-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
(https://www.picz.in.th/images/2018/10/06/hw16Tf.jpg) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36869.msg3723439#msg3723439)
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
ในอีกด้านของความรัก
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
-
ในอีกด้านของความรัก
☼ ♥
'เพื่อน'
ผมเชื่อว่าชีวิตของเราทุกคนก็เปรียบเสมือนการเดินทาง
ซึ่งผมเป็นคนคนหนึ่งที่เดินทางด้วยรถยนต์เก่า ๆ คันหนึ่งที่มีอายุใกล้จะยี่สิบเจ็ดปีเข้าไปแล้ว รถคันนี้มันแล่นผ่านเส้นทางที่หลากหลาย พบเจอผู้คนและประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงกิโลเมตร บางครั้งผมก็เปิดประตูเพื่อให้ใครบางคนร่วมทางมาด้วย บางคนเข้ากันได้และไปด้วยกันต่อ แต่บางคนก็เหมือนจะไม่เหมาะกับรถของผม และสุดท้ายเขาก็เปิดประตูเดินจากไป เหลือไว้เพียงไออุ่นที่ยังอยู่ติดเบาะและร่องรอยความทรงจำ
ในบางครั้งผมก็มองกระจกหลัง และเฝ้ามองคนบางคนยืนอยู่ข้างทาง ใครบางคนที่ขึ้นรถผมมาแล้วตัดสินใจขอลงและรอคันต่อไป หรือเขาอาจจะกำลังคิดที่จะเดินกลับไปขับรถของตัวเอง เพื่อออกเดินทางไปยังถนนอีกเส้นที่ตรงข้ามกันกับผม สักวันผมอาจจะไปเจอกับเขาที่จุดตัดหนึ่งของถนน หรือเราอาจจะจบลงที่เส้นขนานและไม่มีวันบรรจบกันได้อีก
แต่นอกเหนือจากเรื่องราวของคนหลายคนที่เคยร่วมทางกันมาในช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะแยกจากกันไป ผมยังมีอีกคนหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำระหว่างการเดินทาง
นั่นคือคนที่ผมไม่กล้าเปิดประตูเพื่อเชิญเขาขึ้นรถมาตลอดหลายปีที่ผ่าน
ผมในตอนนี้กำลังยืนมองรูปเด็กผู้ชายวัยมัธยมปลายสองคนยืนกอดคอกันที่ถูกใส่อยู่ในกรอบไม้สีดำและวางไว้อย่างดีบนหัวเตียง รอยยิ้มเล็ก ๆ ถูกจุดขึ้นตรงมุมปากอย่างไม่ทันได้รู้ตัว
พลันความทรงจำที่หลบลึกอยู่ภายในก็ถูกบางสิ่งในใจตีให้ฟุ้งกระจายขึ้นมาจนขุ่นคลักไปด้วยความคิดถึง ผมยังจำเรื่องราวในสมัยนั้นได้ดี ช่วงมัธยมปลายปีที่ห้า ช่วงเวลาก่อนที่ผมจะโตเป็นผู้ใหญ่…และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผมได้เจอ ‘มัน’
ในเวลาหลังเลิกเรียนของช่วงกีฬาสีผมมักจะมานั่งตากลมเย็น ๆ อยู่บนแสตนเชียร์ที่ถูกสร้างไว้รอวันกีฬาสีในปลายปี ซึ่งผมชอบช่วงเดือนกีฬาสีมาก ๆ อยู่โรงเรียนซ้อมกันจนฟ้ามืด ได้นั่งมองฟ้าสีส้มอมชมพูในตอนพระอาทิตย์กำลังจะลับตา สูดกลิ่นหญ้า และเคล้าไปด้วยเสียงซ้อมเชียร์
“เฮ้ย!”
ผมสะดุ้งเมื่อเสียงตะโกนเรียกดังขึ้นด้านล่างแสตนที่ผมนั่งอยู่ พอมองลอดหว่างขาตัวเองลงไปก็เจอเด็กผู้ชายวัยเดียวกันกำลังมองลอดซี่ไม้ขึ้นมาอยู่
“หะ?”
“ว่างอยู่ปะ ช่วยยกฉากการแสดงหน่อยดิ”
ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “กู”
“มึงแหละ” มันยิ้ม
“ว่าง ๆ ” ผมรีบตอบรับแล้วขยับลุกขึ้นยืนแล้วก้าวขายาว ๆ ลงจากสแตนไม้ทันที
พอก้าวลงที่นั่งขั้นสุดท้ายแล้วอีกคนที่ยืนอยู่ด้านในแสตนก็อ้อมมารอข้างล่างด้านหน้า มองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็เลิกคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าหล่อที่กำลังส่งยิ้มเป็นมิตรอยู่ตรงหน้า
“มึงอยู่สีเขียว แต่ตอนนี้มึงไม่ได้ทำไรใช่ปะ พอดีเพื่อนกูหายไปไหนไม่รู้ ฉากมันเพิ่งขนมาจากบ้านกูอะ หาคนช่วยไม่ได้เลย”
“อ้อ ช่วยได้ ไม่มีปัญหา ให้ไปขนตรงไหนอะ?”
“ตรงประตูหน้าเลยอะ ตอนนี้ประตูข้างมันปิดไปแล้ว โคตรลำบาก” อีกคนบ่นอุบแล้วขยับมือปาดเหงื่อบริเวณขมับ ทั้งที่ลมตรงนี้แรงอย่างกับอะไร คงไม่พ้นวิ่งมาจากหน้าโรงเรียน
“นำไปเลยเดี๋ยวไปช่วย”
ซึ่งการช่วยครั้งนั้น มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของความทรมาณตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ในรั้วมัธยม…
“อ่านหนังสือยังวะไทม์”
ผมเงยหน้าจากจานข้าวของตัวเองเมื่อเสียงของแสงดังขึ้นพร้อมหนังสือเล่มหนาหลายเล่มถูกวางลงแรง ๆ แล้วเจ้าตัวก็นั่งลงตรงข้าม
“อ่านไปแล้วเมื่อคืน”
“กูยังไม่ได้อ่านเลยอะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วมึงติวให้กูหน่อยดิ”
ผมยิ้ม “ก็เมื่อคืนมึงมัวแต่ทำอะไรไม่นอนล่ะ”
“คุยกับน้องบีอะดิ งอแงไม่ยอมให้กูอ่านหนังสือ บอกช่วงนี้ไม่มีเวลาให้ พอคบเด็กแล้วก็เด็กจริง ๆ ว่ะ”
“ไหนบอกน่ารักขี้อ้อนไม่ใช่เหรอไง”
แสงเบะปากแล้วเริ่มก้มหน้าเปิดหนังสือเรียน ผมถือช้อนส้อมค้างเอาไว้หลวม ๆ แล้วจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าหนังสือ…ใบหน้าของคนที่ผมหลงรัก
ใบหน้าเดียวกับที่ผมพบตอนมองลอดซี่ไม้แสตนลงไปในตอนเย็นของช่วงซ้อมกีฬาสีเมื่อสองปีที่แล้ว
“แสง”
“หืม?”
“กูอิ่มแล้วล่ะ มาเดี๋ยวติวให้”
“ยังเหลืออีกตั้งครึ่ง แดกก่อนได้นะ ไม่รีบ ๆ ”
ผมส่ายหน้า แล้วดันจานข้าวที่ยังเหลืออยู่ปริมาณหนึ่งออกห่าง “ไม่รีบห่าไรล่ะ อีกครึ่งช่วงโมงก็เข้าแถวแล้ว ไปดูห้องสอบมาแล้วใช่ไหม?”
“เออดิ ไลน์ถามไอ้นิคละ”
“อือฮึ งั้นมา”
ผมนั่งทวนสิ่งที่ตัวเองอ่านสรุปไปเมื่อคืนให้มันฟังไปเรื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบ แต่พยายามจับประเด็นให้มันจำได้ง่ายที่สุด
สองปีที่ผ่านมาเราสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน สนิทกันในระดับที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ อาจเพราะคุยกันรู้เรื่อง แล้วอีกฝ่ายก็เข้ากับคนง่าย ผมก็เป็นคนสบาย ๆ พอมาอยู่ด้วยกันก็จูนกันได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
แสงมันเป็นเด็กกิจกรรม ชอบหานั่นหานี่ทำเสมอ คนเลยรู้จักมันเยอะ แล้วรุ่นน้องผู้หญิงก็มาตามกรี๊ดเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับหน้าที่การงานที่มันทำ อย่างล่าสุดเมื่อตอนขึ้นม.6 เจ้าตัวก็ไปสอยตำแหน่งประธานสีแดงมาเพิ่มอีกหนึ่ง อะเลิร์ทจนบางทีผมก็ยอมใจ
ถึงจะมีผู้หญิงมาชอบมันเยอะ แต่มันไม่ใช่คนเจ้าชู้ มันคบกับน้องบีตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็เกือบจะหกเดือนเข้าไปแล้ว แม้ว่าจะชอบเอานั่นเอานี่มาบ่นกับผมอยู่เรื่อย แต่ผมก็ดูออกว่ามันมีความสุขดี และดูแลน้องเขาดีมากแค่ไหน
ผมรักมันนั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้ดี แต่สิ่งที่ผมเองก็เข้าใจดีไม่ต่างกันก็คือ…มันเห็นผมเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น
แอบรักเพื่อนหรือคนใกล้ตัวที่บอกไม่ได้มันก็ยากแล้ว แต่การรักเพื่อนที่เป็นผู้ชายเหมือนตัวเองมันคงยากกว่า ผมไม่ใช่เกย์ และไม่ได้เป็นไบ
ผมเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เป็นเด็กอายุสิบเจ็ดปีที่เรียนอยู่โรงเรียนรัฐบาลและกำลังเตรียมสอบเข้ามหาลัย
เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่เพียงแค่มีความรักกับคนที่ตัวเองอยู่ด้วยแล้วสบายใจ
เป็นคนธรรมดาที่ขอแค่ได้นั่งคุยนั่งยิ้มและเป็นหนึ่งในวงโคจรของอีกคนตรงนี้ก็พอใจแล้ว
ผมเพียงแค่อยากนั่งมองแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นเหมือนเวลาที่แสงเหลืองอ่อนกำลังแปรเปลี่ยนเป็นส้มเข้มแล้วลอยต่ำลับหายไปในตอนเย็นย่ำ แสงแบบเดียวกับที่ผมหลงรักมาตลอด
แสงแบบเดียวกับที่ผมรู้สึกได้จากคนข้างกายตอนนี้…
“ว่าแล้วว่ามึงต้องมาอยู่ตรงนี้”
เสียงคุ้นหูของใครสักคนที่มักจะแวะเวียนมาเคาะกระจกรถให้ผมได้เปิดเลื่อนลงจนเกิดช่องว่าง หากแต่ไม่เคยกล้าที่จะปลดล็อคแล้วเปิดประตูออกกว้างเพื่อเชิญเขาให้ขึ้นมานั่งร่วมทางไปด้วย
ผมยิ้มให้อีกฝ่ายที่กำลังก้าวเท้ายาว ๆ ขึ้นขั้นแสตนมาทิ้งตัวลงข้างผม “ซ้อมเชียร์ปล่อยน้องแล้วเหรอ?”
แสงมันพยักหน้า “ปล่อยแล้ว” เสียงที่แหบลงจากการตะโกนนำเชียร์เด็กมัธยมต้นเอ่ยตอบ
“เสียงมึงหายหมดแล้ว”
เจ้าตัวหัวเราะ แล้วนั่นยิ่งทำให้เสียงมันแห้งลงกว่าเดิมอีก “เออ วันนี้ตะโกนโคตรเจ็บคอ แม่งติดกันหลายวันเกินไป พลังหมดเลย”
“งั้นพรุ่งนี้-”
“พี่แสง!”
กูเอาน้ำมะนาวมาให้ไหม…
ผมเอ่ยคำต่อในใจให้จบโดยไม่ได้พูด เมื่อเสียงแฟนของอีกคนดังมาจากข้างล่างไกล ๆ คนข้างกายผมยิ้มกว้างด้วยรอยยิ้มแบบที่ผมมักจะแอบมองอยู่เสมอ แล้วหันมาหาจนเกือบหลุดสะดุ้ง
“กูไปก่อนนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ เอ้อ แข่งวิ่งพยายามเข้านะคัดตัวพรุ่งนี้ใช่ปะ?”
ผมพยักหน้า “อืม”
“เดี๋ยวเลิกเรียนกูมาเชียร์ สู้ ๆ ”
“ใจว่ะ มึงไปเถอะ เดี๋ยวน้องรอ”
แสงตบบ่าผมเบา ๆ แล้วก้าวลงจากแสตนไปหาแฟนตัวเอง แบบที่ผมก็ได้แต่นั่งมองเจ้าตัวเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าจากมือของแฟนสาวมาถือให้ แล้วเดินเคียงข้างกันออกจากสนามไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ
ผมไม่ได้อิจฉา ไม่ได้ไม่ชอบน้องบี และไม่ได้อยากทำให้เธอเสียใจ เพียงแต่ผมทำอะไรไม่ได้จริง ๆ
ผมเลิกรักแฟนของเธอไม่ได้จริง ๆ
RRrrRrrrrr
RRrrrrrrrrr
ผมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จรีบคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ตรงราวมาพันรอบเอวแล้ววิ่งออกมาหยิบโทรศัพท์ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องริงโทนคุ้นหู โดยปกติแล้วผมจะปิดเสียงเวลาอยู่โรงเรียน แต่พอกลับมาบ้านผมก็จะเปิดเสียงไว้เสมอ เผื่อว่าเจ้าของเสียงเรียกเข้าที่แปลกหูกว่าคนอื่นจะโทรเข้ามา
“ว่าไง” ผมพยายามคุมลมหายใจที่ถี่กระชั้นจากการวิ่งให้เป็นปกติแล้วกดรับสาย
[นอนหรือยัง?] เสียงแหบทุ้มที่เกิดจากการตะเบ็งเสียงดังมาตามสาย ให้ต้องเผลออมยิ้ม
“ยัง มึงมีอะไรรึเปล่า?”
[มีมั้ง]
“หืม? มีไรวะ” ผมเอ่ยถามไป มือก็ขยับสวมกางเกงไปด้วย
[กูทะเลาะกับน้องเขานิดหน่อย]
“…”
[กูก็รู้นะว่าช่วงนี้กูไม่มีเวลาให้น้อง แต่กูก็พยายามที่สุดแล้วจริง ๆ นะเว้ย]
“กูรู้”
[กูเสียใจว่ะ]
“มึงเป็นอะไรหรือเปล่า เสียงมึงดูไม่ดีเลยว่ะ ให้กูไปหาไหม อยู่ไหน?”
[มาหากูก็ดีนะ]
“อยู่ไหนล่ะ” ผมขมวดคิ้วแล้วถามเสียงเครียดหยิบเสื้อยืดมาสวมเร็ว ๆ ไม่ให้โทรศัพท์ห่างจากหูนาน
[หน้าบ้านมึงอะ ลงมาเปิดให้หน่อยดิ ย่ามึงหลับยัง กูมารบกวนรึเปล่า]
หะ? “มึงอยู่หน้าบ้านกู??” ผมรีบเดินไปที่หน้าต่างห้องนอนแล้วเปิดม่านดู ก็พบอีกฝ่ายในชุดนักเรียนกำลังมองขึ้นมาแล้วโบกมือด้วยอาการเหนื่อยล้า “เชี่ยแสง มึงมาอยู่นานแค่ไหนแล้วเนี่ย”
[ไม่นานหรอก]
“เดี๋ยวกูลงไปเปิดให้ มึงรอตรงนั้นนะ”
รอยยิ้มที่เหมือนจะร้องไห้ของอีกฝ่ายทำให้ผมไม่ได้วางสาย แต่ทำแค่ปิดม่านแล้วรีบวิ่งลงไปหาคนที่ยืนรออยู่หน้ารั้วของบ้านตัวเองโดยมือยังถือโทรศัพท์แนบหูฟังเสียงลมหายใจของมันไปแบบนั้น
“เสร็จแล้วเหรอ” ผมเอ่ยทักเมื่อคนที่หายเข้าไปอาบน้ำตั้งแต่ขึ้นห้องมาแล้ว เดินออกมาในชุดนอนของผม
“อืม ใจมากนะที่ให้ยืมชุด”
“เออ มานั่งนี่มา กูลงไปคั้นน้ำมะนาวให้”
“ไม่เอาอะ เปรี้ยวว่ะ”
“เสียงจะได้กลับมาหน่อย พรุ่งนี้ยังต้องใช้อีกเยอะ อย่ามาทำตัวกากน่า กะอีแค่น้ำมะนาว”
มันหัวเราะเบา ๆ “เออ แดกก็แดก” แล้วก็เดินมานั่งที่เตียงข้างผม รับน้ำมะนาวไปจิบแล้วหลับตาปี๋
“ค่อย ๆ จิบไป ไม่ต้องรีบหรอก”
“อืม”
ผมมองอีกฝ่ายนั่งจิบน้ำมะนาวไปเรื่อย ๆ รู้สึกว่าดวงตามันมีน้ำคลอ ๆ ไม่รู้เพราะเปรี้ยวหรือเพราะอะไรกันแน่
“ไทม์”
“หืม?” ผมเลิกคิ้วเมื่อคนข้าง ๆ เรียกชื่อผมขึ้นมาดื้อ ๆ
“กูรักน้องบี”
“…อืม กูรู้”
“กูรักน้องเขามากนะ”
“อืม”
“ช่วงนี้กูไม่มีเวลา”
“กูเห็นแล้ว”
“กูไม่ค่อยได้คุยโทรศัพท์กับน้องเขาเท่าไหร่ แล้วกูก็ไม่ค่อยได้ไปไหนกับเขาด้วย วันก่อนเขาต้องไปซื้อของหลังเลิกเรียนกูก็ไม่ว่างไปด้วย อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาไม่สบายกูก็ติดทำคัทเอาท์”
“…”
แสงพูดไปมือก็บีบแก้วน้ำมะนาวแน่น แล้วขยับวางลงที่โต๊ะข้างเตียง ให้ผมกำหมัดอย่างบอกอารมณ์ไม่ถูก
“กูดูแลแสตนเชียร์ กูดูแลฝ่ายอาร์ท กูดูแลสวัสดิการ กูดูแลภาพรวมสี กูดูแลทั้งหมดได้…แต่กูดูแลแฟนคนเดียวของกูไม่ได้” มันแค่นยิ้ม “วันนี้กูเห็นในมือถือน้อง…ส่งข้อความคุยอยู่กับเด็กม.5คนนึง”
“…”
“น้องร้องไห้แล้วก็ขอโทษกู น้องบอกว่ามันส่งมาหาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ส่งมาบ่อยขึ้นเลยได้คุยกันเยอะ แต่ไม่เคยโทรหาหรือไปไหนด้วยกัน”
“…”
“กูไม่ได้โทษอะไรเขาหรอก กูบอกกูเข้าใจ กูไปส่งน้องที่บ้าน แล้วกูก็กลับมา กูทำเหมือนก็ไม่เป็นอะไร แต่กู…”
ผมเงียบแล้วนั่งมองแสงซบหน้าลงกับมือตัวเองนิ่งไป ไหล่ของมันสั่นแบบที่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ผมเอื้อมมือไปใกล้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แตะตัวมันและค้างมือไว้อย่างนั้น รู้สึกเหมือนมือโซ่เส้นใหญ่พันอยู่รอบแขนแล้วออกแรงรั้งดึงไว้ไม่ให้ขยับ
อยากดึงตัวมันเข้ามากอด อยากช่วยแบกความทุกข์ความเสียใจทั้งหมดไว้ อยากบอกให้มันรู้ว่าผมห่วงและรู้สึกแย่แทนมันมากแค่ไหน ผมขมวดคิ้วแล้วกำมือที่ยื่นออกไปจนแทบถึงตัวมันไว้แน่นจนสั่นไปทั้งแขน รู้สึกปวดในอกอย่างบรรยายออกมาไม่ถูก
ความรักของผมกำลังแย่ ความรักของผมกำลังร้องไห้…แต่ผมทำอะไรไม่ได้เลย
.
.
.
.
.
“ไทม์!”
เสียงที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็คุ้นหูส่งเสียงเรียกชื่อผมมาแต่ไกล เอี้ยวตัวกลับไปมองก็เจอเจ้าของเสียงที่อยู่ในชุดนักเรียนแปะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจสีแดงสะท้อนแสงแดดวิบวับกระจายเต็มตัว อีกทั้งรอยปากกาขีดเขียนเป็นข้อความจนเนื้อผ้าแทบไร้ช่องว่าง ในแขนหอบดอกกุหลาบหลายสิบดอกไว้ในมือ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นมีอยู่ในตัวผมตอนนี้ทุกข้อเช่นกัน
“ว่าไงมึง”
“วันนี้ยังแทบไม่ได้คุยกับมึงเลย”
ผมยิ้ม “เออ กูก็มัววุ่นอยู่ ทั้งเพื่อนในห้อง ทั้งรุ่นน้องเต็มไปหมด”
“เรียนจบจนได้เนอะ”
“อืม จบจนได้”
มันหัวเราะแล้วยื่นปากกาสีน้ำเงินแท่งใหญ่มาให้ผม พลางหันหลัง “เขียนเสื้อให้กูหน่อย”
“เออ” ผมว่าแล้วขยับเข้าไปใกล้ เปิดปอกปากกาแล้วนิ่งค้างไปนิด ลังเลตัดสินใจกับตัวอักษรที่ตัวเองกำลังจะเขียนลงไป…
“เสร็จยังวะ?” คนที่ยืนนิ่งหันแผ่นหลังกว้างให้ผมเอ่ยขึ้นมา “นานจัง มึงหลับปะเนี่ย”
“เอ้า เสร็จแล้ว”
แสงหันกลับมามองผมแล้วยิ้มกว้าง “มากูเขียนให้มึงมั่ง” ก่อนจะจับไหล่ให้ผมหันหลัง
ผมยิ้มแล้วมองไปข้างหน้า กวาดสายตามองบรรยากาศแสดงความยินดีกับเด็กม.6ที่สำเร็จการศึกษา รุ่นน้องมาช่วยกันบูมรุ่นพี่ฟังแล้วครึกครื้นดี
“แสง”
“หืม?”
“มึงจะไปเชียงใหม่แล้วสิ?”
“อืมมม…น่าจะอาทิตย์หน้าแหละ พ่อกูอยากให้ไปอยู่เลยหลังจบมัธยม”
“เหรอ” ผมก้มหน้าลงมองมือตัวเอง “อย่าลืมไปดูแพนด้าด้วยล่ะ”
อีกฝ่ายหัวเราะ ผมรู้สึกถึงปลายปากกาที่จรดอยู่ตรงหลังตัวเอง “ไปดูมันนอนน่ะเหรอ”
“ถ่ายรูปมาฝากกูไง”
“ไว้มึงว่างไปเชียงใหม่แล้วกูพาไปดีกว่ามั้ง”
“หึ” ผมหัวเราะเบา ๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงปอกปากกาปิดลง
“เสร็จ!”
ผมหันหน้ากลับมามองอีกฝ่าย บันทึกภาพสีหน้าแววตารอยยิ้มและน้ำเสียงของเจ้าตัวไว้ในความทรงจำให้ลงลึกและแน่นหนาที่สุด จนมั่นใจว่าจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน…
“ยินดีที่เรียนจบนะมึง”
มันพยักหน้า “เหมือนกัน”
“แล้วไว้เจอกัน”
แสงยิ้มกว้างแล้วยกมือมาตบบ่าผมสองสามครั้ง “ไม่ได้เจอกันทุกวันแล้ว มึงก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
“มึงก็เหมือนกัน อย่ามัวแต่ห่วงกิจกรรมจนลืมใส่ใจตัวเอง”
“รู้แล้วน่า”
“ทำมาเป็นรู้แล้ว” ผมยิ้มล้อเลียน “มึงอะชอบดูแลคนอื่น แต่ลืมที่จะดูแลตัวเองเสมอ”
“กูเท่ไง”
ผมส่ายหน้ายิ้ม ๆ “เวลาเจ็บคอก็อย่ากินน้ำเย็น น้ำมะนาวน่ะกินเข้าไปเถอะดีต่อสุขภาพทั้งนั้น ถ้ามันเปรี้ยวนักก็ผสมน้ำผึ้ง”
“เออน่า”
“หัดนอนให้มันเร็ว ๆ บ้าง ใช้ร่างกายมาทั้งวันควรพักผ่อนให้เยอะ ๆ ”
“รู้แล้ววว”
“แล้วทำกิจกรรมดึก ๆ อะหัดพกยาหรือสเปรย์กันยุงบ้าง ไม่ใช่เอาแต่อดทน ไม่มีมีกูอยู่จะมีใครพกให้มึงบ้าง”
แสงยิ้มมุมปาก แล้วสบตาผมด้วยแววตาที่ทำเอารู้สึกร้อน ๆ ในอก “ขอบคุณนะไทม์”
“อะไรของมึง?”
“ขอบคุณที่คอยอยู่ช่วยกูตลอดตั้งแต่เมื่อตอนเย็นวันนั้นเมื่อสามปีที่แล้ว”
“ยังจำได้อีกเหรอวะ”
“มึงเป็นเพื่อนคนสำคัญที่สุดของกู ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดี ๆ ในโรงเรียนนี้ว่ะ”
“…ขอบคุณมึงเหมือนกัน”
“ต่อให้ปีนี้ ปีหน้า อีกสองปีสามปี หรือกี่ปีก็ตามกูจะยังเป็นเพื่อนมึงตลอดนะ”
ผมพยักหน้า “กูรู้”
“อย่าทิ้งกูนะสัด”
“กูไม่มีวันทิ้งมึงหรอก”
“สัญญา” คนตรงหน้าเลิกคิ้วถาม แล้วกำหมัดยกขึ้นมารอ ให้ต้องยิ้มแล้วยกมือขึ้นกำแล้วชนหมัดกับมันเบา ๆ
“สัญญา”
มันหัวเราะแล้วพยักหน้าขึ้นลงอย่างพอใจ “งั้นเดี๋ยวกูไปก่อนนะ”
“อืม”
“แล้วไว้เจอกันใหม่นะมึง”
“อืม”
“บาย”
ผมโบกมือ “บาย” ทั้งที่ในใจวูบโหวงเต็มที
คนตรงหน้าส่งยิ้มให้ผมอีกครั้งแล้วหมุนตัวหันหลังก้าวเท้าเดิน จนเผลอออกปากเรียกชื่อไป
“แสง!”
“หืม?”
เจ้าของชื่อชะงักเท้าแล้วเอี้ยวตัวมาเลิกคิ้วขานรับ ผมเองก็นิ่งไปเพราะไม่รู้ว่าตัวเองเอ่ยเรียกชื่อมันออกมาทำไม ไม่รู้ว่าอยากจะพูดอะไรกันแน่ รู้เพียงแค่กลัวเหลือเกิน…กลัวว่าหากมันหายลับจากสายตาไปแล้วเราจะไม่ได้เจอกันอีก
“ดูแลตัวเองดี ๆ ” แล้วสุดท้ายสิ่งที่หลุดออกจากปากผมก็มีเพียงแค่ “โชคดี”
มันยิ้ม ยกมือขึ้นสูงแล้วโบกไปมา “มึงก็เหมือนกัน”
แล้วผมก็ทำแค่ยิ้มให้กับมัน แล้วยืนมองอีกฝ่ายวิ่งออกห่างไปไกลเรื่อย ๆ ก่อนที่จะก้มลงมองดอกกุหลาบในมือ แล้วเม้มปากเก็บรอยยิ้มที่เหลือไว้ให้ตัวเอง
RRrrRrrrrr
RRrrrrrrrrr
เฮือก!
เสียงโทรศัพท์ปลุกผมออกจากความทรงจำเก่าเมื่อสิบปีก่อนที่กรังไปด้วยฝุ่น
ผมถอนหายใจยาว ขยับวางกรอบรูปที่ถือค้างไว้ในมือนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ลงที่เดิม มองนาฬิกาแล้วก็คิดว่าตัวเองคงกำลังจะสาย แต่ไม่วายเหลือบตามองรูปใบเก่าที่ยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีอีกครั้ง
ตอนนี้ผมก็ยังคงขับรถคันเดิมอยู่บนถนนของตัวเอง รถคันเก่าที่กำลังมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของผมมันก็เคลื่อนตัวออกไปไม่ได้หยุด บางครั้งล้อมันก็หมุนช้าลง หรือบางทีมันก็หยุดเพื่อจอดพัก แต่ไม่นานมันก็จะหมุนต่อ และผ่านช่วงถนนที่ขรุขระและยากลำบากไปได้
จนถึงตอนนี้ผมก็ยังคงเดินทางต่อไป เพราะในใจลึก ๆ แล้วผมยังแอบคาดหวัง ว่าสักวันรถคันนี้ของผมจะวิ่งไปไกล
ไกลจนได้วนกลับไป ณ ช่วงถนนเส้นเดิม...เส้นที่ผมได้เคยขับผ่านมาแล้ว…
- End -
เอาเรื่องสั้นตอนเดียวจบมาให้อ่านกันค่ะ
เรื่องสั้นเรื่องนี้เกิดขึ้นจากความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกเหงาคิดถึงและโหยหา แบบที่อธิบายออกมาไม่ได้
ความรู้สึกที่กล่าวมาคือแรงบรรดาลใจในการเขียนเรื่องราวของไทม์และแสงค่ะ
เรื่องนี้จบลงที่ตรงนี้ ความจริงแล้วจะมีต่อหรือไม่ยังไม่แน่ใจ แต่คิดว่าแบบนี้สมบูรณ์แล้วสำหรับ ณ ตอนนี้
อยากให้คนที่ได้อ่านรับรู้อีกด้านนึงที่ต่างจากการตัดสินว่าจบแบบมีความสุขหรือไม่มีความสุข
เรื่องราวของไทม์และแสงยังไม่จบลง เพราะจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังคงเดินทางอยู่บนถนนของตัวเอง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และหวังว่าจะชอบในอีกด้านของความรักเรื่องนี้นะคะ กอดแน่น <3
-
โอ๊ยตายเลย อ่านแล้วรู้สึกถึงความเหงามันพลุ่งพล่านทลวงมาเลย
บีบหัวใจเล็กน้อยพอประมาณ เฟรนด์โซนบางคนว่าดี แต่บางคนมันเป็นเรื่องที่โหดร้ายจริงๆ
-
ขอแค่ได้รักก็มีความสุขแล้ว และอย่างน้อยมันก็จะเป็นความทรงจำดีๆที่ทำให้เรายิ้มทุกทีที่นึกถึง :mew6:
เรื่องมันเกือบจะเศร้านะคะ แต่มันก็คือในอีกด้านของความรักอะเนอะ ไม่แน่นะอาจจะกลับมาเจอกันอีกก็ได้
ชอบเรื่องนี้มากๆเลย อ่านแล้วก็นึกถึงความหลังสมัยมัธยมที่ไม่กล้าแม้แต่จะบอกเขาไป แต่นึกถึงทีไรก็มีความสุขทุกที o7
-
มันหน่วงจังเลย แต่แค่ได้รักก็คงพอแล้วเนอะไทม์ :กอด1:
-
มันเรียลมาก
เรียลจนน่าตกใจ แต่ก็แอบหวังว่าในที่สุดแล้วไทม์จะเจอคนที่ใช้ชีวิตที่เหลือไปด้วยกันได้ (เป็นแสงได้จะดีมาก แต่อันนี้นับเป็นนาโนเปอร์เซ็น)
-
เมื่อเพื่อนรักกลายเป็นว่ารักเพื่อนฟังแล้วดูเหมือนว่าใกล้กัน จริงจริงแล้วคำนั้นมันห่างไกล เมื่อความรักฉันเป็นเหมือนอากาศ ที่คอยเคียงข้างเธอเรื่อยไป แก่เลยทันที แต่เค้าว่าคุณไทม์คงทันยุคนั้น 5555555555 จริงๆเราไม่รู้ว่าแอบรักเพื่อนอยู่แบบนี้คุณไทม์มีความสุขดีรึเปล่า แต่เราเศร้าแทนค่ะ ต้องทนมองเขาอยู่ข้างๆทุกวัน เฮ้ออออออ ตอนนี้คุณไทม์ก็อาจจะไม่ได้รักคุณแสงแล้วก็ได้มั้งคะ ที่เหลือตอนนี้คงเป็ฯความเสียดาย ความคิดถึง กับความเป็นเพื่อนที่ยังอยู่รอบๆตัว แต่นี่ไม่ได้คุยไม่ได้คุยกันเลยเหรอคะ? ติดต่อกันบ้างสิคะ สมัยนี้กาารติดต่อสื่อสารง่ายมากค่ะคุณคะ บางทีคุณแสงอาจจะรออยู่ก็ได้นะคะ บางทีคุณแสงอาจจะมีเรื่องในใจที่ไม่กล้าพูดออกมาเหมือนกันก็ได้ค่ะ อยากให้เขาได้เจอกันอีกครั้งจังค่ะ แล้วคราวนี้คุณไทม์ก็กล้าๆรับเขาขึ้นรถมาด้วยนะคะ บางทีเขาอาจจะรอคุณไทม์มารับอยู่ก็ได้ค่ะ
ขอตอนต่อไปอีกสักตอนเถอะนะคะะคุณเดย์ ขอพาร์ทคุณแสงค่ะ แงงงงงงงงงงงงง :ling1:
-
:mew1: มุมนึงของความรู้สึกดีๆ
-
อ่านแล้วเหง้าเหงา
ต่างคนต่างดำเนินชีวิตต่อ
หวังลึกๆให้สักวันวนกลับมาเจอเส้นทางเดียวกัน จะได้ไม่ขับรถไปคนเดียวอีกต่อไป
-
อยากรู้ว่าเขียนอะไรให้กันจัง..
-
บอกความรู้สึกออกไปก็คงจะ "ทุกข์"
เก็บความรู้สึกเอาไว้ก็ "ทุกข์"
ปล่อยให้เป็นความทรงจำที่ดีและยิ้มได้เสมอเมื่อนึกถึงมันละกัน
:กอด1: :กอด1:
-
แม้ไม่ได้พบเจอหรืออยู่เคียงข้างกัน
แต่เธอยังคงชัดเจนในใจเสมอ
เหมือนเศร้าก็สุขลึกๆในใจไทม์เองก็เป็นเช่นนั้นใช่มั้ย
-
มุมนึงของความทรงจำดี ๆ ที่มันอาจจะกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ในปัจจุบันหรือเป็นเพียงความรู้สึกดี ๆ ที่เราเก็บไว้เพื่อให้ได้โหยหาถึงวันคืนในอดีต คงต้องรอติดตามต่อไป :กอด1:
-
เป็นความทรงจำสีเทาหม่น แค่ได้คิดถึงในบางครั้งจะสุขหรือเศร้าเราก็เคยมีช่วงเวลาร่วมกัน
-
อยากรู้ไทม์เขียนอะไรที่เสื้อของแสง แล้วแสงกับไทม์ไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังจบม.6เลยรึงัย อยากให้มีต่อจัง :pig4:
-
นี่แหละชีวิต T-T
-
เฟรนด์โซนจะว่าดีมันก็ดีจะว่าไม่ดีมันก็ไม่ดีนะ
ดีตรงที่เราจะมีเขาตลอดไป เพราะคนรักเลิกกันไปมันก็จบ แต่เพื่อนมันอยู่ตลอด
แต่ก็ปวดใจเหมือนกันนะ 555555 เราไม่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้
แต่ว่าปวดใจแทนไทม์จัง :กอด1: จริง ๆ อยากให้แสงรับรู้นะเผื่อจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
แต่ก็เคารพการตัดสินใจของไทม์แหละ
-
น้ำตาซึม
-
:o12: ปวดใจมาก
ยังไงในความเป็นจริงของผมคงไม่สมหวัง แต่ขอได้ไหม ขอให้ไทป์ได้สมหวังเถอะนะ
จะขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆ รออยู่นะครับ :กอด1:
-
เบาๆ บางๆ จางๆ รู้แต่ว่าเหงา แอบรักเขาแต่เขาไม่รู้ แล้วก็ต้องจากกันไปบนเส้นทางของตัวเอง
แต่คนที่รักก็คงไม่มีวันลืมคนที่ตัวเอวชอบได้หรอก ไม่เจ็บแต่ซึ้มซึมค่ะ
ขอบคุณค่ะ
-
อ่านแล้วคิดถึงบรรยากาศตอนเรียนเลย ให้อารมณ์เหงาๆ หน่วงๆในอกดี ชอบบบบ
-
ในอีกด้านของความรัก
☼ ♥
'แฟนเก่า'
ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่า ‘คนเราจะเห็นค่าของสิ่ง ๆ หนึ่ง ก็ต่อเมื่อเราได้สูญเสียมันไปแล้ว’
เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยคิดว่ามันจริงหรือสำคัญอะไร แต่พอวันนี้มาเจอเข้ากับตัวเองจริง ๆ แล้วถึงได้เข้าใจ ว่าแท้จริงประโยคง่าย ๆ ที่หากฟังผ่านไปก็ดูจะไม่มีอะไรประโยคนี้มันจริงและเป็นสัจธรรมแค่ไหน
เมื่อผมสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดของตัวเองไป
เมื่อถึงวันที่มือของ ‘มัน’ หลุดออกจากมือผมไปแล้วจริง ๆ
ย้อนเวลากลับไปสักสองถึงสามปีที่แล้ว ตอนที่ผมเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย สอบเข้าด้วยการสอบตรงโดยไม่พึ่งเกรดหรือคะแนนแอดมิดชัน ผมเจอกับมันในวัน first date ของคณะ มันเป็นผู้ชายผิวขาว ตัวเล็กแต่ท่าทางห้าง ๆ มองทีก็รู้สึกเหมือนตีนกระตุก การพบกันครั้งแรกของเราไม่ใช่อะไรที่น่าประทับใจนัก เพราะการเดินชนกันแรง ๆ จนน้ำในมืออีกฝ่ายสาดรดเข้าเต็มเสื้อจนเปียกโชกคงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไร เนื่องด้วยมันไม่มีการประสานสายตาและตกตะลึงไปกับความน่ารักหรือน่าสนใจของฝ่ายตรงข้าม
มันจะเป็นไปได้ยังไงละวะ? ในเมื่อมันมันเป็นผู้ชาย! ไอ้ตรงหว่างขาแม่งก็มีเหมือนกัน
แต่เดี๋ยวก่อน…
จะออกตัวไปแบบนั้นก็เกินไป เดี๋ยวเล่าไปสักพักจะเข้าตัวเองเสียแทน
งั้นเอาใหม่…
เอาเป็นว่าถึงตอนแรก ๆ มันจะน่ากระทืบสักแค่ไหน เห็นหน้าทีไรก็ทำเอาปวดท้อง คุยกันกี่ครั้งก็มีสัตว์ออกมาเพ่นพ่านจนแทบไล่จับกันไม่ทัน แต่ไป ๆ มา ๆ รู้ตัวอีกทีตาก็เอาแต่สอดส่ายมองหาทุกครั้งที่มามหาลัย เจอตอนพักก็ต้องดอดเข้าไปกวนตีนเล่น จะเลิกเรียนหรือวันว่างก็ยังไม่วายเจอกันที่ร้านเหล้าแถวมหาลัย
สับสนมาจนถึงวันที่ขอมันเป็นแฟนนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วผมมองมันว่าน่ารักขนาดไหน โดนต่อยไปสองที แล้วยังถูกด่าถูกไล่ไปเป็นอาทิตย์กว่าจะได้คบกัน
ตอนนั้นก็คิดนะว่าก็ไม่ได้ยากอะไรนี่หว่าไอ้การคบกับผู้ชายเนี่ย หรือเพราะอีกฝ่ายมันหน้าตาน่ารัก เลยทำให้การมโนว่ามีนมคงไม่ได้ยากอะไร คบกันมาแบบดิบ ๆ เถื่อน ๆ นี่แหละครับ ไม่ได้ต่างไปจากช่วงที่กัดกันแรก ๆ
อ้อ มีเพิ่มมาอย่างก็คงเป็น… ‘เอากันได้’ นั่นแหละ
ความจริงเรื่องของผมกับมันก็ดูจะไม่ได้มีอะไรจากกัดกัน เกลียดกัน สุดท้ายก็มารักกัน ไอ้ตอนนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่าเรารักกันจริง ๆ หรือเปล่า ผู้ชายกับผู้ชายรักกันได้จริงไหมวะ หรืออาจจะเพราะอยากเอาชนะมันรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ
แต่คบกันแล้วถึงได้รู้ว่ามันก็เป็นแฟนที่ดีได้กว่าที่คิดไว้ มันน่ารักแม้จะไม่ได้ช่างเอาใจเหมือนผู้หญิง ถึงจะไม่ได้หวานอะไรแต่ผมว่ามันก็โอเค เพียงแต่ทุกอย่างไม่ได้เรียบง่ายอย่างนั้น เพราะมีสิ่งหนึ่งที่แม่งเหี้ยอย่างไม่น่าให้อภัย
นั่นก็คือ…สันดานของผมเอง
เราทะเลาะกันเพราะเรื่องผู้หญิงของผมอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งก็มักจบลงที่ผมเลิกกับผู้หญิงพวกนั้นไป และง้อมันจนอีกฝ่ายใจอ่อน คงเพราะผมเป็นผู้ชายและมันเองก็เป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้ เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไงผมก็เลือกมันอยู่ดี ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่พอรู้ตัวอีกทีคนที่ผมกลับมาหาก็ยังคงเป็นมันทุกครั้งไป…
ทุกอย่างมันก็วนลูปแบบเดิม จนผมคิดว่าคงจะไม่มีอะไรเลวร้ายจนทำให้เราสองคนต้องเลิกกันหรอก มันกับผมอยู่ด้วยกันมาได้นานขนาดนี้และคงจะตัดกันไม่ขาดแน่นอน
แต่สุดท้ายแล้วความเหี้ยของผมมันก็นำพาเรื่องราวของเรามาจนถึงจุดแตกหักในที่สุด…
“เพชร! เดี๋ยวสิเพชร!!”
“ไอ้สัด! ปล่อยกู!!”
อีกฝ่ายตะคอกผมเสียงดีงแล้วตวัดสายตามองผมด้วยดวงตาแดงก่ำและคลอไปด้วยน้ำ ผมคบกับมันมาเกือบสามปี ไม่เคยเห็นมันร้องไห้เลยสักครั้ง จนกระทั่งตอนนี้มันก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้อย่างสุดความสามารถ
ผมดึงแขนมันไว้ได้สำเร็จ “ฟังกูก่อน”
“ฟังเหี้ยอะไรอีก! มึงไม่ต้องมาแตะตัวกู!!” มันกระชากมือออก แล้วผลักผมเต็มแรง แต่ด้วยเราสองคนมีขนาดตัวที่ห่างกันระดับหนึ่ง เลยทำให้คนที่กระเด็นออกไปคือตัวมันเอง มันเซไปจนตู้ด้านหลังจนของหล่นใส่ตัว
“เพชร!!” ให้ผมร้องแล้วรีบวิ่งเข้าไปหา
แต่อีกฝ่ายรีบขยับหนีแล้วยกเท้าถีบขาผมแรง ๆ “อย่ามาโดนตัวกู!!”
ผมนิ่งงันด้วยความตกใจ ผมไม่เคยเห็นมันโกรธขนาดนี้มาก่อน นี่คงเป็นครั้งแรกที่มันระเบิดอารมณ์ออกมาแบบนี้ มันรุนแรงเสียจนผมตกใจกับความรู้สึกที่เจ้าตัวเก็บไว้ข้างในมาตลอด
“เพชร…”
มันหอบหายใจจนตัวโยน ก่อนจะค่อย ๆ ควบคุมอารมณ์ตัวเองจนกลับมานิ่งเหมือนปกติ “กูจะออกจากหอ”
“ไม่!” ผมตะโกนแล้วรุดไปยืนบังประตูไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะขยับหนี “มึงจะไปได้ยังไง นี่มันห้องของเรานะ นี่มันห้องของกูกับมึง”
“เออไงไอ้เหี้ย!!”
พลั่ก!!
คนที่สงบไปเมื่อครู่ตะโกนกลับออกมาด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง แล้วเข้ามาต่อยหน้าผมเต็มแรง
“นี่มันห้องของกูกับมึง! แต่มึงก็ยังเอาไอ้ควายนั่นมานอนจนมันถ่ายรูปส่งมาให้กู กูไม่ใช่คนโง่หรือผู้หญิงใจดีที่ยอมทนให้ใครมาเอาเปรียบนะไอ้สัด!!”
“เพชร วันนั้นกูเมา กู…” ผมสะบัดหน้าแล้วจะเข้าไปกอด แต่มันยกนิ้วกลางให้ผมแล้วกัดฟันแน่น
“อย่าคิดแม้แต่จะแตะตัวกู”
“กูขอโทษ มึงใจเย็นก่อนนะ มึงคุยกับกูก่อนนะ”
“กูเย็นกับมึงมาจะสามปีแล้วทัช กูเย็นกับมึงมานานพอแล้ว”
“กู…”
“ที่ผ่านมามึงจะเอาผู้หญิงที่ไหนกูไม่เคยอาละวาด แต่คราวนี้มึงเอากับไอ้เด็กเหี้ยนั่น ไอ้เด็กเปรตปีหนึ่งที่แม่งมองว่ากูเป็นเมียโง่ของมึง มันเป็นเกย์ แต่กูไม่ใช่!!!!”
“เพชร…”
“กูเป็นผู้ชาย! แต่กูก็ยอมให้มึงเอา!!” มันตะโกนแล้วปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไม่อยู่เริ่มไหล “กูรักมึง อึก...และไม่คิดจะเลิกรักเพราะกูคิดว่ามึงจะรักกูได้อย่างที่เคยทำให้กูรักได้…ฮึกก…ฮือ…แต่คราวนี้กูคิดผิด…กูยอมแล้วจริง ๆ ”
“เพชร”
“กูยอมแล้ว…”
“ไม่” ผมรีบคว้ามือมันมาจับ เมื่อสัมผัสได้ถึงความสูญเสียบางอย่าง “ไม่นะเพชร”
“เรา…เราเลิกกันเหอะว่ะ”
“ไม่! กูไม่เลิก!!”
“ปล่อยกูไปได้แล้ว...ฮึกก…ปล่อยกูไป”
ผมกัดฟันแน่นเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยคำเสียงสั่นแล้วทำท่าเหมือนหมดแรงจนจะล้มลงไปกองที่พื้น มือที่ผมจับอยู่ไม่ได้ออกแรงสะบัดหรือขืนดึงออก เพชรทำเพียงแค่เอ่ยคำย้ำ ๆ เหมือนขอร้อง ให้ผมต้องพยายามรั้งอีกฝ่ายเข้ามากอด
รู้สึกเจ็บปวดกับอาการเสียใจจนแทบทนไม่ไหวของคนรักของตัวเอง
ผมเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าเพชรก็อ่อนแอเป็น ผมเพิ่งเคยเห็นด้านนี้ของมัน และนั่นยิ่งทำให้ผมเสียใจจนร้าวไปหมดทั้งอก
“เพชร” ผมเรียกชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “กูขอโทษ กูขอโทษเพชร”
“ปล่อย”
“เพชร…”
“กูบอกให้ปล่อย”
“กูขอโทษ ให้กูกอดมึงนะ มึงยกโทษให้กูนะ”
“กูบอกให้ปล่อยไง”
“กูไม่ปล่อย”
“กูบอกให้มึงปล่อยไงวะ!!!”
พลั่ก! พลั่ก!!
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตรงหน้าตะโกนลั่นอย่างหมดความอดทน หมัดหนัก ๆ ซัดเข้ามาที่ข้างแก้มสองครั้งติดกันจนผมล้มลงไปที่พื้นเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
“อย่ามาจับ! แล้วไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก!!”
“กูทำไม่ได้” ผมส่ายหน้าแล้วยันกายตัวเองขึ้นยืนอีกครั้ง “กูจะเลิกยุ่งกับมึงได้ยังไง”
“มึงแค่กลับไปทำตัวสำส่อนของมึงต่อ มึงจะไปเอากับใครที่ไหนก็เรื่องของมึง ต่อไปนี้กูกับมึงไม่มีเหี้ยอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว!”
“เพชร!”
ผมรีบลุกขึ้นไปกอดมันเอาไว้ เมื่ออีกคนทำท่าจะเปิดประตูออกไป คนในอ้อมกอดผมทั้งดิ้นทั้งทุบทั้งต่อยจนผมเจ็บไปทั้งอกและหลัง แต่ผมไม่สนใจไอ้ความเจ็บปวดร่างกายพวกนี้ ทำแค่ออกแรกรัดตัวคนที่ผมรักไว้แน่น
ใช่…มันคือคนที่ผมรัก…คนที่ผมไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของมันเลย
“กูขอโทษ” มันชะงักเมื่อผมพูดขึ้นเสียงพร่า พร้อมน้ำตาที่หยดลงตรงบ่ามัน “ขอโทษ กูขอโทษนะเพชร”
“…”
“กูขอโทษ กูขอโทษนะ มึงอย่าทิ้งกู ฮึก…อย่าทิ้งกูเลยนะ” ผมกอดมันแล้วซุกหน้าลงที่บ่า อ้อนวอนขอร้องราวกับว่าตัวเองกำลังจะขาดใจ
ผมกลัว…กลัวมันออกไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย
ผมกลัว…กลัวที่จะสูญเสียมันไป
ผมกลัว…กลัวมันหายไปจากผมตลอดกาล
“กูขอโทษ อย่าทิ้งกูไปเลยนะ อย่าทิ้งกู…อย่าทิ้งกูนะ”
“ปล่อยกูไปเหอะทัข”
“ยกโทษให้กูอีกครั้งเถอะนะเพชร ให้โอกาสกูอีกครั้ง แค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้น”
มันมองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ “กูให้โอกาสมึงมาหลายครั้งแล้วทัช ให้มาตลอดแม้มึงจะไม่เคยขอ กูให้มึงเองโดยไม่มีเงื่อนไข”
“เพชร…”
“แต่วันนี้กูพอแล้ว กูพอกับมึงแล้วจริง ๆ ”
“เพชร กูขอโอกาสเถอะนะ กูขอร้องล่ะ กูขอร้อง…”
“ถ้ามึงจะทำได้จริง มึงคงทำได้ไปตั้งแต่ปีแรกแล้ว มึงไม่ปล่อยเวลามาจนถึงสามปีหรอกทัช มึงยอมรับสักทีเถอะว่ามันเป็นสันดาน และมึงแก้มันไม่ได้”
“กูแก้ได้ กูจะแก้ให้ได้ กูรักมึงนะเพชร กูรักมึงนะ” ผมเริ่มร้องไห้หนักขึ้นตอนที่รวบตัวมันเข้ามากอด อีกฝ่ายยอมให้ผมรัดตัวมันไว้แน่นโดยไม่ขัดขืน ทั้งยังเอื้อมมือมากอดผมตอบให้รู้สึกอุ่นวาบที่ใจขึ้นมา
“กู…กูรักมึงนะเพชร”
“…” มันเงียบแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก “กูก็รักมึงทัช”
“งั้นมึง…”
“แต่กูไม่อยากอยู่กับมึงอีกแล้ว”
ผมตัวชาวาบเมื่อได้ยินประโยคถัดมา รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าแรง ๆ จนชาไปทั้งซีก
“ปล่อยกูไปเถอะนะ ปล่อยกูไปจากมึงเถอะ” มันเอ่ยปากแล้วกอดหลังผมแน่น “เกือบสามปีที่ผ่านมากูก็มีความสุข กูถึงได้ไม่ไปไหนสักที กูรักมึงตอนที่มึงยิ้มให้กู กูรักมึงตอนที่มึงกอดกูตอนนอน กูรักมึงตอนที่มึงขยี้หัวกูตอนมันเขี้ยว กูรักมึงตอนที่มึงป้อนข้าวกูตอนไม่สบาย รักมึงตอนมึงเช็ดตัวให้ตอนกูมีไข้ รักมึงตอนที่มึงฟังกูเล่าเรื่องแล้วนั่งหัวเราะ กูรักเวลาลืมตามาแล้วเห็นมึงนอนอยู่ข้าง ๆ รักเวลาที่ได้เข้านอนพร้อมกันแล้วบอกฝันดี กูรัก…” เสียงอีกฝ่ายสั่นพร่ายามเอื้อนเอ่ยประโยคยืดยาวที่ทำให้ผมน้ำตาไหลไม่หยุด ก่อนที่มันจะผละตัวออกช้า ๆ เพื่อสบตากัน “แต่กูเกลียดตัวเองตอนที่รักมึงแบบนี้ รักจนเจ็บไปหมดแบบนี้…”
ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของอีกฝ่าย ท่าทางหมดแรงที่แสดงออกมาให้เห็นนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังไม่ไหวแล้วแค่ไหน ดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำมองใบหน้าผมนิ่ง ปล่อยให้น้ำตาร่วงผ่านแก้มหยดแล้วหยดเล่าถึงหลับตาลง แล้วก้มหัวลงไหล่สั่นระริก
“เลิกกับกูเถอะ”
“…กูรักมึง”
“อืม กูก็รักมึง ดูแลตัวเองดี ๆ นะ อย่านอนดึก เหล้าก็อย่าแดกให้เยอะมาก อาบน้ำเสร็จก็เช็ดผมบ้างเดี๋ยวจะไม่สบาย ห่มผ้าให้หนา ๆ อย่าเอาแต่เตะออกจากตัว กูรู้มึงฉลาด อ่านหนังสือนิดหน่อยก็ทำได้ แต่อย่าละเลยหน้าที่ตัวเองล่ะ”
ผมเม้มปากแน่นแล้วยืนมองอีกฝ่าย พลางพยักหน้ารับคำไปเรื่อย ๆ
“กูไปล่ะ”
เพชรขยับกายเบี่ยงออกให้พ้นตัวผมแล้วก้าวเท้าจะเดินออกจากประตู แต่ผมคว้ามือมันจับไว้ก่อน เจ้าตัวนิ่งไปไม่ได้ดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่กลับยื่นอีกมือมากุมทับมือผมไว้แล้วแตะเบา ๆ สองสามครั้ง
“ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา โชคดีนะ”
สิ้นคำอวยพรที่ไม่ได้น่ายินดีของเพชร มือที่เกาะกุมกันอยู่ก็คลายออกแบบที่ผมก็ไม่มีแม้แต่แรงจะฉุดรั้งไว้ มันเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังของความรัก และรอยร้าวของความสัมพันธ์ หลงเหลือเพียงตัวผมกับความทรงจำที่แบกไว้จนเต็มบ่า
ความกลัววิ่งพล่านอยู่ในตัว เกาะกินลามมาถึงหัวใจ ให้น้ำตามันไหลไม่ยอมหยุด
ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดี ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ต่อไปยังไง
ผมเสียมันไปแล้ว…
ผมอยากย้อนเวลากลับไปแล้วแก้ไขบางอย่างให้ดีขึ้น ผมจะไม่ทำตัวเหี้ย ๆ แบบนั้นอีกแล้ว ขอเพียงให้คนที่เพิ่งเดินหายออกไปจากชีวิตผมหันหลังกลับมา
ผมเป็นคนทำลายความรักครั้งนี้ ผมเป็นคนทำให้มันทลายลงไปด้วยมือของผมเอง
และไม่ว่าจะยังไง…ความผิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับความรักครั้งนี้ มันเกิดขึ้นจากความเหี้ยของผมเอง…
จากวันนั้นผ่านไปหลายเดือนแล้ว มันเป็นระยะเวลาที่นานพอทำให้ความเจ็บปวดบางอย่างทุเลาลง ผมสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง…แม้จะไม่มีอะไรเหมือนเดิม
ผมยังคงเจอมันอยู่นาน ๆ ครั้งที่มหาลัย แรก ๆ ก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า แต่ยิ่งนับวันผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินวนอยู่ที่เดิม ในขณะที่อีกฝ่ายก้าวเดินออกห่างไปไกลจากจุดเดิมมากแล้ว
เพิ่งได้รู้มาเมื่ออาทิตย์ก่อนว่าเพชรมีแฟนสาวคนใหม่ไปเรียบร้อย มันก็ดูจะรักกับแฟนดี ดูเป็นคู่รักที่สมบูรณ์และมีความสุข…
อย่างน้อยมันก็คงมีความสุขกว่าตอนที่อยู่กับผม
แต่จนกระทั่งถึงวันนี้ ผมก็ยังคงรักมันอยู่ไม่ได้เปลี่ยนใจ ผมยังคงแอบรักแฟนเก่าของตัวเองไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน
ผมยังคงกลับไปที่ห้องของเราทุกเย็น นอนบนเตียงของเราทุกคืน อาบน้ำและใช้ชีวิตในที่ของเราอย่างที่เคยทำมาตลอด
ผมยังเฝ้ารอว่าสักวันหนึ่งประตูห้องจะเปิดออกพร้อมปรากฏใบหน้าของคนในความคิด
ผมยังเฝ้ารอว่าจะเห็นมันส่งยิ้มมาจากหน้าประตูแล้วเอ่ยคำง่าย ๆ ว่า ‘กูกลับมาแล้ว’
ผมยังคาดหวังให้มันนึกขึ้นได้ว่ามันลืมของทิ้งไว้ในห้องนี้แล้วกลับมาดูแล
ผมยังคาดหวังให้มันรู้ว่ามันกำลังทิ้งผมเอาไว้คนเดียว
ผมยังคาดหวังว่าสักวันเราจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีก
ผมยังอยากกอดมันตอนนอน อยากจูบขมับมันและบอกฝันดี
ผมยังอยากให้เรากลับมารักกันอีกครั้งหนึ่ง
ผมยังคงเฝ้ารอและคาดหวังแม้ว่าตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของผม…มันจะหลุดมือไปนานแล้วก็ตาม
- End -
'ในอีกด้านของความรัก' ความจริงแล้วเป็นเซ็ตเรื่องสั้นสามเรื่องค่ะ
ตอนนี้ผ่านไปแล้วสองตอนคือ เพื่อน และ แฟนเก่า เหลืออีกหนึ่งตอน ซึ่งอีกสักพักก็จะตามมาาาา
เรื่องสั้นเซ็ตนี้ไม่ใช่เรื่องสั้นฟีลกู๊ด แต่เป็นเรื่องสั้นสะเทือนอารมณ์ และเป็นตอนจบแบบที่เดย์ไม่กล้าแต่งในเรื่องยาว
แต่ก็เป็นตอนจบแบบที่เดย์ก็อยากจะลองเขียนดูสักครั้ง ทางออกเลยมาจบตรงเรื่องสั้นนี่แหละค่ะ
แล้วเจอกันใหม่เรื่องสุดท้ายในเซ็ตค่ะ <3
-
:hao5:
อันนี้เพราะทัชทำตัวเองแท้ๆ เราโอเคที่เพชรบอกเลิก ถึงแม้ว่าจะต้องเจ็บก็ตาม
ไม่งั้นอนาคต สันดานทัชก็กำเริบอีก วนมาลูปเดิมแน่นอน
********
ดีแล้วค่ะที่เขียนเรื่องสั้น เราว่ามันกระชับ จบไว ไม่ยืด
(ถ้าเรื่องยาวจะร้องไห้แล้วคร่ำครวญ 2 หน้ากระดาษเอสี่เลย สำหรับเรื่องแรก TvT)
รอเรื่องต่อไปนะคะ
-
:sad4: แง้ ทำไมวันนี้มีแต่คนลงเรื่องแฟนเก่าค้าาาาา :z3: :z3: อ่านไปจุกไป หน่วงดีจริงๆแต่ก็นะทัชทำตัวเองนี่เวลาสามปีไม่ใช่น้อยๆเลยนะที่จะปรับปรุงตัวแต่ก็ไม่คิดจะทำ จนเมื่อเวลามันสายไปถึงได้รู้สึกตัว งือ เศร้าอะ :hao5:
-
ชอบๆ
-
เศร้าแต่ซึ้ง
ทัชต้องเข้าใจนะ ว่าอารมณ์คนเรามีจุดสิ้นสุด เข้าใจเพชรมากๆ สงสารทัชแต่ไม่สุด เขาทำตัวเองเนอะ
ถ้ายังคงรอคอยอยู่เรื่อยๆ ยังคงเหี้ยอยู่ตลอดๆ ไม่คิดเปลี่ยนตัวเองเลย
นอกจากเดินไปขอเริ่มต้นใหม่กับคนเก่า กับเดินไปเริ่มต้นใหม่กับคนใหม่ๆ อะไรมันก็ไม่เปลี่ยนให้ โอกาสมันไม่มี เราก็แค่ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง :hao3:
-
:hao5: อ่านไปเช็ดน้ำตาไป นี่แหละเค้าถึงว่ากันว่าเราจะเห็นค่าของความรักก็ต่อเมื่อเราได้เสียมันไปแล้ว
-
อย่างน้อยครั้งนึงก็ได้รัก ได้มีเคยความสุขด้วยกัน :o12: :o12: :o12: สะเทือนใจ :o7:
-
มีรักแท้แต่ดูแลไม่ได้ :hao5:
เพชรเองก็เจ็บปวดถ้าไม่รักคงไม่อยู่ด้วยกันมา3 ปี
แต่ทัชหัวใจคนนะรักมากแค่ไหน แต่ก็มีจุดสิ้นสุด
ทัชความเจ็บปวดในวันนี้เป็นบทเรียนราคาแพง
หากมีรักครั้งใหม่ อย่าลืมดูแลหัวใจคนที่รัก
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
เจอเรื่องแรกเข้าไปว่าเศร้าล่ะ แต่นั่นยังมีโอกาสเจอเส้นทางเดิมๆ แต่เรื่องสองนี่ จบแบบผิดหวังเลยอะ ไม่รู้สิ ความคิดเรามันบอกว่าจะไม่กลับมาคืนดีกันแล้ว บรรยายซะหดหู่เลยอะ
:z3:
-
งื่ออออ สะเทือนใจมากมาย
แต่ก็ทัชเอ๊ยยย นายผิดเองเต็ม ๆ
อ่านไปก็น้ำตาซึมมม
-
สิ้นสุดความอดทนของคนๆหนึ่ง สามปีไม่ใช่น้อยๆที่จะใช้เวลานั้นแก้ไขตัวเองแต่ก็ไม่ทำ
สะใจดีตอนที่เพชรบอกทัชว่าให้กลับไปทำตัวสำส่อนเหมือนเดิม
แต่เราว่า คำว่าสำส่อนสำหรับทัชมันยังน้อยไปถ้าเทียบกับสามปีที่เพชรจะต้องอดทนกับมัน
-
เจ็บทุกคำที่อ่าน สงสารทัชนะ แต่ก็ทำตัวเองทั้งนั้น เพชรอดทนมาได้ตั้งสามมันก็คงถึงเวลาที่มันจะระเบิดออกมา
-
เรื่องที่สองเราว่ามันก็ผิดทั้งสองฝ่ายนะ
ทั้งคนที่รู้จักพออย่างทัช และ เพชรที่ให้อภัยแบบไม่มีเงื่อนไข
แต่เราค่อนข้างเห็นใจเพชร มันเป็นเรื่องทรมานมากเลยนะ ความอดทนคงสิ้นสุดแล้วจริง ๆ
-
เข้าใจอารมณ์ของคนที่ถูกทิ้ง แต่ทัชทำแบบนั้นก็สมควร
มีของรักแต่ไม่รู้จักเก็บรักษาให้ดี เวลาผุพังเพิ่งจะมานึกเสียดาย
เรื่องการถูกทิ้งนี่มีผลรุนแรงกับอารณ์และจิตใจเสมอเลย
-
:impress: :impress: :impress: :impress:
-
มันเศร้าจิตจริงๆนะ :o12:
-
ความอดทนสิ้นสุดลง
-
สมควรแล้วทัช นอกใจแฟนได้แสดงว่ารักแฟนน้อยไปหน่อย ถ้ารักเค้ามากพอคงไม่ทำร้ายจิตใจกันแบบนั้น พอรักถึงทางตันแล้วจะฟูมฟายหาหอกอะไรย๊ะ โด่เอ๊ย!!! ทีตอนทำไม่คิดแล้วมารู้สึกผิดตอนเพชรจับได้ (อินสุดๆอิอิ)
-
หดหู่จังเลย น่าสงสารด้วย
-
บางเรื่องจุดจบก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่คาดหวังเสมอไป ขอบคุณคนแต่งค่ะ
-
:o12: :sad4: :o12: :sad4:
-
เจ็บและจุกเลยอ่ะ
-
เป็นสองเรื่องที่หน่วงมาก แต่ก็เรียลมาก
-
ฮอลลล. อ่านแล้วสะเทือนตับไตไส้พุงอย่างแรงงง. :o12:
รออีกเรื่องอยู่นะ. :)
-
เป็นเรื่องสั้นที่ทำให้ปวดใจได้เหลือเกิน
ขอบคุณครับสำหรับเรื่องสนุกๆนะครับ
-
อ่านแล้วก็ปวดใจ :mew6:
-
มาสั้นๆแต่หน่วงหัวใจสุดๆ
-
เราอยากให้รถของแสงและไทน์วนกลับมาเจอกันสักที เราชอบที่เป็นแบบนี้นะ แต่เราอยากให้มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะมาเจอกันบ้าง ก็เป็นเพื่อนกันตั้ง3ปี ความรู้สึกแบบนี้ ฮืออ อยากให้ต่อจริงๆค่ะ :m15:
-
' เพื่อน '
การแอบรักเพื่อนนี่มันเจ็บจริงๆ ใกล้เขาแต่กลับดูเหมือนอยู่ห่างไกล ละยิ่งมีแฟนคือเจ็บเข้าไปใหญ่ สงสารไทม์ที่สุดท้ายแล้วแม้แต่บอกว่ารักแสง ก็ยังไม่ได้บอกเพราะถ้าบอกไปแม้แต่คำว่าสถานะเพื่อนก็อาจจะไม่เหลือ
' แฟนเก่า '
บอกได้คำเดียวว่าสมน้ำหน้าทัชแบบสุดๆอะ เราเป็นเพชรก็คงกลับไปคบกับทัชเหมือนเดิมไม่ได้ เพราะความเชื่อใจ ความรักที่มีให้มันพังหมดแล้ว เพชรให้อภัยทัชหลายหนมาก แต่ทัชไม่เคยไขว่ขว้าโอกาสที่เพชรมอบให้เลย ละยังเอาคนอื่นมานอนในห้องของตัวเองกับเพชร มันใช่สิ่งที่คนรักเขาทำกันหรอ สมควรแล้วที่เขาจะไม่กลับมา เพราะทั้งมอบโอกาสและโอกาสนั้นทัชก็เป็นคนเหยียบมันซ้ำไปซ้ำมาจนสุดท้ายแล้วมันไม่มีอีกต่อไป ดีใจที่เพชรได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนที่เพชรรักและเธอก็รักเพชร และสุดท้ายสมน้ำหน้าทัชที่คิดได้เมื่อสายไป คุณพลาดไปแล้วค่ะ
-
แอบรักของไทม์ เศร้าแต่ยินดีที่จะแอบรักต่อ
แสงยังคงไม่รู้เรื่องต่อไป
ทัช เพชร
รักกันแต่ทัชไม่ถนอมจิตใจเพชร
ยังคบหญิงไม่ใช่คนเดียวด้วย
แล้วจุดสิ้นสุดคือเมาแล้วเอาเกย์ที่ห้องของทั้งคู่ :z6: :z6: :z6:
จะว่าเหล้าเป็นเหตุ มันก็ปลายเหตุ
ทัช ก็รู้ตัวว่ามาจากความเหี้ยของตัวเอง
ความอดทนมันหมดกันได้ ถ้าอีกฝ่ายไม่ซื่อสัตย์
ทำไงได้ ทัชทำตัวเองแท้ๆ
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: