พิมพ์หน้านี้ - This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: sira_nann ที่ 01-11-2018 10:24:53

หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 01-11-2018 10:24:53
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ

สารบัญ
(ความรักนี้มีกามเทพ)
ตอนที่ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3906657#msg3906657)   ตอนที่ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3908085#msg3908085)   ตอนที่ 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3910632#msg3910632)
ตอนที่ 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3913375#msg3913375)   ตอนที่ 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3916291#msg3916291)   ตอนที่ 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3918970#msg3918970)
ตอนที่ 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3922277#msg3922277)   ตอนที่ 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3924193#msg3924193)   ตอนที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3926580#msg3926580)
ตอนที่ 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3929205#msg3929205)  ตอนที่ 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3931480#msg3931480)  ตอนที่ 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3933964#msg3933964)
ตอนที่ 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3936510#msg3936510)  ตอนที่ 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3939037#msg3939037)  ตอนที่ 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3943969#msg3943969)
Special#1.Valentine (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3944946#msg3944946)
ตอนที่ 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3946234#msg3946234)   ตอนที่ 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3948778#msg3948778)  ตอนที่ 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3951152#msg3951152)
ตอนที่ 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3953708#msg3953708)  ตอนที่ 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3956351#msg3956351)   ตอนที่ 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3958824#msg3958824)
ตอนที่ 22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3960759#msg3960759)  ตอนที่ 23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3963303#msg3963303)  ตอนที่ 24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3965173#msg3965173)
ตอนที่ 25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3967210#msg3967210) ตอนที่ 26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3969257#msg3969257)  ตอนที่ 27 (End) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3971376#msg3971376)

-----------------------
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย ได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann  (#ความรักนี้มีกามเทพ)
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 1 [1/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 01-11-2018 10:36:33
ตอน 1   

   หญิงสาวผิวขาวตาโต สวยสะดุดตา ยืนหน้าบอกบุญไม่รับ ทำให้ผู้มาใหม่ยิ้มแหยๆ ก่อนเอ่ยขึ้น

   “พี่ปา ปันขอโทษ”

   “มาสายนะเรา นัดพี่ไว้กี่โมงคะคุณปัญญวัฒน์” ประโยคนั้นทำให้ชายหนุ่มที่มาใหม่หัวเราะออกมาเก้อๆ

   “รถติดมาก แถมไม่มีแท็กซี่เลยอ่ะ อย่าโกรธปันเลยนะพี่ปา ปันขอโทษ” ชายหนุ่มผิวขาว ตาโต ปากแดง สูง 177 ซม ค่อนข้างผอม ยืนเกาะแขนอ้อนวอนพี่สาวให้หายโกรธ เป็นภาพที่เรียกรอยยิ้มให้กับคนที่พบเห็นได้ไม่ยาก

   “ไม่เป็นไร พอดีมีเด็กที่ผู้ปกครองยังไม่มารับอยู่คนนึง” ปาลิดาที่ตอนนี้หน้าบูดอยู่ แม้ว่าจะดีขึ้นกว่าตอนแรกพบแล้วก็ตาม

   “โห นี่มัน 5 โมงกว่าแล้ว ยังมีคนสายกว่าปันอีกเหรอเนี่ย” ปัญญวัฒน์พยายามพูดติดตลกให้พี่สาวขำ แต่ดูเหมือนว่าพี่สาวจะไม่ขำด้วย เขาควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้พี่อารมณ์เสียเพิ่มขึ้นอีก

   “แล้ว ไหนลูกศิษย์พี่ปา”

   “นั่งอยู่ที่ชิงช้าทางโน้นไง” ชายหนุ่มมองตามมือพี่สาวที่ชี้ไปที่เด็กชายตัวน้อยนั่งเงียบๆอยู่ที่ชิงช้าโดยไม่แกว่งไกว

   “พี่ชวนไปทานขนมก็ไม่ยอมไป ปันมาก็ดีแล้วช่วยพี่หน่อย” ปัญญวัฒน์พยักหน้าก่อนเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งบนชิงช้าใกล้ๆเด็กน้อย

   ปาลิดามองชายหนุ่มตรงหน้า ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังเป็นเด็กชายตัวน้อยของเธอเสมอ ภาพชายหนุ่มที่พูดจ๋อยๆโดยมีเด็กชายยื่นมือมาปิดปากอย่างจะขอแย่งพูดบ้าง ทำให้หญิงสาวขบขันแกมแปลกใจ

   “ฝากน้องเรนไว้กับปันแป๊บนึงนะ พี่ขอเข้าไปเก็บของ แล้วจะรีบออกมา” ปาลิดาพูดกับน้องชายเมื่อเห็นทั้งคู่เดินไปนั่งที่ม้าหิน ปัญญวัฒน์พยักหน้ารับคำเสียงที่สั่งราวกับเขาเป็นลูกศิษย์อีกคน

   “น้องเรนครับอยู่กับพี่ปันก่อน อย่าดื้อกับพี่นะครับ เดี๋ยวครูมา” เสียงคล้ายๆปลอบโยนหันมาพูดกับเด็กชายแก้มแดงใสที่ตอนนี้นั่งบนตักน้องชายเธออย่างสนิทสนม ปาลิดามองเด็กชายเรนที่พยักหน้าหงึกๆเลียนแบบชายหนุ่มตรงหน้าได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนก็อดหัวเราะไม่ได้

   “เอ นี่ครูต้องฝากพี่ปันไว้กับน้องเรน หรือจะฝากน้องเรนดูแลพี่ปันดีเนี่ย”

   “เดี๋ยวน้องเรนดูแลพี่ปันเองครับ” เด็กชายเรนบอกคุณครูอย่างแข็งขัน ทำให้ปัญญวัฒน์อดที่จะฟัดร่างป้อมๆอย่างมันเขี้ยว ทำให้เด็กชายส่งเสียงกรี๊ดๆหัวเราะอย่างสนุกสนาน

   ปาลิดามองภาพนั้นก่อนที่จะยิ้มออกมา ดูท่าเธอไม่ต้องเป็นห่วงทั้งคู่แล้ว เพราะเด็กชายเรนที่ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้า ดูเหมือนว่าจะถูกชะตากับน้องชายเธอเสียมากๆเลยทีเดียว

   ปัญญวัฒน์มองนาฬิกาข้อมืออดที่จะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้ นี่มันหกโมงเย็นแล้ว น้ำผลไม้และขนมหวานบนโต๊ะที่พี่สาวเขายกมาก็หมดไปแล้ว เด็กชายเรนก็ง่วนกับกระดาษและสีไม้กล่องใหญ่ ชายหนุ่มจึงเลี่ยงมานั่งข้างพี่สาว

   “พี่ปา น้องเรนต้องอยู่เย็นๆแบบนี้บ่อยเหรอ”

   “ก็เป็นบางครั้ง แต่ว่าทุกครั้งที่มาช้า คุณพ่อน้องเรนก็โทรมาบอกนะ” ปาลิดากระซิบบอกน้องชายก่อนที่ชะงัก เมื่อเห็นเด็กชายเรนถือกระดาษวาดรูปเดินมานั่งตักปัญญวัฒน์

   “พี่ปันค๊าบ ดูรูปที่เรนวาดสิครับ” ปัญญวัฒน์ยกร่างเล็กๆนั่งให้เรียบร้อย ก่อนก้มลงมองกระดาษในมือเด็กชาย

   ”ไหนครับ โอ้โห สวยจังเลย น้องเรนวาดเก่งจังครับ” เสียงตื่นเต้นทำให้เด็กชายตาเป็นประกายด้วยความยินดี

   “นี่เรนคับ” นิ้วป้อมๆชี้ไปตามรูป

   “นี่คุณพ่อ” ปัญญวัฒน์มองตามไปยังรูปผู้ชายใส่ชุดสีดำแขนยาว น่าจะเป็นเสื้อสูท

   “นี่คุณแม่ครับ” ภาพผู้หญิงผมยาวใส่ชุดสีชมพู แม้จะดูผิดส่วนแถมมีรอยลบมากมาย ดูก็รู้ว่าเด็กชายตั้งใจวาดรูปนี้เป็นพิเศษ

   “คุณแม่น้องเรนสวยจังเลยครับ” เด็กชายยิ้มรับคำชม ก่อนที่จะลงจากตักวิ่งกลับไปยังกองกระดาษและกล่องสีที่วางระเกะระกะอยู่

   “เดี๋ยวเรนวาดให้พี่ปันด้วยนะครับ” เด็กชายบอกก่อนก้มหน้าวาดภาพต่อ

   “ปกติ น้องเรนไม่ค่อยคุยกับใครแบบนี้หรอกนะ” ปาลิดาหันมาพูดกับน้องชาย ปัญญวัฒน์หันมามองพี่สาวด้วยความประหลาดใจ

   “ไม่น่าเชื่อ ดูแล้วไม่น่าเป็นเด็กเก็บตัวนี่นา” ปาลิดามองเด็กชายที่ดูจะมีความสุขกับการวาดภาพเป็นหนักหนา

   “เท่าที่พี่รู้ ดูเหมือนน้องเรนจะมีปัญหาเรื่องการเข้ากับผู้อื่น เพราะแกไม่มีแม่ แล้วพ่อก็ดูยุ่งๆ”

   ปัญญวัฒน์นิ่งไปเมื่อรู้ความจริงข้อนี้ สายตาที่มองเด็กชายดูเหมือนว่าจะอ่อนโยนเพิ่มมากขึ้น

   “น้องเรนยังโชคดีที่ยังมีพ่อเหลืออยู่” ไม่เหมือนกับเขา ที่ไม่เหลือทั้งพ่อและแม่แล้ว ประโยคหลังนี่เขาได้แต่คิดในใจ แต่ดูเหมือนว่าพี่สาวของเขาจะเข้าใจ ปาลิดาโอบกอดน้องชายคนเดียวไว้ราวกับปลอบประโลม ปัญญวัฒน์คงหวนคิดถึงตัวเอง ตอนที่พ่อกับแม่พวกเราประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ปัญญวัฒน์เพิ่งจะเข้า ม.1 ส่วนตัวเธอขึ้น ม.6 โชคดีที่พี่ชายของพวกเราเรียนจบ ปริญญาโทจากต่างประเทศกลับมาพอดี แม้จะขรุขระบ้างแต่ พี่ชายของเธอก็บริหารงานของทางบ้านและดูแลพวกเรามาตลอด จนตอนนี้น้องชายคนเล็กก็เรียนจบปริญญาตรี

“ปันโชคดีกว่าน้องเรนตรงที่อายุมากพอที่จะเข้าใจการสูญเสีย แต่น้องเรนยังเด็ก ขาดแม่แถมพ่อยังไม่ค่อยมีเวลา เด็กวัยนี้ต้องการความรัก ความอบอุ่นและการเอาใจใส่ของพ่อแม่มากนะ” ปาลิดาบอกน้องชาย ช่วงวัยแรกเกิดถึงอายุเจ็ดปีแรกเป็นช่วงเวลาที่เด็กต้องการความรักและการดูแลของพ่อแม่เป็นที่สุด

   “....”

“เด็กเป็นผ้าขาว แต่บางครั้งก็มีเรื่องเศร้าที่คาดไม่ถึงซ่อนอยู่” ปาลิดาลูบหัวปลอบน้องชาย เมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่งเงียบไป

“ปา ปัน นี่ยังไม่กลับอีกเหรอ” เสียงทักทายที่มาจากด้านหลังทำให้ทั้งคู่หันไปมอง

“แล้วพี่เปรมล่ะ ปาคิดว่ากลับไปพร้อมน้องฟ้าแล้ว”

“พี่เพิ่งประชุมเสร็จ ส่วนน้องฟ้าพลอยพากลับบ้านไปแล้วเห็นว่าจะแวะไปบ้านคุณตาคุณยาย พวกท่านอยากเอาหลานไปนอนด้วย แล้วเราไปสัมภาษณ์งานเป็นยังไงบ้าง” เปรมณัชบอกน้องสาวก่อนหันมาถามน้องชายคนเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน ความจริงเขาก็กำลังจะกลับบ้านแล้วถ้าไม่เห็นรถน้องสาวที่ยังจอดอยู่ทั้งที่บอกว่าจะไปทานข้าวกับน้องชายคนเล็ก เขาจึงเดินมาหา
เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอด เรียกความสนใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะเด็กชาย ที่ทิ้งข้าวของตรงหน้าแล้ววิ่งออกไปยังรถที่จอดอยู่ ภาพชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ที่โอบอุ้มเด็กชายเรนไว้ในอ้อมแขน ก่อนที่จะก้มหอมแก้มยุ้ยๆนั่น ทำให้ปัญญวัฒน์ตาโตด้วยความตกใจ

เด็กชายดิ้นออกจากอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ ก่อนที่จะกึ่งลากกึ่งจูงผู้เป็นพ่อเข้ามาใกล้ๆ คุณครูและชายหนุ่มอีกสองคนยืนอยู่ ปาลิดาและปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ทักทาย ชายหนุ่มก็ยกมือรับไหว้พร้อมทั้งไหว้เปรมณัชที่ดูอายุมากกว่า เปรมณัชก็รับไหว้เขาเช่นเดียวกัน

“ขอบคุณคุณครูที่ช่วยดูแลนายเรน แล้วต้องขอโทษคุณครูด้วยที่มาช้าไปมากเลยทีเดียว” ภาสวรเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจครูประจำชั้น อนุบาลหนึ่ง

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“เรนเป็นเด็กดีคับ” เด็กชายแย่งพูดทันควัน ก่อนเดินไปจับมือของปัญญวัฒน์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาว

“ไม่เชื่อ พ่อลองถามพี่ปันดูสิคับ เรนช่วยคุณครูดูแลพี่ปันแถมยังเล่นเป็นเพื่อนพี่เค้าด้วยคับ” คำพูดของเด็กชาย ทำให้ปัญญวัฒน์อยากหายวับไปจากตรงนี้

ภาสวรหันไปมองคนตัวเล็กที่ยืนก้มหน้านิ่งแล้วอดที่จะขำไม่ได้

“น้องเรนช่วยคุณครูดูแลพี่คนนี้ด้วยเหรอครับ” เสียงที่กลั้วหัวเราะของภาสวรทำให้ปัญญวัฒน์หน้าแดง ไม่มีอะไรน่าขำเลย คนตัวเล็กกว่าอดที่จะพาลไม่ได้

“งั้นผมขอลากลับก่อนนะครับ น้องเรนสวัสดีคุณครูก่อนเร็ว” เด็กชายยกมือไหว้ลาคุณครู พร้อมโบกมือลาให้เพื่อนเล่นตัวโต

“เป็นอะไรเรา คิดถึงเพื่อนเล่นตัวน้อยเหรอ เอาน่าพรุ่งนี้วันหยุดไปเล่นกับน้องฟ้าซิ ” เปรมณัชเอ่ยแซวน้องชายที่ทำหน้าหงอยตอนที่รถพ่อน้องเรนแล่นออกไป

“นั่นสิเป็นอะไร เจอหน้าหนุ่มหล่อถึงกับเงียบไปเลย” ปาลิดาเอ่ยแซวน้องชายอย่างขำๆ แต่ปัญญวัฒน์ยังคงทำหน้าตาหงอยๆอยู่

“ใช่ที่ไหนล่ะพี่ปา” ปัญญวัฒน์ถอนหายใจ จริงอยู่ที่ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับไปจัดว่าหน้าตาและท่าทางดีมากๆ แต่ที่เขาอึ้งไม่ใช่เรื่องนี้

“พี่ปา ทำไมโลกมันกลมจังเลยพี่” เสียงที่เอ่ยอย่างปลงๆของน้องชายทำให้พวกพี่ๆมองหน้ากันอย่างงงๆ

เปรมณัชมองน้องชายที่ทำหน้าอย่างจะเป็นจะตายอย่างสงสัย หากแต่ยังไม่ทันเอ่ยถาม ปัญญวัฒน์ก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ปัน น่าจะไม่ได้งานที่เพิ่งไปสัมภาษณ์มาแล้วอ่ะ”

“อ้าว ทำไม” เสียงของพี่สาวและพี่ชายพูดขึ้นมาพร้อมกัน คราวนี้พวกพี่ๆของชายหนุ่มเริ่มงงขึ้นมาจริงๆ

“ก็ ปันไปสัมภาษณ์งานที่บริษัท... แล้วถ้าได้ปันจะได้เป็นผู้ช่วยคุณภาสวรเจ้าของบริษัทคนนี้แหละ”

ปัญญวัฒน์มองหน้าพวกพี่ๆที่ทำท่าเหมือนไม่เชื่อ

“ปันถึงบอกไง ว่าโลกมันกลมน่ะ”

“เอาน่าอย่าเพิ่งคิดมาก ไหนๆเราก็อยู่กันพร้อมหน้าพี่น้องแล้ว ไปหาอะไรกินดีกว่า เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” เปรมณัชตบบ่าน้องชายเบาๆเพื่อปลอบใจ

“อ้าว แล้วอย่างนี้พลอยไม่รอพี่เปรมทานข้าวเหรอ” ปาลิดาเอ่ยถาม

“อ๋อ พลอยพาน้องฟ้าไปทานกับคุณตาคุณยายแล้ว คราวนี้เหลือพวกเรา 3 คนนี่แหละ”

“ได้ค่ะ งั้นไปรถพี่เปรมเลยแล้วกัน เดี๋ยวรถปาจอดทิ้งไว้ที่โรงเรียน” ปาลิดาบอกก่อนเก็บข้าวของเดินไปยังที่จอดรถ
ร้านอาหารขนาดใหญ่ผู้คนพลุกพล่านทำให้ปัญญวัฒน์รีบเดินตามพี่ชายเข้าไปในร้าน

“คนเยอะจังเลย” ปาลิดาที่เดินตามมาทีหลังเอ่ยออกมา

“ร้านนี้ดังมากเลยนะ อาหารก็อร่อย พาลูกค้ามาประจำ” เปรมณัชยื่นเมนูที่พนักงานมาวางก่อนเดินออกไปให้น้องๆดู

“ขาหมูเยอรมันร้านนี้อร่อย ปลาที่นี่ก็สดนะ” พี่ชายตัวโตเมื่อเห็นน้องชายตัวเล็กก้มมองเมนู

“พี่เปรมสั่งเลย ปันทานได้หมด เมนูแนะนำนี่น่าทานหลายอย่างเลยอ่ะ” ปัญญวัฒน์พลิกดูภาพอาหารน่าอร่อยชวนน้ำลายสอ

“แล้วปาล่ะสนใจทานอะไร” เปรมณัชหันมาถามน้องสาวที่มองเมนูหน้าปิ้งย่าง

“กุ้งเผาค่ะ ดูน่ากิน” หญิงสาวเอ่ยถึงของโปรด

เปรมณัชกวักมือเรียกพนักงานในร้าน ก่อนสั่งอาหารหลายอย่าง พร้อมเบียร์สดและน้ำมะพร้าวให้น้องทั้งสอง

“ปัน ถ้าหางานไม่ได้ ไปเรียนต่อปริญญาโทไหม หรือไม่ก็มาช่วยพี่ทำงาน” เปรมณัชเอ่ยขึ้นระหว่างที่รออาหาร เขาอยากให้น้องชายเรียนต่อ ดูอย่างปาลิดา จบปริญญาตรีทางด้านคุรุศาสตร์ ยังต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศทางด้านจิตวิทยาเด็ก

“ปันไม่รู้เรื่อง ไอที แถมงานที่โรงเรียนยิ่งแย่ไปกันใหญ่ แล้วอีกอย่างปันไม่รู้เรียนต่ออะไร” ปัญญวัฒน์ส่ายหัวปฏิเสธ เขาจบเศรษฐศาสตร์มาคงไปทำงานเกี่ยวกับดูแลระบบคอมพิวเตอร์ไม่ได้ ไหนจะงานที่โรงเรียนก็ไม่ได้เรียนครูมาเหมือนกัน

“ปันรู้ไหม ทุกๆที่คนที่จบเศรษฐศาสตร์ทำงานได้ ขนาดที่บ้านยังใช้เศรษฐศาสตร์เลยนะ น่าจะเคยได้เรียนนะ เศรษฐศาสตร์ในครัวเรือน” ปาลิดาบอกเมื่อเห็นว่าน้องชายปฏิเสธ

“ถูก ปันสามารถมาดูแลฝ่ายการเงินและบัญชีบริษัทได้ หรือไม่ก็อยู่ฝ่ายวางแผน ทำได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่ว่าเราจะทำไหม ส่วนเรื่องเรียนต่อ ค่อยๆดูไปว่าเราสนใจด้านไหน จะเรียนอะไรพี่ไม่ห้ามหรอก” เปรมณัชเอ่ยขึ้น ความจริงน้องชายเขาไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองไปหางานที่อื่นทำก็ได้ หรือถ้าน้องของเขาสนใจทำธุรกิจของตัวเองเขาก็สนับสนุน

“ปันอยากหาประสบการณ์ดูก่อน นะพี่เปรมนะ ขอปันสมัครงานดูก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ปันจะมาช่วยพี่นะ”

“เออๆ ไอ้ขี้อ้อนเอ๊ย” เปรมณัชขยี้ผมน้องชายเบาๆ

“ปาชักสงสัยแล้วซิ ว่าปันเป็นน้องชายพี่เปรมหรือลูกชายคนโตของพี่เปรมกันแน่ ตามใจจัง” ที่ปาลิดาสงสัยก็ไม่แปลก เพราะพลอยลดาภรรยาเขาก็เคยแซวเขาเหมือนกัน อาจเพราะอายุห่างกัน 12 ปี พอพ่อแม่เสียเขาต้องมาดูแลน้องๆ ปาลิดาไม่น่าห่วงเท่าปัญญวัฒน์ เพราะด้วยวัยรุ่น ช่วงต่อต้านทำให้เขาใส่ใจน้องเป็นพิเศษ โชคดีที่น้องชายเขาไม่เกเร อาจเพราะกลุ่มเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก แถมพ่อแม่เป็นเพื่อนกัน บ้านก็อยู่ใกล้กัน ลูกเลยเรียนที่เดียวกัน จะว่าไปช่วงแรกๆที่เสียพ่อแม่ไป ก็ได้พวกเพื่อนพ่อแม่ช่วยดูแลและสอนงานเขา จะว่าไปพลอยลดาเองก็เป็นเพื่อนสนิทกับปาลิดา และเป็นพี่สาวของวรภัทร เพื่อนสนิทปัญญวัฒน์ อีกด้วย


*********************
สวัสดีค่ะ
ฝากนิยายเรื่องแรกด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-11-2018 11:29:13
 :L2: :pig4:

เราลุ้นว่าจะได้งานนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 01-11-2018 12:41:13
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 01-11-2018 13:13:34
น้องคนเล็ก ที่พี่ๆ รุมรัก >< แต่น้องเล็กของบ้านคงน่าจะได้งานแหละค่ะ
เขาว่าโลกใบนี้มันกลม เนาะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 02-11-2018 08:55:04
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 2 [5/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 05-11-2018 11:17:09
ตอนที่ 2

“อาปัน อาปัน” ปัญญวัฒน์ดึงผ้าห่มคลุมถึงศีรษะ ใครกันมาเอะอะแต่เช้า

ปัง ปัง

“อาปัน ตื่นได้แล้วค่า” เสียงตบประตูพร้อมเสียงตะโกนเรียกดังขึ้นไม่ลดละ

“อื้อ” ปัญญวัฒน์ลุกขึ้นมานั่งอย่างงงพยายามสลัดความง่วงออกไป ก่อนหรี่ตามองนาฬิกาปลุกที่วางบนโต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียง เจ็ดโมงห้าสิบ! นี่มันวันเสาร์จะรีบตื่นไปไหนกัน

“อาปัน ตื่นหรือยังคะ”

“ตื่นแล้ว ตื่นแล้วจ้า” ปัญญวัฒน์ไปเปิดประตูก่อนหันหลังเดินกลับไปล้มตัวนอนคว่ำบนเตียง

“อาปัน น้องฟ้าหิวแล้ว” เด็กหญิงอิงฟ้าปีนขึ้นบนเตียงเขย่าแขนปัญญวัฒน์เบาๆ

“อ้าว แล้วคุณพ่อคุณแม่เราล่ะไปไหน” ปัญญวัฒน์ถามโดยไม่ยอมลืมตาขึ้น

“รอ อยู่ข้างล่างเมื่อไหร่จะลุกสักที” เสียงห้าวๆดังขึ้นแทนที่เสียงเล็กๆของหลานสาว ทำให้ปัญญวัฒน์ลืมตาหันไม่มอง

“ไอ้ภัทร มึ- เออ มาทำไมแต่เช้า” ปัญญวัฒน์เกือบหลุดคำพูดที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าเด็กหญิง หลานสาวเป็นคนช่างจำ เคยได้ยินที่เขาคุยกับเพื่อนแล้วเอาไปพูดกับพ่อและแม่ ทำให้เขาเจอพวกพี่ๆบ่นไปหลายวัน

“เมื่อคืนน้องฟ้านอนที่บ้าน เราโดนปลุกตั้งแต่เช้าขอให้พากลับบ้าน นายก็ตื่นได้แล้วมีปาท่องโก๋กับโจ๊กด้วย” วรภัทรเองก็ยังไม่ชินที่จะคุยกับเขาต่อหน้าหลานสาวเหมือนกัน

“โห นี่ไปตลาดมาแล้วด้วย”

“เปล่า ป้านุชกับพี่แก้วเพิ่งออกไปซื้อ เร็ว พวกพี่ๆรอทานข้าวเช้าอยู่” วรภัทรบอก แค่ตื่นพาหลานสาวมาส่งบ้านแล้วกะว่าจะกลับไปนอนต่อ แต่พี่สาวของเขาบอกว่าให้รอทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนเพราะเพิ่งบอกให้ป้านุชซึ่งเป็นแม่บ้านและพี่แก้ว ผู้เป็นหลานสาวไปตลาดซื้อโจ๊กกับปาท่องโก๋เจ้าอร่อยที่เขาชอบกินมาให้

“เออ ไม่เกินสิบนาที เดี๋ยวอาปันอาบน้ำแล้วจะรีบตามลงไป” ปัญญวัฒน์คุยกับเพื่อนก่อนที่จะก้มบอกหลานตัวน้อย

“ค่ะ อาปันรีบมาเร็วๆนะคะ น้องฟ้าจะรอไม่แอบกินก่อนค่ะ” เด็กหญิงอิงฟ้ายิ้มกว้างตอบก่อนลงจากเตียงเดินตามน้าชายออกไป

หลังจากที่ทานอาหารเช้าแล้วปัญญวัฒน์ว่าจะกลับขึ้นไปนอนต่อ แต่วรภัทรดันลากเขามาที่บ้านของศรัณที่อยู่ไม่ไกล หลังจากที่ทราบว่าอีกฝ่ายอยู่บ้านเพิ่งกลับมาจากการเข้าเวร โดยไม่ลืมที่จะโทรปลุกนาวินให้มาสมทบด้วย หมู่บ้านที่พวกเขาอยู่เป็นโครงการของบริษัทพ่อนาวินมีทั้งบ้านและที่ดินเปล่าขาย ซึ่งมีเพื่อนๆของเจ้าของโครงการมาซื้อและจับจองกัน หนึ่งในนั้นคือพ่อของเขา ซื้อบ้านและที่ดินเปล่าเพิ่มอีก 2 แปลง เผื่อสำหรับลูกที่สร้างครอบครัวของตัวเองจะได้อยู่ใกล้กัน พี่ชายของเขาก็ปลูกบ้านในที่ที่ติดกับบ้านของพ่อแม่ แม้วันนี้ท่านไม่อยู่แล้วแต่เขากับพี่สาวก็ยังอยู่บ้านเดิม

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมตื่นเช้ากันจัง” นาวินที่เพิ่งมาถึงเอ่ยถามขึ้นก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟารูปตัวแอลหัวแทบชนเจ้าของบ้านที่นอนอยู่ก่อน

“มะรืนนี้กูจะบินไปเรียนแล้ว พวกมึงไม่คิดอยากจะเจอกูเลยเหรอ”

“อย่าเพิ่งดราม่าไอ้ภัทร กูเพิ่งลงเวรมาตาจะปิดอยู่แล้ว” ศรัณขัดขึ้นก่อนที่วรภัทรจะคร่ำครวญไปมากกว่านี้

“ได้ข่าวว่ามึงไปแค่ 6 เดือนไม่ใช่เหรอ” นาวินอดที่จะแขวะเพื่อนตัวเล็กไม่ได้

“ไอ้ปัน เมื่อวานไปสัมภาษณ์งานเป็นไงบ้าง” คำถามของนาวินทำเอาปัญญวัฒน์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เพื่อนๆฟัง พร้อมทั้งสรุปว่าเขาอาจจะปิ๋วบริษัทนี้ไปแล้ว

“มึงใจเย็นก่อน เขาอาจจะรับมึงเข้าทำงานก็ได้นะ เห็นว่าสนิทกับลูกเขาไง”

“ช่วยได้มากเลยนะไอ้ภัทร เด็กสามขวบนี่นะ” ปัญญวัฒน์กุมขมับเพื่อนเขาคิดได้ไงว่าใช้เส้นเด็กสามขวบเข้าทำงานได้

“เฮ้ย ไม่แน่นะ มึงอาจได้งานก็ได้ มีเยอะไปได้งานเพราะถูกชะตา” ศรัณคุณชายหมอที่นอนเหยียดยาวเอ่ยขึ้น

“ไอ้รัน แน่ใจนะว่ามึงเรียนหมอรักษาคนน่ะ” นาวินท้าวแขนหันมามองเพื่อนที่คบมาตั้งแต่เด็กอย่างไม่เชื่อถือ

“กูเรียนมาทางด้านรักษาคน แต่เรื่องแบบนี้เชื่อไว้ก็ไม่เสียหายหรอก ดูแม่กูซิขนาดทำบุญโรงพยาบาลยังไปหาพระดูวันทำพิธี จะว่าไปก็แม่มึงนั่นแหละที่พาไปไอ้วิน” ปัญญวัฒน์อดที่จะขำศรัณไม่ได้ ทั้งๆที่บ้านมันเป็นหมอตั้งแต่พ่อ พี่ชาย ตัวมันและตอนนี้น้องมันก็เรียนหมออยู่ปี 3 ไม่น่าจะมาแนวนี้ได้เลย

“แม่กูเขาชอบทางนี้ แต่ว่ามึงนี่ซิ ไหนบอกว่าเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ไง” นาวินเองก็ยอมรับแม่ของเขาเองก็ไม่ต่างจากแม่เพื่อน สมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน

“ถ้าหางานทำไม่ได้ ปันสนใจเรียนต่อไหม เดี๋ยวเราจะดูยูให้” เสียงหวานๆเรียกความสนใจจากทุกคนให้หันไปมอง คนที่อยู่ในโทรศัพท์ของวรภัทร คือ นาราน้องสาวฝาแฝดของนาวินที่ตอนนี้ไปศึกษาในระดับปริญญาโทที่อเมริกา เธอคือสาวสวยหนึ่งเดียวในกลุ่มของเรา

“เราเองก็อยากเรียนต่อนะนา แต่ไม่รู้จะต่อทางด้านไหนดี เลยว่าจะหางานทำหาประสบการณ์ก่อนที่จะเรียนต่อน่ะ” ปัญญวัฒน์บอกในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจจะทำ ตัวเขาเองไม่เหมือนนาราที่รู้ว่าตัวเองตัองการอะไร

“ค่อยๆคิดค่อยๆหา อย่ากดดันตัวเองมากนัก เกรดของปันก็สูงอยู่เดี๋ยวบริษัทอื่นก็เรียกตัวไปสัมภาษณ์เองแหละ เดี๋ยวเราขอตัวไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้มีนัดแต่เช้า” พูดจบเจ้าตัวก็ตัดสายไป ทำเอาเพื่อนๆได้แต่มึน

“เราเองก็คิดแบบเดียวกับนา ค่อยๆหางานไป ไม่ต้องรีบ” วรภัทรพยายามปลอบใจ ความจริงแล้วปัญญวัฒน์จบออกมาด้วยเกียรตินิยมอันดับสองไม่ยากที่จะหางานทำ


                                                             ---- a little cupid ----


“อาปัน หนูอยากกินติม” เด็กหญิงอิงฟ้ามองหน้าปัญญวัฒน์ด้วยความหวัง

“ได้ค่ะ แต่ต้องทานข้าวก่อนนะคะ น้องฟ้าอยากทานอะไร” ปัญญวัฒน์ถามเด็กหญิงตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากบ้านนัก

“เอาอันนี้ก็ได้” ปัญญวัฒน์มองตามที่เด็กหญิงชี้ เซตอาหารญี่ปุ่นสำหรับคุณหนู เขาจึงพาเด็กหญิงเข้าไปในร้าน หลังจากที่สั่งอาหารแล้ว ปัญญวัฒน์มองเด็กหญิงอิงฟ้าที่กำลังระบายสีอย่างตั้งใจ

“อาปันขา คุณแม่จะเป็นอะไรไหมคะ” เด็กหญิงหันมาถามอาหลังจากที่ระบายสีเสร็จแล้ว

“เดี๋ยวเย็นนี้คุณแม่ก็กลับมาแล้วค่ะ คุณแม่เหนื่อยนิดหน่อย” ปัญญวัฒน์ตอบพลางลูบผมหลานสาวไปด้วย หลังจากที่กลับมาจากบ้านศรัณ ชายหนุ่มเจอเด็กหญิงนั่งเล่นตุ๊กตากับพี่แก้ว พอเห็นเขาก็วิ่งเข้ามากอดบอกว่าแม่ไม่สบายล้มลงขณะที่ทำขนม พ่อของเธอจึงรีบพาไปหาหมอ เมื่อเขาโทรไปสอบถามพี่ชาย ก็ได้รับข่าวดีว่าเด็กหญิงอิงฟ้ากำลังจะมีน้อง พี่ชายขออย่าเพิ่งบอกหลานให้แม่ของเด็กหญิงมาบอกเอง ปัญญวัฒน์เห็นหลานดูซึมๆจึงชวนมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าฆ่าเวลาดีกว่านั่งจับเจ่าอยู่ที่บ้าน


 “เอาสองเล่มนี้นะ” เด็กหญิงพยักหน้า พร้อมทั้งหยิบหนังสือนิทานและสมุดระบายสีที่เลือกไว้ส่งให้ผู้เป็นอาไปคิดเงิน
 
“งั้นไปกันเลย” หลังจากที่ทานอาหารเสร็จปัญญวัฒน์พาหลานสาวมาร้านหนังสือก่อนที่จะพาไปกินไอศกรีมตามสัญญา

“พี่ปัน” เสียงเล็กๆเรียกชื่อเขา ทำให้ปัญญวัฒน์หันไปมอง ร่างป้อมๆกลมๆวิ่งโถมเข้ามาหา

“น้องเรน มายังไงครับ” ปัญญวัฒน์จับร่างป้อมเอาไว้ ก่อนเงยหน้ามองหา เห็นภาสวรกำลังเดินตรงมา

“เรนมากินอายติม พี่ปันไปกับเรนน้า”

“นี่อาปันของเรา ตัวเป็นใครกัน” ก่อนที่ปัญญวัฒน์จะพูดกับเด็กชาย เด็กหญิงอิงฟ้าก็ดึงมือของเขาให้ห่างออกมา

“เราชื่อเรน เป็นเพื่อนกับพี่ปัน” เด็กชายเรนมองเด็กหญิงมัดแกละที่อยู่ตรงหน้าก่อนเข้ามาเกาะแขนปัญญวัฒน์อีกข้างอย่างไม่ยอมแพ้

“สวัสดีครับคุณภาสวร” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ทักทายชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้ พลางสะกิดหลานสาว ซึ่งเด็กหญิงเองไม่ทำให้ผู้เป็นอาเสียหน้า

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับคุณปัน แล้วนี่ใครกันเอ่ย” ภาสวรทักทายชายหนุ่มก่อนหันมาทักทายเด็กหญิงตัวน้อย

“หนูชื่ออิงฟ้าค่ะเป็นหลานอาปัน แล้วคุณลุงเป็นใครคะ” เด็กหญิงเงยหน้าถามผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้า

“ลุงชื่อภาคเป็นพ่อน้องเรนครับ น้องเรนครับพ่อบอกแล้วอย่าวิ่งไงครับ ถ้าพลัดหลงกับพ่อจะทำยังไง” ภาสวรนั่งคุกเข่าเพื่อจะได้อยู่ในระดับเดียวกับเด็กๆก่อนบอกเด็กหญิงแล้วหันมาดุลูกชาย เขาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

“เรนแค่อยากมาหาพี่ปัน” เด็กชายเรนพูดเสียงอ่อยพร้อมทั้งเข้ามากอดพร้อมซบลงบนไหล่อ้อนผู้เป็นพ่อ

“อยากมาหาพี่ปันก็ต้องบอกพ่อ เดี๋ยวพ่อพามาเอง เข้าใจไหมครับ” ภาสวรบอกลูกชาย

“คับ”

“แล้วนี่คุณกับน้องอิงฟ้ามาเที่ยวกันเหรอครับ” เมื่อคุยกับลูกชายจนเข้าใจดีแล้ว ก็หันมาสนใจปัญญวัฒน์ที่ยืนอยู่

“อาปันพาหนูมากินติมค่า” เด็กหญิงอิงฟ้าตอบคุณลุงตรงหน้าแทน

“งั้นไปทานด้วยกันไหม”

“จะดีเหรอครับ คือผมเกรงใจ” ปัญญวัฒน์อยากไปทานกับหลานสาวสองคนมากกว่า

“พี่ปัน ไปกันนะ” เด็กชายเรนคว้ามือปัญญวัฒน์ไปจับพร้อมฉุดให้ไปกับเขา

“ไปเร็ว เด็กๆอยากกินไอติมจะแย่แล้วใช่ไหมคะน้องอิงฟ้า”

“ค่ะ” เด็กหญิงรีบตอบก่อนจูงมืออาให้เดินตามเพื่อนใหม่ไป

เด็กชายเรนกับเด็กหญิงอิงฟ้ากำลังมีความสุขกับการจ้วงตักไอศกรีมถ้วยโปรด ดูทั้งคู่จะเข้ากันได้ดีทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เด็กหญิงตัวน้อยตั้งป้อมหวงเขากับเพื่อนใหม่

“น้องฟ้าอายุเท่าไหร่แล้ว” ภาสวรที่เลือกดื่มกาแฟแทนที่จะเป็นไอศกรีมเหมือนปัญญวัฒน์และพวกเด็กๆถามขึ้น หลังจากที่เห็นปัญญวัฒน์หยิบกระดาษทิชชู่เช็ดลงไปบนปากเล็กๆของเด็กหญิงแถมยังเผื่อแผ่ไปยังลูกชายของเขาเพื่อลบคราบช็อกโกแลตออก

“สามขวบเจ็ดเดือนครับ”

“อ่อนกว่าน้องเรนสองเดือน นี่คงอยู่ชั้นเดียวกัน” ภาสวรเอ่ยขึ้นเพราะเขาเจอปัญญวัฒน์ที่โรงเรียนคงมารับหลานสาวเพื่อนร่วมชั้นของลูกชาย

“ชั้นเดียวกันแต่คนละห้อง น้องฟ้าอยู่ห้องครูอวยพรครับ” ปัญญวัฒน์บอกเพราะพี่ชายของเขาอยากให้ลูกสาวอยู่กับครูคนอื่นมากกว่าผู้เป็นอา

“อ้าวเหรอ ผมคิดว่าเรียนอยู่ห้องเดียวกัน”

“พ่อครับเรนอยากกินอีก” เด็กชายสะกิดบอกพ่อของตนก่อนมองถ้วยไอศกรีมของเด็กหญิงด้วยสายตาแวววาว

“วันนี้ทานสองก้อนแล้วครับ ไว้วันหลังพ่อพามาทานใหม่นะครับ” ภาสวรบอกลูกชายตัวน้อยที่ตอนนี้ปัญญวัฒน์กำลังใช้ทิชชู่เช็ดคราบสีน้ำตาลเข้มที่อยู่บนปากเล็กๆออก

“วันหลังทานใหม่” ปากก็พูดทวนคำของบิดาแต่สายตาก็จับจ้องไอศกรีมของเพื่อน ดูเหมือนว่าเด็กหญิงจะรู้ตัวจึงรีบทานไอศกรีมของตนให้หมดไวๆ

“น้องฟ้าไม่ต้องรีบครับ เดี๋ยวสำลัก” ปัญญวัฒน์บอกเด็กหญิง เมื่อเห็นหลานสาวทานหมดเขาจึงเช็ดคราบไอศกรีมออกให้พร้อมส่งน้ำให้เด็กหญิงดื่ม

“เดี๋ยวคุณไปไหนต่อ”

“ผมจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์ฯก่อนกลับบ้านครับ” ปัญญวัฒน์บอก เนื่องจากเขาไลน์ไปบอกพี่ชายว่าพาน้องฟ้ามาเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้า เปรมณัชเลยฝากซื้อสตอเบอรี่กับกีวีให้ภรรยา

“น้องเรนครับจะไปซื้อของกับพี่ปันและน้องฟ้าไหมลูก” ภาสวรหันมาถามลูกชายที่ตอนนี้กำลังเล่นกับเพื่อนใหม่

“ไปคับ”

“งั้นน้องเรนเดินออกไปรอพ่อกับพี่ปันก่อนนะครับเดี๋ยวพ่อไปจ่ายตังค์เขาก่อน” ภาสวรบอกพร้อมส่งมือของเด็กชายให้ปัญญวัฒน์

“นี่ครับค่าไอศกรีมของน้องฟ้ากับผม” ปัญญวัฒน์ยื่นสตางค์ไปให้ชายหนุ่ม

“ไม่เป็นไร วันนี้ผมเลี้ยงคราวหน้าคุณค่อยเลี้ยงผม” ภาสวรบอกก่อนเดินไปที่แคชเชียร์ ปัญญวัฒน์เองไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่จูงพวกเด็กๆออกไปยืนรอนอกร้าน


 “น้องเรนสวัสดีอาปันซิเราจะกลับกันแล้ว” ภาสวรบอกเด็กชายหลังจากที่เดินมาส่งปัญญวัฒน์และเด็กหญิงอิงฟ้าที่รถ

“ดีคับ” เด็กชายเรนยกมือไหว้ก่อนวิ่งเข้ามากอดชายหนุ่มที่พ่อตัวเองบอกว่าให้เรียกอาเหมือนที่เด็กหญิงอิงฟ้าเรียก

“ขอบคุณคุณภาคที่มาส่งครับ บายๆน้องเรน” ปัญญวัฒน์กอดเด็กชายแน่นๆอีกครั้งก่อนผละออก

“สวัสดีค่ะคุนอาภาค” เด็กหญิงอิงฟ้ายกมือไหว้สวัสดีภาสวร ตัวเธอเองก็โดนปัญญวัฒน์บอกให้เรียกภาสวรใหม่หลังจากที่รู้ว่าชายหนุ่มอ่อนกว่าพี่ชายเขาเกือบห้าปี

“บ๊ายบาย อาปัน บ๊ายบายน้องฟ้า” เด็กชายเรนโบกมือให้ทั้งคู่ก่อนที่พ่อของเขาจะพาเดินไปที่รถของตน เขาดีใจที่ตอนนี้เขาเป็นพี่แล้ว พ่อบอกว่าเขาอายุมากกว่าเด็กหญิงอิงฟ้า เขาจึงเป็นพี่ส่วนอิงฟ้าเป็นน้อง เด็กหญิงอิงฟ้าโบกมือให้เด็กชายก่อนปัญญวัฒน์จะสตาร์ทรถออกไป


************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย ได้ที่
Facebook : Sira_nann
Twitter : @Sira_nann

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-11-2018 12:06:52
 :L2: :pig4:
ช่วยใส่ตอนให้หน่อยนะ

เรื่องที่มีเด็กๆนี่น่ารักจริง
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 2 [5/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 06-11-2018 17:59:16
ได้งานแน่นอน แต่ตำแหน่งอะไรนี่ต้องมาดูกันนนน 55555
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 2 [5/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 07-11-2018 02:15:46
น่ารักดีมีเด็กๆด้วยคงเป็นกามเทพจับคู่ให้ิซินะ ติดตาม :mew1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 3 [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 12-11-2018 11:15:29
ตอนที่ 3

“คุณคะ เชิญเข้าไปข้างในได้เลยค่ะ” ปัญญวัฒน์หายใจเข้าหายใจออกยาวๆเพื่อเรียกความมั่นใจ เมื่อวานเขาได้รับโทรศัพท์ให้เข้ามาที่บริษัท

ภาพชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสูทอยู่ท่ามกลางแฟ้มเอกสารกองมหึมาที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบทั้งสองฝั่งโต๊ะทำงาน ทำให้ปัญญวัฒน์รู้สึกตัวเล็กและหวาดหวั่นไม่ได้

“เชิญนั่งครับ” เสียงห้าวๆเอ่ยปาก ก่อนที่จะส่งยิ้มให้เมื่อเห็นว่าเป็นใคร

ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้คนตรงหน้าก่อนที่จะส่งยิ้มตอบออกไป ภาสวรมองชายหนุ่มที่วันนี้ดูดีกว่าวันก่อนนิดหน่อย

“ดูจากคุณสมบัติคุณแล้ว ผมคิดว่าคุณไม่น่ามีปัญหาในการทำงาน” ภาสวรเงยหน้าพูดกับปัญญวัฒน์หลังจากที่พลิกแฟ้มประวัติของชายหนุ่ม ดวงตาคมซ่อนแววยิ้มขันเอาไว้ภายใต้ท่าทีเรียบเฉยเมื่อเห็นปัญญวัฒน์ทำตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“วันที่1คุณมาเริ่มทำงานได้เลย” ภาสวรเอ่ยต่อก่อนกดโทรศัพท์เรียกเลขาให้พาปัญญวัฒน์ไปแผนกบุคคล เพื่อชี้แจงรายละเอียดและข้อตกลงในการทำงาน

ปัญญวัฒน์เดินออกจากบริษัทด้วยความรู้สึกงงๆอยู่ไม่หาย


---- a little cupid ----


“อย่างงี้ต้องฉลอง” นาวินตะโกนบอกอย่างยินดีทันทีที่เขาบอกว่าได้งานทำแล้ว พูดจบก็วิ่งไปในครัว

“เห็นไหม กูว่าแล้วว่ามึงต้องได้งาน” วรภัทรตอนนี้อยู่ฝรั่งเศสได้วีดีโอคอลมาพูดคุยหลังจากรู้ว่าวันนี้พวกเขานัดกันที่บ้านนาวิน

“ต้องขอบคุณน้องอะไรนะที่ทำให้แกได้งานนี้” ศรัณที่วันนี้ไม่มีเวร แถมพรุ่งนี้ยังได้หยุดก็ไม่พลาดที่จะมาสังสรรค์กัน

“น้องเรน พวกมึงไม่คิดบ้างเหรอว่ากูได้งานเพราะตัวกูไม่ใช่ใช้เส้นเด็ก” ปัญญวัฒน์อดที่จะโวยไม่ได้ที่พวกเพื่อนๆคิดว่าเขาได้งานเพราะบารมีเด็กน้อย

“เราเชื่อในตัวปันนะ ปันของนาเก่งอยู่แล้ว” หญิงสาวคนเดียวที่ฝาแฝดตัวเองคอลไปหาเอ่ยขึ้น ตอนนี้นาราตาปรือพร้อมที่จะหลับได้ทุกเมื่อเพราะที่เธออยู่เวลาห่างกันสิบสองชั่วโมงเท่ากับว่าที่นั่นอยู่ราวๆตีสี่

“เออ เราว่านาไปนอนต่อเหอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้นด้วยความสงสารเพื่อน

“งั้นเราไปนอนต่อนะ โชคดีนะปัน รัน บายภัทร” หญิงสาวโบกมือลาเพื่อนก่อนตัดสายไป

“เฮ้ย แดดล่มแล้วย้ายไปที่สระว่ายน้ำกัน” นาวินที่เดินออกมาพร้อมเหล้านอกขวดหนึ่ง นี่มันต้องไปจิ๊กเหล้าพ่อมาอีกแน่นอน

“พึ่งสี่โมงเย็นจะรีบไปไหนวะ” ศรัณมองออกไปข้างนอกก่อนหันมามองหน้าเจ้าของบ้าน นี่มันกะจะเมาตั้งแต่หัววันใช่ไหม

“เอาน่า นี่กูสั่งคนขับรถออกไปซื้อหมู ไก่ แล้วก็อาหารทะเลแล้ว ทำหมูกระทะกินกัน”

“ดูมึงว้อนมากเลยนะ” ศรัณหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด

“เออ ฉลองอยากกิน มีอะไรไหม กูอยากมาหลายวันแล้ว หาเพื่อนกินเหล้าไม่ได้ โชคดีที่มีเรื่องไอ้ปัน กูเลยอ้างได้” ปัญญวัฒน์ได้แต่ส่ายหัวในความคิดของเพื่อน เขาคิดว่าเพื่อนจะปรารถนาดี ที่แท้มีเบื้องหลังซะงั้น

“มึงจะด่ากูก็พูดมาเลย ไม่ต้องทำหน้าเหยียดกูแบบนั้น” นาวินบ่นก่อนที่จะเดินนำไปที่สระว่ายน้ำ ซึ่งตอนนี้คนงานได้เคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว

“ความจริงออกไปกินข้างนอกก็ได้นะ ไม่เห็นจะต้องวุ่นวายแบบนี้” ปัญญวัฒน์รู้สึกสงสารคนงานในบ้านเพื่อน เพราะนาวินเล่นจัดใหญ่จัดเต็มราวกับเลี้ยงคนเป็นสิบ ทั้งๆที่มีแค่พวกเขาสามคน

“กินที่นี่แหละดีแล้ว วันนี้พ่อแม่กูไม่อยู่”

“แน่ใจนะว่ากินกันแค่สามคน” ศรัณเริ่มรู้สึกว่างานมันชักจะใหญ่ขึ้นทุกที

“เออ เดี๋ยวครอบครัวพี่กูก็มาแจม ไอ้ปันมึงโทรไปชวนพี่ๆมึงมาด้วยซิ มึงด้วยไอ้รัน กูสั่งของมาเยอะเลย” นาวินบอก ไอ้นี่มันเตรียมการมาดี จนพวกเขายากจะปฏิเสธ

เสียงพูดคุยสนุกสนานดังขึ้นไม่ได้มีแค่พวกเขาสามคน ตอนนี้ทัพฟ้า พี่ชายนาวินพร้อมทั้งภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนกำลังพูดคุยกับพลอยลดาและเปรมณัช ซึ่งได้ขนเบียร์มาลังใหญ่มาร่วมด้วย ปาลิดาเองก็กำลังช่วยปิ้งบาบีคิวที่แม่บ้านจัดเตรียมไว้ โดยมีศรุต คู่หมั้นหนุ่มที่คอยช่วยอยู่ไม่ห่าง คู่นี้กำลังเตรียมงานแต่งงานที่จะมาถึงอีกไม่กี่เดือน

“อาปันคะ หนูอยากกินกุ้ง” เด็กหญิงอิงฟ้าที่ทิ้งพ่อกับแม่ที่กำลังคุยเรื่องน่าเบื่อสำหรับเด็กมานั่งกับอาเอ่ยขึ้น

“มันยังร้อนอยู่ค่ะ รอแป๊บนึงนะเดี๋ยวอาแกะให้ เอาหมูก่อนไหม” ปัญญวัฒน์บอกเด็กหญิง เขาเพิ่งไปเอาอาหารที่เตาย่างมา แถมวงหมูกระทะที่โต๊ะเขาเริ่มชะลอ พวกหมู ไก่ ปลาหมึกที่สุกนั้นเต็มกระทะไปหมด จนเขาต้องเอามาวางบนจานก่อนที่จะไหม้

“เอาปาหมึก” ปัญญวัฒน์จัดการหั่นปลาหมึกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนเอาใส่จานให้หลานสาว เพื่อให้เด็กหญิงจิ้มกินเอง

“เอานี่พี่ปิ้งมาเผื่อ” ปาลิดายกจานบาบีคิวมาวางบนโต๊ะพวกเขา

“ขอบคุณครับพี่ปา ตอนนี้เริ่มอืดๆกันแล้ว” ศรัณขอบคุณพี่สาวเพื่อนที่ตอนนี้เป็นคู่หมั้นของพี่ชายเขา

“น้องฟ้าเอาบาบีคิวไหม อันนี้ไม่เผ็ด” ปาลิดาหันมาถามหลานสาว

“ยังค่ะ หนูรอกุ้ง”

“เหรอคะ งั้นเดี๋ยวอาแกะให้” ปาลิดาแกะกุ้งวางบนจานเด็กหญิง

“พี่ปา ไปทานเถอะครับเดี๋ยวปันดูหลานเอง พี่รุตมองมาหลายรอบแล้ว” ปัญญวัฒน์ยิ้มบอกเมื่อเห็นศรุตที่เฝ้าเตาย่างมองพี่สาวเขาอยู่นานแล้ว

“จ้า เดี๋ยวพี่เอากุ้งมาเพิ่มให้นะ” ปาลิดาบอกก่อนเดินออกไป

กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็ดึกมากแล้ว เปรมณัชได้พาครอบครัวกลับไปตั้งแต่หัวค่ำเพราะใกล้ถึงเวลานอนของเด็กหญิง ทัพฟ้ากับภรรยาก็กลับไปพร้อมกัน ปาลิดาและศรุตเพิ่งกลับไปหลังจากช่วยเก็บของไปบ้างแล้ว ส่วนพวกเขาสามคนยังนั่งชิลๆกินดื่มกันต่อ ปัญญวัฒน์กับศรัณกะกันไว้ว่าจะนอนที่นี่


---- a little cupid ----


เช้าวันแรกหลังจากที่รายงานตัวได้บัตรพนักงานเพื่อสแกนเข้างานแล้ว ทางฝ่ายบุคคลก็นำปัญญวัฒน์ขึ้นมาชั้นสามสิบ ชั้นนี้แตกต่างจากชั้นอื่นทั่วไป นอกจากจะอยู่บนสุดแล้ว ยังดูเงียบเหงามาก คราวที่แล้วที่มาเขายังไม่สังเกตมัวแต่ตื่นเต้น นอกจากเลขาที่โต๊ะทำงานอยู่หน้าห้องแล้วคนอื่นก็อยู่ในห้องทำงานเมื่อมองผ่านกระจกใสที่เป็นผนังด้านหนึ่งก็เห็นคอกกั้นด้วยพาทิชั่นสูง จนแทบไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างใน ชั้นนี้มีห้องทำงานอยู่สามห้องกับห้องประชุมและห้องรับรองอีกอย่างละห้อง

“คุณดาคะ พี่พาน้องมาส่งค่ะ” พนิดาส่งยิ้มให้ผู้มาใหม่

“ขอบคุณค่ะคุณรส เดี๋ยวดาจัดการต่อเองค่ะ”

“ตั้งใจทำงานนะเรา” รสลินหันมายิ้มให้เขาก่อนเดินออกไป

“คุณปัญญวัฒน์ นี่ห้องทำงานของคุณค่ะ นี่ login ที่ทางไอทีเตรียมไว้ให้ เข้าไปเปลี่ยนพาสเวิร์ด ข้างหลังนั่นเป็นเอกสารเก่าๆลองอ่านดูนะ มีอะไรสงสัยถามพี่ได้ค่ะ พี่ชื่อพนิดาเรียกพี่ดาก็ได้ วันนี้คุณสุนทรีคนที่จะสอนงานคุณเข้ามาตอนบ่าย” พนิดาแนะนำน้องใหม่คร่าวๆ ในล็อคที่นั่งเขามีพาทิชั่นเตี้ยแบ่งระหว่างโต๊ะทำงานสองตัว ฝั่งหนึ่งเป็นของเขา อีกฝั่งคงจะเป็นของผู้ร่วมงานอีกคน ด้านหลังโต๊ะทั้งสองมีตู้ใส่เอกสารวางเรียงยาวใต้หน้าต่าง ผนังทั้งสองด้านเต็มไปด้วยตู้เอกสารขนาดใหญ่ทั้งสองด้าน

“ขอบคุณครับพี่ดา พี่เรียกผมว่าปันก็ได้ครับ” ปัญญวัฒน์ยิ้มตอบคุณเลขา

“จ้า มีอะไรเรียกพี่ได้นะน้องปัน” หญิงสาวบอกก่อนเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

ปัญญวัฒน์นั่งดูเอกสารในแฟ้มอย่างเพลิดเพลินก่อนที่หญิงสาวท้องแก่จะเดินเข้ามา เธอได้ยิ้มให้ชายหนุ่มพร้อมทักทาย

“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อสุนทรี เรียกพี่สุนก็ได้เนอะ”

“สวัสดีครับ พี่สุน ผมชื่อปัญญวัฒน์ เรียกปันได้ครับ” ปัญญวัฒน์ยืนขึ้นพร้อมยกมือไหว้หญิงสาวตรงหน้า

“น้องปัน พี่มีเวลาสอนงานให้เดือนกว่าๆ ก่อนที่จะลาคลอด”

“ครับ”

“งั้นเรามาเริ่มกันเลย” สุนทรีบอกพร้อมยื่นแฟ้มข้อมูลให้ชายหนุ่ม



“เอ่อ ขอโทษนะคะ” เสียงทักทายดังขึ้นทำให้ปัญญวัฒน์ที่กำลังศึกษาข้อมูลที่สุนทรีเงยหน้าขึ้นมามอง

“ค่ะ พี่ดามีอะไรหรือเปล่าคะ” สุนทรีเอ่ยถามพนิดาที่เดินเข้ามา

“พอดีคุณภาคมีประชุมงานด่วน เลยอยากฝากน้องเรนไว้กับปันก่อนได้ไหมคะ” พนิดาพูดอย่างเกรงใจ เธอไม่เข้าใจทำไมเจ้านายถึงอยากให้น้องใหม่อย่างปัญญวัฒน์ดูแลลูกชาย

ปัญญวัฒน์หันไปมองสุนทรีอย่างเกรงใจ เพราะห้องนี้เขาใช้ร่วมกันกับหญิงสาว ครั้นเมื่อสบตาเห็นเธอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนจะยิ้มออกมาแล้วพยักหน้ารับ เขาจึงหันไปทางหญิงสาวอีกคน

“ได้ไหมคะ” พนิดาถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทางของคนในห้อง

“ได้ค่ะพี่ดา เดี๋ยวสุนจะช่วยดูด้วย” เป็นสุนทรีที่เอ่ยขึ้นแทน เธอเข้าใจว่าชายหนุ่มคงเกรงใจเธอจึงไม่กล้าพูดอะไร แม้ว่าจะแปลกใจอยู่บ้าง

เมื่อสุนทรีอนุญาต ปัญญวัฒน์จึงเดินตามพนิดาไปรับเด็กชายเรน เลขาคนเก่งเคาะประตูห้องประธานบริษัทเมื่อได้ยินเสียงตอบรับจึงเปิดประตูเข้าไป ภาพผู้ชายตัวโตพยายามปลอบเด็กชายตัวน้อยที่นั่งกอดอกเม้มปากทำให้ปัญญวัฒน์อดที่ยิ้มไม่ได้

“สวัสดีครับคนเก่ง” ปัญญวัฒน์เอ่ยทักเด็กชายหลังจากที่ยกมือไหว้ภาสวรแล้ว

“อาปัน อาปันจริงๆด้วย” ทันทีที่เห็นชายหนุ่ม เด็กชายเรนก็โผมากอดปัญญวัฒน์ไว้อย่างยินดี

“ผมฝากด้วยนะ ไม่ยอมกลับบ้านท่าเดียว” นี่ซินะที่มาของท่ากอดอก

“ครับ เดี๋ยวผมดูแลน้องเรนเอง น้องเรนครับไปนั่งเล่นที่ห้องอากันดีไหม” ปัญญวัฒน์บอกภาสวรก่อนจะหันมาชวนเด็กชายไปห้องของตน

เด็กชายเรนคว้ากระเป๋านักเรียนที่บิดายื่นให้ก่อนเดินตามปัญญวัฒน์ออกไปท่ามกลางความแปลกใจของพนิดา ปกติแล้วเมื่อมาที่บริษัทเด็กชายจะไม่ยอมไปกับใคร จะเกาะติดบิดาแจ

“อาปัน อาปันมาหาเรนเหรอ” เด็กชายถามขึ้นเมื่อเดินออกจากห้อง

“ก็ไม่เชิงครับ พอดีอามาทำงานอยู่ที่นี่”

“ทำงาน คุณพ่อก็เอาแต่ทำงาน” น้ำเสียงที่ไม่พอใจของเด็กชายทำให้ปัญญวัฒน์ต้องหยุดแล้วคุกเข่าลงให้อยู่ระดับเดียวกับน้องเรน

“น้องเรนครับฟังอานะครับ คุณพ่อต้องทำงานหาเงินมาซื้อขนมซื้อของเล่นให้น้องเรนไงครับ” ปัญญวัฒน์โอบกอดเด็กชายเอาไว้ ทำไมเขาจะไม่รู้เมื่อตอนเด็กๆเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ต้องทำงาน โชคดีที่มีพี่ๆที่เล่นด้วยทำให้คลายเหงายามพ่อกับแม่ไม่อยู่

“น้องเรนไม่อยากอยู่คนเดียว ฮึก...” ตาที่เริ่มแดง เสียงสะอื้นของเด็กชายทำให้ปัญญวัฒน์กอดเจ้าตัวแน่นเข้าไปอีก

“ไม่ร้องนะครับคนเก่งของอาปัน ตอนนี้น้องเรนอยู่กับอาปันไงครับ น้องเรนอยากทำอะไรอยากเล่นอะไรครับ เราไปเล่นกันดีกว่า” ปัญญวัฒน์ปลอบเด็กชายก่อนที่จะอุ้มเข้าไปที่โต๊ะทำงานของตน

“น้องเรนครับ สวัสดีอาสุนหรือยังครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยทัก เมื่อวางเด็กชายลงบนพื้นแล้วน้องเรนเดินผ่านมาที่โต๊ะเขาโดยไม่สนใจสุนทรีที่นั่งอยู่ในห้องอีกคน

“สวัสดีครับ” เด็กชายมองหน้าปัญญวัฒน์ที่จ้องเขาอยู่ก่อนหันไปยกมือไหว้ค้อมศรีษะลงต่ำแบบที่คุณครูสอน เพื่อทักทายหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะข้างๆชายหนุ่ม

“สวัสดีจ้าน้องเรน” สุนทรีเอ่ยทักเด็กชาย เธอเคยพบน้องเรนหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยได้พูดคุยกัน

“อาปัน อาสุนทำไมพุงใหญ่จัง” เด็กชายที่เห็นหญิงสาวที่เดินเข้ามายืนติดพาทิชั่นจึ่งหันมาถามปัญญวัฒน์อย่างแปลกใจ

“อากำลังจะมีน้องจ้า” สุนทรีตอบเด็กชายแทนชายหนุ่ม

“น้อง”

“น้องคือเด็กตัวเล็กๆไงครับ” ปัญญวัฒน์บอกเมื่อเห็นเด็กชายเรนทำหน้างง

“แล้วทำไมน้องถึงอยู่ในพุงล่ะ”

“น้องยังตัวเล็กอยู่ค่ะ อ๊ะ น้องเรนลองจับดูไหม น้องคงชอบน้องเรนดิ้นใหญ่เชียว” สุนทรีบอกพลางเดินมายังโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม พร้อมชักชวนให้เด็กชายมาสัมผัสท้องของตน

น้องเรนมองหน้าปัญญวัฒน์เมื่อเห็นชายหนุ่มพยักหน้าก็เดินไปจับท้องหญิงสาวอย่างกล้าๆกลัวๆ

“โอ๊ะ พุงหยับได้ด้วย” เด็กชายปล่อยมือก่อนมายืนข้างชายหนุ่ม

“น้องกำลังทักทายน้องเรนไงครับ” ปัญญวัฒน์บอกพลางลูบศรีษะเด็กชายเบาๆ

“จิงเหรอ แล้วน้องชื่ออาไรอ่ะ”

“อายังไม่ตั้งชื่อเลย รอน้องออกมาก่อนครับ” สุนทรีบอกเด็กชาย ความจริงแล้วน้องเรนก็เป็นเด็กน่ารัก พูดจาดี ผิดจากที่เคยได้ยินมาว่าเด็กน้อยไม่เอาใคร แผลงฤทธิ์ยามที่ไม่ได้ดั่งใจ

“แล้วเมื่อไหร่น้องจาออกมาคับ”

“อีกเดือนกว่าๆก็ออกมาแล้ว เอาไว้น้องโตเดี๋ยวอาพามาเล่นด้วยนะครับ” สุนทรีบอก เธอมองเด็กชายที่จับจ้องท้องของเธอด้วยความเอ็นดู

“จิงนะ สัญญาแล้วนะ” เด็กชายเงยหน้ายิ้มให้สุนทรี ดวงตาเป็นประกาย เขาดีใจที่จะมีเพื่อนเล่นเพิ่ม

ปัญญวัฒน์มองเด็กชายที่เริ่มเปิดใจกับคนอื่นด้วยความยินดี พี่สาวของเขาบอกว่าเด็กเหมือนผ้าขาว เป็นหน้าที่ผู้ใหญ่อย่างเราที่จะแต่งแต้มผ้าขาวให้มีสีสันและลวดลายที่สวยงาม ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเด็กชายไปเจออะไรมา แต่เขาก็อยากลบรอยหม่นหมองบนผ้าผืนนี้ให้จางลงไปบ้างแม้จะเล็กน้อยก็ยังดี



************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพด้วยค่ะ

สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann
Twitter : @Sira_nann
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 3 [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-11-2018 21:07:58
 :L2: :pig4:

ชอบตวามสัมพันธ์ของเพื่อน ครอบครัว
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 3 [12/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-11-2018 21:24:21
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 4 [19/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 19-11-2018 10:05:35
ตอนที่ 4

ภาพชายหนุ่มที่กำลังวิ่งวุ่น เรียกรอยยิ้มให้แก่ภาสวร ปัญญวัฒน์มาทำงานได้เกือบสามอาทิตย์แล้ว ใกล้วันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัททำเอาหลายแผนกวุ่นวายรวมทั้งปัญญวัฒน์เองมีงานที่ต้องจัดสรรมากมายเพราะตัวสุนทรีใกล้คลอดแล้วทำให้ลงไปคลุกคลีมากไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรับบทหนักไปโดยปริยาย

ปัญญวัฒน์สามารถจัดระบบงานให้เป็นระเบียบอย่างไม่น่าเชื่อ จนสุนทรีเองเอ่ยชมเพื่อนร่วมงานคนใหม่ให้ฟังอยู่บ่อยๆ รอยยิ้มที่กว้างขวางนั่นอีกไม่ว่างานจะหนักหรือเบาก็ไม่จางหายไป ทำให้ใครต่อใครต่างหลงรักและเอ็นดูเจ้าตัวอยู่ไม่น้อย ภาสวรคลี่ยิ้มออกมาอีกนิดเมื่อคิดถึงลูกชาย เด็กชายเรนที่ไม่นิยมสุงสิงกับใคร รวมถึงการอาละวาดอย่างหนักเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ดูเหมือนจะถูกรอยยิ้มและความแจ่มใสของปัญญวัฒน์ลบช่องว่างบางอย่างในใจของเด็กชาย ที่แม้แต่เขาก็ไม่อาจทำได้

ตอนนี้เด็กชายเรนติดปัญญวัฒน์แจ จากการนั่งรอในห้องทำงานของเขาจากเย็นยันค่ำ กลับมานั่งเล่นกับปัญญวัฒน์ แถมชายหนุ่มยังมีกิจกรรมให้ลูกชายเขาช่วยทำอย่างสนุกสนาน จนเขาอดที่จะเกรงใจไม่ได้

“ถ้าน้องเรนมากวนบอกผมได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ” ภาสวรเคยบอกสุนทรีกับปัญญวัฒน์แบบนั้น

“ไม่กวนเลยคุณภาค น้องเรนน่ารักค่ะ” เป็นสุนทรีที่บอกเขา พร้อมทั้งปัญญวัฒน์ที่พยักหน้ารับกับคำพูดของสุนทรีนั่นอีก ทำให้เขาโล่งใจไปเปราะนึง

“คุณภาคคะคุณลูกพีชกับคุณแมนสรวงมาขอพบค่ะ ตอนนี้กำลังขึ้นมา” เสียงเรียกของเลขาทำให้ภาสวรรู้สึกตัว

“เดี๋ยวเชิญพวกเธอที่ห้องรับรองแล้วกัน” เขาบอกก่อนเดินเข้าไปห้องทำงานตัวเอง


---- a little cupid ----


“นี่ ฉันเห็นลูกพีช นิชาดา แล้วออกไปกับท่านประธาน”

“เขาอาจไปคุยงานกันก็ได้”

“ถ้าไปคุยงานทำไมไม่พาพี่ดาไปด้วย เมื่อกี้ฉันเจอพี่ดาซื้อกาแฟอยู่ด้านล่าง”

“หรือว่าเขากำลังคบกันอยู่”

เสียงสนทนาที่พูดคุยจากโต๊ะที่ไม่ห่างกันในฟู้ดคอร์ทชั้น 3 ของตึก แม้ว่าไม่สนใจก็ได้ยิน ลูกพีช นิชาดา นางเอกดาวรุ่ง ของวงการตอนนี้เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าตัวใหม่ของบริษัทจะเปิดตัวในวันพรุ่งนี้

“ปัน เดี๋ยวพี่ลงไปข้างล่างนะ อยากกินโกโก้” สุนทรีบอกเมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว

“เดี๋ยว ผมไปด้วยครับ อยากได้โกโก้เหมือนกัน” ปัญญวัฒน์บอกก่อนเอาจานของตัวเองและสุนทรีไปเก็บที่วางจาน



“อาปัน เรนคิดถึง” เสียงเด็กชายร่างเล็ก ป้อมๆกลมๆที่ดังขึ้นมาก่อนเห็นตัว ทำให้ปัญญวัฒน์เงยหน้าจากคอมพิวเตอร์

“สวัสดีครับน้องเรน ลืมอะไรไปหรือเปล่า”

“สวัสดีครับอาปัน อาสุน” เด็กชายรีบยกมือไหว้ปัญญวัฒน์กับสุนทรีก่อนจะหันมายิ้มประจบชายหนุ่ม

“สวัสดีค่ะน้องเรน” สุนทรีเอ่ยทักเด็กชาย

“น้องเรนไปหาคุณพ่อมาหรือยังครับ” ปัญญวัฒน์ถามเด็กชาย เพราะหลายครั้งที่น้องเรนแวะมาหาเขาโดยไม่ไปหาบิดาก่อน

“ไปแล้วคับ บอกคุนพ่อแล้วว่ามาหาอาปัน”

“ดีครับ น้องเรนเก่งมากครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยชม

“งั้นเราไปเล่นกันนะ” เด็กชายเดินมาฉุดมือปัญญวัฒน์เพื่อให้ไปเล่นด้วย

“วันนี้อาปันยังทำงานไม่เสร็จเลย น้องเรนวาดรูประบายสีไปก่อนนะครับ เดี๋ยวอาปันทำงานเสร็จอาปันเล่นด้วย”

“ไม่เอา ไม่ทำงาน น้องเรนจาเล่น อาปันต้องเล่นเดี๋ยวนี้” เด็กชายเริ่มไม่พอใจ ใครๆก็ไม่ว่าง พ่อก็เอาแต่ทำงานไม่ว่างอยู่กับเขา อาปันคนโปรดไม่เคยขัดใจยังไม่ว่างอีก

“น้องเรนครับ รออาแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวอาทำงานเสร็จอาเล่นด้วย” ปัญญวัฒน์พยายามปลอบเด็กชาย

“ไม่เอา ต้องเดี๋ยวนี้ แงๆ” เมื่อคุณอาคนโปรดไม่ตามใจ เด็กชายเรนก็ลงไปดิ้นอาละวาด ท่ามกลางความตกใจของสุนทรีและปัญญวัฒน์

สุนทรีพยายามจะเข้ามาปลอบเด็กชายแต่ปัญญวัฒน์ยกมือห้ามไว้ จนเธอทนไม่ไหวต้องเดินออกไปนอกห้อง พนิดาเองพอรู้เรื่องก็รีบไปตามภาสวรที่คุยงานอยู่ออกมาดู

“น้องเรน อาปันไม่ว่างไปกับพ่อก่อนไหมครับ” ภาสวรพยายามเข้ามาอุ้มลูกชาย แต่เด็กชายก็ไม่ยอมยิ่งดิ้นยิ่งอาละวาดจนเขาต้องยอมแพ้

“ไม่เอา เรนจะเล่นกับอาปันเดี๋ยวนี้”

“เอ่อ ...” ภาสวรหันไปหาปัญญวัฒน์ที่นั่งทำงานนิ่งโดยไม่สนใจลูกชายของเขาที่แผดเสียงร้องดังจนใครๆระอา

“น้องเรนครับ เหนื่อยเมื่อไหร่บอกอานะครับ” พูดจบปัญญวัฒน์ก็นั่งทำงานต่อโดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องของลูกชายเขา เป็นเขาเสียอีกพยายามปลอบและขู่ลูกชาย แต่เด็กชายเรนก็ไม่ยอมจนเขาต้องล่าถอยออกจากห้องไป

ภาสวรพยายามมาด้อมๆมองๆด้วยความเป็นห่วงสลับกับพนิดา ส่วนตัวสุนทรีเองนั่งทำงานต่อไม่ไหวจนต้องออกมานั่งลุ้นกับภาสวรและพนิดานอกห้อง เสียงของเด็กชายช่างบีบหัวใจเธอหรือเกิน ปัญญวัฒน์ช่างใจแข็งนักที่ทำหน้าเฉยเมยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น

เด็กชายตัวกลมที่ร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนค่อยๆเดินตุ๊บตั๊บเข้ามาหาปัญญวัฒน์ที่นั่งทำงานเฉย ทำให้คนที่อยู่นอกห้องที่แอบดูพากันโล่งใจและสงสัยว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไรต่อ

ปัญญวัฒน์อุ้มร่างป้อมๆเล็กๆขึ้นมานั่งบนตักพลางโอบกอดไว้อย่างปลอบโยนแล้วลูบหลังอย่างแผ่วเบา โดยปล่อยให้เด็กชายสะอื้นฮักน้อยอกน้อยใจนั้นนั่งสงบสติอารมณ์ ดวงตาที่ยังฉ่ำด้วยน้ำตาตวัดมองหน้าชายหนุ่มอย่างตัดพ้อ

“อามีเวลาสิบนาที เราลงไปซื้อไอศกรีมกันนะครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยก่อนที่จะจูงมือเด็กชายลงไปร้านสะดวกซื้อด้านล่างของตึก
ภาสวรมองตามทั้งคู่ที่เดินหายเข้าไปในลิฟท์ด้วยความงง เขาไม่คิดเลยว่าปัญญวัฒน์ที่ดูร่าเริง ไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร มีอะไรก็เอาแต่ยิ้มนั้น จะเอาเรื่อง มากกว่าที่ใครจะนึกถึงมากนัก

‘น้องเรนเจอคู่ปรับที่สูสีเข้าให้แล้ว’ ภาสวรอดที่จะยิ้มกับความคิดของตน



“ปันจะกลับหรือยัง” ภาสวรถามเมื่อชายหนุ่มพาลูกชายเขามาส่งที่ห้องทำงาน

“ครับ”

“เย็นนี้ว่างไหม ไปทานข้าวเย็นที่ห้าง P กัน” ภาสวรเอ่ยชวน เขาอยากตอบแทนปัญญวัฒน์ที่ดูแลลูกชายของเขา

“ไม่เป็นไรครับ คุณภาคไปทานกับน้องเรนเถอะครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยอย่างเกรงใจ

“น้องเรนชวนอาปันไปทานข้าวกับเราด้วยดีไหม” ภาสวรก้มลงถามลูกชาย

“ดีคับ อาปันไปนะไปด้วยกัน” เด็กชายเข้ามาเกาะแขนดวงตาเว้าวอนจนชายหนุ่มอดที่จะใจอ่อนไม่ได้

“ไปด้วยกันเถอะ คุณดาไปด้วย พรุ่งนี้มีงานเปิดตัวที่ห้าง P ผมอยากเข้าไปดูสถานที่”

“ครับ ได้ครับ” ในเมื่อมันเป็นงานปัญญวัฒน์ก็ยากจะปฏิเสธ



“เราจะจัดบูทไว้ทางเข้าห้าง มีการแจกผลิตภัณฑ์ให้คนที่เดินผ่านไปมาชิม ส่วนทางเวทีด้านในก็จัดบูธบริการผลิตภัณฑ์ให้ผู้มาร่วมงานชิมเหมือนกัน ...” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์กำลังอธิบายงานคร่าวๆให้พนิดากับปัญญวัฒน์ฟังคร่าวๆ ตอนที่ออกจากบริษัทมานั้นเขาได้ขับรถส่วนตัวโดยมีพนิดานั่งมาด้วย ส่วนภาสวรนั้นมากับลูกชาย ตอนแรกนั้นเด็กชายจะมากับเขาแต่ติดที่ต้องนั่งเก้าอี้เด็ก กว่าจะเกลี้ยกล่อมกันได้เล่นเอาอ่อนใจไปตามๆกัน

“ทางห้างให้เราขนของเข้ามาตอนห้างปิดแล้วค่ะ ตอนนี้ดิฉันให้รออยู่ที่บริษัทก่อน” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ตอบภาสวรที่เพิ่งมาถึงไม่นาน

“ดูแลสวัสดิการให้ดีนะ ขาดเหลืออะไรบอกการเงินได้เลย ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่นี่กันกี่คน” ภาสวรย้ำกับผู้จัดงานครั้งนี้

“กลับไปแล้วบางส่วน ตอนนี้เหลืออยู่ 3 คนค่ะ”

“โอเค งั้นไปทานข้าวกัน คุณดาจองโต๊ะเรียบร้อยแล้วนะ” ภาสวรเอ่ยชวนฝ่ายประชาสัมพันธ์ก่อนหันมาถามเลขาของตัวเอง

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ไปได้เลย” พนิดาบอกโชคดีที่ทางร้านมีห้องสำหรับวีไอพีว่างอยู่

ร้านที่พนิดาจองไว้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น มีผู้ร่วมโต๊ะทั้งหมดเจ็ดคน ตอนแรกๆปัญญวัฒน์และเตชินผู้ช่วยฝ่ายประชาสัมพันธ์ยังเกร็งๆที่ต้องร่วมโต๊ะกับประธานบริษัท แต่เพราะความเป็นกันเองของภาสวรและความน่ารักช่างพูดช่างคุยของเด็กชายทำให้ลดความประหม่าลงได้

“ตามสบายเลยนะทุกคน” ภาสวรบอกกับทุกคนเมื่ออาหารเริ่มมาเสิร์ฟ

“อาปัน นั่นอะไรคับ” เด็กชายถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเปิดถ้วยเล็กๆตรงหน้า

“ไข่ตุ๋นครับ น้องเรนเอาไหม อร่อยนะลองดู” ปัญญวัฒน์ถามเมื่อเห็นเด็กชายสนใจ เซตอาหารที่เขาสั่งมีไข่ตุ๋นมาด้วย

“อืม หย่อยๆ” เด็กชายยิ้มตาหยีเมื่อลองกินไข่ตุ๋นที่ปัญญวัฒน์ป้อนให้

“อร่อยก็กินอีก เป่าก่อนนะครับระวังร้อน” ชายหนุ่มยกถ้วยไข่ตุ๋นให้เด็กชายพลางบอกเมื่อเห็นน้องเรนรีบตักไข่ตุ๋นเข้าปาก

ภาสวรยิ้มกับภาพลูกชายเขาที่ตอนนี้แทบจะหายใจเข้าหายใจออกเป็น ‘อาปัน’ ไปเสียแล้ว ไม่ว่าอาปันจะทำอะไรน้องเรนจะสนใจอยากมีส่วนร่วมไปหมด


---- a little cupid ----


“สวัสดีค่ะน้องฟ้า เป็นอะไรคะ หือ งอนอาปันเรื่องอะไร” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามหลานสาวที่กำลังดูการ์ตูนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น กว่าเขาจะกลับถึงบ้านก็สามทุ่มแล้ว แล้วทำไมเด็กหญิงยังอยู่บ้านนี้ ทำไมยังไม่กลับบ้านนอน แถมพอเจอหน้าเขายังสะบัดหน้าหนีอีก

“อาปันลืมน้องฟ้า” น้ำเสียงแง่งอนของหลานสาวทำให้ปัญญวัฒน์ส่งของที่หิ้วเข้ามาให้พี่แก้วแล้วเข้าไปนั่งข้างๆเด็กหญิง

“ทำไมว่าอาอย่างนั้นล่ะ อาไม่ได้ลืมน้องฟ้าเสียหน่อย”

“ก็อาปันเล่นกับนายนั่นทุกวันไม่มาหาหนูเลย”

“นายนั่น”

“ก็นายเรนนั่นไงล่ะ บอกว่าเจออาปันทุกวัน” เสียงน้อยอกน้อยใจของหลานสาว ทำให้ชายหนุ่มอดจะยิ้มไม่ได้ วันนี้เป็นวันอะไรนะถึงเจอเด็กน้อยแผลงฤทธิ์ใส่

“อาไปทำงานค่ะ แล้วน้องเรนเขาไปรอคุณพ่อที่ทำงานเพื่อกลับบ้านไงครับ”

“นั่นแหละ อาปันใจร้าย” เด็กหญิงอิงฟ้าเม้มปาก กอดอกแน่นมองอาหนุ่มอย่างโกรธๆ

“อ้าวๆ ใครใจร้ายคะ ปันกินอะไรมาหรือยัง” เสียงของปาลิดาเอ่ยถามน้องชาย เมื่อเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น วันนี้หลานสาวอ้อนขอมานอนที่บ้านนี้ พี่ชายเธอก็เห็นดีด้วยเพราะพลอยลดาแพ้ท้องหนักมาก

“ทานแล้วครับ แล้วพี่ปาล่ะทานข้าวเย็นหรือยัง”

“ทานแล้ว พร้อมพลอยกับน้องฟ้า น้องฟ้าเป็นอะไรคะ” ปาลิดาบอกน้องชายก่อนเดินเข้าไปนั่งข้างๆหลานสาว

“อาปันใจร้าย ทิ้งหนูไปเล่นกับเรนทุกวัน”

“เอาแล้วไง อาปันโดนหลานงอน” ปาลิดาบอกน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ตั้งแต่มาถึงบ้านเด็กหญิงก็เอาแต่ถามถึงปัญญวัฒน์ว่าเมื่อไหร่จะกลับ แม้ว่าเธอจะบอกว่าอาปันกลับดึก ก็เอาแต่พูดว่าจะรออาปันไม่ยอมขึ้นข้างบนไปนอนจนเธอขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยลงมาจัดการหลานสาว

“น้องฟ้าครับ อาปันไม่ได้ทิ้งหนูนะ อาต้องไปทำงาน กลับมาถึงก็มืดแล้วน้องฟ้าก็เห็น เอาไว้วันหยุดอาจะอยู่เล่นกับน้องฟ้าทั้งวันเลยดีไหม อย่าโกรธอานะครับ ดีกันนะ” ปัญญวัฒน์พยายามงอนง้อเด็กหญิง

“ใช่ค่ะน้องฟ้าหายโกรธอาปันนะคะ ดูซิอาปันเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ น้ำยังไม่ได้อาบเลย ไม่สงสารอาปันเหรอคะ” ปาลิดาพยายามช่วยพูดเกลี่ยกล่อมให้น้องชาย อีกทั้งเลยเวลานอนของหลานสาวแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่ตื่นไปโรงเรียน

“อาปันสัญญาแล้วนะว่าวันหยุดจะอยู่เล่นกับหนู”

“ครับ อาสัญญา ไปนอนกับอาปาได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าตื่นมาอามีเค้กช็อกโกแลตให้ทาน ตื่นสายอดกินไม่รู้ด้วยนะ ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กหญิง ก่อนกลับเขาแวะร้านขนมร้านโปรดของหลานสาวซื้อขนมมาหลายอย่างฝากพวกพี่ๆและหลาน

“จิงเหรอ อาปาเราไปนอนกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้มีเค้กหย่อยๆ อาปันกู๊ดไนท์” เด็กหญิงรีบฉุดอาสาวขึ้นข้างบน พลางโบกมือราตรีสวัสดิ์ให้แก่อาหนุ่ม

“เฮ้อ...” ปัญญวัฒน์ถอนหายใจ เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็ก ดีนะที่ซื้อเค้กติดมือมาด้วย ไม่งั้นเรื่องคงจะไม่จบง่ายๆ



************
สวัสดีค่ะ
ช่วงต้นเรื่องอาจเรื่อยเฉื่อยอยู่บ้าง อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันและขอขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ

สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann
Twitter : @Sira_nann

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 4 [19/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-11-2018 13:33:15
 :L2: :pig4:

เด็กๆน่ารัก
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 4 [19/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 19-11-2018 14:03:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 4 [19/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-11-2018 10:45:45
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 5 [26/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 26-11-2018 10:19:42
ตอนที่ 5

กลุ่มคนมากมายรายล้อมรอบงานจนน่าตกใจ ป้ายไฟของดาราที่ถูกเชิญมาโปรโมทสินค้าปรากฏชื่อให้เห็น เพราะว่างานนี้มีสองพรีเซ็นเตอร์เป็นดาราขวัญใจละครเพิ่งจะออนแอร์มาร่วมงานจึงไม่แปลกที่คนจะเยอะ ปัญญวัฒน์ยิ้มอย่างยินดีที่การโปรโมทดูเหมือนจะได้ผล

เหล่าพริ๊ตตี้ประจำซุ้มได้แจกกาแฟรสชาติใหม่ให้คนมาร่วมงานชิมกัน กิจกรรมซุ้มด้านหน้ามีเล่นเกมแจกของที่ระลึกทำให้คนแออัดเป็นพิเศษ เมื่อใกล้เวลาทางฝ่ายจัดงานให้สัญญาณกิจกรรมเล่นเกมเริ่มเร่งปิดท้ายเพื่อจะให้ผู้คนสนใจในกิจกรรมหลักของวันนี้

พิธีกรมืออาชีพออกมาทักทายหน้าเวทีก่อนเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ ลูกพีช นิชาดา กับ ลม ไอรา นักร้องนักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง ภายใต้สโลแกน ยิ้มรับวันใหม่กับกาแฟถ้วยโปรด หลังจากพูดคุยบนเวทีพอหอมปากหอมคอ ทางพิธีกรได้เชิญ ภาสวร สุธาภิวัฒน์ ประธานบริษัทกล่าวเปิดงานก่อน ภาพยนตร์โฆษณาเปิดฉายให้ผู้ร่วมงานได้ดู

ปัญญวัฒน์มองภาสวรที่นั่งพูดคุยกับเหล่าผู้บริหารอยู่ด้านหน้าด้วยความโล่งใจ งานวันนี้เปิดตัวได้อย่างงดงาม ทำเอาฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่เหน็ดเหนื่อยจัดงานยิ้มแก้มปริ ส่วนตัวเขาทางสุนทรีได้ให้มาสังเกตเปิดหูเปิดตาในงาน แม้จะเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆก็อดจะรู้สึกปลื้มใจไม่ได้ ที่มีคนสนใจและตอบรับผลิตภัณฑ์ใหม่มากมาย

“น้องลูกพีชคะ มานี่เร็วลูกไปขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่เร็วๆ” เสียงแหลมๆด้านหลังทำให้ปัญญวัฒน์หันไปมอง ก่อนจะเลี่ยงเดินไปทางหลังเวที

“คุณภาคคะ เมนี่พาน้องลูกพีชมาขอบคุณค่ะ อุ๊ย คุณพสุธา ก็มาด้วย”

“สวัสดีครับคุณแมนสรวง คุณลูกพีช” ชายหนุ่มที่ชื่อพสุธาเอ่ยทัก

“เรียกเมนี่ ว่าเมนี่ค่ะ บอกหลายหนแล้วนะคะ” เมนี่ผู้จัดการดาราตีแขนล่ำๆของพสุธาเบาๆ

“ง่า ครับๆ” พสุธารับคำเบาๆก่อนจะขยับตัวให้ห่างผู้จัดการของนิชาดาที่กำลังเกาะแขนเขาอยู่



“ปัน ไอ้ปัน” เสียงทักดังขึ้น ทำให้ปัญญวัฒน์มองหา ก่อนเห็นเพื่อนสนิทยิ้มร่าเดินเข้ามา

“ไอ้วิน มาไงวะ มึงไม่ทำงาน”

“ทำดิวะ ขืนไม่ทำพ่อกูเอาตาย ว่าแต่มึงเหอะมาทำไรที่นี่” นาวินถามเพื่อน

“กูก็มาทำงาน นี่ไงงานเปิดตัวกาแฟตัวใหม่ของบริษัท สนใจชิมป่ะ เดี๋ยวไปหยิบให้”

“ไม่อ่ะ กูสนทางโน้นมากกว่าเขามุงอะไรกันวะ” นาวินพยักหน้าไปยังกลุ่มคนที่มารวมตัว จะว่าบริษัทไอ้ปันแจกกาแฟฟรีคนก็ไม่น่าจะเยอะขนาดนี้

“อ๋อ ดารา พรีเซ็นเตอร์กาแฟตัวใหม่น่ะ มึงน่าจะรู้จักนะ” ปัญญวัฒน์บอก

“ใครวะ สวยป่ะ”

“มีสองคนทั้งสวยทั้งหล่อเลย” ปัญญวัฒน์ยิ้มกริ่มกับความดี้ด้าของเพื่อน จะว่าไปนาวินก็หล่อระดับเดือนมหาวิทยาลัย แถมรวยอีกตังหาก มีสาวๆเข้าหามากมาย แต่เพราะความเจ้าชู้ควงไปเรื่อยไม่จริงจังกับใคร ทำให้ชื่อเสียงออกจะติดลบมากอยู่

“ไหน มึงพากูไปหน่อยดิ” เฮ้อ พูดถึงคนสวยไม่ได้เลย หูกระดิกเลยนะไอ้วิน

“เดี๋ยวนะ มึงบอกว่าทำงาน แล้วทำไม...  ตกลงนี่มึงอู้อยู่ใช่ไหม” ปัญญวัฒน์รีบดักคอเพื่อน มึงจะอู้อย่าลากกูไปด้วยเดี๋ยวกูจะซวย

“ไม่ได้อู้เว้ย กูนัดลูกค้าบ่ายสอง อีกตั้งนาน”

“นี่เพิ่งบ่ายโมง ผิดวิสัยมึงนะ ถ้าให้กูทายลูกค้าเป็นผู้หญิง” ปกตินัดกับนาวิน ถ้าไม่ไปปลุกมันถึงบ้านก็สายตลอด

“มึงอย่าพูดมากน่า เสียเวลาไปๆเร็ว” พูดจบนาวินก็ลากปัญญวัฒน์ไปยังกลุ่มคนที่กำลังถ่ายรูปกับศิลปินคนโปรดอยู่



“อ้าวไอ้วิน มาทำไรที่นี่”เสียงทักดังขึ้นทันทีที่เห็นหน้าเขา นาวินกับปัญญวัฒน์รีบยกมือไหว้พี่รหัสของนารา แฝดคนละฝาของนาวิน

“โหพี่ลม ผมคิดว่าใครก่อม๊อบอยู่ตรงนี้เลยเข้ามาดูสักหน่อย” นาวินฉีกยิ้มให้ไอราก่อนจะศอกกลับปัญญวัฒน์ที่ตอนนี้ยิ้มระรื่นที่หลอกเขาได้

“ยังกวนตีนเหมือนเดิมเลยนะ นั่นปันใช่ไหม” ไอราเอ่ยถามเขาเคยเจอเด็กกลุ่มนี้บ่อยๆ ปัญญวัฒน์พยักหน้าตอบ

“เออ น้องรหัสกูเป็นไงบ้างหายเงียบไปเลย” ไอราถามต่อ เขารู้ว่านาราไปเรียนต่อทันทีหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรี

“สบายดีครับพี่”

“เออ คุณลมเดี๋ยวถ่ายภาพหมู่ก่อนก็เรียบร้อยแล้วครับ” ผู้จัดการเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ ความจริงงานของชายหนุ่มเสร็จแล้วสามารถกลับได้เลย แต่พอเห็นแฟนคลับที่มารอกัน ทำให้เจ้าตัวปลีกเวลามาเซอร์วิสบรรดาแฟนคลับ

“เดี๋ยวขอตัวก่อนนะ แล้วคุยกัน” ไอราโบกมือให้รุ่นน้องก่อนเดินไปหากลุ่มแฟนคลับที่นั่งรอถ่ายภาพกับเขา

“มึงไม่ต้องยิ้มเลยไอ้ปัน ไหนวะสาวสวย กูยังไม่เห็นเลย” นาวินโวยวายขึ้นทันทีที่แยกออกมา

“น้องปันอยู่นี่เอง” พนิดาเดินเข้ามาชายหนุ่มอย่างเร่งรีบ ทำให้นาวินชะงักหยุดโวยวายเพื่อนทันที

“ครับ พี่ดา มีอะไรหรือเปล่าครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว

“พี่จะมาบอกว่า งานเสร็จแล้ว คุณภาคอนุญาตให้กลับบ้านได้เลย ไม่ต้องเข้าออฟฟิตต่อ เจอกันวันอังคาร ขอให้สนุกกับวันหยุดยาวนะน้องปัน เดี๋ยวพี่ไปบอกคนอื่นต่อ” พูดจบหญิงสาวก็รีบเดินไปหาพัชรีฝ่ายประชาสัมพันธ์ทันที นี่ถ้าพนิดาไม่ทักเขาก็ลืมไปแล้วว่าอาทิตย์นี้มีวันหยุดยาว

“งั้นมึงก็ว่างแล้วดิ” คำพูดของนาวินทำให้ปัญญวัฒน์อดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้ หวังว่าเพื่อนคงไม่ลากเขาไปทำอะไรแปลกๆนะ

“อืม ก็ตามนั้น”

“งั้น มึงพากูไปส่องสาวหน่อยดิ”

“สาวที่ไหน มึงลืมไปหรือเปล่าว่ามีนัดลูกค้าน่ะ” ปัญญวัฒน์บอกเผื่อเพื่อนจะเปลี่ยนใจ

“โห อีกนาน พรีเซ็นเตอร์สาวสวยของมึงน่าสนใจกว่า อยู่ไหนทางไหน” ปัญญวัฒน์ได้แต่ปลงลองนาวินตั้งใจแล้วเขาคงเปลี่ยนใจมันไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้ดาราสาวกลับไปแล้ว

“นั่นไง ลูกพีช นิชาดา พรีเซ็นเตอร์กาแฟรสชาติใหม่ของบริษัทกู คู่กับพี่ลม” ปัญญวัฒน์รู้สึกแปลกใจที่ดาราสาวกับผู้จัดการยังคุยกับเหล่าผู้บริหารอยู่ตรงโซนหน้าเวที ทั้งๆที่งานเสร็จสิ้นไปเกือบชั่วโมงแล้ว

“นึกว่าใคร กิ๊กพี่พงศ์นั่นเอง” คำพูดของนาวินทำเอาปัญญวัฒน์หันมามองเพื่อนอย่างแปลกใจ

“หมายความว่าไงวะ กิ๊กพี่พงศ์”

“มึงไม่รู้รู้เหรอ ไปอยู่ไหนมาวะปัน”

“อยู่ไหน ก็อยู่บ้านถัดจากมึงสามหลังไง ไอ้บ้า นี่กูจำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องเลยไหม กูไม่เหมือนมึงนี่ต้องรู้ทุกเรื่อง มึงน่าจะเรียนนิเทศสายข่าวมากกว่าวิศวกรรมโยธานะ” แสนรู้จริงๆ คำพูดหลังไม่ได้พูดออกมาได้แต่เก็บไว้ในใจ เพราะขนาดตัวนาวินสูงกว่าเขาเกือบสิบเซ็น ขืนพูดไม่เข้าหูโดนมันเตะกลางห้าง อาจได้ลงข่าวสังคมอับอายขายขี้หน้าแน่ๆ

“เออ กูลืมไป วันๆมึงไม่อ่านหนังสือก็เลี้ยงหลาน ถ้ามึงอยากรู้กูจะเล่าก็ได้ แต่มึงต้องเลี้ยงเหล้ากู” นั่นไงเพื่อนตัวดีหางโผล่มาแล้ว

“กูไม่อยากรู้แล้ว มึงไปทำงานของมึงเหอะ ป่านนี้ลูกค้ามารอแล้วมั้ง”

“เออ ไปแล้ว เย็นนี้กูจะลากไอ้รันไปด้วย” พูดจบนาวินก็โบกมือเดินขึ้นบันไดเลื่อนไป ทิ้งให้ปัญญวัฒน์ยืนงงว่าตัวเองไปรับปากเพื่อนตัวดีนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่


---- a little cupid ----[/center]


รถญี่ปุ่นคันไม่ใหญ่มากแล่นมาจอดในโรงเรียนเอกชนชื่อดังแผนกอนุบาล ปัญญวัฒน์คว้าถุงขนมก่อนที่จะลงจากรถวันนี้เลิกงานเร็วทำให้เขามีโอกาสมารับเด็กหญิงอิงฟ้า จะบอกว่าชายหนุ่มเอาใจหลานสาวคนเดียวก็คงไม่ผิด เพราะไม่อยากให้หลานตัวน้อยงอนเขาอีก

ภาพเด็กอนุบาลนอนกลางวันเรียงกันเป็นแถวเรียกรอยยิ้มให้แก่เขา ปัญญวัฒน์เดินไปห้องที่ปาลิดาเป็นครูประจำชั้นอยู่ เด็กนอนหลับเป็นส่วนใหญ่มีไม่กี่คนที่ยังไม่หลับ ครูพี่เลี้ยงประจำห้องจะคอยดูแลให้เล่นเงียบๆไม่รบกวนการนอนของเพื่อนร่วมห้อง ชายหนุ่มโบกมือให้พี่สาวผ่านประตูหน้าห้องก่อนจะเดินเลี่ยงมานั่งคอยตรงม้านั่งหน้าประตู สักพักปาลิดาก็เดินออกมา

“ทำไมมาได้ล่ะ”

“วันนี้เปิดตัวกาแฟตัวใหม่ เสร็จงานไวเลยว่าจะมารับน้องฟ้า”

“ก็ดีนะ เมื่อวานงอนอาปันเสียยกใหญ่”

“นี่ไงซื้อขนมมาเอาใจหลาน” ปัญญวัฒน์ชูถุงขนมให้พี่สาวดู

“ทำไมเยอะอย่างนี้ล่ะ ของน้องฟ้าคนเดียวเหรอ”

“พี่ปากับน้องเรนด้วย ว่าแต่อีกนานไหมกว่าเด็กจะตื่น”

“ใกล้แล้ว เด็กๆจะถูกปลุกตอนบ่ายสาม เล่นอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็เลิกเรียน ผู้ปกครองมารับแล้ว เอาพวกเค้กไปแช่ตู้เย็นก่อนดีไหม มาพี่จัดการให้” ปาลิดาคว้าถุงขนมจากน้องชายไปหลังพูดจบ

“เอ่อ เมื่อตอนเที่ยงเพื่อนพี่เอาบัตรนี่มาให้ เผื่อเราสนใจพาน้องฟ้าไปเที่ยว” ปาลิดาส่งบัตรสวนน้ำสี่ใบ

“บัตรผู้ใหญ่สองเด็กสอง พี่ปาสนใจไปกับปันไหม ไปค้างพัทยาสักคืนเปลี่ยนบรรยากาศ”
 
“ขอดูก่อนนะ ช่วงนี้พี่ต้องเตรียมงานแต่งงาน ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ไม่ไปชวนพวกเพื่อนเราล่ะ” ปาลิดาไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ ช่วงนี้เธอต้องเข้าคอร์สเจ้าสาว

“ไม่รู้พวกมันจะไปหรือเปล่า วันหยุดไอ้รันคงอยากนอนมากกว่า ส่วนไอ้วินมันคงอยากไปกับสาวๆมากกว่าจะมาช่วยดูหลาน นี่ถ้าภัทรยังอยู่ก็ดีมันคงยอมไปด้วย” ปัญญวัฒน์อดที่จะคิดถึงเพื่อนสนิทที่ไปเรียนต่อไม่ได้

“ถ้าไม่อยากไปก็เอาไปให้พวกพี่ที่ทำงานซิ เผื่อเขาจะพาลูกไปเที่ยว” ปาลิดาแนะนำน้องชาย ถ้าปัญญวัฒน์ไม่ไปจะทิ้งบัตรไปก็เสียดายสู้ให้คนอื่นที่เขาอยากได้ดีกว่า ส่วนพ่อแม่เด็กหญิงอิงฟ้า ช่วงนี้กำลังวุ่นวายกับงานที่บริษัท ไม่รู้จะไปได้ไหม

“อาปัน” เสียงเรียกอย่างยินดีทันทีที่เห็นหน้าผู้เป็นอาที่ห้องรับรอง ร่างเล็กที่เพิ่งตื่นนอนล้างหน้าทาแป้งเสียหอมฟุ้งจนปัญญวัฒน์อดที่จะหอมแก้มยุ้ยๆไปเสียหลายฟอด

“ขอบคุณนะครับ” ปัญญวัฒน์ขอบคุณครูพี่เลี้ยงที่พาหลานสาวมาส่ง

“น้องฟ้าหิวหรือยัง อามีขนมเดี๋ยวมาทานกันนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามหลานสาวทันทีที่ครูเดินออกไป เด็กหญิงยังไม่ทันตอบอะไร ประตูก็เปิดอีกรอบ

“น้องเรนอยู่กับอาปันที่นี่ก่อนนะครับ ถ้ามีคนมารับเดี๋ยวคุณครูมาตาม” ปาลิดาจูงเด็กชายมาส่งให้ปัญญวัฒน์

“อาปัน มาหาเรนเหยอ” เด็กชายเอ่ยถามหลังจากยกมือไหว้ชายหนุ่มแล้ว

“อาปันมารับเราหรอก” เด็กหญิงหญิงฟ้าค้านก่อนที่จะเดินไปแทรกกลางระหว่างอาหนุ่มกับเด็กชาย

“อามาหาทั้งคู่ครับ น้องฟ้าน้องเรนเป็นเพื่อนกันต้องรักกันนะครับ มีอะไรต้องแบ่งปันกัน เข้าใจไหม” ปัญญวัฒน์บอกทั้งคู่

“คับ/ค่ะ” เด็กทั้งสองรับคำอย่างหงอยๆที่โดนตำหนิ

“มาทานขนมกันดีกว่านะ มีเค้กช็อคโกแลตของโปรดใครนะ” ปัญญวัฒน์ชักชวนเด็กๆเมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มอึมครึม

“เรนคับ/ฟ้าค่ะ” เด็กสองคนรีบยกมือแย่งกันตอบด้วยใบหน้าที่สดใสกว่าเดิม

“มีให้ทั้งคู่เลย มาครับมานั่งกันก่อน” ปัญญวัฒน์วางจานขนมกับกล่องนมตรงหน้าเด็กทั้งสอง ทั้งคู่ตาวาวเมื่อเห็นของโปรด
หลังจากที่ทานขนมเสร็จแล้วเด็กทั้งคู่ก็ชักชวนไปเล่นที่สนาม ทำให้ปัญญวัฒน์ต้องย้ายตัวเองไปนั่งรอที่ข้างสนามเด็กเล่นด้วย

“อ้าวคุณภาค สวัสดีครับ” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ภาสวรอย่างตกใจ เขากำลังมองเด็กๆเล่นเพลินๆก่อน ภาพถูกบดบังด้วยคนตัวโต

“คุณมารับหลานเหรอ” ภาสวรถือวิสาสะนั่งข้างชายหนุ่มที่กำลังมองหลานสาวของตัวเองเล่นกับลูกชายเขา

“ครับ คุณภาควันนี้มารับเองเลยนะครับ” ปกติแล้วภาสวรให้คนมารับลูกชายไปที่บริษัทก่อน
 
“วันนี้งานเรียบร้อยแล้วเลยมารับน่ะ”

“เอ่อ ช่วงวันหยุดนี้คุณภาคจะพาน้องเรนไปเที่ยวไหนไหมครับ” ปัญญวัฒน์ตัดสินใจถามขึ้น หลังจากที่ทบทวนอยู่นาน เขาอยากพาเด็กชายไปเที่ยวกับหลานสาวเขาด้วย

“ไม่นะ พอดีผมนัดผู้ใหญ่ไว้พรุ่งนี้ คุณมีอะไรหรือเปล่า” ภาสวรถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของชายหนุ่ม

“คือ พรุ่งนี้ผมจะพาหลานสาวไปเที่ยวสวนน้ำ กะว่าจะค้างที่พัทยาคืนหนึ่งแล้วค่อยกลับ ผมอยากขออนุญาตพาน้องเรนไปเที่ยวด้วยได้ไหมครับ” เขารู้ว่าภาสวรคงลำบากใจถ้าจะให้ลูกชายไปเที่ยวกับเขาตามลำพัง ตอนแรกเขาก็จะชวนเจ้านายด้วย แต่ภาสวรติดธุระ ครั้นเห็นเด็กชายแล้วเขาอดที่จะสงสารไม่ได้เลยลองถาม อยากให้ไปสนุกด้วยกัน

“คุณจะเอาเด็กสองคนอยู่เหรอ” ภาสวรถามกลับ

“ผมชวนแม่น้องฟ้าไปด้วย แล้วยังมีเด็กที่บ้านไปอีกคน ตอนเย็นพี่ชายผมก็จะตามไปด้วยครับ” ปัญญวัฒน์อธิบาย ชายหนุ่มได้โทรไปชวนพี่ชายกับพี่สะใภ้แล้ว พี่ชายเขาติดงานช่วงเช้าแต่ก็จะตามไป ส่วนพี่สะใภ้อยากไปเปลี่ยนบรรยากาศด้วยเลยเสนอตัวจองที่พักอย่างเร่งด่วน

“คุณพ่อคับสวัสดีคับ/สวัสดีค่ะคุณอา” เสียงเด็กสองคนที่วิ่งมาหาภาสวรทันทีที่เห็นว่านั่งอยู่กับปัญญวัฒน์

“สวัสดีครับเด็กๆ น้องเรนครับอาปันเขาชวนน้องเรนไปเที่ยวพรุ่งนี้น้องเรนอยากไปไหม” ภาสวรเอ่ยทักเด็กๆ ก่อนหันมาคุยกับลูกชาย

“ไปๆ เรนไปด้วย” ไม่ว่าอาปันจะพาไปไหน เขาอยากไปหมด

“ไปไหนกันคะอาปัน” เด็กหญิงอิงฟ้าเงยหน้าถามอาทันที

“พรุ่งนี้อาจะพาไปเที่ยวทะเล ไปสวนน้ำไปไหมคะ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กหญิง

“ไปซิ อาปันบอกแล้วจะอยู่กับฟ้า”

“ใช่ค่ะ แล้วตกลงคุณภาคจะอนุญาตไหมครับ” ปัญญวัฒน์ตอบหลานสาวก่อนหันมาถามเจ้านายที่มองเขาอยู่

ภาสวรมองลูกชายเขาก่อน แววตาของเด็กชายมองเขาอย่างออดอ้อน ไหนจะชายหนุ่มที่มองมาอย่างขอร้อง เขาจะไม่ใจอ่อนได้อย่างไร

“ถ้าน้องเรนอยากไป ผมก็อนุญาตพรุ่งนี้ผมไปส่งน้องเรนที่บ้านคุณแต่เช้า”

“ขอบคุณครับ พรุ่งนี้เราไปเที่ยวด้วยกันนะน้องเรน” ปัญญวัฒน์เอ่ยกับเด็กชายอย่างยินดี

ความจริงคนที่ต้องขอบคุณคือเขาไม่ใช่ปัญญวัฒน์ ตั้งแต่ที่รู้จักชายหนุ่มมา ปัญญวัฒน์ได้ทำอะไรหลายอย่างให้ลูกชายเขา ทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด

--------------------
ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 5 [26/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-11-2018 10:54:44
คุณภาคควรไปด้วย อิอิ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 5 [26/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-11-2018 17:00:49
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 6 [3/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 03-12-2018 11:35:49
ตอนที่ 6

เช้าวันเสาร์ช่างดูสดใสนัก เด็กหญิงอิงฟ้าดูตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวทะเลตื่นเช้ากว่าปกติ หลังจากที่ล้างหน้าอาบน้ำโดยที่ไม่มีใครบอก แม้แต่ส้มที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กหญิงยังต้องแปลกใจ หลังจากที่เสร็จธุระของตัวเองแล้ว ก็วิ่งไปบ้านที่บรรดาอาๆอยู่ ป้านุชที่กำลังเตรียมอาหารในครัวอดที่จะชะโงกมาดูเด็กหญิงที่วิ่งผ่านเข้ามาในบ้าน

ปัง ปัง

“อาปัน ตื่นได้แล้ว” เสียงทุบประตูห้องพร้อมเสียงเล็กๆตะโกนเรียกอา ทำเอาปาลิดาที่เพิ่งตื่นนอน เปิดประตูออกมาดู

“น้องฟ้าตื่นเช้าจัง นี่เพิ่งหกโมงกว่าๆเองนะ” ปาลิดาเอ่ยทักหลานสาวอย่างเอ็นดู

“ใช่ เพิ่งจะหกโมงเอง” ปัญญวัฒน์ที่เพิ่งตื่นเปิดประตูออกมาดู

“นี่อาบน้ำเตรียมพร้อมแล้วด้วย” ปาลิดาอดที่จะแซวหลานตัวน้อยไม่ได้ ปกติแล้วกว่าที่เด็กหญิงจะตื่นอาบน้ำไปโรงเรียนนั้น ทำเอาพี่เลี้ยงและพ่อแม่อ่อนใจกับความขี้เซาของเจ้าตัว

“อาปัน ไปอาบน้ำซิคะ จะได้ไปกัน” เด็กหญิงเขย่าแขนของปัญญวัฒน์ พร้อมดันชายหนุ่มให้กลับเข้าห้องไปอาบน้ำ

“โห อีกตั้งชั่วโมงกว่าๆ จะรีบไปไหนเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นเบาๆ แต่ก็ยอมที่จะเข้าห้องไปเตรียมตัว


รถเก๋งคันโตสีดำมันเป็นเงา ขับผ่านกำแพงที่กั้นเป็นแนวยาวบ่งบอกว่าบ้านแต่ละหลังนั้นพื้นที่กว้างขวางขนาดไหน เด็กชายเรนมองดูข้างทางอย่างตื่นเต้น วันนี้คุณอาคนโปรดจะพาเขาไปเที่ยว

“ใกล้ถึงหรือยังคับ” เด็กชายหันมาถามบิดาที่กำลังขับรถอยู่

“ใกล้แล้วครับ ดีใจซิเราตื่นแต่เช้าเลย” ภาสวรรู้สึกขำลูกชาย เมื่อคืนกว่าจะนอนหลับได้ก็ดึกมากแล้ว แถมยังตื่นเองโดยไม่ต้องปลุกอีก ลูกชายเขาไม่เคยตื่นเต้นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ

“ใช่คับ เรนจะไปเที่ยวกับอาปัน”

จีพีเอสบอกพิกัดว่าถึงบ้านของปัญญวัฒน์แล้ว ภาสวรมองป้ายตรงประตูรั้วเมื่อเห็นว่าตรงกับที่ชายหนุ่มบอกจึงขับเข้าไปด้านใน
เสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้านทำให้เด็กหญิงอิงฟ้าวิ่งจู๊ดออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว พอดีกับที่ภาสวรเปิดประตูลงมา

“เรนๆ อ๊ะสวัสดีค่าคุณอา” เด็กหญิงอิงฟ้าตะโกนเรียกเพื่อน แต่เมื่อเห็นภาสวรจึงยกมือไหว้

“สวัสดีครับคุณภาค น้องเรน” ปัญญวัฒน์ที่เดินตามหลานสาวมายกมือไหว้ชายหนุ่ม พร้อมเอ่ยทักเด็กชายที่บิดากำลังปลดคาร์ซิตพร้อมอุ้มออกมา

“สวัสดีคับอาปัน” เด็กชายยกมือไหว้ปัญญวัฒน์

“มาผมช่วย ทานอะไรมากันหรือยังครับ เชิญข้างในก่อน” ปัญญวัฒน์เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าของเด็กชายก่อนเอ่ยชวนให้เข้าไปในบ้าน

เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ที่จอดรถที่อยู่ระหว่างบ้านสองหลังนั้นด้านหลังเป็นสระว่ายน้ำที่เชื่อมบ้านทั้งสองเข้าด้วยกัน โต๊ะทานข้าวนั้นตั้งอยู่ในสุด ผนังทั้งสองด้านเป็นประตูกระจกบานใหญ่ ด้านนึงสามารถมองวิวสระว่ายน้ำด้านนอกส่วนอีกด้านจะเห็นทะเลสาบขนาดใหญ่ด้านล่าง ภาสวรถือโอกาสที่เจ้าของบ้านคุยกับลูกชายของเขาชะโงกหน้าออกไปตรงระเบียงด้านหลังบ้าน ด้านล่างจะเป็นสวนหย่อม มีต้นไม้ ดอกไม้ปลูกอย่างสวยงามไปถึงแนวทะเลสาบ รั้วทางด้านหลังไม่สูงมากนักถ้าเทียบกับด้านหน้าบ้าน ทางระเบียงนี้เชื่อมต่อกับประตูครัว แม่บ้านยกชามข้าวต้มหอมฉุยทำให้เขารู้สึกหิวขึ้นมา

“คุณภาคทานข้าวต้มด้วยกันนะครับ” ปัญญวัฒน์ออกมาเรียกชายหนุ่มที่ชื่นชมบรรยากาศรอบบ้านอยู่

“ครับ ขอบคุณมาก” ภาสวรบอกก่อนที่จะเดินตามชายหนุ่มมาที่โต๊ะทานข้าว

“ข้าวต้มปลา ทานได้ไหมครับ” ปัญญวัฒน์เลื่อนชามข้าวต้มไปตรงหน้าภาสวรก่อนเอ่ยถาม ถ้าชายหนุ่มทานไม่ได้ เขาจะให้ป้านุชทำอย่างอื่นให้แทน

“ได้ๆ ผมทานได้” ภาสวรตอบ ปกติแล้วตอนเช้าเขามักจะทานกาแฟแก้วเดียวด้วยซ้ำ

“เอ่อ บ้านคุณสวยมาก ใครออกแบบให้กัน” ภาสวรเอ่ยถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ เพราะที่เขาขับรถผ่านบ้านแต่ละหลังต่างกัน ผิดจากหมู่บ้านอื่นๆที่แบบบ้านเหมือนๆกันทั้งหมู่บ้าน แม้ว่าหมู่บ้านนี้แบบบ้านต่างกันแต่ก็ดูกลมกลืนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
 
“สถาปนิกโครงการของหมู่บ้านครับ พ่อผมซื้อที่ดินพร้อมให้ทางโครงการออกแบบและสร้างให้ ตอนแรกมีบ้านหลังนี้หลังเดียว พอพี่ชายผมจะแต่งงานก็ให้บริษัทนี้ออกแบบและสร้างให้เข้ากัน” ปัญญวัฒน์อธิบาย ความจริงแล้วหมู่บ้านนี้เป็นโครงการของบริษัทลุงกองทัพพ่อของนาวินที่นำที่ดินมาพัฒนาจัดสรรแบ่งขายให้พวกเพื่อนๆ นอกจากพ่อของเขาก็มีนายทหารยศใหญ่หลายนาย เพราะลุงกองทัพเคยรับราชการทหาร ก่อนที่จะลาออกมาดูแลบริษัทของครอบครัวเพราะปู่ย่าของนาวินท่านแก่มากแล้ว แถมอาของนาวินก็แต่งงานไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศอีก ตอนนี้เพื่อนรุ่นเดียวกันยศนายพลกันหมดแล้ว

“สวัสดีค่ะ คุณภาค” ปาลิดายกมือไหว้ทักทาย

“สวัสดีครับคุณครู” ภาสวรมองหญิงสาวอย่างแปลกใจ ก่อนยิ้มออกมาเมื่อนึกได้ว่าเธอเป็นพี่สาวของปัญญวัฒน์

“สวัสดีคับ คุณคู ทำไมคูปาอยู่ที่นี่ล่ะ คูปาจะไปเที่ยวด้วยเหรอคับ” เด็กชายเรนถามปาลิดาอย่างแปลกใจ

“ครูอยู่ที่นี่กับอาปันไงครับ ครูติดธุระคงไปเที่ยวกับน้องเรนไม่ได้ น้องเรนไปกับอาปันนะครับ” ปาลิดาบอกเด็กชายก่อนหันไปทางภาสวร

“คุณภาคตามไปก็ได้นะคะ เผื่อเปลี่ยนใจบอกให้ปันจองที่พักเพิ่ม จะได้ไปเที่ยวพักผ่อนกับน้องเรน” ปาลิดาเอ่ยชวนภาสวรอีกครั้ง เธอรู้จากน้องชายว่าเขาติดงาน แต่ก็อยากให้เด็กชายมีโอกาสเที่ยวกับพ่อ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำช่วงวัยเด็ก

“ผมขอดูก่อนนะครับ ยังไงผมฝากน้องเรนด้วยนะ” ประโยคสุดท้ายภาสวรหันมาพูดกับปัญญวัฒน์

“ครับจะดูแลอย่างดีเลย”


ทริปไปทะเลที่ตอนแรกปัญญวัฒน์จะพาเด็กสองคนไปเที่ยวสวนน้ำกลับกลายไปเที่ยวกันเป็นครอบครัวใหญ่ นอกจากพลอยลดาแม่ของเด็กอิงฟ้าแล้วยังมีตากับยายของเด็กหญิงด้วย แถมคุณยายของเด็กหญิงยังชวนเพื่อนที่สนิทกันไปด้วย ทำให้ทริปนี้ไปกันสิบสี่คนรถตู้สองคัน คันหนึ่งเป็นของผู้สูงวัยที่จะไปที่พักโดยไม่แวะที่ไหน ส่วนอีกคันเป็นของปัญญวัฒน์กับเด็กๆเพราะพวกเขาจะแวะสวนน้ำก่อนจะไปสมทบกันที่บ้านพัก

ปัญญวัฒน์มองวิวข้างทางก่อนละสายตาเหลียวมองผู้ร่วมทาง เด็กๆที่พากันตื่นแต่เช้าพอขึ้นรถได้สักพักก็หลับกันทั้งคู่ ส่วนผู้ร่วมทางที่คาดไม่ถึงสองคน นาวินกับศรัณที่ยึดเบาะนอนยาวมาจากบ้าน ตอนที่เขาเปิดประตูรถมาเจออดที่จะตกใจไม่ได้ พอสอบถามศรัณบอกแม่บังคับมาส่วนนาวินนั้นอยากไปสวนน้ำด้วยสาวๆคงจะเยอะดี

“คุณปันครับใกล้ถึงแล้วนะครับ” เสียงพี่เก่งคนขับรถบ้านนาวินเอ่ยขึ้น

“ครับพี่ เดี๋ยวผมปลุกพวกนี้เอง” ปัญญวัฒน์รับคำก่อนหันมาปลุกเด็กๆและเพื่อนสนิทตัวเอง

“เมื่อวานมึงเบี้ยวเลี้ยงเหล้ากู ออกค่าเข้าให้ด้วย” นาวินตะโกนบอกจากเบาะด้านหลัง

“เออๆ ไอ้รันจะไปด้วยไหมปลุกมันดิ” ปัญญวัฒน์บอก เพราะเขาเรียกหลายรอบแล้วไม่มีเสียงตอบรับจากเพื่อนเลย
หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพวกเราก็เดินเข้ามายังสระน้ำที่มีเครื่องเล่นมากมายรายล้อมอยู่ วันนี้คนค่อนข้างเยอะเพราะว่าเป็นวันหยุด ปัญญวัฒน์เลือกที่นั่งใกล้สระเด็ก ส่วนนาวินและศรัณพอเห็นเพื่อนได้ที่นั่งแล้วก็วางของไว้ใกล้ๆก่อนขอตัวแยกไป

“เฮ้อ เดี๋ยวไอ้วิน นัดเวลากันก่อน เจอกันกี่โมง” ปัญญวัฒน์รีบเรียกเพื่อนทั้งสองก่อนที่จะเดินหายไป

“ตอนนี้สิบโมงกว่า เอาเป็นอีกสิบนาทีเที่ยงเจอกัน ตอนเที่ยงเดี๋ยวไปหาอะไรอร่อยๆกินก่อนเข้าที่พักโอเคไหม” นาวินถามความเห็น เวลาชั่วโมงกว่าๆเด็กๆน่าจะเพียงพอต่อการเล่นน้ำ

“อืม ได้” ปัญญวัฒน์รับคำ ก่อนหันมาสนใจเด็กๆ

“น้องฟ้าน้องเรนครับ เล่นกันอยู่เฉพาะบริเวณนี้นะครับ อย่าไปทางโน้นเด็ดขาด แล้วถ้าจะไปไหนนอกจากที่อากำหนดต้องมาบอกอากับพี่ส้มก่อน ตกลงไหมครับ”

“คับ /ค่ะ” ทั้งคู่รับคำก่อนพากันไปเล่นน้ำ

“คุณปันเอาน้ำอะไรไหมคะ เดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้” พี่เลี้ยงของเด็กหญิงอิงฟ้าเอ่ยถาม เพราะของที่เตรียมมามีขนมกับน้ำเปล่าเท่านั้น

“เอาน้ำส้มให้เด็กๆ พี่ส้มตามสบายเลยนะ นี่ครับเงินเผื่อพี่จะซื้ออะไรทาน” ปัญญวัฒน์ส่งเงินให้พี่เลี้ยง

“นี่ค่ะคุณปัน” พี่ส้มส่งแก้วน้ำผลไม้ปั่นมาให้ พร้อมเงินทอน ปัญญวัฒน์รับแต่แก้วน้ำเงินทอนนั้นเขายกให้

“โห ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย” ปัญญวัฒน์ถามขึ้นเมื่อเห็นน้ำผลไม้สี่ถึงห้ากล่อง ขนมขบเคี้ยวอีกมากมาย นี่ไม่รวมน้ำผลไม้ปั่นของเขา และอีกแก้วของพี่เลี้ยง

“พี่ซื้อเผื่อคุณวินกับคุณรันด้วย กลัวขนมที่เตรียมมาจะไม่พอ” ส้มบอกอย่างอายๆ ปัญญวัฒน์อดที่จะยิ้มไม่ได้ พี่ส้มกับพี่แก้วดูจะชอบเพื่อนเขาเอาใจกันเป็นพิเศษโดยเฉพาะวรภัทร เสียดายที่เจ้าตัวไม่อยู่เลยไม่มาด้วยกัน

“ครับ เดี๋ยวก็หมด พอขึ้นจากน้ำคงหิวซกกันมา” ปัญญวัฒน์บอกอย่างรู้ทัน เขาไม่รู้มาก่อนว่าเพื่อนจะมาด้วยเลยไม่เตรียมขนมมาเผื่อโชคดีที่พี่ส้มคิดถึงเรื่องนี้

“คุณปัน ไม่ไปเล่นน้ำล่ะคะ เดี๋ยวพี่ดูเด็กๆให้” ส้มอาสา เธออยากให้ชายหนุ่มไปสนุกกับเพื่อนๆบ้าง

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมดูหลานเล่นดีกว่า”

“อาปัน ฟ้าอยากเล่นอันนั้น” นั่นไงยังไม่ขาดคำ เด็กทั้งสองก็วิ่งมาหาพร้อมชี้ไปยังเครื่องเล่นสำหรับเด็ก

“ได้ครับ เดี๋ยวอาพาไป พี่ส้มครับผมฝากของด้วยนะครับ” ปัญญวัฒน์หันมาบอกพี่เลี้ยงก่อนเดินจูงมือทั้งคู่ไปเล่นเครื่องเล่น
หลังจากที่เด็กๆเล่นจนพอใจแล้วก็วิ่งมาหาพร้อมบ่นหิว ปัญญวัฒน์ส่งแซนวิสกับน้ำผลไม้ให้ เมื่อมองเวลาใกล้ถึงเวลานัดแล้ว

“ทานแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเราไปทานข้าวกัน” ปัญญวัฒน์บอกเด็กๆ

“เราจะมาเล่นน้ำกันอีกไหม” เด็กชายเรนถามขึ้น เขายังติดใจอยากเล่นน้ำอีก

“เราคงไม่กลับมาที่นี่ แต่จะไปทะเลแทน น้องเรนไปเล่นน้ำทะเลต่อดีไหมครับ”

“ดีคับ”

“งั้นเดี๋ยวเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน” ปัญญวัฒน์ชวนเด็กชายไปเปลี่ยนชุดเมื่อเห็นเด็กหญิงอิงฟ้าเปลี่ยนชุดเดินกลับมาพร้อมพี่เลี้ยงแล้ว

รอไม่นานนาวินกับศรัณก็ตามมา ทันทีที่ออกจากสวนน้ำนาวินก็บอกเส้นทางไปยังร้านอาหารกับพี่คนขับรถ สวนอาหารริมทะเลคนเต็มร้านอาจเพราะเป็นช่วงเที่ยง โชคดีที่พอมีที่ว่าง ทำให้เราได้โต๊ะนั่งกัน อาหารทะเลสดมากราคาไม่แพงอย่างที่คิด เด็กๆก็ทานได้เยอะสงสัยจะเสียพลังงานไปมาก

บ้านพักริมทะเลเป็นบ้านพักตากอากาศของพ่อนาวิน ใหญ่โตแถมยังอยู่ไม่ไกลโรงแรมชื่อดังที่ครอบครัวนาวินเป็นหุ้นส่วนอีก ปัญญวัฒน์เคยมากับเพื่อนๆไม่กี่ครั้งตอนปิดเทอม

“มาแล้วเหรอเด็กๆ สนุกกันไหม” วสันต์ถามหลานสาวที่วิ่งเข้ามาหาทันทีที่เห็นหน้า

“สนุกค่ะ แต่ฟ้าอยากเล่นน้ำทะเลอีก”

“แดด ยังร้อนอยู่ค่ะ เดี๋ยวไปนอนกลางวันตื่นมาค่อยเล่นดีกว่านะ” พลอยลดาบอกลูกสาว

“น้องเรนครับไปนอนกลับอาปัน ตื่นมาค่อยไปเล่นนะครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยกับเด็กชายที่มองทะเลด้วยความตื่นเต้น
ปัญญวัฒน์พาเด็กชายมาด้านบน ห้องพักมีห้าห้อง โดนจับจอง เหลือห้องสุดท้ายปัญญวัฒน์พักกับเด็กชายเรน เตียงขนาดคิงไซส์นอนสองคนสบาย ชายหนุ่มเดินไปดึงม่านให้เปิดออกประตูกระจกบานใหญ่สามารถเดินออกไปที่ระเบียงที่เชื่อมต่อกัน

“หูย” เด็กชายเรนที่วิ่งมาเกาะประตูมองทะเลตาวาว

“ไปอาบน้ำก่อนนะ เมื่อกี้ยังไม่ได้อาบเลย จะได้นอนสบาย” ปัญญวัฒน์เปิดกระเป๋าหาชุดเปลี่ยนให้เด็กชายก่อนจะพาไปอาบน้ำ

ช่วงบ่ายหลังจากที่ตื่นนอนแล้วเด็กๆก็รบเร้าให้ปัญญวัฒน์พาไปเล่นน้ำ เมื่อเห็นว่าแดดเริ่มตก ชายหนุ่มจึงพาไปเล่นน้ำทะเลที่ชายหาดหน้าบ้าน โดยมีส้มตามมาช่วยด้วย

“ไม่เล่นน้ำแล้วเหรอครับน้องเรน” ปัญญวัฒน์ถามเด็กชายที่นั่งก่อกองทรายไม่ไปเล่นกับเด็กหญิงอิงฟ้าที่ตอนนี้วิ่งไล่จับกับศรัณที่ตามมาเล่นกับเด็กๆด้วย

“เรนไม่ชอบ แสบตา” เมื่อกี้โดนน้ำทะเลสาดเข้ามายังแสบไม่หาย

“ไหนครับขออาปันดูหน่อย หายหรือยัง ไปล้างน้ำไหม” ปัญญวัฒน์รีบเข้ามาดูเด็กชายเห็นตาแดงๆเลยนึกเป็นห่วง

“หายแล้วคับ” ปากบอกว่าหายแต่มือที่เต็มไปด้วยทรายกำลังจะยกไปขยี้ตา ทำให้ปัญญวัฒน์รีบจับมือไว้อย่างรวดเร็ว

“อย่าครับ มือสกปรก ไปล้างก่อนดีกว่า ไปครับอาพาไป” ปัญญวัฒน์ฉุดมือเด็กชายให้ลุกขึ้นตามเขาไปในบ้าน

“อ้าว ไม่เล่นน้ำกันแล้วเหรอ” เสียงทักที่ดังขึ้นหน้าบ้าน ทำให้ทั้งคู่หันไปมอง

“พ่อ”


***************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 7 [11/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 11-12-2018 21:44:04
ตอนที่ 7

“พ่อ” เด็กชายเรนเรียกเสียงดังก่อนจะวิ่งไปหาภาสวรที่ยืนอยู่หน้าบ้าน

ปัญญวัฒน์อมยิ้ม เด็กยังไงก็เป็นเด็ก เด็กชายเรนดีใจมากที่เห็นบิดา เข้าโผกอดอย่างคิดถึง พูดคุยกับภาสวรไม่หยุดปาก ก่อนจะเดินจูงมือเข้ามาหาเขา พอรู้ว่าปัญญวัฒน์พาเด็กชายมาล้างมือล้างหน้าจึงพาไปเอง

“ว่าไงไอ้ปัน พ่อตัวจริงมา พ่อตัวสำรองเลยตกกระป๋อง” นาวินแหย่ปัญญวัฒน์ เมื่อเห็นเด็กชายที่เกาะติดเพื่อนเขาตั้งแต่เช้าตอนนี้ไปเกาะติดกับพ่อตัวจริงแทน

“แบบนี้ดีแล้ว” ปัญญวัฒน์รู้ว่าลึกๆแล้วเด็กชายอยากมาเที่ยวกับพ่อมากกว่าเขาที่เป็นคนอื่น

“อาปันคับ ไปเดินเล่นกัน” เด็กชายเรนวิ่งตุ๊บตั๊บโผเข้ามาหาชายหนุ่ม

“เดินอยู่แถวนี้แหละ ไปด้วยกันไหม” ภาสวรช่วยลูกชายพูดกับปัญญวัฒน์อีกแรง

“ไปเถอะปัน อีกนานกว่าจะถึงมื้อเย็น” นาวินเห็นท่าทางของเด็กชายอยากให้เพื่อนเขาไปด้วยเป็นอย่างมากเลยอดจะช่วยพูดไม่ได้

“ก็ได้ครับ” สายตาเว้าวอนของน้องเรนทำให้ปัญญวัฒน์ตอบตกลง

“กลับมาให้ทันมื้อเย็นกันนะ” นาวินโบกมือให้เด็กชายที่เดินจูงมือภาสวรและเพื่อนของเขาคนละข้าง

ภาสวรพาลูกชายกับปัญญวัฒน์เดินมาถึงโรงแรมชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักมาก ชายหาดหน้าโรงแรมมีลูกค้าของโรงแรมค่อนข้างหนาตาจนภาสวรกุมมือลูกชายไว้แน่นเพราะกลัวจะพลัดหลงกัน

“ไอ้ภาคมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงทักดังขึ้นจากด้านบน ทำให้ภาสวรหันไปมอง

“อ้าว ไอ้ดิน” ภาสวรทักพสุธาที่กำลังเดินลงบันไดมาที่ชายหาด

“สวัสดีคับ อาดิน” เด็กชายเรนยกมือไหว้เพื่อนบิดาทำให้ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ชายหนุ่มเช่นกัน

“สวัสดีครับน้องเรน” พสุธาเอ่ยทักลูกชายเพื่อนพร้อมทั้งพยักหน้าทักทายชายหนุ่มแปลกหน้า

“มาดูแลโรงแรมหรือมาเที่ยว” ภาสวรเอ่ยถาม

“ทำงานซิวะ แล้วแกจะอยู่กี่วัน พักห้องไหน” ภาสวรยังไม่ทันบอกเพื่อนสนิทว่าเขาพักอยู่ที่ไหน เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นทำให้ต้องหันไปมอง

“คุณภาคๆ จริงๆด้วยบังเอิญจังค่ะ”

“คุณลูกพีชมาทำงานเหรอครับ” ภาสวรเอ่ยถามหญิงสาวที่เดินเข้ามาเกาะแขนเขาอย่างยินดี

“เปล่าค่ะ ลูกพีชมาพักผ่อน คุณภาคก็มาเที่ยวเหมือนกันใช่ไหมคะ อุ๊ยตาย น่ารักจังเลย ชื่ออะไรครับ พี่ชื่อลูกพีชค่ะ” นิชาดากรีดร้องเมื่อเห็นเด็กชายที่จับมือภาสวรอยู่อีกข้าง ทำให้เด็กชายผลักจากบิดามาเบียดตัวเข้ากับขาปัญญวัฒน์

“สวัสดีพี่เขาก่อนครับน้องเรน” ปัญญวัฒน์สะกิดเด็กชายที่ยืนเกาะขาเขาอยู่ น้องเรนเงยหน้ามองชายหนุ่มก่อนหันไปยกมือไหว้หญิงสาวปากสีแดงอย่างหวาดๆ

“ชื่อน้องเรนเหรอคะ มาให้พี่กอดหน่อย” นิชาดาเอื้อมมือมาหาเด็กชาย ทำให้น้องเรนหลบไปด้านหลังของปัญญวัฒน์พร้อมกับกอดขาชายหนุ่มไว้แน่น

“สงสัยแกคงจะอายน่ะครับ” ภาสวรที่เห็นอาการของลูกชายรีบแก้ตัวแทน เขากลัวว่าเด็กชายจะกรีดร้องเมื่อไม่ได้ดังใจ

“จริงเหรอคะ ลูกพีชตกหลุมรักแกแล้วซิคะ” นิชาดาแสดงออกว่าชอบเด็กชายเอามากๆ และพยายามเอาใจน้องเรน แต่เด็กชายไม่สนใจ

“คุณลูกพีชมาคนเดียวเหรอครับ” พสุธาเองเห็นท่าทีหลานชายจึงรีบเข้ามาแทรก เขาเคยเห็นอิทธิฤทธิ์ของเด็กชายมาก่อน เลยไม่อยากเสี่ยงให้แขกของโรงแรมตัวเองแตกตื่น

“มากับเพื่อนค่ะคุณดิน” นิชาดาส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม

“นั่นเพื่อนคุณลูกพีชหรือเปล่าครับ ท่าทางคงยืนรอนานแล้ว เดี๋ยวผมขออนุญาตเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารเย็นคุณลูกพีชกับเพื่อนที่ให้เกียรติโรงแรมเรานะครับ” พสุธาดึงความสนใจของหญิงสาวไปที่ผู้หญิงอีกคนที่เมียงมองมาได้ครู่ใหญ่แล้ว ก่อนจะพาหญิงสาวกลับเข้าไปในโรงแรม โดยทิ้งให้ภาสวรรับกับมือลูกชายที่เตรียมจะแผลงฤทธิ์

“น้องเรนหิวหรือยังครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเด็กชายที่ทำหน้าบึ้งอยู่

“...”

“รู้สึกว่าวันนี้มีปูนึ่ง กับกุ้งเผาด้วยนะ อาปันว่าเรารีบกลับกันดีกว่านะ เดี๋ยวน้องฟ้าเหมาหมด” ปัญญวัฒน์แหย่เด็กชายต่อเมื่อเห็นว่าน้องเรนไม่ตอบ

“...”

“น้องเรนไม่ไป งั้นอาปันไปก่อนนะ อาปันหิวแล้ว” เมื่อเด็กชายไม่ยอมตอบ ปัญญวัฒน์เองก็ทิ้งไพ่ตาย

“ไม่นะ น้องเรนไปด้วย” เด็กชายรีบคว้ามือปัญญวัฒน์ไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินกลับไป

“งั้นเรากลับกันนะครับ” ปัญญวัฒน์สบตาภาสวรก่อนพาเด็กชายเดินกลับบ้านพัก ท่ามกลางความโล่งใจของภาสวรที่ลูกชายไม่อาละวาดอย่างที่คิด



“น้องเรน ไปอาบน้ำก่อนครับ” ปัญญวัฒน์เรียกเด็กชายที่กำลังวิ่งไปที่เตียงให้มาหา ตลอดมื้อเย็นเด็กชายเรนเกาะติดปัญญวัฒน์แจ ไม่สนใจบิดาอย่างตอนแรกที่เจอหน้า ทำให้คนที่บ้านพักอดที่จะแปลกใจไม่ได้

“เดี๋ยวผมจัดการลูกเอง” ภาสวรบอกชายหนุ่มก่อนจะเข้ามาช่วยลูกชายถอดเสื้อผ้า

“ไม่ เรนจะให้อาปันอาบให้” เด็กชายบอกผู้เป็นพ่อ ก่อนคว้ามือปัญญวัฒน์ไปที่ห้องน้ำ ชายหนุ่มได้แต่ส่งสายตาขอโทษขอโพยก่อนจะตามเด็กน้อยเข้าไป ทำให้ผู้เป็นพ่ออดที่จะถอนใจในความแง่งอนของลูกชายไม่ได้

“น้องเรนง่วงหรือยัง ไปนอนนะครับ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชายหลังจากแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้ว

“ปันไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมดูน้องเรนเอง” ภาสวรบอกชายหนุ่มก่อนหยิบหนังสือนิทานออกมาเตรียมไว้

“ครับ”

“นั่นปันจะไปไหน” ภาสวรเอ่ยถามเมื่อเห็นปัญญวัฒน์หยิบกระเป๋าออกมาแล้วเดินไปที่ประตูห้อง

“คุณภาคนอนห้องนี้กับน้องเรน เดี๋ยวผมไปนอนกับเพื่อนอีกห้อง” ปัญญวัฒน์บอกก่อนเปิดประตู

“ไม่สิ อาปันนอนกับเรน ไม่นอนที่อื่น” เด็กชายที่กำลังจะนอนพอเห็นว่าอาคนโปรดไม่นอนด้วยก็ลุกพรวดเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

“นอนด้วยกันที่นี่แหละ ที่นอนใหญ่พอที่จะนอนสามคนได้”

“เอ่อ...”

“มาเร็วดึกแล้วน้องเรนจะได้นอนเสียที” ภาสวรพูดแบบนี้ทำให้ปัญญวัฒน์ต้องวางกระเป๋าพาเด็กชายมานอนที่เตียง

“คุณภาคไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวผมอ่านนิทานให้น้องเรนเอง จะฟังนิทานเรื่องไหนดีครับ” ปัญญวัฒน์หันมาบอกภาสวร ก่อนหยิบหนังสือนิทานไปให้เด็กชายเลือก

“อันนี้ครับ”

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...” เมื่อเห็นว่าลูกชายนอนฟังนิทานที่ปัญญวัฒน์อ่านให้ฟังอย่างโดยดี ภาสวรจึงเดินไปอาบน้ำได้อย่างสบายใจ

“เอาอีก อันนี้ๆ” เสียงของเด็กชายบอกพลางยื่นหนังสือนิทานอีกเล่มไปให้ปัญญวัฒน์

“ยังไม่นอนอีกเหรอน้องเรน มาพ่ออ่านให้ฟังเอง ให้อาปันไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ภาสวรที่อาบน้ำเสร็จอดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่ลูกชายยังไม่หลับ แถมเรียกร้องจะฟังนิทานเพิ่มอีก

“เรนอยากให้อาปันอ่านให้ฟังอีก”

“ให้อาปันไปอาบน้ำก่อนนะจะได้มานอนกอดน้องเรนดีไหมครับ” ภาสวรเกลี่ยกล่อมบุตรชาย

“ก็ได้คับ อาปันอาบเร็วๆนะ เรนรอ”

“ครับ” ปัญญวัฒน์รับคำเด็กชายก่อนส่งหนังสือนิทานที่น้องเรนเลือกไว้ส่งให้ผู้เป็นพ่อ




“หลับแล้วเหรอครับ” ปัญญวัฒน์ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จย่องมาดูเด็กน้อย เห็นผู้เป็นพ่อกำลังจัดผ้าห่มให้ลูกชายจึงกระซิบถาม

“งั้นผมไปนอนห้องโน้นนะครับ” ปัญญวัฒน์รีบบอกเมื่อเห็นภาสวรพยักหน้าให้

“อ้าว ไม่นอนด้วยกันเหรอ” ภาสวรหลุดปากถามออกไป

“อื้อ อาปันกอดๆ” เสียงเล็กๆของเด็กชายที่คิดว่าหลับแล้วทำให้ผู้ใหญ่ตกใจ ภาสวรรีบตบขาลูกชายเบาๆเพื่อกล่อมให้นอน แต่เด็กชายตาปรือมองไปยังปัญญวัฒน์พร้อมยื่นมือไปหา

“ครับๆ มากอดกัน” ปัญญวัฒน์อดที่จะใจอ่อนกับเด็กชายไม่ได้ จนต้องมานอนเคียงข้างอีกด้านบนเตียงให้น้องเรนตะแคงข้างเข้ามากอด โดยเอาหน้ามาซุกที่อกเขา ก่อนจะค่อยๆสงบลง

“นอนด้วยกันที่นี่เถอะ น้องเรนต้องการปัน ปันจะทิ้งน้องเรนได้ลงเหรอครับ” ภาสวรเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จนปัญญวัฒน์ยากที่ปฏิเสธ

“ครับ”

“กู๊ดไนท์ครับปัน” ภาสวรเอ่ยขึ้นก่อนปิดไฟกลางห้อง

“กู๊ดไนท์ครับคุณภาค”

“พี่ภาค”

“ครับ” ปัญญวัฒน์ตอบรับอย่างงงๆ

“ปันเรียกพี่ ว่าพี่ภาค”

“แต่..”

“ไหนเรียกพี่ภาคซิ” ภาสวรไม่ยอมปล่อยชายหนุ่มไปง่ายๆ

“พี่ภาค” ปัญญวัฒน์ยอมเรียกแต่โดยดี เพราะถ้าเถียงกันต่อเดี๋ยวน้องเรนจะตื่นเสียก่อน

“เด็กดี” ภาสวรเอื้อมมือไปลูบหัวปัญญวัฒน์เบาๆ ทำให้ชายหนุ่มนอนตัวเกร็งอยู่พักใหญ่ก่อนค่อยๆผ่อนลมหายใจแล้วหลับตาลง

**********************
โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 7 [11/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-12-2018 22:31:51
 :-[

มาต่อแล้ว :pig4: :L2:
ก็จะหวานๆหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 7 [11/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 12-12-2018 19:25:21
น่ารักกันทั้งครอบครัวเลย
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 7 [11/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 12-12-2018 20:22:49
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 7 [11/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 13-12-2018 17:04:41
 :L2:
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 8 [17/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 17-12-2018 12:04:46
ตอนที่ 8

ปัญญวัฒน์รู้สึกตัว ดวงตาปรือเหลือบมองไปที่หัวเตียงด้วยความเคยชินก่อนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่วางทับอยู่บนเอว คงจะเป็นน้องเรน ชายหนุ่มคิดก่อนจะค่อยพลิกตัวไปหาเด็กชาย

“อื้อ “ เสียงที่ดังขึ้นพร้อมลมหายใจที่เป่ารดที่ต้นคอทำให้ปัญญวัฒน์ชะงัก ชายหนุ่มค่อยๆเลิกผ้าห่มดูแขนที่โอบเขาไว้ พบว่าไม่ใช่แขนของเด็กชายแน่ๆ ปัญญวัฒน์จึงค่อยๆยกแขนนั้นออกจากตัว ก่อนลุกออกจากเตียงแล้วสอดหมอนไปให้อีกคนกอดไว้

ภาสวรนอนหนุนแขนตัวเองข้างหนึ่งส่วนอีกข้างกอดหมอนหนุนของปัญญวัฒน์ ส่วนเด็กชายเรนนั้นนอนดิ้นไปอยู่ปลายเตียง ปัญญวัฒน์กลัวว่าจะตกเตียงไปเสียก่อนจึงอุ้มเด็กน้อยไปนอนที่ๆว่างด้านหลังบิดา

ใกล้หกโมงเช้าแล้วคงจะนอนต่ออีกไม่ไหว ปัญญวัฒน์เลิกม่านดูพบว่าพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น เขาจึงเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเอง เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงออกไปเดินชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า


“น้องปันตื่นเช้าจัง” แพรชมพู คุณยายของเด็กหญิงอิงฟ้าเอ่ยทักลูกชายของเพื่อนสนิท

“แม่แพรก็ตื่นเช้านะครับ”

“คนแก่ก็อย่างงี้แหละนอนไม่ค่อยหลับ แล้วน้องปันจะออกไปไหนล่ะ”

“ไปเดินเล่นที่ชาดหาดครับ พระอาทิตย์กำลังขึ้นเลย” ปัญญวัฒน์บอกพร้อมชูกล้องที่เขาพกติดตัวมาให้คุณแพรชมพูดู ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเป็นสีส้มทองสวยแล้ว

“จ้า รีบไปเถอะเดี๋ยวไม่ได้รูปสวยๆ” แพรชมพูมองตามหลังปัญญวัฒน์ไปเธอเอ็นดูชายหนุ่มราวกับเป็นลูกชายอีกคนก็ว่าได้ ปัญญวัฒน์อ่อนกว่าลูกชายคนเล็กของเธอไม่ถึงสองเดือน แต่ดูเหมือนจะโตเป็นผู้ใหญ่กว่าวรภัทรมากนัก


แสงแดดยามเช้าส่องผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาภาสวรปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยก่อนกระชับหมอนในมือเข้ามาหาตัว ก่อนกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับสมองให้ทำงานตามปกติ ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นมานั่งเมื่อเห็นว่าในอ้อมกอดเขาเป็นหมอนที่ปัญญวัฒน์ใช้หนุนนอน เมื่อมองไปรอบๆเจอบุตรชายที่นอนหมิ่นเหม่เกือบจะตกเตียงอีกด้านหนึ่ง ภาสวรค่อยๆช้อนตัวลูกชายให้เข้ามานอนที่กลางเตียงก่อนลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ

“ฮือ อาปัน พ่อ อยู่ไหน” เด็กชายเรนที่รู้สึกตัวตื่นเหลียวมองหาใครก็ไม่เห็นร้องตะโกนขึ้นมา

“ตื่นแล้วเหรอครับ อาปันอยู่นี่” เสียงเปิดประตูพร้อมทั้งเสียงทักของผู้เข้ามา ทำให้ภาสวรชะงักเปลี่ยนใจกลับไปอาบน้ำต่อ

“อาปันไปไหนมา” เด็กชายตัดพ้อ เมื่อตื่นมาไม่เห็นใคร

“อาปันลงไปข้างล่างมาครับ น้องเรนจะนอนต่อไหม”

“ไม่ เรนจะไปกับอาปัน” เด็กชายบอกพลางลุกลงจากเตียง

“รอเดี๋ยวนะครับ ตอนนี้คุณพ่ออยู่ในห้องน้ำ เดี๋ยวน้องเรนอาบน้ำก่อนค่อยลงไป” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชาย เมื่อเห็นเจ้าตัวจะเปิดประตูออกไปด้านล่าง

ภาสวรเปิดประตูจากห้องน้ำ ก็พบว่าลูกชายเขาดูการ์ตูนหัวเราะคิกคักอยู่กับปัญญวัฒน์

“อรุณสวัสดิ์ ปัน น้องเรน เมื่อกี้ใครร้องครับ” ภาสวรเอ่ยทัก

“อรุณสวัสดิ์ครับ” ปัญญวัฒน์เงยหน้าจากแท็บแล็ตทักทายกลับ

“เรนคับ” เด็กชายชูมือขึ้นยอมรับ

“น้องเรนร้องทำไมครับ พ่ออยู่ในห้องน้ำ”

“ก็เรนไม่รู้นี่” เด็กชายพูดอย่างหงอยๆ

“ไม่รู้ก็ต้องหาครับ ไม่มีใครทิ้งน้องเรนให้อยู่คนเดียว เพียงแต่เขาต้องไปทำอย่างอื่นน้อง เรนแค่ลุกจากเตียงออกไปหานะครับ”
 
“คับ”

“งั้นคนเก่งของพ่อไปอาบน้ำกัน” ภาสวรบอกพลางหยิบผ้าเช็ดตัวเดินตามลูกชายเข้าไปในห้องน้ำ

 “วันนี้ปันจะกลับกี่โมง” ภาสวรถามชายหนุ่มที่กำลังแต่งตัวให้ลูกชายเขา

“พวกคุณลุงคุณป้ากับพี่ๆจะกลับพรุ่งนี้ แล้วคุณภาคจะกลับเมื่อไหร่” ปัญญวัฒน์บอกก่อนที่จะถามภาสวรกลับ เขาไม่แน่ใจว่าภาสวรจะอยู่ต่อไหม

“ลืมแล้วบอกให้เรียกพี่ภาค พี่ว่าจะกลับช่วงสายๆ แล้วปันจะกลับพร้อมพี่หรือจะกลับพรุ่งนี้” ภาสวรท้วงติง ที่ปัญญวัฒน์ไม่ยอมเรียกเขาเหมือนที่บอกไว้เมื่อคืน

“กับด้วยกันจิ” เด็กชายที่แต่งตัวเสร็จบอก พร้อมเขย่าแขนปัญญวัฒน์ให้สนใจตัวเอง

“น้องเรนกลับกับคุณพ่อไงครับ เดี๋ยวอาปันกลับกับคุณยายแพร”

“ไม่เอา มาด้วยกันก็กับด้วยกัน พ่อกับพุ่งนี้พ้อมอาปัน” เด็กชายเรนบอกบิดาพลางกอดอกเวลาไม่ได้ดังใจ

“พรุ่งนี้คุณปู่คุณย่ามาเราต้องไปรอรับนะ น้องเรนไม่คิดถึงคุณย่าเหรอครับ” ภาสวรพยายามเกลี้ยกล่อมลูกชาย

“แต่เรนอยากอยู่กับอาปัน” เด็กชายอยากไปเที่ยวกับคุณอาคนโปรดต่อไม่อยากกลับบ้านก่อน

“งั้นอาปันกลับพร้อมน้องเรนก็ได้ครับ” ปัญญวัฒน์บอก เขาไม่อยากให้ภาสวรหนักใจที่ลูกชายดึงดันที่จะอยู่ที่นี่ต่อกับเขาจนผิดนัดกับผู้ใหญ่ที่บ้าน

“เย้ อาปันกับพ้อมเรน” เด็กชายดีใจจนวิ่งไปรอบๆปัญญวัฒน์

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จภาสวรก็พาลูกชายกับปัญญวัฒน์ล่ำลาผู้ใหญ่ที่ยังอยู่เที่ยวต่อกลับกรุงเทพ ตอนขามานั้นเขาตัดสินใจอยู่นานกว่าจะโทรหาคุณครูประจำชั้นของลูกชายเพื่อถามที่พัก กะว่าถ้าทางปัญญวัฒน์ไม่สะดวกเขาจะไปพักโรงแรมคนเดียว ให้ลูกชายได้สนุกกับคุณอาคนโปรด แต่ปาลิดาได้ให้เบอร์โทรศัพท์เปรมณัช เพราะชายหนุ่มตั้งใจที่จะมาเที่ยวกับครอบครัวอยู่แล้ว หลังจากนัดแนะกัน เขาได้ขับรถไปรับพี่ชายปัญญวัฒน์ที่บริษัทก่อนจะขับรถมาที่บ้านพัก

“แวะมาหายายบ้างนะน้องเรน” นาตยากอดเด็กชายไม่ยอมปล่อย น้องเรนน่ารักอยากให้ลูกของทัพฟ้าที่กำลังจะคลอดออกมามาดูโลกอีกไม่ถึง 3เดือนน่ารักแบบนี้บ้าง

“น้องเรนมาให้ยายกอดหน่อย” แพรชมพูกอดเด็กชายบ้าง เด็กชายเป็นขวัญใจเหล่าบรรดาผู้สูงวัยแค่วันเดียวได้ใจเหล่าบรรดาคุณตาคุณยายกันหมด

“สวัสดีคับคุณยาย บ๊ายบายคับ” น้องเรนยกมือไหว้แถมโบกมือลาอีกครั้งก่อนขึ้นรถไป

“สวัสดีครับ ขอบคุณมากครับที่ชวนผมกับลูกมาเที่ยวด้วย” ภาสวรเองก็ยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ที่มาส่งที่รถอีกครั้ง

“จ้า ไว้เจอกันใหม่นะพ่อภาค” แพรชมพูโบกมือลาพ่อลูกสุธาภิวัฒน์

ขากลับภาสวรได้เพื่อนร่วมทางคนใหม่จากเปรมณัชเป็นปัญญวัฒน์ ดูเหมือนลูกชายเขาจะพออกพอใจเพื่อนร่วมทางคนนี้เหลือเกินชักชวนให้ไปนั่งที่ข้างหลังกับตัวเอง

“อาปันนั่งข้างหน้ากับคุณพ่อดีกว่า อาจะได้บอกทางไปสวนสัตว์ด้วยไงเดี๋ยวคุณพ่อขับเลยนะ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชาย หลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้วว่าวันนี้ภาสวรว่างกลับไปถึงกรุงเทพตอนค่ำๆก็ได้ ปัญญวัฒน์เลยชวนชายหนุ่มแวะสวนสัตว์เปิด ที่ขับผ่านตอนขามา ซึ่งภาสวรเองก็ตกลงเพราะลูกชายเขาอยากไปมากเมื่อปัญญวัฒน์พูดถึง

“ก็ได้คับ” เมื่อเด็กชายตกลงเรื่องที่นั่งได้แล้ว ภาสวรจึงขับรถออกมาจากบ้านพักได้


ออกจากที่พักได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงสวนสัตว์เปิดก่อนจะเข้าสวนสัตว์ปัญญวัฒน์ขอแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมเครื่องดื่มโชคดีปั้มน้ำมันที่แวะนั้นมีขนาดใหญ่ภาสวรซื้อไก่ทอดและแฮมเบอเกอร์จากแบรนดังติดไปเผื่อด้วย

หลังจากซื้อบัตรแล้วภาสวรตัดสินใจขับรถตัวเองเข้าไป ก่อนเข้าภาสวรแวะซื้ออาหารสัตว์ให้ลูกชายที่ร้องขอว่าจะเอาไปสัตว์กิน ปัญญวัฒน์จัดการให้เด็กชายมานั่งข้างหน้ากับตัวเองเพื่อดูสัตว์และวิวได้สะดวก

“น้องเรนครับ นั่นละมั่ง เห็นไหมครับนอนอยู่นั่น” ปัญญวัฒน์ชี้ให้เด็กชายดูสัตว์ที่อยู่ทางด้านเขา ภาสวรเลยชะลอรถเพื่อให้ลูกชายดูได้ถนัดๆ

 “ป้ายบอกทางลงเดินไปบ่อฮิปโป น้องเรนจะลงไปดูไหมลูก” ภาสวรเอ่ยถามลูกชายที่พยายามชะโงกหน้าไปดูทางด้านสระน้ำ

“ไปคับ” เด็กชายพยักหน้าอย่างตื่นเต้น จนปัญญวัฒน์อดที่จะหอมแก้มป่องๆไม่ได้

“ใส่หมวกก่อนครับ แดดร้อน” ภาสวรสวมหมวกให้ลูกชายที่ปัญญวัฒน์จูงอยู่

แม้จะเห็นฮิปโปไม่ชัดแต่เด็กชายเรนก็พอใจ พอภาสวรขับรถไปต่อ พบเพนกวินกำลังจะได้เวลาจัดแสดงเดินโชว์ ภาสวรจึงรีบจอดรถพาลูกชายไปดู

“นั่นๆเรนจับได้ไหม” เด็กชายเงยหน้าถามบิดาเมื่อเห็นเพนกวินเดินเรียงออกมาเป็นแถว

“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวมันจิกเอา” ภาสวรรีบห้ามลูกชาย

หลังจากโชว์เพนกวินจบก็พาไปดูยีราฟ ม้าลาย ซึ่งอยู่ในรั้วกั้นเห็นได้อย่างชัดเจน ยิ่งทำให้เด็กชายตื่นเต้นมากขึ้น

“นั่นตัวอาไร” เด็กชายเรนชี้ไปยังสัตว์ที่ยืนสองขา

“เมียร์แคทครับ น้องเรนจะลงไปให้อาหารมันไหม” ภาสวรบอกลูกชายเมื่อเห็นหลายๆคนกำลังให้อาหารอยู่

“เอาคับ” เมื่อรถจอด เด็กชายแทบวิ่งไปเกาะรั้วดูกันเลย

“นั่นๆนกสีชมพู” เด็กชายชี้ไปยังคอกนกฟรามิงโก้ที่อยู่ไม่ไกล

“นกฟรามิงโก้ครับ” ปัญญวัฒน์อธิบายเด็กชายที่เกาะคอกจ้องมองนกสีชมพูอย่างตื่นเต้น

“มาพ่อถ่ายรูปให้” ภาสวรบอกเมื่อเห็นลูกชายชอบนกฟรามิงโก้มาก

หลังจากที่ผลัดกันถ่ายภาพให้อาหารนกจนพอใจแล้ว ภาสวรก็พามายังกรงนกขนาดใหญ่มีนกหลากหลายชนิดที่นี่น้องเรนกับปัญญวัฒน์ให้อาหารนกอย่างสนุกสนาน

“น้องเรนนั่นนกยูง กำลังรำแพนสวยเชียว” ปัญญวัฒน์ชี้ให้เด็กชายดู

“ที่นี่มีนกเยอะเลยนะ” ภาสวรเอ่ยขณะถ่ายรูปนกหายากแปลกๆไว้เพื่อเก็บไปให้ลูกชายดูทีหลัง

“ใช่ครับ ที่นี่ร่มรื่นมากเลย ทางด้านโน้นเหมือนน้ำตกเลย” ปัญญวัฒน์ชี้ไปอีกด้านที่มีต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ แถมมีน้ำตกจำลองสามารถเดินเข้าไปข้างในได้ด้วย

“หิวหรือยังน้องเรน เที่ยงกว่าแล้ว” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว

“แวะทานข้าวก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยไปดูต่อ” ภาสวรบอกก่อนขับรถหาที่นั่งพักทานอาหาร

“พ่อมีไก่ทอดกับแฮมเบอเกอร์ น้องเรนทานอะไรครับ” ภาสวรเอ่ยถามลูกชายเมื่อได้ที่นั่งแล้ว

“เอาไก่คับ” ภาสวรส่งกล่องไก่ทอดให้เด็กชาย

“มีเบอเกอร์ไก่กับปลา ปันทานอะไร หรือจะทานไก่กับน้องเรน” ภาสวรถามชายหนุ่มที่กำลังง่วนแบ่งไก่ให้น้องเรนอยู่

“อะไรก็ได้ครับ”

“ไม่มีนะอะไรก็ได้เนี่ย” ปัญญวัฒน์อยากแหมออกมาดังๆ ไม่คิดว่าภาสวรจะกวนแบบนี้

“ปลาก็ได้ครับคุณ.. พี่ภาค” ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ทันทีที่เห็นสายตาดุๆของภาสวร

“น้องเรนไม่ต้องรีบครับเดี๋ยวติดคอ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชายที่กัดน่องไก่อย่างเอร็ดอร่อย

“ปันก็ทานด้วยซิอย่ามัวแต่ดูน้องเรน” ภาสวรบอกชายหนุ่มที่กำลังดูแลลูกชายเขาอยู่

“ครับ” ปัญญวัฒน์หยิบแฮมเบอเกอร์มาทานพลางมองน้องเรนไปพลาง เขากลัวว่าเด็กชายจะทำเลอะเทอะ เพราะท่าทางเอาไก่จิ้มซอสดูน่ากลัวว่าซอสจะหยดเปื้อนเสื้อผ้า


หลังจากทานอาหารเสร็จ ภาสวรพาทั้งคู่ไปดูสิงโตขาวให้อาหารช้าง เด็กชายดูจะกล้าๆกลัวๆจนปัญญวัฒน์ต้องอุ้มไว้ กลัวที่จะเอื้อมมือส่งอาหารให้งวงช้าง เพราะก่อนหน้านี้เด็กชายเห็นช้างเอางวงยกนักท่องเที่ยวเพื่อถ่ายรูป จนภาสวรต้องช่วยส่งให้

“ช้างตัวใหญ่จัง”

“ครับ น้องเรนกลัวเหรอลูก” ภาสวรที่รับเด็กชายมาอุ้มแทนเอ่ยถาม

“ไม่คับ” เขาแค่กลัวมันจับแค่นั่นเอง

“เก่งมากครับ เดี๋ยวพ่อจะขับรถวนไป เราจะไม่ลงจากรถแล้วนะครับ” ภาสวรมองแผนที่ในมือ โซนต่อไปน่าจะดูอยู่บนรถได้ไม่ต้องลง

“คับ”

ภาสวรขับรถผ่านกระทิง ฝูงกวางที่เดินไปมา สองอาหลานชี้ชวนกันดูอย่างตื่นเต้น ยิ่งผ่านโซนลิง หมีโคล่า จิ้งโจ้ เด็กชายร้องบอกขอให้เขาพาลงไปดูใกล้ๆ จนภาสวรใจอ่อนพาไปดูหมีโคล่าที่เกาะต้นไม้นอนหลับไม่ไปไหน ส่วนจิ้งโจ้นั้นกำลังขุดทรายอยู่ไม่สนใจว่าใครมาดูมันเลย หลังจากนั้นก็ขับผ่านหุบเขาเสือ เสือเองก็หลบร้อนไปนอนอยู่ใต้ต้นไม้ เมื่อผ่านหุบเขาเสือก็กลับมาจุดเริ่มต้น

“จบแล้วกลับบ้านเลยนะครับ”

“คับ” น้องเรนที่ตอนนี้เปลี่ยนไปนั่งด้านหลังรับคำเบาๆระหว่างรอปัญญวัฒน์ไปซื้อน้ำ

“นี่ครับกาแฟ น้องเรนเอาน้ำส้มไหมครับ” ปัญญวัฒน์ที่กลับมานั่งในรถยื่นแก้วกาแฟที่ซื้อมาให้ภาสวร พร้อมทั้งส่งน้ำส้มให้เด็กชาย

“ขอบคุณคับ” น้องเรนยกมือไหว้ชายหนุ่มก่อนคว้าแก้วน้ำไปดื่ม


เสียงเจื้อยแจ้วสองเสียงดังมาในรถตั้งแต่ออกจากสวนสัตว์ทำให้ภาสวรรู้สึกบอกไม่ถูก ‘ มันเหมือนครอบครัว ‘ ความคิดนั้นดูออกจากแปลกใหม่สำหรับเขาจนน่าตกใจ ภาสวรออกจะแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันทำไมเขาคิดแบบนั้นกัน ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอด จนเสียงที่ดังมาตลอดทางเงียบหายไป ภาสวรจึงหันไปดูทั้งก็พบว่าอาหลานหลับหมดแรงกันไปทั้งคู่แล้ว ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นมุมปากใครกันนะที่บอกจะนั่งคุยเป็นเพื่อนเขาจนถึงกรุงเทพ

***************
ขอบคุณค่ะที่ติดตามกัน
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 8 [17/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-12-2018 12:17:04
 :L2: :pig4:

ค่อยเป็นค่อยไป
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 8 [17/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-12-2018 17:23:49
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 9 [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 24-12-2018 11:57:37
ตอนที่ 9

จากวันที่ได้ไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวและน้องเรนกับภาสวรผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว สุนทรีรุ่นพี่ที่ทำงานของปัญญวัฒน์ลาคลอด พรุ่งนี้จะออกจากโรงพยาบาล ปัญญวัฒน์จึงขออนุญาตภาสวรพาเด็กชายเรนไปเยี่ยม ภาสวรเองก็อนุญาตพร้อมทั้งตามมาด้วย

“สวัสดีครับพี่สุน” ปัญญวัฒน์เอ่ยทักรุ่นพี่

“สวัสดีคับอาสุน”

“สวัสดีค่ะน้องเรนน้องปัน สวัสดีค่ะคุณภาค” สุนทรียกมือไหว้เจ้านายหนุ่ม

“น้องผู้หญิงหรือผู้ชายคับ” เด็กชายสนใจเด็กทารกที่นอนอยู่ข้างเตียง

“ผู้หญิงค่ะชื่อน้องไอซ์” สุนทรีบอกเด็กชาย

“อ๊ะ ไม่ได้ครับ ถ้าจะจับน้องต้องไปล้างมือก่อน เดี๋ยวอาพาไป” ปัญญวัฒน์รีบคว้ามือเด็กชายเอาไว้ก่อนที่จะถึงตัวทารก

“ผมซื้อของใช้สำหรับเด็กอ่อนมาให้แล้วนี่ชุดเด็กคุณดาฝากมาให้ แล้วนี่ของรับขวัญหลาน” ภาสวรวางของทั้งหมดที่ชั้นข้างเตียงใกล้ๆของของบำรุงร่างกายที่ปัญญวัฒน์เอามาฝากหญิงสาว

“ขอบคุณมากค่ะคุณภาค” สุนทรียกมือไหว้ชายหนุ่มก่อนรับถุงเล็กๆมาเปิดดูพบว่าเป็นกำไรข้อเท้าเด็ก

“อาสุนเรนขอจับมือน้องนะคับ” เด็กชายเอ่ยขอสุนทรีตามที่ปัญญวัฒน์บอก อาปันบอกว่าจะจับน้องต้องขออนุญาตอาสุนก่อน

“ได้ครับ” เมื่อสุนทรีอนุญาตเด็กชายจึงเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูน้องที่กระบะใสชิดเตียงคนไข้ได้ถนัด

“เบาๆนะลูกเดี๋ยวน้องเจ็บ” ภาสวรบอกลูกชาย

“น้องตัวเล็กจัง” เด็กชายหันมาบอกพ่อและปัญญวัฒน์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา

“ครับน้องตัวเล็กนิดเดียวน้องเรนต้องทำเบาๆนะครับเดี๋ยวน้องเจ็บ” ปัญญวัฒน์บอกน้องเรน

“คับ ทำไมน้องต้องพันตัวใส่ถุงมือ” เด็กชายเอ่ยหน้าถามสุนทรีที่นอนมองทารกอยู่

“น้องหนาวครับ” ภาสวรบอกแทนสุนทรีที่กำลังคิดว่าจะอธิบายเด็กชายว่าอย่างไรดี

“วันนี้เรากลับก่อนไหมลูก น้องง่วงนอนแล้วอาสุนจะได้พักด้วย” ภาสวรหันมาคุยกับเด็กชายที่เฝ้ามองน้องไม่ห่าง

“ผมกลับก่อนนะ” ภาสวรบอกลูกน้องพร้อมสะกิดลูกชายให้ลาสุนทรี

“สวัสดีคับ”

“ผมไปก่อนครับ สวัสดีครับพี่สุน” ปัญญวัฒน์เอ่ยลาหญิงสาวก่อนเดินตามภาสวรออกมาจากห้อง

“อ้าวไอ้ดินมาทำไรที่นี่วะ” ภาสวรเอ่ยทักพสุธาที่เดินมาเจอกันโดยบังเอิญ

“มาคุยกับลูกค้า แล้วมึงล่ะ”

“มาเยี่ยมลูกน้องเขาเพิ่งคลอดลูกที่นี่ น้องเรนสวัสดีอาดินหรือยัง”

“สวัสดีคับอาดิน” เด็กชายยกมือไหว้เพื่อนพ่อ ปัญญวัฒน์เองก็ยกมือไหว้เพื่อนภาสวรเช่นกัน

“สวัสดีครับแล้วนั่น” พสุธามองไปยังชายหนุ่มที่เขาพบหน้าหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่มีใครแนะนำสักที

“นี่ปัน ปันนี่ดินเพื่อนผม” ภาสวรแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน

“สวัสดีครับ” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้พสุธาอีกรอบ

“สวัสดีครับ ทานข้าวเย็นกันหรือยัง ไปหาอะไรกินกันไหม” พสุธาเอ่ยชวนทุกคน

“เอาซิ กินที่ไหนกันดี” ภาสวรตอบรับคำชวนเพื่อน

“ร้าน...ไหมอยู่ไม่ไกลจากนี่”

“โอเค เจอกันที่ร้านนะ” ภาสวรบอกพร้อมเดินจูงลูกชายโดยมีปัญญวัฒน์เดินตามไปที่รถ

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วภาสวรมาส่งปัญญวัฒน์ที่บ้าน โดยก่อนหน้านี้ชายหนุ่มให้คนขับรถปัญญวัฒน์กลับมาที่บ้านเรียบร้อยแล้ว

“สวัสดีครับพี่ภาค บ๊ายบายน้องเรน” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ลาภาสวรก่อนลงจากรถ พร้อมทั้งโบกมือให้เด็กชายที่นั่งด้านหลังด้วย

“บ๊ายบาย อาปัน” เด็กชายเรนโบกมือลาชายหนุ่มก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป

---- a little cupid ----

“น้องปันสนิทกับน้องเรนจังนะคะ” พี่แป๋วฝ่ายประชาสัมพันธ์เอ่ยทัก

“น้องเค้าน่ารักดี” ปัญญวัฒน์บอก ตั้งแต่สุนทรีลาคลอดปัญญวัฒน์ลงมาทานอาหารกลางวันคนเดียว มีโอกาสร่วมโต๊ะกับฝ่ายประชาสัมพันธ์แล้วแต่ว่าจะเจอกันหรือไม่ เพราะเคยทำงานร่วมกันจึงคุ้นเคยกันบ้าง อย่างวันนี้เขาได้ร่วมโต๊ะกับฝ่ายประชาสัมพันธ์สามคน

“น้องเรนก็น่ารักดีค่ะ แต่ร้ายเหลือรับเลย วันก่อนคุณลูกพีชมาเจอคุณภาคกับน้องเรน อยู่ดีๆน้องเรนก็อาละวาด จนน้องลูกพีชหน้าเสียไปเลย”

“ใช่ๆ คุณภาคใจดีเกินไป จนน้องเรนได้ใจ จะเสียเด็กอยู่แล้ว” พี่สาวสำทับขึ้น

“ดีนะที่คุณภาคไม่พาไปพบลูกค้า ถ้าน้องเรนอาละวาดขึ้นมาอาจจะเสียลูกค้าไม่รู้ตัว” พี่ตวงพูดขึ้นบ้าง

ปัญญวัฒน์ฟังพวกพี่ๆฝ่ายประชาสัมพันธ์คุยกันอดที่จะถอนใจไม่ได้ ชายหนุ่มคิดถึงคำพูดของปาลิดาขึ้นมา

 ‘น้องเรนเป็นเด็กที่จิตใจดีแต่ความรู้สึกโหยหาความรักทำให้พฤติกรรมของเด็กชายออกจะเรียกร้องไปบ้าง คุณภาคที่รักและดูแลลูกแค่ไหน หากแต่บางเรื่อง คุณภาคก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่า จริงๆแล้วเด็กชายต้องการสิ่งใด’

“พี่ว่ามันแปลกอยู่นะ ที่น้องเรนเข้ากับน้องปันได้ดี” เสียงของพี่แป๋วทำให้เขารู้สึกตัว

“แปลกยังไงครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถาม เขารู้สึกว่ามันปกติไม่เห็นแปลกอะไร เด็กๆปกติแล้วเข้ากับทุกคนได้ง่ายอยู่แล้ว ถ้าเข้าหาพวกเขากันดีๆ

“อาจเพราะน้องปันเป็นผู้ชายไงล่ะเธอ” พี่สาวพูดขึ้น ทำให้คนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย

“คืองี้ พี่สังเกตมาหลายหนแล้ว น้องเรนจะอาละวาดผู้หญิงที่มาเข้าใกล้คุณภาค” พี่สาวอธิบายเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของปัญญวัฒน์

“ใช่คงหวงพ่อแน่ๆ” พี่ตวงออกความคิดเห็น

ปัญญวัฒน์ได้แต่ฟังพวกพี่พูดกัน หลังจากทานอาหารเสร็จก็แยกขึ้นมาทำงานปกติ แต่ชายหนุ่มอดที่จะคิดถึงคำพูดพวกพี่ๆไม่ได้ เขาเองก็เคยเจอน้องเรนอาละวาดแต่ก็ไม่หนักหนาอะไร แต่การที่อาละวาดผู้หญิงที่เข้าใกล้ภาสวรนั้นเขาไม่เคยเห็นน้องเรนทำเลย กับคุณเลขาน้องเรนก็พูดคุยปกติ หรือแม้แต่สุนทรีเองน้องเรนก็พูดคุยเล่นด้วย ปัญญวัฒน์ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้

“อาปันน้องไม่น่าเป็นผู้หญิงเลย” ปัญญวัฒน์นึกถึงคำพูดของเด็กชายที่เขาพาไปเยี่ยมสุนทรีกับน้องไอซ์

“ทำไมล่ะครับ”

“หึ ผู้หญิงน่าเบื่อ น่ารำคาญ” เด็กชายเรนเม้มปากกอดอกแน่น

“อ้าว ถ้าผู้หญิงน่าเบื่อแล้วน้องเรนมาหาอาสุนทำไมครับ” ปัญญวัฒน์ถามอย่างแปลกใจ

“อ๊ะ ไม่ใช่ อาสุนน่ารักซิ เรนหมายถึงคนอื่น” ปัญญวัฒน์เองก็ไม่ได้ถามเพราะภาสวรเรียกทั้งคู่เสียก่อน

เอาไว้กลับบ้านไปค่อยไปเล่าให้ปาลิดาฟังเผื่อ พี่สาวของเขาจะช่วยวิเคราะห์เคสแบบนี้ให้ฟังบ้าง

---- a little cupid ----

ห้องอาหารจีนในโรงแรมห้าดาวที่ตกแต่งได้มีเอกลักษณ์มาก โดยนำเอาหลักฮวงจุ้ยผสมผสานกับความโมเดิร์นมองแล้วสวยทุกมุม ทำให้ปัญญวัฒน์มองไปรอบๆอย่างชอบใจ พวกเขาตัดสินใจที่จะนั่งริมกระจกเพื่อสามารถดูวิวกรุงเทพจากมุมสูงได้ วันนี้ปาลิดาชวนพวกเขามาชิมอาหารเพื่อใช้เลี้ยงแขกในงานแต่งงาน เผอิญว่าที่เจ้าบ่าวติดธุระกะทันหัน ว่าที่เจ้าสาวเลยบ่นไม่มีใครช่วยทาน

“ถ้ามาทานมื้อเย็นคงจะฟินกว่านี้” พลอยลดาเอ่ยขึ้นหลังมองวิวด้านนอกแล้ว

“ทำไงได้เขานัดเวลานี้นี่ เอาไว้ชวนพี่เปรมมาใหม่ซิ” ปาลิดาแหย่เพื่อนสนิทที่ปัจจุบันเป็นพี่สะใภ้ของเธอ

“ปันจะสั่งอะไรเพิ่มก็ได้นะ พลอยด้วย” ปาลิดาบอกหลังจากที่บริกรมารับออเดอร์เครื่องดื่มแล้ว

“ชุดที่นำมาให้ลองชิมก็เยอะแล้วจะทานกันหมดเหรอพี่ปา” ปัญญวัฒน์แย้งขึ้นมา พวกเขามากันสามคน กว่าพวกที่เหลือจะตามมา อาหารแปดอย่างจะทานหมดไหมเนี่ย

“พี่สั่งจานเล็กเอาไว้ลองชิม เดี๋ยวพี่เปรมก็จะตามมาด้วยใช่ไหมพลอย ส่วนสองคนนั้นมาถึงเมื่อไหร่ค่อยสั่งใหม่”

“อืม ใกล้ถึงแล้วล่ะ แล้วพี่รุต ไม่ตามมาจริงๆเหรอ” พลอยลดาเองก็กลัวว่าจะทานไม่หมดเหมือนกัน

“พี่รุตบอกไม่แน่ใจ เพราะติดคนไข้ด่วน ไม่รู้จะเสร็จกี่โมง” ปาลิดาหน้ามุ่ย ที่ว่าที่เจ้าบ่าวโดนเรียกตัวด่วน ทั้งๆที่นัดกันเสียดิบดี เธอเข้าใจ เวลานี้เธอสบายดีแต่คนที่ทำให้ศรุตถูกเรียกตัว มีภาวะเสี่ยงความเป็นความตายกว่าเธอหลายเท่า

“เอาน่าจะเป็นเมียหมอต้องเข้าใจ คิดในแง่ดีแสดงว่าพี่รุตเก่งคนถึงต้องการตัวไง” พลอยลดาปลอบใจเพื่อนสนิท

“เราเข้าใจนะ แต่ก็ห่วง พี่รุตเอาแต่ห่วงคนไข้จนบางทีลืมที่จะห่วงตัวเอง วันๆหนึ่งบางทีได้ทานข้าวแค่มื้อเดียว”

“ถ้าพี่รุตมาไม่ทัน พี่ปาสั่งอาหารไปให้ที่โรงพยาบาลก็ได้นี่ครับ” ปัญญวัฒน์บอกพี่สาว เขาเชื่อว่าศรุตเองก็คงดีใจที่ได้เจอปาลิดาเหมือนกัน

“เราเห็นด้วยกับปันนะ” พลอยลดาเองก็สนับสนุน ทำให้ปาลิดายิ้มกว้างมากกว่าเดิม ก่อนหยิบเมนูมาเปิดดูว่าจะสั่งอะไรไปให้คนรักทานดี

รอไม่นานอาหารที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟ ทำให้ทั้งสามคนตาโต มองหน้ากันด้วยความตกใจ

“แน่ใจนะพี่ปาว่านี่จานเล็กแล้ว” ปัญญวัฒน์ถามขึ้นด้วยความตกใจ ถ้านี่จานเล็กแล้วตอนเสิร์ฟในงานจานเท่าไหนกัน แถมเขายังสั่งติ่มซำมาทานเพิ่มอีก

“พี่ก็งงเหมือนกัน เดี๋ยวถามบ๋อยดูก่อน ว่าเสิร์ฟผิดโต๊ะไหม” ปาลิดาเองก็งง ทั้งติ่มซำและอาหารสี่อย่างบนโต๊ะ พวกเขาสามคนกินก็อิ่มท้องแทบแตกแล้ว แถมยังเหลือที่ยังไม่มาเสิร์ฟอีกสี่อย่าง นี่ยังไม่รวมของหวานเลยนะ

หลังจากที่สอบถามพนักงานแล้ว ปริมาณอาหารที่เสิร์ฟขนาดเท่าวันงาน ทำเอาพวกเขาสามคนกุมขมับ ก่อนที่ปัญญวัฒน์ตัดสินใจโทรศัพท์เร่งเพื่อนอีกสองคนที่ยังมาไม่ถึงให้รีบมาไวๆ พร้อมทั้งภาวนาไม่ให้ทุ้งคู่เบี้ยวนัดพวกเขา

“เป็นไงปัน วินกับรันว่าไง” ปาลิดาถามน้องชายทันทีที่วางสายแล้ว

“ไม่เกินครึ่งชั่วโมงครับพี่ ไอ้วินกำลังไปรับรันที่เพิ่งตื่น เดี๋ยวขึ้นทางด่วนมา ถ้ารถไม่ติดแป๊บเดียวถึง” คำตอบของปัญญวัฒน์ทำให้พลอยลดาโล่งใจ แถมตอนนี้เปรมณัชที่เพิ่งวางสายจากเธอก็เดินเข้ามาในห้องอาหารพอดี

“วินกับรันจะมาถึงกี่โมง” เปรมณัชเอ่ยถามน้องๆ หลังจากที่ฟังภรรยาเล่าให้ฟังประกอบมองอาหารบนโต๊ะ พวกเขาสี่คนคงทานไม่หมดแน่ๆ

“ไอ้วินกับไอ้รัน ถ้ารถไม่ติดก็ครึ่งชั่วโมงก็ถึง” ปัญญวัฒน์บอกพี่ชายตอนนี้แค่เห็นอาหาร เขาก็พาลจะอิ่มขึ้นมาแล้ว

“วันงานจะมีแต่อาหารจีนอย่างเดียวเหรอ” เปรมณัชมองอาหารบนโต๊ะอย่างขัดใจ เพราะส่วนตัวแล้วเขาไม่ชอบอาหารจีนสักเท่าไหร่

“งานช่วงกลางวันค่ะที่เป็นแบบนี้ เพราะคุณแม่ท่านรีเควสมา ส่วนตอนกลางคืนจะมีเป็นซุ้มอาหารให้เลือก” ปาลิดาแจกแจง เปรมณัชได้แต่พยักหน้ารับ งานช่วงกลางวันแขกเป็นผู้ใหญ่เสียส่วนมาก ส่วนตอนค่ำก็เป็นเพื่อนฝูงของบ่าวสาว อาจพ่วงคู่ค้าหุ้นส่วนบริษัททั้งสองฝั่ง

ไม่นานเกินรอเพื่อนซี้อย่างนาวินกับศรัณก็มาสมทบ ทั้งคู่มองอาหารแปดอย่างที่อยู่บนโต๊ะพร่องไปไม่มากเท่าไหร่ด้วยความยินดี เนื่องจากตื่นสายทำให้ยังไม่ทานอะไร ตอนนี้หิวโซมาก พวกเขาประมาทนอนเพลินจนมาสายเลยเวลานัด โชคดีที่พวกพี่ๆไม่ต่อว่าอะไร

“เอาน้ำอะไร เดี๋ยวสั่งให้” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเผื่อเพื่อนเขาอยากดื่มอย่างอื่นนอกจากน้ำชา

“เบียร์ได้ไหมพี่เปรม” นาวินหันมาถามพี่ชายเพื่อน

“แต่วันเลยเหรอวิน อยากดื่มก็สั่งเลย เอาติ่มซำเพิ่มไหม” เปรมณัชเอ่ยแซวก่อนเรียกบริกรมาสั่งเครื่องดื่มให้น้องๆ

“เฮ้ย นั่นมันพ่อน้องเรนนี่นา” นาวินที่สั่งเครื่องดื่มและอาหารที่ตัวเองต้องการเพิ่มเติมเอ่ยขึ้นหลังจากมองไปรอบๆร้าน ทำให้ทั้งโต๊ะเงยหน้าหันไปมองที่ประตูทางเข้าที่คนทั้งคู่เดินผ่านไป

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินคุยไปหัวเราะไปกับดาราสาวดาวรุ่ง ที่ดูอย่างไรก็หล่อสวยสมกัน ทำให้ปัญญวัฒน์รู้สึกใจหายขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ

“มากับยัยลูกพีชได้ยังไง” พลอยลดาเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ เพราะหญิงสาวเคยมากิ๊กกั๊กกับน้องชายเธอมาก่อน

“ก็คุณลูกพีชเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทคุณภาคไง” นาวินตอบแทนเพราะเขาเคยเห็นทั้งคู่ตอนงานเปิดตัวมาก่อน

“หึ มุกเดิมๆ” พลอยลดาแบะปาก

“เอาน่า อย่าไปยุ่งเรื่องของเขาเลย โมโหมากๆเดี๋ยวลูกเป็นเด็กขี้โมโหนะ” เปรมณัชปลอบภรรยาให้ใจเย็นลง

“แค่คิดพลอยก็สงสารน้องเรน ยัยนี่ใช่จะดีเด่อะไร” พลอยลดาหงุดหงิด อาหารมื้อนี้กร่อยลงจากที่กำลังทานอย่างอร่อยแท้ๆ

“แต่พี่เชื่อนะว่าคุณภาคไม่ใช่คนโง่ เดี๋ยวคงสลัดหลุดออกไปจนได้แหละ”

“ไม่แน่นะพี่เปรม ขนาดพี่พงศ์ไอ้ภัทรยังต้องยื่นมือมาช่วยเลย” นาวินเอ่ยขึ้นอย่างขำๆ เมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทตัวเล็กวีนแตกจนนิชาดากระเจิงไป

“วินไม่รู้เหรอ ว่าความจริงแล้วพงศ์จัดการเองได้ไม่ต้องถึงมือภัทรหรอก” เปรมณัชเอ่ยอย่างขำๆ เขารู้จักพงศ์กรดี รายนั้นเห็นอะไรเป็นเรื่องสนุกไปหมด ออกจะชอบใจด้วยซ้ำที่ทำให้น้องชายและพี่สาวปรี๊ดแตกยื่นมือจัดการให้โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องทำเอง

“อ้าวที่ไอ้ภัทรทำก็เปล่าประโยชน์ดิพี่” นาวินเอ่ยออกมานี่ถ้าวรภัทรรู้คงเม้งแตกพี่ชายตัวเองอีกรอบเป็นแน่

บทสนทนาเปลี่ยนไปโดยเปรมณัชและนาวินทำให้บรรยากาศดีขึ้น เสียงหัวเราะที่หายไปกลับมาอีกครั้ง อย่างน้อยความโหวงเหวงในใจก็บรรเทาเบาบางลงไปบ้าง


****************************

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ

ตอนหน้าเจอกันหลังปีใหม่นะคะ

Merry Christmas and a Happy New Year

ขอให้มีความสุข สนุก สมหวังทุกสิ่ง


Sira_nann
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 9 [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-12-2018 12:56:35
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 9 [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-12-2018 15:52:29
 :L2: :pig4:
ตัวกระตุ้นมาแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 9 [24/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 24-12-2018 19:08:18
 :pig4:
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 10 [1/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 01-01-2019 09:54:38
ตอนที่ 10

“อาปัน ไปเที่ยวกัน” เสียงเล็กๆดังมาก่อนตัว ทำให้ปัญญวัฒน์เงยหน้าจากคอมพิวเตอร์มองร่างป้อมที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานเขา

“น้องเรนสวัสดีครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยทักเด็กชายที่ตอนนี้เข้ามายืนติดเก้าอี้ที่เขานั่งแล้ว

“สวัสดีคับอาปัน” เด็กชายยกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างนึกขึ้นได้ พร้อมทั้งส่งยิ้มหวานไปให้ราวกับประจบ

“จะไปเที่ยวไหนกันครับ” ปัญญวัฒน์อุ้มเด็กชายขึ้นมานั่งบนตัก

“ไปเที่ยวทะเลกัน ไปนะอาปัน ไปนะๆ” เด็กชายเรนอ้อนชายหนุ่มให้ไปเที่ยวกับตน

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูพร้อมกับเปิดเข้ามา ทำให้คนที่อยู่ในห้องหันไปมอง

“น้องเรนอยู่นี่เอง มากวนอาปันหรือเปล่า” ภาสวรยิ้มให้ปัญญวัฒน์พร้อมทั้งถามลูกชาย เขาเผลอแป๊บเดียวน้องเรนก็หายไปจากห้องทำงานของเขาเสียแล้ว

“ป่าวน้า เรนมาชวนอาปันไปเที่ยวทะเล ไปนะอาปันไปกับเรนนะ” เด็กชายหันมาบอกบิดาก่อนหันไปอ้อนคุณอาคนโปรดต่อ ปัญญวัฒน์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจพร้อมทั้งมองหน้าภาสวรราวกับถาม

“ผมต้องไปงานเปิดตัวโรงแรมใหม่ของนายดินที่ภูเก็ต ปันสนใจจะไปด้วยกันไหม” ภาสวรอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจ

“พี่ภาคไปกับน้องเรนสองคนก็ได้นี่ครับ”

“ไม่ซิ ถ้าอาปันไม่ไปพ่อก็ไปคนเดียว” เด็กชายทำปากยื่นแก้มป่องประท้วงออกมา ตอนแรกที่ภาสวรบอกว่ามีงานแถมจะให้เขาอยู่บ้านกับยายใจ

“คือตอนแรกพี่จะไปคนเดียวแต่น้องเรนไม่ยอม จนพี่ต้องพาไปด้วย ไหนๆก็ไปแล้วเลยอยากให้ปันไปด้วย ตอบแทนที่ปันชวนน้องเรนกับพี่ไปเที่ยวไง” ภาสวรโน้มน้าวชายหนุ่ม

“ไปวันไหนกลับเมื่อไหร่ครับ” ปัญญวัฒน์อดที่จะใจอ่อนกับสายตาที่เว้าวอนของเด็กชายไม่ได้

“ไปเย็นวันศุกร์ กลับบ่ายวันอาทิตย์ ตกลงปันไปด้วยนะพี่จะได้จองเครื่องบิน” ภาสวรเอ่ยถามด้วยความยินดี

“ครับ” คำตอบของปัญญวัฒน์ทำให้สองพ่อลูกยิ้มกว้าง เด็กชายกอดชายหนุ่มด้วยความดีใจ

“เย้ อาปันไปเที่ยวกับเรนแล้ว” ปัญญวัฒน์อดที่จะหอมแก้มป่องๆของเด็กชายไม่ได้

“พี่ดีใจนะที่ปันไปด้วย เดี๋ยวพี่ขอตัวไปจัดการเรื่องตั๋วก่อน น้องเรนอย่าดื้อกับอาปันนะครับ” ภาสวรบอกกับเขาก่อนที่หันไปพูดกับลูกชาย

‘เฮ้อ ทำไมใจเต้นแรงแบบนี้ เขาดีใจที่มีพี่เลี้ยงเด็กหรอกน่า’ ปัญญวัฒน์พยายามระงับใจที่เต้นแรงกับคำพูดของภาสวร โชคดีที่เด็กชายกำลังเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้เขาฟัง เลยไม่ได้สังเกตุว่าอาคนโปรดใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่



เช้าวันเดินทางปัญญวัฒน์ให้รถที่บ้านมาส่งที่ทำงานพร้อมกระเป๋าเดินทาง เนื่องจากว่าช่วงบ่ายเขากับภาสวรจะออกจากที่ทำงานไปรับน้องเรนที่โรงเรียนก่อนที่จะไปสนามบินกัน

หลังจากเช็คอินแล้ว ภาสวรพาเด็กชายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่จากชุดนักเรียนเป็นชุดที่ใส่สบายโชคดีที่เด็กชายเปลี่ยนรองเท้าก่อนลงจากรถแล้ว แถมอารามตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปเที่ยวทำให้น้องเรนอารมณ์ดีจะให้ทำอะไรก็ยอมทำทุกอย่าง

“ฟ้าต้องอิจฉาเรนมากๆเลยที่ได้ไปเที่ยวกับอาปัน” เด็กชายนึกถึงเพื่อนเล่นของตัวที่หวงอาปันเอามากๆ กว่าจะยอมแบ่งอาปันมาให้เขาบ้าง เขาต้องเสียช็อคโกแลตไปหลายแท่งแน่ะ

“นั่นซิ เอาไว้เราซื้อของไปฝากน้องฟ้ากันนะครับ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชายที่นั่งข้างเขาติดริมหน้าต่างเครื่องบิน ทำให้ชายหนุ่มนั่งระหว่างพ่อลูกสุธาภิวัฒน์ไปโดยปริยาย

“คับ อาปันอีกนานไหมจะถึง” เด็กชายที่มองออกไปด้านนอกถามขึ้น”

“เกือบชั่วโมงครับ เวลาเท่าที่น้องเรนนั่งรถจากบ้านไปโรงเรียนไงครับ” ปัญญวัฒน์ตอบพร้อมอธิบายให้น้องเรนเข้าใจ เครื่องบินเพิ่งบินขึ้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเด็กชายก็ถามเสียแล้ว จากกรุงเทพไปภูเก็ตใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่าๆ สำหรับเด็กอาจจะคิดว่านานก็ได้

“เรนจะได้เล่นน้ำเลยไหม” เด็กชายถามด้วยความหวังว่าจะได้เล่นน้ำในสระน้ำของโรงแรม เพราะพ่อเพิ่งเอารูปให้ดูก่อนที่จะนอนเมื่อคืนนี้

“ยังครับ ไปถึงมืดแล้ว เอาไว้เล่นพรุ่งนี้ พ่อจะพาไปเล่นนะครับ” ภาสวรตอบเด็กชายแทนปัญญวัฒน์ เพราะเด็กน้อยตื่นเต้นกับการมาเที่ยวครั้งนี้มากกว่าใครๆ

“คับ” เด็กชายตอบรับอย่างหงอยๆ ที่ไม่ได้เล่นน้ำอย่างใจนึก ปัญญวัฒน์ได้แต่โอบกอดน้องเรนแทนการปลอบใจ


พสุธาเอารถตู้ของโรงแรมมารับพวกเขาที่สนามบิน พร้อมทั้งพามาร้านอาหารริมทะเลเพื่อทานอาหารชมพระอาทิตย์ตกน้ำ ทำเอาเด็กชายตื่นเต้นชวนปัญญวัฒน์ออกไปเดินชายหาดระหว่างรออาหารที่สั่งมาเสิร์ฟ

“น้องเรนติดปันแจเลยนะ” พสุธาเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ ปกติแล้วเด็กชายไม่สนิทกับใครง่ายๆ แถมระวังตัวแจเวลาคนแปลกหน้ามาเข้าใกล้

“นั่นดิ กูก็ยังแปลกใจ” ภาสวรบอก ตั้งแต่ลูกชายเขารู้จักปัญญวัฒน์มาก็เอาแต่ถามหา อยากมาเจอ ยิ่งวันหยุดไม่ได้เจอชายหนุ่มยิ่งงอแงกว่าทุกที

“ถ้าปันเป็นผู้หญิงกูจะไม่แปลกใจเลย พวกมึงเหมือนกับครอบครัวเอามากๆ” คำพูดของพสุธาทำให้ภาสวรสะกิดใจ เพราะเขาก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน

“แต่มึงก็มีแต่ใช่ไหม” ภาสวรพูดขึ้นทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนคิดอะไร

“เอาน่า ทุกวันนี้มึงมีความสุขหรือเปล่า สำหรับกูแค่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ก็เพียงพอแล้ว อย่าเอาอะไรที่มันบั่นทอนความสุขในชีวิตมาคิดให้รกสมองเลย” พสุธาเตือนสติเพื่อน เขาไม่รู้ว่าเพื่อนจะคิดหรือทำอะไร ขอแค่ภาสวรมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ก็เพียงพอแล้ว

“นั่นซินะ” ภาสวรเข้าใจสิ่งที่พสุธาพูด ความเจ็บปวดในการสูญเสียแม่ของน้องเรนค่อยๆเลือนหายไปจากใจเขาแม้ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย เขารู้แต่เพียงว่าตอนนี้เขาสามารถยิ้มจากใจได้มากขึ้นกว่าเดิม


ภาสวรมอบทิปให้พนักงานที่ยกกระเป๋ามาให้ที่ห้องก่อนปิดประตู ส่วนสองอาหลานพอเข้าห้องได้ก็จูงมือกันไปสำรวจด้านในกันแล้ว เสียงใสพูดเจื้อยแจ้วกับปัญญวัฒน์ทำให้ภาสวรอดที่จะขำไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายของเขาแบะปากร้องไห้อาละวาดที่ไม่ได้นอนกับคุณอาคนโปรด เพราะพสุธาจัดวิลล่าหรู 2 ห้องนอนให้เขากับลูกชายห้องหนึ่งส่วนปัญญวัฒน์ได้พักอีกห้องที่อยู่ในวิลล่าเดียวกัน พอเด็กชายรู้ก็ไม่ยอมจะนอนกับปัญญวัฒน์ท่าเดียว จนพสุธาต้องบอกว่าจะนอนอีกห้องคนเดียว ส่วนอาปันจะมานอนกับน้องเรนแทน โดยที่ปัญญวัฒน์เองก็ยินดีที่จะพักสามคนในห้องเดียวกันได้

“พ่อครับมีสระว่ายน้ำด้วย” เด็กชายวิ่งมาหาพร้อมทั้งจูงมือไปดูสระว่ายน้ำที่ด้านนอกทั้งๆที่ตอนเดินเข้ามาก็ผ่านสระน้ำ

“เบาๆครับน้องเรน” ภาสวรบอกเด็กชายที่พยายามฉุดเขาให้ไปไวๆ

ห้องพักหรูหราห้องนอนสองด้านเป็นกระจกทำให้เห็นวิวสระว่ายน้ำแบบจากุชชี่ที่คั่นสองห้องในวิลล่า ส่วนอีกด้านจะเป็นวิวสระว่ายน้ำและทะเล ภาสวรมองไปรอบๆอย่างพอใจ ตอนเข้ามาในวิลล่าเจอศาลานั่งเล่นสามารถชมวิวทะเลและสระว่ายน้ำได้ ถัดมาเป็นโถงทางเดินที่แยกไปห้องนอนแต่ละห้องและห้องครัว ขณะที่เขากำลังพอใจอยู่นั่นก็เห็นปัญญวัฒน์มีทีท่าแปลกๆจนเขาอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้

“ปัน เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าครับ”

“ปันสะดวกใจไหมที่จะพักกับพี่ หรือปันอยากเปลี่ยนห้องพักบอกได้นะ” หรือปัญญวัฒน์จะอึดอัดใจที่จะพักกับเขาแต่ปฏิเสธไม่ได้

“ไม่ซิ อาปันนอนกับเรน” เด็กชายเริ่มประท้วงกลัวว่าพ่อจะให้อาปันไปนอนที่อื่น

“ครับๆ อาปันจะนอนกับน้องเรนนะครับ คนเก่งไม่ร้องซิครับ” ปัญญวัฒน์รีบปลอบเด็กชายเขาไม่อยากให้น้องเรนร้องไห้มากๆ เดี๋ยวตอนกลางคืนจะนอนละเมอ

“ถ้าปันไม่สะดวก พี่ไปนอนกับนายดินก็ได้นะ ปันนอนกับน้องเรนห้องนี้สองคน”

“ไม่ใช่ครับ ปันนอนได้” ปัญญวัฒน์เกือบจะตอบว่านอนกับพี่ภาคได้อยู่แล้วโชคดีที่เปลี่ยนทัน

“อ้าวแล้วปันมีปัญหาอะไร ถึงทำหน้าแปลกๆ” ภาสวรรู้สึกงงจนต้องถามออกมา เพราะท่าทีลำบากใจของชายหนุ่มยังไม่หายไป

“คือ ห้องน้ำมัน...” ปัญญวัฒน์ไม่รู้จะพูดอย่างไรจึงชี้ไปทางห้องน้ำที่เขาก็บอกไม่ถูก

“ห้องน้ำ ทำไม ... อ๋อ เข้าใจละ” ตอนแรกภาสวรก็งงพอมองไปที่ห้องน้ำดีๆก็พบว่าห้องน้ำเป็นกระจกใส ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากทางห้องนอน ไม่ว่าจะทำอะไรคนที่อยู่ด้านนอกสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ภาสวรเดินเข้าไปสำรวจห้องน้ำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเดินออกมา บอกปัญญวัฒน์ให้สบายใจว่าด้านในห้องน้ำมีปุ่มกดเลื่อนม่านสีขาวด้านบนให้ลงมาปิดเพื่อไม่ให้เห็นด้านในได้ ทำให้ชายหนุ่มสบายใจขึ้นจึงชักชวนเด็กชายให้ไปอาบน้ำทันที แต่สิ่งหนึ่งที่ภาสวรไม่บอกปัญญวัฒน์กลัวว่าเจ้าตัวจะไม่สบายใจก็คือ ม่านในห้องน้ำไม่หนามากถ้าอาบน้ำตอนกลางคืนแสงด้านในห้องน้ำทำให้คนด้านนอกก็เห็นเงาด้านในว่าทำอะไรอยู่


หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วสองอาหลานก็เตรียมตัวเข้านอนเพราะใกล้สามทุ่มเลยเวลานอนของเด็กชายแล้ว ปัญญวัฒน์หยิบหนังสือนิทานออกมาอ่านให้น้องเรนฟัง ภาสวรจึงเลี่ยงไปอาบน้ำ เพราะแสงด้านนอกจะช่วยไม่ให้เห็นเงาด้านในห้องน้ำได้

“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะน้องเรนของอาปัน” ภาสวรออกมาจากห้องน้ำก็เห็นลูกชายกำลังนอนตะแคงเข้าหาปัญญวัฒน์

“น้องเรนหลับแล้วเหรอ” ภาสวรเอ่ยถามปัญญวัฒน์เบาๆ ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับเขาไม่อยากให้เด็กชายที่เพิ่งหลับรู้สึกตัว

“ปันนอนไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวพี่ขอออกไปคุยกับดินหน่อยอยู่ที่ห้องนั่งเล่นนะ” ภาสวรบอกก่อนที่จะเดินออกไปด้านนอก จากในห้องสามารถมองผ่านม่านบางๆออกไปเห็น แต่เขาก็บอกให้ปัญญวัฒน์สบายใจว่าเขาไม่ไปไหนไกล

กว่าภาสวรจะกลับเข้ามาสองอาหลานก็หลับไปแล้ว โดยน้องเรนซุกซบที่อกปัญญวัฒน์ ภาสวรจัดผ้าห่มให้ทั้งคู่ก่อนจะหอมที่ศีรษะลูกชาย

“ฝันดีนะน้องเรน ฝันดีนะปัน” ภาสวรเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนเบียดตัวเข้าหาน้องเรนกอดทั้งคู่เอาไว้


เช้าวันรุ่งขึ้นปัญญวัฒน์รู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะลูกเตะของน้องเรนที่นอนดิ้นกลับหัวกลับหางแถมผ้าห่มเองก็ร่นไปอยู่ปลายเท้า โชคดีที่ภาสวรปรับแอร์ไม่ให้เย็นมากนักสงสัยจะรู้ว่าลูกชายนอนดิ้นผ้าห่มหลุดไปจากตัว ปัญญวัฒน์ค่อยๆอุ้มเด็กชายให้มานอนดีๆก่อนที่จะห่มผ้าให้สองพ่อลูก จากนั้นก็ไปทำธุระส่วนตัวเพราะแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้องแล้ว

อากาศยามเช้าสดชื่น วิวที่มองจากศาลานั่งเล่นสวยจนปัญญวัฒน์อดใจไม่ไหวถ่ายรูปไปหลายใบพร้อมส่งไปอวดพี่ๆและเพื่อนๆให้อิจฉาเล่น

“อาปันทำไมไม่ปลุกเรน” เด็กชายวิ่งมาหาปัญญวัฒน์ทั้งชุดนอนพร้อมต่อว่า

“ตื่นนานหรือยังปัน” ภาสวรที่ตามออกมาเอ่ยถามชายหนุ่ม

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่ภาค อรุณสวัสดิ์น้องเรน ตื่นสักพักแล้วครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยทักทั้งคู่ก่อนตอบคำถามภาสวร

“หิวหรือยังปัน เดี๋ยวพี่โทรสั่งอาหารให้” ภาสวรเอ่ยถาม เมื่อคืนเขาได้ถามพสุธาแล้วว่า วิลล่านี้พิเศษหน่อยแค่โทรไปสั่งอาหารเช้าก็จะมาเสิร์ฟถึงที่ ไม่ต้องออกไปทานที่ห้องอาหาร

“ได้ครับ” ความจริงแล้วปัญญวัฒน์เองยังไม่หิวแต่เด็กชายควรทานอาหารเช้าเป็นเวลา

“พ่อคับเรนอยากเล่นน้ำ” เด็กชายบอกบิดา

“ทานข้าวก่อนนะครับ พอแดดออกมากกว่านี้ค่อยเล่น ออ สระนี้เป็นแบบน้ำเกลือนะน้องเรน” ภาสวรบอกลูกชาย แม้ว่าน้องเรนจะเคยว่ายในสระน้ำเกลือมาบ้างแล้ว แต่บอกให้รู้ก่อนจะดีกว่า

หลังทานอาหารเด็กชายเรนได้ลงว่ายน้ำสมใจ แถมมีห่วงยางและเป็ดยางตัวใหญ่ที่พสุธาให้คนเตรียมไว้ให้หลานเล่นอีก แม้ว่าสระไม่ลึกมาก แต่มีห่วงยางไว้ก็อุ่นใจกว่า


เสียงกรีดร้องด้วยความชอบใจเรียกความสนใจของคนเพิ่งตื่นนอนได้ดี พสุธาเดินออกมาด้านนอกมองหลานชายและปัญญวัฒน์เล่นที่สระจากุชชีอย่างสนุกสนาน เรียกรอยยิ้มให้เขาได้เป็นอย่างดี

“ตื่นเช้าจังมึง กินไรหรือยัง” พสุธาเอ่ยทักเพื่อนที่นั่งมองลูกชายอยู่ที่ศาลานั่งเล่น

“กินแล้ว ใครจะรอมึงไหว” ภาสวรบอก ทำให้พสุธาโทรสั่งอาหารเช้าแค่ชุดเดียว ก่อนสั่งของทานเล่นและเครื่องดื่มมาเผื่อคนอื่นๆ

“มึงจะพาน้องเรนลงไปเล่นน้ำทะเลข้างล่างไหม” พสุธารู้สึกดีใจที่หลานชายสนุกกับการเล่นน้ำ

“อาจพาไปเดินแต่คงไม่เล่นน้ำ น้องเรนไม่ค่อยชอบทราย เพราะคลื่นซัดทรายติดตามตัว เขาชอบแบบนี้มากกว่า”

“วันนี้จะออกไปไหนไหม” เพราะงานเลี้ยงจะเริ่มประมาณ 5 โมงเย็น เผื่อเพื่อนของเขาจะออกไปเที่ยวที่อื่น จะได้จัดเตรียมรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้

“ไม่ล่ะท่าทางอยากจะอยู่ที่นี่มากกว่า เดี๋ยวจะไปร่วมงานเลี้ยงพระ สักพักคงให้น้องเรนขึ้นแล้ว ค่อยมาเล่นใหม่ตอนบ่าย” ภาสวรมองไปยังลูกชายให้พสุธารู้ว่าใครอยากอยู่ที่นี่มากกว่าจะออกไปเที่ยวข้างนอก

“งั้นเดี๋ยวไปด้วยกัน” พสุธานัดแนะเวลากับภาสวรสักพัก พนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟให้ ทำให้ภาสวรกวักมือเรียกลูกชายกับปัญญวัฒน์ให้มาทานอาหารว่างก่อนแล้วค่อยไปเล่นกันต่อ



*********************************


สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ในช่วงเวลาแสนพิเศษนี้ ขอส่งความปรารถนาดีและความห่วงใยที่แสนอบอุ่นไปถึงคุณ ขอให้ทุกวันล้วนเป็นวันที่สดใส ขอให้คุณมีแต่ความสุขเนื่องในวันปีใหม่นี้ไปจวบจนตลอดทั้งปี

ปล.ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณทุกแรงใจ ขอบคุณที่ติดตามนิยายของเราด้วยจ้า ขอบคุณนะคะ

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่10 [1/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-01-2019 19:25:21
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่10 [1/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-01-2019 19:52:06
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่10 [1/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 02-01-2019 09:51:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่11 [7/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 07-01-2019 14:05:23
ตอนที่ 11

“สวัสดีค่า คุณดิน คุณภาคก็มาด้วยนะคะ” เสียงที่เต็มไปด้วยจริตแพรวพราวทักทายชายหนุ่มทั้งคู่ พร้อมเจ้าของเสียงเข้ามาเกาะแกะลวนลามพสุธาแบบถึงเนื้อถึงตัว

“สวัสดีครับคุณแมน” พสุธาทักทายพลางหลบการลวนลามไปด้วย

“เมนี่ค่ะ แหมคุณดินชอบแกล้งเมนี่อยู่เรื่อยเลย” ชายค่อนข้างเจ้าเนื้อกอดแขนพสุธาไม่ยอมปล่อย

“ครับ คุณเมนี่ ตามสบายเลยนะครับ ผมขอไปดูงานก่อน” พสุธาบอกแมนสรวงก่อนหันมาพยักหน้าให้ภาสวรให้เดินไปด้านในห้องจัดเลี้ยง

ปัญญวัฒน์จูงมือเด็กชายเรนให้เดินตามภาสวรและพสุธาเข้าไปด้านใน พสุธาพาทุกคนไปนั่งที่โต๊ะวีไอพีที่จัดไว้ เด็กชายดูตื่นเต้น มองไปรอบๆอย่างชอบใจ สักพักเครื่องดื่มกับอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ น้องเรนนั่งทานอาหารโดยมีปัญญวัฒน์ดูแลอย่างใกล้ชิด

“อาปัน เรนปวดฉี่” เด็กชายเอ่ยขึ้นขณะที่การแสดงบนเวทีจบลง

“คุณภาคครับเดี๋ยวผมพาน้องเรนไปเข้าห้องน้ำนะครับ” ปัญญวัฒน์หันไปบอกภาสวรที่กำลังพูดคุยติดพันกับแขกท่านอื่นมีมาร่วมโต๊ะด้วย ถ้าอยู่ข้างนอกเขาจะไม่กล้าเรียกภาสวรว่าพี่ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี เมื่อชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ปัญญวัฒน์จึงพาน้องเรนออกไปด้านนอกห้องจัดเลี้ยง

“ล้างมือก่อนนะครับ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชายหลังจากทำธุระเสร็จ

“อุ๊ย คุณน้องเดี๋ยวก่อนค่ะ น้องมากับคุณภาคใช่ไหมคะ” แมนสรวงปรี่เข้ามาหาทันทีที่พวกเขาเดินออกมาจากห้องน้ำกำลังจะเข้าไปในงาน

“ใช่ครับ” ปัญญวัฒน์พยักหน้าบอก ก่อนก้มมองดูน้องเรนที่จับมือของเขาแน่นขึ้น

“คือพี่ชื่อเมนี่นะคะ อย่าหาว่าพี่อย่างงู้นอย่างงี้เลยนะคะ พี่อยากจะถามคุณน้องนิดนึงน่ะค่ะ” เสียงที่มีจริตแนะนำตัวขึ้นพร้อมถามอย่างเป็นกันเอง

“ครับ” ปัญญวัฒน์มองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ ดูเหมือนว่าผู้จัดการดาราคนนี้พยายามจะพูดตีสนิทเขาเพื่ออะไรบางอย่างแนะนำนำเสียดิบดี แต่ไม่อยากรู้จักเขาสินะ

“คือพี่อยากถามว่าคุณน้องเป็นอะไรกับคุณภาค คือเห็นสนิทกันอย่างนี้น่ะค่ะ” ปัญญวัฒน์ยิ้มให้แมนสรวงก่อนตอบออกมา

“ผมเป็นพี่เลี้ยงเด็กครับ มาดูแลน้องเรนลูกชายคุณภาค” ปัญญวัฒน์มองเด็กชาย เขาไม่ได้โกหกสักหน่อย น้องเรนติดเขาและเขาก็เลี้ยงน้องเรนจริงๆ

“คุณภาคแกก็ดีจริงๆนะคะ ที่เอาพี่เลี้ยงเด็กมาร่วมโต๊ะด้วย” แมนสรวงสำรวจคนตรงหน้าที่ใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คเรียบร้อย

“ครับ” ปัญญวัฒน์เองก็รับคำโดยไม่ใส่ใจสายตาของคนตรงหน้า ความจริงเขาก็พกสูทมานะแต่ภาสวรเองก็ไม่ใส่สูท เขาจะเอามาใส่ก็ใช่เรื่อง มีน้องเรนที่ใส่ชุดสูทหล่ออยู่คนเดียว ขนาดพสุธาลูกชายเจ้าของโรงแรมยังไม่เตรียมมาเลย จนภาสวรต้องเสียสละให้ยืมเสื้อสูทเพราะชายหนุ่มจะต้องขึ้นเวทีไม่อย่างงั้นเลขาของพสุธาคงจะวุ่นวายเสียเวลาหาเสื้อให้เจ้านาย

“งั้นน้องก็นอนกับลูกชายคุณภาคใช่ไหม”

“ใช่ครับ” ปัญญวัฒน์บอก แต่เมื่อสบตาที่เป็นประกายของแมนสรวงทำให้เขาชะงัก ท่าทางภาสวรคงต้องเตรียมตัวรับมือไว้ให้ดีแล้ว ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คิดจะทำอะไร

“อาปันๆ” เด็กชายดึงมือปัญญวัฒน์พร้อมทั้งเรียกเบาๆ กลัวว่าผู้ชายที่คุยกับปัญญวัฒน์จะได้ยิน

“งั้นพี่เมนี่ไม่รบกวนน้องแล้ว ท่าทางคุณหนูอยากไปแล้ว” แมนสรวงบอกเมื่อเห็นท่าทางของเด็กชาย พร้อมทั้งเดินจากไปอย่างรวดเร็วพอๆกับขามา ทำเอาปัญญวัฒน์ได้แต่งงเนื่องจากบอกลาไม่ทัน

“อาปัน เขาเป็นใครเหรอคับ” เด็กชายถามขึ้นมา

“เขาเป็นแขกที่มาร่วมงานเหมือนกับพวกเราไงครับ” ปัญญวัฒน์อธิบายให้เด็กชายเข้าใจก่อนพาเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง

พอเดินกลับเข้ามาในงานเลี้ยงภาพดาราสาวที่นั่งอยู่ข้างภาสวรทำให้ปัญญวัฒน์ชะงัก นิชาดากำลังพูดคุยกับคนในโต๊ะอย่างสนุกสนาน

“ผู้หญิงคนนั้นนั่งที่เรน” เด็กชายบอกพร้อมเดินที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่อง ปัญญวัฒน์ที่เห็นท่าทางเด็กชายรีบคว้าตัวเอาไว้

“น้องเรนครับ คุณพ่อกำลังคุยธุระอยู่เราออกไปรอข้างนอกนะครับ” ปัญญวัฒน์พยายามเกลี่ยกล่อมเด็กชาย

“ไม่” เจ้าด้วยปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมสะบัดตัวเองให้พ้นจากการจับของชายหนุ่ม

“น้องเรนครับทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย น้องเรนคนเก่งของอาปันไปไหนน้า ทำแบบนี้อาปันเสียใจนะครับ” ปัญญวัฒน์ที่ตอนนี้คุกเข่ากอดเด็กชายเอาไว้พยายามปลอบโยนไม่ให้อาละวาด

 “น้องเรนจะทานอะไร ไอศกรีมไหมเดี๋ยวอาปันพาไป” ปัญญวัฒน์หลอกล่อเด็กชาย เมื่อเห็นน้องเรนสงบก็อุ้มเดินออกมาจากห้องจัดเลี้ยงแล้วพาไปห้องอาหารแทนโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกภาสวร เขากลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นห่วงที่พวกเขาหายไปนาน

“อาปันขอถามอะไรน้องเรนได้ไหมครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กชายทานไอศกรีมหมดแล้ว

“ได้ครับ” เสียงตอบรับของน้องเรนทำให้ปัญญวัฒน์รู้ว่าเด็กชายอารมณ์ดีแล้ว

“ทำไมน้องเรนไม่ชอบคุณลูกพีชล่ะครับ” ปัญญวัฒน์เสี่ยงที่จะถามเพราะเขาอยากรู้จะได้แก้ให้ถูกจุด

“ผู้หญิงหน้าด้านแย่งพ่อไปจากเรน”

“หือ” ปัญญวัฒน์รู้สึกตกใจกับคำพูดของเด็กน้อย ไหนจะท่าทางก้าวร้าวนั้นอีก

“น้องเรนรู้ได้อย่างไรครับ ว่าเขาจะแย่งคุณพ่อ” ปัญญวัฒน์ถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่าทำไมเด็กชายถึงคิดแบบนี้

“น้ารุ้งบอก” น้ารุ้งคือใครกัน?

“น้ารุ้งบอกว่ายังไงครับ” ปัญญวัฒน์เก็บความสงสัยของตัวเองไว้ก่อน ค่อยๆตะล่อมถามต่อ

“บอกว่าผู้หญิงหน้าด้านจะมาจับพ่อ จะมาเป็นแม่ใหม่ของเรน แล้วเรนจะเป็นหมาหัวเน่าโดนพ่อทิ้ง พ่อจะทิ้งเรนจริงๆเหรออาปัน” เด็กชายเงยหน้าถามปัญญวัฒน์เสียงสั่นๆด้วยความหวาดกลัว จนชายหนุ่มต้องคว้าเด็กชายเข้ามากอดไว้

“คุณพ่อรักน้องเรนมาก ไม่ทิ้งน้องเรนไปไหนหรอกครับ” ปัญญวัฒน์ลูบหลังเด็กชายในอ้อมกอดเบาๆ นี่สินะสาเหตุ ความหวาดกลัวในใจทำให้อาละวาดต่อต้านผู้หญิงที่เข้ามาใกล้ชิดบิดา

“แน่นะ” เด็กชายเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ

“น้องเรนลองคิดดูนะครับ เวลาน้องเรนอยากได้อะไรคุณพ่อก็ซื้อให้ น้อยครั้งที่จะขัดใจ จะไปไหนก็ตามใจพาน้องเรนไปด้วยอย่างที่มาที่นี่ไงครับ” ปัญญวัฒน์อธิบายอย่างใจเย็น

“ไม่จริง ตอนแรกพ่อบอกให้อยู่บ้าน” เด็กชายค้านอย่างหงอยๆ

“สุดท้ายคุณพ่อก็พามาใช่ไหมครับ”

“เพราะอาปันมาหรอกพ่อถึงให้มาด้วย ถ้าอาปันไม่มาพ่อให้อยู่บ้านกับยายใจ” ปัญญวัฒน์เข้าใจถึงสาเหตุที่เด็กชายรบเร้าจะให้เขามาเที่ยวด้วยแล้ว

“น้องเรนรักคุณพ่อมากไหมครับ”

“รักมากเท่าฟ้าเลย” เด็กชายกางแขนกว้างๆให้ชายหนุ่มดู

“คุณพ่อก็รักน้องเรนมากกว่านั้นอีก อาคิดว่าคุณพ่อจะไม่รักใครมากกว่าน้องเรนแล้ว”

“จริงเหรอ” เด็กชายมองปัญญวัฒน์อย่างไม่แน่ใจ

“ไม่เชื่อน้องเรนลองถามคุณพ่อดูซิครับ” ปัญญวัฒน์แนะขึ้น เห็นทีเขาต้องคุยเรื่องนี้กับภาสวรดูแล้ว แม้ว่าอาจจะทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจที่เขาไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวก็ตาม

“หลบมาอยู่ที่นี่กันเอง” ภาสวรเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะเอ่ยขึ้น ปัญญวัฒน์ส่งข้อความมาว่าจะพาน้องเรนไปทานไอศกรีม กว่าเขาจะปลีกตัวออกมาได้นานพอดู

“พ่อคับ พ่อรักเรนไหม” เด็กชายโผเข้าหาบิดาพลางเอ่ยถามอย่างคาใจ

“รักซิครับ” ภาสวรกอดลูกชายอย่างแปลกใจ

“รักแค่ไหนเหรอ” เด็กชายถามต่อ อาปันบอกว่าพ่อรักเขามากกว่า

“รักเท่าฟ้า แล้วน้องเรนล่ะ” ภาสวรนึกถึงคำพูดที่น้องเรนชอบพูดบ่อยๆก่อนตอบออกมา พลางเลิกคิ้วมองปัญญวัฒน์คล้ายจะถามว่าทำไมลูกชายของเขาถึงมีคำถามแบบนี้

“ไม่ซิๆ เรนรักพ่อเท่าฟ้า อย่างงี้อย่างงี้ แล้วพ่อล่ะ” เด็กชายดิ้นออกจากอ้อมกอดของภาสวร พร้อมกางแขนออกให้ดูก่อนเงยหน้ามองผู้เป็นพ่ออย่างคาดหวัง

“อ๋อ ครับแค่นี้พอหรือยัง” ภาสวรกางแขนตามลูกชายพลางเหลือบมองไปรอบๆ โชคดีที่ไม่มีลูกค้าอยู่บริเวณโซนที่เขานั่ง

“จริงด้วยอาปัน พ่อรักเรนมากกว่าจริงๆ” เด็กชายหันมาบอกปัญญวัฒน์หลังจากที่เทียบความกว้างของแขนตัวเองกับผู้เป็นพ่อแล้ว ทำเอาปัญญวัฒน์หัวเราะลั่นในความเข้าใจของเด็กน้อย

“ครับๆอาก็เห็นแล้ว ฮ่าๆ” ภาสวรเองก็ขำลูกชาย เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งคู่คุยอะไรกัน แต่ดูสีหน้าพออกพอใจของลูกชายที่หัวเราะกับปัญญวัฒน์แล้วทำให้เขารู้สึกดีและมีความสุขไปด้วย


ระหว่างที่เดินกลับห้องพักผ่าน Water bar บริเวณโดยรอบตกแต่งเปิดไฟดูสวยงามมากในช่วงค่ำ มีลูกค้าใช้บริการมากมาย ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ Water bar ของที่นี่มีอาหารประเภทของว่างหรือกับแกล้มเสียส่วนมาก ส่วนเครื่องดื่มมีตั้งแต่น้ำผลไม้ ตลอดจนของมึนเมาหลากหลายประเภทไว้คอยบริการลูกค้า

“พ่อคับเรนอยากนั่งที่นั่น” เด็กชายชี้ไปยังเคาน์เตอร์ที่ตั้งอยู่ในน้ำอยู่ไม่ไกลจาก Water bar มากนัก

“พรุ่งนี้สายๆ แล้วกันนะครับ ถ้าจะนั่งเวลานี้ต้องโตก่อนนะครับเดี๋ยวพ่อพามานั่งนะ” Water bar ที่นี่จำกัดอายุตั้งแต่เวลาห้าโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน ถ้าช่วงกลางวันใช้บริการได้ทุกเพศทุกวัย

“ก็ได้ครับ” เด็กชายรับคำก่อนหันไปมองอีกนิดหน่อย


ปัญญวัฒน์มองน้องเรนที่ฟังนิทานจากคุณพ่อ ตั้งแต่ออกจากห้องอาหารเด็กชายก็กลับมาเกาะติดภาสวร ทำให้คืนนี้คุณพ่อพาคุณลูกอาบน้ำและเข้านอน

“อาปัน มานอนกันคับ” เด็กชายกวักมือเรียกเขาให้เข้าไปหลังจากฟังนิทานเสร็จ

“น้องเรนราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะครับ” ปัญญวัฒน์หอมแก้มป่องๆก่อนลงไปนอนข้างๆเด็กชาย

“ราตรีสวัสดิ์ครับ นอนได้แล้วลูก” ภาสวรบอกลูกชายพร้อมจัดผ้าห่มห่มให้เรียบร้อย

“พี่ภาคครับ ง่วงหรือยังครับผมอยากคุยด้วยหน่อย” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามหลังจากที่น้องเรนได้หลับแล้ว

“ได้ เราออกไปคุยด้านนอกแล้วกัน” ภาสวรบอกก่อนลุกเดินออกไป เขาไม่อยากให้มีอะไรรบกวนการนอนของลูกชาย

“เอาไวน์ไหม” ภาสวรเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มส่ายหัวเขาจึงจัดการรินใส่แก้วสำหรับตัวเองแก้วเดียว

“ปันมีอะไรหรือเปล่า” ภาสวรถามขึ้นเมื่อชายหนุ่มเงียบไปทั้งๆที่บอกว่ามีเรื่องคุยกับเขา

“เอ่อ คือว่า...”


ติ๊งหน่อง

ยังไม่ทันที่ปัญญวัฒน์จะพูดอะไรเสียงกริ่งที่บ้านพักก็ดังขึ้นเสียก่อน ภาสวรรีบลุกออกไปดูเพราะกลัวว่าเสียงกริ่งจะทำให้ลูกชายเขาตื่น

‘ใครมาตอนนี้เนี่ย จะว่าคุณดินก็ไม่น่าใช่เพราะคุณดินมีการ์ดเปิดประตู’ ปัญญวัฒน์รู้สึกขัดใจที่มีคนขัดจังหวะกว่าเขาจะรวบรวมความกล้าพูดกับภาสวรได้นั้นมันนานมาก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวชายหนุ่มซึ่งเขาเป็นคนนอกจะเข้าไปก้าวก่ายมันก็ใช่ที่

เมื่อเดินมาถึงประตูทำเอาปัญญวัฒน์ตาโตเมื่อเห็นคนที่มากดกริ่งยามค่ำคืนนี้ นิชาดากำลังคุยกับภาสวรอยู่ที่หน้าประตู สายตาของหญิงสาวที่มองภาสวรนั้นดูเชิญชวนจนเขาต้องเลี่ยงออกมา ‘สงสัยคืนนี้เห็นจะไม่ได้คุยแล้วมั้ง’ ปัญญวัฒน์คิดก่อนเดินกลับเข้าห้องอย่างเหงาๆ

ภาสวรเดินกลับเข้ามาในครัวไม่เห็นปัญญวัฒน์ เขาจึงเดินเข้าไปในห้องก็พบว่าชายหนุ่มนอนกอดลูกชายเขาหลับไปแล้ว ภาสวรจึงเดินเข้าไปนอนอีกด้านของลูกชายก่อนโอบกอดคนทั้งคู่ไว้ก่อนหลับตามไป

ปัญญวัฒน์ค่อยๆลุกออกมาจากห้องหลังจากแน่ใจว่าภาสวรหลับไปแล้ว ตอนที่ชายหนุ่มเข้ามาเขายังไม่หลับ ดูเหมือนภาสวรรักลูกมากจนปฏิเสธดาราสาวนั่น งานนี้คงมีคนหัวเสียที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิด ปัญญวัฒน์กดโทรศัพท์ที่หยิบติดมาด้วยก่อนเดินออกมาจากห้อง รอสายไม่นานคนที่โทรหาก็รับสาย

(ฮัลโหล ว่าไงน้องชาย)

“พี่ปานอนหรือยัง”

(ยังมีอะไรจ๊ะ)

“ปันพอจะรู้สาเหตุที่ทำให้น้องเรนต่อต้านไม่ชอบหน้าผู้หญิงที่เข้ามาใกล้คุณภาคแล้วครับ เรื่องเป็นแบบนี้...” ปัญญวัฒน์ตัดสินใจเล่าเรื่องให้พี่สาวฟัง

“ปันควรจะบอกเรื่องนี้กับคุณภาคไหมครับพี่ปา” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามความคิดเห็นพี่สาวหลังจากที่เล่าเรื่องจนจบ

“ผมว่าควรบอกนะ เพราะเป็นเรื่องของผม” เสียงห้าวๆเอ่ยขึ้นด้านหลัง ปัญญวัฒน์หันไปมองด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนตรงหน้า

“เอ่อคือ...” ปัญญวัฒน์ตกใจจนพูดไม่ออก เขากดวางสายพี่สาวก่อนสบตาคมของภาสวร เขาแน่ใจแล้วว่าชายหนุ่มหลับแล้วจึงเดินออกมาที่ศาลานั่งเล่น

“ช่วยเล่าเรื่องให้พี่ฟังหน่อยได้ไหมปัน” ภาสวรเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นท่าทางหงอยๆของปัญญวัฒน์

“ครับ...” ปัญญวัฒน์เล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากเด็กชายให้ภาสวรฟังทั้งหมด ชายหนุ่มดูนิ่งจนปัญญวัฒน์เดาอารมณ์ไม่ถูก

ภาสวรรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงประตูปิด เมื่อลืมตามองไปรอบๆก็พบปัญญวัฒน์หายไป เขาจึงลุกขึ้นไปดูก็พบว่าชายหนุ่มเดินไปที่ศาลานั่งเล่น พสุธาเองก็ยังไม่กลับมาที่ห้อง ภาสวรจึงตัดสินใจออกไปดู แต่สิ่งที่เขาได้ยินกลับเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ปัญญวัฒน์บอกคู่สนทนาว่าน้องเรนมีบาดแผลที่อยู่ในใจ

“พี่ภาคครับ ผมขอโทษ” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้นหลังจากที่ภาสวรเงียบไปนาน

“ปันจะมาขอโทษพี่ทำไม พี่ตังหากที่ต้องขอบคุณ” ภาสวรบอก เขาไม่เคยรู้เลยว่าลูกชายของเขาโดนเป่าหู ปลูกฝังในเรื่องที่ผิดๆ

“ผมขอโทษที่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่”

“ปันไม่ได้ยุ่งเรื่องส่วนตัวพี่สักหน่อย ปันแค่รักและปรารถนาดีกับน้องเรน พี่เสียอีกที่เป็นพ่อกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย พี่คิดว่าเขาแค่หวงตามวัยของเขา” ภาสวรเองรู้สึกเสียใจที่ลูกชายเขาโดนทำร้ายจิตใจจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นญาติเป็นคนในครอบครัวตัวเอง

“พี่ภาคเป็นพ่อที่ดีแล้วครับ น้องเรนยังเด็ก พี่สามารถสอนเขาได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้แค่พี่ค่อยๆพูดค่อยๆสอน น้องเรนเป็นเด็กฉลาดครับ ผมเชื่อว่าน้องเรนจะเข้าใจ” ปัญญวัฒน์ปลอบใจภาสวร เขาคิดว่าปัญหาพวกนี้จะถูกแก้ไขหมดไปได้ง่าย ความรักที่มีต่อลูกชายของภาสวรจะให้ความเชื่อมั่นและเยียวยาจิตใจที่ไม่มั่นคงนั้นได้

“พี่เป็นพ่อที่แย่ ดูอย่างเรื่องนี้ซิพี่ยังดูไม่ออก” ว่าทำไมลูกถึงอาละวาดเมื่อมีผู้หญิงเข้าใกล้และกลายเป็นเด็กก้าวร้าวในสายตาคนอื่น ถ้าเขารู้คงจัดการไม่ให้ลูกรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าความสูญเสียมันเจ็บปวดแค่ไหน เขาไม่อยากให้น้องเรนรู้สึกแบบนั้น

“พี่ภาคเป็นพ่อที่ดีครับ ถ้าพี่เป็นพ่อที่แย่คงไม่กังวลและไม่คิดแก้ปัญหาพวกนี้หรอกครับ”

“พี่กลัว กลัวว่าจะเป็นพ่อที่ไม่ดี ปันจะช่วยพี่ดูแลน้องเรนได้ไหม”

“ได้ซิครับ” คำตอบรับของปัญญวัฒน์ทำให้ภาสวรมีกำลังใจขึ้น เขากับลูกชายโชคดีที่ได้รู้จักสนิทสนมกับปัญญวัฒน์ แค่คำพูดกับรอยยิ้มของชายหนุ่มก็สร้างกำลังใจให้ฮึดสู้กับปัญหา โชคดีจริงๆที่เขามีปัญญวัฒน์อยู่ข้างๆ


*******
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ



หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่11 [7/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-01-2019 14:22:04
 :L2: :L1: :pig4:

ใครจะเปิดใจก่อนกันนะ
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่12 [14/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 14-01-2019 17:37:41
ตอนที่ 12

“เพิ่งรู้ว่ามึงรับจ๊อบเป็นพี่เลี้ยงเด็ก” นาวินเอ่ยทักปัญญวัฒน์ขณะที่เข้ามาในบ้านของชายหนุ่ม

“พี่ภาคเขาติดงานเลยมาฝากไว้” ปัญญวัฒน์บอกขณะมองดูหลานสาวเล่นน้ำกับน้องเรนอย่างสนุกสนาน

“น่าเชื่อตาย คนอะไรจะติดงานทุกอาทิตย์” นาวินบ่นออกมา เขาโดนพ่อส่งไปคุมงานที่ต่างจังหวัดเป็นเดือนกว่ากลับมาถึงรู้ข่าวว่า ตลอดเวลาที่เขาไม่อยู่เด็กชายเรนกลายเป็นแขกประจำบ้านศิวะรันธร และเป็นขวัญใจของคนแถวนี้

ตั้งแต่กลับมาจากทะเลภาสวรพาเด็กชายมาเล่นบ้านของเขาทุกวันหยุด ถ้าวันไหนภาสวรติดงานเลี้ยงเด็กชายก็ค้างคืนที่บ้านของปัญญวัฒน์ ดูเหมือนว่าเด็กหญิงอิงฟ้าจะชอบใจที่มีเพื่อนเล่น แถมบรรดาคุณยายก็ดีใจที่มีหลานเพิ่มชักชวนให้ไปหาไปเล่นที่บ้านอยู่เสมอ

“ตอนนี้ปิดเทอมน้องฟ้าจะได้มีเพื่อนเล่นด้วย”

พวกเด็กๆปิดเทอมได้อาทิตย์กว่าๆ เด็กสองคนตัวแทบติดกัน ถ้าวันไหนเด็กชายไม่มาที่บ้านเด็กหญิงอิงฟ้าจะดูหงอยๆเฝ้าถามหาอยู่ทุกวัน จนพลอยลดาและปาลิดารับอาสากับภาสวรว่าจะดูแลเด็กชายเองตอนที่ภาสวรไปทำงาน ซึ่งชายหนุ่มเองก็ยินดี มาส่งลูกชายตอนเช้าพร้อมรับปัญญวัฒน์ไปทำงานด้วยกัน ตอนเย็นก็มาส่งพร้อมรับลูกชายกลับบ้าน

“ข้ออ้าง” นาวินแบะปากส่ายหัวราวกับไม่เชื่อที่เพื่อนบอก

“...”

“กูว่าคุณภาคกำลังเอาลูกมาอ้างมากกว่า” นาวินพูดต่อเมื่อเห็นเพื่อนเงียบไป ภาสวรทำตัวน่าสงสัย และเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าภาสวรจะรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่

“กูว่าไม่ใช่ พี่ภาคคงอยากให้น้องเรนมีเพื่อนเล่น ครั้นจะพาไปที่ทำงานด้วยน้องเรนเองก็เบื่อ คุณภาคก็คงไม่เป็นอันทำงาน” รวมทั้งตัวเขาด้วย ปัญญวัฒน์บอกออกไปเพราะส่วนใหญ่เด็กชายจะมานั่งในห้องทำงานของเขา ชายหนุ่มไม่ได้เล่าเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของภาสวร ให้เข้าใจแบบนี้คงจะดีกว่า

ภาสวรไม่อยากปล่อยเด็กชายเอาไว้คนเดียวที่บ้านถึงแม้จะมีพี่เลี้ยงก็ตาม ชายหนุ่มกลัวว่าพราวรุ้งจะมาหาน้องเรนตอนที่เขาไม่อยู่ กลัวว่าจะมาพูดอะไรไม่ดีให้ลูกของเขาฟังอีก พราวรุ้งเป็นน้องสาวของปลายฝน แม่ของน้องเรน บางทีจะตามคุณยายน้องเรนมาเยี่ยมหลานชาย

“เอ่อ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ว่าแต่คืนนี้มึงว่างป่ะ ไปงานกับกูหน่อย” นาวินขี้เกียจเถียงกับเพื่อน เขาเอ่ยถามเรื่องที่มาหาในวันนี้

“คืนนี้พี่ภาคไปงานเลี้ยงน้องเรนค้างกับกูอ่ะ” ปัญญวัฒน์รู้สึกลำบากใจที่ต้องปฏิเสธเพื่อน

“ฝากพี่ปาก่อนได้ไหม ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยงานนี้กูไม่อยากไป แต่ต้องไปแทนพี่ทัพ” งานคืนนี้ความจริงแล้วทัพฟ้าต้องไปงาน แต่เพราะภรรยาใกล้คลอดเลยไม่อยากไปไหน นาวินเลยถูกบังคับให้ไปกับมารดาแทน

“ขอกูถามพี่ปาก่อนนะ” ปัญญวัฒน์แบ่งรับแบ่งสู้ เขาเข้าใจเพื่อนที่ไม่อยากไปงานเลี้ยงที่ไม่รู้จักใครในงาน


ในที่สุดปัญญวัฒน์มางานเลี้ยงจนได้ แต่ไม่ได้มากับนาวิน เพราะเปรมณัช พี่ชายของเขาได้รับเชิญมางานด้วย พลอยลดาไม่อยากมาเพราะกลัวว่าจะได้กลิ่นอะไรแปลกๆแล้วจะทำให้แพ้ท้องขึ้นมาอีกเลยอาสาดูแลเด็กๆกับปาลิดา

งานเลี้ยงวันเกิดมหาเศรษฐีพันล้านที่เป็นเจ้าของกิจการห้างสรรพสินค้าและโรงแรมชื่อดัง ทำให้บรรดาคู่ค้าและลูกค้ารวมถึงคนดังมาร่วมงานกันคับคั่ง บริษัทของเปรมณัชก็ดูแลวางระบบจัดการให้แก่โรงแรมที่จัดงานนี้เหมือนกัน

“มาช้าจัง” นาวินเอ่ยทักเพื่อนสนิทที่เพิ่งเดินเข้ามา

“รถติดอยู่หน้าโรงแรมนี่แหละ งานระดับบิ๊กขนาดนี้คนมาเยอะแค่ไหนมึงน่าจะรู้นะ แม่มึงอ่ะ” ปัญญวัฒน์อธิบายพร้อมทั้งถามถึงมารดาเพื่อนสนิท

“อยู่กับพวกคุณหญิงคุณนายตรงโน้น กูขี้เกียจเข้าไปด้วย บอกว่ามายืนรอมึงตรงนี้” นาวินเองก็รู้ดีว่าปัญญวัฒน์เองก็โดนพี่ชายทิ้งเหมือนกัน พอเข้างานมาเปรมณัชก็โดนผู้บริหารโรงแรมลากตัวไปทันที

“วินมานี่กับแม่หน่อย” นาตยาเดินเข้ามาหาลูกชาย

“สวัสดีครับแม่” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้แม่เพื่อนสนิท

“สวัสดีจ้าปัน วันนี้แต่งตัวหล่อเชียว” นาตยาเอ่ยชม วันนี้ชายหนุ่มสวมสูทสีควันบุหรี่ผมที่ถูกเซตให้เป็นทรงทำให้ดูดีแปลกตาไปกว่าทุกวัน

“วินกับปันตามแม่ไปทักทายเพื่อนก่อน” ทั้งคู่ยังไม่ทักท้วงอะไรก็โดนนาตยาควงแขนเข้าไปหาลูกสาวคนโตของเจ้าของงานในคืนนี้เสียแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณหญิง นี่นาวินลูกชายคนเล็กค่ะส่วนนี่ปัญญวัฒน์หลานชายของดิฉัน” ชายหนุ่มทั้งคู่ยกมือไหว้คุณหญิงมณีกัลยาโดยอัตโนมัติ

“เมื่อกี้ตอนเอาของขวัญมาให้ไม่ทันสังเกตดีๆ ลูกชายและหลานชายคุณหญิงหล่อดูดีไม่แพ้พี่ชายเขาเลยนะ” คุณหญิงมณีกัลยาเอ่ยชม เสียดายที่ลูกชายลูกสาวของเธอไม่รู้เดินไปทางไหนแล้วอายุคงรุ่นราวคราวเดียวกัน จะได้แนะนำให้สองหนุ่มนี่รู้จักกันไว้
 
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง ตอนนี้ตาวินถูกพ่อส่งไปคุมงานก่อสร้างที่ต่างจังหวัดค่ะ เพิ่งได้กลับมาเลยพามาออกงานเสียหน่อย”

“ดีแล้วค่ะ พามาเปิดหูเปิดตาบ่อยๆจะได้มีคนรู้จักบ้าง”

นาวินที่เห็นแม่ของตัวเองเริ่มคุยติดพันกับคุณหญิงก็ขอตัวออกมาก่อนพร้อมทั้งดึงปัญญวัฒน์ออกมาด้วย ทั้งคู่เดินเลี่ยงออกมาที่ซุ้มอาหารที่อยู่ด้านข้าง อาหารคาวหวานจัดเป็นชิ้นเล็กๆดูหรูหราสมกับโรงแรมหรูชื่อดังมีให้เลือกหลากหลายให้ลิ้มลอง ทั้งคู่เลือกชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อย ปัญญวัฒน์หยิบเฉพาะขนมที่จัดวางน่าทานจนเลือกไม่ถูก ก่อนจะมาจับจองที่นั่งที่อยู่ไม่ไกลจากซุ้มขนม

“ปัน” เสียงทักทำให้สองหนุ่มเงยหน้าจากจานอาหารตรงหน้า

“สวัสดีครับคุณภาค” เป็นนาวินที่เอ่ยทักพร้อมยกมือไหว้ชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่ในขณะที่เพื่อนของเขายังตกใจที่มาเจอภาสวรที่งานนี้ด้วย

“สวัสดีครับวิน ปันไม่เห็นบอกเลยว่าจะมางานนี้ด้วย” ภาสวรเอ่ยทักนาวินก่อนหันมาถามปัญญวัฒน์ นี่ถ้าเขาไม่เจอเปรมณัชก็คงไม่รู้ว่าชายหนุ่มมาร่วมงานด้วย

“ผมโดนพี่เปรมกับวินลากมาน่ะครับ” ปัญญวัฒน์ตอบเสียงอ่อยๆเพราะกลัวว่าภาสวรจะต่อว่าที่เขารับปากว่าจะดูแลน้องเรนกลับทิ้งให้อยู่กับปาลิดาแทน

“ถ้ารู้ก่อนจะได้มาพร้อมกัน” คำพูดของภาสวรดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่นาวินกลับรู้สึกว่ามันแปลกๆ ท่าทีที่เปลี่ยนไปของภาสวรที่มีต่อเพื่อนของเขา รวมถึงสายตาที่มองก็แปลกไป ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้ไหม แต่ปัญญวัฒน์เพื่อนของเขาท่าทางจะไม่รู้แน่ๆ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเจ้าตัวไม่เคยรู้เลยว่าใครคิดอะไรกับตัวเอง มีเขาและเพื่อนๆช่วยกันไม่ให้มาใกล้ตลอด

“ทำไมจานปันมีแต่ขนมหวาน” ภาสวรเอ่ยถามเมื่อเห็นจานตรงหน้าปัญญวัฒน์ที่แตกต่างกับนาวินโดยสิ้นเชิง

“ผมทานข้าวก่อนมาแล้ว มานี่เลยเน้นของหวาน ทาร์ตผลไม้นี่อร่อยนะครับ” ปัญญวัฒน์ตอบ ก่อนออกมางานเลี้ยงเขาทานข้าวกับเด็กๆและพี่ๆเรียบร้อยแล้ว เพราะรู้ว่ามางานอย่างนี้ไม่ค่อยได้ทานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

“งั้นเหรอไหนขอชิมหน่อย” พูดจบภาสวรก็ดึงมือของปัญญวัฒน์ที่ถือส้อมจิ้มทาร์ตเข้าปาก

นาวินแทบสำลักหูฉลามน้ำแดง ส่วนปัญญวัฒน์นั้นใจเต้นรัวแก้มร้อนผ่าวกับการกระทำของภาสวร เมื่อมองไปรอบๆเห็นว่าไม่มีใครมองอยู่ก็โล่งใจ เพราะคนส่วนใหญ่สนใจการแสดงบนเวทีมากกว่า

“อืม อร่อย”

“อยู่ที่ซุ้มนั้นครับ พี่ภาคจะเอาไหมเดี๋ยวผมไปหยิบให้” ปัญญวัฒน์บอกก่อนลุกออกมา ขืนยังนั่งอยู่ต่อเขาคงทำอะไรไม่ถูก

“เอาอันนี้ด้วย” เสียงที่ดังอยู่ข้างหูทำเอาปัญญวัฒน์ตกใจแทบทำจานหลุดมือดีที่ภาสวรคว้าไว้ทัน เขาหยิบขนมไทยที่จัดเป็นชิ้นพอดีคำใส่จานเพิ่มมาด้วย

“ปันฝากหยิบเครื่องดื่มให้พี่ด้วย” ภาสวรบอกขณะที่เดินผ่านเพราะสองมือของเขานั้นเต็มไปด้วยจานอาหารและของหวาน

“ครับ” ปัญญวัฒน์รับคำก่อนบอกพนักงานให้นำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟที่โต๊ะ ส่วนตัวเขาเองขอไปเข้าห้องน้ำเพื่อควบคุมหัวใจตัวเองที่เต้นแรงจนน่ากลัว

หลังจากที่ใจสงบลงเป็นปกติปัญญวัฒน์จึงกลับมาที่โต๊ะก็พบว่านอกจากนาวินกับภาสวรแล้วยังมีพสุธาและไอรามาร่วมโต๊ะด้วย

“สวัสดีครับคุณดิน พี่ลม” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ทักทายทั้งคู่

“ไม่คิดว่าจะมาด้วยคิดว่าวินมาคนเดียวเสียอีก” ไอรายิ้มให้ปัญญวัฒน์

“ผมมากับพี่ชายครับ”

“ผมก็มากับคุณนาย” นาวินรีบบอกขึ้นก่อนที่ปัญญวัฒน์จะพูดจบ

“เดี๋ยวนะ ยังไงกันนี่ลมรู้จักทั้งคู่แล้วเหรอ” พสุธาเอ่ยถามน้องชาย เขาเดินมาที่โต๊ะก่อนไอรา ภาสวรแนะนำให้รู้จักนาวินในฐานะเพื่อนของปัญญวัฒน์ พอไอราเดินเข้ามานั่งด้วยยังไม่ทันแนะนำอะไรปัญญวัฒน์ก็เดินเข้ามาพอดี แล้วทั้งสามคนไปรู้จักกันได้อย่างไรกัน

“นารา แฝดไอ้วินเป็นน้องรหัสผม ส่วนนาวินนี่น้องที่คณะ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆของไอ้วินกับนาก็เจอกันบ่อยตอนที่เรียน ก็จะมีปัน ภัทร และรัน ที่เป็นหมอใช่ไหม” ไอราอธิบายให้พี่ชายฟัง พร้อมทั้งหันมาถามราวกับไม่แน่ใจว่าเขาจำเด็กกลุ่มนี้ผิดหรือเปล่า

“ใช่ครับพี่ ตอนนี้ไอ้รันคงกำลังเข้าเวรอย่างสนุกสนานล่ะมั้ง ภัทรไปเรียนออกแบบเพิ่มที่ฝรั่งเศส อีกไม่ถึงสองเดือนก็กลับมาแล้ว ส่วนนาไปเรียนต่อโทที่อเมริกาโน่นเป็นปีกว่าจะกลับ” นาวินบอกให้ไอราและคนอื่นๆรู้ว่าตอนนี้เพื่อนๆเขาอยู่ที่ไหนกำลังทำอะไรกันบ้าง

“ฝาแฝด ชื่อเหมือนผู้หญิง” พสุธาเอ่ยขึ้น

“ก็ผู้หญิงไงครับ นาราน้องรหัสผมเป็นผู้หญิง” ไอราบอกพี่ชายที่กำลังงง

“ใช่ครับ ฝาแฝดของผมเป็นผู้หญิง” นาวินสำทับขึ้น ไม่แปลกสำหรับคนไม่รู้พอบอกว่ามีฝาแฝดคนส่วนใหญ่จะคิดว่าเพศเดียวกันทันที เขากับนาราเป็นแฝดต่างไข่เกิดจากการทำกิ๊ฟท์ พ่อกับแม่อยากมีลูกอีกคนแต่ด้วยอายุมากแล้วจึงต้องพึ่งวิธีการทางวิทยาศาสตร์

“กลุ่มของปันมีทั้งหมดห้าคนเหรอ” ภาสวรหันมาถามชายหนุ่มอย่างสงสัย เพราะเขาเคยเจอปัญญวัฒน์อยู่กับนาวินและศรัณ ไม่คิดว่าจะมีนอกเหนือจากนี้อีก

“ครับ เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กก็มีอยู่ห้าคนรวมผมด้วย”

“อาจเป็นเพราะบ้านพวกเราอยู่ใกล้กันเลยคบกันได้นานมั้งครับ” นาวินเสริมขึ้น

“วินปัน แม่เดินตามหาตั้งนาน ไปลาเจ้าภาพจะได้กลับกัน” นาตยาที่ตามหาสองหนุ่มไปทั่วงาน เมื่อเจอลูกชายจึงรีบเข้ามาหา

“แน่ใจนะคุณนายว่าตามหาพวกผม วินเห็นแม่แวะแทบทุกโต๊ะ” นาวินเอ่ยแซวมารดา

“ตาวินอยู่เงียบๆแบบปันจะน่ารักกว่านี้นะ” นาตยาโอบกอดปัญญวัฒน์ไว้

“เดี๋ยวครับคุณนาย ผมเริ่มสงสัยแล้วนะว่าไอ้ปันนี่ลูกคุณนายส่วนผมนี่ลูกคนข้างบ้านใช่ไหม” นาวินอดที่จะแหย่แม่ไม่ได้ เพราะในบรรดาเพื่อนของเขาแม่เอ็นดูปัญญวัฒน์เป็นที่สุด

“เอ๊ะตาวิน อย่าเอาความจริงมาพูดซิ ถ้าแกกับปันเกิดวันเดียวกันฉันคงคิดว่าพยาบาลหยิบสลับกัน หยุดพูดมากได้แล้วนะ รีบลุกตามฉันมาเลยก่อนที่ฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก” นาตยาขึ้นเสียงกับลูกชาย ปัญญวัฒน์อดที่จะอมยิ้มกับท่าทางของสองแม่ลูกไม่ได้ แม่ลูกคู่นี้ชอบแหย่กันแรงๆจนเขาเองชินแล้ว แต่ในขณะที่คนอื่นๆหันซ้ายหันขวามองหน้ากันเลิกลัก

“สวัสดีครับคุณอา” ภาสวรยกมือไหว้มารดาของนาวินทันทีที่มีโอกาส ทำให้พสุธากับไอรารีบยกมือไหว้ตาม

“อ้าวคุณภาค สวัสดีค่ะ เอ๊ะนี่ตาดินกับตาลมใช่ไหมลูก” นาตยารับไหว้ชายหนุ่มก่อนมองผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นๆของลูกชาย พอเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาอดที่จะทักทายด้วยความเอ็นดูไม่ได้

“ครับคุณน้า” พสุธายิ้มให้เพื่อนของมารดาแถมครอบครัวของเธอยังถือหุ้นในโรงแรมที่ชลบุรีอีกด้วย

“รู้จักลูกชายตัวดีของน้าแล้วนะคะ”

“ครับคุณน้า” พสุธาเอ่ยรับขึ้น ส่วนไอราเองได้แต่พยักหน้าพร้อมพึมพำรับคำเบาๆ

“เดี๋ยวน้าขอตัวก่อนนะคะ จะพาสองหนุ่มนี่ไปลาเจ้าสัวกับคุณหญิง” พสุธากับไอราแทบยกมือไหว้ลาไม่ทัน ตอนที่แม่ของนาวินบอกพร้อมฉุดลูกชายเดินออกไปโดยมีปัญญวัฒน์และภาสวรเดินตามไป

หลังจากลาเจ้าภาพแล้ว ทางนาตยาชวนปัญญวัฒน์กลับด้วยกัน แต่ชายหนุ่มขอโทรหาเปรมณัชเสียก่อน หลังจากที่คุยกันแล้วพบว่าเปรมณัชยังคุยติดพันกับลูกค้าอยู่ ปัญญวัฒน์จึงขอกลับกับนาวิน เปรมณัชซักถามอีกนิดหน่อยก่อนวางสายไป

“เดี๋ยวผมไปส่งปันเองครับ พอดีน้องเรนอยู่ที่บ้านปัน” ภาสวรบอกนาตยาเมื่อเดินออกจากงานเลี้ยง

“ได้ซิ ขับรถดีๆนะ แม่ไปก่อนนะปัน” นาตยาอนุญาต พร้อมหันมาลาปัญญวัฒน์

“สวัสดีครับแม่ ขับรถดีๆนะวิน” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ลาพร้อมกับภาสวร ก่อนหันไปบอกนาวิน

“ไปแล้วคุณภาค สวัสดีครับ” นาวินบอกลาภาสวรก่อนเดินตามมารดาไปยังรถที่จอดอยู่

“ปันเราก็กลับบ้านกันเถอะ” ภาสวรหันมาบอกชายหนุ่มก่อนพาเดินไปที่รถ




***************************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามกันนะคะ

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่12 [14/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 14-01-2019 21:42:23
เนียนนะเนี่ยพี่ภาค  o13
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่12 [14/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-01-2019 11:06:51
เริ่มใกล้เข้ามา ทำโดยไม่รู้ตัวหรือรู้นะ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่12 [14/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-01-2019 18:42:25
เหมือนพี่ภาคจะเริ่มหยอดหนูปัน
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่12 [14/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 16-01-2019 09:20:20
น่ารัก  :mew3:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่12 [14/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 17-01-2019 09:07:42
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 13 [21/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 21-01-2019 11:49:27
ตอนที่ 13   

“หิวจัง มีอะไรกินบ้าง” ศรัณนั่งลงข้างปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้น

“เพิ่งลงเวรมาเหรอ” ปัญญวัฒน์มองสภาพเพื่อนก่อนเอ่ยถาม เจ้าตัวได้แต่พยักหน้าตอบ

“อ้าวรัน มาทำไม” ศรุตที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมปาลิดาทักขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าน้องชาย

“เข้าบ้านไปไม่มีใครอยู่สักคน แถมไม่มีอะไรกินอีก เลยมาหาข้าวเช้ากินที่นี่ พี่ปามีอะไรให้ผมกินบ้างไหม” ศรัณหันไปอ้อนพี่สาวเพื่อน ทำให้ศรุตอดที่จะหมันไส้ไม่ได้ ที่บ้านแม่บ้าน เมดอยู่กันเต็มบ้านบอกมาได้ไม่มีใครอยู่สักคน

“ข้าวเช้า อีกไม่ถึงสองชั่วโมงเที่ยงนี่นะ”

“แหมพี่ชายทำเป็นไม่เคยเลยนะ” ศรัณไม่ยอมให้พี่ชายแขวะฝ่ายเดียว

“แก้ว จัดอาหารเช้าให้คุณรันหน่อย” ปาลิดาบอกแก้วที่ยกน้ำส้มออกมาให้เด็กสองคนที่นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“คุณรันอยากทานอะไรคะ ข้าวต้มกุ้งหรือว่าเบรคฟัส” แก้วหันมาถามศรัณ เพื่อจะได้ไปจัดเตรียม

“ข้าวต้มแล้วกันครับ ขอบคุณครับพี่แก้ว พี่ปาด้วยเหมือนนางฟ้ามาโปรด ไม่เหมือนคนบางคน” ศรัณยิ้มประจบสองสาว ก่อนหันมามองพี่ชายตัวเอง

“มากไปแล้ว หิวก็เดินตามแก้วไปซิ” ศรุตผลักหัวน้องชายเบาๆอย่างหมันไส้ก่อนไล่ให้เจ้าตัวไปรอที่โต๊ะอาหาร


บรรยากาศยามเช้าครึกครื้นมากขึ้นเมื่อมีเด็กชายเรนมาร่วมวง เสียงหัวเราะของเด็กทั้งสองคนเรียกรอยยิ้มให้คนในบ้านศิวะรันธร แม้แต่ศรุตที่ตอนแรกตั้งใจพาว่าที่เจ้าสาวออกไปลองชุดแต่งงานและเอาการ์ดที่ทางร้านแจ้งว่าเสร็จแล้วเรียบร้อย พอมาเจอเด็กๆชายหนุ่มกลับนั่งเล่นนั่งดูการ์ตูนด้วยจนปาลิดาสะกิดแล้วสะกิดอีกเพราะกลัวว่าจะทำธุระเสร็จช้าจนศรุตจะกลับไปไม่ทันเข้าเวรเย็นนี้

“สวัสดีครับทุกคน” ภาสวรเอ่ยทักทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

“สวัสดีค่ะคุณภาค เชิญนั่งก่อนค่ะ เด็กๆคะดูซิใครมาเอ่ย” ปาลิดายกมือไหว้ภาสวรพร้อมเชิญให้นั่ง ก่อนหันไปเรียกเด็กๆที่จดจ่อกับทีวีจนไม่สนใจใคร

“สวัสดีค่ะอาภาค / สวัสดีคับพ่อ” ทั้งคู่หันมายกมือไหว้ทักทายก่อนจะหันไปดูการ์ตูนต่อ

“มารับน้องเรนเหรอ” ศรุตเอ่ยถามชายหนุ่ม ด้วยความที่เจอกันแทบทุกอาทิตย์เลยคุ้นเคยกันอยู่บ้าง

“ครับพอดีปันบอกว่าจะพาเด็กๆไปทานไอศกรีมผมเลยจะไปด้วย” ภาสวรบอกศรุต ก่อนหันไปมองปัญญวัฒน์ที่นั่งอยู่ไม่ไกล

“คุณภาคสวัสดีครับ โอ๊ยอิ่มจัง” ศรัณยกมือไหว้ภาสวร ก่อนจะเดินไปนั่งเบียดบนโซฟาเดียวกับปัญญวัฒน์

“พี่รุตคะเรารีบไปกันเถอะค่ะ” ปาลิดาดูเวลาแล้วหันไปบอกว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่ออกไปใกล้เที่ยงรถอาจจะติดก็ได้

“พวกผมขอตัวก่อนนะ แล้วเจอกัน” ศรุตพยักหน้าให้ปาลิดาเล็กน้อยก่อนหันไปบอกภาสวร

“เด็กๆครับ อารุตกับอาปันจะไปแล้วนะครับ” ปัญญวัฒน์เอื้อมไปสะกิดเด็กทั้งสองคน

“สวัสดีคับ/ค่ะ” เด็กทั้งคู่ยกมือไหว้ลาคุณอาทั้งสอง

“รัน เดี๋ยวเราจะพาเด็กๆไปทานไอศกรีม ไปด้วยกันไหม” ปัญญวัฒน์บอกพร้อมเอ่ยชวนเพื่อนสนิท เมื่อวานก่อนที่จะออกไปงานเลี้ยงกับเปรมณัชเขาสัญญากับพวกเด็กว่าจะพาไปกินไอศกรีมในวันรุ่งขึ้น

“ไม่อ่ะ ง่วงอยากนอนแล้ว” พูดจบศรัณก็เอนตัวลงไปหนุนตักปัญญวัฒน์ทันที

“ง่วงก็กลับบ้านไปนอนดีๆ หรือจะขึ้นไปนอนข้างบน” ปัญญวัฒน์ก้มตัวมองเพื่อนที่นอนตะแครงโดยใช้ตักเขาต่างหมอนหนุนแถมยังคว้าหมอนอิงมากอดเสียอีก

“นอนตรงนี้ก็ได้”

“ไม่ได้ลุกก่อน เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอก” ปัญญวัฒน์เขย่าตัวศรัณเบาๆ

“เด็กๆครับไปเตรียมตัวได้แล้ว ปันไปกันเถอะ” ภาสวรพูดกับเด็กๆ ก่อนเดินเข้ามาหาปัญญวัฒน์พร้อมคว้ามือดึงให้ลุกขึ้นยืน

“โห พ่อการ์ตูนยังไม่จบ อีกนิดเดียวเอง” เด็กชายเรนหันมาบอก แต่เมื่อสบตาคมดุของบิดาจึงลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจพร้อมสะกิดเพื่อนเล่นให้ลุกมาด้วย

“คุณภาคจะรีบไปไหนกันครับ ห้างอยู่แค่นี้เอง การ์ตูนยังไม่จบเลยอีกนิดก็จะจบแผ่นแล้วใช่ไหมเด็กๆ” ศรัณลุกขึ้นมานั่งตอนที่ภาสวรฉุดปัญญวัฒน์ให้ยืนขึ้นพร้อมบ่นออกมา

“ผมว่าคุณไปนอนพักให้สบายไม่ดีกว่าเหรอเพิ่งลงเวรมาน่าจะพักผ่อนดีๆ” ภาสวรพูดกับศรัณที่เงยหน้ามองเขาก่อนดันให้ปัญญวัฒน์เดินออกไปจากห้องนั่งเล่น

“หึ ปันเรากลับบ้านก่อนนะไว้จะมาขอข้าวกินใหม่ คุณภาคผมไปก่อนนะครับ เด็กๆอาไปก่อนนะครับ บ๊าย บาย” ศรัณลุกตามคนอื่นๆออกมา ก่อนบอกลาทุกคน

“บ๊าย บายค่ะอารัน” เด็กหญิงอิงฟ้าโบกมือลาศรัณเมื่อเห็นเพื่อนทำเด็กชายเรนก็ทำตามบ้าง

“บ๊าย บายคับ”

“ปันอยากทานอะไรครับ เดี๋ยวเราทานข้าวกลางวันก่อนค่อยไปทานไอศกรีมกันนะ” ภาสวรเอ่ยถามพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงให้ขึ้นไปนั่งคาร์ซิสที่พี่เลี้ยงเด็กยกมาใส่ให้ที่รถตอนที่เขาบอกว่าจะพาเด็กๆออกไปข้างนอก จากนั้นก็อุ้มลูกชายขึ้นไปนั่งคาร์ซิสของตัวเอง

“ว่าไงครับปันอยากทานอะไร” ภาสวรถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ตอบคำถามของเขา

“เด็กๆอยากทานอะไรครับ” ปัญญวัฒน์ไม่ตอบภาสวรกลับถามเด็กทั้งสองแทน

“ไก่ทอดคับ /หมูทอดค่ะ” ทั้งคู่เลือกไม่เหมือนกันจนผู้ใหญ่ทั้งสองคนในรถหันมามองหน้ากันเอง

“อาหารญี่ปุ่นไหมครับ มีทั้งไก่ทอดและหมูทอดด้วยแถมที่ร้านยังมีไอศกรีมให้เลือกอีก” ภาสวรหันมาถามความเห็นทุกคน

“ดีคับ/ดีค่ะ”

“ตกลงว่าเป็นอาหารญี่ปุ่น งั้นไปกันเลยครับพี่ภาค” ปัญญวัฒน์หันมายิ้มให้ภาสวร

“รับทราบ” ภาสวรเอ่ยขึ้นก่อนที่จะขับรถออกจากบ้านปัญญวัฒน์ไปที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลนัก

ปัญญวัฒน์รู้สึกโล่งใจที่ภาสวรกลับมายิ้มแย้มอารมณ์ดีเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งแตกต่างจากเมื่อกี้ที่ทำหน้าบึ้งตึงจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แม้แต่เด็กๆเองก็ดูสงบเสงี่ยมผิดไปจากเดิมเพราะคงจะกลัวว่าจะถูกดุ จนเขาอยากจะบอกภาสวรว่าจะพาเด็กๆไปกันเองจะดีกว่าเผื่อว่าชายหนุ่มจะมีธุระด่วนอะไรต้องไปจัดการ แต่ติดว่าบอกเขาไว้ ทั้งๆที่เมื่อคืนตอนที่มาส่งเขาที่บ้านยังพูดคุยกันดี พอรู้ว่าเขาสัญญากับพวกเด็กๆไว้ก็จะมาด้วยแท้ๆ

“ปัน หิวแล้วเหรอ” ภาสวรเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งเงียบจนถึงห้าง

“นิดหน่อยครับ เด็กๆหิวหรือยัง” ปัญญวัฒน์หันมาถามเด็กทั้งสองที่ลงจากรถมายืนอยู่ข้างๆ

“เรนหิวแล้ว” เด็กชายเงยหน้าบอกคุณอาคนโปรด

“ฟ้าก็หิวแล้ว” เด็กหญิงเองก็ไม่น้อยหน้า

“งั้นไปกันเลย น้องเรนมาพ่อ” ภาสวรบอกก่อนจับมือลูกชายไว้แทนปัญญวัฒน์ ให้ชายหนุ่มจูงเด็กหญิงแค่คนเดียว

“น้องฟ้ามาเดี๋ยวอาช่วย ระวังนะครับยังร้อนอยู่” ปัญญวัฒน์ช่วยหั่นหมูทอดราดซอสมิโสะเป็นชิ้นเล็กๆให้หลานสาวพร้อมแบ่งข้าวจากถ้วยออกมาครึ่งนึงเพราะรู้ว่าหลานทานไม่หมดแน่ๆ

“ขอบคุณค่ะอาปัน” เด็กหญิงยกมือไหว้คุณอาก่อนลงมือทานอาหารของตัวเอง

“ทำไมของเรนยังไม่ได้อ่ะ” เด็กชายเอ่ยถาม ของพ่อก็ได้คนแรกเลย ของอาปันกับอิงฟ้าก็ได้แล้ว ทำไมของเขาได้ช้าอยู่คนเดียว

“เดี๋ยวก็มาครับ รอแป๊บ นั่นไงพี่เขาเดินมาแล้ว” ภาสวรพูดยังไม่ทันขาดคำ ข้าวไก่ทอดคาราอะเกะของเด็กชายก็ถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกุ้งเทมปุระ

“กำลังร้อนอยู่ทานระวังนะครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยเตือนเด็กชายที่ใช้ส้อมจิ้มไก่เข้าปาก

“คับ” เด็กชายชะงักไปนิดนึงก่อนเป่าแล้วเล็มๆชิ้นไก่อย่างระมัดระวัง

“เด็กๆเอากุ้งไหมครับ” ปัญญวัฒน์หันมาถามหลานสาวและเด็กชายที่ก้มทานอาหารที่ตัวเองเลือกมาอยู่

“เอาคับ /เอาค่ะ” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน ปัญญวัฒน์จึงตักกุ้งไปให้ทั้งคู่

“อาปันคับเอาน้ำจิ้มอีก” เด็กชายชี้ไปยังน้ำจิ้มของเทมปุระ ภาสวรจึงตักราดให้ลูกชายแทนชายหนุ่ม

“ปันทานเถอะ เดี๋ยวพี่ดูแลเด็กๆให้” ภาสวรที่จัดการอาหารเรียบร้อยแล้วบอกชายหนุ่มให้ทานอาหาร เนื่องจากมัวดูแลเด็กๆเลยยังไม่ทานอะไรเลย

“อิ่มกันแล้วใช่ไหมเด็กๆ แล้วอย่างงี้จะกินไอศกรีมไหวเหรอครับ” ภาสวรมองดูจานอาหารของทั้งคู่ทานข้าวเหลือกันนิดหน่อย

“ทานไอศกรีมไหวคับ เรนทานไก่หมดแล้ว” เด็กชายเรนรีบพูดออกมากลัวว่าพ่อจะไม่พาไปทานไอศกรีม เพราะเขาทานข้าวเหลือก้นถ้วยนิดหน่อย

“ฟ้าทานไม่หมด อาปันขา” สาวน้อยส่งสายตาอ้อนวอนไปหาอาหนุ่มให้ช่วยทานหมูที่เหลืออยู่ เธอกลัวว่าจะไม่ได้ไปทานไอศกรีมเพราะทานเหลือ

“เดี๋ยวเราไปเดินเล่นกันก่อนค่อยมาทานไอศกรีมกันดีกว่าเนอะ” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้น พร้อมหันไปมองเด็กๆและภาสวรเหมือนจะถามว่าคนอื่นว่าไง จากนั้นก็หยิบหมูทอดของหลานมาทานต่อ

“ดีคับ เรนอยากไปเล่นบ้านบอล” เด็กชายยังติดใจเมื่ออาทิตย์ก่อนที่คุณครูกับอาปันพาเขาและฟ้ามาเล่นสนุกมากๆ

“อาปันว่าเราไปดูหนังสือก่อนแล้วค่อยไปเล่นบ้านบอลดีไหมครับ” ปัญญวัฒน์กลัวว่าเด็กๆที่เพิ่งทานอิ่มๆจะไปเล่นเลยจะจุกเอา เลยอยากพาไปเดินสักพักนึงก่อน

“ดีค่ะ” เป็นเด็กหญิงอิงฟ้าที่ตอบแทน เพราะเธออยากได้นิทานใหม่ๆเอามาให้คุณแม่อ่านให้ฟัง

“งั้นพี่เก็บเงินนะปัน” ภาสวรมองชายหนุ่มที่ทานเสร็จเรียบร้อยกำลังพูดคุยกับเด็กๆเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าตกลงกันได้แล้ว

“ครับ ท่าทางอยากไปกันแล้ว” ปัญญวัฒน์พยักหน้าให้ภาสวรนิดนึงก่อนหันมามองเด็กๆที่เริ่มไม่อยู่นิ่งอย่างเอ็นดู


---- a little cupid ----

“ปัน เป็นอะไรหรือเปล่า” ภาสวรเอ่ยถามเมื่ออยู่ตามลำพังสองคน

“เปล่าครับ” ปัญญวัฒน์หันมาสบตาชายหนุ่มครู่หนึ่งก่อนหันไปมองเด็กๆที่เล่นกันอย่างสนุกในบ้านบอลที่อยู่ไม่ไกล

“พี่ว่าไม่จริง ปันแปลกไปจากเดิม มีอะไรบอกพี่ได้ไหม” ภาสวรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม เพราะเขาสังเกตได้ว่าชายหนุ่มเงียบไปตั้งแต่ออกจากบ้านมาไม่คุยเล่น หรือยิ้มแย้มไม่เต็มที่เหมือนเดิม

“ผมไม่เป็นไรครับ” ปัญญวัฒน์หันมาตอบชายหนุ่มอีกครั้งก่อนมองหน้าภาสวรอย่างชั่งใจว่าควรพูดควรถามกลับไปหรือเปล่า

“แต่...” ภาสวรหยุดพูดเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่ม

ปัญญวัฒน์ถอนหายใจก่อนตัดสินใจพูดออกมา

“ผมควรถามพี่ภาคมากกว่าว่าพี่เป็นอะไร ตอนที่มาบ้านผมยังคุยกันดีๆ จู่ๆก็โมโหออกมา จนเด็กๆกลัวไปหมด”

“พี่เปล่า...” ภาสวรปฏิเสธไปอัตโนมัติ แต่เมื่อสบสายตาที่มองมาทำให้เขาพูดต่อไม่ถูก

“อ้าวงั้นที่พี่เร่งผมและเด็กๆให้ออกมาข้างนอกทั้งๆที่อีกนิดเดียวการ์ตูนก็จะจบแล้ว นี่ยังไม่นับรวมที่ทำหน้าน่ากลัวใส่ไอ้รันอีก” ปัญญวัฒน์ชี้ให้เห็นว่าชายหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างไร

“พี่ไม่อยากบอกผมก็ไม่เป็นไรครับ แต่ผมกลัวว่าเด็กๆจะสับสนปรับตัวไม่ทัน” ปัญญวัฒน์เข้าใจดีบางทีภาสวรคงจะมีปัญหาที่เล่าให้เขาฟังไม่ได้ เขาแค่อยากจะเตือนให้ระวัง ไม่อยากให้ชายหนุ่มพาลใส่เด็กๆที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย

“คือไม่ใช่อย่างที่ปันเข้าใจ ครับ ต่อไปพี่จะระวังมากกว่านี้” ภาสวรไม่รู้จะอธิบายให้ชายหนุ่มฟังว่าอย่างไรดี ว่าเขาเป็นอะไร แต่ก็รับคำว่าจะระวังในการแสดงอารมณ์ต่อหน้าเด็กมากกว่านี้ เขาไม่อยากให้ลูกสับสน หวาดระแวงไปอีก

ปัญญวัฒน์ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับภาสวรอีกเพราะเด็กๆได้ออกจากบ้านบอลเดินมาหาพวกเขาให้พาไปทานไอศกรีมตามสัญญาแล้ว


---- a little cupid ----


“การสันนิษฐานของมึงน่าจะจริงว่ะ” ศรัณเอ่ยขึ้น หลังจากได้นอนเต็มอิ่มแล้ว เขาจึงได้โทรหาเพื่อนสนิท ก่อนที่จะมาหาเพื่อคุยกัน

“มึงไปเจอมาแล้วเหรอวะ” นาวินถามขึ้น เขาเพิ่งเล่าให้เพื่อนฟังเมื่อคืนหลังจากที่กลับจากงานเลี้ยง ไม่คิดว่าเพื่อนจะไปเจอไวขนาดนี้

“อืม” ศรัณเล่าเรื่องที่เขาไปบ้านปัญญวัฒน์หลังจากลงเวรแล้วให้นาวินฟัง

“กูว่าพี่ภาคน่าจะชอบไอ้ปัน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวไหม” นาวินพูดในสิ่งที่เขาคิด

“กูว่าน่าจะรู้นะ มองยังกับจะกินหัวกูเข้าไปอยู่แล้ว กูเป็นเพื่อนสนิทมันนะโว้ย รู้จักกันมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้” ศรัณอดที่จะขนลุกไม่ได้ ที่ภาสวรหึงเขากับปัญญวัฒน์

“นั่นสิ” นาวินคล้อยตาม “เออ มึงว่าเราควรบอกเฮียไหม” นาวินทำหน้าหนักใจหันมาขอความเห็น

“กูก็ไม่รู้ว่าควรบอกดีไหม” ศรัณพึมพำออกมาเบาๆ เขาเองก็รู้สึกหนักใจไม่ต่างกัน


***************

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามกันค่ะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่13 [21/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 21-01-2019 12:19:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่13 [21/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 21-01-2019 17:44:43
บอกเลย บอกเฮียเลย

จะได้ช่วยกันจับตาดู

คนไม่รู้ใจตัวเอง

น้องฟ้าน้องเรนน่ารัก
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่13 [21/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-01-2019 23:08:06
 :L2: :pig4:

ค่อยๆรู้ตัว
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่13 [21/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: FanclubPong ที่ 23-01-2019 04:31:06
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นเพราะเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 14 [28/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 28-01-2019 13:14:45
ตอนที่ 14

“หวัดดี ลมอะไรหอบมาถึงนี่วะ” พสุธาเอ่ยทักเพื่อนสนิทที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา

“มีนัดลูกค้าแถวนี้เลยแวะมาหา” ภาสวรบอกขณะที่เข้ามานั่งที่เก้าอี้ตัวใหญ่หน้าโต๊ะทำงาน

“เป็นอะไร สีหน้าไม่ดีเลย” พสุธาถามขึ้นหลังจากโทรไปสั่งกาแฟและขนมของว่างมารับแขก

“กูไม่รู้จะพูดยังไง เฮ้อ.” ภาสวรถอนหายใจออกมา ก่อนเงียบไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู แม่บ้านนำกาแฟและขนมมาเสิร์ฟให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

“เรื่องปันหรือเปล่า” พสุธาลองเดาดู ช่วงนี้เรื่องที่ทำให้ภาสวรลำบากใจคงมีไม่กี่เรื่อง

“อืม กูคิดว่ากูชอบปัน” ภาสวรตัดสินใจพูดออกมา หลังจากที่ปัญญวัฒน์ถามว่าเขาเป็นอะไร เขาก็กลับมาทบทวนถามตัวเองจนได้ข้อสรุปว่า ตัวเองชอบปัญญวัฒน์อยากอยู่ใกล้ชายหนุ่ม และไม่อยากให้ใครใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวปัญญวัฒน์นอกจากตัวเขาเอง

“แล้ว” พสุธาไม่แปลกใจเลยที่ภาสวรคิดแบบนี้เพราะการกระทำของชายหนุ่มที่ผ่านมาเดาได้ไม่ยาก

“ที่ผ่านมากูไม่เคยชอบผู้ชาย คือไม่เคยมองแบบนั้นเลยก็ว่าได้” ภาสวรพูดออกมาอย่างอึดอัดใจ เขาไม่เหมือนพสุธาที่คบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงถ้าถูกใจ

 “กูเคยอ่านเจอข้อความหนึ่ง ‘ความรักเป็นสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเกิดกับใครหรือเพศไหน มันก็สวยงาม’ มึงคิดแค่ว่าใครที่ทำให้มึงมีความสุข คนที่ทำให้มึงยิ้มและอยากอยู่ใกล้ เพศไหนก็ไม่สำคัญหรอกนะ”

“...”

“มึงมีความสุขไหมที่อยู่กับปัน มึงยิ้มได้กว้างแค่ไหนตอนที่อยู่กับเขา ลองคิดดูนะถ้าปันใกล้ชิดกับคนอื่นที่ไม่ใช่มึง มึงรู้สึกอย่างไร แล้วถ้ามีผู้ชายคนอื่นมาจีบปันมึงโอเคไหมยอมได้ไหม” พสุธาอยากให้ภาสวรคิดทบทวนเรื่องต่างๆที่ผ่านมา ก่อนที่จะตัดสินใจ เรื่องแบบนี้แค่เปิดใจยอมรับแค่นั้นเอง

“ไม่ได้” ภาสวรหลุดปากออกมา ก่อนนิ่งคิดตามที่พสุธาพูดทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะ เพราะรู้ว่ารู้สึกยังไง ถึงได้มานั่งอยู่ที่นี่ มันไม่โอเค

“คุณดินคะ ลูกพีชมารับไปทานข้าวค่ะ” ภาสวรหันหลังไปมองเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู

“ขอโทษนะคะคุณดิน” ผู้ช่วยเลขาของพสุธาวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ เธอพยายามรั้งนิชาดาให้รอเพื่อโทรมารายงานเจ้านายก่อน แต่หญิงสาวกลับเดินเปิดประตูเข้ามาทันที

“ไม่เป็นไรคุณนี” พสุธาโบกมือให้ผู้ช่วยเลขาออกไป วันนี้เลขาของเขาไปจัดการงานที่ข้างนอก ผู้ช่วยเลขาชั่วโมงบินยังไม่สูงมากเลยไม่อาจรับมือได้

“สวัสดีครับคุณลูกพีช” ภาสวรเอ่ยทักนิชาดา กลับไปนี่เขาต้องหาขนมไปฝากเลขาเสียหน่อย เพื่อขอบคุณที่เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย

“สวัสดีค่ะคุณภาค ลูกพีชคิดว่าคุณดินอยู่คนเดียว” นิชาดาหน้าเสีย เธอไม่คิดว่าที่แม่เลขาพูดจะเป็นจริง คิดว่าเป็นข้ออ้างไม่อยากให้เธอเข้ามาเสียอีก ใครจะคิดว่าพสุธามีแขกอยู่จริงๆ แถมคนๆนั้นยังเป็นภาสวรอีกด้วย

“ลูกพีชน่าจะโทรหาผมก่อน” พสุธาเอ่ยขึ้นเมื่อหญิงสาวเดินมายืนข้างๆเก้าอี้ของเขา

“ลูกพีชแค่อยากเซอร์ไพรส์คุณดิน” ท่าทางหงอยๆของนิชาดา ทำเอาพสุธาหันมามองภาสวรก่อนตัดสินใจ

“กลางวันนี้ผมมีนัดกับนายภาคแล้ว ลูกพีชจะไปด้วยก็ได้นะ ห้องอาหารข้างล่างนี่เอง”

“งั้นไม่เป็นไรค่ะ พอดีลูกพีชจะชวนคุณไปทานอาหารฝรั่งเศสที่แถว... เอาไว้วันหลังก็ได้” ถ้าเป็นคนอื่นเธอคงรีบไปนั่งทานกับเขาด้วย แต่นี่เป็นภาสวร เธอต้องถอยกลับไปก่อน

“ครับ ยังไงลูกพีชโทรมาก่อนดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลานะครับ” พสุธาตอบนิชาดา

“ค่ะ ลูกพีชกลับก่อนนะคะ” นิชาดาหันมายิ้มให้ภาสวรก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป นี่ถ้าพสุธาอยู่คนเดียวเธอคงหอมแก้มบอกลาไปแล้ว วันนี้ไม่ใช่วันของเธอ ผิดแผนไปหมด มันน่าโมโหจริงๆ

“ทำไมไม่ไปกับเขาล่ะ” ภาสวรเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่นิชาดาเดินออกไปแล้ว

“กูไม่ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ ถ้าไปคราวนี้คราวหน้าก็มีอีก แถมจะเรียกร้องหนักขึ้นเรื่อยๆ” พสุธาตอบออกไปโดยไม่คิดจะปิดบัง เพราะภาสวรเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมรู้นิสัยกันอยู่ ก่อนที่เขาจะเข้ามาสนิทกับนิชาดาก็เคยถามพูดคุยกับภาสวรถึงความสัมพันธ์กับเธอ เมื่อเพื่อนบอกว่าคุยกันเรื่องงานไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวเขาก็เลยสานสัมพันธ์กับนางเอกดังเมื่อเธอแสดงท่าทีออกมา

“เออ พ่อคาสโนวา เมื่อไหร่มึงจะเลิกลอยไปลอยมาวะ แม่มึงบ่นทุกทีที่เจอหน้ากู”

“ไม่รู้ดิ อาจเหมือนมึงหยุดเมื่อเจอคนที่ใช่” พสุธาย้อนกลับ ภาสวรเมื่อก่อนก็คบไปเรื่อยไม่ต่างจากเขา แต่พอมาเจอปลายฝนก็หยุดเจ้าชู้ แม้ว่าเธอคนนั้นจะจากไปแล้ว

“เออ ทำเป็นเล่นไป ระวังนะถ้ามึงเจอคนที่รักจริง พฤติกรรมพวกนี้จะทำพิษทีหลัง” ภาสวรเตือนด้วยความหวังดี

“ว่าแต่เรื่องของมึงตกลงจะเอาไง” พสุธาถามภาสวรถึงเรื่องที่คุยค้างไว้ก่อนนิชาดาจะเข้ามา

“ไม่เอาไง”

“อ้าว” พสุธาเริ่มงง ตกลงยังไงกัน ที่เขาพูดไปภาสวรเข้าใจบ้างไหม


---- a little cupid ----


“เฮ้ ปันทางนี้” ปัญญวัฒน์หันตามเสียงพี่รหัสที่เป็นเจ้าของร้าน

“สวัสดีครับพี่ชัช”

“เออๆ พวกนั้นนั่งอยู่ทางโน้น” ชัชวาลชี้โต๊ะมุมด้านในค่อนข้างเป็นส่วนตัว วันนี้สายรหัสของเขานัดมาเลี้ยงที่นี่ เพื่อแนะนำน้องใหม่

“พี่ชัชไม่ไปด้วยกันเหรอ” ปัญญวัฒน์หันมาถามพี่รหัส

“เดี๋ยวตามไป ขอดูที่ร้านแป๊บนึง”

“พี่ปัน สวัสดีครับ” บอสน้องรหัสเขายกมือไหว้ทักทาย ทำให้คนอื่นๆที่นั่งอยู่หันมามอง

“พี่ปัน สวัสดีค่ะ /พี่ปันหวัดดีค๊าบ” แก้วหลานรหัสและหนุ่มเหลนรหัสยกมือไหว้พร้อมกัน

“พี่ปันนี่น้องรหัสผม เอกนี่พี่ปันปู่รหัสพี่เอง” หนุ่มแนะนำน้องรหัสปีหนึ่งให้ปัญญวัฒน์รู้จัก

“นึกว่าพี่ปันไม่มาเสียแล้ว ทำงานเป็นอย่างไรบ้างคะ” เก็จแก้วเอ่ยถามพร้อมขยับที่นั่งเพื่อให้ปัญญวัฒน์เข้าไปนั่งได้สะดวก

“เบียร์สดหนึ่งทาวน์จากพี่ชัชครับ” ยังไม่ทันที่ปัญญวัฒน์จะตอบอะไรบริกรก็ยกเบียร์สดมาเสิร์ฟ

“ขอบคุณครับพี่ชัช” ทั้งโต๊ะยกมือไหว้ขอบคุณชัชวาลที่เดินเข้ามานั่งพร้อมเพียงกัน

“เบียร์นี่ฟรี อย่างอื่นลดให้ 15% ไม่ฟรีนะโว๊ย” ชัชวาลรีบเบรกก่อนสายรหัสเขาจะคิดว่ามื้อนี้ฟรีด้วย

“แค่นี้ก็โอเคแล้วครับพี่ชัช” บอสเอ่ยอย่างเกรงใจที่เขาเลือกร้านของลุงรหัสเพราะอยากให้น้องใหม่รู้จักสายของตัวเอง

“ปันทำงานเป็นยังไงบ้าง” ชัชวาลหันมาถามน้องรหัสตัวเอง ตั้งแต่เรียนจบปัญญวัฒน์ก็หายเงียบไปถ้าวันนี้หลานรหัสไม่โทรไปนัดออกมาก็คงไม่ได้เจอกัน

“เหมือนเปิดมุมมองใหม่ๆ สนุกดีครับ”

“ตอนแรกคิดว่าจะไปเรียนต่อเสียอีก” ชัชวาลเอ่ยตามที่คิดเพราะเพื่อนสนิทในกลุ่มเจ้าตัวไปเรียนต่อนึกว่าปัญญวัฒน์จะตามไปด้วย

“ผมคิดจะเรียนต่อเหมือนกันแต่ไม่รู้จะต่อด้านไหนดีเลยไปทำงานดูก่อน” ปัญญวัฒน์บอกพี่รหัส

“อืม คิดแบบนี้ก็ดี แล้วบอสฝึกงานเป็นอย่างไรบ้าง” ชัชวาลเห็นด้วยกับปัญญวัฒน์ก่อนหันไปถามหลานรหัสที่ฝึกงานเมื่อตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ปัญญวัฒน์มองรุ่นน้องที่พูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ทำให้คิดถึงตอนที่เป็นนักศึกษาชีวิตช่วงนั้นมีความสุขไม่ต้องคิดหรือรับผิดชอบอะไรมากมาย

“เดี๋ยวพี่ขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะ” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้นก่อนลุกเดินไปทางห้องน้ำ พร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือที่สั่นขึ้นมา

“สวัสดีครับพี่เปรม”

(ปันอยู่ไหน ทำไมเสียงดังจัง)

“อยู่ร้านพี่ชัชครับ พี่เปรมมีอะไรหรือเปล่า” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ปกติแล้วพี่ชายไม่ค่อยโทรหาเขา

(ชัชพี่รหัสเราน่ะเหรอ) เปรมณัชถามต่อ

“ใช่ครับ วันนี้มีนัดเลี้ยงสายรหัสที่ร้านพี่ชัช พี่เปรมมีอะไรหรือเปล่า” ปัญญวัฒน์ถามเปรมณัชอีกครั้ง ชายหนุ่มเริ่มกังวลที่บ้านมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า

(ไม่มีอะไร พอดีพี่เพิ่งกลับบ้านมา เห็นยังไม่ล็อคประตูเลยถามลุงชิต แกบอกว่าปันยังไม่กลับ แล้วเราจะกลับดึกไหม)

“อีกสักพักคงกลับแล้วครับ พี่เปรมบอกลุงชิตไปนอนได้เลยเดี๋ยวปันล็อคบ้านเอง” ปัญญวัฒน์บอกพี่ชาย จะว่าไปเมื่อเช้าก่อนที่ออกมาทำงานเขาได้บอกพี่ปาไปแล้ว โชคดีที่วันนี้น้องเรนอยู่กับคุณปู่คุณย่าที่ลงมากรุงเทพเพื่อเยี่ยมหลาน

(ได้ๆ ขับรถดีๆล่ะ เราดื่มหรือเปล่า) เปรมณัชอดที่ห่วงน้องชายไม่ได้

“ดื่มเบียร์นิดหน่อย ไม่เมาหรอกพี่เปรมไม่ต้องห่วง” ปัญญวัฒน์ยิ้มให้โทรศัพท์พี่ชายเขายังเหมือนเดิมคิดว่าเขาเป็นเด็ก พอรู้ว่าดื่มเบียร์ก็บ่นอุบจะออกมารับเอง กว่าจะพูดให้วางสายลงได้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน

ปึก

“ขอโทษครับ” เพราะความที่มัวก้มหน้าเลยชนคนที่เดินสวนออกมาจากห้องน้ำ

“ไม่เป็นไร อ้าวปัน”

“พี่ภาค” ปัญญวัฒน์อุทานเมื่อมองเห็นหน้าคนที่ชนเขา

“ปันมาที่นี่เหมือนกันเหรอ” ภาสวรเอ่ยถามเขาไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอชายหนุ่มที่นี่

“ครับ นี่ร้านของพี่รหัสผม แล้วพี่ภาคมาเที่ยวเหรอครับ” ปัญญวัฒน์ถามขึ้น แม้ว่าจะเป็นคำถามที่ไม่เข้าท่า แต่เขาไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีกว่านี้

“พี่มารับ...” ยังไม่ทันที่ภาสวรจะพูดจบ หญิงสาวคนหนึ่งก็โผเข้าหาชายหนุ่มเสียก่อน

“พี่ภาคช้าจังวรรณอยากจะอ๊วก” พูดจบหญิงสาวก็วิ่งออกไปทางหลังร้าน

“ปันพี่ขอตัวก่อนนะ แล้วพี่จะโทรหานะ” ปัญญวัฒน์ชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเห็นภาสวรวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นไป ท่าทางผู้หญิงคนนั้นจะสำคัญกับภาสวรมาก สีหน้าท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของชายหนุ่มทำให้ปัญญวัฒน์รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

“พี่ๆขอบคุณครับ” พวกน้องๆยกมือไหว้รุ่นพี่ก่อนลากลับ ปัญญวัฒน์สะดุ้งเมื่อพี่รหัสสะกิด เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเดินกลับไปที่โต๊ะไปได้อย่างไร

“เออ กลับดีๆล่ะ” ชัชวาลบอกรุ่นน้องก่อนหันมามองหน้าปัญญวัฒน์

“เป็นอะไรไป กลับจากห้องน้ำมาก็นั่งเหม่อ ใครเรียกก็ไม่ได้ยิน” ชัชวาลถาม หลังจากที่ชายหนุ่มกลับจากไปเข้าห้องน้ำ น้องๆคงสังเกตได้ว่ารุ่นพี่ซึมไป เลยขอตัวกลับกัน

“ขอโทษครับพี่ ผมคงทำให้งานกร่อยใช่ไหมเนี่ย” ปัญญวัฒน์เอ่ยขอโทษพี่รหัส สงสัยพรุ่งนี้เขาต้องโทรไปขอโทษน้องรหัสด้วยเสียแล้ว

“โอ๊ยพวกมันไม่ว่าอะไรมึงหรอกไอ้ปัน ก็เล่นควักเงินจ่ายแทน ไอ้บอสกับยัยแก้วยิ้มแก้มปริไม่ต้องควักสักบาท เอานี่กูช่วยหารเห็นแล้วสงสาร” พูดจบชัชวาลก็ยื่นเงินคืนมาให้ชายหนุ่มครึ่งนึง

“ไม่เป็นไรครับพี่ พี่เลี้ยงเบียร์น้องไปหลายทาวน์แล้ว ค่าอาหารนี่ผมตั้งใจออกเอง” ปัญญวัฒน์บอกพี่รหัส ลำพังค่าเบียร์แถมส่วนสดค่าอาหารก็หลายบาทแล้ว จะให้ชัชวาลรับผิดชอบเพิ่มอีกได้ไง
 
 “เออๆ ไม่เอาก็ไม่เอา แล้วตกลงมึงเป็นไรวะปัน หรือว่าใครทำอะไร กูไปจัดการให้ไหม” ชัชวาลรู้สึกเป็นห่วงปัญญวัฒน์ น้องรหัสคนนี้เป็นคนดีมองโลกในแง่ดี จนบ้างครั้งโดนเอาเปรียบอยู่บ่อยๆ

“เปล่าครับไม่มีอะไร พอดีพี่ชายโทรมาบ่นนิดหน่อย” ปัญญวัฒน์บอกให้ชัชวาลวางใจ

“แน่นะ ไม่มีก็ไม่มี” ชัชวาลยอมปล่อยผ่านไม่คาดคั้นต่อ เขารู้ดีว่าถ้าปัญญวัฒน์ไม่ยอมบอกไม่ว่าจะทำอะไรชายหนุ่มก็ไม่พูดอยู่ดี

“งั้นผมกลับก่อนนะครับ” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ลาพี่รหัส ก่อนเดินออกไปที่ลานจอดรถท่ามกลางสายตาของชัชวาลที่มองอย่างเป็นห่วง

คืนนั้นปัญญวัฒน์เฝ้ามองโทรศัพท์จนหลับไปโดยไม่เข้าใจตัวเองว่ารออะไรอยู่เหมือนกัน


*******************
ขอบคุณค่ะ ที่เข้ามาอ่านกันนะคะ



หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่14 [28/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-01-2019 13:27:14
 :hao3: :hao3: :hao3:
 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่14 [28/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-01-2019 13:41:07
 :เฮ้อ:

ปัน อย่าคิดมาก
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่14 [28/1/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-01-2019 14:10:51
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่15 [11/2/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 11-02-2019 11:55:04
ตอนที่ 15   

ปัญญวัฒน์เดินลงมาข้างล่าง วันนี้เขาตื่นค่อนข้างสายกว่าปกติพบพี่ชายนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะอาหาร ชายหนุ่มจึงเดินไปนั่งข้างๆ

“เมื่อคืนกลับดึกเหรอ ถึงได้ตื่นสายเชียว” เปรมณัชเอ่ยทัก ปกติแล้ววันหยุดน้องชายจะลงมาข้างล่างประมาณแปดเก้าโมง นี่เกือบสิบเอ็ดโมงเพิ่งลงมา

“ห้าทุ่มกว่าๆ มัวแต่ทำนู่นทำนี่เพลินไปหน่อยเลยนอนดึกอ่ะ” ปัญญวัฒน์บอกขณะลุกไปชงกาแฟ พร้อมทั้งหาขนมในตู้เย็นทานรองท้องก่อนมื้อเที่ยง

“คุณพ่อขา ฟ้าอยากดูเรื่องนี้” สาวน้อยประจำบ้านวิ่งมาหาเปรมณัช พร้อมทั้งชี้โฆษณาการ์ตูนในทีวีที่เพิ่งเข้าฉายในอาทิตย์นี้ ช่วงปิดเทอมมีการ์ตูนสำหรับเด็กหลายเรื่องในโรงภาพยนตร์

“พรุ่งนี้ได้ไหมคะ วันนี้พ่อต้องพาแม่ไปหาหมอ” เปรมณัชบอกลูกสาว วันนี้พลอยลดาหมอนัดตรวจครรภ์

“งั้นหนูไปด้วยได้ไหมคะ” เด็กหญิงอิงฟ้าเงยหน้าถามบิดา

“อย่าไปเลย อยู่กับอาปาอาปันดีกว่า” เปรมณัชไม่อยากพาลูกสาวไปที่โรงพยาบาลด้วยเพราะที่โรงพยาบาลมีแต่คนป่วย เด็กหญิงยังเล็กภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงเท่ากับผู้ใหญ่

“ค่ะ” เด็กหญิงอิงฟ้าตอบรับบิดาด้วยเสียงหงอยๆ

“ไปดูหนังกับอาไหมคะ วันนี้อาว่าง” ปัญญวัฒน์ถามหลานสาวตัวน้อย สีหน้าที่ผิดหวังทำเอาเขาอดจะสงสารไม่ได้

“ไปค่ะ” อิงฟ้าตอบรับด้วยความดีใจ สีหน้าผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ

“ปันว่างเหรอวันนี้” เปรมณัชถามน้องชายเพื่อความแน่ใจว่าปัญญวัฒน์ไม่ได้เอาใจหลานสาวจนเสียงานเสียการ

“ตอนแรกว่าจะไปหาวิน พาน้องฟ้าไปดูหนังได้ครับแล้วค่อยโทรนัดกับวินก็ได้” ปัญญวัฒน์บอกพี่ชาย เขารู้ว่านาวินจะไปไซด์งานที่ต่างจังหวัดเย็นวันพรุ่งนี้เลยว่าจะนัดเจอกัน เอาไว้นัดช่วงเย็นหรือไม่พรุ่งนี้ก็ได้มั้ง

"งั้นพี่ฝากลูกด้วยนะปัน" เปรมณัชรู้สึกเบาใจที่น้องชายจะพาลูกสาวไปดูหนังช่วงที่เขาพาภรรยาไปหาหมอ เขาไม่อยากทำให้ลูกรู้สึกผิดหวัง 


“อาปัน เรนคิดถึง” เสียงเด็กชายดังขึ้นมาก่อนตัว ทำให้ปัญญวัฒน์ที่กำลังทานอาหารกลางวันกับเด็กหญิงอิงฟ้าชะโงกหน้าไปมองเด็กชายเรนวิ่งตุ๊บตับเข้ามาในห้องอาหาร

“น้องเรน สวัสดีครับพี่ภาค” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ชายหนุ่มที่เดินตามลูกชายเข้ามา

“สวัสดีค่ะอาภาค” เด็กหญิงยกมือทำความเคารพภาสวร

“ทานข้าวครับพี่ภาคน้องเรน” ปัญญวัฒน์เอ่ยชวนสองพ่อลูก

“กินคับอาปัน เรนไม่เอาผักเอากุ้งเยอะๆ” เด็กชายมองราดหน้าทะเลของอิงฟ้าที่มีทั้งกุ้งและปลาหมึกก่อนหันมาบอกปัญญวัฒน์ก่อนนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างชายหนุ่ม

“พี่รบกวนปันด้วยนะ” ภาสวรบอกชายหนุ่มก่อนนั่งลงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ฝั่งตรงข้าม ความจริงเขาตั้งใจมาชวนปัญญวัฒน์ไปทานอาหารข้างนอก แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งทานกับหลานสาวเขาเลยนั่งทานด้วยเสียเลย

“ได้ครับเดี๋ยวอาตักให้ แต่น้องเรนต้องทานผักด้วยนะครับ” ปัญญวัฒน์หยิบจานมาใส่เส้นใหญ่ก่อนเอาน้ำราดหน้ามาใส่เขาพยายามเลือกแครอทและข้าวโพดอ่อนโดยไม่ลืมกุ้งของโปรดเด็กชาย วันนี้ป้านุชทำราดหน้าเป็นอาหารกลางวันโดยมาเสิร์ฟแยกเส้นกับน้ำราดเพื่อให้พวกเขาจัดการกันเองตามชอบใจ

“ขอบคุณคับ” เด็กชายมองจานราดหน้าตาวาว อาปันตักกุ้งให้เขาเยอะแยะเลย

“นี่ครับของพี่ภาค” ปัญญวัฒน์ส่งจานที่ตักเรียบร้อยให้ชายหนุ่ม

“ขอบคุณครับ”

“พี่ภาคมีอะไรหรือเปล่าครับถึงมาหาผม” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามหลังจากที่ทานอาหารกันอิ่มแล้ว

“น้องเรนคิดถึงปันอยากเจอ พี่เลยพามาหาปัน”

“โชคดีนะที่มาเจอ คือผมกำลังจะออกไปข้างนอกครับ ทำไมพี่ภาคไม่โทรมาก่อน” ปัญญวัฒน์อธิบายให้ภาสวรฟัง ดีนะที่เขาตัดสินใจทานอาหารกลางวันที่บ้านเพราะสงสารป้านุชที่ทำอาหารกลางวันไว้แล้ว แต่กลับไม่อยู่บ้านกันสักคน

“พี่โทรหาปันแล้วแต่ปันไม่รับโทรศัพท์” เมื่อได้ยินที่ภาสวรพูด ปัญญวัฒน์ก็คลำกระเป๋าพบว่าไม่ได้อยู่กับตัว สงสัยจะลืมไว้ข้างบน

“ปันจะไปไหนเหรอ” ภาสวรถามต่อเมื่อเห็นปัญญวัฒน์ไม่พูดอะไร

“ผม...”

“อาปันพาเรนไปด้วยนะ เรนอยากดู นะ น้าๆๆๆ” ปัญญวัฒน์ยังไม่ทันพูดน้องเรนก็วิ่งมาหาพร้อมเขย่าแขนชายหนุ่มไปมา

“อะไรลูก อยากดูอะไร” ภาสวรถามลูกชาย

“ก็ฟ้าบอกว่าอาปันจะพาไปดูการ์ตูน เรนอยากไปด้วย ให้เรนไปด้วยนะ” เด็กชายบอกบิดาก่อนหันมาอ้อนปัญญวัฒน์ต่อ

“อาปันพาไปด้วยได้ครับ แต่น้องเรนต้องขออนุญาตคุณพ่อก่อน”

“พ่อครับ เรนอยากไปกับอาปัน ให้เรนไปนะคับ” เด็กชายหันมาหาภาสวรทันทีที่ปัญญวัฒน์พูดจบ

“ได้ครับ แต่ขอพ่อไปด้วยนะ ให้พี่ไปดูหนังด้วยคนได้ไหม” ภาสวรอนุญาตน้องเรนก่อนหันมาสบตาปัญญวัฒน์ ทำให้เด็กชายเรนเข้ามาเขย่าแขนชายหนุ่มเพื่ออ้อนวอนด้วย

“ให้พ่อไปด้วยนะอาปัน พ่ออยากดูการ์ตูนด้วย”

“ครับๆ งั้นไปเตรียมตัวกัน เดี๋ยวจะไปไม่ทันรอบบ่ายโมง” ปัญญวัฒน์ส่ายหัวไปมา ถ้าอยากจะไปด้วยเขาก็ไม่ว่าอะไร ความจริงเขาเองก็อยากชวนเด็กชายไปด้วยอยู่แล้ว


“อาปัน ฟ้าอยากกินป๊อบคอน” เด็กหญิงกระตุกมือปัญญวัฒน์ก่อนชี้ไปยังเคาน์เตอร์ขายของที่อยู่ไม่ไกลกับทางเข้าโรงหนัง โชคดีที่มาทันรอบหนังทำให้รอไม่นานก็ได้เข้าชม ทำให้พวกเขามายืนรอเรียกเข้าโรงภาพยนตร์

“เรนก็อยากกิน” เด็กชายที่ได้ยินก็ร้องบอกด้วย

“ไปดูซิ เดี๋ยวพ่อซื้อให้ทานด้วยกันนะครับ” ภาสวรบอกเด็กทั้งสองก่อนเดินไปต่อคิว

“ฟ้าอยากได้อันนั้น” เด็กหญิงชี้เซตป๊อบคอร์นขนาดใหญ่ที่มีรูปการ์ตูนที่มาดูกันบนถังพลาสติก

“เรนก็เอาแบบนั้นด้วย” เด็กชายบอกพ่อที่ยืนเข้าคิวอยู่

“ก็ได้ครับซื้อถังเดียวทานด้วยกันนะ” ภาสวรบอกลูกชายเพราะถังมันใหญ่เกินกว่าเด็กคนเดียวจะทานหมด

“ฟ้าอยากได้ถังนั่น” เด็กหญิงรีบบอกความต้องการของตัวเอง กินด้วยกันก็ได้แต่ถังต้องเป็นของเธอ

“พ่อคับเรนก็อยากได้ถัง” เด็กชายเรนเขย่าแขนภาสวรไปมา เขาเองก็อยากได้นะแถมพ่อเขาเป็นคนซื้อ ทำไมต้องแบ่งถังให้ด้วย

“คนละถังจะทานกันหมดเหรอครับ น้องเรนน้องฟ้า” ปัญญวัฒน์หันมาถามเด็กทั้งคู่ เพราะคิวซื้อของใกล้จะถึงแล้ว

“อาปันช่วยฟ้ากินไงคะ” เด็กหญิงช้อนตาอ้อนใส่ปัญญวัฒน์ อาปันใจดีที่สุด

“ของเรนพ่อก็ช่วยกินใช่ไหมคับ” เด็กชายหันมาถามผู้เป็นบิดา เพราะเด็กหญิงเกาะหนึบยึดคุณอาคนโปรดไปแล้ว

“เอาคนละชุดก็ได้ครับพี่ภาค ไม่งั้นเดี๋ยวทะเลาะกัน” ปัญญวัฒน์หันมาพูดกับภาสวรอย่างอ่อนใจ

“งั้นเอารสอะไรกันบ้าง” ภาสวรหันมาถามเด็กๆเมื่อถึงคิว กว่าจะได้ของครบดูจะวุ่นวายไม่น้อย แถมในเซตมีแต่น้ำอัดลม ปัญญวัฒน์จึงซื้อน้ำเปล่าเพิ่มให้เด็กๆอีกคนละขวด เด็กทั้งคู่กอดถังป๊อบคอร์นก่อนเดินจูงมือปัญญวัฒน์และภาสวรไปที่หน้าโรงหนัง

ทันทีที่เดินมาถึงเสียงประกาศภาพยนตร์ที่เข้าฉายที่พวกเขาซื้อตั๋วก็ดังขึ้น ภายในโรงหนังเต็มไปด้วยเด็กและผู้ปกครองที่พามาดูการ์ตูน ภาสวรหันมามองเด็กๆที่นั่งคั่นระหว่างเขากับปัญญวัฒน์อยู่ เด็กทั้งคู่ดูตื่นเต้นมองหน้าจอดูหนังตัวอย่างอย่างสนใจ

“อาปันฟ้ามองไม่ชัด” เด็กหญิงสะกิดอา

“งั้นฟ้ามานั่งกับอามา” เด็กหญิงอิงฟ้ายิ้มกว้างก่อนปีนมานั่งบนตักปัญญวัฒน์ ปกติแล้วตอนที่พ่อพามาดูก็ให้เธอนั่งตักตลอด

“พ่อคับเรนอยากนั่งตักบ้าง” เด็กชายเรนเห็นเพื่อนนั่งบนตักปัญญวัฒน์จึงหันมาบอกบิดา

“ได้ครับ แป๊บนึง” ภาสวรบอกลูกชายก่อนลุกมานั่งที่เด็กหญิงก่อนให้ลูกชายนั่งบนตักตัวเอง โชคดีที่เขาจองแถวหลังสุดจึงไม่รบกวนคนที่นั่งด้านหลัง

“อ้าวพี่ภาค ทำไมมานั่งตรงนี้” ปัญญวัฒน์กระซิบถามชายหนุ่มที่มานั่งติดกับเขา

“พี่ไม่อยากเว้นที่ว่างไว้นั่งติดกันดีกว่า” ภาสวรกระซิบตอบ


“พ่อคับเรนอยากกินไอติม” เด็กชายเรนกระตุกมือภาสวรก่อนบอกความต้องการ หลังจากที่เขาเดินออกมาจากโรงหนังแล้ว

“ทานไหวเหรอครับ” ภาสวรถามลูกชาย เพราะน้องเรนทานป๊อบคอร์นไปเกือบหมดถังคนเดียว โดยที่เขาช่วยทานนิดหน่อย

“ไหวจิ เรนยังกินได้อีก” เด็กชายลูบพุงตัวเองไปมา

“ครับๆ น้องฟ้าสนใจทานไอศกรีมไหมครับ” ภาสวรหันมาถามเด็กหญิงที่เดินตามมากับปัญญวัฒน์

“อยากค่ะ อาปันไปกินไอติมกันนะคะ” เด็กหญิงตอบภาสวรก่อนหันมาชวนปัญญวัฒน์

“อายังอิ่มอยู่เลย น้องฟ้าไม่ช่วยอากินป๊อบคอร์นเลยนะ” ปัญญวัฒน์บ่นหลานสาว เด็กหญิงทานป๊อบคอร์นเพียงเล็กน้อยส่วนที่เหลือเขาต้องจัดการเพราะความที่เสียดาย

“ก็ตอนนั้นฟ้าอิ่มแล้ว แต่ตอนนี้ฟ้าอยากกินไอติมค่ะ” คุณพ่อบอกว่าถ้าเราต้องการอะไรต้องพูดให้ชัดเจน

“เอาน่าปัน ไปทานไอศกรีมกันเถอะ” ภาสวรมองเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู

ปัญญวัฒน์ได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยความอ่อนใจ วันนี้ภาสวรดูจะตามใจเด็กๆเป็นพิเศษไม่ว่าจะพูดอะไรหรือขออะไรได้หมดตามต้องการ ดีนะที่เป็นของกินถ้าเป็นของเล่นเขาคงจะเบรกเสียงแข็งกว่านี้ ปัญญวัฒน์ไม่อยากให้เด็กๆเอาแต่ใจ เมื่อรู้ว่าขอได้ก็จะอยากได้โน่นนี่ไม่หยุด ทำให้ไม่รู้คุณค่าของๆนั้นๆ

ภาสวรนั่งมองเด็กทั้งสองทานไอศกรีม โดยมีปัญญวัฒน์คอยดูแลไม่ให้เลอะเทอะ ลูกชายเขาดูมีความสุขที่ได้มาอยู่กับปัญญวัฒน์แถมชายหนุ่มเองก็ไม่ได้รังเกียจหรือเบื่อหน่ายยามที่เด็กชายอยู่ด้วย

“ฮัลโหล ว่าไง” ปัญญวัฒน์รับโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ

(อยู่ไหนอ่ะ กลับกี่โมง)

“เดี๋ยวกลับแล้ว มีอะไรหรือเปล่า” ปัญญวัฒน์ถามนาวินด้วยความแปลกใจ เขาแน่ใจว่าไม่ได้นัดเอาไว้

(แวะตลาดหน่อยอยากได้อาหารทะเลมาปิ้งย่างเย็นนี้ กูบอกป้านุชเอาไว้แล้ว)
 
“เดี๋ยวนะอย่าบอกว่ามากินกันที่บ้านก..เอ่อบ้านเรา” ปัญญวัฒน์รีบเปลี่ยนสรรพนามเมื่อเห็นพวกเด็กๆมองมา

(ใช่กูโทรขอพี่เปรมไว้แล้ว รีบมานะเดี๋ยวกูไปช่วยลุงชิตจัดโต๊ะก่อน)

“อย่าเพิ่งวาง จะกินกันกี่คนจะได้ซื้อของถูก”

(มีบ้านมึง แล้วก็กูกับไอ้รัน ออ หิ้วเบียร์กระป๋องมา2ถาดด้วย) นาวินสั่งรายการเพิ่มเติม

“เออๆ เดี๋ยวจัดการให้ ไม่รู้ที่ตลาดจะมีของพอหรือเปล่า” ปัญญวัฒน์บ่นอย่างเอือมๆ แม้ว่าเพื่อนจะจัดงานกันฉุกละหุกกันบ่อยแต่เขาไม่เคยชินสักที

“มีอะไรหรือเปล่า” ภาสวรถามปัญญวัฒน์ที่ทำหน้ามุ่ยใส่โทรศัพท์

“เดี๋ยวแวะซื้อของที่ซูปเปอร์ก่อนจากนั้นค่อยไปตลาดสดต่อน่ะครับ พี่ภาคสะดวกไหมครับ” ปัญญวัฒน์ถามภาสวรด้วยความเกรงใจเพราะเขากับน้องฟ้ามารถของภาสวรกัน

“ได้ซิ พี่ไม่มีโปรแกรมไปไหน”

“งั้นเย็นนี้สนใจร่วมปาร์ตี้ของนาวินไหมครับ” ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ปัญญวัฒน์เอ่ยชวนภาสวรเสียเลย

“จะดีเหรอ” ภาสวรรู้สึกลำบากใจเพราะนาวินไม่ได้ชวนเขา

“ไม่เป็นไรครับ เพราะจัดที่บ้านผม” จัดบ้านเขาๆจะชวนใครมาไอ้วินไม่กล้าว่าหรอก

“งั้นพี่กับลูกรบกวนปันด้วยครับ”


*********************
มีใครรออยู่ไหม ตรุษจีนเที่ยวเพลินไปหน่อย
ขอโทษที่ทำให้รอกันค่ะ

และขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกัน
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่15 [11/2/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-02-2019 12:18:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่15 [11/2/62] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-02-2019 17:13:45
 :L2: :pig4:

น้อง ผญ คนนั้นคือใคร เราอยากรู้
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / Special#1.Valentine [14/2/62]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 14-02-2019 15:37:30
เอาตอนพิเศษมาฝากกันค่ะ วาเลนไทน์ในแบบฉบับพิเศษของพ่อลูก จะเป็นอย่างไร ลองอ่านกันดูนะคะ


   Special  Valentine

   “พ่อคับ เรนอยากได้ช็อกเลตกับดอกไม้” น้องเรนวิ่งเข้ามาในห้องทำงานพร้อมตะโกนบอก

   “อะไรครับ” ภาสวรก้มมองลูกชายที่วิ่งมายืนติดเก้าอี้ทำงานเขา วันนี้เขาให้คนขับรถไปรับเด็กชายมาส่งที่ทำงานเหมือนอย่างเคย

   “อ๊ะ สวัสดีคับพ่อ” เด็กชายยกมือไหว้ทักทายอย่างนึกได้

   “สวัสดีครับ เมื่อกี้น้องเรนอยากได้อะไรนะพ่อได้ยินไม่ชัด”

   “พุ่งนี้เป็นวันแห่งความรัก ต้องให้ขวัญคนที่รัก”

   “งั้นเหรอครับ แล้วน้องเรนจะให้ใครครับ” ภาสวรเอ่ยถามลูกชายต่อ

   “เรนจะให้ช็อคเลตกับดอกไม้คุนคูกับฟ้า” เด็กชายบอกบิดา คุณครูบอกว่าเขาให้ดอกไม้กับช็อคโกแลตกัน

   “พ่อพาเรนไปซื้อนะ นี่คับเงิน” เด็กชายค้นกระเป๋านักเรียนก่อนหยิบกระปุกออมสินส่งให้บิดา

   “น้องเรนเอามาจากไหนครับนี่” ภาสวรรับกระปุกออมสินอย่างงง เพราะเขาไม่เคยเห็นกระปุกนี่มาก่อน แต่เมื่อพลิกดูที่ข้างกระปุกเห็นว่ามีชื่อลูกชายเขาติดอยู่

   “กระปุกของเรนคุนคูให้หยอดกระปุกทุกวัน”

   “ครับพ่อเข้าใจแล้ว เดี๋ยวทำงานเสร็จแล้วพ่อพาไปนะครับ” ภาสวรบอกเด็กชาย แสดงว่าลูกชายเขาอยากจะไปซื้อของมากถึงขนาดเอากระปุกเก็บเงินมาให้ เมื่อลองเขย่ากระปุกดูพบว่ามีเงินไม่ถึงครึ่งกระปุกด้วยซ้ำเพราะเขาให้เงินติดตัวไปโรงเรียนวันละยี่สิบบาทเท่านั้น



   “น้องเรนจะซื้ออะไรครับ” ภาสวรพาลูกชายมาห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน

   “ช็อคแลตกับดอกไม้” เด็กชายมองสินค้าที่ตั้งโชว์ตาวาว ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์มีช็อคโกแลตมากมายให้เลือกซื้อ ไหนจากสติ๊กเกอร์หัวใจหลายแบบ

   “งั้นเลือกช็อคโกแลตก่อนนะครับ เดี๋ยวพ่อพาไปซื้อดอกไม้”

   “เรนเอานี่ แล้วอันนี้ด้วย เงินจะพอไหมคับ” เด็กชายหยิบช็อคโกแลตกล่องใหญ่หนึ่งที่บรรจุช็อคโกแลตชิ้นเล็กๆหลายชิ้น กับกล่องที่เล็กกว่าอีกหนึ่งกล่องพร้อมลูกอมอีกถุงใหญ่ ก่อนชี้สติกเกอร์ที่อยู่ด้านบนเกินมือจะเอื้อมถึง พร้อมถามบิดาอย่างเป็นกังวล เขาไม่รู้ว่าในกระปุกมีเงินเท่าไหร่จะซื้อของได้ไหม

   “เงินพอครับ” ภาสวรหยิบสติ๊กเกอร์รูปหัวใจส่งให้สองแผ่นเผื่อลูกชายจะไปแปะกับเพื่อนๆ ก่อนลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู

   “เท่านี้นะครับ งั้นเราไปจ่ายเงินกัน” ภาสวรถือของให้ลูกชายก่อนเดินไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน

   เมื่อซื้อช็อคโกแลตเสร็จแล้วภาสวรก็พาเด็กชายไปร้านดอกไม้ ในห้างโชคดีที่ยังไม่ปิด พนักงานที่กำลังจัดดอกไม้เงยหน้าทักทายเมื่อเห็นพวกเขาเข้ามา

   “สวัสดีค่ะ สนใจแบบไหนคะ”

   “เอาดอกอะไรครับ” ภาสวรก้มถามลูกชาย

   “เอาดอกไม้สีแดง” เด็กชายเรนชี้ไปยังถังที่ใส่ดอกกุหลาบสีแดงเต็มถัง

   “เอากุหลาบแดงครับ” ภาสวรบอกพนักงาน

   “เอากี่ดอกดีคะ หรือจัดเป็นช่อ หรือจะเป็นดอกเดียวแบบนี้” พนักงานชี้ให้ดูดอกไม้เป็นช่อหลายดอกก่อนชี้ไปยังดอกกุหลาบดอกใหญ่ดอกเดียวในกล่องพลาสติกใส

   “เอาแบบนี้ดีไหมครับ” ภาสวรชี้ดอกเดียวในกล่อง ดูท่าทางจะคงทนไปถึงมือผู้รับโดยไม่บอบช้ำแน่ๆ

   “เอาคับ” เด็กชายพยักหน้าหงึกหงักตอบรับบิดา

   “งั้นเอาแบบนี้ ไม่ทราบว่าจะเก็บได้กี่วันครับ”

   “เกือบอาทิตย์ค่ะ เพราะเรามีกระเปราะใส่น้ำหล่อเลี้ยงไว้ ทำให้ดอกไม้เหี่ยวช้า” พนักงานอธิบายก่อนโชว์กระเปราะพลาสติกใส่น้ำสำหรับติดปลายก้าน

   ภาสวรจ่ายเงินเสร็จก็พาลูกชายกลับบ้าน น้องเรนกอดกล่องดอกกุหลาบไม่ยอมปล่อย พอเขาถามว่าเอาไปให้ใครเด็กชายก็ไม่ยอมบอก


   เช้าวันวาเลนไทน์ภาสวรไปส่งลูกชายที่โรงเรียนเด็กชายวิ่งไปหาครูประจำชั้นที่อยุ่หน้าห้อง

   “สวัสดีคับคุนคู เรนให้คูปา” เด็กชายยื่นช็อคโกแลตชิ้นเล็กที่ในกล่องใหญ่ให้ปาลิดา

   “ขอบคุณครับ อันนี้ครูให้น้องเรนนะ” ปาลิดาส่งช็อคโกแลตแบบแท่งให้เด็กชาย วันนี้เธอเตรียมช็อคโกแลตไว้แจกเด็กในห้องทุกคน

   “สวัสดีค่ะคุณภาค” ปาลิดาเอ่ยทักชายหนุ่มที่เดินตามลูกชายเข้ามา

   “สวัสดีครับคุณครูครับผมขอคุยด้วยสักครู่” ภาสวรเอ่ยขึ้นเมื่อลูกชายเดินเข้าไปในห้องแล้ว

   “ได้ค่ะ” เมื่อหญิงสาวตอบรับภาสวรก็ส่งกระปุกออมสินของลูกชายให้ปาลิดาก่อนพร้อมทั้งเล่าเรื่องให้ฟัง

   “ปาขอบคุณคุณภาคที่เอากระปุกมาให้” ปาลิดาแจกกระปุกออมสินให้เด็กทุกคนตอนต้นเทอมเพื่อสอนการออมเงินโดยแต่ละวันจะให้เด็กๆหยอดกระปุกเก็บเงินกัน แล้วแต่เด็กจะใส่เงินกันบางคนก็หยอดทุกวันบางคนก็หยอดบ้างไม่หยอดบ้าง พอปิดเทอมใหญ่ก็จะให้กลับไปไว้ออมต่อที่บ้าน

   “ผมต้องขอโทษแทนลูกชายด้วย ฝากคุณปาอธิบายกับแกด้วยครับ” ภาสวรขอโทษแทนลูกชาย เขานึกไว้แล้วว่าปาลิดาต้องไม่รู้เรื่องแน่ๆ เขาเชื่อว่าหญิงสาวคงจะสอนให้ลูกชายเขาได้เรียนรู้ เหมือนกับน้องชายของเธอ

   “เด็กๆคะวันนี้คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็นวันวาเลนไทน์  เมื่อวานครูบอกแล้วใช่ไหมคะว่าเป็นวันที่เราแสดงความรักให้กับคนที่เรารักทุกคนไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่ เพื่อนๆคุณครู ซึ่งครูแอบเห็นว่ามีหลายคนได้รับช็อคโกแลต หรือสติ๊กเกอร์หัวใจ และดอกไม้ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ดีที่คนให้ของเหล่านี้ตั้งใจให้เราอย่างจริงใจ แต่ถ้าเราไม่มีเงินพอซื้อของขวัญเหล่านี้ หรือคนที่เรารักมีหลายคนทำให้เงินที่มีไม่พอซื้อ เราสามารถทำเองได้นะคะ อะไรก็ตามถ้าเราตั้งใจทำให้คนที่รักอย่างจริงใจ คนที่ได้รับต้องรู้สึกยินดีที่ได้รับของเหล่านั้นแน่ๆ” เสียงเด็กๆดังขึ้นจนจับใจความไม่ได้ หลายคนตื่นเต้นเพราะเขายังไม่ได้ให้ของขวัญกับใครหลายคน เมื่อคุณครูพูดต่อ เด็กๆจึงตั้งใจฟังเป็นพิเศษ

   “แล้ววันนี้ครูจะมาสอนเด็กๆทำการ์ดเพื่อมอบให้คุณพ่อคุณแม่และคนที่เรารักในวันวาเลนไทน์ค่ะ” ปาลิดาแจกกระดาษให้เด็กๆ สองใบ หน้าแรกมีรูปหัวใจเต็มไปทั้งหน้ากระดาษ ส่วนอีกหน้าว่างเปล่า

   “เรามาระบายสีรูปหัวใจกันนะคะ ส่วนอีกด้านอยากวาดภาพอะไรให้คนที่เรารักวาดเลยค่ะ หรืออยากเขียนความรู้สึกอะไรลงไปก็ได้เหมือนกัน ลองทำดูนะคะ ถ้าใครทำเสร็จแล้วอยากได้กระดาษเพิ่มมาขอครูได้นะ หรืออยากให้ครูช่วยอะไรก็มาบอกครูได้ค่ะ” เมื่อปาลิดาพูดจบเด็กๆก็ลงมือทำการ์ดในแบบฉบับของตัวเองทันที



   ตอนบ่ายหลังเลิกเรียนภาสวรมารับลูกชายที่โรงเรียนเอง ก่อนหน้านั้นเขาได้แวะซื้อของบางอย่างเสียก่อน เมื่อมาถึงโรงเรียน ลูกชายของเขาวิ่งมาหาพร้อมการ์ดและถุงขนมที่ใส่ช็อคโกแลตและลูกอม แถมเสื้อนักเรียนยังเต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจ

   “เรนให้พ่อคับ” เด็กชายยื่นการ์ดที่ทำเองให้ภาสวร

   “ขอบคุณมากครับ พ่อก็มีของให้น้องเรนครับอยู่ในรถ” ภาสวรจูงมือลูกชายไปที่รถ เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็เอื้อมไปหยิบตัวต่อเลโก้ส่งให้ลูกชาย

   “ขอบคุณครับ เรนรักพ่อจัง” เด็กชายกอดกล่องเลโก้ไว้แน่น  เมื่อวานตอนเดินผ่านเขาอยากวิ่งไปดู แต่พ่อบอกต้องไปซื้อของก่อนห้างปิดไม่งั้นเขาก็ซื้อช็อคโกแลตไม่ได้


“อาปัน สวัสดีคับ อาสุนสวัสดีคับ” เด็กชายเรนยิ้มร่าเข้ามาในห้องทำงานของปัญญวัฒน์ทันทีที่มาถึงที่ทำงานพ่อ

   “สวัสดีครับน้องเรน” ปัญญวัฒน์ทักกลับพร้อมอุ้มเด็กชายขึ้นมานั่งที่ตักตัวเอง

   “เรนให้อาปัน” เด็กชายหยิบกล่องดอกไม้ที่บุบไปบางส่วนแต่ดอกไม้ยังสภาพดีพร้อมช็อคโกแลตส่งให้อาปัน

   “ขอบคุณครับ น้องเรนให้อาเนื่องในโอกาสอะไรเอ่ย” ปัญญวัฒน์แกล้งถามเด็กชายเพราะเขาเห็นเสื้อนักเรียนของน้องเรนมีสติ๊กเกอร์แปะหลายดวง

   “วันนี้วันแห่งความรัก คุณคูบอกว่าเราให้ของเพื่อแสดงความรัก”

   “แต่อาปันไม่มีของให้น้องเรนเลยอ่ะ”

   “อาปันก็ให้ช็อคโกแลตเรนก็ได้”

   “แต่อาไม่มีช็อคโกแลตนี่ครับ อาไม่ได้เตรียมไว้” ปัญญวัฒน์กำลังงง

   “นี่ไงๆ” เด็กชายเรนชี้ไปยังกล่องช็อคโกแลตตรงหน้าชายหนุ่ม

   “แต่นี่ของน้องเรนนี่ครับ” กล่องช็อคโกแลตนี้น้องเรนเพิ่งยื่นให้เขา

   “ก็เรนให้อาปันแล้ว ก็ต้องเป็นของอาปัน อาปันก็ให้เรนได้แล้ว” ทันทีที่เด็กชายพูดจบ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น สุนทรีรู้สึกชอบใจความคิดเด็กชาย ส่วนภาสวรที่เดินตามมาแอบฟังอยู่นานรู้สึกขำในความฉลาดแกมโกงของลูกชาย ถึงว่าที่เลือกซื้อช็อคโกแลตยี้ห้อโปรดที่ตัวเองชอบกิน

   “ก็ได้ครับ อาปันให้น้องเรน” ปัญญวัฒน์ส่งช็อคโกแลตคืนให้เด็กชาย

   “เดี๋ยวเรนแบ่งให้กินนะคับ” เจ้าตัวแกะช็อคโกแลตออกมาส่งให้ปัญญวัฒน์ชิ้นนึง ก่อนเดินไปหาสุนทรีพร้อมยื่นให้อีกชิ้นนึง

   “แล้วของพ่อล่ะครับ” ภาสวรเดินเข้ามาพร้อมถามลูกชาย

   “เรนให้การ์ดพ่อแล้วไง แบ่งให้ชิ้นนึงก็ได้” เด็กชายหยิบช็อคโกแลตยื่นให้ภาสวรชิ้นนึง เขาให้การ์ดแล้วยังมาขอเพิ่มอีก แต่พ่อให้ของเล่นเขาเขาแบ่งให้พ่อชิ้นนึงก็ได้

   “ขอบคุณครับ” ภาสวรยิ้มให้ลูกชายก่อนมองไปยังปัญญวัฒน์ที่หยิบกล่องดอกกุหลาบขึ้นมาดู เขาดีใจที่ลูกชายให้ดอกไม้กับชายหนุ่ม ตอนแรกคิดว่าจะเอาไปให้เพื่อนที่ห้องเสียอีก

   “สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับปัน” ภาสวรเอ่ยขึ้นเบาๆพอให้ปัญญวัฒน์ได้ยินพร้อมทั้งยื่นกล่องปากกาที่เตรียมไว้ให้ชายหนุ่มก่อนหันไปมองว่ามีใครเห็นไหม โชคดีที่เด็กชายพูดคุยกับสุนทรีอยู่แถมยังอวดสติ๊กเกอร์ที่ได้ให้ดูอีก

   “สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับพี่ภาค” ปัญญวัฒน์หยิบปากกาสลักชื่อขึ้นมาดูก่อนยิ้มให้ภาสวร เขาไม่ได้เตรียมของขวัญให้ใครเลยในวันวาเลนไทน์ เห็นทีคงต้องหาของขวัญตอบแทนในวันที่ 14 มีนาคมเสียแล้ว

   เสียงหัวเราะของเด็กชายดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศความสุขที่อบอวลไปทั่วห้อง แต่ละคนมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า นี่แหละวันที่หัวใจทุกดวงมีความสุขในวันแห่งความรัก วันแห่งความสุขของทุกคน


******************************

Happy Valentine’s Day

ขอให้ความรักเบ่งบานรอบตัวคุณวันนี้และทุก ๆ วัน สุขสันต์วันวาเลนไทน์

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / Special#1.Valentine [14/2/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-02-2019 19:40:49
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / Special#1.Valentine [14/2/62]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 14-02-2019 20:01:42
 :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / Special#1.Valentine [14/2/62]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-02-2019 15:53:05
พี่ภาคนี่เนียนๆเลยนะแทรกซึมเข้าชีวิตประจำวันน้องตลอด อยากให้ถึงงานเลี้ยงไวๆอยากรุ้ว่าจะหึงหน้ามืดขนาดไหน ต้องโดนเพื่อนๆลองใจแน่ๆ
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 16 [18/2/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 18-02-2019 11:21:06
ตอนที่ 16

ปัญญวัฒน์ยกเอกสารที่จัดเตรียมไว้สำหรับประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทรวมทั้งแผนงานครึ่งปีที่เหลือไปห้องประชุมใหญ่ที่อยู่ชั้นล่าง การประชุมผู้ถือหุ้นจะประชุมกันปีละสองครั้ง เพื่อสรุปผลงานและแผนการบริหารในอีกหกเดือนข้างหน้า

 “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” ปัญญวัฒน์ถามพนิดาที่ตรวจความเรียบร้อยในห้องประชุม

“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ขอบใจมากที่ยกเอกสารมาให้นะคะ เดี๋ยวพี่เช็คอุปกรณ์เสร็จก็จะกลับขึ้นไป” พนิดายิ้มให้ชายหนุ่มก่อนเช็คโปรเจคเตอร์ต่อ

ปัญญวัฒน์ลงลิฟท์มาชั้นล่างของตึกที่แบ่งให้เช่าพื้นที่ขายของมีทั้งร้านสะดวกซื้อและธนาคาร แต่ที่ขาดไม่ได้คือร้านกาแฟของบริษัท ที่มีทั้งกาแฟสดรวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัท แต่กาแฟสดมีขายอยู่สามที่เป็นโครงการนำร่องผิดกับกาแฟสำเร็จรูปที่ส่งจำหน่ายร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ

“โกโก้เย็นสองแก้วครับ” ปัญญวัฒน์สั่งรายการหน้าเคาน์เตอร์

“เพิ่มวิปครีมไหมคะ โปรโมชั่นเดือนนี้เพิ่มวิปครีมฟรีค่ะ”

“เพิ่มครับ” ปัญญวัฒน์บอกก่อนจ่ายเงินแล้วไปรอด้านข้างเพื่อรอรับสินค้า ความคิดเปิดร้านกาแฟสดของบริษัทเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยทีเดียว มีคนให้ความสนใจมากเพราะที่ผ่านมาบริษัทขายแต่กาแฟสำเร็จรูปที่สะดวกและเก็บได้นาน

“อ๊ะ” ระหว่างที่ยืนรอเครื่องดื่มอยู่นั้นได้มีลูกค้าถอยหลังมาชนปัญญวัฒน์ที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอย่างจัง

“ขอโทษค่ะ” เสียงหวานๆกล่าวขอโทษอย่างรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรครับ” ปัญญวัฒน์สบตาหญิงสาว เขารู้สึกคุ้นๆหน้าเธออย่างบอกไม่ถูก

“โกโก้เย็นสองแก้วเพิ่มวิปครีมได้แล้วค่ะ” เสียงพนักงานดึงความสนใจของปัญญวัฒน์ไปจากหญิงสาวตรงหน้า เมื่อรับเครื่องดื่มแล้วปัญญวัฒน์ก็กลับขึ้นไปยังห้องทำงานทันที

“พี่สุน โกโก้ครับ” ปัญญวัฒน์วางโกโก้บนโต๊ะหญิงสาว

“ขอบใจจ้านี่เงินจ้า”

“โปรโมชั่นเดือนนี้วิปครีมฟรีครับ” ชายหนุ่มบอกก่อนส่งเงินคืนให้

“จริงด้วยเห็นป้ายอยู่แว๊บๆ ทั้งเดือนเลยใช่ไหม” สุนทรีรู้สึกถูกใจโปรโมชั่นนี้มาก

“ใช่ครับ” ปัญญวัฒน์บอกก่อนเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง

“สวัสดีคับอาปัน อาสุน” เด็กชายเรนเปิดประตูเข้ามาพร้อมยกมือไหว้ทักทายทั้งคู่

“สวัสดีครับ/ค่ะ น้องเรน”

“อาปันกุ้งวันนั้นอร่อย หอยชีสก็อร่อยเรนอยากกินอีก เย็นนี้ไปกินกันนะ” เด็กชายถามขึ้น เขาอยากกิน ตอนนี้บ้านเขามีคนเยอะแยะเหมือนบ้านอาปัน อยากให้อาปันไปทำแบบนั้นที่บ้านเขาบ้าง

“อะไรคือหอยชีส” สุนทรีที่ฟังเด็กชายเจื้อยแจ้วถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“อ๋อ หอยแมลงภู่อบชีสครับ วันก่อนที่บ้านผมทำกินกัน รู้สึกน้องเรนจะชอบมาก” ปัญญวัฒน์อธิบายดูเหมือนเด็กชายจะชอบปาร์ตี้ของนาวินเอามากๆ

“ใช่ๆเหมือนพิซซ่าเลยชีสยืดๆ” เจ้าตัวบอกสุนทรีอย่างอวดๆ

“โห น่าอิจฉาจัง อาอยากกินบ้างจัง” สุนทรีบอกเด็กชาย

“บอกอาปันเลย อาใจดีเดี๋ยวทำให้กินเลย” คำพูดของเด็กชายทำเอาผู้ใหญ่ในห้องอดที่จะยิ้มไม่ได้


ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูพร้อมประตูที่เปิดออกทำให้คนในห้องหันไปมอง

“อยู่นี่เองเจ้าตัวยุ่ง ย่าเดินหาตั้งนาน” ลาวัลย์มองหลานชายที่นั่งบนตักปัญญวัฒน์ก่อนพินิจชายหนุ่มตรงหน้า

“สวัสดีค่ะคุณลาวัลย์” สุนทรีลุกขึ้นมาทำความเคารพหญิงสูงวัยที่เดินเข้ามาหยุดข้างหน้าโต๊ปัญญวัฒน์

“สวัสดีครับ” เมื่อเห็นเพื่อนร่วมห้องให้ความเคารพอย่างนอบน้อมปัญญวัฒน์ที่กำลังตะลึงจึงรีบยกมือไหว้แทบไม่ทัน ติดที่เด็กชายนั่งอยู่บนตักทำให้เขาลุกขึ้นยืนไม่ได้

“สวัสดีจ้า ไม่เป็นไรไม่ต้องยืนหรอก” ลาวัลย์บอกชายหนุ่มก่อนเดินไปนั่งเก้าอี้ที่สุนทรีดึงออกมาให้ที่หน้าโต๊ะปัญญวัฒน์

“ขอบใจนะ สบายดีนะสุนทรี ลูกสาวอยู่กับใคร” ลาวัลย์พูดกับสุนทรีอย่างคุ้นเคย

“แม่ของสามีช่วยเลี้ยงให้ค่ะ” สุนทรีตอบมารดาของเจ้านาย

“อืมดีๆ เห็นว่าเจ้าตัวยุ่งมารบกวนบ่อยๆใช่ไหม” ประโยคหลังหันมาถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า

“ไม่กวนนะคุณย่า เรนไม่ได้กวนอาปันสักหน่อย” เด็กชายเริ่มร้อนตัว

“น้องเรนไม่ได้รบกวนอะไรครับ” ปัญญวัฒน์ตอบก่อนมองเด็กชายอย่างเอ็นดู

“ขอบใจมากนะที่ช่วยดูน้องเรนให้ ขอบใจจริงๆ” ลาวัลย์บอกก่อนสบตาเจ้าของห้องทั้งสองคน เธอรู้สึกขอบคุณทั้งคู่จริงๆ โดยเฉพาะชายหนุ่ม เพราะหลานชายเธอเปลี่ยนไปมาก จากเด็กที่เงียบๆเก็บตัว เอาแต่ใจ กลับสดใสสมวัยมากขึ้น

“คุณแม่อยู่ที่นี่จริงๆ” เสียงเปิดประตูพร้อมสาวสวยเดินเข้ามาทำให้คนในห้องหันไปมอง

“อ้าวยัยวรรณ ตาภาคมีอะไรกัน” ลาวัลย์เอ่ยถามคนทั้งคู่ที่เดินเข้ามา

“ยัยวรรณสงสัยว่าคุณแม่อยู่ไหนพอผมบอกว่าน่าจะอยุ่ที่นี่ เจ้าตัวก็เดินมาเลย” ภาสวรเล่าให้มารดาฟัง ทั้งที่เขาเองบอกแล้วว่าเดี๋ยวแม่ก็กลับมาแล้วรวิวรรณยังจะตามมาดูให้แน่ใจ

“ก็วรรณอยากรู้นี่” หญิงสาวค้อนพี่ชายอย่างงอนๆ

“แม่มาคุยกับสุนทรีและปัญญวัฒน์นิดหน่อย” ทันทีที่มารดาพูดจบรวิวรรณก็มองผู้ชายที่นั่งตรงหน้ามารดาทันที

“คุณแม่ของผมคงรู้จักแล้ว นี่ยัยวรรณน้องสาวผมเอง ส่วนนี่ก็คุณสุนทรีและก็ปัญญวัฒน์ ฝ่านวางแผนฯ” ภาสวรแนะนำคนในห้องให้รู้จักกัน ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้น้องสาวภาสวรเพราะดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าเขา

“อ๊ะ จำได้แล้ว คนที่ร้านกาแฟนี่เอง” รวิวรรณพูดออกมาอย่างนึกได้

“หือ พี่คิดว่าเธอจะบอกว่าคนที่เจอที่ร้านเหล้าวันนั้นเสียอีก” ภาสวรแขวะน้องสาว น้องสาวของเขานัดเพื่อนฉลองที่เพิ่งกลับมา โทรตามให้เขาไปรับเพราะขับรถกลับไม่ไหว

“ตอนไหนไม่เห็นจะจำได้เลย” รวิวรรณพยายามทบทวน

“แสดงว่าไปดื่มหลายครั้งจนจำไม่ได้ซิท่า” ลาวัลย์พูดเสียงแข็ง ทั้งๆที่กลับมาแทนที่จะไปหาพ่อแม่ที่เชียงรายกลับมัวเที่ยวเตร่กับเพื่อนที่กรุงเทพนี่

“เปล่านะคะ วรรณไปแค่ครั้งเดียวเอง แต่วรรณจำไม่ได้ว่าเคยเจอปันนี่คะ” รวิวรรณบอกมารดาเสียงอ่อยๆ

“จำได้ก็แปลกแล้ว เธอเมามากเจอพี่กับปันเธอก็บอกว่าจะอ๊วกแล้ววิ่งไปเลย” ภาสวรยังโมโหไม่หายที่น้องสาวกินเหล้าจนเมาขนาดนั้น โชคดีที่เพื่อนๆอยู่ด้วยจนกว่าเขาจะมาถึง ไม่อย่างนั้นไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง

“โห พี่ภาคนี่ไม่เจอพักเดียวขี้บ่นขึ้นเยอะเลยนะ วรรณไม่คุยกับพี่แล้ว ไปหาคุณพ่อดีกว่า” รวิวรรณพูดอย่างแง่งอนก่อนเดินออกจากห้องไป

“ยัยวรรณเรียนจบด๊อกเตอร์แล้วยังทำตัวเหมือนเด็กๆไปได้” ลาวัลย์พูดอย่างอ่อนใจ ด้วยความที่เธอรักและตามใจลูกสาวคนเดียวจนไม่รู้จักโตแบบนี้ นี่เห็นว่าจะไปสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยจะได้เรื่องได้ราวหรือเปล่าเนี่ย

“ฉันต้องขอโทษพวกเธอด้วยที่พวกฉันเข้ามารบกวนจนไม่ได้ทำงานทำการเลย นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วไปทานข้าวด้วยกันซิ ขอฉันเลี้ยงขอบคุณพวกเธอสักมื้อนะ” ลาวัลย์เอ่ยกับทั้งคู่ สุนทรีกับปัญญวัฒน์สบตากันไม่รู้จะทำอย่างไร

“ไปเถอะ น้องเรนชวนอาสุนกับอาปันไปทานข้าวกับเราซิครับ” ภาสวรพยักหน้าให้ทั้งคู่ก่อนบอกลูกชายให้ช่วย เขารู้ดีว่าปัญญวัฒน์ไม่เคยปฏิเสธลูกชายเขาได้เลย

“ไปนะครับอาปันอาสุน” เด็กชายเรนไม่ทำให้พ่อผิดหวังหันไปชวนทั้งคู่ทันที

“ขอบคุณมากครับ/ค่ะ” ทั้งคู่ตอบรับทำให้ลาวัลย์ยิ้มอย่างพอใจ

ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่พนิดาจองไว้ไม่ไกลจากบริษัทเพราะต้องกลับมาประชุมตอนบ่าย ปัญญวัฒน์กับสุนทรีรู้สึกดีขึ้นที่พนิดาเองก็มาร่วมโต๊ะกับครอบครัวของเจ้านายเหมือนอย่างพวกเขา

“เรนนั่งกับอาปัน” เด็กชายบอกก่อนจับมือชายหนุ่มไว้

“งั้นปันนั่งใกล้น้องเรนด้านนี้แล้วกัน” ภาสวรบอกชายหนุ่มให้นั่งใกล้เก้าอี้เด็กที่วางไว้หัวโต๊ะด้านหนึ่ง ส่วนหัวโต๊ะอีกด้าน สุริยะเจ้าของไร่แสงตะวันและผู้ก่อตั้งบริษัทกาแฟสำเร็จรูปนั่งอยู่ ส่วนลาวัลย์ผู้เป็นภรรยานั่งอยู่ด้านขวามือของท่าน พนิดาจึงไปนั่งตรงข้ามลาวัลย์แทนปัญญวัฒน์ที่มานั่งประกบเด็กชายเอาไว้ ทำให้สุนทรีนั่งตรงข้ามรวิวรรณโดยปริยาย

“น้องเรนติดปันมากเลยนะ” รวิวรรณเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเด็กชายเล่าเรื่องการ์ตูนที่ดูให้ชายหนุ่มฟัง

“ใช่แล้ว พี่เองยังแปลกใจ” ภาสวรพูดกับน้องสาวที่นั่งอยู่ติดกัน

ปัญญวัฒน์มองรวิวรรณที่นั่งข้างภาสวรแล้วรู้สึกขำตัวเองที่เข้าใจผิดจนเก็บไปคิดวิตกกังวล เดี๋ยวนะพอคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาหัวใจของชายหนุ่มก็เต้นแปลกๆ ปัญญวัฒน์จ้องหน้าภาสวรอย่างตกใจกับความคิดของตัวเอง

“อาปันคับเรนอยากกินนั่น” เสียงเด็กชายทำให้ปัญญวัฒน์ละสายตาจากภาสวร

“จะเอาอะไรนะครับ” ปัญญวัฒน์ถามเพราะตอนนี้อาหารมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะแล้ว

“หอยชีส” น้องเรนชี้จานหอยแมลงภู่อบชีสที่ภาสวรสั่งให้ ตอนนี้ตั้งอยู่ตรงหน้าปัญญวัฒน์ ชายหนุ่มจัดการตักให้ พร้อมทั้งสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าที่เด็กชายชอบทาน

“ระวังร้อนนะครับ”

“อร่อย เหมือนพิซซ่าเลย” เด็กชายถูกใจชีสที่ยืดยาวออกมาตอนที่ปัญญวัฒน์เอาตัวหอยกับชีสออกจากเปลือกให้

“อร่อยก็ทานเยอะๆนะครับ แล้วจะเอาพิซซ่าไหมครับ” ภาสวรถามลูกชายที่กำลังรอให้ปัญญวัฒน์ตักหอยอบชีสให้ทานอีกในเมื่อหอยอบชีสเหมือนพิซซ่าแล้ว แล้วพิซซ่าจะเอาอีกไหม

"เอาคับ" เขาชอบทานไม่พลาดอยู่แล้ว

“เมื่อวันก่อนเห็นน้องเรนมาเล่าให้ฟังว่าไปงานเลี้ยงบ้านปันมา เจ้าตัวชอบมากถึงกับมาบอกว่าให้ที่บ้านจัดบ้าง” รวิวรรณหันมาคุยกับปัญญวัฒน์

“ไม่ใช่งานเลี้ยงใหญ่โตอะไรหรอกครับแค่ปาร์ตี้เล็กๆเลี้ยงกันเองที่บ้าน” ปัญญวัฒน์รีบอธิบายกลัวคนอื่นเข้าใจผิด แค่กินข้าวกันในครอบครัวเท่านั้นเอง

“นั่นแหละ น้องเรนสนุกมาก บอกได้ร้องเพลงกับใครนะน้องเรน” รวิวรรณหันมาถามหลานชาย

“ร้องเพลงกับฟ้าแล้วก็อาวิน เรนได้รางวัลด้วย” เด็กชายพูดอย่างอวดๆ จนปัญญวัฒน์แทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ รางวัลที่ว่านั้นคือช็อคโกแลตที่เปรมณัชซื้อมาฝากตอนไปหาลูกค้าที่ญี่ปุ่นหลังจากคนโน้นคนนี้เลือกรสชาเขียวสุดฮิตไปกันหมดทิ้งรสดั้งเดิมที่มีขายในไทยเอาไว้ จึงเอามาให้น้องเรนบอกว่ารางวัลคนร้องเพลงเก่ง

“โหได้รางวัลด้วยเหรอ อาอิจฉาจัง”

“พ่อ ไว้เราพาอาวรรณไปร้องเพลงบ้านอาปันกันนะคับ” เด็กชายหันมาบอกกับบิดา

คำพูดของน้องเรนเรียกเสียงหัวเราะให้กับปู่ย่า พวกเขารู้สึกดีใจที่หลานชายเปลี่ยนไปจากที่นั่งเงียบๆไม่สนใจใคร ถามคำตอบคำ ถ้าคนไม่คุ้นเคยยิ่งแล้วใหญ่เขาจะไม่เข้าใกล้เลย แถมเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุดถ้าใครขัดใจจะลงไปนอนดิ้นจนทุกคนขยาด ตอนแรกที่รวิวรรณโทรมาเล่าให้ฟังว่าหลานชายไม่ตั้งแง่กับเธอเหมือนเมื่อก่อนอย่างที่เธอกลัว ก็รู้สึกแปลกใจ พอมาเจอกับตัวเองก็รู้ว่าเด็กชายช่างพูดช่างคุยผิดจากหลายเดือนก่อนที่เจอลิบลับ

ภาสวรบอกว่าเป็นเพราะปัญญวัฒน์ที่ทำให้หลานชายเขาเปลี่ยนไป จนพวกเขาอยากเจอชายหนุ่มที่น้องเรนพูดถึง พอได้เจอแล้วที่ลูกชายเขาพูดมานั้นไม่ผิดเลยสักนิด น้องเรนติดปัญญวัฒน์แจ แถมชายหนุ่มเองก็ดูใจเย็น สุภาพ อ่อนน้อม ดูแลน้องเรนเป็นอย่างดี อาการก้าวร้าวที่หายไปของน้องเรนอาจมาเพราะซึบซับบุคลิกของปัญญวัฒน์ก็เป็นไปได้

หลังทานอาหารเสร็จแล้วพ่อแม่รวมถึงตัวภาสวรเองได้เข้าประชุมผู้บริหาร ตอนแรกรวิวรรณอาสาดูหลานชายเอง แต่น้องเรนอยากอยู่กับปัญญวัฒน์มากกว่า ภาสวรเลยตามใจให้ลูกชายมานั่งเล่นที่ห้องปัญญวัฒน์โดยกำชับว่าห้ามซนจนอาปันเสียงาน ไม่อย่างงั้นจะไม่พามาอีก ซึ่งเด็กชายเองก็รับคำเป็นอย่างดี

“ถ้าน้องเรนเกเรก็พาไปส่งยัยวรรณได้นะ” ภาสวรบอกสุนทรีและปัญญวัมน์เมื่อเดินมาส่งลูกชายที่ห้องทำงานของทั้งคู่

“ไม่ต้องกังวลเรื่องน้องเรนนะคะ สุนเชื่อว่าปันเอาอยู่” สุนทรีพูดเพราะเธออย่างนั้นจริงๆ

“พ่อไปทำงานก่อนอย่าซนนะน้องเรน” ภาสวรบอกเด็กชายอีกครั้ง

“คับ เรนจะเป็นเด็กดี บ๊ายบายคับ” เด็กชายรับคำก่อนโบกมือให้พ่อที่เดินลงไปห้องประชุม

“ไหนมาให้อาดูซิว่าเอาอะไรมาบ้าง” ปัญญวัฒน์ขอดูภายในกระเป๋าที่เด็กชายถือมา มีสมุดระบายสีที่ไปเลือกกับเขาพร้อมสมุดวาดรูปอย่างละเล่ม กล่องสีไม้ และแท๊บแลตอีกเครื่อง

“น้องเรนอยากทำอะไรครับ” ปัญญวัฒน์ถามเด็กชายเมื่อเห็นของในกระเป๋าทั้งหมด

“เรนอยากเล่นเกมส์” เด็กชายล้วงเอาแท๊บแลตออกมา

“งั้นเหรอครับ เสียดายจังอาปันอยากเห็นน้องเรนวาดรูปสวยๆมากกว่า” ปัญญวัฒน์ส่งเสียงอย่างผิดหวัง

“งั้นเรนวาดรูปให้อาปันก็ได้ เดี๋ยวเรนระบายสีสวยๆให้เลย” เด็กชายพูดอย่างกระตือรือร้นก่อนเอาแท๊บแลตเก็บเข้ากระเป๋าแล้วหยิบสมุดวาดรูปพร้อมสีขึ้นมา ปัญญวัฒน์แบ่งที่ว่างให้เด็กชายด้านหนึ่งเพื่อให้นั่งทำงานได้อย่างเต็มที่ เมื่อเห็นน้องเรนตั้งใจทำงานแล้ว ชายหนุ่มหันไปสบตากับสุนทรีอย่างโล่งใจ

---- a little cupid ----

“ฮาโหล ตอนนี้กูด้านล่างแล้ว” ปัญญวัฒน์โทรหาศรัณทันทีที่มาถึงหอพักแพทย์ประจำมหาวิทยาลัยที่ศรัณเรียนอยู่

(เออ เดี๋ยวออกไปรอแป๊บ)

“โย่ มีอะไรมาถึงนี่ได้” ศรัณทักทายเพื่อนสนิท ปัญญวัฒน์โทรมาหาเขาถามว่าอยู่ไหนบอกจะมาหา ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันเมื่อวานเอง

“กินไรหรือยัง ไปหาอะไรกินกันไหม” ปัญญวัฒน์เอ่ยชวนเพื่อน

“จะกินที่โรงอาหารหรือข้างนอกดี”

“ตามใจมึง”

“งั้นไปข้างนอก” ศรัณมองเพื่อนก่อนตัดสินใจ แล้วเดินนำปัญญวัฒน์ไปที่รถของเจ้าตัว

“มีอะไรว่ามา” ศรัณถามเมื่อสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว เขาเลือกร้านอาหารไม่ไกลจากโรงพยาบาลและค่อนข้างเป็นส่วนตัวหน่อย

“กูมีความรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก”

“แปลกกับเรื่องอะไร” ศรัณมองหน้าเพื่อนอย่างพินิจ

“คือ เมื่อวันก่อนกูไปเลี้ยงสายรหัส...” ปัญญวัฒน์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนสนิทฟัง

“มึงชอบพี่ภาค”

“แต่กูไม่เคยชอบผู้ชาย”

“ไม่เคยแล้วไง ทุกอย่างมีครั้งแรกเสมอ ทบทวนความรู้สึกตัวเองดู ออ อย่าใช้อคติมาตัดสินความรู้ตัวเองนะ อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองซะ การที่จะรักใครสักคนไม่ผิดหรอกนะไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ขอแค่มึงมีความสุขที่ได้รัก และยิ่งมีความสุขมากขึ้นถ้าเจ้าของความรักนั่นรักตอบกลับมา” ศรัณถอนหายใจทันทีที่พูดจบ ไม่คาดคิดว่าเพื่อนจะมาปรึกษาตัวเองเรื่องนี้

“แล้วถ้ากูชอบผู้ชายจริงๆ มึงจะรังเกียจกูไหม” ปัญญวัฒน์สบตาเพื่อนสนิท เขายอมรับว่ากลัวว่าคนรอบข้างจะรับไม่ได้

“แล้วถ้ากูบอกมึงว่ากูมีแฟนเป็นผู้ชายนานแล้ว มึงรังเกียจกูไหม” ศรัณตั้งคำถามกลับ

“ไม่ กูกับมึงคบกันมาแทบจะเท่ากับอายุตัวเองอยู่แล้ว จะรังเกียจทำไม”

“นั่นแหละคำตอบของกู” ศรัณยักคิ้วให้ปัญญวัฒน์

“เดี๋ยวนะ มึงบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชายนานแล้ว มึงมีแฟนแต่กูไม่รู้นี่นะ” ปัญญวัฒน์พูดขึ้นมาทันทีที่นึกได้ว่าเพื่อนพูดอะไร

“ยังไม่มีโว๊ย เวลาส่วนตัวยังไม่มีเลย กูแค่สมมุติ”

“แล้วไปคิดว่ามีแล้วปิดเพื่อนฝูง”

“ถ้ากูมีจะป่าวประกาศให้รู้กันทั่วเลยคอยดูซิ”

“เออ แล้วกูจะคอยดู” ปัญญวัฒน์ยิ้มให้เพื่อน เขารู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้คุยกับเพื่อนสนิท

ศรัณนั่งทานอาหารพร้อมคุยกับปัญญวัฒน์เรื่องโน่นนี้ ตอนนี้เพื่อนเขาดูจะสบายใจขึ้นพูดคุยปกติเขาเองก็สบายใจตาม เพราะได้ทำหน้าที่เพื่อนที่ดีแล้ว ให้คำแนะนำเพื่อนยามมีปัญหา พร้อมที่จะเคียงข้างเมื่อเพื่อนต้องการเขา เรื่องความรักศรัณคิดว่าไม่ใช่เรื่องผิดที่คนจะรักกันไม่ว่าเพศไหนก็ตามขอให้คนที่เพื่อนรักเป็นคนดีเท่านั้น ถ้าคนที่เพื่อนเลือกไม่ดีจริงเขาก็พร้อมจะดึงปัญญวัฒน์ออกมาจากคนๆนั้น ส่วนเรื่องอื่น เวลานี้ช่างหัวมันไปก่อน



*********************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 16 [18/2/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-02-2019 12:35:14
 :hao6: :hao6: :hao6:
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 16 [18/2/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-02-2019 15:29:54
ในที่สุดก็รู้ใจตัวเองอีกคน
ลุ้น

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 16 [18/2/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-02-2019 21:51:59
ปันรุ้ใจตัวเองแล้วที่นี้กะเหลือว่าเมื่อไหรจะรุ้ตัวว่าใจตรงกันละนะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 16 [18/2/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 20-02-2019 21:29:48
 :pig4: :mew1:
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 17 [25/2/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 25-02-2019 13:25:45
ตอนที่ 17   

ทัศนียภาพแห่งทะเลหมอกยามเช้า และไร่ชา ไร่สตรอว์เบอร์รี ขั้นบันไดตามเนินเขา เป็นภาพที่ประทับใจ เพราะทะเลหมอกที่เห็นนี่ เปรียบดังสายน้ำที่กำลังไหลผ่านช่องเขา โอบล้อมไปทั่วบริเวณ เห็นแล้วสบายตา ปัญญวัฒน์สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเสียชุ่มปอด สุดสัปดาห์นี้เขามาสวนกาแฟที่เชียงรายพร้อมทั้งดูร้านกาแฟสดที่เปิดนำร่องอีกสองสาขาตามคำชวนของภาสวร ในเมื่อเห็นเป็นเรื่องงานปัญญวัฒน์จึงตอบรับด้วยความยินดี

เมื่อวานตอนมาถึงก็ค่ำแล้วทางภาสวรพาเขามาพักที่ไร่แสงตะวันบ้านไม้สักหลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขา หลังจากที่ทักทายเจ้าของบ้านอย่างสุริยะและลาวัลย์ ปัญญวัฒน์เองได้ทำความรู้จักกับรวิภาส พี่ชายของภาสวรผู้ที่ดูแลไร่แสงตะวันและเป็นผู้ริเริ่มทำไร่ชาพร้อมรีสอร์ทแสงตะวันอีกด้วย

“อาปันทำอะไรอยู่คับ” เสียงเด็กชายเรนตะโกนพร้อมวิ่งมาหาชายหนุ่มที่ระเบียงบ้าน

“อากำลังดูวิวครับ”

“ดูทำไม” เด็กชายเรนถามอย่างสงสัย

“น้องเรนดูสิครับว่าสวยไหม” ปัญญวัฒน์ชี้ชวนให้เด็กชายดูไปรอบๆ

“สวย สตอเบอรี่อร่อย” เด็กชายมองคนงานที่ถือตะกร้าสตรอว์เบอร์รีเดินไปมาอยู่ในไร่

“เจ้าตัวยุ่งหิวแล้วล่ะซิ” ลาวัลย์รู้สึกขำหลานชายที่สนใจของกินมากกว่าวิวที่สวยงาม

“คับ คุนย่า”

“ปันล่ะหิวหรือยัง อาหารใกล้เสร็จแล้วรอหน่อยนะ” ลาวัลย์หันมาถามชายหนุ่ม

“ยังครับ ที่นี่สวยมากครับ”

“เดี๋ยวทานอาหารเช้าเสร็จเดินลงไปดูในไร่ซิ สายๆคนงานก็ออกมาหมดแล้ว” ลาวัลย์เอ่ยอนุญาต เพราะคนงานจะเก็บใบชาเฉพาะช่วงเช้า สายๆก็ไปทำส่วนอื่นของไร่แล้ว

“ขอบคุณมากครับ”

“มีใครสนใจสตรอว์เบอร์รีบ้างไหม” ภาสวรถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยสตรอว์เบอร์รีเดินเข้ามา

“เรนคับ” เด็กชายตาวาวทันทีที่เห็นสตรอว์เบอร์รีลูกโตๆ

“เดี๋ยวค่อยทานนะครับ ทานข้าวก่อนนะ” ลาวัลย์รีบเบรกหลานชาย


หลังอาหารเช้าภาสวรพาปัญญวัฒน์ไปแวะดูสวนกาแฟก่อนพามาร้านกาแฟสดของบริษัทที่เปิดอยู่ในรีสอร์ทแสงตะวันซึ่งอยู่อีกฝั่งกับไร่แสงตะวัน ตัวร้านตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ไม่ไกลจากรีเซฟชั่นของรีสอร์ท มีการออกแบบและตกแต่งร้านให้ผนังเป็นกระจกรอบด้าน ไม่ว่าลูกค้าจะนั่งมุมไหน ก็จะสามารถมองเห็นวิวของภูเขากว้างใหญ่ได้อย่างชัดเจน ใครอยากนั่งจิบกาแฟแบบเสียวนิด ๆ ก็มีมุมเฉลียงสำหรับนั่งห้อยขาไว้รองรับ

“คาปูชิโน่ร้อนหนึ่งแก้ว อเมริกาโน่ร้อนหนึ่งแก้ว ชาอู่หลงหนึ่งกา เค้กช็อคโกแลตกับพายมะนาวอย่างละชิ้นนะครับ ออ ขอน้ำส้มอีกแก้วด้วย“ ปัญญวัฒน์สั่งเครื่องดื่มที่หน้าเคาน์เตอร์ ที่สาขานี้มีเค้กและขนมโฮมเมคให้เลือกมากมาย แต่ที่โดดเด่นกว่านั้นก็คือ วิวสวย ๆ เห็นขุนเขาน้อยใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ ไร่ชา ไร่สตรอว์เบอร์รี ของไร่แสงตะวันที่ปลูกเป็นขั้นบันไดตามเนินเขาที่สามารถมองได้จากในร้าน

“สักครู่นะคะเดี๋ยวไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะค่ะ” ทางร้านรับออเดอร์ให้พร้อมส่งใบรายการเพื่อนำไปชำระเงินใกล้ประตูทางออก

“วิวที่นี่สวยจังนะครับ ขอบคุณครับ” ปัญญวัฒน์พูดกับภาสวรก่อนหันมาขอบคุณพนักงานที่เอาขนมและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ หลังจากที่เขามองไปรอบๆแล้ว

“เป็นความคิดของพี่แสงที่เลือกตั้งรีสอร์ทกับร้านกาแฟที่นี่” ภาสวรเอ่ยถึงพี่ชายอย่างชื่นชม รวิภาสตั้งใจทำให้ที่นี่เติบโตกว่าตอนที่บิดาเขาดูแล

“คุณรวิภาสเป็นคนที่วิสัยทัศน์ที่ดีนะครับ”

“พี่แสงเป็นคนมุ่งมั่น ถ้าลองตั้งใจแล้วต้องทำให้ถึงที่สุดน่ะ”

“ไฟแรงดีนะครับ”

“อาปันเรนอยากกินเค้กอีก” เด็กชายที่กินเค้กอยู่เงียบๆจนหมดชิ้นก่อนร้องขอเพิ่มอีก

“น้องเรนอยากทานอีกเหรอลูก” ภาสวรพูดกับลูกชายอย่างอ่อนโยน

“คับ” เด็กชายพยักหน้าหงึกหงักมองตู้โชว์เค้กตาวาว

“ซื้อใส่กล่องกลับไปทานที่บ้านดีกว่านะ เช้านี้ทานเยอะแล้ว” ภาสวรบอกลูกชาย

“ก็ได้คับ” เด็กชายรับคำด้วยเสียงอ่อยๆ จนปัญญวัฒน์สงสาร

“อาปันพาไปเลือกนะว่าเอาชิ้นไหนบ้าง”

“ไปคับไป” เด็กชายกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

หลังจากที่ชำระเงินเรียบร้อยแล้วภาสวรพาเด็กชายไปส่งให้ผู้เป็นย่าที่บ้านก่อนพาปัญญวัฒน์ไปที่โรงงานแปรรูปกาแฟ ที่หน้าอาคารสำนักงานมีร้านกาแฟสดอีกสาขาที่นี่ ร้านกาแฟที่มีให้เลือกทั้งเครื่องดื่มและขนมหวาน สร้างจากตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต บุผนังไม้และตกแต่งด้วยสีดำเป็นหลัก มีเคาน์เตอร์สั่งอาหารและเมนูอยู่หน้าร้าน มองเห็นได้ชัดเจนทั้งชื่อและราคา แถมมีโต๊ะและเก้าอี้สนาม พร้อมร่มกันแดดกันฝนสีขาวตั้งอยู่ด้านหน้าร้าน 4 ชุด

“โห ร้านกาแฟของบริษัทนี่สามแบบสามสไตล์เลยนะครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้นทันทีที่เห็น เขารู้สึกทึ่งและไม่ลืมถ่ายภาพเพื่อส่งให้สุนทรีดู

“เราปรับเปลี่ยนตามสถานที่”

“กลางวันร้อนขนาดนี้ไม่เป็นไรเหรอครับ” ปัญญวัฒน์หันมาถามภาสวร

“ลูกค้าของร้านนี้ส่วนใหญ่ซื้อกลับบ้านมากกว่ามานั่งทานในร้าน หรือไม่ก็ลูกค้าที่มาส่งเมล็ดกาแฟ” ภาสวรอธิบาย

ปัญญวัฒน์พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเดินตามภาสวรเข้าไปในโรงงาน มีกลุ่มเกษตรกรมาส่งเมล็ดกาแฟเชอร์รี่เพื่อจะทำให้การปอกเปลือก ทำกาแฟกะลา ภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อคงความสดกาแฟเชอร์รี่ที่จะถูกแปรรูป

“ชั้นตอนแรกคือการล้างทำความสะอาดในบ่อซีเมนต์ การล้างรอบแรกนอกจากจะทำความสะอาดเมล็ดกาแฟสดแล้ว ยังเป็นการคัดกรองเมล็ดกาแฟที่ไม่ได้คุณภาพที่ปลอมปนมาด้วย” ภาสวรอธิบายพร้อมชี้ให้ปัญญวัฒน์ดูขั้นตอนการทำงานของมัน

“หลังจากแช่น้ำทำความสะอาด คัดแยกเรียบร้อยแล้ว เมล็ดกาแฟสด ก็จะถูกลำเรียงเข้าเครื่อง ปอกเปลือกกาแฟโดยเครื่องนี้จะทำการกะเทาะเปลือกสีแดงแดงออกด้วยเครื่องหมุนๆนั่น และมีการแยกส่วนเมล็ดที่เป็นเมล็ดกาแฟ และเปลือกออกจากกัน  และคัดแยกเมล็ดกาแฟไปอีกบ่อหนึ่งซึ่งเมล็ดกาแฟส่วนนี้จะเรียกว่า “กาแฟกะลาเปียก” ส่วนเปลือกก็แยกออกไปอีกทางหนึ่ง” ปัญญวัฒน์อัดเสียงที่ภาสวรอธิบายไปด้วย

“เปลือกพวกนี้เอาไปไหนครับ” ปัญญวัฒน์ชี้เปลือกที่แยกออกไป

“เปลือกพวกนี้ไม่ได้เอาไปทิ้ง ทางโรงงานจะนำไปหมักเพื่อใช้ทำปุ๋ยในไร่กาแฟต่อไป เมล็ดกาแฟกะลาเปียกที่ใช้ได้ก็จะแยกออกมาอีกบ่อจะมีการแช่น้ำทิ้งไว้ในบ่อประมาณ 1-2 วันเพื่อล้างกำจัดเมือกให้หมดไป เมื่อเมือกออกหมดเหลือแต่เมล็ดกาแฟกะลาสดพร้อมที่จะทำให้แห้งในขั้นตอนต่อไป จากนั้นก็บรรจุลงกระสอบเพื่อบ่มอีก6เดือน ก่อนนำมาสีและคั่วต่อไป ทางด้านโน่นคือที่คั่วเมล็ดกาแฟเราคงได้แต่ดูอยู่ข้างนอกนะ” ภาสวรชี้ไปยังอีกฟากของโรงงานมีที่สำหรับดูการทำงานอยู่ด้านนอก

“กว่าจะเสร็จมาชงดื่มได้นี่ใช้เวลานานเหมือนกันนะครับ” ปัญญวัฒน์มองคนงานที่ทำงานอยู่หน้าเครื่องอบเมล็ดกาแฟก่อนหันมาดูเครื่องคั่วเมล็ดกาแฟ

“นี่แค่กาแฟสดนะ ถ้าปันไปโรงงานที่ผลิตกาแฟสำเร็จรูปจะเห็นอีกหลายขั้นตอนกว่าจะมาจำหน่ายได้”

“แค่สวนกาแฟผมก็ตกใจแล้ว” ต้นกาแฟปลูกบนเขาที่ลาดชัน กว่าจะเก็บเมล็ดได้แต่ละต้นยากลำบากสำหรับเขามากเพราะต้องเก็บทีละเมล็ด แถมยังระแวงว่าใครจะเดินสวนมาชนไหม ปัญญวัฒน์กลัวลื่นไถลตกเขาไปเสียก่อนที่จะเก็บเสร็จ คนงานเหล่านั้นเก่งจริงๆ

“หึหึ” เสียงหัวเราะทำให้ปัญญวัฒน์หันมามองคนตัวโตดวงตาเป็นประกายดูรื่นรมย์เสียจริงๆ

“พี่ภาคขำอะไรครับ”

“ไม่มีอะไร” ภาสวรปฏิเสธใครจะบอกกันเล่าว่าเขานึกถึงตอนที่พี่ชายเขาบอกว่าเมล็ดกาแฟเป็นเบอร์รี่ชนิดหนึ่ง จนปัญญวัฒน์สนใจลองชิมกาแฟเชอรี่ที่ออกหวานปะแล่มนั้น แถมหน้าตาดูผิดหวังที่รสชาติไม่หวานจัดเหมือนผลไม้อื่น แถมเจ้าตัวยังแอบแทะเล็มเมล็ดสีอื่นๆที่แตกต่างกันไปอีกด้วย

“แน่นะครับ” ชายหนุ่มเริ่มระแวง วันนี้เขาทำอะไรเปิ่นๆไปตั้งหลายอย่าง

“แน่ซิ” ภาสวรโยกหัวปัญญวัฒน์ไปมาก่อนชวนให้เดินไปที่อาคารสำนักงาน

“ถ้าผงกาแฟสำเร็จรูปมีหลายขั้นตอนขนาดนั้น ทำไมบริษัทถึงลงทุนเปิดในตอนนั้นล่ะครับ ทั้งๆที่เราขายเมล็ดกาแฟที่คั่วอย่างเดียวก็ได้” ปัญญวัฒน์ดูยอดขายเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วอย่างอึ้งๆ แถมออเดอร์สั่งซื้ออีกมากมายนั่นอีก

“เพราะเมื่อ20กว่าปีที่แล้วกาแฟสดไม่เป็นที่นิยมเหมือนตอนนี้ ตอนนั้นหาร้านกาแฟสดแทบไม่มีเลย ส่วนตอนนี้เจอทุกมุมถนนในกรุงเทพ” ภาสวรเอ่ยอย่างยิ้มๆ

 “อ๋อ ครับ” ปัญญวัฒน์ลืมคิดไปว่าบริษัทเปิดมาแล้วกี่ปี

“ความจริงต้นทุนที่ทำผงกาแฟสำเร็จรูปมากกว่าเมล็ดกาแฟคั่วอยู่เยอะมาก แต่เมล็ดกาแฟคั่วกลับมีราคาแพงกว่า”

“ใช่แล้ว แต่เราก็ไม่ทิ้งการขายผงกาแฟสำเร็จรูปนะ เพราะถ้าเทียบกันแล้วผงกาแฟสำเร็จรูปเก็บได้นานกว่า ง่ายต่อการกินกว่าแค่ชงน้ำร้อนก็ทานได้แล้ว ต่างจากเมล็ดกาแฟคั่วบดกว่าจะชงกินได้ต้องใช้อุปกรณ์การชง แถมถ้าเมล็ดกาแฟเก็บไว้นานก็ไม่หอมรสชาดก็จะแตกต่างจากตอนเปิดถุงใหม่ๆ” ภาสวรชี้ให้เห็นข้อดีข้อเสียของกาแฟทั้งสองแบบ

ปัญญวัฒน์ฟังภาสวรอธิบายอย่างเพลิดเพลิน มีหลายเรื่องที่เขาไม่รู้ เขาแค่มองตัวเลขที่ส่งมาแล้ววิเคราะห์แค่นั้น ไม่เคยรู้เลยว่าสินค้าที่บริษัทขายมีที่มาที่ไปอย่างไร ลำดับขั้นตอนการผลิตอย่างไร รู้แค่ยอดขายเท่านั้น



“อยากทานอาหารเหนือไหม” ภาสวรหันมาถามปัญญวัฒน์ขณะที่ขับรถออกจากโรงงาน

“อยากครับ” มาเหนือก็ต้องทานอาหารเหนือซิ ปัญญวัฒน์หันมาตอบด้วยความสนใจ

“งั้นเดี๋ยวพาไปร้านอาหารเหนือขันโตกที่อยู่ในเมือง”   

“อ้าวเราไม่ได้กลับไปทานที่บ้านเหรอครับ” เขาคิดว่ากลับไปทานที่บ้านเสียอีก

“ถ้าจะอยากทานอาหารเหนือแท้ๆต้องไปที่นี่”

“ร้านในเมืองอยู่ไกลไหมครับ ถ้าไกลไม่ไปดีกว่าเดี๋ยวน้องเรนรอครับ” ปัญญวัฒน์รู้สึกห่วงเด็กชาย พวกเขาไม่ได้บอกว่าไปนาน กลัวเด็กชายจะรอ

“ไม่ไกลหรอก หิวหรือยังหรือจะซื้อกลับไปทานที่บ้าน” ภาสวรรู้สึกดีที่ชายหนุ่มคิดถึงลูกชายของเขา

“ซื้อกลับไปดีกว่าครับเผื่อซื้อไปฝากคุณสุริยะกับคุณลาวัลย์ด้วย”

“อืม” ภาสวรยิ้มอย่างยินดี ปัญญวัฒน์มีน้ำใจคิดถึงคนรอบข้างเสมอ



 “อาปันกลับมาแล้ว” เด็กชายเรนวิ่งตุ๊บตับโผเข้าหาปัญญวัฒน์อย่างดีใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน

“น้อยๆหน่อยเจ้าตัวยุ่ง ทักแต่อาปันนะไม่ทักพ่อเลย” ภาสวรแหย่ลูกชายก่อนส่งถุงอาหารที่ซื้อมาให้สาวใช้

“เรนโป้งพ่อแล้ว” เด็กชายยกนิ้วโป้งให้พ่ออย่างงอนๆ

“อ้าว โป้งพ่อเรื่องอะไรครับ” ภาสวรนั่งคุกเข่าถามลูกชาย

“ก็พ่อพาอาปันไปตั้งนาน เรนคิดถึง”

“อะไรกันครับ เราจากกันไม่กี่ชั่วโมงเองนะครับ” ปัญญวัฒน์ถามอย่างเอ็นดู

“คุณปู่บอกว่าคนรักกันก็ต้องคิดถึงกัน เรนรักอาปันก็ต้องคิดถึงอาปันซิ” เด็กชายตอบพลางทำหน้าขึงขัง ทำเอาสุริยะ รวิภาส และรวิวรรณที่นั่งอยู่แถวนั้นอมยิ้มในท่าทางหลานชาย

“จริงครับคนรักกันก็ต้องคิดถึงกัน แต่น้องเรนไม่รักพ่อเหรอ” ภาสวรสบตาปัญญวัฒน์ก่อนหันมาถามลูกชาย

“เรนรักพ่อรักคุณปู่คุณย่า รักทุกคนเลย อาปันรักเรนไหม” เด็กชายโผกอดบิดาแน่นๆก่อนวิ่งไปกอดปัญญวัฒน์อีกรอบ

“รักครับ” ปัญญวัฒน์สบตาภาสวรก่อนตอบเด็กชาย เขาอยากรู้ว่าเด็กชายจะมาไม้ไหน

“รักจิงๆนะ”

“ครับ อารักน้องเรน” ปัญญวัฒน์โอบกอดน้องเรนไว้เพื่อให้เด็กชายมั่นใจ

“คุณปู่บอกว่าคนรักกันต้องแบ่งปันกันคับ” เด็กชายหน้าบานยิ้มตาหยีให้ปัญญวัฒน์

“ถูกครับ” ปัญญวัฒน์ตอบเด็กชาย เขาไม่ขัดคำสอนของสุริยะ

“งั้นเรนก็แบ่งเค้กกับอาปันได้จิ” น้องเรนตาแป๋วมองชายหนุ่มอย่างออดอ้อนและคาดหวัง

เสียงหัวเราะดังลั่นจากปัญญวัฒน์และภาสวร รวมถึงทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเพื่อรอเวลาอาหารเย็น

“เจ้านี่มันร้ายไม่ใช่เล่น” รวิภาสเดินมาโยกหัวหลานชายไปมาอย่างเอ็นดู

“อาปันมีเค้กแค่ชิ้นเดียวเองนะ แถมอาตัวโตกว่าน้องเรนถ้าแบ่งให้แล้วอาก็กินไม่อิ่มซิครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยอย่างล้อเลียน เขาอยากรู้ว่าเด็กชายจะทำอย่างไรต่อ ในขณะผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ก็รอลุ้นคำตอบอยู่เหมือนกัน

เด็กชายเรนทำท่าทางคิดหนัก เมื่อหันไปมองผู้ใหญ่แต่ละคนในห้อง เจ้าตัวก็ทำท่าถอนใจเลียนแบบผู้ใหญ่ได้อย่างแนบเนียน ทำเอาผู้ใหญ่ในห้องกลั้นยิ้มไม่ให้หลุดหัวเราะออกมา

“ถ้าอาปันแบ่งเค้กให้เรน เรนจะแบ่งพ่อให้อาปันมั่งก็ได้ เรนมีพ่อแค่คนเดียวเหมือนกันนะ”

ปัญญวัฒน์รู้สึกอึ้งเด็กชายคิดได้ไงที่จะเอาภาสวรมาแลกกับเค้กช็อคโกแลตเนี่ย

“โห หลานอานี่ร้ายนะแลกพ่อกับเค้ก” รวิวรรณเองก็คิดไม่ต่างจากปัญญวัฒน์

“ไม่ได้หรอกครับ พ่อของน้องเรนคงไม่ยอมแบ่งด้วยหรอก” ปัญญวัฒน์แหย่เด็กชายต่ออย่างสนุก

“ใครบอกว่าพี่ไม่ยอมล่ะ” เสียงห้าวๆที่เอ่ยขึ้น ทำปัญญวัฒน์หันไปสบตาคมพราวระยับของภาสวร ปัญญวัฒน์หลบสายตาวูบ ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมา

“เย้ ตกลงแบ่งกันนะอาปัน” เสียงเด็กชายตะโกนอย่างดีใจ ทำเอาผู้ใหญ่ในห้องหัวเราะร่วนด้วยความขบขันในความพยายามของน้องเรน รวิภาสสบตาน้องชายก่อนกระตุกยิ้มอย่างรู้ทัน ในขณะที่ภาสวรเมินสายตาพี่ชายมองคนที่ก้มหน้านิ่งหลบสายตาเขาอยู่

ปัญญวัฒน์อยากจะแทรกตัวหนี รู้สึกพ่ายแพ้ราบคาบ นี่แหละน้า ที่เขาบอกว่าอย่าริคบเด็กสร้างบ้าน



************************
ตอนนี้แทรกวิชาการเยอะหน่อย อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาติดตามอ่านกันค่ะ

***แก้ไขคำผิดค่ะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 17 [25/2/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 25-02-2019 15:09:07
คนลูกก็ชงให้คนพ่อแบบไม่รู้ตัวเลย คนพ่อก็หยอดแบบเนียนไปอี๊กกก
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 17 [25/2/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 27-02-2019 10:24:40
น่ารักขำน้องเรน สนุกมากๆเลย มาต่อเร็วๆนะคะ :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 17 [25/2/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-02-2019 14:08:28
น้องเรนเด็กดี
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 17 [25/2/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-02-2019 19:39:23
กามเทพน้อยทำงานดี๊ดี พ่อปลื้มมากใช่มั่ยล่ะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 17 [25/2/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 01-03-2019 07:24:20
มารอค่า คิดถึงน้องเรน
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 18 [4/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 04-03-2019 12:35:21
ตอนที่ 18

พรุ่งนี้จะถึงวันแต่งงานของปาลิดา ที่บ้านดูวุ่นวายจนน่าปวดหัวทั้งๆที่งานก็จัดที่โรงแรมทั้งเช้าและบ่าย ปัญญวัฒน์เองก็ถูกขอให้ลางานก่อนหนึ่งวันมาช่วยในงานแต่งด้วย

“พี่ปา ปันไปก่อนนะเจอกันที่บ้าน” ปัญญวัฒน์บอกปาลิดาเมื่อดูรายละเอียดกับทีมจัดงานของโรงแรมเรียบร้อยแล้ว

“จ้า ไปเถอะ” ปาลิดาพยักหน้าให้น้องชาย เดี๋ยวเธอเองก็ต้องไปที่อื่นต่อเหมือนกัน

สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมา ปัญญวัฒน์เช็คเวลาเครื่องลงก่อนถอนหายใจ เครื่องบินเพิ่งแลนดิ้ง เขามาช้าจากเวลาที่นัดกัน แต่ก็ถือว่าโชคดีที่เครื่องบินก็ดีเลย์เหมือนกันไม่อย่างงั้นปัญญวัฒน์อาจโดนบ่นหูชาที่ทำให้เพื่อนรอนาน เนื่องจากรถติดมากกว่าที่คิดไว้ อาจเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันศุกร์สิ้นเดือน ทำให้รถติดมากตั้งแต่ช่วงบ่าย

“ไฮ้ รอนานไหม” เสียงทักทายดังขึ้นหลังจากที่เขานั่งรอครึ่งชั่วโมง

“ไม่นานเท่าไหร่ ภัทรดูขาวขึ้นนะ” ปัญญวัฒน์ยิ้มให้เพื่อนสนิท

“มึงเองก็ดูดีขึ้นเหมือนกัน”

หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ปัญญวัฒน์ก็ช่วยเพื่อนถือกระเป๋าพร้อมเดินนำไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่อาคารจอดรถ

“ตกลงอยู่ได้กี่วัน” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามหลังจากที่ออกจากสนามบินแล้ว

“5 วันต้องรีบกลับไปเตรียมงานแฟชั่นวีคน่ะ” หลังจากจบแฟชั่นวีคเขาก็จะจบคอร์สที่ลงเรียนไว้แล้ว แถมแฟชั่นวีคนี่ก็เป็นใบเบิกทางที่วรภัทรจะทำแบรนของตัวเองให้เป็นที่รู้จักอีกด้วย

“เสียดายที่นาราติดสอบเลยไม่ได้กลับมาร่วมงาน”

“นั่นดิ กูอุตส่าห์คิดว่าจะได้รวมตัวกันครบแท้ๆ” วรภัทรบ่นอย่างเสียดาย

“เอาน่า อีกเดือนนึงมึงก็เรียนจบกลับบ้านแล้ว แถมนาเองก็ปิดเทอมพอดี ได้เจอกันอยู่แล้ว”

“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ เรื่องกูเอาไว้ก่อนเหอะ กูอยากรู้เรื่องมึงมากกว่า ไปถึงไหนแล้ว” วรภัทรเปลี่ยนเรื่องคุย หันมาถามปัญญวัฒน์ถึงเรื่องที่เขาอยากรู้ ถามนาวินและศรัณก็ไม่มีใครพูดอะไรบ้างเลย

“อะไรถึงไหน” ปัญญวัฒน์หันมามองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย

“ก็เรื่องมึงกับพี่ภาคเจ้านายมึงนั่นแหละถึงไหนกันแล้ว” วรภัทรจิ้มหน้าผากเพื่อนอย่างหมันไส้

“ก็เรื่อยๆ เหมือนเดิม” ปัญญวัฒน์ปัดมือเพื่อนก่อนตอบไปอย่างไม่ปิดบัง

“อะไรว้า ในเมื่อมึงชอบเขาทำไมไม่เข้าไปจีบให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยล่ะ” วรภัทรรู้สึกขัดใจที่เพื่อนไม่ได้ดั่งใจเขาเลย

“ถ้าพี่ภาคเป็นผู้หญิงกูคงเข้าไปจีบแล้วล่ะ นี่พี่เขาเป็นผู้ชายแถมมีลูกอีกตังหากขืนกูทะเล่อทะล่าทำอะไรลงไปแล้วพี่เขาไม่เล่นด้วย ปฏิเสธออกมาจะทำอย่างไร นี่ไม่รวมเสี่ยงตกงานอีกตังหากนะมึง”

“อืม จริงของมึง กูลืมไป เดี๋ยวนะ ไอ้วินกับไอ้รันบอกกูว่าพี่ภาคเขาน่าจะชอบมึงเหมือนกัน กูว่าเขาไม่ปฏิเสธมึงหรอก” วรภัทรพูดขึ้นมาอย่างนึกได้ ว่านาวินเคยบอกกับเขาว่าภาสวรดูเหมือนจะชอบปัญญวัฒน์เหมือนกัน

“มึงอย่าลืมว่าสังคมยังไม่เปิดกว้างเรื่องนี้นะ กูเห็นหลายๆคนปฏิเสธตัวเองเพราะแคร์คนรอบข้าง และกูก็ไม่รู้ว่าพี่เขาแคร์คนอื่นหรือเปล่า ไหนจะน้องเรนอีกล่ะ” ปัญญวัฒน์อธิบายให้เพื่อนฟัง ความรักของเขาไม่ง่ายเหมือนชายหญิงรักกัน

“มึงคิดเยอะไปป่ะ ความรักมันแค่คนสองคนรักกันไม่ใช่เหรอ” วรภัทรหันมาถาม จะว่าเขาไม่สนใจที่เพื่อนพูด หรือไม่ฟังเพื่อนอธิบายก็ได้ เรื่องความรักมันเป็นเรื่องคนสองคน ทำไมต้องดึงคนที่สามสี่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเขาไม่เข้าใจ

“มึงซิคิดน้อยไป เมื่อก่อนกูก็คิดแบบมึง แต่พวกเราไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ พวกเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกใบนี้นะโว้ย อย่างน้อยก็มีครอบครัว ลำพังครอบครัวกูไม่เท่าไหร่ ครอบครัวพี่ภาคนี่ดิ กูไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ไหนจะผู้คนที่อยู่รอบข้างอีก ยกตัวอย่างพนักงานบริษัทนี่แหละ กูไม่อยากให้ใครมองพี่ภาคไม่ดีหรือเอาพี่ภาคไปพูดกันสนุกปากโดยไม่สนใจความรู้สึกพี่ภาค น้องเรนอีกคนถ้าเขาได้ยินเรื่องพวกนี้จะรู้สึกอย่างไร” ปัญญวัฒน์อธิบายเพื่อนเสียยืดยาว

“เออๆ กูจะพยายามเข้าใจมึงละกัน” วรภัทรพูดขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ยังไงเขาก็คิดว่าความรักมันเรื่องคนสองคนเท่านั้น

“เอาเหอะ เมื่อไหร่มึงมีความรักแล้วมึงจะเข้าใจเรื่องพวกนี้เองแหละ”

“แน่ใจเหรอ กูยังไม่เห็นผู้หญิงดีๆที่ไหนเลย เจอแต่ผู้หญิงที่จ้องแต่กระเป๋าสตางค์กูเท่านั้น” วรภัทรถอนหายใจ เพราะผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันเขากับพี่ชายก็หวังยกระดับตัวเองกันทั้งนั้น

“มันต้องมีบ้างแหละที่ไม่จ้องกระเป๋าตังค์มึงอ่ะ แค่มึงยังไม่เจอเท่านั้นเอง”

“กูจะคอยดูแล้วกันว่าคนดีๆของมึงหน้าตาเป็นยังไง” วรภัทรบอกอย่างไม่เชื่อคำพูดปัญญวัฒน์เอาซะเลย ทุกวันนี้เขาเจอแต่คนที่จ้องหาผลประโยชน์จากเขาทั้งนั้น



“น้าภัทรมาแล้ว” เด็กหญิงอิงฟ้าโผเข้าหาวรภัทรทันทีที่เห็น

“สวัสดีค่ะน้องฟ้า คิดถึงจังเลย” วรภัทรกอดหลานสาวแน่นๆอย่างคิดถึง

“เข้าไปในบ้านก่อนค่ะ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กหญิงก่อนสะกิดวรภัทรให้เข้าไปข้างในเพราะพ่อแม่ชายหนุ่มรออยู่

“สวัสดีครับพ่อแม่ คิดถึงจัง” วรภัทรยกมือไหว้บิดามารดาก่อนเข้าไปกอดทั้งคู่ให้สมกับความคิดถึง

“ปัน แม่ขอบใจมากนะที่ไปรับภัทร เดี๋ยวทานข้าวที่นี่ก่อนค่อยกลับนะลูก” แพรชมพูบอกปัญญวัฒน์เมื่อเห็นชายหนุ่มทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก

“ขอบคุณครับแม่แพร” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนเดินออกไปเปิดประตูรถเพื่อให้คนงานยกกระเป๋าเพื่อนเข้ามาข้างใน

“น้าภัทรซื้อของมาฝากน้องฟ้าหลายอย่างเลย” วรภัทรบอกหลานสาวก่อนเดินมาหยิบกระเป๋าไปเปิดหาของฝาก วรภัทรแจกจ่ายของฝากให้พ่อแม่และหลานสาว

“น้าภัทรขา ฟ้าอยากได้ช็อคโกแลตไปให้เรนด้วยค่ะ” เด็กหญิงอ้อนขอช็อคโกแลตเพิ่มเติม วรภัทรเลยยกให้อีกหลายกล่อง

“ขอบคุณค่า น้าภัทรใจดีที่สุดเลย” เด็กหญิงอิงฟ้ายกมือไหว้พร้อมหอมแก้มซ้ายขวาของวรภัทร

“ใครให้ขนมเราคนนั้นก็ใจดีทุกคนแหละ” แพรชมพูแซวหลานสาว

“ไม่ใช่ซะหน่อย น้าภัทรใจดีจริงๆนะ” เด็กหญิงจับหน้าวรภัทรให้หันมามองหน้าเธอก่อนบอกย้ำชายหนุ่มอีกรอบ

“ค่ะๆ น้าเชื่อแล้วค่ะ” วรภัทรหอมแก้มหลานสาวอย่างหมันเขี้ยว ไม่เจอกันไม่กี่เดือนอัพเลเวลการอ้อนขึ้นเยอะเลย

“ไปทานข้าวกันได้แล้ว โต๊ะจัดเสร็จเรียบร้อยพอดี” แพรชมพูเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแม่บ้านเดินเข้ามาบอกในห้องนั่งเล่น

“ไปค่ะคุณ ไปจ้าปัน” แพรชมพูสะกิดสามีที่นั่งดูรูปในแท๊บแลต ก่อนหันไปชวนปัญญวัฒน์ที่นั่งเงียบมองน้าหลานกระหนุงกระหนิงกันตั้งแต่มาถึงยังไม่ห่างจากกันเลย

“ครับ” ปัญญวัฒน์ตอบรับก่อนเดินตามเจ้าของบ้านไปที่ห้องอาหาร


---- a little cupid ----


เช้าวันแต่งงานของศรุตและปาลิดา ปัญญวัฒน์ติดรถพี่ชายมางานพร้อมน้องฟ้าตอนเจ็ดโมงกว่าๆเพราะกะว่าจะทานอาหารเช้าที่นั่น ส่วนปาลิดาและพลอยลดานั้นไปโรงแรมกันตั้งแต่ตีห้า เพราะนัดช่างแต่งหน้าทำผมที่โรงแรมตอนตีห้าครึ่ง ซึ่งเขาเองตื่นไม่ไหวพิธีการเริ่มเก้าโมงเช้าแท้ๆไม่อยากแหกขี้ตาตื่นไปนั่งรอเหงกอยู่ที่นั่น

พอใกล้เวลาคนอื่นๆก็พากันทยอยเข้ามา ปัญญวัฒน์กับวรภัทรอยู่ฝ่ายเจ้าสาวเพราะพ่อแม่ของวรภัทรเป็นเจ้าภาพฝ่ายเจ้าสาวแทนพ่อแม่ของพวกเขาที่เสียไปแล้ว ส่วนนาวินโดนศรัณลากไปทางฝ่ายเจ้าบ่าวเพื่อไปร่วมขบวนแห่ขันหมาก ทำเอาเจ้าตัวบ่นอย่างเสียดายที่ไม่ได้กั้นประตูเงินประตูทอง

เมื่อถึงฤกษ์ขบวนขันหมากเดินมาที่ห้องพิธีต้องผ่านประตูที่น้องฟ้ากับน้องเรนถือสายสร้อยกั้นอยู่ เด็กทั้งคู่ได้ซองไปคนละสามซองถึงจะยอมให้ฝ่ายเจ้าบ่าวผ่านเข้าไป พอถึงด่านสุดท้ายที่ปัญญวัฒน์กับวรภัทรกั้นประตูเจ้าบ่าวเริ่มเหงื่อตกเพราะวรภัทรไม่ยอมให้ผ่านง่ายๆ

“โหพี่รุต ภัทรมาตั้งไกลแค่นี้ไม่พอหรอก ซองเดียวซื้อขนมให้หลานก็หมดแล้ว”

“โห ไอ้งก” นาวินที่ยืนข้างๆศรุตบ่นออกมา

“เอางี้เดี๋ยวพี่เซ็นเช็คค่าตั๋วเครื่องบินให้เลย โอเคไหม” ศรุตต่อรอง

“งั้นเอาเช็คมาก่อนถึงจะเปิดให้ เดี๋ยวพี่เบี้ยว” วรภัทรเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอมให้ผ่านไป

“งั้นมาเอาที่ลุง เดี๋ยวจะไม่ทันฤกษ์” ศิวาเซ็นเช็คให้ปัญญวัฒน์กับวรภัทรคนละใบเดี๋ยวนั้นเลย

“ขอบคุณครับคุณลุง” วรภัทรกับปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ขอบคุณก่อนปล่อยให้ฝ่ายเจ้าบ่าวฝ่ายไป

“แสนนึง รู้งี้กูอยู่ฝั่งนี้ด้วยดีกว่า มึงสองคนเลี้ยงกูเลย” นาวินที่มองเช็คในมือของเพื่อนพูดขึ้นอย่างอิจฉา

“เดี๋ยวๆ เมื่อกี้มึงยังว่ากูงกอยู่เลยนะ” วรภัทรชี้หน้าเพื่อนอย่างเคืองๆ

“ใครจะคิดว่าลุงศิวาจะใจป้ำขนาดนี้” นาวินเอ่ยขึ้นอย่างเสียดาย

“เข้าไปข้างในกันเถอะจะมีพิธีต่อไปแล้ว” ปัญญวัฒน์เอ่ยเตือนเพื่อนสนิทที่ยังถกเถียงไม่เลิก

“เออๆ” ทั้งคู่ตอบรับก่อนรีบเดินเข้าไปเพราะกลัวพลาดพิธีสำคัญ

“แล้วปันจะเลี้ยงพี่ไหม” ภาสวรกระซิบถามชายหนุ่มหลังจากที่คนอื่นๆเดินไปไกลแล้ว

“พี่ภาครวยกว่าผมอีกนะ อ้าวน้องเรนไปไหนแล้วครับ” ปัญญวัฒน์พูดขึ้นก่อนมองหาเด็กชาย เมื่อตอนแปดโมงกว่าเขาตกใจที่เจอภาสวรที่มาพร้อมพ่อแม่และน้องเรน เพราะเขาทราบมาว่าปาลิดาเชิญชายหนุ่มมาร่วมงานเลี้ยงตอนเย็น หลังจากที่คุยกันทำให้รู้ว่าทางสุริยะและลาวัลย์รู้จักสนิทสนมกับลุงศิวาและป้ามัลลิกา จึงมาร่วมงานในพิธีช่วงเช้า

“เปลี่ยนเรื่องเลยนะ น้องเรนอยู่โน่นกับน้องฟ้า” ภาสวรชี้ให้ปัญญวัฒน์มองเด็กชายและเด็กหญิงที่นั่งเล่นโดยมีแก้วและส้มคอยดูแลอยู่

“งั้นเราก็เข้าไปข้างในกันเถอะครับ” ปัญญวัฒน์ชวนเข้าไปข้างในเพราะพิธีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

“อืม ปันไม่ต้องเลี้ยงพี่ก็ได้เดี๋ยวพี่เลี้ยงปันเอง” คำแรกเหมือนภาสวรจะตอบรับที่จะเดินเข้าไปข้างใน แต่ประโยคหลังนี่ซิทำเอาปัญญวัฒน์ใจเต้นแรงไม่รู้ว่าภาสวรหมายถึงอะไรเขาไม่อยากเข้าข้างตัวเอง

หลังจากเสร็จพิธีการในช่วงเช้าแล้ว มีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนแขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวนับถือ ปัญญวัฒน์นั่งโต๊ะเดียวกับเพื่อนๆโดยมีภาสวรกับน้องเรนมาร่วมโต๊ะด้วย

“อ้าวไอ้ภัทรไปไหนแล้ว” นาวินเอ่ยขึ้นหลังจากทานอาหารจานหลักเสร็จแล้วกำลังรอของหวานมาเสิร์ฟ

“เห็นบอกว่าไปเข้าห้องน้ำ นั่นไงมาแล้ว” ศรัณหันมาตอบเพื่อนก่อนหันไปเจอวรภัทรเดินหน้ามุ่ยกลับมาที่โต๊ะพอดี

“เป็นอะไรวะ ห้องน้ำคนเต็มเหรอ” นาวินเห็นเพื่อนทำท่าไม่สบอารมณ์เอ่ยถามขึ้น

“เปล่าห้องน้ำคนว่าง แต่กูเจอไอ้โรคจิตในนั้น”

“ห๊ะ” สิ้นเสียงของวรภัทรทำเอาคนในโต๊ะหลุดอุทานพร้อมกัน

“โรคจิตเนี่ยนะ นี่โรงแรมระดับไฮเอนนะมึง” นาวินถามอย่างไม่เชื่อที่โรงแรมสุดหรูแบบนี้จะมีโรคจิตแบบที่เพื่อนว่า

“จริงนะ กูเห็นเต็มสองตากูนี่ กำลัง... อึยไม่อยากจะพูดว่ะ” วรภัทรทำท่าทางขนลุกขนพอง จนพวกเขามองตากันเลิกลัก งานนี้วรภัทรเจอจริงๆไม่ได้อำเล่นแน่ๆ

“มึงเจอที่ไหนวะ” ศรัณถามขึ้นมา เขารู้สึกเป็นห่วงแขกที่มาร่วมงานจะเจอแบบที่เพื่อนเขาเจอ

“ในห้องน้ำเลยมึง นี่กูยังขนลุกไม่หายเลย” วรภัทรลูบแขนตัวเองไปมา

“เอาอย่างงี้แล้วกันเดี๋ยวพี่แจ้งทางโรงแรมให้เข้ามาจัดการดีกว่านะ” ภาสวรเสนอตัวเข้ามาจัดการเรื่องนี้ ก่อนจะลุกออกไป

“อาภัทรคับโรคจิตเป็นไงคับ” เด็กชายเรนที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยถามขึ้น ทำไมทุกคนสนใจ มันเป็นยังไงนะ

“คนโรคจิตเป็นคนไม่ดีครับ” วรภัทรตอบคำถามเด็กชาย

“เฮ้ยมึงอย่าบอกแบบนั้น” ศรัณว่าที่คุณหมอรีบบอกเพื่อน เพราะกลัวว่าเด็กชายจะเข้าใจผิด

“อ้าวไอ้หมอ ไม่ให้พูดแบบนี้แล้วจะอธิบายยังไง” วรภัทรหันมามองหน้าศรัณอย่างเอาเรื่อง

“โรคจิตคือโรคของคนป่วยครับน้องเรน อย่างน้องเรนเวลาปวดหัว ตัวร้อนมีน้ำมูก เรียกว่าโรคหวัดหรือเป็นหวัดก็ได้ครับ” ศรัณพยายามยกตัวอย่างให้เด็กชายเข้าใจ

“อ๋อคับ อาภัทรเจอคนป่วยนี่เอง” เด็กชายพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจก่อนจะถามขึ้นว่า “แล้วเป็นยังไงโรคจิตนี่เรนอยากรู้”

“นั่นไง อธิบายดีๆนะมึง” นาวินรู้สึกขำที่เพื่อนกำลังตกที่นั่งลำบาก

“น้องเรนครับ อาภัทรเจอคนป่วยในห้องน้ำน่ะ ตอนนี้คุณพ่อกำลังตามคนไปช่วยพาคนป่วยไปหาหมอแล้วครับ น้องเรนเอาขนมเพิ่มไหมเดี๋ยวอาตักให้” ปัญญวัฒน์พยายามอธิบายให้น้องเรนเข้าใจไปทางอื่นพร้อมเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กชาย ถ้าไม่มีใครพูดถึงเดี๋ยวก็คงจะลืมคำๆนี้

ภาสวรไปไม่นานก็กลับเข้ามา เขาไปสำรวจในห้องน้ำนั่นแล้วไม่พบใครหรือสิ่งผิดปกติใดๆเลย แต่เขาก็โทรไปเล่าให้เพื่อนที่เป็นผู้บริหารฟังแล้ว เพื่อพสุธาจะได้จัดการสอดส่องดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก


*****************
อาทิตย์หน้ามาต่องานเลี้ยงครึ่งหลังนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกัน
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ นี่คือกำลังใจอย่างดีเลยค่ะ
ขอบคุณจริงๆค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 18 [4/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 05-03-2019 14:50:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 18 [4/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-03-2019 22:10:06
เนื่อคู่ภัทรจะมาเหรอ ไม่เอาได้มั้ยอ่ะ
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 19 [11/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 11-03-2019 13:01:25
ตอนที่ 18 (ต่อจากคราวที่แล้ว)

หลังจากที่งานเลี้ยงช่วงกลางวันเรียบร้อยแล้ว คนอื่นๆก็แยกย้ายกันไป ภาสวรไปส่งบิดามารดาของเขาที่บ้านโดยน้องเรนขออยู่ที่นี่กับปัญญวัฒน์ เขาพาเด็กชายเรนขึ้นมาห้องพักที่ปาลิดาจองเผื่อไว้เพื่อสำหรับให้พักผ่อนก่อนงานเลี้ยงที่จะมีในตอนเย็น

“น้องเรนมาอาบน้ำก่อนครับจะได้สบายตัว” ชายหนุ่มเรียกเด็กชายที่กำลังสนใจแท๊บแลตดูการ์ตูนอยู่

“คับ”

ก็อกๆ เสียงเคาะประตูหน้าห้อง ปัญญวัฒน์เดินไปเปิดประตูรับวรภัทรกับเด็กหญิงอิงฟ้าเข้ามา

“พี่พลอยหลับเราเลยพาน้องฟ้ามานี่” วรภัทรเอ่ยขึ้น

“อืม น้องเรนพึ่งอาบน้ำเสร็จ ภัทรจะอาบน้ำไหม” ปัญญวัฒน์มองดูหลานสาวที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ส่วนน้องเรนนั้นเขาให้ใส่ชุดเดิมเพราะภาสวรไม่ได้เตรียมมาให้ เพราะไม่คิดว่าลูกชายจะอยู่ที่นี่ต่อ

“เดี๋ยวก่อนก็ได้ ปันไปอาบเถอะเดี๋ยวเราดูเด็กๆให้เอง” วรภัทรบอกก่อนเดินไปดูเด็กๆที่นั่งเล่นอยู่บนเตียง

“งั้นฝากด้วยนะ”

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เมื่อปัญญวัฒน์เดินออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าเพื่อนของเขาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาภายในห้อง แถมนาวินกำลังง่วนกับโทรศัพท์ที่ติดตั้งไว้ในห้องพัก

“ปันมาพอดี จะกินอะไรไหม” นาวินตะโกนถามหลังจากที่เห็นปัญญวัฒน์เดินเข้ามาใกล้

“ไม่อ่ะ ตามใจนายเลย” ชายหนุ่มบอกก่อนเดินไปสมทบกับเด็กๆที่นอนดูการ์ตูนอยู่บนเตียง

“พี่ปาเปิดห้องเผื่ออีกสามห้องใช่ไหม” นาวินหันมาถามปัญญวัฒน์

“ใช่ ห้องนี้ ห้องที่พ่อแม่ไอ้รันและห้องพี่พลอยกับแม่แพรกำลังพักอยู่” ปัญญวัฒน์ตอบ

“เช็คเอ้าท์พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงใช่ป่ะ”

“อืม ทำไมวะ” วรภัทรตอบแทน เขาเริ่มสงสัยแล้วว่านาวินต้องการอะไร

“กูไปสำรวจโรงแรมมา มีผับด้านบน หลังงานเลี้ยงพวกเราไปต่อกันนะ พอเมาก็กลับมานอนที่ห้องนี่ไงดีป่ะ” นาวินรีบอธิบายพร้อมถามความเห็นจากเพื่อนๆ

“แต่ห้องเดียวจะพักกันพอเหรอ” วรภัทรหันไปดูเตียงที่ปัญญวัฒน์นอนกับเด็กสองคนก็เต็มเตียงแล้ว

“ใครว่าห้องเดียวล่ะ เดี๋ยวกูขอกุญแจห้องพ่อกับแม่ไว้” ศรัณเอ่ยขึ้น โชคดีที่วันนี้ได้หยุดไม่มีเวรต้องดูแล

“แจ๋ว ตกลงคืนนี้ไปกัน” นาวินหันมายิ้มอย่างยินดีเมื่อเพื่อนพยักหน้าเห็นด้วย



ตอนที่ 19

   ธีมงานฉลองแต่งงานมาในแนว Red Wine & Peach โดยมีโทนสีหลักดูอบอุ่นจากสีพีชหรือชมพูนู๊ด แซมด้วยสีแดงเลือดนก ทำให้ภายในงานดูหรูหรา เหล่าเพื่อนเจ้าสาวใส่ชุดสีโอโรสคล้ายกัน ส่วนทางเพื่อนเจ้าบ่าวมีเนคไทสีแดงเลือดนกเป็นสัญลักษณ์ ซุ้มประตูหน้างานประดับด้วยกุหลาบแดงแซมสีส้ม ปัญญวัฒน์มองดูหน้างานอย่างพึงพอใจ ใกล้เวลาเข้ามาทุกทีแล้ว

   “อาปันคับ เรนหล่อไหมคับ” เด็กชายหมุนตัวอวดชายหนุ่ม

   “หล่อแล้วครับ ใส่ชุดเหมือนอารุตเลย” ปัญญวัฒน์อมยิ้มจัดหูกระต่ายให้เด็กชายเล็กน้อย งานตอนเย็นเด็กชายเปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตกางเกงผ้าขายาวเป็นชุดทักซิโด้สีดำมีหูกระต่ายสีแดงเลือดนกเหมือนชุดเจ้าบ่าวขนาดย่อส่วน ในขณะที่ภาสวรแต่งชุดสูทดำเสื้อเชิ้ตสีขาวมีเนคไทสีแดงเลือดหมูต่างจากเขาที่ใส่สูทดำแต่เสื้อเชิ้ตสีเลือดหมูไม่ใส่เนคไทเหมือนเพื่อนๆ เพราะวรภัทรเป็นคนจัดเตรียมไว้ให้เมื่อทราบคอนเซ็ปงาน แถมเผื่อแผ่พี่ชายน้องชายพวกเขาด้วย

   “ใกล้เวลาแล้วยังไม่มีใครลงมาอีกเหรอ” ภาสวรที่กลับมาที่โรงแรมหลังจากที่ไปส่งบิดามารดาที่บ้านเรียบร้อยแล้วเอ่ยขึ้น หลังจากที่มองดูรอบๆแล้ว

   “กำลังมากันครับ นั่นไงพวกภัทรเอาของชำร่วยมากันแล้ว” ปัญญวัฒน์มองพวกเพื่อนๆที่เดินนำพนักงานโรงแรมเข็นรถเข็นที่มีกล่องของชำร่วยเข้ามา

   “พี่ปานี่ไอเดียดีนะ ให้เจลล้างมือกับสบู่เหลวกลิ่นกุหลาบ” วรภัทรชูกล่องพลาสติกใสคาดริบบิ้นสีแดงภายในมีขวดเจลล้างมือกับสบู่เหลวขนาด 60 มิลลิลิตร ให้เพื่อนดู

   “คอนเซ็ปคุณครูกับคุณหมอไง” นาวินที่ช่วยพนักงานยกกล่องวางด้านหลังโต๊ะที่ตั้งสมุดอวยพรหน้างานเอ่ยขึ้น

   “พี่ว่าเก๋ดีไม่เหมือนใคร แถมนำเอาไปใช้ได้อีก ของรับไหว้เมื่อเช้าก็ดูดีนะ” ภาสวรเอ่ยถึงชุดผ้าขนหนู สบู่ ใยขัดผิว โลชั่นสำหรับฝ่ายหญิง ของฝ่ายชายเป็นชุดกาน้ำชา พร้อมถ้วย ซึ่งพ่อแม่เขาเองก็ชอบเพราะส่วนใหญ่แล้วของชำร่วยที่เขาไปร่วมงานมามักจะใช้อะไรไม่ค่อยได้นอกจากตั้งโชว์

   “ครับพี่ปาเลือกอยู่นาน ตอนแรกจะเอาผ้าพันคอผ้าแคชเมียร์ แต่เมืองไทยไม่ได้หนาวมาก โอกาสที่จะใช้มีน้อย เลยเปลี่ยนเป็นอะไรที่ใช้ได้ทุกวันดีกว่า” ปัญญวัฒน์หันมาอธิบาย เพราะเขานี่แหละไปเป็นเพื่อนปาลิดาตอนเลือกของชำร่วย กว่าจะลงตัวได้ใช้เวลาหลายอาทิตย์เลยทีเดียว

   “พ่อคับฟ้ามาแล้ว” เด็กชายกระตุกแขนเสื้อบิดาเบาๆเมื่อเห็นเพื่อนเล่นเดินเข้ามาในงานกับครอบครัวและบ่าวสาว

   “รอเดี๋ยวนะครับ ถ่ายรูปกับคุณครูก่อนค่อยไปเล่นกันนะครับ” ภาสวรรีบบอกลูกชายก่อนที่จะวิ่งไปหาเพื่อนเล่น

   “คับ คุนคูสวยจัง” เด็กชายมองปาลิดาตาวาว วันนี้คุณครูของเขาสวยกว่าทุกวัน เมื่อเช้าว่าสวยแล้ว ตอนนี้สวยกว่าอีกเหมือนอย่างเจ้าหญิงเลย

   “ท่าทางเจ้าชู้นะเนี่ย โตขึ้นพี่ภาคคงจะเหนื่อยน่าดู” วรภัทรเอ่ยแซวเด็กชายก่อนหันมายิ้มกับผู้เป็นพ่อที่ไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มตอบเขาลูกเดียว

   “ไม่เหนื่อยจิ เรนไม่ดื้อไม่ซนน้า ใช่ไหมคับอาปัน” เด็กชายที่ได้ยินพูดประท้วงพร้อมหันมาถามปัญญวัฒน์เพื่อจะหาพวก

   “ครับ น้องเรนไม่ดื้อไม่ซน ถ้าอาพูดห้ามอะไรต้องเชื่อฟังนะครับ เพราะอาไม่อยากให้น้องเรนเจ็บตัว” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชาย เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัววิ่งเล่นที่ทางเดินเขาห้ามก็ไม่ฟังจนวิ่งไปชนพนักงานที่เพิ่งทำห้องเสร็จขนอุปกรณ์ออกมา ตัวพนักงานเองก็ตกใจเพราะกลัวว่าทำเด็กชายเจ็บ แต่เขากับน้องเรนก็ขอโทษพนักงานคนนั้นไป พวกเขาเป็นฝ่ายผิดที่ไม่ระวังและดูแลเด็กชายไม่ดีเอง

   “คับ”

   งานเลี้ยงตอนค่ำนี้เป็นแบบบุฟเฟ่ แบ่งโซนจัดเลี้ยงเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นเวทีและโต๊ะของแขกที่มาร่วมงาน อีกโซนจะเป็นซุ้มอาหารหลากหลายประเภทมาให้เลือกทาน แถมมีหลายซุ้มที่มีการทำแบบสดๆตรงนั้นเลย อาทิซุ้มเสต็กมีให้สั่ง พอทำเสร็จจะนำมาเสิร์ฟให้ถึงที่ ซุ้มปลาดิบที่ปั้นกันให้เห็นจะๆ แถมซุ้มเครื่องดื่ม บาร์เทนเดอร์มาผสมกันตรงนั้นเลย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่พากันเดินเข้างานล้วนตื่นเต้น

   “โห เหมือนมาเทศกาลอาหารบุฟเฟ่มากกว่ามางานแต่งงานเลยว่ะ” นาวินที่เห็นซุ้มอาหารเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ

   “ความคิดพี่รุต อยากให้เพื่อนๆเขาผ่อนคลายบ้าง” ศรัณหันมาบอก คอนเซ็ปนี้เอาใจเพื่อนๆของบ่าวสาว โดยเฉพาะพวกหมอที่แทบไม่มีเวลาไปไหน วันหยุดก็ได้แต่นอนอยู่บ้าน วันนี้ถือว่ามานัดสังสรรค์รวมตัวกันหลังแยกย้ายกันทำงานตามโรงพยาบาลต่างที่กันไป

   “พวกมึงไปหาที่นั่งก่อน ค่อยมาสั่งอาหาร” วรภัทรดึงมือนาวินเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าไปในซุ้มเครื่องดื่ม ที่มีทั้งแอลกอฮอล์และโนแอลกอฮอล์

   “อาปัน เรนอยากกินกุ้ง” เด็กชายกระตุกมือชายหนุ่มเพื่อบอก เขาเห็นกุ้งปูเยอะแยะไปหมดเลย

   “ได้ครับ เดี๋ยวเราไปที่นั่งก่อนเนอะ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชายที่มองซุ้มอาหารอย่างตื่นเต้น

   ภาสวรเดินไปสั่งเสต็กก่อนที่ตักกุ้งปูไปเผื่อลูกชายและปัญญวัฒน์ เมื่อกลับถึงโต๊ะพบว่าวรภัทรนั่งอยู่กับเด็กชายเรนตามลำพัง

   “นี่ครับของน้องเรน ภัทรจะไปหยิบอาหารก็ไปเถอะ เดี๋ยวพี่อยู่เฝ้าโต๊ะเอง” ภาสวรบอกชายหนุ่ม ตอนแรกเขาจะไปเอาเครื่องดื่ม แต่เมื่อเห็นพนักงานมาเสิร์ฟน้ำอัดลมถึงโต๊ะเขาเลยเฝ้าโต๊ะให้วรภัทรได้ไปหยิบอาหารบ้าง

   “ครับพี่ภาค” 

   “น้องเรนครับ อาปันมีซุปกับสปาเก็ตตี้แบบน้องเรนชอบมาให้ด้วย ทานซุปก่อนเดี๋ยวอาแกะกุ้งให้นะ” ปัญญวัฒน์วางถ้วยซุปกับจานสปาเก็ตตี้ตรงหน้าเด็กชาย

   “คับ” เด็กชายตักซุปมาชิมก่อนตักสปาเก็ตตี้ทาน

   “รสชาติโอเค สมกับเป็นบุฟเฟ่โรงแรมดัง” นาวินที่ชิมอาหารทุกอย่างเอ่ยขึ้นหลังทานเสร็จ

   “ก็แน่ล่ะ พี่ปาปิดร้านอาหารบุฟเฟ่ของโรงแรมมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ” วรภัทรพูดไปกินไปไม่หยุดปาก

   “ภัทรมึงยังไม่อิ่มอีกเหรอ ระวังนะจะใส่ชุดที่ออกแบบไม่ได้” ศรัณมองจานที่วางเรียงรายแล้วรู้สึกอิ่มแทน

   “กินเผื่อคืนนี้ไง เดี๋ยวไปเที่ยวต่อใช้พลังงานเยอะ”

   “เออๆ แต่ข้างบนมีอาหารให้สั่งนะ เผื่อไม่รู้” นาวินบอกเพื่อน

   “จะไปเที่ยวกันต่อเหรอครับ” ภาสวรที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยถามขึ้น

   “ใช่ครับ เราจะไปต่อที่ผับด้านบนนี่เอง” ปัญญวัฒน์หันมาตอบภาสวรแทนเพื่อนๆ

   “พี่ภาคไม่ต้องห่วงนะ พวกเราเมาไม่ขับแน่นอนเพราะเราจะนอนกันที่นี่” วรภัทรเอ่ยเสริมขึ้น เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นห่วงพวกเขาเหมือนพวกพี่ๆและพ่อแม่เขาห่วง

   “ครับ ดีแล้ว”

---- a little cupid ----

   ผับชั้นบนสุดของโรงแรมมีส่วนอินดอร์ที่เป็นโซนหลักสำหรับสายแด๊นซ์ และเล้าจ์ด้านนอกระเบียงดาดฟ้าสำหรับสายชิล โซนหลักถูกประดับเด่นหรูด้วยแชงเดอเลียขนาดใหญ่ เปิดเพลงสไตล์ Hip Hop และเพลงแด๊นซ์ชื่อดังทั้งหลาย มีชั้นลอยสำหรับ VIP ที่ต้องการความส่วนตัว เล้าจ์ด้านนอกโซนระเบียงดาดฟ้ากึ่งกลางแจ้งที่สามารถมองเห็นสวนสาธารณะตอนกลางวันได้อย่างเต็มตา และแสงไฟของกรุงเทพในยามราตรี เหมาะสำหรับการเอนหลังจิบเครื่องดื่มพูดคุยและฟังเพลงสไตล์เฮ้าส์ (House) แบบไหลๆลื่นๆ พร้อมด้วยพื้นที่ที่สามารถเล่นพูล และ ฟุตบอลโต๊ะได้อย่างสนุกสนาน สำหรับเมนูอาหารและเครื่องดื่มนั้นมีความสร้างสรรค์และหลากหลายให้เลือก พวกปัญญวัฒน์เลือกนั่งโซนสายแด๊นซ์จากการออกเสียงสามต่อหนึ่งมติเป็นเอกฉันท์

   “ไม่ทราบว่าจองไว้หรือเปล่าครับ” พนักงานเดินเข้ามาถามพวกเขาที่กำลังมองหาที่นั่งอยู่ ดูเหมือนที่นั่งจะเต็มไปหมด

   “ไม่ได้จองครับ” นาวินตอบไป พลางมองเข้าไปข้างใน คนเยอะขนาดนี้พวกเขาจะมีที่นั่งไหมเนี่ย

   “ขอโทษครับ คุณปัญญวัฒน์หรือเปล่าครับ” พนักงานสวมสูทดูภูมิฐานน่าจะเป็นผู้จัดการผับเดินเข้ามาหาพวกเขาก่อนเอ่ยถาม

   “ครับ ผมเอง” ปัญญวัฒน์ยกมือขึ้นพลางมองพนักงานอย่างงงๆ

   “เชิญที่โต๊ะ VIP 1 ได้เลยครับ” คนสวมสูทผายมือไปที่ทางขึ้นด้านบน

   “เดี๋ยวนะครับ พวกผมไม่ได้จองโต๊ะเลยนะ เข้าใจผิดหรือเปล่า” ปัญญวัฒน์แย้งออกมาหลังจากที่หันไปถามเพื่อนๆแล้วว่าใครจองโต๊ะมาก่อนหรือเปล่า เพื่อนทั้งสามได้แต่ส่ายหัวลูกเดียว

   “คุณชื่อ ปัญญวัฒน์  ศิวะรันธร หรือเปล่าครับ” พนักงานอ่านชื่อในแฟ้มเพื่อเช็คให้แน่ใจอีกครั้ง

   “ใช่ครับ นั่นชื่อและนามสกุลผม” ปัญญวัฒน์พยักหน้าตอบอย่างงงๆ

   “งั้นก็ไม่ผิด ผู้บริหารโรงแรมโทรมาจอง ถ้าคุณปัญญวัฒน์กับเพื่อนรวมสี่คนมาให้เชิญที่โต๊ะ VIP1 ได้เลยครับ เดี๋ยวคุณไอราจะตามมาสมทบ” พนักงานชี้แจงพร้อมเอ่ยชื่อพี่รหัสของนาราพวกเขาจึงเดินตามไปแต่โดยดี

   “ว้าว มุมนี้เห็นข้างล่างชัดเจนเลย” วรภัทรอุทานขึ้นหลังจากมองไปรอบๆแล้ว

   “ตกลงจะเปิดเหล้าหรือเอาอะไร” นาวินยกเมนูตั้งโต๊ะขึ้นมาดู

   “เปิดเหล้าก็ได้ผู้ชายสี่คนน่าจะหมด เมื่อกี้ผู้จัดการผับบอกว่าพี่ลมจะมาด้วยนี่” ศรัณตอบ จากการคำนวณคร่าวๆแล้วเปิดเหล้าน่าจะดีกว่า

   “มึงรู้ได้ไงว่าคนเมื่อกี้เป็นผู้จัดการผับ” วรภัทรหันมาถามเพื่อนอย่างสงสัย

   “กูเก่ง”

   “กวนตีนนะมึง กูเห็นมึงแอบถามพนักงานข้างหน้าก่อนเดินขึ้นมา” นาวินด่าศรัณที่อำวรภัทร

   “ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะเดาได้ป่ะ” ปัญญวัฒน์เองก็ขำที่วรภัทรโดนอำจนหน้าเหลอไปไม่ถูก

   “เออๆ พวกมึงแกล้งกู กูจะฟ้องพี่พงศ์” วรภัทรหน้ามุ่ยพร้อมเอาพี่ชายมาขู่

   “ตามใจมึง กูขอสั่งบลูเลยนะ” นาวินเปลี่ยนเรื่องหันมายิ้มให้วรภัทรที่หันขวับมามองหน้าเขาทันทีที่พูดจบ

   “เอาใหญ่เชียวนะมึง สั่งมาแล้วกินให้หมดด้วยล่ะ ออ อย่างที่บอกกูเลี้ยงแต่เหล้านอกนั้นจ่ายเอง” ขนาดขู่แล้วนาวินยังไม่กลัว วรภัทรชี้หน้าคาดโทษ พอเห็นว่าเขาจะเลี้ยงรีบเชียวนะ

   “มึงเลี้ยงเหล้าไอ้ปันเลี้ยงมิกซ์เซอร์กูก็โอเคแล้ว” นาวินยักคิ้วให้วรภัทรอย่างกวนๆ

   หลังจากที่เหล้าและกับแกล้มมาเสิร์ฟพวกเขาก็ดื่มไปพลางดูบรรยากาศที่คึกคักด้านล่างอย่างสนุก แม้ว่าตอนที่พวกเขามากันเพิ่งจะสามทุ่มถือว่าเร็วไปสำหรับนักเที่ยว แต่โซนสายแดนซ์นั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังโชว์ลีลากันจนแน่นไปหมด พอสี่ทุ่มเสียงดีเจประกาศชื่อนักร้องรับเชิญที่จะมาร้องเพลงให้ฟังในค่ำคืนนี้ เสียงกรี๊ดสนั่นดังลั่นจากสาวแท้สาวเทียม

   “โห พี่ลมเปิดตัวโคตรสนั่นเลย” นาวินมองไอราที่เดินขึ้นเวทีท่ามกลางเสียงกรี๊ดจากผู้คนด้านล่าง

   “แน่อยู่แล้ว แฟนคลับพี่เขาเยอะ กูว่าแล้วทำไมคนแน่นตั้งแต่หัววัน” วรภัทรเอ่ยขึ้น ตอนแรกเขาก็สงสัยว่าผับของที่นี่คนเยอะจนล้นออกไปด้านนอกทั้งๆที่อยู่ชั้นยี่สิบห้าของโรงแรม

   “ว่าไงพวกมึง ไม่เจอกันนานเลย” เสียงทักทายดังขึ้นพร้อมร่างของนักร้องดังที่เพิ่งลงจากเวทีเข้ามานั่งที่โต๊ะ

   “สวัสดีครับพี่ลม” ทั้งหมดยกมือไหว้ทักรุ่นพี่ที่คุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี

   “ได้ข่าวว่าจะมากันกูเลยมาขอแจมโต๊ะด้วย” ไอราเอ่ยกับรุ่นน้อง เขาอยู่ตอนที่พี่ชายบอกเลขาให้จองโต๊ะที่ผับให้ พอรู้ว่าใครจอง เขาจึงบอกเลขาพี่ชายว่าจะไปร่วมโต๊ะด้วยหลังร้องเพลงเสร็จเพราะรู้จักน้องๆกลุ่มนี้

   “พวกผมก็ยังแปลกใจเลยตอนที่พนักงานบอกว่าจองโต๊ะไว้ เพราะพวกเราไม่มีใครจองสักคน แต่พอเขาบอกชื่อพี่ก็เลยมานั่งรอกันเนี่ย” นาวินอธิบาย เขายังงงไม่หาย

   “มึงบอกใครหรือเปล่าว่าจะมาที่นี่กัน เขาเลยโทรหาพี่กูให้จองโต๊ะให้น่ะ” ไอราไม่เฉลยว่าใคร เขาอยากให้พวกนี้คิดเองดีกว่า

   “นี่พี่ภาคบอกคุณดินให้จองโต๊ะให้เหรอครับ” ปัญญวัฒน์หันมาถามไอราอย่างนึกได้ว่าโรงแรมนี้พสุธาบริหารงานอยู่ แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าชายหนุ่มจะทำแบบนี้

   “ใช่แล้ว พอดีวันนี้กูมาร้องเพลงที่ผับนี้คนเลยเยอะถ้าไม่จองก็ไม่มีโต๊ะนั่งหรอก” ไอรายอมรับก่อนอธิบายสาเหตุที่ต้องจองโต๊ะ

   “พี่มาร้องที่นี่ประจำเหรอครับ” วรภัทรเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะไม่มีแผ่นป้ายโฆษณาติดเอาไว้

   “เดือนละครั้ง ทุกคืนวันเสาร์ที่สามของเดือน” ไอราตอบก่อนจิบเหล้าที่นาวินชงส่งมาให้ ความจริงแล้วงานนี้เป็นกิจการของครอบครัวที่เขาเองก็บอกกล่าวต้นสังกัดเอาไว้แล้วก่อนเซ็นสัญญา

   “ถือว่าพวกผมโชคดีนะเนี่ยที่ได้มาฟังพี่ร้องเพลง” ศรัณรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะตั้งแต่เขาขึ้นปีสามจนมาถึงปีห้านี้แทบไม่มีเวลาไปไหนเลย แค่มีเวลานอนก็ดีถมไป วันนี้นอกจากได้มางานแต่งพี่ชายแล้วยังได้มาเปิดหูเปิดตาอีกด้วย


   พวกเขากินดื่มกันจนถึงเที่ยงคืนกว่าจึงเช็คบิล ไอรานั้นขอตัวไปตั้งแต่ห้าทุ่มกว่าเพราะมีโทรศัพท์โทรมาตาม เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วก็ลงลิฟท์มาที่ห้องพัก เมื่อถึงชั้นที่ต้องการปัญญวัฒน์จึงเดินออกมา

   “แน่ใจนะว่าพวกมึงกลับห้องไหว” ปัญญวัฒน์ถามเพื่อนอีกครั้งก่อนเดินออกจากลิฟท์ เขาพักชั้นนี้คนเดียว ส่วนอีกสองห้องที่เหลือพักชั้นถัดไป

   “กูเอาไอ้สองตัวนี้ไหว ไม่ต้องห่วง” ศรัณตอบแทน เพราะเขาเองสติอยู่ครบเหมือนปัญญวัฒน์ผิดจากสองคนที่เหลือเดินแทบไม่ตรงทางอยู่แล้ว

   “เออๆ งั้นกูไปแล้ว” ปัญญวัฒน์มองดูลิฟท์เลื่อนลงไปด้านล่างก่อนเดินกลับไปที่ห้องพัก

   เมื่อเปิดเข้าไปที่ห้องพักปัญญวัฒน์รู้สึกแปลกใจที่ไฟหน้าประตูห้องเปิดไว้ทั้งๆที่เขาเพิ่งเข้า แถมแอร์ยังเปิดเย็นฉ่ำอีกด้วย ชายหนุ่มออกไปมองหน้าประตูห้องพัก เลขที่ห้องก็ถูกนี่นา สงสัยเขาจะเมา ถ้าผิดห้องคีย์การ์ดจะเปิดประตูได้ไง ชายหนุ่มยิ้มกับความคิดตัวเองก่อนเดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง

   “กลับมาแล้วเหรอปัน” เสียงทักดังขึ้นทันทีที่เขาเดินเข้ามา

   “พี่ภาค มาอยู่ที่นี่ได้ไง” นี่เขาเมาจนเห็นภาพหลอนหรือเปล่าเนี่ย

   “เป็นอะไรหรือเปล่า เมาเหรอเรา” ภาสวรโบกมือไปมาหน้าชายหนุ่ม

   “สงสัยผมจะเมาที่เห็นพี่อยู่ในห้อง” ปัญญวัฒน์พูดออกมาเบาๆ จะว่าเขาเมาก็ไม่น่าใช่เพราะเขากินไปสามแก้วกว่าๆ แก้วที่สี่ยังไม่หมดเสียด้วยซ้ำเมื่อเพ่งดูภาสวรที่อยู่ตรงหน้าก็พบว่าเขาเห็นจริงๆ

   “หึๆ งั้นคนเมาเข้าไปอาบน้ำล้างตัวจะได้มานอนนะ” ภาสวรส่งเสื้อคลุมพร้อมผ้าเช็ดตัวให้ปัญญวัฒน์ก่อนดันชายหนุ่มเข้าไปในห้องน้ำ

   ปัญญวัฒน์เดินเข้าห้องน้ำด้วยความมึนๆงงๆ หลังจากที่อาบน้ำสดชื่นแล้ว เขาสวมเสื้อคลุมเดินออกมาเอาชุดนอนในตู้เสื้อผ้าออกมา เขาฝากคนที่บ้านให้เอาเสื้อผ้ามาให้หลังจากที่รู้ว่าต้องค้างที่นี่ จากนั้นก็เข้าไปสวมในห้องน้ำให้เรียบร้อย เมื่อเดินออกมาอีกที ก็เห็นภาสวรยืนอยู่หน้าประตูกระจกมองแสงสีกรุงเทพยามราตรีอยู่

   “ตกลงพี่ภาคมาได้ยังไงครับ” ปัญญวัฒน์ถามขึ้นเมื่อชายหนุ่มหันมาทางเขา

   “น้องเรนอยากนอนที่นี่น่ะ” ภาสวรบอก โชคดีนะที่เขามีกระเป๋าเสื้อผ้าติดมาในรถ ส่วนของน้องเรนเขาได้เอามาเผื่อตั้งแต่กลางวันแล้วไม่ได้ใช้ ส่วนคีย์การ์ดเขามีอยู่ใบหนึ่งเพราะต้องฝากกระเป๋าน้องเรนไว้ที่นี่ กะว่าตอนขากลับจะแวะมาเอา

   “น้องเรน” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นภาสวรชี้ไปที่เตียงมีร่างเล็กๆนอนหลับอยู่ เมื่อกี้เขาไม่ทันได้สังเกตุ

   “ปันไปนอนเถอะ หาวใหญ่แล้ว พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ” ภาสวรบอกเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว

   “แล้วพี่ภาคล่ะครับ” ปัญญวัฒน์เองง่วงมากแต่เขาเองก็อดเป็นห่วงคนตรงหน้าไม่ได้

   “งั้นไปนอนด้วยกันเลย” ภาสวรจูงมือปัญญวัฒน์ไปส่งด้านหนึ่งของเตียงเมื่อเห็นชายหนุ่มนอนข้างลูกชายเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินไปนอนอีกด้านของน้องเรน

   “ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ภาค” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้นก่อนหลับตาลง

   ภาสวรอดที่ชะโงกหน้าไปสัมผัสที่หน้าผากชายหนุ่มเบาๆ

   “ฝันดีนะปัน”


*************
ตอนที่ 18 เพิ่มเติมและตอนที่ 19 พอดีผู้เขียนตัดตอนที่ลงผิดค่ะ
ขออภัยในความสะเพร่านี้ด้วยค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
 แล้วพบกันอาทิตย์หน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 19 [11/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-03-2019 18:42:28
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 19 [11/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 11-03-2019 22:30:19
พี่ภาคเนียนเลยนะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 19 [11/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 12-03-2019 17:44:58
+1  o13 ขอบคุณครับ :pig4: :katai5:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 19 [11/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 18-03-2019 10:07:14
"น้องเรนอยากนอนที่นี้" 555 คงจะแค่น้องเรนคนเดียวละมั้งที่อยากนอนที่นี้ เนียนเลย มีลูกมันดีอย่างนี้เอง จะได้เอามาเป็นข้ออ้างได้   :hao6:
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 20 [18/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 18-03-2019 12:53:57
ตอนที่ 20

   “อาปันตื่นเร็ว เรนหิวแล้วคับ”

เสียงเรียกดังอยู่ข้างหูพร้อมตัวถูกเขย่า ทำให้ปัญญวัฒน์ค่อยๆลืมตามอง ผนังห้องที่ไม่คุ้นตา พอพลิกตัวก็เห็นเด็กชายเรนยิ้มร่าอย่างยินดี

“อาปันตื่นแล้ว เดี๋ยวพ่อจะพาไปทานอาหารข้างล่างคับ”

“หือ แล้วคุณพ่อไปไหนแล้วครับ” ปัญญวัฒน์ลุกขึ้นนั่งมองเด็กชายตรงหน้า แสดงว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันไปซินะ และเมื่อมองไปรอบๆไม่เจอภาสวรจึงหันมาถามเด็กชาย

“พ่ออาบน้ำอยู่คับ ไม่ต้องกลัวน้า เรนไม่ทิ้งอาปัน” เด็กชายรีบเข้ามากอดกลัวว่าอาปันจะน้อยใจว่าเขาไม่รอ เพราะพ่อบอกว่าจะพาไปทานอาหารข้างล่าง ไม่ให้กวนอาปัน นี่เขาไม่ได้กวนนะ เขากลัวว่าอาปันตื่นมาไม่เจอใคร

“อ้าว ปันตื่นแล้วเหรอ น้องเรนพ่อบอกว่าอย่ากวนอาปันไงครับ” ภาสวรเดินออกจากห้องน้ำเจอชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่งอย่างสะลึมสะลือโดยมีลูกชายของเขานั่งเบียดอยู่ข้างก็รู้ได้ทันที

“เรนไม่ได้กวนอาปัน เรนแค่กลัวว่าอาปันจะหิวนี่คับ” เด็กชายบอกเสียงอ่อยๆ

“พี่ภาคอย่าดุน้องเรนซิครับ น้องเรนรออาแป๊บนึงนะเดี๋ยวอาไปด้วย” ปัญญวัฒน์ห้ามภาสวรอย่างตกใจ ก่อนลูบหัวปลอบโยนเด็กชาย

“คับ” เด็กชายยิ้มอย่างดีใจ ในขณะที่ภาสวรได้แต่ถอนหายใจ ทั้งๆที่เขาอย่างให้ปัญญวัฒน์นอนพักอีกสักหน่อยแท้ๆ



“อร่อยไหมครับ” ปัญญวัฒน์ถามเด็กชายที่เคี้ยวไส้กรอกตุ้ยๆ

“หย่อยคับ” เด็กชายกลืนอาหารก่อนตอบ

“ปันเอาอะไรเพิ่มไหม” ภาสวรถามปัญญวัฒน์เพราะเขาจะไปหยิบอาหารมาเพิ่ม

“พี่ภาคตามสบายเลยครับ เดี๋ยวผมเดินไปหยิบเอง” ปัญญวัฒน์ปฏิเสธ เขาว่าจะไปเอากาแฟเหมือนกัน แต่รอภาสวรกลับมาก่อนดีกว่า เขาไม่อยากทิ้งให้น้องเรนนั่งหัวโต๊ะอยู่อยู่คนเดียว

“โย่ปัน ทำไมตื่นเช้าจัง” วรภัทรเอ่ยทักชายหนุ่มก่อนหันมามองเด็กชายอย่างแปลกใจ

“รีบลงมาทำไมวะยังไม่เก้าโมงเลย” นาวินหาวออกมา เขายังไม่อยากตื่นเลย แต่วรภัทรปลุกเขาให้ลุก ก่อนบอกว่าปัญญวัฒน์รออยู่ที่ห้องอาหารแล้ว แถมยังไม่ลืมโทรปลุกศรัณให้มาด้วย

“อ้าว พี่ภาค” วรภัทรรู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นภาสวรเดินมาที่โต๊ะที่ปัญญวัฒน์นั่งอยู่

“อรุณสวัสดิ์ ยังคิดอยู่เลยว่าจะมาทานอาหารเช้าไหม เห็นเมื่อคืนนอนดึกกัน” ภาสวรพูดทักขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนปัญญวัฒน์ยืนอยู่ที่โต๊ะของเขา

“พี่ภาคเมื่อคืนนอนที่นี่เหรอครับ” ศรัณเอ่ยถามพลางฉุดให้เพื่อนๆนั่งตรงโต๊ะว่างที่อยู่ติดกัน

“ใช่ครับ ปันจะไปหยิบอาหารก็ไปเลยนะ น้องเรนทานเองได้ ใช่ไหมครับ” ภาสวรตอบศรัณก่อนหันมาบอกกับปัญญวัฒน์และน้องเรน

“ใช่แล้ว เรนเก่ง เมื่อเช้าเรนยังปลุกพ่อกับอาปันเลย” คำพูดของเด็กชายทำให้เพื่อนสนิทของปัญญวัฒน์หันมาส่งมองชายหนุ่มอย่างสงสัยพร้อมกดดันว่าอย่าลืมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังด้วย

“เออ เดี๋ยวขอตัวไปเอาอาหารเพิ่มก่อนนะ” ปัญญวัฒน์รีบลุกออกมา

“เดี๋ยวไปพร้อมกัน รอก่อน” วรภัทรลุกมากดให้ปัญญวัฒน์นั่งลง ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆชายหนุ่ม ส่วนศรัณและนาวินก็ขยับเก้าอี้มานั่งที่โต๊ะเดียวกับภาสวรด้วยเหมือนกัน ไหนๆก็มีประเด็นขึ้นมาแล้วขอพูดหน่อยแล้วกัน

“พี่ภาค นี่ยังไง ตกลงว่าคิดอะไรกับเพื่อนผมหรือเปล่า” วรภัทรพูดทีเล่นทีจริงก่อนสบตาภาสวรว่าที่พูดไปนั้นเขาต้องการคำตอบจริงๆ

“ถ้าพี่ตอบว่าคิดล่ะ” ภาสวรค่อยๆไล่สบสายตาของเพื่อนปัญญวัฒน์ทีละคน

“งั้นผมคงต้องถามต่อว่าคิดอะไร และแบบไหน” นาวินที่ตื่นเต็มตาหลังจากที่ฟังวรภัทรตั้งคำถามภาสวรก็เข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน

“วิน” ปัญญวัฒน์เรียกเพื่อนพร้อมส่ายหน้าเพื่อห้ามปรามไม่ให้ทุกคนพูดอะไรไปมากกว่านี้

“ปัน นั่งเฉยๆก่อนเห็นไหมว่าพวกเราคุยกันอยู่” วรภัทรหันมาดุไม่ให้ขัดจังหวะ กำลังจะรู้เรื่องอยู่แล้วเชียว

“ไม่เป็นไรปัน พี่แค่จะบอกเพื่อนๆปันว่า พี่ชอบปัน” ภาสวรหันมายิ้มให้ปัญญวัฒน์หลังจากที่พูดจบแล้ว ก่อนหันไปมองเพื่อนๆของชายหนุ่มราวกับจะถามว่ามีใครสงสัยอะไรอีกไหม

“แต่เรนรักอาปันที่สุดเลย” เด็กชายที่นั่งฟังอยู่นานพูดขัดขึ้นมาพร้อมกางมือประกอบ แถมฉีกยิ้มหวานให้ปัญญวัฒน์ที่เงยหน้ามองเขาหลังจากที่ก้มหน้านิ่งอยู่เมื่อกี้

“อาปันเป็นอะไรหน้าแด๊งแดง” เด็กชายถามขึ้นอย่างตกใจ กลัวว่าอาคนโปรดจะไม่สบาย เพราะใบหน้าของปัญญวัฒน์แดงจนปิดไม่มิด

   “หึๆ” เสียงหัวเราะจากคนตัวโตที่นั่งตรงข้ามเขาดูรื่นรมย์จนน่าหมันไส้ แต่ปัญญวัฒน์ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาพราวระยับ อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีแถมตอนนี้ใบหน้าเขาร้อนผ่าวกว่าเดิม

   “อาปัน ไม่เป็นอะไร แค่กำลังสับสนน่ะลูก” ภาสวรตอบลูกชายให้คลายกังวลก่อนมองปัญญวัฒน์ที่ตอนนี้ก้มหน้าหลบสายตาทุกคนที่มองดูอยู่

   “สับสนอะไรคับ เรนงง” เด็กชายหันมาถามผู้เป็นพ่อ

   “ก็สับสนว่า ผู้ชายที่มีลูกจอมซนและดื้ออย่างน้องเรนเนี่ย อาปันจะรับพิจารณาหรือเปล่าน่ะซิ” เสียงห้าวๆเหมือนจะคุยกับลูกชาย แต่ดวงตาคมนั่นจ้องมาทางปัญญวัฒน์ที่เงยหน้ามองอย่างตกตะลึง ในขณะที่คนอื่นๆอมยิ้มนั่งฟังอยู่เงียบๆ

   “พินาซิ พินาอยู่แล้ว ใช่ไหมอาปัน” พินาอะไรไม่รู้ พูดก็ยาก แต่เขาคิดว่าอาปันต้องพินาแน่ๆ เด็กชายเรนฉีกยิ้มก่อนหันมาพยักพเยิดกับปัญญวัฒน์

   “เรื่องนี้น้องเรนตอบแทนอาปันไม่ได้นะครับ เดี๋ยวพ่อถามอาปันเองนะ” ภาสวรก้มบอกลูกชายอย่างอ่อนโยนซึ่งเด็กชายก็พยักหน้าตอบด้วยความเข้าใจ

   “คับ แต่เรนไม่ดื้อไม่ซนนะ” เด็กชายเอ่ยประท้วงออกมา เรื่องที่พ่อพูดเมื่อกี้ไม่จริงสักหน่อย

“งั้นพวกผมขอตัวไปเอาอาหารก่อนนะครับ เดี๋ยวจะหมดเวลาเสียก่อน ฝากพี่ภาคช่วยจองโต๊ะให้หน่อยนะครับ” ศรัณหันมาบอกภาสวรก่อนสะกิดคนอื่นๆให้ตามมา หน้าที่ของพวกเขาจบแล้ว ที่เหลือให้เป็นเรื่องของคนสองคน

“ได้ๆ เดี๋ยวพี่จองให้” ภาสวรรับปากก่อนหันมาดูปัญญวัฒน์ที่จะลุกตามวรภัทรที่ชักชวนน้องเรนออกไปด้วย

“อย่าเพิ่งไปซิปัน” ปัญญวัฒน์ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะลุกเดินหนีออกไป ภาสวรก็คงไม่ยอม ครั้นจะนั่งอยู่ทำเหมือนไม่รับรู้เรื่องที่เขาพูดกับลูกชายก็คงไม่ได้

“ว่าไงครับปัน จะรับพิจารณาพี่ได้ไหม พี่อยากให้เรามีโอกาสได้ทำความรู้จักกันและกันมากกว่านี้ และจริงจังกว่านี้ได้ไหมครับ” ภาสวรไม่อยากเร่งรัดชายหนุ่มมากไปกว่านี้ เขาอยากให้ปัญญวัฒน์เก็บข้อเสนอนี้ไปไตร่ตรองดูเสียก่อน

เสียงห้าวๆที่ทอดเสียงคล้ายออดอ้อน ทำให้ปัญญวัฒน์อดที่จะสบตาคมที่ทอดมองอย่างมีความหวังคู่นั้นไม่ได้ แก้มทั้งสองข้างของเขาแดงระเรื่อด้วยความเขินอายหลังจากสบตาคมนั่น ก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆเพื่อตอบรับข้อเสนอของภาสวร

“อะไรนะครับ พี่ไม่ได้ยินเลย” ภาสวรยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“อื้อ พี่ภาคอย่าแกล้งซิครับ” ปัญญวัฒน์รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งมาเห็นสีหน้ากรุ้มกริ่มของภาสวร

“พี่ไม่ได้แกล้งปัน แต่พี่ยังไม่ได้คำตอบเลยนะ” ภาสวรพูดแกมหัวเราะ

“ครับ”

“หือ” ภาสวรมองปัญญวัฒน์อย่างสงสัย

“อื้อ ตกลงไง” ปัญญวัฒน์ตอบออกมาในที่สุด

“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคุณแฟน” ภาสวรยิ้มอย่างยินดี

“ห๊ะ พี่ภาคอย่ามั่ว ไหนบอกว่าแค่ขอโอกาสทำความรู้จักกันมากกว่านี้ไง” ปัญญวัฒน์ถามขึ้นด้วยความตกใจ

“อ้าวเหรอ งั้นวันนี้เราก็ทำความรู้จักดูแลกันไป พรุ่งนี้ค่อยเป็นแฟนกันนะ” ภาสวรรีบพูดออกมา เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆเริ่มเดินเข้ามาที่โต๊ะ

“เดี๋ยว ไม่ใช่...”

“หือ ไม่ใช่อะไรเหรอปัน” วรภัทรวางขนมหวานบนโต๊ะตรงที่นั่งเด็กชาย ก่อนที่จะอุ้มน้องเรนนั่งบนเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะ

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก แค่ปันตอบรับกับพี่แล้ว” ภาสวรพยายามตัดบท

“จริงเหรอ ยินดีด้วยนะพี่ภาค ดีใจด้วยนะปัน” วรภัทรพูดด้วยความยินดีที่ความรักของเพื่อนสมหวัง

“อาภัทรดีใจอะไรเหรอคับ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ น้องเรนทานขนมเถอะ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชายก่อนหันมาส่งสายตาปรามคนโมเมเข้าข้างตัวเองที่ยิ้มกว้างจนออกนอกหน้า


---- a little cupid ----

“พ่อคับ เรนขออยู่บ้านอาปันก่อนได้ไหม” เด็กชายเรนเอ่ยขออนุญาตภาสวรขณะที่ขับรถมาส่งปัญญวัฒน์ที่บ้าน

“ต้องถามอาปันแล้วครับว่าให้อยู่ด้วยหรือเปล่า” ภาสวรหันสบตาปัญญวัฒน์

“อาปัน” เด็กชายหันมาอ้อนปัญญวัฒน์

“ได้ครับ เดี๋ยวตอนเย็นผมแวะไปส่งให้นะ” ปัญญวัฒน์อดที่จะใจอ่อนไม่ได้ พร้อมอาสาไปส่งเด็กชาย ภาสวรจะได้ไม่ต้องเสียเวลามารับอีก

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่อยู่ด้วย วันนี้พี่ไม่มีธุระไปไหน”

“ก็ได้ครับ”


ปัญญวัฒน์พาภาสวรมานั่งที่ศาลาท่าน้ำมุมโปรดของเขา ตอนแรกเขาจะพาไปห้องทำงานเพราะชายหนุ่มอยากจะเช็คงานที่ค้างอยู่จากโน๊ตบุ๊ค แต่ภาสวรกลับบอกว่าไม่อยากอุดอู้อยู่ในห้อง เขาจึงพามาที่นี่แทน ส่วนเด็กชายเรนเมื่อเจอแด็กหญิงก็ชักชวนกันไปวิ่งเล่นทันที

“ของว่างครับ วันนี้ป้านุชทำขนมกลีบลำดวน เห็นบอกว่าพี่พลอยอยากทาน” ปัญญวัฒน์วางถาดที่วางจานขนมกับมะพร้าวอ่อนอีกสองลูกลงบนโต๊ะ

“ส่วนมะพร้าวอ่อนนี่ต้นหลังบ้านออกลูกพอดี เห็นว่าจะทำวุ้นมะพร้าวเป็นของหวานเย็นนี้” ปัญญวัฒน์ชี้ไปยังต้นมะพร้าวที่ปลูกใกล้ริมตลิ่งประมาณห้าหกต้นที่อยู่ไม่ไกล

“มะพร้าวน้ำหอมเหรอ” ภาสวรเอ่ยถามเมื่อเห็นต้นมะพร้าวต้นเตี้ยๆไม่สูงใหญ่เหมือนมะพร้าวอื่นๆทั่วไป

“ตอนเอามาปลูกเขาบอกว่าเป็นมะพร้าวน้ำหอม แต่พอมีลูกจริงๆกลับกลายพันธุ์ ไม่แตกต่างจากมะพร้าวแกงทั่วไป” ปัญญวัฒน์อธิบาย เขาก็ไม่รู้ว่ามันต่างยังไงแต่เห็นป้านุชกับลุงชิตพูดอยู่ว่ามันน่าจะกลายพันธุ์ไปแล้วไม่หอมหวานเหมือนชื่อพันธุ์ แต่ก็ดีเพราะไม่ต้องปีนไปเก็บสูงๆ

“ถ้าอยากให้หวานและหอมก็ต้องเอาไปเผามั้ง”

“เผา พี่ภาคเคยทำเหรอครับ”

“ไม่เคย เห็นเขาพูดกัน แถมมะพร้าวเผาก็มีขายให้เห็นอีกด้วย” ภาสวรลองชิมน้ำมะพร้าวอ่อน  “นี่ก็หวานนะ รสชาติกำลังดี” ภาสวรติดใจดูดเพิ่มอีกหลายครั้ง

“รู้แล้วครับ งั้นพี่ภาคทำงานเถอะ เดี๋ยวผมไปดูเด็กๆก่อน” ปัญญวัฒน์รู้สึกขำที่ชายหนุ่มแสดงให้เห็นว่าชอบน้ำมะพร้าวไม่ต่างจากลูกชายเลย

“เดี๋ยวซิปัน คุยกันก่อน” ภาสวรคว้าข้อมือชายหนุ่มให้นั่งลงตามเดิม

“พี่ภาคมีอะไรเหรอครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเอาแต่จ้องเขาไม่พูดเสียที

“ปันลำบากใจหรือเปล่าที่คบกับพี่ ที่พี่บอกชอบปันนั้นพี่พูดจริงๆนะ” ภาสวรตัดสินใจพูดออกมาหลังจากที่ท่าทางเหมือนมีอะไรในใจของปัญญวัฒน์หลังจากที่แยกย้ายจากเพื่อนแล้ว เขาพลาดเองที่ไม่ได้ถามชายหนุ่มให้แน่ใจคิดเองเออเองว่าปัญญวัฒน์คงจะชอบเขาเหมือนกัน การที่เขาพูดกับเพื่อนปัญญวัฒน์เหมือนรวบรัดมัดมือชกให้ชายหนุ่มตอบรับเขา ปัญญวัฒน์อาจเกรงใจไม่กล้าปฏิเสธเขา

“...” ปัญญวัฒน์นิ่งเงียบหลบตาชายหนุ่ม จนภาสวรใจเสีย

“พี่ไม่ได้โกหก พี่ชอบปันอยากคบกับปันจริงๆ ปัน...” ปัญญวัฒน์เอื้อมมือไปปิดปากชายหนุ่มไว้ก่อนจะพูดจบแล้วบอกว่า

“ผมเชื่อครับ”

“แล้วปันกังวลอะไร” ภาสวรกุมมือปัญญวัฒน์ไว้

“เพราะผมเป็นผู้ชาย พี่ภาคเป็นที่รู้จักมีหน้ามีตาในสังคม ถ้าคนอื่นทราบจะไม่เป็นผลดี ไหนจะน้องเรนอีก” ปัญญวัฒน์วิตกกังวลแทนภาสวร

“ขอบคุณครับที่เป็นห่วงพี่ แต่ปันไม่ต้องเอาเรื่องพวกนี้มากังวลนะ พี่ไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง พี่ไม่แคร์สายตาคนอื่น พี่แคร์เฉพาะคนที่พี่รักและมีความสำคัญเท่านั้น” สายตาของภาสวรดูแพรวพราวจนปัญญวัฒน์ต้องเบือนหน้าหนี

“แต่ผมเป็นห่วงน้องเรน แกยังเล็ก” เด็กชายจะรู้สึกอย่างไรถ้าได้ยินคนอื่นพูดเรื่องนี้

“น้องเรนรักปันมากนะ อย่ากังวลในสิ่งที่มาไม่ถึง อยู่กับปัจจุบันตอนนี้ดีกว่า” ภาสวรแน่ใจว่าต่อไปลูกชายต้องเข้าใจ เมื่อเห็นปัญญวัฒน์นิ่งเงียบเขาจึงพูดต่อว่า

“ปันเป็นผู้ชายคนแรกที่พี่รู้สึกดีด้วย แล้วความรู้สึกก็ค่อยพัฒนาขึ้นมา ตอนแรกพี่ก็สับสน จนได้คำแนะนำจากเพื่อนว่า ใครที่ทำให้เรามีความสุข คนที่ทำให้เรายิ้มและอยากอยู่ใกล้ เพศไหนก็ไม่สำคัญ ถ้าเราจะรักและผูกพันกัน” ภาสวรนึกถึงคำพูดของพสุธาที่เปิดล็อคอะไรหลายๆอย่างให้กับเขา

“...” ปัญญวัฒน์ไม่พูดอะไรได้แต่ก้มหน้าหลบตาเขา

ภาสวรเชยคางให้ปัญญวัฒน์สบตาเขาพร้อมกุมมือชายหนุ่มก่อนพูดออกมาอย่างหนักแน่น

“พี่จะพูดปันอีกทีนะครับ พี่ชอบปัน ปันจะคบกับพี่ได้ไหม” น้ำเสียงดูออดอ้อนปนอ่อนหวานแววตาที่สื่อออกมาของภาสวรมีความจริงใจ ทำให้ปัญญวัฒน์มั่นใจว่าเขาชอบคนไม่ผิดจริงๆ

“ได้ครับ ผมตกลงคบกับพี่ภาค”

“ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ” ภาสวรดึงปัญญวัฒน์เข้ามากอดอย่างดีใจ

“พอแล้วครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” ปัญญวัฒน์บอกด้วยเสียงอู้อี้อยู่ที่ไหล่ของภาสวร ชายหนุ่มผละออกอย่างเสียดาย ก่อนกดจมูกบนแก้มแดงระเรื่อของปัญญวัฒน์อย่างหมันเขี้ยว

“พี่ภาค” ปัญญวัฒน์พูดขึ้นอย่างตกใจ แก้มของเขาแดงก่ำด้วยความเขินอายที่โดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว


*************************
มีใครรอฉากนี้อยู่บ้างไหม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และกำลังใจที่มีให้นะคะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 20 [18/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-03-2019 13:30:42
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 20 [18/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 18-03-2019 13:32:18
 :-[  :o8:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 20 [18/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-03-2019 15:38:41
 o18 พอแน่ใจ พี่ภาคก็เคลมไวมากกกกก น้องปันมีแฟนซะแล้ว ตั้งตัวทันเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 20 [18/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-03-2019 21:55:59
พี่ภาคบทจะขอเป็นแฟนขึ้นมาก็ปุ้บปั้บเชียวนะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 20 [18/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-03-2019 11:55:32
 :L2: :pig4:

เขาจะขายอ้อยกันไหม เราอยากรู้
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 21 [25/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 25-03-2019 21:07:00
ตอนที่ 21

ปัญญวัฒน์หันมองภาสวรที่กำลังขับรถอยู่ เขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะพาไปที่ไหน รู้ตัวอีกทีเขาก็มานั่งรถแบบมึนๆงงๆแล้ว

“ปันเย็นนี้ว่างไหม” ภาสวรเข้ามาในห้องทำงานหลังจากพักกลางวันเอ่ยถามขึ้น

“ว่างครับ” ปัญญวัฒน์ตอบขึ้นทันที วันนี้เขาไม่มีนัดกับใครหลังเลิกงานก็กลับบ้านตามปกติ

“แล้วงาน มีอะไรด่วนไหม” ภาสวรถามต่อ

“ไม่มีครับ”

“งั้นห้าโมงเย็นไปรอพี่ที่รถนะ” พูดจบภาสวรก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ปัญญวัฒน์สงสัยว่าภาสวรจะให้เขาทำอะไรกันแน่

ปัญญวัฒน์ถอนหายใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ภาสวรบอกแค่ว่าจะพาไปทานอาหารเย็น ถ้าแค่ทานอาหารเย็นทำไมต้องออกมาก่อนเวลาเลิกงานด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าห่วงเพราะภาสวรฮัมเพลงอย่างสบายอกสบายใจ เขาถามอะไรก็เอาแต่ยิ้มแถมบอกว่าเดี๋ยวก็รู้เอง

“ปันอย่าเพิ่งคิดอะไรมาก ไม่มีอะไรน่ากังวล เชื่อพี่สิ” ภาสวรกุมมือของชายหนุ่มเอาไว้พร้อมบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

ใช้เวลาไม่นานภาสวรก็เลี้ยวเข้าซอยหมู่บ้าน หมู่บ้านนี้มีแต่บ้านหลังใหญ่ๆโตๆระดับมาสเตอร์พีช แถมระบบความปลอดภัยมีตลอดตั้งแต่ทางเข้าหมู่บ้าน ปัญญวัฒน์มองสองข้างทางในหมู่บ้านด้วยความสนใจ หมู่บ้านนี้เน้นพื้นที่สีเขียวดูร่มรื่นสบายตา ภาสวรขับรถมาจอดภายในบ้านหลังหนึ่งดูใหญ่โต อาณาบริเวณกว้างขวางไม่ต่างจากบ้านหลังอื่นๆในหมู่บ้าน

“อาปันมาแล้ว สวัสดีคับ” เสียงตะโกนด้วยความดีใจ ทำให้ปัญญวัฒน์หันไปมอง เด็กชายวิ่งออกมาจากในบ้านยกมือไหว้เขาก่อนโผเข้าหา

“สวัสดีครับน้องเรน” ปัญญวัฒน์เอ่ยทักเด็กชาย แล้วยกมือไหว้คุณสุริยะและคุณลาวัลย์ที่เดินตามหลานชายออกมา

“สวัสดีครับ”

“ไหว้พระเถอะลูก มาๆเข้าบ้านก่อน” คุณสุริยะรับไหว้ชายหนุ่ม ก่อนชักชวนปัญญวัฒน์ให้เข้ามาในบ้าน

“เจ้าตัวแสบรออยู่นานแล้ว ถามไม่หยุดว่าเมื่อไหร่อาปันจะมา” คุณลาวัลย์บอกด้วยน้ำเสียงแกมเอ็นดูในตัวหลานชาย

“ก็เรนคิดถึงอาปันนี่คับ” เด็กชายบอกขณะที่จูงมือปัญญวัฒน์มาที่ห้องนั่งเล่น

“อาก็คิดถึงน้องเรนครับ” ปัญญวัฒน์ยิ้มให้เด็กชาย เขาต้องขอบคุณน้องเรนที่ทำให้อาการประหม่าตื่นเต้นของเขาลดลงไปมากหลังจากที่เจอพ่อแม่ของภาสวร

“หิวกันหรือยัง อาหารใกล้เสร็จแล้ว ทานอะไรรองท้องก่อนไหม” คุณลาวัลย์เอ่ยถามทั้งคู่เมื่อเห็นว่านั่งกันเรียบร้อยแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ รอทานมื้อเย็นทีเดียวดีกว่าครับ” ปัญญวัฒน์ตอบเมื่อเห็นคุณลาวัลย์มองมาที่เขา

“งั้นคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่ขอเข้าไปดูในครัวหน่อย ตามสบายนะปัน” คุณลาวัลย์บอกเมื่อได้ยินคำตอบของชายหนุ่มก่อนลุกออกไป

“พ่อต้องขอบคุณปันมากนะที่ช่วยดูแลเจ้าตัวแสบ เห็นว่าไปรบกวนที่บ้านปันบ่อยๆ” คุณสุริยะเอ่ยกับชายหนุ่ม

“ไม่เป็นไรครับ หลานสาวผมเองก็ไม่เหงาเพราะมีน้องเรนเป็นเพื่อนเล่นด้วยครับ” แม้จะรู้สึกสะกิดใจถึงสรรพนามที่เปลี่ยนไปของพ่อแม่ภาสวร ปัญญวัฒน์อดรู้สึกหวาดหวั่นระแวงว่าทั้งคู่จะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภาสวร เขายอมรับว่ากลัว กลัวว่าท่านทั้งสองอาจจะรับความสัมพันธ์แบบนี้ไม่ได้ หรือบางทีพ่อแม่ของภาสวรพูดแบบนี้กับเพื่อนลูกๆที่มาบ้านก็เป็นไปได้ ปัญญวัฒน์พยายามปลอบใจตัวเอง

“น้องเรนติดปันมากครับพ่อ ผมเลยเบาแรงไปเยอะเพราะปันช่วยดูแล” ภาสวรบอกบิดาก่อนหันมายิ้มให้ปัญญวัฒน์

“อาปันคับ เรนวาดสวยไหม” เด็กชายวิ่งเอาภาพที่วาดมาอวด

“สวยครับ ในภาพมีใครบ้างครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเด็กชายเพราะในกระดาษนั้นเต็มไปด้วยรูปคนมากมาย

“ตงนี้คุนปู่คุนย่าลุงแสงอาวัน นี่เรนพ่อแล้วก็อาปันด้วยคับ” เด็กชายชี้ให้ปัญญวัฒน์ดูว่าใครเป็นใครในภาพ ทำเอาชายหนุ่มยิ้มอย่างเต็มตื้นที่เห็นภาพนั้น

“ไหนขอพ่อดูบ้างซิ” ภาสวรรับภาพจากปัญญวัฒน์มาดูก่อนบอกลูกชายที่เงยหน้ามองเขา

“สวยมาก น้องเรนเก่งมากครับ” ภาสวรลูบผมลูกชายเบาๆ

“อาหารเสร็จแล้ว น้องเรนไปล้างมือกับย่าก่อนนะครับ” คุณลาวัลย์กวักมือเรียกหลานชาย

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วพวกเขาย้ายไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อพูดคุยกันต่อ มีแต่น้องเรนที่แยกไปอาบน้ำกับพี่เลี้ยง

“พรุ่งนี้แม่กับพ่อจะกลับเชียงรายแล้วแม่ฝากปันดูแลน้องเรนด้วยนะ” คุณลาวัลย์หันมาพูดกับปัญญวัฒน์

“ครับ”

“แม่ครับต้องฝากผมมากกว่า เพราะผมต้องดูแลปันกับลูกอยู่แล้วน่า” คำพูดของภาสวรทำให้ปัญญวัฒน์ตกใจ หน้าเริ่มซีดใจเต้นแรง

“แต่แม่เห็นปันดูแลแกกับลูกมากกว่ามั้ง ปันเองก็อย่าตามใจพ่อลูกคู่นี้มากนัก ไม่งั้นเราเองจะปวดหัวเอาได้นะ” คุณลาวัลย์หันมาสั่งสอนปัญญวัฒน์ ชายหนุ่มรู้สึกอึ้งพูดไม่ออก

“ปันเป็นอะไรไป” คุณลาวัลย์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่งเงียบไป

“คือๆ...” ปัญญวัฒน์พยายามเรียบเรียงคำพูด

“ปันไม่ต้องกังวลไปนะ พ่อกับแม่ทราบเรื่องของเราทั้งคู่แล้ว ตอนแรกก็ตกใจบ้าง แต่เห็นแบบนี้พ่อกับแม่ก็หัวสมัยใหม่เหมือนกันนะ” คุณสุริยะพูดกับชายหนุ่ม เขาเห็นท่าทางของปัญญวัฒน์ก็พอจะเดาออกว่าชายหนุ่มเป็นอะไร

“ตาภาคนี่เราไม่ได้บอกปันเหรอว่ามาคุยกับพ่อแม่แล้ว” คุณลาวัลย์หันไปดุลูกชาย มิน่าปัญญวัฒน์ถึงได้เกร็งๆฝืนๆ ไม่เป็นตัวของตัวเอง

“ผมอยากให้ปันมารับรู้ด้วยตัวเองจะดีกว่า”

“แล้วถ้าผมเครียดจนเป็นลมไปก่อนล่ะครับ” ปัญญวัฒน์หันมาถามภาสวรด้วยน้ำเสียงเคืองๆ

“นั่นซิ ทำอะไรไม่คิดเลยนะตาภาค” คุณลาวัลย์เห็นด้วยกับปัญญวัฒน์

“ปันไม่ต้องกังวลนะ เอาเป็นว่าพ่อกับแม่รับรู้ว่าทั้งคู่คบหากัน” คุณสุริยะพูดให้ชายหนุ่มสบายใจ แววตาที่มองอย่างปราณีทำให้ปัญญวัฒน์ใจชื้นขึ้นมา

“พ่อกับแม่ยินดีต้อนรับ มาเป็นลูกแม่อีกคนนะปัน” ปัญญวัฒน์สบตาท่านทั้งสองก่อนยกมือไหว้คนทั้งคู่

“ขอบคุณมากครับ” ปัญญวัฒน์น้ำตาคลอ เขาดีใจจริงๆ

“ส่วนเราตาภาคดูแลน้องดีๆล่ะ” 

“แม่ไม่ต้องบอกผมก็ทำอยู่แล้วล่ะครับ น้องเรนมาแล้วเหรอ” ภาสวรเรียกลูกชายที่กำลังเดินเข้ามา

“เรนอาบน้ำเสร็จแล้ว” เด็กชายเข้ามายืนข้างๆปัญญวัฒน์

“ไหนขออาดูหน่อยซิ” ปัญญวัฒน์หอมแก้มเด็กชายที่ทาแป้งขาวไปทั้งหน้าด้วยความหมันเขี้ยว

“มาให้พ่อหอมบ้าง” ภาสวรเรียกลูกชายให้มาหา เพราะน้องเรนเกาะติดปัญญวัฒน์ไม่ยอมห่าง

กว่าปัญญวัฒน์จะขอตัวกลับบ้านก็ดึกมากแล้ว เพราะเด็กชายจะตามชายหนุ่มมาด้วย จนผู้เป็นย่าต้องยื่นเข้ามาช่วย

“น้องเรนไม่อยากนอนกับย่าเหรอ พรุ่งนี้ย่าก็จะกลับเชียงรายแล้วนะ”

“ก็ได้คับ” เด็กชายรับคำด้วยเสียงอ่อยๆ ทั้งที่เขาอยากอยู่กับอาปันให้นานกว่านี้แท้ๆ

“เอาไว้พรุ่งนี้พ่อพาไปนอนค้างกับอาปันนะ” ภาสวรบอกลูกชายที่ทำท่าทางหงอยๆ

“จริงนะ พุ่งนี้เรนได้ไปนอนกับอาปัน” เด็กชายเงยหน้ามองผู้เป็นพ่ออย่างคาดหวัง

“จริงครับ พ่อสัญญาว่าจะพาไป” ภาสวรสัญญากับลูกชาย


---- a little cupid ----


“ปันโกรธพี่หรือเปล่า ที่ไม่ได้เล่าเรื่องพ่อกับแม่ให้ปันฟัง” ภาสวรเอ่ยถามขณะขับรถไปส่งชายหนุ่มที่บ้าน

“ไม่โกรธครับ แต่พี่ภาคทำผมเครียด” จะว่าไปแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่พ่อแม่ของภาสวรยอมรับในตัวเขา

“พี่ขอโทษนะ” ภาสวรจุมพิตหลังมือของชายหนุ่มเบาๆก่อนจับไว้ไม่ปล่อย

“พี่ภาค” ปัญญวัฒน์ใจเต้นแรงรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า

“เวลาที่เราอยู่กันสองคนนี่สั้นจังนะ” ภาสวรบ่นออกมาเบาๆ

“เราก็ได้เจอกันอยู่ทุกวันนะครับ” วันหยุดภาสวรก็พาลูกชายมาหาเขาที่บ้าน

“เวลาที่ใช้ร่วมกันมันน้อยไป อยากอยู่ด้วยกันมากกว่านี้” ปัญญวัฒน์ได้แต่นิ่งเงียบ เขาเข้าใจความรู้สึกของภาสวร ชายหนุ่มมีความกล้ามากกว่าเขา กล้าที่จะบอกความสัมพันธ์ให้ครอบครัวรับรู้ ในขณะที่เขาไม่มีความกล้าที่จะบอกครอบครัวของตัวเอง

“ปันเป็นอะไรไป” ภาสวรหันมามองชายหนุ่มที่นั่งเงียบ จนเขาแปลกใจ

“พี่ภาคผมขอโทษ”

“ขอโทษเรื่องอะไร บอกพี่ได้ไหม” ภาสวรถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ผมยังไม่บอกเรื่องของเรากับครอบครัวของผม ไม่ใช่ไม่มั่นใจในตัวพี่ แต่ผม” ปัญญวัฒน์อึกอักไม่กล้าพูดออกมา เขารู้สึกละอายใจ

“ไม่เป็นไรปัน พี่รอได้ อยากคิดมากเลย” ภาสวรลูบผมนุ่มของปัญญวัฒน์

“เหมือนผมกำลังเอาเปรียบพี่ภาคอยู่เลย”

“ไม่หรอก ถ้าปันไม่สบายใจคิดว่าติดหนี้พี่อยู่แล้วกันนะ”

“พี่ภาคขี้โกง” ความจริงเขาเกือบจะคล้อยตามอยู่แล้วถ้าไม่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของภาสวร

“หึหึ”

ปัญญวัฒน์อุ่นวาบขึ้นในอก ภาสวรทำให้เขาเชื่อมั่นตราบใดที่เรายังกุมมือกันอยู่ไม่มีอะไรต้องกลัว หลังจากนั้นไม่นานภาสวรก็ขับรถมาจอดหน้าบ้านของเขา

“ขอบคุณครับพี่ภาค ถึงบ้านแล้วอย่าลืมส่งข้อความมาบอกนะครับ”

“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม” ภาสวรไม่ยอมปล่อยมือให้ชายหนุ่มเดินลงจากรถไป

“อะไรครับ” ปัญญวัฒน์ถามอย่างระแวง

ภาสวรไม่ตอบอะไรกลับชี้ที่แก้มของตัวเองแทน

“พี่ภาค” ปัญญวัฒน์รู้สึกเขินหน้าแดง

“ได้ไหมครับ” น้ำเสียงออดอ้อนจนเขาใจอ่อน ปัญญวัฒน์ยื่นหน้าไปหอมแก้มภาสวรอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบลงจากรถไป

“ขับรถดีๆนะครับ” ปัญญวัฒน์โบกมือลาก่อนถอยหลังเปิดประตูรั้วเข้าไปด้วยใจเต้นแรง


***************
ขอโทษนะคะ วันนี้มาค่ำไปหน่อย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และกำลังใจค่ะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 21 [25/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-03-2019 21:35:19
 :o8: หวานกันซะอิจฉา
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 21 [25/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-03-2019 21:50:34
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 21 [25/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 26-03-2019 09:47:58
นี่มันโรงผลิตน้ำตาลแล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 21 [25/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-03-2019 12:17:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 21 [25/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-03-2019 14:58:54
หวานจริงๆ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 21 [25/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-03-2019 19:36:11
 :man1:


 :L1: :pig4: :L1:

 o13
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 21 [25/3/62] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 28-03-2019 22:53:24
 :กอด1:
ดีต่อใจ
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 22 [1/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 01-04-2019 11:30:47
ตอนที่ 22

“เอ๊ะ นั่นมันลูกชายคุณภาคกับพี่เลี้ยง คุณภาคก็น่าจะอยู่แถวนี้ นี่พวกเด็กๆช่วยกันมองหากันหน่อยอย่ามัวแต่จ้องโทรศัพท์กัน”

“ภาคไหนคะพี่เมนี่” น้ำหวานเด็กในสังกัดเอ่ยถามผู้จัดการของตัวเอง

“คุณภาสวรเจ้าของแบรนด์กาแฟยักษ์ใหญ่ไง เห็นไหม เอ้ามองหาซิจ๊ะ” แมนสรวงพูดอย่างขัดใจ

“ไม่เห็นนะคะ เขาอาจจะไม่มาก็ได้” พริมโรสมองไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มเดินจากมาก็ไม่เห็นภาสวร

“จะไม่มาได้ไง ห้างหรูขนาดนี้พี่เลี้ยงคงมีปัญญาพาเด็กมาแค่สองคนหรอก” แมนสรวงพูดเสียงสะบัด ไม่ได้ดั่งใจเลยสักคน

“พี่เมนี่คะคุณภาคอาจให้เงินพี่เลี้ยงพาลูกชายเขามาก็ได้” พริมโรสพยักหน้าเห็นด้วยกับน้ำหวาน

 “อืม อาจเป็นแบบนั้น แหมเสียดาย เอาไว้เจอคืนนี้ก็ได้ วันนี้มีงานการกุศลแว่วๆว่าพวกไฮโซมากันเยอะ พวกเธอก็เตรียมตัวให้ดีล่ะ วันนี้ฉันจะพาออกงาน เผื่อจะเตะตาพวกไฮซ้อไฮโซหรือผู้จัดละครเหมือนอย่างยัยลูกพีช ไปสปากันเร็วยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมง งานนี้ฉันจะทำให้เธอสองคนเกิดให้ได้” แมนสรวงยิ้มอย่างหมายมาด

เสียงสนทนาของโต๊ะด้านหลังภายในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังทำให้เธออยากจะเบือนหน้าหนี ถ้าไม่ได้ยินชื่อภาสวรเสียก่อน จึงต้องหยุดฟังคำสนทนา ดูเหมือนใครๆก็เล็งพ่อม่ายลูกติดคนนี้อยู่หลายคน เมื่อโต๊ะด้านหลังลุกออกไปแล้ว หญิงสาวจึงเช็คบิลก่อนจะเดินไปยังร้านหนังสือและเครื่องเขียนชื่อดังที่ชายหนุ่มและเด็กชายเดินเข้าไป


“น้องเรน มากับใคร” เสียงเรียกเด็กชายทำให้ปัญญวัฒน์หันไปมองพร้อมกับเด็กชาย

“ว่าไงคะน้องเรน ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ” น้ำเสียงเย็นๆเอ่ยขึ้นอีก ปัญญวัฒน์ก้มมองเด็กชายที่เบียดตัวเข้ากับขาของเขาพร้อมทั้งจับชายเสื้อเขาไว้แน่น

“หึ เจอกันไม่คิดจะทักทาย ยกมือไหว้ก็ไม่มีไม่รู้สอนกันมายังไง” หญิงสาวจ้องเขม็งมาที่ปัญญวัฒน์อย่างไม่พอใจ

“เอ่อ สวัสดีครับ ขอโทษแทนน้องเรนด้วยครับ ไม่ทราบว่าคุณคือใครกัน” ปัญญวัฒน์ถามหญิงสาวอย่างอึดอัด

“นี่ เป็นพี่เลี้ยงเด็กยังไงถึงไม่รู้จักญาติของเจ้านาย ไม่มีมารยาท นึกว่ามีพี่เลี้ยงเป็นผู้ชายแล้วจะดีขึ้น กลับแย่ยิ่งกว่าเก่า” สายตาที่มองเหยียดตั้งแต่หัวเท้า

 ปัญญวัฒน์รู้สึกงงตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้เข้ามาทักจนบัดนี้เขายังไม่รู้เลยว่าเธอคนนี้เป็นใครต้องการอะไร เอาแต่ว่าเอาว่าเอา

“น้องเรนครับ น้องเรนรู้จักคุณอาคนนี้ไหมครับ บอกอาปันหน่อยครับว่าคุณอาคนนี้เป็นใคร” ปัญญวัฒน์นั่งคุกเข่าพร้อมโอบเด็กชายไว้ก่อนเอ่ยถาม ในเมื่อถามผู้ใหญ่ไม่ได้คำตอบถามกับเด็กน่าจะพูดรู้เรื่องกว่า

“นี่แก กล้าดียังไงที่เมินฉัน” พราวรุ้งชี้หน้าปัญญวัฒน์อย่างโมโห เสียงพูดของเธอค่อนข้างดังทำให้ผู้คนเริ่มหันมามอง เด็กชายกอดคอชายหนุ่มไว้แน่น ทำให้ปัญญวัฒน์ต้องอุ้มน้องเรนไว้ก่อนลุกขึ้นยืน

“ผมไม่ได้เมินคุณนะครับ แต่ผมไม่รู้จักคุณ ถามว่าคุณคือใครคุณก็ไม่ตอบ ผมจึงจะถามน้องเรนแทน น้องเรนครับตกลงคุณอาคนนี้เป็นใครครับ” ปัญญวัฒน์ตอบหญิงสาวก่อนหันมาถามเด็กชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“น้ารุ้ง” เด็กชายเรนพึมพำออกมาเบาๆ

“งั้นเหรอครับ น้องเรนรู้จัก อาปันเคยสอนแล้วว่าเจอคนที่รู้จักควรทำอย่างไรครับ”

“สวัสดีคับ” เด็กชายยกมือไหว้พราวรุ้งอย่างกล้าๆกลัวๆ

“เก่งมากครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยชม

“เรน ตกลงมากับใคร พ่อมาไหม” พราวรุ้งถามเด็กชายน้ำเสียงห้วน

“ไม่มาคับ” เด็กชายตอบด้วยน้ำเสียงเบา จนหญิงสาวเริ่มโมโห

“พูดอะไรไม่ได้ยิน พ่อเรามาหรือเปล่า หรือไปหาผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ใหม่ถึงได้ทิ้งเราไว้กับพี่เลี้ยงแบบนี้”

“คุณครับ คุณไม่ควรพูดแบบนั้นกับเด็กนะครับ” ปัญญวัฒน์พยายามสะกดอารมณ์พูดดีๆกับพราวรุ้ง

“ทำไม ทำไมจะพูดไม่ได้ อีกหน่อยเด็กนี่ก็ถูกทิ้ง เมื่อพ่อมีแม่ใหม่ลูกใหม่ไม่แคล้วเป็นแค่หมาหัวเน่าตัวนึงเท่านั้น”

“ไม่จริง พ่อไม่ทิ้งเรน ฮึกๆ” เด็กชายเริ่มใจเสีย ร้องไห้ออกมา

“ครับๆ คุณพ่อไม่ทิ้งน้องเรน เราไปหาคุณพ่อกันนะครับ” ปัญญวัฒน์ปลอบเด็กชายพร้อมพาเดินออกมาโดยไม่สนใจพราวรุ้งที่ยืนอยู่

“นั่น จะไปไหน แกจะเดินหนีฉันไปไม่ได้นะ ฉันจะฟ้องพี่ภาคให้ไล่แกออก ได้ยินไหม” เสียงโวยวายดังขึ้นด้านหลัง แต่ปัญญวัฒน์ก็ไม่สนใจ ตอนนี้ความรู้สึกน้องเรนสำคัญกับเขามากกว่าคนอื่น


---- a little cupid ----

“น้องเรนไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวอาปันโทรหาคุณพ่อให้นะ” ปัญญวัฒน์ปลอบโยนน้องเรนที่สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจมาตลอดทางก่อนพาเด็กชายเดินผ่านลานจอดรถมาที่โรงแรมชื่อดังติดกับห้างสรรพสินค้าหรู

หลังจากที่หาที่นั่งในล็อบบี้ได้แล้วชายหนุ่มก็เอามือถือออกมากดปิดการบันทึกข้อความจากแอฟ Voice Memos ก่อนโทรหาภาสวร โชคดีนะที่เขาไม่ได้ลบแอฟนี้ออกไปหลังเรียนจบ ไม่คิดว่าจะได้ใช้มันอีก เพราะครั้งสุดท้ายที่ใช้คือการบันทึกเสียงอาจารย์ที่ปรึกษาที่ให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับงานวิจัยของเขา หลังจากเรียนจบเขาไม่ได้ใช้อีกเลย

ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาทักปัญญวัฒน์กำลังตอบไลน์กลุ่มเพื่อนพอดี พอได้ยินเสียงทัก เขาเหลือบไปเห็นแอฟ Voice Memos เลยตัดสินใจกดมันก่อนหย่อนเข้ากระเป๋ากางเกง ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลใจให้เขาใช้แอฟนี้ หวังว่าเสียงที่บันทึกนี่จะมีประโยชน์อยู่บ้างนะ

“ปัน น้องเรน เกิดอะไรขึ้นครับ” เมื่อเห็นตาแดงๆจมูกแดงๆของลูกชาย ภาสวรเข้าไปนั่งข้างๆคว้าเด็กชายเข้ามากอดไว้

“พ่อไม่ทิ้งเรนใช่ไหม” เด็กชายเอ่ยถามปนสะอื้น

“ไม่ได้ทิ้งครับ พ่อไปเอาชุดให้น้องเรนไงครับ คืนนี้เราจะไปงานกับอาปัน หรือว่าน้องเรนไม่อยากไป” พอรู้ว่าคืนนี้ปัญญวัฒน์จะมางานการกุศลแทนพี่ชาย เขาเลยจะไปด้วยทั้งๆที่ฝากเช็คไปกับเพื่อนสนิทแล้ว เมื่อพาปัญญวัฒน์กับลูกชายมาส่งที่ห้างหรูที่จัดงาน ภาสวรจึงกลับไปเอาเสื้อผ้าเพื่อมาเปลี่ยนในตอนเย็น ตอนที่ปัญญวัฒน์โทรหาเขาบอกว่าเกิดเรื่องขึ้นนั้นเขาอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนี้

“อยากไปคับ” อาปันบอกไปทำงานแทนลุงเปรมแต่พ่อว่าเขาไปด้วยได้

“งั้นคนเก่งบอกพ่อหน่อย ว่าน้องเรนร้องไห้ทำไมครับ” ภาสวรถามลูกชายอย่างใจเย็น เพราะปัญญวัฒน์บอกแค่ว่าเกิดเรื่องกับน้องเรนให้เขารีบมาจะรอที่ล็อบบี้ของโรงแรมเท่านั้น

“...” เด็กชายนิ่งเงียบไม่ตอบผู้เป็นพ่อ ปัญญวัฒน์วางมือบนเข่าภาสวร เมื่อเขาหันมาปัญญวัฒน์ได้แต่ส่ายหน้า

“น้องเรนง่วงนอนไหม ได้เวลานอนกลางวันแล้วด้วย ไปนอนกันดีกว่านะ ตื่นมาแล้วอาจะพาไปทานไอศกรีม” ปัญญวัฒน์พูดกับเด็กชาย

“ให้พ่อพาไปนอน” เด็กชายกอดคอบิดาเอาไว้แน่น

“ได้ครับ พ่อพาไปเอง” ภาสวรเดินไปที่รีเซฟชั่นเอากุญแจห้องพักที่เขาฝากพสุธาจองไว้ให้ พร้อมส่งกุญแจรถให้ปัญญวัฒน์ไปเอาของแทน



 “หลับแล้วเหรอครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามภาสวรที่เดินออกจากห้องนอนมา

“หลับแล้ว ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น” ภาสวรนั่งลงโซฟาเดียวกับชายหนุ่ม

“คือ ...” ปัญญวัฒน์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ภาสวรฟัง ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปจนเขากลัว

“พี่ภาคใจเย็นๆนะครับ” ปัญญวัฒน์คว้ามือที่กำแน่นของภาสวรมาลูบเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นน่ารังเกียจที่สุด” เขาไม่มีวันอภัยให้เธอ และจะไม่ยอมให้พราวรุ้งเข้าใกล้ลูกชายเขาได้อีก

“ก็แค่คนที่มีจิตใจอิจฉาริษยาคนหนึ่งน่ะครับ คนแบบนี้เห็นใครได้ดีไม่ได้ ชอบว่าร้ายใส่ไฟคนอื่น อย่าไปสนใจเขาเลยครับ” พวกดีแต่ปากเท่านั้น ปัญญวัฒน์อยากจะพูดแบบนั้นออกมา แต่การพูดจาร้ายๆนั้นก็สร้างบาดแผลในใจให้เด็กชายเสียแล้ว

“ไม่สนไม่ได้ พี่จะจัดการไม่ให้เธอมายุ่งกับน้องเรนอีก ปันบอกว่าอัดคำพูดของพราวรุ้งไว้ใช่ไหม ส่งให้พี่หน่อย”

“ไม่รู้จะชัดไหม เพราะว่าผมใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ไม่ได้ถือไว้ด้านนอก” เขาเองก็ยังไม่ได้เปิดฟัง กะไว้ว่าถึงบ้านจะลองอัพโหลดไฟล์แล้วค่อยฟัง

“ชัดไม่ชัดก็ส่งมาก่อน พี่อยากฟัง” ภาสวรพอจะเดาได้ว่าพราวรุ้งคงพูดจาแย่ๆกว่าที่ปัญญวัฒน์เล่าให้ฟังมากนัก

“ได้ครับ กลับบ้านแล้วผมจะส่งให้”

“ส่งเลยเดี๋ยวพี่จัดการเอง” ภาสวรสบตาชายหนุ่ม ปัญญวัฒน์จึงรีบส่งไปให้ทันที

“เสร็จแล้ว งั้นเราไปนอนกลางวันกับน้องเรนกันดีกว่า” ภาสวรฉุดให้ปัญญวัฒน์ลุกขึ้นเพื่อเดินเข้าไปในห้อง

“เดี๋ยวซิพี่ภาค เป็นเด็กเหรอครับถึงได้นอนกลางวัน”

“ไม่ได้เหรอพี่แค่อยากนอนกอดปันเท่านั้นเอง” พูดจบภาสวรก็พาปัญญวัฒน์ไปนอนข้างลูกชาย ก่อนนอนลงข้างๆพร้อมกอดชายหนุ่มเอาไว้ ปัญญวัฒน์รู้สึกมึนงงปรับอารมณ์ตามภาสวรไม่ทัน

---- a little cupid ----

ห้องจัดงานขนาดใหญ่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อต้อนรับแขกผู้ใจบุญที่ถูกรับเชิญมาในงาน ผู้ที่บริจาคเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้แก่ยี่สิบห้าโรงพยาบาลในชนบทห่างไกลความเจริญ เนื่องจากงบประมาณที่จัดสรรไม่เพียงพอต่อโรงพยาบาลที่ห่างไกล ทางมูลนิธิจึงจัดงานขึ้นมาเพื่อรับบริจาค นักข่าวช่างภาพหลายสำนักได้รับเชิญมาร่วมงานต่างก็เก็บภาพและสัมภาษณ์ดารานักแสดงที่มาร่วมวิ่งการกุศลที่จัดไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เหล่าไฮโซที่บริจาคเงินจำนวนมาก

 ปัญญวัฒน์เดินเข้างานมาพร้อมภาสวรและลูกชาย ชายหนุ่มมีความประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากโดนช่างที่พลอยลดาส่งมาจับแต่งตัวเซตผมผิดไปจากทุกที พี่สะใภ้ให้เหตุผลว่าเขาเป็นตัวแทนของครอบครัวเลยต้องดูดีเป็นพิเศษ แถมในงานมีเซเลบมากันหลายคนเขาจะไปแบบจืดชืดไม่ได้เด็ดขาด

“กว่าจะมาได้นะ โห น้องเรนหล่อจังครับ อาดินสู้ไม่ได้เลย” พสุธาเอ่ยแซวหลานชาย

“สวัสดีคับ อาดิน” เด็กชายยกมือไหว้ทักทายเมื่อเห็นปัญญวัฒน์ไหว้พสุธา

“สวัสดีค่าคุณดินคุณภาค นี่น้องพริมโรสกับน้องน้ำหวานค่ะ” ผู้จัดการดาราเดินปรี่มาหาคนทั้งคู่ทันทีที่เห็น พร้อมแนะนำเด็กใหม่ในสังกัดให้ทั้งคู่รู้จัก

“สวัสดีครับคุณแมน เมนี่” พสุธารีบเปลี่ยนชื่อเรียกทันทีที่เห็นสายตาแมนสรวง

“น้องลูกพีชอยู่ด้านหลังเตรียมเดินแบบค่ะ คุณดินจะไปหาไหมคะเดี๋ยวเมนี่พาไป” แมนสรวงเข้ามาเกาะแขนชายหนุ่มเอาไว้

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมรอดูอยู่ข้างหน้าดีกว่า”

“คุณดินเนี่ยน่ารักจัง” แมนสรวงหยิกแก้มชายหนุ่มเบาๆ

“เดี๋ยวผมขอเข้าไปด้านในก่อนนะครับ ลูกชายผมท่าทางจะเมื่อยแล้ว” ภาสวรเอ่ยขอตัวก่อนช้อนตัวน้องเรนขึ้นมาอุ้มไว้

“คุณภาคนี่ใจดีจังนะครับ พาพี่เลี้ยงเด็กมาร่วมงานด้วย” แมนสรวงมองตามภาสวรไปอย่างขัดใจ

“พี่เลี้ยงเด็ก” พสุธาเอ่ยอย่างงงๆ

“ก็ผู้ชายที่เดินตามคุณภาคไงคะ แหมดูแต่งเนื้อแต่งตัวทัดเทียมเจ้านาย” ไม่รู้ภาสวรจะพามาด้วยทำไม ให้เลี้ยงลูกอยู่บ้านน่าจะดีกว่า

“อ๋อ เหรอครับ คนเรานี่ดูแต่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้นะครับ” พสุธาบอกออกมา เขาไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดอะไร เดี๋ยวทุกคนคงจะทราบเองว่าปัญญวัฒน์เป็นใคร

พิธีกรหนุ่มหล่อสาวสวยเดินออกมากล่าวต้อนรับแขกที่มาในงาน พร้อมเปิดการแสดงร้องเพลงและแฟชั่นโชว์ ปัญญวัฒน์ส่งข้อความถึงศรัณว่าอยู่ที่ไหน พวกเขานัดเจอกันในงานแต่ชายหนุ่มยังไม่เจอเพื่อนเลย

“ปันมองหาใครอยู่” ภาสวรที่นั่งข้างๆเอ่ยถามขึ้น

“รันครับบอกว่าจะมาด้วยยังไม่เห็นเลย ไลน์ถามก็ไม่อ่าน อ๊ะ ตอบแล้ว” ปัญยวัฒน์อ่านไลน์เพื่อนอย่างโล่งใจเพราะศรัณนั่งอยู่ด้านหลังกับทัพฟ้าและพงศ์กร ตัวแทนแต่ละบ้านมากันครบแล้ว

“แล้วรันอยู่ไหนเหรอ” ภาสวรเอ่ยถามพลางชะโงกหน้าอ่านข้อความที่ปัญญวัฒน์ยื่นให้ดู

“ทางมูลนิธิต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่ร่วมบริจาคทุกท่านเลย ทางเรามีของที่ระลึกพิเศษมอบให้ผู้ใจบุญที่บริจาคเงินจำนวนหนึ่งล้านบาทขึ้นไปนะครับ” เสียงประกาศรายชื่อขึ้นไปรับของที่ระลึกดังขึ้นเรื่อยๆจนมาถึง

“คุณพสุธา แสงศศินา นอกจากเอื้อเฟื้อที่จัดงานแล้วยังบริจาคสองล้านบาทค่ะ ผู้บริจาครายต่อไป ยอดบริจาครายละ ห้าล้านบาท มีสี่รายค่ะ รายแรกบริจาคในนามครอบครัววิชิตดำรง ตัวแทนรับของที่ระลึกคือคุณทัพฟ้า วิชิตดำรง รายที่สองครอบครัววัชรเมธีสกุล คุณพงศ์กร วัชรเมธีสกุล รายที่สามครอบครัวภูริเมธานนท์ ส่งทายาทคนรองคุณศรัณ ภูริเมธานนท์ รายสุดท้าย ครอบครัวศิวะรันธร ส่งทายาทคนสุดท้องคุณปัญญวัฒน์ ศิวะรันธร มาค่ะ เอ๊ะนั่นหนุ่มน้อยน่ารักนั่นใครกันเอ่ย”

เสียงประกาศของพิธีกรสาวสะดุดลงทำให้ปัญญวัฒน์ที่รับของที่ระลึกแล้ว รีบเดินมายืนด้านหลังกับพี่ๆเพื่อนๆคนอื่นๆเพื่อรอถ่ายรูปรวม จึงหันมาเห็นเด็กชายเรนเดินขึ้นมาบนเวที นอกจากแปลกใจยังไม่ทันได้คิดอะไร เด็กชายก็เดินมายืนข้างๆพร้อมจับมือเขาแน่น

“สวัสดีครับ หนูชื่ออะไรครับ” พิธีกรชายเดินถามเด็กชายพร้อมดึงตัวออกไปด้านหน้าเพื่อให้คนในงานได้เห็น น้องเรนจับมือเขาไม่ยอมปล่อย ทำให้ปัญญวัฒน์ต้องเดินมาด้วย เมื่อพิธีกรยื่นไมค์มาให้เด็กชายก็พูดแนะนำตัวอย่างไม่กลัว

“ชื่อเด็กชายพงศ์วิรุณ สุธาภิวัฒน์ครับ พ่อให้เอานี่มาให้คับ” น้องเรนพูดจบก็ยื่นกระดาษใบเล็กให้พิธีกร

“คุณภาสวร สุธาภิวัฒน์บริจาคสมทบสองล้านบาทซึ่งก่อนหน้านี้บริจาคในนามครอบครัวมาแล้วสามล้านบาท ขอเสียงตบมือด้วยครับ” พิธีกรชายอ่านจำนวนเงินในเช็คที่บริจาคให้กับมูลนิธิ ประธานจึงมอบของที่ระลึกให้เด็กชาย ปัญญวัฒน์สะกิดบอกเจ้าตัวให้ไปรับของที่ระลึก น้องเรนเดินเข้าไปยกมือไหว้ก่อนวิ่งมาหาเขาที่ยืนด้านหลังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากถ่ายรูปเสร็จเขาก็พาน้องเรนเดินมาหาภาสวรที่มายืนรออยู่ไม่ไกลเวทีมากนัก โดยมีคนอื่นๆเดินตามมาไม่ห่าง ดูเหมือนหลายๆคนจะเอ็นดูเด็กชายอยู่ไม่น้อย

“ลูกมึงนี่แย่งซีนคนเดียวเลย” พสุธาเอ่ยแซว

“มันแน่อยู่แล้ว ก็ลูกกูนี่” ภาสวรลูบหัวลูกชายเบาๆอย่างภูมิใจ ท่าทางเด็กชายจะชอบ ตอนที่เห็นปัญญวัฒน์ลุกขึ้น น้องเรนหันมาถามเขาว่าอาปันไปไหน พอรู้ก็บอกจะไปด้วย เขาจึงเอาเช็คที่เตรียมไว้ส่งให้ก่อนบอกว่าถ้ามีใครถามบนเวทีก็เอานี่ส่งให้อาปันหรืออาดินก็ได้ แต่ไม่คิดว่าลูกจะส่งให้พิธีกรบนเวทีแทน

“เออ แบบนี้ก็ดีแล้ว หึๆ” พสุธาหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเหลือบเห็นแมนสรวงมองมาเพื่อรอจังหวะเข้ามาหาพวกเขา งานนี้มีคนหน้าแตกเสียหน้ากันยกใหญ่เลยทีเดียว ก็บอกแล้วไงว่าอย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่งั้นจะมีคำว่าผ้าขี้ริ้วห่อทองเหรอ



***********************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และกำลังใจค่ะ
เจอกันอังคารหน้าหลังวันหยุดยาวนะคะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 22 [1/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 01-04-2019 12:51:31
 :katai1: เป็นน้าที่น่าตบ พูดกับเด็กแบบนั้นได้ยังไง
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 22 [1/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-04-2019 13:06:38
 :m31:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 22 [1/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-04-2019 13:53:09
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 23 [9/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 09-04-2019 21:20:16
ตอนที่ 23

“งานเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง” ปาลิดาเอาน้ำมาให้น้องชายเอ่ยถามขึ้น

“ดีครับ คนเยอะมาก แล้วนี่พี่ปาอยู่คนเดียวเหรอ” ปัญญวัฒน์หันไปมองรอบๆห้อง วันนี้เขามาหาปาลิดาที่คอนโด เพราะหลังแต่งงานพี่สาวของเขาก็ย้ายมาอยู่ที่นี่กับสามี

“ใช่ วันนี้พี่รุตเข้าเวรเช้า ปันมีอะไรหรือเปล่า” ปาลิดารู้สึกว่าน้องชายมีอะไรผิดแผกไปตั้งแต่โทรหาเธอเมื่อเช้า

“ปันมีเรื่องน้องเรนมาปรึกษา” ปัญญวัฒน์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้พี่สาวฟัง ก่อนที่เขาจะมาหาปาลิดา ชายหนุ่มได้โทรบอกภาสวรพร้อมขออนุญาตเล่าเรื่องเด็กชายให้พี่สาวฟังแล้ว

“เฮ้อ พี่รู้สึกว่าพวกเราโชคดีนะ ที่ไม่มีญาติพี่น้องที่อิจฉาริษยากัน” ปาลิดารู้สึกสงสารเด็กชาย ไม่น่าเชื่อว่าเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ดีจะมีเรื่องราวที่บีบคั้นจิตใจได้ขนาดนี้

“พี่ภาคบอกว่าจะจัดการคุณพราวรุ้ง แต่ผมห่วงความรู้สึกน้องเรน” ปัญญวัฒน์รู้ดีว่าถ้ามีอะไรฝังใจแล้วยากที่จะลืมไปได้

“พี่อยากให้น้องเรนคุยกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องจิตวิทยาเด็กโดยเฉพาะ แม้ว่าพี่จะเรียนมาทางด้านนี้อาจไม่เชี่ยวชาญเท่ากับคนที่ทำงานทางด้านนี้โดยตรง” ปาลิดาก็อยากช่วยเหลือนักเรียนของตัวเอง

“ผมจะลองคุยกับพี่ภาคดูครับ”

“ถ้าคุณภาคอนุญาต พี่จะติดต่อรุ่นพี่ที่เรียนมาด้วยกัน นัดมาคุยที่โรงเรียนน่าจะดีน้องเรนจะได้ไม่กดดันด้วย”

“ดีครับ เดี๋ยวผมโทรคุยกับพี่ภาคเลย” ปัญญวัฒน์บอกพี่สาว พร้อมแยกตัวไปโทรหาภาสวร

“พี่ปา พี่ภาคโอเค พี่ปาจัดการได้เลย เรื่องค่าใช้จ่ายค่าเดินทางไม่ต้องเกรงใจคิดมาได้ตามสะดวก”

“จ้า พี่จะได้ติดต่อเขาให้”

หลังจากพูดคุยเรื่องน้องเรนจนจบแล้ว ปัญญวัฒน์สูดลมหายใจเรียกความมั่นใจ ก่อนหันมาสบตาพี่สาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม ท่าทางกล้าๆกลัวๆของชายหนุ่มทำให้ปาลิดาเริ่มเอะใจว่าน้องชายตัวเองน่าจะมีอะไรมากกว่าเรื่องน้องเรน

“ปันรู้ใช่ไหมว่ามีอะไรพูดกับพี่ได้ทุกเรื่อง แม้ว่าพี่จะช่วยอะไรปันไม่ได้แต่พี่สามารถรับฟังปันได้นะ” ปาลิดาเปิดใจกับน้องชายก่อน

“คือว่า ปันมีเรื่องจะสารภาพ” ปัญญวัฒน์อึกอัก ถึงปาลิดาจะพูดแบบนั้น เขาก็อดกลัวไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้ว่าพี่สาวจะมองอย่างไร จะยอมรับหรือไม่ แม้ว่าอยากจะทอดเวลาออกไป แต่อีกใจก็คิดว่าถ้าไม่พูดวันนี้วันหน้าก็ต้องพูดอยู่ดี ชายหนุ่มสูดลมหายใจอีกรอบเพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเองก่อนพูดออกไปว่า

“ตอนนี้ปันคบกับพี่ภาคอยู่ครับ”

“...”

“พี่ปา อย่าเงียบซิ ปันใจคอไม่ดี” ปัญญวัฒน์หน้าเสียที่เห็นพี่สาวนิ่งเงียบไป

“พี่เองไม่ว่าอะไรหรอกนะ เรื่องความรักมันห้ามกันยาก อีกอย่างพี่เองมีเพื่อนที่รักชอบเพศเดียวกันหลายคน แต่พี่อยากถามปันว่า ปันแน่ใจดีแล้วเหรอ เพราะในสังคมบ้านเราคนที่ยอมรับเรื่องพวกนี้มีน้อยมากนะ พี่กลัวว่าปันจะเจอคนที่คิดต่างทำร้ายด้วยคำพูดและการกระทำ ถ้าใจของปันและคุณภาคไม่หนักแน่นพอคงผ่านไปได้ยาก” ปาลิดาบอกในสิ่งที่เธอกังวล หญิงสาวไม่อยากเห็นน้องชายโดนทำร้าย สมัยนี้การทำร้ายคนด้วยคำพูด ทำร้ายผ่านโซเซียลนี่น่ากลัวที่สุด

“ปันทราบดีครับพี่ปา แต่ปันอยากให้โอกาสตัวเองให้โอกาสพี่ภาคได้เดินไปด้วยกันครับ”

“ถ้าปันคิดแบบนั้น พี่เป็นกำลังใจให้ ว่าแต่เราบอกพี่เปรมหรือยัง” ลำพังตัวเธอเองนั้นปัญญวัฒน์ชอบใครเธอพร้อมสนับสนุนและยืนเคียงข้างน้องเสมอ แต่พี่ชายคนโตนี่ซิรักปัญญวัฒน์มาก แถมยังวางแผนแผ้วถางปูทางให้น้องชายเดินแบบไม่มีสะดุด เมื่อปัญญวัฒน์พร้อมเข้ามารับช่วงต่อในอนาคตเป็นที่เรียบร้อย

“ยังครับ ปันอยากบอกพี่ปาก่อน” ปัญญวัฒน์บอกด้วยเสียงอ่อยๆ

“หวังให้พี่ช่วยเป็นทัพหน้าให้ใช่ไหมเนี่ย” ปาลิดายิ้มให้น้องแบบรู้ทัน

“ก็ใช่ส่วนนึง แต่ปันอยากให้พี่รู้คนแรกจริงๆนะ” ปัญญวัฒน์เดินมานั่งโซฟาเดียวกับพี่สาวพร้อมโอบกอดปาลิดาเอาไว้

“อืม รู้แล้วไม่ต้องมาอ้อนเลย จะบอกพี่เปรมเมื่อไหร่ล่ะ วันนี้เลยไหมพี่จะได้ไปด้วย” ปาลิดาเสนอตัวเข้าไปช่วยเหลือ

“วันนี้เลยเหรอ” ปัญญวัฒน์ยังไม่ทันเตรียมใจที่จะไปเผชิญหน้ากับพี่ชายตอนนี้

“เดี๋ยวนะ ขอพี่โทรหาพลอยว่าพี่เปรมว่างไหม ขอเช็คอารมณ์พี่เปรมก่อน” ปาลิดาบอกน้องชาย เธออยากจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพื่อให้ปัญญวัฒน์สบายใจไม่ต้องเครียดต่อไปอีก

ปัญญวัฒน์มองตามพี่สาวที่เดินออกไปโทรหาพลอยลดาเพื่อสืบข่าวพี่ชายของเขา ใจหนึ่งเขายังไม่อยากพูดคุยกับพี่ชายตอนนี้ แต่อีกใจก็อยากจะพูดอยากจะบอกไปให้มันจบๆจะได้ไม่ต้องอึดอัดกันต่อไป

“พี่เปรมไปพบลูกค้ากลับเย็นๆ เดี๋ยวเราไปที่บ้านกันดีกว่า จะได้อยู่เป็นเพื่อนพลอยและน้องฟ้าด้วย” ปาลิดาบอกพร้อมเอ่ยชวน เธอห่วงพลอยลดาที่กำลังท้องแปดเดือนกว่าต้องอยู่บ้านกับลูกสาวสองคน แม้จะมีคนรับใช้อยู่ด้วยก็น่าเป็นห่วงอยู่ดี

“เดี๋ยวแวะซื้อขนมของโปรดไปฝากน้องฟ้าด้วยนะ” ปัญญวัฒน์พยักหน้ารับพี่สาวก่อนที่เธอจะเดินไปเปลี่ยนชุด

---- a little cupid ----

ทันทีที่เห็นอาๆเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่ได้ยินเสียงรถเด็กหญิงอิงฟ้าก็วิ่งโผเข้าไปหาทันที

“สวัสดีค่ะอาปาอาปัน” เด็กหญิงตาวาวเมื่อเห็นถุงขนมในมืออาหนุ่ม

“สวัสดีค่ะน้องฟ้า ทำอะไรอยู่คะ” ปาลิดากอดหลานสาวพร้อมทั้งหอมแก้มทั้งสองข้างอย่างคิดถึง

“ดูเจ้าหญิงกับคุณแม่ค่ะ” เด็กหญิงหมายถึงการ์ตูนดิสนีย์เจ้าชายเจ้าหญิงที่ตัวเองชอบดู

“งั้นเราไปหาคุณแม่กันดีกว่า” ปาลิดาจูงหลานสาวเข้าไปห้องนั่งเล่นข้างสระน้ำที่มีพลอยลดานั่งอยู่ในนั้น

“ไปไหนกันมา ถึงมาด้วยกันได้” พลอยลดาทักเพื่อนสนิท เธอทราบว่าเมื่อเช้าปัญญวัฒน์ออกไปข้างนอกแต่เช้าทั้งๆที่เป็นวันหยุด คิดว่าไปร่วมก๊วนเพื่อนสนิทเหมือนอย่างทุกที

“ปันไปหาที่คอนโด คุยกันสักพักก็โทรหาพลอยนั่นแหละ พอรู้ว่าอยู่กับน้องฟ้ากันสองคนก็อพยพมานี่ เอ่อ ซื้อขนม กับข้าวมื้อกลางวัน และของทานเล่นแบบที่พลอยชอบมาหลายอย่างเลย เดี๋ยว เด็กๆคงยกมา หิวกันหรือยัง นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว” ปาลิดาอธิบายให้รู้เสียยืดยาว ตอนที่โทรหานั้นเธอบอกว่าจะมาทานมื้อกลางวันด้วย เจออะไรก็รีบซื้อมาก่อน กลัวว่าเพื่อนกับหลานจะหิ้วท้องรอนาน

“พอดีทานขนมไปตอนสิบโมงกว่าๆ เลยยังไม่หิว”

“งั้นดีเลย ไปทานข้าวกลางวันกันเถอะ” ปาลิดาพยุงพลอยลดาให้ลุกขึ้นก่อนเดินไปสมทบปัญญวัฒน์ที่โต๊ะทานข้าว โดยมีเด็กหญิงนั่งมองชายหนุ่มกับพี่เลี้ยงเด็กจัดจานอยู่

หลังทานอาหารเสร็จปัญญวัฒน์นั่งเล่นกับหลานสาวอยู่ในห้องนั่งเล่น ส่วนปาลิดาไปพูดคุยกับพลอยลดาให้หายคิดถึง เพราะตั้งแต่ปาลิดาย้ายไปอยู่คอนโดก็ไม่ได้เจอตัวกันอาศัยโทรศัพท์พูดคุยกันเท่านั้น

“อาปันขา เมื่อไหร่น้องจะออกมาคะ” เด็กหญิงอิงฟ้าถามขึ้นมาหลังจากที่เห็นโฆษณาเด็กอ่อนในโทรทัศน์

“อีกไม่นานหรอกค่ะ น้องฟ้าอยากเจอน้องแล้วเหรอ”

“ใช่ค่ะ ฟ้าอยากเล่นกับน้อง” ปัญญวัฒน์ลูบหัวหลานสาวเบาๆ

“พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้ว น้องฟ้าก็จะได้เจอเพื่อนได้ไปเล่นกับเพื่อนแล้วค่ะ”

“อาปัน ทำไมเรนไม่มาบ้านเราวันนี้ล่ะ” เด็กหญิงถามหาเพื่อนเล่น

“น้องเรนมาเมื่อวานแล้วไง แต่น้องฟ้าไปกับคุณตาคุณยายจำได้ไหม” ปัญญวัฒน์บอกหลานสาว เมื่อวานเขายังจำได้ว่าเด็กทั้งคู่ยังเจอกันแป๊บนึง ก่อนที่คุณตาคุณยายของเด็กหญิงจะมารับไปเที่ยวข้างนอก เพราะพลอยลดาต้องไปหาหมอตามกำหนดกับเปรมณัช

“จำได้ค่ะ แต่ฟ้าอยากให้เรนมาเล่นกับฟ้าวันนี้อีก” เด็กหญิงทำหน้ายู่เล็กน้อย ที่วันนี้ไม่มีเพื่อนเล่นเหมือนอย่างเคย

“พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้ว ไม่งอแงนะครับ เอาเป็นว่าเรามาหาการ์ตูนดูกันดีไหม น้องฟ้าอยากดูเรื่องอะไรเดี๋ยวอาเปิดให้ดู” ปัญญวัฒน์ปลอบหลานสาว ความจริงเขาก็เห็นใจเด็กหญิงอยู่เหมือนกัน เนื่องจากพลอยลดาเป็นคุณแม่ใกล้คลอดทำให้ดูอุ้ยอ้าย เล่นกับลูกสาวไม่ได้มากเหมือนแต่ก่อน วันนี้คุณพ่อติดลูกค้าด่วนที่เพิ่งจะบินมาถึงเมื่อคืน แถมเพื่อนเล่นไม่มาอีกเด็กหญิงเลยเหงา

“เอาเรื่องนี้ค่ะ” หลังจากที่ค้นหาแผ่นหนังการ์ตูนที่อยากดูได้ เด็กหญิงยื่นแผ่นให้ปัญญวัฒน์

“ได้ค่ะ” ชายหนุ่มเปิดหนังการ์ตูนแอนิเมชั่นเหล่าภูตตัวสีฟ้าให้หลานสาว

---- a little cupid ----

“สวัสดีค่ะน้องฟ้า อ้าวปัน อยู่บ้านด้วยเหรอวันนี้” เปรมณัชเอ่ยทักลูกสาวก่อนหันมาทักน้องชายที่นั่งดูการ์ตูนกันอยู่

“คุณพ่อกลับมาแล้ว” เด็กหญิงโผเข้ากอดบิดาเอาไว้

“สวัสดีครับพี่เปรม” ปัญญวัฒน์ทักทายพี่ชาย

“น้องฟ้าคุณแม่ไปไหนคะ” เปรมณัชพยักหน้าให้น้องชายก่อนหันมาถามลูกสาว

“อยู่กับอาปาค่ะ” เด็กหญิงชี้ไปยังห้องนอนด้านล่างที่อยู่ถัดไป ก่อนผละออกจากบิดามานั่งดูการ์ตูนต่อ

“ไม่เห็นรถปา ปามายังไงเหรอ” เปรมณัชหันมาถามน้องชาย

“ปันไปหาพี่ปาที่คอนโดมา พอรู้ว่าพี่พลอยอยู่กับน้องฟ้าสองคนเลยมาที่นี่ด้วย” ปัญญวัฒน์บอกเล่าที่มาที่ไปให้พี่ชายฟัง

“งั้นเหรอ” เปรมณัชพึมพำก่อนเดินไปหาพลอยลดาและน้องสาวที่ห้อง

หลังจากที่เปรมณัชเข้าห้องไปไม่นาน ปาลิดาก็เดินออกมาหาน้องชายทันทีพร้อมกับดึงตัวปัญญวัฒน์ให้กลับไปที่บ้านตัวเองอย่างเร่งรีบ

“ปันๆ น้องฟ้าขาอาปายืมตัวอาปันหน่อยนะคะ”

“มีอะไรหรือเปล่าพี่ปา”

“มี พี่อยากให้ปันคุยกับพี่เปรมวันนี้เลย อืม หลังมื้อเย็นก็ได้”

“คุยเลยเหรอ จะดีเหรอพี่”

“ดีแน่นอน เชื่อพี่ซิ” ปาลิดาตบไหล่น้องชายเบาๆเพื่อให้กำลังใจ ก่อนเข้าไปในครัวเพื่อดูว่าอาหารเย็นทำไปถึงไหนแล้ว

“เอาก็เอา” ปัญญวัฒน์เริ่มกลับมาใจตุ้มๆต่อมๆหายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้ง หลังจากที่อาการนี้หายไปเมื่อตอนบ่าย

---- a little cupid ----

หลังทานอาหารเย็นเสร็จปาลิดาขอคุยธุระกับเปรมณัช ซึ่งชายหนุ่มก็พาน้องทั้งสองไปที่ห้องทำงานเพื่อพูดคุยกัน ปัญญวัฒน์เริ่มหน้าซีดเดินตัวเกร็งตามพี่ทั้งสองเข้าไปในห้อง

“ปามีอะไรหรือเปล่า หรือชีวิตการแต่งงานมีปัญหาอะไร” เปรมณัชเอ่ยถามน้องสาวทันทีที่เข้าห้องมา

“ปาไม่มีปัญหาอะไรค่ะ” ปาลิดาหันไปมองหน้าซีดๆของน้องชายก่อนเอื้อมมือไปกุมมือที่ประสานอยู่บนตัก รู้สึกถึงความเย็นก็บีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

“อ้าว แล้ว...” เปรมณัชอุทานก่อนเงียบเสียงลงเมื่อเห็นน้องสาวหันไปมองน้องชายที่นั่งอยู่ข้างกัน ชายหนุ่มจึงหันไปมองน้องชายที่ดูจะเงียบกว่าปกติ

“ปันมีอะไรจะบอกพี่เปรมค่ะ” ปาลิดาเกริ่นนำ

“ปันมีอะไรหรือเปล่า” เปรมณัชมองหน้าซีดของน้องชายแล้วรู้สึกตกใจ ไม่รู้เรื่องราวเป็นมายังไง เกิดอะไรขึ้นกับน้องชายของเขา

“คือ ปัน” ปัญญวัฒน์หันไปสบตาพี่สาว ปาลิดาพยักหน้าเพื่อให้เขาพูด

“พี่เปรม ถ้าปันชอบผู้ชายพี่เปรมจะโกรธไหม” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามขึ้นเพื่อหยั่งเชิง พร้อมเงยหน้าสบตาพี่ชาย

“หึ ไม่โกรธ ปันจะบอกพี่ว่าปันชอบภาคใช่ไหม” เปรมณัชยิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยออกมา

“ใช่ครับ” ปัญญวัฒน์ยอมรับมองหน้าพี่ชายอย่างคาดไม่ถึง เขาไม่คิดว่าเปรมณัชจะรู้

“พี่ก็รออยู่ว่าเราจะมาบอกพี่เมื่อไหร่” คำพูดของเปรมณัชกระทบใจปัญญวัฒน์อย่างจัง

“พี่เปรมรู้ รู้ได้ยังไงครับ ตั้งแต่เมื่อไหร่” ปัญญวัฒน์ถามด้วยความประหลาดใจ

“เราเป็นน้องของพี่นะ ไม่ว่าปันจะทำอะไร หรือรู้สึกอะไรทำไมพี่จะไม่รู้ล่ะ” เปรมณัชไม่ได้บอกน้องชายว่าเขาให้คนคอยดูแลน้องทั้งสองคนอยู่ห่างๆ เพราะตั้งแต่เขาเข้ามาดูแลบริษัทกิจการของครอบครัวทำให้มีผู้เสียผลประโยชน์และจ้องเล่นงานครอบครัวของเขาอยู่ โชคดีที่คุณลุงกองทัพช่วยหาคนฝีมือดีคอยประกบน้องทั้งสองและภรรยาให้

“แล้วพี่เปรมไม่เสียใจเหรอที่ปันชอบผู้ชาย มีแฟนเป็นผู้ชายน่ะ” ปัญญวัฒน์ถามต่อ

“คบกันแล้วเหรอ” เปรมณัชคิ้วขมวด

“ครับ ผมกับพี่ภาคตกลงเป็นแฟนกันแล้ว” ปัญญวัฒน์ผ่อนลมหายใจทันทีที่พูดจบ เขารู้สึกโล่งใจที่ได้พูดออกไป

“สำหรับคำถามว่าพี่เสียใจไหม ก็มีรู้สึกบ้าง ปันโตแล้วรับผิดชอบตัวเองได้แล้วพี่เคารพการตัดสินใจของปัน แต่พี่จะขอให้เราเรียนต่อปริญญาโทตามที่เคยคุยกันไว้ ตอนนี้ปันทำงานมาครึ่งปีแล้ว คิดหรือยังว่าจะเรียนต่อทางด้านใด” เปรมณัชเข้าเรื่องที่เขาต้องการ ความจริงเขารอจังหวะจะเรียกน้องชายมาคุยเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว ติดอยู่ที่ไม่ว่าง เวลาไม่ตรงกันเลย

“ส่วนเรื่องเรากับภาคเพิ่งจะคบกันใช่ไหม” เปรมณัชถามต่อเมื่อเห็นปัญญวัฒน์นั่งเงียบไม่พูดอะไร

“ใช่ครับ”

“อืม ถึงขั้นไหนแล้ว”

“พี่เปรม” ปาลิดาเรียกพี่ชายอย่างตกใจ ในขณะปัญญวัฒน์อ้าปากค้างด้วยความอึ้งไม่คิดว่าเปรมณัชจะถามคำถามนี้

“อะไรปา ว่าไงปัน” เปรมณัชหันมาปรามปาลิดาก่อนหันไปคาดคั้นน้องชายต่อ

“ก็เพิ่งคบกัน ยังไม่ถึงไหน” ปัญญวัฒน์หน้าร้อนผ่าวที่ต้องตอบพี่ชาย

“ยังไม่มีอะไรกันใช่ไหม”

“โอ๊ย พี่เปรมทำไมถามอย่างงั้น” ปาลิดาครางออกมา ที่พี่ชายถามขึ้นมาโต้งๆ

“ทำไมจะถามไม่ได้” เปรมณัชหันไปมองหน้าน้องสาวที่ถอนหายใจออกมาราวกับสิ้นหวัง

"ผมกับพี่ภาคยังไม่มีอะไรกันครับ เพิ่งคบกันเอง” พูดไปก็อายไป ปัญญวัฒน์หน้าแดงหูแดงไปหมด

“ดีมาก เพราะพี่ยังไม่อนุญาต ออ บอกภาคด้วยว่าพี่มีเรื่องจะคุยด้วย”

“คุยอะไร” ปาลิดาและปัญญวัฒน์ถามออกมาพร้อมกัน

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากคุยด้วยในฐานะผู้ปกครองของเรานั่นแหละ อย่าลืมนัดให้พี่ด้วยล่ะ” เปรมณัชมองหน้าน้องทั้งคู่ก่อนเหยียดยิ้มเมื่อเห็นทั้งคู่สบตากันด้วยความหนักใจ ตอนที่รู้ว่าศรุตมาชอบพอปาลิดาเขาก็เรียกมาคุยเหมือนกัน แม้จะรู้จักสนิทสนมก็ไม่มีข้อยกเว้น น้องของใครใครก็รัก


**********************
วันนี้มาค่ำหน่อยนะ
พอดีวันหยุดไปเที่ยวเพิ่งกลับมาค่ะ
อาทิตย์หน้าเจอกันหลังวันหยุดสงกรานต์นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคอมเม้นท์
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 23 [9/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 09-04-2019 22:22:05
ตอนนี้น้องเรนไม่มา ค่าตัวน้องเรนเริ่มแพง55
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 23 [9/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 09-04-2019 22:37:25
เจอด่านหินซะแล้วคุณภาค สงสัยต้องให้น้องเรนมาช่วยอีกแรง
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 23 [9/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-04-2019 17:33:21
 :hao7:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 23 [9/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-04-2019 18:00:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 23 [9/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-04-2019 18:20:31
 :L2: :pig4:

ความรักคือการใส่ใจ น้องเรนโชคดีที่เจอปัน
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 23 [9/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-04-2019 21:30:16
 :hao3:เจอพี่หวงน้อง ต้องทำใจหน่อยนะพี่ภาค
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 24 [16/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 16-04-2019 14:24:00
ตอนที่ 24

ปัญญวัฒน์เดินไปมาอยู่หน้าห้องทำงานพี่ชาย เนื่องจากวันนี้ภาสวรเข้ามาคุยกับเปรมณัชหลังจากที่เขาบอกที่บ้านเรื่องการคบหากับภาสวร ชายหนุ่มอยากเข้าไปฟังด้วยแต่พี่ชายได้ห้ามไว้เพราะอยากจะคุยกับภาสวรแค่สองคน

“อาปันขา ดูนี่ซิคะ” เด็กหญิงอิงฟ้าเดินมาหาพร้อมอวดตัวต่อเลโก้เจ้าหญิงที่ภาสวรซื้อมาฝาก

“สวยค่ะ แล้วน้องเรนทำอะไรอยู่ครับ” ปัญญวัฒน์ถามเด็กชายที่ง่วนต่อเลโก้อยู่

“กำลังสร้างรถถังไปโจมตีปราสาทคับ” เด็กชายเงยหน้าตอบก่อนก้มหน้าก้มตาทำต่อไป

“ไม่ได้นะ นี่ปราสาทน้ำแข็งเจ้าหญิงแอลซ่าโจมตีไม่ได้” เด็กหญิงอิงฟ้าไม่ยอมพอรู้เพื่อนเล่นจะทำอะไรกับปราสาทของตัวเอง

“ได้ซิ รถถังโจมตีได้ ใช่ไหมอาปัน” เด็กชายหันมาถามปัญญวัฒน์

“ทำไมน้องเรนต้องมาโจมตีปราสาทด้วยล่ะ ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันเหรอครับ” ปัญญวัฒน์หันมาสอบถามเด็กชาย

“ถ้าอยู่ฝ่ายเดียวกันก็ไม่สนุก ต้องสู้กันถึงจะสนุก อาปันมาสู้กัน”

“ไม่เอาไม่สู้ซิ คุณพ่อบอกว่าเป็นเพื่อนกันต้องรักกัน เล่นด้วยกันดีๆ” เด็กหญิงอ้างถึงคำสอนของบิดา

“น้องเรนครับ น้องฟ้าเป็นผู้หญิงไม่ชอบเล่นต่อสู้ ไว้น้องเรนค่อยมาเล่นกับอาปันนะ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชาย เขาเข้าใจว่าน้องเรนอยากเล่นแบบเด็กผู้ชายมากกว่า

“ว้า น่าเบื่อ” เด็กชายหยุดเล่นตัวต่อ เขาไม่รู้จะทำอะไรต่อดี

“เบื่ออะไรกันคะ” ปาลิดาที่เดินเข้ามาได้ยินพอดีเอ่ยถามเด็กๆ

“คุนคู สวัสดีคับ/ สวัสดีค่ะอาปา” เด็กๆกรูเข้าหาปาลิดาด้วยความดีใจ

“สวัสดีค่ะ วันนี้อามีขนมกับไอศกรีมมาฝากด้วยนะ” ปาลิดายกถุงขนมของฝากยื่นให้พี่แก้วเอาไปจัดให้เด็กๆ

“แล้วคุณภาคล่ะ” ปาลิดากระซิบถามน้องชาย เธอรู้ว่าวันนี้เปรมณัชนัดภาสวรมาคุยด้วย

“อยู่ในห้องทำงานกับพี่เปรมยังไม่ออกมาเลย” ปัญญวัฒน์บอกอย่างวิตกกังวล เพราะภาสวรเข้าไปในนั้นชั่วโมงกว่าๆแล้ว

“...” ปาลิดาตบไหล่ปลอบใจน้องชายก่อนเดินไปดูเด็กๆที่โต๊ะอาหาร

“ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย คุณปันช่วยคุณพลอยด้วยค่ะ คุณพลอยเจ็บท้อง” พี่ส้มวิ่งมาหาชายหนุ่มอย่างตกใจ

“หา งั้นพี่ส้มไปอยู่กับพี่พลอยก่อนนะ เดี๋ยวผมไปตามพวกพี่ๆ” ปัญญวัฒน์บอกพี่เลี้ยงก่อนวิ่งไปเคาะประตูห้องทำงานพี่ชาย แล้วแจ้งข่าวให้เปรมณัชรู้

พอเปรมณัชทราบเรื่องก็วิ่งไปดูภรรยาทันที ปัญญวัฒน์วิ่งออกไปตามลุงชิตให้เตรียมรถพาพลอยลดาไปโรงพยาบาล ทุกอย่างดูเร่งรีบวุ่นวาย ปาลิดาตามพี่ชายและพี่สะใภ้ไปโรงพยาบาลด้วย โดยให้ปัญญวัฒน์อยู่กับหลานที่บ้าน

“แม่จะเป็นอะไรไหมคะ” เด็กหญิงอิงฟ้าเอ่ยถามชายหนุ่มเสียงอ่อย

“คุณแม่ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวรอคุณพ่อโทรมาก่อนแล้วเราไปหาคุณแม่และน้องกัน” ปัญญวัฒน์กอดหลานสาวตัวน้อยเอาไว้

“น้องเหรอคะ”

“ใช่จ้า น้องอยากออกมาข้างนอกแล้ว คุณแม่เลยไปคลอดน้องค่ะ” ปัญญวัฒน์พยายามอธิบายให้หลานตัวน้อยเข้าใจ

“น้องเหรอ เรนอยากมีน้องบ้างจัง” เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างๆเข้ามาเกาะแขนปัญญวัฒน์

“น้องฟ้าแบ่งให้น้องเรนเล่นกับน้องด้วยได้ไหมครับ” ภาสวรเอ่ยถามเด็กหญิงแทนลูกชาย

“ได้ค่ะ” เด็กหญิงตอบอย่างยินดี

“ไหนใครอยากว่ายน้ำกันนะ” ปัญญวัฒน์เบนความสนใจของเด็กๆไปที่อื่น ตอนแรกเขาจะให้เด็กๆนอนกลางวันกันก่อนแล้วค่อยเล่นน้ำตอนบ่ายแก่ๆรอให้แดดร่มกว่านี้หน่อย

“เรนคับ/ฟ้าค่ะ” เด็กทั้งคู่ยกมือตอบพร้อมกัน

“งั้นไปเปลี่ยนชุดกันเลย” ปัญญวัฒน์ส่งเด็กหญิงอิงฟ้าให้พี่เลี้ยงก่อนเดินนำเด็กชายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล

หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วเด็กๆก็สวมห่วงยางลงไปเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ไหนจะแผ่นโฟม ลูกบอล เป็ดยางตัวสีเหลืองที่เด็กหญิงอิงฟ้าขนมาลงสระอีก ทำให้สระว่ายน้ำเต็มไปด้วยของเล่นมากมาย โดยมีผู้ใหญ่คอยกำกับดูแลอยู่ข้างสระ ปัญญวัฒน์ไม่กล้าปล่อยให้เด็กทั้งคู่เล่นกันเองตามลำพัง เพราะอาจมีการฝ่าฝืนข้ามมายังสระที่ลึกกว่าได้ ลำพังหลานสาวของเขาพอจะห้ามกันได้แต่นี่มีเด็กชายเรนเป็นลูกคู่ด้วยแล้วเดี๋ยวจะพากันเล่นซนไปกันใหญ่

“ปันไม่ต้องกังวลไปหรอก ส้มก็อยู่” ภาสวรหมายถึงพี่เลี้ยงเด็กที่นั่งอยู่ไม่ไกล

“ผมกลัวว่าจะแอบลงไปที่ลึกๆโดยเราไม่ทันเห็น”

“ถึงไปก็มีห่วงยางที่สวมอยู่ไม่เป็นอะไรหรอก” มีพวกเขานั่งอยู่พวกเด็กๆคงไม่กล้าเล่นซน

“ผมอดห่วงไม่ได้นี่ครับ” ปัญญวัฒน์ย่นจมูกบอกออกมาเบาๆ

“ไม่ต้องห่วงหรอก เราอยู่ตรงนี้เกิดอะไรขึ้นไปทันอยู่แล้ว บางอย่างให้พวกเขาเรียนรู้ด้วยตัวเองน่าจะดีกว่านะ” ภาสวรนึกถึงวิธีการสอนของพ่อ ถ้าเขาดื้อห้ามไม่ฟังพ่อจะปล่อยให้เขาทำไป เพื่อให้เรียนรู้ด้วยตัวเองโดยมีพ่อคอยดูอยู่ห่างๆ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ไหวแล้วจึงยื่นมือมาช่วยเหลือ ทำให้เขาเห็นผลของมันว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่ห้ามปรามนั่นมันส่งผลอย่างไร ทำไมผู้ใหญ่ถึงห้าม ถ้าไม่เจ็บบ้างเราก็ไม่จำในสิ่งที่ทำ

“ครับ”

“เออ พี่เปรมบอกว่าปันจะไปเรียนต่อ ทำไมปันไม่บอกพี่เลย” ภาสวรเอ่ยถามอย่างตัดพ้อ วันนี้เปรมณัชพูดเรื่องเรียนต่อของปัญญวัฒน์กับเขา นี่เราต้องห่างกันคนละซีกโลกอย่างน้อยก็ปีสองปีเชียวนะทำไมปัญญวัฒน์ไม่คิดจะบอกกันบ้างเลย

“ปันสัญญากับพี่เปรมเอาไว้ว่าจะเรียนต่อปริญญาโท ตอนที่เรียนจบใหม่ๆปันไม่รู้จะเรียนต่อทางด้านไหนเลยหางานทำก่อน พอแน่ใจแล้วค่อยสมัครเรียนต่อ” ปัญญวัฒน์เล่าคร่าวๆให้ภาสวรฟัง

“แล้วตอนนี้ล่ะ ปันรู้แล้วเหรอจะเรียนต่อทางด้านไหน” ภาสวรรู้สึกใจหาย

“ปันอยากเรียนต่อทางด้านจิตวิทยาเด็ก วัยรุ่น และครอบครัว ปันคิดว่าทางด้านนี้ไม่เป็นเรื่องไกลตัว ขึ้นอยู่ว่าเราจะเห็นปัญหาเมื่อไหร่” ปัญญวัฒน์หันไปมองเด็กชายที่เล่นน้ำอยู่กับหลานสาวของเขา คนเราชอบพูดกันว่าเด็กยังเล็กไม่รู้เรื่องหรอก แต่ในความเป็นจริงแล้วเด็กเค้ารู้เรื่อง แถมรู้สึกผลกระทบได้มากกว่าผู้ใหญ่เลยทีเดียว

“งั้นเหรอ แล้วปันเลือกเรียนที่ไหน ไปสักกี่ปี” ภาสวรพอจะเข้าใจที่ปัญญวัฒน์เลือกเรียนทางนี้ ลูกชายของเขาเป็นหมากตัวหนึ่งให้ชายหนุ่มเลือกเดิน แต่กิจการทางบ้านของปัญญวัฒน์ก็เป็นตัวแปรให้ชายหนุ่มเลือกทำ

“ถ้าปันไปเรียนเมืองนอกสักสองปีพี่จะรอปันไหม” ปัญญวัฒน์หันมามองหน้าชายหนุ่ม

“รอซิ ยังไงพี่กับลูกก็รอปันอยู่แล้ว เดี๋ยวพอน้องเรนปิดเทอมพี่จะพาไปหาปันด้วยดีไหม” ภาสวรบอกดั่งคำมั่นสัญญาให้ปัญญวัฒน์มั่นใจ

“พี่ภาคสัญญาแล้วนะ”

“ครับพี่สัญญา”

“แค่นี้ผมก็สบายใจแล้วครับ ถ้าไม่ผ่านดุลยพินิจของประธานหลักสูตรและคณบดีบัณฑิตวิทยาลัยในมหาวิทยาลัย M ผมจะได้สมัครที่ต่างประเทศดู” ปัญญวัฒน์อมยิ้มก่อนเสมองไปยังเด็กๆไม่สบตาภาสวร

“เดี๋ยวนะ หมายความว่า... ร้ายจริงๆ” ภาสวรบีบจมูกปัญญวัฒน์อย่างหมันเขี้ยว ทันทีที่รู้ว่าชายหนุ่มหมายความว่าอย่างไร

“อื้อ พี่ภาค” ปัญญวัฒน์พยายามเบี่ยงตัวหนีคนขี้แกล้ง

“แล้วไม่กลัวพี่ชายเราว่าเอาเหรอ” ภาสวรเอ่ยถามต่อ เพราะเขาแน่ใจว่าเปรมณัชจะส่งน้องชายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแน่ๆ
“พี่เปรมขอให้ปันสัญญาว่าเรียนต่อปริญญาโท แต่ไม่ได้บอกว่านี่ต้องเรียนต่อต่างประเทศเท่านั้น ในเมื่อหลักสูตรที่ประเทศไทยก็มีจะไปเรียนที่ต่างประเทศให้เปลืองตังส์ทำไมจริงไหมครับ” ภาสวรยิ้มให้กับคำตอบของชายหนุ่ม เขาว่าเปรมณัชร้ายแล้ว แต่น้องชายนี่ร้ายกว่าพลิกแพลงหาช่องโหว่ทำให้ผู้เป็นพี่คัดค้านไม่ได้

“งั้นพี่จะช่วยภาวนาให้ทางมหาวิทยาลัยรับปันเข้าเรียนนะ เราจะได้ไม่ห่างกัน”

“นอกจากเรื่องเรียนต่อแล้ว พี่ภาคคุยอะไรกับพี่เปรมอีกครับ” ปัญญวัฒน์ถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้

“ไม่มีอะไรมาก แค่เรื่องผู้ชายคุยกัน” ภาสวรไม่อยากบอกให้ชายหนุ่มเป็นกังวล

“ผมเองก็เป็นผู้ชายนะ บอกมาเลยว่าคุยอะไรกันมั่ง” ปัญญวัฒน์หันมาจ้องหน้าคาดคั้นชายหนุ่ม

“หลักๆก็เรื่องเรียนต่อของปัน แล้วก็เรื่องปันต้องกลับมารับช่วงต่องานที่บ้านด้วย ส่วนเรื่องอื่นๆรอปันเรียนจบปริญญโทก่อนค่อยคุยกัน” ภาสวรพยายามพูดข้ามๆไป ใครจะกล้าบอกล่ะว่าเปรมณัชตั้งกฎเกณฑ์เอาไว้ราวกับปัญญวัฒน์เป็นผู้หญิง ถึงแม้ในความเป็นจริงเจ้าตัวเป็นฝ่ายเสียหายไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงก็ตาม

“แค่นี้แน่นะ” ปัญญวัฒน์พูดเสียงเข้มหลี่ตามองภาสวรราวกับจับผิด

“ครับแค่นี้” ภาสวรผ่อนลมหายใจออกเมื่อชายหนุ่มหันไปมองทางอื่น เฮ้อ ไม่ทันไรเขาก็กลัวปัญญวัฒน์แล้วเหรอนี่ ภาสวรอดที่จะยิ้มขันกับความคิดของตนเองไม่ได้


หลังจากที่เด็กๆเล่นน้ำกันเสร็จแล้ว ปัญญวัฒน์ให้นอนกลางวันกันก่อน ตื่นมาจะได้ไปโรงพยาบาลไปดูน้องสมาชิกใหม่ของบ้านศิวะรันธร เด็กชายเหนือฟ้า ดูเหมือนเปรมณัชจะดีใจมากนับตั้งแต่รู้ว่าจะได้ลูกชายก็นับวันอยากเจอเจ้าตัวน้อยเร็วๆ ฟังจากที่ปาลิดาโทรมาบอกเล่าให้ฟังก็รู้ว่าพี่ชายของพวกเขาเห่อลูกชายมากแค่ไหน

“ปันว่าควรจะซื้อพวกของใช้เด็กไปด้วยดีไหม” ภาสวรเอ่ยถามขณะแวะซื้อข้าวของเข้าไปฝากคนที่อยู่โรงพยาบาล เขาไม่รู้ล่วงหน้าเลยไม่ได้จัดเตรียมข้าวของไปเยี่ยมคุณแม่เพิ่งคลอดมาด้วย

“ไม่ต้องหรอกครับ พี่ปากับพี่เปรมคงมีแล้ว แค่อาหารกับข้าวมื้อเย็นพวกนี้ก็พอแล้วครับ” ปัญญวัฒน์บอกขณะรออาหารที่สั่ง

“อาปันขากินไอติมได้ไหมคะ” เด็กหญิงหันมาถามปัญญวัฒน์ขณะที่นั่งรออยู่

“วันนี้น้องฟ้าทานไอศกรีมที่อาปาซื้อมาฝากแล้วไงคะ เอาไว้ทานอีกพรุ่งนี้นะ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กหญิงที่มองร้านไอศกรีมตาละห้อย

“งั้นเดี๋ยวอาพาไปซื้อขนม แต่ต้องไปทานที่โรงพยาบาลนะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณอาน้องฟ้าจะรอนะครับ ไปกันไหมน้องฟ้าน้องเรน” ภาสวรเห็นท่าทางเด็กหญิงก็อดสงสารไม่ได้จึงชวนเด็กหญิงและลูกชายเขาไปเลือกซื้อขนมในร้านเบเกอรี่ที่อยู่ไม่ไกลแทน

“ไปคับ/ไปค่ะ” เด็กทั้งคู่จับมือภาสวรเพื่อไปซื้อขนม

“เดี๋ยวมานะ ปันจะเอาอะไรไหม” ภาสวรหันมาบอกชายหนุ่ม พร้อมถาม ปัญญวัฒน์ได้แต่ส่ายหัวเขาไปมาเป็นคำตอบก่อนอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นภาสวรเดินออกไปตามแรงดึงของเด็กๆที่อยากเข้าไปดูขนมในร้าน

---- a little cupid ----

“คุณพ่อขา ไหนน้องล่ะคะ” เด็กหญิงโผเข้าหาบิดาทันทีที่เห็นหน้า

“เบาๆค่ะน้องฟ้า คุณแม่หลับอยู่ค่ะ” เปรมณัชบอกลูกสาวก่อนหันมามองน้องชายและภาสวรที่หิ้วถุงอาหารมาวางบนโต๊ะเต็มไปหมด

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะน่ะปัน”

“กับข้าวมื้อเย็น แล้วก็ออเดอร์ของพี่ปา” ปัญญวัฒน์ตอบพี่ชาย ที่เขามาช้าเพราะซื้อของตามรายการของปาลิดานี่แหละ

“ปันมาแล้วเหรอ ไหนดูซิซื้ออะไรมาบ้าง” ปาลิดายกมือไหว้ภาสวรก่อนเดินมาดูข้าวของที่น้องชายซื้อมา

“พ่อแม่สวัสดีครับ” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้คุณวสันต์และคุณแพรชมพู พ่อแม่ของพลอยลดา

“คุณตาคุณยายสวัสดีค่ะ/ครับ” เด็กทั้งคู่ยกมือไหว้โดยไม่ต้องให้บอก

“ไหนมาให้ยายกอดหน่อย น้องฟ้าน้องเรน” คุณแพรชมพูดึงเด็กสองคนเข้าไปกอดพร้อมหอมแก้มยุ้ยๆของทั้งคู่

“พี่พลอยเป็นยังไงบ้างครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถาม เขารู้มาว่าเด็กตัวโตทำให้ต้องผ่าคลอด

“เพิ่งออกจากห้องพักฟื้นมาที่ห้องนี้ไม่ถึงชั่วโมง ลืมตามาพักนึงตอนนี้หลับต่อแล้ว ส่วนน้องเหนืออยู่ห้องเด็กอ่อนคุณหมอขอดูอาการก่อนเอามาให้ที่ห้อง ถ้าจะดูหลานก็แวะไปดูได้นะ” เปรมณัชอธิบายให้น้องชายฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข

“เดี๋ยวค่อยไปครับ” ปัญญวัฒน์บอกพี่ชาย พลางมองไปรอบๆ ตอนนี้เด็กๆไปรุมล้อมคุณยายเพื่อทานขนม ส่วนภาสวรก็ไปนั่งคุยกับคุณวสันต์อีกด้านนึง

“ปันค่าของเท่าไหร่” ปาลิดาเอ่ยถามขณะที่จะเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในห้องพักคนไข้

“พี่ภาคเป็นคนจ่ายไม่ใช่ปัน”

“อ้าว ไปให้เขาจ่ายให้ทำไม คุณภาคคะค่ากับข้าวนี่เท่าไหร่คะ” ปาลิดาเอ็ดน้องชายก่อนเดินไปหาภาสวร

“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าตอบแทนที่ผมรบกวนพวกคุณบ่อยๆ” ภาสวรปฏิเสธรับเงินหญิงสาว

“ถ้าคิดแบบนั้น เงินแค่นี้มันน้อยไปนะ” เปรมณัชเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของภาสวร

“พี่เปรม” ปาลิดาและปัญญวัฒน์เรียกพี่ชายเสียงดังพร้อมส่งสายตาเชิงห้ามปราม ทำเอาคุณวสันต์ที่นั่งอยู่หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง ไอ้โรคหวงน้องนี่แก้ไขยาก ทำอย่างไรคงไม่หายสักที น่าสงสารคนที่เข้ามาจีบน้องของเปรมณัชเสียจริงๆ


************************
สวัสดีค่ะ
สงกรานต์ไปเที่ยวไหนมาบ้างคะ
This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ จะจบแล้วนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม คอมเม้นท์ และ กำลังใจค่ะ

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 24 [16/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-04-2019 17:08:12
 :really2:  เจอคนหวงน้องก็จะลำบากหน่อยนะพี่ภาค
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 24 [16/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-04-2019 17:47:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 24 [16/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-04-2019 19:12:35
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 24 [16/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-04-2019 21:55:14
 เจอคนหวงน้องก็ลำบากหน่อยนะพี่ภาค
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 24 [16/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 21-04-2019 15:18:26
น้องมีแฟนก็ต้องสแกนก่อนเป็นธรรมดาจริงมั้ยพี่เปรม  :katai1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 24 [16/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 21-04-2019 20:45:37
พี่เปรมหวงน้องสุดๆ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 24 [16/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 22-04-2019 01:45:56
เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่านค่ะ

เนื้อเรื่องน่ารัก เดินเรื่องได้ดี อ่านเพลินมากเลยค่ะ   :hao3:

หลงรักทั้งน้องเรน น้องฟ้า น้องปันเลยค่ะ
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 25 [22/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 22-04-2019 10:47:58
ตอนที่ 25

ภาสวรมองดูข้าวของมากมายที่วางอยู่หน้าบ้านปัญญวัฒน์อย่างประหลาดใจ วันนี้ทางบริษัทของเขามีสัมมนาประจำปีที่ระยอง กิจกรรมนี้พนักงานในออฟฟิตทุกคนต้องเข้าร่วม เพื่อสานสัมพันธ์ในแต่ละแผนกให้รู้จักมักคุ้นกันมากขึ้น ภาสวรจึงมารับปัญญวัฒน์แต่เช้าเพื่อไประยองกับเขาโดยไม่ต้องไปกับรถบริษัทให้เสียเวลา อีกทั้งเมื่อคืนปัญญวัฒน์โทรมาขออนุญาตพาเด็กหญิงอิงฟ้าไปเที่ยวด้วย เพราะช่วงนี้พ่อแม่ของเด็กหญิงต้องคอยดูแลสมาชิกใหม่ เลยไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกสาวคนโต ปัญญวัฒน์เห็นเขาพาลูกชายไปด้วยเลยมาขออนุญาตพาหลานและพี่เลี้ยงไปเพิ่มด้วย

“อาปันไปเที่ยวกัน เรนอยากเห็นทะเลแล้ว” เด็กชายเรนวิ่งตามมาชักชวนให้ขึ้นรถ

“น้องเรนอย่าวิ่งครับ เดี๋ยวจุกเพิ่งทานอิ่มๆ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชาย

“ปัน ทำไมของเยอะแยะจัง เราไปแค่สองคืนเอง” ภาสวรเอ่ยถามทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้

“เอ่อ...”

“ก็ของปันของน้องฟ้า ของส้มและแก้วพี่เลี้ยงน้องฟ้าไง” เปรมณัชที่เดินน้องชายออกมาตอบแทน ปัญญวัฒน์ที่อึกอักพูดไม่ออก

“...” ภาสวรไม่พูดอะไรได้แต่หันไปมองหน้าปัญญวัฒน์ด้วยความงุนงง เมื่อคืนชายหนุ่มบอกแค่ว่ามีหลานสาวกับพี่เลี้ยงแค่สองคนตามไปเที่ยวด้วยแล้วอีกคนนี่มาจากไหนกัน หรือเขาฟังอะไรผิดไป

“ก็เห็นปันบอกว่าไปสัมมนากลัวว่าไม่มีคนช่วยดูแลเด็กๆ ส้มเป็นพี่เลี้ยงน้องฟ้าต้องไปอยู่แล้ว ก็ให้แก้วไปช่วยดูน้องเรนให้ไง หรือกลัวว่าคนไม่พอเดี๋ยวจะไปบอกป้านุชลุงชิตให้เก็บของตามไปอีก ออ ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวจ่ายค่าที่พักเพิ่มให้ แล้วถ้ากลัวนั่งรถไปกันไม่พอเดี๋ยวให้ปันเอารถที่บ้านไปกันก็ได้ นายก็ขับตามไปแล้วกัน หรืออย่างไรเอาแบบไหน” เปรมณัชเลิกคิ้วหันมาถามภาสวร ในขณะที่ปัญญวัฒน์ได้ยิ้มแหยๆให้กับเขา

“ไม่เป็นไรครับ เพิ่มแก้วแค่คนเดียวนั่งรถผมไปได้ เรื่องที่พักไม่ต้องห่วงผมจัดการให้เอง” ภาสวรกลั้นใจตอบเปรมณัช เขากลัวเหลือเกินเดี๋ยวจะมีคนเพิ่มขึ้นมาอีก

“งั้นก็ขอบใจนะที่พาลูกสาวฉันไปด้วย น้องฟ้าขาไม่ดื้อไม่ซนนะคะไปเที่ยวทะเลกับอาปันให้สนุกนะคะ” เปรมณัชบอกกับภาสวรก่อนหันมาพูดกับลูกสาวพร้อมโอบกอดเด็กหญิงเอาไว้

“ค่ะคุณพ่อ น้องฟ้าจะอยู่กับอาปันไม่ดื้อไม่ซนค่ะ” เด็กหญิงบอกบิดาอย่างดีใจ วันนี้พ่อของเธออนุญาตให้หยุดเรียนไปเที่ยวทะเลกับอาปันได้

 ภาสวรรู้สึกโชคดีที่ตัดสินใจเอารถเอสยูวีขนาดเจ็ดที่นั่งมาไม่งั้นเขาได้ขับไปคนละคันกับปัญญวัฒน์แน่ๆ หลังจากที่จัดของติดตั้งคาร์ซิสเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทาง

---- a little cupid ----

“ไปกันแล้วเหรอคะ” พลอยลดากำลังแต่งตัวให้ลูกชายที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเอ่ยถามเมื่อเห็นเปรมณัชเดินเข้ามาในห้อง

“อืม ไปกันแล้ว ไหนมาให้พ่ออุ้มหน่อยซิ” เปรมณัชตอบภรรยาก่อนหันมาเล่นกับลูกชาย

“ทำไมพี่เปรมต้องให้พี่แก้วไปเพิ่มด้วย แค่น้องฟ้ากับส้มก็เกรงใจคุณภาคจะแย่ ปันไปทำงานนะคะไม่ได้ไปเที่ยว” พลอยลดาบ่นออกมาเธอเพิ่งทราบจากป้านุชว่าเปรมณัชให้แก้วไปกับปัญญวัฒน์ด้วย

“ก็เพราะทำงานไง พี่เลยให้ส้มไปดูน้องฟ้า แก้วไปดูน้องเรนเด็กสองคนส้มคนเดียวเอาไม่อยู่หรอก พี่อุตส่าห์หวังดีนะ”

“แต่พี่ทำแบบนี้ไม่ถูกนะคะ แล้วคุณภาคจะคิดยังไง”

“จะคิดยังไงก็ช่างเขา ใช่ไหมครับน้องเหนือ” เปรมณัชพูดอย่างไม่สนใจว่าภาสวรจะเป็นอย่างไร เขาหันไปหยอกล้อเล่นกับลูกชายต่อ

“พี่เปรมอนุญาตให้คุณภาคคบกับปันแล้วนะคะ ทำไมทำแบบนี้ล่ะจะไปขัดขวางเขาทำไม” พลอยลดาถามออกมา เธอไม่เข้าใจสามีเอาซะเลยปากก็บอกว่ายอมแต่การกระทำมันขัดกันจนเห็นได้ชัด

“พลอยนั่นแหละไม่รู้อะไร นายภาคมันไว้ใจไม่ได้ พี่เห็นสายตาที่มองปันแทบจะกลืนกินเข้าไปอยู่แล้ว” เปรมณัชรู้สึกโมโหไม่ใช่น้อยที่ภรรยาเข้าข้างคนอื่น

“แล้วยังไงคะ ก็เขาเป็นแฟนกัน พี่เปรมนี่ยังไงกันกับยัยปาก็ทีนึงแล้ว ตอนนี้ยังจะมายุ่งกับปันอีก”

“ก็สองคนนั้นเป็นน้องของพี่นี่คะ จะว่าไปพี่ไม่ได้ขัดขวางปากับรุตเลยนะ” เปรมณัชรีบแก้ตัว

“ค่ะ ไม่ได้ขัดขวางเลย แค่เลื่อนงานแต่งงานออกไปสองสามปีเอง” พลอยลดาถอนหายใจ กว่าปาลิดาจะได้แต่งงานก็เจอฤทธิ์เดชพี่ชายไม่น้อย นี่ถ้าไม่ขู่ว่าจะเก็บกระเป๋าไปอยู่กับศรุตเองโดยไม่ต้องแต่งงานให้ยุ่งยาก ก็คงไม่ได้แต่งแน่ๆ

“ก็แหม ยัยปากับนายรุตรักกันตอนที่ไปเรียนต่อเมืองนอกกันทั้งคู่ พี่ก็กลัวว่าพอกลับเมืองไทยเจอสภาพแวดล้อมต่างไปจากเดิมถ้านายรุตไม่หนักแน่นพอยัยปาจะเสียใจเอาซิ พี่ก็อยากให้เรียนรู้กันให้แน่ใจเสียก่อนที่จะใช้ชีวิตร่วมกันน่ะ”

“โอ๊ย พลอยไม่พูดกับพี่เปรมแล้ว ส่งลูกมาค่ะ พลอยจะพาลูกไปนอน” พลอยลดาหมดปัญญาจะต้านทาน ดูเหมือนเปรมณัชจะมีเหตุผลร้อยแปดที่จะเข้าไปยุ่งกับชีวิตน้องๆ เธอได้แต่ภาวนาให้ภาสวรอดทนและผ่านด่านสามีเธอไปได้

---- a little cupid ----

เมื่อมาถึงที่พักภาสวรเข้าไปจัดการติดต่อรับกุญแจที่ประชาสัมพันธ์รู้สึกว่าพวกเขามาก่อนรถบัสของบริษัทที่แวะทานอาหารกลางวันก่อนที่จะเข้าโรงแรมที่พัก พนักงานพาพวกเขาไปยังวิลล่าสองห้องนอนสำหรับครอบครัว

“อาปันสระน้ำมีสไลเดอร์และเป็ดตัวใหญ่ด้วย” เด็กชายเรนวิ่งมาหาชายหนุ่มก่อนจะพาไปยังสระน้ำหน้าบ้านพัก

“อาปันฟ้าอยากเล่นน้ำ” เด็กหญิงอิงฟ้ามองสระว่ายน้ำด้วยสายตาวาว

“แดดยังร้อนอยู่เลย เอาไว้ตอนบ่ายค่อยเล่นนะครับ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กๆที่อยากเล่นน้ำเต็มแก่

“เดี๋ยวพี่ส้มพี่แก้วนอนกับน้องฟ้าห้องนี้นะครับ” ปัญญวัฒน์เปิดประตูห้องพักให้พี่เลี้ยงเอาของเข้าไปเก็บ บ้านพักที่นี่มีเตียงขนาดคิงไซด์ห้องละสองเตียง พี่ส้มกับหลานสาวเขาพักด้วยกันได้อย่างสบาย

“ค่ะคุณปัน แต่จะดีหรือคะ” ส้มมองห้องพักของตน ห้องนี้พักสี่คนได้อย่างสบายๆแถมไม่ได้แตกต่างจากห้องที่เจ้านายพักเลย

“มาเที่ยวทั้งทีพักให้สบายๆดีกว่าจะได้มีแรงรบกับเด็กๆ” ภาสวรตอบแทน

“ขอบคุณมากค่ะ” แก้วพยักหน้ารับคำก่อนนำของไปเก็บและจัดเข้าที่

“หิวกันหรือยัง ไปทานอาหารข้างนอกกันนะ” ภาสวรเอ่ยขึ้นหลังจากที่เก็บของสำรวจที่พักกันเรียบร้อยแล้ว

“หิวแล้วคับ” เด็กชายตอบขึ้นทันที

“งั้นไปกันเลย”

ภาสวรพาทุกคนมาร้านอาหารที่ไม่ไกลจากที่พัก รสชาติของอาหารน่าจะอร่อย เพราะรถที่จอดเรียงรายหน้าร้านน่าจะการันตีได้อยู่  เมื่อได้โต๊ะนั่งแล้วปัญญวัฒน์หันไปถามรายการอาหารที่อยากทานกับภาสวร พี่แก้วและพี่ส้มก่อนที่จะเรียกบริกรมาสั่งอาหาร

“ปลากะพงทอดน้ำปลา ปลาหมึกทอดกระเทียม ต้มยำทะเลน้ำใส ทอดมันกุ้ง ห่อหมกทะเล ข้าวผัดปู ข้าวเปล่าสองจานและน้ำเปล่า”

“รอสักครู่นะครับ” บริกรก้มหน้าเล็กน้อยก่อนเดินจากไป

รอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ ปลากะพงทอดน้ำปลา ปลากะพงสดทั้งตัว ตัวใหญ่ทอดกรอบมาก สามารถกินได้ตลอดทั้งตัว เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม ปลาหมึกทอดกระเทียม ปลาหมึกผัดแห้งแบบเค็มๆ หวาน ๆ โรยกระเทียมเจียว ต้มยำทะเลน้ำใส สดทั้งปลาหมึก ปลา และกุ้ง ทอดมันกุ้งก้อนกลมชิ้นใหญ่ ทอดสุกกรอบกำลังดี ข้าวผัดปูจานใหญ่ ข้าวเนื้อร่วน จัดเต็มเนื้อปูแกะเป็นชิ้น ๆ ห่อหมกทะเลไส้แน่นจนทะลักออกมาให้เห็น

“ดูหน้าตาน่าทานนะ” ภาสวรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะ

“แล้วรสชาติเป็นไงครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นภาสวรตักปลาหมึกขึ้นมาชิม

“อร่อย สมแล้วที่บอกอาหารแนะนำ” ภาสวรพยักหน้าอย่างพอใจ เพราะเมนูที่ปัญญวัฒน์สั่งมานั้นเป็นเมนูขึ้นชื่อแนะนำของร้าน

“เด็กๆเป่าก่อนนะ มันร้อนอยู่” ปัญญวัฒน์ตักทอดมันกุ้งวางบนข้าวผ้ดให้เด็กทั้งคู่โดยมีพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่

“อาปัน ฟ้าอยากกินไอติม” เด็กหญิงอิงฟ้าเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้ว

“เป็นไอติมกะทินะคะ ไม่มีรสช็อคโกแลตแบบที่น้องฟ้าชอบ” ปัญญวัฒน์หันมาพูดกับหลานสาวหลังจากที่มองไปรอบๆแล้วเห็นซุ้มไอศกรีมกะทิแบบโบราณ

“ได้ค่ะ” เด็กหญิงมองพนักงานที่ถือถ้วยไอศกรีมผ่านไป

“เรนกินด้วย” เด็กชายยกมือบอกปัญญวัฒน์อีกคน

“ทานข้าวให้หมดก่อนครับน้องเรน เดี๋ยวพ่อสั่งให้” ภาสวรหันมามองลูกชายที่ยังทานข้าวไม่ทันหมดจานก็ร้องเอาของหวานเสียแล้ว

“พี่แก้วพี่ส้มเอาด้วยไหมครับ คุณภาคล่ะเอาไหม” ปัญญวัฒน์หันมาถามผู้ร่วมโต๊ะ

“พี่ไม่เอา ปันสั่งกันเลย” ภาสวรปฏิเสธ

ปัญญวัฒน์ยกมือสั่งไอศกรีมมาห้าถ้วย ไอศกรีมกะทิเสิร์ฟมาในลูกมะพร้าวมีท๊อปปิ้งเป็นลูกชิด ข้าวเหนียว ข้าวโพด ฟักทองเชื่อม โรยด้วยถั่วลิสง แถมในเนื้อไอศกรีมยังมีเนื้อมะพร้าวและขนุนอีกตังหาก

“ทานไหม อร่อยนะ” ปัญญวัฒน์หันมาถามภาสวรที่มองเขาอยู่

“อืม” พอได้ยินคำตอบ ปัญญวัฒน์ยื่นถ้วยไอศกรีมส่งให้ แต่ภาสวรกลับจับมือเขาตักไอศกรีมเข้าปากตัวเอง

“พี่ภาค” ปัญญวัฒน์เอ็ดขึ้นเบาๆ ก่อนหันไปมองรอบๆว่ามีใครเห็นบ้างไหม

“อร่อยดี” ภาสวรตอบพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“ทานอิ่มแล้ว คิดเงินเลยแล้วกัน” ปัญญวัฒน์หันไปโบกมือเรียกบริกรให้มาคิดเงิน


หลังจากออกมาจากร้านอาหารแล้วปัญญวัฒน์บอกให้ภาสวรแวะตลาดเพื่อซื้อขนม ผลไม้ก่อนกลับเข้าที่พัก เมื่อมาถึงที่พักก็พบว่ารถบัสของบริษัทได้มาถึงแล้ว ทางผู้ดูแลมาบอกว่าสัมมนาจะเริ่มตอนบ่ายสองโมงที่ห้องประชุม พวกเขาจึงมาส่งพี่แก้วพี่ส้มและพวกเด็กๆที่บ้านพัก

“น้องฟ้าอยู่กับพี่ส้มไม่ดื้อไม่ซนนะ เดี๋ยวอาบน้ำนอนกลางวันก่อนเลยนะคะ ตื่นมาแล้วค่อยเล่นน้ำ” ปัญญวัฒน์บอกหลานสาว

“ค่ะ” เด็กหญิงรับคำก่อนยื่นมือให้พี่ส้มพาไปอาบน้ำ

“น้องเรนครับ เดี๋ยวพ่อไปประชุมกับอาปัน น้องเรนอยากไปด้วยไหม หรือจะอยู่ที่นี่กับน้องฟ้า” ภาสวรถามลูกชาย เนื่องจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญให้เขาอธิบายเด็กไปตรงๆว่าจะไปทำงานอะไรแบบไหนกับใคร ถ้าที่ไหนสามารถพาเด็กชายไปด้วยได้ก็ให้พาไป ให้เขารับรู้ว่าพ่อไปทำงานจริงๆนะ ไม่ได้ไปเที่ยวโดยทิ้งลูกไว้ที่บ้าน หรือถ้าเด็กชายร้องขออยากไปด้วย ก็ให้พาไปพร้อมคนดูแล เพื่อให้เด็กเข้าใจด้วยตัวเองว่าพ่อไม่ได้โกหกเขา เด็กจะเข้าใจเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

“เรนจะอยู่กับฟ้า อาปันเล่นน้ำได้หรือยังคับ” เด็กชายตอบบิดาก่อนหันมาถามชายหนุ่ม

“ยังครับ แดดยังร้อนอยู่ น้องเรนไปอาบน้ำนอนกลางวันก่อนนะครับ ตื่นมาแล้ว สักสี่โมงเย็นอาจะให้เล่นน้ำ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชาย

“งั้นมา เดี๋ยวพ่อพาไปอาบน้ำแล้วไปนอนกลางวันกับน้องฟ้า ตื่นมาจะได้ไปเล่นน้ำ” ภาสวรยื่นมือเข้าไปหาลูกชาย ก่อนจะจูงเข้าไปในห้องนอน


การสัมมนาของบริษัทเริ่มต้นจากผลงานที่ผ่านมา แผนการตลาดและเป้าหมายในปีนี้ และแบ่งกลุ่มเล่นเกมกระชับความสัมพันธ์แต่ละแผนก ซึ่งปัญญวัฒน์เองก็อยู่ฝ่ายบริหารเพราะอายุน้อยสุดทำให้ต้องเป็นตัวแทนเล่นเกมบ่อยๆ ราวๆบ่ายสี่โมงครึ่ง ก็ปล่อยให้ไปพักผ่อน ตอนหกโมงเย็นนัดเจอกันที่ห้องจัดเลี้ยงซึ่งกิจกรรมเย็นนี้มีการประกวดร้องเพลง เหล่าหนุ่มสาวเสียงดีของแต่ละแผนกได้ซุ่มซ้อมกันมาเพื่อเปิดตัวในคืนนี้โดยเฉพาะ

“ไม่รู้พี่แก้วกับพี่ส้มจะเอาทั้งคู่อยู่ไหม” ปัญญวัฒน์เอ่ยอย่างเป็นกังวลขณะที่กลับบ้านพัก

“เดี๋ยวก็รู้” ภาสวรอมยิ้มก่อนเปิดประตูเข้าไป

เสียงวีดร้องเสียงดังรอดเข้ามาก่อนที่จะเห็นตัว เด็กๆเล่นน้ำไล่จับเป็ดเป่าลมตัวใหญ่กันอยู่

“เล่นกันนานหรือยังครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามพี่แก้ว

“ประมาณสิบห้านาทีค่ะ”

“ให้เล่นอีกครึ่งชั่วโมงนะครับ เพราะหกโมงเย็นเราจะไปทานอาหารกัน” ปัญญวัฒน์ดูนาฬิกาก่อนนัดหมายเวลากับพี่ส้มเพราะภาสวรจะพาเด็กๆเข้าไปร่วมงานด้วย

หลังจากที่มองเด็กๆที่เล่นสนุกโดยมีพี่แก้วและพี่ส้มดูแลอยู่ไม่มีอะไรน่าห่วงปัญญวัฒน์จึงเข้าไปในห้องพักเพื่อจะอาบน้ำให้หายร้อนสักหน่อย ทันทีที่เปิดเข้ามาก็พบภาสวรนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเผยให้เห็นกล้ามเนื้อสมส่วนของคนสุขภาพดีบนตัวมีหยดน้ำเกาะอยู่ ชายหนุ่มรู้สึกหน้าร้อนผ่าวจนต้องเบือนหน้าหนีเดินเลี่ยงไปหยิบกระเป๋าเข้าไปในห้องน้ำ

 “อ้าว ปันจะเอากระเป๋าเข้าไปทำไม” ภาสวรถามขึ้นทันทีที่เห็น

“ผมของเยอะน่ะครับ เอาเข้ามาทั้งกระเป๋าสะดวกกว่า” เมื่อได้ยินคำตอบภาสวรก็ไม่ติดใจกลับมาแต่งตัวต่อ

อาหารมื้อเย็นเต็มไปความสนุกสนาน การประกวดร้องเพลงทำเอากรรมการรู้สึกหนักใจกันเป็นแถว ไม่คาดคิดว่าจะมีนักร้องเสียงดีอยู่ในบริษัทมากขนาดนี้ หลังจากขับเคี่ยวกันอย่างหนัก นักร้องจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็ได้รับรางวัลไปครอบครอง จากนั้นกิจกรรมวันแรกก็จบลงปล่อยให้แยกย้ายไปพักผ่อนกัน


เมื่อกลับมาถึงบ้านพัก ปัญญวัฒน์พาน้องเรนอาบน้ำล้างตัวเสร็จก็ปล่อยให้ไปเล่นกับเด็กหญิงอิงฟ้าที่อยู่อีกห้องหนึ่ง ส่วนตัวเขาก็กลับมาจัดการอาบน้ำใหม่อีกรอบเพราะรู้สึกเหนียวตัวจากไอของทะเล พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วจะไปรับน้องเรนกลับห้อง

“จะไปไหน” ภาสวรเดินเข้ามากอดปัญญวัฒน์เอาไว้

“ปล่อยก่อนพี่ภาค ผมจะไปรับน้องเรน” คนตัวเล็กกว่าพยายามผลักออกแต่สู้แรงภาสวรไม่ไหว

“เดี๋ยวก่อนก็ได้” ภาสวรหอมแก้มนุ่ม นานๆทีเขาจะมีโอกาสอยู่สองต่อสองกับปัญญวัฒน์

“อื้อ พี่ภาคนี่มันดึกแล้วเลยเวลานอนของน้องเรนแล้ว”

“นานๆที ไม่เป็นไรหรอก” ภาสวรกดริมฝีปากลงบนปากชายหนุ่ม หยอกเย้าโดยการจูบซับไปทั่วปาก ก่อนจะจูบแบบดูดดื่มกวาดชิมความหวานไปทั่ว ก่อนจะถอนริมฝีปากออก แต่ยังคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ

“พอแล้วครับพี่ภาค” ปัญญวัฒน์พูดเสียงสั่น

“ไม่เอาครับ นานๆเราจะอยู่ด้วยกันสองต่อสอง” ภาสวรวนเวียนจูบซ้ำๆมันช่างหวานหอมจนไม่อยากจะหยุด

“อาปัน” เสียงเรียกพร้อมกับประตูที่เปิดออกทำให้ปัญญวัฒน์สะดุ้งโหยง รีบดันอกภาสวรออก

“ครับ น้องเรน” ปัญญวัฒน์เดินมาหาเด็กทั้งสองที่หน้าประตูทันที

“อาปันอ่านนิทานให้ฟังหน่อยค่ะ” เด็กหญิงอิงฟ้ายื่นหนังสือนิทานให้ชายหนุ่ม ในขณะที่เด็กชายเรนก็วิ่งไปหยิบหนังสือนิทานของตัวเองมายื่นให้บ้าง

“ได้ครับ งั้นเราไปนอนห้องโน้นกันเดี๋ยวอาเล่านิทานให้ฟังนะ” ปัญญวัฒน์ชักชวนพวกเด็กๆไปอีกห้องหนึ่ง ขอเวลาให้เขาทำใจก่อนแล้วกันนะพี่ภาค

“อ้าว ปัน เดี๋ยวซิ” ภาสวรได้แต่ถอนใจที่คนตัวเล็กปิดประตูห้องหนีไปอย่างรวดเร็ว

ให้มันได้อย่างนี้ซิ น้องเรนไม่น่ามาขัดคอพ่อเลย



*************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และกำลังใจค่ะ
ช่วงนี้อากาศร้อนมาก ดูแลตัวเองด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 25 [22/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 22-04-2019 11:53:10
ตอนที่ 25 นี้ ขอตั้งชื่อว่า เมื่อกามเทพตัวน้อยกลายเป็นก้างชิ้นโต 55555  :hao3:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 25 [22/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-04-2019 12:30:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 25 [22/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-04-2019 15:50:25
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 25 [22/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 22-04-2019 22:13:06
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 25 [22/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-04-2019 23:43:54
 o18 ตอนนี้น้องเรนไม่ค่อยรู้ใจพ่อเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 25 [22/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-04-2019 00:26:21
  :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 25 [22/04/62] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 24-04-2019 21:57:31
พี่ชายปันนี่ร้ายจิงๆ แต่ลูกก็แอบร้ายนะแม้ว่าจะไม่รุ้ตัว สงสารพ่อมั้ยลูกมาขัดความหวานเค้าพอดีเป๊ะ
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 26 [29/04/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 29-04-2019 10:52:28
ตอนที่ 26

สัมมนาวันที่สองจัดกิจกรรมพาพนักงานไปเที่ยวสถานที่สวยๆสำคัญของจังหวัดระยอง ปัญญวัฒน์ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วยเพื่อกระชับความสัมพันธ์แต่ละแผนกโดยที่ภาสวรได้ขอตัวอยู่ที่รีสอร์ตกับพวกเด็กๆแทน

“พ่อคับเรนอยากเล่นน้ำ” เด็กชายเรนวิ่งมาหาภาสวรหลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จ

“เดี๋ยวค่อยเล่นนะ ไปเดินชายหาดก่อนเดี๋ยวค่อยมาเล่นน้ำกัน น้องฟ้าไปไหมครับ” ภาสวรหันมาถามเด็กหญิง เขาอยากให้อาหารเช้าที่ทานเข้าไปย่อยเสียก่อนค่อยให้ลงเล่นน้ำกัน

“ไปค่ะ” เด็กหญิงรีบตอบทันที เธออยากไปเดินที่ทะเลตั้งแต่เช้าแล้ว แต่พี่ส้มบอกให้มาทานข้าวเช้าก่อน

ภาสวรพาเด็กๆเดินเลี่ยงออกไปทางทะเลไม่อยากให้เห็นพนักงานที่กำลังขึ้นรถบัสเพื่อไปเที่ยวกัน แม้ว่าปัญญวัฒน์จะบอกเด็กสองคนไว้แล้วแต่เขาก็ไม่อยากเสี่ยงให้ทั้งคู่ร้องตามชายหนุ่ม

“พี่ส้ม ฟ้าอยากเล่นทรายได้ไหมคะ” เด็กหญิงกระตุกแขนพี่เลี้ยงเพื่อถาม

“เอ่อ ...” ส้มหันมาสบตากับพี่แก้วเพื่อขอความเห็น

“ให้เล่นเถอะ น้องฟ้าน้องเรนเล่นได้ครับ แต่อยู่แถวนี้นะห้ามไปไกล” ภาสวรเอ่ยอนุญาต พร้อมทั้งหาที่นั่งร่มๆให้พวกเด็กๆเล่นกัน โดยมีพี่เลี้ยงคอยดูอยู่ใกล้ๆ

“เย้ เรนไปสร้างปราสาทกัน” เด็กหญิงชวนเพื่อนเล่น

“แต่เราไม่มีที่ตักทราย” เด็กชายแย้งเพราะไม่ได้เอาอุปกรณ์มาด้วย

“เดี๋ยวพี่ไปหยิบมาให้ค่ะ น้องฟ้าอยู่กับพี่แก้วก่อนนะคะ” พี่ส้มบอกกับพวกเด็กๆ ก่อนกลับไปที่พักเพื่อหยิบอุปกรณ์เล่นทรายที่เตรียมไว้มาจากบ้าน

ภาสวรมองลูกชายที่นั่งเล่นทรายอย่างสนุกสนานอยู่บนฝั่ง เด็กชายเลี่ยงไม่ยอมเดินไปใกล้ทะเลแม้แต่น้อย คงจะฝังใจจากคราวที่แล้ว เห็นบอกว่าเหมือนทรายจะดูดให้จมเลยกลัวที่จะเดินไปใกล้ ถึงเด็กหญิงอิงฟ้าจะชักชวนให้ลงไปเล่นน้ำทะเลก็ไม่ยอมไปบอกว่าจะรอเล่นน้ำในสระทีเดียว เห็นเรนมีความสุขหัวเราะเล่นกับเพื่อนได้เขาก็เบาใจ ต้องขอบคุณปัญญวัฒน์และครอบครัวที่เอ็นดูและช่วยดูแลลูกชายของเขาเป็นอย่างดี

“พ่อคับเรนหิวน้ำ” เด็กชายวิ่งเข้ามาหาบิดาที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมชายหาด

“นี่ครับ พ่อสั่งน้ำส้มให้แล้ว น้องฟ้าหิวน้ำไหม แก้วส้มน้ำวางอยู่นี่นะ” ภาสวรส่งแก้วน้ำให้ลูกชายก่อนตะโกนเรียกเด็กหญิงพร้อมพี่เลี้ยง

“ขอบคุณค่ะอาภาค” เด็กหญิงยกมือไหว้ขอบคุณก่อนยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม

“ขอบคุณค่ะคุณภาค” แก้วกับส้มยกมือไหว้ภาสวรก่อนหยิบแก้วน้ำส้มของตัวเอง

“แดดเริ่มร้อนแล้ว เดี๋ยวเรากลับไปเล่นน้ำที่ๆพักกันดีกว่านะครับ” ภาสวรชักชวนเด็กๆ เพราะเห็นว่าคนเริ่มเยอะขึ้น แถวแดดเริ่มแรง ซึ่งเด็กทั้งคู่ก็เชื่อฟังแต่โดยดี น้องเรนและน้องฟ้าวิ่งไปเก็บอุปกรณ์ที่เล่นทรายก่อนวิ่งมาหาเขาเพื่อกลับบ้านพัก
ประมาณบ่ายสามปัญญวัฒน์ก็กลับมาจากเที่ยวพร้อมคนในบริษัท เด็กๆที่เล่นน้ำจนถึงมื้อกลางวันพอถึงเวลานอนกลางวันก็หลับอย่างหมดแรง

“หลับนานหรือยังครับพี่แก้ว” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามพี่แก้ว

“ประมาณชั่วโมงนึงได้ค่ะคุณปัน”

“งั้นให้นอนอีกหน่อย เห็นว่าเล่นน้ำจนหมดแรง”

“ใช่ค่ะ เล่นไม่ยอมขึ้นเลยค่ะ”

“เอาเถอะนานๆที” ปัญญวัฒน์ยิ้มด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นทั้งคู่หลับปุ๋ยข้างๆกัน


งานช่วงเย็นจัดที่ห้องอาหาร ภาสวรพาเด็กๆและพี่เลี้ยงมาร่วมงานไนท์ปาร์ตี้ด้วย โดยธีมงานเป็นแบบงานวัด ปัญญวัฒน์ใส่เสื้อเชิ้ตลายดอกปลดกระดุมมีเสื้อกล้ามสีขาวด้านในกางเกงยีนส์ขาสั้นมีผ้าขาวม้าคาดเอวซึ่งภาสวรเองก็ใส่ไม่ต่างจากเขาแค่ไม่มีผ้าขาวม้าเท่านั้น งานนี้มีวงดนตรีสดพร้อมทั้งการแสดงจากพนักงานแต่ละแผนกคั่นรายการ เด็กๆดูสนุกสนานทานอาหารได้มากขึ้น ช่วงเวลาสำคัญประกาศมอบรางวัล พนักงานดีเด่นประจำปี รางวัลประกวดร้องเพลง และรางวัล ประกวดการแต่งกายดีเด่นในค่ำคืนซึ่งแต่ละคนแต่งมาประชันกันสุดฤทธิ์ ซึ่งผู้มอบรางวัลดังกล่าวคือภาสวร เด็กชายเรนชอบใจมากถึงขนาดตามขึ้นไปบนเวทีกับภาสวรด้วย ช่วงสุดท้ายมีการจับรางวัลให้แก่ผู้โชคดีในงานซึ่งผู้โชคดีนั้นมาจากแผนกการตลาดและฝ่ายสารสนเทศ หลังจากนั้นก็มีพิธีปิดและขอบคุณทีมงานที่จัดงานสัมมนา

กว่างานจะเลิกเด็กๆก็ง่วงเต็มแก่แล้วพอถึงห้องพาไปอาบน้ำล้างตัวเสร็จก็ผลอยหลับไปโดยไม่มารบเร้าให้เล่านิทานเหมือนคืนที่ผ่านมา

“วันนี้หลับเร็วจัง” ปัญญวัฒน์มองเด็กชายที่หลับสนิทบนเตียง

“คงเหนื่อยเล่นน้ำหลายชั่วโมงแถมเมื่อเย็นวิ่งไปวิ่งมาไม่ยอมหยุด” ภาสวรมองลูกชายด้วยความเอ็นดู วันนี้ลูกชายเขาสนุกเป็นที่สุด

“นั่นซิครับ วันนี้ผมก็เหนื่อยไปเที่ยวหลายที่เลย เสียดายที่พี่ภาคกับพวกเด็กๆไม่ไปด้วย”

“นั่นปันจะทำอะไร” ภาสวรเอ่ยถามเมื่อเห็นปัญญวัฒน์ดึงผ้าห่มที่ห่มน้องเรนออก

“ก็จะนอนไงครับ” ปัญญวัฒน์รู้สึกงงกับคำถามของภาสวร

“เดี๋ยวซิ เมื่อคืนก็นอนเตียงนั้นกับน้องเรนแล้ว วันนี้มานอนเตียงนี้บ้างซิ” ภาสวรเดินมากอดปัญญวัฒน์ไว้ เมื่อคืนนี้ชายหนุ่มอุ้มน้องเรนที่หลับแล้วกลับมานอนที่ห้อง แถมทั้งคู่ยังนอนกอดจนถึงเช้าอีกตังหาก แม้เตียงจะใหญ่แต่ทั้งคู่เล่นนอนเสียกลางเตียงไม่มีที่ให้เขาแทรกไปนอนด้วยได้เลย

“พี่ภาค” ปัญญวัฒน์เอียงหัวหนีเมื่อภาสวรขโมยหอมแก้มเขาไปหนึ่งที

“นะครับ คืนนี้นอนเตียงนั้นกับพี่นะครับ พี่สัญญาว่าจะไม่เกเร” ภาสวรพูดเสียงอ่อนหวาน เขาเกเรปัญญวัฒน์ตอนนี้ไม่ได้หรอก เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับเปรมณัช

“สัญญาแล้วนะครับ”

“ครับ สัญญา” ปัญญวัฒน์นั่งลงบนเตียง เขาเลือกนอนด้านที่ติดกับเตียงของน้องเรน เกิดเด็กชายตื่นกลางดึกจะได้ลุกไปหาได้ทัน

ภาสวรคว้าปัญญวัฒน์ซุกเข้ากับอก ขาแข็งแกร่งพาดก่ายขาของคนตัวเล็ก หน้าซบลงกับซอกคอก่อนกดจมูกสูดความหอมกลิ่นอ่อนๆของสบู่ให้ความรู้สึกที่ดี

“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะครับ” ภาสวรบอกด้วยความรู้สึกรักใคร่

“ฝันดีเหมือนกันครับ” ปัญญวัฒน์พึมพำออกมาก่อนจะหลับไปในที่สุด

“เฮ้อเรียนจบเร็วๆนะครับ พี่จะทนไม่ไหวแล้ว” ภาสวรถอนหายใจออกมา กว่าปัญญวัฒน์จะเรียนจบปริญญาโทเขาคงไม่แห้งเหี่ยวไปเสียก่อนเหรอ

---- a little cupid ----

ขากลับภาสวรออกเดินทางหลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จเพราะตั้งใจจะพาเด็กๆไปเที่ยวที่สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลบางแสน ส่วนรถบัสที่จะพาพนักงานกลับตอนสิบเอ็ดโมง ให้ทุกคนพักผ่อนให้เต็มที่เลยออกสายหน่อย ขับรถมาชั่วโมงกว่าๆก็ถึงที่หมาย ภาสวรซื้อตั๋วเข้าชมให้แก่ทุกคนพร้อมนัดเวลาเผื่อว่าใครหลง โดยเขากับปัญญวัฒน์จะดูพวกเด็กๆเองปล่อยให้พี่เลี้ยงทั้งสองคนเดินเที่ยวตามสบาย

“โอ้โห ปลาเยอะแยะเลย” เด็กชายเรนวิ่งไปเกาะกระจกตู้ปลาด้วยความตื่นเต้น

“นั่น ปลานีโมค่ะอาปัน” เด็กหญิงอิงฟ้าฉุดพาปัญญวัฒน์ไปที่ตู้ปลาการ์ตูน

“เขาเรียกว่าปลาการ์ตูนครับ นีโมคือชื่อที่ตั้งให้ปลาตัวหนึ่งในการ์ตูน เหมือนชื่อ เด็กหญิงอิงฟ้า เด็กชายเรนไงครับ” ปัญญวัฒน์อธิบายให้เด็กๆฟัง

เด็กๆเพลิดเพลินตื่นตาไปกับปลานานาชนิด ดูเหมือนว่าที่นี่ได้รับความนิยมน่าดู เห็นได้จากผู้ปกครองที่พาเด็กมาเที่ยวที่นี่เป็นจำนวนมาก หลังจากใช้เวลาพอสมควรก็ออกจากสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล เพื่อจะแวะตลาดหนองมนซื้อของฝากตามที่ตกลงกับปัญญวัฒน์ไว้ เพราะปาลิดาอยากกินข้าวหลามหนองมน

“พี่ภาคครับแวะวัดข้างหน้าหน่อยครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นป้ายวัดที่อยู่ไม่ไกล

ภาสวรก็ไม่ขัดข้องเลี้ยวเข้าวัดตามที่ชายหนุ่มบอก บรรยากาศร่มรื่น วัดสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ภาสวรจอดรถใต้ต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากโบสถ์

“เด็กๆไปไหว้พระกันครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยชักชวนเด็กๆให้ลงจากรถเพื่อเดินไปที่อุโบสถ

“เอ่อ ปันจะดีเหรอเราไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยนะ” ภาสวรเอ่ยท้วง เนื่องจากวัดนี้ไม่มีซุ้มที่ขายดอกไม้ธูปเทียนเหมือนวัดที่เขาเคยไปมา

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวหยอดตู้บริจาคเอาก็ได้”

“พวกโยมมาจากที่ไหนกัน” ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปในอุโบสถก็ได้ยินเสียงทัก พร้อมพระสงฆ์รูปหนึ่งถือถาดอาหารมาวางให้ หมาแมวที่อยู่ไม่ไกลจากโบสถ์

“สวัสดีครับ พอดีเราพาเด็กๆไปสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลมาครับ ผ่านมาเห็นวัดเลยจะเข้ามาไหว้พระในโบสถ์ของที่นี่” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ท่านอย่างนอบน้อมพร้อมบอกกล่าวเชิงขออนุญาตเพื่อเข้าไปไหว้พระในโบสถ์

“ได้ซิ ขออาตมาไปหยิบกุญแจมาเปิดให้ก่อนนะ” พูดจบท่านก็เดินกลับไปยังกุฏิเพื่อเอากุญแจมาไขให้

เมื่อท่านเปิดโบสถ์ให้พวกเขาไปไหว้พระ แม้จะไม่มีธูปเทียนพวกเขาก็แค่ยกมือไหว้สวดมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต แถมพระสงฆ์รูปนั้นยังประพรมน้ำมนต์ให้แก่พวกเขาอีกด้วย

“ท่านครับ ผมขอถวายปัจจัย” ภาสวรเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นซองใส่เงินไปให้ท่าน

“โยมเอาไปหยอดตู้รับบริจาคนั่นได้เลย ออ เจ้าตัวเล็กมาตรงนี้เดี๋ยวอาตมาจะผูกให้” พระรูปนั้นชี้ไปยังตู้รับบริจาคที่อยู่ในโบสถ์พร้อมกวักมือเรียกน้องเรนให้เข้าไปหา ท่านผูกสายสินจน์สีขาวให้น้องเรน ภาสวรและปัญญวัฒน์ ก่อนวางสายสินจน์บนผ้าให้พี่แก้วพี่ส้มและน้องฟ้ามารับไป

“ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงอิงฟ้าก้มกราบพร้อมรับสายสินจน์มาพร้อมส่งให้ปัญญวัฒน์

“เจ้าตัวเล็กนั่นให้พ่อแม่ผูกให้นะ พ่อแม่เป็นพระของบ้านให้ท่านผูกให้เป็นสิริมงคลกับตัว” ท่านเอ่ยขึ้นกับปัญญวัฒน์

“ขอบคุณครับ/ค่ะ” พวกเขาทั้งหมดกราบลาพระสงฆ์รูปนั้น เพื่อออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป

“เดี๋ยวแวะทานข้าวก่อนแล้วค่อยไปซื้อของฝาก” ภาสวรพูดขึ้นหลังจากที่ขับรถออกจากวัด

“ได้ครับ” ปัญญวัฒน์มองเวลาก็พบว่าเที่ยงกว่าแล้ว เด็กๆน่าจะหิว

ภาสวรเลือกร้านอาหารที่อยู่แถวตลาดหนองมน หลังจากที่ทานเสร็จเรียบร้อยแล้วจะได้เดินซื้อของฝากได้เลย

“น้องฟ้าน้องเรนทานอะไรครับ” ปัญญวัฒน์หันมาถามเด็กๆ เพราะร้านอาหารที่ภาสวรเลือกนั้นมีทั้งอาหารตามสั่งและก๋วยเตี๋ยว

“เอาก๋วยเตี๋ยวคับ/ค่ะ” ทั้งคู่เอ่ยพร้อมกัน ปัญญวัฒน์จึงสั่งบะหมี่ทะเลลูกชิ้นปลาให้ทั้งคู่ ก่อนสั่งบะหมี่เย็นตาโฟทะเลให้ตัวเอง ซึ่งคนอื่นๆก็สั่งก๋วยเตี๋ยวต่างกันไป ปัญญวัฒน์สั่งหอยจ๊อปูมาทานเล่นเพิ่มด้วย

“อาปัน ฟ้าอยากกินไอติม” เด็กหญิงอิงฟ้ากระตุกเสื้อชายหนุ่มเบาๆหลังจากที่เดินซื้อของฝากมาสักพักหนึ่งแล้ว

“ไหนครับ” ปัญญวัฒน์มองหาร้านไอศกรีมที่หลานสาวบอก เพราะว่าสองข้างทางเต็มไปด้วยของฝากจากทะเล ของขึ้นชื่อของจังหวัดนี้

“นั่นไงคะ” เด็กหญิงอิงฟ้าชี้ไปยังซุ้มไอศกรีมที่ตั้งหลบมุมอยู่

“ครับไปกันเลยครับ” ปัญญวัฒน์หันไปบอกคนอื่นก่อนพาเด็กหญิงไปยังซุ้มไอศกรีมโดยมีเด็กชายและภาสวรตามมาด้วย

“ไอติมไข่แข็ง น้องฟ้ากินเป็นเหรอคะ” ปัญญวัฒน์อ่านชื่อร้านก่อนหันมาถามหลานสาว

“มันเป็นยังไงคะ” เด็กหญิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เหมือนไอติมกะทิใส่ไข่แดงค่ะ” ปัญญวัฒน์อธิบายให้หลานสาวฟังก่อนฉุดให้เข้าไปดู โชคดีที่ร้านนี้มีรสช็อคโกแลตเขาเลยสั่งให้น้องฟ้าและน้องเรนแบบไม่ใส่ไข่ใส่ท๊อปปิ้งเป็นวุ้นมะพร้าวกับเฉาก๊วย ส่วนตัวเขาลองชิมไอติมไข่แข็งดู

เมื่อซื้อของครบแล้วก็เดินทางกลับกรุงเทพ พอขึ้นรถมาสักพักเด็กๆก็พร้อมใจกันหลับ ทำให้รถเงียบผิดจากตอนที่เด็กตื่นลิบลับ

“พี่ภาคทานทุเรียนทอดไหมครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยทำลายความเงียบ

“ไหนมาลองชิมหน่อย” ภาสวรหยิบชิ้นทุเรียนทอดมาลองชิมอยากรู้ว่ามันอร่อยแค่ไหน เพราะเห็นปัญญวัฒน์เลือกซื้อมาหลายถุง

“อร่อยไหมครับ”

“อืมก็ดี เอามากินอีกซิ”

“ไม่ใช่แค่ดี แต่ดีมากตังหาก” ปัญญวัฒน์ย่นจมูกก่อนส่งถุงทุเรียนทอดให้แต่โดยดี

“ไม่เอาอย่างนี้ ป้อนหน่อยซิ” ภาสวรหันมามองชายหนุ่มก่อนส่งสายตาพราวระยับเพื่ออ้อนวอน

 “นะครับ ไม่มีใครเห็นหรอก หลับกันหมดแล้ว” ภาสวรกระซิบ เขารู้ว่าทำอย่างไรให้ปัญญวัฒน์ใจอ่อน

ปัญญวัฒน์หันไปมองด้านหลังพบว่าพี่เลี้ยงทั้งสองคนก็หลับเหมือนกับพวกเด็กๆ จึงยอมป้อนทุเรียนทอดและบริการน้ำให้แก่ภาสวรแต่โดยดี



**************************
สวัสดีค่ะ
ตอนหน้าจบแล้วนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกัน
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคอมเม้นท์ค่ะ

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 26 [29/04/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 29-04-2019 11:41:49
พี่ภาคมาในอารมณ์มุ้งมิ้ง อ้วนน้องงงง :-[ :-[
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 26 [29/04/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-04-2019 12:22:58
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 26 [29/04/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 29-04-2019 13:19:57
อบอุ่นจังเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 26 [29/04/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-04-2019 15:00:08
มุ้มิ้งๆกันน่ารัก
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 26 [29/04/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-04-2019 15:13:27
 :man1:

 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 26 [29/04/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 30-04-2019 00:01:27
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 26 [29/04/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 30-04-2019 01:26:30
คู่นี้จะจบแล้ว มีคู่อื่นต่อไหมคะ
หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 06-05-2019 13:01:38
ตอนที่ 27 บทส่งท้าย

เสียงสนทนาพร้อมเสียงดนตรีดังแว่วจากสระว่ายน้ำ ปาร์ตี้ริมสระถูกจัดขึ้นที่บ้านศิวะรันธรเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่อายุหนึ่งเดือน เด็กชายเหนือฟ้า และเลี้ยงต้อนรับกลับบ้านหลังจากที่ไปเรียนแฟชั่นดีไซน์เกือบแปดเดือนของนายวรภัทร วัชรเมธีสกุล บรรดาเพื่อนฝูงคนใกล้ชิดเพื่อนบ้านที่สนิทกันได้มาร่วมงานกันยี่สิบกว่าคน

อาหารหลากหลายประเภทถูกจัดเตรียมไว้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน เปรมณัชเองก็แสดงฝีมือผสมน้ำพั้นช์ผลไม้อ่างใหญ่ ส่วนปาลิดาและศรุตปิ้งบาร์บีคิวอยู่ที่เตาด้านล่าง ภาสวรมาพร้อมอาหารทะเลมากมายให้ปิ้งย่างทำทานกัน นาวินกับทัพฟ้าขนเบียร์มาร่วมงานหลายแพคคงกะจะเมากันเต็มที่

“น้องเรนมาให้ยายกอดหน่อย” คุณแพรชมพูส่งหลานชายคนเล็กให้พลอยลดาก่อนกวักมือเรียกเด็กชาย

“โห แม่ทีน้องเรนกอด หอมแก้มซ้ายขวา ทีตอนภัทรกลับมาไม่เห็นทำแบบนี้มั้งเลย” วรภัทรบ่นมารดาที่ดูจะรักใคร่หลานๆมากกว่าลูกตัวเอง

“ก็น้องเรนน่ารัก” คุณแพรชมพูตอบลูกชาย

“แล้วภัทรไม่น่ารักเหรอ” วรภัทรพยายามทำหน้าแบ๊วทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่รอบๆหัวเราะกันครืน

“แก่เกินจะน่ารักแล้วย่ะ ตัวโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วนะ ยังจะอิจฉาหลานอยู่ได้” คุณแพรชมพูส่ายหน้าไปมาให้กับพฤติกรรมของลูกชายคนเล็ก

“ภัทรไม่ได้อิจฉาหลานนะ ภัทรแค่อยากให้แม่สนใจภัทรมั้ง” เรื่องเล่นใหญ่ต้องยกให้วรภัทร ทำเอาทุกคนกลั้นยิ้มไปตามๆกัน

“ก็ได้ๆ มาๆเดี๋ยวแม่จะกอดให้เหมือนน้องเรนเลย” คุณแพรชมพูกอดลูกชายก่อนพูดว่า “เฮ้อเพิ่งจะรู้ว่าลูกชายคนเล็กของฉันอายุสามขวบ” ทำเอาคนที่ได้ยินหัวเราะร่วนอย่างอดไม่ไหว

“กุ้งเผา บาร์บีคิว ปลาหมึกย่าง ปูนึ่งได้แล้วค่ะ” ปาลิดายกจานอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะผู้สูงวัยก่อน

“น้องฟ้ามานั่งกับพ่อ เดี๋ยวพ่อแกะปูให้” เปรมณัชเรียกลูกสาวให้มานั่งที่โต๊ะเขา เพราะว่าพลอยลดาอุ้มลูกชายคนเล็กเข้าไปข้างในบ้านกับธัญวรินภรรยาทัพฟ้าและจอมทัพลูกชายวัยสามเดือน เขาจึงต้องมาดูลูกสาวคนโตแทน

ปาร์ตี้ดำเนินไปอย่างสนุกสนาน นาวินนึกครึ้มกลับไปเอากีตาร์มาเล่นผลัดกันร้องเล่นกับวรภัทร ท่ามกลางเสียงพูดคุยหยอกล้อหัวเราะกันอย่างร่าเริง ยิ่งดึกยิ่งครื้นเครงเพราะผู้สูงวัยพากันขอตัวไปพักผ่อน แถมทัพฟ้าก็พาครอบครัวกลับบ้านไปตั้งแต่สองทุ่มเพราะเด็กน้อยต้องเข้านอนแต่หัววัน

“ตกลงพี่ภาคทำยังไงกับยัยป้ามหาประลัย” วรภัทรเอ่ยถามปัญญวัฒน์ หลังจากที่รู้เรื่องราวของน้องเรนแล้ว

“พี่ภาคเอาผลการตรวจรักษาของน้องเรนไปหายายเค้านั่นแหละ บอกเล่าเรื่องทั้งหมด พร้อมเปิดคลิปเสียงให้ฟังด้วย” ปัญญวัฒน์หยุดพักดื่มพั้นช์

“แล้วไงยายของน้องเรนเชื่อไหม” วรภัทรใจร้อนที่เพื่อนเล่าแบบขยักเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“เขาก็แบ่งรับแบ่งสู้บอกว่าจะถามลูกเขาก่อน” ปัญญวัฒน์ตอบ

“แค่นี้ แล้วถ้าเขายังมาทำร้ายน้องเรนด้วยคำพูดอีกไม่แย่เหรอวะ” นาวินพูดอย่างขัดใจ เขาสงสารเด็กชายไม่อยากให้รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะโดนพรากไปอีก

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น พี่ภาคได้บอกว่าถ้าคุณพราวรุ้งเข้ามาใกล้มาทำร้ายน้องเรนด้วยคำพูดหรือทำร้ายร่างกาย พี่ภาคจะยื่นฟ้องต่อศาล ฟ้องร้องคุณพราวรุ้ง รวมทั้งคุณยายของน้องเรนด้วย คุณยายคงกลัวไม่ได้เจอน้องเรนอีกก็เลยยอมรับปาก” จะว่าไปเขาก็สงสารยายของน้องเรนอยู่เหมือนกัน

“น่าจะฟ้องไปเลย ไม่ต้องพบต้องเจอกันอีกนั่นแหละดีที่สุด คนขี้อิจฉาพันธุ์นั้น” วรภัทรพูดออกมาดั่งใจคิด ถ้าเรื่องนี้เกิดกับหลานของเขาเขาไม่มีวันยอม จะสู้ให้ถึงที่สุด

“เอาน่า กูว่าพี่ภาคทำดีที่สุดแล้ว” ศรัณพูดให้เพื่อนสบายใจ เขาดูน้องเรนวิ่งเล่นกับน้องฟ้าอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนคืนนี้เปรมณัชจะอนุญาตให้สองพ่อลูกนอนค้างที่นี่ได้

“นั่นดิ เปลี่ยนเรื่องเหอะบรรยากาศเริ่มหดหู่แล้ว” นาวินกระดกเบียร์เข้าไปอึกใหญ่ดูเหมือนน้ำพั้นช์ดีกรีไม่แรงพอสำหรับเขาในค่ำคืนนี้

“งั้นก็มาฉลองให้ปันกัน ที่มีแฟนคนแรกของกลุ่ม” ศรัณยกกระป๋องเบียร์ยื่นไปข้างหน้าเพื่อจะชนกับแก้วพั้นช์ของปัญญวัฒน์

“เอาชนแก้ว” นาวินยกกระป๋องเบียร์ร่วมด้วย

“เย้” เสียงของพวกเขาดังจนพวกพี่ๆที่นั่งอีกด้านหนึ่งหันมามอง

“พวกนั้นเมากันแล้วเหรอ” เปรมณัชปลายตาไปยังโต๊ะน้องชายที่หัวเราะกันครึกครื้น

“เอาน่าพี่เปรมนานๆทีปล่อยพวกนั้นไปเถอะ” พงศกรเอ่ยขึ้น เขากำลังคุยกับภาสวรอย่างถูกคอก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงพวกน้องชายเหมือนกัน

“กูชักสงสัยแล้ว ใครจะเป็นรายต่อไป” นาวินหันไปมองเพื่อนสองคนที่เหลือ

“อะไรของมึง” วรภัทรหันมาถามอยู่ดีๆเพื่อนก็โพร่งขึ้นมาหลังจากที่ไปเอากับแกล้มมาเพิ่มเติม

“กูว่ามึงนั่นแหละไอ้วินที่จะมีแฟนเป็นคนต่อไป” ศรัณหันมาบอกกับเจ้าตัว เพื่อนของเขาคนนี้ตอนอยู่มหาวิทยาลัยมีผู้หญิงติดพันมากมายเปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น แม้ว่าตอนนี้จะห่างหายไปบ้างเพราะโดนบิดาส่งไปคุมงานที่ต่างจังหวัด ใครจะรู้ปุ๊บปั๊บอาจจะพาแฟนมาเปิดตัวก็ได้

“อ๋อ เข้าใจแล้ว มึงไม่คิดว่าจะเป็นหนูนาบ้างเหรอ อยู่ไกลขนาดนั้นระวังกลับมาจะพาแฟนมาด้วยนะ” วรภัทรเอ่ยแซวถึงนาราฝาแฝดของนาวินที่ไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา

“ไม่ใช่เราแน่นอน” เสียงใสๆผ่านหน้าจอโทรศัพท์ที่ปัญญวัฒน์วีดีโอคอลไปหาเอ่ยขัดขึ้น

“นารา ได้ยินอะไรบ้างอ่ะ ปันคอลไปไม่บอกกูเลยนะ” วรภัทรเรียกเพื่อนเสียงดังก่อนหันไปเล่นงานปัญญวัฒน์ที่ทำให้เขาเสียหน้าเพราะแอบนินทาเพื่อนสาวไปหลายคำ

“ได้ยินตั้งแต่ต้น เราว่านะคนที่มีแฟนรายต่อไปน่าจะเป็นภัทรนะ” นาราเย้าเพื่อนสนิทตัวเล็ก เพราะความสูงของวรภัทรดูผิวเผินแทบไม่ต่างจากเธอเลย แถมวรภัทรยังหัวเสียทุกทีถ้าเธอใส่ส้นสูงเพราะจะสูงกว่าชายหนุ่มจนเห็นได้ชัด

“ไม่มีทาง เราคงไม่โชคร้ายมีผู้ปกครองเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” วรภัทรเน้นเสียงแข็ง เขาเห็นว่าการที่ปัญญวัฒน์มีแฟนนั้นเหมือนมีผู้ปกครองเพิ่มขึ้นอีกคน เพราะเพื่อนของเขาจะไปไหนทีต้องคอยรายงาน แถมบางทีมีขออนุญาตอีกตังหาก เรื่องอะไรที่เขาจะเป็นแบบนั้น อยู่แบบนี้อิสระจะตายไปไม่หาเรื่องถูกจับต้อนเข้าคอกได้เด็ดขาด

“งั้นเหรอ กูจะคอยดูนะ” ศรัณเอ่ยขึ้นอย่างหมันไส้ท่าทีมั่นใจของเพื่อน

“กูด้วย/เราด้วย” นาวินปัญญวัฒน์และนาราพูดขึ้นพร้อมกัน ทำเอาวรภัทรนอยด์เพราะเพื่อนไม่ยอมเชื่อที่เขาพูด

---- a little cupid ----

ปัญญวัฒน์ก้าวมาในห้องนอนพบเด็กชายเรนที่กำลังหลับสนิท วันนี้น้องเรนใช้พลังงานเยอะมากไปช็อปปิ้งซื้อของสดจากทะเลเพื่อนำมาร่วมงานกับบิดา ไหนจะวิ่งเล่นกับเด็กหญิงอิงฟ้าตลอดบ่ายถึงค่ำ พอสองทุ่มกว่าก็ตาปรือเป็นหุ่นยนต์ถ่านหมด เขาจึงให้พี่แก้วกับพี่ส้มพาเด็กๆไปอาบน้ำพักผ่อน โดยเด็กชายเรนพี่แก้วได้พามานอนที่ห้องของเขาก่อน

“ให้น้องเรนนอนห้องนี้กับปันก็ได้ครับพี่ภาค” ปัญญวัฒน์หันมาบอกกับภาสวร เพราะเปรมณัชให้พี่แก้วกับป้านุชเตรียมห้องพักแขกให้สองพ่อลูก

ภาสวรเดินเข้ามากอดซ้อนปัญญวัฒน์จากด้านหลังคางเกยไหล่ของชายหนุ่มก่อนกระซิบริมหู “ให้นอนแค่ลูกเหรอ แล้วพ่อล่ะไม่คิดจะให้นอนด้วยจริงอ่ะ”

“พี่เปรมจัดห้องให้พี่ภาคอยู่ด้านโน้นไงครับ” ปัญญวัฒน์พยายามเลี่ยงหลบริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้ม

“พี่อยากนอนกับปันห้องนี้ด้วยครับ” ภาสวรออดอ้อนดวงตาพราวระยับ

“ไม่กลัวพี่เปรมว่าเอาเหรอครับ”

“ไม่กลัว” นาทีนี้เขาไม่กลัวอะไรแล้ว ขอแค่ได้นอนกอดชายหนุ่มทั้งคืนเรื่องอื่นเอาไว้จัดการทีหลัง

“ก็ได้ครับ พี่ภาคไปอาบน้ำให้สบายตัวเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ปัญญวัฒน์ยอมตามใจชายหนุ่มก่อนผละตัวออกมาพร้อมไล่ให้คนตัวโตเข้าไปอาบน้ำ

“งั้นขอพี่ไปอาบห้องโน้นดีกว่า กระเป๋าอยู่ที่โน่น ปันอาบน้ำเลยจะได้เสร็จพร้อมกัน”

“ครับ” ปัญญวัฒน์ไม่ปฏิเสธเพราะเขาเองก็ง่วง อยากพักเหมือนกัน

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จออกมาก็พบว่าภาสวรอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนั่งดูไอแพคอยู่บนเตียง

“พี่ภาคอาบน้ำเร็วจัง” หรือเขาอาบน้ำนานเกินไป

“อยากมานอนกอดปันเร็วๆไง” ภาสวรวางไอแพคไว้บนโต๊ะตรงหัวเตียงก่อนยื่นมือมาหาคนตัวเล็กที่แก้มใสๆระเรื่อขึ้นอย่างน่าดู จนเขาแทบอยากคว้าตัวมาฟัดให้สมใจ

“ใครบอกว่าผมอยากนอนกอดพี่ภาค คนที่ผมอยากกอดคือน้องเรนตังหาก” ปัญญวัฒน์ชิงขึ้นไปนอนอีกด้านของเด็กชายเรน

“กอดแต่ลูกไม่กอดพ่อเหรอ” เสียงหงอยๆทำให้ปัญญวัฒน์เงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่ม

“ครับ กอดแต่น้องเรน พี่ภาคต้องขอบคุณน้องเรนนะครับที่ทำให้เรามีวันนี้” ใช่แล้วต้องขอบคุณเด็กชายเรนที่ทำให้เขาใกล้ชิดกับภาสวร ทำให้ผูกพันกันสายสัมพันธ์หยั่งรากลึกในหัวใจ

“...” ภาสวรมองลูกชายสลับกับปัญญวัฒน์

“เพราะน้องเรนทำให้เราใกล้ชิดกัน” และรักกัน ปัญญวัฒน์เก็บงำคำพูดสุดท้ายไว้ในใจ

“นั่นซินะ พี่ต้องขอบคุณลูกชายที่เป็นกามเทพตัวน้อยให้เรารักกัน” เพราะความผูกพัน ทำให้มุมมองความรักของเขาเปลี่ยนไป

“ใช่ครับ เพราะผมรักน้องเรนเลยทำให้รักพ่อของน้องเรนด้วย” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมก้มหน้าซุกกับหมอนเพื่อปกปิดใบหน้าที่แดงซ่านของตน

“เฮ้อ พี่เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเป็นตัวแถมของลูก” ภาสวรเดินไปปิดไฟกลางห้อง ก่อนเบียดตัวเข้ามากอดทั้งคู่เอาไว้

“ใช่ครับ ระวังนะ ผมจะยึดน้องเรนเอาไว้เอง” ปัญญวัฒน์หยอกภาสวรเบาๆ

“ไม่ต้องยึดแล้วมั้ง พี่ยกให้เลยแต่มีข้อแม้นะต้องรับพ่อของน้องเรนไปดูแลด้วย ห้ามทิ้งขว้างเราสองพ่อลูกนะ” พอเอ่ยจบภาสวรก็จูบขมับปัญญวัฒน์เบาๆด้วยความรักใคร่

“ใครกันแน่ที่ต้องกลัวโดนทิ้ง” คนที่กลัวควรเป็นเขามากกว่าภาสวร

“พี่เองตังหากที่ต้องกลัว เดี๋ยวปันเข้าไปเรียนเจอเพื่อนใหม่สังคมใหม่ๆจะหลงลืมเราพ่อลูก”

“พี่ภาคพูดเหมือนดูถูกผม กว่าที่ผมจะรับรู้และยอมรับหัวใจตัวเองว่ารักพี่มันใช้เวลานานนะครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยออกมาอย่างน้อยใจ

“พี่ขอโทษครับที่พูดแบบนั้น แต่พี่อดที่จะกลัวไม่ได้” ภาสวรลูบหัวชายหนุ่มเบาๆก่อนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

“...”

“เพราะว่ารักมาก ย่อมจะกลัวและหวาดระแวงมากเป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอ” ภาสวรอธิบายต่อเมื่อเห็นว่าปัญญวัฒน์ไม่พูดอะไร

“ขอบคุณครับที่รักผม ผมอยากให้พี่เชื่อใจนะครับ ว่าไม่มีใครทำให้ผมหวั่นไหวเท่ากับพี่อีกแล้ว” ปัญญวัฒน์พูดออกมาแล้วก็รู้สึกเขินอายไม่ได้

“ครับพี่เชื่อใจปัน เพราะพี่รักปันนะ” เขารู้สึกรักปัญญวัฒน์มากขึ้นเรื่อยๆ รักแบบไม่มีเงื่อนไขอะไร

“ขอบคุณครับ” ปัญญวัฒน์ขอบคุณเบาๆก่อนเงยหน้าจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากของชายหนุ่มก่อนผละออกอย่างรวดเร็ว

ภาสวรไม่ยอมให้ชายหนุ่มผละไปง่ายๆ มือที่สอดอยู่ใต้ท้ายทอยปัญญวัฒน์รั้งใบหน้าให้เข้ามาใกล้จนริมฝีปากแตะกัน เขาดูดเม้มไปตามริมฝีปากบางอย่างเรียกร้องเอาแต่ใจ เมื่อชายหนุ่มเผยอริมฝีปากออกตามแรงอารมณ์ เปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนของภาสวรสอดเข้าไปเกี่ยวกะหวัดกับลิ้นนุ่มภายใน จนไม่อยากหยุดยั้งอีกต่อไปแต่ร่างเล็กๆระหว่างเขาทั้งสองคนดิ้นประท้วงด้วยความไม่สบายตัวจนภาสวรค่อยๆผละออกด้วยความเสียดาย

“อื้อ พี่ภาค เดี๋ยวน้องเรนตื่นครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยประท้วงเบาๆเมื่อชายหนุ่มผละออกเพราะน้องเรนขยับตัวด้วยความอึดอัดเนื่องจากเขาและภาสวรเบียดเด็กน้อยมากเกินไป

“งั้น ปันนอนเถอะ เอาไว้ต่อคราวหน้านะ” ภาสวรกลั้นลมหายใจควบคุมอารมณ์ของตัวเองก่อนกระซิบเบาๆพร้อมโอบกอดคนทั้งคู่เอาไว้

“ฝันดีนะครับพี่ภาค ฝันดีนะน้องเรนกามเทพตัวน้อยของอาปัน” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนกอดเด็กชายจนผล็อยหลับตามไป

ภาสวรจัดผ้าห่มให้ทั้งคู่ก่อนกู๊ดไนท์คิสเบาๆที่ขมับของลูกชายก่อนเลื่อนมาประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาของปัญญวัฒน์

“ฝันดีครับปัน” เอาเถอะเขายังมีเวลาอีกทั้งชีวิตที่จะอยู่กับปัญญวัฒน์ ภาสวรบอกกับตัวเองก่อนจะล้มตัวนอนกอดคนที่รักทั้งคู่เอาไว้ ท่ามกลางความรักที่อบอวลไปด้วยความสุขอยู่ทั่วห้อง

------END------


*************
จบไปแล้วนะคะ สำหรับเรื่องราวของปัญญวัฒน์
ขอพักยาวๆ แล้วจะมาต่อเรื่องราวๆใหม่ๆ
จะเป็นเรื่องราวของใครนั้นโปรดติดตามกันค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และติดตามกันค่ะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และกำลังใจนะคะ

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 06-05-2019 15:04:15
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 06-05-2019 15:19:52
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ เนื้อเรื่องน่ารัก อบอุ่นทุกตอนเลย
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-05-2019 16:40:44
 :katai2-1: o13 :katai2-1:


 :กอด1: :L2: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-05-2019 17:04:51
จบแบบน่ารักๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-05-2019 17:37:34
 :pig4: ขอบคุณผู้แต่งจ้า สำหรับนนิยานหวานละมุน น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-05-2019 20:03:43
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-05-2019 21:30:01
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 07-05-2019 10:31:48
 :pig4: ขอบคุณนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 08-05-2019 15:31:12
น่ารัก

ละมุน

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 08-05-2019 20:07:55
 :กอด1: กามเทพจริงๆเอ็นดูหนูเรนหนูฟ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 11-06-2019 23:18:39
อ๊ากกกน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 26-11-2019 09:07:10
สนุกดีค่ะ
เรื่อยๆ ค่อยเป็นค่อยไป
จะมีเรื่องของภัทรต่อไหม
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 01-12-2019 22:58:27
น่ารักดีค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-12-2019 02:09:59
น่ารักมากเลย ดราม่าไม่เยอะ
ขอบคุณนักเขียนนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 02-12-2019 23:31:30
 :mew1: น่ารักละมุนดีจัง
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: OmleteO. ที่ 08-12-2019 02:27:33
 :-[ น่ารักดีค่ะ ขอบคุณนะคะ ^^

ปล. อยากให้มีตอนพิเศษหลังจากที่ปันเรียนจบโทจังเลยค่ะ >/////<
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 10-12-2019 06:34:45
น่ารักกกก....ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 10-12-2019 11:39:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 17-12-2019 19:15:22
ขอบคุณนะคะ น้องเรนน่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 19-12-2019 22:53:39
 :pig4: น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 21-12-2019 00:40:46
ขอบคุณ​ผู้แต่ง​มาก​ๆ​ค่ะ​ ภาษา​ดี​ เนื้อเรื่อง​น่ารักค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 21-12-2019 14:40:43
ละมุนมาก หวานมาก น้องเรนคือดีมากน่ารักมาก ขอบคุณสำหรับนิยายจ้า  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 22-12-2019 18:13:14
น่ารักดีครับ แต่เหมือนตัดจบแบบมันซะดื้อๆเลย เหมือนยังไม่สุด :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 23-12-2019 16:14:13
ชอบความหวงน้องของพี่เปรม
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 24-12-2019 03:29:31
 :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 24-12-2019 14:49:40
 o13
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: yochiki1404 ที่ 31-12-2019 11:23:53
เป็นนิยายน่ารัก ๆ อ่านได้เพลิน ๆ เลยค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 14:26:53
 :pig4: