HELLO. :)
เชิญเข้ามาร่ำสุราของ ‘เมอร์ฟี’ ปีศาจผู้งดงามที่สุดในปฐพี!
“เอ้าเร่เข้ามา! จะผู้ชายหรือผู้หญิง จะปีศาจหรือมนุษย์ก็ช่าง เร่เข้ามา!”
“โฮ่ แค่แก้วเดียวก็เมาแล้วหรือ ช่วยไม่ได้ๆ เจ้าก็ต้องจ่ายเงินให้นายข้าผู้งามเลิศและชาญฉลาดที่สุดในปฐพีแล้วล่ะ เจ้ามนุษย์”
“ใครก็ตามที่สามารถดวลสุรากับนายข้าแล้วได้รับชัยชนะ พวกเจ้าจะขอสิ่งใดก็ได้หนึ่งอย่าง ขอเพียงไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตหรือถ้าขอไม่เข้าเรื่องข้าขออนุญาตโยนพวกเจ้าออกจากร้านนะ!”
ปีศาจซึ่งมีร่างมนุษย์เป็นชายร่างใหญ่ยักษ์บึกบึนพละกำลังมหาศาลกำลังตีฉาบดังเป๊งๆ พร้อมเรียกลูกค้าเข้าเหลาสุราของนายตนอย่างสนุกสนานและก็ได้ผล หมู่มวลมนุษย์หลั่งไหล่เข้าไปในเหลาสุราเพราะข่าวเล่าลือที่ว่าด้วยความงดงามของ ‘เมอร์ฟี’
ปีศาจผู้งดงามราวกับเทพเซียน ผู้คนที่มาร่ำสุราต่างพากันหัวราน้ำทุกวันเพื่อเพียงได้มองปีศาจรูปงามคนนี้นานขึ้นอีกสักวินาทีถึงก็ยังดี แค่เพียงได้สบตากับนัยน์ตาเรียวสีเงินสว่างอย่างพวกปีศาจก็คล้ายกับถูกช่วงชิงดวงวิญญาณไป พวกเขามักจะมาดวลสุรากับเมอร์ฟี แต่ก็ไม่มีผู้ใดเคยได้รับชัยชนะเสียที
“พวกเจ้านี่มันอ่อนหัดชะมัด!”
เมอร์ฟีแค่นเสียงหึหยามเหยียดกับลูกค้าคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่เมากลิ้งจนไปนอนกรนคร่อกๆ บนพื้น ใบหน้างดงามอย่างพวกปีศาจกึ่งเทพที่มีหน้าที่เริงระบำให้กับพวกเทพเจ้าที่บางครั้งก็เสด็จลงจากฟากฟ้ามาเยี่ยมเยียนมนุษย์ อย่างท่านโฟเทียสผู้เป็นใหญ่ที่สุดในทุกดินแดน
แต่อีกหน้าที่หนึ่งของปีศาจกึ่งเทพพวกนี้ก็คือคอยรินสุราให้กับเหล่าทวยเทพที่ลงมาสังสรรค์ในบางครั้งและร่ำสุราเป็นเพื่อนจนทำให้ปีศาจสายเลือดนี้ค่อนข้างจะคอทองแดงมากถึงมากที่สุด กลิ่นตัวอวลด้วยสุรากลิ่นผลไม้ ริมฝีปากและใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำเห่อร้อนตลอดเวลาจากฤทธิ์เหล้าที่มักจะจิบจนเคยตัว
“เฮ้อ เมื่อไหร่จะมีคนเอาชนะข้าผู้เลิศเลอได้สักทีนะ”
เมอร์ฟีส่ายหัวหน่ายๆ รู้สึกผิดหวังกับทุกคนที่ดั้งด้นมาดวลกับตัวเองแต่ก็ไม่มีใครสักคนที่สามารถอยู่ถึงแก้วที่ห้า มากสุดก็สี่แก้วแล้วก็เมาอาละวาดจนต้องให้ลูกน้องโยนออกจากร้าน
“น่าเบื่อเหลือเกิน”
ปลายนิ้วม้วนผมสีเงินที่ไว้ยาวถึงหลังเล่น เขี้ยวที่ยาวออกจากริมฝีปากขบกัดริมฝีปากอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อพบว่าเหล้าบ๊วยที่โปรดปรานที่สุดหมดแล้ว หมดเกลี้ยง ไม่มีแม้แต่หยดเดียว
“เจ้าตัวโต! มานี่!”
เมอร์ฟีป้องปากตะโกนเรียกปีศาจร่างบึกบึนหน้าร้านและได้ผล อีกฝ่ายวิ่งตึกตังจนพื้นดังตึกๆๆ ลูกค้าที่นอนบนพื้นแทบจะเด้งขึ้นจะพื้น แก้วว่างเปล่าที่วางบนโต๊ะสั่นครึ้กๆ
ใบหน้างามจึงบูดบึ้งมากกว่าเดิม
“มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือขอรับ นายท่าน”
เจ้าตัวโตหรือดีนาฟ สมุนอันจงรักภักดีที่เมอร์ฟีบังเอิญเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กจนโตเป็นยักษ์ปั่กหลั่น ใบหน้าโหดๆ ไม่เข้ากับร่างกายกำลังทำสีหน้ากระตือรือร้นสุดขีด ในมือยังถือฉาบสำหรับเรียกร้องความสนใจ
“เหล้าข้าหมด”
เมอร์ฟีชี้ปลายนิ้วไปที่จอกเหล้าตัวเอง
ดีนาฟทำตาโตตกใจจนแทบกัดลิ้น ตัวสั่นด้วยความตื่นตระหนก
“โอ้ แย่แล้วๆๆ ข้าทำผิดไปแล้วขอรับนายท่านเมอร์ฟีผู้งดงามและเลิศเลอที่สุดในปฐพี ขอประทานอภัยให้กับเจ้าตัวโตแต่ช่างโง่งมคนนี้ด้วยขอรับ”
เมอร์ฟีพยายามอย่างยิ่งในการควบคุมอารมณ์ตัวเอง ตอนเก็บมาเลี้ยงก็มั่นใจนะว่าเป็นลูกปีศาจหมีดำที่ขึ้นชื่อด้านพละกำลังและสติปัญญาอันล้ำเลิศแต่ไม่รู้ว่าเขาให้อาหารมันผิดประเภทหรืออะไร โตมาถึงได้บ้าๆ บอๆ เอ๋อๆ แบบนี้
“เจ้าแค่ไปเอาเหล้าบ๊วยขวดใหม่ให้ข้าก็พอ ดีนาฟ ข้าจะให้อภัยเจ้าที่พูดเข้าหูข้าว่าข้าเป็นผู้เลิศเลอที่สุด แต่ข้ายังต้องตำหนิเจ้าเรื่องวิ่งในร้าน เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าร้านเราทำจากไม้! ขืนเจ้าวิ่งตึงตังด้วยร่างอันใหญ่โตของเจ้า อีกไม่นาน ร้านข้าคงถล่มลงมา!”
“หวา! ข้าลืมไปเลย” ดีนาฟทำหน้าเหรอหรา “ขออภัยขอรับ ท่านเมอร์ฟี เจ้าตัวโตแต่ช่างโง่งมจะจดจำเอาไว้”
“ดี รีบไปเอาเหล้ามาให้ข้าก่อนที่ข้าจะคอแห้งไปมากกว่านี้”
เมอร์ฟีสะบัดมือไล่ไม่จริงจังทิ้งตัวพิงกับพนักเก้าอี้บุมนวมด้วยขนจิ้งจอกขาว อากาศที่เริ่มจะเย็นจากฤดูกาลทำให้อดไม่ได้ที่จะถูหลังเข้ากับขนจิ้งจอกแล้วหลุดหัวเราะกับการกระทำเด็กๆ ของตัวเอง
ปกติแล้วถ้าปีศาจเผ่าเขาหนาว สิ่งที่บรรเทาได้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือสุรา ยิ่งหมักนานเท่าไหร่ก็ร้อนรุ่มมากเท่านั้น ถึงมันจะมาพร้อมกับฤทธิ์การเมามายแต่มันก็ไม่มากพอที่จะสามารถทำให้ปีศาจคอทองแดงอย่างพวกเขาเมาได้
นัยน์ตาปีศาจกลอกไปมาสำรวจผู้ที่มาร่ำสุราร้านตัวเองและอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา
“เฮ้อ ไม่มีผู้ใดเลยที่ไม่มองข้ามาอย่างชื่นชมและหลงใหล”
พูดเบาๆ กับตัวเองและหัวเราะ จนนักร่ำสุราคนนึงที่มานั่งดื่มตั้งแต่เช้ามองตาค้างจนล้มตึงหงายหลังไปบนพื้น ทำเอาปีศาจตนอื่นๆ ที่ถูกเมอร์ฟีเก็บมาฟูมฟักเลี้ยงดูพากันวิ่งไปแบกกันวุ่นวายจ้าละหวั่น
ตึก
“หืม?”
เมอร์ฟีมองขวดเหล้าทรงกลมมีจุกเป็นไม้โอ๊กและมีน้ำอำพันสีแปลกตาอย่างสนใจ
มีเพียงไม่กี่สิ่งที่เมอร์ฟีผู้แสนรูปงามและฉลาดล้ำจะใส่ใจ
หนึ่งคือ ตัวเมอร์ฟี เอง
และสอง
“สุราอะไร? ทำไมข้าไม่เคยได้กลิ่น” ขณะที่ถามก็ถือวิสาสะเปิดจุกด้วยปลายเล็บและดมกลิ่นเสียแล้ว
กลิ่นผลไม้รวมคละคลุ้งรุนแรงจนแค่ได้กลิ่นยังรู้สึกเมามาย
นัยน์ตาของเมอร์ฟีเป็นประกายอย่างสนใจราวกับเด็กได้ของเล่นในวันเกิด
“เมอร์ฟี”
เสียงทุ้มต่ำราบเรียบเอ่ยตอบ
“ว่าอย่างไรนะ ข้าได้ยินไม่ถนัด” เมอร์ฟีตื่นเต้นมากจนอดไม่ได้ที่จะเทใส่จอกตัวเอง ทั้งๆ ที่วิสัยปกติจะเปลี่ยนจอกทุกครั้งที่เปลี่ยนเหล้า
แต่นี่นับเป็นโอกาสพิเศษเพราะไม่บ่อยนักที่ปีศาจร่ำสุรามานับร้อยปีอย่างเมอร์ฟีจะได้ดื่มสุราใหม่ๆ !
“เมอร์ฟี”
“ข้าขอชิมเลยนะ”
สติสตังค์ของเมอร์ฟีแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร ในหัวมีแต่คำว่าสุราๆๆ สุราใหม่ล่ะเจ้าเมอร์ฟี เจ้าจะได้ลิ้มลองรสใหม่ๆ แล้ว
“!”
เพียงแค่สัมผัสก็รู้สึกเหมือนถูกเผาไปทั้งลิ้นแต่ก็ถูกปลอบประโลมด้วยรสชาติหวานปนขมปร่าอย่างพอดี กลิ่นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่หลายชนิดส่งกลิ่นคลุ้งทำให้รู้สึกละมุนมากกว่าเดิมแม้จะยังดื่มสิ่งเดิม
“เจ้า เจ้าไปเอามันมาจากไหน”
เมอร์ฟีเขมือบสุราจอกเมื่อกี้ในพริบตาแทบจะกินจอกเข้าไปด้วยซ้ำ แววตาหวานเชื่อมมองเจ้าของสุราอย่างที่ไม่เคยเป็น แขนเรียวสองข้างโอบกอดขวดสุราอย่างหวงแหนราวกับเป็นแม่แท้ๆ ของมันที่ถูดพลัดพรากลูกไป
เจ้าของสุรายิ้มนิดๆ หยิบอีกขวดขึ้นมาตั้งซึ่งมีหน้าตาอีกแบบ ขวดเป็นสามเหลี่ยมภายในเป็นน้ำสีที่เมอร์ฟีคุ้นเคยที่สุด
“ส่งมันมาให้ข้า!”
เมอร์ฟีตาวาว
เหล้าบ๊วย เหล๊าบ๊วยล่ะ!
“ข้าอยากดวลเหล้ากับเจ้า”
ใบหน้าคมยิ้มขำเมื่อสีหน้าผิดหวังของใครบางคนที่ชัดเจนจนอยากดึงมานั่งบนตักแล้วป้อนสุราให้ถึงที่เลยทีเดียว
ตึงๆๆ
เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังลั่นร้านจนแผ่นไม้แผ่นสุดท้ายที่ดีนาฟเหยียบส่งเสียงน่ากลัวออกมา
“มาแล้ว ข้ามาแล้วขอรับ!”
“ดีนาฟ!” เมอร์ฟีคำรามอย่างขวัญเสียเมื่อเห็นรอยแตกของไม้ “ข้าบอกกี่หนแล้วว่าอย่าวิ่ง!”
ดีนาฟค่อยๆ ก้มลงและพบว่าตัวเองได้ทำข้อผิดพลาดครั้งใหญ่เสียแล้ว ใบหน้าพลันเศร้าจัดมือที่ถือเหล้าบ๊วยขวดที่เจ้านายโปรดปรานที่สุดสั่นน้อยๆ
หากแต่สมองของดีนาฟก็ไม่ได้โง่งมไปซะทุกเรื่อง
“ท่านเมอร์ฟีผู้งามเลิศงามที่สุดในเมืองเวลล์ ฉลาดล้ำปราดเปรื่องเหนือผู้ใด การเริงระบำเป็นหนึ่งในใต้หล้า ข้าเจ้าตัวโตโง่ๆ คนนี้ขออภัยด้วยขอรับในความเขลาของข้า”
จากพายุเพลิงที่โชติช่วงค่อยๆ ซาลงตามคำยอของดีนาฟจนกลายเป็นท้องฟ้าแจ่มใสแทน
เมอร์ฟียิ้มแล้วยักไหล่ส่ายหัวเขินๆ
“เฮ้อๆ เจ้าพูดเข้าหูข้าอีกแล้ว ข้าจะปล่อยเจ้าไปอีกก็ได้ ขวดเหล้านั่นวางบนโต๊ะข้า ส่วนตัวเจ้าก็ไปทำงานซะ”
“ขอรับ!” ดีนาฟรับคำขึงขังแล้ววิ่งกลับไปทำงานต่อด้วยรอยยิ้มที่พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลุดหัวเราะออกมา
“บางทีข้าก็เบื่อตัวเองเหมือนกันนะ”
เมอร์ฟีบ่นคนเดียวด้วยรอยยิ้มแบบเฮ้อ มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ และเพราะมัวแต่อยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองเลยไม่ทันสังเกตร่างสูงที่นั่งตรงข้ามตัวเองว่ากำลังมองตนเองด้วยสีหน้าเอ็นดู
ปีศาจสุรางึมงำกับตัวเองอีกสองสามคำก็กลับมาคุยกับผู้มาท้าชิงต่อ นัยน์ตาเรียวสบกับดวงตาสีดำสนิทไร้สีอะไรเจือปนอย่างพวกมนุษย์ ผมสีดำธรรมดาๆ ที่ถูกตัดสั้นลัดเลาะตามโครงหน้าขับให้ใบหน้านี้ดูขรึมจนน่ากลัว โดยเฉพาะไรหนวดที่ไว้บางๆ ตรงปลายคาง หากแต่สิ่งที่แปลกประหลาดของมนุษย์ตรงหน้าคือร่างกายที่ใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไปจนน่ากลัวว่าจะสามารถใช้มือข้างเดียวในการหักตัวเมอร์ฟีเป็นสองท่อนได้
“ว่าด้วยกฎแห่งการดวลที่ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะพอรู้มาบ้างแล้วเพราะทั้งเจ้าตัวโตนั่นพูดทั้งวันกับคนอื่นๆ ที่เล่าต่อกันไป” ขณะที่พูดเมอร์ฟีไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาสักนิด เอาแต่มองขวดเหล้าบ๊วย จ้องมองบ๊วยกลมๆ ในขวดเหล้าที่มีถึงสามลูก เฝ้าจินตนาการถึงรสชาติ จนอยากจะขโมยมาของตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด แต่มารยาทขั้นพื้นฐานที่ท่านแม่เคยสั่งสอนไว้ก็ฝังในเส้นเลือดของเมอร์ฟีจนอดทำอะไรตามใจตนเองไม่ได้
ให้ตายสิ ข้าอยากลบเสียงแม่ในหัวเหลือเกิน!
เมอร์ฟียกมือปิดริมฝีปากพยายามไม่ควบคุมน้ำลายให้ไหลจนเกินงามให้เป็นที่อับอายขายขี้หน้า
“เจ้าประสงค์สิ่งใดจากข้ามนุษย์”
ว่าถึงตอนนี้จิตใจของเมอร์ฟีก็นิ่งสงบเพราะคำขอของผู้ท้าชิงบางคราก็อันตรายถึงชีวิต จึงต้องตั้งใจฟังให้ดีเพื่อไม่ให้เสียเปรียบหรือเสียเวลาโดนใช่เหตุ
คนโดนถามยังคงยิ้มมุมปาก สบกับดวงตาสีแปลกตาน่าหลงใหลอย่างที่ผู้คนเล่าลืออย่างถูกใจ
“เจ้าสวยจริงๆ อย่างที่เขาว่า”
เมอร์ฟียิ้มรับอารมณ์ดีมากกว่าเดิม “แน่นอนสิเพราะข้าคือ เมอร์ฟี เจ้าจะหาผู้สมบูรณ์แบบมากกว่าข้าในโลกนี้ไม่ได้อีกแล้ว”
“ข้าต้องการนอนกับเจ้า”
“หืม?”
ปีศาจร่ำสุราทำหน้าเหมือนเห็นผี
“เจ้าว่าอย่างไรนะ”
คนโดนถามยังคงยิ้มน้อยๆ “ข้าต้องการนอนกับเจ้า เมอร์ฟี”
“หึ!” เมอร์ฟีแค่นเสียงหึหน้ามุ่ย “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าจุดจบของคนที่พูดแบบนี้กับข้ามีสภาพเช่นไร”
“เป็นศพไม่ก็สภาพปางตาย”
“เจ้าก็รู้นี่แล้วยังจะมาขอทำไมอีก เจ้าไม่รู้หรือว่าปีศาจกึ่งเทพอย่างข้าไม่อาจเสพสังวาสได้ ไม่เช่นนั้นพวกข้าจะต้องมลทิน ไม่ได้รับอนุญาตให้เริงระบำต้อนรับพวกท่านเหล่านั้นอีก!”
เมอร์ฟีตวาดอย่างโกรธจัด
สิ่งที่เมอร์ฟีและเหล่าผู้ร่วมสายเลือดเขาภูมิใจที่สุดก็คือการได้เริงระบำสร้างความพึงพอใจให้กับทวยท่านผู้ยิ่งใหญ่ที่นานครั้งจะลงมาและมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเข้าใกล้พวกท่านได้ หนึ่งนั้นคือเมอร์ฟี ปีศาจร่ำสุราที่ประพฤติอย่างดี อยู่ในร่องอยู่ในรอยตลอด ไม่เคยทำตัวเหลวไหลสักครั้ง จึงยังคงสามารถร่ายรำให้กับเหล่าทวยเทพหลายต่อหลายครั้ง
ความโกรธที่นานครั้งจะปรากฎของเมอร์ฟีเล่นเอาลูกค้าในร้านทั้งประจำและไม่ประจำพากันอกสั่นขวัญแขวนอย่างหวาดกลัว พวกเขาล้วนคุ้นชินใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มทางการค้ามากกว่าสีหน้าน่ากลัวแบบนี้เป็นไหนๆ
ผิดกับคนที่เป็นตัวต้นเหตุที่ยังคงอยู่ในสภาพใจเย็นนิ่งเฉย
“ถ้าหากข้าพ่ายแพ้ ข้าจะยอมตกเป็นทาสของท่าน”
“ถ้าเจ้ามตา เจ้าจะเห็นว่าลูกน้องข้าเต็มร้าน ข้าไม่ต้องการทาสมนุษย์อายุขัยไม่ถึงร้อยปีอย่างเจ้าหรอก น่ารำคาญ!”
แขนสองข้างกอดอกถลึงตามองอย่างไม่เป็นมิตร ลืมเรื่องเหล้าไปโดยสิ้นเชิง
“ตระกูลของข้าเชี่ยวชาญเรื่องการหมักเหล้า” ไม่ว่าเปล่าพลางหยิบขวดเหล้าอีกขวดจากกระเป๋าขึ้นมาวางบนโต๊ะ “และข้าก็ได้
รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลในรอบห้าร้อยปี ซึ่งข้าก็ค่อนข้างแน่ใจว่าท่านเคยได้ลิ้มรสเหล้าพอนนีสที่ข้าคิดค้นขึ้นมา”
“..บัดซบ!”
เมอร์ฟฟีสบถขบเคี้ยวฟันต่อสู้กับตัวเองในหัว
เหล้าพอนนีสที่ว่านั่น อร่อยมาก แต่เพราะหายากมากเลยมีจำนวนไม่มากนักในตลาด เมอร์ฟีเลยได้แต่จิบเอาๆ ในวันสำคัญพอให้หายอยากแต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือเหล้าพอนนีสนั่นยังตั้งอยู่ที่หัวเตียงของเขาอยู่เลย!
‘ตระกูลหมักเหล้าเชียวนะ เมอร์ฟี เจ้าจะได้ลิ้มลองเหล้ารสใหม่ๆ ทุกวันเลยนะ’
เมอร์ฟีตัวน้อยสีดำมีปีกค้างคาวกับหางแหลมบินมาเกาะไหล่กระซิบข้างหูเมอร์ฟี
‘ไม่ได้ๆๆ เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าสายเลือดของเรามีเพื่อสร้างความรื่นรมย์ใจให้กับเหล่าทวยเทพ!’
เมอร์ฟีสีขาวมีปีกอุยสีขาวอีกตัวบินมาถีบตัวสีดำจนตัวปลิว
‘แต่ว่าเราจะได้กินเหล้าฟรีเลยนะ! เหล้าอร่อยๆ ที่หาไม่ได้จากที่ไหน แค่ร้อยปีจะนานเท่าไหร่เชียว พวกมนุษย์อ่อนแอจะตาย!’
เมอร์ฟีสีดำกอดอกพูดหน้ามุ่ย
‘เอ ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า’
เมอร์ฟีสีขาวเริ่มคล้อยตาม
‘งั้นเจ้าก็ตกลงไปแล้วกันเมอร์ฟี! ปีศาจร่ำสุราอย่างพวกเราไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใคร โดยเฉพาะกับมนุษย์อ่อนแอพวกนี้หรอก”
หลังจากไตร่ตรองในหัวเสร็จพอเมอร์ฟีจะอ้าปากตอบ
“เจ้า!!!!!!”
เสียงหมีคำรามดังลั่นก่อนจะตามมาด้วยเสียงตึงๆๆ ทุกอย่างในร้านสั่นกึกๆๆ ตามจังหวะการลงเท้าที่หนักแน่นมาก หมีดำร่างยักษ์วิ่งมาขวางนายสุดรักของมันและแยกเขี้ยวใส่อย่างดุร้าย นัยน์ตาสีดำก่ำลุกโชน
“คิดจะทำอะไรนายข้า มนุษย์”
ดีนาฟในร่างต้นกำเนิดถามอย่างไม่เป็นมิตร
“ข้าก็แค่ขอดวลกับนายของเจ้าก็เท่านั้น” คนตอบก็ยังคงความนิ่งสงบได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่หวั่นเกรงต่ออะไรสักอย่าง
“เฮ้ๆ ใจเย็นๆ น่าเจ้าตัวโต” เมอร์ฟีลูบหางกลมๆ ที่ใกล้มือที่สุดและขยำเล่น “แค่มนุษย์คนเดียวทำอะไรข้าไม่ได้หรอกน่า”
หมียักษ์ส่งเสียงฮื่อในลำคอไม่พอใจนัก “ระวังตัวไว้” และยอมผละออกไปแต่โดยดี
“มาว่ากันต่อที่เรื่องของเรา” เมอร์ฟีประสานมือไว้ที่คางช้อนตามองคนที่กล้ามาท้าชิงตัวเองอย่างสนใจ “เจ้าจะใช้เหล้าของเจ้าหรือเหล้าของข้า ถ้าเหล้าข้า ข้าจะใช้เหล้าบ๊วยหมักร้อยปีที่น่าจะทำให้มนุษย์อย่างเจ้าสลบในแก้วเดียว”
“เหล้าข้า”
เมอร์ฟีตาโตเมื่อเห็นเหล้าขวดที่สี่ที่อีกฝ่ายวาง
“มันคือเหล้าอะไร? เหล้าที่เจ้าคิดขึ้นมาใหม่งั้นรึ”