พิมพ์หน้านี้ - My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: New_Noi :p ที่ 04-04-2011 22:11:05

หัวข้อ: My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 04-04-2011 22:11:05
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


----------------------------------------------

ขอแปะจองพื่นที่ไว้ก่อนนะคร้าบบบบบบบ เดียวมืดๆกว่านี้แล้วจะมาลงให้  :eiei1: :eiei1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : มา up ให้แล้วนะคร้าบ (4/4/11)
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 04-04-2011 23:07:15
สวัสดีคับผมชื่อนิวได้มีโอกาสเข้ามาอ่านเรื่องราวของพี่ๆหลายคน จนสุดท้ายก็อดไม่ได้ต้องหยิบปากกา (notebook) มาเขียนเรื่องราวของตัวเอง ผมไม่ได้คิดว่าเรื่องของผมมีดีกว่า มีความสุขกว่าหรือว่าเศร้ากว่าเรื่องของใครแต่แค่อยากแบ่งบันความรู้สึกที่มีออกมาบ้าง เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมแต่ผมขออนุญาตแต่งเติมอะไรลงไปอีกเล็กน้อยเพื่อให้เนื้อหาอ่านง่ายขึ้น

ครอบครัวผมมีลูก 2 คนเป็นผู้ชายทั้งคู่ ผมเป็นลูกคนโต แน่นอนคับว่าต้องโดนประคบประหงมเป็นพิเศษ ทำไงได้ล่ะคับก็คนมันน่ารักน่าทะนุถนอม ใครเห็นก็มีแต่คนรักคนเอ็นดู  :m23: แหะๆเปล่าหรอกคับ จริงๆแล้วคือมีกรรมที่ตอนเด็กผมมีโรคประจำตัว (ตอนนี้จำไม่ได้แล้วคับว่าเค้าเรียกกันว่าอะไร) ทำให้ผมเป็นเด็กที่กระแดะกว่าเด็กคนอื่นคือจะอ่อนแอมาก ป่วยบ่อย หยุดเรียนก็บ่อย (อันนี้คือข้อดีของการไม่สบาย) แต่ก็ถือว่าโชคดีที่พอโตขึ้นผมก็เเข็งเเรงมากขึ้น จนตอนนี้ผมไม่มีปัญหาป่วยบ่อยเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว มันยิ่งทำให้พ่อแม่ห่วงผมมากและไม่เคยปล่อยให้ผมไปไหนคนเดียวและก็ด้วยบุคลิกส่วนตัวที่เป็นคนเรียบร้อย ทำให้เพื่อนที่โรงเรียนชอบแซวว่าผมเป็น “ตุ๊ด” ผมไม่ชอบคำนี้เลยคับ ไม่รู้สิส่วนตัวผมผมว่ามันเหมือนคำด่ามากกว่าและผมก็ไม่เคยเรียกคนอื่นว่าตุ๊ดเหมือนกัน ผมไม่ได้สนใจกับคำล้อของเพื่อนๆนะคับ มันก็เหมือนแซวกันสนุกๆมากกว่า เพื่อนทุกคนก็ยังวิ่งเล่นกินขนมกับผมเหมือนเดินและผมก็มั่นใจนะคับว่าตัวเองเป็นผู้ชาย 100%

เพื่อนสนิทของผมสมัยนั้นชื่อบาสกับเอ็มคับ ผมรู้จักกับบาสมาก่อนส่วนเอ็มมาสนิทกันทีหลังเพราะบ้านเอ็มอยู่ใกล้บ้านผม แล้วมันก็เป็นเด็กเรียนและเพราะผมเรียนพิเศษกับเอ็มตลอดมันเลยทำให้ที่บ้านผมปลื้มมันมาก ถ้าผมขอไปเที่ยวแล้วบอกว่าไปกับเอ็มที่บ้านจะไม่ค่อยถามอะไรเท่าไหร่ต่างกับบาสคับ

ผมว่าพี่ๆก็น่าจะเคยผ่านช่วงนี้มาบ้าง ไอ้ช่วงที่โทรศัพท์เหมือนจะเป็นอีกอวัยวะหนึ่งของร่างกาย ผมกับบาสคุยโทรศัพท์กันบ่อยและแต่ละครั้งก็คุยกันนาน ที่บ้านผมก็มักจะบ่นเวลาขอไปเที่ยวแล้วพอพูดชื่อบาส พ่อก็จะถามโน่นถามนี่ บางครั้งผมไปนั่งเล่นบ้านมันพ่อเค้ายังให้พี่เลี้ยงผมตามมาเฝ้าเลยคับ คือพ่อผมก็ทำอะไรไม่เกรงใจลูกบ้าง :m16: มันอายนะคับ โตขนาดนี้จะไปเล่นบ้านเพื่อนต้องเอาพี่เลี้ยงมาเฝ้า ยิ่งตอนเดินไปหวัดดีพ่อแม่บาสแล้วต้องแนะนำด้วยเนี่ยว่าเอาใครมาด้วยยิ่งอายหนัก

ผมเองก็ใช้ชีวิตของเด็กมัธยมปัญญาอ่อนไร้สาระมาเรื่อยจนกระทั่งก่อนจบปีการศึกษา ที่โรงเรียนจะมีงานเลี้ยงประจำปี เเต่ละห้องก็จะจัด party กันในห้องแล้วก็ตกแต่งบรรยากาศให้ดูหรูหรา ต่างคนต่างเอาอาหารมาแชร์กัน จริงๆแล้วไม่ต้องเว่อขนาดนั้นก็ได้ แค่ลากโต๊ะมาตรงกลางแล้วก็วางของกินมันก็อร่อยเหมือนกัน นี่ต้องให้ผมต่อเก้าอี้ปีนขึ้นไปติดสายรุ้ง แล้วถ้าผมตกลงมาคอหักตายชาติหน้าผมจะได้เกิดมาเป็นคนไหม

เรื่องมันมีอยู่ว่าเพื่อนผมคนนึงชื่อเอมันไม่สบายเข้าโรงพยาบาลก่อนหน้าจะมีงานเลี้ยงได้อาทิตย์นึง เอเป็นเด็กเรียนดีประจำห้องคับ รองลงมาก็คือเอ็มแล้วอันดับสามก็คือผม เอมันเป็นคนผิวขาว ผมหยักศก หน้าตาเหมือนลูกครึ่ง เค้าตัวสูงกว่าผมนิดหน่อย

วันนั้นผม บาส เอ็มกับเพื่อนอีก 2 คนเลยนัดกันว่าจะไปเยี่ยม ผมไม่สนิทกับเอไม่เหมือนบาสและเอ็มเพราะพวกนั้นเตะบอลด้วยกัน แต่ผมก็ไปเพราะขี้เกียจกลับบ้าน นานๆทีที่บ้านจะยอมปล่อยผมออกมา บ่ายๆวันนั้นพวกเราก็นั่งรถตู้ของบาสไปโรงพยาบาล บรรยากาศตอนเยี่ยมไข้ก็สนุกดีนะคับ พวกเราคุยกันเฮฮาตามประสาเด็กวัยรุ่นที่เหมือนไม่ได้เจอกันนาน ตะโกนด่ากันไปด่ากันมา บางคนก็ขึ้นไปนอนอยู่บนเตียง ส่วนของฝากที่เอาไปให้เอก็กลายเป็นอาหารมื้อบ่ายของพวกผมอีกมื้อ ขากลับบาสมันย้อนไปส่งทุกคนที่โรงเรียนส่วนผมขอลงกลางทางเพราะจากตรงนั้นผมนั่ง BTS กลับบ้านง่ายกว่า

พอกลับมาถึงบ้านผมก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ มันหวิวๆยังไงชอบกล พอเผลอก็ชอบนั่งคิดถึงตอนที่ไปเยี่ยมเอ หลังจากนั้นผมก็รู้สึกได้เลยคับว่ามันมีเรื่องของเอเข้ามาในหัวผมมากกว่าแต่ก่อน ตอกแรกผมคิดว่ามีใครเล่นของใส่ ก็ผมไม่เข้าใจตัวเอง ผมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน แล้วก็หาคำอธิบายให้ตัวเองไม่ได้ด้วยว่ามันคืออะไร (ดูใสซื่อบริสุทธิ์ไหมคับ  :m17:) หลังจากนั้นอีกสัปดาห์นึงเอก็กลับมาเรียนตามปกติ ทุกคนก็ใช้ชีวิตเฮฮากันเหมือนเดิมยกเว้นผม ผมเริ่มแอบมองเอและไม่กล้าสบตาเค้าตอนที่เราสองคนคุยกัน ผมมองมือถือแล้วมองมือถืออีก กว่าจะรวบรวมความกล้ามากพอที่จะโทรไปหาเค้าได้ ไม่เข้าใจเลยคับว่าทำไมคนๆนึงถึงทำให้ผมเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

แรกๆผมก็คิดหนักแต่เมื่อความรู้สึกที่มีให้เอมันมากขึ้นสุดท้ายผมก็ยอมรับว่าผมเป็นอะไร และในขณะที่หัวใจของผมเริ่มหวั่นไหว คนรอบข้างก็เริ่มสังเกตถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผม บาสมันเป็นคนเเรกที่สังเกตได้ ไม่นานหลังจากนั้น มันก็คาดคั้นผมจนรู้ความจริงและคนต่อมาก็คือเอ็ม

ซักพักข่าวนี้ก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วห้อง มันทำให้เพื่อนๆเริ่มล้อเวลาผมกับเอคุยกัน อย่างที่ผมบอกว่าเราไม่สนิทกัน นานๆทีถึงจะคุยกันที ส่วนมากก็จะเป็นเฉพาะเรื่องงาน เรื่องการบ้าน ผมว่าคงมีคนพูดกับเอบ้างละ แต่เมื่อผมเห็นเค้าเฉยๆ ผมก็เลยทำตัวให้นิ่งเข้าไว้ (เพราะเดี๋ยวไก่ตื่น555  o18) จริงๆแล้วผมอยากอยู่ใกล้เค้ามากกว่านี้ อยากมีส่วนช่วยเค้าในหลายๆเรื่อง แต่บอกตรงๆว่าผมไม่กล้าคับ แค่ยืนคุยกันธรรมดาใจผมมันก็สั่นไปหมดแล้ว จะให้โทรไปหาหรือเดินไปนั่งทำการบ้านข้างๆ ผมคงหัวใจวายเข้าซักวัน แล้วเด็กขนาดนั้นมันจะมีเรื่องอะไรให้ผมช่วย เรื่องผู้หญิงเหรอ?? จะพูดตรงๆผมก็ไก่อ่อน พอเจอผู้หญิงเข้ามาทักมันเหมือนของแสลง ขาสั่นพูดอะไรไม่ออก แนะนำชื่อเพื่อนซะงั้น

ส่วนเรื่องเรียนอันนี้คิดเเล้วต้องเอามือกุมขมับจริงๆ ควรเอาเท้ามาก่ายหน้าผากมากกว่า เพราะเอเค้าก็เก่งขั้นเทพขนาดนั้นเค้าจะมาต้องการความช่วยเหลืออะไรจากผม ทำไปทำมาจะเป็นผมมากกว่าที่ต้องไปขอให้เค้าติวให้ สุดท้ายผมก็เลยต้องกลับมาตายรังกับเพื่อนรัก นั่งติวกันอยู่ 3 คน ช่วงก่อนสอบผม บาส เอ็ม ติวหนังสือกันทางโทรศัพท์ ส่วนมากผมเป็นคนติว เอ็มมันก็มานั่งฟังเฉยๆ เพราะมันเก่งกว่าผมอีก ส่วนบาสเหรอคับ คนนี้อาการหนักถ้ามันมีขนมปังของโดเรมอนที่แปะกับหนังสือ พอกินเข้าไปแล้วจำได้  ผมคงซื้อมาเป็นปอนด์ๆแล้วกระทุ้งใส่ปากมัน

ผมใช้เวลาทำความเข้าใจกับตัวเองอีกนิดหน่อยก่อนจะเริ่มแสดงออกกับเอบ้าง จำได้ว่าเรื่องที่ต้องใช้ความกล้ามากที่สุดคือการซื้อของขวัญวันเกิดให้เค้า ผมซื้อถุงใส่เครื่องเขียนลายหมีขาว และที่ต้องใช้ความกล้ามากอีกเรื่องคือผมใส่ตุ๊กตารูปหัวใจลงไปในถุงด้วย จำได้ว่าคืนนั้นนอนไม่หลับกลัวว่าเอเค้าจะโกรธ สุดท้ายผมเลยเขียน note ใส่ลงไปว่า “อย่าคิดมากนะ ซื้อของมาแล้วเค้าแถม” ตอนที่เอาไปให้เอ เพื่อนๆมันก็ส่งเสียงกรี๊ดกันใหญ่ ผมก็อายจนพูดอะไรไม่ออกได้แต่บอกเค้าว่าสุขสันต์วันเกิด แล้วก็เดินก้มหน้างุดๆออกจากห้อง ก็คนมันอายนิคับ เกิดมาไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อน

หลังจากนั้นไม่นานช่วงของการสอบปลายภาคก็มาถึง แม้จะมีหน้าของเอลอยเข้ามาในความคิดของผมบ่อย แต่ผมก็พยายามมีสมาธิกับการสอบ พอสอบเสร็จเพื่อนเค้าก็นัดกันมาเที่ยวบ้านผม ก็กลุ่มเดิมล่ะคับ บาสกับเอ็มก็มาด้วย มันเป็นครั้งแรกที่ผมพาเพื่อนมาบ้าน สนุกดีคับ ตื่นเต้นด้วย เพราะเพื่อนผมมันเปิดเวปโป๊แล้วไม่ได้ล็อกห้อง อยู่ๆพี่เลี้ยงก็เดินเข้ามา ทีนี้ก็เลยวงแตกคับ โชคดีที่มันกดปิดเร็ว พี่เค้าไม่ทันเห็น ไม่งั้นผมละซวยแน่งานนี้

พอเย็นๆหน่อยพวกมันก็กลับกัน สภาพบ้านผมนี่รกมาก กำลังเก็บของอยู่ เอ็มมันก็โทรเข้าบ้านผม เอ็มมันเป็นพวกชอบวางแผน อยู่ๆมันก็มี idea ว่าจะ link 3 สายโทรไปหาเอแล้วถามเอเรื่องผม ผมยังไม่ได้ตอบอะไร มันก็ hold สายผมแล้วคับ กลับมาอีกทีผมก็ได้ยินเสียงเออยู่ในสายเรียบร้อย

“เฮ้ยเอ มรึงคิดไงกับไอ้นิววะ” มันชวนเอคุยเรื่องอื่นเเล้วค่อยวกมาเข้าประเด็นเรื่องผม หัวใจผมแทบจะหยุดเต้นตอนที่รอคำตอบ ได้อารมณ์นั่งลุ้นหวยมากคับ

“รำคาญจะตายห่าอยู่แล้ว พวกแมร่งจะล้ออะไรกันนักหนาวะ พอขึ้นห้องใหม่กรูก็เลิกคบแมร่งแล้ว...” นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ไม่รู้ว่าเค้าพูดอะไรต่อ สมองมันเหมือนเบลอไปหมด นี่คือคำตอบของเรื่องราวทั้งหมดใช่ไหม

ผมมารู้ตัวอีกทีตอนที่ตัวเองนอนร้องไห้อยู่บนห้อง ไม่รู้ว่าร้องไปนานเท่าไหร่ แต่เงยหน้าขึ้นมาอีกทีท้องฟ้าก็มืดแล้ว มันเหมือนมีคนเอามือมาบีบที่หัวใจเลยอะคับ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าเค้าจะรังเกียจผมมากขนาดนี้ ความรู้สึกที่ผมมีให้เค้าถ้าไม่มองในแง่ของวัฒนธรรมมันก็ไม่ได้เสียหายตรงไหน ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมมีแต่ความหวังดีให้เค้า ไม่มีคิดจะทำอะไรล่วงเกินหรือทำให้เค้าเดือดร้อน

เหมือนละครน้ำเน่า เพราะวันนั้นเป็นวันเกิดน้องชายผม ที่บ้านผมมีงานเลี้ยง มีทั้งเพื่อนน้อง ทั้งญาติมากันหมด จะให้ผมทำยังไง ร้องไห้จนจมูกแดงตาแดงขนาดนี้ ขืนเดินลงไปข้างล่างเค้าก็รู้กันหมดว่าร้องไห้มา ผมเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ ้พอเห็นหน้าตัวเองเท่านั้นล่ะคับ ไม่เคยคิดเลยว่าคนๆเดียวจะทำผมเสียใจมากขนาดนี้ ตาผมทั้งแดงทั้งบวม จมูกก็แดง แก้มผมยังมีคราบน้ำ้ตาติดอยู่เลย จากที่คิดว่าจะล้างหน้าเฉยๆ เลยเปลี่ยนมาอาบน้ำแทน ผมยืนแช่น้ำ้อยู่นานมาก ล้างหน้าหลายหนไม่รู้ทำไม แต่คิดว่าล้างหน้าหลายๆครั้งแล้วมันจะช่วยให้ตาผมหายแดงเร็ว ผมอยู่ในห้องน้ำ้จนแน่ใจว่าทุกอย่างดูปกติ ผมถึงเดินออกมาแต่งตัว

ค่ำนั้นผมนั่งอยู่ในห้องที่มีคนอยู่มากมาย แต่ผมแทบไม่พูดอะไรกับใคร ผมได้แต่นั่งมองอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า ตักมางั้นๆแหละครับ ไม่อยากให้คนอื่นถามอะไร ผมกินไม่ลงหรอกอารมณ์แบบนี้ มีคนเดินเข้ามานั่งคุยกับผม ผมก็ได้แต่ยิ้มและพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ จำได้คับว่าต้องคอยกัดลิ้นตัวเองไว้จะได้ไม่ร้องไห้ออกมา ผมเหลือบมองนาฬิกาตลอด ดูว่าเมื่อไหร่เค้าจะกลับกัน ผมจะได้โทรไปหาบาส
คืนนั้นผมโทรไปหาบาส เค้ารู้เรื่องผมจากเอ็มตั้งแต่เย็นแล้ว ผมนอนร้องไห้ให้บาสฟังจนสุดท้ายก็เผลอหลับไป คืนนั้นผมสัญญากับตัวเองว่าพอกันทีความรัก ต่อไปนี้ผมจะไม่รักใครอีกแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยคับว่าความรักครั้งแรกของผมจะทำให้ผมหัวใจแตกสลาย ต้องเสียใจขนาดนี้ เกิดมาเพิ่งเคยเจ็บเจียนตายก็ครั้งนี้ครั้งแรกล่ะครับ

หลังจากนั้นมันก็เป็นเหมือนที่เอว่า พอขึ้นปีถัดไปเราสองคนอยู่คนละห้องกัน ผมกับเค้าแทบไม่ได้คุยกันอีกเลย ถามว่าผมเสียใจไหม “เสียใจคับ” เพราะแม้แต่ความเป็นเพื่อนเค้าก็ยังไม่ให้ผม ยิ่งเวลาผ่านไปเราสองคนก็ยิ่งเหมือนคนไม่รู้จักกัน ผมไม่เคยพยายามเข้าไปคุยกับเอ แค่รู้ว่าเค้าเกลียดผมเท่านี้ก็เพียงพอแล้วกับเหตุผลที่ผมจะเดินออกมา คนไม่ชอบหน้ากันห่างกันไว้นั่นแหละดีแล้ว

ตลอดระยะเวลาที่เหลือผมกับเอพูดกันน้อยมากเหมือนต่างคนก็ต่างเลี่ยงที่จะคุยกัน เราจะคุยกันก็เฉพาะแต่เรื่องงานเท่านั้น ผมไม่เคยโทรหาเค้า และเค้าก็ไม่เคยโทรหาผม เราสองคนเหมือนเป็นอากาศธาตุให้แก่กันและกัน จนกระทั่งวันก่อนจบภาคการศึกษาสุดท้าย เค้าเอา friendship มาให้ผมเซ็น เราแลกกันเซ็น friendship คับ ตอนนั้นผมดีใจมาก ไม่ได้ดีใจเพราะหวังว่าเค้าจะมาสนใจอะไรในตัวผม (ผมผ่านจุดนั้นมานานแล้ว) แต่ผมดีใจมากกว่าที่มันก็น่าจะเป็นการจากลาที่ดี ช่วงเวลานั้นผมไม่ค่อยคิดอะไรเท่าไหร่แล้ว ผมพยายามจะคืนดีกับทุกคนเพราะคิดว่าไหนๆเราก็จะจบจากโรงเรียนนี้ไปแล้ว อย่างน้อยเวลาเจอกันข้างนอก จะได้ทักทายยิ้มแย้มให้กันได้บ้าง


ปล. พี่ๆมีอะไรก็ comment ได้นะคับ แต่ช่วยสงสารผมหน่อย เพลาๆมือกันนิดนึง เดียวผมหมดกำลังใจไปซะก่อน ... ขอบคุณคร้าบบบบ :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : update 4/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 05-04-2011 10:54:34

คำว่า เค้า ไม่ใช่สรรพนามบุคคลที่สามนะคะ

แต่จะใช่กับ เค้าโครง  เค้าร่าง  รูปเค้า  เข้าเค้า
หัวข้อ: Re: My Best Friend : update 4/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 05-04-2011 10:55:22
รอตามต่อไปและเป็นกำลังใจให้นะคะ
+1 ก่อนเลย
หัวข้อ: Re: My Best Friend : update 4/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 05-04-2011 12:39:25
อยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไงค่ะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : update 4/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 05-04-2011 21:35:55
ดีใจคับมีคนมาเมนต์ให้แล้ววววว ...  :impress2:

ตอนต่อไปรออีกนิดนะคับ กำลังเขียนอยู่  :z13:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : updated 6/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 06-04-2011 13:16:14

ช่วงแรกๆผมเหมือนคนนั่งหายใจทิ้งไปวันๆ แผลมันยังสดอยู่ก็ต้องแสบร้อนเป็นธรรมดา  :dont2: ตอนนั้นก็ได้บาสกับเอ็มช่วยปลอบ ช่วงนั้นก็คุยกับมัน 2 คนทุกวัน พวกมันก็เป็นห่วงผม โดยเฉพาะบาส มันโทรมาหาผมวันละสามเวลาหลังอาหาร ผมนอนคุยกับมันทุกคืน บางคืนก็คุยกันสนุกเฮฮา บางคืนก็นั่งร้องไห้ รู้สึกดีนะคับเวลาเสียใจแล้วมีคนอยู่ข้างๆ ผมรู้ซึ้งถึงคำว่า “เพื่อน” ก็วันนี้เเหละคับ  :monkeysad:

ผมไม่ได้โกรธเอ็มนะคับที่เป็นคนเริ่มต้นเล่นอะไรแผลงๆ ไม่เคยคิดด้วยว่าถ้าไม่ใช่เพราะมัน ผมก็ยังคงเหลือความทรงจำดีๆเกี่ยวกับเอให้เก็บไปยิ้มได้บ้าง เพราะสำหรับผมเรื่องจริงมันก็คือเรื่องจริงไม่มีวันเปลี่ยน สิ่งที่เอคิดกับผมยังไงผมก็ต้องรู้ซักวัน ถ้าเรื่องทุกอย่างมันต้องลงเอยแบบนี้ ผมก็ขอให้มันจบลงตอนนี้เลยดีกว่า เจ็บซะตั้งแต่ต้นแล้วทุกอย่างมันจะได้ผ่านพ้นไป

ปิดเทอมใหม่ๆผมก็ยังไม่มีอะไรทำ ผมไม่อยากอยู่นิ่งๆ เพราะพอเผลอผมก็จะคิดถึงเอ โชคดีคับที่พวกผมสมัครไปค่ายทัศนศึกษาต่างจังหวัด 2 คืนกับที่โรงเรียน ขาไปผมนั่งข้างบาส ผมไปด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะทิ้งเรื่องราวร้ายๆไว้ข้างหลังแล้วรีบไปชาร์ตแบตตัวเอง แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าหลังจากวันนี้ชีวิตของผมจะเปลี่ยนไป

คืนแรกของ trip พวกเราเข้าพักกันที่โรงแรม ผมจำไม่ได้แล้วละคับว่าโรงแรมชื่ออะไร จังหวัดไหน พวกเรา check in กันตอนเย็นๆ แล้วก็ขึ้นไปเก็บของบนห้อง อาบน้ำแล้วก็รอกินข้าว ค่ายนี้มันเป็น trip อะคับ เค้าไม่มีมาทำกิจกรรมรวมกันเหมือนกับในมหาวิทยาลัย ตอนกลางวันก็เที่ยว ตอนกลางคืนก็เข้าที่พักกัน ตื่นเต้นคับ เพราะไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อน

พอทุกคนอาบน้ำเสร็จพวกเราก็มากระโดดเล่นกันอยู่บนเตียง ห้องผมนอนกัน 4 คน มีผม บาส เอ็ม เน็ท เด็กผู้ชายอะคับเวลาเล่นกันก็เหมือนมวยปล้ำ กอดกันไปกอดกันมา เหวี่ยงกันไปเหวี่ยงกันมา สุดท้ายมาลงเอยที่ผมถูกแกล้งอยู่คนเดียว  :a6: เริ่มจากเน็ทที่จับไหล่ผมกดลงกับเตียง ส่วนเอ็มก็ยึดขาผมไว้ บาสนั่งคร่อมบนตัวผม  :z1:
 
แรกๆก็สนุกด่ากันไปชกกันมา ซักพักผมก็เริ่มอึดอัดเพราะบาสเค้าทำท่าเหมือนจะหอมแก้มผม โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาสัมผัสตัว ตอนนี้ผมก็ยังเป็นแบบนั้น เพื่อนสนิทผมมานั่งเบียดๆบางครั้งผมยังกระเถิบหนีเลย แล้วยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ผมยิ่งอึดอัด เล่นกันแบบนี้ได้ซักพัก ต่างคนก็ต่างหิวแล้วก็ลงไปกินข้าวกัน ระหว่างกินข้าวพวกเราก็คุยเล่นกันสนุกดี เน็ทเป็นคนตลกคับ พวกเราหัวเราะกันจนเจ็บท้องแข็งพอกินอิ่มพวกเราก็กลับขึ้นมาบนห้อง

ที่คิดว่าจะได้นั่งเล่น ดูทีวี เล่นไพ่แล้วก็นอนซัก 4-5 ทุ่ม จะได้เก็บเเรงไปเที่ยวต่อพรุ่งนี้ ผมคิดผิดเพราะเอาเข้าจริงพวกมันที่เหลือกลับแกล้งผมต่อ ผมก็ร้องโวยวายอยู่ในห้อง แต่ก็อย่างว่าแหละคับ เพื่อนกันยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ บาสก็ชอบแกล้งผม มันก็ยังทำท่าจะหอมแก้มผมไม่เลิก ผมก็ดิ้นๆๆๆ จนสุดท้ายหมดแรง คิดว่ามันก็เพื่อนกัน ไม่น่าจะเล่นอะไรกันแรงนัก แต่คิดผิดคับ เพราะตอนที่บาสก้มหน้าเข้ามา เอ็มมันจับหัวบาสกดลงมา

ทันทีที่ผมสัมผัสได้ว่าริมฝีปากของบาสกระทบกับแก้มของตัวเอง ผมก็หมดอารมณ์สนุกแล้วคับ ทุกคนก็ตกใจ เน็ทปล่อยตัวผม เอ็มขอโทษผมไม่หยุด ส่วนบาสก็อึ้งไป ตอนนั้นผมช็อคครับ ทำอะไรไม่ถูกพยักหน้าหงึกๆ พอลุกขึ้นได้ก็รีบเอาผ้าห่มมาคลุมตัว เเล้วทิ้งตัวลงนอน ช็อคมากคับ ตกใจด้วย ไม่เคยถูกใครหอมแก้มมาก่อน ตอนนี้พูดมันอาจดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ตอนนั้นสำหรับเด็กอายุเท่านั้นมันซีเรียสนะคับ

ผ่านไปเกือบชั่วโมง เอ็มกับเน็ทนั่งดูทีวีกันตรงพื้น ในขณะที่บาสนั่งมองผมอยู่ปลายเตียง ผมยังคงนอนขดอยู่ ทุกคนรู้ว่าบรรยากาศมันมาคุ เพราะผมไม่พูดะไรออกมาซักคำ สุดท้ายเอ็มกับเน็ทก็ชิ่ง ชวนกันออกไปข้างนอก ในห้องตอนนี้เหลือแต่ผมกับบาส ผมยังนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ซักพักบาสก็ขึ้นมานอนข้างๆ บาสโอบแขนรอบเอวผมเอาไว้ พูดยังไงดีละคับ … หัวใจผมมันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ผมไม่รู้ว่าบาสทำอย่างนั้นเพราะอะไร  :o8:

“นิว กรูเออออ … เรามีอะไรจะบอก” ผมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากนอนขดตัวอยู่นิ่งๆ จนบาสต้องพลิกตัวผมกลับมา ผมที่ตัวเล็กกว่าเค้าก็ต้องตามแรงเค้าหันกลับมา

“คือ คืออออออ … เราชอบนิวนะ”   o22 พูดอะไรไม่ออกเลยคับ บาส … ไอ้คนที่กวนตรีนผมตลอดเวลา ไอ้คนที่ผมไม่เคยพูดดีๆด้วยเลย ไอ้คนที่บีบบังคับจนผมต้องยอมบอกความจริงเรื่องของเอ แล้วก็ไอ้คนนี้นี่แหละที่เอาเรื่องของผมกับเอไปเป่าประกาศจนเค้ารู้กันทั้งห้อง แต่ก็เป็นคนๆนี้เหมือนกัน คนที่ปลอบผมตอนผมเสียใจ คนที่อยู่เป็นเพื่อนคุยโทรศัพท์กับผมจนผมเผลอหลับไป และก็คนนี้เเหละคนที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผม

ทุกอย่างมันเงียบมาก มากจนผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัวแล้วบาสก็จ้องตาผม ไม่รู้ซิคับเมื่อก่อนผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้แต่ตอนนั้นผมบังคับตัวเองไม่ได้จริงๆ บาสไม่เคยมองผมด้วยสายตาแบบนี้ มันเขินจนผมต้องหลบสายตาคุ้นเคยคู่นั้น

“โกรธเหรอ เอาคืนไหม” มันเป็นเสียงนุ่มๆที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน รู้จักกันมา 2 ปีบาสไม่เคยพูดกับผมด้วยนำ้เสียงนี้ มันฟังดูแล้วอบอุ่นจัง บาสยื่นหน้ามาใกล้ผมใกล้จนชนิดที่เรียกได้ว่าผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของคนตรงหน้า

ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลย ยอมรับคับว่าเพราะอยากลองด้วย ผมค่อยๆหลับตาแล้วเลื่อนหน้าเข้าไปหาแต่แค่ระยะทางที่มันห่างกันไม่ถึงคืบมันเหมือนไกลเหลือเกิน หัวใจผมเต้นเร็ว ตัวของผมร้อนผ่าวไปหมด จำได้ว่าใบหน้าของผมนั้นร้อนพอจะทอดไข่ได้ มันใช้ความกล้ามากกว่าที่คิดคับแต่สุดท้ายผมก็หอมแก้มบาส  :m25:

“หายโกรธแล้วใช่ไหม” บาสเค้ายิ้มให้ผม ส่วนผมก็เขินจนพูดอะไรไม่ออก ก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น

“ว่าไงนิว หายโกรธหรือยัง” ผมพยักหน้าแล้วบาสเค้าก็ดึงตัวผมเข้าไปนอนกอด ตอนนั้นมันไม่มีแรงแล้วคับ สมองมันไม่สั่งการ ผมตามแรงของบาสไปโดยไม่ขัดขืน มันอบอุ่นนะคับ รู้สึกได้เลยว่าเค้ารักผม

“ทำไมถึงชอบเราล่ะ” ผมถูกเค้ากอดอยู่นานกว่าจะตั้งสติรวบรวมความกล้าถามกลับไปได้

“ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าเริ่มชอบนิวเมื่อไหร่ แต่ถ้าจะถามเหตุผล … ไม่รู้เหมือนกัน จะชอบใครซักคนมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ อยู่ๆเราก็ชอบนิว อยากมาโรงเรียน อยากมาเจอหน้านิวทุกวัน” ผมงี้อายจนหน้าแดงหน้าร้อนไปหมด เขินซิคับเป็นใครๆก็อายม้วนกันทั้งนั้น เล่นมาบอกผมว่าอยากเจอหน้าทุกวัน ผมไม่ใช้คนหน้าตาดีอะไร ไม่ใช่ผู้ชายเอวบางร่างน้อยหรือว่าผู้ชายหน้าหวาน ผมมันก็แค่เด็กธรรมดาๆคนนึง แล้วใครจะไปคิดว่าไอ้คนที่เคยเล่นหัวกันอยู่ทุกวันมันจะมาแอบชอบผมได้
   
“ชอบเรามานานยัง”

“นานแล้ว ...” แล้วบาสก็เล่าให้ผมฟังตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน จนกระทั่งวันที่บาสรู้ตัวว่าเค้าคิดกับผมมากกว่าเพื่อน หลายเรื่องที่พูดออกมาผมก็ลืมไปแล้ว บางเรื่องก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ้ว่าเคยเกิดขึ้น แต่บาสจำได้หมด จำได้ไม่ว่าจะเป็นสีโปรดของผม อาหารที่ผมชอบ หรือแม้แต่เรื่องราวเล็กๆน้อย จะมีซักกี่คนที่รู้ว่าผมกลัวแมงมุม ผมไม่กินมะเขือเทศในข้าวผัด ผมไม่ราดซอสลงในจานข้าว ผมไม่ชอบดื่มนำ้อุ่นและอีกหลายเรื่องที่ผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจ

บาสเล่าต่อมาเรื่อยๆว่าวันที่เริ่มรู้สึกชอบผมคือวันที่ผมเอาการบ้านไปให้บาสลอกที่บ้าน ผมจำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้วจำได้แค่ช่วงนั้นบาสไม่สบายหลายวัน แล้วการบ้านที่โรงเรียนก็เยอะ ผมทำรายงานคู่กับบาสหลายวิชาเลยต้องรับมาทำอยู่คนเดียว จนช่วงหยุดสุดสัปดาห์ก่อนที่บาสจะกลับมาเรียน ผมเลยไปนั่งทำงานบ้านบาสเพราะมันใกล้จะถึงกำหนดส่ง แล้วผมก็หวังดีหยิบการบ้านไปให้บาสนั่งลอกด้วย สุดท้ายมันก็กลายเป็นว่าผมเปลี่ยนที่ทำงาน ส่วนบาสก็นั่งลอกการบ้านแบบไม่ลืมหูลืมตา ได้ยินที่บาสเล่าผมก็เขินนะคับ ใครจะไปคิดว่าเรื่องธรรมดาแบบนี้มันจะเป็นจุดเริ่มต้นมาจนถึงวันนี้ ชีวิตคนเรามันก็ละครดีๆนี่เอง

แล้วบาสก็เล่าให้ผมฟังว่าดีใจแค่ไหนที่ปีนี้ได้มาอยู่ห้องเดียวกับผมอีก บาสเล่าเรียงเหตุการณ์มาเรื่อย ผมฟังๆไปก็เพลินดีนะคับ ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีคนจดจำชีวิตเราได้มากมายขนาดนี้ มันรู้สึกดีที่พอบาสเล่าผมก็บอกเค้าบ้างว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ บาสเล่าเรื่องมาจนถึงช่วงที่รู้ว่าผมชอบเอ สงสารบาสคับเพราะความที่ผมไม่รู้ว่าบาสคิดยังไงกับผม มันทำให้ผมทำร้ายบาสโดยไม่รู้ตัว แต่บาสก็ยังแนะนำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมเสมอแม้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะทำให้เค้าเสียใจก็ตาม ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผมจะทำร้ายเพื่อนสนิทของผมได้มากขนาดนี้

“ชอบมาตั้งนาน แล้วทำไมไม่พูด”

“จะให้เราพูดอะไรล่ะ ก็นิวชอบเออยู่ก่อนแล้ว จะให้เราทำยังไง นิวไม่เคยมองเรามากกว่าเพื่อนคนนึง ...”

“ไม่พูดแล้ว ไม่พูดเรื่องเมื่อก่อนแล้ว” ผมไม่อยากฟังเรื่องที่ทำให้บาสเสียใจแล้วคับ อะไรที่มันไม่ดีปล่อยให้มันผ่านไปเถอะคับ ผมอยากพูดแต่เรื่องดีๆกับคนตรงหน้ามากกว่า ผมนอนซบกับหน้าอกของบาสอยู่อย่างนั้น ในขณะที่บาสก็ลูบหัวผมเล่น

แล้วอยู่ๆ เน็ทกับเอ็มก็เข้ามาในห้อง (ผมเดาว่ามันสองคนหนีไปนั่งเล่นห้องข้างๆมา) ผมรีบผละออกจากบาส สองคนนั้นก็ทำหน้างงๆที่เห็นผมกับบาสนั่งหน้าเหวอกันอยู่บนเตียง พวกมันก็มองๆแล้วไม่พูดอะไร คืนนั้นพวกเรานั่งเล่นไพ่กันจนดึก เอ็มเป็นเจ้า ได้กระจาย ส่วนผมเสียแทบจะหมดตัว เล่นกันจนเกือบตี 2 พวกเราก็ปิดไฟนอน
   ผมกับบาสนอนเตียงเดียวกัน เอ็มกับเน็ทนอนอีกเตียง และพอทุกอย่างมืดสนิทบาสก็ดึงเอวผมเข้ามากอดอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมเป็นฝ่ายหันกลับไปมองหน้าบาสเอง มันมืดเเละผมก็เห็นแต่ภาพลางๆตรงหน้า มารู้ตัวอีกทีหน้าบาสก็เข้ามาใกล้กับผมมากแล้ว ผมตัวเเข็งเลยคับ ไม่รู้ว่าบาสจะทำอะไรผม
   
บาสค่อยๆประกบปากลงมา ริมฝีปากของผมถูกเปิดออกด้วยลิ้นของคนตรงหน้า ลิ้นที่สอดเข้ามาในปากทำเอาสติผมกระเจิงไปแล้ว ผมตกใจมากเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าเค้าจูบกันแบบไหน พยายามจะหันหน้าหนีแต่มันก็สู้แรงดึงดูดตรงหน้าไม่ได้ ขัดขืนได้ซักพักผมก็จำยอม ผมทำไม่เป็นคับเกิดมาไม่เคยจูบใครมาก่อน  ผมได้แต่นอนนิ่งๆให้เค้าจูบ บาสเก่งนะคับ เเค่สัมผัสกันได้ไม่นาน เค้าก็ทำให้ผมตอบสนองกลับได้บ้าง ผมไม่ได้เว่อ แต่รสชาติของจูบ ผมว่ามัน “หวาน” นะคับ  :impress2: 
หัวข้อ: Re: My Best Friend : update 4/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-04-2011 13:48:13
เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : update 4/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-04-2011 17:21:25
 :mc4:



 :L1:เป็กำลังใจนะครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : update 4/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 06-04-2011 19:43:54
ตื่นเต้นแล้วอ่า ชีวิตรักจะเป็นยังไงต่อไป อยากรู้ค่ะ แต่โรแมนติคดีเนอะ :o8:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : update 4/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 06-04-2011 20:48:43
สนุกมาก    มาต่อเร็วๆนะ อย่าดอง
หัวข้อ: Re: My Best Friend : update 4/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 06-04-2011 22:04:34
ตื่นเต้นแล้วอ่า ชีวิตรักจะเป็นยังไงต่อไป อยากรู้ค่ะ แต่โรแมนติคดีเนอะ :o8:

บาสเค้าก็เจ้าคารมอยู่คับ ขนาดตอนนั้นผมเศร้าอยู่นะ เค้ามาทำหวานๆใส่ผมงี้เคลิ้มไปเลย  :m1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : update 4/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 06-04-2011 22:05:48
สนุกมาก    มาต่อเร็วๆนะ อย่าดอง

ไม่ดองหรอกคร้าบบบบ แต่ขอเวลาตรวจทานคำผิดนิดนึง  :mc4:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : update 4/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 07-04-2011 12:03:29

คำว่า เค้า ไม่ใช่สรรพนามบุคคลที่สามนะคะ

แต่จะใช่กับ เค้าโครง  เค้าร่าง  รูปเค้า  เข้าเค้า

ขอบคุณพี่ moderator นะคับที่เข้ามาคอมเมนต์ :m5:
กำลังนั้งลบคำว่า "เค้า" ออกอยู่คับ ... ฮิฮิ ได้อารมณ์เขียนเรียงความมากๆ 
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 3 updated 7/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 07-04-2011 21:21:05
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าเพราะเสียง TV เห็นเน็ทกับเอ็มนั่งดู TV กันอยู่ บาสก็ยังนอนอยู่ข้างๆผมแต่ไม่ได้กอดผมเเน่นเหมือนเมื่อคืนมีแค่แขนเท่านั้นที่ยังวางพาดอยู่บนเอวของผม ผมเข้ามาอาบน้ำ เดินออกมาบาสก็ตื่นนอนมานั่งดู TV กับไอ้ 2 คนนั้นแล้ว เช้านั้นไม่มีใครพูดอะไรถึงเรื่องเมื่อคืนทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมยกเว้นแต่สายตาที่ผมกับบาสมีให้กัน บาสมองหน้าผมบ่อยมาก บางครั้งก็ส่งยิ้มมาให้ ส่วนผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ตัวผมแทบไม่ห่างจากบาสเลยครับ ทั้งกินข้าว เดินเล่น หรือแม้แต่เข้าห้องน้ำผมก็ไปกับบาสตลอด  :o8:

คืนต่อไปพวกเราย้ายไปนอนกันที่ resort ริมป่าโกงกาง มื้อเย็นวันนั้นพวกเรากินข้าวกันตรงลานกลางแจ้ง บรรยากาศดีมากๆ แน่นอนคับผมนั่งข้างบาส บริการทุกอย่าง เอ็มมันเห็นก็ยิ้มๆ ผมไม่รู้ว่ามันสองคนรู้มากแค่ไหนแต่คนอย่างเอ็มคงเดาได้ว่ามันมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างผมกับบาส ดีไม่ดีมันอาจจะรู้เรื่องที่บาสแอบชอบผมมาก่อนแล้วก็ได้เพราะสองคนนี้ก็สนิทกัน แล้วอยู่ๆโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมา พ่อโทรมาครับ

“ครับพ่อ”

“นิว เอไปค่ายกับนิวด้วยหรือเปล่า” ได้ยินคำถามนี้ผมก็ร้อนตัวแล้วตรับ ผมไม่เคยพูดเรื่องเอให้ที่บ้านฟัง

“เปล่าครับ ทำไมเหรอครับ”

“พี่เค้าบอกว่า เค้าคุยกับเอ็ม แล้วเอ็มบอกว่านิวจะปล้ำเอ” ผมเหลือบตาไปมองเอ็มทันที หาเรื่องให้ผมซวยแล้วไหมล่ะ พี่ในที่นี้คือพี่เลี้ยงผมครับ ช่วงหลังๆผมคุยโทรศัพท์กับเอ็มบ่อย เวลามันโทรมาแล้วพี่เลี้ยงรับมันก็จะคุยโน่นคุยนี่กับพี่เค้าก่อน ไอ้นิสัยปากไม่มีหูรูด พูดอะไรไม่คิดนี่ มันน่าเอารองเท้าอุดปากจริงๆ  :fire:

“เปล่าครับ พ่อพูดไรอะ เอไม่ได้มาด้วยครับ บลาๆๆ” ผมรีบปฏิเสธไปก็เอเค้าไม่ได้มาจริงๆ พอวางสาย ผมก็หันไปเล่นงานเอ็มทันที ด่าซะจนไม่มีชิ้นดี  :angry2: เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมกับเอ็มห่างกัน หลังจากกลับมาเอ็มมันก็ไม่กล้ามาเล่นบ้านผม เพราะกลัวพ่อผมจะว่าเรื่องที่มันเอาเรื่องนี้ไปพูดกับพี่เลี้ยง

กินข้าวเสร็จเน็ทกับเอ็มมันก็ไปชวนเพื่อนข้างห้องเปิดวงไพ่ ผมจำได้ว่ามันเป็นวงใหญ่มาก แล้วพอบาสเห็นว่าไม่มีใครสนใจเราสองคน บาสก็ชวนผมออกมาเดินเล่น เราสองคนเดินจับมือกัน ใจนึงผมก็อายนะ จะบ้าเหรอผู้ชาย 2 คนมาเดินจับมือกันแบบนี้  :m17: แต่อีกใจนึงผมว่ามันก็รู้สึกดี มันอบอุ่นนะครับ

แม้จะผ่านมานานแล้วแต่ผมก็ยังจำบรรยากาศคืนนั้นได้มันสวยมาก resort ที่เราไปพักมันสร้างขึ้นบนป่าโกงกาง ทางเดินเป็นระเบียงไม้ทอดยาวไปเรื่อย ด้านในเป็นป่าโกงกางส่วนด้านนอกเป็นวิวทะเล เราสองคนเดินเล่นตากลมกันไปเรื่อยๆ คุยถึงเรื่องสมัยก่อน เรื่องบ้าๆที่ผมเคยทำร่วมกับบาส ยิ่งคุยกันถึงเรื่องเมื่อก่อนมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้ว่าผมผูกพันกับบาสมากขนาดไหน ก็เดินกันจนวนรอบ resort ละครับ

เเล้วเราก็เดินกล้บเข้ามาในห้อง ปรากฎว่าไอ้สองคนนั้นไปเล่นไพ่ห้องเพื่อนคับ ผมเองก็กะว่าจะตามไป แต่ขออาบน้ำ้เปลี่ยนเสี้อผ้าก่อน ก่อนที่ผมจะเดินไปไหน บาสเค้าก็ดึงตัวผมลงมากอดบนเตียง ยอมรับคับว่าตอนนั้นผมกลัว ทั้งกลัวใจตัวเองและกลัวว่าอะไรๆมันจะเลยเถิดไปกว่านี้

“นิว บาสดีใจนะที่นิวไม่ได้รังเกียจบาส” ผมไม่ทันจะตอบอะไรบาสก็จูบผม ยิ่งจูบผมก็ยิ่งคุมสติตัวเองไม่ได้ เข้าใจอารมณ์ที่เค้าบอกกันว่า “หน้ามืด” เลยคับ สมองมันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ บาสสอดมือเข้ามาใต้เสื้อของผม ปลายนิ้วของบาสกระตุ้นยอดอกของผม แหะๆอยากบอกว่าเสียวคับ จำได้ว่าตัวเองครางออกมาเบาๆด้วย ยิ่งตอนที่เค้าไซ้ซอกคอผม ผมก็ยิ่งกอดเค้าแน่นขึ้น หายใจก็ไม่ทัน สมองมันเบลอไปหมด

“นิว ช่วยบาสหน่อยสิ” ตอนเเรกผมงงคับว่าบาสต้องการให้ผมทำอะไร บาสจับมือของผมไปลูบตรงนั้น ผมถึงได้รู้ว่าหมายถึงอะไร  :m10: เหวอซิคับ แค่จูบผมยังทำไม่เป็นเลยคับ จะให้ผมทำให้เค้าผมจะทำเป็นไหม รู้อยากเดียวว่าต้องใช้ปากช่วย

ผมก็บอกนะคับว่าผมทำไม่เป็นแต่บาสก็บอกว่าไม่เป็นไรค่อยๆไป  :-[ บาสก้มลงมาจูบกระตุ้นผมอีกรอบ ได้ผลคับสติผมหลุดไปแล้ว ตอนนี้ผมคุมสติตัวเองไม่ได้อีกแล้ว บาสค่อยๆกดหัวผมลงต่ำ่ ผมว่าบาสเป็นเรื่องแบบนี้นะ (ถ้าเทียบกับผม) เพราะบาสรู้จักวิธียั่วผม บาสล้วงมือเข้ามาในกางเกงผมก่อน เริ่มแรกผมก็อาย ตกใจด้วยคับแต่ไม่นานผมก็ทนไม่ไหว แต่บาสเค้าหยุดมือก่อนที่ผมจะถึงสวรรค์ :dont2: ทำเอาผมสติแตกไปเลยครับ ผมหน้ามืดกระทันหันกว่าจะรู้ตัวกางเกงบาสก็ปลิวว่อนไปแล้ว

ผมก็ใช้ปากช่วย (ไม่เล่านะคับว่าทำยังไง แค่นี้ผมก็เขินจะแย่เเล้ว อีกอย่างพี่ๆคงรูุ้้แหละว่าทำไง :m12:) ได้ยินเสียงซี้ดซ้าดมาจากข้างบน ไม่นานเราก็สลับหน้าที่กัน สัมผัสแรกที่รู้สึก  :oo1: มันไม่ไหวเอาเลยคับ มันเหมือนตัวผมจะลอยไปในอากาศ ได้ยินแต่เสียงครางของตัวเอง คราวนี้ผมว่าผมครางดังนะ อารมณ์มันหยุดไม่อยู่แล้ว แล้วบาสก็ช่วยผมจนผมเสร็จไปนั่นแหละครับ :m2:

พอเสียงครางมันหายไป ผมก็ได้ยินแต่เสียงหอบของตัวเอง บาสนอนกอดผมเอาไว้ พออารมณ์อย่างว่ามันน้อยลงสติเริ่มกลับมา เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป นี่ผมมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันเหรอเนี่ยแล้วไอ้ผู้ชายคนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของผมอีก

ซักพักถึงได้รู้คับว่าตัวเองไม่ได้ใส่อะไรเลย อายครับ ยิ่งพอเห็นหน้าบาสที่มองมา ผมก็ยิ่งอาย สายตาบาสมันแบบว่าไม่รู้สิ “555 มรึงเป็นของกรูแล้ว”  :a2: ผมรีบลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่กองอยู่บนพื้น กะว่าจะหลบเข้าไปตั้งหลักในห้องน้ำ ้แต่บาสก็คว้ามือผมไว้

“อาบน้ำ้ด้วยกัน”  o4 จะบ้าเหรอ ผมส่ายหัวยิกๆเลยคับ แค่นี้ผมก็อายจนมองหน้าบาสไม่ไหวแล้ว ให้ไปอาบน้ำ้ด้วยกันผมมีหวังสติแตกพอดี แล้วห้องน้ำ้ที่นี่ก็แบบว่า open roof ผนังก็ประมาณว่าวับๆแวมๆ ผมคงสติกลับพอดีถ้าเข้าไปอาบน้ำ้กับบาส ผมปฏิเสธแต่บาสไม่ยอมก็ยื้อยุดฉุดกระชากกันเล็กน้อยก่อนที่ไอ้สองตัวนั้นมันจะไขประตูเข้ามา ตอนที่ได้ยินเสียงไขกลอน ผมใจหล่นวูบเลยครับ เพราะตอนนั้นผมคาดแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว โชคดีที่บาสลงกลอนไว้ พวกมันเลยเข้ามาไม่ได้ บาสปล่อยมือผมแล้วเดินหัวเสียไปที่ประตู ผมก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ้ไป

ผมได้ยินเสียงโวยวายตั้งแต่อาบน้ำ้แล้วล่ะคับ ออกมาก็เจอทั้ง 3 คนนั่งเล่นไพ่กันอยู่ ผมก็เข้าไปร่วมวงด้วย คืนนี้เสียน้อยกว่าเมื่อคืนเพราะบาสเป็นเจ้า เกือบตี 1 โน่นแหละคับพวกผมถึงเข้านอน พอปิดไฟมืด บาสก็ดึงผมเข้ามากอด  :กอด1: หอมแก้มผมแล้วก็นอนเอาหน้าซุกที่ซอกคอของผม ...

มีความสุขครับแต่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา ขามาผมกะว่าจะมาชาร์ตแบตให้กับชีวิตแต่ขากลับผมงี้ไม่กล้ามองหน้าพ่อแม่เลยครับ กับสิ่งที่ผมทำลงไป แม้ผมจะเด็กแต่ผมก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถ้าพ่อแม่รู้ท่านคงเสียใจ เช่นเดียวกันกับพ่อแม่บาสซึ่งผมก็ไม่กล้ามองหน้าท่านทั้งสองเหมือนกัน ตอนนั้นสับสนครับเพราะผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันคืออะไร ผมกับบาสเป็นอะไรกันผมก็ตอบไม่ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นตลอด 3 วันที่ผ่านมามันจริงจังมากแค่ไหนผมก็ไม่รู้ กลับมาถึงกรุงเทพฯแล้วมันจะเป็นยังไงต่อไป ผมไม่รู้อะไรเลย ตอบคำถามตัวเองไม่ได้ซักอย่าง สับสนและไม่รู้จะไปปรึกษาใคร ในเมื่อคนๆนั้นคือเพื่อนสนิทผม แล้วผมก็ไม่กล้าจะไปพูดเรื่องนี้กับเอ็ม คืนนั้นผมกับบาสก็โทรคุยกันเหมือนเดิม ก่อนนอนบาสก็บอกรักผม ผมจำได้ว่ายิ้ม แต่ผมยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าผมจะทำยังไงกับเรื่องของเราดี :o11:

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอยที่ 3 updated 7/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 08-04-2011 22:34:11
เจ๊ย! น้อง ทำไมไวไฟกันงี้อ่ะ โอเคพอจะเข้าใจอ่ะนะ เด็กผู้ชายก็ประมาณนี้ล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอยที่ 3 updated 7/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 09-04-2011 00:18:15
เจ๊ย! น้อง ทำไมไวไฟกันงี้อ่ะ โอเคพอจะเข้าใจอ่ะนะ เด็กผู้ชายก็ประมาณนี้ล่ะมั้ง

ตอนนั้นผมอยู่ในช่วงวัยรุ่นเลยครับ ฮอร์โมนเพศกำลังแรงแบบว่าจุดนิดเดียวก็ติดแล้ว

แต่ยอมรับนะครับว่าตอนนั้นเด็กมาก หนังXXX ยังไม่เคยดูเลยด้วยซำ้ ภาพที่ออกมามันเลยเหมือนเด็กเพิ่งหัดเดิน  : 222222:

ตอนเเรกก็คิดว่าจูบกันก็แค่เอาปากมาชนกันไง ไม่เห็นจะยาก  :m26:  เอาเข้าจริงบาสใช้ลี้นด้วยครับ แฮะแฮะ อยากบอกว่า "ตกใจ"  :-[
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอยที่ 3 updated 7/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 09-04-2011 00:57:18
 :m15: ซึ้งจังทุกอย่างพัฒนามาจากคำว่าเพื่อน
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอยที่ 3 updated 7/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 09-04-2011 07:36:46
:m15: ซึ้งจังทุกอย่างพัฒนามาจากคำว่าเพื่อน

ขอบคุณครับ ข้อดีจองการเป็นเพื่อนกับแฟนคือถ้าเลิกกันก็ recycle กลับมาเป็นเพื่อนได้อีก 55 :m4:

ไป one day trip ต่างจังหวัดนะคร้าบบบบบบบบบบบบบ  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอยที่ 4 updated 10/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 10-04-2011 23:07:39
หลังจากกลับมาผมกับบาสไม่ได้เจอหน้ากันหลายสัปดาห์ ผมก็พยายามขอที่บ้านออกไปเที่ยวกับบาสแต่พ่อก็บอกว่าจะไปเที่ยวอะไรกันนักหนาเพิ่งกลับมาจากไปค่าย ผมเลยนั่งเล่นเกมไปวันๆฆ่าเวลาว่าเมื่อไหร่คุณพ่อจะยอมให้ผมออกไปเที่ยวกับบาส ระหว่างนั้นเราสองคนก็โทรคุยกันทุกวันและบาสก็บอกรักผมทุกคืน  :m1: ยอมรับว่าผมคิดถึงบาสมาก อยากเจอหน้า ผมเป็นเอามากขนาดฝันเห็นหน้าบาสเลยนะครับ  จนกระทั่งวันที่ผมรอคอยก็มาถึงเพราะพ่อแม่บาสอนุญาตให้บาสมานั่งเล่นบ้านผม

ยอมรับครับว่าครั้งแรกที่เจอกันผมกังวลมากเพราะไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไง บาสชวนเพื่อนอีกคนมาด้วยมันชื่อโจ้ มาถึงบ้านผมโจ้มันตรงดิ่งไปนั่งเล่นเกมที่ห้องนั่งเล่นทันที บาสกับผมเลยถือโอกาสขึ้นมาข้างบน บาสเริ่มก่อนครับพอเข้ามาในห้องบาสก็ดึงผมไปที่เตียง ผมรู้ว่าบาสต้องการอะไร บาสจูบผม ผมก็จูบตอบ แล้วจากนั้นอะไรๆมันก็เป็นไปในทางที่มันควรจะเป็น

หลังจากวันนั้นเวลาบาสมา “นั่งเล่น” บ้านผมก็จะชวนไอ้โจ้มาด้วย จริงๆแล้วโจ้มันสนิทกับบาสครับแต่ไม่สนิทกับผม มันเป็นคนซื่อๆ มึนๆ ซึ่งก็เหมาะกับการทำหน้าที่ไม้กันหมา เพราะจะได้ไม่มีใครสงสัยว่าบาสมานั่งทำอะไรบ้านผมทั้งวันและอีกอย่างไอ้โจ้มันไม่ค่อยถามอะไร พอถึงบ้านผมไอ้โจ้มันก็เหมือนรู้หน้าที่คือเดินเข้าไปเล่นเกมในห้องนั่งเล่นอย่างสบายใจ แล้วเหมือนมันหลุดออกจากโลกของความเป็นจริงไปเลยครับ เพราะมันไม่สนใจคนรอบข้าง ผมกับบาสก็ได้โอกาสขึ้นมามีความเป็นส่วนตัวกันบนห้องผม ไม่เล่านะครับว่าพวกผมทำอะไรกัน พี่ๆน่าจะเดากันได้ก็ ... :oo1: ... ครับ

ผมนะยกเดียวก็นอนหอบแล้ว แต่บาสนี่สิ จะอะไรมากมายก็ไม่รู้ ผมว่าตอนเดินขึ้นมาข้างบนนี่ผมมีเเรงนะครับ แต่พอเดินลงผมแทบเดินไม่ไหว อีกนิสัยหนึ่งของบาสที่ผมลืมไปคือบาสหื่นครับ ตอนเด็กๆบาสชอบเอาหนังโป๊มาแลกกับเพื่อนที่โรงเรียน คือปกติบาสก็หื่นอยู่แล้ว ยิ่งไอ้เส้นกั้นตรงกลางระหว่างผมกับบาสมันหายไปแล้วผมจะเหลือเหรอ  :m5:

ส่วนใหญ่แล้วบาสจะมา “นั่งเล่น” บ้านผมมากกว่า เพราะบ้านบาสเป็นโรงงาน ชั้นล่างเป็นห้องกินข้าว ชั้นบนมี 3 ห้อง ห้องนั่งเล่น ห้องนอนและห้องน้ำ้ มันไม่มีความเป็นส่วนตัวไงครับ ก็มีเหมือนกันที่ผมไป “นั่งเล่น” บ้านบาส แต่ก็ทำอะไรกันไม่ได้มาก แค่จะกอดกันผมยังใจเต้นตุ้บตั้บเลยครับ กลัวคนอื่นเปิดประตูเข้ามาเห็น แม้จะมีความเป็นส่วนตัวเวลามา “นั่งเล่น” บ้านผม แต่ความสัมพันธ์ของผมกับบาสก็ยังไม่ลึกซึ้งถึงขั้นนั้น :เฮ้อ: ยอมรับตรงๆคือผมไม่กล้าครับ กลัวเจ็บ บาสเคยพยายามครั้งหนึ่ง แค่นิดเดียวผมก็บิดตัวหนีแล้วครับ มันเจ็บอ่ะ  :m17: เจ็บแบบเจ็บจี๊ดเลย ตั้งแต่นั้นมาผมเลยเข็ดไม่ยอมให้บาสทำอะไรมากกว่าใช้ปาก บาสก็สุภาพนะครับ ไม่เร่งรัดผม ไม่บังคับผม บอกว่ารอได้ แหะๆ คือยังไงผมก็ไม่รอดใช่ไหม  :z3:

ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็เป็นแบบนี้มาตลอด ที่บ้านผมก็ไม่สงสัย เพราะมีไอ้โจ้มาเป็นไม้กันหมา อีกอย่างผมกับบาสก็ไม่หายกันไปค่อนวัน ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ลงมานั่งเล่นเกม ดูทีวี กับไอ้โจ้มันแล้ว เราคุยกันทุกคืน ก็ตามประสาคนเพิ่งคบกัน คุยกันไม่มีเบื่อ บางคืนเราก็เล่น sex phone กัน ตื่นเต้นดีครับ บาสเป็นคนชวนผมเล่นก่อนแต่หลังๆเวลาไม่ได้เจอกันนานๆ ผมก็เป็นฝ่ายชวน ไอ้อารมณ์อย่างว่าทุกคนก็คงมีเหมือนกัน (แต่มากน้อยต่างกัน) ผมก็เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่านแต่เพราะเป็นคนไม่กล้าแสดงออกเรื่องแบบนี้ ผมเลยมักจะเกริ่นนำก่อน

“บาส นิวคิดถึงบาสนะ อยากเจอบาสจังเลย” แล้วบาสก็จะเออออกับผม  :m12:

“นิวอยากให้บาสกอดนิวจัง” แล้วก็ตามมาด้วยมุกอ้อนๆของผมครับ

“บาส” ใช้เสียงอ้อนเข้าไว้ครับ แป๊บเดียวบาสก็เข้าใจว่าผมต้องการอะไร  :haun5:

แม้ผมจะไม่รู้ว่าสถานะของผมกับบาสมันคืออะไร แต่ผมไม่เคยใส่ใจ ผมไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันเรียกว่าอะไร มันผิดไหม มันทำให้คนรอบข้างเสียใจหรือเปล่า ผมรู้เเค่เพียงผมมีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้กับบาส มีความสุขเวลามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบาส และมีความสุขเวลาที่บาสบอกรักผม มันอาจเป็นเพราะผมยังเด็กผมเลยทำเฉพาะแต่สิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของผมจะทำให้คนรอบข้างเสียใจขนาดไหน

คืนนั้นน้องชายผมขอมาน้องห้องเดียวกับผม ผมเลยหนีไปคุยโทรศัพท์ข้างล่าง อยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงพ่อตวาดมาจากข้างบน ผมขอวางสายบาสแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นมา เห็นพ่อกับแม่ยืนอยู่หน้าห้อง ข้างหลังเป็นเจ้าน้องชายผมที่กำลังยืนร้องไห้อยู่

“มาคุยกับพ่อในห้อง” ผมเดินตามพ่อเข้ามานั่งอยู่บนเตียง พ่อยืนมองหน้าผม ส่วนแม่ก็เดินตามเข้ามาหลังจากพาน้องเข้าไปนอน

 “นิว ตอบพ่อมาตามตรง … นิวเป็นเกย์เหรอ” ผงงี้หน้าซีดเลยครับ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ผมไม่รู้ว่าพ่อไปรู้อะไรมา ได้ยินแบบนี้ผมก็ต่อมน้ำ้ตาแตกแล้ว … ผมพยักหน้าก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวแล้วเริ่มร้องไห้ ผมกลัว กลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวว่าพ่อแม่จะเสียใจ กลัวว่าท่านทั้ง 2 จะรู้เรื่องของผมกับบาส กลัวว่าพ่อจะสั่งให้ผมเลิกคบกับบาส

และภาพที่ผมเห็นมันยิ่งตอกย้ำ้ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปมันทำให้คนที่รักผมมากที่สุดเสียใจขนาดไหน คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าน้ำ้ตาของพ่อกับแม่อีกแล้วล่ะครับ ผมพูดอะไรไม่ออก ผมลงไปกราบเท้าพ่อแล้วร้องไห้ แม้ว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่มันจะไม่ดี แต่มันก็ไม่ใช่ว่าผมไม่รักพ่อกับแม่ ผมรู้ว่าผมทำให้ท่านเสียใจ ลูกชายคนแรกที่อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่เล็ก ... พ่อถามเรื่องเอผมก็ตอบตามความจริงว่าผมกับเอไม่ได้เป็นอะไรกัน

“ลูกมีอะไรจะบอกพ่ออีกไหม” ผมนึกถึงเรื่องราวของผมกับบาสที่นับวันมันก็ยิ่งจะห่างไกลคำว่าเพื่อนเข้าไปทุกที อึดอัดครับ ใจหนึ่งผมก็โล่งอกที่พ่อไม่รู้เรื่องของผมกับบาส แต่อีกใจหนึ่งผมก็ไม่อยากจะโกหก … และพี่ๆคิดว่าคำตอบของผมมันคืออะไร    

“ไม่มีครับ” สุดท้ายผมก็เลือกที่จะโกหก ผมไม่กล้าบอกพ่อหรอกครับว่าผมกับบาสเป็นมากกว่าเพื่อนกัน ไม่กล้าบอกหรอกครับว่าเรามีอะไรกันแล้ว ผมคงเห็นแก่ตัวที่เอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้ง ผมไม่อยากเลิกคบกับบาส และที่สำคัญคือผมรักบาสมาก มาก มากเกินกว่าที่จะยอมเห็นความรักของเรามันพังลงไปต่อหน้าต่อตา

คืนนั้นแม่ให้ผมโทรไปหาบาส แม่คุยกับบาส บอกบาสถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและตอนที่แม่ฝากบาสดูแลผม ผมไม่กล้าสู้หน้าแม่เลยครับ แม่คงไม่รู้ว่าการที่ฝากผมไว้กับบาสมันก็ยิ่งเหมือนการเอาไฟไปอยู่ใกล้น้ำ้มัน ฝากปลาย่างไว้กับแมว ผมรับโทรศัพท์ต่อจากแม่แล้วเดินออกมาคุยกับบาส ผมบอกบาสว่าที่บ้านไม่รู้เรื่องของเราสองคน ผมบอกว่าผมรักบาส แต่ช่วงนี้คงโทรคุยกันบ่อยๆไม่ได้ บาสก็เข้าใจครับ

เช้าวันรุ่งขึ้นผมโทรไปเล่าให้เอ็มฟัง เอ็มรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ บาสโทรไปหาเอ็ม บาสก็เครียดเหมือนกัน แต่เอ็มนี่เครียดหนักครับ เพราะมันรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดเริ่มจากที่เอ็มไปพูดอะไรไม่ระวังกับพี่เลี้ยงผม พ่อเลยสงสัย หลังจากวันนั้นเอ็มก็ไม่กล้ามาบ้านผม เอ็มกลัวพ่อผมไปเลยครับ นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมกับเอ็มค่อยๆห่างกันไป ตลอดระยะเวลาที่เหลือก่อนเปิดเทอมผมใช้เวลาทั้งหมดที่มีอยู่กับบาส พี่ๆจะว่าผมเลวก็ได้ แต่ผมก็ยังคบกับบาสและยังมีความสัมพันธ์กับบาสเหมือนเดิม

สำหรับเรื่องของที่บ้านตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้พ่อกับแม่ไม่เคยถามอะไรผมเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้อีกเลย...
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 4 updated 10/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 10-04-2011 23:33:43
อย่างน้อยๆ นิวก็ยังมีความสุขที่นะ อิอิ
รีบๆอัพน๊ารออ่านอยู่
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 4 updated 10/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 10-04-2011 23:48:27
อย่างน้อยๆ นิวก็ยังมีความสุขที่นะ อิอิ
รีบๆอัพน๊ารออ่านอยู่

จะพูดว่าได้อย่างเสียอย่างมันก็ไม่เชิงเพราะของแบบนี้มันก็เอามาเปรียบกันไม่ได้ว่า "ได้" หรือ "เสีย"  :m19:

โฮ้ววววว!! พี่ผมเพิ่ง up ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเองให้เอาตอนใหม่แล้วเหรอครับ  :jul1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 4 updated 10/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Nu fluke ที่ 11-04-2011 13:28:57
รอๆๆๆๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 4 updated 10/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 12-04-2011 00:18:58
โหย เริ่มเครียดแล้วไง      :เฮ้อ:
ดราม่าอยู่ที่พ่อน้องใช่ป่ะ
สงสารพ่อน้อง แต่เรื่องแบบนี้เปลี่ยนกันไม่ได้หรอกเนอะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 4 updated 10/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 12-04-2011 00:26:08
ดิ้นรอ อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 4 updated 10/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 12-04-2011 00:32:30
โหย เริ่มเครียดแล้วไง      :เฮ้อ:
ดราม่าอยู่ที่พ่อน้องใช่ป่ะ
สงสารพ่อน้อง แต่เรื่องแบบนี้เปลี่ยนกันไม่ได้หรอกเนอะ

ต้องบอกว่าจริงๆแล้ว สงครามยังไม่เริ่ม อย่างเพิ่งนับศพทหารครับ  :z2:
ตอนนั้นผมรู้สึกผิดมากนะ เรื่องผมเป็นอะไรมันก็อีกเรื่องนึง เรื่องที่ทำพ่อแม่ร้องไห้นี่ก็อีกเรื่องนึง

หยุดยาวไปเที่ยวไหนกันบ้างอะครับ ผมยังหาที่เที่ยวไม่ได้เลย สงสัยอยู่เที่ยวกรุงเทพสบายๆดีกว่า  o13

ดิ้นรอ อิอิ

รอดิ้นเหมือนกันครับ  :m7:
ใจเย็นครับขอนั้งตรวจคำผิดก่อน...
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 4 updated 10/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 12-04-2011 22:02:49
ปิดเทอม 2 เดือนไวเหมือนโกหกพวกเราโตขึ้นมาอีกปีแล้ว ผมพยายามใช้เวลาอยู่กับบาสให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ช่วงนั้นเอ็มมันไม่กล้ามาเล่นบ้านผม อย่าว่าแต่มาเลยครับ โทรศัพท์ที่มันเคยโทรมันยังไม่กล้าเลย มันบอกว่ามันกลัวพ่อผมครับ ทั้งๆที่ผมก็บอกไปแล้วว่าพ่อผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น แม้เอ็มมันจะจิตตกไปแล้ว แต่ผมยังโทรไปคุยกับมันบ่อย ถึงยังงั้นผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับบาสให้เอ็มฟัง แม้ผมจะรู้สึกว่าเอ็มมันรู้ว่ามีอะไรบางอย่างระหว่างผมกับบาส แต่มันก็ไม่เคยถาม

ขอเล่าย้อนไปนิดหนึ่งนะครับ ... ช่วงที่ผมรู้จักกับเอ็มใหม่ๆ มันชอบมาเกาะแกะผม ชอบมาเดินเบียดๆ มานั่งข้างๆ เวลาถ่ายรูป เวลาผมเผลอมันก็ชอบขโมยกอดผม ตอนนั้นผมรำคาญมันครับ  :angry2: เลยชอบพูดเเรงๆใส่ นานๆเข้ามันก็เลิกทำ แล้วพอผมเริ่มคุยกับมันดีๆ ถึงได้รู้ว่ามันก็เป็นคนดีคนหนึ่ง เอ็มเป็นคนรักเพื่อนมากครับ ขอแค่บอกว่าต้องการให้มันทำอะไรมันทำให้หมด

ต่อ ... ก่อนหน้าถึงวันเปิดเทอมพวกผมรู้ห้องเรียนใหม่กันหมดแล้ว ผมกับเอ็มที่ทำคะแนนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ดี ขยับขึ้นมาอยู่ห้องเด็กเรียน ผมควรจะดีใจใช่ไหมครับ มันเป็นเหมือนฝันของเด็กมัธยมหลายๆคนของโรงเรียนผมที่จะได้เข้ามาอยู่ห้องนี้ แต่ผมกลับไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นเลยครับ ผมอยากอยู่กับบาส อยากเรียนห้องเดียวกับบาส อยากเจอหน้าบาสทุกวัน ผมปรึกษาเรื่องห้องใหม่กับเอ็ม เอ็มมันก็รู้สึกเหมือนกันเพราะมันก็ไม่มีเพื่อนอยู่ห้องนี้เลยสักคน แล้วเราทั้งคู่ต่างก็ได้ยินมาว่าห้องเด็กเรียนเห็นแก่ตัว ช่วงก่อนเปิดเทอมผมเลยโทรไปหาเอ็มบ่อย จนสุดท้ายพวกเราก็ตัดสินใจไปปรึกษาอาจารย์ที่โรงเรียน อาจารย์ท่านก็ดีนะครับ รับฟังความคิดของพวกผม ท่านบอกผมว่า
   
“มีโอกาสก็รีบคว้าเอาไว้ มันมีคนอีกหลายคนที่เขาอยากจะมีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้ อย่าไปเชื่อเรื่องที่เขาว่าเด็กเรียนเห็นแก่ตัว ครูว่าเด็กเรียนเก่งก็เป็นเด็กน่ารักไม่ต่างอะไรกับพวกเธอ”  :t2:
   
ได้ยินแบบนี้ผมกับเอ็มก็ตัดสินใจว่าจะไม่เปลี่ยนห้อง บาสไม่ว่าอะไรอยู่แล้วครับ มันเป็นความคิดของผมเองแหละที่อยากย้ายมาอยู่กับบาสทั้งๆที่บาสก็บอกแล้วว่าไม่ต้อง อยู่โรงเรียนเดียวกันยังไงก็ได้เจอหน้ากันอยู่ดี

 เปิดเทอมวันแรก จำได้ว่าเมื่อคืนผมนอนไม่หลับ ตื่นเต้น ผมไม่กล้าเดินเข้าห้องใหม่คนเดียว เลยนัดเอ็มไว้หน้าประตูโรงเรียน ยืนรอมันสักพักก็เห็นมันแบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่เดินมาหา เปิดประตูเข้าไปในห้องบรรยากาศมันก็เหมือนกับห้องเดิมที่ผมเคยอยู่ ผมอยากนั่งข้างหน้า แต่เอ็มมันอยากนั่งข้างหล้ง ตลกไหมล่ะครับที่สุดท้ายเราก็นั่งแยกกัน

วันเเรกๆผมก็ไม่ค่อยมีเพื่อน ใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อย ผมว่าห้องนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน ตอนนี้ผมเปลี่ยนความคิดแล้วครับ ใครว่าเด็กเรียนเป็นหนอนหนังสือ ไม่ใช่หรอกครับ ลิ้นชักใต้โต๊ะมากกว่า 70% มีการ์ตูนอย่างน้อย 1 เล่ม แล้วใครว่าเด็กเรียนเห็นแก่ตัว ไอ้คนที่ได้ที่หนึ่งระดับมันนั่งอยู่ข้างผมและมันนี่แหละตัวส่งโพยประจำห้องเลย ผ่านไปสักพักผมก็มีเพื่อนกลุ่มใหม่ เอ็มมันก็มีเหมือนกัน ผมกับมันยังคุยกันเหมือนเดิมแต่ไม่ได้ทำงานกลุ่มด้วยกัน ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวด้วยกันเท่าไหร่

ผมยังคบ (ขอใช้คำจำกัดความของความสัมพันธ์ของผมกับบาสว่า “คบ” นะครับ  :m17:) กับบาสอยู่ ช่วงนั้นผมติดบาสมากครับ ผมใช้เวลามากที่สุดเท่าที่ผมจะหาได้มาอยู่กับบาส ตอนเช้าพอเดินเข้าประตูโรงเรียนผมก็หยิบโทรศัพท์โทรหาบาสแล้วครับ ถ้าบาสยังกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารผมก็จะเดินไปนั่งเป็นเพื่อนแต่ถ้าบาสขึ้นตึกไปแล้ว ผมเอาของไปวางที่โต๊ะส่งการบ้านแล้วค่อยไปหาบาสที่ห้อง มันก็ไม่ได้ผิดสังเกตอะไรเพราะผมกับบาสก็ทำตัวเหมือนเพื่อนกันปกติ ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นเราจะขึ้นกรูขึ้นมรึงกัน ถ้าอยู่กันสองคนถึงจะเรียกชื่อเล่น

พักเช้าผมลงมานั่งกินน้ำ้กินขนมเป็นเพื่อนบาส ส่วนบาสกินข้าวเพราะบาสจะเล่นบอลตอนพักกลางวัน เราสองคนนั่งข้างกัน มองตากันและแอบส่งยิ้มให้กัน ใช่ครับเรื่องของผมกับบาสไม่มีใครรู้ แล้วเราก็ตกลงกันว่าจะรู้กันแค่สองคน ตอนกลางวันผมกินข้าวกับเนย์เพื่อนสนิทคนใหม่ของผม กินอิ่มผมจะแว้บมาดูบาสเตะบอล ไม่ได้ถึงกับมานั่งเชียร์ติดขอบสนามหรอกครับ บางวันก็นั่งดูอยู่บนตึก บางวันก็ไปนั่งม้าหินใกล้ๆ ทำเป็นอ่านหนังสือ ผมจะไปนั่งติดขอบสนามเฉพาะวันที่บาสมีแข่งนัดสำคัญๆ คือที่โรงเรียนผมนักเรียนจัดแข่งกันเอง ไม่มีรางวัลอะไรหรอกครับ แข่งกันเอามันเฉยๆ

บาสเป็นกองหน้าพูดได้คำเดียวครับว่า หล่อมากกกกก  :impress2: คือบาสเป็นคนตัวสูง หุ่นนักกีฬา ขนาดผมที่เห็นบาสในแบบ version ที่ยังไม่ผ่านกบว.มาแล้วยังอดเคลิ้มเวลาเห็นบาสวิ่งในสนามไม่ได้เลยครับ  :haun4: บางครั้งบาสก็วิ่งๆๆแล้วหันมาส่งยิ้มให้ ผมแทบจะละลายอยู่ขอบสนาม หวานกันซะขนาดนี้พี่ๆคงสงสัยว่าทำไมผมไม่ไปนั่งตรงนั้นบ่อยๆ เพราะผมไม่ชอบเวลาเห็นคนอื่นมาแอบมองบาส เวลามานั่งทีไรก็จะได้ยินเสียงคิกๆคักๆแล้วมีชื่อบาสหลุดออกมาตลอด มีครั้งหนึ่งผมเคยได้ยินรุ่นน้องกระซิบกันเรื่องจะไปแอบดูบาสเข้าห้องน้ำ้ ผมงี้เลือดขึ้นหน้าเลยครับ  :fire:  ก็นิสัยผมนะคือขี้หึงแต่ไม่พูดไม่แสดงออก มันเรื่องอะไรล่ะ คนของผม ผมก็ต้องเก็บไว้ดูคนเดียวสิ  (วันนั้นผมก็ไปเล่าให้บาสฟัง บาสก็ขำๆนะครับ บอกว่าจะเก็บไว้โชว์ผมคนเดียว)
   
ช่วงพักบ่าย ถ้าผมไม่ติดงาน (นั่งลอกการบ้านเพื่อน) ผมก็จะลงไปหาบาสที่ห้อง เลิกเรียนตอนเย็นผมต้องกลับบ้าน บาสอยู่เรียนพิเศษต่อ จริงๆแล้วอยู่แต่ชื่อ ตัวจริงอยู่สนามบอล ผมเคยพูดกับบาสเรื่องโดดเรียนนะครับแต่บาสไม่ฟังผม ผมอยากให้บาสตั้งใจเรียน อยากให้ได้เกรดสูงๆ เผื่อว่าปีหน้าผมกับบาสจะได้อยู่ห้องเดียวกัน มันเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของการคบกับเพื่อนสนิทตัวเอง คือมันยังคงเหลือซึ่งความเป็นเพื่อนอยู่บ้าง ผมกับบาสรู้จักกันมานาน เล่นหัวกันมาตลอด สำหรับบาสไม่ก็คือไม่และผมก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าบาสพูดคำว่า “ไม่” ออกมา ถ้าคิดว่าตอนเป็นเพื่อนบาสอ่อนให้ผมคืบหนึ่งแล้วพอเลื่อนสถานะขึ้นมาบาสจะอ่อนให้ผมได้เป็นศอก คิดผิดครับ บาสไม่โอ๋ผมเหมือนพระเอกในละครทีวีหรอกครับ

ทุกคืนบาสจะโทรเข้ามือถือผมตอน 3 ทุ่ม ถ้าเป็นวันธรรมดาเราจะคุยกันถึง 4 ทุ่ม ถ้าเป็นวันหยุดเราจะคุยกันถึงเที่ยงคืน เปิดเทอมแล้ว ผมกับบาสเราสองคนไม่ค่อยได้ไป “นั่งเล่น” กันที่บ้านเหมือนช่วงปิดเทอม  :m15: แน่นอนครับว่าทั้งผมและบาสต่างก็อึดอัดและโหยหาที่จะมีเวลาส่วนตัวอยู่ด้วยกัน คิดดูสิครับ เห็นหน้ากันทุกวันแต่ใกล้ชิดกันไม่ได้ sex phone ก็เล่นกันบ่อย แม้จะทำให้ความรู้สึกอยากใกล้ชิดกันมันลดลงบ้าง แต่แค่เสียงมันเทียบไม่ได้เลยกับสัมผัส  :z3:

ทางออกที่ง่ายที่สุดของเราสองคนคือ ห้องน้ำครับ  :m25: ตอนแรกผมส่ายหัวไม่เอาด้วยเด็ดขาดกับความคิดนี้ จะบ้าเหรอห้องน้ำ้โรงเรียน ผมไม่ใช่นักแสดงหนัง erotic นะ พี่ๆนึกสภาพห้องน้ำ้โรงเรีียนนะครับว่ามันแคบขนาดไหน เข้าไปคนเดียวก็แทบจะไม่มีที่แล้ว จะให้ไปทำอะไรกันสองคนจะมีที่ให้ขยับไหม ไหนจะทั้งอาจารย์ นักเรียน ภารโรงเดินเข้าออกกันให้วุ่นไปหมด ได้ใกล้ชิดกันมันก็ดีครับ แต่ตื่นเต้นแบบนี้ผมไม่เอาด้วย บาสชวนผมหลายครั้งแต่ผมก็อิดออดไม่ยอม

จนวันหนึ่งจำได้ว่าบาสเป็นเวรซักผ้า ผมเลยมานั่งรอบาสอยู่หน้าห้อง คือไอ้หน้าที่นี่เป็นหน้าที่ที่ผมเกลียดที่สุดเพราะได้กลับบ้านช้าสุด มันต้องรอเพื่อนคนอื่นใช้ผ้าเช็ดกระดาน ผ้าเช็ดโต๊ะครูอะไรแบบนี้จนเสร็จก่อนเราถึงจะเอาไปซักได้ ถ้าถึงเวรผม ผมก็ขายเวรตลอดละครับ ใครทำแทนผม ผมเลี้ยงข้าว กว่าบาสจะได้ผ้ามาก็เย็นแล้วครับ เลิกเรียนได้ 30 นาทีนี่บนตึกเหลือแต่อาจารย์แล้ว ผมเป็นนักเรียนผมก็ไม่อยู่หรอก กลับบ้านเล่นเกมดีกว่า

ผมก็เดินตามบาสไป กะว่าจะช่วยซักจะได้รีบกลับบ้าน พอตัวเดินเข้ามาในห้องน้ำ้เท่านั้นล่ะครับ ผ้า 2-3 ผืนที่บาสถือมาถูกโยนลงถังขยะ บาสคว้าข้อมือผมลากเข้าห้องน้ำทันที ผมที่กำลังงงอยู่กว่าจะรู้ตัวประตูทางออกมันก็ปิดไปแล้ว บาสไม่พูดอะไรประกบปากจูบผมทันที ผมมันก็พวกทนแรงดึงดูดไม่ได้ สักพักเท่านั้นล่ะ ผมงี้เคลิ้มมมมมม  :m3:
 ไม่สนแล้วครับว่านี่ที่ไหน มัน “หน้ามืด” ไปแล้ว จากที่ขัดขืน ผมเป็นฝ่ายปลดกระดุมบาสก่อนเลย ก็ช่วยกันจนเสร็จ ทีนี้ตอนจะออกจากห้องน้ำนี่น่ากลัวครับ เพราะไม่รู้ว่าจะมีใครเดินเข้ามา บาสให้ผมออกไปก่อน แล้วไปรอเขาใต้ตึก ผมออกมาจากห้องน้ำก็ส่องกระจกดูความเรียบร้อบแบบลวกๆ แล้วเดินลงมานั่งรอบาสใต้ตึก

พอมีครั้งแรกมันก็มีครั้งต่อๆไป ผมไม่เคยนับ แต่เราสองคนก็มีอะไรกันบ่อย ถ้าวันไหนผมอยาก ตอนเย็นหลังเลิกเรียนผมจะไม่รีบกลับบ้าน จะเดินมานั่งดูบาสเล่นบอลที่สนาม  :o8: พอเห็นผม บาสก็จะเดินเข้ามาทำท่าเป็นคุยงาน เเล้วก็กระซิบให้ผมขึ้นไปในห้องน้ำ้ แต่ถ้าบาสเป็นฝ่ายอยาก คืนก่อนหน้านั้นบาสก็จะบอกผมว่าตอนเย็นให้ผมมาดูบาสเล่นบอล

บอกความลับว่าผมกับบาสมีห้องประจำครับ เราเลือกห้องน้ำ้ของตึกเรียนเก่าที่แม้มันจะเล็กและกลิ่นแย่กว่า (แต่พอทนได้) ตึกใหม่ซึ่งใหญ่กว่า ปลอดคนกว่าแต่อาจารย์ชอบเดินตรวจ มันคงไม่ดีแน่ถ้าอาจารย์เข้ามาเห็นเด็กผู้ชายสองคนอยู่ในห้องน้ำ้เดียวกัน แต่ข้อเสียของห้องน้ำ้ตึกเก่าคือมันอยู่ติดห้องพักอาจารย์ทุกห้อง เข้าทำนองเส้นผมบังภูเขา ใครจะคิดว่ามีไอ้เด็กหื่นสองคนมาแอบมีอะไรกันตรงนี้ เข้าใจความรู้สึกของคนที่ชอบมีอะไรกันในที่สาธารณะตอนดึกๆเลยครับ

ผมไม่ได้โรคจิตนะ แต่มันก็ตื่นเต้นดี เสียอย่างเดียวคือตัวบาสเค็มมากครับเพราะเพิ่งออกกำลังมา มันเหมือนกินเกลือเลยครับ บางครั้งกำลังถึงจุดสูงสุด มีใครไม่รู้เข้ามา ผมก็หยุดบ้างไม่หยุดบ้าง สงสารบาสครับ ทำหน้าแบบว่าไม่ไหวแล้ว ต้องกัดเเขนตัวเองเอาไว้  :dont2: ก็ทีใครทีมัน เพราะถ้าวันไหนผมซวยบาสก็ไม่ยั้งมือเหมือนกัน

นานๆครั้งบาสถึงจะได้มา “นั่งเล่น” บ้านผมและทุกครั้งก็ต้องพ่วงไอ้โจ้มาด้วย ผมก็ไม่รู้ว่าบาสไปสรรหาอะไรแปลกๆจากไหนมาลองกับผม เเรกๆผมก็อายครับ แต่บาสก็ขะยั้นขะยอจนผมยอม ผมไม่ชอบอะไรที่มันต้องใช้ความสามารถมาก แค่ได้ใกล้ชิดกับบาสผมก็พอใจแล้ว สุดท้ายผมเลยขอบาสว่าทำแบบธรรมดาก็ได้ advance มากๆผมก็ไม่ไหว

ตอนมีอะไรกัน บาสก็เหมือนผู้ชายทั่วไปคือหน้าตาแบบหื่นมาก  :z1: แต่สัมผัสมันอ่อนโยนนะครับ แล้วพอเวลาอารมณ์แบบนั้นมันผ่านพ้นไป ผมกับบาสก็จะเข้าไปล้างตัวกันในห้องน้ำ ถ้าไม่งั้นมันรู้สึกไม่สบายตัวยังไงบอกไม่ถูก จะได้ล้างเอาอะไรๆออกไปด้วย บาสจะเข้ามาอาบน้ำ้กับผมทุกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นแผนของบาสหรือเปล่า เพราะบางครั้งบาสก็กระตุ้นอารมณ์ผมจนเสร็จไปอีกรอบระหว่างล้างตัว

เห็นเรามีอะไรกันบ่อยแต่ผมก็ยังรักษาดินแดนของตัวเองเอาไว้ได้ บาสขอผมเรื่อยๆแหละ แต่ผมกลัวเจ็บ แล้วอีกอย่างบรรยากาศมันก็ไม่เป็นใจ ไม่รู้สิบาสเป็นคนพิเศษของผม ถ้าผมจะมีอะไรลึกซึ้งกับบาส ผมก็อยากให้มันเป็นที่อื่นที่ไม่ใช้ห้องน้ำ้ ผมมีความสุขมากนะครับที่ได้คบกับบาส เย็นบางวันเราก็ไปดูหนังกันที่สยาม เสร็จแล้วก็ไปนั่งกินข้าวกินไอศครีมกันต่อ บางวันเราก็ไปนั่งกิน starbuck กันแถวโรงเรียน แม้จะไม่ได้แสดงออกเหมือนคนทั่วไป แต่แววตาที่มองมาที่ผม ผมก็เชื่อในคำว่ารักที่บาสพูดออกมา   :m1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 5 updated 12/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 12-04-2011 23:32:36
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากกกกกกกกกก  :m1: :m1:

  มาต่อเลยไรเตอร์  :sad4:  :sad4:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 5 updated 12/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 12-04-2011 23:40:55
ขอบคุณครับ  :a2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 5 updated 12/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 13-04-2011 08:15:49
สุขสันต์วันสงการนต์นะคร้าบบบบบ
มีความสุขกันมากๆนะครับทุกคน  :m18:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 5 updated 12/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 13-04-2011 19:29:05
ไม่ได้ออกไปเล่นไหนเลย รู้สึกเหงาๆ เเต่ก็ช่างเหอะ อ่านนิยายในบอร์ดนี่ล่ะ  5555+
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 5 updated 12/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 13-04-2011 23:29:53
ไม่ได้ออกไปเล่นไหนเลย รู้สึกเหงาๆ เเต่ก็ช่างเหอะ อ่านนิยายในบอร์ดนี่ล่ะ  5555+

อ่านนิยายไปเรื่อยๆก็สนุกนะครับ ผมก็ชอบนั้งเปิดดูโน่นนี่

วันนี้ผ่านสีลม ดูคึกคักเหมือนทุกปี  o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 5 updated 12/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 14-04-2011 00:50:12
เริ่มจะหวานแหววปนหื่นขึ้นทุกวันๆ  ติดตามและเป็นกำลังใจให้ค่ะ  +1  (อยากบวกให้แต่บวกถูกวิธีรึเปล่าไม่รู้)
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 5 updated 12/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 14-04-2011 10:27:34
เริ่มจะหวานแหววปนหื่นขึ้นทุกวันๆ  ติดตามและเป็นกำลังใจให้ค่ะ  +1  (อยากบวกให้แต่บวกถูกวิธีรึเปล่าไม่รู้)

ขอบคุณครับ    :z2:
หัวข้อ: Re: ...รักล้นใจ...(อัพครั้งที่ 16)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 14-04-2011 13:31:36
อ่านที่เดียวยาวเลย เราคิดว่าเอ็มมันวางแผนเรื่องเอหรือเปล่าหนา  ไม่อยากคิดมากนะเนี้ย
หัวข้อ: Re: ...รักล้นใจ...(อัพครั้งที่ 16)
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 14-04-2011 14:40:03
อ่านที่เดียวยาวเลย เราคิดว่าเอ็มมันวางแผนเรื่องเอหรือเปล่าหนา  ไม่อยากคิดมากนะเนี้ย

เอ็มมันพวกบ้าๆบ๋องๆอะครับ ตอนเด็กมันก็ชอบทำอะไรงงๆของมัน ไอ้เรื่อง link โทรศัพท์ 3 สายนี่ผมกลัวมันที่สุดเพราะบางครั้งมันก็โทรมาถามโน่นถามนี่ ผมก็พูดๆๆ มารู้เอาที่หลังว่ามันมีคนอื่นอยู่ในสายด้วยแล้วก็รู้หมดเลยว่าเวลาผมเมาส์มันออกรสชาดขนาดไหน

เรื่องเอ็มวางแผนหรือเปล่า ... ที่ผมเล่าอยู่ตอนนี้มันเป็นแค่ช่วงเวลาวัยเด็กของผม เป็นแค่ต้นเรื่องเองครับ

"ใครบอกว่าละครมันนำ้เน่า ผมว่าชิวิตจริงมันเน่ายิ่งกว่าในละครอีกครับ"  :monkeysad:

สงกรานต์แล้วแต่ตัวยังไม่เปียกนำ้เลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 5 updated 12/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Nu fluke ที่ 14-04-2011 16:03:52
ยังไม่มาอกีหรอ คนแต่งมัวแต่ไปเล่นน้ำที่ไหนเนี้ย :a5:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 5 updated 12/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 15-04-2011 01:16:14
ยังไม่มาอกีหรอ คนแต่งมัวแต่ไปเล่นน้ำที่ไหนเนี้ย :a5:

ใจเย็นครับ ขอเวลาตรวจทานอีกนิดนึงงงงงงงงงงงง  :z13:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 5 updated 12/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 15-04-2011 21:57:46
ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ไม่มีอะไรยั่งยืน ความสุขอยู่กับเราได้ไม่นาน ช่วงนั้นพวกผมชอบโทรศัพท์ติวหนังสือกัน ความจริงแล้วมันเป็นข้ออ้างของผมที่จะได้คุยโทรศัพท์กับบาสนานๆโดยที่ที่บ้านไม่บ่น เวลาติวกันปกติก็จะมีแค่ผมกับบาสและบางครั้งก็จะมีเพื่อนบาสอีกคนชื่อเป้ เป้เป็นเพื่อนสนิทบาส อยู่ห้องเดียวกับบาส ผมไม่ค่อยรู้จักเป้แต่ก็คุยกันได้

เรื่องมันเริ่มมาจากผมช่วยติวน้องสาวของเป้ชื่อแป้ง ไม่บ่อยหรอกครับ แค่ 2-3 ครั้งก่อนแป้งสอบ ผมไม่เคยเห็นแป้งแต่ใครๆก็บอกว่าแป้งน่ารัก แป้งเป็นเด็กเรียบร้อยครับไม่เหมือนพี่ชาย พูดกับผมลงท้ายคะ-ขาตลอด ผมก็เอ็นดูแป้งเหมือนน้องคนหนึ่ง แต่มันก็มีบางครั้งที่แป้งเข้ามาอยู่ในสายช่วงที่ผม บาส เป้ติวหนังสือกัน
   
แรกๆผมก็ไม่รู้สึกอะไรจนมาช่วงหลังผมเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างในนำ้เสียงเเละบทสนทนาของแป้งกับบาส จนวันหนึ่งแป้งก็มาถามผมว่าบาสมีแฟนหรือยัง ผมเข้าใจคำถามของแป้งดีครับ แต่จะให้ผมพูดอะไรในเมื่อความสัมพันธ์ของเราสองคนมันเป็นความลับ ผมทำได้แค่ตอบแป้งไปว่ามีแล้วมั้ง เห็นชอบหลบไปคุยโทรศัพท์บ่อยๆ

แป้งไม่ได้มาพูดให้ผมเป็นพ่อสื่อให้ แต่แป้งไปพูดกับเป้ เป้มันก็ไม่รู้เรื่องอะไรมันก็เลยไปกระซิบบอกบาส แป้งเริ่มเข้ามาในชีวิตผมมากขึ้น จนในที่สุดแป้งก็ขอมาเรียนพิเศษวันเสาร์กับพวกผมที่โรงเรียน ผมเองก็อยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะอีกคนหนึ่งก็น้องเพื่อน แต่ที่ทำให้ผมเสียใจมากที่สุดคือท่าทีของบาสที่เปลี่ยนไป บาสให้ความหวังแป้ง ทำเหมือนว่าตัวเองก็ชอบแป้งอยู่เหมือนกัน เพื่อนในกลุ่มบาสก็ยุ แล้วบาสก็ทำเหมือนจะเอาจริง ผมหึงมากครับ หึงถึงขั้นลุกออกไปจากโต๊ะก็เคยมี ผมไม่รู้จะทำยังไง จะไปพูดกับแป้งก็เหมือนเอาเรื่องตัวเองไปประจาน พอผมพูดกับบาส เราสองคนก็ทะเลาะกัน

ผมไม่รู้ว่าบาสคิดอะไรอยู่ ผมไม่อยากทะเลาะกับบาส ผมรักบาสมากครับ เวลาทะเลาะกันผมก็เสียใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ บางคืนผมคิดมากตี 3 แล้วผมยังไม่หลับ ไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยแอบเอาเหล้าที่บ้านมากินจะได้มึนๆแล้วนอนหลับ ถ้าถามว่าทั้งที่ผมก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบาส แต่ทำไมผมถึงไม่แสดงความเป็นเจ้าของบาส อย่างแรกคือบาสไม่ชอบให้ผมแสดงออกว่าหวงหรือหึง แล้วยิ่งผมแสดงออกถึงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ เป็นเรื่องทุกทีครับ

ผมรักบาสครับ อะไรที่ทำให้เราสองคนไม่ต้องทะเลาะกันผมยอมทำหมด แม้ว่าตัวเองจะเจ็บก็ตาม เหตุผลต่อมาที่ทำร้ายจิตใจผมเหลือเกินคือแล้วผมเป็นอะไรกับบาสล่ะครับ แฟนกันเหรอ??? บาสไม่เคยขอผมเป็นแฟนและผมก็ไม่เคยเรียกร้องสถานะอะไรจากบาส เราสองคนไม่เคยคุยกันว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันเรียกว่าอะไร

ช่วงหลังผมแทบไม่ได้คุยโทรศัพท์กับบาสเลย บาสไม่ค่อยโทรหาผม พอผมโทรไปบาสก็คุยกับแป้งอยู่ ผมเลยจำใจต้องวางสาย บางครั้งคุยกัน บาสก็ link แป้งเข้ามาด้วย ถ้าคุยกันสองคนผมจะแทนตัวเองว่านิว บาสก็แทนตัวเองว่าบาส แต่พอมีแป้งเข้ามาผมก็ต้องพูดกรูมรึง

หนักๆเข้าบาสทำอะไรไม่เกรงใจผมเลยครับ บางเสาร์พวกเรามากินข้าวกลางวันด้วยกันที่โรงอาหาร บาสก็ไปรอแป้งหน้าห้องแล้วไล่ให้ผมไปจองโต๊ะ แค่เห็นภาพบาสกับแป้งเดินมาด้วยกันผมก็น้ำ้ตาซึมแล้ว จากที่เคยนั่งข้างผม สบตาผม ยิ้มให้ผม ตอนนี้บาสไม่ทำแล้วครับ บาสไปนั่งข้างแป้ง ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปเองหรือเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าบาสพยายามไม่อยู่ใกล้ผมต่อหน้าแป้ง พยายามทำกับผมเหมือนเพื่อนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ บางครั้งผมนั่งอยู่ตรงนั้นแท้ๆ บาสกลับพูดหยอดน้องแป้งต่อหน้าผมเหมือนผมไม่มีตัวตนตรงนั้น บาสซื้อน้ำซื้อขนมให้น้องแป้ง เดินถือกระเป๋าให้ แต่กับผมบาสแทบไม่ชายตามองด้วยซ้ำ เวลาไปไหนกันเป็นกลุ่มผมก็มักจะเดินรั้งท้าย

แต่แม้ทุกอย่างจะเป็นแบบนี้ ผมก็ยังยอมที่จะมีอะไรกับบาสเหมือนเดิม มันเจ็บนะครับที่จะต้องมีอะไรกับคนที่เขาไม่ได้รักเรา เวลามีอะไรกันบาสไม่อ่อนโยนกับผมเหมือนเดิม หลายครั้งบาสกัดคอผมจนขึ้นห้อเลือด บางครั้งบาสก็ให้ผมช่วยแต่พอเสร็จบาสก็ทิ้งผมให้อารมณ์ค้างอยู่อย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าบาสมองเห็นผมเป็นตัวอะไร อย่างน้อยผมก็เป็นเพื่อน ผมก็คนนะครับ มีศักดิ์ศรีเหมือนกันแต่ก็เพราะความรักล่ะครับที่ทำให้ผมยอมบาสทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งทำร้ายตัวเอง

ยอมรับครับว่าจากที่เคยเอ็นดูน้องแป้ง ตอนนี้ผมเกลียดน้องแป้งแทบขาดใจ ผมเลิกรับโทรศัพท์น้องแป้งแล้วแต่พอเจอหน้าผมก็ต้องทำดีด้วยเพราะบาสเข้าข้างน้องแป้ง สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวไปคุยกับเป้ เป้มันก็ยอมรับว่าแรกๆมันก็สงสัยว่าผมกับบาสคบกันอยู่ แต่พอมันถามบาส บาสก็บอกว่าเปล่า ตอนนี้ไม่ได้คบกับใคร เป้มันก็เข้าใจนะครับ มันขอโทษผมที่ดึงเอาน้องแป้งเข้ามาเป็นมือที่สาม ผมบอกเป้ว่าเห็นใจผมเถอะ ผมรักบาสมาก ไหนๆเป้ก็รู้ความจริงแล้วว่าผมมาก่อนช่วยดึงน้องแป้งออกไปที เป้ก็สัญญาว่าจะช่วยแต่สุดท้ายมันก็จนใจ เพราะไม่รู้จะพูดกับน้องตัวเองว่ายังไง ประกอบกับบาสเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายไปจีบน้องแป้งก่อน

ผมทำอะไรไม่ได้เลย มันเหมือนต้องยืนอยู่เฉยๆให้คนอื่นตบหน้า ผมเหมือนสุนัขจนตรอก จนกระทั่งสุดท้ายผมก็เลิกทำตัวเป็นคนดี ผมยื่นคำขาดให้แป้งเลิกยุ่งกับบาสและไม่บอกเหตุผลอะไรกับแป้งสักอย่าง

“แป้ง ถ้ายังเห็นว่าพี่เป็นพี่แป้งอยู่ เลิกคบกับพี่บาสซะ” ผมจำประโยคที่ตัวเองพูดได้ดี ตอนนั้นผมพูดไปเพราะอารมณ์จริง ๆพูดจบผมก็ตัดสายแป้งไปเลย ไม่นานบาสก็รู้เรื่อง

จำได้ว่ามันเป็นตอนเย็นหลังเลิกเรียน บาสโทรนัดผมให้รอที่ห้องเรียน บาสนัดผมเย็นมาก ตอนนั้นเพื่อนๆในห้องกลับกันหมดแล้วครับ พอเห็นหน้าผมบาสก็ตรงเข้ามากระชากคอเสื้อแล้วผลักผมไปชนกับกำแพง จุกครับจุกจนหายใจแทบไม่ออก

“มรึงจะเอายังไงกับกรู” บาสหน้าตาน่ากลัวมาก ผมเคยเห็นหน้าแบบนี้เฉพาะตอนที่บาสมีเรื่องกับคนอื่นแต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งบาสจะมาทำหน้าแบบนี้ใส่ผม

“บาสนั่นแหละจะเอายังไงกับนิว” ผมร้องไห้ครับ เจ็บและเสียใจ ทุกอย่างที่บาสทำกับผมมันใช่สิ่งที่คนรักกันทำให้กันเหรอ บาสคนที่ผมรู้จักสุภาพและอ่อนโยนกับผมมากกว่านี้ เราทะเลาะกันอย่างรุนแรง มันมีอยู่ประโยคหนึ่งที่ผมจำได้จนมาถึงวันนี้

“มรึงมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับชีวิตกรู” ผมอึ้งไปเลยครับพอได้ยินประโยคนี้ บาสโมโหมากผลักผมอัดกำแพงอีกรอบแล้วชกมาที่ผม ผมว่าเขาเล็งที่หน้าผมนะแต่ผมหลบทันหมัดมันเลยโดนต้นแขนผมเต็มๆ เจ็บเหมือนกระดูกหักเลยครับ ผมทรุดลงนั่งกับพื้นแต่บาสก็ไม่สนใจ เดินออกจากห้องไปต่อหน้าต่อตาผม
   
เช้าวันต่อมาผมยืนมองตัวเองในกระจกหน้าตา มันเหมือนวันที่ผมได้ยินความจริงจากปากเอไม่มีผิด ตาผมบวม จมูกแดง ที่แก้มมีคราบน้ำ้ตา ผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อคืนผมร้องไห้หนักมาก หนักจนชนิดที่ไม่น่าเชื่อว่าร่างกายของคนเรามันจะสร้างน้ำ้ตาได้มากขนาดนี้ แขนผมปวดไปหมด ตรงที่บาสต่อยมันขึ้นเป็นรอยช้ำ้ดวงใหญ่มากมันใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่ารอยช้ำนั้นจะหายไป
   
หลังจากวันนั้นบาสก็ไม่พูดกับผมอีก ผมมานั่งคิดว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดมาจากอะไร ความรักมันทำให้ผมตาบอด ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมว่าบาสเป็นเพื่อนที่ดีมากสำหรับผม และผมก็คิดว่าถ้าเราเลื่อนสถานะขึ้นมา บาสก็คงดูแลผมดีเหมือนตอนที่เราเป็นเพื่อนกันแต่ผมลืมไปครับ ลืมไปว่าเพื่อนสนิทของผม “เจ้าชู้”  :sad4:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 6 updated 15/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 15-04-2011 23:12:01
อ๋อ  ดราม่ามันอยู่ตรงนี้นี่เอง  นิวรักตัวเองหน่อยนะ  บาสน่ากลัวมาก  ดูชั่วลงไปถนัดตา   ไม่หวานแล้วสิ ตกลงใครคือ  my best friend  ของนิว
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 6 updated 15/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 15-04-2011 23:26:28
ดัดขาดจากมันเหอะ หาคนใหม่ดีกว่าา
ทำตัวเป็นนางเอกหนังไทยมันไม่ได้อะไรหร๊อกนิวเอ๋ยยย
 
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 6 updated 15/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: MookHo ที่ 15-04-2011 23:30:12
ลืมมันซ่ะ คนเจ้าชู้

ก้มันได้ตัวไปแล้วหนิ  อย่าไปสน
 :z6:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 6 updated 15/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 15-04-2011 23:49:30
อ๋อ  ดราม่ามันอยู่ตรงนี้นี่เอง  นิวรักตัวเองหน่อยนะ  บาสน่ากลัวมาก  ดูชั่วลงไปถนัดตา   ไม่หวานแล้วสิ ตกลงใครคือ  my best friend  ของนิว

บาสเป็นคนแบบนี้แหละครับบทจะดีก็ดีแสนดีแต่พอน้ายขึ้นมาผมนี่พูดอะไรไม่ออกเลย
ส่วนใครจะเป็น my best friend ของผม ????  :z2: ฮิฮิ


ดัดขาดจากมันเหอะ หาคนใหม่ดีกว่าา
ทำตัวเป็นนางเอกหนังไทยมันไม่ได้อะไรหร๊อกนิวเอ๋ยยย

ไม่ได้ทำตัวเป็นนางเอกนะคร้าบบบบบ ก็ไปบอกตัวร้ายแล้วไงว่าขอคนของผมคืน
เอาแบบ MV ปานเลยดีไหนครับแบบว่าดัก  :beat: หรือให้เอายาแก้แพ้สาดหน้าดี
 
[/quote]
ลืมมันซ่ะ คนเจ้าชู้

ก้มันได้ตัวไปแล้วหนิ  อย่าไปสน
 :z6:

ความสัมพันธ์ของผมกับบาสมีคำว่า "เพื่อน" เข้ามาเป็นส่วนประกอบอยู่เยอะครับ มันเลยทำให้บาสไม่ค่อยเกรงใจผมเท่าไหร่
จริงๆแล้วบาสนี่ถือเป็น puppy love ของผมเลยนะครับ ผมรักบาสมากครับเรียกได้เลยว่ารักแบบโงหัวไม่ขึ้น ไม่ลืมหูลืมตาเลยครับ
ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวคือไม่อยากทะเลาะกับบาส เวลาทะเลาะกันบาสชอบพูดแย่ๆใส่ผมครับแต่ผมนิ่งตลอด ไม่เคยเถียง
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 6 updated 15/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: MookHo ที่ 16-04-2011 00:11:46

ความสัมพันธ์ของผมกับบาสมีคำว่า "เพื่อน" เข้ามาเป็นส่วนประกอบอยู่เยอะครับ มันเลยทำให้บาสไม่ค่อยเกรงใจผมเท่าไหร่
จริงๆแล้วบาสนี่ถือเป็น puppy love ของผมเลยนะครับ ผมรักบาสมากครับเรียกได้เลยว่ารักแบบโงหัวไม่ขึ้น ไม่ลืมหูลืมตาเลยครับ
ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวคือไม่อยากทะเลาะกับบาส เวลาทะเลาะกันบาสชอบพูดแย่ๆใส่ผมครับแต่ผมนิ่งตลอด ไม่เคยเถียง
ก็เข้าใจอยุ่นะ
ความเป็นเพื่อนมันค้ำคอ
เป็นเหมือนกันเวลาชวนเพื่อนคุยแล้ววกเข้าเรื่องที่เขาจะไม่พอใจ
อาจทำให้ทะเลาะได้เราก็จะเงียบไป  ปล่อยให้เขาไม่พอใจเราไปก่อน
เพียงเพื่อ  รักษาคำว่า"เพื่อน"ไว้

สู้ต่อไปนะ :L2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 6 updated 15/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 16-04-2011 01:12:05
แอบคิดไว้ตั้งแต่แรกว่าไม่น่าจะลงเอยกับ บาส แต่น่าจะเป็น ... M มากกว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 6 updated 15/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 16-04-2011 07:10:27
คนรักกันไม่กันแบบนี้หรอกครับ
ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือคนรัก
มันเหมือนคบไว้หาประโยชน์ยังไงไม่รู้
ตัดใจแล้วถอยออกมาดีไหม
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 6 updated 15/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Nu fluke ที่ 16-04-2011 14:48:43
 :o12:หยุดเลยดีกว่าตอนนี้ก้เศร้ามาอ่านเรื่องนี้เข้าไปอีกน้ำตาไหลเลย :o12:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 6 updated 15/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 17-04-2011 00:05:22
ขอบคุณครับสำหรับทุกๆ

comment
แอบคิดไว้ตั้งแต่แรกว่าไม่น่าจะลงเอยกับ บาส แต่น่าจะเป็น ... M มากกว่า อิอิ

ใจเย็นครับ ฮิฮิ  :z2:

คนรักกันไม่กันแบบนี้หรอกครับ
ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือคนรัก
มันเหมือนคบไว้หาประโยชน์ยังไงไม่รู้
ตัดใจแล้วถอยออกมาดีไหม

"คบไว้หาประโยชน์" นี่แรงนะครับ ชอบบบบบ  o13
แต่เรื่องของผมกับบาสยังไม่หมด ... อดใจอีกนิดนะคร้าบบบบ

:o12:หยุดเลยดีกว่าตอนนี้ก้เศร้ามาอ่านเรื่องนี้เข้าไปอีกน้ำตาไหลเลย :o12:

คบกันมันก็ต้องมีหวานบ้างขมบ้างเป็นธรรมดา "ถ้าไม่ทุกข์จะรู้เหรอครับว่าสุขมีค่าขนาดไหน"
คมไหมครับ จำไม่ได้แล้วว่าไปได้ยินจากใครมา  :m4:

สงสัยตอนนี้คะแนนของบาสคงตกฮวบ  :really2:


 
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 6 updated 15/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 18-04-2011 21:24:58
ต่อนะครับ ... อยู่คนเดียวผมก็เหงาแต่ถ้าจะให้กลับไปอยู่กับบาส สถานการณ์แบบนี้หัวใจของผมมันก็เหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ผมเข้าใจความหมายของคำว่า “เหงาจับใจ” ก็วันนี้แหละครับ เมื่อก่อนผมมีบาสเป็นคนบอกรักผมทุกคืนก่อนนอน เช้าตื่นขึ้นมาผมก็รีบมาโรงเรียน มาเจอหน้าคนที่ผมรัก ตอนนี้ทุกคืนก่อนนอนผมได้แต่จ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์ว่าเมื่อไหร่บาสจะโทรมาหาผม ตอนเช้าผมก็ยังอยากไปโรงเรียนเหมือนเดิม อยากไปเจอหน้าบาสแม้บาสจะไม่อยากเจอหน้าผมก็ตาม

ผมไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องของเราสองคน ผมโทรไปบาสก็ไม่รับบางครั้งก็ตัดสายทิ้ง เจอหน้ากันที่โรงเรียนสายตาคู่นั้นมันก็ช่างเย็นชาและทำร้ายจิตใจผมเหลือเกิน มองซ้ายมองขวาผมก็เห็นแต่ทางตัน ผมไม่มีเพื่อนสนิทชนิดที่ว่าพูดกันได้ทุกเรื่องหรอกครับ แต่ไหนแต่ไรมาผมก็มีแต่บาส แล้วพอถึงวันนี้วันที่ไม่มีบาสอยู่ข้างๆ ผมก็เหมือนตัวคนเดียว เอ็มรู้ว่าผมกับบาสทะเลาะกันแต่ผมก็ไม่ได้เล่าอะไรให้เอ็มฟัง
   
เชื่อไหมครับว่าคนที่ผมไม่เคยคิดจะเดินเข้าไปหากลับเป็นคนที่ห่วงใยผม ไอ้โจ้ครับ มันรู้ว่าผมกับบาสทะเลาะกันแต่ไม่รู้สาเหตุ ผมก็บอกมันแค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย โจ้มันอยู่ห้องเดียวกับบาสมันก็คอยโทรมาเล่าให้ผมฟังตลอดว่าบาสเป็นยังไง และในขณะที่ผมกำลังเฉาตาย บาสกลับมีความสุขกับน้องแป้ง โจ้มันเคยพูดกับบาสเรื่องผม แต่บาสก็โกรธมากจนเกือบทะเลาะกัน พี่ๆเชื่อไหมครับว่าบาสพูดว่าอะไร บาสบอกว่าให้ผมไปขอเอให้มาพูดกับบาสแล้วบาสจะหายโกรธ
   
แล้วจะให้ผมทำยังไง ตั้งแต่ขึ้นปีใหม่มาผมกับเอไม่เคยคุยกันสักคำ เจอหน้ากันยังไม่มองกันเลยด้วยซ้ำ้ แต่สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว รู้ว่ามันไม่มีศักดิ์ศรีแต่ผมก็แบกหน้าไปพูดกับเอ ตอนนั้นผม puppy love สุดๆ บาสเป็นรักครั้งแรกที่จับต้องได้ของผม มีเท่าไหร่ผมก็ให้บาสหมด หมดจนผมไม่มีอะไรเหลือไว้ให้ตัวเอง แล้วก็เป็นไอ้โจ้อีกละครับที่มาเล่าให้ผมฟังว่าเอมาพูดกับบาส ผมมีความหวังขึ้นมาหน่อยแต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังเพราะบาสไม่แม้แต่จะมองผมหน้าผมเลย
   
ทุกวันเสาร์ผมยังเจอบาสกับเพื่อนคนอื่นๆอยู่ หลังเลิกเรียนพวกเราจะมานั่งกินข้าวด้วยกัน ผมต้องเห็นภาพบาสกับแป้งหยอกกันทุกครั้ง บาสเอาใจแป้งสารพัด ถ่ายรูปคู่กัน กินนำ้แก้วเดียวกัน ซื้อขนมมาแบ่งกันกิน ผมทนรับสภาพแบบนั้นได้ไม่นาน สุดท้ายผมก็ถอยออกมา มันเป็นนิสัยของผม ผมยอมที่จะไม่รับรู้อะไรเลยดีกว่าจะยอมรับว่าบาสมีคนอื่น ผมเลิกเข้าไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนๆบาสแล้ว พอเลิกเรียนผมก็รีบเก็บของกลับบ้าน
   
ผมยังรักบาสอยู่ครับแต่ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อบาสไม่อยากให้ผมยืนอยู่ข้างๆ สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือยอมรับความจริงและรอ รออะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เสียใจครับ ทั้งๆที่เราสองคนก็เพิ่งเริ่มคบกันได้ไม่นาน ผมยังลิ้มรสชาติความรักได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องมาเสียใจเจียนตายแบบนี้ ผมทำอะไรไม่ได้เลย พี่ๆเคยไหมคับทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้ คิดมากผมก็ร้อง เห็นสายตาเย็นชาคู่นั้นผมก็ร้อง บางครั้งนั่ังอยู่เฉยๆแล้วร้องไห้ก็ยังเคย
   
พูดตรงๆว่าตอนนั้นผมกลัวว่าผมจะเป็นบ้า ผมเริ่มหาอย่างอื่นมาดึงดูดความสนใจ … ผมสมัครติวแข่งขันวิชาการทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้สนใจที่จะไปสอบ แต่เเค่อยากหาอะไรทำ ตอนเย็นหลังเลิกเรียนก็ต้องเข้ามานั่งติวกับพวกเพื่อนๆกลุ่มไอ้เอ็ม (เอ็มมันก็มีเพื่อนกลุ่มใหม่ของมันครับ เราสองคนค่อยๆห่างกันไป) กว่าจะเลิกก็ 5 โมงครึ่ง กลับมาบ้านผมก็เอาแต่ทำการบ้าน อ่านหนังสือ ผมไปซื้อหนังสือมาอ่านเสริมไม่รู้กี่สิบเล่ม ช่วงนั้นถ้าว่างผมก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านตลอด ผมเน้นหนักไปที่เลขครับเพราะเป็นวิชาที่ผมอ่อนที่สุด
   
แต่มันก็ช่วยผมให้หายเหงาได้ไม่เท่าไหร่ ผมยังอยู่โรงเรียนเดียวกับบาส ยังไงก็ต้องเจอหน้าอยู่ดี เวลาเดินสวนกันผมก็มองบาสนะ หวังว่าถ้าบาสรู้จักผมจริง บาสคงจะรู้ว่าผมยังรักบาสอยู่ แต่บางครั้งบาสก็ไม่เห็นหรือเห็นแต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ บางวันหลังเลิกติวผมเดินผ่านสนามบอลก็เห็นบาสยังเตะบอลอยู่
   
ช่วงนั้นผมก็เริ่มทำกิจกรรมของโรงเรียนเยอะขึ้น ไอ้เนย์นะครับ มันเป็นเด็กกิจกรรมเมื่อก่อนมันก็มาชวนผมทำโน่นทำนี่ แต่ผมปฏิเสธเพราะอยากเอาเวลามาอยู่กับบาส แต่ตอนนี้มันชวนผมทำอะไรผมทำหมด พอผมเริ่มทำกิจกรรม อาจารย์ รุ่นพี่ รุ่นน้องก็เริ่มรู้จักคุ้นหน้าคุ้นตาผม ผมเริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้น สนุกกับการมาโรงเรียนเหมือนแต่ก่อน เผลอแป๊บเดียวผมกับบาสไม่ได้คุยกันมาเกือบ 3 เดือนแล้ว และในที่สุดผมก็เห็นโอกาสที่จะเริ่มคุยกับบาส
   
ช่วงนั้นใกล้วันเกิดบาสครับ ผมเลยตั้งใจว่าจะทำของขวัญวันเกิดให้ จำได้ว่าผมไปหาซื้อของที่สยามมาทำการ์ดว กลับมาบ้านผมก็มานั่งออกแบบ วาดๆ เขียนๆ ตัดๆ ผมนอนเที่ยงคืนทุกวัน ทำอยู่เกือบสัปดาห์การ์ดก็เสร็จ ผมตั้งใจทำมากครับเพราะหวังเอาไว้ว่าจะขอคืนดีกับบาสด้วยการ์ดใบนี้ ผมเขียนจดหมายแนบไปอีกหนึ่งฉบับ มันเป็นจดหมายที่ผมเขียนระบายความรู้สึกทุกอย่างที่มีตั้งแต่วันที่บาสบอกรักผมจนถึงวันนี้
   
พอถึงวันเกิดบาสผมขอให้โจ้ช่วยเอาการ์ดกับจดหมายไปแอบใส่ไว้ในกระเป๋าบาสให้ผมหน่อย ผมไม่กล้าเอาไปให้บาสโดยตรง กลัวว่าบาสจะไม่รับหรือถ้าแย่กว่านั้นคือบาสฉีกการ์ดต่อหน้าผม โจ้มันก็ดีครับ มันทำให้โดยไม่ถามอะไร มันคงอยากให้ผมกับบาสคืนดีกันเร็วๆมั้ง จะได้มานั่งเล่นเกมบ้านผม
   
วันถัดไปเป็นวันเสาร์ผมรู้ว่าบาสมีนัดเตะบอลกับเพื่อนที่โรงเรียน ผมมารอบาสตั้งแต่เช้า ผมว่าบาสก็เห็นผมแหละ เพราะผมนั่งอยู่ขอบสนาม พอผมเห็นบาสเก็บของกำลังจะกลับผมก็เดินเข้าไปหา
   
“บาส เราขอคุยอะไรด้วยหน่อย” บาสมองหน้าผมครับ

“ตามเรามาดิ” ตรงนั้นมีคนอยู่เยอะ บาสคงรู้ว่าผมมาขอคืนดี บาสคงอ่านการด์กับจดหมายของผมแล้ว บาสเดินนำหน้าผมไปที่สวนหย่อมของโรงเรียน แต่บาสก็ไม่พูดอะไร ยืนมองหน้าผมนิ่งๆเหมือนเป็นการบังคับให้ผมพูด

“อ่านจดหมายแล้วใช่ไหม” บาสไม่ตอบครับมองหน้าผมแล้วพยักหน้า

“เราขอโทษ ยกโทษให้เราได้ไหม …. เราสองคนกลับมาเป็นเพื่อนกันนะ”

“การ์ดสวยดี แต่จดหมายเน่าโคตร ...หายโกรธตั้งแต่เห็นการ์ดแล้ว” แรกๆผมก็งงไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ เราสองคนไม่ได้คุยกันมาตั้งหลายเดือนผมพูดกับบาสแค่ประโยคเดียว แล้วเราสองคนก็คืนดีกันเนี่ยนะ มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ ….. มันก็ง่ายแบบนี้แหละครับ ผมเดินมาส่งบาสที่หน้าโรงเรียน เรายืนกินขมนด้วยกันซักพักแล้วก็แยกกันกลับบ้าน

จำได้ว่าผมยิ้มมาตลอดทางกลับบ้าน สำหรับผมแค่นี้ก็พอแล้วครับ ไม่ต้องเป็นอะไรมากกว่าเพื่อนกัน แค่ได้กลับมาพูดจา ได้กลับมาส่งยิ้มให้กันเหมือนเดิม มันก็ดีเท่าไหร่แล้ว  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 18-04-2011 21:42:54
เจ็บแล้วไม่จำ  แค่เพื่อนเหรอที่ต้องการ


หรือต้องการคำว่าเจ็บอีกครั้งถึงจะจำ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 18-04-2011 22:04:58
เจ็บแล้วไม่จำ  แค่เพื่อนเหรอที่ต้องการ
หรือต้องการคำว่าเจ็บอีกครั้งถึงจะจำ

ใจเย็นนะครับ  :m5:
คำตอบของคำถาม ... ผมขอตอบในตอนถัดๆไปละกัน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: July_Moon ที่ 18-04-2011 23:06:08
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ

แบบว่า  ขออนุญาตบอกว่าบาสไม่ค่อยน่าคบเท่าไหร่เลยค่ะ

 :fire:

จะรอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 18-04-2011 23:20:27
เพิ่งเข้ามาอ่านเหมือนกัน แอบงงตรงที่นิวไปขอคืนดี ขอโทษ  บาสบอกว่าหายโกรธตั้งแต่อ่าจการ์ดแล้ว

สรุปบาสโกรธนิวเหรอะคะ ที่่อ่านๆ มาเนี่ย ควรจะเป็นนิวไม่ใช่เหรอที่โกรธบาสอะ  :angry2:บาสทำตัวน่ารังเกียจขนาดนั้น แต่เป็นนิวที่ต้องเป็นฝ่ายบอกขอโทษ

ยิ่งอ่านยิ่งไ่ม่เข้า่ใจ :m28: รอตอนต่อไปดีกว่า


ปล้ำิลิง  อิบาสเชี่ยมาก
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 18-04-2011 23:42:43
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
แบบว่า  ขออนุญาตบอกว่าบาสไม่ค่อยน่าคบเท่าไหร่เลยค่ะ
จะรอติดตามนะคะ
ไม่เป็นไรครับ เพราะพี่ไม่ใช้คนเเรก 55

เพิ่งเข้ามาอ่านเหมือนกัน แอบงงตรงที่นิวไปขอคืนดี ขอโทษ  บาสบอกว่าหายโกรธตั้งแต่อ่าจการ์ดแล้ว
สรุปบาสโกรธนิวเหรอะคะ ที่่อ่านๆ มาเนี่ย ควรจะเป็นนิวไม่ใช่เหรอที่โกรธบาสอะ  :angry2:บาสทำตัวน่ารังเกียจขนาดนั้น
แต่เป็นนิวที่ต้องเป็นฝ่ายบอกขอโทษ
ยิ่งอ่านยิ่งไ่ม่เข้า่ใจ :m28: รอตอนต่อไปดีกว่า

ปล้ำิลิง  อิบาสเชี่ยมาก

บาสโกรธผมที่ไปบอกให้น้องแป้งเลิกยุ่งกับบาสไงครับ แต่ถ้าจะถามว่าทำไมผมถึงเป็นคนขอโทษบาส จะพูดไงดีละ ... ผมรักบาสมากครับ

ไม่ได้จะบอกว่าความรักของผมมันยิ่งใหญ่อะไร พอเวลาผ่านมาผมถึงได้รู้ว่าเวลารักใครซักคนมันไม่ใช้แค่หลับหูหลับตารักเท่านั้น จะรักใครมันก็ต้องเผื่อใจไว้รักตัวเองบ้าง ตอนนั้นผมก็ยังเด็ก มันก็เป็นความรักแบบเด็กๆ กับอายุเท่านั้นผมว่าผมก็ทำดีที่สุดแล้วละครับ ... ยังไงลองอ่านตอนต่อไปละกันครับ

ปล. มีแต่คนเกียจบาส 55 แล้วจากนี้ผมจะบิ้วอารมณ์พี่ๆขึ้นไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 19-04-2011 00:04:25
เพื่อนอย่างนี้ไม่ต้องคุยหรอก :m16:

เกลียดดดดด

 :call:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 19-04-2011 08:08:48
ไม่เคลียร์แฮะ  กลับไปเป็นเพื่อน  แต่ว่าเป็นคนรักกันนี่ใช่ด้วยรึเปล่า  ยังไงบาสก็มีน้องแป้งนี่นา  นิวทำไงต่ออ่ะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Nu fluke ที่ 19-04-2011 18:34:24
 :L3:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 19-04-2011 20:09:38
เราไม่รู้จะบอกงัยดี เราไม่ชอบมันแล้วไอ้บาสนะ เราพูดจริงนะถ้าเราจะบอกว่าให้เลิกคบก้อคงไม่เชื่อใช่ม่ะ งั้นเอางี้ล่ะกันไม่ได้ให้ตัด ไม่ได้ให้เลิก แต่แค่พยายามห่าง ห่าง และก้อห่างได้เปล่าเราไม่อยากให้นายต้องมาเจ็บอีกง่ะ ถึงไม่ใช่น้องแป้งถ้าหากเป็นคนอื่นมันก้อคงเป็นเหมือนเดิมนะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 19-04-2011 21:29:59
ถ้าจะมองว่านิวทำอะไรไม่มีเหตุผลเอาซะเลย จะว่างั้นมันก็ได้ เเต่ผมก็พอจะเข้าใจความรุสึกนะ  :o11:

เเบบว่าทั้งๆที่ผมเอง ขนาดเเอบชอบโดยที่ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มากมาย เเต่เเค่นี้ยังตัดใจยากเลย  เราเคยชอบเเละชอบมาเเล้วสองคน เเต่ก็ไม่รุนะ เพราะเราไมได้ชอบเค้าจิงๆหรือป่าว เเต่เราเผื่อใจไว้มากอ่ะ เราไม่เคยปล่อยให้ตัวเองหลงใหลไปจริงๆ เพราะรู้ตัวอยู่ว่าเค้าไม่สนใจ  คนหลังนี่ตอนนี้ก็ยังรุสึกชอบอยู่ เเต่เราพยายามไม่คุยไม่เจอหน้า เเต่บางทีก็เหมือคนบ้าอ่ะ ชอบหยิบบีบีเพื่อนไปดูเพระเราไม่มีบีบี ว่าเค้าตั้งสเตตัสอะไร เรียนรู้เรื่องไหม๊  คอยห่วงตลอด  ทั้งๆที่อีกฝ่ายเค้าก็ไมได้มารู้อะไรเราเลย เเต่ก้นะ เฮ้อ  :sad2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 19-04-2011 22:16:13
ถ้าจะมองว่านิวทำอะไรไม่มีเหตุผลเอาซะเลย จะว่างั้นมันก็ได้ เเต่ผมก็พอจะเข้าใจความรุสึกนะ  :o11:

เเบบว่าทั้งๆที่ผมเอง ขนาดเเอบชอบโดยที่ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มากมาย เเต่เเค่นี้ยังตัดใจยากเลย  เราเคยชอบเเละชอบมาเเล้วสองคน เเต่ก็ไม่รุนะ เพราะเราไมได้ชอบเค้าจิงๆหรือป่าว เเต่เราเผื่อใจไว้มากอ่ะ เราไม่เคยปล่อยให้ตัวเองหลงใหลไปจริงๆ เพราะรู้ตัวอยู่ว่าเค้าไม่สนใจ  คนหลังนี่ตอนนี้ก็ยังรุสึกชอบอยู่ เเต่เราพยายามไม่คุยไม่เจอหน้า เเต่บางทีก็เหมือคนบ้าอ่ะ ชอบหยิบบีบีเพื่อนไปดูเพระเราไม่มีบีบี ว่าเค้าตั้งสเตตัสอะไร เรียนรู้เรื่องไหม๊  คอยห่วงตลอด  ทั้งๆที่อีกฝ่ายเค้าก็ไมได้มารู้อะไรเราเลย เเต่ก้นะ เฮ้อ  :sad2:

ผมว่าผมพอเข้าใจความรู้สึกนะครับ ผมว่าเรื่องราวของผมก็แอบคล้ายกันนะ เอาไว้ให้ผมเล่าไปเรื่อยๆละกัน  :m13:

บาสอย่างเลว
ข้าพเจ้าขอเป็นกำลังใจให้คุณนิว
ไม่อยากจะว่าอะไร เคารพในการตัดสินใจของคุณนิวเสมอ
และคิดว่าคุณคงไม่เสียใจในสิ่งที่ได้ตัดสินใจทำลงไป
ใช่หรือไม่?
ขอให้พบความสุขสวัสดี
 :n1:


ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจ  :m18:
ผมไม่เคยเสียใจกับเรื่องของบาสครับ ผมรู้ตั้งแต่วันเเรกที่ตัดสินใจจะลองคบกับบาสแล้วครับว่าเรื่องของเราสองคนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ รู้ว่าหลังจากนี้คงมีอีกหลายครั้งที่ผมต้องเสียใจแต่ผมก็ตัดสินใจจะลองเสี่ยง มีคนเคยบอกผมว่า "ถ้าไม่ลองเสี่ยงก็ไม่มีทางได้รักกลับมา"  :m1:

เราไม่รู้จะบอกงัยดี เราไม่ชอบมันแล้วไอ้บาสนะ เราพูดจริงนะถ้าเราจะบอกว่าให้เลิกคบก้อคงไม่เชื่อใช่ม่ะ งั้นเอางี้ล่ะกันไม่ได้ให้ตัด ไม่ได้ให้เลิก แต่แค่พยายามห่าง ห่าง และก้อห่างได้เปล่าเราไม่อยากให้นายต้องมาเจ็บอีกง่ะ ถึงไม่ใช่น้องแป้งถ้าหากเป็นคนอื่นมันก้อคงเป็นเหมือนเดิมนะ

ขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะครับ
อ่าน comment ช่วงหลังๆแล้วอยากจะบอกอะไรหลายๆอย่างแต่ผมว่าผมค่อยๆเล่าให้พี่ๆน้องๆฟังดีกว่า
ที่บอกกว่า "ไม่ชอบมันแล้ว" เนี่ยแสดงว่าเคยชอบเหรอครับ ฮิฮิ ... :haun5:
จะบอกว่ามันก็คงมีทั้งเรื่องสุขและทุกข์ละครับ จริงๆแล้วมันก็เกิดขึ้นพร้อมๆกันแต่ผมแค่เอามาเล่าเป็นช่วงๆ
บาสอาจจะเจ้าชู้ อาจจะทำให้ผมเสียใจแต่เชื่อผมเถอะครับว่าหลายครั้งบาสก็ทำให้ผมมีความสุข

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 7 updated 18/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 20-04-2011 21:38:19
หลัังจากวันนั้นผมกับบาสก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม ต้องขอบใจไอ้โจ้ที่ช่วยให้ผมกับบาสกลับมาคุยกันอีกครั้ง น้องแป้งค่อยๆหายออกไปจากชีวิตผมกับบาส ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะผมกับน้องแป้งเลิกติดต่อกันมานานแล้ว แต่ถึงยังนั้นผมกับบาสก็ไม่เคยคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่เคยถามบาสเรื่องของน้องแป้งและไม่เคยถามว่าทำไมอยู่ๆน้องแป้งก็หายไป ส่วนบาสก็ไม่เคยพูดอะไรให้ผมฟังเหมือนกัน มันเป็นอีกนิสัยของผมที่อยากจะปล่อยให้เรื่องราวเลวร้ายมันผ่านพ้นไป ในเมื่อน้องแป้งก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะพูดถึงเรื่องนี้อีก

ผมกับบาสกลับมาใกล้กันเหมือนเก่า ที่โรงเรียนผมมาหาบาสทุกช่วงพัก ตอนกลางคืนบาสก็โทรหาผม บางวันเราก็ไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่สยาม แม้ผมจะต้องเหนื่อยมากขึ้นกับการแบ่งเวลาทั้งเรื่องเรียน กิจกรรมและเวลาส่วนตัวของผมกับบาสแต่ผมก็มีความสุข  :m1:

ช่วงเดือนเเรกที่เรากลับมาคุยกันแน่นอนครับว่าผมเองก็อยากรู้ว่าเราสองคนกลับมาคบกันในฐานะอะไร ผมไม่เคยพูดกับบาสถึงสถานะของเราสองคน ผมยังรักบาสอยู่และเเน่นอนว่าผมก็ยังอยากจะกลับไปอยู่ในสถานะเดิมแต่ผมก็ไม่กล้าถามบาส ผมกลัวว่าบาสจะปฏิเสธผม เราสองคนคุยกันเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์น้อยครับ แม้จะคุยกันทุกวันแต่บาสก็ไม่บอกรักผมเหมือนเคย  เรื่อง “ใกล้ชิด” บาสก็ไม่พูดถึง ส่วนผมก็เงียบไม่แสดงออก ไม่พูดอะไรทั้งนั้น

จนวันหนึ่งบาสกับโจ้นัดกันมาเล่นบ้านผม คืนนั้นผมก็คิดนะครับว่ามันจะมีอะไรมากกว่ามานั่งเล่นหรือเปล่าแต่คิดไปก็ปวดสมองผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาผมก็หลับไป ตอนเช้าบาสมาถึงก็เข้าไปนั่งเล่นเกมกับไอ้โจ้ ส่วนผมก็มาเตรียม jelly ที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ... ผมทำอาหารไม่เป็นครับ ตอนนั้นต้มมาม่าผมยังทำไม่ได้เลย แต่ผมก็ลงมือทำขนมเองเพราะอยากเอาใจบาส  :o8:

ตอนผมยกถาดขนมมา บาสก็เเซวๆว่าจะกินได้ไหม บาสรู้ครับว่าฝีมือการครัวของผมแย่สุดๆ กินกันเสร็จผมก็นั่งดู 2 คนนั้นเล่นเกม ก็ปล่อยให้บาสกับโจ้เล่นเกมกันไป เพราะดูเหมือน 2 คนจะลืมไปแล้วว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ ผมเดินขึ้นมาหาหนังสืออ่านเล่นข้างบน ผมติดนิสัยชอบอ่านหนังสือไปแล้วครับ เวลาว่างๆผมก็ชอบหยิบเอาโน่นเอานี่มาอ่าน กำลังก้มๆเงยๆหาหนังสือ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงล็อกประตู พอหันกลับไปก็เห็นบาส

บาสเดินเข้ามาจูบผม เท่านั้นล่ะครับผมสติหลุดไปเลย ผมจูบตอบ

“นิว เรากลับมาคบกันนะ”  :m10: ผมตอบรับด้วยการโน้ม หน้าเข้าไปจูบบาส ยอมรับครับว่าผมก็อยากเหมือนกัน บาสก็คงรู้สึกเหมือนผมเพราะบาสล้วงมือลงมากระตุ้นอารมณ์ผมทันที สัมผัสที่ห่างหายไปนานมันยิ่งทำให้ผมอยากเเนบชิดกับบาส จำได้ว่าผมกอดบาสเอาไว้แน่นมาก  :กอด1: ขนาดตอนอาบน้ำ้ผมก็ยังซบอยู่กับอกบาส ให้บาสล้างตัวให้ผม แล้วบาสก็พูดประโยคหนึ่งที่ีทำให้ผมดีใจจนน้ำตาไหล

“บาสขอโทษที่ทำให้นิวเสียใจ ตอนนี้รู้แล้วว่ารักนิวคนเดียว”  :m3: ... หลังจากนั้นเราสองคนก็กลับมา "ใกล้ชิด" กันเหมือนเดิม บาสกลับมาบอกรักผมอีกครั้ง

แป๊บเดียว 1 ปีผ่านไปเหมือนโกหก ผมกับบาสเลือกเรียนคนละสายกัน ผมเลือกเรียนสายเดียวกับเอ็ม พอขึ้นชั้นใหม่ผมกับเอ็มก็แยกห้องกัน อยู่ห้องใหม่ผมก็ได้เพื่อนใหม่ ผมยังสนิทกับเนย์เหมือนเดิม แต่ช่วงหลังๆผมไปสนิทกับต้นและบิว มัน 2 คนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับเอ็มตั้งแต่ปีที่แล้ว

พอขึ้นม.ปลายผมก็กลายเป็นเด็กกิจกรรมเต็มตัว ผมกับเพื่อนๆชวนกันเปิดชมรม มันเหมือนเป็นวัฒนธรรมของโรงเรียนผมว่าเด็กม.ปลายต้องสังกัดชมรม ผมไปเชิญอาจารย์ 3 ท่านที่ผมสนิทมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาและก็ไม่น่าเชื่อครับว่าเพื่อนๆโหวตให้ผมเป็นประธานชมรม เเรกๆผมก็ตื่นเต้นกับตำ่แหน่งใหม่ แต่สักพักถึงได้รู้สึกว่ามันก็คือภาระดีๆนี่เอง ผมไม่เคยทำงานเป็นหัวหน้ามาก่อน

ผมกระจายงานไม่เป็น งานทั้งหมดมันเลยมาจมอยู่ที่ผม งานของชมรมเดินช้ามากเพราะเรื่องของการจัดการและความไม่รอบคอบของผม ผมหา sponser ไม่เป็น พอถึงเวลาต้องหาเงินผมก็หาไม่ได้ ในขณะที่คนอื่นๆได้เงินได้ของ ชมรมผมยังไม่ได้เริ่มหารายชื่อ sponser เลยด้วยซ้ำ้ ผมโดนอาจารย์เรียกไปว่าไม่รู้กี่หน โดนว่าจนต้องแอบมาร้องไห้เลยก็มี มันใช้เวลานานเหมือนกันครับกว่าผมจะปรับตัวได้

บาสก็ทำชุมนุมนะครับ แต่เราสองคนก็ไม่ค่อยได้คุยเรื่องนี้กัน ส่วนหนึ่งเพราะ ego ส่วนตัวของผมอีกส่วนหนึ่งคือแต่ละชมรมก็จะแข่งกันสร้างผลงาน ผมเลยตัดปัญญาไม่เอางานราษฎร์มายุ่งกับงานหลวง ทำเหมือนผมห่วงบาสนะ แต่เอาเข้าจริงถึงบทที่ผมต้องแข็งในเรื่องผลประโยชน์ของชมรม ผมก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน ไม่เป็นไรครับโกรธกันต่อหน้าคนอื่นแล้วค่อยมาง้อกันที่หลัง  :z1:

เหนื่อยเวลาง้อนี่เหนื่อยนะครับ บาสคิดค่าเสียหายโคตรแพง  :z3: แล้วผมก็พูดอะไรไม่ได้เพราะยอมรับจริงๆว่าเรื่องงานนี่ผมฟันไม่ยั้ง จำได้ว่าที่แพงที่สุดคือให้ไปค้างบ้านบาสคืนหนึ่ง ผมนี่แทบหมดสติอยู่บนเตียง คนบ้าอะไรไม่เหนื่อยบ้างเหรอ  :m25: จนหลังๆผมเริ่มเกรงใจบาสครับ (จริงๆแล้วสงสารตัวเอง) ต้องไปขอให้เพื่อนเป็นคนออกหน้าแทนเวลามีประชุมงาน

ผมกับบาสตั้งแต่กลับมาคบกันอะไรๆมันก็ดูดี เหมือนว่าเราทั้งคู่เพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายกันไป ผมไปกินข้าวดูหนังกับบาสบ่อยขึ้น เสาร์อาทิยต์เราเรียนพิเศษที่สยามเพราะผมกับบาสเรียนคนละสาย เราเลยเรียนคนละห้องแต่พอกลางวันผมกับบาสก็จะมานั่งกินข้าวด้วยกัน ช่วงบ่ายๆหลังเลิกเรียนเราสองคนก็เดินเล่นสยามกันต่อก็กินข้าว ดูหนัง ซื่อของอะไรแบบนั้น แต่น่ว่าภาพที่เกิดขึ้นมันคงไม่เหมือนในหนังในละครที่ผมเดินควงแขนจับมือกับบาสหรือบาสยืนลูบหัวผมกลางสยาม ทั้งผมกับบาสต่างก็ไม่กล้าจะทำอะไรเปิดเผยต่อหน้าคนอื่น และมันคงไม่ดีแน่ถ้ามีเพื่อนของเราคนใดคนหนึ่งบังเอิญเห็น

ถ้าพี่ๆจะถามผมว่าผมไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยเหรอจากเรื่องที่ผ่านมา ตอบตามตรงครับว่าผมรู้ว่าบาสไม่ใช้แฟนที่ดีที่สุดแต่ผมก็รักบาสมาก รักมากจนมองข้ามเรื่องเหล่านั้นได้หมด แม้จะเคยทำให้ผมเสียใจแต่ขอแค่ให้บาสบอกรักผมเท่านี้ผมก็ยินดีที่จะลืมทุกอย่าง  :impress:

ปล. ผมรู้ว่าตอนนี้อาจจะขัดใจไปบ้างสำหรับคนที่เกียดหน้าบาส ยังไงก็ใจเย็นๆกันหน่อยนะครับ  o1
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 8 updated 20/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 20-04-2011 22:14:16
รู้สึกเหมือนบาสมองนิวเป็นของตายยังไงไม่รู้  แต่มันก็ช่วยไม่ได้แฮะ  รักเค้าแล้วได้อยู่ใกล้ๆ  ดีกว่ามานั่งระแวงนึกเรื่องเก่าๆแล้วจะมองหน้าเขายังไง  บาสนี่จริงๆเป็นอย่างนี้มานานแล้วป่ะ  รู้สึกดูร้ายๆอ่ะ ช่วงหลังๆนะ  ตอนแรกๆที่มาดามใจนิวนี่ตอนนั้นอย่างปลื้ม  ดูเป็นคนดีมากๆ
หัวข้อ: Re: ...รักล้นใจ...(อัพครั้งที่ 16)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 20-04-2011 22:26:30
มันต้องมีไรอีกแน่ๆเลยนิ ใช่ม่ะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 8 updated 20/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 21-04-2011 02:35:48
รับรู้ได้เลยว่า มีหนแรกมันก็ต้องมีหนที่สอง
ปล.ตอนนี้น้องนิวเรียนชั้นไหนแล้วเนี่ยพี่อยากลำดับเรื่องราวให้เข้าใจอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 8 updated 20/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 21-04-2011 21:09:50
รู้สึกเหมือนบาสมองนิวเป็นของตายยังไงไม่รู้  แต่มันก็ช่วยไม่ได้แฮะ  รักเค้าแล้วได้อยู่ใกล้ๆ  ดีกว่ามานั่งระแวงนึกเรื่องเก่าๆแล้วจะมองหน้าเขายังไง  บาสนี่จริงๆเป็นอย่างนี้มานานแล้วป่ะ  รู้สึกดูร้ายๆอ่ะ ช่วงหลังๆนะ  ตอนแรกๆที่มาดามใจนิวนี่ตอนนั้นอย่างปลื้ม  ดูเป็นคนดีมากๆ
ก่อนจะคบกับผมบาสก็เหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาละครับมีไปเหล่ๆผู้หญิงแถวสยามบ้างแต่บาสก็ไม่มีเพื่อนผู้หญิงสนิทๆ
ผมว่าก็คงเหมือนกันเด็กผู้ชายคนอื่นๆคือชอบจีบหญิงโชว์เพื่อนมากกว่า แต่คงเป็นเพราะผมกำลังคบกับบาสมั้งครับ
จีบเล่นจีบจริงสำหรับผมมันก็ไม่ต่างกัน

มันต้องมีไรอีกแน่ๆเลยนิ ใช่ม่ะ
:m26:

รับรู้ได้เลยว่า มีหนแรกมันก็ต้องมีหนที่สอง
ปล.ตอนนี้น้องนิวเรียนชั้นไหนแล้วเนี่ยพี่อยากลำดับเรื่องราวให้เข้าใจอะ อิอิ
:m7:

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 8 updated 20/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Rubaiyat ที่ 21-04-2011 22:06:39
บาสทำกับนิวไว้เจ็บมากเลยนะนั่น  :beat: อ่านแล้วยังโกรธแทน
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 8 updated 20/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 22-04-2011 19:32:49
เรื่องของผมกับบาสยังมีต่อครับ ... เราสองคนมีอะไรกันมาหลายครั้ง แล้วผมก็เริ่มเรียนรู้ว่าจะต้องทำอะไรยังไงหรือว่าบาสชอบอะไรแบบไหน ผมกับบาสยังมีอะไรกันที่โรงเรียนเหมือนเคย วันนั้นเป็นวันก่อนงานเลี้ยงประจำปีของโรงเรียน แต่ละชมรมอยู่เตรียมเปิดซุ้มกัน เย็นนั้นผมก็อยู่ทำงานกับเพื่อนๆและอาจารย์ที่ปรึกษาจนค่ำ่ บาสก็มาครับ เราโทรคุยกันตอนเช้าแต่ผมไม่รู้ว่าบาสไปเตรียมงานที่ไหน ช่วงเย็นๆผมหิวข้าวก็เลยแว้บลงมาหาอะไรกิน ตอนเดินกลับขึ้นไปเจอบาสกับโจ้นั่งเตรียมงานกันอยู่ในห้อง ผมเลยเดินเข้าไปทัก มันเป็นเพียงไม่กี่ครั้งหรอกครับที่ผมจะเริ่มอ่อยบาสก่อน  :z1: … เล่าแล้วก็อายตัวเอง  :-[

“พวกมรึงอยู่เย็นเหรอ” เนียนครับ ผมเปิดเข้าไปก็ทักทายกันเเบบเพื่อนก่อน

“แล้วไมมรึงยังไม่กลับล่ะ” บาสหันมาสนใจผมครับ ไอ้โจ้กำลังเก็บของ สงสัยจะกลับกันแล้ว

“ทำงานว่ะ ยังไม่เสร็จ มรึงกลับด้วยกันเหรอ” เริ่มหาข้อมูลครับ เพราะบ้านบาสกับโจ้อยู่ใกล้กันเย็นขนาดนี้มันจะกลับด้วยกันประจำ

“อืม” โจ้มันหันมาตอบ ส่วนบาสมองมาที่ผมเหมือนจะถามอะไร เข้าทางผมสิครับ ผมชำเลืองมองไปที่ไอ้โจ้มันก็ยังนั่งเก็บของแบบไม่สนใจใคร ผมเลยขยับปากว่า “อยากว่ะ”  :m17: แล้วก็ทำหน้าทำตา บาสรับมุกครับส่งยิ้มกวนๆมาให้

“โจ้กรูหิว เดียวกรูไปหาของกินกับนิวก่อนนะ เดียวกรูซื้อเผื่อ มรึงเก็บของเสร็จเเล้วเจอกรูหน้าโรงเรียน” บาสไม่ฟังคำตอบครับเดินออกนอกห้องพร้อมผม
   
ตัดฉากมาที่ห้องนำ้เลยนะครับ มันเย็นจนข้างนอกมืดหมดแล้ว บนตึกไม่ต้องพูดถึงผมว่ามีคนอยู่ไม่เกิน 10 คน แล้วตอนนี้ไม่มีอาจารย์เวรด้วยครับ พอเข้าห้องน้ำได้ ผมกับบาสก็จูบกันแบบไม่อายฟ้าดิน ลากกันเข้าห้องนำ้ ต่างคนต่างรู้งานครับ เสื้อผ้าผมนี่ถอดง่ายเหมือนถอดถุงเท้า เผลอแป๊บเดียวเสื้อผมก็พาดอยู่บนบ่าของบาสแล้วส่วนเกงกางก็กองอยู่บนพื้น อยากบอกว่าบาสที่อยู่ในสภาพเดียวกับผมนี่เท่มากครับ เห็นแล้วแบบว่า  :m10:

วันนี้ผมเป็นฝ่ายเริ่มครับ บาสคงดีใจเพราะนานๆทีผมจะเสนอตัว บาสเลยสนองให้ ช่วยผมจนเสร็จไปก่อน ผมก็ต้องตอบแทนผู้มีพระคุณใช่ไหมครับช่วยบาสให้เสร็จตามทีหลัง พอต่างคนต่างเสร็จวันนี้ไม่ต้องรีบจัดระเบียบเครื่องแต่งกาย เราก็มายืนแต่งตัวกันหน้ากระจก

“โอ๊ย!! บาสตบหัวนิวทำไม” ผมเจ็บนะครับบาสตบลงมาไม่ยั้งเลย แต่พอหันไปผมก็อดหัวเราะไม่ได้ บาสยื่นตัวเข้ามาแล้วแหวกปกคอเสื้อโปโลออกให้ผมดู แหะแหะ เห็นรอยแดงเป็นดวงที่ไหปลาร้า  :m23:
   
“ก็บาสนั่นแหละ แกล้งนิวก่อน” ผมก็พูดไปเรื่อยแหละครับ ตอนนั้นอารมณ์มันหยุดไม่อยู่จริงๆ

ผมเดินกลับขึ้นมาทำงานต่อ ส่วนบาสก็กลับบ้าน แต่แล้วเรื่องที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นครับ
   
“นิว นี่เธอ เธอ!!”

“อะไรครับจารย์” ผมก็งงครับ อาจารย์มายืนชี้หน้าผมแล้วก็ทำหน้าอึ้งๆ
   
“พี่น้อยๆ มาดูนี่สิคะ” แล้วอาจารย์น้อยก็มาครับ ผมมีอาจารย์ที่ปรึกษาชมรม 3 ท่าน อาจารย์น้อยนี่ถือว่าเป็นอาจารย์ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ผมเคารพ ท่านเข้าใจและค่อนข้างเป็นกันเองกับเด็ก

“นิว!! บอกครูมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าเธอไปทำอะไรมา” ผมก็อึ้งสิครับ   :try2: หน้าเริ่มซีดแล้วครับน้องนิว อะไรนี่รู้ได้ไงว่าผมไปทำอะไรมา เท่านั้นล่ะครับอาจารย์ท่านสุดท้าย อาจารย์แดงก็เดินเข้ามา อาจารย์แดงนี่ขึ้นชื่อเรื่องพูดตรงและแทงใจดำมากครับ
   
“จารย์พูดไรนะ นิวก็ลงไปกินข้าวไง หิวจะตาย” ผมก็แถล่ะครับ ยอมรับว่าใจนี่สั่นไปหมด ถ้าอาจารย์รู้ผมขึ้นแดนประหารแน่ พูดเว่อไปน่ะครับ ผมน่ะลูกรักอย่างมากก็โดนเทศน์สักชั่วโมง วันรุ่งขึ้นทั้ง 3 คนก็แซวผมกันสนุกแล้ว คนที่น่าสงสารกว่าคงเป็นบาสเพราะเป็นหัวขโมยที่เข้ามาขโมยลูกเสือจากในถ้ำ
   
“นิว เธอไปมีอะไรกับใครมา แอบมีสารมีไม่บอกแม่เหรอ”  :a5: จริงๆแล้วคำว่าสารมีนี่สุภาพแล้วนะครับ จริงๆอาจารย์ใช้คำที่ local กว่านั้น อาจารย์ก็พอดูออกว่าผมเป็นอะไรแต่ท่านแค่ไม่พูดเท่านั้นเองครับ   

“เปล่าจารย์ เอาอะไรมาพูด นิวไม่รู้เรื่อง” ผมยังงงๆไม่หายครับว่าทำไมอยู่ๆถึงมารุมผม คือถ้าเห็นถึงขั้นผมกับบาสมีไรกัน ผมว่าคงมีเฮตั้งแต่ในห้องน้ำ้แล้วล่ะครับ

“นี่ไงๆ เธอบอกชั้นมาสิว่านี่มันรอยอะไร”
   
“รอยไรจารย์ ไม่เห็นมีนิ” ผมก็หันหน้าเข้ากระจกสิครับ ผมว่าผม check สภาพตัวเองก่อนเข้ามาดีแล้วนะ

“นี่ๆ ตรงนี้”  :sad3: แล้วอาจารย์น้อยก็จิ้มมาที่หลังคอผมครับ หน้าซีดเลยครับผม ใครจะไปคิดว่าบาสจะทำ kissmark ไว้ที่หลังคอผม

“แพ้อะไรซักอย่างมั้งจารย์ วันนี้ทำงานทั้งวันเหงื่อออกเยอะ คันจะตายอยู่แล้ว” ผมก็ยังแถต่อครับ ในใจก็แบบว่าพ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย บาสนะบาสกลับไปล่ะก็จะเอาให้ตายเลย แกล้งกันได้แสบมากกกกก สรุปว่าผมโดนซักเกือบครึ่งชั่วโมงครับ ท่านดูเหมือนไม่เชื่อ แต่ผมก็ปากแข็งยืนยันกระต่ายขาเดียว จนสุดท้ายท่านก็เลิกถาม แต่อาจารย์แดงก็ยังมีเหน็บครับ

“ถ้าจับได้นะว่าใครมันแอบมาเจาะไข่แดงลูกชั้น ชั้นจะตามไปแหกอกมันถึงบ้าน … เจ็บมากไหมลูกแม่” อึ้งไปครับ
   
“นิว นี่เธอใช้ถุงยางเปล่าเนี่ย” อ้าปากค้างเลยครับผม แต่ยังไม่ใช่ที่เด็ดที่สุด

“อย่าให้ชั้นรู้นะว่าเธอท้องไม่มีพ่อ” เอออออออ คือ จารย์คับผมท้องไม่ได้ … ผมไม่มีมดลูก กร้ากกกกกกกก!!  :laugh3:

ไอ้เรื่อง kissmark นี่เกือบทำผมซวยหลายครั้งแล้ว คือเวลาเราสองคน “นั่งเล่น” ครั้งต่อไป เวลาอาบน้ำ้ผมก็จะสำรวจร่อยรอยความเสียหายของตัวเอง บางครั้งถอดเสื้ออกมาแล้วแทบช็อค มันมีแต่รอยแดงเป็นจ้ำ่ทั้งตัวเลยครับ ผมเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าตอนนั้นทำอะไรลงไปบ้างคือไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าถูกทำ kissmark พอมาเห็นหลักฐานแล้วมันรู้สึกเจ็บตามตัวยังไงไม่รู้

ผมเคยไป “นั่งเล่น” บ้านบาสมาแล้วตอนเย็นก็มานั่งกินข้าวกับพ่อ กินๆอยู่พ่อก็ถามครับว่าที่คอไปโดนอะไรมา ผมก็ใจหล่นวูบเลยครับ “อ้อ!! ไปเล่นกับน้องสาวบาสมาแล้วโดนหยิก” แก้ตัวน้ำขุ่นๆ แต่ก็รอดตัวไปได้อีกครั้ง

ผมกับบาสเคยรุนแรงกันถึงขั้นเลือดสาดก็มีนะครับ คือเราสองคนก็มีอะไรกัน พอเสร็จก็เดินกลับบ้านพร้อมกันแล้วบาสก็ตะโกนขึ้นมาครับ

“เลือด นิว นิวเลือดออก” ผมที่กำลังยืนเกาหัวอยู่ก็ยกมือขึ้นมาดู เลือดจริงๆครับเยอะด้วย เคยเป็นไหมครับเห็นเลือดคนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่พอเป็นเลือดตัวเอง หน้ามืดเลยครับผม  :sad4:

“บาส นิวเลือดออกอ่ะ” ผมก็คลำตามตัวว่าเลือดมันมาจากไหน บาสก็ช่วยผมสำรวจตอนแรกผมคิดว่าหัวแตกแต่ผมก็ไม่รู้สึกเจ็บ จะบ้าเหรอรุนเเรงกันขนาดหัวแตก คิดไปคิดมา แหะๆ คิดออกแล้วครับ เมื่อวานผมทำงานกับเพื่อนแล้วโดนคัตเตอร์บาดนิ้ว บาสก็พาผมไปห้องพยาบาลทำแผล อาจารย์ก็ถามนะครับว่าไปโดนอะไรมา ผมก็อายๆครับเลยตอบไปว่าโดนคัตเตอร์บาด

“นิว บาสเก่งเหรอ” บาสกระซิบข้างหูผมทันทีที่เราเดินออกมาจากห้องพยาบาลครับ

“ไมอะ”
   
“ก็บาสทำนิวหัวใจเต้นแรงขนาดแผลฉีกได้”  :m30: ผมนี่เขินมากครับ ไม่กล้ามองหน้าบาสเลย ชกบาสไปทีหนึ่งแล้วก็รีบเดินหนี

หลังจากที่อยู่บ้านเก่ามานานมากในที่สุดบาสก็ขึ้นบ้านใหม่ครับ ช่วงที่กำลังจะย้ายบ้านบาสไม่มีเวลาให้ผมเลย ผมโทรไปบาสก็บอกว่าเก็บของอยู่ พอผมชวนไปเที่ยว บาสก็บอกว่าไม่ว่าง จนผมต้องเอาตัวเองเข้าแลกครับ ชวนบาสมานั่งเล่นที่บ้าน บาสยังเมินเลยครับ ผมก็นอยด์เค้านิดๆนะ แต่ก็เข้าใจว่ากำลังเก็บของมันก็คงยุ่งๆกัน

พอขึ้นบ้านใหม่ ผมกับบาสก็มีสถานที่ที่เป็นส่วนตัวกันสุดๆ ใช่แล้วครับ ไม่นานหลังจากย้ายบ้าน บาสก็ชวนผมมานอนค้าง  :impress2: ผมใช้เวลาขอพ่ออยู่นานจนสุดท้ายพ่อก็อนุญาต จำได้ว่าวันนั้นไอ้โจ้มันก็มาด้วย แต่พี่ๆอย่าเพิ่งทำหน้าเสียใจกันสิครับ เพราะไอ้โจ้มันไม่ค้างคืนกับผม  :a2: พอกินข้าวเสร็จผมกับบาสก็ขึ้นมาข้างบน

"บาส นิวไปอาบน้ำ้ก่อนนะ"  :z1: ผมจำได้ว่าตั้งแต่ขึ้นมาบนห้องบาสก็เอาแต่นั่งเล่นเกม ผมก็นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงรออาหารย่อย

“บาสอาบด้วย” ผมไม่ได้จะยั่วบาสนะครับ ผมอยากอาบนำ้จริงๆ ผมไม่ได้ห้ามอะไรเพราะรู้ว่าห้ามไปก็เท่านั้น ยังไงบาสก็เข้ามาอาบน้ำ้กับผมอยู่ดี มันไม่ดีเหรอครับยืนอยู่เฉยๆแล้วมีคนมาสระผม ถูสบู่ให้ ก็เหมือนที่พี่ๆคิดล่ะครับ เราสองคนมีอะไรกันในห้องน้ำแต่บาสไม่ยอมช่วยผมจนเสร็จ แล้วก็ไม่ยอมให้ผมช่วยด้วย บาสบอกว่าเดี๋ยวผมหมดอารมณ์ไปซะก่อน นานๆทีจะได้มานอนค้างกับบาส  :m25:

อาบน้ำ้เสร็จบาสก็ลากผมขึ้นมาบนเตียง เขินนะครับแปลกที่ด้วยมั้ง กลิ่นเฟอร์นิเจอร์ยังใหม่อยู่เลย บาสปลุกอารมณ์ผมเต็มที่ทั้งจูบ ทั้งไซ้ ปากก็ใช้มือก็ใช้ แต่บาสก็ไม่ปล่อยให้ผมถึงสวรรค์สักที  :dont2: จนผมทนไม่ได้ครับ

“บาส นิวขอร้องล่ะ ช่วยนิวทีนะ” อายก็อายครับแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยขอ

“ไม่ไหวขนาดเอ่ยปากขอเลยเหรอ”

“อืม ไม่ไหวแล้ว”

“นิว … บาสขอนะ”

“ขออะไร” ยังโง่อยู่ครับ ภัยกำลังจะมาถึงตัวแล้วยังไม่รู้เรื่องเลย

“ขออ่ะ …. ขอ  :oo1: นิวได้ไหม”

“ฮ้า!!!! ไม่เอา นิว... นิวยังไม่พร้อม”  :a5: ตอนนั้นรู้สึกว่ามีอะไรกันแค่นี้ก็พอแล้ว จะต้องไปมีให้มันลึกซึ้งทำไม แต่หลักๆแล้วคือผมกลัวเจ็บครับ แต่ผมก็เสียท่าบาสแล้ว บาสจูบผมแล้วใช้มือช่วยกระตุ้นอารมณ์ผมไปด้วย

“นะนิว”

“อืม” ผมสติแตกไปแล้ว  o2 ตอนนี้หน้ามืดของแท้ พยักหน้าทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ้ แบบว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำ้ตา ขอเล่าแบบละเอียดนะครับเพราะมันคงเป็นไม่กี่เรื่องที่ผมจำรายละเอียดได้มากขนาดนี้

บาสเอาหมอนมารองใต้สะโพกผม แต่เพราะผมที่ไม่รู้งานบาสเลยต้องจัดท่าให้ ก็คนมันไม่เคยนี่ครับ แต่จริงก็รู้นะว่าต้องทำไงแต่แค่อาย บาสอยากให้ทำอะไรก็จัดเอาเองละกัน

“บาส นิวกลัว” อันนั้นกลัวจริงครับ ใจเต้นตุ้บตั้บเลย
   
“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บหรอกนิว” ผมรู้ว่าบาสโกหก มันเจ็บจะตายเท่าที่บาสเคยลองมันก็เจ็บจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว แล้วบาสก็เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบหลอดเจลออกมา พอเห็นที่มันเขียนอยู่ข้างหลอดผมตาโตเลยครับ มีครบขนาดนี้วางแผนมาชัดๆ  :sad5:

แล้วไอ้ที่เคยอ่านว่าก่อนมีอะไรเขาใช้นิ้วเปิดทางกันก่อนนี่ ไม่มีนะครับ ผมว่าบาสก็คงเด็กด้วยเลยไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวผมยังไง แล้วถ้าพี่ๆวาดฝันไว้ว่าจะเห็นฉากรักที่อ่อนหวานนุ่มนวล อยากบอกว่าไม่ใช่เลยครับ พอรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกรุกล้ำ ้ความเจ็บปวดมันก็พุ่งขึ้นมา ผมก็ขยับตัวหนีสิครับ แต่บาสก็กดตัวผมเอาไว้

“นิวอย่าดิ้นสิ จะได้ไม่เจ็บ” โกหกได้ทุเรศมาก ดิ้นไม่ดิ้นมันก็เจ็บเหมือนกันแหละ  :o7:

“บาสไม่เอาแล้วมันเจ็บ ไม่เอาแล้วนะบาส นิวเจ็บ” พูดไปก็เท่านั้นล่ะครับ เพราะความเจ็บมันไม่ลดลงเลย ผมยังคงรู้สึกตัวว่าบาสกำลังเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ยิ่งดิ้นสิครับ

“เฮ้ย!! กรูบอกว่าไม่เอาไง มรึงไม่ได้ยินเหรอ …. ไอ้เหี้ยบาส!!! … ฮึกๆ ฮือออออออออออ บาส นิวเจ็บ เจ็บอ่ะ” บาสมาสารภาพทีหลังครับว่ารำคาญที่ผมดิ้นไปดิ้นมาไม่ยอมอยู่นิ่งๆเลยเข้ามาทีเดียวจนมิด เจ็บแบบเจ็บจี๊ดเลยครับ ผมตะโกนด่าออกมาดังลั่นห้อง มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนร้องไห้เนี่ยแหละ บาสก็ปลอบๆผมนะครับ เอามือมาเช็ดน้ำ้ตาให้ ผมก็ไม่หยุดร้อง ที่ร้องนี่คือมันเจ็บ บาสก็ยังค้างอยู่อย่างนั้น ผมก็ยิ่งเจ็บ แล้วบาสก็ค่อยๆถอยออกถอยเข้า เเรกๆมันก็เจ็บนะครับ เข้าก็เจ็บออกก็เจ็บ แต่ก็อย่างที่ใครหลายคนบอก “เดี๋ยวมันก็ชิน”  :o8:
   
สักพักจากเสียงร้องไห้มันก็กลายมาเป็นเสียงครางของผม ผมดึงบาสลงมากอดมาจูบ บาสก็จูบผม ทำ kissmark บนตัวผมแต่กิจกรรมข้างล่างมันก็ยังดำเนินต่อไป ไม่อยากพูดแบบนี้เลยครับ แต่ผมก็ชอบใกล้ชิดกับบาสแบบนี้นะ มันเหมือนเราสองคน “ใกล้ชิด” กันมากกว่าที่เคย จนผมก็รู้สึกว่าจังหวะของบาสช้าลงแต่รุนแรงขึ้นแล้วบาสก็ก้มลงมาจูบผม

“เฮ้ยบาส!! เอาออกไป”  :sad5: ตกใจสิครับ ก็ผมน่ะรู้สึกได้เลยว่ามีบางอย่างแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายของผม มันแบบว่าร้อนวาบมาจากข้างล่าง แต่ไม่ทันแล้วครับบาสเสร็จไปแล้ว แล้วบาสก็ทิ้งตัวลงมาบนตัวผม ผมก็ทำอะไรไม่ทันแล้วเหมือนกัน บาสนอนหอบอยู่ข้างๆ
   
“ให้บาสช่วยนิวนะ” บาสดึงผมขึ้นมานั่งบนตักแล้้วใช้มือกระตุ้นอารมณ์อย่างชำนาญ ผมก็บิดไปบิดมา พี่ๆเข้าใจความรู้สึกนะครับ มันแบบว่า... จนสุดท้ายผมก็ถึงสวรรค์ บาสหยิบทิชชูมาเช็ดลูกๆของเราสองคนแต่พอเช็ดด้านหลังมันก็แสบแปล๊บขึ้นมาเลยครับ ผมเห็นเลือดติดอยู่บนทิชชู
   
“บาส นิวเลือดออก นิวเลือดออก”  o22 กลัวสิครับ ผมกลัวว่า ว่า แบบว่า … มันจะฉีกอ่ะ บาสก็ตกใจจับตัวผมนอนคว่ำ่แล้วสำรวจแผลให้ผม อายครับแต่กลัวมากกว่า ผมถึงยอมนอนนิ่งๆให้บาสเช็ดเลือดให้ ภาวนาว่าขออย่าให้มีส่วนไหนของผมบุบสลายเลยนะ

“นอนนิ่งเลย กลัวอ่ะดิ … ไม่เป็นไรแล้ว เป็นแผลนิดหน่อย” ผมหันขวับเลยครับ เวลาแบบนี้มันใช่เวลามาล้อเล่นเหรอ

“นิวอยากอาบน้ำ้” มันคงไม่หวานขนาดบาสอุ้มผมไปหรอกครับ แม้จะเจ็บแต่ผมก็เดินเข้าห้องน้ำ้ด้วยตัวของผมเอง ตอนอาบนี่ทรมานมากครับมันแสบไปหมด ตอนแรกผมอยากเอาลูกๆบาสออกมาให้หมดนะครับ แต่เเค่โดนน้ำ้ผมก็สะดุ้งแล้ว สุดท้ายก็จำใจแค่ล้างตัวเฉยๆ

ก่อนจะนอนผมก็จินตนาการภาพไปว่าเราจะนอนตรงไหน จะต่างคนต่างนอนหรือ ...เอาจริงนะครับที่พูดมาทั้งหมดนี่คือจริตที่สงสัยคือจะใส่เสื้อผ้านอนหรือไม่ใส่ แล้วพี่ๆคิดไงครับ … ใส่สิครับเพราะบาสไม่พูดอะไรผมก็เลยไม่ถาม ใส่ก็ใส่ พอปิดไฟบาสก็เข้ามากอดผมจากข้างหลัง บาสหอมแก้มผมแล้วดึงผมเข้าไปจูบ แล้วเราสองคนก็นอนคุยกัน ผมนอนซบอยู่บนหน้าอกบาส  :กอด1: ก็คุยกันเรื่อยเปื่อยล่ะครับ จนผมง่วง ตาจะปิดอยู่แล้ว

“นิว ขอบใจนะที่ให้บาส”

“ให้อะไรเหรอ” โง่อีกแล้วครับผม
   
“ก็ให้บาส  :oo1: ไง”
   
“บ้า!!”
   
“นิวเป็นของบาสแล้ว ห้ามไปมีอะไรกับใครนอกจากบาสนะ บาสก็สัญญาเหมือนกันว่าจะไม่ทำแบบนี้กับใคร สัญญาสิ” ดีใจครับที่บาสพูดแบบนี้ออกมามันเหมือนบาสสัญญากับผมว่าจะมีผมคนเดียว

“สัญญา” … นั่นแหละครับเรื่องราวของ "ครั้งแรก” ของผม
   
จากวันนั้นผมกับบาสก็เหมือนใกล้กันอีกก้าวหนึ่ง ผมจำได้ครับว่าบางเช้าตื่นขึ้นมา บาสก็จะอาบน้ำ้ก่อน ระหว่างที่ผมเข้าห้องน้ำ้บาสก็ลงไปทำข้าวเช้าให้ผม omlet ฝีมือบาสอร่อยนะครับ บางครั้งผมนั่งดูบาสเล่นเกมจนเผอหลับ บาสก็แอบหอมแก้มผม  :m3:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 9 updated 22/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 22-04-2011 19:52:25
 :เฮ้อ:


หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 9 updated 22/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 23-04-2011 00:29:26
โลกแห่งความฝันช่างสวยงาม แต่กลับสั้นใช่เล่น อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 9 updated 22/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 23-04-2011 00:57:16
 :m7:
 
 :z2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 9 updated 22/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 25-04-2011 14:49:57
อะไรๆก็ดูดีขึ้นนะ  แต่มันจะเป็นแบบนี้ตลอดไปรึเปล่าล่ะ  รออ่านต่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 9 updated 22/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 25-04-2011 15:55:57
รอติดตามตอนใหม่อยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 9 updated 22/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 25-04-2011 22:38:36
ผมเล่าเรื่องที่ทำให้ผมยิ้มได้ไปแล้ว แน่นอนครับชีวิตคนเรามีสองด้านเสมอ ... มีขาวก็ต้องมีดำ มีสุขก็ต้องมีทุกข์และหลังจากที่ผมกลับมาคบกับบาสได้ไม่นาน ข่าวร้ายก็ตามมาถึงหูผม พี่ๆจำไอ้เป้ได้ไหมครับ วันหนึ่งมันก็โทรนัดผมให้อยู่รอมันหลังเลิกเรียน ตอนแรกผมไม่ได้คิดอะไรเพราะนึกว่ามันมีเรื่องการบ้านมาให้ช่วย แต่พอเห็นมันเดินมาผมก็หน้าเสียแล้วครับ มันเดินมาตัวเปล่าแล้วทำท่าทำทางเหมือนหลบใครมา พอเจอผมมันก็ลากผมเข้าไปคุยในห้อง

“นิว กรูมีเรื่องมาบอกแต่มรึงใจเย็นๆนะ” เล่นพูดเปิดประโยคมาแบบนี้ใครจะใจเย็นไหวล่ะครับ ผมไม่ตอบเพราะเดาได้เลาๆแล้วว่าต้องเป็นเรื่องของบาส

“บาสแมร่งไปมีอะไรกับไอ้เน็ทว่ะ” ผมพูดอะไรไม่ออกเลยครับมันเหมือนสมองมันตื้อขึ้นมากระทันหัน ... เป้มันเล่าว่าบาสไปมีอะไรกับเน็ทช่วงที่ทะเลาะกับผม  มันได้ยินเรื่องนี้มาจากไอ้เน็ทแต่เรื่องรายละเอียดเป้มันก็ไม่รู้เพราะเน็ทไม่ได้เล่าซึ่งก็ดีแล้วล่ะครับ ผมเองก็ไม่อยากฟังเหมือนกัน

“กรูไม่ได้เอาเรื่องนี้มาบอกมรึงเพราะอยากให้มรึงกับบาสทะเลาะกันนะ แค่กรูรู้ว่ามรึงรักบาสมาก ... มรึงจะเอายังไงก็แล้วแต่มรึงละกัน” ผมไม่รู้หรอกครับว่าทำไมอยู่ๆเป้ถึงมาบอกผม แต่ผมก็คิดในแง่บวกว่ามันไม่อยากเห็นผมถูกสวมเขา

เย็นนั้นตั้ั้งแต่กลับถึงบ้านผมไม่โทรหาบาสเลยครับ คิดไม่ออกว่าจะทำงดี จะถามบาสเหรอ??? มันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ถ้าผมคุยกับบาสละก็ทะเลาะกันแรงแน่ ผมไม่อยากทะเลาะกับบาสครับ แต่จะให้อยู่แบบนี้ผมก็ทนไม่ได้เหมือนกัน ผมคิดมาตลอดว่าผมเป็นคนแรกของบาส แค่คิดภาพว่าบาสไปมีอะไรกับคนอื่นผมก็ไม่อยากจะใกล้บาสแล้ว

คืนนั้นผมอ้างว่าปวดหัวเลยขอนอนตั้งแต่หัวค่ำ่ วางสายจากบาสผมก็ปิดมือถือ พี่ๆเคยคิดมากจนนอนไม่หลับกันไหมครับ ถ้าเคย พี่ๆคงรู้ว่ามันทรมานขนาดไหน ผมนอนไม่หลับเลยทั้งคืน ร้องไห้จนเหนื่อย แต่มันก็หยุดร้องไม่ได้ ในหัวมันมีแต่เรื่องบาส หลับตาก็เห็นภาพบาสมีอะไรกับเน็ท คิดถึงคำที่บาสพูดตอนมีอะไรกับผมครั้งแรกแล้วมันยิ่งทำให้ผมเจ็บ ผมไม่เคยนอกใจบาส คนอื่นเข้ามาในชีวิตเยอะแยะ แต่ผมก็ไม่เคยแม้แต่จะมอง แล้วดูบาสสิครับ ผมนอนคิดจนถึงเช้า จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจครับว่าผมจะโทรไปหาเน็ท

ผมโทรหาเน็ทพอมันรับสาย ผมก็ใส่เต็มที่เลยครับ

“ไอ้เหี้ยเน็ท มรึงทำอะไรแฟนกรู... ” เน็ทปฏิเสธครับ ยังไงมันก็บอกว่ามันไม่เคยมีอะไรกับบาส ผมคาดคั้นเท่าไหร่มันก็บอกว่าไม่ จนสุดท้ายผมก็จนปัญญา แม้จะไม่เชื่อแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ยังไงผมก็เลือกที่จะไม่ถามบาสอยู่แล้ว

ยอมรับครับว่าช่วงแรกที่ผมรู้เรื่อง ผมไม่ยอมมีอะไรกับบาสเลย ผมไม่ไปหาบาสที่สนามบอลตอนเย็นและพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะไปเวลาบาสขอ แม้แต่ sexphone ผมก็ไม่เล่น ผมไม่มีอะไรกับบาสเป็นเดือนๆ จนในที่สุดเราสองคนก็ทะเลาะกัน ... พี่ๆคิดว่าไงล่ะครับ ผมจะยอมบาสไหม .... ... ยอมครับ

ผมไม่ได้คิดว่ารักคือ sex แต่ผมก็ยอมรับว่าถ้ามีความรักมันก็มักจะหนีคำว่า sex ไม่ได้และ sex ก็เหมือนเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้รักไม่จืดชืด จำได้ครับว่าตอนมีอะไรกันบาสทำเหมือนหิวกระหายในตัวผมมาก มันไม่สนิทใจหรอกครับตอนที่บาสมีอะไรลึกซึ้งกับผม ผมคิดถึงภาพที่บาสมีอะไรกับคนอื่น เจ็บมากครับ มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ถูก

ตอนมีอะไรกันผมกอดบาสแน่นมาก อยากให้บาสรู้ว่าผมรักบาสมากแค่ไหน ไม่น่าเชื่อครับว่าจากคนที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่ง วันนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย ผมเคยพูดกับเพื่อนว่าคนอย่างผมไม่มีทางใช้ของมือสองต่อจากใคร แล้วสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ล่ะ มันเรียกว่าอะไร คนอื่นอาจจะว่าผมโง่ แต่ผมเชื่อว่าผมยอมที่จะเจ็บ เจ็บเพื่ือให้ความรักของเรามันเดินต่อไปได้ มันใช้เวลาเหมือนกันครับกว่าผมจะปล่อยทุกอย่างให้ผ่านไป

นิสัยของบาสที่ทำให้ผมเสียใจมากที่สุดก็คือความเจ้าชู้ เรื่องมันเริ่มมาจากบาสไปรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง มันเป็นนิสัยของเด็กผู้ชายครับที่พอเวลาจีบผู้หญิงแล้วต้องมานั่งคุยกัน บาสก็ทำแบบนั้นและที่ทำร้ายจิตใจผมคือบาสพูดกับเพื่อนๆว่าจะจีบคนนี้ต่อหน้าผม จะให้ผมทำหน้ายังไง คนที่กำลังคบกับผมอยู่บอกผมต่อหน้าเลยว่าจะจีบคนอื่น ถ้าตอนนั้นผมไม่เจ็บมันก็แปลว่าหัวใจผมหยุดเต้นไปแล้วล่ะครับ

เย็นวันต่อมาผมไปนั่งรอบาสกับโจ้เรียนพิเศษแถวโรงเรียน พวกเรามาถึงก่อนเวลาเลยไปนั่งกินข้าวในร้านอาหาร บาสก็ยังพูดถึงผู้หญิงคนนั้นเหมือนบาสพูดกับโจ้อยู่สองคน เพราะบาสไม่สนใจผมเลย ผมจะกินอะไรจะดื่มอะไรบาสก็ไม่สน นั่งพูดให้โจ้ฟังว่าพูดอะไรกับคนนั้นบ้าง คนนั้นชอบไม่ชอบอะไร ไอ้โจ้ก็บ้าจี้ครับเออออตามบาสทุกอย่าง

ผมไม่ชอบเลยครับนิสัยแบบนี้ของบาส พอไม่มีใครก็ทำกับผมเหมือนผมเป็นคนสำคัญ ดูแลผมดีทุกอย่าง พูดจาหวานๆเพราะๆกับผม แต่พอถึงเวลาแบบนี้บาสกลับทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ผมทนไม่ได้ครับ สุดท้ายต้องหนีไปร้องไห้ในห้องน้ำ้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตมันจะละครขนาดนี้ แอบหนีไปร้องไห้ในห้องน้ำ้นี่มันนิยายน้ำ้เน่าชัดๆ แต่ผมก็ทำ ผมรับอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ ถ้าไม่ออกมา ผมก็คงนั่งน้ำ้ตาแตกอยู่ในร้านอาหาร

สรุปว่าเย็นนั้นอาจารย์สอนพิเศษติดธุระด่วน ไอ้โจ้มันก็ชิ่งกลับบ้านก่อน ทิ้งให้ผมกับบาสอยู่กันสองคน บาสให้ผมนั่งรอรถที่บ้านมารับเป็นเพื่อน แล้วจะให้คนขับรถขับมาส่งผมที่บ้าน เรากลับมานั่งรอที่โรงเรียน บาสนั่งข้างผมคุยโน่นคุยนี่ บาสคุยกับผมเหมือนปกติทั้งๆที่ตลอด 2 ชั่วโมงที่ผ่านมาบาสไม่แม้แต่จะมองหน้าผม

เย็นวันนั้นบาสมาส่งผมที่บ้านครับ พอขึ้นมาบนรถบาสก็ขอให้ผมช่วย (พี่ๆเข้าใจนะครับว่าผมหมายถึงอะไร) ผมกับบาสมีอะไรกันบนรถบ่อย บ้านบาสใช้รถตู้ครับ คนขับก็ขับไปไม่เคยหันมาสนใจว่าผมกับบาสถึงไหนๆกันบนรถ ผมช่วยบาสครับและถ้าคิดว่ามันเลวร้ายแล้วเชื่อไหมครับว่าผู้หญิงคนนั้นโทรมา บาสรับสายแล้วคุยโทรศัพท์ต่อหน้าผม ผมเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก ที่ผมเป็นอยู่่ตอนนี้มันยังทรมานไม่พอหรือไง

ถึงบ้านผมกับบาสก็ขึ้นมาบนห้อง บาสบอกว่ายังไม่อยากรีบกลับเพราะรถติด เราสองคนมีอะไรลึกซึ้งกันอีกรอบ ดีหน่อยที่อย่างน้อยบาสก็ไม่ได้คุยโทรศัพท์แล้ว พอช่วงเวลานั้นผ่านพ้นไปเราเข้าไปอาบน้ำ้แต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย บาสก็ขอให้ผมนั่งสอนการบ้าน มันดูน่ารักนะครับ คือบาสให้ผมสอนถ้าสอนแล้วบาสทำแบบฝึกหัดถูกหนึ่งข้อ ผมต้องให้บาสหอมแก้มหนึ่งที

ผมก็นั่งสอนบาสไปเรื่อยๆ แต่เป็นผมเองนั่นแหละที่สงบสติอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ผมกวาดของทั้งหมดลงบนพื้นแล้วโผเข้าไปกอดบาส ผมร้องไห้ครับ สองสามวันที่ผ่านมาผมทรมานมาก มันรู้สึกเหมือนก่อนจะเกิดเรื่องของน้องแป้งไม่มีผิด ผมกลัวจะเสียบาสไป บาสไม่พูดอะไรเอาแต่ลูปหัวผม ปล่อยให้ผมร้องจนผมหยุดไปเอง บาสดันตัวผมออกมาแล้วเอามือประคองหน้าผมเอาไว้

“นิว นิวมีอะไรจะพูดกับบาสไหม”

“บาส นิวเจ็บ บาสอย่าทรมานนิวแบบนี้เลยนะ … บาสจะทำอะไร นิวไม่เคยห้าม แต่นิวของร้อง อย่ามาทำต่อหน้านิว นิวรับไม่ได้ ถ้าบาสไม่รักนิวแล้วก็บอกมาตรงๆ อย่าทำกับนิวแบบนี้ นิวรักบาสมากรู้ไหม” ผมพูดไปน้ำตาก็นองหน้า ผมเจ็บมากนะครับ พี่ๆลองคิดดูว่าผมเป็นผู้ชาย ของมันก็รู้ๆกันอยู่ว่าจะเอาอะไรมาสู้ผู้หญิงได้ ผมคงให้ในสิ่งที่บาสต้องการไม่ได้ ถ้าบาสอยากจะเลิก อยากจะกลับมาคบกับผมแค่เพื่อนก็บอกผมมาละกัน ผมยินดีจะเลิก ยินดีที่จะถอยออกมายืนอยู่ที่เดิม แต่ถ้าจะให้ผมบอกเลิกบาส ยอมรับครับว่าตอนนั้นผมทำไม่ได้ ผมไม่เข้มแข็งพอและที่สำคัญผมรักบาสมาก บาสมองหน้าผมไม่พูดอะไร แต่โน้มหน้ามาหอมหน้าผากผม แล้วหลังจากวันนั้นผมกับบาสก็ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้อีกและบาสก็ไม่เคยคุยโทรศัพท์กับใครต่อหน้าผม

แต่ผมก็สบายใจได้ไม่นาน ผมกับบาสสมัรเรียนพิเศษที่เดียวกันช่วงเช้า แต่ผมเรียนคนละห้องกับบาส ช่วงสายเราถึงได้นั่งเรียนด้วยกัน ช่วงเเรกผมก็มีความสุขนะครับ เจอบาสทุกวันเสาร์ แต่พอนานเข้าผมก็เริ่มยิ้มไม่ออก เพราะบาสเริ่มพูดถึงผู้หญิงอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ผมไม่พูดอะไร ได้แต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่

พี่ๆคิดสภาพผมตอนนั้นนะครับ ตื่นไปเรียนตั้งแต่เช้าพอเจอหน้าบาส บาสก็ทำตัวเหมือนเดิมครับคือไม่สนใจผม นั่งพูดกับเพื่อนเรื่องผู้หญิงคนนั้น พอขึ้นไปเรียนผมก็เรียนไม่รู้เรื่อง ใจมันฟุ้งซ่านไปหมด เอาแต่คิดว่าบาสที่นั่งอยู่ห้องข้างๆกำลังทำอะไรอยู่ มันเป็นแบบนี้มาเกือบทั้งเทอม ผมเบื่อครับ เบื่อจนไม่อยากมาเรียนแล้ว รู้สึกว่ามันเสียเวลา ตื่นก็เช้ามานั่งเรียนก็เรียนไม่รู้เรื่อง ถ้าเป็นอยู่แบบนี้ผมเอาเวลามานอนไม่ดีกว่าเหรอ งานที่โรงเรียนผมก็เยอะอยู่แล้ว มีเรื่องให้คิดเยอะแยะ แล้วยังต้องมาคิดมากกับเรื่องนี้อีก

มันก็เป็นแบบนี้มาตลอดจน period สุดท้าย บาสพูดมาทั้งอาทิตย์ครับว่าจะขอเบอร์ ผมรู้ว่าถ้าบาสได้เบอร์บาสก็คงทิ้งผม ผมใช้เวลานั่งทำใจทั้งอาทิตย์ จนในที่สุดก็ถึงวันเสาร์ มันเหมือนเดินเข้าแดนประหารเลยครับ ผมทำใจมาแล้ว ทนไม่ไหวแล้วด้วยครับ ทรมานจนอยากให้มันจบไวๆ จะเลิกก็เลิกกันวันนี้ไปเลย ยังไงผมก็ทำใจมาโดนทิ้งอยู่แล้ว วันนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องเรียนผมโดดออกมานั่งกิน Au Bon Pan ที่สยามตั้งแต่เข้าเรียนได้ 10 นาทีเเรก แล้วเดินกลับมาให้พอดีกับที่บาสเลิกเรียน

พอเลิกเรียนมันก็เป็นช่วงชุลมุนผมเห็นบาสอยู่ไกลๆ กำลังชะเง้อมองหาใครคนหนึ่ง (ซึ่งคงไม่ใช่ผม) แล้วบาสกับเพื่อนก็เดินออกจากตึกไปเลยครับ ผมเดินตามออกไป แต่สุดท้ายบาสก็หาคนๆนั้นไม่เจอ บาสอารมณ์เสียมากพอหันมาเจอหน้าผมที่เดินตามมารั้งท้าย บาสก็โมโหใส่ผมไล่ผมให้ไปเรียนก่อนบอกว่า "ไม่ต้องมาเดินตามรำคาญ" แล้วผมจะทำไงได้ล่ะครับ นอกจากเดินคอตกไปเรียน นั่งได้สักพักบาสก็ยังไม่มา ผมก็นั่งไม่ติดที่ ลงมาหาของกินข้างๆ เจอบาสเดินขึ้นมาพอดีครับ ดูจากสีหน้าแล้วคงหาไม่เจอจริงๆ เห็นหน้าผมบาสก็ทำหน้าบึ้งๆ บอกผมว่า "ดื้อ” แล้วบาสก็เดินขึ้นไป

ผมก็โมโหนะ ทำไมไม่เข้าใจความรู้สึกกันบ้าง บาสก็รู้ว่าผมรักมากขนาดไหน แล้วคิดเหรอว่าเวลาแบบนี้ผมจะมีกระจิตกระใจไปนั่งเรียน ผมเดินออกไปซื้อของกินไกลกว่าที่คิดไว้ตอนแรก อยากสงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยครับ ผมซื้อขนมแล้วก็น้ำ้มาสองแก้ว ผมกับบาสนั่งข้างกัน มาถึงผมก็ยื่นแก้วไปวางไว้บนโต๊ะบาส บาสมองหน้าผมผมก็ส่งยิ้มให้ไม่พูดอะไร แล้วก็หยิบหนังสือขึ้นมาเปิด ผมได้ยินบาสพูดออกมาเบาๆ

“ขอโทษ” วันนั้นผมไม่รู้ว่าผมจะดีใจหรือเสียใจที่ผลมันออกมาเป็นอย่างนี้ ใจหนึ่งผมก็ดีใจที่ผมกับบาสยังคบกันแต่อีกใจหนึ่งผมก็เสียใจ ผมเริ่มเหนื่อยแล้วครับกับสถานะที่ไม่รู้ว่าอะไรคืออะไรระหว่างเราสองคน วันนั้นผมคิดจริงๆนะครับว่าผมจะต้องทรมานไปอีกนานเท่าไหร่

หลังจากวันนั้นเรื่องของผมกับบาสแย่ลงเรื่อยๆ ผ่านมาได้สักพักเราสองคนก็ทะเลาะกันตลอด เรื่องเล็กๆน้อยๆเราก็ยังทะเลาะกัน บางครั้งผมก็รู้สึกว่าบาสเบื่อผม บางคืนเราโทรหากันแต่ไม่พูดอะไรกันเลยก็มี ผมหนีบโทรศัพท์ไว้ข้างหูแล้วฟังเสียงเกมที่บาสเล่นหรือหนักกว่านั้นคือผมเปิด speaker phone ทิ้งไว้แล้วตัวเองก็ไปนั่งทำงาน พอง่วงผมก็บอกบาสว่าผมจะนอนก่อน บาสพูดแค่ว่า "อืม" แล้วก็วางสายไป

ผมกับบาสทะเลาะกันบ่อยและหนักขึ้นจนสุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว ผมตัดสินใจหนีบาสไปเที่ยวต่างประเทศช่วงปิด summer ผมไม่คิดอะไรมากเลยครับตอนนั้น ผมเบื่อมากมันเหมือนเสียสุขภาพจิต ทะเลาะกันได้ทุกวัน ถ้าถามว่ารักบาสไหม ผมตอบได้โดยไม่ต้องคิดเลยครับว่ารัก ผมรักบาสมากแต่ผมว่าเราสองคนอยู่ใกล้กันมากเกินไป ห่างกันสักพักอะไรๆมันก็คงจะดีขึ้น พอที่บ้านผม ok ผมก็เก็บของเลย ผมมี visa ของประเทศนั้นอยู่แล้ว ป้าผมอยู่ที่โน่นแล้วก็ยินดีต้อนรับให้ผมไปเยี่ยมเสมอ

วันที่ผมบอกบาส เราก็ทะเลาะกัน ผมบอกบาสวันที่ผมโทรไปคุยกับป้าแล้วก็จองตั๋วได้หลังจากนั้นอาทิตย์กว่าๆ ผมจะไปอยู่โน่นเกือบเดือนครึ่ง บาสโมโหครับ บาสอยากให้ผมอยู่ที่นี่มากกว่า แต่ผมก็อ้างไปว่าป้าอยากให้ผมไปหา ซื้อตั๋วเครื่องบินส่งมาให้ผมแล้ว บอกตามตรงว่าผมก็เสียดายเวลานะครับ ผมน่าจะได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมอยู่กับบาสแต่ถ้าจะให้กลับมาทะเลาะกันเหมือนเดิมผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน หลายเดือนที่ผ่านมาผมเหนื่อยมากกับเรื่องราวของเราสองคน จำได้ว่าช่วงก่อนที่ผมจะไปผมนั่ง count down รอแล้ว

วันที่ผมขึ้นเครื่องบินผมก็โทรหาบาสเราสองคนร่ำ่ลากันดี เท่านี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผมไปเที่ยวได้อย่างสบายใจ แต่ผมก็ยอมรับเลยว่านาทีที่จะก้าวขึ้นเครื่องผมก็ยังมีความคิดว่าผมจะอยู่ที่นี่ต่อ ยอมรับครับว่าผมกลัว ผมไม่มีทางรู้เลยว่าบาสทำอะไรบ้างช่วงที่ผมไม่อยู่ บาสจะไปมีคนอื่นไหมและที่สำคัญคือสถานะของเราตอนนี้ผมเองก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร พอผมกลับมาเราจะยังคบกันอยู่ไหม จะมีอะไรที่มันเปลี่ยนแปลงไปอีกหรือเปล่า ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้ มันเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลยที่จะต้องห่างกับบาสในสถานการณ์ที่บอบบางแบบนี้ แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเดินขึ้นเครื่อง ผมบอกกับตัวเองว่าจะทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่แล้วไปเที่ยว ไปหาความสุขใส่ตัว ...

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 10 updated 25/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 26-04-2011 03:11:16
 :z13:
และแล้วหนที่สองก็มาเยือน เลิกๆไปเถอะแบบนี้ 555+
พูดเหมือนง่ายแต่เอาเข้าจริงทำใจยากมากกกกกกกกกกกกกกกกก  :o12:
มันต้องใช้เวลาเป็นตัวเยียวยาอย่างแรงกว่าจะทนกับความรู้สึกเลวของตัวเอง หรืออีกฝ่ายได้
แม้จะรักมากมาย แต่มันก็เกินทน
แล้วจะรออ่านต่อนะ นิวน้อยน่าลัก :laugh:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 10 updated 25/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 26-04-2011 03:48:52
กดบวกให้จ้า
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 10 updated 25/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 26-04-2011 04:35:10
เลิกๆ ไปเถอะ เจ็บเเทนอ่ะ
เลิกให้มันเจ็บครั้งเดียวเเรงๆ ดีกว่าเจ็บหลายๆ ครั้งนะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 10 updated 25/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 26-04-2011 11:17:28
อ่อย  คนเรามันเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆหรอกเนอะ  บาสเป็นแบบนี้จะทำไงได
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 10 updated 25/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 26-04-2011 18:01:46
:z13:
และแล้วหนที่สองก็มาเยือน เลิกๆไปเถอะแบบนี้ 555+
พูดเหมือนง่ายแต่เอาเข้าจริงทำใจยากมากกกกกกกกกกกกกกกกก  :o12:
มันต้องใช้เวลาเป็นตัวเยียวยาอย่างแรงกว่าจะทนกับความรู้สึกเลวของตัวเอง หรืออีกฝ่ายได้
แม้จะรักมากมาย แต่มันก็เกินทน
แล้วจะรออ่านต่อนะ นิวน้อยน่าลัก :laugh:

ถูกใจมากครับนิวคุง "แม้จะรักมากมาย แต่มันก็เกินทน"  o13
กดบวกให้จ้า

ขอบคุณครับ  :pig4:

เลิกๆ ไปเถอะ เจ็บเเทนอ่ะ
เลิกให้มันเจ็บครั้งเดียวเเรงๆ ดีกว่าเจ็บหลายๆ ครั้งนะ

เลือกยากนะครับ เหมือนให้เลือกระหว่างโดนตะปูแทงหลายครั้งกับโดนมีดกระซวกครั้งเดียว  o18
ผมก็เลือกไม่ถูกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้องติดตามต่อไป ฮิฮิ  :m26:

อ่อย  คนเรามันเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆหรอกเนอะ  บาสเป็นแบบนี้จะทำไงได

ผมก็ทำอะไรไม่ได้ครับนอกจากทำใจยอมรับ  :a9:

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 10 updated 25/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 26-04-2011 20:28:04
 :เฮ้อ:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 10 updated 25/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 27-04-2011 01:11:57
โอย สุดจะทนคนเเบบนี้ เลวมากกกกกกกก  :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 10 updated 25/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 28-04-2011 21:46:38
ไปอยู่ต่างประเทศเดือนครึ่งชีวิตผมก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับวันๆก็เที่ยวกัับ shopping ป้าผมก็ take care ผมดีตลอดพาไปโน่นไปนี่ บางวันป้าก็พาผมมาเดินเล่นที่ห้างแล้วก็เลยไปทำงานพอบ่ายๆลุงก็มารับ แรกๆมันก็สนุกนะครับแต่สักพักผมก็เริ่มเหงา ป้าผมก็ต้องทำงาน มันจะมีใครว่างมาพาผมเที่ยวได้ทุกวัน อยู่คนเดียวผมก็เบื่อ ตอนนั้นผมเลือกที่จะโทรหาต้น ผมโทรกลับมาเม้ากับไอ้ต้นทุกอาทิตย์ นั่งเล่าให้มันฟังเป็นชั่วโมงๆว่าผมทำอะไรมาบ้าง ที่ผมเลือกที่จะโทรหาต้นแต่ไม่โทรหาบาสเพราะผมอยากคุยกับคนที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจมากกว่า ผมไม่อยากโทรหาบาสเพราะกลัวว่าเราจะทะเลาะกัน บอกแล้วไงครับว่าผมจะทิ้งทุกอย่างไว้ที่เมืองไทยแล้วมาเที่ยว มาหาความสุขใส่ตัว
   
ผมมีความสุขนะครับ มันเหมือนเราได้กลับมามีชีวิตเป็นของตัวเองอีกครั้ง อยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีใครมาชวนทะเลาะ ไม่ต้องมานั่งเอาใจใคร แต่พี่เชื่อไหมครับว่ายิ่งนานวันผมก็ยิ่งคิดถึงบาส ผมอยากเจอหน้าบาส อยากกอดบาส อยากใกล้ชิดกับบาสและอยากให้บาสบอกรักผม ผมฝันถึงบาสหลายครั้งนะครับ ใจหนึ่งก็เริ่มอยากกลับบ้านแล้วแต่อีกใจหนึ่งก็อยากใช้ชีวิตสนุกๆอยู่ที่นี่ให้คุ้ม

แล้วเวลาก็เดินผ่านไปเหมือนโกหก แป๊บเดียวผมก็เตรียม pack ของกลับบ้าน ผมซื้อของฝากมาให้เพื่อนทุกคน แต่คนที่ได้ของแพงและเยอะที่สุดคือบาส ผมซื้อพวกช็อคโกแลตมาฝากบาส บาสชอบช็อคโกแลตครับ ตู้เย็นบ้านบาสจะมีช็อคโกแลตติดไว้ตลอด

เครื่องของผมมาถึงไทยช่วงหัวค่ำ่แล้วผมก็เหนื่อยมาก จากที่คิดว่าจะโทรหาบาสแต่ผมก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ สายๆของวันต่อไป บาสก็โทรเข้ามือถือผม บาสโทรมาหาผมเมื่อคืนครับพอผมไม่รับบาสก็โทรเข้าบ้านแม่เป็นคนบอกมั้งครับว่าผมหลับไปแล้ว เราคุยกันชั่วโมงกว่า ก่อนวางสายบาสก็บอกรักผม ดีใจครับเพราะนั่นแสดงว่าเราสองคนยังเป็นเหมือนเดิม

กลับมาได้วันสองวันผมก็ขอที่บ้านไปนั่งเล่นบ้านบาส อ้างว่าต้องเอาช็อคโกแลตไปให้ เหมือนเดิมครับบาสเอาโจ้มาเป็นไม้กันหมา เราสองคนส่งสายตาให้กันตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ยอมรับว่าผมก็อยาก ผมก็คนธรรมดาคนหนึ่ง อารมณ์รักๆใคร่ๆมันก็ต้องมีกันบ้าง มาถึงบ้านโจ้ก็เดินเข้าห้องคอมทันที ผมกับบาสก็ไปนั่งๆอยู่สักแป๊บพอเห็นว่าไอ้โจ้มันหลุดเข้าโลกจินตนาการไปแล้ว เราสองคนก็เดินขึ้นมาข้างบนพร้อมกัน

เข้าห้องบาสปุ๊ป บาสก็ดึงผมเข้ามากอดทันที

“คิดถึงจัง” บาสประกบปากจูบผม ไม่ต้องใช้เวลามากก็จุดไฟติด ผมถอดเสื้อบาส บาสก็แถบจะฉีกเสื้อผม ผมรู้ว่าบาสเก็บกดส่วนผมเองก็อยากเหมือนกัน
   
มันเป็นเพียงไม่กี่ครั้งหรอกครับที่ผมจะยอมมีอะไรกับบาสติดๆกันหลายครั้ง แต่เพราะผมเองก็กระหายในตัวบาส มันเหมือนกับความรู้สึกที่เก็บกันมาตลอดเดือนกว่าได้ถูกระบายออกมา ไม่แปลกครับที่วันนั้นผมนอนหลับตลอดทางกลับบ้าน มารู้สึกตัวอีกทีรถบ้านบาสก็มาจอดส่งผมที่บ้านแล้ว

กลับมาแรกๆทุกอย่างก็ดูดี มันเหมือนเราเริ่มคบกันใหม่อีกครั้ง แต่พอผ่านไปสักพักทุกอย่างมันก็เป็นเหมือนเดิม เรากลับมาทะเลาะกันและอาจจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ้เพราะบาสเริ่มพูดว่ารำคาญผม อยากให้ผมออกไปจากชีวิต ผมจำได้ว่าเคยทะเลาะกับบาสแล้วนั่งร้องไห้อยู่บนห้อง ซวยมากครับเพราะลืมล็อกประตู แม่เลยเปิดประตูเข้ามาเห็น แม่ก็ตกใจถามว่าผมเป็นอะไร ผมตอบแค่ทะเลาะกับบาส แม่ไม่ถามอะไรแต่พี่ๆเชื่อไหมว่าประโยคที่แม่พูดกับผมมันทำให้ผมหยุดร้องไห้ทันที

“จำไว้นะนิว เรื่องเดียวที่จะทำให้ลูกแม่ร้องไห้ได้คือตอนที่พ่อกับแม่ตายเท่านั้น”
   
ผมกดดันนะครับกับการที่จะต้องมาปกปิดความสัมพันธ์ของผมกับบาส ขึ้นปีใหม่ผมเป็นรองประธานกรรมการนักเรียน (พูดตอนนี้มันดูไม่ยิ่งใหญ่แต่มันก็เป็นหน้าที่ที่ใหญ่สำหรับเด็กวัยขนาดนั้น) งานผมเยอะอยู่แล้ว แล้วไหนจะต้องมาคอยหลบๆซ่อนๆ ใจจริงผมไม่อยากปิดบังหรอกครับ แต่คนรอบข้างผมสิ ตั้งความหวังกับผมไว้สูงมาก

ผมรู้ตัวมาก่อนแล้วว่าตัวเองได้เป็นรองประธานกรรมการนักเรียนวันก่อนหน้าที่โรงเรียนจะประกาศชื่ออาจารย์แดงเรียกผมเข้าไปหาที่ห้องชมรม ตอนแรกผมก็คิดว่ามีนัดประชุม แต่พอเปิดประตูเข้าไปผมถึงรู้ว่ามีผมแค่คนเดียว อาจารย์เรียกผมมานั่งเก้าอี้ข้างอาจารย์ ท่านก็พูดให้ฟังคร่าวๆว่าหน้าที่ผมคืออะไร อีก 1 ปีจากนี้ผมต้องเจออะไรบ้าง แล้วผมจะต้องวางตัวยังไง

อาจารย์ก็เตือนๆเรื่องที่ผมชอบพูดคำหยาบกับชอบลาไปทำกิจกรรมแต่จริงๆแล้วก็โดดเรียนไปเดินเล่นสยาม ผมไม่แปลกใจเพราะอาจารย์ก็ทำหน้าที่นี้มานาน พี่ๆก่อนหน้าผมก็คงทำเหมือนผม อาจารย์ก็เตือนด้วยความหวังดี แต่เรื่องสุดท้ายที่ท่านพูดมันทำเอาผมพูดไม่ออกเลยครับ

“นิว เธอมีแฟนแล้วใช่ไหม” พูดอะไรไม่ออกเลยครับเจอคำถามนี้

“เออ เอออออ... ” ผมคิดไม่ทันครับ รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้โกหกก็โดนจับได้ แต่ผมก็ไม่กล้าบอกความจริง

“บอกความจริงครูมานิว ครูอยากได้ยินจากปากเธอ”

“ครับ นิวมีแฟนแล้ว” ถึงจุดนี้มันก็ปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะครับ

“ก็เท่านั้นแหละ ครูไม่ได้จะฆ่าจะแกงเธอสักหน่อย”

“ครับ”

“นิว ฟังที่ครูพูดให้ดีๆนะ … ครูไม่ได้จะห้ามเธอเรื่องแฟน เธอเป็นอะไรทำไมครูจะดูไม่ออก”

“แต่ครูขอร้องว่าให้เธอระวังตัวเรื่องนี้”

“นิวไม่เข้าใจครับ” ผมไม่เข้าใจเลยว่าอาจารย์กำลังสื่ออะไรกับผม ผมคบกับบาสมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

“เธอยังต้องทำอะไรอีกเยอะนะนิว อย่าทำตัวให้คนอื่นเขามีเรื่องเธอเอาไปนินทาสิ...” อาจารย์แดงพูดกับผมอีกหลายอย่างแต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอาจารย์ต้องการจะบอกอะไร

มันไม่ใช่แค่หน้าที่รับผิดชอบที่กดดันผม เพื่อนผมเองก็กดดันเหมือนกัน เพื่อนๆในชมรมเริ่มสังเกตครับว่าผมใช้เวลาช่วงพักแทบทั้งหมดอยู่กับบาส ผมยอมให้บาสแกล้งหรือไม่พูดไม่เถียงอะไรเวลาบาสพูดไม่ดีกับผม เพื่อนผมคนหนึ่งพูดกับผมตรงๆเลยครับว่าไม่ชอบขี้หน้าบาส และก็ยิ่งไม่ชอบที่บาสมาทำไม่ดีกับผม มันพูดถึงขนาดว่าถ้าผมรำคาญบาสมากก็บอกมา เดี๋ยวมันไปเคลียร์กับบาสให้ แล้วจะให้ผมพูดยังไงล่ะครับ ผมก็ได้แต่บอกมันไปว่าไม่เป็นไร ผมกับบาสสนิทกันมานานก็เล่นหัวกันแบบนี้แหละ

มันเหมือนทุกอย่างมันชี้เป้ามาที่ผม ทั้งเเรงกดดันจากคนรอบข้างและจากสถานะของผมกับบาสที่นับวันมันก็ยิ่งบอบบางและเหมือนจะพังครืนลงมาได้ทุกเมื่อ กดดันมากครับจนสุดท้ายผมก็ยอมพูดเรื่องทั้งหมดกับไอ้ต้น มันสุดๆแล้วครับ ผมทนเก็บอะไรไว้กับตัวไม่ไหวแล้ว ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผมเก็บเรื่องของผมกับบาสไว้กับตัวผมมาตลอด จริงอยู่ว่ามีคนรู้ว่าเราสองคนคบกันแต่ผมก็ไม่เคยปรึกษาใคร เรื่องทั้งหมดที่ผมเคยเล่าให้พี่ฟังผมก็ไม่เคยพูดกับใคร ผมเก็บมาคิดคนเดียวแก้ปัญหาคนเดียวมาตลอด ต้นเป็นเพื่อนคนเเรกที่ผมยอมเล่าเรื่องของผมกับบาส

มันบอกผมว่าวันแรกที่มันได้ยินว่าผมมีแฟน มันก็คิดว่าผมอำมัน แล้วยิ่งผมบอกมันว่าผมกับบาสมีอะไรกันแล้ว มันยิ่งไม่เชื่อ แต่พอมันเห็นผมเครียดจริง มันเลยรู้ว่าผมไม่ได้พูดตลก มันบอกว่าไม่น่าเชื่อว่าคนเรียบร้อยอย่างผมจะทำอะไรแบบนี้ ผมพูดกับมันว่าผมไม่อยากปิดบังเรื่องของบาสและไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์แดงต้องพูดกับผมเรื่องของบาสด้วย

“มรึงไม่คิดบ้างเหรอว่าไอhที่มรึงเป็นอยู่เนี่ยมันต้องอาศัยความเกรงใจของคนอื่นขนาดไหน”
   
“แล้วไงวะ ที่กรูทำอยู่นี่มันก็คุมคนอื่นได้นิ”
   
“ได้ดิ ก็แมร่งไม่มีใครรู้นิว่ามรึงเป็นแฟนไอ้บาส … มรึงคิดดูนะ ใครเขาจะเกรงใจมรึงถ้าเขารู้ว่ามรึงเป็นเมียไอ้เหี้ยนั่น” ได้ยินมันพูดแบบนี้ทุกคนก็คงพอเดาได้ว่าไอ้ต้นไม่ชอบหน้าบาสเท่าไหร่เพราะมันก็เคยเห็นว่าบาสพูดไม่ดีกับผม ผมคิดตามไอ้ต้นและก็เป็นเหมือนที่มันว่า ผมต้องคุมน้องๆหลายคน ต้องทำงานหลายอย่างซึ่งมันก็ล้วนแต่ต้องทำตัวให้น้องเกรงใจ จะมีใครเกรงใจผมถ้าเห็นว่าผมยอมบาสขนาดนี้ ใครมันจะเคารพผมถ้ารู้ว่าคนที่ตวาดพวกมันอยู่เป็นเกย์

ผมจำใจรับสภาพว่าเรื่องของผมกับบาสก็คงเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่อะไรๆมันก็แย่ลง ผมรู้ว่ามีหลายคนคาดหวงในตัวผมแต่ผมก็ยอมรับว่าผมไม่เคยเเคร์ว่าใครจะว่าเรื่องของผมกับบาสเพราะผมคิดอยู่เสมอว่าผมไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อน แต่บาสเองนั้งนแหละที่กลับทำตัวเหมือนไม่อยากให้ใครรู้ว่ารู้จักกับผม พี่ๆเชื่อไหมครับว่าช่วงหลังเวลาจะคุยกันแต่ละครั้งบาสต้องลากผมเข้าไปคุยในห้องกันสองคน ผมน้อยใจนะครับ กับไอ้แค่ยืนคุยกันทำไมจะต้องทำให้มันเป็นความลับ มันไม่ใช้แค่ทั้งโรงเรียนจะมีแค่ผมกับบาสที่คบกัน สำหรับคนรอบข้างผมพอเข้าใจในความคาดหวังที่มีกับผมแต่กับบาสผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอยู่ๆบาสถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้

สุดท้ายผมก็ทนรับอะไรต่อไปไม่ไหว ผมเลือกที่จะหยุดแล้วปล่อยให้ทุกอย่างรอบตัวมันหมุนไปเรื่อยๆ ผมเลิกลงไปหาบาสตอนพัก โดยอ้างเรื่องงาน ตอนกลางคืนเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันหรือถ้าโทรคุยกันผมก็มักจะเป็นฝ่ายขอวางสาย ผมสับสนไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องของเราสองคน ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่ากำลังทำอะไร ผมคิดแต่ว่าอะไรที่ทำให้ผมสบายใจผมก็ทำ

มันก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆจนผมกับบาสต่างก็ทนกับสถานะแบบนี้ไม่ไหว จำได้ว่าวันนั้นผมไปกินข้าวนอกบ้าน บาสโทรหา แต่เราก็คุยกันไม่นานเพราะผมไม่สะดวก บาสดูเสียงเครียดๆ เท่านี้ผมก็เดาได้แล้วว่าคืนนี้เราต้องทะเลาะกันแน่ๆ กลับถึงบ้านผมก็หลบเข้าห้องไปโทรหาบาส คุยกันได้ไม่นานเราสองคนก็เริ่มทะเลาะกัน

บาสถามผมว่าทำไมช่วงนี้ผมหายไป ทำไมช่วงพักผมไม่ลงไปหา ทำไมไม่ชอบรับโทรศัพท์ ผมไม่อยากทะเลาะกับบาสเลยตอบปัดๆไปว่างานเยอะ แล้วเราก็ทะเลาะกันแรงขึ้น จนผมก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน มันเป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมเถียงบาส จำได้ว่าผมพูดไปก็ร้องไห้ไป ผมบอกบาสว่าจะมาว่าผมทำไมในเมื่อตัวเองเป็นคนบอกว่ารำคาญผมอยากให้ไปไกลๆ

แล้วเราก็เริ่มเถียงกัน ผมบอกบาสว่าเดี๋ยวนี้บาสเปลี่ยนไป ไม่ใส่ใจผมเหมือนแต่ก่อน ส่วนบาสก็ว่าผม บาสบอกว่าผมเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน ผมเรียกร้องอะไรๆจากบาสมากขึ้น ส่วนใหญ่แล้วปัญหาที่เราเถียงกันมันจะมีคำว่า “เมื่อก่อน” อยู่ในคำพูดของเราทั้งคู่ ใช่ครับ เพราะเราไม่เคยเปิดใจคุยกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเลือกที่จะเงียบ เลือกที่จะเก็บทุกอย่างไว้กับตัว เพราะเชื่อเสมอว่าการทำแบบนี้มันจะทำความสัมพันธ์ของเราสองคนยืนยาว แต่มันไม่เคยเป็นแบบนั้น มันเหมือนผมเอาขยะมายัดลงถังทุกวันๆไม่เคยเอาไปทิ้ง สักวันหนึ่งมันก็ต้องทะลักออกมา และวันนี้ก็เป็นวันที่พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ผมทำมาตลอด 2 ปี มันกลับมาทำร้ายเราสองคนยังไง

ยิ่งเถียงกันมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น บาสเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว พอผมซึ่งยอมบาสมาตลอดอยู่ๆก็เกิดเถียงขึ้นมาบาสก็ยิ่งโมโห ผมเองพอได้พูดแล้วก็พูดไม่หยุด ผมรู้ตัวว่าเวลาพูดผมชอบพูดประชด ชอบพูดแทงใจดำมันก็ยิ่งทำให้บาสโกรธมากขึ้นไปอีก เราทะเลาะกันเกือบชั่วโมง จนสุดท้ายทั้งผมและบาสต่างก็เงียบ ผมรู้ว่าถ้าบาสเงียบแบบนี้แสดงว่าบาสกำลังจะวางหู มันเป็นวิธีแก้ปัญหาของบาส คือบาสจะวางหูใส่ผมทั้งๆที่เราสองคนก็ยังเคลียร์กันไม่จบ ผมนึกในใจเลยครับว่าถ้าคืนนี้บาสวางสายใส่ผม เราสองคนก็จบกัน

แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดบาสกระแทกหูโทรศัพท์ใส่ผม เท่านั้นล่ะครับผมร้องโฮเลย เสียใจมากครับ ผมคิดว่าทำไมทั้งๆที่ผมก็ร้องไห้หนักขนาดนี้ บาสยังใจร้ายวางหูผมได้ลงคอ น้ำ้ตาของผม ความเสียใจของผมมันไม่มีค่าพอจะรั้งบาสไว้เลยใช่ไหม หรือที่ผ่านมาผมร้องไห้มากซะจนน้ำ้ตาของผมมันไม่มีความหมาย

คืนนั้นผมโทรไปหาต้น พูดกับมันทั้งๆที่ร้องไห้ล่ะครับว่าผมจะเลิกกับบาส ไอ้ต้นมันก็ดีครับช่วยปลอบผมจนผมหยุดร้องแต่มันก็แปลกนะครับที่ผมนอนหลับได้ทั้งที่เสียใจมากขนาดนั้น หลังจากวันนั้นเราสองคนก็ไม่ได้คุยกัน สักพักบาสก็มาง้อผม ทำทีว่าเข้ามาคุยเล่น แต่ผมโกรธมากจนลุกออกไปจากตรงนั้น บาสคงเสียหน้าเพราะหลังจากนั้นบาสก็ไม่เข้ามาคุยกับผมอีก เราสองคนทำเหมือนว่าอีกคนหนึ่งไม่เคยมีตัวตน เวลาเจอกันที่โรงเรียนผมก็มองผ่านบาสไปเหมือนกับที่บาสมองผ่านผม

ผมคิดว่าบาสลืมผมไปแล้ว แต่พี่ๆเชื่อไหมครับว่าบาสโทรมาวันเกิดผม ผมยังจำวันนั้นได้ ผมไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆแม่ ตอนนั้นมันดึกแล้วผมกับลูกเพื่อนแม่นั่งเล่นไพ่กันอยู่ในห้อง พอได้ยินเสียง message ผมก็ไม่คิดอะไร เพราะเป็นวันเกิด มีเพื่อนส่ง message หาผมเยอะ แต่พอผมเห็นชื่อคนส่งผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง บาสเป็นคนส่งมา สักพักมือถือผมก็ดังขึ้น ชื่อบาสมัน show อยู่ตรงหน้าจอมือถือ ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่จ้องมือถืออยู่อย่างนั้น จนในที่สุดเสียงมันก็หยุดไป ผมยังคงนั่งจ้องมือถืออยู่ จนน้องที่นั่งข้างๆถามว่าผมเป็นอะไร ทำไมหน้าซีด ผมถึงรู้ตัวครับว่าเหม่อมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว

ผมรีบเดินกลับมาที่ห้องแล้วโทรหาไอ้ต้น ผมถามมันว่าผมจะทำไงดี มันบอกว่าโทรมาก็โทรกลับดิ ผมก็งงๆว่าจะให้ผมโทรกลับเหรอ เพราะตอนที่เลิกกันมันก็เห็นดีเห็นงามด้วย ผมบอกไอ้ต้นไปว่าผมไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อยู่แบบนี้ผมก็มีความสุขดี มันก็กลับคำบอกว่างั้นก็ไม่ต้องโทรแล้ว ปล่อยมันไป ... แล้วผมก็ปล่อยมันไป

ทิ้งช่วงไปอีกนานเหมือนกันกว่าบาสจะส่ง message มาง้อผมอีกรอบ ผมตื่นมาตอนเช้าผมก็เช็คโทรศัพท์ดูปรากฏว่าบาสส่ง message มาง้อ พอถึงโรงเรียนผมก็รีบเอาไปให้ไอ้ต้นอ่าน มันก็ส่ายหัวแต่ไม่ได้พูดอะไร ที่ซวยก็คือผมยังเก็บ message ไว้ในมือถือ แล้วเพื่อนกลุ่มผมมันขอเอามือถือไปเล่นแล้วมันเจอ message ครับ กว่าผมจะคิดได้มันก็หันมาทำตาโตใส่ผม ผมงี้รีบแย่งมือถือกลับมา ส่วนพวกมันก็ทำหน้าสะใจที่รู้ความลับว่าคนนิ่งๆแบบผมก็แอบมีคนส่ง message หวานๆมาให้

ขอเล่าข้ามมาก่อนนะครับว่าสุดท้ายแล้วเราสองคนกลับมาคุยกันได้ยังไง ก็เหมือนที่ผมบอกไปแล้วว่าผมกับบาสไม่ได้คุยกันมาเป็นปีๆ จนกระทั่งวันก่อนจบการศึกษา ผมโทรไปหาบาสเพราะผมเริ่มกลับมาคุยกับเอแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่บาส ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าพอจบไปแล้ว เวลาเจอหน้าเพื่อนที่ไหนก็อยากยิ้มให้กันได้อย่างสบายใจ เราสองคนคุยนานครับ ต่างคนต่างถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่ายตลอดช่วงเกือบๆ 2 ปีที่ผ่านมา

คืนนั้นผมรู้สึกโล่งใจครับที่เราสองคนได้คุยกัน เพราะแม้เราทั้งคู่จะเคยผ่านเรื่องราวเลวร้ายมามากมาย เคยรักกันมาก เคยเสียใจให้กันและกัน แต่สุดท้ายแล้วเราสองคนก็ยังกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ ...

ที่ผมกล้าเลิกกับบาสวันนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลอดช่วงเวลาเดือนกว่าๆที่อยู่ต่างประเทศ มันทำให้ผมค้นพบความจริงว่าชีวิตของผมก็อยู่ได้โดยไม่มีบาส และมันก็เป็นชีวิตที่มีความสุขแต่แค่ตอนนั้นผมยังรักบาสมาก มากพอที่จะยอมเจ็บไงครับ แล้วพอผมกลับมาเจอสภาพเดิมๆ ผมก็เริ่มรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวมันก็ดีเหมือนกัน

มันไม่ใช่ว่าผมไม่เจ็บนะครับที่ทำแบบนี้ วันที่เราเลิกกันผมก็ยังรักบาสเหมือนตลอด2 ปีที่ผ่านมา แต่ผมแค่มองไม่เห็นทางที่เราสองคนจะเดินต่อไปได้ ความรักของเรามันมาสุดทางแล้ว ผมเหนื่อยครับกับสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทนอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร ยิ่งทนก็ยิ่งเจ็บ เจ็บไปก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมา

ความหวานระหว่างเราสองคนมันเริ่มจืดจางไปเรื่อยๆ รักบาสก็รักนะครับ แต่พอมาถึงจุดๆหนึ่งผมก็เลือกที่จะรักตัวเองเหมือนกัน ผมไม่เคยโกรธหรือโทษตัวเองที่ยอมปล่อยใจไปคบกับบาสตั้งแต่แรก เพราะตอนนั้นผมก็คิดดีแล้วและผมก็ยินดีที่จะเสี่ยงทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าสุดท้ายแล้วก็คงเป็นผมที่ต้องเสียนำ้ตา ยอมรับตามตรงเลยนะครับว่าถ้าวันนั้นบาสไม่วางสายโทรศัพท์ใส่ผม ผมก็ยังยินดีที่จะอยู่ข้างๆบาส

ช่วงท้ายๆผมรู้แล้วว่าเรื่องระหว่างเราสองคนกำลังจะจบ ผมตัดสินใจเลือกที่จะเป็นฝ่ายเลิกเพราะถ้าผมไม่เป็นฝ่ายเลิก สักวันบาสก็ต้องมาขอเลิกผม มันไม่มีใครอยากเจ็บหรอกครับ ผมรักบาสมาทั้งชีวิตแล้ว มันจะเป็นอะไรไปถ้าผมเลือกที่จะรักตัวเองสักครั้ง เราสองคนรั้งซึ่งกันและกันมานานเกินพอแล้ว
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 11 updated 28/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-04-2011 22:26:33
ดีที่กลับตัวทัน


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 11 updated 28/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Mileson ที่ 28-04-2011 22:50:49
ขอบอกนะครับ...รักตัวเองดีที่สุด.. แค่นี้ครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 11 updated 28/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 28-04-2011 23:28:00
ทำถูกแล้ว ควรให้รักกับคนที่คู่ควร  
จริงๆ ควรเลิกตั้งนานล่ะ  บาสไม่ได้รักหนูเลยอ่ะ  คนรักกันเค้าไม่ทำกันงี้หรอก
แม้แต่คำว่าเพื่อนยังไม่คุ่ควรเลย  ทนไปได้  ดีแล้วที่หลุดพ้นมาได้
รักตัวเองให้มากที่สุด  คำที่คุณแม่สอนถูกต้องที่สุดแล้ว ร้องไห้ให้คนที่ไม่เห็นค่าเราไปทำไม ชิ  โกรธแทน   :m31:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 11 updated 28/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 29-04-2011 08:19:28
สุดท้ายแล้วก็จบ  แต่ก็ดีกว่ายืดเยื้อ  ทำถูกแล้วล่ะ  สู้ๆ   สงสารจัง  เป็นฝ่ายยอมมาตลอด
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 11 updated 28/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiiCaLorz ที่ 29-04-2011 10:56:25
นี่เรื่องเล่าเหรอ หรือ นิยาย แล้วใครเป็นพระเอก
บาสไม่ได้รักใครเลย บาสรักตัวเอง ถ้าบาสอยู่ใกล้ใครแล้วเขามีความสุข
เขาก็จะทำดีกับคนนั้น แต่ถ้าไม่ เขาก็ถีบหัวทิ้ง
คนแบบนี้มีอยู่ทุกที่ เจอได้ทุกวัน
อ่านแล้วอินมาก เหมือนอ่านชีวิตของตัวเอง  :laugh:
แต่ต่างกันก็คือของเรา พอโดนครั้งที่สอง ขอบอกเลิกเลย ไม่เอาแล้ว ทรมานนนเกิลล o18
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 11 updated 28/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 29-04-2011 14:53:53
จริงๆแล้วตอนนี้มันน่าจะเศร้านะแต่ทำไมถึงมีแต่คนดีใจที่ผมเลิกกับบาส กร้ากกกกกกกกกกกกกกก  :laugh3:


"นี่เรื่องเล่าเหรอ หรือ นิยาย แล้วใครเป็นพระเอก"
เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับผมครับแต่ผมขอเติมแต่งเล็กน้อย เพราะฉะนั้นตามกฎของเล้าถือว่าเป็นนิยาย
สำหรับพระเอก .... ชีวิตจริงมันก็ไม่จำเป็นต้องมีพระเอกเสมอไป  :m19:
ผมเคยไปอ่านมาท่ไหนไม่รู้แต่เขาว่าคนเราให้อภัยคนอื่นๆได้แค่ 2 ครั้งแล้วถ้าเค้ายังทำผิดอีกก็แปลว่าเค้าไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย  :t2:
คุณ ChiiCaLorz เมนต์เเรงอะ .... ชอบบบบบบบบบบบบ  :m24: (ผมโรคจิตเนอะ!!)
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 11 updated 28/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 30-04-2011 21:57:01
เข้ามาเม้นให้กำลังใจก่อน เดวจะเข้ามาอ่าน เอิ้กกกๆๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 11 updated 28/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 01-05-2011 18:08:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 11 updated 28/4/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 01-05-2011 22:12:44
ความรู้สึกหลังจากวันนั้น จะบอกว่ายังไงดีล่ะครับ ใจหนึ่งก็ดีใจนะ มันเหมือนนกที่ได้บินออกจากกรงแต่อีกใจหนึ่งผมก็เสียใจ ผมกับบาสคบกันมา 2 ปีเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน ผมเคยคิดว่าถ้าสักวันหนึ่งเราลดระดับของความสัมพันธ์ลงมาแล้วเราจะยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่ไหม เข้าใจแล้วครับว่าทำไมใครหลายคนถึงบอกว่าอย่าแอบรักเพื่อนสนิทตัวเองเพราะถึงตอนนี้แม้แต่คำว่าเพื่อนเราสองคนก็ยังไม่มีให้กัน

ผมเริ่มรู้จักกับกลุ่มเพื่อนของเอ็มมากขึ้นจนในที่สุดผมก็เข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่ม ผมอยู่ห้องเดียวกับไอ้ต้นไอ้บิว เรา 3 คนสนิทกันมากและแน่นอนว่าทั้งคู้รู้เรื่องผมกับบาส กลุ่มเพื่อนผมน่ารักนะครับพวกมันชวนกันเล่นชวนกันเรียน ก็คงเหมือนเด็กมัธยมปลายทั่วไปที่พอเรียนเสร็จพวกเราก็ไปเดินเล่นกันที่สยาม เสาร์อาทิตย์ช่วงเช้าเราก็ลงเรียนพิเศษด้วยกัน ตอนบ่ายก็ไปเดินเล่น กินข้าว ดูหนัง มันก็มีบ้างนะครับที่ผมกับบาสบังเอิญเดินสวนกันที่สยาม แต่เราทั้งคู่ต่างก็ไม่มองหน้ากัน กับเพื่อนกลุ่มบาสผมก็ทักบ้างพยักหน้าให้บ้าง ก็ทักกันตามประสาคนรู้จัก

เผลอแป๊บเดียวผมก็เข้าสู่ช่วงปีสุดท้ายของชีวิตเด็กมัธยมและก็เป็นเหมือนที่หลายคนคิดว่าผมได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียน  :a9: ช่วงนั้นผมเอาเวลาไปทำกิจกรรมมากกว่า 70% ของเวลาทั้งหมดที่อยู่ที่โรงเรียน เพื่อนหลายคนจะคุ้นกับภาพเก้าอี้ว่างๆของผมที่มีแต่กระเป๋าเป้สีน้ำ้เงินวางอยู่ทั้งวันโดยที่เจ้าของกระเป๋านั้นหายไป คือไม่ว่าผมจะยุ่งขนาดไหนผมก็ต้องเอากระเป๋าไปวางไว้บนห้องให้พวกเพื่อนๆมันรู้ว่าผมมาโรงเรียน ถ้ามีอะไรด่วนให้โทรตามผมด้วย และยิ่งใกล้ช่วงที่จะมีกิจกรรมชีวิตผมจะวุ่นวายมาก ผมเคยอยู่ที่โรงเรียนดึกสุดก็เกือบเที่ยงคืน มาถึงโรงเรียนเช้าสุดคือเกือบตี 4 วันไหนที่มีงานวันนั้นทั้งวันผมต้องรับโทรศัพท์จนหูเกือบไหม้

ถ้าพี่ๆจะถามว่าหลังจากนั้นผมเคยคบใครไหม  :m29: ... มันก็ไม่เชิงครับ ตอนนั้นผมยังเข็ดกับความรัก มันเหมือนจำฝังใจมาตลอดว่าผมเสียใจให้กับความรักยังไง ผมกลัวว่าถ้าผมรักใครสักคนแล้วสุดท้ายผมก็ต้องเสียใจ เพื่อนผมก็เริ่มมีแฟนกันในขณะที่ผมก็นิ่ง ทำตัวเฉยเหมือนไม่แยแสกับเรื่องแบบนี้ ผมเองก็กำลังมีความสุขกับการอยู่กับเพื่อนจึงอยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้เอาไว้ ผมอยากรักตัวเองให้มากๆ เพราะรู้สึกว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้รักตัวเองเท่าไหร่

ช่วงนั้นก็มีคนเข้ามาจีบผมนะ  :o8: ก็ทั้งเด็กในโรงเรียนและก็เด็กจากโรงเรียนอื่น เคยมีเด็กจากโรงเรียนอื่นเข้ามาดูงาน ผมก็ต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีคือไปต้อนรับดูแล พอตอนเย็นผมกำลังเก็บของกลับบ้านเพื่อนผมมันก็เดินเข้ามาล็อคคอกระซิบว่า

“ไอ้นิว เมิงนี่เสน่ห์แรงว่ะ มีคนมาขอเบอร์มรึงกับกรูด้วยนะ”

“แล้วมรึงให้มันไปไหม”

 “ให้ดิ ก็กรูอยากเห็นเพื่อนกรูมีสารมีสักที”  :a2: ผมก็บ่นๆครับเพราะไม่อยากวุ่นวายเรื่องแบบนี้ เย็นนั้นเด็กคนนั้นก็โทรมา ผมพอเดาหน้าได้ว่าเป็นคนไหน เขาก็ไม่ได้จีบผมออกนอกหน้านะครับ แบบว่าเอาเรื่องงานมาบังหน้ามากกว่า ผมก็รักษาน้ำ้ใจเขา พยายามพูดกับเขาดีๆ แต่สุดท้ายผมก็ต้องบอกเขาไปว่าผมยังไม่อยากมีใครตอนนี้ เขาก็เงียบๆ หลังจากนั้นเขาก็โทรหาผมอีกทีสองทีแล้วก็หายไปเลย

เด็กในโรงเรียนก็มีมาจีบ ส่วนมากก็จะประมาณว่าฝากเพื่อนเอาน้ำ้เอาขนมมาให้ ผมก็รับ แต่รับแล้วก็แบ่งเพื่อนๆกิน เพื่อนๆผมก็รู้ว่าผมเฉยๆ จะมีก็แต่บางครั้งที่มีคนมาจีบแบบออกหน้าออกตาเท่านั้นแหละ ที่จะทำให้ผมออกอาการน็อตหลุด คนเรามันก็มีหลายแบบนะครับ บางคนพูดครั้งเดียวก็รู้ว่าจะต้องวางตัวตรงไหน แต่บางคนเหมือนพูดไปก็เข้าหูซ้ายทะลุุหูขวา

ตอนนั้นคนที่ทำให้ผมรำคาญที่สุดคงเป็นไอ้นนท์ นนท์มันเป็นรุ่นน้องผมปีหนึ่ง เป็นกรรมการนักเรียนเหมือนกัน ก็หน้าตาธรรมดาๆ นิสัยกวนอวัยวะเบื้องล่างอย่างถึงที่สุด แต่วิธีเข้าหาผมนี่แปลกกว่าคนอื่นตรงที่คนส่วนใหญ่จะฝากเพื่อนเอาของมาให้ผม แต่ไอ้นนท์นี่กล้ามากนะครับที่เอาของมาให้ผมเอง เเล้วก็บอกว่าชอบผมต่อหน้าเพื่อนผมทั้งโต๊ะ ก็แน่นอนครับเพื่อนผมมันก็รับมุกโห่ฮากันใหญ่ ผมก็อายเลยได้แต่นั่งยิ้มๆไม่พูดอะไร

ผมพูดกับไอ้นนท์ไปหลายครั้งแล้วว่าผมรู้สึกเฉยๆกับมัน แล้วยังไม่พร้อมที่จะมีใคร มันก็เหมือนจะฟังผมนะครับ แต่มันก็ยังเข้ามาจีบผมเหมือนเดิม เเละผมก็เบื่อสุดๆ เพราะมันไม่เข้ามาเงียบๆ มันต้องเข้ามาแบบให้คนรอบข้างรู้ว่ามันทำอะไร เรื่องที่ทำให้ผมโกรธมากที่สุดคือวันนั้นผมต้องเข้าไปพูดเรื่องอะไรสักอย่างกับรุ่นมัน แล้วเพื่อนๆมันก็คุยๆๆๆๆ ผมก็ยืนบนเวทีเฉยๆ เพราะส่วนมากพอเห็นพี่นิ่งไม่พูดอะไร น้องมันก็จะรู้ว่ามันควรเงียบ แต่ไอ้นนท์สิครับมันพูดออกไมค์ว่าให้เพื่อนๆมันเงียบแล้วฟังแฟนมันพูด เท่านั้นล่ะครับผมโดนโห่ฮาทั้งหอประชุม ผมโกรธมาก  :m16: โกรธจนเดินลงจากเวทีแล้วให้คนอื่นไปพูดแทน แน่นอนครับว่าอาจารย์เรียกผมไปว่า โดยเฉพาะอาจารย์แดงที่ดุผมมากกว่าคนอื่นในฐานะที่เคยเตือนผมมาครั้งหนึ่งแล้วและผมก็ต้องอารมณ์เสียหนักเข้าไปอีกเมื่อไอ้นนท์มันทำตัวเหมือนไม่รู้ว่ามันทำผิดอะไร มันยังทำตัวเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จนกระทั่งวันหนึ่งผมกำลังเดินกลับมาจากโรงอาหารก็เจอไอ้นนท์มันยืนคุยกับเพื่อนมันอยู่ ผมก็ทำเป็นไม่เห็น เพราะไม่อยากทักไม่อยากคุยกับมัน และเรื่องที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นครับ มันเดินเข้ามาจูงมือผมไปหาพวกเพื่อนมัน มันลากผมไปยืนคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนมันแล้วมันก็ไม่ปล่อยมือจากมือผมสักที หน้าผมก็ออกนะว่าผมไม่พอใจ เพื่อนมันก็รู้เพราะทุกคนทำหน้าแบบเกรงใจผม แต่ไอ้นนท์นี่ไมู่้ร้อนรู้หนาว สักพักมีใครไม่รู้เดินมาผลักไอ้นนท์กระเด็นไปเลยครับ ผมหันกลับมาถึงกับพูดอะไรไม่ออก … ไอ้แจ๊สครับ  :a5:

“ไอ้เหี้ยนนท์ มึงปีนเกลียวมากไปแล้วนะเว้ย เลิกยุ่งกับแฟนกรูสักทีไม่งั้นมรึงโดนตีนกรูแน่”  :sad3: ผมอย่างเหวอเลยครับที่ไอ้แจ๊สพูดออกมาแบบนี้ ไอ้นนท์ก็อึ้งสิครับ หน้างี้ซีดไปเลย อย่าว่าแต่ไอ้นนท์เลยครับ เพื่อนผมก็อึ้งเหมือนกัน แล้วไอ้แจ๊สก็จูงมือผมขึ้นไปบนตึก พอลับตาคนอื่นไอ้แจ๊สมันก็ปล่อยมือผม ผมก็ยังอึ้งๆมึนเลยไม่ได้พูดอะไรกับมันนอกจากบอกมันว่าขอบใจ

เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนในห้องก็รู้ข่าวเรื่องเมื่อวาน แน่นอนครับว่าผมต้องนั่งตอบคำถามทั้งวัน แถมทุกครั้งที่เดินเข้าห้องไอ้แจ๊สก็มีแต่เสียงแซวผม เย็นนั้นผมก็โดนอาจารย์แดงเรียกไปเทศน์อีกรอบ โดนบ่นแบบหูชาเลยครับ อาจารย์ก็บ่นๆแซวๆว่าทำไมผมถึงขยันสร้างเรื่องปวดหัวให้อาจารย์นัก

ขอเล่าถึงไอ้แจ๊สนิดหนึ่งครับ คือมันก็เป็นเพื่อนกลุ่มผมคนหนึ่ง มันเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดแต่พอมันด่าทีนี่แบบว่าจุกเลยครับ ผมไม่ค่อยสนิทกับไอ้เเจ๊สเท่ากับไอ้ต้นไอ้บิว มันจะไปสนิทกับไอ้เอ็มมากกว่า แต่ผมกับมันก็ไปไหนมาไหนด้วยกันได้ ยอมรับครับว่าผมก็ชอบแอบมองไอ้แจ๊สบ่อยๆ ผมไม่ได้แอบชอบอะไรมันนะ แต่มันก็แบบว่าหน้าตาดีซะขนาดนั้น ทั้งพี่ๆน้องๆและรุ่นผมเองก็กรี๊ดมันอยู่หลายคน มันเป็นนักเทควันโดด้วยนะครับ มี degree สายดำ เพราะงั้นไอ้นนท์มันถึงไม่กล้าปากดีกับไอ้เเจ๊สไงครับ ถ้าไม่งั้นมีหวังมันได้เลือดกลบปากของจริง

หลังจากวันนั้นผมก็เกร็งๆเวลาอยู่ใกล้ๆไอ้แจ๊ส ผมคุยเรื่องนี้กับไอ้ต้นไอ้บิวมันก็บอกว่าผมน่ะคิดมาก เพราะไอ้เเจ๊สมันก็ไม่ชอบหน้าไอ้นนท์เป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว ผมไม่เชื่อที่ไอ้สองคนนั้นมันพูดหรอกครับ เพราะแม้ว่าทุกคนจะมองว่าไอ้เเจ๊สทำลงไปเพราะอารมณ์ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไประหว่างผมกับไอ้เเจ๊ส  :m3:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Forget..* ที่ 02-05-2011 01:32:41
ฮ่าฮ่า ใช้อีโมลงท้ายแบบนี้น่าคิดต่อยอดมากเลยเนี่ย ;))
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 02-05-2011 02:32:16
น้องแจ๊สแร๊งส์..............  ตอนนี้น้องนิวเรียนขั้นไหนแล้วอ่ะคะ  

จะได้กะถูกว่าเมื่อไหร่จะปัจจุบัน   :-[
หัวข้อ: Re: ...รักล้นใจ...(อัพครั้งที่ 16)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 02-05-2011 21:29:42
โอ้ โอ่ น้องนิวจะมีแฟนแล้ว
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 03-05-2011 16:12:26
จะติดตามอ่านต่อไปเช่นเดิมนะครับ เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 03-05-2011 20:38:07
โอ้ยๆๆๆ เมื่อไหร่พระเอกจะโผล่ หรือโผล่เเล้ว ????  :oo1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 04-05-2011 00:08:23
โอ้ยๆๆๆ เมื่อไหร่พระเอกจะโผล่ หรือโผล่เเล้ว ????  :oo1:
รอลุ้นครับ  :m16: ฮิฮิ

จะติดตามอ่านต่อไปเช่นเดิมนะครับ เป็นกำลังใจให้นะ
ขอบคุณครับ

โอ้ โอ่ น้องนิวจะมีแฟนแล้ว
:-[

น้องแจ๊สแร๊งส์..............
ไอ้แจ๊สนี่แรงจริงอะไรจริงครับ  :z2:

ฮ่าฮ่า ใช้อีโมลงท้ายแบบนี้น่าคิดต่อยอดมากเลยเนี่ย
รบกวนพี่ๆจิ้นกันไปก่อนครับ ... ผมขอเวลาตรวจคำผิดนิดนึง  :t4:



หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Dpad ที่ 04-05-2011 01:28:38
 :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31:
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
อดทนสวดยวดเลย นับถือ  :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 12 updated 1/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 04-05-2011 21:43:40
แม้ว่าทุกคนจะมองว่าไอ้เเจ๊สทำลงไปเพราะอารมณ์ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไประหว่างผมกับไอ้เเจ๊ส...

เริ่มจากผมก่อนเลยคือผมเริ่มพูดอะไรไม่ออกบอกอะไรไม่ถูก อ้ำๆอึ้งๆเวลาไอ้แจ๊สมันมาอยู่ใกล้ๆ ยอมรับก็ได้ว่าพอเผลอผมก็คิดถึงเรื่องของมัน  :-[ ส่วนไอ้แจ๊สเองก็เข้าหาผมมากขึ้น ผมว่ามันคุยกับผมบ่อยขึ้น เวลาเดินกันเป็นกลุ่มมันก็มาเดินข้างผมมากกว่าแต่ก่อน แล้วสักพักมันก็เริ่มโทรมาคุยกับผม มันไม่ได้โทรหาผมบ่อย วันหนึ่งก็สักครั้งหรือไม่ก็วันเว้นวัน แล้วก็ไม่ได้คุยกันเรื่องส่วนตัวมากนัก มันก็ชวนผมคุยเรื่องคนโน้นคนนี้ ชวนคุยเรื่องหนัง เรื่องกิน เรื่องเที่ยว จริงๆแล้วผมว่ามันก็คุยเก่งกว่าที่ผมคิดเยอะนะ

ผ่านไปสักพักผมกับไอ้เเจ๊สก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น เราเริ่มไปเดินเที่ยวสยามด้วยกันบ่อยขึ้น บางครั้งมันก็เป็นฝ่ายชวนบางครั้งผมก็ชวนมัน ที่โรงเรียนผมกับแจ๊สก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จนเพื่อนๆหลายคนเริ่มสงสัย ก็มีคนแซวบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ผมเองก็ไม่ได้โง่ ผมรู้ว่ามีบางอย่างกำลังเปลี่ยนไประหว่างผมกับแจ๊สแต่ผมก็ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน อีกความรู้สึกหนึ่งของผมคือผมชอบที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้มากกว่าเพราะผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเริ่มคบกับใครสักคน

ปีสุดท้ายพวกเราเด็กม.6 มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดงานเลี้ยงประจำปี พวกเราทุกคนต่างก็ตื่นเต้นพวกเพื่อนๆผมหลายคนได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้ารับผิดชอบในหลายๆหน้าที่ สำหรับผมซึ่งเป็นประธานนักเรียนก็ต้องรับหน้าที่หลักในการประสานงานและคอยดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่างานประจำปีปีนี้จะออกดีเหมือนกับทุกๆปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มคุยงานกันได้ไม่ถึงเดือน ผมก็มีงานล้นมือจนดูแลไม่ไหว ผมต้องให้เพื่อนๆที่ผมไว้ใจแบ่งงานไปรับผิดชอบแล้วคอยนัดพวกมันมาประชุมงานกับผมทุกอาทิตย์ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมเบางานมากขึ้นเท่าไหร่ เพราะผมก็ยังต้องดูแลงานอื่นๆในส่วนของกรรมการนักเรียนควบคู่ไปด้วย มันเหนื่อยนะครับ ไหนจะเรียนไหนจะงาน สุดท้ายผมเลยตัดสินใจหาเพื่อนมาทำหน้าที่เลขาสักคน ตอนเเรกผมจะให้ไอ้ต้นกับไอ้บิวมาช่วยแต่มันสองคนก็งานเยอะ ผมเลยชวนไอ้แจ๊สแทน

บุคลิกของไอ้เเจ๊สคือมันเป็นคนเงียบๆ ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออกเพราะฉะนั้นผมถึงไม่แปลกใจที่พอพูดกับมันได้ยังไม่จบประโยคดีมันก็ปฏิเสธ แต่ฝีมือระดับผมแล้ว … คือถ้าผมจะให้มันเป็นต้นไม้ยังไงมันก็ต้องเป็นต้นไม้ล่ะครับ  จำได้ว่าวันเเรกที่ผมพามันเข้าไปคุยงานกับอาจารย์มันไม่พูดอะไรออกมาสักคำ นั่งเฉยๆ ถามคำตอบคำ พอออกมาจากห้องเท่านั้นล่ะครับ มันตบหัวผมจนหน้าแทบคว่ำ  :z6: แล้วบอกผมว่า

“มรึงอย่าเอากรูเข้าไปในนั้นอีก”   :m16:

ถ้าคิดว่านี่หนักแล้วเวลาประชุมมันอาการหนักกว่านี้อีก พี่ๆนึกถึงภาพห้องประชุมที่มันเป็นโต๊ะตัวใหญ่แล้วมีคนนั่งอยู่เป็นสิบๆคน ไอ้แจ๊สมันไม่นั่งข้างผมนะครับ มันลากเก้าอี้มานั่งข้างหลังผมแล้วเวลามันจะพูดหรือจะแสดงความคิดเห็นอะไรมันก็จะกระซิบผม ถามอะไรมันก็บอกว่า “แล้วแต่มรึง” มันทำแบบนี้จนคนอื่นแซวว่าจริงๆแล้วผมไม่ไดเเป็นประธานหรอกไอ้เเจ๊สต่างหากเพราะมันคอยกระซิบผมแล้วผมก็พูดตามที่มันบอก

แต่คนเรามันก็มีพัฒนาการครับผ่านไปได้เดือนกว่าผมก็เริ่มรู้สึกว่ามันกล้าแสดงออกมากขึ้น จากที่ไม่กล้าเข้าไปคุยกับอาจารย์ ตอนนี้มันเข้าไปนินทาผมให้อาจารย์ฟังเฉยเลยครับและจากที่มันไม่เคยพูดอะไรเวลาประชุม ตอนนี้มันยิงแหลก ใครเสนออะไรมามันถามๆๆ กลุ่มไหนลาไปทำงานแล้วโดดเรียนบ่อยๆนี่มันด่ากระจาย ผมแอบยิ้มภูมิใจกับพัฒนาการของมันนะครับเพราะผมปั้นมันมากับมือ

ตอนนั้นผมกับไอ้แจ๊สสนิทกันมาก จากที่คุยกันไม่บ่อยตอนนี้เราโทรคุยกันทุกคืนก็เรื่องงานบ้างเรื่องส่วนตัวบ้าง ไปไหนต้องเดินไปด้วยกันตลอด เหมือนมันเป็นเงาตามตัวผม และก็แน่นอนครับว่ามันตามมาพร้อมกับเสียงกระซิบจากคนรอบข้างว่าผมกับไอ้แจ๊สเป็นแฟนกัน เพื่อนๆกลุ่มผมก็ถามว่าผมกับไอ้แจ๊สเป็นแฟนกันเหรอ ทำไมไปไหนต้องไปด้วยกันตลอดแต่ทั้งผมและแจ๊สต่างก็ปฏิเสธ ผมเคยถูกแซวว่า

“นิวครูให้ขนม อะๆให้ 2 ชิ้น ไปแบ่งกับเเจ๊ส ถือว่าครูให้เป็นของหมั่น ... แต่งกันเมื่อไหร่อย่าลืมมาเชิญครูนะ” ผมก็รับขนมมาแล้วยื่นอีกอันนึงไปให้ไอ้เเจ๊ส ผมอายจนได้แต่นั้งก้มหน้าส่วนมันก็หัวเราะชอบใจใหญ่

ไอ้เเจ๊สเองก็มีแฟนคลับหลายคนเหมือนกันและตั้งแต่ผมกับมันมีข่าวด้วยกันผมว่าน้องๆที่กรีดมันน้อยลงไปหลายคนเหมือนกัน ก็มีบางคนที่คลายกับไอ้นนท์คือทำเป็นไม่รู้ไม่สน ผมกับไอเเจ็สนั้งกินข้าวด้วยกันบางครั้งก็มีน้องเเรงๆเข้ามาคุยกับไอ้เเจ๊สแล้วก็ส่งสายตาจิกๆมาให้ผม ผมก็ขึ้นนะแต่โรงเรียนผมนะถ้ามีรุ่นพี่รุ่นน้องมีเรื่องกัน พี่จะโดนหนักกว่าแล้วผมจะโดนบวกเพิ่มด้วยเพราะเป็นประธานนักเรียน

สำหรับไอ้นนท์ตอนแรกผมคิดว่ามันน่าจะกลัวเท้าไอ้เเจ๊สจนหายเงียบไปแต่มันก็ไม่ได้เป็นเหมือนที่ผมคิด จริงๆแล้วมันหายไปแค่ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ผมก็เริ่มเห็นหน้ามันเเวะเวียนเข้ามากวนประสาทผมอีก ผมล่ะกลัวที่สุดคือกลัวไอ้นนท์มันโดนเท้าไอ้เเจ๊สฟาดเข้าที่ปาก เพราะนับวันแจ๊สมันก็ยิ่งแสดงออกว่ามันไม่ชอบหน้าไอ้นนท์สุดๆ ทุกครั้งที่ไอ้นนท์เดินเข้ามาหาผมแม้มันจะคุยเรื่องงานแต่ไอ้เเจ๊สมันก็ชักสีหน้าหาเรื่องใส่ไอ้นนท์ทุกครั้ง แล้วไอ้นนท์ก็ใช้ย่อยยิ่งมันรู้ว่าผมมีข่าวกับไอ้เเจ๊สมันก็ยิ่งชอบเข้ามายั่วโมโหไอ้เเจ๊ส

จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ไอ้เเจ๊สก็เกิดน็อตหลุดขึ้นมาซะดื้อๆ  :fire: ผมกำลังนั่งคุยกับเพื่อนๆอยู่ที่หน้าห้องแล้วไอ้นนท์ก็โผล่มา มันก็เข้ามาหยอดๆผมเหมือนทุกครั้งแต่ไอ้แจ๊สที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึกสิครับ พอมันเห็นไอ้นนท์เข้ามาคุยกับผมมันก็เดินข้ามฝั่งมาหา ผมพยายามไล่ไอ้นนท์ตั้งแต่เห็นไอ้เเจ๊สลุกมาแล้วครับ หน้าไอ้เเจ๊สแบบว่าเอาเรื่องมาก แต่ไอ้นนท์แมร่งก็โง่ เตือนแล้วทำเป็นเก่งไม่ฟังที่ผมพูด พอเดินมาถึงไอ้แจ๊สไม่พูดอะไรเลยครับ ถีบไอ้นนท์จนล้มกลิ้งไปบนพื้น  :z6: ผมก็อึ้งครับ คิดว่าไอ้แจ๊สมันคงเข้ามาไล่ไอ้นนท์เฉยๆ ไม่คิดว่ามันจะลงมือลงไม้กัน

พอไอ้นนท์ลุกขึ้นมาแมร่งก็พุ่งใส่ไอ้แจ๊สเลยครับ ผมก็พยายามดึงไอ้เเจ๊สออกมาแต่มันก็เเรงควายมาก จนเพื่อนๆที่อยู่แถวนั้นต้องมาลากมันสองคนออกจากกัน เห็นไอ้นนท์แล้วก็สงสารมันนะครับ คงโดยไอ้เเจ๊สต่อยเข้าเต็มดั้งจนเลือดกำเดาไหล สภาพแมร่งเหมือนคนโดนรุมกระทืบ ส่วนไอ้แจ๊สก็แค่ปากแตกนิดหน่อย แล้วให้พี่เดาครับว่าใครซวยที่สุด … ผม …

เพราะไม่ถึง 20 นาทีชื่อของผม ไอ้แจ๊สและไอ้นนท์ก็ดังขึ้นจากเสียงตามสาย พวกเราโดนเรียกไปที่ฝ่ายปกครอง พอผมเดินเข้าห้องเท่านั้นล่ะครับ หน้าซีดเป็นเผือกต้มเลย มีอาจารย์ฝ่ายปกครองนั่งอยู่หนึ่งคน ข้างๆเป็นอาจารย์แดง อาจารย์ฝ่ายปกครองไม่ถามอะไรครับไอ้นนท์โดนตีไป 10ที ฐานมีเรื่องทะเลาะวิวาทและปีนเกลียวไปชกกับรุ่นพี่ ส่วนไอ้เเจ๊สโดนไป 20 ทีโทษฐานที่เป็นรุ่นพี่แล้วหาเรื่องรุ่นน้องรวมกับเป็นคนก่อเรื่อง ส่วนผมโดนอาจารย์แดงเทศน์อยู่เกือบชั่วโมง แถมโดนเรียกไปตีกลางลานกิจกรรมอีก 10 ที โทษฐานเป็นประธานนักเรียนประพฤติตัวไม่เหมาะสมและเป็นต้นเหตุของการทะเลาะวิวาท “นี่ผมควรจะดีใจไหม”   :m15:

และอย่าคิดว่าไอ้เเจ๊สมันจะกลัวนะครับ พอพ้นตาอาจารย์ปุ๊บมันเดินดิ่งไปกระชากคอเสื้อไอ้นนท์เลยครับ

“กรูเตือนมรึงแล้วนะไอ้เหี้ย ถ้าไม่อยากเจอตรีนอีกก็อย่ามาเสือกกับแฟนกรู”  :m1:

ผมเห็นแบบนั้นเลยรีบเข้าไปดึงไอ้เเจ๊สออกมา ผมโกรธมากนะครับก็เพราะไอ้ความสิ้นคิดไร้สติของมัน ทำให้ผมต้องโดนตีประจานให้คนทั้งโรงเรียนเห็น แถมอาจารย์แดงก็ยังพูดอีกว่าผมเป็นประธานนักเรียนคนแรกในรอบ 10 ปีที่โดนเรียกมาตี ผมลากมันเข้ามาในห้องกรรมการนักเรียน ในนั้นมีเด็กม.ต้นนั่งเล่นกันอยู่ 2-3 คน ผมเลยขอให้น้องออกไปนอกห้องก่อน

โมโหมากครับ แต่ผมก็รู้ว่าที่มันทำแบบนั้นเพราะมันก็หวังดีกับผม ผมชักสีหน้า นั่งลงบนเก้าอี้แล้วก็เงียบครับ ผมเป็นคนปากหมาครับ และก็รู้ตัวว่าเวลาโกรธผมจะยิ่งปากเสียมากขึ้นไปอีก ผมถึงเลือกที่จะนิ่งแล้วไม่พูดอะไร ไอ้เเจ๊สก็รู้จักนิสัยของผมดี มันก็นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆผมเหมือนกัน จนในที่สุดผมก็อารมณ์เย็นพอจะพูดกับมันได้ ผมบอกมันว่าคราวหน้าให้ใจเย็นกว่านี้ ไอ้เเจ๊สมันก็ขอโทษผม

แน่นอนว่าทุกคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้น วันรุ่งขึ้นพอผมเดินเข้าประตูห้องปุ๊บก็โดนแซวแบบไม่ยั้ง กระดานหน้าห้องถูกเขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่มากกกกกกกกว่า “Jazz Love New”  :m4: อายก็อายครับแต่ผมก็ทำเป็นยิ้มๆแล้วเอากระเป๋าไปวาง หลังจากนั้นเรื่องของผมกับแจ๊สก็กลายเป็นเรื่องสนุกปากของเพื่อนๆ แต่ผมกับแจ๊สก็ยังทำตัวเหมือนเดิม เราก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม ไม่มีมากขึ้นหรือน้อยลง ผมกับแจ๊สทำงานเข้าขากันดีครับ มันรู้ว่าผมทำงาน style ไหน ชอบไม่ชอบอะไร

และในที่สุดวันงานประจำปีของโรงเรียนก็ใกล้เข้ามา ผมจำได้ว่ามันเป็นวันสุดท้ายของการเตรียมงานพวกเราทุกคนต้องช่วยกันย้ายข้าวของอุปกรณ์ต่างๆลงมาเตรียมพร้อม แล้ววันนั้นไอ้แจ๊สมันก็เกิดบ้าพาวน์อะไรของมันไม่รู้ ถอดเสื้อแบกของครับ คือแบบว่ากล้ามเป็นกล้าม six packs เป็น six packs    :m25: ขนาดผมที่ว่านิ่งแล้วตอนเห็นนี่ยังมีเขวเลยครับ แล้วพอมันเห็นผมมันก็เดินเข้ามาทัก ไอ้แจ๊สมันแย่งเอากล่องที่ผมถืออยู่ไปถือ แล้วมันก็ถือเก้าอี้ด้วยมือข้างเดียว ผมก็เขินนะครับ เป็นใครๆก็เขินทั้งนั้นแหละครับ คนหน้าแต่แบบมัน หุ่นแบบมันมายืนโชว์กล้ามอยู่ตรงหน้า ซึ่งฉากนี้มันก็เรียกเสียงแซวจากคนรอบข้างได้ดีเหลือเกิน ใครเดินผ่านไปผ่านมาก็ต้องหยุดแซวผม จำได้แค่ไอ้บิวมันเเซวว่า "มรึงสองคนไปส่งตาหวานกันที่อื่นไป”


คืนนั้นผมไปนอนบ้านแจ๊สครับ เพราะบ้านมันอยู่ใกล้โรงเรียน และพรุ่งนี้เราสองคนต้องมาถึงโรงเรียนแต่เช้า เราสองคนแวะกินข้าวกันหน้าปากซอยบ้านไอ้เเจ็ส กินข้าวมันไก่ครับ อร่อยดี กว่าจะกลับถึงบ้านมันก็เกือบ 4 ทุ่มแล้ว ผมก็เหนื่อยมันก็เหนื่อย พออาบน้ำ้เสร็จเราก็เตรียมตัวนอนแล้วครับ ผมนอนกับมันบนเตียง

“แจ๊ส กรูเครียดว่ะ” ผมนอนไม่หลับครับ กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่เกือบชั่วโมง ผมรู้ว่ามันก็ยังไม่หลับเหมือนกัน

“เครียดไรวะ”

“เครียดเรื่องพรุ่งนี้ … กรูกลัวงานมันจะออกมาไม่ดี” ผมเป็นคนแบบนี้ล่ะครับ ทั้งๆที่เตรียมตัวมาดีแล้ว แต่วันก่อนหน้างานผมก็มักจะคิดมาก กลัวว่างานมันจะล่มบ้าง ออกมาไม่ดีเหมือนที่ผมคาดหวังไว้บ้าง

“มรึงทำเต็มที่แล้วนิว พวกเราทุกคนก็ทำกันเต็มที่แล้ว แมร่งออกมาดีแน่ มรึงไม่ต้องคิดมาก”

“กรูรู้ แต่ยังไงกรูก็กังวล”

“เลิกคิดมากแล้วนอนซะ พรุ่งนี้มรึงต้องใช้เเรงอีกเยอะ จะกลัวเหี้ยอะไรมีกรูอยู่ทั้งคน” แล้วมันก็เอื้อมมือมากุมมือผมเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าผมคิดอะไร ถ้าเป็นคนอื่นผมคงสะบัดมือออก แต่สำหับแจ๊ส ผมปล่อยให้แจ๊สกุมมือผมเอาไว้  :a1: จริงๆแล้วผมก็นอนไม่หลับหรอกครับ แต่ก็หลับตาไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงนาฬิาปลุก

ผมกับแจ๊สไปถึงโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่สว่าง ตลอดทั้งวันผมเดินไม่หยุด ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กินเป็นชิ้นเป็นอัน จำได้ว่าไปแอบกินข้าวเหนียวหมูปิ้งของเพื่อนหลังเวที แล้วก็ไปแอบนอนงีบพักเอาแรงที่ห้องกรรมการนักเรียนนิดหน่อย ไอ้เเจ๊สดูต้นทางให้ครับ ก็เหนื่อยกันทั้งวันทั้งผมและไอ้เเจ๊ส แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากจบงานชีวิตผมก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง งานผมก็น้อยลงมีเวลาเอาไปนั่งเรียนหนังสือมากขึ้น แต่ผมกับไอ้แจ๊สก็ยังไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แม้จะจบงานแล้วแต่เเจ๊สมันก็ยังช่วยงานอื่นๆของผมด้วย

วันนั้นผมชวนไอ้แจ๊สไปเอาของที่ห้องกรรมการนักเรียน มันก็เป็นช่วงสายๆของวันธรรมดาๆวันหนึ่งซึ่งก็ไม่มีใครอยู่ในห้อง ผมกำลังก้มๆเงยๆหาของ และผมก็รู้สึกว่าตัวเองถูกโอบกอดจากด้านหลัง ตกใจเหมือนกันครับ เพราะผมสามารถสัมผัสถึงลมหายใจของไอ้แจ๊สที่ไหลมากระทบอยู่ที่ซอกคอ มันใช้เวลาสักแป๊บผมถึงจะดึงสติตัวเองกลับมาได้

“แจ๊สปล่อย กรูไม่ชอบ” ผมแกะมือมันออกแล้วเดินออกจากห้องไปเลยครับ ผมไม่ได้โง่นะ ผมรู้ว่าแจ๊สคิดกับผมมากกว่าเพื่อนแต่ผมก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมาตลอดเพราะผมสบายใจกับความสัมพันธ์ของเราตอนนี้มากกว่า ผมกลับขึ้นมานั่งอยู่บนห้องสักพัก ไอ้แจ๊สก็เดินหน้านิ่งๆ มันเอาแฟ้มงานที่ผมลงไปหามาให้

หลังจากนั้นผมกับแจ๊สก็ยังเป็นเหมือนเดิม ผมรู้ว่าแจ๊สต้องหาทางพูดกับผม ผมเลยพยายามเลี่ยงสถานการณ์นั้น แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นผมที่หนีความจริงไปไม่ได้ตลอด มันเป็นเย็นวันศุกร์หลังสอบเสร็จ พวกผมนัดกันไปกินข้าว ดูหนังที่สยาม กว่าหนังจะเลิกก็ 4 ทุ่มกว่าแล้ว หลังจากล่ำลากันเสร็จเพื่อนๆผมต่างคนต่างก็รีบกลับบ้าน ผมมารู้ตัวอีกทีก็เหลือแต่ไอ้แจ๊สแล้วที่ยืนอยู่ข้างผมและก่อนที่ผมจะได้คิดอะไร

“นิว มรึงรีบกลับเปล่าวะ”

“รีบ”
   
“ตอแหลสัด มรึงมาเป็นเพื่อนกรูหน่อย” แล้วมันก็กึ่งเดินกึ่งลากผมเข้าสยาม  :impress: พี่ๆคิดภาพสยามตอน 4 ทุ่มวันศุกร์นะครับ แมร่งโคตรเงียบ โซนที่มีคนเยอะแถบตรงข้าม Siam Dis. Siam Cen. หรือตรง Hard Rock มันก็ไม่พาผมไปหรอก แมร่งลากผมไปหน้าศูนย์หนังสือจุฬาฯ โคตรเงียบเลยครับ มีคนเดินขึ้นลงตึกบ้าง แต่ก็ไม่มาก ยังดีที่แถวนั้นสว่างแล้วก็มียาม ไม่งั้นผมคิดว่ามันคงลากผมมา  :oo1: แล้ว

ไอ้แจ๊สมันก็นั่งอยู่ตรงบันไดแล้วก็ไม่พูดอะไร ผมที่นั่งอยู่ข้างๆรอให้มันพูดก็ได้แต่รอๆๆแล้วก็เหลือบมองมันด้วยหางตา มันทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ผมก็ดูออก มันกำลังคิดอะไรอยู่

“นิว คือกรู กรู...” แล้วมันก็อ้ำๆอึ้งๆไม่พูดออกมาสักที

“เอาจริงๆเลยนะ กรูชอบมรึงว่ะ … เป็นแฟนกรูนะนิว” ถามว่าผมแปลกใจไหมที่มันพูดแบบนี้ออกมาก็นิดหน่อยนะครับ เพราะผมรู้็ตั้งแต่ตอนที่มันลากผมมาแล้ววว่าวันนี้คงเป็นวันที่ผมต้องพูดความจริงกับมัน ผมเงียบและกั้นใจพูดความรู้สึกของผม...

“กรูก็รู้สึกดีกับมรึงนะ .............. แต่ว่าอย่าเลย กรูยังไม่พร้อมจะมีใครตอนนี้”

พี่ๆต้องเห็นหน้าไอ้แจ๊สเหมือนที่ผมเห็น ใจหนึ่งผมก็สงสารมันนะครับแต่ผมก็ไม่มีวันจะเอาความสุขของตัวเองไปแลกกับอะไรอีกแล้ว วันนั้นแจ๊สเปิดใจพูดกับผมทุกอย่าง มันเหมือนในละครที่ทุกอย่างเริ่มมาจากคำว่าเพื่อนแล้วพอเราเริ่มสนิทกันแจ๊สก็เริ่มชอบผม มันพูดอะไรออกมามากมายในขณะที่ผมไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย

จนกระทั่งไอ้เเจ๊สมันคงรู้ตัวว่ามันเปลี่ยนใจผมไม่ได้ มันเลยเดินมาส่งผมเรียกรถ taxi กลับบ้าน ผมกลับถึงบ้านก็อาบน้ำนอน แต่นอนไม่หลับหรอกครับ ในหัวมันคิดถึงแต่เรื่องที่ไอ้แจ๊สพูด

 “กรูชอบมรึงว่ะ เป็นแฟนกรูนะนิว”

... ไอ้แจ๊ส …

คนที่ใครๆหลายคนต่างก็ต้องอิจฉาผมที่ได้ยืนอยู่ข้างๆมันและยิ่งถ้ามีใครรู้ว่ามันขอผมเป็นแฟนผมก็คงถูกด่าว่าโง่ที่ปฏิเสธการเป็นแฟนกับไอ้เเจ๊ส ผมรู้ว่าผมโชคดีที่มันชอบผม
   
ครับ... ผมไม่ปฎิเสธว่าผมก็รู้สึกดีกับไอ้แจ๊สเหมือนกันแต่ผมไม่พร้อมที่จะมีใครตอนนี้จริงๆ ผมเคยคิดว่าผมลืมทุกอย่างและพร้อมจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งแต่ตั้งแต่วันที่มันกอดผมมันก็ทำให้ผมคิดถึงเรื่องราวร้ายๆระหว่างผมกับบาส ผมกลัวครับ กลัวการที่จะเริ่มรักใครสักคน กลัวที่จะยอมปล่อยให้ใครเข้ามาในชีวิตของผมเหมือนที่บาสเคยทำ และสิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือผมกลัวว่าผมจะเสียเพื่อนสนิทคนนี้ของผมไป

ผมกับบาสเราสองคนเริ่มต้นกันมาจากคำว่าเพื่อน ... เพื่อรสนิทแต่กลับจบลงด้วยการไม่มองหน้ากัน ตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่กลัว “ความผูกพัน” ไปแล้ว ผมเลยเลือกที่จะไม่ยอมรับรู้ว่ามันรู้สึกกับผมมากกว่าเพื่อน ทั้งๆที่ผมก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันชอบผม

หลังจากวันนั้นผมกับแจ๊สก็ถอยออกจากกันคนละก้าว มันไม่ค่อยโทรหาผมหรือมาอยู่ใกล้ๆผมเหมือนแต่ก่อน ผมก็เสียดายที่เหมือนเราสองคนจะสนิทกันน้อยลง แต่อย่างน้อยผมกับมันก็ยังคุยกันได้ มันก็ยังช่วยผมทำงานมาตลอด เราสองคนก็ยังไปเดินเล่นสยามกันบ้างและมันก็ไม่เคยพูดอะไรที่ทำให้ผมลำบากใจ … พอนานเข้าเรื่องราวของเราสองคนก็จางหายไป จนถึงตอนนี้มันก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีของผมคนหนึ่ง  :n1:

ปล. พี่จำไ้ไหมว่าผมเคยบอกว่ามีเพื่อนแอบเอามือถือผมมาเล่นแล้วกดเจอข้อความที่บาสส่งมาง้อ เพื่อนคนนั้นคือไอ้เเจ๊สครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Mileson ที่ 05-05-2011 11:01:23
น่าจะคบแจสมากกว่าบาสนะ..แต่อย่างว่าความรู้สึกของคนแต่ละคน เราบังคับไม่ได้..แต่อย่ากลับไปคบกับบาสเลยกลัวจะเจ็บอีก
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 05-05-2011 16:22:11
แจ๊สดูเป็นคนดีเนอะ  แต่ถ้านิวคบจริงๆ กลัวจะเข้าอีหรอบเดิม เพราะตอนแรกบาสก็แนวๆนี้  แต่เราว่าแจ๊สดีกว่า  เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 05-05-2011 21:37:34
ก็ยังดีนะ มีคนเข้ามาชอบด้วย น่าอิจฉาเล็กๆ T T  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Little_b ที่ 06-05-2011 00:36:47
เรื่องเล่าเลยนะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Forget..* ที่ 06-05-2011 01:00:30
สวสารแจ๊ส แต่ก็เข้าใจนิว
เฮ้อ;(
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 13 updated 4/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 09-05-2011 20:49:22
ขอเล่าเรื่องซ้อนๆกันนิดหนึ่งนะครับ หลังจากที่ผมห่างกับบาสผมก็สนิทกับเพื่อนๆกลุ่มของเอ็ม มันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผมสนิทกับแจ๊ส เอ็มมันก็เริ่มกลับเข้ามาในชีวิตผม จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้หายไปไหนไกลเพราะผมกับมันอยู่คนละห้อง เราก็มีเรื่องคุยกันน้อย พอผมรู้จักกับเพื่อนๆมันมากขึ้น ผมกับมันก็กลับมาคุยกัน เล่นกันเหมือนเดิม

พอผมเริ่มสนิทกับมัน ชีวิตผมก็มีสีสันมากขึ้นทุกวัน ก็ตามประสาเด็กมัธยมล่ะครับ ไอ้เอ็มมันก็ไปแอบปิ๊งผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เรื่องของมันต้องละครมากกว่านั้น เพราะผู้หญิงคนนั้นชื่อเเจนเป็นน้องสาวไอ้เเจ๊ส (งั้นผมก็มีศักดิ์เป็นพี่เขยไอ้เอ็มอะดิ เอ๊ะ!!หรือว่าพี่สะใภ้หว่า??  :m28:) และเเน่นอนว่าถ้าจะให้ครบเครื่องละครไทยมันก็ต้องเป็นรักสามเส้า เพราะไอ้หว้ามันก็แอบชอบน้องแจนเหมือนกัน เอ็มกับหว้าเป็นเพื่อนสนิทกันครับ จะว่าไปมันสองคนก็เหมือนคู่หูกัน ไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน นิสัยเหมือนกัน เรียนเก่งเหมือนกันและชอบผู้หญิงคนเดียวกัน (ผมรู้ว่าเรื่องมันฟังดูน้ำ้เน่าแต่มันก็เป็นเรื่องจริงครับ)

ฉะนั้นบทบาทของผมในเรื่องนี้คือเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้ไอ้เอ็ม เอ็มมันเป็นคนคิดมากครับ เวลามันเห็นไอ้หว้าจีบน้องแจน มันก็เครียด คิดมาก คือพี่คิดภาพนะครับว่ามันสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน ไอ้เอ็มสนิทกับไอ้หว้ามากกว่าผมอีกและทั้งคู่ก็ต้องมาจีบผู้หญิงคนเดียวกัน สิ่งที่ผมเห็นคือมันสองคนจีบน้องแจนแบบเกรงใจกัน คือถ้าไอ้เอ็มรุกหนัก ไอ้หว้าก็เครียด ไอ้เอ็มก็คนดีเกิน พอมันเห็นเพื่อนเครียดมันก็ถอย ส่วนไอ้หว้าก็เหมือนกัน ถ้ามันรุกหนัก ไอ้เอ็มก็เครียด ไอ้หว้าก็เกรงใจเพื่อน มันก็ถอยเหมือนกัน

ผมเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับรักสามเส้านี้เพราะเอ็มมาขอให้ผมไปเป็นเพื่อนซื้อของขวัญวันเกิดให้น้องเเจน มันเหมือน puppy love ของมันนะครับ คือมันทุ่มมาก มันบอกว่ามันจะพับอะไรสักอย่างใส่ขวดให้แจนเนี่ยแหละครับ แล้วมันก็ซื้อโหลใบใหญ่มาก จนผมต้องกระซิบถามมันว่ามันจะเสร็จทันเหรอ แต่มันก็ยืนยันครับว่าทัน ผมเสนอตัวว่าจะช่วยนะแต่มันก็ปฎิเสธ มันบอกว่ามันอยากทำทุกอย่างด้วยตัวของมันเอง ผมก็ยอมรับในความตั้งใจของมันนะครับ เพราะมันทำเสร็จทันเวลา

วันเกิดน้องแจนตรงกับวันหยุดของโรงเรียนผมพอดีครับ ก่อนหน้านั้นผมก็ถามมันว่าจะให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม แต่มันก็บอกว่าไม่เป็นไร เพราะมันจะไปนั่งรอน้องแจนที่บ้านบิวก่อน (บ้านบิวอยู่ใกล้กับโรงเรียนน้องแจนครับ เดินไปไม่ถึง 300 เมตร) ผมเลยนัดน้องมาเคลียร์งานที่โรงเรียน พอบ่ายแก่ๆไอ้บิวมันโทรเข้ามือถือผม บอกให้ผมมาหามันที่บ้านหน่อยเอ็มเป็นไรไม่รู้

ผมห่วงมันไงครับ เลยไล่น้องกลับบ้าน บอกพวกมันว่าทำงานมาตั้งแต่่เช้าแล้วเหนื่อย ให้รีบกลับไปพัก เพราะพรุ่งนี้มีเรียน (เนียนไหมผม  : 222222:) พอถึงบ้านไอ้บิว เปิดประตูห้องมันปุ๊บผมก็เห็นไอ้บิวนั่งเล่นเกมอยู่บนพื้น ไอ้เอ็มนอนเอาแขนปิดหน้าอยู่บนเตียง ไอ้บิวมันก็สะบัดหน้าเป็นเชิงให้ผมเข้าไปคุยกับไอ้เอ็ม ผมปีนขึ้นไปนั่งข้างๆมันบนเตียง แต่มันก็ไม่พูดอะไร ผมว่ามันแกล้งหลับนะ

“เอ็ม เป็นไรวะ ใครทำอะไรมรึง” ผมเขย่าแขนมัน ก็พยายามพูดปลอบมันนะทั้งๆที่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะเมื่อวานมันก็ยังดีๆอยู่ ไอ้เอ็มก็เงียบไม่ตอบอะไรผมกลับมาสักคำ จนผมก็หมดปัญญาไปนั่งปั้นหน้าเซ็งๆเล่นเกมกับไอ้บิว กระซิบถามไอ้บิวมันก็ไม่รู้เรื่อง บอกว่าพอมาถึงบ้านมันก็เครียดลงสมองไปแล้ว

เล่นเกมไปสักพักผมก็หลุดออกจากโลกของความเป็นจริง มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้เอ็มมันลุกออกจากห้องนั้นแหละครับ ผมกับไอ้บิวก็ทำเป็นไม่สน แต่พอลับหลังมันเราสองคนก็รีบเดินตามมันออกไป มันนัดน้องแจนที่ห้างแถวๆนั้น ผมเห็นน้องแจนเดินมาแต่ไกลแล้วล่ะ น้องแจนก็ดูปกติดีนะครับ ส่งยิ้มมาให้ไอ้เอ็มตั้งแต่เห็นหน้ามันด้วยซ้ำ้แต่พอน้องเดิมมาหามัน มันก็เเค่ส่งของให้แล้วก็ยิ้มแบบชนิดที่ว่าไม่ยิ้มเลยดีกว่าไหม  :z3: แล้วมันก็หันหลังกลับ ผมกับไอ้บิววิ่งกลับกันแทบตาย พอถึงห้องก็ทำเนียนว่านั่งเล่นเกมกันอยู่ ไอ้เอ็มมันเปิดประตูเข้ามา ผมกับไอ้บิวก็ยังตีเนียน มันก็เดินไปนอนหน้าเดิมบนเตียง
   
ผมเป็นห่วงมันครับ ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะครับที่ผมจะแคร์ไอ้เอ็มมาก  :o8: ไม่ว่ามันจะขอให้ผมทำอะไร แม้ผมจะไม่อยากทำหรือว่าอึดอัดแต่ผมก็ทำให้มันตลอด ผมเดินขึ้นไปนั่งข้างๆมันบนเตียงแล้วกุมมือของมันไว้ ผมรู้ว่ามันไม่พูดอะไรหรอกครับ ถ้ามันจะพูดมันก็พูดตั้งแต่ผมเข้ามาแล้ว สักพักผมก็รู้ว่ามันกำลังร้องไห้ แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากนั่งกุมมือมันไว้อย่างนั้น วันนั้นจบลงด้วยการที่เราสามคนทนหิวข้าวไม่ไหว ก็ไปกินร้านอาหารใกล้ๆ แต่เอ็มมันก็ไม่พูดอะไร ผมกับไอ้บิวก็พยายามคุยกันแต่เรื่องฮาๆจะได้ดึงบรรยากาศให้มันดู happy

หลังจากวันนั้นผมก็ต้องวิ่งวุ่นอยู่กับการเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้ไอ้เอ็ม อย่างที่ผมบอกว่าเอ็มมันเป็นคนคิดมาก มันเหมือนเป็นคนสามวันดีสี่วันไข้นะครับ วันนี้ผมเห็นมันหัวเราะยิ้มแย้มแต่พอวันรุ่งขึ้นผมก็เห็นมันนั่งคอตกหน้าตาเหมือนคนหมดอะไรตายอยากและทุกครั้งเวลามันเครียดมันก็จะชวนผมไปกินข้าว ผมไปกินข้าวกับมันร้านเดิมตลอด มันเป็นร้าน buffet ร้านหนึ่งในสยาม ผมไปกับมันจนจำได้แล้วว่ามันชอบไม่ชอบอะไร มันจะตักอะไรมากินบ้าง กินอะไรก่อนหลัง แต่มันก็แปลกที่เวลาเราไปถึงที่ร้านมันก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ผมฟัง ผมรู้ว่ามันพยายามทำตัว happy ปกปิดความเครียดของมัน ผมก็ไม่ถามนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ามันอยากเล่ามันก็เล่าของมันเอง แค่เห็นว่ามันมีความสุข ผมก็พอใจแล้ว เอ็มมันชอบไปปรึกษากับไอ้ต้น ไอ้บิวมากกว่า ส่วนผมน่ะเป็นคนสุดท้ายที่เขาจะโทรหาเสมอ ผมจึงมักจะรู้เรื่องก็ตอนที่เอ็มมันเครียดมากจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่แล้วและหลายๆครั้งที่ผมต้องนั่งปลอบมันทั้งๆที่ตัวเองไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

เอ็มมันเป็นคนนอนดึกครับ ผมว่ามันนอนไม่ต่ำ่กว่าตี 1 ทุกคืน แล้วเวลามันเครียดมันก็ชอบโทรมาปลุกผมกลางดึก บางครั้งโทรหาผมตอนตี 3 ก็ยังเคย ผมก็ต้องตื่นขึ้นมาคุยกับมันทั้งที่สมองยังมึนอยู่ มันเป็นอะไรผมก็ยังไม่รู้เลย และประโยคหนึ่งที่ผมมักจะพูดเป็นประจำคือ “เป็นอะไร ใครทำอะไรมา” … และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่เคยปิดเสียงมือถือเวลานอน

จากนั้นไม่นานเทศกาลแห่งความรักก็มาถึง ไอ้บิวกับเอ็มจองตัวผมตั้งแต่ก่อนเข้าเดือมกุมภา วันที่ 13 กุมภาผมพาพวกมันไปเดินดูดอกไม้ที่ปากคลองตลาด พวกเราไปถึงกันช่วงสายๆ เห็นคนหลายคนเริ่มมาจับจ่ายซื้อดอกไม้กันแล้ว พวกเราเดินดูกับรอบแรก บิกกับเอ็มก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อดอกกุหลาบ Holland แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกร้านไหน พวกเราเลยเดินดูกันอีกรอบ รอบที่สอง สามและสี่ผ่านไป มันสองคนก็ยังไม่รู้ว่าจะซื้อร้านไหนดี จนผมออกอาการโมโหหิว  :m31: ลากพวกมันสองคนเข้าร้านที่อยู่ใกล้ที่สุด พี่ๆพอเข้าใจความรู้สึกผมไหมคือไอ้คนมาหาดอกไม้ให้เแฟนเนี่ยมันดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ เลือกเเล้วเลือกอีก หาร้านที่จัดสวยที่สุดแต่ไอ้คนที่ไม่ได้มาดูอะไรให้ใครแบบผมนี่เดิน 2 รอบก็เบื่อเเล้ว นี่เล่นเดินวนมา 4 รอบใครจะไปทนไหว  :m16:

นอกเรื่อง … มันเป็นนิสัยของเอ็มครับที่ชอบเดินดูของหลายรอบ เวลาไปเดินซื้อของ เอ็มจะเดินดูคร่าวๆก่อนว่าร้านไหนมีของที่มันต้องการบ้าง แล้วจะเดินดูแบบละเอียดอีกที มันจะเดินดูและเลือกอยู่อย่างนั้นจนกว่ามันจะรู้สึกว่าของที่มันเลือกคือของชิ้นที่ดีที่สุด ผมเคยไปเดินดูรองเท้ากับมันตั้งแต่บ่ายยันห้างปิด เดินมันทุกร้านที่มี ดูแมร่งทุกคู่ พอเจอคู่ที่มันถูกใจกำลังจะซื้อ สรุปว่ามีแต่คู่โชว์และร้อยทั้งร้อยครับว่าคนอย่างเอ็มยอมเดินฟรีดีกว่าซื้อรองเท้าโชว์  :a6:
   
ต่อครับ … วันรุ่งขึ้นพวกเราก็กลับมารับดอกไม้ที่ปากคลองกันอีกครั้งแล้วไปนั่งเล่นฆ่าเวลาที่คอนโดไอ้บิว คือผมที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับวันนี้นอนหลับไปหลายตื่นก็ยังไม่ถึงเวลาที่มันนัดสักที แต่ทั้งไอ้บิวและเอ็มนั่งมองดอกไม้อยู่นั่นแหละครับ จับแล้วจับอีก ดูแลอย่างกับมันเป็นลูก เห็นแล้วหมั่นไส้สุดๆ

และพอเวลานั้นมาถึงผมไปเป็นเพื่อนเอ็มส่วนไอ้บิวแยกไปอีกทาง เอ็มนัดน้องเเจนไว้ที่รถไฟฟ้าครับ ผมมาถึงก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เราสองคนก็นั่งคุยเล่นฆ่าเวลาไปเรื่องจนน้องแจนโทรเข้ามือถือเอ็มบอกว่าจะมาถึงในรถขบวนถัดไป มันถึงเวลาที่ผมจะต้องให้มันเดินต่อเองแล้ว ผมพูดกับมันว่า

“กรูไปก่อน … โชคดีนะ” ผมตบบ่ามัน   

แล้วพี่ๆเชื่อไหมครับว่าเอ็มมันทำยังไง เอ็มดึงผมเข้าไปกอด มันเป็นกอดเเรกของเราสองคน  :กอด1: มันกอดผมกลางสถานีรถไฟฟ้าเลยครับ คนมองกันให้พรึ่บ แต่ผมสิกลับรู้สึกว่าตอนนี้มีเเค่ผมกับเอ็มอยู่บนโลกเพียง 2คน แม้มันเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาที

"แต่ให้ตายเถอะ หัวใจของผมมันเต้นแรง หน้าผมร้อนผ่าว ทั้งๆที่ผมก็รู้ว่ามันเป็นกอดของเพื่อน แต่ผมก็อดที่จะเขินมันไม่ได้"  :m1: แล้วพอรถไฟขบวนถัดไปมาถึงผมก็เดินออกมา ผมเห็นน้องแจนเดินมาแต่ไกล ในมือถือกล่องของขวัญมาด้วย ผมเห็นเอ็มยิ้มและยื่นห่อของขวัญให้น้องแจน

ผมกลับมาที่โรงเรียนอีกครั้งในช่วงเย็นเพราะต้องเข้ามาเอางาน มันเป็นช่วงเวลาประมาณสี่โมงเกือบๆจะห้าโมงแล้วล่ะครับ เด็กที่ไม่เรียนพิเศษก็กลับบ้านไปหมดเเล้ว ส่วนเด็กที่เรียนตอนนี้ก็เข้าห้องเรียนไปแล้วเช่นกัน ผมเดินเข้าไปหยิบของในห้องกรรมการนักเรียน เดินออกมาผมเจอรุ่นน้องคนหนึ่ง ผมก็ไม่แน่ใจว่าอยู่ชั้นอะไร แต่คิดว่าน้องน่าจะอยู่ประมาณม. 4-5 ผมเห็นน้องมาด้อมๆมองๆผมสักพักแล้วล่ะครับ

“พี่นิวครับ” ผมกำลังจะเดินลงจากบนตึกน้องเขาก็วิ่งตามมา

“ครับ”
   
“คือ … ผมให้พี่นิวครับ” เห็นหน้าน้องแล้วมันก็น่ารักดีนะครับคือน้องเขาคงเขินมาก เหมือนในการ์ตูนเลยครับคือน้องเขายื่นช็อคโกแลตมาให้ผมกล่องหนึ่งแล้วก็ก้มหน้าก้มตามองพื้นอย่างเดียว

“ให้พี่เหรอ … ขอบใจนะ” ผมรับมาแล้วก็มองๆที่ห่อ 70% dark chocolate ของ Lindt แบรนด์และรสโปรดของผม แสดงว่าทำการบ้านมาดีนะเนี่ย
   
พี่นิวครับ คือ คือออออ … คือผมแอบชอบพี่มานานแล้ว”  :a2:

“เอออออออ ครับ แล้ววววว” ผมก็อึ้งๆงงๆตั้งหลักไม่ถูกเหมือนกัน

“แค่นั้นล่ะครับ ผมไปก่อนนะครับ” น้องเขาไหว้ผมแล้วก็วิ่งหายไป  :z6: ผมยังไม่หายงงเลยครับ มารู้สึกตัวอีกทีก็กำลังยืนยิ้มอยู่คนเดียว ผมว่าน้องมันก็ทำตัวน่ารักดีนะ

กลับถึงบ้านคืนนั้นผมก็โทรคุยกับไอ้เเจ๊สเหมือนทุกที ก็เล่าให้มันฟัง หลังจากวันนั้นน้องเขาก็เข้ามาทักผมบ้าง แต่มันบังเอิญเป็นช่วงเดียวกันกับที่ข่าวของผมกับเเจ๊สกำลังดังและไอ้เเจ๊สก็ทำตัวหวงก้างสุดๆ คือถ้ามันเห็นคนที่ไม่ใช่เพื่อนผมเดินเข้ามาคุยด้วยเนี่ยมันจะทำหน้าตาแบบไม่สบอารมณ์สุดๆ จนสุดท้ายน้องมันก็หายไป (เพราะมรึงคนเดียวเลยไอ้เเจ๊สกรูถึงขายไม่ออกสักที  :dont2:) 

มาต่อเรื่องเอ็มนะครับ … มันก็เหมือนผมล่ะครับที่ว่าความสุขอยู่กับเราได้ไม่นาน วันนั้นเป็นวันเรียนวันสุดท้ายก่อนจบม.6 ช่วงเช้าพวกเราก็มีพิธีอำลาโรงเรียน พอช่วงบ่ายก็ถ่ายรูปกับอาจารย์และพวกรุ่นน้อง ตอนเย็นพวกผมก็ยกโขยงไปถ่ายรูปกันที่สยาม ทุกคนดูมีความสุขดีครับ มันเป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับชีวิตการเป็นนักเรียน แล้วในขณะที่ผมกำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ผมก็ถูกเอ็มลากออกมา

มันลากผมมานั่งตรงเก้าอี้ ห่างออกมาจากกลุ่มเพื่อนผมนิดหน่อย เราสองคนนั่งตรงข้ามกัน ผมก็มองหน้ามัน รอว่ามันดึงผมออกมาทำไม แต่ภาพที่ผมเห็นคือเอ็มมันนั่งหลับตาครับ แล้วสักพักก็มีน้ำ้ตาไหลซึมออกมา ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่าต้องเป็นเรื่องของน้องเเจน ความรู้สึกของผมตอนนั้น …. เจ็บครับ ยิ่งเห็นมันเสียใจผมก็ยิ่งเจ็บ สำหรับผมมันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการต้องเห็นน้ำ้ตาของไอ้เอ็มอีกแล้ว ผมแคร์มันมากนะครับ ผมเอื้อมมือมากุมมือของมันเอาไว้

“อย่าร้อง วันนี้ไม่ใช้วันที่มรึงจะมาเสียใจ” แล้วผมก็เอามือปาดน้ำ้ตาออกจากหน้ามัน เอ็มมันสะอื้นเบาๆ ใช้เวลาสักพักล่ะครับกว่าเราสองคนจะกลับมานั่งรวมกับเพื่อนคนอื่นๆ และก็เหมือนเดิมครับคือมันไม่เล่าอะไรให้ผมฟังเลย

ผมลืมเล่าให้พี่ฟังไปว่าบ่ายวันนั้นมีผู้หญิงมาให้ดอกไม้เอ็มด้วยนะครับ แล้วพี่รู้ไหมว่ามันทำยังไง มันมานอนค้างบ้านผมคืนนั้น วันรุ่งขึ้นผมกับมันออกไปทำธุระกัน พอผมกลับเข้ามาอีกทีถึงได้รู้ว่ามันเอาดอกไม้มาวางไว้บนเตียงผม  :m3: (แมร่งไม่ลงทุนเลย!!  :m26:) ให้เดาครับว่าผมทำไงกับดอกไม้ช่อนั้น … ถ้าพี่ๆเดาว่าผมจะนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ล่ะก็ ผิดครับ!! ผมโยนมันลงถังขยะแบบไม่ต้องคิด ผมไม่ได้ทำตัวเป็นนางเอกละครแบบว่ารับไม่ได้อะไรแบบนั้นนะครับคือผมไม่รู้ว่าจะเก็บมันไว้ทำไม เจ้าของเขาไม่ได้เอามาให้ผมแล้วเอ็มมันก็ทิ้งเอาไว้เเค่เพราะมันไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น

ผมรู้ว่าพี่ๆคงเดาได้ว่าผมรู้สึกยังไงกับเอ็มแต่ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเลยครับ ไม่เคยคิดถึงเรื่องเเบบนี้เลยด้วยซ้ำ้ สำหรับผมเอ็มมันก็คือเพื่อนสนิทที่สุดของผม เป็นคนที่ผมทั้งรักและแคร์มากที่สุด ผมไม่เคยรู้สึกกับมันมากกว่านั้นและไม่เคยคิดด้วยว่าอนาคตความรู้สึกของผมมันจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
   
หลังจากนั้นไม่นานเทศกาล final ก็มาถึง สอบ final ครั้งนี้มันดูเป็นเรื่องเล็กมากเมื่อเทียบกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน คนอื่นในกลุ่มผมสบายตัวแล้วครับเพราะคะแนนสูงถึงคณะที่เขาต้องการแล้ว เหลือแต่ผมที่ทำคะแนนได้ไม่ดี และเมื่อถึงวันประกาศผลการเลือกมหาวิทยาลัยมาถึง ... ผมเป็นคนเดียวในกลุ่มครับที่ไปติดมหาลัย …
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 09-05-2011 22:40:24
อ้ากกก ค้างอ่ะไรเตอร์  ไปติดที่ไหนเนี่ย ใบ้หน่อยๆ อยากรู้คณะด้วยอ่า  :m21:

 เเล้วเมื่อไหร่จะ bestfriend ซะทีล่ะเนี่ย เหอะๆ หรือจะเป็นน้องเอ็ม คนใกล้ตัวคนนี้ ^ ^  :m3:

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-05-2011 23:02:03
 :3123: :3123:




หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 10-05-2011 01:10:47
ไปเที่ยวพึ่งกลับมา อ่าน เรื่องนี้ยาวเลย
อยากอ่านต่อยย่างแรง แอบเชียร์เอ็มนะเนี่ย
ถึงตรงนี้อยากบอกว่าดีใจด้วยที่เลิกกับบาสได้
แอบสงสัยว่าช่วงที่มาสนิทกับแจ๊ส บาสไม่แสดงออกอะไรเลยหรอ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 10-05-2011 10:45:08
ติดที่ไหนอ่ะครับ  ตอนแรกนึกว่าพิมพ์ผิด  คิดว่าจะพิมพ์ว่าไม่ติดมหาลัย  แต่พออ่านอีกที อ้อ...  มาต่อนะ  รอนานแล้วมันค้างเติ่ง ต่องแต่ง
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Forget..* ที่ 10-05-2011 18:13:12
ติดที่ไหนเอ่ยย ?
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 10-05-2011 23:58:02
ช่วงที่ผมสนิทกับแจ๊สมันเป็นช่วงหลังจากที่เลิกกับบาสได้หลายเดือนแล้วเหมือนกันครับ อะไรๆมันก็เบาบางไปมาก
บาสก็ส่งข้อความมาง้อผมนะครับแต่ไม่บ่อย อย่างที่บอกว่าไอ้เเจ๊สก็เคยอ่านเจอมันก็รู้ว่าผมมีคนชื่อบาสอยู่ในชีวิต
แต่มันก็ไม่เคยถามอะไรมากกว่านั้น

ผมไม่รู้ว่าบาสรู้สึกยังๆไง ผมเองก็ไม่เคยถาม ผมกับบาสกลับมาคุยกันหลังจากเรื่องของผมกับแจ๊ส
ผ่านไปแล้วประมาณ 4 เดือนแล้วมันก็เป็นการกลับมาคบกันของเพื่อนเก่าเท่านั้น  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Little_b ที่ 11-05-2011 00:22:07
 :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 14 updated 9/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 13-05-2011 21:11:24
เมื่อถึงวันประกาศผลการเลือกมหาวิทยาลัยมาถึง ... ผมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ติดมหาวิทยาลัยเอกชนแถวชานเมือง มหาวิทยาลัยที่ผมติดไม่ใช่มหาวิทยาลัยดังหรือว่ามีชื่ออะไรหรอกครับ แม้จะไม่อยากแต่ผมก็ต้องเตรียมเก็บข้าวเก็บของไปนอนหอ  :o12: ตอนแรกที่คุยกันหัวเด็ดตีนขาดยังไงพ่อก็ไม่ยอมให้ผมนอนแต่พ่อก็ยอมเช่าหอทิ้งไว้ให้ผมหนึ่งห้องและบอกว่าให้ผมนอนเฉพาะวันที่ต้องกลับดึกจริงๆ

สองสามวันก่อนเปิดเทอม ผมคุยกับที่บ้านว่าจะขับรถไปเรียนเอง ที่บ้านก็เป็นห่วงครับเพราะยังขับไม่เเข็ง ตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มขับรถได้เดือนกว่า แม่เลยไม่ยอม บอกว่าจะให้คนขับรถขับไปรับไปส่งทุกวัน ผมก็ดื้อสิครับบอกที่บ้านว่าขับไปเองก็ได้ จะให้คนขับรถขับไปขับมาทำไม มันเปลือง แต่จริงๆแล้วผมอายคนอื่นมากกว่า ผมไม่อยากทำตัวเป็นคุณหนูที่เช้ามาก็มีรถมาส่งพอตกเย็นมามีรถมารอรับใต้ตึก คุยกันนานครับ แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ยอมจนสุดท้ายผมก็นอยด์ เลยตัดสินใจว่าจะนอนหอ  :serius2:

มันเหมือนคนไร้สติเลยครับเพราะไอ้ความคิดที่จะนอนหอเนี่ยมันไม่เคยมีอยู่ในหัวผมเลย ผมเป็นคนติดบ้านและก็รู้ตัวว่าตัวเองอึดอัดถ้าจะต้องไปอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ วันรุ่งขึ้นผมก็ออกไปซื้อของเข้าหอกับพ่อ ไปถึงก็แบบว่าซื้อๆๆ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นตู้เย็น ไมโครเวฟ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้มากมายวางกองอยู่ในห้องนั่งเล่น “นี่ผมทำอะไรลงไป แค่ถูกแม่ขัดใจนี่ผมถึงกับจะหนีไปนอนหอเลยเหรอ”

เช้าวันถัดมาผมก็นั่งรถมามหาวิทยาลัย ผมเอาของชิ้นเล็กๆมาใส่ในห้องก่อน แล้วช่วงเที่ยงแม่จะตามมาจัดของให้ผมอีกที บ่ายแก่ๆแม่ก็โทรหาผมบอกให้ผมลงมาหาใต้ตึกเรียน แม่จัดของเสร็จแล้ว จะเอากุญแจห้องมาให้ เดินลงมาจากตึกก็เห็นแม่นั่งรออยู่ในรถ ผมเข้าไปนั่งในรถ คุยกับแม่นิดหน่อย รับกุญแจห้องมาแล้วก็เดินขึ้นไปเรียนต่อ ตอนนั้นอยากร้องไห้มากๆ ผมไม่เคยห่างบ้านขนาดนี้มาก่อน

มันเป็นวันแรกของการเปิดเทอม ผมไม่มีเพื่อนมากนัก เย็นนั้นผมเดินกลับหอคนเดียว มันเหงานะครับ ปรากฎว่าคืนเเรกที่นอนหอ ผม home sick ครับ ตอนดึกๆผมโทรไปร้องไห้กับเอ็มถึงค่อยสบายใจขึ้นหน่อย ผมไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ชีวิตผมไม่เคยต้องอยู่คนเดียวแบบนี้มาก่อน ตอนนี้ผมต้องเดินกลับหอคนเดียว นั่งกินข้าวคนเดียว  :m15:

ผมทนอยู่ได้คืนเดียวล่ะครับ วันรุ่งขึ้นเลิกเรียนปุ๊บผมก็รีบเผ่นกลับบ้าน ห้องเชียร์อะไรไม่สนใจแมร่งแล้ว กรูจะกลับบ้านนนนนนนนนน …  :oni1: แรกๆก็เหงาล่ะครับ แต่สักพักพอผมเริ่มมีเพื่อนมันก็ไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่ ผมมีเพื่อนผู้หญิงอยู่หอเดียวกัน 2 คน พอรู้จัก สนิทกัน ก็เดินไปนั่งเล่นห้องมันบ่อย

สำหรับเรื่องรถช่วงหลังๆ พ่อกับแม่ก็อนุญาตให้ผมขับรถมาเอง จำได้ว่าวันแรกที่ขับรถมาแม่โทรเช็คผมทุกคืน คงกลัวว่าผมจะเอารถออกไปเที่ยวตอนกลางคืนมั้ง พ่อผมหนักกว่านั้นอีกครับคือพ่อซื้อเครื่องปรุงทุกอย่างรวมถึงพวกอาหารแช่เเข็งใส่ไว้ในตู้เย็นเต็มไปหมด กะว่าจะไม่ให้ผมลงไปกินข้าวข้างล่างเลยว่างั้น แล้วพี่ว่าคนอย่างผมจะฟังเหรอ มีเพื่อนอยู่หอตั้งหลายคนแล้วจะให้มานั่งกินข้าวอยู่บนห้องคนเดียวเนี่ยนะ!!

ช่วงนั้นผมกับเอ็มไม่ค่่อยได้เจอกัน ผมกลับบ้านอาทิตย์ละ 2 ครั้ง วันธรรมดาครั้งวันเสาร์ครั้ง ก็คงเป็นเหมือนกันทุกคนล่ะครับที่ช่วงเเรกของการเข้ามหาวิทยาลัย เด็กปี 1 ก็จะมีกิจกรรมเยอะเป็นพิเศษ จนในที่สุดเพื่อนกลุ่มผมก็นัดกินข้าวเย็นกันมื้อเเรก เพื่อนผมแต่ละคนก็เปลี่ยนไปเยอะ จากที่เคยเห็นมันหัวเกรียนๆ ใส่ชุดนักเรียนอยู่ทุกวัน พอมาเห็นมันใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงสเเลคแล้วก็ดูแปลกตา ต้องยอมรับว่าทุกคนดูดีขึ้นจริงๆโดยเฉพาะเอ็ม  :z1:

ผมว่าเอ็มในชุดกางเกงสเเลคเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนขึ้นมาถึงศอกนี่ดูสะดุดตากว่าที่เคย มันไว้ผมยาวขึ้น เซ็ตผม ดูสำอางมากกว่าแต่ก่อนเยอะ คือเอ็มมันก็เป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้ว แม้จะไม่ขนาดสะดุดตาเหมือนไอ้เเจ๊สแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันก็เป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่มีผู้หญิงเข้ามาจีบบ่อยที่สุด อ้อ!! ผมลืมบอกไปว่าเอ็มมันเป็นแฟนกับน้องแจนช่วงก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกอะไรแค่เห็นมัน happy ผมก็ดีใจ

หลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยได้เจอหน้าพวกมันเพราะที่มหาวิทยาลัยผมก็เรียนหนักแถมกลับบ้านมาวันที่คนอื่นไม่ค่อยจะว่าง ผมก็คิดถึงเพื่อนนะ หลังๆผมชอบขับรถไปนั่งคุยกับเอ็มที่บ้าน บ้านมันอยู่ใกล้ผมครับ 15 นาทีก็ถึงแล้ว ก็นั่งคุยนั่งเม้าส์กันเรื่องเพื่อน เรื่องมหาวิทยาลัย

อยู่ที่มหาวิทยาลัยผมก็พยายามทำตัวนิ่งๆไม่ให้เป็นจุดสนใจของใคร เห็นผมเป็นเด็กกิจกรรมมาก่อนแต่พอเข้ามหาวิทยาลัยผมเลิกหมดเลยครับ ส่วนหนึ่งคือผมผิดหวังด้วยที่ต้องมาอยู่ที่นี้  :o11: แต่ถึงผมพยายามจะทำตัวเงียบๆ มันก็ยังมีคนเข้ามาขายขนมจีบผมอยู่ดี … ไอ้นี่มันเป็นเพื่อน (ไม่สนิทมากๆ) ของผม ท่าทางมันออกสาว ผมจำได้ว่าเพื่อนบางคนกลุ่มผมกับบางคนในกลุ่มมันไม่ถูกกัน ผมเรียนภาษาอังกฤษ section เดียวกับมัน ไม่เคยนั่งใกล้กัน นานๆมากจะคุยกันที

มีอยู่วันหนึ่งคณะจัดงานเลี้ยงต้อนรับน้องปี 1 ดึกแล้วเหมือนกันเพราะจำได้ว่าพี่เริ่มเปิดวงเหล้ากันแล้ว ผมเดินออกมาตักนำ้แข็งข้างหลังห้องประชุมแล้วก็เห็นมันยืนคุยหน้าตาเคร่งเครียดกับเพื่อนผม ผมเลยเดินเข้าไปถามว่ามันเป็นอะไร แล้วแสงไฟแดงๆเหลืองๆจากเวทีข้างหน้าก็ทำให้ผมคิดว่ามันร้องไห้ ผมก็หวังดีถามมันว่ามันร้องทำไม มันส่ายหัวแล้วทำท่าเหมือนจะกระซิบอะไรผม ผมก็ยื่นหน้าเข้าไป … แมร่ง!!!!!! หอมแก้มผมซะงั้น  o22

ผมก็ตกใจสิครับ เกิดมาไม่มีใครรุกกรูแรงขนาดนี้ อึ้งครับ ตักนำ้เเข็งแล้วเดินกลับไปนั่งกับเพื่อน ใจนี่แบบว่าเต้นตุ๊บๆตั๊บๆเลยครับ ไม่ได้ตื่นเต้นหรอก มันก็หน้าตาธรรมดาๆคนหนึ่ง ผมไม่ได้มีความพิศวาสมันเลยแถมแมร่งมาขโมยหอมแก้มผมอีก ผมไม่ชอบให้ใครมาจับตัวยิ่งคนไม่สนิทนี่ผมถือมาก แล้วอยู่ๆไอ้นี้มาหอมแก้มผม หงุดหงิดครับ  :m16: ผมโทรไปตามคนขับรถมารับบอกว่าจะกลับบ้านแล้ว สักครึ่งชั่วโมงพี่เขาก็โทรกลับมาบอกว่ามาจอดรออยู่หน้าหอปะชุม ผมก็ลาเพื่อนๆ โคตรซวยครับเพราะเดินอกจากหอประชุมปุ๊บเจอแมร่งยืนอยู่ข้างหน้าพอดี “มรึงดักรอกรูเปล่าเนี่ย” แล้วพอมันเห็นผมมันก็ถามว่าผมไปไหน ผมตะโกนกลับไปว่าจะกลับบ้านแล้วก็โดดขึ้นรถทันที

หลังจากนั้นมันก็ชอบเดินเข้ามาหาผม คือถ้าเดินสวนกันตามมหาวิทยาลัยแมร่งเข้ามาทักผมทุกครั้ง เวลาเรียนภาษาอังกฤษมันก็ย้ายมานั่งใกล้ๆผม ผมงี้กลัวมันสุดๆคือถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ ที่ซวยหนักกว่านั้นคือพี่รหัสผมกับพี่รหัสมันเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วก็เลี้ยงน้องพร้อมกัน มันนั่งกินข้าวไปนั่งมองหน้าผมไป ไอ้ห่าคนจะแดรกแมร่งก็มานั่งจ้องอยู่ได้ แต่ผมก็ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนนะ อยากมองๆไป กรูไม่ได้สึกหรอตรงไหน แล้วผมก็ตั้งใจกินตั้งใจเม้าส์กับเพื่อนที่นั่งข้างๆ

ตอนกลับผมไปส่งเพื่อนอีก 2 คนที่หอ มันก็มาขอกลับด้วย “ให้มรึงมาด้วยกรูก็โง่สิวะ”  :เหอะ1: หอมันอยู่ท้ายสุดเลยครับ ถ้าผมไปส่งมันมันก็ต้องลงคนสุดท้าย ผมไม่โง่มานั่งในรถกับมันสองคนหรอกครับ เดี๋ยวมันทำอะไรผม ก็อ้างโน่นอ้างนี่จนมันรำคาญมั้ง เลยบอกว่าจะกลับกับเพื่อนมัน “เพื่อนมรึงก็มีแล้วจะมากลับกับกรูทำไม”

กลับมาถึงหอ อาบน้ำ้เสร็จผมก็พาดผ้าเช็ดตัวออกมาเปลี่ยนเสื้อ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ก็มีคนมาเคาะประตูห้อง ใจหล่นไปที่ตาตุ่มเลยครับ  :sad3: ใช่มันหรือเปล่าเนี่ย แล้วดูสภาพผมตอนนี้สิ เหมาะกับการเสียตัวเป็นที่สุด ผมเดินไปส่องตาแมวที่ประตู โชคดีครับที่คนเคาะคือเพื่อนผมที่นอนหอเดียวกัน มันขึ้นมาขอยืมไมโครเวฟอุ่นขนม

ผมเข้ามหาวิทยาลัยได้เกือบเทอมในที่สุดข่าวร้ายก็ตามมาถึงหูผม "เอ็มเลิกกับน้องแจน" สงสารเอ็มครับน้องแจนเป็นคนที่มันรอมานานแต่คบกันได้ไม่ถึงครึ่งปีเรื่องทุกอย่างมันก็จบลงอย่างรวดเร็ว ผมเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องเพราะไอ้ต้นโทรมาบอก เขา 2 คนเลิกกันมาได้อาทิตย์กว่าๆแล้ว ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันสับสนไปหมด ผมเป็นห่วงเอ็มมาก อยากไปหาเอ็มอยากไปเห็นกับตาว่ามันไม่ได้เป็นอะไรมากแต่อีกใจนึงผมก็ไม่รู้ว่าผมควรจะไปหามันไหม
สุดท้ายผมก็ทนเป็นห่วงมันไม่ไหว ผมเก็บกระเป๋าแล้วขับรถออกจากหอไปบ้านเอ็ม กว่าผมจะถึงบ้านมันก็เกือบ 4 ทุ่มแล้วครับ โชคดีที่พ่อเอ็มนั้งอยู่ข้างล่างพอดี ท่านเลยเดินออกมาเปิดประตูให้ผมผมเปิดประตูเข้าไปในห้องเอ็ม ห้องมันมืดมาก เปิดแอร์เย็นเฉียบแต่ผมรู้ว่ามันอยู่ในนั้นเพราะพ่อมันบอก

“ใครอะ”

“กรูเอง”

“มรึงมาได้ไงวะ” ผมเอื่อมมือไปเปิดไปแล้วผมก็เห็นมันกำลังนั้งชันเขาอยู่บนเตียง หน้ามันดูเหนื่อยๆครับ คงเหนื่องจากทั้งเรื่องเรียนและเรื่องน้องเเจนด้วย

“กรูมาหามรึงไง  เป็นไงบ้าง ... ไม่ต้องร้องนะมรึง” ผมเดินเข้าไปหามันและพอผมหย่อนตัวลงนั้งข้างๆ มันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดแล้วร้องไห้แบบปล่อยโฮเลยครับ ผมไม่ได้พูดปลอบอะไรเพราะรู้ว่ายังไงมันก็คงไม่ได้ฟัง ผมกอดมันกลับ  :กอด1: ลูปหลังมันเบาๆ จนในที่สุดมันก็หยุดร้อง

เอ็มมันไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟัง พอมันหยุดร้องมันก็ชวนผมออกไปหาอะไรกิน ผมจำได้ว่าเราขับรถออกไปกินของหวานตามข้างทาง มันบอกผมแค่มันกับน้องแจนเข้ากันไม่ได้ กลับไปเป็นเพื่อนกันนั้นแหละดีแล้ว คืนนั้นผมนอนค้างกับมันคืนนึง ผมโดดเรียนครึ่งเช้าเพื่อขับรถไปส่งมันที่มหาลัย ก่อนมันลงมันก็ตบไหล่ขอบใจผม หลังจากวันนั้นเอ็มก็โทรมาระบายกับผมบ้างแต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันค่อยๆดีขึ้น อย่างว่าละครับเรื่องเบนี้มันต้องใช้เวลา

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนผมเรียนผ่านมาแล้ว 1 เทอม ช่วงๆก่อนปิดเทอมผมยอมรับเลยครับว่าผมไม่อยากมาเรียนหนังสือ ผมเบื่อที่นี่ เพื่อนผมที่นี่นิสัยดีนะครับ แต่ผมไม่ชอบบรรยากาศกับสังคมที่นี่ อยู่นี่ผมมีเพื่อนไม่กี่คน นิสัยของผมแตกต่างจากเพื่อนๆส่วนใหญ่ พวกมันจะเป็นแบบว่าหน้าโหดๆ ใส่ยีนส์ไปเรียน ตกเย็นกินเหล้า เช้ามาก็แฮ้งค์ ทุกเช้าตอนผมออกมาจากห้อง กลิ่นแรกที่ผมรู้สึกคือกลิ่นของเหล้าที่มันลอยมาจากถังขยะที่ตั้งอยู่หน้าลิฟต์ ผมตื่นมาทุกเช้าก็เห็นแต่สภาพแบบนี้จนรู้็สึกว่านี่พวกมรึงมาเรียนหรือมาแดรกเหล้ากันแน่

สถานที่ ผมก็ไม่ชอบ ผมว่าบรรยากาศมันไม่น่าเรียน สิ่งแวดล้อมที่นี่ก็น่าเบื่อ มหาวิทยาลัยผมอยู่ชานเมืองไงครับ ห้างที่ใกล้ที่สุดต้องขับรถไป 45 นาที อยู่นี่ผมไม่ได้ไปไหนเลย จะได้เดินห้างก็วันที่กลับบ้านเท่านั้น เเรกๆผมก็ตื่นเต้นกับตลาดนัดนะครับ เดินมันทุกอาทิตย์ แต่สักพักมันก็เบื่อๆ พี่ๆคิดภาพตลาดนัดแบกับดิน ของมันก็มีอยู่เท่านั้น ของเดิมๆ ร้านเดิมๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ยอมรับตรงๆว่าเด็กอย่างผมอยู่ไม่ได้หรอกครับ  :sad4:

จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต  :a9: ผมตัดสินใจจะสอบใหม่ ไม่ง่ายนะครับกับการตัดสินใจแบบนั้น อายุเท่านั้นเคยตัดสินใจอะไรๆสำคัญในชีวิตบ้าง แรกๆผมคิดว่าผมจะเรียนไปอ่านหนังสือไปแต่พอขึ้นเทอม 2 ผมก็รู้ว่ามันทำไม่ได้ ผมเรียนวิชาคณะซึ่งมันก็เรียนหนักกว่าเดิมหลายเท่า ผมรู้ว่าถ้าผมยังยื้อที่จะจับปลาสองมือแบบนี้สุดท้ายผมคงไม่ได้อะไรเลย

ตอนนั้นเครียดเพราะต้องตอบคำถามหลายอย่าง คำถามหนึ่งที่ผมต้องตอบให้ได้ก่อนทำเรื่องออกคือคำถามของพ่อ พ่อถามผมว่าถ้าผมสอบไม่ติดอีกแล้วจะไปเรียนไหน จำได้ว่าผมใช้เวลาอยู่นานมากกว่าจะตอบคำถามนี้ได้ ผมไปนั่งคิด นอนคิดอยู่บ้านไอ้เอ็มเป็นวันๆ เอ็มมันก็บอกว่าให้ผมออกมาเถอะ ดูก็รู้ว่าผมไม่มีความสุขอยู่ที่นี่แล้วจะไปฝืนตัวเองทำไม คือถ้าผม drop ออกมาแล้วสอบติดก็โชคดีไป แต่ถ้าสอบไม่ติด จะให้กลับไปเรียนที่เก่าก็คงอายน่าดู จนสุดท้ายผมก็บอกพ่อว่าถ้าผมสอบไม่ติดผมจะยอมไปเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนที่หนึ่งที่พ่อเสนอให้ผมไปเรียนแต่แรก

วันที่มาขอ drop มันรู้สึกใจหวิวๆยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน ผมกังวลเรื่องอนาคตครับ เพราะไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะเป็นยังไง ยิ่งตอนจับปากกาเซ็นชื่อใบขอ drop นี่ผมยิ่งเครียด แต่มาถึงจุดนี้มันก็ถอยไม่ได้แล้ว พอผมเซ็นชื่อและรับทราบระเบียบการขอถอนรายวิชาเรียบร้อย ผมก็ลงมานั่งกินข้าวกลางวันกับเพื่อนๆ ทุกคนดูเศร้า เพราะผมบอกพวกมันก่อนหน้านั้นแค่อาทิตย์กว่าๆเท่านั้น ยิ่งไอ้เพื่อนสนิทผมที่อยู่หอเดียวกันมันก็ยิ่งทำหน้าทำตาเหมือนอยากร้องไห้ มันบอกว่ามันไม่อยากให้ผมไป เพราะอยู่กับผมแล้วสบาย คือห้องผมมีครบทุกอย่างไงครับแอร์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ แต่ก่อนย้ายของออกจากหอผมก็ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าให้มันแบบถูกๆนะครับ มันก็ซื้อไว้หมดแถมมีบอกว่าถ้ารู้แบบนี้ยุให้ออกมานานแล้ว  :z3:

กินเสร็จผมก็นั่งคุยกับเพื่อนๆจนพวกมันขึ้นเรียนไปล่ะครับ ผมถึงเดินกลับไปลานจอดรถ ระหว่างทางเห็น “มัน” นั่งเม้าแตกกับเพื่อนๆที่สวนหย่อม พอเห็นผมมันก็ส่งยิ้มมาให้ (พักหลังผมหลบหน้ามันตลอด มันก็คงรู้ตัวเพราะไม่ค่อยเข้ามาหาผมเหมือนเดิม) ผมคิดว่าไหนๆวันนี้ก็วันสุดท้ายแล้วที่ผมจะมาที่นี่ กลับมาอีกทีก็คงมาทำเรื่องลาออก (คิดเข้าข้างตัวเองไปไหม) ผมเดินเข้าไปบอกมันว่าผม drop แล้ว มันก็ส่ายหัวบอกไม่เชื่อ หาว่าผมหลอกมัน ผมเลยยื่นใบ drop ให้มัน เห็นหน้ามันแล้วก็สงสาร มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมไม่อยากให้บรรยากาศมันเศร้าไปมากกว่านี้เลยรีบตัดบทบอกลามันแล้วเดินกลับไปที่รถ

หลังจากที่ออกมา ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือครับ  o19 คืออ่านตั้งแต่ 9.00-22.00 ทุกวัน พอใกล้เวลาสอบผมก็ยืดเวลาออกเป็น 7.30-23.30 จำได้ว่าตอนนั้นนั่งอ่านหนังสือทุกวัน ไม่ได้ไปไหนเลยครับ นานๆทีถึงจะออกไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ผมไปค้นหนังสือเก่าๆมาอ่านสอบ ไปยืมหนังสือ- ข้อสอบเก่าบางส่วนจากไอ้เอ็ม ผมนั่งทำ short note นั่งทำข้อสอบเก่าเป็นร้อยๆข้อ

สนามสอบของผมอยู่ใกล้บ้านเอ็มครับ วันที่สอบเอ็มมันก็มานั่งเป็นเพื่อนผมทุกวัน เราไม่ได้มาด้วยกัน แต่มันจะตามผมมาสายๆ เอ็มมันไม่ค่อยเข้ามายุ่งกับผมมากนักเพราะระหว่างช่วงพักผมก็นั่งทบทวนวิชาต่อไป จำได้ว่าสอบวิชาสุดท้ายผมทำไม่ค่อยได้ ออกมาเจอหน้ามัน ผมก็ทำหน้ามุ่ยๆ มันเลยลากผมไปนั่งใต้ตึก คุยกันอยู่นาน ผมบอกมันว่าผมทำข้อสอบไม่ได้ มันก็ปลอบผม พยายามพูดให้ผมขำ พอผมอารมณ์ดีขึ้น มันก็ถามผมว่าผมอยากไปไหนหรือเปล่า อยากไปกินข้าวดูหนังไหม แต่ตอนนั้นผมเซ็งๆ เลยขอกลับมาพักที่บ้านดีกว่า ... และผลของความพยายามตลอดหลายเดือนก็สัมฤทธิ์ผล ผมสอบได้มหาวิทยาลัยที่ผมต้องการ  :mc3:  :m11:  :mc3:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 14-05-2011 00:32:53
ยินดีด้วยครับ  :m11: :m4: :mc3: :mc2:


  ดูเเล้วไรเตอร์เปนคนตั้งใจเรียนนะ  ดีเเล้วที่ย้ายออกมาถ้าเราไม่ชอบที่เดิม ทนอยู่ไปโอกาสที่เราจะได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยเเบบที่หวังไว้มันก้ไม่มีรอบที่สองหรอกครับ  o8
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 14-05-2011 01:22:39
เข้ามายินดีกับนิวน้อยด้วยคน อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Forget..* ที่ 14-05-2011 05:34:57
ยินดีด้วยสักร้อยรอบ ฮ่าๆ ;))
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 14-05-2011 18:18:31
ยินดีด้วยครับ

หนุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m11:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 14-05-2011 22:17:37
ขอบคุณนะครับ   o1
ตอนนั้นเข้าใจความรู้สึกที่ว่า "ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง" เลยครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 15-05-2011 19:25:55
ยินดีด้วยๆๆๆ 
เรื่องซิ่วนี่ก็เคยคิดเหมือนกัน
แต่ไม่อยากอ่านหนังสือสองทาง
มันเหนื่อยมากๆๆๆ
เห็นเพื่อนในคณะบางคนที่อ่านสองทาง
สุกท้ายก็พยุงไม่ได้สักทาง
ไม่ติด แล้วก็ต้องมาเรียนซัมเมอร์แก้เอฟด้วย
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 15-05-2011 22:27:10
ยินดีด้วยๆๆๆ 
เรื่องซิ่วนี่ก็เคยคิดเหมือนกัน
แต่ไม่อยากอ่านหนังสือสองทาง
มันเหนื่อยมากๆๆๆ
เห็นเพื่อนในคณะบางคนที่อ่านสองทาง
สุกท้ายก็พยุงไม่ได้สักทาง
ไม่ติด แล้วก็ต้องมาเรียนซัมเมอร์แก้เอฟด้วย

ตอนแรกก็รู้สึกว่ามันเสี่ยงนะครับแต่พอผลมันออกมาเหมือนที่เราต้องการ
ผมว่ามันก็คุ้มที่จะลอง  :teach:

ผมก็เคยแนะนำน้องๆหลายคนให้ซิ่ว ผมว่ามันไม่เห็นมีอะไรเสียหาย
น้องๆชอบบอกว่าไม่อยากเสียเวลาอีกปีแต่ผมมองในมุมกลับกัน
ผมคิดง่ายๆว่าคนเรากว่าจะเรียนจนก็ประมาณ 22-23 แล้วก็ทำงานจนอย่างน้อยก็อายุ 60
เราใช้เวลาทำงานกว่า 40 ปีหรืออาจจะมากกว่านั้น ผมว่าเริ่มช้าไปซักปีมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 15 updated 13/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 18-05-2011 22:03:25
สอบเสร็จปิดเทอมผมก็สนุกสนานกับการตะลอนเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ  :oni1: จนกระทั่งวันที่คะแนนออกมา ผมได้คะเเนนมากกว่าที่คาดไว้ แน่นอนว่าที่บ้านผมอยากให้ผมไปเรียนอีกคณะหนึ่ง แต่ผมก็เลี่ยงๆบอกไปว่าขอคิดก่อนแล้วผมก็แอบชวนเพื่อนไปดูมหาวิทยาลัยนั้น มันก็ดีนะครับ สิ่งแวดล้อมของเขาก็น่าเรียน ตึกเรียนก็ใหม่ เนื้อที่ก็กว้าง ไม่ไกลเหมือนมหาวิทยาลัยเก่าผม แต่มันติดอยู่ที่ผมจะต้องนอนหอเนี่ยแหละ และพอคิดว่าตัวเองจะต้องนอนหอแล้ว ไอ้ความรู้สึกเก่าๆมันก็กลับมาอีกครั้ง พอเป็นแบบนี้ผมเลยตัดสินใจว่าผมจะสมัครเรียนในคณะและมหาวิทยาลัยที่ผมตั้งใจเอาไว้  :a9:

พอผมตัดสินใจแบบนั้นก็เเน่นอนครับว่าพ่อกับแม่ไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่ ผมเข้าใจว่าพ่อกับแม่ย่อมอยากให้ผมได้ในสิ่งที่ดีที่สุด แต่ผมไม่ happy กับการไปอยู่ที่นั่น ผมดื้ออยู่สักพัก ที่บ้านถึงยอมแพ้ แม่บอกผมว่าแล้วแต่ผมละกัน ถ้าผมคิดว่าเลือกแล้วมันมีความสุขแม่ก็ ok ดีใจมากครับเพราะที่นี่คือมหาวิทยาลัยที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็ก วันแรกที่มาคณะตื่นเต้นมากๆ

ผมลืมบอกพี่ๆไปว่ามหาวิทยาลัยที่ผมเลือกก็คือมหาวิทยาลัยเดียวกันกับที่เอ็ม ต้นและบิวเรียนอยู่ มัน 3 คนเรียนคณะเดียวกันแต่คนละเอก งานรับน้องรวมของมหาวิทยาลัยถูกจัดขึ้นหลังจากวันประกาศผลได้ไม่นาน น้องปี 1 ทุกคนจะถูก random แบ่งเป็นกลุ่มๆเพื่อรับน้อง ผมไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเอ็มและไอ้บิว พอถึงวันที่ผมมาลงทะเบียน มันก็จัดการย้ายกลุ่มผมเสร็จสรรพ

แรกๆผมก็เกร็งนะครับ เพราะไม่รู้จักใครเลย ผมเป็นคนนิสัยแบบนี้แหละครับ คือถ้าไม่ทักผมก่อนก็น้อยครั้งครับที่ผมจะเป็นฝ่ายทัก แถมเพื่อนที่รู้จักก็อยู่ในฐานะรุ่นพี่ เวลาทำกิจกรรมแม้จะทำร่วมกันแต่มันก็ไม่ได้มานั่งทำเหมือนผม แต่ผมก็โชคดีที่ได้เอ็มมาอยู่ใกล้ๆ มัน take care ผมดีมากนะครับ

ผมเป็นคนที่เรื่องมากเรื่องกินโดยเฉพาะกับอาหารค่ายนี่ผมกินไม่ค่อยได้ แต่ถึงผมจะเรื่องมากแต่ก็ไม่เรื่องเยอะนะครับเพราะถ้าผมกินไม่ได้ผมก็พยายามกินแค่พออิ่ม จะไม่แบบว่าหงุดหงิดหรือว่าบ่นอะไร แล้วเวลานั่งกินข้าวก็จะจับเป็นกลุ่มเล็กๆ มีรุ่นพี่กับรุ่นน้องนั่งปนกัน เอ็มมันมานั่งกินข้าวกับผมตลอด (ไม่ได้จะลำเอียงหรอกนะครับแต่ไอ้บิวน่ะมันไม่สนใจผมเลย หันไปทีไรมันก็ไปนั่งกินข้าวอยู่กับแก๊งสาวสวยตลอด) ฟังแล้วมันอาจจะดูแปลก แต่เอ็มมันโอ๋ผมมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ เวลาทำอะไรด้วยกันมันก็จะตามใจผม  :t2:

มันถามผมทุกครั้งที่กินข้าวล่ะครับว่าผมกินข้าวได้ไหม ส่วนผมนี้พอมีคนมาเอาใจก็อ้อนเต็มที่อ่ะครับ  :m18: ผมก็ส่ายหัวทำหน้าทำตาแบบว่าสงสารกรูเถอะ กับข้าวแมร่งรสชาติเห่ยมาก เอ็มมันกลัวผมอดข้าวจนตายครับเลยพาผมหนีออกไปกินข้าวในโรงอาหารหรือไม่บางมื้อมันก็ซื้อน้ำ้ซื้อขนมมาให้กิน
พอกลางคืนเขาให้น้องปี1 นอนหอของมหาวิทยาลัย ผมเองก็เก็บของมาเรียบร้อย ตอนแรกเอ็มชวนไปนอนบ้านมันแต่ผมก็อยากนอนกับเพื่อนใหม่ ดื้อไงครับ ไม่เชื่อ บอกว่านอนได้แค่นี้สบาย ไปรด.ลำบากกว่านี้เยอะ พอขึ้นมาบนหอเท่านั้นล่ะครับ เห็นสภาพห้องนอนห้อน้ำ้แล้วแบบว่ากดโทรศัพท์แทบไม่ทัน

“เอ็ม มรึงอยู๋ไหนวะ พากรูออกไปจากที่นี่ กรูไปนอนบ้านมรึงก็ได้”   :sad4:

“อะไร!! เก่งนักไม่ใช่เหรอมรึงอ่ะ กรูชวนแล้วเสือกกระเเดะจะนอนกับเพื่อน”  :angry2:

“นะๆๆ เปลี่ยนใจแล้ว ขอไปนอนบ้านมรึงนะ ขึ้นมารับหน่อยดิ”  :m23:

“เออๆๆ คราวหลังบอกอะไรก็ฟังบ้าง แมร่งดื้อ” เอ็มมันพูดไว้ตั้งแต่เรกแล้วไงครับว่าอย่างผมน่ะนอนที่นี่ไม่ได้หรอก

สัก 10 นาทีมันก็เดินเข้ามาในห้อง หน้ามันก็ดุๆนะครับ แต่ผมไม่กลัวมันหรอก มันแค่ฟอร์มทำเป็นโมโห มันคว้ากระเป๋าผมแล้วเดินออกจากห้อง ส่วนผมก็เดินตามหลังมันออกไปเลยครับ อยู่ไม่ไหวแล้วครับ หอแมร่งสกปรกมาก ขากลับไอ้บิวมานอนค้างบ้านเอ็มด้วย พวกเราเรียก taxi จากหน้ามหาวิทยาลัย ไอ้บิวนั่งหน้า ผมกับเอ็มนั่งหลัง เอ็มมันไม่คุยกับผมครับแต่คุยกับบิว สงสัยมันคงโกรธจริง ผมก็ไม่ชอบอยู่ในสภาพอึดอัดด้วยก็เลยง้อมันซะหน่อย แกล้งทำเป็นง่วงแล้วเอนหัวไปซบกับไหล่มัน เอาหัวถูไหล่มันให้พอน่ารัก แต่ผิดคาดครับ เอ็มมันผลักหัวผมกลับมา  :z3:

“ไม่ต้องมาซบ แมร่งดื้อ เคยฟังกรูบ้างไหม”  :monkeysad:

“ก็ไม่อยากรบกวนนิ แค่นี้แมร่งต้องโมโหด้วยว่ะ” ผมงอนมันครับ คนอุตส่าห์ง้อยังมาเล่นตัวอีก จริงๆแล้วผมกลับไปนอนบ้านก็ได้นะเพราะบ้านผมกับบ้าน
ไอ้เอ็มใกล้กันนิดเดียว แต่ไหนๆก็เก็บเสื้อผ้าออกมาแล้วก็จัดไปอย่าได้เสีย

ถึงบ้านมันบรรยากาศก็ดีขึ้นหน่อย มันเปิดตู้เย็นขนสารพัดขนมมาขุนให้ผมกับไอ้บิวอ้วนจนไขมันจะจุกอกตาย พวกเราก็นั่งกินกันไปเรื่อยๆจนแม่ไอ้เอ็มมาไล่ให้ไปอาบน้ำ้ ผมอาบคนแรก ตามมาด้วยไอ้บิว ระหว่างที่ไอ้บิวอยู่ในห้องน้ำ้ ผมก็นอนเล่นอยูุ่่ที่โซฟา เอ็มมันก็นั่งเล่นคอมอยู่ที่โต๊ะ ผมเฉยๆแล้วครับ เพราะเดี๋ยวมันก็หายโกรธ สักพักเสียงน้ำ้ในห้องน้ำ้ก็หยุดไหล เอ็มมันก็ลุกไปหยิบเสื้อที่ตากอยู่บนราวข้างๆโซฟาที่ผมนอนอยู่ มันมายืนอยู่ข้างๆสักพัก ผมก็เงยหน้าขึ้นมามองมัน มันลูบหัวผมเบาๆ

“กรูไม่โกรธมึงแล้ว คราวหลังกรูพูดอะไรหัดฟังกรูบ้าง อย่าดื้อให้มันมากนัก”  :m4:

“เออ กรูขอโทษละกัน มรึงก็รู้จักนิสัยกรู” พูดจบไอ้บิวก็เดินออกมาพร้อมกับเอ็มที่เดินเข้าห้องน้ำ้ไป

ส่วนวันต่อๆไปก็เหมือนเดิมครับ เอ็มมานั่งกินข้าวกับผมทุกมื้อ คืนสุดท้ายสโมสรนิสิตของมหาวิทยาลัยจัดงานคอนเสิร์ต ทำให้ผมกับเอ็มต้องแยกกัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะผมก็เริ่มมีเพื่อนใหม่บ้าง แล้วอยู่ๆผมก็ไปสะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่ง  :z1: เธอน่ารักดีนะครับ หน้ากลมๆตาโตๆรวบผมไว้ข้างหลัง ผมว่าหน้าเธอคุ้นมาก แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน จนกระทั่งเพื่อนผมมันเห็นนั่นแหละว่าผมแอบมองผู้หญิงคนนั้นบ่อยๆ มันก็เลยทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีครับเข้าไปตีซี้ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบของเธอมารายงานผมเป็นฉาก เธอชื่อหวาน “เอ๊ะ!! ชื่อคุ้นมาก” ยิ่งฟังรายละเอียดผมก็ยิ่งเหงื่อตกทั้งคณะที่เธอเรียนอยู่ โรงเรียน-มหาวิทยาลัยเก่า

“ชิบหายแล้ว!! นั่นมันหวาน คนที่เคยแอบชอบเอ็มนิ” ในที่สุดผมก็คิดออกครับ

ขอเล่า (นอก) เรื่องของเรื่องเอ็มกับหวานให้พี่ๆฟังก่อนนะครับ หวานเป็นเพื่อนที่เรียนพิเศษของเอ็ม ผมไม่รู้จักหวานมาก่อน จำได้ว่าผมเห็นหวานครั้งแรกที่สยาม ผมนั่งเรียนพิเศษข้างเอ็มและพอเห็นหวาน

“เอ็ม คนนั้นน่ารักดีว่ะ” ผมพูดออกไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเอ็มรู้จักกับหวานมาก่อน

หลังจากนั้นเกือบสัปดาห์หวานก็โทรเข้ามือถือผม ผมจำได้คร่าวๆว่าหวานไปหาเบอร์ผมจากเพื่อนของเพื่อนผมอีกที ตอนเเรกที่รู้ว่าเป็นหวานผมก็ตกใจว่าจะโทรหาผมทำไมในเมื่อเรายังไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ้ แต่หวานก็พูดดีนะครับบอกผมประมาณว่าไม่ได้โทรมาจีบแต่โทรมาเพราะเห็นผมสนิทกับเอ็ม ผมเลยน่าจะให้คำปรึกษาหวานได้ เราคุยกันเกือบชั่วโมงครับ ผมจับใจความได้ว่าหวานแอบชอบเอ็มมาปีกว่าแล้วและเอ็มก็รู้ว่าหวานรู้สึกยังไง แต่เพราะตอนนั้นเอ็มมันชอบน้องแจนแบบหัวปักหัวปำ มันเลยไม่แม้แต่จะชายตามองหวาน

ผมก็พอเข้าใจนะครับว่ารักเขาข้างเดียวนี่มันทรมาน แต่ผมก็เพื่อนเอ็ม แม้บางครั้งผมจะรู้สึกว่าเอ็มทำแรงเกินไป แต่ผมก็อยู่ข้างเอ็ม ผมบอกให้หวานทำใจ เพราะผมก็เปลี่ยนใจเอ็มไม่ได้เหมือนกัน ก่อนวางสายหวานขอร้องกับผมว่าอย่าไปเล่าเรื่องนี้ให้เอ็มฟัง แต่พี่ๆคงเดาได้ว่าหลังจากวางสายผมก็กดโทรศัพท์โทรหาเอ็ม ผมไม่ได้อยากจะโกหกแต่ผมว่าที่ผมทำส่วนหนึ่งเพราะผมเห็นใจหวาน ผมอยากให้เอ็มพูดกับหวานไปตรงๆทุกอย่างมันจะได้จบ

พอผมพูดเรื่องนี้เอ็มมันก็เงียบไปครับ มันบอกผมว่ามันก็ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อใจหนึ่งมันก็คิดกับหวานแค่เพื่อน แต่อีกใจหนึ่งมันก็รู้สึกดีกับสิ่งที่หวานทำให้มัน ผมต้องบอกก่อนว่าช่วงนั้นเรื่องของเอ็มกับน้องแจนไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไหร่ มันก็คงไม่แปลกหรอกครับที่เอ็มมันจะหวั่นไหวไปบ้าง

“กรูเล่าให้มรึงฟังในสิ่งที่หวานบอกกรู กรูไม่รู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า”

“กรูจะทำไงดีวะนิว กรูรู้ว่าถ้ากรูปฏิเสธหวานกรูก็ต้องเสียใจ แต่กรูชอบแจนมากกว่าว่ะ” โอ้โห เพื่อนผมนี่มันเลวได้โล่จริงๆครับ จับปลาสองมือโคตรๆ

“กรูไม่รู้ มรึงต้องเลือกเอาเอง คนเรามันไม่ได้ในทุกอย่างที่อยากได้หรอกนะ”

“กรูเลือกไม่ได้” มรึงจะพระเอกมากไปไหม อิจฉาคนหน้าตาดีมี option เยอะ

“มันมีแค่สองทางให้มรึงเลือก … เลือกคนที่มรึงรักหรือเลือกคนที่รักมรึง แต่เอ็ม …. ไม่ว่ามรึงจะเลือกใคร กรูก็อยู่ข้างมรึงนะ” แล้วผมให้พี่ๆทายว่าไอ้เอ็มมันเลือกใคร … มันเลือกน้องแจนครับ ผมน่ะเห็นใจหวาน เพราะหลังจากวันที่เอ็มโทรไปคุยกับหวาน หวานก็หายไปจากชีวิตของทั้งผมและเอ็ม

ต่อนะครับ … พอผมจำได้ว่าคนนั้นคือหวานผมก็โทรหาเอ็ม เอ็มมันรู้อยู่แล้วครับว่าหวานอยู่กลุ่มเดียวกับมัน คืนนั้นมีพิธีบายศรีต่อ บรรยากาศดีนะครับเพราะไปจัดกันในสวน ผมไล่ให้พี่คนอื่นบายศรีจนสุดท้ายก็มาจบที่เอ็ม ตอนแรกมันไม่ยอมบายศรีให้ผม มันบอกว่าเพื่อนกันจะมาบายศรีให้กันทำไม แต่ผมก็แบบว่ากำลังอินเลยบังคับให้มันบายศรีให้ มันก็เขินๆมั้งครับ ไม่พูดอะไรกับผมมาก แถมมันยังเอาน้ำ้ตาเทียนมาราดใส่ข้อมือผมอีก  :m16: (ฉายแววซาดิสม์แล้วไหมมรึง  :impress2:) อวยพรผมเสร็จมันก็ลูบหัวผม ผมเขินนะครับ ใจเต้นเเรงด้วย ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่ยอมให้มาลูบหัวผมหรอกแต่ไอ้เอ็มนี่ไม่รู้เหมือนกัน ผมชอบนะเวลามันทำท่าทำทางอบอุ่นๆให้ผม เพราะผมก็เห็นอยู่ว่ามันลูบหัวผมคนเดียว … ถึงตอนนี้ผมก็ยังเก็บสายสิญจน์เส้นนั้นเอาไว้

บายศรีเสร็จก็เป็นช่วง free time ผมกับเอ็มแยกกันไปนั่งคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมสุดท้ายผมกับมันก็มานั่งคุยกันสองคน ผมจำได้ว่าคืนนั้นผมนอนคุยกับมันใต้ตึกจนเช้า ง่วงก็ง่วงครับแต่ผมก็ยังอยากคุยกับมัน

วันต่อมาผมก็พยายามแอบดูพฤติกรรมของเอ็มกับหวาน แต่ที่ผมเห็นมันก็ทำให้ผมรู้สึกจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย หวานแอบมองเอ็มตลอดเวลา ในขณะที่เอ็มก็แอบมองหวาน ผมรู้ว่าเอ็มกำลังคิดอะไร … ตั้งแต่หวานหายไปจากชีวิตเอ็มเมื่อ 2 ปีก่อน เอ็มมันก็พูดให้ผมฟังมาตลอดว่ามันไม่น่าปล่อยให้หวานไปเลย และยิ่งมันเลิกกับน้องแจน ผมรู้ว่าจริงๆแล้วมันก็แอบชอบหวานอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 16 updated 18/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 19-05-2011 00:32:53
เปิดมาเจอพอดี  รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 16 updated 18/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 19-05-2011 04:10:20
และแล้วเธอก็กลับเข้ามาสินะ มารผจญ อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 16 updated 18/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 19-05-2011 07:28:52
นิวคุงนอนดึ๊กดึก  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 16 updated 18/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 19-05-2011 07:34:58
รอตอนต่อไปเช่นกันครับ :oni1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 16 updated 18/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 20-05-2011 21:24:17
เปิดเทอมผมไม่ค่อยได้เจอเอ็มหรอกครับ เราอยู่คนละคณะกันและคณะผมกับมันก็อยู่คนละซีกของมหาวิทยาลัย น้อยครั้งครับที่ผมจะเดินเจอเอ็มในมหาวิทยาลัย ส่วนมากผมจะเจอมันตอนเพื่อนๆนัดกินข้าวกันช่วงเย็นมากกว่า เพื่อนผมส่วนมากอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และพวกเราก็มักจะนัดกินข้าวกันสัปดาห์ละครั้ง หลังจากเปิดเทอมได้ไม่นานก็ถึงวันเกิดผม ผมจำได้ว่าวันนั้นผมไปดูหนังกับเอ็ม ตกเย็นมันก็มานั่งเล่นบ้านผมและวางแผนว่าจะกินข้าวเย็นกับผม  :m4:

นอกเรื่อง … ไม่ต้องตกใจนะครับว่าทำไมวันเกิดผมแล้วผมไม่ต้องไปกินข้าวเป่าเค้กกับที่บ้านเหรอ บ้านผมเป็นแบบนี้แหละครับ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องวันเกิด แม่บอกว่าเกิดแล้วเกิดเลยไม่ต้องมาจัดเลี้ยงอะไรให้วุ่นวาย ของขวัญวันเกิดผมก็ไม่ได้ มันไม่ใช่ธรรมเนียมบ้านผมที่จะให้ของขวัญกัน ตอนเช้าผมก็ไปใส่บาตร สายๆพ่อก็ให้เงินวันเกิด แม่ก็ถามว่าวันนี้ผมมีแผนจะไปไหน พอผมบอกว่านัดเอ็มกินข้าวดูหนัง ทุกคนก็ ok ... เอ็มมันเป็นลูกรักบ้านผมครับ เพื่อนผมยังเคยเเซวเลยว่าเวลาพาเอ็มมาบ้าน พ่อพูดกับเอ็มมากกว่าพูดกับผมอีก  :m16:

ต่อ … เอ็มมันก็นอนเล่นดูทีวีอยู่บนเตียง ส่วนผมก็นอนอ่านหนังสือ แล้วอยู่ๆก็มี message เข้า ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูก็ต้องแปลกใจกับเจ้าของ message

“Happy Birthday na, wish u have a good health, well being and New … please stay by myside and be my lovely friend forever na. Ruk mung mak mak”  :m1: ผมหันไปมองเจ้าของ message ที่นอนดูทีวีอยูปลายเตียง

“ขอบใจนะ … กรูก็รักมรึงเหมือนกัน”  :o8: ผมขยับตัวไปนอนอยู่ข้างๆเอ็มแล้วเอาหัวไปซบกับไหล่ของมัน เอ็มมันยิ้มครับแล้วก็ลูบหัวผม

ผมควรจะเหงาไหม วันเกิดมันก็ควรจะเป็นวันที่เราได้เลี้ยงฉลองกับใครหลายคนมากกว่าการมานั่งอยู่ในห้องนอนกับคนเพียงคนเดียวหรือเปล่า ไม่รู้สิ แต่ผมกลับไม่รู้สึกเหงาเลยแม้แต่น้อย กลับกันผมกลับรู้สึกอุ่นใจด้วยซ้ำ้ที่มีเอ็มมานอนอยู่ข้างๆเพราะสำหรับผมการถูกรายล้อมด้วยคนมากมายมันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับการที่มีคนเพียงคนเดียวนั่งอยู่ข้างๆ โดยเฉพาะถ้าคนๆนั้นคือเอ็ม

ผมใช้ชีวิตเปื่อยๆของเด็กมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ เช้ามาก็หิ้วเป้ไปเรียน เย็นก็นัดกินข้าวกับเพื่อนบ้าง ดูหนังบ้างมันก็เป็นชีวิตที่มีความสุขดีนะครับ พี่ๆเคยเป็นไหมครับเวลาทำฝันของตัวเองเป็นจริงแล้วมันก็เหมือนไม่มีจุดหมายปลายทางให้เราเดินต่อ ผมฝันมาตลอดว่าอยาจจะเข้ามหาวิทยาลัยนี้ และในตอนนี้ความฝันของผมก็เป็นจริง ช่วงแรกๆผมก็เคว้งไม่รู้จะทำอะไรกับชีวิตดี ก็เรียนไปเรื่อยๆ

“เอ็ม มรึงอยากได้เกียรตินิยมไหม” เอ็มมันเป็นเด็กเรียนเก่งครับ ชีวิตมันน่าสงสารมาก เพราะเกิดมามันรู้จักแต่ A และ B+

“อยากดิ ไมวะ มรึงไม่อยากเหรอ”

“ได้ก็เอา ไม่ได้ก็เอา ไม่อยากกดดันตัวเองว่ะ” ผมนิสัยแบบนี้แหละครับ ถ้ารู้สึกว่าตัวเองถูกกดดันผมก็มักจะหนี จริงๆคือตอนนั้นผมก็เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองจะเรียนเอาเกรดดีๆไปทำไม เกรดผม okนะครับ สามารถหวังเกียรตินิยมอันดับ 1 ได้

“คิดงั้นได้ไงวะ ได้เกียรตินิยมนี่ได้เปรียบคนอื่นนะ เรียนต่อก็ง่าย สมัครงานก็ง่าย” ผมไม่เข้าใจที่เอ็มมันพูดหรอกครับ แต่มันก็พูดในแนวว่าถ้าผมมีโอกาสได้เกียรตินิยมก็รีบๆทำเกรดให้ดีซะตั้งแต่ต้น เพราะถ้าต้องปั่นเกรดทีหลังมันจะขึ้นยาก ผมก็เชื่อมันครับ ตั้งใจเรียนตั้งใจอ่านหนัวสือเหมือนเดิม

เเล้วอยู่มาวันหนึ่งไอ้เอ็มกับหว้ามันก็มาชวนผมเปิด tutor จริงๆแล้วตอนแรกมันคุยกัน 2 คนแต่ลากผมเข้ามาด้วยเพราะผมมีที่อยู่แถวนั้นพอดี เลยสรุปออกมาว่าผมลงที่ส่วนมัน 2 คนเป็นคนสอน ผมน่ะเป็นคนไม่มีหัวด้านนี้หรอกครับตอนแรกที่คุยกันเอ็มกับหว้ามันขอคนละ 40% ผมแอบนอยด์นะครับ เพราะคิดว่าเพื่อนกันยังไงก็น่าจะหารเท่ากัน สุดท้ายผมเลยไปคุยกับแม่ แม่บอกผมว่าที่ให้เงินผมไปร่วมทุนกับเพื่อนนี่ไม่ได้หวังให้ผมได้กำไรจากมันมากมายแต่แม่อยากให้ผมรู้ว่าการจะเริ่มทำอะไรสักอย่างนี่มันยากขนาดไหน และอีกอย่างคือเอ็มกับหว้าเป็นคนสอน เขาสองคนต้องเตรียมตัวสอน เพราะฉะนั้นมันก็ถูกแล้วที่ผมจะได้ให้ค่าเหนื่อยกับเขาทั้งคู่ พอได้ยินแม่พูดแบบนั้นผมก็ ok โทรไปบอกพวกมันว่าผมเอาแค่ 20% ก็ได้

พอเราตกลงกันเรื่องเงินได้ พวกผมก็เอาเงินมารวมกัน เราสามคนเข้ามาวัดที่ ออกแบบห้อง ทำความสะอาด มานั่งช่วยกันคิดว่าจะซื้อโต๊ะเก้าอี้กี่ตัว พวกเราไปซื้อของกันที่ีสวนมะลิ ผมเข้าใจหลักของเศรษฐกิจพอเพียงก็งานนี้ล่ะครับ พวกเราวางแผนกันว่าจะทำห้องเรียน 2ห้อง ห้องทำงาน 1ห้อง พอซื้อของเสร็จเรียบร้อยก็มาจัดสถานที่ จัดเสร็จมันก็ดูดีนะครับ แต่พอเริ่มเปิดสอนไปได้ไม่นาน ผมก็ต้องมานั่งคิดว่าจะทำห้องสอนมาทำไมสองห้อง เพราะความเป็นจริงผมก็ไม่ได้มีเด็กมาเรียนมากขนาดตารางสอนมันซ้อนกัน แล้วไอ้ห้องทำงานนี่ก็ไม่่รู้จะทำมาทำไม เพราะเอาเข้าจริงก็ไม่เคยมีใครมานั่ง สอนเสร็จก็กลับบ้าน มีแต่ผมเท่านั้นที่มานั่งอ่านหนังสือรอพวกมัน

เด็กส่วนมากที่มาเรียนก็จะเป็นเพื่อนๆของน้องผม นับรวมกันก็ได้สิบกว่าคน แบ่งได้ 2 กลุ่ม เอ็มกับหว้าแบ่งกันสอนคนละกลุ่ม ไอ้หว้าโชคดีได้กลุ่มเด็กเรียนมันก็เลยมีความสุขกับการสอนเพราะน้องมันตั้งใจ แต่เอ็มนี่เหนื่อยหน่อยเพราะได้เด็กกวนๆมาสอน แต่ผมชอบบรรยากาศของกลุ่มไอ้เอ็มมากกว่านะครับ เพราะเวลาเรียนมันก็จะมีเเต่เสียงหัวเราะ คือน้องมันก็พยายามกวนตรีนเอ็มตลอดเวลา จำได้ว่าเอ็มมันสอนๆไปแล้วอยู่ดีๆน้องมันก็ร้องเพลงรักไม่ยอมเปลี่ยนแปลงขึ้นมาซะดื้อๆ ผมนั่งอยู่ข้างๆยังขำกับเสียงของมันจนแทบตกเก้าอี้

สำหรับตัวผมเองทำหน้าที่เป็นภารโรงครับ ถ้าวันไหนมีสอนผมก็จะเข้ามาพร้อมกับพวกมัน ไอ้คนสอนก็เตรียมเอกสารไป ส่วนผมก็เก็บของทำความสะอาด เช็ดโต๊ะ กวาดพื้น วันที่เอ็มสอนเราสองคนจะนัดเจอกันที่ห้างแถวนั้น ผมเลิกก่อนก็จะมานั่งรอเอ็มที่ห้าง ก็อ่านหนังสือรอบ้าง shopping รอบ้าง บางวันรอนานไปหน่อยผมถือถุงเต็มมือเลย ฮิฮิ พอเอ็มมาถึงเราก็เดินหรือไม่ก็นั่ง taxi มาที่ tutor ถ้าวันไหนเดินก็เหมือนเป็นรายการทัวร์ของกินแหละครับ เจอหมูย่างก็ซื้อ เจอเกี๊ยวทอดก็ซื้อ คือเดินไปกินไปกว่าจะถึง tutor ก็อิ่มพอดี

มาถึง tutor เอ็มก็จะของีบเอาแรงก่อน ส่วนผมก็ปัดกวาดเช็ดถู เตรียมน้ำ้ไว้ให้มันกับเด็กๆ พอถึงเวลาสอนเอ็มก็สอนไปส่วนผมก็นั่งอ่านหนังสือในห้องทำงาน เอ็มสอนเสร็จประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ หลัเด็กๆกลับบ้าน เอ็มก็เก็บเอกสาร ผมก็กวาดพื้นเช็ดกระดาน เช็ดโต๊ะ พอทุกอย่างเรียบร้อยผมกับเอ็มก็เรียก taxi กลับบ้านผม บางวันเอ็มก็กินข้าวเย็นที่บ้านผมบางวันเราสองคนก็ออกไปหาอะไรกิน แถวบ้าน ก็ไม่ได้มีอะไรให้เลือกมาก ส่วนใหญ่เราจะไปจบกันที่ร้าน fast food ซะมากกว่า

จากนั้นผมก็จะขับรถไปส่งเอ็ม กลับถึงบ้านผมก็จะโทรกลับไปหาเอ็มคือมันสั่งเอาไว้ถ้าผมถึงบ้านแล้วให้โทรหามัน เอ็มมันกะเวลาได้ครับ จากบ้านมันถึงบ้านผมปกติไม่เกิน 20 นาที ถ้าผมโทรกลับไปช้ากว่านั้น เอ็มก็จะโทรมาเช็คว่าผมอยู่ไหน ช่วงนั้นเอ็มมานอนบ้านผมบ่อยมาก บางคืนมันเหนื่อยขี้เกียจกลับบ้านมันก็นอนค้างบ้านผม วันรุ่งขึ้นผมมีเรียน lecture ตอนเช้าผมก็ปล่อยให้เอ็มนอนตื่นสายไป มันก็ตื่นเกือบเที่ยงโน่นแหละครับแล้วค่อยกลับบ้าน

ช่วงนั้นผมกับเอ็มเจอกันสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง กินข้าวด้วยกันเกือบทุกเย็นมันเลยทำให้ให้ผมกับเอ็มที่สนิทกันอยู่แล้วยิ่งสนิทกันมากกว่าเดิมจนน้องๆเริ่มแซวผม มันเริ่มจากวันที่ผมติดงานที่คณะเลยตามเอ็มมาที่ tutor ทีหลัง มาถึงผมก็เข้าไปในห้องสอนไปดูว่ามีใครเตรียมน้ำ้ให้หรือยัง เอ็มมันคงเตรียมเองล่ะครับ เพราะผมเห็นเหยือกน้ำ้กับแก้ววางอยู่เรียบร้อยแล้ว ผมเห็นว่าน้ำ้มันใกล้หมดแล้วก็เลยยกเหยือกใหม่เข้ามาให้ พอเอ็มมันเห็นผมดันประตูเข้ามามันก็เข้ามาช่วยแง้มประตูให้แล้วก็ช่วยผมถือเหยือกน้ำ้ เท่านั้นล่ะครับน้องๆมันก็เเซวกันใหญ่

“พอพี่นิวมา พี่เอ็มก็รีบเข้าไปช่วยเลยน้า”  :m29:

“พี่เอ็มเห็นหน้าพี่นิวแล้วยิ้มไม่หุบเลย”  :m13:

“กลัวแฟนหิวน้ำ้เหรอครับพี่นิว”  :m17: ก็ประมาณนี้แหละครับ ก็งงๆนะเพราะผมก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่เเรกอยู่แล้ว พวกมันไม่เห็นจะเคยแซว เย็นนั้นพอทุกคนกลับ ผมก็ถามเอ็มว่ามันไปทำอะไร ทำไมอยู่ๆน้องๆถึงแซว แต่มันก็ไม่ตอบ ยิ้มๆแล้วก็ส่ายหัว

หลังจากวันนั้นไอ้พวกเด็กเวรก็ตั้งหน้าตั้งตาจ้องจับผิดผมกับเอ็ม คือผมกับเอ็มก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่น้องมันก็สรรหาอะไรไม่รู้มาแซว

เวลาผมเดินเข้ามาในห้อง “แฟนใครมาหว่า”

เวลาผมยกขนมเข้ามาให้ “ทำไมต้องจ้องตากันซะหวานเชียว”

เวลาผมกับเอ็มคุยกัน “พี่เอ็มหยุดยิ้มได้แล้ว อิจฉา” แล้วพอเด็กมันแซวเอ็มมันก็พยายามเก๊ก แต่ผมว่ามันก็คงดูออกแหละ

บางวันผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องทำงาน “พี่นิว พี่นิวกับพี่เอ็มเป็นแฟนกันเหรอ”

และก่อนพวกมันกลับบ้าน คือมันเดินออกไปแล้วนะครับยังเปิดประตูกลับเข้ามา “พี่สองคนอย่าทำอะไรกันนะ”

แล้วพอมันรู้ว่าวัน Valentine's ปีนั้นผมกับเอ็มไปกินข้าวด้วยกันที่สยาม “นั่นแน่เเอบไป sweet กันต่อที่ไหน”, “วันนี้ทำไมพี่นิวเดินขาถ่าง”, “พี่เอ็มทำไรรุนแรงจัง” คือผมงี้อายจนแทบจะมุดดินหนี

เรื่องของเรื่องคือวันนั้นผมว่างแล้วเอ็มมันก็ว่าง เราเลยนัดกินข้าวดูหนังกันที่สยาม ผมไม่ได้เลือกร้านที่มันโรแมนติกอะไรมากหรอกครับ ก็เลือกร้านธรรมดาๆร้านหนึ่ง แล้วก็บังเอิญซวยเจอไอ้เด็กเวรพวกนี้เข้า ยังโชคดีที่มันก็มากับแฟนมันเลยเข้ามาแซวผมแค่หอมปากหอมคอ ผมไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับวัน Valentine's เลย ผมกับเอ็มก็ยังเป็นเพื่อนกัน วันนี่นั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่มีคำพูดหวานๆ ไม่มีของขวัญ ... เราสองคนยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

ปล. วันนี้สั้นหน่อยนะครับ เหนื่อยมากๆ

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 20-05-2011 22:05:53
ฮั่นเเน่ หรือว่าเอ็มของเราจะคิดไม่ซื่อมั่งเเว้วววว  :oo1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 20-05-2011 23:25:32
ฮั่นเเน่ หรือว่าเอ็มของเราจะคิดไม่ซื่อมั่งเเว้วววว  :oo1:

:m29:      :-[
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 21-05-2011 01:55:27
เป็นปลื้มจริงจังกับนายเอ็มอิอิ อยากให้คู่นี้ลงเอยกันจัง เจอะกันมาแต่เด็ก 

ปล. นิวน้อย นิวคุงนอนดึกประจำจ้า
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 21-05-2011 07:20:47
เป็นปลื้มจริงจังกับนายเอ็มอิอิ อยากให้คู่นี้ลงเอยกันจัง เจอะกันมาแต่เด็ก 

ปล. นิวน้อย นิวคุงนอนดึกประจำจ้า

ผมก็เป็นปลื่มกับการกระทำของมันนะครับ  :m3:

แต่นิวคุงนอนดึกจริงๆเนอะ เป็นผมนอนดึกขนาดนี้วันรุ่งขึ้นสงสัยปวดหัวทั้งวัน  :z2:

ปล. ม่ายอยู่นะครับ ปายเที่ยวต่างจังหวัด เจอกันอีกทีวันอาทิตย์คำ่ๆเลยน้าาาาาาาาา  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 21-05-2011 10:25:22
 :กอด1:

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 21-05-2011 10:59:44
 :กอด1: :L2:เอ็มน่ารัก ขอนิวเงแฟนด่วน
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: Forget..* ที่ 22-05-2011 02:37:44
เอ็มนิวน่ารักอะ เด็กที่เอ็มสอนก็สรรหาประโยคมาจริงเชียว5555
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 22-05-2011 23:19:55
ก่อนช่วงที่ผมจะปิดเทอมผมมีปัญหากับเพื่อนในคณะ เราทะเลาะกันเเรงมาก แล้วเรื่องนี้ก็ดังมากขนาดว่าทุกคนในรุ่นรู้เรื่อง ถ้าถามว่าใครผิด ผมว่าความผิดทั้งหมดก็ไม่ใช่ของผม แต่ผมเป็นฝ่ายเริ่มแรงใส่มันก่อน ตอนนั้นผม ego สูงครับ ใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง คิดว่าตัวเองเก่ง จนสุดท้ายผมถูกเพื่อนๆที่ทำงานร่วมกันบอยคอตงานผม  :o11:

วันนั้นผมเสียใจมากนะครับ พวกเรานัดประชุมกัน ผมมาถึงเป็นคนสุดท้าย พอถึงเวลาสรุปงานทุกคนพูดออกมาในแนวทางเดียวกันเหมือนเตี๊ยมกันมา ผมไม่เคยทำงานแล้วถูกกดดันขนาดนี้มาก่อน เป็นการทำงานที่แบ่งพวกอย่างชัดเจน แล้วก็ไม่มีใครอยู่ข้างผม จนสุดท้ายผมก็รู้ตัวว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะดันทุรังให้ได้ในสิ่งที่ผมต้องการ ยิ่งดื้อมันก็มีแต่จะเสีย ผมเลยเลือกที่จะหยุดและปล่อยให้พวกเขาทำในสิ่งที่เขาเห็นว่ามันสมควร

พอทุกอย่างเรียบร้อยผมก็เดินกลับมาที่รถ ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนถูกรองเท้าตบหน้าไม่มีผิด ผมขับรถออกจากคณะทั้งที่น้ำ้ตานองหน้า เลี้ยวออกถนนใหญ่ได้ไม่ถึง 5 นาทีผมก็ต้องเปิดไฟกระพริบและจอดรถข้างทาง ผมขับต่อไปไม่ไหว จำได้ว่าตัวเองร้องไห้หนักมาก ผมโทรไปหาเอ็มและพอมันรับสายผมก็ยิ่งร้องไห้หนัก ผมอยากไปหาเอ็มที่บ้าน แต่ตอนนั้นเอ็มออกมากินข้าวกับที่บ้าน มันบอกให้ผมตามไปหามันที่ร้านแต่ผมไม่กล้าไปหรอกครับ ร้องไห้ตาบวมขนาดนี้ เอ็มมันก็ปลอบผมจนผมใจเย็นพอจะขับรถกลับบ้านได้

สองวันต่อมาผมก็เจอเอ็มตามปกติ มันมาสอนที่ tutor ผมก็นั่งรอมันจนสอนเสร็จ เราไปกินข้าวด้วยกันข้างนอก ผมขับรถมาส่งเอ็มที่บ้านเหมือนเดิม พอถึงผมก็ดับเครื่องรถอยู่หน้าบ้าน มันคงรู้ว่าผมยังคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมยอมรับว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายหมือนที่ผมคิด แม้ตอนอยู่ที่คณะผมจะรู้สึกเหมือนมีคนมองผมแบบประหลาดๆ แต่เพื่อนๆผมก็ยังให้กำลังใจเเละบอกกับผมว่าเสียดายที่ผมถอยออกมา มันรู้ว่าผมทำงานดีกว่า ยอมรับฟังความเห็นของเพื่อนๆมากกว่า ผมมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง แต่พอผมเห็นหน้าเอ็ม ไม่รู้เหมือนกัน เห็นหน้ามันแล้วผมก็รู้สึกเหมือนว่าไม่สามารถจะทนเข้มแข็งต่อไปได้

“เป็นไรวะนิว”

“กรูเบื่อ เซ็ง ไม่อยากไปมหาวิทยาลัยว่ะ”  :sad2:

“ก็โดดดิ นั่งอยู่บ้านสักสองวันไม่มีใครว่าอะไรมรึงหรอก พ่อแม่มรึงไม่รู้อยู่แล้วว่ามรึงมีเรียนวันไหนบ้าง” มันพยายามพูดติดตลก เอ็มมันรู้ว่าตั้งแต่ผมเข้ามหาวิทยาลัยที่บ้านก็ปล่อยผมแบบสุดๆ ผมมีเรียนวันไหน เรียนอะไร เกรดเท่าไหร่ ไม่เคยมีใครถาม ที่ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมเป็นเด็กมีปัญหานะครับ ผมคิด (เข้าข้างตัวเอง) ว่าพ่อกับแม่ไว้ใจผม

“มรึง กรูขออะไรมรึงอย่างหนึ่งได้ไหม”

“อืม ได้ดิ …. ขอไรวะ” ผมก็ยังอ้ำ้ๆอึ้งๆไม่รู้ว่าจะขอดีไม่ขอดี  :m17:

“ไม่เอาดีกว่า เอาไว้ให้แย่กวานี้แล้วค่อยขอ” เปลี่ยนใจครับ อาย ไม่กล้าขอ

“ไม่เอา ขอมาเลย มรึงจะเอาอะไรกรูให้หมดแหละ” จากที่มันเป็นคนถูกขอตอนนี้เอ็มมันเป็นคนบังคับให้ผมขอแล้วครับ มันบอกว่าถ้าผมไม่ขอมันก็ไม่ให้ผมกลับบ้าน  :z1: ก็ง้อกันไปง้อกันมาจนพ่อแม่ไอ้เอ็มขับรถเข้ามา ผมต้องเลื่อนรถหลบมาจอดเลยบ้านมันไปอีกหน่อย เอ็มมันก็ยังบังคับให้ผมขอ

“เอ็ม … กอดกรูหน่อยได้ไหม กรูอยากให้มรึงกอด” ผมพูดเท่านั้นแล้วเอ็มก็ดึงผมเข้าไปกอด  :กอด1: พอหัวผมมันซบลงกับไหล่ของเอ็มผมก็ปล่อยโฮเลยครับ ผมกอดมันแน่นมาก สองสามวันที่ผ่านมาผมคิดถึงมันมากๆ รู้สึกเหนื่อยเหลือเกินกว่าจะรอให้ถึงวันนี้ ผมอยากให้มันอยู่ข้างๆในวันที่ผมไม่เหลือใคร มันกอดผมอยู่นานจนผมค่อยๆหายสะอื้น ผมถึงดันตัวออกมาจากอ้อมกอดของเอ็ม

หลังจากนั้นอีกสองสามสัปดาห์เอ็มก็ชวนผมไปเที่ยวเขาใหญ่กับเพื่อนๆที่คณะมัน ไอ้บิวก็ไปด้วยครับ เอ็มชวนผมเพราะเขารู้ว่าผมยังเซ็งกับเรื่องที่คณะ ผมไม่รู้จักเพื่อนเอ็มหรอกครับ แต่ผมก็ตกลงไป เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ได้ออกจากเมืองหลวงไปสูดอากาศหน้าหนาวที่เขาใหญ่มันก็เป็นความคิดที่ไม่เลว  :oni2:

ที่รีสอร์ทผมตัวติดกับเอ็มตลอดเวลา ก็ผมมีคนรู้จักแค่สองคนนี่ครับและไอ้บิวมันก็ไม่โอ๋ผมเหมือนเอ็มหรอก ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันแบบนี้มีเหรอครับที่จะไม่กินเหล้า พวกเรากินกันทุกคนแหละครับ ผมกินน้อยหน่อยเพราะรู้ตัวว่าเป็นคนคออ่อน เย็นวันสุดท้ายพวกเรานั่งรถไปเที่ยวกันบนเขาใหญ่ ขากลับก็แทบไม่มีใครทนถ่างตาไหวเพราะเมื่ื่อคืนทุกคนต่างก็นอนดึก ผมนั่งตรงหน้าเฉียงๆกับเอ็มครับ เราทั้งคู่ต่างตาจะปิดกันอยู่แล้ว ผมก็เอนหัวสับปะหงกแต่ก็ไม่กล้าหลับเพรากลัวว่าตัวเองจะไปซบน้องข้างๆ ผมมองหน้าเอ็ม ข้างๆมันว่างครับ เอ็มก็พยักหน้าเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ อยากย้ายไปนั่งข้างเอ็มมากครับ ผมอยากนอนซบไหล่เอ็ม  :m3: แต่ผมก็ยังกลัวสายตาของคนรอบข้างอยู่บ้าง เลยอดทนถ่างตารอแล้วกลับไปนอนข้างๆเอ็มที่ห้องพัก


คืนนั้นก็เหมือนกับเป็นคืนปล่อยผี ใครมีอะไรก็ปล่อยออกมาหมด ยิ่งดึกก็ยิ่งเมา จนสุดท้ายก็มีพวกสติดีเหลืออยู่ไม่ถึง 5 คน พวกเราตั้งวงไพ่กันครับ ผมเริ่มสนิทกับเพื่อนใหม่แล้วก็เริ่มโวยวายตามประสา ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเอ็มหายไปไหนแล้วไม่รู้ ผมเลยเดินออกมาจากวงไพ่แล้วออกไปเดินตามเอ็มข้างนอกบ้านพัก ข้างนอกนั้นก็ยังมีน้องๆตั้งวงเหล้ากันอยู่ คนสติดีๆพอคุยรู้เรื่องก็ยังมีเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเอ็มหายไปไหน ผมโทรเข้ามือถือเอ็มก็ไม่รับ

ผมไม่ได้คิดมากว่าเอ็มมันจะเดินหลงป่าหรืออะไรแต่ผมก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่งั้นเอ็มไม่หายตัวไปแบบนี้ ผมเดินหาเอ็มอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก็หาไม่เจอ สุดท้ายผมก็กลับไปนั่งในวงไพ่ ผมถามบิวมันก็ไม่รู้ว่าเอ็มไปไหน แล้วมันก็ทำท่าว่าจะไม่สนใจอะไรนอกจากแผ่นกระดาษที่อยู่ตรงหน้ามัน

ไม่นานหลังจากที่ผมกลับเข้ามาในห้อง เอ็มก็โทรเข้ามือถือผมบอกให้ผมเดินออกมาหาหน้าห้องพัก พอเดินออกมาจากห้องผมก็เห็นเอ็มยืนรอผมอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านพัก เอ็มเดินเข้ามาหาผมหน้านิ่งๆ ผมรู้ครับว่าหน้าตาแบบนี้แสดงว่ามันมีเรื่องไม่สบายใจ พอเราสองคนอยู่ใกล้กันมากพอ เอ็มก็ดึงตัวผมเข้ามากอด ผมไม่ฝืนแรงเขาเลยครับ เอ็มดึงผมเข้ามา ผมก็ตามเเรงมาเรื่อยๆ เอ็มกอดผมแน่นมาก มันยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่าเอ็มมีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ ผมซบหน้าลงกับไหล่ของเอ็มแล้วลูบหลังมันไปมา เราสองคนกอดกันอยู่สักพักก่อนที่เขาจะคลายกอดออกจากผม เอ็มยิ้มกับผม

“ขอบใจนะที่ตามหากรู” ผมมารู้ทีหลังว่าเอ็มหลบไปคุยโทรศัพท์ในรถไอ้บิว เขาเห็นผมตลอดเวลาที่ผมเดินตามหา

มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆครับที่ระหว่างช่วงเวลาที่ผมกับเอ็มกำลังกอดกันอยู่ไม่มีใครเดินเข้าออกจากบ้านพักสักคนทั้งๆที่ีมักจะมีคนเดินเข้าเดินออกอยู่ตลอดเวลา แล้วมันก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกเหมือนกันที่พอเอ็มขยับตัวออกจากผมก็มีน้องคนหนึ่งเปิดประตูออกมา ผมเองก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามีคนเห็นแล้วมันจะเป็นยังไง เพราะทุกคนก็สงสัยว่าผมเป็นอะไรกับเอ็ม มันถึงได้ชวนผมมาด้วย แล้วก็มีคนมากระซิบถามบิวครับว่าผมกับเอ็มเป็นแฟนกันเหรอ เขาบอกว่าเพื่อนกันที่ไหนจะมาเดินตามหากันดึกขนาดนั้น  :m29: ตอนที่ผมได้ยินผมก็ขำนะครับ เพราะตอนนั้นผมยังไม่รู้ใจตัวเอง...

ปล. เพิ่งกลับจากต่างจังหวัดครับ เหนื่อยมาก
ปล. มีแต่คนเชียร์เอ็มเนอะ!!  :m1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 22/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 22-05-2011 23:20:26
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


----------------------------------------------

ขอแปะจองพื่นที่ไว้ก่อนนะคร้าบบบบบบบ เดียวมืดๆกว่านี้แล้วจะมาลงให้  :eiei1: :eiei1:

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 23-05-2011 02:10:38
อ่านจบตอนนี้แล้วซึ้งใจอะ ถ้าเป็นนิวน้อยคงแบบว่าอย่างน้อยๆ
ยังไงเราก็มีเอ็มคอยอยู่ แม้จะยังไม่ค่อยมั่นใจเต็มร้อยแต่อย่างน้อยๆก็มีเพื่อนคนนี้
ที่เป็นที่พักพิงให้ แทบร้องไห้พอถึงตอนที่เอ็มเห็นนิวตามหาอะ
แต่แอบสงสัยอะไรต้องไปคุยโทรศัพท์ในรถ ต้องมีไรแน่เลย อิอิ
แล้วจะรออ่านต่อน๊า
ปล. นอนดึกตื่นเช้าโลกสดใสได้นะ จริงๆนะ 555+
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 23-05-2011 02:28:16
เพราะตอนนั้นผมยังไม่รู้ใจตัวเอง...



อยากโฮกกกกกกก ให้กับประโยคนี้ อ้ากๆๆๆ  ผมยังไม่รุใจตัวเอง ช่างกล้านะท่านนิว 55555+  :laugh:

คนอ่านหวังนะว่าถึงเเม้นิวจะยังไม่รุใจตัวเอง เเต่เอ็มอ่ะ น่าจะรู้ใจตัวเองเเล้วถึงได้ปลื้มกับการกระทำของนิวซะขนาดนั้น  :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 23-05-2011 07:08:29
[N]€ẃÿ{k}uñĢ : เรื่องคุยโทรศัพท์นี่มีอะไรจริงครับ แต่เอ็มไม่บอกผม
                         นอนคำ่ตื่นสายโลกก็สดใสได้เหมือนกันครับ  o13


tantalize : ตอนนั้นผมไม่รู้ใจตัวเองจริงๆนะ  :m13: แค่รู้สึกว่าเอ็มเป็นคนพิเศษ เป็นคนที่ผมอยากอยู่ใกล้ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 23-05-2011 23:23:18
[N]€ẃÿ{k}uñĢ : เรื่องคุยโทรศัพท์นี่มีอะไรจริงครับ แต่เอ็มไม่บอกผม
                         นอนคำ่ตื่นสายโลกก็สดใสได้เหมือนกันครับ  o13
ว่าแล้วว่าต้องมีอะไรแน่เลยถึงต้องไปแอบคุยซะขนาดหากันไม่เจอ
รีบมาลงน๊าอยากอ่านต่อแล้วลุ้นดี อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 24-05-2011 07:19:57
เดียวขอตรวจคำผิดก่อนนะคร้าบบบบบบบบ  :mc4:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 24-05-2011 16:27:37
นั่งรอ :impress2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 26-05-2011 02:03:00
แวะมานอนรอหน้าคอม อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 17 updated 20/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 26-05-2011 20:55:16
ก็เพราะเราสองคนสนิทกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ไม่นานผมก็เริ่มรู้สึกตัวว่าหัวใจของผมมันเต้นเเรงทุกครั้งที่ผมอยู่ใกล้กับเอ็ม  :give2: หลังจากกลับมาจากเขาใหญ่ ผมก็มีความสุขกับการนั่งรอเอ็มสอนพิเศษ เพราะรู้ว่าหลังจากนั้นเราจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน ฟังดูเหมือนผม happy กับความรู้สึกนี้นะครับ แต่ต้องยอมรับว่าจริงๆแล้วผมกลัว อย่างที่บอกว่าผมกลัว "ความใกล้ชิด” และจากประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่ามันไม่คุ้มกันเลยกับการเลื่อนสถานะของเพื่อนสนิทมาเป็นอะไรที่มากกว่านั้น

ผมไม่อยากกลับไปมีความรู้สึกเหมือนเก่า ที่ผ่านมาผมพยายามจะเดินในทางที่สังคมยอมรับ เหตุผลเหรอครับ??  อย่างแรกครอบครัวผม ที่บ้านผมเป็นครอบครัวคนไทยที่ค่อนข้างจะ หัว conservative แม้ว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจชีวิตวัยรุ่น แต่เรื่องแบบนี้ท่านทั้งสองรับไม่ได้ครับ อย่างต่อมา พี่ๆก็รู้ว่าผมเคยใช้ชีวิตในเส้นทางนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แม้ว่ามันจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรือว่าหวานหยดย้อยเหมือนในนิยาย... ครับ ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้กับคนที่ผมรัก แต่มันก็เป็นความสุขเพียงช่วงระยะสั้นๆ สำหรับผมนะ ผมว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องยืนยาว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม สุดท้ายเราสองคนก็ต้องกลับมาเป็นเพื่อนกัน เเล้วคนที่เคยคบกัน เคยรักกัน เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อน มันจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกเหรอ ผมไม่อยากเสียเอ็มไปเหมือนกับบาส

แล้วยิ่งกับเอ็มด้วยแล้วโอกาสที่มันจะเป็นไปได้มันน้อยเหลือเกิน แม้บางครั้งเราสองคนจะดูเหมือนเป็นมากกว่าเพื่อนกันแต่เอ็มก็ดูเหมือนผู้ชายปกติทั่วไป ชีวิตมันมีเพศตรงข้ามเข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่าผมซะอีก ผมต้องยอมรับว่าสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่ค่อยถามเรื่องส่วนตัวของเอ็มเพราะผมก็ไม่อยากจะรับรู้ว่ามันมีใครเข้ามาในชีวิตบ้าง (และไอ้นิสัยไม่ยอมรับความจริงของผมก็ยังอยู่) หลังจากที่เลิกกับน้องแจน เอ็มมันก็ไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ส่วนมากก็จะคบกันแป๊บๆแล้วก็ห่างกัน เอ็มไม่ใช่คนเจ้าชู้นะครับ มันไม่ได้จีบผู้หญิงพร้อมกันหลายๆคน แต่คงเป็นเพราะหน้าตา intrend ของมันทำให้มีคนเข้ามาหามันเยอะ

อีกเหตุผลหนึ่งคือผมเบื่อกับความสัมพันธ์ที่จะต้องปกปิดไม่ให้ใครรู้ ถ้าถามผมว่าสิ่งที่ผมทำมันผิดมากเหรอถึงบอกใครไม่ได้ ผมว่าถ้าผมไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อนมันก็ไม่ได้ผิดตรงไหน แต่เพราะชีวิตมันไม่ง่ายเหมือนในนิยาย สิ่งแวดล้อมรอบข้างมันช่างมีอิทธิพลกับเรามากเหลือเกิน ในนิยายคนภายนอกไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรมากมาย แค่เราตกลงรักกันทุกอย่างมันก็จบ แต่ชีวิตจริงทุกอย่างมันยังดำเนินต่อไป และเราก็ต้องเป็นคนรับผลจากการกระทำของตัวเอง … ตอนนั้นผมถึงพยายามไม่คิดอะไรมาก ผลักความกังวลทุกอย่างออกจากหัว แค่ได้รู้สึกดีที่มีเอ็มอยู่ใกล้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว  :m1:

ดูเหมือนชีวิตจะไม่มีอะไรซับซ้อน มันก็แค่ผมแอบรักเพื่อนสนิท ตัวละครของเรื่องนี้มันก็มีแค่ผมกับเอ็มแต่มันก็ไม่ง่ายแบบนั้น เพราะหลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้ข่าวว่าเอ็มกับหวานคบกัน ผมรู้เพราะเพื่อนคนอื่นบอกมา เอ็มมันมาบอกผมทีหลัง ตอนนั้นไม่ได้น้อยใจอะไร สำหรับผม ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ แต่ถ้าถามว่าใครที่ผมคิดว่าเหมาะสมกับเอ็มมากที่สุด วันนั้นผมตอบแบบไม่ต้องคิดเลยครับว่าคนๆนั้นคือหวาน

พูดแล้วมันก็ฟังเหมือนง่ายแต่มันทำยากนะครับ พอเอ็มกับหวานสนิทกัน ผมที่ตั้งใจว่าจะอยู่ห่างๆเพราะไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองเท่าไหร่ก็ถูกลากเข้ามาเกี่ยวด้วยจนได้ จำได้ว่าวันหนึ่งเอ็มชวนผมไปดูหนัง ผมก็เอะใจตั้งแต่เเรกแล้วว่าทำไมถึงชวนดูหนังการ์ตูนเพราะเอ็มมันไม่ชอบดูหนังประมาณนี้ แถมยังนัดผมช่วงเช้าอีกต่างหาก  :m12: สายๆของวันนั้นผมขับรถไปรับเอ็มที่บ้าน มันถึงบอกผมว่าหวานจะไปด้วย ถึงตอนนั้นผมก็ปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะครับ

ผมไม่อยากไปเลย พี่ๆคิดดูสิครับว่าใครจะเป็นคนที่โดดเดี่ยวที่สุด … ผมไง มันไม่สนุกเลยครับ เพราะเวลาเดินด้วยกันผมก็เดินรั้งท้าย บางครั้งเอ็มกับหวานก็คุยกันเรื่องที่ผมไม่รู้เรื่อง ผมรู้ว่าเอ็มมันก็พยายามหันมาคุยกับผม แต่มันก็อดจะน้อยใจไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้ว่ามันจะชวนผมมาทำไม พวกเราไปกินข้าวกลางวันกันที่ร้านประจำของผมกับเอ็ม บางช่วงเอ็มลุกไปตักอาหารผมก็พูดให้หวานฟังว่าเอ็มจะตักอะไรมาบ้าง จะกินอะไรก่อนหลัง จะปรุงยังไง หวานก็ส่ายหน้าครับ เพราะผมพูดออกมาเยอะมากเป็นผมก็คงคิด

เหมือนกันว่าไอ้คนตรงหน้านี่มั่วแน่ๆ  :m12: ใครมันจะรู้ใจกันขนาดนั้น แล้วพอเอ็มกลับมามันก็ตักอาหารมาอย่างเดียวกับที่ผมบอก ลำดับการกินเหมือนที่ผมพูด แล้วผมก็หยิบเครื่องปรุงส่งให้มันว่ามันจะปรุงอะไรก่อนหลัง … ผมมานั่งกินข้าวกับมันที่นี่นับครั้งไม่ได้แล้วครับ แล้วทำไมผมจะไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทผมชอบกินอะไร

ทุกอย่างดู happy สำหรับเอ็มแต่สุดท้ายมันก็จบลงอย่างรวดเร็ว  :sad4: ผมมารู้เอาจากหวานเพราะอยู่ๆหวานก็โทรมาบอกผมว่าเลิกกับเอ็มแล้ว พอรู้ผมก็โทรไปหาเอ็มแต่มันก็ไม่ตอบคำถามผม แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากยืนอยู่ข้างมันเหมือนที่ผ่านมา ผมเห็นใจหวานครับเพราะหลังจากนั้นหวานก็แทบจะไม่พูดกับเอ็มอีก เพื่อนๆของหวานเกลียดมันไปเลยครับ

พอเกิดเรื่องนี้มันก็ทำให้ผมคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา วันนั้นผมนัดเจอเอ็มที่ห้างตามปกติ พอใกล้ถึง เอ็มก็โทรให้ผมออกมารอหน้าห้าง เห็นหน้ามันผมก็รู้แล้วครับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น มันเดินมาหาไม่พูดอะไรสักคำ คว้ามือผมแล้วก็เดินจูงผมเข้าห้าง ผมอายแต่ก็ไม่ได้ฝืน ปล่อยให้เอ็มจูงมือผมอยู่อย่างนั้น จนผมรู้สึกว่าเอ็มกำลังโมโหอะไรสักอย่างเพราะมันเดินมั่วไปหมด เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายเดี๋ยวเลี้ยวขวา คนก็มองกันให้พรึ่บเพราะเด็กผู้ชายสองคนเดินจูงมือกันกลางห้าง จนผมชวนมันเข้ :m23:าไปนั่งพักในร้านกาแฟ ซื้อกาแฟให้เอ็มกิน (ถ้าเป็นกาแฟเอ็มกินแต่ mocha ครับแล้วต้องเป็นของ Stacbucks เท่านั้นสำหรับผม ผมชอบ Latte เพราะเป็นคนชอบดื่มนม) มันถึงได้ดูใจเย็นขึ้น ตกลงว่าวันนั้นทั้งผมและมันต่างก็มาสาย น้องๆมารอผมที่ tutor กันหมดแล้ว พอเห็นผมสองคนเดินเข้ามามันก็แซว กวนตรีนตามประสา แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องของเอ็มกับหวาน

ช่วงนั้นโครงการ work and travel กำลังดัง เพื่อนผมเกือบทุกคนสมัครไปโครงการนี้ด้วย ผมเองก็อย่างไปต่างประเทศแต่จะให้ผมไปทำงาน แหะๆมันช่างขัดกับความคิดของผมเสียยิ่งกระไร  :m23:  ไม่ใช่ว่าผมเป็นลูกผู้ดีตีนแดงมาจากไหน ผมแค่คิดว่าถ้าผมจะต้องไปทำงานงกๆให้คนอื่นสู้ผมเอาเวลาไปเรียนภาษาไม่ดีกว่าเหรอ ผมเลยวางแผนว่าจะไปพักอยู่กับป้าและหาที่เรียน summer ใกล้ๆ แต่มันกลายเป็นว่าโรงเรียนแถวบ้านป้าผมมีแต่โปรแกรมให้ผมไป join การเรียนการสอนกับเขา (คล้ายๆกับ AFS ล่ะครับแต่แค่ 2 เดือน) ซึ่งมันก็คงได้ประโยชน์ไม่มาก ผมเลยลองไปคุยกับเอ็มซึ่งมันก็คิดเหมือนผมเหมือนกันว่าเอาเวลาไปเรียนดีกว่าไปทำงาน แล้วเราสองคนก็เลยชวนกันไปเรียน summer ... ผมได้เพื่อนร่วมเดินทางแล้วครับ พอผมบอกพ่อกับแม่ว่าจะไปเรียน summer กับเอ็ม ทั้งคู่ก็ไฟเขียวอนุมัติงบประมาณมาเต็มที่ เอ็มมันก็ไปหาบริษัทที่พ่อมันรู้จักมาแล้วเราก็ไปสมัครกัน

trip ครั้งนี้มี ผม เอ็ม กันย์ (เพื่อนเอ็มที่คณะ) และ พี่กี (พี่สาวกันต์และรุ่นพี่คณะผม , โลกมันกลมไหมครับ??) พวกเราสมัครเรียน 2 เดือน (มีพี่กีคนเดียวที่อยู่ได้แค่ 1 เดือนเพราะติดงานที่คณะ) แต่มหาวิทยาลัยปิด 3 เดือนใช้ไหมครับผมเลยวางแผนว่าจะแวะไปเยี่ยมป้าที่อยู่ประเทศใกล้ๆกันสัก 3 สัปดาห์ แต่ผมก็ไม่อยากไปคนเดียว ผมชวนเอ็มไปด้วย น่าเสียดายครับที่เอ็มตกลงไป backpack กับกันย์ก่อนแล้ว แต่มันก็เสนอทางออกว่าให้ผมชวนกันย์ไปด้วย ผมกับกันย์เพิ่งรู้จักกัน ผมเลยไม่แปลกใจที่มันจะปฎิเสธผม มันก็คงเกรงใจที่จะไปอยู่กับป้าผมเกือบเดือน

ตอนแรกพวกเราวางแผนกันว่าจะบินไปพร้อมกันหลังสอบ final ประมาณ 2 สัปดาห์เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัว เตรียมใจกันก่อน (อีกอย่างเพราะเวลานั้นกลุ่มเพื่อนๆผมก็เริ่มออกเดินทางแล้วเหมือนกัน) แต่ปรากฏว่าพอเช็คกับโรงเรียน เขาบอกว่าถ้าผมมาตอนนั้นมันจะไม่มี class ให้พวกผมแทรก แผนทุกอย่างเลยต้องเปลี่ยนจาก 2 สัปดาห์มาเป็น 2 วัน เรียกได้ว่าพอสอบเสร็จผมก็วิ่งกลับบ้านเก็บของยัดลงกระเป๋าเลย

ปัญหามันอยู่ตรงที่ในเมื่อผม เอ็มและหว้าไปเที่ยวต่างประเทศกันหมดแล้วใครจะสอนหนังสือที่ tutor ล่ะครับ พวกเราเลยนัดคุยกันอย่างเป็นทางการและผลของการประชุมที่กินเวลายาวนานถึง 5 นาทีคือ … “ปิดแมร่งแล้วไปเที่ยวกันดีก่า!!!!!!” วันที่หว้าสอน ผมกับมันก็เข้าไปคุยกับเด็กๆ เด็กกลุ่มไอ้หว้าพูดง่ายครับไม่มีอะไร แต่พอถึงกลุ่มเอ็ม เอ็มมันก็อ้ำ้ๆอึ้งๆว่าจะไป summer พอผมบอกต่อเท่านั้นแหละว่าผมจะไปเหมือนกัน ไอ้พวกเด็กเวรมันก็ประติดประต่อเรื่องได้ทันที

“พี่เอ็มกับพี่นิวไปที่เดียวกันเปล่า”

“พวกพี่ไป honeymoon กันเหรอ”

“อย่า sweet กันจนลืมของฝากผมนะ”

“ผมอยากได้หลานผู้ชายนะพี่” … ไอ้เวร ลามปามแล้วมรึง  :m16:

วันสอบ final วันสุดท้าย ผมกับเพื่อนนัดรวมกลุ่มกันตอนเย็นเพราะเดี๋ยวพวกเราจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกหลายเดือน คืนนั้นพวกมันมานอนค้างบ้านผม กว่าวงไพ่จะเลิกก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ทุกคนกลับบ้านหมดยกเว้นบิวที่บ้านอยู่ไกลกว่าเพื่อน มันเลยขอนอนบ้านผมแล้วขับรถกลับวันรุ่งขึ้น

“บิว มรึงจำที่กรูเคยบอกมรึงได้ไหมว่ากรูจะไม่ยอมทำผิดเหมือนเรื่องของบาสอีก” บิวรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับผมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบาสหรือเรื่องของเเจ๊สและมันเป็นเพื่อนที่ผมมักจะกดโทรศัพท์หาเป็นคนแรกๆเวลามีเรื่องไม่สบายใจ สำหรับเอ็มผมก็โทรหานะผมเล่าให้เอ็มฟังหมดแหละครับแต่เอ็มมันเป็นพวกปลอบใจคนไม่ค่อยเก่ง

“อืม กรูจำได้ ทำไมเหรอ”

“มันจะแย่ไหมวะ ถ้ากรูจะทำผิดซ้ำ้สอง”

“ฮะ!! มรึงพูดเหี้ยไรของมรึงเนี่ย … ใคร บอกกรูมาว่าใคร” จากที่มันนอนกลิ้งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ไอ้บิวมันกระโดดขึ้นมานั่งจ้องหน้าผมตาเขม็ง บิวมันเหมือนคนคุมความประพฤติผมล่ะครับ คือถ้ามันเห็นว่ามีใครเข้ามาป้วนเปี้ยนกับผม มันก็จะเริ่มเป่าหูผม บิวมันคงไม่คิดว่าทำไมอยู่ๆผมถึงกลับมาอยู่ในอารมณ์แบบนี้ได้ทั้งๆที่หลายปีมานี้ผมไม่เคยมองใครเลย

“กรูบอกแค่นี้แหละ มรึงเดาเอาเอง” อายครับไม่กล้าบอก  :-[ เปล่าหรอกครับจริงๆแล้วผมกลัวถูกมันหักคอเอามากกว่า หน้ามันแบบว่าเอาเรื่องมาก

“เพื่อนที่ไหน โรงเรียนหรือว่ามหาวิทยาลัย”

“โรงเรียน” แหะๆ จริงแล้วผมก็เล่นตัวไปงั้นล่ะครับ ถ้าผมจะปรึกษามันผมก็ต้องเล่าทุกอย่างให้มันฟัง

“งั้นกรูเดาเลย … ไอ้เอ็ม”  :mc3: แมร่งแม่นยังกับเตี๊ยมกันมา 

“รู้ได้ไง”

“ก็ช่วงนี้มรึงสองคนตัวติดกันตลอด ขนาดตอนไปเที่ยวเขาใหญ่เพื่อนๆกรูยังถามเลยว่ามรึงกับไอ้เอ็มเป็นแฟนกันเหรอ”

คืนนั้นผมกับบิวเลยคุยกันยาว ผมบอกมันว่าผมไม่รู้ว่าผมคิดยังไงกับเอ็ม ผมกลัวว่าความรู้สึกมันจะเกินเลยมากกว่าเพื่อน ตอนนี้ผมพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดไกลไปมากกว่านี้ แต่ผมก็กลัวใจตัวเองเพราะไป summer ด้วยกันสองเดือน ผมกับเอ็มคงอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ผมไม่อยากให้มันมีอะไรมากกว่าคำว่าเพื่อนกัน บิวมันก็ฟังแล้วก็ช่วยผมคิดแต่สุดท้ายมันก็จนใจ กว่าผมจะพูดกับมันความรู้สึกมันก็เริ่มไปไกลแล้ว แล้วนี่ผมจะบินอยู่อีกวันสองวัน ตอนนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก มันบอกให้ผมเข้มเเข็ง มันทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้ผมเผื่อว่าผมมีอะไรไม่สบายใจจะได้โทรหามัน
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 26-05-2011 21:15:10
อ่านถึงจุดนี้แล้วแอบกลัวใจเอ็มจังเลย เครียดจัง
อยากให้มีความแน่นอนเกิดขึ้นบ้างก็ยังดีนะ
แล้วจะรออ่านต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 26-05-2011 21:23:33
นิวคุงเมนต์เร็วมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 26-05-2011 22:19:59
555+ ขนาดนั้น ก็นิวน้อยลงได้เวลาพอดีอะแหละ อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 27-05-2011 07:10:30
ไปซัมเมอร์ต่างประเทศ หรือไปฮันนีมูนกันงะ  :impress2: :laugh:

เชียร์เอ็มๆนะ o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 27-05-2011 13:49:33
เชียร์เอ็มมากมายอ่ะ   :m3:

เเล้วก็รุสึกชอบพวกเดกๆที่ติวเตอร์มาก  มานเเซวได้น่าร้ากกกกโฮกกกกกก   :m20:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: al2pocalypoe ที่ 29-05-2011 05:17:09
เย่ๆๆๆ ในที่สุดก็อ่านทันซะที
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถามนิวนิดนึงนะค้าบ
เอ็มนี่ เลือดกรุ๊ป A ป่าวคับ??? (มันมีบางอย่างที่สงสัยแบบนั้นอะคับ)
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 29-05-2011 07:20:33
ผมไม่แน่ใจเรื่องกรุปเลือดตัวเองนะ แต่ถ้าจำถูกจะกรุป A ละครับ
มีอะไรเหรอ อยากรู้เหมือนกันครับ  o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 26/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 30-05-2011 22:47:21
ในที่สุดวันที่ผมจะออกเดินทางก็มาถึง เพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆมาส่งผมกับเอ็มขึ้นเครื่อง แรกๆผมก็เฉยๆลไม่ได้รู้สึกกังวลเท่าไหร่  :a11: แต่พอแยกกับที่บ้านเท่านั้นละครับผมเริ่มสติแตกไปแล้วเพราะกลัว ผมกลัวมาก ผมไม่เคยต้องห่างบ้านไกลขนาดนี้มาก่อน ไม่แน่ใจด้วยว่าตัวเองจะไปรอดไหม ผมกับเอ็มผ่าน immigration เข้าไปก่อน พอตรวจหนังสือเดินทางเสร็จผมก็จิตหลุดไปเลย  o2 ให้พี่ๆเดาว่าผมทำยังไง

“เอ็ม กรูกลัวว่ะ ไม่เคยห่างบ้านขนาดนี้มาก่อน” ผมเดินเข้าไปเขย่าแขนเสื้อเอ็ม

“ไม่ต้องกลัวเดียวกรูดูแลมรึงเอง”  :m2: ได้ยินประโยคนี้หัวใจของผมมันก็แทบจะตะโกนออกมาว่า “มรึงจะพระเอกไปไหน!!” ผมคว้าเอาสายเป้ของเอ็มแล้วเดินเข้าข้างในแบบหวั่นๆ

พวกเรานัดเจอกันย์กับพี่กีหน้า gate พอถึงเวลานัดพวกเรา 4 คนก็มาเจอกัน ผมโทรหาที่บ้านเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนเอ็มก็แยกไปคุยโทรศัพท์ ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไร แต่ผมบอกเอ็มก่อนเราทั้งคู่จะปิดมือถือ

“ทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี้ แล้วไปเที่ยวกันนะ”

ขึ้นมาบนเครื่องพวกเรา 4 คนนั่งเรียงกัน ผมนั่งริมสุด ถัดมาเป็นเอ็ม กันย์และพี่กี ขึ้นเครื่องใหม่ๆก็สนุก แต่สัก 2-3 ชั่วโมงผมก็เบื่อ สุดท้ายเลยหลับ ตื่นมาอีกทีก็เกือบจะ landing แล้วครับ ตอนเปลี่ยนเครื่องผมก็ทำเรื่องอีกจนได้ มันมีเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง กันย์กับพี่กีขอแยกไปเดินซื้อของ ผมกับเอ็มก็เลยเดินเล่นไปเรื่อยๆในสนามบิน ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตังเองสายตาสั้นก่อนหน้านี้ไม่นานเลยไปตัดแว่นมาใช้สำหรับตอนไป summer แล้วมันก็ยังไม่ชินกับการมีอุปกรณ์เสริมมาอีก 1 ชิ้น มารู้ตัวเองอีกทีเเว่นก็หายไปแล้ว ตกใจครับเพราะเพิ่งซื้อมาไม่ถึงเดือน แล้วผมก็ไม่อยากมองภาพเบลอๆไปอีกตลอด 3 เดือนที่เหลือ ผมตะโกนบอกเอ็มที่กำลังเข้าห้องนำ้อยู่แล้ววิ่งออกมาเลยแล้ว  :oni1: สนามบินกว้างออกขนาดนั้น ผมหาแว่นอันนิดเดียวไม่เจอหรอกครับ แต่ที่ซวยกว่านั้นคือพอผมกลับไปที่ห้องน้ำ้เอ็มก็หายไป  :sad4:

ผมคิดได้อย่างเดียวคือต้องไปรอเอ็มที่ gate พนักงานเริ่มเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องแล้ว พอเห็นผมพนักงานก็เรียก (แกมบังคับ) ให้ขึ้นเครื่องแต่ผมก็บอกว่าผมหลงกับเพื่อนขอรอเพื่อนอีกสักพักได้ไหม เขาก็บอกเเนวๆว่าอยากให้ผมไปรอบนเครื่องมากกว่า พอขึ้นเครื่องผมก็กังวล นั่งกัดเล็บตัวเองจนแอร์เดินมาถามว่าผมเป็นไรหรือเปล่า ผมก็เล่าเรื่องให้่แอร์ฟัง แอร์บอกว่าถ้าเพื่อนผมพูดภาษาอังกฤษได้ก็ไม่มีปัญหา สักพักเอ็มกับคนอื่นๆก็เข้ามา

“มรึงนิ กรูบอกแล้วว่าให้รอ แมร่งจะรีบไปไหนวะ” ผมโดนเอ็มดุตามระเบียบ  :m5:

“ก็มันตกใจ เสียดายของ” ผมก็ก้มหน้าก้มตารับผิดตามระเบียบ  :m17:

“แว่นแค่อันเดียวเสียดายทำไมวะ เวลาซื้อเสื้อผ้าไม่เห็นเสียดาย … ถ้ามรึงตกเครื่องกรูก็เที่ยวไม่สนุกดิ”

ต่อเครื่องหนสองดูหนังก็แล้ว คุยก็แล้ว เดินไปเดินมาแก้เซ็งแต่เวลามันก็ผ่านไปช้ามากๆ ผมเลยตัดสินใจกลับมานั่งที่เเล้วคิดว่าวิธีเดียวที่เวลาจะเดินเร็วที่สุดคือผมต้องนอน ผมหยิบเอาหูฟัง ipod ออกจากหูของเอ็มแล้วเอามาเสียบหูตัวเอง ฟังไปฟังมาก็เริ่มเคลิ้มแต่มันนอนไม่สบายพนักพิงก็แข็ง ผมเลยนอนซบไหล่เอ็มซะเลย  :m13: … ก็ที่นั่งมันไม่สบายนิครับ ไหล่เอ็มทั้งอุ่นทั้งสบายกว่าเยอะ  :m4: แอร์ก็เดินมามองผมกับเอ็มหลายรอบเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่สน ยังไงก็เจอเขาครั้งเดียวในชีวิตอยู่แล้ว เลยยังนอนซบเอ็มต่อไป แต่ไอ้เอ็มสิครับกระซิบผม

“นิว แอร์น่ารักว่ะ”

“เออ!! แล้วมรึงบอกกรูทำมะ”  :m16: แล้วผมก็กระแทกหัวลงกับไหล่ของจี ไม่สบอารมณ์อย่างแรง

นั่งไปนั่งมาสรุปว่าพวกเรา 4 คนนอนหลับกันหมด ตื่นมาอีกทีก็กำลังจะถึงแล้ว ที่ซวยคือเพราะพวกผมหลับแอร์เลยไม่ได้แจกแบบฟอร์มขอเข้าประเทศให้ พอลงมาถึงหน้า immigration ถึงได้รู้ว่าต้องใช้ ยืนเซ่อๆกันอยู่ 4 คนจนเจอแก๊งค์คนไทยเข้า เขาก็ใจดีบอกให้ไปเขียนใบขอเข้า้เมืองที่เคาน์เตอร์ตรงหัวมุม กว่าพวกผมจะเดินออกมาได้ก็ช้าไปเกือบ 2 ชั่วโมง กระเป๋าของพวกเราถูกเอาไปกองรวมกันอยู่ที่มุมห้อง

ออกมาปุ๊บพวกเราก็เจอ host เลยครับ (เรา 4 คนนอนคนละบ้านกัน) และ host ก็ไม่ปล่อยให้พวกผมมีเวลาร่ำ่ลากัน คือพอเจอหน้าผม host ก็ช่วยผมลากกระเป๋าแล้วเดินออกจากสนามบินเลยครับ  :dont2: แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่ผมกับเอ็มออกทางเดียวกัน ผมเลยมีเวลาพูดกันนิดหน่อย ผมบอกเอ็มว่าถึงที่บ้านแล้วจะโทรหา

บนรถผมก็คุยเรื่องกฏของบ้านกับ host พวกอะไรยิบๆย่อยๆนั่นแหละครับ เพราะทางบริษัทที่เมืองไทยบอกผมว่า บางบ้านจะมีกฏอะไรแปลกเช่นอาบน้ำ้ได้วันละครั้ง หรือว่าเรื่องตู้เย็นของอะไรที่ผมสามารถหยิบกินได้และอะไรที่หยิบไม่ได้ ผมโชคดีครับที่ host ผมใจดีไม่มีกฎอะไรเลย แถม host mother ยังพาผมแวะไปดูที่โรงเรียนอีกต่างหาก

ผมไปถึงวันศุกร์กว่าจะได้มาโรงเรียนก็วันจันทร์ยังมีเวลาอีก 2 วันให้เที่ยว ระหว่างทางกลับบ้าน Justin (ชื่อ host mother ผมครับ) อธิบายระบบคมนาคมให้ผมฟัง เธอให้ผมสังเกต landmark ว่าตรงไหนที่ผมควรจะลง แล้วก็พาผมไปแวะ supermarket ที่อยู่ใกล้บ้านซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที พอเห็น super ผมก็อุ่นใจ ฮิฮิ ของกินเพียบเลย  :haun5:

ขอเล่าเรื่องบ้านที่ผมอยู่บ้างครับ บ้านผมเป็นบ้าน 3 ชั้น ผมมี mate ทั้งหมด 3 คนซึ่งทุกคนต่างก็ไม่ได้มาจากประเทศเดียวกัน ผมได้ห้องส่วนตัวอยู่ชั้นใต้ดินกับ mate 1 คน อีก 2 คนอยู่ชั้นบนกับชั้น 3 บ้านของ host แต่ละชั้นจะมีห้องครัวและห้องนั่งเล่นเป็นของตัวเอง แต่ปกติแล้วพวกเราจะกินข้าวกันที่ชั้น 2 ห้องนั่งเล่นชั้นที่ผมอยู่ถูกดัดแปลงให้เป็นห้องดูหนัง ร้องเกะและบางวันเราก็มากินข้าวเย็น + ดูหนังกันที่ห้องนี้

วันที่ผมมาถึง host ผมจัด party เล็กๆ ผมเข้ามาก็ยังไม่รู้จักใคร เอาของเข้าไปเก็บในห้องแล้วก็ชีพจรลงเท้าอยากออกไป jogging เอาบรรยากาศ เลยจัดเต็มที่เลยครับเหมือนในหนังเด๊ะๆ กางเกงวอร์ม เสื้อยืดคลุมด้วย sweater รองเท้าผ้าใบพร้อม ถาม Mark (host father) เขาบอกว่าเดินลงไปอีกหน่อยมี park ผมก็ออกจากบ้านเลยครับ อากาศช่วงนั้นหนาวครับก่อนวันที่ผมมาถึงหิมะเพิ่งจะตกไป ผมวิ่งๆอยู่นี่ก็เห็นกองหิมะขนาดย่อมๆตลอดทาง สรุปว่าวิ่งได้ 10 กว่านาทีก็ต้องเดินกลับแล้วเพราะลืมเอาหมวกไหมพรหมมา หูผมนี้เย็นจนเจ็บเลยครับ

กลับมาถึงบ้านเพื่อนๆ host ผมกับ mate ก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา ทักทายกันพอเป็นพิธีครับ ต่างคนต่างแนะนำตัวแล้วก็กินข้าว ช่วงค่ำ่ๆเขามี party คาราโอเกะกัน ผมเลยขอตัวแยกออกมาอาบน้ำนอน พอเปิดประตูห้องน้ำ้เท่านั้นล่ะครับ แทบร้องกรี๊ด  :o มันอยู่ตรงหน้าเลย แมงมุมครับ ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา แล้วแทนที่มันจะหนีผม ผมยกขาแบบว่า “อย่าเข้ามานะเว้ย!!” ผมก็ถอยซิครับ หันหลังเดินออกไปนอกห้อง

“Mark, could u please help me. There is something in the toilet.”  :impress: Mark ก็หน้าตาตื่นเดินเข้ามา พอเห็นเจ้าตัวปัญหาพี่แกก็เอามือหยิบมันใส่ชักโครก (เขาไม่รังเกียจมันบ้างหรือไง อีตัวไรไม่รู้มี 8 ขา แค่พูดก็ขนลุกแล้ว ชีวิตนี้ผมกลัวอยู่ 2 อย่างครับ แมงมุมกับแมลงสาบครับ) ... แล้วเจ้าแมงมุมน้อยก็ได้ลงไปเที่ยวโลกใต้บาดาล

อาบน้ำ้เสร็จผมก็ตาจะปิดแล้วครับ ผมลองโทรหาคนอื่น ทุกคนหลับกันหมดแล้ว ผมเหลือบดูนาฬิกา 2 ทุ่มเองครับดูค่ำ่เกินไปสำหรับผมที่จะนอน ข้างนอก party คงเริ่ิมแล้วเพราะผมได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮา แต่ผมก็เหนื่อยเกินไป ผมกินยาแก้แพ้เม็ดหนึ่งจะได้ง่วงๆ แล้วพอล้มตัวลงนอน...... ภาพมันก็ตัดหายไป

เช้าวันต่อมาผมตื่นเพราะเสียงเคาะประตูหน้าห้อง เปิดประตูออกมาก็เจอ Justin ยื่นโทรศัพท์มาให้จับใจความได้ว่าเพื่อนโทรมา เอ็มโทรมาครับ มันโทรมานัดผมไปข้างนอก แต่เพราะเราสองคนก็เพิ่งมาถึงเป็นวันเเรก จะไปยังไง จะเจอกันตรงไหนผมก็ยังไม่รู้ คุยกันอยู่เกือบ 20 นาทีเราเลยตกลงกันว่าจะโทรหากันใหม่ตอนเที่ยงๆ (คนที่นี่เขามีมารยาทมากนะครับ ตลอด 2 เดือนที่ผมอยู่กับเขา เขาไม่เคยเข้ามาในห้องเลย มีแค่ครั้งหนึ่งที่ลูกเขาเข้ามา Justin กับ Mark มาขอโทษผมใหญ่)

พอสายๆผมก็หมดหวังที่จะเจอใครแล้วครับวันนี้ อยากมากก็คิดว่าจะได้ไปดูของกินที่ supermarket ใกล้ๆ กินข้าวกลางวันอิ่มแล้วเอ็มก็ยังไม่โทรหาผม ผมเลยฆ่าเวลาด้วยการไปล้างจาน (อยากบอกว่าผมน่ะงานบ้านงานเรือนไม่เคยแตะ แต่อยู่ที่นี่ต้องทำเองหมดทุกอย่าง … เก่งไหมครับ ฮิฮิ) ก็ก้มหน้าก้มตาล้างจาน เงยหน้าขึ้นมาอีกที ตกใจครับ … เอ็มมายืนยิ้มให้อยู่นอกหน้าต่าง  :m3:

ผมคิดว่าตัวเองฝันไป แต่ก็เป็นเอ็มจริงๆ ผมรีบล้างมือแล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน เอ็มขอให้ host ขับรถมาส่งที่บ้านผม ดีใจมากครับเพราะกำลังเศร้าๆคิดว่าวันนี้จะไม่ได้เจอเอ็มแล้ว แต่พอเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นมัน คิดว่าตัวเองเพ้อไปซะแล้ว ตอนนั้นเข้าใจเลยครับว่านางเอกใน series เกาหลีเธอรู้สึกยังไงเวลาเศร้าๆแล้วเงยหน้าขึ้นมาเจอพระเอก  :m1: เอะ!! นี่ผมเป็นนางเอกของเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย (เรื่องของผมผมก็ต้องเป็นพระเอกซิ) แต่ความรู้สึกตอนนั้นมันพูดออกมาไม่ถูกจริงๆนะครับ  :-[

ผมพาเอ็มไปแนะนำกับคนอื่นๆในบ้านและทุกคนก็รู้จักเอ็มในฐานะ “New's best friend” เอ็มกินข้าวกลางวันกับผมก่อนที่เราสองคนจะเดินออกไปซื้อของที่ supermarket กัน ผมรู้ว่าบ้านพวกเรา 4 คนอยู่ใกล้กันแต่ก็พิ่งรู้ว่าบ้านจีถึงก่อนบ้านผมและ supermarket ก็เป็นเหมือนกึ่งกลางระหว่างบ้านเราสองคน ผมใช้เวลาเดินเกือบ 15 นาทีกว่าจะถึง มันเป็น supermarket ใหญ่นะครับหน้าตาประมาณ lotus บ้านเรา ผมกับเอ็มก็เดินสำรวจกันจนทั่ว แค่เห็นอาหารก็แบบว่านำ้ลายหยดแล้ว มีแต่ของหน้ากินทั้งนั้น

ผมซื่อผลไม้พวกตระกูล berry  แพร์ ส้มกลับมากิน ที่นี่ถูกแล้วก็สดกว่าบ้านเราด้วย ผมชอบกินผลไม้ครับ ผมซื่อผลไม่กลับมาบ่อยมากจน host กับ mate ถามเลยครับว่าผมเป็นมังเหรอ ส่วนเอ็มซื่อขนม เอ็มไม่ชอบกินผลไม้ ผักก็ไม่ชอบ เอ็มมันจะชอบกินขนมพวก จะชอบพวกคุ๊กกี้มากกว่าพวก Mrs. Fields, popcorn อะไรแบบนั้นมากกว่า อยู่ที่โน้นแรกๆเอ็มมันเขี่ย salad ทิ้งหมดเลย ผมก็บังคับให้เอ็มกินนะ มันก็บ้าจี้ทำตามที่ผมบอก (เชื่องจัง)
 
ซื่อของเสร็จเอ็มมันก็เดินกลับมาส่งผมที่บ้าน มันเป็นเวลาเดียวกันกับที่บ้านผมกำลังทำข้าวเย็น Justin ก็ชวนเอ็มกินข้าวนะครับแต่เอ็มมันเกรงใจเลยขอกลับบ้านก่อน ผมเเอบเศร้าเล็กน้อยเพราะอยากอยู่กับเอ็มนานๆ mate ผมก็ยังไม่สนิท นั้งอยู่ด้วยนานๆเเล้วเกร็ง ก่อนกลับผมเลยถามเอ็มว่าพรุ่งนี้ลองชวนกันย์กับพี่กีไปเดินเลนในเมืองกัน

คืนนั้นผมนอนตอนหัวคำ่เหมือนเดิมเพราะยังคงอาการ jet lack อยู่แต่ก็ต้องลุกขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงคุยกันหน้าห้อง เปิดประตูออกมาก็เจอ mate คนอื่นๆนั้งจับกลุ่มคุยกันอยู่ในห้องนั้งเล่นผมเลยเข้ามานั้งคุยด้วย ทุกคนก็อายุไล่เลียกับผม คุยเรื่องทั่วไปกันได้ไม่นานมันก็วกมาเรื่องใต้สะดือ แม้ 2 ใน 3 ของmate ผมจะเป็นคนเอเซียแต่เขาก็รับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาเต็มๆคือคุยกันเเบบไม่มีปิด ผมนั้งฟังเรื่องที่แต่ละคนเล่าว่าเสีย vergin ครั้งเเรกเป็นยังไงแล้วแบบว่า อ้าปากค้างเลยครับ  :m10: (คิดว่าของตัวเองเเรงแล้วนะครับเจอพวกนี้ข้าไปผมกระจอก เป็นเด็กหัดเดินไปเลย) คือพวกมันเล่ากันละเอียดมากแบบว่าเห็นกันเป็นฉาก ชัดเจนไม่ต้องเสียเลามานั้งจิ้นเอาเอง  :m25: จนสุดท้ายมันก็วนมาที่ผม “ตายห่าแหละ!! พวกมรึงขั้นเทพกันขนาดนั้น กรูจะอาอะไรไปโม้วะ"

   “Sorry, I am vergin arrr.”   :m17: เท่านั้นละครับมันก็ฮาแตกใหญ่เลย มันบอกว่าไม่ต้องเอาถึงขั้นมี sex ก็ได้ ผมเคยจูบผู้หญิงหรือเปล่าผมก็ส่ายหัวตอบพวกมัน (กรูเคยจูบแต่ผู้ชายเว้ย  :laugh3:) มันก็ถามโน่นถามนี้แต่ผมก็ทำแบ๋วใส่มัน แบบว่าไม่รู้ไม่เคยทำ พวกมันคงเชื่อแหละครับเพราะแตาละคนทำหน้าเซ็งๆ แล้วถามคำถามดูถูกผมว่า … ผมเคยช่วยตัวเองหรือเปล่า  :m31: “ไอ้ห่า!! กรูไม่ใช้เด็กอนุบาลนะเว้ย”  ผมรู้ว่าพวกมันก็ใจพอจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ผมฟัง แต่จะให้ผมเล่าเหรอว่าผมเคยคบกับเพื่อนสนิทตัวเองแล้วไอ้คนๆนั้นมันก็เป็นเพศเดียวกับผม ผมไม่กล้าหรอกครับ   

ผมว่าความสนุกของการนั้งจับกลุ่มคุยกันแบบนี้มันไม่อยู่ที่หัวเื่องที่เราคุยกันอย่างเดียว ที่ผมชอบที่สุดคือเพราะพวกเรา 4 คนจ่างก็เป็นคนต่างชาติ ภาษาอังกฤษของแต่ละคนก็ไม่ได้จะแข็งเเรงอะไรมากแต่เราก็พยายามคุยกันจนรู้เรื่อง ทั้งเขียน ทั้งใช้มือ ทั้งเปิด talking dic. และหลังจากวันนั้นพวกเราก็สนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม

วันรุ่งขึ้นพอถึงเวลานัดทุกอย่างเกิดผิดแผน ผมนัดเจอเอ็มที่ป้ายรถ bus ใกล้ๆแต่เราสองคนคลาดกับกันย์และพี่กี ผมกับเอ็มนั้งรอในร้านกาแฟเกือบชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจไปเดินเที่ยวกับเอ็ม 2 คน ตื่นเต้นมากครับเราเพิ่งมาถึงกันเมื่อวานแล้ววันนี้ก็ออกมาเที่ยวเลย แผนที่ก็ไม่มี รู้อย่างเดียวคือ bus คันไหนกับบ้าน เมืองสวยมากครับ อากาศก็ดีแม้จะหนาวไปหน่อยก็เถอะ เมืองที่พวกผมไปอยู่นี่ติดอันดับเมืองหน้าอยู่อันดับต้นๆของโลกเลยนะครับ ยิ่งถ้าวันไหนเป็น sunshine day ด้วยแล้วละก็ บรรยากาศดีสุดๆ

พวกเราเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ทุดอย่างมันดูตื่นเต้นไปหมด เดินไปเดินผมกับเอ็มก็เริ่มรู้สึกหิวครับ มองไปไกลๆเห็น logo ของ Subway อยู่ลิบๆ ซื่อมาแบบ 12 นิ้ว ผมแบ่งกับเอ็มคนละครึ่งแต่ผมกินจริงๆก็แค่ครึ่งเดียวของตัวเองเองครับที่เหลือผมให้เอ็มกินเพราะผมปากแตก เวลาอ้าปากกว้างแล้วมันเจ็บ กว่าจะกินหมดทั้งอิ่มทั้งเจ็บปาก แล้วผมกับเอ็มก็เข้าไปเดินห้องกัน ห้างที่นี่ก็คล้ายๆกับบ้านเราแต่ราคาก็พอกัน เวลาคิดกลับมาเป็นเงินไทยแล้วแทบไม่ต่างกันเลย ผมกับเอ็มเลยไม่ได้อะไรติดไม่ติดมือกลับไป

เดินไปเดินมาสรุปว่าหลงครับ ออกมาจากห้างก็มาโผล่ถนนไหนก็ไม่รู้แล้วเอ็มก็พยายามเดินพาผมกลับมาทางเดิมแต่ยิ่งเดินมันก็ยิ่งไม่คุ้นจนในที่สุดเราก็ยอมรับครับว่าหลง  :try2: ความคิดแรกของผมเลยคือโทรกลับบ้านไปหา Justin แล้วบอกว่าหลง (น่าชื่นชมไหมครับ กระแด๊ะมาเที่ยวกันเองแล้วหลง โทรไปบอกเขาคงอายน่าดู) แต่พอผมเดินไปที่หัวมุมกำลังจะหยอดเหรียญโทรศัพท์ “เอะ!! ทางมันคุ้นๆนะ” แฮะๆ  เราเดินเป้นวงกลมกลับมาที่ป้ายรถเลยครับ ก่อนกลับผมรู้สึกหนาวๆเลยแวะกิน Starbucks กับเอ็มแบ่งกันกินครับเพราะผมกินคนเดียวไม่หมด
   
ที่ผมแบ่งของกินกับเอ็มครึ่งนึงตลอดนี่ไม่ใช้เพราะอะไรคือผมกลัวอ้วนครับ ทุกครั้งที่ผมไปเที่ยวต่างประเทศผมจะนำ้หนักขึ้นทุกครั้ง คราวนี้ผมเลยตั้งใจว่าจะคุมอาหารและออกกำลังกายและ (สุดท้ายผมนำ้หนักลงครับ ฮิฮิ) อีกอย่างคือที่โน่นให้ข้าวเยอะครับ ฝรั้งเขากินเยอะกว่าเรามาก ข้าวหนึงจากกินได้สองคน ผมปกติที่เป็นคนกินข้าวน้อยอยู่แล้วเลยต้องแก้ปัญหาด้วยการแบ่งให้เอ็มกินครึ่งนึง ผมแบ่งกับข้าวกับเอ็มตลอด เอ็มก็ซื่อของมันกิน ผมก็ซื่อของผมแต่ผมจะแบ่งให้เอ็มครึ่งนึงทุกครั้ง

แรกๆมันก็บังคับผมให้ผมกินข้าวให้หมดแต่ผมไม่ไหวครับกินไปได้ 3 ใน 4 ผมก็จุกแล้ว ครุ้งสุดท้ายที่มันบังคบให้ผมกินข้าวจนหมดจานผลสุดท้ายคือผมอ้วกออกมาหมด หลังจากนั้นถือเป็นอันรู้กันว่ากับข้าวทั้งหมดของผมคร่ึงนึงเป็นของเอ็ม เอ็มมันตักแยกออกไปเลยตั้งแต่เเรก ก็ถือว่าเเลกกันเพราะผมกินผัก salad ในจากเอ็มให้แทน

ผมรู้ตัวว่าตัวเองชอบกินขนมแต่เพราะกลัวอ้วนไงครับทุกครั้งที่ผมซื่อขนมผมก็จะดูฉลากโภชนาการว่าผมถ้าผมซื่อไปผมครวจะกินมันครั้งละเท่าไหร่ เอ็มมันก็บ่นนะครับหาว่าผมบ้าแต่ผมก็ไม่สน ผมอ้วนข้นแล้วเขามาลดนำ้หนักแทนผมเหรอ อีกวิธีที่ผมทำคือผมก็ซื่อๆมา แกะกินพอหายอยากแล้วเอามันมาวางไว้ที่เคาร์เตอร์ในครัววันสองวันมันก็หายไปแล้วละครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 30/5/11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 30-05-2011 22:47:51
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


----------------------------------------------

ขอแปะจองพื่นที่ไว้ก่อนนะคร้าบบบบบบบ เดียวมืดๆกว่านี้แล้วจะมาลงให้  :eiei1: :eiei1:

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 30/5/11 (แฮะๆลืมเปลี่ยนวันที่)
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 02-06-2011 11:57:51
ชอบๆ แล้วนิวอยู่ไหนงะ เมทคนชาติไร งง งง  งง  :serius2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 30/5/11 (แฮะๆลืมเปลี่ยนวันที่)
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 02-06-2011 23:09:18
เรื่องประเทศที่ไปขออุ๊บอิ๊บไว้นะครับ

สำหรับเรื่อง mate มีเกาหลี 1 ญี่ปุ่น 1 บราซิล(หน้าเหมือนญี่ปุ่น) 1 ครับ
แรกๆไม่สนิทกันแต่อยู่ไปอยู่มาเล่นหัวกันได้เฉยเลย ยิ่งไอ้คนเกาหลีนี่กวนตรีนสุดๆ แถมยังโคตรหื่นอีกต่างหาก
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 18 updated 30/5/11 (แฮะๆลืมเปลี่ยนวันที่)
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 02-06-2011 23:49:28
ชีวิตประจำวันของผมตื่นเช้ามาอาบน้ำ ทำข้าวเช้ากินเอง ผมเอาง่ายเข้าว่าครับ อาหารเช้าปกติของผมก็เป็นขนมปังปิ้งทาเนย ไส้กรอก หรือไม่ก็ cereal บางวันอารมณ์ดีผมก็ทอดไข่ดาวกิน กินข้าวเช้าไปผมก็ on MSN เม้าท์กับเพื่อนพร้อมๆกับการทำข้าวกลางวันไปกิน (ที่โรงเรียนไม่มี canteen ครับ คือถ้านักเรียนไม่ทำมากินเองก็ต้องไปหากินเอาข้างนอก) ซึ่งส่วนมากก็มักจะเป็น sandwich เกือบทุกวัน มันไม่ใช่ว่าผมชอบกินขนมปังประกบกับแฮมชีสหรอกครับแต่เพราะ skill การทำอาหารของผมมันต่ำ่มาก  :sad4: เท่าที่ทำได้แล้วไม่ทำไฟไหม้บ้านเขาเนี่ยก็ถือว่าบุญมากแล้ว รสชาติก็แบบว่าแย่สุดๆ ถ้าเป็นที่เมืองไทยผมก็คงโยนทิ้งแล้วล่ะครับ  :z3: แต่มันจะดีหน่อยถ้าผมเก็บมื้อเย็นก่อนหน้านั้นมากินเป็นมื้อกลางวันของวันถัดไปด้วย ที่บ้านผมมื้อเย็นเด็กแต่ละคนจะได้โควต้าเป็นเนื้อ 2 ชิ้น ปกติผมก็จะแบ่งๆมาเก็บไว้ในตู้เย็นก่อน ผมต้องติดป้ายด้วยนะครับ “please do not eat me, New” ที่ติดนี่ไม่ใช่อะไร แต่ถ้าไม่แสดงความเป็นเจ้าของก็ถือว่าเป็นของส่วนกลาง วันรุ่งขึ้นมันก็จะหายไป

ทุกเช้าผมจะทอดไข่ดาวฟองหนึ่งสำหรับเป็นมื้อกลางวันของเอ็ม เอ็มมันชอบกินไข่ดาวครับ แต่เพราะมันตื่นสายเลยทำไม่ทัน แรกๆผมไม่ยอมทำให้นะครับ ไม่ใช่เพราะว่าจริตหรือว่าเล่นตัวอะไร แต่ผมนะ  :o8: …..... ทอดไข่ไม่เป็นครับ มันก็รู้นะครับว่าผมทำอาหารที่นอกเหนือกว่าการปิ้งขนมปัง เอาไส้กรอกไปกลิ้งๆบนกระทะไม่เป็นสักอย่าง แต่เอ็มมันก็ขอให้ผมทำให้มันกิน ทีนี้เลยลำบากผมที่ต้องไปแอบเหล่ดูเอาจาก mate  :m12: ทำเนียนเลยครับเวลาเห็นพวกมันทอดไข่ก็เข้าไปยืนเม้าท์อยู่ข้างๆ ปากก็พูดไปครับ แต่ตาจ้องอยู่ที่กะทะ ok ๆเห็นมันใช้น้ำ้มัน เนย ตอกไข่แล้วก็รอ แซะๆ ก็กินได้แล้ว พอดูจนแน่ใจว่าตัวเองทำได้ ผมก็ลองทำเองครับ สรุปว่าวันแรกที่ทำไปให้เอ็มกิน ไข่แดงมันแตกตอนผมแซะ เอ็มมันเลยต้องกินไข่แดงสุกทั้งๆที่มันสั่งไข่แดงดิบ (มรึงนี่ช่างเลือกแดรกเนอะไอ้เอ็ม) แต่ถึงมันจะเรื่องมากผมก็ทำให้มันกินทุกวันล่ะครับ  :m1:

หลังจากเตรียมข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อยผมจะรีบออกจากบ้านก่อน mate คนอื่นๆ เพราะอะไรเหรอครับ เพราะผมนัดเอ็มไว้ที่ป้ายรถ bus ไง และผมจะต้องไปถึงที่นั่นก่อนเอ็ม มันเริ่มมาจากผมที่กลัวการไปโรงเรียนคนเดียว ช่วงแรกเราก็นัดเวลากันแต่ก็มักจะคลาดกันซะเป็นส่วนใหญ่ ผมเลยตัดปัญหาโดยการลงไปรอเอ็มที่ป้าย แรกๆ mate ผมก็งงๆว่าทำไมผมตองออกไปโรงเรียนแต่เช้า แต่พอมันเห็นผมกับเอ็มเดินขึ้น bus มาด้วยกันมันก็ไม่ได้ถามอะไรอีก   :m17:vเป็นเรื่องบังเอิญนะครับที่พอผมขึ้นมาบน bus พร้อมกับเอ็มก็มักจะเจอ mate ผมทั้ง 3 คนนั่งอยู่ในรถเป็นประจำ

ผมรอเอ็มประมาณ 10 นาที แต่ไอ้นิสัยขี้เซาของมันนี่บางครั้งก็ทำให้ผมรอเก้อมาเรียนสายไปเลยก็มีนะครับ แล้วเวลาผมไปสายผมก็จะโดนอาจารย์ว่า ฝรั่ง่อะครับไม่ทำการบ้านนี่ยังไม่ผิดเท่ามาสาย แรกๆผมก็โกรธนะครับ คนอุตส่าห์ตื่นเช้ามายืนตากลมหนาวๆรอทุกวันแต่เจ้าตัวกับนอนไม่ตื่นซะนี่ ผมไม่มีทางรู้เลยว่าเอ็มมันตื่นหรือยัง เราสองคนเอามือถือมาครับแต่ไม่ได้เปิดใช้เพราะค่าโทรมันแพง ผมจะรอเอ็มจนถึงรถเที่ยวสุดท้ายที่ผมรู้สึกว่าถ้าผมขึ้นสายกว่านี้อีกคันหนึ่งผมจะสายแล้ว แรกๆผมก็อารมณ์เสียนะแต่คิดไปคิดมาผมก็ไม่รู้จะไปเหวี่ยงใส่มันทำไม เพราะผมก็เป็นฝ่ายอยากรอมันเอง ไม่รู้สิมันรู้สึกดีนะครับเวลาได้มองเห็นเอ็มเดินเลี้ยวออกมาจากมุมถนน เห็นมันเดินข้ามถนนมาแล้วส่งยิ้มให้ผม ยิ่งคิดแบบนี้ผมก็ยิ่งอยากไปยืนรอมันทุกเช้า  :m3:

มื้อกลางวันผม เอ็ม กันย์จะมานั่งกินข้าวด้วยกัน ส่วนพี่กีเขาไปกินกับเพื่อนๆเขา บางวันถ้าพวกผมเบื่ออาหารฝีมือตัวเองสุดๆ เราก็จะเดินไปหาอะไรกินกันข้างนอก บางวันก็ pizza บางวันก็อาหารญี่ปุ่น แต่ก็นานๆทีล่ะครับเพราะค่าอาหารมันแพง พวกผมอยากเก็บเงินเอาไว้เที่ยวกันมากกว่า กินข้าวมื้อหนึ่งเกือบ 500 บาท ช่วงแรกผมซื้อน้ำ้กินขวดละเกือบๆ 100 บาท หลังๆผมเลยกดน้ำ้ใส่ขวดมาจากบ้านแทน

เล่าเรื่องทำอาหารให้พี่ๆฟังมาเยอะเเล้ว ผมขอเล่าถึงการทำอาหารแบบเป็นจริงเป็นจังครั้งแรกให้พี่ฟัง  :haun5: คือตั้งแต่ผมอยู่เมืองไทยแล้วครับ Justin ส่งเมลล์มาบอกผมว่าให้ผมเอาเครื่องปรุงอาหารไทยมาด้วย ผมก็ไม่ใส่ใจครับ บอกแม่บ้านว่าให้ซื้อเครื่องปรุงสำเร็จรูปแบบซองๆมาให้หน่อย พี่เขาก็จัดให้เรียบร้อย พอไปถึงได้ ไม่ถึงสัปดาห์ Justin ก็ถามผมว่าเมื่อไหร่ผมจะทำอาหารไทยให้เขากิน  :a5: ผมก็แบบว่าอ้ำ้ๆอึ้งๆ “กรูต้องทำด้วยเหรอ มรึงอยากกินก็ทำเอาเองดิ” แต่สายไปแล้วครับเพราะความมึนผมตกปากรับคำว่าจะทำให้เขากินวันรุ่งขึ้น แย่แล้วครับผมรีบเปิดดูในซองเลยว่ามันมีอะไรบ้าง สิ่งที่มีอยู่ตรงหน้าคือเครื่องปรุงสำหรับต้มยำ พะเเนง ของยากๆทั้งนั้น แล้วไอ้ผมที่ไม่เคยแม้แต่จะเจียวไข่เองนี่มันจะรอดเหรอครับ

ที่เลวร้ายกว่านั้นคือพอผมเดินกลับขึ้นมา Justin ก็กำลังบอกทุกคนในบ้านว่าพรุ่งนี้ผมจะทำอาหารไทยให้กิน  :sad3: แล้วทุกคนก็ตื่นเต้นกันมาก เพราะไม่มีใครเคยกินอาหารไทยมาก่อน มันให้ความรู้สึกเหมือนตัวแทนประเทศไปสร้างชื่อเสียงระดับนานาชาติเลยครับ คือถ้าผมทำแย่เขาคงจำฝังใจว่าอาหารไทยไม่อร่อย ผมก็นั่งฟัง Justin พูดถึงอาหารมื้อใหญ่วันพรุ่งนี้แล้วก็เหงื่อตก

ผมต้องซื้อของเองทุกอย่างแม้จะมีเครื่องปรุงแต่ผมก็กะไม่ได้ว่าผมต้องซื้อกุ้งสำหรับต้มยำและเนื้อสำหรับพะเเนงรวมถึงข้าวที่ต้องหุงให้คนเกือบ 10 คนกินในปริมาณเท่าไหร่ แล้วผมก็คิดถึงคนๆหนึ่งขึ้นมาครับ “พี่กี” ผู้หญิงคนเดียวที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายให้กับชื่อเสียงของประเทศชาติ เช้าวันต่อมาพอผมเห็นหน้าพี่กีผมก็ถลาเข้าไปหาเลยครับ

“พี่กี พี่ช่วยนิวหน่อยสิ Justin เขาจะให้นิวทำอาหารไทยนะ”

“ก็ทำไปดิ ไม่เห็นยากเลย เขาไม่รู้หรอกว่ารสชาติมันเป็นยังไง 55”  o22 เอิ่มมมมม แล้วมันจะรอดไหมงานนี้

“เอาจริงๆดิพี่ นิวทำไม่เป็น ต้องซื้ออะไรเท่าไหร่นิวก็กะไม่ได้ เย็นนี้เลิกเรียนแล้วพี่ไปเดิน supermarket กับนิวหน่อยนะ” ผมใช้สายตาอ้อนวอนพี่กีเต็มที่จนสุดท้ายพี่กีก็ตอบตกลง

เย็นนั้นพวกเรา 4 คนไปเดินหาซื้อของมาทำอาหารกันที่ supermarket ใกล้บ้านผม ส่วนมากพี่กีจะเป็นคนเดินเลือกอยู่คนเดียว ผมมีหน้าที่เข็น จ่ายตังค์แล้วก็หันไปเม้าท์กับไอ้ 2 คนที่เหลือเป็นระยะๆ และก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน ไอ้เอ็มมันมาวางยาผมครับ

“ไม่ต้องกลัวนะนิว อย่างมากเมิงก็ติดคุกแค่ปีสองปี” ไอ้เลว  :m16: มือไม่พายแล้วยังเอาตรีนราน้ำ้อีก

แล้วพอผมเปิดประตูเข้าบ้านปุ๊บ “ตายห่าและ!!”  :m30: ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ทำหน้าทำตาเหมือนอยากกินอาหารไทยแท้ใจจะขาด ผมอ้างว่าขอเอาของไปเก็บในห้องก่อน แต่จริงๆแล้วขอเวลาไปทำใจครับ “เอาวะอย่างมากก็โดนข้อหาวางยา สู้ตายโว้ย!!” ขอเล่าทีละปัญหาเลยนะครับ

อย่างเเรกคือเรื่องหุงข้าว ผมไม่เคยหุงข้าวครับ ต้องใส่น้ำ้เท่าไหร่ผมก็ไม่รู้ เมื่อเช้าพี่กีสอนมาว่าใช้ข้าวประมาณ3-4 แก้วน้ำ้แล้วใส่น้ำ้สูงประมาณ 1 ข้อนิ้ว ฟังดูมันก็ง่ายนะครับ ข้าว 3 แก้วกับน้ำ้ 1 ข้อนิ้วแต่เอาเข้าจริง “แก้วที่บ้านกรูมีหลายขนาดว่ะแล้ว1ข้อนิ้วกรูกับ 1 ข้อนิ้วพี่กีนี้มันไม่เท่ากันอ่ะ” ผมก็ทำนิ่งครับเลือกมาสักแก้วหนึ่งขนาดกลางๆใส่ๆมันไปก่อน เติมน้ำ้ปิดฝาแล้วกดปุ่มเป็นอันเรียบร้อย สรุปว่าเปิดฝามาอีกทีข้าวมันแห้งครับ Justin ก็ถามว่าผมใส่น้ำ้น้อยไปหรือเปล่า จะเอายังไงดี ผมก็อึ้งสิครับ กรูถามมาแค่นี้มีด้วยเหรอใส่น้ำ้น้อยไป  :m29: ถ้าบอกว่าหุงใหม่เขาจะหมดความเชื่อถือในตัวกรูหรือเปล่าเนี่ย แล้วจู่ๆก็เหมือนมีเสียงสวรรค์ครับ ผมได้ยินเสียงบ่นของพ่อเข้ามาในหัวว่าถ้าใส่น้ำ้น้อยก็ใส่เพิ่มอีกได้ ผมเลยเติมน้ำ้ลงไปอีกหน่อย ปิดฝาแล้วนั่งกัดนิ้วรอ เปิดมาอีกที โชคช่วยครับข้าวหอมมะลิสีขาวกำลังสวยเลย  :mc3:

ต่อมาก็ต้ม้ยำ ผมมีซองเครื่องปรุงอยู่ 3 ห่อ ก็เปิดน้ำ้ใส่หมดแล้วใส่เครื่องปรุงแต่ผมใส่น้ำ้มากไปรสชาติมันเลยแบบว่าเจือจางมากกกกกกกกก มีกลิ่นต้มยำอยู่ปลายๆลิ้นผมก็เริ่มใจเสียแล้วครับ สงสัยงานนี้มีเททิ้งแต่ก็ยังฟอร์มครับ คนน้ำต้มยำไปเรื่อยๆใส่กุ้งฆ่าเวลา เขาจะได้ไม่รู้ว่าเรากำลังหลอกเขา  : 222222: แล้วอยู่ๆ Justin ก็บอกผมว่าเขามี coconut milk อยู่จะเอามาใส่ ผมเห็นมันไม่มีอะไรจะเสียเเล้วเลยพยักหน้ารับแล้วหันไปทำอย่างอื่น กลับมาอีกทีผมเห็น Justin เทน้ำ้กะทิ 3 กระป๋องลงในหม้อเรียบร้อยแล้ว “ชิบหายแล้วกรู!!”  :o ลองชิมดูครับ “รสชาติแมร่งโคตรเหี้ยเลย” เหมือนกินน้ำ้กะทิเปล่าๆไม่มีผิด  :o11: ผมหันไปมองหน้า Justin she ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ประมาณว่ามีความสุขที่ได้ช่วยผม (ทำให้ต้มยำที่มันรสชาติแย่อยู่แล้วแย่ลงไปอีก) แล้วจะให้ผมพูดอะไรล่ะครับนอกจาก

“Yummy!!”  o13 คิดในใจครับว่าถ้าให้คนไทยกินนี้มีหวังเขาบ้วนทิ้ง

สุดท้าย … พะเเนงเนื้อครับ ผมก็หั่นเนื้อเป็นลูกเต๋า (ตอนหั่นนี้เสียวจะปาดนิ้วตัวเองไปด้วยจริงๆ) แล้วก็เอาเครื่องปรุงมาผัดลงในกะทะ ผสมน้ำ้นิดหน่อยแล้วใส่เนื้อลงไป ปัญหามันอยู่ที่ผมไม่รู้ว่าเนื้อมันสุกหรือยัง!! เพราะงั้นผมถึงต้องทำไปชิมไปกว่าเนื้อจะสุกผมก็เกือบอิ่มแล้วล่ะครับ

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนี่ทุกคนดูมีความสุขกับการได้ลองลิ้มชมรสอาหารไทย (ปลอมๆ) ฝีมือของผม ทุกคนชมครับว่าอร่อยโดยเฉพาะต้มยำกุ้ง mate ผมทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก ไม่เคยกินซุปที่ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อน คิดในใจนะครับว่าเขาจะรู้ไหมนะว่ารสชาตินี่ไม่ได้ใกล้เคียงของจริงเล้ยยยยย แต่ดูเหมือน Mark จะรู้ทันครับเพราะเขาถามผมว่าถ้ามันอร่อยขนาดนั้นทำไมผมถึงไม่แตะต้มยำเลย  :m18: (ฝรั่งแมร่งตาไว) ผมเลยได้แต่แสยะยิ้มแล้วบอกว่ามัน creamy มากไปสำหรับผม ปกติเราไม่ใส่กะทิเยอะขนาดนี้ แต่ทุกคนก็ไม่สนตั้งหน้าตั้งตากินจนหมด

จบจากมื้อนั้น Justin ก็บอกว่าอยากกินอาหารไทยฝีมือผมอีก ผมเลยต้องบอกเขาไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งว่าผมเอาเครื่องปรุงมาเท่าที่ใช้ไปวันนี้ (ในใจเหรอครับ Yes!!!!) แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ Justin ก็ขอให้พี่กีมาทำอาหารไทยให้กินอีก เอ็มกับกันย์ก็มาช่วย แต่มื้อนี้ผมเป็นลูกมือท้ายแถวครับ คอยยืนส่งจานส่งชามอย่างเดียว ผมจำไม่ได้ว่าพี่กีทำอะไรบ้าง แต่ถ้าจำถูกจะเป็นผัดไท ผัดผัก ปลาหมึกนึ่งมะนาวอะไรประมาณนั้นล่ะครับ ผัดผักกับปลาหมึกนี่ก็รสชาติคล้ายเมืองไทยครับ แต่ผัดไทนี่คนละเรื่องเลย เพราะเราหาน้ำ้มะขามเปียกไม่ได้ พี่กีเลยเอาเส้นจันมาผัดกับซอสมะเขือเทศแทนแล้วก็เนียนๆบอกเขาว่ารสชาติเหมือนที่กินที่ีเมืองไทยเลย

“เอ๊ะ!! นี่ผมนอกเรื่องจากเรื่องข้าวกลางวันมาไกลขนาดนี้ได้ไง”

กลับมาเรื่องข้าวกลางวันนะครับ ก็อย่างที่บอกว่าปกติเราสามคนจะกินข้าวด้วยกัน น้อยครั้งครับที่จะแยกกันกิน มันก็มีอยู่วันหนึ่งมันเป็นวันเปลี่ยน section สัปดาห์ต่อไปก็ต้องจัดห้องเรียนกันใหม่ กันย์มันบอกผมตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับว่ามันจะไม่กินข้าวกลางวันด้วย เพราะจะไปกับเพื่อนๆใน class มัน ส่วนไอ้เอ็มมันก็เพิ่งมาบอกผมตอนพักของวันนั้น ผมก็เฉยๆ จริงๆแล้วก็งอนมันครับ เพราะผมไม่ไปกินข้าวกับคนอื่นใน class เพราะจะได้กินกับมัน ผมเลยเงียบๆ เอ็มมันรู้ครับว่าถ้าผมเงียบ + ทำหน้านิ่งๆนี่คือไม่พอใจ มันก็กลัวผมจะโกรธ ชวนผมไปกินข้าวด้วย ผมไม่ไปหรอกครับ ผมไม่รู้จักใครเลย ให้ไปนั่งกินข้าวด้วยนี่ผมอึดอัดตาย ผมเลยพูดดีๆกับมันบอกว่าผมไม่ได้โกรธ ไม่ต้องห่วง ผมกินข้าวคนเดียวได้ มันก็อืมๆแบบเกรงใจ (มรึงเกรงใจกรูแต่ก็ทิ้งกรูไปกินข้าวกับพวกมัน ชิห์)

พอพักกลางวันผมก็เดินไปกินข้าวอีก campus หนึ่ง เดินไปถึงห้องวางกระเป๋าเรียบร้อยแล้วนะครับ เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ให้ของขวัญอาจารย์ ผมเลยเดินกลับมาอีกครั้ง ระหว่างทางมันมีสวนสาธารณะอยู่ตรงข้างถนน วันนี้อากาศดีครับแดดออก sunshine day มาก หลายคนก็มานั่งกินข้าวกันในสวน ผมมองไปเรื่อยๆแล้วก็ไปสะดุดกับหลังคนๆหนึ่ง …. ไอ้เอ็มครับ ผมจำเสื้อมันได้เพราะผมเป็นคนไปเลือกซื้อกับมัน มันนั่งกินข้าวกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ สองคน ย้ำ้นะครับว่าสองคน แล้วมรึงบอกกรูว่าไปกินข้าวกับเพื่อนๆ เท่านั้นล่ะครับปรี๊ดครับปรี๊ด  :m31: ของขวัญไม่ให้แมร่งแล้ว เดี๋ยวค่อยให้วันหลังละกัน

ผมเดินกลับไปที่ campus  :oni1: ระหว่างทางผมซื้อโค้กด้วยนะครับ คิดในใจว่าจะเอาไปสาดแมร่งทั้งผู้หญิงผู้ชาย แอบมาคบชู้กัน "นังเรยา นังงูพิษ"  o12 แหะๆ เปล่าหรอกครับคืออารมณ์เสียไง เลยอยากกินอะไรหวานๆ เดินเข้ามาในห้อง ไม่มีใครมาสักคน ผมเอาหูฟัง ipod ยัดใส่หูตัวเองเปิดเสียงแบบไม่เกรงใจห้องข้างๆ (อย่ามายุ่งกับกรู คนกำลังโมโห) แล้วก็ก้มหน้าก้มตากิน sandwich รสชาติห่วยๆของตัวเองกับโค้ก  :o11:

คิดแล้วมันปรี๊ดครับ ภาพนั้นย้ำติดตาผมอยู่เลย ตอนนี้เเมร่งคงกำลังมีความสุขนั่งกินข้าวกลางวันกันสองคนกลางสวนสาธารณะโรแมนติกตายห่า  :serius2: แล้วผู้หญิงคนนั้นจะรู้ไหมว่าไอ้ sandwich ไข่ที่เอ็มมันกินน่ะฝีมือผมมมมมม!!  :angry2: คิดแล้วแค้นครับ ผมกระดกโค้กจนหมดกระป๋องแล้วเขวี้ยงกระป๋องลงถังขยะสุดแรงเสียงดังเป๋งเลยครับ สะใจคิดซะว่าเป็นหัวไอ้เอ็มแต่มันก็ไม่หายโกรธ

พอใกล้บ่ายโมงไอ้ตัวต้นเรื่องก็เดินเข้ามา ผมชายหางตามองมัน เห็นเอ็มมันเดินมาหน้านิ่งๆ คิดว่ากรูจะเชื่อมรึงเหรอเดินมาทำหน้าเฉยๆในใจคงยิ้มระรื่นเลยสิ  ข้าวกลางวันอร่อยไหมละมรึง แล้วมันก็เอากระเป๋ามาวางข้างๆผมก่อนจะนั่ง โอ๊ยแค่เห็นหน้ามันผมก็อยากกระโจนเข้าหักคอมันแล้วครับ  :z6:

“มรึงกินข้าวที่นี่เหรอ”

“อืม” ก็ใช่สิ มรึงทิ้งกรูแล้วไปกินข้าวกับผู้หญิงนิ แล้วจะให้กรูกินข้าวกับหมาที่ไหน

“แล้วมรึงกินข้าวกับใคร” พ่อกรูมั้ง

“คนเดียว แล้วมรึงล่ะ” ถ้ามรึงโกหกกรูนะ น่าดู  :m16:

“กินกับเพื่อนผู้หญิงเกาหลีที่สวนสาธารณะ” เกาหลีด้วยนะ คงน่ารักมากล่ะสิ  :3125:

“เหรอ คงอร่อยเนอะ” ไม่ค่อยเก็บอาการเลยกรู

“นิว มรึงโกรธกรูเหรอ” มันเริ่มรู้ตัวเเล้วครับว่าผมกำลังงอน ตอนนั้นก็มีคนอื่นเข้ามาในห้องหลายคนแล้วเหมือนกันแต่มันง้อผมเป็นภาษาไทย ไม่มีใครฟังออกครับ เอ็มมันก็ง้ออย่างงั้นอย่างงี้จนผมเริ่มอารมณ์ดีขึ้น (ผมนี่ก็ใจอ่อนเนอะมันง้อนิดเดียวหายโกรธแล้ว) กำลังเคลิ้มเลยครับ อาจารย์เดินเข้าห้องมาพอดี เอ็มมันเลยหยุดง้อเพราะที่นี่เขามีกฎว่าต้องพูดแต่ภาษาอังกฤษ ถ้าพูดภาษาบ้านตัวเองล่ะก็ โดนทำโทษครับ … สรุปก็ไม่มีอะไรจบคาบมันก็ง้อผมต่อนิดหน่อย  ผมก็หายโกรธตั้งแต่มันมาง้อผมแล้วครับ  :m18:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 03-06-2011 09:35:22
เอ็มจะไว้ใจได้ก๋า หน้าอย่างเอ็มจะไว้ใจได้ก๋า  :z3:

กลัวนิวผิดหวังจากเอ็มจัง

ชอบเหมือนจะมีใจ แต่ก็ชอบมองๆคนอื่น

สงสารนิวนะ :เฮ้อ:

แต่ก็ดีใจที่นิวมีความสุข :กอด1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-06-2011 13:15:39
แหม...แค่เขากินข้าวเที่ยงกับสาวเกาหลีหน่อยเดียว งอนซะแระ อิอิ
หวังว่าคงไม่ได้ไปกินด้วยกันทุกวันหรอกนะ
ไม่งั้นเอ็มคงจะได้ง้อใครบางคนทุกวันแน่ๆ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 03-06-2011 21:44:08
ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าใจแทน หวังว่าจะแฮปปี้เอนดิ้งน๊า
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 03-06-2011 22:46:13
เอ็มยอมรับง่ายๆเลยวุ้ย คงจะไม่มีไรหรอกมั้ง 5555+

เเต่อยากให้เอ้มเเสดงออกมากกว่านี้ หมายถึงว่าถ้าเอ็มจะเป็นพระเอกอ่ะนะ 555555+  o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 04-06-2011 00:27:23
tantalize : เอ็มมันก็คงไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ คงสนิทกันมั้ง เรียนด้วยกันวันสุดท้ายแล้วมันก็เลยอยากไปกินข้าวด้วยกันซักมื้อ

[N]€ẃÿ{k}uñĢ :  :m7:

Nus@nT@R@ : ก็เอ็มมันไม่เคยทิ้งผมไว้คนเดียวนิครับ มันไปกินข้าวกับคนอื่นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่เหลือมันก็กินกับผม  :m18:
                       ไอ้ที่บอกว่าง้อใครบางคนทุกวันนี่ ใครเหรอครับคิดไม่ออก ไม่เห็นมีเลย  :haun5:

GeTOuTNoW : ไว้ใจได้ (มั้งครับ)  :laugh3: ... อันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไป
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 19 updated 2 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 07-06-2011 21:52:41
พูดถึงเรื่องกินไปแล้วคราวนี้ผมขอพูดถึงเรื่องเที่ยวบ้างนะครับ ช่วงเดือนแรกที่ไปซักประมาณ 6 โมงกว่าๆฟ้าก็มืดแล้ว แต่พอเข้าช่วง summer เท่านั้นล่ะครับ 2 ทุ่มแล้วแดดยังจ้าอยู่เลย พวกผมก็เที่ยวกันอย่างเมามันส์  : 222222: เหลือบมาดูนาฬิกาอีกที "อ้าว!! 3 ทุ่มแล้วเหรอ” พวกเราซื้อตั๋ว bus แบบรายเดือนอ่ะครับเลยต้องใช้ให้คุ้มทั้งเที่ยวไปเรื่อย บางวันอากาศดีหน่อยก็เดินเอาบรรยากาศ ไปเที่ยวเมืองนอกมันก็ต้องเดินใช่ไหมไม่งั้นไม่มัน
 
ปกติแล้วทุกเย็นวันศุกร์โรงเรียนจะมีกิจกรรมพานักเรียนไปเที่ยวหลังเลิกเรียนบางวันก็พาไปดูหนัง ไปเล่นสนุกเกอร์ ไปเล่นไอซ์สเก็ตแต่ที่เด็ดที่สุดคือศุกร์แรกที่พวกผมไปถึง มันเป็นวันฉลองอะไรซักอย่างเนี่ยแหละครับผมจำไม่ได้แล้วแต่ที่โรงเรียนเขาจัด trip พาตะลอนไปกินเหล้า 4 ผับ เขานัดประมาณทุ่มหนึ่งที่โรงเรียน ระหว่างนั้นพวกผมก็ไปหาข้าวเย็นกินกัน ตื่นเต้นครับ ผมไม่เคยเที่ยวผับเมืองนอกมาก่อน

ผับแรกที่ไปถึงมันยังหัวค่ำ่อยู่เลยครับ ร้านมันเลยออกแนว pub and res. มากกว่า เดินเข้ามาข้างในมันก็ยังไม่สนุกเท่าไหร่ เลยมานั่งคุยกันตรงบาร์ นั่งอยู่ได้ชั่วโมงกว่าๆก็ตระเวนไปที่ต่อไป ผับที่ 2 นี่ดูเป็นผับขึ้นมาหน่อยครับ เปิดเพลงเวียเริ่มดีง มีคนเต้นๆนิดหน่อยแล้วพวกเราได้คูปองกินเหล้าฟรีมาคนละ 1 แก้ว ไอ้กันย์ครับมันประเดิมคนแรกด้วยการสั่งเหล้าอะไรมาไม่รู้ จิบไปอึกแรกมันก็บอกว่าอร่อยเลยชวนพวกผมกิน มันรู้แหละครับว่าเอ็มกินเหล้าได้แต่กับผมไอ้กันย์มันหันไปถามเอ็ม

“เอ็ม ไอ้นิวมันแดรกเหล้าได้เปล่าวะ” เอ็มมันก็หันมามองหน้าผม ผมก็ทำหน้านิ่งๆ ก็ไอกันย์มันถามเอ็มไม่ได้ถามผมนิ

“ได้แต่ไม่มาก” ครับ ผมเป็นคนคออ่อน (มาก)  :o8: ปกติผมจะกินเหล้าผสมโค้กแต่จะใส่โค้กมากกว่าเหล้า แล้วผมก็กินมากไม่ได้ ไม่เกิน 3 แก้วครับหน้าผมจะแดงเถือกไปหมดแล้วมันก็จะปวดหัวตุ๊บๆ แผลบเดียวสติผมก็จะหลุดลอยไป เอ็มมันรู้ครับว่าผมคออ่อนเพราะก็มันนั่นแหละครับที่ทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองมีความต้านทานต่อระดับแอลกอฮอล์ในเลือดต่ำ่เหลือเกิน (มันชอบมอมเหล้าผมคับ  :o12:)

พอได้ยินเอ็มมันพูดแบบนี้กันย์มันก็สั่งเหล้ามาให้ผมก้วนึง รสชาติมันอร่อยดีนะครับ  :impress: แต่ไม่รู้จริงๆว่าเขาเรียกว่าอะไร ก็ดื่มไปคุยไปรู้ตัวอีกทีสมองมันก็เริ่มมึนแล้ว ตอนเดินเข้ามาในผับเนี่ย ผมว่าโลกมันยังไม่หมุนนะ แต่ขาออกนี่สิครับ เอ็มมันต้องพยุงผมมาตลอดทาง  :-[ พอขึ้นรถได้เท่านั้นมันก็เหวี่ยงผมมานั่งชิดหน้าต่าง ผมก็สมองเบลอๆครับ ปวดหัวด้วยแบบว่าตอนนั้นหมดสภาพครับ ผมนอนเอาหัวซบไหล่เอ็มแบบไม่อายสายตาคนรอบข้างเลยครับแต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีคนสนใจนะ สักพักพนักงานเขาก็เดินแจกอะไรไม่รู้ ผมก็รับๆมา มันเป็นหลอดพลาสติกใสขนาดเล็กข้างในมีของเหลวใสหนืดๆ ฮิฮิ ผมว่าคงมีคนเดาออกแหละ มันคือ lubricant ครับ  :z1: แล้วไอ้กันย์มันก็เริ่ม

“เอ็ม แค่นี้พอเหรอวะ” ผมสมองช้าครับคิดตามมันไม่ทัน อะไรพอวะ
   
“พอดิ นิวมันรู้งาน ไม่ฝืนเท่าไหร่หรอก”  :m25: ได้ยินประโยคนี้ของไอ้เอ็มผมทุบมือลงบนตักมันดังอั๊ก กรูเมาแต่กรูก็รู้ว่าพวกมรึงคิดอะไรกันนะเว้ย

“เอ็มกรูเพื่อนมรึงนะ มรึงทำกรูได้ลงคอเหรอ”   :m1: ผมเมาแล้วรั่วด้วยครับ 55

“ก็เพราะรักไงถึงทำ”  :m10:: ไอ้ห่า!! คนเรามันก็เขินเป็นนะเว้ย

“กันย์ เอ็ม พูดจาอะไรน่าเกลียด” พี่กีคงทนฟังไม่ไหวแล้วมั้งครับ ผมว่าตอนนั้นพี่กีก็คงคิดว่าผมกับเอ็มเป็นแฟนกันเพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เราสองคนก็ตัวติดกันตลอด แล้วเอ็มมันก็ take care ผมแบบไม่อายสายตาคนรอบข้าง ... พี่ๆอย่าพิ่งจิ้นกันไปไกลคืนนั้นพี่กีนอนให้ห้องผม ส่วนเราสามคนที่เหลือก็มานอนรวมกันในห้องนั้งเล่น  :เฮ้อ:

ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์พวกเราจะไปเที่ยวกันจนดึกแล้วเอ็มกับกันย์จะมานอนค้างคืนที่บ้านผม Justin กับ Mark ก็น่ารักนะครับไม่เคยบ่นเลยที่ผมพาเพื่อนอีก 2 คนมากินมานอนด้วย เขามองว่ามีคนในบ้านเยอะๆก็ดี บ้านจะได้ไม่เงียบแล้วก็มีคนเล่นกับลูกๆเขาตลอดเวลา ก่อนกลับบ้านพวกผมจะแวะ supermarket ก่อน ซื้อของมาทำมื้อดึกกินกัน กันย์เป็นพ่อครัวตลอดส่วนผมกับเอ็มก็คอยหั่นโน่นหั่นนี่ตามที่กันย์มันสั่ง แล้วกว่าเราจะกินเสร็จ จะล้างจานเสร็จก็โน่นแหละครับตี 2 ตี 3 ปกติแล้วกันย์จะนอนในห้องผม ส่วนผมกับเอ็มจะนอนด้วยกันที่โซฟาเป่าลมในห้องนั่งเล่น คืนแรกๆที่มา กันย์มันก็ไม่ยอม มันเกรงใจผม แต่ผมก็อยากนอนกับเอ็มมากกว่า เลยอ้างว่ามันตัวใหญ่ที่สุดแล้วบังคับให้มันไปนอนในห้อง ส่วนพี่กีเขามาค้างบ้านผมแค่คืนเดียวนอกนั้นพี่เขาขอกลับไปนอนที่บ้าน พี่กีบอกผมว่ากลับไปนอนที่บ้านแล้วพวกผมจะได้เต็มที่ไม่ต้องมานั้งเกรงใจพี่เขา

 ตอนเช้าผมมักจะตื่นก่อนคนอื่น ก็ขึ้นมาทำข้าวเช้ากิน เล่น MSN แล้วก็ดู TV รอสองคนนั้นตื่น บางวัน Justin ก็เตรียมเเป้งสำหรับทำ pancake เอาไว้ให้ ซักเกือบๆเที่ยงนั่นแหละผมถึงได้ลงไปแซะ 2 คนนั้นขึ้นมาจากเตียง แต่ถ้าวันไหน Justin ไม่ได้ทำอะไรทิ้งไว้ให้ ผมก็ต้องรับหน้าที่เป็นพ่อครัวจำเป็น ก็ทำอะไรง่ายๆ เปิดตู้เย็นมามีอะไรผมก็เอาใส่กะทะให้มันร้อนๆก็กินได้แล้วครับ มันก็มีบางวันนะที่เอ็มกับกันย์มันอยากทำข้าวเช้าขึ้นมา มันสองคนชอบกินไข่ลวกครับ พอทำเสร็จผมก็เห็น 2 คนนี้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่ผมนะไม่ชอบกิน ไม่รู้มีใครเหมือนผมไหมแต่ผมเหม็นกลิ่นคาวไข่ กินทีไรไม่เคยกลั้นใจกลืนลงคอได้สักที เอ็มมันก็รู้นะครับว่าผมไม่ชอบกินไข่ลวก แต่วันนั้นมันขะยั้นขะยอให้ผมกิน ยังไงก็ไม่กิน มันก็ง้อๆๆอยู่นั่นจน mate คนอื่นเขาก็เริ่มชำเลืองๆมอง แต่มันก็ไม่หยุดครับ หยิบเอาช้อนมาจ่อไว้ที่ปากผม ผมก็อาย

“เอ็ม คนอื่นเขามอง กรูอายว่ะ”   :m17:

“ไม่อยากอายก็แดรกเข้าไปดิ”

“กรูไม่ชอบไข่ลวก”

“เร็ว มรึงไม่อายหรือไงคนอื่นเขามอง แค่กินๆเข้าไปมันก็หมดเรื่องแล้ว” ดูมันพูดครับดูมัน จงใจย้อนผมชัดๆ แล้วผมจะทำไงได้นอกจากอ้าปากงับแต่โดยดี แล้วพอไข่มันเข้าปากผมเท่านั้นแหละครับ กลิ่มมันเกินทนจริงๆ ผมรีบวิ่งไปที่อ่างล้างจานแล้วบ้วนมันทิ้งแบบไม่เกรงใจใคร  :m30: เอ็มมันหน้าหงิกเลยครับที่เห็นผมทำแบบนั้น แล้วมันก็งอนผม หันหลังก้มหน้าก้มตาจ้วงไข่ลวกแบบไม่สนใจผม ผมก็รู้ตัวนะว่าตัวเองทำแรงเกินไป แต่ผมก็ไม่ได้แกล้ง ไข่มันเหม็นคาวจริงๆ แล้วมันเป็นความผิดผมตรงไหนที่มันงอนอยู่นี่ แต่ผมก็ง้อมันนะครับ ... เอ็มน่ะง้อไม่ยากหรอก แค่ทำเสียงอ้อนๆเอาหัวไปซบๆไหล่นิดเดียวก็หายงอนผมแล้ว  :m18:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 08-06-2011 01:44:39
หวานกันเกินหน้าเกินตาไปแล้วนะ ชิชิ ว่าแต่หายไปนานเลยน๊า
แล้วจะรออ่านต่ออิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 08-06-2011 07:25:17
[N]€ẃÿ{k}uñĢ :  :m22: แฮะ แฮะ เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมาไปเที่ยวต่างจังหวัดมาครับ กลับมาก็งานเข้ามากมายเลยไม่่ค่อยได้เขียนต่อ
                           นิวคุงมาเมนต์ตอนดึกๆให้อีกแล้ว 
:bye2: 
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 08-06-2011 20:40:12
เชียร์เอ็ม เอ็มจะทำตัวน่ารักไปไหน :-[
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 08-06-2011 20:49:53
 :m3:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 09-06-2011 00:22:56
อ่านเเล้วอิจฉามากมาย มีป้อนข่ายยย ให้กานด้วย อิอิ ไข่ลวกไม่ชอบ ชอบเเบบไม่ลวกอ่อ  :z1:

ปล.ตอนนี้ก็คุยกะน้องคนนึงอยู่ น้องเค้าโทรมาหาเราทุกวัน วันละนานๆ บางทีก็สงสัยจังว่าน้องคิดไรอยู่เนี่ย = = ( เเต่ก็เเอบดีใจเล็กๆ 555+)
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 09-06-2011 00:26:07
จะเชียร์เอ็มไปได้สักกี่น้ำกันน๊า กลัวแต่เมื่อความจริงบางอย่างที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้
เผยออกมาให้เห็น ความสุขก็คงจะค่อยกลายเป็นความหลังดังเช่นที่เป็นอยู่...
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 09-06-2011 00:32:40
จะเชียร์เอ็มไปได้สักกี่น้ำกันน๊า กลัวแต่เมื่อความจริงบางอย่างที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้
เผยออกมาให้เห็น ความสุขก็คงจะค่อยกลายเป็นความหลังดังเช่นที่เป็นอยู่...

มาเปนลางเลยหง่ะ ฮือๆๆ ( เสียใจรอล่วงหน้า )
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 09-06-2011 06:35:15
tantalize : ชอบกินไข่ต้มยางมะตูมคร้าบบบบบบบบ อาหร่อยที่สูดดดดดดดดดดดด  :impress:
               ขอแสดงความยินดีที่จะมีแฟนล่วงหน้าเลยนะคร้าบบบบบบบบ  :mc4:
[N]€ẃÿ{k}uñĢ : นิวคุงก็พูดเป็นลาง  :sad4:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 20 updated 7 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 11-06-2011 23:39:38
เอ็มมันน่ารักนะครับ  :impress2:  อยู่ด้วยกันที่โน่นมันดูแลผมดีทุกอย่าง ตามใจผมตลอดไม่เคยขัดใจ ผมอยากไปไหน อยากกินอะไรมันก็พาไปไม่เคยขัด ส่วนผมพอมีคนมาเอาใจผมก็ยิ่งอ้อนสิครับ ยิ่งคนๆนั้นคือเอ็ม ผมยิ่งเอาแต่ใจเข้าไปอีก ผมนะจริงๆแล้วเป็นคนอารมณ์ขึ้นๆลงๆ (เป็นบางเวลา) เคยเป็นกันไหมครับที่มันก็ไม่ได้มีสาเหตุอะไรแต่อยู่ๆก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาซะเฉยๆ  :m31: ผมน่ะเป็นบ่อยแล้วคนที่มันจะต้องมาโดนผมกระทบก็คือเอ็มแต่มันก็ดีนะครับ คือถ้ามันรู้ว่าผมอารมณ์เสียมันก็จะยื่น ipod มาให้ผมฟังเพลง เอ็มมันรู้ว่าเวลาผมอารมณ์เสีย ทำหน้างอๆเเล้วฟังเพลง อารมณ์มันจะเย็นลง  :freeze: แต่เอ็มมันก็ไม่ได้ยอมผมเสมอไปนะครับ

   วันนั้นเป็นเย็นหลังเลิกเรียนที่ตลอดทั้งสัปดาห์จะมีเรียนพิเศษ (คือโรงเรียนเอาครูฝึกหัดมาหัดสอนน่ะครับ) ผมเข้าเรียนไปครั้งหนึ่งแล้วไม่ชอบ จริงๆผมอยากไปเที่ยวมากกว่าแต่เอ็มกับกันย์มันอยากเรียน ผมไม่ไปอ้อนไอ้กันย์หรอกครับ ผมหนีไปอ้อนเอ็มว่าไม่อยากเรียนอยากไปเที่ยว แต่เอ็มมันอยากเรียน มันก็พูดตะล่อมผมให้เข้าเรียนอยู่นานจนผมเกิดอาการนอยด์ หงุดหงิดอารมณ์เสียที่โดนขัดใจ  o9 ตอนเเรกคิดว่าเอ็มมันจะง้อแต่เปล่าครับ มันถอนหายใจใส่ผม ส่ายหัวแล้วก็เดินเข้าห้องเรียนไปนั่งกับไอ้กันย์ ผมก็โกรธสิครับ อยู่ๆมาทำแบบนี้กับผม เรียนก็เรียนวะ ผมเลยเดินเข้าไปเรียนอีกห้องหนึ่ง ยังไม่อยากเห็นหน้าไอ้เอ็ม

ตลอดชั่วโมงผมก็นั่งทำหน้ามุ่ยๆ แล้วก็พยายามทำใจเย็นๆ รู้นะครับว่าตัวเองผิดเอง เลยบอกกับตัวเองว่าอย่าไปโกรธเอ็มมันเลย มันตั้งใจเรียนก็ถูกของมันเเล้ว เวลาเที่ยวยังมีอีกเยอะ ท้ายๆคาบผมก็อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย แต่พอหมดคาบเดินออกจากตึกเรียนเห็นหน้าเอ็มเท่านั้นล่ะครับ ไอ้ที่คิดมาตลอด 1 ชั่วโมงหายไปหมด ผมชักสีหน้าใส่มัน  :m16: ไม่มองหน้า ไม่พูดด้วย ถามคำตอบคำ แล้วก็ทำหน้าแบบจะเข้าไปกัดคอไอ้เอ็มได้ตลอดเวลา กันย์มันคงรู้สึกถึงบรรยากาศมาคุระหว่างผมกับเอ็ม มันเลยชวนไปเดินเที่ยวที่ชายหาด ผมไม่เดินข้างเอ็มนะครับ โกรธมัน หนีไปเดินข้างกันย์แทน เดินกันไปได้สักพักล่ะครับ

“นิว กันย์ มรึงสองคนไปเที่ยวกันเถอะ” เสียงไอ้เอ็มดังมาจากข้างหลังครับ ผมนี่สันหลังชาไปทั้งแถบแมร่งเล่นแรงว่ะ  :a5: 

“เฮ้ยเอ็มมรึงพูดเหี้ยไรวะ ไปด้วยกันนี่แหละ” ไอ้กันย์ครับมันพยายามกู้สถานการณ์ ส่วนผมก็ยืนหน้าซีดอยู่ข้างมัน

“ไม่เป็นไร พวกมรึงไปเที่ยวกันเถอะ … กรูไปด้วยพวกมรึงเที่ยวกันไม่สนุกหรอก” ไอ้ประโยคหลังนี่เอ็มมองหน้าผมครับ มรึงนี่รู้วิธีทำให้กรูรู้สึกผิดได้อีก  :sad5:

“เฮ้ยไม่เอาน่า ไปเถอะ เดินมาไกลแล้ว” กันย์มันยังพยายามอยู่ครับแต่เอ็มมันก็ทำท่าจะกลับให้ได้

“กันย์ ขอโทษนะ เราขอคุยกับกับเอ็มแป๊บนึง เดี๋ยวเราเดินตามไป”  กันย์มันก็พยักหน้าแบบเข้าใจแล้วเดินไปยืนรอห่างไปอีกหน่อย

“เอ็ม กรูขอโทษ กรูไม่ไดตั้งใจ กรูผิดเอง ไปเที่ยวด้วยกันนะ”  :m17:

“นะเอ็มนะ ไปด้วยกัน” ผมเริ่มยืนไม่ติดแล้วครับ เอ็มมันหน้านิ่งมาก กลัวมันอะ ผมกระโดดเข้าไปเขย่าแขนอ้อนมัน

“มรึงอยากให้กรูไปมากเลย ดูหน้ามรึงเมื่อกี้สิ” แน่ะมรึงมีเหน็บกรูอีก

“อยากดิ ไปกับกรูเถอะ … ไม่มีมรึงกรูก็ไม่มีความสุขหรอก ไปกับกรูนะ”  :o11: ผมเอื้อมมือไปจับมือมันเอาไว้ แปลกแฮะถ้าเป็นที่เมืองไทยผมคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ แต่ที่นี่ไม่เห็นมีใครสนใจผม ไม่มีแม้แต่คนจะหันมามองเด็กผู้ชาย 2 คนที่กำลังยืนจับมือกันกลางถนน    

“ก็ได้” มันยิ้มให้ผมทีนึงเเล้วก็เดินไปหากันย์ ส่วนผมก็เดินก้มหน้าก้มตารู้สึกผิดไปจนถึงหาด

หาดมันก็ไม่ได้สวยมากนะครับประมาณพัทยาบ้านเรา น้ำ้ทะเลก็ไม่ได้ใสอะไรแต่ลมแรงแล้วก็ตึกสวย ผมมองดู condo แล้วก็แอบฝันว่าถ้าโตขึ้นเเล้วมีตังค์จะมาซื้อคอนโดแถวนี้สักห้อง วิวมันสวยจริงๆครับ ก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆ หาของกินกันไปตลอดทาง ผมก็อารมณ์ดีขึ้น เอ็มมันก็ยิ้มให้ผมมากขึ้น เดินเล่นกันจนเกือบ 2 ทุ่มแหละครับถึงได้นั่งรถ bus กลับบ้าน เอ็มมันลงคนแรก

“เอ็มกรูขอโทษนะ เรื่องเมื่อเย็นน่ะ”  :m5: ผมกระซิบเอ็มเพราะไม่อยากให้กันย์ได้ยิน แต่มันก็คงได้ยินแหละครับ เพราะมันยืนอยู่ถัดจากเอ็มไปนิดเดียว

“อืม ไม่เป็นไรแต่อย่าทำบ่อยนัก หนักๆเข้ากรูก็ตามอารมณ์มรึงไม่ทันเหมือนกัน … อย่าอารมณ์แปรปรวนนักสิวะ”

“กรูจะพยายาม” พูดจบรถก็จอดป้ายที่เอ็มลงพอดี พอเอ็มลงปุ๊บ

“นิว มรึงกับเอ็มทะเลาะอะไรกันวะ” ไอ้กันย์ได้ทีถามเลยครับ ผมก็ตอบนะครับมันไม่ใช้เรื่องส่วนตัวขนาดนั้นแล้วมันก็เพื่อนผมคนหนึ่ง

“เรื่องไร้สาระ กรูงี่ี่เง่าเองแหละ”

 “มรึงก็อย่างอนมันบ่อยนักสิ มันแคร์มรึงมากนะเว้ย” ผมพยักหน้าแล้วกันย์ก็ไม่ได้ถามอะไรผมอีก

วันรุ่งขึ้นผมโดดเรียนแล้วนั่ง bus ไปเดินเที่ยวห้างคนเดียว ไม่รู้สิครับบางครั้งผมก็ต้องการเวลาอยู่คนเดียว อยากคิดโน่นคิดนี่ ผมรู้ว่าหัวใจของผมกำลังหวั่นไหว เอ็มดูแลผมดีมากครับ ดีจนผมอดที่จะคิดไม่ได้ว่าถ้าเราสองคนคบกัน อะไรๆมันจะดูดีกว่านี้ไหม อยู่ด้วยกันเกือบ 2 เดือนเอ็ม take care ผมทุกอย่าง ตามใจผมตลอด เราสองคนใกล้กันมากตัวติดกันยิ่งกว่าเป็นแฟนกันซะอีก  :n1: บางครั้งบนรถมีที่นั่งที่เดียว เอ็มก็ให้ผมนั่ง  :m3: เขาซื้อน้ำ้มากินก็ยื่นให้ผมกินก่อน มีครั้งหนึ่งพวกเรา 4 คนนั่งกินอาหารญี่ปุ่นด้วยกันผมซุ่มซ่ามทำโชยุหกใส่เสื้อกันหนาวสีขาวของตัวเอง เอ็มมันนั่งอยู่ข้างๆมันรีบหยิบทิชชู่มาเช็ดให้ ในขณะที่ผมเองยังนั่งคุยกับพี่กีอยู่เลย

ก่อนมาผมสัญญากับบิวเอาไว้ว่าจะพยายามห้ามใจตัวเองแต่ตอนนี้ เหตุการณ์ทุกอย่างมันทำให้ผมไม่อยากจะฝืนอะไรต่อไปอีกแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมพยายามห้ามไม่ให้ตัวเองคิดกับเอ็มมากกว่าเพื่อน ยอมรับเลยครับว่ามันทำได้ยากมาก ลึกๆแล้วผมก็อยากใกล้ชิดกับเอ็ม ยิ่งบรรยากาศและสิ่งเเวดล้อมมันเต็มใจแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ผมทำตัวลำบาก จนสุดท้ายผมก็โยนความคิดทุกอย่างออกจากหัวแล้วปล่อยตัวเองให้มีความสุขกับเรื่องของผมและเอ็มไปเรื่อย ๆ

อยู่ที่โน่นเรื่องนอนซบไหล่ นั่งอิงหลัง เดินจูงมือ ป้อนขนมนี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาของผมกับเอ็ม  :กอด1: เวลากินข้าวด้วยกันพี่ๆเคยเห็นในหนังไหมครับที่พระเอกกับนางเอกตักของที่อีกฝ่ายไม่ชอบมาที่จานตัวเอง ผมกับเอ็มทำกันแบบนั้นเลยครับ เราสองคนใกล้กันมานาน ผมรู้ว่าเอ็มชอบไม่ชอบอะไร ส่วนเอ็มก็รู้นิสัยผมดีเหมือนกัน เอ็มมันจำรายละเอียดในชีวิตประจำวันผมได้ทุกอย่าง ว่าผมชอบกินอะไรก่อนหลัง ปรุงยังไง แค่วันไหนผมอยากลองกินน้ำ้อัดลมขึ้นมาสักกระป๋อง เอ็มมันก็ทักแล้วครับว่าทำไมวันนี้ผมถึงไม่กินน้ำ้เปล่าเหมือนเดิม (ไอ้นิสัยกินน้ำ้เปล่าเนี่ยผมติดมาจากเอ็มตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมกับมัน) ผมกับเอ็มชอบเล่นเอานิ้วแหย่ปากกันครับ คือบางครั้งผมหาวแล้วลืมปิดปาก เอ็มมันก็แกล้งเอานิ้วมาใส่ปากผม ส่วนเวลามันเผลอผมก็แกล้งมันบ้างเหมือนกัน

ผมไม่อยากจะคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเอ็ม ถ้าถามผมว่าผมมีความสุขไหม “ครับผมมีความสุขมากๆ” แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมก็ได้เรียนรู้ว่าอะไรๆมันก็ไม่แน่นอน ผมไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง พอเราสองคนกลับมาที่เมืองไทยเราจะยังนั่งซบกัน เดินจูงมือกัน ป้อนขนมกันอยู่อีกไหม ผมไม่อยากคาดหวังเพราะกลัวจะผิดหวัง ไม่อยากรักเพราะกลัวว่าตัวเองเจ็บแต่สุดท้ายผมก็ทำไม่ได้ เพราะนอกจากผมจะหลงรักเอ็มเข้าให้แล้ว ผมยังยึดติดกับทุกอย่างที่เอ็มทำให้ผม นั่นยิ่งทำให้ผมอ้อนเอ็มออกหน้าออกตาและไม่แคร์สายตาใคร (เพราะไม่มีใครสนใจ)

อย่างที่ผมบอกพี่ๆว่าทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เอ็มจะมานอนค้างบ้านผม กันย์นอนในห้องส่วนผมกับเอ็มนอนที่ห้องนั่งเล่น ไอ้โซฟาที่ผมกับเอ็มนอนด้วยกันมันก็ไม่ได้ใหญ่อะไร เรียกได้ว่าพอดีสำหรับ 2 คนล่ะครับ ผ้าห่มก็มีอยู่ผืนเดียว แบ่งๆกันห่ม ผมเป็นคนนอนติดที่ครับ เวลาออกมานอนนอกห้องผมก็จะหลับๆตื่นๆตลอดและทุกคืนที่ผมตื่นขึ้นมาผมก็มักจะพบตัวเองอยู่ในสภาพที่ถูกเอ็มกอดเอาไว้  :o8: ผมจำได้ว่าคืนแรกที่รู้สึกตัวว่าถูกเอ็มกอดผมหน้าร้อนผ่าวไปหมด หัวใจก็เต้นแรง นอนตาค้างทั้งคืนเลยครับ ก็เอ็มมันเล่นเอาหน้ามาซุกกับหลังคอผม เวลาลมหายใจของมันสัมผัสกับตัวผม มันรู้สึกจั๊กจี้ยังไงบอกไม่ถูก แรกๆผมก็ไม่ชินนะครับที่ต้องตื่นมาในสภาพแบบนี้ แต่หลังๆผมก็รู้สึกดี มันรู้สึกอบอุ่นนะครับ รู้สึกว่าคนๆนี้ช่างเอาใจใส่ผมซะเหลือเกิน

และก็มีบางคืนผมตื่นขึ้นมาเจอตัวเองในสภาพนอนซบอยู่กับหน้าอกของเอ็ม เขินครับ  :-[ แต่ก็อยากนอนแบบนี้ไปนานๆ ผมไม่รู้หรอกว่ากันย์มันจะเคยเดินออกมาเห็นไหม หรือว่าคนอื่นๆในบ้านจะเดินลงมาเจอผมนอนกอดกับเอ็มหรือเปล่า คงเป็นเพราะที่นี่มันเป็นอีกวัฒนธรรมหนึ่งด้วยมั้งครับ ผมเลยไม่แคร์สายตาใคร  :m13:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 11-06-2011 23:56:30
นิวหลงเอ็ม 555+ :laugh:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 12-06-2011 22:21:01
นิวหลงเอ็ม 555+ :laugh:

:m1:
มา reply เร็วมากเลยครับ  o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 13-06-2011 20:10:25
มาต่อเหอะนะนะ  อยากอ่านอีกกกก
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 13-06-2011 20:49:39
ใจเย็นนะครับ กำลังเขียนอยู่  o8
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 13-06-2011 23:10:29
ระวังน๊า หวานเป็นลม ขมเป็นยา 555+
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 14-06-2011 00:13:51
อ้ากกก ถ้าจะหวานกนได้ขนาดนี้ อิจฉา  :sad4: :o12: :o8: :-[  o22
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 14-06-2011 07:25:20
[N]€ẃÿ{k}uñĢ : ใครก็ได้ช่วยเอายาดมให้ที ... ผมเป็นลม กร้ากกกกกกกกกกก!!! :laugh3:

tantalize : ของพี่ก็ไม่น้อยหน้าหรอกครับ ... อิจฉา!! โทรหาทุกวันเลย  :serius2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 14-06-2011 13:37:07
เรื่องนี้น่ารักดีครับ
แล้วจะมาอ่านบ่อยๆ ครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 14-06-2011 20:30:53
เข้ามารอทุกวัน  อิอิ บางวันอาจไม่ได้เมนต์

เพราะ อะไรเหรอออออออ
 อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 14-06-2011 23:13:25
woodong : ขอบคุณครับที่ติดตาม  o1 ผมเองก็พยายามจะเอามาลงให้เรื่อยๆ
                แล้ว "เพราะ อะไรเหรออออออ" นี่คือเพราะอะไรละครับบบบบบบบบ ... แง่ๆๆมาจิ้มให้อยากแล้วจากไป  :o12:

-~iK@iZ_KunG~- : ขอบคุณครับ  :pig4:
 
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 21 updated 11 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 16-06-2011 20:37:09
ไม่นานเวลา 2 เดือนของผมกับเอ็มก็หมดลง  :sad4: หลังเรียบจบคอสร์ผมมีเวลาอีก 1 วันเต็มก่อนที่จะบินไปเยี่ยมป้าอีกประเทศนึง บ่ายๆของวันสุดท้าย mate ผมนัดพวกเรา 3 คนไปเลี้ยงส่งกันที่ร้าน pizza ในเมือง หลังจากกินกันอิ่มเรียบร้อย mate ผมทั้ง 3 คนก็ขอแยกย้ายกลับบ้านส่วนผม เอ็มและกันย์แวะไปเดินเล่นกันในเมืองเป็นครั้งสุดท้าย มันรู้สึกใจหายนะครับผมยังจำวันแรกที่ผมมาถึงที่นี้ได้เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เวลาของความสุขนี่มันช่างเดินเร็วจริงๆ

ขากลับพวกเราแวะ supermarket ซื่อของกันตามความเคยชิน กันย์ของแยกกลับบ้านไปก่อน ปล่อยให้ผมเดินอยู่กับเอ็ม 2 คน ก็เดินกันจนเย็นแหละครับผมเลยขอเดินไปส่งเอ็มที่บ้านซักครั้งเพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ เอ็มมาสงผมที่บ้านตลอดแต่ผมแทบไม่เคยเดินไปส่งมันเลย ระหว่างทางเดินกลับบ้านผมแอบมองหน้าเอ็มบ่อยมาก ผมคงไม่ได้เห็นหน้าเขาไปอีกเกือบเดือน

“เอ็ม กรูเปลี่ยนไปบ้างไหม ตั้งแต่วันแรกที่มาที่นี้” ผมถามเขาเมื่อเราสองคนนั้งอยู่ในห้องนอนของเอ็ม  :z1:
   
“พูดไรวะ … มรึงก็ยังเป็นนิวคนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน” ผมรู้ว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ผมเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้น สาเหตุเหรอครับเพราะผมอยากอ้อมเอ็มไง ผมอยากให้เอ็มเอาใจผม อยากให้เราสองคนได้ทำอะไรให้กันในสิ่งที่เราไ่ม่สามารถจะทำให้กันได้ที่เมืองไทย ผมไม่รู้ว่าเราสองคนจะมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตกันแบบนี้อีกไหม ผมเลยอยากตักตวงช่วงเวลาดีๆเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เดียวกรูก็ไม่ได้เจอหน้ามรึงอีกเกือบเดือน มรึงจะคิดถึงกรูไหม”
   
“คิดถึงดิ แล้วมรึงละ”  :m1:

“ไม่คิดถึงก็บ้าแล้ว ตัวติดกันมาตั้งเกือบ 2 เดือน … เอ็ม กอดกรูหน่อยได้ไหม กรูอยากให้มรึงกอดกรูจัง”  :impress2:

“ได้ดิ” แล้วเอ็มมันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด ผมซบหน้าอยู่กับอกของเอ็มซักพัก  :กอด1: ในหัวก็กำลังพยายามจะจดจำภาพความทรงจำดีๆที่เราสองคนมีให้กันตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ผมกลัวครับ กลัวว่าอีกเดือนนึงหลังจากนี้ พอเรากลับมาที่เมืองไทย แล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่มันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน ใจนึงผมก็อดจะคิดไม่ได้ว่าเราสองคนจะมีโอกาสเป็นมากกว่าเพื่อนกันไหม อีกใจนึงผมก็กลัวว่าเราทั้งคู่จะทิ้งเรื่องราวทั้งหมดไว้ที่นี่

เอ็มเดินมาส่งผมที่ป้ายรถ bus ระหว่างรอรถหัวใจของผมมันเต้นรัว ผมได้แต่มองหน้าเอ็มมีเพียงปลายนิ้วของเราสองคนที่สัมผัสกันเบาๆ  :n1: ผมไม่อยากห่างจากเอ็มเลยครับ พอรถมาถึงผมกับเอ็มรำ่ลากันเล็กน้อยแล้วตอนที่รถ bus กำลังวิ่งออกจากป้าย ผมมองย้อนกลับไปก็เห็นเอ็มมองเข้ามาในรถ มันโบกมือให้ผม ผมแทบจะกลั้นนำ้ตาเอาไว้ไม่อยู่

เย็นวันนั้น Mark กับ Justin จัดงานเลี้ยงส่งให้ผมพวกเรากินข้าวกันพูดกันถึงเรื่องบ้าๆที่ผมทำในตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี้ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรที่ทำให้คนต่างเชื่้อชาติ ต่างศาสนา ที่อยู่กันคนละซีกโลกได้มีโอกาสมาอยู่ร่วมกันในบ้านหลังนี้แม้ว่ามันจะเป็นระยะเวลาไม่นานแต่ทุกคนที่นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านและคืนนั้นก็เป็นคืนที่ทำให้ผมรู้ว่าทุกคนในบ้านคิดว่าผมกับเอ็มเป็นแฟนกันมันเริ่มมาจากไอ้เพื่อนเกาหลีของผมครับ (ขอแปลเป็นซับไทยนะครับ)

“กรูเดาว่าพรุ่งนี้เอ็มมันต้องไปส่งมรึงใช้ไหม”

“เปล่า เอ็มไม่ได้ไป” จริงๆแล้วเอ็มจะไปครับแต่ผมบอกเองว่าไม่ต้องเพราะมันเช้า แล้วผมก็เกรงใจ Mark กับ Justin ที่จะต้องมาคอยดูเเลเอ็มทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว

“เหรอ ทำไมละ เห็นมรึงสองคนไปไหนมาไนด้วยกันตลอด” แล้วมันก็มองหน้าผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์พิกล

“หมายความว่าไงวะ”

“งั้นกรูขอถามมรึงตรงๆเลยนะ”

“อืม”
   
“มรึงกับเอ็มเป็นแฟนกันเปล่าวะ”

“เฮ้ย!! เปล่าๆ เราเป็นแค่เพื่อนกัน”

“กรูไม่เชื่อเพื่อนกันที่ไหนจะสนิทกันขนาดนี้”

“ก็เพื่อนสนิทไง กรูรู้จักกับเอ็มมาตั้งแต่เด็กแล้ว”

ผมนั้งเครื่องต่อไปอีกไม่นานหรอกคับ ชีวิตผมกับญาติๆไม่มีอะไรมากคับ shopping เป็นหลักแล้วก็ตะลอนๆไปนอนบ้านญาติ แต่ส่วนใหญ่ผมจะนอนอยู่บ้านป้า พ่อผมส่ง list มารอผมตั้งแต่ตัวผมยังมาไม่ถึงเลยด้วยซำ้ พอผมออกมาจากสนามบิน ป้าเค้าเอา list มาโชว์แบบว่ายาวเป็นหางว้าวเลยครับ

เช้าแรก ป้ามาปลุกผมแต่เช้า พาไป shopping ตั้งแต่วันแรก อยู่ที่โน่นผมใช้เงินเป็นเบี้ยครับ  สมัยนั้นตอนอยู่เมืองไทยผมไม่ค่อยซื่ออะไร เวลาไปเที่ยวเลยไม่ยั้ง ยิ่งพ่อให้บัตรเครดิตมาด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ใช้เงินแบบว่าที่บ้านพิมพ์แบ๊งค์เองได้ มันเลยไม่น่าแปลกใจที่พอผมกลับมาบ้านแล้วมานั้งคำนวณว่ารูดไปเท่าไหร่ เลขที่ออกมามันทำให้ผมถึงกับกุมขมับ ตอนนั้นเนียนเลยคับเอาใบเสร็จทั้งหมดแอบไปว่างไว้ในห้องพ่อแล้วออกมาเงียบๆ เหมือนพ่อผมจะทำใจแล้วครับ ท่านไม่ว่าอะไรซักคำเพราะพ่อกับแม่เองก็ฝากผมซื่อของเยอะเหมือนกัน

อยู่โน่นผมพยายามติดต่อเอ็มแต่ก็ไม่สำเร็จส่งเมลล์แล้วมันก็ไม่ตอบ โทรเข้ามือถือก็ไม่เปิดเครื่อง ผมใช้ชีวิตอยู่ต่อมาอีกเกือบเดือนโดยที่ไม่รู้เลยคับว่าเอ็มเป็นไงบ้าง ยอมรับคับว่าคิดถึงมันมากแต่ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่คิดถึงเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา นั้งจินตนาการภาพว่าถ้ามันมาที่นี่กับผมด้วย ผมจะมีความสุขมากแค่ไหน เท่านั้นมันก็พอที่จะทำให้ผมนั้งอมยิ้มได้แล้วครับ

คืนที่ผมบินกลับมา ทันทีที่ผมเปิดเครื่อง มือถือผมก็ดังขึ้น …  เอ็มโทรมา  :m18: (มันกลับมาถึงก่อนผมคืนนึง) ผมยังอยู่ด้านในสนามบินอยู่ยังไม่ได้เอากระเป๋าเลยด้วยซำ้ ผมคุยกับเอ็มนิดหน่อยเพราะต้องรีบขนกระเป๋าใส่รถ ... ดีใจมากครับที่มันโทรมา

ไม่กี่วันหลังจากที่ผมบินกลับมาผมกับเอ็มก็นัดกินข้าวกันที่สยาม ตื่นเต้นครับผมได้เจอหน้าเอ็มครั้งแรกในรอบ 1 เดือน เอ็มผอมลงแล้วก็ผิวคลำ้ขึ้นเล็กน้อย จำได้ว่าวันนั้นผมกับเอ็มนั้งกันคุยกันนานมาก เอ็มมันมีเรื่องเล่าให้ผมฟังเยอะแยะไปหมด มันก็คงสนุกอยู่หรอกครับได้ไป backpack เนี่ย ส่วนผมก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรมาเล่าให้มันฟังมากมายเพราะชีวิตประจำวันของผมก็คือการ shopping ผมซื่อกระเป็าตังค์มาฝากเอ็มใบนึง

ก่อนเปิดเทอมผมกับเป็มไปทำค่ายรับน้องของมหาลัยด้วยกันแต่ปีนี้ไอ้บิวไม่ได้ทำมันยังไม่กลับมาจาก work and travel  ผมกับเอ็มก็ตัวติดกันตลอด ผมเองก็ไม่ได้สนิทกับใครเพราะตั้งแต่จบค่ายเมื่อปีที่แล้วผมก็กลับมาอยู่ในส่วนขอคณะผม เวลานั้งกินข้าวเราก็ไปนั้งรวมๆกับน้องด้วยกัน เสร็จงานตอนเย็นผมก็กลับมานอนข้างบ้านเอ็มคืนนึง ตอนกลางคืนก็เหมือนเดิม มันนอนกอดผม  :give2: ตอนเช้าเราก็ไปมหาวิทยาลัยด้วยกันอีกรอบ

งานรับน้องก็ไม่มีอะไรมาก หมันใส้ไอ้เอ็มเวลาบายศรีมีน้องมาต่อคิวรอกันเพียบส่วนผมที่นั้งอยู่ข้างๆมันนี่ไม่มีคนมาต่อแถวเลยครับ ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรนะครับแค่ส่งสายตาจิกๆให้มันบ้างบางครั้งแต่เรื่องที่ทำให้ผมอารมณ์เสียที่สุดก็คือเรื่องของพี่บี พี่บีเป็นพี่ที่จบไปแล้วแต่กลับมาช่วนงานน้องๆเป็นประจำ ผมเห็นหน้าพี่บีตั้งแต่เมื่อปีก่อนและผมก็เห็นมาตลอดว่าพี่เขาชอบส่งสายตาให้เอ็มแต่ปีนี้พี่เขาถึงเนื้อถึงตัวเอ็มมากขึ้น ผมไม่ชอบครับเวลาเห็นพี่เขาเดินมาจับไหล่จับแขนเอ็ม เห็นแล้วมันแบบว่าขัดตา อารมณ์เสียขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ  :m16:

เย็นวันสุดท้ายหลังเลิกงาน เอ็มชวนผมและเพื่อนอีก 2 คนไปกินข้าวเย็นกันต่อ ผมเดินตามเอ็มกับคนอื่นๆออกมาทีหลังถึงได้เห็นกับตาว่าตอนที่เอ็มเดินผ่านพี่บี พี่บีเขาดึงเอ็มไปนั้งตัก เท่านี้ผมก็เลือดขึ้นหน้าแล้ว  :fire: พอเห็นพี่เขากอดเอ็มแล้วไอ้เอ็มมันก็ไม่ได้มีท่าทางขัดขืนอะไรผมนี่น๊อตหลุดเลยครับ

“เอ็ม กรูจะกลับบ้าน” ผมเดินเข้าไปหาเอ็มเลยครับแล้วพูดด้วยเสียงไม่สบอารมณ์สุดๆ

“เฮ้ย!! เดียว กินข้าวด้วยกันก่อนดิ” เอ็มมันก็พยายามลุกขึ้นมานะครับแต่พี่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมันซักที

“ไม่ดกไม่แดรกแมร่งแล้ว ไม่มีอารมณ์” ประโยคหลังผมจงใจพูดกระแทกใส่หน้าพี่เขา เหมือนพี่บีจะรู้สึกได้ครับเพราะพี่เขาปล่อยเเขนออกจากเอวไอ้เอ็ม มันทำท่าจะลุกขึ้นแต่ผมก็ไม่อยู่่รอมันหรอกครับหันหลังเดินออกประตูไปเลย

“นิวๆ มรึงเป็นอะไรวะ”   

“เรื่องของกรู อย่ามายุ่ง”

“ใจเย็นก่อนดิ ทำไมอยู่ๆถึงอารมณ์เสียแบบนี้วะ” แมร่งโง่เปล่าวะ อารมณ์เสียขนาดนี้ยังเดาไม่ออกอีกเพราะอะไร

“ไม่เย็น ทำไมกรูต้องเย็น … ไปเดรกข้าวกับเพื่อนมรึงโน่น กรูจะกลับ กรูเหนื่อย”

“นิว!! … จะแดรกไม่แดรก อย่าให้กรูต้องมีอารมณ์นะ”  :sad3: ไอ้เอ็มครับ หน้ามันน่ากลัวมากแบบว่าจะบีบคอผมให้ตายไปตรงนั้นเลยก็ว่าได้

“แดรกก็ได้”  :o11: ผมก็หงอยซิครับ ผมนะโมโหร้ายก็จริงครับแต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่กล้ากับไอ้เอ็มเหมือนกัน เห็นมันเป็นคนใจเย็นไม่เคยโกรธใครเเบบนี้ เวลามันบ้าขึ้นมานี้น่ากลัวจริงครับ

สำหรับเรื่อง tutor สรุปว่าแผนที่วางเอาไว้ว่าพวกเราจะกลับมาทำต่อก็ต้องเป็นอันยกเลิกไปเพราะแม่ผมขอที่คืนและทุกอย่างมันก็เป็นเหมือนที่ผมกลัว ผมกับเอ็มกลับมาเมืองไทยแล้วอะไรๆที่เราเคยทำให้กันมันก็ต้องลดน้อยลงตามธรรมเนียมปฏิบัติของคนไทย ไอ้เรื่องนั้งอิงกัน ป้อนขนมกัน เดินจูงมือกันนี่ไม่มีแล้วครับ อย่างมากที่สุดที่ผมกับเอ็มทำให้กันก็แค่ตักกับข้าวให้กันและกัน

จะว่าไปนี่พวกเราก็เข้ามหาลัยมาได้ซักระยะยึงแล้ว อะไรๆก็เปลี่ยนไปครับ เอ็มมันเลิกคิดมากจะเป็นจะตายเรื่องความรักแล้วชวนผมไปกินข้าวย้อมใจแล้วครับ ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันคบกับใครเป็นจริงเป็นจังหรือเปลาเพราะมันก็ไม่เคยบอกผมแต่ผมก็ได้ยินมาจากเพื่อนๆว่าเอ็มมันก็มีกิ๊กของมันมาเรื่อยๆ ส่วนชีวิตของผม … ครับ ผมมีคนเขามาหาบ้างแต่ผมไม่เคยคิดจะจริงจังกับใคร เพราะอะเหรอครับ?? ...  เพราะผมเจอคนๆนั้นของผมแล้วไง  :-[

ตอนนั้นผมซับสนนะครับ ไม่รู้จะเอายังไงกับเรื่องของเอ็มดี ใจนึงผมก็อยากจะกลับไปคิดกับเอ็มมันเหมือนเดิมแต่อีกใจนึงผมก็อยากจะรักมันมากเหลือเกิน ช่วงนั้นผมก็ได้ไอ้บิวกับไอ้ต้นเป็นกระโถนระบายอารมณ์ละครับ แน่นอนว่ามันสองคนไม่เห็นด้วยเหตุผลหลักๆของมันก็คือมันกลัวว่าผมจะเสียเพื่อนสนิทไป

สุดท้ายผมก็คิดถึงคนๆนึงขึ้นมา คนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเหมือนอีกครึ่งนึงของชีวิตผม แม้จะไม่ได้เรียนมหาลัยเดียวกันแต่ผมกับบาสก็โทรคุยกันตลอด (ไม่บ่อยหรอกครับ 2-3 เดือนครั้งแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าบาสมันก็ยังอยู่แถวๆนี้ไม่ได้หายไปไหน) เราเจอกันบ้างตามงานเลี้ยงรุ่นหรือไม่ก็บังเอิญเดินเจอกันตามสยาม (นานๆมากครั้ง) คืนนั้นผมโทรหาบาส เราสองคนคุยกันเป็นชั่วโมง แล้วผมก็ถามบาสด้วยคำถามที่ผมเองก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะกล้าพูดมันออกไป

“บาส เราถามบาสตรงๆนะ บาสเคยคิดถึงเราบ้างไหม”   :try2: โอ้วพระเจ้า!! นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย

“...” บาสมันเงียบครับ เพิ่งรู้สึกตัวว่าผมไม่น่าพูดมันออกไปเลย  :z3: ตลอดเวลาที่คบกันมาผมกับบาสไม่เคยพูดกันถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเราแล้วผมเอาอะไรมาคิดว่าพอมาถึงจุดนี้บาสจะตอบอะไรผม

“ไม่เป็นไร เราขอโทษ เราไม่น่าถามเลย … งั้นเราไปนอนก่อนนะบาส”

“คิดถึงซิ ถ้าไม่คิดถึงแล้วเราจะกลับไปง้อนิวเหรอ …......แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว อย่าพูดถึงมันอีกเลยเนอะ”

ผมไม่โกหกว่าคำตอบของบาสทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา ผมไม่ได้หวังอะไรกับคำตอบของบาส ไม่ได้หวังว่าซักสันนึงเราจะกลับมาคบกันเพราะผมเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเราสองคนเดินผ่านจุดนั้นกันมานานมากแล้วแต่คำตอบของบาสมันก็ทำให้ผมอดคิดไม่ได้จริงๆว่าถ้าวันนั้นผมกลับไปหาบาสแล้วนันนี้ผมกับบาสยังจะคบกันอยู่ไหม บาสจะทำให้ผมมีความสุขหรือว่าทุกข์ใจมากแค่ไหน
   
บาสดูเหมือนจะสามารถเดินต่อไปได้โดยไม่ย้อนกลับมามองอดีตข้างหลังในขณะที่ผมนั้นตรงกันข้าม ผมจะลืมบาสได้ยังไงครับในเมื่อเขาคือคนๆแรกที่ผมกล้าพูดว่าผมรักเขาด้วยหัวใจทั้งหมดที่ผมมี และสิ่งที่เป็นเหมือนแผลเป็นในใจผมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเรื่องที่ผมกับบาสมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ผมจะลืมเรื่องราวทั้งหมดไปได้ยังไงในเมื่อเขาเคยเป็นเหมือนอีกครึ่งนึงของชิวิตผม บ้านที่ผมอยู่ เตียงที่ผมนอนมันก็เป็นเหมือนฉากที่ทำให้ผมคิดถึงเรื่องราวระหว่างเราสองคน เมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามารถลืมเรื่องทุกอย่างได้แต่ยิ่งเวลาผ่านไปมันกลับไม่ง่ายอย่างนั้น เชื่อไหมครับว่าถึงตอนนี้ผมก็ยังฝันถึงตอนที่เราสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน … มีคนเคยบอกผมว่า

“เรื่องบางเรื่องเราอาจจะอยู่กับมันได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะลืมมัน … คนเราทุกคนมีแผลแต่ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไป”  :bye2:

ปล. มาต่อให้แล้วนะครับ ขอโทษที่มาลงให้ช้า ช่วงนี้ยุ่งๆนิดนึง
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 22 updated 16 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: Forget..* ที่ 16-06-2011 22:38:04
แงงงงงงงงงง คลุมเครือสุดๆ ไม่รู้ว่าเอ็มคิดยังไง ;((
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 22 updated 16 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 17-06-2011 00:29:53
มึนๆๆๆๆ

 :serius2: :serius2: :serius2:

ไม่รู้จะยังไง :z3: :z3:

 :z13: :z13: :z13:

 :เฮ้อ:

เรื่องเล่าเป็นยังไงไม่สำคัญ

 :call:ขอให้ตอนนี้คุณนิวมีคนรักและมีความสุขนะครับ

อ่านแล้วสับสน เศร้า วุ่นวายใจแทนคุณนิว

รักแท้มันช่าง....  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 22 updated 16 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 17-06-2011 00:50:16
จริงๆแล้ว ก็เห็นใจคนอ่านนะครับ เรื่องมันช่างคลุมเครือเหลือเกินแต่ชีวิตจริงมันก็แบบนี้ละครับ
พอมานั้งเขียนเรื่องของตัวเองถึงได้รู้สึกว่าเราเองก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกันนะ

ครับ ... รักแท้มันช่าง  :เฮ้อ:  แต่มันก็  :m18: เวลาได้รัก แล้วมันก็  :m1: :m3: เวลาได้รับรัก

GeTOuTNoW : ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ  o1
Forget..* : การเดาใจคนอื่นนี่ยากที่สุดครับ  :a3:

ฝันดีนะคร้าบบบบบบบบ  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 22 updated 16 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 17-06-2011 20:41:26
อ้างถึง
คุณเคยแอบรักเพื่อนสนิทไหม ??

เคยนะครับ  อิอิ  แต่เราก็คิดซื่อๆๆกับเค้านะ 5555555555
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 22 updated 16 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 17-06-2011 20:59:37
อยากจะรู้มาก ว่าใครคือคนที่ จะเรียกไงดีอ่ะ เอิ่ม คนที่แบบ ใช่ สำหรับพี่นิว ที่ไม่เหมือน พี่บาส อ่านะ

เรื่อง มันหน่วงอ่า มันเปงสีเทาๆ นะนิ เฮ้ออออ :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 22 updated 16 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 17-06-2011 21:28:46
zabzebra : ชีวิตจริงมันก็แบบนี้ละครับ บางวันมันก็เป็นสีชมพู บางวันก็ขาว บางวันก็ดำ  :mc3:
                ... ส่วนที่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร ขอเก็บไว้บอกตอนจบละกัน
                พี่ไม่เข้าใจ "คนที่แบบ ใช่ สำหรับพี่นิว ที่ไม่เหมือน พี่บาส" หมายถึงอะไร?? ถ้าน้องจะบอกว่าพี่บาสไม่ดี อย่าคิดแบบนั้นเลยครับ
                เมื่อก่อนพี่โทษพี่บาสนะที่ทำให้พี่เสียใจแต่ตอนนี้บางครั้งพี่ก็เคยคิดย้อนกลับไป "แล้วพี่ไม่เคยทำให้พี่บาสเสียใจเลยเหรอ"
                มันไม่ใคร perfect หรอก พี่เองก็คนธรรมดาคนนึงที่ก็ไม่ได้ดีพร้อมไปซะทุกอย่าง

woodong : แสดงว่ามีคนเคยมีประสบการณ์เดียวกับเรา (หรือเปล่า??)
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 22 updated 16 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: ่นทยนส ที่ 17-06-2011 22:57:54
  ความรัก  ความสัมพันธ์แบบนี้ บางทีมันก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเนาะ  รู้แต่ว่า มันโคตรอึดอัด  ผมเคยเจอมาแล้ว
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 22 updated 16 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 18-06-2011 10:24:25
อึมครึม อิอิ มาต่ออีกนะครับ
อยากอ่านต่อแล้วครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 22 updated 16 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 19-06-2011 18:52:41
เข้ามารอ o18
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 22 updated 16 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 19-06-2011 23:40:48
woodong : แอบมีพกมีดไว้ข้างหลังด้วยอ้าาาาาาา  :sad4:

-~iK@iZ_KunG~- : อดใจนิดนะครับ กำลังเขียนอยู่  :L2:

นทยนส : ก็มีบางครั้งมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนคนเป็นใบ้ทีอยากจะตะโกรออกมาดังๆ  :angry2:

ราตรีสวัสดิ์ครับทุกๆคน  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 22 updated 16 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 22-06-2011 21:38:32
ช่วงเปิดเทอมผมกับเอ็มเรานัดเจอกันบ่อยครับ ผมชอบนัดเจอเอ็มที่สยามหลังเลิกเรียน ช่วงนั้นผมบ้าเดินเล่นสยามครับไม่ได้ซื่ออะไรแต่ก็ขอให้ได้ไปเดินๆแค่นี้ก็พอ บางครั้งผมก็เดินเจอเพื่อนที่คณะและนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่คนในคณะเริ่มเมาส์กันว่าผมเป็นแฟนกับเอ็ม ผมเคยพาเอ็มเข้าคณะช่วงเสาร์อาทิตย์ก็จอดรถหลบมาหน่อยเพราะไม่อยากให้ใครเห็นแต่ยิ่งหลบมันก็ยิ่งเจอเพราะตอนที่เรากำลังลงจากรถเพื่อนในกกลุ่มผมคนนึงมันก็ขับรถสวนออกมา มันชะลอรถใแล้วลดกระจกลงมาส่งสายตามีความนัยให้ผม วันรุ่งขึ้นมันมาเลยครับ

“นิวเมื่อวันเสาร์ มรึงพาแฟนมาเปิดตัวเหรอ”  :o8:

เอ็มมันก็รู้นะครับว่าเพื่อนๆจับคู่ผมกับมันแต่แทนที่มันจะทำตัวเฉยๆมันกลับยิ่งสร้างกระแสให้เพื่อนผมมีเรื่องเอาไปเมาส์กันมากขึ้น  :m16: มันเริ่มตอนจากพักกลางวันของวันๆนึงที่เอ็มเดิมมาทำธุระแถวคณะผม มาถึงมันก็เดินมาหาผมที่โรงอาหาร ผมก็กำลังนั้งคุยกับเพื่อนๆแล้วมันก็เดินเข้ามา

“อะให้!!!” รู้ไหมครับว่ามันซื่ออะไรมาให้ผม … กล้วยปิ้ง  :z1: ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันจะซื่อมาทำไมเพราะผมไม่เคยบ่นว่าอยากกิน
   
“ซื่อมาทำไมวะ” มองหน้ามันงงๆครับ ยังไม่ get มุกประหลาดๆของมัน

“เห็นแล้วคิดถึงมรึง”  :m25: เท่านั้นละครับสมองของผมก็รีบแปลผลอย่างรวดเร็วแต่ยังไงมันก็ช้ากว่าไอ้เพื่อนที่นั้งอยู่รอบๆ พวกมันส่งสายตากันขวุบขวับเลยครับ แต่ละคนส่งสายตาให้กันแล้วสะกิดกันอยู่นั้นเเหละ “บ้านมรึงยังใช้รหัสมอสกันอยู่เหรอ” … สุดท้ายผมก็ทนสายอยากรู้อยากเห็นของคนรอบข้างต่อไปไม่ไหว รีบชวนไอ้เอ็มออกไปหาอะไรกินนอกคณะ มันทำหน้าซะใจมากครับพอเห็นผมถอนหายใจออกมาแรงๆแล้วชวนมันออกไปหาอะไรกิน

หลังจากนั้นอีก 2 สัปดาห์กลุ่มผมก็นัดเลี้ยงน้องรหัสกัน พอเอ็มมันรู้ว่าผมกินข้าวกันอยู่ที่ไหนมันก็ตามมา ผมส่ายหัวตั้งแต่เห็นมันเดินเข้าประตูร้านมาแล้วครับ มันมาถึงก็ยื่นกล่องเค้กให้ผม 2 กล่อง

“ซื่อมาทำไมวะ” งงมันครับไม่เคยบอกซักคำว่าอยากกินเค้กเพราะปกติผมไม่ชอบเค้กอยู่แล้ว

“อยากซื่อมาให้มรึงกิน” มันมาแล้วครับ เริ่มออกอาการนำ้เน่าต่อหน้าเพื่อนผม ส่วนไอ้พวกเพื่อนๆมันก็นั้งอมยิ้ม น้องๆก็นั้งมองหน้ากัน ยิ่งไอ้น้องรหัสผมนี่มันมองหน้าผมสลับกับหน้าเอ็มเหมือนในหนังการ์ตูน

“เล่นอะไรของมรึงเนี่ย”

“ไม่ได้เล่น เอาจริง”

“เอ็ม เอ็มมาหาเราเหรอ” ไอ้เพื่อนสนิทผมครับ มันเริ่มพูดด้วยนำ้เสียงตอแหลๆ

“เปล่า เรามาหานิว”

“มาหาทำไมละ” ผมทำนิ่งครับ พยายามไม่สนใจ
   
“ก็นิวเป็นแฟนเรา เราก็ต้องมาหาดิ”  :m1:

“K!!! เถอะ ใครเป็นแฟนมรึงไม่ทราบ กรูเป็นผู้ชาย ไอ้สัด!! … มรึงมานี่เลย” ปากพูดไปงั้นละครับแต่ใจผมนี้เหมือนมีพลุซัก 10 ลูกมาจุดอยู่ในอก แต่มันทนเขินไว้ไม่ไหวครับ ผมเลยลากมันออกมาข้างนอก

“อย่าแกล้งได้ปะ อายน้อง” ทำหน้าเครียดครับแต่จริงๆแล้วดีใจชิบหาย ก็คุยกันอยู่ซักพักมันก็ไม่ยอมไปบอกว่าจะมานั้งกินข้างเป็นเพื่อนผม ผมไม่ให้มันอยู่หรอกครับอายเพื่อนเลยบอกมันว่าเลี้ยงน้องเสร็จแล้วเดียวไปกินไอ-ติมกันมันถึงจะยอมไปเดินเล่นรอผม

ผมเคยนัดเอ็มไปกินข้าวแถวมหาลัยแล้วบังเอิญเจอรุ่นพีในคณะ พี่เขามองผมตั้งแต่เห็นผมเข้ามาในร้านกับเอ็มแล้ว ผมเลยต้องเข้าไปไหว้ตามมารยาทแต่ไอ้เอ็มซิครับผมกำลังยืนเมาส์กับพี่อยู่มันก็เดินมาโอบเอวผม ผมเลยผลักมันออกไป พี่ๆเขาก็ทำหน้างงกันแป๊บนึงก่อนที่ผมจะขอตัวหนีออกมา แล้วดูไอ้เอ็มมันนะครับ

“นิวจ้า วันนี้นิวอยากไปไหนต่อไหม เอ็มจะพาไปทุกที่เลย” มันตั้งใจพูดจ๊ะจ้าต่อหน้าคนในคณะผมครับ
   
“เล่นเห้อะไร กรูอาย … ” มันก็หัวเราะขำๆนะครับ
   
“มรึงไปแก้ข่าวเอาเองละกัน”

แล้วก็เป็นเหมือนที่มันพูดเพราะจากนั้นไม่นานผมก็ได้ยินข่าวเมาส์ในคณะเรื่องของผมกับเอ็ม แต่ผมยังทำตัวกับมันเหมือนเดินนะครับ ยังนัดมันมาเดินเล่น กินข้าวกันเหมือนเก่า ใครจะเห็น ใครจะพูดอะไรก็ช่าง ผมไม่สนอยู่แล้ว   
   
ช่วงนั้นพวกผมกำลังบ้าไป trip ต่างจังหวัดกันครับ ปิดเทอมทีพวกเราไปกัน 2-3 ครั้ง ครั้งนึงก็ 3วันเป็นอย่างตำ่ พวกเราขับรถกันไปเอง ผมนะขับได้นะครับแต่เพราะผมเป็นคนขับช้าและระบบ navigator ในสมองผมนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆขับรถทีไรเป็นหลงทางทุกที เพื่อนๆเลยไม่มีใคร vote ให้ผมเป็นคนขับ แรกๆก็งอนมันครับ  :o11: รู้สึกว่ามันโดนดูถูกยังไงไม่รู้แต่พอนานเข้าก็เริ่มรู้สึกดีเพราะผมได้หนีไปนั้งกับเอ็มตลอดแถมได้นอนงีบไปตลอดทาง

เอ็มเป็นคนขับส่วนผมก็จะนั้งหน้าเป็นเพื่อน ไม่รู้จะมีใครเหมือนผมไหมแต่ผมจำกลิ่นเอ็มได้นะ เวลานั้งหน้าแล้วแอร์มันเย็นผมจะไปแย่งเสื้อกันหนาวเอ็มมาใส่ครับ (เอ็มมันใส่เสื้อกันหนาวเวลาขับรถ “แล้วมรึงจะเป็นแอร์เย็นๆทำเพื่ออออ”) ทั้งๆที่ผมก็มีเสื้อกันหนาวอยู่ในกระเป๋าแต่ผมก็ยังอยากอ้อนมัน มันก็ถอดมาให้ผมใส่ทุกครั้งนะครับ พอใส่เสื้อเท่านั้นละกลิ่นเอ็มมันเตะจมูกผมทันที ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่ผมจำกลิ่นนี้ได้ ห้องนอนมัน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า กลิ่นนี้แหละครับคือกลิ่นที่ผมคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก

ผมไม่รู้ว่ามันเป็นความบังเอิญหรือเปล่าแต่ผมกับเอ็มได้นอนห้องเดียวกันตลอด ก็มีบ้างที่ผมเดินเอาของเข้าไปเก็บตามเอ็มแต่บางครั้งที่ผมขึ้นมาก่อนผมก็วางๆกระเป๋าไว้พอกลับเข้ามาในห้องอีกทีก็เห็นกระเป๋าเอ็มวางอยู่ข้างๆ ตอนนอนก็เหมือนเป็นที่รู้กันสำหรับคนอื่นว่าผมกับเอ็มจะนอนข้างกัน ถ้านอนกัน 3 คน เอ็มก็จะนอนขั้นตรงกลาง กลางคืนดึกผมตื่นขึ้นมาเอ็มก็นอนนอนกอดผมเหมือนเดิม

ช่วงเข้ามหาลัยใหม่ๆพวกผมก็บ้ากินเหล้ากันครับ ในกลุ่มผมเป็นคออ่อนที่สุดแล้วก็มักจะเป็นคนถูกมอม เอ็มกับไอ้บิวมันชอบมอมเหล้าผมครับครั้งแรกผมไม่รู้ว่าเอ็มมันมอมผม มันมาสารภาพที่หลังว่ามันอยากแกล้งหลังจากนั้นมันก็ยังมอมเหล้าผม ไม่ใช้ว่าผมไม่รู้นะครับแต่ผมนะสมัครใจถูกมอมครับ  :-[

มีอยู่ trip นึงถ้าผมจำถูกคือเราไปเที่ยวเขาใหญ่กัน ไอ้บิวมันชวนผมกินเหล้าครับก็ชนแก้วแล้วยกซด ซักพักละครับผมออกอาการรั่ว นั้งยิ้มตาหวานอยู่คนเดียว ผมก็จำอะไรไม่ได้จำได้แค่ทุกคนหัวเราะผมแล้วบิวมันก็พาผมขึ้นมานอน ผมตื่นมาอีกทีก็เกือบเที่ยงของอีกวัน เดินลงมาข้างล่างเจอไอ้บิวมันนั้งกินโอวันตินอยุ่คนเดียว ผมก็เดินไปแย่งแก้วมาจากมือมัน มันไม่พูดอะไรมองหน้าผม ถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบนำ้ส้มในตู้เย็นมากินต่อ

“นิว นี่มรึงจำเหี้ยอะไรไม่ได้เลยเหรอ” ผมหยุดแล้วมองหน้ามันครับ พูดแบบนี้แสดงว่าเมื่อคืนมันต้องมีอะไร

“ฮึ!! จำไม่ได้วะ” … เรื่องต่อจากนี้มันมาจากไอ้บิวนะครับผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า

พอไอ้บิวมันมอมผมได้ บรรลุเป้าหมายของมัน คนอื่นๆก็เริ่มถามเรื่องโน้นเรื่องนี้กับผม ผมตอบมันทุกคำถามครับ

“นิว มรึงมีแฟนยังวะ”

“ยางงงงงงงงง แมร่งม่ายมีครายยยยยยยเอากรู ฮือๆๆๆ”

“แล้วมรึงมีคนมีจีบหรือเปล่า”

“มีแต่กรูม่ายอาวววววววววววววว”

“แล้วมรึงจะเอาใคร”

“กรูจาอาววววว กรูจาอาววววววว เอ็ม 5555”  ชิบหายแล้วผมพูดอะไรออกไปเนี่ย  :sad3: พอไอ้เอ็มันพูดถึงตรงนี้ผมไม่มีอารมณ์กินโอวันตินแล้ว

“ไอ้นิว ที่นั้งอยู่ทั้งหมดเนี่ย มรึงรักใครมากที่สุด” ไอ้บิวมันบอกว่าผมพูดออกมาแบบไม่หยุดคิดเลยครับ

“ล้ากเอ็ม ล้ากเอ็มมากที่สุดดดดดดด ล้ากเอ็มคนเดียว”  :m3:

“หี้วววววววว!!!!”

แล้วไอ้บิวมันก็ลากผมขึ้นมานอนเพราะมันกลัวว่าผมจะหลุดพูดทุกอย่างออกไป เช้านั้นผมไม่กล้ามองหน้าเอ็มเลยแต่เอ็มมันก็ทำตัวเหมือนปกติ คนอื่นก็แซวบ้างแต่ก็แค่สนุกปากไม่ได้จริงจังอะไร ผมก็ยิ้มเจือยๆ เอ็มก็ขำๆ พอตกเย็นผมก็เลิกคิดมากกลับมานั้งใกล้เอ็มเหมือนเคย ไอ้ต้นมันเคยบอกว่าพวกเราสนิทกันมากจนต่อให้ผมกอดกับเอ็มต่อหน้าคนอื่น พวกมันก็ไม่คิดว่าเราสองคนเป็นมากกว่าเพื่อนกัน   

ไอ้เรื่องมอมเหล้าผมเนี่ย งานอดิเรกไอ้เอ็มมันครับ ผมจำครั้งแรกที่มันมอมเหล้าผมได้ มันเป็นคืนวันปีใหม่ พวกผมไปฉลองกันที่บ้านเพื่อนในกลุ่ม พอ count down เสร็จเอ็มมันก็ชวนผมดวลเหล้า กฎไม่มีอะไรมากต่างคนต่างชงให้อีกฝ่ายนึงกิน ผมบังคับไอ้เอ็มไม่ใช้ชงเข้ม ส่วนผมชงให้มันอย่างเข้มเลยครับ คืนนั้นก็กะจะมอมเหล้ามันด้วย กินกันไปหลายแก้วเอ็มมันก็ยังไม่เมา ผมว่าผมผสมเหล้าเยอะนะเอ็มก็ไม่เมาซักที แต่ผมนี่ซิตัวแดงหน้าแดงไปหมด ปวดหัวตึบๆ 

ไอ้บิวมันมากระซิบบอกผมทีหลังว่าเอ็มมันกะมอมเหล้าผมเต็มที่ ไอ้เหล้าที่ผมคิดว่ามันอ่อนนะจริงๆแล้วมันโคตรเข้ม ผมก็ไม่รู้ว่าเอ็มทำยังไงเพราะผมก็นั้งดูมันชงเหล้าให้ (หรือว่ามันก็ชงให้ผมปกติแต่ผมคออ่อนเอง  o7) มารู้ตัวเอาอีกทีผมก็ถูกมอมเหล้าจนแทบลุกไม่ขึ้น เอ็มมันมอมผมจนสาแก่ใจมันแล้วมันก็หิ้วบีกผมขึ้นมานอนห้องไอซ์

“มรึงสองคนอย่าทำเลอะห้องกรูนะเว้ย” ไอ้ไอซ์แซวครับ (อนนี้บิวมันเล่าให้ผมฟังนะ เพราะตอนนั้นผมจำอะไรไม่ค่อยได้)

“เออนะ เดียวกรูเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้”  :pighaun:

“หี้วววววววว!!!”

ขึ้นมาบนห้องเอ็มมันก็ถามว่าผมอยากอ้วกไหม ผมไม่ได้รู้สึกคลื่นใส้นะแต่ก็พยักหน้า พอเข้ามาในห้องนำ้ผมก็ทรดตัวลงไปนอนกอดคอห่านเลยครับ มันเป็นครั้งแรกที่ผมเมามากขนาดนี้ ผมนั้งอยู่แบบนั้นแหละไม่ยอมอ้วก จำไม่ได้ว่าพูดอะไรกันแต่เอ็มมันตามลงมากอดผมจากด้านหลัง ผมไม่ได้ขืนอะไร จำลายละเอียดไม่ได้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วมันก็พาผมมานอนบนเตียง ผมคิดว่ามันแค่พาผมขึ้นมานอนแล้วก็จะเดินลงไปรวมกับคนอื่นๆแต่เอ็มมันกลับขึ้นมานอนอยู่ข้างๆผม … ผมเล่าเท่าที่ผมจำได้นะครับ

“จะทำอะไรนะ” ผมถามเอ็มเมื่อมันดึงตัวผมเข้าไปกอด

“กรูอยากกอดมึงวะ … มรึงกับกรูนี่สนิทกันมากเลยเนอะ” มันดึงตัวผมเข้าไปนอนซุกอยู่กับอก  :m18:

“อืม” ผมก็สลึมสลือครับซบหน้าอยู่กับอกมัน … เขินวะ  :impress2:

“นิว … ”

“ฮึ”

“ทำไมมรึงไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงวะ”  :m30:

“พูดไรอะ”

“เปล่า!! แค่คิดว่าถ้ามรึงเป็นผู้หญิงแล้วเราสองคนเป็นแฟนกัน มันก็คงดี”  :m3: :m1:

“กรูเป็นผู้ชายแล้วมันไม่ดีตรงไหน ถ้ากรูเกิดมาเป็นผู้หญิงมรึงจะรู้ได้ไงว่าเราจะได้คบกัน … พูดแบบนี้โดนหญิงทีี่หนักอกมาอีกละ”

“ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ มรึงนอนพักละกัน เดียวกรูนอนเป็นเพื่อน” ปากมันบอกให้ผมนอนแต่มันก็ชวนผมคุยโน่นคุยนี้ ผมจำไม่ได้แล้วครับว่าเราคุยอะไรกัน สมองผมมันก็เบลอๆ  กว่าผมจะได้นอนก็เกือบสว่างพอดีกันกับที่คนอื่นๆเดินขึ้นมาจากข้างล่าง

ผมอยากบอกรักเอ็มครับแต่ไม่รู้จะทำยังไง จริงอยู่ว่าบางครั้งเราสองคนก็ดูเหมือนมากกว่าจะเป็นเพื่อนกันแต่มันก็อีกหลายครั้งที่เราสองคนเป็นเหมือนเพื่อนกันธรรมดา แม้ผมจะรู้สึกดีกับเอ็มแต่ผมไม่กล้าคิดหรอกครับว่าเราสองคนจะใจตรงกัน มีคนเคยบอกผมว่า
   
“ความรักคือสิ่งที่ต้องใช้หัวใจเป็นเดิมพัน” … ครับ ถ้าผมบอกเอ็มแล้วเราใจตรงกันผมก็อดคิดถึงเรื่องดีๆที่จะตามมาไม่ได้แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าเขาคิดกับผมแค่เพื่อน ถ้าเขารังเกียจผม แค่คิดผมก็ไม่อยากจะจินตนาการต่อแล้วว่าชีวิตที่ไม่มีเอ็มมันจะเป็นยังไง

ปล. เล้าใหม่  look ไฉไลกว่าเดินเนอะ ดูแปลกหูแปลกตามากเลย  o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 23 updated 22 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 22-06-2011 22:01:51
อยากรู้จริงๆนะว่า คนเราเวลาเมานี่มันโกหกยากจิงๆใช่ปะ ?
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 23 updated 22 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 22-06-2011 22:18:29
อยากรู้จริงๆนะว่า คนเราเวลาเมานี่มันโกหกยากจิงๆใช่ปะ ?

ยากจริงครับเพราะมันพูดออกมาแบบไม่คิด คือคิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น
จำความรู้สึกได้คร่าวๆนะครับว่าตอนที่ได้ยินคำถามนั้น ผมคิดอะไรในใจก็ตอบออกมาเลย
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 23 updated 22 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 22-06-2011 22:30:44
มาต่อซักที รอนานมาก
(ได้ ข่าว ว่า เค้า อัพ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเอง 555555555555)

รักคนเขียนนะ  :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 23 updated 22 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 22-06-2011 22:42:38
มาต่อซักที รอนานมาก
(ได้ ข่าว ว่า เค้า อัพ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเอง 555555555555)
รักคนเขียนนะ  :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

โทษทีครับ ช่วงนี้งานเยอะอยู่เลยไม่ค่อยมีเวลาเขียน  o1
คนเขียนก็รักคนอ่านเหมือนกันคร้าบบบบบบบบ  :give2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 23 updated 22 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 22-06-2011 23:09:11
มาเชียร์เอ็มกับนิวครับ
รีบๆ บอกรักกันครับ ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 23 updated 22 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 23-06-2011 00:28:51
นี่ละครับ ความสุขและทรมานจากการที่เรารักเพื่อนสนิท มันแค่เอี่ยม แต่ยังไงยังไงมันก็ไม่ถึง

สุขเมื่อเราใกล้เขา ทุกข์เมื่อได้รู็ว่าเขาไม่ได้รักแบบคนรัก

เหนื่อย :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ไงก็ขอให้สมหวังนะครับ :call: :call:

  :L2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 23 updated 22 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 23-06-2011 07:39:07
คนเคย ทรมาน 

มาตามเชียร์ เอ็ม กะ นิว นะ ออิอิอิ

หรือ ว่าคนเขียน เคย แอบรักเพื่อน

อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 23 updated 22 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 23-06-2011 20:40:42
GeTOuTNoW : แอบรักข้างเดียวมันไม่มีไม่เหนื่อยหรอกครับ

woodong : "หรือ ว่าคนเขียน เคย แอบรักเพื่อน" ... ก็เอ็มไงครับ  :m18:

-~iK@iZ_KunG~-  :  :impress2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 23 updated 22 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 27-06-2011 23:42:30
ตอนที่แล้ว ...

“ทำไมมรึงไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงวะ”

“พูดไรอะ”

“เปล่า!! แค่คิดว่าถ้ามรึงเป็นผู้หญิงแล้วเราสองคนเป็นแฟนกัน มันก็คงดี”

“กรูเป็นผู้ชายแล้วมันไม่ดีตรงไหน ถ้ากรูเกิดมาเป็นผู้หญิงมรึงจะรู้ได้ไงว่าเราจะได้คบกัน … พูดแบบนี้โดนหญิงทีี่หนักอกมาอีกละ”

“ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ มรึงนอนพักละกัน เดียวกรูนอนเป็นเพื่อน”

ผมอยากบอกรักเอ็มครับแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง จริงอยู่ว่าบางครั้งเราสองคนก็ดูเหมือนมากกว่าจะเป็นเพื่อนกันแตมันก็อีกหลายครั้งที่เราสองคนเป็นเหมือนเพื่อนกันธรรมดาแม้ผมจะรู้สึกดีกับเอ็มแต่ผมก็ไม่กล้าคิดหรอกครับว่าเราสองคนจะใจตรงกัน สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือผมกลัวว่าถ้าผมบอกความจริงกับเอ็มแล้วเขาไม่ได้คิดเหมือนผม ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไป ...


   
จากวันนั้นผมก็ยอมใช้ชีวิตอยู่กับความคลุมเครือเรื่อยมา ยิ่งเวลาผ่านไปผมก็ยิ่งสงสัยกับความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ได้ของผมกับเอ็ม บิวกับต้นรู้เรื่องทุกอย่างและมันสองคนก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่สำหรับบิวผมว่าส่วนหนึ่ง (ซึ่งคงเป็นส่วนใหญ่) คือ bias  o12 ของมันเพราะสำหรับไอ้บิว ผู้ชายเกิดมาคู่กับผู้หญิงเท่านั้นและส่วนน้อยของมันก็เหมือนกันไอ้ต้นที่กลัวว่าสุดท้ายผมกับเอ็จะมองหน้ากันไม่ติด

ผมสับสนกับทุกอย่างที่เอ็มทำให้ผม หลายครั้งที่มันแสดงออกว่าผมแคร์ผมมากกว่าคนอื่นหรือว่าง้อผมแบบที่ไม่มีใครเคยทำกับผม วันนั้นผม เอ็ม บิวนัดดูหนังกันที่สยามช่วงก่อนผมเลิกเรียนเอ็มมันก็โทรมาบอกว่าบิวไม่อยากไป อยากไปเดินถนนข้าวสาร ผมู้สึกว่ามันแปลกเพราะบิวมันเป็นคนชวนผมเอง มันอยากดูเรื่องนี้มากผมเลยโทรกลับไปหาบิวถึงได้รู้ว่าเอ็มมันปั้นนำ้เป็นตัว มันเป็นคนอยากไปเดินถนนข้าวสารเลยเอาไอ้บิวไปอ้าง พอรู้ผมก็คว้ามือถือโทรหาเอ็ม  :m16:

“มีอะไรจะบอกกรูไหม” มันรับสายผมก็ใส่เต็มที่เลยครับ  :angry2:

“ไม่มีนิ”

“กรูโทรหาไอ้บิวแล้ว ทำไมต้องโกหก”

“ก็เปล่า ไม่มีอะไรมรึงโกรธเหรอ”

“เปล่าไม่ได้โกรธ” ผมทำเสียงนิ่งๆครับ เอ็มมันรู้ว่าถ้าผมทำเสียงนิ่งๆคือผมโกรธ

“นิว มรึงอยู่ไหน”

“กำลังไปสยาม” ตอนนั้นผมออกจากคณะแล้วครับ กำลังขับรถไปสยาม

“งั้นเดียวกรูไปหามรึง”

“ไม่ต้องมาหรอก เดียวกรูก็ดูหนังกับไอ้บิวแล้ว” ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะต้องมาทำไมเพราะผมจองตั๋วรอบเย็นเอาไว้ ส่วนเอ็มมันก็นัดคนอื่นๆไว้ช่วงหัวคำ่

“ไม่เอา เดียวกรูไป” แล้วมันก็ชิ่งวางสายไป

ไม่รู้ซิครับแต่ผมขับรถไปก็ยิ้มไป ไม่คิดมาก่อนว่ามันจะลงทุนขนาดออกจากบ้านมาง้อผมที่สยาม  :m1: จอดรถเสร็จผมก็เจอเอ็มมันยืนรออยู่หน้าศูนย์หนังสือจุฬา พอมันเห็นผมเท่านั้นละครับหูตกหางลู่เดินหน้าเจี้ยมเจี่ยมเข้ามาหา  :oni1:

“มาถึงนานแล้วเหรอ” มันถามผมหน้าตาเรียบร้อยๆ

“ซักพัก” จริงๆแล้วผมหายโกรธมันแล้วละแต่ขอเล่นตัวอีกหน่อยแล้วกัน

“รถติดไหม”

“นิดหน่อย”

“นิว มรึงโกรธกรูเหรอ”

“เปล่า ไม่ได้โกรธ”

“ไม่จริง มรึงโกรธกรู กรูไม่เชื่อ … ว่าอะไรกรูเถอะ ด่ากรูก็ได้แต่อย่าเงียบใส่กรูเลยนะ” แล้วมันก็ drama มาเลยครับ ทำหน้าทำตาเหมือนจะร้องไห้ น่าสงสารจริงๆ  :monkeysad:

“ถ้าไม่อยากดูก็บอกมาตรงๆ อยาทำแบบนี้ กรุเสียความรู้สึกนะ” แรกผมโกรธมันนะครับแต่พอใจเย็นขึ้นมันกล้บเป็นน้อยใจมากกว่า เขาไม่เห็นจำเป็นจะต้องฝืนตัวเองเพราะผมเลย ถ้าไม่อยากดูก็พูดมาตรงๆก็ได้ ผมว่าผมก็มีเหตุผลพอ สรุปว่าเย็นนั้นผมดูหนังกับบิวสองคน ส่วนเอ็มกับเพื่อนคนอื่นๆไปเดินตรอกข้าวสารกัน

หลังากนั้นอีกสองสามสัปดาห์ ผม เอ็มแล้วไอ้ต้นไปซื่ออุปกรณกีฬากันที่ข้างสนามกีฬาแห่งชาติ เอ็มกับต้นมันลวงหน้ามาก่อน ผมตามเขามาในร้านทีหลังเพราะตีรถกลับมาจอดไว้ที่สยามแล้วเดินค่อยเดินมา วันนั้นผมเรียนทั้งวัน ตื่นก็เช้า เลยหน้าเหนื่อยๆ เดินเข้ามาในร้านเห็นไอ้ 2 คนนั้นกำลังเลือกของกันอยู่ผมก็เดินเข้าไปทักแล้วแยกออกมานั้งรอ มันสองคนก็เลือกของกันไปจนผมได้ยินพนักงานขายพูดขึ้นมา

“อะ พี่เห็นว่าน้องน่ารักนะพี่เลยลดให้เป็นพิเศษ มีแฟนยังจ๊ะ”  ผมหันไปจ้องหน้าไอ้เอ็มตาเขม็งเลยครับ เอ็มก็เหมือนจะรู้ตัวมันเหล่ตามามองผม ผมก็ทำเฉย อยากจะรู้ว่ามันจะทำยังๆไงแต่ไอ้ต้นมันก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

“พี่อย่าพูดดัง แฟนมันนั้งอยู่ตรงน้ัน” เท่านั้นแหละครับคนทั้งร้านหันมามองที่ผมเป็นสายตาเดียวกัน ผมก็งงไอ้ต้นบอปากก็บอกว่าไม่เห็นด้วยแต่พอถึงเวลามันชงมาให้ผมเสร็จสรรพ

“จริงเปล่าคะน้อง แบบนี้พี่ก็อกหักซิ” เเล้วพี่เขาก็หันกลับไปถามเอ็ม
   
“เปล่าครับ เป็นเพื่อนสนิทกัน” ผมก็อยากจะอยู่ฟังเอ็มมันแถนะครับแต่ตอนนั้นอายมากๆเพราะทุกคนมองผมกับเอ็มสลับกัน   

“เดียวเราออกไปรอข้างนอกนะ เหนื่อยวะ” ผมพูดแล้วก็เดินออกประตูไปโดยได้ยินเสียงไอ้ต้นตามหลังมา

“ซวยเเล้วมรึง งานเข้าแน่” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงไอ้เอ็ม

“ไม่เป็นไรเดียวคืนนี้ค่อยง้อ”  :impress2: ผมได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักๆดังมาจากข้างหลังแต่มันเขินจนต้องรีบเดินออกมา

อย่างที่บอกว่าผมตัดสินใจแล้วที่จะปล่อยให้ทุกอย่างมันดูเบลอๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมจำได้ว่าช่วงใกล้ปีใหม่ปีนั้นเป็นปีที่ผมเพิ่งจะสอบ midterm เสร็จ เย็นวันสอบวันสุดท้ายผมก็นัดเพื่อนๆที่คณะไปดูหนังกินข้าวที่สยาม เข้าร้านอาหารไปได้ไม่เท่าไหร่เอ็มก็โทรมา มันสอบเสร็จตั้งแต่เมื่อวานเลยมาเดินเล่นสยามครับ ผมเลยขอเวลากินข้าวกับเพื่อนคณะซัก 2 ชั่วโมงก่อนแล้วค่อยแว๊ปออกไปเจอเอ็มแต่ที่ทำให้ผมตกใจคือพอใกล้เวลาที่ผมนัดมันก็เดินมาหาผมที่ร้านอาหาร เพื่อนๆผมส่งยิ้มกันใหญ่

“กรูว่าไอ้นิวไม่ไปดูหนังแล้ววะ … แฟนแมร่งเดินมาโน่นแล้ว”

“เฮ้ยยยยยยย!!!” ผมก็นิ่งๆตาม style ผมละครับ เอ็มมันยืนรออยู่หน้าร้านไม่ยอมเข้ามา ผมเลยฝากตังค์เพื่อนจ่ายค่าอาหารแล้วก็ชิ่งไปเดินเล่นสยามกับเอ็ม

มันเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้งที่ผมสอบเสร็จละครับ พวกผมก็จะมาฉลองกันที่สยามแล้วเอ็มมันก็จะตามมาหา ส่วนใหญ่ผมก็จะขอเวลาเฮฮากับเพื่อนก่อนแล้วค่อยแยกออกไปหาเอ็ม ถ้าเลี่ยงได้มก็จะหายไปกับเอ็มตลอดเย็นนั้นแต่ถ้าไม่ได้จริงๆผมก็แว๊ปออกมาเดินเล่นพอถึงเวลาดูหนังผมก็มาเจอเพื่อนๆที่หน้าโรหนัง เอ็มมันก็จะนั้งรออยู่ที่ร้านกาแฟแถวนั้นพอหนังจบผมก็แยกออกไปกินข้าวเย็นกับเอ็ม

ผมจำได้ว่าปีนั้นพอสอบเสร็จผมก็ต้องมาเรียนอีก 2-3 วันก่อนที่จะช่วงเทศกลาปีใหม่ พี่ๆเข้าใจอารมณ์เด็กเพิ่งสอบเสร็จไหมครับ ผมไม่มีอารมณ์มานั้งฟัง lecture หรอก  o19 เข้าเรียนได้ไม่ถึงครึ่งวันผมก็หนีออกมาดูหนังกับเพื่อนๆแล้ว ระหว่างรอดูหนังก็เดินเล่นเดินดูของกันไป อยู่มันก็รู็สึกคิดถึงเอ็มนะครับ ผมเลยโทรชวนเอ็มกินข้าวเย็นด้วยกัน เย็นนั้นผมไปกิน buffet กับเอ็มแถวทองหล่อ กินกันสองคน สนุกดีครับ เอ็มมันตักของมาเยอะจนสุดท้ายก็กินมาไม่หมด ผมนี่อิ่มแบบว่าท้องจะแตกเอ็มมันก็คงไม่ไหวเหมือกันเพราะปกติมันจะตบท้ายด้วยไอติมแต่วันนี้มันไม่แม้แต่จะมองด้วยซำ้

คืนนั้นก่อนกลับบ้านเอ็มมันอยากดูหนังครับ เราเลยตกลงกันว่าผมจะกลับเข้าบ้านเอาของเอารถก่อนออกไปเช้าหนังแล้วผมจะไปดูหนังบ้านเอ็ม กว่าผมจะได้นอนก็เกือบตี 3 โน่นละครับ ตื่นขึ้นมาตอนซัก 6 โมงเอ็มมันก็นอนกอดผมอยู่เหมือนเดิม วันนั้นผมกับเอ็มตื่นก็บ่ายกว่าๆแล้ว อาบนำ้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเอ็มมันก็ลงมาต้มมาม่าให้ผมกิน มันก็ตอกไข่ใส่มาม่าผมก็ด้วยวามเคยชิน เอาตะเกียบไปคนๆไข่ให้มันแตก เท่านั้นละครับมันโวยวายลั่นบ้านเลยหาว่าผมทำเสียของ ผมก็ลืมไปว่าเอ็มมันชอบกินไข่เป็นใบๆไม่เหมือนผม ผมเลยรับผิดชอบด้วยการกินมาม่าถ้วยนั้น กินเสร็จผมก็ออกไปเดินเล่นสยามกินข้าวเย็นกับเอ็มอีกมื้อ จนคำ่ๆถึงได้มาส่งมันแล้วขับกลับไปนอนที่บ้าน

วันรุ่งขึ้นเป็นวันส่งท้ายปีเก่าพวกผมตั้งใจจะไปฉลองกันที่บ้านเพื่อนในกลุ่ม เย็นนั้นผมขับรถแวะไปหาเอ็มชวนมันไปซื่อขนม นำ้อัดลมที่ supermarket แถวนั้นก่อน พอ count downเสร็จเพื่อนคนอื่นๆก็แยกย้ายออกไปโทรสัพท์หาแฟนเหลือผมกับเอ็มนั้งกันอยู่ในสวน 2 คน

“มาให้กรูกอดทีนึง” มันไม่รอผมพยักหน้าครับดึงตัวผมเข้าไปกอด  :m3: แขนเอ็มโอบไหล่ผมไว้แน่นส่วนเเขนของผมก็พาดอยู่ที่เอวของมัน มันเป็นแบบนี้ทุกปีครับ เอ็มจะกอดผมหลังขึ้นปีใหม่  :กอด1:

“Happy new year เว้ยนิว มีความสุขมากๆ”

“เหมือนกัน มีความสุขมากนะเมิง”

คืนนั้นพวกเราขับรถออกไปไหว้ศาลหลักเมืองด้วยกัน ตอนแรกผมคดิว่าเอ็มจะนอนค้างบ้านเพื่อนๆแต่มันขอกลับไปนอนบ้านตัวเอง พอผมเห็นแบบนั้นผมเลยกลับคำพูดอ้างกับเพื่อนคนอื่นๆว่าไปนอนบ้านจีแล้วสะดวกกว่าเพราะมันใกล้บ้านผม

หยุดยาวหลายวันผมไปนอนค้างบ้านเอ็มประมาณ 3 คืน มันให้ความรู้สึกว่าผมกับเอ็มไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้มานานแล้วแต่ก็เพราะความใกล้ชิดเเหละครับที่ทำให้ผมเห้นว่าเอ็มเขากำลังมีใครอีกคนเข้ามาในชีวิต ผมสังเกตว่า 3 คืนที่ผมมานอนกับเอ็มมันจะคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ตอนดึกๆทุกคืน จนสุดท้ายผมก็ทนอยากรู้ไม่ไหวถามเอ็มไปมันก็บอกนะครับ ผู้หญิงคนนั้นชื่อแพร เรียนที่เดียวกันแต่คนละคณะกับเอ็ม เอ็มมันรู้จักตอนรับน้องตั้งแต่ปี 1 แต่ผมไม่เคยเห็นหน้า

“เอ็ม กรูถามมรึงตรงๆนะ มรึงไม่คิดอะไรกับเขาจริงเหรอ คุยกันดึกๆแบบนี้ กรูว่ามันไม่ใช้เพื่อนแล้วม้าง”  :m26:

“เออ เอออออออ...” มันก็อำ้ๆอึ้งๆไม่ยอมตอบ จีมันจะเป็นแบบนี้แหละครับเวลาโกหกแค่เห็นสายตา สีหน้า นำ้เสียง ผมก็รู้แล้วครับว่ามันจะไม่พูดความจริงกับผม

“ตอบกรูมาตรงๆ กรูอยากได้ยินจากปากของมรึง” ตอนนั้นหัวใจของผมมันเต้นไม่เป็นจังหวะครับ กลัวคำตอบของเอ็มจัง

“เขาจีบกรูแต่กรูไม่ได้คิดอะไรด้วย”   

จากนั้นผมก็กลับมาเรียนตานปกติ บรรยากาศการเลี้ยงฉลองค่อยๆจากหายไปจากกรุงเทพมหานคร ผมกับเอ็มก็ห่างกันมาอีกหน่อยเพราะครึ่งเทอมหลังผมต้องรีบ clear รายงานที่ค้างไว้ตั้งแต่ต้นเทอม แล้วเอ็มก็มีฝึกงานนอกสถานที่ต้องออกต่างจัวหวัด 3 สัปดาห์ พอได้ยินมนบอกว่า 3 สัปดาห์ผมงี้หูตกเลยครับ เศร้า!! นี่ผมจะไม่ได้เจอหน้าเอ็มอีกเกือบเดือน
เลยเหรอ

เอ็มมันนัดผมไปกินข้าวเลี้ยงส่งตัวเองไปบ้านนอกก่อนหน้านั้นอาทิตย์นึง วันสุดท้ายก่อนที่เอ็มจะเดินทางผมก็คิดๆอยู่ว่าจะไปหาซื่อขนมมาให้เอ็มที่ Paragon เพราะวันนั้นผมตาม advisor มาประชุมที่โรงแรมแถวสยาม พอพักเบรคผมก็แว๊ป ออกมาสยามกับเพื่อน

วันนั้นผมเดินเล่นทั่วสยามแล้วผมก็คิดอะไรไม่รู้เดินขึ้นไปบนชั้น 2 ของโรงหนังสยาม ก็เดินดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยจนสายตาของผมไปสะดุดเข้ากับชายหญิงคู่นึง … เอ็มกับแพร  ผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับขามันก้าวไม่ไปได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น แล้วเอ็มมันก็หันมาเห็นผม พี่ๆต้องเห็นหน้าเอ็ม หน้ามันเหมือนว่าเห็นผีเลยครับมันรีบลุกออกมาจากร้าน

“นิวมันไม่ได้เป็นเหมือนที่มรึงคิด กรูมีคนอื่นมาด้วย” เอ็มมันเดินเข้ามาคว้าที่ขอมือของผม พอเพื่อนผมเห็นว่าบรรยากาศมาคุมันก็แยกตัวออกไป ผมบิดข้อมือตัวเองให้หลุดจากมือจี มองหน้ามันนิ่งๆ

“กรูก็ยังไม่ได้พูดอะไรนิ” เอ็มมันหน้าเสียเลยนะครับพอได้ยินผมพูดแบบนี้

“กรูขอตัวนะเอ็ม เดียวต้องกลับไปที่งานประชุม” มันพยักหน้าแล้วผมก็เดินออกจากตรงนั้นทันที ผมหาเพื่อนผมไม่เจอครับแล้วก็ไม่คิดจะโทรหามันด้วย ผมเดินกลับมาที่โรงเเรม พอมาถึงผมก็เดินเข้าห้องนำ้เลยครับ จำได้ว่านำ้ตาผมมันไหลลงมาเป็นสาย นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ผมต้องมานั้งร้องไห้ในห้องนำ้

พอตั้งสติได้ผมก็โทรไปลา advisor อ้างว่าปวดหัวขอกลับบ้านมาพัก ...​“นิว มันไม่ได้เป็นเหมือนที่มรึงคิด กรูมีคนอื่นมาด้วย” เขาพูดกับผมด้วยประโยคนี้แล้วพี่ๆจะให้ผมคิดยังไง เขาเป็นอะไรกับผมถึงได้มาพูดกับผมแบบนี้ ผมจะคิดไม่คิดอะไรมันเกี่ยวกับเอ็มตรงไหน ยังไม่ทันจะถึงบ้านโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น

“นิว มรึงอยู่ไหน” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเสียงเอ้มมันก็แทรกขึ้นมา

“ทำไมเหรอ”

“กรูเสร็จธุระแล้ว มาเดินเล่นสยามกัน” ตอนนั้นผมนำ้ตาไหลเลยครับ พี่คนขับ taxi ก็มองหน้าผมงงๆ คิดจริงๆเลยนะครับว่านี่ผมตกมาเป็นที่ 2 ของเอ็มแล้วเหรอ

“บ้า กรูกลับบ้านแล้ว  ไว้วันหลังละกัน”

“เฮ้ย มรึงอย่าโกหกดิ มรึงยังอยู่สยามกรูรู้”

“กรูอยู่บน taxi กำลังจะกลับบ้าน มรึงไม่เชื่ออยากคุยกับพ่ีคนขับไหม”

“เออๆกลับก็กลับวะ เดียวกรูแวะไปหามรึงที่บ้าน”   

“อย่าเลย กรูปวดหัววะ อยากพัก”

“มรึงโกรธกรูอะ”

“เปล่า ไม่ได้โกรธ มรึงไม่ได้ทำอะไรผิดนิ”

“มรึงโมโหอะ”

“เปล่า แค่อยากพัก”

“แต่นิว...” เหมือนเอ็มมันจะไม่ยอมจบ ผมเลยพูดแทรกขึ้นมา

“นะ ขอกรูพักนิดนึง เอาไว้มรึงกลับมาแล้วเราค่อยคุยกันก็ได้ … ถือว่ากรูขอร้องนะเอ็ม”

“ก็ได้”  เอ็มมันขึ้นเครื่องคืนนั้นครับ ผมไม่ได้โทรไป แค่ส่ง massage ไปให้มันเท่านั้น

ตลอด 3 สัปดาห์ที่เอ็มไปต่างจังหวัดเราไม่ได้โทรคุยกันเลยครับ มันเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าผมห่างจากเอ็มมากขนาดนี้ ยอมรับครับว่าผมคิดถึงเอ็มมาก อีกทั้งยังกังวัลกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้จะทำยังไงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดถึงเรื่องวันนั้นไหม ถ้าพูดเเล้วผมจะพูดอะไร จะให้ผมพูดเหมือนจับได้ว่าเขามีคนอื่น ผมเป็นอะไรกับเขาละครับถึงจะได้ไปพูดแบบนั้น ผมกับเอ็มไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย

มันเป็น 3 สัปดาห์ที่ยาวนานและทรมานสำหรับผม มันเหมือนมีเรื่องเป็นล้านๆเรื่องวิ่งเข้ามาในหัวผมตลอดเวลา และวันที่ผมจะได้เจอเอ็มก็มาถึง พวกเรานัดกินข้าวเย็นกันตามปกติ กินเสร็จต่างคนก็แยกย้ายกันกลับผมขับรถมาส่งเอ็มเหมือนเดิม

“นิวถ้ากรูบอกอะไรมรึงแล้วมรึงอย่าโกรธกรูนะ”

“อะไรเหรอ”

“สัญญาก่อน”

“ถ้าอยากจะบอกก็บอกมา อย่ามาเล่นเป็นเด็กๆ กรูจะโกรธไม่โกรธมันก็ขึ้นอยู่กับว่ามรึงบอกอะไรกรู”

...

“กรูว่ากรูรู้สึกดีกับเเพรวะ กรูจะลองคบกับแพรดู”

“อืม ก็ถ้ามรึงคิดว่าเขาดี ก็ลองดูดิ” เคยไหมครับที่ปากมันไม่ตรงกับใจ

ผมพูดได้แค่นั้นละครับเพราะมันจุกอยู่ในอก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน  ตลอดเวลาที่ผ่านมาเอ็มไม่เคยพูดเรื่องแพรให้ผมฟังแล้วผมก็ไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าแพรเข้ามาในชีวิตเอ็มมากขนาดนี้และกว่าผมจะรู้ตัวแพรก็มายืนอยู่ข้างเอ็มแล้ว

“แล้วผมละ” ... มันถึงเวลาแล้วใช้ไหมครับที่ผมจะต้องเดินออกมา มันถึงเวลาแล้วใช้ไหมที่ผมจะต้องตัดใจ ต่อไปนี้ผมจะไม่มีสิทธิ์คิดกับเอ็มมากกว่าเพื่อนกันอีกแล้วใช้ไหม

มาถึงวันนี้ผมยังไม่เคยบอกรักเอ็มเลยซักครั้ง เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนมันคืออะไร ผมก็ยังไม่รู้แต่ตอนนี้ผมรู้แค่ว่ามันจะไม่มีอีกแล้วกับความสุขเวลาที่เราสองคนได้ไปกินข้าวด้วยกัน ความสุขเวลาที่เราสองคนได้ไปดูหนังกัน ได้นอนข้างกันหรือจะเป็นความสุขเวลาที่เราสองคนสบตากัน … แค่คิดผมก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาซะเฉยๆ "เอ็มเขากำลังจะมีคนที่เขารักแล้วคนๆนั้นก็กำลังจะมาแทนที่ผม"
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 24 updated 27 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 28-06-2011 00:43:13
อ่า นี่คือเหตุการณ์ในปัจจุบันหรอครับ ถ้าใช่ก็รู้สึกเศร้า เราเองก็เจออะไรเเบบนี้มาเหมือนกัน เเม้จะไม่ใช่กับเพื่อนก็เหอะ รู้สึกเเย่มากๆๆ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 24 updated 27 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: Forget..* ที่ 28-06-2011 22:19:53
สงสารนิว TT ไม่เข้าใจว่าเอ็มคือมองว่าเป็นหน้าที่เพื่อนสนิทหรือ??
ไม่เข้าใจการกระทำ ;((
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 24 updated 27 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 29-06-2011 07:20:23
tantalize : มันก็ไม่ใช้ทุกครั้งนิครับที่ทุกอย่างมันจะเป็นเหมือนที่เราหวัง  :o12:
              แต่เรื่องของผมกับเอ็มยังไม่จบแค่เขาคบกับแพรหรอกครับ

Forget..*: ผมก็ไม่เข้าใจเอ็มเหมือนกันครับเพราะก็ไม่มีเพื่อนคนไหนเคยทำกับผมแบบนี้
 
o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 24 updated 27 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 29-06-2011 10:54:02
สงสารนิวจังเลย
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 24 updated 27 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 29-06-2011 13:12:07
ไม่รักก็อย่างทำให้รู้สึกว่ามีใจให้เรา :m15: :m16:

ถ้าสับสนก็ขอให้รู้ใจตัวเองไวๆ :call:

มันเจ็บรู้ไหม ที่เห็นเขาอยู่กับอีกคนหนึ่ง  :m15:

 :เฮ้อ: :L2:

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 24 updated 27 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 30-06-2011 01:02:22
 -~iK@iZ_KunG~- : ขอบคุณครับ  o1 ... กำลังแต่งตอนต่อไปอยู่

GeTOuTNoW : ขอกด "like" ครับ  o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 24 updated 27 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 03-07-2011 16:30:58
หายไปนานเลยคราวนี้
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 24 updated 27 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 03-07-2011 17:20:14
ไม่หายไปไหนหรอกครับแต่ช่วงนี้งานยุ่งนิดนึง มาต่อให้ต้นสัปดาห์แน่ๆ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 24 updated 27 June 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 05-07-2011 23:42:11
ผมกับเอ็มเราพูดถึงเรื่องนี้กันน้อยครับคือถ้าเอ็มเขาไม่พูดเรื่องแพรผมก็จะไม่ถามอะไร มันเป็นนิสัยของผมไงครับที่ทำตัวเหมือนไม่ยอมรับรู้ว่าเอ็มเขามาแพรอยู่ข้างๆ ผมไม่ใช้คนใจกว้างหรือเป็นเหมือนนางเอกในละคร ... ครับ ผมไม่ชอบหน้าแพรตั้งแต่ครั้งเเรกที่เจอแล้ว (ผมขอข้ามเอาไว้เล่าทีหลังนะครับ)

วันแรกที่ผมกับเอ็มต้องกลับมาเจอหน้ากัน ยอมรับครับว่าผมทำตัวลำบาก มันเป็นเย็นวันนึงที่ผมแวะไปเดินเล่นสยามแล้วบังเอิญเจอไอ้ต้นกับไอ้แจ๊สมาเดินซื่อของด้วยกัน ไอ้ต้นมันบอกผมว่าเอ็มจะตามมา ผมก็โทรหาเอ็มแต่พอดีมันยุ่งอยู่มันเลยบอกว่าเดียวจะโทรกลับ ผมก็เดินเล่นสยามจนเกือบ 2 ทุ่มแหละครับถึงได้เห็นหน้าเอ็ม

“ทำไมไม่โทรหา” แม้จะพยายามไม่โมโหแต่ผมก็คุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ได้จริง นำ้เสียงผมตอนนั้นมันออกไปแนวหาเรื่องซะด้วยซำ้ เอ็มมันก็ทำหน้างงๆนะครับเพราะพอเจอหน้าผมผมก็ิารมณ์เสียใส่

“กรูโทรบอกไอ้บิวมันเเล้วว่าจะตามมา” มันตอบแค่นั้นแล้วก็เข้าไปคุยกับไอ้แจ๊ส น้อยใจนะครับ ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่าเอ็มแคร์ผมน้อยลง ถ้าเป็นเมื่อก่อนอย่างน้อยมันก็น่าจะโทรหาผมบ้าง ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะบรรยากาศแบบนี้หรือเปล่าผมเลยยิ่งคิดมาเข้าไปอีก

อึดอัดครับ ผมเห็นหน้าเอ็ม อยากเดินเข้าไปหา อยากเดินเข้าไปคุยด้วยแต่มันเหมือนมีไม้มาคำ้คอ “เอ็มมันมีแฟนแล้ว” ผมเลยออกมาเดินรั้งท้ายดูโน่นดูนี่อยู่คนเดียวจนไอ้แจ๊สมันได้ของที่มันต้องการ ตอนนั้นก็เกือบ 3 ทุ่มแล้วมั้งครับ ไอ้บิวมันขอแยกกลับก่อน แจ๊สมันอารมณ์เปลี่ยวอยากเดินเล่นสยามต่อส่วนเอ็มนัดเเพรไว้

“แล้วมรึงละนิว เอาไง” ไอ้เเจ๊สหันกลับมาถามผมครับ ใจผมนะเหรอ?? อยากอยู่ซิครับ ผมอยากอยู่ใกล้เอ็มให้มากๆโดยเฉพาะช่วงเวลาแบบนี้ ช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่ากำลังจะเสียเอ็มไปแต่อีกใจนึงผมเจ็บเหลือเกิน ผมว่าผมยังไม่พร้อมกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ยิ่งเห็นหน้าเอ็มผมก็ยิ่งเจ็บ

“งั้นกรูกลับเลยนะ” คืนนั้นผมขับรถกลับบ้านไปร้องไห้ในรถไป รถผมติดฟิลม์บางครับแต่ผมก็ร้องแบบไม่แคร์สายตาใคร คนที่เขานั้งรถเมล์เขาก็มองลงมานะว่าผมจะร้องอะไรขนาดนั้น จำได้ว่าตอนจอดติดไฟแดงนี่สะอื้นจนหายใจแทบไม่ทัน มันทรมานนะครับกับการที่จะต้องบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงคนๆนึงทั้งๆที่เวลาเราเผลอเราก็มักจะคิดถึงคนๆนั้น … “ผมคิดถึงเอ็มครับ”

ผมกับเอ็มนัดดูหนังเรื่องนึงที่จะเข้าในช่วงนี้ก่อนที่เกิดเรื่องแต่เพราะเรื่องเมื่อวานมันทำให้ผมรู้ว่าผมยังไมพร้อมจะเจอหน้าเอ็มตอนนี้ ผมว่าเราห่างกันซักพักน่าจะดี ผมอยากมีเวลาได้คิดทบทวนอะไรบ้าง วันรุ่งขึ้นผมโทรหาเอ็มบอกมันว่าผมอยากดูหนังแล้วก็เข้าทางผมที่เอ็มมันไม่ว่างพอดี ผมอ้างโน่นอ้างนี่บอกว่าสัปดาห์หน้าก็จะสอบแล้วเลยอยากดู เอ็มมันก็บอกว่ามันยังเคลียร์งานไม่เสร็จ ให้ผมรอเป็นสัปดาห็หน้าได้ไหม ผมก็มันมือชกมันจนมันยอมแล้วผมก็รีบหนีไปดูหนังที่ห้างแถวบ้านพอผมซื่อตั๋วเสร็จเอ็มก็โทรเข้ามือถือผม

“นิว กรูเคลียร์งานเสร็จแล้วกำลังไปสยาม ดูหนังกัน”

“ไม่ทันแล้ว กรูอยู่ที่xxx ซื่อตั๋วหนังเเล้ว” ผมแทบนำ้ตาไหลเลยนะครับพอได้ยินเอ็มมันบอกว่ารีบเคลียร์งานจนเสร็จ

“เฮ้ย!! งั้นเดียวกรูตามไป”

“บ้า หนังจะเข้าอีก 15 นาที จะมาทันได้ไง”

“แล้วมรึงดูหนังคนเดียวได้เหรอ”

“ได้ดิ ไม่เป็นไรหรอก กรูไม่ได้คิดมากอะไร แค่เห็นมรึงยุ่งๆเลยไม่อยากรบกวน” รู้สึกโมโหตัวเองเพราะความที่ผมใจร้อนทำอะไรไม่คิด ทุกอย่างมันเลยแย่ไปหมด ตอนแรกก็คิดว่าจะได้ดูหนังกันแต่ผมก็ดันโทรไปยกเลิกนัดแล้วหนีมาดูหนังคนเดียว นำ้ตาผมเริ่มไหลอีกแล้ว มันไม่มีความสุขเลยครับกับความรู้สึกแบบนี้

คืนนั้นผมขับรถกลับบ้าน ยังไม่ทันลงจากรถเอ็มก็โทรเข้ามือถือผม เราสองคนคุยกันเกือบ 10 นาที ก็เรื่องทั่วไปละครับ เอ็มถามผมว่าหนังสนุกไหม มีเรื่องอะไรน่าดูบ้าง ผมรู้อยู่แล้วว่าเอ็มต้องโทรมา ถ้าถามผมว่าผมรู้ว่าเขาโทรมาทำไม … รู้ซิครับ ผมกับเอ็มรู้จักกันมากี่ปีแล้ว ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเอ็มคิดอะไร คนอย่างผมถ้าอารมณ์ดีนะไม่พูดออกไปหรอกครับว่า “ไม่อยากรบกวน”

ดีใจครับที่เขาโทรมาง้อถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงยิ้มไม่หุบแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ความรู้สึกอนนั้นผมไม่รู้ว่าผมควรจะยิ้มหรือว่าร้องไห้ ยิ่งเขามาทำดีกับผมผมก็ยิ่งเจ็บ เจ็บเพราะผมไม่สามารถตอบตัวเองได้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน เพื่อนกันธรรมดาเขาเอาใจใส่กัน แคร์กันมาขนาดนี้เลยเหรอ ไม่รู้ซิครับเพราะนอกจากเอ็มแล้วผมก็ไม่เคยแคร์ใครมากขนาดนี้มาก่อน

ผมยังจำวันแรกที่ผมเจอแพรได้ จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช้ครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าแพรแต่มันเป็นครั้งแรกที่เอ็มพาแพรมาเข้ากลุ่มในฐานะแฟน เย็นนั้นพวกเรานัดกันท่ีสยาม ผมกับเอ็มมาด้วยกันเหมือนปกติส่วนคนอื่นๆก็รออยู่ที่สยามแล้ว เดินเล่นกันได้ซักพักแพรก็มาถึง

ผมว่าผมทำใจมาพอสมควรนะครับกับวันนี้แต่พอเห็นแพรยืนอยู่ข้างเอ็มผมรู้สึกเจ็บที่หน้าอกยังไงบอกไม่ถูก  :o12: “ที่ข้างๆเอ็มตรงนั้น … มันเคยเป็นที่ของผม”  ผมแยกตัวออกจากเอ็มแล้วมาเดินกับคนอื่นปล่อยให้เขาสองคนเดินรั้งท้าย ผมไม่คุยกับเอ็มเลยครับตั้งแต่แพรมาถึง อย่าว่าแต่คุยเลยหน้าเอ็มผมก็ยังไม่มองด้วยซำ้ ไม่ต้องพูดถึงแพรนะครับผมยิ้มให้แพรครั้งเดียวแล้วเดินแยกตัวออกมา ในหัวผมมันวุ่นวายไปหมด มันเหมือนผมกำลังจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ยิ่งรู้สึกตัวว่าสองคนนั้นอยู่ใกล้ๆผมก็เหมือนกันคนสติหลุด

“นิวมรึงเป็นเหี้ยอะไรวะ ไม่พูดไม่จา หน้าแมร่งก็งอเป็นตูดเด็ก” เอ็มเคยบอกว่าสีหน้าผมไม่เคยปกปิดอะไรได้เลยว่าผมคิดอะไรในใจ อารมณ์ดีหน้าผมก็บอก อารมณ็เสียหน้าผมก็บอก

“หิวกาแฟวะ พวกมรึงเดินเล่นกันไปก่อนนะ เดียวกรูมา” แล้วผมก็เดินแยกตัวออกมา ผมเดินไปซื่อกาแฟเจ้าประจำที่สยามแวะคุยโน่นคุยนี้กับคนขายมันก็พอช่วยให้ผมลืมเรื่องของเอ็มไปได้บ้าง

หลังจากวันนั้นผมก็ไม่โทรหาเอ็มอีกเป็นอาทิตย์ๆ จนสุดท้ายผมก็ทนคิดถึงเอ็มไม่ไหว พอเอ็มรับโทรศัพท์ฟังนำ้เสียงก็รู้แล้วครับว่าเขามีอะไรปิดบังผม

“มรึงอยู่ไหนอะ”

“อยู่แถวนี้แหละ” ทั้งนำ้เสียง ทั้งคำพูดแทบไม่ต้องเดาเลยครับ เขาโกหกผม

“อยู่ไหน อย่าโกหก” ผมไม่ได้พูดเสียงแข็งนะครับแต่พูดเสียงอ่อนๆนิ่งๆ

“อยู่ต่างจังหวัด … กับแพร” ได้ยินเท่านั้นนำ้ตาผมก็ไหลแล้วครับ มันคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ ความคิดของผมมันเตลิดไปไกล มันทั้งรู้สึกเจ็บ เสียใจ แล้วก็สมนำ้หน้าตัวเอง “ผมจะไปคิดถึงเขาทำไม” ผมต้องคอยกัดลิ้นตัวเองเอาไว้ไม่ให้เสียงสะอื่นมันลอดออกมา ผมตัดบทวางสายไปดื่อๆแล้วโทรไปร้องไห้กับบิว คืนนั้นผมนอนไม่หลับยิ่งคิดมันก็ยิ่งฟุ้งซ่าน

ปล. มาต่อให้แค่นี้ก่อนนะครับ ช่วงนี้งานยุ่งมากกกกกก หมดสัปดาห์นี้ไปแล้วคงมีเวลามาเขียนเรื่องต่อให้  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 25 updated 5 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 06-07-2011 00:19:27
อ้ากกกกกกกกก เกลียดดดดดคนไม่ชัดเจน ถ้าจะทำเเบบนี้นะ อย่าได้พบเจอกานเลยยยยยยยย ( เอาเรื่องส่วนตัวมาปนเเล้วเรา T T )

เปนกะลังใจให้คุณนิวน้า ช่วงนี้ผมก็ใกล้สอบเเว้ เหนื่อยมากมาย เรียนนิติ อยากจะร้องกรี๊ดกลางโรงอาหารจิงๆกับสิ่งที่เจอมาในช่วงนี้ เเต่ไม่ได้ๆ เราต้องเนียน 55555+
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 25 updated 5 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 06-07-2011 20:18:46
ผมก็รู้สึกแบบ k.tantalize แต่ตอนนั้นมันก็พูดอะไรไม่ออกนะ ใจนึงก็ดีใจที่เอ็มมันยังแคร์แต่อีกใจนึงก็เจ็บ  :sad4:

ไม่มีเพื่อนเรียนนิติซักคนแต่ได้ข่าวมาว่าข้อสอบเป็นสอบเขียนแบบยาวมากกกกกกกกกก  o19
โชคดีในการสอบนะครับ  :mc4:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 25 updated 5 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: Þrestigë ที่ 08-07-2011 00:31:48
แปะ แปะ ขอแปะไว้ก่อน เดี๋ยวมาอ่านน
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 25 updated 5 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 08-07-2011 01:48:35
พูดไม่ออกบอกไม่ถูก หลังกลับจากเที่ยวมา5วันก็มาอ่านเลย รู้สึกจุกไปกับนิวเลย :z3: :z3:

 :m15: :monkeysad: :sad11: :m16: :m31: :angry2: :serius2: :beat: :เฮ้อ:

 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 25 updated 5 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 11-07-2011 23:33:19
ผมไม่เคยทำใจได้กับเรื่องของเอ็มและแพร หลังจากวันนั้นผมกับเอ็มกินข้าวดูหนังด้วยกันน้อยครั้งมาก บางครั้งที่ผมชวน … ไม่รู้ซิครับผมรู้สึกได้ว่าเขามาเพราะแค่ไม่อยากให้ผมน้อยใจมากกว่าจะมาเพราะว่าอยาก มันเหมือนมาตามหน้าทียังไงไม่รู้ ผมว่าผมไม่ได้คิดมากไปเองนะถ้าดูจากการพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเอ็มในช่วงหลัง

ไม่นานหลังจากที่เอ็บกับแพรคบกัน แพรก็ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ เครื่องของเเพรออกตอนกลางวันเย็นนั้นผมก็ชวนเอ็มมาเดินเล่นที่งานถนนคนเดิน ผมก็ยังทำตัวเหมือนเดิมคือพยายามไม่รับรู้ว่าเอ็มเขาคบกับแพรอยู่ คืนนั้นเราสองคนเดินเล่นด้วยกันจนดึก เอ็มป้อนขนมผมด้วย ดีใจครับแต่การกระทำของเขามันก็ยิ่งทำให้ผมเจ็บเพราะพอเอ็มหันไปเห็นเพื่อนเเพรเขาก็รีบดึงผมออกจากตรงนั้น มันเจ็บนะครับ ทำไมผมถึงต้องหลบๆซ่อนๆ

ช่วงที่ไปเรียนต่อต่างประเทศเอ็มกับแพรทะเลาะกันบ่อย คงเป็นเหมือนกันทุกคนมั้ง เวลามันไม่ตรงกันแล้วเอ็มก็เป็นคนติดเพื่อนระดับหนึ่งเหมือนกัน แม้เอ็มจะไม่เคยบอกอะไรแต่ผมอยู่ตรงนั้นตลอดเวลาที่เขาสองคนทะเลาะกัน ยิ่งเห็นผมก็ยิ่งสงสารเอ็ม ผมไม่ได้จะเปรียบเทียบตัวเองกับใครแต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่า “ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ทำให้เอ็มเสียใจขนาดนี้”

ครั้งแรกที่ผมรู้ว่าเอ็มกับแพรเลิกกัน คืนนั้นผมขับรถกลับมาจากต่างจังหวัดกับเพื่อนที่คณะ เพื่อนคนนึงในกลุ่มผมโทรเข้ามา

“นิว กรูว่ามรึงเตรียมจุดพลุฉลองได้แล้ว” ผมก็งงๆนะครับไม่เขาใจมุกมัน

“อะไรวะ งง”

“กรูว่ามรึงคงเป็นคนที่ดีใจที่รู้ข่าวนี้” เพื่อนผมคนนี้มันรู้ว่าผมไม่ชอบแพรเอามากๆแต่มันไม่รู้สาเหตุ

“เออออ มรึงจะบอกได้ยังกรูอยากรู้แล้วเนี่ย”

“ฟังกูดีๆนะ เอ็ม-เลิก-กับ-แพร-แล้ว”

ความรู้สึกของผมตอนนั้นเหรอครับมันกระวนกระวาย ใจนึงก็ดีใจแต่อีกใจนึงก็เสียใจเพราะผมกลัวเอ็มจะเจ็บ อยากโทรหาเอ็มมากๆแต่ทำไม่ได้เพราะเพื่อนๆนั้งอยู่เต็มรถ ผมรีบเหยียบรถเข้ากรุงเทพ พอส่งพวกมันลงหอ ผมก็จอดรถข้างทางแล้วโทรหาเอ็ม พอมันรับสายผมก็ชวนมันคุยเรื่องโน่นเรื่องนี้ ยังไม่กล้าถามมันตรงๆ ผมแถไปเรื่อยละครับจนสุดท้ายผมก็หมดเรื่องจะคุย ผมเงียบ เอ็มก็เงียบ

“เป็นไงบ้าง”

“ถามถึงเรื่องอะไรละ”

“มรึงก็รู้ว่ากรูถามถึงเรื่องอะไร … เป็นไงบ้าง”

“ก็ดี เสียใจ แต่พอไหววะ”

“อยากให้ไปหาไหม” ตอนนั้นเกือบเที่ยงคืนแล้วครับแต่ผมก็อยากแวะเข้าไปหาเอ็มอยากไปให้เห็นกับตาว่าเอ็มเขาสบายดี

“ไม่เป็นไร มรึงกลับไปพักเถอะ เดียวกรูก็นอนแล้ว”

“นอนหลับเหรอ”

“ไม่รู้ดิ ต้องลองดูวะ”

“ไม่ให้ไปหาแน่นะ กรูไปนอนเป็นเพื่อนมรึงก็ได้”

“ไม่เป็นไร ขอบใจมรึงละกัน” วันนั้นผมถามตัวเองนะครับว่าหลังจากนี้ผมกับเอ็มจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหมแต่คำตอบที่ได้กลับมามันก็ไม่ต่างอะไรกับการกลืนนำ้ลายตัวเอง อย่างมากผมกับเอ็มก็กลับไปมีความสัมพันธ์คลุมเครือกันแบบเก่า

วันรุ่งขึ้นกลุ่มผมก็นัดรวมตัวกันที่ร้านกาแฟเจ้าประจำ (ให้ความรู้สึกสภากาแฟคุณลุงมากๆ) และเรื่องที่ทุกคนพูดถึงก็หนีไม่พ้นเรื่องที่เอ็มกับแพรเลิกกันซึ่งก็โชคดีที่เอ็มมาช้ากว่าเวลานัดเกือบชั่วโมง มาถึงมันก็โดนสัมภาษณ์แบบละเอียดทุกรายละเอียดแต่เอ็มมันก็ไม่ได้บอกอะไรมาก ผมว่ามันพูดกับเพื่อนคนนึงในกลุ่มแหละแต่มันไม่บอกและเพื่อนคนนั้นก็ไม่เล่าด้วย ผมไม่ได้น้อยใจอะไรนะ ผมรู้จักนิสัยของเอ็มดีว่ามันเป็นคนไม่พูดลับหลังใคร สำหรับเพื่อนอีกคนมันก็ทำถูกแล้วละเพราะเเม้ว่าพวกเราจะสนิทกันแต่เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเอ็ม

“เอ็ม มรึงรู้ไหมว่าใครดีใจที่สุดที่มรึงเลิกกับเเพร” แล้วไอ้เพื่อนเวรมันก็จะทำผมงานเข้าอีกจนได้

“ใครวะ”

“คนนั้งข้างๆมรึงไง” แล้วมันก็หันมามองหน้าผมด้วยสายตาสงสัย ผมนิ่งครับไม่พูดอะไรเพราะรู้ว่ายังไงเอ็มก็ไม่ถามผมต่อหน้าทุกคนอยู่แล้ว
 
“นิวที่ไอ้xxx มันพูดมันหมายถึงอะไรวะ … อย่างโกหกกรูนะ” แมร่งรู้ทันผมอีก ความซวยของผมครับเพราะเราสองคนจอดรถอีกฝั้งหนึงของถนนผมเลยต้องเดินมากับมัน

“ก็เหมือนที่มันพูดนั้นแหละ”

“ทำไมอะ”

“มรึงกับแพรไม่เหมาะกัน มรึงดีเกินไป … กรูไม่อยากพูดแบบนี้แต่กรูว่ามรึงหาแฟนได้ดีกว่านี้” วันนั้นเลยเป็นวันที่เอ็มรู้ว่าผมไม่ชอบแพรเอามากๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงเพราะไม่ถึง 2 สัปดาห์เอ็มกับแพรก็กลับมาคบกัน

มันเหมือนคนหมดหนทางนะครับ เอ็มเขาเลือกแพรไปแล้วและผมก็ทำอะไรไม่ได้เลย ตอนนั้นสิ่งที่ผมทำคือพยายามรักษาตำแหน่งคนสำคัญของเอ็มเอาไว้ ผมเอาแต่ใจมากขึ้น โมโหร้าย เรียกร้องอะไรต่างๆนานาจากเอ็ม ผมไม่สนว่าเอ็มจะมีเหตุผลอะไรแต่ถ้านัดผมไว้แล้วเขามาไม่ได้ผมก็จะอารมณ์เสีย และในเมื่อเอ็มก็รู้แล้วว่าผมไม่ชอบแพรผมก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ผมเริ่มพูดประชดแพรให้เอ็มได้ยิน

“ถ้าแพรไป กรูไม่ไป  ไม่อยากไป”

“ถ้ามรึงนัดกรูแล้วแพรไปด้วย กรูไม่ไป มันไม่มีประโยชน์อะไรที่กรูจะไปอยู่ตรงนั้น”

“เชิญมรึงสองคนไปเที่ยวกันเถอะ กรูไม่อยากขัดความสุข”

และผมก็แสดงออกชัดครับว่าไม่ชอบแพร ผมทำอะไรกระทบกระแทกต่อหน้าเอ็มทุกครั้งที่เขาพูดถึงแพร ที่ผมกล้าเพราะรู้ว่าเอ็มไม่กล้าว่าผม มันโอ้ผมจะตาย ยิ่งรู้แบบนี้ผมก็ยิ่งได้ใจแต่ผมทำนิสัยเสียๆแบบนี้อยู่ได้ไม่นานก็รู้สึกตัวครับว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเพราะนอกจากมันจะไม่ทำให้ผมกับเอ็มกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วมันยังทำให้เอ็มลำบากใจ จนสุดท้ายพอผมใจเย็นลงผมก็เลือกที่จะอยู่นิ่งๆ
   
มีคนเคยถามผมว่าทำไมผมถึงตัดใจจากเอ็มไม่ได้ทั้งๆที่ตอนเลิกกับบาสผมสามารถตัดบาสได้อย่างไร้เยื่อใย ผมเก็บเอามาคิดอยู่นานว่าทำไมเรื่องของผมกับเอ็มมันถึงเหมือนเรือที่วนอยู่ในอ่าง พอเจ็บผมก็หายหน้าไป ซักพักผมก็ใจอ่อน คำตอมมันง่ายนิดเดียวคือตอนที่เลิกกันผมกับบาสก็ต่างคนต่างอยู่แต่กับเอ็มมันไม่ใช้แบบนั้น ผมอยู่กลุ่มเดียวกับเอ็มยังไงผมก็ต้องเจอเอ็มเกือบทุกอาทิตย์ ชีวิตผมมีเอ็มเข้ามาเป็นส่วนประกอบมากซะจนทางเดียวที่ผมจะตัดเอ็มได้คือเราสองคนต้องเลิกเจอหน้ากัน

ผมผูกพันกับเอ็มมากนะครับ ในกลุ่มผมกับเอ็มรู้จักกันมานานที่สุด เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นในขณะที่คนอื่นๆมารู้จักเอาตอนมันธยมปลาย บ้านผมกับเอ็มก็สนิทกัน ผมเดินเข้าบ้านเขาได้เหมือนเป็นบ้านตัวเองส่วนเอ็มมันก็คุยกับพ่อผมเหมือนคนในครอบครัว  ยอมรับเลยครับว่าที่ผ่านมาผมใจเเข็งไม่โทรหาเอ็มได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ชีวิตที่ไม่มีเอ็ม สำหรับผมมันเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง

และแม้ว่าเอ็มกับแพรจะคบกันแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างผมกับเอ็มดูซับซ้อนน้อยลงเพราะผมก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าผมเป็นอะไรในชีวิตของเอ็ม … คืนนั้นพวกเพื่อนๆมานั้งเล่นไพ่กันที่บ้านผม กว่าพวกมันจะกลับก็เที่ยงคืนกว่าแล้วและในขณะที่ทุกคนกำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน

“นิวไปกินบะหมี่กัน” คนอื่นยืนกันอยู่เต็มห้องแต่เอ็มมันเลือกที่จะชวนผมคนเดียว ไอ้บิวมันจ้องหน้าผมเลยครับ สายตามันแบบว่า "มรึงอย่าไปนะ”

“ไปดิ” ไอ้บิวส่ายหัวให้ผมแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อ

เอ็มเป็นคนขับครับและระหว่างทางแพรก็โทรมา พอเอ็มมันเห็นเบอร์แพรในมือถือมันก็ทำมือให้ผมเงียบไว้

“กำลังขับรถกลับบ้าน … อยู่คนเดียว” ผมหันไปใองหน้าเอ็มทันทีที่มันพูดแบบนี้ ตอนนั้นผมพยายามไม่คิดมากอะไรคิดซะว่าเอ็มเขาก็ตอบไปอย่างนั้นแหละจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับแพร 

"เอออออออ … ยังไม่ถึง กำลังแวะไปกอนข้าว …. กะ กับ นิว” แล้วเอ็มก็คุยกับแพรอีกเกือบ 10นาที ส่วนมากผมก็ได้ยินมันพูดว่าแต่คำว่า "อืม” ผมก็ไม่รู้นะว่าเขาสองคนคุยอะไรกันแต่คงจะทะเลาะกันซะมากกว่าเพราะดูจากสีหน้าเอ็มที่มันหงิกลงๆ   

พอเอ็มวายสายมันก็ถอนหายใจยาวๆหนึ่งที่เเล้วหันมายิ้มแล้วผม มันเล้าให้ผมฟังว่ามันกับเเพรทะเลาะกันแล้วก็ไม่ได้คุยกันมา 2 วันแล้ว วันนี้เป็นครั้งแรกที่คุยกัน

“กลับไหม มรึงจะได้กลับไปเคลียร์กัน” ผมไม่อยากพูดแแบนี้เลย ผมไม่ใช้คนดีอะไร ครับผมยอมรับว่าผมไม่อยากยอมแพ้แพร ผมอยากเป็นที่ 1 สำหรับเอ็ม เป็นคนที่มันเเคร์มากที่สุดแต่ผมก็สงสารเอ็มเหลือเกิน ผมเข้าใจแล้วครับที่เขาบอกกันว่า “การเห็นคนที่เรารักเจ็บแล้วมันเจ็บว่าหลายเท่า” มันเป็นยังไง ผมรู้ว่าในหน้านิ่งๆของมัน มันกำลังคิดมากกับเรื่องแพร

“ไม่เป็นไร กรูอยากกินบะหมี่ ... ช่วงนี้มรึงกับกรูไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันเลยเนอะ คิดถึงมรึงวะ”

"ทำไงได้ เวลามันไม่ตรงกันนิ" ผมตอบไปก็กลืนนำ้ตาตัวเองไป อย่าพูดแบบนี้ได้ไหม มันยิ่งทำให้ผมใจสั่น

บรรยากาศมันชวนเครียดมากครับเพราะเอ็มมันก็ไม่เปิดวิทยุไในรถมีแต่เสียงแอร์ 

“รออะไรอยู่ … รู้อยู่แล้วว่าเข้ากันไม่ได้แล้วจะยื้อไว้ให้เจ็บทำไม” ผมถามแล้วเอื่อมมือไปกุมมือมันไว้หลวมๆ

“กรูหวังว่าเข้าจะเปลี่ยน”

“เขาจะเปลี่ยนได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่คิดด้วยซำ้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด เป็นกรูๆก็ไม่เปลี่ยน … ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”

“เหนื่อยดิ แต่พอทะเลาะกันกรูก็เสียใจ ... ขอบใจนะที่เป็นห่วงกรูมาตลอด” แล้วมันก็เอื่อมมือมาลูปหัวผม คืนนั้นผมต้องทนเก็บความรู้สึกที่มีให้เอ็มเอาไว้ ผมรักเอ็มมากนะครับ ไม่อยากให้มันเสียใจ อยากบอกเขามากๆ “เอ็ม เลิกกับแพรแล้วมาคบกับเราได้ไหม เราสัญญาว่าจะไม่ทำให้เอ็มเสียใจ”

คืนนั้นผมโทรไปหาไอ้บิวมันก็รู้หน้าที่ครับรอรับโทรศัพท์ผม

“มรึงกรู ...” พูดได้เท่านี้ครับแล้วไอ้บิวมันก็ตัดบทเทศษ์ผมไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่มันจะพูดกับผม

“อะ มรึงอยากเล่าอะไรก็เล่ามา” ผมก็เล่าให้มันฟังทุกอย่างที่ผมเก็บเอาไว้ คุยกับเกือบ 2 ชั่วโมงจนสุดท้ายผมนั้นแหละที่เป็นฝ่ายเครียดมากจนต้องขอมันเปลี่ยนเรื่องคุย เวลาผมโทรไปคุยกับไอ้บิวมันมักจะเป็นแบบนี้ละครับ ไอ้บิวมันเป็นคนใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนมากๆ บางครั้งพูดไปพูดมาจนเกือบทะเลาะกันแล้วอย่างเรื่องของผมนี่บางครั้งมันก็เครียดจนต้องหยุดคุยเรื่องนี้กันไปเลยก็มี อย่างที่ผมบอกว่าสำหรับไอ้บิวผู้ชายเกิดมาคู่กับผู้หญิงเท่านั้นมันเลยไม่เห็นด้วยกับความรู้สึกของผม แล้วความอคติของมันบางครั้งก็ทำให้ผมน้อยใจว่า “ความรักของผมมันแตกต่างจากของมันตรงไหน”

“บิว มรึงอย่ามีอคตินะ … ถ้ามันไม่ใช้เรื่องของกรูกับเอ็ม มรึงว่ามันมีอะไรเปล่าวะ”

“ถ้าเป็นคนอื่น กรูว่ามี” อยากเอาเท้ายื่นไปถีบหน้ามันครับ ยังไงบิวมันก็อคติกับเรื่องนี้

“แล้วมรึงว่าทุกอย่างที่มันทำให้กรู มันมากกว่าเพื่อนกันเปล่าวะ”

“อืม!! กรูว่ามรึงสองคนเป็นมากกว่าเพื่อนกันวะ” ใจนึงผมก็ดีใจนะครับที่ไม่ใช้ผมที่คิดไปเองคนเดียวแต่อีกใจนึงผมก็เสียใจ ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ผมไม่รู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ทำไมทุกอย่างมันถึงดูไม่ชัดเจนแบบนี้ ไม่ชอบเลยเวลาที่ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 12-07-2011 08:15:45
สงสารบิวอ่ะ
มารอตอนต่อไปนะครับ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 12-07-2011 21:15:48
-~iK@iZ_KunG~- : สงสารไอ้บิวมันทำไมอะครับ ส่งสารผมเถอะ  :o12: ผมโดนมันด่าเช้าด่าเย็นจนวันไหนไม่ได้ยินเสียงมันแล้วนอนไม่หลับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 12-07-2011 22:03:43
เพิ่งจะอ่านทัน รู้สึกเหมือนได้อ่านไดอารี่ชีวิตของนิวเลยค่ะ
บางทีความสัมพันธ์แบบนี้มันพูดยากมากจริงๆ ไม่รู้จะพิมพ์ว่าอะไรดีค่ะ
แต่อยากเป็นกำลังใจให้.. ชีวิตคนเรามันก็ต้องมีขาขึ้นและขาลงเนอะ
ส่วนเรื่องเอ็ม.. บางทีอาจต้องให้เวลาเอ็มหรือเปล่าคะ เอ็มถึงจะรู้ว่า
ระหว่างเพื่อนผช (ซึ่งก็คือนิว) กับ ผญ ที่อาจจะรู้สึกดี ใครจะสำคัญกว่ากัน
แต่ทำไมพออ่านมาถึงตอนนี้แล้ว เค้าเอนเอียงที่ว่า สิ่งที่เอ็มทำให้นิวอ่ะ
หลายๆอย่างมันเกินกว่าที่เพื่อนธรรมดาเค้าจะทำให้กันนะคะ *w*
นิวไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ แต่เอ็มอ่ะทำให้คิดจริงๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 12-07-2011 22:04:25
โอ้ววววววววววววววว  มาที ยาวได้ใจมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 12-07-2011 22:30:59
นัน่สิ เราก็งงว่าสงสารบิวทำไม หรือว่าสงสารที่มีเพื่อนอย่างคุณนิว 55555+
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: SungJimun ที่ 13-07-2011 05:18:06
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน คิคิคิ

ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องราวสนุกมากเลยค่ะ (แต่คำผิดเยอะไปหน่อย 555+)
เราเข้าใจความรู้สึกนิวนะคะ จากเพื่อนแล้วมาเปนแฟน มันเป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆ
ไม่มีใครรู้หรอกว่าในชีวิตคนเรา เมื่อไหร่ถึงจะได้เจอคู่แท้ซักที
เห็นบางคู่รักกันมาเปน 10 ปี สุดท้ายก็มีอันต้องเลิกรากันไป
กรณีของนิวยังดีนะ พอเลิกกันก็กลับมาเปนเพื่อนได้ (เปนเรานี่ อย่าเจอกันอีกเลย)
ส่วนเรื่องเอ็ม นิวไม่ผิดหรอกที่เผลอใจไปรักเค้าเปนหัวปักหัวปำ
เป็นใคร ใครก็ต้องหวั่นไหว คอยดูแลทำดีกับเราซะขนาดนั้น เกินเพื่อนมากอ่ะ

สิ่งที่จะทำให้นิวมีความสุขได้คือไม่คาดหวังค่ะ
อย่าไปคาดหวังว่าสิ่งที่เราคิดมันจะต้องได้รับสิ่งนั้นตอบ
ไม่ได้หมายถึงไม่ให้หวังนะ เรียกว่าให้รู้จัก ปลง มากกว่า
ถ้าไม่หวัง ก็จะไม่ผิดหวัง คิดซะว่า สิ่งที่เปนอยู่ทุกวันนี้ก็มีความสุขแล้ว

แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆแนะนำให้ค่อยๆถอยออกมาค่ะ อย่าพยายามไปยื้อแย่งอะไร
สายพินที่ตึงเกินไป ดีดีเล่นทุกวันยังไงมันก็ต้องขาด
เป็นห่วงสุขภาพจิตนิวนะคะ ไม่อยากให้เครียดมาก

ยังไงก็เอาใจช่วยค่า ติดตามตอนต่อไปเรื่อยๆ อิอิอิ  :o8:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 14-07-2011 01:00:47
EunJin : เรื่องที่ผมเอามาเขียนก็เอามาจาก diary ผมละครับ
            บางเรื่องเกิดขึ้นนานแล้วจำลายละเอียดไม่ได้ก็ต้องกลับไปเปิดดู  :try2:

woodong : ชดเชยที่ไม่ได้มาลงหลายวันไงครับ  :undecided: o1

tantalize : ฮึ!! ผมออกจะเป็นเพื่อนที่ดีนะ แฟนไอ้บิวคนปัจจุบัน (รวมถึงคนก่อนด้วย) นี่ผมเป็นคนไปเลือกของขวัญขอเป็นแแฟนมากับมือเลยนะคร้าบบบบบบ  :m9:

SungJimun : เรื่องคำผิดนี่ผมพยายามแล้วครับ แต่ก็มีหลุดบ้างเน้อออออ ถือว่าไม่เห็นละกันครับ  :m26:
                 "อย่าไปคาดหวังว่าสิ่งที่เราคิดมันจะต้องได้รับสิ่งนั้นตอบ ...​
                  ถ้าไม่หวัง ก็จะไม่ผิดหวัง คิดซะว่า สิ่งที่เปนอยู่ทุกวันนี้ก็มีความสุขแล้ว" -------> กด like ครับ  o13

ราตรีสวัสดิ์นะครับทุกคน  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 14-07-2011 01:32:46
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 14-07-2011 07:36:20
อ้าก!!!!!  :dont2: โดนจิ้ม
จิ้มคืน นี่แนะ  :z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: SungJimun ที่ 14-07-2011 22:30:42
เค้าก็อยากจิ้มนิวมั่ง ฮาๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 15-07-2011 22:44:09
ฮึยยยยย!! มีคนอยากจิ้มเรา  :oni1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 26 updated 11 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 19-07-2011 00:50:02
หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นวันเกิดผม วันนั้นข้อความสุขสันต์วันเกิดเข้ามือถือผมทั้งวันและทุกครั้งที่เสียงจากมือถือดังขึ้นผมก็อดที่จะถอดใจไม่ได้เพราะคนที่ส่งข้อความมานั้นไม่ใช้คนที่ผมรอ ... เที่ยงก็แล้ว 6 โมงเย็นก็แล้ว 5 ทุ่มแล้วก็ยังไม่มี ข้อความจากเอ็ม จนกระทั้งวันนั้นผ่านพ้นไป

น้อยใจมากครับ ที่ผ่านมาเอ็มไม่เคยลืมวันเกิดผมและไม่ว่าเอ็มอยู่ที่ไหนเขาจะเป็นคนแรกเสมอที่โทรมาบอก happy birthday ผมแต่วันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว จากพฤติกรรมของเขาในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ผมก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่แม้แต่จะโทรหาผม

สัปดาห์นึงหลังจากนั้นเพื่อนๆผมนัดกินข้าวกันที่สยาม ผมมาถึงเป็นคนสุดท้ายเพราะไอ้บิวมันโทรมาชวนผมไปเดินเล่นก่อน เข้ามาร้านผมก็เห็นเพื่อนอยู่ 2-3 คน ผมรู้ว่าเอ็มมาถึงแล้วแต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน ตั้งแต่วันเกิดผม เราสองคนยังไม่ได้คุยกันเลย ผมวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้แล้วเดินขึ้นไปเข้าห้องนำ้ชั้น 2 กลับลงมาอีกที ผมให้พี่ๆทายว่ากระเป๋าใครมาวางอยู่ข้างๆ … กระเป๋าเอ็มครับ ผมแอบขำในใจนะเพราะขนาดผมวางกระเป๋ามั่วๆไม่ได้สนใจอะไรแต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนผมจะไม่มีทางหนีเขาพ้น พอเห็นหน้าผมเอ็มมันก็ยิ้มให้ ผมก็พูดกับเอ็มเหมือนปกติ คือผมงอนมันจนหายงอนไปแล้ว

นั้งกินข้าวกันไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีข้างนอกก็มืดแล้ว ผมกำลังคุยกับไอ้บิวอย่าเมามันแล้วอยู่ๆร้านเขาก็เล่นเพลง happy birthday ตอนแรกผมก็ไม่สนใจครับคิดว่าเป็นวันเกิดคนอื่น จนเหลือไปเห็นแสงเหลืองๆสว่างมาจากข้างๆเลยหันกลับไปมอง เห็นเอ็มกำลังยืนถือเค้กแล้วส่งยิ้มมาให้ อายครับเพราะไม่เคยโดน surprise แบบนี้มาก่อน คนทั้งร้านก็หันมามองผม แล้วพอเพลง happy birthday จบผมอธิฐานแล้วก็เป่าเค้ก … คำอธิฐานของผมเหรอครับ ผมขอให้เรื่องของผมกับเอ็มมันจบลงได้ด้วยดี ไม่ว่าสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ของเรามันจะเป็นอะไรก็ตาม อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้อยู่ใกล้เขาแบบนี้ตลอดไป

กินเค้กเสร็จก็ถึงเวลาฉลองแบบจริงจัง เด็กไอ้แจ๊สครับสั้งเบียร์มา 1 tower เขารินแล้วก็ยื่นแก้วมาให้ผม (เผื่อพี่จะสงสัยเด็กไอ้เเจ๊สเป็น ญ. ครับ น่าตาน่ารักเชียว) ผมก็จำใจรับมา ผมเคยเล่าแล้วเนอะว่าผมนะคออ่อน แล้วในบรรดาเครื่องดื่มนำ้เมาทั้งหลายผมไม่ชอบเบียร์มากที่สุด ผมนั้งจ้องแก้วเบียร์ตาปลิบๆ คิดในใจว่าถ้าหมดแล้วนี้กรูเมากลับบ้านแน่ แต่ซักพักเอ็มมันก็มากระซิบข้างหู

“กินเข้าไปหน่อยนะนิว เดียวเด็กไอ้แจ๊สจะเสียใจ ที่เหลือเดียวกรูช่วย”  :pighaun: ผมแบบว่าแอบกรีดในใจครับ คนอะไรแมร่งจะ man ได้ขนาดนั้น ผมก็ทำตามที่เอ็มบอกยกแก้วชนแล้วก็จิบไปหน่อยนึง พอผมวางแก้วเอ็มก็หยิบไปกินต่อ ผมกินไปไม่ถึงครึ่งที่เหลือฝีมือเอ็มครับแต่แค่นี้ผมก็รู้สึกแล้วนะครับว่าหน้าตัวเองมันร้อนผ่าวไปหมด หลังจากคนอื่นๆแยกย้ายกันผมนั้ง taxi กลับมาพร้อมเอ็ม

“เอ็ม กรูถามมรึงจริงๆนะ ห้ามโกหกกรู”

“อืม เรื่องไร”

“มรึงลืมหรือเปล่า” มันทำหน้าคิดนิดนึงครับ

“โทษที ช่วงนี้งานยุ่งเลยลืม”

“กรูน้อยใจนะ มรึงไม่เคยลืมวันเกิดกรู

“กรูรู้ … กรูถึงขอเป็นคนถือเค้กให้มรึงไง”  :m1:

“แล้วมรึงรู้ได้ไงอะ”

“ไอ้บิวบอก”  ไอ้บิวไอ้เพื่อนเลว  :m16: กรูอุตสาห์บอกมรึงนะว่าอย่าบอกเอ็ม

ช่วงนั้นผมเลยกลับมามีความฝันลมๆแล้งๆอีกครั้ง มันเหมือนเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายอะครับ ผมเอารถไปมหาลัยทุกวันเผื่อว่าเอ็มจะกลับบ้านพร้อมผม ผมโทรหาเขาทุกเย็น ถามเขาว่าอยู่ไหน กลับบ้านด้วยกันไหมแต่มันก็เหมือนตำนำ้พริกละลายแม่นำ้ ผมทำแบบนั้นอยู่ได้เกือบ 2 เดือนก็ต้องเลิกเพราะเอ็มเขากลับบ้านกับผมแค่ครั้งเดียว จะให้ผมทำไงได้ละครับก็เวลาของเรามันไม่ตรงกัน

ถัดมาอีกหน่อยแพรก็กลับมาจากต่างประเทศ แน่นอนครับว่าเวลาของเอ็มส่วนนึงเขาก็ต้องเอาไปให้แพร ผมรู้อยู่แล้วว่าช่วงที่เเพรกลับมาเอ็มเขาไม่มีเวลาให้ผมแต่ผมก็ยังดันทุรังจะนัดเอ็มไปไหนมาไหนซึ่งส่วนมากเอ็มก็จะปฎิเสธ จนมีอยู่เสาร์อาทิตย์นึงผมว่างตรงกับเอ็มเลยชวนเขาดูหนัง เอ็มมันก็อยากดูนะครับแต่ติดอยู่ตรงที่มันทะเลาะกับแพรเมื่อคืนแล้ววันนี้แพรมากินข้าวกับแม่ที่สยาม มันเลยขอมาง้อแพรก่อน ตอนแรกผมก็ไม่อยากไปเพราะกลัวว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นผมที่ต้องรอเก้อแต่เพราะผมอยากใช้เวลาอยู่กับเอ็มผมเลยเลือกที่จะลองเสี่ยง
   
“นิวกรูเกรงใจมรึงวะ ไม่อยากให้มรึงรอกรูนาน”

“ไม่เป็นไรเดียวเดินเล่นรอ”

“เอางี้ไหม ไปกินข้าวเย็นกับกรูกับแพร” ตอนแรกเอ็ม plan ว่าจะไปง้อแพรที่ร้านอาหารแล้วกลับมากินข้าวเย็นกับผม

“ไม่เป็นไร ไปเถอะกรูอยู่คนเดียวได้ ไปไม่นานอยู่แล้วนิ”

“เกรงใจมรึงอะ ไปเฮอะ แพรเขาไม่ว่าหรอก แม่เขาก็ใจดี”

“ฮึ ไม่อะ อยากเดินเล่นมากกว่า” ผมเริ่มอารมณ์เสียแล้วครับ ผมว่าสีหน้าผมก็ออกนะว่าไม่อยากไปแต่เอ็มก็ง้ออยู่นั้น

“นะๆ มรึงไปเถอะ ไปเป็นเพื่อนกรู” ได้ยินมันพูดครั้งที่ 3 ผมถึงฟิลว์ขาด

“ไม่ไป!! ถ้าจะให้กรูไปกินข้าวกับแพรกรูแด๊กข้าวคนเดียวดีกว่า” เอ็มมันก็เงียบไปครับ สรุปคือเขาขอเวลาชั่วโมงนึงไปง้อแพรแล้วจะกลับมากินข้าวกับผม

เย็นนั้นผมนั้งรอเอ็มที่ Paragon เดินเล่นได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็เริ่มหงุดหงิดแล้ว ความรู้สึกตอนนั้น เริ่มกลัวแล้วครับว่าเอ็มจะให้ผมรอเก้อจริงๆ ผมโทรไปตามเอ็ม 2-3 ครั้งเขาก็ทำเสียงเบื่อๆบอกว่าอยากแยกออกมาแล้ว ผมนั้งรอเอ็มเกือบ 2 ชั่วโมงครับกว่าจะได้กินข้าว

ตลอดเวลาที่ดูหนังยอมรับตรงๆเลยครับว่าผมไม่มีความสุขเลย ผมคิดถึงเอ็มมากนะครับแต่การที่ต้องมานั้งรอเอ็มเกือบ 2 ชั่วโมงคิดแล้วมันก็น้อยใจนะครับมันเหมือนผมเป็นตัวอะไรไม่รู้ที่จะต้องมานั้งรอเศษเวลาที่เอ็มเขาเหลือมาจากแพร ผมอยากซบไหลเอ็มดูหนังเหมือนเมื่อก่อนแต่ผมทำไม่ได้แล้วละครับ ผมกล้วว่าถ้าผมทำแบบนั้นแล้วเขาจะขยับไหลหนีผม สุดท้ายแล้วคืนนั้นผมก็ต้องกลับบ้านไปพร้อมกับความผิดหวังที่จะทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิม

เเละแทนที่ผมจะจำแต่ก็เปล่า ผ่านมาได้อีกหน่อยแพรกลับไปเรียนต่อผมก็คิดว่าเอ็มจะมีเวลาให้ผมมากขึ้นผมเลยชวนเอ็มไปดูหนังอีก วันนั้นพวกผมนัดกินข้าวกันแล้วผมก็ชวนเอ็มดูหนัง ผมโทรไปจองรอบหนังแต่ยังไม่ทันได้ออกจากร้านเอ็มก็ลุกออกไปโทรศัพท์ ซัก 10 นาทีมันก็กลับมาทำหน้าหงอยๆ

“นิวกรูขอโทษวะ … กรูไปดูหนังกับมรึงไม่ได้เเล้ว กรูไม่อยากมีปัญหากับแพร”

“อืม ไม่เป็นไร” แล้วผมจะพูดอะไรได้มากกว่านี้ละครับ

คืนนั้นมีเพื่อนผมอีกคนนั้งรถกลับมาด้วย ระหว่างทางผมไม่พูดอะไรเลยครับปล่อยให้เอ็มกับเพื่อนอีกคนพูดกันไม่หยุดจนมันขอลงไปซื่อของที่ seven ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่มีคนโทรหาเอ็ม ดีครับเพราะผมจะได้ไม่ต้องมานั้งตอบคำถามว่าทำไมผมถึงเงียบลง พอจอดรถผมก็นั้งเงียบมองออกไปนอกรถแล้วก็ฟังเอ็มคุยโทรศัพท์

“เฮ้ย!! มรึงแค่นี้ก่อนนะเดียวโทรกลับ” ก็ประมาณ 15 นาทีครับเอ็มมันถึงรู้สึกตัวว่าผมกำลังโกรธ

“นิว มรึงเป็นไรวะ”

“เปล่า ไม่ได้เป็นไร” ผมตอบมันแต่ผมก็ยังมองออกไปข้างนอก อึดอัดครับตั้งแต่ออกมาจากร้านอาหารผมยังไม่มองหน้าเอ็มเลย

“เป็น!! มรึงโกรธ”

“กรูไม่ได้โกรธ”

“มรึงโกรธ”

“กรูไม่ได้โกรธ” มันก็ถามผมประโยคเดิมแล้วผมก็ตอบมันเหมือนเดิมจนเอ็มมันทนไม่ไหวครับ

“ถ้ามรึงไม่เป็นอะไรก็หันมามองหน้ากรู” ผมอึ้งไปครับไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนี้ เออ!!มรึงเริ่มก่อนนะ    :m31:
   
“กรู-ไม่-ได้-เป็น-ไร พอใจยัง!!” ผมพูดกระแทกเสียงคำต่อคำแล้วมองเข้าไปในตามันครับ ผมเองก็เริ่มจะเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ได้เเล้วเหมือนกัน

“นิว มรึง...”

“อย่าเริ่ม!! เดียวมันจะไม่จบ พูดไปมันก็ทำร้ายจิตใจกันเปล่าๆ” ผมพูดแทรกแล้วเอานี้วชี้ชี้หน้าเอ็ม เอ็มมันชักสีหน้านิดนึงแต่ก่อนที่มันจะพูดอะไรเพื่อนผมมันก็กลับขึ้นมาบนรถ ผมก็รีบเปลี่ยนอารมณ์ชวนมันคุยโน่นคุยนี่ แอบเหลือบมองเอ็มมันทำหน้าเซ็งๆแล้วก็ส่ายหัว

ผมเลือกที่จะส่งเอ็มลงก่อนเพราะไม่อยากอยู่ในบรรยากาศอึดอัดและเหมือนเอ็มมันจะรู้ว่าผมคิดอะไรเพราะปกติแล้วผมจะส่งมันเป็นคนสุดท้าย มันลงจากรถแล้วหันมาโบกมือให้ผม ผมไม่ได้โบกตอบแค่ยิ้มมุมปากให้นิดๆให้ก็ขับรถออกมา กลับถึงบ้านผมก็โยนทุกอย่างลงบนเตียงแล้วเดินไปอาบนำ้ ไม่โทรไป missed call เอ็มเหมือนทุกครั้ง เกือบชั่วโมงแหละครับเอ็มมันถึงได้โทรมา

“อืม ว่า” ผมพยายามทำเสียงเหมือนกำลังทำงานอยู่ทั้งที่จริงๆแล้วนั้งดู TV

“มรึงกลับถึงบ้านนานแล้วเหรอ”

“ซักชั่วโมงได้แล้ว ไมอะ”

“เปล่า!! ก็เห็นไม่โทรมา เลยคิดว่ายังไม่ถึง”

“เออเหรอ พอดีคุยเรื่องงานกับเพื่อนนะ” แล้วต่างคนก็ต่างเงียบครับ

“เอ็มกรูว่างก่อนนะ จะไปนอน” ผมตัดบทวางสายครับเพราะยิ่งทิ้งไว้บรรยากาศมันก็ยิ่งอึดอัด ผมว่าคราวนี้ผมโกรธมันมากกว่าดีใจนะที่มันโทรมา อยากถามกลับไปครับว่าเคยเเคร์ผมด้วยเหรอ  มันไม่ใช้ครั้งแรกที่ผมไม่โทรไปแต่ทุกทีก็ไม่เห็นจะใส่ใจแล้ววันนี้พอรู้สึกว่าผมโกรธแล้วจะมาสนใจทำไม ยังไงก็เลือกแพรมากกว่าผมอยู่แล้ว ผมรู้ว่าผมเป็นแค่เพื่อนแต่อย่างน้อยผมก็น่าจะได้รับอะไรที่มันดีกว่านี้ ผมจะไม่โกรธเลยถ้าเอ็มเขาบอกไม่ไปตั้งแต่แรกแต่ไม่ใช้รับปากแล้วเดินมาบอกว่า “ไม่” มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอครับ

พอวางจากเอ็มผมก็โทรหาบิว   

“มรึง กรูไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากเอ็มอีกแล้วใช้ไหม” ผมถามมันหลังจากระบายความนอยด์ทุกอย่างให้มันฟัง

“มรึงก็รู้คำตอบแล้วจะมาถามกรูทำไม”

“แต่กรูเสียใจนิ”

“มรึงเสียใจแล้วไง มรึงก็ว่ามันเป็นเป็นเวลาของแพรแล้วยังกล้าไปแย้งมันมาอีก กรูว่ากรูบอกมรึงมาหลายครั้งแล้วนะว่าควรวางตัวยังไงแต่มรึงไม่เคยฟังแล้วตอนนี้มรึงจะมาบ่นทำไมวะ”

“ก็กรูรักมันนิ กรูทำใจไม่ได้”

“มรึงทำใจไม่ได้เลยพยายามไปแย้งมันกลับมาใช้มะ เป็นไง!! รักมันมากแล้วมันมานั้งเสียใจกับมรึงไหม ตอนนี้แมร่งก็คงมีความสุขนั้งคุยนอนคุยโทรศัพท์กับแพร แล้วมรึงละ ต้องมานั้งทำเสียงหงอยๆให้กรูฟัง”

“มรึงไม่เห็นต้องพูดแรงแบบนี้เลย กรูรู้ว่าที่กรูทำมันผิด กรูน้อยใจกรูแค่อยากระบาย … ที่ผ่านมามันยังไม่ดีพออีกเหรอ กรูทำดีที่สุดแล้วนะ คนเรานะเวลาโกรธก็อยากให้อีกฝ่ายรู้ทั้งนั้นแต่กรูเลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำให้เอ็มลำบากใจ มันยังไม่ดีพอสำหรับมรึงอีกเหรอ ความรักของกรูมันต่างจากของมรึงตรงไหน”

คืนนั้นผมกับไอ้บิวคุยกันยาวครับมันถามผมว่าถ้าผมกับเอ็มใจตรงกันจริงๆแล้วเราสองคนจะคบกันได้เหรอ มันบอกให้ผมมองความจริง มองสังคมที่ผมกับเอ็มอยู่ มองครอบครัวของเรา ที่บิวมันไม่เห็นด้วยไม่ใช้เพราะมัน anti เรื่องแบบนี้ซะทีเดียว ถ้าเป็นคนอื่นมันก็ไม่อะไรแต่เพราะผมเป็นเพื่อนสนิท มันเลยอยากให้ผมลองคิดดูดีๆว่าถ้าผมกับเอ็มคบกันแล้วจะได้ยังไงต่อ จะอยู่ด้วยกันได้จริงๆเหรอ ถ้าผมมีคำตอบให้มันมันก็ไม่ว่าอะไร จะไปอยู่ต่างประเทศหรือจะไปซื่อคอนโดอยู่ด้วยกันสองคนมันก็ ok คืนนั้นเป็นคืนแรกครับที่ผมหยุดใช้อารมณ์แล้วมองโลกตามความเป็นจริง (ในมุมของผม) … ครับมันไม่มีทางไหนง่ายและเป็นไปได้เลยสำหรับผม

สองวันต่อมาผมรู้มาจากไอ้บิวว่าเพื่อนคนนึงในกลุ่มโทรไปวีนแตกใส่เอ็มเรื่อง cancle นัด ผมเลยโทรไปหามัน มันก็ไม่พอใจคล้ายผมแต่คนละเหตุผล ถ้าผมคุยกับมันก่อนหน้านี้ผมว่าอารมณ์มันคงแรงจนฉุดไม่อยู่แต่นี่ผมใจเย็นแล้ว ผมบอกมันว่าผมก็ไม่พอใจเหมือนกันที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้แต่ผมก็เชื่อว่าเอ็มเขาทำดีที่สุดแล้วและผมก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร
 
“มรึงไม่โกรธเหรอวะนิว”

“โกรธดิ แต่กรูรักมันมากพอที่จะไม่ทำให้มันลำบากใจ”

ดึกของวันนั้นผมโทรกลับไปหาเอ็ม เขาถามผมตรงๆครับว่าผมโกรธเขาหรือเปล่า

“มรึงโกรธกรูเรื่องคืนนั้นปะ”

“โกรธ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว” แล้วก็เงียบ ความรู้สึกตอนนั้นผมนำ้ตาจะไหลแล้วครับ มันเหมือนอยากบอกให้เขารู้ว่าเราเสียใจแต่มันก็พูดออกไปไม่ได้

“เอ็ม กรูไปนอนแล้วนะ ไว้คุยกันพรุ่งนี้ละกัน”

ก่อนเข้านอนผมไม่ค่อยสบายใจเรื่องนี้เท่าไหร่เลยส่ง massage ไปหาเอ็ม

“Do not worry about everything b'coz I know that u do your best for everyone and I always stay by your side”

ความรู้สึกของผมเหรอครับ … นี่ผมจะต้องทนเจ็บไปอีกนานเท่าไหร่ ทำไมทั้งๆที่เขาก็มีแฟนแล้วแต่ผมก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เมื่อไหร่ผมถึงจะหยุดรักคนๆนี้ได้ซักที

ปล. ช่วงนี้มาแต่แนว drama อย่าเพิ่งเบื่อกันซะก่อนนะคร้าบบบบบ ... ราตรีสวัสดิ์ครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 19-07-2011 02:05:06
มาจิ้มๆ คุณนิว (สงสารนิวที่โดนด่า อิอิ)
มารออ่านตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 19-07-2011 07:27:32
-~iK@iZ_KunG~- :  :o11:
                           :z13: :z13: :z13: นี่แนะๆ จิ้มคืน
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 19-07-2011 19:20:00
โอ้ยยยยยยยยย สงสารคุณนิวมากค่ะ อย่าดราม่าเยอะไปนะ เค้าปวดใจแทนๆๆๆ

ว่าแล้วก็จิ้่มคนข้างบนด้วย จึก จึก จึก
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 20-07-2011 06:58:14
อ้ากกกกกก!! โดนจิ้มมมมมมมมมมมมมม...
:z3: :z3: :z3:  :a6: :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 20-07-2011 20:43:25
อ่านเพลิน เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 20-07-2011 23:48:45
จะสอบเเล้ว เเต่ยังคงมีความสุขกับการมาอ่านนิยาย ขอบคุณคุณนิวมากๆ รู้สึกอินนนนน T T
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 21-07-2011 18:10:47
woodong :  :t3:

tantalize : ตั้งใจอ่านหนังสือนะครับ  o19
              โชคดีกับการสอบ  o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 21-07-2011 19:50:16
มาอีกนะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 22-07-2011 07:26:23
มาอีกแน่นอนครับ  o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 22-07-2011 10:40:12
อ่านเรื่องนี้แล้วเศร้าแทน ทำไมมันเป็นแบบนี้อ่ะ เอาใจช่วยคุณนิว  :L1: ผ่านมันไปให้ได้
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 26-07-2011 07:29:45
artit : ขอบคุณครับ  o1

ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้เอามาลงให้นะคร้าบบบบบบบบบบ  :bye2:

หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 27-07-2011 19:28:13
เข้ามารอๆๆๆ  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 27 updated 19 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 27-07-2011 20:51:31
ในที่สุดเรื่องที่ผมไม่อยากให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้เพราะช่วงเปิดเทอม summer เอ็มเขามีแผนที่จะบินไปหาแพร เขาพูดกับผมมานานแล้วละครับว่าจะบินไปหาแพรช่วงปิดเทอม ครั้งแรกที่ผมได้ยินก็ใจหายนะ ผมไม่อยากให้เขาไป ผมอยากให้เขาอยู่กับผมที่นี่มากกว่า ก่อนไปเอ็มมันก็ถามว่าผมอยากได้อะไรไหม ผมส่ายหัวอารมณ์นั้นใครเขาอยากจะได้ของฝากกันแต่เอ็มมันก็บอกนะครับว่าถ้าเปลี่ยนใจค่อยเมลล์ไปบอกก็ได้

เอ็มเขาจองตั๋วล่วงหน้าหลายเดือนเหมือนกันครับ ระหว่างนั้นเขาก็มีทะเลาะกับแพรบ้างจนก่อนหน้าวันเดินทางประมาณสามสี่วัน กลุ่มผมก็นัดกินข้าวกันตามปกติ เอ็มมารับผมที่บ้านและระหว่างทางเขาก็บ่นครับว่าไม่น่ารีบซื่อตั๋วเลยถ้ายังไม่มีตั๋วเขาก็คงเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่าเขาสองคนทะเลาะอะไรกันและผมก็ไม่คิดจะถามด้วย ผมเจ็บนะครับที่เห็นเอ็มเสียใจ ผมอยากให้เขามีความสุขมากกว่ามากนี้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ทั้งๆที่ก็เลิกกันมาหลายครั้งแต่ผมก็เห็นเอ็มมันกลับไปง้อแพรทุกครั้ง ในใจผมนะอยากบอกเขามากๆเลยครับ

“อย่าไปเลยนะ อยู่กับเราที่นี่เถอะ” แต่มันก็เป็นได้แค่ความคิดเพราะสุดท้ายเอ็มเขาก็ไป
   
วันแรกๆที่เอ็มไปผมเหมือนคนประสาทเสียเลยครับ ความคิดมันฟุ้งซ่านไปหมด ผมไม่มีสมาธิ ใจมันกระวนกระวาย มันมีแต่เรื่องของเอ็มเขามาในหัว ผมใช้เวลาเกือบสัปดาห์กว่าจะเริ่มสงบสติอารมณ์ตัวเองได้และพอทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทาง เอ็มเขาก็กลับมาทำให้ผมคิดมากอีกครั้ง

จำได้ว่าเย็นวันนั้นเป็นเย็นวันธรรมดาวันนึง ที่บ้านไม่มีใครอยู่ผมน้ังกินข้าวกับน้อง 2 คนแล้วอยู่ๆมือถือผมก็ดังขึ้น ที่หน้าจอมันขึ้นว่า “Blocked” ตอนแรกผมก็ไม่ใส่ใจอะไรอะไรคิดว่าเป็นป้าโทรมาแต่พอรับโทรศัพท์เสียงของคนปลายสายมันก็ทำให้ผมใจสั่น

“นิวมรึงใส่โรงเท้าเบอร์อะไร” ผมยังตกใจไม่หายครับ ไม่คิดว่าเอ็มจะโทรมา เขาถามเบอร์โรงเท้าผมผมก็ตื่นเต้นจนจำไม่ได้
แล้วเอ็มมันก็เร่งผมมาก ผมออกมาดูเบอร์โรงเท้า พอบอกเบอร์เสร็จเอ็มเขาก็รีบวางสาย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ทัน ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับเขาเป็นร้อยๆเรื่องแต่พอถึงเวลาผมกลับพูดอะไรไม่ออก ความรู้สึกตอนนั้นมันสับสนไปหมด

ผมเดินออกมาจากตัวบ้านเข้ามาในสวน ผมโทรหาพี่นก (ขอแนะนำพี่นกหน่อยนะครับ พี่นกเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยผม เราเรียนคนละคณะ ผมรู้จักกับพี่นกตั้งแต่เข้าปี 1 และเราก็สนิทกันมานับจากนั้น พี่นกรู้ทุกเรื่องของผมทั้งเรื่องของบาสและเอ็ม) ผมเล่าถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้พี่นกฟัง พี่นกรู้ดีครับว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมกระวานกระวายมากแค่ไหน นำ้เสียงของพี่นกฟังดูแล้วเป็นห่วงผมและก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่กับสิงที่เอ็มทำ

“นิว นิวคิดว่านิวร้องไห้เพราะดีใจหรือว่าเสียใจละ” ผมเล่าให้พี่นกฟังไปผมก็สะอื่นไป มันเก็บไม่อยู่แล้วครับผมอัดอั้นมาทั้งอาทิยต์ ขอเวลาซัก 10นาทีให้ผมได้ระบายออกบ้างเถอะ

“นิวไม่รู้ครับพี่ ดีใจมั้งครับที่อย่างน้อยเขาก็แคร์นิวมากพอที่จะโทรกลับมาหา แต่มันก็เจ็บ ยิ่งเขาทำดีกับนิว นิวก็ยิ่งเจ็บ” จำได้ครับว่าผมพูดประโยคนี้ด้วยนำ้ตา

“ทำไมละ พี่ว่านิวน่าจะดีใจนะเพราะถ้าเอ็มเขาไม่เเคร์เขาไม่โทรมาหาหรอก”

“พี่นก นิวเจ็บครับ นิวเสียใจ”

“เสียใจเรื่องอะไรนิว”

“นิวเจ็บ เพราะนิวตอบตัวเองไม่ได้ว่านิวเป็นอะไรในชีวิตเขา”

พี่ๆว่าผมควรจะคิดไหมครับว่าเราสองคนเป็นมากกว่าเพื่อนกัน ผมไม่ได้ฝากเอ็มซื่ออะไรแต่เค้าก็แคร์ผมมากพอที่จะโทรโทรกลับมาถาม ถ้าเค้าไม่ใส่ใจเขาก็คงเลือกซื่ออะไรที่มันง่ายๆแล้วไม่ต้องโทรข้ามนำ้ข้ามทะเลมาหาผม แต่ถ้าเขาคิดอะไรกับผมจริงๆอย่างน้อยก็น่าจะอยู่คุยกับผมบ้าง ไม่ใช้โทรมาถามๆๆแล้วก็วางสายไปดื่อๆ … ทำไมทุกอย่างมันถึงได้ดูคลุมเครือขนาดนี้

หลังจากวันนั้นผมก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้เอ็มกลับมาด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยมว่าเราสองคนอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่มันก็เป็นได้แค่ความฝันลมๆแล้งๆ ผมฝันแล้วก็ผิดหวังเพราะพอเอ็มกลับมาทุกอย่างก็ดูปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จริงๆแล้วผมน่าจะชินกับเรื่องแบบนี้ได้แล้วเพราะมันก็เป็นมาไม่รู้กี่หน วันก่อนเราสองคนพูดคุยกัน ทำอะไรให้กันเหมือนเราเป็นมากกว่าเพื่อนกันแต่พอวันถัดไปทุกอย่างมันก็กลับมาเป็นปกติเหมือนว่าเรื่องของเมื่อวานเป็นแค่ความฝัน

เล่าถึงตรงนี้แล้วมันทำให้ผมนึกถึงเรื่องนึงขึ้นมา คืนนั้นผมขับรถไปส่งเอ็มที่บ้านเหมือนปกติระหว่างทางเขาก็ถามผมว่าผมใส่แหวนอะไร ผมยื่นมือออกไปให้เขาดูแหวนแต่เหมือนเอ็มลังเลที่จะดึงแหวนออกจากนิ้วผม (เขาถือกันใช้ไหมครับว่าถ้าเราดึงแหวนออกจากนิ้วของใครมันหมายความว่าเรากำลังจะไปแย่งคนๆนั้นมา) ผมเลยถอนแหวนแล้วส่งให้เขา

“สวยดีเนอะ ซื่อจากไหนวะ”

“Paragon ซื่อมานานแล้ว จะปีนึงได้แล้วมั้ง” แล้วเอ็มก็ส่งแหวนคืนให้ผม

“ถามจริงเถอะ ทั้งๆที่มรึงก็มี option ให้เลือกตั้งหลายคน ทำไมมรึงไม่มีแฟนซักทีวะ” คำถามของเอ็มทำให้ผมหัวใจหล่นวูบ ผมไม่คิดว่าเขาขะถามคำถามนี้กับผมในช่วงเวลาท่ีผมคิดถึงเขามากเหลือเกิน

“กรูกลัวความผูกพัน กรูยังไม่กล้าให้ใครเขามาในชีวิตกรูมากขนาดนั้น” ผมตอบแต่สายตาผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมไม่กล้าสบตาเอ็มหรอกครับ ผมกลัวว่าเขาจะรู้ความจริง

“บอกกรูมาว่ามรึงรอใครอยู่” แล้วเขาก็ถามผมด้วยคำถามที่ทำให้ผมใจสั่นมากขึ้นไปอีก

“เปล่า กรูแค่ยังอยากจะอยู่คนเดียวอีกซักพัก” คำถามของเอ็มมันทำให้ผมรู้ว่าผมไม่เคยโกหกอะไรคนๆนี้ได้เลย เขาเป็นคนที่รู้จักผมมากกว่าเพื่อนคนไหนๆ ผมพูดแค่นี้เอ้มเขาก็รู้แล้วว่าผมคิดอะไร

ผมเองก็อดนึกในใจไม่ได้ว่าเอ็มเขาจะรู้ไหมว่าคนที่ผมรอนะ นั้งอยู่ข้างๆผมแล้วแต่ถึงเราสองคนจะใกล้กันมากขนาดไหนผมก็บอกรักเขาไม่ได้  เราสองคนอยู่ห่างกันเพียงแค่เอื่อมมือถึงแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง มันทรมานนะครับกับการนั้งมองคนที่ตัวเองรักเดินออกไปไกลแสนไกล เขาจะรู้ไหมว่าผมต้องทนเจ็บมากขนาดไหนที่เห็นเขากับแพรยืนอยู่ข้างกัน ยิ่งเขาสองคนใกล้กันผมก็ยิ่งเจ็บ ผมทั้งเกียจทั้งโมโหตัวเองเพราะทั้งๆที่รู้ว่าเจ็บแต่ผมก็ตัดใจจากเขาไม่ได้ซักที

หลังจากนั้นอีกเกือบเดือนมันก็ถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่ผมใช้คำว่ารักกับเอ็ม มันเริ่มต้นมาจากที่พวกผมนัดกินข้าวเย็นกันแต่เช้าของวันนั้นผมไปได้ยินเรอื่งไม่ดีของแฟนเพื่อนคนนึงในกลุ่มมา พอตอนเย็นมาเจอกันผมเลยได้โอกาศหลบออกมาคุยกับเพื่อนอีก 2 คนถึงเรื่องนี้ ก็กำลังคุยกันหน้าเครียดละครับจนเอ็มเขาเปิดประตูออกมาจากร้าน พวกผมก็เลยหยุดพูด เอ็มมันก็ถามว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า ผมไม่อยากให้คนอื่นรู้เยอะเลยบอกไปว่าเปล่าไม่มีอะไร

คืนนั้นผมโทรไปหาเอ็มเพราะรู้สึกไมบายใจเรื่องเมื่อเย็น

“เมื่อเย็นพวกมรึงพูดเรื่องไรวะ” เอ็มเขาถามผมหลังจากที่เราคุยกันได้ซักพัก

“ไม่มีไรหรอก กรูได้ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเเฟนเพื่อนนะ”

“เรื่องของเเพรเหรอ”   

“เฮ้ยไม่ใช้!! เรื่องคนอื่นไม่เกี่ยวกับแพรจริงๆ … ทำไมมรึงถึงคิดงั้นวะ”

“ก็กรูเห็นมรึงจงเกียดจงชังเเพรเหลือเกิน”

“เปล่า มันไม่ใช้แบบนั้น”  ผมพูดแค่นั้นแล้วไม่ได้อธิบายอะไรต่อ พูดไปเอ็มก็รู้ว่าผมแก้ตัวเพราะท่าทางผมมันแสดงออกซะชัดเจนว่าผมไม่ปลื่มแพรเท่าไหรแต่พอได้ยินประโยคนี้ของเอ็ม มันก็ทำให้ผมสะอึกไปเหมือนกัน จริงอยู่ครับว่าเอ็มมันเกรงใจผมแต่เห็นเขาโอ้ผมขนาดนี้ถ้าถึงจุดที่เอ็มมันหมดความอดทนเมื่อไหร่ผมก็ไม่กล้าเอาตัวเองเขาไปเสี่ยงเหมือนกัน

ก่อนนอนคืนนั้น ผมส่งข้อความหาเอ็ม ผมพิมพ์มันขึ้นมาแล้วฏ้นั้งจ้องมันอยู่นาน แก้แล้วแก้อีกกับไอ้แค่คำๆเดียว

“M, I,m so sorry na if sometime I acting against her in front of u and I really hope u will understand why I'm acting like a crazy one … that is b'coz I love and care everything about u ”
   
หลังจากวันนั้นเรื่องของผมกับเอ็มก็ดูจะนิ่งเงียบและธรรมดา ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจกับเรื่องของเอ็มแต่มันไม่ง่ายเลยครับ เราสองคนอยู่ใกล้กันมาขนาดนี้และไม่ว่าผมจะพยายามมากแค่ไหน สุดท้ายพอเจอหน้าเอ็มผมก็ใจอ่อนทุกครั้ง ผมพยายามที่จะเดินออกมาซึ่งมันก็ดีมาตลอดจนอยู่เอ็มก็โทรหา

“นิว มึงอยู่ไหนวะ”

“กลับบ้านตั้งแต่บ่ายแล้ว วันนี้เลิกเร็ว” เอ็มมันโทรหาผมเกือบทุ่มนั้นแหละครับ

“เหรอ ว่าจะชวนมาเดินสยาม”

“ฮึ ขี้เกียจออกแล้วอะ วันหลังละกัน” คิดแล้วก็ตลกครับถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่ผมแทบจะกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่วันนี้ผมไม่มีความรู็สึกว่าอยากออกไปหาเขาเลยซักนิด

“เหรอ แล้ววันนี้ present งานเป็นไงบ้าง”

“ก็โอนะ โดนยิงนิดหน่อยแต่ก็ผ่านไปแล้ว”

“อืมก็ดี แล้วนี่กินข้าวยัง”

“กินแล้ว เพิ่งกินเมื่อกี้เอง”

“กินกับใครอะ” พอมันเริ่มถามประโยคนี้ผมก็เริ่มเอะใจแล้วครับเพราะปกติเอ็มไม่ถามะไรซอกแซ๊กขนาดนี้

“คนเดียว ไม่มีใครอยู่บ้าน พ่อเเม่ไปงานเลี้ยง น้องไปดูหนังกับเพื่อน”

“แล้วไม่เหงาเหรอ” เหงาซิ เหงามากแต่กรูแค่บอกมรึงไม่ได้เท่านั้น

“ไม่อะ ชินแล้ว” ชินตั้งแต่มรึงคบกับแพรนั้นแหละ

“พี่เขาทำอะไรให้กิน อร่อยไหม”

“อร่อย … นี่มรึงอยู่ไหนเนี่ย”

“สยาม”

“ทำไรอะ”

“รอแพรกินข้าวกับเพื่อน” ไม่รู้ซิครับแต่พอได้ยินประโยคนี้ผมนำ้ตาล่วงเลย นี่ผมเป็นได้แค่คนฆ่าเวลาเท่านั้นเหรอ ผมไม่เขาใจว่าทำไมเขาถึงถามผมด้วยคำถามแบบนี้ มันใช้คำถามที่เพื่อนเขาถามกันเหรอ วันนั้นผมอยากบอกเอ็มมากครับ “อย่าทำแบบนี้เลย กรูเจ็บมากนนะรู้ไหม”

เหนื่อยครับเพราะหลังจากที่พยายามอยู่หลายเดือนแต่สุดท้ายผมก็วนกลับมาที่เดิน พอวางสายจากเอ็มผมก็รู้ตัวทันทีว่าผมยังรู้สึกกับเอ็มเหมือนเดิม ผมไม่อยากคิดอะไรมากมันเป็นแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ผมรู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไงต่อ ผมหวังแล้วก็ผิดหวังเพราะวันถัดมาเขาก็คุยกับผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมคิดมากจนวันต่อมาผมต้องขับรถไปหาไอ้บิว พอเจอหน้ามันเท่านั้นละครับผมต่อมนำ้ตาแตกเลย มันพาผมเขาไปคุยในห้อง พอผมใจเย็นลงก็ค่อยๆเล่าให้มันเรื่องเมื่อวาน ผมบอกมันว่าเรื่องของผมกับเอ็มมันเหมือนวงกลมที่พอผมเดินออกไปได้ไม่เท่าไหร่ซักพักผมก็วนกลับมาที่เดิม บิวมันก็ปลอบผมนะแต่ประโยคที่ทำให้ผมน๊อตหลุดคือที่มันบอกผมว่า

“มันโทรหามรึงเพื่อนประชดแพรหรือเปล่า” เท่านั้นละครับ ผมก็สวนมันกลับไปแบบไม่คิด

“ประชดแพรแล้วโทรหากรูเนี่ยนะ!! กรูเป็นอะไรกับมัน เมียน้อยมันเหรอไง เวลาทะเลาะกับเมียหลวงแล้วถึงได้โทรหากรู”

“หยุดเลยมรึง พูดเหี้ยอะไรของมรึง ถ้ามรึงอ่อนแอแบบนี้เรื่องแมร่งก็ไม่มีวันจบ ...” แล้วมันก็ว่าผมสารพัดจนผมทนไม่ได้ครับ นี่ผมมาให้มันปลอบนะไม่ใช้ให้มันด่าซำ้

“แล้วมรึงจะมาว่ากรูทำไม บอกกรูหน่อยว่ากรูทำอะไรผิด กรูอยู่ของกรูดีๆแล้วมันก็มาทำให้กรูหวั่นไหว” แล้วเชื่อไหมครับว่ามันตอบผมว่าอะไร

“กรูไม่รู้ กรูไม่สนมันไม่ได้มาปรึกษากรูแต่มรึงปรึกษา กรูเลยว่ามรึง” ผมได้้ยินมันพูดประโยคนี้แล้วนำ้ตาไหลเลยครับ

บอกตามตรงว่าวันนั้นผมสับสน ใจนึงผมรักเอ็มมากนะครับแต่อีกใจนึงผมก็เกียจเขามากเหลือเกิน แม้เขาจะทำให้ผมมีความสุขเวลาที่ได้อยู่ใกล้แต่ความสุขนั้นมันก็ทำร้ายผมเหลือเกิน เกียจเอ็มครับเพราะแม้จะเป็นคนที่รู้ใจผมมากที่สุดแต่เขากลับไม่เคยเข้าใจเลยว่าผมรู้สึกยังไง ทุกอย่างที่ผมทำให้เขามันมีเหตุผมทั้งนั้นแต่เขาไม่เคยมองเห็น ไม่เคยรับรู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน   

“ก็เพราะมรึงเป็นแบบนี้แหละ มรึงถึงเจ็บไม่เลิกซักที ตัดใจจากมันซะแล้วทุกอย่างจะได้จบ คนอย่างมรึงหาคนดีกว่ามันได้อยู่แล้ว”

“มันไม่ง่ายแบบนั้น มรึงเคยมองในมุมของกรูบ้างไหมว่ากรูรู้สึกยังไง … กรูอยากรักมันมากเหลือเกินแต่กรูทำไม่ได้ กรูอยากกลับไปยืนอยู่ข้างมันเหมือนเดิมแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว มันไม่เหลือที่เอาไว้ให้กรูเลย...”
   
“...กรูกลับไปตรงนั้นไม่ได้แล้ว ที่ผ่านมากรูก็เจ็บมากพออยู่แล้ว กรูไม่รู้ว่าอะไรมันดีกว่ากันระหว่างความเจ็บปวดทุกครั้งที่กรูเห็นหน้ามันกับความทรมานของการนั้งคิดถึงมันแบบนี้”

“กรูรู้ กรูเข้าใจ แต่มรึงเคยคิดบ้างไหมว่าบางครั้งการที่มรึงตั้งใจมองอะไรมากเกินไปมันก็ทำให้มรึงมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่รอบข้าง … คนที่ดูแลมรึงได้ดีกว่าเอ็ม มีตั้งเยอะตั้งแยะแต่มรึงเลือกที่จะไม่มองเท่านั้น มรึงอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงซิ”

“มรึงพูดถึงใคร ชีวิตกรูมีใครที่ไหน”

“พี่แกลสไง”

“พี่เขาทำไม มรึงพูดเรื่องไรเนี่ย”

“มรึงอย่ามาแถ อย่าบอกกรูนะว่าที่พี่เขาเดินเข้าเดินออกคณะมรึง ชวนมรึงไปกินข้าวดูหนังนี่มรึงไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับมรึง ... เฮ่อออออ!! กรูไม่คิดเลยว่ากรูจะพูดแบบนี้ ... คนเรานะมันไม่ได้มีโอกาสเดินเขามาชนกันบ่อยๆหรอก”

“พูดแบบนี้มรึงก็เป็นแฟนกับพี่เขาไปซิ ไหนบอกว่าไม่อยากให้กรูเดินทางนี้ไง”

“แล้วกรูห้ามมรึงได้เหรอ ... กรูไม่ได้บอกให้มรึงไปเป็นแฟนกับพี่เขา กรูแค่บอกให้มรึงเปิดใจบ้าง เอ็มมันไม่ใช้คนที่ทำดีกับมรึงคนเดียวซะหน่อย”
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 27-07-2011 21:00:09
 :z13: :z13: :z13: :z13:

จิ้ม คนเขียน  อิอิ

ขยันอัพ จังช่วงนี้

แต่อัพบ่อยๆๆก็ดีนะ อิอิ   :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 27-07-2011 21:17:06
ใช่มองคนที่เห็นความสำคัญของเราดีกว่า

 :call:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: debubly ที่ 27-07-2011 23:21:19
เข้าใจความรู้สึกของนิวสุดๆๆ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 28-07-2011 07:06:56
ตัดจบแบบนี้เลยหรอเนี่ย
มาต่อด่วนๆ เลยนะครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 28-07-2011 07:42:18
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-07-2011 07:55:12
ลองมองคนรอบข้างดูบ้างถ้าเขามีใจให้

เพราะน้อยคนที่จะเผยตัวตนให้เห็นในสังคมแบบนี้
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 28-07-2011 08:38:11
คิดถึงจัง... ไม่ได้อ่านมาหลายวันอ่ะ
ลึกๆแล้ว เค้าอยากให้นิวตัดใจจากเอ็มนะคะ
ไม่อยากให้เสียใจไปมากกว่านี้จริงๆค่ะ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 28-07-2011 20:47:35
woodong : อั๊ก!! โดนจิ้ม  :pighaun:
               ลงบ่อยๆคนอ่านจะได้ไม่เหงาไวครับ  :m4:

tawan : กด like ครับ  o13

debubly : แสดงว่าเราเคยมีประสบการณ์เดียวกันนะครับเนี่ย  :m12:

-~iK@iZ_KunG~- : แฮะๆ รอตอนต่อไปละกันคร้าบบบบบบบ  :m9:

w1234 :  o1  :amen: o1

EunJin : ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงครับ
           ความรู้สึกตอนนั้น ... มันตัดไม่ได้จริงๆ ผมคิดนะครับว่าตัวเองคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเอ็ม  :m15:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 29-07-2011 16:06:26
 :z2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 29-07-2011 22:00:38
อ้างถึง
ความรู้สึกตอนนั้น ... มันตัดไม่ได้จริงๆ ผมคิดนะครับว่าตัวเองคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเอ็ม
โอ๋ๆ คุณนิวไม่เป็นไรนะ เพราะถึงไม่มีเอ็ม แต่ยังมีนม  :laugh: ลองดูเครื่องดื่มอย่างอื่นบ้างนะ อาจจะมีซักอย่างนึงถูกใจคุณนิวก็ได้ อย่าลืมนะเอ็มเค้าห้ามดื่มเกินวันละสองขวด แต่นมดื่มได้ตลอด เพื่อคนที่คุณรัก :m1:
เงิน(ความรัก) ในกระเป๋าเรา ถ้าเราไม่หยิบมันออกมาจ่ายซื้อของ ก็ไม่มีใครบังคับเราได้หรอกเนอะ ก็มันเงินเรานี่นา อย่ากินทุกอย่างที่เราอยากกิน แต่กินเพราะมันอร่อยและมีประโยชน์กับเราดีกว่านะ วันนี้คุณดื่มนมแล้วหรือยัง  :m28:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 29-07-2011 23:41:05
เอิ่มเข้าใจจิงๆนะว่าตัดใจอ่ะมานยากกว่าตอนไปชอบเค้าเยอะเลย ทุกวันนี้ขนาดมันไม่เคยเเม้เเต่จะให้ความหวัง ผมยังตัดใจ(จริงๆ)ไม่ได้ซะที T T
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 30-07-2011 08:22:25
artit : ถ้าได้ดื่มนี่ผมว่าผมดื่มเกินวันละ 2 นะครับ  :z1:
        นมผมก็ชอบดื่มนะแต่บางครั้งมันทำให้ท้องเสียอะ  :sad4: 55   
        ชอบเรื่องเงินนะครับเปรียบเทียบได้ตรงดี
        "อย่ากินทุกอย่างที่เราอยากกิน แต่กินเพราะมันอร่อยและมีประโยชน์กับเราดีกว่านะ"  o13

tantalize : แอบรักคนอื่นนี่มันเจ็บนะครับ แต่บางครั้งมันก็สุขใจที่เรามีคนที่เรารัก  :m18:
               "การห้ามใจไม่ให้รักว่ายากแล้วแต่การตัดใจนี่ยากกว่าครับ"
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 28 updated 27 July 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 07-08-2011 23:13:18
“น้องครับ น้องชื่อนิว ที่เป็นตัวแทนคณะxxx ใช้ไหม” ผมกำลังเก็บของกลับบ้านหลังจากนั้งประชุมอยู่ในห้องนานกว่า 2 ชั่วโมง
   
“ครับ ผมนิว พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่า”  :m29:
   
“มีครับ พี่ชื่อแกลสนะ เป็นตัวแทนคณะxxx” แม้จะอยู่คนละคณะแต่ผมก็รู้จักพี่แกลสดี พี่แกลสเป็นรุ่นพี่ผมปีนึง อยู่คณะบ้านใกล้เรือนเคียงกับคณะผม ผมเจอพี่เขาประจำแหละครับเวลาเดินมากินข้าวที่โรงอาหาร จริงๆแล้วเริ่มแรกที่ผมรู้จักพี่เขาเพราะเพื่อนสนิทผม (ไอ้แก้ว) มันกรีดพี่แกลสตั้งแต่เข้าปี 1

ขอบรรยายสรรพคุณของพี่แกลสก่อนนะครับ  :m26: … อย่างที่บอกว่าพี่เขาโตกว่าผมปีนึงและถึงจะอยู่คนละคณะแต่ความดังของพี่แกก็ไม่ลดลงเลย เพื่อนๆผมเป็น fan club พี่แกจนนับหัวไม่ถ้วน ทำไมเหรอครับ เพราะพี่แกลสมี degree เป็นถึงเดือนมหาลัย แต่ถ้าถามผมๆว่าพี่เขาก็ไม่ได้หล่อปาน “เทพบุตร” แต่เพราะหน้าตา บุคลิก นิสัย รวมทั้ง profile ของพี่เขาพอเอามารวมๆกันแล้วมันยิ่งส่งให้พี่เขาดูโดดเด่นมากกว่าคนอื่น พี่แกลสเป็นเด็กเรียนเก่งครับติด top 10 ของรุ่น เรื่องแฟนเหรอ ... เท่าที่รู้พี่แกลสยังโสดครับ คง perfect ซะจนไม่มีใครกล้าเข้าไปหา … ขอขอบคุณ I/E -แก้วผู้อุปการะข้อมูลส่วนบุคลของพี่แกลส

นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้จักกับพี่แกลส หลังจากนั้นเวลาเจอกันนอกคณะพี่เขาก็จะเขามาทักผมตลอด เราโคกันเรื่องงานบ่อย คณะของผมกับของพี่แกลสมีประชุมร่วมกันทุกเดือนนั้นทำให้ผมได้เจอหน้าพี่เขาบ่อยขึ้น ยิ่งเห็นเวลาพี่แกลสทำงานแล้วผมนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ไหน พี่เขาคงเต็มใจมาทำงานละครับเพราะเห็นจดนั้นจดนี้ ยกมือถามคนโน้นคนนี้ตลอดเวลา ส่วนผมเหรอครับมาเพราะถูกเพื่อนบังคับพอเริ่มประชุมได้ไม่ถึง 30 นาทีผมก็หัวฟุบกับโต๊ะแล้ว และทุกครั้งที่ประชุมเสร็จพี่แกลสก็จะชวนผมไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้าน  :o8: พี่ๆอย่าจิ้นกันไปไกลครับ พี่เขาไม่ได้มาส่งผมแต่แค่เราจอดรถไว้ที่เดียวกันบ้านพี่เขาไม่ได้อยู่ใกล้บ้านผมด้วยซำ้ อยู่กันคนละซีกของมุมเมืองแต่พี่แกมีคอนโดอยู่ใกล้มหาลัยเลยไปกลับสะดวก  มันเป็นความประทับใจส่วนนึงนะครับคือพี่เขาจะเดินมาส่งผมที่รถก่อนแล้วผมถึงค่อยวนรถไปส่งพี่แก

ผมกับพี่เขามาเดินเล่นสยามกันบ่อย บางเสาร์อาทิตย์พี่แกลสก็ชวนผมไปเดิน JJ หรือไม่ก็กินข้าง ดูหนัง shopping พี่เเกลสเป็นคนคุยเก่งครับอยู่กับพี่เขาผมพูดไม่หยุดปากเลย พี่เขาจะชวนผมคุยโน่นคุยนี้ตลอดแต่ข้อเสียของพี่เขาคือมือพี่แกไวไปหน่อยเท่านั้น เผลอเป็นไม่ได้จับมือผมตลอด เดียวก็โอบเอว เดียวก็กอดไหล่  :-[

ผมจำไม่ได้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่มารู้ตัวอีกทีผมก็คุยโทรศัพท์กับพี่แกลสเกือบทุกคืน สำหรับคนที่อยู่ต่างคณะผมว่าเราสนิทกันมากนะ ผมกับพี่เขาไม่ได้คุยกันเฉพาะเรื่องงานนะครับเรื่องส่วนตัวเราก็เล่าให้กันฟัง ถามผมว่าผมรู้ไหมว่าพี่แกลสไม่ได้คิดกับผมแค่น้อง ... รู้ซิครับ  :m23: พี่น้องที่ไหนจะโทรหาแทบทุกพักกลางวัน หลังเลิกเรียนและก่อนนอน นอกจากนี้พี่แกลสยังชอบแวะเข้ามาหาผมที่คณะบ่อยๆและแน่นอนครับว่าการที่อยู่ๆพี่แกลสเดินเข้าคณะมาหาผม มันก็ต้องตามมาด้วยเสียงกระซิบเบาๆว่าผมกับพี่แกลสเป็นแฟนกัน

“อีนิว ทำไมแกทำแบบนี้ แกนี่มันงูพิษชัดๆ”  :a5: ไอ้แก้วครับ ผมนั้งอยู่ของผมดีๆมันก็เดินมาใสผมเป็นชุด

“อะไรของแกวะแก้ว ผีเขาเหรอ เมื่อคืนดูละครมากไปปะ”

“ก็แกนั้นแหละแย่งพี่แกลสของชั้นไป เอาพี่แกลสของชั้นคืนมานะ”

“พูดอะไรของแกวะ เขาเป็นของแกตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้ข่าวว่ายังไม่เคยคุยกับพี่เขาเลยด้วยซำ้”  :z6: หมันไส้มันครับขอแอบจิกมันหน่อยเถอะ

“ก็แกรู้ไหมว่าชั้นไปได้ยินอะไรมา...” แล้วไอ้แก้วมันก็เมาส์ครับว่าคนอื่นพูดถึงเรื่องของผมยังไง ได้ฟังแล้วผมก็ขำนะ ความคิดของคนเรานี่มันช่างไปได้ไกลเหลือเกิน เข้าใจแล้วครับที่เขาบอกว่าอย่าฟังข่าวลือเพราะจาก 1 นี่มันเพิ่มได้เป็น 100 จริงๆ ตอนนั้นอย่าว่าแต่ไปนอนคอนโดพี่เขาเลย รถพี่เขาผมยังไม่เคยขึ้น

ผมบอกไอ้แก้วครับว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่แกลส ส่วนพี่แกลสจะคิดอะไรกับผมหรือเปล่าอันนี้มันก็ต้องไปถามพี่แกลสเอาเอง ผมเหนื่อยแล้วกับจากเดาใจคนอื่น ผมกับพี่แกลสก็ยังเป็นพี่น้องกันเรื่อยมาจนกระทั้งถึงวันที่พี่แกลสมาสารภาพความในใจกับผม

มัันเริ่มต้นจากวันเสาร์ธรรมดาๆเสาร์นึง ผมกำลังนั้งกินข้าวอยู่กับที่บ้านจนพี่แกลสโทรมาชวนผมไปเดิน JJ ตอนบ่ายผมก็ตอบตกลงแบบไม่ต้องคิด เราเดินดูของกันตลอดทั้งบ่าย มีความสุขครับกับการเดิน shopping ผมกับพี่แกลสซื่อของกันเยอะมากจนสุดท้ายเราต้องเลิกเดินเพราะไม่มีมือจะถือของและมันก็เย็นแล้วละครับ

“นิว เดียวพี่ไปส่ง”

“ไม่เป็นไรพี่ เดียวผมนั้ง taxi กลับง่ายกว่า”  ขามาผมมา MRT ครับเพราะขี้เกียจหาที่จอดรถ

“เฮ้ย!! ไม่ต้องคิดมาก ของก็เยอะให้พี่ไปส่งแหละดีแล้ว”

“เอาจริงเหรอพี่ บ้านพี่คนละทางกับผมนะ” ผมทำเหมือนคิดละครับแต่ในใจ ฮุฮุ  :a2: เข้าทาง  มีคนขับรถไปส่ง แล้วผมก็ให้พี่แกลสขับไปส่งและระหว่างทาง

“นิว พี่หิววะ แวะหาไรกินก่อน”

“ก็ได้พี่ ผมก็หิวเหมือนกัน” แล้วพี่แกลสก็แวะกินข้าวและพอกินข้าวเสร็จ

“นิวพี่อยากดูหนังวะ เรื่องxxxดูมะ”

“ดูดิพี่ นิวก็อยากดูเหมือนกัน” วันนั้นผมก็เต็มที่ละครับไม่ได้รีบกลับบ้านอยู่แล้ว พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ยังมีเวลาให้นอนอีกทั้งวันและพอดูหนังจบ

“นิว มันดึกแล้ว เดียวคืนนี้นอนข้างบ้านพี่ละกัน”  :m10: เจอประโยคนี้เขาไปผมเริ่มยิ้มไม่ออกแล้วครับ

“ไม่เป็นไรพี่ ผมเกรงใจ พี่จอดให้ผมเรียก taxi ตรงนี้ก็ได้”

“เอานะ ดึกแล้วพี่ขี้เกียจขับรถกลับตอนดึกๆหรือจะให้พี่นอนค้างบ้านนิว” อันนี้เป็นความคิดที่ไม่ดีแน่ๆ
   
“เออ อย่าเลยครับ นิวเกรงใจพ่อ … พี่แกลสจอดตรงนี้ก็ได้เดียวนิวเรียก taxi เอง” ผมยำ้กับพี่แกลสอีกรอบแต่

“ไม่ทันเเล้วนิว พี่ตีเข้าซ้ายไม่ทันแล้ว” มันจะทันได้ยังไงละครับพี่แกมาเลนส์ขวาเหยียบมาร้อยนิดๆแล้วหักขวาขึ้นทางด่วนไปซะงั้น  :serius2: ผมเริ่มนั้งไปติดแล้วครับใจนึงก็คิดว่าพี่แกลสไม่น่าจะทำอะไรบ้าๆกับผมแต่อีกใจนึก “อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้”  :sad11:

แผลอแป๊บเดียวผมก็มายืนอยู่ในห้องพี่แกลสแล้ว ห้องพี่เขาสวยนะครับ ใหญ่มากถ้าพูดถึงคอนโดที่สำหรับคนๆเดียวอยู่ พี่แกลสพาผมเข้าไปในห้องนอนพี่เขา สะอาดดีครับ ห้องพี่เขาเป็นระเบียบกว่าห้องผมอีก พี่แกลสให้ชุดนอนผมแล้วไล่ผมไปอาบนำ้ อาบเสร็จผมก็มานั้งดู TV ในห้องนั้งเล่นไปพลางๆ  จนกระทั้งพี่เขาอาบเสร็จถึงได้เดินมานั้งดู TV กับผม ตอนแรกผมก็ยังไม่สนใจแต่มันเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศอึมๆรอบตัวเพราะตั้งแต่ออกมาจากห้องนำ้พี่แกลสก็ไม่พูดอะไรซักคำ

“นิวหิวนำ้ไหม อยากกินอะไรหรือเปล่า”

“ไม่ครับ นิวขอแค่นำ้เปล่าก็พอ” พี่แกลสเดินเขาไปในครัวซักพักก็กลับมาพร้อมนำ้หนึ่งแก้วและขนมอีกเล็กน้อย

“นิว พี่ถามอะไรนิวหน่อยได้ไหม”
   
“ครับ”

“นิวมีแฟนยัง” คำถามพี่แกลสทำเอาผมพูดอะไรไม่ออกเลยครับ ผมว่าผมคิดผิดนะที่ออกมากับพี่เขาวันนี้

“ยะ ยะ เอออออ คืออออออ”

“พูดไม่ออกแบบนี้พี่ถือว่าไม่มีละกัน” แล้วพี่เขาก็ทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง พี่แกลสเอามือมาโอบรอบเอวผมไว้ หน้าของพี่เขาค่อยๆเลื่อนเขามาใกล้ผม  บรรยากาศแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมยากที่จะห้ามใจตัวเอง ผมรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหากผมยอมให้พี่แกลสจูบแต่ผมคิดไม่ออกว่าผมควรจะทำยังไง ใจนึงผมก็อยากปล่อยเลยตามเลยแต่อีกใจนึงผมก็คิดว่ามันไม่ถูก ผมไม่ยังไม่มีแฟนก็จริงแต่ผมก็มีคนที่ผมรักอยู่ทั้งคน
   
พี่แกลส อย่าครับ … พี่แกลส หยุดเถอะครับ นิวขอร้อง … พี่ นิวมีคนที่นิวรักแล้ว” เพียวแค่ชั่ววินาทีที่ผมเอาเอ็มกับพี่แกลสมาเปรียบเทียบกันแล้วผมก็เลือกเอ็มโดยไม่ต้องคิด ตอนแรกพี่แกลสเหมือนจะชะงักไปแป๊บนึงเมื่อได้ยินผมบอกว่า “อย่า” แต่พี่เขาก็เปลี่ยนเอาหน้ามาซุกที่คอผมแทน  :m25: จนผมบอกว่าผมมีคนที่ผมรักแล้วนั้นแหละครับพี่เขาถึงหยุด

“พี่ พี่ขอโทษ พี่ห้ามใจตัวเองไม่ได้จริง”

“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ ผมกลับบ้านดีกว่าครับพี่ ถ้าผมนอนนี้คืนนี้มันจะอึดอัดกันซะเปล่าๆ” ผมตั้งใจจะกลับบ้านจริงๆนะครับ ผมไม่ได้โกรธพี่เขาแต่แค่ไม่อยากให้อะไรๆมันมากไปกว่านี้ ผมยังอยากยิ้มอยากพูดคุยกับพี่เขาเหมือนเดิม แต่พี่แกลสซิครับไม่ยอมให้ผมไป พี่เขาอ้างโน่นอ้างนี้บอกว่าดึกแล้ว แถวนี้หา taxi ยากแถมยังไกลจากบ้านผม ผมก็ยังดื่อที่จะไปนะครับจนกระทั้งผมเจอประโยคเด็ดของพี่เขา

“นิวไม่ไว้ใจพี่เหรอ” คิดในใจครับว่าแล้วเรื่องเมื่อกี้นี่ผมไว้ใจพี่ได้มากเลยนะ  :m16:

“ไว้ใจครับแต่นิวไม่อยากให้อะไรมันยุ่งยากไปมากกว่านี้”

“มันจะยุ่งยากไปมากกว่านี้ได้ยังไง ถ้านิวไม่มีใจให้พี่ … หรือว่านิวมี”  o22

“คือ มันไม่ใช้ยังนั้นครับ นิวรู้สึกดีกับพี่แต่มันยังไม่ถึงขั้นนั้น” ยอมรับก็ได้ครับว่าผมก็แอบหวั่นไหวอยู่เหมือนกันแต่ตอนนั้นผมยังมีสติพอจะรู้สึกตัวได้ว่ามันเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูป มีคนอย่างพี่แกลสเข้ามาอยู่ใกล้ๆจะใจเเข็งขนาดไหนร้อยทั้งร้อยก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง

“นอนนี่แหละ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรนิว” นั้นแหละครับผมถึงยอมนอนกับพี่เขา คืนนั้นเรานั้งคุยกันจนดึกผมเพิ่งรู้ก็วันนี้แหละครับว่าพี่เขาเป็น...เหมือนผม พี่แกลสแอบปลื่มผมตั้งแต่ช่วงแรกๆที่รู้จักกันเเล้ว พี่เขายังบอกเลยว่าเอาเรื่องงานมาบังหน้าเพื่อตีสนิทกับผม แม้จะเสียดายแต่วันนั้นผมก็ตอบปฏิเสธพี่เขาไป ผมบอกพี่เขาว่าผมไม่รู้ว่าอนาคตผมจะชอบพี่เขาไหมแต่ ณ ตอนนี้ผมเห็นพี่เขาเป็นแค่พี่ชายเท่านั้น ผมยังไม่พร้อมจะมีใครตอนนี้ พี่แกลสให้ผมเล่าเรื่องเอ็มให้ฟังผมก็เล่าแบบย่อๆ พอฟังจบพี่แกลสก็พูดกับผม

“พี่รอนิวนะ รอให้นิวรู้ว่าพี่รักนิวมากกว่าที่เอ็มรัก”  :m3: :m1:

ผมคิดในใจครับว่ามันคงไม่มีวันนั้นหรอกเพราะตอนนั้นผมคิดจริงๆว่าสำหรับเอ็มแล้วผมคือคนสำคัญที่สุดแต่พอผ่านมาไม่กี่เดือนหลังจากที่เอ็มและแพรเริ่มคบกัน ความคิดของผมก็ต้องเปลี่ยนไป...

ปล. หายไปหลายวันแต่ก็เอามาลงให้แล้วนะคร้าบบบบบบ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 07-08-2011 23:44:09
จิ้มๆๆ
น่าจะคบกับพี่แกลสไปเลยนะ
พี่เค้าน่ารักดี
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 08-08-2011 00:10:16
อ้าก พี่เเกลสน่ารักออก โธ่ๆ มีคนเเบบนี้เข้ามาทำไมไม่รีบคว้าไว้น่อ 555555+
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 08-08-2011 00:11:26
ให้ไว อยากรู้ว่าเปลี่ยนไปยังไงงงงง  :sad4:

เค้ารออยากรู้ พี่แกลสคงหล่อน่าดู วิ้ววววววว o18 o18
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: usaki ที่ 08-08-2011 18:26:20
อ่านทันแล้ว   รอตอนต่อไปอยู่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 08-08-2011 21:44:13
เข้ามาให้กำลังใจคุณนิว  :กอด1: รออ่านต่อนะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 08-08-2011 22:35:49
หมายความว่า.... คุณนิวทำใจเรื่องเอ็มได้แล้วใช่ไหมคะ?????????????
ดีแล้วค่ะ.. ชีวิตคนเราต้องเดินต่อไปข้างหน้า จะมาหยุดเวลาไว้กับคน...
เพียงแค่คนเดียวมันไม่ได้หรอกค่ะ ^ ^;;;  เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 08-08-2011 23:01:09
เราไม่อาจจะตัดใจจากคนที่เรารักได้หรอก
หากแม้นว่า จะมีคนอื่นมาดูแลเราก็ตาม เราก็ยังไม่สนใจอยู่ดี
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 08-08-2011 23:30:35
-~iK@iZ_KunG~- : พี่แกลสนิสัยดีครับ คุยเก่ง เอาใจก็เก่ง  :z1:

tantalize : ใจเย็นครับ ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าจะคว้าหรือไม่คว้า  :m13:

zabzebra : สำหรับผมเหรอก็ fail ไงครับจากคนที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นที่ 1
              กลับต้องมายอมรับความจริงว่ามันไม่ใช้อีกต่อไปแล้ว

usaki :  :z2:

artit :  :z10:

woodong : มาคมตลอดเลยครับ ให้ไปเลยครับ ...  o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 30-08-2011 16:32:06
คิดถึง.............................

คนเขียนหายไปเลย :z3: :z3:

 :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 02-09-2011 08:45:16
มาดัน.....

 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 02-09-2011 21:47:09
ขอโทษทีครับที่ให้รอ ช่วงนี้งานรุมเร้ามากมาย  :z3:
กำลังเขียนตอนใหม่ให้อยู่ อดในรออีกวันสองวันนะครับ  o1
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: khundong ที่ 02-09-2011 22:46:49
รับทราบจ้าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 03-09-2011 00:25:50
มารับทราบด้วยคน :)
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 03-09-2011 02:12:08
แวะมารออ่านด้วยคนน๊า นิวน้อยหลังจากไม่ได้เข้ามาพักใหญ่ๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 03-09-2011 07:50:13
โอเครค่ะ ปูเสื่อนอนรออออออออ >////<
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 03-09-2011 07:55:58
คุณนิวงานยุ่งจริงๆ เข้ามารอๆ  :L1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 03-09-2011 11:06:25
รอมานาน มีข่าวดีแล้ว
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 03-09-2011 14:06:28
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ :o8:
แต่อยากจะบอกว่า ทั้งหงุดหงิด ทั้งสงสาร ทั้งหมั่นไส้ ทั้งเห็นใจนิวในเวลาเดียวกัน :serius2:
ไม่รู้ว่ามันจะลงเอยยังไง แต่ก็เป็นกำลังใจให้นิวนะคะ :กอด1:
+1 ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปน้า :L2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 04-09-2011 10:59:50
เข้ามาดัน.....

 :z2: :z2: :z2: :z2:

 :L2: :L2: :L2: :L2:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 29 updated 7 August 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 04-09-2011 22:52:08
หลังจากวันที่พี่แกลสบอกความจริงกับผม เราสองคนก็ยังสนิทกันเหมือนเดิมจะต่างจากเดิมก็ตรงที่พี่แกลสแสดงออกมากขึ้นว่าคิดยังไงกับผมแต่เราก็ยังเป็นพี่น้องกัน พี่แกลสไม่เคยพูดหรือทำอะไรให้ผมลำบากและพี่เขาก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผม ผมประทับใจในหลายๆอย่างที่พี่เขาทำให้

มีอยู่วันนึงผมขับรถกลับบ้านแล้วรถผมดับไปซะเฉยๆกลางถนน ผมโทรหาใครก็ไม่ได้พ่อกับแม่ไปต่างประเทศกันหมด โทรหาเอ็มมันก็ไม่รับ ผมเลยโทรหาพี่แกลส พี่ๆเชื่อไหมครับว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพี่แกลสก็มาหาผม พี่เขาโทรเรียกรถมายกรถผมไปที่อู่ส่วนตัวเองก็ขับรถมาส่ผมที่บ้าน หลังจากวันนั้นผมก็เริ่มยอมให้พี่เขาเขามาในชีวิตมากขึ้น ผมยอมให้พี่แกลสมารับมาส่งผมที่บ้านแต่ผมก็ยังยืนยันตามเดิมว่าผมไม่เคยคิดอะไรกับพี่เขามากกว่าพี่ชาย

วันเกิดผมปีนั้น (ปีที่เอ็มมันลืมนั้นแหละครับ) พี่แกลสขับรถมาพาผมไปกินข้าวเย็น พี่เขาก็ดีนะครับทั้งๆที่รู้ว่าใจผมคิดแต่ว่าทำไมเอ็มไม่ส่งข้อความมาซักทีแต่พี่แกลสก็ไม่ได้แสดงออกว่าไม่พอใจ กลับกันคือพี่เขา take care ผมดีทุกอย่าง พาผมไปกินข้าวบนเรือล่องแม่นำ้เจ้าพระยา บรรยากาศดีมากครับ นานๆทีกรุงเทพจะเย็นขนาดนี้ วิวของแม่นำ้เจ้าพระยาก็สวยสุดๆ พี่ๆเคยเห็นเจดีย์วันอรุณตอนกลางคืนไหมครับ พูดได้คำเดียวว่า “สวยมาก” คืนนั้นพี่แกลสขับรถมาส่งผมที่บ้าน

“อะนิว พี่ให้ สุขสันต์วันเกิดนะครับ” พี่แกลสยื่นกล่องของขวัญขนาดไม่ใหญ่มากมาให้ มัันเป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่ห่อกระดาษสีนำ้เงินผูกด้วยโบว์สีเงิน กล่องของขวัญสีโปรดของผม ผมไม่เคยบอกแต่พี่แกลสก็สังเกตจนรู้ว่าเวลาผมให้ของขวัญใครผมจะห่อแต่สองสีนี้

“ขอบคุณครับพี่ พี่ไม่จำเป็นต้องให้ผมก็ได้แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับ พี่อยากให้ เปิดดูซิ พี่อยากรู้ว่านิวชอบหรือเปล่า”

“พี่แกลส!! มันไม่มากไปเหรอครับ” ผมแกะกล่องออกมาก็ตกใจแล้วครับเพราะเจอกล่องนาฬิกาของxxx ซึ่งเป็นแบรน์ที่ผมชอบ

“รับไปเถอะ พี่อยากให้ ไหนลองใส่ให้พี่ดูหน่อย … ใส่แล้วดูดีเนอะ ชอบไหม”

“ชอบครับ ขอบคุณครับพี่ ผมเกรงในพี่จัง” แล้วผมก็อยู่คุยกับพี่เขาซักพัก พี่เขารู้ว่าผมชอบนาฬิกาแบรน์นี้เพราะเห็นผมมีอยู่ 2 เรือน เรานั้งคุยกันในรถจนเกือบ 4 ทุ่มก่อนที่พี่แกลสจะไล่ผมให้ไปอาบนำ้นอน

“นิว” ผมออกมายืนนอกรถแล้วแต่พี่แกลสลดกระจกลงมาเรียก

“ครับ”

“ขอมือพี่หน่อย” ผมคิดว่าพี่เขาจะขอดูนาฬิกาเลยยื่นมือซ้ายเข้าไปในรถ พี่แกลสจับมือผมเอาไว้

“ไม่ต้องเสียใจนะ ยังไงนิวก็มีพี่อยู่ทั้งคน … พี่รักนิวนะ สุขสันต์วันเกิดครับ” แล้วพี่แแกลสก็จูบลงที่หลังมือผม ความรู้สึกของผมเหรอครับ หัวใจผมเต้นเเรง รู้สึกได้เลยว่าตอนนั้นหน้าผมต้องแดงมาก ผมยิ้มแล้วพอพี่แกลสปล่อยมือผม ผมก็ไล่พี่เขากลับบ้าน ครับ เขินครับ วันนั้นผมยอมรับความจริงอย่างนึงว่าเวลาอยู่กับพี่แกลสแล้วผมลืมเรื่องเอ็มไปซะสนิท
   
ผมยอมรับว่าผมยังรักเอ็มอยู่และไม่เคยคิดที่จะมองใครนอกจากเอ็ม จนกระทั้งเกิดเรื่องที่ผมเล่าให้พี่ๆฟังไปเมื่อคราวก่อน ผมถึงกลับมานั้งคิดว่าสิ่งที่ผมเชื่อมาตลอดมันทำให้ผมมีความสุขจริงๆหรือเปล่า …

“... การที่มรึงตั้งใจมองอะไรมากเกินไปมันก็ทำให้มรึงมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่รอบข้าง … คนที่ดูแลมรึงได้ดีกว่าเอ็ม มีตั้งเยอะตั้งแยะแค่มรึงเลือกที่จะมองเท่านั้น”

“... กรูแค่บอกให้มรึงเปิดใจบ้าง เอ็มมันไม่ใช้คนที่ดีกับมรึงคนเดียวซะหน่อย”  คืนนั้นบิวมันบอกให้ผมเปิดใจและพอผมกลับมาคิดดูดีๆ ผมจะปิดตัวเองไปทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมกับเอ็มเป็นแค่เพื่อนกัน ในเมื่อเขามีความสุขได้แล้วทำไมผมจะมีความสุขบ้างไม่ได้

นับจากนั้นผมก็เริ่มเปิดใจให้พี่แกลส ช่วงนั้นเราสนิทกันมากพี่แกลสโทรหาผมทุกคืน ก่อนนอนพี่เขาบอก goodnight ผมก็บอกราตรีสวัสดิ์พี่เขา ตอนเช้าตื่นมาผมก็ได้ยินเสียงพี่เขาเป็นคนแรก ตอนเย็นเราก็นัดเจอกัน มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากจนผมต้องกลับมาถามตัวเองว่าที่ผ่านมาผมลืมมองข้างกายคนนี้ไปได้ยังไง

กระทั้งผมกับพี่แกลสต้องไปสัมนาต่างจังหวัดด้วยกัน 2คืน 3 วัน ไปกันเกือบ 30 คน แม้มันจะดูแปลกสำหรับคนอื่นแต่ผมกับพี่แกลสเป็นคู่เดียวที่นั้งด้วยกันแต่อยู่คนละคณะ ก็มีคนมองๆนะแต่ทุกคนคงคุ้นภาพที่ผมกับพี่แกลสอยู่ด้วยกันแล้วเพราะหลังๆมาผมก็ไปหาพี่เขาที่คณะจนโดนเเซวมาบ้างเหมือนกัน

ถึงที่พักเราก็แยกย้ายเอาของเก็บ ผมกับพี่แกลสนอนห้องเดียวกัน ผมได้ห้องเตียงเดียวแต่นั้นก็ไม่ใช้ปัญหาเพราะเตียงมันใหญ่พอให้คน 3 คนนอนได้สบายๆ เราประชุมสรุปงานกันเล็กน้อยก่อนจะออกไปหาข้าวเย็นกินกันข้างนอกรีสอร์ทกว่าจะกลับมาถึงที่พักก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ผมกับพี่แกลสอาบนำ้เสร็จก็เดินไปเล่นไพ่ห้องข้างๆ ผมนั้งได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงตาก็จะปิดแล้วครับ เดินทางมาทั้งวัน ไหนจะประชุมยาวเกือบ 3 ชม. ผมนั้งตาปรืออยู่ได้ไม่นานพี่แกลสก็ชวนผมกลับห้อง

“อ้าว ทำไมยังไม่นอนละนิว”

“รอพี่แกลสครับ” พี่เขาให้เข้าไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนผมจะนอนหลับเลยก็เกรงใจพี่เขานะครับ

“น่ารักขนาดนี้แล้วคืนนี้พี่จะอดใจไหวเหรอ” พี่แกลสมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์สุดๆเลยครับ

“พี่แกลส ห้ามทำอะไรนิวนะ พี่สัญญากับนิวแล้ว”

“คร้าบบบบบบ พี่ไม่ลืมหรอก” จริงๆแล้วตอนแรกผมจะไปนอนกับรุ่นน้องที่คณะเพราะผมก็ไม่ไว้ใจตัวเองเหมือนกันแต่พี่แกลสนั้นแหละที่ไม่ยอมยังไงก็จะนอนห้องเดียวกับผมให้ได้ ผมเลยต้องให้มุกนี้เป็นข้อเเลกเปลี่ยน พี่ๆอย่างมองผมด้วยสายตาแบบนั้นยอมรับก็ได้ว่าผมนะชอบพี่เขาแล้วแต่ที่ผมยังนิ่งอยู่เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง

ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็เจอตัวเองในสภาพที่มีแขนของพี่แกลสพาดไว้บนตัว ฟังจากเสียงลมหายใจของพี่เขา พี่แกลสยังคงหลับสนิท ผมพลิกตัวกลับมามองหน้าพี่แกลงช้าๆ ขนาดตอนหลับผมก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าพี่เขามีเสน่ห์มากจริงๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมคนๆนี้ถึงได้รักผมมากเหลือเกินทั้งๆที่ผ่านมาผมก็แสดงออกชัดเจนว่าผมคิดยังไงกับพี่เขา ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เขาถึงได้มั่นใจนักว่าซักวันผมจะหันมามองพี่เขาและวันนั้นมันก็มาถึงแล้วจริงๆ ผมไม่รู้ตัวหรอกครับผมรู้สึกอีกทีก็ตอนที่พี่แกลสเอามือมาจับมือผมที่กำลังลูปแก้มพี่เขาเบาๆ

“แอบแตะอั้งพี่เหรอ”

“ปะ เปล่าครับ  นิวไปอาบนำ้ก่อนนะ”   

“อย่าเพิ่งไป”

“เฮ้ยพี่ไม่เล่น ไม่เล่นจริงๆนะ โอ้ยๆๆๆ” พี่แกลสฉุดผมจนล้มลงมาบนเตียงแล้วพี่เขาก็เขามากอดรัดฟัดเหวี่ยงผม มันเหมือนในละครเลยครับที่มันมาหยุดเอาตรงที่ผมนอนทับอยู่บนตัวของพี่แกลส หน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบและผมไม่สามารถจะดันตัวเองออกไปได้เพราะพี่เขาเอาแขนมาล๊อกเอวผมเอาไว้ ผมไม่กล้ามองตาพี่เขาเลยครับ

“นิว นิวมองตาพี่ซิครับ … พี่รักนิวนะ” พี่แกลสก็ค่อยๆชะโงกหน้าขึ้นมาแล้วหยุดค้างอยู่อย่างนั้นตอนนี้ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของพี่เขา พี่เขาคงคิดได้ว่าสัญญาอะไรกับผมไว้ ให้ตายซิตอนนั้นฮอร์โมนในตัวผมมันก็พุ่งพล่านไม่ต่างกัน ให้พี่ๆทายว่าผมทำยังไง … ผมก้มลงไปจุ๊บปากกับพี่แกลสเบาๆแล้วรีบกระโดดออกมาจากเตียง อายมากครับ จำได้ว่าพอลุกออกมาได้ผมก็เดินเขาห้องนำ้ไปเลย ผมส่องกระจกมองหน้าตัวเองเห็นหน้าตัวเองแดงเถือกเลย

วันนั้นทั้งวันพี่แกลสก็ยังทำตัวกับผมเหมือนเดิมแต่มีบางเวลาที่เหมือนพี่เขามีอะไรจะพูดกับผมแต่พี่เขาก็ไม่พูดหรือบางครั้งเหมือนที่เขาจะทำอะไรให้ผมเขาก็ไม่ทำ มันเหมือนพี่แกลสมีอะไรอยู่ในใจ วันสุดท้ายของการสัมนาผ่านไปอย่างรวดเร็วเผลอแป๊บเดียวก็คำ่แล้ว เย็นนั้นพวกเรากิน buffet กันในรีสอร์ท พอกินกันอิ่มคนอื่นๆก็ชวนกันตั้งวงเหล้าที่ชายหาด ทุกคนไปนั้งรวมกันอยู่ที่นั้น ผมกับพี่แกลสก็เขาไปนั้งร่วมวงด้วยเหมือนกัน

ผมไม่ได้กินเหล้าเลยครับ ที่ผมไม่กินไม่ใช้ผมไม่ไว้ใจพี่แกลสนะแต่มันเป็นนิสัยแล้วมั้งที่ผมจะไม่กินเหล้าถ้าไม่มีพวกเพื่อนโรงเรียนเก่าอยู่ในวงด้วย เพราะผมคออ่อนไงครับ กินได้ไม่เกิน 3 แก้วหน้าผมก็จะแดงร้อนไปหมดแล้วซักพักผมก็เมา  ผมเลยนั้งจิบ Spy อยู่ข้างๆพี่แกลสในขณะที่พี่แกลสดื่มเอาๆ เดียวหมด เดียวชนแก้ว แต่พี่เขาก็คอแข็งนะครับเห็นกินไปหลายแก้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเมา ส่วนผมหลังจากที่กิน Spy ไป 2 ขวดก็เริ่มรู้มึนๆแล้วเหมือนกัน ก็นั้งกันอยู่จนเกือบตีหนึ่งละครับพี่แกลสคงเห็นผมไม่ไหวแล้วมั้งเลยชวนผมไปนอน

เหมือนเดิมพี่เขาให้ผมเข้าไปอาบนำ้แปรงฟันก่อน ได้นำ้เย็นราดหัวนี่มันก็ช่วงให้หายมึนได้ดีเหมือนกันนะครับ ผมออกมาก็ตกใจเพราะพี่แกลสยืนพาดผ้าเช็ดตัวตัวเดียวอยู่หน้าประตูห้อง ตัวพี่เขาแดงหน่อยๆจากฤทธ์แอลกอฮอร์ที่เพิ่งกินเข้าไป พี่เขาไม่ได้พูดอะไรกับผมพอผมเดินออกมาพี่แกลสก็เดินเข้าไป ผมก็นั้งรอพี่เขาจนอาบนำ้เสร็จถึงได้ลุกไปทาครีมแล้วก็เตรียมตัวจะเข้านอน

“นิวมาคุยกับก่อน อย่าเพิ่งนอนนะ” พี่แกลสนั้งมองหน้าผมอยู่ปลายเตียง พอทาครีมเสร็จผมก็เดินเข้าไปหาพี่เขา

“พี่แกลสอย่าครับ พี่ปล่อยนิวก่อน” พี่แกลสดึงตัวผมลงไปนั้งอยู่บนตักแล้วพี่เขาก็กอดเอวผมเอาไว้ ผมทั้งตกใจทั้งเขินจนทำอะไรไม่ถูก      

“ไม่ พี่ไม่ปล่อยจนกว่านิวจะฟังพี่”

“นิวรู้ไหมว่าวันนี้ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องเมื่อเช้า บอกพี่ตามตรงนะว่านิวคิดอะไร ถ้านิวเผลอหรือไม่ได้ตั้งใจพี่จะไม่โกรธ … บอกพี่หน่อยนะครับว่านิวคิดอะไร”

“คือ นิว นิวไม่รู้จะพูดยังไงแต่ที่นิวทำไปมันไม่ใช้เพราะอารมณ์ชั่ววูป” ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังหน้าแดง นี่ผมกำลังจะสารภาพรักกับพี่แกลสเหรอเนี่ย พี่แกลสนิ่งไปซักพักครับ สีหน้านิ่งๆแบบนั้นมันทำให้ผมไม่แน่ใจว่าพี่เข้าจะ get ที่ผมพยายามพูดหรือเปล่า จนอยู่ๆพี่แกลสก็แนบหน้าลงมาบนหลังคอของผม

“นิวรู้ไหมว่าพี่ดีใจแค่ไหนที่ได้ยินนิวพูดคำนี้ … นิวครับ เป็นแฟนกับพี่นะครับ” ผมก็นิ่งไปนานเหมือนเหมือนกัน

เงียบ

"ว่าไงครับนิว เป็นแฟนกับพี่นะ"

“คะ ครับ!!”

“พี่รักนิวจังเลย” ผมยิ้มแล้วพี่แกลสก็ยิ้ม พี่แกลสพลิกตัวผมเขามากอด ผมกอดพี่เขาตอบแล้วซุกหน้าลงบนอกพี่เขา

มีความสุขครับ ผมมีแฟนเเล้วเหรอเนี่ย ใครจะไปเชื่อครับว่าจากวันที่เราสองคนรู้จักกันมันจะพาเรามาถึงวันนี้ได้ วันนั้นผมไม่คิดหรอกครับว่าพี่คนนี้จะเป็นคนแรกในรอบหลายปีที่ทำให้ผมละสายตาจากเอ็ม … ความรู้สึกตอนนั้นเหรอครับ … นี่ผมไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว แบบว่าพี่ๆเขาใจนะครับไอ้ความรู้สึกที่หัวใจมันพองๆ ตัวมันลอยๆอะ แล้วก็อยากจะตะโกนออกมาให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าคนนี้แหละแฟนผม  :m1: :m3:

ปล. ขอบคุณนะครับสำหรับกำลังใจ
      ขอโทษที่ให้รอนานไปหน่อย ... หวังว่าจะถูกใจคนอ่านนะครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 04-09-2011 23:22:19
 :impress3:
แอบอ่านเรื่องนี้มานาน..ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนล่าสุดนี่
รออยู่ว่า จะได้โอกาสเม้นท์ให้นิวเมื่อไหร่ดี

ถึงตอนนี้แล้ว...ดีใจด้วย นิว
ปลดแอกจากความเป็นทาสทางความคิดของตัวเองได้ ซะที
ไปยึดติดกับความรู้สึกยังงั้นทำไม ทุกข์ใจเปล่าๆ
คนรอบตัวเรายังมีอีกเยอะ เพื่อนดีดียังมีอีกแยะ
ที่สำคัญคนที่รักเราจริงๆ ก็มี เห็นมั้ย โคตรจะปลื้มพี่แกลสรุย

 :mc4: ขอจุดพลุฉลองให้กับความรักดีดีครั้งนี้เลย

 :z2: ดีใจเหมือนกับเป็นเรื่องของตัวเองเลย ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-09-2011 05:56:39
ใช่เลยๆๆๆ มีความสุขมากๆๆ ชอบพี่แกลสดีกว่าไปชอบเอ็มซะอีก :z1:
หวังว่าความสุขจะอยู่กับนิวไปนานๆนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 05-09-2011 10:09:45
เอ็มคงเป็น My Best Friedn ใช่มั้ยหว่า
หรือว่าจะมีอะไรพลิกล็อก
รอตอนต่อไปครับ ^^
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 05-09-2011 12:05:42
ดีใจด้วยค่ะ ในที่สุดก็มีแฟนแล้ววว เย้ๆๆๆ ถูกใจมากๆค่ะ >////<
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 05-09-2011 13:52:38
อ้ากกกก ในที่สุด วันที่รอคอยยยยย 5555+   o7
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 05-09-2011 21:00:02
เอ็มหายไปไหน
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 05-09-2011 21:02:52
มีแต่คนเชียร์พี่แกลสเนอะ!!  :m3:

เอ็มมันไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ มันก็วนไปเวียนมาอยู่แถวๆผมเนี่ยแหละ  :z2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 05-09-2011 21:30:22
ดีใจกับคุณนิวเลยอ่ะ มองเห็นสิ่งดีๆที่อยู่ใกล้ตัวแล้ว  :กอด1:
เฮ้ย สงสัยว่าเอ็มวนไปเวียนมาอยู่ใกล้ๆตัว คงไม่ได้หมายถึงนัวเนียอยู่ใกล้ๆทุกวันหรอกนะ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: Rubaiyat ที่ 06-09-2011 21:38:39
ของที่ไม่ใช่ของเรา ให้ตายยังไงก็ยังไม่ใช่ แต่ถ้าเป็นของๆเรา ยังไงซักวันก็ต้องมาเป็นของเรา
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 06-09-2011 22:18:04
มีคนเคยพูดแบบนี้กับผมเหมือนกัน

Like ครับ  o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-09-2011 22:21:02
 :3123:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: Rubaiyat ที่ 09-09-2011 19:18:31
อยากอ่านต่อแล้วครับ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 09-09-2011 19:29:04
มาดันๆ
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 30-09-2011 15:24:07
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 31-10-2011 16:02:54
รออออออออออออออออออออออออออออออ  อยู่เสมอน่ะ
เรื่องนี้สนุกมากจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ    ไม่อยากให้ดองเลย
ทำไมเรื่องดีๆสนุกๆต้องดองด้วยอ่ะ    สงสารคนอ่านหน่อย
อย่าปล่อยให้รอเลยน่ะ    อุตส่าห์ไปขุดขึ้นมา
รออยู่น่ะ     รออออออออออออออมานานนนนนนนนนนนนนนนนนมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: tantalize ที่ 03-11-2011 17:24:29
เข้ามาดันคร้าบคุณนิว  หายไปนานจังเลยรอบนี้ T T
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 08-02-2013 20:40:06
ก่อนอื่นต้องขอโทษพี่ๆทุกคนที่อยู่ๆผมก็หายหน้าหายตาไป เรื่องของตัวเองก็ยังเล่าไม่จบแล้วยังจะแต่งเรื่องสั่นอีกแต่อันนั้นไว้ให้เป็นเรื่องของอีกหัวข้อนึงละกัน ผมเล่าถึงแค่ตอนที่ผมกับพี่แกลสเป็นแฟนกันใช้ไหม … ผมว่าใช้นะ งั้นวันนี้ผมขออนุณาติสรุปให้พี่ๆฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนั้น    

“ถ้านิวยังเลือกระหว่างพี่กับเอ็มไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พี่จะให้เวลานิวกลับไปคิดทบทวน เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม นิวคิดได้เมื่อไหร่ก็บอกพี่ละกัน” ผมมีความสุขนะกับเวลาปีกว่าที่เราคบกัน พี่แกลสดีกับผมเสมอแต่เป็นผมเองที่ผิด เราเลิกกันด้วยประโยคที่ผมยังจำมาถึงทุกวันนี้ เราจบกันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่และผมยินดีรับผิดชอบกับทุกอย่างที่ตัวเองได้ทำไว้ ผมเป็นเเฟนกับพี่แกลสแต่ขณะเดียวกันผมก็ไม่สามารถจะลืมเอ็มได้ นั้นทำให้พี่แกลสรู้สึกเหมือนเป็นเงาของเอ็มอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว พี่แกลสจบก่อนผมปีนึง เรามี Facebook  และ Line ของกันและกันแต่ก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย

ผมกลับมาโสดอีกครั้งแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เรื่องของผมกับเอ็มชัดเจนขึ้นแม้แต่น้อย เรื่องราวทุกอย่างก็ยังดำเนินต่อไป เรายังคงเป็นเพื่อนกันเเละมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ผมคิดไปไกล

“จะเลิกกันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปตอนนี้หรือจะทนอยู่จนมันสุดทางแล้วจริงๆ ทุกอย่างอยู่ที่มรึงแต่ถ้ามรึงเลือกที่จะทนอย่างน้อยมรึงก็ปลอบตัวเองได้ว่ามรึงทำดีที่สุดแล้ว” มันเป็นสิ่งที่ผมพูดกับเอ็มในคืนวันนึง รู้สึกแปลกใจตั้งแต่ก่อนออกมาจากร้านอาหารแล้วว่าทำไมมันถึงอยากให้ผมขับมาส่งมันนัก ช่วงนั้นความสัมพันธ์ของมันกับแพรไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ วันที่พูดกันเอ็มไม่ได้ติดต่อกับเเพรมาจะ 2 สัปดาห์แล้ว

มันเลือกที่จะทนและนับจากวันที่ผมพูดประโยคนี้ออกไปไม่กี่เดือนเขาสองคนก็เลิกกัน ถ้าถามก็ตอบแบบสัตย์จริงว่าผมดีใจที่เขาเลิกกันแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะใจตรงกัน ตอนนั้นเอ็มเรียนจบแล้วส่วนผมกำลังเรียนอยู่ปีสุดท้าย เวลาที่ไม่ตรงกันของคนทำงานกับนักเรียนทำให้เราไม่ค่อยได้เจอกัน รู้อีกทีเอ็มเขาก็มีคนอื่นแล้ว

ความรู้สึกตอนที่รู้ว่าเขากำลังจะมีใครอีกคนคือผมทนอยู่แบบ “แอบรัก” ต่อไปไม่ไหวแล้ว จะไม่เลือกผมๆก็ไม่ได้เสียใจอะไรแต่ขออย่างเดียวคือให้ผมได้บอกความในใจที่มี รู้ว่ามันเสี่ยงแต่คิดแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเจ็บแค่ไหนตอนเห็นมันมีแฟนและผมไม่มีโอกาสได้บอกเขาเลยว่ารักเขามากแค่ไหน

ผมเลือกบอกเขาในวันที่เขาพาผมมาสยามเพื่อหาของขวัญให้ใครอีกคน มันกระทันหันและไม่ทันตั้งตัวแต่ผมก็มีโอกาสอยู่แค่นี้ เวลาที่ไม่ค่อยจะตรงกันทำให้ผมไม่เหลือทางเลือกมากนัก ถ้าไม่บอกตอนนี้แล้วเขาเป็นแฟนกันผมก็ต้องกลับไปอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนเดิม

“เอ็ม กรูขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมแล้วกรูไม่พูดถึงมันอีกแต่ถ้ากรูบอกแล้วมรึงอย่าโกรธกรูนะ” ผมพูดกับเราระหว่างทางกลับ คืนนั้นมันขับรถมาส่งผมที่บ้าน

“ถ้าคิดว่าบอกแล้วสบายใจก็พูดมาแต่ถ้าคิดว่าไม่ก็อย่าเลยดีกว่า” ผมยังจำสีหน้าของเขาได้มันเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เขาไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าผมเลยด้วยซำ้

“ถ้ากรูจะบอกว่ากรูรักมรึง มรึงจะว่ายังไง” เชื่อไหมว่ามันสั่นไปทั้งตัวขนาดหัวใจผมยังสั่น ตลกตัวเองเหมือนกันที่สามารถพูดต่อคนเป็นร้อยๆได้อย่างไม่เขินอายแต่ต่อหน้าคนๆเดียวผมต้องหลับตาพูดเพื่อข่มความกลัว

“แล้วมรึงจะให้กรูทำอะไร”

“ เอ็ม กรูควรทำยังไงต่อไป กรูควรจะตัดใจหรือเปล่า”

“อืม มรึงก็รู้ว่ากรูไม่ใช้แบบนั้น มันดีกว่ากับทั้งมรึงและกรู” ทำใจมาแล้วแต่สุดท้ายก็นำ้ตาไหลเมื่อได้ยินประโยคนี้

“กรูขอโทษ กรูผิดเอง กรูพยายามแล้วแต่กรูห้ามใจตัวเองไม่ได้”

“มรึงอยากให้กรูช่วยทำอะไรไหม”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น กรูเป็นคนสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเองกรูก็ต้องเป็นคนแก้ ...”

“... เอ็ม เราจะห่างกันไหม กรูกลัว กลัวว่าอะไรๆมันจะเปลี่ยนไป”

“สำหรับกรูไม่ มรึงก็รู้ว่ากรูแคร์มรึงมากขนาดไหน ถ้าเป็นคนอื่นกรูคงหลบหน้าแต่นี่เป็นมรึงยังไงเราสองคนก็เป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้ามรึงไม่สบายใจอยากจะห่างกับกรูซักพักกรูก็เข้าใจ เอาไว้ให้มรึงรู้สึกดีก่อนแล้วเราค่อยกลับมาใกล้กันอีกก็ได้...”

“... จริงๆแล้วกรูว่าพรุ่งนี้กรูจะชวนเขามากินข้าวกับพวกมรึงแต่ถ้ามรึงยังไม่พร้อมกรูว่าเอาไว้วันอื่นดีกว่า”

“ไม่เป็นไร มรึงชวนเขามาเถอะ”

“มรึงก็รู้ว่ากรูแคร์ความรู้สึกมรึง ถ้ามรึงเจ็บมรึงเสียใจ กรูก็ไม่อยากพาเขามา”

“เอ็ม กรูขอร้องว่าอย่าทำแบบนั้น อย่าเอากรูเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของมรึงและเขา …”

“...เขาคืออนาคตของมรึง คนที่อาจจะเป็นอนาคตของมรึง กรูมันก็แค่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ คงไม่กล้าพอที่จะเรียกร้องจากมรึงมากขนาดนั้น” ไม่ใช้ว่าผมจะเป็นนางเอกหรืออะไรแต่ผมไม่ต้องการให้ใครมาสงสารไม่อยากให้ตัวเองเป็นต้นเหตุให้มันไม่สบายใจเรื่องเพื่อนกับแฟนเข้ากันไม่ได้

หลังจากวันนั้นผมก็หยุดทุกอย่างไม่โทรหา ไม่นัดเจอ เดือนนึงเราเจอกันครั้งสองครั้งซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมรักเขาน้อยลงและมันยิ่งทรมานเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักเดินจับมือกับคนอื่น ปากบอกว่ารับได้แต่ก็รู้ดีว่าตัวเองไม่เคยทำใจได้กับเรื่องนี้ ผมพูดกับแฟนมันน้อยมากหรือแทบจะไม่พูดด้วยเลย เอ็มมันรู้และเข้าใจทุกอย่างนั้นยิ่งทำให้ผมเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำแต่จะให้ผมทำยังไง ไม่มีใครอยากเจ็บอยากทรมานหรอก พี่เชื่อไหมว่าวันที่ผมต้องลื้อฟื้นเรื่องทุกอยากมาเล่า ผมพิมพ์ไปนำ้ตาไหลไป

เรื่องทุกอย่างจบลงตรงที่เอ็มไปเรียนต่อต่างประเทศ จะอยากหรือไม่อยาก จะตัดใจได้หรือไม่สุดท้ายพอเราไม่ได้อยู่ใกล้กันทุกอย่างก็เงียบลง มันเหมือนไฟที่ค่อยๆมอดจนตอนนี้ผมก็สามารถเก็บความรู้สึกที่กระจัดกระจายกลับเข้ามาในกล่องได้แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผมรักเขาน้อยลง

“.... I just wanna tell u that no matter what happen in the next few year I will love, care and always stay by ur side until the end of time. Good luck my best friend”  (ข้อความที่ผมส่งให้มันในวันเลี้ยงส่ง)

และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงที่ผ่านมา ขอโทษอีกครั้งที่หายไปนาน มันเจ็บเกิดกว่าจะลื้อฟื้นทุกอย่างขึ้นมาอีกครั้ง ผมกับเอ็มเรายังเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมและคงไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนั้นได้ ถามว่าเราห่างกันไหมไม่หรอกคับห่างกันก็แค่ระยะทางเท่านั้นแต่เราก็ยังรักกันในแบบที่เคยเป็นมา
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 17-02-2013 21:52:15
ไม่เป็นไรน่ะค่ะพี่นิว เมฆทุกก้อนย่อมมีซับในเป็นเงินเสมอ
ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเพราะว่ามีรุ้ง
ให้ความเจ็บครั้งนี้เป็นบทเรียนให้เราเรียนรู้เถอะน่ะค่ะ
คนที่เจ็บมาก่อน เมื่อเจอปัญหาต่อมาเขาจะเข้มแข็งขึ้น
ยิ่งเจ็บมากก็ยิ่งเข้มแข็งมาก. สู้ๆน่ะค่ะพี่นิว
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 21-02-2013 18:39:52
ไม่เป็นไรน่ะค่ะพี่นิว เมฆทุกก้อนย่อมมีซับในเป็นเงินเสมอ
ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเพราะว่ามีรุ้ง
ให้ความเจ็บครั้งนี้เป็นบทเรียนให้เราเรียนรู้เถอะน่ะค่ะ
คนที่เจ็บมาก่อน เมื่อเจอปัญหาต่อมาเขาจะเข้มแข็งขึ้น
ยิ่งเจ็บมากก็ยิ่งเข้มแข็งมาก. สู้ๆน่ะค่ะพี่นิว

ขอบคุณนะคับสำหรับกำลังใจ
ตอนนี้พี่รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว มีคิดถึงบ้างแต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาแหละ

"ยิ่งเจ็บมากก็ยิ่งเข้มแข็งมาก"  o13
หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 22-02-2013 04:11:10
เรื่องจบหรือยังคะ หรือว่าจะยังมีต่อ รอติดตามนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอให้รักครั้งใหม่สดใสกว่าเดิม  :L1:

แต่ถึงจะไม่มีแฟน หรือยังไม่มีคนรัก ชีวิตเราก็มีความสุข(ที่แท้จริง)ได้นะคะ

ในหนังสือเรื่องรักแท้มีจริง ของคุณดังตฤณ (http://dungtrin.com/index.php?option=com_content&view=category&id=63:true-love-are-exist&Itemid=278) บทสุดท้าย มีพูดถึงไว้เรื่องรักเหนือรัก ถ้ามีเวลาก็ลองอ่านไล่ไปตั้งแต่บทแรกนะคะ



หัวข้อ: Re: My Best Friend : ตอนที่ 30 updated 4 September 11
เริ่มหัวข้อโดย: New_Noi :p ที่ 22-02-2013 13:33:20
เรื่องจบหรือยังคะ หรือว่าจะยังมีต่อ รอติดตามนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอให้รักครั้งใหม่สดใสกว่าเดิม  :L1:

แต่ถึงจะไม่มีแฟน หรือยังไม่มีคนรัก ชีวิตเราก็มีความสุข(ที่แท้จริง)ได้นะคะ

ในหนังสือเรื่องรักแท้มีจริง ของคุณดังตฤณ (http://dungtrin.com/index.php?option=com_content&view=category&id=63:true-love-are-exist&Itemid=278) บทสุดท้าย มีพูดถึงไว้เรื่องรักเหนือรัก ถ้ามีเวลาก็ลองอ่านไล่ไปตั้งแต่บทแรกนะคะ





เรื่องจบแล้วคับ
 
เพราะผมอยากได้ระยะห่างบ้างพอเอ็มไปเรียนต่อเราเลยไม่ค่อยได้ติดต่อกัน
จะมีก็ line มาหาบ้างนานๆครั้ง มีกด like ใน FB บ้างแต่ก็ไม่บ่อยเพราะเขาไม่เล่น FB

ล่าสุดที่เจอกันก็ครึ่งปีได้แล้วมั้ง?? มันกลับมาช่วงหยุดยาว เราเจอกัน 2 ครั้ง
สองวันแรกที่มันกลับมาไม่รู้ทำไมแต่อยู่ๆผมก็นอยด์ หาสาเหตุไม่ได้แต่ไม่ยอมโทรหาจนกระทั้งมันเป็นฝ่ายโทรมา
มีงอนนิดหน่อยว่าทำไมผมไม่โทรหาบ้าง

ครั้งแรกที่เจอกันเป็น surprise มากกว่า มันโทรหาตั้งแต่ช่วงกลางวันแล้วว่าผมเข้า office หรือเปล่า มีธุระที่ไหนไหม
ถามมาผมก็ตอบไปแต่พอถามกลับว่าถามทำไมมันกลับบอกไม่มีอะไร

พอตกบ่ายผมมีประชุม กำลังคุยงานอยู่กับคนใน office เงยหน้าขึ้นมาอีกทีเห็นมันยืนยิ้มอยู่หน้าห้องประชุม  :m25:
สติแตกคับ ตอนเเรกขมุบขมิบปากบอกมันว่ารอแป๊ปแต่เอาเข้าจริงผมทำงานต่อไม่ได้แล้ว เลยสั้งงานไว้แล้ว
ชวนมันเข้ามาคุยในห้องทำงาน  :o8:

แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว ...... อย่างน้อยเขาก็เอาใจใส่ผมเหมือนเดิม
ไม่คิดหาเหตุผลหรอกคับว่าทำไมเขาถึงมา surprise มันไม่มีประโยชน์อะไร

อย่าสงสัยว่ามันเข้ามาถึงห้องประชุมได้ไง บริษัทแม่ผมเองมันอ้างชื่อผม พี่ รปภ. ก็ปล่อยให้เข้ามาแล้ว

เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆคับแต่ก็ทำให้ผมยิ้มได้ไปอีกหลายวัน หลังจากนั้นพยายามชวนมันไปกินข้าว
แต่คิวมันแน่นเหลือเกินเลยได้เจอกันแค่ตอนกลุ่มเพื่อนผมเลี้ยงส่งมันแค่นั้น

วันกลับผมก็ช่างใจอยู่ว่าจะไปส่งดีไหมแต่คิดไปคิดมาอย่าเลย ผมไม่ค่อยชอบการจากลาเท่าไหร่
อีกอย่างกลัวจะบ่อนำ้ตาแตกเอาง่ายๆ

ขอบคุณสำหรับ link นะคับ
ผมจะลองอ่านดู  :bye2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 27-05-2016 13:53:51
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีที่คุณนิวบอกเล่าผ่านทางตัวอักษร ขอเป็นกำลังใจให้คุณนิวค่ะ มีความสุขมากๆ ไม่ต้องขนขวายความรักจากที่ไหนหรอกค่ะ หาได้ง่ายๆจากครอบครัวของเรา
หัวข้อ: Re: My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-12-2016 10:32:38
ติดตามมาแต่ต้น ชอบบบบบ มาก
ตอนเรื่อง เอ ก็แล้ว  :hao5:
พอบาส ที่เคยเป็นเพื่อนสนิทเอาใจช่วยเต็มที่
แต่บาส น่าผิดหวัง นิสัยแบบนั้น
คงเปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ หวานแต่แรกรักเท่านั้น
แจ๊ส ชอบแจ๊ส นะ นิสัยดี แต่นิว ก็ไม่เปิดใจ
เอ็ม ที่เคยเป็นเพื่อนสนิทอีกคน แรกๆก็นัวเนียนิว
โตขึ้น  ถึงจะคอยดูแล ตามใจนิว แต่เอ็ม ก็ชอบหญิง
พี่แกลส คนนี้ดีเช่่นกัน แต่ไปๆมาๆ ก็เป็นที่นิว
ใจนิว อยู่ที่เอ็ม เลยเลิกกันอีก
ถ้านิวรักใคร คนนั้นโชคดี พราะนิวรักใคร รักจริง
รักเดียวทุ่มเท ให้แต่คนนั้น
อยากให้ นิวมาลงเรื่องไปเรื่อยๆ :mew1: :mew1: :mew1:
แฟนคลับ จะได้รู้ข่าวคราว ความเป็นไปของนิว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 15-12-2016 14:11:55
เศร้าจัง ทำไมคนเราต้องรักคนที่เขาไม่รักเราอยู่เรื่อยเลยนะ

ยังไงก็สู้ๆนะคะ วันนึงจะต้องได้เจอคนดีๆที่สามารถรักเขาได้เต็มหัวใจแน่นอน
หัวข้อ: Re: My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 20-11-2017 12:55:09
 :mew3:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 16-03-2019 07:23:03
 o13 :really2:
หัวข้อ: Re: My Best Friend : บทส่งท้าย updated 8 Feb 13
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 04-06-2021 10:30:36
 :o12: