จิตโลกันตร์
ตอนที่ 1
สมบัติผลัดกันชม
[/b]
โครม! ตูม! สองเสียงดังในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อรถปิ๊กอัพกลางเก่ากลางใหม่พุ่งเข้าชนDucati 1199 Superleggera ที่จอดติดไฟแดงเต็มแรงจนคนขับและรถกระเด็นตกน้ำ
ก่อนที่รถปิ๊กอัพคันนั้นจะเร่งเครื่องขับหนีไปในความมืดโดยปราศจากผู้รู้เห็นเหตุการณ์ ยกเว้น...
‘หึหึ อย่างนี้ก็เจตนาฆ่าสินะ’
เด็กชายวัย 5 ขวบที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่บนอพาร์ตเมนต์ห่างออกไปราว 500เมตร ปีนขึ้นไปบนราวกั้นระเบียงชั้น4 ชะโงกมองผ่านความมืดและผิวน้ำดำปี๋ในคลองที่เคยลึกแต่ตอนนี้ตื้นเขินด้วยขยะเหลือความลึกเพียง4-5 เมตรที่ทอดผ่านหน้าอพาร์ตเมนต์ไปถึงจุดเกิดเหตุ
สายตาพิเศษที่เห็นในระยะไกลได้ใกล้และกระจ่างชัดร่าวกับอยู่ตรงหน้ามองผ่านผืนน้ำสกปรกลงไปสำรวจใบหน้าของหนุ่มเคราะห์ร้ายที่ถูกชนอย่างสนใจ
แม้กระโหลกจะยุบเข้ามา และกร้ามหักเบี้ยวผิดรูป แต่ก็ยังเหลือเค้าความหล่อเหลาคมคายของเหยื่อมรณะได้ชัดเจน เรียกรอยยิ้มกว้างอย่างถูกใจบนใบหน้าเล็กๆได้ทันที
ร่างกลมป้อมโหนตัวจนเอวพ้นขอบระเบียงแล้วทิ้งตัวจากชั้น4 ลงบนลานจอดรถชั้นล่างสุดอย่างรวดเร็ว
ตุ้บ! โพละ! สองเสียงดังติดๆกัน เมื่อร่างเล็กๆกระแทกกับซีเมนต์ ศีรษะแตกอ้าจนเลือดและสมองกระจายเต็มพื้น เลือดเนื้อบางส่วนกระเด็นไปแปะอยู่กับกระจกร้านสะดวกซื้อชั้นล่าง
เจ้าของร้านที่กำลังอ้าปากหาว อ้าค้างด้วยความตกตะลึง ก่อนจะผุดลุกขึ้นร้องตะโกนโหวกเหวก ด้วยความตกใจ ไม่นานไทยมุงทั้งตึกก็วิ่งพรูออกมาดูร่างไร้ชีวิตของเด็กน้อยบนพื้น
ในขณะที่ห่างจากอพาร์ตเมนต์ออกไป ร่างสูงใหญ่เปียกโชกด้วยน้ำสกปรก กำลังเข็นรถจักรยานยนต์ที่ล้อบิดเบี้ยว ก้าวขึ้นจากคลองดำปี๋อย่างคล่องแคล่ว
ใบหน้าคมเข้มนั้นปราศจากร่องรอยความเสียหาย ดวงตาสีทองสว่างเรือง กวาดมองรอบๆเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เขาก็ก้มลงจัดการดัดล้อที่คดงอเพราะแรงกระแทกกลับคืนที่เดิมด้วยพละกำลังมหาศาล
แล้วสตาร์ทรถ พาเจ้าสองล้อราคาเรือนล้าน พุ่งทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่แยแสต่อเสียงร้องไห้คร่ำครวญจากอพาร์ตเมนต์เก่าเบื้องหลัง
ยามรักษาการณ์ของทางโรงแรมถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพเปียกโชกของคนขับและรอยถลอกเป็นทางยาวบนรถมอเตอร์ไซค์คันหรูที่เลี้ยวเข้ามายังที่จอด วีไอพีในเวลาเกือบตี1
“เกิดอะไรขึ้นครับท่าน” หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยรีบปรี่เข้าไปดูแลแขกคนสำคัญของโรงแรม
“โดนรถเฉี่ยวตกน้ำ” น้ำเสียงราบเรียบ ไร้อาการเกรี้ยวกราดเจ้าอารมณ์อย่างเคย ทั้งที่เกิดเรื่องค่อนข้างร้ายแรง ทำเอาคนฟังยิ่งระวังตัวหนักกว่าเดิม...ใครๆก็รู้ว่าถ้าทำให้คนๆนี้โกรธ อาจจะได้เดือดร้อนมากกว่าตกงาน
“แล้วท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ ผมตามหมอให้นะครับ” ชายวัยกลางคนรีบบอกอย่างร้อนรน แต่ยังไม่ทันยกวิทยุสื่อสารขึ้น แขกคนสำคัญก็โบกมือว่อนเป็นเชิงปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร แค่ตกน้ำสกปรกเท่านั้น” เขาตอบพร้อมกับส่งกุญแจรถให้แล้วเข้าลิฟต์ไป
ทิ้งให้ยามรักษาการณ์ยืนจ้องมองตามด้วยความงุนงง ก่อนจะก้มลงสำรวจรอบรถคันหรูด้วยสีหน้าเสียดายเมื่อเห็นร่องรอยความเสียหาย
ลิฟต์เปิดที่ชั้นบนสุด ซึ่งมีผู้พักเพียง 4 ห้อง แต่ละห้องจึงมีขนาดเท่ากับบ้านหนึ่งหลัง ร่างสูงใหญ่เดินผ่านตูเข้าไปโดยไม่ต้องหยุดแสกนม่านตาให้เสียเวลา...ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยใดหยุดเขาได้อยู่แล้ว
เสื้อผ้าเปียกโชกถูกถอดโยนลงถังขยะอย่างไม่แยแส ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลายเป็นสีทองสว่างจ้าราวกับดวงไฟกวาดมองร่างเปล่าเปลือยที่ตนครอบครองอย่างพึงพอใจ
นอกจากใบหน้าหล่อเหลาจับตา ร่างนี้ยังงดงามทุกสัดส่วน กล้ามเนื้อทุกมัดเรียงกันแน่นสวย ด้วยความพยายามในการหมั่นออกกำลังกายมาตลอดหลายปี
รวมไปถึงสัดส่วนความเป็นชายกึ่งกลางกายที่มีขนาดไม่ธรรมดา ถูกใจผู้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าเคยได้ครอบครองเรือนร่างสวยงามมาแล้วนับหมื่นนับแสนร่าง แต่ก็ใช่ว่าจะได้ถูกใจไปหมดทุกอย่างแบบนี้เสมอไป
‘ถูกใจแบบนี้ สงสัยต้องเก็บไว้ใช้นานๆซะแล้ว’ เขายักคิ้วใส่เงาในกระจก แล้วเข้าห้องน้ำเพื่อชำระสิ่งสกปรกที่ติดมาตอนที่ตกน้ำ
ร่างที่ก้าวออกจากห้องน้ำมีเพียงผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่ซับน้ำออกจากเส้นผมสีน้ำตาลแกมทอง เรือนร่างงดงามที่สะท้อนจากกระจกถูกอกถูกใจผู้ครอบครองเสียจนไม่อยากให้มีสิ่งใดปกปิดความงดงามนี้
เขาเหลือบมองเงาสะท้อนในกระจกครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตรงไปที่เตียง
‘มีนัดตอนบ่าย3’ โน้ตเล็กๆบนฐานโคมไฟ ทำให้เขาต้องหยิบมาอ่าน สมองที่เคยเป็นของเจ้าของร่างแล่นปราด
ใบหน้าสวยหวาน อ่อนใสของหนุ่มเอเชียสว่างวาบในหัว ทำให้เขาเบ้ปากเมื่อเห็นอิริยาบถอ่อนหวานเปี่ยมจริตของคนๆนั้น
เขาขยำกระดาษโน้ตในมือแล้วปาทิ้งถังขยะก่อนจะชะงักเมื่อภาพในความทรงจำภาพสุดท้ายคือผู้ชายร่างสูง ผิวสีทองแดง ดวงตาดุดัน จ้องมองเขาอย่างขึ้งโกรธ...
“หึหึ คนนี้ต่างหากน่าสนใจ...บ่ายสามงั้นเหรอ...หึ!” มุมปากอิ่มกระตุกรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ
เขาทิ้งตัวลงบนเตียงและชะงักเมื่อพบว่านั่งทับลงไปบนซองเอกสารแข็งๆจึงเปิดออกดู ข้างในเป็นนิตยสารดังของฝรั่งเศสเล่มที่กำลังจะวางแผง
ปกเป็นภาพของเขา และบทสัมภาษณ์ยาวเหยียดถึงความสำเร็จในฐานะนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อายุน้อยที่ก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับโลกโดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี พร้อมลงประวัติของเขาอย่างละเอียด
แน่นอนว่าด้วยตำแหน่งอดีตนายแบบดัง ประวัติของแดเนียล จิแบร์โต้ ชาน ย่อมเป็นเรื่องที่คนทั่วไปพอจะรู้กันอยู่แล้ว
โดยเฉพาะสายเลือดโดดเด่น 3สัญชาติทั้งละติน รัสเซียและจีน ของเขานั้น มาจาก 3 ตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพล ทำให้เขาแทบถูกเทิดทูนเลิศลอยประหนึ่งเจ้าชาย
ทั้งที่คงมีคนข้องใจกับสิ่งดำมืดที่ซุกซ่อนอยู่หลังหน้ากากสวยหรู แต่ใครจะกล้าเอาคอมาพาดเขียงหากไม่หลักฐานเพียงพอ
แดเนียลโยนหนังสือลงบนพรม แล้วทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง...ไม่เพราะธุรกิจดำมืดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนี่หรอกหรือ ที่ทำให้มีคนต้องการให้แดเนียลตาย...เขาถึงมีโอกาสได้ครอบครองร่างงดงามนี้
ถึงจะถือกำเนิดมาไล่เลี่ยกับสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่ามนุษย์ หากแต่เขาปราศจากร่างกาย สิ่งที่ยึดโยงเอาไว้ด้วยกันคือกลุ่มพลังงาน หรือจะเรียกว่าเป็นโอปปาติกะ ก็คงจะได้
เพียงแต่โอปปาติกะแบบเขามีจำนวนน้อยเกินกว่าที่จะมนุษย์จะมีโอกาสได้เรียนรู้ เขาจึงอาศัยครอบครองร่างของมนุษย์มาได้นับแสนๆปี
แรกๆนั้นเขาใช้ร่างเดิมซ้ำๆ แต่เมื่อนานเกินกว่าอายุขัยของมนุษย์ทั่วไป เขาก็กลายเป็นสิ่งประหลาดในสายมนุษย์จนก่อให้เกิดปัญหาตามมา
เขาจึงต้องยึดครองแล้วทิ้งร่างสังขารไปเรื่อยๆ จากความจำเป็นกลับกลายเป็นความสนุกสนาน กับการใช้ร่างใหม่ๆ
กระนั้นการยึดครองร่าง ‘คนเป็น’ มิอาจทำได้ง่ายดายนัก ต้องใช้พลังมหาศาลในการ ‘หลอมรวม’ หรือ ‘กำจัด’ จิตวิญญาณในร่างเดิม
แต่หากร่างนั้นเสียชีวิต หรือ อยู่ในภาวะกึ่งโคม่าอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ใหญ่ ย่อมเป็นเรื่องง่ายดายที่จะเข้าครอบครอง
สายเลือดทั้งตะวันตกและตะวันออกที่ไหลเวียนอยู่ในร่างนี้ ยิ่งทำให้เขาใช้พลังได้เต็มที่
เสียงเคาะประตูเป็นสัญญาณแผ่วเบาในตอนที่ล่วงเข้าวันใหม่มาถึง 2 ชั่วโมงแล้วนั้น กระตุกคิ้วเข้มให้ขยับยกอย่างประหลาดใจในแวบแรก
และจุดรอยยิ้มในวินาทีถัดมาเมื่อดวงตาสีทองมองผ่านผนังออกไปเห็นคนที่ลับๆล่อๆอยู่หน้าประตู...
หาทางหลบหลีกกล้องวงจรปิดขึ้นมาหาเขาตอนตี2 เนี่ยนะ? แต่ก็ดี เพราะเขากำลัง ‘หิว’อยู่พอดี
ดวงตาสีทองเป็นประกายวาบ ก่อนที่ร่างเปลือยจะปรากฏอยู่ที่หน้าตูชั่วพริบตา พร้อมๆกับเสียงปลดล็อกของระบบ ทำให้ผู้มาเยือนเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างง่ายดาย
“คุณแดเนียล...อุ๊บ!” เสียงผู้มาใหม่อุทานเบาๆเมื่อถูกกระชากเข้ามาในห้อง ประตูถูกเหวี่ยงกลับและล็อกเองทันทีโดยอัตโนมัติ แทบจะในจังหวะเดียวกับที่ปากของผู้มาเยือนถูกบดขยี้อย่างรุนแรงจนแตกเลือดซึม
“อาห์...คุณแดเนียล...ซี๊ดดด” ผู้มาเยือนส่งเสียงครางอย่างตื่นเต้นเมื่อปากนุ่มละจากปากเขาลงไปฝังรอยฟันบนลำคอ กางเกงยีนส์และกางเกงชั้นในของเขาถูกกระชากรวดเดียวลงไปกองอยู่ที่หัวเข่า
ปลายนิ้วยาว เย็นเฉียบ ลากผ่านร่องหลืบด้านหลัง และกดวนที่ซ่องทางแคบ เพียงแค่แรงกดหนักๆ ก่อให้เกิดอาการเสียวปลาบรุนแรงจนสะโพกเขากระตุกไหว
ท่อนเนื้อด้านหน้าตั้งชันขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกส่วนที่แดเนียลสัมผัสจุดความรู้สึกเสียวซ่าน รุนแรงจนเขาแทบทรงตัวไม่ได้
“คะ...คุณแดเนียล...อ๊ะ” เสียงอุทานหลุดออกมาอย่างแปลกใจซ้ำเมื่อเขาถูกผลักให้หันหน้าเข้าหาผนัง...แต่ก็ไม่คิดจะปฏิเสธเมื่อรู้ว่าแดเนียลจะ 'เล่น' กับเขาตรงหน้าประตู
“อู้ว...ใจร้อนจริงๆเลยครับ...ซี๊ดดดด” สะโพกขาวกระตุกเมื่อแดเนียลบีบขยำก้นแน่นแรงๆ
“เข้ามาเลยครับ...อ๊า...” ร่างหนาสั่นกระตุกทั้งตัว เมื่อท่อนเนื้อกำยำดันผ่านช่องทางแคบคับที่ไมได้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า
อาการเจ็บปวดจากแรงฉีกขาดถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเสียวปลาบรุนแรงในทุกพื้นที่ที่ท่อนเนื้อกำยำแทรกผ่านทำให้เขาตัวสั่นกระตุก ขากางออกกว้าง สะโพกแอ่นหยัดรับอย่างอัตโนมัติ
“คุณแดเนียล โอ๊ย!...” ร่างหนากระตุกซ้ำก่อนที่หยาดน้ำขุ่นจะฉีดพ่นออกมาอย่างแรงทั้งที่แดเนียลเพียงแค่แทรกตัวเขาไปจนสุดเท่านั้น
อาการถึงจุดสุดยอดอย่างรุนแรงจนหน้ามืด เพิ่งเคยเกิดกับตัวเองเป็นครั้งแรกทำให้เข่าอ่อนยวบ แต่ติดที่มือขาวที่คว้าเอวเขาเอาไว้
“ฉันแค่ใส่เข้าไปเองนะ ถึงซะแล้วเหรอภพ...หึหึ” แดเนียลกระซิบแล้วเลียที่ใบหูแข็งเบาๆ ผ่านภพถึงกับตัวสั่นระริก
ความต้องการที่พลุ่งพล่านปั่นป่วนขึ้นในช่องท้องอย่างรวดเร็ว ราวกับเสพยาปลุกรุนแรงเข้าไป หรือน้ำหอมกลิ่นใหม่ของแดเนียลจะเป็นยาปลุก?
“อ๊า...โอ้ว...” ผ่านภพร้องเสียงหลง ข้อสงสัยใดๆในสมองเลือนหายไปหมด เมื่อแดเนียลถอนกายออกจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับเข้ามาอย่างแรง ต้นขาเขาสั่นระริก สะโพกส่ายรับแรงเสียดเสียวที่อัดเข้ามาอย่างกระหาย
ทุกครั้งที่แดเนียลขยับตัว ความรู้สึกเสียวซ่านที่บังเกิดก็จะรุนแรงจนแทบทนไม่ได้
ความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสนี้ทำให้ผ่านภพไม่อาจเก็บกลั้นเสียงไว้ได้ เขากรีดร้องครวญครางด้วยความสุขสม ท่อนเนื้อด้านหน้าฉีดพ่นหยาดน้ำครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อเขาถึงจุดสุดยอดซ้ำๆ
สะโพกเขาส่ายรับอย่างเร่าร้อน ช่องทางแคบคับบีบรัดท่อนเนื้อกำยำที่สวนเข้าออกแน่นราวกับจะกลืนกินไว้
แดเนียลขยับมือที่วางไว้บนศีรษะของผ่านภพอย่างพึงพอใจ ทุกครั้งที่ผ่านภพถึงจุดสุดยอด พลังงานบางอย่างจะถูกดึงจากท้ายทอยของอีกฝ่ายเข้าสู่ปลายนิ้วยาวเรียว
มันคือวิธี ‘กิน’ ในแบบของเขา ยิ่งผ่านภพถึงจุดสุดยอดรุนแรงเท่าไหร่ อะดรีนาลีนก็ยิ่งถูกขับออกมามากเท่านั้น ทำให้เขายิ่งต้องเร่งแรงกระแทกกระทั้นของสะโพก ขยับส่ายหาจังหวะให้สัมผัสจุดกระสันของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น
จนผ่านภพแทบจะกรีดร้องตลอดเวลาด้วยความทรมานจากความสุขสมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ
แต่ร่างกายมนุษย์ยังไงก็มีขีดจำกัด เพราะทันทีที่หลังน้ำปริมาณเพียงเล็กน้อยออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ผ่านภพก็ล้มลงไปกองกับพื้น ทับน้ำขาวขุ่นบนพื้นที่ตนเองปลดปล่อยนองพื้นอย่างสิ้นเรียวแรง
“แฮ่กๆๆ อึก” ร่างหนาที่หอบหายใจรุนแรงสั่นกระตุก ดวงตาเหลือกลาน ใบหน้าขาวซีดเพราะหัวใจทำงานหนักจนหยุดเต้นไปดื้อๆ
แดเนียลถอนใจอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงแตะปลายนิ้วบนหน้าอกแบนหนา เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ร่างหนาก็กระตุกเฮือก หัวใจถูกช็อต ให้กลับมาทำงานอีกครั้ง
แดเนียลยืดกายตรง หมุนตัวกลับเข้าห้องนอนทิ้งร่างหายใจรวยรินของผ่านภพไว้ที่เดิม
แสงไฟในห้องนอนที่ยังสว่างจ้า สะท้อนร่างกายขาวเนียนที่เปล่งประกายระยิบระยับราวกับแสงสะท้อนจากเพชร แต่ไม่ใช่ มันคือการไหลเวียนอย่างรวดเร็วของพลังงานที่แดเนียลเพิ่งกินมา
เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายได้รับการหล่อเลี้ยงให้สมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่ จนกลับมาคึกคักสดใส ชดเชยกับพลังงานที่เขาใช้ในการซ่อมแซมร่างกายนี้จากอุบัติเหตุ
แดเนียลนั่งขัดสมาธิกลางเตียง ดึงพลังงานทั้งหมดมาไว้ที่ช่องท้อง รวมถึง ‘กลิ่น’ ฟีโรโมนที่เขาต้องควบคุมให้มันสงบนิ่งอยู่ภายใน เพื่อเว้นไว้ใช้กับเหยื่อที่ต้องการ
ริมฝีปากอิ่มหยักยิ้มเมื่อใบหน้าคมเข้มดุดันฉายขึ้นในสมอง น่าเสียดายที่เขากลับมีความทรงจำถึงกลิ่นของอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ฆานประสาทของเจ้าของร่างเดิมต้องดีเป็นพิเศษ เขาถึงสัมผัสบางอย่างที่น่าสนใจในตัวของอีกฝ่ายได้
ท่าทางแม้แต่แดเนียลคนเก่า ก็คงจะสนใจหมอนี่เช่นกัน ในสมองจึงบันทึกกระทั่งกลิ่นไอของอีกฝ่ายไว้ทั้งที่ตอนเจอกัน แดเนียลคนเดิมนั้นตกอยู่ในสภาวะที่หวาดกลัว
.
.
.
กว่าผ่านภพจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็เกือบเที่ยงวัน เขาค่อยๆขยับร่างไร้เรี่ยวแรงช้าๆ ดวงตากวาดมองรอบตัวอย่างงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง แสงสว่างเจิดจ้าที่ลอดรอยแยกของม่านเข้ามา บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่ยามเช้าของวันใหม่อีกแล้ว
ผ่านภพหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง พยายามคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง และทำไมเขาถึงมานอนอยู่บนพื้น กระทั่งเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในเครื่องแต่งกายอย่างพร้อมจะออกไปข้างนอก
แสงสว่างที่สะท้อนอยู่ด้านหลังทำให้แดเนียลหล่อเหลางดงามราวกับเทพเจ้า ใบหน้าคมสันจุดรอยยิ้มน้อยๆ และดวงตาสีน้ำตาลทองคมกริบที่เพียงแค่มองร่างกายเขาก็ร้อนรน พลุ่งพล่านด้วยความต้องการ
“คุณแดเนียลจะไปไหนครับ?” ผ่านภพถามเสียงแหบแห้ง คงเพราะเมื่อคืนเขาส่งเสียงครวญครางไม่หยุด จนเสียงหาย
เขาค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้นช้าๆเพราะยังอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง...บทรักเร่าร้อนเมื่อคืนทำให้เขารู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อและกระดูกอ่อนเหลวไปหมด
“ฉันมีนัด...เธออาบน้ำแล้วใช้เสื้อผ้าของฉันก็ได้ เสื้อผ้าเธอเลอะหมดแล้วนี่นะ” แดเนียลพูดพร้อมกับเดินมาหยุดยืนตรงหน้า ก้มลงมองราวกับอีกฝ่ายคือทาสผู้ภักดี
“ไม่ไปได้ไหมครับ วันนี้ผมอยากอยู่กับคุณ” ผ่านภพคว้ามือขาวมาจูบอย่างหลงใหล บทรักที่เอร็ดอร่อยอิ่มเอมขนาดนี้เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
จริงอยู่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกระหว่างเขากับแดเนียล แต่ความรู้สึกเสียวซ่านรุนแรงแบบนี้ เพิ่งเคยพบเจอ มันทำให้เขาลุ่มหลงในตัวแดเนียล จนไม่คิดจะทำอะไรทั้งนั้น นอกจากอ้าขาให้แดเนียลเพียงอย่างเดียว
“ตลกน่าผ่านภพ บ่ายนี้เธอต้องเซ็นสัญญากับบริษัทหนังไม่ใช่เหรอ...ไม่รีบกลับไปเตรียมตัว ระวังจะเกิดปัญหา”
“ถ้าคุณแดเนียลต้องการให้ผมอยู่ ผมก็จะอยู่ครับ”
“แล้วหนังเรื่องใหม่ของเธอล่ะ?”
“ไม่มีอะไรสำคัญเท่าความต้องการของคุณแดเนียลหรอกครับ”
“หึหึ...อย่าเลย ฉันยังไม่อยากทำลายอนาคตของเธอหรอกนะ...มนตรีเขาจะว่าเอาได้ ว่าฉันทำให้เธอเสียคน”
ใบหน้าของผ่านภพบิดเบ้อย่างรังเกียจเมื่อได้ยินชื่อมนตรี
“ถ้าคุณแดเนียลรับปากว่าจะให้ผมเป็นผู้ติดตาม ผมจะฉีกสัญญากับเขาทันทีเลย” ผ่านภพยืนยันหนักแน่น แต่แดเนียลกลับหัวเราะชอบใจแล้วเดินไปทิ้งตัวลงที่โซฟา ทำให้เขาต้องพยายามยันตัวเองลุกขึ้นยืน
เสื้อผ้าของเขายังอยู่ในสภาพเดิม ทั้งเสื้อเชิ้ตที่ยังไม่ได้ถูกแตะต้อง และกางเกงที่โดนแดเนียลถลกลง ก็พันอยู่ที่ข้อเท้า เซ็กส์ดุดันเร่าร้อนเมื่อคืนทำเขาหมดสติไปแทบจะทันที ที่น่าน้อยใจคือแดเนียลปล่อยเขาทิ้งไว้อย่างนี้
ผ่านภพถอดเสื้อผ้าออก เหลือแต่ร่างกายเปล่าเปลือยแล้วดันตัวลุกขึ้น แม้อาการเจ็บปวดจากช่องทางด้านหลังจะยังคงอยู่และร่างกายก็อ่อนเปลี้ยแทบไร้เรี่ยวแรง
แต่ผ่านภพก็ยังประคองตัวไปหยุดยืนเบื้องหน้าแดเนียล สบตาสีน้ำตาลทองคมกริบอย่างท้าทาย ยั่วยวน
คราบคาวเหนียวเหนอะหนะที่เขานอนเกลือกอยู่จนสว่าง ทำให้ไม่กล้าทรุดลงนั่งบนโซฟาราคาแพง และการได้ยืนอวดเรือนร่างเช่นนี้ น่าจะเป็นการยั่วยวนให้แดเนียลตัดสินใจเรื่องเขาได้เร็วขึ้น
แต่ก็ดูจะไม่ได้ผลเพราะแดเนียลเพียงแค่ปรายตาไปยังห้องน้ำ ทำให้ผ่านภพต้องประคองตัวเองโผเผไปยังห้องน้ำด้วยความจำนน
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ผ่านภพก็พบเพียงห้องที่ว่างเปล่า และเช็คเงินสดบนหัวเตียงเท่านั้น เขาสบถเบาๆอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะรีบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูเรียบที่สุดของแดเนียล เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา แล้วรีบออกจากห้องพักสุดหรูลงไปที่ลานจอดรถ
ผ่านภพเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยก็รีบขับรถออกไป โดยไม่รู้ว่าตั้งแต่ก้าวออกจากลิฟต์เขาก็ถูกถ่ายภาพไว้ทุกอิริยาบถและไฟล์ภาพก็ถูกส่งไปให้ผู้ว่าจ้างที่ปลายทางทันที
.
.
Ducati 1199 Superleggera ถูกขับเข้าจอดในลานจอดรถของร้านกาแฟชื่อดัง แม้จะมีรอยถลอกเป็นทางยาวแต่ความหรูหราและโดดเด่นของรถราคาเรือนล้าน ก็ดึงสายตาผู้ชายทุกคนให้หันมามอง
โดยเฉพาะคนที่รู้จักและชื่นชอบในเจ้าสองล้อราคาแสนแพงคันนี้ ถึงกับจ้องมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ
แต่ทันทีที่หมวกกันน็อกใบใหญ่ถูกถอดออก อวดโฉมเจ้าของรถคันหรู สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่ใบหน้าหลอเหลาอย่างตื่นตะลึง
ดวงตาสีน้ำตาลทองเป็นประกายคมปลาบ รอยยิ้มมุมปากนิดๆทำให้ใบหน้าหล่อเหลายิ่งน่าหลงใหล
เรือนร่างสูงใหญ่ ท่วงท่าสง่างามขณะก้าวยาวๆเข้าไปในร้าน สะกดทุกสายตาให้จับจ้องเขาแทบลืมหายใจ
และเพียงแค่ดวงตาสีแปลกนั้นแลปราดไปทางใด ก็ทำให้คนที่ถูกมองผ่านแทบหลอมละลายด้วยความรู้สึกร้อนรุ่ม โหยหา ที่รุนแรงขึ้นทุกทีจนบรรยากาศรอบกายเขาร้อนระอุขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนที่จะมีใครสักคนได้สติ ร่างโปรงเพรียวบางของผู้ชายหน้าสวยคนหนึ่ง ลุกพรวดถลาเข้าไปโถมกอดแดเนียลแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ จนได้ยินเสียงทอดถอนใจด้วยความเสียดายจากสตรีทั้งร้าน
“แดเนียล...ผมมารอคุณตั้งนานแล้ว”
“ผมเลท?” แดเนียลเลิกคิ้วอย่างกวนๆเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขามาตรงเวลา อีกฝ่ายต่างหากที่พยายามจะแสดงความเป็นเจ้าของเขาให้คนอื่นๆได้รับรู้
“ไม่รู้แหละ คุณช้าก็แล้วกัน” น้ำเสียงกระเง้ากระงอด กึ่งงอนกึ่งอ้อน กลับไม่ได้เรียกร้องความสนใจได้เหมือนเคย ทำให้หน้าเง้างอนเปลี่ยนเป็นจืดเจื่อนเมื่อแดเนียลผละจากเขาไปที่เคาเตอร์อย่างไม่แยแส
“ขอลาเต้ร้อน 1 ที่ครับ”
“ครับ” บาริสต้าหนุ่มรับคำแล้วทอดสายตาอ้อยอิ่งให้แดเนียลอย่างจงใจ เรียกรอยขุ่นเคืองในดวงตาของหนุ่มหน้าสวยที่ตามมาประกบแดเนียลอย่างหวงแหน
“แดเนียล มานั่งเถอะ” เขาลากแขนแดเนียลไปที่โต๊ะ แล้วทรุดลงนั่งเบียดชิด จนแดเนียลต้องปรามด้วยสายตาเยือกเย็นว่างเปล่า อีกฝ่ายถึงรู้ตัว ยอมขยับเว้นระยะจากเขาเล็กน้อย
“มีอะไร?”
“คุณนั่นแหละเป็นอะไรไป เมื่อวานก็รีบร้อนกลับมาโดยไม่อยู่รอผมก่อน”
“จะให้ผมอยู่รอแฟนคุณกลับมาเล่นงานเอาหรือไงวาโย?”
“มะ...ไม่ใช่สักหน่อย ตอนนี้ผมไม่ได้คบกับพี่...กับเขาแล้ว”
“แต่ดูเหมือนเขาจะไม่คิดอย่างนั้นนะ เมื่อวานเขาเกือบจะชกหน้าผมด้วยซ้ำไป”
“ผมไม่รู้ว่าเขาทำหยาบคายใส่คุณ...ผมขอโทษนะ”
“อืม” แดเนียลรับคำส่งๆ สายตาเขากวาดไปรอบร้านอย่างไม่ค่อยใส่ใจคนตรงหน้านัก
กระทั่งเหลือบไปเห็นคนที่ยืนลับๆล่อๆอยู่หลังแนวรั้วของโรงแรมฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มจางก็จุดขึ้นที่มุมปาก
“แดเนียล...คุณโกรธผมเหรอ? จริงๆมันไม่มีอะไรเลยนะ ผมอยากให้คุณมั่นใจว่าผมกับเขา จบกันไปแล้ว”
“ผมว่าคุณควรบอกเขานะ ไม่ใช่บอกผม”
“แดเนียล...” ปากแดงเม้มแน่น เมื่อบริกรยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ขัดจังหวะการสนทนา รอจนบริกรถอยออกไป เขาถึงได้ขยับเขาหา แต่แดเนียลกลับหยุดเขาไว้ด้วยสายตาเย็นชา
“คุณยังโกรธผมอีกเหรอ?”
“เปล่า”
“เปล่า?...เปล่าแล้วทำไมคุณทำเย็นชากับผม...ทำไมวันนี้ถึงทำเหมือนไม่สนใจกันเลย” วาโยตัดพ้อ น้ำตาคลอเจียนหยด
“เฮ้อ!...เอางี้นะวาโย ผมว่าคุณไปเคลียร์กับแฟนคุณให้ได้ก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาตกลงกัน ว่าเราจะคบกันดีหรือเปล่า...อ้อ...ขอฟังผลภายใน 24 ชั่วโมงนะ เพราะเย็นพรุ่งนี้ ผมจะบินไปมิลาน”
“แดเนียล! ทำไมคุณพูดอย่างนี้ คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้คบ...”
“ถ้าไม่กล้าเลิกกับเขาให้เด็ดขาด ก็อย่ามาให้เห็นหน้าอีก โอเคนะ”
ร่างสูงลุกออกจากโต๊ะแล้วออกมายังลานจอดรถข้างร้าน ควบเจ้าสองล้อคันหรูกลับไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร
ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในล็อบบี้ ใครบางคนก็ทะลึ่งลุกพรวดด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด พลอยให้คนอื่นๆที่นั่งร่วมโต๊ะหันมามองตามเป็นตาเดียว
หนึ่งในนั้นรีบโบกมือทักทายเขาอย่างยินดี ผิดกับคนที่ยืนหน้าขาวซีด
ท่าทีแบบนั้นทำให้เขาต้องเบนเป้าหมาย เดินตรงรี่เข้าไปหาอย่างนึกสนุก
“ไฮแดเนียล ไหนว่าคุณไปมิลานแล้วไง?”
“กำหนดเดินทางของผมเป็นคืนพรุ่งนี้น่ะ”
“ตกลงคุณจะไม่รับงานที่ปารีสจริงๆเหรอ? ผมนึกว่ามนตรีพูดเล่นเสียอีก”
“ผมว่ามันน่าเบื่อ...อีกอย่าง ถ้าผมรับงานนี้ มนตรีก็ลำบากแย่สิ อุตส่าห์...หึหึ”
“จะพูดอะไรแดเนียล!” มนตรีตะคอกเสียงเกรี้ยวกราด ผิดหวังอย่างรุนแรงที่แดเนียลยังมีชีวิตอยู่
“จะให้พูดจริงๆเหรอมนตรี...ต่อหน้าทุกคนเนี่ยนะ?”
“ก็พูดมาสิ แน่จริงพูดมาเลย!” มนตรีท้าอย่างเดือดดาล แต่ใบหน้าแดงก่ำกลับเผือดซีดชั่วพริบตาเมื่อแดเนียลชะโงกไปกระซิบข้างหูเขาเบาๆ
“ผมพูด คงสู้กล้องที่สี่แยกนั่นพูดไม่ได้หรอก เพราะภาพมันชัดกว่าเยอะ หึหึ” แดเนียลถอยห่างทันทีที่พูดจบ แต่คนอื่นๆจ้องมองพวกเขาอย่างสงสัย
“พวกคุณมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?” ผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นๆหันมองแดเนียลกับมนตรีสลับไปมาอย่างสงสัย แต่จะซักถามก็เกรงใจ เพราะหนึ่งก็เป็นนักธุรกิจระดับโลก อีกคนก็เป็นไฮโซผู้ทรงอิทธิพลในประเทศ
“ก็...ไม่มีอะไรหรอก หึหึ...ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนดีกว่า ไว้เจอกันนะครับ”
.
.
ไม่ถึง 10 นาที เสียงโทรศัพท์ในห้องพักก็ดังขึ้น แดเนียลเดินไปหยุดยืนที่ผนังกระจก สายตาจับจ้องลงไปยังรถเก๋งสีบรอนซ์เงินคันหนึ่งในลานจอดเบื้องล่าง
“ว่าไง” แดเนียลส่งเสียงตอบรับราบเรียบโดยที่ยืนห่างจากโทรศัพท์คนละมุมห้อง แต่ปลายสายกลับได้ยินเสียงเขาชัดเจนราวกับสนทนาอยู่ข้างๆ
“คุณแดเนียลคะ คุณกฤตต้องการขึ้นไปพบที่ห้องค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวรีบตอบอย่างกระตือรือร้น
“เขามากับใคร?” แดเนียลย้อนถามด้วยสีหน้าเกลื่อนรอยยิ้มมาดหมาย
“คนเดียวค่ะ”
“ให้เขาขึ้นมา”
“ค่ะ”