถอนหายใจออกมา

“จริงๆ เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือตำรวจก็ได้”

“ให้ตำรวจจัดการน่ะถูกแล้วครับคุณพัฒน์ บ้านเมืองมีกฎหมาย คนทำความผิดตามกฎหมายก็ต้องให้กฎหมายจัดการ ไม่ใช่ทำตัวเป็นศาลเตี้ยพิพากษาใครต่อใครด้วยตัวเอง” ผู้กองพูดกับพีรพัฒน์ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง

“แล้วไม่ใช่เพราะผมหรือไงที่ทำให้คุณจับคนร้ายได้หลายครั้ง ถึงผมจะทำตัวเป็นศาลเตี้ย แต่ทั้งหมดก็เพื่อช่วยทางการอย่างที่คุณดินต้องการ หรือว่าไม่จริงครับ?” เป็นครั้งแรกที่อินทัชเห็นพีรพัฒน์พูดยาวและเยอะขนาดนี้

ผู้กองเถียงไม่ออก จ้องหน้าของพีรพัฒน์อย่างไม่ค่อยพอใจนัก ส่วนธีรไนยก็รีบปรามคนรักตัวเองไม่ให้พูดไปมากกว่านี้

“พอเถอะนะ ทั้งคู่เลย เจอกันทีไรก็เถียงกันทุกที เบื่อ...ดูสถานการณ์บ้าง เพื่อนของกูกำลังเครียดนะเว้ย”

“เออ!!” ร่างสูงมองออกไปยังด้านนอกอย่างไม่พอใจ ธีรไนยส่ายหน้าไปมาแล้วหันมาคุยกับเพื่อนต่อ

“เอาไงมึง”

“ให้ผู้กองจัดการเลยครับ แต่ผมขอไปด้วย” อินทัชว่า

“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นประมาณเที่ยงคืนเจอกันที่จุดนัดพบ แต่จุดนัดพบผมจะบอกอีกทีนะครับ ต้องไปวางแผนกับลูกน้องในทีมก่อน แล้วผมก็อนุญาตให้ไปได้แค่คุณอินกับธีร์นะครับ อ้อ...หรือคุณพัฒน์จะไปเฝ้าธีร์ก็ได้นะครับ ผมไม่ว่า” ไม่วายหันไปแขวะพีรพัฒน์ที่ยืนนิ่งๆ หากแต่ร่างสูงก็ไม่ได้สนใจจะตอบโต้กลับ เพราะรู้ดีว่าผู้กองเทียนต้องการจะหลอกใช้เขาก็เท่านั้น

เสียใจด้วย คนอย่างพีรพัฒน์ ไม่ว่าใครก็หลอกไม่ได้

“โอเคครับ” เจ้าของห้องตอบตกลง ส่วนคนที่อยากจะไปด้วยอย่างเจ้าจอม จุลจักร ขรรค์ ก็คงจะไปได้แค่จุดที่รถโรงพยาบาลของหิรัญจะไปแสตนบายรอเท่านั้น ไม่เป็นไร แค่นั้นก็ดีแล้ว...ดีกว่ารออยู่ที่บ้านเฉยๆ

“ส่วนจุดจอดรถโรงพยาบาลผมจะบอกหมอเงินอีกครั้งนะครับ”

“ได้ครับ” หิรัญรับคำอย่างจริงจัง มองหน้าของอินทัชด้วยความเป็นห่วง ส่วนธีรไนยก็เดินมายืนอยู่ตรงหน้าของอินทัช ลูบศีรษะของเพื่อนรัก เป็นการกระทำที่ดูเหมือนทำกับเด็ก แต่ธีรไนยก็ทำแบบนี้มาโดยตลอดตอนที่อินทัชกำลังเจอกับเรื่องไม่สบายใจ

“ทุกอย่างมันต้องจบในคืนนี้!”

อินทัชต้องการช่วยรามินทร์ออกมาให้ไวที่สุด ต้องการให้เห็นกับตาว่ารามินทร์ไม่เป็นอะไร ปลอดภัย แล้วก็กลับมาตื๊อ มากวนกันต่อสักที

เพราะถ้าผ่านวันนี้ไปได้ด้วยดี เขาจะไม่ให้รามินทร์พิสูจน์หรือทดสอบอะไรแล้ว...

เขารู้แล้ว...ว่าชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่ ตอนไหนก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้ล่วงหน้าเลย เพราะฉะนั้น ก่อนที่อะไรจะสายไป อินทัชก็ขอให้ตัวเองมีความสุขแล้วก็คนที่เขารักมีความสุข...

มันจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง...


รามินทร์นอนหมดเรี่ยวแรงและเจ็บปวดรวดร้าวไปตามร่างกายเมื่อขยับ ไม่มีตรงไหนของร่างกายที่จะไม่มีบาดแผลเลย ถึงไม่มีแผลก็ช้ำเขียว

“อึก...โอ้ย!” รามินทร์ร้องออกมาเบาๆ เมื่อพยามที่จะขยับตัวนั่ง ส่วนไอ้สองคนที่เฝ้าเขาอยู่ข้างในก็หลับไปแล้ว แต่ถึงจะหลับไป รามินทร์ก็ไม่มีทางที่จะหนีได้เลย เพราะโซ่ยังอยู่ที่ขาของเขา แม้ว่าพวกมันจะใจดียอมแก้มัดมือให้เขาแต่ก็ใช่ว่าจะช่วยเหลือตัวเองได้

รามินทร์คิดว่าตัวเองจะต้องตายอยู่ที่นี่แล้วล่ะ...

“อิน...”

คนที่รามินทร์คิดถึงอยู่ตลอดเวลาคือพ่อกับน้องสาว และคนที่รามินทร์รักมากที่สุดอย่างอินทัช เขาอยากเห็นหน้าอยากได้ยินเสียง ยังมีเรื่องที่อยากทำอีกมาก เขาไม่อยากตาย...แต่ถ้าต้องตาย...

เขาก็คงจะตายตาไม่หลับ

รามินทร์คิดว่าที่เขาโดนแบบนี้มันเป็นเวรกรรม เป็นกรรมที่เขาต้องชดใช้...เพราะสิ่งที่เขาทำกับอินทัช มันหนักหนาสาหัสกว่านี้มาก...

กูโดนทรมานแค่ร่างกาย แต่กับมึง กูทำร้ายทั้งกายและใจ...มันก็เป็นเวรรกรรมที่ตามสนองกูแล้วล่ะ 

“ไง...ตายห่าไปหรือยัง” เทพากรเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าที่ดูสะใจ

“หึ” รามินทร์ทำได้แค่ส่งเสียงขึ้นจมูกเท่านั้น ไม่อยากจะพูดให้เจ็บปากและไม่อยากให้ตัวเองโดนซ้อมไปมากกว่านี้...ไม่งั้นก็คงจะตายเร็วขึ้นไปอีก

รามินทร์ยังอยากมีชีวิตอยู่เพราะมันยังมีอะไรที่เขายังไม่ได้ทำอีกเยอะมาก และยังมีอะไรที่เขาอยากจะทำกับคนที่เขารักอยู่อีก...

อยากแก่ตาย...ไม่ใช่ว่าอยากโดนฆ่าตาย

“เฮ้ย!! ฉันจ้างพวกแกมานอนเล่นหรือไงวะ” เทพากรตะโกนเสียงดังที่เห็นลูกน้องสองคนที่มีหน้าที่ในการเฝ้ารามินทร์ด้านในจนสะดุ้งลุกขึ้นยืนอย่างกลัวๆ

“ข่ะ ขอโทษครับนาย”

ก็เล่นใช้งานทั้งวันทั้งคืนไม่ให้พักผ่อนแบบนี้ ใครที่ไหนจะไปฝืนเปลือกตาตัวเองได้กันล่ะ...

“พวกแกอย่าทำพลาดก็แล้วกัน ไม่รู้หรือไงว่าไอ้อินมันทำอะไรได้บ้าง ยิ่งเพื่อนสนิทมันอย่างไอ้ธีร์น่ะ น่ากลัวกว่าไอ้อินเยอะ มันต้องให้ไอ้ธีร์หาฉันอยู่แน่ๆ แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะรู้วันไหนที่มันจะรู้ว่าเรากบดานอยู่ที่นี่!! แล้วตำรวจก็กำลังตามจับฉันอยู่” เทพากรพูดกับลูกน้อง

รามินทร์หัวเราะในใจ ภาวนาให้มันโดนจับไวๆ

“แต่ว่ามันก็ไม่ได้ประกาศจับไม่ใช่หรือครับ ยังไงก็ยากที่จะตามตัวเราอยู่แล้ว”

“ที่มันไม่ประกาศเพราะกลัวว่าตระกูลของพวกมันจะเสียชื่อไง แต่เรื่องที่ฉันสั่งฆ่ามัน แล้วเอาไอ้นั่นมาซ้อม หลักฐานก็มัดตัวฉันทุกอย่างแล้ว!!”

เทพากรใจร้อนวู่วามเอง เพราะอินทัชระวังตัวเองเก่งก็เลยทำไม่ได้อย่างที่ตัวเองต้องการ เทพากรเลยตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นโดนที่อาจจะไม่ใช่เป็นทางที่ดีที่สุด และอาจจะทำให้เขาพลาดท่าง่ายๆ อย่างน้อยก็ขอให้อินทัชมันเจ็บปวดที่สุด

“วันนี้ฉันจะจบความแค้นที่ฉันมีกับมัน!!”

“นายจะทำอะไรครับ”

“นัดมันมาไง!!!” เทพากรประกาศกร้าว ทำเอารามินทร์รีบห้าม

“อย่านะเว้ย อึก แก...ก็ทำฉันแล้วไง”

“แต่แกกับมัน มันคนละคนกัน!!” เทพากรตะคอกใส่หน้าของร่างสูง ก่อนจะกระชากคอเสื้อของร่างสูงขึ้นมาจนแทบจะหายใจไม่ออก

“อึก...”

“ถ้าจะให้สะใจต้องทำให้มันเห็น...หึหึ แกนี่มันมีประโยชน์กว่าที่ฉันคิดนะ”

“ชั่ว!!! นั่นหลานแท้ๆ แกนะ!”

“กูไม่เคยมีหลาน!!!” เทพากรตะคอก “มันเป็นตัวซวย เป็นตัววิบัติ เป็นตัวขัดความเจริญของกู!!!”

ปัก!!

“โอ้ย!!” ร่างของรามินทร์กระแทกที่พื้นซ้ำกับรอยช้ำเดิมตามตัว จนต้องร้องด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าเหยเก บิดเบี้ยวไม่มีเค้าของความหล่อให้เห็นเลยสักนิด

“เอาโทรศัพท์มา ฉันจะติดต่อไปหาไอ้อิน”

ผ่าง!!

“ไม่ต้อง!! ผมมาแล้ว!!!” อินทัชเปิดประตูโรงงานเข้ามาพร้อมด้วยธีรไนยกับผู้กองเทียน เทพากรรีบเอาปืนที่เสียบไว้ด้านหลังออกมาพร้อมยิงใส่ทั้งสามคน ส่วนลูกน้องของเทพากรคนหนึ่งก็เล็งปืนไปที่รามินทร์เอาไว้ หากสามคนคิดจะทำอะไรก็ต้องระวังรามินทร์ไว้

“แก!! หาที่นี่เจอได้ยังไง” เทพากรถามอย่างโกรธๆ

“อาไม่รู้เหรอครับ ว่าไม่มีอะไรเกินความสามารถของผม” ธีรไนยเป็นคนตอบแทน ทำเอาเทพากรหันไปจ้องหน้าคนพูดอย่างโกรธแค้น

เขาเกลียดธีรไนยพอๆ กับเกลียดอินทัช เพราะไม่ว่าอะไรก็มักจะมีมันมาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ

“พวกแกนี่มัน!! เอาสิ จะมาจับฉันใช่เหรอ ฉันจะยอมให้จับก็ได้ แต่หลังจากที่ฉันฆ่าไอ้เหี้ยนี่ก่อน”

ในจังหวะที่เทพากรเปลี่ยนทิศทางของกระบอกปืนไปยังรามินทร์ ก็ทำให้ทางอินทัชคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงต่อไป เขาขยับตัวเพื่อที่จะเข้าไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเอาไว้ เพราะถ้าเขาหุนหันพลันแล่น อาจจะทำให้สถานการณ์มันแย่ก็ได้

“วางปืนของพวกแกลงซะ ไม่งั้นกูฆ่าคนที่แกรักแน่ๆ ไอ้อิน” ผู้เป็นอาสั่ง

“อย่า...อย่าทำ” รามินทร์ส่ายหน้า พูดบอกอินทัชเสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้

ดวงตาสวยสบเข้ากับร่างสูงด้วยความเป็นห่วงมองสำรวจร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลจนความรู้สึกโกรธตีขึ้นหน้า มองอาของตัวเองด้วยสายตาแข็งกร้าว

ผลัวะ!!!

“โอ๊ย!!”

“อาเทพ!!!”

เสียงร้องของรามินทร์ดังพร้อมๆ กับที่อินทัชเรียกอาของตน หลังจากที่เทพากรใช้ปืนฟาดที่หน้าของรามินทร์ อินทัชแทบจะถลาเข้าไปหา หากไม่ได้ผู้กองดึงเอาไว้ได้ทัน

“ใจเย็นๆ ครับ ทำตามแผน” ผู้กองกระซิบเสียงเบา อินทัชกัดฟันอดทนนึกถึงแผนการที่เตรียมเอาไว้ก่อนจะเข้ามาที่นี่...มันเป็นแผนที่เพิ่งประชุมกะทันหันเมื่อกี้นี้ก่อนจะเข้ามาไม่กี่นาทีเพราะได้ยินว่าเทพากรต้องการจะเจอกับอินทัชตอนดักฟังอยู่ข้างนอก




มีต่อ
V
V
V
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 62 100% => (10/10/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 10-02-2018 21:07:45
ตอนที่ 62 ครึ่งหลัง




‘ให้ทำเป็นจนตรอก ให้มันนึกว่าเราทำผิดแผน แล้วก็ยอมตามที่มันต้องการ จากนั้นเราก็หาทางช่วยตัวประกันให้ปลอดภัยก่อน แล้วทีมของผมจะเข้าจู่โจมทันที’

‘แล้วจะช่วยไอ้รามยังล่ะผู้กอง’

‘เราไม่เห็นสถานการณ์ข้างใน’

‘หมายความว่าต้องไปคิดข้างในอีกงั้นเหรอครับ’

‘ก็ประมาณนั้นครับ’

ตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเข้าไปช่วยรามินทร์ยังไง เพราะปืนจ่อพร้อมยิงรามินทร์อยู่แบบนั้น

“พวกเรายอมแล้วครับ” ร่างโปร่งพร้อมด้วยธีรไนยกับผู้กองยกมือขึ้นแล้วค่อยๆ นั่งลงวางปืนลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเตะมันออกไปห่างๆ ตัวทั้งหมด

“ดี...”

“ผมว่าเรื่องของเราก็มาสะสางเฉพาะเราสองคนดีกว่าครับอา อย่าเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเลย เพราะถ้าผมตายเพราะถูกอาฆ่าจะได้ไม่ต้องมีคดีหลายคดีติดตัวนัก” อินทัชต่อรอง

“แกคิดว่าฉันโง่หรือไงไอ้อิน”

“เปล่า...ผมไม่ได้คิดว่าอาโง่ แต่อาก็คงฉลาดพอที่จะยอมรับข้อเสนอของผม”

“ข้อเสนออะไร”

“ร้อยล้านแลกกับการปล่อยไอ้ราม” รามินทร์พยายามที่จะลุกขึ้นจากพื้น แล้วส่งสายตาห้ามปรามไม่ให้อินทัชทำแบบนั้น แต่ร่างโปร่งก็ไม่ได้สนใจมองเพราะเดี๋ยวความอ่อนไหวของตัวเองจะทำเรื่องพัง

มันจะเสียแผนอีกไม่ได้...

เขาจะต้องช่วยรามินทร์ให้ได้

“หึหึ...ก็เยอะดี แต่พอฉันปล่อยพวกแกไป ตำรวจก็ตามล่าฉันอยู่ดี” เทพากรพูดอย่างรู้ทัน ซึ่งอินทัชก็รู้อยู่แล้วว่าอาของตนไม่ได้โง่ แต่ก็ไม่ได้ฉลาดทุกเรื่อง

“ถ้างั้นอาจะเอาไง”

“สิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้ไม่ใช่เงินอีกแล้ว”

“แล้วอาต้องการอะไร” ธีรไนยถาม

“ฉันต้องการทำให้แกเจ็บปวดที่สุดไงไอ้อิน” เทพากรแสยะยิ้ม มองหน้าร่างโปร่งบางอย่างเหนือกว่า อินทัชหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้กองเทียนที่ตอนนี้เป้นความหวังหนึ่งเดียวที่จะช่วยรามินทร์ออกไปจากที่นี่ได้

“พวกแกสองคนไปคุมไอ้ตำรวจกับไอ้ธีร์เอาไว้”

“ครับ”

ลูกน้องทั้งสองรีบวิ่งตรงมาทางพวกเขาก่อนจะล็อกแขนของธีรไนยและผู้กองเทียนเอาไว้อย่างแน่นหนา อินทัชแอบยิ้มนิดๆ เท่ากับว่าตอนนี้ปราการที่จะเข้าถึงตัวของรามินทร์ลดลงไปแล้ว

อินทัชค่อยๆ เดินไปหาอาของตนอย่างช้าๆ ส่วนเทพากรก็ไม่ได้คิดกลัวอะไร มองหน้ารามินทร์ที่ดูเจ็บปวดอย่างสะใจที่สุด

“แกดูสภาพคนที่แกรักสิอิน ชอบไหม ฉันทำเพื่อแกเลยนะ” เทพากรใช้ขาเตะเข้าที่ลำตัวของรามินทร์จนคนที่นอนอยู่กับพื้นร้องด้วยความเจ็บ

มือขาวกำหมัดเอาไว้แน่น พยายามระงับอารมณ์ของตัวเองให้ใจเย็นแล้วทำตามแผนที่ผู้กองเทียนแอบกระซิบก่อนที่พวกลูกน้องของเทพากรจะไปคุมตัวไว้

‘เข้าใกล้ให้ได้มากที่สุดแล้วหาจังหวะจัดการทำช่วยตัวประกัน ผมกับธีร์จะจัดการไอ้สองคนนั่น แล้วส่งสัญญาณเรียกลูกน้องผมให้เข้ามาจับกุม’

“ไอ้ชั่ว!! ถุย!!!” รามินทร์ด่าก่อนจะถ่มน้ำลายที่มีเลือดลงพื้น เทพากรก้มลงมองหน้าของรามินทร์อย่างโมโหที่โดนทำแบบนั้นใส่ มันเหมือนหยามกัน เทพากรลืมตัวย่อตัวลงไปกระชากคอเสื้อของรามินทร์มาอย่างไม่ทันระวังตัว

“ตอนนี้แหละ!!!” เสียงของผู้กองเทียนตะโกนบอก ทำให้ร่างโปร่งรีบวิ่งเข้าไปถีบอาของตนออกจากรามินทร์เต็มแรงจนคนเป็นอากระเด็นออกไปห่างๆ พร้อมกับปืนที่หล่นออกจากมือเจ้าของเขา

ผลัวะ!!!

ธีรไนยกับผู้กองก็จัดการสองคนนั้นจนสลบไป อินทัชถลาเข้าไปหารามินทร์ทันทีด้วยความเป็นห่วง

“ไอ้อิน!!!” เทพากรทำท่าจะเข้าไปซัดอินทัชหากแต่ผู้กองเทียนที่หยิบปืนของตัวเองมายิงสกัดเอาไว้ก่อน

ปัง!!!

“คุณถูกจับแล้ว คุณเทพากร!!!” พูดจบก็ผิวปากส่งสัญญาณให้ทุกน้องสามคนเข้ามาด้านในเพื่อจัดการจับกุมผู้ต้องหา

เทพากรมองแผ่นหลังของอินทัชด้วยความโกรธแค้นหนักเข้าไปอีก แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามที่ตำรวจพาออกไป ด้านในก็เลยเหลือแค่อินทัช รามินทร์และธีรไนย

“ธีร์ตามรถโรงพยาบาลเร็ว”

“กูตามแล้ว กำลังจะเข้ามา”

“เออๆ ราม มึงเป็นไงบ้าง” ถามอย่างเป็นห่วง ไม่กล้าถูกตัวรามินทร์แรงเพราะกลัวว่าร่างสูงจะเจ็บเข้าไปอีก

“ม่ะ...ไม่เป็นไร” รามินทร์ตอบอย่างยากลำบากแต่ก็ยิ้มให้อินทัชเพื่อไม่ให้คนที่ตนรักเป็นห่วง

 ร่างโปร่งน้ำตาคลอเบ้าตา รู้สึกเจ็บแทนรามินทร์

“กูขอโทษนะราม เป็นเพราะกู ที่ทำให้มึงมาเจอเรื่องแบบนี้”

“ไม่...กูยินดีโดน อึก แทนมึง”

แค่มึงปลอดภัย แค่มึงไม่เป็นไร

แค่นั้นที่รามินทร์ต้องการ

“ไม่ดีเลย ฮึก...กูต้องเสียใจตลอดชีวิตแน่ๆ ถ้ามึงเป็นอะไรไปน่ะ” ร่างโปร่งบางเสียงสั่น ธีรไนยมองทั้งสองคนอย่างเป็นห่วงและสงสาร เอาปืนมายิงโซ่ที่ขาของรามมินทร์ออกไป

ปัง!!!

“ไอ้ราม!!!” อินทัชตะโกนเรียกชื่อเมื่อเห็นว่าคนตัวใหญ่สลบไป

“ใจเย็นๆ อิน มันแค่สลบเพราะเพลียน่ะ”

“รถใกล้ถึงยังวะ”

“มันจอดอยู่ไม่ไกลหรอก เดี๋ยวก็ถึง ใจเย็นๆ นะ”

อินทัชมองหน้ารามินทร์อย่างที่ไม่ไว้วางใจจนกว่าที่จะให้หมอได้ตรวจอย่างละเอียดที่สุดก่อนว่ารามินทร์ไม่เป็นอะไร เขาถึงจะสบายใจได้

สักพักรถโรงพยาบาลก็เข้ามา ทีมแพทย์ลงมาช่วยพารามินทร์ขึ้นไปบนรถเพื่อนำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยมีอินทัชกับหิรัญแล้วบุรุษพยาบาลอื่นๆ อยู่แค่นั้น นอกนั้นก็ขับรถตามมาอีกที

“มันจะไม่เป็นไรใช่ไหมหมอ” อินทัชถามอย่างกังวล

“ไม่เป็นครับ จะต้องไม่เป็นไร”

“หมอเงิน...ผมกลัว”

“ไม่ต้องกลัวนะอิน คุณรามต้องไม่เป็นอะไร”

อินทัชห้ามน้ำตาของตัวเองเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ตลอดทางที่เดินทางไปโรงพยาบาล อินทัชนั่งกุมมือใหญ่อยู่ไม่ปล่อย จนกระทั่งถึงโรงพยาบาลแล้วเข้าห้องฉุกเฉินไป...

ร่างโปร่งบางนั่งอยู่กับหิรัญอย่างกระวนกระวายใจ เป็นห่วงคนในห้องฉุกเฉิน แล้วไม่นาน ทุกคนก็มารวมตัวกันที่หน้าห้องฉุกเฉินทั้งหมด เจ้าจอมนั่งร้องไห้อยู่กับจุลจักร ส่วนขรรค์ก็เดินไปมาอย่างเป็นกังวล ธีรไนยก็นั่งให้กำลังใจเพื่อนรักอยู่ไม่ห่าง...

...

...


“พี่ไม่คิดเลยว่าแกจะทำกับหลานของตัวเองได้ขนาดนี้”

ผู้เป็นพี่ชายหรืออีกฐานะหนึ่งก็คือพ่อของอินทัชกำลังต่อว่าน้องชายผ่านกรงขังที่ขวางกั้นเราทั้งคู่เอาไว้อยู่ เทพากรมองพี่ชายตัวเองด้วยความโกรธ...

มือหนากำหมัดแน่น ความคับแค้นใจที่มีต่ออินทัชยิ่งสั่งสมเข้าไปอีก แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางที่จะแก้แค้นได้อีกแล้ว เพราะเทพากรคงจะแหกคุกออกไปไม่ได้แน่ๆ

“มันไม่ใช่หลานของฉัน!!” เทพากรตลาดใส่พี่ชายของตัวเอง ส่วนผู้เป็นภรรยาก็เอาแต่ร้องไห้เสียใจที่น้องชายที่เธอเห็นเหมือนเป็นน้องแท้ๆ จะกล้าทำกับลูกชายของเธอได้แบบนี้

อาที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับอินทัช อยากจะฆ่าหลานของตัวเองให้ตายด้วยน้ำมือของตน

“อินไปทำอะไรให้เทพ?”

“มันแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรจะเป็นของฉันไป มันเป็นตัวขัดขวางความรวยของฉัน มันทำลายชีวิตของฉัน!! มันทำลายอนาคตที่สวยงามของฉัน!! มันสมควรตาย มันไม่สมควรเกิดมาตั้งแต่แรก!!!”

ตอนที่พี่ชายกับพี่สะใภ้ให้กำเนิดลูกคนแรกเป็นผู้หญิงก็คืออาทิมาหรือชื่อเล่นคือแอน พี่สาวของอินทัช เทพากรก็มีความสุขดีใจที่เป็นลูกสาวเพราะโอกาสที่จะต้องมาดูแลบริษัทมันมีน้อย แต่แล้วพี่สะใภ้ก็ตั้งท้องอีกครั้งโดยครั้งนี้เป็นลูกชายก็รู้ทันทีว่า ทุกสิ่งที่อย่างของชยอัมรินทร์ต้องเป็นของเด็กคนนี้แน่ๆ

เทพากรก็เลยจงเกลียดจงชังหลานชายในไส้ของตัวเองตั้งแต่มันอยู่ในท้องของพี่สะใภ้แล้ว

“นายก็ได้ในส่วนของนายไปแล้ว บริษัทของพี่พี่ก็ต้องให้ลูกชายของพี่ ทำไมต้องอยากได้ ของเทพก็มีแต่ก็ดูแลไม่ได้จนถูกยึดไปเอง ทำไมต้องจงเกลียดจงชังหลานด้วย”

เทพากรไม่ตอบอะไรแล้วทั้งนั้น นั่งเงียบๆ นิ่งๆ ไม่สนใจใคร จนเขาและภรรยาเดินออกไปในที่สุด

“อาเทพเป็นไงบ้างคะพ่อ” อาทิมาถามผู้เป็นพ่อ เพราะไม่ได้เข้าไปเยี่ยมผู้เป็นอาด้วย เพราะรับไม่ได้ในสิ่งที่อาทำกับน้องชายของเธอ

เธอโกรธ...โกรธจนไม่อยากจะเห็นหน้า

“ก็หนักกว่าที่คิด หลายคดีด้วยนะลูก”

“ไม่น่าเลยนะคะ”

“พ่อก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรมของคนที่สร้างมันน่ะ” ไม่ใช่ว่าไม่โกรธที่น้องชายคิดจะฆ่าลูกชายของเขาแต่เทพากรก็เป็นน้องชายสายเลือดเดียวกัน จะโกรธจะเกลียดกัน ก็ทำไม่ได้

ยังไงน้องก็คือน้อง...

“น้องเป็นไงบ้างคะ”

“ธีร์บอกว่าปลอดภัยดีจ้ะ แต่คนรักของน้อง...” ผู้เป็นแม่ตอบลูกสาว มีสีหน้าลำบากใจที่จะพูดถึงอาการของคนรักของลูกชาย

“ทำไมคะ?” เธอทำหน้าฉงนใจ

“อาการหนักอยู่นะลูก”

“แล้วน้องจะเป็นยังไงบ้างล่ะคะ แอนเป็นห่วงความรู้สึกของอินจริงๆ” หญิงสาวเครียด คิดถึงความรู้สึกของน้องชายตัวเองที่ตอนนี้คงกำลังเสียขวัญอยู่แน่ๆ

“แม่ให้ตาธีร์ช่วยดูแลแล้วล่ะลูก”

“แอนหวังว่าน้องจะเจอเรื่องร้ายๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายนะคะ”

“จ้ะ”

อินทัชควรจะมีความสุขจริงๆ จังๆ ได้แล้ว...หลังจากที่เหนื่อยและทำเพื่อครอบครัวมานาน ต้องเจอปัญหามากมายไม่หยุด ตอนนี้ก็ขอให้หมดเพียงแค่นี้เถอะ...ผู้เป็นพ่อแม่และพี่สาวก็ได้แต่ภาวนา





100%

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

อ่านยาวๆ กันไปค่ะ มีอีกตอนนะคะ ไปหน้าถัดไปเลยจ้า
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 63 100% => (10/10/61) P.32 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 10-02-2018 21:13:18
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 63
ยอม…เพื่ออนาคต





หน้าห้องฉุกเฉิน ทุกคนต่างก็รอหมออกมาอย่างมีความหวัง เจ้าจอมร้องไห้จนหลับไปคาอกของจุลจักร ส่วนอินทัชก็นั่งสลับกับลุกเดินบ้างเพราะความกระวนกระวายใจที่ยังไม่รู้ว่าคนด้านในจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า

ขอแค่ปลอดภัย เท่านั้นอินทัชก็จะสบายใจแล้ว

“อิน...นั่งรอดีๆ เถอะ มันไม่เป็นอะไรมากหรอก”

“แต่กูไม่สบายใจเลยว่ะธีร์”

“กูรู้...แต่มันไม่เป็นไรหรอก หมอเงินก็บอก”

ร่างโปร่งพยักหน้าน้อยๆ แล้วยอมนั่งลงกับที่เหมือนเดิม หันไปมองเจ้าจอมก็ขมวดคิ้วนิดๆ ที่เห็นว่าร่างเล็กหลับไปแล้ว คงจะเพราะความเพลีย นอนไม่หลับมาหลายคืน

“จักร...มึงพาเจ้าจอมไปนอนก่อนก็ได้ เปิดโรงแรมแถวๆ นี้นอนเอา”

“ไม่เป็นไร กูเชื่อว่าคุณจอมอยากอยู่”

“กูรู้...แต่ตอนนี้น้องจอมกำลังได้พักผ่อนนะ มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าน้องจอมไม่ได้นอนมากลายคืนแล้ว นี่เป็นโอกาสแล้วนะที่เจ้าจอมจะได้นอนเสียที พรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่”

“ก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ” จุลจักรพูด อินทัชก็ไม่อยากจะเซ้าซี้อะไร ถ้าอยากจะอยู่ก็อยู่ เขาเข้าใจว่าทั้งเจ้าจอมแล้วก็จุลจักรเป็นห่วง คงจะไม่สบายใจแน่ๆ

“ตามใจก็แล้วกัน”

ทุกคนรออีกไม่นานนักหมอก็ออกมาจากห้องฉุกเฉินมา

“หมอครับ...เป็นไงบ้างครับ” เป็นร่างโปร่งบางของอินทัชที่ถลาไปหาหมอคนแรก ซึ่งหมอก็ยิ้มออกมานิดๆ ทำให้ทุกคนรู้สึกใจชื้นขึ้นมา อินทัชเองก็ยิ้มออกแม้ว่าจะยังไม่รู้คำตอบก็ตามที

“ปลอดภัยครับ แต่ร่างกายบอบช้ำมาก ไม่มีกระดูหักแต่แขนเคล็ดครับ คงต้องพักฟื้นเป็นเดือนเลย ยังไงก็อยากให้ดูอาการที่โรงพยาบาลสักสองสามวันนะครับ”

“ครับ...ขอบคุณนะครับหมอ”

“เดี๋ยวจะย้ายคนไข้ไปห้องพักพิเศษนะครับ หมอขอตัวก่อน”

“ครับ”

อินทัชยืนยิ้ม หันไปกอดเพื่อนสนิทอย่างดีใจกับข่าวดีที่ได้ฟัง ส่วนทุกคนก็มีสีหน้าดีขึ้นคลายความกังวล ความกลัวออกไปจนเหลือแค่ความรู้สึกดีใจ

“ดีใจด้วยนะมึง”

“อืม...เอาล่ะทุกคน ตอนนี้รามมันก็ปลอดภัยแล้ว จักร มึงพาน้องจอมกลับไปนอนได้แล้วไป อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้วนี่ ค่อยมาใหม่ก็ได้”

“แล้วมึงล่ะอิน” จุลจักรถาม

“กูจะเฝ้ามันเอง มึงพาน้องจอมกลับคอนโดไป ส่วนขรรค์กับหมอเงินก็กลับไปพักได้แล้วล่ะ ธีร์...มึงก็เหมือนกัน กูว่าคุณพัฒน์เขารอมึงนานแล้วนะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ จะได้มาเปลี่ยนเวรเฝ้าด้วย”

“เอาแบบนี้ก็ได้ มึงก็อย่าลืมนอนด้วยล่ะ”

“เออน่าไอ้ธีร์”

“งั้นผมกับขรรค์ขอกลับก่อนก็แล้วกันนะ จะมาใหม่ตอนเช้า” หิรัญบอกร่างโปร่ง ส่วนขรรค์ก็พยักหน้าให้กับอินทัชน้อยๆ ร่างโปร่งเลยยิ้มกลับไปให้ทั้งคู่อย่างขอบคุณ

ทุกคนแยกย้ายกันไป จนเหลือแค่อินทัชที่อยู่เฝ้ารามินทร์ที่โรงพยาบาล...


“พี่อินไปพักบ้างเถอะครับ เดี๋ยวจอมจะเฝ้าพี่รามเอง”

“โอเค พี่กำลังรอเรามาเปลี่ยนเวรพอดีเลย” อินทัชลุกจากเก้าอี้เพื่อเตรียมตัวที่จะกลับคอนโดไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจะเข้าไปทำงานด้วย

งานเขาก็หยุดไม่ได้ แต่ตอนเย็นจะมาเฝ้ารามินทร์เอง

“พี่รามตื่นมาบ้างยังครับ” เจ้าจอมถามขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้แล้วคว้ามือของพี่ชายมาลูบ

“ตื่นมาแล้วล่ะเมื่อเช้า แต่ก็ยังพูดไม่ไหวอยู่ กินข้าวกินยาเสร็จก็หลับไปอีกรอบ”

“งั้นเหรอครับ”

“ครับ ถ้างั้นพี่กลับก่อนนะครับ ฝากด้วย ถ้าไอ้รามถามหาพี่ให้บอกมันไปว่าตอนเย็นๆ พี่จะมาอยู่กับมันนะ” ร่างโปร่งบางบอกกับเจ้าจอม

“ได้ครับพี่อิน”

“พี่ไปแล้วนะ น้องจอมอย่าลืมหาอะไรทานด้วยล่ะ”

“ครับ”

อินทัชไม่ได้หายห่วงร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาไม่รู้ว่ารามินทร์กำลังรู้สึกยังไงอยู่ กำลังคิดอะไรเพราะเราสองคนยังไม่ได้คุยกันเลย ร่างโปร่งกลัวว่ารามินทร์จะโทษตัวเอง

และอาจจะทิ้งเขาไปก็ได้



“อ่ะ อื้อ...”

“พี่ราม เป็นยังไงบ้างครับ อยากได้อะไรหรือเปล่า”

รามินทร์ส่ายหน้าแล้วมองไปรอบๆ ห้องหาใครบางคนที่เขาเห็นว่าอยู่ด้วยกันเมื่อเช้านี้ ความหวังที่อยากจะเห็นหน้าของอินทัชก็ดับสลายไป ทิ้งเอาไว้แค่ความรู้สุกผิดหวัง

“พี่อินไปทำงานครับ จะมาอยู่กับพี่รามตอนเย็น”

พอได้ยินแบบนั้น ปากช้ำก็ยิ้มเบาๆ ให้เห็นถึงความดีใจของร่างสูง คนเป็นน้องชายก็สบายใจ ยิ้มหวานให้กับพี่ชาย

“พี่รามไม่ต้องพูดหรอกนะ ฟังจอมอย่างเดียวก็พอเนอะ” คนเป็นพี่พยักหน้าน้อยๆ

เจ้าจอมมีอะไรอยากจะคุยกับพี่ชายเยอะแยะมากๆ เลยล่ะ เพราะตอนที่รู้ข่าวว่ารามินทร์ถูกจับตัวไป เจ้าจอมก็แทบจะบ้าตาย ทำอะไรไม่ถูก เอาแต่ร้องไห้

“รู้ไหมว่าจอมเป็นห่วงพี่รามจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย คุณลุงกับคุณป้าจะมาถึงวันพรุ่งนี้นะครับ ส่วนรินจะมาถึงวันอาทิตย์ ทุกคนรู้ข่าวหมดแล้ว เป็นห่วงพี่รามมากๆ เลยนะครับ”

“ใคร...บอกท่าน” รามินทร์พยายามเปล่งเสียงถาม

“จอมเองแหละ แหะๆ ก็จอมเป็นห่วงนี่นา กลัวว่าพี่รามจะเป็นอะไรไปด้วย แต่บอกท่านจอมก็ว่าดีแล้วนะ”

“อืม...”

“แต่คนที่เป็นห่วงแล้วก็ร้อนใจสุดๆ ก็คงจะเป็นพี่อินแหละ จอมเห็นว่าพี่อินทำทุกวิถีทางเลยนะ”

“เหรอ...”

“แหนะๆ ยิ้มแบบนี้ ดีใจล่ะสิ”

รามินทร์ทำได้แค่ยิ้มเท่านั้น เพราะแค่เขายิ้มมันก็เจ็บมากอยู่แล้ว แต่มันก็ห้ามความรู้สึกดีใจและมีความสุขของตัวเองไม่ได้

รามินทร์ยิ้ม...ที่อินทัชเป็นห่วง และก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนรักต้องลำบากและเป็นห่วง ร่างสูงตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะกลับไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมถอยห่างจากอินทัช

เขาจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เคียงคู่กับอินทัชโดยที่จะไม่ทำให้คนที่เขารักต้องกลัวหรือกังวลอะไรอีก เขาจะต้องเป็นคนที่คู่ควรที่สุดสำหรับอินทัช

“พี่ราม...ถึงเวลากินข้าว กินยาวแล้วครับ”

เวลาทรมานสินะ...


อินทัชกับจุลจักรเดินเข้ามาในห้องพักคนไข้ที่มีร่างสูงใหญ่กำลังนั่งพิงพนักเตียงดูทีวีอยู่ โดยในห้องมีเจ้าจอม หิรัญและขรรค์กำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่สิ มีแค่เจ้าจอมกับหิรัญที่คุยกันสนุกสนาน ขรรค์แค่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ คนเดียวเท่านั้น

“จักร! มาแล้วเหรอ หิวไหม กินอะไรมาหรือยัง” เจ้าจอมที่เห็นคนรักของตัวเองมาแล้วก็รีบลุกขึ้นเดินไปหาแล้วถามไถ่อย่างเป็นห่วง ร่างสูงยิ้มให้ก่อนจะตอบ

“ยังเลยครับ แต่เดี๋ยวผมขอเยี่ยมคุณรามสักพักแล้วเราก็กลับกันเลยดีกว่า”

“อื้อ...อย่างงั้นก็ได้ วันนี้ฉันอยู่กับพี่รามทั้งวันแล้ว เบื่อมากเลย”

ร่างสูงที่ถูกพาดพิงหันมามองน้องชาย คาดโทษในใจเพราะด่าออกไปไม่ได้ ก่อนจะเลยไปมองหน้าสวยของอินทัชที่เขาคิดถึงและอยากเห็นอยู่ตลอดเวลา

“อ้าวๆ จ้องตากันแล้ว นี่เห็นว่าพวกเราเป็นโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาหรือไง มีตัวตนนะครับ ใจเย็นๆ รอเรากลับก่อนก็ได้”

“หึหึ หมอ...ถ้าอิจฉาก็หันไปจ้องตากับคนข้างๆ ไป” ร่างโปร่งตอกกลับหิรัญที่แซวจนรู้เขิน ร่างโปร่งบางเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียงที่ว่างอยู่

 ส่วนรามินทร์ก็มองหน้าสวยไม่วางตาอยู่แบบนั้น

“เป็นไงบ้าง...เจ็บมากหรือเปล่า”

ร่างบนเตียงพยายามที่จะส่ายหน้า จนเจ้าจอมเอ่ยแทรกขึ้นมา

“ทำมาเป็นบอกว่าไม่เจ็บ โถ่ ตอนป้อนข้าวกับทายานี่ร้องเอาร้องเอา”

“ฮ่าๆ”

คุยกันอีกสักพัก ทุกคนก็พากันแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ที่สำคัญอยากให้คนป่วยพักผ่อนมากกว่า เลยไม่อยากจะอยู่รบกวนให้มันดึกไปมากกว่านี้

พอห้องเหลือเพียงแค่รามินทร์กับอินทัช ร่างโปร่งก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมมาเพื่อจะไปอาบน้ำในห้องน้ำ เขาจะได้นั่งเช็คงานต่อ

“ป่ะ...ไปไหน”

ร่างโปร่งหันมามองคนที่ถามด้วยเสียงเบาแทบจะกระซิบ แล้วหัวเราะเบาๆ

“ถ้าลำบากขนาดนั้นไม่ต้องพูดก็ได้นะ” ร่างสูงขมวดคิ้วหงุดหงิดที่เขาไม่ยอมตอบคำถามที่เขาอุตส่าห์เค้นเสียงออกมา

“คิ้วขมวดเลยนะ กูจะไปอาบน้ำ มึงก็ดูทีวีไป หรือว่าจะนอน” ร่างโปร่งบางเดินเข้าไปหาใกล้ๆ

“ร่ะ..รอมึง”

แม้ว่าอีกคนจะเจ็บมากจนพูดลำบาก แต่ก็ยังมีความสามารถในการที่จะทำให้เขาเขินหรืออายได้อยู่ ไม่หายไปไหน ร่างกายจะเจ็บ จะป่วย แต่ก็ไม่ทิ้งลายสินะ

“งั้นก็เชิญนั่งรอเลย กูจะไปอาบน้ำ สักชั่วโมงแล้วค่อยออกมา” พูดขู่ไปแบบนั้นแหละ ใครจะไปอยู่ในห้องน้ำได้เป็นชั่วโมง ถ้าเป็นห้องน้ำกว้างๆ ใหญ่ๆ ที่คอนโดเนี่ยสิถึงจะอยู่ได้เป็นชั่วโมง

รามินทร์ไม่พูด แต่แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“เออ! จะรีบออกมาก็แล้วกัน จะทำหน้ายับทำไม เดี๋ยวก็เจ็บมากกว่าเดิมหรอก”

อินทัชเดินหัวเราะเข้าห้องน้ำไป ถ้าเดาไม่ผิดรามินทร์จะต้องด่าเขาหรือไม่ก็คาดโทษเขาอยู่ในใจแน่ๆ แต่ก็ช่างมัน ยังไงซะมันก็ไม่มีแรงมาด่าเขาแน่ๆ

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ร่างโปร่งบางก็เอาแท็ปเล็ตกับแล็ปท็อปขึ้นมานั่งทำงานที่ค้างจากที่ทำงานต่อ ส่วนรามินทร์ก็นั่งมองเขาสลับกับดูทีวีอยู่อย่างนั้นแหละ

“อยากนอนหรือยัง” ถามออกไปแต่สายตาก็ยังจดจออยู่กับหน้าจอ

“หึ!!!” เป็นเสียงที่น่าจะชัดที่สุดจากร่างสูงแล้วล่ะ

“เป็นไรอีกอ่ะ”

“หึ!!!” สองหึแล้วนะ

อินทัชเงยหน้ามองหน้าช้ำๆ ของรามินทร์ แล้วยิ้มให้อย่างขบขันในท่าทางที่ดูหงุดหงิดของร่างสูง ที่เขารู้ว่าเจ้าตัวมีเรื่องอยากจะพูดมากมายแต่ก็พูดไม่ได้ เพราะแต่ละครั้งที่อ้าปากมันเจ็บปวดมาก จะส่งเสียงแต่ละทีก็ต้องเลือกพูดที่สั้นๆ หรือปวดน้อยที่สุด

“อีกสองวันมึงก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว อยากจะไปพักฟื้นที่ไหนล่ะ ถ้าอยู่กับกูก็ต้องจ้างพยาบาลมาดูแล แต่ถ้ามึงกลับไปพักที่เพชรบูรณ์...ก็จะมีคนดูแลมึง”

เขารู้มาจากเจ้าจอม เพราะน้องบอกกับอินทัชว่าพรุ่งนี้พ่อกับแม่เลี้ยงของรามินทร์จะมาถึงพรุ่งนี้แล้วก็จะพาลูกชายกลับไปรักษาตัวที่บ้านด้วย รามินทร์ก็เหมือนจะรู้แล้วเหมือนกัน ถึงได้ดูนิ่งๆ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา

หรือไม่...ก็กำลังคิดถึงสิ่งที่เราทะเลาะกันครั้งสุดท้ายก่อนเกิดเรื่อง

“ราม...” ร่างสูงโปร่งลุกจากโซฟาเดินมาหาร่างแกร่งที่ยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม แต่มองหน้าอินทัชตั้งใจฟังว่าคนที่ตนรักกำลังจะพูดอะไร

จะไล่กันอีก...หรือว่าจะพูดอะไร...

ถ้าจะไล่กันรามินทร์ฟังครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว ไม่ต้องตอกย้ำซ้ำๆ หลายรอบก็ได้ เพราะเขาไม่ได้มีภูมิต้านทานกับประโยคแบบนั้นสักเท่าไหร่

รามินทร์เป็นคนที่รักแรง เกลียดก็แรง ฉะนั้นแล้ว...การต้องอยู่ห่างจากคนรักเขาทำไม่ได้ และไม่เคยทำได้ แต่ถ้ามันเป้นความต้องการของอินทัช รามินทร์จะยอมทำ...

ยอม...แบบที่ไม่เคยยอมกับใคร

“กูรักมึงนะ”

สิ้นเสียงบอกรัก ร่างแกร่งก็ยิ้มออกมาจนแก้มปริ ความรู้สึกเจ็บอะไรมันหายไปแล้วเพราะความรู้ดีใจ ตื้นตันใจมันมากลบทับเอาไว้หมด

รู้นะว่าอินทัชรัก...รู้อยู่แก่ใจว่าเรารักกัน แต่พอได้ยินกับปากตรงๆ แบบนี้ มันก็รู้สึกดีใจมากกว่าอยู่แล้ว

“อีกห้าเดือนนับจากที่มึงกลับไป กูจะไม่ให้มึงเห็นหน้า จะไม่ให้โทรหา และห้ามมึงเข้ากรุงเทพถ้าไม่จำเป็น แต่ถ้ามาก็ไม่ต้องมาหากู มึงต้องบังคับจิตใจตัวเองให้ได้ มึงต้องอดทนให้ได้มากกว่านี้ แล้วถ้าครบห้าเดือนเมื่อไหร่ กูจะไปหามึงเอง เข้าใจไหม”

รามินทร์พยักหน้ารับนิดๆ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่นานไปสำหรับเขา แต่รามินทร์ก็จำเป็นที่ต้องทำ เพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้...

“มึงเข้าใจกูนะราม”

“อืม...”

“มึงจะทำได้ใช่ไหม แค่พยักหน้าก็พอ”

“จะ...พยายาม” รามินทร์ใช้วิธีตอบแทน เพราะต้องการให้อินทัชรับรู้ถึงความจริงจังและตั้งใจของเขา ว่าเขาจะพยายามทำมันอย่างเต็มที่

ถ้าไม่มีเขา เรื่องมันก็ไม่วุ่นวายขนาดนี้...

ถ้าไม่มีเขา มันคงจะไม่ลำบาก...

รามินทร์ได้แต่โทษตัวเองในใจ แม้ว่าจะคิดในใจ แต่มันก็แสดงออกมาทางสายตาอยู่ดี อินทัชสบตาคนคนบนเตียงอย่างพินิจพิจารณา

“กำลังโทษตัวเองอยู่ก็หยุดไปเลย เรื่องทั้งหมดมันผิดที่กู มันเป็นเรื่องของกู แต่มึงแค่โดนลากเข้าไปยุ่งด้วยก็เท่านั้น อย่าคิดมาก...เรื่องมันผ่านไปแล้ว”

“อืม”

“นอนได้แล้วไป กูเองก็จะนอนเหมือนกัน ทุ่มครึ่ง...หึหึ ก็ดีนะ ไม่เคยนอนเวลานี้มาก่อนเลย” ร่างโปร่งหัวเราะหลังจากดูนาฬิกาเสร็จ

“ไม่ง่วง”

“งั้นก็นั่งดูหนังต่อไป กูก็จะทำงานเหมือนกัน ถ้าง่วงก็บอก แล้วไม่ต้องนั่งฝืนให้กูทำงานให้เสร็จล่ะ กูนอนตอนไหนก็ได้ งานไม่ด่วนเท่าไหร่”

รามินทร์เกลียดคนรู้ทันจริงๆ นะ แต่ถ้าเป็นอินทัชเป็นข้อยกเว้นก็ได้

จะแยกจากกันตั้งห้าเดือนทั้งที จะให้เขาอยู่ในสภาพที่สามารถพูดคุยกับอินทัช สามารถลุกขึ้นเดิน สามารถโอบกอดร่างโปร่งก็ไม่ได้

ทำไมต้องทำให้เขาต้องเจอกับเรื่องแบบนี้นะ คงจะเป็นเวรกรรมที่เขาทำเอาไว้กับอินทัช มันก็เลยตามทันเหมือนติดจรวดขนาดนี้...





มีต่อ
V
V
V
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 63 100% => (10/10/61) P.33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 10-02-2018 21:14:19
ตอนที่ 63 ครึ่งหลัง




เขาค้อ, เพชรบูรณ์

รถตู้คันใหญ่เข้ามาจอดในรีสอร์ทของรามินทร์ก่อนที่เจ้าของรีสอร์ทจะถูกประคองลงจากรถตู้ พนักงาน คนงานในรีสอร์ทต่างก็พากันมาต้อนรับเจ้านายที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตามาเดือนกว่า แต่พอเห็นสภาพของเจ้านายเท่านั้นแหละ ทุกคนต่างก็พากันตกใจ

“มีอะไรทำก็แยกย้ายไปทำงานของตัวเองไป”

“ครับ/ค่ะ คุณท่าน”

พนักงานทุกคนต่างก็รีบแยกย้ายไปเพราะเป็นคำสั่งของราเมนทร์ พ่อของรามินทร์ ผู้เป็นนายใหญ่ของทุกคนที่นี่ แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นของรามินทร์หมดแล้วก็ตาม

“ไหวไหมราม บอกให้ไปบ้านใหญ่ก็ไม่ไป มาอยู่ที่นี่ใครจะดูแล” แม่เลี้ยงของรามินทร์หรือสาธินีพูด

“ฉันว่าก็มีออกเยอะแยะนะครับ คนที่คอยดูแลน่ะ” ราเมนทร์ตอบ

เจ้าจอมไม่ได้มาส่งด้วย ส่วนขรรค์กับหิรัญก็ขอติดรถกลับมาพร้อมกับรามินทร์เลย แต่ที่ทำให้รามินทร์มีความสุขมากที่สุดนั่นก็คืออินทัชมาส่งด้วยแล้วก็จะค้างด้วยสองคืน เพราะเจ้าตัวลามาสามวัน

นับได้ว่ารามินทร์จะได้อยู่กับอินทัชก่อนจะไม่เจอกันห้าเดือน

“แหม...คุณเรนก็ สาเป็นห่วงลูกนี่คะ”

“ผมว่าพารามไปที่บ้านก่อนดีกว่าไหมครับ อยู่ข้างนอกมีแต่เชื้อโรค” อินทัชขัดท่านทั้งสองขึ้นมาเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังหน้ายู่อย่างเจ็บๆ

“อ๊ะ…จริงด้วย น้าขอบคุณอินมากนะจ้ะที่เตือน” สาธินีหันไปขอบคุณอินทัช ที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นคนที่ลูกเลี้ยงของเธอรัก

ตอนแรกก็ว่าจะไม่ยอมหรอก เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้รามินทร์ต้องเจ็บ แต่พอได้ฟังเรื่องราวแล้วก็ได้รู้จักจริงๆ ว่าอินทัชเป็นใคร ไฟเขียวก็เปิดทันที...

เธอรู้ว่ารามินทร์ชอบผู้ชาย...จะไปบังคับก็ไม่ได้เพราะขนาดคนเป็นพ่อแท้ๆ ยังไม่ได้บังคับเรื่องคนรักของลูกชายเลย เพราะไม่ว่ารามินทร์จะเป็นอะไร ก็เป็นลูกชายของราเมนทร์ทั้งนั้น   

“คุณพ่อกับคุณน้าจะพักที่ไหนเหรอครับ” ที่อินทัชใช้สรรพนามแบบนี้เพราะราเมนทร์บังคับให้พูดตอนที่เจอกันวันแรกที่โรงพยาบาลตอนอยู่กรุงเทพเมื่อสองวันก่อน

ก็ไม่รู้สิ แรกๆ ก็ยังขัดๆ แต่ตอนนี้ชินแล้วล่ะ แล้วก็เราสองคนก็มีเรื่องอะไรที่ชอบเหมือนๆ กัน อินทัชเลยคุยถูกคอกับพ่อของรามินทร์มากๆ

“คงต้องเปิดห้องอยู่น่ะ บ้านใหญ่มันห่างจากที่นี่พอสมควรก็เลยไม่อยากจะไปๆ มาๆ มันเสียเวลา พ่อเองก็อยากจะดูแลตารามด้วย เที่ยวพอแล้วเดี๋ยวเอาไว้ตารามหายเมื่อไหร่พ่อจะไปเที่ยวต่อน่ะ”

“ใช่จ้ะ...เราสองคนทิ้งลูกไปเที่ยวกันนานจนแทบจะไม่ได้เจอ คุยกันเดือนละครั้งเองล่ะมั้งถ้าจำไม่ผิด ตอนนี้ก็อยากจะชดเชยน่ะ”

ร่างสูงที่นั่งพิงกับเตียงอยู่ส่ายหน้าน้อยๆ

“ไม่ต้องคิดมากนะลูก แม่จะดูแลลูกเอง”

เธอรักรามินทร์กับรินลณีเหมือนลูกแท้ๆ เธอไม่มีลูก และไม่สามารถมีลูกได้ แล้วก็ยิ่งเข้าไปแทนที่ของแม่ใคร เธอก็ใช่ว่าจะรู้สึกดี สาธินีแค่รักราเมนทร์ และก็เห็นใจเด็กๆ ที่ต้องเสียแม่กันไปไวขนาดนั้น เธอก็ตั้งใจเอาไว้วว่าจะทำทุกอย่างให้รามินทร์กับรินลณีเข้าใจและยอมรับเธอ

กว่าจะมาถึงจุดๆ นี้ได้ ก็ใช้เวลาสามปีกว่าๆ ที่เธอพิสูจน์ให้รามินทร์ รินลณีเห็นถึงความจริงใจของเธอ เห็นถึงความหวังดีของเธอ จนเด็กๆ เรียกเธอว่าแม่นั่นแหละ เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่รู้สึกตื้นตันใจและมีความสุขมาก มากยิ่งกว่าวันที่ราเมนทร์ขอแต่งงานเสียอีก...

ผู้หญิงทุกคนมีความเป็นแม่หมด...

“คุณพ่อกับคุณน้าไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวตรงนี้ผมจะดูรามมันเอง” อินทัชอาสา ซึ่งผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็ยิ้มให้แล้วก็เอ่ยขอตัวไปพักผ่อนก่อน

ในบ้านพักหลังเดิมแต่ความรู้สึกที่มาเยือนในครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม...

ครั้งที่แล้ว...เต็มไปด้วยความแค้น

ครั้งนี้...เปี่ยมไปด้วยรัก

“ที่นี่ก็ยังเหมือนเดิมนะ” ร่างโปร่งบางชวนคุย ซึ่งรามินทร์ที่กำลังนั่งพิงหมอนอยู่บนเตียงก็ได้แต่พยักหน้าตอบกลับ...

“พอนึกถึงแล้วแม่งขึ้นเลยว่ะ อยากจะกระทืบมึงให้จมตีนเลย”

“จ่ะ...ใจร้ายว่ะ”

“คิดดีแล้วใช่ไหมที่พูดว่ากูใจร้าย?”

อินทัชก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก เรื่องมันผ่านมาแล้ว ก็ไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัวหรอก ตอนนี้รามินทร์ก็สำนึกผิดแล้วก็พยายามอยู่ พยายามที่จะไม่ให้ตัวเองจะต้องกลับไปเป็นแบบนั้นอีก

“กู...รักมึง”

ร่างบางอมยิ้มกับคำบอกรักนั่น ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งบนเตียงมองหน้าช้ำๆ ที่ทำให้มองไม่เห็นความหล่ออย่างนิ่งๆ เราสบตากัน ไม่ได้หวานซึ้ง ไม่ได้สื่อถึงอะไร

ก็แค่มองกันเท่านั้น...

“อืม...”

รามินทร์รอฟังคำบางคำจากปากอินทัชอย่างใจจดใจจ่อ หากแต่ร่างเล็กกว่าก็แกล้งโดยการเงียบใส่ จนแล้วจนรอดใบหน้าสวยก็ค่อยๆ โน้มเข้าหาร่างแกร่ง ก่อนจะประทับริมฝีปากที่ริมฝีปากช้ำเบาๆ แล้วผละออกมาแล้วพูดประโยคที่รามินทร์รอคอยจนรู้สึกล่องลอยอยู่ในอากาศ

แม้ว่าจะเป็นความสุขก่อนจะห่างกันก็ตามที แต่เขาก็จะจดจำความรู้สึกนี้เอาไว้

จนกว่าเราจะได้รักกันเสียที...

“รักเหมือนกัน...”








เมื่อเวลาผ่านไปสองเดือน วันนี้ก็มาถึง...วันที่จุลจักรจะต้องไปดูงานและฝึกงานที่ต่างประเทศ เรื่องของภาษาเขาไม่ได้กังวลอะไรแล้ว เพราะตอนนี้จุลจักรสามารถสนทนาแล้วก็ฟังออกได้แล้ว แต่ยังไม่เคยได้ลองสนามจริงก็คงจะต้องปรับตัวอยู่ ส่วนอินทัชเองหลังจากกลับจากเขาค้อเมื่อสองเดือนที่แล้ว ก็เดินทางไปทำงานต่างประเทศเป็นว่าเล่น ทั้งขยายกิจการ ทั้งจับธุรกิจใหม่ วุ่นวายจนไม่มีเวลาเล่นโซเชียลอะไรเลย และครั้งนี้ก็จะไปดูงานกับจุลจักรด้วยและพนักงานอีกสิบกว่าชีวิตกับการไปอเมริกาครั้งนี้

“ไม่ลืมอะไรแน่นะจักร”

“ครับคุณจอม แต่ถ้าลืมก็ค่อยซื้อเอาก็ได้”

“ฉันนี่ตื่นเต้นแทนนายชะมัดเลย” เจ้าจอมพูดอย่างตื่นเต้นที่คนรักจะได้ไปต่างประเทศ เพราะเจ้าจอมเคยไปแต่ที่ใกล้ๆ และในเอเชียทั้งนั้น ไปถึงยุโรปนี่ไม่เคยเลย

“ก็ไอ้อินมันชวนแล้ว คุณจอมไม่ไปเอง”

“ถ้าไป ฉันก็ต้องอยู่ที่บ้านพักคนเดียวน่ะสิ ไม่เอาหรอก น่าเบื่อจะตาย” ร่างเล็กทำหน้าเง้างอด มองไปรอบๆ สนามบินเพื่อหาอินทัชว่าอยู่ตรงไหน แต่ไม่นานร่างโปร่งบางก็เดินเข้ามาหา พร้อมกับเลขาที่เดินตามไม่ห่าง

“มาอยู่ตรงนี้เอง”

“พี่อิน...ทำไมมาช้าจังล่ะครับ” เจ้าจอมถาม เพราะตอนเดินทางมาสนามบินอินทัชไม่ได้มาด้วยกันทั้งๆ ที่เป็นทางเดียวกัน...

“พี่ตื่นสายนิดหน่อยน่ะ กลัวไม่ทันก็เลยให้มาก่อน เผื่อพี่ตกเครื่องจะได้รอไปไฟลท์อื่น” เจ้าจอมกับจุลจักรพยักหน้ารับรู้ มองแฟชั่นสนามบินของอินทัชด้วยความตะลึง เพราะเจ้าตัวไม่ได้แต่งแบบชุดที่ดูเป็นนักธุรกิจเลยสักนิด มันเป็นชุดสบายๆ ที่มีรสนิยม เข้ากับเลขาที่มาในแนวเดียวกัน

“นี่พี่วัลย์นัดกับพี่อินใส่มาใช่ไหมครับ” เจ้าจอมถามยิ้มๆ

“ฮ่าๆ ทำไมเหรอคะน้องจอม มันดูเข้ากับท่านประธานมากเลยเหรอ ก็ตอนที่พี่ไปช่วยท่านเลือก ท่านก็ซื้อให้ชุดหนึ่งน่ะ ไม่คิดว่าจะใส่วันเดียวกัน” วัลย์ลิกาตอบ ใบหน้าสวยยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร เธอเป็นหญิงสาวที่อายุมากกว่าอินทัชอยู่ประมาณเจ็ดถึงแปดปีได้ ก็เลยไม่น่าเกลียดเท่าไหร่นัก

“ถ้าไม่ติดว่าพี่วัลย์มีลูกมีสามีแล้วนะ จอมคงคิดว่าเป็นคู่รักกัน”

“โอ้ย! อย่างพี่ท่านไม่เลือกหรอกค่ะ ไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ”

“อ่ะ แฮ่ม!” ร่างสูงโปร่งของคนที่ถูกเจ้าจอมกับลูกน้องนินทาระยะเผาขนกระแอมขัดการพูดคุยที่ออกรส หญิงสาวปิดปากแล้วโค้งให้กับเจ้านายยิ้มๆ ส่วนเจ้าจอมก็ทำแค่ยิ้มแล้วยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ

“วัลย์ขอตัวไปจัดการเช็คคนอื่นๆ ก่อนนะคะ”

“ครับ”

หญิงสาวเดินแยกไปอีกทาง ส่วนอินทัชก็คิดว่าควรจะให้คู่รักได้พูดคุยกันก่อนที่จะห่างกันสามเดือนดีกว่า ก็เลยขอไปซื้อกาแฟดื่มรอเวลาขึ้นเครื่อง

เมื่อทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง จุลจักรก็พาคนรักไปนั่งตรงเก้าอี้แล้วคว้ามือขาวมาลูบเบาๆ รู้สึกไม่อยากไป แต่ก็ต้องไปเพราะมันเป็นเหมือนอนาคตของเรา...ห่างกันวันนี้ เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันในวันหน้า

“ผมคงต้องคิดถึงคุณจอมมากแน่ๆ”

“ปากดี ไม่ใช่ว่าไปถึงนั่นแล้วนายจะส่องแต่พวกแหม่มเหรอ เฮอะ!! เหมือนได้รับอิสระเลยนี่นา จะทำอะไรก็อย่าให้ฉันรู้ก็แล้วกันเพราะฉันรับไม่ได้”

“โถ่...คุณจอมครับ ไอ้จักรจะไปทำเลวๆ แบบนั้นได้ยังไง ไม่มีทาง”

“ขอให้มันจริง”

“อย่าแกล้งผมสิครับ คนยิ่งรู้สึกไม่ดีอยู่” ร่างสูงค่อนขอดเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะจากเจ้าจอมได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ แต่พอคิดว่าจะไม่ได้พูดคุยกันแบบนี้ตั้งสามเดือน เจ้าจอมก็ใจห่อเหี่ยวแล้ว

มันไม่ง่ายเลยนะที่จะทำเป็นไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งๆ ที่รู้สึกอยู่เต็มอก...

ยิ้มกลบเกลื่อนความรู้...หัวเราะกลบเกลื่อนความคิด...หลอกจุลจักรได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้อยู่ดี

“อย่าทำตัวเป็นเด็กน่า แค่สามเดือนเอง ทำเหมือนจะห่างกันสามปี เฟสไทม์ก็มี ไลน์ก็มี มีหมดอ่ะ แล้วแต่นายว่าอยากจะใช้อะไรคุยกับฉัน”

“โถ่...มันกอดไม่ได้นี่ครับ”

“ก็ทน...กลับมาแล้วค่อยกอด แค่ไม่ได้กอดสามเดือนคงไม่ตายหรอกมั้ง”

“หวังว่าคุณจอมคงไม่แกล้งผมใช่ไหมครับ” ร่างแกร่งถามคนรักอย่างระแวง เพราะเจ้าจอมชอบแกล้งส่งภาพยั่วยวน เซ็กซี่ๆ ไปให้ตอนที่เขาทำงานอยู่ในบริษัท แต่แค่เขาทำงานในบริษัทในไทย จุลจักรยังอดทนได้ยากเลย นับประสาอะไรกับการที่ต้องอยู่ห่างกันคนละขอบโลกแบบนี้ ลงแดงตายแน่ๆ

“อันนี้ฉันไม่รับปากนะ”

“คุณจอม...”

“ไม่ต้องเลย นายไม่ควรต้องมาอดทนกับเรื่องของฉัน แต่ระงับความรู้สึกตอนที่เห็นผู้หญิงฝรั่งสวยๆ เซ็กซี่ที่นายจะได้เห็นเป็นฝูงนั่นเถอะ ชิ!”

“ถ้าผมจะมีอารมณ์กับพวกเธอ ผมคงมีไปนานแล้วล่ะครับ แต่ตอนนี้คนที่ทำให้ผมตื่นได้มีเพียงคุณจอมนะครับ” ร่างสูงโน้มหน้ากระซิบข้างหู แล้วหอมแก้มคนรักโดยไม่สนใจคนมองเลยสักนิด

ฟอด!!

“จักร!! อายคนอื่นเขา”

“อายอะไรล่ะครับ”

“ทำไมนายกลายเป็นคนแบบนี้เนี่ย!”

“ผมเป็นกับคุณจอมแค่คนเดียวนะครับ”

“พูดมาก แหวะ!!”

“ท้องเหรอครับ?”

“นายจักร!!” ร่างเล็กเรียกคนรักเสียงราบเรียบ เป็นการปรามไม่ให้คนรักพูดอะไรไปมากกว่านี้ เจ้าจอมไม่ได้อายคนอื่น แต่เขินจุลจักรต่างหาก

การแสดงความรักในที่สาธารณะพวกเขาสองคนไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ก็ระวังในการกระทำไม่ให้มันน่าเกลียดจนเกินไปเพราะมันจะเป็นขี้ปากชาวบ้านได้

“ครับผม”

“ใกล้จะถึงเวลาแล้วนี่” เจ้าจอมดูนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองแล้วเงยหน้าสบตากับกับคนที่ตอนนี้ทำหน้าหงอไปอีกแล้ว เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ

เขาสองคนนั่งคุยกันอยู่อีกสักพักเสียงประกาศให้เตรียมขึ้นเครื่องของไฟลท์ที่จุลจักรจะต้องไป เสียงนั้นก็ฉุดหัวใจของทั้งคู่ให้ใจหายไปด้วย เวลาที่ต้องห่างกันมาถึงแล้ว

“ไปเถอะจักร ถึงเวลาแล้ว” อินทัชเดินเข้ามาหาทั้งสอง “ลากันเสร็จหรือยัง ทำเหมือนจะไปออกรบนั่นแหละ”

“ไอ้อิน มึงไม่เข้าใจกู”

“ใครว่ากูไม่เข้าใจ แต่เราโตๆ กันแล้ว ต่างคนต่างก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ถ้ามึงทำแต่งานจริงๆ เวลามันจะผ่านไปไวมากๆ เองแหละ”

“เออๆ กูไม่เถียงมึงแล้ว”

“งั้นก็ไปได้แล้ว”

“คุณจอมครับ ผมไปแล้วนะครับ ดูแลตัวเองด้วย อย่าทำงานหนัก นอนให้เพียงพอ แล้วก็อย่านอนดึกนะครับ ไม่สิ นอนดึกได้เพราะคุณจอมต้องรอรับวิดีโอคอลของผม” จุลจักรพูดกับคนรักด้วยสีหน้าเศร้าๆ ที่ให้ความรู้สึกตลกมากกว่าที่จะให้ความรู้เศร้าตาม

“ฉันต้องเป็นคนพูดหรือเปล่า?”

“ผมเป็นห่วงคุณจอมนะครับ” อินทัชกลอกตาไปมา เบะปากอย่างหมั่นไส้อีกด้วย

“รู้แล้วน่า เป็นห่วงเหมือนกัน”

“ผมคิดถึงคุณจอมนะครับ”

“คิดถึงเหมือนกัน”

“ผมรักคุณจอมนะครับ”

ร่างเล็กยิ้มเขินๆ แก้มแดงซ่านอย่างน่ารักทำเอาร่างแกร่งอยากจะฟัดแก้มนั่นแรงๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีอินทัชอยู่ด้วย กับคนอื่นเขาไม่แคร์นะ แต่ต่อหน้าเพื่อนที่มีศักดิ์เป็นเจ้านายด้วยก็ขอวางตัวดีๆ หน่อยดีกว่า เดี่ยวจะโดนว่า โดนบ่นจนหูชาอีก เบื่อจริงๆ เลยไอ้คนที่ห่างกับคนรักแล้วมาอิจฉาคนอื่นเขาอีก

“อื้อ...รักเหมือนกัน”

“ผม...”

“พอได้แล้วไอ้จักร จะล่ำลาจนถึงพรุ่งนี้เลยไหม?” อินทัชรีบห้ามเมื่อเพื่อนไม่มีทีท่าว่าจะสั่งลาคนรักเสร็จเสียที เขาเลยชักจะหมั่นไส้มันขึ้นมาตงิดๆ แล้วสิ

“เออน่า! กูรู้ แค่จะบอกว่า...ไปแล้วนะครับคุณจอม” ประโยคสุดท้ายหันมาสบตากับคนน่ารักอย่างหวานซึ้งก่อนจะยกมือขาวขึ้นมาจูบหลังมือเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืนทันที

เจ้าจอมลุกขึ้นตามเพื่อจะส่งคนรัก

หมับ!!

“โชคดีนะจักร อีกสามเดือนเจอกัน” ร่างเล็กโผเข้ากอดคนรักแน่น ก่อนจะผละออกมาแล้วหันไปอวยพรอินทัชแล้วก็ลาพี่ชายอีกคนของตน

“โชคดีนะครับพี่อิน ฝากดูแลจักรด้วย”

“ครับ...ไม่ต้องห่วงเลยนะ”

ร่างเล็กยิ้มกว้างมองตามแผ่นหลังทั้งสองที่เดินห่างออกไป...






100%
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

3 ตอนรวด เป็นยังไงกันบ้างคะ อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์ให้กำลังใจกันด้วยน้า อีก 2 ตอนก็จบแล้วค่ะ
คิดว่าน่าจะลงพร้อมกัน 2 ตอนเลย แต่ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะเป็นช่วงไหน เพราะนี่ก็ใกล้จะชี้ชะตาชีวิตแล้วด้วย
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณที่รอกันนะคะ ยูกิไม่ได้แกล้งให้ทีมอ่านในเว็บต้องค้างคาจริงๆ
มีอะไรพูดคุยที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-02-2018 21:48:29
โหหหห. อ่านสะใจมากเลย ชอบๆๆๆๆ เอาอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Chattcha ที่ 10-02-2018 22:05:03
ขอบคุณมากค่ะที่ลงให้อ่านยาวๆแบบจุใจ ยังรอตอนต่อไปอยู่จ้า o18
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-02-2018 22:36:05
 o18
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-02-2018 23:01:14
มาเต็มอิ่มเลยนะ ขอบคุณมากจ้าา
ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปแล้ว ตอนกลับ
มาจากเมืองนอก คงมีอะไรดีๆ
รอตอนต่อไปอยู่นะจ๊ะ
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 11-02-2018 08:42:37
ชอบครับ
สนุก
ขอบคุณมากครับ.  :3123:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 11-02-2018 09:45:32
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-02-2018 10:02:20
อ่านยาวกันไป  :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-02-2018 11:35:23
ลงมาจุใจมา
ดีใจที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาได้
ต่อไปคงมีแต่เรื่องดีๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-02-2018 04:06:54
สุข ๆ กันทั่วหน้าทุกคนเลย ดีใจด้วยจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 12-02-2018 20:43:09
3ตอนรวด เริ่ดอ่ะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 13-02-2018 03:01:38
สุดยอดอ่ะ อ่านจนเปรมไปเลย สงสารพี่รามนะเนี่ย ตอนนี้ ทำอะไรไม่ได้เล้ยยย เพราะ เจ็บอยู่
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-02-2018 14:33:31
กลับมาก็ไปหารามได้แล้วสินะ

อินทัชยอมเพื่อรัก เพราะรู้ว่าอนาคตไม่แน่นอน
รามก็เรียนรู้เพื่อรัก จะได้ลดแรงอารมณ์ลงบ้าง

จักรเจ้าจอมคือหวานเลี่ยนเวอร์ และน่ารักเวอร์
เจ้าจอมก็จอมยั่วให้อยากได้ตลอด สงสารจักร 5555
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-03-2018 10:57:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 19-03-2018 23:41:05
 :t3: :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 20-03-2018 14:23:10
หายหรือยังน้า คุณราม :katai2-1:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 64 100% => (24/03/61) P.33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 24-03-2018 21:59:17
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 64
โค้งสุดท้าย




ถ้าเปรียบการรอคอยเป็นเหมือนการแข่งรถที่มุ่งสู่เส้นชัย หากแต่มันก็ยังต่างกันตรงที่การรอคอยคือการที่อยู่เฉยๆ เพื่อให้เส้นชัยมาหาเราแทน ส่วนการแข่งรถก็คือเราจะต้องเป็นฝ่ายไปหาเส้นชัยเองไม่ว่าจะผ่านกี่เลี้ยว กี่โค้ง และระยะทางเท่าไหร่ก็ตาม ก็เหมือนตอนนี้ที่รามินทร์กำลังเฝ้ารอเส้นชัยของตนอยู่อย่างอดทน แม้ว่าวันๆ หนึ่งมันจะทรมานมากแค่ไหนก็ตาม...

สี่เดือนแล้ว...ที่เขาไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้เห็นหน้าของอินทัช แต่ที่แปลกก็คือความรักที่เขามีต่ออินทัชมันไม่ได้ลดน้อยลงเลย กลับกันแล้วมันยังคงเพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ  ความปรารถนาต่ออินทัชก็ยิ่งมากขึ้นๆ อีกด้วย

เขาสาบานเอาไว้เลย ว่าถ้าครบห้าเดือนเมื่อไหร่...จะไม่มีคำว่ายั้งเลย

“เป็นยังไงบ้างครับคุณราม” หิรัญเดินเข้ามาทักทายถามไถ่เจ้าของรีสอร์ทที่กำลังเดินตรวจงานอยู่ นอกจากนี้หิรัญก็เห็นว่าตั้งแต่ที่รามินทร์หาย ร่างสูงก็ทำงานแบบไม่ได้หยุดพัก จับธุรกิจใหม่ที่ตัวเองสนใจจะทำมาตั้งนานอย่างบริษัททัวร์ท่องเที่ยว ที่ตอนนี้กำลังสร้างสำนักงานอยู่ตรงที่ที่เขาได้ทำการซื้อเอาไว้ก่อนหน้านี้

“อ้าว? หมอเงิน มาหาขรรค์มันเหรอครับ” รามินทร์ตอบกลับด้วยคำถาม เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากหมอหนุ่มทันที ที่ตัวเองไม่ได้คำตอบ

“ทำไมไม่ตอบคำถามผมล่ะครับ”

“อ้อ! มันต้องตอบด้วยเหรอครับ ผมก็เห็นว่าหมอถามผมแบบนี้ทุกวันเลย”

“ก็ผมอยากรู้คำตอบนี่ครับ”

“งั้นหมออยากรู้ว่าร่างกายผมเป็นยังไงหรือว่าหัวใจเป็นยังไงล่ะครับ”

“แหม...คุณรามก็รู้ๆ อยู่นี่ครับว่าผมอยากรู้เรื่องอะไร”

“หึหึ...สมกับที่เป็นเพื่อนกับไอ้อินได้” ร่างสูงหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้าไปมา

“จะถือว่าเป็นคำชมนะครับ”

“ตอนนี้ใจผมทรมานมากครับ อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง อยากกอด อยากจูบ พอใจหรือยังล่ะครับหมอ ชอบตอกย้ำกันจริงๆ” ประโยคสุดท้ายแอบบ่นเบาๆ

ก็มันจริงอย่างที่พูดนั่นแหละ หิรัญกับขรรค์ชอบมาโชว์หวานให้รามินทร์รู้สึกอิจฉาแล้วก็โมโหเล่นๆ คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนุกดี อีกทั้งที่ผ่านมาเขาก็คอยปล่อยข่าวว่ามีคนเข้ามาจีบอินทัชบ้างล่ะ อินทัชไปกินข้าวกับคนสวย คนน่ารักที่เป็นลูกค้า แต่เขาก็เอาภาพมาทำให้รามินทร์ดูโดยที่ไม่บอกว่าเป็นใคร ทั้งหมดก็เป็นแผนการทดสอบความอดทนที่อินทัชขอให้หิรัญช่วยเท่านั้นแหละ

แรกๆ รามินทร์โมโหมาก ทั้งทำลายข้าวของแล้วก็จะไปหาถึงต่างประเทศตั้งหลายครั้ง เพราะแต่ละครั้งมันก็ชักจะเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่แค่ไปกินข้าว ก็มีภาพจับมือ กอด ที่คนอื่นดูยังไงมันก็แค่มุมกล้อง ส่วนรามินทร์นี่มองแล้วโกรธ ไม่คิดจะใส่ใจสังเกตให้มันดีๆ สุดท้ายแล้วเขาก็เอาชนะความรู้สึกโกรธพวกนั้นมาได้แล้วไว้ใจ เชื่อใจคนรักให้มากกว่านี้ จนครั้งต่อมาเป็นรูปถูกนัวเนียในผับ รามินทร์ก็พินิจภาพอย่างมีสติ แล้วก็ไม่ได้โวยวายหรือทำลายข้าวของออกมา

นับว่าทั้งหมดก็เป็นไปตามที่อินทัชต้องการเลย...

“ผมทึ่งคุณรามมากเลยนะครับ ที่คุณรามสามารถเปลี่ยนตัวเองจากคนอารมณ์รุนแรงมาเป็นคนอารมณ์เย็นได้ แต่จริงๆ แล้วคุณก็จะเป็นกับคนที่สำคัญของคุณก็เถอะ แต่ถ้าคุณมาสติมากขึ้นแล้วแบบนี้ ไม่นานอินก็คงจะมาหาคุณเองนั่นแหละ”

“หมอเป็นสายให้มันใช่ไหมครับ” รามินทร์ถาม

“หึหึ แล้วคิดว่ายังไงล่ะครับ” หัวเราะอย่างมีเลศนัย แต่เพียงเท่านี้รามินทร์ก็รู้คำตอบแล้วล่ะว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ที่แท้...ทั้งหมออินทัชก็ใช้ให้หิรัญมาคอยยุยง ใส่ไฟ ซะจนสับสนไปหมด

เขาทำลายข้าวของหมดไปเท่าไหร่ ถ้าให้นับมูลค่าก็หลายหมื่นบาทเลย

“แสบทั้งหมอ ทั้งไอ้อินเลยนะครับ”

“ถ้าไม่ทำแบบนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าคุณรามจะสามารถอดทนได้”

“ผมหัวร้อนขนาดไหนหมอรู้บ้างไหมครับ แทบขาดใจตายแหนะ”

“นั่นเพราะคุณชอบคิดไปเองไงครับ ถ้าคุณใช้เหตุผล หัวคุณก็ไม่ร้อนหรอก” หิรัญพูด ซึ่งรามินทร์ก็พยักหน้าน้อยๆ อย่างเห็นด้วย

ก็จริงอย่างที่หิรัญพูด ถ้าไม่มีเรื่องพวกนั้นเขามา รามินทร์ก็คงไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะผ่านมันไปยังไง จะทดสอบยังไงให้อินทัชเชื่อ...

ความเชื่อใจ...มีสติไตร่ตรองเรื่องราวมากกว่าที่จะใช้อารมณ์ และหาสาเหตุที่แท้จริงก่อนจะตัดสินใจว่ามันถูกหรือผิด...

“ผมอยากจะโกรธมันนะที่เอาความรู้สึกของผมมาเล่น แต่ว่า...ถ้าไม่ทำแบบนี้ ผมก็คงจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้เหมือนกัน ขอบคุณนะครับหมอเงิน”

“ด้วยความยินดีครับ เรื่องสนุกๆ แบบนี้ผมชอบออก”

“หมอเงินติดต่อกับมันอยู่ใช่ไหมครับ มันสบายดีไหมครับ”

“ฮ่าๆ อินสบายดีครับ แต่งานก็เยอะเหมือนเดิม คงไม่มีเวลาที่ไหนไปมีคนอื่นหรอกครับ แต่ก็มีคนเข้ามาหาเรื่อยๆ ทั้งสวย ทั้งหล่อก็มี เยอะแยะไปหมดเลยตามประสาคนหน้าตาดี” ไม่วายทิ้งระเบิดเอาไว้ให้รามินทร์ต้องรู้สึกกังวลอีก

ร่างแกร่งยืนนิ่งไปเลย ส่วนหมอหนุ่มพูดจบก็ขอตัวไปหาคนรักของตนที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่นักทันที ปล่อยให้เจ้านายของคนรักยืนนิ่งอยู่แบบนั้น

ไม่ว่าใครก็เป็น...ต่อให้เชื่อใจกันมากแค่ไหน แต่ว่าหัวใจของคนมันก็ไม่แน่นอนเหมือนกัน ขนาดเขาทำเลวเอาไว้กับมันเยอะมากมันยังรักเขาได้ แล้วถ้ามันเจอคนที่ดีกว่านี้ล่ะ...มันจะไม่รักคนนั้นได้ง่ายๆ หรือไง

ขอร้องนะอิน...กูรักมึง กูเชื่อใจมึง...กูจะรอมึง


“ไปแกล้งอะไรคุณรามอีกอ่ะเงิน” ขรรค์ถามคนรักเมื่อเห็นว่าร่างโปร่งบางเดินตรงมาหาตนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขเสียจนขรรค์ไม่ไว้ใจ ยิ่งสี่เดือนมานี้ หิรัญชอบแกล้งเจ้านายของเขาแบบหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

“ไม่มีอะไรนี่” หมอหนุ่มตอบพร้อมกับยักไหล่น้อยๆ

“ไม่ชื่อหรอก ก็เห็นๆ อยู่ว่าเพิ่งคุยกับคุณรามเสร็จ แล้วถ้าเงินไม่แกล้งคุณราม คุณรามจะยืนนิ่งแบบนั้นไหมล่ะ พอเถอะน่า อย่าไปทำตามที่อินขอทุกเรื่องเลย สงสารหัวอกคนรอบ้างเถอะเงิน” ขรรค์พูด ออกตัวปกป้องเจ้านายของตนอย่างเต็มที่

“หึหึ เงินก็ไม่ได้ทำตามที่อินบอกทุกอย่างสักหน่อยเพราะถ้าเงินทำทุกอย่างที่อินบอกนะ มันแรงกว่านี้อีก นี่เงินอุตส่าห์ทำให้เรื่องมันเบาลงตั้งหลายเรื่อง แล้วที่สำคัญนะขรรค์...” หิรัญเว้นเอาไว้

“อะไรหรือ?”

“ไม่ใช่แค่คุณรามคนเดียวที่เป็นฝ่ายรอนะ ทางอินเองก็รอเหมือนกัน ทั้งสองคนนี้ต่างก็รอกันทั้งคู่นั่นแหละ อินรักคุณรามมากๆ เลยนะ แต่เพื่ออนาคตที่มันดีกว่านี้ ทั้งสองต้องอดทนให้ได้”

“จะรักกันทั้งทีทำไมมันยากจังเลย” ขรรค์บ่น

“ยากสิ อย่างคู่เราก็ยาก อย่างคู่ของจักรกับน้องจอมก็ยาก ของอินกับคุณรามก็ยาก ทุกคู่เจอเรื่องยากๆ และเจอกับอุปสรรคทั้งนั้นแหละขรรค์ แต่จะเจอแบบไหน...อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คู่นั่นแหละ”

“จริงสินะ”

“ว่าแต่อีกสามวันจะเอายังไงดีขรรค์” ร่างโปร่งบางถามคนรัก

“สามวัน...วันครบรอบน่ะเหรอ เงินอยากจะทำอะไรล่ะ ดินเนอร์ใต้แสงจันทร์ไหม” ขรรค์ถามคนรัก

“จะมีพระจันทร์อยู่เหรอ”

“ไม่มีพระจันทร์แต่ก้น่าจะมีดาวนะเงิน”

“จริงๆ แล้วเงินอยากให้ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีของเราสองคนน่ะ ทั้งอิน คุณราม จักร แล้วก็น้องจอมด้วย อยากพาพ่อกับแม่มาด้วย น้องรักษ์อีก อยากจัดปาร์ตี้เล็กๆ ชวนแต่คนที่เราสนิทก็พอน่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องจัดเดือนหน้าแล้วล่ะเงิน เพราะอินไม่ยอมมาเจอคุณรามก่อนห้าเดือนตามกำหนดแน่ๆ”

“นั่นน่ะสิ เอางี้ก็แล้วกัน อีกสามวันเราก็ไปเที่ยวแล้วก็ดินเนอร์แบบที่ขรรค์เสนอนั่นแหละ ส่วนงานฉลองก็ขอเป็นเดือนหน้าก็แล้วกัน อยากให้อินมาด้วยจริงๆ” หิรัญพูดบอกคนรัก ซึ่งร่างสูงใหญ่ก็พยักหน้ารับเป็นระยะ ถ้าหิรัญอยากจะทำอะไร ขรรค์ก็ไม่อยากจะขัดหรอก

ความสุขของคนรัก เขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย

“แบบนั้นก็ได้ครับ”

“งั้นก็ตามนี้เนาะ เงินจะได้โทรคุยกับอินก่อนว่าจะเอายังไง แต่ขรรค์ไม่ต้องบอกคุณรามนะ เผื่อว่าอินเขาอยากจะเซอร์ไพรส์อะไร”

“ได้ครับเงิน ขรรค์จะไม่บอกใครเลยจนกว่าเงินจะสั่ง”

“ดีมากเด็กดีของเงิน” มือขาวเอื้อมไปลูบผมดำเบาๆ ส่วนคนตัวสุงกว่าก็ย่อตัวลงมาหอมแก้มสะอาดเบาๆ อย่างหมั่นไส้...

อยากฟัดให้จมเขี้ยวเลยล่ะ

“แล้วนี่เงินมาหาขรรค์มีอะไรหรือเปล่า” ร่างสูงใหญ่ถามคนรัก

“เงินเบื่อๆ น่ะ ก็เลยมาหาขรรค์ดีกว่า”

“งั้นจะนั่งดูขรรค์ปลูกต้นไม้อยู่แถวนี้ไหมล่ะ?”

“เงินช่วยได้ไหม” ถามคนรักออกไปอย่างสนอกสนใจจริงๆ

เพราะไม่ค่อยมีเวลาให้หมอมาทำอะไรแบบนี้หรอก ยิ่งช่วงนี้หิรัญมีแผนที่จะทำคลินิกเป็นของตัวเองแถวๆ นี้อยู่ด้วย กำลังอยู่ในช่วงของการสำรวจพื้นที่แล้วก็ที่ดิน เพราะหิรัญตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตกับขรรค์ ส่วนลูกชายถ้าถึงวัยเรียนเมื่อไหร่ก็จะให้มาเรียนที่นี่ดีกว่า ไม่เสี่ยงด้วย...

“อยากทำเหรอ” ขรรค์เลิกคิ้วถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใบหน้าหล่อพยักหน้าแรงๆ อย่างกระตือรือร้น ซึ่งขรรค์เองก็ยิ้มออกมาแล้วจับมือคนรักให้เดินตามกันไปตรงจุดที่เขากำลังจะเอาต้นไม้ลง

ความรักที่เป็นไปแบบเรื่อยๆ ธรรมดาๆ ไม่มีอะไรหวือหวา มีเงินมากขนาดไหน ก็ยังใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย พวกเขาสองคนก็มีความสุขมากพออยู่แล้ว

ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งบำเรอความสุขสบายอะไรมากนัก มีเท่าที่มันจำเป็นก็พอ นอกนั้นเราก็ทำเอง ปลูกเองได้ก็ทำดีกว่า นอกจากประหยัดแล้วก็ยังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย และยังสานสัมพันธ์ของเราให้แน่นแฟ้นกว่าเดิมได้อีก

“แน่ใจ? ขรรค์กลัวเงินเบื่อ”

“ได้อยู่กับขรรค์ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีความสุขทั้งนั้นแหละ ขนาดนั่งอยู่นิ่งๆ เงินยังมีความสุขเลย เพราะฉะนั้นก็ดีกว่าที่เงินต้องนั่งอยู่บ้านคนเดียวล่ะนะ”

“งั้นเราช่วยกันดีกว่านะ”

“อื้อ...”

เพราะสิ่งที่ทำร่วมกันมักมีค่าเสมอ...

...

...


“เดือนหน้าเหรอหมอ? ผมมีเดินทางไปต่างประเทศอาทิตย์หนึ่งน่ะ หมอจะจัดวันไหนล่ะครับ จะให้คุณวัลย์ดุว่ามีงานอะไรที่ยังไม่ได้ลงในตารางงานหรือเปล่า” อินทัชที่นั่งดูตารางงานของตัวเองอยู่ตอบปลายสายกลับไป

หิรัญโทรมาหาอินทัชเพื่อชวนให้ไปงานเลี้ยงปีที่สิบที่คบกัน

(อินว่างวันไหนล่ะครับ)

“อ้าว? ทำไมขึ้นอยู่ที่ผมล่ะ หมอก็จัดไปเลยสิครับ เสียเวลาเปล่า”

(ผมอยากให้มีเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างอินมาร่วมงานด้วยไงครับ)

“อ่า...งั้นก็ได้ครับ”

(แล้วนี่อินคงไม่ได้ลืมใช่ไหมว่าเดือนหน้าจะครบห้าเดือนแล้ว ตอนนี้คุณรามก็ดีขึ้นมาเลยนะครับ ทั้งนิ่งแล้วก็ใจเย็นเรื่องของอินมากแล้วด้วย)

อินทัชครางเบาๆ เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนสัญญาว่าจะไปหารามินทร์เมื่อครบกำหนด แต่เดือนหน้างานเราก็เยอะจริงๆ นั่นแหละ...ทำงานหนักจนลืมไปเลย

“จริงสินะครับ”

(ลืมจริงๆ เหรอครับ)

“ฮะๆ” ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ส่งไปเพราะพูดอะไรไม่ถูก

(คุณรามรู้มีหวังน้อยใจแน่ๆ เลยล่ะครับ)

“มันเป็นยังไงบ้างล่ะหมอ”

(เขาบอกว่าใจเขาทรมานมากครับ คิดถึง อยากกอด อยากจูบ หายไปนานๆ ระวังนะครับ เขาจะเจอคนใหม่)

อินทัชคิดตามแล้วก็กลัวขึ้นมาจริงๆ ความจริงแล้วที่อินทัชลืมไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจรามินทร์นะ คิดถึงมากๆ เหมือนกัน ทรมานเหมือนกัน ก็เลยเลือกทำงานหนักๆ วุ่นๆ ยุ่งๆ ไม่ให้มีเวลาไปนั่งคิดถึง เพราะเขาเป็นคนขี้ใจอ่อนเพราะฉะนั้นเขาก็จะไม่ตามข่าวของรามินทร์มากนัก แต่ส่งบททดสอบไปให้หิรัญบ่อยๆ ส่วนรายงานผลก็ให้แค่บอกว่าดีหรือไม่ดีเท่านั้น

ไม่งั้นใจอ่อนตั้งแต่เดือนแรกแน่ๆ

“หึหึ งั้นก็ปล่อยให้มันทนไปก่อน รอมาได้ถึงห้าเดือนจะรออีกไม่กี่วันจะเป็นไงไป”

(แล้วสรุปว่าได้วันไหนล่ะอิน)

“เดี๋ยวให้คุณวัลย์ดุให้ก่อนแล้วจะโทรกลับไปนะหมอ”

(โอเคๆ ได้เลย งั้นแค่นี้นะอิน ไม่รบกวนแล้ว ทำงานต่อไปเถอะ)

“ครับๆ กระผมจะติดต่อไปให้เร็วที่สุดนะครับ”

ร่างโปร่งวางสายจากหิรัญแล้วเดินออกไปข้างนอกหาวัลย์ลิกาเลขาของตนทันที

“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณอิน”

“ช่วยดูให้หน่อยว่าเดือนหน้ามีวันไหนที่ผมจะหยุดได้ห้าวันไหม”

“ท่านจะไปไหนคะ”

“พักผ่อนน่ะ”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะดูให้ คุณอินเข้าไปรอให้ห้องก็ได้นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเข้าไปแจ้งอีกที ขอเวลาเช็คสักครู่หนึ่งนะคะ” อินทัชพยักหน้าเข้าใจ

“งั้นเดี๋ยวผมกลับมาก็แล้วกัน จะไปหาอะไรดื่มข้างล่าง”

“ให้ดิฉัน...”

“ไม่เป็นไร ผมอยากจะไปซื้อเอง จะได้ยืดเส้นยืดสายด้วย นั่งอยู่กับที่เบื่อแย่เลย” อินทัชรู้ว่าวัลย์ลิกาจะพูดอะไรก็เลยรีบพูดตัดหน้าไปก่อน

เลขาของเขาเองก็งานเยอะไม่ต่างจากคนเป็นเจ้านายเท่าไหร่หรอก เหนื่อยก็เหนื่อยด้วยกัน ไม่ได้นอนก็ไม่ได้นอนด้วยกัน แต่ถ้าได้นอนก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป...

ไปถึงสามสิบนาทีอินทัชก็กลับมา วัลย์ลิกาก็รีบตอบร่างสูงโปร่งผู้เป็นเจ้านายทันที

“คุณอินคะ เดือนหน้าเห็นทีว่าจะไม่มีวันหยุดให้ได้ถึงห้าวันค่ะ แต่ถ้าต้นเดือนมิถุนายนเดือนถัดไปวันที่ห้าถึงสิบสามารถหยุดได้ค่ะ”

“ไม่มีเลยเหรอครับ”

“ค่ะ เพราะมีคิวงานเอาไว้ล่วงหน้าแล้วสามเดือนค่ะ ไม่สามารถเปลี่ยนกำหนดการต่างๆ ได้แล้วค่ะคุณอิน”

“โอเคครับ งั้นวันที่ห้าถึงสิบไม่ต้องรับงานหรือนัดผมวันนั้นก็แล้วกัน เอาหลังจากห้าวันนี้เป็นต้นไปได้เลยครับ ผมจะหยุดพัก”

“ได้ค่ะคุณอิน”

“งั้นทำงานต่อเถอะครับ ผมขอตัวก่อน”

“ค่ะ”

อินทัชกลับเข้าห้องทำงานไปแล้วต่อสายหาหิรัญทันที...


“ว่าไงครับอิน” หิรัญที่กำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่กับคนรักรับสายของอินทัชทันที ขรรค์ให้ความสนใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปกินข้าวของตัวเองต่อ

(เดือนหน้าไม่ได้เลยครับ แต่ต้นเดือนถัดไปได้ วันที่ห้าถึงสิบผมจะหยุดวันนั้นครับ)

“เหรอครับ แบบนี้คุณรามลงแดงตายแน่ๆ เลย”

(ก็ให้มันรอต่อไปเถอะครับ ดีออกจะได้เซอร์ไพรส์ด้วย)

“แต่มันนานไปหรือเปล่าครับ ตั้งอีกสามเดือนแหนะ สงสารคุณรามแย่!!” หิรัญพูดเสียงดังผิดปกติ ประโยคของร่างโปร่งทำให้ปลายสายรู้สึกสงสัยว่าทำไมหิรัญถึงพูดแบบนั้น

(อะไรครับเนี่ย?)

“คุณรามแอบฟังอยู่ครับ” หิรัญกระซิบเสียงเบา ก่อนจะพูดเสียงดังขึ้นมาอีก “โห...นานไปแล้วล่ะครับ รวมๆ แล้วก็แปดเดือนเลยนะครับ สงสารคุณรามออก” หิรัญยังคงแสดงละครต่อไป โดยมีปลายสายหัวเราะออกมาน้อยๆ กับความขี้แกล้งของหิรัญ

ส่วนรามินทร์ที่ยืนฟังอยู่ก็ใจแป้ว ใจหดหู่ไปแล้วเรียบร้อยที่ได้รู้ว่าอินทัชไม่ว่าอีกสามเดือนเลย แต่พอคิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายหาก็น่าจะได้เพราะมันครบกำหนดห้าเดือน เขามีสิทธิ์ คิดแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างใจชื้นหน่อยๆ หากแต่ก็ถูกฉุดลงเหวอีกครั้งกับคำพูดของหิรัญที่พูดออกมา

“อะไรนะครับ!! แบบนี้ก็ไม่ให้คุณรามไปหาด้วยสินะครับ อ๋อ...ให้ผมบอกคุณรามไปเลยว่ากติกาเดิมใช่ไหมครับ”

(ฮ่าๆ ไม่คิดว่าหมอจะขี้แกล้งขนาดนี้นะครับ)

“นิดหนึ่งน่า” แอบกระซิบตอบเบาๆ แต่การกระทำดังกล่าวก็ไม่รอดพ้นหูและตาของคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหรอก...

ขรรค์ถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่คิดจะขัดคนรัก ปล่อยให้หิรัญสนุกกับการแกล้งเจ้านายของเขาต่อไป ทางนี้ไม่เห็นหรอกว่าเจ้านายของตนอยู่แถวนี้ แต่การที่คนรักของเขาพูดแบบโอเวอร์ขนาดนี้แสดงว่ากำลังแกล้งอยู่

การพูดแบบนี้มันผิดวิสัยของหิรัญสุดๆ เพราะฉันถ้าไม่ใช่คนที่รู้จักดีจะไม่สึกถึงความผิดปกตินี้หรอก

“พอได้แล้วเงิน กินข้าวๆ” ขรรค์รีบเรียกคนรัก ซึ่งใบหน้าหล่อก็พยักหน้ารับน้อยๆ แล้วเอ่ยลาคนปลายสายเสียงดัง...

“โอเค ตามนั้นก็ได้อิน แค่นี้ก่อนนะ อีกสามเดือนเจอกัน!!” ร่างโปร่งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วลงมือทานข้าวเที่ยงต่อ ส่วนรามินทร์ก็รีบเดินหนีออกไปจากตรงนั้น

มันไม่ใช่ความรู้สึกโกรธ โมโห...

แต่มันผิดหวัง...เหมือนว่าเส้นทางที่เขากำลังเดินอยู่นี้มันพังจนต้องเปลี่ยนเส้นทาง ซึ่งเส้นทางนั้นก็ดันเป็นเส้นทางอ้อมที่ทำให้เส้นชัยมันไกลกว่าเดิม...


“ฮ่าๆ”

“ไปแกล้งคุณรามทำไมน่ะเงิน คิดถึงจิตใจของคุณรามบ้างสิ”

“เอาน่า มันเป็นการฝึกความอดทนไงขรรค์ เงินก็แค่ช่วยเท่านั้นเอง”

“เฮ้อ...จริงๆ เลยนะ”

“หึหึ...ขรรค์ไม่รู้อะไร” คนรักพูดเป็นนัย ทำให้ขรรค์เกิดความรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา ว่าไอ้ที่บอกว่าเขาไม่รู้ เขาไม่รู้เรื่องอะไรกันแน่ เพราะขรรค์มั่นใจว่าตัวเองรู้จักกับรามินทร์ดีกว่าที่หิรัญรู้จักแน่ๆ

“อะไร?” ใบหน้านิ่งๆ แสดงถึงความสนใจอย่างเต็มที่

“ก็คุณรามเขาเป็นคนรักแรง เกลียดแรงใช่ไหมล่ะ”

“อื้อ...แล้วยังไงล่ะเงิน”

“พอคุณรามเขาอดทนมากๆ เก็บกดมากๆ เวลาได้ปลดปล่อย ขรรค์ก็คิดดูสิว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ร่างโปร่งทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ตอนแรที่เขาฟังขรรค์ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่พอเห็นหน้าของคนรักเท่านั้นแหละ ขรรค์รู้เลยว่า สิ่งที่หิรัญพูดมา มันหมายุคงเรื่องอย่างว่าทั้งหมด

“เงิน!! ทำไมถึงพูดจาแบบนี้ล่ะฮึ?” ขรรค์ทำหน้าดุคนรัก ซึ่งหมอหนุ่มก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย กลับกันแล้วยังยิ่งหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเพิ่มอีกด้วย

ขรรค์ชอบทำเป็นอายเวลาที่หิรัญพูดถึงเรื่องใต้สะดือ ทั้งๆ ที่พอตอนทำก็ทำไม่ยั้ง รุนแรงยิ่งกว่าคำพูดที่เขาพูดออกมาอีก แบบนั้นล่ะไม่อาย...

“ฮ่าๆ ก็เงินพูดจริงนี่นา คนที่เงินแกล้งไม่ได้มีแค่คุณรามสักหน่อย เงินเองก็แกล้งอินด้วยเหมือนกัน ตอนที่อินมานะ เงินว่าอินต้องลุกไม่ขึ้นแน่ๆ เพราะฉะนั้นเราต้องจัดกันวันแรกที่อิน จักรแล้วก็น้องจอมมาถึงเลยก็แล้วกันเนอะ ส่วนวันอื่นๆ ก็คงต้องปล่อยให้เขาสองคนอยู่ด้วยกัน...” หมอหนุ่มวกกลับมาเรื่องงานของเราสองคนได้อย่างแนบเนียน ซึ่งทำเอาขรรค์เองก็หันมาสนใจเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ”

“เงินโทรชวนแล้ว เดี่ยวจะโทรบอกวันที่ไป งั้นวันนั้นต้องสนุกแล้วก็มีความสุขมากแน่ๆ เลยล่ะ”

หิรัญนึกภาพวันนั้นเอาไว้ในหัวอย่างมีความสุข ทุกคนที่เขารักจะมาพร้อมหน้าพร้อมตากันร่วมแสดงความยินดีกับความรักของพวกเขา แล้วก็กว่าจะผ่านอุปสรรคจนได้อยู่ด้วยกัน จริงๆ แล้วอาจจะรียกว่างานแต่งงานก็ได้ แต่ก็ไม่ได้มีพิธีอะไร แค่จะทำบุญบ้านในตอนเช้า แล้วก็มีเลี้ยงฉลองเฉพาะคนที่ชวนมาเท่านั้น

แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับเราสองคนแล้ว...

...

...

...


มีต่อ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 64 100% => (24/03/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 24-03-2018 22:00:40
ตอนที่ 64 ต่อ





“คุณรามครับ ผมมารับครับ”

“ก็บอกแล้วว่าไปเองได้ แกจะมารับฉันทำไมวะขรรค์” รามินทร์ที่ออกมาจากบ้านพอดีว่าลูกน้องคนสนิทแต่ก็ไม่จริงจังมากนัก

“ก็เงินกลัวว่าคุณรามจะสาย”

“ฉันไม่สายหรอกน่า...ว่าแต่เจ้าจอมกับจักรมาถึงกันแล้วเหรอ?” รามินทร์ถามขรรค์ระหว่างทางที่เดินไปที่รถ

“ไปรถผมครับ”

“แกนี่มันจริงๆ เลย...แล้วมาแบบนี้ใครจะช่วยงานล่ะ ใกล้จะถึงเวลาที่เพลแล้วนะ”

“คุณจอม พี่จักรแล้วก็อ่ะ...เอ่อ เงินช่วยกันอยู่ครับ นอกนั้นยังมีพ่อแม่ของเงินอีกด้วย ผมเลยมารับได้ไงครับ” ขรรค์เกือบจะหลุดชื่อใครบางคนออกมาแต่ก็โชคดีที่เปลี่ยนได้ทัน ส่วนรามินทร์ก็ยังไม่ได้สงสัยอะไร อาจจะเป็นเพราะชินแล้วก็ได้ล่ะมั้ง

อยากเจอ...อยากกอดจะแย่แล้ว

“อืม...งั้นก็ไปกันเถอะ”

“ครับ...”

ขรรค์ขับรถพาเจ้านายของตนไปยังบ้านสวนของเขาที่อยู่ห่างจากที่นี่ไม่เท่าไหร่นัก และเมื่อพอถึงรามินทร์ก็พบว่าไม่มีคนอื่นเลยนอกจากคนที่เขารู้จัก พ่อแม่ของหิรัญ กับคนติดตามที่ดูแลน้องรักษ์อยู่ มีแม่บ้านของขรรค์กับหลานสาว เจ้าจอม จุลจักร หิรัญ ขรรค์ แล้วก็เขา...มีแค่นี้ จริงน่ะหรือ?

“มีแค่นี้จริงๆ เหรอ เงียบมากเลยนะ” รามินทร์ถามขึ้นมา

“ก็มีพระอีกเก้ารูปครับ”

“ไม่นับพระเว้ย!! ไอ้นี่หนิ”

“ขอโทษครับ...จริงๆ ก็มีแค่นี้แหละครับ พวกเราอยากทำอะไรที่มันเรียบง่าย ไม่ต้องทำอาหารเยอะเพราะตอนเย็นจะเป็นงานเลี้ยงอย่างที่เคยบอกไว้น่ะครับ”

“ก็ดีนะ...ดีแล้วล่ะ”

ถ้าจะให้ดีก็ต้องมีอินทัชด้วย…

“อ้าวขรรค์ คุณรามมาแล้วหรือครับ ยังไงคุณรามไปนั่งพูดคุยกับพ่อของผมก่อนก็ได้นะครับ ท่านนั่งคนเดียวคงจะเหงาแย่เลย” หิรัญที่เดินมาเตรียมของสำหรับเพลของพระก็เข้ามาทักทายเจ้านายของคนรักอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง ระยะเวลาเกือบปีมันก็ทำให้หิรัญผูกพันกับทุกคนที่นี่ไปแล้ว

“ก็ได้ครับ...แต่หมอเงินมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” รามินทร์ถาม

“ไม่มีหรอกครับ เพราะเราไม่ได้ชวนคนมาเยอะ ก็เลยมีงานแค่นิดเดียวเท่านั้นแหละครับ แม่ผมท่านเป็นคนทำอาหารน่ะครับ”

“แล้วไอ้จักรล่ะครับ”

“ไปรับพระครับ เดี๋ยวก็คงมา”

“งั้นเดี๋ยวผมไปนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณพ่อของหมอเองครับ”

“อยากดื่มน้ำไหมครับ เดี๋ยวจะเอามาให้” ร่างโปร่งถาม สีหน้าของหิรัญยิ้มแบบแปลกๆ มันดูมีเลศนัย โดยที่รามินทร์ก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองหรือว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ

“มีน้ำอะไรบ้างครับ”

“น้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำผลไม้ส้มกับองุ่น ส่วนแอลกอฮอล์นี่ขอไว้เป็นตอนเย็นนะครับ” หิรัญรีบพูดดักเอาไว้เพราะกลัวว่าร่างสูงจะอยากแอลกอฮอล์ตอนนี้

 “เป็นน้ำผลไม้ก็ได้ครับ เอาน้ำส้ม”

“โอเคครับ เดี๋ยวจะให้ ‘เด็ก’ เอามาส่งให้” ไม่รู้ว่ารามินทร์คิดไปเองหรือเปล่าที่เขาได้ยินว่าหิรัญเน้นคำว่าเด็กกว่าคำอื่นๆ แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะสงสัยอะไรให้มากความเดินเข้าไปทักทายกับเหรียญชัยผู้เป็นบิดาของหมอหนุ่มสุดหล่อ แล้วก็นั่งคุยกันอย่างออกรสชาติ ส่วนขรรค์ก็เดินไปช่วยคนรักเตรียมของต่อไป

หิรัญเดินเข้าไปในครัวที่มีสร้อยฟ้าแม่ของตน จ้าจอมแล้วก็อินทัช...ช่วยกันเตรียมอาหารเพลอยู่อย่างอารมณ์ดี ขนาดที่อินทัชต้องหันกลับมาถามเพราะว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวยังไม่เห็นจะอารมณ์ดีขนาดนี้เลย

“เป็นอะไรน่ะหมอ...บ้าไปแล้วหรือไง”

“นั่นสิตาเงิน...ทำตัวแบบนี้แม่ล่ะกลัว”

“จอมเองก็เห็นด้วยกับคุณป้าและพี่อินนะครับ พี่หมอเริ่มน่ากลัวแล้วนะครับเนี่ย”

“โอ้ย! แล้วพากันรุมผมทำไมล่ะครับเนี่ย ก็คนมันอารมณ์ดีนี่ครับ อ้อ! จริงสิอิน คุณรามมาแล้วนะ นั่งคุยกับพ่อผมอยู่เอาน้ำส้มไปเสิร์ฟหน่อยสิ”

อินทัชรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที่ได้ยินแบบนั้น รู้สึกไม่กล้าออกไปสู่หน้าอีกคนยังไงก็ไม่รู้ มันรู้สึกเขินๆ แล้วก็อายมากด้วย ใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอกอยู่แล้วเนี่ย

ตอนแรกก็ยังไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่หรอก พอรู้ว่าเราสองคนอยู่ใกล้เพียงกำแพงกั้นเท่านั้นมันก็ทำให้อินทัชรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย

“เหรอครับ ก็ปล่อยให้มันอยู่แบบนั้นไปนั่นแหละ”

“โอ้โห ใจคอพี่อินจะใจร้ายกับพี่รามอีกเหรอครับเนี่ย แค่นี่พี่ชายจอมก็เหมือนศพเคลื่อนที่ได้ทุกวันๆ อยู่แล้ว” เจ้าจอมแย้งขึ้นมา เขาล่ะอยากให้ทั้งสองเจอกันสักที พี่ชายของเขาจะได้ไม่ต้องมาเป็นคนไร้ความรู้สึกแบบนี้...

ไหนๆ ก็อยู่ใกล้กันแล้ว และมันก็ถึงเวลาแล้วด้วย...

“พี่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ไปเจอมันสักหน่อย เพียงแต่ถ้ามันถึงเวลาเดี๋ยวก็เจอกันเองอยู่ดีนั่นแหละ”

“นี่แหละครับ ถึงเวลาแล้ว เอาน้ำส้มไปให้พี่รามเลยนะพี่อิน เดี๋ยวจอมรินให้” ว่าแล้วร่างเล็กก็กระวีกระวาดหาแก้วหาน้ำมารินให้พี่ชายสุดที่รักของตัวเองแล้วยื่นมันให้กับอินทัช

“อ่ะครับ”

“โอ๊ะ...พี่ต้องไปตักแกงให้เสร็จก่อน”

“ไม่เป็นไรครับ เดี่ยวจอมทำทุกอย่างที่เหลือเอง” เจ้าจอมดักเขาทุกทางจริงๆ เรียกเสียงหัวเราะจากหมอหนุ่มและแม่ของหิรัญได้อย่างดี จนร่างโปร่งบางไม่สามารถที่จะหาทางออกอื่นได้ เขาเลยยอมหยิบแก้วน้ำส้มเย็นๆ มาถือเอาไว้แล้วมองค้อนทั้งสามคนก่อนจะยอมเอาไปให้รามินทร์แต่โดยดี

อินทัชหยุดชะงักไปไม่กี่วิเมื่อเห็นแผ่นหลังแกร่งของรามินทร์ ความตื่นเต้นลดน้อยลงไปแล้ว...อินทัชเชื่อว่ารามินทร์จะต้องดีใจที่เห็นเขาในวันนี้...

เอาเถอะ...หมดช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว...

รามินทร์ถึงเส้นชัยแล้ว...

“น้ำส้มครับ”

ขวับ!!

รามินทร์ที่ได้ยินเสียงคุ้นหูก็หันมามองด้านข้างทันที พอเห็นว่าเป็นอินทัชเขาก็เบิกตากว้างอ้าปากค้าง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหลับตาแล้วลืมตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ก็เห็นว่ามันเป็นอินทัชอยู่ เขาก็เปลี่ยนมาตบหน้าตัวเองแรงๆ

เพี๊ยะ!!

“เจ็บว่ะ”

“เออเจ็บ ไม่ใช่ความฝัน กูเอง มึงนี่ก็ทำเวอร์ไปได้” ใบหน้าสวยส่ายไปมาอย่างระอาใจแต่ก็ยิ้มออกมาน้อยๆ ที่เห็นอาการของรามินทร์

“ก็ไหนบอกว่า...”

“มึงมันโง่ไง โดนหมอเงินหลอกแล้ว...” รามินทร์สบถหยาบคายออกมาที่เสียรู้หมอหนุ่ม เหรียญชัยที่เห็นว่าเด็กๆ มีเรื่องต้องคุยกันก็เลยลุกขึ้นเดินไปหาภรรยาของตนในครัวแทน ปล่อยให้รามินทร์กับอินทัชอยู่ด้วยกัน9k,]ery’wx

“มึงมาหากูแล้ว รู้ไหมกูแทบบ้า”

“ไม่รู้...แล้วน้ำส้มอ่ะ จะกินไหม”

“กินสิ”

“กินก็เอาไป” มือขาวยื่นแก้วน้ำส้มไปตรงหน้าร่างสูง มือแกร่งก็เอื้อมไปจับมือขาวเอาไว้ไม่ได้จับแก้วโดยตรง มองตาของอินทัชด้วยความรู้สึกคิดถึงสุดหัวใจ

“เอาไปดีๆ ไม่ต้องมาแอบแต๊ะอั๋ง”

“กูคิดว่าดื่มจากมือมึงมันคงจะอร่อยกว่า” เขาว่าพลางส่งสายตาร้อนแรงให้กับอินทัช แล้วค่อยๆ ใช้มือตัวเองบังคับมือขาวที่ถือแก้วน้ำส้มอยู่ขึ้นมาแล้วดื่มทั้งๆ อย่างนั้น

ความรู้สึกเหมือนอินทัชกำลังป้อนอยู่

“ไอ้บ้า...ทำตัวเจ้าชู้นะมึง”

“กูทำกับมึงคนเดียวนะเนี่ย หวั่นไหวล่ะสิ” เขาพูดอย่างรู้ทัน เพราะใบหน้าสวยแดงซ่านขนาดนั้น ถ้าไม่เขินจะเรียกว่าอะไรอีก แล้วถ้าเขินก็ต้องหวั่นไหว

วันนี้รามินทร์มีความสุขมากๆ เลย ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอกับร่างโปร่งวันนี้ด้วยซ้ำ ก็อย่างว่าแหละ เขาโง่เอง ถ้าคิดสักนิดหนึ่งก็คงจะตามหิรัญทันแน่ๆ

แผนเซอร์ไพรส์ที่เขาชอบมาก...

“อย่าหลงตัวเอง ขอร้อง อ่ะ...เอาแก้วไปเก็บด้วย กูจะไปเตรียมอาหารเพลต่อ พระใกล้จะมาแล้ว”

“กูช่วย”

“ไม่ต้อง...มึงน่ะนั่งอยู่เฉยๆ ไป แล้วอย่ารบกวนกูด้วย”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เอาแก้วไป กูไปล่ะ” ไม่รอให้รามินทร์ได้แย้งอะไรเลย ร่างโปร่งก็พูดเองเออเองเสร็จสรรพก็เดินหนีออกมาไปเตรียมอาหารต่อทันที ส่วนรามินทร์ก็ไม่คิดจะเชื่อคำพูดของร่างเล็กกว่าอยู่แล้ว ขายาวก้าวเดินตามคนรักไป แม้ว่าจะไปวุ่นวายหรือเกะกะ จะโดนด่าหรือว่า ตอนนี้รามินทร์ยอมหมด ขอแค่อินทัชอยู่ใกล้ๆ ก็พอ

กลัว...กลัวว่าถ้าคลาดสายตา อินทัชจะหายไปอีก...

ถ้าเป็นแบบนั้น เขาขาดใจตายแน่ๆ

พอถึงเวลาพระก็มาถึงสถานที่จัดงาน พอทุกอย่างพร้อมก็เริ่มพิธีทันที ส่วนร่างสูงของรามินทร์ก็นั่งประกบข้างกับอินทัชไม่ยอมห่างหายไปไหน เวลาร่างสูงโปร่งลุก เขาก็ลุกด้วย ทำตัวเหมือนเงาตามตัวของอินทัช แต่มันก็เป็นภาพที่คนมองเห็นว่ามันก็น่ารักดี

ตอนกรวดน้ำ รามินทร์ก็แอบแตะต้องตัวของอินทัชอย่างแนบเนียนแต่ก็ไม่น่าเกลียด อินทัชเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้แต่ทำอะไรกระโตกกระตากไม่ได้เพราะมันไม่เหมาะสม ก็เลยได้แค่มองอย่างคาดโทษแล้วก็ดุทางสายตา และตอนที่พระท่านให้พร รดน้ำมนต์ ทั้งสามคู่สบตากันแหละกันอย่างหวานซึ้ง ยิ้มหวานให้กัน บอกรักกันผ่านสายตา...

อินทัชยิ้มหวานให้กับรามินทร์เป็นครั้งแรกในรอบห้าเดือน ทำเอาสายตาคมพร่ามัวไปชั่วขณะเมื่อโดนโจมตี จะหาว่าเวอร์ จะหาว่าหลงก็ว่าไป รามินทร์ยอมรับทั้งนั้น

เจ้าจอมเองก็ยิ้มหวานๆ ให้กับจุลจักร ส่วนจุลจักรเองก็ยิ้มกว้างให้กับคนที่ตนรักมากที่สุดในชีวิต...

ขรรค์กับหิรัญเองก็ยิ้มอย่างมีความสุข มองพ่อมองแม่ มองลูกชาย แล้วก็มองเพื่อนๆ ชีวิตมีเท่านี้ก็พอแล้ว...ความรักและมิตรภาพมันยั่งยืนกว่าอะไรทั้งหมดแล้ว...





100%

 :hao5: :hao5: :hao5:

มีต่อตอนที่ 65

หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 65 100% => (24/03/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 24-03-2018 22:05:40
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 65
แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก




ฟ้ามืดลงแล้ว ปาร์ตี้กลางแจ้งท่ามกลางความเย็นสบายก็เริ่มต้นขึ้นแล้วเหมือนกัน มีอาหารหลากหลายอย่าง ส่วนเครื่องดื่มก็จัดเต็มทั้งน้ำอัดลม น้ำผลไม้และแอลกอฮอล์

“อยากกินกุ้งย่างไหม เดี๋ยวกูไปย่างให้” รามินทร์ถามคนที่นั่งข้างๆ คอยดูแลเอานั่นเอานี่ให้ ส่วนอินทัชก็กลายเป็นคนสบาย เป็นคุณชายทันทีที่มีคนเป็นมือเป็นเท้าให้ นี่ถ้าป้อนได้คงทำไปแล้ว แต่อินทัชไม่ยอมให้ป้อนหรอก อาบเขาตายห่าเลย

“ตักบาตรอย่าถามพระ” ร่างโปร่งบางพูด แต่แค่นี้รามินทร์ก็รู้แล้วว่าต้องทำยังไง เขาลุกขึ้นไปยืนหน้าเตาที่ปิ้งย่างทันที ส่วนอินทัชก็นั่งกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าต่อไปเรื่อยๆ สลับกับดื่มเบียร์ไปด้วย

มีโอกาสได้มาผ่อนคลายแบบนี้ก็ดี...

“คุณรามนี่ดูมีความสุขมากๆ เลยนะครับ ต่างจากเมื่อวานลิบลับเลย” หิรัญพูดขึ้นมาที่เห็นว่าคนที่ทำหน้าไร้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาเพียงเพราะอินทัชกลับมา

“มันก็เวอร์ไปแบบนั้นแหละครับ”

“ไม่จริงเลยครับ ตอนที่จอมกลับมาเอาเอกสารนะ พี่รามนี่ให้ความรู้สึกอึดอัดมากๆ เลยเวลาที่อยู่ใกล้ๆ” เจ้าจอมเถียงขึ้นมา บอกเสียงจริงจังว่ามันไม่จริง

“ยิ่งช่วงแรกๆ นะครับ คุณรามจะไปกรุงเทพหลายครั้งมาก เพราะเห็นรูปที่อินควงคนอื่นอ่ะ ผมนี่กลัวใจคุณรามมากล่ะ ถามขรรค์ดูสิครับ ขรรค์ต้องเตรียมตัวตลอดเวลาเลย เผื่อคุณรามคลั่ง”

“ผมว่าหมอเวอร์แล้วล่ะครับ”

“แหม...ก็นิดหนึ่งเอง”

“พี่หมอพูดซะพี่รามดูเหมือนเป็นคนบ้าเลย” เจ้าจอมทำเสียงงอนๆ ที่หิรัญว่าพี่ชาย แต่ร่างเล็กก็ไม่ได้จริงจังขนาดที่โกรธจริงจัง เพราะบางคำเจ้าจอมก็เห็นด้วย

“ผมว่าผมไปช่วยคุณรามดีกว่าครับ ไอ้ขรรค์! ไปด้วยกันไหม” จุลจักรพูดขึ้นมา รู้สึกว่าตัวเองจะเป็นส่วนเกินในการสนทนานี้ เพราะยังไงรามินทร์สำหรับจุลจักรก็เป็นเหมือนเจ้านายที่มีพระคุณของเราเหมือนเดิม การนินทาเจ้านายไม่ใช่นิสัยของเขา แต่อินทัช เจ้าจอมและหิรัญไม่ใช่ลูกน้องไง สามารถพูดถึงยังไงก็ได้

“ไปก็ไปพี่...” ขรรค์เองก็คงจะรู้สึกอึดอัดไม่ต่างจากจุลจักรมากนักเพราะเขาตอบตกลงทันทีที่จุลจักรชวน

พอทั้งสองลุกออกไปแล้วก็เปลี่ยนเป้าหมายมานินทาขรรค์กับจุลจักรบ้าง สามคนที่นั่งรอกินก็พูดคุยกันสนุกสาน หัวข้อก็เป็นเรื่องของคนรักของตนนั่นแหละ ส่วนทางด้านฝ่ายที่อยู่หน้าเตาปิ้งย่างก็พูดคุยกันเรื่องงาน เรื่องธุรกิจที่สนใจ เป็นการแลกเปลี่ยนเปลี่ยนความรู้มากกว่านินทาคนรัก

พอเริ่มดึก...ทุกคนก็เริ่มเปลี่ยนมาดื่มแล้วก็คุยกันมากกว่าที่จะกิน ส่วนพวกอาหารก็จะมีแม่บ้านมาเก็บเอาไปบ้างแล้ว ปล่อยให้หนุ่มๆ หกคนนั่งสังสรรค์กันต่อไป พ่อกับแม่ของหิรัญรวมถึงน้องรักษ์ก็เข้านอนกันไปแล้ว

“อินจะนอนที่นี่หรือเปล่า เพราะจักรกับน้องจอมก็จะนอนที่นี่วันนี้ แต่ว่าผมให้ป้าน้อยกับชะเอมเตรียมห้องเผื่อไว้ห้องห้องน่ะครับ เผื่อว่าอินจะพักที่นี่ด้วย”

รามินทร์ได้ยินก็หันขวับมองหน้าของอินทัชทันที สลับกับมองหน้าของหิรัญอย่างไม่ค่อยพอใจด้วย

อินทัชต้องนอนกับเขาสิ จะมานอนที่นี่ได้ยังไง

“มองหน้าผมทำไมครับคุณราม ขอโทษด้วยนะครับพอดีผมเตรียมห้องเอาไว้สองห้องเท่านั้นเอง คุณรามต้องกลับไปนอนที่บ้านแล้วล่ะครับ” หิรัญพูดบอกร่างแกร่งยิ้มๆ

สีหน้าของทุกคนดูสนุกมากที่เห็นว่ารามินทร์กำลังหงุดหงิด

“ผมนอนที่นี่ก็ได้หมอ” อินทัชก็เล่นไปตามน้ำ เพราะรู้อยู่แล้วว่าหิรัญไม่ได้เตรียมห้องไว้ให้ตนหรอก คุยกันแล้วเมื่อเช้าก่อนที่รามินทร์จะมา...

“ได้ยังไง ไปนอนที่บ้านสิ”

“บ้านอะไร?”

“บ้านของเราไง”

“บ้านของมึง ไม่ใช่บ้านของกู”

“ของของกูก็เหมือนของของมึงนั่นแหละ” รามินทร์ยักคิ้วให้กับอินทัช เรียกเสียงโห่แซวจากคนที่เหลือทันที ทำเอาใบหน้าสวยแดงซ่านขึ้นมาเพราะความเขินบวกกับแอลกอฮอล์ที่เข้าสู่ร่างกายด้วย

“ฮิ้ว!!!”

“หุบปากมึงไปเลยไอ้จักร ไม่งั้นหักเงินเดือน”

“โหย...พี่อินอย่าใจร้ายสิฮะ แบบนี้จอมก็ต้องอดไปด้วยน่ะสิ ไม่ต้องเขินหรอกนะครับ เขาก็รู้ๆ กันอยู่ ว่าพี่สองคนเป็นแฟนกัน อิอิ” เจ้าจอมหัวเราะชอบใจ เริ่มจะเมาแล้วเลยทำให้พูดอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องนัก จุลจักรก็ไม่คิดจะห้ามคนรักหรอก นานๆ ทีจะมีครั้งแล้วก็มีเขาดูแลอยู่ทั้งคน ยังไงก็หายห่วง

“ใครบอกครับ พี่กับมันยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ร่างโปร่งยักไหล่

รามินทร์นั่งมองหน้าคนพูดอย่างหมั่นเขี้ยว อยากจะฟัดแก้มขาวแรงๆ

“พูดแบบนี้ได้ยังไง ก็เรารักกันนี่?”

“รักกัน...ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะคบกันนี่นา มึงเคยขอกูคบเหรอ?”

“ไม่เคย”

“นั่นไง...เราก็ไม่ใช่แฟนกัน”

อินทัชพูดแบบไม่ใส่ใจอะไร ส่วนรามินทร์ก็นั่งนิ่งไป ตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง เริ่มจะเครียดแล้วเพราะเขาก็ไม่เคยขออีกคนเป็นแฟนจริงๆ

“งั้นเรามาเป็นแฟนกัน” รามินทร์โพล่งขึ้นมา ทำเอาร่างโปร่งบางที่กำลังดื่มเหล้าอยู่สำลักทันที

แคกๆ

“อะไรนะ”

“เป็นแฟนกับกูนะ” ร่างสูงทวนคำพูดอีกครั้ง

“เฮอะ! ง่ายไปแล้วมั้ง”

“แล้วจะทำให้มันยากทำไมล่ะ”

“ไม่รู้สิ กูรู้สึกว่ามันไม่โอเคว่ะ ไปหาวิธีขอเป็นแฟนมาใหม่”

อีกสองคู่นั่งฟัง นั่งดูสถานการณ์นี้ต่อไปอย่างเงียบๆ ด้วยความลุ้น

อยากให้ได้ลงเอยกันเสียที...

“อย่าเรื่องมากเป็นผู้หญิงดิวะอิน” รามินทร์ว่าด้วยความหงุดหงิด เพราะเขาโดนทุกคนรุมแกล้งอยู่ เลยทำให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่มีใครอยู่ข้างเขา ขนาดเจ้าจอมเองที่แรกๆ ก็ช่วยเขาดีมาก แต่ตอนนี้พอเริ่มเมาก็เปลี่ยนฝั่งไปอยู่ข้างที่จิตใต้สำนึกของตัวเองบอก

“งั้นก็ไม่ต้องเป็น” อินทัชบอกง่ายๆ ไร้ความรู้สึก

แต่มันดันไปกระทบกับความรู้สึกโกรธของรามินทร์น่ะสิ

ทำไมเขาจะต้องมาขอเป็นแฟน ทั้งๆ ที่ก็ได้เป็นเมียมาแล้วตั้งหลายครั้ง

“ได้!! ถ้ามึงไม่เป็นกูลากมึงไปปล้ำเดี๋ยวนี้แหละ ข้ามขั้นตอนไปเลย ไม่ต้องเป็นแล้วแฟน เป็นเมียกูเลยก็แล้วกัน”

ร่างสูงพูดพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วคว้ามือขาวมาจับเอาไว้แน่น กระตุกแรงๆ ให้ร่างบางยืนขึ้นตามที่เขาต้องการ...บอกให้รู้ไว้ว่าเขาพูดจริงทำจริง

ถ้าไม่เป็นแฟน ก็เป็นเมียแทน...ง่ายดี

“ใจเย็นก่อนครับคุณราม อยู่เลี้ยงกันก่อนสิครับ นานๆ มีที” หิรัญรีบปราม ซึ่งอินทัชก็พยักหน้าเห็นด้วย

“งั้นคืนนี้ผมจะนอนกับมันที่นี่”

“ฮ่าๆ ผมล้อเล่นครับคุณราม จริงๆ แล้วผมไม่ได้เตรียมห้องไว้ให้อินหรอก อินบอกว่าจะไปพักกับคุณนี่ครับ ตลอดทั้งห้าวันเลย” สิ้นเสียงของหิรัญ รามินทร์ก้มองดวงหน้าหวานทันทีอย่างแปลกใจระคนดีใจจนต้องคว้าร่างบอบบางกว่ามากอดไว้ในอ้อมแขน

หมับ!!

“โอ้ย! พอแล้ว จะกอดอะไรตรงนี้วะ คนอื่นอยู่เต็มไปหมด” ร่างเล็กกว่าพยายามที่จะดันตัวเองออกมาเพราะรู้สึกหน้าบางอายกับสิ่งที่อินทัชทำเป็นอย่างมาก

“จะแคร์ทำไมวะ”

“กูอายเว้ย!! ปล่อยจะกินเหล้าต่อ”

รามินทร์ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ยอมปล่อยให้คนตัวขาวเป็นอิสระ ซึ่งอินทัชก็นั่งลงกินเหล้าต่อไป โดยที่ชนแก้วกับจุลจักรสลับกับหิรัญเรื่อยๆ รามินทร์เองก็ดื่มแต่ไม่กะเอาเมา เพราะเขาจะต้องพาคนรักกลับไปนอนที่บ้านพักของเขาให้ได้...เขาเลยได้แต่นั่งมองหน้าอินทัชอยู่อย่างนั้น แล้วยิ้มอย่างมีความสุข มองใบหน้าหวานที่แดงซ่านเพราะแอลกอฮอล์ มองปากแดงๆ ที่เคยได้สัมผัสหลายต่อหลายครั้ง มองไปที่คอขาวที่มันไม่ควรจะโล่งอยู่แบบนี้ มองร่างกายบอบบางที่อยากจะจับถอดเสื้อผ้าแล้วกอดให้หนำใจ

ถ้าอินทัชล่วงรู้ความคิดหื่นกามของเขา รับรองว่าจะต้องหาวิธีอะไรมารับมือแน่ๆ และแน่นอนว่ารามินทร์ไม่มีทางยอม ยังไงวันนี้...เขาจะต้องได้

รอมานานถึงห้าเดือนกว่าๆ รามินทร์ไม่อยากจะรออีกต่อไปแล้ว...

ไม่อยากจะเสียเวลาไปโดยไม่ได้ทำอะไรเสียที...วันนี้เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อินทัชมาครอบครองอย่างจริงจัง ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบที่ผ่านมาที่มันไม่ชัดเจนอะไรเลยอีกแล้ว

ก็แค่รออีกนิดเดียวเท่านั้น...

“เอ้า!! ชนแก้ว”








   เวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ร่างสูงพาอินทัชกลับมาที่บ้านของเขา ซึ่งอินทัชก็ไม่ได้เมาแค่รู้สึกมึนๆ เท่านั้น เพราะเขารู้ตัวเองดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

จริงๆ แล้วก็อยากจะถ่วงเวลาให้ถึงประมาณตีหนึ่งหรือตีสองด้วยซ้ำ แต่หิรัญกับเจ้าจอมเมาหนักมากแล้วก็เลยแยกย้ายกันไปพักผ่อนดีกว่า รามินทร์ก็รีบพาเขามาทันที

“กูนอนห้องเดิมนะ”

“ไม่ได้...มึงต้องนอนห้องเดียวกับกูสิ”

“เรื่องอะไรล่ะ”

“ก็ถือว่าเป็นของขวัญที่กูเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เป็นไง”

“งั้นก็แค่นอนนะ” ร่างโปร่งบางต่อรอง

พวกเขาทั้งสองยังคุยกันอยู่หน้าประตูห้องนอนเพราะยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะนอนกันยังไง รามินทร์จะให้ไปนอนในห้องนอนใหญ่ ส่วนอินทัชจะนอนห้องนอนเล็กเหมือนเดิม

“อยู่ไกลก็ทรมานกู อยู่ใกล้ก็ยังทรมานกูอีก นี่เห็นว่าผัวตัวเองเป็นคนอดทนเก่งขนาดนั้นเลยหรือไง” ร่างแกร่งโยนกระเป๋าของอินทัชเอาไว้แถวๆ นั้น ก่อนจะคว้าร่างบอบบางที่ดูเหมือนว่าจะผอมลงเข้ามากอดเอาไว้แน่น ก่อนจะลวนลามคนในอ้อมแขนทั้งมือ ทั้งปาก

“อย่าดิวะราม กูรำคาญนะ”

“อืม...หอมจริงๆ มึงเปลี่ยนน้ำหอมใช่ไหม”

ร่างสูงซุกไซ้ไปตามซอกคอและดันร่างโปร่งติดกับประตูห้องแล้วยึดแขนทั้งสองข้างของอินทัชเอาไว้เหนือศีรษะ ใช้ริมฝีปากหนาของตนขบเม้มไปตามแนวคอขาวจนเกิดรอยแสดงความเป็นเจ้าของไปทั่วทั้งคอ อินทัชเองก็พยายามที่หันหน้าหนี แต่ไม่ได้เป็นการขัดขืนที่จริงจัง

แค่เล่นตัวไปนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น เอาจริงๆ แล้วอินทัชก็ต้องการคนตรงหน้ามากไม่แพ้กัน

“อย่างน้อย...อื้อ จะเอากู ก็ช่วยเลือกที่ดีๆ หน่อย”

“ก็มึงดื้อนี่หว่า เอาตรงนี้แหละ”

“อย่า...ไอ้เหี้ยนี่”

“พูดมากว่ะ”

“อื้อ”

ร่างโปร่งส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเพราะถูกปิดปากด้วยอวัยวะเดียวกันของรามินทร์ แต่คราวนี้ร่างโปร่งตอบสนองกลับไปอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน ทำให้ร่างแกร่งรู้สึกมีความสุขและดีใจ ตะโบมจูบมูมมามเพราะอดอยากปากแห้งมานานหลายเดือน

“คิดถึง”

รามินทร์จูบสัมผัสไปทั่วทุกที่ที่สามารถทำได้ เสื้อผ้าของอินทัชตอนนี้เป็นอุปสรรคชิ้นโตที่รามินทร์ต้องกำจัดมันทิ้ง แล้วโยนมันทิ้งอยู่แถวๆ นั้น ไม่ได้สนใจเลยว่าทั้งสองกำลังนัวเนียกันอยู่หน้าประตูห้องนอนที่ไม่ได้สะดวกสบายอะไรเลย มือทั้งสองข้างของอินทัชเป็นอิสระ เขาใช้มันโอบรอบคอของรามินทร์แล้วไล่จุบร่างแกร่งบ้างยามที่ร่างแกร่งกำลังยุ่งวุ่นวายกับการถอดเสื้อผ้าของอินทัช

“อืม...ในห้องก็แล้วกัน”

พรึ่บ!!

ว่าแล้วก็โยกร่างโปร่งบางที่เปลือยเปล่าขึ้นบนบ่า ก่อนจะเปิดประตูห้องนอนเข้าไป เขาโยนร่างของอินทัชลงบนเตียงนอนอย่างแรงโดยไม่คำนึงถึงเลยว่าคนที่ถูกโยนจะรู้สึกเจ็บหรือจุกหรือเปล่า

“โอ้ย…เจ็บนะเว้ย ไอ้บ้านี่” อินทัชหยัดตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วด่าคนตัวใหญ่กว่าที่ตอนนี้กำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกไป ไม่นานก็ถูกร่างสูงกดร่างของเขาลงไปที่เตียง แล้วจู่โจมที่ริมฝีปากอีกครั้งอย่างเร่าร้อนและรุนแรง

เสียงครางอย่างพึงพอใจออกมาจากทั้งคู่ มือแกร่งลูบไล้ไปตามร่างขาวเนียนของอินทัชอย่างหลงใหล รามินทร์ไม่เคยรู้สึกเสพติดใครได้เท่าคนนี้มาก่อนเลย ยิ่งอยู่ห่างกัน ความต้องการที่เก็บเอาไว้เท่าไหร่ก็ยิ่งถูกปลดปล่อยออกมาเท่านั้น อินทัชเองก็ทำใจเอาไว้แล้วเลยตอบสนองร่างแกร่งทุกอย่าง

อินทัชไม่ค่อยชินเท่าไหร่นักที่จะเป็นฝ่ายถูกกอด แต่ว่าถ้าคนๆ นั้นเป็นรามินทร์ อินทัชก็ยอม...ยอมเพราะว่ารัก

เพราะรักคำเดียว...

เขาไม่ได้ลืมเลือนอดีตที่โหดร้าย...แต่เพราะความรู้สึกรักที่มีมันลบเลือนความรู้สึกโกรธ เกลียดไปจนหมดแล้วต่างหาก...


“อ๊ะ...อ๊ะ อ๊า เร็วๆ อีก ราม”

“อืม...อาห์ แน่นฉิบ”

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังคงแสดงความรักต่อกันแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พวกเขาไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว แต่ที่รู้ๆ คือแม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ไม่ยอมที่จะหยุดสัมผัสกันเลย

ราวกับว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีโอกาสได้กอดกันอีกต่อไป

สะโพกสอบขยับเข้าออกกระแทกกระทั้นเข้าไปโดนจุดที่ทำให้อินทัชร้องครางลั่นโดยความเสียวซ่านและวาบหวาม...หากแต่ใบหน้าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขแม้ว่าจะมองไม่เห็นเพราะความมืดก็ตามที

“แรงๆ สิวะ อ๊ะ…อ๊า”

“จัดให้”

พอคุณชายของเขาเอาแต่ใจร้องขอให้ทำแรงกว่านี้ก็ไม่มีครั้งไหนที่รามินทร์จะไม่สนองให้ตามที่คนรักต้องการ หากแต่ครั้งนี้มันก็ต้องมีอะไรต่อรองกันหน่อยสิ...

พอคิดได้ก็หยุดขยับกายไปเสียดื้อๆ ทำเอาอินทัชตีไหล่หนาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

“หยุดทำไมวะ” ถามอย่าหงุดหงิด

“เป็นแฟนกันได้ยัง”

ร่างโปร่งบางกลอกตาไปมาที่รู้ว่าอะไรทำให้ร่างสูงหยุด แล้วปล่อยให้อารมณ์ค้างอย่างทรมานแบบนี้

“มึงทำแบบนี้มึงยิ่งไม่ได้เป็นเลยว่ะ”

“หึหึ งั้นกูก็แช่ไว้แบบนี้แหละ ไม่ต่อ แล้วนอนแบบนี้ทั้งคืนเลย” รามินทร์ทำท่าจะทิ้งตัวนอนทับ แต่อินทัชก็ดันอกแกร่งเอาไว้ก่อน

“ขี้โกงนะมึงน่ะ”

“อ้าว? แล้วไงล่ะ ให้แลกกับการที่กูได้มึงมาเป็นแฟน ไม่ว่าจะทำวิธีไหนกูก็จะทำ”

“ไอ้สัตว์”

“ด่าผัวแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย”

“ทำไมจะด่าไม่ได้?”

“กูกลัวมึงจะไม่เจริญไง”

“ไม่เป็นไร ทุกวันนี้กูก็เจริญอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรหรอก อ้อ...แล้วมึงก็ไม่ใช่ผัวกู ช่วยพูดใหม่ด้วย” อินทัชว่า เรียกเสียงหัวเราะออกมาจากรามินทร์ได้เป็นอย่างดี

“ฮ่าๆ ไม่ใช่ผัว แล้วไอ้ที่มันเสียบมึงอยู่ตอนนี้ เราจะเรียกว่าอะไรกันดีล่ะครับ คู่นอน?”

อินทัชไปไม่เป็นตอบไม่ถูกเลยสักนิด ก่อนจะโดนแกล้งขยับตัวเล็กน้อยๆ จนร่างบางกว่าสะดุ้งเฮือกส่งเสียงครางออกมาเมื่อมันโดนจุดกระสัน

“อ๊า...”

“หึหึ ชอบหลอกตัวเองนะมึงน่ะ สรุปจะเอาไง จะเป็นแฟนกันไหม จึงๆ แล้วมึงแค่ปากแข็งเพราะว่าอายนั่นแหละ ถ้ามึงไม่คิดว่าเราเป็นแฟนกัน มึงคงไม่ใส่สร้อยที่กูให้หรอก จริงไหม?”

อินทัชแก้มแดง แต่แสงในห้องไม่อาจจะทำให้รามินทรืรู้ว่าคนรักกำลังหน้าแดงอยู่ได้ แต่สังเกตเอาจากการเม้มปากแล้วก็หันหน้าหนีไม่สบตา รามินทร์ก็รู้ได้เลยว่าคนรักกำลังหน้าแดงและอายอยู่

“มโน!”

“เลิกสักทีได้ไหม ไอ้เวลาที่ด่าเพราะว่าตัวเองเขินอ่ะ จะทำตัวมุ้งมิ้งก็ได้กูไม่ว่า”

“ไอ้สัตว์!!”

“บอกแล้วไงว่าอย่าด่า มันไม่งาม”

“ชิ!! ถ้าไม่เอาต่อก็เอาออกไป กูหงุดหงิด รำคาญ” อินทัชไล่ร่างสูงอย่างไม่พอใจแต่ร่างแกร่งกลับกระชับอ้อมแขนแน่น ส่งผลให้บางอย่างที่อยู่ภายในยิ่งลึกมากอีกด้วย

นี่มันทรมานกันฉลาด

“อื้อ...ร่ะ ราม”

“ว่าไงครับ ที่รัก”

“ยอมแล้วๆ ทำต่อเถอะนะ” ส่งสายตาอ้อนวอนเมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาเบียดตัวเข้าหารามินทร์อย่างต้องการ ส่งผลให้ร่างสูงเริ่มจะทนไม่ไหวเหมือนกัน

เขาแพ้...แพ้กับอินทัชไม่ว่าจะเรื่องไหน



มีต่อ
V
V
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 65 100% => (24/03/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 24-03-2018 22:07:56
ตอนที่ 65 ต่อ




“ยอมแล้ว...ยอมอะไร” ร่างสูงถามเสียงแหบพร่า จ้องตาคนด้านล่างอย่างร้อนแรง ส่วนอินทัชก็จ้องตอบร่างสูงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยปรารถนา...

“ยอมมึงทุกอย่าง มึงต้องการอะไรกูยอมหมด”

รามินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์

“เป็นแฟนกูนะ”

“อื้อ...ตกลง”

“เป็นเมียกูแล้วด้วย”

“อื้อ...เป็น”

“จะไม่แกล้งให้กูทรมานอีกแล้วนะ”

“อื้อ...ไม่แกล้งแล้ว”

ไม่ว่าอะไร ตอนนี้อินทัชว่านอนสอนง่ายสุดๆ เพราะความต้องการที่อยากปลดปล่อย แม้จะเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ก็ตาม แต่อินทัชก็ยังมีความปรารถนาอยู่เต็มเปี่ยม

มองใบหน้าคมเข้มของรามินทร์แล้วก็ยิ่งรู้สึก มองร่างกายของร่างสูงแล้วก็ยิ่งทนไม่ไหว

“มึงรักกูใช่ไหม”

“อื้อ” ร่างโปร่งพยักหน้ารับ

“อื้ออะไร?”

“รัก...กูรักมึง อ๊า” สิ้นสุดคำตอบร่างสูงก็เริ่มขยับกายรวดเร็วและรุนแรงจนร่างโปร่งครางลั่น ตัวสั่นคลอนเพราะแรงกระแทกกระทั้นที่รุนแรง แต่ก็สุขใจ

สองร่างกายสอดประสานกันอย่างเร่าร้อนและรุนแรง รามินทร์จูบปิดปากที่ครางออกมาอย่างร้อนแรง ก่อนที่อินทัชจะจูบตอบกลับด้วยความเร่าร้อนไม่แพ้กัน

ต่างคนต่างก็เก่งและชำนาญ แม้ว่าอินทัชจะมารับแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเก่งลั่นลดลงเลยแม้แต่น้อย บทรักก็เลยซาบซ่าน ร้อนแรง และทำให้พวกเขามีความสุขกันทั้งคู่

“กูก็รักมึง...อืม รักมึงมาก อา...ที่รักครับ รัดแรงไปแล้ว” รามินทร์บอกรักผสมกับเสียงครางอย่างพอใจของตน ส่วนอินทัชก็ยกยิ้มออกมาอย่างชอบใจที่ได้แกล้งมันกลับคืนบ้าง

ทำแบบนี้...มึงจะไปจากกูไม่ได้ไงราม...

“อื้อ...ไม่ชอบเหรอ”

“ชอบครับ...รามชอบมาก” สรรพนามแทนตัวของรามินทร์เปลี่ยนไป แต่มันก็ดูเพราะดีในความคิดของเขา แต่เวลาปกติ ขอเถอะ...พูดแบบเดิมก็แล้วกัน

“อื้อ...อ๊า ชอบเหมือนกัน”

“อา...ที่รัก”

สองร่างเร่งจังหวะเมื่อใกล้ถึงปลายฝัน สักพักร่างของพวกเขาก็กระตุกเกร็งแล้วปลดปล่อยไล่เลี่ยกัน...ก่อนที่รามินทร์จะทิ้งตัวนอนทับอินทัชอย่าหมดแรง ส่วนคนใต้ร่างก็หายใจหนักหน่วงเพราะความเหนื่อย

“กูรักมึงนะ”

ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันราวกับนัดกันมา แต่มันไม่ใช่...พวกเขาแค่อยากพูดออกมาเพราะแค่อยากบอกกับอีกคนเท่านั้น แต่พอพูดออกมาพร้อมกันแบบนี้ มันก็ยิ่งตอกย้ำว่าเราใจตรงกันมากขนาดไหน

“ขอบคุณที่ให้โอกาสกู ขอบคุณที่กลับมา ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันไปไหน ขอบคุณที่รักกัน”

อินทัชยิ้มหวานออกมากับคำขอบคุณมากมายนั่นของ ‘คนรัก’ ที่เขากล้าเรียกได้เต็มปากเต็มคำเสียที...ที่ผ่านมาต่อให้เราจะรักกัน ใจตรงกัน แต่ร่างสูงไม่เคยขอเขาเป็นแฟน แต่ถึงขอเขาก็ยังไม่เป็นจนกว่าร่างสูงจะเปลี่ยนตัวเองเรื่องความใจร้อนวู่วามได้

ไม่ใช่แค่รามินทร์ที่อึดอัดกับสถานะแบบนี้ แต่อินทัชเองก็อึดอัดและกลัวว่ารามินทร์จะไม่รอเหมือนกัน แต่เขาเชื่ออย่างหนึ่งว่า...เวลาที่รามินทร์รักใคร ก็จะปักใจรักแค่คนนั้น ถ้าเขาไม่หมดรักมันก่อน มันจะไม่มีทางหมดรักเขาเด็ดขาด

อินทัชเชื่อแบบนั้น...

“อืม...ขอบคุณที่รอกูนะ”

“กูจะรอมึงเสมออิน”

“หึหึ ง่วงแล้วว่ะ นอนกันเถอะ” ร่างโปร่งบางชวน เพราะตัวเองเหนื่อยมาก เดินทางมาถึงตอนเช้าก็ช่วยงานหิรัญเลย ไม่ได้หยุดพักจนถึงตอนนี้ รามินทร์ที่ยังรู้สึกว่ามันไม่พอก็เสียดายน้อยๆ แต่ก็เข้าใจว่ามันหลายรอบแล้ว ร่างกายของอินทัชคงจะไม่ไหวแล้วล่ะ

“โอเค นอนเถอะ กูไม่กวนมึงแล้ว” ร่างสูงทิ้งตัวนอนข้างๆ โอบกอดร่างเล็กกว่าเอาไว้แน่น

อินทัชพลิกตัวนอนตะแคงเพื่อกอดรามินทร์ตอบ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจูบเบาๆ ที่ปลายคางที่มีหนวดขึ้นอยู่รำไร...พลางคิดว่า ไม่น่าล่ะ เวลาไซ้ถึงได้รู้สึกแปลกๆ

จุ๊บ

“ฝันดีนะ”

“ในดีเช่นกันครับที่รัก”


ยามสายของวันใหม่ ร่างสูงยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนอนใหญ่ เขามีสีหน้าที่มีความสุขมากๆ คงจะเป็นเพราะฝันดีอยู่ ส่วนคนที่เหน็ดเหนื่อยจากเมื่อวานและโดนรังแกอยู่หลายรอบเมื่อคืนกลับเป็นฝ่ายตื่นก่อนเสียแบบนั้น ร่างสูงโปร่ง หุ่นผอมบาง ผิวขาวเนียน ใบหน้าสวยหวาน ตอนนี้อยู่ในเสื้อเชิ้ตตัวเดียวของรามินทร์ที่มีขนาดใหญ่ว่าร่างของเขา แต่ความสูงของเราไล่เลี่ยกัน มันเลยทำให้ชายเสื้อร่นขึ้นสูง อินทัชเลยไปหากางเกงขาสั้นของตนที่เตรียมมาเพื่อใส่ตอนอยู่กับรามินทร์โดยเฉพาะมาใส่ หลังจากที่ตัวเองทำความสะอาดตัวเองเรียบร้อยแล้ว

“หลับสบายเชียว กูหรือเปล่าที่ควรจะเป็นฝ่ายนอนอยู่เนี่ย” ร่างโปร่งพึมพำก่อนจะก้มตัวเองลงไปหอมแก้มของรามินทร์เบาๆ

ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่เพราะใจมันอยาก ก็แค่ทำตามใจอยากเท่านั้น

จุ๊บ!

“กูจะไปทำอาหารเช้าให้มึงนะ”

ทางด้านรามินทร์ที่รู้สึกตัวในอีกสามสิบนาทีต่อมาก็สะดุ้งพรวดลุกขึ้นเมื่อใช้มือสัมผัสแล้วไม่เจอคนที่เขานอนกอดอยู่ รามินทร์รู้สึกใจหายมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าประตูห้องน้ำเปิดอยู่ แสดงว่าไม่มีคนอยู่ในห้องน้ำ ความกลัวเข้ามาเกาะกินหัวใจจนไม่กล้าลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก เพราะกลัวจะไม่เจอ...

กลัวว่าอินทัชจะทิ้งเขาไป...

แกร็ก...

ขณะที่เขากำลังจมอยู่กับความสิ้นหวัง ประตูห้องก็เปิดออกมาด้วยฝีมือของคนที่รามินทร์กำลังคิดว่าทิ้งเขาไปแล้ว ร่างโปร่งขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของรามินทร์เลยรีบเดินเข้าไปหาร่างสูงที่จ้องมองตนอยู่

“เป็นไรไป อ๊ะ!” อินทัชถามอย่างเป็นห่วงก่อนจะอุทานเมื่อถูกรวบตัวกอดเอาไว้แน่น เสียงทุ้มถามอย่างสั่นเครือ นั่นจึงทำให้อินทัชรู้ว่ารามินทร์เป็นอะไร

“ไปไหนมา”

“กลัวกูหนีมึงไปหรือไง”

“อือ...กูกลัว”

“กูไม่ไปไหนหรอกน่า กูหยุดมาตั้งห้าวัน มีเวลาอยู่กับมึงถมเถเลย” ได้ฟังแบบนั้นร่างสูงก็ใจชื้น หากแต่คิดว่าพอครบห้าวันแล้วอินทัชกลับไป เขาก็ทำหน้าเศร้าๆ เหมือนเดิม

“ไม่กลับได้หรือเปล่า”

“กูมีงานต้องทำนะราม มีอีกหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ...แต่ว่ามึงจะไปหากูบ่อยขนาดไหนก็ได้ถ้ามันไม่ทำให้มึงเกงานน่ะ”

“จริงนะ!” ดวงตาคมเป็นประกายอย่างมีความสุข

ไม่ได้อยู่ด้วยกันเรื่องนี้รามินทร์รู้ดีอยู่เต็มอก แต่อย่างน้อยก็ขอให้เจอกันทุกเดือนก็พอ ไม่งั้นรามินทร์ขาดใจตายแน่ๆ ถ้าต้องอยู่ห่างแล้วยังไม่ได้เจอกันอีก

แบบนั้นเขาไม่ยอม...

“อืม” คนในอ้อมแขนพยักหน้า

“ว่าแต่มึงตื่นเร็วจัง ไปไหนมา”

“ทำอาหารเช้าไง”

“หึหึ ทำตัวเป็นเมียที่ดีจริงๆ ตอนเช้าทำอาหารให้ผัว ตอนกลางคืนให้ผัวกิน”

เพี๊ยะ!!!

มือขาวตบที่ใบหน้าของรามินทร์เบาๆ ไม่ได้แดงมากนักเป็นการสั่งสอนว่าไม่ควรพูดอะไรที่เขาฟังแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พูดกันตอนอยู่สองคนน่ะได้ แต่ถ้ามีคนอยู่เยอะๆ จะต่อยให้ปากแตกเลย

“ปากมึงเนี่ยนะ”

“ทำไม? ปากกูทำไม”

“มันเสียไง”

“รู้ได้ไงว่าเสีย ชิมแล้วเหรอ”

“ไม่ต้องหาเรื่องจูบกูเลย กูรู้ทัน”

“อ่าๆ งั้นไม่หาเรื่องแล้วก็ได้ ขอตรงๆ เลยก็แล้วกัน” ร่างแกร่งหัวเราะเมื่อโดนคนรักรู้ทัน “รามขอจูบอินหน่อยนะครับ” รามินทร์อ้อน

มันรู้ว่ามันจะทำยังไงให้เขายอมมันได้แต่โดยดี...เขาแพ้ต่อความอ่อนโยนของรามินทร์ แพ้คำพูดเพราะๆ เวลาที่เอาไว้ใช้ขอร้องหรือออดอ้อน แพ้ดวงตาคมที่อ่อนลงจนหวั่นไหว แพ้ใบหน้าหล่อของรามินทร์

แพ้ใจตัวเอง...ที่มันไม่เคยเอาชนะความรู้ได้เลย

“อืม”

ร่างโปร่งบางยื่นหน้าเข้าไปประกบริมฝีปากของรามินทร์ ร่างสูงเปิดปากเพื่อให้คนรักเอาลิ้นสอดแทรกเข้าไป มือของเขาเกาะอยู่ที่เอวคอดของร่างที่ดูบอบบางลงจากที่เห็นล่าสุดเมื่อห้าเดือนก่อน ก่อนจะสังเกตเห็นว่าคนรักอยู่ในชุดของตน ความรู้สึกบางอย่างก็เข้ามาแทนที่ มือหยาบลูบไล้ตามต้นขาเขียนที่ใส่เพียงขาสั้นของอินทัช

อินทัชขยับตัวนั่งทับบนตักแกร่งแล้วก็รู้สึกถึงอะไรที่มันดุนดันอยู่ใต้ผ้าห่ม เพราะรามินทร์ยังไม่ได้แต่งตัวเลยตั้งแต่เมื่อคืน มีเพียงผ้าห่มปิดท่อนล่างเท่านั้น ร่างโปร่งถอดจูบออกมาโดยที่มีน้ำที่เชื่อมระหว่างปลายลิ้นออกมาด้วย ดวงตาหวานทรงเสน่ห์จ้องตาคนรักนิ่งๆ

“ระงับอารมณ์เดี๋ยวนี้”

“มันทำได้ทีไหนกันล่ะ”

“กูบอกเลยนะว่าไม่ให้ทำแล้ว เพราะกูอาบน้ำแล้ว ไม่อยากเลอะใหม่” อินทัชพูดตัดบทอีกคนมากๆ ทำเอารามินทร์ทำสีหน้าหมดหวังไปเลย

อยากจะกินอินทัชอยู่ตลอดเวลาเลย

“ไม่เอาน่า ที่รัก...ผัวอยาก”

“ไปเอากับมือนู่น”

“ได้ไงอ่ะ มีเมียแล้วจำเป็นต้องใช้มืออีกหรือไง ไม่ได้อ่ะ ไม่ยอม” ร่างสูงส่ายหน้าไปมาแสดงชัดเจนว่าเขาไม่ยอมแน่ๆ ร่างโปร่งกลอกตาไปมาแล้วถอนหายใจอย่างระอา แล้วยื่นคำขาด

“ไปจัดการตัวเองในห้องน้ำให้เรียบร้อยแล้วไปกินข้าว เข้าใจนะ กูหิวแล้ว!!”

รามินทร์จะทำอะไรได้ นอกจากยอมคนรักของตน แต่ก่อนไปก็จับร่างคนรักพลิกด้านใต้ นัวเนียคนตัวขาวเพื่อกระตุ้นให้ตัวเองปลอดปล่อยได้ง่ายขึ้น แล้วเมื่อสบายตัว รามินทร์วิ่งเดินแก้ผ้าโทงๆ เข้าห้องน้ำไป ส่วนคนที่โดนปล้ำจูบก็ได้แต่ยิ้มตามหลังไป

ที่นี่...เป็นที่ที่ทำให้เขารู้ว่าเกลียดมากๆ มันเป็นยังไง

ทำให้รู้ว่า...เสียใจ เจ็บใจและผิดหวังมันเป็นยังไง

ทำให้รู้ว่า...ความเจ็บปวดที่ทั้งรักทั้งเกลียดมันเป็นยังไง

และที่นี่...ทำให้อินทัชเริ่มที่จะรักใครได้อีกครั้ง

“ที่นี่...เป็นที่ที่รวมทั้งความเศร้า ความเสียใจ ความเกลียดชัง ความผิดหวัง ความเจ็บปวด และก็ความสุขของกู...”

“มึงไม่เป็นอะไรใช่ไหมที่มาอยู่ในสถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำเลวร้าย” รามินทร์ที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ออกมาได้ยินคนรักกำลังพึมพำอยู่พอดีก็เลยพูดแทรกขึ้น

อินทัชเงยหน้าขึ้นสบตากับรามินทร์ด้วยรอยยิ้มที่จริงใจที่สุด ไม่มีการฝืน ไม่มีการโกหก ทั้งหมดมันออกมาจากใจจริงๆ

“ตอนนี้กูมีความสุข เรื่องที่ผ่านมามันก็เลยเป็นแค่บทเรียนเท่านั้น แต่ถ้ามึงยังทำแบบนั้นอีก กูก็จะไม่มาเหยียบที่นี่อีกต่อไป”

“ไม่มีวัน!!”

“จำคำนี้เอาไว้ก็แล้วกันราม แล้วก็มาดูกัน ดูกันไปนานๆ เลย”

“มึงจะได้ดูกูไปตลอดชีวิตแน่ๆ อิน”

“กูก็อยากให้เป็นแบบนั้น กูไม่อยากเจ็บปวดหรือต้องเริ่มรักใครใหม่อีกแล้ว เข้าใจนะราม...กูอยากให้มึงเป็นคนสุดท้ายนะ...”

รามินทร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนรัก แล้วจับมือขาวขึ้นมากุมเอาไว้แน่น มองสบตากับอินทัชอย่างจริงจัง น้ำเสียงที่เอ่ยคำสัญญาออกมามันช่างหนักแน่น...

“มึงเป็นคนสุดท้ายของกูอิน...กูรักมึง และจะไม่รักใครอีกแล้ว”

อินทัชยิ้มกว้างจนตาปิด ลุกขึ้นจากเตียงแล้วกอดรามินทร์ทันที ส่วนร่างสูงก็หลับตาพริ้มกอดคนรักกลับไป ซึมซับความอบอุ่นของกันและกัน...





100%

 :mew4: :mew4: :mew4:

ขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> บทส่งท้าย => (24/03/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 24-03-2018 22:13:52
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
บทส่งท้าย




“ในที่สุด พี่รามกับพี่อินก็ลงเลยกันสักทีเนอะจักร ฉันดีใจมากๆ เลยล่ะที่ได้เห็นพี่รามยิ้มได้แบบนั้นอีกครั้ง ที่ผ่านมาพี่รามชอบยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุขแบบนี้” เจ้าจอมพูดกับคนรักของตน ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินเล่นอยู่ที่สวนของรีสอร์ท มองเห็นคู่ของพี่ชายกำลังยืนเถียงกัน คนหนึ่งด่าอีกคนยิ้มกว้าง

เป็นภาพที่นอกจากคนเป็นน้องชายเห็นแล้วมีความสุข พนักงาน คนงานที่เดินผ่านไป เห็นภาพนนี้ก็ยิ้มออกมามีความสุขไม่ต่างกัน มีความสุขที่ได้เห็นเจ้านายของตนมีความสุข และสมหวังกับความรักเสียที

“ครับ...ผมก็ดีใจแทนคุณรามเหมือนกัน แล้วก็ดีใจกับทั้งสองคนมากๆ เลยล่ะครับ”

เจ้าจอมหันมามองคนตัวสูงกว่าแล้วยิ้มหวานให้

“ฉันเองก็มีความสุขที่ได้อยู่กับนาย ได้รักกับนายนะจักร”

“ครับ...ผมก็มีความสุขเหมือนกัน”

“ถ้าวันนั้นฉันไม่เจอนายมาปลอบ วันนี้ฉันจะมีความสุขแบบนี้ไหมนะ”

“ทุกอย่างฟ้ากำหนดเอาไว้แล้วครับ กำหนดให้เรามาเจอกัน กำหนดให้ผมรักคุณจอม คุณจอมรักผม และกำหนดให้เราสองคนรักกัน”

แม้ว่าจะเป็นประโยคที่ฟังแล้วเลี่ยนมากๆ แต่เจ้าจอมก็มีความสุขและชอบที่มันออกมาจากปากของจุลจักร เจ้าจอมรู้ว่าจุลจักรรักตนเองมาก แต่เขาก็อยากให้จุลจักรรู้ว่าเขาเองก็รักจุลจักรมากไม่ต่างกัน

ไม่เสียแรงเลยที่เขาอดทนมาตั้งหลายปีเพื่อให้จุลจักรติดกับเขา

“ที่จริงฉันรักนายก่อนนะ”

“แล้วมันจะสำคัญอะไรล่ะครับ ยังไงเราก็รักกัน”

จุลจักรมีความเป็นผู้ใหญ่มากๆ หลังจากที่เข้าทำงานกับบริษัทของอินทัช จากตอนแรกก็มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว แต่พอได้ทำงานเป็นหัวหน้าคน ร่างสูงก็ยิ่งมีความโตมากยิ่งขึ้น

“นั่นสินะ”

มือใหญ่คว้ามือบอบบางของเจ้าจอมมาจับเอาไว้แน่น สบตาหวานซึ้งกับคนตัวเล็ก เจ้าจอมยิ้มหวานให้กับร่างสูง มันเป็นรอยยิ้มที่แสนสดใสที่ไม่กว่าจะครั้งไหน จุลจักรก็จะยิ้มตามไปด้วย

“ผมรักคุณจอมนะครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณจอมและไม่ทำให้คุณจอมเสียใจเด็ดขาด”

“ฉันเองก็รักนายนะ...ฉันอาจจะเป็นคนที่ไม่ได้ดีที่สุดสำหรับนาย เอาแต่ใจ และบางครั้งก็ทำตัวร้ายๆ แต่ฉันจะพยายามทำตัวเป็นคนรักที่ดีนะ”

“ทุกวันนี้คุณจอมดีที่สุดสำหรับไอ้จักรคนนี้แล้วล่ะครับ ผมรักคุณจอมที่คุณจอมเป็นแบบนี้ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อผม เพราะผมรับได้ทุกอย่างที่คุณจอมเป็น”

“อย่าทำให้ฉันรักนายไปมากกว่านี้เลยจักร”

แค่นี้...คนอย่างฉันก็ไปไหนไม่ได้แล้ว

“คุณจอมรักผมมากๆ เลยครับ เพราะทั้งชีวิตของไอ้จักรตอนนี้ เป็นของคุณจอมคนเดียว”

“อื้อ”

ร่างสูงยกมือขาวขึ้นมาจุมพิตที่หลังมือเบาๆ เมื่อผละออกมาก เจ้าจอมก็โผกอดร่างใหญ่ทันที น้ำตาไหลซึมที่หางตาเพราะมีความสุข

ดีใจที่เลือกคนๆ นี้...

ขอบคุณที่ส่งเขามาให้จอมนะครับ...

‘พิสูจน์มัน ให้เห็นว่าสิ่งที่เราเป็นมันไม่ได้ผิด’





ทางบ้านสวนของขรรค์กับหิรัญตอนนี้เขาสองคนกำลังเดินเล่นกันอยู่ในสวนผักของขรรค์โดยที่ร่างสูงอุ้มน้องรักษ์อยู่ด้วย น้องรักษ์ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศช่วงเช้าแบบนี้มากๆ ตื่นมาก็งอแงเลย หิรัญก็เลยพาลูกมาเดินเล่นจะได้หายงอแง เด็กน้อยดูนมจากขวดแล้วก็มองไปรอบๆ ด้วย ส่วนหิรัญกับขรรค์ก็มองแต่เจ้าตัวเล็กด้วยความเอ็นดูและรักสุดหัวใจ

“หายงอแงเลย ให้กินนมที่บ้านดีๆ ไม่เอา ต้องพาออกมาเดินเล่นถึงจะกินเหรอน้องรักษ์”

“ดูสิ สงสัยชอบที่นี่มากเลยเงิน”

“ไม่ต้องห่วงนะน้องรักษ์ ถ้าลูกถึงวัยเรียนเมื่อไหร่ พ่อจะพามาอยู่ด้วยนะครับ”

“ถ้าวันนั้นมาถึง ที่บ้านนี้จะต้องครื้นเครงมากๆ เลยล่ะเงิน” ขรรค์พูดบอกกับคนรัก

“นั่นสิ...เงินอยากให้ถึงวันนั้นไวๆ จังเลย”

“ไม่นานหรอก เวลาผ่านไปเร็วจะตายไป ดูอย่างตอนนี้สิ น้องรักก็จะหนึ่งขวบแล้ว”

“จริงสินะ เงินลืมไปเลย เจ้าตัวเล็กของเราจะเดินได้ตอนไหนน้า เมื่อไหร่น้องรักษ์จะเดินได้ล่ะครับ หืม...ลูกรักของพ่อ” หิรัญหันไปคุยกับลูกชายในอ้อมแขนของขรรค์

“แอะๆ”

“หึหึ อยากพูดได้แล้วใช่ไหม”

“แอ้ๆ”

“น้องรักษ์เข้าใจที่เงินพูดนะ แต่ยังพูดออกมาไม่ได้เท่านั้น โตมาต้องเป็นเด็กที่ฉลาดมากแน่ๆ เหมือนพ่อของเขา แล้วก็ต้องหล่อมากด้วย เหมือนพ่อของเขาอีกนั่นแหละ”

“ขรรค์ก็พูดเกินไป”

“ขรรค์นี่ดีจัง มีแฟนหล่อจนสาวๆ พากันรุมล้อม”

“สิบปีแล้วนะขรรค์” ร่างโปร่งพูดขึ้นมา เงยหน้าสบตากับคนรัก ส่วนร่างสูงใหญ่ก็มองหน้าคนรักแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ ตามแบบฉบับของตนเอง

“ใช่...สิบปีที่ผ่านมา มันมีเรื่องที่เราทำพลาด มันมีเรื่องที่ทำให้เราเจ็บปวด เสียใจ แต่จากนี้ตลอดไป ขรรค์จะทำทุกอย่างเพื่อให้เงินกับน้องรักษ์มีความสุขที่สุด จะไม่ทำให้เงินรู้สึกว่ารักผิดคนอีกแล้ว”

“เงินเชื่อ...เชื่อว่าขรรค์ทำได้”

“ขอบคุณนะครับ สำหรับทุกอย่างที่เงินทำเพื่อขรรค์”

“เพราะเงินรักขรรค์ไง เพราะคำว่ารักคำเดียวเท่านั้น”

ร่างโปร่งยิ้มหวานก่อนจะเอาน้องรักษ์มาอุ้มเอาไว้แทนเพราะกลัวว่าขรรค์จะเมื่อยเอาได้ และเมื่อน้องรักษ์อยู่ในอ้อมแขนของหิรัญ ร่างของหิรัญก็อยู่ในอ้อมแขนของขรรค์อีกที ทำเอาคนถูกกอดเงยหน้ามองคนรักทันทีอย่างแปลกใจ แต่พอเห็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายแล้ว เขาก็ยอมให้ร่างสุงกอดอยู่แบบนั้น ส่วนตัวเองก็ก้มมองลูกชายในอ้อมแขน

ฟอด!

ริมฝีปากของขรรค์สัมผัสเบาๆ ที่กลุ่มผมนุ่มของคนรัก และเมื่อหิรัญเงยหน้าขึ้นสบตากับคนรักอย่างตกใจ ริมฝีปากนุ่มก็ถูกสู่โจมทันที แต่เป็นการแตะสัมผัสเบาๆ เท่านั้น ไม่มีการรุกล้ำ แต่ความรู้สึกที่มอบให้กันมันเต็มเปี่ยม

เมื่อผละออก ร่างสูงโปร่งก็หอมแก้มลูกชายแล้วพิงอกแกร่งที่โอบกอดเขาอยู่ตอนนี้ มองออกไปยังวิวสวนของเราอย่างมีความสุข...

“ขรรค์รักเงินมากนะ”

“อื้อ...รักเหมือนกัน”

‘เชื่อใจ เชื่อมั่น อุปสรรคทุกอย่างเราจะผ่านมันไปได้’



   หมับ!!!

“ราม...อย่าดิวะ เดี๋ยวคนเห็น” อินทัชดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดเขาจากด้านหลังโดยไม่ทันได้ตั้งตัวขณะที่เขากำลังเดินชมวิวของเขาค้ออยู่

พนักงาน คนงานเดินขวักไขว่เต็มไปหมด รวมถึงลูกค้าที่มาเข้าพักเองก็เหมือนกัน...ทุกสายตาจะมองมาทั้งสองคนราวกับว่าเป็นจุดที่น่าสนใจกว่าพวกวิว

“เห็นก็เห็นไปดิ หรือว่ามึงแคร์”

“เปล่า...แต่หน้ากูไม่ได้หนาเท่ามึงนี่หว่า”

“กูคิดถึงมึง”

“อย่ามาเวอร์ไอ้ราม ห่างกันแค่ชั่วโมงเดียวเอง แล้วนี่มึงจะปล่อยกูได้หรือยัง”

“โอเคๆ ปล่อยก็ปล่อย”

ร่างสูงยอมปล่อยร่างโปร่งบางให้เป็นอิสระ เจ้าของใบหน้าสวยหวานหันมาบ่นรามินทร์ยาวเหยียด แต่คนตัวสูงกว่ากลับยืดฟังด้วยรอยยิ้มมีความสุข

เขามองใบหน้าที่ติดหงุดหงิดของอินทัชแล้วมีความสุข

จะว่าเขาโรคจิตก็ได้ แต่หน้าตอนที่อินทัชเหวี่ยงๆ หงุดหงิดๆ ตอนโกรธ หรือไม่พอใจ เป็นสีหน้าที่เขาชอบมากที่สุด มันดูน่ารักดี มันน่ารักสำหรับเขา

“มึงดูสวยตอนที่มึงโกรธนะ”

“ช่วยพูดคำว่าหล่อได้ไหม”

“อย่าหลอกตัวเองน่า หน้ามึงสวยกว่าผู้หญิงบางคนอีก”

“แล้วไง? กูไม่ใช่ผู้หญิงป่ะ แต่ถ้ามึงบอกว่ากูสวยกว่าผู้หญิงบางคนกูก็จะถือว่ามันเป็นเรื่องที่ดีก็ได้วะ เพราะหน้าแบบกูนี่แหละที่ทำให้สาวๆ หนุ่มๆ หลงใหลมาเป็นแถบแล้ว”

“หึหึ แต่จากนี้ไปมึงห้ามเลยนะ ห้ามทั้งหมดเลย สต็อกสาวๆ สต็อกหนุ่มๆ แบบเดิมนั่นน่ะ”

“ทำไม? หวงเหรอ”

“ไม่หวงมั้ง เมียทั้งคน”

“เออ...อยากพูดอะไรก็พูดไป กูเลิกห้ามมึงแล้ว”

อยากพูดเมีย อยากแสดงความเป็นเจ้าของ หรืออยากจะทำอะไรก็เชิญเลย ตามสบาย เพราะยังไงอินทัชก็เปิดตัวเองว่าตัวเองเป็นไบมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่แค่ไม่เคยเป็นเมียใครก็เท่านั้น

ช่างเถอะ...รักมันไปแล้วนี่นา

“ดีมากครับที่รัก”

“หน้าบานเป็นจานกระด้งเลยนะ” อินทัชแซวแบบประชดประชัน ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากรามินทร์ ร่างสูงคว้าข้อมือของอินทัชเข้ามาจนร่างกายบอบบางขยับเข้ามาแนบชิดกาย

พรึ่บ!!

“อย่าดิวะ คนมองเต็มแล้วเนี่ย” ร่างโปร่งมองไปรอบๆ ด้วยความประหม่าและเริ่มอายเมื่อรามินทร์ยิ่งดึงเขาเข้าไปกอดเอาไว้อย่างแน่นหนา คนที่เดินผ่านไปมาก็พากันมองมาที่ทั้งคู่อย่างอยากรู้อยากเห็น ส่วนอินทัชก็พยายามดันตัวออก แต่รามินทร์ก็กอดแน่นที่สำคัญหอมแก้มฟอดใหญ่ๆ สลับกันไปมาจนเจ็บแก้มไปหมด

ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด…

“กูรักมึงนะอิน”

“หึหึ ไม่เคลิ้มเว้ย!”

ร่างโปร่งผลักรามินทร์ออกไปแล้วก็วิ่งหนี รามินทร์ส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะออกตัววิ่งไล่จับคนรักที่วิ่งหัวเราะห่างออกไปอย่างสนุกสนาน...

ภายนี้สร้างรอยยิ้มให้กับคนงาน พนักงานที่รักรามินทร์เป็นอย่างมาก ยิ่งคนเก่าคนแก่ที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขของรามินทร์มานานแล้วได้เห็นแบบนี้ก็สบายใจ

‘ความรักชนะทุกอย่าง เหมือนอย่างความแค้น...ที่ไม่อาจห้ามรัก’






THE END



ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนจบ ใช้เวลาอันยาวนานเหลือเกิน ตอนพิเศษจะทยอยลงให้ตามที่เคยบอกเอาไว้นะคะ พี่นี้จะลงให้ครบทุกตอนเลยค่ะ ส่วนรีปริ้นท์ก็เร็วๆ นี้ (แต่ไม่รู้เดือนไหน 555 เรียกว่าเร็วๆ นี้ได้ไหมหนอ)
ขอบคุณมากค่ะ ^_^
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนจบ + บทส่งท้าย => (24/03/61) P.33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-03-2018 22:38:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนที่ 61-63 100% => (10/02/61) P.32-33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-03-2018 22:41:42
ขอบคุณค่ะ
Happy  ทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนจบ + บทส่งท้าย => (24/03/61) P.33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-03-2018 23:28:37
 :L2: :L2: :L2:
ขอบคุณจ๊ะ น่ารักมากมาย
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนจบ + บทส่งท้าย => (24/03/61) P.33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 24-03-2018 23:50:31
กรี๊ดดดด อยากจะฉลอง
ยินดีกับทุกคน แฮปปี้โครต
ขอบคุณนะยูกิ ดีต่อใจมากกกกก
รัก เรื่อง นี้ มาก!
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนจบ + บทส่งท้าย => (24/03/61) P.33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-03-2018 00:00:29
ขอให้มีความสุขแบบสุด ๆ ทุกคู่เลยน่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนจบ + บทส่งท้าย => (24/03/61) P.33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-03-2018 00:01:18
 :impress2:


ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนจบ + บทส่งท้าย => (24/03/61) P.33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-03-2018 09:23:26
มาอ่านอีกทีก็จบแล้ว ขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนจบ + บทส่งท้าย => (24/03/61) P.33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-04-2018 20:41:57
ความรักและการปล่อยวางชนะทุกสิ่ง
อินทดสอบรามได้เข้มมาก แถมมีแนวร่วมดีด้วย
อินเป็นคนปากแข็งแต่ใจนี่อ่อนยวบไปแล้ว

รามก็ยังคงความใจร้อนอยู่บ้าง แต่ก็ยังพอรับไหว
และอาการก็หนักขึ้นไปอีก เพ้อมากไปอีก
ห่างตัวไม่ได้ มีความหลอนมาก สงสัยอาจจะต้องย้ายไปกทม.

หมอเงินแอบร้ายนะคะ แกล้งรามซะไปต่อไม่เป็นเลย
แล้วขรรค์ยังห้ามไม่ได้ด้วย 55555

ทุกคู่น่ารัก และลงเอยด้วยดี
เวลาและความพยายามจากใจ พิสูจน์ทุกอย่าง

เป็นกำลังใจให้นักเขียนต่อไปนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 1 50% => (13/07/61) P.33 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 13-07-2018 20:48:52
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนพิเศษ 1
หึง...หวง




ในรุ่นเดียวกันของคณะ จุลจักรอายุมากที่สุด ทุกคนในคณะรวมถึงปีสูงอย่างปีที่ห้าก็เรียกจุลจักรว่าเฮีย และทุกคนก็นับถือจุลจักรเป็นพี่แม้ว่าจะเป็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยก็ตาม เพราะจุลจักรมาเรียนเพื่อเอาวุฒิเฉยๆ เขาทำงานจริงอยู่แล้ว และทุกคนก็รู้ อาจจะมีบ้างที่ไม่รู้เพราะจุลจักรไม่เคยประกาศ แต่เวลาเรียนคนในเซคชั่นเดียวกันจะรู้เนื่องจากจุลจักรจะรับโทรศัพท์ตลอดเวลา เรื่องนี้ทางบริษัทได้ขออนุญาตกับทางมหาวิทยาลัยเอาไว้แล้ว เลยไม่เป็นปัญหา ผลการเรียนของจุลจักรก็ยังรักษามาตรฐาน เอทุกวิชาจนกลุ่มคนที่ไม่ชอบคิดว่าเขาใช้เส้น

จุลจักรใช้เส้นแค่ตอนเข้ามาเรียนเท่านั้น แต่นอกนั้นก็ความสามารถของเขาล้วนๆ เลย

จุลจักรอยู่ปีสามแล้ว แป๊บๆ เวลาก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน ปัญหาเรื่องงาน เรื่องเรียนไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเหนื่อยตอนปั่นงานส่งกับตอนสอบเพราะงานที่บริษัทก็ชนมาอีก

ส่วนความรัก...กับเจ้าจอมก็ยังมีความสุขดีอยู่ ไม่มีปัญหาอะไร

ตอนนี้เจ้าจอมทำงานให้กับโรงแรมของพี่ชายหลังจากจบปริญญาโทก็เข้ามาเป็นผู้จัดการโรงแรมทันที ชีวิตของทั้งคู่ดีมาก ไม่มีอุปสรรคอะไร...

“วันนี้นายมีเรียนบ่ายใช่ไหม จะเข้าบริษัทก่อนเหรอ” เจ้าจอมที่กำลังแต่งตัวเพื่อเตรียมเข้าโรงแรมถามคนรักที่เห็นคนรักแต่งตัวเข้าบริษัทไม่ใช่แต่งไปเรียน เพราะแต่งไปเรียนร่างสูงจะใส่แต่ช็อป ชุดนักศึกษาจะเห็นช่วงสอบเท่านั้น
เห็นคนรักใส่ช็อปแล้วดูเท่ดีนะ แม้ว่าจะอายุมากกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ดูกลมกลืน ไม่ใช่หน้าเด็กนะ แต่ก็ไม่ได้แก่มากขนาดนั้น...

“ครับ...ต้องไปดูงานใหญ่น่ะครับ มีคุยกับวิศวกรและสถาปนิกด้วย”

“งั้นเหรอ ตั้งใจทำงานนะ อ้อ ก่อนออกไปอย่าลืมกินข้าวล่ะ ฉันทำเอาไว้ให้แล้ว”

“ขอบคุณนะครับ”

“งั้นฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวเข้าประชุมสาย”

“ครับคุณจอม โชคดีนะครับ”

จุ๊บ!!

ร่างเล็กเดินมาแล้วเขย่งเท้าจุ๊บที่ปากของจุลจักรเบาๆ ก่อนจะสะพายกระเป๋าออกจากห้องไป ส่วนจุลจักรก็ยิ้มอารมณ์ดีอย่างทุกวัน แต่งตัวเสร็จก็ไปกินข้าวฝีมือของคนรัก ก่อนจะล้างจานแล้วออกจากห้องไปอีกคน



“สวัสดีครับพี่ จริงสิพี่จักร วันนี้ไม่มีเรียนเหรอพี่” ลูกน้องในแผนกทักทายก่อนจะถามขึ้นเมื่อสงสัย

“อาจารย์ยกคลาส พี่ก็เลยมาประชุมก่อน ตอนบ่ายค่อยไปเรียน”

“พี่นี่เก่งเนอะ ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย คงจะเหนื่อยน่าดูเลย”

“ก็ประมาณหนึ่ง แต่เพื่ออนาคตนี่หว่า ต้องสู้สิ ไปๆ ทำงานได้แล้ว ลูกค้าจะดูแบบไม่ใช่หรือไง” จุลจักรถามลูกน้องของตน

“จริงด้วย งั้นผมขอตัวนะพี่จักร”

“อืม...”

ร่างสูงเดินเข้าห้องประชุมไปเพราะทุกคนคงจะรออยู่แล้ว...และเมื่อประชุมเสร็จเขาก็เปลี่ยนชุดเพื่อที่จะไปมหาวิทยาลัยต่อเพื่อเรียนวิชาภาคบ่าย แต่ก่อนจะไปมหาวิทยาลัย เขาจะผ่านโรงแรมที่คนรักทำงานอยู่ แล้วจะกินข้าวเที่ยงด้วยกันทุกครั้ง
และครั้งนี้ก็เช่นกัน…

“มาหาคุณเจ้าจอมครับ”

“คุณจอมรับลูกค้าอยู่ค่ะ ไม่ทราบว่ามีธุระด่วนหรือเปล่าคะ” พนักงานต้อนรับถามกลับมา ซึ่งจุลจักรก็ทำหน้าเสียดายออกมาเล็กน้อยที่คนรักติดธุระอยู่แต่ไม่เป็นไรหรอก...เขาเข้าใจ

“งั้นไม่เป็นไรครับ ผมไม่มีธุระอะไร”

“งั้นเดี๋ยวดิฉันจะแจ้งคุณจอมให้นะคะว่าคุณจักรมาพบ”

“ขอบคุณครับ”

ร่างสูงทำท่าจะหมุนตัวเดินกลับ ถ้าไม่ได้ยินเสียงของคนรักเดินคุยมากับใครสักคนก่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงได้หาที่หลบ ทั้งๆ ที่ตรงนั่นเป็นคนรักของเขาเอง

“สรุปวันที่มาให้ไวที่สุดยิ่งดีนะครับ ทางโรงแรมจะได้เตรียมห้องไว้ให้กับคณะของคุณสนไม่ขาดตกบกพร่องอะไร ถึงโรงแรมของเราจะไม่ใช่ระดับห้าดาวแต่การบริการของเรายิ่งกว่าระดับห้าดาวอีกนะครับ”

“ฮ่าๆ คุณจอมพูดแบบนี้ เห็นทีว่าผมจะต้องมาใช้บริการบ่อยๆ แล้วล่ะครับ”

“ด้วยความยินดีเลยครับคุณสน”

เจ้าจอมเดินมาหยุดอยู่ตรงเคาท์เตอร์ พนักงานต้อนรับที่คุยอยู่กับจุลจักรเมื่อกี้นี้ก็รีบแจ้งเจ้านายทันทีเพราะทุกครั้งที่มีแขกมาหาผู้เป็นเจ้านาย เธอจำเป็นต้องรีบรายงานเพราะถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องสำคัญอะไร เธอจะได้ไม่ต้องถูกตำหนิถ้าหากว่าเธอทำผิดพลาด

“คุณจอมคะ เมื่อกี้นี้คุณจักรมาหาค่ะ”

“อ้าว? แล้วทำไมไม่บอกเขาล่ะครับว่าให้รอผมก่อน ผมบอกไว้แล้วไงว่าจะคุยกับลูกค้าถึงเที่ยงเท่านั้น แล้วนี่คุณจักรเขากลับไป
นานหรือยัง” เจ้าจอมถามกลับ สีหน้าชักจะไม่พอใจเท่าไหร่

เขาบอกเอาไว้แล้วว่าจุลจักรมาให้รอไว้ก่อน

“ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉันลืมค่ะคุณจอม”

“คุณนี่จริงๆ เลยนะครับ กี่ครั้งแล้วที่คุณลืมแบบนี้”

“คุณจอมครับ...เอ่อ ผมว่าเธอคงจะลืมจริงๆ อย่าตำหนิเธอเลยครับ” ลูกค้าที่เจ้าจอมคุยธุระเพิ่งเสร็จเอ่ยปรามอย่างมีมารยาท ซึ่งเจ้าจอมพอรู้ตัวว่าทำกิริยาไม่เหมาะสมต่อหน้าลูกค้าก็เลยหันมาขอโทษขอโพยใหญ่เลย

“ขอโทษคุณสนด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ว่าแต่คุณจักรนี่ใครหรือครับ” เขาถามเจ้าจอมกลับไปโดยหารู้ไม่ว่ากำลังก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวของเจ้าจอมอยู่

เจ้าจอมที่ได้ยินคำถามแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว ไม่ใช่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คิดยังไงกับตน แต่ว่าเขาก็พยายามมองข้ามและทำตัวกลางๆ สุดๆ ไม่ได้ให้ความสนใจหรือบริการเป็นพิเศษไปจากลูกค้าคนอื่นๆ

“แฟน...คนรักของผมน่ะครับ”

จุลจักรที่แอบยืนฟังอยู่หลังเสาได้ยินแบบนั้นก็ยกยิ้มอย่างดีใจที่คนรักพูดออกไปตามความจริง ไม่ได้โกหกหรือหลีกเลี่ยงแบบที่เขาเคยคิดมาตลอด

เขานึกว่าเจ้าจอมจะไม่กล้าบอกใครว่าเราเป็นอะไรกันเสียอีก เปล่าเลย เจ้าจอมต่างหากที่เป็นฝ่ายประกาศ มาตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่ตอนที่จุลจักรกำลังตามจีบอย่างบ้าคลั่ง

“คุณจอมน่ารัก...”

ร่างสูงยังคงยืนแอบฟังอยู่แบบนั้น

“คุณจอมมีแฟนแล้วหรือครับเนี่ย จริงสิ น่ารักๆ อย่างคุณจอมก็ต้องมีอยู่แล้วสินะครับ ผมนี่ก็พูดอะไรแปลกๆ”

“ครับ...ผมมีแฟนแล้วคบกันมานานแล้วด้วยครับ แล้วนี่คุณสนจะกลับเลยหรือเปล่าครับ” เจ้าจอมพยายามหลีกเลี่ยงและปฏิเสธทุกคนแบบนี้เสมอ

เจ้าจอมไม่อยากให้ชีวิตคู่ของเขามีปัญหา...แม้ว่าเขาจะไม่ได้เล่นก็ตามแต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็อาจจะมีปัญหาในอนาคตด้วย เขาไม่อยากที่จะเป็นต้นเหตุให้รักของเราสั่นคลอน

“ถ้าไม่รังเกียจ คุณจอมไปกินข้าวกับผมได้หรือเปล่าครับ”

“เอ่อ...จะดีเหรอครับ”

“คุณจอมไม่สะดวกหรือครับ” สนถาม ซึ่งเขาเป็นลูกค้ามั่นใจว่ายังไงเจ้าจอมก็ไม่กล้าปฏิเสธแน่ๆ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้น เจ้าจอมตอบรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก ร่างสูงยิ้มอย่างดีใจ

“ก็ได้ครับ”

จุลจักรไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็เข้าใจว่าคนรักไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะอีกคนเป็นลูกค้าและน่าจะตกลงธุรกิจกันเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย หากทำอะไรที่มันไม่ดีออกไป ชื่อเสียงของโรงแรมเสียแน่ๆ

ร่างเล็กหันไปสั่งงานกับพนักงานเล็กน้อยก่อนที่ตัวเองจะเดินตามสนไป ร่างสูงเองก็มองนาฬิกาข้อมือสลับกับมองตามหลังคนรักไปด้วย เรียนก็ต้องไป เป็นห่วงคนรักก็เป็นห่วง...

“เอาไงดีวะจักร”

ถ้าคุณจอมรู้ว่ามึงไม่ไปเรียนต้องโดนโกรธแน่ๆ เลยว่ะ เฮ้อ...เชื่อใจคุณจอมนะ แต่ไม่ไว้ใจไอ้หมอนั่นยังไงก็ไม่รู้...

“เรียนก็เรียนวะ!!!”

ร่างสูงตรงดิ่งไปเรียนด้วยความหงุดหงิด ขนาดที่นั่งเรียนอยู่น้องๆ เซคเดียวกันยังไม่กล้าถามไถ่หรือพูดคุยอะไรเลยเพราะอารมณ์ของจุลจักรดูไม่ดีและไม่มีสมาธิเรียนเอาเสียเลย แต่เวลาทำงานส่งก็ทำออกมาได้ดีไม่มีที่ติเหมือนเดิม แต่ระหว่างที่อาจารย์ปล่อยให้ทำงานส่งนั้น โทรศัพท์ของเขาก็สั่นจนต้องรีบเปิดมาดู

ดวงตาคมเบิกกว้าง กำหมัดแน่นวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเสียงดัง เรียกความสนใจจากเพื่อนๆ ทันที

ปัง!!

“เฮ้ย!! เฮีย เป็นไรอ่ะ ตกใจหมดเลย รู้ไหมว่าทุกคนต้องใช้สมาธิเนี่ย” เพื่อนคนหนึ่งโวยวายขึ้นมา

“เออนั่นดิ ทำเหมือนกับเมียมีกิ๊ก”

ขวับ!!

คนที่พูดโดนสายตาพิฆาตจากร่างสูงทันที ทำเอาคนๆ นั้นหน้าซีดไปเลย

“อุย…ขอโทษคร้าบเฮีย ไม่ใช่หรอกเนอะ”

พอทุกคนไม่กล้ายุ่งหรือสนใจจุลจักร ร่างสูงก็มองแผ่นกระดาษงานของตนอย่างคับแค้น นึกถึงหน้าไอ้คนเมื่อตอนเที่ยงที่คนรักของเขาไปกินข้าวด้วยทันที

เห็นทีว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว...

“ไอ้เหี้ยนั่น...อยากลองดีกับกูหรือไง” ร่างสูงพูดกัดฟันออกมาด้วยความโกรธ ร่างสูงใช้เวลาทำงานส่งไม่นานนักพอเสร็จแล้วก็ขอตัวกลับก่อนทันที

สาเหตุที่ทำให้จุลจักรโกรธมากขนาดนั้นเป็นเพราะว่ามีเบอร์แปลกส่งภาพที่ลูกค้าคนนั้นจับมือของเจ้าจอมตอนอยู่ร้านอาหารโดยที่คนรักของเขาก็ยิ้มด้วย...


ดูยังไงก็รู้ว่าจงใจถ่ายส่งมาหาเขาโดยเฉพาะ และถ้าเดาไม่ผิด เบอร์ที่ส่งมาก็ต้องเป็นเบอร์ของผู้ชายคนนั้นแน่ๆ


ทางด้านเจ้าจอมที่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ออกจากร้านอาหารเพราะถูกชวนคุยอยู่แบบนั้น งานที่รอไปเคลียร์ก็ยังกองอยู่แบบนั้น เป็นแบบนี้โดนรามินทร์ดุแน่ๆ

“โอ้ย!! มาเข้าห้องน้ำนานแบบนี้จะโดนสงสัยไหมวะโทรศัพท์ก็ลืมไว้บนโต๊ะอีก ฮือ...จักร ช่วยฉันด้วย ฉันอึดอัดอ่า อยากออกไปจากที่นี่”

คนตัวเล็กยืนทำใจอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำของร้านอาหารหรูก่อนจะตัดสินใจออกจากห้องน้ำกลับไปที่โต๊ะที่มีสนนั่งรออยู่ พอเห็นเจ้าจอมก็ยิ้มให้

“ของหวานมาพอดีเลยครับ”

“เหรอครับ”

ใช่...นี่ก็ปาไปเกือบสองชั่วโมงแล้วที่เขายังอยู่ที่ร้านอาหารแห่งนี้ อาหารคาวเสร็จก็ตามด้วยของหวาน เป็นลูกค้าที่ไม่มีความเกรงใจเอาเสียเลย

รบกวนเวลาซะจนเสียการเสียงานหมดแล้วเนี่ย

พอทานของหวานเสร็จแล้วก็ยังนั่งคุยอยู่อย่างนั้น เจ้าจอมมีความอดทนที่พอจะทนได้อยู่ แต่ถ้ามันมากเกินไปเมื่อไหร่ เขาก็คงจะไม่ทนแล้วเหมือนกัน

แต่ตอนนี้ต้องทนในระดับสูงสุด เพราะลูกค้าเป็นถึงรายใหญ่ของโรงแรมที่ใช้บริการบ่อยสุดๆ ถึงแม้ว่าสนจะรับคำสั่งจากบริษัทมาอีกที แต่ก็ถือว่าเป็นลูกค้าเหมือนกัน

ทนไว้...เจ้าจอม

“คุณจอมครับ พอดีว่าผมชอบแหวนที่นิ้วของคุณจอมมากเลย สวยดีนะครับ” สนชวนคุยเมื่อเห็นว่าบรรยากาศมันเงียบๆ

“อ๋อ...แฟนให้น่ะครับ”

“เหรอครับ สวยดีนะครับ ขอดูใกล้ๆ ได้หรือเปล่า”

เจ้าจอมทำตัวไม่ถูก จะให้ดูดีหรือเปล่า รู้ทั้งรู้ว่าอีกคนหาเรื่องแต๊ะอั๋งเขาก็เท่านั้น...ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาจะวีนให้ร้านอาหารนี้แตกไปเลยล่ะ

แต่จอมทำไม่ได้อ้า

“ได้สิครับ”

ร่างบางทำท่าจะถอดแหวนออกแต่มันดันซวยถอดไม่ออก ก็เลยยิ้มแห้งให้กับคนตรงหน้าที่ยังคงนั่งมองเขาด้วยรอยยิ้มแปลกๆ

“ขอโทษด้วยครับคุณสน มันถอดไม่ได้ เอาไว้เดี๋ยวผมส่งภาพให้นะครับ”

“ผมขอดูแป๊บเดียวเองครับ หรือว่าคุณจอมรังเกียจผม”
แล้วแบบนี้เจ้าจอมจะทำอะไรได้นอกจากยื่นมือไปด้วยรอยยิ้มที่ฝืนยิ้มออกไปเต็มที...โดยไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าให้พนักงานบริการคอยถ่ายภาพนี้เอาไว้อยู่ และไม่มีทางรู้เลยว่าตอนที่เจ้าจอมไปเข้าห้องน้ำ คนตรงหน้าก็ถือวิสาสะดูโทรศัพท์ของตน...


ประมาณเกือบบ่ายสามโมงที่สนมาส่งเจ้าจอมที่โรงแรมคืน พอสนกลับไปเจ้าจอมก็กระทืบเท้าอย่างต้องการระบายความรู้สึกไม่สนใจเลยว่าพนักงานจะมองตนเองอยู่

“คุณจอมคะ คุณจักรมารอที่ห้องทำงานค่ะ”

“ห๊ะ! ห้องทำงาน?”

“ใช่ค่ะ ดูท่าทางโมโหมากๆ ด้วยนะคะ”

ซวยแล้ว...จักรต้องรู้แล้วแน่ๆ รายนี้ยิ่งหึงแรง หวงแรงอยู่ด้วย แม้ว่าจะไว้ใจเราขนาดไหน แต่ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้ยังไงจักรก็หึงแน่นอน

“โอเคๆ ถ้ามีปัญหาอะไรก็จัดการกันเองเลย ไม่ต้องรบกวน ไม่ต้องเรียก ถ้าพวกเธอทำอะไรผิดพลาดฉันรับผิดชอบเอง”

“ได้ค่ะคุณจอม”

เจ้าจอมกลืนน้ำลายตัวเองแล้วเดินอ้อมไปด้านหลังที่เป็นห้องทำงานของตน โชคดีที่โรงแรมนี้เขาจะมีห้องผู้จัดการแยกจากห้องของพนักงานที่อยู่หลังเคาท์เตอร์

แกร็ก!!!

“ล็อกประตูด้วยครับ” เสียงเย็นๆ ของคนรักดังขึ้นทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน

“คือ...เอ่อ”

ที่ผ่านมามีเพียงแค่จุลจักรที่เป็นฝ่ายกลัวเจ้าจอม แต่ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้ทีไรคนที่น่ากลัวที่สุดคือจุลจักร ที่เดาไม่ได้ว่าจะทำอะไรกับเขา จะมากจะน้อยแล้วตอนนี้อารมณ์อยู่ที่ระดับไหน เพราะฉะนั้นเขาก็เลยต้องล็อกประตูตามที่จุลจักรบอก ไม่งั้นถ้ามีคนไม่รู้เข้ามา อาจจะเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นก็เป็นได้...

“วันนี้เลิกเรียนไวจัง”

“ไปเที่ยวมาสนุกไหมครับ” สวนกลับด้วยคำถามเช่นกัน น้ำเสียงเรียบเย็นของจุลจักรทำให้เขารู้สึกขนลุกจนทำอะไรไม่ถูก

“คือ...ฉันไม่ได้ไปเที่ยวนะจักร ฉันไปกินข้าวกับลูกค้ามา”

“ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้เหรอครับ”

“ก็มันเลี่ยงไม่ได้นี่นา”

“เลี่ยงไม่ได้หรือไม่อยากเลี่ยงครับ” จุลจักรยังคงซักไม่ยอมฟังเหตุผลของเจ้าจอมเลย แต่เจ้าจอมก็ไม่ได้น้อยใจอะไร เข้าใจมากกว่าว่าคนรักตัวเองเป็นยังไง

“ไว้ใจกันหน่อยซี่”

“เรื่องไว้ใจมันก็ไว้ใจครับ แต่ถ้าใครเห็นแบบผมมันก็ต้องโกรธเหมือนกัน”

ประโยคที่คนรักพูดออกมาทำให้เจ้าจอมรู้สึกสงสัยว่าจุลจักรไปเห็นอะไรมา

“เห็น...เห็นอะไร”

“นี่ไงครับ” จุลจักรตอบพลางยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูของตนให้กับร่างเล็ก เจ้าจอมก็หยิบมันมาเปิดดู ดวงตาสวยเบิกกว้างมองหน้าคนรักอย่างไม่รู้จริงๆ

“ไม่รู้เรื่องนะ ตอนนั้นเขาขอดูแหวนที่นายให้ แต่ฉันจะถอดแล้ว มันถอดไม่ออก ฉันก็เลยให้เขาดูทั้งมือนั่นแหละ มันไม่มีอะไรจริงๆ นะจักร”

“ผมโมโหมากรู้ไหมครับ”






50%
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

อ่านไปก่อนครึ่งแรกนะคะ แล้วจะมาลงต่อให้ค่ะ ยูกิว่ายูกิตัดแบบไม่ทำร้ายเท่าไหร่ แหะๆ ไม่ค้างคาหรอกน่อ ติดตามข่าวสารการอัพเดท ต้องการพูดคุย ก็ทักได้ที่แฟนเพจเน่อ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 1 50% => (13/07/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 13-07-2018 21:22:13
ไม่ค้างอะไรคะยูกิ
ค้างตัวโตๆเลย
จักรโครตหึงอะ
เป็นห่วงคุณจอม 55+
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 1 50% => (13/07/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 27-07-2018 21:58:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 1 100% => (27/07/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 27-07-2018 22:38:25
ตอนพิเศษ 1 (ครึ่งหลัง)



“ผมโมโหมากรู้ไหมครับ”
“ฉันรู้ แต่ฉันไม่คิดอะไรกับเขา ฉันรำคาญเขาจะตายไป แต่เราเพิ่งทำสัญญาเสร็จ นายจะให้ฉันทำเสียเรื่องหรือไงล่ะ พี่รามด่าตายเลย” ร่างเล็กบ่นอุบอิบ มองร่างสูงที่จ้องตาขวางแล้วหลบตาหนี ไม่กล้าที่จะสบตากับคนรักเท่าไหร่นัก
“แต่ผมไม่ชอบใจนี่ครับ”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
“จากนี้ไปถ้าอะไรที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจ คุณจอมก็มีมาตรการขั้นเด็ดขาดเลยว่าจะไม่นัดกับลูกค้าหากไม่เกี่ยวกับงาน เหมือนที่ไอ้อินทำอยู่ตอนนี้” จุลจักรพาดพิงถึงเพื่อนสนิทและพ่วงด้วยตำแหน่งเจ้านายของตนด้วย จะหาว่าเขางี่เง่าก็ได้ แต่มันห้ามความรู้สึกกลัวไม่ได้จริงๆ
“ก็ได้ๆ ฉันจะทำแบบนั้นก็ได้นะ สบายใจหรือยัง”
“มันแค่จับมือใช่ไหมครับ”
“อือ...แค่นั้นแหละ และแป๊บเดียวด้วย”
“มันกล้าดียังไง ทั้งๆ ที่คุณจอมบอกว่ามีแฟนแล้วแท้ๆ เลย” จุลจักรส่ายหน้าไปมาคว้ามือขอองคนรักข้างซ้ายมาแล้วก็ลูบๆ
“นายรู้ได้ไงว่าฉันบอกเขาไปว่าฉันมีแฟนแล้ว”
“ก็ตอนนั้นผมยังอยู่”
“แล้วทำไมไม่ออกมา นายรู้ไหมว่าถ้านายออกมา ฉันก็ไม่ต้องไปกินข้าวกับไอ้บ้านั่นหรอก นายนั่นแหละผิด ผิดเต็มๆ เลยด้วย
อ้าว? คดีพลิก...
ร่างสูงคิดตามก็เห็นด้วยที่ว่า ถ้าเขาเข้าไปเมื่อเที่ยงคงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้แน่ๆ โง่จริงๆ เลยไอ้จักรเอ้ย!!! ผิดที่มึงนั่นแหละ...
“จริงด้วยสิ”
“โง่!! นายนั่นแหละ ไม่มีสิทธิมาโกรธฉันแล้วนะ นั่งลงเลย ฉันจะนั่งเคลียร์งานต่อ”
ในจังหวะที่เจ้าจอมกำลังเดินผ่านจุลจักรไป แขนแกร่งของคนรักก็ฉุดให้คนตัวเล็กมานั่งทับตักหนาของเขา แล้วก็โอบรัดร่างของเจ้าจอมเอาไว้อย่าง้องอน ออดอ้อน
“ขอโทษนะครับ”
“ไม่ต้องเลย ปล่อย...”
“คุณจอมโกรธหรือเปล่าครับ” จุลจักรถามคนรักเสียงอ่อนลง
“โกรธดิ นายก็ชอบใจร้อนแบบนี้ อยากให้ใช้วิธีแบบเดียวกับที่พี่อินใช้กับพี่รามไหม” เจ้าจอมถาม น้ำเสียงและสีหน้าของเขาจริงจัง
จุลจักคิดภาพตามก่อนจะส่ายหน้ากลัวๆ ถ้าต้องให้ห่างจากคุณจอมอีก เขาคงจะรับไม่ได้ อยู่ไม่ได้แน่ๆ ทุกวันนี้ทั้งงานทั้งเรียนก็เหนื่อยพอแรงอยู่แล้ว ไม่มีคนคอยให้กำลังใจเขาต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ
ตายจริงๆ
“ไม่เอานะครับ นะครับคุณจอม”
“ฉันล้อเล่นน่า ฉันเองก็อยู่ห่างจากนายไม่ได้หรอก”
พอได้ยินแบบนั้นจุลจักรก็ยอมปล่อยร่างบางให้ไปทำงานต่อ ซึ่งเขาก็หยิบแท็ปเล็ตของตัวเองขึ้นมาทำงานรอคนรักเช่นกัน
สรุปแล้วที่ให้ล็อกห้อง ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการพูดคุยเคลียร์กัน เจ้าจอมก็ได้แต่แอบโล่งใจ...
...
...
...

วันนี้จุลจักรมารอรับคนรักกลับบ้านเพราะเรียนเสร็จก็ตรงดิ่งมานี่เลยทันที ระหว่างที่นั่งรอเจ้าจอมคุยกับลูกค้า เจ้าเก่าเจ้าเดิมอย่างสนอยู่
“วันนี้คุณจอมไม่ไปทานข้าวกับผมหรือครับ”
“อ๋อ...วันนี้แฟนผมมารอรับกลับน่ะครับ”
“ว้า...เสียดายจัง คุยกับคุณจอมสนุกดีนะครับ ผมชอบ” คำว่าชอบสนจงใจมองร่างเล็กกว่าอย่างจาบจ้วงซะจนเก็บความรู้สึกรังเกียจเอาไว้ไม่อยู่
“ฮะๆ อ๊ะ! คนรักของผมมานั่งนั่งรอแล้วล่ะครับ จักร!!” เจ้าจอมตะโกนเรียกชื่อคนรักของตนที่กำลังนั่งหันหลังให้อยู่ จุลจักรลุกขึ้นแล้วเดินมาหาทั้งสองคนทันที สนมองการแต่งตัวของจุลจักรตั้งแต่หัวจรดเท้า...
เสื้อยืดสีดำทับด้วยช็อป สะพายกระเป๋าเป้ กางเกงยืนสีซีด
ดูยังไงก็ไม่น่าจะดีไปกว่าเรา ไม่สิ สู้เราไม่ได้ด้วยซ้ำ
“คุณจอม เสร็จแล้วหรือครับ”
“อื้อ เสร็จแล้ว นายล่ะ รอนานไหม”
“ไม่นานครับ” จุลจักรยิ้มหวานให้คนรัก
“อ๊ะ! จริงสิ นี่คุณสน...”
“สวัสดีครับ ผมสน เป็นลูกค้าคำสำคัญของคุณจอมน่ะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณ...” สนทำเป็นไม่รู้จักชื่อทั้งๆ ที่เจ้าจอมก็เคยพูดถึง และก็เรียกเสียงดังเมื่อกี้นี้อีก
“ผมจักรครับ...ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะครับ”
“ว่าแต่คุณจักรยังเรียนอยู่หรือครับ?”
“ครับ...ยังเรียนอยู่” เขาตอบแค่นี้ ส่วนคนที่ฟังอยากจะเข้าใจยังไงก็ปล่อยให้เข้าใจไป
“งั้นเหรอครับ”
“ว่าแต่คุณสนหน้าคุ้นๆ นะครับ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย” จุลจักรพูดขึ้นมา พยายามทำเหมือนกับคิดอยู่ว่าเคยเจอคนๆ นี้ที่ไหน
“งั้นเหรอครับ แต่เราไม่เคยเจอกันนะครับคุณจักร”
“อ๋อ...หน้าของคุณคงมีคนซ้ำเยอะมั้งครับ ผมเลยอาจจะจำคนผิด” เจ้าจอมหันข้างไปแอบยิ้มคนเดียว เมื่อได้เห็นมุมแบบนี้ของคนรัก
“นี่คุณ...ว่าผมหรือเปล่าครับ”
“เปล่านี่ครับ มีตรงไหนที่ผมว่าคุณกัน?” จุลจักรทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จากคนที่ดูมึนๆ อยู่แล้ว เวลาตั้งใจทำให้ดูมึนยิ่งเหมือนเข้าไปอีก
“เอ่อ...ต้องขอโทษแทนจักรด้วยนะครับคุณสน”
“พวกเราขอตัวนะครับคุณสน ถ้ามีงานอะไรติดต่อทางพนักงานได้เลย”
“เอ่อ...ครับ”
“ไปกันเถอะจักร หิวมากแล้วล่ะ”
“ครับ”
จุลจักรหันไปยิ้มเยาะเย้ยสนเล็กน้อยก่อนจะโอบเอวคนรักออกไปจากโรงแรม...ส่วนสนเองก็ได้แต่ยืนฟึดฟัดไม่พอใจที่โดนยิ้มเยาะเย้ย แต่ถ้าคิดว่าเขาจะหยุด ไม่มีทางหรอก
ต่อให้มีเจ้าของแล้วก็ตามที…
หมับ!!
ในขณะที่เจ้าจอมกำลังจะเปิดประตูรถเพื่อเข้าไปนั่ง ต้นแขนของเขาก็ถูกใครบางคนรั้งเอาไว้ พอหันกลับไปก็เห็นว่าเป็นสน เจ้าจอมแสดงสีหน้าไม่พอใจทันที
“อะไรของคุณเนี่ย ผมไม่ชอบนะครับ”
“ขอโทษครับคุณจอม ผมแค่จะเรียกคุณจอม”
“ถ้าเรียกก็ตะโกนสิครับ ทำแบบนี้ผมไม่ชอบ” เจ้าจอมรั้งแขนกลับมา ส่วนจุลจักรที่นั่งอยู่ในรถก็เปิดประตูออกมาคืน จ้องคนที่บังอาจมาแตะต้องตัวของเจ้าจอมอย่างโมโห
“คือว่ารถของผมยางแตกน่ะครับ จะเป็นไรไหมถ้าผมจะขอติดรถไปด้วย”
“ให้ผมเรียกแท็กซี่ให้ไหมล่ะครับ พอดีพวกเราจะไปทานข้าวกันก่อน นานด้วยนะครับ” เจ้าจอมตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ จ้องหน้าคนเป็นลูกค้าอย่างเย็นชา
“ถ้าไม่เป็นการรบกวน ผมขอไปทานข้าวด้วยได้ไหมครับ”
“ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาท ผมขอปฏิเสธได้หรือเปล่าครับ” เจ้าจอมพูดเสียงเย็นทำเอาสนหน้าเจื่อนไปเลยเพราะไม่คิดว่าตนจะโดนเจ้าจอมปฏิเสธ เห็นที่ผ่านมาร่างเล็กเกรงใจเขามากๆ
“คุณจอมพูดแบบนี้แน่ใจแล้วหรือครับ”
“จะขู่ผมเหรอครับ”
“เปล่าครับ แต่ว่าโรงแรมคุณจอมได้ยอดจากเราไม่น้อยเลยนะครับในแต่ละครั้งน่ะ” 
เจ้าจอมนิ่ง...ต่อปากต่อคำไปไม่เป็นเลยทีเดียว ส่วนจุลจักรก็ยืนมองเงียบๆ อยากจะเข้ามาช่วยคนรัก แต่ว่ากลัวจะทำให้เรื่องมันเสียไปมากกว่านี้...
“คิดดีๆ นะครับ”
“งั้นเดี๋ยวผมจะคุยกับเจ้านายคุณเอง”
สนหน้าเสีย ไม่คิดว่าเจ้าจอมจะเล่นแบบนี้ ส่วนจุลจักรก็กระตุกยิ้มสะใจ
“ผมมีสิทธิที่จะพูดเพราะคุณก้าวล้ำเวลาส่วนตัวของผมมากเกินไป เป็นใครก็ไม่ชอบใจ แล้วนี่ผมจะใช้เวลากับคนรักของผม มันนอกเหนือเวลางานแล้ว คุณก็ยังพูดไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่อยากให้เรื่องแบบนี้ถึงหูเจ้านายของคุณก็ช่วยหยุดพฤติกรรมแบบนี้ด้วยนะครับ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
เจ้าจอมตามร่างของลูกค้าไปยังรถของเขา แล้วก็ขับออกไป
“ไหนว่ายางแตกไงวะ” จุลจักรตะโกนไล่หลังอย่างไม่พอใจ “คุณจอม ขึ้นรถเถอะครับ”
“พี่รามต้องด่าฉันแน่ๆ”
“ไม่หรอกครับ ถ้าคุณจอมบอกเหตุผลที่แท้จริง คุณรามก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ คุณรามรักคุณจอมมากนะครับ เชื่อเถอะว่าถ้าเป็นคุณราม คุณรามก็ไม่คิดจะต้อนรับคนแบบนี้ และที่สำคัญเขาก็แค่คนติดต่อนี่ครับ ไม่ใช่เจ้าของบริษัทสักหน่อย”
“อือ...ไปเถอะ กลับบ้านกินมาม่าดีกว่า หมดอารมณ์”
“เอาแบบนั้นเหรอครับ”
“อื้อ...”
ร่างแกร่งพาเจ้าจอมกลับคอนโดทันทีไม่พาแวะทานข้าวอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก...
...
...
...

“อืม...ใจเย็นๆ ครับ”
จุลจักรห้ามปรามคนรัก เพราะเมื่อมาถึงคอนโดเจ้าจอมก็ปล้ำจูบเขาทันทีที่ประตูห้องปิดลง คนตัวเล็กจู่โจมเสียจนเขาไม่อาจจะห้ามปรามแรงกลัวว่าเจ้าจอมจะล้ม ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้คนรักทำ แต่ร่างกายของจุลจักรมันมีแต่เหงื่อไคล สกปรกอีกด้วย อยากอาบน้ำให้สะอาดก่อน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สำคัญสำหรับเจ้าจอมเท่าไหร่
“ไม่เอาสิครับคุณจอม ไม่หงุดหงิดสิ”
ถ้าวันไหนที่เจ้าจอมเริ่มก่อนแบบนี้แสดงว่าโกรธ หงุดหงิด โมโห เลยหาที่ระบาย แต่เจ้าจอมก็เป็นฝ่ายเริ่มเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องสังเกตอารมณ์ตอนที่เริ่มเอาว่าเจ้าจอมจะอยู่ในอารมณ์ไหน ซึ่งมันต่างจากจากทุกครั้ง เพราะคราวนี้เจ้าจอมหงุดหงิดมากๆ
“ฉันขยะแขยงมือที่มันจับฉันอ่ะ”
“ผมทราบครับ”
“ลบมันที”
“ครับ”
ร่างสูงยกร่างบอบบางขึ้นมาอุ้มแนบอก ตรงดิ่งไปยังห้องนอนห้องใหญ่ทันที เขาวางร่างคนรักลงบนเตียงนุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะคร่อมทับร่างกายบอบาง จู่โจมด้วยมือและปาก...
เสื้อผ้าของทั้งสองคนค่อยๆ หลุดออกไปทีละชิ้น ทีละชิ้นจนกระทั่งเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งสองคน  ฝ่ามือหยาบของจุลจักรลูบไล้ไปทั่วร่างกายเนียน เจ้าจอมเองก็ลูบตามกล้ามหน้าท้องและแผ่นอกแกร่ง เชิดหน้าขึ้นครางลั่นเมื่อปลายลิ้นสัมผัสที่ยอดอกสวยของเขา
“อ๊า...อื้อ ดีจัง”
“ผมรู้...ว่าคุณจอมชอบให้เล่นตรงนี้” ว่าแล้วก็เลียสลับข้างกันไปมา เรียกเสียงครางหวานจากเจ้าจอมอย่างต่อเนื่อง ร่างแกร่งชอบที่จะฟังเสียงแบบนี้ของเจ้าจอมเพราะมันยิ่งไปกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างให้มันประทุขึ้นอีก ยิ่งเวลาเจ้าจอมทำสีหน้าเสียวซ่านและกัดริมฝีปากอย่างตอนนี้ เขาก็ยิ่งทนไม่ไหวแล้ว
“อ๊ะ...แรงๆ อื้อ”
“ผมจะเข้าไปแล้วนะครับ”
เจ้าจอมตอบโดยการพยักหน้าน้อยๆ และโดยไม่ทันตั้งตัว แก่นกลางลำตัวของจุลจักรก็สอดแทรกเข้ามาในช่องทางอ่อนนุ่มของเจ้าจอม
ร่างเล็กผวาเฮือกกอดร่างคนตัวใหญ่กว่าที่อยู่ด้านบน ก่อนจะโน้มคอแกร่งมาบดจูบอย่างร้อนแรงส่วนด้านล่างร่างแกร่งก็กระแทกกระทั้นเน้นๆ เสียงอื้ออึงจากคำคอสวยก็ดังขึ้นเป็นระยะๆ
“อ๊า...อ๊ะ”
“รัดแน่นมากครับ อืม”
“เร็วๆ จักร เร็วกว่านี้”
จากตอนแรกที่บอกจะกลับมากินข้าวที่บ้านก็กลายเป็นว่าตอนนี้กินกันเองเสียอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าจอมหายหงุดหงิดแล้วจุลจักรก็มีส่วนได้แบบนี้ก็ถือว่าแฟร์กันทั้งสองฝ่าย
ไม่ได้มีอะไรที่มันไม่ดี ยังไงเราสองคนก็เป็นคนรักกันอยู่แล้ว
“อืม...อ๊า” เสียงทุ้มต่ำของจุลจักรดังออกมาอย่างพึงพอใจในรสรักครั้งนี้เป้นอย่างมาก แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะไม่พอใจกับการร่วมรักกับคนรัก
“ดีไหมครับคุณจอม แบบนี้ อื้อ...ดีหรือเปล่า” ถามพลางสวนสะโพกสอบเข้าออกอย่างหนักหน่วงกระแทกโดนจุดกระสันด้านในทำเอาร่างบอบางครางไม่ได้ศัพท์ แต่มองสีหน้าที่เสียวซ่านปนมีความสุขของเจ้าจอมก็ยิ่งทำให้จุลจักรทำรุนแรงมากขึ้นอีกเท่านั้น
เมื่อใกล้ถึงสวรรค์รำไรก็ยิ่งเร่งจังหวะเพื่อให้ไปถึงฝั่งฝัน และไม่นานร่างของทั้งคู่ก็กระตุกเกร็งปลดปล่อยน้ำสีขุ่นออกมาโดยที่ร่างเล็กปลดปล่อยก่อน ตามด้วยร่างสูงที่สวนกายเข้าออกอีกสองสามทีแล้วแช่ตัวอยู่ข้างในนานๆ
เจ้าจอมรู้สึกได้ถึงบางอย่างฉีดเข้ามาในร่างกาย แต่มันก็ให้ความรู้ดีอย่างประหลาดแม้ว่าจะทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวยามนอนก็ตาม
“ดีขึ้นยังครับ” จุลจักรถามคนรักที่นอนหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย
“อืม...ดีขึ้นแล้วล่ะ”
“อารมณ์ดีแบบนี้แล้วดีจังเลยครับ”
“ทำไม?”
“ผมจะพาคุณจอมไปอาบน้ำนะครับ” สีหน้าของคนพูดไม่ได้สื่อความหมายแค่นั่นน่ะสิ ร่างเล็กก็เลยรีบขยับตัวออกห่างจนแก่นกายของคนรักหลุดออกจากร่างกาย
“ไม่ต้องเลย รอบเดียวพอ”
“แต่ผมไม่พอ ป่ะครับ”
“เฮ้ย!! ก็บอกว่าไม่ไง!!! ม่ายยย”
ร่างเล็กถูกอุ้มเข้าห้องน้ำไป โดยที่เจ้าจอมร้องโวยวายลั่นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางระงมทั่วห้อง...





100%

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ลงครบ 100% แล้วนะคะ แล้วเจอกันกับคู่ต่อไปจ้า ฝากคอมเม้นท์ให้กำลังใจกันด้วยน้า ใครคิดถึงเรื่องนี้บ้าง ก็ระบายความคิดถึงมาได้เลย หรือต้องการพูดคุย ก็ทักได้ที่แฟนเพจเน่อ https://www.facebook.com/sawachiyuki/
 (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 1 100% => (27/07/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-07-2018 19:47:21
 :pig4: :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 1 100% => (27/07/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 29-07-2018 20:47:03
จักรไม่ได้เริ่มก่อน แต่ไม่เคยจบที่รอบเดียวสินะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 1 100% => (27/07/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 15-09-2018 21:16:17
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 1 100% => (27/07/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-09-2018 16:46:22
หงุดหงิดบ่อยๆ ก็ดีนะเจ้าจอม อิอิอิ
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 2 50% => (20/09/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 20-09-2018 22:21:07
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนพิเศษ 2
เซอร์ไพรส์ (ล่มไหม?)



“อีกหนึ่งอาทิตย์เอง ใกล้แล้วสินะ”

ขรรค์พึมพำขณะที่ตนกำลังนั่งมองปฏิทินที่ได้ขีดวงกลมสีแดงล้อมรอบวันที่ยี่สิบห้ามีนาคมที่จะถึงนี้เอาไว้...มันเป็นวันเกิดของหิรัญ คนรักของเขาเอง

วันเกิดครบรอบสามสิบปี…ที่ขรรค์อยากจะให้มันพิเศษกว่าปีก่อนๆ หน่อย

“ทำอะไรน่ะพี่ขรรค์”

ร่างแกร่งสะดุ้ง

“ชะเอม...มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย พี่ตกใจหมด” เด็กสาวหัวเราะลั่นที่เห็นท่าทีของเจ้านาย

“ก็เห็นพี่ขรรค์นั่งบ่นอะไรคนเดียวก็ไม่รู้ หนูก็เลยย่องเบามา”

“ปากเก่งจังเลยนะเรา มาทำอะไรล่ะ ก็ไปทำงานเถอะ”

“ค่า...ชะเอมรับทราบค่า”

ร่างสูงมองตามร่างเล็กๆ ของอดีตเด็กหญิงที่ตอนนี้เป็นนางสาวไปแล้ว แต่มองยังไง ชะเอมก็ยังเป็นเด็กกะโปโลคนเดิมที่ไม่ดูเป็นสาวตามเพื่อนๆ เลยสักนิด

“ชะเอม!! มานี่ก่อน พี่มีเรื่องอยากจะให้ช่วยหน่วย”

“ห๊ะ! หนูเนี่ยนะ?” ชะเอมชี้มาที่ตัวเองงงๆ ที่โดนเรียกเอาไว้

“ใช่...เรื่องนี้ชะเอมช่วยพี่ได้แน่ๆ”

“ทำไมเหรอ จะให้หนูช่วยอะไร”

“มานี่ๆ มาคุยกันเงียบๆ”

“อะไรกันเนี่ย ทำไมต้องมีลับลมคมในด้วย” ถึงจะบ่นแบบนั้น หญิงสาวก็เดินมาหาขรรค์แต่โดยดีแถมยังตั้งใจฟังสิ่งที่ขรรค์ขอความช่วยเหลืออย่างตื่นเต้น ดวงตาโตวาววับอย่างชอบใจ

“ก็ตามนี้แหละ แค่ทำตามนี้เท่านั้น เดี๋ยวที่เหลือพี่จัดการเอง”

“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการให้!!”

พูดจบแล้ว ชะเอมก็วิ่งออกไปด้วยความดีใจที่ตัวเองได้รับคำสั่งให้ทำงานใหญ่

ขรรค์ส่ายหน้าไปมาด้วยความระอาแต่ก็เอ็นดูเห็นเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งของตนที่หลายปีมานี้ช่วยทำงานแบ่งเบาภาระป้าน้อยได้เยอะเลยล่ะ

เดือนนี้ทั้งเดือนหิรัญเข้าเวรเช้า เขาก็เลยสามารถที่จะเตรียมอะไรบางอย่างได้ในช่วงนี้


หิรัญรู้สึกว่าช่วงนี้คนรักตัวเองทำตัวแปลกๆ มีความลับ ทำตัวลับลมคมในจนเขารู้สึกสงสัยและอยากจะรู้มากๆ แถมยังชอบกระซิบกระซาบกับชะเอมอีกด้วย พอเขาแอบถามเอาจากชะเอม หญิงสาวก็ไม่ตอบแล้วก็ยิ้มแปลกๆ อีกด้วย

“เงินไปทำงานก่อนนะขรรค์”

“ครับ...ขอโทษด้วยนะที่ช่วงนี้ไม่ได้ไปส่งเลย”

“ไม่เป็นไรหรอก เงินเข้าใจว่าขรรค์คงจะมีธุระ ‘สำคัญ’ กว่า” หิรัญแอบประชดประชันด้วยความน้อยใจ ที่เหมือนคนรักกำลังทำอะไรบางอย่างลับหลังเขา

“ใช่ ขรรค์มีธุระที่สำคัญกว่านั้นต้องทำน่ะ โชคดีนะครับ” ไม่ใช่ว่าขรรค์ไม่รู้ว่าคนรักกำลังน้อยใจ แต่ให้ทำยังไงได้ บอกไปตอนนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ

“อื้อ…น้องรักษ์ เสร็จหรือยังลูก จะได้ไปเรียนกัน” หิรัญตะโกนถามลูกชายวัยห้าขวบที่ตอนนี้กำลังเรียนอนุบาลหนึ่งอยู่ที่โรงเรียนใกล้ๆ แถวนี้ ซึ่งหิรัญผ่านทุกวันก็จะไปส่งลูกชายด้วย

“เสร็จแล้วค้าบ”

เด็กน้อยในชุดอนุบาลวิ่งมาหาเขา น้องรักษ์เป็นเด็กดี ร่าเริงแจ่มใส เป็นที่รักของเพื่อน และไม่เคยงอแงไม่ไปโรงเรียนเลยสักครั้ง

“ไปกันเลยไหมครับ”

“ไปกันเล้ย!!!”

“ไปแล้วนะขรรค์ เอ้า! น้องรักษ์ทำไงเอ่ย”

“รักษ์ไปโรงเรียนก่อนนะฮับพ่อขรรค์ สวัสดีคับ” เด็กชายรักษ์ยกมือน้อยๆ ไหว้พ่ออีกคนของตน ส่วนขรรค์เองก็ยิ้มแล้วลูบผมของน้องรักษ์อย่างเอ็นดู

“โชคดีนะครับสุดหล่อ”

หิรัญยิ้มให้กับขรรค์เล็กน้อยก่อนจะพาลูกชายขึ้นรถแล้วออกจากบ้านไป ส่วนขรรค์ที่มองคนรักไปจนลับสายก็หมุนตัวกลับ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครบางคนที่เป็นตัวช่วยให้กับเขา

“มาได้เลยครับ ผมรออยู่ที่บ้าน”


ระหว่างวัน หิรัญรู้สึกตะขิดตะขวงใจแปลกๆ กับการกระทำที่ดูแปลกไปของขรรค์ ก็เลยขอลากลับครึ่งวัน เขาเลือกที่จะจอดรถไว้ไกลๆ เพื่อเดินเข้าบ้าน ไม่อยากให้คนรักรู้ แต่เมื่อมาถึงประตูบ้าน ก็เห็นร้องเท้าที่ดูยังไงก็ของผู้หญิงแน่ๆ อยู่หน้าบ้าน ใจของหิรัญเริ่มรู้สึกไม่ดี แทบจะไม่กล้าก้าวขาเข้าบ้าน แต่ยังไงวันนี้เขาก็รู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนรักถึงได้ทำตัวมีความลับ
สองเท้าก้าวเข้าไปในบ้าน มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของขรรค์แล้วก็ผู้หญิงคนนั้น แต่เสียงหัวเราะของหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักแน่ๆ ดังขึ้นมาจากทางห้องครัว หิรัญรีบตรงไปทางนั้นทันที

“ดีไหมครับ”

“แบบนั้นแหละค่ะ”

“แล้วยังไงต่อดีครับ”

“ก็ตีให้เข้ากันค่ะ น้องว่าน้องสอนมาหลายวันแล้วนะคะ ทำไมถึงทำไม่ได้สักทีเนี่ย”

“ก็มันลืมนี่ครับ”

หญิงสาวที่แทนตัวเองว่าน้องหัวเราะเบาๆ หิรัญยื่นหน้าแอบดูอยู่จากทางด้านหลัง ได้เห็นและได้ยินทุกอย่าง หญิงสาวรูปร่างบอบบาง ใบหน้าไม่ได้สวยมากกำลังยืนประชิดกับคนรักของเขาที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่

“แล้วทำลับๆ แบบนี้หมอเงินจะไม่สงสัยเอาเหรอคะ”

หืม...

โชคดีที่หิรัญเป็นคนใจเย็น ประสบการณ์ที่ผ่านมาค่อยๆ สอนให้เขาเรียนรู้อะไรหลายๆ เรื่อง อย่างเช่นเรื่องที่มันอาจจะเป็นแค่เรื่องคิดไปเองแบบนี้เหมือนกัน

“สงสัยครับ เงินเป็นคนฉลาดจะตาย อะไรที่ผิดปกตินิดเดียวก็เริ่มสงสัยแล้ว”

“อ้าว? แล้วจะไม่ผิดแผนเหรอคะ”

“ไม่รู้สิครับ แต่ผมว่ามันจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ ผมก็อยากให้เงินได้เห็นความตั้งใจของผมมากกว่า”

“น้องว่าหมอเงินต้องดีใจมากๆ ที่คนรักของเขาทำเพื่อตัวเองขนาดนี้ ขนาดสามีของน้องยังไม่ทำอะไรแบบนี้ให้เลย อิจฉาหมอเงินจัง”

“แต่เขาก็รักคุณน้องไม่ใช่เหรอครับ”

“ฮ่าๆ นั่นสินะคะ”

“แล้วยังไงต่อครับ”

“ต่อไปก็ใส่...”

หิรัญที่แอบดูและแอบฟังอยู่ก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว ยกยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ พอคิดดีๆ แล้วก็ใกล้จะถึงวันเกิดเราแล้วนี่นา...

“อ่า...น่ารักจัง จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกันนะ”

ร่างโปร่งรู้สึกขอบคุณที่ตัวเองไม่ใช่คนใจร้อน วู่วาม เพราะมันจะไม่ทำให้คนรักผิดความตั้งใจที่อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเขา แต่อยู่ในครัวแบบนี้ก็คงจะเป็นของกิน แล้วคนชื่อน้องนี้ก็มีสามีอยู่แล้วด้วย ก็หมดห่วง ไม่มีอะไรทีไม่น่าไว้ใจและกังวล
ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสินะ...

หิรัญกลับออกไป แต่ไม่ได้ไปทำงานเพราะเขาลาไปแล้ว แต่สถานที่ที่เขาไปก็คือรีสอร์ทของรามินทร์

“หมอเงิน มีอะไรครับ ไม่ได้ทำงานเหรอ?” เจ้าของรีสอร์ทถามอย่างแปลกใจ

“พอดีว่า...”

ร่างโปร่งบางเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับคนรักของเพื่อนฟัง ซึ่งร่างสูงก็หัวเราะออกมาเมื่อฟังจบแล้ว

“ฮ่าๆ สรุปว่าหมอเงินลางานมาเพื่อมาแอบดูไอ้ขรรค์เนี่ยนะครับ”

“ครับ”

“แล้วตอนนี้ก็ไม่มีที่ไป เลยมาอยู่ที่นี่”

“ใช่ครับ...ที่จริงแล้วผมก็รู้เพลียๆ ไม่สบายยังไงก็ไม่รู้” หิรัญพูด ไม่ได้โกหกหรอกนะ เขารู้สึกไม่ดีจริงๆ ก็เลยอยากจะมาขอ
ที่นอนพักสักหน่อย

“อ้าว? งั้นเดี๋ยวผมหาห้องให้นอนพักก็แล้วกันนะครับ สิทธิพิเศษสำหรับคนรักของลูกน้องคนสนิทแล้วก็เป็นเพื่อนของแฟนผมด้วย”

หิรัญหัวเราะออกมาน้อยๆ

“งั้นผมขอพาราด้วยสองเม็ดนะครับ”

“ได้ครับ เดี๋ยวจะจัดให้เลย”

หิรัญยกยิ้มอย่างเพลียๆ ช่วงนี้เขาทำงานควบเวรบ้าง ถูกขอแลกเวรบ้าง ร่างกายเลยอ่อนเพลียแบบนี้ แต่ถ้าบอกคนรักก็อาจจะเป็นห่วงแล้วเดี๋ยวขรรค์จะเตรียมของขวัญไม่ทันวันเกิดของเขาด้วย

...

...

...


“ทำไมวันนี้เงินกลับค่ำจัง” ขรรค์ถามเมื่อคนรักเดินเข้าในบ้านด้วยท่าทางที่ดูเพลียสุดๆ ทั้งๆ ที่ก็นอนมาทั้งวันแล้ว สงสัยว่าไข้จะขึ้นล่ะมั้ง

“พอดีวันนี้มีเคสน่ะ”

“แต่ขรรค์โทรถามทางโรงพยาบาล เขาบอกว่าเงินกลับตั้งแต่ก่อนเที่ยง”

“เอ่อ...” ร่างโปร่งอึกอัก ลืมเตี๊ยมกับทางนั้นเอาไว้เลย หันหน้าหนีคนรัก แล้วก็ทำท่าจะเดินผ่านไปด้วย หากแต่ร่างแกร่งก็จับข้อมือเอาไว้แน่น

หมับ!!

“เงิน...เงินตัวร้อนมากเลยนะ รู้ตัวหรือเปล่า”

“เหรอ...สงสัยตากแดดล่ะมั้ง”

“ตากแดดอะไรล่ะเงิน นี่มันสามทุ่มแล้วนะ มันกี่ชั่วโมงแล้วที่แดดมันหมดน่ะ”

“เงินรู้สึกไม่บายนิดหน่อย ขรรค์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

“แล้วเงินไปที่ไหนมา ถ้าไม่ได้ทำงาน”

ขรรค์ยังคงคาดคั้นคนรักเพราะเป็นห่วง

“เงินไปนอนที่รีสอร์ทคุณรามมาน่ะ”

“แล้วทำไมไม่กลับบ้าน?” ร่างสูงขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“ขรรค์อยากให้เงินกลับบ้านจริงๆ เหรอ?”

“แล้วมีเหตุผลอะไรที่ขรรค์จะไม่อยาก” ขรรค์เริ่มที่จะไม่พอใจในสิ่งที่คนรักพูดออกมา...

นี่มันบ้านของเรานะ...ทำไมเงินจะกลับมาไม่ได้

“ไม่รู้สิ เห็นช่วงนี้มีความลับ เพราะเงินตั้งใจไปหาขรรค์ที่รีสอร์ท แต่คุณรามบอกว่าขรรค์ลาหยุดหนึ่งอาทิตย์ เงินก็เลยไม่กลับมาบ้านไง คิดว่าขรรค์คงอยากจะมีความเป็นส่วนตัว เพราะขนาดขรรค์หยุด ขรรค์ยังไม่บอกเงินเลย” หิรัญพูด แต่พูดออกมาไม่หมด และอาจจะเปลี่ยนความจริงไปบ้าง

ร่างโปร่งควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะความอ่อนเพลียและไข้ที่ขึ้นมาก็ได้เลยควบคุมอารมณ์ตัวเองยาก ทั้งๆ ที่เข้าใจคนรักแล้วว่าตั้งใจจะทำอะไรให้เขา

“เงิน...มันไม่ใช่นะ”

“ช่างมันเถอะ เงินอยากนอนน่ะ”

“แต่ว่า”

“น้องรักษ์หลับแล้วใช่ไหม” ร่างโปร่งเปลี่ยนเรื่อง ถามถึงลูกชายที่ตนไม่ได้เห็น

“หลับแล้ว ในห้องนั่นแหละ”

“ขรรค์ปล่อยเงินเถอะ เงินจะไปนอน ส่วนขรรค์อยากทำอะไรก็ทำไป เงินจะไม่ยุ่ง จะไม่สนใจ” ขรรค์ทำหน้าเครียด กังวลว่าคนรักจะรู้สึกไม่ดี ยอมปล่อยให้คนรักเดินขึ้นข้างบนไป ส่วนตัวเองก็ยืนคิดทุกอย่างใหม่

มันจะดีแล้วเหรอ...ถ้าการที่เราอยากจะเซอร์ไพรส์คนรัก แต่ทำให้คนรักรู้สึกไม่ดีแบบนี้ คนรักไม่สบายแต่เขากลับไม่ได้ดูแล ปล่อยปะละเลย

มันดีจริงๆ น่ะหรือ...มันควรจะทำต่อไปอยู่หรือเปล่า...






50%
+++++++++++++++++++++

มาแล้วค่า ตอนที่ 2 เป็นคู่ ขรรค์เงินเน่อ เจอกันครึ่งหลังในวันเสาร์นะคะ
มีอะไรก็พูดคุย สอบถามข้อมูล หรือติดตามการอัพเดทได้ที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 2 100% => (22/09/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 22-09-2018 23:02:50
ตอนพิเศษ 2
ครึ่งหลัง





สุดท้าย...ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ขรรค์ต้องการ เพราะในวันเกิดของหิรัญในปีนี้ เจ้าของวันเกิดดันป่วยหนัก แม้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาจะเลิกทำทุกอย่างเพื่อมาดูแลคนรักแต่หิรัญก็ไม่สามารถหายทันในวันนี้ พาไปโรงพยาบาลหมอก็บอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ แพ้อากาศด้วย ตอนนี้เลยเป็นหนักมาก

ของที่ตั้งใจทำให้คนรักก็ยกเลิกตั้งแต่วันที่หิรัญเริ่มป่วยแล้ว

“เงิน...เป็นยังไงบ้าง”

“อื้อ...เวียนหัว”

“กินข้าว กินยาก่อนนะ”

หิรัญมองหน้าคนรักระหว่างที่ถูกป้อนข้าวเข้าปาก ความรู้สึกยิ่งอ่อนไหวง่ายเมื่อไม่สบาย พอเห็นหน้าของขรรค์แล้ว เขาก็อยากจะร้องไห้

“เงิน! ร้องไห้ทำไม ปวดตรงไหน”

“เงินขอโทษนะ”

“ขอโทษ? ขอโทษเรื่องอะไร”

“ก็ที่ทำแผนเซอร์ไพรส์วันเกิดของขรรค์พังไง เงินดันมาป่วยซะงั้น จริงๆ ก็อยากกินเค้กที่ขรรค์ทำนะ” คนไม่สบายพูดบอกคนรักยิ้มๆ

ร่างสูงนั่งนิ่งไปเลยเพราะไม่คิดว่าคนรักจะรู้ แต่พอตั้งสติได้ก็สบตากับคนรัก ชะงักช้อนในมือที่กำลังป้อนข้าวต้มอยู่กับที่

“เงินรู้...”

“รู้สิ...ทำไมเงินจะไม่รู้ว่าคนรักของเงินกำลังคิดทำอะไร”

“แต่ถ้าการที่ขรรค์เซอร์ไพรส์เงินแต่ไม่ได้ดูแลเงิน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร วันนั้นขรรค์รู้สึกผิดมากๆ”

หิรัญส่ายหน้าไปมา ยิ้มให้กับคนรัก ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมแก้มของขรรค์เบาๆ ความร้อนจากร่างกายของเขาถ่ายทอดไปถึงคนรัก ขรรค์อยากจะเป็นคนที่ป่วยแทนจริงๆ แต่ถ้าเป็นแบบนั้น หิรัญก็ต้องเป็นฝ่ายมาดูแลเขา

มันก็ไม่ต่างอะไรกันมากนักหรอก

“เงินดีใจนะ ที่ขรรค์คิดจะทำอะไรเพื่อเงิน แต่ในวันเกิดเงินน่ะ แค่มีขรรค์อยู่ด้วย เงินก็มีความสุขมากพอแล้วล่ะ ไม่ต้องมีงาน ไม่ต้องมีเซอร์ไพรส์ แค่เราอยู่ด้วยกัน เงินก็พอใจแล้วล่ะ”

“ขอโทษนะเงิน ขรรค์ไม่น่าเลย”

“ไม่หรอก...ถ้าเงินหายแล้ว เรามาทำเค้กด้วยกันนะ”

“ได้สิ ได้เลย เรามาทำด้วยกันนะเงิน”

“อื้อ...”

ขรรค์ยิ้ม วางชามข้าวต้มเอาไว้ก่อน แล้วโน้มใบหน้าตัวเองลงไปหาคนรักของตน จูบริมฝีปากซีดๆ ของคนรักเบาๆ

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขรรค์รักเงินมากนะ”

“อื้อ...ขอบคุณนะ”








“ขรรค์ อย่าเล่นแป้งสิ เลอะเงินหมดแล้วเห็นไหม”

“ก็เห็นว่าหน้าของเงินมันๆ เลยจะทาแป้งให้”

“แต่ต้องไม่ใช่แป้งเค้กสิขรรค์ ขอบคุณในความหวังดีนะ แต่ทีหลังไม่ต้องดีกว่า เงินเกรงใจ”

“ขรรค์ก็แค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง”

“ไม่ต้องห่วงเลย แล้วนี่จะช่วยกันทำไหมเนี่ย มาแกล้งเงินอยู่ได้”

“ช่วยครับๆ”

ทั้งสองมาขลุกตัวอยู่ในครัวกันในวันหยุดซึ่งหลังจากที่หิรัญหายดีก็ทำงานตามปกติ พอวันนี้เป็นวันหยุด ทั้งสองก็เลยไปหาซื้อของมาทำอะไรเลี้ยงวันเกิดย้อนหลัง และหนึ่งในนั้นก็มีเค้กที่ร่างสูงตั้งใจจะทำให้คนรักแต่มันก็ล่มไปเสียก่อน แต่ก็ช่างเถอะ ทำด้วยกันมันก็ดีกว่าที่จะต้องทำคนเดียวอยู่แล้ว

เป็นการความทรงจำดีๆ เอาไว้

“ว้าย…นี่ครัวหรืออะไรเนี่ย ทำไมมันเลอะแบบนี้ล่ะคะพี่หมอ พี่ขรรค์”

“จริงด้วย น้องรักษ์กลัวจนไม่กล้าเข้าไปแล้วนะคับ”

ชะเอมที่ทำหน้าที่เล่นกับน้องรักษ์ส่งเสียงร้องอย่างตกใจเพราะเธอแค่พาน้องรักษ์มาดูคุณพ่อทั้งสองทำขนมกัน ไม่คิดว่าครัวจะมีสภาพเต็มไปด้วยแป้งแบบนี้

แล้วแบบนี้จะได้กินเค้กไหมเนี่ย

“โถ่ลูก...มาทำอะไรล่ะครับ” หิรัญเดินมาถามลูก

“คุณพ่อแป้งเต็มหน้าเลย ฮิฮิ ตลกจังเลย เนอะพี่เอมเนอะ” น้องรักษ์หันไปขอความเห็นจากพี่เลี้ยงสาว ซึ่งชะเอมก็ยืนหัวเราะสภาพของขรรค์กับหิรัญอยู่แบบนั้น

มันทั้งตลก และรู้สึกงานเข้าตัวเองสุดๆ เหมือนกัน

ก็หลังจากทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ชะเอมต้องเป็นคนทำความสะอาดครัวนี่นา

“ใช่ๆ พี่หมอเปื้อนน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พี่ขรรค์นี่สิ สีตัดกันเลย ฮ่าๆ”

“ชะเอม” ขรรค์เรียกชื่อหญิงสาวเสียงเข้ม แต่เธอก็ไม่สะทกสะท้านอะไรกลับหัวเราะหนักเขาไปอีก น้องรักษ์ก้เป็นลูกคู่ที่ดีหัวเราะตามพี่เลี้ยงไปด้วย ส่วนหิรัญก็แค่มองลูกชายด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

ความสุขของครอบครัว...มันก็ดีแบบนี้นั่นแหละ

“ก็มันจริงนี่พี่ขรรค์ แล้ววันนี้หนูสองคนจะได้กินเค้กไหม เห็นจากสภาพครัวแล้วทำไม่เป็นแหงๆ เลย บอกแล้วให้เอมตามครูน้องมาช่วยก็ไม่ยอม”

“รบกวนครูน้องทำไมล่ะชะเอม พวกพี่มีกูเกิล”

“โห...จะกินได้ไหมเนี่ย”

“ดูถูกๆ ถ้าเสร็จแล้วไม่ต้องมากินเลยนะเรา” หิรัญคาดโทษเอาไว้

“ไม่เอาๆ เอมกินด้วย แต่พี่หมอกับพี่ขรรค์ช่วยทำแบบดีๆ หน่อยได้ไหม หนูเป็นคนเก็บครัวน้า...เห็นสภาพตอนนี้แล้วเหนื่อยเลย”

“หึหึ อย่าบ่นน่า ทำงานสบายมาตั้งนาน นานๆ ทีถึงจะมีหรอก แล้วนี้น้องรักษ์ทำการบ้านเสร็จแล้วหรือครับ” ขรรค์หันไปถามลูกชาย

“รักษ์ทำเสร็จแล้วฮับ พี่เอมสอนรักษ์ดีมากเลย” พอน้องรักษ์พูดจบ ชะเอมก็หันมายกนิ้วโป้งให้ น้องรักษ์หัวเราะแล้วตบมืออย่างชอบใจ

“บังคับเด็กให้พูดสิเรา”

“ไม่ช่าย...หนูเก่งต่างหาก” เชิดหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ

หิรัญกับขรรค์หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูชะเอม เพราะเด็กสาวแม้จะแก่นเซี้ยว พูดมาก แต่ก็กตัญญู ทำงานเรียบร้อย เป็นเด็กที่อยู่ในโอวาทของยาย เชื่อฟังคำสั่งดี

“โอเคๆ เอมเก่ง แต่ตอนนี้พาน้องไปเล่นไป เล่นแถวนี้นะ ห้ามพาออกไปข้างนอก เพราะถ้าเค้กเสร็จแล้ว พี่จะไปตามให้มากิน โอเคไหมครับน้องรักษ์ของพ่อ”

“โอเคฮับคุณพ่อ”

“ดีมากลูก”

“พ่อขรรค์ ทำอร่อยๆ เลยน้า”

“ได้เลยลูก พ่อจะทำสุดความสามารถ”

“ป่ะ น้องรักษ์ วิ่งจับพี่ให้ได้น้า ฮ่าๆ” ชะเอมวิ่งหนีน้องรักษ์ทันทีที่พูดจบ ส่วนน้องรักษ์ก็รีบวิ่งตามไป

“ขี้โกงนี่นา...”

หิรัญกับขรรค์มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา มองความซนของเด็กๆ แล้วก็รู้สึกปวดหัวแต่มันก็มีความสุขมากกว่า...

“ไม่ต้องกลัวเลยว่าลูกเราจะติดนิสัยผู้หญิง เพราะชะเอมนี่ผู้ชายในร่างผู้หญิงชัดๆ” หิรัญพูดกลั้วเสียงหัวเราะ ขรรค์พนักหน้าเห็นด้วย

“นั่นน่ะสิ”

“ฮ่าๆ”

ระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าของกันและกันแบบชัดเจน ทั้งสองคนเริ่มลงมือทำเค้กกันอีกครั้งแต่ก็ยังคงแกล้งกันไปมา ปาดครีมใส่กันบ้างล่ะ เป็นการทำขนมที่วุ่นวายและเลอะเทอะที่สุดเลย

เมื่อถึงเวลาแต่งหน้าเค้ก ร่างสูงก็มายืนซ้อนด้านหลังของร่างโปร่งบาง มือข้างหนึ่งโอบเอวบาง อีกข้างจับมือของหิรัญที่กำลังตกแต่งหน้าเค้ก เหมือนว่าเรากำลังตกแต่งมันไปด้วยกัน เค้กที่เกิดจากความรัก เกิดจากความตั้งใจ ต่อให้จะอร่อยไม่หรือไม่อร่อย แต่คนทานมันก็น่าจะรับความรู้สึกอบอุ่นได้แน่ๆ

“ทำไรน่ะขรรค์”

“ทำด้วยกันไง”

“หึหึ...มีมุมนี้ด้วยเหรอ”

“อะไรที่ขรรค์อยากทำกับเงิน ขรรค์ก็จะทำมันทั้งหมดเลย จะไม่เก็บมันเอาไว้ ให้เสียดายทีหลังหรอก”

“ก็ดี...”

“จะว่าไปเราก็ทำเค้กได้เหมือนกันนะเนี่ย”

“จะไม่ได้ได้ยังไงล่ะขรรค์ ก็เล่นเปิดดูซ้ำไปซ้ำมา ลองจนพังไปหลายก้อนแล้วด้วย” พอหันไปมองก้อนเค้กที่มันไหม้ บางอันก็เสียก่อนที่จะได้อบเสียอีก กว่าจะทำปอนด์นี้ก็ทำเอาเหนื่อยไปเลย

“ฮ่าๆ แต่ก็ทำสำเร็จนี่นาเงิน”

“ก็จริงอ่ะแหละ แต่ดูสภาพครัวก่อนสิ เห็นแล้วสงสารชะเอมขึ้นมาเลย”

“เงินก็ช่วยน้องทำสิ”

“ขรรค์ต้องพูดว่า เราต้องช่วยกันทำสิ เดี๋ยวกินเสร็จค่อยพากันมาเก็บครัวเนอะ”

“ก็ได้ครับ ตามใจเจ้าของวันเกิดเลย”

“ดีมาก อ่ะ เยลลี่ อ้าปาก” ขรรค์อ้าปากรับเยลลี่เข้าปากแล้วก็ช่วยหิรัญแต่งเค้กต่อไป


Happy birthday to you, Happy birthday to you

Happy birthday Happy birthday

Happy birthday to you.

Happy birthday to you, Happy birthday to you

Happy birthday Happy birthday

Happy birthday to you.


“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยูววววฮับคุณพ่อ”

“สุขสันต์วันเกิดอีกรอบนะคะพี่หมอ”

“อธิษฐานแล้วเป่าเค้กสิ”

แม้ว่าจะได้ของขวัญวันเกิดจากเพื่อนร่วมงานที่โรงพยาบาล จากอาจารย์ จากคนไข้ ก็ไม่ได้ดีใจไปกว่าความสุขที่อยู่ตรงนี้ที่เขาได้รับ เจ้าของวันเกิดยิ้มออกมา

“ขอให้น้องรักษ์เป็นเด็กดีของพ่อและพ่อขรรค์ เป็นเด็กดีของทุกๆ คน ขอให้ชะเอมเรียนเก่งๆ แล้วก็กตัญญูแบบนี้ตลอดไป และขอให้ขรรค์มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงนะ น้องรักษ์ เป่าพร้อมพ่อไหม”

“ฮับ”

“หนึ่ง สอง สาม!!”

ฟู่ว!!!

“เย้ๆ กินเค้ก กินเค้ก”

สองพ่อลูกช่วยกันเป่าเทียนจนดับครบทุกเล่ม จากนั้นก็ตัดแบ่งกันกินกับน้ำผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย แม้ว่าจะหวานไปนิด แต่เด็กๆ ทุกคนก็ว่ามันอร่อยและกินได้ เวลาทำคราวหน้าก็จะได้จำสูตรเอาไว้ว่ามันทำยังไง เผื่อทำให้เด็กๆ กินบ่อยๆ แม้ว่ามันอาจจะเปลืองและเสียงเวลากว่าซื้อมากินก็ตามที แต่ได้ทำกิจกรรมครอบครัวร่วมกัน ก็ยอมที่จะเสียเงินตรงนั้นไปไม่ดีกว่าหรือ

เป็นการสร้างสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างครอบครัว

“น้องรักษ์รักคุณพ่อที่สุดในโลกเลยคับ รักพ่อขรรค์มากๆ เหมือนกัน แต่น้อยกว่าคุณพ่อหน่อยหนึ่งเพราะพ่อขรรค์ชอบแกล้งรักษ์”

“อ้าวๆ ทำไมอ้วนพูดกับพ่อแบบนี้ล่ะครับ พ่อเสียใจนะ”

“เนี่ยๆ พ่อขรรค์ชอบว่ารักษ์อ่า ไม่รักพ่อขรรค์แล้ว”

“โห...พองอนก็ยิ่งดูอ้วนเลยเนี่ย สาวๆ ที่ไหนจะชอบ ใช่ไหมชะเอม” ขรรค์หันไปถามชะเอมที่นั่งกินเค้กแล้วก็มองพ่อลูกเถียงกันไปด้วย

รายนี้แม้เป็นพี่เลี้ยงของน้องรักษ์ก็จริงแต่ก็ชอบแกล้งเจ้าอ้วนไม่ต่างจากที่ขรรค์แกล้งนัก สองคนนี้ก็เคยเข้ากันได้ดี ยิ่งเรื่องแกล้งน้องรักษ์นี่ยิ่งไปกันได้สุดๆ

“ใช่ๆ ไม่มีใครชอบคนขี้งอนหรอกนะ มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”

“น้องรักษ์จะโกรธทุกคนแล้วนะ”

“มาหาพ่อมาน้องรักษ์ ให้ไม่รักก็ช่างเขาเนอะ แต่พ่อรักน้องรักษ์คนเดียวก็พอ ใช่ไหมครับ”

หิรัญที่อยากแกล้งคนรักกลับคืนบ้างก็อุ้มลูกชายมานั่งตักแล้วก็กอดไว้

“ช่าย...ช่างพ่อขรรค์กับพี่เอมเนอะ น้องรักษ์สนแค่คุณพ่อก็ได้”

“ดีมากครับ มา...พ่อป้อนเค้กน้องรักษ์ดีกว่า”

“คุณพ่อใจดี ไม่เหมือนพ่อขรรค์หรอก เชอะ!”

ขรรค์ยิ้มบางๆ ส่ายหน้าไปมาอย่างเอ็นดู ไม่ได้เครียดหรอกที่น้องรักษ์งอน เพราะรายนี้ง้อง่าย เอาของกินมาล่อก็หายแล้ว...
แล้วแบบนี้จะไม่ให้เรียกเจ้าอ้วนหรือหมูตอนได้ยังไงล่ะ...


“น้องรักษ์หลับแล้วเหรอขรรค์”

“เรียบร้อย เหนื่อยน่าดูเลย”

“ก็วิ่งเล่นทั้งวันซะขนาดนั้น”

“หึหึ เจ้าหมูอ้วนนั่น พอพาวิ่งเล่นก็ลืมแล้วว่างอนขรรค์” ร่างสูงหัวเราะพลางแทรกกายขึ้นนอนบนเตียง ร่างโปร่งก็ขยับตัวมานอนซบบนหน้าอกแข็งแกร่ง

หิรัญมักจะทำแบบนี้ก็ต่อเมื่ออยากออดอ้อนก็เท่านั้นแหละ

“อยากได้อะไรหืม” ร่างแกร่งถามคนรักเสียงอ่อนโยน มือหยาบก็ลูบผมนุ่มของคนรักเบาๆ

“เปล่า...เงินแค่มีความสุข”

“ขรรค์ก็มีความสุข”

“ขรรค์...เงินอายุสามสิบปีแล้วนะ เลขสามแล้ว ขรรค์คิดว่าเงินจะทำอะไรดี บ้านก็มีแล้ว รถก็มีแล้ว...”

“เงินอยากทำอะไรล่ะ”

“เงินอยากทำคลินิกอยู่แถวๆ นี้ เพราะกว่าที่คนจะเดินทางไปถึงเมืองก็นานมาก แถวๆ นี้ก็ไม่ค่อยมีคลินิกเท่าไหร่ เวลาคนไม่สบายเงินสงสารอ่ะ”

“อืม...ขรรค์ก็เห็นด้วยนะ ถ้าเงินอยากทำก็ทำเลย ขรรค์รู้ว่าเงินเก็บเงินเอาไว้เพื่อทำคลินิก ขรรค์ก็พร้อมจะสนับสนุนนะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านกับน้องรักษ์ เงินไม่ต้องเป็นห่วงเลย”

“ขอบคุณนะครับ”

ขรรค์หัวเราะ จนร่างโปร่งบางของหิรัญพลิกขึ้นมานอนทับบนตัวของขรรค์ เขานอนทาบทับอยู่บนตัวของคนรักมองใบหน้าคมที่หิรัญชอบเพราะมันหล่อมากสำหรับเขา

จริงๆ ขรรค์เป็นคนหล่อ แต่เพราะหน้าที่ไม่รับแขกเลยทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาหา และขรรค์ไม่ใช่คนเที่ยวกลางคืน ก็เลยไม่มีผู้หญิงเข้ามาติดพัน เพราะผู้หญิงในสถานที่แบบนั้นมักจะกล้าได้กล้าเสีย

จุ๊บ!

มองๆ กันไปก็จูบกันไป สักพักก็เหมือนมีแรงดึงดูดให้ทั้งคู่เริ่มเข้าหากัน...จากแค่จุ๊บกันเบาๆ ก็กลายเป็นดูดดื่ม สักพักเสื้อผ้าของทั้งคู่ก็หลุดออกจากร่างกายไป...






100%
+++++++++++++++++++++

จบไปแล้วจ้ากับคู่นี้ ตอนหน้าเป็นคู่หลักนะคะ มาตอนไหนอันนี้ไม่รู้เหมือนกัน ตัวเองยังเดาอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เลย

มีอะไรก็พูดคุย สอบถามข้อมูล หรือติดตามการอัพเดทได้ที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 2 100% => (22/09/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 23-09-2018 10:07:28
สนุกมากครับ เดี๋ยวมารออ่านตอนพิเศษอีก
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 2 100% => (22/09/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 23-09-2018 21:29:07
Wow. ละมุนมากๆ นึกไม่ออก คู่หลักจะมาแนวไหน แซ่บๆ หรือ บู๊ หรือหวาน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 2 100% => (22/09/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-09-2018 18:02:42
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 2 100% => (22/09/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 26-09-2018 21:13:01
อื้ออออ หวานอะ
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 2 100% => (22/09/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 29-09-2018 13:14:18
จำเลยรัก.....  :hao7:
หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 05-10-2018 23:38:24
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนพิเศษ 3
แก้ไขสิ่งที่เคยพลาด




(เดือนนี้ว่างไหมวะ) ทันทีที่อินทัชรับโทรศัพท์ ปลายสายก็ถามทันทีไม่คิดจะทักทายหรือสอบถามสารทุกข์สุขดิบของคนที่ไม่เจอกันมาสองเดือนกว่าเลยสักนิด

“ถ้าจะมาก็มาสิวะ ทำไมต้องรอให้ไปหาด้วย งอนอะไรถามจริงๆ”

อินทัชหยุดงานทุกอย่างลงเพื่อคุยโทรศัพท์กับคนรักที่ทำเสียงหงุดหงิดอยู่รามินทร์มีอาการแบบนี้มาตั้งแต่เดือนที่แล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่หายหงุดหงิด แม้ว่าเราจะคุยโทรศัพท์กันทุกวันก็ตามที

หรือว่าเขาลืมอะไรสักอย่างแล้วมันก็โกรธกันนะ

(ไม่มีอะไรนี่ มึงคิดไปเอง)

“เสียงแบบนี้เขาเรียกว่างอน”

(กูจะไปงอนมึงทำไม กะอีแค่มึงไม่ยอมมางานเปิดสำนักงานบริษัททัวร์กู)

“หึหึ”

ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่ามันโกรธเรื่องอะไร เมื่อเดือนที่แล้วมีงานทำบุญและเปิดธุรกิจอย่างเป็นทางการของสำนักงานธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยวของรามินทร์ที่เพิ่งเสร็จ นับมาถึงวันนี้ก็ประมาณหนึ่งเดือนได้

(หัวเราะอะไร กูอุตส่าห์รอมึง แต่มึงก็ไม่มา แม่ง...น้อยใจว่ะ ทำไมเมียทำกับผัวแบบนี้วะ)

“ขอโทษ...ก็กูไม่ว่างนี่ กูอยู่ต่างประเทศ เห็นข้อความมึงก็วันงานแล้ว”

(แล้วทำไมมึงไม่ติดต่อมาบอกกันบ้างล่ะ กูเกลียดเวลามึงไปต่างประเทศว่ะอิน มึงติดต่อไม่เคยได้เลย กูน้อยใจ กูเสียใจ ตอนนี้กูรู้สึกไม่มีกำลังใจทำอะไรเลยว่ะอิน)

“ไอ้ขี้น้อยใจ อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงกำลังแสดงละครอยู่นะ”

(กูไม่ได้เล่น กูน้อยใจจริงๆ)

“ขอโทษ...อ่ะ จะให้ไถ่โทษยังไงว่ามา”

(มาหากูสิ)

“งานกูเยอะ”

(กูถามคุณวัลย์แล้ว มึงมีวันว่างสามวันในเดือนนี้ เพราะฉะนั้นมาหากูเลยนะอิน)

เขาทำได้แต่หัวเราะแล้วก็วางสายหนีไป เมื่อมันโทรกลับมาอีกเขาก็ปิดเครื่องส่วนตัวหนีไป การกระทำนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ไปหาร่างสูงนะ แค่อยากทำให้มันโกรธเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

ก็มันชอบกวนประสาทเขา เวลาไหนเอาคืนได้เขาก็จะทำ


สามวันผ่านไป

อินทัชเดินทางมาถึงเขาค้อโดยที่ไม้ได้บอกใครแม้กระทั่งรามินทร์เองก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมา แต่อินทัชรู้ว่ารามินทร์จะต้องคิดว่าเขามาแน่นอน

“คุณอิน...มาหาคุณรามหรือครับ”

“ใช่...มันงอแงน่ะคุณภพ”

“ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยหรือครับ” พิภพหัวเราะที่ได้ยินแบบนั้นจากอินทัช ส่วนร่างสูงโปร่งก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ช่วยให้คนเอากระเป๋าไปเก็บที่บ้านไอ้รามให้หน่อยนะครับ”

“ได้ครับ”

“รามมันอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่สำนักงานทัวร์ครับ”

“ไปทำอะไรที่นั่น”

“จะมีกรุ๊ปใหญ่มาลงน่ะครับ ก็เลยไปพบลูกค้าที่นั่น”

“อ๋อ...ทำงานนี่เอง ถ้าอย่างนั้น ผมไปหาที่นั่นได้หรือเปล่าครับ”

“ได้สิครับ เดี๋ยวจะให้คนไปส่ง นั่งมอเตอร์ไซด์ได้หรือเปล่าล่ะครับ” พิภพถามอินทัช

“ได้สิครับ เรื่องแค่นี้เอง”

“งั้นเดี๋ยวให้พนักงานไปส่งครับ”


อินทัชซ้อนมอเตอร์ไซด์มาหยุดที่สำนักงานบริษัททัวร์ท่องเที่ยวของรามินทร์ซึ่งอยู่ห่างจากรีสอร์ทประมาณห้ากิโลเมตรได้
ร่างโปร่งมายืนที่ด้านหน้าสำนักงานที่เป็นเหมือนอาคารพาณิชย์ขนาดสองชั้น แต่นี่มันเป็นสำนักงานของบริษัทที่ทั้งสวย มีร้านกาแฟด้วยเพราะอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ก็เลยมีร้านขายของอยู่

“ออกแบบได้ดีนี่”

ขาเรียวก้าวเข้าไปด้านในซึ่งก็มีพนักงานต้อนรับเหมือนกับรีสอร์ทคอยต้อนรับเขาอยู่ เธอสอบถามเขาตามหน้าที่

“สวัสดีค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ สอบถามได้นะคะ”

“ผมมาพบคุณรามินทร์ครับ”

“ตอนนี้คุณรามกำลังคุยธุระกับลูกค้าน่ะค่ะ ยังไม่เสร็จเลย สะดวกที่จะรอไหมคะ”

“รอก็ได้ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นเชิญที่ห้องรับรองเลยค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

อินทัชเดินตามพนักงานไปนั่งรอที่ห้องรับรองแขก ระหว่างนี้ก็นั่งเล่นโทรศัพท์เช็คโซเชียลมีเดียที่ไม่ได้ดูมันมาหลายวันแล้วเพราะมัวแต่เคลียร์งานเพื่อมาหาคนขี้งอน

“รับน้ำอะไรดีคะ”

“จริงๆ แล้วให้ผมไปรอที่ห้องทำงานของมันก็ได้นะครับ”

“เอ๋...คือว่า” เธอตกใจที่เขาเรียกเจ้านายของหล่อนอย่างสนิทสนมสุดๆ

“ไม่เป็นไรครับ รอที่นี่ก็ได้ เอาน้ำเปล่าก็ได้ครับ แล้วถามมันให้ผมหน่อยนะครับว่ามันจะคุยงานเสร็จกี่โมง อุตส่าห์มาหาแล้ว ถ้าให้รอนานจะกลับกรุงเทพ บอกมันตามนี้นะครับ ขอบคุณมาก”

“เอ่อ...ค่ะ ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

หญิงสาวรีบออกจากห้องรับรองแล้วไปหาเจ้านายที่อยู่ห้องคุยงานทันที เห็นเจ้านายกำลังคุยงานอยู่กับลูกค้าด้วยสีหน้าจริงจังแล้วไม่อยากจะเข้าไปเลย แต่ก็ต้องทำ

“ขออนุญาตค่ะ”

“มีอะไรเหรอหญิง” รามินทร์หันมาถามยิ้มๆ

“คือว่า มีแขกมาขอพบคุณรามน่ะค่ะ”

“ตอนนี้ฉันกำลังคุยงานอยู่ยังไม่เสร็จเลย บอกให้รอไปก่อนได้ไหมหรือไม่ก็ขอนัดวันอื่น”

“เอ่อ...เขาบอกว่าถ้านานเขาจะกลับกรุงเทพน่ะค่ะ”

“หืม? ใคร ได้ถามชื่อไหม” รามินทร์ถามอย่างแปลกใจ

“ไม่ได้สอบถามค่ะ แต่คุณเขาบอกให้หญิงมาถามคุณรามว่า จะเสร็จกี่โมง อุตส่าห์มาจากกรุงเทพ ถ้านาน คุณจะกลับกรุงเทพค่ะ”

รามินทร์เบิกตากว้าง ยิ้มกว้างอย่างดีใจ มีความหวัง หัวใจเต้นแรง

“เป็นผู้ชายสูงๆ ขาวๆ ผอม แล้วก็หน้าสวยใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ คุณเขาสวยมาก” หญิงสาวตอบแบบเอ๋อๆ ถึงแม้ว่าเจ้านายเธอจะใจดี ยิ้มตลอดเวลาแต่ก็ใช่ว่าจะเคยเห็นแบบดีใจสุดๆ แบบนี้

เจ้านายของเธอดูมีความสุขราวกับว่าคนที่มาหามีความพิเศษสุดๆ

“ตอนนี้เขาอยู่ไหน”

“ห้องรับรองแขกค่ะ”

“พาเขาไปรอที่ห้องทำงานของฉัน นั่นคุณอิน เป็นคนรักของฉันเอง ต้อนรับและดูแลเขาดีๆ ด้วยนะ ประมานสิบนาทีพี่จะตามไป”
หญิงสาวอ้าปากค้างอย่างตกใจ แต่ก็รับคำสั่งแบบงงๆ เดินออกจากห้องคุยงานไป ส่วนรามินทร์ก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขหันมาคุยงานต่อ

“ขอโทษด้วยนะครับ เรามาคุยกันต่อเถอะครับ”

“โอเคครับ แต่แหม...พอแฟนมานี่อารมณ์ดีเชียวนะครับ” ลูกค้าแซวรามินทร์

“ฮะๆ พอดีเราเจอกันไม่ค่อยบ่อยน่ะครับ”

“ถ้าอย่างนั้นตกลงตามนี้เลยก็ได้ครับ ผมโอเคแล้ว ส่วนกิจกรรมตรงนี้ผมขอกลับไปคิดก่อนว่าอยากจะให้มันเป็นอะไร จะได้เข้ากับพนักงานของผมมากที่สุด คุณรามจะได้มีเวลาอยู่กับแฟน” รามินทร์ยิ้มรับอย่างขอบคุณ

“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นแจ้งมาทางฝ่ายขายได้เลยนะครับ”

“โอเคครับ งั้นผมขอตัวก่อนก็แล้วกันนะครับ”

“ครับ เชิญเลยครับ”

รามินทร์เดินไปส่งลูกค้าก่อนจะรีบวิ่งที่ไปที่ห้องทำงานของตน ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มดีใจ แต่พอหยุดอยู่หน้าประตูห้องก็ปั้นหน้าให้นิ่งๆ

เปิดประตูเข้าไปเห็นคนรักกำลังนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือสลับดูโทรศัพท์อยู่ ไม่สนใจหันมามองกันเลย ทำให้รามินทร์รู้สึกหงุดหงิด อยากเรียกร้องความสนใจ

“มาได้แล้วเหรอ”

“ก็อย่างที่เห็น”

“สนใจกันหน่อยได้ไหม พอมาก็นั่งเล่นแต่โทรศัพท์”

“อ้าว? ก็มึงให้กูมา กูก็มา พอมาก็เอาอีกอย่าง อยากให้กูทำยังไงล่ะครับ” ใบหน้าสวยละจากโทรศัพท์มามองหน้าคนรักที่กำลังนั่งนั่งกอดอกอยู่ข้างๆ

“ชิ!”

อินทัชหัวเราะ มองสีหน้างอนๆ ของคนรักที่เอาแต่ทำงานประชดประชันเขาเป็นเด็กๆ ร่างโปร่งบางลุกขึ้นยืนไปหยุดอยู่ตรงหน้าของรามินทร์ ก่อนจะนั่งลงคร่อมทับบนตักแกร่ง จ้องตากับตาคมที่กำลังมองสู้กลับมาอย่างร้อนแรง รามินทร์กระตุกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ ใช้แขนโอบรอบเอวบางของอินทัชเอาไว้

ไม่บ่อยนักหรอกที่อินทัชจะเป็นฝ่ายง้อ และนี่ก็คือวิธีง้อที่รามินทร์ชอบมากที่สุด

“จะดีกันยัง”

“ไม่ดี”

“แล้วต้องทำไงอีก”

“มึงก็รู้ๆ อยู่นี่อิน” ยักคิ้วท้าทายคนที่นั่งทับ ซึ่งอินทัชไม่ชอบที่จะให้ใครมาท้าทายด้วยสิ ก็เลยยิ้มรับออกไป ก่อนจะโน้มใบหน้าสวยหวานของตนเข้าไปปากของเราใกล้กันจนแทบจะประกบกันแต่ก็ขยับศีรษะออกมาเมื่อร่างสูงขยับหน้าเข้าหาหวังจะจูบ

“หึหึ ไม่ง่าย”

“มึงอยู่ตรงนี้ คิดว่าจะหลบได้นานหรือไง”

“โอเคๆ ยอมก็ได้” อินทัชพูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปหาอีกครั้ง แต่พอรามินทร์ขยับเข้าหาก็หลบอีกครั้งหนึ่ง แล้วหัวเราะอย่างสนุกที่ได้แกล้ง

รามินทร์หมั่นเขี้ยว ยกมือกดศีรษะของคนรักให้เข้ามาแล้วประกบริมฝีปากที่ปากแดง บดขยี้รุนแรง รามินทร์ใช้ฟันขบเบาๆ ที่ริมฝีปากของอินทัช ตอนแรกร่างเล็กกว่าก็ไม่ได้รู้สึกอะไรจนกระทั่งตอนนี้เริ่มรู้สึกเขิน เพราะมันรุนแรงจนอยากจะได้อะไรที่มันมากกว่าจูบ

ลิ้นใหญ่สอดเข้าไปในโพรงปากร้อน เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นเล็กกว่าจนทำให้รู้สึกปั่นป่วน มืออีกข้างสัมผัสไปทั่วทั้งร่างกายขาวเนียน สอดเข้าไปใต้ผ้า ลูบไล้มันไปทั่ว

ลิ้นร้อนจู่โจมอย่างดุดัน รุนแรงและร้อนแรง จูบครั้งนี้ล้ำลึกเหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา เรียวลิ้นสอดไล่กันและกัน สร้างความรู้สึกรัญจวนใจให้กับทั้งคู่ สมองของอินทัชพร่าเลือนเพราะเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่กำลังแลกเปลี่ยนกันอยู่ คอขาวเอียงตามกับเปลี่ยนจังหวะ นิ้วมือของอินทัชสอดแทรกเข้ากับกลุ่มผมของรามินทร์แล้วขยำระบายตามความรู้สึกที่ได้รับ

“อืม...อือ”

“พอแล้ว...นี่มันที่ทำงานมึงนะ”

“ช่างมันเถอะน่า ไม่มีใครเข้ามาหรอก”

ริมฝีปากร้อนไล่จูบไปตามคอขาว ซึ่งอินทัชก็พยายามเบี่ยงหนี หากแต่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้รามินทร์สัมผัสได้ง่ายขึ้น หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างตื่นเต้นเพราะไม่รู้ว่าจะมีคนเข้ามาหรือเปล่า ถ้ามีคนอื่นเข้ามานะ อินทัชไม่งั้นจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลย
อาย...แต่ตอนนี้เขากำลังหลับตาพริ้มรับสัมผัสเชิดหน้าให้คนรักลวนลาม ซุกไซ้ต่อไป กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออกสองสามเม็ดเผยแผ่นอกขาวที่น่าลงรอยไม่รอช้าริมฝีปากของรามินทร์ก็จู่โจมที่หน้าอกของเขาทันที

“ราม...อ่ะ กูจริงจังนะ ที่นี่ไม่ได้”

“แต่กูคิดถึงมึงนี่”

“ก็อดทนสิวะ อ๊ะ!” อินทัชอุทานเสียงหลงเมื่อถูกปลายลิ้นร้อนแตะที่เม็ดทับทิมสีหวานของตน ทั้งหนักหน่วงทั้งรัวเร็ว ทำเอาคนตัวเล็กกว่าร้องครางออกมา พยายามที่จะระงับเสียงของตนให้ได้มากที่สุดแต่มันก็รู้สึกมากเกินไป ได้แต่หวังว่าจะไม่มีใครเข้ามา เพราะรามินทร์ทำท่าจะเอาจริง...

ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยจริงๆ กูน่าจะรอง้อมันตอนอยู่บ้านแล้ว

“อ๊ะ...อื้อ...อื้อ” เอามือมาปิดปากตัวเองแน่นหนาทำให้เสียงที่เล็ดลอดออกเป็นเพียงเสียงที่อื้ออึงในลำคอเท่านั้น รามินทร์ก็กระตุกยิ้มอย่างสะใจที่ได้แกล้งคนรักคืน

“ไง...กูรู้ว่ามึงชอบ” พูดทั้งๆ ที่ปลายลิ้นก็สัมผัสที่ยอดอกข้างหนึ่งอยู่ อีกข้างมือแกร่งก็ทั้งบีบ ทั้งขยี้มัน จนร่างบางรู้สึกเสียวซ่าน

“ราม หยุดเถอะ กูซีเรียส”

“ไม่มีจริงๆ น่า”

“อะไรก็เกิดขึ้นได้”

รามินทร์จิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ที่โดนขัดใจ แต่ก็เข้าใจเพราะรามินทร์รู้ว่าอินทัชไม่ชอบทำในที่ที่เสี่ยงต่อการถูกคนมาเจอ อย่างที่นี่ถ้าล็อกประตูเขาก็โอเคนะ

“ครับๆ ยอมแล้วครับ”

“ดีมาก” ร่างโปร่งยิ้มหวานให้ มือก็ตบหน้าของรามินทร์เบาๆ

“งั้นกลับบ้านเนอะ”

“อย่าหื่น ขอร้อง”

“เอ้า!! ก็จะกลับไปทำที่บ้านไง มึงไม่ชอบทำที่นี่ก็กลับบ้าน ผิดอะไรวะ”

“กูเหนื่อย อยากพักผ่อน กลับไปนอน”

“งั้นเอากันที่นี่ก่อนก็แล้วกันถ้าจะกลับไปนอนน่ะ” ร่างสูงซุกไซ้ซอกคอของอินทัชอีกครั้ง ขบเม้มรุนแรงจนห้อเลือดเป็นรอยคิสมาร์ก

“เจ็บ...กูเจ็บนะเว้ยราม”

“ก็แสดงความเป็นเจ้าของไง”

“อ้าว? การแสดงความเป็นเจ้าของมันต้องฉี่ใส่ไม่ใช่เหรอวะ?” หน้าตาไร้เดียงสาของอินทัชทำให้รามินทร์รู้สึกหมั่นไส้สุดๆ จนต้องฟัดแก้มใสแรงๆ

ฟอด!!

“นั่นมันหมา”

“เหรอ?”

“เออ!!”

รามินทร์จูบเข้าที่ริมฝีปากบางอีกครั้งเพราะทนไม่ได้ที่มันล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้า

แกร็ก...

“คุณรามคะ ว้าย!!”

พรึ่บ!!!

อินทัชลุกขึ้นจากตักแกร่งแล้วหันหลังไม่ให้ผู้หญิงที่เข้ามาในห้องทำงานของรามินทร์เห็นว่าเขาเป็นใคร ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ เพราะเขาก็เห็นๆ กันอยู่ว่าอินทัชเข้ามาที่นี่และยังไม่ออกไป และคนที่เข้ามาก็เป็นหญิงสาวคนเดียวกับที่พาเขามาที่นี่ด้วย

“ข่ะ โทษค่ะคุณราม ดิฉันไม่ทราบ…” เธอขอโทษอย่างรู้สึกผิดและหวาดกลัวไม่กล้ามองหน้าผู้เป็นเจ้านาย

“รู้หรือไม่รู้ทีหลังต้องเคาะประตูนะ” รามินทร์ไม่ได้ตำหนิ แต่บอกลูกน้องดีๆ ด้วยรอยยิ้มเพราะแค่นี้เธอก็กลัวจะแย่อยู่แล้ว ที่สำคัญ รามินทร์ไม่ได้โกรธที่โดนเห็น ส่วนเรื่องเคาะประตูก็เข้าใจว่าคงจะมีเรื่องด่วน

“ค่ะ...ขอโทษอีกครั้งค่ะ”

“ว่าแต่มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า”

“คือว่า...ไกด์ที่นัดให้มาสัมภาษณ์มาถึงแล้วนะคะ ไม่ทราบว่าจะให้เข้ามาเลยหรือเปล่าคะ”

ร่างสูงนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าตอนนี้เกือบจะบ่ายโมงแล้ว คุยงานจนลืมไปเลยว่ายังไม่ได้กินข้าว เพราะฉะนั้นรีบสัมภาษณ์แล้วพาอินทัชไปกินข้าวดีกว่า

“มึงหิวยังอิน”

“อือ...นิดหนึ่ง”

“ถ้าอย่างนั้นรอกูสัมภาษณ์ไกด์ก่อนนะ ไม่นานหรอก...ประมาณกี่คนน่ะหญิง” รามินทร์หันไปถามหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง

“ภาษาอังกฤษห้าคนค่ะ บางคนก็พูดได้หลายภาษาเลย”

“โอเคๆ ตามทั้งหมดมาเลย ให้เข้ามาทีละคน หาที่นั่งแล้วก็น้ำดื่มบริการพวกเขาด้วยก็แล้วกัน”

“ค่ะคุณราม”

อินทัชหันกลับมามองร่างสูงตาขวาง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตัวนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ ได้แต่หวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่เอาไปพูด แต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ มนุษย์ผู้หญิงกับเรื่องเมาท์ นินทามักจะมาเป็นของคู่กันเสมอ

“มึงก็ช่วยกูสัมภาษณ์ด้วยนะ ภาษากูไม่เก่งเท่ามึง”

“เรื่องอะไรล่ะ จัดการเองสิ จริงๆ เหมือนคนมีชาวต่างชาติที่เขาเป็นเจ้าของภาษามานั่งด้วยนะ เราจะได้รู้ว่าไกด์คนไหนพูดดี
อธิบายดี”

“ก็ถึงจะให้มึงช่วยไง”

“วุ่นวายว่ะราม กูไปรอที่บ้านก็แล้วกันนะ”

“ไม่ได้ อยู่กับกูเนี่ยแหละ”

“เฮ้อ...เอาแต่ใจจริงๆ”

ร่างสูงยักไหล่ ไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของอินทัชเลยสักนิด...

...

...

...





60%

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

พอดีว่าตัดที่ 50 ไม่ได้ เลยตัดที่ 60 เปอร์เซ็นต์ อ่านแล้วคิดถึงกันยังไงบ้างก็คอมเม้นท์กันได้นะคะ หนังสือเรื่องนี้เปิดรีปริ้นท์อยู่พร้อมกับจองเล่มพิเศษด้วย ใครชอบก็ฝากเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยนะคะ

https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-10-2018 01:42:13
5555 อินทัชก็ยังเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 21-10-2018 07:59:23
 :hao5: จบแล้ว อยากได้อีก  :z3: :z3: ชอบบบบบบบ มากกกก โหดดี :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-11-2018 12:26:09
อร๊ายยย ครึ่งๆ กลางๆ คนอ่านหงุดหงิด มาต่อเร็วๆ นะ
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 13-01-2019 20:16:51
สวัสดีปีใหม่นะคะคุณยูกิ :L1:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-01-2019 00:29:07
โอ๊ยย อีกนิดก้อได้นัวแล้ว ... 555+
บอกเลยว่าnc เรื่องนี้มันหวามใจเหลือเกิน
ชอบที่สุดเลย
มันละมุน
รามอินเนี่ย...ในดวงใจเลย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 31-05-2019 06:10:16
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:18:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก (รามอิน) >> บทนำ (14/8/58) P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 06-09-2020 06:06:00

ไม่แปลกใจเลยที่น้องสาวของเขาจะตกหลุมรัก จนต้องร้องห่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเพราะถูกปฏิเสธ

“หึ! หน้าตาก็ดี แต่ไม่น่าชั่วเลย”

เขามองคนที่ยืนพูดอะไรสักอย่างที่เขาไม่ตั้งใจฟังเท่าไหร่นักด้วยความโกรธ ความแค้น ในฐานะที่เป็นพี่ชายของคนที่มันทำร้าย จนเขาเกือบจะเสียเธอไป




แค่เขาไม่รับรักน้องสาว ก็กล่าวหาว่าเขาชั่ว ใครกันแน่ที่ชั่ว
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 30-09-2022 21:47:22
น่ารักที่สุดเลยย
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 29-10-2022 00:59:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 02-03-2024 14:06:04
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)

เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)