:L1: ดวงใจในสายลม 1 :L1:
ลมเล
[/color]
คุณพ่อลูกสองที่เป็นถึงนายหัวแห่งสวนสายลมเรื่องอื่นยอมได้แต่
เถียงลูกยอมไม่ได้
รักษ์
เด็กหนุ่มวัย 20 ปี ที่ต้องเดินทางไกลมาใต้เพื่อเป็นพี่เลี้ยงเด็กแฝดที่ใครๆ ก็ว่าทั้งแสบ ทั้งซน
ขุนอินทร์
ขุนจันทร์
เด็กแฝดที่มีทั้งความแสบ ซ่า ซน และความน่ารักในแบบฉบับของหนุ่มน้อยลูกคู่ #อนาคตอยากเป็นแฟนอารักษ์
...
"ทั้งแสบทั้งดื้อถามจริงอนาคตพวกเอ็งจะทำอะไรได้"
"เป็นแฟนอารักษ์!"
"ไม่ให้โวยยยยยย ไอ้ลูกพวกนี้"
◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇
"อารักษ์ดูๆ ลิงพ่อตัวใหญ๊ใหญ่"
"น้องจันทร์!"
"อารักษ์ทำไมหน้าแด๊งแดง"
◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇
“ฉันตัดสินใจแล้ว”
“รักษ์ แกไม่คิดดูอีกทีเหรอ” น้ำฟ้าถามย้ำการตัดสินใจอีกครั้งของเพื่อนชาย
“ไม่ละฉันคิดดีแล้ว แกก็รู้ว่าที่บ้านฉันเป็นไง” รักษ์ตอบยืนยันไปหนักแน่น คิดไม่ตกมาตลอดจนสุดท้ายก็ตัดสินใจได้เพื่อนครอบครัวรักษ์จำเป็นต้องเลือก
“แกไม่เสียดายเวลาที่เรียนมาเหรอ” น้ำฟ้ายังคงเกลี้ยกล่อมเพื่อนชายตรงหน้า
“ถึงเสียดายก็ทำอะไรไม่ได้ น้ำฟ้า แกก็รู้ว่าที่บ้านฉันกำลังลำบากจะให้ทำไง แก่อย่าห้ามฉันเลย” ใช่ว่ารักษ์อยากออกจากเรียนทั้งที่อุตส่าห์อยู่ปีสองแล้วแท้ๆ แต่ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร พ่อกับแม่ที่มีอาชีพขายพวงมาลัยในตลาดเงินที่ได้มามันไม่ได้มากมายพอดีจะส่งรักษ์เรียนต่อได้ถึงรักษ์จะทำงานพิเศษด้วยก็ตามมันก็ไม่พออยู่ดีไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารการกินของสามชีวิตในครอบครัว และที่สำคัญคือค่ารักษาพยาบาลของแม่ที่ต้องจ่ายทุกเดือนซึ่งเป็นเงินไม่ใช่น้อยๆ เพราะอย่างนี้รักษ์ถึงตัดสินใจออกจากเรียนและจะไปหางานทำคงช่วยจุนเจือค่าใช่จ่ายในครอบครัวได้บ้าง
“แต่…ก็ได้ๆ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน” ถึงอยากจะขัดแต่สุดท้ายน้ำฟ้าก็ต้องยอมเพราะสายตาละห้อยของรักษ์ รู้ดีว่าที่บ้านของรักษ์ค่อนข้างลำบากแต่ก็ไม่คิดว่าถึงกับต้องออกจากเรียน ในเมื่อห้ามไม่ได้น้ำฟ้าก็ได้แต่คอยช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้
“ขอบคุณนะที่เข้าใจ งั้นช่วยไรอย่างดิ” รักษ์ตอบรับน้ำฟ้าอย่างดีใจพร้อมกับสายตาแพรวพราว
“อะไรแกรักษ์ บอกปุบเรื่องมาปับ”
“อิอิ ก็บอกเองว่ามีเรื่องไรให้ช่วยก็บอก”
“เออ! ให้ช่วยไรบอกมา”
“ช่วยหางานให้หน่อยสิ”
“แกมีงานพิเศษที่ซุปเปอร์แล้วนี่” น้ำฟ้าบอกเพราะเป็นคนพารักษ์ไปสมัครเมื่อสามเดือนก่อน
“ก็ใช่ แต่อยากได้งานประจำ ลำพังแค่งานพิเศษมันไม่พอ” งานพิเศษที่ทำอยู่ก็ดีแต่มันไม่พอเลยอยากหางานประจำทำมันเงินดีกว่า
“ก็จริง เดี๋ยวจะช่วยหาให้ก็แล้วกัน แต่นี้แกตัดสินใจดีแล้วนะ” น้ำฟ้าตอบรับแต่ด็ไม่วายถามรักษ์เรื่องจะออกจากเรียนอีกครั้ง
“ดีแล้ว ยังไงก็ขอบใจแกมาก” รักษ์ตอบ
ทั้งสองต่างหยุดพูดถึงเรื่องนั้นหันมาคุยเรื่องอื่นแทน ตอนนี้รักษ์และน้ำฟ้าอยู่ในร้านกาแฟร้านหนึ่งที่มานี้เพราะรักษ์ต้องการบอกเรื่องที่จะออกจากเรียนให้น้ำฟ้ารู้ไม่ใช่ว่าไม่เคยพูดรักษ์เคยเกริ่นกับน้ำฟ้ามาแล้วหลายครั้งเพื่อนก็โวยใส่ตลอดก่อนมารักษ์ก็กังวลมาก ถึงแม้ทั้งสองจะพึ่งรู้จักกันได้แค่ปีกว่าๆแต่ทั้งสองก็สนิทกันมากเนื่องจากน้ำฟ้าเป็นเพื่อนคนแรกในมหาวิยาลัยใหญ่ในเมืองหลวงของประเทศ น้ำฟ้าเป็นคนสวย ตัวเล็ก ตาคมโต ขนตายาวและงอนมาก และมีผิวสีน้ำผึ่งที่บอกภูมิลำเนาที่อยู่ได้เป็นอย่างดี ใช่น้ำฟ้าเป็นเด็กใต้แต่ก็อยู่ตอนบนสุดที่ได้ชื่อว่าเป็นประตูภาคใต้อย่างจังหวัดชุมพร ต่างจากรักษ์ที่เป็นคนกรุงเทพรักษ์เลยเป็นหนุ่มที่ค่อนนข้างขาว ติดจะขาวมากเลยที่เดียวละใบหน้าเล็กได้รูป จมูกที่ไม่โด่งมากเกินไป ปากสีแดงตามธรรมชาติแม้จะไม่เป็นกระจับแต่ก็ได้รูปสวยงาม ร่างบางที่สูงโปร่างตามมาตรฐานชายไทย นับว่าเป็นคนน่าตาดีค่อนไปทางสวยแต่ดูไม่บอบบาง
“จริงสิ” ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่เพลินๆอยู่ดีๆ น้ำฟ้าก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังเรียกสายตาคนในร้านให้หันมามองจนต้องรีบเอ่ยขอโทษ
“พูดสะเสียดัง มีอะไรน้ำฟ้า” รักษ์ถามเพื่อนสาวตรงหน้าเพราะเสียงงดังจนรักษ์ตกใจ
“ก็หางานให้แกไง” น้ำฟ้าพูดขึ้นทั้งยกยิ้มดีใจ เธอพึ่งนึกออกว่ามีอยู่งานหนึ่งแต่ก็ไกลพอสมควร และอีกอย่างไม่รู้ว่าได้คนไปหรือยัง
“แกพูดจริงเหรอ งานไรๆ” รักษ์ถามขึ้นอย่างตื่นเต้น เพื่อนสาวคนนี้ช่วยเขาได้เสมอ
“งานไม่ยากแต่ว่าไกลหน่อยหนึ่ง” น้ำฟ้าบอก
“ไกลไม่เป็นไรขอให้ได้งานพอ” รักษ์บอก ไม่สนใจว่าจะไกลแค่ไหนแค่ให้เป็นงานที่ทำแล้วได้เงินก็พอ แต่ก็เชื่อว่าน้ำฟ้าคงไม่หาไกลมากนักหรอก
“แต่ฉันไม่แน่ใจว่าได้คนไปยัง” หญิงสาวบอกไม่เต็มเสียงนัก
“อ้าว”
“แต่เดียวฉันโทรถามก่อนแปบหนึ่ง” ว่าจบก็หันไปจับโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆมากดโทรหาใครคนหนึ่งรอสายครู่หนึ่งอีกฝังก็รับ
“ว่าไงตัวแสบ” เสียงทุ่มตอบรับมาเมื่อรับสาย
“ไม่แสบสักหน่อย พี่ลมพี่ได้คนเลี้ยงแฝดยัง” น้ำฟ้าเถียงคนในสายก่อนจะถามเรื่องที่ตนอยากรู้ เหลือบมองเพื่อนชายตรงหน้าก็ดูสงสัยไม่น้อย
“ยังเลย ถามทำไม” เสียงนิ่งตอบกลับมา
“เหรอ งั้นพี่ห้ามรับใครนะ”
“ทำไม” เสียงนิ่งถามขึ้นไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร
“บอกห้ามรับก็ห้ามรับ ยกไว้ให้เพื่อนฟ้า” น้ำฟ้าโวยวายใส่คนในสาย รู้สึกเบื่อกับน้ำเสียงนิ่งๆของพี่ชายเหลือเกิน
“ไว้ใจได้เหรอ” เสียงในสายถามขึ้น อยู่ๆมาบอกแบบนี้ก็อดกังวลไม่ได้
“ได้สิเพื่อนฟ้านะ ยังไงก็เถอะห้ามรับใครนอกจากเพื่อนฟ้า แค่นี้นะพี่ลม” น้ำฟ้าว่าก่อนจะตัดสายโดยไม่ได้สนใจเสียงถ้วงติงจากคนในสาย
“งานอะไรนะฟ้า” รักษ์ถามขึ้นทันทีที่น้ำฟ้าวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
“เลี้ยงเด็ก” หญิงสาวตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
“ฮะ! ไม่…ไม่รับงานนี้” รักษ์ตกใจกับคำตอบ ก่อนจะปฏิเสธทันทีอย่างไม่ต้องคิด จะให้ไปเลี้ยงเด็กรักษ์คงทำไม่ได้เพราะไม่เคยเลี้ยงมาก่อน
“แกทำได้อยู่แล้ว” น้ำฟ้าว่า เธอเชื่อตามที่พูดคนอยากรักษ์นะทำได้สบายออกจะนิสัยดีขนาดนี้ เรื่องในครัวก็เยี่ยม แค่ดูแลเด็กสองคนรักษ์ทำได้สบายน้ำฟ้าคิดอย่างนั้น
“แกจะบ้าเหรอ ฉันไม่เคยเลี้ยงเด็ก” รักษ์ยังคงเถียง อะไรก็ทำได้ทั้งนั้นยกเว้นเรื่องนี้เลี้ยงเด็กมันไม่ใช่เรื่องง่าย
“ก็จะได้เคยไง ไม่ต้องกังวลแฝดเลี้ยงง่าย” เธอว่า แล้วนึกถึงสองแฝดลูกของพี่ชายที่ถึงแม้จะซนแต่ก็ไม่ดื้อค่อนข้างเลี้ยงง่าย
“อะไรคือแฝด แกอย่าบอกว่า…”
“ใช่ เลี้ยงเด็กแฝดไง สองคนนะสองคน” น้ำฟ้าว่าพร้อมชูนิ้วสองมือ นึกหมั่นไส้เพื่อนชายที่ทำหน้าตกใจสะโอเวอร์
“จะบ้าตายแค่คนเดียวก็ไม่รู้จะเลี้ยงยังไงนี้เล่นมาสองเลย” รักษ์ว่าทั้งยกมือขึ้นกุมขมับตัวเอง
“จะกังวลทำไมแกทำได้อยู่แล้ว อีกอย่างเงินดีนะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนชายกังวลไม่เลิกก็เลยเอาเงินมาล่อ
“เงินเยอะแต่ต้องเลี้ยงเด็กนะ ถ้าฉันไปทำลูกเขาเป็นไรไปจะทำไง” เงินถึงอยากได้แต่ก็กังวลอยู่ดีเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายแถมมีถึงสองคนอีกยิ่งยากเข้าไปใหญ่
“แกไม่ลองจะรู้ได้ไงว่าทำไม่ได้” น้ำฟ้ายังคงพูดกล่อมเพื่อน
“แต่…”
“เงินเดือนสองหมื่นนะ” หญิงสาวรีบพูดขัดเพื่อนชายตรงหน้าทันที เชื่อสิว่าพอได้ยินเรื่องจำนวนเงินต้องเขวแน่
“สะ…สองหมื่นเลยเหรอ” รักษ์ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจเพราะเงินค่อนข้างเยอะสำหรับงานเลี้ยงเด็ก
“ก็จริงนะสิฉันจะโกหกแกทำไม ว่าไงสนไหม” น้ำฟ้าว่า ความจริงเงินมันไม่ถึงสองหมื่นหรอกแค่หมื่นห้าเท่านั้นแต่อยากช่วยรักษ์อีกอย่างถ้ารักษ์รับงานนี้น้ำฟ้าก็ไว้ใจได้ว่าคนดูแลหลานชายนั้นเป็นดีแน่นอน และอีกอย่างเรื่องเงินพี่ชายคงไม่อะไรมากรวยขนาดนั้นถึงจะบ่นบ้างก็ตามเถอะ แต่ไม่เป็นไรเพื่อเพื่อนน้ำฟ้ายอม
“เอ่อ…” รักษ์ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงเงินเยอะน่าสนใจมากแต่ต้องไปดูแลเด็กรักษ์เลยคิดไม่ตก
“แกลองคิดดูดีๆ นะรักษ์ เงินไม่ใช่น้อยๆ” น้ำฟ้าพยายามหว่านล้อม นึกหงุดหงิดกับคนนี้จะกังวลอะไรหนักหนากับแค่เลี้ยงเด็กทั้งที่มันเป็นงานที่สบายดีกว่าไปทำงานผับแล้วถูกลวนลามอีก พูดแล้วหญิงสาวก็นึกโมโหเพื่อนชายที่ห้ามไม่ฟังรั้นจะไปทำงานพิเศษในผับโดนไปสองวันถูกพวกลูกค้าลวนลามนน้ำฟ้าต้องบังคับให้ไปลาออก
“แต่มันต้องเลี้ยงเด็กนะ ฉัน…ฉันไม่รู้จะเข้าหาหรือว่าดูแลเขายังไง อีกอย่างถ้าเด็กไม่ชอบฉันล่ะจะทำไง” รักษ์พูดขึ้นอย่างกังวล น้ำฟ้าได้แต่ยกมือกุมขมับกับเพื่อนชายที่ซีเรียขนาดนั้นเลย
“แกก็ไม่ต้องทำไง แค่เดินเข้าไปแล้วยิ้มให้แฝด แฝดก็แทบพุ่งหาแกแล้ว” น้ำฟ้าว่า และนั้นทำให้รักษ์นึกสงสัยขึ้นมา
“ทำไมล่ะ”
“แกไม่รู้เหรอว่าแกนะยิ้มแล้วสวยมาก ยิ้มที่หนึ่งทำคนอื่นยิ้มตามไปตั้งเท่าไรโลกนี้สดใสขึ้นมาทันที”
“แกก็เวอร์” รักษ์ว่าน้ำฟ้าที่เพื่อนสาวพูดเสียโอเวอร์ แต่ก็แปลกถ้าเป็นอย่างน้ำฟ้าพูดทำไมรักษ์ถึงไม่เคยรู้สึกเลย
“ไม่เวอร์ทั้งนั้นแหละค่ะ ตกลงเอาไง”
“ก็…”
“แกจะคิดไรเยอะ รับๆไปเถอะ คิดไว้ว่าเงินๆๆๆ” ยุกับเรื่องอื่นไม่ขึ้นก็ใช่เรื่องเงินนี้แหละ
“ก็…ก็ได้จะลองดู” ในที่สุดรักษ์ก็รับมันเพราะเงินล่อตาแท้ๆให้ตายเถอะ
“ดีมากค่ะ” น้ำฟ้ายิ้มยกใหญ่ รักษ์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องดีใจขนาดนั้น
“แล้วงานต้องไปทำที่ไหนละ ต้องค้างไหม” เมื่อตัดสินใจรับงานนี้รักษ์ก็ถามถึงลายละเอียดงานทัน
“ต้องไปอยู่เลย” น้ำฟ้าบอก ซึ่งก็ไม่ผิดกับที่รักษ์คิดไว้มากนักก็เลี้ยงเด็กนี้ต้องอยู่กับเด็กตลอดอยู่แล้ว
“แล้วงานที่ว่าอยู่ไหนล่ะ” รักษ์ถามขึ้นอีกเมื่อน้ำฟ้าไม่ได้ตอบในตอนแรก
“ก็ไกลหน่อยหนึ่งนะ”
“ไกลเหรอแล้วที่ไหนละคงไม่ไกลมากใช่ไหม”
“ก็ไม่มากมั้ง ที่บ้านฉันนะ” น้ำฟ้าว่าอย่างไม่แน่ใจเพราะตนเองรู้สึกว่าจากกรุงเทพไปบ้านก็ไม่ไกลมากนักหรือเพราะนั่งไปกลับจนชินอันนี้ก็ไม่แน่
“ฮะ! ไม่มากเลยแต่มันโคตรไกลมากๆ” รักษ์ว่าอย่างตกใจอดจะประชดไม่ได้พูดมาได้ไงว่าไม่ไกล ชุมพรเลยนะนั่งรถเป็นวันกว่าจะถึง
“แกก็เวอร์” น้ำฟ้าแขวะ
“เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหม” นึกอยากเปลี่ยนใจขึ้นมาทันทีถึงจะได้เงินดีแต่มันไกลบ้านมากรักษ์เป็นห่วงพ่อกับแม่
“ไม่ทันแล้วค่ะ”
“แต่ฉันเป็นห่วงพ่อกับแม่” รักษ์บอกไปตามใจคิด
“แกไม่ต้องห่วงคุณลุงกับคุณป้าฉันดูให้เอง” ไม่ใช่แค่พูดให้เพื่อนชายรู้สึกดีแต่น้ำฟ้าตั้งใจจะทำจริงๆ
“แต่…”
“แกนี่ยังไงต้องมีเรื่องให้ขัดตลอด แกคิดดูนะไปอยู่โน้นบ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ แถมได้เงินอีกแกคิดดูไม่มีอะไรจะดีขนาดนี้แล้ว” น้ำฟ้าว่ามายึดยาวถ้าพูดถึงขนาดนี้รักษ์ยังลังเลอีกก็ไม่รู้จะว่าไง
“เอ่อ…” รักษ์ยังคงรู้สึกลังเลไม่น้อย สายตาจ้องมองอย่างต้องการคำตอบของน้ำฟ้ายิ่งกดดัน “ก็ได้” และแล้วก็ตัดสินใจรับอีกตามเคยถึงแม้รักษ์จะยังรู้สึกกังวลแต่ถ้าไม่ลองดูก็ไม่รู้ อีกอย่างรักษ์จำเป็นต้องใช้เงิน
“โอเค เดี๋ยวฉันบอกพี่อีกทีหนึ่งแล้วจะบอกแกนะว่าต้องไปเเมื่อไร” น้ำฟ้ายิ้มหน้าบานเมื่อเพื่อนชายตอบรับอุสาห์ยุไปเสียตั้งเยอะไปยอมรับนี้แย่ นึกถึงแฝดแล้วอดดีใจแทบสองแสบไม่ได้
“แล้วพ่อกับแม่แกไม่ว่าใช่ไหมถ้าฉันจะไปอยู่บ้านท่านด้วย” รักษ์ถามเมื่อนึกถึงเรื่องต้องอยู่ใต้ รักษ์เคยเจอพ่อกับแม่ของน้ำฟ้าแล้วสองครั้งตอนที่ท่านขึ้นมาเยี่ยมน้ำฟ้า ท่านทั้งสองเป็นคนใจดีมากในความรู้สึกของรักษ์ อายุท่านก็พอๆกับพ่อและแม่ของรักษ์
“ใครบอกแกจะไปอยู่บ้านพ่อกับแม่ฉัน” น้ำฟ้าถามขึ้นงงๆ
“อ้าว ไม่ใช่เหรอก็แกบอกไปอยู่บ้านแก” รักษ์งงยิ่งกว่าน้ำฟ้าทั้งที่เป็นคนบอกเองแท้ๆ ว่าให้ไปอยู่บ้านตัวเอง
“ก็ใช่บ้านฉันชุมพรไง แต่แกนะต้องไปอยู่บ้านพี่ฉันต่างหาก”
“ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันหรอกเหรอ”
“ก็ใช่ไง”
“อืม”
“ตอนนี้ห้ามเปลี่ยนใจแล้วนะเพราะฉันไลน์ไปบอกพี่เรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ก็บอกแล้วพวกท่านดีใจมากที่แกจะไป” รักษ์มองอย่างข้องใจเอาเวลาตอนไหนไปคุยไลน์กันแต่รักษ์ก็ได้เพียงตอบรับกลับไป
หลังจากพูดคุยกันเรื่องนี้จบรักษ์และน้ำฟ้าก็แยกย้ายกันกลับ รักษ์กลับมาบ้านเพื่อคุยเรื่องจะไปทำงานกับพ่อและแม่ซึ่งพวกท่านไม่เห็นด้วยแต่สุดท้ายก็ยอมให้รักษ์ไป รักษ์รู้ดีว่าพวกท่านเป็นห่วงแต่เพื่อครอบครัวรักษ์ต้องทำไม่อยากที่จะเห็นพ่อกับแม่ต้องเหนื่อยยิ่งแม่ไม่สบายแบบนี้
ผ่านมาหลายวันน้ำฟ้าก็โทรมาบอกว่าให้ลงไปวันอาทิตย์ที่จะถึงได้เลยซึ่งรักษ์ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ที่ต้องไปอยู่ไกลบ้านแบบนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่รักษ์จะต้องไปอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง
รักษ์จัดการเก็บข้าวที่จำไปเป็นไม่ได้เอาไปมากนักเพราะลำบากตอนเดินทาง พรุ่งนี้แล้วที่รักษ์ต้องไปก็อดใจหายไม่ได้อีกแต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากสู้กับมัน
“ถึงแล้วแกโทรบอกฉันด้วยนะ” รักษ์ฟังน้ำฟ้าพูดย้ำคำนี้ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไร
วันนี้เป็นวันที่รักต้องเดินทางไปชุมพรโดยมีน้ำฟ้าส่งขึ้นรถที่ขนส่ง แต่เพื่อนสาวก็บอกเรื่องให้โทรหาตลอดระหว่างทางและตอนถึงก็ไม่เข้าใจว่าจะอะไรหนักหนาแต่เพราะรู้ว่าเป็นห่วงเลยไม่อยากจะขัดเพื่อนสาว
“รู้แล้วแกบอกฉันรอบที่เท่าไรแล้วฮะ”
“ก็ฉันเป็นห่วงแก” น้ำฟ้าว่าเสียงหง่อย รักษ์ทำเพียงยิ้มให้กับเพื่อนสาว
“โอเคๆ ฉันจะโทรหาแกตลอดทางเลยตกลงไหม” ให้ตายเถอะยายเพื่อนคนนี้ยิ่งกว่าแม่เสียอีก
“อย่าลืมนะ อ่อเดี๋ยวพี่ลมจะมารับที่ทางเข้าสวนนะเพราะรถจอดตรงนั้นพอดี” รักษ์พยักหน้ารับก็รู้มาบ้างว่าสวนของพี่น้ำฟ้าอยู่ติดกับถนนใหญ่เลยแต่ต้องนั่งรถเข้าไปอีกกว่าจะถึงบ้านเพราะบ้านอยู่กลางสวนพอดีและที่สำคัญน้ำฟ้าบอกว่าสวนพี่ชายกว้างมากถ้าเดินเข้าไปคงเป็นลมก่อน
“งั้นฉันไปนะ” รักษ์บอกลาเพราะใกล้ถึงเวลารถออกแล้ว
“อืมโชคดีนะ คุณลุงคุณป้าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันดูให้ แล้วจะลงไปหาบ่อยๆ” รักษ์พยักหน้ารับนึกหมั่นไส้ทำเป็นบอกจะลงไปหาบ่อยๆ หาเรื่องลงบ้านตัวเองมากกว่าเถอะ
“ไปละแล้วจะโทรหา” รักษ์บอกก่อนจะก้าวขึ้นรถทัวร์ไป
หลังจากนั้นไม่นานตัวรถก็เคลื่อนออกไปพร้อมกับใจองรักษ์ที่เต้นรัว รักษ์นั่งรถมาหลายชั่วโมงมากกว่าจะเข้าจังหวัดชุมพระหว่างทางน้ำฟ้าก็โทรมาตลอดทั้งที่เป็นคนบอกให้รักษ์โทรไป พูดถึงก็โทรมาอีกแล้วน้ำฟ้าถามทันทีว่าถึงไหนแล้วรักษ์เองก็บอกไม่ถูกพอมองป้ายข้างทางก็บอกว่าเขตอำเภอสวี น้ำฟ้าเลยบอกว่าใกล้ถึงแล้วและมันก็เป็นเช่นนั้นเมื่อรถที่รักษ์นั่งมาจอดนิ่งหน้าสวน สายลม
“ถึงแล้ว” รักษ์เอ่ยบอกกับคนในสาย
“ถึงแล้วเหรอ รอเดี๋ยวนะพี่ลมกำลังออกมา” ก่อนจะโทรหารักษ์น้ำฟ้าโทรหาพี่ชายก่อนแล้วเพราะคาดการไว้แล้วว่ารักคงใกล้จะถึงแล้ว
“อืม”
“เป็นไงสวนพี่ฉัน”
“มีแต่ต้นปาล์ม” รักษ์บอกเพราะมองไปก็เจอต้นปาล์มเต็มไปหมด
“ฮาๆ ก็ทำสวนปาล์มนิ แต่เดี๋ยวเข้าไปข้างในก็เจอพวกผลไม้มีเยอะมากๆ” น้ำฟ้าบอกติดตลก ไม่แปลกหรอกที่รักษ์จะเจอต้นปาล์มเพราะครอบครัวเขาทำสวนกันไม่ใช่แค่ปาล์ม แต่ยังมียางพารา และผลไม้อีกเยอะมากทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด ซึ่งส่งออกทั้งในทประเทศและนอกประเทศ รวมๆแล้วมีสวนเป็นพันไร่ ทำกำไรปีๆหนึ่งก็มหาศาลมาก
“อืม บรรยากาศดูน่าอยู่ดีมองไปเจอแต่ต้นไม้ทั้งนั้นผิดกับกรุงเทพเลย” รักษ์บอกไปตามที่รู้สึก สีเขียวของต้นไม้นานาชนิดถึงแม้จะเป็นพืชเศรษฐกิจแต่ก็ให้ความรู้สึกดี
“ก็แน่ละ บ้านฉันมันชนบทนะ” น้ำฟ้าบอกอย่างขำๆ ก็บ้านเธออยู่ในจังหวัดที่ห่างไกลเมืองหลวงแถมห่างจากตัวจังหวัดอีกถึงมันจะดูชนบทแต่ก็น่าอยู่มากอากาศสดชื่นต่างจากเมืองหลวงลิบลับ “แล้วนี้พี่มารับยัง” น้ำฟ้าถามขึ้น
“ยังไม่เห็นใครเลย” บอกไปตามจริงเพราะยังไม่เห็นใครมาเลย “ อะ! มีคนขับรถออกมาสงสัยเป็นพี่แก” รักษ์บอกเมื่อเห็นรถเลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะจอดรถตรงหน้ารักษ์ซึ้งรักษ์มองอย่างอึ้งๆ
“ใช่เพื่อนของฟ้าไหม” ชายหนุ่มถามนิ่งๆ ทั้งยังนั่งอยู่บนรถ รักษ์ตอบอะไรไม่ถูกได้แต่พยักหน้ารับกลับเไปเพราะใบหน้าของคนตรงหน้าช่างสะกดสายตาของรักษ์มากเหลือเกิน ร่างสูงหนาผิวเข้มตามแบบฉบับหนุ่มใต้ จมูกโด่ง ตาคมที่เหมือนน้ำฟ้า ยิ่งไรหนวดบางนั้นยิ่งขับให้คนตรงหน้าดูเท่มาก
“รักษ์ รักษ์ ไอ้รักษ์” เสียงเรียกจากในสายทำให้รักษ์หลุดจากภวังค์
“วะ…ว่าไง”
“เรียกตั้งนาน เป็นไงอึ้งกับหน้าตาพี่ฉันละสิ” น้ำฟ้าเอ่ยแซว รักษ์ยอมรับว่าอึ้งจริงๆ กับคนตรงหน้า “แล้วพี่มารับไง” น้ำฟ้าถามอีกทำให้รักษ์ต้องละสายตาจากคนที่นั่งคิ้วขมวดบนรถคงเพราะรักษ์จ้องนานเกินไปแน่ๆ รักษ์มองมายังพาหนะที่ชายหนุ่มนั่งมารักษ์ก็ต้องอึ้งอีกครั้งเพราะมันคือ
“พะ…พ่วงข้าง”
“ฮะ! พ่วงข้าง กรรมพี่ฉัน” น้ำฟ้าว่าอย่างตกใจอดโมโหพี่ชายไม่ได้ชอบทำตัวแบบนี้ไงถึงถูกทิ้ง
………………………….
ดู่ดู๊ดูเธอทำ ทำไมถึงทำกับรักษ์ได้ แรกเจอก็จัดพ่วงข้างมาเลยยยย
เรื่องนี้บอกเลยค่ะแต่สนองตัวเองล้วนเพราะฉะนั้นจะไม่มีอะไรเลยเรื่อยๆเฉื่อยๆ อิอิ อย่าหวังอะไรกับตั้งโอ๋ พอดีสายแบ๊วเรื่องนี้ก็จะมาแบบแบ๊วๆทีไร้อะไรเลย อิอิ ยังก็ฝากเรื่องนี้ให้ในดวงใจคนอ่านด้วยนะคะ อาจจะไม่สนุกนั้นก็ต้องขอ อภัย ด้วยจริงๆค่ะแต่เรื่องนี้ตั้งใจมาค่ะเพราะเป็นแนวที่ชอบแถมดึงเอาบรรยากาศของบ้านตัวเองมาใช้ในเรื่องนี้ด้วย ผิดพลาดตรงไหนก็อย่ากลัวเคืองกันนะคะ สามารถแนะนำได้เต็มที่ตั้งโอ๋จะเอาไปพัฒนา สุดท้ายนี้ รักนะคะคนอ่าน
:mew1: ลูกคู่สื่อรัก :mew1: