พิมพ์หน้านี้ - 10 CM : รักที่ส่วนต่าง 10 CM 3/5/2016 จบแล้วครับ + มีเวบตูนแล้วครับ ลิ่งอยู่เม้นสุดท้าย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Monet ที่ 19-08-2015 23:01:37

หัวข้อ: 10 CM : รักที่ส่วนต่าง 10 CM 3/5/2016 จบแล้วครับ + มีเวบตูนแล้วครับ ลิ่งอยู่เม้นสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 19-08-2015 23:01:37
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: 10 CM. สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 19-08-2015 23:10:05
เปิดเทอมขึ้น ม.4 เก้า เรื่องที่จะย้ายมาเรียนสายวิทย์ ห้องเรียนที่มีแต่คนไม่รู้จัก เมื่อได้เจอกับเพื่อนใหม่ที่จะทำให้ชีวิตของเก้าต้องเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ของชีวิตวัยรุ่น ม. ปลาย ที่ออกจะประหลาด กับรักที่เหมือนจะเป็น 3 เศร้า เจ ที่แสดงออกถึงความหื่นกระหายในตัวเก้า ต้อง คนขี้เก๊ก ที่ไม่เคยจะทำอะไรชัดเจน

... เรื่องดำเนินไปพร้อมกับการเติบโตของตัวละคร เรื่องดีและร้านที่ผ่านเข้ามา ก่อนจะจบชีวิตม.ปลาย ที่มีแค่ครั้งเดียวลง

(https://smilesnewsandreviews.files.wordpress.com/2014/10/zankyou_no_terror_06_03.png?w=720&h=404)
สารบัญ
 ภาค1 10 CM : 1.0 10 CM  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3158237#msg3158237)
 ภาค1 10 CM : 2.0 บ้านแมค  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3159301#msg3159301)
 ภาค1 10 CM : 3.0 วิชาภาษาไทย  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3161945#msg3161945)
 ภาค1 10 CM : 4.0 เตรียมงาน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3161945#msg3161945)
 ภาค1 10 CM : 5.0 พีระพล  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3167112#msg3167112)
 ภาค1 10 CM : 6.1 ฝนตก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3170768#msg3170768)
 ภาค1 10 CM : 6.2 ฝนตก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3172492#msg3172492)
 ภาค1 10 CM : 7.1 พระเอก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3173354#msg3173354)
 ภาค1 10 CM : 7.2 พระเอก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3173870#msg3173870)
 ภาค1 10 CM : 7.3 พระเอก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3174937#msg3174937)
 ภาค1 10 CM : 7.4 พระเอก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3175407#msg3175407)
 ภาค1 10 CM : 8.1 บนรถแท๊กซี่  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3178135#msg3178135)
 ภาค1 10 CM : 8.2 บนรถแท๊กซี่  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3179589#msg3179589)
 ภาค1 10 CM : 9.0 ห้องน้ำ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3180784#msg3180784)
 ภาค1 10 CM : 10.1 ซ้อมวันแม่1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3182787#msg3182787)
 ภาค1 10 CM : 10.2 ซ้อมวันแม่2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3183928#msg3183928)
 ภาค1 10 CM : 12.0 วันแม่  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3186561#msg3186561)
 ภาค1 10 CM : 13.1 งานสัปดาห์วิทย์2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3189192#msg3189192)
 ภาค1 10 CM : 13.2 งานสัปดาห์วิทย์2 จบภาค 1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3192823#msg3192823)
 ภาค2 ปิดเทอม : 1.0  กำแพงบันไดริม  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3195364#msg3195364)
 ภาค2ปิดเทอม : 2.1 ซินนามอนกับหูฟัง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3200296#msg3200296)
 ภาค2 ปิดเทอม : 2.2 ซินนามอนกับหูฟัง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3200300#msg3200300)
 ภาค2 ปิดเทอม : 3.0 เลือก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3200300#msg3200300)
 ภาค2 ปิดเทอม : 4.0 ค้างบ้าน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3207906#msg3207906)
 ภาค2 ปิดเทอม : 5.0 เซเว่น  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3213017#msg3213017)
 ภาค2 ปิดเทอม : 6.0 ต่อย  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3216671#msg3216671)
 ภาค2 ปิดเทอม : (ตอนพิเศษ) 7.0 หน้าบ้าน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3220808#msg3220808)
 ภาค2 ปิดเทอม : 8.0 บอกลาม. 4  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3223440#msg3223440)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : ม.5  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3227342#msg3227342)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : ห้องมืด  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3228901#msg3228901)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : ฝัน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3232053#msg3232053)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : วันเสาร์ (1)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3237933#msg3237933)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : วันเสาร์ (2)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3243990#msg3243990)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : ความลับในห้องน้ำหลังโรงยิม  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3246972#msg3246972)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : แยกย้าย  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3252840#msg3252840)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : วาดรูป  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3254945#msg3254945)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : ห้องพักครู  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3255024#msg3255024)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : สอบตก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3257047#msg3257047)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : 2-1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3258166#msg3258166)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : จับมือ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3261076#msg3261076)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : ค้างบ้าน (1)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3261841#msg3261841)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : ค้างบ้าน (2)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3262200#msg3262200)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : ตั้งขบวน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3263144#msg3263144)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : เตียงผ้าใบ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3263942#msg3263942)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : ปากหมา  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3264949#msg3264949)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : เสียงพลุกับวงเหล้า 1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3265567#msg3265567)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : เสียงพลุกับวงเหล้า 2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3265572#msg3265572)
 ภาค3 เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3267796#msg3267796)
 ภาค4 ขอแค่ 5 นาที สะพาน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3269040#msg3269040)
 ภาค4 ขอแค่ 5 นาที คืนสิ้นปี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3270715#msg3270715)
 ภาค4 ขอแค่ 5 นาที จุดเริ่มต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3273163#msg3273163)
 ภาค4 ขอแค่ 5 นาที เคมีกับการ์ตูน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3275671#msg3275671)
 ภาค4 ขอแค่ 5 นาที พี่บูม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3277576#msg3277576)
 ภาค4 ขอแค่ 5 นาที โดดรถ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3281086#msg3281086)
 ภาค4 ขอแค่ 5 นาที 2 คน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3283509#msg3283509)
หัวข้อ: Re: ตอนที่ 1.0 : 10 CM.
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 19-08-2015 23:11:27
10 CM ตอนที่ 1.0 : 10 CM


   เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น แสงแดดจางลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาให้แยงตาผม ผมยกร่างขาวเล็กๆขึ้น เพื่อเอื้อมมือไปกดปิดเสียง แล้วล้มตัวลงนอนต่อ ยังต่อเวลาให้นอนต่อได้อีกหน่อย แต่ไม่ทันไร แม่ก็ขึ้นมาปลุกซ้ำสอง กำลังนอนสบายแท้ แม่ก็ไล่ให้ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้ว ผมต้องทำใจสักพักจริงๆ กว่าจะลุกจากเตียงขึ้นมาได้

   เมื่อทำใจได้แล้วก็ลุกออกจากเตียง สะบัดเสื้อผ้ากองไว้ที่เตียว แล้วตรงดิ่งเข้าสู่น้ำ ก้มลงมองข้างล่าง เช้าแบบนี้แม่จะเห็นมั้ยเนี่ย

   ผมเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอย่างรีบๆ แล้วแต่งชุดนักเรียน ผมยืนส่องกระจกอยู่ในห้องน้ำ ตัวผมไม่ได้สูงขึ้นเลย รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไร เสียงผมแตกตั้งแต่ม.ต้นแล้ว ช่วงนั้นผมสูงขึ้นมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนคำว่า ส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นได้ลอยจากไปเสียแล้ว

   ผมที่ยาวลงมาปิดหน้าผาก มันรู้สึกดีที่ไม่ต้องโนบังคับตัดผมทรงนักเรียนอีกแล้ว ถึงจะไม่สามารถไว้ยาวกว่านี้แต่ก็ยังดี  เด็กม.ปลาย  ไว้ผมได้ แต่เซทผมไม่ได้ มันก็ดูจะขัดๆกันอยู่ ผมยาวแล้วทำผมไม่ได้

   แย่ละ เสียเวลามามากแล้ว

   ผมบอกลาพ่อแล้ว เดินออกจากบ้าน เพื่อไปขึ้นรถเมล์หน้าปากซอย จะไปโรงเรียนเนี่ยนอกจากรถเมล์แล้วต้องต่อสองแถวอีก เล่นอยู่ในซอยซะลึกเลย ตอนเช้าๆ เด็กๆก็จะเข้าคิวรอรถสองแถวกัน คงไม่มีใครเดินนะ เพราะว่าลึกอยู่ ผมไม่ค่อยอยากจะมองหน้าใครหรือทักใครสักเท่าไร เช้านี้ขอฟังเพลงสบายๆดีกว่า
   
   พอมาถึงจุดจอดรถ ผมกำลังลงจากรถสองแถว อากาศวันนี้สดใส ไม่ค่อยร้อนอย่างที่คิดไว้ อากาศเดือนพฤษภาที่ประเทศไทยก็ทั้งร้อนทั้งเหนอะใช้ได้ ทุกทีแม่ผมจะเป็นคนมาส่งที่โรงเรียนตอนเช้า แล้วมารับกลับบ้านในตอนเย็น แต่สำหรับวันนี้และวันต่อๆไป ผมจะต้องมาโรงเรียนเองแล้ว

   ปิดเทอมที่ผ่านมา ผมไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยเลย ที่บ้านผมมีผมเป็นลูกคนเดียว เวลาปิดเทอม ผมก็จะอยู่ที่บ้านนั่งเล่นเกมคนเดียว นานๆครั้งจะได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง สำหรับปิดเทอมที่ผ่านมา พ่อกับแม่ผมดันตกลงกันว่า จะให้ผมไปอยู่กับญาติที่ต่างประเทศ ผมจึงหมดโอกาสที่จะใช้ชีวิตปิดเทอมแบบปกติเหมือนทุกที แต่พอคิดย้อนดู ผมว่าไม่อยู่น่ะดีอยู่แล้ว

   ในชีวิตผม ม.1 และ ม. 2 เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด ส่วน ม. 3 น่ะ ก็พอใช้ได้ พอดีช่วงท้ายๆของปี ผมมีปัญหากับเพื่อนนิดหน่อย (มั้ง) มันทำให้ผมไม่อยากจะยุ่งกับใครในโรงเรียนเท่าไร  แล้วพอมีเรื่องนั้นขึ้นมา เพื่อนผมที่มีอยู่น้อยพออยู่แล้ว เลยเหลืออยู่น้อยกว่าเดิม 

   ตอนนี้ผมเข้ามาถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้ว หลังจากก้าวผ่านประตูนี้ไป ผมจะกลายเป็นเด็กม. 4 ที่โรงเรียนนี้เต็มตัว

   ขาซ้ายก้าวเข้าไปก่อน

   ระหว่างเดิน ในหัวผมมีคิดอยู่สองอย่างตอนนี้ คือ เพลงที่กำลังฟังอยู่ตอนนี้ผ่านทางหูฟังจะโดนครูมายึดเอาเครื่องเล่นไปมั้ย อภิสิทธิ์อีกอย่างของเด็กม.ปลาย เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียน ผมจึงผ่านไปได้อย่างฉลุย

   อย่างที่สอง จะทำอย่างไรให้ไปถึงห้องเรียนใหม่โดยที่ไม่มีใครทักผม (ผมพูดจริงนะ)

   วันเปิดเทอมเป็นวันที่เด็กนักเรียนดูจะมีพลังมากที่สุด หลังจากหยุดยาวไป พลังถูกแสดงออกมาอย่างล้นเหลือ ไม่เชื่อ ดูได้จากคำพูดแซว ที่ผมพอจะอ่านปากได้ว่าอะไร เล่นเอาผมต้องปรับเสียงเพลงให้ดังขึ้นดีกว่า ไม่อยากอารมณ์เสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่องตั้งแต่เช้า

   โรงเรียนที่ผมเรียนนี้เป็นโรงเรียนเอกชน แถวฝั่งธนฯ มันไม่เป็นการบังเอิญเลยที่ชุดนักเรียนของพวกเราเป็น เสื้อขาว ปักอักษรสีแดง (เอะ มันทุกที่นี่นา) กางเกงน้ำเงิน ชุดผมน่ะของเดิมๆ แต่แน่นอนครับพอขึ้น ม.ปลาย เข็มขัดก็จะถูกเปลี่ยนจากไม่มีหัวทองเหลืองเป็น ตราโรงเรียนพื้นสีเงินเงา (มีแต่เข็มขัดนี่แหละที่ยังดูใหม่)  รองเท้าหนังดำ (นี่ก็เก่า)

    ผมเรียนที่โรงเรียนนี้มาตั้งแต่ชั้นประถมแล้ว เนื่องจากโรงเรียนอยู่ใกล้บ้านจึงไม่มีเหตุลผที่ผมจะย้ายไปเรียนที่อื่น แล้วฝั่งธนรถก็ไม่ติดด้วย  สองเหตุผลนี้แหละเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ส่งผมมาที่นี่ แล้วเมื่อผมย้ายบ้านมาจากในเมือง โรงเรียนนี้จึงเป็นที่เดียวไม่มีเหตุผลอื่นที่จะไม่เลือก

   เมื่อใกล้ถึงตึกเรียน ผมจึงต้องเก็บอุปกรณ์สันทนาการต่างๆลงกระเป๋าซะ ไม่รู้มันเป็นแฟชั่นกันหรืออย่างไร กระเป๋าหนังดำถูกทำให้แบนราบ ได้ยินมาจากเพื่อนสมัยม. 3 ว่า

   “เดี๋ยวขึ้นม.ปลายนะ กูจะเอากระเป๋าใหม่มาใช้ เท่ห์โคตรๆ ไม่ต้องใช้ เป้ใบใหญ่ๆตุงมีตราโรงเรียนอีกแล้ว”

   ใช่แล้ว กลายเป็นว่า ไม่ต้องเดาก็รู็ได้เลยว่าใครเป็นเด็กม.ปลายแล้วบ้าง เด็กม. 4 นี่ดูง่าย เพราะเข้าใหม่จะไม่มีเข็มโรงเรียนบนหน้าอกขวา ส่วนพวกม. 5 กับ 6 พวกนั้นผ่านพิธีติดเข็มมาเรียบร้อยแล้ว (เว่อร์มั้ย) ขนาดเข็มจะติดยังมีพิธี
   
   ทุกคนที่เดินสวนกันไปมาทำหน้าร่าเริงทักทายเพื่อนฝูง บางคนก็บอกเล่าเรื่องราวตอนปิดเทอม เมื่อผมเดินผ่านใครๆ ผมสังเกตุว่าคนที่เคยรู้จัก หรือยังรู้จักผมก็มักจะมองมาด้วยสายตาแปลกๆ น่าจะเป็นเพราะวีรกรรมที่ทำไว้ตอนม.ต้นก็ได้ มันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่

   แต่ ม.ปลายพวกเราแยกห้องเรียนกัน โดยแยกตามสายที่จะสอบเข้ามหาลัย คงไม่เจอพวกนั้นไปจนกว่าจะจบ

   ผมแอบมองไปยังคนเหล่านั้นระหว่างทางเดินไปห้องเรียนใหม่ที่ชั้น 3  เสียงบางคนเริ่มเปลี่ยนไป บางคนก็ตัวสูงขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ผมยังจำได้บางคนตัวสูงเท่าผม ตอนนี้มันแซงหน้าไปแล้ว แถมแซงไปเยอะด้วย

   เด็กม. 4 ดูไม่เหมือนเด็กๆ ม.ต้นเลย เสียงที่ห้าวขึ้น ตัวที่ใหญ๋ขึ้น แล้วก้มีเอ่อ.... ช่างมันเถอะครับ มองไปที่ขาก็เห็นได้แล้ว ขนพรึบพรับไปหมด แต่กลับเป็นเรื่องตลกที่พวกนั้นยังคิดว่าตัวเองเป็นแค่เด็กม.ต้น
เสื้อผ้าน่ะ ไม่ยอมเปลี่ยนกันเลย กลายเป็นขาสั้นมาก จะเดินจะนั่งทีไข่จะลอดเอา (ฮ่าๆ)

   ยกเว้นกรณีผมน่ะนะ ที่ไม่ค่อยต่างจากเดิมเท่าไร ผมโตเร็วตอนม.ต้น แต่ดูเหมือนพอขึ้นม. 3 ผมก็ใช้เวลาในโรงพยาบาลเยอะไปหน่อย ดังนั้น ดูท่าทางมันคงจะหยุดอยู่แค่นี้แหละ (เฮ้อ) ไม่สูงไปกว่านี้แล้ว เสื้อผ้าผมก็เลยประหยัดไป ไม่ต้องเปลี่ยนอีก

   ไหนๆก็มาถึงตรงนี้แล้ว ขอพูดถึงตัวผมเองสักนิด ผมเป็นเด็กผู้ชาย (ก็แหงละเนอะ แล้วโรงเรียนผมก็เป็นโรงเรียนชายล้วนด้วย) ตัวผมจะเล็กๆผอมๆ สูงแค่ 170 เวลาเข้าแถวม.ต้นผมจะอยู่หลังห้องเสมอ สงสัยจะโตเร็ว แต่พอวันนี้มาเดินในโรงเรียนถึงรู้ว่า ตัวเตี้ยมาก

   หน้าตาผมก็เป็นแบบลูกคนจีนหน้าขาว ตัวขาวปากแดง ไม่รู้เหมือนกันว่าได้มายังไง รู้แต่ว่าด้วยเหตุนี้ ตอนม.ต้น ครูจะชอบทักผมว่าเป็นเด็กน้อยมาเรียนเสมอ ส่วนเพื่อนๆจะ สงสัยว่าผมเป็นผู้ชายหรือเปล่า จนเมื่อจะจบม.ต้น มันจึงเปลี่ยนจากสงสัยมาเป็นล้อผมแทน

   ตอนนี้ขาพาผมมาถึงหน้าห้องเรียนใหม่นี้แล้ว  ม. 4/1
   
   ห้องเรียนของผมนี้เป็นห้องเรียนของเด็กเรียนดีที่สุดของในโรงเรียน คนอื่นชอบเรียกว่าห้องคิง (แต่ลับหลังจะบอกว่า คิงลี่)เป็นห้องเดียวที่สอบได้ทุกสาขา เด็กในห้องนี้จะรู้จักกันมาตั้งแต่ม.ต้น เพราะว่าห้องคิงไม่ได้เพิ่งแยกมาตอน ม.4 แต่มีมาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว

   สำหรับเด็กที่เรียนม.ต้นมาด้วยกันตลอดสามปีเต็ม แถมไม่สุงสิงกับห้องอื่นเลย ผมจึงเปรียบดังคนนอกสำหรับพวกเขา  เด็กห้องนี้ไม่ค่อยทำไรร่วมกับใครนอกจากเรียน และ เรียน แค่ลองได้ฟังพวกนั้นคุยกันก็สยองแล้ว ก็ลองเดินผ่านแล้วได้ยินเด็กห้องอื่นคุยเรื่องที่เที่ยวตอนปิดเทอม แต่เด็กห้องนี้จะถามกันว่า    

   ปิดเทอมไปเรียนพิเศษวิชาของ ม.4 ล่วงหน้ามาไหม พอปิดเทอมใหญ่ของม. 4 ก็จะเรียนของม. 5  แถมพอจบม. 5 จะสอบตรงเข้ามหาลัยเลย

   น่ากลัวดีมั้ย...

   เพลงที่ผมฟังเพลง เพลงสุดท้ายกำลังเล่นวนซ้ำๆอยู่ในหัวผม วนไปมา เหมือนผมที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะเข้าห้องดีมั้ยนะ

   ออดดังเป็นสัญญาณเข้าเรียนก็ดังขึ้น

   “เอ้า มายืนอยู่ตรงนี้พอดี”
   
   “ยืนฟังครูพูดหน้าห้องนะ แล้วพอครูพูดจบก็ตาเธอ”

   “แล้วเดี๋ยวออกมาแนะนำตัวด้วยนะ”

   ไม่รู้จริงๆว่า เป็นความต้องการของครูประจำชั้น (ทำไมไม่เรียกประจำห้อง) หรือธรรมเนียมอะไรกันนะ ที่แน่ๆตั้งแต่เรียนมาไม่เคยเห็นจะมี ผมละเกลียดการออกมาพูดหน้าห้องมากๆ ผมชอบจะเก็บตัวอยู่เงียบๆหลังห้อง อย่ามายุ่งกับผมเลยจะดีกว่า
   ตอนนี้ครูพูดต้อนรับเด็กนักเรียนเข้าห้องของครูอยู่ ผมเองก็เลยต้องยืนฟังอยู่หน้าโดยปริยาย

   ‘พูดไปนานๆเลย’ ผมคิดในใจ แต่สงสัยครูจะรู้

   “เอาละ มีคนมาเรียนเพิ่มคนนึง ซึ่งพวกเธอคงรู้จักบ้าง แต่ไม่ได้เรียนร่วมกันมาก่อน”

   “ต่อไปเค้ามาจะเรียนร่วมห้องนี้แล้ว”

   “เอ้ามา”  ครูหันมาทางผม

    ผมโดนเรียกแนะนำตัวเองแล้ว เป็นตาของผมแล้วสินะ เริ่มจาก ชื่อ ชื่อเล่น แล้วก็คณะที่จะสอบ (แทนที่จะเป็นงานอดิเรก)

   “เอ่อ สวัสดีครับ ชื่อ นัยวิทย์ ชื่อเล่น เก้า จะสอบเข้า วิศวะ ครับ” มีคนสนใจฟังด้วยเหรอ (วะ)

   ดังคาดทั้งห้องเงียบกริบ ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ ไม่มีใครให้ความสนใจ

   หน้าตาก็คุ้นกันทั้งนั้น อาจจะเคยเห็นเคยรู้จักบ้าง แต่ไม่รู้ชื่อแน่ชัด

   ผมมองไปเห็นคนๆนึง นั่งอยู่ข้างๆที่ว่าง ที่ๆซึ่งน่าจะเป็นนั่งที่ของผม เขาคนนั้นเองกำลังมองมาทางนี้ เช่นกัน เมื่อพอมองดีๆ สายตาของเขานั้นไม่ได้บ่งบอกว่ามองเมาที่ผมจริงๆ หรือแค่ทะลุผ่านตัวผมไปยังอากาศข้างหลังกันแน่

   “ที่นั่งอยู่ตรงนั้นแน่ะ” ครูชี้ไปทางที่ว่าง ตามคาด

   ผมถือกระเป๋าแล้วออกเดินไปยังโต๊ะตัวนั้นตามที่ครูว่า คนนั้นยังคงมองมาที่ผม คราวนี้ผมแน่ใจว่า เค้ามองที่ผมจริงๆ

   ก่อนผมจะวางกระเป๋าลง ความพยายามแรกที่จะมีเพื่อนใหม่ หรือไม่ก็ความพยายามทำท่าทีเป็นมิตรด้วย ผมจึงส่งยิ้ม ยิ้มที่ใครๆก็รู้ว่าแห้งสนิท ไปให้

   เขายิ้มตอบน้อยๆ

   “เฮ้ย นี่กูเจไง จำได้มั้ย” เสียงเข้ากับหน้าตาเปล่งขึ้นเบาๆ

   “เคยเจอกันตอนเรียนลูกเสือไง”

   เอ่อ เดี๋ยวนะ ลูกเสือมันเรียนรวมกัน แล้วแต่ละหมู่ก็คละกันด้วย สัปดาห์นึงเจอกันครั้งนึง บางทีก็สองสัปดาห์เจอกันทีนึง บางทีก็ไม่ได้ทำกิจกรรมเลยด้วยซ้ำ ผมจะไปจำมันได้ยังไง แล้วผมมีเพื่อนเรียนเก่งยังงี้ด้วยเหรอ

   แต่ถ้ามันคล้ายกับใครคนหนึ่งละก็ใช่อยู่ ... แต่เป็นไปไม่ได้หรอก

   เท่าที่ดูเจ เป็นคนจีน ประชากรไทยเกินครึ่งก็ลูกครึ่งจีนนะ ดูๆแล้วน่าจะสูงกว่าผมสัก 5 เซ็น ได้ ตัวไม่ถึงกับอ้วน หรือที่เรียกว่าอวบน่ะแหละ แค่ระยะแรกด้วย ไม่ได้ผอมก๊องแก๊งแบบผม จมูกเล็กๆ ปากค่อนไปทางหนาหน่อย มีสิวบ้าง (วัยรุ่นเนอะ) ผมตรงสีดำหนา

   ว่าไปแล้วถ้าสาวๆมาเห็นคงชอบมันอยู่ เด็กนักเรียนโรงเรียน ชายล้วน หน้าตาคุณหนู แบบมัน เวลาไปไหนสาวๆคงเข้ามาจีบมันบ้างละน่า แต่เด็กเรียนอย่างมันจะสนเหรอ

   “ทำหน้าตางี้นึกไม่ออกเดะ” เจยังพูดต่อ

   “อา..​ไม่อะ” ผมตอบกล้อมแกล้ม

   “นี่ข้างๆกู ไอ้แว่นนี่ ชื่อ แมค เรียกมันว่าป๋าจะดีกว่า”

    เออ เรียกเพื่อนยังงี้มันไม่โกรธเหรอ

   ถึงตรงนี้ผมเลยหันพยักหน้าให้กับ แมค เอ่อ ป๋าก็ได้

   “ไง เป็นไงมั่ง” คนชื่อแมคทั้งขึ้น

   แมค หน้าตาเด็กแนวมากครับ ไม่ใช่ว่าแนวแบกแปลกประหลาดนะครับ มันให้ความรู้สึกเหมือนนักดนตรีมากกว่าแล้วใส่แว่นด้วยนะ ประมาณว่าลองนึกหน้า นักร้องเพลงรอควัยรุ่นสักคนนดู แล้วลดความหล่อของนักร้องออกเยอะๆหน่อย ตัวมันขาวมาก ผมยาวๆ (ยาวกว่ามาตรฐาน) ข้างๆโต๊ะวางกีต้าร์อยู่ตัวนึง  ไม่รู้หรอกว่ามันเอามาทำไม แล้วเอามาได้ยังไง ไหนห้องนี้เด็กเรียนไง   

   แมคผมเคยเจอมันเมื่อตอนอยู่ม.ต้นมาบ้าง แล้วก็หายๆกันไป

   “กูจะเข้าวิดวะเหมือนกัน ส่วนไอ้ป๋านี่จะเข้าถาปัตฯ” เจ พูดขึ้น

   มันคงจะกำลังชวนผมคุยเรื่องเรียนสินะ

   แต่ ถาปัตฯเหรอ มิน่า ท่าทางแนวเชียว

   “แล้วมึงทำไมมาห้องนี้วะ ห้องอื่นก็สอบวิดวะได้เหมือนกัน ห้องนี้เค้าเน้นหมอกัน แถมสอนก็เร็ว”

   ถึงตรงนี้ไม่รู้ผมแสดงสีหน้ายังไงออกไป

   “ก็ แก้เบื่อมั้ง ลองอะไรแปลกใหม่มั่ง” ถ้าตอบออกไปยังงี้คงเป็นอันรู้กัน

   อย่าถาม!!!

   ทีนี้พวกมันทำหน้า งง แต่ดูท่าทางแล้วเหมือนผมจะไม่อธิบายต่อ มัน 2 คนก็เลยเฉยๆไป
   
   “แล้วพวกนายสองคนมาทำไมห้องนี้ละ ห้องอื่นก็สอบได้นี่” ผมถามกลับบ้าง

   “ก็เรียนมาตั้งแต่ม.ต้น เพื่อนอยู่นี่หมดจะเปลี่ยนห้องทำไมวะ” มันตอบ

   นั่นสิ จะมีใครหนีจากสังคมเดิมๆของตัวเองบ้าง

   คาบแรกกำลังจะเริ่มแล้ว ม. 4 ห้องนี้นี่เรียนครบทุกวิชาเลย ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เลข สังคม ไทย อังกฤษ โอ้ย มากมาย อนาคตชัดเจนแล้วว่า ผลสอบจะออกมาเป็นอย่างไร ก่อนนห้านี้แม้ว่าผมจะถือว่าเรียนเก่งก็เถอะ แต่นั่นหมายถึงตัดห้องนี้ออกไป แต่เมื่อเอาเข้ามารวมแปลว่า ผมอยู่รั้งท้ายของห้องทันที แถมวิชาก็ไม่ได้น่าเรียนเลยด้วยซ้ำ

   วันแรกเปิดเทอมไม่มีอะไรเป็นพิเศษแค่เริ่มสอนเต็มชั่วโมงแล้ว เพราะว่าห้องนี้เป็นห้องคิง แล้วเป็นไปอย่างรวบรัดมาก ชนิดว่าสอนบทละชั่วโมง สั้นๆ แค่หนึ่งตัวอย่าง รู้เรื่องไม่รู้เรื่องก็เป็นเรื่องของนักเรียนที่จะต้องตามให้ทันเอาเอง

    ส่วนปิดเทอม จะสั้นกว่าปกติ 2 สัปดาห์เพราะว่ารร.จะรีบสอนให้จบหลักสูตร เด็กก็จะได้ปิดเทอมใหญ่ยาวขึ้นเพื่อไปเรียนพิเศษ อันนี้ผมชอบ เพราะสำหรับผมเปิดเทอมหรือปิดเทอมก็ไม่ต่างกัน ผมไม่สนใจเท่าไรอยู่แล้ว

   ที่นั่งในห้องเรียนเป็นแบบสี่แถวแนวตั้งสามแถวแนวนอน โดยแบ่งเป็นล็อคละสามตัว ดังนั้นแถวนึงมีเก้าที่นั่ง สาม สาม สาม ผมนั่งอยุ่แถวที่สามจากบนลงล่าง แล้ว แถวสุดท้ายจากซ้ายไปขวา ถัดจากผมไปเป็นเจ ป๋า แล้วก็หน้าต่าง ซ้ายมือผมมีเพียงทางเดินที่กั้นระหว่าง ผมกับอีกแถวนึง ซึ่งแถวข้างๆนั้นมีคนๆนึงนั่งอยู่

   คนที่สะดุดตาผมเป็นอย่างมาก

   คนนั้น นั่งอยู่ซ้ายมือผม หน้าตาคมจมูกโด่ง แต่ตากลับเล็กๆ ไม่ถึงกับตี่มาหรอกครับ ยังมองอะไรเห็น ปากบางแดง แต่ทำไมไม่รู้ พอดูรวมๆรู้สึกหยิ่งๆยังไงพิกล เวลาเค้านั่งจะเห็นว่าขาที่เหยียดยาวนั้น ยาวเป็นพิเศษ ลอดไปใต้เก้าอี้คนนั่งข้างหน้าเลย

   ขาผมน่ะเหรอ แค่ยันขาเก้าอี้คนหน้าได้ก็สุดแล้ว

   วันนี้ทั้งวันคงจะผ่านไปแบบนี้

   “มึงบ้านอยู่ที่เดิมรึเปล่า”    ป๋าถามข้ามหัวไอ้เจมา

   “ใช่” ผมสงสัย

   “คุ้นๆว่า เมื่อก่อนมึงเดินผ่านหน้าบ้านกูนะ วันหยุดน่ะ”

   “บ้านอยู่ใกล้กันไง”

   เออ ผมไม่เห็นจะจำได้เลย

   ผมก็เลยพยักหน้ายิ้มๆให้มันไป

   “เบื่อวะ เปิดเทอมมาก็เรียนหนักเลย” คราวนี้เป็นเจ

   “เวลาเที่ยวเล่น จะเหลือน้อยลงแล้วสินะๆๆๆๆๆๆ” ป๋าพูดทำเสียงเหมือนเทเลทับบี้

   ไอ้เจเลยหันไปทุบตัวมันทีนึง

   แอ๊ก ป๋าร้องออกมา

   ท่าทางจะเพี้ยน แต่ถึงงั้นผมก็อดขำออกมาไม่ได้

   ป๋าปัดมือเจออก แล้วชะโงกตัวมาทางผม มาทั้งตัวเลย

   “ไปหาไรกินหลังเลิกเรียนมั้ย แล้วไปเล่นที่บ้านแมคกัน เพิ่งเปิดเทอมเอง อย่าไปซีเรียสมาก” เจพูดยังกับเป็นเจ้าของบ้าน

   “เอ่อ จะดีเหรอ” ผมเกรงใจเจ้าของบ้านมัน

   “ยังไงมึงก็ต้องผ่านทางบ้านกูอยู่แล้ว”

   แมคเอาศอกมากระทุ้ง

   “เอ่อ จะดีเหรอ” ผมไม่คิดจะทำอะไรหลังเลิกเรียนอยู่แล้วด้วย

   “เออน่า มึงไม่ไปมันก็มีขาประจำอยู่แล้วเว้ย” ป๋าหันไปชี้หน้าทางเจ

     ไอ้เจ ยิ้ม
   
   “ไปดิๆ” เจ เลยหันมาพูดกับผม

   “เอาไอ้ต้องไปด้วย” มันพาดแขนข้ามหน้าไปทางซ้าย

   ต้อง??? คนที่นั่งซ้ายมือผม ชื่อต้องเหรอ

   “เออๆ ไอ้ต้องก็ใกล้นีน่า เมื่อก่อนก็ชอบมาอยู่” ป๋าอธิบายให้

   “บ้านไอ้นั่นมันอยู่แถวบ้านแกเหมือนกันนี่ สามคนใกล้กันหมดเลย มีกูคนเดียวอยู่ไกล เวลาเล่นเกมดึกๆแม่งกูต้องกลับก่อนตลอด ไม่แฟร์เลย.....”  เจ พูดไม่หยุด ผมไม่ฟังมันแล้ว

   แต่เห็นได้ชัดว่ามันทำหน้างอนเป็นตูดตัดพ้อใหญ่เลย

    “เออ คิดดูก่อนวะ แต่กลับพร้อมกันได้” เสียงนั้นดึงดูดสมาธิผมไปหมดเลย

   คนชื่อ ต้องพูดขึ้น

   คนนี้ผมไม่เคยเห็นหน้าในโรงเรียนมาก่อนเลย

   “ตามใจมึง” ป๋าพูดลอยๆไม่สนใจต้องอีก

   “แล้วปกติพวกนายทำอะไรกัน” ผมถามลอยๆ

   “มึงถามใครวะ แล้วใครนาย” เจ หันมายียวนผม

   “พูดแมนๆหน่อยดิ เดี๋ยวคนก็ว่าเป็นตุ๊ดหรอก”

   แค่ประโยคเดียว สร้างความหงุดหงิดให้ผมอย่างมาก ถ้ามันนั่งนิ่งๆเฉยๆ ผมจะรู้สึกดีกับมันมากเลย แต่พอมัน พูดแค่นั้น ความหล่อของมันก็หายไปหมด

   เออ สัดพวกมันจะไปทำไรกันวะ” ผมเลยพูดแบบนี้เลย

   “เออววววว ต้องแบบนี้ดิวะ” ป๋าชูสองนิ้วขึ้น

   คนชื่อต้องยิ้ม

   เป็นรอคมือขวาเหรอวะ 

   “ก็ทุกที เล่นเกม กินขนม นั่งคุย ดูหนังโป๊” เจตอบ

   ต้องเอาแขนยาวๆ ข้ามหัวผมมาเบิร์ดกระโหลกเจเต็มๆ แขนเสื้ออ้าโชขนใต้วงแขนเต็มตาผมเลย   

   “นั่นมันมึงคนเดียว ไอ้หื่น” ต้องว่า ไอ้เจ

   พวกมันเลยหัวเราะกันใหญ่

   หลังจากครูสอนเสร็จคาบสุดท้าย ผมสามคน ถ้ารวมต้องด้วยก็เป็นสี่ ลุกขึ้นเก็บของใส่กระเป๋า ไม่สิกวาดเลยมากกว่า กระเป๋าเล็กๆแบนๆ หนังสือน้อยๆ เตรียมตัวจะกลับบ้าน เมื่อผมเหลือบไปมองคนอื่น พวกนั้นยังนั่นอ่านหนังสืออยู่เลย ช่างหัวพวกมัน เย็นนี้มีอะไรทำแล้ว

   พวกมันสี่คนเก็บของเสร็จเรียบร้อย เมื่อพวกมันเงยหน้าขึ้นมาจากเก้าอี้ยกกระเป๋าขึ้นมาหนีบแขน ผมรู้สึกเหมือนโดนพวกมันบดบังยังไงไม่รู้

   ไม่ต้องสังเกตุก็รู้เลยว่าผมตัวเตี้ยที่สุด ตัวเล็กที่สุดด้วย เจ นี่น่าจะสูงกว่าผมสัก 5 เซนต์ขึ้นไป ส่วนป๋านี่พอๆกับเจ เลย จริงๆแล้วที่ผมจำพวกมันไมไ่ด้เพราะว่า พวกมันโตขึ้นมากหรือเปล่านะ สรุปง่ายๆผมเตี้ยกว่าพวกมัน 5 เซนต์ ยกเว้น... คนซ้ายมือผม ไอ้ต้องมันสูงกว่าผม 10 เซนต์เห็นจะได้ มันสูงเกือบ 180 หัวผมเพิ่งจะอยู่ที่หน้าอกมันเอง

   ถ้าไปยืนแนบชิดกับมัน หัวผมคงชนกับหน้าอกเหนือหัวใจมันพอดี

   ต้องเป็นคนที่มีเสียงนุ่มนวลผิดกับหน้าตาท่าทางเหย่อหยิ่ง แล้วก็กวนตีนของมัน

   แล้วก็มีประโยคดังขึ้น

   “ไอ้เตี้ยนี่ก็อยู่แถวบ้านเราเหรอวะ ตัวก็เล็กๆ อุ้มมือเดียวยังได้เลย เดินไหวด้วยเหรอวะ”

   นั่นไงมันกวนตีนจริงๆด้วย

   “มึงไม่ได้ฟังที่กูพูดเหรอวะ” ป๋าโวย

   “อือ อยู่แถวบ้านป๋า” ผมตอบเอง

   “ใกล้กันดีเนอะ” ต้องก้มหน้ามายิ้มๆ

   ทำไมผมรู้สึกมันจงใจก้มจัง (วะ)

   “เฮ้ย ต้องมึงก็ไปว่ามัน น่าๆเพื่อนใหม่ๆ” ไอ้เจ รีบเดินมากอดคอผมทันที

   “ใหม่ตรงไหนวะ” แมคหัวเราะ

   ยังดีที่มันกอดคอไม่เอามือวางบนหัว แต่เหมือนไอ้ต้องมันจะอ่านใจออก

   มือยาวๆของมันพาดอยู่บนหัวผม

   ผมพยายามจะเงยหน้าขึ้นไป เห็นได้ชัดว่ามันกดหัวผมลงไว้ แต่ไม่ใช่เพราะไม่ให้ผมเงยหน้านะครับ มันพยายามหุบแขนเอาไว้ เหมือนมันคงรู้แล้วว่า ขนจักแร้มันทิ่มลูกตาผมอยู่ เวลาร่างกายเราเปลี่ยนแปลงไปมันก็คงจะอายอยู่ละมั้ง เป็นผม ผมก็อาย

   “ช่วยเอามือออกจากหัว กู ด้วย” ผมพูดตาขวาง   

   “ก็มันพอดีเลยนี่นา วางได้พอดีเลย”  ไอ้ต้องหัวเราะ

   ไอ้เจ ต้องช่วยปัดอีกคน

   พอดูท่าทางลกๆของมันแล้ว ไม่เหมือนมันจะตั้งใจช่วยผมเลย

   “อย่าไปวิจารณ์มันน่า มันน่ารักดีออก” ป๋าชมผม เอะ ชมยังงี้เหรอ

   ไอ้ต้องขำใหญ่เลย

   เวลาต้องหัวเราะนี่ ดูดีชะมัดเลยแฮะ

   “ใช่ เล็กๆน่ารัก อุ้มง่าย” ผมว่าถ้าต้องมันพูดยังงี้ชักจะไม่ดูดีแล้ว

   ส่วนเจที่ดูเหมือนจะเหนื่อยแล้วบ่นออกมา

   “เร็วๆไปเร็ว กูอยากดูหนังใหม่”

   ไอ้ป๋าเตะตูดเจ ดังป๊าบ

   “ไอ้นี่ก็คิดแต่เรื่องยังงี้”

   “เงี่ยนมากก็ไปห้องน้ำเลยไป พวกกูรอได้” ป๋ากำลังชี้ทางสว่างให้

   “กูไม่รอนะ ขี้เกียจ” ผมพูดต่อทันที

   ป๋าหัวเราะ  แต่เจทำท่าเหมือนจะอ้าปากเถียงอะไรบางอย่าง

   “รอเหอะ มันแปบเดียว ไอ้นี่กระจอก” คราวนี้เป็นต้อง

   คำพูดนี้จากปากมันรับได้ ผมชอบ

   
   ถึงจะคุ้นหน้ากัน แต่ไม่รู้จักชื่อ มาวันนี้ก็กลายเป็นเพื่อนกันได้แล้ว ชีวิตม.ปลายของผมคงกำลังจะเริ่มได้สวยแล้วมั้งครับ ตัวปล่อยข่าวเสียๆหายๆก็เหมือนจะอยู่ห้องอื่นไอ้พวกนี้ไม่ยุ่งกับห้องอื่นเท่าไรด้วย

   ดูจากท่าทางพวกมันแล้ว มันคงไม่รู้หรือไม่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเกี่ยวกับตัวผมเท่าไร

   แล้วพวกก็มันเป็นผุ้ชายกันหมดเลยนี่...... เรื่องอย่างนั้นคงไม่เกิด

   ต้องเองก็เช่นกัน

 :bye2:

(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 1 19/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-08-2015 23:44:47
รวดเดียวสามตอน  o13 เกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 1 19/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 20-08-2015 00:12:12
งุ้ยยย น่าติดตามๆๆ o13
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 1 19/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 20-08-2015 00:16:33
ติดตามฮับ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 1 19/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-08-2015 00:18:37
 :mc4:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 1 19/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 20-08-2015 13:29:04
อึม สำนวนอ่านง่าย เว้นบรรทัดกำลังเหมาะ ดีครับๆ จะติดตามครับ
แต่ใครพระเอกนะ เรื่องนี้

ปล.เรียนชายล้วนดีจังเลย
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 1 19/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 20-08-2015 22:22:14
เห้ย ชอบๆ
รอตอน 2 อยู่นะฮะ

ปล. เชียร์ต้องสุดตัว   :-[
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 2 บ้านเพื่อน 21/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 21-08-2015 18:37:31
10 CM ตอนที่ 2.0 : บ้านเพื่อน

        ตอนนี้พวกผมมาอยู่หน้าปากซอยโรงเรียนแล้ว เพราะว่าพวกเรารีบออกมากัน สองแถวเลยยังไม่แน่นเท่าไรนัก ที่รีบเพราะจได้ไม่ต้องยืน ผมนั่งติดกับเจ แล้วก็ป๋า ไอ้ต้องอยุ่ทางซ้าย เหมือนเวลานั่งเรียนกันในห้องเลย

   เสียงรถมันดังกลบเสียงคุยกันหมด ทำให้ทุกคนนั่งเงียบ จะตะโกนทำไมให้เหนื่อยด้วย เมื่อมาถึงหน้าปากซอยโรงเรียน เจ ขอตัวไปโทรบอกที่บ้านก่อน

   ส่วนป๋า ไปซื้อน้ำกับขนมเตรียมไว้ไปกินที่บ้านแมค ดูท่าจะไม่ใช่แค่ไปนั่งเล่นๆกันแล้ว ส่วนต้องยืนเฉยๆข้างๆผม มันเป็นคนที่ดูดีในสายตาผมจริงๆ แวบแรกที่ยืนอยู่หน้าห้อง มีมันนี่แหละ ที่ผมรู้สึกสะดุดตาแต่ต้องทำเป็นเฉยเสีย ตอนนี้เวลาอยากจะมองหน้ามันต้องเงยหน้าสูงไปหน่อย แต่ถ้าทำยังงั้นมันก็คงรู้ทันที ว่าผมมองมันอยู่

   มาคิดๆดูแล้ว ตกลงมันเป็นอะไรกันแน่ นี่เป็นการเริ่มต้นชีวิตในห้องเรียนใหม่ สิ่งที่ผมทำได้คือ พยายามทำตัวให้กลมกลืนที่สุด เรื่องไม่ดีพวกนั้น มันน่าจะมาถึงหูเด็กห้องนี้อยู่บ้างแหละ มากน้อยแล้วแต่ว่ามันจะใส่ใจแค่ไหน

   ‘ครูครับ โรงเรียนเรามีผู้หญิงมาเรียนด้วยครับ’

   ‘คนไหนเหรอ คนนั้นไงครับ ที่นั่งอยุ่’ ต้นเสียงมันชี้มาทางผม

   ‘ก็ดูปกตินี่ ชอบผู้ชายเหรอเรา’ คราวนี้ครูถามผม

   ผมไม่ตอบอะไร  มันไม่มีเหตุผลอะไรต้องตอบคำถามบ้าๆนี่

   ผมมองกลับไปทางต้นเสียงนั้น

   ‘ดอ มันใหญ่มากเลยนะครับ มันชอบเที่ยวไล่โชว์คนอื่น’

   ผมยิ่งงงในคำพูดของมัน

   ‘จริงเหรอ งั้นมาถอดให้เพื่อนดูหน้าห้องสิ’

   ผมยังนั่งนิ่ง จนกระทั่งครูประจำชั้นเข้ามานั่งหลังห้อง เรื่องจึงเงียบไป

   นั้นเป็นอดีต อดีตที่ผมอยากจะลืม แล้วจากเรื่องไร้สาระวันนั้น มันก็แพร่ไปทั่วโรงเรียน

   ตอนนี้ผมเป็นเด็ก ม.ปลายแล้ว มานั่งนึกๆดูพวกผม 3 คนไม่นับไอ้ต้อง (ไอ้นี่เวลาเรียนมันดุตั้งใจ) ดูจะเป็นกลุ่มที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไปในห้องเรียนนี้เลย ดูเป็นมุมที่มีบรรยากาศร่าเริ่ง สบายๆใช้ชีวิตปกติทั่วไป กลับกันมุมอื่นในห้องดูมืดมนยิ่งนัก

   อาจจะเป็นโชคของผมบ้าง

   เจ เดินมาแล้ว หน้าบึ้งไปนิดหน่อย ส่วนแมค ขนของมาเยอะจนพวกผมต้องวิ่งไปช่วยถือ

   “นี่กะกินแทนข้าวเหรอไง” เจ พูด

   “ปกติแกก็กินข้าวแล้วกินขนมพวกนี้คนเดียวไม่ใช่รึไง” ไอ้ป๋า สวน

   “เฮ้ยมึง เจ เริ่มมีพุงแล้ว ไรวะ เพิ่งม.4 เอง” คราวนี้ตาต้อง

   ทุกคนเลยก้มไปมองกันที่พุงเจเป็นจุดเดียว

   ทันใดนั้น ต้อง ก็เอามือไปกระชากเสื้อ เจ ออกเผยผิวขาวๆไม่มีขนเลยแม้แต่น้อย ขอบกางเกงในสีขาว แพลมออกมา

   ขอบกางเกงขาวตัดกับกางเกงสีน้ำเงิน เข็มขัดสีดำเป็นอย่างยิ่ง

   เจมันมีพุงนิดๆจริงๆด้วย หน้าท้องสีขาวแบนแต่ไม่ราบ ไม่มีซิกแพคสักนิด ส่วนนั้นไม่มีขนเลยสักเส้น พุงมันทั้งขาวและเนียน ปกติผู้ชายพอเริ่มโตมักจะมีขนตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเลยนี่นา ผมเองยังคิดว่าถ้ามีก็คงดี มันออกจะดูมีเสน่ห์
   
   ไอ้เจรีบดึงกลับมาปิดพัลวัน

   ผมขำไอ้ต้อง ไอ้นี่มันแกล้งได้ทุกคนจริงๆ

   “อารายว้า มึงจะอายทำไม” กลายเป็นป๋าที่พูดขึ้น

   “โตป่านนี้ขนไม่ขึ้นเหรอมึง” ต้องหัวเราะ

   “สัด จะมีไม่มีมันไปหนักส่วนไหนของพวกมึง” เจ​ โวยวายหน้าแดง

   เวลาเห็นคนท่าทางแบบเจ หน้าแดงแล้วโวยวายนี่น่ารักดีแฮะ แล้วยิ่งต้องสูงๆอย่างนี้ มันเหมือนรุ่นพี่กำลังแกล้งน้องอยู่ แล้วตอนนี้หน้ามันยิ่งแดงขึ้นๆ แดงจนจะไปถึงหูอยู่แล้ว

   เจ พยายามจะดึงเสื้อของต้องกลับบ้าง แต่ไม่ได้ผล มันหลบได้ มันเลยหันไปทางป๋า ซึ้งป๋าไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด ถกเสื้อตัวเองโชว์ก่อนเลยซะยังงั้น ผมกับ เจ ยืนหน้าเหวอไปเลย

   “มากูให้ดูเอง อยากดูใช่มั้ย”

   “พอแล้วมึง กูไม่ใช่เกย์” เจเอามือปิดตา

   “นี่กูหนักแล้วมึง”

   “จะกินมั้ย ขนมมึงน่ะ” ป๋าทำท่าจะปล่อยทิ้งไป

   “คร้าบกินคร้าบ ท่าน” เจ รีบเข้าไปอ้อนแล้ว

   “ถือซะ” ป๋าพูดอย่างผู้ชนะ

   ผมกำลังเดินไปช่วยถือ แต่ต้องคว้าของมาไว้ก่อน

   “ตัวแค่นี้ เดินเฉยๆให้รอดเหอะ”

   “กูไม่ใช่เด็กผู้หญิงนะ” ผมเงยหน้ามองมัน

   “อ๋อเหรอ” เสียงยียวนของต้อง

   มันเอามือมาผลักผมออก แล้วแย่งที่เหลือไปถือเองหมดเลย

   ถึงผมจะตัวเล็กผอมๆ แต่ก็เป็นผู้ชายนะ   มันรู้สึกแปลกนิดหน่อยที่ต้องทำผมยังกับเป็นผู้หญิง

    ... เอาเหอะ ก็สบายดี ขี้เกียจไปแย่งมันกลับ
   
   “ทำไม รีบซื้อจัง แถวบ้านไม่มีเหรอ” ผมจำได้ว่ามันน่าจะมีร้านสะดวกซื้อมั่งนะ

   พวกมันมองหน้ากันเลิกลัก

   “เออ นั่นดิ มึงจะรีบทำไมวะ” เจ ได้ทีว่าป๋ามันเลย

   “กูลืมวะ ฮ่าๆๆๆ ทุกทีลงรถปุ๊บเข้าบ้านไปเลย” ป๋าหัวเราะแก้เขินไป
   
   “เฮ้ย รถมาแล้ว” ป๋าชี้

   รถเมล์สายที่จะขึ้นนั้น วันนี้ดูโล่งมาก เมื่อพวกเราทะยอยขึ้นรถไป

   ไอ้ต้องนั่งหน้าคู่กับป๋า พวกมันเลือกแถวข้างหน้าผม ป๋าเดินเข้าไปนั่งติดริมหน้าต่างด้านขวา ต้องคงไม่สบายมันเลยยืดขาออกมาริมทางเดิน

   “เออ กูนั่งข้างมึงนะ” เจ เดินมาเอากระเป๋ากับของกินวางลงข้างผม

   “อือ..” ผมไม่ได้ว่าอะไร

   ที่นั่งออกว่างมาเบียดกันทำไม
   
   แปลกดีที่รถเมล์ตอนบ่ายสี่โมงวันนี้มีที่ว่างให้พวกผมได้นั่ง เมื่อกี้ยังจะดูวุ่นวายอยู่เลย แต่ตอนี้ทุกอย่างดูเชื่องช้า เสียงเอะอะ ถูกกลบเงียบด้วยเสียงเน่งเครื่องรถยนต์ เมื่อรถเลี้ยว แสงแดดเปลี่ยนทางส่องจากหน้าต่างด้านขวาเป็นด้านซ้าย แสงพาดผ่านมาโดนขาต้อง

   มันขยับขาหลบแดด

   รถวิ่งด้วยความเร็วน่ากลัวแบบรถเมล์ไทย

   ระหว่างอยุ่บนรถเมล์ ไอ้เจหัวโยกหัวคลอนมาพิงไหล่ผม เอ่อ ไหล่ก็เล็กๆอะนะยังจะพิงหลับได้อีก รถเมล์วิ่งแค่ 20 นาทีมันหลับได้แฮะ ผมออกจะอายๆคนอื่นบนรถ (ช่างมันเหอะ) ผมทำเป็นไม่รู้เอา หูฟังมาเสียบ เปิดเพลงฟังต่อจากเมื่อเช้า
    
   มันจะแปลกมากมั้ยถ้าผมได้เพื่อนใหม่ แล้วไม่ทันไรก็ชวนไปบ้านกันแล้ว สายลมพัดมาเอื่อยๆปะทะหน้าผม ผมเจที่ปลิวตามแรงลมปัดมาโดนหน้าผมเบาๆ  ชักจะง่วงด้วยซะแล้วสิ ไอ้ต้องยังมองตรงออกไปทางหน้าต่างด้านซ้ายมือ

   แสงแดดที่อ่อนโยนตอนนี้กลายเป็นแยงตาแล้ว เมื่อรถมันเปลี่ยนด้าน

   เวลามีคนมาพิงบ่ายามบ่ายๆลมเย็นๆ มันก็สบายไปอีกแบบ

   เพลงในหูฟังผมเริ่มกลายเป็นเสียงที่ฟังไม่รู้เรื่อง แมคนั่งมองออกนอกหน้าต่าง สายตาเหม่อลอยไปข้างนอก  ส่วนต้องยังนั่งพิงติดทางเดินมองออกหน้าต่างไปอีกด้านนึง ก่อนที่ผมไจะไม่สามารถฝืนความง่วงได้อีกต่อไป  ภาพสุดท้ายที่เห็นเป็นหน้าต้องกำลังมองมาทางนี้

   ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไร พอลืมตาขึ้นก็เห็น ต้องลุกขึ้นยืน พวกเราจะลงป้ายหน้าแล้ว แมคเดินไปกดออดแจ้งคนขับให้จอดป้ายหน้า เจยังหลับพิงไหล่ผมอยู่ จนไอ้ต้อง กำลังเดินอาดอาดมาตบหัวไอ้เจ

   “ปั๊ก”  ดังลั่นรถเมลล์เลย

   เจสะดุ้งตื่น หน้าตาลนลาน แต่มันก็ไม่พลาดเก๊กหน้าหล่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   “ตบทำห่าไรวะ” เจ พูดเบาๆ

   “หรือมึงจะนั่งไปจนสุดสายละ หือ”  ต้องชี้หน้ามัน

   “ถึงแล้วเหรอวะ กำลังสบายเลย” เจ ทำท่าหาว

   “คราวหน้าเอาอีกนะเก้า” มันกระเซ้าผม

   “หื้อ เรื่องไร” ผมยกของแล้วลุกขึ้น

   พอลงจากรถ เดินต่อไปอีกหน่อยก็ถึงหน้าบ้านไอ้แมคแล้ว

   บ้านแมคเป็นตึกแถว 1 ห้อง 3 ชั้น มีชั้นลอย แล้วที่นั่นเป็นห้องนั่งเล่นของพวกเรา มีแอร์ด้วยซึ่งไม่ค่อยจะเปิดนัก  ผมเห็นมันเปิดพัดลมก่อนเลย

   พอเข้าห้องวางของเสร็จ ท่าทางเจคงเอาแน่ เดินค้นตู้หาหนังอย่างว่าก่อนเลย สงสัยมันจะไม่เจอ

   “บ้านมึงเก็บหนังไว้ไหนวะ” เจ ถาม

   “บนตู้ ขวามือมึง” ป๋ามันตอบ

   เจ รีบลุกไปชะโงกหา

   “ไม่เห็นมีหนังอย่างว่าเลย”   

   “มาให้กูเตะมา บ้านกูไม่ใช่บ้านมึง”

   “บ้านกูพี่ๆมันยังวางไว้หราเลย แล้วเวลา...” เจ พยายามเล่าให้ฟัง

   “นั่นบ้านมึง บ้านกูพี่สองคนเป็นผู้หญิง สัดนี่ สันดาน” ป๋าจัดเต็มเลย

   “ว่าจะชวนไอ้เก้ามันดูซะหน่อย”

   เออ ผมไม่เคยดูวะ

   “พวกมันดูกันประจำเหรอ” ผมหันไปทางไอ้แมค

   “ประจำ ยิ่งไอ้ต้องนะ ดูไปทำไปเลยด้วย”

   “พ่อมึงสิ ใครเคยดุกับมึง”

   มันยกขนมห่อนึงป่าใส่หน้าไอ้เจ

   เมื่อขนมหล่นมากองอยู่ตรงเป้า เจเลยแกะของในห่อนั้นนั่งกินเป็นอันดับแรก ก่อนเปิดเกมแล้วตามด้วทีวี พอพูดถึงเกม ผมหันไปเห็นในห้องนั่งเล่นมีทีวีจอใหญ่อยู่ แล้วที่มุมห้องก็มีกีต้าร์  วางไว้อยู่ตัวนึง คนละตัวกับที่โรงเรียนนี่หว่า

   “อย่าหกบนเก้าอี้นะมึง” ป๋าทัก

   “เออๆ ไม่หกบนเก้าอี้มึงหรอก” เจ พูดเสร็จล้มตัวลงนอนเลย

   มันนอนบนตักผม

   “สบายไปมั้ยมึง” ผมบอกมัน

   ก็ดี เนื้อน้อยไปหน่อย

   “ลุกเลยมึง”

   มันไม่สนใจ

   ไม่กี่อึดใจ มันก็กินหมดซอง

   “พี่มึงเป็นไงวะ เค้าว่าเข้ามหาลัยแล้วจะสวยขึ้นนะเว้ย” ไอ้เจ พอกินอิ่มก็เริ่มอ้าปากถามอีก

   “เฮ้ย นั่นพี่กู เห็นพวกมึงมาตั้งแต่ ขนยังไม่ขึ้น” แมคสวนทันที

   แสดงว่ามันรู้ว่าเจ หมายถึงอะไร

   “ตอนนี้กูเป็นหนุ่มหล่อแล้วนะ”
   
   “ถุย กูหล่อกว่า” ต้องพูดขึ้นมา

   อันนี้ผมเห็นด้วยกับต้อง

   “ถามเก้าดิ ใครหล่อกว่า” เจ หันมาทางผม

   ผมหันหน้าหนี  ห่า มึงสู้ต้องไม่ได้หรอก

   “แล้วไง มึงจีบใครติดมั่งมั้ยละ” เจ ถาม

   “แล้วรุ้ได้ไงว่าไม่ติด อย่างกูไม่ต้องจีบเองนี่” ต้องย้อน

   “ใช่สิ เห็นเดี๋ยวๆก็มีมาให้เลือก แต่ยังไม่เอาใคร” มือเจคว้าขนมห่อใหม่

   “หรือมีวเป็นเกย์วะ” เจ เอาขนมชี้หน้าต้อง

   “เค้าเรียกว่า ไม่ง่าย ไม่ใช่แบบมึงนี่” ต้องเอาป๊อกกี้ชี้มันกลับ

   “พอ!!!! รำคาญ ไปเล่นเกมไป จะตีกันไปตีกันในนั้น” ป๋าเดินไปเปิดเกมต่อสู้ให้พวกมัน

   “มาเลย จัดมามึง”

   มันสองตัวพร้อมใจกันเดินไปที่จอ

   พอพวกมัน ลุกไปเล่นหมดแล้ว

   ป๋าเล่าให้ฟังว่า พี่ๆมันเรียนนิเทศ สายเกี่ยวกับการทำหนัง ดังนั้นบ้านมันจะมีหนังแปลกๆให้เลือกเยอะแยะ บางเรื่องก็ติดเรท   แต่พวกเราตกลงกันว่าจะไม่ดูหนังแบบนั้น และจะไม่บอกไอ้หื่นเจด้วย ผู้ชายสี่คนนั่งดูหนังเรท ด้วยทีวีจอขนาดนี้ มันคงดูแปลกมากๆ

   แล้วม.4 ก็เด็กเกินกว่าจะเข้าใจหนังอารมณ์อาร์ทๆพวกนั้น ดูไปก็ไม่รุ้เรื่อง รอแต่ฉากอย่างว่า

   “พวกมันสองคนตตีกันบ่อยมากเหรอ” ผมหันไปถามป๋า

   “พวกกูเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ม.ต้น ก็ต้องสนิทกันดิ”

   “มึงก็เหมือนกัน ถึงมึงจะเคยเห็นหน้ากูบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้มาอยู่ห้องเดียวกันนี่นะ” ป๋านั่งดูพวกมันเล่นเกม

   “ต่อไปมึงก็มาเล่นกับพวกกูก็ได้” มันตบไหล่ผม

   “จบการสัมภาษณ์ เล่นเกมกันดีกว่า” ป๋าเดินไล่ไปอ้เจออก

   “อ้าว ทำไมกูละ”

   “ก็มึงแพ้ไอ้ต้องนี่ กูดูอยู่”

   “ไรว้า”

   เจมันจึงล้มตัวลงมานั่งข้างๆผม

   “บ้านมึงมี PS ป่าวถ้ามีว่างๆ กูจะไปถล่มบ้านมึงมั่งนะ” ไอ้เจถามผม

   “ตอบไปดิว่าไม่ ฮ่าๆๆ” ต้องหันมาขำ

   “ใครจะเชิญพวกมึงมาบ้านกู” ผมเลยสนองความต้องการต้องมัน

   “โห.....”

   “เก้า นี่เอาใหญ่เลยนะ”

   “เปิดเกมดิ เกมที่มึงเล่นค้างไว้น่ะ” ไอ้เจบอก    

   “เกมไรวะ” ผมสงสัย

   “อ้อ เกมใหม่น่ะ เห็นแมคมันบอกว่าเล่นค้างไว้ยังไม่จบ”

   “เหรอๆๆ เกมนี้ เราเองก็ยังเล่นไม่ผ่านเลยเหมือนกัน”

   “เก้ามึงเล่นด้วยเหรอ” เจหันมาถาม

   “เล่นดิ”

   “ไรว้า กูไม่มีอีกแล้ว”

   “มึงเคยมีไรเหมือนคนอื่นมั่ง” ไอ้ต้องจัดการ แล้ว

   “โหหหหหหหหหหห”

   พอไอ้เจ โหเสร็จ มันก็เอาขามาพาดขาผม แล้วเอาหลังพิงเก้าอี้ ผมทำหน้าเหวอๆนิดหน่อย (มั้ง) เกิดมายังไม่เคยเจอใครใช้สิทธิ์เหนือร่างกายผมถี่ขนาดนี้เลย ขามันก็ไม่ใหญ่อะนะ ใหญ่กว่าขาผมแน่ๆ กลายเป็นว่า ผมไม่สามารถลุกได้แล้ว เล่นทับทีสองข้างเลยด้วย

   “เปิดเกมดิ ไหนที่มึงบอกว่าเล่นค้างไว้น่ะ” ต้องสั่งไอ้แมค
   
   ป๋าเดินไปเปลี่ยนเกม PS เป็นเกมที่มันเล่นค้างอยู่ ไอ้เจ ดูจะสนใจเกมมากเป็นพิเศษ ท่าทางไอ้ป๋าคงจะไปโม้ไว้เยอะสิท่า ไอ้เจก็ดูจะยุขึ้นง่าย ดูมันเองก็นอนสบายๆ เอนหลังแต่ขามันเนี่ยสิ พาดอย่างเดียวไม่พอ ยังเขย่ายิกๆๆอีก มันหนักนะโว้ย
   
   ส่วน ต้อง มันลุกไปหยิบการ์ตูนมาอ่าน แล้วมานั่งบนโซฟา ตัวเดียวกับที่ไอ้เจนั่งเขย่าขานั่นแหละส่วนผมก็นั่งดู แมค เล่นไปก็พอแล้ว แถมขามันก็ยังทับไว้ทำให้ผมไปไหนไม่ได้ด้วย

   “อย่าเขย่าสิวะ” ต้องโวย

   มันล้มตัวเอาหลังมาพิงไล่ผม

   หนักนะมึงสองตัวอะ

   ที่บ้านผมเองก็มี PS อยู่ แต่ไม่มีเกมนี้ เพราะงั้นถึงผมจะสนใจไป ผมก็คงไม่สามารถกลับไปเล่นต่อที่บ้าน หรือ ถ้าชอบค่อยคิดอีกทีว่าจะ ไปซื้อมาเล่นมั้ย แถมผมจะกลายมาเป็นคนติดเกมอีกรอบมั้ยนะ อุตส่าห์เล่นน้อยลงแล้วแท้ๆ

   ผมเลยชะโงกหน้าข้ามไหล่ไอ้ต้องไปดูว่ามันอ่านเรื่องอะไร

   “เฮ้ย เบาๆดิเก้า อย่าหายใจรดคอกู”  ต้องเอามือผลักหน้าผมออก

   “ก็ไหล่มึงพอดีคางกูเลยนี่”

   “เออๆ งั้นวางไว้แล้วหายใจเบาๆ”

   “พวกมึงทำไรกันอะ กูทำด้วย”

   ถ้านั่งฟังดูสักพักจะเห็นว่า เจ เป็นคนช่างสังเกตุ ไม่สิช่างเสือก อยากรู้อยากลองตลอด

   พอเห็นผมอ่านการ์ตูนที่ต้องอ่าน มันก็ลุกขึ้นมาเอามั่งวางคอไว้อีกข้างของไอ้ต้อง

   “หนักมึง” ต้องเอาการ์ตูนตบหัวเจ

   “ทำไมเก้าทำได้ มันเล่นเสียวมึงสินะ มากูทำมั่ง”

   ไอ้เจจะกัดหูไอ้ต้อง

   “พอ กูไม่ใช่เกย์” ไอ้ต้องสะบัดตัวออก ลุกขึ้นมาโวยวาย

   ไอ้แมคไม่สนใจ นั่งเล่นเกมส์ต่อไป เกมส์ที่มันเล่นภาพสวยดี น่าสนที่จะหามาเล่นบ้างแฮะ พี่เรียนนิเทศน้องเรียนถาปัตเหรอ บ้านนี้ถ้าทางจะติสๆแฮะ

   จู่ๆ น้ำหนักที่ทับขาผมก็เปลี่ยนไป

   “เฮ้ย เดี๋ยวมาวะ โทรดัง”  เจ ขอตัวออกไปคุยข้างนอก   

   ไอ้ต้องขยับตัวอยู่บนเก้าอี้แล้วนั่งมองไปทางประตูที่ เจ เดินออกไป

   “เก้า เดี๋ยวเจ มันเข้ามาแล้วกลับกันเหอะ อยู่นานแล้ว เกรงใจมั่ง”

   อ้าว มันว่าผมทำไมเนี่ย ก็อยู่กันหมดไม่ใช่เหรอ

    “อือ เย็นแล้ว”

   “หน้ามึงแดงๆนะเก้า” พูดจบมันขยับตัวเข้ามาใกล้ผมอีก

   “ปะ ป่าว”

   “ดูดีๆ เหมือนมึงเป็นไข้เลยวะ”

   ผมเลยเอามือจับคอตัวเอง

   “อือ สงสัย อากาศเปลี่ยน”

   “มึงเป็นเหมือนน้องกูเลย”

   ต้องเอามือมาแตะหน้าผากผม ทีนึงแรงๆ

   มันกะแรงไม่เป็นรึไงเนี่ย

   “กลับไปกินยาด้วยละ ตัวอุ่นๆแล้ว”

   “มึง...​“

   “เออ น้องกูก็อ่อนแอเหมือนมึงอะ ต้องดูแลตลอด”

   “อา...คุณพี่แสนดี”

   มันยกขาทำท่าจะถีบผม แต่ ... มันยกขาลงทัน เหมือนมันรู้ นั่งท่านี้แล้วยกขา มุมจะไม่สวยเอา หึหึ

   “ให้กูดูแลเหมือนน้องกูเลยเอามั้ยละ เตี้ย”

   ต้อง ทำหน้ายิ้มๆ มันพูดจริงหรือพูดเล่นวะ

   “บ้า กูเป็นผู้ชาย ต้องหาหญิงสวยๆมาดุแลสิ แล้วจะว่ากูเตี้ยไปถึงเมื่อไหร่”

   ต้องหัวเราะ

   วันเดียวผมเจอเพื่อนใหม่ สามคน คนนึงที่ดูจะสนิทกับผมเร็วมาก อีกคนที่มีเรื่องให้ว่าผมได้ตลอดเวลา อีกคน   เอ่อ ว่ายังไงดี ปกติที่สุดแล้วมั้ง แต่ไอ้พวกที่ปกติๆนี้แหละมักจะมีไรแปลกๆทีหลัง

   “ไม่ต้อง ไม่ได้เป็นง่อย” ผมเลยย้ำอีกที

   “อ้าว รีบกลับกันทำไมวะ อยู่เล่นก่อนดิ”

   “เล่นเหี้ยไรละ มึงเล่นอยู่คนเดียวพวกกูนั่งดู”

   “มึงไม่ได้ดูไม่ใช่เหรอ มึงนั่งอ่านการ์ตูน” ผมบอกแมค

   “มึงอยากโดนใช่มั้ย เก่งจริงอย่าเงยหน้าคุยกับกูดิ”

   เถียงกันได้ไม่นาน

   เสียงประตูเปิดขึ้นมา

   “ เฮ้ยๆ อย่าแกล้งเด็กกูดิ เด็กใหม่เพิ่งมา” เจพูด แล้วเดินมากอดคอผม

   พอเจลงมานั่งที่เดิมคราวนี้มันไม่พาดขาแล้ว แต่มันยังกอดคอผม แล้วหันมายักคิ้วให้ เอ่อ เห็นกูเป็นอะไรกันวะ

   “ไปรีบกลับไปเลย เย็นแล้ว” ต้องโวยวาย

   “อ้าว ไรวะ ให้อยู่อ้อล้อเด็กกูก่อนดิ”

   “เด็กเหี้ยไรครับ” ผมหันไปชูนิ้วกลางใส่หน้าเจ

   “สม มึง” ไอ้ต้องกระทืบซ้ำ

   “สักวันเหอะมึง”

   พวกผมเลยทยอยเก็บของแล้วเดินออกจากบ้านแมค ในเมื่อมันเย็นแล้ว อีกอย่างเดี๋ยวพ่อเจ้าของบ้านมาเข้า พวกผมจะกลายเป็นเด็กเกเร ไม่ยอมกลับบ้านกันไปซะ

     หลังจากร่ำลากันแล้ว ตอนนี้เราสามคนกองกันอยู่หน้าบ้านป๋า
   พอมองดีๆ บ้านมันทำเครื่องเสียงเหรอเนี่ย เพิ่งเห็นป้ายชัดๆ ตอนมาก็มัวแต่เล่นกันเดินเข้าไปไม่ได้ดูเลย ตึกนี้ผมต้องผ่านก่อนเดินกลับบ้านประจำ แต่ไม่ยักจะสังเกตเ กลายเป็นว่า ป๋าต่างหากที่สังเหตเห็นผมก่อน

   “เก้า บ้านมึงไปทางนี้เหรอ”

   “อือ”
   
   “อะไรๆๆๆๆ มึงจะไปบ้านเค้ารึไง” ไอ้เจ พูดขัดขึ้นมา

   “เปล๊า (เสียงสูง) กูคิดว่าถ้ามันเปลี่ยวจะเดินไปส่งน่ะ กลัวมันโดนฉุด” หน้าตาคนพูดกวนตีนมาก

   มึงจะเอาไงกับกู ไอ้ต้อง

   “เออๆ ไปๆ แยกย้ายๆ เจอกันที่รร.พรุ่งนี้” ไอ้เจพูดแล้วก็รีบเดินแยกจากไปเรียกแท๊กซี่
   
    บ้านไอ้ต้องไปทางขวาจากบ้านของแมคหน่อยเดียว ส่วนผมไปทางซ้ายแล้วต่อเข้าไปในซอย สำหรับไอ้เจผมเห็นมันเรียกรถแท๊กซี่ บ้านมันคงไกลจากแถวนี้พอควรอยู่

   ไม่นานแท๊กซี่ก็มา เห็นมันเปิดประตูหน้าเข้าไปคุยบอกทางกับคนชับ พอคนขับพยักหน้าตกลง มันก็หันมาโบกมือลาทางผมกับต้อง แล้วรถก็แล่นออกไป

   คราวนี้ก็คงเป็นตาผม ไอ้ต้องยืนหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตรงข้างๆ

   “งั้นกูไปนะ”   

   “เออ เก้า เบอร์มึงอะไรวะ”

   “อ้อ งั้น.. “ ผมบอกเบอร์มันไป

   ผมเดินหันหลังไปตามทาง ขณะที่กำลังเสียบหูฟังนั้น ผมแอบหันไปมองไอ้ต้อง มันยังคงมองมาทางผมอยู่ตรงนั้น  มันมองนิ่งมาทางผม ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ความรู้สึกนี้คืออะไรกันนะ ผมโบกมือให้มันหนึ่งที ก่อนผมจะหันหลังแล้วเดินต่อไป

   เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงเพลงในหัวไม่ได้รบกวนใจผมเท่าความรุ้สึกติดค้างเมื่อกี้ ผมจึงหันหลังกลับมา เห็นหลังยาวๆของไอ้ต้องค่อยๆเดินห่างออกไปๆ บนฟุตบาทจากที่ว่างปล่าวหน้าบ้านแมค ไปสู่ความวุ่นวายของ รถเข็นขายอาหารกับแสงไฟสลัวๆ

   บ้านผมต้องเดินไปอีกสัก สิบห้านาที ก็ไม่นานนักหรอกครับ เด็กๆมันแรงดี ตอนนี้เพิ่งหัวค่ำ ผู้คนก็สัญจรไปมา ไม่ได้เปลี่ยวอย่างที่ต้องบอกหรอก

   ผมได้แต่คิดว่า พวกเราสนิทเร็วดีเหมือนกัน เราเรียนรร.เดียวกันมาตั้งแต่ ม.ต้นถึงจะไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ก็คงเคยเห็นหน้าบ้าง

   คิดว่าคงไม่มีใครในกลุ่มจะมีนิสัยที่ผมไม่ชอบ แล้วก็ไม่มีใครจะคิดทำอะไรกับผมเกินเลยไปกว่าความเป็นเพื่อน เช่นกันผมเองก็ไม่ควนคิดไปกว่านี้ อะไรที่กำลังจะเกิดหยุดเอาไว้ดีกว่า

   ผมเพิ่งนึกได้ว่า ไหนไอ้ต้องมันบอกว่า ไม่ไปไง แล้วมันมาทำไรหว่า แล้วทำไมเวลาเจ เดินออกไปคุยโทรศัพท์มันต้องมองแปลกๆด้วย  จะไปยุ่งทำไมเรื่องของเค้าสองคนน่ะ ผมปรับเพลงในหูให้ดังขึ้น กลบเสียงของความคิดประหลาดๆออกไปซะ

   โทรศัพท์สั่นขึ้นมา

   “โหล”

   “ถึงบ้านยังละมึง”

   “ใครครับ”

   “กูเอง ไอ้เตี้ย”

   สัด

   “ต้องเหรอ”

   “มึงคิดว่าใครละ”

   “หลงทางเหรอไง” ผมถามมันกลับ

   “หลงเหี้ยไรละ ถึงบ้านแล้ว”

   “กูจะถามว่ามึงโดนฉุดหรือยัง” มันพูดต่อ

   “ยังเว้ย ถึงบ้านเร็วจัง”

   “ขากูยาวน่ะ นี่ยังไม่ถึงเหรอ”

   “อีกแปีบ”

   “อ้อ”

   ปลายสายเงียบไปสักพัก

   ผมไม่รู้จะชวนมันคุยไรดี

   “ต้อง มึงไม่โทรหาแฟนเหรอ” อยู่ๆ ปากก็ถามออกไป

   กูจะถามไปเพื่อ?????

   “ทำไมคิดงั้นวะ”
   
   “หล่อๆ หน้าตาดีอย่างมึงน่าจะมีคนให้โทรหานะ”

   “มึงยอมรับแล้วเหรอว่ากูหล่อ คนหล่อใช่ว่าจะต้องมีใครนะเว้ย” กวนกูอีกแล้ว

   “เอ่อ... เอาเหอะ กูถึงบ้านแล้ว”

   “แล้วมึงละ ไม่โทรหาใครเหรอ” หือ นี่ก็ไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน

   “กูว่าจะโทรหาไอ้เจมันนะ ฮ่าๆๆ” คราวนี้ตาผมเอาคืนมั่งละ

   “โทรหาไมวะ”

   “กูคงคิดถึงมัน ท่าทางมันจะชอบกู”

   “เหรอ... คิดดีๆละกัน”

   “เออ สัด กูไปละ” แล้วผมก็กดวางสาย

   “เดี๋ยว มีไรโทรหากูได้นะ หึหึ”

   ประโยคฟังดูดี แต่เสียงนี่สิ

   แม่ง สมเป็นต้องจริงๆ โทรมากวนตีนได้จนนาทีสุดท้ายเป็นไงละ เจอผมเข้าไปมั่ง งานนี้คงพูดไม่ออก

ต่อไปกลายเป็นว่า ผมนี่แหละครับที่พูดไม่ออก

 :bye2:

(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 2 21/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 22-08-2015 11:24:55
มีแววว่าพระเอกไม่เป็นเจก็ต้องรึเปล่า?
สนุกดีครับ
รอตอนต่อนะ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 2 21/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-08-2015 14:06:02
 :man1:

ต้องๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เจโยนให้คนอื่นไป  :ruready
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 2 21/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-08-2015 16:22:24
คนไหนดี
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 2 21/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 22-08-2015 22:38:14
จากใจผู้เขียน (ตอน 1-2)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ทุกครั้งที่ผมจะโพสต์เรื่องนี้ มือจะสั่นๆทุกที ไม่รู้ว่าจะมีคนเข้ามาอ่านหรือไม่
ในชีวิตนี้เคยแต่อ่าน ยิ่งจะมาโพสต์เองยิ่งไม่เคย ดังนั้นอาจจะผิดๆถูกๆอยู่บ้าง

อย่างตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบผู้ที่มาคอมเม้นทุกคนยังไง คือ ต้องจดชื่อออกมาแล้วพิมพ์กลับไปทีละคนหรือก็ @หน้าชื่อก็ยังทำไม่เป็น

ผมเลยขอมารวมๆในนี้เลย

สำหรับคนที่ถามมาว่า รร.ไหน ผมคงไม่บอกนะครับ แต่ผมใบ้ไปเยอะในเรื่องนี้ เพราะอย่างที่ได้เขียนไปตอนแรกแล้ว เรื่องนี้มาจากเรื่องที่เกิดขึ้น จดจำเอาไว้ แล้วเอามาเล่าสู่กันฟังก่อนมันจะหายไปกับกาลเวลา ดังนั้นเรื่องของรร.ผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไร แค่ไม่บอกตรงๆ แล้วข้อมูลก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรจากความเป็นจริง

ในเรื่อง ถ้าเป็นสมัยนี้มันคงเรียกว่า คู่จิ้น แต่ตอนนั้นยังไม่มีคำนี้ มันเลยเหมือนเพื่อนที่สนิทกันมากกว่า

ขอให้อดทนอ่านต่อไปนะครับ จะทำให้ดีที่สุด แต่ละตอนแก้และอ่านทวนใหม่ไม่ต่ำกว่า 5 รอบ ใช้เวลานานอยู่

ตอนที่ 3 จะลงวันจันทร์ (24/8/15) ครับ

(https://smilesnewsandreviews.files.wordpress.com/2014/10/zankyou_no_terror_06_03.png?w=720&h=404)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 2 21/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 22-08-2015 23:25:46
โอ๊ยยยยย ต้องน่าร๊ากกกกกก >\\\<
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 2 21/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 24-08-2015 11:17:18
แค่คู่จิ้นงั้นรึ รึมากกว่านั้น ฮ่าๆ
เก้าน่ารักดี ดูติสๆ วันนี้จะมาลงกี่โมงกันนะครับ
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 3.0 วิชาภาษาไทย 24/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 24-08-2015 18:19:15
10 CM ตอน 3.0 : วิชาภาษาไทย

   ดูเหมือนว่าความสนิทจะเดินทางคู่ไปกับเวลา ในกลุ่มผมสนิทกับเจที่สุด ตามมาด้วยแมค ส่วนไอ้ต้องแน่นอนเอาไว้รั้งท้าย มันก็ออกจะเหนือความคาดหมายไว้อยู่แล้ว เพราะไม่คิดว่าจะสนิทกันได้เร็วขนาดนี้ ทุกวันที่ผ่านไป ผมกับพวกเจ ตัวจะยิ่งตัวติดกัน เดินกอดคอกัน (แต่ยังไม่ควงแขนนะ) เวลาพักก็ยังไปทานข้าวด้วยกัน ยกเว้นแค่เวลากลับบ้าน
   
   มันคงเป็นเพราะว่าพวกเรามีอะไรเหมือนๆกัน ก็ในเวลาเรียน พวกผมสามคนจะผลัดกันพลุบโพล่ เริ่มจากวิชาเลขเลย เจ จะเก่งวิชาเลขที่สุด (ใน 3 คนนะ) มันจึงจะลุกมาเรียน แล้วให้พวกผมลอกทีหลัง อังกฤษ จะเป็นแมค ส่วนสังคม จะเป็นผม

    เวลาคนอื่นมองก็จะเจอพวกผม3 คนผลัดกันลุกขึ้นมาฟังครู ผลัดกันหลับ แต่ถ้า เป็น ฟิสิกส์ เคมี แล้วละก็ จะหลับพร้อมกัน 3 คนเลย

   มันก็ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกครับ คนอื่นๆในห้องตั้งใจเรียนกัน แต่พวกผมมาหลับ ไม่ต้องสังเกตก็เห็นว่า เพื่อนร่วมห้อง ไม่พอใจกับพฤติกรรมพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเป็นพวกตัวประหลาดในห้อง แต่ยกเว้นไอ้ต้อง ที่ไม่หลับเลย แถมยังติดอันดับ10 ของห้องด้วย

   หลายหนที่ผมแอบคิดว่า พวกนั้นอิจฉาที่พวกเราใช้ชีวิต ม.ปลายได้อย่างคุ้มค่า ไม่ใช่หมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับหนังสือเรียนแล้วก็แบบฝึกหัด

   คนบ้าอะไรวะ ขาว สูง เล่นกีฬาดี เรียนก็ดี แต่รวยมั้ยผมไม่รู้นะ (หวังว่าอย่าเลย จะดีเกินไปแล้ว)
มันเป็นคนที่สะดุดตาเสมอ ยิ่งกับผมด้วย ไอ้ต้องนั่งซ้ายมือผม มีแค่แถวทางเดินกั้น ผมเองมักจะแอบหันไปมองมันเวลาเบื่อๆเสมอ

   มันมีเรื่องแปลกอยู่อย่างนึง (นอกจากเรื่องหลับแล้ว) ผมชอบนั่งเขย่าขา คิดว่าวัยรุ่นก็เป็นกันทุกคน (รึเปล่า) แต่ไอ้เจ จะไม่เขย่าขาของมันเอง พอมันเห็นผมทำ มันจะเอาขามาซ้อนบนขาผม แล้วเวลาผมเขย่ามันก็จะเขย่าขามันไปด้วย ขาเราสองคนก็จะถูกัน ถ้ามันอ้าขาเข้ามาลึกกว่านี้ก็คงจะโดนตรงนั้นแล้วละ

   มีอยู่วันนึง เจ มันแซวว่า

   “กูรู้ มึงกำลังเงี่ย..”

   “พูดเหี้ยไรของมึงเนี่ย” ผมรีบว่ามัน ก่อนมันจะพูดเสียงดังกว่าเดิม

   “เอาเป็นว่า กูรู็แล้วกัน”

   “แล้วมึงรู้ได้ไงวะ”

   “เออน่า”

   “แล้วเวลาไอ้แมคมันทำละ” ผมชี้ไปทางนั้น

   “มันไม่เหมือนกัน”

   “ทำไมมึงไม่ไปพาดไอ้แมคมั่งวะ”

   “ไม่ได้ดิ ถ้าทำงั้นกูก็อ้าขาพาดสองคน อุบาทว์ตายเลย”

   “ก็เอาข้างเดียวสิวะ”

   “ขามึงน่ายกพาดกว่า”

   อะไรนะ!!!

   “แปลว่า ที่มึงชอบเขย่าขาบนขากู มึงก็เงี่ย..”

   “ใช่ แล้วมันแปลว่า กูก็เงี่ย..กับมึง”

   หือ!!!

    มันหัวเราะร่วนเลย

   หูดเหี้ยอะไรเนี่ยยยยย

   ถึงตอนนี้ไม่รู้ผมจะทำหน้ายังไงออกไป ไอ้ต้องถือสมุดเดินมาตบหัวผมกับไอ้(เวร)เจ คนละทีแรงๆ แล้วชี้นิ้วออกไปนอกห้อง

   “ห้องน้ำเลย มึงสองตัว นี่ห้องเรียน”

   “ทำไมอิจฉาเหรอ ที่กูได้เขย่าขากับไอ้เก้า” เจหันไปถามต้อง

   “อิจฉาไม บ้าป่าว” ต้องโวยวาย

   เจ เลยเดินตามไปกอดคอไอ้ต้อง เอ่อ เขย่งกอดอะนะ

   “ไม่สนจริงเหรอ....”

   “ไปไกลๆเลยมึงทั้งคู่” ไอ้ต้องปัด

   พอสิ้นประโยคเมื่อกี้ผมก็รู้ชัดเลยว่า ไอ้ต้องไม่ชอบแบบนี้

   ก็ดีผมจะได้ไม่ต้องคิดอะไรกับมัน

   แล้วคุณครูก็เข้าห้องเรียนมา

   ชั่วโมงภาษาไทยวันนี้ ครูให้เด็กในห้องจับกลุ่มทำรายงานกัน กลุ่มละ 3 คน (ทำไมไม่ 4 ไปเลยวะ) นั่นก็หมายความว่า พวกผมต้องมีคนนึงกระเด็นออกไป สงสัยคนนั้นจะเป็นผมแน่ๆ

   “เอ้าๆ จับกลุ่มได้แล้วเขียนเรียงความตามหัวข้อนี้นะ”

   หัวข้อน่าเบื่อถูกเขียนขึ้นบนกระดานดำ ลายมือครูภาษาไทยสวยยิ่งนัก แต่ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกอยากทำมันเพิ่มขึ้นด้วยเลย

   เรื่องที่ต้องทำเนี่ยเกี่ยวกับ วรรณคดีอะไรสักเรื่องในหนังสือเรียนนี่แหละ ถ้าอ่านๆสักหน่อยน่าจะทำได้ ถ้าอ่านได้จนจบนะ

   “งี้เอาไงวะ” ไอ้แมคมันหันมาถามไอ้เจ

   “ง่ายๆ มึงกูเก้า สามคน ไอ้ต้องไปหากลุ่มอื่น” เจว่าละหัวเราะ

   “อ้าว ทิ้งต้องเลยเหรอ”

   “ช่างมันดิ เป็นห่วงมันเหรอ”

   “ปล่าวเว้ย มันจะไม่ดีปล่าววะ”

   ผมหันไปมองทางต้อง มันทำหน้าเฉยๆ

   “งั้นเอางี้ กูไปกับเจเอง เก้ากับต้อง แล้วหาคนมาเติมอีกคน”

   “เฮ้ยๆๆ ไม่ได้ๆ กูต้องไปกับเก้าเท่านั้นเว้ย”

   “เรื่องมากจริงนะมึง” แมคหันมาค้อนๆแล้วเดินไปหาต้อง

   “ต้อง กูอยู่ด้วย”

   ต้องพยักหน้า

   เอาละ งี้อีกคนที่ต้องเพิ่มจะเป็นใคร ผมไม่สนิทกับใครเลย ดังนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจไป

   “เฮ้ย กูอยู่ด้วยดิ”

   หน้าตาท่าทางไม่เป็นมิตรเลย

   คนๆนั้น เสื้อผ้าตึงเป๊ะ ตามแบบเด็กเรียนใส่แว่นกรอบดำหนาๆ หน้าตาจืดๆ ตัวใหญ่ๆอ้วนนิดหน่อยแสดงออกทางอารมณ์ชัดเจนมากว่า ไม่เป็นมิตรกับคนอื่น โดยเฉพาะกับผม ที่มานี่คือหาที่ลงไม่ได้แล้วสินะ

   “ทำไมมึงไม่ไปอยู่กับไอ้ต้องวะ” เจถาม

   “ไม่เอา อยู่กับมึงน่ะดีแล้ว เพื่อจะได้ดูอะไรดีๆ”

   “คืออะไร” ผมถาม

   “ก็อยู่กับตุ๊ดเผื่อมีอะไรสนุกๆ”

   “หึ” ไอ้เจ พ่นลมออกมาทางจมูก

   “เอาสิ เดี๋ยวกูจัดให้ ฮ่าๆๆ”

   ไอ้เจ ก็ไปรับมุกมันนะ

   ผมเลยหันไปมองทางเจ พยายามทำสัญญาณว่า มึงเอาจริงเหรอ ตอนนี้คนนั้นอารมณ์ดีมาก เหมือนได้ของเล่นเลย สงสัยงานนี้จะมีอะไรสนุกๆให้ดูแน่ๆ ไม่ใช่รายงานนะครับ อย่างอื่นมากกว่า

   ตกเย็น เรานัดกันว่า จะทำให้เสร็จวันนี้เลย จะได้ไม่ต้องเก็บไว้ไปทำวันอื่น ดูท่าทางพวกต้องเองก็เหมือนกัน ผมคงไม่ได้อยู่กับเจ แล้วก็ไอ้บ้านั่น สาม คนแน่ๆ อย่างน้อยพวกต้องก็ยังอยู่

   ผมนั่งทำอยุ่ในห้องเรียนหลังห้อง ส่วนพวกต้องอยุ่หน้าห้องกัน ท่าทางคนอื่นจะกลับบ้านไปหมดแล้วไม่ก็ไปเรียนพิเศษ แน่นอนใครจะอยากทำรายงานภาษาไทยที่ไม่ใช้สอบกันมั่งละ

   แต่พวกผมอยากทำให้มันเสร็จๆไปเลย

   คนที่ 6 ที่เพิ่มมาชื่อ ซัน เป็นเด็กที่สูงพอๆกับเจเลย แต่มันผอมกว่า ผอมมาก แล้วก็ผิวคล้ำๆ เห็นว่ามาเรียนได้เพราะโควต้านักกีฬา เอาเถอะไม่ใช่ประเด็น

   แดดคล้อยต่ำแล้ว ห้องเรียนกลายเป็นสีส้มอ่อนๆไป

   “เดี๋ยวกูนั่งอ่านดูละกันว่ามันว่าไงมั่ง” ผมบอกเจ

   “ดีๆ ตุ๊ดๆแบบมึงเหมาะกับวรรณคดีแบบนี้อยู่แล้ว”

   “มึงไม่ช่วยทำเหรอไง” ผมถาม

   เห็นมันหยิบแบบฝึกหัดวิชาเลขมานั่งทำ

   “ทำไม กูสนใจแต่วิชาคำณวณเท่านั้นเว้ย”

   “เหรอออ”

   “เออดิ กูได้คะแนนเกือบเต็มตลอดนะเว้ย อย่างมึงทำได้เหรอ”

   ““มึงไม่ทำก็ นั่งเงียบๆไปก็ไม่มีใครว่านะ”” เจ โวยขึ้นมา

   “เดี๋ยวกูนั่งรอนี่ละกัน กูไม่ชอบภาษาไทย” เจ ตบหลังผม ก่อนหันไปนั่งอ่านการ์ตูนข้างหลัง

   “แหมๆ ผัวปกป้องเมียเหรอ”

   คราวนี้เจ มันเงียบไป

   สักพัก เจ ลุกเดินออกไป ปล่อยผมนั่งกับมันอยุ่ 2 คน ไม่เป็นไรหรอกนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แล้วผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ เจอคนปากหมาแบบนี้ผมทนได้

   ทนมาตลอดม.ต้นแล้วนี่

   “ผัวมึงไปนั่นแล้วแน่ะ”

   “ไม่ใช่ผัวกู”

   “เหรอ มีผู้ชายมาอ่อยมึงน่าจะดีใจนะ”

   “สัดนี่ มึงบ้าเหรอ” ผมทำเป็นไม่สนใจ

   “ดูไม่ออกเหรอ”

   “คิดไงมาได้กับผู้ชายวะ สนุกมั้ย” มันยังพล่ามต่อ

   “นี่ๆ มีงได้กับไอ้เจยังละมึง เห็นว่ามึงได้ไปทั่วนี่”

   “….” ผมไม่รู้จะตอบอะไร

   นั่นไงกะแล้วว่า พวกมันคงรู้กันหมดแล้ว จะเป็นไปได้ยังไง ก็ผมเล่นโดนคนเอาไปประจานหน้าห้องไม่นานมันก็เลยลามไปทั่วยังกับโรคระบาด...ทุกคนในโรงเรียนรู้จักผมแบบนี้แหละ

   เอาเหอะ  ถ้ามันจะเกิดละก็ มันก็เป็นความผิดพลาดของผมเองนี่นา

   แค่ มันตามมาหลอกหลอนเร็วไปหน่อย น่าจะให้เวลาพักกันบ้าง

   “นี่ๆ ถ้ามึงได้กับเจแล้ว...”

   ผัวะ เสียงดังสนั่น ขนาดพวกต้องอยู่หน้าห้องยังหันมามอง

   “หนัก หัว ตรงไหน ของ พ่อมึง เหรอ” เจ ย้ำทีละคำชัดๆ

   เจเอาหนังสือภาษาไทยซ้อนกัน 3 เล่มตบหัวมัน

   “ตอนแรกถ้ามึงหยุด กุจะใส่ชื่อมึงลงไปนะ ตอนนี้กูว่า กูไม่ใส่ดีกว่าวะ ยังไงไอ้เก้าก็เป็นคนทำไม่ใช่มึง มึงก็ไปทำเองคนเดียวแล้วกันนะ”

   “เฮ้ย มึงกล้าเหรอ”

   “เออดิวะ” เจกระชากคอเสื้อไอ้คนนั้นออกไป

   “มึงอะ กล้าป่าว มีปัญหามาได้นะเว้ย”

   ไอ้เจพร้อมเอาเรื่องแล้ว หน้าตาดุดัน ผมไม่เคยเห็นมันโมโหอย่างนี้เลย

   เจ ยื่นมือผลักมันออกไปที่อื่น ไอ้นั่นหันมามองแล้วเดินจากไปอย่างโดยดี ปากมันก็ยังบ่นมุบมิบอะไรสักอย่าง เอะ มันชื่ออะไรนะ

   “ค่อยๆทำไปเหอะ เดี๋ยวกูอยู่นี่ ไม่ลุกไปไหนแล้ว”

   “อือ...”

   ไอ้การทำรายงาน กลายเป็นของง่ายไปแล้ว ที่ยากกว่าคือ ต่อไปกลายเป็นว่า มันคงเอาไปพูดกันว่าเจปกป้องผม เจทำเกิดนเพื่อน แล้วมันก็คงจะต้องหาทางแก้แค้นผมทีหลังแน่ ท่าทางมันจะเจ็บใจน่าดู

   ที่เหลือในห้องนั่งเงียบไม่พูดอะไร

   ผมอ่านจบแล้วลงมือเขียนไปได้หน่อยหนึ่ง

   “นี่สินะ สาเหตุที่มึงย้ายมา” มันพูดขึ้นทำลายความเงียบ

   “…….” ผมไม่ตอบ

   “มิน่า มึงไม่ได้สนใจวิชาพวกนี้เลย ดูก็รู้ว่ามึงน่าจะชอบทางศิลป์มากกว่า”

   “….” ยังไม่มีคำตอบ

   “พวกกูรู้อยู่แล้ว” เจ เอามือมากอดคอผม

   “เรื่องพวกนี้มันเร็ว ยิ่งห้องเด็กมีปมอย่างห้องนี้ด้วย มันคงพร้อมจะซ้ำเติมมึงอยุ่แล้ว”

   “แล้ว พวกมึง” ผมกำลังจะเงยหน้าไปมองพวกมัน

   “พวกกูไม่สนหรอก”

   “มึงก็เห็นพวกกูเหมือนคนในห้องที่ไหน”

   มันขยิบตาให้

   “อือ..” ผมไม่สามารถพูดไรได้อีก

   มันรู้สึกดีที่มีเพื่อนเข้าใจเรา เวลาที่มีคนยอมรับเราได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพื่อนที่พร้อมจะเชื่อใจเรา เพื่อนที่ไม่รังเกียจเราไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ (ส่วนผมเองจะเป็นหรือไม่ขอคิดยาวๆก่อน)

   ผมเห็นต้องมันหันมามอง แล้วยิ้มให้ผมทีหนึ่ง

   เป็นยิ้มที่อ่อนโยน

   ตาฝาดเปล่าวะ

   ผมหลบหน้าต้อง

   พอเงยหน้ามาอีกที มันเดินมาอยุ่ข้างหน้าผมแล้ว แล้วเมื่อกี้ผมจะไปหลบหน้ามันทำไมวะ

   “อย่าคิดมากมึง กูได้ยินหมดแล้ว”

   “เออ ขอบใจ”

   “ช้าไปรึเปล่ามึง”เจ หัวเราะ

   “ห่า กุไม่ได้อยู่ตรงนี้นี่”

   “หึหึหึ ข้ออ้าง”

   ต้องไม่สน

   “เดี๋ยวมา”

   “งานมึงเสร็จแล้วเหรอ” ผมถามต้อง

   “ยังหรอก ถึงเสร็จมึงก็ลอกไม่ได้” มันหัวเราะแล้วเดินออกนอกห้องไป

   “หึหึ ซวยแน่” เจหัวเราะ

   “อะไรวะ”

   “เปล่า รีบทำเหอะ”

   พวกเราจบการทำรายงานไว้เพียงเท่านี้ดูเหมือนจะไม่เสร็จง่ายๆ ข้างนอกเริ่มจะมืดแล้ว คะแนนน่ะช่างหัวมันเหอะ ยังไงๆ วันนี้ก็มีอารมณ์ทำไม่ถึงครึ่งอยู่แล้ว

   ผมเก็บกระเป่ากำลังจะลุกขึ้น ไอ้เจลุกตาม

   “วิ้ว”

   “มึงผิวปากทำไม เจ"

   “ป่าว”

   ไอ้อ้วนนั่นเดินเข้ามา ตามมาด้วยต้อง ไอ้อ้วนั่นมันมองผ่านผมไปแล้วเดินไปที่กระเป๋า

   “ฝากไว้ก่อนนะมึง”

   คราวนี้ไอ้เจหัวเราะ

   “กลับเหอะ เดี๋ยวกูไปส่ง”

   “ไม่เป็นไร”

   “เออน่าๆ มึงกำลังตกใจกูรู้”

   มันเอาขามาเขี่ยๆขาผม

   “อ้าว จะกลับแล้วเหรอเก้า” ต้องร้องทักมา

   “อือ เสร็จแล้วน่ะ”

   “งั้น...”

   “เออ เดี๋ยวกูไปส่ง มึงกำลังจะพูดใช่ปะ” 

   “กูไม่ได้พูดกับมึง” ต้องหันไปทางเจ

   “เอ่อ ไม่เป็นไร กูกลับเองได้”

   เอะ ไอ้อ้วนนั่นรีบคว้ากระเป๋าแล้วออกจากห้องไปก่อน

   เล่นบ้าไรกันอยู่ได้

   “แมค กลับกันเหอะ” ผมตะโกนไปทางนั้น

   คนชื่อซันสะดุ้งเลย

   “เอออออออ แป๊บ” มันตะโกนตอบ

   “งั้นกูกับเจ แยกไปก่อนนะ” ต้องพูด

   มันเดินมาเขย่าหัวผม แล้วยักคิ้วให้

   “หือ อะไรวะ”

   “เออน่า” ไอ้ต้องหัวเราะ

   “ไม่เอา กูจะกลับ” เจ รีบร้อง

   “ไม่ๆ มึงต้องไปกับกู” ต้องเอาแขนยาวๆรั้งเจไว้

   “แง้ๆๆๆๆ”

   “มึงจะร้องทำไวะ”

   ผมละขำไอ้เจ มีอารมณ์เล่นได้ตลอด

   “เออ งั้นกูไปก่อนนะ”

   ผมยืนรอรถเมล์อยู่นาน วันนี้ไม่เห็นจะมาสักที แต่ที่รบกวนผมอยู่คือ ความรู้สึกมันยังลอยอ้อยอิ่ง เป็นความอายจากคำพูดของไอ้อ้วนนั่น (เออตกลง มันชื่อไรวะ) กับ สิ่งที่เจทำให้......

   “มึงนี่โชคดีน้า” แมคหันมาพูดก่อนลงรถ

   “หือ ยังไงวะ”

   มันอมยิ้มแล้วไม่ตอบอะไร

   “เฮ้ย บอกกูก่อนดิ” ผมโดดตามมันลงไป

   “คิดเองดิวะ มั่นใจในสิ่งที่มึงเป็นหน่อย ไม่มีใครเค้าเกลียดที่มึงเป็นหรอก”

   “อะไรวะ” ผมไม่เข้าใจ

   มันพูดถึงอะไรละ มีหลายประเด็นมากเลย

   “อ้อ ถ้าหมายถึงเรื่องนั้นละก็มันไม่ใช่อย่างนั้น” ผมพอจะเข้าใจแล้ว

   “เออ คิดมากมึง โตแล้ว” มันตบตูดผมทีนึง

   หรือเราจะเป็นจริงๆวะ ถ้ารู้สึกดีกับที่เจทำให้ แล้วก็ชอบแอบมองต้องมัน หรือเราจะชอบผู้ชายมากกว่ากันแน่ ที่ผ่านมาไม่เคยคิดจริงจังเลย ... ถึงบางทีความอยากมันจะบังตาไปก็เถอะ

   “แล้วไอ้ต้องกับเจไปไหนวะ” ผมเอามือลูบตูดมันกลับ

   “ไม่รู้ มันคงไปเตะบอลกันละมั้ง.... อุ้ย บางที ต้องมันก็จะกลับกับน้องมันนะ มีช่วงนี้แหละที่มันเริ่มกลับพร้อมกัน” มันสะดุ้งเสียงหลง

   “ร้านมึงนี่ปิดกี่โมงวะ”

   ร้านประดับยนตร์ตรงหน้ายังเปิดไฟสว่างอยู่ ร้านอื่นรอบข้างปิดไปหมดแล้ว

   “อือ ช่วงนี้เปิดดึกขึ้นน่ะ ขยันหาเงินกันหน่อย”

   “ไปละ”

   มันโบกมือลาแล้วเดินเข้าบ้าน

   ผมโบกตอบมัน

 :bye2:

(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 3.0 วิชาภาษาไทย 24/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 24-08-2015 22:22:44
 :impress2:

ว้าวๆ ตอน3 มาตามที่นัดไว้เลย
อย่าพึ่งหยุดเขียนน้าาาาาา

#นั่งอ่านแพ๊บ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 3.0 วิชาภาษาไทย 24/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-08-2015 22:59:11
ได้เพื่อนดี ทำให้สบายใจไปเก้าส่วน

:)

เจน่ารักนะ จุฟๆ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 3.0 วิชาภาษาไทย 24/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ่jumpingjack ที่ 25-08-2015 00:32:12
 :katai4:สนุกดีครับชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 3.0 วิชาภาษาไทย 24/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Shiney ที่ 26-08-2015 10:40:47
นึกถึงสมัยมอปลายเลยครับ  o13
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 3.0 วิชาภาษาไทย 24/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-08-2015 13:45:00
น่ารักใสๆ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 3.0 วิชาภาษาไทย 24/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 26-08-2015 21:28:31
ช่วงนี้แก้คำผิดเยอะหน่อย เหนื่อยเลย

ศุกร์นี้เจอกันครับ

(https://smilesnewsandreviews.files.wordpress.com/2014/10/zankyou_no_terror_06_03.png?w=720&h=404)
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 4.0งานวิทย์ 28/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 28-08-2015 10:03:55
10 CM ตอนที่ 4.0 งานวิทย์

   เรื่องนั้นผ่านเลยไปได้เกือบสองอาทิตย์ ทุกอย่างในห้องเรียนยังดูเป็นปกติ สำหรับคนอื่นนะครับ ส่วนผมน่ะไม่ว่ายังไงก็ไม่ปรกติอยู่แล้ว เรื่องที่ผมเจอก็ไม่มีคนรอบข้างคนไหนพูดถึงมันอีก เหมือนมันก็เป็นแค่เหตุการณ์ๆหนึ่งสำหรับพวกมันแล้วมันก็ผ่านไป ตอนนี้ทั้ง 3 หน่อทำตัวเป็นปกติ

   ไม่สิ ไม่ปกติ ทุกคนดูจะเป็นห่วงผม เมื่อมีอะไรก็ตามที่วกมาถึงเรื่องทำนอง ตุ๊ด เกย์ แต๋ว มันจะหาทางให้เปลี่ยนเรื่องพวกนั้นออกไปจากวงสนทนา

   ถึงพวกมันจะไม่แสดงออก แต่ผมก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น ไอ้อ้วนเล่นผมซะขนาดนั้นไปแล้ว ในห้องเรียนตอนนั้นมีคนแค่ 5 คน เพื่อนผมก็ 3 แล้ว แต่มันก็ไม่ดีถ้าจะปล่อยตัวเกินไป คนที่ชื่อซันผมก็ไม่ได้รู้จักด้วย เลยไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไป

   เหมือนเจจะอ่านใจออก

   “ง่วงจัง” 

   มันยกมือขึ้นมาวางบนพนักเก้าอี้ผม

   “เฮ้ย เจ คาบแรกนะมึง” ผมหันไปหามัน

   เจ ยังนั่งหาวหวอดอยู่ ทำเอาผมอยากหาวไปด้วย

   “นี่ดีนะไม่ต้องไม่เข้าแถวเช้า ไม่งั้นกูยืนหลับแน่”

   “มึงยืนหลับได้กูให้สิบบาทเลย” ไอ้ต้องข้ามหน้าผมมา

   “งั้นกูนั่งหลับก็ได้”

   “อันนั้นกูก็ทำได้” ผมพูดจบพวกมันหัวเราะ

   “นอนดึกเหรอไง ดูหนังโป๊มาเหรอ” แมคพูดใส่ไอ้เจ

   แต่มันเองหน้าก็แบนราบแนบไปกับโต๊ะอยู่

   วนกลับมาหนังโป๊อีกแล้ว

   “ป๊าว ทำไรเพลินๆน่ะ”

   “อย่างมึงเนี่ยนะ เพลินมือน่ะสิไม่ว่า” ผมหันไปหาเจ

   “ฮ่าๆๆๆๆ” มันหัวเราะให้กับโต๊ะเรียน

   “มึงไม่เคยเหรอ มันฟุบลงกับโต๊ะ แล้วหันมามองที่ขาผม”

   “ไอ้บ้า ใครเค้าจะบอกวะ”

   “ไม่รู้ เอาขามึงมาดิ เก้า”

   “เกี่ยวไรกับขากูอีกละ”

   “เออน่า ครูเคมีจะมาแล้ว”

   ผมหุบขาหนี

   “มึงจะเอาให้ได้ละสินะ”

   “แน่นอน”

   มันเอามือมาเขี่ยๆแถวเข่าผม

   “ไอ้บ้า จักกะจี้”

   “นี่ๆๆ น้อยๆหน่อย สัสนี่ได้..” เสียงต้องมาจากไหนไม่รู้

   ผมลืมสังเกตุมันไปเลย

   ครูเคมีเดินเข้ามาไม่ทันขาดคำต้อง

   สวัสดีครับ คุณครู!!! 

   สิ้นเสียงปุบ ไอ้เจก็กำลังตั้งท่าจะหลับ

   พอครูหันหลังไปเขียนสูตรเคมีบนกระดาน ไอ้เจก็เขย่าแรงขึ้น

   “เฮ้ย โต๊ะกูสั่น” ผมบอกมัน

   มันเอาขามาใกล้ผมมากขึ้น
   
   ไอ้นี่ ท่าจะหื่นได้ที่แล้ว

   เวลามึงเขย่าแล้วโดนขากูเนี่ยมันเสียวนะเว้ย

   มันคงทนไม่ไหวยกขาผมขึ้นมาไปวางบนขามันแล้วเขย่า

   นี่ เอามือออกไปด้วย จะโดนไข่กูแล้ว เล่นเอามือวางบนขาอ่อนผม เขย่าทีก็ใกล้ไข่เข้ามาที

   อยู่ๆมันดึงขาออก

   อยู่สูตรที่น่างงบนกระดานก็หยุดเลย แล้วคุณครูสอนวิชาเคมีก็ประกาศขึ้นมาว่า

   “เดี๋ยวจะมีงานวิทยาศาสตร์ สำหรับห้องนี้ที่คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมอะไรมาก ครูเลยจะให้เล่นละครวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับโครงการฝนหลวง กำหนดงานต้นเดือนหน้า พวกเธอไปแบ่งกลุ่มทำกัน ว่ากลุ่มไหนจะทำอะไรบ้าง สิ่งที่ต้องทำมี การแสดง บทละคร แล้วก็ฉาก บทละครต้องส่งครูภายในสองอาทิตย์หลังจากนี้ ฉากกว้างยาวสูง ไปกำหนดเอาเอง กลุ่มไหนทำเกี่ยวกับแสงสีเสียงให้มาตกลงกับครู มีไรปรีกษาได้”

   เฮ้ย ไม่นะ เอาอีกแล้วเหรอ เกลียดจริงๆงานกลุ่ม

   เดี๋ยวก็ได้เจอแบบไอ้อ้วนห่านั่นอีก

   “ไม่มีคะแนนให้ แต่ถ้าทำดี มีอะไรครูจะช่วย”

   ไอ้เจ หยุดเขย่าขา (มันเอากลับไปโต๊ะมัน มันก็ยังเข้าอยู่ดี) แล้วโผล่หัวขึ้นมา ผมเองก็หูผึ่งเลย ใช่สิ พวกผมมันเกลียดวิชาเคมีนี่นา ถ้าครูจะช่วยนั่นก็หมายความว่า การสอบคราวหน้าผมมีสิทธื์ที่จะผ่านได้ทั้งๆที่คะแนนตกสินะ

   หึหึหึ

   ว่าแต่ งานกลุ่มใหญ่ขนาดร่วมกันทำทั้งห้องเนี่ยนะ ทั้งห้องสามสิบคนเนี่ยผมจำได้แค่ 4 คนเองนะ นอกนั้นรู้จักเผินๆจากที่ได้ยินแค่ครูเรียกชื่อ แล้วถ้าไอ้อ้วนบ้านั่นมาอยู่ในกลุ่มผมอีกละ

     ไอ้แมคมันเอื้อม มันเอามือมาลูบหัวผม

   “ใจเย็นเก้า”

   “มีไรขึ้นมา เดี๋ยวต้องก็จัดการให้เองแหละ”

   ผมหันดูมองหน้าต้อง มันไม่สนใจ แมคพูดอย่างนี้คืออะไร

   “พวกเราอยู่ด้วยกันนะ เดี๋ยวกูไปบอกคนอื่นเอง พวกมึงอยากทำไร” ไอ้เจกำลังจะลุก

   “อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การแสดง และ บท” แมคชี้นิ้วไปที่เจ แบบท่ายิงปืน

   “งี้มันก็เหลือแต่ฉากสิวะ” เจ ทำหน้าเซ็งแล้ว

   “หล่อๆ อยากกูก็อยากแสดงนะ” เจ ทำเสียงงอแงมาก

   ผมกลัวว่ามันจะลุกขึ้นมาดิ้นที่โต๊ะ

   “ฉากอะดีแล้ว จะได้ไม่ต้องไปวุ่นวายกับคนอื่น” ไอ้ต้องหันข้ามมา

   “เออ กูเห็นด้วย” ผมรีบพูดขึ้นมา

   “งั้นกูจะไปบอกคนอื่นว่าเรา สามคนอยู่ด้วยกัน” เจ กำลังจะเดินไป
   
   “อ้าว แล้วกูละ มีงทิ้งกูเหรอ หรือมึงตกเลข” ต้องทำเสียงงอนแล้ว

   เจยังไม่ได้ยิน หรือไม่ฟังกันแน่

   ต้องลุกขึ้นมากระชากเสื้อเจให้มันถอยเข้ามา ชายเสื้อด้านหลังของเจหลุดจากกางเกง โผล่ขอบกางเกงในสีฟ้าออกมา

   “ปล่อยกู ปล๊อยกู”

   “งั้นกูลุกไปบอกเองดีกว่า” ผมเลื่อนเก้าอี้ออก

   “ไม่ต้องๆ โอเค งั้นสี่คน เดี๋ยวกูรีบไปเจรจามาก่อน”  ไอ้แมคบ่นแล้วก็ไปแทน ปล่อยขอบกางเกงในสีฟ้าไว้อย่างนั้น

   “สู้ๆ เว้ย” พวกผมแทบจะพูดพร้อมกันเลย

   ผมคิดว่าคนหน้าตาดีอย่างไอ้ต้องจะอยากเป็นนักแสดงซะอีก ขี้เก๊กอย่างมันน่าจะชอบนะ ในงานโรงเรียนเป็นไปได้ว่าจะมีสาวๆต่างโรงเรียนมาดูนะ สมัยผมอยู่ม.ต้นไม่ได้ร่วมทำกิจกรรมเลย เพราะว่าพวกม.ต้นมักจะทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมกิจกรรมอย่างเดียว

   เออ ปีนั้นผมทำอะไรอยู่นะ เป็นช่วงที่ไม่มีใครคบผมแล้วหรือยังนะ

   พอนึกถึงนิสัย เอ่อ สันดานของคนอย่าง เจ ปีที่ผ่านๆมามันทำอะไรอยู่นะ มันคงวิ่งไปทั่วงานละสิ ว่าแต่ถ้ามันไม่อยากทำฉากจะเหลืออะไรหว่า มันจะไปเป็นฝ่ายทำเอฟเฟคเหรอ ฉากก็ดีแล้วนี่ หรือมันมั่นใจในความหล่อของมันหว่า (ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าผ่าน ฮ่าๆ)

   แต่เป็นอันว่าพวกเราทำเรื่องที่น่าเบื่อที่สุดอย่างทำฉาก จริงๆผมชอบนะ ไม่ต้องยุ่งกับใครมาก แถมคิดว่าได้ลงสีสวยๆด้วย

   ผ่านไปเกือบหมดคาบ เจ เดินหน้าระรื่นกลับมา พร้อมชูนิ้วโป้ง  แสดงว่าพวกผมได้แล้วสินะ

   “ได้ฉากว่ะ แต่ต้องยกฉากเปลี่ยนด้วยเวลาสลับฉากบนเวที”
   
   “อ้อ ฉากต้องทำเต็มเวที ขนาดใหญ่สองฉาก ฉากก่อนมีโครงการณ์ฝนหลวง กับหลังมีโครงการณ์แล้ว”

   “เฮ้ย งานช้างอยู่นะ ตอนแรกคิดว่าจะวาดๆแล้วก็จบแล้วซะอีก”  แมคบ่น

   “เอาน่า ดีกว่าไป ยืนท่องบทหน้าเวทีมั้ยละ” ต้องพูด

   ดูจากหน้าตาหล่อของมันแล้ว มันไม่อยากเป็นจริงเหรอ ผมก็อยากเห็นมันเป็นนะ

   “แล้วต้องเสร็จก่อนซ้อมใหญ่ด้วยสิ เพราะว่ากว่าสีจะแห้ง แล้วคงต้องซ้อมยกฉาก แปลว่าเราต้องทำให้เสร็จก่อน ซ้อมใหญ่หลายวัน” แมคตั้งข้อสังเกต

   “เออ นั่นอะดิ งี้พวกเราต้องรีบมือ”

   ไอ้เจทำมือยิกๆๆ

   “สัส ทะลึ่ง” ไอ้ต้องเอาสมุดตบกบาลมัน

   “ทำเป็นไม่เคย”

   แน่ะ หลอกถามอีกแล้ว

   ไอ้ต้องไม่ตอบชูนิ้วกลางให้มันทันที

   “ไม่มีใครบ่อยเหมือนมึงหรอก” ไอ้แมคหัวเราะ

   “ป่าว ต่อไปมีมือวิเศษแล้ว” ไอ้เจเดินมาโอบคอผมแนบแน่น

   ผมว่าผมหน้าแดงนะ แดงแน่ๆ รู้สึกร้อนเลย

   “ทุเรศน่ะมึง” ไอ้ต้องเสียงแข็ง

   เอ่อ ผมว่า ถึงพวกมันจะรับได้ แต่เล่นกันบ่อยๆขนาดนี้พวกนั้นก็คงจะไม่ไหวละมั้ง ไอ้เจก็เล่นไม่รุ้เรื่อง

   “งั้นเดี๋ยวเลิกเรียนเย็นนี้ กูไปวัดฉากกับเวทีก่อน”  ต้องออกตัว

   “งั้นเดี๋ยวกูไปด้วย” ผมพูดขึ้น

   หวังว่ามันจะไม่รังเกียจผมนะ
   
   “เย็นนี้กูไม่ว่างวะ ต้องขอตัว” เจ ขอตัวไปธุระก่อน

   คราวนี้ต้องทำมือยิกๆบ้าง แต่ทำไมมันดูทุเรศอย่างบอกไม่ถูก

   “เดี๋ยวกูไปคุยกับครูเรื่องสถานที่ใช้ทาสีแล้วกัน คงไม่แบกไปมาระหว่างบ้านกับรร.แน่ๆ”

   “สรุป เก้าไปกับต้อง กูไปหาครู ส่วนไอ้ เจหนีกลับบ้านไปชักว่า..” แมคพูดต่อ

   “แล้วทำไมไม่รอกูละ นะๆๆ กูอยากไปวัดฉากด้วย” ไอ้เจพูดไปดึงแขนผมไป

   “เสือกอยากไม่ว่างเอง เกะกะเสียเวลาคนอื่น” นั่นไง โดนไอ้ต้องเลย

    เอ่อ กูว่า ถ้ามึงยังคงทำมือ ยิกๆต่อไป (พอสักทีเหอะ) ต้อง มึงจะหมดหล่อแล้ว

   “เออๆๆๆๆๆๆๆๆ คราวหน้าก็ได้วะ” เจ ยอมแต่โดยดี

   บนกระดานสูตรอะไรนั่นเป็นการบ้านให้พวกผมไปทำมาส่ง

   หึหึ ช่างมันสิ ไว้ลอกพวกมันทีหลัง

   เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น ไอ้เจเก็บของแล้ววิ่งปรู๊ดออกจากห้องไปเลย เออมันรีบไปจริงๆด้วย ไม่รู้ว่ามีธุระอะไรของมันนักหนา

   ตกเย็นวันนั้นผมเลยเดินถือสายวัดที่ยืมมาจากห้องอุปกรณ์อะไรสักอย่างที่ไอ้แมคเอามาให้ ผมเดินไปกับไอ้ต้อง สองคน (ถึงตอนนี้ผมก็เลยติดเรียกไอ้ ก่อนชื่อพวกมันเสมอ)

   ต้องมันได้สถานที่มาจากครูเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าไปถามมาตอนไหน เมื่อถึงเวลามันสะกิดผมแล้วออกเดินนำไปเลย

   ขายาวๆของมันนี่ผมเกลียดจริงๆ ยิ่งต้องมาเดินตามมันด้วยเนี่ย มันเดินแต่ผมนี่จะวิ่งเอา

   “เดินไม่ทันเหรอ”

   “… เออ”

   เวลามันเดิน แต่ผมต้องซอยถี่ๆ รู้สึกเหมือนหนูวิ่งยังไงไม่รู้

   จากห้องเรียนเดินลงชั้นล่างบันไดริมสุดเลยไปก็เจอเลย
   
   เมื่อเดินมาถึงสถานที่ เวทีเป็นยกพื้นสูงเท่าเอวผม เอ่อ ต้นขาไอ้ต้อง มีบันไดขึ้นเล็กๆสามขั้น ข้างๆเป็นบันไดขึ้นติดกับลิฟต์อีกที ขวามือเป็นช่องเปิดโล่งมีแค่ราวเหล็กกั้นเอาไว้

   “เวลาเปลี่ยนฉากทำไงวะ ไม่มีม่านไรกั้นเลย” ผมตั้งข้อสังเกต

   “เดี่ยวมันก็มีได้เองแหละ” ต้องตอบแกนๆ

   มันยืนนิ่งอยู่สักพัก

   “สงสัยต้องหลบหลังเวทีตลอดเวลาที่แสดง หาไรมากั้นๆ ถือคนละฉาก สี่คนก็สองฉากพอดี พอพักองก์ก็สลับฉากเลย” ต้องคิดแก้ปัญหาได้รวดเร็วมาก เล่นเอาผมอึ้งไปเลย สมกับเด็กเรียนอันดับสิบจริงๆ

   ไม่ต้องคิดอะไรมาก มันวางแผนให้เสร็จ

   “อะ ลองดูความสูงกันสิ เก้าถือสายวัดหน่อย” ต้องพูดไม่หันมามองผม

   ผมกำลังยืดสายวัดออกมาในแนวตั้ง ดึงไปเรื่อยๆ ตอนนี้สูง 170 กว่า เข้าไปแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปใกล้แล้วเขย่งขึ้นไปดูตัวเลข แต่ยังไม่ทันได้ดูชัด ตัวผมเซไปทางต้อง

   มันรับผมไว้

   มือมันคล้องอยู่ที่เอวผม

   “เฮ้ย เอาเท่านี้สูงไปป่าว ยิ่งสูงมันจะยิ่งหนักนะ แกจะเอื้อมมือทาฉากสูงๆก็ไม่ถึงด้วย”

   “เออ จริงวะ กูเตี้ย” เอะ เดี๋ยว มันด่าผมนี่

   “เฮ้ย ก็วางนอนสิวะ ไม่ได้จะตั้งซะหน่อย” ผมแก้ตัว

   พอหันหน้าไปมันหัวเราะร่า เมื่อเห็นผมรู้ตัวว่า กำลังว่าตัวเองอยู่

   “ขอกูตีหัวมึงหน่อยเหอะ” ผมเดินอาดๆเข้าไป

   “กูล้อเล่นน่า” น้ำเสียงต้องเปลี่ยนเป็นจริงจัง

   สายตามองตรงมาทางผม

   “ไม่ กูจะตี”

   มันยืดตัวขึ้น ยืนนิ่งๆ
   
   ผมพยายามเอื้อมขึ้นไป

   มันยังจ้องตรงมาที่ตาผม

   “อะ..เออะ.  เออ กูรู้แล้ว” ผมหลบหน้ามัน

   “เปลี่ยนใจแล้วเหรอ ว่าแต่เดินมาซะใกล้เนี่ย อยากทำไรเราเหรอ” ไอ้ต้อง เอามือมาดันหัวผมไว้ แขนแม่งก็ยาวพอกับตัวเลย
   
   มือมันนิ่มผิดคาด

   “เออ ฝากไว้ก่อน” ผมชักเซ็งแล้ว

   “โอ๋ๆ นี่เก้า” มันเรียกความสนใจผมมา

   “ แล้วแบบนี้ละ ถึงรึยัง”

    ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม  ชนิดที่ว่าไม่ต้องใช้ความพยายามก็เห็นขนตาของมัน

   ผมยอมรับครับ ว่า ครั้งนี้หัวใจผมแทบจะหยุดเต้น หัวใจเล็กๆของผม ลองมีคนหน้าตาดีแบบต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ขนาดรู้สึกถึงลมหายใจขนาดนี้ เป็นใครจะไม่รู้สึกบ้าง
   ลมหายใจแผ่ว มากระทบจมูกและริมฝีปาก

   อยากจะยื่นหน้าเข้าไปชิดกับมันจัง

   อ้าว ยังไม่ถึงสิบวิดี ต้องก็กลับไปยืนตรง สูงตระหง่านค้ำหัวผมเหมือนเดิม แต่สีหน้าไม่แสดงออกทางอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น

   เมื่อกี้นี้มันคืออะไร หรือ ไม่สิ คงไม่มีอะไร ผมแค่คิดไปเอง

   ผมได้แต่แอบด่าตัวเอง คิดชั่วอะไรกับเพื่อนวะ ไอ้เก้า

    ต้องหันหลังกลับไปทำหน้าที่ต่อ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นปล่อยผมยืนงง หน้าแดงอยู่อย่างนั้น
จนได้แต่ถอนหายใจเบาๆออกมา

   “เรียบร้อย” ต้องพูด

   “งั้นกลับเนอะ” ผมพยายามพูดปกติ แต่ยังตกใจจากเมื่อกี้ไม่หาย

   หลังจากเราวัดเสร็จ เราเดินแวะไปสั่งไม้กระดานสำหรับทำฉากที่ห้องพักครู คุณครูทั้งหลายในห้องพักมองกันมาเป็นตาเดียวแล้วก็หัวเราะ คือ ทำไมเหรอครับ คนสูง 170 เดินคู่กับ 180 มันตลกมากเหรอ ทั้งๆที่เรียนห้องเดียวกัน แล้วก็ชั้นเดียวกันน่ะเหรอ

   “อ้าว มากันสองคนเหรอ คิดว่าคนเดียว บังมิดเลย” ครูผู้หญิงคนนึงพูดยิ้มๆ

   “ขอบคุณครับ” โรงเรียนผมไม่รู้เป็นบ้าอะไร ชอบบังคับเด็กให้พูดเสมอ ครูจะด่าหรือจะชม ต้องขอบคุณตลอด ทว่าคราวนี้มันช่วยผมได้จริงๆด้วยแฮะ ไม่รุ้ว่าเป็นคำชมหรือคำด่า ผมเลยขอบคุณไว้ก่อน

   “หน้าก็แดง เด็กเข้าใหม่รึเปล่าเนี่ย” ครูอีกคนแซวขึ้น

   ผมว่าปกติหน้าผมออกซีดๆนะ

   “สงสัยมันแอบคิดอะไรทะลึ่งน่ะครับ วัยรุ่นก็งี้” ต้องหันมายักคิ้ว

   “สัสสสสสส” พยายามพูดให้เบาที่สุด แต่ในใจผมอยากจะเข้าไปดึงหูแล้วตะโกนใส่ดังๆเลย

   ผมเอามือไปบิดเอวมันแทน

   มันสะดุ้ง

   “งั้นผมส่งใบวัดขนาดไม้แล้วขอตัวนะครับ” ต้องดึงมือผมออกจากห้องไป

   “ปล่อยได้แล้ว” ผมบอกมัน

   พยายามสะบัดยังไงก็ไม่หยุด

   “ฮ่าๆๆๆ” มันยังยิ้มไม่หยุด

   แต่ผมไม่ยิ้มแน่ๆ ตัวไอ้นี่ถึงจะสูงแล้วมันไม่ได้ล่ำแบบนักกีฬาหรือหุ่นหนาๆแบบนายแบบซะหน่อย ไม่รู้มันเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน

   ถ้าทำได้ อยากรู้นักว่าถ้าจับมันถอดเสื้อผ้าออกมาจะ มีเนื้อหนังแค่ไหน 

     .... เอ้อ ผมคิดว่าไรนะ ไอ้ต้องนี่แก้ผ้าต่อหน้าผมเหรอ

   วันนี้เป็นอะไรเนี่ย ผมชักไปกันใหญ่แล้ว สงสัยได้กลับไปทำอย่างว่าเป็นเพื่อนไอ้เจมัน

   “ปล่อยเหอะ อายเค้า” ผมพูดเสียงอ่อยๆ ตอนนี้หน้าเริ่มร้อนอีกแล้ว ผมเป็นไข้แน่ๆ

   “เออๆๆๆ” ต้องยังทำหน้าอารมณ์ดี ตั้งแต่รู้จักมันมาเพิ่งเคยเห็นนี่แหละ

   จู่ๆ มันหันขวับมา

   “คิดบ้าไรอยู่วะ เสร็จงานแล้ว เหนื่อยมากเหรอ หน้าแดงเลย” ไอ้เปรตนี่ เอามือมาท้าวหัวผมอีกแล้ว

   มันเอามืออีกข้างที่ว่างอยู่ มาวางแนบแก้มผม

   ผมจะเปลี่ยนชื่อจาก ต้อง เป็นเปรตแล้วนะ

   “ไม่มีไข้นี่”

   “คิดอะไรลามกอะดิ”

   “…” ผมไม่คิดจะตบออะไรมัน

   “ไม่ตอบก็ไปตอบ”

   ปล่อยไปละกันหมดแรงเถียง วันนี้ไม่มีไอ้เจมาช่วยด้วย

   คราวนี้ผมเลยกะจะไม่ปัดมันอีก กะว่าเดี๋ยวมันคงเมื่อยแล้วเอาออกไปเอง ผมคิดผิด (อีกแล้ว) มันวางเอาไว้จนถึงห้องเรียนเลย

   เฮ้อ ร่างกายผมเป็นของเล่นของคนอื่นไปแล้ว

   ตอนนี้เลยเวลาเลิกเรียนมาซักพักใหญ่ๆแล้ว แดดยามเย็นตอนห้าโมงเย็น กำลังสวยงาม
พวกผมเก็บของแล้วเดินลงไปรอแมคข้างล่าง ผมกับไอ้ต้องนั่งรอแมค ที่หายไปเขียนไปเบิกอุปกรณ์อย่างอื่นมา

   “ทำไมช้าจังวะ” ต้องนั่งท้าวคาง

   ตอนนี้โต๊ะในสวนตรงตึกเก่าของโรงเรียน แทบไม่มีนักเรียนเหลืออยู่แล้ว
   
   ผมกับไอ้ต้องเลยนั่งมองเด็กชายสองสามคนที่ ทำการบ้านอยู่บนโต๊ะ คงจะรอผู้ปกครองขับรถมารับกลับบ้าน เรานั่งกันอยู่นาน ผมเปิดเพลงในมือถือฟังไปเรื่อยๆ

   ต้องกำลังมองเหม่ออกไปข้างหน้า ผมเลยนั่งจ้องหน้ามันจากด้านข้าง ลมเย็นเอื่อยพัดมา ผมจ้องหน้ามันต่อไปไม่หยุด ใบหน้าน่ามอง ผมเส้นใหญ่หนาสีดำ ปลิวตามลม

   ถ้ามันใส่แว่นจะดูดีกว่านี้มั้ยนะ

   ก่อนจะสังเกตว่า ต้องกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

   “เออ วันนั้น....เจ แม่ง....หล่มึง รู้ ......วะ” จู่ๆต้องก็หันมาถามผม

   ผมกำลังจะดึงหูฟังออก

   “….. หา อะไรนะ” ไม่แน่ใจว่าผมฟังผิดหรืออย่างไร ไอ้เจนี่ทำไมนะ มันตาเหล่เหรอ หรือจะทำอะไรนะ

   “คือ...ว่า”  ไอ้ต้องยังพูดไม่จบ แมคก็วิ่งมาก่อน

   ผมคิดว่าจะอ้าปากถามอีกที แต่เห็นสีหน้าที่มีรอยยิ้มแห้งๆของต้องแล้ว ผมคิดว่า ผมควรจะเฉยๆไว้ก่อนดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ใช่ต่อหน้าแมค

   เมื่อเป็นดังนั้นผมจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ตอนนี้ทุกอย่างที่เป็นอยู่มันดีอยู่แล้ว ถ้าผมทำอะไรผิดพลาดไป เดี๋ยวเรื่องแบบเดิมๆก็จะกลับมาอีก แล้วผมก็คงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับพวกนี้แน่ๆ ผมไม่ควรจะทรยศความไว้ใจของพวกมัน

   ดูท่า ไอ้ต้องก็ไม่ได้อยากพูดอะไรนี่ เดี๋ยวมันก็คงจะถามเองถ้ามันอยากรู้จริงๆ

   เย็นนั้นเราสามคนกลับบ้านด้วยกัน วันนี้ต้องมานั่งข้างผม ปล่อยให้แมคมันนั่งมองถนนไปคนเดียวเมื่อแยกย้ายกันไป  ผมลงรถเมล์ป้ายเดิม เมื่อพวกเราบอกลากันแล้ว ก็เริ่มหันหลังแยกย้ายกันไป คราวนี้เมื่อต้องเดินหันหลังกลับไป ผมเองที่เป็นฝ่ายมองต้องจากข้างหลัง มองค้างอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกนี้คืออะไรกันนะ

   เมื่อผมถอนหายใจเบาออก เดินไปสองสามก้าวผมก็เปิดเพลงในมือถือ แล้วเสียบหูฟัง เหตุการณ์เมื่อตอนเย็นมันแจ่มชัดมาก อดไม่ได้ที่จะนึกถึงมันอีก

   ชัดจนผมอยากจะหยุดเวลานั้นเอาไว้อีกหน่อย

    หน้าของต้องที่เข้ามาใกล้ จนหัวใจแทบหยุดเต้น ริมฝีปากบางเบา ลมหายใจละมุน กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวต้อง   ผมสะบัดหัวแรงๆสองสามทีก่อนจะเปิดเพลงอะไรก็ได้สักเพลง

   ในคืนที่เงียบเหงา ที่ไม่มีแม้แสงไฟ
   อยู่บนถนนที่ยาวไกล เหม่อมองออกไปสุดสายตา
   สิ่งดีๆ ที่หายไปกับความหม่นหมองของดวงจันทร์
   วุ่นวายสับสนมารวมกันแต่ว่าฉันยังคงต้องเดินทาง

   วันและคืนมีความต่าง
   จะสุขจะเศร้าอะไร ก็เพียงแค่พริบตา
   หากจะรอจนเช้า

   ค่ำคืนที่มืดมิดฉันเดินออกไป
   ความเหงาเข้าปกคลุมฉัน
   ฉันได้แต่กลัวเพราะฉันไม่มีใคร
   ไม่ว่าจะหันไปทางใด มองไปบนฟ้าไม่มีแม้แสงจันทร์

   แล้วเจ้าดวงอาทิตย์แค่เพียงอึดใจ
   สาดแสงทองส่องให้ฉันเห็นตอนเช้า
   ช่างแสนสบายใจ.......

   เสียงเพลงถูกหรี่ลง แสดงว่ามีสายเข้ามา

   ปกติไม่ค่อยจะมีใครจะโทรมาผมอยุ่แล้ว ขนาดริงโทนผมยังไม่มีความคิดจะหาเพลงมาใส่เลย ถึงผมจะชอบฟังเพลงแค่ไหนก็เถอะ

   “ว่าไง สัดเจ หนีไปไหนมาละ” ปกติไม่รับโทรศัพท์แบบนี้หรอกครับ แต่งานนี้ขอหน่อย

   พอคิดถึงคำพูดแซวตอนเย็นแล้วอยากทำมือแบบนั้นมั่ง

   แต่อย่าดีกว่า คนขับรถผ่านไปมาจะหาว่าผมโรคจิต

   “มึงคิดว่ากูไปทำไรมาละ สัด” ตอบได้เป็นคำถามมาก

   “ชักว่า... ไง ฮ่าๆๆ”

   ปลายสายเงียบไป

   อ้าว กูพูดไรผิดไป

   “ว่าแต่ไหงมึงโทรมาได้วะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง

   “เอ่อ กูแค่อยากจะรู้ว่า โดนไอ้ต้องแกล้งอะไรบ้าง เผื่อมึงเดินน้ำตาคลอกลับบ้าน” น้ำเสียงมันทำให้ผมสงสัยว่ามันเป็นห่วงจริงเหรอ ดูคำถามมันสิ

   “ทำไม มึงจะมาช่วยซ้ำเหรอ” ผมเหย้า

   “ไม่กล้าหรอก ออกจะเป็นห่วงมึงขนาดนี้”

   “พอ.. อ้วก ตกลงมีไรวะ” ผมถามเสียงจริงจัง

   “ป๊าว กูเห็นมึงไม่สนิทกับมันกลัวมีปัญหากันนะสิ”

   ทำไมไอ้ต้องจะมาทำอะไรผมด้วยวะ มีอะไรให้น่าทำ

   “เออ ขอบใจ ไม่มีไรวะ”  ตอนนี้ผมนึกหน้าจืดๆ ภายใต้แว่นดำ กำลังมองมาทางนี้ด้วยความเป็นห่วงไม่ออกเลยจริงๆ ที่เห็นๆมามีแต่หน้ามันยิ้มร่าเริง โดดไปมา

   ไม่ยักกะรู้ว่ามันพูดแบบนี้เป็นกับเค้าด้วย

   ไอ้โรคเป็นห่วงเพื่อนนี่เหมือนใครน้า

   “เออ งั้นแค่นี้นะกลับบ้านดีๆละมึง” ผมพูดก่อนกดวางสายไป

   ตั้งแต่เปิดเทอมมา เจ เป็นคนเดียวที่คอยดูแลความเป็นไปของผมมาตลอด เรียกได้ว่าผมโชคดีมากที่ได้เจอกับมัน

   เดินฟังเพลงไปด้วย คิดไปด้วย

   มันทำให้ผมนึกถึงคนหนึ่งจริงๆ ตอนนี้มันน่าจะโตขึ้นมาก  ผ่านมากี่ปีแล้วนะ เมื่อก่อนมันก็ทำเหมือนๆกับเจนี่แหละ เวลามีใครมาแกล้งผมมันจะคอยเป็นห่วงเป็นใยแล้วก็มาช่วยผมเสมอ

   แต่ตอนนั้น ผมจำได้แต่ชื่อเล่น

   ผมเรียกตนนี่นว่า พี

   เพื่อนร่วมห้องตั้งแต่ป.1

   ตอนนี้มันจะไปอยู่ที่ไหนนะ คิดถึงมันจังแฮะ



   ช่างมันเถอะ ตอนนี้ผมมีคนที่มาคอยดูแลผมแทนพีแล้ว ....

 :bye2:

(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 4.0 เตรียมงาน 28/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-08-2015 11:49:35
 :really2:

น้องพีเรียนที่อื่นสินะ จะเข้ามามีบทบาทอีกไหม??

 :L1:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 4.0 เตรียมงาน 28/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 28-08-2015 18:09:51
 :pig4: พีนี่คงจะมีบทบาทสำคัญสินะ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 4.0 เตรียมงาน 28/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 30-08-2015 00:06:36
ตอนกุกกิ๊กกับต้องน่ารักจังเลย ^^
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 4.0 เตรียมงาน 28/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 30-08-2015 10:58:38
 :katai1: พีเป็นใครอีกหละเนี่ยยยยย
ทิ้งไว้งี้ตั้งใจจะแกล้งคนอ่านกันใช่ม้ายยยยยย

รีบๆมาต่อเลยยยยย  :sad4:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 4.0 เตรียมงาน 28/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ่jumpingjack ที่ 30-08-2015 14:35:40
 :katai4: อ่านจบไปสองตอนแล้วสนุกมาก ชอบผู้ชายตัวเล็กๆแบบเก้าน่ารักดี :z13:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 4.0 เตรียมงาน 28/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Shiney ที่ 30-08-2015 22:36:52
แอร๊ยยย ต้องมีแอบอ่อยเก้าด้วยอะ
ฟินนนนน
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 5.0 พีรพล 31/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 31-08-2015 17:19:35
10 CM ตอน : 5.0 พีรพล

   เจ็ดปีที่แล้ว ผมย้ายบ้านมาอยุ่ฝั่งธนฯ โรงเรียนที่ผมเรียนจึงต้องถูกเปลี่ยนไปด้วย เสียดายไม่งั้นผมคงได้เรียนโรงเรียนแถวถนนสาทรไปแล้ว ตอนนั้นก็ยังด็กมากย้ายโรงเรียนใหม่ มันไม่ค่อยรู้สึกว่ามีผลกระทบอะไรกับผมนักหรอก จริงๆคือผมไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ พ่อแม่จะไปไหนผมก็ต้องไปด้วย

   นิสัยผมคงไม่น่าคบมาตั้งแต่เด็กแล้วละมั้ง ไปไหนมาไหนผมก็ไม่เห็นจะมีกลุ่มไปเล่นด้วยเหมือนคนอื่นเค้า

   อยู่คนเดียวมาตลอดตั้งแต่ประถม ยิ่งย้ายโรงเรียนมาผมยิ่งไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้มีเพื่อน

   เด็กๆผมก็ไม่ได้รู้สึกเหงาอะไรนะ แม้จะโดนทักเสมอๆว่า ‘ทำไมอยู่คนเดียว’ ‘เพื่อนไปไหนหมด’

   เพราะอย่างนี้แหละ ผมถึงจำได้ เพื่อนคนแรกของผมที่โรงเรียนนี้

   ขึ้น ป. 6 ผมก็ได้มีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง

   คนนั้นชื่อ พีรพล ไม่แน่ใจว่าชื่อเล่นมันชื่ออะไร จำได้เลาๆว่า ผมเรียกมันว่าพี

   อย่างที่บอกไป นิสัยผมก็ยังคงเป็นอย่างนี้อยู่ตั้งแต่ประถมจนม.ปลาย ผมค่อนข้างเก็บตัว ไม่ยุ่งกับใคร แล้วก็มักจะโดนแกล้งจากคนรอบข้างเสมอ พีเป็นคนแรกที่เข้ามาทักแล้วก็ชวนผมไปเล่นด้วย แต่เวลาเล่นอะไรกันทุกคนจะรุมที่ผมคนเดียว  (ไม่รู้จริงๆนะว่าทำไม)

   อ้อ จนกระทั่ง ม.ต้น นั่นแหละ ผมเป็นคนไล่แกล้งคนอื่น (น่าเชื่อมั้ย)

   มีอยู่ครั้งนึง พีชวนผมไปเล่น ปาลูกปิงปอง  คือ จะโยนลูกปิงปองขึ้นเหนือหัวแล้วเรียกชื่อ คนที่โดนเรียกต้องวิ่งออกไปรับให้ทัน ถ้าไม่ทันแล้วลูกปิงปองเด้งพื้นเกินสามครั้งจะ โดนลงโทษด้วยการเอาลูกปิงปองปาอัด หลัง ตูด ขา ตรงไหนก็ได้ โดนปารอบวงอีกต่างหาก

   วันนั้น พี ชวนผมไปเล่น และแน่นอนผมต้องโดนแกล้งตามระเบียบ เด็กตัวเล็ก ขาว ตี๋ หน้าตาโง่ๆ
ผมพยายามปฏิเสธไปแล้ว แต่พี บอกว่า เดี๋ยวจัดการให้เอง
   
   เล่นกันไปได้สามรอบ สองรอบหลังผมโดนปารอบวง ทำให้ตัวนี่ช้ำหมดแล้ว พอจะเริ่มรอบที่สาม (จริงๆอยากเลิกแล้วแต่ พี ท่าทางจะสนุก)

   พอพีเห็นผมโดนเข้ามาก หน้าตาพีตอนนี้เริ่มดูจะไม่สนุกแล้ว แต่ก็ไม่อยากเลิก

   “จะเล่นกันงี้ เดี๋ยวเราช่วยเองเก้า”

   “ถ้ามันเรียกนายเอาให้ทันแล้วเรียกชื่อเรานะ”

   ตกลงกันเสร็จ

   ลูกบอลเริ่มลอยออกจากมือเด็กคนอื่น

   “เก้า”

   “ไปเร็ว” พีตะโกน

   ผมวิ่งไปสุดพลัง คว้าลูกไว้ได้

   “เรียกชื่อเราๆ” พีพูด

   ผมลังเลนิดนึง

   “พี” สิ้นเสียงเรียกชื่อปุบ พีวิ่งมาอย่างเร็ว แต่รอมันเด้งครบสาม แล้วคว้าลูกปิงปองแล้ว ปาอัดคนแถวนั้นทันที

   คนอื่นยังพยายามแกล้งผมด้วยการเรียกชื่อผมคนเดียว แต่ทุกครั้งที่ผมวิ่งทัน ผมก็จะเรียกพี แล้วพีก็จะคว้าลูกปาใส่คนอื่น

   สูตรนี้ดำเนินต่อไป จนคนอื่นเลิกเรียกชื่อผม ไม่สิ เราทั้งสองคนเลยตะหาก

   เมื่อไม่มีใครเรียกชื่อ ผมกับพีก็เลยเหมือนจะยืนอยู่ในสนามไปยังงั้นเอง

   มันไม่สนุกแล้ว

   “พวกนั้นไม่ยอมเรียกเราเลย” พีพูดขึ้น
   
   “นั่นสิ ไม่มีชื่อนายขึ้นมาเลย มีแต่ชื่อเรา” ผมพูด   

   “ชื่อนายหลังๆก็ไม่มีเหอะ”

   “ทำไมนายเล่นเก่งจังละ”

   “ที่บ้านเราพี่ๆมันชอบเล่นกัน เราเลยถนัดมาก” พีพูดอย่างภูมิใจ

   “เออ แล้วที่โดนปาอัดเป็นยังไงบ้าง”

   สงสัยจะเห็นผมนั่งดูขา กับหลังของตัวเอง พีเลยถามขึ้น
   
   “ก็หลังกับขาคงแย่หน่อย แต่ก้นคงไม่เท่าไร” กางเกงมันมีสองชั้นน่ะครับ   

   เรานั่งเงียบกันอยู่แถวลานนั้นในยามเย็น มันเงียบอยุ่สักพักหนึ่งก่อนพีพูดขึ้น

   “เหนื่อยๆ กลับไปแก้ผ้าอาบน้ำสบายๆ” พีพูดขึ้น

   “หือ” ผมยังงงๆอยู่

   “นายเคยมั้ย” จู่ๆพีถามขึ้น

   ตอนเด็กผมโง่ครับ เลยไม่ค่อยเข้าใจคำถาม (ตอนนี้ก็ยังโง่)

   พีจ้องหน้าผมอยู่ แล้วก็หลบตา

   “ตามเรามานี่หน่อยดิ เราขอดูไรหน่อย” พีพูด แล้วพาเดินไปด้านหลังตึก
   
   ด้านหลังตึกเป็นทางไปห้องน้ำ แต่ด้านนี้จะค่อนข้างมืด มืดๆเย็นๆนี่ไม่ดีเลย

   ตอนนั้นผมรู้สึกใจไม่ดีเท่าไร แต่ก็ยอมตามไปแต่โดยดี
   
   มันช่วยผมขนาดนี้ ตอนนี้มันพูดอะไรผมก็ต้องยอมหมดละครับ ผมคิดว่ามันเป็นการตอบแทนกันอย่างหนึ่ง

   พอมาถึงที่ซอกที่มืดๆหน่อย

   พี หันซ้าย ขวาอยู่พักหนึ่ง

   “ถอดเสื้อดิ ดูหน่อยหลังเป็นยังไงบ้าง”

   “เออะ จะดีเหรอ”

   “เออน่า”

   ผมค่อยๆแกะกระดุมออกทีละเม็ด มือสั่นเทา

   พีเอาจริงเหรอ

   “ผิวขาวจัง”

   “โห หลังเป็นรอยลูกปิงปองแดงไปหมดเลย ที่ขาก็เป็น”

   มืดขนาดนี้ยังเห็นอีก มันคงจะแดงมากสินะ

   “แล้วก้นละ”

   “จะดูก้นด้วยเหรอ” ผมอายจริงๆนะ
   
   ปกติเด็กผู้ชายมันทำกันยังงี้เหรอเนี่ย

   พีทำหน้าปกติ เหมือนขอดูมือคนอื่นยังไงยังงั้น

   ผมไม่กล้าจริงๆ

   “ไม่กล้าเหรอ”

   “อือ”

   “ผู้ชายเหมือนกันน่า”

   “แต่ว่า”

   “งั้นเราเปิดให้ดูก่อนก็ได้”

   พีทำท่าจะแกะกางเกงลง แล้วหันหลังมา ถลกเสื้อนักเรียนขึ้น

   กางเกงหลุดไปครึ่งตูดแล้ว เห็นกางเกงในโผล่อยู่ครึ่งตูด มันถอดเปิดให้ผมดู ก้นขาวๆเล็กๆ

   มีเสียงคนเดินมาแถวนี้ พวกผมสะดุ้งโหยงเลย

   พวกเราสองคนพยายามทำตัวเหมือนปกติ เหมือนกับว่า แค่เดินผ่านมาแถวนี้เท่านั้น
   แต่พีกลับยืนเฉยๆ เหมือนรู้อยู่แล้วว่าใครจะมา

   ตอนนี้ข้างหน้าผมพีกำลังจะถอดกางเกง ผมเองก็เอามือมาดึงเสื้อเข้าหากันเหมือนกับยังไม่ได้ถอดเสื้อออก แต่ถ้าคนๆนั้นเดินมาใกล้ต้องเห็นแน่ๆ

   เด็กผู้ชายสองคนกำลังจะแก้ผ้ากันในที่ลับๆ

   “พีรพลรึเปล่า”

   “กลับบ้านได้แล้ว” เสียงผู้ชาย ดูจากรูปร่างแล้ว น่าจะม.ปลายเรียกชื่อพีขึ้น ผมเดาว่าน่าจะเป็นพี่

   พียังคงยืนเงียบอยู่อย่างนั้น

   “เงียบไว้นะ”

   พียื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วเอามือจับปากผมไว้

   สายตาเราสองคนจึงเขม็งกันอยู่อย่างนั้น

   เสียงที่ได้ยินมีแค่ เสียงหายใจกับหัวใจของเราสองคนที่ดังขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่ฝีเท้านั้นก้าวเข้ามา

   “อย่าร้องนะ เก้า”

   พีพูดอย่างแผ่วเบา ยังเอามือปิดปากผมไว้ หน้าเราแทบจะชนกัน

   ทั้งผมและพีพยายามแต่งตัวอย่างเงียบๆ ช้าๆ ไม่ให้คนนั้นดูออกมาเราสองคนกำลังทำไร เงาที่เค้าเห็นจะดูออกมั้ยว่า คนหนึ่งกำลังติดกระดุมเสืออีกคนกำลังใส่กางเกง

   ถ้าเป็นพี่ชายพี ก็แย่แล้ว เป็นครูยิ่งแย่

   “ใช่ พีรึเปล่า”

   พวกผมยังไม่ตอบ

   “ใช่ๆ เดี่ยวตามไปที่รถเอง ที่เดิมใช่มั้ย”

   “เร็วๆละมึง”

   เสียงฝีเท้านั่นเริ่มถอยหลังห่างไป

   พีหันมาอิดออดพักนึงก่อนจะบอกว่า

   “ไปก่อนนะ ท่าทางพี่กูจะหงุดหงิดแล้ว เดี๋ยวจะโดนเตะเอา” พีจำใจบอกลา

   หลังจากนั้นผมจำไม่ค่อยได้ว่า เกิดอะไรขึ้น แต่เราไม่ได้เรียนด้วยกันอีกเลย เหมือนๆกับว่ามันจะเป็นช่วงก่อนปิดเทอมพอดี เราก็แยกย้ายกันไป ไม่ได้ติดต่อกันอีก ไม่รู้ว่าม.ต้น พีเรียนที่ไหน

   แน่นอนไม่ได้ดูก้นผมแน่ๆ ถ้าพีย้ายไปห้องอื่นและเค้าเป็นคนเข้ากับเพื่อนได้ง่ายอยู่แล้ว ถ้าเค้าเจอกับผมอีกที เค้าอาจจะจำไม่ได้แล้ว.... หรือก็ไปสนใจกับเพื่อนใหม่อื่นๆ

   จนจบป.6 ผมได้ข่าวว่าพีย้ายไปรร.อื่นแล้ว รร.ผม ป.6 ก็มักจะย้ายไปรร.อื่นกัน เป็นอันว่า คงไม่ได้เจอกันโดยเด็ดขาดแล้ว ตั้งแต่ขึ้นม.ต้นมา ก็ไม่ได้เจออีกเลย

    จนเมื่อเปิดทอม ม.4 ผมย้ายห้องเรียนใหม่แต่ที่ รร. เดิม เด็กผู้ชายหน้าคุ้นๆ หันมามองผมอย่างสนใจ ใบหน้าคุ้นต่างแค่เค้าใส่แว่น พอแนะนำตัว เค้าชื่อ เจ???

    พีรพล เหรอ ไม่น่าใช่

   มีแค่หน้าตากับชื่อจริงเท่านั้นที่คล้ายกัน
   
   คนเราพอโตขึ้นหน้าตาก็เปลี่ยน เสียงก็เปลี่ยน ย้อนๆกลับไปดูรูปสมัยก่อนก็ยังอดขำไม่ได้ว่า มันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ต้องใครหรอกครับ ผมเองก็ด้วย

   เสียงที่ทักมาไม่คุ้นเลย เสียงที่แตกหนุ่มแล้ว
   
   หน้าตาอาจจะพอมีเค้า แต่ใครจะรู้ได้

   ผมยอมรับครับว่า ผมฝังใจกับ พี จริงๆ

   ยังไงซะ ถึงจะใช่หรือไม่ใช่ เจก็เป็นเพื่อนที่ดีของผมแล้วละ

 :bye2:

(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 5.0 พีรพล [pg2] 31/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 31-08-2015 18:04:40
อยากเห็นพีตอนนี้จัง ใช่เจหรือไม่ใช่???


ถ้าไม่ใช่ น้องจะได้ออกมามีบทมั่งไหมคะ??
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 5.0 พีรพล [pg2] 31/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 01-09-2015 06:58:04
เราว่าพีคนนั้นต้องเป็นเจแน่เลย!  o8
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 5.0 พีรพล [pg2] 31/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 02-09-2015 15:07:35
คิดว่าเดาๆได้ละว่าพีต้องมีบทเด่นแน่ และน่าจะเป็นคนใกล้ตัวตอนนี้ หึๆ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 5.0 พีรพล [pg2] 31/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Shiney ที่ 03-09-2015 13:56:24
ตอนนี้เบาๆดี ชอบๆ แต่เด็กป6มันมีโมเม้นกุ๊กกิ๊กแบบนี้กันแล้วหรอเนี่ย
อิจฉาสุดๆ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 5.0 พีรพล [pg2] 31/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 03-09-2015 22:35:50
 :z3:
คิดถึงต้องอ่าาาา ต้องอยู่หนายยยยยย
 :serius2:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 5.0 พีรพล [pg2] 31/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 04-09-2015 00:05:22
+เป็ด เพิ่งเริ่มอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 5.0 พีรพล [pg2] 31/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 04-09-2015 09:05:10
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ 1000 กว่าแล้ว ว่าจะมีตอนพิเศษ แต่เก็บไว้ให้ประหลาดใจตอนหลังดีกว่า

เรื่องจะดูหนักขึ้นเรื่อยๆไม่รู้ทำไม ยิ่งเขียนยิ่งหนัก ยังไงก็ลองดูกะนต่อไปนะครับ

ยังมีอะไรให้ประหลาดใจได้อีก

ปล หลายคนที่ถามมาเรื่อง พี

เอ นั่นสิ เอาไงดีน้า หึหึ

(https://smilesnewsandreviews.files.wordpress.com/2014/10/zankyou_no_terror_06_03.png?w=720&h=404)
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 6.0 ฝนตก [pg2] 31/8/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 05-09-2015 21:05:25
10 CM 6.1 ฝนตก

   ถัดจากนั้นไปไม่กี่วัน ไม้กระดานแผ่นใหญ่เบ้อเริ่มก็มาส่ง พวกผมได้รับอนุญาติให้ใช้ ห้องวิทยาศาสตร์ ห้องที่พวกเราใช้ทดลองเคมีนั่นแหละ เป็นห้องสำหรับทำฉากชั่วคราว ห้องนี้อยู่ชั้นสี่ของรร. ห้องวิทย์ฯ รร.เราใช้คุ้มมาก ทั้งวิชา ชีวะ เคมี บางครั้งก็ฟิสิกส์ (แต่นานๆที)

   ห้องเรียนผมอยู่ชั้นสามของตึก แปลว่าผมต้องแบกฉากขึ้นๆลงๆ พอได้ฉากมาก็เอาขึ้นไปห้องวิทย์ พอจะใช้ก็แบกลง แล้วก็แบกขึ้นไปเก็บ

   ตกเย็นฉากมาแล้ว พวกผมจึงต้องลงไปยกฉากจากหลังรร. ที่ๆเวลาเค้ามาส่งอุปการณ์ ขึ้นตึกไปสี่ชั้น แล้ววนหันไปทางซ้าย พอถึงชั้น 4 มันจะมืดมาก ชั้นนี้เปิดไฟเฉพาะตอนมีงานเท่านั้น ซ้ายมือกำแพงจะเป็นผนังด้านนอกของห้องประชุม ทาสีแดงเลือดหมู ส่วนขวามือเป็นห้องวิทย์ที่แสงเข้าน้อยมาก เพื่อป้องกันสารเคมีต่างๆ ไม่มีห้องเรียนอื่นอยู่เลย ด้วยเหตุนี้ชั้นนี้จึงเป็นชั้นที่คนเดินผ่านน้อยที่สุด 
   
   “เฮ้ย เก้า มึงไปรอบนห้องวิทย์ไป” ต้องพูดขึ้น

   มันเอาศอกดันๆผมให้เดินออกไป

   “เฮ้ย กูก็อยู่กลุ่มนี้นะ”

   ผมก็อยากช่วยพวกมันบ้างไม่ใช่ให้พวกมันทำให้อย่างเดียว

   “มึงเตี้ยสุด เวลายกแขนมันไม่เท่ากัน คนที่เตี้ยกว่าจะหนักสุดนะ ยิ่งถ้ายกคู่กับกูเนี่ย”

   คือ ไม่ต้องบอกก็รู้อะนะต้อง

   “เออ กูห่างกับมึงเยอะนี่” ผมชักไม่สบอารมณ์แล้ว

    “งั้นเอางี้เดี๋ยว กูยกกับเก้า ตัวใกล้กันหน่อย” เจหันมา

   กำลังจะเอื้อมมือมาขว้าข้อมือผมไปทางแผ่นไม้

   “แล้วมึงจะช่วยมันไหวเร้อ ไอ้เจ” ต้องพูดเหย้า

   “เออน่า เดี๋ยวกูดูเด็กกูเอง แค่นี้กูจัดการได้” เจยืนยัน

   มันยืนพยักหน้ามั่นใจอยู่

    ไอ้ต้องกำลังจะเดินเข้าไปเตะ

   “เอาเหอะ” ผมพูดอย่างหมดแรง ตัดบทพวกมันก่อน

   “ตกลงจะเริ่มหรือยัง”

   เสียงที่ไม่ได้ยินมานาน

   “ครับ ท่าน”

   สงสัยไอ้แมคจะโกรธแล้ว มัวแต่เถียงกันไร้สาระ

   ชุดแรกต้องกับแมคแบกไม้กระดานขึ้นไป ถือขอบคนละด้านยกแล้วเดินตามกันไป

   “เอาแน่นะมึง” ผมหันไปถามเจ

   ต่อไปจะเป็นตาของพวกผมแล้ว

   “หึหึ เอาน่ะ เอาแน่” จู่ๆ เจ พูดขึ้น

   “หา!!! อะไรนะ” ผมฟังอะไรผิดไป

   “ที่แกถามไง” เจ ยิ้มหรี่ตามาทางผม

   ผมทำเป็นไม่สนใจ ก้มลงไปยกฉาก ไอ้บ้านี่จะมาเอาเอิวอะไร

   ตัวผมสะดุ้งอย่างแรงเป็นสัญชาตญาณ

   “เฮ้ย” ผมตกใจ

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ทำเป็นไม่สนใจกูนะ”

   “เออ ไม่สนแต่ไม่ได้แปลว่า” ... แปลว่ากูไม่อยาก

   “แปลว่าอะไรวะ” เจ ยังยียวน

   “ไป รีบไปยกเลย” เจชี้ไปที่อีกฝั่ง

   “หือ”

   “มึงยกหัวจะได้เบาหน่อย คนท้ายมันต้องก้มๆยกๆ”

   “เออ....” ผมยังงงๆ มันใช่เหรอวะ

   “ไม่ไปอีก เดี๋ยวโดนจับตูดอีกนะ”

   “พอแล้ว”

   หน้าตาไอ้เจหื่นสัส มันไปอดอยากมาจากไหนเนี่ย

   ผมหน้าแดงเลยครับ แน่ๆ คือ ถึงผมจะยังไม่คิดอะไรกับเจ แต่อยู่ๆมีผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มมาบอกว่า เอาผมแน่ๆ นี่ผมก็รู้สึกเป็นเหมือนกันนะครับ มันร้อนวาบขึ้นมาเลย   
   ผมจึงรีบเดินไปทำตามมันโดยดี เดี๋ยวจะโดนมันบีบอีกรอบ ถึงจะไม่เต็มมือก็เหอะ โดนทีเผลอก็สะดุ้งเอาได้เหมือนกัน คราวนี้กูว่ามันไม่แค่บีบแน่ๆ

   ผมยอมรับเลยครับว่า เจ แรงดีมาก ถึงมันจะสูงกว่าผมแค่ 5 เซน แต่มันก็ไม่ทำให้ผมหนักเลย ไม่รู้ว่าเพราะยังตกใจเรื่องเมื่อกี้ หรือว่า มันช่วยผมยกกันแน่

   “ถ้าไม่ไหวบอกนะ วางได้เลย” น้ำเสียงเปลี่ยนไป

   จนผมต้องชะโงกหน้าอ้อมมาดู เห็น เจ พูดหน้าตาจริงจังมาก มันห่วงผมจริงๆเหรอ

   พอผ่านไปถึงชั้นที่สามผมก็ต้องขอมันวางลง  จริงๆผมมีโรคประจำตัวอยู่ และไม่ได้คิดว่าตัวเองอ่อนแอขนาดนี้ (แต่มันก็เหนื่อยจริงๆ)พูดถึงเรื่องนี้ คือ ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงหรอกครับ แค่แพ้อากาศ แต่มากกว่าคนทั่วไปหน่อย ทุกครั้งที่อากาศเปลี่ยนรุนแรง อย่างเช่น ร้อนมากแล้วฝนตกทันที ผมจะป่วยครับ

   บางครั้งเป็นมากๆต้องนอนรพ.อยุ่หลายวันก็มี พอเข้าม.ปลายก็ดีขึ้น คงโตขึ้นนิดหน่อยละมั้ง แต่ส่วนสูงผมก็เลยหยุดอยู่แค่นี้  ม.ต้นปีหนึ่งๆ ผมเข้ารพ.สามสี่รอบ เรียกว่า ทุกครั้งที่อากาศเปลี่ยนเป็นอันรู้กัน
แต่ก็ยังไม่วาย พอหายม.ต้น ก็ไล่แกล้งชาวบ้าน

   “พักพอยัง ไม่ไหวบอกนะเว้ยจะไปตามไอ้แมคให้”

   “เออ ไม่เป็นเป็นไร ได้” ผมหอบแหก แถมเจ็บมือด้วย ชอบกระดานไม่มีไรรองเลย เป็นเนื้อไม้ล้วนๆ

   “มือไม่เป็นไรนะ” มันคว้ามือผมไปดูแล้วลูบๆอยู่สองที

   “พอ สยิว”

   มันหัวเราะแล้วลากต่อ
   
   พอยกไปถึงบันไดขั้นสุดท้าย เจก็บอกให้ผมวางลงแล้วลากไปเอง เสียงไม้ลากกับพื้นดังแกรกๆไปตลอดทาง

   พอลากไปได้หน่อย ไอ้ต้องก็รีบเดินออกมาจากห้อง

   “เป็นไง ไหวมั้ยเก้า” ต้องถามมาทางผม

   “หน้าแดงๆนะ”
   
   ผมหน้าแดงเหรอครับ ระหว่างทางผมก็แอบคิดเรื่องที่เจพูด ‘เอาน่ะ เอาแน่’

   ผมคงเหนื่อยมากกว่า ก็มันตั้ง 4 ชั้นนี่นะ
   
   “เอ้ย ช่วยหน่อยดิ ขาอ่อนกันเลยเหรอ” เจ จะโกนเข้าไปในห้อง   

   “เออๆๆ” ต้องกำลังเดินมา

   คราวนี้เป็นเสียงจากในห้องออกมาอีก แต่ไม่ใช่เจ

   “เฮ้ยๆ สัดนี่ เกิดครูมาเห็นโดนทำโทษหมดพอดี คิดได้ไงวะ” แมคโวยเสียงดังลั่นเลย

   “มึงก็เงียบๆดิวะ ไม่มีใครรู้หรอก” เจ ตอบเสียงดังกว่า

   “มึงสองตัวพอเลย จะทำก็รีบทำ เงียบๆด้วย ไอ้เก้าก็ไม่ห้ามเลย” แมคชะโงกหน้าออกมาด่าผมอีก

   “ไหวนะ”  ต้องยังคงถามผม

   ผมเงยหน้ามองคางมัน

   “ไหวดิ กูเก่งนะ”

   ผมพยายามเขย่งตัวให้มันดู จะได้เห็นว่ายังมีแรง

   “เตี้ย” มันเอามือกดหัวผมลงไป

   “สัส”

   “ไม่เล่นด้วยแล้ว”

   ผมเลยเดินเข้าห้องวิทย์ไปก่อน

   พอยกไม้กระดานเข้าไปวางนอนบนพื้นห้อง พวกเราพยายามวางสองแผ่นต่อกัน แต่พื้นที่ไม่พอ พวกเราเลยต้องยกโต๊ะ เก้าอี้ บางส่วนออกไปไว้มุมห้อง แถมโต๊ะเป็นโต๊ะเหล็กสี่เหลี่ยมจตุรัส หนักเอาการอยู่ เก้าอี้ก็เป็นแบบกลมไม่มีพนัก ซ้อนกันก็ไม่ได้จึงต้องยกไปวางทีละตัวๆ

   ไอ้ต้องกับไอ้เจ ก็เลยแข่งกันยกว่าใครจะยกได้มากกว่า

   ผมกำลังดูพวกมันแข่งกัน ดีผมจะได้ไม่เหนื่อย

   “บ้าพลังนะ มึงว่ามั้ย”
   
   ผมพูดกับใครวะ ไอ้แมคหายไปแล้ว

   “ไปไหนวะ”

   ผมเลยหันกลับมาดูพวกมันวิ่งยกกันไปมาอยู่

   เก้าอี้ตัวสุดท้ายเหลืออยู่ตัวหนึ่ง

   ผมสาบานจริงๆว่า ไม่รู้อะไรเข้าสิงผม ผมเอาเก้าอี้กลมยกไปวางหน้าต้อง

   “ทำไรมึง” มันสงสัย

   “หึหึ ทีนี้กูก็สูงกว่ามึงแล้ว”  ผมพูดใส่หน้ามัน

   “เหรอ เดี๋ยวมึงโดน” ต้องยกคิ้วข้างนึง แล้วพูดแผ่วเบา

   แล้วขยับเข้ามายืนใกล้ๆ

   ไอ้ต้องเขย่งขาหน่อยเดียวมันก็จะเท่าผมแล้วครับ ฉากวันนั้นที่ต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ มันลอยขึ้นมา ต่างกันก็แค่ วันนี้ต้องเขย่งหน้าเข้ามาหาผม สายตามองจ้องเข้ามาที่ตาผม

   แย่ละสิ

   แล้วผมก็เผลอทำสิ่งที่ไม่คาดคิดลงไป...

   ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ต้อง แบบเดียวกับที่ต้องทำวันนั้น

   ค่อยๆเข้าไปใกล้ขึ้นๆ เหลืออีกเพียงนิดเดียว

   ปากก็จะชนกัน

หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 6.0 ฝนตก [pg2] 05/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 05-09-2015 23:42:15
 :mc4:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 6.0 ฝนตก [pg2] 05/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 06-09-2015 21:46:01
มาตัดอะไรตรงเน้!! :sad4:
ใจจะขาด
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 6.0 ฝนตก [pg2] 05/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 07-09-2015 18:16:20
10 CM 6.2 : ฝนตก

   “เฮ้ยๆ ครูมาดูงาน” เจ รีบวิ่งมาบอกทุกคน

   ผมรีบโดดลงมาจากเก้าอี้เลย เห็นได้ชัดว่า ต้อง มันตกใจ ยืนนิ่งเหมือนไม่ได้สติอยู่ตรงนั้น

   พอเรานั่งกับพื้นทำตัวเรียบร้อยกันสักพัก

   ไม่มีทีท่าครูจะเดินมา

   “มึงทำไรมันวะ เก้า” เจ พูด

   “เอ้อ แกล้งมันน่ะ” ผมโกหก

   ไม่รู้ว่าใครแกล้งใครกันแน่   

   “มึงไข้ขึ้นเหรอ หน้าแดงๆนะ” ไอ้เจ ตั้งข้อสังเกต

   มันกำลังจะยกหลังมือขึ้นแตะหน้าผากผม

   แปะ!!!

   “โอ้ย ตบเหม่งกูทำไม”

   แม่ง วางซะแรง

   “ไหนละครูมึง หือ หลอกกู”  ต้องได้สติหันมาพูดแล้ว

   “หลอกห่าไร กูเห็นจริงๆ”

   “เห็นห่าไร”

   “แล้วไง ถ้าครูไม่มามึงจะทำไร”

   “กูจะเอาคืนไอ้เก้าไง”

   “มึงจะทำยังไง หือ อ้ายยยย ต้องงงง” เจ เริ่มกวนตีนแล้ว

   “ก็กูจะ....”

   ไอ้แมค เดินกลับมาสมทบ

   “เฮ้ยๆๆ กูไปขอห้องแล้ว พวกมึงใช้ได้แล้ว”

   ก๊อกๆๆๆๆ   

   เสียงเคาะกระจกดังขึ้น ตามเสียงไอ้แมคมาติดๆ

   ไอ้ต้องรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู

   ครูมาจริงด้วย มาตอนไหนเนี่ย

   “เออ ห้องใช้ได้นะ พื้นที่ก็พอ ช่วงนี้ยังไม่มีวิชาใช้ห้องแลป พวกเธอใช้ได้เลย แต่หาไรรองหน่อยอย่าให้พื้นเป็นรอยละ สีก็ด้วยหาไรรองหน่อย กุญแจห้องนี้ครูฝากไว้ที่คนนี้นะ พวกเทอจะได้มาทำได้ทุกเมื่อ” 
   
   “คร้าบ...” 4 คนตอบพร้อมกับเลยครับ
   
    แถมทำหน้าน่ารักให้ครูด้วย เอ้า

   เมื่อกี้ แมค มันเดินไปบอกครูมาหรอกเหรอ

   ไอ้เจเดินสำรวจรอบๆห้องอย่างสนใจ มันเดินไปเขย่าขวดนั้น ขวดนี้ บางขวดเป็นสีชา คงเอาไว้กันแดด แต่ข้างในมันคืออะไรไม่รู้ บางทีก็เปิดๆฝาดม แล้วทำหน้าแหยงๆ ผมละอดขำมันไม่ได้

   “ซน!!! นาย พีรพล”

   เจ สะดุ้งโหยง

   “คิดว่าครูไปแล้วอะครับ”

   “ไป ไม่ไป ไม่เกี่ยว”

   มาแล้วครับ ครูเริ่มพูดเสียงดังไปทางเจแล้ว ผมเห็นท่านมองอยุ่นานแล้วละครับ ตั้งแต่ตอนที่ยืนดูแผ่นไม้สองแผ่นแล้วฟังแบบจากแมคอยู่  ผมกะแล้วว่าต้องพูด ไม่งั้น เกิดไอ้เจมันบ้าเขย่าไปเขย่ามาระเบิดตูมขึ้นมา ไอ้เจที่ปกติก็หล่อไม่สุดอยู่แล้วจะ ยิ่งไม่เหลือเลย

   ต้องมันหัวเราะสะใจอยุ่ข้างผมนี่แหละครับ

   “ไอ้ต้อง” เจ หันมาคำรามใส่

   สักพักนึงหลังจากครูคุยกับแมคเสร็จพวกเราก็มานั่งพักกันอยู่ข้างกระดาน 2 แผ่นนั้นละครับ แค่ยกขึ้นมา 4 ชั้นก็เหนื่อยแล้ว ยังต้องมายกโต๊ะเหล็กพวกนี้ให้พ้นทางอีก

   ระหว่างที่นั่งพักกันอยู่ แมค ลุกไปเปิดเพลง ส่วนไอ้ที่เจ ท่าทางจะหายไฮเปอร์แล้ว นั่งดูโทรศัพท์อยู่

   ที่ไอ้แมคหายไป มันแอบไปเอามานี่เอง แสดงว่ามันวางแผนไว้แล้วสิ ท่าทางจะแบกลำโพงเล็กมาจากบ้านด้วย

   ผมเลยแอบหันไปมองต้อง ตอนนี้มันกำลังนั่งเหยียดขายาวๆออก ตาเหม่อมองพัดลมบนเพดาน หน้าด้านข้างของมันมีเสน่ห์ชวนมอง ผมมองไล่ลงมาตั้งแต่ ตา จมูกลงมาถึงริมฝีปากบางแดง มันปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออกหนึ่งเม็ด เผยแผงอกขาว   

   ผมเลยนึกย้อนไปถึงตอนเมื่อกี้ ถ้าเจไม่ตะโกนหยุดไว้

   เจ หยุดไว้เหรอ

   ผมกำลังมองเพลินๆ พอรู้อีกทีต้องมันหันมามองผม สบตากันพอดี

   ผมสะดุ้ง  ก้มหน้าหนี

   เสียงเพลงช้าเพลงนึง ดังขึ้น
   
   หากดาวที่สดสวย หล่นจากบนฟากฟ้า
   ให้ฉันได้เชยชม และโอบกอดเธอไว้
   หากดาวที่งดงาม อยู่ที่ปลายฟ้า
   คงไม่มีวันจะได้รักเธอ..อึ๊ม..ดาว
   หากชีวิตของคน ได้พบกับรักที่ดี
   รักที่มีความหมาย จะเก็บเอาไว้นานๆ
   ตาที่อ่อนโยนของเธอ ยังติดตรึงในหัวใจ
   ไม่อาจจะลืม ลืมเธอคนนี้

   ขืนผมลืมตัวทำอะไรออกไปมากกว่านี้ ไอ้ต้องมันจะรู้ตัวแน่ๆ แล้วผมก็จะเสียเพื่อนดีๆไป

   “เฮ้ยๆๆๆๆๆ อย่าทำหน้าหงอยงั้นดิ เหนื่อยเหรอไง” เจ เดินเข้ามากอดคอผมจากด้านหลัง ตัวเจแนบชิดกับตัวผม ได้กลิ่นสบู่ผสมกลิ่นตัวอ่อนๆโชยออกมา ผมพยายามเอามือไปแกะมือมันออก

   “ดูดิ มือแดงหมดเลย น่าสงสาร” เจ พูดไปลูบหัวผมไปด้วย

   ตอนนี้ผมก้มหน้าดูมือตัวเอง แต่ก็แอบเหลือบไปมองต้องด้วย

   มันหันหน้าไปอีกทาง

   ผมเองไม่ได้ตอบอะไรเจออกไปครับ นอกจากนั่งยิ้มๆ เวลาเจมันมากอดผม มันรู้สึกอบอุ่นมากมันสัมผัสได้นะว่าคนที่กอดเรารู้สึกยังไงกับเรา

   “ไรวะ มึงจะเอาไอ้เก้าตอนนี้เลยมั้ยเนี่ย”  ต้องพูด

   นั่นไงมาอีกแล้ว

   “ทำไม เรื่องของกู”

   “ไอ้เก้าก็น่ารักดีออก เอาด้วยมั้ย”

   “หา... กูเนี่ยนะ ไอ้เก้าตัวก็เล็กๆ เตี้ยๆ ขนขึ้นยังวะเนี่ย พรากผู้เยาว์นะ”

   “นี่ เยอะเกินไปแล้วมึง ป่านนนี้แล้วก็กูต้อง...... หรือมึงอยากพิสูจน์” ผมกำลังจะโวยกลับ

   “อีกอย่างพวกเราก็ผู้เยาว์หมดละเว้ย ฉลาดๆอย่างมึงไม่น่าพลาดนะต้อง” ไอ้เจ เสริม

   “มึง...” ไอ้ต้องจะลุกแล้ว

   “มึงจะท้ามันพิสูจน์ไรวะ เก้า” แมคพูดขึ้นเรียบๆ
   
   เออ จริงของมัน ผมกำลังจะพูดอะไรออกไป เหมือนผมคิดไปเอง แรงที่กอดคอมันแน่นขึ้น

   ยิ่งแน่นเท่าไร ท่าทีไม่พอใจของไอ้ต้องก็ยิ่งดูออกมากขึ้นเท่านั้น

   “แกล้งเด็กกูจังนะมึง สักวันมึงจะไม่ได้แกล้ง”

   พอเหอะ!!!  เจ

   กูว่าต้องจะโกรธจริงแล้วนะ

   “ทำไม มันจะตายจากกูไปหรือไง” ต้องพูด

   “ป่าว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” พูดจบ เจ ก็หอมแก้มผมไปเต็มๆ หนึ่งที

   ปาก เจ ที่สัมผัสแก้มผมมันนุ่มมาก แม้มันจะแค่แปบเดียว แต่มันโดนแก้มผมเน้นๆ เจไม่ได้แกล้งทำ แต่หอมผมจริงๆ ผมกำลังจะหันไปมองหน้ามันอยู่ ถ้าไอ้ต้องชิงพูดขึ้นมาก่อน

   “สัด ทุเรศ เป็นตุ๊ดเหรอมึงน่ะ” ต้องพูดจบ หันขายาวๆไปถีบแต่พลาดครับ

   ตอนนี้พวกมันสองตัวลุกขึ้นมาไล่เตะกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมนึกสงสัยตกลงเด็กม.ปลายมันเล่นไล่เตะกันแบบนี้เหรอ (วะ) ท่าทางจริงจังซะด้วย

   ไอ้แมคลุกมาตบไหล่ผมสองสามที

   “ห้ามมันเหอะเก้า”

   “นี่ พอได้แล้ว” ผมพูด

   พอคิดอีกทีไม่ดีกว่า ผมเลยไม่พูดอีกรอบ

   “มึงเข้าข้างคนไหนวะ เก้า” แมคถามดังๆ

   “เอาเลยไอ้ต้องกูเชียร์มึง เตะมันให้ได้”

   “มึงจะไปยุมันทำไมวะ”  แมคหันมา

   “อ้าวก็มึงถาม เข้าข้างใครนี่”

   จากที่ตบบ่าผม กลายเป็นตบหัวผมแทน

   แต่ผมก็ขี้เกียจห้ามมันจริงๆ

   “เหี้ยสองตัวนี่ไม่ต้องมาเชียร์เลย”

   เจ หันมาด่า

   “เออ ฝากเตะ ไอ้เจให้ด้วย”

   คราวนี้แมคเอามั่ง กลายเป็นเราสองคนเชียร์ไอ้ต้องซะงั้น

   พวกเราหัวเราะกันเสียงดังมาก ไอ้ต้องยังวิ่งไล่เตะอยู่อย่างนั้น ไอ้เจเองก็หลบไปตรงนั้นทีตรงนี้ที
เสียงเชียร์ก็เริ่มดังขึ้น เวลาป่านนี้ครูคงกลับกันไปหมดแล้ว

   แต่ว่า มันก็ยังไม่ดังเท่าเสียงฟ้าร้อง ตอนนี้เข้าหน้าฝนแล้ว ผมไม่ได้สังเกตุเลยว่าที่แสงมันหายไปไม่ใช่เพราะเย็นมากแล้ว แต่เป็นเพราะเมฆตั้งเค้าแล้วต่างหาก วันก่อนที่ผ่านๆมามีแต่ฝนตกปรอยๆ ท่าทางแล้ววันนี้น่าจะตกหนัก

   “เฮ้ยๆๆๆๆ กลับๆๆๆ ฝนจะตกแล้ว กูไม่อยากเดินเซ็กซี่ออกไป” ไอ้เจ รีบปิดฉากเกมไล่เตะตูด

   หลบลูกเตะลูกสุดท้ายแล้ววิ่งไปทางกระเป๋า

   “เออ กลับ!! แต่มึงไม่เซ็กไรทั้งนั้น ระวังพุงมึงหน่อย”

   พูดจบไม่รอ ต้องเดินมาเอากระเป๋านักเรียน

   แมคเองก็กำลังเก็บของแล้ว

   “ลำโพงไว้นี่ไม่หายมั้ง กุญแจอยู่ที่นี่แล้ว” แมคมันถาม

   “ออกมาครบนะมึง มืดๆ ห้องแลปนี่ ไม่น่านอนนะ” เจ วิ่งออกจากห้องเป็นคนแรก

   แมคออกมาเป็นคนสุดท้าย มันเดินสำรวจอีกหนึ่งรอบ แล้วกดปิดสวิตช์ไฟ เสียงฟ้าร้องยังดังมาเป็นระยะ คราวนี้ผสมมากับฟ้าแลบ

   พอล็อคห้องเสร็จ ทางที่เดินผ่าน ตอนนี้โหลดอง อยู่ซ้ายมือของพวกเรา ไอ้เจพูดถูกถ้าต้องนอนในห้องนี้ พร้อมโหลดองรอบตัวนี่ไม่สนุกแน่ๆ  ห้องนี้มีเรื่องเล่าขนาดว่า กลางคืนของในโหลจะกลับมามีชีวิต ดิ้นไปมา เออ... ช่างมันเหอะเนอะ ฝนก็จะตก ฟ้าก็มืด มานึกเรื่องผีอีก
   ทางเดินตอนนี้มืดสนิท ชั้นนี้ที่ปกติไม่ค่อยเปิดไฟอยู่แล้ว ยิ่งมืดขึ้นไปอีก พอไฟในห้องดับไป ผมถึงรุ้ว่าข้างนอกมันมืดได้ขนาดนี้

   อยู่ๆ ไอ้แมคก็วิ่งนำขึ้นไปอีกตัว เหมือนหนีอะไร ตามด้วยไอ้ต้อง  เหลือผมเป็นคนสุดท้าย

   เฮ้ยยยยยย

   “อยากนอนนี่เหรอไง” ไอ้เจตะโกนกลับมา
   
   “รีบกันไปไหนวะเนี่ย” ผมตะโกนตอบ

   “คนสุดท้ายโดนหลอกนะมึง” คราวนี้ไอ้แมค

   “เฮ้ย รอด้วย”

   ไม่มีเสียงตอบ ทางเดินมืดสนิท เหลือแต่แสงสว่างน้อยๆปลายทาง ฟ้าแลบแปลบเป็นจังหวะ บันไดแต่ละก้าวที่ก้าวลงไปก็ไม่มีท่าทีว่าจะถึงซะที ทำไมขาขึ้นกับขาลงต่างกันขนาดนี้ ยิ่งวิ่งเร็ว ฟ้าก็ยิ่งแลบ

   เมื่อมาถึงชั้นล่างสุดของตึกเรียน ทุกคนหายไปหมดแล้ว สงสัยผมจะโดนทิ้งแล้วจริงๆ ยังดีที่ชั้นล่างมืดน้อยกว่า ผมพยายามหันซ้ายขวามองหาพวกมัน

   พวกมันหายกันไปหมดแล้วจริงๆ

   เฮ้อ ทางเดินมืดมิด นี่เราโดนทิ้งให้เดินคนเดียวจริงๆเหรอเนี่ย

   ผมกำลังก้าวขาเดินหน้าต่อ ก้มหน้าก้มตาเดิน

   เอาวะไหนๆก็ไหนๆแล้ว เดินไปขนลุกไป

   มีแรงหนักๆกดที่หลังผม

   “เฮ้ย ไรวะ” ผมตะโกนลั่น

   พอผมหันไป

   เจ โดดขึ้นเกาะคอผม แต่ตัวมันใหญ่กว่าครับ ขาผมแทบทรุด

   “เย้ ผ่านด่านได้แล้ว” เจ พูด   

   “ใครเล่นเกมไรกับมึงวะ” ต้องว่ามา

   “แล้วมึงตามมาหลบกับกูทำไมละ” เจ ไม่ยอม

   “อ้าว ก็กูตามแมคไง”

   “กูปล่าวนะ กูก็ตามไอ้เจ สงสัยเหมือนกันว่ามันจะไปหลบทำไม คิดว่าทำของตก” แมคโยนกลับไปที่เจ

   “อย่ามาอ้าง” เจ หันไปว่าทางแมค

   “มึงอะต้นคิด สัส” ต้องตบกบาลเจ

   ผมกับแมคมองหน้ากันแล้ว พยักหน้าพร้อมกัน  เป็นอันรู้กัน เราสองคนเดินหัวเราะจากไปปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ ให้มันโวยวายกันสองตัวน่ะดีแล้ว

   ฝนเริ่มลงเม็ดใหญ่ขึ้นแล้ว เด็กๆในโรงเรียนหายกันหมด ผมเลยเดินจ้ำเอาๆกับพวกมันออกมาหน้าโรงเรียน
   
   พอฝนเริ่มลงถี่ขึ้นอีก เสื้อสีขาวบางๆเริ่มแนบเนื้อ สงสัยจะไม่ทันได้ขึ้นรถเมล์แล้ว

   เมื่อเห็นเสื้อเริ่มบางขึ้นๆจากเม็ดฝน พวกผมเลยทำตัวกลัวฝนกันซะ เรียกแท๊กซี่แล้วนั่งกันมา 3 คน ส่วน เจ แยกไปอีกคันนึง  ยังไงไอ้เจก็ไม่ได้กลับทางเดียวกับพวกผมอยู่แล้ว

   “เดี่ยวต้องลงพร้อมแมคป่าว”

   “อือใช่” ต้องตอบ

   “ป่าววะ”

   ผมหันไปมองแมค

   “อ้าว”

   “ก็กูต้องไปธุระให้พี่ก่อน เดี๋ยวแวะห้างแถวนี้แหละ มึงนั่งต่อไปกับไอ้ต้องแหละ”

   “อา...” ต้องไม่พูดอะไร

   “งั้นไปดีๆนะมึง”

   พอฝนตก รถก็ติด อีกไม่ไกลจะถึงหน้าห้างที่แมคจะต้องลงแล้ว แต่กว่าจะไปถึงบ้านผมก็คงต้องอีกสักใหญ่ๆเลย

   “งั้นกูลงตรงนี้ละกัน เดินไปอีกไม่ไกล”

   แมคหันมาโยนเงินให้แล้ว เปิดประตู

   “ส่วนของกู”

   “งั้นกูลงตรงนี้แล้วเดินไปละกัน” ผมว่าจะลงด้วย

   “มึงนั่งต่อไป ฝนตกอยู่ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” ต้องดึงแขนผมกลับไปที่เดิม

   เผอิญว่า ไอ้แมคมันนั่งหน้าน่ะครับ ผมเลยนั่งหลังกับต้องมันเลยดึงแขนผมง่าย

   “อือ ก็ได้”

   รถยังคงติดต่อไป เคลื่อนที่ได้ทีละน้อยๆ เหมือนๆกับความรุ้สึกผมตอนนี้ ราวเวลาของทุกคนมันพร้อมใจกันเดินช้าๆ มีเพียงเสียงมิเตอร์เท่านั้นที่เป็นตัวบอกว่า เวลายังคงเดินอยู่ แล้วยิ่งดังผมยิ่งรู้สึกไม่ดี

   กระจกรถเต็มไปด้วยฝ้า อากาศบนรถคงจะเย็นกว่าข้างนอกเยอะอยู่ ผมกับต้องไม่ได้คุยอะไรกัน ได้แต่เหม่อมองออกไปข้างนอก คิดอะไรไปเรื่อยๆ หัวก็เริ่มหนักขึ้น บรรยากาศรอบตัวที่ดูเหมือนจะไม่มีการเคลื่อนไหว มันได้เกาะกุมความคิดผมดึงถ่วงให้หยุดลงโดยสิ้นเชิง

   โป้ก

    หัวผมโขกกับกระจกพอเป็นจังหวะตามการเคลื่อนที่ของรถ ครั้งที่หนึ่ง

   ครั้งที่สองกำลังจะมา ผมรู้ตัวแต่ไม่สามารถฝืนมันได้
 
   แต่ครั้งนี้ไม่ดัง มีอะไรนุ่มๆมาขวางไว้ระหว่างหัวผมกับกระจก

   กลิ่นคุ้นๆแฮะ

   ผมจึงลืมตาข้างเดียวไปเห็นมือต้องอ้อมหลังผม เอามือมากันกระจกไว้

   “เอนมานี่มา เดี๋ยวกระจกแตก”

   “หึ”

   ผมยิ้ม แต่ก็อดทำตามที่มันว่าไม่ได้ บนรถกับอากาศเย็นๆแบบนี้ ยอมว่าง่ายตามมันซักทีคงจะไม่เป็นอะไร

   กลิ่นของต้อง กับ ความอุ่นจากตัวมัน ช่วยให้หลับฝันดี

   “ตื่นเถอะ ไฟแดงแล้ว” ต้องพูดขึ้นเบาๆ

   ตอนนี้รถเลยมาถึงไฟแดงแยกแล้ว (หลับไปกี่นาทีเนี่ย)

   มองเห็นซอยบ้านผมอยู่ข้างหน้าทางขวา   

   “บ้านเก้าอยู่ในซอยนั้นเหรอ” ต้องถาม

   มือต้องชี้ไปทางซอยด้านขวามือของถนน แถ้าจะไปโดนรถต้องอ้อมไปอีกหน่อย

   “อ้อ ใช่ เป็นห้องแถวน่ะ”

   “แล้วบ้านมึงละ”

   “ก็ย้อนเข้าซอยเลยจากบ้านแมคนิดหน่อย”

   “งั้นกูลงนี่แล้วกัน ติดไฟแดงพอดี มึงจะได้ให้รถเลี้ยวไปเลย”  พอพูดเสร็จ ต้องก็ล้วงเป๋าหาค่าแท๊กซี่ให้ผม

   “มึงกลับบ้านแล้วรีบอาบน้ำละ เดี๋ยวจะเป็นหวัด” ต้องบอกผมแล้วลงไป

   “งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่รร.นะ” ผมพูดแล้วโบกมือให้มัน

   “กลับบ้านดีๆละ” ต้องพูด พร้อมกับส่งยิ้มมาให้ แล้วปิดประตู

   ผมตาฝาดไปรึเปล่า....

   แล้ว.... ทำไมต้องมันถึงต้องนั่งมาถึงนี่ด้วย มันน่าจะขอลงก่อนก็ได้นี่นา ทำไม......

   วันนี้ผมกลับบ้านเย็นกว่าปกติ เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปก็เจอ พ่อกับแม่กำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ ...
   
   ห้องทานข้าวที่บ้านผมติดกับห้องนั่งเล่น คือ เป็นห้องเดียวกันนั่นแหละ  พอเปิดประตูบ้านเข้ามาก็จะเห็นห้องๆนี้เลย ทีวีเสียงดังเปิดอยู่ กับข้าวสามสี่อย่างบนโต๊ะ

   “เก้า กลับมาแล้วเหรอ” แม่ร้องทักขึ้น

   “หวัดดี ป๊า ม๊า” ไม่ยกมือไหว้นะครับ บ้านผมยังทำตามแบบจีนครับ เน้นเรียกชื่อ

   “กินไรมายัง รีบกินรีบขึ้นไปเตรียมตัวเรียนพรุ่งนี้” พ่อผมพูดขึ้นมา

   “รีบเรียน รีบสอบให้ติด พ่ออยากให้มาช่วยงานอยู่ ถ้าเรียนวิศวะไม่ได้ก็เข้าบริหารซะ”
   
   ผมไม่ตอบไรทั้งนั้นแหละครับ ในเมื่อผมโง่ ฟิสิกส์กับเลขซะขนาดนี้จะให้ไปสอบเข้าวิศวะเข้าไปก็คงเรียนไม่ไหวแน่ๆ    จริงๆแล้วผมอยากเรียนอะไรกันแน่นะ อาจจะอยากไปเรียนวาดรูป ที่ไหนสักแห่งงั้นเหรอ

   ไม่สิ หายๆตัวไปเลยดีกว่า

   พ่อแม่ยังเข้าใจว่าผมอยากเรียนวิศวะเลยมาเข้าห้องนี้ นั่นมันถูกก็ครึ่งหนึ่ง ตรงที่ผมทำตามพวกเค้าไม่ให้เสียใจ  ส่วนผมก็ได้ประโยชน์ที่เพื่อจะให้พวกเค้าเลิกบ่นเฉยๆ อีกส่วนนึงเพราะว่า ถ้ามาห้องนี้ ผมอาจจะไม่ต้องเจอในสิ่งที่ผมเจอตอนเรียนห้องอื่นก็ได้ หรือถ้ายิ่งดี ผมไม่ต้องไปคุยกับใครยุ่งกับใครเลย ผมก็จะได้ใช้ชีวิตสงบสุขอย่างที่ต้องการ

   แต่เรื่องกลับกลายเป็นตรงกันข้าม ..... สนุกดีแฮะ

   “เลิกบ่นน่าคุณ”

   “เก้ากินข้าวซะ วันนี้เรียนเป็นยังไงมั่งละ”

   “ก็ดีอะม๊า สอนกันเร็วมาก ไม่รู้จะรีบไปไหน แล้วกิจกรรมก็ต้องทำด้วยนะ ไม่ใช่ว่าเรียนอย่างเดียว แล้วเด็กในห้องก็เอาแต่เรียนไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าเป็นซอมบี้หรือยังไง ม๊ารู้จักมั้ยซอมบี้น่ะ แล้วนี่นะ เวลาทำไรนะ พวกนั้นมันจริงจังมากเลย....

   ผมยังคงเล่าต่อไปๆ ปกติไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกันหรอกครับ แล้วแม่เป็นคนเดียวที่จะรับฟังผม ไม่ว่าผมจะเล่าเรื่องอะไรไร้สาระแค่ไหน

   .....จำได้ว่ามีคนนึงนะ มันเอาวิชาฟิสิกไปทดสอบตอนเตะบอลด้วย  มันเอากระดาษมาคำนวนองศากับแรงเตะ ดูว่าบอลมันยังไงจะไปไกลสุด บ้าเนอะ”

   ผมยังคงเล่าต่อ

   “เก้าละสงสัยมากเลย ถ้ามีไรเกิดขึ้นนะ แล้วพวกมันนะมีโอกาสได้เลือกของคงพกเครื่องคิดเลขติดตัวกันไปมากกว่ามือถือแหงๆ”
   
   สงสัยผมจะพูดมากไป แต่แม่ผมนั่งมองขำๆ แล้วก็ยิ้มอย่างเดียว

   ผมเลยหยุดพูด ข้าวก็หมดจานแล้ว

   “ไป ไอ้ตัวแสบ รีบกินรีบไปอาบน้ำไป”

   “ครับ กินหมดแล้ว”

   “งั้นไปอาบน้ำไปเก้า เดี๋ยวจะไม่สบาย วันนี้ไม่ตากฝนนะ”
   
   “นิดหน่อยนะครับ”

   “งั้นผมขึ้นห้องนะ”

   หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมขึ้นมาเก็บของบนห้องนอนผมที่ชั้นสาม มันเป็นห้องคล้ายๆกับห้องใต้หลังคา แต่เพดานไม่ได้เอียงเหมือนในหนังนะครับ แต่เฉียงลงมานิดหน่อย มีหน้าต่างอยู่หนึ่งบ้านเล็กๆ มองไปเห็นบ้านฝั่งตรงข้ามได้แต่ปกติก็ไม่เคยจะมองดูกันและกันหรอกครับ

   มองไปก็ไม่เคยเห็นใคร

   หลังจากวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้ว ผมเดินไปเปิดวิทยุ กำลังเล่นเพลง Scrub

   รอยยิ้มของเธอแค่ครั้งเดียว
   ทำฉันให้ลืมเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา
   ทำให้ได้รู้ว่า อะไรที่สำคัญกว่า
   สิ่งใดจะมาทดแทน

   เสียงของเธอแค่ครั้งเดียว
   ทำฉันให้ลอยล่องไปไกลสุดสายตา
   มีอะไรมากกว่า ที่เคยได้พบมา
   เกินกว่าคำบรรยาย

   สงสัยวันนี้ผมจะเพ้อเจ้อมากไปแล้ว

   “กลับไปแล้วรีบอาบน้ำละมึง” เสียงต้องยังย้ำเตือน

   ผมจึงถอดชุดนักเรียนออก เหลือแต่ตัวเปลือยเปล่า ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนมันก็สบายเวลาที่ผมลืมเอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปด้วย ซึ่งก็เป็นประจำ

   ผมกำลังจะเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นอาบ เอื้อมมือขึ้นไปเปิดสวิทช์นั้น พลันคิดขึ้นมาว่า ถ้าสูงอย่างต้องก็คงดี ผมลองเขย่งแล้วมองดูในกระจกดู ถึงผมจะเขย่งยังไงก็คงไม่เท่ามันแน่ๆ

   ตอนนี้ผมเห็นตัวเองเปลือยอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ รูปร่างขาวแบบบาง ต้องเองก็คงจะคล้ายๆแบบนี้แต่สูงกว่า ไหล่กว้างกว่าสินะ ตอนนี้ต้องเองก็คงกำลังจะอาบน้ำอยู่เหมือนกันเปล่านะ .... รูปร่างของต้องตอน...

   เฮ้ยยยยยยยยยยย! นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย

   “ไอ้เวรนั่น พรุ่งนี้จะเอาคืนมัน”

   ทั้งๆที่ เจ ออกจะสนิทกับผมมากกว่า แต่ดันมาคิดเรื่องแบบนี้กับไอ้ต้อง คนอย่างไอ้ต้องได้ เฮ้อ ....
ผมคงจะมีอะไรผิดปกติแล้วละ   

   พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เห็นไฟโทรศัพท์สว่างขึ้นแจ้งเตือนว่ามีสายไม่ได้รับ

   ต้อง

   ผมจึงกดโทรกลับ

   “ว่าไงมึง หลงทางเหรอ”

   “หลงเหี้ยอะไรละ”

   “กูจะถามว่าเป็นไงมึง ไม่เป็นไข้นะ”

   “อือ ไม่เป็นอาบน้ำแล้วด้วย”

   “งั้นไม่มีไรละ”

   “เอ่อ ต้อง ขอบใจนะ”

   “เอออออ สัส ขนลุก”

   เสียงต้องกลับไม่ได้จริงจังเหมือนทุกที ผมเลยรู้ว่ามันแกล้งพูด

   “หึหึ” ผมยิ้ม

   “ไปนอนได้แล้ว”

   “เออ พรุ่งนี้เจอกันมึง”

   “เออ แล้วเจอกัน”
   
   วางสายเสร็จผมก็เดินไปล้มตัวนอนอ่านการ์ตูนเล่นบนเตียง

   พรุ่งนี้เหรอ

   ชักอยากให้มาถึงแล้วสิ

   ผมเปิดวิทยุเอาไว้แล้วเผลอหลับไป





   ก่อนจะตื่นเช้ามาเจอ อีกหนึ่งสายไม่ได้รับ

   เจ

 :bye2:

(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)

เอาละสิ เก้าจะห้ามใจตัวเองได้มั้ย อุตส่าห์ซ่อนไว้มาตั้งนาน หรือจะ เผยออกไปให้คนรู้กันหมดนะ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 6.0 (2) ฝนตก [pg2] 07/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 07-09-2015 23:57:58
 :katai1: ผู้ชายพวกนี้นี่ปากแข็งเจรงงงงงงง
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 6.0 (2) ฝนตก [pg2] 07/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 08-09-2015 18:12:49
เก้าอาบน้ำ ><
อยากเห็นจัง
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 6.0 (2) ฝนตก [pg2] 07/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 08-09-2015 18:20:13
 :mew2: ลุ้นต้องกับเก้า
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 7.0 พระเอก [pg2] 08/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 08-09-2015 21:05:50
10 CM : 7.1 พระเอก

        เพราะเมื่อวาน ผมคงมัวแต่ใช้ความคิดไปกับเรื่องบ้าบอ หมดพลังไปกับเรื่องของไอ้ต้องซะมาก แล้วเผลอหลับไปตอนไหนไม่นู้ พอเช้านี้เสียงนาฬิกาปลุกก็ไม่ทำให้ผมลุกขึ้นจากเตียงได้เลย ลุกขึ้นมาแก้ผ้าไปอาบน้ำหรือนอนต่อไปทั้งยังงั้นดีนะ เช้าๆนี่เกร็งดีจัง

   รู้ตัวอีกที ผมถอดเสื้อผ้าออกไปตอนไหนเนี่ยเหลือแต่ตัวนอนคว่ำถูไถอยู่บนเตียง โผล่ก้นขาวๆรับแสดงอาทิตย์ตอนเช้า

   แม่ง สายแล้ว

   กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวถึงรร.ก็พอดี

   ไหนๆก็สายแล้ว ไม่ต้องรีบแล้วกัน ค่อยๆไปเรื่อยๆ เดินเตะถ่วงเวลาเอาไว้

   เอาละ แปดโมงพอดี หลบขึ้นบันไดอีกด้านแล้วขึ้นตรงไปที่ห้องเลยดีกว่า ครูจะได้ไม่เห็น

   ระหว่างเดินผมแอบมองลอดช่องตรงบันไดไป เห็นครูใหญ่กำลังอบรมเด็กเช้าอยุ่ สงสัยจะอีกนาน ปกติแกไม่ค่อยมาพูด มาทีแกพูดเยอะ ถ้าขึ้นไปตอนนี้อาจมีเวลางีบได้อีกหน่อย

   พอมาถึงห้องเรียน   

   ห้องม.4/1 ห้องเดิมๆ

   “เฮ้ยๆ ตกลงมึงรู้ยังว่า ไอ้เหี้ยนี่มันชอบใครวะ” แมคถามขึ้น

   เสียงดังลอยออกนอกห้องออกไปแล้ว

   ในห้องมีแค่พวกผม กับซอมบี้บางส่วนที่มาเช้าแต่ไม่ยอมลงไปเข้าแถว

   “กูว่า นุ่น คนที่มึงเคยพูดถึงป่าววะ” ไอ้ต้องถาม

   มันถามใครกันวะ

   “เย้ย มึงนี่รู้ได้ไง”

   “กูต้องชอบคนน่ารักๆ นมใหญ่ๆ อยู่แล้ว” เจ ตอบ

   อ้อ มันรุมสัมภาษณ์ไอ้หน้าม่อนี่เอง

   “ตกลงว่าใครวะ ฮ่าๆๆๆๆ” เจ ยิ้มกวนประสาท แต่ไม่มีคำตอบ
   
   “อะไรของมึง” แมคตะโกนใส่

   “ก็นุ่นไง นุ่นไหนวะ พวกมึงมั่วแล้ว” มันหัวเราะ ไม่รู้ว่ากลบเกลื่อนหรือเรื่องจริง

   “ก็เด็กวันนั้นไงมึง”

   “วันไหนวะ”

   “วันที่มึงเจอที่สยามอะ”

   “อ้อ ไม่มีไร น้องเดินมาถามทางกูน่ะ”

   “สัสสสสสส กูออกจากห้องน้ำมาคิดว่ามึงจะได้แล้ว” แมคทำหน้าเสียดาย

   “เฮ้อ กระจอก” ต้องสำทับ

   “เห็นนิ่งเงียบมาตั้งนาน นี่มึงคิดว่ามึงดีกว่ากูเรอะไง” เจ หันไปใส่แล้ว

   “ก็ไม่รู้สิ รอดูละกัน”

   “เหรออ  ไม่มีทางหรอก” เจ ชูนิ้วกลางใส่

   “แล้วมึงคิดว่าจะได้เหรอไง” ไอ้ต้องหันมาเห็นผมพอดี

   “แน่นอน มึงคอยดู” เจยังหันหลังให้ผมอยุ่

   ผมจึงค่อยๆเดินเข้าไปเงียบๆ

   “แล้วมึงละแมค” ผมถามขึ้น ตอนที่ยืนค้ำหัวไอ้แมคอยู่ รู้สึกดีใจเล็กๆที่สูงกว่ามัน

   “เฮ้ย มึงมาตอนไหนวะ เก้า”

   “แล้วกูบอกไปมึงจะรู้จักกันมั้ย หื้อ” แมค ตอบ

   ผมว่าผมแอบเห็นเจสะดุ้งเบาๆ มันคงตกใจ ที่มีคนนอกอย่างผมมาแอบฟังพวกมัน

   ส่วนต้องทำหน้าตายเหมือนเดิม

   “อ้าว หวัดดีเก้า”

   “อือ หวัดดี”

   “แล้ว ไอ้สุดหล่อนี่ละ” เจ หันไปถามต้อง

   บรรยากาศตอนเช้านี่ดีแฮะ ถ้าไม่คุยเรื่องอย่างว่าก็ไม่พ้นเรื่องหญิง แต่ทำไมผมว่ามันแปลกๆ ถึงมันจะคุยเรื่องผู้หหญิง แต่ผมก็ยังรุ้สึกเหมือนพวกมันทะเลาะกันอยู่ดี

   “เสือกไรเรื่องกูละ”
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 7.0 พระเอก [pg2] 08/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 08-09-2015 23:06:23
สั้นจัง  :hao7:

เค้าเชียร์เจละกัน ดูกวนๆดี ชอบบบ ต้องแลมีคนเชียร์เยอะละ หุหุ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 7.0 พระเอก [pg2] 08/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 08-09-2015 23:10:51
จบแล้วหรอ  :a5:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 7.0 พระเอก [pg2] 08/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 09-09-2015 10:09:25
สั้นจัง ครึ่งตอนหรือครับ
มาต่อไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 7.0 พระเอก [pg2] 08/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 09-09-2015 13:06:12
สั้นจัง ครึ่งตอนหรือครับ
มาต่อไวๆนะครับ

จบแล้วหรอ  :a5:

สั้นจัง  :hao7:

เค้าเชียร์เจละกัน ดูกวนๆดี ชอบบบ ต้องแลมีคนเชียร์เยอะละ หุหุ

รวดเดียวสามตอน  o13 เกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะ

งุ้ยยย น่าติดตามๆๆ o13

ติดตามฮับ

:mc4:

:man1:

ต้องๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เจโยนให้คนอื่นไป  :ruready

ในที่สุดก็หาปุ่ม Quote เจอ

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ตอนนี้ไม่ได้สั้นหรอก เพียงแต่ว่า เห็นว่ามันออกจากยาวไป ถ้าลงเหมือนทุกที ทีละ 10-16 หน้า
ดูจากเสียงตอบกลับแล้วน่าจะอ่านกันไม่ไหว เพราะมาทีหลายหน้า เลยทะยอยลงไปเรื่อยๆ ทีละ 2-3 หน้าบ้างดีกว่า แต่จะลงถี่ขึ้น

เดี๋ยวเย็นวันนี้จะมาต่อหน้าต่อไปนะครับ


ป.ล. หลังจากตอนนี้ไป จะเริ่มเข้าสู่ดาคไซด์มากขึ้น พร้อมๆกับฉาก 18+ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

(https://smilesnewsandreviews.files.wordpress.com/2014/10/zankyou_no_terror_06_03.png?w=720&h=404)
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 7.0 พระเอก [pg2] 08/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 09-09-2015 17:13:50
10 CM : 7.2

   “มึงไม่กล้าบอกนี่หว่า ไม่แน่จริง”

   “ของแบบนี้มันต้องบอกแล้วได้ชัวร์สิวะ บอกไปก่อนเสียหน้าแย่” ฟังออกชัดๆว่าต้องพยายามแก้ตัว

   “หราาาา คงไม่ใช่คนในห้องเดียวกับเรานะ”
   
   ผมแอบรู้สึกแปล๊บ ขึ้นมานิดนึง เหมือนคำถามนั้นมันทำให้ผมรู้สึก

   ราวกับใจผมจะเสนอตัวให้มันหมายถึงผมอยู่

   ถ้าไม่ใช่ ผมก็อยากรู้ว่าต้องชอบใคร จะเป็นผู้หญิงแบบไหนนะ

   “มึงจะบ้าเหรอ ห้องเรามีแต่ผู้ชาย”

   ไอ้แมคหันไปเอาตีนถึบๆไปทางเจ

   ต้องหันควับ ตบหัวไอ้เจทีนึง

   “โอ้ย เจ็บนะ สัส”

   “ทุกปี เดี๋ยวก็มีคนมาเสนอตัวให้มึงเองแหละ ทำเป็นเก๊ก ไม่พูด” เจพูดลอยๆ

   “แล้วไอ้เปี๊ยกนี่ละ” ต้องหันมาถามผมมั่ง

   สงสัยผมจะเผลอแสดงสีหน้าออกไป

   “อ้าว เฮ้ยมาลงไรกูละ” ผมพยายามปัด

   “โตป่านนี้แล้วไม่ชอบใครเหรอวะ”

   “แหมๆ เก็บเอาใครไปแอบชักว่า... ป่าว”

   “พอเลยพวกมึง” พอกันทั้งต้องและแมค

   ผมหน้าแดง

   ไอ้ มีน่ะ มันก็มีอยู่

   “โอ๋ๆ มึงอะไปแกล้งมัน ไอ้เก้าโกรธแล้ว”

   เจเดินมาลูบหัวผม

   อีกมือลูบหลังมันกำลังลูบลงต่ำไปเรื่อยๆ

   ไม่ใช่ละ!!!

   ผมเลยต้องสะบัดตัวหลบไปทางแมค

   “มีงแอบๆมีใจให้ใครป่าว หึหึหึหึ”  แมค พูดเสร็จเอาหัวมาถูแถวๆพุงผม

   “มึงเป็นแมวรึไงเนี่ย” ผมเอามือเกาคางมันตอบ

   มันทำท่าครางอย่างแมวจริงๆ

   “ป่าว ไม่มีจริงๆ ก็กูเป็นเด็กขี้อายนะ อย่าลืมดิ เพื่อนก็น้อย” ผมตอบเบี่ยงๆไป เงยหน้ามองไปทางอื่น

   “แต่ถึงจะมีก็ใช่เค้าจะเอากูนี่”

   “เด็กขี้อายห่าไรจะพูดงี้วะ เดี๋ยวกูจัดให้เองมาๆๆๆ ให้กูเอาซะดีๆ” ไอ้เจจะลุกขึ้นมาหาผม

   “มาเร็วกูเอามึงเอง”

   “นี่มึงฟังความหมาย ที่กูพูดมั่งมั้ย” ผมพยายามดันไอ้เเจออกไป

   “เจ กูว่ามึงเอาเวลาไปเคลียร์เรื่องตัวมึงเองก่อนมั้ย” ต้อง พูดเสียงจริงจัง

   ท่าทางจะโมโหด้วย ผมเดาอารมณ์มันไม่ออกเลย ยังกับคนฮอโมนไม่ปรกติ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

   ปล่อยไปนานๆชักจะ ทะแม่งๆ บรรยากาศชักแปลกๆแล้วสิ

   เดี๋ยวแม่งตีกันอีกแน่ๆ

   “ไปไงมาไงวะ มาคุยเรื่องนี้” ผมถามเปลี่ยนบรรยากาศ

   “ก็ไอ้เหี้ยนี่ มันบอกว่าเพื่อนพี่รี่มันสวยมากๆ กูเลยสงสัยว่ามันจะจีบเหรอ เลยลากมาประเด็นนี้แหละ” ไอ้เจ อธิบายให้ฟัง

   ชี้นิ้วไปทางแมค
   
   “อ๋อ แล้วใครพี่รี่วะ” ผมถาม

   “วุ้ว ไรเนี่ย” เจทำหน้าเซ็ง

   “พี่สาวกูไง ไอ้ควาย” แมค ว่ามา

   “ขอโทษครับๆ ผมยกมือไหว้รอบวง”

   พวกมันเลยก็เลยได้ฮากัน เฮ้อ หัวเราะออกมากันได้แล้ว

   ผมก็ดีใจเหมือนกันที่พอมีอะไรทำให้พวกมันได้บ้าง

   พวกมันยังถกเถียงเรื่องไม่เป็นสาระนั้นต่อไป (สำหรับผมละนะ)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อีก 2 วันจะลง 7.3 นะครับ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 7.0 พระเอก [pg2] 08/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 10-09-2015 12:58:23
อีพวกผู้ชายปากแข็ง!!! :angry2:
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 7.0 พระเอก [pg2] 08/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 10-09-2015 20:50:30
10 CM : ตอนที่ 7.3 พระเอก

   ผมหันออกไปมองข้างนอกห้องเรียน วันนี้ดูมืดกว่าปกติ ทางเดินเองยังไม่มีใครไปเปิดไฟ ปกติเช้าช่วงวันอย่างนี้ใครจะมาเปิดไฟละนะ

   เสียงฟ้าร้องข้างนอกดังขึ้น บ่งบอกเรียบร้อยว่าทำไมวันนี้ถึงได้ดูมืดหนัก อากาศก็ไม่ร้อนด้วย พวกที่อยู่ข้างล่างอีกเดี๋ยวคงต้องขึ้นมาแล้ว

   นั่นไง เสียงเดินหนวกหูกำลังทยอยมา แสดงว่าพวกครูเค้าคงเห็นๆเหมือนกันว่าฝนจะตกจึงปล่อยเด็กขึ้นห้องมาเร็ว

   ตอนนี้เสียงนั่นดังมาถึงหน้าห้องแล้ว เดี๋ยวก็คงมีเสียงลากเก้าอี้จัดโต๊ะ เปิดกระเป๋า วางของกันสินะ

   นั่งดูพวกซอมบี้จัดของได้ไม่ทันไรฝนก็ตกหนักจริงๆด้วย ดูจากก้อนเมฆแล้วน่าจะยาวไปถึงเที่ยงเลย

   คาบแรกผมต้องตั้งใจฝืนทนเรียนไปทั้งง่วงๆ จะหลับตั้งกะวิชาแรกน่าจะไม่ดี แต่สงสัยผมจะทนอยู่ได้อีกไม่นาน

   เวลาล่วงมาถึงคาบที่สอง อากาศเย็นๆ กลิ่นฝนที่โชยเข้ามาตามจังหวะลมพัด เม็ดฝนตกเฉียงๆที่ข้างนอกหน้าต่าง เสียงพัดลมบนเพดาน คราง หึ่งๆ หมุนเป็นวงกลมอยู่เหนือหัว ถึงจะเพิ่ง สิบโมงเช้า ยังกับยานอนหลับ

   ทางขวามือของผม เจกำลังตั้งใจเรียนเลขอยู่ วิชาที่มันชอบที่สุด (เอะ หรือจริงๆแล้ว มันเก่งอยู่วิชาเดียว) ส่วนแมคเอาหนังสือมาบังหัวก่อนผมแล้วละครับ ผมจึงฟุบลงไปแล้วหันหน้าไปทางซ้ายมือ เห็นภาพต้องกำลังนั่งฟังอย่างแกนๆ คนเรียนเก่งอย่างมันปิดเทอมมันคงจะเรียนพิเศษจบวิชาของชั้นม.4 ไปตั้งแต่ปิดเทอมแล้วละมั้ง

   ตอนปิดเทอมที่ผ่านมาผมทำอะไรอยู่นะ

   ตอนนี้ตาผมกำลังจะปิดลง หน้าผมยังคงหันไปทางต้อง เอ.... ถ้าเห็นหน้ามันก่อนหลับจะฝันดีมั้ยนะ

   ไม่รู้สินะ ลองดูดีกว่า

   ภาพสุดท้ายที่ผมเห็น คือ ต้องเหลือบมองมาทางผมแวบนึง

   เอะ เหมือนๆ มันจะยิ้มที่มุมปากนิดนึง หรือว่าผมง่วงจนตาลาย  สงสัยจะเพ้ออีกแล้ว

   เหอะ  เวลามันทำหน้ายังงี้นี่ น่ารักดีแฮะ .........

   หือ...​ปากมันขยับอะไรมุบมิบนะ

   ฝันดีนะ ....
   
   อื้อ ฝันดีแน่ๆ

   .
   .
   .
   “นัยวิทย์ ...... นัยวิทย์”   

   ใครเรียกวะ

   “ออกมาทำโจทย์ข้อนี้สิ”

   ชิบหายแล้ว!!!

   “กูพยายามบอกมึงแล้วนะว่า ครูมองมึงอยู่”

   ไอ้ต้องยังยิ้มอยู่อย่างนั้น

   สัสเอ้ยยยยย ไม่ใช่มันบอกกูฝันดีเหรอ

   ผมเดินอิดออดออกไปที่หน้าห้อง คนอื่นๆจ้องเขม็งมาทางผม

   ซวยแต่เช้าเลย

   โอ้ยยยยยย

   ระหว่างที่เดินออกไอ้เจแม่งแอบเอามือมาสะกิดตูดอีก อะไรหนักหนากับตูดกูเนี่ย

   โจทย์ข้อนี้อะไรวะ

   แม่งสมการอะไรเยอะแยะ

   ผมยืนมองกระดานอยู่หน้าห้อง
   
   ค่อยๆรวบรวมสติ

   เริ่มจาก...

   ผมทำไปได้ครึ่งนึง คำตอบก็ยังไม่ออก

   “ช้าไป กว่าจะทำเสร็จเที่ยงพอดี แทนที่จะเรียนดันหลับนะ”

   ผมยืนทำหน้าจิ้มลิ้มราวกับจะร้องไห้

   “เอางี้ ครูอนุญาติให้เรียกเพื่อนมาช่วยได้”

   “ใครจะออกมาช่วย นัยวิทย์มั่ง”

   ทั้งห้องเงียบกริบ นั่งมองกระดานนิ่ง สายตาที่ทอดมาเหมือนมองทะลุตัวผมไป เหมือนกับว่าผมเป็นแค่อากาศลอยอยู่หน้าห้อง

   แน่นอนครับ สุดท้ายไม่มีใครอาสาช่วย  ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากไอ้พวกนั้นนักหรอก

   “โถ ใครจะช่วยมันเหรอ ไอ้ตุ๊ดเนี่ย”  ใครสักคนอ้วนๆ ขาวใส่แว่น นั่งหน้าห้องตะโกนขึ้นมา

   ไอ้อ้วนแว่น ไอ้ซอมบี้บวมฉึ่งที่กำลังระเบิดน่ะเหรอ นี่มันยังไม่เข็ดใช่มั้ย

   มันเกลียดไรผมกันหนักหนาวะ  ในห้องเรียนนี้ก็ไม่มีใครจะสนใจผมอยู่แล้ว พอจะมีคนพูดทั้งทีก็เป็นยังงี้เหรอ

   “นี่ ทำไมเธอเรียกเค้าว่าตุ๊ดละ เรียกเพื่อนยังงี้ได้ไง” ครูถาม

   “ก็มันเป็นกระเทยนี่ครับ” ไอ้อ้วนนั่นตอบ

   “จริงเหรอ เห็นหน้าตาน่ารักๆ ไม่คิดว่าจะเป็นกระเทยนะเนี่ย”

   “เธอรู้ได้ไง”

   “ครูอยากรู้มัย้ละครับ เดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง”

   “เรื่องมันเริ่มจากงี้ครับ ไอ้กระเทยนี่....”

   นี่มันกะเล่นกันยังงี้เลยเหรอ รอดไปได้กูจะเอาให้ตาย

   มันกำลังจะเริ่มเล่า

   แม่งเอ้ย เอาไงดีวะ เล่นมันเลยดีมั้ย

   ผมหน้าแดง สมองชา คิดโจทย์บนกระดานก็ไม่ออก ยังต้องไปเจอไอ้บ้านี่อีก

   คิดหาทางห้ามมันยังไงดีเนี่ย

   ปาชอล์กใส่ ปาแปรงลบกระดาน เอาสมุดจดขว้าง เอา... กล่องดินสอคนแถมนี้ปาหัว หรือ เดินไปตบกบาลแม่งให้ทิ่มคาโต๊ะไปเลย

   “นี่ๆ เรื่องแบบนี้ไม่รู้จริงก็ไม่พูดก็ได้นะ”

   เสียงที่ทำให้ผมประหลาดใจ ซัน

   ตอนทำรายงานซันอยู่กลุ่มเดียวกับพวกต้องนี่ มันเองก็อยู่ในเหตุการณ์ ตบหัวเสียงดังนั่นด้วย

   “ครูครับ เสียเวลาครับ ตกลงเอาไง”

   ไอ้ต้อง.... มันตัดบทได้โหดมาก พูดงี้เดี๋ยวจะโดนครูทำโทษมั้ย

   “รู้แล้ว พูดจาให้สุภาพหน่อยนะ สุวัจชัย”

   “งั้นเดี๋ยวผมช่วยเอง” ไอ้เจเสนอตัว

   โอ้ ขอบคุณนะ ซัน ต้อง เจ

   เอะ ป๋า...​ป๋ามันลุกมานั่งมองตอนไหนวะ แล้วมันรอดตัวได้ไงวะ

   มันน่าจะยังหลับอยู่สิ มิน่าครูถึงเรียกผมคนเดียว ไอ้คนทิ้งเพื่อน

   มันกระดิกนิ้วให้

   แม่ง รู้ด้วย คิดไร

   “คำตอบของข้อนี้คือ X = 79” ไอ้ เจ นี่แหละครับ เพื่อนแท้ มันพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง ไม่เกรงใจใคร
   
   ผมกำลังจะเขียนคำตอบลงไปบนกระดาน

   “เธอแน่ใจ ในตัวเพื่อน เธอใช่มั้ย” ครูถามผม

   เห็นสีหน้าครูกับไอ้อ้วนนั่นแล้ว

   ไม่แน่ใจครับ!!! ผมอยากตะโกน

   ถึงผมจะอยากไว้ใจมัน แต่ข้อนี้น่าจะยากอยู่

   ไอ้เจมันออกหน้าตาแต่ก็ดูมันมั่นใจไม่ถึงครึ่งเลยด้วย   

   “เอ่อ ครับ” ผมมองหน้ามันแล้วตอบ อย่างไม่มีทางเลือกหวังว่ามันจะฉลาดจริงๆนะ

   ผมหันไปเห็นหน้าไอ้อ้วนบ้านั่น มันยิ้มแสยะ

   แย่แล้วกู

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จนกว่าจะ 7.4
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 7.0 พระเอก [pg2] 08/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 11-09-2015 17:21:03
10 CM : 7.4

        “ผิด!!! เอาละ อยากหลับในห้องเรียน จะทำโทษยังไงดี”

   ผมรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก อากาศก็เย็น เสียงฟ้าร้องก็ดูเป็นใจยิ่งนัก อยากให้มันตกๆๆๆๆ หนักจนไฟดับไปเลย

   ไอ้อ้วนเผือกนั่นยกมือคนแรกเลยครับ  พอมันยืนขึ้นแล้วลุกเดินออกมา   

   ถึงตอนนี้ผมหน้าซีดแล้วครับ ไอ้เจ มึงพลาดนี่มันตั้งใจเปล่าเนี่ย คงไม่หรอก ดูมันหน้าเหวอๆอยู่ ไอ้แมคป่านนี้เอาดวงวิญญาณเข้าร่างยังเนี่ย เห็นมองมาแต่ดูเหมือนไร้ชีวิตชอบกล

   สงสัยมันดูยังงงๆอยู่

    ผมเลยมองไปทางไอ้ต้อง หน้ามันไร้ความรู้สึกเหมือนเคย

   “ผมต้องการให้มันถอดกางเกงเดินหนึ่งวันในรร.”  ไอ้หมูเผือกนี่พูดขึ้นมา

   “เดี๋ยวผมจะถอดให้เองด้วย”

   มันเอื้อมมือมาจะแกะเข็มขัดนักเรียนออก

   เสียงหัวเราะดังครืนขึ้นมา

   ซอมบี้หัวเราะเป็น ???

   “หวังว่า มึงคงใส่กางเกงในมานะ อ้อ ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูถอดหมดเลย ดูดิว่ามึงมีไอ้นั่นรึเปล่า”

   มันเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

   อย่าให้ผมต้องเปลี่ยนโหมดตัวเองนะ

   “เกินไป นิพัฒน์ ที่นี่รร. อยากดูไปดูกันสองคน”

   เฮ้อ ยังดีที่ครูยังเบรคมันบ้าง  แต่ทำไมตอนมันจะเล่าเรืองบ้าบอไม่ยักกะเบรควะ

   “เสียดาย อยากรู้ว่ามันมีจู๋หรือจิ๋ม”

   เสียงหัวเราะในห้องดังขึ้นอีกรอบ

   “งั้นผมจะเอาชอล์คเขียนกางเกงมัน จนกว่าจะกลับบ้านห้ามลบออก”

   “เอาแค่พักเช้าก็พอ เอ้า นัยวิทย์หันหลัง” เวลามรณะมาถึงแล้วครับ เกงผมก็สั้นๆเล็กๆนะยังจะเขียนอีก

   ผมว่าผมได้ยินเสียงหัวเราะมันดังขึ้นเรื่อยๆ

   “แอ่นตูดให้กูด้วยดิมึง” ไอ้อ้วนลุกไปหยิบชอล์คมาแล้ว

   “เอ.. เขียนว่าไรดีนะ เชิญทะลวงดีมั้ย”

   มันทำมือลูบๆ

   “ขยำไปเขียนไปคงชอบสินะมึง”

   หัวเราะกันเข้าไป ครูก็ด้วย

   “เอ่อ ครูครับ ผมบอกผิดเอง แล้วเก้ามันไม่ค่อยสบายด้วยวันนี้ มันเลยนอนลงไปน่ะครับ ถ้านิพัฒน์อยากเขียนมาก ผมจะให้มันเขียนตูดผมเอง หรือจะให้ผมถอดกางเกงเรียนก็ได้นะ” สิ้นเสียงเจ

   มันลุกขึ้นแล้วทำท่าจะถอดกางเกง  คนในห้องทำเสียง หือหา กันใหญ่

   เฮ้ย เป็นใครก็คงงงกันทั้งนั้น ผมยังอึ้งเลย มันกล้าจริงเหรอเนี่ย

   ตอนนี้กางเกงน้ำเงินร่วงลงไปกองกับพื้นแล้ว

   “หยุด!!! เดี๋ยวก็ให้ถอดหมดเลยนี่”

   ชายเสื้อยาวๆเท่านั้นที่ยังปิดบังกกนของมันอยู่ ส่วนขาขาวๆเท่านั้นที่พ้นออกมาจากช้ายเสื้อ นอกนั้นโดนปิดหมด ไม่งั้นมันได้โชเป้า กับกกนให้คนทั้งห้องได้ดูแน่ๆ

   ดีว่าครูห้ามไว้ก่อนเดิน  ไอ้เจดึงกางเกงขึ้นมา แล้วเดินออกมาหน้าห้อง แล้วขยิบตาให้ผม

   “ตกลงไม่ต้องถอดนะครับ” เจยิ้มๆ มาทางผม

   นิพัฒน์เลยเอาชอล์คมาแล้วบรรจงวาดรูปหัวใจ ลงที่ก้น เจ ส่วนเจยืนกอดอกแอ่นตูดให้ (ตูดมันใหญ่กว่าผมแน่ๆ) คนอื่นมันแอบขำกัน

   แต่ผมขำไม่ออกละครับ

   “ตามสบายเลยมึง ตูดกูใหญ่กว่า ละเลงได้เลย”

   “ไม่ถนัดบอกนะ เดี๋ยวกูแอ่นให้อีก อยากขยำก็ได้”

   ทั้งห้องยิ่งขำกันใหญ่

   ตรงกลางหัวใจเขียนว่า ผมรักตุ๊ดครับ อารมณ์ผมตอนนี้คงเหมือนนางเอกที่โดนพระเอกในหนังช่วยเอาไว้ยังไงยังงั้น ทำไมไม่รู้หน้าตาตี๋ๆของมัน ดูหล่อขึ้นเตะตาขึ้นมาทีเดียว

   แล้วมันเริ่มบรรจงวาดลงไปยังร่องก้น ให้เห็นเป็นแนวไล่ไปเรื่อยๆเข้าไปใต้หว่างขา แล้ววงกลมเป็นรูป มันตั้งใจทำเป็นรูปขนาดเท่าไข่ไอ้เจสินะ

   สุดท้าย สงสัยครูจะทนความสมเพชไม่ไหว เลยให้หยุดแค่นั้นแล้วให้กลับไปนั่งที่ กว่าจะหมดเหตุการณ์อุบาทว์นี้ก็หมดชั่วโมงเรียนพอดี

   พอหมดคาบก็เป็นเวลาพัก อีกสี่ยิบนาทีถึงจะลบได้

   บางคนก็เดินเข้ามาแสดงความยินดีกับไอ้เจ

   ทำราวกับว่าผมแต่งงานกับไอ้เจแล้วไปได้

   ส่วนซันก็เดินมาก้มๆเงยๆดู

   แล้วก็หัวเราะใส่ไอ้เจ เออ เอาเข้าไป

   ผมนี่สิ ทำตัวทำหน้าไม่ถูกเลย

   ช่วงเวลาพัก เจ เลยไม่เดินไปไหนเลยครับ ส่วนไอ้คนเขียนก็เหมือนจะรู้ตัว ไม่ค่อยเข้ามาใกล้บริเวณพวกผมเท่าไร
   
   “ทำเป็นเท่นะมึง กับ ผู้หญิงมึงทำยังงี้ป่าววะ” ไอ้ต้องถาม

   “กูทำให้กับคนพิเศษเท่านั้นเว้ย” เจ ตอบ

   “เออ ขอบใจนะ” ผมสะกิดแขนมัน

   “แสดงว่ามึงยอมรับแล้วสิว่า มึงเป็นคนพิเศษของกู”

   “ไม่ใช่เว้ย ไอ้บ้านี่” ได้ทีเอาใหญ่ละนะ

   “ก็มึงเล่นหลับไม่เนียนนี่นา แทนที่จะนั่งก้มหน้าแบบป๋า...เหมือนคนอ่านหนังสือ แต่ดันหันมาทาง กู (ลากเสียงยาวๆ) นี่ ....แล้วหลับไปทั้งยังงั้นเลย ..หน้าเน่อก็ไม่หลบ  หนังสือก็ไม่เอามาบัง..... ทำหนัาฝันดีอีกต่างหาก เห็นอะไรก่อนนอนไปละ” ไอ้ต้องพูดออกมา

   ผมไม่รู้จริงๆว่า มันจะพูดออกมาทำไม ปกติมันพูดสั้นๆ ทำไมตอนนี้มันพูดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆกว่าหนึ่งประโยคขึ้นมาละเนี่ย แถมไม่ต่อเนื่องด้วย

   แม่ง พวกนี้มันได้ยินหมด มันจะเอาไปคิดอะไรกันต่อละเนี่ย

   หมดกัน เละแน่เลยกู

   “พูดถึงคนพิเศษ เดี๋ยวกูมานะ” ต้องพูดจบแล้วลุกออกไป

   อะไรวะ

   คนพิเศษ??

   “ฮิ้ว!!! เบาๆนะมึง” เจแซว

   ผู้หญิงเหรอ ผู้หญิงเข้ามารร.ชายล้วนได้เหรอ

   ถ้าไม่ติดว่าต้องอยู่เฝ้าไอ้เจ อยากจะออกไปดูเหมือนกันว่าใคร

   “มึง กูนั่งอยู่ด้วยนะ กินน้ำ ขนมไรป่าวเดี่ยวลงไปซื้อมาให้”

   มันคงไม่สามารถออกเดินไปไหนมาไหนได้แน่ๆ

   “ดีนะที่กูไม่โดน ทำไมครูมองข้ามกูไปได้วะ ทั้งๆที่กูหลับก่อนตั้งแต่คาบแรกด้วย” ไอ้แมคท่าทางร่างเริงเป็นปกติ วิญญาณกลับมาแล้วมั้ง

   เสียงมันดึงให้ผมกลับมา

   ผมหันไปมองตามหลังต้องที่ค่อยๆหายไปทางประตูหน้า

   ‘คนพิเศษยังงั้นเหรอ’ หมายถึงใครกันนะ

   จะออกไปโทรหาคนที่พวกมันคุยกันเมื่อเช้าหรือเปล่านะ

   ผมสะดุ้งน้อยๆ เมื่อเริ่มรุ้ตัวมาเจนั่งจ้องหน้าผมอยู่

   เมื่อกี้มันจะสังเกตมั้ยเนี่ย

   “เดี๋ยวกูช่วยลบออกละกัน” ผมพูดพลางเอื้อมมือไปปัดกางเกง

   ผมรู้สึกขอบคุณมันจริงๆนะ

   “เฮ้ย ไม่ต้องไม่เป็นไร เดี๋ยวกูปัดออกเอง มึงจะลูบตูดกูเหรอ รู้งี้นะให้ไอ้ห่านั่นเขียนที่เป้าดีกว่า” ไอ้เจ ยิ้มเชิญชวน

   ผมไม่ขำ

   “ขอบใจนะ เจ”

   แต่ ..... ผมชูนิ้วกลางให้มัน ตอบแทนเรื่องเขียนที่เป้า

   ผมหันไปมองนาฬิกาบนผนัง เวลาพักใกล้หมดลงแล้ว ลบไปก่อนตอนนี้ก็คงไม่เป็นไร แล้วเรื่องอัปยศนี้ก็คงจบลงเพียงเท่านี้

   “คิดมาก กูเพื่อนมึงนะ”

   แต่เรื่องที่ไอ้อ้วนนี่มันจะเล่านี่สิ ...... ทุกคนคงสงสัยกันแล้ว
   
   หมดกันชีวิตผม ...

   ทุกคนคงอยากรู้แล้วเข้าไปถามไอ้ห่านั่น แล้วผมจะทำหน้ายังไงกับพวกมันละเนี่ย ต้องเรียนร่วมกันไปอีก 2 ปีด้วย สงสัยผมจะได้ชื่อใหม่ซะละมั้ง

   ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่กำมือแน่น เก็บความรู้สึกอับอายนั้นเอาไว้

   เสียงออดดังขึ้น ตัดวงจรความคิดของผมลง เหมือนเสียงชีพจรคนไข้หยุดลง

   ไอ้ต้องเดินเข้าห้องมา ท่าทางอารมณ์ดีแล้ว

   “ไปไหนมาวะ”

   “…..”

   ไม่มีคำตอบ

   ไอ้ต้องขยี้หัวผมให้ลงไปนั่งที่ ผมเองก็มองไม่เห็นว่ามันจะทำหน้าอย่างไร พอเงยหน้าไปก็เจอคางมัน
(เล่นเดินมาซะใกล้เลย) หน้าอกมันอยู่เหนือหน้าผมพอดี กลิ่นอ่อนของเสื้อมันลอยมาเตะจมูกผมอย่างจัง บ้านมันใช้อะไรซักผ้าวะ

   ตัวมันอยู่ใกล้มาก

   “นั่งเหอะ เดี๋ยวก็โดนอีกหรอก”

   ผมนั่งลงอย่างว่าง่าย

   ดีว่าหลังจากคาบนั้นแล้ว ถึงจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ยังไมีมีใครพูดถึงผม

   ผมหลับไม่ลงแล้วละครับ เรื่องเมื่อคาบเช้าเล่นเอาตาสว่างเลย ฝนตอนนี้ก็ดูเหมือนจะซาลงแล้ว แสงแดดอ่อนๆเริ่มทอลอดออกจากก้อนเมฆมาบ้างแล้ว

   ในห้องที่นั่งหายไปที่หนึ่ง ไอ้อ้วนแว่น มันหายไปไหน สงสัยคงสะใจมากแล้วสิ เพลินเลยไม่กลับขึ้นมาเรียน

   ขอให้มันไปพักเบรคแล้วกินอะไรผิดสำแดง นอนกองขี้แตกอยู่ในห้องน้ำแล้วกันนะ หรือจะหกล้มหัวฟาดบันได โดนคนต่อยปากแตกอะไรก็ได้
   
   อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องเห็นหน้ามันอีกตลอดบ่ายนี้

   คาบที่เหลือ ไอ้เจนั่งเขย่าขาผมอย่างอารมณ์ดี ถึงเขย่าบ่อยๆแล้วผมว่ามันแปลกๆก็เหอะ แต่เอาวะ
ไหนๆมันก็เป็นฮีโร่ช่วยผมแล้ว ยอมๆมันซักวันแล้วกัน

   เป็นอันว่าบ่ายนั้นผมไม่ต้องหลับเลย ขาก็โดนเขย่า เรียนก็อารมณ์ดี....

   วันนี้มันเอาขาผมไปใกล้กว่าเดิมด้วย

   หึหึ

   อีกนิดจะโดนเป้าละนะมึง

   ผมกำลังจะหันหน้าไปมองมัน

   “มึงติดกูหนนึงนะเก้า”

   มันชิงพูดก่อน

   “อะ .... อือ”

   “งั้นกูขออะไรต้องได้นะ”

   “อะ... อือ”

   ทำไมไม่รู้ ... ส่วนที่มันค้างจากเมื่อเข้ามันตื่นขึ้นมาอีกแล้ว... เหมือนจะรู้ว่าเจจะเอาอะไร

   บ้าไม่ใช่หรอก มันเป็นผู้ชาย
   
   คิดมาก บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

   มันคงให้ผมเป็นเบ๊ยกน้ำยกข้าวให้มันมากกว่า

   แย่ละ

   ของผมยังขึ้นไม่หยุดเลย

   ต้องเอามือมาบังๆไว้แล้ว

   แม่ง

   ไอ้เจเป็นผู้ชายนะมึง

   เพื่อนมึงนะเก้า
 :bye2:
(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอน 7
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 7.0 พระเอก(จบตอน7) [pg2] 11/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 13-09-2015 19:28:24
 :a5:
เห้ย! เก้าฮะ ต้องหายไปไหนแล้ว!! อย่าไปโลเลกะเจสิ #ทีมต้อง
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 8.0 บนรถแท๊กซี่ 14/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 14-09-2015 21:55:46
  10 CM ตอน 8.1 บนรถแท๊กซ๊่     
     
        ช่วงเย็นพวกผมกำลังลงไปรอในห้องวิทย์ เพื่อทำฉากกันต่อ (ที่บอกทำต่อน่ะ จริงๆยังไม่ได้เริ่มเลย) ในห้องตอนนี้มีกันอยู่ 2 คน ผม กับ ป๋าแมค ส่วนไอ้เจ เห็นป๋าบอกว่า ไอ้เจ มันขอตัวไปเตะบอลกับเพื่อนๆห้องอื่นก่อน ไม่รู้ว่ามันไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เรียนมาทั้งวันไม่เหนื่อยเหรอไง

   ต้องหายไปไหนไม่มี ตั้งแต่มันลูบหัวให้ลงไปนั่ง บ่ายวันนี้มันก็ไม่พูดอะไรกับผมเลย พอตกเย็นมันก็หายไปอีก

    ว่าไป ไอ้เจนี่เพื่อนเยอะจริงๆ มันมีเพื่อน หรือไม่ก็คนรุ้จักเกือบทุกห้อง เดินไปไหนก็มีคนทักมันตลอดคิดๆดูแล้วเหมือน พี เลย

   จู่ๆทำไมชื่อนี้ มันถึงกลับมาในหัวผมอีกได้นะ

   “แมค ต้องไปไหนวะ”  ผมถามขึ้น

   “ไม่รู้วะ มันไม่ได้บอก” แมคส่ายหัว

   ระหว่างที่พวกเรารอสองตัวนั้น ผมหันไปดูมัน

   ศิลปินแมคก็กำลังนั่งเล่นกีตาร์ตามเพลงอยู่ ไอ้นี่ก็มหัศจรรย์เหมือนกัน มันเอาทั้งลำโพง ทั้งกีตาร์มารร.ยังไงวะ มันไปแบกมาตอนไหน มารู้ตัวเอาอีกทีมันก็นั่งเล่นให้ดูแล้ว

   ลำโพงที่อยู่ตั้งอยู่มุมห้องเสียบปลั๊กกับกำแพงนั้น วันนี้กำเล่นเพลง Wonderwall ของ Oasis วงที่มันชอบ มิน่ามันนั่งเล่นตามใหญ่เลย

   นาฬิกาบอกเวลา

   “นี่เลยเวลาเลิกเรียนมาจะชั่วโมงนึงแล้ว มันจะได้ทำมั้ยเนี่ย” แมคบ่นลอยๆขึ้นมา

   ไม่รู้จะตอบมันยัง เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

   วันนี้อากาศดี  ไม่ค่อยมีแดดไม่สิ ออกจะครึ้มๆด้วยซ้ำ นอกจากเสียงพัดลมบนหัวแล้วก็เหลือเสียงเพลงกับเสียงกีตาร์ที่เป็นเพื่อนผม ผมจึงนั่งลงกับพื้น ทอดน่องออกไปทางหน้าต่าง กำลังจะเอากระเป๋ามาหนุนหัว

   นอนรอพวกมันก็ได้วะ

   ปัง เสียงประตูห้องเปิดออก

   ผมสะดุ้งโหยง
   
   คิดว่าครูมา

   กลายเป็นไอ้เจที่มาพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ

   สภาพไอ้เจ นี่ผมเห็นแล้วละอดคิดไม่ได้ มันไปเล่นบอลหรือไปตีกับห้องอื่นมากันแน่ เสื้อนักเรียนสีขาวเปียกปอนจากเหงื่อ แปะติดหลังเห็นแผ่นหลังขาวๆเป็นหย่อมๆ รอยดำเลอะๆ บางทีก็เป็นดวงๆ รูปลูกบอล เสื้อหลุดลุ่ย เจ เข้ามาถึงก็เดินไปที่กระเป๋านักเรียน หยิบโทรศัพท์ออกมาดู

   กดๆอยู่สองสามที แล้วเดินไปตากลมเย็นที่หน้าต่าง

   “เจ ต้องละ”

   “ไม่รู้ ไม่เห็น”

   มันตอบเหนื่อยหอบ เอาตัวเปียกๆมันยื่นออกไปนอกหน้าต่าง

   หายไปไหนวะ

   สักพักเสียงประตูเปิดดัง ปัง อีกรอบ

   พวกมันไม่กลัวประตูพังกันรึไงเนี่ย

   ไอ้ต้องตามเข้าห้องมา ท่าทางเหนื่อยหอบไม่แพ้กัน มันไปเตะบอลมาด้วยกันเหรอ

   ตรงข้ามกับไอ้เจ
   
   มันเดินไปยังกองโต๊ะเหล็กที่มุมห้อง มันแกะกระดุมแล้วถอดเสื้อนักเรียนออก ค่อยชยับเสื้อให้ได้ทรงแล้วตากเสื้อนักเรียนสีขาวเปียกๆไว้กับโต๊ะตัวหนึ่ง

   ผมยังกึ่งนั่งกึงนอนอยู่ที่เดิม  แอบมองแผ่นหลังยาวๆขาวๆของมัน ผมที่ผมเห็นตรงหน้า เล่นเอาหัวสมองของผมว่างเปล่าตามไปด้วย นอกจากหลังของต้องแล้ว ที่เหลือกลายเป็นฝ้าขาวๆไปหมด

   ผมกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

   ภาพตรงหน้ามันดึงสายตาผมให้มองยิ่งนัก

   “นี่ ไปเล่นบอลกับไอ้เจมาทำไมเปียกได้ขนาดนี้วะ”  ผมตัดสินใจเดินเข้าไปพูดกับมันจากด้านหลัง   

   นิ่ง ไม่มีคำตอบ

   มีแต่เหงื่อที่ยังไหลไปตามแผ่นหลัง ซึมหายไปในกางเกงนักเรียนสีน้ำเงิน

   สายตาผมไล่ตามเหงื่อเม็ดเป้งนั้นลงไป

   ผมจึงเปลี่ยนใจจะเดินไปหา เจ

   ไอ้ต้องก็หันขวับมา

   แผงอกขาวๆ มีรอยแดงเล็กน้อย แต่เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเป้ง สลับกับหยดน้ำเล็กๆ เกาะอยู่เต็ม  บางหยดกำลังรวมตัวกัน แล้วไหลลงไปเบื้องล่าง จากร่องอกลงสู่ ...หน้าท้อง สะดือ และ ถัดลงไปจากสะดือมีแผงขนประปราย ไหลเรื่อยไปจนถึงขอบกางเกงในสีขาวที่โผล่พ้นกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินขึ้นมา

   แล้วก็ซึมหายไป

   หายไป พร้อมๆกับสติของผม

   ไม่รู้ว่าผมยืนจ้องอยู่นานแค่ไหน แน่นอนว่าในห้องที่ยังมีเสียงพัดลมเพดาน สลับกับเสียงกีตาร์ของแมคดังอยู่

   ตอนนี้ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

   “ไปวิ่งรอบสนามมา ครูทำโทษกูน่ะ”

   “แล้วมึงไปทำไรมา” ผมถาม สายตายังจับต้องไปที่ขอบกางเกงของมัน

   มันส่ายหัว

   “ไล่ไอ้อ้วนแว่นกลับบ้านน่ะ”

   ไล่??? มันหายหัวไปตั้งแต่บ่ายนี่นา

   “มังก็เล่นมันหนักมือไป ปากมันแตกเลย มันคงไปฟ้องครูแหละ” แมคยังดีดกีตาร์ต่อ ส่งแค่เสียงแทรกขึ้นมา

   “มึงทำมันขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถาม

   ต้องไม่ตอบ ได้แต่ยักคิ้ว

   ผมเงยหน้ามองมันแต่ก็เห็นคางและก็ลูกกระเดือกทิ่มตาก่อน หยาดเหงื่อจากบนหน้ากำลังไหลลงมาตามข้างแก้ม

   มันเหลือบตามองลงมา

   “หุ่นกูดีใช่ม้า” ต้องพูดขึ้นมา

   นั่นไม่ใช่คำตอบ ของคำถามผม

   “อือ กำลังดีเลย” ผมก้มหน้าตอบ

   เฮ้ยยยยยยยยยยยย!!!!! กูพูดอารายออกกกกกไปปปปป

   กูไม่ควรไปตอบมันอย่างนั้น

   มันต้องตอบคำถามผม ไม่ใช่ผมไปตอบมันสิ!!!!

   มันเดินเข้ามาใกล้ขึ้นๆ จนตัวจะติดผมอยู่แล้ว

   หุ่นมันจะผอมสูง แต่มันก็มีกล้ามอกนิดๆ (ไม่เท่ากับนักบาสรร.หรอกครับ) แขนมันยาวเก้งก้างแต่ก็มีมัดกล้ามแข็งแรง  หน้าอกไม่มีขนสักเส้น ยกเว้นที่ใต้สะดือ แล้วก็ที่ใต้วงแขน

   นึกถึงตอนที่ ต้อง บอกว่าจะอุ้มผม หน้าผมคงจะชิดกับหน้าอกมัน อกเนียนๆของมัน

   พอคิดแล้ว ผมได้แต่ก้มหน้ามองพื้น พยายามหลบหน้า เพราะหน้าขาวๆ คงจะค่อยๆเปลี่ยนจาก ชมพูด กลายเป็นสีแดงไปหมดแล้ว ผมรู้สึกร้อนไปถึงหู ถ้าหูยังขนาดนี้หน้าก็คงไม่เหลือ ใจผมเต้นรัว ราวกับจะพังอกผมออกมาให้ได้

   ในร่างกายผมมีบางอย่างแปลกๆ

   แย่ละ ส่วนล่างผมเริ่มมีอาการแล้วสิ

   ไอ้บ้าต้องปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาแล้ว
   .
   .
   .
   ไม่เข้าใจว่าทำใมมันเป็นอย่างนี้
   นับตั้งแต่ได้พบเธอ ก็เป็นอะไรไม่รู้

   มองอะไรก็สวยไปหมด โลกนี้ดูช่างสดใส
   ก็เพิ่งเข้าใจเมื่อได้รู้ตัวว่าเธอมายืนอยู่ในใจฉัน

   ตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก
   ตกอยู่ในชั่วโมงแห่งความรัก
   เธอทำให้ฉันต้องมาเปลี่ยนไป ตั้งแต่วันที่ได้พบเจอ
   เธอก็เปลี่ยนคืนวันที่เงียบเหงา
   ให้กลับกลายเป็นวันที่สดใส
   เธอทำให้คนที่ไม่เคยรักใคร
   ต้องเคลิบเคลิ้มล่องลอยไปกับ การรักเธอ
   .
   .
   .
   แต้งงงงงงง เสียงแมคดีดกีตาร์ทีเดียวหกเส้น

   “จะทำงานได้รึยังวะ หรือจะยืนจ้องหน้ากัน” เสียงหงุดหงิดของเจดังมา

   ผมตื่นจากภวังค์

   ท่าทางไอ้เจไม่พอใจ
   
   ผมเดาว่าเพลงนี้คงเป็นเพลงสุดท้ายในรายการเพลงในเครื่องเล่นของไอ้แมคพอดี เมื่อเพลงมันจบลง ไอ้แมคเลยไปกดๆที่เครื่องเล่น ทำอะไรสักอย่าง แล้วหันมาทางพวกผม

   “ทำกันเหอะ เดี๋ยวไม่เสร็จ” แมคเองก็เริ่มเดินไปที่กองอุปกรณ์

   “เฮ้ยๆ ลงสีได้แล้ว ได้เวลาแล้ว เดี๋ยวจะมืดก่อนนะ” แมควางกีต้าร์ ตะโกนเสียงดัง แล้วรีบเดินไปทางมุมกระป๋องสีทั้งหลาย

   ไอ้ต้องเดินผ่านไหล่ผมไป ตัวเฉียดกันมากๆ ไม่สิ ถ้าจะชนกันเลยก็ไม่แปลก มันใกล้มาก ใกล้จนกลิ่นตัวต้องมาแตะจมูกผม มันยังไม่ใส่เสื้อ

   “เก้า มาสิ” ต้องเรียก

   “เก้า มึงทาสีตรงนี้นะ ดูสีดีๆก่อน แล้วลองๆทารอบๆดูกันพลาด”

   “เก้า~!!!!”

   “หะ อะ อะไรนะ”

   “ขอ-โทษ” ผมยังตั้งสติไม่ได้
   
   “ดะ เดี๋ยวๆ นะจะ เอ จะให้ เรา เอ้ย  กูช่วยทำ ตรงไหน เอ้ย ทาสีตรงไหน”  ผมเป็นบ้าไปแล้วครับ ปากสั่นเรียบเรียงคำพูดไม่ออก

   “ใจเย็นมึง กูไม่ได้ตะคอกไรมึงเลย ไอ้ห่านี่ ตกใจไรนักหนา ทำตัวยังกับเมายาแก้แพ้” แมคสวดแล้ว

   ผมคงต้องกินยาแก้แพ้แล้วละครับ

   อาการแพ้อากาศของผมยังไม่กำเริบ แต่อาการแพ้อย่างอื่นกำลังถามหา

   ท่าทางไม่เอาไหนของผมระหว่างในห้องเรียนกับตอนนี้ ตอนไหนมันน่าสมเพชกว่ากันนะ ไปถามพวกมัน มันต้องรุมว่าผมแน่

   ไอ้เจมองหน้าผมกับหน้าไอ้ต้องสลับไปมา แย่ละ พวกมันจะรู้ถึงความผิดปกตินี้มั้ย หน้าตามันดูบูดบึ้งพิกล

   ไอ้ต้องหันมามองหน้าผมยิ้มๆแล้วหันกลับไปยักคิ้วไอ้เจ ก่อนจะลงมึงจัดกระดานให้เข้าที่

   “แฟนงอนเหรอ” ต้องถาม

   “งอน เหี้ยไร เดี๋ยวเหอะมึง” อ้าว ไหงมันพูดงี้อะ

   “ใครแฟนมึง” ผมหันไปทางเจ

   “มึงไง เป็นเมียก็ได้อะ”

   “ไม่ใช่ละ ไอ้ห่า” ผมถีบมันออกไป

   “ถ้าไม่ใช่ก็ดีแล้ว มึงจะโมโหทำไมเก้า” ต้องเดินเข้ามาใกล้ เอามือท้าวกำแพงข้างหลังผมไว้ กดดันเข้ามาเรื่อยๆ

   “เอ่อ ... ก็ ก็มัน .. ไม่ใช่”

   “ไอ้เก้า มึงกล้าเหรอ” เจ วิ่งเข้ามา

   “พอ!!!!!!!!!! ไม่พอกูจะเอากีต้าร์ฟาดหัวมึงทั้งคู่เลย” อันนี้ป๋าโกรธจริงแฮะ ฟังรู้เลย

   “ฟังนะ กูไม่พูดหลายรอบ ฝนก็จะตก” แมคพูดต่อ

   “เดี๋ยวกูร่างรูปต้นไม้คร่าวๆ มีสองแผ่น แบ่งเป็นสองฉาก ฉากนึงจะเป็นตอนหน้าแล้ง อีกฉากจะเป็นหลังจากฝนตกแล้ว ฟังจากฝ่ายแสง สี แล้วฉากที่ฝนตกครั้งแรก จะโปรยกระดาษเงินลงมาจากข้างหลังด้านบนที่เตรียมไว้ ดังนั้นเวลายกเปลี่ยนฉากต้องระวังมากๆ ดุท่าทางแล้วเราสี่คนจะต้องยกกันเอง ฉากละสองคน พอคนหน้าใช้เสร็จ คู่ที่หลบอยู่หลังจากก็ จะเอามายกจากข้างๆ แล้วหลบให้คู่ข้างหลังยกขึ้นมา”

   “ไอ้เชี่ย มึงจะสรุปงานให้จบเลยใช่มั้ยวะ วันจริงแมร่งค่อยบอกกูอีกทีก็ได้ สัด เชี่ย กูยิ่งเซ็งๆอยู่” ไอ้เจโวยวาย สวนสัตว์ออกมาเต้นระบำแล้ว
   
   “อ้าวใครไป ทำ อะ ไร มึง เหรอ คะ รับ” งานนี้ไอ้ต้องจัดเต็มเลยครับ มันทำหน้ากวนตีนสุดที่มันจะทำได้แล้ว (หรือทำได้อีกไม่รุ้)

   พลัก  พลัก

   อุ้ยยยยย ดังสนั่น ป๋าลุกมาตบหัวมันสองคนเล่นเอาตัวโยกเลย

   ผมลุกแกล้งเดินไปเปิดกระป๋องสีน้ำตาลกับฟ้า แล้วยกมาวางให้พวกมัน แอบหลบๆไปดีกว่ากู

   “ไอ้ต้อง ทาสีท้องฟ้าไป ส่วนไอ้เจ มึงทาสีดินแห้งๆสีน้ำตาลนี้นะ” ไอ้แมคชี้นิ้วสั่ง

   ผมยื่นกระป๋องไปที่หน้าพวกมัน

   “งั้นเดี๋ยวกูจะทาสีต้นไม้เอง มันใช้อีกเบอร์นึง” พูดจบผมก็ลุกไปเปิดอีกกระป๋องมา

   “เอาแปรงล้างน้ำเปล่าแล้วทาได้เลย สีอะคริลิคก็คิดๆซะว่าสีน้ำนั่นแหละ” แมคพูด

   “สีน้ำ น้ำใสหรือข้นละ กูก็....”

   แมคส่งสายตาอำมหิตมา   

   เจ เหมือนจะรู้ตัว เลิกบ่นกลางประโยคเลย

   พวกมันสองตัวนั่งยองๆลง ค่อยๆบรรจงทาไปเรื่อยๆ แยกกันคนละมุม

   ผมกับแมคเหลือบไปมองที่สองคนนี้ทำ ..... สุดยอดมากครับ หาคำบรรยายไม่ได้เลย ไม่รู้มันจะวาดรูปทาสีหรือจะเขียนภาษาอียิปต์โบราณ หรือ จะเอาภาษากรีกดี คือ มันเละมากเลยครับ

   สีน้ำตาลที่ไอ้เจ ทา ดูสนุกสนานซุกซน แต่ไม่มีความเท่ากันเลย ไม่หนาไปก็บางไป ตรงไหนที่มันอยากเน้นก็จะทาหนามาก สีเลยเข้มกว่าที่อื่น ตรงไหนที่มันไม่กล้าทา ก็จะสีจางๆ ทางแปรงก็ไม่ได้ไปทางเดียวกันเลย บางทีก็เป็นวงกลม คือ มันไม่ใช่สมุดวาดรูปเล่นนะ

   พอมองไปที่ไอ้ต้อง สีฟ้าทาเท่ากันหมดก็จริง แต่ทิศทางแปรงมันก็ไม่สม่ำเสมอ เห็นได้ชัดว่ามันพยายามอย่างมากที่จะให้ออกมาดี เลยกลายเป็นฟ้าที่เท่ากันหมด สีเดียวกัน ไร้อารมณ์ไปซะยังงั้น แถมคนทายังทำหน้าคิ้วขมวด ทำยังกับทำโจทย์วิชาฟิสิกส์ที่มีคะแนนเต็มสิบยังงั้น

   ของไอ้แมคคงไม่ต้องวิจารณ์แต่อย่างใด เด็กสถาปัตฯมีพี่เรียนนิเทศอย่างมัน ไม่มีอะไรน่ากังวลอยู่แล้วครับ จะกังวลอย่างเดียว คือ มันฟังเพลงไปทำไป ดูไม่สนใจใคร แล้วก็ทาได้ช้าเหลือหลาย

   “หึหึหึหึ” ผมหลุดหัวเราะออกมา

   “พอๆ ไปๆ ทำยังงี้ไอ้แมคด่าตายห่า ขายหน้าเค้าหมด” ผมไล่พวกมันไป

   ดีใจแฮะ ที่ผมก็มีส่วนที่ดีกว่าพวกมัน ผมเลยไล่พวกมันไป นั่งยองๆแล้วก็ลงมือจัดการเองเริ่มจากสีน้ำตาลก่อน โดยมีมันสองตัวนั่งดูผมทำอยู่ใกล้ๆ  คอยเป็นลูกมือส่งสีให้
   
   ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลงอีกหน่อย ห้องวิทย์สีส้สเริ่มกลายเป็นสีฟ้าม่วงๆแล้ว สงสัยต้องรีบมือ

   เพลงที่ป๋าเปิดเริ่มเล่นวน มันผ่านมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย ผมเองก็ชักเหนื่อยแล้วสิ

   วันนี้ผ่านอะไรมาเยอะเหลือเกิน

   แล้วรู้สึกอากาศเย็นๆแล้วแฮะ

   ฝีแปรงบนกระดานเริ่มไม่เสมอ มือผมเริ่มอ่อนแรงลง สงสัยจะล้าแล้วจริงๆ หันไปทางป๋ามันเองก็เริ่มช้าลง สงสัยคงจะต้องพอแค่นี้ ทำต่อไปก็คงจะมีแต่เละ

   จู่ๆ ไอ้เจมันก็ไปนั่งท้าวคางอยู่ข้างหน้าผม ดูผมทาสีไปเรื่อยๆ เพียงไม่นานไอ้ต้องก็ลุกขึ้น แล้วเอาขามาเขี่ยๆ ที่ตูดผม

   ผมเอามือปัดออก

   ยังไม่หยุด!!!

   มันยังเอาปลายเท้ามาเขี่ยอีก

   “ไอ้เชี่ยนี่ เป็นเหี้ยไรวะ เขี่ยกูอยู่ได้” ผมหงุดหงิดจริงๆ

   ไอ้ต้องไม่รู้ไม่ชี้ ยังเอาขามาเขี่ยตูดผมต่อ

   เขี่ยระวังหน่อยสิวะ จะโดนไข่กูแล้ว!!!!

   “มึงจะหยุดไม่หยุด” ผมโวยจริงแล้ว พูดจบผมก็ลุกขึ้นมา

   ไอ้ต้องกับไอ้เจหัวเราะ มันหัวเราะอะไรกันวะ

   “อะไรของพวกมึงนักหนาเนี่ย”

   “มึงไปถอยเกงรุ่นนี้มาจากไหนวะ ของเหลือจากน้องชายเหรอ” ไอ้ต้องถามผม

   “เค้ามีแต่ของเหลือจากพี่ชาย” ไอ้เจพูดต่อ

   “แล้วมันมีอะไรวะ” ผมสงสัย

   ไอ้เจหัวเราะ

   “อย่าบอกสิวะต้อง” ไอ้เจพยายามจะลุกไปปิดปาก

   “นั่งซะไข่ลอดให้ไอ้เจ มองจ้องอยู่นานสองนาน” พูดจบมันหัวเราะร่า

   ผมหน้าแดง มันเห็นแค่ไหนเนี่ย

   “วันนี้กางเกงในสีฟ้าหรือจ๊ะเก้า” เจ ทำท่าจะชะโงกลงไปดูอีก

   ผมเอามือปิด

   “แล้วทีไอ้ต้องนั่งไม่ใส่เสื้อกางเกงมันหลวมไปครึ่งตูด เห็นก้นมันหมดแล้ว”

   ไอ้ต้องทำหน้างง

   เฮ้ย ชิบหายแล้วก็จะไปบอกมันทำไมเนี่ยยยยย

   ไอ้เจท่าทางมีความสุข

   “มึงเห็นขนาดนั้นเลยเหรอ” แมคเงยหน้ามามองหน้าผม

   ใช้เวลาสักพักกว่าจะเค้นคำออกมาได้

   “ป่าวๆ กูไม่ตั้งใจดูนะ คือ... มัน ไอ้ต้องมันถอดเสื้อออกเอง” แย่ละ ชิ่งดีกว่า

   “….. ….​ …. อ้าว ไอ้เหี้ยสองตัวนี่ แล้วมึงจะมานั่งมองไข่กูทำไมวะ” ผมพยายามสรรหาคำด่าอยู่ แต่หายังไงก็หาไม่เจอ
   
   “เดี๋ยวเหอะมึง”

   พวกมันก็ยังไม่สนใจ นั่งหัวเราะกันอยู่ หน้าผมร้อนไปถึงหูแล้ว
   
   ผมเอื้อมมือไปพยายามตบกบาลไอ้ต้อง .... แต่ไม่ถึงครับ มันเขย่งหนี เลยยังขาดอีกเยอะอยู่ ทีนี้พวกมันเลยยิ่งหัวเราะกันใหญ่ 

   “ไปตบไอ้เจไป เตี้ยกว่ากู” ต้องชี้

   “พูดงี้อยากมีเรื่องเหรอ” เจ ตอบ

   นั่นไงทีนี้ไอ้เจเลยลุกมาผสมโรง มันกระโดดถีบเข้าไปที่หน้าอกไอ้ต้องเลย แต่ต้องหลบได้ มันเลยเปิดศึกวิ่งไล่เตะกันรอบห้อง

   คู่นี้นี่นะ

   ไอ้เจก็ไล่เตะไป ต้องก็โดดหลบไปตรงนี้ที นั้นที  พอมันกระโดดลงมาที่ตรงหน้าผม ขามันเขี่ยโดนถังสี สีส้มกระเด็นโดนฉากที่แมคกำลังทา

   “พวกมึงจะมาโดดเตะกันทำไมวะ ใครจะดูไข่ใครก็ดูไป อยากดูมาก็ให้เก้าแก้ผ้าให้ดูไปเลย อย่ามาเหยียบบนกระดานสิวะ” แมคลุกมาด่าแล้วครับ

   พูดงี้กูรู้สึกไม่ดีนะมึง

   ฮือออออออออออออ

   แต่มันก็ยังไม่หยุด

   “งี้ ให้เก้าแก้ผ้าเลยดีกว่า” สิ้นเสียงเจ

   ต้องถึบไล่ไอ้เจไป เจโดนข้ามหัวแมค พอลงพื้นมาตรงหน้าผม คราวนี้มือเจมันแกว่ง ปัดโดนพู่กันในมือผมไปโดนเสื้อ

   “เฮ้ยๆๆๆๆ” พวกเราสามคนร้องพร้อมกัน

   พวกมันสามคนมามุงดูชายเสื้อที่ตอนนี้โดนสีส้มแดงๆเป็นดวงกันใหญ่เลย

   “โห จะล้างออกมั้ยวะ” เจ ถาม

   “ออกดิ รีบเอามันไปล้างน้ำสิวะ” แมคตะโกนมา

   “รีบล้างเหอะ เก้า” ต้องพูด

   “มา เดี๋ยวกูช่วยล้าง ถอดเสื้อออกดิเก้า” เจเดินเข้ามาพูดกับผม

   ผมกำลังจะปลดกระดุมเม็ดแรกออก

   จับได้เลยว่า สายตาของ เจ กับ ต้องกำลังจ้องมาทางผม เป็นผู้ชายถอดเสื้อต่อหน้ามันผิดมากเหรอ

   ผมชะงักมือ
   
   “เจ มึงยิ้มทำไมวะ”

   มันไม่ตอบ เอามือมาช่วยปลดกระดุมต่อ
   
   “มึงจะถอดทำซากไรวะ เก้า แค่ชายเสื้อมึงก็ปลดเม็ดล่างก็พอ” ต้องพูดแข็งๆ

   “เออ จริงวะ”

   “มันล้างยากนะมึง ถอดๆไปเหอะ ผู้ชายด้วยกัน” เจ รีบพูดต่อขำ

   “ฝีมือใครละ” ผมหันไปว่าเจ

   “เอาน่าๆ ถอดสิๆ”

   “พอเลยมึง”

   ไอ้ต้องเอื้อมมือไปตบหัว

   “เดี๋ยวๆ มึงโดนไอ้ต้อง” ไอ้เจร้อง

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

   “นั่นไง หญิงโทรมาตามแล้ว” ไอ้ต้องตะโกนไล่หลังไป

   “แฟนตามกลับบ้านแล้ว” ไอ้แมค พูดต่อมาติดๆ
   
   “เงียบไปเลย” ไอ้เจชี้นิ้ว

   ไอ้เจเดินไปกดรับโทรศัพท์

   “ฮัลโหล” มันพูดเสียงเบา

   “วิ้ววววววว” ไอ้ต้องผิวปาก

   “ไปละ พวกเหี้ย กูโดนโทรตามแล้ว เดี่ยวโดนเตะเอา” เจ วิ่งออกจากห้องไป พลางชูนิ้วกลางมาทางพวกเรา

   โดนตาม???

   เจ วิ่งผ่านทางเดินหน้าห้องวิทย์ฯ ที่มันเป็นชั้นกระจกวางโหลดองอยุ่มากมาย ดังนั้นภาพที่ผมเห็นจึง เป็นเจที่กำลังหนีบกระเป๋านักเรียนวิ่งไปด้วย มันก็หันมาโบกมือให้ผมไปด้วย แต่เวลามองผ่านโหลดอง แล้วรู้สึกแปลกๆแฮะ เหมือนหน้ามันเหลืองๆ มีตะขาบกิ้งกือลอยอยู่

   ผมแอบขำเบาๆ แล้วโบกมือกลับ

   ไว้มีโอกาสผมจะถามมัน

   คำถามที่ผมอยากรู้มานาน

   มันใช่ พีรพล เพื่อนผมคนนั้นรึเปล่า

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบ 8.1 ตอนนี้ก็ต้องโดนตัดอีกแล้ว ยาวเกินเช่นกัน ทนๆอ่านกันหน่อยแล้วกันนะครับ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 7.0 พระเอก(จบตอน7) [pg2] 11/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-09-2015 22:30:57
 :mew1:

ถ้าไม่มีต้อง เชียร์เจเป็นพระเอกนะเนี่ย

อยากให้เจกะพีรพลคนเดียวกัน น่าจะมันส์)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 8.1 บนแท๊กซี่ [pg2] 14/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 15-09-2015 02:33:58
เลือกไม่ถูก
เจก็ดี ต้องก็ได้
โอ๊ยยย ลำบากใจ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 8.1 บนแท๊กซี่ [pg2] 14/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 15-09-2015 15:22:15
เลือกไม่ถูกเหมือนกัน >< เหมือนคนแต่งจะแกล้งสับหลอกไปมา
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 8.0 บนแท๊กซี่ [pg2] 14/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 16-09-2015 22:43:45
10 CM ตอน 8.2 : บนรถแท๊กซี่

        ผมแกะกระดุมสองเม็ดล่างออกมาแล้วเอาชายเสื้อไปล่างในอ่างห้องวิทย์ เผยท้องน้อยขาวๆ ไร้ขนของผม เมื่อก้มลงมอง อดเปรียบเทียบไม่ได้ถึงหน้าท้องแบนราบ มีขนรำไรใต้สะดือของไอ้ต้อง  ขนมันจะลามลงไปถึงไหนนะ

   อา... รีบล้างดีกว่า

   ต้องเดินเข้ามาใกล้ตัวแทบจะชิดกับผม เอื้อมมือมาช่วยขยี้ปลายเสื้อนักเรียนจากด้านหลัง

   เสียงฟ้าร้องข้างนอกดังขึ้นอีกครั้งแล้ว

   สัญญาณเตือน เป็นสัญญาณที่ดังขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว

   “พอแล้วละ ขอบใจ”

   ท่าทางจะไม่ออกง่ายๆ

   ตอนนี้ในห้องเหลือแค่พวกผม 3 คน เลยต้องเร่งมือ ไม่งั้นสงสัยคงได้ทำเท่าที่ทำได้ สวยไม่สวยไว้ค่อยมาแก้กันวันหลัง ถ้าต้องอยู่ดึกๆ ในห้องวิทย์ฯ กับตะขาบดอง เด็กดอง งูดอง เรียงรายทางด้านซ้าย ที่หน้าต่างด้านขวาก็มีโปสเตอร์ร่างกายมนุษย์แปะอยู่ ผมไม่เอาดว้ยนะครับ ใครอยากจะอยู่ก็เชิญ

   ดูท่าทางทุกคนจะรู้กัน ไม่มีใครแหย่เล่นแล้ว ก้มหน้าก้มตาทำ

   เหลือบมองออกไปข้างนอกฟ้าเริ่มร้องอีกแล้ว เห็นฟ้าแลบเป็นระยะๆด้วย

   เกือบ 6 โมงเย็น ฉากทั้งสองจึงจะเสร็จ สวยไม่สวยไม่มีใครหันไปมองละ

   “งั้นรีบเก็บของกลับละกันนะ” แมคพูด

   “โอเค ใครช้าโดนทิ้งนะเว้ย” ต้องหันมาทางผม

   “เฮ้ยๆๆ มึงอย่าๆ” ผมขอร้อง

   “เอาละ กูเก็บของแล้ว” แมคลุกขึ้นยืนคนแรก

   “มึงละเก้า” ต้องหันมาถาม

   “รอก่อนเดะ เสื้อกูยังไม่แห้งเลย”

   “ก็เอาเสื้อออก วิ่งไปทั้งยังงั้นแหละ” ต้องแนะนำ
   
   ต้องคว้าเสื้อไปใส่แล้วออกเดินกับแมคไปรอหน้าห้อง
   
   “กูปิดห้องละนะ” แมคพูดอีกครั้ง

   ผมอุ้มของออกมายืนรอกับไอ้ต้องที่หน้าห้อง

   พอแมคปิดไฟแล้ว ก็กดล็อคประตู แล้วปิดประตูห้อง

   ปิดห้องวิทย์เสร็จ แมคพูดเสียงดัง

   “ไปละ บายยยยยย” แล้วมันวิ่งลงไปเลย

   “เฮ้ยยยยยยยยย” ผมร้องบ้าง

   ฟ้าแลบแล้ว พอไฟในห้องปิด หน้าห้องบริเวณทางเดินเลยมืดสนิท มันทำให้ยิ่งน่ากลัวขึ้น

   ไอ้แมคมันชองลงบันไดหายไปคนแรก   

   “งั้นเราไปกัน” ต้องชวน

   พวกเราเลยหอบกระเป๋าเดินตามแมคลงไป

   “นี่ต้อง มึงมองเห็นเหรอ”

   “เห็นดิ เดี๋ยวกูทำให้ดู”

   มันวิ่งลงบันไดไป

   “อ้าว สัสส มึงทิ้งกู”

   ผมพยายามวิ่งตามไป แม่งมืดฉิบหายเลย

   เผลอแพลบเดียวมันหายไปแล้ว

   ผมสะดุดกับขั้นบันได้ แต่ดีว่าเกาะราวไว้ทัน ตอนนี้พวกมันทิ้งให้ผมอยู่บนบันไดคนเดียว

   “เอออ ค่อยๆไปเองก็ได้วะ”

   อีกสองชั้นถึงจะถึงชั้นล่างสุด ทำไมมันมืดยาวเลยวะ งกค่าไฟอะไรกันนักหนาเนี่ยยยยย

   แปะ!!!

   เฮ้ย ผมสะดุ้งโหยง มือใครวะ

   ผมไม่กล้าหันไปมอง แต่แปบเดียวก็ยิ้มออก

   นั่นไงกลิ่นเสื้อนักเรียนผสมกับกลิ่นเหงื่อ  ผมจำได้กลิ่นนี้ ต้องนั่นเอง 

   มือยาวเก้งก้างวางลงบนบ่าของผมอย่างแผ่วเบา

   “ไอ้ตอ...” ผมจะหันไปถามมัน

   แต่พอชั่งใจอยู่สักพัก ไม่เอาดีกว่า

   ร่างสูงโปร่งนั้นไม่พูดอะไร มือยังคงวางอยู่บนบ่าผมนิ่งๆ ผมจึงต้องแอบเหลือบไปมองมัน

   หน้าต้องตอนนี้เรียบเฉยมองตรงไปข้างหน้า แต่มือยังคงวางนิ่งบนบ่า ค่อยๆดันให้ผมก้าวเดินลงบันได มันก้าวเดินอย่างช้าๆ

   มันคงจะลำบากไม่น้อยที่จะเดินลงไปพร้อมกับผมเพราะว่า ด้วยความสูงของมัน มันจึงต้องอยู่สูงกว่าผมอยู่หนึ่งขั้นบันได ผมค่อยๆเดินลงบันไดไปก่อนท่ามกลางความมืด ตอนนี้สายตาเริ่มชินแล้ว

   แต่แขนที่พาดอยู่นั้น ไม่มีทีท่าจะไปไหน เจ้าของแขนนั้นคงกำลังจะบอกว่า มัน  ต้องยังอยู่ตรงนี้กับผม.....

   พวกเราลงเดินมาถึงชั้นล่างสุด ต้องบีบไหล่ผมเบาๆ แล้วผลักให้ผมเดินออกไป

   ตอนนี้มองออกไปหน้าโรงเรียนเมื่อฝนเริ่มเทลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ

   “งั้นเรียกแท๊กซี่ละกันนะ ไอ้แมคคงไปแล้ว”

   “อือ”

   ฝนตกแบบนี้คงไปรอรถเมล์ไม่ได้

   “งั้นรอนี่นะ” ต้องเดินออกไป

   ต้องก้าวขายาวๆออกไปเรียกแท๊กซี่ ผมมองมันที่ก้มตัวลงไปเปิดประตูหลัง พูดคุยกับคนขับแล้วหันมากวักมือเรียกผม เมื่อผมก้าวออกมา ต้องยืดแขนยาวๆเอากระเป๋านักเรียนมันบังหัวให้ผม

   สภาพตัวมันดูไม่ได้แล้ว เสื้อที่ขาว กลายเป็นบาง จนเห็นผิวกายชัดเจน กางเกงสีน้ำเงินก็กลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม กางเกงในยิ่งบางเข้าไปอีก

   พอเราสองคนขึ้นไปนั่งเบาะหลังด้วยกันเป็นที่เรียบร้อย

   “พี่ครับ ช่วยหรี่แอร์ให้ด้วย” ผม บอกคนขับ

   ต้องมันคงจะหนาว

   เสื้อนักเรียนขาวๆเปียกน้ำมันช่างดึงดูดสายตาให้แอบมองอยุ่ตลอด

   ผมสังเกตุจากหน้าอกมัน ดูแล้วมันคงจะหนาวอยู่  แผงอกขาวๆนั้นสั่นเบาๆ ผมเลยนั่งชิดมันเข้าไปอีกหน่อย เผื่อความร้อนในตัวผมจะช่วยมันได้บ้าง
   
   ถ้ามันไม่ว่าอะไร

   “ต้อง จะแวะบ้านเราก่อนก็ได้นะ” ผมพูดออกไปทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้ามัน

   “อา.......ไม่เป็นไร เดี่ยวกูนั่งต่อไปเลย”

   ฝนตกหนักมาก แต่น่าแปลกรถกลับไม่ค่อยติดเท่าไร

   “ป่านนี้แมคคงถึงบ้านแล้ว” ผมถามต้อง

   “อือ คงงั้นมั้ง”

   “มึง..... เดี๋ยวกลับไปแล้วทำไรวะ” ผมถามมัน

   “ก็อาบน้ำอ่านหนังสือแหละ”

   “มึงน่ะ กลับบ้านดีๆ เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก”  ต้องหันมามองผม เป็นการมองหน้ากันตรงในที่แคบๆครั้งแรก

   มันเอามือวางหลังผม เสื้อผ้าผมแทบไม่เปียกเลย ดังนั้นตัวผมยังอุ่นอยู่ ต้องขอบคุณมันจริงๆ

   “ไม่เป็นไรหรอก มึงอะ ตากฝนอยู่ หนาวมั้ย”

   “นิดหน่อย”

   มันดึงเสื้อเปียกๆออกให้ห่างตัวที่สุด กระดุมสองสามเม็ดบนไม่ได้ติด ดูๆไปตอนนี้ไม่ต่างกับมันถอดเสื้ออยู่เลย

   “งั้นเดี๋ยวกูลงนี่ละกันนะ จะถึงบ้านแมคแล้ว มึงนั่งต่อไปเลยแล้วกัน” ต้องพูด

   เพราะผมนั่งอยู่ทางซ้ายของตัวรถ มันจึงทำท่าจะปีนข้ามตัวผมมา หน้าอกมันอยู่หน้าผมพอดี แทบจะชนหน้าแล้ว

   ตัวมันคร่อมเหนือตัวผม ถึงท่อนบนจะห่างกันแต่บนรถแท๊กซี่แคบๆ ทำให้มันต้องเอาตัวมานั่งบนตักผมเพื่อจะขยับข้ามผมไป ตัวมันท่อนล่างถูอยุ่เหนืออวัยวะผม

   “เฮ้ยๆๆ ไม่เป็นไรๆ”

   ผมผลักมันกลับไปนั่งที่

   “อะไรวะ แล้วจะให้กูลงตรงไหน” ท่าทางมันเริ่มหงุดหงิด

   มันยกชายเสื้อขึ้นมาสะบัด

   คราวนี้กางเกงในสีขาว ที่โดนก็บางพอกับเสื้อเลย ไม่อยากจะมองเลยว่าจะเห็นอะไร แต่มันก็เห็นไปแล้ว อะไรดำๆไม่รู้ แล้วไรขนจากสะดือไล่หายลับไปกับขอบกางเกงในสีขาว ที่ตอนนี่เปียกน้ำ ลู่เป็นทางเดียวกัน

   บางอย่างเหลือเชื่อ

   มันส่งยิ้มมาให้......

   ไอ้บ้าเอ้ย

   มันเอื้อมตัวข้ามผมไปหยิบกระเป๋านักเรียนสีดำ ทำท่าจะเปิดประตูลงอีกด้าน ตอนที่มันเอื้อมคราวนี้หน้ามันเฉียดหน้าผมไปนิดเดียว ลมหายใจยังโดนแก้มอยู่เลย คอมันมาหยุดอยู่เหนือริมฝีปากพอดี

   อยากจะเข้าไปกัดเป็นที่สุด

   “ไม่ต้องห่วงกูหรอก กูแข็งแรงดี มึงอะกลับดีๆ”

   ผมพยายามผลักมันกลับไปนั่งอีกรอบ ผลักที่ท้อง มือโดนท้องเปล่าๆไม่มีเสื้อปิดบัง นิ้วเผลอหลุบต่ำลอดขอบกางเกงน้ำเงินเข้าไป ดีมีกางเกงในกั้นไว้

   ไม่ไหวแล้ว...

   มันยังทำหน้างง

   ต้องบอกลาอีกรอบ คราวนี้มันเองก็มองออกไปทางหน้าต่างอีกด้านดูว่ามีรถมั้ย

   จะลงอีกด้านสินะ

   มือผมไวกว่า

   “กลับดีๆมึง เดี๋ยวไม่สบายแล้วกูจะรุ้สึกผิด”

   มันดึงตัวผมลงมานั่งทับมันที่ตัก เฮ้ย...... มันจะทำไรกูวะ

   “ตัวเบานะ ยกง่ายจัง”

   ผมหน้าแดงไม่ต้องให้ใครบอกหรอก ส่วนล่างกำลังจะมาแล้ว

   “กลับดีๆมึง”

   ผมดีดตัวลงจากรถแท๊กซี่ แล้ววิ่งขึ้นฟุตบาท

   ไฟเขียวพอดี

   ต้องหันมาโบกมือให้อย่างงงๆ มันคงโดดตามลงมาไม่ทัน

   ผมหันไปมองรถแท๊กซี่ที่วิ่งจากไปในสายฝนกลางเดือน สิงหาคม วันนี้ผมไม่ต้องกลับบ้านคนเดียว ไม่ต้องใส่หูฟังแล้วเดินกลับอย่างเดียวดาย..... (ใส่ตอนนี้ก็พังพอดี) ได้อารมณ์แถมมาแบบแปลกๆด้วย

   อารมณ์ที่ผมแทบจะทนไม่ไหว

   ถึงผมจะรีบวิ่งกลับบ้านแล้วเอากระเป๋านักเรียนบังหัวไว้ แต่ในหัวนี่สิคิดถึงแต่บทสนทนาสั้นๆของผมกับต้องตั้งแต่ลงบันไดจนขึ้นรถแท๊กซี่นั้น มันเล่นวนเวียนอยู่ไม่ยอมหยุด

   มันประหลาด อบอุ่น แต่ก็รู้สึกน่าหดหู่ ใจหาย

   ผมไม่สามารถบอกต้องไปได้ เพราะอย่างไร มันก็เป็นผู้ชาย

   แต่ส่วนที่เป็นชายของผมท่าทางมันจะสู้ไม่ถอยซะแล้ว

   วิ่งกลับบ้านทั้งๆที่มันชี้ตระหง่านนี่แหละ

 :bye2:
(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบตอนที่ 8 แล้ว

ตอนหน้า บังเอิญจริง เป็นตอนที่ 9 มี 9 หน้า คงจะลงทีเดียวจบเลย

อยากให้อดใจรอตอนหน้านะครับ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 8.2 บนแท๊กซี่ [pg2] 16/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 17-09-2015 21:53:34
ทามมายต้องไม่ยอมกลับไปอาบน้ำบ้านเก้า!!!! :ling1:
เก้าอุตส่าชวน!! ชิ  :sad4:
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ห้องน้ำ [pg3] 18/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 18-09-2015 16:56:17
10 CM : ตอนที่ 9.0 : ห้องน้ำ   

        ฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตา ตกจนรู้สึกหนาว ผมต้องเอากระเป๋านักเรียนขนาดเท่าตัวกอดเอาไว้ ไม่งั้นได้เปียกไปถึงข้างในแน่ๆ ในกระเป๋ามีโทรศัพท์มือถือกับไอพอดซะด้วย นานๆผมจะเอาไอพอดมาฟังเพลงด้วยซะทีหนึ่ง แล้ววันนี้ยังไม่ได้ใช้เลย

   เสื้อนักเรียนสีขาวที่ตอนนี้บางไม่ต่างจากเสื้อของไอ้ต้องแล้ว เพียงแต่เนื้อหนังที่อยู่ข้างใน ผอมและเล็กกว่า กางเกงนักเรียนสีน้ำเงินเข้มที่ก่อนหน้านี้ราวกับจะมีอะไรบางอย่างดันออกมา ตอนนี้โดนฝนทั้งเปียกและหนาว ทำให้แบนลู่กลับไปที่เดิม

   ขาสั้นๆรีบวิ่งฝ่าสายฝนไปใต้ต้นไม้ วิ่งลัดเลาะไปตามหลังคาบ้านที่อยู่เรียงรายแถวนั้น บ้านใครก็ไม่รู้

   ตอนนี้ผมมายืนอยู่ที่หน้าบ้าน มองเข้าไปเห็นไฟในห้องกินข้าวยังคงมืดมิด ลานจอดรถเล็กๆในบ้านแบบตึกแถวว่างเปล่า รถไม่อยู่... ไม่ต้องสงสัยเลย

    พ่อกับแม่ยังไม่กลับ... คงเป็นอีกวันที่กลับดึก ยิ่งฝนตกหนักๆอย่างนี้แล้ว ท่าทางรถคงจะต้องติดแน่ๆ

   แปลกแฮะ ทางที่ผมมาไม่ติดเลย ดูถนนหนทางจะไม่เป็นใจ ทั้งกับพ่อแม่ผมและตัวผมด้วย

   ผมยืนหอบแฮก อยู่หน้าบ้าน ผลจากการกึ่งเดินกึ่งวิ่งที่ไม่รู้ว่าผมจะลงรถหนีมันมาทำไมให้มันมาส่งซะก็สิ้นเรื่อง

   เสื้อผ้าที่เคยแห้งจากการปกป้องของตัอง ผมก้มลงมองดู พื้นหน้าบ้านนองไปด้วยน้ำ น้ำที่ไหลเป็นทางผ่านชายเสื้อลงไปยังพรมเช็ดเท้าหน้าบ้าน หยดน้ำฝนทำให้พรมสีน้ำเงินอ่อนสีเข้มขึ้น จากเป็นดวง ตอนนี้เริ่มลามไปเต็มผืน

   ดีที่บ้านไม่มีคนอยู่ พอไขประตูบ้านแล้วเปิดประตูหน้าเข้าไป ชะโงกดูให้แน่ใจอีกทีว่าไม่มีใครอยู่ชั้นล่างแน่ๆ

   “เข้าบ้านแบบนี้ โดนด่าแหงๆ”

   ขืนตอนนี้ผมเดินเข้าบ้านไปทั้งตัวเปียกๆ มันคงจะทำให้เละเทะที่พื้นมากๆ แล้วเกิดพ่อแม่กลับมาเดินไม่ระวังจะลื่นเอาได้ ผมไม่อยากเปิดไฟชั้นล่างทิ้งไว้ แล้วก็ขี้เกียจเกินกว่าจะหาผ้ามาถูพื้นด้วย

   ผมจึงจัดแจงถอดเสื้อผ้าตัวเองออก ทีละชิ้น..

   ใจเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเริ่มจากเสื้อนักเรียนสีขาวที่ตอนนี้บางเป็นกระดาษทิชชู่ ผมถอดออกแล้วยื่นมืออกไปบิดที่ชานพักหน้าบ้าน หลบบพรมเช็ดเท้าที่เปียกโชกไปแล้ว

   เสื้อที่ขาวบางเหมือนของต้อง

   กางเกงนักเรียนที่สีเข้มเหมือนพรมเช็ดเท้า ผมลังเลอยุ่นิดหน่อย ใจก็เต้นโครมครามก่อนจะตัดสินใจถอดมันออก กางเกงผ้าหน้าเกินกว่าผมจะบิดแล้วให้แห้งได้ เข็มขัดถูกดึงออก มันทำจากหนัง จะลอกไหมนะ

   ชิ้นสุดท้าย กางเกงในสีฟ้าที่ลู่ติดเจ้าของร่างไม่ต่างจากเสื้อ แค่สีเข้มกว่า ใส่กับไม่ใส่ก็ไม่ต่างกันแล้ว ผมก้มลงมอง เห็นเป็นรูปร่าง เมื่อตัวปราศจากเสื้อผ้า ก็ไม่มีน้ำหยดออกมา เพราะกางเกงชั้นนอกรับน้ำไปหมด พอหันไปดูบั้นท้าย มันก็บางจนเห็นตูดผม ข้างหน้าก็แนบสนิทเป็นรูป

   สองมือผมถอดมันออกแล้วขยำหมาดๆ ก่อนรีบมุดตัวเข้าบ้าน แล้วยื่นมืออกไปบิดที่ชานพักหน้าบ้านอีกที หวังว่าฝนตกยังงี้จะไม่มีใครออกมามองเด็กผู้ชายตัวเล็กๆขาวๆแก้ผ้าเดินไปมานะ (หึหึ)

   ตื่นเต้นสุดๆเป็นครั้งแรกที่ผมโชว์ตัวแก้ผ้า ที่ไม่ใช้ในห้องน้ำหรือห้องนอน

   และมันคือหน้าบ้าน
   
   มองตัวตัวเปลือยเปล่าสีซีดๆของผมในกระจก นอกจากหัวแล้วไม่อีกแค่ส่วนเดียวที่มีผมสีดำปกคุลมอยู่ ผมจึงหันหน้าออกแล้วค่อยๆขยับเอาเสื้อผ้าเปียกปอนไปกองทิ้งไว้ในเครื่องซักผ้า ก่อนผมจะมุ่งหน้าขึ้นบ้าน เดินขึ้นบันไดไป สบายใจเย็นโล่ง

   เมื่อไม่มีเสื้อผ้าที่เปียกอยู่บนตัว ลมที่พัดมาจากหน้าต่างชั้นบนทำให้ผมรู้สึกหนาวกายยิ่งนัก ไม่เว้นแม้แต่ส่วนนั้นที่หดเล็กสั้นเข้า

    ผมเดินตรงเข้าห้อง แทบจะในทันที ผมรีบปิดประตู ล็อคห้อง แล้วเปิดไฟ ถึงตอนนี้บนเนื้อตัวผมยังคงไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น

   โยนกระเป๋านักเรียนชื้นๆ โครมลงบนโซฟา

   ตัวที่เริ่มรู้สึกหนาวเหน็บ ถึงแม้จะยังงั้น การแก้ผ้าหน้าบ้าน มันกระตุ้นอารมณ์อยากผมได้เป็นอย่างดี

   มันชี้นำทางผมมาตลอดตั้งแต่ลงจากจนแท๊กซี่ มันรออีกทีจนผมเข้ามาในห้อง

   ผมรู้สึกหนาวสั่น แต่พอเอามือลูบหน้าอกตัวเอง ในหัวก็สะท้อนภาพหน้าอกขาวของต้องขึ้นมาแทน

   แล้วนึกถึงตอนที่นั่งตักต้อง บางอย่างแข็งๆ ผมรู้สึกได้

   เป็นอะไรไม่รู้

   ไม่รู้ว่ามันคือ หัวเข็มขัด หรือว่า ...

   ‘มึงอะกลับบ้านดีๆ เดี๋ยวเป็นหวัด’

   ประโยคคำพูดนี้ของต้อง ยังลอยอ้อยอิ่งอยู่ในหัว แต่ดูท่ามันจะไม่มีผลต่อผมแล้ว คำเตือนนี้ดูจะใช้กับผมไม่ได้ผล ความอยากมันบังความคิดไปจนหมด

   ป่านนี้มันจะทำอะไรอยู่นะ???

   มันจะแก้ผ้าอยู่เหมือนผมรึเปล่า

   ผมพาตัวเองไปอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ ต้องรีบอาบน้ำเดี๋ยวจะเป็นหวัด ใช้เวลายืนมองตัวเองหน้ากระจกครู่หนึง ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปเปิดก๊อกน้ำเย็น แล้วตามด้วยน้ำร้อนอีกหน่อย น้ำอุ่นถูกปล่อยให้ไหลผ่าน มันไหลเล้าโลมตัวผมตั้งแต่หัวเรื่อยลงมา ไล่ลงไปตามคาง วิ่งผ่านหน้าอก ลงสู่ท้องน้อย ไหลเรื่อยไปจนถึงปลายนิ้วเท้า

   รู้สึกสบายอย่างที่สุด...

   เหมือนมีคนมาลูบไล้

   ไม่น่าลุกจากตักต้องเลย แต่ผมก็ทนไม่ไหวแล้ว

   ตกลงผมชอบผู้ชายจริงๆใช่มั้ย

   ฉากกั้นอาบน้ำถูกเปิดออก ผมอยากเห็นตัวเองในกระจกตอนนี้

   กระจกเงาสะท้อนภาพที่ว่างด้านหลังผม ที่ว่างที่ยังเหลืออยู่

   ส่วนข้างหน้ามีร่างขาวเล็กร่างนึง กับแท่งอะไรสักอย่างที่ชี้ขึ้นประจันหน้ากับผม ผงกหัวให้อย่างเข้าใจ
   
   เจ้าของแท่งนั้นก็รอเวลานี้อยู่เหมือนกัน

   ผมน่าจะลากมันกลับมาบ้านด้วย แล้วชวนมันอาบน้ำ

   แต่ใครจะอาบน้ำก่อนนะ

   เอ... หรือว่าพร้อมกันดี???

   ผมยิ้มน้อยๆออกมา

   ความรู้สึกเสียวแปลกๆเริ่มก่อตัวขึ้นที่ส่วนล่างของร่างกายผม ไม่รุ้ตัวเลยว่า ตั้งแต่มือไหร่ที่มือข้างขวาที่ลูบไล้ไปตามตัวนั้นตอนนี้ไปหยุดอยู่ที่ ตรงนั้นแล้ว นิ้วมือขยับเขี่ยปลายที่ถูกปิดไว้ในตอนแรก เขี่ยวนไปมาจนกระทั่งมันตึงถึงที่สุด ให้หนังบางๆที่ปิดไว้เปิดออก

   แล้วก็... เปลี่ยนเป็นกำมือไว้แน่น ขยับเข้าออกช้าๆ

   มันเป็นไปอย่างเชื่องช้าๆ ใช้อารมณ์ที่ยังค้างจากต้องอยู่ให้คุ้มค่า น้ำอุ่นยังคงถูกเปิดไว้อยู่อย่างนั้น เพียงแค่ขยับตัวถอยออกมาจากสายน้ำเพือที่จะถูสบู่

   ตอนนี้มันเริ่มมีอาการตอบสนองมากขึ้นแล้ว รู้ได้จากบางส่วนที่ผมเว้นไว้เพื่อเน้นถูหลังสุด แต่มันกลับลื่นพอๆกับส่วนอื่นที่ถูไปแล้ว

   ผมจีงใช้สบู่นิดหน่อยถูวนอยู่แถวนั้นสักครุ่ ไม่ต้องใช้สบู่มากแค่ที่ออกๆมาก็ทำให้ลื่นมากไปแล้ว ในหัวจินตนาการไปว่า ถ้าคนที่สัมผัสโดนตัวผมตอนนี้เป็นต้องแล้วละก็.... มันคงจะยืนสูงตระง่านตัวเปลือยเปล่าเหมือนกันอยู่ข้างหลังของผม

   ตรงนั้นของมันน่าจะจ่อมาที่บั้นท้ายพอดี

   ไม่สิ น่าจะเลยขึ้นมาเพราะมันสูง

   อยู่ที่ความยาวของมันสินะ

   ผมหัวเราะคิก

   ผมถอยหลังบดเบียดอากาศ อยากจะขยับเอาตัวไปเบียดกับของมันมาก ขนาดมันจะเป็นอย่างไรนะ

   เฮ้ย กูเป็นผู้ชายนะ แล้วต้อง ก็เป็นเพื่อนมึงนะ!!!
   
   แต่ช่างแม่งเถอะ!!!!!!!.... มันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ อารมณ์ผมตอนนี้ควบคุมไม่ได้แล้ว ช่วยกูก่อนนะ ต้อง

   กูไม่ไหวแล้ว

   กระจกห้องน้ำที่มีฝ้าเกาะอยู่ทั่วไป ก็ฉายภาพที่มีต้องยืนอยู่ข้างหลัง ต้องที่ค่อยๆเอื้อมมือมากอดเอวผมช้าๆ มันฝังตัวเข้ามาแน่นในตัวผม แล้วค่อยๆเข้าโยกเข้าออก หวังว่าขนาดของมันจะกำลังดีนะ

   มือก็ค่อยๆขยับเข้าออกให้เร็วขึ้นๆ ตามจังหวะที่ผมโดนทำไปด้วย มืออีกข้างที่ว่างอยู่ลูบเอว แล้วถูลงไปที่บั้นท้าย บีบเค้นเอาไว้ให้แน่นเหมือนเวลาต้องทำผม ภาพของต้องกำลังขยับเข้าออก ทำหน้าบิดเบี้ยวมือยาวๆของมันก็ลูบไปตามตัว มือของผมตอนนี้ไม่ใช่มือผม แต่เป็นมือต้อง

   ตัดสลับกันไปมาเป็นฉากๆ กับภาพความเป็นจริงในกระจก

   ส่วนภาพในหัวยังชัดเจน มันไม่ใช่ทั้งในห้องวิทย์ที่เอาตัวเข้ามาใกล้ หรือหน้ามันที่ยื่นเข้ามา กลับเป็นตัวมันเปล่าๆที่ยืนเบียดอยู่กับผม ขยับเข้าออกเร็วๆจากด้านหลัง เอื้อมแขนมากอดผมไว้ กลิ่นตัวอ่อนๆโชยออกมา

   ตอนมันทำเองที่บ้าน มันจะคิดอะไรนะ จะออกเสียงหรือเปล่า

   “เก้าๆ เราจะไม่ไหวแล้ว”    

   เสียงของมันเรียกชื่อผม เสียงในจินตนาการ มือขยับเร็วและรัวขึ้น อีกข้างก็บดเบียดบั้นท้ายให้แรง ราวกับว่าต้องกำลังทำอยู่ข้างหลังจริงๆ

   “พร้อมกันนะต้อง”

   “มาแล้วต้อง”

   มืออีกข้างเปะป่ายไปทั่วตัวกำแพง อารมณ์มันกำลังประทุ ขาเขย่งเกร็ง ความรู้สึกแปร๊บที่ส่วนปลายมายิ่งขึ้น

   มือขวาดึงร่นลงมาให้ตีงที่สุด เพื่อนส่วนปลายจะได้แน่นเกร็ง พร้อมๆกับจุดสุดยอดที่มาถึง

   มีอะไรพุ่งทะลุออกมา

   เท้าจิกแน่น

   “อา..... ต้อง”

   สายน้ำอุ่นที่ออกจากตัวผมพุ่งลงสู่พื้น อุ่นกว่าน้ำที่เปิดเอาไว้ บางส่วนจบลงที่กำแพงห้องน้ำ นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้ทำอย่างนี้ มันเลอะเต็มไปหมด

   ความอยากมันค่อยๆจางจบลงหมือนๆกับคราบน้ำที่โดนชะล้างออกไป

   รวดเร็วแต่เลอะเทอะ

   แล้วก็ทิ้งคราบเอาไว้

   ความรู้สึกอายเข้ามาครอบคลุมแทนที่

   .
   .

   ผมทำห่าอะไรลงไป???

   ทำไมถึงคิดถึงต้องไปได้

   คิดไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์

   เรื่องแบบนี้มันจะไม่มีวันเป็นจริง.... ผมมั่นใจ

   แล้วผมจะไม่ยอมให้มันเป็นด้วย เพราะผมเป็นผู้ชาย

   .
   .
   .

   คืนนั้นผมนึกครึ้มอะไรไม่รู้ ลุกขึ้นมานั่งอ่านหนังสือก่อนนอน

   สงสัยจะอาบน้ำนานไปรู้สึกครั่นเนื้อตัวแปลกๆ หรือแพ้หนังสือกันแน่ ฝนข้างนอกก็ยังไม่หยุดตกดี
   
   ตาเหลือบไปที่โทรศัพท์ ควรจะโทรไปหาต้องดีมั้ยนะ มันอุตส่าห์จะเปียกฝนเพื่อผม (แต่ขากลับเสือกวิ่งตากฝนมาซะงั้น)

   นาฬิกาบนโทรศัพท์แสดงเวลา

   สามทุ่มกว่าแล้ว...

   ป่านนี้พ่อแม่ผมคงน่าจะกลับมาแล้ว แต่ทำไมมันเงียบๆ ไม่ได้ยินเสียงคนคุยกันเลย ถ้ายังไม่กลับก็ดูจะดึกไปพอลองฟังดีๆ ได้ยินแต่เสียงเดินหนักๆขึ้นห้อง

   เฮ้อ ....สงสัยจะทะเลาะกันกลับมาสินะ

   จะไม่ทะเลาะกันสักหน่อยจะเป็นไรไหมเนี่ย

   ทุกทีผมจะได้นอนฟังเสียงโวยวายยาวไปจนดึก บางครั้งเท่านั้นที่นานและดังพอจับได้เลาๆว่าเค้าทะเลาะอะไรกัน

   ส่วนมากเป็นเรื่องงาน คนที่จริงจังเรื่องงานสองคนมาเจอกันเนอะ

   แต่วันนี้เงียบ

   มีแค่เสียงปิดประตูดังๆเฉยๆ

   ผมเลยลุกออกไปเปิดวิทยุ หาเพลงฟังกลบเสียงประตูดีกว่า เผื่อมีเสียงลอดออกมา ผมเองบางทีก็ไม่ได้อยากรู้ว่าเรื่องอะไร จะเปิดดังมากก็ไม่ได้  เดี๋ยวกลายเป็นสองคนนั้นจะมาลงที่ผมแทน

   เอะ หรืออาจจะดีกว่าถ้าเปิดดังๆแล้วให้เค้าสองคนหันมาด่าว่าผมแทน เพื่อเค้าจะเลิกทะเลาะกัน

   อย่างน้อยพอเค้าด่าเสร็จมันก็อาจจะได้ระบาย แล้วอารมณ์อาจจะดีขึ้นก็ได้ คิดไปคิดมาไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่มีทางเลือกดีๆเลย

   ผมจะพยายามทำสมาธิอ่านหนังสือต่อไป แต่ท่าทางจะไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้ว วันนี้ก็คงได้แค่นี้แหละ (ยังไม่ถึงหน้าเลย)

   เฮ้อ....

   ผมเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง มือควานหาโทรศัพท์โทรหาต้องดีมั้ยนะ
   
   หน้าต้องมันลอยออกมาจากโทรศัพท์ เป็นหน้าของต้องที่ผมจินตนาการว่า ทำบางอย่างอยู่ในห้องน้ำกับผม

   อย่าดีกว่า ผมยังรู้สึกผิดอยู่
   
   เออ ใช่ ไอ้เจโทรมานี่นา

   วันนี้มันก็ไม่ได้พูดว่ามีธุระอะไร ผมเองก็ลืมถามมัน

   มีอะไรรึเปล่า???

   ปกติมันไร้สาระอยู่แล้วจะเอาอะไรกับมัน

   ผมกดชื่อ เจ แล้วโทรออก

   “โหล เจ”

   “ว่าไงครับ” เสียงคุ้นปลายสายรับขึ้น

   แต่ทำไมมันพูดเพราะวะ

   “เจ รึเปล่าครับ”

   “ใช่ครับ”

   “กูเอง เก้า”

   “ครับ ว่ายังไงครับ”

   “… มึง สะดวกคุยรึเปล่า”

   “สะดวกครับ คุยได้”

   “แล้วทำไมพูดยังงี้วะ”

   “ก็คุยกับเด็กกู กูก็ต้องสุภาพสิครับ”

   สัส เอ้ย

   สุภาพยังไงใช้กู

   “ค....ย เหอะครับ” ผมจะกดวางแล้ว

   “เฮ้ยๆๆๆ กูล้อเล่นๆๆๆ”

   “ว่าไงมึงมีไร” เจพูดต่อ

   “เออ ค่อยยังชั่ว”

   “วันก่อนมึงโทรมามีอะไรรึเปล่า” ผมถาม

   “กูลืมแล้วมึง โทรไปก็ไม่รับนะ”   

   “อ้าว กูจะรู้มั้ย มึงโทรมากูก็นอนแล้วนี่” ผมไม่อยากจะเถียงด้วย ไม่มีอะไรก็ดี

   “เออ แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่วะ ฝนตกหนักนี่ ตากฝนป่าว” เจถาม

   “ก็กำลังจะนอนแล้วละ ตากฝนน่ะตากเปียกซกเลย”

   “เออ แล้วใครใช้ให้มึงหนีไปทำหอกอะไรละ” ผมถามมั่ง

   “ก็กลับมาบ้านนอนเล่นเกมอะดิ”

   “เออ ใช่สิ มึงเห็นเกมสำคัญกว่านี่” ผมว่ามัน

   “ป่าวหรอก ก็พี่กุมาตามนี่นา” มันทำเสียงอ่อยๆ

   “เออ” ผมกำลังคิดคำถามต่อไป

   ผมว่ามันหนีตามหญิงไปแน่ๆ

   แต่หมดเรื่องคุย ความเงียบกำลังเกาะกุมสาย

   “เออ นี่มึงชอบใครอยู่ป่าววะ” มันถามผมตรงๆ

   “เฮ้ย อยู่ๆมาถามทำไมวะ”

   “ไม่อะ ถึงมีเค้าก็ไม่ชอบกู”  ผมตอบไปตามนั้น ถ้าความรู้สึกที่มีต่อต้องคือชอบอะนะ

   “ดี งั้นงานวันวิทย์ไปเล่นกันมะ”

   “หา ก็ไปกันทุกคนดิ ว่างกันหมดนี่นา มึงไม่คิดชวนคนอื่นเหรอ” ผมถามกลับ

   “ป่าววะ ไอ้ต้องนัดสาว ชัวร์ คนอย่างมัน ไอ้ต่อจัดให้อีกอยู่แล้ว ไอ้แมคก็ไม่ทราบสาเหตุการหายไป”

   “สัสนี่” ขอด่ามันก่อนตอบ กวนได้ตลอด

   “เออ ถ้าว่างๆนะ”

   “ไอ้แมคหายไปไหนวะ” ผมถามมันกลับ

   “ไม่รู้ ถามมันเองดิ” นั่น ดูมันตอบ

   “นี่ กูถามหน่อยดิ เจ มึงเรียนประถมที่นี่ใช่ป่าว” ผมถามกลับมั่ง

   “ใช่ดิวะ ถามทำไม” เจ ตอบ

   “คือ กูอยากรู้ว่า... มึงใช่พีรพล ที่กูรุ้จักป่าววะ”

   “อ้อ ฮ่าๆ คือ...”

   เสียงโวกเวกแทรกมาจากปลายสาย

   “เฮ้ยๆๆๆๆ พี่กูเรียกๆ เดี๋ยวคุยกันนะ”

   “ฝันดี จุบ”

   ก่อนวาง ยังเล่นกูได้นะไอ้เจ สัสเอ้ย

   “….”

   แล้วสายมันก็ตัดไป
   
   เฮ้อ ผมเดินไปปิดไฟแล้วเข้านอน วิทยุยังคงเปิดไว้ สรุปแล้ว ผมก็ยังไม่ได้รุ้ความจริง คิดว่ามันจะต้องใช่แน่ๆ แล้วถ้าใช่ ผมอยากจะถามมันดังๆว่า ตอนนั้น “มึงจะพากูไปทำอะไร” ทำไมไม่ทำซะเลยละ ฮ่าๆๆๆ บ้าใหญ่แล้ว

   ทำตอนนี้ก็ยังทันนะ

   เพ้อเจ้อ

   สงสัยน้ำยังออกไม่พอ

   ถ้าเจมันชวนผม...
   จริงๆถ้าต้องชวนผมจะตอบยังงี้มั้ยนะ หรือว่าผมจะถามต้องเองดี

   ช่างมันเหอะ มันนัดหญิงนี่ งานนี้พวกต่างโรงเรียนก็ชอบมากันซะด้วย ว่างกันจังนะ

   กดปุ่มปิดตัวเองดีกว่า

   พอหลับตาลง ภาพงานวันวิทย์ก็ออกมาให้หัว ผมคิดล่วงหน้าไปแล้ว มันคงจะสนุกนะ ถ้าต้องอยู่กับผมด้วยในวันนั้น

   สมองผมปิดตัวเองเร็วเกิน

   .   
   .
        .

   งานวันวิทย์เหรอ อีกไม่กี่วันแล้วสินะ.......


 :bye2:

(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 18-09-2015 17:37:17
น้องเก้าแรงงงงงง แต่ฟินอะ ฉากในห้องน้ำ อิอิ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 18-09-2015 20:46:59
เชียร์เจ  แต่เก้าเหมือนจะชอบต้องไป  :o12:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-09-2015 23:17:06
รู้สึกเหมือนโดนหมาหยอกไก่ตลอดเลย
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 18-09-2015 23:43:40
เป็นลมกับฉากห้องน้ำ  :jul1:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-09-2015 07:22:39
ดูจากชื่อเรื่อง น่าจะเป็นน้องเก้ากับน้องต้องแน่เลย :katai2-1:
ตอนที่ทำโจทย์หน้าห้อง แล้วไอ้อ้วนแกล้งอ่ะ พี่เคืองอาจารย์จัง ไม่ห้ามเล้ยยยย  :katai1:
แต่ปริศนาน้องเจกับน้องพี่คนเดียวกันไหมนี่ใช่แน่เลยอ่ะ แต่น้องเก้าห็ไปเรียกเค้าว่าพีเองไม่ใช่เหรอ :laugh:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 9.0 ตากฝน [pg3] 18/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 20-09-2015 15:58:12
กรี๊ดดดดดดด #เท้าจิกแน่น :hao5: #ฟินค่ะ
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ [pg3] 18/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 20-09-2015 23:51:59
10 CM ตอนทีื 10.0 : ซ้อมงานวันแม่ 1

   ผลจากการโลดโผนเมื่อคืน วันรุ่งขึ้น ผมตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการตัวร้อน ไอ้ไข้สูงๆนี่ มันมาทักทายผมแบบแรงๆแต่เช้ามือ ตอนนี้ยังรู้สึกแสบคอ คอแห้งผาก มิน่าเมื่อคืนนอนหลับสนิท นาฬิกาปลุกบนหัวเตียงยังปลุกผมให้ตื่นไม่ได้เท่านี้เลย

   สงสัยตอนอาบน้ำจะโลดโผนไปหน่อย ดี วันนี้จะได้มีข้ออ้างไม่ต้องไปเรียน

   ไอ้น้องผมก็เงียบสนิทไม่ทักทาย แต่เช้า สงสัยมันเองก็เหนื่อย เมื่อวานมันก็ซ่าเกินตัวเหมือนกันนี่นะ

   นอนต่อไปอีกสักหน่อย ก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ
   
   ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ผมนอนอยุ่บนเตียงตั้งแต่ตื่นมา ยังไม่ยอมลุกไปไหน มีฝืนขึ้นมาเข้าห้องน้ำแล้วก็กินยาไป เสร็จแล้วลงไปนอนต่อ

    วิทยุตอนนี้ยังคงเปิดค้างไว้อยู่ นี่เมื่อคืนเปิดทิ้งไว้จริงเหรอเนี่ย ดีไม่โดนพ่อแม่ด่า

   ข่าวต้นชั่วโมงแว่วมา เก้าโมงเช้าแล้วเหรอ ในห้องคงกำลังเรียนคาบที่สอง

   รวบรวมแรงอยู่สักพัก พยายามเหยียดแขนขาออก ก่อนจะโดดออกจากเตียง เดินตรงไปเปิดทีวีเล่นเกมดีกว่า ไหนๆก็โดดเรียนแล้ว แต่เล่นไปได้สักพักก็เบื่อ เกมเดิมๆ เล่นก็เล่นไม่ผ่านนี่ถ้ามีพวกไอ้เจมาช่วยเล่นด้วยน่าจะสนุกกว่านี้

   ผมล้มตัวลงเอนหลังกับโซฟา แหงนหน้ามามองเพดาน แปลกดี วันนี้น่าจะได้หยุดนอนสบายๆแท้ๆ รร.ที่โคตรจะน่าเบื่อ ที่ๆต้องไปทุกวัน พอวันนึงที่เราไม่ได้ไป มันกลับทำให้คิดถึง ไม่สิมันไม่คุ้นเคยมากกว่า เหมือนอะไรมันขาดไป

   ในขณะที่ทุกคนแต่งชุดนักเรียนออกจากบ้าน พอต้องอยู่เฉยๆคนเดียวมันก็แปลกๆมั้ง

   จริงๆแล้ว ที่อยากไปอาจจะเป็นเพราะเรื่องอื่นมากกว่า

   ไม่เคยรู้เลยแฮะว่า วันธรรมดานอนเฉยๆอยู่กับบเ้านมันน่าเบื่ออย่างนี้เอง
   
   ไม่รู้จะทำอะไร กลิ้งไปมาก็คงจะไม่หลับอีก จะเล่นเกมต่อไป แต่ยังมีไข้อย่างงี้ไม่ไหวแน่ๆ ยิ่งไม่พักด้วยจะทำให้แย่ลงเปล่าๆ คิดไปมาจนกำลังจะหลับ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น

   “เออว่าไงวะ” ผมรับสาย เสียงยังชัดดี

   “ไปไหนวะ ไม่ยอมมาเรียน”

   เสียงคนเดียวกับเมื่อคืน

   “เจ เหรอ เออ กูไม่สบาย”

   “สำออยนะมึง”

   นั่น ว่ากูอีก

   ใครจะไปอึดถึกทนแบบมึงละ ไอ้เจ

   “เดี๋ยวพรุ่งนี้กูก็ไปเรียนแล้ว” ทำไมมันต้องว่าด้วย
   
   “นี่เป็นไงมั่งละมึง มีการบ้านไรมั้ย” ผมถามเผื่อต้องไปลอกงาน

   “ยังวะ บ่ายเห็นว่ามีซ้อมงานวันแม่ ไม่ต้องเรียน” เจ ตอบเรียบๆ

   “โห ดีวะ ไม่น่าป่วยเลยกู”

   “จะวันแม่แล้วนะมึง แม่ทูนหัว หึหึ”

   “ไรวะ มึงก็เตรียมตัวกราบแม่ทูนหัวมึงสิ” ผมแกล้งถาม

   “ไม่เว้ย ยังงั้นเค้าไม่ได้มีไว้กราบ”

   “ทำไมมึงจะว่าเอาไว้ทำไร”

   “เอาไว้มุดตักไงมึง” เสียงมันหื่นมาก

   “ถุย ตลอดอะมึงน่ะ”

   “หรือมึงจะแหกขาให้กูมุดแทน”

   “หือ ว่าไง”

   ผมนึกหน้ามันมุดเข้ามาตรงหว่างขาผมแล้ว มันคงเจอของที่มันไม่อยากเจอซะมากกว่าละมั้ง

   “เออวะ  หือ มึงว่าไรนะ”

   มัวแต่นึกภาพ เมื่อกี้มันว่าไรนะ

   “ก็ให้กูมุดมั้ยไง ฮ่าๆๆ” แม่ง หัวเราะน่าตบกบาล

   “มึงไปชักว่า...ในห้องน้ำก่อนเถอะ” ผมสวนกลับ

   มันยังหัวเราะไม่หยุด

   “หายเร็วๆละมึง กูเข้าเรียนก่อนละ” เจพูดจบแล้วก็วางสายไป

   “จุบๆ”

   แล้วสายก็ตัด แม่งกวนตีนจริง

   ได้เวลาเข้าเรียนแล้วเหรอเนี่ย

   ติ๊ดดดดดดดด

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ยังไม่ทันได้ออกจากมือเลย

   อะไรวะ มีอะไรของมันอีก

   “จุบๆ ว่าไงมึง จะเข้าห้องน้ำช่วยตัวเองเหรอ”

   “….” ปลายสายเงียบไป

   ผมต้องหันหน้าจอมาดู เพื่อความแน่ใจว่าใช่ไอ้เจมั้ย

   “มึงคุยกับใครมาวะเก้า”

   เฮ้ย ฉิบหายแล้ว ไอ้ต้อง ตอนรับแม่งก็ไม่ได้ดู

   “อ้าว ต้องเหรอ พอดีกูคิดว่าเจมันโทรซ้ำมาอีก”

   “กูเลยจะกวนตีนมันน่ะ ไม่มีไรจริงๆมึง คิดมาก ฮ่าๆๆๆ”  ผมรีบแก้ตัว

   ซวยฉิบ

   ปลายสายเงียบไป

   ฉิบหาย ท่าจะไม่ดี

   “เอะ มึงไม่เข้าห้องเหรอ” ผมพยายามทำเสียงร่าเริงกลบเกลื่อน

   ปลายสายยังเงียบอีก

   “แล้ว...ทำไมมึงต้องทำเสียงกระซิบวะ ต้อง”

   ผมพยายามถามมันอีกเรื่อง เพื่อมันจะยอมพูดด้วย

   “กูแอบ มา ช่วย ตัว เอง ระหว่างมานั่ง ขี้ หน่ะ” น้ำเสียงประชดประชันมาก เน้นเป็นคำๆเลย

   เอ่อ

   แม่งโกรธกูแน่ๆ
   
   “เก้ามึงกินไรยัง”

   มึงถามกูต่อจากคำว่า ขี้ไม่ออกเนี่ยนะ แถมมึงว่ามึงนั่งชักไปด้วยเนี่ยนะ

   ไอ้ต้องมึงหล่อมากกกกก (กูประชดในใจ)

   กูดูผิดไปใช่มั้ย คนที่บังฝนให้กูกับตอนนี้เนี่ย

   “มึงถามเรื่องกินจากกูขณะมึงนั่งขี้กับนั่ง เอ่อ....... นั่นแหละ  เนี่ยนะ”

   “เออน่า” เสียงหงุดหงิดมาแล้ว คนอะไร หงุดหงิดง่ายจริง

   “ยังอะ  เอ่อ แต่กินข้าวต้มไปนิดหน่อยก่อนกินยา“

   “เดี๋ยวแล้วมึงคุยกับกูไปด้วยขี้ด้วยเนี่ยนะ”

   “ห่า มึงโง่ป่าววะ กูก็แกล้งไปห้องน้ำไง”

   น้ำเสียงมันขำ แม้คำพูดจะต่อว่าผม แต่ความดังเป็นระดับกระซิบ ตลกเป็นบ้าไอ้ต้องแอบมาคุยโทรศัพท์ในห้องน้ำกับผมเนี่ยนะ

   “อ้อออออออออออออออ”

   ความหล่อมึงค่อยกลับมาหน่อย

   แม่งก็ไม่กลัวฝ่ายปกครองเลย เกิดครูจับได้ทำไงวะ

   “ใครมันจะบ้าโทรหามึงตอนนั้นวะ โรคจิต ไอ้เตี้ย”

   ส่วนผมนอนขำฟังมันด่าไป แล้วเตะขาขึ้นลง อารมณ์ดี๊ด๊าที่สุด

   “กูบอกให้มึงอาบน้ำเลยไง ทำไมไม่สบายได้วะ”

   “ก็อาบแล้วนะมึง เข้าบ้านมาก็อาบ” ก็ตอบความจริงอะนะ แต่ไม่หมด

   “น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นละ” ยังสืบต่ออีก

   “น้ำอุ่นดิ แค่ ... ถูสบู่เน้นนานไปหน่อย”

   ถูเน้นตรง เอ่อ คิดไม่ได้เดี๋ยวของผมมันขึ้น

   แล้วก็คิดไปว่าทำอย่างอื่นกับมึงไปด้วยอะ

   มันเงียบไป   

   ว้าก ผมไปบอกมันทำไม คงไม่ได้เผลอหลุดปากออกไปนะ
   
   “....เสือกอาบซะนานแทนที่จะรีบๆทำตัวให้แห้ง” เสียงแปลกๆแล้ว

   “โตแล้วนะเก้าไม่ใช่เด็ก เล่นน้ำเหรอไง คราวหลังอย่าหนีลงรถยังงั้นอีกละ แล้วนี่นานแค่ไหนกว่าจะถึงบ้านน่ะ”​

   “เออ รุ้แล้ว”

   “กูก็รีบวิ่งแล้วนะ”

   ชิบหายจริง

   “เล่นเป็นเด็กไปได้” ไอ้นี่ก็ย้ำจริง

   มึงไม่ต้องย้ำ มันไม่ใช่กูไม่ทำตัวให้แห้ง หรือกูอยากตากฝน กูอยากทำอย่างอื่นต่างหากกกกกกก

   “ขอบใจนะ มึงรีบไปเรียนเหอะ เดี๋ยวมึงโดนทำโทษอีก”

   “แล้วนี่มึงหิวอีกมั้ย”

   “ยังอะ ยังนอนเล่นอยู่บนโซฟาอยู่เลย”

   “รักษาตัวละมึง เดี๋ยวไม่หายอดมาทำงานกลุ่มกันนะ”

   หือออออ

   “ทำไม มึงอยากทำกับกูเหรอ” เอ่อ ใช้คำถามผิดอีกแล้ว

   “เออ กูอยากทำกับมึง”

   “ห๊า…………..” อะไรนะ

   “เห็นเด็กม.ต้นอย่างมึงทุกวัน วันไหนไม่เห็นมันขัดๆเว้ย”

   “นี่กูม.ปลายนะ”

   “เหรอออ ตัวเท่าน้องกูเลย เวลาอยู่กับมึงนะ ยังกับเลี้ยงน้องกูอยู่เลย” เสียงแม่งเหมือนคุยกับน้องจริงด้วย

   “เออ ฮ่าๆๆ สัสนี่” ผมขำจริงๆนะ ไม่คิดเลยว่าต้องจะทำแบบนี้เป็นด้วย

   “เออ งั้นกูไปนะ”

   “อือ...” ผมกำลังจะวางสาย

   “อย่าลืมหาไรกินละ ไม่งั้นกูจะไปป้อนที่บ้าน”

   ต้องวางสายไป

   อะไรนะ ต้องจะมาหาผมงั้นเหรอ จะมาก็มาเลยสิ หึหึ ไม่กินข้าวดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆ ไม่ๆๆๆกูจะอดอาหารรอแม่งเลย

   เฮ้อ เพ้อเจ้อ

   เจอคำพูดแบบนี้เข้าไป ไข้ลดเลยแฮะ สงสัยบ่ายนี้ผมต้องไปเรียนแล้วละมั้ง  กำลังใจมาแล้วนี่ เดี๋ยวเจอมันจะถามที่มันพูดให้มันพูดต่อหน้าดีกว่า มันจะทำหน้ายังไงนะ   

   ผมลุกจากโซฟาถอดเสื้อผ้าออก ไหนๆก็ตื่นซะขนาดนี้แล้ว ทั้งตัวเลยด้วย หึหึ

   เปลี่ยนชุดไปเรียนดีกว่า

   เป็นอันว่า ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนจริงๆ แล้วไปหาข้าวกินที่โรงเรียนดีกว่า กินพร้อมพวกมัน ไม่อย่างนั้นเกิดมันบ้ามาหาผมจริงๆจะเหนื่อยต้องรับมัน เอ้ย  ไม่ใช่ หมายถึงต้อนรับ ไอ้ต้องคนเดียวน่ะไม่เท่าไร เกิดมายกฝูง ผมจะเหนื่อยกับพวกมัน (จริงๆนะ) ยิ่งไม่สบายด้วย

   ผมโทรไปรายงานแม่

   “แม่ เก้าไปเรียนนะ”

   ผมค่อยๆพูด พยายามทำน้ำเสียงปกติที่สุด

   “ไหวแล้วเหรอ”
   
   เสียงแม่ดูสงสัยผม

   “ก็นอนอยู่บ้านเบื่อๆ กินยาไปแล้วละ”

   ไหวไม่ไหว ผมก็เปลี่ยนชุดไปแล้วละ

   “แม่อะ เมื่อวานโอเคยังอะ เก้าได้ยินเสียงประตูอะ”

   ผมเปลี่ยนเรื่อง แล้วก็พยายามทำตัวอ้อนๆ จะได้ไม่ดูเป็นการซักไซร้ไล่เรียงแม่

   “ก็เหมือนทุกทีแหละลูก”

   แม่ผมทำเสียงเหนื่อยๆ

   “ดีขึ้นแล้วนะแม่ หมายถึงแม่อะ”

   “อืมๆ เก้าไม่สบายยังจะไปเรียนอีกนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก ก็อยู่บ้านมันเบื่อนี่แม่”

   “แล้วขากลับจะซื้อหนมมาฝากนะ”

   ผมพยายามอ้อนอยู่

   “เฮ้อ ตามใจ ดื้อนัก อยากนอนก็นอน อยากจะไปก็ไป” แม่เสียงแข็ง

   สงสัยอ้อนด้วยขนมจะไม่ได้ผล

   “น่าๆๆๆๆนะๆๆๆๆ เย็นนี้จะรีบกลับมา วันนี้ไม่มีทำงานกลุ่มแล้ว”

   รู้สึกผิดเหมือนกันแฮะ

   ผมทำให้แม่ต้องเป็นห่วง

   แต่ก็อยากไปอะ....​อยากเห็นหน้าไอ้ต้องตอนพูดจริงๆ

   มันจะทำหน้ายังไงนะ

   “นั่งแท๊กซี่ไปนะ อย่านั่งรถเมล์เดี๋ยวจะโดนแดด”

   “ครับบบบ เดี๋ยวซื้อหนมมาฝากนะ แม่กลับบ้านเร็วๆนะ”

   “ไปดีๆ ไอ้ตัวแสบ”

   “ครับบบบ”
   
   “แม่อยากกินไรป่าว เก้าแวะซื้อให้มะ”

   “กลับมาให้ได้ก็พอ”

   แม่เสียงแข็ง

   “คร้าบบบ”

   เอาละ ตอนนี้เก้าโมงครึ่งยังมีเวลา ไปถึงรร.ก็น่าจะพอดีไม่เกิน-เกือบสิบเอ็ดโมง พักอาหารกลางวันตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง น่าจะตามไปสมทบทัน ถ้าถึงก่อนไว้แอบไปดักรอแกล้งพวกมันดีกว่า

   วันนี้ฟ้าไม่ครึ้ม เมฆไม่ตั้งเค้า น่าจะสบายๆ ฝนคงไม่ตกอีก ผมก็ไม่ต้องตากฝนกลับบ้าน ยาก็กินไว้แล้ว ผมเดินหลบๆแดดหน่อย สักแป๊บเดี๋ยวก็มาถึงหน้าปากซอยบ้าน

   ยืนโบกมือไม่นานแท๊กซี่ก็มา

   จากนั้นไม่ถึง 20 นาที ก็ถึงหน้าโรงเรียน ผมลงตรงนั้นแหละ

   ก่อนเข้าประตูโรงเรียนแอบแวะไปดูซีดีเพลงที่แผงแถวหน้าโรงเรียนหน่อยว่ามีอะไรออกใหม่มั่ง ร้านการ์ตูนด้วย

   โชคดีวันนี้มีออกมาเล่มนึง ผมกำลังรออ่านเลย ซื้อใส่กระเป๋านักเรียนดีกว่า

   เนื่องจากบ่ายไม่มีเรียน ในกระเป๋านักเรียนจึงมีเพียงการ์ตูนเล่มเดียว กับโทรศัพท์

   อ้อยอิ่งจนตอนนี้เกือบสิบเอ็ดโมง เดินไปสักสิบนาทีน่าจะพอดีทันก่อนเลิกคาบสุดท้ายของครึ่งเช้า

   พอขึ้นมาถึงที่ชั้นสี่ ห้องเรียนผมอยู่ลึกเข้าไปสี่ห้อง จะเดินเข้าไปก็ไม่นาน แต่ไม่ดีกว่า ถ้าเดินไปตอนนี้ทุกคนคงหันมามองผมเป็นทางเดียวกันแน่ๆ เล่นมาซะสายขนาดนี้ เดี๋ยวครูก็จะว่าเอาอีกหาว่าโดดเรียน

   ยืนรอไม่นาน เสียงออดดังขึ้น เด็กเริ่มทยอยออกจากห้องเรียน มันต้องขึ้นไปโรงอาหารทางนี้แน่ๆ ตั้งแต่รู้จักมาพวกมันขึ้นบันไดใหญ่ตลอด เส้นทางหากิน

   ผมหลบอยู่หลังกำแพงห้องน้ำ ก่อนที่จะเป็นทางหักไปเป็นบันไดใหญ่ ถ้าผมหลบอยู่ตรงนี้พวกมันคงเดินผ่านไปไม่มอง เพราะกำแพงห้องน้ำจะมีบอร์ดโรงเรียนประชาสัมพันธ์อะไรจิปาถะไร้สาระ พวกมันไม่เคยคิดจะหยุดอ่านหรอกครับ

   ผู้คนทยอยเดินผ่านไป ไม่นานผมได้ยินเสียงไอ้เจก่อนเลย

   “เย้ บ่ายนี้ไม่ต้องเรียน”

   “ก็มีซ้อมงานวันแม่ละวะ ไม่ใช่ได้นอนนะเว้ย” แมคพูด

   “โห มึง อย่าขัดกูดิ” ไอ้เจ ทำเสียงงอแง

   “เออ วันนี้เก้าไปไหนวะ” แมคถาม

   “กูโทรไปหามันแล้ว มันบอกไม่สบายน่ะ สงสัยนอนถูเจี๊ยวอยู่บ้าน หักโหมไปหน่อย แม่งหน้าตางี้ไม่น่าเชื่อว่าแม่งจะเซ็กจัด”

   “หน้าตาหวานๆงี้ ถ้าจับมันแก้ผ้า คงไม่ต่างกับผู้หญิง คิดแล้วของกูขึ้นเลยวะ” เจยังพูดต่อ

   ปากเหรอนั่น ผมคิด ไอ้ห่านี่ชักเยอะแล้ว

   “หักโหมไรวะ” แมคถาม

   มึงไม่ต้องไปฟังมันก็ได้นะ แมค

   “ก็เมื่อวานกูโทรไป เสียงมันเหนื่อยๆ สงสัยมัน ชักว่า... ในห้องน้ำนานไป”

   “ห่า มึงนี่ทะลึ่งตลอด ไปว่ามันทำไมวะ” แมคว่ามัน

   พวกมันยังไม่รู้ตัวว่าเดินผ่านหน้าผมไป

   มองจากด้านหลังผมไม่เห็นหน้าต้อง ไม่รู้ว่ามันจะทำหน้าอย่างไรอยู่ หลังจากฟังหมาของไอ้เจไป

   “เออ ต้องมึงจะทำไรวะวันงานน่ะ” เจ หันไปถามต้อง

   “งานวิทย์หรือวันแม่”

   “วิทย์สิวะ วันแม่ก็ต้องอยู่กับแม่ดิ” เจว่า

   “ก็ไม่รุ้ เห็นว่าต่อจะมาหานะ”

   “น้องมีงนี่ติดมึงดีนะ” เจ พูดอีก

   อ้อ ต่อ นี่คือน้องชายต้องเหรอ

   “แล้วมึงละเจ” คราวนี้แมคถามมั่ง

   “นัด ญ มาเอาอีกดิมึง”

   “คราวนี้ใครวะ” ไอ้ต้องหันไปถาม

   “ไม่บอก หึหึ”

   “ทำหน้าดีใจนะมึง ไปม่อใครไว้อีกละ” แมคว่า

   “มึงอะ ต้อง ทำเป็นพูดดี ได้ข่าวปีก่อนไอ้ต่อเอา ญ มาถวาย มึงเอาเสร็จก็ทิ้งเลยนี่” เจ หันไปทางต้องมั่ง

   อะไรนะ!!!

   “เสือกไรละ”

   “ก็มึงมันฮอตนี่นะ สาวๆใครอยากรู้จักมึงก็เข้าทางน้องมึงทั้งนั้น ใครๆก็รู้ว่ามึงยอมน้องมึงยังกะอะไรดี น้องมึงก็ออกจะดีนะ อยากให้พี่มีแฟนเป็นผู้หญิง ยัดเยียดให้เอาทุกปี”

   “ตกลงมึงได้ยังอะ คนล่าสุดน่ะ” ไอ้เจถามซ้ำอีก

   รู้สึกเหมือนไข้จะกลับมาแล้วแฮะ เรื่องที่เจว่าผมก็เรื่องหนึ่ง แต่มาฟังเรื่องของต้อง มันรู้สึกใจแป้วยังไงไม่รู้ เหมือนหน้าเหลือนิดเดียว ยิ่งคิดว่า ผมชอบมัน แล้วมันอาจจะมีใจให้ผม โทรศัพท์มันเมื่อเช้า เล่นเอาฝันไปไกล แต่นี่คือความจริง

   ไอ้ต้องแม่งเป็นผู้ชาย เอาผู้หญิงแล้วทิ้งบ่อยๆด้วย

   ดีแล้วที่ผมรู้ก่อน จะได้ไม่ทำลายความเป็นเพื่อน

 :bye2:

(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 1 [pg3] 20/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-09-2015 07:41:15
น้องเก้าาาาา


เอาใบบัวบกไปกินไหมคะ ยังดีที่ไม่ถลำลึกมาก

โอ๋ๆ /กอดปลอด
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 1 [pg3] 20/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 21-09-2015 10:14:50
โธ่ ไงเนี่ย ต้องพระเอกจริงใช่ไหมเนี่ย
น่าสงสารเก้า
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 1 [pg3] 20/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 22-09-2015 14:46:29
ต้องมันยังไม่ได้บอกว่าฟันละทิ้งเปนว่าเล่นเลยยยย
คิดไปไหนละจ๊ะน้องเก้า! สู้ต่อปายยยย #ทีมต้อง  :hao3:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 1 [pg3] 20/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-09-2015 16:53:03
ไม่เป็นไรนะน้องเก้า :กอด1:
คนเราอยู่ใกล้กันก็มีหวั่นไหวกันบ้างแหละเนอะ แต่เป็นเพื่อนกันดีที่สุดแล้วล่ะ :กอด1:
แต่ถ้ามีหวังเป็นอย่างอื่นได้ พี่ก็เชียร์นะ :jul3:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 22-09-2015 17:57:58
10 CM ตอนที่ 10.2 ซ้อมงานวันแม่ 2   

       
        ปั๊ก  เสียงไอ้ต้องตบหัว กับไอ้แมคเตะตูดมัน

   “มึงพูดเองเออเองอยู่คนเดียวเลยนะ” แมคผลักเจออกเดินนำไป

   ตอนนี้ผมต้องเดินตามมันแล้ว พวกมันชักเดินไปไกล

   “เออ โทรหาเก้าดีกว่า มันไม่สบายต้องห้ามมันชักว่า.....”  เจ คว้าโทรศัพท์ขึ้นมา

   ไอ้ต้องทำท่าเหมือนจะห้ามไว้

   “ไม่ต้องโทรหรอกกูไม่ชักว่า.. ที่รร.”

   “เฮ้ย ชิบหายแล้ว” แมคตกใจ

   “กูเดินตามพวกมึงมาสักพักแล้วน่ะ” ผมตอบแกนๆ

   “มึง.....นี่แอบฟังได้นะ” เจ เดินมากอดคอผม แต่มันก้มหน้า

   “มึงก็ได้ยินหมดเลยดิ” แมคหันมาทางผมบ้าง

   “แน่นอน งั้นจะเรียกดักฟังเหรอ”

   ผมผลักแขนไอ้เจออก

   เสียงผมน่าจะตึงสุดๆ

   “รีบไปกินเหอะ เดี๋ยวบ่ายมีเข้าห้องประชุม” ผมเดินนำไป

   พวกผมเลยเดินเรียงหน้ากระดานขึ้นบันไดกันไป

   “เฮ้ย เก้าเป็นไงวะหายดีแล้วเหรอ” 

   “ดีพอๆกับที่กูได้ยินอไรเหี้ยๆจากมึงน่ะ” ผมหันไปมองหน้าเจ

   ไอ้เจ ยืนจ๋อยอยู่ห่างไปสองขั้น ปล่อยให้ผมเดินนำขึ้นไป

   “มึงไหวเหรอ” ต้องสะกิดบ่าผม มึงยืนอยู่ต่ำกว่าสองขั้นนะ

   “อือ ไม่เป็นไรแล้วละ”

   รู้สึก ตัวชาๆมากกว่า ยาน่าจะหมดฤทธิ์แล้ว เหมือนรู้สึกตัวลอยๆ

   “ปากมึงนะ เจ ดูหน้าเก้ามัน” แมคตบกบาลเจอีกรอบ

   “ก็กูพูดเล่นเฉยๆ”

   “นะๆๆๆๆ อย่างอนนะเก้า เดี๋ยวกูยอมทุกอย่างเลย”

   “ไปไกลตีนกูไป” ผมมองมันด้วยหายตา

   “เก้ามึงไหวป่าววะ ดูเหนื่อยๆนะ” แมคเดินมาตบไหล่ผม

   “ไหวดิ” จริงๆ

   “เออ งั้นเย็นนี้กูไปส่งบ้านดีมั้ย เดี๋ยวอาบน้ำถูหลังให้เองเป็นการไถ่โทษ”

   ไอ้ต้องผลักไอ้เจออกไป

   “กลับเองได้ กูนอนอยู่บ้านเบื่อๆ กูเลยมานี่ไง หึ เลยได้ยินเรื่องดีๆเลย”

   “อีกอย่างมึงสองตัวเอาเวลาไปม่อหญิงดีกว่ามาแกล้งกูนะ”

   ไอ้เจ หุบยิ้ม
   
   โรงอาหารวันนี้คนแน่นผิดตา เพราะว่าบ่ายมีซ้อมวันแม่ ครูเลยปล่อยนักเรียนบางห้อง บางชั้นที่เกี่ยวข้องกับงานออกมาเตรียมตัวรอก่อน อย่างเช่น เด็กนักเรียนชั้นม.ต้น พวกนักแสดงโชว์ (รร.ชายล้วนมันจะมีอะไรให้ดูได้วะ) หัวหน้านักเรียน ม.6 และอื่นๆ พวกนั้นจึงรีบขึ้นมากินข้าวบางคนก็แอบสมอ้างมาด้วย ดูหน้าตาก็รู้แล้วว่าไม่ได้มีกิจกรรม

   “เฮ้ย คนเยอะมากเลยวะ ย้ายที่มั้ย” เจ เสนอ

   “มึงจะไปกินไหนวะ” แมคถามกลับ

   “ไม่รู้ดิ คนเยอะ รำคาญ”

   “เก้า มึงว่าไงอะ” แมคถามผม

   “ยังไงก็ได้” จริงๆผมยังไม่หิวเลย ผมอยากยามากกว่า

   ไอ้ต้องเดินมาเคาะกบาลผมเบาๆทีนึง

   “กินนี่แหละ เดี๋ยวกูไปจัดการหาโต๊ะเอง เก้ามากับกูมา พวกมึงไปเอาข้าวมาไป”

   หือ..

   “รีบไปดิ มึงชอบว่าเก้าลับหลังนี่ ไปไถ่โทษซะ”

   เจกับแมค มองหน้ากันเลิกลัก แต่ไม่มีใครเถียง

   “เออ ได้ ตามนั้น” แมครีบลากแขนเจเดินไปเอาอาหาร

   “เฮ้ย ไม่เอาาาาาา กูจะอยุ่กับเก้า กูจะไปหาโต๊ะให้ กูจา.......ยู่” เจ โวยวาย

   “บทนี้ต้องนี้เป็นหน้าที่ต้องมัน มึงอย่ายุ่ง” แมคยังลากไปไม่มองหน้ามัน

   “ไม่นะๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงเจโหยหวนมากขึ้น

   คนเริ่มหันมามองแล้ว

   ต้องเดินมาข้างหลังผม แล้วเอาตัวดันให้ออกเดินไป

    อะไรแข็งๆทิ่งหลังน่ะ มึงสูงไปแล้วนะต้อง มันไม่ถูกจุด

   ผมจึงต้องหันกลับไปมอง

   หันไปก็เจอแต่หน้าอกมัน ความสูงที่ต่างกันก็ยังมีปัญหาอยู่นั่นเอง

   “ไปเหอะ มึงจะได้รีบนั่ง” ต้องพูด

   “แล้วมึงจะไปหาโต๊ะไหน คนเยอะแยะ สงสัยต้องยืนรอ”

   “ตามมา กูจัดการเอง”

   จัดการ? ยังไงวะ

   พอขยับเข้าโรงอาหารไป มันใช้ความสูงของมันให้เป็นประโยชน์เด็กม.4 บ้าอะไรวะ สูงตั้ง 180 แค่ม.4 เอง เรียนจบไปจะสูงขนาดไหนนะ

   มันยืนสอดส่ายอยู่พักนึง

   “เจอแล้ว” ต้องออกเดินนำไป

   ผมได้แต่เดินตามคนก็เยอะ

   มันเดินลัดเลาะออกไปทางซ้าย โต๊ะที่ว่างเป็นโต๊ะขาวยาว สำหรับนั่งได้สิบคน ตอนนี้ว่างอยู่สามที่
กลุ่มเด็กที่กินข้าวอยู่ข้างๆเป็นเด็กม.ต้น ท่าทางเรียบร้อย โรงเรียนผมไม่ได้แยกที่นั่งกัน ม.ต้น ม.ปลายนั่งด้วยกันได้หมด

   ไปถึงโต๊ะ ต้องดันๆน้องให้กระเถิบไปชิดกันมากขึ้น

   “เก้ามึงนั่งก่อน” ต้องชี้ไปทางที่ว่าง สองที่ติดกัน

   มันนั่งลงข้างๆผม

   “อ้าว แล้วอีกสองคนละ”

   “ช่างมันน่า”

   “เฮ้ย ก็เพื่อนกันนะ ปล่อยให้มันยืนกินเรอะไง” ผมไม่ยอมนะ

   “เมื่อกี้ที่เจทำมึงโอเคแล้วเหรอ”

   ผมยังจ้องตามัน

   “ก็ได้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ไอ้ต้องดูไม่ค่อยพอใจ

   แม่งเสียงดัง

   “เฮ้ย พวกมึงน่ะ กินเสร็จแล้วลุกสิวะ นั่งเปลืองที่ เกรงใจคนอื่นมั่ง”

   ต้องพูดใส่เด็กม.ต้น ที่นั่งอยู่ติดกัน

   เอ่อ.... ต้องมันนักเลงเหมือนกันแฮะ

   ไม่ใช่แค่พวกน้องๆที่ทำหน้าเหวอ ผมก็ด้วย

   ทำเอาผมนึกถึงไอ้อ้วนแว่นนั่นเลย วันนั้นมันจะซวยแค่ไหนนะ

   วันนี้ไม่มีเมฆฝนแดดส่องลงมาเต็มที่ แสงสว่างแสบตาสาดส่องเข้ามาในโรงอาหาร โรงอาหารเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่กินพื้นที่กว้างครึ่งหนึ่งของชั้น 6 ถ้าเอาห้องเรียนมาเรียงต่อๆกันเรียกว่า เท่ากับ สิบสองห้องเรียนเลยทีเดียว หลายครั้งถูกใช้เป็นห้องประชุมย่อมๆของโรงเรียน

   ด้านซ้ายมือเป็นหน้าต่างเรียงราย ขวามือติดกับทางเดินคั่น แล้วมีห้องเรียนอยู่แค่สี่หน้าห้องอีกฝาก ชั้นนี้ไม่น่าขึ้นมาเรียนนัก กลางวันจะเหม็นกลิ่นอาหาร พอบ่ายก็ของว่างอีก เรียกว่าเรียนไปหิวไปเลยทีเดียว แล้วจะมืดๆทึมๆเพราะห้องอาหารปกติไม่เปิดไฟตลอด เวลาไม่มีใครใช้จึงจะเป็นโซนที่มืดๆ

   ตอนนี้เด็กพวกนั้นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้ว เพราะแสงมันส่องผมจึงเห็นหน้าต้องชัดเลย ใบหน้าเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ผมชอบเวลามันทำหน้าเฉยๆนะ แต่ทำหน้าแบบนี้ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ วันนั้นที่มันไปเล่นงานไอ้อ้วนแว่นนั่น ก็คงทำหน้ายังงี้  นึกๆละอยากไปดูแฮะ

   แต่มันไปโกรธไรไอ้อ้วนวะ จะว่าถ้าแก้แค้นที่มายุ่งกับเพื่อนก็ดูจะเกินเลยไปหน่อยรึเปล่า

   “ต้อง วันนั้นที่ไอ้อ้วนนั่นน่ะ มึงทำไรมันวะ”

   “ก็สั่งสอนมันนิดหน่อย”

   ฟังจากที่แมคเล่า แม่งปากแตกเลยนี่

   “แรงไปป่าววะ”

   ต้องยักไหล่

   “มึงโดนทำโทษเลยนะ”

   ต้องยักไหล่อีก

   ที่เหงื่ออกเพราะโดนวิ่งรอบสนามตั้งหลายรอบนะ แถมทัณฑ์บนอีกหนึ่งใบ

   “กูหมั่นไส้มันมานานแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก” ตอบหน้าตาเลย

   “ขอบใจนะมึง”

   “ใครบอกว่ากูทำเพื่อมึงละ”

   โอ้ย

   แม่งเอามืดดีดหูผม

   เฮ้อ เอาเหอะ

   ผมเองก็ยังไม่หายดี มึนๆหัวอยู่เลย

   ตอนนี้ที่ไม่ว่างด้านซ้ายหายหมด พวกน้องๆที่ว่านอนสอนง่าย รีบเก็บจานแล้วลุกออกจากโต๊ะไปพร้อมๆกันทั้งกลุ่ม ปล่อยไว้แค่ผมกับต้องสองคน เห็นแล้วก็สงสาร
   
   แต่เวลาความสุขมักจะอยู่ไม่นาน
   
   ไอ้เจกับแมค ยกจานข้าวเดินมาพอดี มันถือกันมาคนละสองจาน

   “ได้ที่ดีนี่หว่า ทำไงวะ” เจถามต้อง

   “ป๊าว น้องมันลุกให้เอง”

   “โม้ดิ มึงไปทำไรมันละ” แมคพูด

   “ป่าวนะ” ต้องตอบ

   “เออออ เดี๋ยวมันไปฟ้องต่อ มึงก็โดนต่อบ่นอีก” เจ บอกไอ้ต้อง
 
   “ต้องมันกลัวต่อยังงั้นเลยเหรอ” ผมหันไปสะกิดไอ้แมค

   “น้องชายสุดที่รักเลยละ แทบจะทูนหัวเดิน” แมคตอบ

   ฟังดูแล้วยังไงๆอยู่นะ

   “นั่งเหอะ” ผมบอกพวกมัน

   เมื่อมันนั่งลงแล้วแจกข้าวให้กันคนละจาน อาหารวันนี้เป็น ผัดกระเพรา

   เหมาะกับคนป่วยฉิบหายเลย

   “เก้ามึงแดกไหวนะ” เจ ถามผม

   “ก็พอได้อยู่”

   “เออ นี่มึงดูแย่ๆกว่าเมื่อกี้ละนะ” แมค หันมามองหน้า

   “ปล่าวหรอก”

   ผมสั่นหัว

   กูดูแย่ยังไงวะ?

   ตอนนี้ท่าทางพวกมันน่าจะหิวกันแล้ว ตั้งหน้าตั้งตากิน

   ผมเองก็ไม่อยากไปพูดอะไรมาก เวลาไม่สบายนี่ เรื่องเล็กๆบางเรื่องมันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ เหมือนสมองเรากำลังทำงานไม่ปรกติ ประมวลผลผิดพลาด น่าจะฮาดดิสก์เสีย แรมผมก็น้อยๆ ยิ่งช้าไปใหญ่ยิ่งคิดมากยิ่งเละ ไม่ๆๆ ผมนั่นแหละมีปัญหาคิดไรวะ

   นี่ไงเริ่มบ้าแล้ว

   “บ่ายนี้ ห้องประชุมใหญ่เหรอ” ผมถาม

   “ใช่ เปิดแอร์สบายๆ” เจ ตอบ

   “ทำไรมั่งวะ” ผมถามอีก

   “ไม่รู้ นั่งดูพวกเด็กนักเรียนมันแสดงมั้ง”

   พวกมันพอกินเสร็จก็นั่งคุยสัพเพเหระกันไป ผมได้นั่งแต่นั่งฟังมึนๆ  อะไรๆก็ไม่เข้าห้ว

   “ไปเหอะ ได้เวลาละ” แมคลุกขึ้นจะไปเก็บจาน

   “อือ..” ผมจะลุกมั่ง

   “มึงนั่งไปนี่แหละ” ต้องเอาจานผมไป

   “ไม่เป็นไร”

   “นั่งไปเหอะ ... “ ต้องเอามือกดไหล่ผมแล้วเดินจากไป

   “งี้ฝากด้วยนะ พ่อรูปหล่อ” เจ ลุกพรวดวื่งเอาจานไปใส่มือต้อง แล้ววิ่งกลับมาที่โต๊ะ

   ต้องทำหน้างง

   เจ ไม่สนใจต้อง กลับมานั่งตรงข้ามผม

   ตอนนี้ห้องอาหารเริ่มโล่งแล้ว มุมที่แดดส่องมาถึงเหลือแค่ด้านซ้ายของห้อง ในห้องอาหารที่มืดมิด ไปครึ่งหนึ่ง มีแค่แสงจากพระอาทิตย์ตอนเที่ยงที่ให้ความร้อนกับห้องนี้ และในแสงสว่างจากหน้าต่างบานหนึ่งนั้น มีผมกับเจนั่งอยู่

   “เดี๋ยวต้องก็โกรธหรอก” ผมบอกมัน ตอนนี้เอามือท้าวคางมองออกไปข้างนอก เริ่มหนาวๆแฮะ

   บ้านข้างๆที่ติดกับโรงเรียน เห็นหลังคาอยู่ลิบๆ สะท้อนแสงแสบตา วันนี้ไม่มีลม อากาศข้างนอกไม่เคลื่อนไหว ดูสงบ สงบกินไปจนฟ้าสีฟ้าอ่อนนี้ชวนให้รู้สึกอึดอัด อยู่ๆรู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

   เวลานี้พ่อแม่ผมจะคืนดีกันยังนะ

   “ช่างหัวมัน กูอยากมานั่งคุยกับมึง”  เสียงเจ ดึงความคิดผมกลับมา

   “อะไรวะ”

   “ก็เรื่องงานวิทย์”

   “ก็ถ้ากูไม่ทำไรก็ว่างไงมึง”

   “มีใครชวนมึงยังละ” เจ จ้องตาผม

   “รร.ชายล้วน ใครจะชวนกูวะ บ้าป่าว ทำยังกับชวนไปเดท”

   “ก็เผื่อมี” เจ ยังไม่จบ

   “ไม่มีอะ”

   “มึงเหอะ มีใช่มะละ ใครวะบอกหน่อยดิ” ผมเหลือบตาไปมองไอ้เจ แต่หน้ายังมองออกไปทางหน้าต่าง

   “อยากรู้นี่”

   ผมอยากรุ้ครับ ถ้าเจไม่ว่างผมจะได้ชวนต้อง

   “กูชวนใครละ” มันตอบคำถามผมด้วยคำถาม

   “กูจะรู้เหรอ มึงมันหน้าม่อจะตาย” ผมตอบมัน

   “เอามาจากไหนวะ” เสียงเจไม่ค่อยพอใจ

   “ก็กูแอบฟังไง”

   “ยังไม่เลิกเรื่องนี้อีกนะ โกรธที่กูว่ามึงชอบ ชักว่า.... เหรอ”

   เฮ้อ

   “คว.. กู อย่าเสือก หรือมึงจะทำให้”

   เจอึ้ง ไม่สิผมนี่แหละ อึ้งพูดห่าอะไรออกไป

   “มึงเหอะ นัดเดทนี่กูได้ยิน คราวนี้เป็นผู้หญิงที่ไหนละ ระวังๆมั่งนะเดี๋ยวติดโรค ชวนไปทั่วสำส่อนนะเนี่ย” ผมถามแล้วจ้องหน้ามันมั่ง

   “แน่ะ ที่นี้มาเสือกเรื่องคว... กู”

   หือ... มันเอาคืน???

   ‘มึงตกลงว่างป่าววะ’ เจ้าของคำถามยังไม่หันมามองผม แล้วผมก็ยังไม่ตอบมัน

   ปล่อยให้คำถามนี้ลอยเคว้างคว้างอยู่กลางอากาศ

   เราสองคนเลยไม่ได้พูดอะไรอีก นั่งนิ่งอยู่กลางแสงแดดอยู่อย่างนั้น

   “ไปได้แล้ว” แมคมาไล่

   สงสัยจริง วันนี้ผมมาโรงเรียนทำไมวะเนี่ย สงสัยสติผมจะไม่สมประกอบจริงๆ เวลาไม่สบายชอบเป็นยังงี้ทุกที ทำอะไรไม่ค่อยคิด คิดอะไรก็ไม่รอบคอบ ชักเสียดายเวลาที่มาแล้วสิ

   ระหว่างทางเดินไปห้องประชุม ก็เงียบกริบกันหมด มันเป็นความผิดของผมเองครับ ไม่น่าไปพูดแรงๆใส่ไอ้เจเลย ส่วนต้อง ท่าทางมันเคืองๆผมจากที่ผมให้มันไปไล่ที่เพื่อไอ้เจมัน

   ยังไม่สนิทกันสินะ ผมถมที่ว่างเร็วเกินไป   

   ในห้องประชุมขนาดเท่าโรงอาหารที่อยุ่ติดกับห้องวิทย์ ที่ชั้นสี่ เปิดแอร์เย็นฉ่ำ เย็นจนหนาว เด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้มีตั้งแต่ ม.ต้น จนถึงป. ปลาย จำนวนนักเรียนมันค่อนข้างเยอะ ดังนั้นมันจึงไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง เด็กนักเรียนทั้งหมดต้องนั่งเบียดกันบนพื้นพรม

   แล้วพรมเนี่ยตัวเก็บฝุ่นอย่างดี

   ทุกคนเดินเรียงแถวเข้าไปไล่ตามชั้น ม. 1 ตามด้วย 2 แล้วก็ 3 อยู่ฝั่งซ้าย ด้านฝั่งชวา ก็ ม. 4 5 6 เรียงแบบนี้เช่นกัน ผมอยู่ห้องเด็กเรียนดี ซึ่งมาเป็นห้องแรกเลย ดังนั้นเรียงง่ายๆว่าผมอยุ่เกือบจะหน้าเวที

   เซ็งละดิ จะหลับยังไงเนี่ย

   อาจจะเป็นโชคดี ที่ว่างด้านหน้าอยุ่เว้นไปกว้างอยู่ แล้วครูก็มาไล่ให้ถอยลงไป ไม่รุ้ว่าทำไม พวกผมเลยโดนจัดใหม่กลายเป็นอยู่หลังสุดไปซะงั้น

   ทุกคนเดินเข้ามาตามที่เข้าแถวครบแล้วก็นั่งลง ผม แล้วก็ต้อง นั่งติดกันตามเลขที่ จริงๆผมอยากนั่งติดกับไอ้สองตัวนี้มากกว่า ไอ้เจกับแมคดันไปปนกับซอมบี้ที่ไหนไม่รุ้

   งานเริ่มขึ้น ครูเดินมาประกาศกำหนดการบนเวที ฟังๆ ดูแล้ว ผมได้นอนยาวแน่ๆ

   มีครูคนนึงเล่นเป็นประธาน พอเดินเข้ามาทุกคนยืน แล้วพอกำลังจะเริ่มถึงจะได้นั่ง พิธีเริ่มยาวเหยียดตั้งแต่ คำนำ หลักการเหตุผล ไปจนกระทั่ง ร้องเพลง แล้วอ่านอาขยานอะไรไม่รู้

   การแสดงกำลังเริ่มขึ้น หายใจก็ไม่ออก ฝุ่นแม่งไม่รู้จักดูดก่อน แถมยังแอร์เย็นอีก พอเจอเพลงวันแม่เปิดวนๆเข้าไป มันไปซาบซึ้งอะไรหรอกครับ มันน่านอนมากกว่า ไม่เชื่อลองมาฟังเพลงเดิมวนไปมาดูสิ

   นั่นไงรอบใหม่กำลังมาแล้วรอบที่ 20 ได้

   ผมแอบมองไปทางไอ้เจ จริงๆแล้วถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพวกมันแล้วละก็ ผมอาจจะไม่ได้มีชีวิตม.ปลายดีๆ อย่างนี้ก็ได้ ทุกวันนี้ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่มีพวกมันละก็ มันก็คงเป็นเปิดเทอมจืดชืดอย่างทุกที

   ผมจะนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่ว่าจะมุมห้องหน้าห้องหลังห้องสุดแท้แต่ว่าตรงไหนว่างหรือตรงไหนที่เพื่อนอนุญาตให้นั่ง เพื่อนร่วมห้องที่เพียงแค่คนเดินผ่านไปมา ไม่สนใจผม เวลาทำกิจกรรม หรืองานกลุ่มผมก็จะทำคนเดียวไม่ใครอยากได้ตุ๊ดออย่างผมร่วมด้วย

   ตกลงพวกมันล้อจนผมจะเป็นจริงๆแล้วนะ

   ชีวิตตอนนี้ก็คงดีกว่าที่คาดหวังเอาไว้แล้ว จะเอาอะไรอีก เก้า

   ตอนนี้นางรำชั้นม.ต้นกำลังเดินขึ้นเวที ดูไปสักพัก ภาพนางรำเริ่มใช้คาถาแยกร่าง จากหนึ่งเป็นสอง จะสองเป็นสี่ แถมท่ารำก็ดูแปลกๆ

   ดนตรีไทยเริ่มดังขึ้น ฟังแล้วนอนคงไม่ฝันร้ายนะ

   รู้สึกตัวอีกที หัวเริ่มเอนไปทางใครซักคนนึง สงสัยมันจะรำคาญ มันเลยผลักผมไปทางขวา

   เออ กำลังพอดีที่วางหัวเลย

   แม่งหายใจไม่ออก น้ำมูกจะไหล เอาถูหมอนหน่อยดีกว่า

   เหม็นกลิ่นพรมชิบหาย แถมกลิ่นถุงเท้าลอยมาอีก ใครมันเสือกไปเตะบอลตอนเที่ยงวะ

   หมอนแม่งแบนวะวันนี้ แข็งด้วย

   นอนไปนานๆ ก็ชักรู้สึกหนาวแฮะ ถ้ามีอะไรอุ่นๆมากอดก็ดี

   สักพักหนึ่ง พอผมกำลังจะเริ่มหลับลึก ก็รู้สึกเหมือนแผ่นดินไหว

   “หือ มีไร” ผมหันไป

   ภาพแรกที่เห็นคือ หน้าของต้อง ปากเกือบจะอยู่ตรงหน้าผากผม

   นี่ผมนอนซบมันอยู่เหรอเนี่ย

   “ขอโทษ” แย่ละซิกู

   “ไหวป่าว” เสียงต้องถามอย่างแผ่วเบา

   “อือ โทดที”

   “งั้น จะนอนก็ได้นะ แต่อย่ากอดกูแน่น แล้วก็.... อย่าเอาแขนเสื้อกูไปเช็ดขี้มูกด้วย”

   ไอ้ต้อง มึงตั้งใจพูดดังๆแกล้งกูใช่มั้ยเนี่ย

   ไอ้แมคนั่งยิ้มใหญ่เลย นี่กลายเป็นตัวตลกไปแล้วเหรอเนี่ย ขอคิดเป็นรอบที่สอง กูมาที่โรงเรียนทำห่าอะไรวะเนี่ยยยยยย

   พอจะหันไปว่าไอ้แมคแก้เขิน ก็นึกได้ว่า เดี๋ยวจะโดนครูเล่นเอา เลยหันไปเห็นไอ้เจที่นั่งท้าวค้างดูการแสดงอยู่ มันหันมามองด้วยหางตาแต่ไม่แสดงความรุ้สึกอะไร

   ผมสังเกตุเลยมันไปอีกด้าน มีเด็กอีกคนหน้าตาขาวๆ กำลังมองมาทางผมอยู่

   เด็กม.ต้น

   คงไม่ใช่แค่มันหรอก ผมเล่นนอนเกาะแขนไอ้ต้องเป็นหมีโคอาล่าขนาดนี้ ไม่โดนครูด่าออกไมค์ก็บุญแค่ไหนแล้ว แต่ทำไมสายตาไอ้รุ่นน้องคนนั้นมันถึงดูไม่พอใจขนาดนี้วะ
   
   ต้องมันจะโดนคนอื่นเอาไปนินทาทีหลังมั้ย

   จู่ๆ เสียงเพลงเงียบหายไป

   มองไปทางนั้นอีกที เด็กคนนั้นก็ยังจ้องมาทางผมอยู่เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆเอามือสะกิดให้หันกลับไปมองที่ทางเวที ทำไมเพื่อนคนนั้นมันใส่แว่นหนาได้ขนาดนั้น ไม่หนักเหรอ

   ประธานตัวปลอมลุกขึ้น เป็นอันว่างานคงกำลังจะจบแล้ว

   “งานวันจริง ที่นั่งด้านหน้าจะเว้นไว้สำหรับผู้ปกครองของนักเรียนม.4 วันจริงจะมีพิธีมอบเข็มรร.ให้ ซึ่งก็ไม่มีไรมาก แจกไปตามผู้ปกครองก่อนเข้างานแล้ว ให้ลูกๆเดินออกไปเป็นแถว ตามเลขที่ไปหาแม่ของตัวเองซะ”

   “ดังนั้นช่วงนั้นจะค่อยข้างชุลมุนแถวที่นั่งด้านหน้าที่เว้นไว้ให้ผู้ปกครองครูอยากให้อยู่ในความสงบที่สุด อย่าเสียงดัง เด็กที่ไม่เกี่ยวข้องก็ช่วยเงียบเสียงลง”

   เสียงหัวหน้าครูเงียบไป

   “ไม่งั้นรู้นะ ว่าถ้าทำเสียชื่อ จบงานจะเจอกับอะไร”

   ไม่อยากคิดเลยครับ จำได้ว่า งานแบบนี้เคยพลาด เด็กนั่งคุยนั่งเล่นกันเพลิน ครูพูดออกไมค์ส่งสัญญาณก็แล้ว ไม่มีใครสนใจ

   ผลที่ได้น่าชมมากครับ เด็กนักเรียนทั้งรร. วิ่งขึ้นชั้น 6 ไปแบกโต๊ะจากโรงอาหารแล้ววิ่งรอบสนามฟุตบอลสองรอบ แล้วเอากลับขึ้นไปวางที่เดิม

   คงไม่ต้องบอกนะครับว่าสภาพมันน่ากลัวแค่ไหน

   ผมจำเสียงนี้ได้ ครูคนนี้ชื่อ สมชาย (ชื่อโบราณมาก) แล้วแกก็พูดจริงทำจริงด้วย

   เย็นนี้ผมต้องกลับไปบอกให้แม่มาสินะ

   จบการซ้อมก็เลิกเรียนเลย จนป่านนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่า ผมมาโรงเรียนทำไม (ครั้งที่ 3)

   ผมชักรุ้สึกหนาวสั่นขึ้นมาอีกแล้ว แอร์เย็นๆกับฝุ่นสินะ

   พอนึกถึง คำพูดต้องเมื่อเช้าแล้ว มันทำให้ผมมีแรงอยากจะมา ถ้ารุ้ว่ามาแล้วจะเป็นอย่างนี้ สู้นอนเบื่ออยู่บ้านดีกว่า

   หลังเลิกเรียน

   “กลับกันเหอะ” แมคชวน

   ก่อนออกจากโรงเรียน เห็นกลุ่มเด็กยืนรออยู่ที่หน้าประตู เด็กคนนั้นที่มองผมในห้องประชุม

   “พี่ต้องวันนี้กลับกับเพื่อนอีกแล้วเหรอ” เด็กหน้าตาขาวๆ ผมสีดำ ตัวสูงเท่าผมทักขึ้น

   “วันนี้จะไปกับเพื่อนน่ะ”

   “คนนี้ใครอะ ต่อไม่เคยเห็น”

   “เก้า นี่ต่อ”

   ต้องแนะนนำน้องให้รู้จัก ดูดีๆแล้ว มีส่วนคล้ายต้องอยู่มาก แค่ตาโดกว่า กับปากสีแดงสด กินไรมาวะแดงได้ขนาดนี้ ท่าทางดูกวนๆ ถึงไอ้ต้องจะดูเก๊กๆ แต่น้องมันที่ย่อขนาดลงมาหน่อย กลับดูกวนตีนแล้วก็นักเลงเล็กๆแฮะ

   “งั้นต่อไปกับเพื่อนๆนะ”

   กลุ่มเพื่อนต่อแต่ละคนก็ท่าทางจะใช้ได้เลย ดูไม่ใช่เด็กเรียนแน่ๆ ในนั้นมีเด็กใส่แว่นหนาๆคนนั้นอยู่ด้วย หน้าตายังกับตุ๊กตา หน้าขาวอมชมพู ผมตรงดำเส้นเล็ก

   ในมือถือกระเป๋านักเรียน 2 ใบ

   เบ๊ประจำกลุ่มสินะ

   ตอนผมม.ต้นช่วงยังเกเรก็จะมีเบ๊ที่เป็นที่รองรับอารมณ์เหมือนกัน

   “เออ ไปดีๆละ เก้ามึงกลับดีๆนะ สภาพงี้เดี๋ยวโดนใครฉุดเอา” เจพูดจบโบกแท๊กซี่แล้วหายลับไป
มันพูดจริงเหรอวะ คำพูดกับหน้าตานี่ มันยิ่งกว่าโกรธกูอีกนะ

   แล้วมันโกรธอะไรกูวะ งงไปหมดแล้ว แล้วผมอารมณ์เสียอะไร เพราะมาได้ยินเรื่องต้องชอบผู้หญิงเหรอ กูถูกแล้วนี่ จะให้มันชอบผู้ชายเรอะ

   แท๊กซี่อีกคันเลยเหลือผมต้องแล้วก็แมค

   ไอ้แมคนั่งอ่านการ์ตูนอยู่บนรถ พอถึงหน้าบ้านมัน มันทำเหมือนทุกที โยนเงินให้แล้วก็ลงไป มันกำลังเพลิดเพลินกับการ์ตุนอยู่ไม่ได้สนใจพวกผมเลย

   ตอนแรกผมก็ว่าจะลงด้วย แต่นั่งยาวถึงบ้านเลยดีกว่า

   “ต้อง มึงไม่ลงละ” ผมหันไปถามมัน

   “เดี๋ยวกูไปส่งมึงที่บ้าน”

   “มันอ้อมนะ”

   “เออน่า” เสียงมันหงุดหงิด

   ผมพลาดอะไรไปวะ แม่งทุกคนโกรธผมตั้งแต่ขึ้นไปโรงอาหาร อากาศมันก็ร้อนๆหนาวๆ ในห้องประชุมก็ฝุ่นน่าจะเยอะ ผมเริ่มมีอาการแพ้แล้ว ฝุ่นที่พรมเนี่ยตัวดี ท่าทางจะเริ่มเวียนหัวเบลอๆขึ้นเรื่อยๆแล้ว อยากกลับบ้านไปรีบอาบน้ำนอนแล้ว   

   “ตามใจ” ผมยอมมัน

   ไปอีกไม่ไกลก็ถึงหน้าบ้านผม

   “แปลกๆนะมึง เกิดไรจะมาส่งกูวะ”

   “ทำไมเหรอ มึงไม่ชอบรึไง”

   “พี่ครับ งั้นไปที่ซอยตรงนั้นเลย เข้าไปเกือบสุด”

   ผมบอกแท๊กซี่

   “ปล่าว คือ กูแค่สงสัยเลยถามน่ะ” ผมหันหน้ามา

   “อะไรของมึงวะ”

   อะไรบางอย่างมันกำลังทำให้ผมนึกถึงเรื่องตอนม.ต้น เรื่องที่ผมไม่อยากจะนึก

   ต้องทำหน้าเหมือนไม่อยากจะพูด

   แล้วมันก็พูดขึ้นมา

   “มึง อยากไปดูวงที่จะแสดงงานวิทย์มั้ยวะ”

   “หือ วงไรอะ”

   “ไม่รุ้ พวกเด็กๆเล่นสดน่ะ”

   “หือออ เอาดิ โรงเรียนเรามีด้วยเหรอวะ”

   เอะ..... ผมติดนัดไอ้เจนี่นา

   “งั้นวันนั้นเจอกัน”  ต้องตัดบท

   ผมยังไม่ตกปากเลย มันถือว่าผมตกลงไปตอนไหน

   ผมยิ้มตอบ ในใจก็ได้แต่คิด ทำไงดีละเนี่ย มันตั้งใจชวนผมจริงรึเปล่าวะ หน้ามันไม่ยิ้ม แต่ก็ดูไม่โกรธผม แล้วสาวๆมันละ


   “น้องมึงอยู่ม.ไรวะ”

   “2”

   “แม่งสูงเท่ากูเลย”

   “มึงตัวเตี้ยนี่ ไอ้เปี๊ยก”

   ชิ ดูแล้วสงสัยที่เจพูดจะมีเค้าแฮะ ท่าทางต่อก็ไม่เบา มันคงจะทำอย่างที่เจพูดจริงๆนั่นแหละ เดี๋ยวงานวิทย์ปีนี้ก็จะมีใครมาให้ไอ้ต้องมันได้เอาอีกสินะ

   “น้องมึงท่าทางดุนะ”

   “หัวโจกเลย”

   “ไม่เห็นเหมือนพี่เลย ออกจะขี้เก๊ก”

   “ต่อมันเป็นลูกคนละแม่น่ะ มันติดกูมากๆตั้งแต่พ่อกูตายไป กลายเป็นว่ามันเหมือนเป็นลูกชายกูซะมากกว่า” มันเอามือเคาะหัวผม แทนที่ผมว่ามันเมื่อกี้

   “งั้น มึงกลับดีๆอะ”

   ตอนนี้รถมาจอดหน้าบ้านผมแล้ว

   ผมยื่นเงินส่วนของผมให้แล้วจะลง

   “มึงรีบกินยานอนละ”

   “อือ บาย” ผมปิดประตูรถ

   ต้องตบหลังผมสองที

   ??? แปลว่าอะไรวะ

   ตอนที่ไขประตูบ้านผมหันหลังมา เห็นต้องยังคงมองมาทางผม

   จากนั้น มันชี้ไปที่โทรศัพท์ทีหนึ่ง แล้วรถก็ออกไปพอดี

   อะไรของพวกมันวะ .....



   โทรศัพท์สั่น

   ข้อความสว่างวาบขึ้นบนหน้าจอ

   
   “ตอนนอนซบกู รู้สึกดีมั้ย ท่าทางมึงมีความสุขนะ เห็นมึงบ่นหนาวๆ กูเลยปล่อยให้มึงนอนซบกูอย่างนั้นแหละ เกาะแขนกูอีกต่างหาก คราวหลังพกผ้าเช็ดหน้านะ อย่าเอาแขนกูไปป้ายน้ำมูก”



   สัสสสสสสสสสสสสสสเอ้ย

   พลาดอีกแล้ว

   จบวันนี้ ผมควรจะยิ้มดีไหมเนี่ย ไอ้บ้าต้องเอ๊ย เรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้ เอาไงดีละ จะปล่อยความรู้สึกนี้ไปเลยดีมั้ยนะ ถ้ามันจะแกล้งอ่อยกูซะขนาดนี้ไอ้บ้า เกิด.... กูคิดจริงๆมึงจะทำยังไงละ

   ไอ้ต้องเอ้ย
   
   แล้วกูจะไปดีใจทำไมเนี่ย แค่เพื่อนชวนๆ คิดไว้ มึงก็ไม่ได้เป็นเกย์เก้า

        ต้องมันก็ไม่ได้เป็น

 :bye2:

(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 1 [pg3] 20/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-09-2015 18:14:49
อ๊ะ โชคดีจัง วันนี้ได้อ่านสองตอนเลย :impress2:
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 24-09-2015 12:01:56
ไปกะต้องสิลูก!! o13
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-09-2015 13:47:08
 :ling2:


แอบสนใจน้องต่อกะเบ๊ประจำกลุ่มอ่ะค่ะ แฮ่
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 24-09-2015 14:50:20
ต้องขี้อ่อยอะ
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 24-09-2015 17:16:09
แฮ่ มาถึงตอนที่ 11 แล้วเป็นอย่างไรกันบ้างครับ ช่วยกันทิ้งคอมเม้นไว้เยอะนๆนะครับ อยากรู้ว่าคิดยังไงกับแต่ละตัวละครที่ออกมาบ้าง
อ่านแล้ว ได้ภาพน้องเก้า พี่ต้อ เพื่อนเจ ไอ้แมค แบบเดียวกันหรือเปล่า

ไหนๆเรื่องมาถึงนี่แล้วคงบอกได้แล้วละนะ
ภาค 1 มีทั้งหมด 19 ตอน (ไม่นับซอยย่อยเป็น 0.1 0.2 นะครับ)

รู้สึกว่าจะยาวกว่าที่ตั้งใจไว้มากตอนแรกว่าจะให้จบสัก 40 หน้า (ทำได้ก็เก่งแล้ว) ตอนนี้ในคอมอยู่ที่ 200 กว่าเฉพาะภาคแรก

อย่าเพิ่งเบื่อจะอ่านกันนะครับ
(https://smilesnewsandreviews.files.wordpress.com/2014/10/zankyou_no_terror_06_03.png?w=720&h=404)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 10.0 ซ้อมวันแม่ 2 [pg3] 22/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 25-09-2015 09:01:51
ไม่เบื่อๆ
เรื่องนี้เดินเรื่องเนิบๆนะ ไม่ค่อยหวือหวา แต่ก็รู้สึกถึงความกดดันเล็กๆได้นะครับ
หวังว่าตอนท้ายๆจะระเบิดออกมานะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: 10 CM. ตอนที่ 12.0 วันแม่ [pg3] 25/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 25-09-2015 20:51:49
10 CM : 12.0 วันแม่

   เช้าวันแม่ก็มาถึงในที่สุด สามคาบเช้าไม่มีเรียน นั่นหมายความว่าครึ่งเช้าผมไม่ต้องเรียนจนถึงเที่ยง (เย้) ผมออกจากบ้านเวลาเดิม เดินทางแบบเดิมๆไปถึงที่โรงเรียนแบบเดิม พ่อกับแม่ก็ไปทำงานอย่างทุกที ผมเข้าใจดี สำหรับพวกเค้าแล้วการทำงานหาเงินเลี้ยงลูกนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ผมเข้าใจดี

   ถึงงั้นในใจผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าตอนเช้าแม่ชวนผมขึ้นรถไปส่งที่โรงเรียนแล้วละก็ผมคงจะรู้สึกดีกว่านี้ ดูน่าจะพอมีความหวังอยู่บ้าง คิดมาถึงความหวัง สิ่งที่ตรงข้ามกันก็มาแทงใจให้ผมรู้สึก

   เก้า โตได้แล้วนะ จะไปทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนทำไม  เราต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ ไม่ใช่อะไรๆก็เรียกหาคนอื่น คำสอนนี้พ่อผมสอนมาตั้งแต่เด็ก บทเรียนต่อมาที่ผมได้คือ ตั๋วเครื่องบินหนึ่งใบกับพาสปอร์ตหนึ่งเล่มให้เดินทางไปต่างประเทศเอง โดยที่พ่อไปรออยู่ก่อนแล้ว ตอนนั้นผม ม.1 ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เรื่อง

   ไม่ๆพอๆ วันนี้วันแม่ ไม่ใช่วันพ่อ หลังจากวันซ้อมวันนั้น เป็นอันว่าผมต้องหยุดนอนอยู่บ้านอีกวันเต็มถึงจะหาย สงสัยเพราะฝืนไปเรียนนี่แหละ แอร์ในห้องก็เย็น แถมฝุ่นก็น่าจะเยอะ กลิ่นพรมผสมถุงเท้านี่ทำเอาผมยังไม่ลืมเลย แถมกลับมาแม่ผมก็ด่าผมซะยับเยิน ผมก็ได้แต่ก้มหน้ารับไป เพราะผมผิดจริงๆนั่นแหละ

   พอโดนว่าเข้า ผมจะรู้สีกผิดยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ถือคติว่าทำอะไรพ่อแม่ต้องไม่เดือดร้อนไปด้วย
ทุกวันนี้เค้าก็มีเรื่องให้เครียดเยอะอยู่แล้ว

   สรุปแล้วมันก็เหมือนทุกปี ... พ่อกับแม่ไม่เคยจะมาร่วมงาน

   ว่าไปแล้วไอ้โรคป่วยบ่อยของผมนี่ก็ท่าทางจะได้รับมาจากแม่นี่แหละ แม่ผมไปค่อยแข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไร ต่างกับผมตรงที่ว่า ผมจะป่วยหนักไปเลย ไม่ค่อยมีป่วยยิบย่อย แต่เพราะแม่เป็นผู้หญิงจึงป่วยเล็กป่วยน้อยตลอดเวลา

   พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วยิ่งรู้สึกผิด

   ‘เก้าพร้อมจะไปโรงเรียนกับแม่รึยัง เดี่ยวสายนะ’

   ประโยคนี้ไม่มีใครเอ่ยขึ้น ผมได้แต่รอ

    วันที่กลับบ้านมาจากวันซ้อม ผมเองก็บอกแม่ไปตามนั้น ว่าโรงเรียนเราจะมีงาน

   เช้าวันรุ่งขึ้นที่โต๊ะอาหาร

   ‘ทำไมจะต้องไป งานโรงเรียนอะไรนี่ช่วยให้เรียนดีขึ้นรึไง’

   ‘ทำตัวให้เป็นผู้ชายหน่อย เพื่อนพ่อที่มีลูกเค้าบอกดูเก้าแล้วเหมือนไม่ใช่ผุ้ชาย ถ้าไม่ใช่ ก็เสียชาติเกิดนะเก้า พ่อจะไม่ลังเลเลยถ้าลูกจะฆ่าตัวตาย หรือให้พ่อเอาลูกไปทิ้งไหนก็ได้ดีกว่า ทนเห็นลูกเป็นแบบนี้ ตายไปซะเลยอาจจะดีกว่าก็ได้’

   ท่าทางวันนี้พ่อผมก็ยังอารมณ์ไม่ดี

   ผมไม่พูดอะไร ได้แต่นิ่งเงียบกินข้าวไป

   บางทีผมก็คิดว่าพ่อพูดถูก ผมควรจะรีบๆตายไปได้แล้วถ้ายังเลือกเพศตัวเองไม่ได้

   รถในซอยโรงเรียนหนาแน่น ทำเอาการจราจรในซอยเล็กๆแคบๆ แถมต้องวิ่งาสวนกันเกือบจะเรียกว่าไม่ขยับ หลายคนใช้วิธีเดินเข้าไปเอา เกือบยี่สิบนาทีได้มั้งเนี่ย บนรถที่แน่นขนัดนั้นหันไปก็เห็นพ่อแม่ลูกนั่งกันเบียดอยู่บนรถ

   ม. 4 โรงเรียนผมคนเยอะยังงี้เลยเหรอ หรือคนที่มีฐานะมันเยอะวะ

   ประตูหน้าโรงเรียนก็พอกันหนาตาไปด้วยแม่กับลูกมาพร้อมเพรียงกัน เทศกาลแม่ลูกผลิบานเต็มโรงเรียนไปหมด ผมชอบอย่างหนึ่ง เวลาผมเห็นคู่แม่ลูกเดินด้วยกันมักจะแอบมองว่าคนนี้หน้าเหมือนแม่แค่ไหน บางคนนี่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลูกใคร บางคนแม่สวย ลูกไม่รู้เอาเชื้อใครมา

   ไม่เอาดีกว่าอย่าไปเสือกยุ่งเรื่องชาวบ้าน

   ผมยัดหูฟังใส่หู

   เอะ..... เดี๋ยวก่อน วันนี้ผมก็จะได้เห็นหน้าแม่ของไอ้เจ กับไอ้ต้องสินะ หึหึหึ ถ้ารู้ชื่อด้วยนะ จะยิ่งมันส์

   ชื่อพ่อชื่อแม่ เป็นอะไรที่ใช้เรียกได้เด็ดขาดยิ่งนัก

   บางครั้งสับสนกระทั่งเรียกชื่อเพื่อนด้วยชื่อพ่อตลอดก็มี ไม่เข้าใจว่าทำไมบางบ้านต้องตั้งชื่อให้คล้ายกันด้วย

   มีเด็กคนหนึ่งชื่อ สมคิด ครูเรียกผิดเป็น สมศักดิ์คนในห้องฮากันกลิ้ง เพราะสมศักดิ์เป็นชื่อพ่อมัน

   หึหึ เดาว่าตอนนี้ไอ้แมค มันคงจะกำลังคิดเหมือนผมแน่ๆ มันต้องแอบซุ่มอยู่ที่ไหนสักแห่งคอยแอบดูแม่คนอื่นจะได้เอามาล้อแหงๆ

   การที่แม่ผมไม่มาก็ดีไปอย่าง

   บรรยากาศวันนี้ไม่เหมือนวันเรียนปกติเลย มันไม่สนุก เช้าๆอย่างนี้คนพลุกพล่านเดินกันไปมาเหมือนหาอะไรไม่เจอ จัดระเบียบอะไรไม่ได้ ดูไม่เป็นหมวดหมู่ อย่างกับภาพวาดที่วาดสั่วๆไป ไม่ติดต่อเป็นเรื่องราว เห็นจะเป็นอย่างนี้อีกทีจะเป็นงานกีฬาสีละมั้ง

   อาทิตย์ถัดไปก็จะที่มีงานวิทย์ใหญ่ นี่ก็คงพอกัน

   ‘หึหึหึ น่าหนุก’ ปีนี้ได้ร่วมทำกิจกรรมด้วย

   อะ... แย่ละ ผมรับปากทั้งต้องและก็เจเลยนี่นา

   ทำไมมันไม่ไปพร้อมกันเลยวะ จะแยกกันนัดทำไม

   หน้าม่ออย่างมันพอถึงเวลามันก็ลืมเองแหละ เผลอๆไอ้ต้องกับไอ้เจจะไล่จับนมหญิงกันน่ะสิไม่ว่า

   ผมสะบัดหัวแรงๆ ทำยังไงข้ออ้างก็ไม่ออกมา จะไปกับใครดีวะเนี่ย

   หรือจะลากมันไปกันหมดเลยสามคนดี ไอ้ต้องก็อีกตัว สาวเยอะอย่างนั้น สงสัยจะเอาผมไปเป็นข้ออ้างกันน้องชายมันอะดิ ทำไมไม่ไปคุยกันตรงๆเลยวะ ไว้หาโอกาสแอบถามต้องดีกว่า ว่ามันคิดยังไงของมัน

   เมื่อพบว่าตัวผมมายืนนิ่งอยู่หน้าห้องแล้วก็คงต้องหยุดความคิดเอาไว้แค่นั้นก่อน ยังไม่มีข้ออ้างดีๆ แล้วผมก็ยังมีเวลา

   “หายหมด”

   “ห่า เด็กติดแม่เอ้ย”

   ผมพูดกับอากาศ
   
   ที่โต๊ะมีแต่กระเป๋า ตัวคนหายหมด ทั้งสามหน่อเลย

   หึหึ ไปอ้อนแม่กันสินะ ไอ้ลูกแหง่ กลับมาจะล้อพวกมัน

   ผมสิไม่มีใครให้อ้อน...

   ผมวางกระเป๋าเสร็จ ปิดโทรศัพท์ เอาวะ อีกเดี๋ยวก็ได้เวลาแล้ว หันไปมองรอบห้องตอนนี้ ซอมบี้ก็ยังเป็นซอมบี้ นั่งอ่านหนังสือกันแต่เช้า จะขยันไปไหน วันนี้เรียนแค่ครึ่งวันแท้ๆ อาทิตย์หน้าก็งานวิทย์แล้ว หรือ ซอมบี้ไม่ต้องมีแม่ มุดมาจากกระบอกไม้ไผ่วะ

   ผมขำอยู่คนเดียว เออ บ้าเข้าไปกู

   เสียงออดดังขึ้น

   ผมเดินไปรอหน้าห้อง เดี๋ยวพวกนั้นก็คงมา

   วันนี้เค้าจะให้แม่ไปรอที่ห้องประชุมก่อน ส่วนพวกผมจะค่อยๆเข้าไปตามลำดับชั้นปีแล้วก็ห้องเรียน ระหว่างนี้จะทำอะไรได้ นอกจากยืนแถวรอเวลาไป

   สงสัยแฮะว่าพวกครูเค้าจัดการแยกแม่ออกจากลูกแล้วจะเรียงกันถูกยังไง คงไม่มีบ้านไหนไม่รุ้มั้งว่าลูกเรียนห้องไร ชั้นไร เอะ...​หรือจะมี คงได้มีสลับตัวแม่กันมั่งละ


   ยืนนิ่งหัวโด่เด่อยู่หน้าห้อง ไอ้ตัวที่นั่งติดกับผมหายไปไหนกันหมด

   “ไง ไปไหนมาวะมึง พาแม่ไปหลบเหรอ” ผมถามไอ้ต้อง

   มันเดินสูงหัวโด่กว่ามา ไม่ต้องพยายามก็เห็น

   มันเคาะหัว

   “ไข้กลับเหรอไง” ต้องพูด

   สักพักไอ้เจมากับไอ้แมค

   “ไปกับแม่มา กูรู้มึงจะพูดอะไร เก้า” ไอ้แมคชี้หน้าผม

   ผมกับต้องหัวเราะก๊ากเลย

   ผมหันไปหาเจ

   หน้าไอ้เจเฉยเมย ไร้ความสุข อะไรวะ งานวันแม่แท้ๆแม่มันมาก็น่าจะดีใจนะ

   “เออ เก้ามึงมาตอนไหนวะ” แมคถาม

   “ก็เมื่อกี้”

   “อ้าว แล้วไปส่งแม่มายัง” แมคถามต่อ

   ผมสั่นหัว

   “ไม่เป็นไรเหรอ” เจ ถาม

   มึงเองก็ทำหน้าเซ็งอยู่ไม่ใช่เหรอ

   ต้องโอบไหล่ผม โอบแนบแน่นจนไอ้เจต้องมาแกะออกก่อนโดนไล่ให้ไปเข้าแถว

   พอถึงตาห้องผมเดินไปที่ห้องประชุม ตอนนี้อากาศในห้องประชุมเย็นเฉียบ เย็นออกนอกประตูมาเลยยิ่งกว่าวันซ้อม บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นแปลกๆ จะบอกว่าดอกมะลิก็ไม่เชิง กลิ่นมันคล้ายๆแต่แรงกว่ามาก กลิ่นธูป เทียน ผสมกับกลิ่นเสื้อผ้านักเรียน ยังเช้าอยู่ ไม่เหม็นเหงื่อ

   ตำแหน่งที่นั่งยังคงเดิม หลังห้อง

   แต่วันนี้ผมคงไม่หลับ

   งานกำลังเริ่ม ทั้งห้องเงียบกริบ ประธานซึ่งเป็นผู้อำนวยการเดินเข้ามาแล้วก็นั่ง หัวหน้านักเรียนกำลังกล่าวสุนทรพจน์  เนื่องในงานวันแม่ ซึ่งเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาผมเป็นแน่นอน

   ตามมาด้วยกลิ่นธูปและเทียนที่จุดไฟไหว้พระ

   มันกำลังมาเป็นคอมโบ

   เปิดงานด้วย นักเรียนหน้าตาเด็กเรียนแบบที่สุดที่จะหาได้ ออกมากล่าว เริ่มด้วยประโยคภาษาไทยที่ผมฟังแล้วต้องมานั่งแปลไทยเป็นไทยอีกรอบ พวกไอ้ต้องคงไม่มานั่งแปล มันไม่สนใจฟังเลยมากกว่า

   ดีแล้วที่วันซ้อมผมหลับไม่งั้นต้องฟังสองรอบเลย

   ทางขวามือผมพวกซอมบี้ที่ดูเหมือนยาบ้ากำลังจะหมดฤทธิ์  นั่งโยกหัว ไม่ใช่ว่าคนกล่าว พูดได้เพราะนะ แต่ พวกมันเอาแบบฝึกหัดวิชาเลขสำหรับสอบเข้ามหาลัยมานั่งทำด้วย มันจะหยุดทำซะหน่อยจะเป็นอะไรมั้ย

   เดี๋ยวพวกกูก็ได้ไปแบกโต๊ะหรอก

   ผมหันไปมองแล้วได้แต่ส่ายหัว

   อีกเดี๋ยวก็จะมีการแสดงพอจบแล้วก็จะเป็นพิธีมอบเข็มโรงเรียน

   ถ้าแม่ไม่มาแปลว่าผมต้องไปยืนคุยกับอากาศอยู่บนเวทีในขณะที่คนอื่นมีแม่สินะ

   จบการแสดงแล้ว

   เสียงเรียกให้ยืนขึ้นทีละแถวๆ ก็ดังขึ้นมา หน้าสุดไปก่อน

   นั่งรอใจจดจ่อ

   ต่อไปเป็นแถวของผมแล้ว หัวใจก็เต้นแรงอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ขนาดทำใจไว้แล้วนะ เอาเหอะ คนก็คงมองแปลกๆนิดหน่อย ยังไงผมก็แปลกมาทั้งชีวิตแล้วนี่

   ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไมเนอะ เสียงพ่อผมวนกลับมาอีกแล้ว

   ตอนนี้เราเดินเรียงแถวหน้ากระดานไปแล้ว

   พอไปถึงที่ ทุกคนก็ทำตามที่ซ้อมไว้ แม่ผู้ให้ยืนขึ้น

   ผมเดินก้มหน้าก้มตาไปยังตำแหน่งตามวันซ้อม

   “หือ....” 

   หัวใจแทบหยุดเต้น

   ผู้หญิงตัวที่อยู่ตรงหน้า ยิ้มให้อย่างคุ้นเคย

   “ไอ้ตัวแสบ ทำไมไม่บอก” แม่พูดเสียงเบา

   “ก็วันก่อนถามแล้ว แม่ว่าทำงานนี่นา”

   ผมเห็นหน้าแม่ เศร้าลงแวบหนึ่ง

   “ถ้ามีงานสำคัญก็บอก” แม่ผมทำหน้างอน

   “ก็เห็นว่าต้องทำงานไม่อยากกวน เดี๋ยวพ่อก็ด่าอีก”

   ผมก้มหน้ามองพื้น

   “ก็ช่างพ่อเค้าสิลูก”

   แม่เอาฝ่ามือเคาะหัวผมทีนึง

   เสียงพิธีการดำเนินต่อไป แต่ผมไม่ได้ยินแล้วว่าให้อะไร ที่ซ้อมไว้ก็ไม่ได้จะจำอยู่แล้ว ยิ่งทำไรไม่เหมือนชาวบ้านเข้าไปใหญ่ ช่างมันหอะ

   ผมเดินเข้าไปคล้องแขน จับมือ ไม่ได้มองเลยว่าคนข้างๆเค้าทำอะไรกัน ลืมมองหน้าแม่พวกมันไปเลย

   พอให้เข็มเสร็จก็จะให้เวลาลูกกับแม่อยู่ด้วยกัน แต่หลังพิธีนะ ช่างมันเหอะผมไม่สนใจ

   ผมคล้องแขนแล้วเดินวนออกนอกห้องไปตามคนอื่น

   แม่กับลูกต้องวนออกไปแล้วเข้ามาใหม่เพราะว่า แม่จะขยับแถวขึ้นมาเรื่อยๆ ตัวลูกเองก็ต้องเดินเข้าไปหา ถ้าจะแยกกันตรงนั้นเลยน่าจะวุ่นวาย ครูเลยจัดให้วนกลับเข้ามาใหม่

   แต่คู่ผมไม่วน

   ผมคิดว่าแม่น่าจะหิวแล้ว นี่มันสายมากแล้ว พอออกมานอกห้องประชุมได้ผมรีบพาแม่เดินตรงหนีออกจากขบวนไปเลย

   ผมหันไปมองหน้าแม่

   แม่ผมยังยิ้มอ่อนโยนให้ผมอยู่

   “งั้น เดี๋ยวลงไปกินข้าวข่างล่างกันมัน สายแล้วหิวป่าวแม่”

   ถ้าแม่ตอบว่าหิวจะยิ่งดี ผมอยากชดเชยที่ทำให้แม่รู้สึกไม่ดีไปด้วย แถมไม่เคยเลยซักครั้งที่ผมกับแม่จะได้มากินข้าวด้วยกันที่โรงเรียน

   “เก้าหิวเหรอ”

   “งั้นรีบหน่อยนะเดี๋ยวพ่อว่าแม่เอา”

   ผมพยักหน้า

   “เดี๋ยวเก้าไปบอกเพื่อนก่อนนะว่า ไม่ไปกับพวกมัน” ผมบอกแม่

   “แม่ลงไปรอที่สวนข้างล่างเลยนะ เดี๋ยวซื้อข้าวมาให้”

   เอ... วันนี้มีอะไรขายนะ แล้วซื้ออะไรดี

   ผมวิ่งออกไปบอกพวกไอ้ต้องก่อน  เวลาใครถามพวกมันจะได้ช่วยกลบเกลื่อน

   พอกลับเข้าไปถึงที่ขบวนผมหาใครไม่เจอเลย มันชุลมุนนิดหน่อย

   สุดท้ายผมก็หาพวกมันไม่เจอ

   ช่างหัวพวกแม่งเหอะ

   ผมหันหลังกลับ ขาผมก้าวข้ามบันได จะวิ่งลงบันไดก็ไม่ใช่ แต่จะบอกว่าเดินลงเลยก็ไม่ถูกต้องนัก ต้องรีบทำเวลา เดี๋ยวจะไม่ทัน แล้วเกิดช้าแม่จะไปทำงานสายอีก ยิ่งไม่ดีใหญ่

   ขาแตะชั้นล่างสุด ผมวิ่งเต็มเหยียดไปถึงบริเวณสวนด้านล่างที่มีขายอาหารในตอนเช้า พยายามมองซ้ายขวา หาทั้งที่นั่งที่มีคนและที่ยืนอยู่ แต่...

   ผมหาแม่ไม่เจอ

   ผมเดินไปทั่วทุกที่ที่แม่น่าจะไป ในสวน บริเวณร้านอาหาร ที่นั่งหน้าร้าน ร้านขายน้ำ แม้กระทั่งลานจอดรถ

   หาไม่เจอ

   ผู้หญิงตัวเล็กที่ยิ้มให้อย่างอบอุ่นเมื่อกี้หายไปแล้ว

   ผมนึกไปถึงโทรศัพท์ มันถูกทิ้งไว้บนห้อง.. แล้วก็.....   ปิดไว้ด้วย....

   จะกลับขึ้นไปหรือจะหาต่อดี

   ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผมคิดว่าคงหาไม่เจอแน่แล้ว ผมจึงกลับขึ้นห้อง เดินตรงปรี่ไปที่กระเป๋า

   เปิดโทรศัพท์

   กดชื่อที่คุ้นชินแล้วโทรออก

   สายรับอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่มีเสียงคอยสาย

   “แม่ อยู่ไหนอะ”

   “แม่กลับไปทำงานแล้วเก้า”

   เสียงแม่ดูเศร้าๆนิดหน่อย

   “แม่รออยู่สักพักแต่ไม่เจอ แล้วพ่อเค้าโทรมาตาม”

   “อ้าว เก้าก็รีบลงมาหา”

   ผมเข้าใจ แม่ต้องรีบไปทำงานต่อ แล้วพ่อก็คงทำงานอยู่คนเดียวในตอนนี้

   “แม่โทรหาแล้ว เก้าปิดมือถือ”

   “มันมีงานนี่แม่ เอาเข้าไปได้ที่ไหนละ”

   ผมเลยถามกลับ

   “แม่หิวมั้ย”

   ผมเป็นห่วงว่าแม่ได้ทานอะไรรึยัง

   “ไม่หิว แม่กินเช้ามาแล้ว”

   “อ้อ งั้นเดินทางดีๆละแม่ เดี๋ยวเก้าไปหาไรกินละ”

   ผมทำเสียงให้ร่าเริงที่สุด

   “เย็นนี้เจอกันที่บ้านนะเก้า”

   “ครับแม่”

   ตี๊ด ข้อความเข้า

   ‘ทำไมต้องให้คนอื่นมาเสียเวลาด้วย ทำอะไรคิดบ้าง โตแล้ว อย่าเห็นแก่ตัว ถ้าจะชั่วอย่าพาคนอื่นไปทำชั่วด้วย’

   ทำไมไม่รู้ ผมรู้สึกน้ำตาคลอ  มันไหลออกมาเอง

   ทั้งๆที่เมื่อเช้ายังบอกอยู่ว่า เข้าใจถ้าไม่มา แต่พอเอาเข้าจริงกลับกลายเป็นว่า ผมดีใจอย่างที่สุด แล้วตอนนี้ผมก็เสียใจอย่างที่สุดเช่นกัน

   เฮ้อ... ไม่ร้อง

   กดปิดข้อความจากพ่อ เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แล้วนั่งอยู่ในห้อง ซ้ายขวาผมมีแต่กระเป๋านักเรียนบางจ้อย พวกมันคงไปกินข้าวกับแม่ ส่วนตัวผมยังไม่มีอารมณ์จะกินอะไร
   เสียงออดดังขึ้นแล้ว ผู้คนทะยอยเดินกลับเข้ามา ผมยังคงนั่งนิ่ง

   “เฮ้ย ลูกแหง่ เหงาเหรอ ค่ะ”

   ไอ้อ้วน มันเน้นเสียงที่ ค่ะ ด้วย

   “รีบจูงแม่ออกไปเลยนะ แม่มึงสวยได้แค่นี้เหรอวะ ท่าทางเหมือนกำลังมีปัญหามีน่าลูกถึงเป็นตุ๊ด”

   พอดีเลยกำลังอารมณ์ไม่ดี
   
   ผมเดินเข้าไปกำหมัดขึ้น กำแน่นๆ ขอสักทีเหอะ

   “หายไปไหนมาวะเก้า” แมคขัดจังหวะ

   “มีไรให้ต้องจัดการให้ได้นะ”

   แมคพูดดังๆให้ไอ้อ้วนได้ยิน

   ผมหันไปมองหน้ามัน

   หันกลับมาไอ้อ้วนหายไปแล้ว.. รู้ตัวสินะ

   สัสนี่เจออีกทีจะเล่นให้ยับเลย

   “บ่ายนี้ไม่ต้องเรียนวะ วิชาวิทย์พอดี ครูให้ไปเตรียมงานวิทย์ต่อ เดี๋ยวต้องมีซ้อมย่อย ซ้อมใหญ่อะไรอีก เห็นบอกซ้อมใหญ่จะเอาฉากมาใช้จริงด้วย”

   แมคไม่นั่ง แต่ล้วงกระเป๋าเอากุญแจห้องวิทย์ออกมา

   “งั้นลงไปทำฉากต่อมั้ย” แมคดึงผมขึ้นมาจากเก้าอี้

   “อือ” ผมลุก

   “นี่ เจ กับ ต้องไม่รู้หายไปไหน” แมควิ่งตามมาข้างหลังพูดขึ้น

   ผมไม่ตอบ

   “มีไรเล่าให้กูฟังได้นะมึง”

   “หือ”

   “หน้ามึงแย่ซะขนาดนี้ ไปเจอไรมาวะ ไอ้ต้องแกล้งเหรอ” มันถามผม

   “ป่าว”

   ท่าทางมันเดาออก ยังไงก็ผมก็ไม่เล่า

   มันเลยเอามือตบหัวผมทีนึง

   “เดี๋ยวก็ดีแหละมึง” แล้วขยี้ผม ผมด้วย

   ห้องวิทย์กลับมาเงียบสงบ แล้วก็มืดเหมือนทุกที ถึงจะอยู่ติดกับห้องประชุมแต่เมื่อไม่มีผู้คนหลงเหลืออยู่แล้ว ความรู้สึกสนุกสนานก็หายไปด้วย มีแค่เศษดอกมะลิกับป้ายงานเท่านั้นที่บอกว่าวันนี้เคยมีงานอะไร
   
   ภาพประทับใจมันจางไปแล้ว

   “เฮ้ย เก้า เริ่มเลยมั้ย ท่าทางไอ้เจกับต้องจะหายไปอีกนาน”

   “ได้”

   ผมกับแมค แบ่งกันทาฉากไปคนละแผง สีที่ทาต่างกัน คนหนึ่งสีเขียวสดใส ส่วนของผมเป็นสีน้ำตาล แดง เข้ากับอารมณ์ผมยิ่งหนัก แห้งแล้ง และหดหู่

   “เมื่อเช้าเป็นไงวะ”

   “กูมัวแต่ทำตามที่เค้าซ้อมไว้ ลืมดูหน้าแม่มึงเลย”

   มันชี้แปรงมาทางผม

   “เออ กูก็ลืมหน้าแม่มึง”

   ผมเค้นหัวเราะ

   “มึงดูแย่จริงๆนะ”

   “ยังงั้นเหรอ”

   “เมื่อเช้าไอ้เจ กับ ไอ้ต้องนะ พอจบปุบ มันก็รีบหนีไปเลย กลัวคนเห็นรึไงวะ”

   มันหัวเราะอยู่คนเดียว

   “มึงน่ะออกไปก่อน พาแม่ไปไหนมาเหรอ”

   มันยังถามต่อ
   
   แต่ทำไมไม่รู้ ผมไม่คิดว่า นั่น คือ สิ่งที่มันอยากรู้

   คำถามจริงๆ คือ เกิดอะไรขึ้นวะ

   ผมโยนโทรศัพท์ให้มัน

   เงียบกันไปพักนึง

   “กูอ่านเสร็จแล้ว”

   คราวนี้มันหยุดแล้วเดินมานั่งข้างผม

   “ก็..​กูกะว่าจะได้กินข้าวด้วยกัน ทุกทีเจอกันแค่ตอนเย็นน่ะ ไม่ค่อยได้พูดคุยกันด้วย ปกติอยู่บ้านเหมือนกูไม่อยู่ ไม่ได้มีตัวตน มีแม่คนเดียวที่เหมือนยังเห็นกูอยู่บ้าง”

   “อือๆ”

   แมคพยักหน้าอยู่อย่างนั้น

   มันเอามือลูบหลังผมสองทีแล้วไปทำต่อ

   “อย่าคิดมากมึง กูว่าเค้ามีเหตุผละ”

   เหตุผลไรวะ

   มันมีอีกเรื่องแต่ผมไม่ได้เล่า อย่างเรื่องเมื่อเช้านี้
   
   “นั่นดิ” ผมยิ้มให้มัน

   “ขอบใจนะ” ผมยิ้มให้มันอีกที

   “ยังไงก็เพื่อนกัน อีกไม่นานก็ต้องแยกกันไปแล้ว”

   “ไม่รู้ว่าจะได้อยู่คุยกับพวกมึงยังงี้อีกรึเปล่า ต่อไปอาจจะไม่ได้เจอเพื่อนแบบพวกมึงก็ได้”

   มันพูดแปลกๆจนผมต้องหันไปมองหน้ามัน

   “หมายความว่าไงวะ”

   ถึงผมจะมีเรื่องไม่สบายใจ มันก็ไม่น่าจะพูดขนาดนี้

   “นั่นพระเอกมึงมาแล้ว”

   ผมหันไป ไอ้เจ กำลังเดินเข้ามา

   “เย้ ไม่มีเรียน”

   ทำไมผมไม่ซื้อหวยถูกยังงี้มั่งเนี่ย

   กำลังคิดว่า มันต้องมีคนมาขัดจังหวะแน่ๆ

   “เป็นไรวะเก้า ทำหน้าเศร้าเชียว”

   นี่หน้าผมมันแสดงออกยังงั้นเลย

   “ป่าวไม่มีไรมึง”

   “วันนี้วันแม่นะมึง ทำหน้ายังกับครอบครัวมีปัญหา”

   เจ พูดแหย่ผม

   “เฮ้ย” แมคเดินไปเตะไอ้เจหนึ่งป๊าบ

   “อ้าว มึงไปไหนน่ะเก้า” เจ ร้องมาทางผม
   
   ผมลุกแล้วเดินออกไปเลย

   “ตามไปสิวะ ไอ้ควาย” เสียงแมคเองไล่หลังมา
   
   เหมือนเจ จะถกเถียงกับไอ้แมคอยู่ มันคงงงผมเป็นอะไรไป

   ผมเดินออกจากห้องไปทางขวา แล้วเลี้ยวซ้ายหลบเข้าไปบริเวณซอกด้านหลังห้องประชุม ตรงนั้นเป็นลานยกพื้นไว้สำหรับนักแสดงที่จะขึ้นโชว์เวทีใหญ่ในห้องประชุม

   มันมืดและเงียบมาก ถ้าจะอยู่คนเดียวในโรงเรียน ผมก็นึกไม่ออกถึงที่อื่นแล้ว
   
   “เฮ้ยเป็นไรวะ” ไอ้เจหย่อนตูดลงนั่งข้างๆ

   ผมไม่ตอบอะไร ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องไปตอบมัน ผมรู้ ลึกๆแล้วมันก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่พอเวลาพูดแล้วมันจี้ใจดำ ทำให้สิ่งที่ผมอดทนเก็บเอาไว้บางทีมันก็ไม่อยู่ ผมเองตอนนี้ก็หงุดหงิดตัวเอง จะดราม่าอะไรหนักหนา เรื่องแค่นี้

   “แล้วมึงมาทำไม ไปช่วยไอ้ป๋ามันโน่น” ผมไล่มันไปไกลๆ

   “ก็เห็นมึงมานั่งทำหน้าซึม กูเลยเป็นห่วง”

   “ป่าว ไม่มีไรมึง”

   “กูพูดไรผิดไปเหรอ”

   “ป่าวไง”

   ผมยังนั่งนิ่งเงียบต่อไป

   “โอเค ถ้างั้นกูไปละ ไม่อยากระบายก็ไม่เป็นไร”

   อ้าว

   “เอ้ย เปล่าๆ” สุดท้ายผมก็ต้องยอมมันอยุ่ดี

   ผมเลยต้องเล่าทั้งหมดเหมือนที่เล่าให้ไอ้แมคฟังอีกรอบ แน่นอนว่ายกเว้นเรื่องพ่อกับเรื่องเมื่อเช้า เพราะเล่าไปมันจะเข้าตัวผมด้วย

   “กลายเป็นว่ามึงหาไม่เจอสินะ” เจ พูดสอดขึ้นมา

   “อือ” มันพูดถูก

   “บ่นมาซะยาว” มันเอามือตบหัวผม

   “เจ็บนะมึง”

   “มึงอะคิดมาก”

   เงียบไปอึดใจ

   “บ้านกูไม่มาเลยด้วยซ้ำ” เจ มองไปทางห้องวิทย์

   “ไหนมึงบอกไม่สนใจไง” ผมลุกขึ้นมานั่งตรง   

   “สนไงละ แม่กูแก่เกินกว่าจะมาแล้วมั้ง” มันมองออกไปตรงๆ

   “แล้วใครมาละ”

   มันหันมา ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

   “พี่สะใภ้” เจ พูดช้าๆชัดๆทีละคำ

   “หา”

   “พี่กูแต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว” มันค่อยๆเล่า

   “กูเป็นลูกหลง จะมีใครมาสนใจกูพี่กูไปอยู่เมืองนอกกัน 2 คู่แล้ว ใครจะสนกู พี่สะใภ้ต่างหากที่เลี้ยงกูมา กูประถมพี่กูก็แต่งงานแล้ว กูเลยเหมือนเป็นลูกเค้า พอพี่คนโตกลับมาจากเมืองนอกกูก็โดนเอาไปเลี้ยงเลยทันที”

   สงสัยเรื่องของมันจะหนักกว่าของผมแฮะ

   ผมได้แต่เอามือลูบหลังมัน ทำไรไม่ถูกเลยเจอยังงี้เข้าไป

   “เออ นี่มึงโตขึ้นเยอะเลยนะ”

   “หือ” วันนี้ไอ้นี่เป็นอะไร เล่นคำใบ้รึไง

   “มึงจำกูไม่ได้จริงงะ”

   ผมส่ายหัว ยังชันเข่าอยู่

   “พีไง”

   หือ!!!!

   “พีระพล เพื่อนเก่ามึงน่ะ” มันเน้นคำว่า เก่า

   ผมทำหน้างงกับคำพูดมันชั่วครู่ มันเอาอะไรมาพูดวะ สมองผมทำความเข้าใจไม่ทัน

   “มึงนี่โตขึ้นเยอะเลยนะ”

   “ไหนดูดิ ตรงนั้นโตถึงไหนแล้ว” มันเอามือมาจะแกะกางเกงผม

   “พอๆๆ พีแน่ๆ” นิสัยบ้าบอ นิสัยทะลึ่งแก้ไม่หาย

   “ทำไมมึงเพิ่งมาบอก”

   “อ้าว ก็มึงไม่ถามนิ” มันทำหน้ากวนตีน

   “เออออ” จริงของมัน

   เพื่อเก่าที่หายไปนาน ที่แท้มันอยู่นี่เอง

   “เดี๋ยวนี้มึงก็ยังเหมือนเดิมนี่ ทำตัวโดดเดี่ยว”

   “อ้าว ไอ้นี่”

   มันหัวเราะใหญ่

   “ไหนมึงบอกกูโตขึ้นไง”

   “ก็โตไง ดูดิ มึงนั่งไข่ลอดกกนสีน้ำเงินของมึงอะ ตุงแน่นเลย โตขึ้นแล้วใหญ่เหรอวะ”

   ผมก้มหน้าลงไปมอง จริงของมัน

   “สัส มาดูไรของกู”

   มันหัวเราะ

   “ที่วันนั้นน่ะ มึงชวนกูไปดูรอยลูกปิงปองกูยังจำได้นะ”

   มันหัวเราะไม่พูดอะไร

   ผมคิดว่าผมควรจะถามในสิ่งที่อยากถามมันดีมั้ย

   “มึงให้กูถอดเพื่อจะดูอะไร”

   “อ้าว ก็กูยังจะถอดให้มึงดูก่อนเลย” มันตอบผมด้วย เอ่อ.. ไม่รู้เรียกว่าอะไร

   “ตอบไม่ตรงคำถาม”

   “มึงไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง”

   นี่ก็ไม่ใช่คำตอบ อะไรของแม่งวะ

   “อะไรของมึงวะ”

   “อยากรู้จริงนะ”

   มันหันมาถอดกางเกงลง ยกชายเสื้อขึ้น เหลือแต่กางเกงในสีขาว รัดแน่นให้ผมดู

   แล้วเอามือล้วงเข้าไปข้างในกางเกง เน้นเป้าให้อูมขึ้นมา

   “กูไม่เคยเอาเปรียบมึงแล้วกัน”

   กูบอกรึยังว่าอยากดูกลับน่ะ

   “ไปๆ ป๋ารอนานแล้ว เดี๋ยวมันบ่น” มันใส่กางเกงแล้วเดินนำไป แถมเอามือล้วงเข้าไปตรงไปตรงนั้นอีก

   ผมชูนิ้วกลางให้มัน

   “อ้อ วันงานอะทำตัวให้ว่างนะมึง เป็นค่าตอบแทนที่กูช่วยไว้ตอนโน้นนนนนน”

   ตอนไหนวะ แม่งทวงบุญคุญกันย้อนไปกี่ปี

   ยังไม่ได้รับปากมันเลยว่าจะไป

   แล้วผมจะไปบอกไอ้ต้องยังไงละเนี่ย

   ถึงวันนั้นมันก็คงลืมเองแหละมั้ง ....



   อ้อ เล่นมาล้วงควักให้กูดูซะยังงี้ จะลุกขึ้นเดินไปยังไงละเว้ย

:bye2:

(http://static.zerochan.net/Zankyou.no.Terror.full.1748861.jpg)
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 12.0 วันแม่ [pg3] 25/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 27-09-2015 16:40:51
กรี๊ดดดดด แอบจิ้นเก่า-เจไปแปบนึง >\\\< ยังไงต้องไปกะน้องต้องนะเคอะ!!! #ทีมต้อง
หัวข้อ: Re: 10 CM. ตอนที่ 12.0 วันแม่ [pg3] 25/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 28-09-2015 14:09:23
หลายอารมณ์อะตอนนี้
ไหนจะงานวันแม่ ซึ่ง....เศร้าอะ น่าสงสารเก้า

ส่วนตอนท้ายๆที่เปิดตัวเรื่องเจก็อีกอารมณ์ เบรกหัวทิ่มเลย ฮ่าๆ
หัวข้อ: 10 CM. ภาค 1 : 10 CM ตอนที่ 13.0 งานสัปดาห์วิทย์ 2 [pg3] 28/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 28-09-2015 16:09:13
10 CM ภาค 1 : 13.1 งานสัปดาห์วิทย์ 2

   วันนี้ได้ตื่นสายสมใจเลยครับ ผมกะว่าจะออกจากบ้านตอน 8 โมงกว่า เพื่อให้ไปถึงสักเกือบ 10 โมง อาบน้ำเสร็จ จัดการกับผมที่ไม่สั้นไม่ยาวบนหัว หาทางทำให้ดูดีที่สุดให้ได้ แอบใส่เจลมานิดหน่อยคงไม่โดนว่านะ

   ที่หน้าโรงเรียน ผมหนีครูที่อยู่เฝ้าประตูโรงเรียนแทบไม่ทัน ดีว่าวันนี้มีเด็กรร. อื่นมาปนด้วย เลยแทรกๆเข้าไปได้ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนผมมัวเป็นบ้าอะไรอยู่ดันนอนไม่หลับซะงั้น เพราะไอ้พีนี่แหละ พีกับเจนี่เหมือนกันจริงๆ อยากได้อะไรต้องได้ วันนี้มันก็คงหาทางลากผมไปจนได้

   อีกส่วนหนึ่งผมก็ยังคิดไม่ตกด้วยว่าจะทำอย่างไรกับต้อง จะไม่เอามันไปด้วยก็น่าจะมีปัญหา ไม่ต้องเลย มันไม่พอใจแน่ๆ

   แล้วเกิดวันนี้มีผู้หญิงของพวกมันมาด้วย ไม่รู้ใครจะซวยกันละ ลากกันไปเป็นขโยง

   เอาเหอะ

   ผมอาบน้ำแต่งตัว ทำผมนิดหน่อยพอไม่ให้ครูสังเกต วันนี้ก็ต้องหล่อหน่อยละครับ เพราะว่านอกจากจะมีคนนอกรร.มาแล้ว วันนี้ต้องไปกับพวกมันด้วย เดี๋ยวจะหล่อสู้ไม่ได้ ตื่นเต้นแฮะ ทำยังกับจัดในสถานที่อื่น นี่มันรร.ที่พวกเราเรียนมาตั้งแต่ประถมแท้ๆ

   พูดไป ทำไมตอนอยู่ม.ต้นถึงไม่เคยรู้ลเยนะว่า งานรร.เรามันน่าตื่นเต้น น่าสนุกขนาดนี้ พวกม.ต้นจะเป็นแค่พวกผู้เข้าชม ส่วนม.ปลายจะเป็นพวกคนเตรียมงาน ความสนุกมันคงจะต่างกัน

   มาถึงโรงเรียน

   เดินมองซ้ายทีขวาทีผู้คนมากมาย ห้องเรียนส่วนใหญ่น่าจะถูกปิดเอาไว้ หลักฐานคือประตูหน้าห้องหลายห้องเรียนปิดและไฟมืดอยู่ เด็กวิ่งวนกันไปมาอยู่ที่ชั้นล่าง เดินกันเป็นกลุ่มๆไปตามจุดนั้นจุดนี้

   ซุ้มเริ่มมีมาวางตั้งแล้ว ทั้งของคนนอกและพวกเด็กนักเรียน

   โปสเตอร์ไวนิลแขวนยาวอยู่ตามเสา เสียงประกาศดังขึ้นเป็นระยะๆ ตามมาด้วยเสียงเพลง

   หมายกำหนดการที่ติดอยู่ตามบอร์ดในรร. เป็นโปสเตอร์ขนาดใหญ่ ผมเลือกดูเฉพาะหัวข้อที่ผมสนใจ (หรือบางรายการที่แปลกๆ)


8.00 น. เคารพธงชาติ (ผมขำจริงๆนะ มันจะบอกทำไม)

9.00 น. ประธานกล่าวเปิดงาน ณ ห้องประชุมชั้น 4 (ไอ้ห้องใหญ่ที่ติดห้องวิทย์ยังไงครับ)
.
.
.
12.00 น. ทานอาหารกลางวัน

13.00 น. วงดนตรีของนักเรียน ม.ปลาย ที่เวทีกิจกรรม 1.
.
14.00 น. วงดนตรีของนักเรียน ม.ต้น ที่โถงข้างลิฟต์ (อันนี้ใหม่ครับ)

15.00 น. การแสดงของรนักเรียนชั้น ม.4/1
   
      ปิดงาน วิทยาศาสตร์  (เป็นอันว่าพวกผมกลับบ้านได้หลัง 3 โมงเย็นนี่เอง)
.
.
.

   ตามเวลา ตอนนี้ประธานน่าจะกำลังกล่าวอยู่บนห้องประชุม ผมโดดไม่เข้าร่วม ไม่เข้าตั้งแต่เคารพธงชาติแล้วละครับ มาก็สายแล้ว  เลยตัดสินใจว่าจะไปนั่งๆนอนๆ แถวๆบันไดกลางนั่นแหละ ไหนๆก็สายซะขนาดนี้แล้ว

   ไม่รู้จะไปเดินดูอะไร พองานเปิดเสร็จ เดี๋ยวคนก็แย่งกันวิ่งเล่นโน่นนี่เยอะแยะ เสียงพวกคนเฝ้าซุ้มที่เรียกเด็กเข้า บางคนก็ตะโกนแลกของรางวัล บอกรางวัลที่เด็กเล่นได้ หนวกหูจริงๆ

   ระหว่างหลบนั่งอยู่ คราวนี้ผมนั่งระวังตัวแล้วครับไม่ให้กกนออก (ไม่ต้องห่วง วันนี้มันคนเยอะ อาย) เพิ่มเติมหน่อยว่ารร.เราเป็นแนวยาว ด้านขวาทั้งหมดจะเป็นถนนภายในรร. ส่วนทางซ้ายจะเป็นตึกแนวนยาวๆ สองตึก พวกเราเรียกมันว่า ตึก 1 กับ ตึก 2

   ตึก 1 จะเป็นที่ของพวกเด็กประถม พอมาถึงม.ต้น จะได้ย้ายไปตึก 2 มันก็คือตึกที่พวกผมอยู่กันนี่แหละครับ แล้วงานจะมีตั้งแต่ บันไดห้องพยาบาลคือ ส่วนที่ต่อกับ ตึก 1 ยาวไปตามทางเดิน ตรงกลางเป็นสนามบาสในร่มดังนั้นไม่สามารถลงไปจัดได้อยู่แล้ว

   จำได้ว่าเจ้าของรร.หวงหนักหนาห้ามเด็กลงไปเล่นนอกจากมีครูพาลงไป

   พอเริ่มเบื่อผมจึงดูนาฬิกาข้อมือ ยังมีเวลอีกนิดหน่อยเลยเดินไปหาซื้ออะไรกินก่อน มันมีออกร้านขายผัดไทย (เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์วะ) ผมซื้อมากล่องหนึ่ง โค้กขวด (อันนี้เกี่ยวแน่) แล้วหามุมเงียบๆนั่งกินอยู่คนเดียว ไอ้แมคแม่งก็หายหัวไปแต่เช้า ไอ้เจก็ยังไม่เห็น

   หายไปไหนกันหมด

   ป่านนี้ไอ้ต้องมันจะทำอะไรอยู่นะ .....

   สงสัยมันคงจะไปกับต่อแน่ๆ วันนั้นไอ้เจก็พูดมาแล้วนี่นา

   ‘ต่อ มันจะหาหญิงให้ต้องฟันเสมอแหละ’

   คนอื่นผมยังพอเข้าใจได้  ถ้าผมหาไอ้แมคไม่เจอ ผมคงไปดักมันแถวงานดนตรี ส่วนไอ้เจ.. เอ่อ คงไปสนามบอลมั้ง ไอ้นี่มันคงวิ่งไปทั่ว  แต่กับต้องผมเดาไม่ออกเลย ผมเคยเห็นว่ามันจะสนใจอะไรเป็นพิเศษไม่เคยแม้แต่จะเห็นมันสนใจอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอย่างดนตรีเหมือนแมคหรือเกมอย่างไอ้เจเลย

   วันนี้ยิ่งน้องต่อจะพาต้องไปด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะวนไปเล่นกันถึงไหน ผมนั่งอยู่แถวนี้เดี๋ยวพวกมันก็คงเดินผ่านไปเองน่ะแหละ

   ดีเหมือนกันเผื่อจะได้แอบเห็นผู้หญิงที่ต่อหามาให้ด้วย

   ตอนนี้ ผมขึ้นมานั่งอยู่ชั้น 2 ริมระเบียง ผมหนีขึ้นมาชั้น 2 เพราะว่าชั้น 1 วุ่นวายมาก ยิ่งบริเวณที่มีขายของกินเนี่ย คนจะเยอะเป็นพิเศษ เด็กนร.หญิงจากรร.อื่นก็เดินกันไปมา พวกนั้นคงไม่รู้ว่ารร.เราจะไปหาของกินได้ที่ไหน ดังนั้นงานออกร้านนี่แหละที่หากินง่ายที่สุด

   ระหว่างที่ยืนกินน้ำก็ชะโงกหน้าดูเด็กเดินไปมา ไปสะดุดตากับคู่นึง พี่ชายกำลังจูงน้องชายเดินผ่านชั้นล่างพอดี นั่นไง เจอแล้ว ต้องกับน้องชาย

    น้องชายต้อง ขาว จริงๆ ซีดซะมากกว่า แต่ส่วนสูงเนี่ยใช่แน่ๆ เด็กม. 1 ไระวะ กะขนาดจากตรงนี้ดูๆแล้วน่าจะสูงเท่าผมแล้ว เฮ้อ เห็นละยิ่งเศร้า ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมา ดูผมจะไม่สูงขึ้นเลย

   ดูๆแล้ว ต่อน่าจะสนิทกับต้องมาก ไม่เหมือนพี่น้องเลย เดินคุยกันเหมือนเพื่อนซะมากกว่า เหมือนสองคนนั้นกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่

   สงสัยจะหิวข้าวซะละมั้ง

   ไอ้แมคเคยเล่าว่า ต้องเป็นคนที่รักน้องชายมาก น้องชายมันไม่ค่อยแข็งแรง เหมือนๆจะเป็นโรคอะไรสักอย่าง  น้องมันสำคัญขนาดที่ว่าพวกเราเล่นอะไรอยู่ก็แล้วแต่ ถ้าน้องมันต้องการตัวต้องละก็ มันจะรีบออกไปหาทันที มันให้ความสำคัญกับน้องมันก่อนเสมอ

   พอโตมาตรงข้าม มันกลายเป็นเด็กที่เล่นกีฬาได้ทุกอย่าง ต้องขอบคุณหมอที่แนะนำให้น้องมันออกกำลังกาย ตอนนี้เลยเล่นกีฬาเก่งไปเลย

   พี่น้องน่ารักจริงนะ ความรู้สึกของน้องชายที่ได้จูงมือต้องจะเป็นแบบไหนกัน

   ทั้งสองคนหยุดยืนอยู่ตรงทางเดินสักพัก ไม่นานเหมือนจะหาอะไรเจอ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินอายๆเข้ามาหา ตรงมาทางพี่น้องคู่นั่น

   น้องชายทำท่าจะแนะนำผู้หญิงคนนั้นให้รู้จัก เป็นเด็กผู้หญิงกระโปรงน้ำเงิน ผมยาว แต่ผมเห็นหน้าไม่ชัด คนนี้ละมั้งที่เจบอกว่า ต่อจะแนะนำให้รู้จัก  ก็ไอ้ต้องมันก็หล่อนนี่นะ คงมีคนอยากจะรู้จักเยอะอยู่  พอมองดูดีๆแล้วก็ตลก

   ไอ้ต้องท่าทางเก้กังมาก แถมส่วนสูงซะขนาดนี้ ฝ่ายหญิงนี่แทบจะเหมือนคุยอยู่กับต้นไม้เลย ด้วยส่วนสูงขนาดนั้น จากด้านผม มันแทบจะบังผู้หญิงคนนั้นมิด ผมเลยดูไม่ออกเลยว่าตอนนี้ทำหน้ายังไงกัน แต่ต่อยังไม่ยอมปล่อยมือพี่ชายเลย

   เด็กอะไร สนิทกันจริง เอะ ต่อมันชั้นไรแล้วหว่า

   ‘ขอโทษครับ’

   มีเด็กเดินมาชนผม น้ำหกหมดเลย แย่ละ

   ผมก้มลงไปมองก่อนจะเอาแก้วที่เหลือน้ำนิดหน่อยไปทิ้งที่ถังขยะหน้าห้องน้ำ   

   ผมเหลือบมองนาฬิกามันเที่ยงกว่าแล้วนี่นา อีกสองชั่วโมงก่อนจะเริ่มการแสดง ไม่สิชั่วโมงครึ่ง ต้องไปเตรียมพร้อมอีก  พอหันกลับไปมอง ก็เห็น 3 คนนั้นกำลังเดินหายไปแล้ว ผมยืนท้าวคางมองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้  พ่อแม่ลูกเหรอไงเนี่ย ต่อก็ไม่ยอมปล่อยมือซะที
   
   เดี่ยวผมเดินลงไปรอพวกมันดีกว่า ไอ้ต้องคงจะไม่ได้มากับพวกเราแล้วละผมว่า มีใครนัดไอ้แมคมั้ยเนี่ย

   เมื่อผมไปใกล้ถึงบันไดกลาง เสียงเฮก็ดังขึ้น  จากกำหนดการ น่าจะเป็นวงของพวกรุ่นพี่ที่เวที 1 (ที่พวกผมจะใช้ต่อเพื่อแสดงละครน่ะครับ) ท่าทางคอนเสิร์ตกำลังจะเริ่มแล้ว  ลงไปดูดีกว่าว่าพวกพี่จะเล่นออกมาได้ดีแค่ไหน ไอ้แมคต้องอยู่แถวนั้นแน่ๆ

   เมื่อเร่งฝีเท้าลงบันไดมา ผมเจอ เจ ยืนรออยู่แล้ว

   “มาซะหล่อเลยนะมึง” เจ มันทักผม

   “กูว่าดูมึงเหอะ ใส่เจลมาเยอะงี้เดี๋ยวครูก็จับไปล้างออกหรอก”

   ผมเจเรียบแปร้มาเลย ถึงมันจะไม่เยอะมากขนาดเวลาเด็กไปเที่ยวสยามก็เหอะ แต่มันก็เยอะ ผมดูออกเลยว่ามันทำผมมาแบบตั้งใจ

   “เออน่า ขอวันนึง”

   “หลงมั้ยละ”

   “หลงเหี้ยไร ไหนละแฟนมึง” ผมย้อนมัน

   “ใครบอกมึง ไม่มี๊” ทำไมมันต้องทำเสียงสูงวะ

   “ไปกันแค่นี้เหรอ”

   “เออน่า” มันก้าวขึ้นบันไดมาหาผม

   “พร้อมมั้ยมึง วันนี้เหนื่อยนะ”

   “เออ สู้ตาย”

   “แมคไม่มาจริงเหรอ”
   
   “แมคเหรอ อือ.. กูก็ไม่รู้วะ”

   “แล้วต้องละบอกมันยังวะ”
   
   ไอ้เจยังไม่ทันได้ตอบ เสียงเฮ อีกครั้งก็ดังขึ้น เสียงเซ็ทติ้งเครืองดนตรีก็เริ่มดังถี่ขึ้นเช่นกัน   ถึงตรงนี้ไอ้เจเดินขึ้นบันไดมาเร็วๆ คว้าข้อมือผมไว้แล้ววิ่งตรงไปยังเวที 1 

   ทางที่จะไปมันต้องผ่านซุ้มเล่นเกมต่างๆ ฝั่งนี้เป็นของพวก ม.4 และ รุ่นพี่ 5 กับ 6 ไอ้พวกรุ่นเดียวกันผมไม่ค่อยห่วง ไอ้เจมันคนรู้จักเยอะ แต่รุ่นพี่นี่สิ

   “พร้อมยัง” เจหันมาถาม

   “พร้อมไรวะ”
   
   “ด่าน 1 ไง”

   นี่ถ้าจะเล่นเกมไปร่วมงานวิทย์กับคนอื่นก็ได้นะ

   “อะไรของมึงวะ”

   “ตามกูมานะ” มันกำข้อมือผมแน่น แล้ววิ่งออกไป

   “เฮ้ยๆๆ ชนๆ มึงคนเยอะ ช้าหน่อยเดะวะ”

   คนที่มุงอยู่ตามซุ้มต่างๆริมทางรอบสนามบาสน่ะมีเยอะมาก แน่นไปหมด ทั้งผู้หญิงจากโรงเรียนอื่นแล้วก็เด็กผู้ชายโรงเรียนผม

   “ตามกูมานะมึง” ผมหันมายิ้ม

   มันวิ่งตรงดิ่งเข้าไปที่ซุ่มเลยครับ แต่เป็นด้านหลังของซุ้ม บริเวณที่ สตาฟยืนอยู่ มันโบกมือให้แล้ววิ่งทะลุไปเลย  สตาฟตกใจกันใหญ่ บางคนก็ตะโกนด่าไล่หลังพวกเรามาด้วย   

   “เฮ้ย เล่นเหี้ยไรน่ะ กูจะไปฟ้องครู”

   ไอ้เจได้ยินงี้ มันหันกลับมาชูนิ้วกลางให้

   “มึงๆ มองทางด้วย” แม่งจะพาไปชนคนอื่นแล้ว

   มันยังกำข้อมือผมแน่น แน่นจนเจ็บไปหมดแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อ

   บางซุ้มก็หลบให้โดยดีเมื่อหันมาเห็นไอ้บ้าสองตัววิ่งดับเครื่องกันมาซะยังงี้

   คราวนี้ ตรงหน้านี่เป็นอะไรก็ไม่รู้ เห็นคนที่ซุ้มเอาขวดโหลใหญ่ๆมาวาง ให้เป่าเครื่องอะไรซักอย่างทางสายยาง (มันทดลองไรกันวะ) ไอ้เจดึงแขนผมมุดลงไปใต้สายแล้ววิ่ง ทะลุต่อไป

   เหี้ย หัวกูจะเกี่ยวสายยางเอา

   ถัดมาเป็นบริเวณที่มีซุ้มขายของ ข้างหน้ามีคนกำลังยื่นของ จ่ายเงินกันอยู่ เจมันเลยต้องหยุดเป็นจังหวะๆ ไม่ให้ชนมือ เดี๋ยวิ่งเดี๋ยวหยุด มั่วกันไปหมด ทั้งพวกสตาฟแล้วก็คนซื้อต่างมองผ่านหัวเจไป (แน่นอนว่าบางคนก็ด่าออกมาด้วย)

   ข้างหน้าเวทีคนเริ่มแน่นแล้ว

   อีก 2-3 ซุ้มก็จะถึงลานตรงเวที 1 แล้ว

   “ชิบหาย ข้างหน้ามันของพวก ม.6 มันไม่ยอมแน่” ผมพยายามดึงมือมันกลับ

   “เออน่า ตามกูมา”
   
   “เฮ้ยๆ ซุ้มปาบอลๆๆ ลูกบอลมึง เหี้ยยยยยย” ผมร้องลั่น

   ข้างหน้าเป็นซุ้มที่เอาลูกบอลมาปากระป๋อง เพื่อแลกของรางวัล มีแต่ผู้ชายทั้งนั้นเลยที่เล่นตอนนี้ เขียวกลับบ้านแน่กู

   “ก้มหัวลง” 

   พูดจบ เจก็เอามือกดหัวผมไว้กับหน้าอกมัน เสียงเอะอะข้างนอกหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวใจเจที่เต้นอยู่ข้างหู ผมได้แต่มองลงไปที่พื้นกระเบื้องสีส้มของโรงเรียน เมื่อพยามหันไปมองเจมันเอาตัวขวางบอลให้อยู่ พวกเราก็ยังต่อไปไม่หยุดวิ่ง

   “เฮ้ยๆ สองคนที่ตัดไปนั่นอะ”

   “ปาแม่งเลย” ไม่รู้สตาฟซุ้มไหนตะโกน คงแค้นน่าดู

   คราวนี้กว่าจะมุดออกไปได้บอลลอยมาเต็มเลยครับ เจ ผมเห็นเจโดนไปเต็มๆหลายลูกอยู่

   ยิ่งมันกดหัวผมกับหน้าอกมัน เสียงเวลามันร้องก็ยิ่งดังชัดเจนในหัวผม

   มันร้อง โอ้ยๆ บางดีโดนหลังดัง อั๊ก ก็มี มีแค่สองสามลูกที่หลุดมาโดนผมบ้าง

   “แม่งปากูจริงนี่หว่า กะเอาให้ตายเลยรึไง” มันบ่นละครับ

   “อย่าบ่นน่า จะเสือกเล่นงี้เองไม่ใช่เหรอ ค่อยๆเดินก็จบแล้ว ถ้าไอ้ต้องมาด้วยนะมันบังกูมิดแน่ๆ”

   แป๊ก   มันเอาสันมือฟันหัวผมครับ
   
   พอมาถึงซุ้มสุดท้ายติดกับเวที มี 2 คนยื่นน้ำอัดลมให้สองแก้ว (รุ่นพี่ห้องไหนมันขายน้ำอัดลมวะ) ไอ้นี่มันคงจะไปเตี้ยมกันไว้แล้วสินะ
   
   “เย้ ของรางวัลผ่านเควส” เจชูน้ำ 2 แก้ว

   “ของรางวัล พ่อมึง” ผมคว้ามาดื่ม

   “ตอนได้ยินรุ่นพี่บอกปามาทางมึงนี่กูสะใจวะ”

   “อ้าวๆ กูอุตส่าห์เอาตัวบังมึงนะเว้ย”

   “ดันเลือกทางเหี้ยๆ เดินเบียดๆคนหน่อย ตรงทางเดินก็ได้แล้ว”

   “ไม่หนุกดิ เดี๋ยวมึงมาดูไม่ทันหรอก” มันทำหน้ากวนตีน

   “เฮ้ยๆ จะเล่นแล้ว” ผมชี้ไปที่หน้าเวที

   พวกผมเดินเขยิบเข้าไปใกล้ขึ้น แต่คนดูหน้าเวทีก็แน่นอยู่ รุ่นพี่ทั้งนั้นเลย


   เพลงแรก

   
   Tell me your secrets
   And ask me your questions
   Oh let's go back to the start
   Running in circles; coming up tails
   Heads on a science apart
   
   Nobody said it was easy
   It's such a shame for us to part
   Nobody said it was easy
   No one ever said it would be this hard
   Oh take me back to the start

   
   วู้ว เปิดมาก็ cold play เลยครับ

   ผมลองมองหา ต้อง ดูเพื่อจะเจอมันยืนอยู่ตรงไหน  แต่ก็ไม่มี สูงขนาดนั้นจริงๆไม่ต้องมองก็หาก็น่าเห็นนะ ป่านนี้มันจะเดินกันไปไหน พ่อแม่ลูกนั่น ผมเคยได้ยินมาว่า ผู้ชายโรงเรียนเราก็ไม่เบา ไอ้ห้องปิดๆเนี่ย เปิดไปอาจจะเจอ คู่ชายหญิงทำอะไรกันอยู่ในห้องก็ได้ ต้องมันจะพาผู้หญิงคนนั้นไป .... ไม่ทันได้คิดอะไรเพลงต่อมาก็เริ่ม

   
   Watch you step and you might fall
   You act like you are a know it all
   Yeah I used to do that, I used to feel like that
   I am still a bit like that
   
   มาถึงตรงนี้ผมลืมไอ้ต้องไปแล้วครับ ไม่รู้เผลอไปตอนไหน ผมดันยืนร้องไปกับเค้าด้วย ข้างๆผมไอ้เจมันก็เริ่มโยกแล้ว มันคงคิดว่าใส่เจลมาเยอะ มันจะโยกแรงยังไงก็ยังดูดีละมั้ง 

   ว่าแต่ทำไมมันถึงต้องใช้วิธีลากผมมาดูด้วยนะ ถ้าวงมันเล่นดี มันก็น่าจะรู้ว่าผมไม่มีทางพลาดแน่ ไม่เห็นจะต้องลากกันไปเลย แค่ชวนผมก็มาแล้ว สมน้ำหน้าไอ้แมคหายไป อดมาดูด้วยเลย

   ช่างมันเหอะ ตอนนี้ผมไม่คิดอะไรทั้งนั้นแล้ว ปล่อยใจไปตามอารมณ์เพลงดีกว่า 2 เพลงแรก คงถือว่าเป็นการวอร์มเรียกคนละมั้ง พอเพลงที่ 2 จบลง หลังจากนี้เพลงน่าจะยิ่งสนุกขึ้น

   แถวหน้าเวที มีพวกม. 6 ด้วยกันมาให้กำลังใจ จะว่าไปนักร้องนี่ดูไม่น่าเป็นนักร้องได้เลย ตัวดำๆสูงๆ หน้าตาไม่น่าร้องเพลงเก่ง มันน่าแปลกใจพอๆกับถ้ามีวงที่เล่นได้ดียังงี้ในรร. ทำไมพวกผมไม่เคยรู้

   มือกีต้าร์น่าจะดูเด่นสุดแล้ว ไม่สูงมาก แต่ท่าเล่นนี่สุดตีนจริงๆ เบส รุ่นพี่คนนี้ผมเคยเห็นมาบ้าง เป็นคนดังคนนึงในรร.เลยทีเดียว สูง ขาว ขี้เก๊ก ฮ่าๆๆ คล้ายๆใครวะ  กลองนี่ผมมองไม่เห็นหน้า ฉาบบัง (ขอโทษพี่)

   นั่นไงกูว่าแล้ว .....

   มนุษย์แถวหน้าเริ่มโยกแรงขึ้น เริ่มขยับแล้ว

   จำได้ว่าเพลงที่ 3 พวกเค้าเล่น Bent ของ Macthbox ผมชอบเพลงนี้ครับ ยิ่งมันเลยผม ถึงตรงนี้ชักอยากจะไปแจมกับข้างหน้าแล้วสิ ดูเวลาแล้วน่าจะเล่นได้อีกหลายเพลงอยู่ เอายังไงดีนะ ผมยืนลังเลอยู่

   อะไรแข็งๆก็ดันที่ก้นผม

   ผมเอามือไปควาญๆดู

   “อยากจับจู๋กูเหรอ”
   
   แล้วมึงเอามาดันตูดกูทำไม

   จริงๆแล้วเหมือนเจมันจะรู้ใจ มันเอาตัวดันหลังผม ไม่ใช่ด้วยมือนะครับ เอาทั้งตัวเลย ตอนนี้ตัวมันแนบติดกับตัวผม ส่วนสูงที่สูงกว่า 5 เซนได้ ทำให้จมูกมันจึงอยู่เหนือหัวผมพอดี ดังนั้นหัวเข็มขัดมันจึงอยู่เหนือขอบกางเกงผมด้านหลังพอดีด้วย

   ..... เล่นเอาตกใจ

    เอะ ถ้าหัวเข็มขัดมันอยู่เหนือกางเกงผมแล้วที่ก้นเมื่อกี้ละ

   ตัวมันขยับมาใกล้กับผมมาก ถึงแม้เราจะสนิทกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะคุ้นเคยกับการที่มันเอาตัวมันทั้งตัวแนบหลังผมเอาไว้ นี่ถ้าคนไม่เบียดกัน  คนที่มองมาเห็นจะคิดยังไงนะ..... 

   มันออกแรงดันผมขึ้นไปข้างหน้า

   ไม่นานเราสองคนมายืนโดดกันอยู่หน้าเวทีเรียบร้อย ขอบคุณแรงดันไอ้เจ (จะดีถ้ามันไม่ดันผมทั้งตัวรวมถึงตูดผมด้วย)

   สาดกันโครมๆไปหลายเพลง สะใจจริงๆ ไอ้เจที่ดูเหมือนมันจะไม่ชอบเพลงฝรั่งเอาซะเลย มันยังสนุกไปกับงานได้ ดนตรีสดมันคงสามารถสื่ออารมณ์ถึงคนดูไ้ด้ดีกว่าจริงๆ หรือไม่ก็รุ่นพี่ผมเล่นดี คิดๆดูอีกที ผมก็สงสารมันนะ ไม่รู้ว่ามันสนุกจริงมั้ย พวกม.6 นี่ไม่เล่นเพลงไทย กะว่าโชเก๋าละมั้ง

   “สนุกมั้ยมึง” ผมถามมัน

   “ก็ดี มึงอะเหนื่อยยัง” เจ ตะโกนตอบผม

   “ยังไหวๆ”

   “งั้นไปด่านสองนะ”

   “เฮ้ยๆ ด่านสองเหี้ยไรอีก”

   บนเวทีออกไมค์มาว่าจะเล่นเพลงสุดท้ายแล้ว  เพื่อให้เตรียมเวทีสำหรับละครตอน 3 โมงเย็นของห้องผม

   “บ่าย 3 มีละครวิทย์ของน้อง ม.4 ยังไงอย่าลืมมาดูกันนะคร้าบบบบบบบ”

   คนทำอยู่ข้างหน้าตรงนี้ไงพี่

   “ใครยังไม่สะใจ หรือชอบเพลงไทยเชิญได้ที่เวทีข้างลิฟต์นะครับ” พี่บอม นักร้องประกาศบนเวที

   ผมหันไปมองหน้ามัน

   “อย่าบอกนะว่ามึง”
   
   มันยิ้มกว้างกลับมาทางผม แล้วคว้าข้อมือผมอีกแล้ว   (มันเอาจริงเหรอวะเนี่ย)

   คราวนี้มันวิ่งอ้อมสนามบาสตรงกลางไป ใครคิดสร้างสนาบาสในร่มใหญ่ขนาดนี้วะ ทางฝั่งรอบขวาน่าจะเป็นพวก ม.ต้น ลงไป ดูๆแล้วครูประจำชั้นน่าจะมาคุมด้วย รร.ผม ม.ต้นไม่ได้ปล่อยเหมือน ม.ปลาย พวกเด็กๆไม่มีทางทำซุ้มกันเองแน่ๆ
   
   “เหี้ยละ บอส”

   บอสเหี้ยไรวะ อ๋อ ครู

   “มึงก็ใช้สกิลสิวะ อยากนำกูมาดีนัก”

   “สาดดดดด สกิลเหี้ยไรละ แกล้งตายเหรอไง” เจ เริ่มมองซ้ายขวา

   แย่ละ มันลากตรงไปแล้วด้วย ดีงั้นผมแกล้งดันมันไปมั่งดีกว่า

   อย่าหยุดนะมึง

   มีซุ้มที่หนึ่งเป็น เกมตักไข่ (มันเกี่ยวไรกับงานวะเนี่ย) นี่มันลากผมมาฝึกความคล่องตัวเหรอ มันวิ่งคร่อม อ่างน้ำใส่ไข่ไปเลย ขามันน่ะยาว ผมนี่สิ  แม่ง ทำไมมันไวจังวะ  พวกเด็กสตาฟมันก็ได้แต่มอง งงๆ คงไม่กล้าโวยวายอะไร เพราะเห็นพวกผมเป็นม.ปลาย

   ขาผมก้าวข้าวไปทีละอ่างอย่างทุลักทุเล มือเราสองคนก็ยังจับกันไว้ มันเปลี่ยนเป็นจากโดนคว้าแขนเป็นเราจับมือกันไปตอนไหนนะ

   มือเราสองคนพาดคร่อมอ่างอยู่ มันไปเร็วกว่าผมก้าวหนึ่ง

   ต่อมาเป็น สอยดาว (นี่ก็ไม่เห็นเกี่ยวเหี้ยไรกับงานเลย) ผมชักหงุดหงิดแล้วแต่ละด่านนี่ แถมไอ้เจก็จับมือผมแน่นขึ้น สะบัดก็คงไม่หลุดง่ายๆ ถ้าจะโดนทำโทษก็โดนทั้งคู่นี่แหละ ผมอดขำออกมาไม่ได้

    อันนี้บอสโผล่มาเต็มๆเลยครับ ผมเห็นมองมาทางผมสักพักแล้วด้วย

   “นายพีระพล นัยวิทย์ สองคนนั้นน่ะ มานี่สิ” 

   “ขอโทษครับ นัยวิทย์ มันปวดขี้มาก ผมจะรีบพามันไปห้องน้ำครับ”

   “…………!!!!!!!!”

   กูไปปวดตอนไหน...

   สกิลเหี้ยไรของมึง แล้วมึงอ้างกูเหรอ ไอ้ชั่ว สงสารกูมั่งเหอะ คนอื่นมันจะเอาไปโจษจันกันทั้งรร.แน่ ตอนนี้ทั้งครูทั้งนร.แม่งมองมาทางกูหมดแล้ว

   ด่านสุดท้าย หวังว่าคงไม่ใช่น้ำอัดลมอีกนะ ไม่เอาแล้วนะของรางวัลน่ะ ผมเห็นเด็กกำลังเป่าลูกโป่งวิทย์ ลูกโปง่สีใสๆ พอโดนแสงจะมีประกายสีรุ้งขึ้นมา บางอันก็มาจากเครื่องทำฟอง ลูกเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง พอโดนเสื้อผ้าพวกผมมันก็จะแตกตัวออก

   “สวยอะเดะ” เจหันมาถามยิ้มๆ
 
   “อะ ... เออ ดิ” ผมยิ้มตอบ

   ผมเพลอไปมองตามลูกโป่งที่ลอยไม่ได้ เหมือนเราสองคนวิ่งกันอยู่กลางฟองสบู่

   สงสารเด็กๆเหมือนกัน ไอ้ผู้ใหญ่ไม่รู้จักโต 2 ตัวนี้วิ่งตัดหน้า รบกวนความสุขของเด็กๆ ของเล่นแบบนี้มีแต่เด็กม.ต้น แบบต้นๆเลย กับประถมแล้วก็ผู้หญิงเท่านั้นแหละครับ ที่ยังมาเล่นอยู่ 

   ม.ต้นเหรอ.......

   “ท่าทางจะเล่นไปไม่กี่เพลง” เจ หันมามองผม

   แสดงว่าเสียงเพลงที่ได้ยินตอนวิ่งมาจากวงที่นี่สินะ คิดว่าลำโพงซะอีก

    ไม่รู้ว่า2 3 เพลงแรกพวกนั้นเล่นอะไรไป กำหนดการมันเล่นต่อกันเลย กว่าจะฝ่าด่านมาก็เล่นไปแล้วผมกับเจยืนอยู่ด้านหลังๆเพราะมาช้า เจพยายามเบียดเข้าไปใกล้หน่อย วิธีเดิมเลยครับไอ้นี่ ถือว่าตัวใหญ่ดันหลังผมเอาๆ

   ตกลงไอ้แข็งๆที่ดันหลังผมมันอะไรกันแน่

      
   อยู่ไหนรัก ไอ้คำที่ว่าดี ที่เคยซึ้งทุกทีที่บอกกัน
   ฉันเพิ่งรู้ว่ารัก ตัวตนมันไม่มี ที่ฉันทำดีก็เท่านั้น

   มันก็แค่อากาศ

   คำว่ารัก ฟังแล้วเข้าใจ ทำให้เห็นอะไรที่เปลี่ยนผัน
   ไม่ว่าเธอ ฉันหรือใครๆ ก็ต้องเป็นอากาศเข้าสักวัน

   จะไม่คิดพร่ำเพ้อโทษเธอ เมื่อคนอยากจะไป
   จะไม่ขวางทางเธอ แค่เพียงอยากให้รู้ว่าเสียใจ

   อยู่ไหนรัก ไอ้คำที่ว่าดี ที่เคยซึ้งทุกทีที่บอกกัน
   ฉันเพิ่งรู้ว่ารัก ตัวตนมันไม่มี ที่ฉันทำดีก็เท่านั้น   


   ผมแอบเหลือบไปมองหน้าไอ้เจ นั่นพี่ตูนขึ้นมาก็เข้าทางมันอะดิ สงสัยเดี๋ยวอีกสักพักมันจะลืมผมแล้วละครับ ยิ่งเป็นเพลงไทยแนวๆมันด้วย

   พอจบเพลงนี้ ไอ้เจเอามือมาพาดคอผม แล้วโยกซ้ายขวา ยังกับมันรู้ว่าเพลงต่อไปเป็นเพลงอะไร

   “เฮ้ย เพลงยังไม่ขึ้นเลยมึง” ผมปัดมือมันออก

   มันยังหันมายิ้มให้กับผม

   “ก่อนท้องฟ้าจะสดใส ก่อนความอบอุ่นของไอแดด   “ เจร้องใส่หูผม

   อะไรของมันวะ เพลงเก่าอย่างนี้เด็กมันจะเล่นเหรอ

   พอคิดได้ปุ๊บผมรีบมองดูที่เวทีชัดๆอีกที นักร้องเป็นเด็กม.ต้นแน่ๆ หน้าไม่คุ้นเลย พอลองมองออกไปทางซ้ายที่เล่นกีตาร์ไฟฟ้าก็ไม่ใช่   เมื่อหันกลับไปมองที่คนเล่นกีต้าร์โปร่ง นั่นไง ไอ้แมค กูว่าแล้ว เพลงโบราณงี้ต้องมันแน่ๆ

    เอะ แล้วมันไปแทรกวงกับรุ่นน้องยังไงวะ

   ไอ้เจเลยได้ทียืนกอดคอผมร้องเพลง สบายใจไป ไม่รู้ว่าไอ้แมคเองรู้หรือไม่ว่าพวกผมมาดูมันเล่นอยู่ข้างล่าง
   
   “มึงรู้อยู่แล้วใช่มั้ย”

   “ม่ายยยยยบอก หึหึหึ บอสลับไงมึง” ไอ้เจตอบกวนๆ

   “สงสารเด็กวะ พี่แกก็จับเล่นเพลงตามอารมณ์แกซะ” ผมสงสัยเหมือนกันว่าเด็กมันเกิดทันเหรอวะ

   “เพลงนี้ เอ่อ ทนๆกันหน่อยนะครับ ผมโดนรุ่นพี่บังคับมา”  นักร้องพูดออกไมค์

   เสียงคนแถวนั้น ฮา กันตรึม
    
   ผมเห็นเต็มสองตาเลย ไอ้แมคเดินไปเอากีต้าร์เคาะหัวมัน แล้วพูดอะไรสักอย่าง ประมาณห้ามบอกว่ามีรุ่นพี่ในวงละมั้ง

   เสียงกีตาร์ดัง ป้อง กังวาลออกไมค์ชัดเจน
   
   ไอ้แมคเล่นกีต้าร์โปร่ง ตัวเดียวกับที่มันแบกมาที่ห้องวิทย์ ตัวเดียวที่มันเอาฟาดหัวพวกผม แล้วก็เป็นตัวเดียวกันที่กำลังเล่นเพลงนี้อยู่ (ใช้คุ้มมาก) พร้อมๆกันกับที่เสียงอินโทรจบลง เมื่อเสียงนักร้องเริ่มดังขึ้น เป็นเจที่กดหัวผมเข้าไปใกล้ๆมัน

   “เพลงต่อไปมึง”
   
   มัวแต่คิดเลยไม่ได้ฟังเพลงเมื่อกี้เลย

   
   ไม่อยากจะขอ ให้เวลานี้เป็นของเรา
   ไม่อยากจะถาม ว่าเราจะเหมือนเดิมได้ไหม

   แค่อยากให้รู้ ว่าในวันนี้ ฉันเหมือนได้เจอลมหายใจ
   กว่าที่จะรู้ ว่าตัวเธอนั้นสำคัญเท่าไร

   และก็ได้รู้ ในวันที่ฉัน เสียเธอไป
   ไม่อยากจะขอ ให้เวลานี้เป็นของเรา

   ไม่อยากจะถาม ว่าเราจะเหมือนเดิมได้ไหม
   แค่อยากให้รู้ ว่าในวันนี้ ฉันเหมือนได้เจอลมหายใจ

   กว่าที่จะรู้ ว่าตัวเธอนั้นสำคัญเท่าไร
   และก็ได้รู้ ในวันที่ฉัน เสียเธอไป


   ที่เจมันลากผมไปนั่นมานี่ ถ้ามันจะทำถึงขนาดนี้แล้วละก็ มันไม่ใช่บังเอิญแน่ๆ แล้วคงวางแผนมาก่อนแล้ว และที่เด็กมันจะเล่นเพลงเก่าขนาดนั้นได้แล้วก็ละก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญเด็ดขนาด

   ไอ้เจ ผู้ซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องเพลงอะไรกับเขา มันมายืนกอดคอร้องเพลงนี้ใส่หูผม  อยู่ในตอนนี้
      
   อินโทรเพลงถัดมากำลังขึ้น   ฤดูร้อน.... 

   ไอ้แมคหายไปแล้ว ผมเหลือบมองดุนาฬิกา อีกสิบห้านาทีจะเริ่มแล้วนี่หว่า ไอ้มือกีต้าร์ตัวดีมันทิ้งเวทีไปก่อนแล้ว ผมกับเจจึงเดินหันหลังกลับไปสู่เวทีก่อนหน้านี้

   “เหี้ย สายแล้ว” เจหันมามองผม


------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: 10 CM ภาค 1 : 10 CM : ตอนที่ 13.0 งานสัปดาวิทย์ 2 [pg3] 28/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 28-09-2015 21:29:06
เจ เก้า เขินอ่าาาาาา  :hao7: :hao7:

เนี่ยคนแต่ชอบหลอกให้ฟิน  :-[
หัวข้อ: Re: 10 CM ภาค 1 : 10 CM : ตอนที่ 13.0 งานสัปดาวิทย์ 2 [pg3] 28/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 29-09-2015 22:36:37
กลับไปอ่าน  ตอนที่9 ห้องน้ำ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48408.msg3180784#msg3180784) ยังคงฟินอยู่เบยยยยย  :pighaun:
หัวข้อ: Re: 10 CM ภาค 1 : 10 CM : ตอนที่ 13.0 งานสัปดาวิทย์ 2 [pg3] 28/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 30-09-2015 14:57:51
ตอนนี้เจแม่งเท่อะ ออร่าพระเอกวิ้งเลย
หัวข้อ: 10 CM : ตอนที่ 13.0 งานสัปดาวิทย์ 2 จบภาค 1 [pg3] 28/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 02-10-2015 17:18:58
10 CM : ตอนที่ 13.2 งานสัปดาห์วิทย์ 2 จบภาค 1

   “เหี้ย สายแล้ว” เจหันมามองผม
   
   ผมหัวเราะให้มัน

   คราวนี้พวกเราไม่วิ่ง ไม่จูงมือ เพียงแค่ออกเดินช้าๆ

   เวลายังพอมี

   เราเดินไปที่เวที1 ด้วยกัน
   
   เมื่อมาถึงที่ข้างเวที ทุกคนดูรอจะอยู่ก่อนแล้ว เวที 1 ค่อนข้างเล็ก นักแสดงจึงต้องไปรอบนชั้น 2 แล้วเดินลงมาเมื่อการแสดงเริ่ม ผมเดินขึ้นไปบนเวที ด้านหลังม่าน ผมเห็นต้องกับแมคมายืนรอแล้วแมคยังดูหอบอยู่
   
   “ไง กูเท่มั้ยมึง” แมคหันมาถามเสียงเหนื่อยๆ

   “เออ สัด ไม่บอกกูก่อนเลยนะ”​ ผมหันไปชูนิ้วกลางให้มัน

   “บอกก็ไม่สนุกเดะ”

   “เฮ้ย เก้ามึงไปไหนมาวะ” ต้องมันรีบเดินเข้ามาถามผม

   “อ้อ กูพาไอ้เก้าไปเดทมา” เจ ตอบแทน
   
   ผมชูนิ้วกลางให้เจ

   “เมื่อกี้ไอ้แมค มันเล่นกีตาร์โชว์มานะเว้ย” ผมยังสนุกอยุ่

   รับเปลี่ยนเรื่องให้พวกมันดีกว่า

   “ไปกับใครวะ กูเดินหามึงตั้งนาน” ต้องถามซ้ำ

   ท่าทางมันจะไม่สนุกด้วย

   ผมสะอึก รู้สึกผิดที่ผิดคำชวนมัน

   แถมไม่บอกมันด้วย

   “ก็.....”

   ผมไม่ตอบ แมคไม่ตอบ ต้องมองออกไปทางแมคเหมือนต้องการคำตอบว่าผมไปทำอะไรมา หายไปไหนมา แล้วไปกับใคร
   
   ตอนนี้ม่านปิดลงแล้ว ไอ้ต้องก็ดูจะอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้การแสดงจะดูเป็นไปได้ด้วยดี สมาธิก็ผมไม่ได้อยู่ที่ฉากตรงหน้าเลยครับ

    เรื่องราวตอนบ่ายนี้ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบเจ แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ ผมกับเจเนี่ยนะ ที่มันทำเนี่ยมันออกจะเกินเพื่อนไปแล้วนะ ถ้าจีบหญิงก็ติดไปแล้วละ

   ใจผมมันเต้นตามจังหวะของเจไปแล้ว

   ทว่าข้อสรุปในหัวผมตอนนี้มีอย่างเดียว คือ ผมคิดไปเองทั้งหมด พวกนั้นไม่ได้คิดอะไรกับผมเลยสักนิด ผมคิดไปเองฝ่ายเดียว แล้วก็ขอให้เป็นอย่างนั้นด้วย ผมไม่กล้าจะเผลอใจไปชอบพวกมันเด็ดขาด เกิดที่มันทำๆมามันไม่ใช่แล้วละก็

   พวกมันต้องเลิกคบผมแน่ๆ

   “เสร็จแล้วไปเจอกูที่ชั้น 4 หน่อยนะ” เจ หันมากระซิบผมก่อนเริ่ม   

   บนเวทีพวกเราไม่สามารถคุยอะไรกันได้ ไม่รู้ว่าเสียงมันจะลอดออกไปมากแค่ไหน ถ้าขืนเล่นกันหรือคุยเสียงดังออกไปนี่ ไอ้เป้ได้อาละวาดห้องเรียนแตก เผลอๆไปฟ้องครูอีกต่างหาก 

   ความมืดกับความเงียบหลังเวลาทีมันเลยชวนให้อึดอัด ผมที่อยู่ข้างต้องตอนนี้ ก็ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นไปมองทางต้อง เหมือนมันจะหันมาพร้อมกับพยายามจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างกับผม
   แต่ผมไม่สามารถเข้าไปฟังใกล้ๆชัดๆได้

   มาถึงตอนที่ต้องขยับฉาก ม่านปิดลงแล้ว แสงสว่างเข้ามาเหลือน้อย

   ม่านยังไม่เปิดออก มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมาจากลำโพงด้านข้าง

   ตอนนี้ฝนกำลังจะตก อีกเดี๋ยวก็จะถึงจุดที่ครูตั้งใจทำให้คนดูได้ดู

   เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้งแล้วก็เกิดการระเบิดออก

   ปัง

   ลูกโป่งลูกใหญ่ที่อยู่เหนือเวที ระเบิดออก เท กระดาษเงินไปทั่วหลังและหน้าเวที

   แม้เวทีมันจะมืด แต่ผมก็ดูออก เศษกระดาษเงินระยิบระยับ ปลิวว่อนอยู่เหนือหัวและหน้าของพวกเรา ครูใส่ไว้เยอะมาก นานเลยกว่ามันจะตกพิ้นหมด สะท้อนแสงที่มีอยู่น้อยนิดหลังผ้าม่านหน้าสีแดง ให้สาดส่องเป็นแสงสั้นๆพลิ้วไหวออกไปตามจุดต่างๆ

   ต้องหันมามองผม กระดาษสีเงินที่ปลิวไปทั่วพาดผ่านหน้าของพวกเรา สะท้อนแสงไปตกบนหน้าต้องเป็นบางจุด

   มันจ้องหน้าผมนิ่ง 

   ผมรู้อะไรอีกอย่างหนึ่ง... ผมแพ้สายตาของมัน สายตาที่ดูเหมือนจะแข็งกร้าว แต่แผงด้วยความอ่อนโยน

   เจ ยืนจ้องผมอยู่ข้างหลังเช่นกัน

   ม่านถูกรูดออก แสงแดดยามบ่ายส่องเข้ามา เสียงปรบมือดังลั่นบริเวณเวที 1 มีคนมาดูมากมาย ผมเพิ่งจะรู้ว่า คนมากันเยอะอย่างนี้เลย หลังม่านมันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แถมยังต้องถือฉากไม้หนักๆอีก

   เมื่อผู้คนทะยอยกลับกันไป พวกผมทิ้งฉากไว้อย่างนั้นแหละ วางพิงๆกันเอาไว้เพราะว่าต้องยกไปไว้ที่โรงเก็บของอยู่แล้ว (คงไม่เอามาประดับห้องเรียนแน่ๆ) ไอ้เจหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้เร็วมาก ไอ้แมคก็ขอตัวไปเก็บกลับกีต้าร์ของมันที่ฝากรุ่นน้องไว้อยู่

   “เดี๋ยวกูไปหาต่อก่อนนะ มันรอยู่ อย่าเพิ่งไปไหน”

   ต้องเดินลงจากเวที ที่ด้านล่างมีต่อกับเด็กผู้หญิงคนนั้นยืนรออยู่ สามคนคุยกันอย่างสนิทสนม ดูท่าทางแล้ว ต้องคงจะได้แฟนผู้หญิงก็ปีนี้ละนะ

   3 คนนั้นยืนคุยกันอยู่สักพัก ผมมองไปที่สีหน้าของต้องแล้ว ท่าทางกำลังไปได้ดี ถึงหน้าต้องจะไม่ค่อยแสดงออก แต่มันจะรู้มั้ยนะ เวลามันอยู่กับต่อน่ะ หน้าของต้องมันแสดงออกว่ามันกำลังมีความสุข ที่ตรงนี้ของพวกเค้าสามคน มันไม่มีผมอยู่   

   ต่อมองมาทางผมแล้วชี้ๆอะไรสักอย่าง

   ท่าทางกำลังมีปากเสียงกัน

   เห็นยังงั้นแล้วผมจึงออกเดินไป ... ขึ้นบันไดริมไปชั้น 4

   ปล่อยพวกเค้าเอาไว้

   เวลา 4.45 น.ผมกะเอาจากระยะเวลาที่ละครเริ่มจนจบ รวมจัดของ ก็น่าจะประมาณนั้น ระหว่างทางที่เดินขึ้นบันได้มา หัวใจผมบีบอัดมากขึ้น ทุกๆก้าวที่เดิน ยิ่งสูงขึ้นเท่าไร ภาพวันนั้นที่พีชวนผมไปด้านหลังตึกมันก็ยิ่งแจ่มชัด มันเล่นวนอยู่หลายรอบกว่าจะถึงชั้น 4

    วันนี้ เจ ชวนผมมาชั้น 4 ที่ตอนนี้มันทั้งมืดและไม่มีคนเหมือนกัน

   หัวใจผมเต้นแรงยิ่งขึ้น

   ไอ้เจมันจะทำอะไรผม ถึงนัดมาที่นี่ ผมพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง คำตอบอะไรก็ได้ แต่มันไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น มันจะมีอะไรวะ มันอาจจะแค่มีอะไรคุยกับผม หรือไม่ก็จะหาเรื่องทำไรแปลกๆอีกละสิ 

   ไม่ใช่ครับ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ ไม่มีใครบ้านัดมาถึงที่นี่ ตอนนี้  เพื่อทำไรบ้าๆหรอก ถึงไอ้เจมันจะบ้าก็เหอะ
   
   “วันนี้สนุกมั้ยมึง”   ผมสะดุ้งโหยง

   “เล่นเหี้ยไรอีกละ” ผมหันกลับไปโวย
   
   แต่หลังผมชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ลมหายใจถี่ๆของมันอยุ่เหนือหัว ตัวพวกเราแนบสนิทเหมือนกับตอนที่ไปดูพวกรุ่นพี่เล่นดนตรี หัวเข็มขัดแข็งๆแทงที่ข้างหลังผม แต่ผมคิดว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ตำแหน่งที่มันชนกับขนาดของของที่ดันก้นผมอยู่มันไม่ใช่เข็มขัดแล้ว

   “กูไขประตูห้องแลปไว้แล้ว เข้าไปกันเถอะ” เจ พูดเสียงสั่นๆ

   “มึงเอาจริงเหรอ เจ”  ผมเองก็ตอบเสียงสั่น
   
   ผมรู้ว่ามันต้องการอะไร

   นานกว่ามันจะส่งเสียงตอบ

   “อือ....”

   “กูขอนะเก้า” มันเอามือมากอดผมจากข้างหลัง ลมหายใจมันเลื่อนจากเหนือหัวลงมาอยู่ที่ต้นคอ

   สั่นไปทั้งตัว มือ และลมหายใจ

   เจที่เคยมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาตลอด

   “วันนี้กูทำเพื่อมึงเลยน้า”  มันทำเสียงอ้อนสุดในชีวิตมันแล้ว

   เสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ

   มันกดหน้าเค้ากับหลังคอ ก่อนจะกดเบาๆทีหนึ่งเป็นสัญญาณ

   “………” ผมไม่พูดอะไร
   
   แรงกอดรัดขอมันหนักหน่วงขึ้น ส่วนล่างที่ทิ่มแทงก็เพิ่งแรงกดมากขึ้นเช่นกัน

   แถมด้วยการดันเข้าออกช้าๆ เหมือนกับจะให้ทะลุผ่านเนื้อผ้ากางเกงเข้าไปยังงั้น

   มันดันผมเข้าไปในห้อง

   มันค่อยๆ กัดลงเบาๆที่หลังต้นคอ จากนั้นเลยวาดลิ้น ไล้ไปเรื่อยๆตามต้นคอขาว ลงไปจนติดปกคอเสื้อ มือสั่นๆของมันเอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อผมออกสองเม็ด กระชากคอเสื้อลงอีก

   เจยังต้องการไม่พอ

   ก่อนจะล้วงมือเข้าไป คว้าเอาหน้าอกข้างขวาเข้าไปบีบเล่นเบาๆ

   “กูรู้สึกดีกับมึงนะ” เจ พูดออกมาเสียงสั่น กว่าเดิม เสียงอาย   

   ทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจของเราสองคนเท่านั้น

   เมื่อผมไม่ตอบ แรงบีบแรงลิ้นที่คอก็มากขึ้น

   ผมหลับตาลงช้าๆ ไหนๆต้องมันก็คงจะไปกับผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว เย็นวันนี้เด็กผู้หญิงคนนั้นจะชวนต้องไปทำอะไรนะ ไม่สิบ่ายมันก็หายไปแล้ว มันจะทำอย่างนี้ อย่างที่เจทำผมอยู่กับผู้หญิงคนนั้นมั้ย

   มันจะเอามือล้วงเข้ากระโปรงผู้หญิงคนนั้น เหมือนที่ผมกำลังโดนเจทำอยู่นี่มั้ยนะ

   ช่างหัวมันแล้ว

   ผมเอามือที่ตอนนี้สั่นเทาไร้ความรู้สึกแนบนิ่งข้างลำตัวผมข้างหนึ่ง หงายฝ่ามือ ค่อยๆเลื่อนไปด้านหลังของผม เจ ดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย ถอยส่วนล่างออก   ผมเลยสอดมือเข้าไป.... ใช่ เจต้องการจริงๆ ของมันแข็งเกร็งทิ่มมือผม

   คำว่ารู้สึกดีของมัน มันพูดเพื่อเรื่องอย่างอื่นว่า หรือมากกว่านั้น?

   ..... ผมก็ไม่มีทางรู้เช่นกัน
   
   “ตกลง ยอมกูมั้ยอะ” เจยังคงซุกอยู่ที่ต้นคอผม

   “อือ.... ก็ได้”

   เจผลิกตัวผมกลับไปอย่างรวดเร็ว ค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผม ผละจากปาก มันไม่จูบ

    แต่เริ่มจากใต้คางก่อน ค่อยๆไล่ลงไปช้าๆ กัดเบาๆที่คอ แล้วเบี่ยงซ้ายไปไปที่ด้านข้าง

   ผมได้แต่แหงนหน้ามองเพดาน

   มือจับหัวมันกดลงมาที่หน้าอก

   ถ้าจะทำก็เอาเลย เอาให้เต็มที่

   มันเล้าเลียเริ่มจากข้างซ้าย ราวกับโหยหาอะไรบางอย่าง

   “อา...”  แรงดูดนั้นรุนแรงมากขึ้น

   มันรุนแรงจนผมต้องลืมหน้ามามองหน้ามัน สายตาเจเองจ้องหน้าผมนิ่งผ่านแว่นสายตา แขนมันกระชับตัวผมเข้าไปแนบตัวมันแน่นขึ้น  บางส่วนในร่างกายมันที่บ่งบอกว่า อารมณ์มันถึงขีดสุดแล้วทิ่มแทงผมอยู่ แน่นอนว่าผมเองก็ไม่แพ้มันเหมือนกัน

   หน้าตามันหื่นอย่างที่สุด

   “ขอนะเก้า....”  มันยังคงถามผม
 
   ผมไม่รู้จะตอบรับคำขอของเจมันยังไงดี มันไม่มีคำตอบในหัว ถ้ามันพูดเฉยๆผมจะคิดว่ามันพูดเล่น ส่วนการกระทำตอนนี้  เรียกว่าเราปล่อยมันออกไปตามสัญชาติญาณดิบของผู้ชายดีกว่า
   
   “ล็อคห้องแล้วนะ”

   ตอนไหนวะ

   “เงยหน้าขึ้นสิ”

   เจซุกไซร้ลงมาที่คอผม อาการเอียงอายเมื่อกี้หายไปหมดสิ้นแล้ว แววตาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

   “แกะกระดุมเสื้อหน่อยดิเก้า” เจ บอกผม

   “แกะ..​แกะให้เราหน่อยดิ” เสียงผมสั่น

   มือผมยังสั่นอยู่ จับกระดุมอีกสามเม็ดที่เหลือไม่ได้

   เจจัดการอย่างไม่รีรอ

   เม็ดต่อเม็ดค่อยๆเลื่อนออก เผยผิวผมด้านหน้าทั้งหมดออกมา

   “หอมจัง” ผมเอามือกดหัวเลื่อนลงมาที่หน้าอกข้างขวา

   กระชากชายเสื้อที่ขวางอยู่ไปข้างหลัง

   เวลาเดียวกัน ผมเอามือไปแกะหัวเข็มขัด แล้วเอาตะขอกางเกงเจอออก กางเกงนักเรียนสีน้ำเงินกองอยู่ที่ข้อเท้า กางเกงในสีดำตึงแน่นเผยออกมาผ่านชายเสื้อนักเรียน ของที่อยุ่ในนั้นแน่นตึงกางเกง สังเกตดีๆที่ตรงยอดมันเปียกแฉะ มันไม่ได้ฉี่ราดแน่ๆ

   แต่เยอะจนกางเกงในสีดำกลายเป็นสีดำเข้ม เข้มเป็นดวงกว่าส่วนอื่น
   
   “เจ... ดูด แรงๆดิ”

   “ชอบเหรอ”

   “อือ.... ตรงนั้นแหละ”

   มืออีกข้างเจเขี่ยหัวนมข้างซ้ายของผมที่ว่างอยู่

   มือผมก็พยายามไปเขี่ยวนๆตรงนั้นของมัน ยิ่งถูเท่าไร น้ำมันยิ่งซึมออกมาจากกางเกงในเท่านั้น ออกมาเป็นระลอก เมื่อลูบไล้ลงไปข้างล่าง ไข่ 2 ใบมันแน่นตึง

   เสื้อถูกกระชากออก เจ บรรจงดูดตั้งแต่เนินอกไล่มาเรื่องจนถึงนม ไล่ลงไปถึงหน้าท้อง วนเวียนอยุ่แถวนั้น นานแสนนาน

   มันยังไม่อิ่ม

   นานจนกลิ่นสารเคมีในห้องหายไป ผมไม่ได้กลิ่นอีก มันทำนานจนผมรู้สึกดี ดีแบบที่ว่าผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแสงแดดยามเย็นที่ผมชอบมองมันอยู่ด้านไหน

   “ตัวเล็กจังนะมึง เอวจะหักมั้ย”

   “หักเหี้ยไรละ” 

   “ตัวเก้าขาวมาก เนียน อยากกินไปทุกส่วนเลย”

   ไม่รอช้า เจขึ้นคร่อมผมเอากางเกงในสีดำจ่ออยู่ข้างหน้าผมแล้ว ผมรู้ว่ามันจะให้ผมทำอะไร

   ผมตัดสินใจเอานิ้วมือขวาเขี่ยกางเกงในออก แล้วเอามือซ้ายรูดกางเกงลง ส่วนนั้นของเจชี้มาที่หน้าผม

   มันกระตุกหัวให้ทักทาย เปียกชื้นไปด้วยอะไรใสๆลื่นๆ

   เปียกจนไหลหยดลงมาบนตัวผม

   “ครั้งแรก็จะฮาดคอกับกูเลยเหรอ” ผมบอกมัน

   “ค่อยๆก็ได้ มึงจะเลิกคบกูเหรอไง”

   มันแกะกระดุมเสื้อมันออกบ้าง

   ให้ผิวขาวๆ แต่อวบนิดหน่อยของมันออกมาโดนอากาศภายนอก
   
   “งั้นช่วยกูหน่อยนะ”
   
   “.........อือ”   

   ผมล้มลงนอนกับพื้น ให้เจเอาร่างที่เหลือแต่เสื้อนักเรียนไม่ติดกระดุมนอนทับผม แล้วบดขยี้ขึ้นลงอย่างเมามัน

    มันเอาส่วนนั้นถูขึ้นลงไล่จากคอลงไปวนอยู่แถวหน้าอกซ้ายขวา ลงมาที่ท้องขาวๆของผม มันใช้ส่วนนั้นได้ดีพอกับลิ้นเลย

   ตัวผมเปียกลื่นไปหมดจากน้ำใสๆที่เจปล่อยออกมาตลอด

   “อา....” ผมกลั้นเสียงครางไม่อยู่

   “เอาอีกเก้า ร้องอีก เราชอบ”

   “อ้าาาาา”

   5 โมงกว่าแล้ว ช่างมันเหอะ คงกลับกันหมดแล้ว

   “อ้า เอาอีกเจ เอาอีก”

   แสงที่ลอดโปสเตนอร์ในห้องแลป สาดแสงทอลงบนพื้น เหลือน้อยแล้ว

   เรา 2 คนยังคงทำกิจกรรมร่วมกันอยู่   เมื่อผมหันมามองหน้ากระเส่าของเจ มุมที่เคยดูดีหายไปแล้ว ตอนนี้เจหลับตาเคลิ้ม ปล่อยความต้องการไปกับมือผม   เราสองคนบดเบียดร่างกายเข้าด้วยกัน

   “เจ็บมั้ย”

   ผมยืนขึ้นแล้วถอดกางเกงออก เหลือแต่เสื้อนักเรียนไม่ติดกระดุมแบบมัน

   ทันทีที่เจเห็นผมยืนขึ้นในสภาพนี้ ไม่รู้ว่ามันดูตลกหรือไม่  เด็กผู้ชายร่างเล็กแบบผู้หญิงในเสื้อนักเรียนที่เปิดกระดุมออกทุกเม็ดเผยผิวขาวๆไม่มีขนสักเส้นให้เห็น

   เจรีบพุ่งเข้ามาเอาตัวบดขยี้

   มันใช้ส่วนนั้นที่แข็งและร้อนผ่าวราวกับความร้อนในตัวมันทั้งตัวมารวมกันที่ตรงนั้น แล้วกระแทกเข้าออก ขึ้นลงที่ตัวผมเป็นจังหวะ ราวกับว่ามันกำลังจะได้ร่วมรักอยู่กับใครสักคน
   
   ของผมกับของเจ จึงได้ฟาดฟันกัน แข็งและร้อน เปียกและลื่น ถูขึ้นลงราวกับผมเป็นผู้หญิงของมัน ถูจนผมต้องยกขาพาดเอวมันไว้

   เผื่อมันจะเสร็จท่านี้เลย

   เจจับผมพลิกตัวลงไปนอนคว่ำกับพื้น มันนั่งคร่อมแล้วพยายามกดส่วนปลายเข้าก้นผม โยกอยู่อย่างนั้น ถึงมันจะลื่นแค่ไหนแต่ครั้งแรกมันก็ไม่ได้เข้าง่ายๆ

   และผมเองก็ไม่ยอมด้วย

   ผมยกตัวโก้งโค้งให้เจ มันเข้ามากอดผมจากด้านหลัง พยายามเอามือลูบของผมแล้วขยับเข้าออก ช้าๆ ผมก็ทำให้มันเช่นเดียวกัน

   “หยุดๆ หยุดก่อน” ผมร้องขึ้น

   เจที่อยู่ข้างหลังยังเด้งเข้าออกกับก้นผมอย่างนั้น

   “เดี๋ยวกูลงไปนอนเองจะได้ไม่เลอะมึง”

   มันพลิกตัวผมไปอีกด้านอย่างง่ายดาย

   เจนอนอยู่บนพื้นห้องวิทย์เย็นๆ

   “มาพร้อมกันนะเก้า” 

   “อือ....” ผมไม่คำอื่นจะตอบจริงๆ

   คราวนี้กลับกัน ผมลงไปนั่งคร่อมด้านหน้ามัน แล้วเอาของมันขึ้นมาทาบคู่กับของผม แล้วกำมือขยับขึ้นลงไปพร้อมกัน

   ในสองมือนิ่มๆ มีแท่งร้อนๆของเด็กผู้ชายสองคนถูกกำ เสียดสี แล้วรูดขึ้นลงอยู่

   พอมองดูดีๆ ของเจมันแดงจนจะระเบิดอยู่แล้ว ถึงจะจับแน่นก็ไม่เจ็บเพราะอะไรลื่นๆมันออกมาเยอะมาก

   มากจนเกินพอ

   “อะ ...... เก้าๆ เรา เราจะ.... ” เจหายใจหอบหนักขึ้นๆ

   “มองมาที่กูนี่เก้า” เสียงนี้หนักแน่น

   ผมเห็นเจที่ทำหน้าเสียว เสียวจนบิดเบี้ยวไปหมด มือมันเอื้อมมาจับตัวผม

   “เร็วๆ อย่าหยุดๆ”

   เจยกก้นขึ้นลง ลืมความหนักของผมที่นั่งทับมันอยู่ไปเลย

   จากที่หลับตา ผมต้องลืมตามองหน้ามันอย่างช่วยไม่ได้  เจร้องเสียงเบาๆออกมา แต่ลมหายใจถี่หนักอย่างที่สุด   ผมเอง... ก็ชักจะทนไม่ไหว สองมือของผมเคลื่อนไหว เร็วขึ้น และถี่ขึ้น

   “อะ อา...​อา......” เจยังคงมองมาที่ผม

   “เราก็ด้วยเจ..... อ้า” ผมคราง

   “ดีเก้า เอาอีก ดังอีก”

   “อ้าาาาาา” ผมร้องดังเท่าที่มันต้องการ

   “ปล่อยให้หมด เอาออกมาให้หมดเลย เก้า”

   อะไรบางอย่างพุ่งทะลักเต็มตัวเจมันไปหมด ตัวขาวๆที่เลอะไปด้วยของเหลวสีขาวมากมาย

   ของเจพุ่งขึ้นตรงเกือบโดนหน้าผม ก่อนจะโค้งไหลย้อยลงไปบนตัวและมือ

   สิ้นเสียงไม่นานเราสองคนก็ล้มนอนนิ่งลง ลมหายถี่ๆของเจกับผมเจใช้เวลานานกว่าจะสงบลง

    เจยังคงนอนกอดผม ไม่ลุกไปแต่งตัว

   “แต่งตัวแล้วกลับกันมั้ย จะมืดแล้ว”  เจ ถามขึ้น

   “อือ”

   “พอเสร็จแล้วพูด อือ เป็นคำเดียวเหรอไง”
   
   ผมไม่ตอบแต่เดินไปตบหัวมันแทน

   “ทำหน้าได้อารมณ์นะมึงอะ” ผมแหย่มัน

   “ไอ้เหี้ย”

   เจ ยิ้มอายๆ

   เจ แบมือแล้วกวักๆมาทางผม

   “อะไรวะ จะเอาอีกรอบเหรอ”

   “ห่า มือ ขอมือหน่อย”

   “เฮ้อ ก็ได้ แต่พอลงบันได้ไปต้องปล่อยนะ” ผมยื่นมือออกไปโดยดี

   ระหว่างเดินลงหน้าตาเจเหนื่อยอ่อน เห็นได้ชัดว่าเจรอค่อยช่วงเวลานี้มาตลอด  แสงแดดภายนอกยังส่องเข้ามาให้พอเห็นขั้นบันได้บ้าง....

   ไม่รู้เป็นครั้งแรกขอเจหรือไม่ แต่..... นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของผม มันต่างกันทั้งสถานที่และคนที่ทำด้วย

   ผมไม่เคยทำเสร็จต่อหน้าคนอื่นเลย ไม่รู้ว่าเจเป็นยังไง ไม่สิ เคย แต่ไม่รู้ตัว มันเหมือนเป็นครั้งแรกมันตกใจ มัวแต่มองอีกฝ่าย

   แล้วความรู้สึกผิดมันกลับเข้ามา จนลืมเหตุผลที่ทำไปเลย

   ความเสียวหายไปหมด

   ผมคิดว่าจะหยิบหูฟังมาใส่ ..... แต่ไม่ดีกว่า บางทีการเดินกันสองคนเงียบๆอย่างนี้ มันก็อิ่มเอมใจแบบแปลกๆได้เหมือนกัน

   ตอนลงบันไดผมมองไปทางเวทีกิจกรรม มันร้างและไร้ผู้คนหมดแล้ว

   ต้องคงกลับบ้านไปแล้ว หรือ ไปกับผู้หญิงคนนั้นกันนะ

   ช่างมันเถอะ

   .
   .
   .

—————————————————————————————————————————-

   จบภาค 1

:bye2:

(https://smilesnewsandreviews.files.wordpress.com/2014/10/zankyou_no_terror_06_03.png?w=720&h=404)
หัวข้อ: Re: 10 CM ภาค 1 : 10 CM : ตอนที่ 13.2 งานสัปดาวิทย์ 2 จบภาค 1 [pg3] 28/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 04-10-2015 22:06:42
 :sad4: #ทีมต้อง
หัวข้อ: 10 CM ภาค 2 ตัวตนและคำสารภาพ : 1.0 บันไดริม 28/9/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 05-10-2015 16:26:40
10 CM :ตัวตนและคำสารภาพ : 1.0 กำแพงบันไดริม
   
   ปิดเทอมรร.ผมมันไม่นานครับ คงไม่เกินเดือนครึ่ง สำหรับม.ปลายแล้ว ทางรร.จะรีบสอนให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้หยุดยาวตอนม.6 ให้เด็กไปเรียนพิเศษ แล้วปิดเทอมใหญ่ขึ้น ม.5 ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน

   เพราะไอ้พวกเด็กสอบตรงนี่แหละ ที่เรียกร้องอยากปิดช่วงสุดท้ายให้ยาว เพื่อให้อ่านหนังสือและไปเรียนพิเศษได้มากๆ ไอ้ผมเองเลยกลายเป็นว่าเหมือนไม่ได้ปิดเทอม ต้องมาเรียนก่อนชาวบ้านเค้า

   ผมเองยังไม่รู้เลยว่าจะเข้าคณะไหน สอบตรงนี่มันรับกันน้อยจริงๆ คณะหนึ่งไม่กี่สิบคน มันจะเหลือมาถึงผมไหมเนี่ย ห้องผมสามสิบคนก็เกินแล้ว อย่างผมจะเอาอะไรไปสู้กับคนอื่นเขา บางทีไอ้เจอาจจะพูดถูกก็ได้ ผมน่าจะไปเรียนสายศิลป์มากกว่า แต่ไม่ไหวละ ถ้าต้องไปเจอแบบเก่าๆอีก

   คะแนนสอบปลายภาคยังไม่ออกมา เปิดเทอมก็คงรู้ แต่รู้ไปก็ไม่ช่วยอะไรผม เพราะวิชาหลักสายวิทย์ผมทิ้งหมดอยู่แล้วครับ  ขอแค่ผ่านแบบคาบเส้นก็พอ ถึงคะแนนในห้องเรียนจะมีผลแต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น พวกผมมันก็ทิ้งกันคนละวิชาสองวิชาอยู่แล้ว ไม่มีใครอ่านหมดหรอกครับ เลือกเอาเฉพาะที่จะสอบ

   ส่วนต้องมันเก่งอยู่แล้วมันคงเก็บหมดแน่ๆ

   ต่อไปผมคงได้เห็นเจ เป็นเด็กวิศวะ ส่วนต้องเองเออ... มันจะไปไหนวะ แมคก็คงจะไปถา’ปัตละนะ

   ก่อนปิดเทอมผมขอดูวิชาที่พวกมันลงเรียนช่วงสั้นๆนี้ ไม่มีใครตรงกันเลย

   ต่างคนต่างไปกันหมด

   “เฮ้ย ป๋า มึงทำไรวะปิดเทอม” ตอนนี้เจตั้งฉายาไอ้แมคว่าป๋า ตั้งแต่เห็นมันโชว์ฝีมือบนเวที

   “เรียนความถนัดสิมึง มึงอะทำไร” แมคถามเจกลับ

   “กูเหรอ ก็คงจะเรียนเลขมั้ง กูยังไม่รู้เลยว่าจะเอาไรดี กูเก่งแต่เลขและจะให้เรียนแต่เลขไปเลย หรือจะเรียนวิชาอื่นไปด้วยเพื่อดึงคะแนนขึ้นดี ไอ้พวกอังกฤษนะ กูก็ไม่อยากได้ไปนั่งฟังสอนเท่าไหร่หรอกนะ แม่งน่าเบื่อ กูไม่ชอบท่องศัพท์ด้วย” มันทำท่าจะเริ่มบ่นละ พูดจบมันก็มากอดคอผม

   “เอ่อ กูไม่มีความเห็นวะ กูคิดว่า​.....”

   “มึงจะสอบวิดวะแบบไอ้ห่านี่เหรอวะ เก้า” ต้องหันมาถามผม

   “ป่าว ก็...”

   “เออ.. งั้นก็ให้มันคิดเองสิวะ” ต้องหันไปพูดกับเจ

   “อ้าวๆ เด็กกูออกความเห็นดีๆ”

   “น้อยๆหน่อยมึง ใครเด็กมึง” ผมหันไปพูดใส่เจที่กำลังกอดคอมผมอยู่

   แม่งหนักนะ กูจะไม่ไหวแล้ว

   เจ เอามือบีบบ่าผมเบาๆ เป็นอันรู้กัน... แต่ใจผมละ เป็นของใคร

   จู่ๆ รู้สึกเสียวแปล๊บขึ้นมา
      
   ผมสะดุ้งปล่อยเจร่วงลงพื้น

   “ไอ้ต้องงงงงงง” เจ โวยวาย

   แม่ง เอามือลูบตูดผม สะดุ้งตกใจ เหวี่ยงไอ้เจลงมาเลย

   “สัดนี่ มึงไม่ทะเลาะกันจะเป็นไรมั้ย ไม่นานก็สอบแล้วนะ พวกมึงพร้อมยังเหอะ” แมคถามพวกผม

   “กูเป็นใคร” ต้องพูดชัดเจน พร้อมยักคิ้วให้

   “ไอ้เปรตไง” ผมตอบมัน

   ผมเดินไปใกล้ๆมัน

   “อาราย จะวัดความสูงเหรอ”

   ผมเอามือลูบเป้ามันเบาๆ เป็นการเอาคืน

   มันสะดุ้งโยนตัวไปข้างหลังหน้าแดง

   ส่วนไอ้เจหัวเราะก้ากเลย  ท่าทางมุกนี้จะไปไม่ถึงเลยป๋าของพวกเรา มันส่ายหน้าหนีไปที่หนังสือเรียนแทน

   ช่วงนี้แมคมันดูตั้งใจมากขึ้นแฮะ

   “สรุปว่า ปิดเทอมป๋ากูเรียนความถนัด ไอ้ต้องเรียนแม่งทุกวิชา แล้วมึงอะเก้า”

   เดี๋ยวๆ ไอ้ต้องบอกตอนไหนว่าเรียนทุกวิชา

   “เรียนวาดรูปมั้ง ไหนๆกูก็ว่างอยู่แล้ว อีกอย่างกูยังไม่ได้สมัครเลยซักกะคอร์ส” ผมตอบมัน

   “งี้ปิดเทอมก็แยกย้ายกันหมดเลยดิวะ ว้า เซ็งวะ” เจ พูดมองเพดาน

   “เก้า แล้วมึงจะหาที่เรียนทันเหรอวะ”

   ต้องมันสะกิดผม

   “ไม่รู้จริงๆวะ ปกติเค้าไปที่ไหนกันละ”
   “เอางี้ เดี๋ยวกูดูให้แล้วกัน ปิดเทอมต้องพาต่อไปเรียนด้วยอยู่แล้ว”

   “อือ ขอบใจนะ”

   เสียดายปิดเทอมทั้งที แถมมีเพื่อนสนิทแล้ว อยากว่าจะชวนไปเดินสยาม ดูหนัง หาซื้อเกมส์มาเล่นที่บ้านแมค ตั้งวงกันซักหน่อย อดเลยละสิเนี่ย โตๆแล้วที่บ้านก็น่าจะปล่อยมากขึ้น ว่าจะแอบหนีเที่ยวซะหน่อย

   แต่คิดอีกที อย่าเลยดีกว่า เดี๋ยวจะโดนว่าอีก

   เมื่อก่อน ที่บ้านผมเวลาปิดเทอม พ่อแม่จะส่งผมไปอยู่กับญาติที่ต่างประเทศ ส่วนพ่อแม่จะออกไปทำงานตามปกติ ดังนั้นถ้าให้ผมอยู่บ้านคนเดียวสู้ส่งไปฝากน้าๆไว้ที่โน่นน่าจะเป็นห่วงน้อยกว่า เพราะอยู่นี่ก็ไม่มีใครดูแล หรือจริงๆแล้ว พวกเค้าอาจจะรู้สึกสบายกว่า

   ทุกปิดเทอม ผมจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับเพื่อน ทักษะการเข้าสังคมมันก็เลยน้อย คงเป็นสาเหตุนี้ด้วยละมั้ง ผมเลยเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยกล้าพูดคุยสนิทกับใครเท่าไร พอพูดทีก็เหมือนคนพูดจาไม่เป็น ไม่เข้าหูคนอื่น

   มีปิดเทอมตอน ม. 1 เท่านั้นที่ผมได้อยู่ที่ไทย

   “เฮ้ย เก้าๆคอยรับโทรศัพท์ละ ถ้าเจอคอร์สว่างๆดีๆจะบอก”  ต้องเตือนผมขึ้นมา

   “อือ เอะ ปิดเทอมนี่ว่างอาทิตย์สุดท้ายอาทิตย์เดียวใช่มั้ย”

   “ไว้เจอกันวันสุดท้ายก่อนเปิดละกัน นั่งชิลกัน”  แมคชวน

   “ไม่มีปัญหา เจ มึงอะบ้านไกล ลำบากหน่อย จะมามั้ย” แมคหันไปมองมัน

   “ไม่มีปัญหาด้วย กูมาได้”  เจ พูดทำหน้ากวนตีนสุด

   “นี่มึงไม่คิดจะอ่านจนเปิดเทอมเหรอวะ เวลามีน้อยนะมึง” ต้องถามแมค

   “มึงอะไปเคลียร์กับต่อก่อนเหอะ เดี๋ยวปิดเทอมมึงก็ได้หญิงคนใหม่อีก” นั่นไอ้เจเอ๊ย

   “พอเครียด เฮ้ย เก้ามีเพลงไรแนะนำมั้ย หนังด้วย”  แมคถามผม

   “ก็พอมีนะ กูว่าปิดเทอมจะแวบไปดู.....”

   “มึงเอาเรื่องที่คนอื่นคุยรุ้เรื่องหน่อยดิวะ”  เจทำหน้าไม่สบอารมณ์

   “งั้นเรามาคุยเรื่องเรียนวาดรูปกันดีกว่า” แมคพูดขำๆ

   “นั่นกูก็ไม่รู้เรื่องสัด” เจ โวยวายแล้ว

   “แล้วมึงรู้เรื่องไรมั่งเนี่ย” ผมหันไป แล้วเอามือปิดปาก

   “เก้า ทำไมมึงไม่ดูมัณทนะดูละ น่าจะเหมาะนะ” ต้องพูดกับผม

   เออ ผมไม่เคยคิดถึงคณะนี้เลย คิดแต่ว่าถ้าวิดวะไม่ติดจะทำยังไง (ซึ่งไม่ติดแน่ๆ) ในหัวผมมีแค่วิศวะเท่านั้น พ่อผมกรอกหูทุกวัน ให้เข้าคณะนี้ที่ไหนก็ได้ คณะนี้เท่านั้น ผมเลยคิดว่างั้นก็เข้าเอกชนก็แล้วกัน ไม่ต้องไปแย่งกับใคร ผมไม่ได้อยากเรียน แล้วก็เรียนไม่เก่งด้วย ให้คนที่อยากเรียนเค้าได้ไปเถอะ
   
   “อีกอย่าง ทำไมแกมาเรียนห้องนี้วะ ในเมื่อไม่คิดจะเอาสายวิทย์จ๋าๆอยู่แล้วนี่ มันนะ สายศิลป์ก็เข้าได้”  แมคถาม

   วันนี้มันซักผมเยอะเป็นบ้าเลย ตรงข้ามกับเจ มันไม่เคยถามไรผมเรื่องพวกนี้
   
   “อา... พ่อกูอยากให้เรียนน่ะ” ผมเลี่ยง

   แมคมันเดินมากอดคอผมแน่นๆทีหนึ่ง

   “สู้โว้ยยยยยยย”
   
   มันเข้าใจสินะ

   “ถ้ามึงเข้าได้อยากได้ไร เดี๋ยวกูจัดให้หมดเลย คณะไรก็ได้ขอให้มึงเลือกเหอะ”

   “ขอบใจ เจ”

   ผมกับเจตอนนี้สนิทกันมาก สงสัยวิธีตีสนิทแบบของเจจะได้ผล (เอ่อ ผมก็อายนะที่ต้องเล่าเรื่องนี้)

   แม้เรื่องที่เกิดในห้องวิทย์มันผ่านไปสักพักแล้ว มันก็ยังชอบที่จะทำแบบนั้นอยู่ ในห้องเรียน แรกมันจะชอบเขย่าขาตัวเอง ตั้งแต่วันนั้นทุกครั้งที่ทำมันจะเอาขาผมไปด้วย ตัวผมเลยต้องนั่งเรียนไปทั้งๆที่ตัวสั่นๆอยู่ข้างหนึ่งอย่างนั้นไปตลอด

   บางทีมันก็จะนัดผมขึ้นไปที่ห้องวิทย์ มันแอบไปทำก๊อปปี้กุญแจเอาไว้ก่อนจะคืนครู เวลามันอยากมันก็จะบอกผมให้ขึ้นไปหามัน แต่ไม่ใช่หลังเลิกเรียน ถ้าผมหายไป พวกต้องมันจะสักเกตุ แต่ถ้าเป็นพักเช้า หรือ พักเที่ยง พวกต้องจะไม่ค่อยสงสัย

   เวลาพวกมันถาม ผมก็จะบอกว่าไปกินน้ำบ้าง ไปโทรศัพท์หาแม่บ้าง ส่วนไอ้เจ มันจะบอกว่าไปขี้ มันเป็นการโกหกที่แนบเนียนมาก เพราะทุกครั้งที่เจหายไปเวลานี้ ทุกคนจะเข้าใจว่ามันไปขี้ มีแต่ผมนี่แหละที่ต้องหาข้ออ้างเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

   ความห่ามของไอ้เจมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

   วันหนึ่งห้องวิทย์ไม่ว่าง มีการทำแลปกันของพวกม.ปลาย

   “เจ วันหลังเหอะ” ผมไม่ค่อยสบายใจ

   “กูไม่ไหวแล้วนี่นา นะๆๆๆ”

   ทำไมตอนนั้นผมไม่สงสัยนะว่า แฟนมันหายไปไหน

     เจ มันลากผมไปชั้น 5 ระหว่างแถวๆซอกที่สลัวๆเพราะมันอยู่ทางด้านทิศตะวันตก แสงตอนเช้าเลยมาไม่ถึง อยู่ๆเจเข้ามาจากด้านหลังผม เอามือล้วงไปในกางเกง ผ่านทางขากางเกงจากด้านหลัง

   “เอาตรงนี้เลยมั้ย”

   “เอาห่าไร ไม่ให้เอา แล้วตรงนี้มึงจะบ้าเหรอ”

   “เออน่า ก็อยากทำนะ” มือที่จับก้นผมยังคงขยำก้นผมต่อไป

   กางเกงเปิดตูดหมดแล้ว

   มันยังไม่หยุด

   เจเอาตัวเข้ามาบดบี้ผมจากข้างหลัง ของแข็งๆถูไถอยู่ที่ร่องก้น เจมันค่อยๆเอาของแข็งที่ชี้ออกมานอกกางเกง ทิ่มๆมาเป็นจังหวะ มือมันที่ว่างอยู่ก็ไม่อยู่เฉย   

   ค่อยๆลูบขาผมขึ้นมา จากต้นขา ล้วงหายไปเข้าทางขากางเกง สองนิ้วของมันเขี่ยเบาๆที่ไข่ผมผ่านกางเกงชั้นใน

   มันปลุกความอยากในตัวขึ้นมา

   “งั้นรีบๆนะ”

   “แกะกระดุมเสื้ออกดิ”

   ผมทำอย่างว่าง่าย (มาถึงขั้นนี้แล้ว) แต่แค่สองเม็ดเท่านั้น เจมันคงเห็นผมเป็นอาหาร มันรีบเข้ามาฟัดอย่างหนักหน่วงตั้งแต่คอ ไล่ลงมาจนถึงเนินอก กัดผมเบาๆที่หัวนม แล้วไล่ลิ้นลงมาจนถึงสะดือ มันทำท่าจะแกะกางเกงแต่ผมห้ามไว้ทัน

   “ห่า เดี๋ยวใส่ไม่ทัน”

   เจไม่เถียง ฉับพลันรูดซิบตัวเองแล้วเอาของเจออกมา

   “ทำให้เหมือนเคยนะ”  จนตอนนี้ผมว่า มันคงไม่อายผมแล้ว เสียงสั่นๆ กับอาการตื่นเต้นหายไปหมด มันคือความกระหายชัดๆ มันไม่อายที่ผมจะเห็นของมันเหมือนเมื่อครั้งแรกเสียแล้ว

   ผมใช้มือขวาค่อยๆ หมุนวนเล่นๆที่ตรงปลายแดงๆของมัน แดงและร้อนผ่าว

   เจเริ่มคราง มันเข้ามาครางใกล้ๆหูของผม ตัวมันก็ขยับขึ้นลงไปด้วย บดเบียดถูกันราวกับผมเป็นหมอนข้าง

   มันแกะกระดุมเสื้อตัวเองออก

   ผมรู้งาน

   ก้มลงไปดูดดื่มที่หน้าผมมัน ทั้งซ้ายและขวา ผ่านแผงอกมัน แล้วไล่ขึ้นกลับไปที่คอ ปกติเจที่เป็นฝ่ายทำถ้ามันโดนบ้างจะรู้สึกยังไงนะ

   มันบิดตัวเร่าๆ

   ผมหยุดมือก่อน

   เปลี่ยนใหม่

   สองมือล้วงเข้าผ่านทางหัวเข็มขัดที่ปลดออกหลวมๆ คราวนี้ไม่นี้คลึงเล่นเฉยๆ แต่ขยับขึ้นลงไปด้วย

   มืออีกข้างของผมไม่ว่างเปล่า วนเล่นอยู่แถวก้อนกลมๆน้อยๆสองอันของมัน

   ตัวมันดิ้นแรงขึ้นเบียดเข้าหาผม

   มันดึงกางเกงผมลงไปกองกับพื้นหมด แล้วจับผมหันหลัง

   “ก้มหัวลงสิเก้า แอ่นก้นให้เราหน่อย”

   เจ ใช้ของๆมันที่ทั้งลื่นและร้อน มาถูไถอยู่ที่ก้น สงสัยผมจะเตี้ยไปมันเลยต้องย่อตัวเล็กน้อย มันกระแทกกระทั้นอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่ไม่เข้า

   สองมือมันก็มากำของผมไว้แน่น แล้วขยับเข้าออกตามจังหวะที่มันโยกตัวไปด้วย

   “อุ .. พอก่อนเจ”

   มันหันผมดันชนกับกำแพง จับผมยกขาข้างหนึ่งแล้วกดเข้าแรงๆ

   ส่วนนั้นของมันถูกับส่วนของผมที่ตรงกันพอดี ทั้งร้อนและเปียกแฉะ

   ผมเอาสองมือมากำแล้วเคลื่อนไหวของตัวเองไปพร้อมๆกัน

   “อา..​อย่างนั้นแหละเก้าๆ”  ก่อนที่มันจะพยายามกดหัวผมลงไป

   “ไม่เอา แค่นี้พอ”  ผมขืนตัวไว้ ผมเลยต้องรีบมือแล้ว

   เดี๋ยวผมจะโดนกดอีก

   “อือๆ เร็วๆๆๆ  อา อา ...​อา”

   ผมหันหน้ามาตรงๆแล้วใช้มือให้มัน

   “ขึ้นลงสุดเลยเก้า อย่างนั้นแหละ”

   “จะมาแล้วๆ เก้าเอายัง”

   “อือ เอาเลยๆ”

   “อา ไม่ไหวแล้ว” สิ้นเสียงเจพับมาซบผมที่คอ

   ตัวเกร็งแน่น มันยังกระตุกกันเป็นระยะๆ มือผมที่เหนื่อยแรงจากการทำให้มันเอาไปวางพาดไว้ที่ก้นมัน ทำให้รู้เลยว่า สิ่งที่มันฉีดพุ่งออกมาเป็นระลอกๆ ผมนับได้ 6

   “มึงเพิ่งทำไปไม่ใช่เหรอ”

   “วัยรุ่นนี่มึง”

   “โอเคมั้ยมึง” เจ พูดเสียงหอบๆ

   “มันไปถึงไหนวะ” มันถามผมโดยไม่มองหน้า พลางจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่

   “โดนท้องกูเต็มเลยวะ” ผมป้ายๆออกก่อน ค่อยไปล้างมือทีหลัง
   
   “เดี๋ยวคนจะมาป่าว” ผมถามมัน

   คิดว่าน่าจะใกล้หมดคาบแล้ว

   “เมื่อกี้มึงเสร็จรึเปล่า” พูดจบเจ รัวมือยิก

   ผมสั่นหัว

   “กูเมื่อยมือก่อนน่ะ”

   “งั้นอย่าเพิ่งใส่นะ” เจที่ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วพุ่งเข้ามาล็อคผมจากด้านหลัง

   “เฮ้ย เดี๋ยวไม่ทัน”

   มันใช้มือช้างถนัดรัวเข้าที่ส่วนนั้นของผม มันยังชี้ขึ้นอยู่เลย เพราะความอยากของผมยังไม่จากหาย

   แต่มันไม่ลื่นเหมือนเมื่อกี้แล้ว

   มันเลยลูบขึ้นมาที่ท้อง เอาไอ้คราบที่มันทิ้งไว้เมื่อกี้มาใช้ต่อ

   “เฮ้ย มึง”

   โอ้ย พอลื่นแล้วมัน .... ผมไม่สามารถบอกเป็นคำบรรยายได้ มันเหมือนผมกำลังจะตกจากที่สูงยังไงอย่างงั้น

   สูงจนความรู้สึกบางอย่างมันท่วมท้น ไล่จากท้องน้อยขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุด มันยังเอาตัวกอดผมไว้แล้วใช้ส่วนนั้นของดัน ดันเข้าๆออกๆเป็นจังหวะไปด้วย

   “อะ... มาแล้วๆ อา  อา...​“ 

   มันหันหน้าเข้ากำแพง

   สายน้ำอุ่นหลายสายที่ไม่น่าน้อยกว่ามัน เลอะเต็มกำแพงไปหมด บางส่วนไหลย้อยไปโดนมือมัน

   พอตัวผมเลิกเกร็ง

   มันก็หยุดมือ แล้วเอาที่เลอะๆมาป้ายกางเกงผม

   “เฮ้ย ไอ้นี่ สันดาน”

   “ชองมึงทั้งนั้นอะ ทำเป็น”

   “ของมึงเต็มตัว กูยังไม่ว่าไรเลย”

   ผมเลยต้องเอาเสื้อออกนอกกางเกง เสี่ยงโดนทำโทษฉิบหาย แต่ช่วยไม่ได้กว่ามันจะแห้ง ไม่งั้นผมคงไม่ต้องเดินไปไหน

   “มีขนมึงร่วงติดกูมั้ยเนี่ย” ผมให้เจช่วยดู

   “ไม่มีหรอก ขนกูน้อย”

   แม่งหน้าด้านจริงๆ มันคนเดียวกับไอ้พีที่กล้าๆกลัวๆวันนั้นรึเปล่าวะเนี่ย
   
   นี่คือกิจกรรมครั้งสุดท้ายของผมกับเจก่อนปิดเทอม

   เย็นวันสอบวันสุดท้าย ผมไปนั่งรอเจมันเตะบอลกับห้องอื่นก่อนกลับบ้าน วันนั้นอยู่กันพร้อมหน้า พวกผม ต้อง แมค แต่คนที่ลงไปเตะมีแค่ไอ้เจคนเดียว พวกผมนั่งดูมันวิ่งไล่บอลอยู่ในสนามข้างล่าง

   ตัวมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เสื้อสีขาวแนบติดกับตัวมันเป็นจุดๆ

   “ดูนี่ๆ เก้า กูได้ยิง”เจตะโกนมาจากหน้าโกล

   ทุกครั้งที่มันได้ยิงมันจะมาตะโกนเรียกให้ผมดูมัน

   ผมไม่ตอบไรชูนิ้วกลางให้มัน เอะอะ ทำไรต้องเรียกผมให้ไปมองตลอดไอ้บ้านี่ โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ ทำเป็นได้ของเล่นแล้วต้องมาอวด

   จังหวะบังเอิญผมเหลือไปเห็น บูม อดีตเพื่อนผมสมัยม.ต้น ตั้งแต่ผมรู้จักมันชีวิตผมก็ ฉิบหายตามชื่อ บูม ของมัน บูมที่เป็นเสียงระเบิด ไม่ใช่แปลว่าดัง

   “เฮ้ย เก้าปิดเทอมอะ ถ้าว่างมาหากูละกัน เดี๋ยวเอาชีทที่เรียนคราวก่อนๆมาให้” ต้องพูดเรียบไม่มองหน้าผม

   ใบหน้าด้านข้างของต้องยังชวนให้ผมแอบมองเสมอ มันดูวางเฉยจนผมเดาไม่ออกว่ามันคิดอะไร ผมคิดว่ามันเลี่ยงที่จะมองผมตรงๆมากกว่า
   
   “ขอบใจ”  ผมตอบไปเบาๆ

   “เยดดดดดดด กูพลาดดดดดด”    ไอ้เจมันใช้ปากเตะบอลเหรอ โวยวายอีกแล้ว

   “เห่ยเอ้ย” ไอ้ต้องพูดขึ้นมา

   “แค่เห่ยเหรอ โคตรห่วยสิไม่ว่า”

   “นั่น ป๋าก็แหย่แรงไป”  ผมหันไปมองป๋า

   ผมสังเกตเห็นว่า เวลาต้องมันนั่ง มันชอบยกขาข้างนึงขึ้นมาแล้วเอาคางพาดไว้เสมอ ดังนั้นจุดสนใจมันจึงล่อตาผมมาก ขากางเกงมันเองก็กว้าง (ดันมาว่าแต่กูนะ) แล้วแสตนด์ที่นั่งตอนนี้ที่วางขามันสูง มันเลยนกขึ้นสูงมาก

   ตอนนี้ใจผมอยู่ที่ขากางเกงมันซะแล้ว อยากดูก็อยากดู แต่ก็ต้องทำใจไม่ให้มองลงไป ขอบเกงในสีขาวที่โผล่แพลมออกมา (นี่ถ้าเจรู้ว่าผมมองอะไรมันคง เดินมาตบกระโหลกผมแรงๆ)

   ต้องเองมันเป็นผู้ชาย คงไม่สนใจไรมากมั้ง

   แต่ถึงยังงั้นท่านั่งมึงก็ระวังหน่อยเหอะ

   เด็กผู้ชายตัวเล็กหน้าตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน กำลังวิ่งมาทางนี้ หน้าตาขาวๆ ไม่สิออกซีดมากกว่า ดูดีๆแล้วออกจะคล้ายต้องอยู่เหมือนกัน เป็นเวอชั่นเด็กมั้ง (ผมแอบหัวเราะในใจ) แต่ผอมกว่าเยอะ น่าจะผอมกว่าผมอีก เพียงแต่เรื่องส่วนสูงนี่ ผมมองแวบแรกก็อยากจะร้องไห้แล้วครับ เด็กอะไรสูง 170 ตั้งแต่ม. 2 เฮ้อ.......

   “พี่ต้อง กลับบ้านยัง” เด็กพูดเสียงแหลมขึ้น   

   เอ๋ พี่ต้องเหรอ
   
   “งั้นเดี๋ยวกูกลับกับน้องก่อนนะ” ต้องพูด

   มันเอามือตบหลังผมทึหนึ่ง

   “เก้ามึงอ่านหนังสือมั่งละอย่ามัวตามไอ้เจมัน”  ถึงตรงนี้ผมหน้าแดงเล็กๆ

   “ตามเหี้ยไรละ”

   มันแอบสื่อความหมายอะไรป่าววะเนี่ย

   “พี่ต้อง คนนี้เพื่อนพี่เหรอ”  เด็กคนนั้นพูดขึ้น

   “น้องต่อ นี่เก้า เพื่อนพี่ต้องน่ะ”

   “เอ.. แค่เพื่อนรึเปล่านะ” แมคหัวเราะ

   “หวัดดีคับพี่แมค” ต่อทักทายแมค

   “หวัดดีน้องต่อ”

   “อ้าว ไม่ทักพี่เก้าเค้าเหรอ” แมคถาม
   
   “พี่ต้องกลับเหอะ ผมอยากกลับแล้ว” ต่อลากแขนต้องเดินออกไป

   “อ้าว ไอ้นี่ไม่ทักมึงเลย” แมคหันมามองทางผม

   “ช่างมันเหอะ” อะไรของมันวะ ทำไมมันต้องทำหน้าเหมือนไม่พอใจผมด้วย

   “งั้นกูกลับละ ปะต่อ”

   ต้องเดินขึ้นมาเอากระเป๋านักเรียนที่วางไว้ข้างๆ

   “เฮ้ย ไอ้กะปิ มึงตามเก็บบอลด้วย” ต่อตะโกนใส่เพื่อน

   ท่าทางเอาเรื่องอยู่

   เด็กแว่นตัวเล็กๆหงอยๆ ใส่แว่นวิ่งแว่นเขย่าเข้าหาบอล คว้าลูกบอลมากอดอุ้มไว้ โบกมือหยอยๆให้ต่อ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถที่มารับกลับไป

   พวกเรากลับหมดทิ้งไอ้เจไว้ที่สนามนั่นแหละครับ ให้มันโวยวายกับอากาศไป มันยังคุยกับใครไม่รู้อยู่ กว่ามันจะสังเกตุเห็นผมกับไอ้แมคแอบปีนออกหลังแสตนเงียบๆไปแล้ว

   ผมไม่เคยคิดเลยว่า นี่เป็นครั้งสุดท้ายของพวกเราที่จะได้มานั่งคุยกันที่สนามบอลตลอดชีวิตม.ปลายที่เหลือของพวกเรา

   “เก้า อย่าลืมก่อนเปิดเทอมมาบ้านกูนะ”

   “โอเค” ผมบอกแมคก่อนแยกย้ายกันที่หน้าบ้าน

   พรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้ว

   ที่บ้านผม อาหารมื้อเย็นที่พร้อมหน้าพร้อมตา

   “เก้า ปิดเทอมจะทำอะไร”

   “เรียนพิเศษครับ”

   “เรียนทำไม เสียเงิน คนอื่นเค้าเรียนแล้วสอบได้ ถ้าเราเรียนแล้วสอบได้มันจะมีความหมายอะไร ถ้าต้องลงทุนลงแรงเหมือนกัน ผลลัพท์เท่ากัน นี่เก้าแย่กว่าคนอื่นเหรอ”

   “คุณคะ” แม่ผมมาขัดจังหวะ

   “ให้มันกินข้าวก่อนได้มั้ย”

   แต่แบบนี้ระฆังยกที่ 1 กำลังจะเริ่มขึ้น

   “แล้วถ้าเรียนจะเรียนอะไร”

   “เอ่อ .... ผมกำลังจะ....”

   ผมยังไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี

   “ถ้าจะเรียนให้ได้ก็เลือกพวกวิชาคำณวนเข้าใจมั้ย วิชาอื่นเรียนไปเสียเวลา”

   “สอบเข้ามหาลัยให้ได้ ยิ่งเข้าได้เร็วยิ่งดี จบเร็วกว่าคนอื่นยิ่งเข้าไปใหญ่ ถ้าทำอะไรได้เท่าคนอื่นจะไปมีประโยชน์อะไร”

   เสียงช้อน ส้อมของแม่ดังขึ้น ไม่เหมือนแม่กำลังกินข้าว เหมือนแม่กำลังเคาะจานมากกว่า

   “พ่อให้เรียน เสียตังค์แล้วใช้ให้คุ้มละ”

   “ครับ” ผมก้มหน้าเขี่ยข้าวในจาน

   “วันนี้เป็นไงมั่ง”

   “อย่าไปถามน่า เรื่องของมัน โตแล้วคิดเองดูแลตัวเองไม่ใช่ไปนั่งถาม มันไม่รู้จักโต เก้า ถ้ากินเสร็จแล้วเอาจานไปเก็บด้วย แล้วขึ้นห้องไปอ่านนหนังสือซะ”

   “ครับ”

   อื่มไม่อิ่มก็ต้องเอาจานไปวางแล้วละ

   “ผมขึ้นห้องนะแม่”

   “เก้า” แม่เรียกผม

   “เก้าขึ้นไปซะ พ่อจะคุยงานกับแม่”

   ระฆังกำลังจะดังแล้วแน่ๆ

   ผมเดินก้มหน้าขึ้นห้อง ปิดหูตัวเอง อย่าไปได้ยินอะไรเลย อย่าไปรับรู้อะไร

   พรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้ว

    :bye2:
หัวข้อ: Re: ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 1.0 กำแพงบันไดริม [pg3] 05/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-10-2015 16:54:31
ป๊าเก้านี่กดดันเอาเรื่องอยู่ แต่ถ้าเด็กเครียดมากจะกลายเป็นกดดันตัวเองแล้วอาจจะระเบิดขึ้นมาก็ได้

 :katai1:

แอบสงสารเก้า TvT

แต่ทำไมต่อไม่ชอบเก้านะ?? เพราะเคยได้ยินข่าวของเก้ามาเหรอยังไง??
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 1.0 กำแพงบันไดริม [pg3] 05/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 06-10-2015 14:47:24
เอิ่ม...ซับซ้อนมาก
สรุป ชอบต้อง แต่เพราะคิดว่าต้องชอบผู้หญิง แล้วต่อก็ไม่ชอบตัวเอง เลยยอมเจ?
เข้าใจนะ อารมณ์แบบว่า ถึงชอบแต่ต้องตัดใจ เพราะเค้าไม่ใช่
เลยเลือกคนที่เค้าชอบเราดีกว่า

ส่วนพ่อเก้า ไม่ไหวนะ ไม่ชอบเลย ตั้งแต่วันแม่ละ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 1.0 กำแพงบันไดริม [pg3] 05/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 09-10-2015 08:54:28
หายไปหลายวันแล้วนะครับ รออยู่
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 2.0 แตกหัก [pg4] 10/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-10-2015 18:13:55
 o22

เจแบบ........ บัดซบมาก

อุตส่าห์เชียร์ให้เปนพระเอก

จงลงเหวไปซะเถอะ  :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 2.0 แตกหัก [pg4] 10/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 10-10-2015 19:38:14
o22

เจแบบ........ บัดซบมาก

อุตส่าห์เชียร์ให้เปนพระเอก

จงลงเหวไปซะเถอะ  :z6: :z6: :z6: :z6:


กราบขออภัยงามๆ ทุกท่าน ตอนที่ลงนี้ เป็นภาคต่อจากนี้ (ภาค3)

ในมือตอนนี้มี 4 ภาค ในเรื่องตอนนี้เป็นภาค 2 เนื่องด้วยความเมา เลยคว้าเอา

ภาค 3 ที่ยังมาไม่ถึงมาลงก่อน

ได้โปรดลืมมะนไปซะ

ขอขอบพระคุณ

ปล. ตอนนี้ยังแฮงค์อยู่

 :ling3: :ling2:  :ling2:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 2.0 แตกหัก [pg4] 10/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-10-2015 19:44:47
 :really2:

เหมือนโดนสปอยล์ล่วงหน้า 1 ซีซั่น

แต่ว่ายังไงเจก็น่ากระทืบอยุ่ดี  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ตอนที่ 2.0 ซินนามอนโรลกับหูฟัง 10/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 10-10-2015 20:40:20
ตัวตนและคำสารภาพ : ตอนที่ 2.1 ซินนามอนโรลกับหูฟัง

   ทุกๆวันของปิดเทอม ผมทำทุกอย่างเหมือนๆกัน เช้ามาตื่นนอน อาบน้ำ เตรียมตัวไปเรียนวาดรูป ในกระเป๋าสีน้ำตาลของผม จะพกหนังสือ ปากกา ดินสอ เอาไว้ เผื่อว่าจะได้นั่งอ่านหนังสือกับเขาบ้าง (สุดท้ายก็ไม่) ก่อนออกจากบ้านก็จะไเอาหูฟังยัดใส่ลงช่องเล็กๆไปด้วย แล้วดึงให้ห้อยแต่สายออกมา เมื่อออกจากบ้านผมถึงจะกดปุ่มเล่นเพลง

   มันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะเดินไปไหนมาไหนคนเดียวโดยไม่เปิดอะไรฟัง ต่อให้มันจะวนไปมาเท่าไร ผมก็ยังฟังอยู่ ยิ่งเสียงภายนอกดังเท่าไร ผมก็จะกดเพิ่มเสียงกลบเสียงอื่นออกไป มันทำให้รู้สึกว่าโลกแหง่ความเป็นจริงที่ผมเห็นมันจางหายไปซ้อนทับกับโลกใบเปล่าๆว่างๆ ที่มีแค่ผมคนเดียวในโลกสีซีดจางใบนั้น

   ไอ้หนังสือที่ผมแบกไปมาทุกวันเนี่ยก็ใช่ว่าจะได้ใช้ ผมแทบไม่เคยได้หยิบมาอ่านจนจบเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแบกมาด้วยทำไม หลังจากเรียนวาดรูปเสร็จผมก็จะไปนั่งอยู่ในร้านกาแฟ วาดอะไรเล่นไปเรื่อยเปื่อย รอเวลากลับบ้าน

   วันไหนที่ไม่ได้เรียน ผมก็จะมาสิงที่ร้านกาแฟตั้งแต่เปิด ...ไม่รู้จะไปไหน วันที่ไม่มีเรียนนี่แหละ ผมถึงจะได้เอาวิชาอื่นออกมานั่งอ่าน แก้เบื่อ

   ถ้าพวกมันเห็นผมเข้ามันคงถามกันแน่ๆ

   'เรียนทำไมวะ ไอ้วาดรูปเนี่ยไม่ได้ใช้สอบไม่ใช่เรอะ'

   'ใช่ เพราะผมไม่รู้จะเรียนอะไร สมัครก็ไม่ทันแล้วด้วย'

   'ไม่หรอก เก้า นายไม่อยากอยู่บ้านมากกว่า'

   'คงจะจริง'

   กว่าจะได้เจอกับพวกสามตัวนั้นอีก คงต้องรอถึงสุดสัปดาห์นี้ เป็นศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สุดท้ายของปิดเทอม มันเล่นนัดกันทิ้งทวนก่อนเปิดเทอมใหม่ ฉลองขึ้นชั้นใหม่ไปในตัว

   ตลอดเวลาปิดเทอมที่ผ่านมา พวกมันทุกคนท่าทางจะยุ่งมาก จะได้คุยกันก็แค่สั้นๆทางโทรศัพท์เท่านั้น ไอ้แมคเองดูมันจะตั้งใจมากเป็นพิเศษ เห็นอย่างนี้มันก็คงจะแบบซุ่มอยู่เหมือนกัน มันคงกะว่าจะเอาคณะสถาปัตฯให้ได้แน่ๆ

   ส่วนไอ้ต้องปกติผมก็ไม่ได้โทรไปกวนมันอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ได้คุยกับมัน มันจะเป็นฝ่ายโทรมาหาผม แล้วมักจะห่วงว่าไม่ได้เรียนพิเศษเดี๋ยวจะสอบไม่ได้บ้าง เดี๋ยวเปิดเทอมจะเรียนไม่ทันบ้าง สงสัยผมคงมีสถานะเทียบเท่ากับน้องชายมันไปแล้ว

   ไอ้เจนี่โทรหาผมบ่อยที่สุด ส่วนมากจะเป็นเรื่องที่ไม่เป็นสาระซะมากกว่า ดูๆแล้ว สงสัยมีมันนี่แหละที่ไม่ได้ไปเรียนเหมือนผม (เดาเอานะ) ถ้าไม่เรียนแล้วเก่งอย่างมันก็ดี

   อ้อ ใช่ เมื่อวันก่อนมันมีโทรมานี่นา

   “โหลๆ เก้าเหรอ” ปลายสายพูดขึ้น

   “ครับ พูดอยู่” ผมกำลังนั่งเล่นเกมส์ไปด้วย

   “เป็นไงมั่งวะมึง อาทิตย์นี้ คิดถึงกูมั่งมั้ย” น้ำเสียงมันไม่มีความกระดากเลย

   “ไม่อะ เฉยๆ ปิดเทอมก็ดี” ผมยังสนใจเกมส์ตรงหน้ามากกว่า

   ผมคิดถึงพวกมันทุกคนแหละ เพราะว่าพวกมันทำให้ผมไม่ชินกับการอยู่คนเดียวอีกแล้ว แล้วผู้ชายด้วยกันที่ไหนจะบอกว่าคิดถึงกันมั่งเล่า

   “โห เออ งี้ไม่ต้องมาเจอกูแล้วดิ ว่าจะชวนซะหน่อย” เสียงมึงน่ะ กูรู้ว่ามึงอยากชวน

   “อ้าว นี่คือมึงจะชวนกู? อยากเจอก็บอกดีๆดิ ถ้าน่าสนใจกูจะไปนะ” เล่นตัวดีกว่า

   “ก็ศุกร์สุดท้ายก่อนเปิดมึงทำไรละ”

   “ว่างนะ ยังไม่รู้เลยวะ เอ้ยๆ มึงลืมที่ไอ้แมคชวนไปบ้านมันเหรอ”

   “ไม่ลืม ก็เดี๋ยวเจอกันศุกร์ไง ไอ้แมคนัดวันเสาร์”

   “แล้วมึงจะชวนกูไปไหนละ”  แล้วช่วยจบเป็นเรื่องๆได้มั้ย

   “ตอบก่อนดิ คิดถึงกูมั้ย”

   “ไอ้ห่า เอาไงของมึง”

   “กูคิดถึงตูดมึงนะ เก้า”

   “บาย กูไปเล่นเกมดีกว่า”

   “โอ๋ๆๆๆๆ ไม่เล่นแล้วๆ ชวนจริงๆ ก็กูกะว่าจะไปเจอกับมึงก่อนอะ ศุกร์เย็นเจอกันที่สยามนะ หน้าสยามเซนก็ได้ เดี๋ยวกูหามึงเอง”

   “โอเค”

   “เอ้อ แล้วมึงนัดกูที่นั่นทำไมวะเจ เจอกันแถวบ้านแมคไม่ง่ายกว่าเหรอ”

   “ก็กูจะชวนมึงไปเดินเล่นไง อย่าเพิ่งขัดอารมณ์กูดิ”

   ผมละเสียวทุกทีเวลามันใช้คำว่า อารมณ์

   “เอออ ตามใจมึง”

   “เออ แล้วเรียนเป็นไงมั่งละมึง อยู่คนเดียวเหงามั้ย”

   “ก็เรื่อยๆนะ ก็สนุกดี ตอนแรกกูว่าไปสมัครเรียนเพื่อเปิดเทอมไว้ด้วย แต่แม่งก็ไม่ทันอีก ไม่รุคนมันจะแห่กันไปแย่งกันเรียนอะไรหนักหนา” ผมกำลังเริ่มจะบ่นละ

   “งี้ปิดเทอมมึงทำไรวะ นอนเกาไข่กับถูหนอนเหรอ”

   “คว.... ไอ้บ้า ก็เรียนวาดรูปไปไง”

   “จริงๆ มึงเข้าเอกชนก็ได้นี่เก้า บ้านมึงก็ไม่ใช่ว่าไม่มีตังค์” ไอ้เจพูดมาก็ใช่

   “ไม่รู้ว่าแล้วแต่พ่อกู”

   “นี่มึงมีปัญหากับพ่ออีป่าวเนี่ย”

   “ไม่เชิงหรอก”

   ผมไม่อยากเล่าให้มันฟังมาก จากประสบการณ์ผม เวลาเรามีปัญหาคนรอบข้างมักจะไม่อยากฟัง มันทำให้ดูเหมือนเราเป็นเด็กมีปัญหา เช่นเดียวกัน เวลาทะเลาะกันในกลุ่มอย่าไปเล่าให้คนอื่นในกลุ่มฟัง มันดูน่าสมเพช เหมือนเราวิ่งหาคนเข้าข้าง

   ผมไม่เล่าดีกว่า

   “เออ น่า ไม่หรอก ดูกูดิ เรียนๆก็เหมือนไม่เรียน”

   “กูเห็นตอนสอบมึงก็ทำได้ไม่ใช่เหรอ”

   “รู้ได้ไง มึงมาแอบดูกูทำเหรอไง ห้องสอบคนละห้องแท้ๆ ไม่ไหวเลย ต้องระวังตัวละ เก้าชอบแอบมอง”

   “เวร มึงเป็นไรมากมั้ยวันนี้  เงี่ย... เหรอ”

   “ป่าวหรอก กูแค่อยากคุยกับมึง”

   “….. ก็คุยกับมึงอยู่นี่ไง เอ่อ … ตอนนี้ก็มีแค่เราสองคนนี่ มีไรอยากพูดก็พูดมาสิ” ผมกดรีโมทปิดเสียงเกม

   “.....อือ” ไอ้ อือ เนี่ยคืออะไร

   “มึงเจอต้องมั้ยอะ” มันถามผม

   “ไม่เลย มันว่าจะเอาชีทมาให้ก็ไม่เห็นนัดมา”

   “ป่านนี้คงไปกับต่อแล้วก็เด็กใหม่มันละมั้ง”

   “คงงั้นแหละมึง” มันคงลืมผมไปแล้วนั่นแหละ

   หลังจากคุยไรไปเรื่อย (ผมต้องห้ามมันคุยเรื่องต่ำกว่าสะดือ) แล้วมันก็ขอตัววางสาย

   “เออ งั้นกูนอนก่อนนะมึง ฝันดีวะเก้า คิดถึงกูมั่งนะ”

   “เออ ฝันดี .... เอ่อ... กูก็คิดถึงมึงนะ นิดนึงอะ” แล้วผมก็วางเลยทันที (ก็คนมันอายอยู่นี่นะ)

   เผลอยิ้มออกมาจนได้ ไม่รุ้ว่าหน้าด้านพูดออกไปได้ยังไง แต่พอตั้งสติดีๆ ความรู้สึกของผมมันก็ขัดแย้งกันเอง ผมอาจจะต้องการพูดไปเพื่อให้มันสบายใจ หรือ จริงๆแล้ว ผมกำลังหลอกตัวเองให้คิดถึงมันนะ

   ผมล้มตัวลงบนเตียง สับสนอยู่กับตัวเอง ก่อนจะถามมันว่าคิดยังไงกับผม ผมก็ควรจะจัดการความรู้สึกตัวเองให้ดีก่อนดีกว่าว่าจะเอายังไงกับมัน









   วันศุกร์ ในที่สุด ก็มาถึง

   ผมใส่เสื้อยืดสีครีมที่ตัวใหญ่กว่านมนิดหน่อย กางเกงสีน้ำตาลเข้มขายาวพับขา รองเท้าคอนเวิสสีขาว แล้วแน่นอนไม่ลืมกระเป๋าสะพายข้างที่ไว้ใส่หูฟัง ผมพยายามทำตัวช้าๆ จะได้ไม่ค้องไปคอยมัน

   เมื่อใกล้ได้เวลา ผมยัดหูฟังไว้แล้วเดินออกจากบ้าน รอรถเมล์สาย 79 วิ่งตรงไปลงสยาม ไม่หยุดเปลี่ยนสาย บนรถคนดูจะไม่แน่นมาก

   ผมนั่งลงที่ท้ายรถ ตำแหน่งเดียวกับที่ผมกับเจเคยนั่งกัน แล้วเจซบผมหลับเป็นครั้งแรก แค่วันนี้เป็นรถคนละสาย

   เหม่อมองออกไปข้างนอกรถ ดูรถที่แล่นผ่านไปด้วยความเร็วจนเหมือนกับเป็นเส้นสีเหยียดยาวผ่านออกไป ทำไมคนขับวันนี้ขับช้านักนะ หรือผมใจร้อนกันแน่ะ

   เด็กคู่ข้างหน้านั่งเหย้าแหย่กันอยู่สองคน เป็นเด็กชายหญิงจากโรงเรียนอื่น

   นึกถึงตัวเองตอนจีบสาวครั้งแรก ตอนนั้นผมเห็นคนหนึ่งหน้าตาสวย ตัวเล็กแบบบาง (เล็กกว่าผมอีก) ผมยาวประบ่าหันมาส่งยิ้มให้ก่อนเดินไปเข้าห้องน้ำ เราเดินส่งยิ้มกันไปมา ก่อนเธอจะหนีไปเข้าห้องน้ำ

   ผมตัดสินใจยืนรออยู่ จนเมื่อเค้าออกมา ผมจึงเดินเข้าไปขอเบอร์

   สาวคนนั้นยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี ได้เบอร์มาอย่างง่ายดาย

   จนถึงวันนี้ ผมยังไม่เคยโทรไปหาเลยสักครั้ง

   ผมจีบใครไม่เป็น ไม่สิ ให้โทรไปจะคุยเรื่องอะไรกันดีละ ถ้าเป็นพวกต้องมันคงจะชำนาญ แต่ผมไม่รู้จะคุยอะไร ไม่มีเรื่องน่าสนใจจะไปเล่าให้ฟัง

   โทรไปพอไม่มีเรื่องคุยมันก็จะกลายเป็นน่าเบื่อซะเปล่าๆ สาวคนนั้นน่ารักซะด้วย คิดๆแล้วก็เสียดาย ถ้ายิ้มตอบกันขนาดนี้ก็คงมีใจให้กันบ้างละนะ ผมทำลายโอกาสตัวเองไปแล้ว

   มาวันนี้ โชคดีเป็นของเธอละมั้งที่ผมไม่ได้ทิ้งเบอร์ตัวเองไว้

   เธอเลยไม่สามารถติดต่อมาหาผมได้ แล้วเราก็ไม่ต้องรู้จักกัน

   “คิดถึงกูมั่งนะ" เสียงเจมันเด้งกลับเข้ามาในหัวผม

   จะให้กูคิดถึงแบบไหนละมึง

   สาย 79 มาทิ้งผมอยู่หน้าสยามเซนเตอร์ อีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด ผมจึงตัดสินใจออกมายืนฟังเพลงรอมันอยู่ที่ร้านกาแฟชั้นล่างสุด

   ยืนนานชักเมื่อย เก้าอี้กลมทรงประหลาดวางอยู่ตรงลานกว้าง ผมลงนั่งสักตัวบนสีที่ถูกใจ สีน้ำเงินสด ช่างตัดกับชุดผมจริงๆ

    เด็กผู้ชายรูปร่างเตี้ย เอ่อ ไม่เตี้ยหรอก เท่าผมนี่แหละ แต่ตัวใหญ่แบบนักกีฬา (มันทำให้ดูเตี้ย)

   ไอ้บูมนี่หว่า มันมาทำอะไรวะ

   "ไง ไอ้ตุ๊ดนั่งรอใคร" มันก็ยังอุตส่ามองมาเห็นจนได้

   "มันหนักตรงส่วนไหนของหัวมึงเหรอ" ผมไม่อยากให้วันนี้เริ่มต้นแบบนี้เลย ผมตอบไม่มองหน้ามัน

   "นี่กูถามดีๆนะ เป็นไงห้องเรียนใหม่"

   “ก็ดี"

   “มีเพื่อนใหม่แล้วดิ เพื่อนมึงนี่ มีใครสนใจมึงป่าววะ" บูมมันลงมานั่งกอดคอผม

   "ถ้าไม่มีจริงๆ มาหากูได้นะ ช่วงนี้เมียกูไม่ค่อยว่างวะ"

   ผมไม่ตอบอะไร หันไปมองหน้าม้นตรงๆ ทำปาก ค ว ย แล้วชูนิ้วกลางให้มัน

   "เออๆ จำไว้  ระวังจะแห้วนะมึง"

   สายตาเจ้าเล่ห์มองสำรวจมาทางผม

   "ไปป่าว ห้องน้ำห้างเลยก็ได้ ไม่ได้ทำนานแล้วนะมึง” มันดึงแขนผม

   "กูไม่เงี่ย...วะ"

   "หึหึหึหึ” มันลงมานั่งหัวเราะ

   “แล้วมึงมากับใคร”

   “กูก็มาเดทกับเด็กกูไง” บูมยิ้มกวนๆ

   “กูเตือนด้วยความหวังดีนะ” มันจะมาเตือนผมทำไม

   อ้าวไหนบอกแฟนมันไม่ว่าง

   นึกย้อนไป ตอนนั้นบูมเป็นคนเข้ามาทักผมก่อนและเป็นเพื่อนคนแรกสมัยม.ต้น  พวกเราตั้งแก๊งกันขึ้นมา พวกผมมีด้วยกัน 6 คน หัวโจกจะไม่ใช่ผม (แหงละเนอะ คนน่ารักๆอย่างผมจะไปทำอะไรได้) ผมเป็นแค่หน่วยหน้าเวลาตีกันเฉยๆ (ฮ่าๆ)

   มีครั้งนึงเราเกิดการทะเลาะกันกับเด็กห้องอื่น จนตอนนี้ผมลืมไปแล้วว่าทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร

   "เฮ้ย เย็นนี้ลุยแม่งเลยมั้ย"

   "ห้องไหน 6 ปะ นัดแม่งหลังเลิกเรียนเลยก็ได้"

   "เออ เอาไอ้พวกห้องเราไปด้วย”

   ผลของการตีกันกันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เรื่องมันอยู่ที่ว่าผมกับบูมมานั่งพักกันอยู่ข้างโรงยิม ไอ้แถวๆทางเดินที่ใช้จัดงานวิทย์น่ะแหละครับ

   "เหนื่อยวะ กลับไปอาบน้ำถูเจี๊ยวให้แข็งเล่นดีกว่า"

   "อะไรนะ" ผมหันไปถาม

   "ก็ไอ้นั่นไง ม.1 แล้วนะ ทำเป็นไม่รู้"

   ผมแกล้งเซ่อต่อไป ยังงงว่าหัวข้อนี้ขึ้นมายังไง

   "เออ นี่เก้าถามหน่อยดิ"

   "มึงจะถามไร"

   "คือว่า ... กูสงสัยน่ะ กูอยากรู้ว่า เอ่อ ตัวเล็กๆอย่างมึง มีเอ่อ ผม ขึ้นยังวะ"

   "บนหัวกูเนี่ยอะไร"

   "หัวล่างเว้ย ควาย"

   "ถามทำเชี่ยไรเนี่ย"

   "กูอยากรู้ ขอดูหน่อยดิ"

   ".....บ้าเหรอ"

   บูมมันยังพยายามตื้อให้ได้

   นั่นเป็นครั้งแรกที่มันขอแล้วก็มีตามมาอีกหลายครั้ง จนมีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ผมใจอ่อน ไม่รู้วันนั้นผมเองก็เป็นบ้าไรขึ้นมา ผมคงหงุดหงิดกับคำขอของมันมากๆ หรือ.... ไม่รู้สิ ผมลากมันไปห้องน้ำบนตึกเรียนชั้นสูงๆหน่อย คนจะน้อยหลังเลิกเรียนแล้ว

   "อยากดูนักใช่มั้ย เอาสิ แต่กูมีข้อแม้"

   "อะไรอะ กูยอมมึงหมดอะ” มันทำหน้าดีใจสุดๆ

   “มึงต้องแก้ผ้าหมดเลยให้กูดูก่อน" ผมมั่นใจว่ามันไม่กล้า

   มันไม่กล้าหรอกครับ ไอ้บ้านี่ปากดีตลอด แต่ไม่เคยจะใจถึงอะไรสักอย่าง เป็นแต่ชอบกวนตีนชาวบ้าน มันเองก็ชอบแหย่ผมบ่อยๆ แต่เมื่อเอาจริงมันก็หนีไป

   “พูดเองนะมึง” เสียงมันต่ำลงอย่างหน้าประหลาด ผมคิดว่ามันจะต่อยกับผมซะอีก

   มันถอดเสื้อกางเกงพละกับกางเกงในสีขาวตัวจิ๋วลงอย่างรวดเร็ว เอ่อ ผมอึ้งมาก แม่งเอาจริงเหรอวะ ตัวมันก็เตี้ยกว่าผม บูมมันเล่นกีฬาตลอดตั้งแต่เด็กดังนั้นรูปร่างมันจึงแน่นๆแบบนักกีฬาแต่ไม่คล้ำ ผิวเนียน ไม่มีขนสักเส้น

   ส่วนนั้นที่ขนาดเท่านิ้วชี้ ชี้ตรงมายังหน้าผม

   ตอนนั้นผมยังสูงกว่ามัน นี่สินะ มันถึงได้อยากรู้ ไม่แปลกสำหรับเด็กผู้ชายที่จะอยากรู้อยากเห็น โดยเฉพาะเรื่องอย่างว่าด้วย (แต่ทำไมมันต้องเป็นกับผม) มันเหมือนเป็นการเปรียบเทียบขนาดของตัวเองกับคนอื่น

   ถึงตรงนี้มันก็หันมาทางผมแล้วชี้มาที่กางเกง ชุดพละรร.เราถอดง่าย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมต้องมาใจดียอมมัน วันที่ดันใส่ชุดพละด้วย ชุดพละมันก็แค่เสื้อยืดกับกางเกงวอมสีเขียวเท่านั้นเอง จะถ่วงเวลาซักหน่อยก็ไม่ได้

   "เออ รู้แล้ว” ผมจำใจตอบ

   อยากดูก็ดูไป ถึงตรงนี้ก็ต้องยอมแล้วละครับ ผมจึงต้องยอมจำใจถอดกางเกงให้มันดู ไม่สิจ้องแต่โดยดี ตอนนี้ของผมมันก็ไม่ธรรมดาแล้วด้วย เริ่มมีอาการแล้ว ผมใช้ชายเสื้อยาวๆปิดส่วนโคนเอาไว้ ไม่อยากให้มันเห็นว่า ของผมมีแล้ว

   “พอได้รึยังวะ"

   มันชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆอย่างสนใจ
   
   นั่นคือครั้งแรก มันจับอย่างมันมือ เอ่อ มันไม่ใช่ของเล่นนะมึง มันจะชอบจับอย่างกับว่าเป็นของมันเอง บางทีก็ในห้องเรียน หรือได้จังหวะใครเผลอมันก็จะทำ

   เกิดมาไม่เคยเห็นเหรอไงวะ หลังจากนั้นมามันก็ชอบมาเล่นแบบนี้บ่อยๆ พอมันขึ้นม.3 ดูเหมือนไอ้นิสัยนักเลงแต่ไม่แน่จริงของมันจะยังรักษาไม่หาย แม้กระนั้นมันก็โตขึ้นมาก มันเริ่มไล่ทันผมแล้ว

   วันหนึ่งมันบอกผม

   "เฮ้ย กูมีแฟนแล้ววะ ญ ด้วย”

   เรื่องของมึงสิ ดีกับกูซะด้วย ยังกะที่ผ่านมากูคิดไรกับมึงงั้นแน่ะ ดีกูจะได้หมดเวรกรรมกัน

   "มึงไม่เหงานะ เดี๋ยวกูเอาไปบอกคนอื่นให้” มันพูดออกมาหน้าตาระรื่นแล้วเดินมากอดคอผม

   “สัด เอานี่ไปก่อนเลย”

   ตอนนั้นผมโมโหมาก เลยฟาดปากมันเข้าไปที ด้วยหมัดนะครับ ตั้งแต่นั้นมา มันกับผมเลยไม่มองหน้ากันแถมที่มันบอกว่าจะเอาไปพูดต่อ มันก็เลยทำจริงๆซะด้วย คนทั้งรร.เลยรู้กัน แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันนั่นแหละเป็นคนเริ่มทำกับผม

   บูมตัดส่วนนั้นออกไป มันเล่าต่อแต่ส่วนที่ของผม

   สรุปได้ว่าไอ้ตุ๊ดที่ใครๆเรียกก็มาจากมันนี่แหละ มันถึงเป็นตัวฉิบหายตามชื่อของมัน บูม!!! เรื่องนี้รู้ไปถึงครูในรร. แล้วไม่ยักกะมีใครจะออกมาช่วยอะไร มีแต่คนอยากรู้อยากเห็น ตอนนี้เวลาเดินไปไหนคนก็จะเข้ามาถามว่า จริงๆมั้ยๆ

   พอขึ้นม.4 ได้ทีเลือกสายที่จะเรียน ผมเลยเลือกที่จะทิ้งคนอื่นๆไว้แล้วแยกไปเรียนสายที่คนไม่อยากจะไปกัน เพราะเหตุนี้คำถามที่ไอ้เจถามผมว่าเหงามั้ย คำตอบคือ เหงาครับ

   "เฮ้ย เก้า รอนานป่าว โทดทีวะ สายเลย"

   "อะ ป่าวๆ กำลังคิดไรเพลินๆ”

   ไอ้เจมาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ บนเสื่อมีลายเสี่ยวๆอยู่ อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจความหมายเลย “Fcuk Who Live” กางเกงยีนสีซีดขาดที่เข่านิดหน่อยกับเสื้อสีเขียวพาสเทล ไปด้วยกันได้อย่างดี โคตรจะเข้ากับบุคคลิกมันเลย แถมด้วยรองเท้าโอนิซึกะสีส้มคาดเขียว

   ทำไมมันแบกเป้ใบใหญ่มาด้วยวะ ยังกับยัดบ้านลงไป ท่าทางหนักน่าดู
   
   "หิวป่าว เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวขอโทษ” มันโบกมือขึ้นข้างนึง

   "เฮ้ย ไม่เป็นไร ว่าแต่มึงจะเลี้ยงอะไรแพงๆดีละ”

   ป๊าบ!!! นั่นไง นิสัยมันอีกอย่าง ปากว่ามือถึง

   “หน้าด้านเอาจริงนะมึง”

   "กูหิวน้ำวะ เดี๋ยวแวะร้านนี้หน่อยมะ กินขนมปังกินกัน"

   ผมไม่สนใจไอ้บูม ปล่อยทิ้งมันไว้อย่างนั้น

   "กินแต่ขนมปังได้มั้ย น้ำน่ะเดี๋ยวค่อยกิน” มันจ้องมาที่เป้าผมแล้วยิ้ม

   "เจ ถ้าจะพูดงี้ กูอยากนะ" ผมเดินเข้าไปใกล้มันมากๆ จนตอนนี้จมูกเรา 2 คนจะชนกันแล้ว ผมหยุดจ้องตามันอยู่อย่างนั้น

   "กูอยากเตะมึง ไอ้ทะลึ่ง” ผมเอามือจะไปคว้าคอเสื้อมันมา

   ดันรู้ทัน หลบได้

    มันหัวเราะร่าวิ่งหนีวนไปมา แต่เดี๋ยวนะครับ โลกนี้ไม่ได้มีกันอยู่ 2 คน เราอยู่กลางสยามนะ คนคงมองกันมาเป็นตาเดียว เด็กผู้ชายบ้าไรสองคนม.ปลายด้วย มาวิ่งไล่จับกันในสยามเซ็นเตอร์ ไม่รู้ว่าเค้ามองว่าเป็นเด็กไม่รู้จักโตรึเปล่า

   "พอเหอะ สัด อายเค้า" ผมพยายามบอกมันเงียบๆ แล้วออกเดินนำไป

   "ครับๆ คุณแม่"

   แม่? มารดามึงอะเหรอ ผมได้แต่คิดในใจ เดินก้มหน้าอายๆออกไปร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ที่สุด ผมเป็นคนชอบกินชามากกว่ากาแฟครับ เวลามาข้างนอกร้อนๆ

   ถ้าวันไหนมีเงินเหลือติดตัว ก็อยากจะกินชาเย็นๆสักแก้วทุกที พอทำบ่อยเข้าๆมันก็ยิ่งกลายเป็นนิสัยประจำ ผมเลยหันไปมองมันว่ามันตามมาหรือไม่ ตอนนี้เจกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่ง หน้าตายิ้มร่าตามผมมาต้อยๆ

   ข้างหลังมัน เก้าอี้ที่ผมนั่งรอเมื่อกี้ ไอ้บูมหายไปแล้ว

   "งั้นกูเอาชามะนาว กับ ซินนามอนเค้ก 2 ชิ้นนึง"

   "แค่นี้เหรอวะมิน่ามึงไม่อ้วนเลย"

   “เหรอ ได้”

   “พี่ครับ ชาขอ 4 แก้ว เค้กขออย่างละหนึ่งชิ้นในตู้ แล้วก็ตรงนั้นเอากลับบ้านด้วย”

   ป๊าบ!!!!

   “สั่งกลับไปให้เตี่ยมึงกินเหรอ เยอะขนาดนี้กูว่าเลี้ยงได้ทั้งบ้านมึงเลย” เจโวยวายใหญ่

   “พี่อย่าไปฟังมัน ฟังผมพอ” เจ หันไปพูดกับพนักงานสาว

   "พี่ครับ งั้นของผมเป็นแซนวิชแฮมชิสใหญ่ กับ ชามะนาวแล้วของไอ้นั่นเอาเท่าที่มันสั่งตอนแรกนั่นแหละ"

   นั่นดูมันเพิ่งจะบ่ายกินอีกมื้อแล้วเหรอ ช่วงนี้เห็นเจมันอ้วนขึ้นนิดนึงปกติมันก็ไม่ถึงกับอ้วนนะครับ คือ ยังไงดีแค่เกือบอวบ พอตอนนี้มันปิดเทอมกินเยอะ ตัวมันเลยดูมีเนื้อขึ้นอีกหน่อย ทับผมคงหนักแน่ๆ (เฮ้ย!!!) ไม่ครับ ไม่มีทาง ไม่ใช่ความหมายแบบนั้น

   ผมนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูผู้คนเดินไป นั่งรอไอ้บูมเอาของกินมาวางที่โต๊ะ

   โต๊ะข้างๆผมมีผู้หญิง 2 คนกำลังมองมาทางนี้ พนันสิบเอาหนึ่งเลยว่า พวกเธอไม่ได้มองมาที่ผมแน่ๆ เจเองถึงหน้าตาจะไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ก็มีบางอย่างสะดุดตาผู้หญิงอยู่ หุ่นกำลังดี (ช่วงนี้พองไปหน่อย) ใบหน้าเป็นมิตรยิ้มน้อยๆที่อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ใครๆอยากเข้าใกล้

   ที่สำคัญสูงและใส่แว่น เสปคนิยมสาวๆเลยนี่

   แต่พอรู้จักแล้วนิสัยน่ารำคาญสุดๆไปเลยละ แต่.... เอะ ผมก็รับกับนิสัยนั้นได้ดีนะ

   ดูเหมือนพวกเธอเองกำลังสงสัยใคร่รู่นิดๆว่า พวกผมนั่งรอใครอยู่ทั้งร้านมีกันแค่ไม่กี่คน ที่เค้าเตอร์เหลืออีกคนเดียว

    เด็กผู้ชาย 2 คนมานั่งร้านกาแฟด้วยกัน 2 ต่อ 2 เอะ หรือมันไม่แปลก ผมอาจจะคิดไปเอง

   "เฮ้ย เป็นไรวะ มาเดทนะเว้ยทำหน้าเหมือนตูดเลย" เจ มันพูดมาผม ขณะที่เดินผ่าน ผู้หญิงสองคนที่นั่งโต๊ะก็มองตามตูดเจ มาเลย

   "เดทอะไรละ พูดเบาๆก็ได้คนเข้าใจผิด" ผมมองไปที่โต๊ะข้างๆแวบนึง

   นั่นไง เริ่มมีการซุบซิบกันแล้ว

   " ฮ่าๆๆๆๆ แหมๆ”

   มันเอามือจับมือผม ผมสะบัดออก

   “มึงยังไม่กินมาเหรอ” ผมถามมัน

   “นิดนึง รอมากินกับมึงอีกที” มันตอบพลางจัดของลงบนโต๊ะ

   “เก้า เมื่อกี้มึงคุยไรกับคนนั้นวะ”

   “อ้อ นิดหน่อยน่ะ” เจไม่จำเป็นต้องรู้

   "เออ แล้วเช้านี้มึงไปไหนมา" ผมเปลี่ยนเรื่อง

   "ก็แวะไปธุระนิดหน่อย แล้วตรงมาหาแกเลย"

   "อ้อเหรอ มิน่าดูมึงหิว”

   "มึงก็หิวกูรู้ แดกๆซะ กูเลี้ยง” มันก้มหน้าก้มตาแกะแซนวิช

   "เออ ขอบใจนะ" พูดจบคำปุ๊บ ผมอ้าปากกัดขนมก่อนเลย ซินนามอนร้านนี้ถูกใจผมเสมอ

   "อร่อยมั้ยวะ" เจ มองมาที่ปากผม

   “ก็ดีกูชอบอะ” ผมพูดแบบขนมเต็มปาก

   "มึงสั่งไรนะ" ผมถามมันบ้าง

   "แซนวิชแฮมวะ เยอะดี กูชอบ" เจ ทำเสียงเลียนแบบผม

   "มิน่าแม่งอ้วน" กูกำลังก้มลงดูดน้ำ

   "โอ้ย สัดนี่เตะกูทำไม”

   “ก็มึงว่ากูอะ"

   ได้ยินอีกเรอะ

   "ไหน กูชิมดิ" มันทำท่าจะยื่นปากมากัดซินนามอนผม

   "เอาไปแดกเองไป" ผมรีบวางใส่ถาดมันก่อนจะเป็นที่ผิดสังเกตไปมากกว่านี้

   "ว้า ป้อนหน่อยก็ไม่ได้ อยากรู้อร่อยกว่ากูมั้ย”

   มันพูดถึงตรงนี้ผมแทบจะเอาถาดโยนใส่หัว ไม่สิ ฟาดหน้ามันเลยดีกว่า คนอะไรวะพูดเรื่องแบบนี้ไม่อาย
   
   ผมยังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับถาดแล้วก็หน้ามันดี  ยกฟาดจริงๆเลยดีมั้ย ไม่ดี เสียดายของกิน

   เจ เหลือบไปเห็นผู้หญิงคู่นั้นกำลังแอบมองแล้วนินทาผม (ใช่ แน่ๆ) เจ เริ่มสงบปากคำแล้วรีบกินให้หมด สีหน้าเปลี่ยนไปเลย ว่าไปเมื่อกี้ก็น่ารักดีอยู่ แต่พอมาถึงตอนนี้เจดูจะไม่สบอารมณ์เอามากๆแล้ว

   บรรยากาศตึงเครียด ลอยขมุกขมัวอยู่เหนือหัวพวกผม ปกคลุมจานขนมและแซนวิช รีบกินรีบอิ่มดีกว่า พอผมยกชิ้นสุดท้ายเข้าปาก เจเองก็กัดรวบที่เหลือเข้าปากเหมือนกัน

   ไม่รอช้า มันรีบสะกิดให้ผมออกจากร้านทันที ผมเลยต้องถือชามะนาวที่ยังดูดไปไม่ถึงครึ่งแก้วไปด้วย นี่แหละครับเจ เวลามันไม่พอใจอะไรสักอย่างอาการมันจะออกมาทันที

    เอะ แล้วน้ำเจละ มันลืมไว้เหรอ

   "เฮ้ย น้ำมึงอะ"

   "น้ำกูยังมี หลายวันแล้วด้วย แต่ถ้าหมายถึงชาละก็กูลืมวะ" มันตอบพร้อมหันมายิ้มกวนตีน

   เฮ้ยยยยยย มันคิดคำพวกนี้ออกมาได้ไงเนี่ย (วะ)

   "กินกับมึงนะ"

   “แค่.....ชามะนาวนะ”  ผมต้องพูดช้าๆ ชัดๆ จ้องหน้ามัน

   "สัด อายเป็นด้วย”

   ผมรู้สึกหน้าร้อนเล็กน้อย รีบหลุบตาลงมองพื้นอยู่อย่างนั้น ผมเองก็แอบเพลอไปคิดเรื่องอย่างนั้นจนได้ มันเกือบจะตื่นขึ้นมาแล้ว เจมันต้องเอามือมาพาดวางลงบนคอแล้วออกแรงดันผมไป  ไม่เหมือนมือของต้องที่วางลงอย่างแผ่วเบา... ทว่าหนักแน่น และรู้สึกไว้ใจได้

   "เดี๋ยวๆ มึงจะไปไหนน่ะ" ผมถามมัน

   “ไปดูของฝั่งสยามร้อนมั้ย"

   “หา....อือ ก็ได้”

   พวกเราใช้เวลาเดินวนเวียนอยู่ร้านแถวนั้นพักใหญ่ๆ ดีที่ฝนไม่ตก ตอนนี้อากาศประเทศไทยก็ไม่รู้เป็นอะไรเดาอะไรก็ไม่ได้

   บ่ายๆ วันธรรมดาคนไม่เยอะมาก เดินอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เปิดเทอมก็ใส่แต่ชุดนักเรียน จะหาเสื้อผ้าไปทำไมเยอะแยะ

    ร้านแถวนี้ก็ไม่มีไรน่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับพวกผม  พวกเราเข้าร้านนี้ออกซอยนั้นไปเรื่อย คนขายก็มองพวกเราแปลกๆ ผู้ชายมาเลือกเสื้อผ้ากันเอง แถมบรรยากาศรอบตัวไอ้เจไม่ธรรมดาซะด้วย คนรอบข้างต้องรู้สึกแน่ๆ

   มันดูแลผมอย่างกับคนเป็นแฟนมัน

   "เหนื่อยยัง" มันหันมาถามผม แล้วยักคิ้วให้

   "ยัง เดินไปเหอะ"

   "กูคิดว่ามึงจะอยากดูอะไรซะอีก อุตส่าห์พามาเดิน”

   "อ้าว อย่าโบ้ยกูดิ มึงจะดูของไม่ใช่เหรอ”

   “ป่าวกูพามึงมาตะหาก"

   กลายเป็นว่าเจมันตั้งใจพาผมมาเดินดูนั้นนี่ ก็เข้าใจแหละครับ เดทกับผู้ชายมันไม่เหมือนไปกับผู้หญิงตรงที่ไม่มีหวานแหววอะสิครับ ทำอะไรออกนอกหน้ามากก็ไม่ได้ อารมณ์กุ๊กกิ๊กก็น้อยกว่า มันจะไปสนใจอะไรละครับ เกม การ์ตูนเข้าร้านพวกนี้ยังง่ายกว่าเลย

   "เบื่อมั้ย มึง" ผมหยุดเดินแล้วสะกิดถามมัน

   "มึงมากับกู กูไม่ใช่ผู้หญิงมึงคงจะเบื่อ” ผมบอกมันไปตรงๆ

   "ถ้าเบื่อกูจะยังอยู่กับมึงตรงนี้เหรอ" มันหันมายิ้มให้หนึ่งทีแล้วเดินเข้าร้านเครื่องประดับไป

   "ว้า ไม่มีไรถูกใจเลย"

   "มึงจะเอาไรละ"

   "ม่ายรู้ เก้าละ"

   "อืมมม ไม่รู้วะ”

   
หัวข้อ: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ตอนที่ 2.0 ซินนามอนโรลกับหูฟัง 10/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 10-10-2015 20:42:01
 ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : 2.2 ซินนามอนโรลกับหูฟัง

       ท่าทางเริ่มกร่อย พวกเราเลยต่อไปอีกสักซอย บางครั้งมันจะหันมาถามผมว่าสนใจอะไรมั้ย อยากได้อะไรรึเปล่า ไม่มีคำตอบสำหรับผม แค่เดินตามมันก็สนุกแล้วบางที เดินไปเรื่อยเปื่อยปล่อยตัวปล่อยใจไปกับวันหยุดสั้นๆ มันก็ดี

   ฟ้าใกล้มืดแล้วตกลงว่ายังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย มันเองก็เห็นคงผมมองโน่นนี่หน้าตาลอยๆ

   "นี่ดูหนังมั้ย" เจ ชวนผม

   "มีเรื่องไรเข้าละ"

   "ไม่รู้ไปดูหน้าโรงละกัน"

   "มึงจะดูฝั่งไหนอะ"

   "อืมมม สยามมะ"

   "ไงก็ได้" พูดจบผมก็ออกเดินนำไป เราก็อยู่ฝั่งนี้อยู่แล้วนี่

   หน้าโรงมีหนังฝรั่งเรื่องนึง เป็นหนังรักแบบพระเอกกับนางเอกรักกันไม่ได้ มันเป็นหนังรักเศร้าๆที่ดูแล้วก็ไม่เชิงว่าอบอุ่นออกมาแล้วยิ้มหรือจะให้เสียน้ำตาดี

   หนังเองน่าสนใจดีครับ พอดูไปมากๆบางทีมันก็แวบขึ้นมาถึงตัวเราเอง ความรักมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปอย่างใจซะทุกครั้ง ทุกคนเองก็มีเหตุผลที่ต้องเลือก บางครั้งด้วยความจำเป็นของชีวิต ที่เราไม่มีสิทธิ์จะจัดการอะไรให้ไปได้อย่างใจเสียทุกอย่าง

    แล้วผมกับเจจะจัดการกันไปได้แค่ไหน

   ผมคิดว่ามันก็รู้ไม่ต่างจากผม เรา 2 คนผูกพันธ์กันแค่กายเท่านั้น แต่ใจละ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมเองก็ไม่ได้แน่ใจกับมันมากถึงขนาดกล้าบอกว่า รักมัน แล้วมันก็ไม่เคยเรียกร้องว่าจะเป็นอะไรกับผม

    ไม่มีอะไรผูกมัด ก่อนมาเจอผมมันก็รักชอบผู้หญิง แล้วตอนนี้มันก็น่าจะยังเป็นอย่างนั้นอยู่

   ดังนั้นเรื่องระหว่างเราจึงเป็นความลับของคนสองคน ที่ไม่ต้องเล่าให้ใครฟังและไม่ควรมีใครรู้

   เวลาที่หนังฉายใบหน้าของเจที่โดนแสงไฟสลัวจากจอหนัง ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ซ่อนเร้นอยู่นั้นมันคืออะไร บางทีมันอาจจะคิดถึงเรื่องราวของเราอยู่บ้างก็ได้ ผมแอบหันไปมองหน้ามัน

   ใบหน้าของเจก็เรียบเฉย ไร้อารมณ์ แถมดูจะจริงจังเกินไปซะด้วย

   พอกลางๆเรื่อง ผมแอบหันไปดูอีกที .........​เจผลอยหลับไป

   เมื่อหนังจบเรา 2 คนเดินออกจากโรงหนัง เรากำลังกลับไปที่จุดเริ่มต้นที่เราเจอกันของวันนี้ ไม่มีเสียงพูดคุยกันระหว่างเดินออกจากโรง มีแต่เสียงคนรอบกายที่ค่อยๆลดน้อยลง เสียงรถบนถนนแล่นผ่านที่นานๆจะมีเสียงดังมาที  แสงไฟวิบวับสว่างอยู่หน้าห้าง

   วันนี้กำลังจะหมดลงอีกวัน เปิดเทอมกำลังใกล้เข้ามา

   “เฮ้อ หนังสนุกมั้ยเจ”  ผมเลยถามขึ้น

   “ก็ดีอะ”

   มันหาว

   “มึงหลับไม่ใช่เหรอ”

   “หลับเหี้ยไร กูแค่พักสายตาเว้ย” มันทำหน้ากวนๆ แต่ตายังปรืออยุ่เลย

   “เออ กูว่ามึงพักนานนะ จบเรื่องเลย ไม่เอายันเช้าเลยละ”
   
   “อ้อ จะให้เอามึงยันเช้าอะเหรอ” มันหันมาตาลุกวาว

   “สัด”  ผมวิ่งไล่เตะมันแถวนั้นแหละ

   “โอ้ยๆ พอๆ วันนี้กูค้างบ้านมึงนะเก้า” จู่ๆมันโพล่งขึ้น

     “หือ เอาจริงงะ แล้วชุดละ”

   “กูเอามาด้วย อันไหนไม่มีก็ยืมมึง” มันพูดหน้าตาเฉยเหมือนมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร

    เดี๋ยวนะ แสดงว่ามันเตรียมตัวมาแล้วเหรอ

   “อ้าว อย่าทำขาดนะมึง มึงยิ่งอ้วนๆอยู่ แล้วกางเกงในก็ไม่มีไซส์มึงนะ” ผมเอาศอกยันเอวมัน

   มันหลบ

   “สัด ตัวกูใหญ่กว่ามึงหน่อยเดียว ส่วนกางเกงในน่ะไม่ได้อยู่แล้ว ของกูใหญ่กว่า ฮ่าๆ”

   ผมไม่ตอบไร ขูนิ้วกลางให้มันเป็นพอ

   “หิวอีกมั้ยวะมึง”

   “ไม่ละ กลับกันเหอะ” ผมตอบมัน

   มันเอามือมาแตะข้อมือผมไว้ พอให้รู้สึกแล้วเดินไปรอที่ป้ายรถเมล์

   บนรถเมล์ยามดึกอันเงียบสงัด ผมถามถึงคนอื่นๆบ้างว่าเป็นอย่างไร ดูท่าทางเจเองจะไม่มีคำตอบน่าตื่นเต้นอะไรให้กับผม ทุกคนไปเรียน แล้วก็เตรียมตัวเปิดเทอม

   รถเมล์ช่วงนี้มีที่ว่างมากมาย เราสองคนเลือกนั่งติดกันที่ริมหน้าต่างด้านนึงของตัวรถ ที่นั่ง 2 ที่ติดกัน ผมเปิดหน้าต่างรับลมยามดึก ลมแรงโชยเข้ามา เรานั่งกันเงียบๆ ไม่ต้องกลัวใครจะรบกวน

   รถออกตัวไปได้สักพัก

   เจหันมาซบลงที่ไหล่ผมแล้วหลับตาลง แรงกระแทกจากจังหวะรถวิ่งขึ้นลงเป็นเหมือนแรงกล่อมให้เจนอนหลับเป็นอย่างดี

   ผมหยิบหูฟังออกมาจากกระเป๋า ใส่หูฟังเข้าที่หูข้างขวา ส่วนข้างซ้ายผมใส่ให้มัน

   มันส่ายหัว

   “เอ้า ของฝาก”

   มันชูหูฟังสีฟ้าสดใสแบบครอบหัวให้ผม

   “กูให้มึง” มันยื่นของมาให้ ส่วนหน้ามองออกไปทางประตูรถ

   “ขอบใจนะ”

   ผมเปลี่ยนหูฟังแล้วครอบลงไปบนหัว

   มันเสียงโลกภายนอกได้ดีเลย เงียบสนิท เมื่อเพลงขึ้น มีแต่เสียงเพลงกับเสียงในหัวผมเท่านั้น

   เจมาซบใกล้ๆหูฟัง มันคงอยากจะฟังด้วย

   กดเล่นเพลง หูฟังที่หูขวาผมกำลังเล่นเพลง  เพลงเดียวกันที่ก้องอยู่ในหูซ้ายของเจ

   ในใจไม่เคยมีผู้ใด จนความรักเธอเข้ามา
   ทำให้ดวงตาฉันเห็นความสดใส ข้างกายไม่เคยมีผู้ใด
   จนความรักเธอเมตตา เป็นพลังให้ฉันสู้ต่อไป
   บนโลกที่โหดร้าย เหลือเกิน

   เสียงเพลงนี้ตัดเสียงโลกภายนอกออกไปแค่ครึ่งนึง เพราะหูฟังอีกข้างอยู่ที่เจ มีเพียงเรา 2 คน บนรถที่ว่างเปล่า กับสายลมต้นฤดูหนาว แล้วก็เพลงๆหนึ่ง เพลงที่เจ ขอให้ป๋าเล่นให้ผมวันนั้น ตัวรถกำลังวิ่งแล่นออกไป

   ต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะถึงบ้าน

   ผมใช้เวลาคิดเรื่องเกี่ยวกับมัน ในปิดเทอมนี่แหละที่ผมจะถามว่า มันคิดยังไงกับผม

   แต่ตอนนี้ แม้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่เรา2 คน แต่อย่างน้อยบนรถคันนี้มันก็มีแค่เรา ในรถเล็กๆ ขนาดกำลังพอเหมาะ ไม่มากไปจนน่ารำคาญ หรือน้อยไปจนรู้สึกเหงา อากาศก็ดี พอคิดแล้ว ผมกำลังค่อยๆหลับตาลงบ้าง ปล่อยใจไปกับเสียงเพลงต่อไปที่กำลังจะถูกเล่น

   ไม่รู้ว่ามันสังเกตุเห็นมั้ย ก่อนออกจากร้านชา ผมแอบเอาขนมชิ้นที่มันซื้อให้ 1 ใน 2 ชิ้นเก็บกลับไปกินที่บ้านด้วย

        มันอุตส่าให้ผมนี่เนอะ

 :bye2:

อันนี้ถูกต้องจริงแล้วจ้า

แยกเป็นสองเพราะเกิน 20000 ตัวอักษร นะ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 2.0 ซินนามอนกับหูฟัง [pg4] 10/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 10-10-2015 22:46:16
เข้ามาขอบคุณคนแต่ง
ที่เขียนเรื่องนี้มาลงในเล้าให้อ่านกัน

เพราะไม่ได้อ่านเรื่อง(เล่า)แนวๆนี้มานานแล้ว
บอกตรง...ถูกใจมาก

ยังอ่านไม่หมด
แต่ติดหนึบเลย

+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่ง
จะไปอ่านต่อแล้วนะ

หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 2.0 ซินนามอนกับหูฟัง [pg4] 10/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 11-10-2015 00:15:46
เข้ามาขอบคุณคนแต่ง
ที่เขียนเรื่องนี้มาลงในเล้าให้อ่านกัน

เพราะไม่ได้อ่านเรื่อง(เล่า)แนวๆนี้มานานแล้ว
บอกตรง...ถูกใจมาก

ยังอ่านไม่หมด
แต่ติดหนึบเลย

+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่ง
จะไปอ่านต่อแล้วนะ

ขอบคุณนะครับ เห็นคนเม้นกันน้อยคิดว่าจะไม่มีคนสนใจซะแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 2.0 ซินนามอนกับหูฟัง [pg4] 10/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 11-10-2015 01:03:49
 :mc4:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 2.0 ซินนามอนกับหูฟัง [pg4] 10/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 13-10-2015 11:20:21
มีสปอยอะไรหลุดมารึ?

ว่าแต่ บูมน่าหมั่นไส้อะ ไม่ชอบคนแบบนี้เลย
หัวข้อ: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ตอนที่ 3.0 เลือก10/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 15-10-2015 17:51:03
10 CM ตัวตนและคำสารภาพ : ตอนที่ 3.0 เลือก       

        รถเขย่านิดหน่อย ทำให้ผมลืมตามขึ้นมามอง ผมทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้รถกำลังวิ่งอย่างเร็วในความมือ ใกล้ผ่านหน้าบ้านแมคแล้ว ผมสลีมสลือ อีกด้าน เจยังนอนหลังพิงอยู่ที่ไหล่ผม เสียงเพลงจากหูฟังยังดังอยู่ กลบเสียงภายนอกเอาไว้

   ที่นี่ผมได้แวะมาแค่หนเดียวในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา

   วันหนึ่งหลังปิดเทอมไปได้สักพัก ผมแวะไปที่บ้านแมคระหว่างทางกลับบ้าน วันนั้นก็ไม่มีอะไรจะทำแล้วที่สยาม จะนั่งฟังเพลงเฉยๆก็น่าเบื่อ เลยกลับบ้านเร็วผิดปกติ แต่จะตรงเข้าบ้านเลยก็ยังไม่อยาก

   บ้านแมคปิดเทอมก็ดูจะไม่แตกต่าง ร้านยังเปิดเหมือนเดิม แต่ดูเงียบลงไปนิดหน่อย

   เมื่อขึ้นไปบนชั้นลอย มุมซ่องสุมประจำของพวกเรา ผมเห็นไอ้แมคนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ บ่ายวันนั้นอากาศร้อน

   “เป็นไงวะมึง ทำไรอยู่” ผมตะโกนถามมันจากชั้นล่าง

   “ชั้นลอยๆ ขึ้นมาเลย”

   “หวัดเด เป็นไงมั่งวะ”

   “เชี่ยเก้านี่ ถามยังกับคนแก่”

   “เออดีมึง นอนอยุ่บ้านเล่นเกม สบาย” ด่าผมเสร็จมันตอบต่อเลย

   “มึงนอนอยุ่บ้านตลอดเลยเหรอ”

   แมคมันใส่ชุดนอนอยู่บ้าน เป็น บอกเซอร์ เสื้อกล้าม เปิดผิวขาวๆแบบลูกคนจีน ขนจักแร้โผล่รำไร รู้สึกว่ามันจะสูงขึ้นอีกแล้ว ดูจากขายาวๆที่เลยบอกเซอร์ออกไป จำได้ว่าตอนม.ต้น เดินผ่านกันยังตัวใกล้ๆกันอยู่เลย ดูเหมือนเวลาจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับความสูงผมเท่าไร นอกนั้นสูงขึ้นหมด

   นั่งไม่ดีมันจะโผล่เอานะ

   “มึง สบายไปป่าวปิดเทอมน่ะ กูยังไปเรียนบ้างเลยนะ”

   “เออน่า เชื่อกูเหอะ กูทำได้ละกัน” มันตอบผมไป จ้องหน้าพัดลมไป

   เสียงมันแปร่งเพราะพูดใส่พัดลม ทำเป็นเด็กเล่นไปได้

   “มึงมาทำไรวะ” มันถามขึ้น

   “อ้าว ก็ทางผ่านก็แวะมาหาว่ามึงอยุ่มั้ย”

   “ไม  ไม่เจอไอ้เจเหงาเหรอไง”

   “สัด” ผมพยายามถึบมัน แต่... ขาผมไม่ถึง

   “เออ มึงได้คุยกับไอ้เจมั่งป่าววะ” แปลกที่มันกลับเป็นคนถาม

   “ก็...บ้าง ทำไมเเหรอ”

   “ป๊าว กูเห็นมึงสนิทกันเป็นพิเศษ ตัวติดกันกว่ากูอีก ช่วงนี้กูไม่ได้คุยกับมันเลย”

   “นิดนึงน่ะมึง”

   จะให้บอกว่าที่สนิทเพราะอะไรดีละ เรื่องอย่างว่าหรือว่า.. เจ มันคิดอะไรด้วยกันแน่

   “แล้วต้องละเก้า มึงเจอมั้ย”

   “ก็ไม่เหมือนกันวะ เฮ้ย แมคมึงรู้ไรมาป่าววะ”

   “ป๊าว”

   ผมชักรู้สึกเย็นๆขึ้นมาที่สันหลังแล้ว ถ้ามันรู้เข้าจะทำหน้ายังไงละเนี่ย ผมกับไอ้เจเป็นอะไรกัน เอ่อ ไม่สิ ผมกับไอ้เจไม่ได้เป็นไรกัน แค่มีอะไรกันเฉยๆ แต่เอะ...ถึงยังงั้นก็เหอะ ถ้ามันรู้มันก็ไม่ดีอยู่ดีนี่หว่า ไม่รู้ว่ามันจะรับได้หรือเปล่า

   ไอ้เจมันหลุดปากอะไรไปมั้ยเนี่ย

   “แล้วต้องละ มึงเจอมั้ย” ผมถามมันกลับ

   “ไม่วะ มึงเหอะ ทำไมไม่ลองโทรคุยกับต้องมันดูบ้างละ มันอาจจะอยากคุยกับมึงก็ได้นะ”

   คำถามหรือคำแนะนำกัน?

   “อา... ต้องมันชอบแกล้งกูนี่”

   “มึงคิดงั้นจริงเหรอ” ป๋ายังพูดต่อ ขณะกำลังหันกลับไปที่กีตาร์มุมห้อง

   “……..” ผมนั่งฟังมันเล่นไป ไม่มีคำใดๆออกมาจากปากผม

   หลังๆมานี้ต้องเองก็ดูจะใจดีกับผมบ้าง ผมเลยไม่แน่ใจ ยิ่งเจอมันไปกับผู้หญิงคนนั้น ผมก็คิดว่ามันไม่ควรจะเกินเลยกับมัน

    หมดการถามไถ่เรื่องคนอื่นเพียงเท่านี้

   “เก้า มึงมีใครมาจีบป่าววะ”

   “คือไรวะ”

   “ช่วงนี้นะ” มันถามไม่หันหลังมา

   “ก็ ....มีวะ”

   “มีตอนที่กูนั่งอยู่คนเดียวในสยามเซ็นน่ะ แต่มันออกจะแปลกๆนิดหน่อย”

   ผมเล่าให้มันฟัง
   .
   .
   .

   มีวันหนึ่งผมนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อยอยู่ที่ร้านกาแฟ ร้านประจำของผมที่ชั้นล่างสยามเซ็นเตอร์  วันนั้นมีกลุ่มเด็กชายหญิง ไม่รู้ชั้นที่เรียน แต่ดูแล้วน่าจะโตกว่าผม สงสัยว่าจะเป็นพวกเด็กรร.อินเตอร์สักแห่ง ดูจากผมแล้วก็การแต่งตัว

   เด็กผู้ชายผมยาวกว่าทรงที่เด็กทั่วไปตัดคนนึงเดินเข้ามทักทายผมก่อน

   ‘เฮ้ มาคนเดียวเหรอ’

   ผมเงยหน้าขึ้นมอง เอาหูฟังออก

   ‘อือ’  ไม่ได้ยินหรอกว่าเค้าถามอะไร ผมอือไปอย่างนั้นเอง

   ‘มาคนเดียวเหรอ’ คนนั้นถามอีก

   ไม่รอคำตอบ

   ‘นั่งด้วยดิ’

   ทั้งสามคนพากันลงมานั่ง

   แยกเป็นฝั่งตรงข้าม 2 ข้างผม 1 คน เด็กผู้หญิง นั่งข้างผม

   ในกลุ่มนั้นมีกันแค่ 3 คน นั่นทำให้ผมสบายใจขึ้นเพราะรู้สึกว่าไม่โดนรุมแล้ว

   ‘ชื่อไรอะ’

   ‘เก้า’

   ‘นี่ แพท แอม เรา เจม นะ’ คนที่ทักผมก่อนแนะนำว่ามันชื่อ เจม

   ‘นี่ๆ แอมเค้าชอบนายอะ’

   คราวนี้คนชื่อแพทพูดมั่ง   

   ผมเลยหันไปยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงผมบ๊อบ ตัดแบบแฟชั่น ไม่น่าใช่เด็กรร.รัฐ ทั่วไปแน่ๆ ทำผมได้ด้วย

    ‘นายสนเค้าเปล่าละ’

   ผมไม่ตอบ กำลังงว่า อยู่ๆมาบอกชอบกันยังงี้เลยเหรอ

   ‘นี่ แอม เกิดเค้าไม่เอาเธอ เราเอานะ’ คนที่ชื่อเจมพูดขึ้น ดูดีๆแล้วเหมือนจะเป็นลูกครึ่ง

   เจม ผมสีน้ำตาลอ่อน ตาก็สีน้ำตาล สีมันเสมอกันเหมือนไม่ได้ทำสีผมมา

   ‘เอาเราเหรอ”’ ผู้หญิงคนนั้นชี้ไปที่ตัว

   ‘เปล่า เอาคนนี้’ เจม ชี้นิ้วมาทางผม

   ที่เหลือนั่งหัวเราะกันเหมือนเป็นเรื่องปกติ

   หา!!! ผมต้องหันไปมองหน้าพวกนั้นสลับกันไปมา นี่ผู้ชายบอกว่าจะเอาผู้ชายกันหน้าตาเฉยงี้เหรอ

   ‘ว่าไงอะ เก้า เอาคนไหน’ ผมส่ายหัว ไม่ตอบ

   ‘งั้นไปเดินเล่นกันมั้ย’

   ดูท่าจะบอกว่า ‘ไม่ไป’ ก็คงไม่มีประโยชน์สินะ เล่นทำหน้าเหมือนวิงวอนให้ไปด้วยซะขนาดนี้

   พอผมยืนขึ้น

   ‘เก้าตัวเล็กกว่าที่คิดนะ’

   ‘ก็คงงั้นอะ’ ผมได้แต่ก้มหน้า

   แย่เนอะ ที่ตัวเล็ก

   ‘ตัวเล็กอะดีแล้ว น่ารักดีออก’ เจมเดินเข้ามาตบไหล่

   พวกนั้นลากผมไปเดินดูของในห้าง เดินวนไปมาร้านนี้ทีร้านนั้นที

   แอมเป็นผู้หญิงจัดว่า สวย แต่งตัวเก่ง ดูดีไปหมด ผมชอบนะ ถึงว่าจริงๆแล้วผมจะชอบผู้หญิงผมยาวก็เถอะ

   ทำไมมันรู้สึกแปลกๆ เหมือนทำตัวไม่ถูก เวลาพวกนนั้นแยกกันไปดูของในร้านแล้วทิ้งผมให้อยู่กับแอม 2 คน เหมือนผมทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี

   แอมเองก็เดินยิ้มอารมณ์ดี  เหมือนอะไรก็ได้ พูดอะไรก็ได้ แอมได้แต่รับฟัง พยักหน้าเห็นด้วย ไม่ก็หัวเราะไปกับเรื่องเล่าแปลกๆที่ผมเล่าให้ฟัง

   ท่าทางแอมจะชอบผมจริงๆ

   ‘เก้า อันนี้น่ารักมั้ย’  แอมหยิบของกระจุกกระจิกอะไรสักอย่างมาถามผม

   ตอนนี้พวกเราไปแวะที่ร้านขายของเล่นประหลาดๆบนชั้น 4

   ‘ก็ดี แต่เราว่าอันนี้ดีกว่า’

   ผมหยิบอีกตัวที่อยู่ข้างๆชูให้ดู

   ‘เออจริงด้วย เก้าเข้าใจเลือกนะ’

   แอมยิ้มให้

   ผมรู้สึกดี แต่ผมก็ไม่รู้สึกสนิทใจ เหมือนมันเกร็งๆแล้วทำตัวไม่ถูก

   กลัวว่าจะทำให้แอมไม่ถูกใจ กลัวว่าทำอะไรไปจะไม่เป็นการให้เกียรติแอมในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง

   ผมเงยหน้าจากชั้นวางของที่เป็นเหมือนขาเหล็กยื่นออกมา แต่ละอันวางห้อยที่เสียบหูโทรศัพท์รูปร่างน่ารัก เป็นตัวการ์ตูนนั้นนี้บ้าง เป็นของกินพวกขนมปังบ้าง

   ตอนนั้นเองที่ผมเผลอถอนหายใจ

   เจมหันมาเห็นเข้า

   เราสบตากัน

   ‘นี่ แอม เรายืมตัวเก้าแปบนะ’

   เจมมากอดคอผมแล้วดึงไปทางมุมขายพวกกรอบโทรศัพท์ ที่อยู่ถัดไปอีก 2 แถว ปล่อยให้แอมเลือกตัวปิดรูโทรศัพทย์อยู่อย่างนั้น

   ‘เก้า ช่วยเลือกหน่อยดิ”’

   ‘เอาไปให้แฟนเหรอ’

   เจมมองหน้าผมงงๆ

   ‘ปล่าว ใช้เอง’

   ‘อา.. เดี๋ยวนะ ใช้รุ่นไรอะ ไหนดูหน่อยดิ’

   เจม ล้วงกระเป๋า เอามือถือมาให้ดู

   ผมเลยก้มๆเงยๆหาให้มัน

   ‘นี่ไง เราว่าอันนี้จะเหมาะ’

   ‘เออ จริงด้วย’

   เจมลองเอาไปทาบๆกับโทรศัพท์ดู

   ‘ดูแล้วน่าจะทนดี แล้วก็ไม่เทอะทะด้วย’

   ‘จริง’

   เจมหันมายิ้มให้

   ‘เก้าดูสบายใจกว่านะ เวลาอยู่กับผู้ชาย’ เจมคว้ากรอบมือถือไปดู

   ‘หือ จริงเหรอ’

   เจมมองตาผม

   ‘ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะ พวกเราเรียนอินเตอร์ มันเป็นเรื่องธรรมดาน่ะ นายคงไม่ชิน’

   ‘….’

   ผมยังไม่พูดอะไร

   เจมตบไหล่ผมทีหนึ่ง

   ‘เดี๋ยวเราเดินไปที่ห้องน้ำชั้นบนนะ แอบขึ้นบันไดไป พวกนั้นไม่เห็นหรอก’

   เจมเดินไปบอกพวกนั้นให้ไปดูพวกของเล่นตั้งโชว์ทางด้านโน้น

   ‘เดี๋ยวตามไปขอดูตรงนี้แป๊บ’

   ผมทำเป็นดูที่ชาจไฟสำรอง

   พอพวกนั้นหายไปหมด ผมเดินเร็วๆตรงขึ้นบันไดกลางในร้านขึ้นไปที่ชั้น 5

   ออกจากร้านแล้วเลี้ยวซ้าย ตรงเข้าไปที่ห้องน้ำ

   ‘ไง มานี่ดิ’

   เจมดึงมือผมเข้าห้องน้ำห้องหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด

   ‘มี...’

   เจมเอามือปิดปากผมเบาๆ

   ก่อนจะค่อยๆขยับหน้าเข้ามาใกล้ ตัวเบียดเข้ามาชนกับผม

   ผมเอามือยันตัวเอาไว้ไม่ให้ เข้ามาใกล้ไปกว่านี้

   ตัวแน่นเกร็ง ท่าทางจะเป็นนักีฬา มือที่กดลงไปบนอกเจอกล้ามเนื้อแน่นๆน

   เจมขยับเข้ามาใกล้ขึ้นๆ

   ผมก็ไม่ได้ปฎิเสธอะไร เจมก็จัดว่าหล่ออยู่ ดูดีทุกกระเบียดตั้งแต่ผมจนถึงรองเท้า สังเกตุดีๆ เจมแต่งตัวดี ไม่เหมือนตุ๊ดที่เดินตามสยาม เรียกว่าถ้าไม่บอกก็คิดว่าเป็นแค่ผู้ชายแต่งตัวเฉยๆ

   กลิ่นน้ำหอมฉุนแตะจมูก

   เจมก้มหน้าเข้ามาใกล้จนชิดกับคอผม

   แต่แล้ว ก็เปิดประตูออก

   ‘แค่นี้ก็รู้แล้ว’

   ‘ไม่ต้องห่วงนะ เราไม่บอกใครหรอก’   

   ‘นายตั้งใจเหรอ’

   ผมมองหน้า

   ‘เปล่าหรอก เก้าน่ารัก แต่เราไม่ทำไรหรอกนะ คิดว่าเราเป็นพวกยังงั้นรึไง’

   อา.... ผมสินะ ที่เป็นพวกอย่างนั้น ถ้าเจมทำจริงผมจะหยุดมันมั้ย

   ‘ไปเถอะ’

   เจมกวักมือก่อนจะเดินเร็วๆกลับลงไปชั้นล่าง

   ผมเดินกลับเข้ามาจากทางเดินที่ชั้น 5 ลงไปชั้น 4

   ‘งั้น เดี๋ยวเราพาพวกนั้นไปเอง’ เจมเดินมากระซิบ

   ‘นายไม่กล้าบอกใครใช่มั้ยละ เราเข้าใจ’

   ‘เอางี้ มีไรโทรหาเราได้นะ เราเองก็ชอบผู้ชายน่ะ ยังไงก็ถ้ามีปัญหาอะไรไม่สบายใจ ก็คุยกับเราได้ ทุกเรื่องเลยนะ’

   เจมขยิบตาให้หนึ่งที

   ‘แพทมันจีบแอมอยู่ด้วยน่ะ’

   ‘คราวหน้า ถ้าเก้าไม่เปลี่ยนใจมาต่อกันนะ’

   เจมแลกเบอร์กับผมไว้ แล้วมันก็ลาผม ไปพาพวกนั้นออกจากร้านไป ผมก้มหน้าแกล้งทำเป็นดูของ ทำให้เหมือนกันว่า มองไม่เห็นพวกนั้นแล้วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนกับว่าเงยหน้าขึ้นมาแล้วพวกนั้นหายไปเอง
   
   แอมกับอีกคนคงงงน่าดูว่าเกิดอะไรขึ้น
   
   พอเงยหน้าขึ้นมาพวกนั้นก็หายไปหมดแล้ว

   นั่นสิ ผมสนิทใจเวลาอยู่กับพวกผู้ชายมากกว่า
   
   แล้ว เจ กับ ต้องละ ผมสบายใจจะอยู่กับใครมากกว่าละ

   …ผมก็คงจะเป็นแน่นอนแล้วละนะ
   .
   .
   .
   
   ผมให้แมคฟังจนเล่าจบ ตัดแค่ตอนที่เจมมาคุยกับผมสองคนออกไป

   มันยังไม่ถึงเวลา

   “‘เสียดายวะ ถ้าเป็นกูนะสานต่อไปแล้ว”

   “ไม่ต้องมึงหรอก ไอ้เจหรือไอ้ต้องก็ด้วยแหละ”

   “ฮ่าๆๆๆๆ มึงนี่ มองต้องเป็นคนยังไงวะ เจน่ะกูไม่เถียงนะ” แมคหันมามองผมแล้วยิ้มๆ

   “แล้วทำไมพวกนั้นหายไปหมดละ”

   “ไม่รู้วะ”

   ผมโกหก

   “ว่าแต่เรื่องต้องเหอะ” ผมกลับมาเรื่องเดิม

   “เอออ เรื่องของไอ้ต้อง กูเห็นมันเดินกับหญิงงานวิทย์  ปิดเทอมก็น่าจะไปด้วยกันป่านนี้ได้กันเป็นผัวเมียไปแล้วมั้ง” ผมลองหยั่งเชิงว่าแมคมันรู้อะไรมั้ย

   แมควางกีตาร์ลง แล้วเดินมาทางผม

   “ถามมันเอง!!! มันก็คงจะรอมึงไปถามอยู่แหละ”

   “ไม่ กูไม่ชอบเสือกเรื่องคนอื่น”

   “เหรออออออ แล้วจะเสียใจทีหลังนะ”

   ผมตบหัวมัน ไอ้บ้านี่ เมายามาเหรอ

   เราข้ามไปประเด็นอื่น เรื่องเดิมๆ นักร้อง เพลง เกม หนัง เอ.... เรื่องเดิมจริงๆด้วย แต่ในใจผมกับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง

   “กูกลับละนะ เย็นละ”

   “กลับดีๆมึง ว่างๆลองโทรหาต้องมันมั่งละ” แมคพูดโดยไม่มองมาที่ผมมีแค่เสียงที่แว่วออกมาจากบันไดติดกับชั้นลอย

   “เออ เก้า ก่อนปิดเทอมอะ ถ้ามึงฉลาดสักนิดนะ ไอ้เจมันเลิกกับแฟนหญิงของมันแล้ว กูไม่รุ้เห็นผลหรอกนะ แต่อย่าไปถามมันละ ท่าทางมันไม่ชอบเอามากๆ กูลองแล้ว ถ้ามันดูเศร้าๆ ถ้ามันมาก็คุยๆกับมันแล้วกัน”
   
   “อย่าเสียบแทนละ ถ้าจะเอานะ ถามกูกูว่าไอ้ต้องดีกว่าวะ ฮ่าๆๆๆๆ” มันหัวเราะเสียงแหลมมาเลย

   “ไอ้บ้าขึ้นห้องไปมึง คราวหลังชะโงกแต่ตัวมานะ ไม่ต้องเอาขาพาดบันไดไปพูดไป เห็นไปถึงขนมึงแล้ว”

   ผมชูนิ้วกลางให้มัน

   ไม่เห็นหรอกครับ แค่อะไรดำๆ มันไม่ได้ใส่กางเกงใน ถ้าเห็นจริงผมคงตกใจไปแล้ว

   ไอ้เจมันไปเลิกกันตอนไหนวะ แล้วไอ้เชี่ยนี่ทำไมมันพาดพิงให้ไปลงต้องตลอดเลย

 :bye2:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 3.0 เลือก [pg4] 15/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 19-10-2015 17:45:46
บางที เก้าก็คิดเยอะไป อาจทำให้พลาดเรื่องดีๆหลายอย่างนะ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 3.0 เลือก [pg4] 15/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-10-2015 19:15:22
ตามอ่านเสียหลายตอน มาให้กำลังใจคนเขียนฮะ :L2:
ทำไมแมคต้องทำเป็นมีลับลมคมในตลอดเลย บอกก็บอกไม่หมด นี่คนอ่านก็อยากรู้ เพราะแอบสมัครเข้าทีมต้องนะเนี่ย :hao3:
หัวข้อ: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 4.0 ค้างบ้าน 19/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 19-10-2015 19:27:38
ตัวตนและคำสารภาพ : ตอนที่ 4.0 ค้างบ้าน       

       เสียงแตรปลุกเก้าออกมาจากความคิด รถเมล์แล่นมาจากฝั่งตรงข้ามบ้านแมค ถ้ามาจากรร.จะลงรถที่ฝั่งบ้านแมค แต่นี่กลับจากสยาม จึงอยู่ฝั่งตรงข้าม

   บนถนนเงียบสงัด เวลานี้รถหายไปจากท้องถนนเกือบจะหมดแล้ว ผมปลุกมันเบาๆอีกที ดูท่าทางมันจะยังไม่ตื่นเต็มตาเดินดูงัวเงีย มือเกาะบ่าผมเอาไว้

   บ้านผมต้องเดินเข้าซอยไปอีกสักพักนึง มันจะไหวมั้ยเนี่ย

   มันเดินเกาะไหล่ตามผมไปเงียบๆ เมื่อมาถึงหน้าบ้าน เจออกจะตกใจกับบ้านผมนิดหน่อย มันคงคิดว่าบ้านผมจะใหญ่โต จริงๆแล้วมันก็เป็นแค่ตึกแถวคล้ายๆบ้านแมคแหละครับ

   บ้านเป็นแบบตึกสามชั้น เดินเร็วๆ 20 นาทีจากบ้านแมคมายังบ้านผม

   เวลานี้ห้องนอนของผมที่ชั้นบนสุดปิดไฟมืด แสดงว่าเจ้าของห้องยังไม่อยู่ และก็ไม่มีใครเข้าไปในห้อง

   หลังๆมานี่ผมต้องเริ่มลอคห้องบ่อยๆ บางครั้งกลับบ้านมามีไฟเปิดทิ้งเอาไว้ แสดงว่ามีคนเข้ามาในห้อง

   เข้ามาทำอะไร ไม่รู้?

   ในห้องผม ผ้าม่านจะเปิดทิ้งเอาไว้ เช้าๆผมเป็นคนตื่นยากน่ะครับ ดังนั้นแสงอาทิตย์จึงช่วยได้ ถ้าห้องมืดๆมันก็คงจะน่านอนต่อแล้วผมก็จะสายทุกที บ้านอื่นที่อยู่ตรงข้ามไม่มีค่อยมีคนอยู่ ดังนั้นบางทีหน้าต่างที่อยู่สูงครึ่งตัวบนผม จะเปิดผ้าทิ้งเอาไว้แวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าก็คงไม่เป็นไร

   มีห้องน้ำในห้องนอนก็ช่วยได้ตรงที่ไม่ต้องเดินแก้ผ้าออกจากห้องนอนเพื่อไปห้องน้ำ (ยิ่งโตแล้วยิ่งไม่ควร) ปกติอาบน้ำเสร็จผมก็จะเดินแก้ผ้าไปมาในห้องเพื่อแต่งตัวบ้าง ทำนั่นนี่บ้างน่ะแหละ ไม่มีใครให้อาย

   ใหม่ๆก็เขินนิดหน่อย กลัวคนมองพอแน่ใจว่าไม่มีคนอยู่แล้ว บ่อยๆเข้าก็กลายเป็นชินไป

   แต่วันนี้มีแขกมา

   “เก้า ที่บ้านแกใครอยู่มั่งวะ”

   “พ่อ แม่ สองคนเอง”

   “ดีวะ บ้านกูคนเยอะสัด  พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูกของพี่” มันทำหน้าตาเบื่อนิดหน่อย

   “ไม่ดีเหรอ น่าสนุกออก”

   “ไม่เห็นจริง พี่น้องหลายคน ทำอะไรแชร์กันไม่เห็นจะสนุกเลย”

   “แล้วจะให้กูไปฝากตัวกับพ่อแม่มึงตอนไหนวะ” มันถามขึ้นทันทีหลังจบประโยคเมื่อกี้

   “พ่อกูไปทำงานรอบดึก น่าจะยังไม่กลับ ป่านนี้แม่กูน่าจะนอนอยู่บนห้องแล้วมั้ง”

   “ว้า งี้จะเป็นลูกเขยได้ไง”

   “สัดนี่ ขอตบสักทีเหอะ”

   “แน่ะ เดี๋ยวนี้กล้านะ แรกๆนี่เงียบๆนะมึง”

   “ก็ปรับให้เหมาะกับมึงไง”

   “ขึ้นห้องเหอะ” ผมชักขี้เกียจทะเลาะกับมันแล้ว

   บันไดบ้านผมทำจากไม้ เวลาเดินก็จะมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊สด เวลาเกือบสี่ทุ่ม แม่ผมน่าจะเข้านอนแล้ว ช่วงนี้เห็นไม่ค่อยสบาย ไฟในบ้านวันนี้ปิดมืดหมดแล้ว เป็นสัญญาณชัดเจนว่า คนที่อยู่ในบ้านน่าจะเข้าห้องไม่ก็นอนกันไปแล้ว ผมจึงทำท่าทางบอกให้เจมันเดินอย่างเงียบๆ แล้วเลิกชวนผมทะเลาะซะที

   มาถึงห้องนอนผมที่ชั้น 3

   “น่ารักดีนี่นา” ทันทีที่มันเปิดประตูห้อง มันก็โพล่งออกมาเลย

   “นี่มึงชมกูจริงๆเหรอ” ผมทำท่าเขินใส่มัน

   “กูชมห้องมึงเว้ย”

   หลังจากเจเดินเข้าห้องผมมาเรียบร้อยทั้งตัวและของแล้ว มันทิ้งกระเป๋าเป้หนักๆของมันลงพื้นห้อง วางพิงไว้ตรงมุม ผมคิดว่าลอคห้องไว้จะดีกว่า อย่างน้อยก็กันไว้ก่อน ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรแผลงๆชึ้นมาเดี๋ยวจะกลายเป็นว่า ใครเปิดเข้ามาจะได้พบชมกับเหตุการณ์ไม่น่ามองเข้า แล้วผมเนี่ยแหละครับจะที่มีปัญหากับพ่อแม่

   ตอนนี้ผมหันไปหาเจ เห็นมันกำลังจัดแจงถอดเสื้อออกแล้วพาดไว้ที่เก้าอี้ ถอดกางเกงลงเหลือแต่บอกเซอร์ แล้วไปเดินมานั่งบนเก้าอี้

   ในห้องนอนผม ผมเอาโซฟามาใช้แทนเก้าอี้นั่ง ที่ทำงานพ่อเวลาเลหลังของเก่าออกแล้วแต่งออฟิสใหม่ พ่อก็จะชอบซื้อมาใช้ต่อที่บ้าน ผมเลยได้มาในราคาถูกแถมนั่งสบาย แม้จะเก่าไปหน่อย

   “ร้อนวะ"

   เจบ่น

   "เอาแอร์มั้ยมึง” ผมกำลังจะเดินไปดันสวิตช์แอร์ขึ้น

   “เอาดิ ร้อน"

   “เออๆ" ผมเดินไปเปิดแอร์

   เสียงฟู่ออกมาจากเครื่องปรับอากาศที่แขวนไว้ใต้ฝ้าด้านในสุด

   “เก้ามานี่ดิ กูหิวน้ำวะ" มันกวักมือหยอยๆ

   “เออๆ เดี๋ยวลงไปเอาให้ แล้วมึงมีไรวะ”

   เดี๋ยวก่อนนะนี่มันห้องนอนของผม ผมเป็นเจ้าของห้องไม่ใช่หรอ ทำไมรู้สึกเหมือนผมทำตามคำสั่งมันพิกลๆ ตอนนี้มันทำหน้าตาทะเล้นแล้วมองมาทางผมยังไม่ลดละ แถมยังกวักมือไม่เลิก จะทำจนข้อมือหักเลยมั้ยมึง

   "อะไรของมึง" ผมพยายามไม่สนใจ เดินไปที่โต๊ะแล้วเก็บของ

   “โซฟามึงนอนสบายอะ มานอนด้วยมั้ย" คราวนี้มันล้มตัวลงไปนอนเลย

   "ไปเปิดเกมเล่นไป กูรู้มึงอยาก แล้วน้ำน่ะไม่เอาแล้วใช่มั้ย” มาถึงก็เล่นผมก่อนเลย

   มันลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยดี แล้วทันใดมันพุ่งมาหอมจับไอ้นั่นของผม ก่อนกระโดดพลุบไปที่ทีวีอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดเร็วมาก ผมว่าผมชักชินกับนิสัย มันแล้วละนะ แต่ถ้าเจอยังงี้ผมเองก็ทำตัวทำหน้าไม่ถูกเหมือน

   ถ้าปล่อยให้มันทำแบบนี้ต่อไป น่าจะไม่ดีแน่

   ดีที่คืนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่ามันเอาพลังงานมาจากไหน สุดท้ายเด็กก็ยังเป็นเด็กเมื่อเจอเกมที่ถูกใจ เจอกิจกรรมที่อยากทำ มันก็ลืมเรื่องอื่นๆไปหมดกลายเป็นว่า มันสนใจอยุ่ที่เกมเพียงอย่างเดียวแล้วในตอนนี้

   ขนาดผมไปเอาน้ำมาให้มัน มันยังไม่เหลียวตามามองเลย

   มันเล่นเกมจนตาจะปิดคาจอทีวีจริงๆ สุดยอดมากครับ ของกินขนมน้ำ วางอยู่หน้ามัน ไม่รู้ว่าใจคอมันจะหลับไปทั้งยังงี้เลยเหรอ ตัวคงเหม็นเน่าน่าดุ

   ที่นอนผมติดกับโซฟาเลย ดังนั้นเวลามันเล่นเกมแล้วผมไปนอนเล่นบนเตียง ยกตัวขึ้นมาหน่อยก็จะเห็นมันนั่งหันหลังเยื้องๆอยู่ ที่เป็นอย่างนี้เพราะผมชอบตรงที่เวลาอยากจะขึ้นเตียงก็พลิกตัวข้ามโซฟามาเลย

   "เฮ้ย มาเล่นด้วยกันดิ” มันชวนผม ทั้งๆที่เหมือนมันจะหลับ

   "เออๆๆ" ถึงตรงนี้ผมเลยลุกจากเตียงแล้วเดินไปนั่งข้างมัน

   บอกเซอร์มันตอนนี้นั่งจน ตูดโผล่ออกมาครึ่งหนึ่งแล้ว ผมหันไปมอง ช่วงนี้เจมันดูอ้วนขึ้นจริงด้วย ดูเหมือนพุงน้อยๆมันจะใหญ่ขึ้น แล้วผิวที่เคยขาวตอนนี้ก็คล้ำขึ้นนิดหนึ่ง หัวนมสีที่เคยชมพูเริ่มเปลี่ยนไป มันเริ่มโตขึ้นอีกแล้วสินะ

   เทียบกับต้องแล้วถึงต้องจะผอมกว่า แต่ภาพมันวันนั้น มันทำให้ผมมีอารมณ์มากกว่าเจในตอนนี้ซะอีก สำหรับผมภาพของต้องวันนั้นยังไงมันก็ไม่ลบหายไปจากหัวสมองผมง่ายๆเลย

   "เร็วดิ เกมจะเริ่มแล้ว"

   "เออๆ"

   “มึงไม่เหนื่อยนะ”

   "ไม่อะ เฉยๆ ปิดเทอมเวลามีค่า จะรีบปล่อยให้หมดไปได้ยัง”

   นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาหาแถมมานั่งเล่นกับผมถึงที่บ้าน ไม่สิ มันมาค้างเลยต่างหาก เอะ มันจะอยู่กี่วันละเนี่ย (ช่างมันก่อน) ไอ้กระเป๋าใหญ่ใบนั้นตกลงว่าไม่มีไรเกี่ยวกับการเรียนเลย ตอนที่มันเปิดกระเป๋าแล้วเอาของออกมนั้น ผมแอบคุ้ยดูเจอแต่เสื้อผ้า แสดงว่ามันตั้งใจกะอยู่จนเปิดเทอมเลยรึ

   "เก้า มึงผ่านตรงนี้ยัง"

   "ไม่วะ กูวิ่งเข้าไปแล้วตาย” ผมก็งี้แหละครับ บางทีอย่าไปใช้หัวคิดให้มันมาก เล่นเกมก็เหมือนกัน

   "ห่า คิดหน่อยดิวะ วางแผนก่อนจะทำอะไรอะ” 

   “อ้าว มึงเก่ง มึงเล่นดิ”

   “ผ่านให้กูดูหน่อยนะ ไอ้เก่ง”  ผมชักหงุดหงิดนิดๆ

   “กูผ่านแล้วได้อะไร” มันกดปุ่มหยุดเกมแล้วหันมาทำหน้าทะเล้น

   นี่แสดงว่าผมต้องอยู่กับการหยอดของมันยังงี้ไปอีกจนกระทั่งเปิดเทอมเนี่ยนะ

   “นี่ไงจัดการตรงนี้ก่อน เดี๋ยวดูนะ” มันหันมาแล้วเอา มือมาจิ้มๆแขนผม

   ปล่อยให้มันเล่นไปเรื่อยๆ แม่งขนาดไม่บอกว่าจะเจออะไร มันยังเล่นจนผ่านได้

   “เออ มึงเก่ง สัด” แม่งทำได้จริงๆด้วย

   สมเป็นมันจริงๆ คิดหาทางจัดการปัญหาได้ดีแบบเด็กสายวิทย์ วางแผนก่อน? แวบเดียวที่ใบหน้าของบูมปรากฏขึ้นมา ไอ้บ้านั่นเกลียดมันจริงๆ ทำไมผมเห็นไอ้เจกลายเป็นบูมไปได้ มันมีอะไรคล้ายกันเหรอ

   “แล้วมึงจะให้อะไรกูเป็นรางวัล” มันจิ้มถี่อีก ไอ้นี่เป็นอะไรนะ ชอบจิ้มจริงๆ

   ผมตัดสินใจลุกเดินหนีไปทำอย่างอื่นดีกว่า

   "อย่าเพิ่งหนีนะมึง อนู่เป็นเพื่อนกูด้วย” สั่งผมอีก

   "เออๆ" แม่งเอาแต่ใจจริง

   มันเล่นไปก็บ่นไป เวลาเรียนไม่เห็นจะดูตั้งใจเท่านี้เลย

   "ชาร์ตไฟป่าว" ผมเหลือบไปมองที่โทรศัพท์ของเจ

   "ช่างมัน ไม่เป็นไร"

   “เดี๋ยวกูปิดเครื่องเลย เปลืองค่าไฟบ้านมึง" พูดแล้ว เจก็หันมากดปิดทันที

   มันจะเกรงใจอะไรหนักหนา ปกติเคยมีที่ไหน ผมคิดว่ามันจะเข้าห้องมาแล้วรื้อค้นนั่นนี่ซะอีก กลายเป็นนอกจากเล่นเกมอย่างเดียวแล้ว มันก็ดูสงบเสงี่ยมดีนี่

   "มึงนี่นะ ใครติดต่อมาทำไง” แล้วทำไมผมต้องเป็นห่วงโทรศัพท์มันด้วยวะ

   "เก้า เรียกชื่อกูก็ได้นะ เจ น่ะ ไม่ใช่มึง" มันส่งสายตาจริงจังลอดแว่นมาแวบนีง

   "ครับ พ่อ!!!” โอ้ย มันมาเพื่อ????

   ไอ้เจ ที่กำลังเล่นเกมอยู่ สายตาไม่ละจากจอก็จริง แต่ขามันหันมาถีบผม 2 ทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันอ้าขากว้างมากกางเกงที่หลวมอยู่แล้วเลยหล่นลงไปกองที่ข้อเท้า สภาพตอนนี้กลายเป็นว่า มันไม่เหลือกางเกงอยู่แล้ว ไม่สิ มันเกี่ยวอยู่ที่ไอ้ตรงนั้นอย่างเดียว บอกเซอร์มันหลวมอ้าจนไม่รู้จะบรรยายว่ายังไง

   สายตาผมมันดันไปหยุดจับจ้องอยู่ตรง เอ่อ ส่วนที่นูนเกี่ยวกางเกงไว้ออกมาของมัน แย่ละ รีบหยุดเหอะ แย่แล้วๆๆๆ
   
   "ดึกแล้ว อาบน้ำก่อนเหอะ มึง เอ่อ เจ” ผมรีบไล่มันไปดีกว่า

   มันทำท่าจะหยุดเล่น

   "เออ แล้วบอกบ้านละใช่มั้ย” ผมก็ยังสงสัย

   "เออน่า ไม่เป็นไรหรอก" มันตอบรำคาญ

   "งั้นไอ้คุณเจ เชิญเสด็จไปอาบน้ำ” ผมเอื้อมตัวไปกดหยุดเกมเอาไว้ ลีลานัก

   “ถูหลังให้กูหน่อยดิ" ท่าทางมันยังไม่หยุด

   "ผ้าเช็ดตัวอยู่นี่ วันนี้กูเหนื่อยไม่มีรมณ์" พูดจบ ผมแอบหันหลังแลบลิ้นให้ตัวเอง

   พอเห็นมันลุกเดินไปทางห้องน้ำแล้ว ผมจึงไปกดรีโมทเปลี่ยนเป็นทีวีปกติ กำลังหาช่องทั่วไปดู เพราะหยุดเกมเอาไว้รอมันมาต่อ

   ผลุบ จอผมดำมืด ใครปิดไฟวะ

   "สัด เจ บอกเซอร์มึงจะโยนใส่หน้ากูทำไม”  แม่ง ครอบหัวมิดเลย

   ผมเห็นตูดมันแวบๆไวๆเดินเข้าห้องน้ำไป แม่งเอ้ย ยิ่งทำงี้ผมยิ่งชอบนะ เอ้ย ใจไม่ดีนะ

   ‘ไหนมึงบอกมึงจะถามไอ้เจให้รู้เรื่องก่อนไง’

   แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยยังไง ไอ้บ้านี่ก็ยั่วผมจังเลย

   มันอาบน้ำอยู่ไม่นาน (เอะหรือนาน) ใจผมที่นั่งรอนี่ลุ้นระทึกเลยว่า มันจะทำอะไร เอ่อ หมายถึงมันจะทำอะไรต่อ ไม่ใช่ทำอะไรในห้องน้ำ เอ่อ แบบว่า นั่นแหละ แล้วก็ไม่ใช่ว่าผมอยากจะมีอะไรนะ แต่ถ้ามันจะยั่วกันยังงี้ นี่แหละครับผู้ชาย ถึงความสัมพันธ์จะไม่เคลียร์ แต่เรื่องอย่างว่ามาก่อน

   ตอนนี้เสียงน้ำหยุดลงแล้ว พร้อมอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิง ผมคิดว่าผมควรรีบเข้าไปอาบน้ำต่อก่อนดีกว่า ไม่ใช่จะมาคิดได้อะไรตอนนี้นะครับ แต่จะเอะอะมีอะไรกัน มันก็ออกจะแปลกๆ ยังไงมันก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนผม

   "ไปอาบได้แล้วไป" มันพูดพร้อมเดินออกมาด้วยผ้าขนหนูตัวเดียว

   ผมจะทำอะไรได้ถ้าไม่เดินไปปลดมันออกแล้ว จับของมันซะเลย ฮ่าๆๆ เปล่าครับ!!! ผมเดินก้มหน้าตรงไปห้องน้ำ ปล่อยร่างอวบนิดๆ ยืนแห้งรออยู่อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวมันจะหาว่าผมใจง่าย ตอนเดินผมตัวสั่นไปหมดแล้ว

   ผมปิดประตุห้องน้ำแล้ว จัดแจงเสื้อผ้าตัวเอง เปิดให้น้ำอุ่นไหลผ่าน ไอ้บ้าเจแม่งอาบน้ำเย็น น้ำแรกที่ออกมาเล่นเอาสะดุ้ง

    คำพูดของแมคมันสะดุดใจผมอยู่ ทำไมผมไม่ลองคุยกับต้องดูงั้นเหรอ ยังไงละ ปกติก็ไม่คุยกันนี่ แล้วเจละ ถ้าแมคมันไม่รู้อะไรเรื่องผมมันก็ไม่น่าคิดว่าผมจะยังไงกับต้อง ดังนั้นคำพูดมันจึงไม่มีความหมายใดๆเป็นพิเศษ แต่ถ้ามันรู้ .... แปลว่า

   โอ้ย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ทำไมช่วงนี้คิดอะไรไม่รอบนะ ไหนจะไอ้เจ ไหนจะเรื่องไอ้ต้องที่แมคเอามาให้อีก

   เดี๋ยว เจ เองก็เพิ่งเลิกกับแฟนมันไม่ใช่เหรอ มันยังไงกันวะ หรือไอ้ที่มันมาเพราะว่ามันกำลังอกหักอยู่ไอ้แมคมันท่าจะบ้า ช่างมันเหอะ จะพูดชัดๆเลยก็ไม่ได้

   พอขี้เกียจจะคิดละ เปิดน้ำราดหัวซะหน่อยจะได้ไม่ฟุ้งซ่านไปกว่านี้ แต่ความรู้สึกแปลกๆกับคำพูดแมคนี่มันอะไรกัน

   ผมอาบน้ำอยู่นานเหมือนกันออกไปก็ไม่มีไรทำ มันคงยึดเอาเครื่องเกมผมเป็นสมบัติส่วนตัวไปแล้ว ตอนนี้กระจกห้องน้ำมีกลายเป็นฝ้าจากไอน้ำร้อนเกาะอยู่ ไม่สะท้อนภาพของใครออกมาอีก

   หลังจากอาบน้ำจนมั่นใจว่าสะอาดดีแล้ว ผมเช็ดตัว แต่งตัวในห้องน้ำ ก่อนจะเปิดประตูออกมาเจอกับภาพ ไอ้บ้าเจ มันนั่งเล่นเกมเอาเป็นเอาตายจริงๆด้วย เล่นแบบไม่สนใจใคร สนใจ
ดลกภายนอก สนใจผม (กู)

   มันมีอย่างอื่นที่เล่นเอาผมผงะ เล่นเอาเซถอยหลังไปเลย

   “ทำไมมึงไม่ใส่เสื้อผ้าวะ" ผมไม่กล้ามองมันตรงๆ

   "กูจะยืมของมึงอะ กูลืมเอาชุดนอนมา" มันหันมายิ้มแหะๆ

   "กระเป๋าตั้งเบ้อเร่อเบ่อร่า ขนไรมาวะ"

   "ขนมกับชุดเที่ยว"

   หมดคำจะด่า มันเลยไอ้นี่ห่วงกินจริงๆ สักวันมันคงได้กลายเป็นหมูแน่ๆ แต่ผมว่ารีบหาให้มันดีกว่า จะปล่อยมันยืนแก้ผ้าโทงๆงี้ตลอดท่าจะไม่ไหว

   "เออๆ เดี๋ยวกูหาให้”

   ผมเลยเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ว่าจะแกล้งมันบอกไม่มีชุดให้ใส่ดีมั้ย แต่อย่าเลย บอกไปมันก็คงไม่ใส่เดินแก้ผ้าเทงๆหน้าตาเฉยแน่ๆ แล้วคนที่ลำบากตัวลำบากใจจะกลายเป็นผม

   "เอา นี่ได้แล้ว”
   
   ผมโยนเสื้อกับกางเกงให้มันไป หวังว่ามันคงไม่ใส่แล้วปลิ้นนะ

   "เค ขอบใจ” มันรับไปแล้ววางไว้ข้างๆ

   ‘จะให้กูใส่ให้มั้ย’ เกือบแล้ว ดีนะยังไม่ได้พูดออกไป

   “รีบใส่สิไอ้สัด” ผมโวยวาย

   แต่แทนที่มันจะเปลี่ยนในห้องน้ำ มันตั้งใจแน่ๆ มันหันหลังเสร็จ ปลดผ้าขนหนูออก โชแผ่นหลังเปลือยเปล่ายาวไปถึงขา สายตาผมทอดไล่จากต้นคอขาวๆ บ่า หลัง เอว ร่องก้น ภาพตัดไปที่ขา  แม่งตั้งใจชัดๆ หลังจากเอาตัวเข้าไปในเสื้อผ้าเส็รจ มันก็หันมาทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ผมเผชิญหน้ามัน สายตาประสานกัน แม้จะเพียงแค่แวบเดียวแต่ ผมต้องหลุบตาลง บางส่วนกำลังตื่นแล้วผมควรจะรีบกลับไปนั่งทำตัวเป็นปกติจะดีกว่า

   “ชุดใส่ได้มั้ย” ผมพูดไม่หันไปมอง

   “ก็ดี ฟิตไปนิด” มันก็ตอบไม่มอง

   กางเกงตึงแน่นเน้นออกมาให้เป็นรูป

   "มานั่งเล่นเกมต่อดิมึง กูอยากดู" เอ่อ. อยากดู? ผมพูดอะไรออกไป ผมน่าจะหาคำอื่นนะ

   "เออ กูก็ว่ามึงอยากดู" พูดจบมันคว้าที่บังคับเล่นต่อ หันหางตามาทางผมแวบนึง

   สัดเอ้ย ผมตะโกนดังๆในใจ ดังสุดเท่าที่จะทำได้ มันแกล้งผมชัดๆ อยากเอาหัวโขกกำแพงตายตอนนี้เลย ป่านนี้หน้าผมคงแดงไปถึงหูแล้ว

   เพิ่งนึกขึ้นได้ เกิดใครต้องติดต่อมันฉุกเฉินทำไง

   "ตกลงแบตมึงพอเหรอวะ ไม่คิดชาตหน่อยเหรอ"

   ผมแค่เปลี่ยนเรื่องแก้เขิน แต่ดูแล้วเป็นการเปลี่ยนหัวข้อที่แย่มาก จากเรื่องวนลงต่ำแถวๆใต้สะดือมากลายเป็นเรื่องแบตโทรศัพท์

   "เออน่า ไม่เป็นไรกูโทรบอกบ้านแล้ว” โทรตอนไหนวะ

   "แล้วมึงจะอยู่กี่วัน" ผมชักสงสัย

   "ก็จนหมดปิดเทอม" มันตอบไม่มองหน้าผม

   "เดี๋ยวมันแค่สามวันเองนะมึง พูดซะยังกับว่านาน”

   "ใช่ไม่นาน แต่มันแน่" มันหันมายักคิ้ว รัวๆให้ผม

   โอ้ย วันหยุดของผม!!! ถ้ามันบอกว่ามันสนุกละก็ผมเหนื่อยแน่ๆ แต่เดี๋ยวนะ ผมจะเหนื่อยทำไม ในเมื่อมันก็มาเล่นกับผมก็ดีละนี่จะได้ไม่เบื่อ จะเหนื่อยเรื่องอะ....ไร ไม่ๆๆๆๆ ไม่มีทาง ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่นอนแค่นี้ผมก็ใจง่ายแล้ว สักวันมันได้หน้าแล้วก็คงจะลืมผมไป ผมจะยอมมันง่ายๆอีกแล้ว ไม่ได้เด็ดขาด

   “ตกลงมึงจะเล่นด้วยมั้ย หรือจะไม่เล่น หือ" มันทำท่าไม่พอใจแล้ว

   "ค้าบบบบบ" รีบไปนั่งข้างมันก่อนมันจะโมโหดีกว่า

   สรุปว่าคืนนั้นพวกเราก็นอนก่ายกันเป็นที่เรียบร้อยยิ่ง เรียบร้อยจริงๆครับ เพราะว่ามันหลับก่อนคาเก้าอี้โซฟาแสนสบาย นอนกางแขนกางขา ส่วนผมรีบหนีไปนอนที่เตียงดีกว่า พอแอบลุกมาดู ผมอดหัวเราะไม่ได้ ไอ้เจที่มันเล่นจนหลับคาทีวี นี่มันเด็กม.4 หรือเด็กประถมวะ

   ก่อนขึ้นเตียงผมไม่ลืมที่จะเอาผ้าห่มมาห่มให้มัน ตอนห่มให้ก็ดันเหลือบไปมองจุดนูนบนร่ายกายมัน ไอ้นี่มานอนบ้านคนอื่น กางเกงในก็ไม่ใส่  เฮ้ย!!! สงสัยผมจะเป็นเอามากเพราะมันแท้ๆเลย สติผมชักจะบ้าบอไปกันใหญ่แล้ว

   เห็นท่านอนมันขนาดนี้จะมองยังไง ก็ไม่ไหว และถึงจะเกิดอารมณ์ก็ไม่สู้แล้วแล้วครับ ขอผมนอนเหอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ้าน่าจะดึกกว่าวันนี้

   เย็นพรุ่งนี้เป็นวันที่ป๋ากับต้องนัดกัน มันเปลี่ยนนิดหน่อยจากเย็นวันอาทิตย์ เป็นเย็นพรุ่งนี้ พวกมันคงจะเก็บวันสุดท้ายไว้พักเตรียมตัวไปเรียน

   ส่วนผมจะใช้วันพรุ่งนี้นี่แหละ ถามมันว่ามันจะเอายังไงกับผม

   ถ้ามันคิดกับผมแค่เพื่อนจริงๆ มันก็ควรต้องหยุดเพราะว่ามันจะไม่ดีกับมัน แล้วก็ผู้หญิงของมัน ผมมันเป็นผู้ชาย ถึงมันจะมาทำกับผมกี่ทีผมก็ไม่เสียหายหรอก แต่เกิดต่อไปในอนาคตแฟนมันรู้ว่า มันเคยมีไรกับผมมาก่อน แถมบ่อยด้วย

   ผมคงจะสงสารผู้หญิง แล้วถ้าเวลานั้นมาจริงๆ มันก็คงเลือกผู้หญิงมากกว่าผมแหงๆ แล้วจะทำกันต่อไปให้มีความรู้สึกดีต่อกันไปทำไม

   … เฮ้อ ... กว่าจะคิดได้นะ ไอ้เก้า

   คืนนั้นผมหลับทีหลัง มัวคิดถึงที่ผ่านมาจนวันก่อนวันสุดท้ายของปิดเทอม ไม่สิ ต้องบอกว่าทั้งปิดเทอมของผมมันไร้สาระจริงๆครับ คนอื่นเค้าไปเรียนพิเศษกันโครมครามแต่ผม ไปเรียนวาดรูป นอนอยู่บ้าน ฟังเพลง ออกไปนั่งร้านกาแฟ จิบชา เรื่อยเปื่อย 

   ยังอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าเปิดเทอมขึ้นมาผมจะเรียนตามคนอื่นทันหรือไม่ แถมถ้าต้องออกไปทำโจทย์หน้าห้องอีกก็คงโดนแกล้งอีก ไม่รู้ว่าคราวนี้เจจะช่วยผมมั้ย

   คราวนั้นที่เจมันช่วยผมไว้นี่ ถ้าผมเป็นผู้หญิงที่มันชอบแล้วละก็ มันคงจีบติดแน่ๆไปแล้ว ขนาดผมที่คิดว่ามันไม่มีทางไปเกินเพื่อน ยังอดใจเต้นไปกับท่าทางพระเอกของมันไม่ได้

   กลับมาที่เรื่องเดิมก่อน ก่อนหน้าที่ผมไปเจอกับเจที่สยามนั้น มีโทรศัพท์จากป๋าเข้ามา

   "เฮ้ย พรุ่งนี้เย็นมาบ้านกูมั้ย พ่อแม่พี่น้องไม่อยู่ ทางสะดวก” เสียงร่าเริงสุดๆมาจากปลายสาย

   "นัดทำไรวะ ใครไปบ้าง” ผมสงสัย

   "ก็พวกเราไง 4 คนมึง พอดีนึกได้ว่าไม่มีคน เลยกะชวนมาตั้งวงกัน"

   "อ้อ ไปก็ได้กูอยากดูพวกมึงรำ” ผมแหย่ไป

   "....วย เล่นมาได้ เสี่ยวสัด” ป๋าพูดหัวเราะมา

   "กูขอโทษษษษษษษษ" ป๋าเป็นคนที่ทนมุขเสี่ยวได้น้อยมาก

   "งั้นตามนี้ เก้ามึงมาถ้ามีของกินไรมาก็ติดมือมาละมึง อย่ามาเป็นภาระ” นั่นมันฝากผมอีก

   "โอเค รับทราบ"

   "เออ อีกอย่างเก้า มึงโทรบอกกเจด้วย แมร่งปิดมือถือติดต่อไม่ได้ สงสัยหนีเมียแหงๆ สันดาน"

   "ฮะ?..."

   "เออ ฝากชวนมันด้วย" ป๋าพูดรีบวางไป

   หมายความว่าไงวะ นี่เจ มันหนีเมียมา ไม่สิมีเมียแล้วเหรอ หรือแฟนวะ ไอ้พวกนี้ก็ชอบพูดเกินจริง ไม่ๆๆเดี๋ยวสิ ประเด็นคือ มันมีผู้หญิงแล้วงั้นเหรอหรือป๋ามันแค่แกล้งพูด ตกลงแม่งเลิกหรือคบกันแน่วะ

   คืนนั้นผมเลยนอนไม่ค่อยหลับ มันไม่ใช่ความรู้สึกผิดที่เจ จะมีผู้หญิงหรือผมรู้สึกผิดที่มีอะไรกับเจ

   ผมนอนสับสนอยู่สักพักพยายามรวบรวมคิดคิด หาเหตุผลให้ได้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน แล้วทำไมผมต้องไปรู้สึกไม่ดีด้วย ผมกับเจไม่ได้เป็นอะไรกัน ที่สำคัญกว่านั้น เจเป็นผู้ชาย แล้วผมก็เป็นผู้ชาย เจมันไม่มีทางจริงจังกับผมหรอก

   มันแค่ความต้องการของเด็กวัยรุ่น 2 คน เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์แบบนี้จะลงเอยสวยงามได้แค่ไหน สักวันนึงมันอาจจะทิ้งผมไป ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของผม หรือถ้ามันจะคบผมจริงจัง มันก็ไม่ใช่เรื่องของผมที่จะห่วงผู้หญิงคนนั้นเช่นกัน แต่แค่รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย เหมือนเวลามีเพื่อนแล้วมันจะสนิทก็ไม่ใช่ จะไม่รู้จักเลยก็ไม่เชิง แบบความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน

   นั่นสินะ ผมไม่รู้จักอะไรลึกๆเกี่ยวกับ เจ เลย

.
.
.


   “เก้า กูขอกอดมึงนะ” เสียงมันดึงผมขึ้นมาจากภวังค์

   “หา อะไรนะ” ผมกำลังเคลิ้มๆเลยฟังไม่ถนัด
   
   เจมันปีนข้ามโซฟามาแล้วเอาตัวซุกเข้าไปในผ้าห่มผม มันจับผมหันไปอีกด้านแล้วกอดจากด้านหลัง ตัวมันแนบติดตัวผมเลย ตั้งแต่หน้าผากมันที่ซุกอยู่ที่ต้นคอ หน้าอก ท้อง หว่างขา ขาเราเกี่ยวกวัดกัน ก่อนมันจะกดหน้าลงมาแนบที่ต้นคอผมแน่นขึ้น

   ตอนนี้เจคงจะหลับไปแล้ว ผมที่กำลังได้ที่เลยเมื่อกี้พอเจ มันข้ามมาปลุกผมแบบไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้เลยต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าผมจะหลับได้อีก

   แต่ไม่หลับ ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ

   ผมหันไปมองหน้าเจตอนหลับ ไอ้ตี๋แว่นที่นอนอยู่ข้างๆผมนี่ นอนหลับหน้าตากำลังสบาย ตอนนี้มันพลิกตัวคลายอ้อมกอดออกไปแล้ว ริมฝีปากหน้าสีชมพู ผมตรงดำสนิท กับจมูกเล็กๆ ท่าทีกวนตีนตลอดเวลา อยู่กับมันได้ไม่เบื่อจริงๆ

   จู่ๆ เจก็ลืมตาขึ้นมา แล้วหันมาทางผม

   “นอนไม่หลับเหรอ เก้า”

   ผมไม่ตอบ

   เจเลยนอนมองผมอยู่อย่างนั้น

   “รู้สึกยังไงกับเรา” มันถามขึ้นมา

   “ก็ดี มึงก็..​เป็นเพื่อนที่ดีคนนึง” ผมตอบ ตามองที่เตียง

   “พูดเหมือนเก้ามีเพื่อนเยอะเลยนะ”

   อา.. มันพูดถูก คนอย่างผมไม่มีสิทธิ์เลือกมากนัก บางครั้งถ้า มีใครเข้ามา คว้าไว้ก่อนดีกว่าไม่มี
   
   “แล้วมึงละ คิดถึงผู้หญิงคนนั้นมั้ย” ผมถามมันบ้าง
   
   ผมก็ไม่รู้หรอกว่า ที่พวกมันพูดถึงคนไหน ผมก็แค่แกล้งถามมันไปยังงั้นเอง  ถ้ามันมีคนที่ชอบจริงๆ บางทีมันก็คงจะคิดถึงคนๆนั้น

   เจไม่ตอบแต่กลับพลิกตัวมาทับผม จากน้ำหนักและแรงที่มันกดลงมา ผมแทบไม่ต้องขัดขืนเลย รู้แน่ว่า ถึงจะออกแรงเท่าไร เจก็คงไม่ขยับ จากน้ำหนักตัวที่มากกว่าของมัน

   “บอกให้เรียกขื่อไง”

   เจก้มลงมาจูบหน้าผากผม ริมฝีปากแนบแน่นแต่นุ่มนวล เจประทับริมฝีปากอยู่นานมาก แล้วก็เริ่มถอยห่างเล็กน้อย แต่เลื่อนลงมาที่คอแทน

   “อะ....” สติผมกำลังหลุดออกไป ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามสัญชาตญาณ อีกครั้งที่เรื่องแบบในห้องวิทย์จะเกิดขึ้น อีกครั้งที่กิจกรรมหลักเลิกเรียนของเราจะเริ่มขึ้น ที่นี่ในห้องนอนของผม

   “พอเถอะ” ผมพยายามพูดออกไปอย่างยากลำบาก

   แต่ร่างกายส่วนล่างที่ดุไม่เป็นใจ เจเองก็เช่นกัน ค่อยๆโยกสะโพกเบาๆ ลำตัวท่อนล่างเบียดกันแน่นผ่านผ้ากางเกงบอกเซอร์บางๆ

   ผมตอบรับมันด้วยการกดที่แนบแน่น มันจึงเริ่มท่าทางที่ร้อนแรงกว่าเดิม มือเริ่มปัดป่ายไปทั่ว ส่วนล่างที่ยังบดเบียดกันอยู่เริ่มรุนแรง หนักหน่วงกว่าเดิม มันพยายามล้วงมือผ่านเสื้อเข้ามาบีบหัวนมผม เจในตอนนี้ช่างดูรุนแรง และต้องการเหลือเกิน

   ‘บางทีมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่มึงคิดนะ’ คำพูดของบูมลอยเข้าหัวผมมา

   “เป็นไรไปเก้า เจ็บเหรอ” มันหยุดแล้วถาม

   “ป่าว โทษที อยู่ๆกูนึกถึงไอ้บูมตอนกลางวันขึ้นมา” ผมหันหน้าหนี

   
   เจ ขยับตัวออกไปจากผม ลงไปนอนหงายข้างๆ มือลูบหัวผมอยู่
   
   “คิดมากน่ามึง ไม่มีไรหรอก” เจพูดเบาๆ

   “ฝันดีนะมึง” มันไซร้ที่คอผมหนึ่งที

   กิจกรรมคืนนั้นหยุดลงเฉยๆอย่างนั้นเอง ด้วยคำพูดของผม เหมือนผมพูดอะไรผิดไป ตอนนี้เจหันหลังให้ผมแล้ว ทุกทีถึงผมจะไม่ยอมแต่ถ้ามันจะทำ มันก็จะทำ วันนี้มันกลับหยุด

   บางทีผมไม่น่าจะไปห้ามมันเลย ยอมๆมันไป

   หรือ

   บางทีมันอาจจะเมีอะไรอย่างอื่นที่ผมคิดไม่ถึง

   บางทีผมน่าจะทำความเข้าใจไอ้เจให้มากกว่านี้

   บางทีมันอาจจะ.......


   “อา... ฝันดีมึง” ไม่รู้ว่าผมจะทำหน้ายังไงตอนพูดออกไป แต่มันอดรู้สึกดีไม่ได้จริงๆ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 3.0 เลือก [pg4] 15/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 19-10-2015 19:30:56
ตามอ่านเสียหลายตอน มาให้กำลังใจคนเขียนฮะ :L2:
ทำไมแมคต้องทำเป็นมีลับลมคมในตลอดเลย บอกก็บอกไม่หมด นี่คนอ่านก็อยากรู้ เพราะแอบสมัครเข้าทีมต้องนะเนี่ย :hao3:

ขอบคุณนะครับ

ว่าไปตั้งแต่จบภาคแรก ยังไม่ได้พูดอะไรเลย

ส่วนตัวคนเขียนคิดว่า ในกลุ่มแต่ละกลุ่ม มันจะมีพวกคนที่รู้ทุกอย่างแต่ไม่พูดจาอะไร แอบเก็บอมเอาไว้ ตอนนี้กว่าเก้าจะแน่ใจตัวเอง เอ... ต้องบอกว่ายอมรับตัวเองสิ ก็ล่อไปภาคสอง

ทีนี้ก็เหลือแต่ตัวเอกทั้งสองคนละนะ ว่าจะเอายังไงกับใจตัวเอง

รอให้ถึงภาค 4 นะ *-*
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 4.0 ค้างบ้าน [pg4] 19/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 21-10-2015 11:50:30
เจทำตัวน่ารักๆก็เป็นนะ แต่ยังไงความสัมพันธ์แบบนี้ก็อึมครึมนะละ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 4.0 ค้างบ้าน [pg4] 19/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-10-2015 22:57:13
ยิ่งอ่านยิ่งสับสน
เดาใจใครไม่ถูกเลยซักคน

เหมือนจะใช่แต่กลับไม่ใช่
เหมือนจะไม่ใช่แต่คล้ายว่าจะใช่

โอ๊ยยยยยยย...ตามอ่านต่อดิ
อิอิ

+1 ให้กับตอนนี้
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 4.0 ค้างบ้าน [pg4] 19/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 21-10-2015 23:39:39
เชียร์ให้เป็น เจเก้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 4.0 ค้างบ้าน [pg4] 19/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 23-10-2015 15:22:34
ชีวิตรักวัยรุ่นมันก็คงอย่างนี้สินะ แบบมึนๆ อึนๆ  :m7:
แต่ตอนนี้ที่งงที่สุดก็คือเจนี่แหละ สำหรับเก้าเป็นคนพิเศษใช่ไหมอ่า  :hao3:
มีจนถึงภาค 4 นี่ตอนเข้ามหาลัยกันเลยใช่ไหมฮะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 4.0 ค้างบ้าน [pg4] 19/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 23-10-2015 21:49:38
ชีวิตรักวัยรุ่นมันก็คงอย่างนี้สินะ แบบมึนๆ อึนๆ  :m7:
แต่ตอนนี้ที่งงที่สุดก็คือเจนี่แหละ สำหรับเก้าเป็นคนพิเศษใช่ไหมอ่า  :hao3:
มีจนถึงภาค 4 นี่ตอนเข้ามหาลัยกันเลยใช่ไหมฮะ  :impress2:

จบเรื่องแหละครับไม่ถึงมหาลัยหรอก

เอ... สำหรับเก้าเจก็เป็นคนพิเศษนะครับ ชีวิตม.ปลายใครๆก็พิเศษทั้งนั้นแหละ
หัวข้อ: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 5.0 เซเว่น 25/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 25-10-2015 23:44:07
5.0 ตัวตนและคำสารภาพ : เซเว่น

        เสาร์สุดท้ายของปิดเทอม วันนี้เป็นวันที่นัดเจอกับพวกมัน ทั้งปิดเทอมผมรอวันนี้นี่แหละ แต่ เอะ ว่าไป ไม่เช้าสิเกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว ปกติปิดเทอมแล้วไม่มีเรียนก็สายยังงี้แหละครับ พวกเราลากสังขาร ที่เหนื่อยชนิดว่า ทำกิจกรรมเปิดเทอมทั้งเทอมยังน้อยกว่านี้ (เว่อไป)

    แหงสิ เล่นเกมกันยันดึกแถมก่อนหน้านั้นก็เดินตะลอนๆที่สยามด้วย

   ถึงจะแค่วัน 2 วันก็เหอะ แต่ผมไม่ได้อึดถึกเหมือนคนทั่วไปสักหน่อย กว่าจะลุกขึ้นมาได้ แถมถ้านอนไม่พอมากๆ ผมก็จะไม่สบายอีก แล้วเดี๋ยวคงต้องไปเตรียมของไปบ้านป๋า กำลังคิดอยู่ว่าจะไปซื้อที่ไหนดี ผมกำลังรวบรวมแรงลืมตาแล้วลุกจากเตียง

   “ส่วนนั้นของกูคิดถึงมึงวะเก้า" อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา ผมลืมไปเลยว่าไอ้นี่นอนอยู่ข้างๆ

   "กูก็นอนอยู่ข้างมึงเนี่ย ส่วนไหนของมึง”

   เวลาเล่นเกมมันก็ชอบมาก่ายผมอยู่แล้ว แต่ว่ามันไม่ได้กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น สมาธิ สายตา เลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง และสองนิ้วเพื่อหาทางผ่าน ดังนั้นไม่ว่ามันจะทำยังไงท่าไหนผมก็ไม่สนใจ มันเองก็ไม่ใส่ใจเหมือนกัน

   นานๆครั้งแค่นั้นที่มันจะนอนตักผมไปเล่นไป หรือ บ่อยกว่าหน่อยก็จะเอาขาพาดขาผมเหมือนที่ทำตอนอยู่ในห้องเรียน แต่ไม่ได้เขย่าหรืออะไรทั้งนั้น เกมคือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่สำคัญกว่า ที่ทำไปเหมือนจะเกิดจากความเคยชิน

    แต่คราวนี้ เต็มๆ

   "สัมผัสได้มั้ยละมึง มันทิ่มมึงอยู่” ไอ้เชี่ยนี่พูดออกมาไม่มียางอายเลย

   มันพลิกตัวมากอดผม กดส่วนที่แข็งเกร็งเข้ามาแน่น

   "เหี้ย เช้ามาก็เริ่มเลยนะ" ผมพยายามเค้นเสียงแหบพร่าแบบคนเพิ่งตื่นออกมา

   "ก็มันหลายวันละนี่หว่า"

   "หลายวันคืออะไรวะ" ผมชักหงุดหงิด

   "เอาน่า ทำกับกูหน่อยนะ" มันเริ่มเข้ามากอดแน่นขึ้น ซุกไซร้ ซอกคอผม ใครสอนให้มันทำอย่างนี้วะ

   "ไม่เอา มึง”

   “ เดี๋ยวต้องออกไป ซื้อของอีกไง" ผมพยายามแข็งขืน

   "ส่วนนั้นมึงไม่ปฎิเสธนะ" มันเริ่มควานมือลงต่ำไปเรื่อยๆ วนๆอยู่แถวหัวนมแล้วกำลังจะคืบคลานลงไป

   “มึงรู้ได้ยังไง”

   มันไม่ตอบ แต่เอามือคลำลงไปอีก

   "พอ มึงใช้มุกนี้หลายทีละ เปลี่ยนมั่ง"

   พูดจบผมรีบสะบัดตัวขึ้นไปอาบน้ำ ถ้าทำตอนนี้คงพอดีหมดแรงก่อน แล้วจะเอาแรงไหนไปเจอคนอื่นด้วย พอผมตั้งท่าลุกเสร็จ ตูดพ้นเตียงได้ไม่นานกำลังเข้าห้องน้ำไป

   “งั้นคืนนี้นะ" มันตะโกนไล่หลังมา

   "คว...." ถึงจะตอบไปยังงั้นแต่ผมก็ยิ้มให้กับความพยายามของไอ้หื่นนั่น แล้วก็... อือ คงจะเป็นความบ้าของผมละมั้ง

   ถ้ามันจะจริงจังกับผมกว่านี้สักหน่อย ก็คงจะดี

   เออ พ่อกับแม่ ไม่เห็นหน้ามาหลายวันแล้ว หายไปไหนกันนะ

   ผมไม่ได้คิดต่อ แค่เปิดน้ำแล้วอาบให้เสร็จเลย

   เย็นวันนี้ผมกะว่าไปสักเกือบๆเลยเวลานัดเลย เพราะไม่รู้จะไปก่อนทำไม ผมเองก็ไม่ได้บอกไอ้ป๋ามันด้วยว่า เจ มันจะไปรึเปล่า หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับมันอีก

   พอเจมานอนที่บ้าน ผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะโทรหามัน แค่อยู่กับไอ้เจก็วุ่นวายพอแล้ว อีกอย่างถ้าไปก่อนเวลานานคงต้องไปนั่งรอพวกมันด้วย ไอ้พวกนี้บทจะมาสายก็สายแบบไม่สนใจใครอยู่แล้ว

   “ตามึงแล้วเจ”

   มันลุกอย่างว่าง่าย ไอ้ตรงนั้นยังลุกตามตัวมัน จ้องมาทางผมอยู่

   “มึงไม่หดเลยใช่มั้ย”

   “ยังงะ รอมึง”

   มันเอามือกำๆรูดๆให้ดู

         ส่วนหัวผงกหงึกทุกครั้งที่รูดขึ้นดูบวมเป่ง และหดลงเล็กน้อยเมื่อรูดลง

   “รีบไปเลย ทนไม่ไหวก็ในห้องน้ำนั่นแหละ”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ” มันถอดกางเกงลงหมด โชว์ตูดขาวๆแล้วโยนบอกเซอให้หน้าผม

   ห่า นี่

   ผมแต่งตัวรอมัน

   วันนี้ต้องจะมามั้ยนะ..........

   ไม่นาน เสียงประตูห้องน้ำเปิด

   ตามมาด้วยมันที่ออกมาจากห้องน้ำ ผมไม่คิดว่ามันจะแต่งตัวออกมาจากห้องน้ำเลย (มันเอาเสื้อผ้าไปตอนไหนวะ) ส่วนผมน่ะเสร็จตั้งแต่มันเข้าไปอาบแล้ว ไอ้การที่ไปเล่นบ้านป๋าเนี่ย คิดว่าคงไม่ต้องหล่ออะไรมั้งครับ ยังไงก็คงไม่ได้เจอใครอยู่แล้วนอกจากคนกันเอง 4 ตัวเดิมๆขาประจำ

   คิดได้ยังงี้แล้วผมเลยใส่แค่ขาสั้นกับเสื้อยืด ง่ายดีครับ ไม่รู้จะใส่ยีนส์ เสื้อเชิ๊ตอะไรไปทำไม พอเห็นไอ้เจที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาแค่นั้นแหละ ผมนี่อดขำไม่ได้เลย มันยิ่งกว่าผมอีก

   “เฮ้ย มึงจะไปชุดนี้จริงเหรอ” ผมถามมัน

   “อ้าวก็แค่ไปนั่งเล่นบ้านมัน จะหล่อทำห่าอะไรวะ”

   “ก็ให้ดูดีหน่อยดิวะ”

   “นี่ไม่ดีตรงไหน แค่หน้ากูก็กินขาดแล้ว” มันชี้ไปที่ชุดแล้วก็หน้า

   “เสื้อกล้ามเนี่ยนะ”

   คือ ตอนนี้เจมันล่อเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น แล้วเป็นกางเกงขาสั้นแบบที่ใส่อยู่บ้านเลยด้วย ถ้าจะให้ชัดหน่อยกางเกงประเภทกางเกงเล่นบอล เล่นบาสน่ะครับ นั่งอ้าทีไข่ออกแน่ๆ เสื้อกล้ามก็เก่าซะ แม่งชุดอาแป๊ะขายของร้านโชว์ห่วยนี่

   “มึงก็ไม่บอกกูนี่หว่าว่าวันนี้จะไปบ้านพวกมัน กูเลยไม่เอาชุดมา”  เจบอกผม

   “เออวะ กูลืมจริงๆ โทษๆ” ผมลืมบอกมันไปสนิทเลย

   “แล้วนี่ไปไงมาไงนัดกันได้วะ แถมไม่มีใครบอกกูด้วยนะ สัด” มันเริ่มทำหน้าไม่พอใจ

   “ก็มันบอกมันติดต่อมึงไม่ได้ แล้วไหนๆกูก็จะเจอมึงอยู่แล้วเลยจะบอกให้เอง”

   “สัด บอกก่อนกูเจอมึงสิ ไม่งั้นกูจะได้เอาเสื้อผ้ามา”   

    เออ  แล้วทำไมผมไม่โทรไปบอกมันวะ ผมก็งงตัวเอง
   
   “มึงใส่กางเกงวันที่มาก็ได้นี่” ผมชี้ไปที่กางเกงมันที่ตากอยู่

   “ไม่เอา กูจะใส่วันกลับ”

   ไอ้นี่ เรื่องเยอะอีก
   
   “ตามใจมึง อย่านั่งให้ไข่ลอดละ”

   “ไข่กู มึงจะสนทำไม”

   “สัด” ผมนี่ไม่รุ้จะพูดยังไงกับมันเลย

   “ตามใจ ไข่มึงก็ของมึง”

   “หรือมึงอยากเป็นเจ้าของ” มันพูดจบยิ้มแหยๆ แล้วชี้ลงข้างล่าง
   
   ไม่มีคำตอบจากปากผมครับ นอกจาก เอานิ้วกลางไปดูซะ
   
   “แล้วนี่มึงพร้อมจะไปยัง”

   “เออๆๆ แล้วนี่จะไปแวะซื้อของที่ไหนวะ”
   
   “เซเว่นดิมึง ง่ายๆ เอาไรนักหนา”  ผมคิดว่าเซเว่นนี่แหละ สะดวกสุดละ ขึ้เกียจเข้าห้าง

   “แล้วมึงจะใส่ชุดนี้ไปจริงอะ” ผมถามมันอีกครั้ง

   “เออดิ ไข่กูออกมึงก็เอามือกุมไว้แล้วกัน” มันพูดจบแล้วก็เดินไป

   เรื่องของไข่มัน!!!!

   พวกเราเดินออกจากบ้านไป วันนี้ไม่เย็นแต่ก็ไม่ร้อน อากาศปลายปีประเทศไทยก็คงยังงี้แหละครับ ไม่ร้อนมากก็ร้อนน้อย  สำหรับผมมันก็โอเคอยุ่เพราะยังไงผมก็ขี้หนาวกว่าคนอื่นอยู่แล้ว อากาศร้อนแบบนี้เลยยังพอไหว

   พูดถึงขี้หนาว เมื่อคืนนอนติดกับเจมันก็อุ่นดี

   เวลาไปนอนไหนผมจะเป็นคนที่เปิดแอร์เบาที่สุดเสมอ ขี้หนาวน่ะครับ ยิ่งหนาวแอร์นี่ยิ่งไม่ชอบเลยมันแปลกๆยังไงไม่รู้ เหมือนเย็นๆวาบๆ คล้ายๆเวลาอาบน้ำมาแล้วเช็ดตัวไม่แห้งยังไงยังงั้น

   จากบ้านออกไปถึงเซเว่นก็เดินสัก 15 นาทีแดดยังงี้ไม่มีผลกับผม แต่พอผมหันไปมองไอ้เจเห็น หน้าตาท่าทางมันกำลังเซ็งสุดๆ ตอนนี้ตัวมันเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาหน่อยๆ คนอ้วนมักจะขี้ร้อนสินะ

   ตอนเจอกันต้นปียังไม่ขนาดนี้แท้ๆ

   ท่าทางจะแบกร่างลำบาก ปิดเทอมดันกินซะอ้วนเลยนี่หว่า เดินเป็นหมูตากแดดแล้ว

   วันนี้ถนนก็ยังโล่งเหมือนเคย เวลาบ่ายๆวันทำงานมันไม่ยังไม่ค่อยมีรถละมั้ง เซเว่นเองก็เช่นเดียวกัน ทั้งร้านมีอยุ่ 2-3 คนกับพนักงานหน้าเคาเตอร์คนเดียว

   พอถึงปุ๊บ เจมันปรี่เข้าไปในร้าน เดินไปทางตู้ไอศครีมก่อนเลย มันเอามือเปิดตู้เย็นออกแต่ไม่เลือกไอศครีม กลับเอาหน้าซุกเข้าไปในตู้ไว้อย่างนั้น

   “เฮ้ยๆๆ อายเค้า มึง ที่บ้านกูแอร์ก็มี” เชื่อมันเลย ผมละอายจริงๆ

   “กูร้อนนี่” พูดจบมันก้มหน้าเลือกของในนั้น
   
   “เออ ตามใจมึง” ผมหันหน้าไปทางตู้น้ำ

   “เดี๋ยวกูไปหาน้ำไว้หน่อย”

   “อย่าลืมเบียร์นะมึง”

   “เด็กม.4 เค้าจะขายมึงเหรอ ควาย” ผมหันไปว่ามัน

   “อ้าว มึงไม่รู้จักคนร้านนี้เลยเหรอวะ ใกล้บ้านมึงแท้ๆ”

   “หึ ไม่เคยแม้แต่จะจำหน้าคนขายวะ”

   “เออ มึงนี่น้า”

   ผมก้าวเดินออกไปทางตู้เครื่องดื่ม พวกเรามี 4 คนเอาไปไม่เยอะก็ได้มั้ง ขี้เกียจแบกหนัก เซเว่นที่นี่ไม่ใหญ่ ตู้แช่น้ำเลยมีแค่ 3 ตู้ เป็นน้ำปล่าซะตู้นึง พวกน้ำอัดลมกับชาอีกตู้ ที่เหลือเป็นเหล้า ผมกำลังคิดว่าจะเอาชาหรือน้ำอัดลมดี

   “เลือกไรวะ เอานี่กูชอบขวดนี้” มันเอื้อมแขนเข้าไปหยิบขวด โชว์ขนจักแร้ผ่านหน้าผม

   มันคว้าขวดเบียร์ที่คอ หยิบขึ้นมา 2 ขวด

   “มึงจ่ายนะ กูไม่กล้า” ผมพูดไม่มองหน้า แล้วเลือกต่อ

   “แล้วมึงจะเอาอะไร”

   “เดี๋ยวกูว่าเอาชาสักสองสามขวดกับน้ำอัดลมนิดหน่อย พวกมันชอบกินไรกันวะ”

   “เปลือง ไม่ต้องเอาพวกนั้นไปหรอก มันแดกแต่เบียร์ เชื่อกูดิ” มันปิดตู้ทันที

   ก่อนปิดคว้ามาอีก 2 ขวด

   “งั้นกูเอาน้ำเปล่าก็ได้” พูดจบผมหันไปทางตู้น้ำเปล่าหยิบขวดใหญ่ออกมาแล้วกอดเอาไว้

   “เฮ้ยๆ กูไม่เอาไปเก็บหรอกน่า ทำเป็นเด็กหวงขนมไปได้”

   “เออ!!!”

   กูรู้นิสัยมึง ถ้ากูปล่อยมือ มึงได้เอาไปเก็บแน่
   
   มันกำลังหันหลังเดินไปทางเค้าเตอร์ ผมทักมันไว้ก่อน

   “เฮ้ย กูว่าป๋ามันชอบของนอกนะ”

   “มึงรู้?”

   “กูเดาจากนิสัยอะ”

   “งั้นเปลี่ยนขวดนึง” มันเปิดตู้ใหม่แล้วคว้าขวดที่มีฉลากภาษาต่างชาติออกมา

   “มึงก็อุ้ม 4 ขวดนี้ได้ยังกะลูกมึงเลยนะ”

   “เออดิ อันนี้ของสำคัญนี่ ฮ่าๆๆๆ”

   ผมเองก็อยากรู้ว่า เค้าจะขายมันมั้ย อายุมันไม่ถึง จะโกงหน้าก็ไม่มีทางแน่ๆ มันไม่ได้หน้าแก่ขนาดนั้น

   มันเดินส่ายอาดๆเข้าไปด้วยความมั่นใจ ไม่รู้มันเอาความเชื่อมั่นผิดๆนี้มาจากไหน ผมเดินเข้าไปแล้วเอาน้ำเปล่าหนึ่งขวดวางลงบนโต๊ะ แล้วจากไปอย่างเงียบๆ อย่างไรบ้านผมก็อยู่แถวนี้ ถ้าเกิดใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี ยิ่งเรื่องรู้ไปถึงคนที่บ้านจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

   ผมบอกให้มันรอสักเดี๋ยว แล้ววิ่งไปทางชั้นขนมคว้าอะไรก็ได้สัก 7-8  อย่าง พวกนี้มันกินกันเก่ง กินขนมพวกนี้ได้ยังกับกินข้าวเลย ส่วนผมไม่ชอบกินครับ

   “พี่ครับ หมดนี่ครับ” ผมพูดจบ เอาขนมเทลงบนเค้าเตอร์แล้วออกนอกร้านไปรอ
   
   ยืนรออยุ่สักพัก ผมไม่แม้แต่จะหันไปมอง อยากรู้เหมือนกันว่า มันจะซื้อได้เหรอ เดี๋ยวก็คงเดินคอตกออกมาแล้วก็มาโวยวายใส่ผมอีกแน่ๆ คิดได้อย่างนี้แล้วผมล้วงกระเป๋ากางเกงหาเงินรอคืนมันค่าน้ำเปล่ากับขนม

   เห็นว่านานว่าจะโทรหาป๋ามันว่ามีใครมารึยัง แล้วก็ว่าจะเล่าให้มันฟังซะหน่อย

   พอหันเข้าไปในร้าน อ้าว เค้าคิดเงินให้ด้วย

   “เฮ้ย ช่วยกูถือดิหนักนะมึง” มันตะโกนออกมา
   
   “เฮ้ย ซื้อได้ไงวะ” ผมสงสัย

   “อ้อ กูอ้างว่า พ่อให้มาซื้อน่ะ บ้านอยู่ในซอยนี้” มันยกทั้งถุงชี้ไปทางซอยบ้านผม

   “สัดนี่ มึงอ้างบ้านกูเหรอ”

   “เออน่า เค้าไม่รู้หรอก กูไม่ได้บอกเลขที่บ้าน” มันพูดจบแล้วออกเดิน

   “เฮ้ยๆ เอาเงินไปด้วยค่าน้ำ”

   “ไม่เอามึง กูมานอนบ้านมึงหลายวัน เจ๊ากันไป”

   “เดี๋ยวเล่าก่อนดิแล้วเค้าว่าไงวะ”

   “เดินไปด้วยได้มั้ยมึงกูร้อน จักแร้เปียกแล้ว” มันหันมาชูแขนขึ้นฟ้า เอาจักแร้เปียกๆให้ดู
   
   ช่างเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ (เหี้ยๆ) จริงๆ
   
   “เออๆๆๆๆ” ผมรีบก้าวตามมันไป

   “เล่ามาดิ” ผมถามต่อ

   “ไม่มีไรมาก ก็บอกว่า อยู่ในซอยนั้น แล้วเค้าบอกบ้านหลังนี้ๆ เปล่า กูเลยแกล้งตอบเออออไปเลย สงสัยคงมีใครใช้ลูกออกมาซื้อบ่อยๆ” มันพูดหน้าตาสุขสบาย

   “มึงทำบ่อยเหรอ” ผมอยากรู้

   “หือ ทำไมอะ”

   “บ้านกู พี่ๆมันชอบใช้กูไปซื้อ ทั้งเหล้า ทั้งบุหรี่ แม่งรู้จักกูหมดแล้วไม่ต้องอ้างหรอก”

   อีกเรื่องของเจ ที่ผมไม่เคยรู้

   เสียงขวดเขย่าก๊องแก๊งกันไปตลอดทาง ไม่นานก็ถึงบ้านป๋า ผมเองก็พอมีเหงื่อออกนิดหน่อย แต่ดูตัวมันสิ ยังกะไปวิ่งที่ไหนมา เข้าบ้านป๋าไปนี่คงเหม็นเหงื่อมันแน่ๆ

   ไม่มันก็พวกนั้นได้บ่นกันแน่ๆ

   “เฮ้ย ทำไรวะเก้า ยกเสื้อมาดมทำไม”

   “กูดมว่าตัวกูเหม็นรึเปล่า” ผมก้มลงไปดมในเสื้อ

   “มากูดมให้เดี๋ยวบอก”

   “ไปไกลๆ”

            ผมพยายามยกขาเขี่ยๆมันออกไป เพราะว่าสองขวดที่หิ้วมานี่ก็ชักรู้สึกหนักแล้วสิ ผมไม่ได้แข็งแรงนี่ครับตอนนี้เรา 2 คนมาถึงหน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเดินไปกดออดบ้านมัน รอสักพักก็มีเสียงคนวิ่งลงบันได้ลงมาเปิดประตูหน้าบ้าน

   หน้าต่างชั้น 2 เปิดอยู่

   ตึกแถวแบบบ้านป๋ามันเป็นประตูเหล็กแบบรูดลงมาจากข้างบน ดังนั้นมันจึงต้องใช้เวลากว่ามันจะไขลอคกุญแจข้างล่าง แล้วก็ดันประตูขึ้น ตอนนี้เสียงไขลอคดังขึ้น เดี๋ยวเสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูคงจะดังตามมา

   “ไงมึง เข้ามาๆ บ้านกูไม่มีคนอยู่”  ป๋าพูดหน้าตาร่างเริงที่สุด

   “เอาไปเลยมึง ไปแช่เลย” เจแทบจะโยนขวดเข้าไปใส่หน้าป๋า

   “ว้าว เอาของถูกใจมาซะด้วย” มันตาโตแล้วเดินมาคว้าของผมด้วย

   “พวกกูไปรอบนชั้นลอยนะมึง” เจพูดแล้ว วิ่งขึ้นไปข้างบน มันคงจะร้อน

   “เออ ตามสบายเลย” ป๋าตะโกนมาจากห้องครัว

   ผมเลยเดินตามเจขึ้นไปชั้นลอย มันเปิดเกมเล่นอยู่จริงๆด้วย ลึกๆผมก็ชักสงสัยเหมือนกันว่า ชีวิตมันไร้สาระไปมั้ยเนี่ย วนเวียนกันไปไหนก็เจอแต่เกม

   ไอ้เจมันเห็นเกมเข้าก็ปรี่เข้าใส่เลยครับ เกมนี้มันยังไม่เคยเล่นด้วย ภาพก็สวย เวลามันอยู่กับเพื่อนมันก็ทำตัวปกติดี มันใช่คนเดียวกันกับที่มาบ้านผมรึเปล่าเนี่ยเวลามันอยู่กับผม 2 คนไม่เหมือนเวลามันอยู่กับพวกนี้ หรือว่าคิดไปเอง

   ผมเหลือบไปเห็นกีต้าร์อยู่มุมห้องเลยเดินไปหยิบเล่นระหว่างนี้ (เล่นไม่เป็นหรอก) รอเวลาพวกมันมารวมตัวกัน ผมมักจะเป็นคนที่นั่งฟังเสมอ มันก็ลำบากเหมือนกันนะครับ ถึงแม้จะดูเหมือนสนิทกันยังไง ผมก็เป็นเหมือนเพื่อนใหม่สำหรับพวกนั้นอยู่ดี บางทีมันอาจจะยังไม่เรียกว่าสนิทก็ได้

   “ทำไมป๋ามันหายไปนานจังวะ”  ทั้งห้องมีกัน 2 คน มันก็คงถามผมละครับ

   “เดี๋ยวก็ลงไปดู” ผมจึงวางกีต้าร์ลงข้างๆแ ล้วลุกออกจากห้องไป

   ก่อนออกไปผมหันไปดูมัน เจไม่สนใจว่าผมจะลุกออกไปหรือยังไง มันจ้องอยู่แต่จอทีวี และผมรู้สึกได้ ไม่ใช่จ้องเพราะมันสนใจเกม แต่มันกำลังทำตัวเหมือนเพื่อนปกติทั่วไปต่างหาก

   “ป๋า ทำไมช้าจังวะ” ผมตะโกนถามนำลงไปก่อน

   “เออๆ เดี๋ยวขึ้นไปแล้ว กูหาน้ำแข็งกับเอาขนมใส่จาน”

   “เดี๋ยวกูช่วย” ผมเดินลงบันไดไป

   บ้านแมคมันเป็นห้องแถว ชั้นล่างนอกจากจะเป็นออฟฟิศแล้ว ส่วนของห้องน้ำและห้องครัวอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งทางด้านหลังเป็นประตูออกได้อีกด้านนึง ห้องครัวจึงอยู่ติดกับส่วนที่จะเป็นเหมือนโรงรถในบ้าน แต่บ้านแมค ไม่มีรถ พื้นที่ส่วนนี้จึงเป็นห้องเก็บของไปในตัว

   ลงมาชั้นล่างส่วนของออฟฟิศปิดไฟสนิท บริเวณส่วนกลางบ้าน ซึ่งมีบันไดอยู่นั้น เป็นเหมือนมุมนั่งเล่นชั้นล่างถ้าไม่อยากขึ้นไปชั้นลอย บนกำแพงมีรูปครอบครัวติดอยู่

   รูปส่วนใหญ่เป็นรูปสามพี่น้องบ้านนี้ พี่สาวคนโตสองคน พี่รี่ กับ ใครหว่าผมนึกชื่อไม่ออก แล้วก็รูปมันตอนเด็ก ซ้ายบนสุด เป็นรูปเก่าสีซีด ถัดไปข้าง ใส่กรอบวิทย์ เป็นรูปรับปริญญาของพ่อ บ้านนี้เรียนจุฬากันหมดเลยแฮะ แต่สงสัยจะมาพลาดที่ป๋านี่แหละ รู้สึกว่ามันจะอยากเข้าที่อื่น

   จากบันไดชั้นล่าง หันไปทางขวาทางไปครัวมืดสนิท ผมค่อยๆเดินออกไป มันเป็นบ้านคนอื่นดังนั้นผมต้องระวังตัว ไม่งั้นคงได้ไปเตะของอะไรที่วางระเกะระกะขวางทาง ผมยังไม่อยากเจ็บตัวในวันก่อนวันสุดท้าย
   
   “มองไม่เห็นทางวะ ไหนวะ” ผมพยายามถามมัน

   “ซ้ายมือๆ” เสียงป๋าลอดมาบอกทาง

   “โอ้ย”  ผมร้องเสียงหลง
   
   ไม่ได้เจ็บอะไรหรอกครับ ตกใจมากกว่า เหมือนผมเดินไปชนกับใครเข้า หน้าผมไปจูบเข้ากับแผ่นหลัง ไอ้ส่วนนั้นผมเกือบจะไปแตะกับก้นใครบางคนเข้า

   “ใครวะ มายืนไรตรงนี้” ผมถาม

   “ตกใจไรมึง”

   เสียงคุ้นๆ

   “ต้อง..​เหรอ”

   “มึงมาตอนไหนเนี่ย” ผมตกใจยิ่งกว่าตอนเดินชนอีก ไม่คิดว่าจะได้เดินชนมันแบบ เอ่อ ชนมันจากข้างหลัง

   “มึงเห็นกูตอนไหนละ”
   
   “เออ” แม่งเดาไม่ถูกเลย อารมณ์ไหนวะ

   “เก้า มึงซื้อมาเหรอ ตั้งสี่ขวดเนี่ย” มันหันมาถามผม แต่ผมมองไม่เห็นมันหรอก ทั้งมืดทั้งสูง

   “ป่าว เจน่ะ กูไม่กล้าหรอก”

   “เอ้าๆ ขอบใจมันเหอะ ถ้าไม่ใช่มันถือมาไม่ได้แดกนะมึง” ป๋าเดินมาพร้อมกับขนมใส่จาน

   “หือ นี่ที่ช้าเพราะมัวแกะขนมแล้วเทใส่จานเนี่ยนะ” ผมมองจานด้วยความแปลกใจ
   
   “แน่นอน กูจะเข้าถาปัตนะเว้ย”

   เออ เกี่ยวกันมั้ยวะ ขนมบนจานถูกเรียงอย่างสวยงาม ไม่สิ มันพยายามจัดเป็นสี เป็นกลุ่มเป็นก้อน พยายามเรียงยังไงให้ลายรูปแบบและก็สีมันออกมาแล้วดูดี แถมหยิบมากินก็ง่าย แล้วที่จะประทับใจที่สุดคือ ทั้งหมดถูกนำใส่จานเดียว

   พอสังเกตุดีๆ ไฟในห้องครัวดวงเล็กๆเปิดอยู่ อ้อ มันนั่งเปิดไฟแล้วจัดวางเรียงกันนี่เอง มันหลบไปทางซอกด้านซ้าย ผมถึงมองไม่เห็นมัน แต่พวกมันสองตัวคงเห็นผมเดินมา

   เอะ มันใช่เวลามั้ยเนี่ย   

   “ให้กูช่วยมั้ย”

   “กูเอาไปเอง เดี๋ยวมึงทำหก” ต้องคว้าจานแล้วเดินไปทางบันได

   “มึงตามต้องไปเหอะ เบียร์กูเอาไปเอง” ป๋ามันไล่ผมแล้ว

   “อือๆ” ผมออกเดินตามต้องไป
   
   ตอนนี้เสียงเกมที่ชั้น 2 ดังลอดออกมาเป็นระยะๆ ไอ้เจคงกำลังมันอยู่แน่ๆ เนื่องจากชั้นล่างมืดสนิท แสงไฟที่ลอดออกมาจากประตูชั้นสอง จึงเหมือนแสงสว่างนำทางเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ พวกมันเองคงชินกับบ้านไอ้แมคละนะ เล่นมากันบ่อยนี่นา แต่ผมเองไม่ชินเท่าไร ดังนั้นเวลาเดินผมจึงมองแสงไฟนั้นเป็นหลัก

   พอขึ้นบันได้ไปได้สักสองสามขั้น ผมก็ชนเข้ากับหลังของมันอีกแล้ว แต่คราวนี้ต่างกัน หัวผมเกือบจะมุดเข้าตูดไอ้ต้องแล้ว มันเล่นยืนสูงกว่าผมสองขั้นแถมความสูงมันอีก

   “มึงจะหยุดทำไมวะ”

   “ใครมาอีกคนวะเก้า” มันหันมาถามผม (มั้ง มันมืด)

   “เจไง ป๋าไม่ได้บอกเหรอ”

   “อ้อเหรอ” มันเดินขึ้นไปต่อ

   มันผลักประตูเข้าไป ภาพที่เห็นผิดกับที่ผมนึกไว้ถนัด ไอ้เจไม่ได้หันมาตกใจมอง หรือวิ่งเข้าใส่ของกิน มันยังนั่งอยู่แถวนั้น แต่ไม่ได้เล่นเกมแล้ว เอะ แล้วเสียงเกมเมื่อกี้ละ

   “อ้าว มึงไม่ได้เล่นอยู่เหรอ” ผมถามมัน

   “ต้องมึงมาด้วยเหรอ” มันถามต้อง

   “เออดิ ทำไมวะ”

   “ป๊าว กูแค่สงสัยคิดว่ามึงจะไม่ว่าง” มันพูดใส่หน้าต้อง

   “มึงอะดิ กูเห็นว่าปิดเทอมมึงยุ่งน่าดูนี่” ไอ้ต้องตอบกลับ

   ผมว่าผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของต้องนะ

   “อะไรของพวกมึง วันหยุดนะเว้ย จะมามาคุกันทำไม สัดเอ้ย” เสียงป๋าพ่นขึ้นมาจากชั้นล่าง

   ไอ้พวกนี้มันอะไรกันวะ คนนึงอยู่หน้าผม อีกคนอยู่หลังผม แต่ผมไม่ยักกะรู้ตัวเลย

   นี่ถ้าโดนรุมปล้ำคงไม่รู้ตัวแน่ๆ

   “เดินเข้าไปดิต้อง คนอื่นเค้ารอ” ผมเลยต้องบอกมัน

   มันเดินเข้าห้องไปโดยดี แล้วเอาจานขนม ที่เต็มไปด้วยขนมจริงๆ เอาไปวางบนโต๊ะเล็กๆกลางห้อง

   “ที่ช้าเพราะมึงมัวแต่เรียงเนี่ยนะ” เจ หันมาถามผม

   “ป่าว ไม่ใช่กู” มันคิดว่าผมว่างเหรอไงนะ

   “กูเอง กูนั่งทำเอง สนุกดี มีปัญหามั้ย” ป๋าโวยเลย

   “อ้าวเหรอ” เจเลยเสียงอ่อยๆลง

   ตอนนี้พวกผมมานั่งกันในห้องครบหมดแล้ว เจนั่งตรงข้ามกับผม ส่วนต้องเลือกที่จะมานั่งข้างๆ ป๋าน่ะเหรอ เดินไปเปิดเพลง แล้วก็กลับมานั่งข้างเจ

   “เพลงไรอีกวะ” เจ ถาม

   “นับวันยิ่งฟังเพลงยิ่งแปลกนะมึง” มันยังบ่นต่อ

   “เออน่ากูชอบ” แมคตอบ

   “แล้วนี่บ้านมึงไปไหนกันวะ” ผมถามป๋ามั่ง

   “ไปต่างจังหวัดน่ะ กลับพรุ่งนี้” มันตอบแต่ไม่มองมายังคนถาม

   “ดีจังนะมึง นอนอยู่บ้านคนเดียวเล่นเกม เกาไข่” ไอ้เจพูดอีก

   “ไข่มึงอะสิ พูดออกมาได้” แมคหันไปตบกะโหลกไอ้เจ

   ต้องเอาแก้วมาวางแล้วกำลังเทเบียร์ให้พวกเรา
   
   “มีใครไม่แดกมั้ย” มันถามขึ้น สายตาจ้องมองไปที่ฟองเบียร์สีขาวฟอดลอยเหนือน้ำสีเหลืองอ่อน

   “ของแมคมันขวดนี้ ต้อง” ผมยกขวดไปให้มัน

   “อ้อ มีพิเศษด้วย” มันเลยเปลี่ยนขวดแล้วเทอีกแก้วให้แมค

   “เก้ามันบอกว่า ถ้าเป็นมึงน่าจะชอบของนอก” เจสะกิดแขนแมคมัน

   “รู้ใจจริงๆ” แมคหันมาขอบใจผม

   “เออ เก้ามึงแดกได้นะ ไม่ใช่กลับไปไม่สบายนะมึง” ต้องกำลังยกแก้วให้ผม

   “เอ่อ... ได้มั้ง” ผมตอบอ้อมแอ้ม

   “ไหนตอนอยู่เซเว่นมึงบอกไม่ได้ไง” เจ พูดเสียงแข็ง

   “ก็แดกไม่เยอะไง สัดนี่อย่าบ่นน่า” แต่เสียงผมดูจะไร้พลังยิ่งนัก เพราะผมเองก็พูดไปยังงั้นจริงๆ

   สุดท้ายก็ต้องนั่งกินสินะ
   
   เสียงพูดคุยหยุดลงไปนิดนึง แทนที่ด้วยเสียงดื่มเบียร์แทน พวกผมถึงจะเป็นแค่เด็กม.4 แต่ก็เป็นผู้ชายนะ เรื่องที่มันนั่งคุยกันในวงเหล้านี่จะไปพ้นอะไรอื่นได้ นอกจากผู้หญิง เรื่องอย่างว่า

    แต่เอ่อ มันก็เป็นครั้งแรกของผมอะนะ ปกติปิดเทอมถ้าไม่ไปต่างประเทศ ก็จะอยู่บ้านเงียบๆ มีปีนึงป่วยจนเข้าโรงพยาบาลตั้งหลายวัน

   “นี่พวกมึงปิดเทอมทำไรกันวะ” เริงถามขึ้นมา

   “เฮ้ยๆ มึงเปิดหนังโป๊ดูมั้ย” เจ มันพูดขึ้นมา

   พลัก คราวนี้เสียงดังหนักแน่นเลยทีเดียว

   เจ้าของบ้านประเดิมหัวมันก่อน

   “อะไรของมึงวะ กูแค่เสนอนะ” เจ ทำเสียงงอแงแล้ว

   “นี่บ้านคนอื่นมึง มีมารยาทหน่อย” ผมหันไปพูดกับมัน

   “อ้าว เดี๋ยวคืนนี้กูค่อยดูก็ได้” มันยังไม่ยอม

   พลัก คราวนี้ของผม

   “ยังไม่หยุด ห่า” ผมพูด

   ถึงจุดนี้ ทุกคนนั่งหัวเราะกัน ผมเองก็หัวเราะ พลางยกแก้วเบียร์ขึ้นอื่มแต่สายตาที่มองลอดฟองเบียร์ผ่านขอบแก้วอีกด้านไป จ้องไปที่หน้าไอ้เจ ไอ้บ้านี่ พูดอะไรออกไป เกิดใครมันคิดหรือสงสัยขึ้นมาจะเป็นยังไง ไม่ใช่ผมนะที่ลำบาก มันก็ด้วย  อย่างมากผมก็ไม่มีใครคบต่อ แต่มันละ เพื่อนๆมันจะทำยังไง

   พอหันไปทางซ้ายก็เห็นต้องกำลังดื่มเบียร์อย่างเมามัน แก้วมันหายไปแล้วครึ่งนึง สายตามันเหลือบมาสบผมพอดี แล้ว.. มันหรี่ตาลงหน่อยนึง พร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก .... อะไรของมันวะ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 5.0 เซเว่น [pg4] 25/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 27-10-2015 11:02:45
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ
รวดเดียวเลย
ชอบเรื่องนะครับ แต่บางช่วงก็งงๆบ้างเหมือนมันกระโดดไปกระโดดมา
เป็นกำลังใจให้ครับ
คอยอ่านอยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 5.0 เซเว่น [pg4] 25/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 27-10-2015 22:21:36
จะเอายังไงก็ว่ามา
อย่ามาคลุมเคลือ

ทั้งไอ่เจ..ไอ่ต้อง นั่นอ่ะ
สันดานดอก

อ่านเรื่องนี้ได้ใจ..หนุกดี
ชอบ +1 ให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 5.0 เซเว่น [pg4] 25/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 28-10-2015 10:06:12
จะเอายังไงก็ว่ามา
อย่ามาคลุมเคลือ

ทั้งไอ่เจ..ไอ่ต้อง นั่นอ่ะ
สันดานดอก

อ่านเรื่องนี้ได้ใจ..หนุกดี
ชอบ +1 ให้กำลังใจ

ขอบคุณครับ นี่แหละชีวิตวัยรุ่นม.ปลาย ชอบทำอะไรไม่เคลียร์

เพิ่งเข้ามาอ่านครับ
รวดเดียวเลย
ชอบเรื่องนะครับ แต่บางช่วงก็งงๆบ้างเหมือนมันกระโดดไปกระโดดมา
เป็นกำลังใจให้ครับ
คอยอ่านอยู่นะครับ

ขอบคุณครับ ถ้ามีเวลาจะเข้าไปลองๆดูที่พิมพ์เอาไว้ ตอนนี้ไฟล์หายหมด จากความผิดพลาด ต้องมานั่งพิมพ์ใหม่ ดีที่มีปริ้นเก็บไว้บ้าง... แค่ หายไปทั้ง 2 ภาคเอง  :hao5: :sad4: :o12: :a5:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 5.0 เซเว่น [pg4] 25/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-10-2015 15:22:12
เจ แกนี่ชวนทำแต่เรื่องอย่างนั้นตลอดเลยนะ สายหื่นนะเรา :haun4:
หัวข้อ: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ตอนที่ 6.0 ต่อย 29/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 30-10-2015 00:17:53
ตัวตนและคำสารภาพ : 6.0 ต่อย

   “เฮ้ยๆ เหลืออีกตั้งสามขวดนะมึง บ้านกูในตู้เย็นก็ยังมี”

   “มึงจะกินกันทั้งคืนเหรอไง” ผมถามแมค

   “คราวนี้ตามึงบ่นเหรอเก้า” ต้องพูดแล้ววางแก้วลงข้างหน้าผม

   ท่าทางพวกมันจะกินจริงจัง อยากรู้แล้วสิว่าเวลาพวกมันเมาจะเป็นยังไงกัน

   ผมเอาขวดใหม่มาเทเติมส่วนที่หายไปในแก้ว ของเจ แมค แล้วก็ต้องให้เต็มขึ้นอีกครั้ง แต่ผมเทไม่เก่งเท่าไรครับ

   “เอ้า ฟองฟู่เลยมึง เบียร์นะไม่ใช่ โค้ก” ต้องเคาะหัวผมเบาๆ

   “เวลามึงเทอะ ช้าๆดิ อย่าทำไรใจร้อน” มันชี้มาที่มือมันแล้วเทให้ดู เติมของผมที่หายไปไม่ถึงครึ่งให้เต็ม

   “เออจริงด้วย มึงไม่ชอบฟองนี่ต้อง”  ผมชักสงสัยแล้วว่าแมคมันรู้ดีจริงๆ
   
   เสียงพูดคุยเงียบลงอีกครั้ง

   “หมดแก้วมั้ยมึง” ป๋าชวนพร้อมยกแก้วขึ้น

   ทุกคนยกแก้วขึ้นตาม รวมทั้งผมด้วย

   “น้อยๆหน่อยเก้า เดี๋ยวมึงก็ไม่ไหวหรอก” เจ ชี้มาที่ผมแล้วก็ชี้ไปทางแก้ว

   “เออน่า แก้วเดียวอะได้อยู่” ผมตอบมัน

   “ลุยเลยยยยยย” ป๋ายกกระดกก่อนเลย
   
   เสียงกระดกอึกๆดังขึ้น ดูเหมือนไอ้เจจะวางแก้วลงโต๊ะดังปังคนแรก ตามมาด้วยต้องแล้วก็ป๋า ส่วนผมน่ะเหรอ แหะๆ ยังค่อยๆอยู่เลย

   “เอ้าๆ เร็วๆดิมึง” ป๋าเร่งผมแล้ว

   “เดี๋ยวเดะวะ” ผมพยายามกินต่อ

   “ฮ่าๆๆ” ต้องนั่งหัวเราะใหญ่เลย

   คราวนี้เปลี่ยนคนเป็นป๋าเทเหล้าให้ทุกคนแทน ส่วนของผมเหลือต่ำกว่าครึ่งแก้วนิดหน่อย แน่นอนว่าของเจหมด ของต้องหมด ป๋าหมด ผมเหลือครึ่งแก้ว เวลาเติมป๋ามันจึงเริ่มจากแก้ว เจ ต้อง แล้วก็ของผม

   “เฮ้ย เอามือปิดไมวะ” ป๋าถาม

   “ครึ่งนึงพอ เสียดายของไอ้เตี้ยนี่ตัวแค่นี้กินน้อยๆก็พอ” ต้องมันพูด

   “ไหวน่า” ผมพยายามปัดมือต้องที่ปิดแก้วออก

   “เปลือง กูบอกว่าเปลือง” ต้องย้ำ

   “จะเทกันได้ยัง กูจะแดก” เจ โวยอีกแล้ว ตกลงผมคิดผิดมั้ยที่ชวนมันมาเนี่ย

   “เออๆ ได้แล้ว” ป๋าวางขวดลง

   “มึงดูการ์ตูนออกใหม่ยังวะ”  ผมเปลี่ยนเรื่อง

   “เรื่องที่เพิ่งออกปะวะ ภาคต่ออะนะ” ป๋าหันมาตอบ

   “เออ นั่นแหละๆ”

   “อ่านแล้วสนุกดี” ต้องหันมา

   “เดี๋ยวๆ มึงอ่านด้วยเหรอต้อง” ผมสงสัย

   “หือ มึงคิดว่ากูยังไงวะ”

   “เห็นมั้ย มึงยังต้องศึกษาอีกเยอะเก้า” แมคตบบ่าผมเบาๆ

   “อะไรกันวะ คุยเรื่องที่กูรุ้มั่งเดะ”  เจ อีกแล้ว

   “อ้าว เค้าก็รู้กันหมด มึงไม่ดูการ์ตูนเรอะไง” ป๋าถาม

   “ดู แต่อันนี้กูยังไม่ได้ดูนี่หว่า อย่าสปอยล์เดะ”

   “เอ้า ความผิดพวกกูปะ” ต้องพูด

   “ฮ่าๆๆๆ แมร่ง ทะเลาะกันได้ทุกหัวข้อ” ผมพูด

   “เพราะมึงปะละ” เจ กับ ต้องพูดพร้อมกัน ผมงงไปเลย
   
   คราวนี้เลยกลายเป็นป๋าที่หัวเราะดังมาก

   “เอ้าๆ เร็วๆๆ เดี๋ยวดึกแล้วพวกมึงจะกลับลำบาก” ป๋ายกแก้วชนอีกแล้ว

   “ค้าบ” ผมยกแก้วขึ้นมั่ง

   นาฬิกาตีบอกเวลาอยู่หลายทีแต่ผมนับไม่ทัน เราเจอกันตอน สี่ห้าโมงเย็น ป่านนี้ก็น่าจะสามทุ่มกว่าแล้ว เพลงเปลี่ยนไปเรื่อยตามที่ป๋าจัดไว้ ผ่านไปหลายเพลง แต่ไม่รู้หรอกว่าเพลงไรมั่ง บางเพลงก็ประหลาดๆบางเพลงก็พอฟังได้

   พอเจทนไม่ไหวมันเลยเอามือถือมันไปเปิดแทน เพลงของมันก็แบบเดียวกับตัวมันนั่นแหละครับ ฟังง่ายๆ ก็ดีสบายหูหน่อย ไม่ต้องคิดมากเวลาฟังเพลงไปด้วย แค่เสียงพวกมันเถียงกันก็เหนื่อยแล้ว

   ตอนนี้ขนมบนโต๊ะหายไปครึ่งจาน เบียร์อีก สี่ขวด ขวดที่พวกผมซื้อมามันกินกันหมดแล้วในตอนนี้ สงสัยป๋าได้ลงไปเปิดเบียร์เพิ่ม ผมจำไม่ได้ว่าใครกินเข้าไปเยอะที่สุด แต่ดูแล้วน่าจะพอๆกัน ไม่รวมผมนะครับ

   สีหน้าของ เจ เริ่มแดงเรื่อๆแล้ว ป๋านี่ไม่ต้องพูดเลย กำลังได้ที่แน่ๆ ส่วนต้องนี่ มีแต่แก้มเท่านั้นที่มีสีออกฝาดๆขึ้นมาหน่อยนึง ผมชักสงสัยหน้าผมเองแล้วสิ
“เออ หน้ากูแดงป่าววะ” ผมถามลอยๆ

   “ไม่นะ มึงกินน้อยนี่” ป๋าตอบ

   “ให้มันกินเยอะๆดิ มันจะได้แดงๆ ดูเป็นตูดลิงดี” นั่น ไอ้เจ เอาอีกแล้ว

   “เค้าว่าคนร่างกายไม่แข็งแรงเวลากินเหล้ามันจะหน้าไม่แดงนะ เลือดลมไม่ดี” ไอ้ต้องพูด แล้วดื่มอีกอึก

   ยังงั้นเหรอ มิน่า หน้าผมถึงยังไม่แสดงอะไร แต่ว่าไปแล้ว รวมๆปริมาณที่ผมกินไปแค่สองแก้วได้มั้ง ไม่น่าจะถึงครึ่งของพวกมันเลยด้วยซ้ำ

   “เก้า ไปช่วยกูเปิดขวดใหม่หน่อยดิ” ป๋าชวนผมลงล่าง

   “เอาดิ”

   “เอาไรของมึง เียนเหล้าเหรอไง” ไม่ต้องบอกนะครับว่าใคร

   ผมหันไปชูนิ้วกลางให้มัน

   ตอนนี้บ้านที่มืดๆเมื่อตอนเย็น ยิ่งมืดลงไปอีก ผมต้องเดินเกาะราวตามไอ้ป๋าไปอย่างเดียว ว่าแต่ทำไมมันไม่เปิดไฟบ้านวะ กลัวคนรู้ว่ามีคนรึยังไง

   “มึงยังไหวป่าว” เสียงป๋าเริ่มเพี้ยนๆแล้ว

   “ไหวนะ กูกินไปน้อยนี่ มึงแหละ ไหวมั้ย”

   “โอ้ย สบายมึง พวกกูกินกันเก่ง”

   “เออ แล้วต้องมันจะกลับยังไงวะ”

   “ไม่ต้องห่วงมันหรอก อย่างมากมันก็นอนที่นี่”  ป๋านี่รอบคอบจริงๆ

   “แล้วเจละ มีงจะพามันกลับ?” ป๋าถามผม

   “อ้าว แหงสิก็มันนอน....” ผมเกือบหลุดปากออกไป

   “มันจะนอนไหนได้ละ แต่ถ้านอนนี่ได้ก็ดีนี่” ผมรีบต่อประโยค

   เดี๋ยวนะ พามันกลับ? กลับไหน ก็กลับบ้านผมดิ แล้วป๋ามันรุ้เหรอ หรือว่า มันแค่พูดมาลอยๆ เสียงเมาๆของมันนี่ ไม่รุ้ว่ามันเมาจริงหรือเริ่มมึนแค่นั้น

   “เจอละ อยุ่นี่เอง” แสงไฟในตู้เย็นสว่างขึ้นมาแวบนึง

   “ช่วยกูจับขวดหน่อย จะเปิด” มันบอกผม

   “เค”

   ป๊อกๆ เสียงเปิดขวดดังขึ้น สามครั้ง นี่มันกะจะล่อกันอีกสามขวดเลยเหรอเนี่ย

        “ขนมพอมั้ย” ผมถามมันมั่ง

   “พอมั้ง ท่าทางแม่งไม่ค่อยกินกันนี่นา แดกแต่เหล้า เปลือง ทำไมไม่กินน้ำแล้วเมาได้มั่งวะ นี่ถ้าทำได้นะ กูจะยกน้ำเปล่าทั้งบ้านให้พวกมึงเลย”

   “ฮะๆ ค่าเหล้ากูกับเจช่วยออก อย่าบ่นเลย”

   “สามขวดนี้กูออก แล้วเนี่ยกูต้องเดินไปซื้อมาอีกนะมึง ร้อนก็ร้อน แทนที่จะได้นอนอยู่บ้านเล่นกีต้าร์สบายๆ แถมต้องทำสถานที่...”

   “งั้นมึงแชร์กับต้องละกันนะ” ผมยังขำอยู่ เวลาเถียงกับคนเมานี่ยังไงเนี่ย ป๋านี่เวลาเมาก็พล่ามได้เป็นวรรคเป็นเวร

   “เดี่ยวกูเข้าห้องน้ำหน่อยนะ มึงรอนี่แหละ”

   “เออ เดินดีๆนะมึง” ปกติพวกผมเข้าห้องน้ำที่ชั้นสองกัน ผมเลยไม่ยักรู้ว่ามีที่ชั้นล่างด้วย

   แอ๊ด เสียงประตูจากชั้นลอยดังขึ้น คงมีใครไปเข้าห้องน้ำละมั้ง

   ป่านนี้ขึ้นไปมันสองตัวคงเถียงกันน่าดู ไม่รู้ว่าพอยิ่งเมาจะยิ่งเถียงกันหรือเปล่า หรือไม่ก็จูบปากเล่นเกมกันไปแล้วละมั้ง เอะ เมาๆขนาดนี้คงไม่ละมั้ง  ...คงไม่เปิดประตูเข้าไปเจอพวกมันดูหนังอย่างว่านะ

   จู่ๆผมรู้สึกถึงแรงรัดจากด้านหลัง ความรู้สึกนี้มันเสียวสะท้านเล่นเอาขนลุกเลย อยู่ในที่มืดๆไม่คุ้นเคยแล้วเหมือนมีมือมากอดจากข้างหลัง ใครเล่นไรวะ

   แรงกอดดูเหมือนจะแน่นขึ้น คนที่เล่นบ้าๆนี่มีคนเดียวแน่ๆ

   “สัด เล่นไรวะ เดี๋ยวคนมาเห็นเข้าหรอก” ผมพยายามพูดเบาๆ

   สักพักแรงกอดนั้นคลายลง ผมรู้ได้จากมือตัวมันไม่ได้มาแนบกับตัวผมหรอกครับ มันคงเมากันหมดแล้ว หรือผมเองนั่นแหละ ขนาดมันลงมาจากชั้นสองผมยังไม่รู้เลย ความรู้สึกอบอุ่นผ่านมือนั้นมาถึงตัวผม ผมกำลังจะยกมือขึ้นมาจับมือมันพอดี แต่ไม่ทันเสียก่อน

   “ไว้รอกลับไปก่อนได้มั้ยมึง” ผมกระซิบอีก

   แปะๆ มือนั้นตบหัวผมเบาๆสองทีแล้วหายไป

   ไอ้เจนี่ทำไรน่ารักๆแบบนี้เป็นด้วยเหรอวะ แอบมากอดกูที่บ้านคนอื่นเนี่ยนะ แต่มันก็เสี่ยงไปนะมึง หึหึ

   ตอนนี้ป๋าออกมาจากห้องน้ำพอดี

   ผมสะดุ้งหันกลับไปมอง เสียงฝืดของประตูห้องน้ำเล่นเอาผมตกใจเลยทีเดียว

   “สัด เล่นเอากูตกใจหมด”

   “ทำไม มึงยืนชักว่า...​เหรอไง”  มันถามหน้าตายมากก

   “มึงเป็นบ้าเหรอ” ปกติมันไม่กวนตีนยังงี้นี่หว่า

   “ขึ้นปะ เดี๋ยวเบียร์หายเย็นหมด” ผมชวนมันขึ้นห้องแล้ว

   ไม่พูดจา มันเดินออกไปทางที่โต๊ะที่มันทิ้งขวดเบียร์กับฝาชิงโชคของมันเอาไว้ ทำไมมันเก่งจังวะ บ้านมืดขนาดนี้ยังรู้อีก

   “สนุกมั้ยมึง” มันถามผม

   “ก็ดี ดูหมากัดกันน่ะเหรอ”
   
   โป๊ก

   “โอ้ย มึงเอาขวดเคาะหัวกูเลยเหรอ”

   “กูถามดีๆ” ไม่รู้มันจะทำหน้ายังไง แรงเคาะเมื่อกี้ทำเอาผมเองก็เบลอๆนิดๆแล้ว

   “ก็ดี” ผมเองไม่แน่ใจเหมือนกันว่า คำว่าก็ดี นั่นมันยังไงกันแน่

   “ก็ดี มึงอะกินไหวก็กิน อย่ามัวนั่งเก็บข้อมูล”

   “ป่าวซะหน่อย”

   “อะไรที่ฟังๆไว้ก็เอาไปคิดมั่งนะ” มันพูดจบแล้วเดินขึ้นไปเลย ทิ้งผมยืนงงไว้อยู่อย่างนั้น
   
   ปกติเวลามันไม่เมาบางทีก็เข้าใจยากแล้ว นี่ท่าทางจะยิ่งเข้าใจยากไปกันใหญ่

   “เย้ มาเพิ่มแล้ว” ไอ้เจ กระดี้กระด๊าออกมารับขวดเบียร์ไปเท

   “คนละแก้วเลยนะมึง” พอมันเทให้ทุกคนหมด แล้วทำท่ายกแก้วขึ้น

   “หมดแล้ว” คราวนี้ป๋าเสียงแหลมขึ้นมาเลย เล่นเอาผมตกใจ
   
   งานนี้แก้วใหม่หมดลงจากการกระดกอีกๆของพวกมัน สงสัยผมต้องทำหน้าที่เด็กรินเบียร์ซะแล้วสิ
   
   “เก้า มึงยังไหวนะ” ต้องถาม

   “เออ ได้อยู่”

   “ให้มันกินเยอะๆอะดิ เมาๆแล้วว่าง่าย” เจ ส่งสายตามาทางผม คราวนี้ชัดเลย มันเอาแน่

   “เดี๋ยวถ้ากลับไม่ได้นอนบ้านกูได้นะเว้ย ฮ่าๆๆ” ใจดีเกินไปละป๋า บางทีไม่ต้องก็ได้นะ

   ต้องทำท่าจะเทเพิ่ม

   “เดี๋ยวกูไปห้องน้ำก่อน” ผมขอตัว

   “อยู่ข้างล่างก็ไม่รู้จักเข้า” ป๋าโวยวาย

   “ก็กูลืม”

   “อะไรวะ ขี้ลืมยังไม่แก่นะมึง เจอไรเข้าไปเหรอไง” ป๋าหัวเราะดังมาก

   “เร็วๆนะมึง อย่าไปทำพื้นลื่นละ” คราวนี้ไอ้เจ

   เสียงไอ้ต้องขำใหญ่เลย ทำไมเวลามันขำแบบนี้แล้วดูตลกวะ ไอ้ตัวขี้เก๊กเมื่อกี้หายไปไหน
   
   ผมยกส้นตีนไปที่หน้ามัน ให้มันดูเอาไว้ แล้วหันตัวเดินออกไปชั้นสอง

   ‘ฟังแล้วเก็บข้อมูลไว้นะ’     

         ข้อมูลไรวะ เห็นมีแต่เรื่องไร้สาระ อีกอย่างได้คุยกันที่ไหนเห็นกินเอาๆ

   ยังคิดไม่ทันจะจบก็ฉี่เสร็จซะแล้ว ผมเลยหันกลับไปล้างมือ ส่องกระจก (ทำไมไม่รู้) ในใจก็เสียววาบอย่าเห็นอะไรนออกจากหน้ากูนะ

   หน้าแดงนิดหน่อยเอง ตอนนี้พวกมันคงเป็นกวนอูไปหมดแล้ว เออ เวลาคนเมานี่มันตาลายจริงๆนะ ผมลืมสังเกตสีหน้าพวกมันไปเลย เวลามันเล่นกันยังงี้จะทำหน้ายังไงนะ
   
   เจ นี่มันคงทะเล้นตลอดเวลา แต่ดวงตาเล็กของมันคงยิ่งเล็กลงไปอีก ไอ้ต้องนี่ก็.... เก๊กต่อไปเหมือนเดิมละมั้ง ป๋าเหรอ ช่างมันเหอะ มันบ้าไปแล้ว
   
   “หึหึหึหึหึหึ” ผมแอบขำออกมา ว่าละลงไปหยอกพวกมันดีกว่า
   
   เมื่อเปิดประตูห้องน้ำก็เจอ เจ ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ มันท่าทางยืนเไม่ตรงแล้ว เหมือนเวลาเอาโมเดลตั้งแล้ววางขาไม่ดีเลย ขาไปทางตัวไปทาง
   
   “มึงจะเข้าต่อเหรอ”

   “เออ กูมาววว” มันเดินเข้ามาเอาคางพาดไหล่ผม

   “เฮ้ย เดี๋ยวคนมาเห็น” ผมพยายามผลักมันออก

   “ไม่เห็นหรอก ไอ้ต้องนอนยาวแล้ว ป๋านั่งเล่นกีต้าร์เพลงห่าไรไม่รุ้ คงไม่มาหรอก” มันยังกอดผมเอาไว้

   “เมื่อกี้ข้างล่างก็ทีแล้วไม่พอรึไง รอก่อนดิวะ” ผมดันมันออกอีก

   “มึงจะเอากูตรงนี้ใช่มั้ย” ผมเสียงแข็ง
   
   ได้ผล มันตัวแข็งนิ่งทื่อไป แล้วขืนตัวไปเข้าห้องน้ำ   

    เฮ้อ ถ้ามันว่าง่ายงี้แต่แรกก็จบแล้ว
   
   “กูไม่รอนะ มึงอะช้าตลอด”

   “เออ ไปเลย”

   แน่ะ ทำงอน

   ผมลงบันไดไป ไม่ได้ยินเสียงบ่นหรือเสียงฉี่ไล่หลังมาเลย หวังว่าคงไม่หลับคาห้องน้ำนะ ถ้าสักพักมันไม่ตามลงมาค่อยขึ้นไปตามมันละกัน

   Hello, hello, hello, how low? Hello, hello, hello!

   With the lights out, it's less dangerous
   Here we are now, entertain us
   I feel stupid and contagious
   Here we are now, entertain us
   A mulatto
   An albino
   A mosquito
   My libido
   Yeah, hey, yay

   I'm worse at what I do best
   And for this gift I feel blessed
   Our little group has always been
   And always will until the end
   
   “ฮาโหลๆ พ่อมึงเหรอ” ไอ้ต้องโวยวาย

   “เพลงเหี้ยไรวะ”

   “ฮ่าๆๆๆ” ไอ้ป๋านี่ขำแล้วยังเล่นต่อไม่หยุด

   “เก่าไปแล้วมึง รุ่นพ่อมึงเลยอะ” ผมตะโกนใส่มัน
      
   เสียงเพลงกีต้าร์หยุดลง
   
   “มึงรู้จักเรอะ เก้า” ป๋าถาม

   “เคยฟังผ่านๆ” ผมตอบมัน

   “แล้วเจไปไหนวะ” ป๋าถาม

   “ห้องน้ำวะ ทำไมจะตามไปดูคว... มันเหรอ” ผมตอบ

   นิ้วกลางยาวๆโผล่มา มันจะยาวเหมือนของมันมัย้นะ
   
   “อ้วกแล้วมั้ง เดี๋ยวมันคงหลับในนั้นแหละ” ต้องหันไปมองทางประตู

   “มึงก็ท่าทางจะหลับแล้วนี่” ผมพูดพลางมองไปที่ต้อง
   
   ขายาวของมัน วางเหยียดอยู่บนพื้นตัวพิงเก้าอี้อยู่ ท่าทางเหมือนคนกำลังสบายแต่ พอสังเกตุหน้ามันดีๆ เหมือนตามันกำลังจะไม่ลืมแล้ว ขวดเบียร์บนโต๊ะหายไปหมด นี่ผมไปห้องน้ำนานยังงั้นเลยเหรอ

   “พวกมึงแดกหมดเลยเหรอ”

   “เออดิ ไอ้สัดเจบอกจะรอมึงมาลงก่อน แต่ไอ้ห่าต้องท้านี่ยกขวดเลย สามขวดพอดี จัดไป” ป๋าเริ่มเลื้อยลงไปกับพิ้นแล้ว เสียงเริ่มยานคางด้วย

   “กว่าเก้าจะรอ มีแค่สามขวดพอที่ไหน เก้าเมาตายห่าพอดี” เอ่อ ต้องช่วยเรียงประโยคนิดนึง
   
   สงสัยจะหมดสภาพแล้ว เกือบห้าทุ่มพอดี ได้เวลากลับบ้านแล้วสิ แล้วผมจะลากไอ้เจกลับไปยังไงละเนี่ย

   “เก้า มึงไม่นอนนี่เลยเหรอ ไหวมั้ย” ต้องถามผม

   “ไหวดิสัด กูไม่กากเหมือนพวกมึงนะ แค่นี้ก็ไม่ไหว” ผมกำลังเดินไปยกแก้วตัวเองดื่มที่เหลือให้หมด

   “พอเลยมึง” ต้องโวยวายทางผม

   “อะไรของมึง เมาแล้วหุบปากไปเลย” ผมเอาแก้วชี้ไปที่มัน
   
   คราวนี้ป๋ากับต้องมองหน้ากันไปมาแล้วหัวเราะดังลั่นกว่าเดิม
   
   “กูว่ามึงเมาแล้วเก้า”  ต้องพยายามยื่นมือมาลูบหัวผม
   
   ตอนนี้ไอ้แมคล้มตัวลงไปนอนกับพื้นแล้ว

            นอนหุบขาบ้าง

   “มึงนอนนี่ก็ได้นี่ พรุ่งนี้หยุด” สายตาเมาๆกับหน้าแดงๆของมัน ผมไม่รู้ว่ามันมีความหมายอะไรมากกว่านั้นรึไม่ เวลาต้องมันเมานี่น่ารักดีเหมือนกันแฮะ

   ผมหยุดนิ่ง นั่งลงข้างๆมัน มองมือที่ลูบอากาศอยู่อย่างนั้น แล้ว..

   ผมก็ค่อยๆเอนหัวไปทางมันเล็กน้อย เส้นผมสัมผัสโดนปลายนิ้วยาวๆของต้อง มันมีท่าทางสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนจะขยับนิ้วเขี่ยผมของผมไปมา เวลาคนเมานี่ทำอะไรๆก็ได้จริงๆ
   
   ในห้องเงียบสงบ มีแต่เสียงหายจังดังเป็นช่วงๆของป๋า สายตาต้องกึ่งหลับกึ่งตื่นจ้องมองออกไปไกลแสนไกล ถึงหัวผมจะหันไปทางต้อง แต่สายตาผมก็หันไปทางประตู ไม่กล้ามองหน้ามันตรงๆ
   
   สัมผัสของต้องที่ผ่านไปมาบนหัวผม มันสบายอย่างเหลือเชื่อ ถ้าหยุดเวลาเอาไว้ได้

   ตาผมกำลังจะปิดลง อยากให้หยุดอยุ่อย่างนี้

   “กูว่าไปตามไอ้เจเหอะ” ป๋าดีดตัวลุกขึ้นมา

   ผมสะดุ้ง

   “เดี่ยวกูออกไปเอง” ผมรีบลุกขึ้นยืน

   “มีงนั่งนี่แหละ เดี๋ยวกูไปเอง มึงไม่ไหวหรอก” ต้องพยายามยันตัวเองกับเก้าอี้เอาไว้

   “ช่วยมั้ย” ผมเงยหน้าไปถามมัน
   
   สายตาผมมองไม่ถึงหน้ามันหรอก สูงขนาดนั้น มันไปหยุดตรง เอ่อ ต้นขาแล้วก็เป้าพอดี


   เสื้อที่มันใส่ก็เป็นใจยิ่งนัก ตอนนี้เสื้อเชิ๊ตสีส้มตัวนอกถูกถอดออกไปแล้ว เหลือแต่เสื้อยืดสีขาวบางๆข้างใน ซึมเหงื่อเล็กน้อย กางเกงยีนขาสั้นของมันก็เลิกขึ้นไปถึงต้นขา ถึงมันจะสูงแต่ผอมสูงขาจึงดูเล็กแล้วยาวไปเลย แน่นอนว่าถ้าเทียบกับผม ขาผมก็ยังเล็กกว่า

   เอวกางเกงก็เริ่มต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ขอบกางเกงในสีขาวโผล่แพลมออกมา  ออกมามากกว่าทุกที
เสื้อด้านหน้าก็ถูกถึงขึ้นตอนมันลุกขึ้นยืน เผยหน้ารอบแบนราบมีกล้าท้องน้อยๆ

   “นั่งไป ไอ้เตี้ย” มันเอาขามาเขี่ยๆต้นขาผม

            มันยิ้มมุมปากให้

   มันรู้แน่ๆ เมื่อกี้ผมเผลอไปจ้องอะไรมัน

   มันหายไปไม่นาน ทิ้งไว้ให้ผมกับป๋านั่งฟังเพลงกันอยู่สองคน ตอนนี้ไม่ว่าจะเปิดเพลงอะไรออกมาก็ไม่รู้เรื่องแล้วทั้งนั้น สติผมเริ่มกระเจิดกระเจิง บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าไป ตอนนี้ไม่เหลือไรแล้ว ไม่เคยดื่มหนักขนาดนี้ลเย เรียกว่า มาปล้ำผมตอนนี้ผมก็ไม่ขัดขืนแล้วละ

   สภาพตอนนี้ของป๋าก็ไม่ต่างกัน น่าจะปล้ำง่าย เสื้อกล้ามเต่อๆ นี่ไม่ใส่เลยก็ได้นะ ถ้าจะบิดเบี้ยวเละเทะได้ขนาดนี้ กางเกงบาสอยู่บ้านนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เอวยางยืดข้างนึงถูกดึงขึ้นสูงอีกอันอยู่เกือบจะหลุดอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดกางเกงในมันคงมีอะไรโผล่ออกมาให้เห็นแน่ๆ

   เวลามันล้มตัวลงนอน ส่วนนั้นปูดออกมาตามรูปร่างเพราะกางเกงบาสมันแนบเนื้อ ภาพอุจาดตาจริงๆ สำหรับผมป๋ามันไม่ได้กระตุ้นความรู้สึกอะไรเลย ถ้าเป็น เอ่อ ต้องใส่แบบนี้ก็ว่าไปอย่าง มันคงเป็นภาพที่น่าดูชมเลยทีเดียว

   ผมว่า บางทีผมควรจะปิดสวิตช์ไฟสมองตัวเองนะ ชักเพ้อเจ้อไรัสาระไปกันใหญ่แล้ว พวกมันที่กินกันเยอะขนาดนี้มันอยู่กันไปได้ยังไง ผมนี่ชักคิดอะไรเรอะเทอะไปหมดแล้ว

   วันนี้สนุกดีเหมือนกัน  ไม่แน่ใจว่าเราจะได้มีโอกาสมาทำอย่างนี้อีกรึเปล่า  เป็นการเมาครั้งแรกของผม เป็นครั้งแรกที่ได้อยู่กับเพื่อนๆ แล้วพวกมันก็ทำตัวสบายๆแบบนี้ ไม่มีใครคิดว่า ผมนั้น น่ารังเกียจ

   ความคิดฟุ้งซ่านลอยวนอยู่พักนึง
   
   “เสียงอะไรวะ” ป๋าถามเสียงดังมาจากชั้นสอง
   
   ผมพายามเงี่ยหูฟังดีๆ แต่ตอนนี้ความสามารถลดลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว
   
   “เหมือนใครโวยวายกันป่าววะ” ป๋าถาม

   “ไม่แน่ใจวะ เจเมามั้ง”
   
   ต้องจากไปพร้อมเสียงบันได้ ผมนั่งมองหน้าไอ้ป๋าอยู่สักพักนึง ท่าทางมันกำลังเมา ตอนนี้มันจะนั่งหรือจะนอนก็ดูไม่ออกแล้ว ขาเหยียดยาวไปทางประตูตัวเอนไปข้างหลังเอาแขนเท้าเอาไว้ หน้ามันแดงน้อยลง แต่ดวงตาเริ่มลอย เหมือนกับว่า มันอะไรลอยอยู่ในอากศยังไงยังงั้น

   สภาพเสื้อผ้ามันก็ดูไม่จืดเลย พรุ่งนี้เช้าตื่นมามันคงตกใจ ว่ามันทำไปได้ยังไง จับปล้ำตอนนี้ยังไม่รู้ตัวเลยมั้ง

   
   “นานไปแล้ววะ” 

   ผมเองเพิ่งเมาเป็นครั้งแรก อา... มึนสิ หูชา ประสาทสัมผัสช้าลง ความคิดก็ประหลาดๆบางครั้งก็เหมือนควบคุมไม่ได้ แต่ยังดีที่ผมดื่มเข้าไปน้อย ผมต้องพยายามตั้งสติขึ้นมา แล้วมองไปทางประตู

   “มันนานไปแล้วจริง” ผมพยายามลุกขึ้นไปแล้วเดินไปตามมัน

   ป๋าไม่สนใจอะไรแล้ว คงไล่จับแมลงอยู่ละมั้ง

   พอประตูเปิดออกมาแสงไฟบนชั้นสองหน้าห้องน้ำยังสว่างอยู่ มันแยงตาผมพิกล เสียงโวยวาย แว่วลงมา ผมไม่แน่ใจว่า เสียงคนทะเลาะกันหรือแค่พูดคุยกันแน่ ตอนนี้หูมันชาไปแล้ว
   
   “เป็นไรป่าววะ” ผมตะโกนขึ้นไป

   “อย่าขึ้นมามึง” ต้องตะโกนลงมาตอบ

   “เออ เดี๋ยวกูขึ้นไปช่วย”
   
   เสียงเอะอะเงียบลงไปแล้ว
   
   “เฮ้ย เจมันหมดสภาพยังงี้เลยเหรอ”

   “อย่างที่เห็น” ต้องยังจ้องหน้าเจอยุ่
   
   สภาพเจตอนนี้นั่งพิงกำแพงอยู่หน้าห้องน้ำ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย จะว่าไปลุ่ยมากกว่า สงสัยต้องคงต้องพยายามอย่างมากที่จะฉุดกระฉากตัวมันออกมาจากห้องน้ำ แล้วนิสัยไอ้เจก็คงไม่ยอมอะไรง่ายๆ คงจะโวยวายออกมาแน่ๆ

    ตอนนี้เสื้อผ้าไอ้ต้องก็เละเทะพอกัน ตัวมันเองเหลือแต่เสื้อยืดสีขาว ดีว่าเสื้อเชิ๊ตตัวนอกถอดออกไปแล้ว  ไม่งั้นพรุ่งนี้ใส่แบบนี้กลับไปคงดูไม่จืดแน่ๆ กางเกงก็จะหลุดไม่หลุดแหล่ จะตามป๋ามาช่วยก็เป็นอันว่าเลิกคิดไปได้เลย

   ปาร์ตี้เลิกแล้ว

   “งั้นเจนอนนี่แล้วกัน ช่วยกันลากลงบันได้ไป” ผมเสนอทางออก

   “อืม” สีหน้ามันเคร่งครึม มันคงหงุดหงิดที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้

   “ไม่ กูกลับเองได้” เจพูดขึ้น เหมือนจะเริ่มได้สติแล้ว

   “จะดีเหรอมึง” ต้องทำเสียงเย็นชาใส่เจ

   ตอนนี้ผมชักงงแล้ว ไอ้ต้องมันโกรธขนาดนี้เลยเหรอ
   
   “เฮ้ย มันเมาน่า มึงอย่าไปจริงจังดิ” ผมพยายามห้าม

   “ถ้ามันเมาแล้วมันกลับได้ไง” ต้องสวน

   “กูไหวละกัน มึงนอนนี่ไปแหละ กูจะไปนอนกับเก้า”

   “เออๆ ไงก็ได้ รีบไปเหอะ กวนพวกมันแล้ว” ผมพยายามทำเหมือนปกติเหมือนว่ามันเมาแล้วไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไป

   “งั้นก็... ไปดีะละกัน  เดี๋ยวกูเปิดประตูให้” ต้องเดินนำลงไป

   “เดี๋ยวกูช่วยนะ”​ ผมพยายามเข้าไปหามเจ

   “ปล่อยไว้งั้นแหละ มันเดินได้” ต้องพูดไม่หันมามอง
   
   อะไรของมันวะ ผมชักรำคาญแล้วนะ

   “มึงลงไปเหอะ เดี๋ยวกูลงเองได้” เจผลักผมออกไป

   “ลงดีๆแล้วกันมึง” ผมรำคาญมันทั้งคู่แล้วละ

   ครืด เสียงประตูหน้าบ้านถูกเปิดออก

   “ไปก่อนนะเว้ย” ผมบอกลามัน

   “กลับดีๆ ระวังตัวด้วยละ”
   
   ผมหันไปมองหน้าต้องมันแวบนึง ทำไมความรู้สึกมันแปลกๆ เหมือน... มันต้องการจะบอกอะไรผมกันแน่

   “เออ ไปละ” ผมกำลังจะออกเดินไป ทำเป็นว่าไม่แคร์เจมาก

   “วันไหนกูไปหามึงที่บ้านมั่งนะ”  เสียงต้องลอยมาตามสายลม

   ผมต้องหันหน้ากลับไปมองมันอีกครั้ง เสียงมันแผ่วมากจริงๆ แถมคืนนี้ลมก็ออกจะแรง มันพัดพาเสียงต้องให้ลอยมา เหมือนเสียงกระซิบ มันขอมาบ้านผม

   ตอนนี้เสียงหัวใจผมเต้นดังพอๆกับเสียงรถที่วิ่งผ่านไป รู้สึกได้ว่าผลของแอลกอฮอล์รุนแรงขึ้น มันคงถูกลำเลียงขึ้นหัวสมองตามเส้นเลือดที่วิ่งแรง ของการสูบฉีดของหัวใจ

   ผมฟังผิดไปรึเปล่า

   หน้าของต้องแสดงว่าผมฟังไม่ผิด

   ผมพยักหน้าน้อยๆ เป็นสัญญาณตกลง สำหรับต้องมันออกจะเกินความความหมายไปหน่อย

   ตัวต้องเซไปข้างหลังนิดนึง

   เจคงจะออกมาแล้ว ผมเลยทำเป็นไม่เห็นแล้วรีบเดินต่อไป

   เสียงฝีเท้าของเจมันใกล้เขามามากขึ้น
   
   “คืนนี้ ตามสัญญานะ” มันเดินมาคล้องคอผม มันตามมาทันแล้ว

   “อา... ก็ได้” ผมไม่อยากมองหน้ามัน

   “คราวหลัง อย่าทำแบบที่ชั้นล่างอีกนะ เดี๋ยวใครมาเห็น” ผมก็ยังไม่มองหน้ามัน
   
   มันไม่ตอบ แต่เห็นเงาหัวมันขยับขึ้นลงเล็กน้อย เป็นอันว่ามันรับฟังแล้ว
   
   “รู้งี้ไม่น่าทิ้งมึงไว้บนนั้นเลย” ผมยังพูดต่อ

   “พวกมันเลยวงแตกกำลังสนุกอยู่เลยแท้ๆ”

   “มึงก็อย่าไปกวนตีนพวกมันมากดิ เมาแล้วระรานไอ้ต้องอีกต่างหาก”
   
   แรงกอดคอที่ไหล่หนักหน่วงขึ้น

           มันต้องการหยุดคำบ่นของผม

   “วันนี้เป็นไรวะ พูดมากจังอะมึง” เจมันว่าผม

   ตกลงเป็นอันว่า ผมควรหยุดการเทศนาไว้แค่นี้

   เสียงรถที่แล่นผ่านไปมาคืนนี้ เวลาเกือบเที่ยงคืน สายลมย่างฤดูหนาว เด็กผู้ชายสองคนเดินกอดคอกันไปบนถนนเดียวดาย มุ่งหน้าสู้บ้านหลังนึง ในซอยเปลี่ยว บ้านที่ทุกทีจะต้องเดินกลับคนเดียว มันนี้ผมเดินคู่กับมัน เจ
   
   ซ้ายมือผมเป็นเซเว่นที่เราเดินมาซื้อเบียร์กันตอนเช้า บัดดนี้ไร้ผู้คน พนักงานหาวนอน ภาพเหตุการณ์เมื่อเช้ายังติดตาผม ก่อนที่จะเกิดเรื่องคืนนี้อย่างรวดเร็ว ผมพยายามทบทวนเหตุการณ์อีกที เป็นนิสัยติดตัวของผมเลย เมื่อผ่านอะไรมา บางครั้งไม่ว่าจะน่าจดจำหรือไม่ ผมจะคิดทบทวนเหมือนว่า ผมสามารถกลับไปแก้ไขได้

   ตอนนี้ แสงไฟข้างถนนสีส้มสาดส่องมา ลากผ่านตัวผมกับเจไป ก่อให้เกิดเงาของเราสองคนซ้อนทับกัน ทิ้งไว้ที่เบื้องหลัง ขยับขึ้นลงมาจังหวะการเดิน และมุมของแสงไฟ นานๆครั้งที่มันเริ่มเต้นไหวแล้วจางหายไปเป็นบางครั้งจากแสงไฟรถที่สาดส่องมา

   ผมไม่ได้สังเกตุเลยว่าเนื้อตัวเจมันยับเยินจากแรงต่อยของหมัดต้อง...

   คืนนี้สงสัยจะเหนื่อยซะแล้ว
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 6.0 ต่อย [pg4] 29/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 31-10-2015 00:04:30
เหมือนเก้าจะหลงเจ
แต่ชอบต้อง

กลับบ้านมีเสียวอีก
เจกล่อมเก้าเอาอยู่อ่ะ

+1
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 6.0 ต่อย [pg4] 29/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 31-10-2015 02:08:55
อ่านเรื่องนี้ให้อารมณ์เรื่องลับโรงเรียนดัดสันดานกับกระดานดำหลังรั้วอ่ะ คิดถึงแนวมัธยมชายล้วนแบบนี้ ชอบบ

ตอนนี้ยังอ่านไม่ทันเลย ขอเม้นให้กำลังใจก่อนนะคะ เชียร์เจเก้าด้วย เจน่ารักดี ถึงอ่านไปเคมีให้ต้องเป็นพระเอกมากก็เหอะ เดี๊ยวอ่านทันเมื่อไรจะมาเม้นอีกรอบนะคะ ><

หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 6.0 ต่อย [pg4] 29/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 31-10-2015 08:27:15
เจกับต้องไปแอบต่อยกันทำไม :hao5:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 6.0 ต่อย [pg4] 29/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 03-11-2015 00:34:04
 :sad4: อุ้ย ผู้ชาย2คนต่อยแย่งผู้ชายกัน กรี๊ดดดด #ต้องสู้ๆ #ทีมต้อง
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 6.0 ต่อย [pg4] 29/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 03-11-2015 11:34:49
หายไปนาน พอกลับมาอีกที มีสองตอนให้อ่านเลย
พวกเด็กๆนี่ชอบทำอะไรคลุมเคลือจริงๆเลยนะ
หัวข้อ: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ตอนที่ (พิเศษ)7.0 หน้าบ้าน [pg5] 3/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 03-11-2015 20:20:29
ตัวตนและคำสารภาพ ตอนพิเศษ : หน้าบ้าน

ต้องยืนมองเก้าพาเจในสภาพยับเยินเดินมุ่งหน้าออกไปบนถนนเงียบๆ แสงไฟสีส้มที่ส่องมายังร่างสองคนให้เห็นเป็นจังหวะพลิ้วไหว ไฟใหญ่บนถนนที่ติดดวงเว้นดวง เหมือนสองคนนั้นผลุบโผล่ในความมืด ค่อยๆเดินไกลออกไป

แต่ที่ต้แงยืนอยู่หน้าบ้านนั้นมืดสนิท

ดึกขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ว่าบ้านเก้าอยู่ใกล้ แมคคงไม่ปล่อยให้กลับกันไปทั้งสภาพอย่างนี้แน่

เพื่อนในกลุ่มนี้ถึงจะสนิทกันมาก่อนขนาดไหน การลงไม้ลงมือ เป็นสิ่งที่จะพบเห็นได้ยาก อย่างมากก็แค่เล่นๆกัน

ครั้งนี้ต่างออกไป มันมีเก้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ของมึนเมามันลดทอนสติของต้อง ของแถมคือมันพ่วงด้วยความอดทน จะเรียกว่าความหน้าบางดีกว่า 

ต้องโมโหขาดลงมือกับเจที่หน้าห้องน้ำ

"ต้องมันเกิดไรขึ้นวะ"

แมคทักมาจากข้างหลัง

"อ้าว สร่างแล้วเรอะ"

ต้องไม่ตอบคำถาม

"กูก็ไม่ได้เมาขนาดนั้นปะ"

แมคยืนมองตัวต้องในสภาพ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ถ้ามันไม่ใช้ผู้ชายคนคงคิดว่าโดนข่มขืนมา

"..."

ไม่มีคำใดเล็ดลอดออกมา

"มึงไปต่อยกับไอ้เจทำไมวะ"

แมคลองเปลี่ยนคำถาม

ต้องส่ายหัว

ปิดไม่ได้สินะ ท่าทางแมคจะดูออก

"เรื่องเก้า?"

ร่างสูงสะดุ้งห้นมามองแมคตรงๆ

"กูว่านะ มึงจะเอายังไงก็ทำไปเถอะ"

???

"เจ มันมายั่วกูน่ะ"

"เรื่อง?"

แมคทำท่าเบื่อหน่าย

"เก้า... มันว่ามันจะเอาเก้าเป็นเมียคืนนี้"

แมคทำหน้าตกใจ

"ไอ้เจเนี่ยนะ"

ต้องพยักหน้า

"มันเลิกกับเมียมาเอาเก้าเหรอเนี่ย"

"ไม่รู้"

เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน เจน่ะเหรอเลิกกับนุ่น

"ต้อง มึงเชื่อกู จะทำอะไรก็รีบทำ หมาคาบไปแดกนะเว้ย"

แมคยืนเกาะประตูเหล็กที่อยู่เหนือหัวขึ้นไป เปิดวงแขนดำ แว่นเลื่อนลงต่ำจะหลุดจากหน้า ใันยังจ้องมองตรงมาที่ต้อง ผู้ซึ่งตอนนี้ดูราวกับต้นไม้เหี่ยวแห้ง และแมคเหมือนจะเป็นน้ำที่พอจะให้ความชุ่มชื้นได้บ้าง

ต้องนิ่งเงียบปล่อยให้เสียงรถบนถนนที่นานๆจะมาที แทรกกลางเข้ามา

ตอนนี้ก็น่าจะแดกไปหลายรอบแล้ว ขณะที่เก้ายืนรอแมคอยู่ข้างล่าง เป็นต้องต่างหากที่เดินลงไปหา เมื่อเห็นว่าเก้าอยู่คนเดียว

ความกล้าจากแอลกอฮอล์ก็เข้ามาถาโถมอีกครั้ง มันสั่งให้ต้องทำในสิ่งที่ธรรมดาต้องจะไม่กล้าทำอย่างเด็ดขาด

ครั้งแรกที่เอาตัวเข้าไปใกล้ชิดเก้าขนาดนี้ ต้องเผลอเอื้อมมือออกไปกอด กลิ่นหอมจากตัวทำให้ต้องรู้สึกอยากจะเข้าไปลิ้มลองดมใกล้ๆ

อยากจะกดร่างกายเข้าไปหา แต่ยังคงเก็บความรู้สึกนี้ไว้ได้

คำพูดของเก้าที่ทำเอาต้องหน้าหงายเอาไว้

มันไม่ได้พูดกับต้อง แสดงว่ามันกำลังพูดถึงคนอื่น  จะเป็นใครไปได้

เจ?

มันทำเอาต้องตกใจ สิ่งที่คิดเอาไว้มันเป็นจริง จากไม่แน่ใจ

ยิ่งบนชั้น 2 ต้องมั่นใจ เจพูดออกมาอย่างไม่อายว่าคืนนี้จะเปิดซิงเก้า มันเป็นความตั้งใจจริง ไม่ใช่แค่แกล้งขู่ คนอย่างต้องที่ได้แต่เก๊กนี่แทบจะหมดสิทธิ์

ต้องทำหน้าเจ็บปวด ก่อนจะหันไปมองตาไอ้เจ

เมื่อถามกลับว่า เจ จริงจังหรือไม่

คำตอบคือ 'กูมีแฟนอยู่แล้ว'

นั่นทำเอาต้องฉุนขาด เผลอปล่อยหมัดตรงเข้าใส่หน้าเจ แต่แลกมาด้วยลูกถีบกลับมาจากขาตันๆของมัน ต้องจึงโถมร่างสูงกว่าเข้าใส่ เสียงคงดังลงไปถึงชั้นล่าง

บนชั้นสองที่เกิดเหตุต่อยตีนั้น ไม่ใช่ว่าเจจะเมาจนสู้ไม่ได้ ต้องเองก็โดนไปหลายทีอยู่ พอเห็นว่าเก้าจะขึ้นมาเจจึงรีบลงไปนั่งกับพื้น

เจเล่นบทสำออยต่อหน้าเก้า
.
.
.

"ตามใจมึงนะ"

เสียงแมคแทรกเข้าไปในผวังค์

ต้องไม่ตอบสนองกับคำพูด ไม่รู้จะพูดว่ายังไง ได้แต่ปล่อยใจออกไปที่ไหนสักแห่ง เก็บความรู้สึกเอาไว้เหมือนเดิม

แมคเห็นท่าว่าคงไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดออกมาอีก กำลังจะหันหลังเดินเข้าบ้าน

"มึงว่าจะดีเหรอวะ"

ต้องเค้นคำออกมา

"แล้วมีใครบอกยังว่าไม่ดีละ"

"ที่ไอ้เจกล้าทำเพราะมันเป็นคนอย่างนี้ไง ตรงข้ามกับมึงไอ้เสาหลักครอบครัว ทำไรคิดเยอะตลอด ไอ้ขี้เก๊กด้วย"

ต้องหันหลังกลับไปมองตามแมค

"มึงว่ามันคบกันป่าววะ"

แมคพ่นลมหายใจแรงๆ

"ไม่รู้เว้ย ของแบบนี้มึงต้องถามมันเอง ทีต่อยกันละกล้า ถามมันแค่นี้มึงจะตายมั้ย"

คำตอบแมคกระแทกเสียง

คราวนี้ต้องเป็นฝ่ายพ่นลมหายใจออกบ้าง

"มึงทำตัวเหมือนมีกำแพงให้เก้าตลอด มันคงกล้าอะนะ"

"กูเนี่ยนะ?"

"เออ"

"มึงไม่รู้ตัวเหรอ กูว่ารีบๆนะมึงจะเอาเก้าหรือไม่เอา"

"จีบผู้ชายยากมั้ยวะ"

"ไม่รู้กูไม่ชอบผู้ชายนี่" แมคทำท่าขนลุกใส่

"แต่ถ้าเป็นเก้ากูว่าไม่ยาก"

"ไมวะ" ต้องเงยหน้าขึ้นจ้องตา

"มึงไม่รู้จริงเหรอว่าเก้าคิดไงกับมึง"

ต้องไม่ตอบ

แมคส่ายหัวหน่าย

"ควาย กูมีเพื่อนเป็นควาย หลายตัวเลยด้วย"

"ทำตามความรู้สึกมึงเถอะ ม.ปลายมีครั้งเดียวนะมึง"

มือเอื้อมดึฃประตูเหล็กลงมาเสียงดังก๊องแก๊ง
 
แมคทำมือ ชี้นิ้วโป้งข้ามหัวเข้าไปในบ้าน

ต่องส่ายหัวตอบ

"ถ้ามึงยังไม่ทำอะไรให้อีกฝ่ายรู้หมาคาบไปแดกนะมึง ไม่สิ หมาไม่คาบไปแดกแต่มึงจะอดแดก"

แก้ง

เสียงประตูเหล็กเลื่อนลงมาปิดใส่หน้าต้อง ถูกทิ้งให้ยืนอยู่หน้าบ้านคนเดียว ปล่อยให้เสียงกังวาลของเหล็กสะท้อนใส่หู ความมืดบนถนนกับเสียงดังตรงหน้า ทำเอาต้องขนลุกขึ้นมา

ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างจะเสียเก้าไปแน่ๆ  ถึงต้องจะไม่มีประสบการณ์ในเรื่องของการจีบผู้ชายมาก่อน ครั้งนี้เป็นเที่ยวบังคับที่จะต้องหาทางทำให้ได้

ต้องถอนหายใจยาว

'จะมาพลาดเรื่องอย่างนี้น่ะเหรอ'

พ่นกลิ่นแอลกอฮอล์ออกมา

'เป็นไงเป็นกันวะ'
หัวข้อ: 29/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 03-11-2015 23:01:52
ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายของภาค 2 แล้ว

สั้นไปมั้ย?

บทสรุปของเก้า เจ ต้อง จะเอากันยังไง? ที่ผ่านมาต้องทำอะไรไม่เป็นได้แต่ยืนมอง คอยกันท่าห่างๆ ยิ่งกัน เจยิ่งเข้าใกล้
เจก็กำลังติดใจเก้าอย่างหนัก แต่มันแค่เรื่องอย่างว่า?

ภาค 3 กำลังจะมา...
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 6.0 ต่อย [pg4] 29/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 04-11-2015 23:08:01
อย่าได้ถาม
ถ้าจะตามหาหัวใจ

อย่าได้ใส่ใจ
ถ้าแค่ความใคร่ให้กัน

เข้าใจเหมือนกันนะ
ต้อง..เก้า..เจ

+1
รอภาค 3
หุหุ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 7.0 หน้าบ้าน [pg5] 3/10/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 05-11-2015 00:21:18
ไอ้เจ...พุดไม่ออกเลย
นี่เย้ยต้องเฉยๆหรือว่าหมายความตามที่พูด?
เหมือนเจจะไม่จริงจังกับเก้า
น้องต้องก็คงรู้อะไรแหละถึงมีอาการกับเก้า

ติดหงึบหงับเลยเรา
หัวข้อ: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 8.0 บอกลาม.4 [pg5] 6/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 06-11-2015 20:19:42
ตัวตนและคำสารภาพ : ตอนที่ 8.0 บอกลาม.4
ตอนนี้เจกลับเข้ามาในบ้านผมแล้ว เราสองคนเข้าบ้านแบบหลบๆซ่อนๆ เพราะว่ากลัวคนที่บ้านตื่น ดึกป่านนี่แล้วถ้าใครเห็นเข้าแล้วเห็นว่าผมกลับมาบ้านแบบเมาๆ แถมยังพาผู้ชายเข้ามาอีก แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นนี่เมายิ่งกว่าผม คงจะโดนเทศนายาวเหยียดแน่ๆ

ตัวไอ้เจเองก็ท่าทางแย่จริงๆมันเดินกอดคอผมมาตลอด เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นไม่เงยหน้ามองทางเลย ในใจผมเลยคิดว่ามันจะอ้วกออกมาตอนไหนก็ไม่แปลกแล้ว ตอนนี้มันเดินมาพร้อมผมได้ไม่อ้วกไปเดินไป โวยวายไประหว่างทางผมก็ขอบคุณมันมากแล้ว

รู้สึกเหมือนแบกกระสอบทรายหนักๆไปตลอดทาง

ผมพยายามลากมันอย่างทุลักทุเล พามันขึ้นห้องนอน ตอนนี้เข้าห้องล็อคประตูเรียบร้อย เป็นอันว่าปลอดภัยในระดับนึง

ห้องนอนเดิมที่มันมาทิ้งกองเสื้อผ้าเอาไว้ ที่บ้านคงยังไม่มีใครรู้

ผมจึงบรรจงทิ้งร่างเจลงบนโซฟา ใช้คำว่าบรรจงก็คงไม่ถูก ท่าทางของมันหมดแรง เสื้อผ้าก็ยังคงหลุ่ดลุ่ยอยู่ยังงั้น ตอนนี้สติผมเริ่มกลับมาหน่อยนึง

นี่มันเดินกางเกงหลุดตูดโชว์กางเกงในครึ่งก้นมาตลอดทางเลยเหรอเนี่ย

เจถูกทิ้งอยู่บนโซฟายังงั้น ดูท่าทางจะยังไม่ได้สติดีแต่ไม่เท่ากับที่บ้านป๋าแล้ว

ขวดน้ำเปล่ายังเหลืออยู่ ผมเดินไปกินน้ำสักหน่อย
   
ป่านนี้พวกต้องกับป๋าคงจะอาบน้ำแล้วนอนกันละมั้ง ถ้ายังอาบน้ำไหวอะนะ

‘คราวหน้าเราไปที่บ้านมั่งนะ’  คำนี้มันช่างสะดุดใจผมจริงๆ

คนที่นอนอยู่นี่อาจจะไม่ใช่เจ ถ้าต้องบอกอย่างนี้ตั้งแต่แรก ไม่สิมันเป็นไปไม่ได้ ท่าทางของต้องกับผมมันไม่ได้เข้ากันเลย บางทีคนเราเวลาเมาๆมันทำอะไรก็ได้ พูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ตัว

คิดมากไปแล้ว

ถึงตรงนี้คนที่นอนอยู่ตรงนี้คือเจ ยังไงมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปได้
   
“บ้านแล้วเหรอ” เสียงคนเมาดังขึ้นมา แต่ก็ดูดีขึ้น

“อือ ไหวมั้ยมึง”

ผมหันไปเช็คสภาพมัน

“ไหวๆ เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อน”

ขี้เมาพยายามยันตัวลุกขึ้น

“เดี่ยวกูช่วย” ผมกำลังเดินเข้าไป

“ไม่เป็นไร” มันโบกมือห้ามไว้

ผิดกับทุกที
   
มันค่อยๆถอดเสื้อออกช้าๆ เสื้อกล้ามที่มันใส่ทั้งๆที่มีแค่สามรู แต่ดูทำไมถอดยากเย็นยิ่งนัก แค่สามช่อง แต่เหมือนถอดไม่ออก ถูกรูบ้างผิดรูบ้าง บางทีก็ใส่เข้าไปอีกทั้งๆที่ถอดออกมาแล้ว

ตอนนี้มันลุกขึ้นมาโดยจำกัดเศษผ้าเน่าๆบนตัวมันไปได้แล้ว มันยืนแบบเซๆ ถอดกางเกงพรวดเดียว ทั้งกางเกงและกางเกงใน

เอ่อ มันไม่แคร์แล้วเหรอว่าผมอยู่ตรงหน้า

หันตูดมาโชว์หราเลย

ตัวมันแดงเป็นจุดๆ เวลาคนเมามันก็คงประมาณนี้ แขนส่วนที่พาดคอผมมาก็แดง ดังนั้นคอผมก็คงแดงจากการกดทับเหมือนกัน ตามตัวเหมือนมีรอยเกาเป็นเส้นยาวๆ มันคงจะรำคาญตัว

ถัดไปส่วนนั้น ไม่มีอาการอะไรแสดงออก มันหมดอารมณ์อย่างแน่แท้แล้ว คืนนี้ไม่มีกิจกรรมแน่ๆ ผมสบายใจ
   
“กูอาบน้ำก่อนน”

มันหันหลังแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

“อาบดีๆมึง ระวังลื่น”

ผมหมายความว่ายังงั้นจริงๆ
   
หายไปนาน เสียงน้ำก็ยังไม่เปิด สงสัยมันคงกองอยู่ที่พื้นอีกแล้ว หรือไม่ก็อ้วกอยู่

ไม่รุ้ว่าอะไรเข้าสิง ภาพเจถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผมเมื่อกี้ ตามมาด้วยความรู้สึกนุ่มสบาย ตอนที่ต้องกำลังเขี่ยผมของผมเล่น

ความคิดชั่วร้ายเป็นคลื่นแทรกเข้ามา

ผมถอดเสื้อผ้าทั้งหมด กองไว้ตรงนั้นข้างๆชุดเน่าๆของเจ

แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

เมื่อเปิดประตูห้องน้ำผมเห็นภาพไม่น่ามอง รูปปั้นวีนัสที่ปราศจากแขนมันคงให้ความงามแบบแปลกประหลาดเช่นเดียวกับภาพเจตอนนี้แน่ๆ

เจยืนพิงกำแพงอยู่ในที่อาบน้ำ ตัวยังคงเปลือยเปล่า

เมื่อเจหันมาเห็นผมเข้า มันสะดุ้งไปเฮือกหนึ่ง
   
“เก้า มึงเข้ามาทำไมวะ”

มันพยายามรวบรวมแรงถามผม

“ถ้ามึงอาบเองไม่ไหวแน่ๆ”

ผมตอบ

“กว่ากูจะได้อาบน้ำ พรุ่งนี้พอดี” พูดจบผมเดินเข้าไปหามัน

เจผงะถอยไป

มันไม่เคยคิดว่าผมจะกล้า ... ถ้าไม่ทำผมคงไม่ได้นอนสักที

“หลบไป กูจะเปิดน้ำแล้วนะ” ผมเตือนเจ
   
ก๊อกถูกไข ดังเอี๊ยดไปทางซ๊าย สายน้ำอุ่นไหลออกมาจากฝักบัวที่แขวนไว้อยู่บนผนัง

“เย็นไปมั้ยมึง” ผมถามมัน

“ไม่อะ” ตอนนี้มันเลิกมองพื้นๆแล้ว

หันมามองหน้าผมแล้ว

“อือ” มันว่าง่ายอย่างผิดคาด
   
ผมสีดำของเจ เมื่อโดนน้ำกลับยิ่งดำเข้มขึ้น ฟองแชมพูเต็มหัวไปหมด สงสัยผมคงจะใส่เยอะไป

“หลับตาละมึง เดี๋ยวเข้าตา”

ตัวมันโยกคลอนตามแรงผม หลายครั้งที่ตัวเราสัมผัสกัน แต่ว่า มันสลับด้าน ด้านหน้าผมไปชนกับด้านหลังของเจ สร้างความรู้สึกแปลกๆ ด้านนี้ผมไม่เคยได้จับต้อง คิดว่าเจเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ผมเองเร่งมือสระให้มันดีกว่า ปล่อยไว้นานจะไม่ดี
   
“สะอาดแล้วมึง” เจพูดขึ้น ท่าทางเริ่มมีสติ
   
มันเริ่มดีขึ้นเมื่อโดนน้ำอุ่นๆเข้าไป

“มึงล้างหน้าเองนะ” ผมหันหลังไปสระผม

เสียงน้ำไหลลงท่อกังวาลอยู่ในห้องน้ำ เราสองคนคุยกันน้อยมาก น้อยกว่าทุกที ถ้าเป็นเจปกติมันคงจะกวนตีนผมไม่ก็ปล้ำผมไปแล้ว เวลามันเมานี่ว่าง่ายจริงๆ

“มึงล้างหน้าแล้วยัง กูจะเอาน้ำ”

มันส่งฝักบัวมาให้จากด้านหลัง

ผมล้างหัวเสร็จหันหน้าไปหามัน

“อะ ล้างหน้าดิ”  ผมบอกมัน

มันหลับตาปี๋

โอเค เข้าใจละ

“ล้างให้ก็ได้”

ผมราดน้ำใส่หน้ามัน น้ำอุ่นๆ ที่สาดใส่ตั้งแต่หัว ผมดำเปียกลู่ลงมาตามใบหน้า ตอนนี้สีหน้ามันดีขึ้นหน้าหายแดงแล้ว ดวงตาตี่จากเหล้าก็เริ่มอ้ากว้างขึ้นอีกหน่อย
   
ดี เวลานอนมันจะได้ไม่โวยวาย เพราะถ้ายังเมาไม่รู้มันจะทำอะไรบ้าง ขี้เกียจมานั่งจัดการปัญหากับคนเมา มันดูแลยาก

 “อะ”

มันโผเข้ามากอดผมก่อน

แรงกอดแน่นมาจากด้านหลัง

“ขอบใจนะมึง”  เจพูดขึ้น คำพูดดูเลื่อนลอย

“เฮ้ย ก็มึงเมานี่”

ผมก็ตอบรับอย่างขอไปที

“อือ”
   
มันเงยหน้าขึ้นมาหาผม สายตาเราประสานกันชั่วขณะก่อนที่มันจะไม่พูดอะไร ค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ใบหน้าที่ให้ความรู้สึกต่างกับต้อง

มันค่อยๆประทับริมฝีปากของมันกับปากของผม แผ่วเบา แต่เนิ่นนาน ตอนนี้ส่วนล่างของเจตื่นเต็มที่แล้ว

ตัวขาวๆ เริ่มเบียดบดเข้ามาแน่นขึ้น เหมือนๆกับปากของมัน เสียงน้ำดังกว่าเสียงจูบของเรา รสชาติจูบมันขมแปลกๆ เหมิอนกื่มน้ำชา

เป็นเพราะเบียร์หรือจิตใจกันแน่นะ

นาน... เนิ่นนานอยู่ใต้ฝักบัวกับสายน้ำอุ่นๆ เวลานี้น่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว เป็นวันใหม่แล้วสินะ วันสุดท้ายของปิดเทอม

เจกดหัวลงมาที่คอผม ซุกไซร้วนเวียนอยู่แถวนั้น เรียกเอาสติผมกลับคืนมา สงสัยคนที่ยังไม่สร่างเมาจะเป็นผมมากกว่า

ลิ้นเจ ลามเลียไปทั่วคอ มันรุ้สึกลื่นๆแล้วก็อุ่นๆยังไงพิกล แถมยังจักกะจี้ดีอีกต่างหาก

“อะ...”

พอยกหน้าขึ้นเสียงมันเลยหลุดรอดออกไป

แย่ละผมเผลอครางออกไป

“ชอบเหรอ” เจ ถาม

ผมไม่ตอบอะไร แค่พยักหน้าช้าๆ

“งั้นต่อนะ”

ไม่ทันผมจะได้ตอบมันก็เริ่มลุกต่ำลงมาวนเวียนกับอวัยวะบนหน้าอกผม จริงๆแล้ว ไม่ต้องบอกก็ได้มันเล่นไปทุกส่วนที่สัมผัสจับต้องได้เลยทีเดียว

มันยืดตัวกลับขึ้นมากอดผมอยู่อย่างนั้น เสียงหัวใจของมันเต้นรัวกว่าทุกที ผมเองก็เช่นกัน

ท่อนล่างกระทบกันรู้สึกร้อนฉ่า กระตุกตามจังหวะสูบฉีดของหัวใจ

นานอยู่เหมือนกัน จนผมเกือบจะอ้าปากถามอะไรเจออกไป ระหว่างที่ปล่อยให้ความเงียบเข้าทำหน้าที่ ฝแข่งกับเสียงน้ำ มันไม่ได้ยืนกอดเฉยๆ ขยับตัวดันเข้าน้องเล็กน้อยพอให้รู้สึก เสียงน้ำเจสะแจะเวลาเสียดสีกันดังเบาๆ

ยังทำอยู่นะ

“เก้าสัญญาแล้วนะ”

เจชิงพูดขึ้น 

“แต่.... จะดีเหรอ”

ผมมีท่าทีครุ่นคิดนิดนึง

ในใจลังเล มันอยากจนอะไรก็ยอมแล้วในตอนนี้ แต่....

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ แต่ว่า ....​ทำให้เรานะ”

มันคงเห็นผมลำบากใจ

ผมสงสัย มันคืออะไรกันแน่

แต่คำตอบมันก็ออกมาแล้วจากท่าทางของเจ

มันจับผมพลิกหันหลังอย่างรวดเร็วจนผมต้องเอามือสองข้างดันกำแพงไว้ จากที่มันซุกไซร้คอกลายเป็นว่ามัน มาลามเลียที่แผ่นหลังแทน

“ขาวจัง”  เจ พูดขึ้น

จะทำก็ทำ อย่าพูดแบบนี้สิ ผมเขินนะ

มือมันก็ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังขาวๆ ลูบขึ้นลง สักพักมันวนมาเวียนอยุ่แถวบั้นท้ายผม

“ก้นก็ขาว” 

พอ สัก ที!!!!!
           
มันจะทำอะไรกันแน่

ของแข็งทิ่มแทงที่ก้นผม พยายามดันส่วนนั้นเข้าไปให้ได้ มันไม่เคยทำกับผู้ชายเลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไงก่อน ผมเองก็ใช่ว่าเคย แต่ยัดๆเข้าไปเนี่ยไม่เข้าแน่ๆ

ไม่ง่ายนักหรอกครับ ก็คนไม่เคยนี่นา

อย่างไอ้เจเหรอจะหยุดแค่นี้

แป๊ก เสียงเปิดขวดดังขึ้น

“มึงเอาสบู่เหรอ”

“แล้วมึงจะเอาสดๆเหรอไง” คราวนี้มันตอบเสียงหนักแน่นชัดเจน

เป็นอันว่า มันหายเมาแล้วล้านเปอร์เซนต์

ตอนนี้ทั้งตัวผมลื่นไปหมด มันละเลงสบู่ทั้งตัวเลย

จากนั้นมันก็เริ่มเอาตัวเข้ามาบดขยี้ถูไถ ไปตามตัวผม ส่วนนั้นของมันท่าทางจะสู้ไม่ถอยเลยทีเดียว ไม่ว่าตัวมันจะถูกับด้านหลังผมยังไง ด้านไหนมุมไหน มีส่วนนั้นเพียงอย่างเดียวที่มันจะไม่ยอมให้ห่างจากร่องก้นผมเลย ราวกับว่าถ้ามันถอยห่างออกไปมันจะไม่ได้เข้าใกล้อีก

“เอาละนะ” มันพูด

มันดันเข้ามาอย่างหนักหน่วง ถึงผมจะไม่ได้ตอบอะไรออกไป ถึงคำตอบจะเป็นได้หรือไม่ได้ มันก็ไม่หยุดแน่แล้ว

“อะ..​เจ็บนะ” ผมพยายามบอกมัน

“ทนหน่อยนะ” มันยังฝืนต่อ
   
โอ้ย ไม่เข้าหรอก ครั้งแรกนี่ยากเหมือนกันนะ

ไม่มีทางเลือกผมพยายามหมุนตัวกลับมาอีกด้าน เพื่อแสดงว่าผมเปลี่ยนใจแล้ว

“ขออีกทีนะ” มันยันผมกลับไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว

“ทนหน่อย” มันค่อยๆฝืนทำต่อ

ผมเริ่มรู้สึกว่ามันกำลังจะได้แล้ว เริ่มๆจะเข้าแล้ว

ผมก็แค่ยืนเฉยๆให้มันทำไปจนเสร็จสินะ ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่โดนมันทำจะเป็นอย่างไร ผมจะมีอารมณ์ร่วมแค่ไหน อาจจะสนุกหรือไม่สนุกเลยก็ได้ มันจะพอใจมั้ย ผมสัญญาไปแล้วนี่นา

ผมเริ่มรู้สึกกลัว

‘ไว้กูมาที่บ้านบ้างนะ’ คำพูดนี้คำเดียว หยุดความคิดของผมทันที

มันรู้สึกผิด จะให้หยุดก็คงไม่ได้ มาถึงขนาดนี้แล้ว

“กูเจ็บวะ พอเหอะ” ผมหันไปมองมัน

มันจ้องมาที่หน้าผม สายตาเราสองคนปะทะกันอยู่ชั่วครู่ ก่อน... ผมจะหลบตา

“อือ ก็ได้” มันค่อยๆหยุดแล้วถอยห่าง

“เดี๋ยว..​กูทำอย่างอื่นละกัน” ผมบอกมัน

ตอนนี้กลับกันกลายเป็นฝ่ายผมที่ไปไซร้คอมันบ้าง เริ่มทำแบบเดี๋ยวกับที่มันทำกับผมก่อนหน้านี้

ส่วนนั้นของเจยังทิ่มแทงผมอยู่ แต่เป็นด้านหน้าของเราสองคนมากกว่าที่ฟาดฟันกัน
   
ผมค่อยๆ ก้มตัวลงเรื่อยๆ ต่ำลงๆ จนกระทั่ง....

มันเอามือจับหัวผมค่อยๆดึงหัวผมกลับไปซุกที่คอมัน

ผมเลยเลียนแบบมัน ไซร้คอแรงๆ แต่ดูดที่คอเบาไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มครางออกมาบ้าง

“อา.. เก้า ต่ำลงอีกๆ เอาแบบเมื่อกี้”
   
ผมเริ่มลงไปที่หน้าอก ด้านซ้าย ขวา แล้วก็ตรงกลาง หัวใจของเจเต้นอยู่ในนั้น เสียงดังชัดเจน

“ตะ... ต่ำลงไปอีก”

ผมเริ่มซุกที่พุงขาวๆของมัน ไม่ยักกะรู้ว่า พุงขาวๆของมันนี่นิ่ม ให้ความรู้สึกดีแล้วก็น่ากัดเป็นบ้า

เผลอกัดไปเบาๆ

“อะ....” สงสัยมันจะเจ็บ

กำลังจะเงยหน้าไปถามมันเลย กลับกลายเป็นว่า มันยังกดหัวผมลงไปอีก

“อือ”  นั่นคือคำตอบของผม
   
รู้แล้วว่า มันต้องการให้ทำอะไรให้ แบบเดียวกับที่ผมจะชดเชยให้มันอยู่พอดี

นี่เป็นครั้งแรกของผม และการใช้ปากครั้งแรก

ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ได้จ้องมองส่วนนั้นของเจชัดๆ แถมใกล้ขนาดนี้ ส่วนนั้นผงกหัวให้ มันคงกำลังเรียกร้องอยู่ เจ้าของมันเองก็เช่นกัน สีแดงแปร๊ด น้ำใสๆออกมาเต็ม

ในเมื่อมันต้องการแล้วละก็  แถมผมสัญญาไปแล้วนี่นา

เอาวะ

ผมก้มลงต่ำลงไป ครอบจุดนั้น หวังว่าคงไม่กัดโดนนะ

“อา....” ตั้งแต่ทำมา เจไม่เคยครางดังให้ผมได้ยินยังงี้เลย

“เก้าๆๆ”

ผมเริ่มจากช้าๆ เป็นเร็วขึ้นๆ เมื่อผมชินกับท่าทางใหม่นี้แล้ว จึงค่อยๆเสริมเข้าไป
   
มันคงเป็นสัญชาติญาณ ไม่ต้องสอน

“ลิ้นเก้า ให้ความรุ้สึกดีจริง”
   
ผมเลยกัดมันเข้าไปทีนึงให้มันหุบปาก ถึงผมจะทำให้มันได้ แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะไม่อายนะ

“อย่าหยุดนะ”  เสียงเจเริ่มสั่น
   
ตัวมันก็สั่นไม่แพ้กัน

ขามันที่เคยยืนไม่อยู่ตอนนี้เปลี่ยนไป ไม่รุ้เรี่ยวแรงมาจากไหน เริ่มโยกช้าๆ แล้วก็เร็วๆขึ้นๆ

“อา... เก้าๆ กูขอนะๆ อย่าหยุดๆๆๆ” เจเริ่มแย่แล้ว

“อือ” ผมพยายามพูดทั้งอย่างนั้น

“อา...ๆๆ” ตัวมันกระตุกอยู่หลายที

ดีว่าผมเอาออกมาทัน มันจึงเลอะแค่หน้าผม

แต่แทนที่เจจะหยุด มันกลับเอามาถูหน้าผมใหญ่เลย

พอผมเงยหน้าขึ้นไป กลับเจอ เจ คนที่ผมไม่รุ้จัก

สีหน้ามันสะใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนคนได้ของรางวัลยังไงยังงั้น

“พอแล้ว เดี๋ยวกูทำให้มึงมั่ง” มันดึงผมขึ้นมา

ตอนนี้ผมเหนื่อยหอบ คงไม่ต่างกับมันเท่าไร

มันจับผมผลิกหันหลังแล้ว กอดผมจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว

สองมือมันเกาะกุมส่วนนั้นของผมแล้วก็เริ่มปฎิบัติการ

ถึงตัวมันจะแนบตัวผมจากด้านหลัง แต่มันกลับต่างกัน รู้สึกได้ว่าอารมณ์มันหดหายไปแล้ว และส่วนนั้นดูจะอ่อนลง ไม่ต้องสัมผัสหรือมองก็รับรู้ได้

“เอาละนะ” มันบอกผม ไม่รู้จะบอกทำไม

มือมันเริ่มหวุนวนไปรอบๆ จากบนลงล่าง แล้วกลับมาที่ส่วนบนสุด

ตรงนี้ผมตัวเกร็ง จากมือที่แบดันกำแพงไว้ เพราะน้ำหนักตัวของมันกลายเป็น กำแน่น ขาเริ่มลอยจากพื้น ผมเขย่งปลายเท้าแทน

“อา... เจ.... อา...” ตอนนี้ช่างมันแล้ว ความอายก็ไม่เหลือ

มันยังทำต่อไป แล้วเปลี่ยนจากส่วนบนลงมายังส่วนต่ำกว่าที่ห้อยอยู่ แล้วเริ่มคลึงเบาๆ มืออีกข้างกำลังขยับขึ้นลงช้าๆ

ผมผ่อนลมหายใจออก มันอาจจะไม่เท่าเมื่อกี้แต่ก็รู้สึกดีไม่ต่างกัน

“ลื่นนะ แต่กูไม่ได้ทาสบู่ตรงนั้นของมึงนี่” มันยิ้ม

“มึง..” ผมกำลังหันไปด่ามัน
   
มันรีบรัวมือทันที จนผมต้องหันหน้ากลับไปมองกำแพงดังเดิม

“เอาละนะ” มันยังพูดต่อ

“อือ”

“อ้า...” ตอนนี้ภาษาอะไรก็ไม่รู้แล้ว

ไม่นานตัวผมยิ่งเกร็งขึ้นๆ มันเอามือข้างนี่ไม่ได้ขยับนั้นมาลูบไล้ก้นผมจากผ่านจากหลังอ้อมลงไปข้างหน้า ไม่เจอกับมืออีกข้าง

ผมแทบจะยืนไม่อยู่แล้วคิดว่าผมคงจะพิงมันมากกว่า แขนผมลอยจากกำแพงตัวแอ่นไปทับมัน

“อ้า.. .​เจ เจ มาแล้ว”
   
มันยิ่งทำเร็วขึ้นๆ จนกระทั่ง...

“พอยัง” มันถามผม เสียงเหนื่อยหอบ

“อือ” ผมที่เหนื่อยกว่าไม่รู้จะพูดอย่างไรได้

“เต็มกำแพงเลยมึง”

   ขาผมอ่อนแรงเกินกว่าจะถีบมันไหว จึงเอามือตบหัวมันแทน

“เดี๋ยวกูล้างเอง มึงล้างตัวเหอะ”

“อือ”

สภาพก้อนเนื้อกลมๆยืนล้างร่างกายลวกๆ ดูหมดสภาพต่างกับก่อนหน้านี้

ผมยืนดุมันล้างตัวจนสะอาด นี่ก็ครั้งแรกเช่นกันที่ผมมองดูผู้ชายด้วยกันอาบน้ำให้ดูต่อหน้าต่อตา แบบไม่มีไรปิด ไม่ปิดบัง และไม่เขิน

“งั้นกูออกไปแต่งตัวก่อนน”มันบอก

“ถ้าไม่ง่วงก็ไปเล่นเกมเลยนะ” ผมตะโกนไล่หลังไป
   
เอาละ งานล้างห้องน้ำเป็นของผม

หลังจากล้างออกหมดแล้ว คราวทั้งหมดไหลลงท่อไปพร้อมกับอารมณ์ของเราสองคน อารมณ์ที่มันกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง แต่เมื่อทุกอย่างจบลงเหมือนมันจะกลับมารวมกันอย่างเก่า

ถ้าบรรยายออกมาเป็นสีละก็ เหมือนเราสองคนสาดสีที่ไม่เข้ากันใส่กัน ฟุ้งออกไปในอากาศ วนเวียนอยุ่ในห้องน้ำ แต่เมื่อกิจกรรมจบลง สีนั้นไหลกลับมากองรวมกัน กลายเป็นสีอื่น สีที่ไม่สดใสเหมือนตอนแรก คล้ายๆสติที่ขาดหายไปกลับคืนมา

ถ้าต้องมาบ้านผม.......

ผมจะกล้าทำอย่างนี้มั้ย....

แล้วมันจะขอผมทำมั้ย....

ความคิดชั่วร้ายแทรกเข้ามา จนต้องสะบัดหัวไล่ความรู้สึกออกไป ตอนนี้แอลกอฮอล์ไม่มีอำนาจเหนือผมแล้ว ความอยากก็หายไป

ไม่มีทางเด็ดขาด.....

นี่คือ คืนสุดท้ายของปิดเทอม

ผมออกมาจากห้องน้ำ สงสัยจะใช้เวลานานไปหน่อย ตัวผมยังไม่แห้ง หัวก็ยังเปียกอยู่ ตอนนี้ผมเดินออกมาตัวเปลือยเปล่า ตอนเข้าไปก็ไม่ได้เอาเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนเข้าไปด้วย ดังนั้นนอกจากผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดหัวแล้ว จึงไม่มีอย่างอื่นอีก มาถึงตรงนี้ จะอายก็คงกระไรอยุ่

“หลับทั้งยังงี้เนี่ยนะ”
   
   หรือจริงๆแล้วมันเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วกันแน่

ร่างอวบขาวของมันนอนเหยียดอยู่บนโซฟา ผมควรจะปล่อยมันไว้อย่างนั้นดีมั้ย

นาฬิกาในห้องผมบอกว่า ตีหนึ่งกว่าแล้ว

“ลุกหน่อยดิ ไปนอนที่เตียง”

“ลุกดิมึง เดี๋ยวหวัดแดกหรอก”

ได้ผลสักพักมันลุกขึ้นเดินงงๆ ไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอน  เหมือนถุงข้าวสารเหี่ยวๆ

“เฮ้อ”
   
ผมหันหลังเดินไปปิดไฟ แล้วขึ้นเตียง

ผมต้องจัดท่าทางให้เจมันนอนอย่างหันไปทางโซฟาแล้วหันหลังมาทางผม ถ้ามันหันหน้าเกิดมาอ้วกใส่หรือว่า ละเมอขึ้นมาจะได้ไม่หนวกหูผมมาก

จัดท่ามันนอนตะแคงสบายห่มผ้าให้มันเรียบร้อย ส่วนผมนอนหงายอยู่อย่างนั้น นึกขึ้นมาได้ว่า ผมเองก็ยังไม่ได้ใส่อะไรเลยเหมือนกัน 

ช่างมันเหอะ เหนื่อยแล้ว

ปิดเทอมนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายจริงๆ

ตั้งแต่ผมเรียนพิเศษ เจอ บูม จนกระทั่ง ไหงไอ้เจมานอนแก้ผ้าข้างผมได้

เปิดเทอมที่ผ่านมา แค่มีใครสักคนเป็นเพื่อนกับผมก็พอแล้ว แต่นี่ดูเหมือนจะเกินความคาดหมายอยุ่

ผมได้เพื่อนใหม่ สี่ คน หนึ่งใในนั้นก็ไอ้บ้านี่ที่มันนอนอยู่ข้างๆ ท่าทางมันจะหลับสนิทซะด้วย ผมพลิกลับมานอนหงาย แล้วจู่ๆเจก็พลิกมาซบผมจากข้างๆ
   
“เฮ้อ” ผมพ่นลมหายใจเบา
   
ผมจึงนอนลูบหัวมันอยู่อย่างนี้ สงสัยต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าผมจะหลับได้

ครืดดดดดดดดด  ครืดดดดดดดด
   
มือถือ?? เจ ไม่ได้ปิดมือถือเหรอ แล้วใครโทรมาดึกป่านนี้

ผมเลยค่อยๆดันเจออกไปเบาๆแล้วลุกขึ้นไปรับสาย

ผิดคาดไม่ใช่โทรศัพท์มา แต่เป็น ข้อความ

‘ทำไมมึงไม่กลับบ้านคนที่บ้านเป็นห่วงนะ มึงยังโกรธพวกพี่ๆเรื่องนุ่นเหรอวะ’

โทรศัพท์ขึ้นชื่อ    ...แจ๊ค พี่ชายเจ???

“เจ มึงคิดว่ายังไงผู้ชายก็เป็นแฟนกันไม่ได้ใช่มั้ย”

“อือ...” มาครางตอบพร้อมพยักหน้า

ความรู้สึกพังทลายราวกับตัวต่อเลโก้ที่โดนเด็กเตะล้มพังครืนไม่เป็นท่า เราโง่เอง มันยังไม่ได้เลิกกับคนชื่อนุ่นซักหน่อย ไอ้แมคมันก็ทักขึ้นมาแล้ว

 ทำไมนะ ผมรู้สึกเสียใจ แต่ในเวลาพร้อมๆกัน มันก็ดีใจไปด้วย เหมือนโดนคัดออกจากการเป็นนักแสดงนำ ไม่อยากได้แต่ก็เสียดาย ถ้าได้ก็คงปวดใจที่มันยังไม่เลิกและก็รู้สึกผิดไปด้วย ไม่ได้ก็ดีไปหน่อย...

 งี้ก็แปลว่า ผมเป็นแค่คู่ขามันสิเนี่ย

เหนื่อยแล้ว สมองไม่ทำงานมันกลายร่างเป็นก้อนเนื้อสีชมพูอยู่ในกระโหลกหนาของผม ชักรู้สึกปวดหัวแล้วสิ

ผมลุกขึันไปกินยาแก้ปวด 2 เม็ด

...ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาดู

ผมเลือกเบอร์ต้อง ไม่กล้าจะกดออก ปุ่มเหมือนมีหนามแหลมคมปิดซุกซ่อนอยู่

 กดปิดหน้าจอ

'เราคงไม่ได้ชอบเจจริงๆหรอก.... ไม่งั้นคงเสียใจกว่านี้'

เดินกลับไปซุกตัวลงนอนที่เดิม

พยายามสงบใจ... คนข้างๆไม่ใช่คนที่ชอบเรา

--------------------------------------------------

จบภาค 2 ปิดเทอม

ตอนนี้แปลกๆนิดหน่อย เนื่องจากเอาลงเวบแล้วมันไม่เหมือนที่ทำไว้ใน pages

แล้วเจอกัน ภาค 3
           
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 8.0 บอกลาม.4 [pg5] 6/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 07-11-2015 10:33:31
เริ่มโตขึ้นแล้วเก้า
ประสพการณ์จะเป็นบทเรียน
หัวข้อ: นิดหนึ่งก่อนขึ้นภาค 3
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 08-11-2015 00:31:56
ช่วงนี้เห็นฮอโมนกำลังมาเรื่องงานกีฬาสี พอเห็นในฟีดปุ๊บ สะดุ้งนิดหน่อยว่า ภาค 3 เกี่ยวกับกีฬาสี เป็นเรื่องของม. 5 ที่ต้องเข้ามาช่วยรุ่นพี่ ม. 6 ทำงานใหญ่ของโรงเรียน คือ กีฬาสี

ที่สะดุ้งเพราะเดี๋ยวจะชนกัน (มีคนทักมาว่า เดี๋ยวเค้าหาว่ามาจากฮอโมนหรอก) เลยขอออกตัวก่อน

ไหนๆก็มาแล้ว ภาค 3 ม. 5 กีฬาสี ชื่อตอน เสียงพลุกับวงเหล้า ใบ้นิดนึง ทีมต้องรัวๆได้เลย

                   ภาค 4 ขอแค่ 5 นาที เป็นเรื่องที่เกิดขนาดกับภาค 3 (แต่ขอนับเป้นเรื่องที่ 2 แล้วกัน) ใครๆที่รอ น้องต่ออยู่ ภาคนี้น้องต่อเป็นพระเอกนะครับ...

                   ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านกันว่า หวังว่าคงไม่เบื่อกันก่อนนะครับ

                   เรื่องนี้มีความหมายกับทั้งคนแต่งและตัวละครทุกตัวในเรื่อง แน่นอนว่ามันไม่ใช่ไดอารี่มันจึงดูโดดไปมานิดหน่อย ผมพยายามเก็บภาพที่เป็นจริงให้ได้มากที่สุด เพราะเชื่อว่า อะไรที่ใกล้ความจริง มันเข้าถึงได้ง่าย ทุกคนมีประสบการณ์ร่วมได้ อาจจะตัวเอง คนรอบข้าง เพื่อน...
                   
                   สำหรับผม เรื่องมันยังชัดเหมือนเพิ่งเกิดมาเมื่อปีที่แล้ว สองปีที่แล้ว แม้ว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องคงจะไม่ใส่ใจจำแล้ว

                   แด่ ผู้ซึ่งเคยพบ และ ผู้ที่จากไป (ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม) และ ... ผู้ที่เปลี่ยนไป

           
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 8.0 บอกลาม.4 [pg5] 6/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 08-11-2015 09:51:56
ขอให้เก้าคิดดีๆก่อนจะลงมือทำอะไรนะคะ อย่าให้ความเหงามาบงการนะ เข้มแข็งน้าาา ส่วนต้อง รีบ! มา! เดี๋ยวนี้!
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 8.0 บอกลาม.4 [pg5] 6/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 09-11-2015 22:18:19
คนเคยพบ ก็ต้องจบ พบแล้วจาก
คนที่พราก มาจากไป ให้คิดถึง
แต่คนเปลี่ยน เพี้ยนจากเดิม เริ่มอื้ออึง
ใจสับสน ปนตะลึง คือตัวเรา

เก็บอดีต ที่หวานหอม ตอมตัวอยู่
ทิ้งอดีต ที่ยับยู่ จากตัวเขา
อนาคต หนข้างหน้า อย่ามัวเมา
ไม่มีเขา ไม่มีเรา เท่านั้นเอง

..เป็นกำลังใจให้คนแต่ง(เก้า??)..
ยิ้มสู้นะ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ตัวตนและคำสารภาพ : ปิดเทอม : ตอนที่ 8.0 บอกลาม.4 [pg5] 6/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 10-11-2015 11:07:27
คนเคยพบ ก็ต้องจบ พบแล้วจาก
คนที่พราก มาจากไป ให้คิดถึง
แต่คนเปลี่ยน เพี้ยนจากเดิม เริ่มอื้ออึง
ใจสับสน ปนตะลึง คือตัวเรา

เก็บอดีต ที่หวานหอม ตอมตัวอยู่
ทิ้งอดีต ที่ยับยู่ จากตัวเขา
อนาคต หนข้างหน้า อย่ามัวเมา
ไม่มีเขา ไม่มีเรา เท่านั้นเอง

..เป็นกำลังใจให้คนแต่ง(เก้า??)..
ยิ้มสู้นะ

ขอบคุณนะครับ กลอนเพราะมาก ผมไม่มีความสามารถเรื่องกลอนแฮะ

ตอนนี้ก็ต้องขอกำลังใจละ เพราะว่าไฟล์หาย ต้องมานั่งพิมพ์ใหม่จากที่ปริ้นเก็บไว้ ฮ่าๆๆๆ งานช้างเลย
หัวข้อ: เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 1.0 : ม.5 11/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 11-11-2015 12:12:56
เสียงพลุกับวงเหล้า : 1.0 ม. 5   

        ปิดเทอมแสนสั้นผ่านไปแล้ว ถ้าจะปิดสั้นขนาดนี้ก็อย่าเรียกว่าปิดเทอมเลยเหอะ สรุปเวลาที่ปิดเทอมคนอื่นเค้าไปเรียนพิเศษกัน ตรงข้ามกับตัวผมที่พอเรียนเป็นพิธีไปอย่างนั้นเอง พอกำลังจะคิดว่าอยากจะทำอะไรสักอย่างกับผมการเรียน

    รู้ตัวอีกทีก็เปิดเทอม กลายเป็นเด็กม. 5 แล้ว

   เปิดเทอมปีที่แล้วผมยังคิดว่าไม่รอดแน่เลย ต้องอยู่ท่ามกลางฝูงซอมบี้ที่น่าชัง ผสมกับวิชาเรียนที่น่าเบื่อ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันคุ้มมั้ยกับที่ผมหนีปัญหามาอยู่ห้องนี้ สุดท้ายแล้วปัญหามันก็ยังตามผมมาถึงอยู่ดี แต่เพราะพวกมันนี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกเปลี่ยนไป

   สำหรับไอ้เจ เรื่องมันเกิดขึ้นอย่างที่ผมไม่อยากให้มันเกิด ทั้งหมดเพียงเพราะความอยากในตอนแรก จะว่าไป เราสองคนไม่ได้ตกลงเป็นอะไรกันซะหน่อย ความอยากเพียงอย่างเดียวที่หลังๆ ชักนำให้ผมกับเจมาแนบแน่นกันมากขึ้น แน่นจนบางทีก็ต้องบังคับไม่ให้เผลอใจไปคนเดียว

    สำหรับไอ้เจแล้วมันน่าจะสรรหาคำอื่นมาแทนดีกว่า เพราะมันถี่เหลือเกิน ทำบ่อยเกินไปแล้ว

   หลังจากเย็นงานวิทย์แล้ว ในห้องวิทย์ที่ทุกวันนี้ผมกับเจ ยังต้องใช้ห้องนั้นเรียนวิชาเคมี ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว มันกลายเป็นห้องแห่งความทรงจำ (ที่ไม่น่าจะจำเลย) ตอนนี้ร่างกายของผมเวลาอยู่ในห้องนี้เป็นเหมือนที่ระบายความใคร่ของเจ

   จะมีใครรู้มั้ยว่า ห้องวิทย์เองที่เหม็นจากกลิ่นสารเคมี กลายเป็นกลิ่นเหม็นอับของเด็กผู้ชายสองคนที่หยิบยืมสถานที่นี้ใช้เป็นเวที ฟาดฟันเพื่อปลอดปล่อยอารมณ์ของกันและกัน

   คำว่าฟาดฟันดูจะถูกที่สุดแล้ว

   ไม่รวมที่มันลามไปตามจุดต่างๆในโรงเรียนเวลาห้องวิทย์ไม่ว่าง แล้วก็ที่บ้านผม ตอนปิดเทอม

   ยิ่งมันขอให้ผมทำให้อย่างเป็นเมียมันในคืนสุดท้ายนั้น ผมดีใจอยู่ไม่น้อยที่มันเมาจนมันไม่มีสติเพราะมันจะบังคับให้ผมหันหลังให้มันไม่ได้ ถ้ามันไม่เมามาก่อนแล้วละก็  ผมคงจะได้เป็นเมียมันโดยสมบูรณ์แล้ว ที่หยุดไม่ใช่เพราะผมเล่นตัว

   แต่เป็นไอ้เจต่างหากที่บอกความสัมพันธ์ของผมกับมัน เรายังเป็นเพื่อนกัน แล้วจะไม่มากไปกว่านั้น ผู้หญิงที่มันชอบ ชื่อ นุ่น

   ดีแล้วที่ผมไม่ทำ อีกไม่กี่สิบนาทีต่อมา ผมก็ต้องมานั่งเสียใจแน่ๆ เพราะคืนนี้เองหลังจากเจหลับอย่างเหนื่อยอ่อน เหนื่อยสิ โดดขึ้นเตียงนอนเลย เสื้อผ้าก็ไม่ใส่ มันบอกผมเองว่าเวลาที่ทำอย่างว่ากับผม มันรู้สึกเหมือนกับว่า ผมเป็นผู้หญิงคนนั้นของมัน

   แปลว่า มันมองไม่เห็นผมที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมเป็นแค่ที่ระบายของมันเท่านั้น

   มันหลับไปปล่อยให้ผมใช้มือช่วยมันอยู่อย่างนั้น พอมันเสร็จก็หลับไปเลย ลำบากผมอีก

   คืนนั้นผมก็นอนคิดอยู่ทั้งคืน ผมต้องทำให้เรื่องนี้มันจบลง ก่อนที่ เจ ไม่สิ ผมจะมีปัญหากับมันขึ้นมา ไม่ว่าด้วยอะไรก็แล้วแต่ ความเป็นเพื่อนก็ยังไม่เสียไป   

   ตรงกันข้ามความรู้สึกแปลกๆที่มีต่อไอ้ต้องต่างหากที่มันโผล่แทรกออกมา ทำให้ความพยายามผมสูญเปล่า ทั้งที่ผมเก็บเอาไว้มานาน ความไม่คุ้นชินกับความขี้เก๊กของมัน แต่ไม่ได้แปลว่า มันจะไม่หล่อนะครับ แค่บางครั้งที่มันทำตัวระรานให้รำคาญ คนอย่างผมไม่มีทางเดาอารมณ์มันออกได้เลย

   แต่ทำไมเวลาแค่สั้นๆไม่ถึงเดือน มันกลับ.... อย่างกับว่า มันพยายามเข้าหาผมให้มากขึ้น ยิ่งมันพยายามเข้ามาหาเท่าไรก็ยิ่งเหมือนไปจุดระเบิดให้กับกองความรู้สึกที่ผมซ่อนเอาไว้ให้กระจุยออกมา

   คนอย่างต้องเนี่ยนะ จะมาสนใจผม

   ขืนมันทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมจะเผลอหลุดปากบอกมันออกไปจริงๆมั้ยนะ

   ส่วนไอ้แมค วันที่พวกเราไปถล่มบ้านมันฉลองปิดเทอม ทำไมมันดูซึมๆไป ไหล่สองข้างของมันยังกับว่า ถูกบางอย่างกดทับไว้ ไม่ให้ยึกยักได้เหมือนทุกที มันที่เป็นเด็กแนว มีชีวิตที่ผมอิจฉา ผลการเรียนมันก็ใช้ได้ (ผลการเรียนผมกลับแย่) วันนี้มันกลายเป็นว่า มันที่เคยมั่นใจ ทำไมดูราวกับว่า มันแก้ปัญหาบางอย่างไม่ออก ไม่สิ ไม่ได้อยากแก้ แต่รับสภาพมากกว่า
   
   สุดสัปดาห์สุดท้ายที่น่าจดจำ เลยลงเอยด้วยไอ้เจกับไอ้ต้องทะเลาะกันหน้าห้องน้ำ

   ม.5 มันเป็นปีที่อยู่กลางของชีวิตม.ปลาย กำลังจะเป็นพี่ใหญ่ คล้ายๆกับลูกคนกลาง เวลาทำกิจกรรม สิทธิ์ขาดจะอยู่ที่รุ่นพี่ เวลามองขึ้นไป ผมไม่เคยเข้าใจชีวิตพวกเค้าเท่าไรนัก เวลาเรียนก็น้อย กิจกรรมก็มี งานใหญ่สุดเห็นจะเป็นกีฬาสี ไหนจะสอบเข้าอีก เวลาทำอะไรก็สบายๆ ไม่ค่อยมีครูมาว่า มันเลยเหมือนพวกเค้าเป็นผู้ใหญ่กว่า ไม่ใช่แค่พี่ที่โตกว่า 1 ปี

   ถ้าม.6 เรียกว่าทะลึ่งแล้วละก็ อืม... พวกผมก็เริ่มเป็นกันละนะ สมัยม.ต้นนี่ทุกคนทำตัวสงบเสงี่ยมคำถามที่เคยๆถามจากเด็กม. ต้น ก็เปลี่ยนไป จำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง เคยมีเพื่อนสมัยม.ต้นถามว่า ขนขึ้นรึยัง เอ่อ... มันคงประหลาดถ้ามาถามตอนนี้ แต่ตอนนั้นมันเป็นเรื่องใหม่มาก

    พอ สัก ม.4 ก็จะเปลี่ยนเป็น เคยชักว่า.. ยัง สำหรับรุ่นพี่ม.6 เคยได้ยินแต่ถามว่า เมื่อคืนเอากับเมียเหนื่อยมั้ย  มันพัฒนาการไปอย่างรวดเร็วจริงๆ ก้มหน้าลองมองตัวผมเอง อะไรๆก็เปลี่ยนไปเยอะ จากเด็กชาย มาจนใช้คำนำหน้าว่านาย ตอนเปลี่ยนชื่อนี่รู้สึกจักะจี้ดีพิลึก มันบ่งบอกว่า พวกเราโตแล้ว ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป

   "ครูครับ คนที่ใช้นาย นี่ต้องโตจนขนขึ้นใช่มั้ยครับ" มันมีเด็กเปรตคนนึงถามขึ้น

   "เกี่ยวอะไรด้วย ใครสั่งสอนเธอมาเนี่ย"

   "ก็ครูเป็นครูประจำชั้นผมนี่"

   "งั้นครูจะลงโทษเธอฐานะครูประจำชั้นดีมั้ย"

   ทั้งห้องฮา

   ตอนนั้นน่าจะสักม. 2 เรียนเรื่องสุขศึกษาแล้วครูเล่าถึงว่า พอขึ้น ม.1 อย่าไปเขียนคำนำหน้าชื่อว่า เด็กชายนะ อายเค้าโตแล้ว เสียดายคนถามไม่ใช่เจ ถ้าใช่นี่ผมนึกหน้ามันออกเลย

   เอ... แล้วผมเป็นนายตอนไหนนะ ผมกับเจเองก็คงทำกันเกินคำว่านายและคำว่าเพื่อนไปเยอะแล้ว

   นอกจากเด็กที่เรียนจะมีพัฒนาการที่เปลี่ยนไปแล้ว ห้องก็..... อ้าว ห้องเรียนเป็นห้องเดิม เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ได้ยินตอนเดินมาว่า ครูใช้วิธีสลับป้ายเอา จะได้ไม่ต้องจัดโต๊ะใหม่ แค่สลับป้าย พวกม.ปลายมันไม่ม่การย้ายสาขาอยู่แล้ว ดังนั้นสลับป้ายบอกหน้าห้องง่ายกว่า พอเงยหน้าขึ้นมอง ใช่จริงด้วย ม.4/1 กลายเป็น       
   ม.5/1 มิน่าพอเดินขึ้นไปชั้น 5 ถึงไม่เจอ ต้องเดินวนกลับลงมา ผมเลยคิดอะไรฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย สงสัยวันนี้จะมีอารมณ์คิดแต่เรื่องใต้สะดือซะเป็นส่วนใหญ่ กลับไปต้องระบายหน่อยแล้ว

   "เฮ้ ซัน" ผมเห็นมันยืนอยู่หน้าห้อง

   "เก้าาาาาาา" ซันวิ่งมากอดผม

   เอ่อ ทำไมเอ็งสูงขึ้นอีกแล้ววะ ตอนนี้หน้าผากผมอยู่ที่คอแล้ว เสียงก็แหบลงอีก

   "หุบๆ แขนหน่อย ขนจักแร้โผล่แล้ว"

   ผมก็ยังแอบเห็นนะ แม้ว่ามันจะเพิ่งมีหรอมแหรม

   "เฮ้ยๆๆ ปิดเทอมเป็นไงวะ มีไรอัพเดทมั่ง"

   "ไม่มีอะ ก็เรียนพิเศษบ้างนิดหน่อย มึงละ"

   ระหว่างคุยมันมองหาที่นั่ง เอะ... มีการย้ายที่เหรอ

   "กูเหรอ ก็เหมือนกันแหละ มีไปเตะบอลกับห้องอื่นบ้าง อ้อ ได้เกมใหม่มาด้วย"

   "เหรอ เกมไรวะ"

   ไอ้ซันมันเล่นเกมเหมือนกันเหรอเนี่ย ท่าทางมันจะสนใจ

   "ต่อสู่น่ะ ไว้เล่าให้ฟัง” ซันมองหาที่นั่งต่อไป

   "นี่ มึงนั่งไหนอะ”

   ผมว่าจะลากมันมานั่งใกล้ๆ

   "ยังไม่รุ้เลยอะ ว่าจะแอบย้ายระหว่างที่คนยังไม่มากัน"

   "มาแถวพวกกูดิ"

   “มุมเดิมปะ" มุม?

   “เออ ย้ายมาดิ ว่าง มาเลย"

   แปะ

   “เปิดมาก็มีเด็กม.ต้น มาวุ่นวายไรหน้าห้องละเนี่ย"

   หือ
   ใครวะ

   "ต้.. ต้อง"

   ผมเอามือจับหัวตัวเอง เข้าใจว่าจะเป็นสมุดหรือกระเป๋า กลับเป็น... มือ มันน่ะ  มือผมจึงวางอยู่มบนมือนุ่มๆของมัน

   "แน่ะ แต๊ะอั๋งกูเหรอ"

   "บ้าเหรอ"

   ผมก้มหน้า แต่แอบเหลือบมองหน้ามัน มือก็คาเอาไว้อย่างนั้น

   มันยิ้มให้

   ซันเดินเข้าไปวางกระเป๋าปล่อยผมกับต้องเอาไว้

   เปิดเทอมมา ได้เจอต้องที่กำลังอารมณ์ดีตั้งแต่วันแรกนี่ สงสัยปีนี้จะเป็นที่น่าจดจำแน่ๆ

   "เฮ้ย นี่มึงสูงขึ้นปล่าวเนี่ย 180  แล้วยังไม่พอเหรอ"

   "โอ้ย"

   คราวนี้มันเคาะด้วยมือข้างเดิม

   "ใครว่ากูสูงถึงละ 177 เอง มึงน่ะเตี้ยดว่าปกติ ไปเอาไม้ที่ไหนวัดมาวะ"

   "เออ ใช่สิ ก็เอาไม้ในห้องพยาบาลไง” ไอ้เสาไม้ที่มีเลขบอกความสูง แล้วเอาแผ่นไม้อีกอันกดหัว

   เอะ งี้ก่อนนั้นผมก็ 167 อะสิ นี่หลอกตัวเองมาตลอดเหรอเนี่ย

   แม่ง เซ็งวุ้ย

   “ไม้ห้องนั้นเคยตรงที่ไหนละ เดี๋ยวมหาลัยมึงก็ไม่สูงแล้วนา”

   ผมสังเกตุเห็นชายเสื้อหลุดของมัน

   "เอ้ย มึงจะย้ายที่นั่งรึเปล่าวะ"

   ชายเสื้อมันหลุดจริงน่ะแหละ จับยัดเข้าไปในกางเกงให้ดีมั้ย

   “เก้า" ต้องเรียกชื่อผม

   “หา อะไรนะ มึงอยากให้กูย้ายเหรอ"

   เสียงสงสัย

   "ป่าว กูแค่ถาม"

   "หรือมึงไม่อยากนั่งกับกู"

   มันเดินเอาตัวเบียดเข้ามาเรื่อยๆ ตอนนี้หลังผมติดขอบประตูแล้ว จะกดดันกันทำไม

   มันหยุดแล้วหัวเราะ

   "รีบเข้าห้องไปเลยต้อง"

   "มึงดึงชายเสื้อกูอยู่"

   เสียงกังวาลอยู่เหนือหัวผม

   "เอ้อ โทดที"

   ผมไปดึงเสื้อมันทำบ้าอะไรวะ ตอนไหวนะ

   “สงสัยจะมีไรดีๆแฮะ" มันเดินผิวปากเข้าไป

   หนอย ถ้าจะพูดยังงี้ มาพูดกับกูนี่ๆๆๆๆๆๆ อยากมีไรดีๆใช่มั้ย ฮ่าๆ

   “ต้องๆ" ผมตะโกนเข้าไป

   ร่างสูงขาวหันมา ผมมันยังไม่ตัดเหรอวะ ยาวปิดหน้าเชียว

   ผมชูนิ้วกลางให้มัน

   "หึหึ อันนิดนึงอะนะ"

   "สัสสสสส กูเกลียดมึง"

   ผมรีบเดินไปที่นั่งเดิม มันยังนั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ ที่โต๊ะตัวเดิม

   เอ้อ ซันละ

   ไอ้อ้วนแว่นมันย้ายไปนั่งหน้าห้อง ที่นั่งมันอยู่ก่อนแถวไอ้ต้องที่ว่างอยู่

   ผมบอกให้ซันวางกระเป๋าลง ถึงไม่ใกล้มาก แต่ก็ยังดีกว่าให้ไอ้อ้วนแว่นนั้นมานั่งขวางหูขวางตาแทน เอ้อ ไอ้สองตัวที่เหลือก็ยังไม่มา สายสินะ เปิดเทอมวันแรกก็สายแล้ว หึหึ สมเป็นพวกมันจริงๆ แปลกๆดีเหมือนกัน ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันมาไม่กี่วันที่แล้ว พอต้องมาเจอกันในห้องเรียน มันรู้สึกราวกับว่า ปิดเทอมกับเปิดเทอมเวลามันไม่ต่อเนื่องกัน ยังกับไม่ได้เจอกันเลยยังงั้น

   เสียงเอะอะ ดังขึ้น

   "กูบอกแล้ว ว่าอย่าตื่นสาย"

   "มึงอะสาย อาบน้ำนาน มัวชักว่า.. เหรอไง แต่เช้าเลยนะมึง"

   เดาจากรูปประโยคแล้วไม่พ้นไอ้เจแน่ๆ

   "ไอ้สายเอ้ย เสียงดังมาเลย"

   ผมร้องทักมันจากที่โต๊ะ ซอมบี้บางคนเงยหน้ามามองเคืองๆ

   "มึงคุยกับใครวะ"

   "อ้อ เพื่อนห้องอื่นน่ะ พอดีนัดเจอกันปากซอย"

   "อ้อ เหรอ"

   กลื่นบุหรี่???

   “หึงเหรอ" เจเดินมาเอานิ้วมาสะกิดตูดผม

   "ขอตบกบาลฉลองม. 5 หน่อยเหอะ"

   ผมกำลังจะเอื้อมมือไปตบ

   มีของดำๆ วางบนหัวมันแทนก่อน

   "น้อยๆหน่อย แต่เช้าเลย กลิ่นมันออกนะ” กระเป๋านักเรียนแมควางอยู่บนหัวเจ

   "อ้าว แมคมาแล้วเหรอ"

   "เออดิ หวัดดีเก้า ต้อง"

   "เออ ดี"

   ต้องนั่งท้าวคางกับโต๊ะตอบ

   "ไอ้อ้วนนั่นไปแล้วเหรอ"

   เจถาม

   "หึหึหึ"
   
   “หัวเราะน่าเกลียดน่าเก้า"
   อ้าว ผมเผลอหัวเราะดังไปเหรอ

   ไอ้อ้วนแว่นที่ล้มหายตายห่าไปแล้ว ต้องขอบคุณไอ้ต้องจริงๆ ตอนนี้มันเลยกระเด็นไปนั่งไกลจากที่ของพวกผม นั่งหน้าสุดติดกระดานเลย เหมาะสมกับมันแล้ว

   "แล้วใครจะมาแทนวะ"

   "ซันไง มันวางของแล้วเนี่ย"

   “งั้นเก้ามานั่งตรงกลางมะ"

   เจย้ายของผมไปวางตรงกลางระหว่างมันกับแมค

   "ไม่เอาอะ ตรงนี้ดีอยู่แล้ว”

   ผมย้ายกลับ

   "ไรวะ นั่งกลางสิดี จะได้อยู่ในความดูแลของกู"

   "พอเหอะ เรื่องมากนักกูจะไปนั่งกับซันนะ"

   ผมแอบมองไปทางต้อง มันไม่มีปฎิกริยาอะไร

   "เอออ ก็ได้ว้า"

   พูดจบ เจเดินมากอดคอผม

   “วันนี้เอาอีกมั้ย" เสียงมาพร้อมกลิ่นบุหรี่

   มันกระซิบ

   ผมเบี่ยงตัวออก นี่มันขนาดกระซิบกลางวงเลยเหรอ

   เสียงออดดังขึ้น แต่ไม่ดังไปกว่าเสียงเก้าอี้ถูกดันครืดออกไป ไอ้ต้องเอาอีกแล้ว

   ผมต้องห้ามให้ต้องกลับลงไปนั่ง

   ตั้งแต่วันนั้น ไอ้ต้องกับไอ้เจ ไม่ค่อยคุยกันอีกเลย ถ้าจะว่ามันทะเลาะกันก็คงไม่ผิด ไอ้แมคดูแล้วท่าทางจะหนักใจน่าดู ทำไงได้อะนะ คนเคยอยู่ด้วยกันสามคน จู่ๆต้องมามีปัญหากัน

    ไอ้แมคมันถอนหายใจบ่อยๆ ผมเองก็ไม่เคยคุยกับมันเรื่องนี้จริงจังซักที ไว้วันไหนจะหาทางคุยกับมัน

   พอเห็นพวกมันเป็นแบบนี้ ผมก็พลอยรู้สึกผิด ปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปจะมีปัญหามั้ย ไอ้เจนี่แหละ ตัวปัญหาเลย

   กับไอ้เจ เย็นนี้เหรอ

   ไอ้อยากก็อยากอะนะ ไม่ทำหลายวันแล้ว

   ผมยอมรับว่า เรื่องอย่างว่าไอ้เจเนี่ยจัดว่าไม่เบาเหมือนกัน ขนาดผมเป็นผู้ชายด้วยนะ ครั้งแรกๆมันดูไม่เป็นงานเอาเลย

   ดูออกว่า แรกๆมันเป็นทำเหมือนกล้าๆกลัว แต่ด้วยอารมณ์อยาก จึงทำให้มันเป็นไปอย่างนั้น สัญชาตญาณละมั้ง ผู้ชายทุกคนเองก็คงจะมีความโหยหาในเรื่องอย่างว่าอยู่แน่ๆ ถึงไม่เป็นสุดท้ายมันก็เป็น

   ตอนนี้ทุกคนมากันครบแล้ว เรื่องที่นั่งก็คงจะต้องจบ เข็มยาวมาถึงเลข 12 แปลว่า 8 โมงตรงแล้ว จะเข้าเรียนวิชาแรก ของม.5 ไม่ใช่วิชาสิ คงเป็นการแนะนำตัวครูประจำชั้นเหมือนทุกที ถ้าดูแล้วไม่เคี่ยวมาก พวกผมก็จะสบายทำอะไรได้ตามสะดวก

   เรื่องที่นั่งได้ข้อสรุปว่า ทุกคนนั่งที่เดิม แค่ซันย้ายมาใกล้ต้องอีกหน่อย ตอนนี้ซันนั่งอยู่หน้าต้องแล้ว เปิดมาพวกซอมบี้ยังงงๆผมเลยให้ซันรีบย้ายเลย ใกล้เข้ามาอีก จะได้มีเพื่อนคุยเพื่อมันสองตัวแถวนี้วิญญาณหมาบ้าเข้าสิงขึ้นมา

   เสียงออดดังขึ้น ครูประจำชั้นคนใหม่เดินเข้าห้องมา เป็นผู้หญิงรูปร่างเล็ก บอบบาง ผิวค่อนข้างคล้ำหน่อย ท่าทางใจดี

   "เอาละ ยินดีต้อนรับสู่ ม.5/1 ครูเป็นครูประจำชั้นของพวกเธอ แนะนำตัวก่อนเลย ครูชื่อ ขนิษฐา เดี๋ยวอธิบายเรื่องสำคัญต่อไปนี้จบแล้วถึงจะเช็คชื่อกันสักหน่อย จะได้จำหน้ากันได้"

   "เรื่องแรก ครูอยากให้ทุกคนมที่มีปัญหาอะไร อยากปรึกษาอะไร มาพูดคุยกับครูได้ ไม่ว่าช่วงพัก หรือถ้าอยากเป็นส่วนตัวก็บอกล่วงหน้า หลังเลิกเรียนก็ได้ หรือถ้าไม่กล้าจริงๆให้ส่งจดหมายมา แต่อย่าเก็บเรื่องไว้ พอเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา จะแก้ไขยาก"

   "สอง ม.5 แล้ว ครูรู้ว่าพวกเธอเองก็โตขึ้นมากจากเด็กม.ต้น ตอนนี้กลางชีวิตของม.ปลายแล้ว มีความรับผิดชอบมากขึ้นแล้ว เรื่องสอบครูก็รู้ว่าทุกคนอยากอ่านหนังสือให้สอบได้ แต่กิจกรรมก็ต้องทำ ต่อไปปีหน้าพวกเธอก็จะเป็นรุ่นพี่ ม.6 โตที่สุดในโรงเรียนแล้ว กีฬาสีพวกเธอจะเป็นหัวเรือใหญ่ ครูจึงอยากให้พวกเธอเรียนรู้เอาไว้ ปีหน้าจะได้ทำได้ ใครที่ไม่อยากร่วมครูก็ห้ามอะไรไม่ได้ ยังไงก็ขอให้คิดว่าเป็นกิจกรรมร่วมกัน เชื่อว่าคงมีหลายคนอยู่ที่อาจจะจบม.5 แล้วไม่ได้ตามไปขึ้นม.6 บางคนอาจจะสอบตรงออกไปก่อน ก็ถือซะว่าเป็นกิจกรรมสุดท้ายที่ได้ทำร่วมกับเพื่อนซะ"

   กิจกรรมสุดท้ายของพวกผมด้วยมั้ยนะ

   “ปีที่แล้วงดกีฬาสีไปเพราะมีเหตุฉุกเฉินบางอย่าง ปีนี้เลยจะจัดให้ใหญ่กว่าทุกที ช่วยๆกันนะ”

   ปีที่แล้วรู้สึก พ่อผอ. เสียรึไงเนี่ย งดงานรื่นเริงไปเลย มันตรงกับช่วงนั้นพอดี

   "แล้วก็เรื่องโดดเรียนไปทำงานกีฬาเนี่ย มีปัญหาทุกปี จะไปก็หาข้ออ้างเนียนๆหน่อยนะ"

   ผมละชอบจริงๆ ครูที่พูดกันตรงๆคุยกันรู้เรื่องเนี่ย งานกีฬาเหรอ คงไม่เละเท่างานวิทย์ละมั้ง กว่าจะหาคนมาทำได้ เคี่ยวเข็นกันแทบตาย เรียนกับซอมบี้นี่นะ

   ว่าแต่ผมจะต้องร่วมมั้ย หางานไรให้ตัวเองดีกว่า

   ไม่อยากไปนั่งร้อนๆร้องเพลงเน่าๆเลย
   
   รู้สึกแปลกๆที่ขา นั่นไง ไอ้เจ เริ่มอีกแล้วมันนั่งเขย่าขา คราวนี้มันไม่เอาขามาซ้อนขาผม แต่มันเอามือวางบนเข่ามัน แล้วพยายามเอามาใกล้ๆขาผม พอเวลาเขย่าทีจะแกล้งลูบเข้าไปในกางเกงผมทีนึง

   นับวันไอ้บ้านี่จะเล่นหนักขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องปัดมือมันออก

   สักเดี๋ยวมันเอาอีกแล้ว คราวนี้มันพยายามเอานิ้วลอดเข้าไปในกางเกงผมผ่านทางขากางเกง แย่ละสิ ของผมก็ตื่นแล้วด้วย พอหันไปมองหน้ามัน แล้วก้มลงมองส่วนล่าง เอ่อ... มันก็ตื่นแบบชัดเจน ไอ้บ้านี่ใครเห็นทำไงวะ

   ผมขยับตัวหลบออกมาด้านข้าง

   "เย็นนี้ห้องวิทย์นะมึง ฉลองเปิดเทอมกัน"

   "เพิ่งกลับไปวันก่อนทำเป็นพูดนะมึง"

   ผมกระซิบเสียงต่ำ ส่งสัญญาณไม่พอใจ

   "มาละกันน่า กูอยากอะ"

   "ไม่ไปได้มะ"

   "ไม่ได้ อย่าลืมดิ กูเป็นเพื่อนคนสำคัญสุดของมึงนะ"

   เพื่อน? เน้นคำนี้จังนะ

   พอละ ผมปัดมือมันออกแล้วนั่งเรียน

   ออด พักเที่ยงดังขึ้น

   "ซันไปด้วยกันป่าว"

   ผมชวน ตั้งแต่เรียนกันมายังไม่เคยไปกินข้าวกลางวันด้วยกันเลย

   "อือ เราไปกับอีกกลุ่มอะ"
   
   “โอเค"

   ซันเดินออกไปกับซอมบี้อีกกลุ่ม

   "เดี๋ยวนี้หาเด็กเพิ่มนะ"

   "อะไรของมึง ไอ้เจ"

   "ป๊าว"

   มันเอาขาเตะตูดผมแล้วเดินไป

   "ต้อง แมค ไปกินกันเหอะ"

   พวกผมเลยเดินขึ้นไปห้องอาหารกัน ช่างหัวไอ้เจ

   วันแรกเปิดเทอมท่าทางจะยังไม่ได้สติดี ผู้คนยังสับสนวุ่นวาย ไม่เหมือนมาโรงเรียนเลย เอะอะโวยวาย ยังกับปิดเทอม มีแค่พวกม.ปลายเท่านั้นเอง ไม่ต้องแย่งที่กันในโรงอาหารละดิ ... เออ งี้ก็คงไม่เจอ ต่อ สินะ

   อาหารมื้อแรกบทสนทนากลับมาเรื่องเรียนแล้ว ทำไมคนถึงได้อยากรีบเข้ามหาลัยกันจังนะ มันสนุกกว่ายังงั้นเหรอ หรือว่ามีดีกว่ยังไงกัน ชีวิตคนเราจะเร่งรีบกันไปไหนนะ

   "เออ นี่แมค มึงว่าห้องเรา ม.6 จะเหลือคนเยอะมั้ยวะ"

   เจหันไปถาม

   "อือ ทุกปีก็หายไปเกือบครึ่งห้องนะ จากสมัยพี่กูน่ะ"

   พอฟังงี้แล้ว ถึงมันจะไม่มีอะไรน่าจดจำ นอกจากมุมเล็กของผมที่อยู่ด้านในสุดของห้อง กับแก๊งเด็กๆสามสี่คน (ถ้านับซันก็คงจะเป็น 5 แล้วละนะ) มันก็อดรู้สึกเบาๆ โหวงๆ ไม่ได้แฮะ บางทีมันก็อดคิดถึงไม่ได้ ห้องที่เคยนั่งกันเต็ม จะเหลือแต่โต๊ะเปล่าๆ เกือบครึ่งห้องเลยเหรอเนี่ย

   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไป จะมีผมคนเดียวมั้ยที่ยังคิดถึงเรื่องพวกนี้อยู่

   "มึงอะต้อง จะรีบออกไปก่อนป่าว มึงมันเก่งนี่ออกๆไปก็ดีนะ พอตาพวกกูสอบจะได้มีที่ว่างมากขึ้น"

   เจหันไปเหย้าต้อง แรงดีเนอะ

   "ไม่รู้ ดูผลกับมหาลัยก่อน แล้วมึงจะอยู่เกะกะจนม.6 เรอะ"

   ต้องกินไปตอบไป

   "มึงอะเก้า" เจหันมาทางผม

   "หือ กูเหรอ ไม่รุ้ว่ะ ไอ้เจ กูคงไม่ปัญญาหรอก เรียนไปเรื่อยจนเค้าให้กูออกนี่แหละ"

   "งั้นอยู่เป็นเมียกูได้อีกปีดิ"

   หือออ ขอเอาช้อนเคาะกบาลหน่อยเหอะ ยังไม่เลิกอีก หื่นมาจากไหนเนี่ยยย

   "นี่ พอได้แล้ว ม.5 แล้วยังกัดกันอยุ่ได้"

   แมคชักรำคาญ

   “เป็นไรป่าววะแมค” ผมถาม

   "เออ ไม่รุ้วะ คิดเยอะน่า" แมคมันดูอารมณืไม่จอยเลยวันนี้

   "ไปๆๆ กินๆแล้วลงกันดีกว่า" ผมเปลี่ยนเรื่อง

   เจ รีบจ้วงแล้ว มันอ้วนขึ้นจริงๆนะเนี่ย

   บ่ายหลังจากอาหารเที่ยง พวกผมเดินคุยสัพเพเหระ เข้าห้องมาก็เห็นสิ่งนี้อยู่บนกระดาน คงมีรุ่นพี่มาเขียนไว้

   ตำแหน่งที่ต้องการ

   1. ดรัมเมเยอร์ (มันคืออะไรวะ)

   2. นักกีฬา บอล บาส ว่ายน้ำ หรืออื่นๆ

   3. สตาฟเชียร์

   4. ฝ่ายศิลป์

   เสาร์ต้นเดือนหน้าให้มารวมที่สนามกีฬา เพื่อคัดตัว


   ไม่มีฝ่ายนั่งอู้บ้างเหรอ ไม่งั้นจะได้นั่งหลบแดดสบายๆ รุ่นพี่คงเอาไปทำกันเองสินะ

   นักกีฬาเหรอ หึหึ ใครจะลงว่ายน้ำวะ พวกห้องอื่นคงกินขาด บอล กับ บาสก็น่าจะไม่ไหว แต่มันไม่ใช่ห้องผมห้องเดียวนี่ มันต้องไปรวมกับชั้นอื่นด้วย

   หาเรื่องส่งเจลงว่ายน้ำดีกว่า แต่คิดอีกทีถ้าจะส่งเจลงว่ายน้ำ ผมอยากเห็นต้องมากกว่านะ คิดถึงรูปร่างสูงยาวของมันตอนที่มันไปจัดการกับไอ้อ้วนนั่นแล้วก็ได้อารมณ์อยู่

   มันใส่ชุดว่ายน้ำตัวเล็กๆ หุ่นสูงเพรียว โอ้ย ….. กูเป็นบ้าไปแล้ว เข้าห้องน้ำดีมั้ยเนี่ย

   “เฮ้ย ต้องมีงจะลงกีฬาอะไรป่าว” ผมหันไปถามมัน

   “มึงจะบ้าเหรอ กูไม่ลงหรอก”

   “ไม่ต้องถามกูเก้า กูไม่ลง อย่างมากก็ทำฝ่ายศิลป์เหมือนเดิม ปีนี้กูขอ”  แมคชิงตอบก่อน

   “กูว่า กูลงสตาฟเชียร์ดีกว่า จะได้ไประบายอารมณ์ใส่เด็กๆ”

   “นิสัยมึงนะเจ” แมคหันไปว่า

   “แล้วมึงละเก้า” เจ ถามผม

   “ไม่รู้สิ อาจจะไม่ทำไรเลยมั้ง”

   “บนแสตนด์ร้อนนา”

   ดูก่อนถ้างานศิลป์ปีนี้ที่ทำเกี่ยวกับแสตนด์น่าสนใจก็จะทำ แต่ถ้ามันน่าเบื่อรูปแบบซ้ำซากก็คงขอผ่านละ ปีนี้แล้วเป็นอะไรน้า... อ้อ สีเหลือง ทำเป็นอียิปต์ จำได้ว่าตอนนั้นจ้างคนนอกทำ โดนปรับแพ้เลย แสตนด์ออกมาอลังการมาก พ่นควันได้ด้วย สุดท้าย โดนปรับแพ้ฟาวไป

   “งั้นมึงลงว่ายน้ำดี ใครเห็นรุปร่างมึงก็ตะลึงทั้งนั้น”

   “ขอถีบปากมึงหน่อยเหอะ เจ” ปากแม่งหมาจริง

   “มึงเห็นแล้วรึไง” ต้องพูดขึ้นลอยๆ เพราะมันไม่ได้มองหน้าใคร

   “มึงคิดว่าไงละ ของดีนะเว้ย” เจ เอามือไปเขี่ยๆต้อง

   “ก็ดีกว่าอ้วนๆอย่างมืงน่ะแหละเจ” ผมไม่ทนมันแล้ว

   “แหงสิ มึงเห็นแล้วนี่ถึงรู้ดี”

   มันเดินมาเอานิ้วเขี่ยๆเสื้อผม

   มันเป็นบ้าไรของมันวะ

   “มึงอย่าเอาความคิดอุบาทว์ๆ ออกมาอีกได้มั้ย กูเบื่อจะฟังแล้ว”

   แมค กลับมาแล้ว

   ไอ้ห่าเจก็ชอบไปกวนตีนไอ้ต้องนะ แล้วทำไมต้องเอาเรื่องผมมาเป็นประเด็นด้วย ยิ่งทำไอ้ต้องยิ่งไม่ชอบ ไอ้ต้องเองก็ไม่รู้จะไปโมโหตามมันทำไม

   “ต้องถ้ามึงหวงไอ้เก้ามากทำไมไม่ขอมันเป็นแฟนไปเลยวะ”

   มันหันไปมองต้อง

   ก่อนมันเองจะก็หันมายักคิ้วให้ผม

   แล้วยิ้มให้

   ‘มีงรู้เหรอกูคิดอะไร’

        ผมขยับปาก มองหน้าแมคกับต้องสลับกัน

   ไอ้ต้องกลับจ้องหน้าแมคนิ่งๆ

   แล้วหันมามองหน้าผม

   ‘รู้’

        ไอ้ต้องขยับปาก ทำให้คำตอบนี่ผมคงไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแน่ๆ

   ผมเลยยักคิ้วตอบ

   ไอ้ต้องนั่งหัวเราะแต่ไม่มีเสียงออกมา...
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 2.0 ห้องมืด [pg5] 13/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 13-11-2015 11:19:31
เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 2.0 ห้องมืด

หลังจากนั้นมา อีกหลายที ที่ไอ้เจพยายามปลุกอารมณ์ผมขึ้นมาให้ได้ มันใช้ตั้งแต่นิ้วมือ ขา คำพูด เอาตัวเข้าถู สารพัดวิธีที่จะให้ผมทนไม่ได้ แล้วก็มีส่วนร่วมกับมัน

มันไม่ได้ผล   

ทุกครั้งที่ผมปฏิเสธมัน มันจะดูหงุดหงิดอารมณ์เสีย แต่มันก็ไม่ได้มาลงไม้ลงมือกับผมเลยสักครั้ง ในหลายๆ ทีที่ผมรอดตัวไปได้เพราะต้อง มันเลยลงกับต้องซะมากกว่า ไอ้สองคนนั้นมันทะเลาะกันประจำอยู่แล้ว ดัง นั้นถึงมันจะตีกันเพิ่ม ก็คงไม่หนักไปกว่านี้เท่าไร

ต้องก็รับเคราะห์จากความหื่นของไอ้เจไป

มานึกดูทุกวันนี้ผมเห็นเจ เป็น ประเภทแบบเดียวกับบูมไปแล้ว

ตอนนั้น บูม มันก็เป็นคล้ายๆกับเจแบบนี้ ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงอยากจะ 'ทำอย่างว่ากับผม' ยิ่งเด็กอย่างนั้นก็ไม่ใช่ ว่าจะทำกันจนเสร็จ จะเรียกว่าอะไรดี เหมือนกับทำให้แต่ละฝ่ายพอจะรู้สึกดีมากกว่า

นิสัยบูมมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เพื่อนร่วมห้องร่วมชั้นมีเยอะแยะ แต่ทำไมมันต้องมาเจาะจงที่ผมด้วย ตอนนั้นที่อยู่ห้องเดียวกัน มันก็พยายามทำยังไงก็ได้ให้เห็นว่ามันเหนือกว่าผม แต่ถ้าพอมีเวลาว่างมันกลับ เปลี่ยนไป

ใช้เวลาที่ลับตาคน เข้าหาเพื่อให้ผมลูบคลำของมัน มันพึงพอใจแค่นั้น ตอนนั้นมันยังขนไม่ขึ้นเลย ของมันก็เล็กจะใช้ทำอะไรได้

ย้อนไป สมัย ม.ต้น ผมเองต้องไปอยู่ห้องบ๊วยที่มีแต่เด็กเกเร ผมเลยเอาตัวรอดด้วยการเป็นหนึ่งในบรรดาพวกนั้นไปซะเลย ยกเว้นเรื่องเรียนที่ทำยังไงดูผลจะออกมาดีกว่าพวกนั้น

บูมเนี่ยอยู่ในกลุ่มเดียวกับผมและคนอื่นอีก 2-3 คน ซึ่งนอกจากกีฬาแล้ว มันไม่มีอะไรโดดเด่นแค่เด็กที่ทำตัวหล่อไปวันๆ

สำหรับม.ต้นที่เพิ่งเริ่มจะเป็นวัยรุ่น ไอ้บูมมันพยายามทำทุกอย่างให้เป็นคนที่เด่นดังให้ได้ เริ่มจากเข้าหาครูประจำชั้น แล้วไปพูดให้ครูประจำ ชั้น ลงโทษผมเสมอๆ (สมัยนั้นครูก็หูโคตรเบา) แล้วไม่รู้ยังไง มันติดใจเรื่องอย่างว่าที่ได้ยินได้ฟังคนอื่นคุยกันมา มันก็เลยมาลงกับผม (ผมเองก็ผิดที่ไปยอมมันเรื่องนี้)

'ครั้งสุดท้ายตอนไหนนะ' ผมต้องนึกอยู่สักหน่อย

อา.. ครั้งสุดท้ายที่ผมยอมมัน คือ ถัดจากนั้นไปอีก 1 ปี รูปร่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ท่อนล่างของมันก็โตขึ้น เป็นแบบของผู้ใหญ่ คราวนี้เป็นครั้งแรกที่มันให้ผมใช้มือให้ จนกระทั่ง .. มันเกือบจะเสร็จ

ของผมดันเสร็จไปก่อนนหน้ามัน มันเลยรีบให้ผมทำให้มันบ้าง ความรู้สึกผิดที่มาจากไหนไม่รู้เข้ามาเคาะหัวผม ผมหันหลังกลับสะบัดตัว วิ่งออกจากห้องน้ำไป

ความรู้สึกผมบอกว่า ผู้ชายกับผู้ชายไม่ควรจะมีอะไรกับแบบนี้ ผมกลับขึ้นไปเรียนเหมือนไม่มีอะไร แล้วมันก็คงจะต้องการแก้แค้นผม ด้วยการที่ไปป่าวประกาศกลางห้องเรียนวิชาอะไรสักอย่าง ที่ดันมาสอนการไหว้ แล้วครูให้ผมออกไปทำทีละคนหน้าห้อง

'ครูครับ ผู้หญิงไหว้อย่างนี้เหรอ'

'ทำไมว่าเพื่อนเธอเป็นผู้หญิง'

'ก็มันชอบผู้ชาย ก็ต้องเป็นผู้หญิงสิ'

แล้วเรื่องก็ดังไปทั่วโรงเรียน

มันจบชีวิตม.ต้น ผมด้วยการออกไปบอกว่า ผมเป็นนักเรียนหญิงบ้าเซ็กของโรงเรียน ตั้งแต่นั้นมาก็รู้กันไปทั่วทุกห้อง คนก็ยิ่งเข้ามาหามันเพื่อถามเรื่องราว มันเลยได้ใจ ยิ่งพูดหนักขึ้นๆ

‘เก้า แม่งของใหญ่วะ’

‘แม่งลีลาดีนะเว้ย ชอบทำให้ผู้ชายด้วย’

‘กูได้มาแล้วนะ พวกมึงลองรึยัง’

รู้กันไปทั่วจนถึงหูพวกครู มันเลยยิ่งกระจายกันเข้าไปอีก

“เก้า พักแล้ว หาไรกินป่าว”

ผมสะดุ้ง เสียงต้องเรียกเอาสติผมที่ไปวนเวียนอยู่แถวห้องน้ำกลับมา

“ไม่วะ วันนี้ไม่หิวอะ มึงไปก่อนเลย กูกะรอกินเที่ยงทีเดียว” ต้องออกไปกับแมค

ผมนั่งคิดอะไรต่อไปอีกหน่อย

พี ไม่สิ เจ มันเคยเป็นคนที่ช่วยเหลือผมมาตลอด ตั้งแต่เข้าม.4 มา ไม่รู้ว่ามันคิดเอาไว้แล้วหรือไม่ แต่ถ้าวันนั้นมันไม่ทักผมก่อน ผมก็คงไม่ทักใครแล้วก็ไม่ได้คุยกับใครอีกเลย ที่จริงผมตั้งใจจะไม่ยุ่งกับใครเลยต่างหากคงเป็นเพราะความคุ้นหน้าของมันที่ทำให้ผมอยากพูดคุยด้วย

แล้วก็กลายเป็นเพื่อนกัน

เดี๋ยวนี้มันก็ดูแปลกไป ผมไม่รู้ว่ามันมีเรื่องอะไร หลายๆครั้งที่โทรเข้าไปหา มันมักจะปิดโทรศัพท์ ช่วงหลังๆนี้ กลิ่นบุหรี่จากตัวมันมาแทนที่กลิ่นตัวที่ผมจดจำและได้กลิ่นเป็นประจำไปแล้ว

แฟนมันที่มันเคยแอบไปหาบ่อยๆ จนพวกแมคยังแซวตอนนี้หายไปแล้ว มันไม่ได้พูดให้ฟังอีกเลยว่า ไปทำไรกันมาบ้าง อันที่จริงมันก็ซักพักนึงแล้วที่มันไม่พูดถึงและก็ไม่มีโทรศัพท์มาให้เห็น

น่าจะเป็นช่วงเดียวกับที่มันเริ่มพาผมไปตามที่ต่างๆในโรงเรียน ยิ่งทำเหมือนมันก็ยิ่งจะติดใจ จนกระทั่งผมอดคิดไม่ได้ว่า 'หรือว่ามันจะเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายแล้วจริงๆ' คืนนั้นถ้ามันไม่เมาแล้วพูดออกมา ผมก็คงจะคิดว่า มันเป็นเหมือนแฟนผู้ชายของผมไปแล้ว

เมื่อผมรู้ ผมก็ยิ่งจะหาทางเลี่ยงออกจากมัน เพื่อตัวมันและตัวผมเอง ไม่ให้มันถลำลึกลงไปกว่านี้

“เฮ้ย ไม่ไปกินข้าวเหรอ”

กลิ่นน้ำหอมฉุนกึก

“มึง ฉีดเยอะไปแล้ว เดี๋ยวครูก็ว่าหรอก”

ไอ้เจ ขยับเสื้อไปมา ยกขึ้นมาดม

“ทำไงได้”

ผมมองขึ้นไป ไอ้เจยืนอยู่ข้างโต๊ะผม เอาเป้านูนดันขึ้น มาวางบนโต๊ะ

“งั้นไปห้องน้ำกันมั้ย”

ัมันถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมจ้องลงไปที่เป้าของมัน

“มึง กูไม่อยากวะ”

แน่นอน มันไม่ชวนไปฉี่แน่ๆ

“อะไรวะ”

เสียงมันเกินคำว่าอารมณ์เสียไปแล้ว หน้าตาเริ่มดูไม่สบอารมณ์

ผมแหงนมองหน้ามัน มันทำหน้าอย่างกับว่า ผมไปทำเรื่องอะไรไม่ดีมา มันทั้งเสียใจแล้วก็รู้สึก เหมือนโดนคนขัดใจ ปนๆกัน เด็กที่โดนแย่งของเล่นจะเป็นแบบนี้มั้ยนะ

มันเอื้อมมือมาดึงแขนผม

“เฮ้ย”

ผมสะบัด มันยังไม่หยุดดึง

ผมออกเดินไปหน้าห้อง

“ต้อง มีไรกินมั่งวะ กูหิว”

ผมตะโกนออกไปหาร่างสูง ที่กำลังเดินมา

คนที่ผมรู้สึกพึ่งได้ที่สุดในยามนี้

“วิ่งหน้าตั้ง มีไรวะ”

ไอ้ต้องคว้าตัวผมเอาไว้ มันเหวี่ยงตัวผมเข้าไปใกล้จนเกือบจะเป็นกอด

“กูหิวมึง พากูไปกินหน่อย”

ผมพยายามทำหน้าอ้อนมัน

“กินไรวะ กูเหรอ” ต้องเอานิ้วชี้หน้าตัวเอง

“ไอ้บ้า”

ผมคว้าแขนมันแล้วออกเดินไปข้างล่าง

ทิ้งเจไว้เบื้องหลัง

“เป็นไรไป”

“พากูไปไหนก็ได้ ไป”

“ปะ ห้องกู” ไอ้บ้าต้องก็พูดเล่นอยู่ได้

เจไม่ได้ตามมา ที่จริงแล้วไม่ได้ไปไหนเพราะว่ามันจะหมดเวลาพักอยู่แล้ว เดินลงไปตอนนี้ก็ไม่ทัน ผมกับต้องก็เลยเดินวนเวียนไปมา อยู่แถวชั้น 2 แล้วกลับห้องเรียน

มันก็คงสงสัย แต่ผมไม่อยากเล่าอะไรให้มันฟัง ไม่ควรจะเล่าอะไรให้มันฟังทั้งนั้น ผมไม่อยากเป็นไอ้บูมคนที่ 2 คนปากหมาอย่างมันมีในรร.นี้คนเดียวก็พอแล้ว

ผมได้แต่ทนนั่งเรียนทำเป็นไม่สนใจไป เมื่อถึงพักเบรคช่วงบ่าย

“เก้า มีคนมาหามึงแน่ะ”

เด็กห้องอื่น

“ครูให้มึงลงไปห้องวิทย์น่ะ เค้าถามเรื่องการบ้าน มึงไปลอกใครมา”

เฮ้ย มันก็ลอกกันทั้งนั้นป่าววะ ทำไมเรียกกูคนเดียวละ

วันซวยอะไรวะเนี่ย

'โดนด่าแน่กู'

ผมเดินลงบันไดไปชั้นหนึ่ง ในใจก็คิดหาคำแก้ตัวเอาไว้ด้วย จะบอกว่ามันลอกกันทั้งห้องดีมั้ยหรือจะอ้างไปเลยว่าต้นฉบับมาจากใคร จะได้ชิบหายกันให้หมด ไหนๆวันนี้มันก็เฮงซวยแล้ว เพิ่มเข้าไปอีกจะเป็นอะไรไป

ตอนนี้พักบ่าย คนเริ่มทะยอยออกมาเดินหาขนมกินกัน โดนด่าต่อหน้าประชาชีแน่ๆ

“เก้า มานี่ก่อน”

เสียงคุ้นๆ

“เฮ้ย มึงมาทำเหี้ยไรตรงนี้วะ ครูเรียกกูไปด่าอยู่ มีไรไว้ทีหลัง”

“เออน่ามาเหอะ”

ผมสู้แรงมันไม่ไหว

“เฮ้ย เหี้ยมืด”

มันผลักหลังผมเข้าไปในห้องที่มืดสนิท พอสายตาเริ่มชินกับความืดได้สักพัก ก็เริ่มเห็นแสงที่ลอดเข้า มาทางหน้าต่าง นี่มันหลังเวทีห้องประชุมใหญ่นี่

“เจ มึงทำห่าไร”

ไม่มีคำตอบ มือเย็นๆ ชื้นเหงื่อของมันค่อยลูบผ่านต้นขาผม ล้วงเข้าไปในกางเกง ตอนนี้มือนั้นวนเล่นอยู่แถวๆส่วนปลายแท่งที่ยังไม่ตื่นเต็มที่ มีเพียงกางเกงชั้นในเท่านั้นที่กั้นอยู่

“มึง ครูเรียกไง”

ผมผลักมันออก

“กูนี่แหละเรียก”

“สัส มึงหลอกกูเหรอ”

ผมอยากรู้ว่ามันจะทำหน้ายังไง แต่ในความืดแบบนี้ช่างสังเกตุได้ยาก

“ไม่หลอกมึงจะมาเหรอ”

ผมว่าไอ้เจมันชักจะเลยเถิดไปแล้วนะ ผมไม่ใช่เมียมันนะ

ผมพยายามดันมือมันกลับไป แต่ไม่เป็นผล คราวนี้มันถาโถมมาที่คอเริ่มจากประทับรอยจูบเบาๆที่ ซอกคอ ไล่ไปถึงหลังหู ลิ้นเปียกชื้นนิดๆ ได้ปลุกอารมณ์ในตัวผมขึ้นมา จริงๆอารมณ์มันก็มีมาตั้งแต่เช้าแล้ว

“อา...”

ผมกำลังเคลิ้มได้ที่ การกระทำทั้งหมดก็หยุด

ผมสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันท่อนล่างก็แทบจะชี้ทะลุออกมาจากกางเกง อะไรบางอย่างเปียกลื่นที่กางเกงในผม แสดงว่าของผม มันถึงจุดที่ต้องการเต็มที่แล้วสินะ ถึงได้เริ่มมีน้ำออกมา

ไอ้คนทำถอยห่างไป

'อะไรของมันวะ'

เงาดำๆวูบไหวเร็วๆ

คราวนี้มันเข้ามาใหม่ ผมเห็นร่างนั้นเลือนลาง ร่างขาวๆโชว์ให้เห็นจางๆตั้งแต่ตัวจนถึงขา

เฮ้ย พอผมมองดีๆ มันถอดเสื้อผ้าออกหมดเลย ผมทำตาโต

มันถาโถมเข้ามา

การจู่โจมครั้งที่สองกำลังเริ่ม

มันปลดเข็มขัดผมออกอย่างรวดเร็ว ใช้มือรูดลงทีเดียวไปทั้งกางเกงและกางเกงใน เหลือแต่ส่วนนั้นที่ชี้หน้ามันอยู่ พอเจลูบคลำส่วนนั้นของผมมันก็ตอบสนองด้วยการปล่อยน้ำลื่นๆเหนียวๆออกมา

มันทำเสียงได้ใจ

“อยากแล้วนี่"

เจ เอามือสาวขึ้นลงอย่างรวดเร็ว

“ช้าๆดิวะ”

มือมันถึงยอมแผ่วลงบ้าง แต่ยังคงวนเวียนเล่นอยู่แถวส่วนนั้น ส่วนที่ให้ความรู้สึกที่สุดของผม ไอ้เจมันรู้ว่าผมชอบตรงไหน
ปากมันก็ลามเลียจากคอลงมาถึงซอกอก ท้อง ข้ามไปที่ต้นขา มันจับผมหันหลัง

แล้วเรื่มไล่ใหม่จากหลังลงมาที่เอว แล้วกัดก้นผมทีนึง มันเริ่มพยายามจะเอามือมาอ้าก้นผมออก

'ไม่'

ไม่มีทางแล้วก็ไม่ใช่ที่นี่ด้วย ผมขยับตัวเดินขึ้นไปข้างหน้า

มันดันตาม แต่ไม่ใช่นิ้ว เอาตรงนั้นกระแทกเข้าก้นผมอย่างจัง

ยังครับ มันไม่ได้เข้าง่ายๆ

ถึงยังงั้นเจมันก็ไม่หยุด โยกเข้าออกอยู่อย่างนั้น ทำเหมือนกับว่ามันจะทะลุเข้าไปได้ มือมันก็โอบเอว ผมไว้ไม่ยอมปล่อย เสียงหายใจหอบไม่เป็นจังหวะ เข้ามาที่ข้างหูเป็นช่วง

“เดี๋ยวออดดังแล้วนะมึง”

มันค่อยๆเอามือลูบหัวผม (หัวจริงๆ) ลูบไล้อยู่พักนึง มันเริ่มออกแรงกดลงหัวผมให้ก้มลงไป มันอยากให้ทำแบบนี้สินะ ทำไงได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ได้แต่ก้มหัวอ้าปากละนะ

เริ่มจากขยับขึ้นลงช้า เสียงเจ เริ่มเปลี่ยนไป จากที่ผมต้องขยับเอง มันเป็นฝ่ายขยับเข้าออกเร็วขึ้นๆ

มันหยุดส่ายเอวแล้วดึงหัวผมขึ้นมา จากนั้นเริ่มไซร้ที่ซอกคอ หู ลามลงมาที่หน้าอก มันพยายามใช้ มือ บีบเค้น เนื้อขึ้นมาแล้วละเลงลิ้น

ผมไม่มีนม!!!

วิธีนี้ที่ใช้ทำกับผู้หญิง

ตอนนี้ตัวผมชื้นไปด้วยน้ำลายเจ แล้วก็กลิ่นบุหรี่จากมัน มันไปแอบสูบที่ไหนมา

“เจ... มึงว่า ผู้ชายมันทำกันยังงี้ มันเรียกว่าอะไรวะ”

ความกล้าที่รวมมาเพื่อพูดประโยคปัญญาอ่อนนี้

“... คู่ขาไงมึง มึงคงไม่ใช่เกย์จริงๆหรอกนะ” มันหัวเราะ

คำพูดนี้ตอกย้ำเข้าไปอีก เหมือนเอาตะปูทิ่มเข้ามากลางหัว

“อือ ป่าว” ผมตอบไป

มันยังวนรอบหน้าอกผมไม่ยอมหยุด

“ยังไงผู้ชายมันก็เป็นแฟนกันไม่ได้อยู่แล้ว”

ใช่ มึงพูดถูก

มันดูหยุดนิดนึง ท่าทีลังเลแปลกๆ

"มึงจะเป็นเกย์เหรอเก้า กูว่าคิดดีๆนะ เรื่องอย่างว่าก็เรื่องอย่างว่า แต่ถ้ามึงชอบด้านนี้จริงๆกูรับไม่ได้วะ"

ความอยากผมแทบจะหดหายทันที ถ้าไม่ใช่มือมันยังจับรูดรั้งไว้

กับผม เจมันคงคิดว่าเป็นแค่เรื่องอย่างว่า บ่อยๆเข้าผมเริ่มชินกับมันแล้วก็ยอมรับในตัวผม วันนี้ในเมื่อมันกล้ายอมรับว่าไม่มีอะไรเกินเลยไปนอกจากเรื่องเซ็ก

ผมก็กล้ารับความรู้สึกตัวเองตรงๆ ความรู้สึกที่ผมคิดว่าผมลังเลมาตลอด มันอาจจะแค่ที่ผ่านมาผมไม่ยอมรับ ผมแยกไม่ได้ว่า เพื่อน แฟน คนรัก คู่ขา เซ็ก มันต่างกันยังไง

'ผมก็ไม่ได้ชอบมัน'

ตอนนี้ผมแน่ใจ

'แค่คู่ขาสินะ'

“จะหมดเวลาแล้ว” ผมบอก

ผมเร่งทำให้มัน ขยับหัวขึ้นลงเร็วๆ

มันใช้มือรีบจัดการให้ผมอย่างเร็วไปด้วย พร้อมๆกับเอามือผมไปช่วยมัน ผมทำให้มันทั้งมือและปาก

เราขยับรัวของกันและกัน เร็วขึ้น แน่นขึ้น

ไม่นาน ส่วนนั้นแข็งเกร็งร้อนผ่าว และน้ำลื่นๆ ไหลเยิ้มจนแทบละล้นมือผม เสียงเจที่เปล่งออกมาเบาๆอยู่ข้างหู เสียงมันสั่นจนผมแทบฟังไม่ออกว่ามันพูดอะไร

“เก้า ลึกลงมาหน่อย” ผมทำตามอย่างว่าง่าย

มันใกล้จะจบแล้ว

ตัวเจแข็งเกร็ง ส่วนนั้นตึงแน่น มือเคลื่อนไหวเร็ว เล่นเอาผมเจ็บปากเลย เอาตัวขึ้นดีกว่า มันคงใกล้แล้ว

มันกดหัวผมต่อไป

แย่ละ ส่วนนั้นกระตุกอยู่ในปากผม ผมสะบัดหัวออก แต่ไม่ทัน เลอะเต็มหน้าผมไปหมด บางส่วนพุ่งเข้าไปในปาก รสชาติฝาดแปลกๆจนต้องรีบคายออก

ในห้องประชุมที่มืด และเงียบนี้ ไม่รู้ว่าใครจะได้ยินมั้ย เสียงตอนที่เจเสร็จนั้นมันฟังชัดมาก มันครางกระเส่าราวกับไม่ได้ทำมานานเป็นเดือน

ไม่รู้เลยว่าน้ำขาวๆของมันจะเลอะไปถึงไหนบ้าง แต่ที่หน้าและผมของผมรู้สึกอุ่นๆ หนืดๆไปหมด

"ผ้าเช็ดหน้ามีมั้ย” เจถามเสียงเหนื่อยหอบ

“มึงเคยเห็นกูใช้มั้ยละ”

'จะออกไปยังไงละเนี่ย'

“แล้วของมึงละเก้า”

มือเจยังพยายามขยับอยู่ แต่มันเหมือนหมดแรงจะทำให้อีกฝ่ายแล้ว มันขยับช้าลงจนแทบจะเป็นกำนิ่งแทน ปล่อยให้น้ำใสๆเหนียวละเลงเลอะมือมันไว้อย่างนั้น

“ไม่เป็นไร ช่างเหอะ”

เราสองคนจึงรีบแต่งตัวเท่าที่ความมืดจะอำนวย ชั้นนี้ยังไงคนก็น้อย เสี่ยงดวงเอาละกันวะ ออกไปจะเจอใครหรือไม่ ขอให้ไม่ใช่ครูก็แล้วกัน ไม่งั้นดังแน่

เจ แต่งตัวเสร็จคนแรก เห็นแวบๆเป็นเงาดำๆ ว่ามันเอามือไปลูบตามกำแพง

เช็ดมือกันยังงี้เลย

ส่วนผมไม่รู้จะเอาไปป้ายตรงไหน เลอะไปหมดทั้งมือ ปาก หน้า ผม ที่ก้นผมยังมีน้ำอะไรลื่นๆของมัน ถึงเสื้อผ้าจะใส่เสร็จแล้วแต่มันก็ไม่เหมือนตอนก่อนถอด มันรู้สึกไม่เข้าที่

แสงลอดเข้ามา

มันเปิดประตู ช้าๆ เงียบๆ ค่อยๆโผล่หน้าออกไปมอง ซ้ายขวา

ผมกำลังเดินตามออกไป มือมันดันที่ท้องให้ผมถอยกลับเข้าไปในห้องมืด

เห็นเงาคนแรกเดินเร็วๆผ่านไป ผมมองไม่ทัน ผมผงะถอยกลับเข้าไป แต่ไม่ทันได้ถอยเข้าไปดีคนที่สองที่เดินผ่านมาหันมามองทางผมเต็มๆ ไม่ทันแล้ว

สายตาประสานกัน รู้แน่ว่าต่างฝ่ายต่างเห็นกันแล้ว

“หึ... เลอะหัวมึงแน่ะ”

เสียงที่ผมรู้จักดี ถึงจะไม่ได้ยินมานานแล้ว แล้วก็ไม่อยากได้ยินด้วย … สัสบูม

เจ ดึงตัวผมออกจากหลังห้องประชุมแล้ว รีบกอดคอเดินพาผมลงไปห้องน้ำชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ปล่อยไอ้บูมไว้อย่างนั้น มันจะพูดอะไรไล่หลังมาผมก็ไม่สนใจแล้ว เจทำท่ากอดคอแนบสนิทก้มหัวเข้ามาใกล้ เพื่อบังเอาไว้ ไม่ให้คนอื่นสังเกตุ

พอเข้าห้องน้ำไปได้ ที่หน้ามันเลอะนิดหน่อยดูไม่ออก หน้าผมตอนนี้ที่ขาวอยุ่แล้ว ยิ่งซีดลงไปอีก ดีแล้ว มันเลยดูออกยาก แต่ที่หัวผมนี่สิ มันมีอะไรขาวๆเลอะอยู่ที่ปลายผม

ความคิดมันกำลังเตลิด คนทำผิดแล้วโดนจับได้

คนที่เห็นเหตุการณ์อย่างบูมก็คงเดาได้ว่ามันคืออะไร ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากล้างออก มือสั่นๆค่อยๆลูบผมที่ละปื้น ดึงน้ำขาวๆออก

เสียงออดดังขึ้น คาบสุดท้ายมาแล้ว

“เฮ้ย เก้า คือ กู...”

คำพูดหดหายไป

“ล้างออกหมดรึยัง”

มันเปลี่ยนประโยคใหม่

“อือ หมดแล้ว”

มันเดินเข้ามาเอามือปัดๆผมของผมให้เข้าที่ แล้วถาเข้ามากอด

“กูขอโทษ”

“ช่างมันเหอะ”

ผมดันมันออกจากตัว ชี้ให้มันขึ้นเรียนไปก่อน ส่วนผมได้แต่ขยี้ผมให้หมาดๆแล้วหันหลังเดินออกจากห้องน้ำตามมันไป

บันไดลงชั้น 3 มันแค่ชั้นเดียว มันชั้นละ 13 ขั้นรวมชานพักเป็น 27 ขั้น จากชั้น 3 ไปชั้น 5 ไม่น่าเกิน 100 แต่ทำไมผมนับได้รวมกันมี 300 ขั้นบันได ทุกครั้งที่ยกขาขึ้น แล้ววางลงบนขั้นแต่ละขั้น มันเบาหวิวอย่างบอกไม่ถูก หลังผมเปียกชื้น อาจจะรู้สึกไปเอง เพราะเสื้อยังแห้ง

เมื่อผมหันหลังกลับไปก็เจอทางเข้าห้องประชุมเปล่าที่ตอนนี้ถูกปิดไว้ ไม่มีคนมาใช้  ไม่มีวี่แววของไอ้เจ มันคงจะขึ้นอีกบันไดนึงเพื่อไม่ให้คนเห็นว่าเข้ามาพร้อมกัน จากทางเดียวกัน

เด็กที่กำลังจะเข้าเรียนสาย คงจะไปพักที่สวนฝั่งตึกประถมมา รีบวิ่งขึ้นบันไดผ่านผมไปอย่างรวดเร็ว ผมหันหน้าหลบ

สูดหายใจเข้าลึก

‘ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว สำหรับผมและเจ’

ถึงที่ผ่านมามันจะดีกับผมมากแค่ไหน

แต่... ต่อไปนี้ คงต้องหยุดแล้ว

----------------------------------

อันนี้เคยหลุดสปอยส์ไปเพราะหยิบผิดมาลง ได้ทีเลยแก้ไขใหม่ซะด้วยเลย

ตอนที่ 1 ต้องมีไรผิดแน่ๆ ทำไมมันลงวันที่ 11/11 รู้สึกเหมือนลงมานานก่อนหน้านั้นมาก

หรือจะเบลอแล้ว... :hao4:
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 2.0 ห้องมืด [pg5] 13/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-11-2015 20:40:34
มีอารมณ์ ชมสวาท ชายฟาดเพื่อน
ไม่เลอะเลือน ก็ต้องบ้า หาสวรรค์
ไม่ใช่เกย์ ไม่ชอบชาย คือไรกัน
ผู้หญิงมี นับหมื่นพัน ให้ฟันฟรี

แต่นี่เมิง กลับหมกมุ่น วุ่นกับเจี๊ยว
ชอบหาเสียว เจี๊ยวเพื่อนชาย ส่ายเสียดสี
ไม่รังเกียจ ชอบเบียดกาย ง่ายดี๊ดี
เรื่องแบบนี้ น่ะไอ่เจ เกย์อย่างเดียว

เมิงสับสนอะไรกับชีวิตหรือเปล่า..ไอ่เจ
กร๊ากกกกกกก

+1 ให้อีก
อยากอ่านทุกวันเลย
ติดหนึบ
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 3.0 ฝัน [pg5] 13/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 16-11-2015 22:51:42
เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 3.0 ฝัน

หลังจากเหตุการณ์นั้นไป ท่าทีของไอ้เจดูจะสงบลงจนผมเองก็ยังต้องสงสัย ถึงสภาพภายนอกมันยังดุร่าเริงเหมือนปกติ แต่ว่าระยะห่างของเราทั้ง 2 มันเป็นช่องว่างที่แตกร้าวรู้สึกได้ รอยห่างที่เริ่มกว้างขึ้นตามความอยากของมัน ดูแล้วท่าทางจะถมให้เต็มคงไม่ง่าย

ต้องอาศัยความร่วมมือของผมกับมัน อ้อ แล้วก็ฮอโมนวัยหนุ่มด้วย

แน่นอนว่ามันไม่กล้าเข้ามาถึงเนื้อตัวผมอีกเลย จากที่เคยนั่งเขย่าขาถี่แๆ แล้วเอาขาผมไปพาดราวกับอุปกรณ์อย่างหนึ่งเพื่อความรื่นเริงของมัน จริงๆมันก็ทำให้ผมแอบแปล๊บขึ้นมาไม่ได้

มือที่้เคยพาดคอกับขาโตๆของมัน กระเถิบหายไปทางแมคหมด

ที่ว่างระหว่างผมกับมันเริ่มกลายเป็นรูปธรรมมากขึ้นเมื่อมันถอยออกไปทางไอ้แมค ช่องว่างดูน่าสบายที่เกิดจากความอึดอัดของพวกผม

บางทีก็กว้างจนไอ้แมคต้องถาม

"เป็นเหี้ยอะไรเนี่ย นั่งเบียดมาทางกูจัง"

ไอ้เจได้แต่ขำ

ผมเท่านั้นที่รู้ว่าทำไม

เจไม่เคยจะออกปากเล่าถึงเรื่องของนุ่นให้ผมได้ยิน จะเข้าไปถามก็ดูแปลกๆอยู่ มันรู้สึกพิกลเหมือนผมเป็นเมียน้อยมันแล้วไปแอบถามถึงเมียหลวง ในความเป็นจริงมันห่างไกลกันกว่านั้นมาก แฟนมันที่เลิกลากันไปไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดี

คนสำคัญของผม มันจบคำนิยามไปลงอยู่ที่คำว่าเพื่อน ไม่ไปไกลกว่านั้น

มันก็ถือว่าแฟร์ดี ผมที่เบนความสนใจจากต้องมาหาเจ ในเมื่อผมกับต้องเป็นอะไรกันไม่ได้ นั่นก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ชัดเจน

ทำไมเรื่องของพ่อกับแม่ผมไม่ชัดเจนกันอย่างนี้บ้างนะ

ที่ผ่านมาเรารู้สึกสนุกด้วยกันมาตลอด มันก็เป็นอย่างนั้นแหละนะ คิดอีกทีมันก็เหมือนผมไปเอาเปรียบมัน เพราะนอกจากจะไม่เคยช่วยอะไรมันได้แล้ว ยังต้องให้มันคอยมาเป็นเพื่อนผมอีก

พอ!!! ... ไม่มีอะไรดีขึ้น

เอาเป็นว่า มันรู้ตัว ผมก็รู้ตัว

ตอนนี้นักเรียนม.ปลาย 2 คนที่ทำผิดในเรื่องอย่างว่าต่อกันในโรงเรียนแห่งนี้กำลังกลุ้มใจเพราะผลของการกระทำนั้นมันจะค่อยๆย้อนกลับเข้ามาหาตัวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เวลาเรียนแล้วลืมเอาหนังสือมา ต้องคอยก้มหน้าหลบๆซ่อนๆ ระทึกใจไปด้วยว่าจะโดนครูเรียกออกไปตอนทำโทษตอนไหน

ผมมันขี้ลืมเป็นประจำอยู่แล้ว กระเป๋านักเรียนบางจ๋อยนั้นไม่ค่อยจะมีคล้ายๆกับสติของผมที่เวลาโดนเจมันล่วงละเมิดจนเกิดอารมณ์แล้วมักจะหยุดไม่อยู่

อารมณ์อยาก เอ่อ เงี่ยนสิ มันพาไปไกลไหนต่อไหน ผลที่ตามมาก็นี่ยังไงละั มีคนจับได้จนได้

บูม คนที่เห็นก็ไม่ใช่คนที่ผมอยากจะคุยด้วย ป่านนี้มันจะเริ่มเอาไปกระจายข่าวแล้วหรือยังนะ จะเดินเข้าไปถามมันซะเลยดีมั้ย

"เฮ้ย วันนั้นมึงเห็นอะไรวะ"

"เฮ้ย มันไม่ใช่อย่างที่คิดนะ"

ผมว่ามันดูปัญญาอ่อนสิ้นดี


นิสัยบูมที่ผมรู้จักมันไม่ได้น่าคบหาเดินเข้าไปพูดคุยด้วยเลย อารมณ์เหวี่ยงยิ่งกว่าไอ้ต้อง ขึ้นลงแบบเดาไม่ถูก ไอ้บ้านี่วันหนึ่งพูดอย่าง อีกวันทำอย่าง ตัวเตี้ยๆตันๆของมัน ทำตัวเหมือนเป็นเด็กมีปม คิดว่าหล่อ เท่กว่าคนอื่น เหนือกว่า แค่ม.ต้นปีเดียวผมก็นับไม่ถ้วนแล้วว่าโดนอะไรไปบ้าง

ชีวิตม.ต้น...

เช้า

"สัส เก้า ไอ้ตุ๊ด ไปไกลๆกูเลย"

บ่าย

"เก้า .. จับKกูหน่อยดิ"


ตอนนั้นมันก็เหมือนกับตอนนี้ ไม่รู้จักจำ ไอ้เก้า

สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งระแวงกับสิ่งที่ทำลงไป ถ้าบูมมันไม่เอาไปพูดก็ถือว่าโชคดี

ที่ผมห่วงที่สุดคือ พวกไอ้ต้องมากกว่า เรื่องถึงห้องพักครูนี่ พ่อแม่คงเอาผมตายที่บ้าน แต่ยังไงมันก็ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน พวกแมค ซัน ความรู้สึกของพวกมันนั่นแหละที่จะเปลี่ยนไป แล้วผมจะเดือดร้อนของจริง

ไอ้เจมันพยายามที่จะแหย่ผมบ้างบางครั้ง ทำให้ดูเป็นปกติ ไม่อยากให้ผมคิดมาก แต่มันก็เพียงแค่นั้น

"ไม่เป็นไรหรอกมึง ยังไงมันคงเล่นกูแน่ๆ"

"คิดมาก ไม่หรอก"

นั่นคือประโยคที่เจบอกผมบ่อยๆระยะหลังนี้


เมื่อผมไม่ได้มีโอกาสเล่นกับแบบถึงเนื้อถึงตัวกับไอ้เจแล้ว ผมจึงเอาเวลาไปหาไอ้ต้องมากขึ้น ในเมื่อผู้ชายมันเป็นแฟนกันไม่ได้ ต้องเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน อยู่กับมันก็ดี จะได้ไม่มีปัญหาอะไร ลำบากตรงเก็บความรู้สึกสักหน่อยเท่านั้น

ไอ้บ้าต้องนี่มันจะเข้าอะไรกันวะ ทำไมมันมานั่งวาดรูปเล่นอยู่ละเนี่ย ลายเส้นแบบพวกเด็กเตคนี่นา

"หัดไว้จีบสาวเหรอจ๊ะพี่ต้อง" ไอ้เจ ก้มมองรูปที่ต้องวาด

"ลองเล่นๆ เห็นเพื่อนกูที่เรียนพิเศษมันหัดวาดอยู่"

"นี่ไม่ใช่งานเตคละนะ มันเป็นพวกมันนะป่าว" แมคชะโงกหน้ามาดู

เออวะ ไอ้แมคมันจะเข้าถาปัตนี่

"เก้า มึงวาดเป็นมั้ย" ต้องหันมาทางผม

"นิดหน่อย กูชอบวาดรุปก็เลยลองๆหัดบ้าง ปิดเทอมก็ไปเรียนมานิดนึง แต่ดูๆแล้วอาจจะไม่เวิร์คเท่าไรวะ"

"มึงอยากเข้าปะละ ไว้มาเรียนกับพวกกูดิ กุว่าจะเข็นไอ้ต่อมันเข้าอยู่"

ให้ผมไปเรียนกับต่อเนี่ยนะ เด็กไปรึเปล่า จะรีบกันไปไหน

"แล้วต่อจะเข้าอะไรละ"

"เออ นั่นดิ ปีนี้มันม. 3 แล้วนี่หว่า ไว้กลับไปถามมันอีกทีว่ามันชอบอะไร"

อ้าว มึงไม่รู้แล้วมาชวนกูไปเรียนทำซากอะไรละ

แล้วผมละ ... จะไปด้านไหนกัน

"ต้่อง มึงบ้าป่าวนั่น" แมคพูดขึ้น

"ใช่ๆๆๆๆๆ มันอะบ้า ตัวจะเข้าเสดสาดยังมีเวลามานั่งวาดรุปเล่นเพื่อติวน้องที่ไม่รุ้จะเรียนอะไรอีก เสือกเรื่องมึงด้วยเก้า"

นั่นปากเหรอไอ้เจ เอาอีกแล้ว

ร่างเพรียวสูงลุกเร็วๆ ดันเก้าอี้ออกไปข้างหลัง

"เลิกกวนตีนมันซะทีดีมั้ย" ผมเดินเข้าไปเอาตัวดันต้องออกห่าง

"อ่าว กูผิดเรอะ"

"เออ มึงอะผิด"

ขอบใจนะแมค ฝากด่าไอ้เจต่อแทนด้วย ด่าเยอะๆเลยนะ

"มึงก็มีเวลามาเล่นนะ ไม่อ่าหนังสือเตรียมตัวกันสอบกันเหรอไง เดี๋ยวเข้ามหาลัยไม่ได้จะทำยังไงวะ มึงก็ด้วยเก้า จะสอบแล้วอ่านสือบ้าง"

อ่าว กูก็เลยโดนไปด้วย

"กูว่านะต้อง มึงไปนัดเก้าติววิชาที่จะใช้สอบก่อนดีกว่ามั้ย"

แมคพูดจบลงไปนั่งที่นั่งมัน หันหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง

"หมาลัยละ เดี๋ยวก็แยกกันกันไปแล้ว จะเอาอะไรวะ"

เจเดินออกนอกห้องออกไป

"ต้อง เป็นไรป่าววะ"

ผมเห็นมันก้มหน้ามองพื้น

"ป๊าว" ต้องตอบเสียงสูง

นั่นไง ไอ้โรคเซ็งแล้วไม่อยากพูดเนี่ยมันกลับมาอีกแล้ว

"เอางี้ ถ้าอยากให้กูเรียนด้วยก็ได้ แต่มึงติววิชาจะสอบก่อนดีมั้ย"

ต้องไม่ตอบ

ผมเขย่งเอามือตบหน้าผากมัน

อยู่ๆกางเกงผมรู้สึกรัดแน่น มันลู่เข้าไปถึงร่องขา รัดแก้มก้น จนข้างหน้ามันมันแน่นตึงต้องเอามืดปิด

"ไอ้ต้อง ปล่อยจะดึงเข็มขัดกูขึ้นมาทำไมวะ"

"เออ กูจัดให้ เอาวิชาอะไร"

มันหัวเราะ ปล่อยเข็มขัดลง แต่ยังจับเอาไว้ดึงตัวผมเข้าไปใกล้

"เออะ แค่หลักๆ อยากพวกเลขก็พอมั้ง"

วิชาที่อ่อนที่สุดของผม เข็นไม่ขึ้นจนเลิกเข็นขึ้นเขาไปนานแล้ว อ่อนปวกเปียกเหมือนขาผมตอนนี้เลย

ปล่อยสิวะ

"แล้วสุขศึกษาละ"

ต้องหรี่ตาถาม

"ไม่ต้องติว ไม่มีสอบ แล้วกูก็โตพอชักว่าวเป็นแล้ว ไอ้บ้า"

อึ้งอะดิ มันคงไม่คิดว่าผมจะย้อนมันแบบนี้

"งั้นค่าตัวกูจ่ายทีหลังนะ"

มันจะเอามือบีบตูดผม

แต่คราวนี้รู้ทัน

รีบวิ่งหนีดีกว่า

"เออ"

พูดเสร็จมันหันหลังกลับไปจะนั่ง

ผมเอามือบีบตูดมันกลับ

แฟบเชียว

ไอ้ต้องหน้าแดง

"เออ เสาร์นี้มีคัดตัวนักกีฬานี่ รุ่นพี่เค้านัดไม่ใช่เรอะ"

"มึงจะมาป่าว"

ผมสงสัยไอ้ต้องจะลงอะไร

"ดูก่อน"

มันพ่นลมออกมา

สองมือผมกับต้องยังประกบกันอยู่ราวกับกำลังจะเต้นลีลาศ ต่างคนจะประลองกำลังไม่ยอมกัน เพราะว่าคนที่แพ้จะต้องโดนจับตูดอีกรอบแน่ๆ ผมก็สู้นะ

เย็นๆ เรื่องของไอ้บูมก็วนเวียนเข้ามาในหัวช่วงคาบเรียนสุดท้าย จะจัดการกับไอ้บูมอย่างไรดีหรือจะปล่อยๆมันไป ทำอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ไหนๆมันก็รู้แล้ว เอาตัวเข้าแรก ยอมๆมันไปสักทีซะเลยจะดีมั้ย มันอาจจะไม่กล้าเอาไปพูดก็ได้ว่ามันก็ทำกับผมในโรงเรียนเหมือนกัน

ได้ทั้งคู่

นึกภาพไปได้หน่อยเดียวของผมก็จะขึ้นซะแล้ว

มีพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องผม

"ห้องน้องได้สีฟ้านะ รู้กันแล้วใช่มั้ย รุ่นพี่ที่เป็นแม่สีคือห้อง 6/5 เป็นสายศิลป์นะครับ ปีนี้ให้ศิลป์กับวิทย์มาเจอกัน ในม. 5 ทั้งหมด 9 ห้อง จะแยกกันไป 4 สี แต่สีพี่มีห้องน้องที่เป็น ม.5 ห้องเดียว เพราะได้ม.4 มา 3 ห้อง เรื่องนี่้พวกน้องไม่ต้องรู้นี่นะ"

ไม่รู้แล้วพูดทำไมวะ แถมบนกระดานก็เขียนตำแหน่งที่ต้องการไว้ล่วงหน้าตั้งกะเปิดทอมเลย รีบกันไปไหนวะ

"เสาร์นี้ให้น้องๆทุกคนมารวมกันที่สนามนะ พี่ขอดูนักกีฬากับบางหน้าที่หน่อย ใครอยากมีส่วนร่วมก็มา ยังไงก็ถือว่าช่วยๆกันหน่อยนะ ปีหน้าน้องๆเองก็ต้องมาทำตรงนี้เหมือนกัน แล้วถ้าน้องๆไม่ได้รับความร่วมมือจากรุ่นน้องอีกทีบ้าง ก็คงจะรู้สึกนะว่าเป็นอย่างไร เสาร์นี้นะ เพราะเสาร์หน้าสีอื่นแย่งไปแล้ว"

เอ่อ พูดดักคอแบบครูประจำชั้นผมเลยวุ้ย

แล้วเสาร์นี้จะมาคัดอะไรวะ ไม่เห็นบอก

แย่ละ

"ป๋าค๊าบ ป๋าจะทำอะไรค๊าบ"

"ไม่รู้ว่ะ ดูรมณ์ก่อน"

"อ้าว อย่าทิ้งกูดิ เอากูไปอยู่ด้วยนะ"

"มึงไม่เลือกจะไปอยู่กับต้องหรือเจบ้างเหรอ"

มันมองหน้าผมแปลกๆ

"ไม่เอาอะ กูจะอยู่กับมึง"

ผมเอามือเขี่ยๆขามัน

"เออ อาจจะทำแสตนด์ละมั้ง"

"งั้นบอกกูด้วยนะ เอาด้วย"

ผมอยากทำนะ จะได้มีข้ออ้างโดดเรียน แล้วก็ไม่ต้องไปนัง่ตรบมือด้วย

"โน่น ต้องมาแล้ว ไปถามมันบ้างสิ"

มาตอนกำลังกลับพอดีเลยนะมึง

"มึงอะ ทำไรต้อง"

"ไม่ทำเว้ย เสาร์ก็ไม่มาด้วย ขี้เกียจ" มันทำหน้ารำคาญ

เออ ง่ายดีวุ้ย

"ลงว่ายน้ำดิมึง" ผมอยากเห็น

"มึงว่ายเป็นมั้ยละเก้า" มันย้อน

ผมส่ายหัว

"เออ ไม่เป็นวะ ฮ่าๆๆ" คิดเหรอว่าผมจะว่ายเป็น แล้วคิดเหรอว่าผมจะใส่ชุดว่ายน้ำตัวเล็กๆสั้นๆโชว์ของ

คิดภาพต้องในชุดว่ายน้ำแล้วน่าสนใจแฮะ จะติวเลขกูเหรอ ขอเป็นติวว่ายน้ำก่อนได้มั้ย

"มึงจะสอนกูมั้ยละ"

มันทำหน้างง

ไม่เข็ดเนอะกู เรื่องไอ้ห่าบูมเพิ่งจะเกิดขึ้นมาไม่นาน หาเรื่องใหม่ให้ตัวเองอีกแล้ว เจ็บไม่จำจริงๆ

"ป่าว ไม่มีไรพูดเล่น"

"เออ งั้นกูตามแมคละกัน ถ้าไม่ทำได้โดนลากไปนั่งร้องเพลงเย้วๆ ไม่ไหววะ" ผมกลับมาเรื่องเดิม

"เจ หายไปไหนอะเก้า"

"ไม่รู้วะแมค ไหงมึงมาถามกูละ"

"ป่าว เผื่อมึงรู้ ปะ กลับบ้านกับเหอะ ช่างหัวมัน"

พวกผมเดินออกจากห้องไป

หันหลังกลับไปมอง โต๊ะเรียนสามตัวที่อยู่ใกล้กัน บนโต๊ะไม้เก่าๆ ที่ใช้เรียนกันมาหลายรุ่น  รอยขีดข่วนจากคัดเตอร์ คราบลิควิด ตอนนี้สะท้อนแสงยามเย็นออกมาเห็นเป็นข้อความลาง กระเป๋านักเรียนหนังสีดำโดดเด่น ดูอ้างว่างอยู่ที่เก้าอี้ ถูกทิ้งไว้รอเจ้าของอย่างนั้น

ปีหน้า ...ถ้าพวกมันสอบได้กันหมดก็คงเป็นของผมคนเดียวสินะ

"ต้อง มานะ กูอยากให้มึงมาเป็นเพื่อน"

หือ

ต้องยักคิ้ว ก่อนพยักหน้า
.
.
.
คืนนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เบอร์ไม่คุ้น

"ครับใครครับ"

"กูเอง เป็นไงน้ำว่าวเลอะเต็มหัวเลย ไปทำกันท่าไหนละ"

น้ำเสียงเยอะเย้ย

สัก ไอ้บูมแน่แล้วอย่างนี้ มันเห็นแน่ๆ ชัดเจนเลยด้วยว่าอะไรเป็นอะไร

"ต้องการอะไร"

"ระลึกความหลังไง ไว้ทำกับกูมั่งดิ ท่าทางจะเด็ดขึ้นนะ"

แค่เสียงก็ไม่อยากระลึกแล้ว

"น่าๆ นานแล้วนะ"

"K มึงบ้าไปแล้วรึไง"

"นั่นดิ ถ้ากูเอาไปบอกครูจะเป็นไงนะ" มันคิดว่าอยู่ชั้นประถมเหรอ เอาครูมาขู่เนี่ย

"ไม่ใช่เด็กแล้วนะ" ผมพยายาทำเสียงเป็นไม่สนใจมัน

"ใช่ๆ มึงพูดถูก งั้นกูเอาไปบอกต่อละกัน"

"ต่อ???"

"น้องไอ้ต้องไง"

"...."

เกี่ยวอะไรกับต่อด้วยวะ

"ก็เผื่อมันจะไปถึงหูไอ้ต้อง น้องมันเกลียดมึงน่าดูเลยนะ"

ทำไมมันรู้ดีจังวะ มันรู้ได้ยังไงว่า ต่อไม่ชอบผม แล้ว.. เรื่องของต้องละ

"มึงไปเอาเรื่องนี้มาจากใคร"

"..." ปลายสายเงียบไปชั่วครู่

"เอาเป็นว่า ถ้ามึงไม่ยอมทำแบบนั้นกับกูละก็ รู้กันทั้งโรงเรียนแน่"

"ขอกูคิดก่อนละกันนะ"

ยังไงผมก็ต้องเล่นตัวไว้ก่อน ถึงผมกับมันจะเคยๆกัน แต่ตอนเด็กมันก็ไม่ได้ขนาดนั้น

"เอาเป็นว่า มึงก็ระวังตัวแล้วกัน ไอ้เจช่วยไรมึงไม่ได้ตลอดหรอกนะ"

สายตัดไป อะไรของมันวะเนี่ย เฉลยให้กูนิดนึงเหอะ ไม่ใช่มาพูดทิ้งกันเอาไว้ คิดว่ากูจะง้อมึงเรอะ ไม่มีทาง!!! ผมทิ้งโทรศัพท์ลงข้างเตียง พลางนอนคิดเรื่องของมันไปด้วย

เอาไงดี จะโทรไปบอกไอ้เจดีมั้ย ไม่ดีกว่า ยิ่งถ้าจะดักคอไอ้ต้องยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ปล่อยมันไปสักพักก่อน ถ้าต่อรู้ละ ... คนอื่นน่ะปล่อยไป ถึงหูต้องละไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเลย

ผมกับค้องเป้นเพื่อนกันนี่นะจะอะไรนักหนา ไอ้เก้า

ไว้หาวิธีอื่นจัดการกับบูมดีกว่า อะไรละ ให้มันลอกการบ้านเหรอ เรียนก็คนละสาย หรือทำการบ้านให้มัน หรือเป็นเด็กรับใช้มันเหรอ ไม่ๆๆ มันต้องการแค่เรื่องอย่างว่า

ผมหันไปมองโทรศัพท์

นิ้ววางจะที่ปุ่มจะกดโทรออก

ความคิดยังวนเวียนอยู่ พอใช้สมองหนักๆ ความง่วงงุนก็เข้าครอบงำ

คืนนั้นผมเลยหลับไปพร้อมฝันแปลกๆ

มันเป็นฝันที่พอผมตื่นมาก็จำอะไรไม่ได้ พยายามนึกย้อนกลับไปก็นึกไม่ออก มีแค่ภาพตัดเป็นช่วงๆ ที่ลอยคว้างอยู่ในสมองเล็กๆของผมอันนี้

ฝันคล้ายๆกับว่า ผมไปเรียนตามปกติ แต่.. ไม่ได้ใส่กางเกงไป มีแต่เสื้อ ขายเสื้อนักเรียนยาวปิดส่วนสำคัญเอาไว้ ตามมาด้วยถูกครูเรียกต้องออกไปยืนหน้าห้องทั้งอย่างนั้น

ผมมองไม่เห็นหน้าใครนอกจากเสื้อขาวๆ แต่ส่วนนั้นค่อยๆชี้ขึ้น โผล่หัวให้คนในห้องเรียนทุกคนเห็น ผมจำได้แค่นั้น

รู้ตัวอีกที ตัวผมเขย่า เขย่าเฉพาะส่วนล่าง มันกระตุกแล้วรู้สึกเสียวขึ้น

เหมือนกับว่าผมมีอะไรกับใครสักคนที่ไม่เห็นหน้า แต่ทำไมผมถึงรู้ว่าคนนั้น คือ บูม บูมที่กำลังทำอย่างเมามันจากด้านหลัง เราอยู่ในห้องเรียนที่ผมเรียนประจำนี่แหละ

ผมก้มลงมองข้างล่าง ไม่เห็นอะไรนอกจากขาของผมแล้วก็ส่วนนั้นของผมที่แข็งตึงชูชัน สีแสดงสด คนข้างหลังกำลังขยับเอวอย่างรวดเร็วหายใจหอบถี่

ผมไม่มีเสียงจะพูดอะไรได้แต่รอให้อีกฝ่ายผละจากไป

แล้วความเสียวก็ไล่มาจากขา ขึ้นมาเรื่อยๆผ่านก้น ออกมาที่ส่วนปลายข้างหน้า

แล้ว ... ต้องก็มาเห็น ห้องเรียนไม่ได้ปิดประตู เปิดอ้ากว้างต้อนรับคนมาดู

แสงแดดส่องสว่าง

ต้องหันมามอง

มันเห็นชัด

แต่ผมห้ามใครไม่ได้ ห้ามต้องไม่ให้ดู ห้ามคนนั้นไม่ให้ทำ ห้ามตัวผมเองก็ไม่ได้

ร่างขาวข้างหลังผมก็กระตุกเกร็ง กระแทกเข้าสองสามทีช้าๆ หนักแน่นแล้วนิ่งไป รู้สึกถึงแรงส่งอะไรบางอย่างเข้ามาในตัว ส่งต่อมาให้ แล้วก็พุ่งทะลุออกจากตัวผมไปไกลบนพื้นห้องเรียน ไกลจนเกือบถึงที่ต้องยืนอยู่

สุดท้าย น้ำขาวข้นก็ทะลุออกจากตัวผม ปลดปล่อยออกมาต่อหน้าต้อง ยาวเป็นสายเหมือนภาพสโลโมชั่น สาดใส่พื้นเป็นระลอกๆช้าๆ

คนที่อยู่ข้างหน้ากำลังจ้องตรงมาทางผม

แล้วผมก็ตื่น

นอนหายใจหอบอยู่บนเตียง

มันก็แค่ฝันไป

ในฝันกับเรื่องจริงมีอย่างเดียวที่ตรงกัน คือ ในความจริงท่อนล่างผมกำลังกระตุกพ่นน้ำขาวๆออกมา เต็มกางเกงนอนบ้างๆของผม

แม่งเอ๊ย

นี่สินะที่ปลุกกูตั้งแต่เช้ามืด

เป็นฝันเปียกที่หอกหักสิ้นดี

ไม่ได้ทำมาเป็นอาทิตย์แล้วนี่นะ

นอนต่อดีกว่า...













หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 3.0 ฝัน [pg5] 16/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 17-11-2015 09:59:17
น่าสงสารเก้า  น่าจะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย  ตอนนี้ไม่ชอบเจแหละ เกลียดเลยด้วย :katai1:
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 3.0 ฝัน [pg5] 16/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 18-11-2015 19:26:06
รอยหม่นหมอง จับจองใจ ใช่เพิ่งเกิด
ใจเตลิด เปิดเปิงไป ใช่สวรรค์
เป็นจุดด่าง อยู่กลางใจ ใช่ทุกวัน
ล้างไม่ออก ติดอยู่นั่น พรั่นพรึงใจ

+1 อยากอ่านต่อ
ว่า..ต้อง จริงๆแล้วคิดยังไงกับเก้า
สู้หรือไม่สู้
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 3.0 ฝัน [pg5] 16/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: diction ที่ 19-11-2015 22:50:01
บูมนี่มันน่านัก! เจก็ด้วย!!  :fire: #ทีมต้อง
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 3.0 ฝัน [pg5] 16/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 23-11-2015 17:42:25
คือต้องทำตัวไม่ชัดเจน อึดอัดนะ เจแม่ง... รออ่านต่อดีกว่า
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 3.0 ฝัน [pg5] 16/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 23-11-2015 17:43:24
ลืมบอกชอบตอนจบของตอนล่าสุด อิอิ วาบหวิวดี
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 4.0 วันเสาร์ที่ 1 [pg5] 23/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 23-11-2015 22:32:33
 เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 4.0 วันเสาร์ที่ 1

   แรงสั่นถี่ๆรัวๆให้ความรู้สึกแปลกๆกระตุ้นประสาทตื่นตัวขึ้นมา มันรัวเสียงครืดยาวอยู่หลายครั้งกว่าผมจะตื่น ที่ตื่นไม่ใช่เพราะเสียงมันดัง แต่เป็นจากแรงสั่นน่ารำคาญจากอุปกรณ์ที่ยังคาอยู่ในมือผมก่อนหลับ ไม่รู้ผมหลับไปได้ยังไงทั้งๆที่โทรศัพท์ยังอยู่ในมือผม

    แรงสั่นๆเบาๆถี่นี่จักะจี้อยู่แฮะ สมัยก่อนเคยมีหมามาเลียมือเวลาเช้า (ตอนนี้มันโดนแม่เอาไปเลี้ยงไว้ที่ทำงานแทน)ถ้าผมรู้ว่าโทรศัพท์มันสั่นในมือแล้วรำคาญขนาดนี้ ผมน่าจะปิดๆไปซะเลย

   “ใครมันโทรมาวันเสาร์วะ” นาฬิกาแสดงเวลา 6.30 am

   “แม่งจะเช้าไปไหนวะ”

   “ครับ” เสียงเพิ่งตื่นชัดเจน แต่จะทำไมละ ก็นี่มันวันเสาร์นี่นะ

   “เก้า วันนี้มึงจะมามั้ยเนี่ย”

   “หือ” ผมหยีตาดูเบอร์ที่โชว์

   แต่ผมทำไม่ได้ เลยลืมตาดีๆดู

   อ้าว ชื่อไอ้แมคหราอยู่นี่หว่า

   “ว่าไงวะ โทรมาทำห่าไร” ขอหน่อยเหอะ

   “วันนี้เค้านัดมาคัดตัวไง มึงจะมาป่าว”

   “ใครไปมั่งวะ อื้ออออออออออ” โอ้ย นี่ผมลืมไปจริงๆนะเนี่ย  แถมยังเผลอบิดขี้เกียจให้มันได้ยินอีก

   "โห สามตัวห้าบาทอะ บิดขี้เกียจใส่หูกู มึงเป็นคนชวนไอ้ต้องไปนะ มันไปกับน้องมันที่โรงเรียนแล้ว" แมค ทำเสียงรังเกียจ

   

        "ว่าไง ตกลงไปมั้ย" มันยังอยากรู้คำตอบ

   

        "เอาสิ เดี๋ยวกูแต่งตัวละ" เสียงผมมันตอนงัวเงียเซ็กซี่แน่ๆ

   

        โอ้ย ตื่นก็ตื่น แต่บางส่วนมันตื่นก่อนผมอีกแฮะ

   

         "งั้นกูรอหน้าบ้านนะ เร็วๆละ"

   

         “เออ บาย”

   มืออีกข้างของผมยังกำอยู่ที่ตรงนั้น เพราะมันนี่แหละ ทำผมตื่นตอนเช้ามืด อยู่ๆมากระตุกแรงๆสามสี่ที เล่นเอาผมต้องตื่นมาเอามือจับส่วนปลายมันไว้ไม่ให้เลอะกางเกงนอน ไม่งั้นจะซักยังไงละเนี่ย

   แต่ความง่วงก็ดันมีมากซะจนผมหลับไป

   ไม่ล้างมือแล้วเอาไปป้ายหน้าไอ้แมคดีมั้ย   

        โทรมาปลุกดีนัก
 

   ผมดีดตัวทีเดียวไปถึงห้องน้ำ อาบน้ำ แปรงฟันให้เร็วที่สุด กระจกในห้องน้ำ สะท้อนภาพคนเพิ่งตื่นหน้าตา งัวเงีย หัวฟู กระจกเดียวกับทีเคยใช้มองภาพตัวเองตอนอาบน้ำ

         ตอนนี้ร่างกายเดียวกัน แต่หน้าตาคนละอารมณ์

   ยกเว้นส่วนนั้นยังชี้หน้าไม่แคร์สายตาผมที่มองสะท้อนจากกระจกลงไป มันชี้มาตั้งแต่กอ่นลุกจนตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบ

   ซ่านักนะ

   

        ไม่มีเวลาแล้ว

   

        ไว้ทำทีหลังเดี๋ยวแมครอ คืนนี้ละกัน ค่อยมาทำโทษมัน ทำผิด 2 กระทงแล้ว

   

        ออกจากห้องน้ำรีบเปิดตู้คว้าชุดอะไรก็ได้ง่ายๆ ผมเลยแต่งขาสั้นเสื้อยืด รองเท้าแตะออกจากบ้าน ไม่รู้จะใส่อะไรไปดี ผมไม่ลงคัดกีฬาแน่ๆ (รูปร่างอย่างผมจะเอาไปทำไรได้) ดังนั้นถุงเท้า รองเท้าผ้าใบไม่จำเป็น

   ถ้าจะแต่งหล่อไปมันก็ออกจะดูเสร่อเข้าไปอีกในเมื่อคนอื่นคงมากันในชุดพละหรือชุดกีฬาอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมเลยใส่ขาสั้นไปได้ (อ้อ ส่วนนั้นสงบแล้วครับ มันโดนน้ำเย็นก็หายซ่าละ)

   วิ่งลงบันไดออกจากบ้านที่ว่างเปล่า เช้าวันเสาร์บ้านผมก็ยังเงียบเหมือนเคย พ่อแม่คงออกไปทำงานแล้ว แอบมองนาฬิกาเจ็ดโมงกว่าแล้วนี่ เช้าไปนะ

   

         เช้านี้อากาศกำลังดี แต่ทำไมปากซอยมันไกลขนาดนี้วะ เวลาคนรีบๆ แค่อึดใจก็ดูเหมือนเนื่นนาน

   มองไปเห็นแมคยืนรออยู่หน้าบ้านไกลๆ ผมรีบวิ่งข้ามถนนไป

   

        "ป๋า โทดนะๆๆๆๆ" แมคมันยืนรอหน้าบูด

   “เออๆๆ ปะ”

   

        "เก้า ไปกับแมคเหรอ"  เสียงดังมาจากในชั้นล่าง บริเวณหน้าร้านของบ้านมัน

   พ่อแมคคนผอมสูง สูงมากๆทักผมก่อน

 ผมรู้เลยว่ามันเริ่มจะสูงเหมือนใคร

   "หวัดดีครับ พ่อ"

   

        "ใช่ครับ" ผมพูดต่อ


   "ไปดีๆ เย็นนี้ว่างแวะมาเล่นที่บ้านนะ”

   “ได้ครับ” ยิ้มแก้มปริ เย็นนี้ถ้าเบื่อจะลากพวกต้องมาเล่นกัน


   ร้านประดับยนต์วันนี้เปิดแฮะ ทุกทีมามักจะเป็นตอนปิดไปแล้ว ถ้าเย็นๆก็จะแค่รีบๆเดินผ่านๆ นานๆครั้งจะได้เห็นพ่อของแมคทีหนึ่ง มากี่ทีๆก็ไม่เคยอยู่เลย วันนี้เจ้าของร้านก็ดูสดใสดี

   

         "ปะๆ รถมาแล้ว" แมคกวักมือเรียกริมถนน

   

          แท๊กซี่เขียวเหลืองเปิดประตูอ้ารออยู่

   

          "ไม่คิดว่ามึงจะตื่นเช้านะเนี่ย" ผมทักมัน

     พร้อมขยับไปนั่งเบาะหลังข้างไอ้แมค

   

          "แน่นอน หมาตัวไหนมันไปลากไอ้ต้องมาละ มันเลยมาปลุกกูอีกที" มันทำหน้าระรื่น

   

           "ที่บ้านมึงเป็นไงมั่งวะ" ผมเปลี่ยนคำถาม เดี๋ยวมันจะเริ่มบ่น

   

        จำได้ว่าครั้งหนึ่ง แมคมันดูเครียดๆ พอผมไปถาม มันก็เล่าคร่าวๆว่า ธุรกิจบ้านมันกำลังมีปัญหาอยุ่ เดี๋ยวนี้ลูกค้าที่แต่งรถหดหายไป แถมพ่อมันก็ยังใจดี คิดราคาถูกอีกต่างหาก

   ยิ่งบางทีลูกค้าเป็นเด็กโรงเรียนเดียวกัน พ่อมันคิดถูกแสนถูก ตึกบ้านมันก็จะโดนเอาไปจำนอง เพื่อให้พี่สาวคนที่สองคนเรียนมหาลัย  ส่วนอีกคนจบแล้วจึงต้องรีบมาทำงาน

   ตอนนี้ไม่รู้ดีขึ้นรึยัง

   จริงๆก็ไม่อยากไปถามมันมาก เดี๋ยวมันเครียดขึ้นมาอีก ถ้าดีก็ดีไป แต่มันจะหาว่าผมไปยุ่งเรื่องมันเกินไปมั้ย บางเรื่องเจ้าตัวก็ยังไม่อยากพูดถึง จะไปคะยั้นคยอถาม คนไม่อยากตอบก็จะอึดอัด

    ผมเคยเจอสภาพนี้มาแล้ว

   ‘เก้า เป็นเกย์รึเปล่าลูก’

   เรื่องตัวเองยังไม่รอดเลย

   “ไม่รู้วะ พ่อกูไม่ค่อยเล่า” มันตอบในที่สุด

   

.       "เออ ป๋า มึงรู้จักคนชื่อบูมมั้ย"

 ผมลองเลียบเคียงถามดู

   

        "เคยเห็นหน้าวะ แต่ไม่เคยคุย ลองถามเจดูดิ"

   

        "เออ จริง"

   “มีไรเหรอ มันมาหาเรื่องมึงเรอะ ถ้างั้นบอกต้องดีกว่านะ” แมคเสนอ

   เป็นคำแนะนำที่ดี

   “เอออ ไม่ใช่ๆ เคยรู้จักกันสมัยม.ต้นน่ะ”

   “มีไรป่าววะเก้า” มันจ้องหน้าผม

   “อ้อ ป่าวๆ”

   ปากหมาอย่างไอ้บูมเนี่ย ขืนไอ้ต้องไปจัดการมีหวังมันพล่ามหมดทุกอย่างแน่

   

        หวังว่าแมคจะยังไม่รู้อะไรเหมือนกัน

 สายเมื่อคืนของบูมผมยังคาใจอยู่ มันเอาจริงเหรอวะเนี่ย คิดๆดูก็ชักรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วสิ เอาไงดี เดี๋ยวมันต้องโทรมากวนอีกแน่ แล้วผมจะตอบมันว่ายังไง

   คราวนี้จะทำเป็นไม่สนก็คงไม่ได้ แล้วผมไม่ยอมมัน

        เออ ใช่ ยังไม่เมมเบอร์มันเลย เวลามันโทรมาจะได้รู้

   

        เออว่ะ มันเอาเบอร์ผมมาจากไหนวะ

 ใครให้มันไป นี่มันไม่ใช่เบอร์บ้านนี่ มันเอามือถือผมมาได้ไง ผมเพิ่งมีโทรศัพท์มือถือตอนก่อนขึ้น ม.ปลายนี่นา เบอร์ก็ยังไม่ได้บอกใคร

   แท๊กซี่พาพวกผมมาทิ้งหน้าปากซอยแล้ว

   “แวะซื้อขนมกับน้ำมะ กูหิว”

   “ด้วยๆ” แมคเห็นด้วย

   เป็นว่าผมสองคนลงรถกันหน้าโรงเรียนแวะร้านสะดวกซื้อมันนี่แหละง่ายดี

   ขนมปังกับนมแล้วก็น้ำสองขวดใหญ่ แมคมันถือสองขวดใหญ่ๆไป ส่วนผมใช้สิทธิ์ของคนที่ยังไม่ได้กินข้าว เดินกินขนมปังกับนมไปเรื่อย กว่าจะไปถึงสนามกีฬาหลังโรงเรียน ก็คงพอดีหมด

    วันเสาร์โรงเรียนโล่ง ตึกดูมืดและเงียบ วันกีฬาสีก็คงไม่ต่างกัน เพราะว่าส่วนใหญ่คนจะอยู่ข้างล่างและไปกองกันที่สนามกีฬา เด็กที่ได้รับอนุญาตขึ้นตึกจะเหลือแค่รุ่นพี่เท่านั้น ดังนั้นข้างบนจึงเหมือนแหล่งเสียตัวอย่างถูกระเบียบ

   เดินผ่านตึกประถม ที่ตอนนี้ปิดเพราะหยุดวันเสาร์ มันทำให้ผมนึก สมัยม.ต้น สภาพตึกเงียบๆ มืดๆ ทึมๆแบบนี้ เหมือนตอนสอบวัดผลทั่วประเทศ ซึ่งแน่นอนผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเลย

   นั่นเป็นครั้งแรกที่เจอแมค

   แสงแดดอ่อนยามเช้า และลมโชยอ่อนๆมาปะทะเข้าที่หน้าในวันนี้ ต่างกับบ่ายวันนั้น ที่แดดจ้า แต่ไม่ร้อนเท่าไร กองหิน ทราย ที่ถูกวางกองไว้หน้าตึก น่าจะมีการซ่อมแซมอะไรซักอย่าง

   เด็กร่างเล็กตัวขาว ใส่แว่นหนาทักขึ้น

   ‘สอบเสร็จแล้วเหรอ’ เสียงแหลมสูง

   ‘อือ นายก็ด้วยเหรอ’ เสียงผมที่ตอบไปตอนนั้นคงไม่ต่างกัน

   ‘เราก็ทำๆไปงั้นเองแหละ’

   สอบวัดผลทั่วประเทศมันสำคัญกับโรงเรียนมากกว่าเด็กนักเรียนซะอีก ตอนนั้นเราสองคนรูปร่างใกล้เคียงกัน ทำไมตอนนี้มันต่างกันจังวะ

   ‘นายเรียนห้องไหนเหรอ’ เด็กคนนั้นยังถาม

   ‘5 น่ะ นายละ’

   ‘ห้อง 2’

   ‘นายชื่ออะไรอะ’  ผมชิงถามก่อนมั่ง

   ‘แมค’

   ‘เราเก้านะ’

   ‘มาเล่นกับพวกเราดิ’ แมคยิ้มเห็นฟันให้

   ‘เราไม่รู้จักใครเลยนะ’ ผมยังลังเล

   ‘ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราบอกให้’

   เป็นอันว่ารู้จักกันแล้วก็ไปวิ่งเล่นกันเลย พวกผมวิ่งเล่นกันอยู่พักหนึ่งกับเด็กห้องอื่น จนกระทั่งรถคนใหญ่มารับแมคกลับไป หลังจากขึ้นม.ต้น ผมก็ไม่ได้เจอกับแมคอีกเลย อาจจะเดินสวนทางกันบ้าง ก็โรงเรียนเดียวกันนี่นะ แมคไปอยู่ห้องเรียนดีตั้งแต่ม.ต้น ส่วนผมอยู่ห้องห่วย

   ผลการเรียนมันก็คงดีพอๆกับส่วนสูงของมันที่เพิ่มขึ้น

   วันแรกของม.ปลาย ที่แมคแนะนำตัว อดคิดแปลกๆไม่ได้ว่า ตกลงเราเพิ่งรู้จักกันหรือทำความรู้จักใหม่กันแน่ แมคที่เสียงเปลี่ยนไป รูปร่างก็เปลี่ยนไป แต่รอยยิ้มยังคงเป็นคนเดิม คนเดียวกับที่ชวนไปเล่นตอนนั้นแล้วก็คนเดิมกับที่ชวนผมไปที่บ้านวันแรก คนเดียวกับที่อยู่กับผมมาจนถึงตอนนี้ 

   แมคมันสูงกว่าผมไป 5 เซนแล้ว โดดไปได้ไงขนาดนั้นวะ มีผมนี่แหละที่ไม่โตไปไหน สงสัยเอาความสูงไปทิ้งไว้ตามโรงหมอหมด นอกจากแขนพรุนน้ำเกลือแล้วยังทำให้ไม่สูงด้วยเหรอเนี่ย

   “แมค หิวป่าว”

   “ไม่อะ เอาเลย” แมคยิ้มให้

   “คนจะเยอะมั้ยนะ”  ผมตั้งข้อสังเกตุ ถ้าคนน้อย พวกผมได้ทำงานกันทุกคนทุกหน้าที่แน่ๆ

   “นั่นดิ”

   เราสองคนก้าวเดินต่อไปช้าๆ เดินรับลมไปด้วย

   โรงเรียนเราต้นไม้เยอะ เสียงลมตีใบไม้ไหวให้เกิดเสียง เป็นอีกอย่างที่ผมชอบจะฟัง เวลาเข้าหน้าฝน เสียงจะได้ยินบ่อยและดังเป็นพิเศษ เมื่อฝนเริ่มตก เสียงหยาดฝนกระทบกับหลังคา พื้น ผสมกับเสียงใบไม้ไหว มันช่างน่าฟังยิ่งนัก แต่ในเมื่อวันนี้ไม่มีเค้าฝน ก็ฟังแต่เสียงลมไปก่อนแล้วกัน 

   แมคเดินมองข้างหน้าไปเงียบๆ

   ผมลืมเอามือป้ายหน้ามันเลย ตอนนี้มือก็ไม่ว่างซะอีก

   จมูกเล็กสั้นของมัน เมื่อเทียบกับแว่นแล้ว ทำให้กรอบแว่นหนาสีดำดูตัดกับใบหน้าขาวใหญ่แต่จมูกเล็กอย่างบอกไม่ถูก  ผมสีดำที่ตอนนี้เริ่มมีสีขาวแซมแล้ว มันผมขาวขึ้นเร็วแฮะ

   “มึงไม่ทำจริงงะ ดีกว่าไปนั่งร้อนๆนะ” ผมทำลายความเงียบ

   “ยังไงซ้อมร้องก็ต้องเข้าบ้างอยู่ดี นักกีฬาหรือสตาฟอะไรอะ กว่าจะได้แยกไปเลยก็ตอนแข่งโน่น”

   “โห เซ็งวะ กะว่าไม่ต้องซ็อมเลยนะเนี่ย” ไม่งั้นผมจะลงสตาฟด้านไหนก็ได้จริงๆนะ

   “ง่ายงั้น ก็หนีหมดแล้วดิ” แมคส่ายหัว

   สนามกีฬาโรงเรียนมีคนวิ่งเล่นอยู่หลายคนน่าจะเป็นสีผมทั้งนั้น มากันตั้งแต่รุ่นพี่ยันม.ต้น ที่มันดูคนน้อยๆเพราะว่ารวมตัวกันแล้วนี่เอง

   เป็นสนามกีฬาที่ดูวุ่นวาย ทั้งบาส บอล ใช้ลานบนสนามได้เต็มพื้นที่ ไอ้คำว่าสนามกีฬาที่ผมพูดถึงเนี่ย มันไม่ใช่ลานอย่างดีเหมือนของสนามกีฬาแห่งชาติอะไรแบบนั้น แต่เป็นลานปูนขัดเงาทาสีแบบทีสามารถทนฝนทนแดดได้ สนามสีเขียว บางปีซ่อมแซมก็กลายเป็นสีอื่น ปีก่อนดูจะเป็นน้ำเงิน

   ด้านซ้ายขวามีแป้นบาสแบบมาตรฐานที่สามารถเคลื่อนที่ได้เพราะมีล้อ ในความเป็นจริง ไม่เคยได้ย้าย มีแท่นปูนใหญ่ทับอยู่เพื่อไม่ให้โยก ด้านที่เหลืออีกสองข้างจะเป็นแสตนด์ใหญ่ สำหรับขึ้นแสตนด์เชียร์ วันจริงไม่ต้องบอกเลยว่าร้อนขนาดไหน ถ้าสีไหนออกแบบไม่ดีได้นั่งเป็นกล้วยตากกันยันบ่ายแน่ๆ

   พวกม.6 ก็แบ่งกันไปยืนประจำตามจุด คัดตัว บาส บอล ส่วนวิ่ง อยู่บนลานถนนติดกับสนามนั่นแหละ บางคนยืนวัดแสตนด์ ขีดๆเขียนๆอะไรบางอย่าง ยังหาคนเป็นแม่สีไม่เจอเลย  เปะปะวุ่นวายไปหมด ปีหน้าถ้าพวกผมจะต้องทำจะเป็นอย่างนี้ไหมนะ ไอ้แมคคงจะไปยืนวัดแสตนด์แล้วก็ชี้นิ้วสั่งๆบ่นๆแน่ๆ (ถ้ามันยังอยู่อะนะ)

   หันซ้ายแลขวา ไม่เจอไอ้ต้องเลย สูงตระง่านงั้นน่าจะหาง่ายนะ แต่เปล่าเลย พอเทียบกับพวกม.6 แล้ว ความสูงของต้องถือเป็นเรื่องปกติ เด็กม.ต้นเดี๋ยวนี้เองก็ดูเหมือนจะสูงกันทุกคน แปลว่าผมเตี้ยกว่ามาตรฐานแล้วสินะ

   ผมเดินไปทางที่พวกนั้นกำลังซ้อมเตะบอลอยู่ ซันน่าจะอยู่แถวนั้นถ้ามันมาแล้ว

   “ต้องมายัง”  ผมถามแมคดู เผื่อมันจะรู้

   “มันก็คงอยู่แถวนี้แหละมึง อยากเจอเหรอไง”

   “แล้วไงละ ก็กูเห็นมึฃสนใจมันนี่”

   “ทำไมมึงไม่ลองคุยกับมันดูละ โทรหามันดิ มันไม่กัดหรอก แค่เสียค่าโทรเฉยๆ” แมคเสนอ

   “เดี๋ยวมันก็หาเรื่องกูอีก”

   “พ่อแง่แม่งอนสินะ”

   หือ มันพูดอะไรนะ ฟังไม่ถนัด พ่อเล่นแง่ อะไรนะ

   “หือ... พูดอีกทีดิแมค”

   “ได้หนเดียวเว้ย”

   “โน่นๆ” นิ้วชี้มันนำสายตาผมไปทางปลายสนามด้านซ้าย

   “กำลังจะคัดบอลแล้ว”

   “ไอ้ต้องมันน่าจะเล่นด้วยนะ เจก็มา”

   เอาละสิจะเดินไปยังไงละเนี่ย บนถนนก็มีเสียงนับ เข้าที่ ระวัง เตรียมตัว วนกันอยู่นั่น แล้วเด็กก็วิ่งพรวดกันไปมา ขืนทะเล่อทะล่าเข้าไปละชนกันกระจายแน่ แสตนด์ด้านหลัง ประตูบอลก็รุ่นพี่กำลังชี้ๆวัดๆอยู่จะไปขอทำเลยดีมั้ยนะ ลองลากไอ้แมคไปน่าจะดีกว่า จะได้มีเพื่อน

   ระยะทางไม่ไกลสัก 300 เมตรได้ แต่กว่าจะเดินไปถึง ไหนจะหลบลูกบอล ไหนจะหลบคนวิ่ง ไหนจะโดนกั้นชั่วคราวกว่าจะไปถึงได้ ตอนนี้ซันว่างแล้ว บอลถูกเตะอยุ่อีกด้านหนึ่งของสนาม ลูกบอลถูกเคาะส่งกันไปมา คงจะหาตัวกองหน้ากันละมั้ง ซันมันเล่นรักษาประตูนี่

   “เฮ้ เป็นไงวะ”  ผมเดินขึ้นไปนั่งบนแสตนด์เยื้องๆกับประตู เดี๋ยวบอลจะลอยมาโดนหน้า

   “ดี ยังไม่ถึงคิวกูเลย”

   “มึงเล่นประตูแล้ว เค้าจะคัดมึงยังไงอะ” ผมสงสัย

   “ไม่ต้องคัด ม.5 ห้องเรามีกูคนเดียว”

   “แล้วผีตัวอื่นละ” แมคถาม

   “นอนอ่านสืออยู่บ้าน มากันไม่ถึงครึ่งห้อง”  แมคนั่งขำ เหมือนมันรู้อยู่แล้ว

   “มึงเห็นต้องป่าว”  ผมลองถามซันดู

   “แวบๆนะ”

   สักพักมันชี้นิ้วไปที่แถวบริเวณที่คนมะรุมมะตุ้มกันตรงลูกบอล

   “นั่นไง ส่งบอลอยู่”  แมคร้องขึ้น

   “เออวะ พอมองไกลๆแล้วหาไม่เจอเลย มันเอากองหน้าเหรอ”

   “ไม่รู้ ไว้ถามมันดิ” ซันลงไปนั่งยืดขา

   “เมื่อคืนเป็นไงวะ”  ผมเริ่มก่อน

   “ดีมึง ฝันเรื่องเดิมเลย”  มันยังตอบทั้งๆที่ยืดขา ขากางเกงอ้าซ่าขนาดนั้น

   “เรื่อง???”

   “ที่กูเล่าไง แม่งก่อนนอนเล่นเกมอีกรอบ โคตรเจ๋งเลย เวลาสู้ๆไปนี่นมเด้งด้วย”

   ผมสงสัยนิดๆเหมือนกันว่า มันเรียกเข้าข่ายโรคจิตมั้ยเนี่ย ชอบตัวละครหญิงในเกมเนี่ย คล้ายๆกับพวกชอบผู้หญิงนมโตๆตามการ์ตูนรึเปล่าหว่า

   ซันนี่ สมชื่อมัน เด็กผู้ชายผิวสีแทนจากแดด ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าซันชอบเตะบอลมาก รูปร่างผอมสูง สูงไม่เท่าต้องแต่ก็สูงกว่าผม (ก็ทุกคนน่ะแหละ) ตอนม.ต้น ซัน ตัวเล็กเตี้ย ไหงพอมาม.ปลายแซงหน้าผมไปซะได้ เจ้าของร่างสูงสีแทนนี้ เสียงทุ้มต่ำผิดกับหน้าตาจิ้มลิ้ม ถึงไม่จัดว่าหล่อ แต่ก็ดูได้ไม่เบื่อ
   
   ใบหน้าของซันไม่ค่อยแสดงความรู้สึกเท่าไร จะหัวเราะหรือยิ้มน้อยๆ ไม่ทะเล้นแบบไอ้เจมองแล้วไม่น่าเบื่อเลย มันเองก็ไม่ใช่คนพูดมากแต่ถ้าชวนคุยถูกจุดละก็พูดไม่หยุดเลย

   ปีที่แล้วผมยังจำได้ดี ครูวิชาเลข เรียกซันออกมาทำโจทย์หน้าห้อง พอซันบอกคำตอบไปด้วยเสียงต่ำนั้น ทำเอาครูอึ้งไปถนัด ครูเลยแซวแรงๆหน้าห้องว่า เสียงแตกหนุ่มแล้วสิ ร่างกายตรงไหนเปลี่ยนไปน้า             

        ซันหน้าแดงผิวแทนจากแดดยังเห็นได้เลยว่า แดงขึ้น แต่แทนที่จะโต้ตอบหรือทำอะไร ซันเพียงแค่หัวเราะแล้วยิ้มตอบแค่นั้น

   ว่าแต่ตรงไหนที่เปลี่ยนไปน้า

   “ก็เริ่มจากว่า กูนอนฝันว่าได้เข้าไปในเกมแล้วเจอตัวละครตัวนี้แหละ กำลังจะมาสู้กับกู แทนที่จะสู้นะ กลับเอานมวิ่งไล่บี้กูแทน กูเลยเอาหน้าซุกเลย แล้วมันไม่หนีนะ ความรู้สึกโคตรนุ่มอะ...”

   มันยังคงเล่าอยู่ เรื่องแบบนี้มันคงจะไม่หยุดเล่าจนกว่ามันจะถึงไคลแมกซ์สินะ

   ผมนั่งดูขายาวๆของมันไป นั่นไง ส่วนสำคัญชี้พ้นกางเกงออกมาแล้ว ขนาดไม่เบานี่หว่า แสดงว่ามันมีอารมณ์กับเรื่องที่มันเล่าจริงๆนะเนี่ย ไม่ใช่เล่าเอาฮาแล้ว

        ขายาวๆที่มันชอบบอกว่ามีประโยชน์เวลาเล่นบอล ดูๆแล้ว อย่างอื่นก็น่าจะยาวและมีประโยชน์เหมือนกัน

   ผมกับซันเริ่มสนิทกันมากขึ้นจากเรื่องอย่างนี้แหละ เวลามาเตะบอลกระชับมิตรกับห้องอื่น ผมก็จะได้ซันมาเป็นเพื่อนนั่งคุยด้วย ผมมันพวกกองหลังไร้ประโยชน์ บอลส่วนใหญ่ถ้าไม่กลิ้งๆอยู่หน้าสนามเวลาโดนยิงยาวมาด้านหลังก็ ไม่ค่อยจะพ้นมือซันอยู่แล้ว เวลาว่างก็จะมาคุยเรื่องพวกนี้กัน แล้วมันก็จะออกอาการอย่างนี้เสมอ

   พวกเจมันชอบลากผมมาเตะบอล แต่เจกับต้องจะหายไปข้างหน้า เหลือผมกับแมคแล้วก็ซัน 3 คนไว้ข้างหลัง

   ถึงตอนนี้ผมก็ยังหาเจไม่เจอ แล้วก็ยังไม่อยากเจอด้วย แค่ในห้องเรียนก็อึดอัดพอแล้ว มองๆไปท่าทางเจน่าจะอยู่ในวงฟุตบอลนั้นแหละ เจมันเอากีฬาเกือบทุกประเภทนี่นา แต่บอลดูแล้วมันจะอ่อนที่สุด หลายครั้งขาใหญ่ๆหนักๆของมัน ไม่ได้ใช้เตะบอล เอาไปใช้ไล่เตะกันซะมากกว่า

   แล้วคู่ขาประจำฟาดแข้งก็จะเป็นไอ้ต้อง ดีที่ฟุตบอลมันห้ามใช้มือ เอะ … ฟาดแค่แข้งนะนะไม่ใช่ฟาดฟันอย่างอื่น

   ผมดึงสมาธิกลับมาฟังเรื่องเล่าของไอ้ซันต่อ

   มันยังเล่าแบบผู้ชายๆ ให้พวกผมฟัง

   “ตื่นเช้ามานะ โคตรแข็งเลย รู้ตัวอีกทีกำลังขยี้กับหมอนข้างอยู่”

   “มึงขยี้ท่าไหนวะ” แมคถาม

   ผมเหลือบไปมอง แม่งไอ้แมคเสือกใส่กางเกงยีนขาสั้นมาดูไม่ออกเลย

   “ก็นอนคว่ำทับหมอนข้างเลยมึง แล้วขยับเอวขึ้นๆลงๆ โห คิดตามนะมึงนมโตๆทับหน้าอยู่ รู้ตัวลุกขึ้นมาดูนะ เปียกแฉะเลย”

         เรื่องนี้หลุดมาหน้าตาเฉยจากไอ้ซันผู้ดูติ๋มๆเนี่ยนะ

   เวลามันเล่าอะไรแล้วถูกปากกำลังมันเนี่ยมันพล่ามได้ไม่หยุดจริงๆแฮะ มันเลยสาธยายท่าทางในฝันก็ผู้หญิงนมโตคนนั้นต่อไปอีกสักนิด

   “โตป่านนี้มึงยังฝันเปียกอีกเหรอ หมกหมุ่นนะเนี่ยเอาไปฝันน่ะ” แมคพูดต่อ

   “แล้วทำไมมึงถึงเอาไปฝันวะ เลอะกางเกงหมด”

   “แล้วมึงทำยังไงกับกางเกงมึงอะ”

   “กูก็ต้องแอบเอาไปซักน่ะสิ น้ำเยอะแฉะยังกะฉี่แน่ะ” มันทำหน้ารังเกียจ

   “ก็มึงดองไว้จนเยอะนี่นา ลองเอาออกเองดูดิ” แมคพูด

   “ก็กูไม่เคยทำนี่ ไม่อยากทำด้วย ผู้ชายต้องมาจับไอ้นั่น ยี้ มือกูมีไว้ขยี้นมผู้หญิงเท่านั้น” ซันร้องยี้ ทำไมผมรู้สึกเหมือนมันโกหกมากกว่าวะ

   “แล้วไง บ่อยละสิพวกมึงน่ะ” 

   พวกผมส่ายหน้า เรื่องแบบนี้ถามกันยังงี้ใครจะตอบละวะ

   “ไม่บ่อยอะ แต่ทำเองเสียวกว่านะมึง”

   “ไปดูไอ้เจสิทำเช้าเย็นเลยนะมึง” เสียงใครน่ะ???

   เป็นเพราะเรื่องที่มันเล่าหรือเปล่า ทำให้ผมชักร้อนๆแล้วสิ เมื่อเช้าก็มีอาการนิดหน่อยด้วย แย่ละ ดีที่ไม่ได้ตั้งใจฟังมากไม่งั้นลุกไม่ได้แน่ๆ ไอ้ซันเองก็เหอะ เล่าเรื่องอย่างนี้  คิดว่าเสื้อยาวๆทีม แมนยู ของมันจะปิดเป้ามิดรึไง

   ส่วนแมคถึงผมจะไม่เห็น แต่ หึหึหึ ว่าแล้ว แข็งไม่แข็งไม่รู้แฮะ ไอ้แมคไม่ยอมลุกเลย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แกล้งให้มันลุกดีกว่า

   ผมเริ่มสังเกตแล้ว เออวะ ลมมันหายไปไหน แถมกลิ่นอะไรโชยมาวะ กลิ่นเหงื่อเหรอ กลิ่นคุ้นๆด้วยนะ คนแถวนี้ยังไม่มีใครได้ออกกำลังเลยนะ สงสัยต้องลุกเปลี่ยนที่ซะละ มุมไม่ดี เดี๋ยวแกล้งฉุดไอ้แมคยืนดีกว่าเพื่อมันจะชี้หน้าใส่ไอ้ซัน ฮ่าๆๆๆๆ

   โป้ก

   “อู๊ยยยย” กูชนไรวะ

   “เจ็บนะมึง ลุกเบาๆดิ”

   ผมหันไปมองต้นเสียง

   “มึง...มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ไอ้บ้าต้อง มันมายืนค้ำหัวผมตั้งแต่ตอนไหน

   “นานแล้วมึง นานพอฟังว่าไอ้ซันมันเล่าบ้าอะไรให้พวกมึงฟัง”

   “เมื่อกี้ก็เสียงมึงสินะ”

   ผมเดาว่ามันต้องเอาก้มมาฟังเอาค้างมาวางอยู่ใกล้ๆหัวผมแน่เลย ไม่งั้นจะโดนคางมันได้ไง

   “แล้วมึงมานั่งอะไรข้างหลังกูละ”

   “จะให้กูอยู่ข้างหน้ามึงรึไง”

   มันเดินลงแสตนด์มาหนึ่งขั้น หน้ามันเกือบจะเท่าหน้าผมพอดี เสื้อยืดสีขาวบาง ชุ่มเหงื่ออีกแล้ว มันขยับเสื้อเข้าออก ลมจากการขยับพัดเอากลิ่นตัวอ่อนๆ ผสมกลิ่นเหงื่อ มาแตะจมูกผม

   “ด้านนี้เหรอ”

   ผมเอามือผลักอกมันออก

   “คว.. เล่นเหี้ยไรเนี่ย กูเป็นผู้ชายนะ” เออ ขนาดนี้แล้วผมยังเป็นอยู่มั้ย

   ถึงจะยังงี้ผมก็เรียนชายล้วนมาตลอดแล้วการที่จะให้ยอมรับกับตัวเองและคนอื่นๆน่ะ มันก็เหมือนกับการสารภาพว่า วันนี้ไม่ใส่กางเกงในมาโรงเรียนนั่นแหละ ใครอยากดูมาดูได้เลย มันแปลกๆ จะรู้สึกผิดที่ไม่ใส่ก็ไม่ใช่ จะยอมรับว่าไม่ใส่ก็ไม่ใช่ ยิ่งกว่านั้นเกิดบอกไปว่าไม่ใส่คนอื่นจะรับได้มั้ย บ้าบอขึ้นไปอีก แล้วผมไม่ใส่มาจริงมั้ย

   ตั้งแต่ห้องวิทย์กับไอ้เจ มันทำให้ผมกลับมาคิดเรื่องนี้หนักขึ้น ถึงเรื่องไอ้บูมจะผ่านไปนานแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยยอมรับว่าผมชอบมัน หรือผมชอบมีอะไรกับผู้ชายเลย มันก็แค่เรื่องเด็กๆที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่กับเจ นั่นมันโตแล้ว

   “แล้วมึงอะต้องชักบ่อยปะ” แมคถาม

   “ถามเหี้ยไรเนี่ย”

   “บ่อยแน่เลย หน้าอย่างมึงต้องจัดชัวร์” ซันมันลุกขึ้นมาแล้ว ส่วนนั้นก็หายไปด้วย

   “ห่า ไอ้บ้าไม่จริง”

   “จริงป่าว คนนิ้วยาว ไอ้นั่นมักจะยาวไปด้วย นิ้วมึงยาวนะ” แมคคว้ามือต้องไปดู

   ต้องสะบัดออก

   “เฮ้ย เล่นไรวะ”

   “ตอบดิ ผู้ชายด้วยกันอายไรวะ”

   “งั้นมึงตอบก่อนมั้ยแมค มึงชักบ่อยมั้ย วันละกี่รอบ ทำกี่วันต่อสัปดาห์ น้ำเยอะมั้ย ขนเยอะมั้ย มึงด้วยซัน ถ้าพวกมึงพูดกูจะพูด” ไอ้ต้องหน้าแดง

   เวลามันอายมันจะพูดเยอะนี่เอง ทำเป็นเหมือนไม่พอใจ แหมๆ

   แมคเอามือจะไปคว้าไข่ต้อง

   มันหลบได้

   ผมออกเดินไปทางด้านขวาของแสตนด์ กะว่าจะแอบแกล้งไอ้ต้องมั่ง เสียงลมหวีดหวิว ลอยมาด้านข้าง ไอ้ต้องวิ่งมาหลบสินะ

   ตึง

   แสตนด์สั่นสะเทื่อน โครงร่างเหล็กสั่นไหวเบาๆ ลูกขาวดำกลิ้งกระดอนกลับไป

   ลูกบอลหนัง...

   “เก้าอย่าออกด้านนี้ มันซ้อมยิงประตูแล้ว” ซันตะโกนมาบอก

   มันย้ายฝั่งมาตอนไหนวะ แล้วใครมันเตะวะ ขอกูดูหน้ามันหน่อยดิ

   ผมหันไปมอง เด็กรูปร่างสูงเท่าผมหน้าขาวๆ … เด็กม.ต้น พอดูดีๆ หน้ามีโครงเหมือนไอ้ต้องอยู่บางส่วน

   น้องของต้องเหรอ

   “ต่อ ระวังหน่อยสิ” ต้องรีบเดินมายืนข้างผม

   ผมหันกลับไปมอง ต่อใบหน้าเฉยเมย แต่อะไรบางอย่างมันบอกให้ผมรู้สึกได้ 
   
   'รอดไปนะมึง'

   มันมาเกลียดอะไรผมนักหนาวะเนี่ย

   ผมเห็นไอ้เจอยู่แถวนั้น พูดอะไรบางอย่างกับต่อแล้วก็บูม ก่อนจะวิ่งมาทางเรา

   “รีบทำตัวเป็นพระเอกเลยนะมึง”

   “นั่นเด็กกูนะ ไปไกลๆเลย”

   มันใช่เวลามั้ยเนี่ยไอ้เจ

   “เค้ายิงลูกโทษกันอยู่ไปทำไรตรงนั้นวะ” เสียงรุ่นพี่ตะโกนมา ท่าทางอารมณ์ไม่ดีแบบหน้าตาเลย

   พวกเราสี่คนจึงรีบพาร่างออกจากหลังประตูเป็นการด่วน

   “ต้องน้องมึงลงบอลเหรอ”  ผมอยากรู้มันตั้งใจลงหรือแค่ไปเตะเฉยๆ

   “ใช่ มันชอบมั้ง ปล่อยมันไป”

   พอกำลังจะลงจากแสตนด์ รุ่นพี่คนนึงวิ่งเข้ามาหา

   “พวกน้องจะลงอะไรรึเปล่า ว่างอยู่มั้ย”

   “เอ่อ... ผมลองบอลไปแล้วพี่สองคน” ไอ้เจตอบก่อน

   “แล้วอีกสองคนละ” หน้าตาพี่ท่าทางเด็กกิจกรรมจริงๆ ดูไม่ใช่เด็กเรียนเห็นๆ

   “พวกผมกะว่า ทำแสตนด์น่ะพี่” ผมสะกิดไอ้แมค

   มันพยักหน้า

   “เคยทำ?”

   “ก็งานวิทย์ที่ผ่านมาพวกผมช่วยกันทำน่ะ” 

   “งี้มาอยุ่ฝ่ายศิลป์ได้ดิ” พี่ยื่นมือมาตบไหล่ไอ้แมคสองที

   ในใจผมลิงโลดสุดๆ ไม่ต้องซ้อมร้องเพลงแล้ว

   “งั้นเด๋ยวน้องเดินไปลงชื่อกับทางพี่ๆแถวนั้นนะ บอกชื่อ ก้อง ส่งมา”

   “ครับ” ผมกับแมคทำท่าจะเดินออกไป

   “น้องรู้จักใครว่ายน้ำได้มั้ย เจอแต่ม.ต้นกลัวสู้ม.ปลายไม่ไหว”

   “นี่ไงพี่ เพื่อนผมมันว่ายน้ำเก่งมาก เปลี่ยนชุดทีคนตะลึงแน่”

   “งั้นน้องมาคัดตัวตอนนี้เลยนะ”  พี่ก้องเอามือคว้าแขนผมลากออกไปทางสระว่ายน้ำ

   หือ ผมมองหน้าเลิกลัก เฮ้ย ทำไมมันเป็นกูละ

   “เดี๋ยวพี่เข้าใจผิดแล้ว”

   “น่าๆช่วยๆกันหน่อย” พี่ยังคงลากต่อไป
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 4.0 วันเสาร์ 1 [pg5] 23/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 23-11-2015 23:03:37
มาช้าไปหน่อย ช่วงนี้ป่วยเป็นหนักเกือบโดนแอดมิท

จะพยายามให้จบก่อนสิ้นปีให้ได้ ทั้ง3 และ4 ตอนนี้ 3 ก็ไปได้จะครึ่งทางแล้ว

้เย้

หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 4.0 วันเสาร์ [pg5] 23/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Dominic ที่ 24-11-2015 07:28:18
ว่ายน้ำๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 4.0 วันเสาร์ [pg5] 23/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 24-11-2015 22:07:26
คงจะได้เห็น
ได้ดูเก้า
เป้าตุงนะ

ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 4.1 วันเสาร์ [pg5] 30/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 30-11-2015 18:44:30

   ผมหันมามองเห็นพวกมันหัวเราะคิกคักกัน ตอนนี้เดินไปจะถึงสระแล้วนะ ไม่คิดจะมาช่วยกูหน่อยเหรอ

   “เดี๋ยวพี่ ชุดก็ไม่มี”  ผมหาข้ออ้าง
   
   “นี่ไง ของม.ต้น ยืมๆไปก่อนใส่แปบเดี๋ยวไม่ติดโรคหรอก”

   “ไม่ใช่ๆๆๆๆๆ”

   “งั้นน้องใส่เกงในก็ได้ หรือบอกเซอร์ก็ได้ ไม่มีใครสนหรอก” ไม่ฟังเหตุผลกูหน่อยเหรอพี่

   “ไม่ใช่พี่ ผมว่ายไม่เป็น”

   “ลองดูก่อนน่า”

   “อายทำไม ผู้ชายด้วยกัน ไม่มีใครมาสนหรอก เค้าดูผลแข่งกัน”

   นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นอีกพี่

   โอ้ยยยย ทำไมนักกีฬาว่ายน้ำมันหายากยังงั้นเลยเรอะ ผมเคยว่ายแค่ประถมเองพอโตมาก็เลิกแล้วจะเอาไรไปสู้เค้า

   “อะ น้องถอดเลยเดี๋ยวพี่ช่วย เค้าคัดกันจะเสร็จแล้ว เสื้อผ้าวางนี่เลยนะเดี๋ยวพี่เฝ้าให้”

   ผิดประเด็นอีกแล้วพี่

   เดี๋ยว แล้วพี่มารูดเสื้อยืดผมขึ้นไปทำไม เหลือแต่เกงขาสั้นตัวเดี๋ยวแล้ว นี่จะปลดเข็มขัดให้เลยมั้ยเนี่ย

   “พี่ๆๆ มันว่ายไม่ได้หรอก ถ้ามันว่ายเก่งหุ่นมันจะยังงี้เหรอ”

   “เออวะ ขาวเชียว ผอมด้วย”

   นี่พี่เพิ่งสังเกตุเหรอ

   ครั้งแรกเลยนะ ที่ผมถอดเสื้อให้พวกมันเห็นในที่สาธารณะ

   “ไม่เป็นแล้ว เพื่อนน้องชี้มาทำไม”  เออ พี่ก้องเห็นสักที

   “ขอบคุณครับ พี่เพิ่งสังเกตุเหรอ” ผมถามตรงๆ

   “ปกติพวกเล่นตัวมันเยอะ พี่ก็คิดว่าเล่นตัวไง”

   ผมจะมีอะไรให้เล่นครับพี่ก้อง เล่นคว.. ยังพอได้

   “โน่นคนว่ายเป็นน่ะมาโน่นแล้ว”

   ไอ้เจ มาในชุดว่ายน้ำพร้อม นี่มันใจคอจะลงกีฬาให้หมดทุกอย่างเลยใช่มั้ย ถึงตัวมันจะอวบขึ้นจากตอนปิดเทอมนิดหน่อย เอ่อ อวบขึ้นเยอะจากปีที่แล้ว พอมันถอดเสื้อผ้าออก มันก็ไม่ได้ถึงขั้นแย่จนไม่คิดว่าจะว่ายน้ำไม่ได้นะ ที่จริงมันดูผอมลงนิดนึงแล้วด้วย

   แล้วชุดว่ายน้ำแบบกางเกงในนี่มันไปเปลี่ยนมาตอนไหนวะ ผมไม่ได้อยากเห็นมันในชุดว่ายน้ำเท่าไรหรอกครับ มันเห็นมาหมดแล้ว คนอื่นอาจจะรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆ ที่เจมันกล้าใส่แบบนี้ สำหรับผมแล้วมันเฉยๆไปละ เล่นเห็นมาหมดแล้วนี่ รู้แล้วว่าของที่อยู่ในเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วนั้นเป็นแบบไหน ขนาดเท่าไร เอ้ย พอ

   “มึงว่ายเป็นเหรอไง ทำไมไม่ลงแต่แรกวะ” ผมจะเดินเข้าไปถีบมัน

   มันหลบได้ทำท่าร่าเริง

   ไอ้ต้องรีบคว้าแขนผมกลับเข้ามา

   “เดี๋ยวตกสระหรอก”

   “แล้วมึงไปเปลี่ยนชุดมาตอนไหนวะเจ” แมคขยับแว่น

   “ก็กูใส่มาข้างในแต่เช้าแล้ว”

   “มึงจะลงทั้งบอลทั้งว่ายน้ำรึไง” ต้องโยนเสียงถาม

   “แน่นอน กูมีรางวัลที่อยากได้อยู่” เจยักคิ้วให้

   โลภมากจะเอาเหรียญไปสมัครตรงละสิ

   “หึหึหึ” ไอ้เจหัวเราะ

   “งั้นมาวัดกับพี่มา”

   ผมหันไปพี่ก้องถอดเสื้อกับเกงลงข้างสระแล้วทำท่าจะโดดตูม หุ่นพี่ก้องนี่ดูไม่ถึงกับกล้ามแน่นชัด แต่ผิวสีแทนตัดกับสีขาวเป็นรอยเสื้อนักเรียนเนี่ย ผมว่าน่าจะเป็นพวกเล่นกีฬาแน่ๆ

   แอ่ม เสียงไอมาจากไหนวะ

   “นี่มันเล่นใส่กันมาจากบ้านรึไงวะ” ไอ้แมคสงสัย

   “ไปถามพี่เค้าสิ” ไอ้ต้องตอบให้

   แมคหันไปมองหน้า

   ตูม

   ไอ้เจโดดตามลงไปแล้ว

   ตูม

   พี่ก้องว่ายเร็วเหมือนกันแฮะ ผมเลยนึกสงสัยเหมือนกันว่าทำไม ไม่ลงเองซะเลยละ ส่วนไอ้เจดูออกจะช้ากว่าหน่อย กำลังเร่งขึ้นมาเรื่อยๆ พอแตะขอบสระอีกฝั่ง พี่ก้องกับไอ้เจกลับตัวพร้อมกัน (นี่มันว่ายเป็นจริงๆเหรอวะเนี่ย) ถีบขาออก ส่งตัวมาไม่กี่อึดใจ ก็มาถึงครึ่งสระแล้ว ทั้งคู่ว่ายตีเสมอกัน ขอบสระอยู่ไกลออกไปอีก หนึ่งช่วงตัว

   ผมไม่ได้เชียร์ใครทั้งนั้นแหละครับ (ถ้าอยากรู้แล้วละก็) เรื่องกีฬาผมมันไม่มีสิทธิ์คิดอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดมาเล่นอะไรเป็นที่ไหน เพราะอย่างนี้ให้คนเล่นได้แข่งไปเถอะ ผมอยู่เฉยๆดีกว่า  เหตุนี้ผมเลยไม่ค่อยรู้สึกสนุกไปกับมันเท่าไร

   แปะ แตะขอบสระ

   เสียงตีน้ำหยุดลงแล้ว ไอ้เจน่าจะช้ากว่านิดหน่อย

   “ใช้ได้นี่น้อง งั้นน้องลงนะ” พี่ก้องยิ้มให้เจ

   ไอ้เจไม่ตอบอะไรทำหน้าตาเหนื่อยหอบอยู่

   ทำไมพี่ก้องไม่ลงวะ ผมสงสัยจริงจัง

   เออ ตอนนี้ผมยังไม่ได้ใส่เสื้อกลับคืนเลย จู่ๆลมที่มาประทะตัวผมมันก็เปลี่ยนไป กลายเป็นแขนหนักๆ ยาวๆสองข้างเข้ามาแทน
   
   ไอ้ต้องเอาแขนสองข้างพาดบ่าผมเอาไว้ ตัวติดอยู่ข้างหลัง นี่เป็นครั้งเรกที่มันมาโดนตัวผมแบบนี้ ไม่มีเสื้อผ้ากั้น มันทำท่าสบายๆเหมือนคนกำลังพักแขน เสื้อเปียกเหงื่อของมันแห้งแล้วสินะ

   กลิ่นน้ำยาซักผ้าบ้านไอ้ต้องแรงวุ้ย แต่ผมก็ไม่ได้ถอยหนี นานๆจะเห็นมันทำยังงี้ที ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปดีกว่า

   ไอ้เจ ยันตัวขึ้นมาจากขอบสระน้ำไหลเปียกลู่ไปตามตัว ทำเอากางเกงว่ายน้ำตัวเล็กอยู่แล้วยิ่งเล็กเข้าไปอีก พอกางเกงแนบตัวก็เน้นส่วนนั้นของมันออกมา

   แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจไอ้นั่นของมัน

   ผมเงยหน้าไปมองต้องที่อยู่ข้างหลังผมอย่างอารมณ์ดี

   ไม่ทันไร ความสุขมันแสนสั้น ไอ้เจมันเห็นเข้า มันปรี่เดินเข้ามาทางผม เอาตัวเปียกๆถาโถมเข้ามา มาพยายามแยกผมกับไอ้ต้องออกจากกัน แต่เดี๋ยวก่อน ตัวมันเปียกซกมายังงั้น เสื้อผ้าผมก็เปียกหมดสิ

   “เฮ้ย เจ ทำไรวะ” ผมร้อง

   “อย่าเข้ามาเว้ย”  มันยังคงเดินเข้ามา ไม่ฟังเสียง

   มันมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าผมสองคน ไอ้ต้องยังคงเอาแขนพาดไว้ยังงั้น

   “เฮ้ยๆๆๆ อย่า”

   ไม่ทันแล้ว มันเอาตัวมันกอดแนบตัวผม ตอนนี้ถึงผมจะใส่แต่กางเกงขาสั้นมันก็เปียกหมดแล้ว แถมเหม็นกลิ่นคลอรีนจากสระด้วย ไอ้ต้องผงะถอยออกไปก่อน ตั้งแต่ตอนที่เจมายืนอยู่ข้างหน้า แถมหลบไปหัวเราะอยู่ข้างหลังอีกต่างหาก

   ไอ้แมคก็ดูท่าทางแล้วจะช่วยอะไรไม่ได้ ยืนสั่นหัวยิกๆอยู่

   ผมพยายามผลักไอ้เจออกไป

   ไอ้เจหลบได้ เอามือดันหลังผมหนึ่งที

   “เฮ้ย สัส”

   ตูม ….

   เรียบร้อยผมลงไปอยู่ในน้ำ

   ผมปีนขึ้นจากสระอย่างทุกลักทุเล กางเกงขาสั้นสีครีม มันโดนน้ำแล้วบางนะ ทีนี้จะทำยังไงละเนี่ยกว่ามันจะแห้ง ไอ้ห่านี่ก็เล่นอะไรไม่รู้เรื่องตลอด ผมว่ามันชักจะเกินไปแล้ว ถ้ามันจะเล่นกันยังงี้ต่อไปผมว่าไม่ไหวแน่ นี่ครั้งที่สองแล้ว ถ้านับไอ้ตอนที่บูมมาเห็นด้วย เอ่อ เรื่องนั้นก็ยังไม่หาย เรื่องนี้มาอีก อุตส่าห์ไม่คิดถึงเรื่องบูมไปชั่วคราวแล้วนะ

   “มาๆ” มือถูกยื่นออก

   “มาไรละมึง ฝีมือมึงนะ” มันนั่งยองๆ เอามือยื่นมาให้ผมเกาะ

   นั่งงี้ไอ้นั่นมันยิ่งชี้มาที่หน้าผม เบ้อเร่อเลย ใส่ซะเล็กแยกออกหมดอันไหนไข่อันไหน....

   ผมว่าผมรู้นะว่ามันต้องการอะไร ไอ้ท่านั่งหันเป้ามาทางผมในกางเกงว่ายน้ำเนี่ย ไม่ใช่ไอ้เจไม่รู้ตัวนะ แต่ผมว่ามันตั้งใจ

   “ไหนๆก็เปียกแล้ว ไปอาบน้ำกัน”

   “มึงบ้าเหรอ กูเอาชุดมาที่ไหน” ผมไม่สนมือมัน ปีนขึ้นมาเอง

   “นะๆ จะได้ทำกันอีกไง ในห้องน้ำสระเลย”

   “....” มันไม่เหมือนคำเชิญชวนแล้ว มันเหมือนมันกำลังกวนตีนมากกว่า

   ผมได้แต่พยายามเอามือบิดๆ กางเกงไล่น้ำออกให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แน่นอนว่ามันเปียกไปถึงกางเกงในแล้ว ดีที่วันนี้ใส่สีดำมาถึงมันจะเห็นก็ยังดีกว่าสีขาววะ ไม่งั้นมันคงเหมือนไม่ได้ใส่

   “ก็กูไง เดี๋ยววกูใส่ชุดเดิม แล้วมึงก็... เออ มึงจะเกงไรวะ”

   ผมกำลังจะเดินเข้าไปตบกบาลมัน

   “เก้า เอาของเราก็ได้ เกงบอล เมื่อเช้าใส่เล่นไปแปบเดียว” ต้องทำท่าหันหลังจะออกเดิน

   “เดี๋ยวเราไปเอามาให้”

   “ไม่ต้องๆ มาเล่นกันดีกว่า” ร่างาขาวๆวิ่งไปทางไอ้ต้อง

   “ไม่” ต้องพูดเสียงแข็ง

   เจพยายามผลักไอ้ต้องลงน้ำให้ได้

   “มึงลงไปเองอีกรอบไป”

   ต้องผลิกตัวหลบ เอามือเกี่ยวกางเกงเจลงมา กางเกงว่ายน้ำตัวน้อย ปิดแต่ส่วนหน้าด้านหลังถูกดึงถกลงมาเห็นก้นขาวๆสองข้าง เต็มตา แล้วขายาวๆก็ถีบมาลงสระไป

   “สันดาน” เสียงด่าลอยขึ้นมาจากในสระ

   ไอ้แมคยืนหัวเราะอยู่ตรงนั้น ที่เดิม ยังไม่มีใครไปยุ่งกับมัน

   “หนอย เหลือมึงสินะ”

   ไอ้เจ เอามือวักน้ำ สาดขึ้นมาจากสระไปทางไอ้แมค ผมกับต้องโดดหนี

   “เล่นคว... ไร”

   “โตแล้ว พอซะที”

   นั่นไอ้แมคองค์ลงเป็นที่เรียบร้อย เห็นมันบ้าบอ เวลาอะไรที่มันไม่เล่นเนี่ยมันก็ไม่เล่นจริงๆนะ อย่าได้คิดจะไปแหย่มันเลย

   “งั้นกูรอนี่ละกัน” ผมบอกไอ้ต้อง

   รูปร่างสูงของมันค่อยๆเล็กๆลงเมื่อเดินไกลออกไปทางสนามบอล เดี๋ยวมันก็คงเอาชุดมาให้ ไอ้เจขึ้นจากสระแล้วเดินไปทางห้องน้ำ

   “ไปป่าว เก้า”

   “ไม่ไป ไม่มีผ้าเช็ดตัว ไม่อยากอาบด้วย”

   มันโบกมือแล้วเดินไปคนเดียว

   “เก้า เดี๋ยวมึงได้เป็นหวัดแน่” แมคเอานิ้วมาสะกิดๆแขนผม

   “ตัวเย็นเชียว”

   ใกล้สิ้นปีแล้วสินะ

   “ก็แหงดิ ตากลมอยู่เนี่ย เมื่อไหร่ไอ้ต้องจะมานะ”  ผมทำหน้าเซ็ง

   “เดี๋ยวให้ต้องไปส่งบ้านป่าว”

   “ไม่เป็นไรเดี๋ยวเปลี่ยนชุดแล้วก็กลับได้” ผมเกรงใจไอ้ต้องมัน เดี๋ยวมันต้องนั่งรถเลยไปอีก

   “แล้วมึงจะเอาเกงในไหนมาใส่วะ” แมคถาม

   เออวะ ชักคันยุบยิบละ หรือจะให้ทนไปจนถึงบ้านดี

   “สังคังจะแดกเอานะ”

   “ปากเหรอนั่น”  ผมเอามือตบกบาลมัน

   “มึงจะช่วยทำแสตนด์ป่าว กูจะได้เอาด้วย” ผมถามมัน ตาเหม่อมองออกไปทางสนามบอล รอความหวังน้อยๆ

   “เอาดิ ดีกว่าไปนั่งร้องเพลงละวะ”

   “ไอ้ต้องมันลงบอลเหรอ”

   “ต้องถามมันดูวะ แต่ไอ้ต่ออะน่าจะลงแน่”

   เออ ใช่ ถ้ามันเตะได้ดีขนาดนั้นแล้วละก็ ดีนะที่ไม่โดนเข้าไป

   ไอ้ต้องเดินกลับมาแล้ว พร้อมๆกับไอ้เจที่นุ่งแต่ผ้าเช็ดตัวอยู่ตรงลาน ทำไมไม่ไปใส่เสื้อผ้าซะวะ มันสองตัวเลยแวะยืนคุยอะไรกันบางอย่าง ไม่นานไอ้ต้องเดินดุ่มๆมาที่ผม แล้วโยนเสื้อกับกางเกงมาให้

   “ไปเปลี่ยนไป”

   ผมรับของแล้วลุกออกเดินทางห้องน้ำ

   “เก้า อย่าใส่เกงในนะ เดี๋ยวคัน ฮ่าๆๆ” เสียงแมคไล่หลังมา ผมทำอะไรได้นอกจากชูนิ้วกลางจากข้างหลังให้มัน

   “เก้า ถ้ากูได้เหรียญมึงจะให้รางวัลอะไรกู” เจถามผม

   “กูว่า มึงถามกูก่อนมั้ยว่ากูหายโกรธมึงยัง”

   “โอ๋ๆๆ น่าๆๆๆๆๆๆๆ กูลงสองอย่างเลยนะมึง”

   ผมมองตัวเปลือยเปล่าของมัน หลังจากมันปลดผ้าขนหนูออกข้างในก็ไม่ได้ใส่อะไร ส่วนนั้นชี้ใส่หน้าผม ขนหรอมแหรมของมันเริ่มแห้งแล้วแสดงว่ามันเช็ดตัวเสร็จนานแล้วสินะ (แล้วทำไมมันชี้หน้าผมได้วะ มันไปทำให้ขึ้นมาตอนไหน)

   “ใส่เสื้อผ้ามั้ยเดี่ยวคนเห็นนะมึง”

   “มันไปกันหมดแล้ว จะเที่ยงแล้วนะ”

   ผมเอาเสื้อตัวเองที่ยังไม่เปียกเพราะโดนพี่ก้องถอดไว้ริมสระก่อนมาใส่

   “ตกลงถ้ากูได้เหรียญมามึงจะว่าไง”

   “พี่ก้องละมึง”

   “พี่เค้าไปแล้ว”

   มันยังจ้องหน้าผมด้วยตัวขาวๆซีดๆ เปลือยเปล่า มีเพียงตรงนั้นที่มีสีแดงเรื่อกับขนสีดำที่มีอยู่น้อยนิด กระดกใส่หน้าผมตลอดเวลาตามจังหวะสูบฉีดของหัวใจมัน

   “มึงต้องได้สองเหรียญ อะไรก็ได้แต่อย่างน้อยต้องทองหนึ่งเหรียญ”

   “ยากวะ”

   ผมไม่สนใจ หยิบกางเกงต้องออกมาดู เกงขาสั้นตัวใหญ่กว่าที่ผมใส่

   “งั้นเอาเป็นว่าถ้าทำได้ มึงต้องเป็นเมียกูนะ”

   ห่านี่ เสียงดัง

   “ถ้ามึงได้อะนะ”

   ผมตัดสินใจอยู่นาน แล้วถอดกางเกงตัวเองออกทั้งสองชั้นเลย ใส่ไปงี้ทั้งชื้นทั้งอับ ช่วยไม่ได้วะ ผมเลยต้องใส่กางเกงของไอ้ต้องแบบไม่มีกางเกงใน เสื้อผมคงจะสั้นไป สงสัยต้องเอาเสื้อต้องแล้วคงยาวอยู่บ้าง ปิดๆเอาละกัน

   “ไม่มีเกงในเหรอ” พอเจรู้ว่าผมไม่ได้ใส่กางเกงในแล้ว

   ของแข็งของมันก็มาถูไถอยู่ที่ก้นผมผ่านผ้ากางเกงบางๆ สักพักมันเริ่มเลื่อนออกมาข้างๆแล้วก็มาที่มือ มันยังไม่หยุด ดูจากทรงแล้วมันน่าจะกำลังคันได้ที่เลยสิ นี่มันจะทำครบทุกที่ในโรงเรียนเลยมั้ยเนี่ย ส่วนหัวแดงๆ มาสะกิดกับปลายนิ้วมือผม ไม่ดีละ เดี๋ยวของผมตื่นขึ้นมาจะเดินออกไปไม่ได้ ตอนนี้ก็นิดๆแล้ว

   มันเอาอ้อมมือมาลูบไล้ของผม แล้วซุกหน้าลงที่คอ

   “เฮ้ย คราวก่อนกูขอโทษนะ กูจะน้อยลงแล้วนะ”

   แล้วไอ้ที่กระดิกอยู่ในมือกูนั่นอะไร ลื่นแล้วเนี่ย

   ผมเลยลูบของมันเล่นจากส่วนหัวไล่ไปเรื่อย ลงไปถึงลูกกลมๆน้อยๆของมันที่ตอนนี้เต่งตึงราวกับจะระเบิดออกมา มันครางเสียงเบาๆอยู่ข้างหูผม

   อะไรเหลวๆลื่นๆออกมามากขึ้น ผมขยับมือเข้าออกอยู่สักหน่อย

   “ให้ได้มาก่อน” ผมพูดจบแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป

   ต้องเอาเสื้อของต้องมาใส่แล้วละ แม่งชี้ขึ้นซะจนกางเกงออกมาเป็นสามเหลี่ยมแล้ว

   นี่คือความพยายามของผมที่จะหลีกเลี่ยงปัญหา ในความคิดของผม สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังเป็นเพื่อนกับมันต่อ เพราะ มันยังไม่เคยทรยศต่อผมเลยและมันก็ดีกับผมมาตลอด

    ไม่เหมือนไอ้บูมที่พยายามทำอย่างไรก็ได้ให้แกล้งผมให้ได้ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอย่างผมมันมีความสุขที่ได้แกล้งด้วยเหรอ ทั้งแกล้งทั้งเอาผมเป็นที่ระบายความเงี่....น

   สรุปผลการคัดตัวนักเตะเป็นอย่างไรบ้าง ผมไม่ได้อยู่ตามต่อ เดินไปเรียกรถแท๊กซี่แล้วมุ่งหน้ากลับบ้าน ชุดที่แสนประหลาดเป็นเสื้อยืดลายสีสดสำหรับใส่ไปเที่ยว มาคู่กับกางเกงบอลตัวยาว หลวมนิดหน่อย แถมไม่มีกางเกงใน ขามาเดินมาอย่างสบายใช้เวลาไม่นาน แต่ขาออกทำไมมันไกลอย่างนี้  เสื้อผ้าเปียกๆรวมทั้งกางเกงในก็รวมกันอยู่ในถุงเซเว่นที่ซื้อมาเมื้อเช้า (แถมต้องเอามือดึงกางเกงกับเสื้อไปตอลดทาง)

   เนื้อผ้าบางลื่นที่เสียดสีไปด้วยนี่ เดินแล้วช่างทรมานยิ่งนัก ถ้ามันจะกระตุ้นอารมณ์กันอย่างนี้อยากจะเอาออกมาทำให้รู้กันไปเลย ต้องเป็นคนเรียกรถแท๊กซี่ให้ เมื่อแวะไปส่งแมคเสร็จแล้ว ต้องเลยนั่งต่อมาถึงหน้าบ้านผมแบบวันนั้น กลิ่นตัวมันผสมกับกลิ่นผ้าที่จดจำได้ดี ตอนนี้มันอยู่บนตัวผมแล้ว ส่วนเจโดนพวกเราปล่อยเอาไว้อย่างนั้นแหละ (สงสัยมัวแต่ชักว่า.. อยุ่เลยออกมาช้า)

   อยากแกล้งคนอื่นดีนัก

   “เดี๋ยวแวะบ้านมึงก่อนละกัน” ต้องเปิดประตูลงจากรถ

   “เฮ้ย ไม่รีบกลับเหรอ”

   “ป่าว บ่ายๆนี้กูว่าง”  ถ้ารู้ว่าต้องว่างน่าจะชวนแมคมาด้วย

   “อีกอย่าง ต้องเอากางเกงคืนด้วย”  มันก้มหน้าลงมองมาที่ผมใส่อยู่

   เฮ้ย ผมรีบปิด

   อย่ามองนักจะได้มั้ยเนี่ยยยยยย

   “เออ ขอบใจนะที่ให้ยืม”

   “จริงๆเดี๋ยวกูเอาไปคืนวันจันทร์ก็ได้นะ”  ว่าจะได้อยู่กับกางเกงมันต่อไปอีกหน่อย

   “ไม่เป็นไร แต่เหม็นมั้ยมึง”

   “ไม่รู้ดิวะ ไม่ได้ยกขึ้นมาดม ตอนใส่ก็ใส่เลย”

   อยากให้กูดมเรอะไงไอ้ต้อง

   “กูง่วงแล้ว เข้าบ้านละจะอาบน้ำนอน”

   “ตอนนี้เนี่ยนะ เพิ่งกี่โมง”

   “งั้นกูถูหลังให้ปะ” ต้องยังหันมามองจากบนรถแท๊กซี่

   “ไม่ต้อง ขอบใจ”  จบคำ ปิดประตูรถส่งมันแล้วรีบเข้าบ้าน

   ไอ้บ้าเอ้ย ไม่กล้าหันหน้าไปสู้มันหรอก ชี้ออกมาซะขนาดนี้แล้ว ผมต้องเอามืออีกข้างกุมเอาไว้กันมันเห็น ยังดีที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่บ้าน พอเข้าบ้านเสร็จก็ปล่อยมันละ อยากชี้หน้าใครก็เอาเลย เดินมันยังงี้จนเข้าห้องนอนไปนั่นแหละ

   ติ๊ด...

   ข้อความ

   'จันทร์เจอกันที่โรงเรียน กางเกงกูฝากไว้ก่อน
   อ้อ ขาว เนียน นะมึง'

   ผมหยิบมือถือ กดส่งกลับ
   'ไอ้สัส เดี๋ยวกูหวั่นไหว'

   ผมเล่นแรงไปมั้ยวะ ถ้าต้องมันรู้ตัวขึ้นมา มันต้องเกลียดผมแน่ๆ

   เข้าไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า

   น้ำเย็นๆ ตอนบ่าย หลังจากตากแดดร้อนๆมานี่ใช้ได้อยู่มันกันมันรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก อาบน้ำเสร็จผมกะว่าจะไปอ่านหนังสือสักหน่อยไม่ก็ หาอะไรก็ได้ทำ ถ้าไม่มีอารมณ์จะอ่านหนังสือ อ้อ ยังติดค้างเมื่อเช้าอยู่นี่นะ หึหึ

   เอาซักกี่ยกดีละเนี่ย

   ออกจากห้องน้ำมา ผมยังไม่ใส่เสื้อผ้าเลย เอาผ้าเช็ดตัวขยี้ๆหัวไว้ก่อนให้ผมแห้ง  ใจอยากรู้ว่าจะมีข้อความส่งมาหรือไม่

   กดโทรศัพท์ดู   

            ว่างเปล่า...

   'เอาวะ งั้นช่างมัน เอาซักยกก่อน'

   ไปล้มตัวนอนบนเตียง กางเกงต้องยังพาดอยู่ที่เก้าอี้โซฟา พอนึกแล้วของมันขึ้นดีจริงๆ งั้นจัดการเลยดีมั้ย ถ้ามันจะแข็งขืนเรียกร้องมือผมซะขนาดนี้แล้ว

   ผมนอนพาดอยุ่บนเตียง จะว่านอนก็ไม่ถูก แค่ส่วนที่อยุ่เหนือก้นเท่านั้นที่อยู่บนเตียง นอกนั้นอยู่เลยออกไป มันเหมือนคนนอนไม่เต็มตัว ขาเหยียดออก ท้องเริ่มเกร็ง ครึ่งบนขนานไปกับเตียง ขายันพื้นไว้ มีแค่ตรงนั้นที่ตั้งฉากกับพื้น ตอนนี้มันไม่ตั้งแล้ว แข็งเกินจนแทบจะชี้ใส่หน้าผมเลย

    มือขวาขยี้หัวแดงๆ ส่วนมือซ้ายขยี้ที่หน้าอก หน้าท้องขาวเนียนเริ่มขยับขึ้นลงแรงขึ้น ตามลมหายใจเข้าออกที่แรงเป็นช่วงๆ จากความรู้สึกแปล๊บ มันทะยอยไล่ขึ้นมาจากขามาที่ท้องน้อย

   ตาเหลือบมองไปที่กางเกงต้อง

   ‘ไอ้บ้าเอ้ย'

   อยากให้มันใส่ให้ดูแบบไม่มีกางเกงในจัง

   ตอนนี้มือไม่ขยี้แล้ว แต่เปลี่ยนการกำมือหลวมๆแล้วเคลื่อนไหวเป็นขยับขึ้นและลงช้าๆแทน

   ในห้องน้ำผมเองก็แทบจะทนกับไอ้เจไม่ไหว

   อา... ผมเองตัวเกร็ง ส่วนนั้นตึงแล้วก็ร้อนจัด สีแดงที่เข้มขึ้นจนเหมือนเลือด

   ไอ้ต้องจะขนาดเท่าไรเป็นยังไงนะ
   
   ผมรูดขึ้นไปสุดแล้วลงมาลึกๆจนตัวโยนขึ้นมาจากเตียง

   อา.... ความเสียวระลอกสองมาแล้ว อีกไม่นานก็คงจะประทุออกมานอกร่างกาย

   ติ๊ด

   'ใครวะ'

   1 ข้อความใหม่

   'งั้นกูรับผิดชอบเอง'

   ไอ้ต้อง

   ผมส่งกลับ

   'olo'

   มันมีสองความหมายอ้อมๆ

           1. ผมด่ามัน 2. ผมมีอารมณ์กับมัน

   แต่มันไม่มีทางรู้หรอก เพราะผมคิดของผมเองคนเดียว มันจะไปตีความอะไรก็เรื่องของมัน

   โทรศัทพท์หน้าจอสลับมืดไป ก่อนจะส่งแสงสว่างจ้า พร้อมตัวเลข

   'ไม่มีชื่อคนโทร แต่.. เบอร์เหมือนเคยเห็น'

   “ครับ” ใครมันขัดจังหวะวะ จะเสร็จอยู่แล้วเชียว

   ผมลุกมานั่งคุย ส่วนนั้นยังชี้ขึ้นมาที่สะดือ แต่ความยาวน่ะไม่ถึง

   “วันอาทิตย์ว่างมั้ย”

   บูม???

   “ไม่ว่าง”

   “มึงมีอะไร” อยากรู้ว่ามันโทรมาทำไม

   “ได้ข่าวมึงจะลงแข่งกีฬาด้วยเหรอ” บูมถามขึ้น

   “ปัญญาอ่อน กูไม่ลง”

   “....”

   “อะไรของมึง” หงุดหงิดแล้ว มันโทรมาเรื่องบ้าอะไรเนี่ย

   “มึงห้ามลงแข่ง ไม่งั้นกูจะเอาเรื่องมึงไปบอกทุกคน” บูมทำเสียงจริงจัง

   “ก็กูบอกว่า กูไม่ลงไง” ผมชักสงสัยผมเป็นบ้าหรือมันโง่วะ

   “เออ อย่าลืมที่กูบอกละ วันไหนมึงว่างก็บอก”

   “ไม่มีทาง”

   “ไม่งั้นมึงโดนกูแน่”

   สายตัดไป....

   เซ็งชิบหาย

   คว... หดหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 4.1 วันเสาร์ [pg5] 30/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Anonimo ที่ 01-12-2015 19:13:53
แปลกใจตัวเอง ว่าทำไมยังเชียร์เจอยู่ก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 4.1 วันเสาร์ [pg5] 30/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 01-12-2015 23:01:47
ไอ่เจอ่ะ..ก็แค่เพื่อนกันมันส์ดี

แต่กับต้อง..มันต้องมีมากกว่านั้น
เน๊อะ..เก้า
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 4.1 วันเสาร์ [pg5] 30/11/2015
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 02-12-2015 00:34:54
ไม่ชอบเจ ไม่ชอบเจมากๆ ต้องปรับปรุงตัวซะนะ จะได้เป็นพระเอกดีๆ เคร?
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 5 ความลับในห้องน้ำหลังโรงยิม [pg5] 3/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 03-12-2015 20:51:22
ตอนที่ 5 ความลับในห้องน้ำหลังโรงยิม

ตกลงว่าวันรุ่งขึ้น ผมก็ไม่ได้ไปสนใจและไปตามคำเชื้อเชิญของบูมมัน เพราะยังไงจุดประสงค์ของมันก็ไม่ชัดเจน สงสัยคราวหน้าให้มันไปหัดเขียนเรียงความมาก่อนดีกว่า

อีกอย่าง จะไปให้มันแกล้งทำไม

คิดๆดูมันน่าแปลกใจมากกว่าที่มันโทรมาหาผมด้วยเรื่องอย่างว่า แล้วจบเรื่องที่การห้ามลงแข่งกีฬา เหตุผลของมันคืออะไรกันนะ

ตอนขึ้นม.ต้นใหม่ๆ เรายังเด็กกันอยู่ มันคงอยากรู้อยากเห็น ผมโตเร็วกว่าบูมมัน แน่นอนขนผมมันก็ขึ้นก่อน แต่ผมต้องทำเป็นไม่รุ้ไม่ชี้ไว้

เมื่อผมกับบูมสนิทกันมากขึ้น บูมมันเองก็ไม่ใช่ดาวเด่นของห้องอะไร ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไม มันถึงได้เข้ามาหาผม แล้วให้ผมกลายเป็นลูกไล่ของมันไป เวลามันไม่รู้จะลงอะไรกับใครก็มาลงกับผมนี่แหละ

มองกลับไปจากตอนนี้ การที่มันมาเที่ยวหาเรื่องแหย่ผมไปทุกวันมันไม่ได้ทำให้มันดูดีขึ้นเลย เหนือกว่าใครไม่ได้ก็เลยมาเหยียบผมเนี่ยนะ

นึกอีกที เด็กๆทำไปคงไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นละมั้ง อาจจะแค่เล่นสนุก

บางครั้งมันแหย่หนักบ้างเบาบ้าง แล้วไม่รู้ว่ามันคิดยังไงถึงมาขอดูของผมตอนใกล้หมดปีการศึกษา มันคิดว่าผมเป็นลูกน้องของมันแล้วจะอะไรก็ได้สินะ ผมไม่ค่อยแน่ใจเรื่องอย่างว่าเท่าไร ใช้เวลาตัดสินใจอยู่หลายวันกว่าจะยอมตกลง

เรื่องอย่างว่ากับผู้ชายด้วยกันเป็นเหมือนของใหม่ในชีวิต

บูมเป็นคนเปิดทางให้ผมมาทางด้านนี้

ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้น มันชวนผมไปห้องน้ำหลังโรงยิม ที่เดิม

ทำกันมาหลายครั้งไม่เคยจะเสร็จหรอกครับ น่าจะเพราะยังเด็กเกินไป ไม่รู้ว่าการที่ทำเสร็จมันเป็นยังไง เอะ หรือมันยังเด็กเกินไปมากกว่านะ

มีบางอย่างเปลี่ยนไปหลังปิดเทอมกลางปี

“เก้า ปะ ห้องเดิมนะ”

“อีกแล้วเหรอ”

ผมเดินนำไปที่ห้องน้ำหลังโรงยิม ห้องประจำ ตรงกลาง ที่มันชอบลากผมเข้าไป เพื่อเข้าไปจับไอ้นั่นเล่น มันมักจะยื่นของมันออกมาให้ก่อนเสมอ

อันเล็กเท่านิ้วก้อย

มันเริ่มก่อนด้วยการถอดกางเกงลงไปกองไว้ที่ข้อเท้าเหมือนทุกที

ชายเสื้อปกปิดบริเวณท้องน้อยเอาไว้ ให้โผล่ออกมาแค่แท่งเท่านั้น

มันกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง

พอมองดูดีๆ ขนาดของมันก็ไม่เหมือนเดิม ขนาดของเราสองคนจะเท่ากันอยู่แล้ว

“ทำให้หน่อยดิ” มันเริ่มก่อน

ผมเอามือค่อยๆลูบ จากปลายของมันที่เปิดออกแล้วรูดลงไปช้าๆถึงโคน พอจะถึงชายเสื้อมันจึงถอยตัวออก กลัวจะเห็นสิ่งที่มันพยายามปกปิดเอาไว้

มันทำแบบเดียวกันให้ผม ผมเองทุกครั้งก็จะเอาเสื้อปิดไว้เหมือนกัน ไม่ได้อยากให้มันเห็น

บูมจับคลึงไปมาไม่นาน ก็ก้มตัวลงไป

เอาปากแตะส่วนหัว ค่อยๆขยับไปข้างๆช้าๆ ไล่ไปตามลำ ถ้าตอนนั้นหนังโป๊หาดูง่ายกว่านี้ ก็คงจะรู้กันแล้วว่าต้องทำอย่างไร แล้วก็คงเลยเถิดไปกว่านั้น

ตอนนี้ก็มั่วๆไปตามความรู้สึก

“ตามึงแล้ว”

มันกดหัวผมลงไปทำแบบเดียวกัน ของมันที่ใหญ่เกินปกติ ผมรู้สึกไม่คุ้นเคย จึงได้แต่เลียไปรอบๆ

“โอ้ยเสียววะ”

มันเอามือมาบีบตูดผมแล้วดันผมหมุนตัว

“เก้าหันหลังดิ”

“บ้า ไม่เข้าหรอกมึง”

“เออน่า”

มันยังพยายามยัดเยียดเข้าไปอยู่อย่างนั้น ยังไงก็ไม่เข้า

ไม่นานก็เปลี่ยนท่ากลับมาเป็นแบบเดิม รูดๆเข้าออกอยู่อย่างนั้น

“กูจะเสร็จวะ”

มันเอามือผมไปลูบตามตัวมัน

เมื่อก่อนทำกันมันไม่เคยจะพูดว่าเสร็จ เราทำกันจนเมื่อยแล้วก็หยุดก่อนเสมอ อย่างมากมันก็จะบอกว่าปวดฉี่ แล้วก็หยุด พวกเรายังไม่กล้าทำต่อจากนั้นไป ผมเองก็ไม่เคยจะปล่อยไปจนสุดด้วย

พอได้ยินอย่างนั้น ชัดเจนว่ามันทำเป็นแล้ว มันกำลังจะปล่อย ของเหลวขาวข้นออกมา

“อา ... กูด้วยๆ รอด้วยดิ”

มันเร่งมือทำเร็วๆขึ้นๆ

“อะ เดี๋ยวๆ จะออก”

มันขยับตัวหลบออกไปข้างๆ

น้ำขาวขุ่นของผมพุ่งตัวออกไปก่อน หยดแหมะเป็นสายลงเต็มพิ้นห้องน้ำหลังโรงยิม ในห้องน้ำแคบๆ กลางห้องเปรอะเปื้อนด้วยน้ำขาวๆข้นๆ

ครั้งแรกที่ผมทำจนเสร็จให้คนอื่นดู

ดีที่มันหลบ

คราวนี้มันหันตัวมาทางผม ความอายวิ่งหนีไปแล้ว บูมยกเสื้อขึ้น แล้วเอาของมันมาถูไถไปกับของผม

“ทำให้กูด้วยดิเก้า”

มือข้างที่ยังเลอะน้ำ ผมใช้มันกำแท่งของมันแน่นๆ แล้วรูดเข้าออก ขนาดที่เปลี่ยนไปทำให้ผมกำได้แน่นขึ้น แล้วก็รูดได้ถนัดขึ้น น้ำลื่นๆจากปลายของมันไหลย้อยลงมาโดนมือผม

“อีกนิดๆ เร็วหน่อยๆ” เสียงบูมสั่นจนฟังยากว่าพูดอะไร

ทุกครั้งที่รูดลง จะเผยหัวแดงๆของมันออกมาให้เห็น แบ้วบวมเต่งตึงคั่งไปด้วยเลือด

แล้ว.. อะไรไม่รู้ จู่ๆก็วิ่งมาเข้าสิงผม ทำให้ผมรู้สึกผิด

“พอเหอะ”

ผมดึงกางเกงขึ้นมาใส่ลวกๆ

สะบัดตัวออกจากมัน

มือป้ายกางเกง

“อย่าเพิ่งดิ กูจะแตกแล้ว รอก่อน” มันรีบทำของตัวเอง

ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนว่าผมหมดอารมณ์ไปกับมันแล้ว ของมันที่ชูตระง่านท้าสายตาผม บูมช่วยตัวเองอยู่อย่างนั้น เร่งรีบ

“อีกนิดเดียว อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน” มันแอ่นตัวโยนไปมา ผมหลบ ระแวงว่าอะไรๆของมันจะพุ่งมาโดนกางเกงนักเรียนเข้า

รออยู่สักพักก็ยังไม่มีออกมา

มันขยับตัวขึ้นลงทำกับมือตัวเองอยู่อย่างนั้น

ผมทนไม่ไหว

เปิดประตูแล้วหันหลังปลาอยมันเอาไว้ ประตูเปิดอ้า ผมหันมามองครั้งสุดท้าย ภาพบูมที่เปลือยท่อนล่างมีกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินกองอยู่ที่ข้อเท้า กางเกงในสีขาวทับอยู่บนนั้น บูมกำลังชักของตัวเองอย่างหยุดไม่ได้ ใบหน้าเหยเก

ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดราวกับโดนทิ้งไว้คนเดียว แต่มันก็ยังไม่หยุด

ผมเดินหนี

ประตูเปิดไว้อย่างนั้น

‘กูมีแฟนแล้ววะ เป็นญ’

คำพูดนี้เหมือนเป็นการบอกนัย

มันบอกเรื่องนี้ตอนที่ผมกำลังทำให้มันอยู่ และมันอยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้มันจะเก็บไว้ทำกับแฟนมัน แล้วก็ขอบใจที่ช่วยระบายให้มันมาตลอด

ใช่แล้ว ที่ผมเดินออกมาเพราะรู้สึกผิด ผิดที่ผมเป็นที่ระบายให้มัน แล้วก็ไปชอบผู้หญิงแทน ส่วนผมกลายเป็นว่า ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว หน้าห้องน้ำ

ถึงจะรู้สึกผิด แต่ก็ชอบที่จะดูผู้ชายทำ

มันทิ้งผมไปใช้ชีวิตปกติ มีแค่ผมที่เดินทางสายนี้คนเดียว

ถ้าไอ้บูมไม่ชวนผมทำแบบนี้ บางทีผมอาจจะยังไม่เป็นแบบทุกวันนี้ก็ได้

ตอนนี้ก็สายไปซะแล้ว

ไม่รู้ว่านี่เป็นเหตุผลที่มันจงเกลียดจงชังผมนักรึเปล่า เพราะหลังจากนั้นมันก็เริ่มป่าวประกาศเรื่องของผมออกไปทั่วโรงเรียน

ผมคิดว่ามันคงรู้สึกเสียหน้าที่โดนทิ้งไว้อย่างนั้น

พอน้ำแตกสติก็กลับมาสินะ

ผ่านมาอีกปีจนขึ้นม.ปลาย มันกับผมก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก แค่เดินสวนกันเหมือนคนไม่รู้จัก



เมื่อจบม.3 กระดาษขาวแผ่นหนึ่ง ระบุสายที่ต้องการเรียนต่อก็มาวางอยู่บนโต๊ะผม

ผมกาลงไปอย่างไม่ลังเล




ห้อง 1 สายวิทย์
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 5 ความลับในห้องน้ำหลังโรงยิม [pg5] 3/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 04-12-2015 09:05:48
บูมนิโหดร้ายจริง แต่อาจจะเพราะยังเด็กมั้ง ทำอะไรไม่คิด
ตอนนี้อ่านแล้วเสียวดีจัง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 5 ความลับในห้องน้ำหลังโรงยิม [pg5] 3/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 04-12-2015 21:09:46
อ่านแล้วไม่ชอบตัวละครรอบตัวเก้าเลยอะ
ทั้งเจทั้งบูม แล้วรำคาญที่เก้ายอมคนอื่นง่ายๆด้วย
 :z3:
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 5 ความลับในห้องน้ำหลังโรงยิม [pg5] 3/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 08-12-2015 09:04:23
ยังไม่มาต่อหรอครับ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 5 ความลับในห้องน้ำหลังโรงยิม [pg5] 3/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 08-12-2015 19:28:08
อ่านแล้วไม่ชอบตัวละครรอบตัวเก้าเลยอะ
ทั้งเจทั้งบูม แล้วรำคาญที่เก้ายอมคนอื่นง่ายๆด้วย
 :z3:

ใช่ครับ เก้าก็ไม่ชอบตัวเองเลยเหมือนกัน เพราะความที่ไปทำเรื่องแบบนี้ไว้ เลยอยากจะหนีออกไป สุดท้ายมันก็หนีไม่พ้น ในเมื่อรู้แน่ว่าตัวเองจะไปทางนี้แล้ว

ส่วนพวกคนรอบข้างเอง เก้า มีสิทธิ์ที่จะเลือกน้อยมาก แค่มีคนคบด้วยก็ดีแล้ว ดังนั้น ถ้าอะไรจะเกิดมันก็ให้เกิดไป

อ้อ ส่วนตัว ผู้ชายมาเจอกันก็แบบนี้แหละ ความเงี่ยนนำหน้ามาก่อน มันเกิดขึ้นได้บ่อยไป ส่วนต่อไปใครจะเอาทางไหนก็ตามแต่ใจ

ป.ล. ตอนต่อไปกำลังพิมพ์เพราะไฟล์หายหมด ต้องเริ่มพิมพ์ใหม่จากที่เขียนเอาไว้  :o12:
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 5 ความลับในห้องน้ำหลังโรงยิม [pg5] 3/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 08-12-2015 21:22:14
ยังเอาสาระอะไรแน่นอนไม่ได้
เพราะทุกคนก็มีความคิดแค่เด็กๆ
ตามอายุ ตามวัยมัธยมเอง

ขอแค่ได้มันส์ก็พอ
ใช่ไหมๆๆๆๆๆ เก้า
อิอิ
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 6 แยกย้าย [pg6] 9/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 09-12-2015 20:52:46
(10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 6 แยกย้าย

เช้านี้ผมมานั่งนึกคำพูดบูมดู  มันมาแปลก  'ห้ามลงกีฬา' มันก็น่าจะรู้ว่า ปกติผมเล่นกีฬาที่ไหน ถึงเล่น ได้บ้างก็ไม่ได้เก่งขนาดจะลงแข่งสักหน่อย แล้วมันไปเอาที่ไหนมาพูด

ตรงข้ามกับความคิดผมมาก ไอ้ที่แวบแรกขึ้นมาในหัวเป็นเรื่อง ที่วันนั้นผมกับเจไปช่วยกันบำบัดใน ห้องประชุมมากกว่า ตอนนี้ผมขอเรียกมันว่าไอ้ห่าเจจะเหมาะกว่า

ตัวไอ้ห่านั่นเองก็ดูเหมือนจะเงียบๆห่างหายไป สงสัยตอนว่ายน้ำที่ผมเมินมันจะทำให้มันเสียความ รู้สึกมากไป ทำไงได้ นั่นห้องน้ำในสระว่ายน้ำโรงเรียนเลยนะ เกิดใครเดินเข้ามาทำยังไง

“เฮ้ย เป็นไงมั่งวะ” ผมทักเจ

“ก็ดี เหนื่อยซ้อมหนัก” แค่นั้นที่เจตอบ เหมือนจะปกติแต่น้ำเสียงไม่ใช่

“มีไรให้กูช่วยมั้ย” ผมหมายถึงเรื่องปกตินะ

“ขอบใจ” มันจอบแกนๆ

แปลก... กลิ่นตัวมันก็ไม่ใช่ (ได้กลิ่นบ่อยซะขนาดนั้นผมไม่ลืมอยู่แล้ว) กลิ่นเหงื่อผสมแดด แต่มันไม่ แรงเหมือนคนที่เพิ่งเดินเข้าตึกมา แสดงว่ามันต้องหลบซักพักนึงแล้ว

กลิ่นบุหรี่ต่างหากที่ติดใจผม ถึงจะอ่อนจาง แต่ผมรู้สึกได้ เวลามันพูด ส่วนที่ตัวมัน มันก็พยายาม กลบด้วยกลิ่นน้ำหอม ขัดกับบุคลิกมัน

“กลิ่นอะไรวะ เจ” มันไม่ตอบแต่ผมแน่ใจว่ามันรุ้ว่าผมกำลังบอกอะไรมัน

“ทำไม คิดถึงกลิ่นกูเหรอ” มันเอาตัวเข้ามาถูจากข้างหลัง

“ไอ้บ้า ไปเลย” ผมผลักมันออกไป
ไอ้เจ นี่ก็แปลกไปอีกคน

อ้อ ถ้าพูดแล้ว รวมไอ้ต้องด้วย มันเองตอนนี้ก็ผีเข้า ชวนผมไปกินข้าวกลางวัน เดี๋ยวก็ไปส่งบ้าน มัน จะดูทำดีอะไรนักหนาละเนี่ย ทางกลับปกติมันก็ทางเดียวกันละนะ แต่ไม่คิดว่าขนาดนั่งเลยมาถึงหน้าบ้านผม

ตอนนี้ผมเลยกลายเป็นน้องเก้าของพี่ต้องไปแล้ว

‘มึงไม่แยกกลับแล้วเหรอ”

‘ขี้เกียจ... นั่งลงบ้านเลยดีกว่า’ เดี๋ยวนี้เวลาตอบมันหันมามองหน้าผมตรงๆ

‘เปลืองนา ต้องมาส่งกูน่ะกูเดินกลับเองก็ได้’



‘เดี๋ยวคนฉุดมึงไป’

‘เออ งั้นตามใจมึง’

ธรรมดาพี่ชายผมมันงกค่าขนมจะตายมีเหรอว่ามันจะยอมนั่งเลยบ้านมันไป

‘คราวหลังไว้นั่งรถเมล์มั่งก็ได้นะ กูจะได้เดินแยกไปเลย’

‘ไม่อะ ยังงี้ดีแล้ว’

มันหันมามองตาผม เอ่อ ถ้าจะเล่นทำหน้าเขม่นกันยังงี้ผมก็ไม่สู้

เลิกถามมันดีกว่า ดูท่าทางมันเริ่มกลับมาคันปากกวนตีนผมอีกแล้ว หลังจากนั้นมา ผมเลยไม่ค่อย ถามมันอีก นานๆถึงจะมีเรื่องคุยกันยาวๆบนรถแท๊กซี่ทีนึง คนละเรื่องแบบที่คุยกับไอ้ซันแน่ๆ รายนั้นหื่น ชัดเจน แต่ดูน่ารักดี ดูไม่เหมือนคนโรคจิต แต่คำพูดนี่ไม่ใช่ หน้าตากับคำพูดคนละอย่างกันเลย

แล้วแต่มันก็ได้วะ ดูต้องจะสนุกทุกครั้งที่ได้ไปส่งผมที่บ้าน
.
.
.

วันนี้บ่ายพวกนักเรียนโดนเรียกรวมที่ตามซอกตึกหาที่ร้องเพลงเชียร์ สีผมไปประจำอยู่ที่ซอกด้าน ข้าง ที่เดียวกับที่ใชัคัดตัววิ่งเมื่อตอนเสาร์โน้นนั่นแหละ

งานแข่งกีฬาที่ใกล้เข้ามามากขึ้น ยิ่งใกล้ งานซ้อมก็ยิ่งถี่มากขึ้น อีกแค่สองเดือนเท่านั้นเอง พวกวิชา ที่เกี่ยวกับการทำกิจกรรมเลยเปลี่ยนเป็นวิชากีฬาสีไปหมด ทั้งพละแล้วก็ลูกเสือ

มันก็เลยจะเสียชั่วโมงเรียนธรรมดาไปสองชั่วโมงแทน (พละไม่นับอยู่แล้ว) ผมละดีใจ แต่พวกซอมบี้

อากาศปลายปีอย่างนี้ ฟ้าสวยๆลมเย็นๆ เสียดายเหมือนกันแฮะ ที่ต้องมานั่งร้องเพลงกลางแจ้ง

ส่วนวันจริงจะเป็นช่วงมกราคม หลังเปิดปีใหม่ได้ไม่นาน หวังว่าอากาศน่าจะยังเย็นอยู่ เวลานี้เงาตึกเลยพาดออกมาเหมือนพื้นที่แรเงาสีเทาเข้มทางทิศตะวันออก บนพื้นคอนกรีตสีเทาอ่อน

ท้องฟ้าสีฟ้าสดอยู่เหนือหัวเหมือนหลังคา แต่วันนี้ไม่มีเมฆก้อนขาวๆ

เบื้องหน้าคือสนามกีฬา แล้วก็แสตนด์ใหญ่ซ้ายและขวา อันขวาสุดคืออันเดียวกับที่ลูกบอลลอยผ่าน หัวผมไปตอนก่อนปิดเทอม ฝั่งตรงข้ามอีกด้านของสนามกีฬาก็จะเป็นอีกสี ตอนนี้ทุกคนยังใส่ชุดนักเรียน มัน จึงแยกไม่ออกว่าใครสีไหน

เดี๋ยวตอนร้องเพลงคงจะรู้

เด็กนักเรียนหน้าเฝื่อนในชุดขาวน้ำเงินเดินกันว่อนสนาม กว่ารุ่นพี่จะจับให้รวมตัวกันได้ใช้เวลาพอ สมควร ใครมันจะอยากลงไปนั่งกับพื้นร้อนๆ แล้วร้องเพลงน่าเบื่อ ถึงจะมีเงาตึกมาก็เถอะ แต่ความร้อนเมื่อ ตอนกลางวันก็ยังสะสมเอาไว้ที่พื้นอยุ่ดี

ความสามัคคีอย่างเดียวที่มี คือ ทุกคนพยายามหาจุดที่ร่มและเย็นที่สุด แต่วันนี้ไม่ลม ตรงไหนก็ คงจะเหมือนกัน แล้วก็ความเย็นปลายปีดูจะไม่บรรเทา ความร้อนของอากาศที่เพิ่งผ่านเวลาเที่ยงมาได้เท่าไร

พวกที่ลงกีฬาโดนจับแยกไปซ้อมแล้ว มีเวลา 2 ชม. หมายความว่า จะเหลือแค่ ผม แมค แล้วก็ ซัน ที่ ต้องมานั่งจมอยู่ นอกนั้นไปดีแล้ว ส่วนพวกซอมบี้ช่างหัวมันไป (หวังว่าโดนแดดแล้วจะไม่ระเบิดนะ)

รุ่นพี่คนหนึ่งชูปึกกระดาษในมือขึ้นมา แล้วโบกซ้ายขวา

“แจกชีทแล้วนะครับ” กระดาษซีรอกสีขาวๆ ลอยผ่านไปมา

เด็กนักเรียนค่อยๆ ส่งต่อหลังกันไปเรื่อยๆ บางคนผมเห็นแอบเอามา 2 แผ่นมารองตูด เห็นเข้าละโดนเตะแน่

ผมรีบชีทต่อมาแล้วพลิกๆดู

เพลงก็เดิมๆ ทุกอย่างก็เดิมๆ จะทำทำไมให้เปลือง แต่พอพลิกๆดู เออ มีแก้ไขเนื้อกับเพิ่มเพลงใหม่ๆ บ้างเหมือนกันแฮะ (ยังกับผมจะจำเข้าหัว)

“เอ้า น้องๆ รีบนั่งได้แล้ว”

บางคนทะยอยนั่งลง ผมกับแมค ยังมองหนัากันอยู่

“ซันนั่งได้ปล่าววะ” ผมถาม เพราะมันลงไปนั่งก่อน

“ร้อนชิบหายไข่แทบสุก”

เออ ไข่กูก็ด้วยแน่ๆ

ผมกับไอ้แมคยืนขำ แต่พอแมคลงไปนั่งเท่านั้นแหละ สงสัยจะจริงแฮะ ดูมันเอาตูดหย่อนลงไปที นี่ แทบสะดุ้ง ไอ้แมคต้องเอามือประคองไข่ไว้ไม่ให้โดนพื้น

“ใหญ่ขนาดนั้นเลย” ซันหันไปแซว

“แน่นอน เดี๋ยวสุกแล้วน้ำน้อยใช้งานไม่ได้”

ผมคิดว่าไอ้แมคพูดเล่นนะ ปกติมันไม่เล่นยังงี้นะ

หันไปถามไอ้ซันมั่งดีกว่า

“มึงนั่งได้จริงเหรอ”

“ไอ้แมคมันก็เว่อไป จะเกาไข่ก็บอก มันไม่ได้ร้อนขนาดนั้น”

สรุปแล้ว ผมลองนั่งลงเองก็แล้วกัน ไม่ร้อนเท่าไรแฮะ แต่ก็ร้อนอยู่

เพราะไม่มีลมแล้วก็เพิ่งผ่านเที่ยงมาด้วย แต่ไม่ร้อนจนถึงขนาดทนไม่ไหว เอาวะถือว่านั่งกกไข่ไปละ

เหลือบไปสังเกตุเห็นกางเกงของไอ้ซันไม่ใหญ่ไม่เล็กพอดีตัว ตรงข้ามกับผมเลย ใส่พอดีแต่ทำไมขา มันกว้างนัก หรือ เพราะว่าผมผอมเกินไป ไอ้ซันมันนักบอลนี่ขาเลยมีกล้ามบ้าง แต่เพราะพอดีตัวนี่แหละ เป้า ตึงเชียวนะมึง หรือเพราะร้อนเลยพองวะ

ไอ้แมคนั่งก้มหน้าลงมองเป้าตัวเอง เปล่าหรอก พอดูดี มันคงจะเบื่อเลยนั่งมองพื้นคอนกรีตหว่างขา มันมากกว่า หวังว่าคงจะไม่หลับนะ

ชีทถูกโปรยผ่านไปถึงหลังสุด พวกผมที่ได้กันคนละแผ่น เอาไปบังหน้าตัวเอง จากแสงแดดที่สะท้อน เข้าตา ฝั่งโน้นเริ่มตบมือแล้ว กำลังจะเริ่มแล้วสินะ ฝั่งผมรุ่นพี่ยังยืนพูดอะไรสักอย่างที่พวกผมไม่ตั้งใจฟัง

ไม่ใช้โทรโข่งละพี่ “เริ่มจากเพลงแรก หน้า ...” พูดยังกับมีหลายหน้า “เพลงที่ 1”
เสียงเด็กม.ต้นเริ่มดังขึ้น  พร้อมเสียงตบมือเปาะแปะ

เพลงเดิมๆ ร้องมันทุกปี เฮ้อ

“ซัน เมื่อคืนทำไรวะ” ผมเอาศอกสะกิดๆมัน ทำปากให้ไม่ว่างไว้ เดี๋ยวจะหาว่าไม่ร้อง

“ก็เล่นเกม อ่านสือนิดหน่อยแล้วก็นอน” ไอ้บ้านี่ก็เล่นเกมหนัก แต่ไหงมันเรียนเก่งจังวะ

มือซันยังคงตบเปาะแปะไปด้วย ส่วนไอ้แมคยกมือท่วมหัวตบเปาะแปะ ตกลงมันไหว้เจ้าหรือวะ

เวลาคุยกันมันก็ขยับปากเหมือนๆกัน พี่ๆมันดูไม่ออกหรอก แต่ผมทำใจไม่ได้ที่จะต้องมานั่งร้องเพลง เด็กๆ ทำท่าร้องก็ยังดี มันตลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก คนมองเข้ามาคงไม่ตลก แต่ผมน่ะตลกตัวเอง

ถ้าร้องเพลงดีๆก็ว่าไปอย่าง นี่เพลงเชียร์อะไรก็ไม่รู้ สงสัยผมจะขี้อายเกินไป อายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

แอบหันไปมองไอ้แมค นอกจากไข่มันที่กองอยู่แล้ว มันก็ทำหน้าเพ้อฝันไป สงสัยวิญญาณกำลังพยายามออกไปเที่ยวแล้วสินะ

“เก้า เมื่อคืนแม่งฝันถึงอีกแล้ววะ”

“ตัวเดิมอะนะ”

“ไม่ใช่ ได้ตัวใหม่มา นมใหญ่กว่าเดิมอีก”

มันเริ่มขยับมือแปลกๆแล้ว

ผมละนึกหน้าไอ้ซัน ผิวแทน ผอมยาว เก้งก้าง โดนผู้หญิงนมโตๆขยี้หน้าแล้วมันทำหน้ารุ้สึกดีนี่ มัน ประหลาดดีแท้ แต่ท่าทางมันจะชอบอะไรก็ได้ที่โตๆนะ ขาวๆโตๆ

“แล้วไงวะ”

“เช้ามาก็เปียกเลยอะดิ”

“นี่มึงเสร็จในฝันเลยเหรอ”

ผู้ชายรุ่นเรายังมีอารมณ์เก็บไปฝันได้อีกเหรอ มันอยู่ไม่ถึงหรอก ถ้ามีอารมณ์จริง มันน่าจะผ่านมือมัน ไปก่อนแล้ว ผมไม่ได้เชื่อมันมากถือว่าเล่ากันขำๆ

“ทำไมมึงไม่ทำไปเลยวะ”

“ไม่เอาอะ อี๋ต้องมาจับของตัวเอง สู้ไว้จับนมดีกว่า”

โห หานมจรืงให้จับได้ก่อนนะ สงสัยมันจะไม่เคยล้างของมันเลยสิท่า นี่เป็นเหตุผลประหลาดของมนุษย์กึ่งซอมบี้สินะ เป็นไอ้แมคคงไม่เหลือ ไม่เหลืออะไรเลย มันไม่เคยพูดเรื่องชอบใครให้ฟัง หรือแม้กระทั่งจะวนไปต่ำกว่าใต้สะดือเลย

บางทีผมก็แอบสงสัย มันเพศอะไรวะ

“แมค มึงยังฝันเปียกอยุ่มั้ย”

โอ้ย ห่านี่ กล้าไปถามนะ

ซันถาม ไม่ใช่กู ดีดหูกูทำไม

“คุยไรกันวะ” แมคส่ายหน้า

ผมกับไอ้ซันได้แต่ยิ้มขำๆ

"แล้วเคยป่าวละ” ซันยังอยากรู้ต่อ

“ไม่บอกเว้ย”

“โห อายไรวะ ผู้ชายทั้งนั้น”

พูดจบผมแลบลิ้นทีหนึ่ง

มันตบมือไปชูนิ้วกลางให้พวกเราไป “แมคมันเคยอ่านสือโป๊เว้ยแล้วเสร็จตอนนั้นเลย” ซันแอบเอานิ้วสะกิดเอวผม

“หือ”

“เล่าดิๆ” เอะ ตอนนี้ซ้อมไปถึงเพลงไหนละเนี่ย

“มันเคยคุยกับกูว่า อ่านการ์ตูนอยู่แล้วมีฉากโป๊หร่อยๆ จู่ๆมันก็มีอารมณ์ถึงที่สุด น้ำอะไรไม่รู้ ไหล ออกมาเยอะแยะ เต็มกางเกง”

เฮ้ย นี่มันเสร็จแบบคาหนังสือการ์ตูนเลยเนี่ยนะ

“มันจะเสร็จได้ไงวะ ไม่ได้โดนซะหน่อย” แมคพูดข้ามมา

“ก็มึงบอกเอง มึงนอนถูเตียงไปด้วยนี่ คงไม่รู้ตัวสินะ ว่าเล่าไป” ฮ่าๆๆ ผมละขำ ไอ้ป๋ามันลืมตัว เล่าไปหมดแล้วละสิ

“คว.. เหอะ”

แมคเอาชีทฟาดหัวซัน ข้ามหน้าผมไป

ผมควรจะฮาดีมั้ย ท่าทางไอ้ซันจะดูสนุกเหมือนเล่าเรื่องเพื่อนเดินแล้วกางเกงหลุดในที่สาธารณะยัง ไงไม่รู้ คือจะน่าอายก็ไม่ใช่ จะว่าภูมิใจก็ไม่ใช่อีก ไม่ใช่ว่าจะแกล้งแมค แต่เหมือนเล่าเป็นเรื่องปกติ

ตอนนี้พี่ๆชักมองมาทางพวกผมแล้ว ทำปากพะงาบๆตามจังหวะดีกว่า

ผ่านไปชั่วโมงนึงได้ อากาศเริ่มร้อนน้อยลง พื้นคอนกรีตโดนความเย็นจากก้นพวกผมเข้าไปตอนนี้ หายร้อนแล้ว (เป็นรอยรูปตูดแต่ละคนแทน มันร้อนนี่เหงื่อก็เลยออก)

แต่นั่งไปนั่งมาชักเมื่อยแฮะ หลายคนเริ่มเหยียดขาออก บางคนก็ขยับเปลี่ยนท่านั่ง ถึงตรงนี้มีรุ่นพี่มา เล่นตลกให้น้องๆดู บางทีก็มีมาเต้นอะไรแปลกๆ

คงกลัวเด็กจะเบื่อแล้วไม่อยากร่วม ปีหน้าพวกผมคงไม่ต้องไปเต้นยังงั้นนะ

“เอ้าๆๆ ใครจะสมัครช่วยงานอะไรมั้ย” หือ พี่ก้องนี่ พี่หุ่นดีนี่อีกแล้ว

ไอ้แมคยกมือทันทีมันตงรอเวลานี้มานานแล้วสินะ

“เฮ้ย มึงน่ะ ยกมือจะทำอะไร กูยังไม่ได้บอกเลย เดี๋ยวจับลงว่ายน้ำซะนี่” เด็กม.ปลาย กลัวชุดว่ายน้ำ เป็นที่สุด

“ก็พี่บอกใครจะสมัคร ไม่บอกนี่งานอะไร แล้วพี่เอาเพื่อนผมไปคนนึงแล้วนะ”  นั่นแมคไปย้อนเค้าอีก เด็กคนอื่นส่งเสียง ฮา ขึ้นมาเล็กน้อย

“แสตนด์ก่อนเลย มันเป็นงานต้องใช้เวลา พวกพี่ไม่มีเวลามากนัก ใครจะทำ”

ไอ้แมคก็ยังยกมือค้างเอาไว้

“มึงทำเป็นเรอะ”

พี่ก้องหันมาชี้ทางไอ้แมค ผมว่าพี่เค้านึกออกแล้วว่าเคยเจอพวกผมที่ไหน พี่ก้องกวักมือเรียกให้ทุกคนหันมาทางนี้

“งั้นคราวหน้ามึงไปเข้ากับกลุ่มพี่ทางโน้นนะ”

พี่ก้องชี้ออกไปทางรุ่นพี่ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ หน้าตาแนว จริงด้วย พวกเดียวกับไอ้แมคเลย

เอาละสิ เหลือผม

คราวนี้ซันยกมือบ้าง แม่งทิ้งกันหมดเลย

“พี่ผมจะลงบอล ผมเล่นโกล”

“แล้วเอ็งมานั่งทำอะไรที่นี่ เค้าซ้อมกันอยู่ด้านโน้น” พี่ก้องชี้ไปทางสระว่ายน้ำ

เอาละสิ

แล้วกูละ

“เฮ้ย รีบไปดิ”

มันรอดตัวไปอีกคน

ไอ้ซันทำหน้าเลิกลัก เออวะ ไอ้ต้องกับเจ ไม่อยู่นี่นา แล้วมันมานั่งกับผมทำติ่งอะไรวะ มันต้องไปซ้อม นี่ ไอ้ซันลุกแล้ววิ่งออกไปทั้งๆที่กางเกงสีน้ำเงินโดนตูดหนีบเป็นร่องนั่นแหละ วิ่งไปหน่อยเดียวเหมือนจะรู้ตัว ดึงกางเกงออกจากร่องตูด แล้ววิ่งไปต่อ

ตอนนี้พี่ก้องหันมามองทางผมละ ซ้ายขวาไปหมดแล้วนี่ เค้าคงรู้ละว่า จะทำอะไรต่อ

“เพื่อนเอ็งไปหมดแล้ว” พี่ก้องหัวเราะหึหึ

ซวยละไง กูโดนไรแปลกๆแน่ๆ

“เป็นลีดมั้ยมึง”

นั่นไง!!!

“ผมเต้นไม่เป็นพี่”

“ไม่เป็นไรเอาหน้าด้านเข้าไว้ ของมันหัดกันได้” คนอื่นหน้าตาดีๆก็มีพี่

“ตัวเล็กๆน่าจะยกขึ้นยกลงง่าย” นี่กะเห็นผมเป็นตุ๊กตาบาร์บี้เรอะ

“พี่คนหน้าตาดีก็มีเยอะแยะนะ”

“เพื่อนเอ็งลงบอลไปหมดแล้วนี่ ทั้งพี่ทั้งน้องเลย”

หมายถึง ต้องกับต่อสินะ ซวยละ

“เอ่อ... จริงๆแล้วผมเป็นคู่ขากับไอ้แมคนะพี่ ผมชอบทำอะไรๆกับมันมากกว่า ถ้าพี่อยากได้ลีดเดี๋ยว ผมหาให้”

พี่ก้องไม่ตอบอะไร ผมออกจุงมือแมคเดินกอดคอไปทางพี่ฝ่ายศิลป์ทันที ตามมาด้วยเสียงผิวปากของ พวกเด็กๆที่นั่งด้านหน้า

“เค้าบอกให้ไปคราวหน้าไม่ใช่เหรอมึง” แมคสงสัย

“เออน่า เล่นบทผัวกูไปก่อน”

“เก้า กูว่ามึงเปลี่ยนไปนะ เดี๋ยวนี้มึงยอมเป็นเมียคนอื่นแล้วเหรอ เมื่อก่อนมึงคงไม่กล้าแบบนี้”

ผมหน้าแดง ยังไม่เป็นอะ แค่เกือบ ผมคงเปลี่ยนไปจริงๆ

ว่าแต่ แกล้งหอมแก้มมันดีมั้ยวะ  จะได้เนียนๆ

“พอเลย กูรู้มึงคิดอะไร เนียนไปละมึง” แมคยังคงเดินนิ่งๆเอามือโอบเอวผมไว้ มันคงเห็นผมยื่นหน้าไปทางแก้มมัน

“ช่วยกันทำมาหากินน่า”

ไอ้แมคเดินขำ มันเอามือลงมาขยำตูดผมทีนึง เล่นเอาเสียวเลย

“อย่าขยำแรงดิ”

“เสียวเหรอไง ไม่เหมือนแบบต้องหรือเจสินะ” ผมเอาตีนดีดตูดมันกลับ

 เสียงมาจากกองเชียร์ยิ่งฮาขึ้นไปอีก

“เดี๋ยวกูอารมณ์นะมึง” ผมหันไปทางแมค

“มึงต้องรับผิดชอบนะ”

“เดี๋ยวกูให้ต้องรับผิดชอบให้” สวนกลับเร็วมาก

แม่ง ผมเอามือดันหัวมันทีนึง

ในเมื่อม.6 ต้องคุมสี พวกม.5 อย่างผมเลยได้สิทธิ์เลือกงานที่จะช่วยก่อน ไล่ๆไปตามลำดับชั้น

พอไปคุยกับฝ่ายศิลป์เรียบร้อยแล้ว ถามถึงงานที่เคยทำมาแล้วก็ทำอะไรได้บ้าง ตอนนี้พวกผมก็รอดตัวละ ซ้อมคราวหน้าได้ลงมาช่วยเค้าเตรียมสถานที่แล้วก็ออกกแล้ว รอดตัวแล้ว

ไม่รู้ทางไอ้เจกับต้องเป็นอย่างไรบ้าง

ผมขอตัวเดินไปทางด้านที่ติดกับสระว่ายน้ำ แอบแวบไปดูไอ้ต้องดีกว่า ไอ้เจก็คงอยู่แถวนั้น คงไม่มีใครว่ายน้ำตอนนี้หรอก

“มึงจะไปไหน” เสียงไม่พึงประสงค์มาแล้ว

“ไปดูบอล เสือกไร”

“จำที่กูบอกได้มั้ย”

“มึงปัญญาอ่อนเหรอ กูไม่เล่นกีฬา หลบไป”

ผมพลักไอ้ห่าบูมออกไปให้พ้นทาง

แน่ใจว่ามันยังมองตามผมมาอยู่

สระว่ายน้ำอยู่ก่อนสนามกีฬาใหญ่ ทางเดินที่จะไปผ่านซอกตึก จะว่าซอกก็ไม่ใช่ใหญ่พอให้รถผ่านสวนกันได้ แต่มันเป็นช่องลมที่เย็นดีอยู่

ข้างหน้าผม ผมเห็นร่างสูงขาววิ่งไล่ลูกบอล คู่กับร่างที่เล็กกว่า แต่ยังกับเป็นฝาแฝดกัน ดูไกลๆแล้ว สองคน นั้นคล้ายกันอยู่แฮะ มันเหมือนต้องตอนเด็กวิ่งเล่นกับตอนโต ต่อไปสักสองปี ไอ้ต่อคงคล้ายไอ้ต้อง ตอนนี้ ส่วนสูงก็ใช้ได้อยู่

คนที่ตัวเล็กกว่าเลี้ยงบอลส่งออกไปทางขวา ไอ้ต้องโผเข้าไปกอดน้องแล้วโยนออกข้างทาง ถึงผมจะไม่ได้เล่น บอลเก่งแต่ดูก็รู้ ฟาล์วชัดๆ ไอ้ต่อเองก็เดินเข้าไปโวยวายใส่ต้องใหญ่ พี่น้องคู่นี้สนิทกัน

ไอ้ต้องเห็นผมแล้ว หันมาโบกมือให้แล้วกวักให้เข้าไปใกล้ๆ

นั่นไง รังสีมาจากไอ้ต่อ มันมองมาทางผมเหมือนกันแต่สีหน้าคนละอย่าง

'มึงมาทำอะไรที่นี่'

“เป็นไงวะ” ผมถามมัน

“ก็ดี เหนื่อยร้อน”

มันยังอยู่ในชุดนักเรียนกันอยู่ แต่ชายเสื้อหลุดลุ่ย

“มึงมาทำไรวะ ไม่โดนจับไปร้องเพลงเรอะ” ต้องพูดพร้อมสะบัดชายเสื้อให้ร่มเข้า เห็นขนตรงหน้าท้องรำไร

“กูมาดูพวกมึงน่ะ แอบอู้ด้วย”

ผมมองหาซัน มันไปประจำตำแหน่งแล้ว

“ไอ้ซันแม่ง เสล่อวะ นั่งร้องเพลงอยู่ได้ ไม่ยอมมา”  ผมเล่าให้ต้องฟัง

“เออกูก็ว่า แม่งประตูหายไปไหนวะ”

“แล้วมึงละ โดนจับทำไร”

“พี่ก้องจะเอากูเป็นลีด” ผมตอบไม่มองหน้ามัน

“ตัวแค่นี้อะนะ ลีดผู้หญิงเหรอ” เสียงไอ้ต่อแหววขึ้น เสียงยังเล็กอยู่เลย ขนขึ้นยังนะมึง

ไอ้ต้องสะกิดให้ต่อหยุด

“กูไม่ลงอะ ไม่ชอบ ลงศิลป์กับไอ้แมคแทน”

“คู่ขาใหม่เหรอ” ต่อยังไม่หยุด

ผมหันไปมองหน้ามันตรงๆ จะหาเรื่องใช่มั้ย กูไม่เกรงใจพี่มึงนะ

“เก้าๆ แล้วมึงไม่ลงเหรอ” ต้องเรียกผมกลับมา

“ไม่เอา มึงจะบ้าเหรอ”

“นี่ๆๆ น้องคนนั้นอะ เป็นดรัมมั้ย” เสียงพี่คนนึงดังขึ้นมา

“ผมเล่นแต่กีต้าร์พี่ ไม่เล่นกลอง” ไอ้ต้องตอบ

กีต้าร์มึงเล่นเป็นที่ไหน ไปกวนตีนเค้าอีก

พี่คนนั้นเดินมาเตะไอ้ต้องไปเต็มแรง

“เพื่อนเล่นมึงเหรอ” พี่เดินเข้าไปจับคอไอ้ต้อง

คนนี้ดุจริงวุ้ย

“กวนตีนมาก มาเป็นเลยมา”

“ไม่ได้ ผมเป็นหอบ ผมไม่แข็งแรง”

“แล้วมึงลงบอลซากอะไร”

“ผมโยนไม้ไม่ได้หรอกพี่ โยนก็รับไม่ได้” ต้องพยายามบ่ายเบี่ยง

“เดี๋ยวมีคนสอน”

เอาเลยพี่ ผมอยากเห็น ผมเชียร์พี่คนนี้แฮะ

ต้องมองมาทางผมกับต่อ

ผมหันไปมองหน้าต่อทึหนึ่ง มันไม่ว่าอะไร ดูเหมือนเรื่องนี้เราสองคนจะเห็นตรงกัน แรกๆผมก็ว่าจะเป็นสตาฟที่คอยดูแลนักกีฬาให้อยู่หรอก (ถ้าเค้าไม่เอาไปทำศิลป์อะนะ)

ไม่ว่าจะทำอันไหน ก็ดีกว่าเป็นเด็กนั่งแสตนด์แหกปากเย้วๆแน่ๆ เวลาแข่ง กีฬามีแค่ไม่กี่อย่างที่แข่งวันจริงนอกนั้นแข่งก่อนแล้วไปรับเหรียญวันจริง แปลว่า ผมก็จะมีชีวิตรอดไปได้ ไม่ ต้องตากแดดร้องเพลง แถมถ้ามีแข่งได้เข้าไปดูใกล้ๆ ไม่ต้องขึ้นเรียนด้วย

เมื่อเรื่องนี้มาอยู่ต่อหน้าแล้ว ผมเปลี่ยนใจดีกว่า

“ต้อง ช่วยพี่เค้าเหอะ” ผมมองตามัน

มันหันหน้าหนี หน้าซีดลงไปนิดหน่อย

“ต่อ...” ต้องขอตัวช่วย

“เป็นเหอะพี่ พี่เล่นบอลสู้ต่อไม่ได้หรอก”

จบกันละชีวิตไอ้ต้อง

พูดจบ ไอ้ต่อหันมามองหน้าผม ทำหน้าไร้ความรู้สึกอยู่นิดหน่อยแล้วก็เดินออกไป

ผมเลยขอตัวกลับไปหาไอ้แมคที่กองเชียร์ที่เดิมดีกว่า ออกมานานเดี๋ยวจะโดนไปด้วย พี่คนนี้ท่าทางเอาเรื่อง ไม่เหมือนพี่ก้องเลยแฮะ

ไอ้ต้องยังคงพูดคุยกับพี่คนนั้นต่ออีกหน่อย

“โชคดีนะมึง” ผมโบกมือให้แล้วเดินออกไป

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกแล้วก็คงเป็นครั้งแดียวที่ผมกับต่อจะเห็นตรงกัน ขากลับบ้านผมถามมันหน่อยว่าตกลงมันได้เป็นมั้ย

“โชคดีแมค พรุ่งนี้เจอกัน”

“อย่าทำไรกันบนรถละมึงสองคน”  แมคพูดลอยๆแล้วเดินจากไป

ผมเลยเคาะกระจกเรียกมันกลับมาแล้วชูนิ้วกลางให้ มันยกแว่นตอบแล้วหัวเราะ

“ต้อง ตกลงมึงเป็นดรัมป่าววะ”

“ไม่อะ”

“อ้าว” เสียดายแฮะ คนหล่อๆอย่างมัน

“กูให้เงื่อนไขพี่เค้าไป”

เงื่อนไขไรวะ วันนี้ต้องกลิ่นตัวแรงแฮะ สงสัยเหงื่ออกเยอะ

“กูต้องการคนที่จะมาคอยดูแลเวลากูเป็น รวมถึงดรัมเบอร์ 2-3 ด้วย”

“มันใช้กี่คนละ” ผมงงมันต้องมีกี่คนวะ ไม่เคยสังเกตุ

“3 อีก 2 คนพี่ไปลากคอเด็กม.4มา”

“หล่อๆทั้งนั้นละสิ” ผมสังเกตุ

“กูหล่อสุด”

“คร้าบ” ห่าต้องหลงตัวเอง

“แล้วไง ตกลงมึงไม่ลงเหรอ”

“ลง แล้วมึงต้องมาเป็นเบ๊คอยดูแลพวกกู  3 คนด้วย”

หือ!!! อะไรนะ

“กูทำแสตนด์มึง” แม่งหางานให้ผมอีกแล้ว

“แสตนด์กับกูอะไรสำคัญกว่า” มันถามต่ออย่างรวดเร็ว

“...... เอ่อ มึงสิ”

ชิบหายยยยยยยยยยยยยยยย กูตอบอะไรออกไป

“ดี งั้นดูแลกูดีๆละ”

“ถึงหน้าบ้านมึงแล้วลงๆไป กูเหนื่อยรีบกลับ”

เอ่อ ผมยืนงงอยู่หน้าบ้านตัวเองพักใหญ่

อะไรวะๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้ต้องเล่นงานกูแล้วสิ

ที่แย่พอๆกันคือ ถ้าไอ้ต่อรู้ ..วุ่นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 6 แยกย้าย [pg5] 3/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 10-12-2015 22:56:41
ต้องกับต่อ
สองพี่น้องคู่นี้..incest หรือเปล่า

ทำไมคนน้องดูเหมือนจะหึงหวงคนพี่
มากกกกซะ..ดูแปลกๆ

ไม่ใช่..ใช่ไหม
เพราะต้องเป็นของเก้า
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 6 แยกย้าย [pg5] 3/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 11-12-2015 00:10:36
ต้องกับต่อ
สองพี่น้องคู่นี้..incest หรือเปล่า

ทำไมคนน้องดูเหมือนจะหึงหวงคนพี่
มากกกกซะ..ดูแปลกๆ

ไม่ใช่..ใช่ไหม
เพราะต้องเป็นของเก้า

มีเฉลยภาค4 ครับ555

ควรจะบอกตอนจบเลยดีมั้ยว่าอันไหนเรื่องจริง
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 7 วาดรูป [pg6] 11/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 11-12-2015 23:21:49
เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 7 วาดรูป

         ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมาไอ้วิชาที่ผมชอบเนี่ยมันหายไปจากหลักสูตรแล้ว ปกติวิชาศิลปะที่เรียนในโรงเรียนไม่มีใครชอบหรอก (ไม่เว้นแม่แต่ผม) งานที่ได้ส่วนใหญ่จะได้งานอะไรที่ไม่น่าวาด เช่น วาดรูปงานวันแม่ วาดรูปงานส่งเสริม งานเทศกาลอะไรก็ไม่รู้

   แต่ปีนี้แปลก อยู่ๆมันก็โผล่มาในตารางเรียนของชั้นม.5 แล้วอยู่ๆชั่วโมงแรงก็มาให้วาดรูปเหมือน ครูที่สอนเดินเข้าในห้องมาพร้อมกับท่าทางดุดัน ครูสอนวิชาศิลปะคนนี้ หน้าตาดูไม่แนวเอาซะเลย แล้วก็ดันเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองซะด้วย

   “วันนี้ ครูจะให้วาดรูปเหมือนของเพื่อน”

   “วาดหน้าเพื่อนในห้อง จับคู่ตามเลขที่ 1 กับ 2 ไล่ไป”

   “ให้เวลา 1 ชม. ทำไม่เสร็จท้ายชั่วโมงโดนทำโทษ แล้วเราจะเอาผลงานมาดูกันว่าเพื่อนเราวาดหน้าเราออกมาเป็นอย่างไร”

   เสียงโห่ดั่งลั่นห้อง ซอมบี้สายวิทย์ทั้งหลายคงจะไม่พอใจแน่นอน เด็กสายวิทย์ที่ไหนมันจะเอาวิชานี้

   “เงียบ!!! หรืออยากโดนตียกห้อง แค่ 30 40 คนน่ะ ตีไหวนะ”

   ห้องเงียบกริบ

   แล้วก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ พอจับคู่ตามเลขที่เสร็จ ครูพาลงไปข้างล่าง ไปที่ๆเดียวกับที่ผมหาแม่ไม่เจอเมื่อปีที่แล้ว อากาศวันนี้กำลังดี เป็นบ่ายหน้าหนาวที่ไม่ร้อน แถมเมฆเยอะอีกต่างหาก ลมเย็นๆ เงียบๆในสวน สบายสุดๆ

   ท่าจะยกเว้นพวกซอมบี้ที่เดินลงมาท่าทางร้อนรุ่ม ยังกับโดนส่งเข้าห้องเชือด เห็นบางคนเอาข้อสอบวิชาฟิสิกส์ลงมาด้วย (มันจะไปนั่งทำตรงไหนวะ)

   ที่นั่งโดนจับแยกกันเป็นคู่ๆไปตามโต๊ะ ของผมไอ้ต้องเป็นคนเลือกโต๊ะให้

   โต๊ะอยู่ริมสุดของลานที่นั่งนั้นเลย

   ผมลงไปนั่งเสร็จ ต้องไปนั่งด้านตรงข้ามของโต๊ะ ผมนั่งจัดกระดาษ หนีบไปกับกระดานไม้แข็งๆ ดินสอสองบีพร้อมอยู่ในมือ ผมละเกลียด สองบี จริงๆ เพราะมันดำ ไม่ใช่มือจะเลอะ แต่มันลบออกยาก

   นี่เป็นครั้งแรกด้วย ไม่เคยมีการสอนมาก่อน ดังนั้น ยางลบที่ก้อนเล็กอยู่แล้วมันอาจจะสลายหายวับไปเพราะว่า คงเขียนๆลบๆกันอยู่นั่น ไอ้คนสอนก็งงๆ จะให้เด็กเรียนทำไมไม่สอนวะ หรือปกติศิลปะมันไม่สอนกัน ลากๆขีดๆเขียนๆก็ได้แล้ว

   ต้องนั่งหน้าตรงแล้วมองมาทางผม

   นี่ผมกับมัน ต้องจ้องหน้ากันทั้งชั่วโมงเลยสินะ

   หวังว่าที่เรียนตอนปิดเทอมคงพอช่วยได้บ้างนะ วาดเสร็จมันต้องเห็นหน้ามันเองอีก แถมรู้ว้าเราวาด

   เฮ้อ อายเว้ย

   เอาละทุกอย่างพร้อมแล้ว แบบ ดินสอ ผมถอนหายใจออกเบาๆ แล้วค่อยๆวาดวงกลมลงกลางกระดาษ มันเขินๆยังไงไม่รู้ที่ต้องมาจ้องหน้ามัน มันเองก็ไม่หันหน้าหนีไปจากผมเลย (มันหันแล้วผมจะวาดยังไงละ)

   สายตาก็จ้องมาที่... หน้าผม

   มือเริ่มสั่น

   แม่งจ้องซะ

   คำถามแรกที่หลุดออกจากปากผม ไม่แน่ใจว่าถามมันออกไปยังงี้จะดีไหม  แต่ก็เพื่อทำลายความเงียบกับบรรยากาศที่ เอ่อ.... จักะจี้พิกลนี้

   “ต่อว่าไงวะ”

   “เรื่อง?”

   “ดรัม” ผมตอบสั้นๆ พยายามให้สมาธิอยู่ที่ดินสอ

   “ต่อมันดูชอบนะ”

   ว่าแล้ว วันนั้นมันก็ไม่ค้านอะไร

   คงเป็นเรื่องนี้เรื่องเดียวที่มันยอม

   งั้นงานนี้ก็คงจะรอดตัวไป มันคงไม่มาหาเรื่องผม อย่างน้อยก็เรื่องนี้

   “ตกลงมึงลงแน่แล้วใช่มั้ย”  ผมถามย้ำอีกที

   “ใช่ดิ ก็ทั้งมึงทั้งต่อขอกันซะขนาดนี้”   

   ผมจำไม่ได้ว่าไปขอมันนะ

   “แล้วพอต่อรุ้ มันว่าไงวะ”

   “แม่งดีใจวิ่งเข้ามากอดกู”

   “มึงสองคนสนิทกันดีนะ”  ผมถามมันตายังอยู่ที่กระดาษ

   โอ๊ะ รู้สึกจะมือหนักไปหน่อยแฮะ ลบดีกว่า

   หน้ามันเบี้ยวไปข้าง

   “เออ ก็เล่นกันยังงี้ประจำ อยู่บ้านก็นอนกอดกัน”

   “สนิทกันขนาดอาบน้ำด้วยกันมั้ย” ผมประชดมัน

   “เพิ่งรุ้เหรอ เมื่อวานก็เพิ่งอาบด้วยกัน”

   “อ้ออออออออ เหรอ”
   
   อ๊ะ เบี้ยวไปอีกด้านแล้ว ทำไมมือหนักๆพิกลแฮะ

   “ทำไมเหรอ” ต้องถามผม

   “หึหึ งั้นคราวหลังกูดีใจไล่กอดมึงมั่งสิ” สาบานผมถามเนี่ยไม่ได้คิดอะไรจริงๆ

   “เฮ้ย มึงก็คล้ายๆน้องกูอยู่นะ อือ คงจะได้แหละ”

   สุดท้ายก็ต้องหยุดมือ มาหยิบยางลบ ลบที่วาดออกไปจนได้ แม่ง เบี้ยวหมดเลย ผมแอบมองหน้าต้อง มันยังทำหน้าเฉยๆ

   ที่พูดมาน่ะจริงเหรอ

   “เอาแบบน้องมึงเลยนะ” ผมแหย่

   ผมอยากรู้มันจะกอดผมแบบที่มันชอบกอดน้องมันรึเปล่า ตอนกอดกับน้องมัน ตัวต้องมันจะแนบสนิทกันแค่ไหน แล้วกับผมมันจะเป็นยังไงนะ

   ตอนนี้โครงหน้าได้แล้ว โอ๊ะ  แย่ละ เพลินไปหน่อย เส้นกลางรูปที่แทนจมูกต้องท่าทางจะยาวเกิน

   “... ไม่อะ ยังไงมึงก็ไม่ใช่น้องกู”

   “เออ กูรู้กูแกล้งพูดไปงั้นเอง สัดจริงจังไปได้”

   ผมเค่นหัวเราะ ใช่สิ มันจะเป็นไปได้ยังไง

   ในใจมันหล่นวูบยังไงไม่รู้ ดีละ จะได้กลับมาวาดรูปต่อ

   ไม่มีอะไรจะพูดอีก

   “อย่างมึงไม่แค่กอดหรอก”

   “สัส” เอาไงแน่วะ หึหึ

   “ถ้ากูได้เหรียญมามึงต้องตามใจกกูอย่างนึงนะ”

   “เกี่ยวห่าไรกับกูอะ”

   แค่ขอก็พอแล้ว แต่เอาเหอะ ให้ง่ายๆเดี๋ยวมันจะหาว่าใจง่าย

   “มึงอยากให้กูลงนี่ ไม่งั้นกูไม่ลง”

   “อ้าว    ... เออออ ก็ได้ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว” ไม่ได้เกี่ยวไรกับผมเลยแท้ๆ

   ผมยังลงมือวาดต่อไป เดี๋ยวเวลาจะหมด โครงหน้าต้องตอนนี้ได้รายละเอีดยเติมบ้างแล้ว มันก็เบี้ยวๆ ขึ้นๆลง ตามบทสนทนาอันแปลกประหลาดของผมกับมันนี่แหละ

   คิ้วมันสองข้างเท่ากันมั้ยเนี่ย

   “แล้วมึงไม่ไปขอจากน้องมึงด้วยละ”

   จำได้ไอ้ต้องมีนิสัยขี้งก มันเป็นคนงกมากๆ ขนาดว่า ถ้าเพื่อนทำเหรียญห้าบาทตก มันจะเดินกลับไปเก็บ แล้วมันเก็บเลย ไม่คืน มันเคยยอมแลกกับอะไรบ้าๆบอๆสักอย่างเพื่อเงินไม่กี่บาท ไม่รู้จะสะสมไปทำไรหนักหนา

   แต่มันก็แค่เรื่องเล่าอะนะ ผมไม่เคยเห็นกับตาตัวเองหรอก

   มันบ่นอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้ฟัง

   สมาธิผมกลับมาอยู่บนกระดาษแล้ว เครื่องเริ่มติด มือเริ่มขีดเขียนไปบนกระดาษตามที่มองเห็น ถึงการจ้องหน้าคนที่เราชอบมันจะยากหน่อยก็เหอะ แล้วเวลาก็มาเร่งด้วย

   บนโต๊ะนอกจากจะมีกระดานวาดรูปแล้วก็มีเศษดอกชมพูพันทิพย์ที่หล่นอยู่ บางดอกเหี่ยวแห้ง บางดอกก็ยังใหม่

   ที่พื้นก็เต็มไปหมด

   รูปเหมือนคราวนี้ผมเป็นคนวาดฝ่ายเดียว คราวหน้าถึงจะเป็นตามันวาดผม ชั่วโมงหน้า ตามันจ้องผมกลับละ

   เวลาหนึ่งชั่วโมงในสวน เอ่อ จะเรียกว่าอะไรดีถึงจะถูก มันเป็นสวนกว้างที่มีมุมม้านั่งหินที่วางกันอยู่กระจายไปทั่วสวนหย่อมที่ปูด้วยอิฐตัวหนอน ที่นี่กลางวัน หรือ เบรค จะถูกใช้เป็นบริเวณสำหรับ กินข้าว เพราะร้านข้าว ร้านขนม จะกระจายอยู่รอบด้านริมกำแพงโรงเรียน

   ถ้ามองจากด้านบน สวนอยู่ด้านซ้ายมือ ตรงกลางคือถนนกว้างตัดผ่านโรงเรียน ส่วนทางขวาของถนน คือ สระว่ายน้ำ ถ้ามองจากสวนนี้ข้ามถนนไปก็จะเห็นสระที่ยกสูงขึ้นไปเกือบ 2 เมตร มุมดีที่จะดูเด็กโดดน้ำ

   โต๊ะขาวแต่ละโต๊ะถูกจับจองโดยคู่วาด กระจายกันออกไป บางโต๊ะก็จะมีสองคู่ แต่ของผม ไอ้ต้องเป็นคนเลือกโต๊ะที่อยู่ไกลที่สุด คนเลยไมค่อยเดินกันมาถึง หันไปทางขวาไกลๆ ไอ้แมคจับคู่กับใครไม่รู้ ดูแล้ว ไอ้แมคเป็นคนโดนวาด (แปลกแฮะ)
   ส่วนไอ้เจก็ไปจับคู่กับอีกคน แล้วไอ้เจ ก็เป็นคนวาดคนแรกเหมือนกับผม ผมเห็นหลังกับแขนมันขยับยุกยิก คล้ายๆกับตอนมันทำอย่างว่าน่ะแหละ ฝืมืออย่างมันจะออกมาเป็นยังไงนะ ไอ้นี่ไม่มีหัวด้านนี้เอาซะด้วย

   ลมเย็นพัดมาอีกวูบ ผมกระชับเสื้อหนาวเข้าหาตัว เดี๋ยวได้ไม่สบายอีก

   วิชานี้ครูดุ พวกมันเลยไม่เดินไปมา คุยกัน หรือ จะมาแกล้งผมไม่ได้ ดีแล้ว ไอ้เจจะได้อยู่ไกลๆ ไม่ต้องมากวนผมกับต้อง ขอเวลาให้กูได้อยู่กันเงียบๆบ้างเหรอ

   ตอนเริ่มวาดแรกๆมันก็เกร็งๆอยู่ จะต้องมานั่งวาดหน้าคนอื่น แล้วให้อีกคนมานั่งจ้องหน้า แถมคนที่จ้องหน้าผมดันเป็นไอ้ต้องซะด้วย เวลามันจ้องหน้า มันจ้องจริงจัง จ้องเพื่อจะหาสิวบนหน้าผมยังไงยังงั้น ทีแรกว่าจะให้มันยิ้มอยู่ แต่มันปฏิเสธ

   “เมื่อยตายเลยมึง”

   มันตอบปฎิเสธเมื่อผมบอกให้มันยิ้ม

   เออ จริงของมัน

   เวลาวาดผมต้องดูหน้า กะขนาดเอาจากสัดส่วนและลักษณะ บางทีก็มองขึ้นๆลง หรือ จ้องที่เดิมนานๆเป็นข้ออ้างที่มีเหตุผลที่จะได้มองหน้ามันโดยมันไม่บ่น

   “ตามึงเล็กเนอะ”

   “เทียบกับ?”

   “ขนาดหน้ามึง” ผมตั้งข้อสังเกตุ

   มันไม่ว่าอะไร กับหรี่ตาแล้วมองผมต่อไป นานๆทีถึงจะเห็นมันแวบออกไปมองรอบข้าง

   ครูเดินมาดูทางพวกผมหน่อยหนึ่งก่อนจะ มองๆที่กระดานแล้วเงยหน้าไปมองหน้าต้อง แล้วก็เดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไร

   ตอนนี้ได้ครบหมดแล้ว หน้า ตา จมูก ปาก

   “ตากูเล็ก แต่ไม่เท่ามึงหรอก เทียบหัว กับตัวมึงสิ ตัวเล็กหัวโต”

   นี่มันอัดอั้นรอครูไปใช่มั้ย

   เมื่อผมขึ้นร่างเสร็จแล้วก็ขยับกระดานวาดรูปหันไปให้มันดู

   “อือ มีเค้าๆ”  มันลุกขึ้นคร่อมโต๊ะข้ามมาดูบนกระดาน

   กลิ่นเสื้ออ่อนๆ ผสมกับกลิ่นตัวโชยมา เสื้อเปิดมองทะลุลงไปถึงสะดือ

   เฮ้ย ไอ้บ้า อย่าเอาสมาธิกูไป กูยังวาดไม่เสร็จ

   “รีบวาด อย่ามัวแต่มองพุงกู เดี๋ยวออกมากูไม่หล่อ”

   ผมจะเอามือเคาะหัวมัน แต่มันขยับตัวกลับไปซะก่อน

   “เดี๋ยวตามึงกูจะวาดให้ออกมาดูดีเลย” ไอ้ต้องพูดจบ ยกมือขึ้นมา ทำท่าจะตีหัวผม แต่เปล่า

   มันขยี้ผม ของผมแทน

   จ๊ะ พ่อคนเก่ง ถึงตามึง กูอยากรู้ว่ามึงจะวาดได้มั้ย

   “กูวาดต่อนะ นั่งลงไป เดี๋ยวครูมา”

   “ดีๆละ เดี๋ยวอยากดูพุงกูเดี๋ยวถอดให้ดูวันหลัง”

   ผมยอมรับ พอมันพูดยังงี้ผมมือสั่นเลยจริงๆ

   “ใครมันจะไปอยากดูพุงมึงละ”

   “เหรอออ” มันผิวปาก

   ปิดเทอมมันไปแดกไรมาเนี่ย ดูเพี้ยนๆไปนะ ปกติมันพูดยังงี้กับผู้ชายด้วยกันเหรอวะ

   หน้ามันจะเบี้ยวเพราะปากมันนี่แหละ ขืนมันยังพูดจายังงี้ สงสัยที่วาดออกมาได้จะไม่ใช่หน้าไอ้ต้องซะละมั้ง

   พอแอบชำเลืองมองขึ้นไป มันยังจ้องมาอยู่ พร้อมทั้งรอยยิ้มในดวงตาและริมฝีปาก

   ริมฝีปาก น่าจูบ!!!

   เฮ้ย มันก็ยิ้มดีๆเป็นนี่หว่า

   ลงมือวาดไปได้อีกนิดหน่อย ผมเริ่มเหนื่อย

   “ต่อมันลงบอลเหรอ”  ไม่ไหวต้องวางดินสอลงแล้วหักข้อซะหน่อย

   “คิดว่างั้นนะ”

   กร๊อบๆ

   “แล้วมึงจะลงสองอย่างได้เหรอ”

   ค่อยยังชั่ว ได้หักนิ้วซะหน่อย

   “กูลงอย่างเดียวพอ บอลให้ต่อไป”

   ผมสงสัยจะลงเงายังไงละ ตอนปิดเทอมเรียนไม่ถึงซะด้วย ออกมาดำไปข้างแน่ๆ

   “บ้านมึงสนิทกันดีเนอะ” เอามือถูๆเอาละกัน เห็นคนเคยทำ

   “ก็บ้านกูมีกันสามคนนี่ ไม่มีพ่อ ที่เหลือก็ต้องสนิทกัน”

   เพิ่งรู้แฮะ

   “กูนอนกับไอ้ต่อทุกวัน เวลาส่วนตัวกูก็เลยไม่มี ใครจะทำอะไร นิสัยนี่รู้ไส้รู้พุงกันหมดอะ ไอ้ต่อน้อยตอนโตกับตอนเด็กเป็นยังไง เวลานอนไอ้ต่อชอบนอนท่าไหน เอามือข้างไหนเก่าไข่ ฮ่าๆๆๆ” มันเล่าแล้วหัวเราะ

   “ก็คงพอกับที่มันเห็นของมึงน่ะแหละ” ผมละยิ่งอิจฉา

   มันหัวเราะต่อ แต่ต้องรีบเงียบเสียง ครูเดินผ่านแวะมาดูงานอีกรอบ

   ผมจึงรีบวาดต่อไป ตอนนี้หน้ามันลางๆโผล่มาบนกระดานหยาบๆ สีน้ำตาลอ่อนแล้ว ที่ดูออกเป็นหน้าต้องน่าจะมีแค่ผมคนเดียว

   “จะหมดชั่วโมงแล้วนะ”

   “ครับ”

   โดนกระตุ้นแล้ว

   ตอนนี้เปลี่ยนไปจับจ้องที่คิ้วมันแทน คิ้วบางๆ จะต้องทำยังไงถึงจะดูเป็นคิ้วไม่ใช่คิ้วชินจังวะเนี่ย ลองลงเบาไว้ก่อนแล้วกัน

   ถึงจุดที่ยากเกือบจะที่สุดแล้ว

   “ตาน่ะ ต้องเริ่มจากวงกลมก่อนดิ” ต้องชะโงกหน้ามาดูอีกรอบ

   “หือ ยังไงเหรอ”

   “มึงต้องเริ่มจากยังงี้ก่อน” สงสัยมันคงทนเห็นตาสองข้างไม่เท่ากันไม่ได้

   มันข้ามมาแล้วเอาดินสอกับกระดานไปวาดคร่าวๆ

   “เออ ดีขึ้น”

   “มึงต้องร่างก่อนเหมือนหน้าน่ะแหละ จะทำอะไรต้องวางแผนก่อนเว้ย”

   จ๊ะ พ่อคนเก่ง

   ผมนั่งจ้องตามัน ดูมันจัดการกับรูปตัวเอง แล้วก็ส่วนที่เป็นแสงเงา เวลามองต้องมันทำอะไรนี่ มันดูไม่น่าเบื่อแฮะ

   “ยิ้มไรวะ” มันถาม

   “เปล่า”

   หวังว่าผมไม่แสดงออะไรไม่ดีออกไปนะ

   “นี่ต้อง มึงยังไม่มีแฟนเหรอ”

   “ยังดิ มึงเห็นกูวุ่นวายแบบไอ้เจเปล่าละ”

   เออ ผมไม่เห็นมันพูดถึงผู้หญิงที่ไหนเลย คำพูดไอ้เจตอนงานวันแม่ลอยมา

   ‘ทุกปีก็มีมาให้มึงเลือกนี่’
   
   ไม่ใช่แค่เลือกสินะ ถ้าไอ้ต้องมันเคยได้กับผู้หญิงจริงก็แปลว่า มันไม่มีทางชอบอย่างผมหรอก มีเหรอ มันจะได้หลังแล้วลืมหน้า

   “เหรอ” ผมจัดการกับจมูกเล็กๆเรียวได้รูปของมัน ให้ได้ระยะพอกับตา เลียนแบบวิธีที่มันทำ

   จมูกเป็นส่วนที่ไม่ยากเท่าไร ล่างลงมาสิจะยากกว่า

   “แล้วมึงละเก้า”  ต้องถามผมบ้าง

   “หือ กูทำไม”

   “มึงชอบใครบ้างยัง”

   “กูจะไปชอบใครที่ไหน แล้วใครมันจะเอากู”

   ผมไม่ได้โกหก ใครมันจะเอาผมจริงๆ ขนาดพ่อแม่ยังจะแยกกันเลย

   ตาที่ต้องทำเสร็จแล้ว ตาดำขลับเล็กๆ หรี่ๆของมัน จุดประจำที่ผมชอบแอบมองเวลามันหันด้านข้าง ดีไม่ต้องแก้แล้ว

   “เก้า มึงว่าผู้ชายเป็นแฟนกันได้ป่าววะ”

   ผมกำลังง่วนกับ ส่วนที่ยากที่สุด คือ ปาก และปากต้องที่ถามคำถามมานั้น มันขยับขึ้นลงอยู่ต่อหน้าผมพอดี ปากที่น่าเข้าไปกัดนั่น แล้วตอนนี้ปากนี่ก็ถามผม

   ถามในสิ่งที่ผมไม่อยากให้มันถามที่สุด

   ผมจะตอบยังไงดี หรือว่าต้องมันจะรู้แล้ว ไม่สิถ้ารู้มันคงไม่มาถามยังงี้

   นั่นสิ มันจะเป็นไปได้มั้ย ผมที่อยู่โรงเรียนชายล้วนมา มันเป็นปกติที่จะพูดถึงแฟนที่เป็นผู้หญิง แม้มันจะมีหยอกล้อกันบ้างว่าใครได้กับใครในโรงเรียนชายล้วนแห่งนี้ (ผมเองก็เป็นหนึ่งในข่าวลือนั้น) แต่พอมานั่งคิดจริงจังมันก็ไม่ใช่

   นี่คือความจริงไม่ใช่เรื่องสนุกๆ ตามอารมณ์อยากแล้ว มันจะเป็นไปได้มั้ย... แล้วตัวผมเองละ จะเอาแบบไหน

   ผมก็ไม่เคยคิดถึงขั้นนั้นแฮะ ผู้ชายเดินจับมือถือแขนกันจะแปลกมั้ยนะ

   แต่ปิดเทอมที่ผ่านมามันก็ทำให้ชัดเจนในเรื่องเพศของผม

   นั่นสินะ เวลาอยู่กับผู้หญิงแล้วมันไม่สะดวกใจเท่าอยู่กับผู้ชาย มันเหมือนขัดๆยังไงบอกไม่ถูก ถ้าไอ้คนนั้นไม่มาบอกผมนี่ ผมก็คงไม่ได้สักเกตุ

   “มึงถามกูเนี่ยนะ ไม่รู้วะ แต่กับผู้หญิงอะพอตอบได้”

   แน่นอนว่าผมโกหก

    ผมก็ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง ยิ่งเรื่องอย่างว่าแบบนี้ พวกไอ้เจน่าจะรู้ดีกว่าผม ผมก็เคยแต่กับผู้ชาย มันก็เกิดจากความผิดพลาดของผมเอง แล้วดูเหมือนจะมีผมคนเดียวที่ติดใจ

   ไอ้บูมก็คงแค่อยากลอง พอจบไปคิดว่าแค่วัยรุ่นอยากลอง แล้วดันมีเรื่องไอ้เจตามมาอีก พักหลังเวลาผมช่วยตัวเองจากที่เมื่อก่อนคิดถึงผู้หญิงมันกลายเป็นผู้ชายไปเฉย

   แล้วมันก็เป็นธรรมชาติด้วย

   อย่างไรซะ ผมรู้สึกดีกับการที่ได้อยู่อย่างนี้ ผมชอบไอ้ต้อง (อันนี้แน่ใจแล้ว) แต่พอเจอคำถามซึ่งหน้า มันจะเป็นไปได้มั้ย คำตอบมันไม่ได้มีแค่หนึ่ง และมันก็วนเวียนไหนหัวหาทางออกไม่ได้ว่าจะตอบอย่างไรดี

   ปากไอ้ต้องในรูปเบี้ยวแล้ว

   ผมหยิบยางลบมาลบออก กำลังจะวาดใหม่

   “ได้มั้ง อะไรๆก็เกิดขึ้นได้”

   ไม่รู้ว่ามันยังรอคำตอบของคำถามมันมั้ย
   และก่อนหน้านั้นก็ไม่ใช่คำตอบ

   ต้องเงียบไป

   ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมัน

   ไอ้บ้านี่ แอบหยิบหูฟังมาใส่ตอนไหนวะ

   ใส่หูข้างเดียวด้วย

   “เอ้าๆๆ จะหมดเวลาแล้ว ใครไม่เสร็จช่วงพักบ่ายนี้วาดต่อเลย เย็นนี้ส่งที่ห้องครูด้วย”

   เวลาหมดแล้วสินะ

   ไหนบอกจะทำโทษไง ขู่กันนี่หว่า

   ผมกำลังจะเก็บดินสอไม่วาดมันละ

   ไอ้ต้องลุกขึ้นมาแล้วมานั่งข้างๆผม

   “เอ้า” มันยื่นหูฟังให้ แล้วคว้ากระดานไป

   ผมใส่หูฟังแล้วนั่งอยู่ข้างมัน เงียบๆ ซึมซับกลิ่นแห้งๆของอากาศหน้าหนาว ดอกไม้ในสวนเริ่มร่วงหล่น ดอกชมพูพันทิพย์ ที่ถูกปลูกไว้เต็มสวน

   มันเอาดินสอไปแก้ส่วนที่ผมวาดผิด ตกลงมันจะเข้าคณะอะไรกันแน่วะ พอมันมาแก้รูปให้ผม ผมก็มีเวลาพอจะสอดส่ายหาไอ้แมค ไอ้แมคมันนั่งนิ่งเป็นแบบไม่รู้สึกอะไร สายตาก็ไร้ความรู้สึกไปด้วย

   ถอดวิญญาณออกจากร่างไปแล้วละมั้งน่ะ

   ส่วนไอ้เจวาดๆลบๆอยู่ได้ ท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนนิสัยมันเลย ออกมาสงสัยจะเป็นน้องๆปิกัสโซ่ ผมอยากเดินไปดูเหมือนกันแฮะ  ว่าผลงานของมันจะออกมาเป็นยังไง

   ปี๊บ อยุ่ๆเพลงที่เล่นก็หยุดเล่น

   อะไรบางอย่าง เอ่อ เพลงอะไรสักอย่างกำลังเล่นขึ้นมาแทน

   ทำนองคุ้นหู

   มันเอาดินสอมาเคาะๆที่หูฟัง

   มันกำลังให้ผมฟังเพลงอะไรงั้นเหรอ

   เพลงไทยเพลงหนึ่งเล่นอยู่ มันเป็นท่อนบรรเลง ผมเลยไม่รู้ว่าเนื้อมันเป็นอย่างไร พูดถึงอะไร ผมนึกไม่ออกว่าเพลงนี้ชื่อเพลงอะไร แต่คุ้นๆเหมือนผมอาจจะเคยฟังมาแล้ว

   ดอกสีชมพูดจางๆกำลังร่วงหล่นลงตรงหน้าผม ผ่านหน้าต้องไป

   จบท่อนโซโล เนื้อเพลงกำลังจะขึ้น

   ผมยังหันไปมองหน้ามันอยู่ อะไรของมัน

   พลุบ

   สายถูกดึงออก

   “เธอสองคนเย็นมาหาที่ห้องพักครูด้วยนะ”

   แล้วมือใหญ่หนานั้นก็กระชากทั้งสายทั้งเครื่องไป ไอพอดของไอ้ต้อง

   เจ้าของมือคือคนเดียวกับที่สั่งให้วาดรูปนี่แหละ

   ตอนดึงออกจากกระเป๋ากางเกง ตัวเครื่องฟาดเข้ากับโต๊ะหินสีขาวที่พวกเราใช้นั่งวาดรูปอยู่ แต่ผมก็ไม่มีโอกาสจะได้ขอดูด้วยซ้ำว่า มันแตกหรือเปล่า

   ไอ้ต้องทำตาโตหันมามองหน้าผม

   ไอ้ห่า โดนแล้วไง

   “ครับ....” เราสองคนตอบเสียงอ่อยๆ

   ผมหันไปมองไอ้เจ ความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง

   จริงด้วย ไอ้เจมันยิ้มมุมปากเยาะให้ผมอยู่

   สายลมหนาวกับดอกชมพูพันทิพย์ที่หมุนคว้างอยู่ระหว่างผมกับต้อง ไม่เข้ากับความรู้สึกหวั่นๆที่จะโดนเย็นนี้เลย
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 8 ห้องพักครู [pg6] 11/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 12-12-2015 00:12:00
เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 8 ห้องพักครู

   เย็นวันนั้นผมกับต้องเลยต้องคอยเฝ้าอยู่เย็นหลังเลิกเรียนไปแล้ว หลังหมดคาบสุดท้าย วันนี้ไอ้แมคกลับบ้านไปคนเดียวก่อน ไอ้เจเองตั้งท่าจะฉุดผมกลับไปด้วย ทว่าครั้งนี้ไม่มีทาง ครูที่รอผมสองคนไปพบนี่ดุเกินกว่ามันจะกล้าหืออือด้วย

   มันจึงนัดเด็กห้องอื่นไปแทน

   "ไม่คิดซ้อมหน่อยเหรอ เดี๋ยวแพ้เค้านะเว้ย" ผมเดาว่าที่ต้องพูดคงหมายถึงซ้อมแข่งกีฬาสี

   "กูเก่งอยู่แล้ว ยังไงถ้ากู ชนะ กูได้แน่ๆใช่มั้ย” เจตอบท่าทางมั่นใจ

   "เดี๋ยวมึงก็แพ้หรอก ดูห้องอื่นดิ"

   "เออ เรื่องของมึงเหอะ"

   "ไรวะ พูดดีๆก็ได้" เจวีนขึ้นมา

   “เดี๋ยวกูต้องไปให้ครูด่าแล้ว" ผมบ่ายเบี่ยง

   "มึงไปซ้อมไป เดี๋ยวแพ้ กูสองคนเตรียมตัวโดนด่าแล้ว” ต้องไล่

   เจเดินปึงปังออกไป

   ปล่อยมันไปเหอะ ต้อง แพ้สิดี ผมจะได้รอดตัว

   เด็กห้องอื่นมายืนรอเจ ถึงหน้าตาจะเคยเห็นแต่ผมไม่รู้หรอกว่าพวกนั้นชื่ออะไร แน่ๆไม่ใช่เด็กเรียนห้องนี้แน่นอน

   ไอ้เจมันเปลี่ยนไปจากแรกๆที่ผมเจอ เวลาแค่ปีเดียว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน ไม่สิกับพวกผมด้วย ทำไมไม่มีใครถามอะไรมันเลย ไม่มีใครสังเกตเห็นจริงๆเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีคนคิดจะถามมันหรือไม่มีใครกล้าไปถามมันกันแน่

   อารมณ์รุนแรงเพิ่มมากขึ้นตามกลิ่นบุหรี่บนตัวมัน มันดูผอมลงไปอีก

   เอาละได้เวลาเดินไปขึ้นเขียงแล้ว

   “ต้อง มึงว่าจะโดนอะไรวะ"

   "ไม่รู้ดิ คงจะโดนยึดไอพอดกูละมั้ง"

   "แล้วนี่มึงจะทำไง"

   "ก็เงียบๆไว้ แม่กูคงไม่รู้" ต้องพูดหน้าเฉย

   "ต่อละ"

   "ไม่เป็นไรหรอก" มันเอามือขยี้หัวผม

   คราวหน้าผมไม่ต้องเป่าผมมาโรงเรียนแล้วละ เอะอะก็ขยี้หัวกันแบบนี้

   นักเรียนเริ่มทะยอยกันกลับบ้านแล้ว แดดหน้าหนาวกำลังจะหมดลง พระอาทิตย์ตกดินเร็วกว่าหน้าร้อน เหลือแค่แดดเหลืองๆทอแสงข้ามกระจกห้องเรียนสาดออกมาเป็นไฟนำทางบนทางเดิน

   เหมือนไฟส่องทางส่งไปแดนประหาร

   ครูคนนี้นอกจากขึ้นชื่อว่าดุแล้วยังมือหนักมากเพราะเคยสอนวิชาพละมาก่อน แล้วโดนย้ายมาสอนศิลปะ แล้วเด้งควบฝ่ายปกครอง ประมาณว่าไม่ชอบงานที่ทำปัจจุบันนี้สินะ เรื่องกฏระเบียบบางทีแกก็ทำเกินไป

   ว่ากันว่า ในกระเป๋าแกจะพกกรรไกรไว้ตลอด

   ไอ้กรรไกรนี่เองที่เอาไว้ตัดกางเกงที่ยาวเกิน สั้นเกิน กระทั่งผมที่ยาวไป กางเกงแกจะตัดจากชายขึ้นมาถึงเอวกลายเป็นกี่เผ้าไปเลย คนที่เดินนี่แทบจะโชว์กางเกงในตลอดเวลา ส่วนผมเนี่ย ถ้าพี่แกตัดจะตัดติดหนังหัว แถมตัดจากด้านหน้า

   พูดง่ายๆโดนไปนี่โกนหัวบวชพระได้เลย

   พอผู้ปกครองทนไม่ไหว แกก็เลยเบามือลง คราวนี้เป็นโอกาสแกเต็มๆ ผมยังไม่อยากนึกว่าจะไปโดนอะไร ขอให้โดนด่าอย่างเดียวแล้วกัน ไม่อย่างนั้นคงเละ ระหว่างที่เดินไปนึกไป พวกเราจัดชุดนักเรียนให้เข้าที่ ดึงการเกงไม่ให้ดูสั้นไป จัดทรงผมให้เรียบร้อย ถึงจะอยากเก็บที่โดนต้องขยี้ไว้ก็เหอะ

   หันไปมองต้องมันก็ทำอยู่เหมือนกัน เป็นอันรู้กันสินะ ก่อนประหารต้องดูดี จะได้โดนน้อยลง

   เด็กเริ่มทะยอยลงจากตึกแล้ว ดีจะได้ไม่อายด้วย

   สีหน้าผมกับต้องถึงปากจะบอกไม่เป็นอะไร แต่แวววกังวลอาบอยู่ชัดเจน

   อีก 5 เมตร

   ห้องใหญ่ตั้งอยู่กลางชานพักระหว่างชั้น 4 กับ 5 มันเป็นช่องทางเดิน ขนาดกว้างทำมาขนานกับชานพักทางเข้าห้องประชุมที่ชั้น 4 พื้นที่เหลือตรงนี้เลยกั้นเป็นห้องพักครู ข้างในค่อนข้างมืด ครูเองก็คงจะกลับไปบ้างแล้ว ผมภาวนาให้เป็นอย่างนั้นจะได้ไม่โดนรุมกินโต๊ะ

   เด็กนักเรียนนะ ไม่ใช่ที่ระบาย

   ผมจะโงกหน้าไปเห็น ครูกำลังทำนั่งมองอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ

   "ขออนุญาติครับ" ผมพูดให้ก่อน

   ผมกับต้องกำลังเดินเข้าไป

   "ไม่เห็นเหรอว่าครูยังไม่ตอบ ออกไป!!!!”

   เสียงแผดดังลั่นห้อง แต่ไม่ดังมากเหมือนจงใจให้เฉพาะในห้องได้ยิน ครูผู้หญิงอีกคนที่สอนเคมีที่ยังเหลืออยู่ในห้องเก็บของแล้วเดินออก ส่วนครูผู้ชายอีกคนที่สอนสังคม ทำท่าไม่สนใจอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป

   "เข้ามาได้" เสียงแผ่วลงตอบคำขอก่อนหน้านี้

   ผมกับต้องจึงเดินก้มหน้าเข้าห้องไป

   "อีกคนใครให้เข้า"

   "...." ไอ้ต้องพูดไม่ออก ผมเองก็ด้วย

   "ก็ขออนุญาติแล้วนี่ครับ"

   “นั่นเพื่อนเธอ”

   "ขอโทษครับ ขออนุญาติ"

   ผมว่าในใจมันคงโมโหน่าดู

   เดินเข้าห้องไปแล้ว ครูเงยหน้าจากกองวาดรูปที่พวกผมส่งเมื่อก่อนเลิกเรียน

   "เอาวิทยุมาฟังตอนเรียน กล้านะ วิชาครูด้วย"

   "ขอโทษครับ" ต้องก้มหน้าพูด

   "อย่าถือว่าห้อง 1 แล้วทำไรก็ได้นะ" เสียงดุขึ้น

   "เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดงั้น" ต้องตอบ

   "ย้อนครูเหรอ ใครสั่งให้พูด" ตอนนี้เสียงดังขึ้นอีกจนจะกลายเป็นตะวาดแล้ว

   ผมเอานิ้วก้อยสะกิดมือต้อง

   "ทำอะไรน่ะเป็นแต๋วรึไง"

   แม่งเอ้ย ยังอุตส่าเห็นอีก

   "ไม่ใช่ครับ"

   ผมเงยหน้าตอบ สายตาดุดันจ้องตรงมาที่ผม ผมชำเลืองมองไปทางต้องที่ยังก้มหน้าอยู่

   "อ๋อ เธอนี่เอง นัยวิทย์ เด็กมีปัญหาสินะ"

   "เธอเป็นคนเอามาโรงเรียนเหรอ"

   ผมเงยหน้าพร้อมดึงมือต้องลง

   "ครับ" ผมไม่พูดอะไรอีก

   "อ้อ เด็กมีปัญหา ได้ข่าวพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยนี่ เคยจะหย่ากันด้วย ตอนนี้แยกกันรึยังละ สมัยเด็กๆผู้ปกครองคนอื่นชอบเล่าให้ฟัง เด็กครอบครัวแตกแยก เลี้ยงด้วยเงิน โตมาเลยเป็นคนไม่มีกาลเทศะ เอานิสัยใครมาละ พ่อหรือแม่"

   "ไม่ใช่ทั้งคู่ครับ" ผมตอบตามจริง

   "ไม่ใช่อะไร พ่อแม่คนนั้นคนนี้ก็พูด" ท่าทางจะยังไม่หยุด

   ไอ้ผู้ปกครองคนอื่นถ้ามีเวลาว่างก็เอาไปดูแลลูกตัวเองนะ มายุ่งเรื่องคนอื่นแถมไปเล่าต่อกันอีก

   "เด็กพ่อแม่ไม่รักเลี้ยงด้วยเงินสินะ หึหึ” ท่าทางคนพูดสะใจ

   "แล้วเธอละ" คราวนี้หันไปทางต้อง

   "มีน้องอยู่ม.ต้นใช่มั้ยหน้าเหมือนกันเลย ห่วยแตกแบบเดียวกันรึเปล่า"

   ผมพยายามภาวนาให้ต้องทนไว้ เดี๋ยวยาวกว่านี้

   พอเห็นพวกผมก้มหน้าไม่ตอบอะไร ครูทำท่าจะพูดต่อ

   ตอนนี้ครูผู้ชายโต๊ะด้านหลังพับหนังสือพิมพ์แล้วเดินออกมาทางพวกผม

   "พี่เชิด ผมกลับแล้วนะ"

   "เออ" พูดจบครูหันมามองหน้าผม

   "คราวนี้จะไม่ตี โรงเรียนห้ามไว้ วันนี้อยู่เก็บกวาดเช็ดถูโต๊ะทุกโต๊ะ ถูพื้น เติมน้ำห้องพักครูทุกอย่างให้สะอาดและเรียบร้อย เช้ามาไม่พอใจจะโดนหนักกว่านี้"

   "ส่วนไอพอดครูยึดไว้"

   ส่วนนี้พูดเสียงเบา แล้วเอาไอพอดพันหูฟังยัดใส่กระเป๋าเสื้อ

   "ขอบคุณครับ"

   ผมละสงสัยจริงว่าต้องขอบคุณอะไร โดนทำโทษ โดนว่า แต่ต้องขอบคุณคนทำด้วย

   ผมกับต้องก้มหน้าต่อจนครูทั้งสองจากไปพร้อมกับไอพอดของต้อง ไม่มีใครกล้าทวงคืนแน่ๆ ใครจะเดินเข้ามาถามว่าจะได้คืนวันไหน แล้วยิ่งยัดใส่กระเป๋าแบบนี้ ใช้เองแน่ๆ

   "ขอโทษนะ" ผมบอกต้อง

   "อะไรวะ" ต้องยังมองไปตรงหน้า

   "ก็ถ้ากูไม่พูดว่าของกูคงไม่โดนยึด"

   "ไม่เกี่ยวอะ แม่งจะเอาอยู่แล้วเหอะ"

   "ให้กูซื้อคืนมั้ย"

   "อันนี้ไอ้ต่อซื้อให้วันเกิดกู มึงซื้อมาก็ไม่เหมือนหรอก"

   ซวยหนักแล้วไงกู

   "ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวกูคุยกับมันเอง" ต้องตบบ่าผม

   "เริ่มเหอะ" มันเดินไปหยิบไม้กวาด

   ต้องกวาดไปได้หน่อยเดียวห้องเล็กๆนี้มีโต๊ะรกๆอยู่ตั้ง 6 ตัว แบ่งเป็นสองแถวๆละ 3 ตัว ผมเริ่มจากเก็บของรกๆบนโต๊ะให้เข้าที่ บางโต๊ะก็เรียบร้อยไม่ต้องไปทำอะไร

   "มึงกวาดบ้านเป็นเหรอวะ"

   "อ้าว กูไม่ทำใครทำ"

   "พี่ชายแสนดีนะมึง" ผมยักคิ้วให้ต้องมัน

   "มึงอะ ทำเป็นมะ" ต้องถามกลับ

   "เฮ้ย บ้านกู กูทำเองดิวะ" ผมตอบ

   ผมทำเองจริงๆนะ

   ระหว่างที่ผมเปะปะจัดของ รื้อของดูบ้าง ตอนนี้มาถึงโต๊ะครูศิลปะ ครูปากหมาของผมแล้วครับ เห็นกองหน้าคนวางอยู่บนโต๊ะผมเลยจัดให้เรียบร้อย งานที่ส่งมันเรียงตามเลขที่อยู่แล้วถ้าเห็นว่าเลขที่อะไรวาด ก็เดาได้ทันทีว่าวาดใคร ผมจึงจับมันเรียงตามเลขที่ซะ ตรวจถึงไหนหาเอาเองแล้วกัน

   ถึงมันจะเล็กน้อยแต่นี่ก็เป็นการแก้แค้นอย่างเดียวที่ผมทำได้

   "ต้องๆมึงทายดิ ใครวะ" ผมยกกระดาษแล้วปิดเลขที่กับชื่อคนวาดไว้

   ต้องหันมามอง

   "อืมมม ไอ้บอม?"

   "ถูก" มันเก่งแฮะ

   "นี่ละ"

   "ยากละ"

   "ทายดิ" ใครวาดวะ ห่วยเชียว

   "วาดเละมาก อือออออ ไอ้ไก่เหรอ"

   "ผิด ไอ้ซัน" ผมเฉลย

   “ตรงไหนวะ ฮ่าๆๆๆ"

   "เออ แม่งวาดได้เหี้ยมาก" ผมพูดตามที่เห็น

   "มึงดูหน้าไอ้แมค แว่นเบี้ยวปากแหว่ง ฮ่าๆ"

    ผมคุ้ยหาจากเลขที่คู่กับมัน ลำพังหาจากหน้าคงไม่มีทางเจอ

   ลองดูผลงานไอ้เจ

   "เจอแล้ว"

   ผมชูให้ไอ้ต้องดู แน่นอนว่าปิดชื่อคนวาดไว้

   "ตัวห่าไรวะนั่น" ผมกันมันขำกันใหญ่

   "แม่งเจ้าของรูปมันเห็นป่าว ขืนเห็นนะ ร้องตายเลย"

   "น่าจะนะ" ผมตอบ

   "ทายดิใครวาด" ผมถามต่อ

   "ไม่รู้วะ ห่วยเกิน"

   "ไอ้เจว่ะ"

   "งั้นคู่มันก็ ...ไอ้กอล์ฟอะดิ"

   เสียงหัวเราะลั่นห้องเลย ตายละครูจะกลับมาดูมั้ยนะ ผมดีใจที่ต้องยังหัวเราะออกได้ กลับไปนี่ มันจะโดนต่อเทศนาอะไรมั้ยนะ

   "เอาน้ำไหนเช็ดโต๊ะวะ" ผมขี้เกียจเดินไปห้องน้ำมืดๆเย็นๆคนเดียว

   “ในถังไง น้ำกินอะ"

   "ไหนๆก็ต้องเติมแล้ว"

   มันแนะนำเข้าท่าแฮะ

   ผมเลยเทใส่ผ้าเช็ดโต๊ะแล้วเช็ดไปทีละโต๊ะ

   จู่ๆ เพลงดังขึ้น

   "มาจากไหนวะ" ผมตกใจหันไปทางมัน
   
   "มือถือกูนี่" มันชูให้ดู

   ผมเลยส่ายหัวตอบ ไม่เข็ดนะมึง

   ไม่ได้ฟังเพลงกับพวกมันนานแล้วนะเนี่ย

   เพลงนี้เพลงอะไรหว่า ผมไม่ค่อยจำชื่อเพลงซะด้วย

   เช็ดไปได้เหลือโต๊ะนี้สุดท้าย กระดาษวาดรูปเต็มเลยทำไงดี

   ช่างมันละกัน เด็กกลับกันหมดแล้วทั้งชั้นเหลือผมกับมันสองคน

   "เก้าดูนี่ดิ"

   ต้องก้มมองไปทางโต๊ะครูคนนึง

   "อะไรเหรอ" ผมก้มลงมองตาม รูปภาพที่อยู้ใต้กระจกรองโต๊ะมีแต่รูปคู่กับครอบครัว

   เจ้าของโต๊ะน่าจะเป็นครูพละสักคน มีแต่รูปชุดกีฬา ครูคนนี้ผมไม่รู้จัก

   "มีไรวะ"

   "ดูที่ลิ้นชักนี่"

   ต้องกระชากออกมา จากที่อ้าอยู่หน่อยเดียว เผยสิ่งที่อยู่ในนั้น

   "หนังโป๊วะ" ต้องหันมามองผม

   ผมเอื้อมตัวผ่านต้องที่นั่งกึ่งนั่งกึ่งยืนบนขอบโต๊ะครูคนนั้น ในลิ้นชักมีกองซีดีอยู่มากมาย แต่ละแผ่นมีหน้าปกให้เรียบร้อยเลยด้วย ทั้งนักแสดงและชื่อเรื่อง

   จู่ๆผมรู้สึกเหมือนโดนรัด หันไปมอง ต้องยืดขาออกคร่อมตัวผมไว้ในอ้อมขายาวๆของมัน

   ผมไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยืนอยู่ในอ้อมขามันอย่างนั้น หน้าหันออกไปมองตรงหน้าทางเข้า แดดชั่วโมงสุดท้ายกำลังจะลาจากไป ทำให้นึกถึงวันทำฉากห้องวิทย์ คล้ายๆกันอย่างนี้เลย

   แต่องค์ประกอบไม่ใช่ วันนี้คนเหลือน้อยลง ความรู้สึกต่างกันออกไป พวกเราสนิทกันมากขึ้นและบางคนก็ห่างออกไป

   ที่แน่ๆ โตขึ้นอีก 1 ปี

   "เก้าเคยดูป่าววะ" ต้องถามผม

   "เคยดิ ม.ต้นมันเคยเอามาเวียนกัน" ผมตอบไป

   "พวกนี้คงถูกยึดมาจากเด็กๆพวกนั้นแหละ"

   "มึงก็เคยสินะ"

   "แน่นอน แต่ไม่บ่อยวะ ต่อแม่งอยู่"

   "มึงนี่ลำบากนะ ทำอะไรก็ต้องระวังตัว นอนกับมันด้วยนี้ ตื่นมาโด่ทำไงวะ"

   ผมแกล้งถามมัน

   "ช่างมันดิ ผู้ชายเหมือนกัน"

   "แล้วเวลามึงชักว่า.."

   โอ้ย

   "ทะลึ่งนะมึง" ต้องเคาะหัวผม

   "ก็ลำบากนี่จะไปหาที่ไหนทำได้วะ"

   ผมกับมันหัวเราะ

   จู่เสียงเงียบไป ผมก้มหน้ามองพื้น แสดงสีส้มเหลือแค่ที่พื้นทอดออกมาสั้นๆ แปลว่าอีกไม่นานมันจะหายไปแล้ว

   ห้องก็จะมืดสนิท

   เงยหน้าขึ้นมา ผมเห็นต้องขยับเข้ามาใกล้ขึ้น แต่มืดเกินกว่าจะบอกว่าสีหน้าแบบไหน

   "เอ่อ... มีอะไรเปล่า"

   "..." เงียบไม่มีคำตอบ

   มันยังขยับเข้ามาใกล้ขึ้น ทีละนิด

   “หน้าแดงๆนะเก้า ไข้ขึ้นปล่าว” มันเอามือจับแก้มผมไว้

   ผมส่ายหัวรัว

   "เรื่องที่ครูว่าเมื่อกี้ มึงไหวมั้ยวะ" มันถามต่อ

   "ไหวดิ ใส่ใจไรมากมาย"

   ผมเคยได้ยินกับหูด้วยซ้ำผู้ปกครองหลายคนก็มักจะนินทากันเอง บ้านนั้นบ้านนี้ เด็กๆเวลาแม่ส่งผมไปเรียน ผมยังเคยได้ยินว่า 'นั่นเด็กมีปัญหานี่นา' คงหมายถึงครอบครัวผมที่ไม่ได้อบอุ่นละมั้ง

   'บางทีก็ว่าเด็กโดนตามใจ อย่าไปยุ่งนะลูกเดี๋ยวเสียคน'

   ถ้ามันจะถึงหูครูคนนี้ แล้วปากก็เป็นแบบนี้ ผมก็ไม่คิดมากอะไร มันไม่มีอะไรดีขึ้น

   ต้องเอง ครอบครัวมันก็มีกันแค่นั้น เมื่อกี้พอไปแตะน้องมันเข้าหน่อยมันยังโกธเลยยิ่งกว่าผมซะอีก

   "ไม่คิดมากก็ดี"

   "มึงเหอะ แตะต่อหน่อยเป็นไม่ได้เลย" ผมย้อนมันซะหน่อย

   "ไม่ขนาดนั้น แต่บ้านกูสนิทกันมากนี่"

   "ใช่ บ้านกูมันเน้นทำงานน่ะ งานมาก่อน เรื่องอื่นทีหลัง" วันแม่ มันจึงเป็นเซอร์ไพร์สให้ผมมาก

   "มีไรคุยกับกูได้นะ"

   "เออ ใจ"

   บทสนทนาเกิดว่างเปล่า ความคิดถูกดูดหายไปกับอากาศ มันพาเอาเสียงเพลงไปด้วย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเปิดเพลงจากมือถือเอาไว้
   จู่ๆเพลงก็ดังขึ้นแปลกๆ เข้าท่อนฮุคเลย

   "โหล เออ เดี๋ยวไปละ"

   อ้าว เพลงเมื่อกี้เป็นเสียงเรียกเข้าหรอกเหรอ

   "เอ่อ ต่อเหรอ"

   "ใช่ มันรอกลับบ้านน่ะ"

   "งั้นรีบเหอะ เหลือแค่เปลี่ยนถังน้ำ" ผมชี้ไปทางเครื่องทำน้ำเย็น

   "อือ"

   ถังสีขาวขุ่นขนาดให้เท่าท่อนบนผม ตอนนี้มันว่างเปล่า ที่ข้างเครื่องเขียนวิธีการเปลี่ยนเอาไว้ แต่ช่างมัน ใครจะไปสนใจ มืดขนาดนี้เวลานี้แล้วด้วย

   "ยกไหวมั้ยกูช่วย"

   ต้องคงเห็นท่ายกลำบากลำบนของผม ถังใหม่ที่น้ำเต็มนี่ หนักไม่ใช่เบาเลย

   มันเดินเข้ามาคร่อมตัวไว้จากด้านหลังแล้วยกถังน้ำในมือผมขึ้น มันแรงดีเหมือนกันแฮะ

   "ขอบใจ"

   “ตัวหอมนะ กลับเหอะ" ต้องชวนกลับบ้านแล้ว

   อะไรของมันวะ ฟังแล้วงง

   มันจูงมือผมออกจากห้อง สับขาเดินกลับไปทางห้องเรียน ระเบียงทางเดินที่ปิดไฟมืด แสงอาทิตย์ที่ด้านนอกก็หมดแล้ว เอาละสิ จะหาอะไรเจอละเนี่ย

   ผมเริ่มเดินช้าๆ ให้ต้องมันลดจังหวะก้าวลง เดินที่มืดๆแบบนี่ไม่น่าไว้ใจแฮะ คลำๆทางไปถึงหน้าห้อง ประตูห้องถูกปิดอยู่ ปิดสนิทเสมอกันทั้งสองด้าน สวยงาม และก็เปิดไม่ได้

   "ใครมันล็อควะ" ต้องเขย่าประตู

   ชั้นนี้ที่มืดอยู่แล้ว แถมมีเสียงเขย่าประตูกังวาล ผมไม่ชอบเอาเลย ฟังดูน่ากลัว

   "ใครมันเวรวันนี้วะ แม่งไม่ดูเลยกระเป๋าอยู่ข้างใน"

   ผมสะกิดต้องให้กลับ ยังไงก็เอาไม่ได้อยู่แล้ว

   “กลัวที่มืด?"

   ต้องบีบมือผมแน่นขึ้น

   "ป่าว เย็นแล้ว” จริงๆผมก็กลัวแหละ

   เอาวะหน้าด้านๆเดินจูงมือมันเลยละกัน

   เดินย้อนกลับไปได้ครึ่งทาง ต้องสะบัดมือออก

   “โทดนะต้อง มึงคงอึดอัด"

   มันไม่ตอบ

   ผมกำลังจะหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองมัน

   มันเดินเข้ามาชนตัวผมตัวเราแนบกัน แล้วมันก็เอามือมันโอบบ่าผมไว้รอบคอแล้วค่อยๆดันตัวผมเข้าหาตัวมัน เมื่อตัวสนิทกันแล้วจึงเดินออกไปช้าๆ

   "อย่างนี้ค่อยคุ้นหน่อย"

   "หึ ใช่"

   คุ้นจริงๆด้วย แค่ฝนไม่ตก

   อีกครั้งที่ผมอยู่ใต้วงแขนและตัวต้อง

   อุ้ย

   “เป็นไรอะต้อง”

   มันผลักหลังผมเข้ากับประตูห้องเรียนอื่นที่ปิดไว้ เสียงปังดังทั่วชั้น

   ตัวมันกดแนบเข้ามากับตัวผม

   “ปะ เป็นไร ต้อง”

   “…”

   มันกดตัวแน่นขึ้น เงาดำรูปร่างเหมือนต้องครอบคลุมตัวผมไว้

   เปลือกตาปิดแน่น

   "พี่ต้อง อยู่นั่นป่าว"

   ต้องรีบผละออก

   "ต่อเหรอ"

   "เออเดะ ทำไรเนี่ยเดินหาทั่วโรงเรียนเลย"

   "แล้วรู้ได้ไงอยู่นี่" ต้องตอบเสียงนั้น

   "ทำไมไม่เดินลงไปคุยกันวะ ตะโกนกันทำไม" ผมถามต้อง

   ในใจนึกเสียดาย อยากรู้ว่ามันจะทำอะไร

   "เสียงใครอะ" ต่อทักมา

   แย่ละ ลืมไปเลย

   "เก้า" ต้องตอบ

   ถึงตรงนี้มืดแค่ไหนผมก็เห็นว่าต่อมันเดินขึ้นบันไดมาท่าทางอารมณ์บูด กลิ่นเปรี้ยวโชยมาเลย

   "พี่ต้อง คนเค้ากล้บหมดแล้วนะ"

   "รู้ได้ไงว่าอยู่นี่" ต้องถาม

   "เพื่อนพี่บอก ผมเจอมันยืนดูดหรี่อยู่ตรงลานจอดรถ"

   ไอ้เจ? ผมไม่คิดว่าจะเป็นไอ้แมค

   "อ้อ มันบอกเหรอ"

   “กลับยังพี่ น้าโทรตามแล้ว มาทำอะไรมืดๆกันสองคนเนี่ย"

   ตรงประเด็น!!!

   "ปะๆ"

   ต่อกระชากตัวต้องออกไปหายวับลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว เอ่อ กะทิ้งคนขาสั้นๆอย่างผมเอาไว้เรอะ แถมมืดๆงี้ด้วย

   ผมตั้งท่าจะวิ่งตามลงไป แต่ไม่เอาดีกว่า ต้องยังมีปัญหาเรื่องไอพอดกับน้องมันนี่นา

   ผมเลยวิ่งลงไปแต่พอถึงชั้นล่างสุดหลบออกไปอีกด้านหนึ่งของตึก หันหลังกลับไปมองไม่เห็นพี่น้องคู่นั้นแล้ว วันนี้ฝนไม่ตกนี่นา เดินตากลมเย็นกลับคนเดียวก็ได้

   รถแท๊กซี่ผมได้บอกทางให้ไปลงหน้าบ้านแมคเหมือนทุกที แล้วผมจะเดินต่อไป หูฟังผมเก็บไว้ในกระเป๋านักเรียน ดังนั้นวันนี้จึงไม่มีเพลงฟัง ผมเลยขอให้แท๊กซี่หมุนหาคลื่นที่ทุกทีฟังให้

   ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนข่าวรอบถัดไป

   ฟังเพลินๆ หัวผมก็จินตนาการไปไหนต่อไหนด้วย

   อิจฉาไอ้ต่อแฮะ

   ถ้าผมชอบต้องแบบแฟนจริงๆ มันจะเป็นได้มั้ยนะ ไม่ใช่ถ้าสิ ผมชอบมัน มากกว่ากว่าเพื่อนไปแล้ว นานแล้วด้วย

   อยู่ที่ว่าผมจะบอกมันหรือไม่บอกมันดี เป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว ขืนบอกไปแล้วมันไม่เอาด้วยละมีปัญหาแน่ๆ แอบอยู่เงียบๆแหละดีแล้ว ใครๆก็จะสบายใจกว่า

   ปล่อยใจไปเพลิน คิดว่าถ้าวันหนึ่งผมกับต้องได้จูงมือกันแบบวันนี้ก็คงแปลกดีอยู่


   อีกครึ่งใจก็ร้อน อยากรู้ว่าต้องมันเล่นอะไร ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง...

   ไอ้เจก็ทำเหมือนจะจีบผม แต่... มันก็ไม่ใช่

   ครั้งนี้ผมไม่คิดอะไรทั้งนั้น จนกว่ามันจะบอกผมให้ชัดเจน หรือมีอะไรที่ทำให้แน่ใจ
   
   ไม่อย่างนั้น

   ทุกวันนี้

   เป็นแบบนี้ดีอยู่แล้วนี่....
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 8 ห้องพักครู [pg6] 11/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-12-2015 01:53:57
ช็อคค่ะ    ช็อคกับความทุเรศของครูไทยที่เป็นแบบครูในเรื่อง
การยึดของจากเด็กๆเพื่อเอาไปใช้เองนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกับไปจากการขโมย
โรงเรียนของลูกเราจะมีการริบไปแต่ให้ผู้ปกครองมาเซ็นต์รับคืนพร้อมรับทราบโทษ
การเอาเรื่องของครอบครัวเด็กมาพูดไม่ว่าจะต่อหน้าเด็กหรือคนอื่นถือเป็นล่วงละเมิดสิทธิของเด็ก  เด็กผิดก็สมควรโฟกัสไปที่ความผิดของเด็ก ไม่ใช่ที่เรื่องอื่น  เรื่องพ่อแม่เด็กคุณไม่ชอบก็ไปเ่าพ่อแม่เด็กสิ อย่ารังแกคนที่ไม่มีทางสู้  เด็กไม่ใช่กระโถนอารมณ์ของใครแม้แต่พ่อแม่  เสียดายที่สังคมผลิตครูไร้คุณภาพแบบนี้ออกมา  เพราะว่านี่คือการทำลายโอกาสของสังคมที่จะมีเด็กอนาคตดี  แต่กลับต้องมารับรู้ว่าสังคมให้การยอมรับยกย่อง ต้องบูชาผู้ใหญ่ความคิดและการกระทำเน่าๆแบบนี้

ขอโทษค่ะ   เจอแบบนี้ทีไนเราองค์ลงทุกที

ต้องมีอะไรระหว่างต้องและต่อแน่ๆ  ไม่รู้นอนด้วยกันแล้วต้องละเมอถึงเก้ามั่งหรือเปล่า ต่อถึงได้วีนเก้ายังกะนางร้ายละครหลังข่าว  ความไม่แน่นอนเป็นอะไรที่น่าอึดอัดนะคะ  โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆที่เจอมาแล้วทำอะไรไม่ได้นอกจากทน  ไม่ปลื้มทั้งเจทั้งบูม  เหมือนหลอกให้เก้าเป็นเครื่องมือระบายชอบกล   ต้องก็ผลุบๆโผล่ๆ  เด็กๆพวกนี้ที่ยืนอยู่ระหว่างรอยต่อของเพศนี่น่าสงสารเพราะว่าไม่มีใครเป็นที่พึ่งทางใจให้คำปรึกษาได้เลย   ในหลายๆประเทศจะมีที่ปรึกษาสำหรับเด็กในด้านพวกนี้และด้านสังคม โดยที่ถือหลักเคารพสิทธิของเด็ก    จนทที่ให้คำปรึกษาพวกนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ   องค์การความหลากหลายทางเพศหลายๆประเทสจะมีสายฮ็อตไลน์ให้โทนเข้าไปปรึกษาได้  เด็กจะได้ไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยว   หนทางยังไปอีกไกลนะประเทศไทย

ยังไงก็ขอให้เก้าอย่าได้โดนหลอกเลย    เข้าใจความรู้สึกเก้ากับสิ่งที่มาจากเจเลยค่ะ  ในเราชอบแม็คค่ะ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 8 ห้องพักครู [pg6] 11/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 12-12-2015 10:16:16
ช็อคค่ะ    ช็อคกับความทุเรศของครูไทยที่เป็นแบบครูในเรื่อง
การยึดของจากเด็กๆเพื่อเอาไปใช้เองนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกับไปจากการขโมย
โรงเรียนของลูกเราจะมีการริบไปแต่ให้ผู้ปกครองมาเซ็นต์รับคืนพร้อมรับทราบโทษ
การเอาเรื่องของครอบครัวเด็กมาพูดไม่ว่าจะต่อหน้าเด็กหรือคนอื่นถือเป็นล่วงละเมิดสิทธิของเด็ก  เด็กผิดก็สมควรโฟกัสไปที่ความผิดของเด็ก ไม่ใช่ที่เรื่องอื่น  เรื่องพ่อแม่เด็กคุณไม่ชอบก็ไปเ่าพ่อแม่เด็กสิ อย่ารังแกคนที่ไม่มีทางสู้  เด็กไม่ใช่กระโถนอารมณ์ของใครแม้แต่พ่อแม่  เสียดายที่สังคมผลิตครูไร้คุณภาพแบบนี้ออกมา  เพราะว่านี่คือการทำลายโอกาสของสังคมที่จะมีเด็กอนาคตดี  แต่กลับต้องมารับรู้ว่าสังคมให้การยอมรับยกย่อง ต้องบูชาผู้ใหญ่ความคิดและการกระทำเน่าๆแบบนี้

ขอโทษค่ะ   เจอแบบนี้ทีไนเราองค์ลงทุกที

ต้องมีอะไรระหว่างต้องและต่อแน่ๆ  ไม่รู้นอนด้วยกันแล้วต้องละเมอถึงเก้ามั่งหรือเปล่า ต่อถึงได้วีนเก้ายังกะนางร้ายละครหลังข่าว  ความไม่แน่นอนเป็นอะไรที่น่าอึดอัดนะคะ  โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆที่เจอมาแล้วทำอะไรไม่ได้นอกจากทน  ไม่ปลื้มทั้งเจทั้งบูม  เหมือนหลอกให้เก้าเป็นเครื่องมือระบายชอบกล   ต้องก็ผลุบๆโผล่ๆ  เด็กๆพวกนี้ที่ยืนอยู่ระหว่างรอยต่อของเพศนี่น่าสงสารเพราะว่าไม่มีใครเป็นที่พึ่งทางใจให้คำปรึกษาได้เลย   ในหลายๆประเทศจะมีที่ปรึกษาสำหรับเด็กในด้านพวกนี้และด้านสังคม โดยที่ถือหลักเคารพสิทธิของเด็ก    จนทที่ให้คำปรึกษาพวกนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ   องค์การความหลากหลายทางเพศหลายๆประเทสจะมีสายฮ็อตไลน์ให้โทนเข้าไปปรึกษาได้  เด็กจะได้ไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยว   หนทางยังไปอีกไกลนะประเทศไทย

ยังไงก็ขอให้เก้าอย่าได้โดนหลอกเลย    เข้าใจความรู้สึกเก้ากับสิ่งที่มาจากเจเลยค่ะ  ในเราชอบแม็คค่ะ


ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่าน ตอนแรกคิดว่า ตอนแรกคิดว่าถ้ายังดูเงียบเงียบอย่างนี้ผมว่าจะลงทีเดียวให้จบไปเลย พอเห็นคน พอเห็นคนอ่านและให้ความสำคัญกับมันผมก็ดีใจ

แล้ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยทำให้รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ประเด็ ประเด็นเรื่องครูเป็นเรื่องที่เคยเจอมาบ้างเจอกับตัวเองบ้างอาจจะมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ก็หยิบแค่บางส่วนเอามาลง

ส่ ส่วนตัวเรื่องของ เก้า เจ บูมนั้นมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในโรงเรียนชายล้วนทั่วไป ก่ ก่อนที่แต่ละคนจะมีทางเดินทางที่เลือกเป็นของตัวเอง

ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นต์ให้

 ถ้าแมครู้เข้ามันคงดีใจ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 8 ห้องพักครู [pg6] 11/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-12-2015 11:31:44
ถ้าไม่ชอบ ถ้าไม่ใช่ อย่างไหลหลง
ถ้าไม่ง่วง ถ้าไม่งง อย่างสงสัย
ถ้าไม่คิด ถ้าไม่ทำ อย่างตั้งใจ
อย่ามาเล่น กับหัวใจ ของใครเลย

เหมือนสีเทา ขาวระคน ดำปนอยู่
เหมือนไม่รู้ อยู่เหงาเหงา เคล้าเปิดเผย
เหมือนไม่ชิน เหมือนไม่ใช่ เหมือนไม่เคย
เพราะไม่เอ่ย เพราะไม่พูด มันขูดใจ

อ่านเรื่องนี้แล้วเป็นอย่างนี้เลย
ไม่ชัดแถมขัดใจ
หุหุ

+1 Monet
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 8 ห้องพักครู [pg6] 11/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 12-12-2015 12:11:24


อ่านเรื่องนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูอนิเมะ ไม่ก็อ่านมังงะญี่ปุ่นที่มีฉากเป็นประเทศไทย ในสังคมไทยๆอยู่เลยค่ะ
คือมันเรื่อยๆ ไหลๆ พาเราหลุดไปในภาพโทนอุ่นๆ สลับกับร้อนแรงเป็นพักๆ แล้วก็ต้องตามลุ้นว่าพ่อต้องจะทำให้เส้นทางของตัวเองมาบรรจบกับน้องเก้าได้ยังไง (ทั้งที่มีต่อเป็นก้างชิ้นโตอยู่อย่างนั้น)

บางจังหวะเราก็เผลอนึกขัดใจเวลาตัวละครตัดสินใจแบบคลุมเครือ
แต่สักพักก็เกิดพุทธิปัญญาระลึกได้ว่า... เออ ตอนเราเรียนมอปลาย เราก็ไม่ได้สตรองหรือเก่งกล้าเด็ดเดี่ยวอะไรนี่หว่า
สรุปเลยว่าชอบเรื่องนี้ค่ะ มันทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาสับสนของวัยกำลังเลือกทางเดินในชีวิตดี อ่านแล้วมีจังหวะหวนนึกถึงอดีตได้เป็นระยะๆ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนและพ่อต้องนะคะ... หวังว่าต้องจะเลิกป๊อดเสียที ฮ่า ฮ่า ฮ่า
 :L2:
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 8 ห้องพักครู [pg6] 11/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 12-12-2015 14:27:09


อ่านเรื่องนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูอนิเมะ ไม่ก็อ่านมังงะญี่ปุ่นที่มีฉากเป็นประเทศไทย ในสังคมไทยๆอยู่เลยค่ะ
คือมันเรื่อยๆ ไหลๆ พาเราหลุดไปในภาพโทนอุ่นๆ สลับกับร้อนแรงเป็นพักๆ แล้วก็ต้องตามลุ้นว่าพ่อต้องจะทำให้เส้นทางของตัวเองมาบรรจบกับน้องเก้าได้ยังไง (ทั้งที่มีต่อเป็นก้างชิ้นโตอยู่อย่างนั้น)

บางจังหวะเราก็เผลอนึกขัดใจเวลาตัวละครตัดสินใจแบบคลุมเครือ
แต่สักพักก็เกิดพุทธิปัญญาระลึกได้ว่า... เออ ตอนเราเรียนมอปลาย เราก็ไม่ได้สตรองหรือเก่งกล้าเด็ดเดี่ยวอะไรนี่หว่า
สรุปเลยว่าชอบเรื่องนี้ค่ะ มันทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาสับสนของวัยกำลังเลือกทางเดินในชีวิตดี อ่านแล้วมีจังหวะหวนนึกถึงอดีตได้เป็นระยะๆ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนและพ่อต้องนะคะ... หวังว่าต้องจะเลิกป๊อดเสียที ฮ่า ฮ่า ฮ่า
 :L2:

ขอบคุณนะครับ

ตอนแต่งผมก็คิดเรื่อฃเป็นภาพก่อนแล้วภาพในหัวมันจะอารมณ์แบบนี้จริงๆ ช้าๆเนิบๆ ตามอาสมณ์และบรรยากาศไป

ดีใจครับทีามีคนเข้าใจ ความยากที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนปกติ และไอ้คนปกติก็ดันทำตัวไม่ปกติ

ถ้าไม่ชอบ ถ้าไม่ใช่ อย่างไหลหลง
ถ้าไม่ง่วง ถ้าไม่งง อย่างสงสัย
ถ้าไม่คิด ถ้าไม่ทำ อย่างตั้งใจ
อย่ามาเล่น กับหัวใจ ของใครเลย

เหมือนสีเทา ขาวระคน ดำปนอยู่
เหมือนไม่รู้ อยู่เหงาเหงา เคล้าเปิดเผย
เหมือนไม่ชิน เหมือนไม่ใช่ เหมือนไม่เคย
เพราะไม่เอ่ย เพราะไม่พูด มันขูดใจ

อ่านเรื่องนี้แล้วเป็นอย่างนี้เลย
ไม่ชัดแถมขัดใจ
หุหุ

+1 Monet

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะครับ จุบที
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 9 สอบตก [pg6] 13/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 14-12-2015 11:48:47
วิชาศิลปะดำเนินไปแค่ครึ่งเดียว

ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นตาผมนั่งจ้องมันมั่งแล้ว ครั้งก่อนผมเป็นฝ่ายวาดมัน คราวนี้จะสลับกันบ้าง กว่าจะเรียนอีกทีก็อาทิตย์หน้าโน่นเลย

กระดาษวาดรูป ที่มีหน้าตาบิดเบี้ยวของเด็กนักเรียนน่าจะวางกองอยู่บนโต๊ะ โดนจัดเรัยงใหม่ตามลำดับเลขที่อยากรู้ว่าครูมาเห็นเข้าจะทำหน้ายังไงที่ต้องมานั่งไล่หาใหม่

อ้อ น้ำกรองที่เหลือทิ้งตรงที่นองน้ำ ผมไม่ได้เอาไปเททิ้งที่ห้องน้ำ ผมเทกลับใส่เข้าไปในขวดนั่นแหละ ถ้ากินน้ำไม่หมดหรือล้างแก้วแล้วเทน้ำทิ้งใส่ที่รองน้ำก็อยู่ในนั้นละ

ผมเทกลับใส่ขวดก่อนที่จะช่วยกันกับต้องยกขึ้นไปวาง

หึหึหึ นึกแล้วสะใจ

พูดถึงเรื่องวิชาวาดรูป

"ต้อง ครูว่าไรเปล่าวะ"

"ไม่นะ ไม่มีพูดอะไร"

"รอดสินะ" ผมโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่รู้ว่าผมเปิดเกะดูแอบดูซีดีที่ถูกยึดมา แล้วก็ไม่ได้อาฆาตเรียกไปด่าซ้ำอีกรอบ

"เออ แล้วไอพอดละ"

"อือ คงต้องไปขอคืนวะ" ต้องส่ายหัว

"แล้วขอไงวะ  เอ้ย กูเป็นคนบอกว่าของกูนี่"

ต้องหลิ่วตามาทางผม

'ใช่ไง เลยจะไปขอยังไงละ’

มันเป็นความผิดพลาดของผมเองสินะ

"งั้นกูขอคืนให้ละกัน" ผมพูดน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ไว้ลองดู กูไม่แน่ใจเลยว่าจะได้" ต้องท่าทางกลุ่มใจ

"แล้วต่อว่าไงป่าววะ"

"มันยังไม่สังเกตนะ" นี่ทำให้ผมโล่งอก

เดี๋ยวต่อจะขวางผมมากไปกว่านี้ เอะ ขวาง?

"บ่ายซ้อมนี่มึง" ผมหันไปทางแมค ช่วงนี้รู้สึกพวกเราแบ่งกันเป็นกลุ่มย่อยๆแล้ว

"ช่าย"

"บ่ายกูไปกับพวกพี่วะเตรียมแสตนด์ละ" แมคเก็บของลงกระเป๋า ก่อนเบรคกินข้าวกลางวัน

"งี้ มึงอะเจ" ผมเกือบลืมมันไปเลย

"บ่ายพี่แม่งให้ซ้อมว่ายน้ำ" มันชี้ไปที่กระเป๋ากีฬาใบเล็ก

“มึงลงสองอย่าง?"

"เออดิ ซ้อมไม่ทันแล้วเนี่ย แยกร่างไม่ไหว" เจเอามือกุมหัว

"ขอกำลังใจหน่อย" มันเอามือมาลูบตูดผม

"เฮ้ย" ผมยกขาจะเตะมัน

นี่มันล่อกลางโรงเรียนเลยเหรอ กลางห้องเรียนสิ โรงเรียนน่ะล่อกันไปแล้ว

"วันนี้มึงใส่เกงว่ายน้ำมาแทนเกงในอีกสิ" ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนต้องจะช่วยเปลี่ยนให้ แล้วจะยาว

"แน่นอนถึงสระแก้ผ้าโดดตูม"

ซกมกชิบหาย ใส่รัดแน่นมาทั้งวัน

"แน่นๆไข่หดหมดนะมึง" ต้องแซว

"ใหญ่กว่าของมึงอะ ไม่เชื่อ”

เจทำท่าจะเปิดให้ดู

"เฮ้ย เจ มึงเอาเกงในมาป่าววะ"

ผมต้องตัดบทแล้ว รู้แน่เจจะพูดว่าอะไรจะเทียบกับอะไร แล้วให้ใครยืนยัน

"ชิบหาย ลืม"

นั่นไงว่าละไอ้เจร้องลั่นเลย

"เก้ายืมหน่อยดิ"

ผมเอาตีนเตะตูดมัน

"ไซส์กูมึงคงใส่ได้อะนะ"

"โน่นของไอ้แมคโน่น" ผมชี้ไปมางท่อนล่างมัน

"อ้าวๆ แล้วกูใส่ไร" แมคเอามือปิดของสงวนมัน

วันนี้พวกเราใส่ชุดพละเป็นกางเกงวอมขายาวกัน ถ้าไม่มีอะไรข้างในละแกว่งเป็นดุ้นแน่ๆ

"มึงน่าถามก่อนนะว่ามึงกล้าใส่ของคนอื่นมั้ย" ต้องหันไปทำหน้ากวนตีน

"ไม่เป็นไร วันนี้พวกมึงยังไม่ทำไรไม่เลอะหรอก" เจยังหน้าระรื่น

"กูขี้มา"

อี๋ ไอ้แมคคนจะไปแดกข้าว

พวกเราตบหัวมันกันพอเป็นพิธีแล้วก็ขึ้นไปเติมพลังก่อนจะถึงบ่ายดีกว่า

โรงอาหารแน่นเหมือนเดิม

"แมคสอบเป็นไงวะ" ผมหันไปถาม

เพิ่งผ่านการสอบมาได้ไม่กี่วัน ถึงจะบอกว่าผมทำได้ก็เหมือนเดิม อยู่เกือบๆรั้งท้าย แต่ก็ดีกว่าห้องอื่น ไอ้แมคกับเจคงดีหว่าผม ต้องนี่น่าจะดีที่สุด ที่ผมถามไม่ใช่อยากรู้เรื่องนี้

"เฉยๆวะ กูรอสอบตรง"

นั่นไง มันดูเครียดๆไป

"เป็นไรป่าววะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกัน" เจถามมั่ง

ใครๆก็ดูออก

"ป่าว สบายดี"

ใครจะตอบสินะ งั้นเดี๋ยวผมไว้ไปถามมันส่วนตัวดีกว่า

"ผลสอบออกมานี่ กูคงแย่แน่ไปยื่นไหนคงไม่ได้" ผมบ่น

"นี่ ก็เอาเวลาว่างไปเรียนพิเศษมั่งดิ" ไอ้ต้องตบบ่าผม

คร้าบ รู้แล้วพี่ต้อง

"เออ แล้วเจจะเข้าไหนวะ"

ไม่ตอบ มันได้แต่ส่ายหัว ตัวกลมๆมันผอมมลงบ้างแล้ว แต่ไม่ดีเลยไม่รู้ว่าลดน้ำหนักหรือบุหรี่เยอะกันแน่

"มึงอะแมค ได้ข่าวมึงจะออกปีนี้เลยนี่"

ผมหันไปมองหน้าแมค อ้าว ไอ้นี่ทิ้งคนแรกเลย

"มึงด้วยสินะต้อง" เจ เอาส้อมชี้

"ไม่แน่" ต้องกินไปตอบไป

"นี่กูอยู่ ม.6 คนเดียวเหรอเนี่ย"

แย่ละ กูกลายเป็นรุ่นน้องพวกมันไปซะแล้ว พวกมันจะกลายเป็นเด็กปี1 โดยที่ผมยังงมโข่งอยู่ม.6 จะรีบเรียนไปไหนกันนะ อยากโตกันเร็วๆรึไง

พวกเรารีบกินแล้วรีบลงไปเตรียมตัว ผมเดินแยกไปกลับเข้าห้อฃเรียน แมคไปหารุ่นพี่ที่ห้อง ส่วนเจคงตรงไปสระว่ายน้ำ ต้องก็คงจะไปหาพี่ที่คุมดรัมอีกที่ คงรอว่าจะให้ไปซ้อมที่ไหน หึหึ ดรัม ไม้1 ซะด้วย

"เหลือมึงคนเดียวนะเก้า จะทำไรก็รีบทำ หึหึ" ไอ้เจเอาส่อมมาที่ผมละ

"ทุกคนน่ะแหละ จะทำไรก็ทำ ชักช้า" แมคทำท่าลุกแล้ว

"ชักเร็วก็เสร็จดิ"

ไม่มีใครฟังมุขเสี่ยวไอ้เจ เดินหนีกันหมด ปล่อยมันไว้ คนไรวะ กิน 2 จาน แม่งจะลงซ้อมอยู่แล้ว

ช่างมันเหอะ

กินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไปตามเรื่อง ครั้งนี้คงเป็นกิจกรรมร่วมกันครั้งสุดท้ายที่จะทำร่วมกันแล้ว เร็วแฮะชิวิตม.ปลาย มันกำลังจะหมดลง เพียงแค่พริบตาที่พวกเราเจอกัน อีกกระพริบนึงพวกเราก็ต้องแยกจากกัน สำหรับคนอื่นเป็นยังไงผมไม่รู้

ชีวิตมหาลัยไม่น่าสนุกสำหรับผม ม.ปลายแข่งกันเรียน เอาชื่อมหาลัยมาอวดกัน พอมหาลัยเดียวกันก็เอาชื่อคณะมาข่มกันอีก เวลารุ่นพี่กลับมาโรงเรียน ผมได้ยินประจำ

พวกนั้นบางทีอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้ ดูจากส่วนใหญ่ที่เห็นการมุ่งมั่นเข้ามหาลัยเป็นที่หนึ่ง เรื่องอื่นเอาไว้ท้าย ที่มาเรียนเพราะเหมือนโดนบังคับ จริงๆแล้วผมอาจจะแปลกก็ได้ นี่คงจะถูกแล้วกับการเข้าสังคมและการใช้ชีวิตในห้องเรียนที่ถูกต้อง

ส่วนการที่ผมไปร่าเริงเที่ยวเล่น สนใจอะไรอื่นที่ไม่ใช่เรื่องเรียน มันเป็นเรื่องผิด แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะถูกหรือผิด มันจะจบลงที่ปลายทางจุดเดียวกัน อนาคตที่มาถึงจะกลายเป็นอดีตแล้ว อยู่ที่เราจะคว้าเอาอนาคตแบบไหนมาเอาไว้

ผมคงเรื่องทำปัจจุบันให้น่าจดจำที่สุด หมายถึงสนุกที่สุด ดูจะไม่เอากับวิธีคิดของเด็กเรียน ยิ่งห้องเด็กเรียนดีนี้แล้วด้วย มากกว่าหนึ่งครั้งที่ผมคิดว่าพวกนั้นอิจฉา เพราะผมทำสิ่งที่อยากทำ และเป็นอย่างที่จะเป็น โดยไม่สนว่าจะต้องทำอะไรเพื่ออะไร มหาลัยไม่ใช่อนาคตทั้งหมดของผม

'เอาละ ทำไรดี'

พวกมันแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ผมมีเวลาโต๋เต๋อีกนิดหน่อย เดินไปหาซันดีกว่า ไปเกาะแกะเข้าไว้จะได้หาเรื่องไม่เข้าซ้อมเชียร์ ไปช่วยพวกรุ่นพี่ทำกิจกรรมแทน นั่งมองรุ่นน้องที่ต่อไปจะมาเป็นเหมือนพวกผมวิ่งไปมา นั่งซ้อมร้องเพลง

หน้าหนาวพาเอาลมเย็นพัดขึ้นมาบนตึก เสียงกระดาษสีทองๆเงาปลิวตีกันดังกรอบแกรบ แสงสีเงินทองกระพริบไหวตามจังหวะลม กระดาษที่มีคำว่า merry christmas

ตามห้องเรียนก็มีการตกแต่ให้เข้ากับเทศกาล ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความคิดจะรังสรรค์ออกมา

วนไปทางสนามกีฬาใหญ่

หาไอ้ซันไม่เจอ ทำไงดี ขืนชักช้าป้วนเปี้ยนละได้โดนจับเข้าร้องเพลงแน่ๆ วันนี้ซ้อมแค่ชั่วโมงเดียวเพราะว่าใกล้จะหยุดปีใหม่แล้ว หยุดแค่ไม่กี่วัน นี่ชีวิตม.ปลายมันจะไม่มีวันหยุดยาวๆดีๆบ้างเลยเหรอไงเนี่ย เดินไปหาทางแถวที่คนเตะบอลก็หาไม่เจอ

งั้นเปลี่ยนแผนเดินไปหาไอ้แมคดีกว่า ไปอ้อนมันให้ซะหน่อยมันจะได้หนีบๆผมไปด้วย รุ่นพี่ที่ทำแสตนด์เองก็ดูจะยังไม่ชอบผมซักเท่าไร เกิดพวกเค้าไม่เอาขึ้นมา ผมจะไม่มีที่ไป ขืนได้นั่งร้องเพลงตบมือบนแสตนนี่อายเค้าตายเลย แถมวันจริงก็ต้องร้องตากแดดทั้งวันด้วย

ผมวนกลับขึ้นตกไปยังชั้นของรุ่นพี่ มองหาห้องที่คาดว่าแมคน่าจะอยู่

"แมค อยู่ป่าว"

รุ่นพี่มองผมมาหน้าตาขมึงถึง ห้องเรียนรุ่นพี่แต่ผมดันทะเล่อทะล่าเข้าไปตะโกนหาเพื่อนผมซะงั้น

นั่นไง มันโบกมือหยอยๆอยู่ แต่หน้าตาอายสุด อายที่มีผมเป็นเพื่อนมั้ง ฮ่าๆ

"ไงมึง"

"มาก็ดี ช่วยคิดแบบหน่อยดิ"

"ได้เลย" มีงานมาให้ทำเยอะๆรั่นพี่จะได้ดูผมเริ่มมีคุณค่า

"คอนเซปมันคืออะไรอะ"

"โน่นยังเถียงกันอยู่เลย" แมคชี้ไปทางพี่ๆกลุ่มหนึ่ง

"แล้วไปถึงไหนกันวะ"

"ดาวพฤหัสมึง ตอนแรกจะไปดาวอังคาร ย้อนไปดาวพุธ ขึ้นสวรรค์แล้ว"

ผมตบหัวมันทีนึง

"ขอภาษาคน"

"งั้นมึงนั่งดีๆ ไข่ออก กูไม่อยากมอง" มันจะเอามือมาดีด

"พอๆๆๆ" ผมรีบนั่งขัดสมาธิ

"เล่ามาดิ"

"ตอนแรกพวกพี่จะเอาคอนเซปจักรวาลมาใช้ แล้วเถียงกันดาวไหนสีอะไร ตอนนี้มาจะเอาเทพกรีกมาอีก แล้วไอ้บ้าไหนเสนอว่าจะเอาจูปิเตอร์ นั่นดาวพฤหัส ไปกันใหญ่แล้ว"

"โน่นแว่วมาล่าสุดจะเอาเซนต์เซย่าแล้วมึง"

แมคส่ายหัว ผมเอามือตบบ่า มันนั่งก้มหน้า

สงสัยจะไม่รอดแล้ว ท่าทางปีนี้จะแพ้ แถมจะไม่ได้ทำผลงานอะไรอีกต่างหาก แล้วถ้าขนาดคนกันเองยังเถียงกันขนาดนี้แล้วพวกผมจะไปทำอะไรได้

"เอาไงวะ" ผมถามมัน

"รอไป"

ไอ้แมคเลยนั่งเล่นอยู่มุมห้อง หยิบหนังสือพวกรุ่นพี่มาดู นี่สงสัยมันจะเอาจริงจะออกก่อน ม.6 จริงๆเหรอเนี่ย

"เออ แล้วมึงว่าเค้าจะรับกูมั้ยวะ"

"ไม่รู้วะ คราวก่อนเค้ามองหน้ามึงแล้วก็ไม่พูดไรนี่ แถมยังโดนพี่ก้องลากไปสระว่ายน้ำก่อนอีก"

พอฟังจากแมคแล้วก็จริงของมัน ผมไม่อยากไปตะโกนเชียร์บนแสตนด์กับน้องนะ

เถียงกันไปมาดูเหมือนจะได้ข้อยุติแล้ว ตกลงกลายเป็นกาแลคซี่ผสมเซนต์เซย่าบ้าบอ เอาเหอะเดี๋ยวทำจริงก็ได้เปลี่ยนอีกเองน่ะแหละ

"แล้วนี่ใครวะ" เสียงรุ่นพี่คนนึงตะโกนขึ้นมา

"เพื่อนผมเองทีมที่ทำงานคราวที่แล้วน่ะพี่ ผมเอามาช่วย"

แมคตัดบทรีบพูดขึ้นก่อน

"เออ แล้วขอใครรึยัง"

แมคส่ายหัว

ซวยละไง

ผมหันไปมองหน้าพี่แล้วหลบๆตาหน่อยไม่กล้าสู้รัศมีมาก เดี๋ยวจะซวย เกิดไม่ชอบหน้าขึ้นมา

"ต้องขอก่อนนะ เดี๋ยวใครไม่รู้มานี่หมดใครจะร้องเพลง"

แย่ละสิ

พี่เค้าบอกให้ลองลงไปถามหัวหน้าดู น่าจะอยู่ข้างล่าง ตรงแถวสระว่ายน้ำ

ที่ๆผมยังไม่ได้เดินไปดู

ไหนๆเวลามีไม่ถึงชั่วโมงอยู่แล้ว ไม่ทันแล้วละเดินไปมา พวกนั้นน่าจะใกล้เริ่มร้องกันแล้วด้วยไปตอนนี้คงไม่ได้คุยอะ โดนจับไปนั่งลวกไข่แหงๆ ชิ่งออกไปหาต้องดีกว่า

สงสัยวันนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ระหว่างทางผมเห็นซันมันกำลังซ้อมบอลแถวทางเดินรถยาวๆ แน่นอนว่าถ้าเจอพวกมันซ้อมบอลก็ต้องเจอ ต่อ ด้วยเพราะมันก็ลงบอล

แต่ที่น่าตกใจคงเป็นทำไมไอ้บูมมาป้วนเปี้ยนแถวนี้วะ

มันมาเล่นอะไรกับสีฟ้า มันอยู่คนละสีนี่น่าจะแดงนะ ผมลองเข้าไปถามซันดู

"บูมมันมาไงวะ"

ซันส่ายหัว

"รู้แต่ว่ามันรู้จักพวกพี่สีนี้ดี"

อ้อ ข้ออ้างมาหาเรื่องผมละดิ

"เออ เห็นต้องมั้ย"

เงาดำของซันสั่นไหว

ซันทำท่าจะพุ่งใส่ผม

ปัง

ผมมึนงงไปชั่วขณะ บอลหนังซัดใส่หัวผมเต็มๆเลย

พอตั้งสติได้หันกลับไปดู ไอ้บูมชี้นิ้วมาทางผม ทำท่าดีใจ น่าแปลกกว่าไม่มีใครกล้าว่าอะไรมัน คนในสนามก็ทำเป็นไม่สนใจ มีซันคนเดียวที่ดูจะเป็นห่วงผม

"ไม่เป็นไรซัน เดี๋ยวมีเรื่องแล้วแกเดือดร้อน"

เอาไงกับมันดีวะ ผมห้ามซันแต่ใครจะห้ามผมละ

ผมเดินดุ่มๆตรงเข้าไปหามัน

ไอ้บูมโดดถอยออกไป

อ้าว ไม่ใช่บูมแต่เป็นผม

รุ่นพี่คนนึงลากคอผมออกมาแล้วบีบเข้าที่คอ

"ไปที่อื่น"

ผมจ้องหน้ากลับ ทำไมมันกลายเป็นผม

"อย่ามีเรื่องที่นี่ กูไม่สนว่าทำไม แต่อย่าหาเรื่องให้คนที่นี่"

ผมโดนพี่ลากคอแล้วโยนออกไปที่ริมสระว่ายน้ำ

"ไง โดนลากมาเหรอ"

เสียงจากที่สูงทักขึ้น

ไอ้เจ แหมมาจังหวะดีนะ

"ไปทำไรมาวะ" มันถามต่อ

"เสือก"  ผมไม่มีอารมณ์จะตอบมัน

"โดนต่อแกล้งมาอะดิ"

ผมเงยหน้าไปมองมัน มันมองเห็นด้วยเหรอจากบนสระ

"เจ็บมั้ย"

"อือ เจ็บหมดละที่คอก็เจ็บ"

แม่งลากออกมาแรงชิบหาย พอเงยหน้าไปอีกที เจ็บพอๆกับเป้ากางเกงมึงแหละ ทำไมใส่ซะรัดเลยวะ ของมึงก็ไม่ใช่เล็กนะไอ้เจ

"กูไปนะ อยู่แถวนี้นานๆเดี๋ยวโดนอีก"

"เก้าๆ" ซันเรียกผม

"เป็นไงวะ พี่คนนั้นมันสนิทกับให้ห่านั่นกูเห็นมันคุยอะไรกันสักอย่าง บูมเองก็โดนลากกลับสีไปแล้ว"

สัส น่าจะโดนลากแบบกูนะ

ผมเงยหน้าไปหาไอ้เจ

มันหายไปแล้ว

"ซัน ต้องไปไหนวะเห็นมั้ย"

มันบอกไม่รู้

"รู้มั้ยซ้อมดรัมไหน"

มันก็บอกไม่รู้

ผมยัดเสื้อใส่กางเกงใหม่ให้เรียบร้อย

"เราว่าน่าจะอยู่ทางนั้นนะ เห็นเด็กกับพี่ 2 คนเดินไป" ซันชี้ไป

"ขอบใจนะ" ผมจับบ่ามันแล้วเดินไป

"ไม่เป็นไรนะ"

ผมโบกมือให้

นั่นไง หัวตระง่านมาเลย ถึงมันจะไม่สูงผิดปกติ แต่พวกพี่เค้าเอาแต่เด็กม.ต้นมาร่วม ไอ้ต้องเลยสูงสุดแล้ว ในที่สุดก็เจอ

"ต้อง"

มันหันมาทำหน้างงๆ

ทำปากถาม มาทำไรวะ

"หนีซ้อมมารึไง"

"ทำให้ดูยุ่งไว้มึง" ผมบอกมัน

มันยิ้มกวนตีน

มือยาวๆของมันลากผมไปทางซอกตึกด้านข้างสนาม สนามที่มันซ้อมอยู่ระหว่างตึกสองตึกเป็นลานกว้างพอดี มันจึงหยิบทั้งไม้ทั้งผมจูงกันไปทางด้านที่เป็นซอก

ซอกขนาดไม่กว้างไปหว่าทางเดินริมตึก ปูกระเบื้องที่ตอนนี้เขอระจนดำ แสงแดดส่องเข้ามาไม่ค่อยจะถึง

"ไปโดนไรมาวะ"

ผมก้มหน้า ส่ายหัว

"หัวยุ่งเสื้อยับ คอแดงขนาดนี้ ไม่ต้องปิดกูเลย"

ช่วยไม่ได้ ผมเลยเล่าให้มันฟัง ระหว่างเล่ามันก็จัดปกคอเสื้อไปให้ด้วย

"ให้กูจัดการมั้ย"

"หึ อย่าเลยรุ่นพี่ด้วยมึง"

"ต่อก็อยู่ใช่มั้ย"

ผมพยักหน้า

ทำไมมันรู้วะ

"ไม่เป็นไรหรอก นิดหน่อย" ผมปัดมือมันออก

"บอลโดนตรงไหนวะ"

"หัวน่ะ ดีไม่โดนหน้า" ผมหัวเราะ

"ยังหัวเราะได้นะมึง" มันเอามือเขกหัวทีนึง

"เจ็บนะ

เวลามันดีมันก็ดีใจหาย มิน่าสาวๆต่างโรงเรียนเวลามาหานี่รุมล้อมมันเยอะนัก

"แฟนมึงไปไหนแล้ววะ ไม่เห็นพูดถึงเลย"
 
ผมสงสัย ไอ้ต่อมันจัดหาให้ทุกปีแล้วทำไมไม่เห็นมันพูดถึงเลย

"กูรำคาญน่ะ"

ปลายเม้าต้องถูยาแนวกระเบื้องที่ดำอยู่แล้วให้ดำเข้าไปอีก

มันตอบหน้าตาเฉย ตามองไปที่ไม้คฑายาวๆที่มันถืออยู่

"ไอ้ต่อมันก็หามาให้ทุกปี พวกนั้นก็รู้ว่าเข้าทางใครแล้วมันจะมาถึงกูง่าย ไอ้ต่อเลยเสียนิสัยอยู่นี่ไง ใครๆก็เอาใจมัน"

"แล้วแต่ละคนก็วุ่นวายกับกูเหลือเกิน สุดท้ายเลยเลิกๆซะ"

แน่สิ หน้าตาอย่างมึง ใครจะปล่อยไปง่ายๆ เวลาอารมณ์ดีก็ออกจะเป็นสุภาพบุรุษ แต่เวลาไม่ดีนี่แม่งยังกะแดกหมาไปทั้งฝูง

มายาวแฮะ เอะ มันบ่นจบยัง เหมือนผมจะเผลอขำออกมาตอนพูดถึงหมา

"ก็มึงเป็นพี่ชายแสนดีไง"

"ตอนนี้มึง... ชอบใครใหม่รึยัง"

"อืมมมม ไม่แน่ว่ะว่าชอบรึเปล่า"

ต้องก้มหน้ามองพื้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม เท้าเขี่ยรอยต่อกระเบื้องที่ตอนนี้ดำสนิทจากคราบสกปรก

"สาวที่ไหนน้า"

ผมชักอยากรู้

"มึงละไปชอบใคร" มันถามถึงผม

ขาถูวนจนกระเบื่องจะขึ้นเลขแล้วไอ้ต้อง

มันเป็นบ้าไรขึ้นมา อากาศหนาวทำให้คนแปลกไป?

"กูเหรอ ก็เคยจีบสาวรร.แถวนี้บ้างแต่เค้าไม่เอากูว่ะ"

ก็ตอนนั้นก็จีบๆกันไปตามกระแสนะ ผมเองไม่เคยคบใครจริงจังเหมือนกัน ชักสงสัยแฮะ มีแฟนเป็นยังไง อ้อ แล้วเพศไหนวะ

ผมไม่เคยไปนึกเรื่องพวกนี้จริงจัง ปล่อยไปตามเรื่องราว จนไอ้บูม ไอ้เจ แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าเรียกผมตอนนี้ชอบรึเปล่าววะ แต่อยากเดินควงแขนด้วยจัง ฮ่าๆ

"ก็น่าอยู่"

เออ!!! ไม่ต้องซ้ำ ถึงผมไม่หล่อ แต่มันก็รู้สึกนะ พูดซะ

"ขอบใจวะ ไปละ"

ผมเลยเอามือตบตูดมัน

ต้องสะดุ้งหันมามองหน้า

"เฮ้ย เปล่า คือกูจะตบเอวมึงแต่กูไม่ถึงน่ะ"

ตูดแม่งแฟบ

เปล่าจริงๆนะครับ

"คราวหลังบอกดิ กูจะย่อให้ เตี้ย" พูดจบมันยิ้มแล้วหัวเราะ

เอ่อ....

"ไปกลับไปซ้อมเลยไป"

ต้องหัวเราวิ่งหนีไปทางที่ผมชี้

"ไม่งอนนะเมื่อกี้"

ผมชูนิ้วกลางให้มัน

"เออ กูมันไม่หล่อ กูมันเตี้ยสาวไหนจะมาหลงรักวะ"

ต้องหัวเราะแล้วชี้มาทางมัน

????

แปลว่าอะไร เท่ยบกับมันที่หล่อน่ะเหรอ

มันวิ่งลับหายไป

อ้าว แล้วผมละตกลงมาทำไรที่นี่วะเนี่ย

กลับขึ้นห้องไปละกัน ไหนๆก็จะหมดเวลาละ เหลืออีกคาบเดียวก็ได้กลับบ้านแล้ว

คาบสุดท้ายวิชาฟิสิกส์เงียบสงบ ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือเป็นวิชาสุดท้ายแล้วเลยง่วงกันแน่ ไอ้แมคดูจะตั้งใจเรียนขึ้นมาแล้ว มันเอาจริงสินะ ส่วนเจกลับเฉยๆ มันเก่งวิชาคำนวณอยู่แล้ว ไอ้ต้องก็เฉยๆ หันซ้ายขวาทุกคนดูดีไปหมด

"วันนี้ประกาศคะแนน"

อย่านะ อย่าไล่ทีละชื่อหน้าห้องนะ

"เลขที่ 1 ...."

นั่นไง มาแล้ว

มีทั้งเสียงถอนหายใจ และเสียง หือ ขึ้นมาเวลาได้คะแนนเยอะ ส่วนใหญ่คะแนนจะ 7 8 9 10 ไม่มีใครต่ำกว่านั้น  พอมาที่ต้อง มันได้ 8 สมเป็นมัน ขนาดใันไม่ได้เก่งมากนะ พวกบ้าคำณวณได้ไปโน่น 9 10 กัน

แต่เลขที่ถัดมา มาอย่างรวดเร็ว เลขที่ของผม 10

คะแนนมาแล้ววววววว

สีหน้าเย็นชาของครูทำให้ผมพอเดาได้

"มีเธอได้น้อยสุดอยู่คนเดียวเลยนะ ไปซ่อมกับห้องอื่นละกันนะ"

ผมหน้าแดง ทั้งอายและเสียใจ

คนในห้องมองมาเป็นตาเดียว เหมือนผมเป็นตัวประหลาด เด็กห้องเรียนดีแต่ดันสอบตก

เฮ้ย ตก ตกครั้งแรก ถึงปกติจะเรียนไม่ได้เก่งแต่ก็ไม่เคยตกนะ ทำไมเป็นงี้

"เอาเวลาอ่านหนังสือไปทำไรหมดจ๊ะ" ไอ้เจ เอาขามาสะกิดๆ

"กูสิต้องถามพวกมึงไปอ่านหนังสือกันตอนไหนวะ"

"กูไม่ติวให้นะ" ไอ้เจสะกิดอีก

ผมว่ามันเปลี่ยนไป ทุกทีมันต้องหาข้ออ้างมาละ รอบข้างผมมีแต่คนแปลกๆไปแฮะ

"ไม่ต้อง เดี๋ยวไปกามั่วอีกรอบก็ได้"

คราวนี้ในชั่วโมงเรียนเลยต้องตั้งใจเป็นพิเศษ ไม่งั้นปลายภาคได้มาเรียนซ้ำแน่

หล้งเลิกเรียนสภาพจิตใจห่อเหี่ยว อากาศเย็นสิ้นปี ท้องฟ้าสีมัวหมองเข้ากับอารมณ์ของผม มันยิ่งน่าหดหู่ ถึงผมจะไม่เหมือนใคร ก็ไม่ได้แปลว่าต้องแปลกแยกขนาดนี้

ตอนกลับบ้านผมส่งไอ้แมคแล้วเดินกลับกันกับต้อง 2 คน

ไอ้เจหนีกลับไปก่อน การที่มันต้องเดินตัวปลิวโดยไม่ใส่กางเกงในนี่คงทำให้มันลำบากสินะ ใครมือบอนไปกระตุกกางเกงนี่ได้อายกันละ

"นี่ กูติวให้มั้ย"

"เอาจริง?"

มาแปลก เสนอตัวให้ก่อนเลย

"เอาดิ จะติววันไหนละ ซ่อมมันช่วงก่อนปิดปีใหม่นี่"

ผมถามมัน

"งั้นหลังอาทิตย์หน้าละกันนะ"

โอเค ผมยิ้มตอบ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 9 สอบตก [pg6] 13/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 14-12-2015 15:50:13
สงสารเก้าทุกตอน ทุกอย่างดูตันไปหมด เพื่อน ครอบครัว และการเรียน เก้าดูไม่มีความสุขเลย
 :sad4: :ling1:
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 9 สอบตก [pg6] 13/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 14-12-2015 19:29:58
ชมกันเข้าไป
ชมเกือบจะทุกตอน
หล่อ???

อยากเห็นหนังหน้าเจ้าต้อง..ซะจริง
จะหล่อ..ถึงขนาดที่เก้าต้องอวยให้
เกือบทุกตอน จริงเปล่า?

ชิสสสสส
 :o
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 9 สอบตก [pg6] 13/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 15-12-2015 11:33:56
ชมกันเข้าไป
ชมเกือบจะทุกตอน
หล่อ???

อยากเห็นหนังหน้าเจ้าต้อง..ซะจริง
จะหล่อ..ถึงขนาดที่เก้าต้องอวยให้
เกือบทุกตอน จริงเปล่า?

ชิสสสสส
 :o

อาจจะไม่หล่อถ้าเทียบกับดารา แต่หล่อพ่อให้เก้าเพ้อแน่นอน


สงสารเก้าทุกตอน ทุกอย่างดูตันไปหมด เพื่อน ครอบครัว และการเรียน เก้าดูไม่มีความสุขเลย
 :sad4: :ling1:

นั่นแหละครับ เก้าถึงได้แคร์คนรอบข้าง ยิ่งแคร์ยิ่งรู้สึกทำตัวไม่ถูก เจ แมค ต้อง จึงมีความสำคัญยิ่ง
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 10 2-1 [pg6] 15/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 15-12-2015 17:18:41
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 10 2-1


คริสต์มาสขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก อีกอาทิตย์กว่าเท่านั้น มันมาพร้อมกับลมหนาวที่พัดแรง เสียงต้นชมพูพันทิพย์โยกกิ่งใหญ่ไปตามแรงลมเกิดเสียงแกรกกราก

ถ้าเป็นหน้าฝนที่นี่คงเต็มไปด้วยดอกชมพูพันธ์ทิย์สีชมพู ส่วนใหญ่แห้งเหี่ยวมีสีน้ำตาลแซมที่ปลายดอก ส่วนใหญ่เปียกฝนเลอะติดเต็มเก้าอี้หิน

ชั่วโมงศิลปะวนกลับมาอีกครั้ง

รูปที่ผมส่งไปมันกลับมาแล้วพร้อมคะแนน ในชั่วโมงนี้ครูคนเดียวกันกับที่ว่าพวกผมคราวนั้นเดินเข้ามาพร้อมโปรยรูปส่งคืนนักเรียน มีบางรูปที่น่าสนใจก็จะหยิบขึ้นมาให้คนในห้องได้ทายกันว่านี่รูปใคร

บรรยากาศในห้องก็แปลกไป

เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆ เวลาใบหน้าแปลกประหลาดที่บรรยายไม่ได้ว่ามีคนหน้าตาแบบนี้ในโลกจริงๆหรือไม่ ปากเบี้ยวตาใหญ่ข้างเล็กข้าง

บางครั้งครูก็จะให้ทายว่านี่รูปของใคร

ส่วนใหญ่จะทายกันไม่ได้ ใครบอกชื่อถูกก็ประหลาดเกินคนแล้ว

กระดาษแผ่นหนึ่งถูกชูกขึ้นมา สีหน้าคนสอนจริงจัง

รูปต้องเป็นหนึ่งในใบหน้าที่ถูกหยิบขึ้นมา ไม่ใช่เพราะว่ามันแย่ผมมั่นใจ

"ใครวาด" ครูถามเสียงเข้ม

ผมยกมือช้าๆ

คนในห้องต่างหันมามองผม

8 คะแนนอยู่ด้านบนชื่อผม เขียนด้วยตัวแดง เลข 8 เด่นชัดในวงกลมรอบ

คนที่น่าภูมิใจน่าจะเป็นต้องมากกว่า ถ้าไม่มีมันช่วย รูปคงไม่หล่ออย่างที่มันต้องการ อย่างน้อยคนก็ดูออกว่าใคร  (ถ้าไม่ใช่ว่ามันแต่งจนหล่อเกินตัวจริง) ในใจผมเองกลับรู้สึกไม่น่าดีใจ

น่าจะเป็นเพราะครูคนนี้ยึดไอพอดของต้องไป จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้คืนเลย ผมเลยมีอคติ

พอคืนกระดาษให้เสร็จพวกผมก็ตั้งแถวเดินลงไปที่สวนชมพูฯ

คราวนี้เป็นตาต้องวาดผม แน่นอนว่าสถานที่ย้งเป็นที่เดิม แค่เปลี่ยนคนถูกวาดและึนถูกวาด ไอ้ต้องกับผมตกลงกันว่าจะไปที่เดิม ที่ๆมันถูกยึดไอพอดไปนั่นแหละ

ยิ่งใกล้สิ้นปียิ่งหนาว เมื่อวานฟังข่าวปีนี้มีทีท่าว่าจะหนาวกว่าปีที่แล้ว แต่ที่โรงเรียนกลับยังไม่มีใครเอาเสื้อหนาวมาใส่ แฟชั่นใหม่ทดสอบความอดทนว่าใครจะทนหนาวขนไม่ลุกได้ดีกว่ากันมั้ง

ลมหนาวพัดมาเล่นเอาสะท้าน

"เฮ้ย นั่งนิ่งๆ"

สงสัยผมจะนั่งยุกยิก มองคนนั้นคนนี้ไปด้วย เยื้องๆไปทางด้านซ้ายเป็นไอ้แมคที่นั่งวาดอยู่ อยากเห็นผลงานมัน ไว้ครูเผลอแล้วค่อยแอบไปดู ส่วนไอ้เจนั่งหน้าเป็นตูดอยู่ไกลๆ มันนั่งเฉยๆไม่ค่อยจะเป็น ตั้งแต่รู้จักมันมามันก็ยุกยิกตลอด

ใบหน้าไอ้เจเวลามองไกลๆ กล้บมีส่วนคล้ายไอ้พีคนเดิมที่ผมรู้จัก เงาของเด็กตัวเล็กที่วิ่งซนกับผมฉาบขึ้นมา

นั่นสิ

ไม่ว่าจะเป็นพีหรือเจ มันก็ยังเป็นเพื่อนผม เพื่อนเป็นคำที่ผมรู้จักน้อยนิด และพีเป็นเพื่อนที่เคยช่วยผมไว้หลายครั้ง ถ้าไม่มีมันผมจะเป็นยังไงนะ

เรื่องตลก พอโตขึ้นมากลายเป็นช่วยคนละอย่าง มันกำลังจะซ้ำรอยบูม ผมเองก็ผิดเพราะไม่รู้จะรักษาเพื่อนยังไงนอกจากตามใจมัน ยิ่งเจอฮอโมนวัยรุ่นเข้าไปส่วนผสมยอดแย่ แค่ความอยากก็หน้ามืดแล้ว

จากคราวนั้นในห้องน้ำที่สระ ระยะห่างผมกับมันมีมากขึ้น ไม่สิ อาจจะไม่ใช่แค่ผมก็ได้ ทุกคนดูจะเริ่มหันหัวไปตามทางที่ตัวเองมุ่งไว้ เร่งความเร็วขึ้นอีกหน่อย

ไอ้หล่อที่อยู่ตรงหน้าผมนี่จากคนที่คอยกัดผมกลายเป็นมาพูดดีมากขึ้น เวลามันเปลี่ยนไปหรือคนมันเปลี่ยนกันนะ

แปะๆ อะไรตกใส่หัว

ผมต้องรีบหันกลับมามองมันอีก มันเอาเศษยางลบปาหัวมาแล้ว

"เฉยๆสิวะ"

ก็มันเขินนี่นา กูต้องนั่งจ้องหน้ามึงจริงๆเหรอเนี่ย

ไอ้คนวาดทำไมมันทำหน้าจริงจัง ก้มๆเงยๆ เวลาผมวาดมันเป็นแบบนี้เหมือนกันรึเปล่านะ สายตาแน่วแน่ที่จับจ้องมาที่ผม มันทำผมเขินจนไม่รู้จะว่ายังไง ธรรมดาใครมาจ้องก็มีอายกันบ้างอยู่แล้ว นี่เป็นไอ้ต้องด้วย ผมยิ่งรู้สึกไปใหญ่

"ยิ้มหน่อยดิมึง"

หือ เอาจริง?

"คนเห็นได้ขำกันตาย"

ไอ้ต้องหัวเราะ

ผมนั่งนิ่งรวบรวมสมาธิ ทำหน้าให้นิ่งที่สุด แล้วปล่อยให้เวลามันไหลไป ช้าหรือเร็วตามจังหวะลมที่พัดผ่าน มองมุ่งตรงไปข้างหน้า มองหาต้อง คนที่ผมเคยแอบมองมาตลอดจากด้านข้าง

เสียงดนตรีจิงเกิ้ลเบลลอยมาเบาๆจากชุดสายไฟปีใหม่สีเขียวที่มีหลากสีมีลำโพงปล่อยดนตรีแบบ 8 บิท

ผมชอบหน้าหนาวปีใหม่ที่สุด เวลานี้ตอนเด็กผมจะนั่งเล่นเปียโนอยู่บ้านคนเดียว แดดเย็นๆมืดๆ ปล่อยให้ลมหนาวพัดเข้ามา รอพ่อกับแม่กลับบ้าน

ใจผมสงบลง

ตอนนี้จ้องหน้าต้องตรงๆได้แล้ว

พอจ้องต่อไปนานๆชักจะเบื่อเหมือนกันแฮะ แอบหันไปมองคนอื่นเป็นบ้างครั้ง มันเลยทำให้ผมนึกถึงเรื่องไอ้ซันขึ้นมา ไอ้บ้านี่ ตอนที่ผมดูผลงานมัน ไม่เอาไหนเลย มันแก้ตัวว่า ก็วาดผุ้ชายนี่นา ถ้าผู้หญิงนมโตๆนะ มันจะดีใจมาก

ไม่รู้ว่ามันจะวาดหรือจะทำอะไรกันแน่ แล้วมันมักจะลงเอยทิ้งท้ายเอาไว้เสมอๆว่า เดี๋ยวเก็บไว้ฝันคืนนี้ดีกว่า ผมอยากจะถามมันสักวันนึง 'บ้านมึงใครซักกกนให้วะ' ถ้ามันไม่ใส่นอนกางเกงนอนมันจะเปลี่ยนทุกกี่วันวะเนี่ยสงสัยคงเป็นคราบเต็มไปหมด

นึกแล้วก็ขำ

ไอ้ต้องแอบเหล่มา

รู้สึกสีหน้าหงุดหงิด สงสัยจะบความคิดผมได้

“ไหนขอกูดูหน่อยดิ” ผมชะโงกหน้าจะลุกไปดู

“เบาๆดิ เดี๋ยวครูเห็น” ต้องงัดกระดานกลับมา

“เออ ดูดีวะ” ผมดีใจที่ออกมาหน้าเป็นผม แต่เอะ รูปมัน มันก็สอนนี่นา ไม่เห็นจะน่าแปลกใจเลย

“เก่งใช่มั้ยละ”

“งั้นแหละๆมึง กูดูดีตะหาก”

“เหรออออออ คนหล่ออย่างกูวาดให้ตะหาก” มันยักคิ้วข้างนึง

“เหรอออออ” ผมชูนิ้วกลาง

“ชอบโชว์เหรอ ไหนเอามาดูดิ” มันทำท่าจะแกะกางเกงผม ตอนนี้ตัวผมคร่อมโต๊ะอยู่

“ไอ้บ้า” ผมตีมือมัน

“มาขอก่อนเดะ” ฮ่าๆๆๆๆ พูดละอายตัวเอง

“เดี๋ยวขออนุญาติต่อก่อนนะ”

เออ พูดแล้วก็นึกได้ ไม่ใช่แค่ไอ้ต้องจะชอบผมรึเปล่า น้องมันอีกคนที่ขวางอยู่

“เออ แล้วเรื่องไอพอด ต่อมันว่าไงรึเปล่าวะ”

“มันยังไม่สังเกตุวะ กูก็เลยทำเป็นว่าไม่ค่อยได้ใช้” ต้องไหวไหล่

เออ ของผมก็ไม่ได้ใช้ ตั้งแต่รู้จักพวกมันมา ผมแทบไม่ได้เข้าโลกส่วนตัวอีกเลย อยู่พูดคุยกับพวกมัน ตลอดวันไว้ว่างๆเอามาฟังดีกว่า

หูฟัฃสีเขียวของไอ้เจด้วย

“เอาไปส่งเหอะ” ผมบอกมัน วิชานี้โดนหมายหัวอยู่

“อือ วันนี้บ่ายมีซ้อมนะ มึงมากับกูละ”

ผมเดินตามหลังยาวๆแคบๆของมันไป กระดานถูกหนีบเข้าไว้ข้างกับตัว ลมตีพัดหน้าผมปลิวไปมา

“ไปทำไมวะ?”

“หางานให้มึงทำไง”

อ้าว ไอ้ต้อง

“งานไรวะ มึงเป็นดรัมเกี่ยวไรกับกู”

“มึงจะไปนั่งร้องเพลงร้อนไข่มั้ยละ”

“เออ ไม่เอาวะ” ผมลืมไปเลย ช่วงนี้ทำไมลืมนั่นนี่บ่อยๆวะ

“งั้นมากับกู เดี๋ยวหาไรให้ทำ” 

อยากโดดเข้าไปกอดคอมันจังเลย ประโยคนี้น่าฟังจริงๆ

ข้าวกลางวันวันนี้พวกผมไม่ได้ขึ้นไปทานข้างบนให้เบียดกันเหมือนทุกที ไหนๆก็วาดมันในสวนนี่แล้วก็นั่งกินที่นี่ไปซะเลยแล้วกัน เพราะว่า ด้านข้างมันก็มีขายอาหารอยู่แล้วนี่นา เพียงแต่ว่า ต้องเสียตังค์จ่ายเพิ่มอีกสักหน่อย

สำหรับโรงเรียนพวกผมเรื่องแค่นี้มันเล็กน้อยอยู่แล้ว มีไอ้ต้องดูจะอิดออดนิดหน่อย

“เจ มึงไม่กินเหรอ” แมคถามมัน

“ไม่อะ กินครึ่งจานพอ” มันเอาช้อนส้อมเขี่ยๆข้าวออก

“ทำไมวะ ไม่อร่อยเหรอ” ผมคิดว่าจะแย่งมันกินซะหน่อย

“ป่าววะ กูจะลงแข่งบ่ายนี้ไง”

“เริ่มแล้วเหรอ” แมคเอามือไปดึงกางเกงนักเรียนไอ้เจ

ดูของที่อยู่ข้างใน

“ดูไรวะแมค” ผมถาม

“ก็ดูว่ามันใส่เกงว่ายน้ำมาเหมือนทุกทีป่าว”

“อยากดูมาก เดี๋ยวกูให้ดูตั้งแต่ก่อนใส่เลย” เจทำท่าจะรูดซิบละ

“ไม่เอาๆๆ กูไม่พิศวาสหนอนน้อยของมึง” แมคยกจานข้าวปิดหน้า

เจหงายมือดูนาฬิกาบนข้อมือ

ทุกคนเห็นว่าหมดประเด็นเล่นกันแล้วก็เร่งมือทานข้าว ที่สวนนี้คนไม่ค่อยลงมากินกลางวันกันเพราะมันต้องเสียเงินซื้อข้าวเอง แน่นอนว่าค่าอาหารก็รวมไปอยู่กับค่าเทอมแสนแพงเรียบร้อยแล้ว ข่าวลือเรื่องขึ้นค่าเทอมก็มาเป็นระลอกๆ

ใครจะอยู่ดีๆมาหาเรื่องเสียเงินเพิ่ม

“เออ มึงจะซ่อมวิชาฟิสิกส์ตอนไหนวะ” เจ ถาม

“ไม่รู้วะ ครูยังไม่บอกเลย รู้แต่ปลายปี แต่กูคงต้องหาเวลามาติวหนังสือละ” ผมเอาขากระแทกขาไอ้ต้อง

หน้าที่มึงนะ ไอ้ต้องมึงเสนอตัวแล้ว ฮ่าๆๆ

ไอ้ต้องเอาขากระแทกกลับ แล้วยกพาดไว้บนขาผม

ไอ้นี่!!!!

“เออ แล้วนี่พวกมึงเอาไงวะ ตกลงจะเข้าไรกัน” ผมอยากรู้แฮะ

“กูเข้าถาปัต ปีนี้นี่แหละ ยื่นแล้วได้แล้ว”

เฮ้ยยยยยยยยยยยย

“ที่ไหนวะ” ต้องถามขึ้น

“ไกลอะมึง แถวบางมดโน่น”

“ทำไมเลือกนั่นวะ”

“พี่กูบอกว่ามันเพิ่งเปิดคนคงไม่แย่งกันมากแล้วมหาลัยมันดังเรื่องวิดวะ ถ้าถาปัตมันก็ไม่น่าห่วย อ. ที่พี่ๆกูรู้จักจะไปสอนนั่นเยอะแยะ”

อา.. หายไป 1 แล้ว แน่ๆสินะ

“มึงละเจ” ผมอยากรู้

“ไม่รู้เลย วิดวะมั้งแต่ที่ไหนอีกเรื่อง”

“มึงอะต้อง” ผมหันไปถาม

“ก็เสดสาดวะ”

“ปีนี้เลยเหรอ”

ต้องหันมามองหน้าผมแต่ไม่ตอบ

มีแต่คนไปดี

“แล้วมึงละ” ทุกคนย้อนถามกลับมาพร้อมกัน

“เอ่อ...... ยังไม่รุ้เลยวะ คงบริหารสักที่ละมั้ง”

ผมไม่เคยคิดจริงจัง ยิ่งพอมารู้ว่าสาขานี้มันไม่ต้องใช้ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะที่ผมๆนั่งทนเรียนกันด้วย แล้วผมจะมาเรียนห้องนี้ทำไมถ้าไม่ใช่จุดประสงค์ที่จะหนีจากเรื่องบ้าๆบอๆพวกนั้น

แต่พอขึ้นม.ปลาย เรื่องพวกนั้นดูจะไม่มีใครใส่ใจ กลายเป็นว่าต้องมาเรียนในสิ่งที่ไม่ได้ใช้ ดังนั้นคณะที่เหลือพอจะเลือกได้ก็เหลือน้อยนิด

“วิชาอื่นน่ะกูไม่ห่วง แต่เลขนี่สิ” ผมมองออกไปทางอื่น

“ก็เรียนพิเศษแต่เลขสิวะ นอกนนั้นอ่านได้นี่” แมคบอก

“ก็จริง มันตัดกันที่คำณวณนี่แหละ วิชาสามัญยังไงมึงก็ได้เปรียบมึงไม่ได้แย่เท่าพวกห้องอื่นหรอก”

เจ ดันจานข้าวออกข้างหน้าเป็นสัญญาณว่า เสร็จแล้ว ข้าวเหลือเกินครึ่ง มันกินไปนิดเดียว

“มึงไม่ได้มองจากมหาลัยก่อนเหรอ”  ถามได้ดีต้อง

“ไม่อะ กูแอนตี้พวกนี้วะ กูรู้สึกว่าเรียนไปแล้วได้ใช้มั้ย มากกว่าจะเข้าไปเพื่อเอาชื่อเฉยๆ ถึงพี่กูสองคนจะอยู่จุฬาก็เหอะนะ กูอยากรีบเข้าด้วย”

แมคตอบได้ดีเหมือนกัน

"พวกมึงคิดว่า ชื่อมหาล้ยสำคัญกว่าคณะเหรอ หรือชีวิตมึงสำคัญกว่าวะ" ผมถามลอยๆ

ติ๊ดๆๆๆๆ

เหมือนเวลากดโทรศัพท์หาใครแล้วโดนตัดสาย แสดงว่าหัวข้อนี้ไม่เป็นที่ต้องการของพวกมัน จบที่คำตอบแมค

“ต้องมีงจะไปที่ไหน” แมคถามกลับ

“ท่าพระจันทร์ ใกล้บ้านและถูก”

ชัดเจนสมเป็นมันจริงๆ

"มึงก็ลองเลือกคณะไรก็ได้ที่นั่นดิเก้า มันไม่ได้ยากไปหมดหรอกนะ คะแนนสามัญแกได้ดีกว่าคนห้องเราอีกนะ"

ผมว่าผมเห็นแมคขยิบตาให้นะ

ใช่ ถ้าเรียนสามัญแต่แรกผมคงรุ่ง ใครจะรู้อนาคตละ

“ไปเหอะ กูต้องไปเตรียตัวแล้ว” เจลุกขึ้นยกจานไปเก็บ

คนทะยอยออกจากสวนไป หลายคนคงเริ่มจะไปเตรียมตัวก่อน ส่วนพวกเด็กๆนี่ ท่าจะได้วิ่งเล่นยาว เวลามีแข่งกีฬามักจะต้องการกองเชียร์เสมอ แต่ไม่เป็นทางการเท่าไร อย่างเช่น รอบสระว่ายน้ำ ที่ยืนรอบขอบสระมันเล็กคนที่เชียร์จึงมักจะเป็นสตาฟแล้วก็พวกที่เกี่ยวข้อง

พวกรุ่นพี่บางทีจะมาเดินๆดูแล้วเรียกเด็กๆที่แอบมาปนกลับไปเข้ากองเชียร์ที่ซ้อมกันอยู่

“แล้ววันนี้มึงซ้อมไหนวะ”

“ที่เดิมอะมึง แถวสระแหละ” ต้องเดินนำผมไป

“วันนี้เจแข่งนี่ ดูมั้ย”

“อยู่ริมสระอยู่แล้ว เสียงเฮมันก็บอกเองแหละ”

เออ.. เห็นหลายๆคนในชุดว่ายน้ำก็อยากดูเหมือนกันนี่นา

มองไปทางสระเห็นเจในชุดว่ายน้ำตัวเล็กของมันเดินอยู่ไกลๆ ไม่รู้ว่ามันงกไม่ซื้อใหม่หรือมันชอบโชว์กันแน่ รอบข้างเห็นไอ้บูมเดินป้วนเปี้ยนอยู่ เห็นคุยๆอะไรสักอย่าง

จริงๆแล้วผมคิดว่ามันเองก็น่าจะลงเหมือนกันนะ มันเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำนี่ ตัวมันถึงได้ตันๆไง แต่เตี้ยฮ่าๆ

“นี่ๆ ยุ่งเรื่องชาวบ้าน”

ต้องเอาหัวไม้เคาะหัวผม

“แล้วให้กูมาทำไรวะ”

“ดูแลกูไง”

หือ....

"ยังไงวะ"

"บอกแล้วไง กูจะเป็นแต่มึงต้องดูแลกูและไอ้น้องนั่นอีก 2 คน จริงๆแค่กูพอ"

ผมยังทำหน้างง

"ดีกว่าไปขึ้นแสตนด์นะ"

มันเอามือตีตูดผม

"โทษที ตัวมึงเตี้ยกูกะไม่ถูก"

"ไอ้บ้าาาาาาา"

ฮ่าๆๆๆๆ

ต้องเดินแยกซ้อมแล้ว หลักๆที่เห็นมันทำ ไม่เห็นจะทำอะไรเลย นอกจากโยนไม้ขึ้นแล้วรับ โยนแล้วรับ ทำอยู่อย่างนี้ตลอด ไม้ก็ยับเยินมันทำตกไปกี่รอบเนี่ย แต่เอะ มันน่าจะใช้กันมาหลายรุ่นแล้วมั้ง

ไอ้บูมขึ้นไปอยู่รอบสระ ผมยังไม่เห็นแววต่อ ลูกบอลคงไม่ลอยออกมาอีกนะ

“เหนื่อยวะ ร้อน”

“ไปซื้อโค้กให้หน่อยดิ” ต้องเอาปลายไม้ด้านแคบๆจิ้มๆขาผม

นี่สินะ การดูแลของมัน

“เอาแบบไหนละ ขวดหรือแก้ว”

“ขวด”

“โอเค” ผมเดินไปให้ก็ได้

ผมเดินไปซื้อที่สวนนั่นแหละ เลยไปหน่อยหนึ่ง สนามบอลมันอยู่ข้างหลังไกลไปอีก นี่ถ้า ต้อง ลงบอลนี่ผมเดินตายเลย ตรงสระว่ายน้ำกับสวนอาหารมันอยู่ห่างกันหน่อยเดียว หนึ่งในสามของระยะทางไปสนามบอลได้

สวนอาหารแทบไม่มีคนอยู่เลย เห็นเด็กๆ ยกถังน้ำขนาดใหญ่ มือจับที่หูหิ้วคนละข้าง ใส่น้ำแข็งเกือบเต็มถัง วิ่งสวนออกไป เด็กคนหนุ่งใส่แว่นท่าจะหนักจาแทบหลุดจากหน้า ผมตรงดำหน้าแดงยังกับตุ๊กตา

'วันนี้มันใช้น้ำเยอะยังงั้นเลยเหรอ'

พอผมได้โค้กเสร็จ ก็เดินถือทั้งขวดกลับไปหาต้อง

“มาแล้วมึง” ผมทำท่าเด็กเสริฟยกบริการมันถึงที่

“มาๆๆ เดี๋ยวป้อนให้เลยนะครับ อ้าปาก”

ต้องปัดออก

“ไอ้บ้า”  มันหัวเราะ

“น้องมาทำไรที่นี่ ไม่ไปเชียร์เค้าแข่งบอลวันนี้นะ”

“อ้อ เค้ามากับผมพี่”

“มาทำไรวะ มึงเป็นดรัมก็ซ้อมไปสิ”  ท่าทางเค้าหงุดหงิดแล้ว

ผมมองหน้าต้อง ซวยละไง

“ก็พี่ต้า ตกลงกับผมไว้ ผมหาคนมาช่วยได้คนหนึ่งถ้าไม่เอาพี่ก็หาคนใหม่ได้เลย” ต้องนั่งดูดโค้กไปด้วยท่าทางไม่รู้สึกอะไร

“พี่ต้าเหรอ งั้นก็โอเค”

แต่หน้าพี่อะ ไม่โอเค

ต้อง มึงไปตกลงไรไว้วะ

“อะไรวะต้อง”

“อ้อ กูตกลงกันไว้น่ะ ถ้ากูมาเป็นต้องได้เด็กรับใช้คนนึง ไหนๆกูก็ต้องเหนื่อย เปลืองเนื้อเปลืองตัวอยู่แล้วกูก็ต้องได้ไรมั่งสิ”

นี่มันกล้าขนาดต่อรองรุ่นพี่เลยเรอะ ผมคิดว่ามันตกลงแค่กับผม

“เสียเฮ มาจากทางสระว่ายน้ำ เริ่มแล้วสินะ”

สนามบอลคงกำลังจะเริ่มแล้วเหมือนกัน

“มึงจะไปเชียร์ต่อป่าว”

“ก็อยากไปนะ แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะให้ไปมั้ย อันนี้ไม่อยู่ในข้อตกลง” 

งั้นก็แล้วแต่มันละกัน

ผมหันหน้าไปมองทางสระว่ายน้ำ แท่นที่จะลงโดดลงสระ มี 6 แท่น แต่มีคน 4 คน ก็ 4 สีนี่นา แล้วก็เด็กในชุดว่ายน้ำเดินไปมา คงแข่งกันหลายรายการละมั้ง

วันจริงมันไม่มีแข่งนี่นา รายการหลักของวันจริงน่าจะเป็น บอล บาส เชียร์ หลีด อะไรทำนอกนั้นเหมือนทุกปีละมั้ง อ้อ พาเหรดด้วย

ไอ้ต้องลุกขึ้นกลับไปโยนไม้เหมือนเดิม วางโค้กที่กินแล้วเหลือครึ่งนึงเอาไว้ ผมเลยแอบเอามาดูดต่อสักอึก ก่อนจะเดินไปชะโงกหน้าดูที่สระ มีกระดานไวท์บอร์ดอันเล็กอยู่ บอกรายการที่แข่งกับอีกอันที่บอกใครได้ที่หนึ่งอะไรบ้าง

หาๆดูยังไม่มีสีผมเลย มีแต่ที่สอง ไม่รู้ว่าไอ้เจลงรายการไหน และมันได้ที่เท่าไร

เสียงปรี๊ด ดังขึ้น

นั่งไงไอ้เจขึ้นไปยืนบนแท่นแล้ว ไอ้บูมอยู่ถัดไปสองอัน

ปรี๊ดอีกที ตามมาด้วยเสียงน้ำแตกกระจาย

เสียงเชียร์รอบสนามดังขึ้นกว่าเดิม น่าจะเป็นรายการสุดท้าย เพราะเหลือแค่รายการล่างสุดที่ยังไม่มีชื่อสีบอกตำแหน่งที่ได้

ผมมองไม่เห็นสภาพในสระเพราะอยู่ต่ำกว่า เห็นแต่น้ำกระจายตามแรงสะบัด ย้อนกลับไปอ่านที่บอร์ดอีกที

'แข่งฟรีสไตล์'

ท่าถนัดของไอ้เจ

ปรี๊ดดดดด ยาวๆ ดังขึ้น ท่าทางจะจบลงแล้ว เกิดนึกขึ้นได้ไอ้เจได้เหรียญมาจะแย่เอา ถ้าไม่ได้ก็สงสารมันอยู่

ครูคนหนึ่งเดินไปเขียนกระดาน

ที่หนึ่ง สี แดง... ไอ้บูมนี่หว่า

ที่สอง สี ฟ้า

ผมดีใจเล็กๆที่มันไม่ได้ แต่ก็เกิดนึกสงสัยไอ้เจมันพลาดไปได้ยังไง ผมไม่เห็นไอ้เตี้ยล่ำนั่นซ้อมเลยนะ ถึงมันจะเคยเป็นนักกีฬาแล้วมันก็เก่งกีฬาเกือบทุกอย่างก็เหอะ

ไอ้บูมเนี่ยผมเห็นมันมาป้วนเปี้ยนตามสีผมบ่อยๆ เดาๆว่ามันคงมาเพื่อจะหาเรื่องผมเป็นหลัก มันรู้จักคนเยอะ ไปไหนก็มีแต่คนนิยมชมชอบมัน ไม่รุ้ชอบมันลงได้ยังไง อย่างรุ่นพี่ที่ลากคอผมออกไปคนนั้นก็คนนึงละ มันเอาเวลาตอนไหนไปซ้อมละเนี่ย

ดูๆแล้วตัวผมเองเนี่ยช่างว่างงานยิ่งนัก ไม่ได้มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษเลย ต่อเองก็ลงแข่งบอล เจลงว่ายน้ำ แมคก็ไปทำแสตนด์ตัวผมเองกลายเป็นเด็กส่งข้าวส่งน้ำไปซะงั้น แต่ก็ดีอยู่จะได้อยู่ใกล้ต้องมากขึ้น ถึงผมจะทำได้แค่นี้ก็เหอะ

อีกไม่นานเมื่อพวกมันแยกย้ายไปหมด อย่างน้อยๆก็ได้ใช้เวลาที่ดีๆร่วมกันบ้างแล้ว ผมพยายามเก็บความทรงจำดีๆเอาไว้

เดินกลับมาเห็นต้องสอนเด็ก ม.4 อีกสองคนที่โดนรุ่นพี่ลากตัวมา หน้าตาดี แบบลูกคนจีนขาวๆ แต่ตัวไม่สูงนัก คงได้มาเป็นเพราะรุ่นพี่ชอบละสินะ พวกดรัมเนี่ยมันหาคนหน้าตาดีมาเป็นกันเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้ขบวนพาเหรดอยุ่แล้ว

ใจแอบคิดไปว่าถ้าต้องดูแลไอ้ต้องเวลาซ้อมก็ต้องช่วยดูแลน้องสองคนนี้ด้วยดิสนะ ไม่เป็นไรหรอก เรื่องมากจะส่งไอ้ต้องไปตบกบาลมัน

ระหว่างนั่งดูเบื่อๆ ผมจะควานหาหูฟังที่ลืมเอามา

“ต้อง ต่อมันไม่สังเกตจริงๆเหรอว่า ไอพอดหายไป”

“มันไม่พูดอะไรนะ มันคงยุ่งอยู่ด้วยละมั้ง”

“น้องชายแสนดีขนาดหาสาวให้พี่ได้ทุกปีเนี่ยนะ”

“มันก็แค่แนะนำให้รู้จักเฉยๆ” ต้องยืนค้ำหัวมองลงมาที่ผม

“คิดว่ามึงจะสานต่อซะอีก”

ผมเบี่ยงหน้าออก เพราะเวลาผมนั่งแล้วมันยืนค้ำ เป้าจะอยู่หน้าผมพอดี

“อย่าไปฟังคนอื่นเลย มึงเห็นกูไปใช้เวลากับใครมั้ยละ”

จริงของมัน ถ้ามีแฟนเป็นงี้ คงเสียใจตาย

“นี่ มึงไปดูบอลมั้ย” ผมชวนต้อง

“กูรู้ว่ามึงอยากดูต่อแข่ง นี่ครึ่งแรกน่าจะหมดแล้วมั้ง ไปมะ”

มันลังเลอยู่สักหน่อย

“ไปดิ”

มันเอาไม้ไปฝากเด็กๆ สองคนนั้นแล้วเดินมาลากแขนผม

“เฮ้ยๆ ทำไรวะ”

“เดี๋ยวมานะพี่ เพื่อนผมมันปวดท้อง”

อ้าว ไอ้นี่ อ้างกันยังงี้เลย นี่กูต้องแกล้งปวดท้องตามมันด้วยมั้ย

“ขี้ไม่ออกเหรอ ไปสวนตูดให้มันสิ จะได้หาย”

เสียงน้องๆหัวเราะกันขึ้นมา

นั่นไง กูโดนเล่นเลย

“สวนแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

ไอ้สัสสสสสสส มึงจะรับมุกมันไปทำไมวะ

“ไอ้ต้อง ไอ้บ้า” ผมกัดฟันพูดเบา

มันเอามือลูบก้นผมเบาๆสองสามที

ตอนนี้ผมต้องทำหน้าแกล้งปวดท้อง หน้าลอยๆ ตามึนๆไว้ก่อน

จำไว้นะมึง

“หึหึ หรือมึงอยากโดนกูสวนจริง”

ไอ้เวรรร ไม่เล่นด้วยแล้ว

มันลากผมออกไปอย่างเร็ว

มันเร็วๆพอกับอาการปวดท้องของผมที่หายสนิทเป็นปกติทันทีที่ออกจากระยะสายตาพี่ๆพวกนั้น

มันพาผมวิ่งผ่านรอบสนามบาส ทางเดินนี้บริเวณเดียวกับที่ปีที่แล้วมีงานวิทย์แล้วเจลากแขนผมวิ่งผ่านไปตามซุ้มต่างๆ ปีนี้ไม่มีงานวิทย์ เพราะดันไปจัดที่โรงเรียนอื่น ทางเดินนี้ยาว บ่ายหน้าหนาวอย่างนี้ มืด และเงียบ สนามบาสไม่มีคนใช้ ทางเดินไม่ได้เปิดไฟ บ่ายคล้อยแล้วไม่มีแสงมาถึง

ต้องยังคงกำข้อมือผมแน่นแล้วลากผมวิ่งไปจนสุดทางเดิน

ก่อนจะถึงด้านหลังของสนามบอล

แอบอยู่แถวนี้แหละ เดี๋ยวโดนจับขึ้นแสตนด์ ผมอยู่ด้านหลังของอีกฝั่ง ดังนั้นจึงเผชิญหน้ากับสีผม เห็นหน้าผู้เล่นแต่ละคนชัดเจน ป้ายข้างสนามก็ขึ้นคะแนน เสมอกัน 1-1

ลูกแรกใครยิงหว่า

ไม่ใช่ไอเจแน่ๆ เพราะมันแข่งว่ายน้ำชนกับบอล ไม่รู้จะใช่ต่อที่เล่นกองหน้ารึเปล่า

เวลาข้างสนามเหลืออีกนิดหน่อย สีผมโดนสีแดงตัดบอลได้ โยนเข้าไปสนามฝั่งผม สีแดงบุกแล้ว ลูกบอลป้วนเปี้ยนอยู่หน้าประตูสักพัก ก่อนจะส่งไปเข้าขาใครสักคนหนึ่งแล้ว ยิงเลียดพื้นเข้าประตูฝั่งผมไปเรียบร้อย

2-1 แย่ละสิ

หันไปตรงทางเดินริมตึก ไอ้เจเดินคุยมากับไอ้บูม มันคงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว มายืนดูอยู่ที่ขอบสนาม

ไอ้บ้าสองตัวนั่นมันเชียร์กันออกนอกหน้าเลย ไอ้บูมอยู่สีแดงไม่ใช่เหรอวะ มาเชียร์สีตัวเองสินะ ไอ้นี่ก็ลงไม่ทันเหมือนกัน ส่วนไอ้ต้องนี่ไม่แสดงออกแต่เห็นสีหน้าก็รู้แล้ว ลุ้นอยู่เหมือนกัน

“ห่วงไอ้ต่อจะแพ้อะเดะ”

“ป่าว น้องกูเก่งอยู่แล้ว”

ต้องแลบลิ้นอายๆ

โกหก

ผมจับอาการมันได้ เวลามีอายมันจะทำหน้าโต จากตาตี่ๆของมันเวลาทำตาโตแล้วดูต่างเพียงแค่เล็กน้อย แต่จะยิ้มๆไปด้วย ยิ่งถ้ามันแลบลิ้นเมื่อไหร่นี่ใช่เลย มันกำลังโกหก

ห่วงไอ้ต่อก็บอก

นกหวีดหมดเวลาก็ดังขึ้น แพ้ไปแล้ว 2-1 ถ้างวดหน้าไอ้เจลงบอลก็งานหนักละ

เป็นอันว่าจบบ่ายวันนี้ไปอย่างเศร้าสร้อย แต่คนที่เศร้าดูเหมือนจะเป็นต้องคนเดียวคนอื่นไม่มีท่าทีจะสนใจ เหล่าซอมบี้ก็ยังมีพลังงานเต็มเปี่ยมคว้าอะไรยุกยิกขึ้นมาอ่านและไม่สนใจอะไร

นึกภาพเวลาพวกมันไปขึ้นแสตนด์ไม่ออกเลย คนซังกะตายหรือไม่ก็เอาหนังสือมานั่งอ่าน นั่งทำแบบฝึกหัดไปด้วยตบมือไปด้วยมั้ง

"ต้องเสียใจป่าววะ"

"ไม่อะ แค่นัดแรกเอง"

"แต่น้องมึงโอเคนี่ ดูเล่นเก่งนะ" ผมชมจริงๆ

"เออ มันชอบเล่น"

"มึงไม่เสียใจก็ดี" ผมเอื้อมไปตบบ่ามัน

"เสียใจละ มาให้กอดที"

มันหันมากอดผมแล้วอุ้มขึ้นบ่าไป

"ปล่อย ไอ้บ้า" นี่ผมตัวเบายังงั้นเลย

"ตัวเท่าน้องกูจริงๆด้วย"

มันวางผมลงที่ริมทางแถวนั้น

อ๊อดเลิกเรียนดังไปทั่วโรงเรียนผ่านทางลำโพงรอบสนาม

เด็กทะยอยเดินลงจากแสตนด์ต้องคว้ามือผมวิ่งขึ้นไปรอบนห้อง

"ไปก่อนต่อจะมาเหอะ"
ไอ้แมคถือกระเป๋ารออยู่แล้วขอตัวกลับก่อน ส่วนไอ้เจก็หายหัวล้มหายตายห่าไปไหนไม่รู้ทุกวัน จากที่สนามเมื่อกี้มันไม่ได้เดินตามขึ้นมา รอสักพักก็ยัง

ผมกับต้องเลยกลับกัน 2 คน

กระเป๋านักเรียนของเจอลยถูกทิ้งตากแดดในห้องเดียวดาย ภาพนี้ผมเห็นบ่อยขึ้นจนชักชินตา

"ต้อง แล้วมึงจะติววันไหน"

"ก็เสาร์นี้มั้ยมึง"

ผมโอเค อยู่แล้ว

"เออ กูสงสัยนานละ ทำไมมึงไม่เคยเห็นกลับกับต่อมั่งวะ"

"เมื่อก่อนก็เป็นงั้นนะ ตั้งแต่ม.ปลาย กูก็แยกๆกับมัน เดี๋ยวนี้มีไอ้แมคกับมึงกลับด้วยนะ"

"เออ ว่าไปไม่ได้รวมตัวกันสามคนอีกเลยเนอะ"

"ถึงเวลาแยกย้ายแล้วมั้ง"

ต้องพูดเงยหน้ามองฟ้า

จังหวะที่แยกกันที่หน้าบ้านแมค บ้านหลังนี้เคยเปิดต้อนรับพวกเราเสมอ ไม่ว่าจะเย็นแค่ไหน บางครั้งทุ่มนึงก็ยังเปิดอยู่ ร้านเครื่องเสียงอื่นๆคงจะปิดไปแล้ว วันนี้ไฟด้วยเล็กหลายด้วยที่เคยเจิดจ้าให้แสงออกมาถึงนอกตึก วันนี้มืดสนิทมีเพียงประตูเหล็กกับช่องดำๆ บนประตู

แมค

"ผมกดชื่อแล้วโทรออก"

รอสายอยู่นานจนเกือบจะวางสายไปก่อนแล้ว

“เก้าว่าไงวะ"

"เออ ไม่มีไร เห็นบ้านมืดๆคิดว่าไม่อยู่"

"ป่าวๆ เดี๋ยวกูจัดของหน่อย ค่อยคุยกันนะมึง"

"เค"

ท่าทางจะยุ่ง

ลมพัดแรงผ่านมาประทะเล่นเอาขนลุกเลย ปีนี้อากาศเย็นมาก ฟ้าสีส้มของหน้าร้อนกลายเป็นสีม่วงเข้มตัดกับสีฟ้าเขียวแบบหน้าหนาว แทบไม่เหลือแสงให้เห็นแล้ว ใกล้สิ้นปีเข้าไปเรื่อยๆ หมดปีนี้ถ้าไม่รอนับถึงวันเกิด พวกเราก็จะแก่ขึ้นอีกปีในปีหน้า

เสียงเพลงจิงเกิลเบลยังดังไล่หลังผม

หน้าห้างและร้านค้าทั่วทั้งถนนพร้อมใจกันติดข้อความฉลองคริสมาสที่ปีนี้หนาวเป็นพิเศษ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 10 2-1 [pg6] 15/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 16-12-2015 15:02:07
คือความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันตาย
คือความสัมพันธ์ที่ไม่เคยห่างหาย
คือความสัมพันธ์ที่ไม่รู้สึกเดียวดาย
จนกว่าจะถึงสุดท้ายที่ตายจากกัน

เพื่อนคือความเท่าเทียม
ไม่มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง
นั่นเพราะเรารักกัน

+1 ครับ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 10 2-1 [pg6] 15/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 18-12-2015 11:05:38
รู้สึกว่าตัวเองจะพิมพ์ผิดเยอะเหมือนกัน ขอโทษคนอ่านด้วยเพราะว่า ใช้มือถือในการพิมพ์

มันไม่มีทวนคำผิดให้ T T ต้องมานั่งไล่อ่านเอง มันก็มีหลุดไปบ้าง

อายจัง :m15:
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 10 2-1 [pg6] 15/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 18-12-2015 16:37:36
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 11 จับมือ [pg6] 19/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 19-12-2015 01:02:42
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 11 จับมือ

คำถามที่โผล่ขึ้นมาบนห้วเหมือนเป็นเครื่องหมายคำถามคือ ผมจะนัดต้องที่ไหนดี

'เสาร์นี้ไปติวที่ไหนดีละเนี่ย'

มันยังต้องการคำตอบ

สงสัยไม่พ้นร้านกาแฟ นึกอะไรไม่ออกเป็นต้องเข้าร้านกาแฟทุกที แน่นอนว่า ผมติดกาแฟกับขนมซินนามอน แต่เวลามองผู้คนมีปฏิสัมพันธ์ไปมา ในขณะที่ผมต้องนั่งอยู่คนเดียว มันดูขัดกันดี สนุกที่ได้มองดูสังเกตุชีวิตคนอื่น

จนกระทั่งมันกลายเป็นนิสัยไปแล้ว

ส่วนของกินก็จะแวะทุกครั้งที่เจอร้านไหนมีขาย แต่ทำบ่อยๆมันก็เปลืองใช่เล่นอยู่ ผมได้ค่าขนมเด็กม.ปลายนะ พอเปรียบเทียบกับพวกไอ้ต้อง ผมว่ายังดีกว่ามัน ไอ้ต้องมันขี้งกเกินกว่าจะยอมกิน

ไอ้คนที่พอจะมีรสนิยมใกล้เคียงดูเหมือนจะเป็นไอ้เจซะมากกว่า บ้านมันมีตังค์เลยใช้จ่ายไม่ค่อยขี้เหนียว

ผมนัดไอ้ต้องที่ร้านกาแฟโดยผมให้มันเลือกสถานที่ มันจะได้ไม่บ่นถ้าเกิดเป็นว่าไปแล้วมันไม่ถูกใจ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้มันหงุดหงิดนั่นแหละ

มีเหตุผลบนโลกล้านแปดที่จะทำให้มันอารมณ์แปรปรวน

ร้านกาแฟเปิดใหม่ตราผู้หญิงถือหาง

ต้องเลือกร้านในห้างประจำที่อยู่ใกล้โรงเรียนและไม่ไกลมาก

ห่างจากสยามเยอะ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ในห้างที่คนเยอะจนผมต้องรีบคว้ามารับ อายเสียงเรียกเข้าที่ยังใช้เพลงเก่าๆอยู่เลย

"โหล"

"เออ กูจะถึงแล้ว รอแป๊บกำลังเดินไป" ผมรีบยัดถ้อยคำลงโทรศัพท์บอกมัน

"กูนั่งรออยู่ละ"

"มึงได้ทำมาก่อนป่าววะ"

ผมเงียบไป

ชิบหาย ไม่ได้อ่านอะไรมาก่อนเลย

"หนังสือที่กูให้ไปน่ะ"

เมื่อวาน ผมกำลังพลิกๆหน้าหนังสือที่ต้องพับมาให้อยู่ แต่ก็หลับไปก่อน

"แล้วงี้จะให้เริ่มตรงไหน"

เสียงเหมือนพี่ชายที่กำลังไม่พอใจน้องชายที่ไม่ยอมทำการบ้าน

ในหัวผมว่างเปล่า ไม่รู้จะเริ่มบอกตรงไหน

"เอ่อ ก็ไม่รู้เหมือนกันวะ ว่าตรงไหน ตั้งแต่แรกเลยมั้ง" ผมตอบเสียงอ่อยๆ

คราวนี้มันเงียบ เสียงจอแจรอบข้างดังทะลุหูโทรศัพท์เข้ามา

"ต้องร้านไหนวะ ตรงชั้นล่างป่าว"  เสียงเปลี่ยนเป็นอ่อยๆแทน

"ใช่ กูนั่งอยู่เนี่ยหาไม่เจอเรอะ" มันโกรธแหงๆ

เข้าไปให้มันด่าตรงๆดีกว่า

คนมันก็เยอะนะครับ ชั้นล่างของห้างเนี่ยมันคนเยอะมาก เนี่ยคนแน่นยังกับหนอนอัดกันลงไปในกระป๋อง มันใกล้จะสิ้นปีแล้ว

รู้สึกว่ายิ่งโตเวลาก็ยิ่งผ่านไปเร็ว เดี๋ยวเดียวก็คงจะคริสมาส รู้ตัวอีกทีก็สิ้นปีแล้ว วันคริสต์มาสโรงเรียนผมไม่ได้หยุด

ผู้อำนวยการเองผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะเอาศาสนาไหนกันแน่ เช้าสวดคริสต์เย็นสวดพุทธ

"เออ คนเยอะสัสอะ จะอ่านรู้เรื่องมั้ย" ผมยกมือทักทายมัน

สีหน้ามันบูดนิดหน่อย คนในร้านกาแฟนี้เยอะมาก

ร้านกาแฟชื่อดังที่เพิ่งเข้ามาขยายฟรานไชส์ ตั้งอยู่ส่วนหน้าชั้นล่างเป็นกระจกไปครึ่งร้าน ผมชอบที่กลิ่นกาแฟกับโทนสีส้มของร้าน เสียอย่าง คือ เพลงฟังยากไปหน่อย พวกแจ๊สจ๋าๆ ไอ้แมคมาคงชอบ

"ใครให้มึงเลือกมานั่งร้านกาแฟละ"

"ก็มันเบื่อนี่นา อยากออกมาข้างนอกบ้าง"

ผมหรี่ตาจ้องมัน

"อยากเที่ยวอะสิไม่ว่า" มันย้อน

รอยยิ้มจางฉายมาที่มุมปากต้อง

ผมแลบลิ้นเลียนแบบมัน

แม่งรู้ทัน

"เออ สอบกลางภาคอะหลังเปิดปีใหม่ ยังมีเวลา ซ่อมน่ะอาทิตย์หน้า เอาซ่อมก่อนละกัน"

ผมเปิดสมุดดู จดก็จดนะ เรียนในห้องก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง ไม่ใช่ไม่รู้อะไรเลย แต่ทำไมทำไม่ได้วะ

"นี่ ดูเล่มนี้นี่"

ต้องล้วงเอาสมุดแบบฝึกหัดแบบที่มีวางขายตามร้านมาให้ดู (มันมีกี่เล่มวะ ที่ให้มาก็เล่มนึงละ) มันพลิกๆไปที่หน้า 70 กว่า

หัวข้อที่เพิ่งสอบผ่านไป ถูกพิมพ์สีดำเข้มอยู่ด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ที่มุมด้านซ้ายของกระดาษสีน้ำตาลราคาถูก แต่ราคาหนังสือน่ะแพง

มันเอานิ้วยาวๆชี้ไล่ให้ดูที่ข้อนึงในบรรดาโจทย์หลายๆข้อ ที่เรียงต่อกัน มีช้อย 1-4 เรียงต่อลงมาจากคำถามทุกข้อ

นิ้วไปหยุดอยู่ที่ข้อหนึ่ง

"เฮ้ย คุ้นๆนะ"

คำถามแบบเดียวกันเลย

"เออ แม่งเอามาจากในนี้แหละ พวกที่ซื้อมาทำบ่อยๆ มันจับได้แล้ว"

ต้องชี้ให้ดูตัวอย่างอีกข้อ เหมือนเปี๊ยบแค่เปลี่ยนตัวเลข

"นี่ข้อสอบใช้สอบเก็บคะแนนมันยากกว่าที่แม่งสอนเยอะ สอนง่ายออกยาก"

ต้องพยักหน้า

"พวกนี้เป็นข้อสอบเอนฯ ถ้าเด็กที่เรียนพิเศษมาจะรู้ว่าที่สอนน่ะแค่พื้นฐาน โจทย์ที่เอามาออกน่ะเป็นข้อสอบเอนฯเก่าๆ"

พูดจบ ต้องนั่งเปิดหาอะไรบางอย่างในหนังสือ

"อ้อ พวกมึงทำเยอะดิ ถึงจำได้"

ลมหายใจระบายออกจากจมูกโด่งเป็นสันแต่เล็กของมัน

"น้อยนะ มึงดูไอ้ไก่ดิ ไอ้อ้วนแว่นของมึงน่ะ แม่งทำทุกเล่มที่วางขายหมดแล้ว"

ต้องพูดทำท่าเซ็งๆ มันเองคงรู้สึกว่าตัวเองด้อยไปเลย

"มันจะเข้าไรวะ?"

ถ้ามันอ่านเยอะซะขนาดนี้ละก็

"หมอน่ะ" ต้องตอบเรียบๆ

"คิดว่าสมัครงานนาซ่า อ่านฟิสิกส์เป็นอ่านการ์ตูน แม่งสอบหมอต้องใช้เหรอวะ เพื่ออะไร ประเทศชาติ"

มันคือเรื่องที่คาใจผมมาตลอดว่า ทำไมอยากเป็นหมอต้องเรียนภาษาไทย วรรณคดีงี้ เรียนพละงี้ สังคมอีก พวกนั้นมันเอาไปใช้ที่ไหนคนเรียนก็ไม่ได้อยากเรียนเลย

ส่วนผมที่ชอบเรียนวิชาพวกนั้นกลับไม่ได้มีสาขาที่อยากเรียนในด้านนี้

เออ ก็แปลกดี

คิ้วย่นๆปรากฎขึ้นต่อหน้าผม มาคู่กับแววตาไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด

"ไว้มึงเป็นรัฐมนตรีแล้วไปแก้นะ" ต้องเอาสมุดเคาะหัวผม

โอ๊ย

"เออ เดี๋ยวกูเลี้ยงกาแฟก่อน"

หาอะไรขมๆที่มีคาเฟอีนลงคอ เพื่อจะกระตุ้นสมองที่ขี้เกียจอยู่ให้ทำงานได้บ้าง

คาเฟอีนเปรียบเป็นน้ำมันหล่อลื่นให้เกียร์ในสมองทำงาน ถ้าในสมองผมยังมีฟันเฟืองพวกนั้นที่พอใช้งานได้นะ

"เอาไรวะ" ผมยืนคร่อมหัวมันอยู่

"ไรก็ได้แพงๆ คุ้มค่าตัวกู"

"งก"

ผมเอามือวางบนหัวมัน แล้วจะเอามืออีกข้างทุบบนฝ่ามือผม แรงกระแทกเบาๆจะถูกส่งลงไปที่หัวคนโดนกระทำไม่เจ็บมาก

ทุบตรงๆมันจะเจ็บ

ต้องเอื้อมมือมาคว้ามือข้างที่วางอยู่ก่อนเอาไว้

"มือนิ่มนะ"

ผมสะบัดออก

"คว...."

กวนตีน

เสียงต้องหัวเราะลั่นมาจากข้างหลัง

ในร้านคิวแน่นจริง กว่าจะซื้อได้ก็ไม่ต่ำกว่า 15 นาที

ร้านตกแต่งสีฉูดฉาดตรงนั้นตรงนี้ด้วยข้อความ ป้าย สีแดงสลับเขียว

กาแฟร้อนบนถาดถูกนำมาวางที่เค้าเตอร์

ผมปรุงก่อนแล้วยกไปที่โต๊ะ

"นี่มึงไม่ใส่เสื้อตัวอื่นมั่งเหรอ"

ผมถามมัน ในตอนนี้มือสองข้างถือถาดที่ใส่กาแฟที่ซื้อมาสองแก้ว

แก้วที่แรงๆสำหรับผม แล้วก็อีกแก้วผสมนมน้ำแข็งให้ต้องจะได้ไม่แก่เกินไป  ผมหัดกินกาแฟมาตั้งแต่เด็กแค่นี้สบายมาก แต่มันนี่สิ เดี๋ยวมันจะกินไม่ได้

ผมเอาถาดวางลงบนโต๊ะกลมข้างหน้ามัน

โต๊ะลายหมากรุกน่าเล่น แต่เต็มไปด้วยสมการฟิสิกส์ทำลายประสาทสายตา

เพิ่งสังเกตุ ต้องมันแต่งตัวแบบนี้ประจำ เจอกี่ทีๆก็เสื้อยืด อย่างดีก็แค่เปลี่ยนสี

"ก็กูชอบนี่"

"ใครจะเหมือนมึงใส่สองชั้นแต่งตัว ทำซะเท่อย่างกับมาเดท ไม่ร้อนเหรอวะ"

"แค่เสื้อยืดแล้วเสื้อนอกเว้ย"

ก็ปกติผมชอบงี้นี่นา

เสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนเข้ารูปที่เน้นขายาวๆของไอ้ต้อง ใส่ซะรัดติ้วเลย ตูดก็ไม่มี ฮ่าๆๆ ไม่รู้มันจะโชว์อะไร แต่ดูแล้วน่าจับดูว่ามันจะแบนแบบที่เห็นจริงมั้ย (เอะ เหมือนเคยจำได้ว่าแฟบ) ทำไมเวลาใส่รัดๆมันดูดีหรือยังไงนะ อึดอัดออก นอกจาเสื้อกับกางเกงยีนส์แล้ว มันมีเครืองประดับที่ข้อมืออีกสองเส้น สีเข้ากับชุด หือ มันก็เลือกเหมือนกันนี่หว่า

"จะทำมั้ยน่ะ คุยเล่นอยู่ได้"

"คร้าบบบบบ" มันเปลี่ยนโหมดแล้ว

มันสอนผมคร่าวๆก่อน แบบเดียวกับที่ครูสอน แต่ตัดส่วนเวิ่นเว้อออกไป

แล้วก็ให้ทำโจทย์แบบในห้องสอบ

ทำๆไปได้สองสามข้อท่าทางผมไม่มีหัวด้านคำนวณจริงๆ

"ย้ายที่มั้ยมึงข้างในว่างแล้ว"

ต้องชี้ไปทางด้านในที่เป็นเก้าอี้กลมกับโต๊ะกลมขนาดกลางๆตัวหนึ่ง โต๊ะใหญ่กว่าตัวนี้

ข้างในน่าจะสะดวกกว่า

โต๊ะใหม่ติดหลังกำแพงเข้าไปซะสุด

น้ำแข็งในแก้วของต้องเริ่มละลาย เวลาผ่านไปเนิ่นนานกับโจทย์ฟิสิกส์ที่ไม่ขยับไปถึงไหน ไอ้ต้องมันก็นั่งทำของมันไปด้วยแต่ไม่ใช่สำหรับสอบซ่อมอย่างผม มันเตรียมสอบตรงเข้ามหาลัย เป็นอีกหนึ่งคนที่คิดว่าน่าจะได้แน่ๆ

"ไม่กินวะ" ปากกาผมไปชี้ๆที่แก้ว

"กินแล้ว กูไม่ค่อยชอบกาแฟ"

"แล้วไม่บอกกูก่อน" แม่งเสียดายเงิน

"มึงอะกินไป จะได้ไม่ง่วง ไม่ให้นอนตักนะ"

ผมหรี่ตามองมัน

เออ เริ่มง่วงจริงด้วย

แล้วใครจะนอนตักมึงไอ้ขี้เก๊ก

มือจับไปที่แก้วขาวขุ่นเซรามิค มันกำลังอุ่นได้ที่ จากที่เคยร้อนจนยกดื่มไม่ได้ ผมยกเข้าปากกลืนลงไปได้สองคำ

"ต้องมึงจะสอบได้มั้ยวะ"

มันเอาปากกาเคาะหัวผม

"ยุ่ง ทำไป ทำไม่ได้มาถามกู เรื่องอื่นไม่ต้องถาม"

ข้อสอบแค่ยี่สิบข้อ ผมทำไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว

เวลามันสอนผมมันชอบเอาปากกาที่กัดมาเคาะๆหัวผมไปด้วย เวลาที่ผมไม่เข้าใจเนี่ยมันจะเอามาจิ้ม มันบอกวิธีนี้ทำแบบเดียวกับต่อเหมือนกัน

มันจะช่วยให้เรียนรู้เรื่องขึ้นเหรอวะ หาไรมาจิ้มๆตลอด

ตัวเลขข้างหน้าเริ่มเบลอ สูตรที่ใช้คำนวณเริ่มตีกัน วิธีคิดที่ใช้การแตกแรงบ้าบออะไรตอนนี้หัวผมจะแตกแทนแล้ว ทำไมกูต้องมารู้ด้วยวะ ว่าความเร็วเท่าไรแรงตึงเชือกเท่าไร

ท่าทางกาแฟจะไม่ช่วยอะไร

"ขอเวลานอกแป๊บ"

ผมล้มตัวฟุบลงกับโต๊ะ ขอ15นาทีละกันนะ

ก่อนปิดตาลงผมเหลือบไปมองทางเค้าเตอร์ สะท้อนถึงตัวผมเองตอนที่ไปซื้อเครื่องดื่ม

ผมรอคิวอยู่นานกว่าจะได้เข้าไปสั่ง

"ลาเต้เย็นแก้ว ก้บอเมริกาโน่ครับ"

"น้องๆเป็นแฟนกันเหรอ" พนักงานขายถามขึ้น

เสี้ยงปี๊บที่เครื่องยังดังอยู่ แต่ตาคนกดมองมาที่หน้าผม

"เอ่อ ป่าวครับ" ผมก้มหน้าหาเงินในกระเป๋า

พี่พนักงานดูยิ้มๆ ไอ้ต้องมันหน้าตาก็ใช้ได้ ผู้หญิงคงชอบกันสินะ

แล้วทำไม จู่ๆผมในหัวผม ได้ยินเสียงตัวเองตอบไปว่า

'ใช่พี่ ผมอยากให้เค้าเป็นแฟนผม พี่ไม่ต้องมายุ่งเลยนะ'

หึหึ

เสียงรอบข้างเงียบหายไป ความเพ้อเจ้อที่เค้าเตอร์กาแฟในจนตาการของผมก็สลายไปราวกับไอน้ำจากหม้อต้มกาแฟที่พอลอยสูงก็จะจางมลายไป

หน้าจอผมกลายเป็นสีดำไปนานแค่ไหนไม่รู้

นานๆครั้งจะมีเสียงหัวเราะกับเสียงเพลงแปลกๆเข้ามาที่หู อาจเป็นเพราะร้านนี้เปิดเพลงแจ๊สที่ผมไม่เข้าใจ นอนฟุบโต๊ะอย่างนี้คงหลับไม่สนิทมาก เสียงภายนอกเข้ามาตีในสมอง

อีกสักพักใหญ่ก็มีอะไรมาจิ้มๆที่มือผมอยู่ คงจะเป็นไอ้ต้อง แต่ง่วงอย่างนี้ปลุกยังไงก็ไม่ขึ้นแล้ว

เริ่มเมื่อยแฮะ

นอนคว่ำหน้านานๆน้ำลายจะไหล

ผมเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ

เหอะ

ไอ้ต้องก็หลับเหมือนกัน มันฟุบหัวลงบนแขนตัวเองข้างหนึ่ง หันหน้าออกไปทางขวาแขนอีกข้างเหยียดยาวออกมาทางผม

เอะ

มันจับมือผมอยู่

ผมลุกขึ้นนั่งตัวตรงตื่นเต็มตา ดูนาฬิกาข้อมือ ครึ่งชั่วโมงได้ มันนอนจับมือผมมานานเท่าไรแล้วเนี่ย เสียงหัวเราะก่อนตื่นเมื่อกี้คือ เสียงคนขำกันสินะ

ผมค่อยๆ เอามือออกช้าๆ

ลุกเดินไปที่เค้าเตอร์ไม้สีน้ำตาลเข้ม

พนักงานเปลี่ยนกะแล้ว คนที่ถามผมไม่อยู่

"ขอน้ำเปล่า 2 แก้วครับ"

"มากับแฟเหรอคะน้อง"

เอ่อ ไม่ใช่ครับ ผมรีบส่ายหัว เป็นอีกคนที่ถาม

"เสียดายออกจะน่ารักทั้งคู่เลย ถ้ารักกันก็คงดี"

 ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ

เอาเข้าไป

กลับไปที่โต๊ะ วางน้ำลงก่อน ผมยังยืนจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ดีว่านอนตอนบ่ายๆยังงี้ไม่เคารพธงชาติไม่งั้นไม่ได้ลุกไปเอาน้ำแน่ๆ

ผมสะกิดต้องที่แขนเบาๆ

"ตื่นเหอะ"

มันคว้ามือผมแน่นแล้วนอนต่อ

เอ่อ สะบัดสิครับ อายเค้า

ถ้าที่อื่นนะจะไม่ยอมให้มันปล่อยเลย

ผมเขย่าตัวมัน

ผอมแฮะ ผิดกับไอ้เจเลย

"อือ กี่โมงละวะ" เสียงงัวเงีย

"3"

"เอ้า น้ำ"

"ขอบใจ" มันรับแก้วไปกระดกทีเดียวหมด

"ไหนดูที่มึงทำดิ" คนพูดยังไม่ลุกจากโต๊ะดีเลย มันเอาแขนท้าวคางขึ้นมา

ผมยื่นกระดาษที่แสดงวิธีทำให้มันดู

มันเปิดสมุดเอาเฉลยมาเทียบ

"ถูก ทำได้นี่ ข้อที่ผิดนี่เดี๋ยวกูสอน แล้วลองเปลี่ยนตัวเลขแล้วทำใหม่"

มันอธิบายข้อที่ผมทำผิด ทำให้ผมจากที่ไม่เข้าใจเลย มาเป็นเข้าใจขึ้นมาอีกนิดหน่อย ก็คนมันโง่นี่นา ถ้าฉลาดคงไม่มานั่งซ่อมงี้หรอก

ไอ้คนสอนก็สอนได้นะ ทั้งๆที่เพิ่งพลุบหัวขึ้นมาจากโต๊ะแท้ๆ

"มึงว่ามันจะยากมั้ยวะ"

"ไม่น่านะ ครูขี้เกียจออกจ้อสอบกันจะตาย"

ทำยังกะบเคยซ่อมงั้นแน่ะ

"เออ แล้วปีใหม่มึงไปไหนป่าว" ผมถามมันด้วยทำไปด้วย

"ไม่นะ" มันทำท่าครุ่นคิด

"ไปบ้านแมคมะ" ผมยิ้มเห็นฟัน

"จะแดกเหล้าอะดิ"

มันเอามือตีหัวผม

"เด็กใจแตก" แน่ะว่าอีก

ดีกว่าอย่างอื่นแตกละน่า

เงาวูบผ่านไปข้างๆ ผู้หญิงในชุดมหาลัยคนหนึ่งกำลังถือหนังสือกับกาแฟลงมานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะข้างๆ

"สวยเนอะ" ผมสะกิดให้ต้องดู

"ชอบแบบนี้เหรอ" มันเขียนใส่กระดาษ

"ก็สวยดี" ผมเขียนตอบ

"แก่" มันเขียนตอบ

"ประสบการณ์เยอะ" ผมขยับกระดาษไปใกล้มัน

"ตอแหล" มันเอาปากกาเคาะหัว

ทำไมงี้ไม่เขียนวะ พูดมาทำไม

ผู้หญิงคนนั้นนั่งหัวเราะมาทางพวกเราสองคน

"กลับเหอะ เย็นละ"

"รีบเหรอ" ถ้ามันรีบผมจะได้หยุดไว้ก่อน

"ต่อมันรอกินข้าวน่ะ"

"น้องหรือแม่วะ"

ผมขำ

"น้องเขยมึงงะ"

คว....

ผมชูนิ้วกลางให้มันสองมือเลย เอ้า

"เล่นไรวะห่า"

"มึงน่ะ พูดงี้เอาไว้หยอดกับผู้หญิงโน่น"

ผมเก็บของลุกละ ตอนแรกว่าจะชวนมันเดินเล่นต่ออีกสักหน่อย

"ขอบใจนะมึง"

"เออ เดี๋ยวมึงกลับเลยใช่ป่าว" สมุดหนังสือของต้องถูกยัดลงในกระเป๋าสะพายแต่เล่มที่มันบอกออกสอบมันโยนมาให้ผม

เอ่อ ตอบไงดีวะ

"ยังวะ มึงกลับก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวกูว่าจะเดินต่อ" ผมยืนมองต้องมันถือกระเป๋าในชุดสบายๆ

มันใส่แบบนี้ตัวมันยิ่งสูงยาวเข้าไปใหญ่ มันเริ่มออกเดินไปที่ถนน

"อ้อ"

"มึงทำไรต่ออะ เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน" มันเปลี่ยนใจหันหลังกลับมา

"ดูของนิดหน่อยน่ะ"

ผมบอกมันไม่ได้

ต้องกดโทรศัพท์แล้วโทรออก

"เดี๋ยวกลับช้าหน่อยนะ แวะซื้อของกินไปด้วย ถ้าต่อหิวกินก่อนได้เลยนะ"

เงียบไปสักพัก

"รู้แล้วฝากบอกแม่ด้วย"

เสียงเปลี่ยนสงสัยจะไม่ค่อยดี

"เป็นไรป่าว" ผมสร้างปัญหาให้มันมั้ยเนี่ย

"ป่าว ไปกัน"

มันสะกิดไหล่ผมออกเดิน

ซวยละสิ จะไปดูไงวะเนี่ย

ผมกะว่าจะไปซื้อของปีใหม่ให้มันซะหน่อย สงสัยจะไม่ได้ซะแล้ว ร้านรวงทุกที่แต่งร้านเป็นแบบคริสต์มาสหมด ป้าย สุขสันต์ปีใหม่ แปะอยู่ทั่วไป บางร้านเอาหิมะเทียมมาวาดเป็นรูปมนุษย์หิมะ

เพลงประจำช่วงคริสต์มาสเริ่มเล่นวนไปมา มีหลากหลายเวอร์ชั่น ทั้งผู้ชายผู้หญิงร้อง

ข้างนอกห้างน่าจะอากาศดี แต่ฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าอ่อนตอนนี้เริ่มเป็นสีเทาเข้ม บ่งบอกว่าเวลากล้บบ้านกำลังงวดเข้ามา

ผู้คนออกมาเดินกันเหมือนกับฝูงนกที่บินกลับเข้าบ้าน ตรงข้ามมนุษย์ตกเย็นช่วงสิ้นปีออกจากบ้านมาสังสรรค์ วันนี้ก็น่าจะเย็นๆอีกวันเห็นคนใส่เสื้อหนาวตัวบางๆ

แต่ในห้างนี่น่าจะร้อนแรงด้วยป้ายลดราคา ป้ายแดงและตัวเลขเป็นเปอร์เซนต์มีให้เห็นอยู่ทั่วไปหมด

ผมกะมาดูไอพอดลดราคาให้มันซะหน่อย

วันนี้แห้วไป

เล่นเดินตามประกบหลังขนาดนี้ จะไปร้านไหนก็เข้ามาคุมเข้มตลอด กลัวใครมาข่มขืนผมรึไงนะ

คิดว่าน่าจะรีบส่งมันกลับได้แล้ว

"ต้องกลับกันเหอะ"

ผมรู้มันรีบ

"อือ"

มันเงยหน้าหารถแท๊กซี่ทันทีที่ออกมาถึงจุดเรียกรถหน้าห้าง แสดงว่ารีบจริง

เลยไม่ได้ชวนมันดูอย่างอื่นเลยว่ามีอะไรที่มันชอบหรือเปล่า ไม่เป็นไร ไว้วันหลังแล้วกัน
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 11 จับมือ [pg6] 19/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 19-12-2015 15:48:49


ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าโทน และ จังหวะของเรื่องนี้เป็นยังไง แต่ก็อดขัดใจกับความไม่ชัดเจนของทั้งต้องและเก้าไม่ได้...
อ่านไปก็พยายามเตือนตัวเองให้ใจร่ม ๆ แต่ตามประสาคนอ่านอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ แหละค่ะ ที่ย่อมจะอยากเห็นความชัดเจนเป็นรูปธรรมจากคู่พระนายที่จวนจะ จวนจะกันอยู่หลายต่อหลายรอบเหลือเกิน - ไม่รู้เราใจร้อน หรือเป็นห่วง กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเก้ากันแน่ (โดยเฉพาะเรื่องบูมกับเจ - เราแอบจัดเจออยู่ในพวกเดียวกับบูมไปแล้วนะเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

อย่างไรก็ตาม เราก็จะตามติดสองหนุ่มต่อไปค่ะ (ถึงจะมีบางวูบที่รู้สึกว่าตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นแค่ความทรงจำของใครคนใดคนหนึ่งก็เถอะ - อันนี้เรามโนเอานะคะ)  อยากรู้ว่าต้องจะทำยังไงกับตัวเอง และอยากรู้ว่าเก้าจะก้าวข้ามความไม่แน่ใจ ความกังวล และช่วง coming out ของตัวเองได้ยังไง จุด ๆ นี้นี่ลุ้นอย่างเดียวว่า ขอให้เก้าผ่านมันไปให้ได้อย่างสวยงามและไม่เจ็บปวดก็พอ


ขอโทษที่เราไม่ได้เมนท์ตลอด (เราจะเมนท์วันเสาร์เป็นหลัก) แต่ยืนยันว่าเราอ่านนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ... เป็นกำลังใจให้อย่างแรงเสมอค่ะ   :L2:

หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 11 จับมือ [pg6] 19/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 19-12-2015 16:10:54
ถ้าเข้ามาอ่านเรื่องนี้
แล้วเจอพระเอกชื่อ "ต้อง"

ก็ต้องเม้นท์ว่า..

จับมือไว้
แต่ไม่ไปด้วยกัน

ฮ่าฮ่า
ก็มันจริงอ่ะ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 11 จับมือ [pg6] 19/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 19-12-2015 18:07:36


ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าโทน และ จังหวะของเรื่องนี้เป็นยังไง แต่ก็อดขัดใจกับความไม่ชัดเจนของทั้งต้องและเก้าไม่ได้...
อ่านไปก็พยายามเตือนตัวเองให้ใจร่ม ๆ แต่ตามประสาคนอ่านอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ แหละค่ะ ที่ย่อมจะอยากเห็นความชัดเจนเป็นรูปธรรมจากคู่พระนายที่จวนจะ จวนจะกันอยู่หลายต่อหลายรอบเหลือเกิน - ไม่รู้เราใจร้อน หรือเป็นห่วง กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเก้ากันแน่ (โดยเฉพาะเรื่องบูมกับเจ - เราแอบจัดเจออยู่ในพวกเดียวกับบูมไปแล้วนะเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

อย่างไรก็ตาม เราก็จะตามติดสองหนุ่มต่อไปค่ะ (ถึงจะมีบางวูบที่รู้สึกว่าตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นแค่ความทรงจำของใครคนใดคนหนึ่งก็เถอะ - อันนี้เรามโนเอานะคะ)  อยากรู้ว่าต้องจะทำยังไงกับตัวเอง และอยากรู้ว่าเก้าจะก้าวข้ามความไม่แน่ใจ ความกังวล และช่วง coming out ของตัวเองได้ยังไง จุด ๆ นี้นี่ลุ้นอย่างเดียวว่า ขอให้เก้าผ่านมันไปให้ได้อย่างสวยงามและไม่เจ็บปวดก็พอ


ขอโทษที่เราไม่ได้เมนท์ตลอด (เราจะเมนท์วันเสาร์เป็นหลัก) แต่ยืนยันว่าเราอ่านนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ... เป็นกำลังใจให้อย่างแรงเสมอค่ะ   :L2:

ขอบคุณครับ แค่นี้ผมก็มีกำลังใจแล้ว

เอ... คันมืออยากมี coming out เหรอ บางทีอาจจะผิดก็ได้นะ 555

ตอนจีบกันนี่แหละ สนุกสุดแล้ว


ถ้าเข้ามาอ่านเรื่องนี้
แล้วเจอพระเอกชื่อ "ต้อง"

ก็ต้องเม้นท์ว่า..

จับมือไว้
แต่ไม่ไปด้วยกัน

ฮ่าฮ่า
ก็มันจริงอ่ะ

ขอบคุณมากๆเช่นกันนะครับ

ผมว่าแค่นี้ ไอ้ต้องมันก็กล้ามากแล้วนะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 11 จับมือ [pg6] 19/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 20-12-2015 01:25:55
ไอติมหวาน ซ่านลิ้น น่ากินมาก
ช้อนจะตัก ใส่ปาก ฝากไว้ก่อน
จะแลบลิ้น เลียจับ กลับหาวนอน
โธ่!พี่ต้อง ไอ้อ่อน จับป้อนเลย--เก้า

ฮ่าฮ่า
ชักเข้าชักออกอยู่นั่นล่ะ เพ่ต้อง
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 12.1 ค้างบ้าน(อีกแล้ว) [pg6] 19/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 20-12-2015 11:53:06
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 12.1 : ค้างบ้าน (อีกแล้ว)

กำหนดสอบซ่อม มีครูมาเขียนไว้บนกระดานตอนไหนไม่รู้ เพราะห้องนี้มีผมคนเดียวที่ตก คนที่เขียนเลยไม่รู้ว่าตั้งใจจะประจานกันหรือไม่

ถ้าไม่ตั้งใจจะเขียนทำไมให้คนมาบอกก็พอแล้ว นี่เล่นเขียนตัวใหญ่ๆประจานหน้าห้องเลย

บนกระดานสีเขียวมีลายชอล์กสีขาวอยู่ที่มุมซ้าย ตัวอักษรขนาดเกือบสี่นิ้ว

อ่านได้ว่า

'นัยวิทย์ สอบซ่อมวันนี้ ตอนเย็นห้อง2'

เพราะเป็นชื่อผมนี่แหละ ผมเลยสามารถเดินเข้าไปลบกระดานได้แบบไม่ต้องถามใคร

พวกไอ้เจนี่ก็หัวเราะขำกันใหญ่

"ครูเน้นชื่อมึงเนอะ"

ทำเป็นขำอย่าตกมั่งแล้วกัน

"ซวยหน่อยนะมึง"

"พอเลยแมค" ผมทำหน้าเซ็งกลับไปที่นั่ง

นี่ก็ใกล้คริสมาสแล้ว ในใจภาวนาให้มีอะไรดีๆเกิดขึ้น ช่วงเวลานี้ของทุกปีผมจะมีความสุขที่สุด เวลาสิ้นปีเรียนจะน้อย อากาศเย็น ผู้คนร่าเริง แถมงานก็น้อย พ่อแม่จะมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น ไปไหนก็ดูจะเจอแต่ผู้คนหน้าตามีความสุข

แต่ปีนี้ของผมกลับไม่ค่อยรู้สึกเป็นอย่างนั้นเท่าไร

 พ่อแม่ไม่ค่อยกล้บบ้าน (ที่ยังใช้คำว่าไม่ค่อยเพราะไม่เห็นเลยไม่แน่ใจกลับมั้ย) แถมสอบตก (แค่สอบย่อยก็แย่แล้ว อยู่ห้องเด็กเก่งนี่ อายเค้า)

เย็นวันนี้สงสัยจะต้องอยู่เย็น กว่าจะได้สอบก็โน่นหลังเลิกเรียน พวกมันก็คงไม่มีใครมารอผมสอบซ่อมหรอก วันนี้ได้กลับคนเดียวแน่แล้ว นั่งคิดเพลินๆไปว่า เย็นนี้สอบเสร็จไปแวะบ้านแมคดีกว่า

เมื่อออดดังหมดคาบสุดท้ายก็อดจะรู้สึกตื่นเต้นเล็กๆไม่ได้  บางทีเพราะว่าผมต้องไปสอบห้องอื่นแถมยังมาจากห้องนี้คนเดียวด้วย

ผมถือปากกาไปด้ามนึง แล้วไปยืนรอหน้าห้อง 2

“เฮ้ย มึงตกเหรอเก้า”

ใครสักคนทักขึ้น

“เออดิ แม่งเซ็งวะ”

ผมตอบอายๆ

เหมือนคนแปลกหน้า ยังกับหมาหลงฝูง

“เอาน่าๆ ห้องกูตกเพียบเลย กูก็อยู่ซ่อมเนี่ย”

มีบางคนที่ผมรู้จักพอจะคุยได้บ้าง ก็เลยทักทายกันตามประสาคนไม่ได้คุยกันนาน มีเหมือนกันที่ยังคิดว่าผมเป็นเพื่อนมันอยู่ ไม่ใช่เด็กผู้ชายที่บ้าผู้ชายไล่จับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว

“ซัน ไปไหนวะ”

ผมเห็นมันแต่งชุดเล่นกีฬาเดินผ่านหน้าผมไป

“ซ้อมบอลๆ”

“คราวหน้าแพ้ก็มีสิทธิ์ตกรอบแล้วนี่หว่า” ผมแซวมัน

“เออดิ นี่ไอ้เจก็ลงไปซ้อมด้วยเนี่ย” มันเดินหลบคนที่เริ่มเก็บของกลับบ้านเข้ามาใกล้ผม

“เหรอ มันก็ลงไปด้วยเหรอ”

“ใช่ น้องต้องก็มา”

งี้พี่ชายตัวอย่าง อย่างไอ้ต้องน่าจะไปดูมันซ้อมสินะ

“มึงมาซ่อมใช่มะ”

คนถามยิ้มดูอารมณ์ดี ไม่มีแววดูถูก

“เออ เซ็งอยู่เนี่ย” ผมส่ายหัว

"ไอ้ต้องติวมาให้แล้วแหละคงพอไหว"

“เอาเหอะ ทำได้เต็มมันก็ให้แค่ครึ่งเดียว เพราะซ่อมนี่” ซันบอก

“เออจริง แต่ถ้าตกอีกไม่รู้เป็นไงวะ ฮ่าๆ”

“มึงอ่านมาดียังละ”

“ก็ฝากความหวังไว้ที่ต้องมันติวๆให้อะ” ยังหวั่นๆแฮะ

ไอ้ซันเอาตัวมาแนบติดกับผมเลย

“เฮ้ย เดินระวังหน่อยดิ”

ใครที่ไหนไม่รู้คงเดินชนมันเข้า เดี๋ยวนี้มันสูงกว่าผมไปแล้ว พอเข้ามาใกล้ๆถึงเห็นว่า ปากมันอยู่ตรงจมูกผมพอดี ก้มลงไปมองขายาวๆของมันแล้วอิจฉา แม่งกินอะไรเข้าไปนะ

“งั้นมึงไปซ้อมเหอะ เดี๋ยวกูเข้าห้องแล้ว”

“เออ ไว้เจอกัน สนามข้างล่างอะมึง เสร็จแล้วลงมา” ซันโบกมือลา

“โอเคๆ”

ในห้องเรียนไม่มีที่นั่งไหนว่างอยู่ แสดงว่าเด็กตกกันเยอะเท่ากับจำนวนห้องเรียนหนึ่งห้องเลยทีเดียว 

วิชานี้ก็ขึ้นชื่ออยู่ว่ายาก

ครูก็เริ่มแจกกระดาษข้อสอบ ดูดีๆหน้าตาคุ้นเคยมาก มันเป็นชุดเดียวกับที่ทำไปตอนสอบคราวที่แล้วน่ะแหละ ไม่ได้ออกใหม่เลย

ไอ้ต้องมันทายถูก

ดังนั้นที่มันสอนผมไว้เมื่อวันเสาร์ มันก็น่าจะออกมาตรงตามนี้เหมือนกัน

“เฮ้ย ตุ๊ด เอามาลอกมั่งดิ”

ใครไม่รู้ข้างๆสะกิดผม

ผมหันไปมองหน้าแล้วไม่พูดอะไร

“เฮ้ย มึงอะ เอามาดูมั่งดิ”

ระหว่างที่ทำไปก็นั่งนับไปด้วย มันเรียกผมว่าตุ๊ดไปกี่ทีแล้วเนี่ย ข้อสอบมันไม่กี่ข้อ รีบๆทำรีบๆไปดีกว่า

ใช้เวลาไม่นาน ข้อสอบชุดนี้ผมก็ทำเสร็จ ถึงจะได้เต็ม คะแนนที่ออกมามันก็ครึ่งเดียวอยู่ดี  ถ้ามั่นใจว่ายังไงก็ผ่านแน่ๆแล้วคราวนี้ ผมจะตั้งใจทำไปทำไม

“เฮ้ย ดูหน่อยดิ อย่างก”

ผมหันไป แล้วเอากระดาษที่ใช้คิดคำตอบวางไว้ต่อหน้าพวกมัน ทีนี้มันก็รุมกันเข้ามาเพื่อหาว่าข้อไหนเป็นข้อไหน ซ่อมเนี่ยครูให้แสดงวิธีทำด้วย ดังนั้นจะแค่กาๆในข้อสอบไปไม่ได้ ดังนั้นวิธีคิดคร่าวๆผมจึงทำใส่อีกแผ่นนึง แล้วค่อยลอกใส่กระดาษคำตอบ

ผมปล่อยพวกมันไว้อย่างนั้นแหละ เอาข้อสอบไปวางไว้ที่โต๊ะครูหลังห้องแล้วเดินออกไป

“เก่งสมเป็นตุ๊ดจริงๆ”

เออ ตามสบายพวกมึง

สับขาออกจากห้อง 2 เลี้ยวเข้าห้องผมคว้ากระเป๋า

ผมเดินเร็วๆลงบันไดที่อยู่ตรงกลางตึก ในใจก็คิดไปด้วยว่าจะแวะไปดูพวกนั้นที่สนามบอลดีมั้ย มันจะมีแข่งอีกทีวันไหนนะ นี่ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว ไม่รุ้จะยังเตะกันอยู่มั้ย ยังไงแวะไปดูหน่อยแล้วกัน

บนตึกเรียนตอนนี้แทบไม่มีความเคลื่อนไหวหลงเหลืออยู่แล้ว เวลาลงไปแต่ละชั้นก็อดมองไปทางห้องเรียนแต่ละห้องที่เคยเรียนไม่ได้ เหมือนมีอะรไบางอย่างกวักมือเรียกความทรงจำเก่าๆกลับขึ้นมา ห้องเรียนที่เรียนตอน ม.ต้น หน้าห้องที่บูมมันชอบหาเรื่องผม ซอกตึกด้านนั้นที่เจเคยพาผมไปทำอะไรด้วย

5 ปีในโรงเรียนแห่งนี้

 มาถึงชั้นล่างสุด เหลือบมองนาฬิกา เวลาสี่โมงกว่าๆ หวังว่าพวกนั้นจะยังไม่กลับกันไปหมด มองไปทางฝั่งสนามบอล ยังเห็นคนตัวเล็กๆวิ่งกันไปมาอยู่ แสดงว่ายังซ้อมกันไม่เสร็จ

ที่สนามคนใส่เสื้อผ้าเหมือนกันหมด เสื้อยืดกับกางเกงพละ ผมต้องแยกเอาจากหน้าตาของคนเล่น เริ่มจากประตูน่าจะง่ายที่สุด นั่นไง ซันอยู่ทางซ้ายของสนาม

ผมวิ่งอ้อมขึ้นไปบนแสตนด์เยื้องกับประตู นั่งหลังประตูเดี๋ยวจะมีบอลลอยออกมาอีก ยิ่งหลังคนรักษาประตูเลยยิ่งดี ไอ้ซันจะได้รับไปแทน

“ซัน เป็นไงวะ”

“เสร็จแล้วเหรอ มึง ทำได้มั้ย” ตายังจ้องไปที่ลูกบอลไม่สนใจผม

“ตรงตามที่ไอ้ต้องบอกเป๊ะๆเลยวะ”

“ผ่านแล้วดิงั้น” ก็ยังไม่หันกลับมา

“ไม่รู้”

ตอนนี้ฝั่งโน้นกำลังเลี้ยงบอลมาทางผม หลบดีกว่าเพื่อความชัวร์

ฟิ้ว เสียงบอลลอยข้ามคานไป

“แล้วนี่ถึงกี่โมงวะ” ผมถามซัน

“ไม่รู้อะ”

ในสนาม ทีมฝั่งผมก็ผู้เล่นชุดเดิมๆ มีเพิ่มไอ้เจขึ้นมาคนเดียวเพราะมันแข่งว่ายน้ำครบทุกรายการที่มันลงไปแล้ว มันจึงกลับเข้ามาซ้อมบอลต่อ

ไอ้ต่ออยู่กองหน้า คู่กับไอ้เจเลย

“เห็นต้องมั้ยอะ”

ซันส่ายหน้า

“เออ เก้าเมื่อคืนนี้ ...”

“เออ กูบอกแล้วว่า ชักว่า.. ซะ ทำเป็นแล้วมึงจะติดใจ”

ไอ้ซันหัวเราะใหญ่

“รู้เหรอกูจะพูดอะไร”

“ถ้ามึงเริ่มว่าเมื่อคืนนี้เนี่ย ไม่พ้นเรื่องนั้น” ผมหัวเราะ

มันยังแบ่งสมาธิมาเล่าได้นะ

มองหาต้องไม่เจอแฮะ มันไม่มาเฝ้าน้องมันหรอกเหรอเนี่ย แต่ดันไปประสานตากับคนที่ไม่อยากจะเจอ ไอ้บูมยืนอยู่สนามฝั่งตรงข้าม ทำท่าจะเดินมาทางนี้ นั่นไง มันเห็นผมแล้วจริงๆด้วย

ผิดคาด แทนที่มันจะเดินเข้ามา มันกลับดิ่งไปหาต่อ

ซวยกว่าเดิมอีก

ไอ้บูมตะโกนเสียงดังข้ามสนามมา

“รอผู้ชายเหรอ!!!”

นั่นไง

ผมลุกยืนขึ้น

ขาไปกระแทกกับไม้รองพื้นดังปัง

“เก้าใจเย็น” ซันห้ามไว้

“ขอจัดมันสักทีเหอะวะ”

ยังก้าวขาลงจากแสตนด์ได้ไม่ถึงขั้นสุดท้าย

ไอ้เจลากตัวบูมออกไปจากสนามก่อน

“ใครไม่เกี่ยวกลับบ้านไปเลย อย่ามากวนตีนกันแถวนี้” รุ่นพี่คนนึงชี้มาทางหน้าผม

กูอีกแล้ว ทำไมไอ้บูมมันไม่เคยโดนเลยวะ

“ซันกูกลับก่อนนะ”

"โชคดีๆ" ผู้รักษาประตูที่รักษาสิทธิ์ผมไม่ได้ตอบรับ

ผมโบกมือให้เจมัน

มันไม่ตอบ

ไอ้บูมยังอยู่ต่อ มันเดินเช้าไปคุยอะไรสักอย่างกับพี่คนนั้นแล้วมันก็ลงไปนั่งข้างสนาม

เออ สิทธิ์พิเศษมึงเยอะจริงนะ ทำไมคนในโรงเรียนนี้ใครๆก็ชอบมันวะ

ไอ้เด็กบ้าขายตรง นอกจากอ้อล้อครูแล้วมันไปอ้อล้อใครมาบ้างวะ

ผมเดินออกจากสนามบอลไป ปล่อยให้พวกมันซ้อมกันอยู่อย่างนั้น ค่อยๆทิ้งระยะห่างจนเสียงต่างๆนั้นเงียบหายไปข้างหลัง เมื่อเดินเลยออกไปซักหน่อย ทั้งโรงเรียนก็กลับสู่ความเงียบแบบเดียวกับตอนแรก พวกที่สอบซ่อมก็น่าจะกลับไปหมดแล้ว มันได้เฉลยไปแล้วนี่ ถึงจะไม่ถูกหมดก็เหอะ (และก็ไม่มีทางถูกหมดด้วย)

“แมคไหนวะ” ผมโทรหามัน

“บ้านรุ่นพี่วะ ทำแสตนด์อยู่ มีไร”

“ป่าววะ กูหาใครไม่เจอ”

“เออ กูยุ่งอยู่ ค่อยคุยกัน”

“เค” ผมวางสายไป

กลิ่นคลอรีนฉุนเตะจมูกผม สระว่ายน้ำอยู่ทางขวามือ ผมเดินทางด้านซ้ายของถนนที่คั่นระหว่างแนวต้นไม้กับสระว่ายน้ำ งั้นวันนี้ก็กลับบ้านเลยดีกว่า คิดได้งั้นผมก็มุ่งหน้าจะเดินกลับบ้าน ไม่ได้สนใจรอบข้างอีก

“เฮ้ย”

ผมสะดุ้ง ใครมาตะโกนข้างหลังวะ

“อ้าว มึงอยู่นี่เหรอ”

“เออ โดนจับมาซ้อมน่ะ”

ร่างสูงๆ ในชุดนักเรียนตอบ มันคงไม่ได้ตั้งใจจริงๆ กระเป๋ากับเสื้อหนาววางกองอยู่ที่เสา ท่าทางหน้าตาดูเปื่อยๆ

“เป็นไงมึง ไม้ตกพื้นมั้ย”

“ไม่อะ คนเก่งอย่างกูมีหรือจะพลาด”  มันโยนไม้โชว์รอบนึง แขนขายาวเข้ากันดีจริง

ไม้ลอยขึ้นไปสูง หมุนเป็นวงกลม

ร่วงลงมาหยุดยู่ในกำมือต้องแล้วหมุนควงไปรอบเอวหนึ่งรอบ ก่อนจะมาหยุดจับที่กลางไม้แล้วแนบเข้ากลับหน้าอก

“เหอะ”

ผมไม้รู้จะชมอะไรมัน

“เป็นไรวะ ทำได้ป่าว ทำไมดูเซ็งๆ”

“กูคิดว่า พวกมึงกลับไปหมดแล้วนะเนี่ย”

อากาศหน้าหนาวมันทำให้ความรู้สึกเหงาแฮะ สิ่งแปลกใหม่ในชีวิตผม

คำว่า 'เหงา'

ทำไมเด็กๆไม่รู้สึกนะ

“กลับบ้านคนเดียวไม่ได้เหรอไง”

ผมโดดตัวหลบทัน ไอ้บ้านี้ เอาไม้มาจิ้มๆผมทำไมเนี่ย

“ไม่ขนาดนั้น กูไปหามึงที่สนามบอลมาไม่เจอ เจอแต่ต่อ”

“อ้าว เหรอ” คราวนี้กลายเป็นต้องที่เสียงเปลี่ยนไป

“มึงจะกลับยังละ” ผมเอากระเป๋าไปทิ่มๆมันบ้าง

มันหลบได้

“ก็เดี๋ยวกลับแล้วก็ได้ เห็นว่าอาทิตย์หน้าจะซ้อมเข้าสนามจริงแล้ว พี่เค้าเลยจับมาโยนๆซะหน่อย เดี๋ยวร่วงไปจะไม่ดี”

“แล้วอีก 2 คนละ”

ผมหมายถึงไอ้เด็กม.ต้นนั่นน่ะ

“ไม่รู้วะ”

มันหันหลังโชว์แผ่นหลังแคบๆให้ แล้วเดินเอาไม้ไปวางไว้ตรงซอกตึก พร้อมหยิบกระเป๋านักเรียนมาหนีบไว้

“ไม่หายเหรอมึง”

“ใครจะเอาไป”

ก็จริงของมัน

คนเอาไปคงบ้ามาก เอาไม้ดรัมไปเก็บไว้ควงเล่นที่บ้านเหรอไง

“ตกลงมึงทำได้ป่าวเนี่ย”

“ได้ดิวะ เพราะมึงเลยนะเนี่ย” ผมแหงนมองหน้ามัน

“เหรอ งั้นต้องให้รางวัลกูละ”

“เดี๋ยวเลี้ยงหนังมะ”

“อืออออออ... ดูก่อน” มันทำหน้าครุ่นคิด ลากเสียงยาว

ดูมีเลศนัย

“วันนี้กูไปเที่ยวบ้านมึงดีกว่า”

หือ!!!!!!

“เฮ้ยๆ” มันเอาจริงเหรอ

"จริงดิ จะไปทำไรวะ"

"นั่งเล่น เลี้ยงข้าวกูด้วย"

มันทำท่าทางบุญคุญ

“เออ ตามใจมึง”

อยู่ๆก็จะมา เอาแต่ใจชิบหาย

ผมกับต้องลงจากรถเมล์ที่เดิม หน้าบ้านแมค

พวกบรรดารถเข็นขายของข้างทางก็ยังมีวางขายอยู่ ตอนนี้เพิ่งจะหกโมง ยังไม่เย็นมาก อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองบ้านแมค วันนี้ก็ยังมืดสนิท ดูปกติไปซะแล้วในระยะหลังนี้

แปลก บ้านมันอยู่กันหลายคนแต่ทำไมมันถึงได้เงียบขนาดนี้ รู้สึกเหมือนบ้านเปล่าๆ

ลมเย็นวูบพัดมาปะทะเข้าที่หน้า สงสัยพรุ่งนี้ไปเรียนได้เอาเสื้อหนาวติดไปด้วยแล้ว นี่หนาวขึ้นอีกแล้วเหรอเนี่ย ปีนี้ถือว่าเย็นกว่าทุกปีที่ผ่านมา

หันไปมองไอ้คนตัวสูงๆข้างผม ที่ตอนนี้มันเอามือล้วงดึงเสื้อนักเรียนออกมานอกกางเกง ปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกออก เสื้อหนาวพันคอไว้

“เอาไรเข้าไปกินมั้ยมึง”

ไม่คิดว่าที่บ้านจะมีข้าวสำหรับต้อง จริงๆแล้วสำหรับผมก็ด้วย บ่อยครั้งที่จะเดินออกมาปากซอยอีกทีเพื่อหาอะไรกิน

ผมจึงชวนมันหาซื้อไรเข้าไปไว้ดีกว่า กันเหนียว

“เออ งั้นแวะซื้อขนมกับน้ำด้วย”

ต้องแยกเข้าไปเซเว่น เจ้าเดิมที่ไอ้เจมาประกาศศักดาซื้อเบียร์โดยอ้างคนแถวบ้านผม

ส่วนผมออกไปซื้อราดหน้า

ห้องนอนผมไม่ได้มีใครแวะมาเยี่ยมเยียนอีกเลย ครั้งสุดท้ายเห็นจะเป็นตอนที่ไอ้เจมาหมกตัวอยู่ที่นี่ช่วงปลายปิดเทอม  เปิดเทอมใหม่มันก็ไม่ได้ถามจะมาอีกเลย มันก็ไม่ได้ขอจะมาอีกเลย 

ไอ้ซันเหมือนๆว่าเคยบอกว่าจะมาเล่นเกมส์ด้วยกันครั้งนึง แต่กลายเป็นว่าพอเอาเข้าจริงๆก็ยังไม่ได้มาซะที ต้องจึงเป็นคนที่ 2 ที่ได้เข้าห้องนอนผม

สภาพหอบแฮกลากสังขารเข้าบ้านเงียบปีนขึ้นไปยังห้องนอนผมที่ชั้น 3

“ห้องน่ารักดีนี่”

อะไรวะ พูดเหมือนไอ้เจเลย

“เดี๋ยวกูลงไปใส่จานให้”

มันล้มตัวลงนั่งบนโซฟา ถอดถุงเท้าออก

“เปิดทีวี เล่นเกมส์ อ่านการ์ตูนตามใจมึงเลย”

ผมเปิดประตูยกถุงข้าวลงไปข้างล่าง

“หนังโป๊?”

“ไม่มีเว้ย”

ลงไปข้างล่าง มองซ้ายขวาพ่อแม่ยังไม่กลับมาบ้าน

ราดหน้า 2 จานอยู่ในมือสองข้างของผม พร้อมกับหนีบ เป๊ปซี่ขวดลิตร 1 ขวดขึ้นห้องไปด้วย

ผมเอาตัวชนประตูเป็นเสียงขอความช่วยเหลือ

“เออๆ”

คนในห้อง

“เฮ้ย”  ผมร้อง

“ไม่ใส่เสื้อวะ”

 ไอ้ต้องออกมาเปิดประตูให้ ครึ่งล่างใส่กางเกงนักเรียนสีน้ำเงิน ตัดกับเข็มขัดสีดำแล้วก็ขอบกางเกงในสีขาว ปล่อยท่อนบนให่เปลือยเปล่ารับลมจากพัดลมในห้องอย่างนั้น

"ร้อนนี่"

“เออๆ เดี๋ยวเปิดแอร์ให้”

หน้าต่างไม่เปิดมันก็อบสิ

“เฮ้ยๆ ไม่ต้องๆ เปลือง รออาบน้ำก่อนก็ได้”

งกสมเป็นต้องจริงๆ นี่ขนาดบ้านผมนะ เอะ หน้าหนาวยังงี้มันยังบ่นร้อนได้เรอะ แล้วนี่ผมต้องมานั่งทนดูมันไม่ใส่เสื้อกินข้าวต่อหน้าผมเหรอเนี่ย แล้วกางเกงก็ดันใส่หลวมๆด้วยนะ นั่งทีเปิดซะเห็นกางเกงสีขาวไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ผมกับมันกินข้าวกันเร็วๆมาก ราวกับทำให้มันจบๆไป ข้าวน่ะมันแค่ทางผ่าน ของจริงกำลังจะเริ่มแล้ว

ต้องหยิบขนมออกมาแล้ว ไปเปิดเกมเล่น

นั่นไง ว่าแล้ว

“ต้องมึงเล่นเป็นเหรอ” 

ผมลุกขึ้นเอาจานลงไปเก็บข้างล่าง

“ไม่เคยเล่นวะ ลองดู”

 ขากลับขึ้นมาก็คิดว่า ไม่ใช่ว่าขึ้นมาคราวนี้กางเกงนักเรียนมันจะหายไปหรอกนะ ไม่รู้เรียกว่าโชคดีหรือไม่ พอเปิดประตูขึ้นมา กางเกงยังอยู่ ต้องนั่งสบายๆอยู่บนโซฟาแล้วจ้องไปที่ทีวีไม่สนใจคนที่เข้ามา นี่ถ้าเป็นแม่ผมจะตกใจมั้ยเนี่ย

“ทุกทีมึงไปบ้านแมคก็ใส่อย่างนี้เหรอ”

“หือ ปกตินะ บางทีไอ้เจใส่แต่กกนด้วยซ้ำ”

เออ ถ้าเป็นไอ้เจ ผมไม่แปลกใจหรอก รายนั้นต่อให้จะแก้ผ้าเดินไปมาเลย ผมก็ไม่รู้ตกใจซักนิด

ปล่อยมันนั่งเล่นเกมส์ไว้อย่างนั้นแหละ ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทางโต๊ะที่อยู่ติดกับเตียง โต๊ะนี้มันเพิ่งถูกยกขึ้นมา หลังจากผมเห็นว่ามันว่างอยู่ไม่มีใครใช้ แล้วผมต้องการพื้นที่สำหรับวางของเล่นใหม่ที่เพิ่งได้มา

หลายวันก่อนผมเห็นคนเอาจิกซอมาวางขายเลยลองซื้อมากล่องนึง ตอนแรกว่าจะวางต่อกับพื้นแต่ดูจากปริมาณแล้วมันน่าจะใหญ่เกินกว่าจะเอามาเรียงๆกันบนพื้นแถมยังเกะกะทางเดินอีกต่างหาก เกิดหายไปซักตัวมันจะไม่สมบูรณ์เอา

ถ้าต่อเป็นพันชิ้นเสร็จแล้ว มีหายไป มันก็จะไม่สวย หมดค่าที่จะเอาไปโชว์

“เก้า อันนี้เอามาจากไหนวะ”

“อ้อ แม่กูซื้อมาฝากตอนไปเที่ยวน่ะ”

หันไปเห็นต้องกำลังสนใจเรือที่ทำจากแก้วเป่า ซึ่งวางอยู่ในตู้หนังสือ

“ไม่เล่นแล้วเหรอ”

“เล่นไม่ผ่านอะ แม่งยาก”  มันเดินไปปิดทีวีแล้วเปิดวิทยุ

“มึงจะอาบน้ำก่อนมั้ยอะ”

เวลาต่อเนี่ยมันใช้สมาธิเยอะ ผมจะใช้กล่องสองอัน อันนึงไว้คัดชิ้นที่คิดว่าไม่ใช่  ผมดันบ้าซื้อมาตั้งสามพันชิ้นกว่าจะต่อหมดคงเป็นเดือนกว่าจะเสร็จ ตอนนี้ผมเรียงขอบเสร็จไปสองด้านแล้ว เหลืออีกสอง แค่สองด้านก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง

“สนุกมั้ยมึง”

“เออ ก็ดีอะ หัดใช้สมาธิ”

“แทนที่จะเอาเวลาไปอ่านหนังสือ”

มันเอาศอกท้าวหัวผมไว้

“หือ เหม็นอะมึง”

มันหัวเราะ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงผมทั้งๆที่ยังไม่ใส่เสื้อ

“เฮ้ย สกปรก ไปอาบน้ำก่อนมั้ย”

“ขี้เกียจวะ”

ผมหันไปเอาขาเขี่ยๆที่เอวมัน

“ลุกเลย”

“เออ ก็ได้”
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 12.1 ค้างบ้าน [pg6] 20/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 20-12-2015 13:56:37
ก็แค่มาเที่ยวบ้านด้วย
จะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอก

ต้องมันป๊อดจะตาย
ฮ่าฮ่า


จริงหรือไม่จริง
อิอิ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 12.1 ค้างบ้าน [pg6] 20/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 20-12-2015 14:17:21
ขัดใจครู(อีกแล้ว)ค่ะ
เข้าใจนะว่าที่เก้าตกวิชาเลขอยู่คนเดียวนั้นมันทำให้เป็นเกือบเพอร์เฟคแทนที่จะเพอร์เฟคที่ห้องนี้ไม่มีใครตก
แต่ก็ไม่ควรที่จะประจานกัน ไม่รู้ว่าคิดน้อยหรือไม่คิดกันเลย

ความเหงาของเก้านี่เป็นอะไรที่เราสามารถเข้าใจได้นะ
ถ้าหากว่าไม่มีพวกแมค ต้อง เจ ซัน  เก้าจะยิ่งกว่านี้อีก
เราไม่รู้นะว่าเจคิดอะไร  แต่เราไม่ค่อยชอบเจที่พอเก้าไม่ยอมทำต่อก็ไม่พอใจ
ไม่มีใครอยากเป็นของทดลองใช้หรือตัวคั่นเวลาหรอก
บูมนี่ ไม่อยากพูดถึง  ทำให้ชีวิตเก้ายิ่งกว่าลงนรกอีก
ขอให้ทำได้แต่มองเก้าไปอย่างนี้ก็แล้วกัน
ใจหนึ่งก็อยากให้มี Coming out  แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กลัวมันจะไปอีกทาง
หลายๆคนจะแยกย้ายกันไปแล้ว  อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้ใครลงมือก็ได้นะ
ไหนๆก็จะแยกย้ายกันไปแล้ว

ลูกชายเรากำลังจะเลือกไฮสกูล เลือกสาขาที่อยากเรียน
เรามองห่างๆ ให้โอกาสเลือกเองเต็มที่ ลุ้นเหมือนกันว่าจะออกมายังไง
แต่ความรู้สึกต่างจากเมืองไทยลิบลับ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 12.1 ค้างบ้าน [pg6] 20/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 20-12-2015 22:32:11
ขัดใจครู(อีกแล้ว)ค่ะ
เข้าใจนะว่าที่เก้าตกวิชาเลขอยู่คนเดียวนั้นมันทำให้เป็นเกือบเพอร์เฟคแทนที่จะเพอร์เฟคที่ห้องนี้ไม่มีใครตก
แต่ก็ไม่ควรที่จะประจานกัน ไม่รู้ว่าคิดน้อยหรือไม่คิดกันเลย

ความเหงาของเก้านี่เป็นอะไรที่เราสามารถเข้าใจได้นะ
ถ้าหากว่าไม่มีพวกแมค ต้อง เจ ซัน  เก้าจะยิ่งกว่านี้อีก
เราไม่รู้นะว่าเจคิดอะไร  แต่เราไม่ค่อยชอบเจที่พอเก้าไม่ยอมทำต่อก็ไม่พอใจ
ไม่มีใครอยากเป็นของทดลองใช้หรือตัวคั่นเวลาหรอก
บูมนี่ ไม่อยากพูดถึง  ทำให้ชีวิตเก้ายิ่งกว่าลงนรกอีก
ขอให้ทำได้แต่มองเก้าไปอย่างนี้ก็แล้วกัน
ใจหนึ่งก็อยากให้มี Coming out  แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กลัวมันจะไปอีกทาง
หลายๆคนจะแยกย้ายกันไปแล้ว  อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้ใครลงมือก็ได้นะ
ไหนๆก็จะแยกย้ายกันไปแล้ว

ลูกชายเรากำลังจะเลือกไฮสกูล เลือกสาขาที่อยากเรียน
เรามองห่างๆ ให้โอกาสเลือกเองเต็มที่ ลุ้นเหมือนกันว่าจะออกมายังไง
แต่ความรู้สึกต่างจากเมืองไทยลิบลับ

ครูในสมัยผม ไม่ค่อยคิดถึงเด็กหรอกครับ สำหรับการศึกษาภาคบังคับที่บังคับเด็กเรียน เลือกสายตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ที่เลือกๆก็ตามๆกัน อย่างห้อง 1 เนี่ยส่วนมากเลือกเพราะ เป็นห้องเรียนเก่ง ห้องที่ถูกแบ่งตามเกรดมาตั้งแต่ม.ต้น เป็นประเพณีไปแล้วว่า คนเรียนเก่งต้องเลือกห้องนี้

สมัยผม รร.ที่มีชื่อว่าติดอันดับเอนฯติดมากที่สุดในไทยยังมีเรื่องทำนองว่า เอนฯไม่ติดกลับมารร.ไม่มีใครอยากพูดด้วยก็มี

แต่นั่นมันก็คืออดีต... มองจากสมัยนี้กลับไปมันก็คงเป็นเรื่องแปลก

คล้ายๆกับว่า ทำไมเกย์สมัยนี้เป็นแฟนกันได้เร็วจัง มันข้ามเสตปไปหมด

จีบกันน่ะ มันส์สุดแล้ว

ก็แค่มาเที่ยวบ้านด้วย
จะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอก

ต้องมันป๊อดจะตาย
ฮ่าฮ่า


จริงหรือไม่จริง
อิอิ

หวังว่าครึ่งหลังคงจะสะใจนะครับ
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 12.2 ค้างบ้าน [pg7] 21/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 20-12-2015 22:40:19
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 12.2 ค้างบ้าน (อีกแล้ว)

มันลุกขึ้นมาแล้วทำท่าจะถอดกางเกง

ผมรีบเดินไปทางตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวให้มันผืนนึง

“เอ้า เดี๋ยวกูเตรียมชุดไว้ให้”

มันคว้าผ้าไปกอดไว้ ตอนนี้มันยังอยู่ในกางเกงเรียบร้อย เมื่อกี้แค่ถอดเข็มขัดออกแล้วม้วนไปบนโซฟา

“เออ ไปละ”

“ว่างๆถูหลังให้กูได้นะ”

ต้องแอ่นหลังกับตูดมาทางผม

“รีบไปเลย” ผมตะโกนไล่หลังไป

ปัง ต้องปิดประตูห้องน้ำ

ลืมไปเลยว่าวันนี้พ่อแม่จะกลับมาหรือไม่ ตะโกนซะดัง

ใช้เวลารวบรวมสมาธิอยู่พักใหญ่ก่อนจะหันกลับมาต่อได้ ชิ้นส่วนสามพันชิ้น ชิ้นนึงใช้เวลาดู 3 วินาที ทั้งหมด 9000 วินาที เท่ากับเวลาเกือบสามชั่วโมงกว่าจะแยกหมดว่าอันไหนใช่ที่หาหรือไม่ใช่

เจอภาพไอ้ต้องเข้าไปแบบนี้ มันจะทำให้ใช้เวลาจาก 3 วินาทีนานขึ้นไปกว่านั้น

เสียงข่าวสองทุ่มดังออกมาจากวิทยุ เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก

“นี่มึงอาบน้ำหรือวิ่งผ่านวะ เร็วเชียว” เสียงประตูเล่นเอาผมตกใจ

“เสื้อผ้ามึงอยู่บนโซฟาแน่ะ”

เมื่อกี้พอมันเข้าห้องน้ำไปผมรีบไปที่ตู้เสือ้ผ้าหาเสื้อให้มัน เสื้อไม่น่าจะมีปัญหาเพราะผมใส่ใหญ่กว่าตัวอยู่แล้ว ส่วนกางเกงน่ะ ผมไปควานหากางเกงบาสตัวใหญ่ที่ผมได้มาตอนไปเมืองนอกแล้วใส่ไม่ได้เพราะขามันยาวและกว้างมาก ถ้าผมนั่งนี่เห็นลอดไปถึงไหนต่อไหนเลย

“งั้นกูไปอาบต่อนะ”

“เก้า เอาไอ้นี่ตากไหน”

มันชูกางเกงในสีขาวที่เปียกน้ำชุ่มให้ผมดู

“เอ่อ กูไม่ใช่น้องมึงนะ โน่น เอาไม้แขวนสักอันแขวนไว้ละกัน”

แม่ง ทำไรไม่เกรงใจเลย

“ก็เพราะมึงไม่ใช่ไง ฮ่าๆ”

แม่ง กางเกงสีขาวโดนน้ำแล้วบางมาก ดีที่มันขยำไว้ไม่ได้กางออกมา

กระจกในห้องน้ำเป็นฝ้าจากน้ำอุ่นที่มันอาบเมื่อกี้ กระจกเดียวกันนี้ที่สะท้อนภาพที่ผมเคยจินตนาการไปว่าถ้าต้องมันได้มาอาบน้ำด้วยกันแล้วละก็ มันจะทำอะไรผม

โอ้ย พอเถอะ จะเอาเพื่อนมึงเรอะเก้า ให้ได้เป็นแฟนก่อนเหอะ ชักเละแล้วนะ

คิดแล้วอิจฉากระจกอยู่ที่มันได้เห็นอะไรของต้องไปหมดแล้ว รีบเปิดน้ำอาบดีกว่า ขืนเข้าไปนานมันจะเข้าใจว่าผมทำอะไรในห้องน้ำคนเดียว

“เบื่อมั้ย”  ผมถาม

ออกมาผมเห็นมันนอนอ้าขา สบายอยู่บนโซฟา เสื้อดูเหมือนจะตัวเล็กไปหน่อย แต่กางเกงน่าจะใช้ได้ ผมมองไปที่กางเกงผ้าลื่นๆนั่นไม่ต้องกังวลไปท่าทางต้องเองก็ระมันระวังพอ เอะ... มันไม่มีกางเกงในแล้วนี่นา

“มึงไม่อ่านหนังสือเหรอ”

“เก้า” มันยังเรียกอีก

ผมไม่ตอบ

“มองไร อยากดูเหรอ”

“เฮ้ย ป่าว” มันจะสื่ออะไรวะ

“ไอ้หื่น” มันพูดลอยๆ

“ไม่อะ ขี้เกียจ” ผมเดินไปทางเตียงแล้วนั่งต่อขอบต่อไป วันนี้จะได้เสร็จอีกด้าน

“ไม่กลับไม่เป็นไรเหรอวะ ท่าทางมึงกะจะนอนนี่เหรอ"

“ก็ดึกแล้วนี่” ต้องจ้องมาที่ขอบที่ผมต่ออยุ่

“มึงมีไรในใจป่าว”

“คิดมากน่ะมึง” มันลูบหัวผมเบาๆ ผมที่ยังเปียกอยู่เลยตีกันยุ่ง

ต้องหยิบขึ้นมาชิ้นนึง เป็นสีแดงๆ ที่ดูไม่ออกว่าเป็นตรงไหนของรูปภาพ ถึงมันจะมีรูปบนฝากล่องให้มันดูก็เถอะ มันเลยพยายามค้นๆหาในฝาที่ผมคัดทิ้งเอาไว้ แล้วจับมาประกอบดู

“อันนั้นยากมึง”

ผมชี้ให้มันดูที่มุมด้านซ้ายล่าง

“เห็นมะ ที่หน้ากล่องมันแดงๆอยู่มุมนั้นแต่มันก็เยอะจนไม่รู้ว่าตรงนี้เป็นตรงไหน”

ผมหยิบฝากล่องให้มันดู

“นี่ถ้าจะทำนะ ดูขวาล่างดิสีเขียวมีจุดเดียวในรูป ถ้าหาสีเขียวเจอก็น่าจะง่าย”

มันลงมือคุ้ยๆขาสีเขียวตามที่ผมบอก

"ใช่ ชีวิตคนก็เหมือนจิกซอเนอะ ถ้ามีแบบให้ดูก็ดีจะได้ไม่ต้องมานั่งเดา"

ผมขมวดคิ้ว

“ต่อมันทำไรมึงอีกเปล่า”

ต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่นะ ไม่ต้องห่วงกูหรอก”

“ป่าว กูห่วงมึงทำไรต่อมากกว่า”

ไอ้นี่ ผมเอาไหล่กระแทกตัวมัน

“ทำไมมึงอยากลองต่อวะ” ต้องยังคุ้ยๆหาต่อไป

“ไม่รู้วะ อยู่ๆกูก็คิดขึ้นมาว่ามันเหมือนชีวิตคนอะ เอามาเทรวมๆกันลงในกล่องใบใหญ่ แต่ละชิ้นที่มาเจอกันกว่าจะหาคู่มันที่เข้ากันได้ บางทีเข้ากันได้นะมึง ถ้าจิกซอราคาถูกหน่อย แล้วพอดูรูปแล้วมันไม่ใช่อะ”

ต้องฟังเงียบๆ

“เหมือนคนในห้องเราแหละมึง อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้คุยไรกัน”

ชิ้นส่วนมันไม่เข้ากันสินะ

“ก็จริงของมึง แต่เอาเวลาไปคิดเรื่องเรียนจะดีกว่านะ” มันเอาไหล่กระแทกผมกลับ

“เออ ไม่พูดละ” ถามกูทำไมวะเนี่ย

ผมล้มตัวลงนอนหงายอยู่บนเตียงปล่อยให้ต้องมันนั่งต่อไป ท่าทางมันจะติดใจ ดูมีสมาธิแน่วแน่ ปล่อยให้มันเพลินไว้อย่างนั้นแหละ แน่ใจว่าลึกๆแล้วมันต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างที่ไม่ได้บอกผมแน่นอน

เผื่อมันจะสบายใจขึ้น

วิทยุเล่นข่าวต้นชั่วโมงอีกแล้ว หมดไปอีกชั่วโมงแล้วเหรอเนี่ย

“กี่โมงแล้ววะ” ต้องถาม

ผมเอื้อมไปดูโทรศัพท์

“11 แล้ววะ”

“มึงง่วงยัง”

“เฉยๆ”  ท่าทางต้องจะยังเพลินอยู่

นอนท่านี้นานๆชักเมื่อย ผมพลิกตะแคงข้างให้มัน

“หนักนะมึง”

ต้องล้มตัวลงนอนบนเอวผม

มันนอนเงียบไม่พูดอะไร

จะหายใจไม่ออกแล้ว

กลิ่นแชมพูจากตัวมันโชยมาแรงมาก นี่มันใช้ไปทั้งขวดรึเปล่าเนี่ย

ไอ้ต้องเองก็คงเป็นอีกชิ้นหนึ่ง ผมก็ไม่รู้ว่าชิ้นส่วนชิ้นนี้เข้ากับผมได้แค่ไหน พอเป็นคนจริงๆมันก็มีหลายอย่าง ไม่ได้เป็นกระดาษแข็งๆที่ตัดออกมาเป็นรูปร่างตายตัว แถมยังมีสีที่ตายตัวติดอยู่ อย่างเช่น ชิ้นนี้สีแดง เป็นผู้ชาย ชิ้นนี้สีน้ำเงิน เป็นผู้หญิง

ไอ้ต้องมันสีเดียวกับผมป่าววะ

เจเองก็เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่มาต่อกัน แรกๆดูเหมือนจะลงตัวพอปล่อยๆไปก็เริ่มมีรูปที่เข้ากันไม่ได้ปรากฏออกมา พอนานๆไป เอะ สีก็ไม่ใช่ แถมไม่ลงตัวอีกต่างหาก

เพ้อเจ้อไปเรื่อยๆ ผมชักง่วงแล้วสิ

“เก้า มึงให้กูนอนไหนวะ”

“มึงนอนเตียงนี่แหละ เดี๋ยวกูไปนอนโซฟาเอง” ผมลุกเดินไปปิดไฟ

“เปิดวิทยุไว้มั้ยมึง”

“แล้วแต่มึงเลย” ต้องขยับตัวขึ้นไปนอนบนหมอน

“มึงนอนด้วยก็ได้นะ ที่เหลือเฟือ”

“พอเหรอ”

“กับต่อกูก็นอนยังงี้”

“โอเค”

ผมนึกสนุกโดดขึ้นไปนอนทับบนตัวต้อง

“มึงเบาขนาดนี้นอนทับกู คงรู้สึกอะไรอะนะ”

ผมผลิกตัวลงไปนอนข้างมัน

“เออ ใช่สิ”

ต้องนอนหัวเราะ

“แป๊บๆเองนะมึง จะแยกกันไปหมดแล้ว”

ต้องไม่ตอบอะไรอีก

ผมสงสัยว่ามันง่วงแล้วหรือยัง
“ต้องมึงจะออกปีนี้มั้ยวะ”

เงียบไปสักพักกว่ามันจะตอบ

“ถ้าได้ที่ๆอยากไปนะ”

“ปีหน้ากูคงเรียนคนเดียว พวกมึงคงไปกันหมด”

“ก็มึงไม่ตั้งใจเรียนนี่นา” มันเอามือตบพุงผม

“แล้วมึงจะเหงามั้ยละ” ถึงมันจะมืดแต่ผมเห็นว่าต้องมันหันหน้ามาหา

ดวงตากลมสะท้อนแสงสีขาวที่เล็ดลอดมาจากด้านนอกหน้าต่าง เป็นดวงวาวอยู่ในตา

“ไม่หรอก ก็ต้องชินแหละมึง พอมหาลัยก็ต้องแยกกันอยู่ดี เดี๋ยวจบมหาลัยก็ทำงานก็แยกกันไปอีก สุดท้ายก็ต่างคนต่างไปกันรึเปล่าวะ เจออีกที ไอ้เจอาจจะมีลูกแล้วก็ได้นะมึง”

“คิดมากน่ะมึง” ไอ้ต้องเอาศอกดันๆหัวผม

“เออ ปีที่แล้ว คนที่ต่อแนะนำให้เป็นไงวะ”

ผมถามซ้ำอีก

“ไม่เป็นไง เพื่อนต่อมัน” มันขยับหันมามองหน้าผม

“กูคิดว่ามึงชอบแบบนั้นน่ะเนี่ย”

“แล้วมึงละเก้า รีบๆตัดสินใจได้แล้ว”

ผมขยับตัวอึดอัด

“ก็ไม่รู้ๆ สวยๆ เอ็กๆ สักคน”

มันเคาะพุงอีกแล้ว

"ตอแหล"

อ้าว ว่ากูทำไม

ผมหัวเราะ

นี่เป็นครั้งแรกที่หัวเราสองคนอยู่ตำแหน่งเท่ากัน

“นี่มึงไม่ง่วงแล้วใช่มั้ย”

“ง่วงครับ” ผมหันหลังให้มันแล้วหลับตาลง

ดึกๆผมแอบหันไปมองมัน มันนอนตะแคงหันหน้ามาทางผม ใบหน้านิ่งแบบคนหลับท่าทางจะหลับลึก หน้าที่เมื่อก่อนต้องคอยแอบมองตอนนี้มันอยู่ต่อหน้าผมใกล้จนเพียงแค่ขยับคางนิดเดียวหน้าผมก็จะสัมผัสกับหน้าต้องแล้ว แต่สู้กับความง่วงไม่ไหว

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น

ผมเอื้อมมือไปกดปิดเร็วๆ

“กี่โมงแล้วละ” เสียงงัวเงียของไอ้ต้อง

“6”

ผมคว่ำตัวลงนอนกับเตียง หรี่ตาดูนิดนึงไอ้ต้องก็นอนคว่ำอยู่เหมือนกัน

“ลุกไปอาบน้ำดิมึง” ต้องเอาศอกดันๆผม

“ไม่อะ มึงไปก่อนดิ”

“ไม่เอา มึงไม่กล้าลุกอะดิ” ผมยิ้ม

“มึงก็ด้วย”

ผมเปิดตาขวาดู มันยังยิ้มหลับตาพูด ซุกหน้าด้านหนึ่งไว้กลับที่นอน

ผมเอามือไปแกล้งล้วงๆแถวขากางเกงมัน

ไอ้ต้องรีบพลิกตัวหลบ

“ซนเหรอ”

มันเอาคืนพยายามจะล้วงเข้ามาให้ได้

ผมต้องงอตัวปิดส่วนนั้นเอาไว้ เช้าๆมันจะ เอ่อ นั่นแหละ

มันเลยดึงตัวผมเข้าไปกอด

“หนีไปไหน”

“กางเกงมึงบางกว่านะ อย่าหาเรื่อง” ผมไม่รู้ว่าส่วนนั้นของต้องอยู่ตรงไหนแต่ช่างมันเหอะ ตอนนี้ตัวแนบกันหมดแล้ว

มันหัวเราะอีก

แป๊บเดียว เสียงหัวเราะเงียบลง ดูท่าจะไม่มีใครลุกขึ้นหรือปล่อยมือ ผมนอนนิ่งให้มันกอดผมด้วยมือข้างเดียวไว้อย่างนั้น ตัวมันยังนอนคว่ำหน้าอยู่ส่วนผมตะแคงข้าง ด้านหลังผมจึงแนบกับตัวมันแค่ซีกเดียว

แล้วปล่อยเวลาให้มันผ่านไป

“อดไปเรียนแล้วมึง”

“มึงนี่ นิสัยเหมือนต่อเลย”

"ยังไงวะ"

"ขี้เซา"

“อ้าว มึงก็นอนเหมือนกันแหละวะ”

เมื่อคืนนอนไม่ค่อยสบายเท่าไร ผมไม่กล้าไปโดนตัวมันมาก

“มึงนอนกับต่องี้ทุกคืนเหรอ”

“ใช่ เวลาส่วนตัวไม่มีเลย” ต้องยังหลับตาอยู่

“เวลาอย่างว่าของมึงละดิ”

“ไอ้บ้า” มันนอนยิ้ม

“แล้วต่อมันเคยถามมึงเรื่องอย่างนั้นมะ”

มันหันหลังให้ผม

“ถามไมละ ก็อาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ มันเหลือไรให้มันอยากรู้อีก”

ต้องตอบเสียงขุ่นๆ

เออ กูอิจฉาเด็กแม่งแล้วแฮะ

“ลุกๆเหอะมึง”

“ของมึงหดยังละ”

“หดแล้ว หิวสัส” ผมลุกขึ้นมานั่งก่อน

“อาบด้วยกันมะ” ต้องลุกขึ้นมานั่งแล้วพูดกับผม

“รีบไปเลยไป” ผมเลยผลักไอ้ต้องไปแทน

ก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ

มันลุกไปยืนบิดขี้เกียจ

“มึงไม่ไปเรียนแล้วใช่มั้ย”

“ป่านนี้แล้วไปให้ครูด่าเหรอ”

หึหึ ผมนอนคว่ำหน้าลง นอนต่ออีกหน่อยดีกว่า

เออ แม่งพลาดวะ รู้งี้น่าจะแอบลุกไปดูว่า ของไอ้ต้องชี้ไปทางไหน

เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลย หึ จะไปหลับได้ยังไงละ มันเล่นมานอนหายใจรดอยู่ข้างๆตลอดเวลา

“เก้า ๆ ตื่น เฮ้ย”

หือ

เฮ้ย เผลอหลับไปอีกรอบจริงด้วย

มันนั่งข้างผม เอาตัวมาคร่อมไว้จากด้านหลัง

“ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“ไม่ตื่นกูจูบนะ”

ผมรีบดีดตัวขึ้นจากเตียง

“ไอ้บ้า ไปแล้ว”

แม่ง

คนไรเสื้อก็ไม่ใส่ ดียังมีกางเกงอยู่บ้าง

“ต้องกกนมึงแห้งยังเนี่ย” ผมเห็นมันยังตากอยู่ที่เดิม

“ไม่รู้ ยังไม่ดูวะ”

เออ แล้วทำไมไม่ดูวะ จะตากโชว์กูเอาไว้อีกนานแค่ไหน

“ช่างมันน่า”

“หิวแล้ว เร็วๆ”

ผมรีบเข้าห้องน้ำไปอาบต่อจากมัน ใช้เวลาไม่นานหรอก แม่ง ชักช้า เดี๋ยวมันจะโมโหหิวใส่ผมอีก

พอออกมาจากห้องน้ำ เห็นมันเปิดเกมส์เล่นต่อจากเมื่อคืน เช้ามาก็เล่นเลยเรอะ

“เก้า โทรมาวะ พ่อมึงโทรมาน่ะ”

“อือ”

ผมรับมาแล้ววางลงที่โต๊ะ แล้วหันไปเปิดวิทยุ

“กลางวันกินไรวะมึง” ผมถามต้อง ไอ้คนบ่นหิวๆนี่หายแล้วใช่มั้ยเนี่ย

“พิซซ่าละกันให้มาส่งที่บ้านมึงนี่แหละ”

“คร้าบ” ผมกดดูโทรศัพท์ที่แจ้งเตือน

1 สายไม่ได้รับ

กดออก

แล้วโทรไปยังพิซซ่าเจ้าประจำที่รู้ที่อยู่ผมดี

ไม่ถึงครึ่งชม. ถาดกลางก็วางอยู่ตรงหน้าพวกเรา มื้อแรกก็เล่นกินพิซซ่าแล้ว จะย่อยได้มั้ยเนี่ย

“ต้องทำไม มึงมานอนบ้านกูได้วะ”

ผมถามเมื่อพิซซ่ามันหายไปครึ่งถาดแล้ว

“เมื่อวานวันเกิดต่อน่ะ” มันหยิบชิ้นใหม่ขึ้นมากิน

ผมยังนั่งมองหน้ามันเฉยๆต่อไป

ไม่มีคำอธบายเพิ่ม

“อ้าว ไรวะ แล้วไม่อยู่กับมันเหรอ”

สุดท้ายทนไม่ไหวถามเองก็ได้

ต้องส่ายหัวช้าๆ

ไม่มีคำตอบอื่นอีก

“เก้า ตอนนี้มึงชอบใครอยู่ป่าววะ”

ผมงงกับคำถาม อยู่ๆมันถามขึ้นมาทำไม

เสียงจริงจัง ต้องไม่ได้ถามผมเล่น คำถามที่ตอบยาก จะอ้างชื่อหญิงไหนละเนี่ย

มันนั่งอยู่เหนือถาดพิซซ่า มองหน้าผม แต่ไม่ได้ทำให้เกิดอารมณ์สักนิด ต้องในสภาพครึ่งตัวมีแต่กางเกงบาสตัวใหญ่ๆ เสื้อไม่ใส่มือยังถือพิซซ่าอยู่ครึ่งชิ้น

“พูดไรมึง” ผมพูดอ้อมแอ้ม แกล้งทำพิซซ่าเต็มปาก แถมรีบยัดที่เหลือเข้าไป

ปากจะได้ไม่ว่างตอบ

“มึงชอบกูมั่งมั้ย”

ประโยคนี้เหมือนมีดเสียบแทงเข้ามาที่อก ปลายเท้ารู้สึกเย็นวาบ

“ทำไมอยู่ๆมึงอยากรู้วะ” ผมมองหน้ามันทั้งที่ปากยังเคี้ยวพิซซ่า

“ถามเฉยๆ”

มันเอามือมาปาดข้างปากผมทีหนึ่ง

“กินไง เลอะได้วะ”

แฮะๆ

“เก้า มึงชอบกูปะ”

“มึงชอบใครอยู่วะ ต้อง”

เราสองคนถามแทบจะสวนกันทันที

ความเงียบ บังเกิดขึ้นมา

เสียงเพลงจากวิทยุยิ่งชัดเจนเมื่อคน 2 คน ที่นั่งมองหน้ากันอยู่ดูจะไม่มีใครอยากตอบคำถามนี้ ตัวเครื่องหมาย … เหมือนที่อยู่ในการ์ตูนมันจึงยังลอยวนเวียนอยู่กลางอากาศ

“มึงไม่ตอบละต้อง”

“มึงตอบก่อน”

เดี๋ยว คำถามมันกับผมมันคนละคำถามกันนะ ทำไมมันเจาะจงขนาดนี้วะ เสียเปรียบแล้วกู

“บ้า มึงถามเหี้ยไร กูกับมึงเป็นผู้ชายนะ”

สายตาที่ผมเดาไม่ได้ว่าคิดอะไร เหมือนมันกำลังจับโกหกผมอยู่

แม่งจะกดดันกันทำไมวะ

จนผมต้องหันหน้าหนี

“แปลว่ามึงไม่คิดไรกับกูสินะ”

เฮ้ย ไล่กันอย่างนี้เลยเหรอ

ตอนนี้ผมปากชา ตัวสั่นไปหมด

เอาวะ!!!

“เอ่อ … ก็ดี มึงก็เป็นคนดีอะ”

ผมก้มหน้ามองพิซซ่าที่เหลืออยู่ชิ้นสุดท้ายในถาด

ไม่มีสัญญาณตอบรับ

“ชอบแบบไหนกันแน่”

มันเอามือมาบีบแขนผม

เฮ้ย ไอ้บ้านี่

“.......... เออ กูชอบมึง มากกว่าเพื่อน” ผมก้มหน้าลงมองเป้ากางเกงมัน เปล่านะไม่ได้คิดไรจริงๆ แค่หลบหน้ามันเฉยๆ

พรุ่งนี้เช้ามันคงจะทำตัวไม่เหมือนเดิมแน่ๆ

ผมนึกออกเลย หลังจากพรุ่งนี้ไป มันจะเดินมามึนๆตึงๆใส่ผม ช่องว่างจากความแตกต่างเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับต้อง เป็นช่องว่างที่ไม่มีทางถมให้เต็มได้อีกแล้ว เพราะมันเกิดจากความชอบที่ไม่เหมือนกัน ความชอบที่คนส่วนใหญ่จะมองว่ามันน่ารังเกียจ

แล้วยิ่งมารู้ว่าว่า เกิดขึ้นกับตัวมันเองด้วย มันคงจะยิ่งเว้นช่องว่างให้มากกขึ้นกว่าเดิม

จิกซอที่เคยต่อติดกันเริ่มจะบิดเบี้ยวจนต้องแยกออก

“ทะ .. ทำไมเหรอ ถ้ากู ชอบมึงแล้วจะทำไม” ผมมั่นใจว่าเสียงสั่นแน่นอน

ต้องไม่ตอบ ได้แต่มองหน้าผมตรงๆ ซึ่งหน้าตาที่เดาอารมณ์ไม่ออกของมันยังเหมือนเดิม แล้วมันก็หันไปทางอื่น

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น พ่อ อีกแล้ว อะไรกันนะ

ต้องลุกเดินขึ้นไปเปิดเสียงวิทยุให้ดังขึ้น แล้วกลับลงมานั่ง

มันคงจะรำคาญสินะ คงจะเริ่มหงุดหงิด เริ่มไม่อยากอยู่แล้ว

“เออ ต้องกางเกงในมึงน่าจะแห้งแล้วละ”

ผมบอกมัน เพื่อว่ามันอยากจะกลับแล้ว

รู้สึกแปล๊บขึ้นมา

ต้องที่นั่งอยู่ข้างผมบนโซฟาเอนหลังลง

มือมันวางอยู่ข้างหลังผม ตอนนี้ผมอยู่ในชุดอยู่บ้านกกนก็ไม่ได้ใส่ กางเกงมันบางอยู่ พอมันเอามือมาวางไว้ที่เบาะข้างหลังแล้วนิ้วมาโดนก้นผมนั้น มันเลยเหมือนโดนมือมันเปล่าๆ

“มึง... เอ่อ มึงชอบเพลงนี้เหรอ”

ไม่มีคำตอบ

มีแต่เสียงยวบยาบของโซฟาหนังที่ขยับตามแรงกดของมือ

อยู่สมองผมก็มืดบอด กลายเป็นสีดำ ตัวชาไร้ความรู้สึก เหมือนเวลาโดนตัดออกหายไป เสียงเพลงที่ดังอยู่ในห้องยังเงียบหายไป ราวกับมีใครไปกดปิดเสียงเอาไว้

ค้อนปอนด์อันใหญ่คงจะฟาดลงมาใส่หัวผม ค้อนปอนด์ที่หนักเท่าความรังเกียจของมัน

เงียบอยุ่นานเท่าไรไม่รู้ กว่าผมจะตั้งสติได้

“กูกลับละ” ต้องดึงกางเกงในสีขาวของมันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น

มันออกมาในชุดนักเรียนปกติ แล้วเดินลงบันไดไปคนเดียวเงียบๆ

ปล่อยผมนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น

เมื่อกี้ …...

มันจูบผมเหรอ

มือสั่นเบาๆแต่ที่ขอบปาก ซอสพริกเปื้อนที่มุมปาก

ใช่แน่ๆ ผมไม่กินซอสพริก

เมื่อตั้งสติได้

ไอ้สัสนี่ ค่าพิซซ่าก็ไม่จ่าย เดินหนีกลับไปเฉยเลย
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 12.2 ค้างบ้าน [pg7] 21/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-12-2015 00:06:13
งงอ่ะ
ตกลงคืออะไร

ต้องจูบเก้า
แล้วแสดงท่าทางรังเกียจเหรอ

อะไร..ยังไง
ไม่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 12.2 ค้างบ้าน [pg7] 21/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 21-12-2015 00:08:44
งงอ่ะ
ตกลงคืออะไร

ต้องจูบเก้า
แล้วแสดงท่าทางรังเกียจเหรอ

อะไร..ยังไง
ไม่เข้าใจ

555 มาเร็วมาก รอดูตอนนี้นะครับ

ผมอาจจะเขียนไม่ดีด้วย คือ เก้าไม่เห็นหน้าต้องครับ ไม่รู้ต้องแสดงสีหน้ายังไง ปล่อยให้งง
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 12.2 ค้างบ้าน [pg7] 21/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-12-2015 00:17:46
จะเดาเยส หรือโน มโนเหรอ
จะเดาเธอ หรือฉัน นั่นใช่ไหม
จะเดาหัว หรือก้อย ไว้คอยใคร
จะเดาใจ ให้กัน มั่นใจเกิ้น

ขนาดคนอ่านยัง..งงกับต้อง
แล้วเก้าจะไม่งงได้ยังไง เน๊าะ
อิอิ
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 13 ตั้งขบวน [pg7] 22/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 22-12-2015 10:58:38
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 13 : ตั้งขบวน

เช้าวันถัดมา ต้องไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นอีก ผมออกจะสงสัยว่ามันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ มันเหมือนหนามที่คอยสะกิดความรุ้สึกผม รู้สึกจี๊ดทุกครั้งที่เห็นหน้า

สมาธิส่วนใหญ่สูญเสียไปกับการ.. ไม่สิ ควรจะบอกว่า ไปหมดแล้ว สมองผมหยุดสั่งการไปเลย งุนงงไปหมด เรียนไม่รู้เรื่องไปอีกหลายวัน ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ไอ้คนทำก็ไม่มีสำนึกจะรับผิดชอบ

ทีแรกคิดว่ามันจะรังเกียจอะไรผม แต่เปล่า มันกลับดูมีความสุขเป็นพิเศษ ป้าข้างบ้านถูกหวยยังไม่น่าจะดูมีความสุขเท่ามัน

ใจก็ร้อนรนอยากจะเดินเข้าไปถามมันให้รู้กันไปเลยว่า มันคิดอะไรกันแน่

เคลียร์ๆกันไปเลย

แต่จะให้เริ่มยังไงดีละ

'วันนั้น มึงจูบกูรึเปล่า'

แล้วถ้ามันตอบว่า ใช่

'ถ้าใช่ หมายความว่ายังไง'

ยังงั้นน่ะเหรอ ไม่ใช่แน่ๆ มันได้ยินผมถามเข้าคงได้ถีบผมออกมา

ทางที่ดีที่สุดผมเลยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่มันยถามผมที่บ้านผมก็ตอบไปแล้ว ก็คิดซะว่าเหมือนผมไมได้พูดออกไป มันเองไม่ได้ยินก็แล้วกัน แม่ง มันก็ขี้โกงไม่ได้ตอบคำถามผมด้วยซ้ำไป

ถือว่าเจ๊ากันก็ได้วะ (ยังไงหว่า)

รุ่งขึ้นผมเดินเข้าห้องเรียน ดูเหมือนพวกแมคก็ไม่ได้ใส่ใจว่าผมกับต้องหยุดเรียนไปพร้อมกัน

ไอ้เจดูจะหงุดหงิดนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้จะมีคำถามอะไรหลุดปากออกมา

“ไง ไม่สบายเหรอ”

“นิดนึงอะมึง”

ผมตอบคำถามแมค

“ดูแลตัวเองบ้างดิ หรือต้องการคนคอยดูแล หือ ไอ้เปี๊ยก”

เสียงของตัวต้นเหตุอยู่ข้างหลังผม

“อะไรของมึงอีก ต้อง”

“ไปงอนกันที่อื่นไป คู่ผัวเมียนี่”

“เดี๋ยวแมค กูไม่ได้เป็นเมียไอ้ต้องมันนะ”

แมคส่งสายตามาทางผม

เปล่า มันมองข้ามไปคนข้างหลังผมต่างหาก

“อะไรของพวกมึงกันวะ”

“ป๊าว”  ไอ้ต้องเสียงสูง

“กระจอกวะ โชคร้ายเป็นของเก้า”

พูดจบไอ้แมคก้มหน้าอ่านหนังสือ ไอ้ต้องเดินกลับไปที่โต๊ะ

กูไปเกี่ยวอะไรวะ

ผมมองหน้าสองคนเลิกลัก … ไม่มีใครสนใจ

อะไรเนี่ยยยยยยยย

หน้าหนาวปีนี้ที่อากาศเย็นมากเป็นพิเศษ ในใจผมกลับเป็นตรงข้าม อะไรของพวกมันวะ อากาศดีๆอย่างนี้ผมไม่อยากทำลายมัน ดังนั้น ปล่อยๆไปเหอะ ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก หวังว่าไม่ใช่ไอ้แมคทะเลาะกับต้องนะ

เหมือนไอ้ต้องมันเองจะรู้ตัวว่า หลังจากวันนั้นผมไม่ค่อยกล้าเข้าไปยุ่งกับมันมาก

ส่วนมันเอง ยังพูดคุยกับผมเหมือนเดิมเป็นปกติ เอ่อ ไม่สิ ไม่ปกติ มันดูแปลกๆไป เปลี่ยนไปแบบไม่ต้องสังเกตก็เห็นได้ ร่างสูงๆของมันเดินตามติดผมเป็นเงา ยังกับว่ากลัวว่าใครจะมาทำอะไร

พักเที่ยงไอ้ต้องจะให้ผมนั่งเฝ้าโต๊ะอาหาร มันเป็นคนเดินไปเอาข้าวเอาน้ำ เอาจานไปเก็บ

เฮ้ย กูไม่ใช่น้องชายมันนะ

ยิ่งมันมาทำแบบนี้ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นน้องชายของมันไปแล้ว แถมโรคง่อยเข้ามาด้วย

บางวันเป็นเอามากถึงขั้นว่า ชวนผมคุย แล้วก็นั่งฟังผมพล่ามเรื่องเกมเรื่องนั่นนี่ มันเองแทนที่จะกินข้าว มันเอาแต่นั่งจนหน้า ทำเอาคนกินแทบจะสำลัก

รู้สึกน่ากลัวพิกล

หรือมันกลับบ้านไปเจอไอ้ต่อเอาไม้ฟาดหัวเลยเพี้ยนไปวะ

พอเห็นมันอารมณ์ดีอย่างันนั้นผมยิ่งไม่ถามมัน ปล่อยให้ฮอร์โมนมันที่มาไม่ปกติไว้อย่างนั้นแหละ จริงๆแล้วเพราะว่ามันก็น่ารักไปอีกแบบ

ต้องเป็นอย่างนี้จนกระทั่งวันสุดท้ายของการเรียนก่อนจะปิดปีใหม่

วันนี้มีซ่อมใหญ่ แล้วพรุ่งนี้จะเป็นวันที่มีเรียนวันสุดท้าย วันก่อนสิ้นปี

ผลการแข่งฟุตบอล ออกมาเป็นว่า สีฟ้าแพ้ไป 2 นัด ท่าทางจะตกรอบแน่นอนแล้ว บ่ายวันนี้ต้องไปเจอกับสีแดงตัวเต็งเหรียญทอง ซึ่งต่อให้ชนะ ก็ตกรอบแน่นอนอยู่ดี ยกเว้นผลได้เสียประตูจะดีมาก (นั่นก็เป็นไปได้ยาก)

ไอ้เจท่าทางห่อเหี่ยว มันหมดสิทธิ์จะได้แอ้มผมอีกแล้ว มันเองไม่ดูเสียใจในเรื่องนี้เท่าไร เหรียญเงินจากว่ายน้ำมันอยู่นอกเงื่อนไข

บอลก็ชัวร์ว่าอย่างดีก็แค่เหรียญทองแดง ไม่ว่าอย่างไร ลงท้ายก็จะโดนจับขึ้นไปนั่งปิ้งไข่บนแสตนด์แน่ๆ

มันจะผิดมั้ยถ้าผมแอบสะใจอยู่ลึกๆ (แต่จะสะใจกว่าถ้าสีแดงของไอ้บูมแพ้ซะบ้าง)

ก่อนบ่าย ทุกคนดูวุ่นวายกับกิจกกรมที่มีวันนี้ ดูมุ่งมั่นมากซะจนอากาศในโรงเรียนรู้สึกร้อนขึ้นมา แม้ว่าท้องฟ้าสีสดใส กับเมฆจางๆจะช่วยลดโทนลงไปแล้ว รุ่นพี่วิ่งกันควักไขว่ ขาแทบขวิด ยังเป็นภาพที่ขัดตาเหลือเกิน

ท่าทางแสตนด์จะลงตัวแล้ว ไอ้แมคไม่เห็นบ่นให้ฟังอีกเลย จะไปลงเอยที่ดาวดวงไหนละเนี่ย ความตั้งใจของมันเทียบกันระหว่างงานนี้กับสัปดาห์วิทย์ไม่ได้เลย งานมันดูทุ่มเทกว่าเห็นๆ

เปิดปีใหม่มาวันกีฬาสีจะมีอาทิตย์แรกของปี

งานใหญ่แห่งปี ที่ปีเดียวจะมีเพียงวันเดียว แต่ใช้เวลาเกือบ 2 เทอมเต็มในการเตรียมตัว

งานสุดท้าย ของพี่ๆ ม.6 งานแรกของพวกผมเด็ก ม.5 ที่ไม่แน่ว่าบางคนอาจจะไม่ได้อยู่ทำอีกในปีหน้า

พวกผม 4 คนแยกย้ายกันออกไปเตรียมตัวสำหรับวันนี้ ช่วงหลังเราพบปะกันน้อยลง นอกจากในห้องเรียนซะเป็นส่วนมาก อะ... ยกเว้นต้องที่ผมจะต้องไปดูมันซ้อมทุกครั้ง ส่งน้ำส่งขนม ส่งอะไรก็ไม่รู้ที่พวกมันอยากได้

ถ้าไม่มีมันผมก็คงเหงาน่าดู

อ้อ ไอ้เปรตนั่นสมองช่วงนี้ก็ดูจะยังไม่ปกติ

แต่ยังไงก็ขอบคุณมันที่ให้ผมได้ดูแลดรัมทั้งหลาย (ที่เรื่องมากๆๆๆๆๆๆๆ) เลยไม่ต้องไปนั่งตบมือ

ไอ้พวกเด็กๆน่ะ ไม่เท่าไร มันไม่กล้าจะใช้ผมมาก ไอ้ต้องมันจ้องเขม่นอยู่ ถ้าใช้ให้ไปทำอะไรที่ดูจะลำบากเกินไป อย่างเช่น เคยลืมของแล้วให้วิ่งไปเอาจากที่ซ้อมดรัมไปถึงสนามบอลแล้ววิ่งกลับมา แล้วก็ให้ไปซื้อน้ำอัดลมมาจากสวนอีกฟากเนี่ย ไอ้ต้องจะเดินไปหวดพวกมันทันที

เหรียญทองเพียงอย่างเดียวที่ยังพากเพียรว่าจะได้ ก็คงมาจากขบวนพาเหรดนี่แหละ ถึงได้เอาใจ พวกดรัมกันซะเหลือเกิน

ประคบประหงมกันเข้าไป

บ่ายมันยังโยนซ้อมไม้อยู่เช่นเดิม ไอ้เด็กสองคนพยายามโยนความสูงให้ได้สัดส่วนกันกับความสูงของต้อง

คนอยู่หน้าสุดจะต้องโยนขึ้นไปสูงที่สุด

หน้าตาตั้งใจของมันอยู่เบื้องหน้าผม เมื่อไม้ถูกโยนสูงขึ้นไปในอากาศ หมุนควงเป็นวงสวยงาม แล้วหมุนลงมาใส่มือมัน จนจบท่าแล้ว ต้องจะหันมาดูแล้วยิ้มน้อยๆให้

รอยยิ้มที่ดูจริงใจมากกว่าจะกวนตีน

“เฮ้ย ต้องมึงเป็นไรป่าววะ”

ในที่สุด ผมทนไม่ได้จะต้องถามมัน

“เรื่องไรมึง”

มันทำเสียงราวกับว่าไม่เข้าใจคำถาม

“ก็ที่บ้านมึงบอกว่า ต่อ ทำไมเหรอ”

“หือ”

“อ้อ วันเกิดต่อน่ะเหรอ” มันทำหน้านึกขึ้นมาได้

ผมพยักหน้า

“แล้วพอหลังจากนั้นมามึงก็ดูแปลกๆไป”

มันวางไม้แล้วเดินเข้ามาลูบหัวผม

“แปลกตรงไหน หือ เปี๊ยก”

นี่แหละที่แปลกไป

“จะไม่เล่าหน่อยเหรอ”

มันเลื่อนมือลงมาลูบแก้ม แล้วกลับไปขยี้หัวผมเล่น

“อ้อ ก็เคลียร์กับต่อลงตัวแล้วน่ะ”

คิดว่า ถ้ามันจะขยี้ไปเล่าไปผมคงร่วงหมดหัวแน่

“... แล้วไง เคลียร์เรื่องอะไร”

“เรื่องมึงมั้ง จะอยากรู้ไปทำไม”

“ก็ ป๊าว กูคิดว่ามึงจะรังเกียจกูแล้วซะอีก”

เอาวะ ถามเข้าประเด็นอีกหน่อย มัวแต่อ้อมแอ้มไม่ได้คำตอบแน่ๆ

“ทำไมวะ”

ความกล้าที่สุดในชีวิตใช้ไปอย่างรวดเร็วกับคำถามนี้ คิดว่าจะได้ใช้กับเรื่องที่มีสาระกว่านี้ซธอีก

“ก็.... ที่มึงถามไง …. มึงคิดว่าไงอะ มึงก็น่าจะรู้แล้ว เอ่อ กู กูชอบ ผู้ชายแล้วคนนั้นก็ ….” ผมก้มหน้าลงมองพื้น หวังว่าเสียงที่งึมงำในคอต้องจะฟังออก

“จริงเหรอ” มันเอามือวางบนหัวผมแล้วขยี้แก้มเล่น

“โอ้ย เจ็บนะ”

“เจ็บ กูบอกว่าเจ็บ”

มันหยุด

“แล้วมึงละชอบใครอยู่”

“นี่มึงไม่รู้จริงเหรอ หัดคิดซะบ้างสิ”

????

'เวลาทำโจทย์น่ะ ตีโจทย์ให้ออก เค้าถามอะไร อะไรคือตัวใบ้'

มันย้ำเสมอกับผมตอนสอน

นี่มันคนที่มึงชอบนะเว้ย ต้องมีคำใบ้ มีขอตัวช่วยด้วยเหรอะ คิดอีกทีมันไม่ได้หมายถึงผมนี่หว่า

แต่นี่ผมเป็นคนถามนะไม่ใช่คนตอบ

ผมยังทำหน้างงจนมันต้องถอนหายใจ

มันถอดเสื้อนักเรียนเหลือไว้แต่เสื้อยืดข้างใน แล้วเดินออกไปโยนไม้

มันโยนสูงขึ้นไปเท่าตึกสามชั้น ลมหนาวแรงๆพัดมา

“อย่าจ้องมากจะได้มั้ย”

“อ้าว ไอ้นี่”

ผมลงไปนั่งริมขั้นบันไดที่ตึกติดกัน แอบดูมันเอาก็ได้วะ

นานๆไปต้องท่าจะร้อน เห็นขยับเสื้อเข้าออก

เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

“เหี้ยเอ้ย”

“ใครเล่นไรวะ”

หือ เกิดอะไรขึ้น

เสียงต้องโวยลั่น

ผมเห็นไอ้น้องบ้าสองตัวนั่น เอาน้ำมาสาด น้ำเปล่าจากถังที่ผมไปแบกมาเตรียมไว้ให้พวกมันนี่แหละ เสื้อยืดขาวๆของต้องแนบติดกับตัว

น้ำเปล่าหมดถัง

“พี่ น้ำหมดแล้ว ไปเอามาอีกดิ”

น้องคนพูดชูถังน้ำเปล่ามาทางหน้าผม

“เฮ้ย มาใช้อะไรกูละ เอาไปเทเล่นกันเองนะ”

“ก็หน้าที่พี่นี่นา”

เฮ้อ นี่กูมาเป็นคนใช้เหรอ

“อยากได้ไปเอาเอง นี่คนของกู กูใช้ได้คนเดียว”

ไอ้ต้อง ไอ้บ้า พูดไรวะ

“เปียกหมดเลยมึง”

น้ำเย็นด้วย อากาศอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดกันพอดี

“เอาเสื้อหนาวกูไปคลุมมั้ย”

ต้องสั่นหัว

“เอาเสื้อนักเรียนใส่กลับไปก็พอ”

มันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

“มึงอยู่เฉยๆ เดี๋ยวกูซุกตัวมึงแบบบนรถแท๊กซี่เอง”

“หรือจะให้กอดแขนแบบในห้องประชุมดี”

ต้องขยับเบียดเข้ามาใกล้อีก

“ไปไกลตีนเลยมึง รีบๆไปป่วยเลยไป”

ผมหน้าแดง มันพูดไรของมันเนี่ย

“มึงไม่กลัวเด็กเข้าใจผิดเหรอ”

“ช่างมันดิ ให้มันโยนไม้ให้ได้ก่อนเหอะ”

บทสนทนาจบลง มีเสียงลมพัดธงชาติบนเสาธงให้ปลิวไสว ลมยิ่งพัดแรงธงก็ยิ่งตีกันเสียงดัง

“แอบไปดูต่อแข่งมั้ย”

“ได้เหรอ”

“เฮ้ย 2 ตัวนั่นน่ะ อย่าพูดมากนะ” มันหันไปตวาดเด็ก

ไอ้หล่อ 2 ตัวนั่นก้มหน้าเงียบ ไม่กล้าเถียง

“พี่ๆ ถ้างั้น ขอเมียพี่สักยกดิ เป็นค่าปิดปาก”

“ใครเมีย มึงพูดถึงใคร”

ผมเดินเข้าไปหาไอ้น้องคนที่พูด ไอ้นี่ชักเยอะละ

“มานี่”

อ้าว ต้องมันกลับจูงมือผมออกไปทางสนามบอลเร็วๆ ขาของมันก้าวยาวๆ ลมที่ซอกตึกตีหน้าแรงขึ้น มือมันเปลี่ยนจากจับที่ข้อมือมาเป็นฝ่ามือ สอดนิ้วเกี่ยวเข้ากับนิ้วมือของผม

… ปกติเวลาจูงมือมันต้องจับกันยังงี้เลยเหรอ

ผมว่าผมได้ยินเสียง ฮิ้ว ตามมาแว่วๆจากข้างหลัง

“เป็นไรไปวะ โกรธน้องมันเหรอ”

ต้องมันถามขึ้นเมื่อเห็นผมไม่พูด

“ต้อง กูจริงจังนะเว้ย”

มันเงียบ

ยังจูงมือผมเดินไปข้างหน้าอยู่

ป้ายข้างสนามบอล มีตัวเลขแสดงอยู่บนบอร์ด1-0

สีฟ้าเป็นฝ่ายนำ

ครึ่งแรกกำลังจะหมดลง

ดูทรงแล้วสีฟ้ายังมีสิทธิ์แพ้ได้อยู่ ครึ่งแรกไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิงเข้า ในสนามคนใส่เสื้อทับสีฟ้า วิ่งสลับไปมากับสีแดง ส่วนใหญ่บอลจะอยู่ที่ฝั่งโน้นมากกว่า สีแดงใช้ความพยายามอย่างมากที่จะยิงลูกสุดท้ายก่อนหมดเวลา ขออย่าให้เข้าเลย หมั่นไส้มัน จะได้แพ้ซะบ้าง

เสียงนกหวีดดังขึ้น

บอลลอยออกจากขากองหน้า ลอยลิ่วตรงมาทางประตู

ซันรับได้

นกหวีดดังยาว กรรมการบอกหมดเวลา

เสียงประกาศออกไมค์ไปทั่วสนาม ครึ่งหลังนอกจากการแข่งแล้ว จะมีซ้อมขบวนพาเหรด เป็นการซ้อมใหญ่เสมือนวันจริง ให้เด็กทุกคนเตรียมออกไปตั้งแถว

พวกรุ่นพี่ทะยอยเดินกันออกมา

สตาฟที่คุมแสตนด์ก็เริ่มวุ่นวายกับการเกณฑ์เด็ก มันจะต้องมีพวกแอบหนีตีเนียนทุกปี

หมดครึ่งแรกนักกีฬาทั้งสองฝ่ายต่างพักกันอยู่ริมสนาม คราวนี้เป็นการแข่งนัดสุดท้ายชี้ชะตา รอบชิงที่ 1 และ 2 จะไปอยู่ในวันจริง นักกีฬาสีผมทะยอยเดินทางมาพักใต้ต้นไม้แถวที่ผมหลบอยู่ พวกเด็กๆเดินสวนเราออกไป เพื่อรอเข้าแถวตรงริมทางเดิน

ต่อหันมาเห็นผมเข้า ต้องเอาตัวเข้าบังไว้

แต่แปลกแทนที่ต่อจะเดินเข้ามาหาต้อง มันกลับเดินไปทางฝั่งตรงข้าม ไปคุยกับบูม

“ต้อง เดี่ยวต่อก็โดนไล่ออกมา ไปทำไมฝั่งนั้นวะ”

ไม่ทันไร พวกพี่ม.6 ก็ไปตามตัวต่อกลับมา

พี่ก้องเดินสวนออกมาพร้อมกับเด็กคนอื่น

“น้องเตรียมตัวนะ เดี๋ยววันนี้เดินจริงแล้วโยนไม้เลย ซ้อมแบบวันจริง”

“งั้นผมไปรอนะพี่”

ต้องจูงมือผมแบบที่ทำตอนขามา ลากผมกลับไปเอาไม้ที่ฝากน้อง 2 คนนั้นไว้ ฝีเท้าก้าวยาวและเร็ว คนรอบข้างมองตามมาแปลกๆ

“เอ็ง 2 คนเค้าตั้งแถวแล้ว เตรียมตัวด้วย”

“เตรียมไรพี่ ยอมให้เอาเมียพี่แล้วเหรอ”

เด็กหัวเราะกันคิกคัก

ป๊าบ ไอ้ต้องเตะเข้าไปสุดแรง

เด็กแม่งหน้าเสียเลย

“มานี่” มันเดินนำเด็กออกไป

“พี่ก้อง ฝากไอ้นี่ด้วย ถ้าจับมันขึ้นแสตนด์ผมจะออกจากขบวนทันที”

เยี่ยม โหดไปแล้ว ขู่กระทั่งรุ่นพี่

พี่ก้องพาผมไปรอริมสนาม

ผมมองหน้าต้อง คำตอบที่ผมอยากจะรู้ จนถึงตอนนี้มันยังไม่ยอมเฉลย

พี่ก้องที่เดินนำไปก่อน ผมได้แต่หันกลับมามองแล้วขยับปากบอกมันว่า

'กูซีเรียสนะมึง'

ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่รู้จะรอฟังคำตอบไปทำไม... นั่นสิ จะไปสนใจทำไม อาจจะเป็นชื่อ ผู้หญิงที่ไหนก็ได้สักคนนะ แกคิดว่าจะเป็นชื่อแกยังงั้นเหรอ เก้า....

ท่าจะบ้า ไปบีบให้มันบอกชื่อคนที่มันชอบมาทำไม...

ขบวนพาเหรดกำลังตั้งแถว ดูเละเทะวุ่นวายมาก  กว่าจะพร้อมได้ กว่าอุปกรณ์จะถูกแจกกันออกไป เสียงเฮในสนามกีฬาก็ดังเข้ามา การแข่งบอลจบลงพอดี

ผลออกมากลายเป็นว่า สีฟ้าชนะแฮะ 2-0 ไม่น่าเชื่อ

“พี่ก้อง บอลชนะได้ไงอะ”

“มันส่งบอลพลาดน่ะ เข้าขากองหน้าเลย”

ผมละรู้สึกสะใจ ไอ้บูมแพ้ได้

เสียงกลองดังเป็นจังหวะ ออกมาทางลำโพงตัวใหญ่

อีกเดี๋ยวต้องก็จะเดินนำขบวนพาเหรดสีฟ้าออกมา

พาเหรดง่อยๆ กีฬาสีห่วยๆ อากาศเย็นๆ จนรู้สึกเหม็นเปรี้ยวเหงื่อ ภาพคนวุ่นวาย ผมเสียใจและหงุดหงิดกับตัวเองที่รอคอยความหวังบ้าๆ ลมๆแล้งๆ จากคนอย่างไอ้ต้อง

รู้สึกสมเพชตัวเองจนอึดอัด อยากจะหาที่ระบายอารมณ์สักคน

มันงุ่นง่านมากที่สับสนกับความรู้สึกตัวเองและไอ้ต้อง จะให้บอกว่าอะไรดี

มันคิดอะไรกับกูกันแน่วะ...

จากประสบการณ์เลวร้ายแล้ว

โอกาส 10% ใช่ 90% ไม่....

Kเอ๊ย....

จะวัดดวงกับ 10% ดีมั้ย
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 13 ตั้งขบวน [pg7] 21/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-12-2015 22:25:28
ชักจะเห็นใจต้องขึ้นมาบ้างแล้ว

ทำไม? เลือกเมียได้แล้ว แต่ก็ได้มาแบบมึนเข้าขั้น
เฮ้อออออ...เหนื่อยใจแทนต้อง

เก้าล่ะ..มึนได้เท่าเมียต้อง
หรือเปล่า ฮ่าฮ่า

ป้อล่อ..ตอนนี้ต้องน่ารัก
จุ๊บๆ
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 14 เตียงผ้าใบ [pg7] 23/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 23-12-2015 09:56:40
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 14 : เตียงผ้าใบ

ช่างหัวมัน... ปล่อยให้ต้องมันกลับไปเดินนำขบวนของมันนั่นแหละ ต้องกับเด็ก 2 คนคงไปตั้งแถวอยู่ไกลๆ สีฟ้าไม่ใช่สีแรกที่จะเดินเข้ามาบริเวณสนามบอลสีเหลี่ยมนี้

ส่วนผมไปหลบอยู่บริเวณเงาต้นไม้ที่ทอดลงมา นั่งหันหน้าออกไปทางที่ต้องจะเดินเข้ามาในสนาม พี่ก้องลากผมมาทิ้งไว้แถวนี้ ตัวพี่เองก็อยู่ด้วย แสงแดดหน้าหนาวที่ร้อนแรงในตอนบ่ายทอดผ่านใบไม้ลงมา เห็นเป็นเงาไหวๆอยู่บนพื้น

เสียงเพลงดังลั่นทั่วสนาม

รู้สึกหนวกหู

สีแรกกำลังเดินเข้ามา ทำท่าทางประกอบแปลกๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรในปีนี้ พวกนั้นจะต้องวนไปหนึ่งรอบสนาม ก่อนจะขึ้นไปต่อแถวเป็นขบวนอยู่บนสนามคอนกรีตร้อนๆ อีกสักพักใหญ่ๆเลย เดี๋ยวมันก็คงจะเดินมาบ่นให้ฟัง

2 สีแรกเดินขบวนผ่านไป รู้สึกเหมือนตัวผมเป็นประธานที่ไร้ตำแหน่ง ทุกคนต้องเดินผ่านหน้าผม เป็นประธานที่ไม่มีตัวตนในโรงเรียนนี้ ไม่มีตำแหน่งและความสำคัญใดๆ

ยิ่งฟังเพลงยิ่งขัดใจ ไอ้เพลงประเภทกราวด์กีฬาเนี่ย มันไม่ได้น่าฟังอยุ่แล้ว ฟังซ้ำๆยิ่งหงุดหงิด

อย่างอื่นที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากกว่ากำลังเดินเข้าสนามมา...

เริ่มรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ ควบคุมตัวเองไม่ได้ มันรนๆยังไงบอกไม่ถูก

ในสนามพวกแข่งบอลกระจายตัวออก ปล่อยให้พื้นสีน้ำเงินสะท้อนแสงโล่งแจ้งอยู่อย่างนั้น

ต้องกำลังเดินเข้ามาในสนาม เด็กที่ตามหลังทำมือขึ้นลงเป็นจังหวะ ราวกับขาของกิ้งกือ ที่ดูพลิ้วไหวพร้อมกับแปลกๆ และดูอุบาทว์ไปไปในตัว

จุดนี้คงจะเห็นมันชัดที่สุดตอนที่เดินเข้า

ที่นั่งวีไอพี เพราะแถวจะสลับกันหยุดช้าๆ เป็นช่วงๆ (ไม่รู้ว่าทำไมต้องหยุดไม่เดินยาวไปเลย)

ต้องก้าวเดินสั้น เป็นวิธีการเดินที่ผิดจากธรรมดาของมัน ขายาวๆที่ผมเคยวิ่งไล่ตาม เล่นก้าวซะสุดขาเลย เสื้อนักเรียนกับกางเกงพละ มันเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวสีน้ำเงินลงมาแทน

มันมาหยุดอยู่ทางเข้าสนาม

ส่งยิ้มให้ผม

ผมหันหน้าหนี

เมื่อหันกลับมามันยังคงมองอยู่  ขยับแขนขาและไม้ในมือไปเรื่อย

สีหน้ามันเริ่มสงสัยว่าผมเป็นอะไร

ผมได้แต่ก้มหน้าลงมองพื้น ยังกับตัวเองเป็นเมียงอนผัว ที่ไม่รู้ว่าจะงอนทำไม ถ้าต้องไม่ตอบก็ถือว่ามันไม่มีความรู้สึกใดให้ แล้วจะไปใส่ใจมันทำไม

เสียงเพลงวนมาอีกรอบ แถวเดินวนไปรอบสนาม สีแดงเริ่มขึ้นไปอยู่บนสนามร้อนฉ่า ที่ๆเคยประทะกันดุเดือดจากการแข่งขันบอลเมื่อกี้

ผมหันหลังให้ทางเข้า หันหน้ามองในสนาม ขาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เตะนั่นนี่ เขี่ยพื้นเขี่ยอิฐบอลครอบสนาม ราวกับหาเฉลยที่ต้องมันอาจจะใบ้ไว้แถวนั้น

สีฟ้าอยุ่เกือบจะเป็นสีสุดท้าย ก่อนสีม่วง แถวมันอยุ่เยื้องจากที่ผมหลบอยู่ไปได้ไปไกล ระยะสายตายังมองเห็นชัดพอว่า มันทำหน้ายังไง

ต้องนำขบวนที่ยังคงทำท่าน่ารังเกียจขึ้นไป แล้วตั้งแถว หันกลับมามองผม

'เป็นอะไรวะ'

มันทำปาก ถ้าผมอ่านไม่ผิด

ไม่ กูไม่อยากคิดไปเองคนเดียว แต่ไม่ได้ตอบมัน ผมเลือกจะหันหลังเดินหนีออกไปอีก ปล่อยพี่ก้องเฝ้าพาเหรดสุดแสนรักไว้อย่างนั้น สีหน้าพี่ดูมั่นใจว่าได้รางวัลแน่ๆ แต่สีหน้าดรัมเบอร์ 1 ของพี่ ดูจะเป็นกังวล และขาดความมั่นใจ

เสียงออกไมค์

“ทุกสีเมื่อเข้าสนามพร้อมแล้ว ให้ เดินสลับขาอยู่กับที่ แล้วโยนไม้ครั้งสุดท้ายพร้อมกัน ก่อนจะจบลงด้วยสิ้นสุดเสียงเพลง แล้วครูใหญ่จะกล่าวรายงาน ประธานจะเดินออกมาเปิดงาน …..”

“เอาละ ตอนนี้พร้อมแล้ว เดี๋ยวเพลงจะหยุด”

เสียงเพลงเงียบลง ผมนั่งยองๆที่ขอบฟุตบาทด้านนอก หันหลังกลับไปมอง

ไม้ถูกโยนสูงขึ้นไป เหมือนการแข่งขันความสูง

ไม้สีเงินด้ามทาด้วยสีดำมัน ลอยลิ่วขึ้นไปสูงเท่าที่แต่ละคนจะทำได้ มีอีก 2 อันที่ลอยคู่กันในความสูง 2/3 ยิ่งคนแรกโยนไปสูงเท่าไร คนที่ 2 และ 3 ก็ยิ่งลำบาก

ต้องมองหาผม

'อะไรวะ'

มันทำช้าชัดเจน

ผมจ้องหน้ามัน แต่ไม่ตอบ

มันยังไม่แหงนหน้าขึ้นไปมองไม้

เฮ้ย!!! กลับไปมองไม้โน่น

ชิบหายแล้ว!!!

ไม้ตกลงฟาดหัวเข้าอย่างแรง เพลงในสนามเงียบ พอๆกับเสียงคนเชียร์รอบข้าง ที่หน้าตาตกใจ พี่สตาฟกำลังจะวิ่งเข้าไปดู

ผมวิ่งตามเข้าไปติดๆ

แม่งโยนซะสูงเลย

พี่สตาฟกับครูพละเข้าไปดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหามต้องออกไปที่ห้องพยาบาล

แม่งโยนซะสูงเลย

อีกฝั่งหนึ่งก็มีเด็กร่างเล็กๆ ขาวๆ วิ่งตรงมาทางนี้ แต่โดนรุ่นพี่ดึงตัวกลับไว้ไปซะก่อน

ไอ้ต้องโดนหามขึ้นมา มันส่งสัญญาณว่ายังยืนไหว ผมรีบเข้าไปสอดตัวใต้แขนมัน หามมันไปทางห้องพยาบาลอีกด้านเป็นพี่ก้อง

เวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญกว่าไอ้ต้องอีกแล้ว

“เป็นไรป่าววะ”

มันหันมายิ้มให้ ส่ายหัว

แล้วตามมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“เดี๋ยวถึงห้องพยาบาลละ”

ผมยังแบกมันต่อไป ท่าทางมันยังพอไหว ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงมามาก แสดงว่าสติยังครบอยู่ พี่ก้องเองก็ช่วยไว้ได้เยอะ แวบเดียว ที่ภาพผมยกไม้กระดานตอนงานวิทย์ปีที่แล้วโผล่ขึ้นมา

“ขออนุญาตครับ”

อ้าว ไม่มีใครอยู่ ห้องว่างเปล่า

เวลาต้องการหาตัวเนี่ย ครูห้องนี้ไม่รู้จะไปอยู่ไหน เวลาจะเอายาอะไรก็ได้ยาง่ายๆ ตลอดยาธาตุกับพารา ทีงี้ละหายตัว

พี่ก้องวางมันไว้บนเตียงมุมในสุดของห้องพยาบาล ทั้งห้องมีกันอยู่สี่เตียง

“ขอบคุณครับพี่” ผมยกมือไหว้พี่ก้อง เกิดมาไม่เคยคิดจะยกมือไหว้รุ่นพี่เลย

“พี่ มันจะเป็นอะไรมั้ย”

“ครูเค้าดูแล้ว ไม่ได้โดนที่หัวไว้ แค่ด้ามน่ะ”  ด้ามทำจากไม้คล้ายๆด้ามไม้กวาด มันไม่ได้ใหญ่มาก

“มันหัวแข็งไม่แตกด้วย” พี่ก้องตบไหล่มันทีหนึ่ง

“อย่าตื่นมาความจำเสี่อมแล้วกัน” เออ เสื่อมไปเลยก็ดี มันจะได้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านไป

ส่วนไอ้เจ เสื่อมเถอะ ถี่เกินไปแล้ว

“น้องนั่งเฝ้ามันไปละกันนะ”

พี่ก้องหันหลังเดินออกห้องพยาบาลไป ปล่อยผมนั่งเฝ้าไอ้บ้าตัวหนึ่งที่นอนหมดสภาพอยู่

ท่าทางต้องจะอึดอัด

ที่โต๊ะมีผ้าขาวอยู่ น่าจะเป็นผ้าสะอาด

“เดี๋ยวมานะมึง อย่าเพิ่งเป็นไรละ”

ผมเอาผ้าไปชุบน้ำแล้วเดินกลับมาหาต้อง หน้าหนาวน้ำมันเย็นอยู่แล้ว โดนไปละขนลุกแน่ๆ

“เอาแขนมา” ผมขยับผ้าในมือ เอื้อมไปคว้าแขนมาขึ้นมาเช็ด แขนสองข้างที่เคยโอบไหล่ให้ความมั่นใจกับผม ตอนนี้มันดูไร้เรี่ยวแรง อ่อนปวกเปียก

“เอาน้ำมั้ย”  ไม่รอคำตอบ

ลุกเดินไปกดน้ำใส่ถ้วยกระดาษก้นแหลมแบบที่ให้ตามโรงพยาบาล น้ำเย็นถูกรองไว้เต็มแก้ว ว่าจะหายาแก้ปวดให้มัน แต่มองๆดูก็ไม่เจอ

เสียงเตียงผ้าใบลื่นๆ ต้องขยับตัวให้ เสียงยาบยาบ ข้างใต้คงบุด้วยยาง ที่ว่างด้านข้างว่างอยู่ ผมเลยลงไปนั่ง  ค่อยๆพยุงมันขึ้นมา

มันขยับมือมารับน้ำไปดื่ม พอหมดขยำแก้ว แล้วปาไปที่มุมห้อง

ไอ้มักง่ายนี่

มันนั่งเอาแขนยันตัวไว้แล้วมองมาทางผม

ท่าทางมันจะดีขึ้นแล้ว แต่ผมใช้มือดันไหล่มันเบาๆหนึ่งที มันยังไม่ยอมลง จนต้องเอื้อมมือไปกดให้มันกลับไปนอนลงบนเตียง

“ดีนะหัวไม่แตก”

มันยักคิ้วให้

“มีแรงแล้วเหรอไง”

มันยังยิ้มอีก

“เดี๋ยวเช็ดหน้าหน่อยนะ”

ผ้าผืนเดิมถูกใช้ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 แต่ผมซักผ้าแล้วชุบน้ำเย็นมาใหม่

ผ้าเย็นๆค่อยๆใช้ลูบหน้ามันเบาๆ น้ำมันคงเย็นจนทำให้ต้องเผลอครางออกมา เสร็จแล้วไล่จากหน้าลงไปที่คอ หลังคอ ท่าทางมันดูสบายขึ้น

“นอนไปก่อนนะมึง”

“เก้า” มันถามขึ้นตอนที่ผมกำลังจะตากผ้า

“ไรวะ”

มันลึกขึ้นมาแล้วพยายามถอดเสื้อยืดสีขาวออก ตัวมันยังเป็นจ้ำแดงๆจากความร้อนบนสนาม ผิวขาวตอนนี้กลายเป็นรอยแดง มันชูแขนขึ้นสุดโชว์วงแขนหราไว้

“เช็ดตัวด้วยดิ”

“เออๆ แป๊บเดะวะ”

“คาไว้ก่อน” สองแขนดิ้นรนจะหาทางเอาเสื้อชื้นเหงื่อออก

เสื้อนักเรียนถูกปลดกระดุมแล้วดึงออกจากตัวมันช้าๆ ชายเสื้อถูกดึงออกจากแขนสองข้าง เมื่อออกไปพ้นตัวมันทิ้งตัวโครมลงบนเตียง

เสียงลมดังฟุบ ที่นอนยุบลงไป พร้อมๆกับเสียงหึ่งของพัดลมเหนือหัว กลิ่นยาฆ่าเชื้อฉุน กลบกลิ่นตัวมัน

ผมค่อยๆไล่ผ้าจากคอแล้วลงไปที่เนินอกทั้งสองด้าน จากซ้ายไปขวาแล้ววนลงล่าง สงสัยจะเย็นเกินไปมันนอนตัวสั่นนิดหน่อย หน้าอกของข้างแข็งเป็นไตขึ้นมา

เสร็จแล้วมันนอนตะแคงให้ผมเช็ดหลังให้ แผ่นหลังกว้างๆถูกจับพลิกตะแคง เอามือสัมผัสดู ไม่ร้อนแล้ว

สภาพไม่ต่างจากตอนอยู่บ้านผมเลย นอนเปลือยท่อนบน กางเกงพละเอวต่ำโชว์ขอบกางเกงในสีขาว จนผมทนไม่ได้จะต้องถึงขอบกางเกงมันขึ้นมาปิดไว้

ผ้ายังเย็นอยู่

เช็ดท้องมันซธหน่อยดีกว่า ท้องขาวๆที่มีขนตรงสะดือบางๆ ผมถูไล่ไปจนถึงขอบกางเกง

“สัส กูเสียว”

“หึ ยังมีรมณ์นะมึง”

“เออดิ มึงจะปลุกอารมณ์กูเหรอ”

ผมหัวราะ

รวมๆเวลาตั้งแต่ไม้ตกใส่หัวจนมานอนเปลือยในห้องพยาบาลนี่น่าจะราวๆครึ่งชั่วโมงได้ ไม่นานก็คงจะเลิกซ้อม แล้วก็เก็บของกลับบ้านกันสินะ เสียงเอะอะหน้าห้องมาเมื่อไหร่ก็แปลว่า งานจบแล้ว เดี๋ยวคนก็คงแห่กันเดินมาทางนี้

“มึงไปทำอีท่าไหนวะ”
มันไม่ตอบ

“ตอนซ้อมมึงไม่เคยพลาดเลยนี่”

“ก็.. กูหันไปมองมึงไง”

ผมทำเป็นไม่ใส่ใจ

“อยู่ๆเป็นอะไรวะ”

ผมส่ายหัว

เสียงพัดลมครางหึ่งอยู่เราสองคน เมื่อมันไม่พูดอะไร ผมจึงได้แต่นั่งมองหน้ามันอยู่อย่างนั้น พยายามทำใจไว้ว่าอีกไม่กี่นาทีผมจะขอตัวไปที่ห้อง ไม่อยากทนนั่งมองมันนานๆไอ้ต้องลืมตามองเพดาน แต่ตัวยังนิ่งอยู่บนเตียง

“คราวหลังนั่งดีๆสิมึง”

“มึงนั่งลงริมฟุตบาท อ้าซะ ท่านั่งมึงน่ะ”

หา... ผมยังไม่ทันมัน

“ขากางเกงมึงกว้าง อ้าซะเห็นไข่ทั้งพวงแล้ว”

ผมก้มลงมองเป้าตัว ลองยกขาดู มันเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ

“กูว่าจะทักมึงละ แต่พอกำลังจะชี้ให้ดู ไอ้ไม้ห่านั่นก็ฟาดหัวซะก่อน”

ผมหัวเราลั่นห้องเลย

ไอ้ต้องพูดเกินไป

“นี่มันโรงเรียนชายล้วนนะมึง”

“ก็เพราะยังงี้น่ะสิ กูถึงได้หวงมึง”

เฮ้อ

ผมเอามือตีพุงมัน

“โอ้ย” มันร้องแล้วคว้ามือผมไว้ ไปวางบนพุงมัน

“ช่วยกูหน่อยดิ”

หา!!!

“เอาเสื้อมาให้หน่อย หนาว”

ผมเลยเอื้อมมือไปคว้าเสื้อที่วางอยู่ตรงหัวเตียง เสื้อมันคงแห้งขึ้นบ้างแล้ว ก่อนจะจับมันลุกขึ้นมานั่ง คราวนี้ดูมันมั่นคงขึ้น ด้วยความขาวของตัวมัน ทำให้ผมต้องนั่งชันเข่าบนเตียงเอื้อมตัวไปสอดเสื้อเข้าที่แขนสองข้าง ตัวผมคร่อมอยู่หว่างขามัน

แขนถูกสอดเข้าไปเสร็จแล้ว มันหึบแขนเข้าหากันหนีบตัวผมเข้าไปด้วย

ตัวเราสองคนแนบกัน

หน้าผมไปทับอยู่กับหน้าอกที่มีเสียงหัวใจเต้นดังๆ

ใจต้องมันเต้นแรงจนรู้สึกได้

ผมดันตัวให้ออกห่างจากมัน ลมจากพัดลมพัดเข้าที่ตัววูบหนึ่ง ดูไม่อาจลดความร้อนที่เกิดขึ้นบนใบหน้าได้ซะแล้ว

ต้องก้มหน้าลงมาจ้องตาผม

ก่อนจะค่อยๆ เอามือดึงตัวผมเข้ามาหามันอย่างว่าง่าย

เสียงเตียงในห้องพยาบาลดังขึ้นอีกครั้ง เตียงผ้าใบลื่นๆ ต้องที่ดึงผมเข้าไปหานั้น ทำไมกันนะ ผมไม่อาจแข็งขืนได้เลย สุดท้ายก็กลายเป็นว่าต้องล้มพิงบนตัวมัน มีเพียงขาเท่านั้นที่คร่อมกันอยู่ เข่ามันแนบติดอยู่กับส่วนสำคัญของผม มือผมท้าวเอาที่หว่างขามัน อีกข้างอยู่บนหน้าขา แต่อีกข้างนี่สิ ...อยู่บ้นเป้ามัน

ลมหายใจถี่รุนแรงขึ้น

“ขอนะ...”

“ต้อง...”

มันค้อยๆกดริมฝีปากเข้ามาอีกครั้ง ริมฝีปากบนล่างแตะกันเสมอเป็นสมมาตร ช้าๆ ก่อนที่ต้องจะขยับขาไปด้วย...

ส่วนนั้นของต้องกำลังขยายออกมาในมือผม แลกกันกับของผมที่แข็งขืนดันเข้าต้องกลับไปในตอนนี้

หลังจากชิมรสชาติปากของกันแล้ว ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นใช้ลิ้นเข้าดุนดันภายในปาก เปลี่ยนท่าทางกันซะใหม่

ของผมกับต้องกำลังจะระเบิดออกมา มือสั่นเทาค่อยๆขยับช้าๆ เอื้อมไปเข้าไปแตะขอบกางเกงพละของมัน

ล้วงเข้าไปเลยดีมั้ย

ต้องหัวเราะหึออกมา เมื่อสัมผัสได้ถึงความคิดผม

“เอาสิ”

“ต้องกูชอบมึงนะ … แล้วมึงละ”

มือมันที่กำลังง่วนกับการแกะเข็มขัดนักเรียนผมหยุด

มันลืมตาขึ้น แล้วก็...

“พี่ต้องงงงงงงงง”

ผมรีบพละตัวลุกขึ้นยืน เข็มขัดถูกแกะออกไปแล้ว ตะขอก็กำลังจะหลุด

ชิบหายละ

“พี่ต้อง”

ต่อกับบูมเดินเข้ามาในห้องพยาบาล

“ต่ออย่าเสียงดังได้มั้ย”

“เป็นไรป่าวพี่”

ต่องจ้องหน้าผมราวกับไปลักพาตัวต้องมาอย่างนั้นแหละ

“เอ่อ เปล่า ไม่มีไร”

เอะ...

ผมจะรีบแก้ตัวทำไม

พลัก

ต่อโดดข้ามเตียงต้อง ส่งหมัดเข้ามาที่หน้าผมเต็มๆ หนึ่งหมัด เล่นเอาภาพข้างหน้าสั่นไปชั่วขณะ มือขาวๆเล็ฏๆของมันนี่แรงดีเหมือนกันแฮะ

มา ตาผมมั่งละ

ได้จังหวะผมพลิกตัวตัวกลับกำลังง้างมือขึ้น เล็กไปที่หน้าของต่อ

“เก้าเดี๋ยวสิ”

ผมหยุดหันไปมองต้องที่ดึงชายเสื้อผมไว้

พลัก คราวนี่หมัดที่สอง ลงมาที่หน้าอก เล่นเอาหายใจไม่ออก

“เดี๋ยวพ่อมึงเหรอ” ช่างหัวไอ้ต้องมันแล้ว

ผมกำลังจะอัดกำปั้นเข้าไปที่หน้าต่ออย่างสุดแรง แต่สายตามองไปเห็นร่างสูงๆนั่นรีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว วิ่งไปกอดตัวน้องชายเอาไว้ ผมให้ผมต้องชะงักตัวกลางอากาศอย่างนั้น

“เอ้าของแถม”

ลูกถีบยันเข้าที่ท้องผม จนเซถอยหลังลงไปกองอยู่ข้างเตียงห้องพยาบาล

สัสนี่

บูมวิ่งเข้ามาดันตัวผมออกไปให้ห่างจากคู่นั้น ลากออกไปไกลทางมุมห้อง

“ต่อเป็นบ้าอะไรวะ” บูมหันไปถาม

“มันน่ะแหละ ทำอะไรกับพี่ต้องน่ะ”

“นี่มันในห้องพยาบาลนะ ต่อ”

“แล้วสภาพที่เห็นน่ะมันอะไร ไอ้กระหรี่นี่เลือกสถานที่ด้วยเหรอ”

พอได้ยินคำนี้เข้า ใช่... ถูกของมัน ผมฟาดฟันเพื่อนตัวเองไป 2 แล้วนี่ ถ้าจะรวมต้องเข้าไปอีกก็จะกลายเป็น 3

ช่วยไม่ได้ ผมสูดหายใจเข้า ยืนให้มั่น ดันบูมออกไปข้างๆ

“ต่อใจเย็นๆได้มั้ย”

“พี่บูม!!!”
อ้าว เถียงกันเองแล้ว

“เสือกเรื่องกูน่า”

ผมสวนด้วยหมัดเข้าที่ท้องของบูม ก่อนจะพลักมันออกไปข้างๆ

ถือว่าคืนหนี้เก่าละกันนะ บูม

ต่อสะบัดตัวต้องออกไปด้านข้าง ไม่ให้ขวางไว้ได้

“พี่ต้องจะไปช่วยมันทำไม” ต้องคว้าแขนต่อกลับมา

ต่อสะบัดมือโดดเข้ามากระชากเสื้อผม แล้วเหวี่ยงตัวออกไป ตอนนี้มันง้างขาขึ้นทำท่าจะเตะ มันคงเห็นผมเป็นลูกบอลกลมๆขาวๆไปแล้ว โดนเข้าไปนี่น่าจะหนัก

ต้องลงมานั่งคร่อมทับตัวผมเอาไว้

ตูม

เสียงเนื้อกระทบกันดังๆ ต่อหยุดเอาไว้ไม่ทัน เป็นต้องที่โชคร้ายเข้ามารับแทน โดนเข้าไปเต็มหลัง

“เก้า อะไรกันวะ”

ไอ้เจ???

“ต้อง มึงลงไปนั่งกอดเก้าไว้ทำไม”

กูว่างานนี้ถ้าเรื่องหลุดออกไปได้ดังกันยกแก๊งแน่

“นั่นไง คนของมึงมานั่นแล้ว”

“คนเคยๆใช้บริการกันสินะ”

“ต่อน้อยๆหน่อยนะ”

“เจ อย่า” แมคคว้ามือเจเอาไว้

“พวกมึงมากันทำไมเยอะแยะวะ” เสียงดังฟังชัด ท่าทางต้องจะหายมึนหัวแล้ว

“พวกมึงมาเสือกอะไรด้วย”

“ต่อ พูดดีๆหน่อย”

“ทำไมต้องพูดดีกับคนที่ทำอะไรเหี้ยๆไว้ด้วย”

บูมมองหน้าเจเลิกลัก

“ไหนมึงบอกจะทำให้มันจบไง”

“คิดว่ากูจะยอมรับง่ายๆเหรอ”

เจยังจ้องหน้าบูม

“ต่อ... ออกไปเหอะ”

“พี่ต้องไอ้นี่มันทำอะไรเอาไว้ พี่ไม่รู้เหรอ”

ต้องไม่ตอบ หันมามองหน้าผม

“ต่อ มึงมาเจอกับกูนี่”

ต้องเดินเข้าไปหาเจ

“มึงสองตัวพอเลย ไอ้ต้องมึงยังจัดการเรื่องต่อไม่ได้อีกเหรอ”

ต้องหันกลับไปมองแมค แล้วสลับไปทางต่อ

“เพราะยังงี้ไง กูถึงบอกว่า มึงกระจอก เรื่องมันกลายมาถึงขนาดนี้แล้ว”

“แล้วจะให้กูทำยังไง มึงคิดว่ามันง่ายเหรอ”

“พี่ต้อง ทำไมต้องเป็นมันด้วยวะ”

เสียงคนในห้องเถียงกันมั่วไปหมด ไม่รู้ว่าใครพูดอะไร เรื่องไหนเป็นเรื่องไหนไปแล้ว
“พอ!!!!!”
.
.
.

“พวกมึงหยุดเถอะ เดี๋ยวกูจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง”
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 14 เตียงผ้าใบ [pg7] 23/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 23-12-2015 18:04:47
อ่านถึงตรงนี้ละ หลังจากไม่ได้มาอ่านนาน
เรื่องครูนี่จี้ดดดด หลายตอนมาก
แล้วเด็กๆพวกนี้ก็ ...เข้าใจอะ เด็กมากๆอะ

พอโตแล้วมองย้อนกลับไปคงขำกับตัวเองในอดีตเนอะว่างี่เง่าฉิบ

ตอนนี้หมั่นไส้ต่อมากอะ

จริงๆต้องก็ทำตัวไม่สมเป็นพระเอกเลย

เก้าน่าสงสาร น่าจะเลิกๆไปให้หมด ไปหาใหม่ดีกว่า
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 14 เตียงผ้าใบ [pg7] 23/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 23-12-2015 20:45:25
ต้องเอาแต่ไม่ให้เก้าทำน้อง   แต่ปล่อยให้น้องทำเก้ารัวๆ   พระเอกมากค่ะ
ต่อก็อิเด็กนรกดีๆนี่เอง   มาครบหมดเลยทั้งบูม เจ   

โกรธต่อมากๆเลยนะ   มันเป็นใครมาจิกหัวเรียกคนอื่นว่ากระหรี่   
อยู่ใกล้ๆจะตบสั่งสอนให้หน้าหันสักที   ไม่ว่าจะฟังจากเจหรือบูมหรือว่าเห็นเองก็ไม่ควรมาตัดสินคนอื่นแบบนี้   รู้ว่าหวงพี่ชาย   แต่แบบนี้มันเกินงามไปมากโขอยู่แล้ว

สงสารเก้ามากๆที่ต้องมาอยุ่แบบนี้ ในโรงเรียนที่ลือกันได้ปากหมาปากมอม  ครูที่ไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้นักเรียน   เพื่อนที่พอไม่ได้ดังใจก็ขู่  ที่ใช้เพื่อนเป็นแค่ตัวระบายความหยากทางเพศ แล้วก็ประจาน ปล่อยข่าวลือ  ไม่แปลกหรอกที่เก้าจะเรียนไม่รู้เรื่องเพราะว่าหลุดโฟกัสไปทุกอย่างแล้ว
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 14 เตียงผ้าใบ [pg7] 23/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 23-12-2015 22:04:30
อารมณ์กับวัยรุ่น
มักจะพลุ่งพล่านไปก่อนอะไรเสมอ

ไร้เดียงสากันทั้งนั้น
ไม่มีเหตุผล มีแต่อารมณ์ล้วนๆ

ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่และถูกต้องเสมอ
เอาไว้เป็นผู้ใหญ่แล้วค่อยมาคุยกันดีดีแล้วกัน

ตอนนี้คงต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปก่อน
ใครจะห้ามอะไร ก็ไม่มีใครยอมจะฟังหรอก

+1 ให้กับตอนนี้

ป้อล่อ..ต้องกับเก้า
จะได้สุขกันมั่ง..แต่สุขไม่สุด
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 15 ปากหมา [pg7] 24/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 24-12-2015 16:18:28
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 15 : ปากหมา

ได้ งั้นผมจะบอกพวกมันให้หมด

“วันงานวิทย์ไอ้เจมันนัดกูเอาไว้หลังแสดงละคร กูไม่ได้ตั้งใจว่ามันจะออกมาเป็นอย่างนี้หรอก มันผิดที่กูเอง ถ้าวันนั้นกูไม่ยอมทำตามที่เจมันต้องการ กูไม่ได้ขึ้นไปหามันที่ชั้น 4 แล้ว เรื่องมันก็คงไม่เกิด”

“กูมันง่ายเอง”

“เก้า พอเหอะ” ไอ้เจเดินมาจับมือผมไว้

“ตอนนั้นกูไม่รู้จริงๆนะ ว่ามึงคิดยังไงกับกู  เจ มึงก็คงเหมือนๆกับบูมสินะ แค่เห็นกูเป็นที่ระบายให้เฉยๆ จนวันที่มึงบอกกับกูที่บ้านนั่นแหละ กูเลยยิ่งแน่ใจว่ามึงคิดแค่นี้ แต่ยังไงมึงก็คือ พี พี คนที่กูรู้สึกดีด้วยมาตลอดเพราะมึงคือเพื่อนคนเดียวที่ไม่เคยทิ้งกูไปไหนเลย ถ้าเรื่องแค่นี้มันทำให้มึงสบายใจได้ กูก็อยากทำให้ ที่มึงทำให้กูวันงานวิทย์กูคิดว่ามึงจะจีบแล้วนะนั่น”

ผมได้แต่ก้มหน้า มองไปที่มือที่ถูกมันจับเอาไว้

“เก้า” เสียงเจ ดังขึ้นอีกครั้ง

“เก้า ช่างมันเหอะ” คราวนี้เสียงต้องเหรอ

พวกมึงนี่ เรียกชื่อกูบ่อยกันจัง

“กูก็เลยยอมมันในห้องนั้นแหละ”

ผมหันไปมองหน้าต้อง

ต้องยังคงจ้องกลับมาไม่ลดสายตาลง ไม่แน่ใจว่ามันรู้สึกอย่างไรอยู่

“มึงแม่งตุ๊ดจริงๆด้วย”

ต่อเดินเข้ามาผลักอกผมทีหนึ่ง

“หึหึหึ ใช่ ตัวกูน่ะคงใช่ แต่ไอ้เจน่ะไม่ พี่มึงก็ไม่ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงไอ้ต้องมากนักหรอก”

“ขอโทษนะ เจ มึงเองก็คงอยากจะปิด แมค กับ ต้อง เอาไว้เหมือนกันสินะ”

เจ หลบหน้า

ผมบีบมือมันเบา ก่อนเอามืออีกข้างแกะมือมันออก

“คนที่เป็นแบบมึงน่ะ ทำไมต้องมาทำให้พี่กูเป็นอย่างมึงด้วย” ต่อเดินเข้ามาผลักอกผมเป็นครั้งที่สอง

“มันก็ต้องมีครั้งแรกกันละนะ”

ผมหัวเราะให้กับพื้น นึกไปถึงบูม

“ไหนมึงบอกว่าเรื่องนี้มันจะจบไง เนี่ยเหรอที่มึงบอกจะช่วยเก้า”

เจหันไปพูดใส่บูมตรงๆ

“พี่บูมเนี่ยนะ”

เอาละสิ 2 คนนั้นทะเลาะกันเองแน่

“เออน่า มึง เดี๋ยวกูค่อยเล่า”

ต่อแบ่งความสนใจบางส่วนไปลงที่บูมบ้างแล้ว

“ต่อ กลับบ้านกันเหอะ”  ต้องลุกเดินออกไปทางประตู

“ไม่พี่ต้อง พี่ต้อง ต้องจัดการเคลียร์เรื่องของมันกับพี่ก่อน”

“ต่อได้ทุกอย่างแล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ”

“มึง พาพี่กูไปไหนมา วันเกิดกูน่ะ”

ประเด็นใหม่เพิ่มเข้ามา

ผมยังทำหน้างง วันไหนวะ

หันไปทางต้อง ทำไมมันทำหน้าแบบนั้นละ

“วันที่กูไปนอนบ้านมึงไง เก้า”

“ไอ้เหี้ยนี่เอง” ต่อ เดินมากระชากคอเสื้อผม

กลายเป็นว่า ผมกำลังจะต่อยมัน

“เด็กอย่างมึงน่ะ น้อยๆหน่อยนะ ให้พี่ๆเค้าจัดการเรื่องนี้กันเองดีกว่า” แมคลากคอน้องมันกลับไป

“พี่มึงไปนอนบ้านเพื่อนมีปัญหาตรงไหนเหรอ”

“พี่ของกู”

เจ เป็นคนแรกที่เดินออกจากห้องพยาบาล

มันไม่พูดอะไรอีก เดินมองฟ้ามองตึกแล้วหายลับออกไป

แมคยังคงกดหัวต่อเอาไว้อย่างนั้น

“พอเหอะ ต่อ” บูมเดินออกจากห้องไปเป็นคนที่สอง

เดินหน้าไปทางสระว่ายน้ำ

“ตอนนี้ทุกคนก็รู้เรื่องกันหมดแล้ว มึงจะได้ไม่ต้องมาคอยตามกันท่าต้อง ไม่ต้องมาวุ่นวายกับกูซะทีนะ พี่มึงของมึง กูไม่ยุ่งหรอก ต้องไม่ได้ชอบกูด้วยซ้ำ แล้วกูก็ไม่มีทางจะไปชอบคนสูงเป็นเปรตอย่างมันได้หรอก”

แมคพลักหัวต่อไปข้างหลัง

“ไม่เป็นไร ปีที่เหลือกูยกให้มึง ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดมึงนะ ต่อ ยกเว้นว่ามึงจะนึกสนุกอยากได้กูอีกคน กูจัดให้ได้นะ”

ที่เหลือในห้องดูสะดุ้งเฮือกขึ้นมา

“เอาเหอะ พวกมันก็แค่ฆ่าเวลา เดี๋ยวๆก็จบกันแล้วเนอะ เดี๋ยวก็แยกย้ายกันไป จะมีความหมายอะไรในชีวิต คนคู่กันวันนึงมันยังแยกกันได้เลย แค่เพื่อนสักวันมันก็ต้องไป เอะ เพื่อนเหรอ ใช่เหรอ”

“ฝากไปบอกบูมด้วยนะ กระจอกวะมันน่ะ”

“แมค กูว่ามึงโลกส่วนตัวสูงนะ บางทีกูก็คิดว่า.... กูไม่รู้จักมึงวะ บางทีก็คิดว่ามึงมันเข้าใจคนอื่นไปหมด เข้าใจจนน่าขนลุก กูว่ามึงแปลกๆนะ บางทีกูก็รู้สึกว่ามึงกับกูมันอยู่กันคนละโลกวะ เหมือนคุยกันได้ บางทีก็ไม่รู้เรื่อง”

“ไอ้เจ มันไม่อยู่แล้ว แต่เมื่อมันเล่นๆกับกูได้ กูก็เล่นกับมันได้ แค่เสียน้ำจะไปเสียดายทำไม ไม่เสียกับมันกูก็เอาออกเองอยู่แล้ว ก็ดี กูเป็นที่ระบายให้มัน ดีที่มันไม่ได้คิดกับกูมากไปกว่าเพื่อน”

“ต้อง เพราะมึงเป็นยังงี้ไง หัดพูดไรให้ชัดๆหน่อย น้องมึงเลยเข้าใจผิดหมดแล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวหลังจากนี้มึงก็ไปใช้เวลากับน้องมึงให้มากๆนะ เลิกยุ่งกับกูซักที ไม่ต้องห่วง กูรู้มึงไม่คิดไรหรอก กูก็ด้วย อ้อ หรือว่า ถ้ามึงอยากจะเอาชนะไอ้เจละก็ ยินดีด้วยนะ …......... มึงชนะแล้วละ”

“กูว่า กูเคยชอบมึงนะ ชอบมากด้วย”

ถึงตรงนี้ทำไมผมเสียงสั่นได้ ตั้งแต่พูดมา ผมยังไม่รู้เรื่องเลยว่าตัวเองพูดอะไรออกไป  มันดูไร้สาระเพ้อเจอสิ้นดี แล้วดูเหมือนผมจะด่าพวกมันก็ไม่ใช่ ไม่สิ ไอ้นิสัยหาข้อเสียคนอื่นมันเป็นสันดานผมอยู่แล้วนี่ ผมก็แค่ชี้หน้าด่าหาที่ระบายลงไปเฉยๆ

ระบายความรู้สึกผิด รู้สึกละอายที่พวกมันรู้ ผิดในสิ่งที่ผมเป็น

น้ำอุ่นๆ ไหลลงบนใบหน้า มือสั่นเทาค่อยๆเอาขึ้นไปลูบหน้าตัวเองอย่างช้าๆ นี่กูร้องไห้ไปตั้งแต่ตอนไหน สงสัยจะก้มหน้ามากไป มันเลยชาจนไร้ความรู้สึก ปกติผมก็ไม่ค่อยมีความรู้สึกอยู่แล้วนี่นะ

เอาละ จบแล้ว

พวกมันไม่ควรจะมีมลทินในเรื่องแบบนี้ ถือว่าผมชดใช้ให้พวกมันแล้ว

ประตูห้องพยาบาลขยับเข้ามาใกล้ ไม่รู้สึกเหมือนว่าผมเดินอยู่ มันเหมือนประตูมันลอยเข้ามาหาเองมากกว่า เด็กเริ่มเดินกันขวักไขว่นอกห้อง แสดงว่าเลิกเรียนแล้ว งั้นผมไม่ต้องขึ้นห้องไปเจอหน้าใครอีกรอบแล้วสินะ ตรงกับบ้านเลยดีกว่า

หูฟังกับโทรศัพท์ยังอยู่ดีในกระเป๋ากางเกง เหมือนมันจะยังไม่ได้ทิ้งผมไปไหน ดีที่ติดมาด้วย ไม่ได้ทิ้งไว้ในกระเป๋านักเรียน

ป่านนี้ในห้องพยาบาลน่าจะสงบลงได้แล้ว

สูดลมหายใจเข้าลึก

เงยหน้า

ทำหน้าตาปกติ

หยิบหูฟังขึ้นมาใส่ แล้วออกเดินช้าๆ ไปที่หน้าโรงเรียน เวลานี้คนคงไม่เยอะ ไม่ต้องแย่งรถกับใคร จะสองแถวไปปากซอยแล้วต่อรถเมล์ก็ได้ หรือจะแท๊กซี่ก็ได้ อยู่ที่อย่างไหนจะมาก่อนกัน อะไรที่จะมารับสภาพผมตอนนี้ไปด้วยก่อนกัน

แท๊กซี่มาถึงก่อน ผมโดดขึ้นประตูหลัง บอกทาง แล้วก็นั่งฟังเพลงเปิดเสียงดังให้สุด โลกรอบข้างเริ่มเงียบลงไป แม้เสียงเพลงที่ดังที่สุดก็ดูเหมือนจะไม่พอช่วยให้สติผมกลับมาได้ ตกรอบข้าง รถที่วิ่งผ่านไปมา กลายเป็นเส้นยาวๆ ไม่รู้ว่าแท๊กซี่ขับเร็ว หรือ สมองมันเบลอกันแน่ ผมเริ่มแยกไม่ออกระหว่างตัวเองกับโลกจริงๆใบนี้


ภาพรอบข้างเริ่มกลายเป็นสีขาวดำ ส่วนที่เป็นสีเทาดูจะเยอะสุด แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆหยุดนิ่งลง

นึกได้ว่า บ้านที่พักหลังๆไม่ค่อยอยากกลับ มันจะถึงเร็วเกินไปถ้านั่งรถต่อไปเรื่อยๆ

ผมบอกให้จอดตรงที่เดิมหน้าบ้านแมค

ลมเย็นพัดวูบมา ลืมไปเลยว่านี่มันหน้าหนาว แถมปีนี้หนาวกว่าทุกปีด้วย ผมทิ้งเสื้อไว้ที่ไหนเนี่ย … ห้องพยาบาลตอนช่วยต้องสินะ

ที่สี่แยกกับลมเย็นๆที่ยังตีมาประทะหน้าอย่างต่อเนื่อง ไฟเขียวยังขึ้นอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนเป็นสีแดง

ผมมองเห็นตัวเองกำลังก้าวขาออก ราวกับวิญญาณออกมาอยู่นอกร่าง วันนี้เกิดขึ้นบ่อยจริง ตั้งแต่ในห้องพยาบาลแล้ว ผมเห็นตัวเองกำลังก้าวเดินข้ามสี่แยกแบบไม่รอไฟแดง รถกำลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็ว แต่เด็กผู้ชายร่างเล็กๆหน้าตาคุ้นเคยนั้นก็ยังไม่หยุดเดิน

สงสัยผมคงจะไม่ได้ไปโรงเรียนอีกแน่แล้ว

โรงเรียนที่ไม่เคยคิดว่ามันจะสนุกขนาดนี้ มันกำลังจบความสนุกลง เวลา 2 ปีที่สนุกมากกำลังจะผ่านพ้นไป แปลว่า มันจะไม่มีที่ให้หลบพักใจได้อีกแล้ว

ก็คงพอๆกับชีวิต ม.6 ที่เหลืออยู่ นี่มันแค่เริ่มต้น

กลับบ้านแล้วอยากเปลี่ยนชุดที่ใส่อยู่นี่เหลือเกิน เสื้อ ขาว กางเกงน้ำเงิน ถอดมันให้หมด กางเกงในก็อย่าเก็บไว้ ตัวขาวๆซีดๆ ที่ตอนนี้เริ่มมีรอยช้ำแดงๆเขียวๆบ้างแล้ว

ผมก้มหน้าลงมองอวัยวะของตัวเอง เรียกร้องนักเหรอ อยากนัก นี่ไงเป็นเรื่องแล้ว วันนี้ละอยากอีกมั้ย มาจะทำให้หายอยากเลย

ในห้องน้ำห้องเดิมนี้ที่ต้องเพิ่งจะมาไปไม่นาน ที่เจเพิ่งจะมาไปตอนก่อนเปิดเทอมใหม่ สงสัยคงจะไม่ได้ใช้รับแขกใครอีกแล้ว

ก๊อกน้ำเย็นถูกเปิดออกจนสุด ร่างเล็กยืนสั่นเทาอยู่ใต้สายน้ำเย็นที่เย็นขึ้นไปอีก

ค่อยๆปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ พรุ่งนี้เป็นวันเรียนวันสุดท้ายของปีแล้ว ถ้าไม่สบายอย่างมากก็โดดเรียนไปซะ ไปกับไม่ไปก็คงไม่ต่างกัน

แต่ถึงจะพูดออกไปให้พวกมันฟังอย่างนั้น ผมต่างหากที่เป็นคนที่ทนไม่ได้กับคำพูดพวกนั้นที่สุด

คำพูดพวกนั้นเหมือนก้อนหินที่ผมคว้าเอามาจากพื้นขว้างปาใส่เพื่อนเพื่อระบายอารมณ์ แก้ความอับอายที่โดนประจานให้มันหายไป … มันไม่หายไปไหน มันกลับสะท้อนเป้าเข้ากระแทกหน้าตัวเอง
.
.
.

เช้าสุดท้ายวันที่ 30 ธันวาคมก็มาถึง แม่งไข้แดกอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย กลายเป็นว่าไม่ต้องไปเรียนมันเลยจริงๆละคราวนี้

หยิบมือถือมาดูเวลา ที่หน้าจอว่างเปล่า

ไม่มีใครโทรหา

11 โมงเช้าแล้ว นี่แสดงว่าเมื่อวานพ่อกับแม่ก็ไม่กลับบ้านอีกแล้วสินะ ถ้าอยู่บ้านป่านนี้คงรู้แล้ว ไม่ก็โดนด่าไปแล้ว ทำยังไงให้ไม่สบายได้ วันสุดท้ายแล้วแท้ๆ

เอาวะ ถือว่าได้หยุดปีใหม่มากกว่าคนอื่น 1 วัน

ผมค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง

ลุกขึ้นไปหวีผมให้เข้าที่ ผมเริ่มยาวแล้ว จะให้อาบน้ำก็คงไม่ไหว หนาว ตอนนี้ไข้จับแล้วด้วย เก็บดองไว้เย็นนี้แล้วกัน ไม่มีใครจะมาดมหรอก 

นึกด้ว่า ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทำให้เสร็จ เรื่องที่ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่ชั่วโมงศิลปะ ทำให้มันจบๆไป

จะปีใหม่แล้ว ใส่ชุดเที่ยวออกจากบ้านคงไม่เป็นไรมั้ง คงไม่มีใครเห็นเด็กม.ต้นอย่างผมแล้วโทรไปแจ้งโรงเรียนหรอกนะ เอะ.. ม.ปลายสิ ม.ต้นมันคำที่ไอ้ต้องชอบพูดใส่บ่อยๆ

เสื้อแขนยาวสีน้ำเงินกับกางเกงผ้าสีน้ำตาลอ่อน สีประจำที่ชอบใส่

เกือบเที่ยงแล้วจึงได้ออกจากบ้าน นั่งรถจากนี่ไปสยามจะนานแค่ไหนนะ รีบไปแล้วรีบกลับดีกว่า

เกือบเที่ยงอากาศเริ่มร้อนขึ้น ค่อยยังชั่วหน่อย

บ้านแต่ละบ้านยังคงประดับไปด้วย กระดาษเงาๆ ปลิว ไหวไปกับลมที่พัดผ่านมา

สวัสดีปีใหม่

Happy New Year

เพื่อนบ้านดูหายหน้าไป

เดินออกไปปากซอย ในหัวมีแต่เรื่องเมื่อวานนี้ แต่มันก็ควบคู่ไปกับความว่างเปล่าด้วย ว่างเปล่าที่ผมไม่สามารถหาทางออกได้ ไม่มีทางที่จะกลับไปจัดการแก้ไขอะไรได้ หมองบางๆเข้ามากั้นความคิด ความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้กำลังเกาะกุมอยู่

ส่ายหัวสะบัดมันออกไป

เหลือแต่ความตั้งใจอย่างเดียวที่ผมอยากจะทำให้สำเร็จ ไม่อยากเป็นคนที่ดูแย่ไปกว่านี้

บนถเมล์สายเดิมที่วันนี้คนแน่น ผมไม่ได้นั่ง ต้องยืนยาวไปจนกว่าจะถึงสยาม หูฟังที่ต่อสายออกมาจากโทรศํพท์ที่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายข้าง ถูกใส่อยู่ที่หัว หูฟังอันสีเขียวที่เจมันให้ไว้ตอนปิดเทอม นานๆจะได้หยิบออกมาใช้ที

มันพูดถูก

'รุ่นนี้มันตัดเสียงโลกภายนอกออกไปได้ดี'

คนบนรถเหมือนเป็นหุ่นยนต์ ที่เคลื่อนไหวโดยปราศจากเสียง ขยับปากแต่ไม่ได้ยินสิ่งที่พูดใด ในหูตอนนี้มีแค่เสียงเพลงจากโทรศัพท์ที่เล่นอยู่เท่านั้น รายการเพลงที่ขอลอกมาจากไอ้แมค ถูกเล่นไล่ไปเรื่อยๆทีละเพลง พอหูเริ่มชินกับเสียงดังๆ แม้แต่เสียงเพลงเองก็หายไป ไม่ได้ยินอีก

ผมอยู่ในโลกนี้คนเดียว

ป้ายหน้าคนแน่นขนัด

ผมเดินตรงดิ่งขึ้นไปที่ชั้น 4 แผนกของใช้อุปกรณ์ไฮเทค

ผู้คนเนืองแน่นทั้งในและนอกร้าน

“พี่ครับ รุ่นนี้มันยังซ่อมได้มั้ย เปิดแล้วมันค้างขึ้นโลโก้ตลอด”

ผมยกไอพอดที่พ่อแม่ซื้อมาฝากตอนไปต่างประเทศ เป็นรุ่นแรกๆ ขนาดยังใหญ่อยู่ ให้พี่พนักงานที่ร้านดู มันยังอยู่ในกล่องดี

เพราะหลังจากผมได้โทรศัพท์ในปีต่อมา โทรศัพท์มันก็สามารถฟังเพลงได้ในตัว ไอพอดเลยหมดความจำเป็นลงไป จริงๆแล้วถ้าจะใช้ก็ไม่เสียหาย แต่ผมขี้เกียจเกินจะพกพวกมันไปไหนมาไหนด้วย

ใครจะบ้าพกเครื่องใช้ไฟฟ้าทีตั้งสองอัน

“เดี๋ยวพี่มานะ”

คนนั้นคว้าไอพอดไป แล้วหายไปหลังร้านราว 15 นาที ปล่อยให้ผมยืนดูโปรโมชั่น ลดราคาสินค้าสิ้นปีที่แปะป้ายสีแดงตัวใหญ่อยู่ทั่ว ไม่ว่าจะลดแล้วยังไงก็ยังเกินความสามารถที่จะซื้อได้อยู่ดี

ต่อมันไปทำยังไงถึงซื้อให้ต้องได้เนี่ย

ในห้างคนเดินสวนทางกันไปมา สิ้นที่มีเต็มไปด้วยป้ายรายการลดแลกแจกแถม คนออกมาซื้อของกันให้วุ่น ส่วนใหญ่โตกว่าผมทัง้นั้น นานๆจะเห็นเด็กนกเรียนมาวิ่งที นั่นก็คงโดดเรียนมาเหมือนกัน เพลงปีใหม่ทั้งไทยและสากลถูกเปิดวนๆอยู่ในห้าง นี่ถ้าไอ้แมคมาได้ยิน มันคงบ่นรำคาญแน่ๆ

ปีนี้ห้างเองก็แต่งสวยแฮะ

ต้นคริสมาสต้นใหญ่เห็นตั้งแต่บนรถเมล์ประดับไปด้วยไฟ กลางคืนคงสว่างน่าดู ตรงข้ามกับฝั่งบ้านผม แถวนี้ดูจะสว่างกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

“น้องๆ ได้ รีเซทมันซะหน่อย แต่รุ่นนี้ไม่ได้ซื้อจากไทยนี่ เอาเข้ามาเองใช่มั้ย เสียค่าทำนะ”

“เท่าไรพี่”

“150”

“ตามนั้น”

ก็ยังถูกกว่าซื้อใหม่ละ

พี่คนนั้นหายไปหลังร้านอีกรอบ ปล่อยให้ผมยืนดูผู้คนอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์ มือก็กดๆจิ้มๆเครื่องคอมที่เค้าวางให้ทดลองเล่นอยู่แถวนั้นแหละ ไม่รุ้ว่าอีกนานแค่ไหน

“ได้แล้วครับ”

“ขอบคุณครับ”

ผมยื่นเงินให้เค้าไป

แม่งตอนให้ไปอยู่ในกล่องเรียบร้อยกลับออกมานอกจากจะไม่ใส่กล่องแล้วยังวางในถูกเฉยๆราวกับไม่ใช่ของซื้อขายในร้านยังงั้นแหละ เอาเหอะ ช่างมัน อย่างน้อยเค้าก็ให้ถุงของร้านมา คนมองคงคิดว่าผมมาซื้อของใหม่

เอาละ จบ เรื่องสำคัญแล้ว

จะบ่ายสองแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรเลยแต่เช้า

ชั้นล่างของห้าง ที่ๆเคยมานั่งรอไอ้เจเมื่อตอนปิดเทอม ใช่ร้านขนมร้านนั้นแหละ สมองคงจะเบลอสินะ ทำไมถึงนึกภาพพวกนั้นออกมาได้ มันผ่านมานานแล้วนะ ภาพของเด็กผู้หญิงสองคนที่แอบนั่งพูดถึงผมกับเจ เมื่อตอนนั้น มันผุดกลับเข้ามาในหัวอีก

รีบกินยาดีกว่า ท่าจะบ้าแล้ว

บ่ายสอง ร้านยังไม่มีคนมาก โล่งกว่าวันนั้น

ผมเดินไปสั่งอาหารชุดเดิมที่เค้าเตอร์ พนักงานคนละคน แล้ววันนี้ก็ไม่มีนั่งรออยู่ที่โต๊ะให้ถามด้วยว่าคนที่มาด้วยนั้นเป็นอะไรกัน

ซินนามอนโรลกับกาแฟเย็นแล้วก็น้ำเปล่า ผมยกถาดใส่ของกินมาวางบนโต๊ะแล้วนั่งลง หูฟังยังอยู่ที่คอ ตอนนี้เริ่มรู้สึกเกะกะมากกว่าแล้ว

ขนมชิ้นที่วางอยู่บนโต๊ะ ถูกยัดเข้าปากอย่างรวดเร็ว ตามด้วยน้ำเปล่า เก็บกาแฟเย็นไว้กินตอนกลับบ้าน ยาลดไข้สองเม็ดถูกกลืนตามไปอย่างรวดเร็ว

หน้าร้านผมเห็นเด็กกลุ่มหนึ่ง ตัดผมทรงนักเรียน ยืนด้อมๆอยู่หน้าร้าน จะกินก็ไม่เข้ามากิน จากประสบการณ์ผม สงสัยผมจะโดนกินซะมากกว่า

เฮ้อ ปีใหม่หาเงินมาซื้อของกันสินะไอ้พวกนี้ พวกนัน้หันมามอง แต่ผมตอบกลับด้วยสีหน้ากวนตีน แล้วขยับปากว่า  'เป็นเหี้ยอะไรวะ'

แล้วนั่งท้าวคางอยู่กับโต๊ะ แกล้งทำเป็นนั่งดูรถที่แล่นผ่านไปมาจากในร้าน

ท่าทางจะไม่ไปกันง่ายๆสินะ

ผมแอบล้วงเอามือเข้าไปหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์ แล้วยัดใส่ กางเกงใน ใครมาเห็นเข้าตอนนี้คงหาว่าผมเป็นโรคจิตแน่ๆ ไม่มีทางเลือกอื่น ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าจะได้มีตังค์กลับบ้านไม่งั้นได้เดินไกลแน่ๆ โทรศัพท์ผมไม่มีทางซ่อน

ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงข้างหน้านี่แหละ

เอาละ เวลาที่เหลือก็ทำใจ ถ้าพวกมันทนไม่ไหวก่อนก็ดี แต่ถ้าไม่ก็เตรียมวิ่งกันละ

ผมสะพายกระเป๋า มันสายหูฟัง แค่ตัวยังคล้องไว้ที่คอ ถุงที่ร้านให้มาผมยังหิ้วไป และระวังเป็นอย่างดี ก่อนจะเดินออกจากร้านไป ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นพวกมัน เดินธรรมดาไม่ช้าไม่เร็ว มองซ้ายขวาหาทางหนีไปด้วย ในมือถือกาแฟเดินดูดไป

พวกนั้นเดินตาม

กูว่าแล้วมันเอาแน่

ป้ายรถเมล์อยู่ข้างหน้า ผ่านลานกว้างที่ผมเคยมานั่งรอเจตรงนี้ไปก่อน

“เฮ้ย มานี่ดิ มึงน่ะ”

เสียงเด็กผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น

ผมหันกลับไปมอง คนนั้นผมสั้นเกรียน แต่ดูจากตัวแล้วไม่น่าจะม.ต้นนะ

หลังจากเด็กคนที่ทักผมแล้ว ด้านหลังมีกันอีก 3 คนดูดีๆแล้ว ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย กางเกงสีกากีเสื้อขาว รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล รร.รัฐสินะ ไม่ถูกกับเอกชนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เพราะอะไรวะ

บนตัวพวกมันมีเสื้อหนาวสีสดยี่ห้อ อดิแดส คลุมอยู่ ปิดบังอักษรย่อชื่อโรงเรียนเอาไว้ นี่พวกมันขบวนการห้าสีเหรอไง เออ 4 สี ถึงจะถูก 4 คนใส่เสื้อหนาวรุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน แต่ 3 สี นี่ถ้ามี 4 สีคงกะจะเอาให้ครบเลยสินะ

“ซื้อไรมาอะ ขอได้ป่าว”

เฮ้ย หน้าด้าน สมัยกูม.ต้นจะขู่ใครยังไม่ใช้คำหน้าด้านยังงี้เลย

“ดูหน่อยดิ”

คนตัวสูงใหญ่กว่าด้านหลังพูดขึ้น

เออ ไอ้นี่ค่อยเป็นขึ้นมาหน่อย

“เฮ้ย ของคนอื่นน่ะ” ข้ออ้างประจำของคนถูกรีดไถ

อีกคนตัวเตี้ยกว่า ตัวเล็กๆ หน้าแหลมๆเหมือนหนูเดินเข้ามาเกาะบ่าคนที่ถามคนแรก

“ดูหน่อยไม่เสียหายหรอ”  เสียงแม่งก็เหมือนหนู

ไม่เสียหรอก เพราะพวกมึงจะเอาไปดูแลให้ใช่มั้ยละ

“ปีใหม่แล้ว พอดีแฟนพี่ก็อยากได้ของขวัญน่ะ เพื่อมีอะไรน่าสนใจจะไปซื้อบ้าง ขอดูหน่อย”

มีปัญญาซื้อเองเรอะไง

เออ คนของกูก็อยากได้

ผมส่ายหัว

“เฮ้ย ขอดีๆไม่ให้เหรอ”

เอ่ออ กูไม่ได้ส่ายหัวให้พวกมึง

เวรละ

หันหลังไปมองที่ป้ายรถเมล์ยังไม่มีวี่แววว่าสายที่ขึ้นกลับบ้านจะมา ถ้าขึ้นสายอื่นก่อนไปหาที่ลงแล้วย้อนกลับมาก็คงได้ แต่ว่า... มันกะเวลายากนี่สิ ถ้าพลาดพวกมันวิ่งตามขึ้นไปกระทืบบนรถเมล์แน่ๆ

คิดมากวะ ปวดหัววุ้ย

“ไม่อะมึง เสียใจด้วย”

ผมชูนิ้วกลางให้พวกมัน

“เฮ้ย มึง....”

ผมถีบเข้าที่ยอดอกไอ้ตัวเล็กหน้าหนูนั่นก่อน

ตัวเล็กๆเล่นง่าย เอามันนี่แหละ

คนแรกที่ทักผมเอื้อมมือ มาคว้าถุง ท่าทางจะอยากได้มาก

ผมเหวี่ยงถุงออก คิดว่าจะให้ไปง่ายๆเหรอ

“ไปไกลๆเลยมึง” ผมประเคนหมัดลงที่หน้ามันด้านขวา ส่งมันตัวเซไป

ถึงยังงี้ม.ต้นกูก็ขาลุยนะเว้ย

“ซ่านักนะไอ้เตี้ย” เตี้ยไม่เตี้ย พวกมึงก็โดนกูเล่นก่อนแล้วไง

ไอ้คนตัวไหญ่กว่า พุ่งเข้ามาผลักผมกระเด็นถอยหลังไป คนที่ 4 ที่สูงที่สุดเข้ามาลอคแขนไว้ข้างหนึ่ง

คนตัวใหญ่เข้ามาตี้เข่าเข้าที่ท้องอย่างจัง

แหวะ ซินนามอนกูแทบพุ่ง

ไอ้หน้าหนูนั่ง เดินมาจะโดด

ผมบิดตัวหลบให้มันไปโดนคนคนตัวสูงที่ลอคแขนเอาไว้แทน ผละให้ตัวผมหลุดออกมาได้ชั่วคราว แต่อาการจุกยังอยู่ หนีไปไหนไม่ได้ หันมองกลับไปไอ้คนแรกกำลังเดินเข้ามา ส่งหมัดตามความยาวตรงเข้าสู่หน้า

ผมหลบซ้ายเจอไอ้คนใหญ่อีกแล้ว ไอ้บ้านี่ เกะกะจริง

มันกระชากคอเสื้อแล้วดึงเข้าไปใกล้

ดูดีๆ มันสูงกว่าต้องอีก

กดผมลงไปนอนกับพื้น คราวนี้ไม่รู้ใครเป็นใครกำลังเข้ามารุม ช่วยไม่ได้ คงต้องยอม

เหวี่ยงถุงสีขาวใหม่ถูกเหวี่ยงไถลออกไปไกลจากตัว เหวี่ยงออกไปสุดแรง ลอยไปไกล

พวกมันหันไปมองทำหน้างงๆ แล้วลุกวิ่งกรูกันไปเก็บถุง ถุงที่เคยใหม่ตอนนี้น่าจะถลอกไปด้านแล้ว

ถุงที่ใส่ของสำคัญเอาไว้ ไอพอด

“เจ้าหน้า ช่วยด้วยยยยย”

เสียงผู้หญิงคนหนึ่งแถวนั้นร้อง พวกมันผงะถอยไปพร้อมถุง

ผมนึกขำกว่าจะตั้งสติได้ว่าโดนหลอก ผมวิ่งไปถึงป้ายรถเมล์แล้วโดดขึ้น

โชคดีเพียงอย่างเดียวของวันนี้ คือ ขึ้นถูกสาย และกาแฟที่วางไว้ตรงเก้าอี้รูปทรงประหลาดตรงลานกลางสยามนั้น ยังอยู่ดี แถมผมยังไม่เจ็บตัวแต่อย่างใด พวกนั้นต่างหากที่โดนเข้า

ผมลงไปนั่งหลังสุดแอบเอามือล้วงเข้ากางเกง อีกครั้งที่ใครมองเห็นคงหาว่าเป็นโรคจิตแน่ๆ

ดึงเงินที่ซ่อนเอาไว้ในกางเกงในออกมา พร้อมๆกับ ไอพอด

ไอ้พนักงงานร้านข้างบนนั่นให้ถุงใหม่ได้ แต่ไม่ยักกะใส่ให้เรียบร้อย ดันเอาวางไว้นอกถุงเฉยๆ คงคิดว่าผมจะใช้ฟังเลย ตอนอยู่ในร้าน ผมเลยแอบเอาออกมาซุกไว้ในกางเกงพร้อมๆกับเงิน

พวกนั้นเป็นผู้ชาย ดังนั้นส่วนสุดท้ายที่พวกมันจะล้วงดู คือ เป้ากางเกงผม

รถเมล์มาส่งลงที่ป้ายเดิม ป้ายประจำที่ผมใช้ลงก่อนเดินเข้าบ้าน บ่ายนี้ไม่มีแดด มีแต่ฟ้าสีสดใส แล้วก็เมฆสีขาวที่ดูขาวสะอาด ไม่ยับเยินสกปรกแบบเสื้อผ้าผมตอนนี้ เสื้อสีน้ำเงินที่เต็มไปด้วยเปื้อนฝุ่นที่พื้น กางเกงสีน้ำตาลอ่อนนี่ยังดูดีเพราะดูไม่ค่อยออก

4 โมงกว่าแล้ว

โทรศัพท์ก็ยังใช้ได้ไม่ได้แตกอะไร

มีข้อความขึ้นมา

'ช่วงนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน เฝ้าบ้านดีๆนะ'

ถ้างั้นที่แอบได้ยินมาท่าจะเป็นเรื่องจริงสินะ มันก็อยู่ที่ตัวพวกเค้าแล้วละ ผมยังไงก็ได้ เรื่องของคนสองคนผมมีสิทธิ์อะไรไปห้าม ขนาดเรื่องของต้องผมยังห้ามไม่ได้เลย

เงยหน้าจากโทรศัพท์

ร่างสูงคุ้นตาปรากฏขึ้นต่อหน้า

ตาฝาดมั้ง มันมาทำไรวะ

“พอดีเลย กูเพิ่งมาถึง”

ผมทำหน้างง มันมาทำอะไรวะ

“เก้า กระเป๋าน่ะ ลืมไว้ไม่ใช่เหรอ”

ต้องส่งกระเป๋านักเรียนกับเสื้อหนาวคืนมาให้

ใช่ ผมลืมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน

“อา... ขอบใจนะ”

“นี่ไปทำไรมาวะ ทำไมสภาพเป็นงี้ ไม่สบายเหรอ”  มันเอามือเข้ามาแตะหน้าผากำ

“เอ่อ... ไม่มีไรหรอก”

ผมปัดมือมันออก

“ขอบใจนะ” ผมย้ำอีกทีก่อนจะเดินจากมันไป

“เก้า พรุ่งนี้แมคชวนไปที่บ้านน่ะ”

ผมหันกลับมามองหน้ามัน มันพูดจริงเหรอ

“เย็นๆเหมือนเดิมนะ มากันหมดทุกคนเลย”

“กูไม่สบาย”

“เดี๋ยวกูมาอุ้มมึงจากที่บ้านเอง หรือถ้ามึงอยากให้ไอ้เจมารับก็ได้นะ”

มันยืนยิ้มให้อยู่

…........ เอาจริงสินะมึง

“เออ กูไปเองได้ เย็นๆนะมึง”

ท่าทางมันได้มาถล่มบ้านแน่ถ้าผมไม่ไป

“งั้นพรุ่งนี้เจอกัน”

ผมเดินกลับบ้าน หันหลังให้มันแล้วโบกมือให้
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 15 ปากหมา [pg7] 24/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 24-12-2015 20:48:25
เป็นตอนที่อ่านแล้วคิดว่าดีที่สุด. เรื่องทุกอย่างได้รับการระบาย. เก้าพร้อมก้าวต่อไปแล้ว
ว่าแต่พวกเพื่อนๆเองละที่ต้องคิดว่าจะเอายังไง
เสียใจที่บูมมันไม่ถูกแฉ. ไหนๆจะเคลียร์แล้วน่าจะจัดไปเลย
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 15 ปากหมา [pg7] 24/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 24-12-2015 21:59:56
สลัดห่วง บ่วงที่ใจ ให้ความรัก
เลิกรู้จัก ไม่มักคุ้น กระตุ้นหาย
หลุดโคลนตม เลิกจมปลัก ไม่ยักตาย
เดี๋ยวก็หาย สบายหา เลิกบ้าบอ

กอดตัวเอง รักตัวเอง ให้เก่งกล้า
ปลุกปัญญา หากำลัง ไม่รั้งขอ
กูอยู่ได้ ยังอยู่สุข ไม่ทุกข์พอ
ไม่คิดคอย ไม่คิดรอ ไม่ง้อใคร

เก้า..เข้มแข็งดีมาก

คนเราต้องวัดกันที่จิตใจ
..ไม่ใช่เพศ..
หุหุ

ป้อล่อ..อ่านตอนนี้เยี่ยมยอดที่สุดแล้ว
เหมือนถูกปลดปล่อยออกจากการเป็นทาส

ฮิ้ววววววว..เลิกทาสแล้วโว้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 15 ปากหมา [pg7] 24/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 24-12-2015 22:39:03
เป็นตอนที่อ่านแล้วคิดว่าดีที่สุด. เรื่องทุกอย่างได้รับการระบาย. เก้าพร้อมก้าวต่อไปแล้ว
ว่าแต่พวกเพื่อนๆเองละที่ต้องคิดว่าจะเอายังไง
เสียใจที่บูมมันไม่ถูกแฉ. ไหนๆจะเคลียร์แล้วน่าจะจัดไปเลย
สลัดห่วง บ่วงที่ใจ ให้ความรัก
เลิกรู้จัก ไม่มักคุ้น กระตุ้นหาย
หลุดโคลนตม เลิกจมปลัก ไม่ยักตาย
เดี๋ยวก็หาย สบายหา เลิกบ้าบอ

กอดตัวเอง รักตัวเอง ให้เก่งกล้า
ปลุกปัญญา หากำลัง ไม่รั้งขอ
กูอยู่ได้ ยังอยู่สุข ไม่ทุกข์พอ
ไม่คิดคอย ไม่คิดรอ ไม่ง้อใคร

เก้า..เข้มแข็งดีมาก

คนเราต้องวัดกันที่จิตใจ
..ไม่ใช่เพศ..
หุหุ

ป้อล่อ..อ่านตอนนี้เยี่ยมยอดที่สุดแล้ว
เหมือนถูกปลดปล่อยออกจากการเป็นทาส

ฮิ้ววววววว..เลิกทาสแล้วโว้ยยยยยย
ขอบคุณมากๆนะครับที่ตามกันมาถึงตรงนี้ ผมตั้งใจจะเล่า 2 ตอนสุดท้ายนี้ออกมาให้ดีที่สุดมันคือทั้งหมดของเรื่อง

พอเห็นดีใจกันแล้ว ตอนหน้าไม่กล้าเอาลงเลย กลัวจะไม่ดี (ฮ่าๆ)

ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายของ ต้องกับเก้าแล้ว ผมวางไว้ว่าจะให้จบวันที่ 31 ธันวา ตามเรื่อง แต่สิ้นปีก็คงไม่มีใครจะมาอ่านแล้วก็แค่ไม่กี่วันเอง ผมเลยกะว่าให้จบที่วันที่ 25 ซะ แล้วจะขึ้นภาค 4

น้องต่อ กับ น้องกะปิ ครับ

หวังว่าจะยังมาอ่านอยู่นะครับ ผมพยายามทำให้อ่านง่ายขึ้น แล้วก็ให้เข้ากับนิสัย ไอ้ต่อ ด้วย

ขอบคุณอีกครั้งครับ
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 16.1 เสียงพลุกับวงเหล้า [pg7] 25/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 25-12-2015 10:46:05
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 16

ผมตื่นเกือบจะเที่ยงแล้ว เจ็บไปหมดจากรอยช้ำของเมื่อวาน ตอนส่องกระจกตอนแรกเมื่อวานดูจะเป็นแค่รอยแดงๆ ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นรอยเขียวคล้ำไปแล้ว ยังดีที่โดนไปไม่เยอะความเจ็บกระจายไปตามตัวและหลัง ยกเว้นที่หน้า สงสัยเป็นเพราะเอามือยังไว้
   
นึกถึงเรื่องเมื่อวานแล้วอดขำออกมาไม่ได้แม้จะยังเจ็บก็เถอะ

รวบรวมพลังอยู่สักพักเหมือนกันกว่าจะดันตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียง

ไข้ลดลงแล้ว วันนี้กินยาอีกหน่อยน่าจะเอาอยู่

ต้องบอกว่า เย็นๆเหรอ หรือ บ่ายกันแน่นะ ช่างมันเถอะ ไว้เย็นๆค่อยไป

ผมลุกไปเปิดโทรทัศน์ แล้วถอดเสื้อผ้าจะไปอาบน้ำ ข่าวในทีวีฉายแต่กิจกรรมที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันในคืนวันสิ้นปีทั่วกรุงเทพฯ ฝั่งบ้านผมดูจะไม่มีอะไรพิเศษ ตั้งแต่เมื่อวานเสียงรถและจำนวนเริ่มเงียบหายบางคาไป คนคงออกต่างจังหวัดกันแล้ว

นานๆเท่านั้นจะมีเสียงพวกเด็กเกเร ขี่จักรยานยนต์แว่วมา อาจจะแซมด้วยเสียงประทัดบ้าง

ของคู่กันกับปีใหม่ พลุและประทัด

ไม่มีอะไรน่าสนใจ

เข้าไปอาบน้ำดีกว่า

อูย พอขยับตัวนี่ก็เริ่มเจ็บอีก

ส่องดูในกระจก มันช้ำช่วงตัวเยอะจริงๆด้วย ตัวขาวๆตอนนี้กลายเป็นแต้มไปด้วยจุดสีเขียวๆ ม่วงๆ ยังกับคนเป็นโรคอะไรสักอย่าง

“ไอ้ต้องเห็นมันจะต้องมาด่าแน่ๆ” ดีแล้วที่มันคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีก

ผมบิดก๊อกน้ำร้อนจนสุด

น้ำอุ่นค่อยๆชะโลมตัวลงมา ทำให้รู้สึกสบายขึ้นหน่อย

‘คืนนี้คงไม่ต้องอาบแล้ว’ กว่าจะได้กลับบ้านก็คงจะดึก ถ้าพวกนั้นไม่ไล่กลับมาซะก่อน

กลับมาบ้านที่ไม่มีคนอยู่

ตั้งแต่ได้ข้อความนั่น ไม่สิ ก่อนหน้านั้นก็ไม่เจอมาสักพักแล้ว เป็นประจำที่เวลาทะเลาะกันพ่อกับแม่เลือกที่จะแยกกันอยู่เงียบๆ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

ในเรื่องนี้ผมไม่มีสิทธื์แม้แต่จะออกความเห็น ที่ผมพูดใส่หน้าพวกมันคงเกิดจากความเครียดด้วย เพราะที่บ้านเป็นแบบนี้ เวลาพูดจาผมก็ตามแบบนั้นพวกเค้าไปด้วย

ส่วนใหญ่เลยสงบปากไว้ดีกว่า

กระเป๋านักเรียนที่ไอ้ต้องเอามาคืนเมื่อวาน ยังวางอยู่บนโซฟา มองไปเห็นแล้วไม่ได้เกิดความรู้สึกพิเศษอะไรอีก มันก็แค่ของที่เพื่อน เพื่อนคนหนึ่งเอามาคืนให้เท่านั้น เพื่อนที่แค่มาส่งสารบอกว่า วันนี้มีปาร์ตี้ที่บ้านแมค

ทำไมถึงยังชวนผมไปนะ

คงจะเรียกผมไปรุมด่า เล่นไปปากหมาเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไปขนาดนั้น เป็นใครก็คงมองหน้ากันไม่ติด เกิดพวกนั้นมันเลิกคบกันไป ความผิดทั้งหมดก็จะชี้มาที่ผมคนเดียว

พวกมันคงจะรู้สึกไม่ดีแน่

ใช่ทุกอย่างเกิดจากผมคนเดียว

‘เอาเหอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด’

ผมปิดน้ำแล้วออกไปเป่าผมหน้ากระจก

เสื้อยืดสีขาวกับเสื้อกันหนาวสีขาวถูกเตรียมไว้บนเตียง กางเกงสีน้ำตาลตัวเมื่อวานถูกน้ำมาใส่ กางเกงที่ยังเลอะรอยเท้าอยู่

ธนบัตรขยำขยุ้มอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ยังไม่ได้ยัดลงกระเป๋าสตางค์อีกเลยตั้งแต่เมื่อวาน ไอพอดก็ถูกวางทิ้งไว้คู่กัน

ผมนั่งฆ่าเวลาด้วยการกดรีโมทอยู่หน้าทีวี กดวนไปเรื่อยจนไม่มีอะไรให้ดูอีก

‘ใกล้ได้เวลาแล้ว’

แวะไปกดเงินแล้วซื้อของเข้าไปด้วยดีกว่า

ตี๊ด

‘เก้า มาฝากซื้อเบียร์มาเพิ่มหน่อย พวกนี้กินเปลือง เดี๋ยวค่อยมาหารกัน’

เฮ้อ

แสดงว่าพวกมันไปถึงก่อนเวลา แถมซัดเบียร์กันไปแล้วตั้งแต่บ่ายสินะ

ก็ได้ เดี๋ยวแวะร้านสะดวกซื้อแบบคราวที่แล้วก็แล้วกัน

ร้านเดียวกับที่ผมเคยซื้อพร้อมกับเจเมื่อตอนปิดเทอม หน้ามันที่มุดเข้าตู้แช่ยังแจ่มชัด แต่ข้ออ้างเดิมที่เจเคยใช้ไม่น่าจะได้ผล

คนขายเปลี่ยนเป็นหญิงวัยกลางคน ใช้วิธีอ้อนวอนอยู่นาน สุดท้ายผมต้องเอาไส้กรอกกับขนมปังรวมคิดเงินไปด้วย

ถือซะว่าเป็นมื้อเที่ยงซะ

เสียงก๊องแก๊งของขวดเบียร์ในมือผม 2 ถุงใหญ่น้ำหนักมันเริ่มแปรผันตรงกับเวลาที่ถือ แสงสุดท้ายของปี หลังปีใหม่อีกไม่กี่วันก็จะจบม. 5 จบลงด้วยเรื่องอย่างนี้แหละ

ผมกดโทรศัพท์ออกหาแมค

“แมค ถึงแล้ว”

“โอเค รอแป๊บ” ปลายสายรับในไม่กี่อึดใจ

เสียงเอะอะ ดังลงมาจากหน้าต่างชั้นสอง ไฟบนชั้นสองเปิดสว่างโร่ ยกเว้นแต่ไฟหน้าบ้าน และป้ายชื่อร้านมืดสนิท ถนนเส้นหน้าบ้านมันนี่กลางคืนคงจะมืดมาก ร้านค้าริมถนนที่ให้ความสว่างหายไปหมด เย็นนี้แผงก็ยังไม่เห็นเข็นมาตั้ง

เสียงปึงปังดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงตึงตังๆ ลงบันไดมา นี่มันโวยวายไม่เกรงใจเจ้าของบ้านเลยเหรอวะเนี่ย พ่อแม่แมคมันจะว่ายังไงเนี่ย

“เมื่อวานมึงโดดเรียนเหรอ ไอ้เก้า” ประโยคทักเล่นเอาผมอึ้ง

มันชี้หน้าผมด้วยนิ้วมือ และ เอ่อ .... มันเล่นอะไรกันวะ

ไอ้แมคที่อยู่ในสภาพเดิมบอกเซอร์และเสื้อกล้าม

ภายใต้กรอบแว่น ผมเห็นหน้าแมคที่แก้มแดงยังกับตูดลิง

ส่วนล่างใต้บอกเซอร์ตุงชี้โผล่มาที่หน้าผม

เล่นไรกันวะเนี่ย

“ไปเลยมึง รีบขึ้นไป ก่อนขึ้นไปเอาเบียร์กับน้ำแข็งขึ้นไปด้วย”

“มึงเอามากี่ขวด”

นั่นยังไม่ลืมเรื่องนี้สินะ

“6 พอมั้ย”

“ดี”

“เพิ่งจะเย็นเองนะมึง”    

“เออน่าาาาาา อีกนานนนนนน”

ผมว่ามันน่าจะไม่นานนะ ไอ้แมคท่าทางจะไปคนแรกแล้ว

ต้องอ้อนคนขายอยู่นานกว่าจะได้เบียร์มาอีก 6 ขวดใหญ่ หนักเอาเรื่อง ผมเอา 3 ขวดไปวางไว้ในตู้เย็น ถ้าจะเอามากกว่านี้ก็ไปซื้อกันเองนะ

เดินผ่านหน้าร้านมันที่ตอนนี้มืดลงพราะประตูเหล็กไม่ได้รูดเปิด

ของหน้าร้านหายหมด เหลือแค่ห้องว่างๆ สังเกตดีๆ บ้านทั้งบ้านเกือบจะว่างเปล่าหรือแต่ของหนักๆอย่าพวก โต๊ะเหล็ก ตู้เย็น รูปแขวนผนังบางส่วนหายไป เหลือเป็นรอยสีใหม่ขาวๆ ตัดกับพื้นที่รอบข้างที่ดำจากเวลาใช้งานไปแล้ว

ไม่มีใครอยู่บ้านแล้วเหรอ

"แมค พ่อแม่ละ"

"เที่ยวปีใหม่มั้ง"

คนพูดเดินลอยๆเข้าไปในครัว

เดินขึ้นบันไดบ้านแมค บันไดที่ใช้มาเป็นประจำ แต่ลึกๆเหมือนรู้สึกเดินเข้าไปห้องเชือดยังไงไม่รู้ แล้วก็ตื่นเต้นว่าจะเจอกับอะไรตรงหน้า มันแปลกประหลาดมาก ถ้าออกมาเป็นสีคงพิลึกๆ เหมือนเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกก็ได้ ทั้งกลัวและอยากเล่น

ดูงงๆมั้ย

“เฮ้ เก้ามาแล้ววววววววว”

แสงไฟในห้องสาดออกมา

ไอ้เจ เสียงดังมาก่อนเลย

มันวิ่งมากอด

วันนี้ไม่มีกลิ่นบุหรี่ มันใส่ชุดเดียวกับที่มาหาผมตอนปิดเทอม
   
ในห้องตอนนี้มีไอ้ต้องนั่งอยู่กับพื้น มันมาในเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น กับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินขายาว ในมือถือเบียร์อยู่แก้วหนึ่ง แต่เบียร์เหลืออยู่ครึ่งแก้ว มันหันหน้ามายิ้มให้ ท่าทางยังปกติ

ยังไม่เมากันสินะ

เอะ ผมเห็นอะไรแวบๆ

ซันเหรอ

ในห้องเล็กที่เปิดหน้าต่างไว้ทุกบาน พัดลมตัวใหญ่ เปิดหันไปมา ถึงจะหน้าหนาวก็คงไม่หนาวพอสำหรับเด็กผู้ชาย 5 คนในห้องเล็กๆสินะ
      
ซันยังไม่เห็นผม

มันเดินเหมือนซอมบี้ ยื่นสองมือไปข้างหน้า ทำท่าบีบๆ เหมือนกำลังไล่อะไรสักอย่างในอากาศ หน้าตาหวานเยิ้ม ไอ้นี่ก็คงเมาสินะ

“ซัน หวัดดี”

ไม่มีเสียงตอบกลับ

“นมๆๆๆๆ สาวๆ สาวๆ อยู่ไหน”

หา!!!

“นมใหญ่ๆนุ่มๆ”

ไอ้ซัน แม่งเมาแน่ๆ เมามากด้วย บ้าไปแล้ว

ไอ้ต้องหัวเราะลั่นเลย

“เออ กูเห็นมันเป็นอย่างนี้มาสักพักแล้ว” ไอ้ต้องยกแก้วชี้ไปทางซัน
 
“ทำไรกันวะ” ผมสลัดตัวจากไอ้เจออก

"เก้าๆๆๆๆๆ" ไอ้เจยังวิ่งเข้ามา

อะไรของมึง เจ

ท่าทางจะเมาได้ที่

“ไอ้พวกนั้นสามตัว นั่งเล่าเรื่องประสบกาม กันอยู่ อย่างที่เห็น แล้วก็เล่นไพ่ไปด้วย”

“มันบวกเลขถูกเหรอวะ”

ไอ้ต้องยักไหล่ ก่อนเล่าว่า

“ป่าว ใครได้แต้มน้อยสุดกินหมดแก้ว”

   มิน่า ไม่ต้องใช้สมองมากสินะ

   “แล้วเบียร์พอเหรอ กินกันตั้งแต่เมื่อไหร่”

"สักชั่วโมงที่แล้วได้มั้ง"

   “แมคเหมามา 2 หลังใหญ่ๆ” ต้องชี้ไปที่มุมห้อง โห ขวดเบียร์กองอยู่ไม่ต่ำกว่า 6 ขวดแล้ว

   แล้วมันบอกกูว่าเบียร์หมดทำไม

   “มานั่งนี่สิเก้า”

ผมต้องเดินหลบแก้ว ถังน้ำแข็ง ขวดเบียร์ที่ยังไม่หมด บางขวดเปิดแล้ว วางระเกะระกะ ทีวีเปิดเกมส์ทิ้งไว้อยู่ โห สภาพ ยังกับผ่านสงครามมา เดินพลาดนี่จะเหยียบกับระเบิดอะไรเข้าไปมั้ยเนี่ย

   เอ้า หามุมเหมาะๆนั่งสักมุมแล้วกัน นั่ฃให้ห่างจากพวกมันมากที่สุด

   มุมห้องเสียงเพลงเปิดอยู่ นี่มันใช้ไฟเปลืองมากเลยนะเนี่ย อุปกรณ์ไฟฟ้าเปิดหมด

   “มาๆ เก้ากินๆๆๆ กูชงให้”

   แมคลากสังขารตัวเองขึ้นมากับถังน้ำแข็งใบใหม่ อันเก่ายังไม่หมดเลยมึง

   มันส่งแก้วที่เต็มไปด้วยเบียร์กับน้ำแข็ง 2-3 ก้อนมาให้

“เอ่อ.. ขอบใจ” ผมเอื้อมตัวไปหยิบ

ซี๊ด นั่งปุ๊บแล้วเปลี่ยนท่าเนี่ย มันเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว

   “เก้า เป็นไรอะ”

   “เออ ป่าว ไม่มีไร” ผมตอบเสียงแข็ง นั่งไม่นานก็จะกลับ กลัวมันไปบุกบ้านเฉยๆเลยต้องมา

ผมคว้าแก้วมาแล้วรีบกิน

หมดก็หมดแล้ววะ

ต้องมองผมตาโต ทำไม ไม่เคยเห็นคนกินเบียร์ทีเดียวหมดแก้วรึไง

   “เก้ามึงกินไรมายังเนี่ย”

   “นิดหน่อย”

   ต้องคว้ามือผมไปกุมไว้ แล้วเอามืออีกข้างแงะแก้วออกจากมือผม

   “น้อยๆหน่อย โน่นมีขนมอยู่มุมห้องไปกินก่อนไป” มันเอามือดันตูดผมไปทางนั้น

   แมคโดดลงไปนั่งกลางวง

“มาๆ เก้ามาแล้วๆ มาต้อนรับเร็ว”

“ยกแรกยังไม่จบเลยนะ” เจ เดินมา

“เก้า หมดแก้ว” หา แก้ว 2 ต่อเลยอะนะ

ต้องได้แต่ส่ายหัว

ทีวีตอนนี้เริ่มมีภาพผู้คนจากที่มุมต่างๆของในกทมแล้ว

“เฮ้ยๆๆๆๆๆๆ ไพ่ๆๆๆ แพ้ออกไปซื้อเบียร์เพิ่ม” แมคเดินเอาขาเขี่ยๆของไม่ใช่ออก

“มึงมีเป็นลังกินถึงปีใหม่ปีหน้าก็ไม่หมด จะเอามาเพิ่มทำไม”

“ไม่ๆๆๆๆๆ ตุนไว้ๆๆ มาเร็วต้อง เลิกดู กูไม่ให้มึงเล่นเกมแล้ว มาๆๆเร็วๆ”

เสียงใครมั่งเนี่ย

ไอ้ซันเดินเข้าไปลากต้องมาร่วมด้วย

   “เอาแต่เล่นอะ ต้องเปลืองค่าไฟบ้านกู มานี่เร็ว”

   โอ้ย..... วุ่นวายที่สุด

หึ

   แต่ผมก็เค้นหัวเราะออกมาจนได้ พวกมันไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย

อากาศเย็นเริ่มเย็นขึ้นด้วยเบียร์ในน้ำแข็ง แล้วก็ลมที่พัดมาเป็นวูบ ลมแรงๆ

ทุ่มนึงแล้ว

ทีวีเริ่มมีรายการถ่ายทอดการนับถอยหลังปีใหม่   

“เดี๋ยวไม่ทันมึง” แมคเริ่ม

"เฮ้ย จั่วๆ" ซันแจกไพ่

ยกแรกเจเป็นคนที่ได้น้อยสุด มันเลยต้องยกหมดแล้ว
           
หลังจากนั้นเป็นตาต้องดื่มไป 2 แก้วติดๆ

"พวกมึงโกงกูรึเปล่าเนี่ย"

"มางั้นกูเอง" ไอ้แมคคว้าไพ่ไปแจก

ไอ้ต้องก็ยังได้น้อยสุดอยู่ดี โดนไปเป็นแก้วที่ 3

ฟ้าข้างนอกมืดแล้ว เส้นสีม่วงที่ขอลฟ้าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

บอกลาแสงสุดท้ายของปีแล้วสินะ

"เบรคๆ"

"นี่ๆ เมื่อวานกูฝันถึงน้องในเกมส์อีกแล้ว"

"พอเลยมึง" เจ กับ แมคแทบจะพูดพร้อมกัน

"กูรู้ว่ามึงจะพูดว่าอะไร" ซันทำหน้างอน

"แล้วมึงละเก้ามีอะไรจะเล่า"
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 16.2 เสียงพลุกับวงเหล้า [pg7] 25/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 25-12-2015 10:57:12
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 16.2

พวกมันทุกคนหยุด สีหน้าเปลี่ยนไป ลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งรวมกัน

นี่พวกมึงสร่างเมาแล้วเหรอ

มาแล้วสินะ สิ่งที่ผมต้องเจอ

ตอนนี้ทั้ง 4 คนไปนั่งอยู่ตรงข้ามผมหมดแล้ว ไล่มาจากซัน เจ แมค ต้อง ทุกคนนั่งอยู่บนพื้นมีผมคนเดียวที่นั่งอยู่บนโซฟา

“เก้า ที่มึงพูดน่ะออกจะเกินเลยไปหน่อยนะ”  แมคเริ่มก่อน

มาถึงก็เข้าเรื่องเลย

"กูเพิ่งรู้นะว่ามึงคิดกับพวกกูแบบนี้ กับตัวกูน่ะไม่สนใจคำพูดของมึงหรอก แต่กับคนอื่นมันเหมือนชี้หน้าด่ากัน แล้วมึงคิดดู ว่าไอ้ต้องจะทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นต่อก็อยู่ ไอ้บ้าบูมนั่น สันดานเสียก็อยู่ในห้องด้วย มึงคิดถึงไอ้เจมั่งมั้ย เพื่อนที่เป็นห่วงมึงน่ะ"

ผมได้แต่ก้มหน้า เอาสิจัดกันมาเลย

“เก้า ทำไมมึงไม่บอกกูก่อนวะ ถ้ามึงบอกออกมาก็จบแล้วปะ” คราวนี้ เจ

“กูไม่รู้หรอกนะว่า มึงคิดยังไง มึงไม่เคยแสดงความรู้สึกออกมาให้เห็นจริงๆ บางทีกูก็สงสัยนะว่าที่มึงยิ้มๆเนี่ย มันใช่ความรู้สึกของมันจริงรึเปล่า มึงคิดอย่างนั้นจริงหรือเปล่า หรือ มึงคิดว่าพวกกูเป็นเพื่อนจริงรึเปล่า”

“…ขอโทษ”

ผมก็คงได้แต่ก้มหน้า ถ้าพวกมันเมาจริง คำพูดพวกนี้ก็คงออกมาจากใจ ก็ดีจะได้รู้กัน
   
“ไอ้นิสัยที่เข้ากับคนยาก เก็บตัวน่ะ มันไม่ได้ทำให้มึงดูดีน่าสงสารนะ มันทำให้เหมือนมึงกลายเป็นหลุมดำที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้มากกว่า กูรู้ว่ามึงอะ ปากหมาชอบพูดไรตรงๆ บางทีคนฟังเค้าคงไม่อินไปกับมึงหรอก”

“….”

“เฮ้ย พอเหอะ พวกมึงเป็นบ้าเหรอ”
   
ผมหันไปมองซัน อ้าว เลิกไล่จับนมแล้วเหรอ

“หึ จะแกล้งมันไปถึงไหนวะ”

ป่าวหรอก ที่พูดมามันจริงทั้งนั้นแหละ

ผมมันก็เป็นคนยังงี้แหละ อีกเดี๋ยวพอพวกมันพูดจบ ถ้าไม่หลุดปากพูดอะไรไม่ดีออกไป ผมก็คงต้องขอตัวกลับก่อน จะอยู่ต่อไปทำไม

ทุกคนยังจ้องมทางผม ยกเว้นต้องคนเดียว

“เฮ้ย เก้า พวกกูเป็นเพื่อนมึงนะ อะไรที่มึงเป็นน่ะ พวกกูรับได้ทั้งนั้นแหละ คราวหลังมีอะไรบอกก่อน อย่าให้พวกกูไปตามแก้ทีหลังสิวะ เรื่องไอ้เหี้ยเจเนี่ย กูก็พอเดาๆได้ สันดานมันน่ะ แก้ไม่หาย”

แมคหันไปตบกบาลเจ

“แล้วทำไมไม่มาบอกกูหรือจัดการไปซะเลยละ”

“กูไม่ใช่คนช่างเสือกไง”

“…” ผมไม่เข้าใจ

“เก้า ไม่มีใครเค้าคิดอะไรกับแกหรอก พวกเราเองก็เหมือนกัน ไม่ได้มีใครดีกว่าใครหรอก ในห้องเรียนที่มีกันแค่ไม่กี่คนนี้ เดี๋ยวมันก็หมดเวลาไปแล้ว ปีนี้ก็ม. 5 พอสอบเสร็จก็ ม.6 ไม่มีเวลาจะมาเล่นอย่างนี้แล้ว นี่คงเป็นครั้งสุดท้าย”

“มึงอะเลิกคิดมาก เลิกคิดว่าตัวเองเป็นตัวปัญหาได้แล้ว ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจนะมึงน่ะ”

ผมยังไม่เข้าใจ

“พวกมึงนี่เมาๆสินะ พูดไรไม่รู้เรื่อง”

ผมหันไปมองทางต้นเสียง ต้อง

“มึงตามไม่ทันพวกมันหรอก เก้า กูสรุปให้ ไม่มีใครโกรธอะไรมึงทั้งนั้น คิดมาก”

มันเอานิ้วยาวๆมาดีดหน้าผากผมทีนึง

"เรื่องของพวกมึงกูก็ได้แต่ช่วยห่างๆไม่ใช่ว่ากูชอบมีเพื่อนเป็นเกย์นะ แต่ถ้าเพื่อนรักกู 2 คนจะรักกัน กูก็คงห้ามไม่ได้ ดีกว่าเสีย
เพื่อนไปละวะ"

"ใช่ๆ" เจ เออออตามแมค

แปะ แมคตบเหม่งไอ้เจ
 
"มึงอะหนึ่งในตัวปัญหาเลย"

"เดี๋ยวดิพวกมึงกูยังพูดไม่หมดนะ เก้า เรื่องบ้านกูน่ะ กูว่ามึงสังเกตุแหละ หมดเทอมนี้กูจะย้ายไปแล้ว ไม่สิ ย้ายต้นปี คงมาเรียนน้อยลง กูต้องตามไปอยู่กับพ่อแม่น่ะ อย่างที่เห็นกิจการไม่ค่อยดี ตึกนี้จะเซ้งต่อ กูจะไม่กลับมาอีกแล้ว" แมคว่าต่อยาวๆ

ไอ้เจ สูดหายใจเข้าลึกๆหันไปทางหน้าต่าง

"ต่อไปเหลือแค่ มึง ต้อง ซัน แล้วนะ นี่เป็นอย่างสุดท้ายที่กูจะทำให้มึง เอาละกูพูดในสิ่งที่อยากพูดไปแล้ว ห้ามอ้อมค้อม มึงสัญญาแล้วนะต้อง"

แมคหันไปหาต้อง
   
“ต้อง ตามึงแล้ว มึงสัญญาแล้วนะว่าจะพูด”

"เดี๋ยวเดะ มันยากนะเว้ย"

"บอกๆไปเหอะมันจะตายมั้ย"

"ก็คนมันไม่เคยนี่หว่า"

"ไอ้เหี้ยนี่"

"จะอีกนานมั้ย!!!" เจขัดขึ้นเมื่อเห็นต้องกับแมคเถียงกัน

ต้องพยักหน้า

เงียบไปอยู่พักนึง

“เก้า กูเลือกแล้วที่จะเป็นแบบนี้นะ” มันหันมาพูดกับผมช้าๆ

“กูเลือกที่จะอยู่กับมึง”

ผมไม่ค่อยเข้าใจ

"มึงจะไม่ไปต่อเหรอ"

"ต้องงงงงงงงงงงงงงงงงง" แมคร้อง

"เดี๋ยวดิ พูดกับผู้ชายไม่ง่ายนะ"

เอะ ... หรือว่า

“เก้าก็อย่าไปฟังต่อ นี่ชีวิตเรา ของเรากับเก้า ต่อไม่เกี่ยว ต้องว่าแล้วว่าเก้าคงคิดมาก
     
ต้องมันเปลั้ยนสรรพนามแทนตัวเป็นชื่อเหรอ

“… ก็” ผมพูดไม่ออก

“เป็นต้องได้มั้ย”

มันจ้องหน้าผม

ผมได้แต่ก้มหน้า

"เป็นแฟนต้องนะ"

สิ้นเสียงต้อง น้ำตารื้นขึ้นมา

“อือ...”

“เฮ้!!!!!” พวกมันสามตัว กระโดดกันไปมา

“ลุ้นตั้งนาน ว่าจะจบยังไง” แมค เดินมาตบบ่าผม

อุ้ยยยย เจ็บเว้ย

“ไอ้บ้าต้องนะ แม่งกว่าจะกล้าลุย นี่ก็ชักช้า กูว่าจะเสร็จไอ้บ้า เจไปแล้ว”

“อารายยยย เสร็จไปแล้วตะหาก”

ผมหันไปถีบไอ้เจ กระเด็นไปทางโซฟา

“หุบปากไปเลย”

มันนอนหัวเราะอยู่บนโซฟา

“เก้า กูขอโทษนะ กูแค่ห้ามความรู้สึกไม่ได้ แต่กูก็เลือกของกูแล้วเหมือนกัน” เจทำหน้าเศร้า

“อือ ไม่เป็นไร"

ผมยิ้มให้

“งี้ต้องฉลอง ซันจัดมาเลยยยยยย”

ซันส่งเบียร์ให้ทุกคน คนละขวด จะเล่นเอากันทั้งขวดเลยเหรอเนี่ย

“พร้อมนะ”

พวกผม 5 คนมายืนเป็นวงกลม กำคอขวดเอาไว้ มือคล้องคอกัน

“3 2 1”

สิ้นเสียง ซัน

พวกเราทุกคน ยกขวดขึ้นแล้วค่อยๆ ดื่มลงไป ไม่ว่ายังไงก็ต้องหมด

“เฮ้ยๆๆๆ เก้า ช้าๆๆๆๆๆ”

ไม่ทันแล้ว ผมทีเดียวหมดคนแรก

ตามมาด้วย เจ แมค แล้วก็ ซัน ไอ้ต้อง คนสุดท้าย

“กระจอกอะ เก้ามึงอย่าไปเอามันเลย ผู้ชายกระจอกแบบนี้อะ”

เจหันไปทางต้อง

“เฮ้ย อะไรวะ”

ผมพลักไอ้ต้องเซไป แล้วเดินตรงไปทางเจ

แล้ว...

“แอ๊ก มึงไอ้เก้า มึงจะโดดขึ้นขี่หลังกูทำไม”

ผมขี่หลังมันอยู่ เอามือกอดคอมันไว้แน่น

   “มึงว่าแฟนกู”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ยอมรับแล้วโว้ย” แมคยื่นขวดเบียร์มาทางผม

ผมก้มหน้าลงกับซอกคอของไอ้เจ หน้าแดงไม่รู้เพราะเหล้า หรือว่า อาย

“แล้วคุณต้องละครับ”

ปลายขวดเบียร์จากซันยังชี้ไปทางต้องเลียนแบบไมโครโฟน

“เอ่อ ก็... ถ้าเก้าว่างั้น เราก็ชอบเก้า ก็เอ่อ.... ก็เป็นแฟนกัน”

มันก้มหน้าหนีหันหลังให้พวกมัน

“ต้องหันหลังให้เก้าแล้วเว้ย”

“ไอ้บ้า ไม่ใช่ มึงอะ ลงมาซะทีจะไปกอดมันอีกนานมั้ย มึงด้วยเจ เลิกยุ่งกับแฟนกูได้แล้ว”

ต้องเดินเข้ามาแยกผมกับเจออก

เอาไปกอดไว้

กอดแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น

1 2 3 เสียงหัวใจของต้องที่ยังเต้นต่อไปเรื่อยๆ ข้างๆหูผม ตอนนี้ไม่ต้องแอบอีกแล้ว

"ต้องพูดอีกสิ"

ต้องหน้าแดง

"นะๆๆๆๆ" ผมอ้อนมันต่อหน้าคนอื่น

"เก้าเมาป่าวเนี่ย"

ทั้งห้องเงียบกริบ

"เอออออ กูชอบมึง"

หน้าต้องแดงไปถึงหู

ตามมาด้วยเสียงเฮแทบจะทันที

“เอ้าาาาา ยก 2 เริ่มมมมมมม”

   เพลงถูกเปิดดังขึ้น

   ซัน แมค เจ ยังคงเล่าเรื่องอย่างว่ากันต่อไป พร้อมกับเบียร์ในมือที่ผมต้องคอยเอามาเติมให้เรื่อยๆ นานๆ ทีจะมีบังคับให้กินรอบวงที

   “วิ้ววววว เอาไปป้อนแฟนด้วยสิเก้า

"ป้อนดีๆละ อย่าให้หกนะ”

   แม่ง จะหกเพราะมึงจ้องตากูนี่แหละ เลิกจ้องหน้าได้แล้ว ต้อง

   “เฮ้ๆๆๆ แมคคคค ไปแล้ว”

   ผมหันไป แมคนอนอ้า กางเกงบอกเซอร์ถูกถอดออกไปครึ่งตูด

เจ้าของผลงานชี้ไปทางตูดแมคหัวเราะคิกๆ

“ไอ้เจ มึงทำไรมันอะ”

“แม่งเมาไงมึง อยุ่ๆ มันลุกขึ้นมาจะถอดเสื้อผ้า สงสัยแม่งจะไปซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ”

“ซันมึงไม่ห้ามเหรอ”

เฮ้ยยยยยยย ซัน มันเหลือแต่ กางเกงใน สีดำตัวเดียว นอนหงายอ้าขา ล้มพับลงไปกองขวดเบียร์

อะไรวะเนี่ย

“เออ เวลาสติหลุดมันเร็วยังงี้แหละ”

ต้องเดินมาเกาะบ่าผม

   “แล้วมึงละเจ”

“สบาย เด็กๆ สำหรับกู”

“เออ เก่งนักนะมึง”
   
“เอาไงกับพวกนี้ดี” ผมถามต้อง

“เดี๋ยวก็พามันไปนอนบนโซฟาแล้วกัน”

“จัดการไปนะ กูจะกลับแล้ว เกือบเที่ยงคืนแล้ว”

   ร่างอ้วนขาว ที่ตอนนี้ผอมลงมาเท่าเดิมแล้ว ลุกขึ้นมาดึงกางเกงให้เข้าที่ เปิดกระเป๋าสตางค์ดู ท่าประจำของมันก่อนจะออกไปไหน

“อ้าว ไม่นอนนี่เหรอ”

   เจ ส่ายหัว แล้วเดินนำลงไปข้างล่างช้าๆ

   ผมกับต้องเดินตามไปเปิดบ้านให้มัน

   “ไปละ เก้า ต้อง สวัสดีปีใหม่ ฝากบอกพวกมันด้วย”

   “สวัสดีปีใหม่” เราพูดพร้อมกัน

   เจในชุดสบายๆเหมือนทุกทีที่มันใส่เวลามาอยู่กับผม กำลังไปยืนอยู่ริมฟุตบาทโบกรถแท๊กซี่ ผมยืนจ้องตามหลังมันไป โดยมีต้องอยู่เคียงข้าง

นานกว่าเจจะได้รถ ปีใหม่คงหาแท๊กซี่ยากหน่อย

“ต้อง..” ยังไม่ทันได้ถามอะไร

ต้องเอามือมากุมมือผมไว้แน่น

ต่อหน้าเจ
   
มือซ้ายของผมกับขวาของต้องที่เกาะเกี่ยวสอดนิ้วกันแน่น กำไว้ราวกับอีกฝ่ายจะหายไปไหนอีก

รถแท๊กซี่สีแดงสดมาจอดแล้วลดกระจกลง หลังจากบอกทางคนขับแล้ว เจหันทางพวกผม แล้วยิ้มให้ ก่อนจะโบกมือหยอยๆ ยาวสุดแขนเท่าที่มันจะทำได้ให้พวกผม

   พวกผมโบกกลับ

   ประตูรถแท๊กซี่ถูกปิดลง แล้วรถก็เคลื่อนออก

   “เก้า เจฝากนี่มาให้น่ะ”

   หือ ผมรับเศษกระดาษมาจากมือต้อง



——————————————————————————————————————————

   เก้า นี่พีเองนะ ชอโทดที่เขียนจม.มานะ ดูเด็กๆใช่ม้า คือ เราอยากจะขอโทดจริงๆ เราแค่อยากจะเป็นเพื่อนที่ดีของเก้า ไม่เคยคิดว่าจะเป็นฮีโร่หรืออะไรเลยนะ ไม่เคยแม้จะคิดว่าเก้าต้องตอบแทนเรา ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม เรารู้ว่าเก้าคิดยังงั้นอยู่

   ตอนที่เห็นเก้ากับต้อง เรารู้สึกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เราเลยสามาดทำอะไรก็ได้ตามแต่ใจ ยิ่งเห็นต้องมันชอบแก้งนายเราก็ยิ่งอยากขวาง

           พอคิดอีกมีทั้งๆที่พีเองก็ยังมีนุ่น แต่ดันไปยุ่งเรื่องเก้า

   พีเลวเนอะ

   ขอโทษนะ

   พอเก้าปติเสดเราวันนั้นเราก็รู้ว่าเก้าเลือกแล้ว เราก็ต้องเล่อกเหมือนกัน แล้วแมคก็บอกว่าต้องมันชอบเก้าจริงๆ

   ถ้าเก้าได้อ่านจม.อันนี้แปลว่า เก้ากับต้องลงเอยด้วยดีแล้ว ขอให้โชคดีนะ

   หูฟังน่ะ ยังเก็บไว้อยู่ใช่มั้ย เวลาเก้าเครียดจะชอบฟังเพลง ฟังจากหูฟังที่ให้นะ เหมือนกับว่าเรากำลังตอบเก้ากลับเป็นเสียงเพลงนะ


——————————————————————————————————————————


“ต้อง... มันยังไงอะ”

เนื้อความมันผิดๆถูกๆ ตามรูปแบบของเจ แต่ ทำไมมันไม่บอกตรงๆละ มือที่ถือจม.สั่นเทา

“เล่าให้เก้าฟังหน่อยดิ มีอะไรอีกใช่มั้ย”

“… เจ น่ะ มันพยายามกล่อมบูมเพื่อให้มันเลิกยุ่งกับเก้า แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างนั้น เก้าก็คงรู้นะ”

ผมผยักหน้า

“เจ มีแฟนชื่อ นุ่น แก่กว่า 2 ปี ปีนี้ พี่นุ่น อยู่ปี 1 ถ้าเจ มันสอบตรงได้มันก็จะได้เข้าปี 1 พี่นุ่นจะปี 2 พอดี ลดไปได้อีกปีนึง”

ผมเริ่มไม่เข้าใจ ฟังๆดูมันเหมือนกับว่าเจ มันจะไม่อยู่กับผมจนจบม.6 ยังไงยังงั้น

“สิ่งที่เจทำทั้งหมดในตอนหลัง เพื่อจะแก้ตัวในสิ่งที่ทำผิดต่อเก้า และมันเองก็อยากใช้เวลากับเพื่อนห้องอื่นบ้าง”

“…. มันจะออกจากรร.ปีนี้แล้วไปเข้ามหาลัยต่างประเทศ พ่อแม่นุ่นไม่เห็นด้วยที่จะให้คบกัน พวกมันเลยจะแอบพากันไปเรียนต่อนอก เจมาถามต้องเรื่องเก้าตอนกลางๆปี มันเลยอยากจะเปิดทางให้เรา มันบอกมันอ่านหนังสือเข้าม.เดียวกับนุ่นไม่น่าทันเพราะปีนี้ส่วนใหญ่เวลาไปวุ่นกับกิจกรรมไปหมดแล้ว ทางเดียวที่จะอยู่ด้วยกันคือไปนอก”

"มันเลยจะพากันไปอยู่ต่างประเทศกับแฟนมัน"

“เรื่องวันนี้ก็เป็นแผนของเจกับแมคร่วมกัน”

พี ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เพื่อนคนนี้ก็ยังดูแลผมมาเสมอ แล้วสิ่งที่ผมอยากได้ที่สุด มันก็หามาให้ผมจนได้ โดยที่ไม่เคยจะทวงบุญคุณผมเลยเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะตอนไหน

พีที่...

หัวผมว่างเปล่า
   
ใช่ พีคนเดียวกันกับที่ช่วยไว้ตอน ป.6 พีคนเดียวกับที่ช่วยผมไว้ตอนเรียน วันงานวิทย์ งานวันแม่
      
พีที่ .......

“ต้อง พี เอ่อ เจ จะได้เจอกันอีกมั้ย”

ต้องสั่นหัว

ผมพยายามกดโทรศัพท์โทรออก

พีปิดเครื่อง

ต้องบีบมือผมแรงๆ

"มันบินคืนนี้"

น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ตั้งแต่บนชั้นลอย จนตอนนี้ ผมทนไม่ไหวแล้ว มันค่อยๆไหลอาบลงข้างแก้มช้าๆ รู้สึกอุ่น ผิดกับอากาศในตอนนี้

“ฮึกๆๆ”

อกแบนๆแข็งๆของต้องพลิกมารับหน้าผมไว้

“เก้า...”

“ขอบใจะ ขอบใจมากๆ”

ราวกับว่าน้ำหนักของคำพูดที่ออกมาจากใจผมนี้จะไปถึงเจได้

หน้าผมค่อยๆถูกยกขึ้นช้าๆ

ใบหน้าที่อยากมองค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ แล้วกดริมฝีปากลงกับปากผมอย่างแผ่วเบา ช้าๆ

ปุ้ง เสียงพลุดัง

ปีใหม่มาถึงแล้ว

“ขึ้นบ้านเถอะ”

ประตูบ้านถูกปิดลง

ปล่อยถนนที่เวิ่งว้างในคืนสิ้นปีขึ้นต้นปีใหม่เอาไว้ เสียงพลุสลับกับเสียงรถวิ่งยาวๆ ไล่หลังแสดงความดีใจให้ผมกับต้อง

บนชั้นลอย พวกนั้นยังนอนพังพาบกันอยู่ แมคนอนน่าเกลียดไข่ลอดออกมาแล้ว กางเกงในก็ไม่ใส่ ซันเองก็ดูไม่ได้ เช้ามาพวกมันคงจะอายกันแน่ๆ

ผมไปนั่งริมหน้าต่างฟังเสียงพลุ

หันหน้าออกไปด้านนอก เจ เองก็คงจะดูพลุอยู่จากบนรถแท๊กซี่ละนะ

หันกลับมาเห็นต้องนั่งดูอยู่หน้าทีวี

สีเขียวแดงสลับกันฉายบนใบหน้าต้อง นอกนั้นของห้องหมด

ในห้องตอนนี้ปิดไฟมืด

“เก้า มานี่มา”

ผมคลานไปนั่งข้างๆ

ต้องหันหน้ามาให้อย่างรู้ทัน

“อือ”

เราสองคนค่อยๆประทับจูบกันอีกครั้ง โดยมีพวกขี้เมา 2 คนนอนเป็นพยานอยู่ข้างหลัง จูบช้าๆที่เนิ่นนาน
   
ไอ้ต้องยังไม่เคยจูบกับใครแน่ๆ ดูงกเงิ่น

“ต้อง ดูทีวีอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“อือ ดูอยู่”

แต่หน้ามันขยับตามผมไม่ตลอดไม่ว่า จะถอยหรือจะหลบ

หึหึ

“ขำอะไร"

"ต้องจะทำอะไรกันแน่”

“สองอย่างเลย”

แสงพลุบนทีวีสว่างวาบสาดเข้าหน้าต้องจากข้างๆ เป็นครั้งๆ ตามชนิดของพลุที่ถูกจุด ส้มบ้าง ฟ้าบ้าง

ผมสอดมือไปกอดเอวมันไว้ ต้องรับผมด้วยการจับที่ท้ายทอย

“งั้นอย่าหนีไปไหนนะ”   

“สัญญาเลย”

   .
   .
   .
   .
   .
   .
   .
   .

หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 16 เสียงพลุกับวงเหล้า [pg7] 25/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 26-12-2015 01:48:10
อูยยยย รู้สึกใจจะทะลักจนจะล้นออกมา

ลุ้นมาตั้งนาน กลัวว่าจะจบแบบเศร้า
แต่สุดท้ายเรื่องของเก้ากับต้อง จบลงแบบนี้
ความรู้สึกของคนอ่าน...โคตรจะดีใจรุย
อิอิ

เหมือนผ้าห่ม กันลมหนาว คราวหลับฝัน
เหมือนคันร่ม กางออกพลัน กันหยดฝน
เหมือนคนคู่ อยู่รู้ใจ ใช่สองคน
รักท่วมท้น พ่นทะลัก พำนักใจ

ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ปนกันอยู่
แต่สุดท้าย ก็ได้รู้ ไร้สงสัย
เพื่อนดีดี ยังมีอยู่ คบกันไป
แล้วยังได้ แฟนใสใส ไม่เคยเอา


เดี๊ยวก็เก่งเองอ่ะ..ต้อง
ฮ่าฮ่า
มีเทนเนอร์ดีอย่างเก้า..แจ่มเจิด
ก๊ากกกกกก

บวกเป็ด +1 ที่ให้ความสุข สมใจคนอ่าน
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 16 เสียงพลุกับวงเหล้า [pg7] 25/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 26-12-2015 09:29:14
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนพิเศษ [pg7] 28/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 28-12-2015 09:27:53
ตอนพิเศษ : 1

   สภาพสโลสเลของผมกับต้องที่แบกร่างโทรมจากการอดนอน กลับมาที่บ้านตั้งแต่6โมงเช้า เช้าที่ถนนโล่งอากาศหนาวยะเยือก แดดสีเหลืองอ่อนๆขึ้นจากทางทิศตะวันออก

           สายตาผมดูจะยังไม่สู้แสง กลิ่นเหล้าจางผสมออกมากับลมหายใจ

            เมื่อคืนเรานอนกอดก่ายกัน แน่นอนว่าขนับไปให้ไกลจากกองอ้วกของ 2 ตัวนั่น จนเมื่อรู้สึกเมื่อยแล้วทนไม่ไหว จึงพากันกลับบ้าน

            "เก้า หนาวมั้ย"

            ผมสั่นหัว

            สัมผัสอุ่นๆ ที่มือ

            มือยาว นุ่ม ของต้องกุมมือผมอยู่ เช้าๆอย่างนี้คงไม่มีใครมามอง

            ผมหันไปยิ้มให้มัน

            มุ่งหน้ากลับบ้าน
   
   ต้องเดินข้างๆผมมาเงียบๆ ท่าทางอิดโรย ไม่แวะแม้แต่ร้านสะดวกซื้อ ผมถามมันแล้วว่าหิวมั้ย มันก็ไม่สนใจ ได้แต่บนง่วงๆมาตลอดทาง

   จะให้นอนบ้านแมคมันก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่ไหวนะ กลางดึกคืนนั้น ซันลุกขึ้นนั่งตัวเขย่าไปมา ก่อนจะรู้ว่าทำอะไร ซันก็มาจมกองอ้วกตัวเองไปแล้ว

   ไอ้แมคที่ร้อนจนแก้ผ้าแล้วลงไปนอนกอดไอ้ซัน ทั้งๆที่เลอะอ้วก เลยโดนไอ้ซันนอนขยำนมทั้งอย่างนั้น พอมองไปที่ไอ้ข้างล่างทั้งสองคนก็ เอ่อ... แข่งกันสู้อยู่

            เช้ามามันได้กันเองแน่ๆ

   ผมกับต้องเลยรีบหนีออกมาก่อน แน่ใจว่าถ้าพวกมันตื่นมาเจอเนี่ยได้ร้องกันบ้านแตกแน่ๆ ป่านนี้คงได้เสียกันไปเรียบร้อยแล้ว

   บ้านเงียบพอๆกับสภาพของกรุงเทพตอนเช้าวันปีใหม่ ลานจอดรถว่างเปล่า ทะเลาะกันไม่มีวันหยุดสินะ หวังว่าตอนนี้จะฉลองอยู่กับพี่น้องแต่ละฝ่ายจนเพลิน ดีกว่ามานั่งทุกข์ใจ

            ตลอดทางมาบ้านช่อฃซ้ายขวายังปิดเงียบ บรรยากาศตอนนี้เจือไปด้วยสีฟ้าอ่อน เช้าๆผมชอบเห็นทุกอย่างเจือด้วยสีฟ้าจากท้องฟ้า สว่างมัวๆจากแสงอ่อนๆในยามเช้า

   ไม่มีใครจะว่าผมที่ไม่กลับบ้าน

   ไขประตูบ้านเสร็จ

   เราตรงดิ่งขึ้นห้องปิดประตูล็อค

   “ต้อง เก้าอาบน้ำก่อนนะ”

           "เดี๋ยวดิ"

           ต้องเข้ามากอดจากข้างหลัง แน่นจนรู้สึกได้ว่ามันรอคอยสิ่งนี้มานาน วงแขนรัดรอบตัวส่งนล่างแนบชิด กดหน้าเข้าหาคอขาวๆ ปล่อยให้พวกเราซึมซาบการสัมผัสที่รู้สึกดี

           มันช่างอบอุ่น

            ในห้องเดียวกันนี้แหละ ที่จูบแรกของผมกับต้องเกิดขึ้น โดยทั้งผมยังไม่รู้ตัว รวดเร็ว แผ่วเบาแล้วรีบผละออกหายไป

            ผมหันกลับมากอดมันตอบ

            แรงกดเบาๆลงบนหน้าผาก ต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมยืดตัวตอบ ริมฝีปากเราสัมผัสกัน ก่อนจะเริ่มบิดปากออกไปซ้ายขวาเพื่อให้ลึกแน่นยิ่งขึ้น

           อา.... มันไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

           "อาบน้ำก่อน" จนผมต้องเป็นฝ่ายผละออก

   ผมถอดเสื้อแล้วถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป

           ปล่อยให้ตรงนั้นมันดันกางเกงเอาไว้ ต้องคงเห็นละนะ แต่ไม่เป็นไรของมันก็เหมือนกัน

   ในห้องน้ำทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสะอาดแค่ไหน รู้แต่ ตากำลังจะไม่เปิดแล้ว ทั้งเหล้า ทั้งง่วง แต่ก็อยาก มันทรมานสุดๆ

   ผมเดินออกมาทั้งผ้าเช็ดตัว

   “ต้องเข้าไปดิ”

   “เก้า ทำไรมาวะ ทำไมตัวเป็นจ้ำๆยังงั้น”

   “เอ่อ ... เมื่อวันก่อน ไปสยามมาแล้วโดนไถตังค์น่ะ”

            ต้องทำหน้างง

            "กูโดนรุมน่ะ" แต่รอยส่วนใหญ่มาจากน้องมึงน่ะ

   “อ้าว แล้วทำไงอะ”

   “ก็สู้ไง” ผมหัวเราะ

   “ซ่านักนะ ไอ้เปี๊ยก”

            ผมหัวเราะอีก ว่าจะไปเอาของที่ลิ้นชักสักหน่อย ก่อนจะโดนใันดึงมือเข้าไปหา

            "ระวังตัวด้วย ต้องไม่ยอมแล้วนะ กูหวงของกู" ดูมันย้ำคำหลังมาก

   ต้องเดินเข้าห้องน้ำไป สีหน้าอายๆ

            หึ ผมนั่งยิ้มแก้มปริ คำพูดตลกดูขัดๆ ต้องพูดดีๆแบบนี้ไม่เป็นจริงด้วย

   สุดท้าย ก็ยังไม่ได้ให้ไอพอดมันเลย ไว้ก่อนแล้วกัน

   ผมใส่เสื้อกับกางเกง เปิดแอร์ทิ้งไว้ ปิดไฟ แล้วทิ้งคัวลงไปนอนบนเตียง ง่วงเป็นบ้า เปิดแอร์ทิ้งไว้น่ะดีแล้วจะได้นอนยาวๆ

    คำพูดของพวกแมคยังลอยสะท้อนไปมาในหัว

   รู้สึกตลกดีเหมือนกัน พอมานอนคิดดีๆแล้ว มันไม่รู้เรื่องเลย คำพูดมันดูงงๆสับสน คือ คนเมาเวลาคุยกันเนี่ย มันรู้เรื่องเป็นเรื่องเดียวกันได้ยังไงนะ สร่างแล้วมานั่งคิดดูอีกที เหมือนจะได้แต่อารมณ์มากกกว่า คำพูดเป็นคำๆ

   ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน

   แมคกับเจ ก็จะไม่ได้เจอกันในปีหน้า

           แต่ผมได้ความเป็นเพื่อนกลับคืนมา

           เพื่อนที่มีค่า เวลา 2 ปีของพวกเราไม่สูญเปล่า

   แสงแดดแรงขึ้นด้านนอกหน้าต่าง แยงตาเป็นบ้า
   
   “เก้าๆ หลับแล้วเหรอ”

   “หือ ยัง” แค่ลืมตาไม่ขึ้น

   อะไรอุ่น นุ่มๆ มาสัมผัสแก้มผมนะ มันขยับเปลี่ยนไปที่ปากผม

   “อือ... “

   ที่คอเหมือนมีอะไรมาลูบไล้เบาๆ ให้รู้สึกจักจี้

   “ต้องเหรอ” ผมลืมตาดูมัน

   “ง่วงเหรอ” ต้องนอนทับตัวผมอยู่

   “อือ”

   ต้องเอาปากซุกไซร้ลงไปจากคอแล้วไล่ลงไปถึงยอดอก สองมือประคองตัวขึ้นมาจากเตียงหน่อย ช้อนไว้ใต้ก้นผม ก่อนจะบีบเบาๆสองสามที แล้วค่อยๆยกแขนผมขึ้น รูดเสื้อขึ้นไปด้านบ
 
           คำว่าง่วงดูไม่มีความหมาย

   “ช้ำหมดเลย”

   “อือ” ตอนนี้ผมตาสว่างแล้ว เฮ้ย ต้อง มันจับผมแก้ผ้า

   มันเลียลงมาที่หน้าอกด้านขวา ใช้ลิ้นวนรอบหน้าอก แล้วดูดเข้าไป

   “อ้า”

   มือขวาล้วงไปที่กางเกง

   ผมจับมือมันไว้
   
   “จะอายทำไม ยังกับไม่เคย”

   “ไอ้ต้อง พอเลย”

            เป็นครั้งแรกที่มันจับของผมเต็มๆ

   “เก้า ต้องขอนะ”

            ผมพยักหน้า

   เฮ้อ ใจอ่อนกับคำพูดมันจนได้ โม้อะ ไม่ขอกูก็จะปล้ำมึงอยู่แล้วไอ้ต้อง ฮ่าๆ

   ปล่อยให้มันเล่นของผมซะให้พอ ของผมที่ตึงจนรู้สึกร้อน รู้สึกถึงมือนุ่มๆนี่ลูบขึ้นลง แล้วเอานิ้วโป้งถูวนที่ส่วนปลาย วนเป็นวงกลม ไปมา

   “อะ ต้อง ช้าๆดิ”

   มันจับผมพลิกหันหลัง แล้วเลียจากต้นคอไล่ลงมาจนถึงแก้มก้น มือก็ไม่อยู่เฉยๆ ขยี้ขยำหน้าอกผมไปด้วย ราวกับเป็นของเล่น

   ผมผลิกลงไปนอนหงายกับเตียง

           ตอนนี้ลืมเจ็บหมดแล้ว

   “เตรียมตัวไว้แล้วใช่มั้ย”
   
   มันหัวเราะ  แล้วขยับตัวขึ้นมาตรงหน้า

   แม่ง ออกมาจากห้องน้ำมีแค่ผ้าเช็ดตัว มันกะจะทำอยู่แล้วแน่ๆ

   แผงอกมันอยุ่เหนือปากพอดี ผมเลยทำแบบที่มันทำบ้าง จากด้านซ้ายแล้วไปด้านขวา

   “อา..” ไม่เคยได้ยินต้องทำเสียงยังงี้มาก่อน

            ยิ่งระเบิดอารมณผมขึ้นไปอีก

            มันทำให้ผมทั้งกัดทั้งดูดตามตัวมันไล่ลงไปเรื่อย

   สองมือมันบีบที่ต้นขาผมแน่นเมื่อลิ้นเริ่มเลียต่ำลงไปๆ จนถึงสะดือ แล้ว .... ผมก็แกะผ้าออก

   สองคนที่เปลือยเปล่าแลกดูร่างกายของกันและกัน

   พอเห็นเป็นที่พอใจแล้ว มันขยับขึ้นมาอีกหน่อย

   ผมยังนอนอยู่ที่เดิม แต่ส่วนนั้นของมันอยู่ตรงกับปากผม จดจ่อเข้ามาอยู่ตรงหน้า ผงกหัวให้ มันจับตีกับแากผมเบาๆ ทำหน้าสะใจ ไอ้ลามก

   ของต้องที่ชี้ตรงมาข้างหน้า กำลังสั่นกระตุกทักทายกับการพบหน้ากันครั้งแรก

   ผมอ้าปากรับ ออกแรงดูด

   ตัวต้องผงะเกร็ง

   ยิ่งผมขยับปากเข้าออกเร็วเท่าไรตัวมันก็ยิ้งบิดเบี้ยวเท่านั้น

   “เก้า .. ต้อง . ต้อง อาาา”

            น้ำเสียงมันชอบใจ

            ผมถอนปากออกละเลงลิ้นรัวไปทั่วให้เปียกชุ่ม

   ต้องทนไม่ไหว มันถอนตัวออก ล้มกลับลงมาทับจูบปากกับผม ร่างกายบดบี้กัน มันเอาส่วนที่ร้อนผ่าวเปียกลื่น แทงเข้าออกหว่างขาอยู่อย่างนั้น

            เปลี่ยนลองมาเป็นซอกคอบ้าง สองมือเกาะกุมก้นไว้ทั้งของข้าง

   “ต้อง เราดีใจนะ ที่เป็นต้องน่ะ”

   “อือ เรารักเก้านะ” มันยิ้ม

   ผมกอดมันแน่น จนรู้สึกเจ็บที่รอยช้ำ

   มันก้มลงมาจูบอีก ดูดปากกันอยู่ยาวนานไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

   “เก้า ... ต่อมั้ย”

   “ต้องแน่ใจแล้วนะ”

   ต้องพยักหน้า

   ผมนอนคว่ำให้มัน ก่อนที่มันจะขึ้นมาทับแล้วถูไถบดเบียดกับร่องก้นอยู่อย่างนั้น

   “เก้า เป็นของเรานะ”

   “อือ”

            ผมตอบตัวสั่น

            ใช้ความพยายามอยู่นานที่จะเข้าช่องนี้ มันเป็นครั้งแรก

            มันลำบากอยู่

   ผมพลิกตัวต้องลงไปนอนหงายบนเตียง เมื่อมันพร้อม เมื่อช่องทางผมลื่นเต็มที่ สองมือ กดที่หน้าอกมัน แล้วค่อยๆนั่งลงไปช้าๆ

           ช่วยไม่ได้ผมจะเป็นฝ่ายทำเอง

           ลองอีกที

   “อะ...” เสียงเกร็งของต้อง

   “อูยย”

   “เจ็บเหรอ”

   ผมส่ายหัว

   “ไม่ไหวก็หยุดนะ”   

   ผมส่ายหัวอีก ส่วนปลายมันเข้าไปแล้ว

   ค่อยๆพยายามกดลงไปช้าๆ ยังไงวันนี้ต้อง จะต้องได้ผม

   ตัดสินใจทิ้งตัวลงไปนั่งบนท้องน้อยมัน

   “อะ จุกนะเนี่ย”

   “หยุดมั้ย”

   “เรื่องไร ยอมเจ็บแล้วจะหยุดเหรอ” มันเข้าไปหมดแล้วนี่

   ต้องส่ายหัว สายตาเปลี่ยนไป เริ่มเด้งเอาขึ้นลงช้าๆ

   “เดี๋ยวสิ เดี๋ยว อ้าาา” ไอ้ต้องบ้า

   มันยังเด้งขึ้นลงอยู่อย่างนั้น ไม่ยั้ง
 
            ขนสากๆถูกับก้นผม ทำให้รู้ว่ามันเข้าไปลึกแค่ไหน

            อ้า

   ก่อนผมจะทนไม่ไหวล้มลงกอดหน้าอกมัน

   ต้องพลิกขึ้นมานั่งคร่อมผม ยกขาผมขึ้นข้างหนึ่งพาดบ่ามันเอาไว้

   แล้วโยก

   “อะ .. ต้อง เอาเลย ทำเลย” ตอนนี้ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว มันเสียวแปล๊บๆที่อย่างอื่นมากกว่า ไม่รู้ว่าจะบอกว่าตรงไหนดี ครั้งแรกที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก

   อะไรลื่นๆ ออกมาเต็มตัวผม

   “ใกล้แล้วเหรอ”

   ผมไม่ตอบ

   “หน้าแดง ตัวแดงไปหมด น่ารักจัง”

   “จะทำหรือจะหยุด” ผมเสียงแข็ง

            ผมอาย
   
   “ได้” มันรุกเร็วและรัวขึ้นอีก

   พับขาที่ยกไว้ลง ให้ผมชันเข่ายกขึ้นทั้ง 2 ข้าง

   ต้องพับตัวขึ้นมาคร่อม แล้วขยับเข้าออกแรงๆ ใช้มือข้างที่ว่างอยู่ จับของผมที่เปียกลื่น รูดขึ้นลงเร็วๆพร้อมๆกับจังหวะของมัน

   ตัวมันเริ่มชื้นเหงื่อ มือผมที่ลูบไล้หลังต้อง ลูบไล่ลงไปถึงก้นขาวเกร็งที่ตอนนี้กำลังออกแรงอย่างหนักหน่วงอยู่

   “เก้าๆๆ หยุดก่อนมั้ย”

   “หยุดทำไม” ผมถาม

   “จะได้นานๆไง”

   “ไม่ต้องเลย กูง่วง” 

            "กล้าๆจีบกูก็ได้ทำไปนานแล้ว"

   ต้องหัวเราะ

   อยู่ๆมันถอนออก เล่นเอาผมเสียววาบ แล้วยกตัวผมขึ้นไปนั่งทับบนตัวมัน

   ให้ผมเป็นฝ่ายทำสินะ

   ผมเลยนั่งแล้วขยับขึ้นลง ช้าๆ จากปลายสุดแล้วลงไปให้ลุกที่สุดบดขยี้เข้ากับของต้องที่ยังเกร็งร้อนในตัวผม

            ทำได้สักพักแล้วหยุดอีก

   “แกล้งกูนี่”

             "จีบผู้ชายมันง่ายที่ไหน"

            แต่ทีเอาเนี่ยทำเป็นไม่มีอายนะมึงไอ้ต้อง

   ผมยิ้ม แล้วเปลี่ยนจังหวะ ออกแรงขาขยับขึ้นลง รัวและลึก

            เห็นต้องมีท่าทีสุขใจผมก็ยิ่งทำแรง เสียงกระแดกกันดังลั่นห้อง บ้านไม่มีใครอยู่ มันจึงสะดวกที่จะกลบความมืดด้วยเสียงครางดัง แทรกด้วยเสียงเนื้อกระทบกัน ถึงปิดไฟแต่เห็นทุกอย่างชัดเจน

   “อุ ต้องเก้า ไม่ไหวแล้ว ต้อง”

           ต้องขืนตัวนิ่ง 

           ผมงง

           "เจ ไม่เคยได้ใช่มั้ย"

          "ผมสั่นหัว"
       
          อ้า

          ต้องกระแทกสวนขึ้นมา
     
          โยกขึ้นลงเร็วๆอยู่อย่างนั้น เร่งเครื่องตามจังหวะที่ขาดหายไป

          เสียงต้องร้องดังขึ้น รู้สึกได้ของต้องที่อยู่ในตัว มันขยายใหญ่ขึ้นแน่น เกร็งร้อนผ่าว

   “เอาเลยๆเก้า”

   “มองหน้าเราไว้นะต้อง”

   “อือ”

   “อะ อ้า ออกแล้วๆ”

   ของผมมาก่อนเลย ความเสียวพุ่งปลาบจากท้องน้อยไล่ไปตามส่วนจนทะลุพุ่งไกลออกไปถึงหน้าอก ต้อง ออกมาเป็นสายไม่ยั้ง ทั้งเยอะและร้อน

   “เก้าๆ อะ อ้า” ผมยังขยับต่อไปให้ต้อง

            มันยังไม่เสร็จ

   “ต้องจะ ...”

   ตัวต้องเองกระตุกเกร็ง แต่ยังไม่หยุด อะไรอุ่นๆ พุ่งใส่ตามแรงกระตุกในตัวผม ต้องค่อยๆหยุดเมื่ออาการกระตุกนั้นหยุดลง ผมจึงถอนตัวออกช้าๆ แล้วลงมานอนข้างๆ

            เมื่อกี้มันกระตุกถี่หลายรอบ ผมยังรู้สึกได้

   “ไม่เจ็บนะ”

   “อือ ไม่เป็นไรหรอก" มันเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดคราบ

   ผมพลิกตัวไปนอนซบบนไหล่ต้อง

   ครั้งแรกของผมยกให้ต้อง

   ต้องคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเราสองคนไว้

   เรากอดกันนอนบนเตียงให้ร่างเราสองคนเป็นเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นแก่กัน สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือตัวชื้นเหงื่อแล้วก็ หน้าอกขาวๆของต้อง

   เช้าวันนี้ ผมฝันถึงพวกมันในห้องวิทย์ ที่ๆพวกมันอยู่ด้วยกันครบทุกคน แต่คราวนี้มีซันที่ใส่แต่กางเกงในมาร่วมด้วย

            พวกผมยังนั่งทำฉากงานวิทย์บนพื้นห้อง กระเบื้องสีส้มอ่อนที่ดูแยงตา เสียงพัดลมครางหึ่ง ไอ้เจกำลังวุ่นกับเครื่องเล่นเพลงหน้าห้อง

            ไอ้แมคที่ผมดูยาวแล้ว กำลังบรรจงละเลงสีใส่ไม้กระดาน

            ต้องนั่งเหยียดขาทำหน้าเฉยเมยมาทางผม ตอนนั้นเรายังไม่เป็นแฟนกัน

             สักพักต้องเดินเข้ามาลูบหัวผม ตามด้วยเสียงเจโวยวาย ในฝันที่จับประเด็นไม่ค่อยได้ มีแมคเป็นคนคอยห้ามศึก
 
             แล้วพวกมันก็จับมือผมกับต้องมากุมไว้

             ผมเผลอยิ้มออกมา

             พวกนั้นยิ้มตอบ

             แล้วสะดุ้งตื่น นอนหลับไม่สบายเพราะเบียร์ที่ดื่มไปมาก

            ผมลืมตามองหน้าต้องที่หลับอยู่ ราวกับผมยังโหยหาคืนวันที่พวกเรายังได้สนุกกันพร้อมหน้าตอนชั้น ม.4 ช่วงที่ดีที่สุดในชีวิต ม.ปลาย มันช่างน่าจดจำ

   เพื่อนผม 2 คนต้องจากไป แล้วผมก็ได้รักนี้มาแทน ความรักที่เพื่อนสนิทจัดมาให้เพราะความไม่เอาไหนของผม กับการไม่เป็นงานของต้อง

            ต้องกับเก้า

            หึหึ

            ผมพลิกตัวหันหลัง ดึงต้องเข้ามากอด เวลามีคนกอดจากด้านหลังมันรู้สึกดีอย่างนี้เอง....

            "ฝันดีต้อง" แฟนของผม

หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่พิเศษ [pg7] 28/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 28-12-2015 16:54:14


ไม่ได้เข้ามาเมนท์นาน กลายเป็นต้องเก้าจบแล้ว Y^Y ขอโทษค่ะ!!
แต่เราก็ไม่คาดคิดนะคะว่าต้องเก้าจะขมวดปมและจบเร็วแบบนี้
นึกว่ามันจะเรื่อย ๆ ไปอีกสักพัก.. แต่เพราะไทม์ไลน์ของเรื่องมันเดินมาถึงตอนใกล้จบมอห้าแล้ว... ก็เข้าใจได้ค่ะ 
อ่านมาเจอตอนที่แม็คกับเจจะไม่อยู่แล้วเราใจหายยังไงก็ไม่รู้ค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเก้า (จะผิดกันก็ตรงที่ไม่ได้กินต้อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า) โดยเฉพาะเจที่มาเร็วเคลมเร็วมาก ๆ

ส่วนต้องก็นะ... โมเมนท์พระเอกลูกยังไม่สุกสกาวเลยครับ
ถ้าไม่ได้เพื่อน ๆ ไม่ได้เหตุการณ์ในห้องพยาบาลมาบังคับ หนูจะได้ขอเก้าเป็นแฟนไหมลูก?
เฮ่ออออ ป้าลุ้นเหนื่อยมาก... แต่ก็นะ ไม่มีโมเมนท์พระเอกไม่เป็นไร หลังจากนี้ป้าก็ขอให้หนูโชว์แมนให้เต็มที่นะครับ (เอาให้น้องเก้าประทับใจนอกเหนือจากความมุ่งมั่นของหนูอีตอนได้กันนะลูก ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

Happy New Year ล่วงหน้าค่ะ!!
รออ่านภาคต่อไปนะคะ ^^  :mew1:


หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่พิเศษ [pg7] 28/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 28-12-2015 19:13:22


ไม่ได้เข้ามาเมนท์นาน กลายเป็นต้องเก้าจบแล้ว Y^Y ขอโทษค่ะ!!
แต่เราก็ไม่คาดคิดนะคะว่าต้องเก้าจะขมวดปมและจบเร็วแบบนี้
นึกว่ามันจะเรื่อย ๆ ไปอีกสักพัก.. แต่เพราะไทม์ไลน์ของเรื่องมันเดินมาถึงตอนใกล้จบมอห้าแล้ว... ก็เข้าใจได้ค่ะ 
อ่านมาเจอตอนที่แม็คกับเจจะไม่อยู่แล้วเราใจหายยังไงก็ไม่รู้ค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเก้า (จะผิดกันก็ตรงที่ไม่ได้กินต้อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า) โดยเฉพาะเจที่มาเร็วเคลมเร็วมาก ๆ

ส่วนต้องก็นะ... โมเมนท์พระเอกลูกยังไม่สุกสกาวเลยครับ
ถ้าไม่ได้เพื่อน ๆ ไม่ได้เหตุการณ์ในห้องพยาบาลมาบังคับ หนูจะได้ขอเก้าเป็นแฟนไหมลูก?
เฮ่ออออ ป้าลุ้นเหนื่อยมาก... แต่ก็นะ ไม่มีโมเมนท์พระเอกไม่เป็นไร หลังจากนี้ป้าก็ขอให้หนูโชว์แมนให้เต็มที่นะครับ (เอาให้น้องเก้าประทับใจนอกเหนือจากความมุ่งมั่นของหนูอีตอนได้กันนะลูก ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

Happy New Year ล่วงหน้าค่ะ!!
รออ่านภาคต่อไปนะคะ ^^  :mew1:

จริงๆ กฎเค้าว่า อย่าตั้งกระทู้บ่อย จะตอบให้รวมๆกันตอบ แต่เรืองนี้ไม่มีคนมาเม้นท์เท่าไรอยู่แล้ว ดังนั้นตอบซะเลยคงไม่น่าจะเป็นอะไร

ใช่ครับ ส่วนตัวก็คิดว่าเร็วเกินไปที่จะจบ แต่ตอนแรกตั้งในไว้ว่าจะเป็นแค่เรื่องสั่น แล้วจังหวะนี้แหละ ที่น่าจะบีบคนอย่างต้องให้ปริปากออกมาได้

ต้องเองไม่ใช่ ผู้ชายที่ พระเอ้ก พระเอก มาตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องนี้มันตั้งอยู่บนความเป็นเพื่อน ที่สุดท้ายถึงมันจะลงเอยด้วยคำว่า มากกว่าเพื่อน ในตอนนั้นไม่มีใครเข้าใจคำว่า ตุ๊ด เกย์ อย่างแท้จริง มันแค่คำเรียกคนที่แสดงออกอย่างเปิดเผยในยุคที่ คนยังไม่รู้จักแม้ คำว่า เปิดเผยเลยด้วยซ้ำ

ิีอีกเหตุผลคือ ผมอยางคงความสมจริงไว้ให้มากที่สุด เผื่อว่าสักวันนึง คนที่มีตัวตนในเรื่องมาอ่านเข้า อาจจะคุ้นๆถึงตัวเองขึ้นมาบ้าง แล้วเรื่องนี้่เริ่มจากเขียนเล่นๆฆ่าเวลา เลยไม่คิดว่าจะเล่าได้ละเอียดจนจบได้จริงๆ

ขอบคุณมากนะครับ แล้วก็ Happy New Year ล่วงหน้าเลย เอะ ... ยังต้องลงภาคใหม่อีก นี่นา สัก 1 ตอนนา ...

ป.ล. ไอ้ต้องมันก็ขี้แหย่ยังงี้มาตลอดแหละครับ มาๆจากๆ 555
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่พิเศษ [pg7] 28/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-12-2015 22:12:09
ต้องเด้าเก่งอ่ะ
ปราบเก้าซะติดหนึบ
สวรรค์โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วย
ปรบมือรัวๆๆๆๆๆๆๆ ให้ต้องเลย

ขอโทษด้วยที่ปรามาสต้องเอาไว้
คิดว่าจะอินโนเซนส์ ที่ไหนได้มีประสบการณ์นี่หว่า
เยี่ยมมมมมมม


อย่าไปเดา คาดการณ์ วันข้างหน้า
อยู่วันนี้ ดีกว่า น่าสดใส
วันพรุ่งนี้ ไม่เห็น เป็นเช่นไร
ปล่อยมันไป ตามวิถี ชี้ชะตา

บวกเป็ด +1 ครับ
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่พิเศษ [pg7] 28/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 29-12-2015 06:33:39
สนุกมากค่ะ อ่านแล้วคิดถึงสมัยเรียน มัธยมเลย ไปอ่านตอนพิเศษแพร่บ
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที ตอนที่ 1 : สะพาน [pg7] 30/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 29-12-2015 21:13:39
ขอแค่ 5 นาที ตอนที่ 1 : สะพาน


อากาศเย็นๆ ของหน้าหนาว มันหนาวยิ่งขึ้นเมื่อมายืนอยู่บนส่วนโค้งสุดของสะพานข้ามแม่น้ำ ตอนนี้ถ้ามองลงไปจะเห็นแม่น้ำสีดำเข้ม มีประกายวาวสีเงินจากแสงไฟที่สะท้อนลงบนน้ำ เรือล่องแม่น้ำส่งไฟออกไปโดยรอบ

เสียงหนวกหูจากบนเรือสะท้อนก้องขึ้นมาถึงจุดนี้ บนยอดสะพาน

ปีใหม่ที่น่าอภิรมย์

น่าจะอยู่กึ่งกลางระหว่างฝั่งธนฯกับพระนครพอดี

ด้านหลังรถที่วิ่งไปมาเริ่มลดน้อยลงแล้ว ผู้คนคงบึ่งรถ ปีใหม่รีบกลับบ้านไปฉลองกัน ไม่ก็ไปล้มกองกันอยู่ตามที่เที่ยวละสิ
   
‘แม่งโง่ เป็นบ้าเลย’

ไม่รู้ว่ามาทำบ้าอะไรอยู่บนนี้คนเดียว

เด็กผู้ชายร่างขาวเล็กๆ ในเสื้อหนาวสีแดงสด กำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดหาชื่อใครสักคน

‘รู้งี้ชวนพวก พี่บูมออกไปเที่ยวดีกว่า ป่านนี้แม่งจะไปอยู่ไหนกันวะ’

ไหนๆ ไอ้พี่ต้องแม่งก็ไม่อยู่บ้านแล้วนี่

เพราะเรานี่แหละ

เรื่องในห้องพยาบาลนั้น ถึงจะไม่มีคนนอกรู้ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไปขอโทษแล้วให้ทำเหใือนว่าไม่ได้เกิดขึ้นไม่ได้ ถึงอยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขเท่าไรก็เหอะ นี่เป็นอีกเรื่องที่ต้องเรียนรู้สินะ

‘กูทำเชี่ยไรลงไปวะ แม่งพังหมด ตอนแรกมันไม่ได้จะให้เป็นอย่างนี้นี่หว่า พังพินาศ’

ใครจะไปรู้ว่า ไอ้เก้ามันจะอาละวาดออกมาซะขนาดนั้น พี่ต้องก็พาลมาลงจนได้ เรียกได้ว่าผลออกมาดีเกินคาด ดีจนควบคุมไม่อยู่ อยากได้ผลแค่ 10 กลายเป็น 100 ซะงั้น

นึกหน้าไอ้พี่ต้องวันนั้นแล้ว แม่งโคตรจะโกรธเลย โกรธกูนี่แหละ ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้พี่ต้องไม่โทรมาหาอีกเลย อยู่บ้านก็ไม่คุยกัน ตั้งแต่เล็กจนโตเพิ่งจะเห็นโกรธจริงจังก็คราวนี้น่ะแหละ คราวนั้นตอนที่ เอ่อ... เอาน่า ยังไม่เท่านี้เลย

แล้วนี่วันนี้พอสายๆ เก็บของใส่กระเป๋า พอตกบ่ายปุ๊บ ออกจากบ้านหายไปเลย โทรไปก็ไม่ยอมรับ พี่เค้าเองก็คงไม่รู้สินะ ว่าน้าเองก็ไม่อยู่บ้านเหมือนกัน

คนที่อยากจะอยู่ด้วยแม่งก็หายไปแล้ว...

พวกเค้าคงไม่รู้สินะ ว่าได้ทิ้งใคร ให้อยู่คนเดียว

คิดอีกที แล้วกูออกจากบ้านเดินไปเรื่อยเปื่อยไหงมาโผล่ที่นี่ได้ละเนี่ย

แม่งเอ้ย

บรื้นๆๆๆๆๆๆๆๆ

“เบิ้ลเครื่องหาพ่อมึงเหรอ”

ใครวะแม่ง มาเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ด้านหลัง บ้านเป็นปั๊มน้ำมันเหรอไง

หมวกกันน๊อคสีดำมีเขาแมลงสาปโดนเปิดขึ้น แม่งคิดว่าเท่เหรอ

“ว่าไงมึง เรียกกูว่าตอนนี้เนี่ยมีอะไร”

เออ เกือบลืมไปเลย โทรไปตามมันมานี่หว่า

“พี่บูม มาเร็วนี่”

“รถไม่ติดไง แล้วมึงอะเป็นไร เหงาเหรอ มาๆ กอดซบกูนี่”

“เอาKไปแดกก่อนไป”

นี่ นิ้วกลางกูนี่

ไอ้คนนี้ก็เหมือนกัน จะเป็นรุ่นพี่ที่ดีเกินไปแล้ว โทรตามให้มาก็มา

“เอ้า ว่าไงมีไรป่าว ต่อ”

หึ ต่อก้มหน้าส่ายหัวให้ ไม่รู้จะพูดยังไง

“พาเที่ยวหน่อยเดะ”

“เด็กอย่างมึงเนี่ยนะ หมอยขึ้นยังจะเที่ยวผับ”

“ไม่ได้บอกว่าจะไปผับ พาไปไหนก็ได้”

โดนขึ้นซ้อนท้ายรถคันจิ๋วของพี่บูมก่อนแหละ ยืนนานแล้วหนาว

มอเตอร์ไซด์คันกระจิ๋วเดียว เหมาะกับตัวเจ้าของจริงๆ เด็กม.ปลายรุ่นพี่ต้องอะไร ต่อจะสูงกว่าอยู่แล้ว นี่ถ้ายืนกันตรงๆนี่สูงกว่านิดหน่อยด้วยละมั้งเนี่ย

“พี่บูม ไอ้นี่มันวิ่งได้นะ”

“เออน่า”

“ต่อ เปิดกระเป๋าเอาเสื้อหนาวไปใส่ไป”

“มีแล้วไง”

“ลมมันหนาวตัวแค่นี้ไม่พอหรอก”

ไหนดูหน่อยดิ โห เสื้ออย่างหนา ดูแก่ด้วย ไม่เอาอะ เอาเป้สะพายหลังไว้ละกัน

“ไม่ใส่ หนาวแล้วอย่าบ่นละ”

รู้ดีอีกว่าไม่ได้ใส่ ไม่ได้หันมาแท้ๆ

“เกาะแน่นๆละ”

ความเร็วของรถค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะกำลังลงสะพานข้ามแม่น้ำ ตรงหน้าเป็นสนามหลวง ไฟรอบต้นไม้ประดับประดาห้อยโยงลงมาจากต้นเต็มสองข้างทาง จากที่วิ่งต่อๆกันเป็นเส้นยาวๆ ตอนนี้เริ่มช้าลงกลายเป็นดวงส้มๆ ชัดขึ้น

เมื่อหันไปดู พี่บูมพาไปไกลทิ้งสะพานมืดๆที่ยืนอยู่เมื่อกี้ไว้ข้างหลัง ฝั่งโน้นมืดมากเมื่อเทียบกับด้านนี้

“ต่อ เกาะเอว เดี๋ยวร่วงหรอก รถมันเริ่มเยอะแล้วนะ”

สองมือเล็กๆเลยเกี่ยวกระวัดเข้ากับเอวของคนขับ ความอุ่นจากหลังของพี่บูมแผ่เข้ามาถึงตัวต่อ

จักรยานยนต์ที่มีเด็กขี่อยู่สองคน หายไปทางด้านขวา เพื่อจะวนรอบให้ได้หนึ่งรอบพอดี พรุ่งนี้คนคงแน่นกว่านี้ นี่เพิ่งวันที่ 31 เองนะ

ถ้าไม่ได้กอดพี่บูมนี่หนาวแน่เลย

“พี่บูม พี่ว่า ต่อทำเกินไปมั้ยอะ”

“อะไรนะ”

เสียงเครื่องเบาลง ความเร็วรถเริ่มตก

“ก็เรื่องของพี่ต้องน่ะ”

“… ต่อตัดสินใจทำไปแล้วนี่ ตอนนั้นห้ามแล้วก็ไม่ฟัง”

การสนทนาขาดหายไป ปล่อยให้เสียงลมหวีดหวิวเข้ามาแทนที่

รถวิ่งช้าลงอีก
      
“ก็เห็นทั้งพี่เจ ทั้งพี่บูมห้าม มันเหมือนกับว่า ใครๆก็เข้าข้างคนนั้น ต่อก็ยิ่งไม่ชอบ”

คนขับส่ายหมวกกันน็อค เขาแมลงสาบดิ้นไปมา

“หิวมั้ย”

อา ... ตั้งแต่เย็นยังไม่ได้กินไรเลยนี่นา

“แมคมั้ย”

“พี่บูมเลี้ยงนะ”

“ไอ้นี่นี่”

กล้าเรียกไอ้นี่เหรอ เอามือเคาะหัวเลย

โป๊ก

“เจ็บมั้ยละ เคะาหมวกนะ”

“รีบพาไปไป”

เสียงลมดังขึ้นอีก รถวิ่งเร็วๆขึ้น เหมือนความเร็วในตอนนี้จะยังไม่สะใจ มันน่ากลัวจนทำให้ต้องเอนตัวไปซบหลังพี่บูมแนบแน่น เกิดมาไม่เคยนั่งรถเร็วแบบนี้เลย

ทำยังไงพี่ต้องจะหายโกรธนะ

มันทั้งรู้สึกผิด รู้สึกแย่ บางทีเราอาจจะทำเกินไปจริงๆก็ได้

วงเวียนที่มีเสาสีแท่งตั้งตระหง่าน เสียงเครื่องชะลอลง

“ไปนั่งรอ จะกินไร”

“อะไรก็ได้”

“ไม่มีขายเว้ย ไม่เลือกไม่ต้องแดก” พี่บูมหันหลังเดินไปลเย

“ชีสเบอร์เกอร์กับโค้ก ไม่เอาเฟรชฟรายส์นะ”

ต่อตะโกนไล่หลัง

พี่บูมหันมาชูนิ้วโป้งให้ทีหนึ่ง

บ้านเมืองโคตรจะเงียบเลย เงียบเหมือนสมองในตอนนี้ ที่หาทางแก้ไม่ได้ แม่ง ไม่น่าโตเลย เด็กนี่ดีนะ จะทำอะไรก็ไม่ผิด ทำอะไรก็น่ารัก ตอนนี้ท่าจะไม่แล้วแฮะ แม่งเอ้ย ขอสบถอีกทีเหอะ

“เอ้า กินๆ”

ถาดสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยของกินถูกนำมาวางกระแทกโต๊ะ

“ขอบคุณพี่”

“นี่มึงออกมาดึกงี้พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ”

“หึ ไม่มีใครอยู่บ้าน” รีบแกะกระดาษห่อกินดีกว่า

“โดนทิ้งสินะ ต้องไปไหนละ”

“ไม่รู้”

งับ แม่งก้อนนิดเดียว

“เออ นี่ของแถม ไอติม กินซะ จะได้อารมณ์ดี”

“พี่บูม ต่อไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

แมคแม่งก้อนนิดนึง กินติมก็ได้วะ

“ชอคโกแลตซันเดย์ซะด้วย

“พี่บูมขำไร”

เอาช้อนคนๆให้ไอ้ติมเข้ากับชอคโกแลตก่อน

“ป่าวคร้าบ”

เฮ้อ ค่อยยังชั่ว นั่งดูดโค้กรอไปดีกว่า ไอ้พี่บูมกินช้า

“ต่อ สบายใจขึ้นยัง”

พี่บูมถามทั้งๆที่นั่งท้าวคาง

“ไม่กินแล้วเหรอพี่”

“สบายใจยัง”

ต่อเอาช้อนจิ้มๆก้นถ้วยพลาสสิคอยู่อย่างนั้น ไอติมในถ้วยที่เหลืออยู่น้อยนิดเริ่มละลายผสมกับชอคโกแลตกลายเป็นสีโกโก้อ่อนๆ

“อือ ดีแล้ว”

“เดี๋ยวต้องก็กลับมา มันไม่ไปไหนไกลหรอก ส่งข้อความไปหามันให้รู้ว่าไม่มีใครอยู่เดี๋ยวมันก็มา”

จริงของพี่บูม

นานๆจะเห็นเสียงรถแล่นผ่าน ถนนสายนี้ไม่ใช่เส้นหลักออกต่างจังหวัด คนในร้านบางตา ความเงียบจองที่นั่งในร้านไปมากกว่าครึ่ง

“กลับกันเถอะ ง่วงแล้ว”

“โอเคครับผม”

“ใส่เสื้อมั้ย”

“ไม่เอาอะ” ต่อสั่นหัว

“ดื้อนะ”

“กอดพี่อุ่นกว่า”

“ฮ่าๆๆๆๆ อย่ามาอ่อย”

พี่บูมโดดขึ้นรถ ยกขาตั้งขึ้น บิดเครื่อง

เสียงเครื่องดูจะบาดหูน้อยลงแล้ว

“ต่อเกาะเอวไว้ เดี๋ยวร่วงนะ”

ทำไม กลัวว่ากินอิ่มๆแล้ว จะพลอยหลับแบบเด็กๆรึยังไง

นั่นสิ ตอนนั่งซ้อนท้าย เกาะแน่นขึ้นอีกหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นะ
   
“เฮ้ยๆๆ บอกให้เกาะแน่นๆ นี่เอาตัวมาแนบเลยเหรอ อะไรทิ้มตูดกูน่ะ”

เหอะ ไอ้พี่บ้า

เอามือตบหมวกแม่งเลย

“โอ้ย ล้อเล่นน่า”

“ไม่มีสิทธิ์พี่”

จนป่านนี้พี่ต้องก็ไม่โทรมาจริงๆเหรอเนี่ย

“เฮ้ย อย่าเล่นโทร เดี๋ยวร่วง อะไรวะ เล่นไม่รู้เวลาเลย”

“ได้”

งั้นเล่นไข่มึงแทนละกัน

“ไอ้นี่!!!!”

พี่บูมขับสองมือ เอามือมาปัดออกไม่ได้สินะ

“พี่ส่งบ้านต่อด้วยนะ”

ลมเย็นๆ พอตีเข้าหน้า มันโล่งหัวจริงๆ เอาวะ ไว้ค่อยหาทางแก้ตัวอีกตอนเปิดเทอม

นั่นไงเล่นไปเล่นมา ของไอ้พี่บูมแม่งแข็งสู้มือเลย ไหนบอกชอบผู้หญิงไงแล้วไอ้ที่ชี้โด่เด่มานี่อะไรวะ

รถวิ่งช้าเมื่อถึงโค้งเลยเข้าไปหน่อย หักขวาเข้าซอยที่อยู่ด้านหลังของถนนก็ถึง

บ้านมืดสนิท

“ลงได้แล้ว จะเล่นจนกูแตกคามือเลยใช่มั้ย”

“ขอบคุณนะพี่”

พี่บูมเปิดหมวกขึ้นมาแล้ว ยิ้มกวนตีนให้ทีหนึ่ง

“งั้นพี่ไปนะ”

เออ ไปได้แล้ว โบกมือหยอยๆไล่ไปดีกว่า
หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่พิเศษ [pg7] 28/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 29-12-2015 22:02:03
งั้นที่เคยสงสัยไว้..ก็จริงอ่ะดิ
ถึงว่า..น้องชายหวงพี่ชาย..ดูแปลกๆ

อย่างนี้ไม่ใช่หวง
แต่ต่อหึงต้องตะหาก

พี่ชายก็คงจะรู้ตัว
เพราะที่ต่อคิดว่าตอนนั้นยังไม่โกรธขนาดนี้
ตอนนั้น...พี่ชายโดนน้องชายลักหลับ ใช่หรือเปล่า

ยังงั้นก็ไม่ไหวนะ
พี่น้องกัน..ทำไปได้ไง
หุหุ

ป้อล่อ..อยากจะบวกให้อีกนะ(เดี๋ยวจะลองกดดู)
ขอบคุณที่มาเล่าให้อ่านตอนใกล้สิ้นปี
เพราะช่วงนี้ส่วนใหญ่คนเล่าจะหายตัวไปเที่ยวกันเกือบหมด

..คนอ่านที่ไม่ได้ไปเที่ยวไหน เลยอดอ่าน..
กาซิก

หัวข้อ: Re: (10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่พิเศษ [pg7] 28/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 30-12-2015 13:46:06
จริงๆแล้ว ต้องเป็นพระเอกที่ไม่มีแววเลย

ตอนเก้าระเบิดนี่มันสุดๆจริงๆ อินมาก
คือ งี่เง่ามันทุกคนเลยอะ

เห้อ...เหนื่อยแทน ดีนะที่ให้เก้าจบแบบสวยๆ ไม่งั้นเคืองคนแต่งแน่

ขอบคุณนะครับสำหรับเรื่องสนุกๆ
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : คืนสิ้นปี [pg7] 28/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 31-12-2015 23:26:50
ขอแค่ 5 นาที : คือสิ้นปี

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก

   ไอ้ที่สั่นๆบนขา คือไอ้นี่เอง

   “ว่าไง ไอ้ปิ”

            ต่อเอาโทรศัพท์แนบหน้าไว้ มือล้วงหากุญแจบ้าน

   “ไหนวะมึง”

   เสียงใสเชียวนะ ดึกป่านนี้แล้ว

   “หน้าบ้าน”

   “เที่ยวมาเหรอ ไม่ชวนกูเลยยยยยยยย” เสียงดังทะลุลำโพงโทรศัพท์

   อย่าโวยวายสิวะ แม่ง

   “ไอ้ปื๊!!! ยุ่ง”

   “K”

   “กูจะวางแล้วนะ”

    นี่มันโทรมาเล่นคำด่าเหรอ

   “เง้อออ กูขอโทษษษษ”

   หน้าขาวๆตี๋ๆแก้มแดง ใส่แว่นกรอบดำหนาๆ ผมดำตรงเกือบทิ่มลูกตามันสะดุดใจต่อเสมอ หน้ากะปิมันนี่ลอยเด่นทะลุโทรศัพท์ออกมาเลย แม่งเนิร์ดจริงด้วย ไอ้กะปิ สมน้ำหน้า คิดแล้วขำ

   “มีไรมึง”

   แม่ง บ้านมืดชิบหาย

   “กูจะมานอนด้วยอะ พ่อแม่กูไปต่างประเทศเหลือกูเฝ้าบ้าน กูไม่กล้านอนคนเดียว”

   “ไม่!!!!!”

   “นะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

   โอ้ย มึงจะ นะ ไปอีกนานมั้ย

   ผมกดวาง ไม่สนใจมัน

   ตื้ดดดดดด เพลงมือถือเล่นเสียงดังลั่นห้องกินข้าว

   ขยันโทรจริงวุ้ย ปล่อยมันโทรไปอย่างนั้นแหละ ดูดิมันจะตายมั้ย

   ในตู้เย็นแม่งเหลือแต่น้ำเปล่า ไม่มีอย่างอื่นให้กินเลย

   จะออกไปซื้ออะไรกินก็ขี้เกียจเป็นบ้า พี่ต้องก็ไม่อยู่ น้าก็ไปบ้านญาติ กลับมาคอยดูนะจะฟ้องน้า ทิ้งน้องน่ารักๆอย่างเราเฝ้าบ้านคนเดียว

            แต่ฟ้องไปแล้วมีปรโยชน์อะไร

   ‘เงิน พี่วางไว้ในตู้พระนะ’
   
   นั่นเป็นข้อความสุดท้ายของพี่ต้องก่อนจะหาบวับไป

   โทรศัพท์ยังไม่หยุดสั่น นี่มันจะโทรมาอีกกี่รอบวะเนี่ย ฟังเพลงมือถือจนเบื่อแล้วนะ

   ตัวเลขบนโทรศัพท์โชว์ 30 สายไม่ได้รับ นี่มันกะเอากูตายเลยใช้มั้ย

            ถ้านับเป็นจำนวนกระสุน ร่างกูพรุนแล้ว

   ‘เออออออ มาก็ได้’

   ส่งข้อความไปบอกมัน ถ้ามันจำทางได้มันก็มาถูกแหละวะ

            อะ ส่งแผนที่ให้นิดนึง ถ้าโง่นักก็ไม่ต้องมา

   ไปอาบน้ำรอแม่งดีกว่า

   เอะ เดี๋ยว อีกอย่าง

   ‘เอาขนมปังกับนมมาฝากด้วย ป.ล. ประตูบ้านไม่ได้ล็อคเข้ามาแล้วล็อคบ้านให้ด้วย’

   ต่อพิมพ์เสร็จแล้วกดส่ง

   ติ๊ง ข้อความส่งกลับ

   ‘ขอบใจนะ เดี๋ยวเจอกัน’

   ทำไมนะ พอเห็นหน้ามันดีใจแล้วก็อดรู้สึกดีไปด้วยไม่ได้

            เด็กขี้แย ที่ดูแลตัวเองยังไม่ได้

   ไอ้บ้ากะปิ มันเคยมาที่บ้านผมกับพวกเพื่อนๆแค่หนเดียว ถ้ามันยังจำทางมาได้ก็ให้มันมาเหอะ  ยังไงก็ไม่มีใครอยู่บ้านอยุ่แล้ว แต่ถ้ามันจำไม่ได้ก็เรื่องของมันละนะ

   ตอนนั้นพวกมันก็มาแค่แป๊บเดียว น้ากับพี่ต้องไล่ให้กลับไปเร็วๆ เพราะว่ามันเปลืองค่าไฟน่ะ เล่นมากันหลายคนแล้วก็เปิดแอร์ด้วย

   ว่าไปแล้ว ใครไปตั้งฉายามันว่า กะปิ วะ อ้อ จำได้แล้ว ชื่อจริงมันชื่อ ปิพนธ์ แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ สะกดยังไม่รู้เลยว่าถูกมั้ย เพราะชื่อมันแค่ 2 พยางค์ มันเลยไม่มีชื่อเล่น ใครๆพากันเรียกมันว่า ปิ แต่พอเร็วๆกลายเป็น ปี๊ มันดูไม่ดี เลยกลายมาเป็น กะปิ

   น่าสมเพชแทนจริงๆ

   หือ เสียงอะไรจากห้องกูวะ ถ้าเป็นขโมยจะฟาดให้หัวแตกเลย

   กึกกักๆ เสียงยิ่งดังขึ้นเมื่อเข้าไปใกล้

   “งายยยย ต่อ ของกินอยู่นั่นน่ะ ขอบใจนะที่ให้มา”

   มันมานั่งทำหน้าดีใจอะไรตรงนี้เนี่ย
   
   “เออ อาบน้ำก่อนมั้ยมึง”

   “อาบมาแล้วอะ มึงน่ะแหละ เช็ดหัวให้แห้งก่อน เดี๋ยวหวัดแดกหรอก”

            เสียงสูงแบบเด็ก พูดอย่างนี้ยิ่งสูงสูงเข้าไปอีก นี่ขนาดเสียงมันแตกแล้วนะ

   "ไว้ก่อน"

           หิววะ ไหนดูดิมันเอาขนมไรมา

   ใช้ได้นี่

   “งั้นนั่งนิ่งๆนะ”

   หือ

   กะปิมันนั่งอยู่ข้างหลังเอื้อมมือมาเช็ดหัวให้

   “เบาๆมึง ผมกูร่วงหมด”

   “ดีนะ วันนี้พี่กับน้าไม่อยู่ ไม่งั้นมึงได้นอนอยู่บ้านให้ผีหลอกแน่”

   “เฮ้ย อย่าพูดดิ กูกลัวววว”

   เอออ ไม่พูดก็ได้ แม่ง

   “อย่าโดดเกาะคอกูดิวะ”

   ถึบแม่งกระเด็นเลย

   “ฮ่าๆ กูไปเปลี่ยนชุดนอนนะ”

   ไปเลย โบกมือให้มันทีหนึ่ง

   ปิ มันเดินตัวเบาไปทางนั้น หยิบเสื้อยิดกับกางเกงบอลออกมาจากกระเป๋าเป้ใบเล็ก

   “แล้วพ่อแม่มึงไปไหนวะ”

            "ฮันนีมูน รอบที่15"

   กะปิมันเปลี่ยนชุดแล้วเดินไปทางเตียง

   “กะปิ ง่วงยัง”   
   
   ที่นอนกว้างๆวันนี้ แทนที่จะได้นอนสบายๆกลายเป็นโดนแย่งไปเลย ด้านขวามือเป็นที่นอนประจำของพี่ต้อง ตอนนี้มีมันนั่งเล่นอยู่

   ห้องเล็กๆสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีแค่ เตียงนอนติดหน้าต่าง แล้วก็โต๊ะอ่านหนังสือ

   เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่ก่อนพ่อจากไป

   ต่อล้มตัวลงนอนด้านซ้ายของเตียง ด้านประจำ

   แอ๊ก อะไรหนักๆวะ

   “กะปิ มึงจะกลิ้งมาทับกูทำไม”
   
   “มึง ทับเฉยๆ อย่าโยกตูดสิวะ อ้ากกกกกกกกกกกก”

   “ลงไปปปปปปปป กูไม่ได้ชอบผู้ชาย”

   ยังไม่หยุดขย่มอีก

   “ต่อ มึงโอเคป่าววะที่กูมาน่ะ”

   “เออ ห่า กูกลัวมึงจะเหงามากกว่านะกะปิ”

   “ใครมึงหรือกู”

   ต่อพลิกตัวออก ไล่ให้กะปิร่วงหล่นลงไปข้างๆ

   “พี่บูมบอกว่า มึงดูมีปัญหาน่ะ กูเลยออกมาหามึง”

   “Kเหอะ”

   ไอ้พี่บูมเดี๋ยวมึงจะโดนจัด โทรไปบอกไอ้บ้านี่ทำไม

   “กูนอนละ”

   ต่อ พลิกตัวตะแคงหันหลังให้มัน

   “ต่อ มึงทำเกินไปป่าว”

            อะไรบางอย่างบอกต่อว่า มึงมาช้าเกินไปรึเปล่าต่างหาก

   “ไม่รู้ กูไม่สน”

   “มึงมีไรก็บอกกูได้นะ”

   “หึ ไม่มีอะ นอนแล้วนะ

            ทำเป็นเก่ง ในห้องเรียนออกจะกระจอกขี้แยแท้ๆ

   เสียงรถข้างหน้าต่างวิ่งกันดังเป็นบ้า นี่ขนาดเพิ่งจะปีใหม่เลยนะ เสียงดอกไม้ไฟก็ดังมาเป็นระยะๆแล้ว
   
   อากาศกลางคืนเย็นแฮะ ปีนี้หนาวเป็นพิเศษด้วย

   “ฝันดีนะ ต่อ”

   เสียงหวีดหวิวของลม ที่พัดพาเอาเสียงของประทัด ปนมากับเสียงเอะอะโวยวายเป็นช่วงๆ ในห้องเล็กๆที่เงียบงัน พัดลมอันใหญ่หมุนด้วยความแรงแค่เบอร์ 1 เพื่อให้ห้องมีอากาศไหลเวียน

           แสงไฟสว่างวายเป็นจังหวะ เสียงเกมดังเบาๆต่อเนื่อง

   ต่อที่ยังนอนนิ่งหันไปทางด้านซ้าย พยายามไม่หันมาอีกด้าน แม้ว่าจะเมื่อยแค่ไหนก็ตาม

   ไม่อยากหันไปเจอปิมัน

   เสียงรถยังดังมาช่วยเสริม อีกสักพักกว่าจะพระอาทิตย์ขึ้น ฟ้าหน้าหนาวที่ยังคงมืดมิด สีนำ้เงินเข้มๆที่ยังไม่ถูกทำให้จางลงไปด้วยแสงอาทิตย์

   ติ๊ก

   ตีสาม

   ‘ตีสามแล้วเหรอ ทำไมยังนอนไม่หลับอีกนะ เพราะไอ้บ้านี่แน่ๆ ทำให้นอนหันไปมาได้ไม่ถนัด’

   “เฮ้ย ปิ หลับยัง” เสียงต่อพูดขึ้นทำลายความเงียบ เพียงแค่เสียงนั้นแผ่วและเบา

   “ยัง นอนไม่หลับเหรอ” ไม่ถึงอึดใจ เสียงปิตอบกลับมา

            เสียงเกมเงียบไปนาน คิดว่ามันจะกดปิดปุ่มตัวเองตามไปซะอีก

   “…ป่าว”

   “แล้วเป็นไรวะ กูนอนพื้นก็ได้นะ” ปิ ผลิกตัวมานอนหงาย

   “ไม่เป็นไร”

   เสียงหึ่งของพัดลม เข้ามาแทรก กลางบทสนทนา

   “ถ้านอนไม่หลับเล่นเกมส์กันมั้ย”

   เกม??  มึงจะเปิดเครื่องเกมเล่นอีกเรอะ

   “เราจะถามนะ แล้วตอบ ผลัดกันคนละคำถาม”

            ????

   “กูถามก่อน” ไม่ยอมให้มันชิงถามบ้าๆหรอก

   “มึงใช้สูตรโกงเกมใช่มั้ย”

   ไอ้กะปิมันเป็นคนที่เล่นเกมคอมพิวเตอร์เก่งมาก รวมถึง psp ps3 ห่าเหวไรด้วย สงสัยหลายครั้งแล้วว่าที่มันชนะคนอื่นได้เนี่ย มันโกงแน่ๆ

   “ป่าว”

   “… มึงพูดเองนะว่าจะตอบ”

   “เอออ ก็ได้ กูแค่โกงเงินน่ะ มันเลยสร้างได้เร็วกว่าคนอื่น” กะปิตอบเสียงอ่อย

   “นี่แน่ะ โกงพวกู”

   แปะ

   “พวกมึงชอบเล่นรุมกูนี่นา”

   กะปิเอามือลูบหัวสองสามที สงสัยเมื่อกี้จะตีแรงไป

   “ต่อ ทำไมมึงช่วยกูตลอดเลยวะ”

   “สมเพชไง” ไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย เร็วกว่า 1+1 ซะอีก

   “ขอบใจนะ”

   “ทำไมมึงชอบโดนแกล้งวะ” ตาต่อแล้ว

   “ไม่รู้ จะไปรู้ได้ไง”
 
            เออ แม่งก็ถูกของมัน

   “กูบอกให้ ก็มึงอ่อนแอไง ตากูนะ เมื่อกี้กูถือว่าเป็นคำถาม” ต่อโกงก่อน

   “อ้อ มึงไม่รุ้เนี่ยนะ น่าจะรู้นะโดนประจำ ถ้าไม่ได้กูจะทำยังไง”

   “ไม่ทำไง กูถือว่าเมื่อกี้เป็นคำถามนะ” ปิสวน

   “สัส โกงกู” ไอ้กะปิ มึงจะโกงทุกเกมเลยใช่มั้ย

   แต่เอะ กูเริ่มก่อนนี่

   “ทำไมมึงไม่ใส่คอนแทคเลนส์วะ”

   “ถุยยยยย ไม่รู้จะถามไรสินะ กูใส่ไม่เป็นอะ” 

   “ปีหน้ามึงจะเข้าสายไหนวะ” ไม่มีไรให้ถามเหมือนกันละสิ ไอ้กะปิ

   “สายเดียวกับพี่ต้องนี่แหละ”

   “เมื่อไหร่มึงจะเลิกยุ่งกับกูวะ กูไม่ใช่เกย์นะ” ลองเสี่ยงถามมันดู

   “ไม่มีวัน” ทีงี้ละตอบเร็วนักนะ

   “เกิดกูชอบมึงขึ้นมาจริงๆ มึงจะทำยังไง” ต่อหัวเราะ

   “…. เอ่อ มึงเอาจริงมั้ยละ”

            ปิหันมามองหน้า

   เสียงมอเตอร์พัดลมดังขึ้น ลมโชยข้ามมาตามจังหวะหัน กับเสียงมอเตอร์ไซค์เข้ามาแทรกอีกแล้ว เมื่อไหร่จะกลับบ้านกันซะทีนะ แม่งเอ้ยยยยยย   

   “..............” ต่อไม่ตอบ

            ตาใครถามแล้ววะ
   
   “ปิ มึงเป็นเกย์จริงเหรอ แล้วมึงชอบกูจริงเหรอ”

   “…..” ปิไม่ตอบ

            นิ่งเงียบอยู่นาน ให้ต่อได้ทบทวนคำถามกับคำตอบเมื่อกี้

   ต่อผลิกตัวหันไปทางปิ ปิที่พลิกตัวมาทางต่อตั้งแต่เมื่อกี้ นอนหลับตานิ่งสนิท ปากเผยอนิดๆ    

            มันแกล้งหลับป่าววะ
   
   หึ คนบ้าไรวะนอนอ้าปากด้วย

   ตาหน้ามันเวลาหลับนี่ดูดีเหมือนกันนะ มันใส่คอนแทคเลนส์คงจะทำให้หน้ามันดูดีกว่านี้ เวลาปราศจากเลนส์แว่นตาหนาแล้วก็กรอบดำๆบนหน้ามัน

   ‘ปิ มึงว่าถ้าใครรู้เรื่องนี้ คนมันจะเกลียดกูมั้ยวะ’

   พี่ต้อง พี่บูม ไอ้เก้า พวกนั้นจะคิดยังไงนะ ถ้ามาเห็นต่อในตอนนี้ ต่อที่เคยรังเกียจเกย์ ไม่สิตอนนี้ก็ยังรังเกียจอยู่ เพราะไอ้บ้ากะปินี่แหละ

   อา... ทำไมนะ หน้ากะปิ มันถึงได้ชวนให้มองเข้าไปใกล้ๆขนาดนี้

   ใกล้มากจน

   “อือ...”

   ปากของทั้งสองคน ชนกัน แนบสนิทเสมอ ก่อนจะค่อยๆถอนออกแล้ว กดแตะกลับเข้าไปให้แน่นยิ่งขึ้น

   เสียงรถแล่นผ่านไปอีกแต่คราวนี้ในห้องไม่ได้มีแค่เสียงพัดลม เสียงดูดปากที่ดังขึ้นเป็นช่วง พอๆกับมุมที่สองคนกระทำต่อกัน ต่อเริ่มผลิกหน้าหันไปด้านข้าง เอาจมูกโด่งเล็กๆ ชนกับอีกฝ่ายไปด้วย พอถอยห่างออกมาสักหน่อย

   ปิก็ขยับเข้าตาม ราวกับไม่อยากให้ต่อห่างจากหน้าไปไหน ลิ้นเล็กๆ นำร่องก่อนดุนลิ้นอีกฝ่าย ปากต่อที่เผยออ้ากว้าง รอลิ้นจากปิ เมื่อปิหดลิ้นกลับ กลายเป็นต่อที่ยื่นเข้าไปแทนที่

   ยังไม่อยากให้หายไปไหนเช่นกัน

   คราวนี้น้ำหนักที่กดหนักขึ้นกว่าเดิม

   ต่อผลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน นั่งคร่อมพอดีส่วนล่างที่ตึงขึ้นทะลุกางเกงบอลของปิ กางเกงบอกเซอร์สั้นๆของต่อแทบไม่มีความหมายใดๆแล้ว

   สองคนใช้ลมหายใจร่วมกัน ลมหายใจเข้าที่มาจากอากาศแห้งๆหนาวๆ ของปีใหม่ หน้าหนาวปีสุดท้ายของชีวิต ม.ต้น

   “เดี๋ยวนี้เก่งนักนะ”

   “อารายย คนเราก็ต้องพัฒนาสิวะ”

   ทีงี้เถียงกูได้นะไอ้กะปิ

   “เราชอบต่อจริงๆนะ”

   “อือ รู้แล้ว”

   ต่อประกบปากไม่ให้พูดต่อ

   สองมือของปิค่อยๆ เลื่อนไปรูดกางเกงบอกเซอร์ลง ต่อเองก็ลุกให้อย่างว่าง่าย เสียแต่ว่าส่วนนั้นมันชี้โด่ใส่หน้าปิ ทำให้ต้องกระตุกแรงกว่าจะหลุดออก

   เสื้อของเราต่างคนต่างพร้อมใจกันถอดออก ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเข้ามาจัดการ ในเมื่อตอนนี้พร้อมกันทั้งคู่แล้วนี่ สายลมหนาวพัดวูบเข้ามาทางหน้าต่างอีกครั้ง

    “หนาวมั้ย ต่อ”

   มือปิลูบสัมผัสกับหน้าอกเล็กๆที่แข็งและสั่นน้อยๆ

   ต่อก้มลงไปลูบไล้ที่ซอกคอด้วยปาก แล้วเลียลามลงไปจนถึงท้องน้อย ผิวขาวๆเนียนๆของปิ ใต้แสงจันทร์ของคืนก่อนสิ้นปี

   มือดึงขอบกางเกงบอลขึ้นให้พ้นส่วนนั้นที่ชี้ใส่หน้าต่อเช่นกัน พองัดลง ส่วนนั้นของปิก็ผงาดออกมาฟาดใส่ต่ออย่างจัง สีแดงสดราวกับสตรอเบอรี่ ผิวขาวเนียน เนียนไปทุกส่วน ไม่น่าเชื่อว่า ม.3 แล้วขนตรงส่วนนั้นยังเพิ่งขึ้นเพียงเล็กน้อย

   ต่อค่อยๆครอบปากลงไปช้าๆ รู้ดีกว่าทำอย่างไรปิถึงจะพึงพอใจ แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกของต่อ แต่หลังจากถูกกระทำมาโดยปิแล้ว แค่เลียนแบบครั้งนี้จะไปยากอะไร

   สองมือที่เคยรูดกางเกงลง คราวนี้เริ่มบีบที่ไหล่ของต่อเบาๆ ตามจังหวะการขึ้นลง

   เรี่ยวแรงไม่รู้มาจากไหน ปิ พลิกตัวต่อลงกับเตียงแล้วเป็นฝ่ายกระทำบ้าง

   แบบเดียวกับที่ต่อทำให้

   “อา....”

   แบบเดียวกับที่ต่อทำให้ แต่รุนแรง และรวดเร็วกว่า

   นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วนะ ของต่อไม่ได้ทำให้ปิแปลกใจอีกต่อไป

   “งั้นขอนะ”

   “ใครจะทำละมึง”

   “หึหึ ใครเสียวกว่าก็โดนไง”

   ไอ้ห่านี่ ทีเรื่องอย่างนี้ละเก่งไม่แพ้ใครนะ เรื่องอื่นละแหยตลอด

   “ก็ได้”

   ปิจับต่ออ้าขาออก อ้ากว้างพาดขึ้นบนเข่าของต่อ ให้มีพื้นที่กว้างพอจะแหย่นิ้วเข้าไปได้

            "เอาจริงเหรอ" ต่อเส้ยงสั่น

            "สัญญาแล้วนี่ว่าถาเลิกแหยจะให้น่ะ"

            นั่นสิ ทำไมเรื่องนี้ต่อจำได้ชัดเจน เรื่องอื่นจะดูเหมือนเบลอไปหมด ตั้งแต่ลงจากรถพี่บูมแล้ว ดูราวกับเดินเข้าไปกลางเมฆหมอก ลอยไปตามเรื่องราว

            ยกเว้นอย่างเดียว สัญญาที่ต่อเคยให้ไว้

   “พร้อมมั้ย”

   “พูดมากไม่ต้องทำ” ต่อเอามือจิกที่นอนไว้

   ‘แม่งได้เปลี่ยนที่นอนก่อนพี่ต้องกลับแน่’

   ไม่นานอะไรบางอย่างที่ใหญ่กว่านิ้ว ก็ค่อยๆเคลื่อนเข้าไปช้าๆ

   “ให้หยุดมั้ย”

   ต่อสั่นหัว

   ‘คราวหน้ากูจะเอาให้ตายคาKกูเลยไอ้กะปิ’

   พอเข้าไปหมด ทำให้ต่อต้องกำที่นอนไว้แน่น ผลออกมาต่อต้องเป็นฝ่ายขยับเข้าออกช้าๆก่อนเอง เพื่อไม่ให้ปิเป็นฝ่ายกระทำ ร่างกายของต่อยังไม่พร้อม

            เสียงซู๊ดปากจากความเจ็บ

   ปิ รู้ดี แค่คุกเข่าทับเฉยๆไม่เคลื่อนไหวใดๆ ใช้สองมือช่วยต่อ ช้าๆ

   “อะ..”

   ท่าทางต่อจะได้ที่แล้ว ปิจึงขยับเข้าออกไปพร้อมกัน อากาศหนาวในห้องตอนนี้กลายเป็นร้อนรุ่ม ยังดีที่หนาวไม่งั้นเหงื่อคงได้ออกเต็ม

   “ต่อ ปิอยากอยู่กับต่อตลอดไปนะ”

   ปิยังขยับเข้าออกในท่าเดิม ไม่มีการเปลี่ยนท่า เด็กม.ต้นจะเชียวขาญอะไรหนักหนา

   แต่ความรู้สึกดีที่ส่งผ่านให้กันนี้ไม่เกี่ยวกับประสบการณ์

   เสียงครางเบาๆแข่งกับเสียงบิดรถข้างนอก เสียงประทัดที่ตอนนี้ดูจะเลิกแล้ว

   เสียงไม้ลั่นเพราะร่างกายขยับรัวเร็วบนเตียงไม่นานก็หยุดลง ทุกอย่างดูรวดเร็วเหมือนชีวิตวัยรุ่น ที่แค่หลับตาก็หมดไปอีก 1 ปี คล้ายพลุที่ถูกจุดขึ้น สว่างวาบที่สุด แล้วก็ดับไป ก่อนพลุลูกที่สองของชีวิตม.ปลายจะถูกจุดขึ้น แตกออกแล้วก็ร่วงดับไป

   นี่คงเป็นช่วงร่วงหล่นของม.ต้น ครั้งสุดท้ายก่อนดับไป

   พระอาทิตย์ของเช้าสุดท้ายของปีหายไปนานแล้ว พระอาทิตย์เดิมของเช้าปีใหม่กำลังขึ้น ส่งแสงส่องเข้าไปยังร่างของเด็กน้อยสองคนที่นอนกอดกระหวัดกันเพราะความหนาว เนื่องจากปราศจากเสื้อผ้าใดๆ และ เมื่อคืน ก็เป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนบทบาทกัน พลังงานที่ปลอดปล่อยจึงท่วมท้นเหนือกำลังกายเล็กๆที่เด็กม.ต้นจะมี

   
   ………..คืนสุดท้ายสิ้นปีก็ผ่านไป.................

   
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : จุดเริ่มต้น [pg8] 7/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 03-01-2016 22:04:41
ขอแค่ 5 นาที : จุดเริ่มต้น

ม.3/5 เป็นห้องเรียนที่ไม่ได้อยู่ติดกลุ่มท๊อป ไม่ใกล้เคียงเลย แม้ว่าเลขห้องจะเป็นเลข 5 จาก 8 ห้องก็เถอะ โดยตัวเลขเองจะกลางๆก็ไม่ ห้องที่เรียนเก่งที่สุดจะเป็นห้องหมายเลข 1 นอกจากนั้นเด็กจะถูกจับคละๆกันแล้วแยกไปตามห้องต่างๆ แต่ละปีจะได้ห้องไม่ซ้ำกัน

ยกเว้นแค่ห้อง 1 ที่เป็นห้องเรียนดี เด็กในห้องจะไม่ได้สลับหรือย้ายไปไหนยกเว้นสอบได้ผลแย่กว่าคนที่จะมาแทน พูดง่ายๆคือโดนเขี่ยออกนั่นเอง

พี่ต้องอยู่ห้อง 1 มาตลอด

วันนี้แต่เช้าแม่งก็น่าเบื่อเหมือนเคย ที่นั่งหลังห้องโดนจับจองไปแล้ว จะเว้นว่างไว้ทำไมนี่นะ

ต่อนั่งอยู่หลังห้องมุมริมหน้าต่าง ในแถวนั้นที่ว่าง 2 ที่ริมหน้าต่างโดนต่อนั่งไป 1 เหลืออีก 1

“เฮ้ย ต่อ” เสียงตะโกนโหวกเหวกมาจากหน้าห้อง

“มึงก็ได้ห้องนี้เรอะ”

อาท เพื่อนเก่าตั้งแต่สมัย ม.2

“ไงวะ อาท มึงได้เจอกูอีกจนได้ น่าเบื่อ”

อาทเป็นคนรูปร่างท้วมนิดๆ ไม่สิตอนนี้คงใช้คำนี้ไม่ได้ มันผอมลงแล้ว ตัวใหญ่ ผิวคล้ำ มีกล้าม ผิดกับเด็กม.3 ทั่วไป ถ้าจะต้องมีเรื่องละก็ คนนี้เป็นคนที่ต่อหนักใจที่สุด

มันเป็นนักกีฬาว่ายน้ำด้วย ทุกครั้งที่มีกิจกรรมในน้ำ ต่อจะพยายามอยู่ให้ห่างเอาไว้ เพราะรู้ว่าไม่มีทางสู้ได้แน่ๆ

อาทเป็นนักกีฬาโรงเรียนเลยนะ

ไอ้ที่อ้วนนั่นมันคือความผิดช่วงหนึ่งในชีวิตของมัน และมันไม่อยากให้ใครพูดถึง

เสื้อผ้าที่อาทใส่คับติ้ว มันไม่คิดจะซื้อใหม่รึไง

“คนอื่นละ”

“ไม่เห็นนะ คิดว่าน่าจะยังวุ่นอยู่ที่กระดานบอกห้องข้างล่าง”

มันหยิบเก้าอี้ นั่งถัดจากผมไปหนึ่งตัว

เป็นแถวกลางที่อยู่ข้างที่ว่างข้างต่ออีกที

“เฮ้ย มึงได้โทรศัพท์ใหม่เหรอ”

มันชอบเหรอวะ ไอ้พวกแอนดรอยเนี่ย

“พ่อให้มา” มันอวด

“โอ้ กะปิมาแล้ว ปีซวยของมันอีกปีสินะ”

ต่อไม่ชอบคำพูดอาทเลย

“ไอ้ขี้แหง่นี่ได้ห้องนี้เหรอ” อาททำหน้ายิ้มกริ่ม

กะปิยังเดินวนหาที่นั่ง ท่าทางมันไม่รู้จักคนในห้องนี้เลย

ปีซวยของมันจริงๆด้วย

“เออดิ แม่งน่าจับมันเตะออกไปจริงๆ ไอ้จั๊มอะไม่ได้คนนึงละ ไปอยู่ห้อง 6 เรียบร้อย”

ในกลุ่ม 7 คนรวมกะปิด้วย ตอนนี้จะเหลือแค่กี่คนนะ

“อา .. สวัสดี ต่อ อาท”

ปิทำท่าจะลงไปนั่งข้างอาท

“ค วยเหรอ ไอ้กะปิ ไปนั่งข้างต่อเลยไป อย่ามาเกะกะกู”

ต่อลุกให้ขยับไปนั่งข้างๆ

“กะปิ มึงไปนั่งข้างในไป”

“อือ ฝากตัวด้วยนะ” กะปิตอบ

พลัก

สายตาทั้งห้องหันมามอง

ต่อดึงเก้าอี้กะปิดออกก่อนที่มันจะนั่ง ทำให้มันทิ้งตัวลงใส่อากาศ มันจึงล้มลงกับพื้น

“สมน้ำหน้า”

“แหะๆ”​ กะปิหัวเราะหน้าแดง

โดนเข้าไปยังหัวเราะได้อีก

มุมในสุดหลังห้อง มีกะปิกับต่อนั่งอยู่

ช่วยไม่ได้ ถ้ามันนั่งข้างไอ้อาทมีหวังโดนซ้อมตายก่อนเรียนจบแน่

ให้มันนั่งข้างในน่ะดีแล้ว

“ใครรับไอ้กระจอกนี้มาเข้ากลุ่มวะ”

“กูเองแหละ มีไรมั้ย” ผมหันไปมองหน้าอาทตรงๆ

อาทหลบหน้า

อย่างน้อยตอนนี้พวกมันก็ยังกลัวต่ออยู่บ้าง

“คนที่จะแกล้งกะปิได้ มีกูคนเดียวเว้ย”

"ค วยเหอะ ทำอย่างกับพวกกูไม่เคยแกล้ง”

ใช่ พวกมันเคย แล้วก็แกล้งหนักมากด้วย หนักเกินไปจนต้องเข้าไปห้าม หลังจากนั้นมา จะคอยแกล้งมันเป็นระยะๆ ให้พวกนั้นสะใจ แต่ก็ดีกว่าไปโดนพวกนั้นทำเอง

 ขืนปล่อยไว้มีหวังเฉาตายคามือ

ที่ข้างๆ

ปิค่อยๆดันตัวเองขึ้นมานั่งบนเก้าอี้

เฮ้อ

ต่อจับแขนกะปิดึงขึ้นมา แล้วก็ปัดๆกางเกงให้
   
ตัวผอมแห้ง ไม่ได้กินข้าวหรือยังไงนะ มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากปีที่แล้วเลย ไม่สิ มีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไป แต่ต่อยังนึกไม่ออกว่าอะไร ที่ทำให้ต่อรู้สึกแปลกๆต่อกะปิ อะไรสักอย่าง

วันนี้เมื่อปีที่แล้ว วันที่ต่อเจอกับกะปิครั้งแรก

เด็กรูปร่างผอมสูง ตัวสูงเท่าต่อ เวลาเดินกอดคอกันจะได้สัดส่วนที่พอ แค่ต่ออ้วนแล้วดูมีกล้ามเนื้อกว่า ปิไม่ชอบเล่นกีฬา

ร่างผอมนั้นผิวขาวอมชมพู ท่าทางเหมือนไม่เคยโดนแดด แขนขาผอมยาว เดินมาทางที่ต่อนั่งอยู่

ปิเดินเข้าห้องเรียนชั้น ม.2 มาด้วยอาการเก้กัง มองซ้ายขวาอยู่นานราวกับหาอะไรบางอย่างอยู่ บางอย่างที่ไม่อยู่ตรงนั้น แล้วกะปิก็หาไม่เจอ

ที่หน้าห้องมีกลุ่มเด็ก 2-3 คน จับกลุ่มกันอยู่ ยืนยิ้มโบกมือให้ ราวกับว่าจะมาส่งกะปิ

ท่าทางจะโดนย้ายห้องเรียนมาห้องนี้คนเดียว คงแยกกับเพื่อนมาสินะ

เมื่อปิเดินเข้ามาใกล้ๆ

“ตรงนี้มีคนนั่งมั้ยครับ”

ผมสั่นหัว

ปิทำท่าจะนั่งลง

“ใครให้มึงนั่งวะ”

ปิทำหน้างงๆ หันหน้ามามอง

หน้าปิขาวๆ แก้มแดง เส้นผมสีดำเข้มตรง ตรงจนราวกับมีใครมาดึงให้ตกลงมาตลอดเวลา เพราะผมเส้นเล็กจึงบางติดหัว 

มีสิ่งหนึ่งที่บดบังทุกอย่างบนใบหน้าเอาไว้ คือ แว่น

แว่นดำหนา ปิ ท่าทางจะสายตาสั้นมาก

ถอดแว่นออกมา คงจะตาหยีเป็นเมล็ดแตงโม

“ขอโทษ” ปิทำหน้าเศร้า

กำลังจะเดินออกไปหาที่นั่งอื่น

“ข้างนั้นไม่ว่าง แต่ข้างนี้ยังว่างอยู่” ต่อบอกปิ

ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มสดใส มันเป้นรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดตั้งแต่ต่อเคยเห็นมา

นับจากวันนั้นปิก็ได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มต่อ คนอื่นๆในกลุ่มจึงรุมแกล้งมัน ดูท่าว่าไอ้โรคแหยๆ นี่จะดึงดูดคนอื่นๆให้เข้ามาแกล้ง ตัวปิเองก็ไม่มีปัญญาอะไรจะไปช่วยตัวเองจากพวกนั้นได้

ต่อทนไม่ไหวจนต้องประกาศออกไปว่า

‘คนที่แกล้งมันได้มีแค่ต่อเพียงคนเดียว’

ถ้ามีกราฟชี้ ความสัมพันธ์ผมกับปิ ก็เลยดูจะเข้าใกล้กันมากขึ้น กราฟแนวตั้งเป็นความสัมพันธ์แนวนอนเป็นเวลา มันชี้โด่เด่สูงขึ้นไป แต่กับคนอื่นตกฮวบลงไปอย่างหนัก พวกมันรู้สึกว่า ต่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลกับกะปิ

ปิมันเลยตามติดต่อแจยังกับลูกหมา

ใช่ เวลามันทำหน้าปกติ จะเหมือนหมาหงอยๆ

หลังจาก ปิ เข้ามาแล้วก็มี ทีม ตามมาอีกคน

ไอ้ทีมนี่ ปีนี้ดูสูงขึ้นมาก มันไล่ต่อมาทันแล้ว ตัวก็ใหญ่ แย่แล้วสิ

ปีหน้าคงจะเลยหน้าต่อไปแน่

ต่อจะไม่สามารถคุมพวกมันได้อีกต่อไป ช่วงนี้แข่งกันโตแล้วสินะ

ทีมเป็นเด็กนิสัยชอบแย่งของชาวบ้าน ปีที่แล้วก็แย่งขนม แย่งของเล่นเด็กประถมไปโยนทิ้งโยนขว้าง  ไม่รู้มีปมอะไรกับของเล่นหนักหนา

กลุ่มเรา เหลือกันแค่นี้สินะ 4 จาก 7 ถ้าไม่นับกะปิ ก็ 3 โชคดีของมันที่เหลือน้อยหน่อย ดูท่าเป็นอย่างนี้ต่อเองจะห้ามพวกมันไม่ให้รุมกะปิได้อีกกี่ทีกัน

ต่อได้แต่แอบมองหน้าใสๆของกะปิ มันชอบนั่งหันข้างมองหนังสือเรียนที่จะเรียนในขั่วโมงต่อไป ไม่รู้ว่าจะตั้งใจไปไหน

แก้มใสดึงดูดสายตา แก้มขาวที่มีเลือดฝาดตัดกับผมสีดำตรง จะขัดตาก็แค่แว่นหนาๆของมันนี่แหละ

อะไรบางอย่างในตัวปิมันเปลี่ยนไปนะ

คำถามลอยวนเวียน

ครูประจำชั้นเดินเข้ามา

“วันนี้จะเริ่มเรียนวันแรก ......” อะไรสักอย่างที่ต่อไม่ได้ตั้งใจจะฟัง

ครูยังคงพูดต่อไป

ปีนี้ ม.3 ปีหน้าต้องเลือกสายที่จะเรียน เอ... สายอะไรดีน้า คงต้องสายเดียวกับพี่ต้องละนะ เดินตามรอยพี่ต้องดีกว่า

นั่งคิดอะไรไปเพลิน

“……เวรทำวันละแถวเรียน 5 แถว 5 วันพอดี เริ่มจากหลังห้อง”

หือ อะไรนะ

“เฮ้ย แถวพวกเราวะ”

เหี้ยเอ้ย

ทำเวรโรงเรียนเนี่ยเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก

เริ่มต้นด้วย ลบกระดาน จัดโต๊ะเก้าอี้ กวาดพื้น ถูพื้น เหนืออื่นใดที่ลำบากที่สุด คงจะเป็นเพราะว่า ต้องมาไล่คนออกไปจากห้องให้หมด ไม่งั้นทำยังไงก็ไม่เสร็จ ถ้าทำไม่สะอาดไม่รู้ว่าจะโดนให้ทำใหม่มั้ย แล้วแต่ความเฮี๊ยบของครูประจำชั้นละนะ แล้วกว่าผู้คนจะยอมกลับออกไปนอกห้อง บางทีก็เย็นมากอยู่

ถ้าแถวต่อเริ่มก่อนละ เย็นนี้คิดว่าพวกไอ้อาทมันจะอยู่ทำกันเหรอ

ไอ้กะปิ มันตายแหงๆ

วันนี้การเรียนจบลงด้วยการบ้านที่มีถาโถมเข้ามา ถาโถมก็เว่อร์ไป แค่วิชาเลขแค่นั้นแหละ วันแรกก็มาแล้ว แบบฝึกหัดบทที่ 1

เอาเหอะ เดี๋ยวให้พี่ต้องสอนก็ได้วะ ไม่งั้นลอกไอ้กะปิมัน ไอ้นี่เรียนก็ใช้ได้นะ

ต่อ อาท ทีม กำลังจะเก็บของกลับบ้านกัน

“เฮ้ย วันนี้มีทำเวรนี่”

อาทพูดเสียงดังแต่ถือกระเป๋าออกจากห้อง

“เออ อาทมึงอย่าหนีสิวะ” ทีมคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกจากห้อง
   
“เออใช่ๆๆ พวกมึงกลับให้หมด ปล่อยไอ้ปิพนธ์ไว้คนเดียว ห้ามช่วยมัน เข้าใจ๋” ไอ้อาทยังมีหน้ากลับมาสั่งเสียไว้อีก

ต่อมองหาปิ ไม่อยู่ เหลือแต่กระเป๋านักเรียนแบบเป้ ห้อยอยู่ที่เก้าอี้

เป้สีดำห่อเหี่ยว เจ้าของเองก็คงจะสภาพใกล้เคียงแบบนี้แน่ๆ

กะปิเดินล้างมือ เสื้อเปียก เข้ามาในห้อง แถวชายเสื้อ

คงไปล้างคราบอาหารกลางวัน แต่ก็ไม่ออก
   
เปิดมามันก็โดนเข้าไปเต็มๆเลย

นี่จะโดนตอนเย็นอีกเหรอวะ แค่วันแรกนะ

“พวกนั้นกลับหมดแล้ว เหลือ มึงคนเดียว ทำให้หมดละ”

“อะ อือ” เสียงอ่อย

แม่งเอ้ย ทำเสียงยังงี้อีกแล้ว

ต่อบอกลา แล้วถือกระเป๋ากำลังจะกลับบ้าน

แวะไปหาพี่ต้องดีกว่า

ที่หน้าห้องมีใครบางคนมายืนรออยู่

เพื่อนไอ้กะปิรึยังไงนะ

กดโทศัพท์ออกที่ชื่อพี่ต้อง

“พี่ต้อง กลับบ้านกันมั้ย”

“ต่อ วันนี้พี่กลับกับพวกเพื่อนเหมือนเดิมนะ”

“อะไรอะ ปีที่แล้วก็งี้นะ จะกลับกับไอ้เก้าใช่มั้ย”

“..... นี่ต่อ โตแล้วนะ”

ชิ

แม่งเอ้ย น่าเบื่อ

อากาศเย็นๆอย่างนี้พวกอาทออกไปดูดบุหรี่กันสบายใจแล้วละสิ

เอาไงดีวะ

แหงนหน้าขึ้นไปมองบนตึกเรียน แม่ง ป่านนี้ไอ้กะปิ ...

ป่านนี้ไอ้คนซื่อบื้ออย่างมันต้องยังทำเวรอยู่คนเดียวแน่ๆ

เฮ้อ

ต่อตัดสินใจเดินกลับขึ้นไปบนตึก

สวนทางกลับคนอื่นที่เดินลงมา สวนทางกับความคิดตัวเอง แต่ไปตามความรู้สึก

เวลาเลิกเรียนคนเหลือน้อย เด็กที่เดินสวนมาเริ่มบางตา ส่วนใหญ่คงกลับกันไปหมดแล้ว ชั้นเรียนเริ่มมืด ไฟในห้องเรียนก็ไม่ได้เปิด พื้นทางเดินเปียกเป็นหย่อมๆ

แม่งห้องไหนถูพื้นแต่ไม่บิดผ้าให้แห้งวะ

เดินตรงตามทางเดินที่มืดและเปียกแฉะไป

ไฟห้อง 3/5 ยังเปิดสว่างอยู่
   
ปิน่าจะเพิ่งลบกระดานดำเสร็จ เห็นตอนนี้โต๊ะครึ่งแรกของห้องโดนจัดเข้าที่เรียบร้อย เสียงลากเก้าอี้เอี๊ยดอ๊าดดังออกมา

ตัวก็มีอยู่แค่นั้นจะทำไหวเหรอวะ

“ปิ ไหวมั้ยเนี่ย” ต่อตะโกนเข้าไป

ปิสะดุ้ง หันมาส่งยิ้มแหยๆให้เหมือนเดิม ใบหน้าชื้นเหงื่อ

ในห้องมีอีกคนอยู่ด้วย

น่าจะเป็นเพื่อนเก่าปิ มองมาทางต่อ แล้วมองหน้าปิ

“เดี๋ยวกูช่วย” ต่อบอกปิ

“งั้นเราไปนะ"

คนนั้นเดินออกไป

ก่อนออกหันมามองต่ออย่างไม่ไว้ใจ

เดี๋ยวซัดแม่งเลยนี่

“ใครวะ”

“อ้อ เพื่อนน่ะ เค้ามาอยู่เป็นเพื่อน”

“ห้องอื่นเหรอ” ถามโง่ๆนะต่อ

“อือ ห้อง 4 น่ะ ชื่อ ... “

ต่อตัดบท

“เอาเหอะ มาเดี๋ยวไม่ได้กลับ”

ต่อช่วยจัดแถวครึ่งหลังให้ ปล่อยให้ปิกวาดห้องไป

ส่วนใหญ่ของห้องถูกทำความสะอาดไปแล้ว คนนั้นสินะ ไอ้กะปิทำช้าอย่างกับอะไร

“ทำไมกลับมาละ” ปิถามเสียงหงอยๆขึ้น

ไม่มีคำตอบ

สภาพเสื้อของปิ ยังดูเลอะเทอะ เมื่อตอนกลางวันอาหารเป็นราดหน้า ต่างคนเข้าแถวต่อคิวรับอาหาร ไอ้ปิ กับ อาท ถึงจะสูงไล่กันแต่ขนาดตัวคนละเรื่อง พออาทหยิบเสร็จหันมาชนปิเข้าเต็มแรง ราดหน้าหกรดใส่เสื้อ

เด็กนักเรียนแถวนั้นจ้องมอง น้ำเหนียวหยดติ๋งลงจากชายเสื้อ เมื่ออยู่ในห้องเรียนก็ส่งกลิ่นเหม็นหืนของน้ำมัน

มันเลยเวลาอาหารไปแล้ว

ปิเลยต้องทนเรียนไปทั้งเสื้อเหม็นๆ

มันเองก็คงรู้ว่า ถ้าไปล้างละก็ กลับมามันจะโดนพวกต่อทิ้งให้อยู่คนเดียว มันเลยตามเรื่องปล่อยให้เลอะเอาไว้อย่างนั้นจนเลิกเรียน

ปีที่แล้วก็โดนเอาน้ำแดงราดหัวฝีมือพวกไอ้อาทอีกเหมือนกัน แต่แย่กว่าปีนั้น มีกัน 7 คนพวกไอ้เหี้ยนี่เลยได้ใจ ยิ่งเล่นหนักมือ แต่มาปีนี้เหลือ แค่ 3 มันคงไม่กล้ามาก คราวนี้น่าจะอุบัติเหตุจริงๆ

ตอนนั้นพอปิโดนน้ำแดงราดเสร็จมันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ป่าวมันยิ้มแหยๆ ยิ้มเหมือนทุกทีที่มันเคยทำ ไอ้อาทดูจะยิ่งไปพอใจมากขึ้น เข้าไปกระชากเสื้อปิ

เพื่อนกะปิบางคนเห็นเข้า ร้องเรียกคนอื่น

เสียงฝีเท้าของเพื่อนกะปิมันรีบวิ่งกรูเข้ามา

ใช่แล้ว

ปิเองก็มีเพื่อนที่รักมันอยู่ กลุ่มเพื่อนมันที่กรูกันเข้ามาดูแลกะปิ กลายเป็นว่า ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีเรื่องกัน แน่นอนว่า ต่อไม่ยุ่ง ปล่อยให้พวกเหี้ยนี่โดนซะบ้างก็ดี เพื่อนปิเองไม่ใช่น้อย มากันเป็นฝูงเลย ทั้งคนรู้จัก แล้วก็เพื่อนของเพื่อน

ผู้พิทักษ์กะปิ

หึ กะปิและผองเพื่อน เพื่อนที่ปีนี้โดนแยก

ไอ้อาทคงจะยิ่งเคืองละนะ

เมื่อต่อเข้าไปห้ามทัพ พวกอาทดูจะเคืองต่อมากกว่าแก๊งผู้พิทักษ์ซะอีก

สุดท้ายปิก็ยังไปไหนมาไหนกับพวกต่อบ้าง เวลารวมกันใหญ่ๆก็จะมีมา แต่มักจะหลบหลังต่อซะมากกว่า ไม่เฉียดเข้าไปใกล้ไอ้อาทเหี้ยอีกเลย

มาปีนี้ มันโดนแยกมาคนเดียว เดอะแก๊งจะมาช่วยทันมั้ย

มาโดดเดี่ยวอยู่กับพวกต่อนี่

เสียงลากเก้าอี้ดังเสียดสีกับพื้นกระเบื้อง

เมื่อมันรู้ว่าต่อไม่ตอบ ปิ จึงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเงียบๆ

ไม่คิดจะหันกลับไปถามอะไรอีก

แผ่นหลังปิเริ่มมีเหงื่อซึม

“ปิ มึงไปนั่งเหอะ”

มันหันมาทำหน้างงๆ

“ไปนั่งไป”

ต่อหงุดหงิด

ในห้องที่เงียบเหงา กระเบื้องพื้นสีส้มอ่อนๆ มีเด็กอยู่สองเสียงลากโต๊ะกับเสียงไม้กวาดเหวี่ยงไปมาโดนขาเก้าอี้

“พอละ”

“เดี๋ยวจะโดนว่าเอาเปล่า”

“เออน่า ดูไม่ออกหรอกวันแรกยังไม่เลอะ เชื่อกูเหอะ แต่ถ้ามึงไม่กลับ มึงจะโดนกู”

ปิ เดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนมาสะพายหลัง

เป้ใบห่อเหี่ยวคล้ายสภาพเจ้าของ ขึ้นไปขี่บนหลังเปียกๆ

ท่าทางจำยอม

ยืนรออยู่หน้าห้อง

เฮ้อ ยังกะมีน้องเลยเว้ย

ต่อจัดโต๊ะสุดท้ายให้เข้าที่อีกทีแล้วหนีบกระเป๋านักเรียนสีดำไว้ข้างตัว

ความรู้สึกของพี่ต้องที่มีให้ต่อจะเป็นคล้ายๆอย่างนี้มั้ยนะ

ต่อกับกะปิเดินกอดคอกันออกไป เดินกลับลงไปที่ชั้นล่าง ปล่อยให้แสงสาดส่องเข้ามา ทะลุผ่านห้องเรียน เป็นร่างขาวๆ อยู่ท่ามกลางเงาสลับกับแสงเป็นช่วงๆ

ทนเห็นหน้าแหยๆของมันไม่ได้จริงๆ

“ปิ เสื้อมึงแข็งเป็นคราบน้ำราดหน้าเลยวะ”

มันหัวเราะ

“เดี๋ยวกลับไปค่อยซัก”

เออ ดี...

           
   

   
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : คืนปีใหม่ [pg7] 31/12/2015
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 03-01-2016 22:58:15
เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้นเอง
เพื่อนช่วยเพื่อน..มันก็งี้ล่ะ

รักกันยังไม่ทันจะรู้ตัว
หุหุ

ป้อล่อ..จะลืมความร้ายกาจของต่อในตอนก่อนหน้านี้เลยนะ
เดี๋ยวจะเม้นท์ไม่สนุก ไม่สมกับเป็นตอนของต่อกับกะปิ

(แอบบอก)ว่าชอบง่ะ
ฟิลด์นี้คุ้นๆอยู่นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : จุดเริ่มต้น [pg8] 3/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 05-01-2016 17:47:59


อาห์... ตอนของต่อที่ต่อจะเป็นคนดีแล้วสินะ
(บร้า! นี่ป้าต้องล้างความทรงจำเดิม ๆ ที่มีกับน้องต่อแล้วใช่ไหม?)
เอาเถอะ... เก็บปิไว้ให้ต่อรังแกคนเดียวก็ดี ต่อมันจะได้ไม่ไปตามราวีพี่สะใภ้ให้ต้องมันเหนื่อย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
รอติดตามตอนต่อไป และสวัสดีปีใหม่ค่ะ ^^  :L1:

หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : จุดเริ่มต้น [pg8] 3/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 05-01-2016 19:47:29


อาห์... ตอนของต่อที่ต่อจะเป็นคนดีแล้วสินะ
(บร้า! นี่ป้าต้องล้างความทรงจำเดิม ๆ ที่มีกับน้องต่อแล้วใช่ไหม?)
เอาเถอะ... เก็บปิไว้ให้ต่อรังแกคนเดียวก็ดี ต่อมันจะได้ไม่ไปตามราวีพี่สะใภ้ให้ต้องมันเหนื่อย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
รอติดตามตอนต่อไป และสวัสดีปีใหม่ค่ะ ^^  :L1:

สวัสดีปีใหม่ครับ ^ ^

เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้นเอง
เพื่อนช่วยเพื่อน..มันก็งี้ล่ะ

รักกันยังไม่ทันจะรู้ตัว
หุหุ

ป้อล่อ..จะลืมความร้ายกาจของต่อในตอนก่อนหน้านี้เลยนะ
เดี๋ยวจะเม้นท์ไม่สนุก ไม่สมกับเป็นตอนของต่อกับกะปิ

(แอบบอก)ว่าชอบง่ะ
ฟิลด์นี้คุ้นๆอยู่นะ อิอิ

บ้าาาา ต่อไม่ร้ายซะหน่อย 555
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : จุดเริ่มต้น [pg8] 3/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 05-01-2016 23:28:31
แค่หวงพี่ชาย
ยังกับเป็นแฟนตัวเอง

อะ..ไม่ร้ายก็ไม่ร้าย
แค่ต่อ แรว๊งงงงงงงงงงง
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : เคมีกับการ์ตูน [pg8] 7/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 06-01-2016 16:44:27
ขอแค่ 5 นาที : เคมีกับการ์ตูน

สูตรเคมีประหลาดๆถูกเขียนขึ้นบนกระดาน เป็นสมการกับตัวเลขภาษาอังกฤษปนเปกัน ที่อ่านไม่รู้เรื่อง พยายามดูยังไงก็ไม่เข้าใจ

ตัวอักษรสีขาวจากผงชอล์กอัดแท่ง บนพื้นกระดานสีเขียว ดูราวกับมีชีวิต ครูผู้สอนหน้าห้องพูดราวกับว่ามันเป็นสิ่งของจับต้องได้

ต่อทำใจให้เข้าใจได้ลำบาก คนขวามือจะเข้าใจมันบ้างรึเปล่านะ

ครูผู้สอนร่างผอมเล็กผมหยิก ใส่แว่นหนาท่าทางมีอายุ แต่ผมยังดำอยู่ เวลาสอนจะใช้ไมโครโฟนที่มีลำโพงเล็กส่วนตัวมาด้วย สายห้อยรุ่มร่ามลากโยงไปมา ลำโพงเสียงแตกๆจากการใช้งานมานาน

เรื่องตลกที่ว่า... เวลาจะด่าเด็กกลับปิดไมค์แล้วตะโกนลั่นห้อง ตัวเล็กแต่เสียงดัง ทำไมไม่ตะโกนสอนไปซะเลยละ

ไอ้กะปิจดตามบนกระดานยิกๆอยู่ด้านขวามือ ในสมุดเปล่าๆ ที่เพิ่งจะได้ใช้ไปไม่กี่หน้ามีลายมือกลมๆแต่ไม่หวัด เพียงแค่อ่านไม่ออกเพราะว่าหมึกสีน้ำเงินจากปากกาที่มันใช้นั้นสีซีดจางจนแทบจะกลายเป็นสีฟ้า

สมุดของต่อแทบจะว่างเปล่า นี่ไม่ใช่ชั่วโมงเรียนครั้งแรก แต่เนื้อที่ในสมุดทำราวกับว่าไม่เคยได้เรียนมาก่อน

ที่โรงเรียน เมื่อขึ้นมัธยมถึงจะได้รับอนุญาตให้ใช้ปากกาลูกลื่นเขียน ถ้าเป็นก่อนหน้านั้นจะบังคับให้ใช้ปากกาหมึกซึม แล้วมันก็ซึมไปทั่วถ้าไม่ระวัง รอยด่างดวงบนโต๊ะ มือ ชายเสื้อนักเรียนจะถูกย้อมด้วยสีน้ำเงินเข้มเป็นจุดกลมๆ

ถ้าแย่หน่อย ขวดหมึกถูกปัดหกเรี่ยราด พื้นห้องก็จะนองไปด้วยสี

ไม่มีใครคิดจะเติมหมึกก่อนมาเรียนหรืออย่างไรนะ

เวลาเขียนถ้าไม่ระวังเผลอสะบัดข้อมือเพราะความเมื่อยจะได้หมึกที่กระเด็นออกมาจากปลายปากกาเป็นของแถม

มัธยมต้นเหมือนสวรรค์ของพวกแม่บ้านที่เกลียดวิธีการขยี้ผ้านักเรียนที่เปรอะคราบ

ไอ้กะปิท่าทางยุกยิกอย่างนี้ มันก็เป็นคนเรียบร้อยคงจะไม่เลอะเหมือนเด็กคนอื่น ผิวขาวๆของมันถ้าเลอะนี่คงจะยิ่งชัด ตอนประถมนี่มันไปอยู่ที่ไหนนะ

ไม่เคยเห็นหน้ามันเลย ตอนเด็กคงยิ่งน่าแกล้ง

วันนี้อากาศหนาว น่านอน

ต่อหันไปมองข้างๆ

ไอ้กะปินั่งชิดหน้าต่างตั้งใจจด บางครั้งแว่นหนาๆมันจะเลื่อนลงมาจนเจ้าของใบหน้าต้องใช้นิ้วดันกลับเข้าที่

ริมฝีปากแดงโดดเด่น

วิชาเคมีเนี่ยก็ไม่ใช่วิชาม.ต้นเลยนะ ที่ต้องเรียนเพราะว่าเป็นหลักสูตรสั้นก่อนจะเรียนจริงเมื่อขึ้นมัธยมปลาย เดี๋ยวก็มีวิชาภาษาฝรั่งเศส ไรพวกนั้นตามมาอีก

ไม่ต้องให้ลองเรียนก็รู้อยู่แล้วว่าจะเลือกสายไหน

"ปิ มึงจะเข้าสายไรวะ"

มันหันมาทำหน้าแหยๆ

"คงจะสายวิทย์ละมั้ง"

"ห้อง?"

"ไม่รู้เลย"

มันก้มหน้าก้มตาจดต่อ

เลขห้องเรียนเป็นตัวกำหนดสาย วิทย์ คณิต ศิลป์ ภาษา ไม่มีห้องเรียนดี หรือห้องบ๊วยอีกต่อไป จบกันทีกับการแบ่งวรรณะจากเกรด ... เออ แม่งแบ่งจากแผนที่เรียนแทน ห้องวิทย์1 สำหรับสอบหมอ ดูจะเป็นห้องเรียนดีพิเศษ

ห้องเชิดหน้าชูตาโรงเรียนด้วยการสอบติดยกห้อง

ไอ้พี่ต้องก็ห้องนี้แค่ไม่คิดจะสอบหมอ

แต่ไม่ว่าตัวเลขจะเป็นเท่าไร ทุกห้องก็หน้าตาเหมือนกัน พัดลมเก่าบนเพดานแบบหมุนรอบ แอร์หนึ่งเครื่องใหญ่บนเพดานที่เพิ่งมาติด หน้าต่างไม้ 8 บานที่มีที่บังแดดทำจากโปสเตอร์ดศิลปินนักร้อง

ต่อกำลังหน่ายสุดๆ

แม่งอากาศเย็นๆงี้ต้องมาฟังภาษาประหลาดออกไมค์เสียงแตกๆ รู้เรื่องที่ไหน นี่ไม่ใช่ห้อง 1 แบบพี่ต้องซะหน่อย

อี๋ นี่ปีหน้าต้องเจอวิชาพวกนี้เหรอวะ เปลี่ยนใจทันมั้ยอะ

ตัวของต่อเริ่มสไลด์ไปตามเก้าอี้ ขายาวเลื่อนไหลออกไปใต้โต๊ะ

"ขออนุญาตนะครับ"

เสียงใครสักคนเรียกต่อขึ้นมา

"ห้องน้องได้สีฟ้านะครับ พี่เป็นตัวแทนสี ห้องน้องกับห้อง 4 แล้วก็จะมีพี่ๆชั้นม.5 ห้อง 1 ด้วย"

เอ๋ ห้องพี่ต้องนี่

ในใจลิงโลด

ต่อเผลอทำหน้ายิ้มออกไป

ปีนี้จะได้ทำกิจกรรมพร้อมพี่ต้องเหรอเนี่ย ลากพี่ต้องลงบอลดีกว่า

"ใครจะลงสมัครอะไรให้มาบอกพี่ที่ห้อง 6/4 นะครับ"

ดูครูเคมีไม่ยี่หระอะไรกับเวลาที่เสียไป ปล่อยให้พี่คนนั้นพูดได้เต็มที่

"เห่ยวะ" อาทพูดขึ้น

"ไรวะ"

"สีฟ้าน่ะ เป็นสีที่แพ้บ่อยที่สุด"

"เกี่ยวไรวะ มึงก็ทำให้ชนะดิ" พี่ต้องสอนเสมอ อย่าเขื่ออะไรที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์

แต่เอะ เรื่องสีก็ดูเป็นวิทย์นะ มากกว่าพวกเชื่อดวงประจำวันแล้วกัน

"แล้วมึงลงไรวะต่อ"

"เดี๋ยวดูวะ บอลมั้ง มึงละทีม" ทีมหันมา

"กูเหรอ อืมมมมม ไม่ลงไม่ทำ โดดโลด โดดแม่งทุกวันนี่แหละ"

เหี้ย ตลอด

"งี้ก็เหลือแค่กะปิขึ้นแสตนด์คนเดียวสิเนี่ย"

ไอ้อาทนี่ไม่ต้องถาม ถ้ามันไม่ลงว่ายน้ำนะ ยอมแก้ผ้าวิ่งรอบโรงเรียน คนอย่างมันเล่นอะไรอย่างอื่นเป็นที่ไหน

งานใช้กำลังยิ่งในน้ำ มันถนัดนัก

หึหึ กิจกรรมใช้สมองว่ามันแย่แล้ว สันดานมันน่าจะแย่กว่า

'แพ้ไม่เป็น ยอมไม่ได้'

มันถึงขั้นพูดว่าถ้ามันแพ้มันจะทำให้กลัวมาชนะให้ได้ ถ้าไม่ได้แม่งจะโกง ถ้าโกงแล้วยังไม่ได้อีกก็ฆ่าคู่แข่งทิ้งเลย

คนอย่างนี้เป็นนักกีฬาได้ไงวะ

"หา...  อะ คงยังงั้นแหละ" มันยังรีบตามจดบนกระดานอีก

ระหว่างที่ครูพักเบรคไปพูดคุยเรื่องกีฬากับพี่คนนั้น

"เฮ้ย สัสกะปิ เอาการ์ตูนออกใหม่มาดูดิ" อาทถามข้ามไป

ต่อต้องเอาขาสะกิดไอ้ห่านั่น พูดซะเสียงดัง

เมื่อหันไปกลับเห็นปิเอามือล้วงยุกยิกที่เป้พาดที่พาดอยู่ข้างหลัง มันไม่หันไปมองจะรู้มั้ยวะว่าอันไหน

คลำอยู่นาน มันก็แอบส่งลอดผ่านหน้าขาต่อ ไปทางอาท แต่ไม่ถึง มีทางเดินคั่นกลาง

ต่อเลยช่วยส่งต่อไปให้

บ้ากะปิมีตาหลังเหรอ หาเจอด้วย

ไอ้อาทได้นั่งอ่านอยู่ใต้โต๊ะสบายใจมันไปละ เดี๋ยวโดนจับได้ขึ้นมากูจะสมน้ำหน้าให้

ชั่วโมงเคมียังเดินหน้าต่อไป เดี๋ยวตามด้วยวิชาไรวะ เปิดตารางดูดิ

กำลังควานหาตาราง

"เอ้า การบ้าน อีก 1 เดือนส่ง"

"ครูจะให้ไปท่องตารางธาตุมาให้ฟัง"

ครูชูหนังสือขึ้นมาชี้ให้ดูตารางหน้าตาสีเหลี่ยมยาว คล้ายตารางแข่งบอลพรีเมี่ยมากกว่า

โห ไรวะ ใครจะไปจำได้วะตั้งกี่ตัว แถมต้องจำอีกชื่อจริง ของมันคืออะไรอีกด้วย

"งานนี้มีคะแนนด้วย"

ไม่มีคะแนนเด็กที่ไหนมันจะท่องวะ ป้า

โว้ย เซ็งวุ้ย

นึ่แค่วิชาเคมีนะ ขอให้วิชาอื่นอย่าเอาการบ้านมาเพิ่มเลย

"เฮ้ยๆ มึงขำไรวะ อาท" ทีมที่อยู่ข้างๆกำลังสะกิด

เสียงอาทดังขึ้นเรื่อย

"ฮ่าๆๆๆๆๆ" เฮ้ย เป็นเหี้ยไร

ทีมเริ่มหน้าเสีย

ต่อคิดว่า ความซวยกำลังมาเยือนอีกแล้ว

"ขำมากเหรอ มันง่ายไปใช่มั้ย"

"ป่าวครับ" อาทยืนขึ้นตอบ

"แล้วขำอะไร" ครูยืนกอดอกชี้ไมค์มาทางหลังห้อง

อาทไม่ตอบ แต่ก็ไม่มีทีท่าสลด ตัวล่ำๆผิวสีแทนของมันเวลายืนค้ำหัวต่ออย่างนี้รู้สึกไม่ดีเอาเลย

มันจะรู้ตัวมั้ยว่าที่มันโดนเรียกให้ยืนเนี่ย มึงกำลังโดนเชือดไม่ได้ให้มายืนขำ

มองหน้ามัน แม่งยังยิ้มอยู่อีก

ความเงียบเกิดขึ้นไม่เกิน 2 นาที ในห้องบรรยากาศเปลี่ยน แต่ไอ้ควายน้ำข้างๆต่อนี้ท่าทางจะไม่รู้ร้อน

ผู้สอนไม่พูดอะไรอีก

แล้วเลื่อนมือปิดลำโพง

เอาแล้วไง

"ก็ๆ ฮ่าๆๆ ไอ้กะปิ มันส่งการ์ตูนมาให้ผมอ่าน ผมก็ขำสิครับ"

สันดานแล้วไง ไอ้ชั่วนี่ แม่งตั้งใจชัดๆ ไม่สิสมองมันหยักน้อยเกิน คงเพิ่งคิดออก

โคตรระยำอะมึง

ผมเห็นปิหน้าซีดคอตก มันสะบัดหน้ากลับมามองโต๊ะทันทีที่ได้ยินไอ้อาทเอ่ยชื่อมันออกมา

"ใครชื่อกะปิ"

คนในห้องหัวเราะเสียงดัง ฉายานี้เฉพาะพวกต่อเท่านั้นที่เรียก

คนข้างๆผมยกมือ

"เธอชื่อกะปิเหรอ"

"เอ่อ ปิพนธ์ครับ"

แก้มแดงตอนนี้แดงขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ใช่เพราะอายแน่ๆ มันก้มหน้านิ่ง

"เพื่อนเรียกกะปิก็ให้เรียกเหรอ ชื่อเธอพ่อแม่ตั้งให้ ทำไมยอมให้คนอื่นเรียก เป็นหมูเป็นหมาเหรอเธอใครจะเรียกอะไรก็ได้น่ะ"

ปิก้มหน้า

ครูพูดถูกครึ่งเดียว อีกครึ่งคือ มันจะห้ามอะไรได้ ลับหลังพวกเรายังเรียกครูว่า ป้าหัวฟูเลย เพียงแค่ครูสามารถข่มพวกเราได้ อำนาจที่เหนือกว่ามันช่วยได้

เพียงเพราะปิมันไม่มีหรอก ไม่ใช่มันยอม

"เธอเป็นคนเอามาใช่มั้ย"

ปิ แอบหันไปมองหน้าอาท

ไอ้อาทตอบกลับด้วรอยยิ้มกวนประสาท ... กวนส้นตีนถึงจะถูก

"ออกมานี่"

"เอาการ์ตูนออกมาด้วย"

ปิรับการ์ตูนจากอาทแล้วค่อยๆเดินออกไป

"ครับ"

ครูรับการ์ตูนมาพลิกๆดูแล้ว......

ฉีก ฉีกออกเป็นชิ้นๆ

เสียงกระดาษดังแควก ยาว รัว

"กินเข้าไป"

ปิหน้าแดง

"เอ่อ"

ปิยืนถือเศษการ์ตูนที่เป็นชิ้นๆ กำขยำอยู่ในมือ

ครูจ้องหน้าเขม็ง

มือปิสั่น

จ้องมองนิ่งๆ

ผิวขาวซีดที่ตอนนี้นอกจากแก้มแดงผิดวิสัยแล้ว ส่วนอื่นดูจะซีดลงกว่าเดิม

'อย่านะเว้ย ไอ้บ้ากะปิ'

ต่อได้แต่คิดไม่กล้าตะโกน

ปิยังยืนจ้องทำหน้าสลด

เพียะๆๆๆ

ครูเอาเศษที่เหลือ ปาใส่หน้าแล้วเอาการ์ตูนที่ยังเป็นเล่มตีหัวกะปิ ตีแบบคอมโบไม่นับ

"กลับไปนั่งที่ พักบ่ายมาหาชั้นที่ห้องด้วย"

ต่อถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว

ปิกำลังหันหลังเดินกลับ

คอตก หน้าแดง

"เดี๋ยว" ครูยังกรีดเสียงร้อง

ปิหันไปช้าๆยกมือไหว้

"ขอบคุณครับ"

"ไปได้"

ปิเดินกลับมานั่งที่

"น่าสงสารวะ สงสัยผัวคงไม่เอา"

"กูว่าผัวเอาแล้วทิ้งมากกว่า"

อาทกับทีมร่วมกันเสริม

ต่อหันไปมองปิ มันหันมามองตอบหน้าเศร้าๆ

แล้วต่อหันไปอีกข้าง จ้องอาทกับทีม

จ้องจนพวก มันเงียบลง

‘เดี๋ยวพวกมึงจะโดน’

รู้สึกจี๊ดขึ้นมาเมื่อเห็นปิทำหน้าอย่างนั้น

แต่ทำไมละ???

ทำไมวะ เวลาเห็นปิเป็นอย่างนี้ รู้สึกไม่ดีทุกทีเลย

ช่างหัวคำตอบแม่งก่อน

สงสัยตกบ่ายนี่งานเข้ากูอีกแล้วสิ

เฮ้อ

ไปทำไรไอ้กะปิมันไว้วะไอ้ต่อ ต้องมาตามช่วยมันอยู่เนี่ย

เมื่อถึงเวลาพักกลางวันพวกต่อกำลังเดินขึ้นไปบนโรงอาหาร

“มึงอย่าทำอย่างนั้นอีก กูไม่ชอบ” ต่อกระชากเสื้อาทที่ตัวสูงหนากว่าดันเข้าไปติดประตูห้อง

“ไรวะ แค่แกล้งเพื่อนเล่นเอง”

“เพื่อนกู มันไม่ใช่เพื่อนมึง”

“เออๆๆ ก็ได้ หวงนักนะ จะไว้ทำคนเดียวอะดิ”

“เสือกกูน่ะ กูไม่ชั่วเหมือนมึงแน่”

อาทดันมือออก มีทีมเจ้ามาช่วยห้าม

ก่อนมัน 2 ตัวจะเดินหัวเราะขึ้นชั้นบนไป

อาหารกลางวันบนโรงอาหารสชาติไม่ได้เรื่องเลย เป็นเมนูเดียวที่ต่อเกลียดใน 5 วันที่ต้องขึ้นมากิน

ผัดกระเพรา.....

ไอ้พวกบ้าพวกนั้นนี่ยังวนเวียนอยู่แถวนี้แหละ แต่ต่อไม่มีอารมณ์คุยด้วย

พี่ต้องนี่นา เดินเข้าไปทักหน่อยดีกว่า แม่งอยู่แถวนี้มีแต่เรื่องเซ็งๆ

“ต่อไปไหนวะ”

นั่นไง มาเกาะหนึบละ

“ทำไมละมึง”

“เห้ย อย่าโมโหเดะวะ”

“มึงอาทมันบอกเมื่อวานแม่งเอาหญิงแถวสาทรมาวะ แม่งอย่างสวยอะ แต่เสียดายแบนไปไหน”

“เฮ้ย ทีมมึงก็เล่าไป ไม่แบนได้ไง ม.ต้นเองนี่หว่า”

“ชั่วครบสูตรจริงๆ”

“ไรนะ ต่อ”

“ป๊าว” ทำเป็นหูไวนะไอ้อาท

ยิ่งโตยิ่งชั่ว ปีที่แล้วมันยังไม่ขนาดนี้นี่หว่า

ไอ้อาทมันเป็นนักกีฬา ดังนั้นเหล้า บุหรี่มันไม่ยุ่ง อ้อ ถอนคำพูดนั่นมันเมื่อก่อน แต่ยังไงการเป็นนักกีฬาเนี่ยช่วยให้ภาพพจน์ที่ออกมาดูเป็นคนดี เป็นขวัญใจสาวๆ อารมณ์ชอบพวกนักกีฬาว่ายน้ำ ผิวแทนๆ มีกล้าม ท่าทางสุภาพ ถุย แค่ตอแหลภายนอกละวะ

เป็นไงละ โดนฟันแล้วทิ้งไปกี่รายแล้ว

‘ต่อๆ กูชักว่า.. ไม่เป็นวะ ทำไงวะ’ จำได้ว่ามันถามเมื่อต้นปีที่แล้ว

‘K ของงี้ใครเค้าสอนกันละ’

‘ก็บอกหน่อยดิ ไอ้ทีมบอกสนุกอะ’

‘มึงก็ไปถามไอ้ทีมของมึงสิวะ’

ใครจะบอกมึงว่า พี่ต้องยังไม่เคยสอนกูเลย กูทำเป็นก่อน ฮ่าๆ

‘อ้าว ของแบบนี้ไปถามสุ่มๆก็โดนเตะออกมาสิวะ นะๆๆๆๆ สอนกูหน่อย’

‘โอ้ย ไอ้นี่ กูถามจริงขนมึงขึ้นยัง น่าจะชักเองเป็นแล้วนะ’

‘นิดนึงอะ’

ไอ้อาทมันถลกกางเกงออกมาให้ดู ส่วนนั้นชี้ตรงขึ้นมาทางหน้าต่อ

แม่ง ถ้าจะกลัดมันมาเต็มที่ ฮอโมนพลุ่งพล่านเลยสินะมึง หน้าด้านชิบหาย

‘ไปไกลกูไป กูไม่ชอบดูK’

‘เออ งั้นกูไปถามไอ้ทีมก็ได้ แล้วจะบอกทุกคนว่ามึงทำไม่เป็น’

‘.. มึงก็จับกำมันไว้นะ เหมือนจับไม้กวาดนะ แล้วรูดขึ้นลง รู้จักมั้ย รูดน่ะ ทำไปเรื่อยเดี๋ยวก็รู้เอง เวลามีอะไรพุ่งออกมาน่ะ’

‘เอออ เดี๋ยวกูจะรีบกลับไปลองเลย’

ห่า แม่งไปเล่าต่อกูได้อายพอดี แต่ให้มันบอกกูทำไม่เป็นยิ่งอายกว่า

นี่กูสอนมันไปไม่นาน มันเอาหญิงแทนเลยเหรอ ก้าวหน้าเร็วไปมั้ย

ก็ยังดีที่มันไม่ได้ไปลองกับผู้ชายแล้วเสือกติดใจแบบไอ้พี่บูม แม่งสมน้ำหน้า เป็นไงละ ถึงตอนนี้จะเปลี่ยนใจแล้วก็เหอะ

พูดไป ไอ้กะปิไม่เคยพูดถึงเรื่องอย่างว่าเลยนี่หว่า

นั่นสิ มันกับกูก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้นนี่ ไอ้หน้าตาจิ้มลิ้มเนี่ยถ้าอยู่ในกลุ่มคุยเรื่องอย่างนี้กันจะเป็นยังไงนะ มันจะทำหน้าแบบไหนกัน

“ต่อ ต่อ”

อะไรของมันอีก

“มึงมีไรกับไอ้กะปิป่าววะ” ทีมนั่งมองผม แต่คนที่ถามไม่ใช่ทีม

สายตาช่างเสือกนักนะ

“ไม่มี กูไม่เคยได้กับมัน พวกมึงบ้าเหรอ ไอ้อาท”

“มึงกับไอ้กะปิ เป็นคู่เกย์กันป่าววะ”

ยังจะหน้าด้านถามอีก

“จะแดกดีๆหรือจะให้กูเอาข้าวราดหน้ามึง”

ต่อลุกขึ้นยืนถือจานไว้ในมือขวา

“แหม กูล้อเล่นหรอก”

เออ ไอ้ตัวต้นเรื่องมันหายไปไหนวะ

วันนี้กะปิไม่ขึ้นมากินข้าวด้วย

ต่อ ลองมองหาในโรงอาหารที่กว้าง แล้วก็มีแต่คนวุ่นวาย เป็นโรงอาหารกลางวันที่วุ่นวายสุดๆ พวกม.ปลายปีสุดท้ายเปิดเทอมก่อนก็จริงแต่เวลากินข้าวเนี่ย มันก็ทับกันอยู่ดี ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

มันหายไปไหนวะ

รูปร่างอย่างไอ้กะปิ ก็ใช่ว่าจะหายาก หรือว่ามันหาที่นั่งไม่ได้เลยลงไปกินข้างล่าง

แม่ง คงไม่ใช่ไปโดนใครแกล้งอีกนะ

เอาเหอะ เรื่องของมัน

ต่อก้มหน้ากินข้าวต่อ

แต่ตาชำเลืองมองหาไปด้วย



---------------------------------------------------------------------

แถวหน้าๆ ติดกับ ที่รับอาหาร นักเรียนยืนต่อแถวเรียงราย

เด็กหน้าคุ้นตา 2 คนนั่งอยู่ที่โต๊ะแถวหน้าติดกับที่รับอาหาร

ปิ นั่งคุยกับใครคนหนึ่งอยู่

“ปิ เป็นไงมั่งวะ”

“ก็ดีอะ” เสียงหงอยเป็นเอกลักษณ์

“โดนแกล้งอีกป่าว”

กะปิสั่นหัว

“พวกนั้นเกเรจะตาย แกล้งแกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้มันจะปล่อยแกไปเหรอ”

“ไม่เป็นไรหรอก ต่ออยู่ด้วย”

ต่อ?

“ไอ้ต่อเนี่ยนะ มันจะช่วย? แค่วันนั้นมันเข้ามาช่วยปิทำเวรก็น่าแปลกใจพอแล้ว”

แหะ กะปิยิ้มกว้าง

“เอ็มละ ห้องใหม่เป็นไงมั่ง”

เอ็มทำหน้าไม่เชื่อใจอยู่ดี เหมือนต่อตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่อง

“ก็ดีนะ มีเพื่อนใหม่บ้าง พวกกลุ่มเราปีที่แล้วมันกระจายหมดเลยนี่”


ใช่ และมีต่อมาที่ห้องนี้คนเดียว ไม่ใช่คนเดียว แต่มากับกลุ่มที่ไม่ถูกด้วย

เอ็มเป็นเด็กป๊อปปูล่าในโรงเรียน ผมดำเสยเปิดหน้าผาก ผมที่ไม่สั้นและไม่ยาว ผิวกลางๆแบบคนเล่นกีฬาแต่ไม่ดำแบบอาท รูปร่างกำลังดี เคยเป็นตัวแทนนักเรียนชั้น ม.2 ด้วย แต่งตัวเรียบร้อย เสื้อผ้าถูกระเบียบเสมอ

ปีนี้ดูเหมือนจะได้เป็นอีกแน่ๆ

พวกครูชื่นชอบ เด็กนักเรียนในฝัน

“เฮ้อ เราละเป็นห่วงแกจริงๆ มีไรมาบอกนะ ปีที่แล้วเวลาโดนแกล้งพวกเรายังเข้าไปช่วยได้ ถึงจะไม่ทุกครั้งก็เหอะ”

“ขอบใจนะ”

ปิ ยิ้มกว้างให้

ไอ้เรื่องบ่ายนี้ถ้าบอกเอ็มไป มันต้องลงไปคุยกับครูแน่ๆ แล้วเรื่องมันจะลุกลามไปถึงพวกอาท เดี๋ยวก็ย้อนกลับมาหาต่ออยู่ดี....

เอ็มพูดอะไรครูเชื่ออยู่แล้ว

“ไปรีบกิน”

“อือ”

ข้าวสองจานที่วางอยู่บนโต๊ะ ถูกตักเข้าคำต่อคำ จานหนึ่งว่างเปล่า อีกจานเหลืออยู่ 1 ใน 3

 ปิ กินน้อยเป็นนิสัย

“อิ่ม?”

“อือ”

ปิกำลังลุกเอาจานไปวาง

“ไม่ต้อง เดี๋ยวเราเอาไปให้เอง”

ต่อ ไหงอยู่ๆมาเห็นใจปิได้ละเนี่ย

“มีไรเรียกกูนะ ปิ สัญญาแล้วนะ”

ปิยิ้มแห้งๆ โบกมือให้

เอ็มเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของปิ ถ้าปิยึกถึงใครไม่ออก เอ็มจะเป็นใบหน้าแรกที่ปินึกถึง ประธานนักเรียนที่ทำตัวแสนจะอบอุ่น

ยิ่งหลังจากวันนั้นเอ็มก็ยิ่งจะดูเป็นห่วงปิมากขึ้น

ห่วงจนบางครั้งปิเองก็ทำตัวไม่ถูก....

-------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : จุดเริ่มต้น [pg8] 3/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 06-01-2016 18:32:53
ยังไงก็ไม่ชอบต่ออยู่ดี :katai4:
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่บูม [pg8] 9/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 08-01-2016 19:38:22
ขอแค่ 5 นาที : พี่บูม

คำถามของไอ้บ้า 2 ตัวนั่นทำเอาความอยากอาหารลดลงไปอีก ไม่รู้มันไปเอาส่วนไหนมาคิดที่ดันเสือกมาถามว่า เป็นคู่เกย์กับปิรึเปล่า สงสัยแค่คำว่าส้นตีนคิดยังไม่พอ

อาหารมื้อเที้ยงวันนี้นอกจากจะไม่อร่อยแล้ว เจองี้เล่นเอาไม่อยากจะกลืนลงไปเลย

ในเมื่อต่อไม่รู้จะไปหากะปิที่ไหนจึงนั่งรออยู่แต่ในห้องเรียน

เดี๋ยวก็คงมา

“ไม่ไปเล่นไหนเหรอต่อ” เสียงน่ารักทักขึ้นมา

นั่นไง

“หายหัวไปไหนมาละมึง”

“ก็ กินข้าวกับเพื่อนข้างห้องน่ะ ต่อก็เคยเจอนี่ที่ชื่อ....”

“เออๆๆ ไปหายัยป้าหัวหยิกยัง”

กะปิสั่นหัว

“ยังอะ”  เสียงอ่อย

“งั้นพักบ่ายก็ไปซะ”

ชั่วโมงคาบบ่ายต่อก็ปล่อยผ่านไปอย่างนั้น เฝ้ารอแค่ให้เสียงสัญญาณดัง ปิลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปเงียบๆ ไอ้ห่า2ตัวนั่นดูเริงร่า

เบรคบ่ายมาแล้ว

แม่งเวลาเชือดชัดๆ หลังจากเก็บของลงกระเป๋าแล้ว เอาละ ได้เวลาออกเดินตามตัวไอ้กะปิได้แล้ว แม่งพอออดดังปุ๊บก็เหมือนจะรู้ตัว รีบลุกเดินออกไปเงียบๆ ไม่ทันให้พวกไอ้อาทมันได้โอกาสแซวเลย

เอาวะ ไม่มีทางเลือก

จะหลบสายตาพวกไอ้ทีมก็ไม่ได้แล้ว ถึงจะต่อหน้าพวกมันก็เถอะ

น่าอายเป็นบ้า

“ไปไหนอะมึง” อาทแซวต่อขึ้นมา

“ไปตามเก็บผลงานมึงไง” ต่อพูดไม่สบอารมณ์

“นี่ กูว่าห่วงไอ้ไก่อ่อนนั้นมากไปป่าววะ” ทีมสะกิดหลังต่อ

“เพราะพวกมึงไง เลิกทำตัวมีปมด้อยซะที”

หน้าอาทดูสลดลงแวบหนึ่ง

“ชอบมันก็บอกเหอะ”

แน่ะยังเถียง

“มึงอยากโดนกูต่อยปากใช่มั้ย”

“ป๊าว เก็บปากสวยๆของกูไว้ไล่กัดนมผู้หญิงดีกว่า”

สันดานอาทแม่ง ถ่อยลงทุกวัน

ชอบเหี้ยไรละ

กูไม่ได้ชอบผู้ชาย ถึงไอ้ง่อยนี่จะน่ารักก็เหอะ

ว่าจะแวะไปหาพี่ต้องที่ห้องแสดงความยินดีที่ได้อยู่สีเดียวกันสักหน่อย กลายเป็นว่าไม่ได้ไปเลย ต้องวิ่งตามไอ้กะปิมัน

คิดแล้วเซ็งจิต

ต่อลงบันไดข้างแคบๆไป บันไดที่มันแคบขนาดแค่เดินสวนกันขึ้นลงได้ทีละคน ขึ้น 1 ลง 1 ไม่รู้จะทำไว้ทำไม แทบไม่ได้ใช้ ที่ติดกันก็เป็นลิฟต์ขนอาหาร ขนขึ้นลงชั้น 6 ชั้นล่างของลิฟต์ออกไปอยู่ข้างเวทีการแสดงย่อย ที่ๆใช้อบรมเช้า เข้าแถว ลูกเสือ อีกสารพัด

ที่พี่ต้องนั่งยกฉากนั่นแหละ คิดว่าจะได้เป็นพระเอกซะอีก อุตส่าห์พาหญิงมาดูพี่ต้องเล่นละครเมื่อปีที่แล้วกลายเป็นหลังฉากซะงั้น ที่เดียวกับที่เจอพวกเก้าครั้งแรกด้วย

รีบลงไปดีกว่า ช้าเดี๋ยวไอ้ปิโดนนังครูนั่นยำขึ้นมา

ชักจะเห็นด้วยแล้วสิ ผัวไม่เอารึไงนะ

บันไดข้างแคบๆ นี่ไม่มีคนใช้ เพราะมันเหม็นกลิ่นอาหารสด ต่อเลือกลงทางนี้เพราะอยู่หลังห้องติดกับห้องวิทย์ที่เป็นที่พักครูสายวิทยาศาสตร์พอดี

ขายาวๆกระโดดลงบันไดไป

“ต่อไปไหนนน่ะ”

เสียงทักมาจากข้างบน

“พี่บูม มาทำไรเนี่ย”

“ครูห้องวิทย์ตามน่ะ”

บังเอิญจริงนะ

บูมกำลังค่อยๆลงบันไดตามมา

“พี่ ไปทำไรไว้ละ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ”

“นี่ แค่มาหาครูเค้า”

ไอ้นี่อีกคน คงไม่ไปให้ครูสอนการบ้านแน่

“ครูเค้ามาถามเรื่องสินค้าน่ะ”

สินค้า????

อ้อ

นึกได้ละ ใครๆก็รู้ว่าไอ้พี่บูม มีงานเสริมเอาสินค้าขายตรงมาขายให้ครูที่โรงเรียน เค้าเรียกว่าไรนะ ลูกหม้อเหรอ ไม่ใช่  เอ่อ ลูกข่าย เงินดีขนาดถอยมอเตอร์ไซค์คันใหม่ได้เลย แถมพาเมียไปเที่ยวอีก

ตั้งแต่ปีที่แล้วก็ไม่ค่อยได้เจอในสนามบอลอีกเลย คงเป็นเพราะเงินดีเลยเอาไปเที่ยวกับเมียหมดละสินะ

วันที่พี่บูมที่เข้ามาทักต่อ ตอนแรกคงคิดว่าจะให้ซื้อไปใช้สินะ เห็นเล่าให้ฟังอยู่ได้ว่าทำแล้วดียังไง

แม่งชวนเชื่อเห็นๆ

พอบอกไปว่าที่บ้านไม่มีตังค์ อาศัยเค้าอยู่มันก็เลยหน้าจ๋อยลงไป สงสัยจะเสียดายเครือข่าย

หลังๆเห็นเงียบไปคิดว่าเลิกทำแล้วซะอีก

อ้อ ไอ้ที่มาคิดว่าเลิกทำก็เพราะว่าเจอกันตอนปิดเทอมนั่นแหละ พี่บูมแม่งนัดเมียไว้แล้วเสือกสวนกันที่สยาม เลยถามซะหน่อยว่าทำไมไม่เห็นพูดเรื่องขายตรงแล้ว

‘ใช้เงินสิ ใช้เงิน’

นั่นคือคำตอบของพี่บูม

เอะ แล้ววันนั้นเค้ามากับเมีย ชื่ออะไรน้า.....

อ้อ

เจน

บทสนทนาสั้นๆของต่อกับบูมก็โผล่ขึ้นมาในหัว

‘ต่อ มาทำไรอะ’

‘เตะบอลมั้งพี่’

พี่บูมตั้งท่าจะไล่เตะ

ต่อเลยชี้ไปที่เมีย

‘เก็บอาการหน่อยพี่’

‘เดี๋ยวนี้ได้เตะบอลมั้ย ไม่ชวนเลย’

แหม ควงสาวมาละคุยเรื่องแมนเชียวนะ ตอนเตะด้วยกันเวลาคลุกวงในเนี่ยยังทำเหมือนจะลวนลามกูอยู่แหมบๆ

‘ได้พี่’

‘เมื่อกี้เจอพี่เก้าด้วย’ พี่บูมชี้ไปทางลานกว้าง

ต่อหันตาม

‘นัดเพื่อนไว้ละมั้ง’

พี่บูมพูดอารมณ์ดี แหม คิดว่าจะตามไปหึงเค้าอีกคนซะอีก

‘เพื่อนอะไรพี่ ผู้ชายละสิไม่ว่า กินไม่เลือก ระวังเป็นเอดส์ จะเอาไปประจานทั้งรร.เลย’

‘ต่อ มึงจะเกลียดอะไรมันหนักหนา’

‘เออน่า ไม่ชอบขี้หน้ามัน’

‘พี่บูมแหละ ไปเกิดชอบอะไรมัน’

พี่บูมสวนกลับมาด้วยคำถาม

‘เพราะต้องอะดิ๊’

บูมยักคิ้วให้

‘พี่บูม จะให้ต่อเล่าเรื่อง ....อุบ’

‘ไปละ’ บูมโบกมือลาต่อ จูงมือแฟนเดินหนีไปเฉยๆ

พี่ห่านี่ เอาขาสะกิดซะแรงเลย กลัวเมียรู้เหรอไง ว่าได้กับไอ้เก้ามาแล้วน่ะ

ทำไมต้องมานึกถึงเรื่องที่ไม่มีสาระเอาตอนนี้ด้วยนะ พี่บูมนี่แหละที่เป็นคนเล่าเรื่องของเก้าให้ฟัง แค่ถามนิดหน่อยก็หลุดพล่ามมายาวเลย สงสัยจะภูมิใจ

แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาจะมานั่งนึกเรื่องเก่าๆแบบนั้นแล้ว

“อย่าลืมนะสัญญาไรไว้”

“เออน่าพี่ ต่อไม่เบี้ยวหรอก จัดการแยกพวกนั้นให้ได้เหอะ”

พี่บูมเดินตามมาไวๆ

แย่ละไอ้กะปิ ไปถึงไหนแล้วเนี่ย

แม่ง เกือบลืมเรื่องกะปิไปเลย

เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวาก็จะเจอห้องวิทย์แล้ว เอาไงดีวะ

ตรงหน้าต่อ ในห้องที่ติดกับห้องวิทย์ที่เป็นห้องพักครูสายวิทยาศาสตร์ ห้องด้านที่ติดกับทางเดินที่ต่อเดินมานั้นทำด้วยกระจกกั้น กระจกใสที่เลื่อนเปิดได้ และมันก็ถูกเปิดอยู่

จากบันไดลงมาจะเจอพวกครูนั่งหันหลังพอดี

คิดถูกที่มาด้านนี้

ตอนนี้ภายในห้อง ร่างขาวซีดของกะปิดูจะขาวขึ้นไปอีก มองเข้าไปเห็นแค่ผมดำตรงปรกหน้า กะปิกำลังก้มหน้ามองพื้นห้องอยู่ แต่ถึงจะก้มหน้ายังงี้  แว่นหนาดำของมันก็ยังเป็นตัวดึงดูดสายตาให้มองอยู่ดี

หนักมั้ยนั่น

มันกำลังทำหน้าแบบไหนนะ

กะปิ กำลังโดนครูเทศนาอยู่ ยืนแว๊ดๆ เสียงดังลอดออกมาจากในห้อง อยากรู้จัง นี่เมนส์ไม่มาหรือมา กันแน่วะ ดูอารมณ์บูดชิบหาย จะเข้าไปก็ไม่ทันแล้ว

ถือว่าเป็นคราวซวยของมันไปแล้วกัน

คงต้องยืนรออยู่หน้าห้องจนกว่าจะโดนด่าเสร็จละนะ

“พี่บูม รู้จักไอ้ครูนี่ยืนด่าอยู่นั่นปะ”

ต่อคว้าแขนบูมไว้ก่อนบูมจะเข้าห้อง

“หือ อ้อ รู้ รัชนีน่ะเหรอ ปากยังกะอะไร” บูมพูดเสียงเบา

“พี่ ทำให้แกหยุดได้มั้ย”

“ทำไมวะ”

พี่บูมมองหน้าต่องงๆ แล้วมองเข้าไปในห้องอย่างสำรวจ

“อ๋อ ขอมั่งดิ”

“ขอไร”

“ก็น่ารักดี คนนั้นอะ ได้ยังแบ่งมั่งดิ”

หน้าบูมเริ่มหื่นละ

“อย่าทำให้ต่อเกลียดพี่ได้มั้ย” ต่อพูดช้าๆชัดๆ

ไอ้นี่คิดว่าทุกคนจะเหมือนมันหรือยังไงนะ

“เออ ล้อเล่นเดี๋ยวจัดการให้”

“มึงต้องตอบแทนกูนะ”

พี่บูมเอาหน้ายื่นเข้ามา 

ตอนกับเก้าก็ใช้มุกนี้ปล่าววะ

ชักไม่แน่ใจว่า ใครมันมั่วกันแน่แล้ว

“ทวงบุญคุญจริง” ต่อพูดไล่หลัง

พี่บูมเดินเข้าไป ทำตัวอ้อล้อเชียว เดินเข้าไปคุยอะไรบางอย่างกับครูคนนั้น ชื่อไรนะ ชะนีเหรอ เกาะแขนอี๋อ๋อ แล้วสักพัก ครูคนนั้นก็หยุดว่า ปล่อยกะปิ ออกมา พี่บูมหันมายักคิ้วให้

เก่งจริงวุ้ย

“เป็นไงละมึง”

ต่อเดินเข้าไปทักกะปิ

“แหะๆ”

หัวเราะงี้อีกแล้ว

“มึงจะหัวเราะอะไรหนักหนาโดนด่ามานะ”

จะยังงั้น มันก็กลบสีหน้าไม่มิด มันยังดูไม่ดีอยู่ ท่าทางมันคงเสียใจ

“ก็... ทำไงได้อะ”

“มึงได้บอกป่าวว่าโดนแกล้ง”

กะปิส่ายหัว

“ทำไมวะ”

“บอกไม่ทัน ครูด่าเป็นชุดเลย”

เออ อันนี้เห็นด้วย เป็นกูก็ไม่ทันชะนีปากเปราะ

“นี่กะปิ กูดูจากข้างนอกนะ แม่งยืนด่าไฟแลบยังกับเมนส์ไม่มา ผัวไม่ทำการบ้าน แถมให้โดนฝนตกจนหัวยุ่งกระบังเชิดๆ ของแกฟีบเลยเอ้า”

กะปิ เดินหัวเราะ

“พูดไรของต่ออะ ฟังไม่รู้เรื่อง”

กูก็ไม่รู้เรื่อง ทุกวันนี้กูก็ชักไม่เข้าใจตัวเองขึ้นทุกวันแล้ว

“เออ มึงไม่ต้องเข้าใจหรอก”

หันหลังไป ไอ้พี่บูมกำลังดูสินค้าบางอย่างบนโต๊ะครูแล้วก็เอามือจิ้มๆเครื่องคิดเลข ทำอะไรเป็นเงินเป็นทองสินะ มันถึงได้เป็นคนขี้งกแบบนี้ ทวงบุญคุญคนอื่นตลอด

แต่คราวนี้ก็ได้พี่บูมช่วยไว้ละนะ ส่วนความหื่นอีกเรื่องหนึ่ง

ถึงบูมจะเป็นอย่างนั้น ไอ้เก้าก็เป็นคนผิดอยู่ดี

ต่อมั่นใจ

“เวลาพักยังเหลือ ไปกินขนมมั้ย”

กะปิทำหน้างง

“กินน้อยผอมนะ”

ต่อเดินนำลงไปที่สวนข้างล่าง มีกะปิเดินตามห่างๆไปข้างหลัง

มันเป็นลูกเป็ดหรือยังไง

เด็กบางส่วนเริ่มเดินกลับขึ้นมาบนตึกแล้ว มีแค่เราสองคนที่เดินสวนลงข้างล่าง

ที่เดิม ที่ปิโดนราดน้ำแดงใส่เมื่อปีที่แล้ว แต่คราวนี้ไม่มีพวกนั้นมาด้วย

“ไปนั่งรอกูตรงนั้น”

ก่อนจะหายวับเข้าไปทางเบเกอรี่ปล่อยให้ไอ้กะปิลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงนั้น

“เอ้า กูเลี้ยง” ต่อยื่นโดนัทให้

“โห คนงกอย่างต่ออะนะ”

ไอ้นี่ อย่าเอาคำเดียวกับที่ว่าบูมมาว่ากูนะ

เออ กูกับพี่ต้องใครงกกว่ากันวะ

“มึงอยากโดนกูต่อยใช่มั้ย”

นั่น ยิ้มอีกแล้ว

ยิ้มกว้างเห็นฟันของกะปิ

แก้มแดง ปากแดง พออ้าปากกกว้างๆกัดโดนัทนี่ดูน่ารักพิลึกยังกับเด็กเลย

พี่ต้องจะเห็นเราเป็นแบบนี้มั้ยเนี่ย

ต่อเล่าเรื่องในร้านโดนัทให้ปิฟัง

.
.
.
เมื่อกี้ ในร้านเบเกอรี่คนเยอะแยะ คิดว่าใกล้หมดเวลาจะพักแล้ว คนน่าจะไม่เยอะ ที่ไหนได้ ต่อเลยให้ปิมันนั่งรออยู่ด้านนอก ผอมๆอย่างมันขืนให้เข้ามาด้วยมีหวังแบนกลายเป็นกระดาษแน่ๆ

แค่โดนัท 2 ชิ้นนี่ แย่งมาได้ยากได้เย็นจริง

‘ป้า โดนัทน้ำตาล 2 อัน’

‘น้องแซง’

‘ป่าว ไอ้นี่มันยังเลือกไม่เสร็จ’

จะหมดเวลาแล้วขืนมารอไอ้ชักช้านี่มีหวังไม่ต้องไปกินกับมันพอดี

ไอ้นั่นท่าทางฮึดฮัด

ต่อยังยืนยันจะเอาให้ได้

จะวางมวยในร้านก็ได้นะ

“ป้า เพื่อนผมรีบ”

“กูมาก่อน”

“หุบปากมึง เดี๋ยวคนสำคัญนั่งรอ”

คนนั้นทำหน้างง

“ป้าตังค์วางแล้ว ของมาเร็ว”

ระหว่างที่ไอ้นั่นเอ๋อ เสร็จ ต่อ

สุดท้ายท่าทางป้าคงจะรำคาญ หยิบโดนัท 2  ชิ้นมาใส่ซองใส่ให้ แยกกัน

ต่อกับกะปิเลยได้นั่งกิน รับลมหนาวอยู่ที่สวนสบายใจ
.
.
.

“กว่าจะเบียดเข้าไปเอามาได้ แทบจะเสียตัว”

ต่อหัวเราะร่วน ว่าไปก็เสียวเหมือนกันเบียดทั้งหน้าหลังเลย

ปิสีหน้าดีขึ้น แต่ก็ยังก้มหน้าเงียบ

ต่อปิดส่วนที่เผลอปากออกไปว่า คนสำคัญ สำคัญตายหา ถุย หลุดปากออกมาได้

“ต่อ ขอบใจนะ” ปิทำลายความเงียบขึ้น

“เอออ จะดีกว่านี้ถ้าทำตัวให้เลิกโดนแกล้งซะที”

“ของแบบนี้เลิกกันได้ด้วยเหรอ” ปิหันมาพูดเสียงซื่อๆ

เออ จริงของมัน

ทำไมมันช่างดึงดดูดคนเข้ามาแกล้งมันได้นักวะ

“นี่เสาร์นี้เค้าคัดตัวนักกีฬาแล้วนะ จะมามั้ย”

ต่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ถามออกไป

“เออ เราไม่ลงอะไรนี่”

ปิทำท่าสงสัย

“ก็มาเล่นๆ อยู่บ้านไม่เบื่อมั่งเหรอ”

กะปิส่ายหัว

เด็กติดบ้านเหรอไงวะ ตรงข้ามกับต่อเลย ถ้าเลือกได้ขอออกจากบ้านดีกว่า

“อยู่บ้านทำไรอะ”

“ก็ ... เล่น psp กับอ่านการ์ตูน”

พอพูดถึงการ์ตูนนี่ดูร่าเริงขึ้นมาเลยนะ

ท่าทางหัวข้อนี้จะถูกใจปิ

“แม่ง โอตาคุจริง”

ไอ้การเล่นเกมกับอ่านการ์ตูนน่ะ มันสนุกอย่างนั้นเลย

“นี่ๆ ต่อได้เล่นมั่งป่าวอะ”

ต่อสั่นหัว จ้องกลับไปที่คนถาม

นี่ ปิเลอะหน้าเลอะปากหมดแล้ว กินยังไงน่ะ

“หึ บ้านเราไม่มีเกมอะ ไอ้พี่ต้อง กับน้า เอ่อ แม่น่ะ งกยังกับอะไรดี”

กะปิทำหน้างงๆ

“เฮ้อ ก็ไม่มีตังค์ซื้อหรอก นี่เดี๋ยวก็วันเกิดพี่ต้องอีกแล้ว”

“เออวะ ยังไม่ได้คืนเงินมึงเลย ปีก่อนที่ให้ยืมมาค่าไอพอดน่ะ”

เจ้าของเงินทำหน้าเหมือนนึกไม่ออก

ใช่ เมื่อต้นปีที่แล้วนั้น ต่อไม่มีเงินเก็บเหลือพอจะซื้อไอพอดให้ต้อง รุ่นที่ต้องอยากได้ก็ไม่ใช่รุ่นใหม่อะไร แต่ก็ยังขาดเงินอีกพอสมควร ต่อเลยเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือจากกะปิ ไม่สิ พูดให้ชัดๆ คือ ต่อเข้าไปไถตังค์ต่างหาก

กับกะปิ เป็นการไถตังค์ที่ดูน่าละอายที่สุด เพราะความเป็นคนอย่างนี้ของมันละมั้ง

‘คือ กูอยากได้ไอพอดเป็นของขวัญพี่กูน่ะ พอมีให้ยืมมั้ย’

เป็นวิธีไถตังค์ที่อุบาทว์ที่สุดตั้งแต่เคยทำมาเลย

เงินบางส่วนต่อพอมี เอ่อ ส่วนน้อยมากๆ

จริงๆ เกือบทั้งหมดที่มีก็ไถตังค์คนอื่นเค้ามา แล้วของกะปิกก็กองใหญ่ที่สุด

‘แล้วต่อจะเอาไปทำไรอะ’

พอปิถามว่าจะเอาไปทำไม ต่อก็เลยเล่าให้ฟัง คงเพราะเห็นว่าเป็นคนใกล้ตัวไม่อยากไถเอาดื้อๆแบบคนอื่น ก็เลยเล่าให้ฟัง

พอปิได้ฟังแล้ว วันรุ่งขึ้นก็เอาเงินมาสบทบให้

‘อะ มีแล้วค่อยเอามาคืนก็ได้นะ’

ปิ ไม่มีท่าทีเข้าใจเลยว่าเงินก้อนนี้จะไม่ได้คืน

เมื่อได้เงินจะปิมาผสมกับก้อนสุดท้ายที่ลงไป เป็นเงินน้อยนิดของต่อ แต่ก็เป็นเงินที่เก็บสะสมมาตลอด

‘ก็ไว้ต่อมีค่อยคืนเราก็ได้’ ปิตอบปัด

ไม่คืนเลยได้มั้ยอะ กะปิ

ต่อเองก็รู้สึกละอายไม่กล้าพูดออกไป

แล้วเหมือนปิจะนึกออก แต่คำถามกลับเป็นว่า

“แล้วปีนี้จะให้ไรอะ”

“ไม่รู้วะ ไม่มีก็ไม่ให้ พี่ต้องไม่ซีเรียสหรอก”

ทำไงได้ จะให้ไปขอใครได้ละ บ้านก็ยังไม่มีเลย อาศัยเค้าอยู่แท้ๆ แล้วจะทำตัวอันธพาลไปไถคนอื่นอีกก็ไม่เอาแล้วละ

ไม่กล้าไถไอ้กะปิแล้วด้วย อาย หน้าไม่ด้านพอ

งั้นปีนี้ก็ช่างมันแล้วกัน

“เออ ต่อ ชอบเล่นเกมแนวไหนอะ”

อือ ถ้าให้เลือกเหรอ... เอาเท่าที่เคยหนีไปเล่นตามห้างแล้วกัน

“ก็อะไรก็ได้ยิงๆ ฟันๆ”

“เหรอๆๆ เรามีอะ เล่นมั้ย วันเสาร์จะเอามาด้วย” เสียงปิเปลี่ยนไป

เหมือนมันเองก็ไม่แน่ใจว่าข้อเสนอนี้ดีแล้วหรือไม่

“เอาดิ อยากเล่นเหมือนกัน”

ได้เล่นเกม หลังคัดตัวเหนื่อยๆก็คงไม่เลวนัก

ปิยิ้มกว้างตอบกลับ

“งั้นวันเสาร์อย่าลืมเอามาละ เราคงมาแต่เช้า”

“เราคงมาสายๆนะ ขึ้เกียจตื่น”

ปิก้มหน้าตอบเสียงอ่อย

ต่อมองหน้ากะปิ แล้วหรี่ตา

“ก็ .... เราคงเล่นเกมแล้วคงนอนดึกน่ะ”

หน้าปิแเดงขึ้น

“เออ ตามสบาย สายๆก็ได้ เดี๋ยวกูรอ ขอให้มาเหอะ”

ปิหันมายิ้ม

ไม่ต้องออกเสียงก็รู้ จะบอกว่า ‘อื้อ’ สินะ

“งั้น.... ขอเบอร์ปินะ”

“อื้อ”

ปิเอาโทรศัพทพ์ต่อมากดเลอร์แลิวพิมพ์ชื่อลงไป ปิพนธ์

คิดว่าจะเมมกะปิซะอีก

“นี่ของเรา”

ต่อทำแบบเดี๋ยวกันแต่ใช้ชื่อว่า หัวหน้าแก๊ง

ปิหันมามองสายตารังเกียจ

ต่อหัวเราะ

“ไปขึ้นห้องกันเหอะ”

ต่อตบหลังกะปิ

ซองใส่โดนัทใสๆปลิวไปลงถังขยะ เด็กในสวนเริ่มเหลือน้อยลง ถ้าขึ้นไปช้านี่น่าจะโดนครูด่าอีกแหงๆ วันนี้มากพอแล้วสำหรับปัญหากับครูบาอาจารย์ทั้งหลาย

เอ้า ก็ยังดีวะ ท่าทางกะปิจะไม่คิดมากแล้ว โดนด่าถือว่าคุ้ม

นี่ก็คงเป็นสิ่งน้อยนิดที่ทำให้ปิได้ละนะ ไอ้นิสัยทนไม่ได้เวลาเห็นคนโดนรังแกเนี่ย มันคงได้มาจากพี่ต้องแน่ๆ

ต่อวิ่งขึ้นห้องไปก่อน มีปิเดินเร็วๆตามหลังมา

“รอด้วยยยยยย”

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ


เสาร์นี้ค่อยว่ากันอีกที
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่บูม [pg8] 9/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: thunderA ที่ 08-01-2016 21:27:24
ชอบเรื่องนี้มากคับ...ธรรมดาแอบอ่านอยู่ในเล้า..มานานแล้ว พออ่านเรื่องต้องสมัครสมาชิกมาขอบคุณคนแต่งเลยนะเนี่ยย...สนุกมากคับ..
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่บูม [pg8] 9/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 08-01-2016 23:01:58
ดูเหมือนต้องกับต่อ จะเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกัน
ต่อถึงคิดเกินเลยกับต้องในความสัมพันธ์แบบนั้นได้

ส่วนต่อกับกะปิ
กว่าจะรู้ใจกัน ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
คงจะไม่ง่าย น่าจะมีคนเจ็บซักคนหรือทั้งคู่ก็ได้

ชักจะชอบต่อแล้วอ่ะ
โดยเฉพาะตอนที่ช่วยเหลือเพื่อนที่ชื่อ "กะปิ"

ปิเสร็จต่อ
แน่รุย
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่บูม [pg8] 9/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 11-01-2016 09:42:35
ชอบเรื่องนี้มากคับ...ธรรมดาแอบอ่านอยู่ในเล้า..มานานแล้ว พออ่านเรื่องต้องสมัครสมาชิกมาขอบคุณคนแต่งเลยนะเนี่ยย...สนุกมากคับ..

ขอบคุณมากๆครับ ได้ฟังงี้แล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย   :-[

ดูเหมือนต้องกับต่อ จะเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกัน
ต่อถึงคิดเกินเลยกับต้องในความสัมพันธ์แบบนั้นได้

ส่วนต่อกับกะปิ
กว่าจะรู้ใจกัน ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
คงจะไม่ง่าย น่าจะมีคนเจ็บซักคนหรือทั้งคู่ก็ได้

ชักจะชอบต่อแล้วอ่ะ
โดยเฉพาะตอนที่ช่วยเหลือเพื่อนที่ชื่อ "กะปิ"

ปิเสร็จต่อ
แน่รุย

ต่อเสร็จปิไปละเหอะ 555 ...

เอ นั่นสิ ต่อกับต้องเป็นอะไรกันนะ ตอนหน้ามีแพลมๆออกมาละ

หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่บูม [pg8] 9/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-01-2016 11:41:41
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่บูม [pg8] 9/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 11-01-2016 20:05:29
อ้างถึง
ต่อเสร็จปิไปละเหอะ 555 ...
^
โอ้ววววววววว.วว ม่ายยยยยยยย
 :serius2:


ไม่จริงเหอะ
 :ling1:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่บูม [pg8] 9/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 11-01-2016 22:06:52
อ้างถึง
ต่อเสร็จปิไปละเหอะ 555 ...
^
โอ้ววววววววว.วว ม่ายยยยยยยย
 :serius2:


ไม่จริงเหอะ
 :ling1:

เอะ... ก็ตอนที่บ้านไง -*- หรือเราลงข้าม ชิหายละ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่บูม [pg8] 9/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 12-01-2016 09:59:10


เรายืนยันได้ว่าเราอ่านปิกินตับต่อเป็นกรณีพิเศษแล้วค่ะ
แต่เรากำลังงงไทม์ไลน์ของเรื่องนิดหน่อย...

ที่เล่าอยู่ตอนนี้ คือก่อนที่ต่อกับปิจะได้กันใช่เปล่าคะ?
เพราะมันเหมือนย้อนไปตอนที่ต่อกับปิมาเจอกันใหม่ ๆ ?
หรือเราเข้าใจผิด? สงสัยต้องย้อนกลับไปอ่านอีกรอบแฮะ

แต่ที่ประทับใจก็คือ พอได้มาอ่านเรื่องของต่อแล้ว
รู้สึกว่าความเคะของต่อที่อ่านตอนต้องเก้านี่ลดลงเยอะเลย
รู้สึกเหมือนต่อคือต้องในเวอร์ชันเกเรนี่แหละ (จริง ๆ ต้องมันคงมีมุมนี้เหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่มีใครจัดการไอ้เพื่อนเลวในห้องที่ทำร้ายจิตใจเก้าตอนเรียนหรอกเนอะ) เพราะต่อมันน่ารักและดูแลปิดีมากทีเดียว แถมยังซึนเหมือนกันเสียอีก (เฮ่อ! ป้าก็เพลียกับพี่น้องคู่นี้ในบางครั้งนะ) 

รออ่านตอนต่อไปด้วยความหวังว่าปิพนธ์จะโดนแกล้งน้อยลง - แต่คงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมคะ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า  :L2:



หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่บูม [pg8] 9/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 12-01-2016 10:33:20


เรายืนยันได้ว่าเราอ่านปิกินตับต่อเป็นกรณีพิเศษแล้วค่ะ
แต่เรากำลังงงไทม์ไลน์ของเรื่องนิดหน่อย...

ที่เล่าอยู่ตอนนี้ คือก่อนที่ต่อกับปิจะได้กันใช่เปล่าคะ?
เพราะมันเหมือนย้อนไปตอนที่ต่อกับปิมาเจอกันใหม่ ๆ ?
หรือเราเข้าใจผิด? สงสัยต้องย้อนกลับไปอ่านอีกรอบแฮะ

แต่ที่ประทับใจก็คือ พอได้มาอ่านเรื่องของต่อแล้ว
รู้สึกว่าความเคะของต่อที่อ่านตอนต้องเก้านี่ลดลงเยอะเลย
รู้สึกเหมือนต่อคือต้องในเวอร์ชันเกเรนี่แหละ (จริง ๆ ต้องมันคงมีมุมนี้เหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่มีใครจัดการไอ้เพื่อนเลวในห้องที่ทำร้ายจิตใจเก้าตอนเรียนหรอกเนอะ) เพราะต่อมันน่ารักและดูแลปิดีมากทีเดียว แถมยังซึนเหมือนกันเสียอีก (เฮ่อ! ป้าก็เพลียกับพี่น้องคู่นี้ในบางครั้งนะ) 

รออ่านตอนต่อไปด้วยความหวังว่าปิพนธ์จะโดนแกล้งน้อยลง - แต่คงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมคะ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า  :L2:

ใจร้าย!!! (จุ๊ๆ คือ ตอบไม่ได้สักคำถามเลยอะ...)

พี่น้องกันนี่เนอะ มันก็ต้องมีมุมคล้ายกันบ้าง มุมที่ต่างบ้าง ที่แน่ๆ ต่อไม่ป๊อดเหมือนต้องแน่นอน มันมีความเป็นตัวเองสูงกว่าต้องเยอะ ไม่มานั่งอมสากแบบต้อง

ปิเองก็ไม่ได้เหมือนเก้าเลยซะทีเดียว เจองี้เก้าคงโดกชกไปแล้ว ไม่มานั่งหลบมุมทำหน้าซึม

อีกนิด ส่วนตัวคนแล้วคิดว่า เก้ากับต่อ คล้ายกันมากกว่าอีกนะ 555

เรื่องทามไลน์ ถูกแล้วครับ 5555 บอกได้แค่นี้ จริงๆ อย่าโกรธกันเลยนะ เพระาเรื่องแต่งจบแล้ว 555 เลยยิ่งไม่อยากบอก
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : โดดรถ [pg8] 12/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 12-01-2016 16:55:35
ขอแค่ 5 นาที : โดดรถ

ตี๊ดๆๆๆๆๆๆ

เสียงอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้องดังรัวขึ้น

นาฬิกา ไม่ใช่สิ มือถือ ส่งเสียงดัง แล้วก็ไฟสว่างวาบที่หน้าจอ มันทำตามหน้าที่ของมัน ปลุกเจ้าของ

ฟ้าข้างนอกหน้าต่างที่อยู่ติดกับที่นอนยังไม่มีแสงใดหลุดรอดฉายแสงเข้ามาบนที่นอน ยกเว้นไฟนีออนสีส้มบนท้องถนนที่ถูกเปิดทิ้งไว้ทั้งคืน เป็นธรรมดาที่ฟ้าหน้าหนาวจะสว่างช้ากว่าฤดูอื่น แต่นี่มันทั้งมืดและหนาว

ลมเย็นวูบใหญ่พัดเข้ามาในห้อง ทำเอาผ้าม่านสีอ่อนที่หน้าต่างปลิวลอยขึ้นไปตามแรงลม

ลมเย็นเข้าปะทะหน้าต่อ เหมือนมีใครเอาน้ำเย็นมาลูบ

'กี่โมงแล้ววะ'

ต่อหยิบนาฬิกาหัวเตียงขึ้นมาดู

เพิ่งจะ 6 โมงพอดี

“พี่ต้องๆ” เสียงแหบพร่า

ไม่มีเสียงตอบกลับ

ต่อจึงพลิกร่าง หันไปทางที่พี่ชายนอนอยู่แล้วกอดเข้าเต็มตัว แทนหมอนข้าง

ตัวพี่ต้องที่อยู่ใต้ผ้าห่ม ช่างอุ่นสบาย น่านอนกอดยิ่งนัก ดูแล้วท่าทางจะยังหลับสนิทอยู่

ขอนอนต่อแล้วกัน

“ต่อๆ ลุกเหอะ” ยังไม่ทันได้หลับ

“ต่อ”

ต้องเอามือปัดขาต่อที่พาดผ่านทับกลางตัวต้องออก เช้าๆมันคงจะอึดอัดสินะ

“วันนี้จะไปโรงเรียนด้วยไม่ใช่เหรอ” ต้องพูดเสียงงัวเงีย

“อือ วันนี้วันเสาร์นะพี่” ต่อยังไม่ยอมหลบตัวออก

“ก็วันนี้คัดตัวไง” ต้องค่อยๆพลิกตัวออก

ดันตัวขึ้นมานั่งเกาหัว ช้าๆ

“ไม่อาบน้ำได้มั้ยพี่ต้อง” ต่อยังไม่ยอม ยังตามเกาะแขนต้องต่อไป

“แล้วแต่เลย หนาวๆยังงี้พี่ก็ไม่อาบ” ต้องหัวเราะ

เอามือลูบผมต่อเบาๆ

ตามมาด้วยเสียงหาวนอน

หึหึ ต่อนอนหัวเราะเมื่อได้ยินว่า ต้องเองก็ไม่อาบ

ผมต่อเป็นสีดำตรง ตรงข้ามกับต้องที่ดำแต่หยักนิดหน่อย จนถึงป่านนี้นอกจากแม่ของต้องแล้ว ต่อยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าแม่ของตัวเองเลยสักครั้ง ก่อนที่พ่อจะตายก็แค่ฝากต้องให้ช่วยเลี้ยงต่อให้ด้วย

น้าเองก็น้อยครั้งจนเหมือนไม่ได้สนใจอะไรต่อ คงคิดแค่ว่า เด็กผู้ชายตัวเล็กๆอีกคนที่เข้ามาอยู่ในบ้าน

และเป็นตัวเพิ่มค่าใช้จ่ายหลังจากที่พ่อตายไป

สองพี่น้องล้างหน้าล้างตาเสร็จ ค่อยๆเดินเงียบๆลงไปที่ชั้นล่าง บ้านยังมืดอยู่ ในห้องครัวก็เช่นกัน ทั้งมืดและเงียบ แปลว่าน้ายังไม่ตื่น

บ้านหลังเล็กๆนี้ที่มีแค่ 2 ห้องนอน ห้องพ่อที่ตอนนี้เหลือแค่น้านอนคนเดียว แล้วก็ห้องของต้องที่แต่เดิมก็วางแผนไว้สำหรับต้องนอนคนเดียว ตอนนี้ถูกหารสองด้วยเด็กชายตัวเล็กๆ

พี่ชายอย่างต้องที่เคยปรารถนาจะมีน้องชาย จนถึงขนาดสบเร้าแม่ตั้งแต่ประถมว่า ให้มีน้องอีกคน แต่ด้วยเหตุผลที่เด็กอย่างต้องในตอนนั้นก็ไม่เข้าใจ ความปรารถนานั้นก็ไม่เคยเป็นจริง

วันหนึ่งที่เรื่องมันกลับกลายเป็นว่า ต่อ ถูกเอามาฝาก ต่อที่เป็นเหมือนน้องชายที่ต้องอยากได้มาตลอด สำหรับผู้เป็นแม่ น้องชายต่างแม่ดูจะไม่เป็นที่น่าพึงใจนัก นานวันเข้า ต่อผู้เป็นน้องชายก็ยิ่งจะติดต้องแจ ดูเหมือนทุกวันนี้ ต้องจะคิดว่าต่อเป็นลูกชายไปซะมากกว่าแล้ว

“แม่ยังไม่ตื่นแน่ๆ” ต้องจุ๊ปากไปทางต่อ

ทั้ง 2 คนค่อยๆลงบ้านเงียบๆ

ปิดบ้าน เสียงกลไกในลูกบิดประตูส่งเสียงร้องเบาๆ

แสงที่ปลายฟ้าเริ่มปรากฎให้เห็น แสงสีเหลืองส้มแรกของวัน

'เอาไงดี เช้าอย่างนี้จะรอรถเมล์ดีมั้ยหรือจะแท๊กซี่ไปเลยดี'

ราวกับรู้ความคิดต้อง

“พี่ต้องไปรถเมล์ก็ได้ ไม่ต้องรีบหรอก”

“อือ” พี่ชายลูบหัว

คนที่เป็นน้องชายจะดีใจทุกครั้งที่ถูกพี่ชายอย่างต้องลูบหัว

“พี่ต้องจะลงอะไรอะ”

“บอลแหละ ต่อเองก็ลงเหมือนกันนี่”

“อือ ต่อเล่นเก่งอยู่อย่างเดียวนี่”

ถึงต่อจะบอกว่าเก่งอยู่อย่างเดียว ในความเป็นจริงแล้วต่อสามารถเล่นกีฬาได้ทุกอย่าง แต่เก่งมากน้อยก็ตามแต่กันไป ยกเว้นว่ายน้ำ มันเป็นสิ่งเดียวที่ต่อเกลียดไม่ใช่ว่าว่ายไม่เป็น แต่ไม่ถนัด แล้วก็ไม่ชอบลงไปแช่น้ำด้วย ยิ่งพอนึกภาพแบบไอ้อาทที่ต้องมาใส่ชุดว่ายน้ำตัวเล็กนิดเดียว รัดปลิ้น ตัวดำเป็นรอยแว่นตา

ไม่เอาดีกว่า

สองพี่น้องที่ความสามารถสลับกัน พี่เรียนเก่งกีฬาดี น้องชาย กีฬาเก่ง (ตีต่อยยิ่งเก่งกว่า) ส่วนเรียนก็พอใช้ได้

มาถึงโรงเรียน ลมพัดแรงช่วยเร่งเสียงใบไม้ที่เสียดสีกันให้ดังๆกันไปทั่ว

ด้านกำแพงริมของโรงเรียนปลูกต้นไผ่เยอะมาก ใบมันดกหนา พอหน้าหนาวก็ปล่อยใบที่แห้งร่วงหล่นปลิวว่อน

ยังไม่ค่อยเห็นคนมากันเท่าไร

ต่อมุดตัวหลบเข้าไปกอดพี่ชายใต้เสื้อหนาว

“นี่ ไม่อายเพื่อนเหรอ”

“แฮะๆ ไม่” ต่อรู้ยังไม่มีใครมา

ขนมปังที่แวะซื้อกันมาอยู่ในมือคนละชิ้น เช้านี้ก็กินกันแค่นี้พอ ถ้ากินไปเยอะเดี๋ยวพอไปถึงสนามกีฬาแล้วจะจุก

“เดี๋ยวก็เลอะเสื้อหรอก”

อีกปี สองปี ก็คงไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้แล้ว

ปีหน้าต่อก็จะขึ้นม.ปลาย ถ้าต้องยังเรียนอยู่ก็จะอยู่ชั้นม.6 แล้วอีกสองปี ก็แยกย้ายกันไปคนละที่ คนหนึ่งมหาลัย อีกคนยังอยู่แค่ ม.5 แทนที่ต้องในตอนนี้

'เดี๋ยวอะไรๆ มันก็คงจะเปลี่ยนไป' มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต่อกำลังหนักใจมากกว่า

สนามกีฬาข้างหน้ามีเด็กเริ่มจับกลุ่มซ้อมบอลกันเป็นวงย่อยๆ เริ่มส่งบอลวนกันไปมา พวกรุ่นพี่ก็ยืนจับกลุ่มกันอยู่อีกปลายสนามเตรียมความพร้อมที่จะคัดตัวนักกีฬา อีกเดี๋ยวก็คงจะเริ่ม

“งั้นพี่แยกตรงนี้นะ จะไปวิ่งวอร์มซะหน่อย”

“โอเค ต่อก็จะไปหาเพื่อนเหมือนกัน”

ต่อโบกมือให้ตามหลังต้อง

แล้วล้วงเอาโทรศัพท์มาโทรออก

“สัส มึงอยู่ไหน”  น้ำเสียงเปลี่ยน

“อะไรมึง กูยังไม่ออกจากบ้านเลย หนาว ขี้เกียจ”

 อีกฝ่ายทำม่าไม่อยากจะตอบหลังปล่อยให้เสียงรอสายดังอยู่นาน

“นี่มึง ของมึงเค้านัดกี่โมง”

“ไม่รู้ สายๆมั้ง น้ำเย็นงี้ใครจะไปโดดลงวะ ไม่มาซะดีมั้ย ให้แม่งหาคนอื่นเลย”

ไอ้หอกนี่เล่นตัว รู้ว่าเป็นนักกีฬาใครๆก็ต้องมาง้อสินะ

“เออ ทีมละ”

“มันไม่ลง มันจะมาทำไมวะ”

จริงของมัน

“เดี๋ยวคัดเสร็จไปสยามมะเดินจีบสาวกันดีกว่า”

“กูมาชุดบอลเนี่ย”

“เออ อย่าอาย จีบได้ตอนจะเอาก็ถอดเสื้อผ้าเหมือนกันแหละ”

พูดงี้ยิ่งไม่อยากไปใหญ่

“ค่อยว่ากัน”

ต่อตัดสาย

“เฮ้ ต่อ จะวอร์มมั้ย” เสียงคุ้นๆ

“นี่พี่บูมมาด้วยเหรอเนี่ย” เจอกันอีกแล้ว ขักยังไงละเนี่ย

พี่บูมยืนยักคิ้วให้

“สีพี่คัดวันนี้?”

“ไม่รู้ แต่สีฟ้าพี่รู้จักพวกรุ่นพี่เยอะเลยมาเล่นๆน่ะ”

จะมาโชว์พาวมากกว่าอะดิ ไม่ว่า

“มาๆ เดี๋ยวเตะส่งให้”

บูมวิ่งไปหยิบลูกบอลแล้ว มาตั้งหลักที่ถนนข้างสนาม เริ่มเตะจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง เตะส่งยาวไปให้ต่อ

ต่อรับบอลด้วยขา พักแล้วเตะส่งกลับไปทันที ของแค่นี้เป็นเรื่องง่ายๆ  สำหรับฝีมือระดับต่อ

คนเริ่มมาหนาตาขึ้น บนแสตนด์ด้านหลังต่อมีประตูกับคนที่จะคัดตำแหน่งผู้รักษาประตูยืนเฝ้ารออยู่ อีกด้านของสนามมีพวกนักบอลที่กำลังวอร์มด้วยการวิ่ง สลับกันไปมาบ้าง ส่งบอลเป็นวงกลมบ้าง

พี่ต้องคงอยู่แถวนั้น

“ต่อจะเป็นกองหน้าเหรอ”

“แม่น”

บอลถูกยิงส่งกลับไปให้บูม

“งั้นไปลองยิงประตูดิ”

บูมชี้ไปแสตนด์ด้านที่มีประตูตั้งอยู่

“อีกเดี๋ยวก็ได้พี่”

ต่อส่งบอลแรงเกินไปให้บูม

บูมโดดพักอกแต่ไม่ถึง บอลกระดอนออกไปจนต้องตามไปเก็บ

ระหว่างรอบูมวิ่งเก็บลูก ต่อหันหลังไปมองแสตนด์

บนแสตนด์นั่นพวกเพื่อนพี่ต้องนี่นา ไอ้เก้าก็มาด้วยเหรอเนี่ย ดูชุดแล้วไม่ได้กะจะลงกีฬาสินะ ไม่ต้องบอกเลย ต่อยืนๆมองอยู่ เดี๋ยวเดียวก็มีร่างสูงคุ้นตาวิ่งหยอยๆเข้าไปสมทบ

ไอ้พี่ต้อง ไปโผล่นั่นแล้ว ไปเห็นกันตอนไหนละ เรื่องดมกลิ่นเก้าเนี่ยละไวนักนะ คนอย่างนั้นมีดีอะไรวะ

“พี่บูม ต่ออยากยิงประตูแล้ว”

บูมส่งบอลให้ต่อ

พักลูกแล้วเตะ ลอยขึ้นไปลงกลางสนาม

สงคนวิ่งตามลูกบอลไป

ต่อจับบอลแล้ว วางลงตรงกึ่งกลางของประตูพอดี

ผู้รักษาประตูยังไม่สังเกตุ เพราะต่อตั้งนอกเขตโทษ เค้าคงคิดว่าแค่เด็กกำลังจะซ้อมบอลกัน

ต่อเตรียมตั้งท่า

แล้วเตะ เต็มข้อเท้า เล็งตรงไปที่... เหนือคานประตู ลูกลอยหักลง กระแทกแสตนด์ดังตึง

เฉียดหัวเก้าไปหน่อยเดียว

ทุกคนบนแสตนด์หันมามองทางต่อ รวมถึงพี่ต้องด้วย หน้าพี่ต้องแสดงอาการประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ต่อ เค้าจะเริ่มแล้ว ไปเหอะ” บูมรีบมาคว้าแขนลากตัวต่อไป

“ทำไมเอาที่มีคนนั่งวะ ด้านโน้นก็มี”

“ก็อันนี้มันใกล้นี่” บูมยังไม่ปล่อยแขน

“มึงตั้งใจเหรอ”

“ป๊าว เตะพลาดน่ะพี่” ต่อสะบัดแขนบูมออก

'ไม่น่าเล่าเรื่องเก้าให้มันฟังเลย ไม่คิดว่าจะออกมาเป็นแบบนี้' บูมนึกสงสัยว่าตัวเองกำลังทำผิดที่ตอบคำถามของต่อเมื่อตอนที่ต่อถามเรื่องของเก้า เผลอเล่าไปหมดเลยด้วย

แม่งเอ้ย

'เฮ้อ ซวยมึงละไอ้เก้า ใครจะไปคิดว่าไอ้บ้านี่จะเกลียดมึงได้ขนาดนี้'

มือสัมผัสเข้าที่หลังต่อ

`ใครวะ'

อ้าวพี่เจ

“หวัดดีพี่ มาลงบอลด้วยเหรอ”

เจที่เพิ่งลงผละจากการยืดเส้นสาย เดินเข้ามาทักท่าทางเก้กัง

พวกรุ่นพี่กำลังเริ่มไล่เช็ครายชื่อ แล้วก็เรียกหาน้องๆที่ยังไม่มาลงรายชื่อให้เรียบร้อย เป็นเสียงดังประกอบมาจากด้านหลัง

ต่อแอบฟังไปด้วยว่าจะมีชื่อต่อมั้ย

“เออดิ”

“เมื่อกี้ต่อทำไรวะ” ถามเข้าประเด็น

“ทำไร.. อ้อ ซ้อมยิงประตูไง”

“ต่อ คนอื่นเค้ารู้นะไม่ใช่ไม่รู้ ต้องมันเองก็รู้อยู่ แค่มันยังไม่อยากพูด”

ไม่อยากพูด โถ พี่ต้องไม่กล้าหรอก อ้อนหน่อยก็หายแล้ว

“เหรอ แล้วไง” ต่อเดินจากออกไป

แม่ง ไร้สาระ ไม่ได้ยินชื่อเลย เดินเข้าไปถามเค้าดีกว่า

“บูม มึงก็อยู่ไม่ดูมันหน่อยวะ”

“ดูไร น้องมันก็แค่ยิงเล่น” บูมไม่สน มองตามหลังต่อไป

“มึงก็รู้ ว่าไอ้นี่มันแม่นแค่ไหน พลาดไปโดนหัวทำไง”

“นี่มึง กูไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กนะ”

“อ้อ คำแนะนำที่กูให้มึงไปเนี่ย ดูจะได้ผลเกินคาดนะ ไปถึงขั้นไหนกับเก้าแล้วละ กูแค่บอกว่ามันง่าย นี่มึงติดใจเลยเหรอ” บูมทำหน้าทะเล้นจ้องไปที่ต่อ

“มึง” เจ กำมือขึ้น

“อาราย ไหนมึงบอกอยากให้กูหยุดต่อไง ด้วยวิธีใช้กำลังเนี่ยน่ะเหรอ”

บูมเดินออกไปนอกสนาม สีนี้ไม่ใช่สีของบูม จะอยู่ช่วยก็คงไม่ได้

“หลังนี้มึงทำไรวะ”

บูมทำหน้างง

“กูมาคัดตัวว่ายน้ำ กูก็ต้องไปที่สระสิวะ”

บูมเปิดขอบกางเกงบอลออก ให้เจเห็นถึงกางเกงว่ายน้ำสีดำข้างใน

“มึงจะชนะเหรอ” วันนี้สีแดงใช้สระด้วยเหรอ

โชคเข้าข้างเจ

“สีกูมีนักกีฬาอยู่นะ อาทน่ะ รู้จักมั้ย”

บูมไม่พูดอะไร

“อยากชนะมั้ยละ” เจหันไปส่งยิ้มให้

บูมยังงงอยู่ไม่เข้าใจความหมายของประโยคเมื่อกี้ ไอ้บูมมันไม่ใช่เด็กฉลาดอยู่แล้ว ไม่แปลกที่จะเข้าใจอะไรยาก

“ไว้ว่ากันละกันมึง บางประเภทที่ไอ้นักกีฬานั่นไม่ลงกูอาจช่วยได้” เจบอกลาแล้วเดินไปเข้าแถว

หลังจากเช็คชื่อเสร็จ ทุกคนกำลังเตรียมความพร้อม

กรวยสีส้มถูกรุ่นพี่หยิบมาวางเว้นระยะห่างกันเป็นช่วงๆ เรียงเป็นเส้นตรง ผู้เล่นทั้งหมดนั่งลงกับพื้นแล้วรอ เมื่อทุกอย่างพร้อมรุ่นพี่จะให้สัญญาณ

การคัดตัวไม่มีอะไรยาก แค่วิ่งหลบกรวยโดยไม่ให้ชน และทำเวลาให้เร็วที่สุด 

'ท่าทางจะแย่'

ต่อเริ่มคิดว่าการคัดตัวนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ดูจากหน้าคนที่มานั่งกันแล้ว มีกี่คนที่เคยเล่นบอลหลังเลิกเรียน  จะมีสักกี่คนที่เคยเห็นมาเล่นในวันเสาร์ สีฟ้าดูแล้วมีคนประเภทนั้นน้อยมากๆ จะคัดทำไม สงสัยจะหวังเหรียญจากบอลเนี่ย น่าจะยาก

ต่อได้แต่นั่งรออยู่ด้านหลัง

พวก ม.5 คัดไปหมดก่อนแล้ว ตามมาด้วยม.4  ทุกคนต้องนั่งรอ แม่งกว่าจะถึง  ม.3

เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง พระอาทิตย์เริ่มสูง อากาศกำลังจะอุ่นขึ้น ไม่สิ พอต้องวิ่งไปมามันกลายเป็นร้อนไปแล้วเหลือแค่ยิงลูกโทษก็จะหมดการคัดตัว

'กะปิมันมาถึงรึยังวะ' ม.3 เป็นชั้นสุดท้ายแล้ว

ปี๊ดดดดดดดดดด

เสียงนกหวีดดัง

เริ่มแล้ว

ต่อยิงสบายๆ แต่ติดผู้รักษาประตู

ผู้รักษาประตูคนนี้เป็นเพื่อนกับกลุ่มพี่ต้องนี่นา ฝีมือไม่เบาเลย แต่ มีแต่ผู้รักษาประตูคงจะช่วยอะไรไม่ได้ละนะ

ต่อยิงเต็มแรงอีกที ก็ยังติด

ชิ

ช่างมันเหอะ ไม่ได้ลงก็ไม่ได้ลง ถ้าต่อยังยิงไม่ได้ แล้วใครมันจะไปทำได้อีก

“พี่ครับเสร็จแล้วนะ”

“ครับน้อง กลับได้เลย”

ต่อยกมือไหว้ แล้วเดินออกไปทางสระว่ายน้ำ

'พวกแม่งจะมากันรึยังนะ'

ที่สระว่ายน้ำมีเสียงตีน้ำกระจายดังขึ้น ท่าทางจะยังไม่เรียบร้อย มันคัดสายจริงๆด้วย พวกพี่ต้องก็ไม่รู้หายไปไหนแล้ว

“เฮ้ย มึง เสร็จแล้วๆ รอกูแป๊บ”

“เออ รีบไปอาบน้ำอย่ามัวชักว่า.... นานละ”

“เหี้ยไรละ รอไว้เอาออกกับสาวโน่น”

อาทที่ยืนในกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วสีดำ รัดจนปลิ้น พูดออกมาจากบนริมสระ มันยืนเกาะราวกั้นที่เป็นม้านั่งสีฟ้าอยู่ ขอบสระอยู่สูงจากพื้นเกือบ 2 เมตรได้ ไม่มีที่กั้นนี่ถือว่าอันตราย

และดูแล้ว มันจะภูมิใจในหุ่นของมันมากๆ

ยิ่งโตกล้ามยิ่งแน่น ไม่ว่าจะเป็น อก ท้อง แขน หลัง ขา ดูเป็นมัดไปหมด ผิวสีแทน

`ไอ้เหี้ยนี่ ยิ่งโตยิ่งใหญ่เว้ย ต่อไปกูจะเอามันอยู่มั้ยวะ'

ทั้งหมดนั่นไม่ใช่สิ่งที่ต่ออยากเห็น

'ทำไมกะปิยังไม่มา'

ตู๊ดดดดดด

“ต่อ ไหนวะ”

เสียงแปร่งๆ

“สัสทีม ว่าไง”

คิดว่าไอ้กะปิ จะด่าให้

“เออ กูถึงแล้ว ไอ้เชี่ยอาทนัดจะไปสยามน่ะ มึงไปมั้ย”

ถึงไหนวะ

“กูรอมันเปลี่ยนชุดอยู่เนี่ย แม่งกูมาชุดบอลเลย”

“เออ งั้นเจอกันทางออกสโมสรเลยมึง”

ต่อหยิบเสื้อมาดมๆดู แม่งเหมือนเหงื่อชิบหาย

สโมสร เป็นตึกทรงประหลาดมี สองชั้น ข้างนอกมองเข้าไปจะเห็นหลังคาทรงแปดเปลี่ยน  แต่ตัวตึกเป็นกลมๆ ยังกับท่อน้ำ ทางขึ้นเป็นช่องกว้างราวกับปากคนอ้า ที่มีขั้นบันได 5-6 ขั้น กว้างขนาด คนนอนได้สามคน เป็นที่ประจำที่พวกครูพละ ชอบใช้นอนเล่นคุยกัน

ชั้น 2 เป็นร้านอาหารสำหรับผู้ปกครองเท่านั้น ตึกนี้จึงได้รับการดูแลให้สะอาดเป็นพิเศษ

เมื่อเดินตรงทะลุเข้าไปจะเจอสนามเทนนิสขนาด 4 คอร์ท เรียงรายอยู่ ถ้าตัดออกไปทางขวาจะเจอกับ สระว่ายขนาดแข่งขัน 25 เมตร ส่วนลึกสุดอยู่ที่ 3.5 ได้ (กะเอา) ใช้สำหรับโดดน้ำ

ห้องน้ำที่สระว่ายน้ำมี 2 แบบ แบบแรกเป็นแบบยืนเรียงอาบตามกำแพง สำหรับเด็ก (จริงๆแล้วสำหรับทุกคนแหละ) แต่ถ้าใครรักสะอาดอยากล้างหมดจนเกลี้ยง จะมีห้องอยู่ด้านหลัง ที่มืดกว่า เพราะมีหลอดไฟนีออนแค่สองดวง ไม่รู้จะประหยัดไปไหน

ส่วนใหญ่คนจะอาบกันริมกำแพง โรงเรียนชายล้วนมันก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผลจะอายอะไรกัน แล้วยิ่งถ้าเดินไปด้านหลังมันก็จะเลอะขา ไหนจะน้ำที่นองอยู่บนพื้น เศษทราย ดิน เดินกลับมาก็ต้องล้างขาใหม่อยู่ดี พื้นก็น้ำนองก็ดูแฉะๆ น่าสกปรกกว่าอีก

ต่อยืนรออาทที่ทางออก

แม่งช้าจิง

“ชักว่า..เหรอมึง ไปได้แล้ว”

ต่อไม่รอคำเถียงจากมัน ทุกทีไอ้บ้านี่มันก็อาบตรงกำแพงนั่นแหละ ล้วงแคะกันตรงนั้นเลย เคยอายใครที่ไหน

ใช่ เพราะอย่างนี้ละมั้ง มันถึงได้เกลียดไอ้ปิมาก

เฮ้อ สงสารไอ้กะปิแฮะ

เทอมที่แล้วมีเรียนว่ายน้ำ ไอ้กะปิมันก็ว่ายน้ำพอได้ แต่ไม่ได้เก่ง สู้อาทไม่ได้อยู่แล้ว ในโรงเรียนเนี่ยไม่มีใครสู้มันได้ทั้งนั้นแหละ

ตอนเรียนเสร็จ มันเป็นคนเดียวที่ใส่กางเกงว่ายน้ำเล็กมาก คือ คนอื่นก็ใส่แบบมันนะ แต่ไม่รัดปลิ้นครึ่งตูดขนาดนี้ ไม่รู้อะไรดลบันดาลใจให้เอาแฟชั่นนี้มาใส่ แล้วไปยืนอาบน้ำล้วงควักตรงกำแพงที่มีฝักบัวติดผนัง

มีใครสักคนตะโกนขึ้นมา

‘เชี่ย ของอาทแม่งเล็กวะ กูมองไปแทบไม่เห็น’

เด็กคนอื่นรีบเข้ามามุงกันใหญ่

ต้นเสียงคงเป็นใครสักตัวในหมู่พวกต่อ 7 คนนี่แหละ ตอนนี้มันไปอยู่ห้องอื่นแล้ว

‘ดูดิ ขนแม่งเพิ่งขึ้นหรอมแหรม แต่ยาวกว่าไอ้นั่นของมันอีกวะ’

ไอ้อาทหน้าแดง รีบปิดกางเกงหุบเข้าไป

ประโยคที่ทำให้ดวงไอ้ปิถึงฆาตก็มา

‘แม่ง ดูๆแล้วของไอ้ปิยังใหญ่กว่าเลย’

ปิรีบเอามือปิด

มันไม่กล้าใส่แบบไอ้อาทหรอก อย่าว่าแต่จะโชว์เลย มันเล่นใส่ขาสั้นมาเลย แถวตัวก็ผอม กางเกงหลวมโพรก มันมองไม่เห็นหรอก ปิคงบังมิด คงมีใครสักคนพูดขึ้นมาเล่นๆ แล้วบังเอิญคราวซวยตกลงที่ปิ เพราะมันท่าทางเป็นเด็กที่เห่ยที่สุดในห้องเรียน

เห่ย คำพูดติดปากไอ้อาทที่พูดใส่กระปิประจำ ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็แล้วแต่

ต่อสังเกตว่าหลังจากวันนั้นอาทจงใจเล่นงานปิเป็นพิเศษ ทุกทีปิจะเหมือนพวกนอกสายตา แต่หลังจากนั้นโฟกัสของอาทตกไปอยู่ที่มันเต็มๆ

“ไปยัง” เสียงนั้นทำลายความคิดต่อ

โห ไอ้นี่มันแต่งมาซะหล่อเลย ใจคอมันคิดจะบอกกูมั่งมั้ยอะ ที่ช้าคือนี่สินะ

“มึงตั้งใจไว้แล้วใช่มั้ย”

“เค้าเรียกว่าตัดคู่แข่งเว้ย”

เออ เอากะมัน

“เฮ้ๆ มาแล้วๆ”

“ไอ้ทีม มึงอีกตัวเหรอ” ทีมที่เดินเหนื่อยหอบ แสดงว่าเพิ่งเข้ามาถึง ไอ้ที่บอกถึงแล้วนี่ปากทางเข้าโรงเรียนใช่มั้ย

“ปะๆ จะไปไหนวะมึง” ต่อหันไปถาม

“อืมมมม หล่อๆงี้ ต้องสยามสิวะ”

“สัส กูไม่ไป ดูชุดกู เหม็นเน่าขนาดนี้ ให้ไปสยาม หัวก็ยุ่ง”

“น่าๆๆๆๆ นานๆพี่ต่อจะยอมลดตัวมาทุเรศกว่าพวกผมซักที”

อาททำท่าอารมณ์ดีเดินออกนำไป

ไอ้กางเกงรัดรูปมึงน่ะ ไม่ได้ดูดีนักหรอกนะขาโตมีแต่กล้ามมันใส่ไม่สวยเว้ย

ไปปิมันหายไปจริงเหรอเนี่ย

แม่งเบี้ยวกูสินะ

“แท๊กซี่มั้ยมึง”

“ม่าย ประหยัด ไว้ไปแดกกาแฟหรูๆที่ สยาม”

ถุย ไม่มีจะจ่ายเสือกงกนั่งรถเมล์ไปแดกกาแฟแพง

รถเมล์ก็รถเมล์

จากที่นี่ไปต้องไปแวะเปลี่ยนรถที่แถวบ้านนี่นา สายที่จะขึ้นเป็นสายเดียวกับที่ใช้กลับบ้านทุกที แวะลงตรงหัวโค้ง

หลังๆไม่เห็นพี่ต้องที่หัวโค้งนั้นอีกเลย พอถามก็บอกว่านั่งแท๊กซี่เลยไปส่งเพื่อนก่อน

ไอ้เก้าอีกแล้วสินะ

แอบหยิบมือถือมากดดู

13.45 น.

ไม่มีโทรศัพท์เข้า

รถเมล์มาถึง

ทั้ง 3 คนโดดขึ้นรถไป

“แล้วไอ้พวกนั้นอะ ไม่ชวนมันเหรอ” ต่อหมายถึงเพื่อนกลุ่มเก่า

“บอกให้พวกมันไปเจอที่สยามแล้ว”

พอคิดๆดีแล้วที่ปิ ไม่ได้มาด้วย ดงหมาป่าชัดๆ

รถเมล์แล่นส่ายๆ วันเสาร์เป็นช่วยหารายได้ของรถร่วมขนาดเล็กสีเขียว ที่ชอบขับอย่างกับว่าตัวเองเป็นรถจักรยานยนต์ จะวิ่งเร็วไปไหน คนแน่นขนัด จนเราสามคนต้องยืนเกาะราวกันเอาไว้ ลมเย็นของหน้าหนาวที่ตีเข้ามาตามความเร็วรถเนี่ยไม่ได้ช่วยอะไร

ร้อนเป็นบ้า

“ต่อ วันนี้มึงนัดเจอใครป่าววะ”

“หือ พูดไรของมึง”

“กูเห็นไอ้กะปิ มันเดินเหมือนหาใครอยู่ เลยแกล้งมันบอกไปว่า มึงลืมของไว้บนห้องเรียน ให้มันช่วยไปหาให้หน่อย เดี๋ยวมึงรอ”

ต่อตาโต

ไอ้พวกเหี้ยนี่ เอาอีกแล้ว ป่านนี้ไอ้ควายกะปิ มันคงหาตาแตกแล้วมั้ง

“มึงไปบอกมันตอนไหนอะ”

“เกือบๆเที่ยงได้” ทีมตอบสบายๆ

“ไอ้ห่วยกะปิกับมึงนัดกันเหรอ”

นี่จะบ่ายสอง

“กูลงนี่แหละ”

“เฮ้ยไรมึง”

“ชุดกูไม่หล่อ กูหมดรมละ พวกมึงแม่งแกล้งกู กูไปละ”

ไอ้ทีมนี่ก็อีกตัว โกหกหน้าตายได้ตลอด

รถเมล์กำลังเข้าเทียบป้ายก่อนหน้า บ้านแมค

ต่อโดดลงไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อน และกระเป๋ารถเมล์ รถยังจอดไม่สนิท แต่ไม่เป็นไร ใกล้ฟุตบาทพอ ไม่มีรถวิ่งแทรกเลนมา

ตุบ

ต่อรีบซอยเท้าวิ่งย้อนกลับเพื่อไปขึ้นสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม

ปล่อยเสียงก่นด่าของเพื่อนๆ และกระเป๋ารถเมล์ ไว้ข้างหลัง

แว่วๆมาว่าต่อขี้แตก

กูน่ะไม่ แต่ไอ้กะปิน่ะ มันได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งกลัวจนขี้แตกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : โดดรถ [pg8] 12/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-01-2016 22:03:11
 :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : โดดรถ [pg8] 12/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-01-2016 22:12:46
คุณ Malimaru ช่วยยืนยันว่าได้อ่านแล้ว
ก็เลยไปไล่อ่านดูใหม่ โอ้วววว..มีจริงด้วยแหะ
ก็คุณ Monet มาลงให้อ่านวันสิ้นปี..เค้าดาวน์อยู่อ่ะ เลยอ่านข้าม พลาดไปเฉยเลย
ตอนคืนสิ้นปี อิอิ


ขอยืมคำของทนายวันชัยมาใช้โหน่ยยยย
"คดีพลิก"
ฮ่าฮ่า

อ่านแล้วอ่านอีก ทวนแล้วก็ทวนอีก
โอ๊ยยยยย ไม่อยากจะเชื่อ มียังงี้ดัวะ
จริงอ่ะ ตอนนี้ก็ยังมึนๆงงๆอยู่ ง่ะ

คนออกโรงปกป้อง ดูแลโอบอุ้มอีกคนนึงที่ดูอ่อนแอกว่า
แต่คนดูแข็งกว่า กลับโดน!!!!! ฮ่าฮ่า อุ๊บสสสส

เชื่อแล้ว..โลกใบนี้ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัว
อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น อิอิ ไอ่ต่อ

คงอยากโดนจากพี่ต้อม..มากไปล่ะมั้ง
เลยมโนให้ปิผสมพันธ์ให้ซะเองเลย
กร๊ากกกกกกกกก

ป้อล่อ..ขอโทษที่แสดงกิริยาออกนอกหน้ามากไปหน่อย
ก็คนมันแปลกใจอ่ะ วู้ววววววววว

ป้อล่อ 2..ตอนใหม่ล่าสุดยังไม่ได้อ่านอ่ะ
กลัวเซอร์ไพสสสสสสสสส
มากกว่าเดิม
 :hao7:
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : 2 คน [pg8] 15/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 15-01-2016 16:59:17
ขอแค่ 5 นาที : 2 คน

แม่งเอ้ย

ต่อสบถคำนี้ในใจเป็นรอบที่เท่าไรแล้วเนี่ย

เร่งซอยฝีเท้าให้เร็วขึ้น

ใจมันร้อนกว่าตัวอีก อยากจะไปให้ถึงเร็วๆ คนรอบข้างหันมามองแปลกๆ ป้ายรถเมล์อยู่ตรงหน้า

เวลาบนนาฬิกาข้อมือกำลังแสดงให้ต่อเห็นว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ต่อจ้องสลับไปมากับรถบนถนน ตัวเลขเพิ่มขึ้นมันเร่งความร้อนในใจปิไปด้วย

เกือบ 20 นาทีหลังจากขึ้นรถเมล์ออกมาจากโรงเรียน กว่าจะกลับเข้าไปอย่างเร็วก็ไม่น่าต่ำกว่าอีก 20 นาที พอดี 2 โมงครึ่ง

นี่กะปิมาถึงกี่โมงนะ เที่ยงยังงั้นเหรอ ก็หมายความว่าเกือบ 2 ชั่วโมงแล้วสิงั้น มันต้องอยุ่คนเดียวนานอย่างนั้นเลย

มือกดโทรศัพท์หาปิ

ชื่อ ปิพนธ์สว่างวาบขึ้นมาบนหน้าจอ

มันเมมชื่อเป็นภาษาไทย เออลืมถามไม่เมมนามสกุลด้วยเลยละ เล่นมาซะเต็มยศ

แบตยังเต็ม วันนี้ไม่ได้ใช้  ไม่น่ากังวลเรื่องแบตเตอรี่จะหมดก่อน

แม่ง กระเป๋ากางเกงก็กว้าง ต่อเลยเอากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มาถือไว้ เดินเร็วๆแกว่งไปมาตลกเป็นบ้า กางเกงก็ผ้าลื่นๆเงาๆ ใส่แล้วตลกชิบเป๋ง คิดยังไงมากับพี่ต้องในชุดนี้วะ พลาดจริงด้วยไม่คิดว่าจะต้องมาวิ่งไปมาทำอะไรแบบนี้

ถึงว่าพี่ต้องแม่งห่วย แต่งตัวก็ไม่เป็นสาวที่ไหนจะเอา ได้หนุ่มมาแทนเลยไง นี่ขนาดไอ้เก้ามายังไม่รู้จักทำตัวเลย หึ เก้าเห็นคงจะเปลี่ยนใจ

โอ๊ย คิดแล้วหงุดหงิดไปหมด

เสียงรอสายดังขึ้น

&|€#}+|%.**~#!~\|\\_\\••{¥ เฮ้ย อะไรวะ

เสียงเพลงแปลกๆ

ต่อ หันจอโทรศัพท์มาดู

‘ก็ไม่ผิดนี่’

เฮ้ย เพลงไรวะ

“อะ ต่อเหรอ” เสียงสูงๆ แหยๆ รับขึ้น

ต่อนึกหน้ามันออกแทบจะทันที

“ยังหาไม่เจอเลยอะ โทษที”

กูไม่ได้ถามเลย

“อยู่ไหนนนนนนนนนนนน”

“เอ่อ ..  อยู่บนห้องเรียนอะ ขอโทษนะ”

“ปิ ไอ้กะปิ มึงขึ้นไปหาตั้งแต่ตอนไหน”

แล้วมันจะขอโทษทำไมวะ

“ขอโทษอะต่อ เราแวะไปกินข้าวก่อนค่อยขึ้นไป เห็นทีมบอกว่าต่อน่าจะอีกนานให้ไปหารอ เราเลยไม่รีบอะ รีบเหรอ-ขอโทษนะ โกรธเหรอ”

เฮ้ออออออออออ แล้วไป

แสดงว่าน่าจะยังไม่เป็นไร แดกข้าวไปแล้วก็ดีไป

“แล้วมันว่าไรอีก” ต่อถาม

ใจเย็นลง

“ก็มันว่าถ้าหาไม่เจอต่อจะโกรธมาก จะ เอ่อ.. จะไล่กระทืบเรา ขอโทษนะ”

สัส ทีมตอแหลได้เป็นเรื่องราวดีมาก

“กะปิ มึงฟังกูนะ”

ปลายสายเงียบไปแปลกๆ

“ไอ้กะปิ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มึงเลิกขอโทษกูซะที”

ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ต่อมั่นใจว่า มันยังฟังอยู่แน่ๆ

“ปิ มึงลงจากตึก ไปหาน้ำหาไรกินซะ แต่ถ้าหิวอย่าเพิ่งแดกรอกูด้วย อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงกูจะไปหา บนตึกมันมืดมาก เดินลงระวังตัวด้วย” ต่อพูดใจเย็นลง

พูดย้ำช้าๆชัดๆ

“….”

มันยังเงียบ ไอ้นี่

“ไอ้กะปิ๊ๆๆๆๆๆ ได้ยินมั้ย”

มึงโดนผีหลอกช็อคตายไปแล้วเหรอไงวะ

“อะ อือๆๆ แล้วของละ”

“ไม่ต้องหา ไม่มีไรหายทั้งนั้น ลงไปรอที่สวนถ้าว่างเข้าใจมั้ย”

“อือ”

ปลายสายทำเสียงงงๆ

“แล้วกูก็ไม่ได้โกรธอะไรด้วยของมันไม่ได้หาย!!!”

“ไปนั่งรอที่สวนนะ”

ต่อหันหน้ากลับมามองบนถนน รถเมล์ที่อยากให้มาก็ยังไม่มาถึงซักทีเวลารีบๆอะไรก็ดูจะชักช้าไม่ได้ดั่งใจไปหมด

นึกไปถึงสภาพกะปิอยู่บนห้องเรียนตอนนี้คนเดียวแล้วมันน่าซัดไอ้ทีมนัก

แม่ง บนตึกมืดชิบหาย มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นบ่อยๆ ใครเค้าขึ้นไปกันคนเดียววะ ไอ้สัสทีมก็ทำได้ เอาชื่อกูมาอ้าง

ถึงต่อไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ทุกโรงเรียนมันก็มีเรื่องเล่าลือกันเสมอ กันไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอะไร ไม่ใช่เข้าไปเจอมันยืนตัวสั่นหัวฟู ร้องไห้แบบในหนังผีหรอกนะ

ไอ้โรงเรียนนี้เรื่องเล่าผีๆก็เยอะซะจริง มีแทบจะทุกจุดจนไม่รู้ว่าอันไปนจริงอันไหนโม้ แต่ที่ต่อมั่นใจคือวันเสาร์อย่างนี้ไม่มีเรียน ฉะนั้นบนตึกไม่เปิดไฟให้แน่ๆ

แล้วมันจะไปอยู่ยังไงคนเดียววะ

ไอ้ของที่หาคืออะไรก็ไม่รู้อีก ไอ้ซื่อบื้อเอ้ย กูควรจะโกรธใครดีวะ

กว่ารถเมล์จะมาถึง บนถนนฝั่งนี้ก็มีการจราจรที่ห่วยแตกพอๆกัน วันเสาร์นี่ทำไมรถมันติดกว่าวันทำงานอีกวะ ต่อยืนชะโงกหน้ารอรถ

‘เอาวะ ยังไงมันก็ลงจากตึกมาแล้ว นั่งอยู่ในสวนน่าจะดีกว่า’

ไม่อยากนึกภาพ หน้าตาแหยๆ ของมันหาของที่ไม่มีบนห้องเรียนมืดๆ คนเดียวเวลานี้เลย

เป็นไปตามที่ต่อพูด ครึ่งชั่วโมง

แต่เป็นครึ่งชั่วโมงของสองคนไม่เท่ากัน

สำหรับต่อ แล้วทำไมเวลามันเดินเร็วจังวะ ช้าๆหน่อย จะเดินไม่ทันแล้ว แทบจะอยากหยุดเวลาเอาไว้ไม่ให้กะปิต้องเจอเรื่องอย่างนี้คนเดียว

บนรถเมล์ที่ว่างเยอะแยะ แต่ต่อนั่งไม่ลงยืนโหนราวใกล้ประตูไว้อย่างนั้น พร้อมวิ่งทันทีเมื่อรถจอดถึงป้าย ในหัววนเวียนแต่เรื่องตึกมืดๆ กับไอ้กะปิที่นั่งตากลมเหงาอยู่คนเดียวที่สวน

รถเมล์ยังไม่ทันถึงป้ายต่อรีบโดดลงวิ่งข้ามสะพานไปปากซอยแล้วขึ้น 2 แถวที่พร้อมจะออก ยืนเกาะบนบันไดทางขึ้น

มันอันตราย แต่ต่อรีบ

แดดเริ่มร่มขึ้น ลมเริ่มกลับมาพัดแรงขึ้นอีก เสียงใบไผ่ยังปลิวดังแกรกกรากอยู่ตลอด ทางเดินเดียวกับเมื่อเช้า ที่สองพี่น้องพากันเดินเกาะแกะ เมื่อเช้ายังดูมีการเคลื่อนไหวมากกว่านี้ ตอนนี้นอกจากใบไม้กับเสียงลม แล้ว ทุกอย่างดูสงบนิ่งไปหมด

ทุกคนคงกลับไปหมดแล้วสินะ

ต่อรีบโทรออก

“ปิ กูถึงแล้ว มึงนั่งอยู่ตรงไหนอะ” เสียงเหนื่อยหอบ

“ก็ที่เดิมที่ต่อพามากินโดนัทอะ”

นี่คำพูดเด็กม.3 เหรอวะ ยังกับเด็กประถม

“เออ นั่งเล่นเกมไป”

“เล่นอยู่”

ไอ้บ้านี่

มันรู้สึกอะไรมั่งมั้ยวะ หรือกูบ้าไปเอง

นี่กูต้องวิ่งมาหาผู้ชายเหรอเนี่ย ถ้าเป็นสาวน่ารักๆจากโรงเรียนแถวนี้ก็จะไม่ว่าเลยนะ นี่แม่งไอ้กะปิ ผู้ชายนะเว้ย มีตอนะเว้ย

เหี้ย... ภาพปิหันมามองหน้าต่อสะท้อนแวบขึ้นมา

เสือกน่ารัก....

กลางสวนมีเด็กผมตรงดำสนิทนั่งหลังค่อม อยู่ตรงโต๊ะม้าหิน ตัวเดียวกับเมื่อวันนั้น กำลังนั่งก้มหน้าก้มตากดอะไรสักอย่างในมือ

เสื้อผ้าสีสดมาก เหมาะกับมันจริงๆ เสื้อยืดสีส้ม กางเกงยืนส์ แล้วก็เสื้อหนาวสีฟ้า ตัวมันผอมขนาดนี้เลยเหรอ ยังกับมีกองเสื้อผ้าวางอยู่ มันดูหลวมมาก ทำไมซื้อซะใหญ่เลยวะ

มองไปรอบๆ ร้านอาหารในสวนตอนนี้ปิดหมด เบเกอรี่วันนั้นก็ด้วย วันเสาร์ที่สวนนี้ไม่มีขายอาหาร

แต่บนโต๊ะยังมีน้ำเปล่ากับซองของกินอะไรซักอย่างขยับปลิวอยู่

‘ยังดีที่มันเอาตัวรอดได้’

“เป็นไงมึง เล่นเกมไรวะ” ต่อยืนท้าวเอวถาม แต่หายใจหอบ

เมื่อได้ยินคำถามดังขึ้น

ปิเงยหน้า ดันแหวนหนาๆ ให้เข้าที่บนดั้งจมูก จมูกเล็กๆ

แล้วยิ้มให้

“ก็ RE : 0”

“นี่มึงเล่นเกมแบบนี้ด้วยเหรอ”

ต่อคว้าน้ำเปล่าบนโต๊ะมาดื่ม ยังเย็นอยู่เลย

ปิมองหน้าต่ออึ้งๆ คงสงสัยต่อไปทำอะไรมาเหนื่อยขนาดนี้

“ต่อรู้จักมั้ย”

เหมือนจะเคยได้ยินพวกเกมยิงๆผีๆอะไรแบบนั้น

มิน่ามันถึงไม่กลัว

“ใช่ สนุกออก”

“เก็บกดป่าวเนี่ย” ต่อล้มลงนั่งข้างๆ

“ต่อไปทำไรมาอะ ทำไมดูเหนื่อย”

“ไปวิ่งรอบสนามโรงเรียนมา ฟิตซ้อมน่ะ”

“ขอนะ”
 
มือเอื้อมไปหยิบน้ำเปล่าขึ้นมายกระดกอีกรอบ อึกๆ จนหมด ไหนๆครั้งแรกก็ครึ่งขวดละ งั้นคราวนี้เอาให้หมดเลย

“ทำไมเราแวะไปที่สนามไม่เจอ”

ต่อยักไหล่

“ตาไม่ดีอะดิ”

….. มันคงไม่เชื่อสินะ

“สงสัย”

หลังจากปิทำหน้างง เสียงหัวเราะดังขึ้นในที่สุด

“แล้วไม่โทรมาหาละ”

“ก็คิดว่าต่อคงซ้อมอยู่ พวกทีมก็บอกว่าอย่างนั้น”

ไปที่สนามไม่เจอก็น่าจะถามได้แล้ว เสือกเชื่อไอ้บ้าทีม ไอ้สัสทีม ไอ้ตอแหล ไอ้ชั่ว

“แล้วขึ้นไปหาของอะไรไม่รู้เนี่ยนะ”

“แหะๆ”

“มันบอกต่อลืมของสำคัญไว้”

“แล้วมันบอกมั้ยอะไร”

ปิส่ายหัว

ต่อนิ่งไปสักพัก ตอนนี้หายเหนื่อยแล้ว

ท่าทางมันเหมือนรู้ตัวแล้วว่าโดนแกล้ง

“เกิดเราไม่มาทำไง”

ปิเงียบไป

“เราเชื่อใจต่อไง” รอยยิ้มซื้อๆปรากฏขึ้น รอยยิ้มที่พร้อมจะฆ่าต่อทุกครั้งที่เห็น

มันกดหยุดเกมแล้วหันมายิ้มให้ ฟันขาวริมฝีปากแดง แม่งคนอะไรวะ น่ารักกว่าผู้หญิงที่กูแนะนำให้พี่ต้องซะอีก

เฮ้อ ต่อเอามือตบหลังปิสองที

ไม่ต้องให้บอกก็รู้ว่า ปิ คิดอย่างนั้นจริงๆ

‘เชื่อใจยังงั้นเหรอ’

มันเป็นความอบอุ่นอย่างประหลาด ในเมื่อโลกนี้ต่อเชื่อใจแค่พี่ต้อง และคนที่เห็นค่าในตัวต่อก็มีแค่พี่ต้อง

ปิเป็นคนอื่น

และเป็นคนอื่นที่รู้สึกเชื่อใจในตัวต่อ พึ่งพาในตัวต่อ ทำให้ต่อรู้สึกว่าในโลกนี้ตัวเองยังมีตัวตนอยู่ บนโลกใบนี้ต่อไม่เคยใส่ใจอะไร เพราะว่าตัวต่อเองก็โตมาแบบไม่ถูกใส่ใจเช่นกัน ไม่ว่า พ่อ แม่ หรือ น้า

“เอ้า เล่นมั้ย”

หือ????

ปิส่งเครื่องเกมส์สีขาวขนาดพกพาให้ มันไม่ใหญ่ไกว่าฝ่ามือต่อสองมือรวมกัน

“เล่นไงอะ”

เกมนี้ต่อยังไม่เคยเล่น

“นี่ไงเอานิ้วโป้งวางตรงไอ้ที่บังคับที่เป็นไม้นั้นอะ หมุนเอา 4 ปุ่มนี้เป็นปุ่มกด ข้างบนมีอีก 2 เป็นหก เดี๋ยวเริ่มเกมให้ใหม่นะ มันจะได้สอนต่อเล่น เกมมันจะแนะนำผู้เล่นใหม่ให้เริ่มเล่นได้ง่าย สอนว่าแต่ละปุ่มจะต้องใช้ยังไง ทำอะไรได้บ้าง แล้ว....”

“พอ!!!!! กดรีสตาร์ทเลย เดี๋ยวลองเอง”

แม่ง ยิ่งฟังยิ่งงง

ปิรับไปแล้วกดสัญลักษณ์อะไรสักอย่างบนเครื่อง จอดับวูบ แล้วก็มีสีสดใสสว่างวาบขึ้นมาใหม่ พร้อมกับเสียงเพลงดังขึ้นมาเบาๆ

ขยับๆไอ้ตัวบังคับอยู่สองสามที กดอีกหน่อย

ปิก็ส่งมาให้

“เอ้า”

“เอาละนะ” ต่อรับไป

หน้าจอเริ่มแสดงภาพ กำลังเข้าเกมอยู่ แสงโลโก้สว่างวาบขึ้นมา

ปุ่ม START เรืองแสงเชื้อเชิญ

เพลงประกอบส่งเสียงดัง แต่ไม่เป็นไรไม่มีคนอยู่แล้ว

ต่อใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับเกม เครื่องเกมที่ต่อไม่มีวันจะได้มีเป็นของตัวเอง ถ้าโชคดีจะได้เล่นจากเครื่องคล้ายๆกันแบบนี้ที่ขอให้พี่ต้องช่วยยืมคนอื่นมาให้เล่น ต่อไม่มีสิทธิ์ที่จะขอน้าให้ซื้อเครื่องเกมให้

ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปด้วยซ้ำ

ใช้เวลาสักพักในการศึกษาวิธีเล่น

ต่อเริ่มเล่นได้เรื่อยๆ

“นั่นๆ ตรงนั้นๆระวัง”

เสียงกะปิคอยกำกับอยู่ข้างๆ

“นี่ กดตรงนี้มันจะได้กระสุนเพิ่ม”

มันเอานิ้วมาจิ้วปุ่มวงกลมสีแดง

ตัวละครก้มลงไปเก็บของ

“เดี๋ยวหลบนะ จะมีสัตว์ประหลาดวิ่งเข้ามา จะได้ไม่ต้องสู้”

“นี่ต่อ ทำไมไม่เก็บของนั้นด้วยละ”

ปิเขย่าตัวต่อ เครื่องเกมในมือสั่น

โอ้ยยยยยยยยยยยยย!!!!!

ต่อหยุดเกมหันไปมองหน้ากระปิ

ทำตาหยี

“ต่อเล่นเอง ปิ”

ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้เล่นแน่ แม่งคุมกูยังกับจะเล่นเองเลยนะ

ไอ้โอตาคุแว่น

ถึงจะโดนว่าไปอย่างนั้น มันก็ยังหัวเราะสดใส

เป็นครั้งแรกที่ต่อได้เห็นปิหัวเราะแบบนี้

รู้สึกใจชื้น

“ไปนั่งอ่านการ์ตูนไป”

“อือ”

ไอ้คนที่คอยกวนเมื่อกี้มันหลังไปเปิดกระเป๋าสะพาย คว้าเอาหนังสือการ์ตูรายสัปดาห์ออกมาด้วย

กูพูดเล่นมันเอาการ์ตูนมาด้วยจริงๆเหรอเนี่ย ไอ้นี่มันโอตาคุของแท้เลย วันนั้นที่โดนครูยัดเยียดการ์ตูนให้กินนี่มันดูน่าสงสาร ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ มันเองก็คงไม่เข้าใจตัวเองละมั้งว่าทำไมใครๆก็รุมแกล้งมัน

แล้วไอ้นี่ก็ทนให้คนอื่นแกล้งอยู่ได้

พอเห็นอย่างนั้นแล้วก็ทนไม่ไหว ช่วยทีหนึ่งก็ต้องช่วยตลอดไป ไอ้นี่มันมีออร่าอะไรนะ ทำไมเวลาเห็นหน้ามันยิ้มแล้วรู้สึกดีตลอดเลย

หมั่นไส้ อยากจะเก็บไว้แกล้งเองเหมือนกันแฮะ

ปิหันหลังเปิดเป้ออก หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน

ลมเย็นของหน้าหนาวยังพัดมาเอื่อยๆ แดดยามเย็นสีส้มอ่อน กำลังพาดส่องเข้ามาที่สวน

บนโต๊ะม้าหินตัวหนึ่งกลางสนามมีเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นเกมวางแขนอยู่บนโต๊ะ ส่วนอีกคนนอนอยู่ตรงข้าม นอนยาวหงายอยู่บนที่นั่งมือถือการ์ตูนขึ้นอ่าน

เสียงปืนในเกมดังขึ้นตามจังหวะกด ยิ่งเล่นยิ่งติดใจ บางทีก็ตามมาด้วยเสียงต่อร้องโวยวาย ทุกครั้งปิจะลุกขึ้นมาดูแล้วหัวเราะเสมอ มีบางทีที่ต่อนั่งไม่ได้ต้องยืนเล่น หลบเข้าออก

เกมไรวะ น่ากลัวชิบหาย

“ปิ มีไรให้กินมั้ยอะ”

มันลุกขึ้นมาล้วงกระเป๋าแล้วส่งพายมาให้ 1 ชิ้น

ต่อพยายามแกะมันด้วยความยากลำบาก อยากเล่นก็เล่นจะหยุดก็ไม่ได้

“เอ้า” พายถูกแกะแล้วยื่นมาที่ปาก

ต่อก้มลงไปกัด

“เข้าใจทำนะ”

“ตอนเราเล่นก็ยังงี้แหละ เล่นไปกินไปลำบาก”

เอะ... นี่จะบอกว่าเราบ้าเหมือนมันแล้วเหรอ

ต่อก้มลงไปกัดเองกับมือปิ ชิ้นแค่นี้ 2 คำก็หมด

เออ มันก็ไม่รู้สึกอายอะไรเลยเนอะ ไอ้นี่

“ปิ วันนี้มึงอยู่คนเดียวมาตลอดเหรอ”

“อ้อ เปล่าหรอก เอ็มมาอยู่เป็นเพื่อนน่ะ”

หือ

“ใครวะ” ต่อยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากจอเกม

“เพื่อนสมัยม.1 เค้าอยู่สีเดียวกับเราน่ะ ห้อง 5 ไง”

“อ้อ”

จริงๆจำไม่ได้หรอก ต่อไม่คิดจะจำอยู่แล้ว

“พอดีเจอ เลยไปกินข้าวด้วย เค้าอยู่เป็นเพื่อนก่อนต่อจะมาน่ะ”

“อือ ดีแล้ว”

จะดีกว่านี้ถ้ามึงบอกกูก่อน กูรีบแทบตาย

เอ้า แล้วทำไมกูรู้สึกหงุดหงิดวะ กูไม่พอใจอะไรขึ้นมาเนี่ย....

เอาเหอะ

ยังดีที่มันยังมีเพื่อนคนอื่นคอยช่วย

อะ น้ำหนักของแรงกดที่ปุ่มดูจะมากเกินไป เดี๋ยวพังขึ้นมาจะไม่มีตังค์ซื้อคืนไอ้กะปิมันนะ

ตั้งแต่ปิโดนย้ายมาห้องนี้ มันก็อยู่คนเดียวมากขึ้น ไอ้เพื่อนๆที่เคยแวะเวียนมาหา ค่อยๆหายไป คงได้กลุ่มใหม่กันหมดแล้วสินะ

เหลือแต่คนชื่อ เอ็ม

ใครวะแม่ง

ปิผลิกตัวลงไปนอนคว่ำบนเก้าอี้หินมีโต๊ะกลมกั้นกลางระหว่างสองคน

ช่างมัน เล่นต่อ....

ใครวะ....

เหี้ยเอ้ย

“นี่เย็นแล้วกลับกันมั้ย”

ต่อทนไม่ได้พูดขึ้น

“ต่อเล่นเสร็จยังละ”

“ก็....อือ”

ว่าไปแล้วก็เสียดายแฮะ ยังอยากเล่นอีกหน่อย แต่เย็นแล้ว ไม่หยุดนี่จะแย่

“ต่อเอาไปเล่นที่บ้านก็ได้นะ”

นี่เป็นคำถามที่ต่อไม่นึกฝันว่าจะได้ยินมาก่อน

เครื่องเกมราคาไม่ใช่ถูก

“อ้าวแล้วแกจะเล่นอะไร”

“เราเล่นเพลย์เอาก็ได้”

ปิดูเหมือนไม่ได้เดือนร้อนอะไร

ดีวุ้ย บ้านมีพร้อม

มันนั่งทำหน้าสลอนอยู่ตรงข้าม หน้าขาวๆ แห้งๆจากอากาศหน้าหนาว ปากยังแดงเหมือนเดิม

“อือ งั้นต่อยืมก่อนนะ”

“อือ”

ปิยิ้ม

“เดี๋ยวเย็นต่อเลี้ยงข้าวแทนค่ายืมละกัน”

“ได้เลย” ปิลุกขึ้นยืน

ต่อกำลังเก็บของ ลุกขึ้นมาดูรอบโต๊ะอีกทีว่าไม่ลืมอะไรนะ นิสัยนี้ได้มาจากพี่ต้องที่คอยสอนเสมอให้มองดูรอบๆก่อนจะไปจากที่ไหน ไม่ทิ้งอะไรไว้

“ต่อ ... คิดยังไงกับปิเหรอ”

ไม่เข้าใจคำถาม มันจะถามอะไรวะ

“หือ ยังไงก็... เป็นเพื่อนเราไง จะให้คิดไร”

“อื้อ”

ปิยิ้มให้

“ไอ้บ้า ถามยังกับเป็นเกย์ ผู้ชายเค้าไม่ถามกันยังงี้หรอกนะ ถามจริงเคยพูดมึงกูมั้ยอะ”

“เคยดิ เวลาโมโหไง”

“พูดให้ติดปากสิ” ต่อท้าวเอว คำพูดคิขุแบบนั้นยังจะใช้อยู่ได้

เวลาไอ้กะปิพูดแบบนี้จะเป็นยังไงนะ

“แล้ว เมื่อกี้ต่อยังแทนตัวเองว่าต่อเลย”

ปิยักคิ้วให้ๆ

“… ไม่จริง กูไม่เคย กูไม่หน่อมแน้มยังงั้น ไปเลยไอ้กะปิ เดินนำไปเลย”

ต่อหน้าแดง

‘ปกติไม่เคยพูดแทนตัวเองอย่างนี้นี่หว่า นอกจากเวลาอยู่บ้าน หรืออยู่กับพี่ต้อง’

นี่กูหลุดปากออกไปเหรอเนี่ย

แม่ง รัศมีบ้องแบ๊วของมันกำลังมีผลกับกูสินะ

กูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ท่องไว้

เมื่อกำลังเดินออกจากโรงเรียนนั้น ไม่รู้ต่อนึกอะไร เอามือไปโอบไหล่ไอ้กะปิไว้ ความรู้สึกมันแปลกๆ มันไม่เห็นเหมือนตอนเพื่อนทำเลย จะรู้สึกแบบที่ทำกับพี่ต้องก็ไม่ใช่

ยิ่งปิหันมันมองหน้างงๆ

หน้าแดง ทำให้ใจต่อเต้นแรงขึ้น

บ้าแล้ว นี่กูมีอารมณ์กับผู้ชายเหรอ

ไปกันใหญ่แล้ว

“นี่ เลือกร้านได้ยังมึง”

“ได้แล้วววววว”

ตัวปิผอมๆตัดกับแสงสีส้มริมถนน เสื้อนอกที่ปลิวตามแรงลม เป้เขย่าขึ้นลงอยู่ที่หลัง ร่างผอมๆของกะปิในเวลานี้ดูเหมือนเป็นแสงขาวๆจางๆอยู่ตรงหน้าต่อ เป็นแสงสว่างที่ดึงดูดสายตาต่อไว้ คล้ายกับทั้งถนนมีแค่ปิคนเดียวที่เดินอยู่ข้างหน้า

แสงสีขาวจางที่เจิดจ้า

ลบเอาทุกอย่างที่อยู่รอบตัวออกไป สายลมเย็นมันทำให้รู้สึกหนาว แต่ทำไมข้างในมันอุ่นอย่างประหลาด

แล้วภาพนี้จะติดตาต่อไปอีกนาน
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : 2 คน [pg8] 15/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: thunderA ที่ 15-01-2016 23:06:51
ฮื่อ....น่ารัก
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : 2 คน [pg8] 15/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 15-01-2016 23:18:43
ชักจะสงสัยขึ้นมาแล้ว
ตกลงต่อกับปิ

ใครล่อลวงใคร
เพราะดูเหมือนต่อจะตกหลุมล่อของปิ

ดูซื่อๆแต่มือถือปุ่มบังคับ
ฮ่าฮ่า ต่อเอ๊ยยยยยย

หลงกลเค้าให้แล้ว
อิอิ

หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : กระดาษ [pg8] 19/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 19-01-2016 21:01:57
ขอแค่ 5 นาที : กระดาษ

เวลาหนึ่งเดือนหลังจากที่ต่อกับปินั่งเล่นเกมกันในสวน มันผ่านไปเร็วมาก พร้อมๆกับเวลาปลายปีที่งวดใกล้เข้ามา กิจกรรมสำคัญ การแข่งขันกีฬาสี

ในห้องเรียนชั้น ม.3 นี้ ต่อกับปิที่จะดูสนิทกันมากขึ้นท่ามกลางสายตาที่เริ่มไม่พอใจของพวกอาท พวกนั้นคิดว่าต่อเปลี่ยนไป มีบางอย่างไม่ชอบใจ และมีบางอย่างที่พวกนั้นรู้สึกว่า

มันแปลก ต่อกับปิ

พวกอาทยังไม่กล้าทำอะไรต่อมากนัก

มีสิ่งหนึ่งที่ต่อกำลังจะลืมไปสนิท

กำหนดส่งการบ้านวิชาเคมีที่กำลังจะมาเยือน ในชั่วโมงเรียนวันนี้

ชั่วโมงเรียนวิชาเคมีกำลังจะเริ่มหลังพักเที่ยง

ต่อยังไม่ได้ท่องเลย เกมที่ปิให้มาดูจะทำร้ายความสามารถในการเรียนต่อให้แย่ลง

บรรยากาศดูกดดัน สภาพห้องเรียนห่วยๆที่ไม่เป็นที่น่าดึงดูดเด็กให้มาเรียน

ตอนนี้ทุกคนกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือวิชาเคมีกันอยู่

ในห้องที่มีนักเรียนทั้งเก่งบ้างไม่เก่งบ้าง ปนๆกันนี้ บางคนจับคู่แล้วผลัดกันท่องตารางให้อีกคนช่วยดูให้ บางคนก็ถือสมุดแล้วเอามือปิดเป็นช่วงๆ ตอนไหนที่จำไม่ได้ก็จะเปิดดู บางคนก็เดินพูดกับอากาศ

เพื่อนร่วมห้องดูว่ากำลังเหมือนจะเป็นบ้ากันไปหมด ทุกคนพูดเป็นภาษาเดียวกันที่ไม่รู้เรื่อง ซ้ำๆ วนเวียนไปมา

ข้างๆต่อ กะปิ ก็กำลังตั้งอกตั้งใจท่องอยู่เหมือนกัน

ช่วงนี้ตามันคล้ำขึ้น

“ปิ แกอ่านหนังสือดึกหรือเล่นเกมกันแน่วะ”

“ก็ทั้งสองอย่าง”

มันหันมาดันแว่น ทำท่าภาคภูมิใจอย่างเด็กโอตาคุ มั่นใจเหมือนน้ำเสียงมันที่ตอบเมื่อกี้

สงสัยจะมีอะไรดีๆมาอวดละสิ คงจะได้อะไรใหม่มา

แต่ไว้ค่อยถามมัน ถามตอนนี้ไม่ต้องท่องพอดี

“โอ้ย เยอะเป็นบ้า”

ใครมันจะไปจำได้วะเนี่ย

ปิหัวเราะ

“ต่อไม่ได้ท่องมาก่อนเลยใช่มั้ยละ”

“ท่องเทิ่งไรละ ถ้าท่องมาก่อนจะโวยวายอยู่นี่เหรอ”

“ได้ถึงไหนแล้วอะ” ปิหันมาถาม

น้ำเสียงใสจนน่าบีบคอเขย่าๆนัก

“Rh โรเดียม”

ต่อตอบเสียงขุ่น

“มึงละ”

“Os ออสเมียม” เสียงสูงจนเกือบจะเป็นเสียงหัวเราะ

เฮ้ย!!! อะไรวะ มีตัวนี้ด้วยเหรอ

ต่อรีบเปิดหนังสือดู

ไอ้บ้ากะปิ มันจะจบหมดทุกตัวแล้วนี่หว่า

มิน่า ไอ้ท่าเมื่อกี้มันคือท่าภาคภูมิใจมากสินะ ขอกูบีบคอมันจริงๆเหอะวะ

“เฮ้ย สัสต่อ มึงท่องได้ยังวะ”

“มึงคิดว่ากูจะจำได้หมดมั้ยละ หัวกูเนี่ย” ถามมาได้ไอ้อาท

“แล้วมึงงะ”
   
นักว่ายน้ำอย่างมัน ต้องโง่แน่ๆ

“ก็ได้แค่ เดี๋ยวนับก่อนนะ เอ่อ ตัวที่ 5 วะ หรือ 6 วะ” อาททำท่านับนิ้ว

“แล้วมันชื่ออะไรละ ลองบอกดิ”

“Cr ไง ที่ทำแว่นอะ เอ่อโครเมียม”

ใช่เหรอวะ แล้วนั่นตัวที่ 4

ต่อเอาขาสะกิดกะปิ อย่าให้มันหัวเราะ เดี๋ยวไอ้อาทได้ลุกมาเอาเรื่องจนได้

แม่งหน้าตามีความสุขนะ ไอ้นี่ก็ร้าย แอบซ้ำเติมคนอื่น

“ทีม มึงอะ” ต่อตะโกนข้ามไปถาม

“ความลับวะ เอาเป็นว่า กูได้เกินครึ่งแล้วละกัน”

“ยัยหัวฟูมันเอาหมดเลยเหรอ” อาทถาม

“เห็นคนที่ลงไปท่องมา ได้เกินครึ่งแกก็ให้ผ่านแล้วนะ” ทีมบอก

“พวกที่ไม่ผ่านทำไงอะ”

“ก็ยังไม่มีวะ สงสัยมึงจะคนแรกว่าอาท”

“Kเหอะะะะะะ กูไปเก็บตัวละ อย่ามายุ่งกับกู”

อาทถือหนังสือลุก ปึงปังออกไป

เฮ้ย นี่จะเริ่มเข้าชั่วโมงเคมีแล้ว มันจะไปเก็บตัวที่ไหนทัน

พอหมดพักเที่ยง เข้าคาบบ่ายปุ๊บ ก็จะเริ่มเชือดกันเลย

ยัยป้าหัวหยิกนั่งอยู่ที่ห้องวิทย์ชั้น 4 คงจะรอกินหัวตามเคยสินะ

เสียงออดดังขึ้น

เอาละ ทุกคนเงยหน้ามองนาฬิกา รู้กัน ได้เวลาหายนะแล้ว

ประหารชีวิต นักโทษเลเวลน้อย

เสียงออดวันนี้น่ากลัว เหมือนออดในโรงพยาบาลโรคจิต ถ้ามีปืนสักอันนะมันจะน่าสนุกมากเลย

เฮ้ย ต่อ แกเพ้อเจ้อแล้ว กลับมาๆ สงสัยเล่นเกมไอ้กะปิมากไปแล้ว

ทุกคนเข้ามานั่งประจำที่

เด็กคนแรกลุกเดินออกไป

เอาละ เริ่มแล้ว

ถ้าเรียงตามเลขที่ ไอ้อาทกับไอ้ทีมจะออกไปก่อน สมน้ำหน้ามัน กะปิเองก็เลขที่ก่อนต่อเหมือนกัน แต่ห่างกันไม่เยอะ

เอาละ รีบท่องๆ ตั้งใจๆ ถ้าเรียงผิดแค่ตัวเดียวก็ถือว่าผิดแล้ว ขายหน้าพี่ต้องแน่เลยถ้ารุ้ว่าแค่นี้ก็สอบไม่ผ่าน

ไอ้พี่ต้องนี่ท่องไปได้หมดนี่จริงๆเหรอวะ

ใช่ๆ เคยเห็นพี่ต้องมันท่องอะไรสักอย่างสี่เหลี่ยวยาวๆ เป็นช่องๆ ก่อนนอนอยู่ สงสัยมันคือไอ้นี่สินะ ตอนนั้นก็คิดว่าพี่ต้องเล่นเกมอะไรอยู่ คิดว่าไปได้อะไรมาแล้วไม่ยอมแบ่งให้เล่น

ดีที่ไม่ได้ขอเล่นด้วย ไม่งั้นคงได้ท่องตั้งแต่ ม. 1 อี๋ คิดแล้วก็ขนลุก

ชักสงสัย นอกจากเรื่องจีบหหญิงแล้วอะไรที่มันทำไมได้บ้างเนี่ย ดีแล้วที่มีเรื่องห่วยๆบ้าง แต่.. เรื่องจีบหญิงนี่ห่วยหนักจริงนะ แม่ง นอกจากเก๊กเป็นอย่างเดียวแล้วจะทำอะไรเป็นอีกวะ ใครจะหน้าโง่ไปเอาคนแบบนั้น

เฮ้ย กลับมาๆ

ทำไมอ่านหนังสือ มันหาสมาธิยากนักวะ มีกดน้ำยาไรช่วยมั้ยเนี่ย

ไอ้อาทเดินคอตกกลับ

ในห้องเสียงจ๊อกแจ๊ก พอมันเป็นเสียงชื่อธาตุแล้วมันแปลกๆ ราวกับเสียงกระซิบที่ฟังไม่ออกทั้งๆที่อยู่ไม่ไกล แถมยังได้ยินชัดอีกด้วย

“เป็นไงวะมึง”

“ได้แค่นั้นแหละมึง 6 ตัว”

“แล้วยัยป้าแกว่าไงวะ”  ทีมถาม

“ก็ด่ากูซะไม่มีชิ้นดีไง ด่าจนกูอายไปถึงไหนไม่รู้ คนแถวนั้นใครเดินผ่านหันมาขำกันหมด แม่งครูห้องวิทย์ก็หันมาร่วมวงด้วย”

“แล้วไงอะ ตกเหรอมึง” ทีมถามต่อ

“แม่งให้ไปท่องแล้วมาใหม่ อีกอาทิตย์มาสอบซ่อม”

“โห”

“กูเลยกะว่าปล่อยละ ยอมตัดคะแนนไปเลย ไม่ท่องแล้ว”

“ได้มะ”

“ได้เตี่ยดิ แกให้มส”

ไอ้ทีมหัวเราะกราวเลย

แม่งโหดจริง กูรีบๆท่องดีกว่า

“ปิ มึงไม่ท่องแล้วเรอะ” ต่อหันไปถาม

มันส่ายหัว

“ขี้เกียจแล้วอะ”

นั่น พ่อคนความจำดี เล่นเกมเยอะๆมันช่วยได้สินะ

เอาเหอะ

ไอ้ทีมลงไปแล้ว ออกจากห้องไปเงียบๆเลยนะมึง

เวลาเดินผ่านไปอีกจะเกือบครึ่งชั่วโมง ชักจะขี้เกียจแล้วดิ เอาวะ ใช้ความจำเฮือกสุดท้าย

ทีมเดินกลับขึ้นมา

“เป็นไงวะมึง”

“มส”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ” ต่อขำ

ไอ้อาทลุกขึ้นไปกอดคอ แสดงความยินดี

“ดีเหี้ยไรละไอ้สัส กูได้เกือบจะถึงครึ่งอยู่แล้ว”

“อยู่เป็นเพื่อนกูก่อนมึง ฮ่าๆๆๆๆๆ”

“เหลือแต่มึงแล้วนะ ไอ้ต่อ คว.. มึงอย่าผ่านนะมึง สัส ทิ้งเพื่อน”

อาทกับทีมร่วมกันชี้หน้าผม

“สุดท้ายมึงสองตัวก็ต้องไปท่องอยู่ดีละวะ งานนี้กูว่าแกไม่ปล่อยหรอก”

“แม่งจำได้ด้วยนะ ว่าพวกกูอยู่กลุ่มหลังห้องที่นั่งอ่านการ์ตูนน่ะ”

“เพราะมึงน่ะแหละ อาทเสือกขำออกมา มึงจะอ่านเงียบๆ หรือจะอ่านไปชักว่าวไปก็เรื่องของมึง เสือกไปทำให้ป้าแกหมายหัวพวกกูเลยไง”

พอคำว่าการ์ตูนหลุดออกมาจากปากทีม ดูปิจะสะดุ้งน้อยๆ

“ต่อ เราไปละนะ”

ปิลุกขึ้นเดินออกไป เออใกล้คิวมันแล้วนี่

เดี๋ยวพอคนก่อนปิกลับขึ้นมา ค่อยลงไปแล้วกัน

ต่อปล่อยให้พวกอาทกับทีมโวยวายกันอยู่อย่างนั้น สมาธิที่จะท่องโดนขัดจังหวะดู นมสาวๆ ขนาดอะไรสักอย่างที่พวกมันแข่งกันใหญ่ เบอร์หญิงที่ได้มา และอีกสารพัดที่ทำให้ต่อไม่อยากจะมานั่งท่อง ไม่ใช่ว่าอยากจะฟังพวกมันพูด

เสียงที่คุยกันดังขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องพูดมันก็ได้ยิน ขนาดพวกหน้าห้องยังหันมามองเลยแต่ไม่กล้าทำอะไรมาก

ต่อเลยปิดหนังสือ นั่งกระดิกขารอเวลาไป

เอะ แปลก เลขที่หลังปิ มันก็ขึ้นมาแล้วนี่หว่า

ทำไมไม่เห็นร่างเล็กคุ้นตาในแว่นหนาปากแดงๆเลย 

หายไปไหนอีกแล้ววะ

“ไปละ”

“โชคดีมึง หึหึ”

“มสเป็นเพื่อนพวกกูนะ”

ต่อชูนิ้วกลางให้มัน

ยัยหัวฟูนั่งหันหลังให้กระจก ห้องเดียวกับวันนั้นที่ใช้ด่าไอ้กะปิ วันนี้สลับที่กัน กลายเป็นต่อมายืนอยู่ตรงหน้าบ้าง

เก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าว่างเปล่า

คนก่อนหน้าเพิ่งยกมือไหว้ยัยป้าแล้วเดินสวนออกมา ดูท่าทางหน้าตาพอจะแช่มชื่น แสดงว่าน่าจะผ่าน

สูดลมหายใจเข้า

เคาะประตูไม้ที่เปิดอยู่ สองสาม ที

โรงเรียนนี้สอนมารยาทมาดี เพราะว่าครูแต่ละคนเข้มเรื่องนี้เหลือเกินไม่ว่าจะเรื่องคลานเข่า เคาะประตู พูดขอบคุณ ยกมือไหว้

แหวะ นี่มันยุคอะไรแล้ว

“เข้ามาได้” เสียงยัยป้าตอบรับ

ต่อยกมือไหว้

“สวัสดีครับ เลขที่ 28 ครับ”

“เพื่อนนายเลขที่ 23 นั่นใช่มั้ย”

หมายถึงปิน่ะเหรอ

“ครับ”

“ดูดิว่าจะมีปัญญาทำได้มั้ย โดนมสกันถ้วนหน้าเลยนี่”

“ปิพนธ์ก็โดนเหรอครับ”

“ยุ่งเรื่องคนอื่นทำไม รีบๆเข้า ไม่งั้นจะให้มสเลยนะ”

ชิบหายละ นี่เล็งกันไว้เลยเหรอเนี่ย

แค่ถามถึงแค่นี้นี่ก็เริ่มจะด่ากูละ อีป้าเอ้ย

เอาวะ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“H He Li Be …..”

“ช้าๆ แปลด้วย”

ยัยป้าไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออะไรสักอย่าง นี่ถ้าท่องผิดไปแกจะรู้มั้ยวะ จะลองดูดีมั้ยหว่า เพื่อแกไม่รู้จะได้มั่วๆเอา

แต่มั่วเคมีเนี่ยนะ จะไปตั้งชื่อธาตุเองได้ด้วยเหรอ ไม่ใช่ชื่อหุ่นยนต์นะเว้ย

ผมหยิกๆของแกกำลังขยับไปตามจังหวะขึ้นลงที่แกอ่านหนังสือ พอดูดีๆผมแกชักเริ่มเปลี่ยนสีไปบ้างแล้วเหมือนกันแฮะ

ต่อค่อยๆไล่ไปเรื่อย เหลือบตามองนาฬิกา แม่ง นึกไม่ออกแล้วเว้ย ทำไงดีวะ

“Hg”

ยัยป้า เงยหน้ามามอง

“เลยไปแล้วนี่ ท่องไม่ได้แล้วใช่มั้ย”

เอาดดดดดดด ยัยป้าแกรู้ด้วย ไวชิบหายเลย นี่แกนั่งอ่านอย่างอื่นจริงรึเปล่าวะเนี่ย แม่ง หรือมี 4 หูกันแน่วะ

“ป่าวครับ เผลอ”

ไม่มีคำตอบออกมา

สายตาเฉียบคมใต้แว่นกำลังมองสำรวจ

ซวยละกู ถึงครึ่งยังวะ

หือ

อะไรดุกดิกวะนั่น อะไรอยู่ข้างหลังครูวะ กระดาษแผ่นขาวๆ ถูกยกขึ้น มีตัวอักษรสีแดงเขียนอยู่บนนั้น

‘ถึงไหนแล้ว’

ต่อนิ่งไป

กระดาษถูกเขียนด้วยปากกาเมจิกสีแดง เน้นเส้นใต้ที่คำว่า “ไหน”

“ไม่ได้แล้วเหรอ”

“ป่าวครับ พักหายใจ”

“ต่อไป เร็วๆ ยังไม่ถึงครึ่ง”

“Zn สังกะสี”

ต่อพูดเสียงดัง ดังมาก

“จะท่องทำไมดังๆ”

เกือบจะทันที มีกระดาษใบใหม่โผล่ขึ้นมา

Ga แกลเลียม ข้างๆเป็นมือกำลังชี้นิ้วไปที่ธาตุ วาดด้วยปากกาสีแดง

นี่มึงมีเวลาวาดเหรอ ใจเย็นไปมั้ย ชีวิตกูอยู่ในมือมึงนะ

หึ ยังไงก็ขอบใจนะปิ คนที่ทำอย่างนี้ได้มีแต่มันแน่ๆ

การท่องยังไล่ต่อไป กระดาษก็ขึ้นมาเรื่อย จนแผ่นสุดท้าย มีข้อความว่า

‘จำไม่ได้แล้ว’

ตัวโตมาก มีคำว่า “ขอโทษ” อยู่ใต้นั้นด้วย

ต่อเกือบหลุดขำ

“เอ่อ ไม่ได้แล้วครับ”

หัวหยิกๆขยับขึ้นมามอง

“เกินครึ่งโอเค ผ่าน”

“ตั้งใจก็ทำได้นี่ เพื่อนเธอเองก็ผ่านเหมือนกัน ผิดกับไอ้สองคนแรกนั้น ไปได้หน่อยเดียวก็ท่องไม่ได้แล้ว ไอ้เพื่อนเธอที่ยืนหัวเราะในห้องเรียนนั่นแหละ อีกคนเกือบถึงครึ่ง เธอเองคบใครก็เลือกๆหน่อย แทนที่จะพากันไปดี จะพากันร่วง สายวิทย์เรียนวิชาเคมีหมดนะ นอกจากเธอจะหนีไปสายศิลป์”

“ตารางธาตุมันใช้เวลาเรียนเคมีด้วย ชั้นไม่ได้ว่างให้พวกเธอมาท่องเล่น ถ้ารู้ว่าไม่ชอบ ไม่ถนัดแบบนี้จะได้ไปเลือกสายอื่น”

“ไปถามเพื่อนเธอที่เหลือจะเลือกอะไร ยังไงขึ้น ม.4 ก็ต้องท่อง”

หือ... น้ำเสียงแกดูไม่ดุร้ายเหมือนตอนแรก แต่มายาวเลยวุ้ย

“ครับ ผมจะไปบอกพวกมัน”

วันนี้มาแปลก พูดดีแฮะ สงสัยผัวทำการบ้านแล้ว

“ผ่าน ไปได้”

ต่อยกมือไหว้

“ขอบคุณครับ”

เมื่อเดินออกจากห้องต่อหันไปมองหนังกระจกที่ก่อนหน้านี้มีกระดาษขาวๆลอยขึ้นมา แต่ไม่เห็นปิที่ซ่อนตัวอยู่ ต่อเลยตัดสินใจเปลี่ยนทางกลับ ไปใช้บันไดตรงซอกแทน อันเดียวกับที่มาหาปิวันที่โดนครูคนนี้ด่า

“ปิ อยู่แถวนี้สินะ”

ต่อพูดเบาๆ ก่อนจะหันหลังไป

เจ้าของกรดาษแสนจะใจดี ทำหน้ายิ้มแฮะๆอยู่

“ขอบใจนะ”

ต่อเอามือขยี้หัวจนแว่นบนหน้าสั่นไปมา

กลิ่นแชมพูฟุ้งขึ้นเตะจมูก

“อื้อ”

อื้อ อีกแล้ว

แม่งน่ารักจริงๆ จับทำเมียซะเลยดีมั้ยเนี่ย

“ต่อ หัวเรายุ่งหมดแล้ว”

ฮ่าๆๆๆ

ขอกอดมันอีกทีเหรอ

"นี่หายใจไม่ออกนะ"

ปิหน้าแดงแป๊ดเลยทีนี้

แปลกแฮะ อย่างต่อกลายเป็นว่า ต้องให้ไอ้แหย อย่างปิมาช่วย มันรู้สึกแปลกๆเหมือนกัน

ทว่ามันเองก็เข้มแข็งขึ้นแล้วนี่นา

รู้สึกเหมือนพ่อที่เห็นลูกยืนได้เลย

“ปิ กลับขึ้นห้องไปก่อน เดี๋ยวเราตามไป ขืนเข้าไปพร้อมกันไอ้พวกนั้นรู้แน่”

“ได้เลย”

เสียงดีใจ

ปิเดินขึ้นบันไดไปเงียบๆ ส่วนต่อวกกลับแล้วรีบวิ่งไปออกทางขึ้นบันไดกลาง ไปดักรอที่หน้าห้องด้วยอาการลิงโลด พอเห็นปิเข้าไปได้สักพักจึงเดินตามเข้าไป

“เป็นไงวะ”

“ผ่านวะ”

ต่อทำหน้ากวนตีนใส่ จริงๆอยากจะดันแว่น แต่ต่อไม่ได้สายตาสั้น

“อย่างมึงเนี่ยนะ” ทีมยังงง

“กูเก่งอะ ไม่เหมือนพวกมึงนี่”

“ถุย เล่นของรึเปล่าวะมึงน่ะ หรือเอาตัวเข้าแลกยัยป้านั่นมา สงสัยป้าแกจะติดใจของต่อวะ ฮ่าๆๆๆๆ”

“ใครมันจะทำยัยป้าลงวะ ไม่ใช่มึงนะเว้ย” ต่อมองลงไปที่เป้าอาท
   
อาททำท่าทางไม่พอใจ

“เออออ ดูไม่ใช่มึงขึ้นทุกวัน นับวันยิ่งดูเหมือนตุ๊ดขึ้นเรื่อยๆ”

“มึงก็เหมือนกันละวะ”

บรรยากาศเริ่มไม่ดี พักหลังมานี่ ต่อกับอาท เขม่นกันด้วยเรื่องแบบนี้บ่อยขึ้น บ่อยครั้งที่ไม่ได้เริ่มมากจากการหาเรื่องกะปิ แต่เป็นการเล่นงาน ต่อ ตรงๆ

อาทเริ่มไม่พอใจต่อด้วยเรื่องอะไรสักเรื่อง

“กูว่าแม่งมีคนช่วย”

ทีมพูดลอยๆ

“เออ ไอ้ปิ แน่ๆ แม่งคู่เกย์ชัว”

สองคนนั้นยังนั่งพูดกันลับหลัง ไม่ยอมรับผลที่ออกมา

ต่อได้แต่ทำเป็นไม่ได้ยิน

‘พอเข้าใจแล้ว ที่พี่บูมทำกับเก้า เก้าจะรู้สึกยังไง นี่ละมั้งสาเหตุที่พี่บูมไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของพี่ต้องกับไอ้เก้า’

‘ชีวิตม.ต้นของเก้าจบลงด้วยเรื่องแบบนี้ไปตลอด เพราะพี่บูม’

มิน่า แม่งดูพี่บูมรู้สึกผิดทุกทีที่ไปยุ่งกับไอ้เก้ามัน

เมื่อเด็กคนสุดท้ายเดินเข้ามา ก็แปลว่าการสอบเสร็จสิ้น พอดีกับชั่วโมงเคมี

ด่านนี้ ต่อก็เคีลยร์มันออกไปได้ดี ด้วยไอเทมพิเศษที่ชื่อกะปิ

ไว้เบรค ค่อยไปขอบใจไอ้กะปิมันอีกที

รู้สึกอยากจะกระโดดเข้าไปหอมแก้มมันจริงๆเลยเว้ย



====================================================================

นอกเรื่องนิดหน่อย

HBD นะ ต้อง ...
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : กระดาษ [pg8] 19/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 20-01-2016 00:35:18
 :a13:
มีความสุขมากๆๆๆๆ นะต้อง


ต่อเริ่มเข้าใจความรู้สึกนั้นแล้ว
คงจะคิดได้..ไม่หาเรื่องกับเก้าอีก

ฮ่าฮ่า..อยากจะจับปิทำเมีย
แต่ไงกลายไปเป็นเมียปิซะล่ะ
ต่อเอ๊ยยยย
 :laugh:


หรือว่าต่อยอมปิไปแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว
ที่เหลือ..จากนั้นต่อเป็นปั๋วตลอด
 :jul3:
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : กระดาษ [pg8] 19/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 20-01-2016 12:39:40


เรามาแล้วนะคุณ Monet!! 
อย่าหงอยเหงา อย่าอ้างว้างหรือเดียวดายนะคะ
ถึงเราจะเป็นพวกนาน ๆ มาเมนท์ที แต่เราติดตามทุก ๆ บทตลอด ๆ

ตอนล่าสุดนี้ทำให้เราเข้าใจแจ่มแจ๋วเลยว่าทำไมต่อมันถึงหลง และตกหลุมปิได้ในท้ายที่สุด
เพราะปิน่ารักจริง ๆ ทั้งนิสัย ทั้งหน้าตา... เป็นเราเราก็คงชอบแกล้งปิเหมือนกัน
อ่านทุก ๆ ตอนที่ต้องเล่าเรื่องปิทีไร เรารู้สึกเหมือนปิเป็นลูกแมวตัวขาวขนปุย ๆ ขี้อ้อน ๆ คอยมาเดินพันแข้งพันขาอยู่ใกล้ ๆ พอจะไล่ มันก็ไม่ยอมไป แค่อาจจะทำท่าจ๋อยนิดหน่อย แต่เดี๋ยวสักพักก็กลับมาคลอเคลียใหม่อยู่ดี

คือ ถ้าต่อคิดอะไรกับต้องจริง ๆ เราว่ามันอาจจะเป็นผลมาจากความคลุมเครือเพราะรู้สึกปลื้มที่ต้องคอยดูแลและทำดีด้วยสารพัด ซึ่งตีคู่มากับความชื่นชมในตัวพี่ชายต่างมารดาผู้ที่เติบโตมาพร้อม ๆ กัน แต่ดันมีคุณสมบัติโน่นนี่ที่ดีงามจนต้องมองตามหลังเต็มไปหมด

แต่กับปิ... เราว่ามันคือการเติมเต็มความรู้สึกของการได้กลายเป็นที่พึ่งพิงของใครสักคน มันคือการสร้างความเชื่อมั่นและรากฐานของการเป็นผู้ใหญ่ และคือการผ่านปัญหาเดียวกัน (bullying) ไปพร้อม ๆ กับอีกฝ่าย (แม้จะอยู่คนละขั้วอำนาจก็เถอะ) แน่นอน... ความเห็นอกเห็นใจ และรู้ซึ้งในน้ำใจของอีกฝ่ายย่อมมีมากกว่าตอนอยู่กับต้องอยู่แล้วล่ะ

อย่างไรก็ดี เราจะรออ่านตอนต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ นะคะ ดีใจมากเลยที่รู้ว่าเรื่องนี้เขียนจบแล้ว
และถ้าคุณ Monet ยังสนุกกับการเขียนอยู่ จะเจอเราคอยติดตามเป็นเงาแน่ ๆ ค่ะ (ถ้าเรื่องมันไม่โหดร้ายจนเกินไปนะคะ - แหม่... กล้าพูด ทีเรื่องต้องเก้ายังผ่านมาได้เลยนี่หว่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า) 

อ้อ! HBD ต้องด้วยค่ะ ขอให้เลิกซึน ขอให้ได้กินเก้าเท่าที่ต้องการ และขอให้ต้องมีความสุขมาก ๆ ไปทุก ๆ วันเลยนะ
เป็นกำลังใจให้นะคะคุณ Monet!  :L2:


ปล. แอบใช้พื้นที่ตรงท้ายนี้หวัดดีคุณ broke-back ด้วยค่ะ เราชอบอ่านกลอนของคุณมากเลย คนอะไรเก้งเก่ง เมนท์นิยายเป็นกลอนตลอด ๆ (นี่คุณติดอยู่ในรายชื่อนักอ่านในดวงใจเราไปแล้วนะคะ... รู้ตัวไหม? - ไม่ได้ยอนะเอ้อ เราว่าบทกลอนของคุณสะท้อนความใส่ใจต่อนิยายที่ได้อ่านดีอ่ะค่ะ ^^)
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : กระดาษ [pg8] 19/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 21-01-2016 23:07:20


เรามาแล้วนะคุณ Monet!! 
อย่าหงอยเหงา อย่าอ้างว้างหรือเดียวดายนะคะ
ถึงเราจะเป็นพวกนาน ๆ มาเมนท์ที แต่เราติดตามทุก ๆ บทตลอด ๆ

ตอนล่าสุดนี้ทำให้เราเข้าใจแจ่มแจ๋วเลยว่าทำไมต่อมันถึงหลง และตกหลุมปิได้ในท้ายที่สุด
เพราะปิน่ารักจริง ๆ ทั้งนิสัย ทั้งหน้าตา... เป็นเราเราก็คงชอบแกล้งปิเหมือนกัน
อ่านทุก ๆ ตอนที่ต้องเล่าเรื่องปิทีไร เรารู้สึกเหมือนปิเป็นลูกแมวตัวขาวขนปุย ๆ ขี้อ้อน ๆ คอยมาเดินพันแข้งพันขาอยู่ใกล้ ๆ พอจะไล่ มันก็ไม่ยอมไป แค่อาจจะทำท่าจ๋อยนิดหน่อย แต่เดี๋ยวสักพักก็กลับมาคลอเคลียใหม่อยู่ดี

คือ ถ้าต่อคิดอะไรกับต้องจริง ๆ เราว่ามันอาจจะเป็นผลมาจากความคลุมเครือเพราะรู้สึกปลื้มที่ต้องคอยดูแลและทำดีด้วยสารพัด ซึ่งตีคู่มากับความชื่นชมในตัวพี่ชายต่างมารดาผู้ที่เติบโตมาพร้อม ๆ กัน แต่ดันมีคุณสมบัติโน่นนี่ที่ดีงามจนต้องมองตามหลังเต็มไปหมด

แต่กับปิ... เราว่ามันคือการเติมเต็มความรู้สึกของการได้กลายเป็นที่พึ่งพิงของใครสักคน มันคือการสร้างความเชื่อมั่นและรากฐานของการเป็นผู้ใหญ่ และคือการผ่านปัญหาเดียวกัน (bullying) ไปพร้อม ๆ กับอีกฝ่าย (แม้จะอยู่คนละขั้วอำนาจก็เถอะ) แน่นอน... ความเห็นอกเห็นใจ และรู้ซึ้งในน้ำใจของอีกฝ่ายย่อมมีมากกว่าตอนอยู่กับต้องอยู่แล้วล่ะ

อย่างไรก็ดี เราจะรออ่านตอนต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ นะคะ ดีใจมากเลยที่รู้ว่าเรื่องนี้เขียนจบแล้ว
และถ้าคุณ Monet ยังสนุกกับการเขียนอยู่ จะเจอเราคอยติดตามเป็นเงาแน่ ๆ ค่ะ (ถ้าเรื่องมันไม่โหดร้ายจนเกินไปนะคะ - แหม่... กล้าพูด ทีเรื่องต้องเก้ายังผ่านมาได้เลยนี่หว่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า) 

อ้อ! HBD ต้องด้วยค่ะ ขอให้เลิกซึน ขอให้ได้กินเก้าเท่าที่ต้องการ และขอให้ต้องมีความสุขมาก ๆ ไปทุก ๆ วันเลยนะ
เป็นกำลังใจให้นะคะคุณ Monet!  :L2:


ปล. แอบใช้พื้นที่ตรงท้ายนี้หวัดดีคุณ broke-back ด้วยค่ะ เราชอบอ่านกลอนของคุณมากเลย คนอะไรเก้งเก่ง เมนท์นิยายเป็นกลอนตลอด ๆ (นี่คุณติดอยู่ในรายชื่อนักอ่านในดวงใจเราไปแล้วนะคะ... รู้ตัวไหม? - ไม่ได้ยอนะเอ้อ เราว่าบทกลอนของคุณสะท้อนความใส่ใจต่อนิยายที่ได้อ่านดีอ่ะค่ะ ^^)

ขอบคุณมากนะครับ จริงๆนะไม่ใช่ขอบคุณเพราะมารยาท

ยอมรับเลยว่าตอนแรกก็เหงาหงอยไปแล้วละ คือ ก็รู้ว่า มันอาจจะไม่ได้โดนใจคนอ่าน (ก่อนเอามาลงก็มีเพื่อนคอมเม้นว่า มันไม่ค่อยมีคนอ่านแน่ ไม่ใช่แนว) ยังไงก็พยายามจะ EDIT ต่อให้จบให้ดีที่สุด ไม่อยากจะทำลวกๆลงไปเพราะคิดแค่ว่า คนอ่านน้อย

ถ้าจะพูดถึงเรื่องแล้วละก็ คุณอ่านเรื่องได้ทะลุมาก ... เก่งมากครับ ขอชมเลย จะมีรางวัลให้ก็ ... ขอให้ทำใจตอนจบนะครับ

พอมาเห็นคอมเม้นนี้ ก็มีกำลังใจจะเอาลงแล้วละครับ

ป.ล. ผมเชื่อว่าจากประสบการณ์สมัยเรียนที่ผ่านมา ถ้าเรื่องมันใกล้เคียงความจริง คนจะเข้าถึงและอยู่กับมันได้นานกว่า (อย่างน้อยเรื่องพวกนี้ก็เกิดในสมัยผมละนะ)

ป.ป.ล. คุณ Brok-Back ขอบคุณมากนะครับ เป็นคนอ่านที่น่ารักที่สุด มาเม้นทุกตอนเลย


อ้อ ก่อนเอาลงก็พยายามอ่านแล้วอ่านอีกแก้อีกถ้ามีเวลา โปรแกรมที่ใช้ไม่มีสะกดคำให้ ดังนั้นทั้งหมดต้องอ่านเองแก้เอง มีพิมพ์ผิดไปบ้างก็ขออภัยนะครับ
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่ต้อง [pg8] 22/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 21-01-2016 23:08:34
ขอแค่ 5 นาที : พี่ต้อง

จบเรื่องสอบไป ต่อยังรู้สึกติดหนี้ไอ้กะปิอยู่  หลังจากวันนั้นมาต่อยังไม่ได้กระโดดหอมแก้มกะปิอย่างที่คิดไว้

วันนี้เป็นครั้งแรกที่ต่อได้ทำกิจกรรมคนละอย่างกับปิ

ไอ้ปิที่กลายเป็นเหมือนลูกเป็ดเดินตามต่อต้อยๆ คราวนี้ตามมาไม่ได้ ชั่วโมงพละได้เอามาใช้เป็นชั่วโมงซ้อมกีฬาสีไปซะแล้ว ปิซึ่งไม่ลงกีฬาอะไรจึงต้องแยกไป

ต่อที่ไปลงชื่อลงคัดบอลเอาไว้ ผลออกมาเป็นอย่างที่คิด ยังไงต่อก็ต้องได้ลง

รู้สึกแปลกๆสักหน่อยที่เงาหายไป แต่เอาวะ ยังดี ได้เป็นอิสระบ้าง

แล้วไอ้วิชาพละหน้าหนาวเนี่ย ทำไมมันถึงเป็นวิชาว่ายน้ำไปได้วะ ใครคิดเนี่ย เดาว่าไอ้คนสอนกะอู้แน่ๆ ถึงได้เอาว่ายน้ำมาลงตาราง เพราะรู้กันว่าไม่มีใครจะเรียนหรอก อากาศอย่างนี้ แล้วก็มีซ้อมกีฬาสีอีก เหมือนแค่ใส่ชื่อวิชาเอาไว้เฉยๆ

ครูพละแม่งชอบอู้ชิบหาย

เป็นที่รู้กันทุกโรงเรียน ครูพละเก่งวิชาพละแต่อย่าให้ไปทำอย่างอื่น กล้ามเนื้อมันฝ่อลีบหมดโดยเฉพาะสมอง

อากาศวันนี้ไม่หนาวเท่าวันก่อนๆ ออกจะร้อนด้วยซ้ำ พอตกบ่ายจะเริ่มแยกกันไปทำกิจกรรมตามที่ลงชื่อเอาไว้

ชื่อนักกีฬาบอล มีชื่อพี่ต้องด้วย

อีกเดี๋ยวก็จะได้เจอแล้วสิ

สองพี่น้องแทคทีมเล่นบอล หึหึ

ไอ้อาทคงจะขึ้นสระไปเตรียมซ้อมว่ายน้ำ เอะ มันเริ่มแข่งวันไหนหว่า นอกจากเรื่องบอลเรื่องอื่นก็ไม่ค่อยได้สนใจ ว่ายน้ำเนี่ยเป็นถิ่นของไอ้อาทมัน ไม่เข้าไปให้มันแหย่ได้หรอก มองจากตรงนี้ขึ้นไปเห็นน้ำแตกเป็นฟองหยอยๆ สงสัยเริ่มกันแล้ว

ทีมคงไปอยู่ที่เค้าซ้อมร้องเพลงกัน มันคงจ้องหาโอกาสโดดอยู่แน่

เจ้าปิคงจะโชคดีเดี๋ยวก็คงได้เจอกับเอ็ม เพื่อนต่างห้องที่อยู่สีเดียวกัน อย่างน้อยก็คงมีคนช่วยมันละ ไม่น่าจะต้องเป็นห่วงมันมาก

ต่อเองก็มีโอกาสได้พักสบายๆจาก งานเสริมที่คอยเป็นบอดี้การ์ดให้ปิมันด้วย

ทางเดินที่ผ่านมา แม่ง วุ่นวายโคตรๆ คนอะไรมันจะเยอะกันขนาดนี้วะเนี่ย เรียกว่าทั้งโรงเรียนลงมาวุ่นวายกันอยู่ตามลานต่างๆไปหมด

ป๊องงง

ใครโยนบอลมาวะ

หันไปเห็นร่างสูงๆ ยืนยิ้มให้อยู่

“พี่ต้อง” สองมือยังคลำหัวที่โดนบอลโยนใส่อยู่

“ต่อมาเลย อย่าอู้”

ผู้เป็นพี่กวักมือตามน้องชายลงสนาม

คนในสนามมีทั้งผู้เล่นหลัก ตัวสำรอง กับพี่ๆ ที่มาช่วยกันซ้อม ในสนามเล็กๆ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม แล้วแต่ละกลุ่มก็จะมี 2 ฝ่าย

“มาเจอกันเลยพี่ต้อง”

ต่อเลือกที่จะไม่อยู่ฝั่งเดียวกับต้อง

ข้างละ 3 คน ชุดนักเรียนเหมือนกันแยกออกยาก

บอลถูกเขี่ยออกจากกลางลาน ส่งไปทางต่อ

ต่อชี้นิ้วไปทางต้อง แล้วเลี้ยงบอลขึ้นไป

ต้องยิ้มแสยะ

วิ่งถาโถมเอาตัวเข้าขวาง พยายามเอาขากันบอลออก

ต่อหลบได้

‘ง่ายไปพี่ต้อง’

ต่อเลี้ยงหลบออก แล้วเลี้ยงยาวขึ้นไปเพื่อจะทำประตู

“น้อง ส่งมา” ใครสักคนทักขึ้น

‘ฝันไปเหอะ กระจอกๆอย่างพวกมึงกูคนเดียวก็พอ’

อยู่ๆ ลมวูบมา

พี่ต้องวิ่งขึ้นตามมาติดๆ

‘เล่นสนามเล็กสินะ วิ่งง่าย’
   
ต่อพยายามหลบอีก แต่คราวนี้ไม่ง่าย

“แพ้ อาบน้ำพร้อมต่อนะ”

“หา...”
   
ต้องชะงักไปครู่หนึ่ง

ต่อจะฉากหลบออกขวาแล้ววิ่ง แต่..

“พี่ต้องขี้โกง”

ต้องอุ้มตัวต่อออกไปวางนอกสนาม

“นี่เล่นบอลนะ ไม่ได้เล่นซูโม่”

ต่อไม่ยอมแพ้โวยวาย ดิ้นไปมาในอ้อมแขนส่งเสียงดังลั่น

ฮ่าๆๆๆๆ เสียงคนในสนามหัวเราะ

“พี่ต้องโกง ต่อไม่ยอมนะ”

“อะไรละ ก็แค่ฟาล์ว แจกใบเหลืองพี่สิ แต่กรรมการก็ไม่เห็นมีนะ”

“พี่ต้อง ต่อไม่ยอมนะเย็นนี้โดนแน่”

“อะไร ใครบอกว่าจะยอม โตแล้วนะ”

“หือ เดี๋ยวนี้หือต่อเหรอ”

“เอะ นักเลงนะเราน่ะ”

“พี่ต้อง” ต่อทำเสียงต่ำ

“นี่ พี่น้องคู่นั้นน่ะ ทำไรกันน่ะ”  พี่คนหนึ่งทักขึ้นมา

ต้องหัวเราะเขินๆ

บอลถูกนำกลับมาวางกลางสนาม กำลังจะเริ่มใหม่

ความสุขมักจะอยู่ไม่นาน เรื่องนี้ต่อเห็นด้วย ยังไม่ทันได้เล่นกันต่ออีก ต่อเงยหน้าขึ้นไปมองเห็น

‘เก้านี่เดินมาทำไมแถวนี้’

   แม่งชักไม่สบอารมณ์แล้ว

   เอาแล้วไง พอเห็นต่อมองพี่ต้องก็เงยหน้าตาม

   พี่ต้องเห็นมันแล้ว หันไปโบกมือแล้วกวักให้เข้ามาหา

   จะไปเรียกมาทำไมน่ะ
.
.
.

   ‘มึงมาทำไรวะ ไม่โดนจับไปร้องเพลงเรอะ’ พี่ต้องพูดพร้อมสะบัดชายเสื้อ

   ‘กูมาดูพวกมึงน่ะ แอบอู้ด้วย’

   ‘ไอ้ซันแม่ง เสล่อวะ นั่งร้องเพลงอยู่ได้ ไม่ยอมมา’  เก้าเล่าให้ต้องฟัง

   ‘เออกูก็ว่า แม่งประตูหายไปไหนวะ’
.
.
นี่คุยกันน่ะ สนใจหน่อยว่ากูอยู่ตรงนี้
.
.
   ‘แล้วมึงละ โดนจับทำไร’

   ‘พี่ก้องจะเอากูเป็นลีด’ ผมตอบไม่มองหน้ามัน
.
.
เก้า มึงเปลี่ยนจากเกย์เป็นตุ๊ดเลยเหรอ โรงเรียนชายล้วนน่ะ พวกที่เป็นหลีดมีแต่ตุ๊ดนะ
.


“ตัวแค่นี้อะนะ ลีดผู้หญิงเหรอ” ต่อตะโกนเข้าไปกลางวง

“ต่อ...” รีบปกป้องเชียวนะ

พี่ต้องจะห้ามทำไม แค่ประโยคเดียว มันไม่ลงไปดิ้นพลาดๆหรอก

“กูไม่ลงอะ ไม่ชอบ ลงศิลป์กับไอ้แมคแทน” เก้าพูดต่อ

“คู่ขาใหม่เหรอ” ประโยคนี้กูแถมให้

“ต่อ พอได้แล้ว”

เรื่องไรจะพอ มาให้ด่าถึงที่

“นี่ๆๆ น้องคนนั้นอะ เป็นดรัมมั้ย” เสียงพี่คนนึงดังขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

“ผมเล่นแต่กีต้าร์พี่ ไม่เล่นกลอง” พี่ต้องตอบ

พี่คนนั้นเดินมาเตะพี่ต้องไปเต็มแรง

โห เล่นเอาตัวเอนเลย

“เพื่อนเล่นมึงเหรอ”  พี่เดินเข้าไปจับคอไอ้ต้อง

แม่งคนไรวะ ดุชิบหาย

“กวนตีนมาก มาเป็นเลยมา”

“ไม่ได้ ผมเป็นหอบ ผมไม่แข็งแรง”

เพิ่งเคยเห็นพี่ต้องหน้าเสีย ท่าทางไม่มั่นใจสินะ

“แล้วมึงลงบอลทำซากอะไร” พี่คนนั้นยังไม่ยอม

“ผมโยนไม้ไม่ได้หรอกพี่ โยนก็รับไม่ได้”

พี่ต้องพยายามบ่ายเบี่ยง

“เดี๋ยวมีคนสอน”

เอาเลยพี่ อยากให้พี่ต้องเป็นเหมือนกัน

พี่ต้องหันมามอง

‘ไม่ต้องมอง ไม่ช่วย’ เรื่องดีๆแบบนี้ใครจะปล่อยให้หลุดมือไป

“ต่อ...” พี่ต้องขอความช่วยเหลือ

“เป็นเหอะพี่ พี่เล่นบอลสู้ต่อไม่ได้หรอก”

การเป็นดรัมโรงเรียนชายล้วนเนี่ย หมายถึงเป็นดาวโรงเรียนเลยนะพี่ เท่จะตาย เป็นๆไปเหอะ ดีกว่าไปเต้นแร้งเต้นกาแบบไอ้เก้าเยอะ อย่างพี่จะมาเล่นบอลทำไมให้โทรมๆ ไปเดินเท่ๆโชว์เค้าโน่น

“สู้ๆนะพี่ต้อง ดร้มเบอร์ 1”

ฮ่าๆๆๆๆ

“ไอ้ต่อ...” พี่ต้องคำรามในคอ

ทำเป็นไม่ได้ยิน

ไปดีกว่า

“ไปๆกลับไปซ้อมกันได้แล้ว” พี่คนนั้นโวยวาย

ขี้โวยวายจริงๆ

ไว้ซ้อมเสร็จไปดูดิ ไอ้ปิ ทำอะไร คงไม่ใช่โดนจับลงหลีดอีกคนนะ ถ้าเป็นนะจะเข้าไปโวยวายให้

เวลาผ่านไปนาน เวลาเรียนสองคาบเต็มที่เสียไปกับการเอามาซ้อมกีฬาสี พอดีกว่าจะได้กลับขึ้นห้อง กว่าจะล้างหน้าล้างตา ก็จะหมดคาบสุดท้าย เดี๋ยวก็เก็บของกลับบ้านอีกแล้ว

“เป็นไง ปิ”

“อ้อ ก็ดี ร้อนอะ นั่งตบมือร้องเพลง”

หน้าแดง ปลายผมเปียกเหงื่ออยู่เลย

“เออ เบื่อมั้ย”

“ก็ถ้ามีการ์ตูนไปด้วยก็ไม่เบื่อนะ”

แม่ง โอตาคุ

“เออนี่ วันนี้เจอพี่ต้องด้วย แม่งโดนจับเป็นดรัมเฉยเลย”

ต่อพูดยิ้มๆ

“ใครอะ”

เออ ยังไม่เคยเล่าให้ไอ้ปิมันฟังนี่หว่า

“ก็พี่ต้องไง พี่ชาย เอ่อ พี่ชายคนละแม่น่ะ”

“เฮ้ย มึงสองตัว นั่งจีบกันเหรอไง สาดดดด”

ไอ้อาท อะไรของมัน

ทำตัวน่ารำคาญ

“อะไร้ๆๆๆๆ มึง” ต่อลากเสียงยาว

“กลับบ้าน แทงสนุ๊ก ไปป่าวต่อ”

“มึงไม่ไปซ้อมว่ายน้ำเหรอ”

“พอแล้วเหนื่อย หนาว” สภาพของอาทยังสั่นเล็กๆ มันกลับมาในชุดพละเรียบร้อย

“แล้วไอ้ทีมละ”

“เดี๋ยวมันตามไป ไปมั้ย”

“ไม่อะ กูขี้เกียจ” เสียงถอนหายใจออกมาในที่สุด

“แหมจะนั่งจีบกันอะดิ”

“จีบห่าไร” ต่อลุกขึ้นมาโวยวาย

“ไม่จีบก็แล้วไป กูไปละ”
   
อาทมันคว้ากระเป๋าที่ไม่เคยใส่อะไรมาเรียนแล้วเดินออกจากห้อง

“แม่ง พวกเหี้ยนี่” กูทนคบมันมาได้ไงวะ

“เอ่อ ต่อเรื่องที่ต่อเล่าเมื่อกี้อะ”

“ไม่มีรมแล้ว”

ปิ ก้มหน้า

อ้าว กูพูดไรผิดอีกเนี่ย ไอ้นี่ก็กลัวกูซะจริง จับทำเมียซะเลย

“ปิ เอาการ์ตูนใหม่มาป่าว”
   
มันพยักหน้า

“ยืมหน่อยดิ”

มันส่งมาให้ เล่มนี้เพิ่งออกเมื่อวานเอง มันไม่ยอมบอกใครอีกเลยว่าเอามา คงกลัวจะโดนอีก

ยืนอ่านในห้องรอเวลาไปก่อนละกัน ขี้เกียจกลับตอนนี้ จะไปนั่งข้างล่างก็คนคงเยอะ

“รีบกลับป่าว”

“ป่าวอะ”

“งั้นต่อนั่งอ่านในห้องนะ”

“เอาเลย”

ปิ เอา psp ขึ้นมากดเล่น แม่งพกมาโรงเรียนด้วยเว้ย เพิ่งจะคืนมันให้มันไปลงเกมใหม่มาให้

“ปิพนธ์ๆ”

“อ้าว เอ็ม”

ปิเดินออกไปคุยอะไรสักอย่างกับคนนั้น ที่หน้าห้อง

บทสนทนาที่ต่อไม่ได้ยิน

คนนี้น่ะเหรอ เอ็ม

ปิส่ายหัวก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง

“มีไรป่าววะ”

“ป่าว”

ท่าทางเหมือนปิปฎิเสธอะไรสักอย่างที่รำคาญใจ

“ต่ออะเล่าต่อดิ”

อา ... อยากรู้จริงนะ

ในห้องที่ตอนนี้เด็กคนอื่นกลับไปหมดแล้ว

ตกเย็นอากาศก็เริ่มเย็นอีกแล้ว

ที่ห้องเหลือแค่ ต่อกับปิ สองคน นั่งอยู่มุมในสุดหลังห้อง โต๊ะเรียนตัวเดิมที่ใช้เรียนตั้งแต่เปิดเทอมมา ความเงียบเริ่มเข้าครอบคลุมชั้นนี้

“พี่ต้องเป็นพี่ชายคนละแม่น่ะ......”

ต่อเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้กล้าเปิดปากเล่าเรื่องนี้ให้กับคนนอกอย่างปิ ไอ้กะปิฟัง ต่อที่ไม่เคยจะสนใจ แม้แต่จะคิดว่าการเล่าแบ่งปันเรื่องส่วนตัวออกไปกับใครเป็นเรื่องปกติธรรมา ถึงแม้ว่าจะหนักหนาแค่ไหน

ชีวิตต่อมีแค่ ต่อกับพี่ต้องเท่านั้น

การปิดปากเงียบ เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลเสมอ โดยเฉพาะกับน้า

สิ่งที่ต่อจะปิดบังคือเรื่องที่ทำให้พวกเค้าไม่สบายใจ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก นานๆครั้งที่พี่ต้องจะได้ฟังจากการหลุดปากของต่อ มันก็แค่นั้น

“ต่อจำได้ว่า ตอนที่อยู่ป.1 พ่อเอาตัวเรามาฝากไว้กับแม่ของพี่ต้อง ....”

“ไม่รู้เหตุผลหรอกนะว่าทำไม มาถึงตอนนี้ถ้าจะให้กลับไปถามก็คงไม่แล้วละ พอหลังจากนั้นไม่ถึงปี พ่อก็ป่วยตาย เดาได้ว่าคงเป็นปัญหาเรื่องสุขภาพละนะ”

“ทั้ง 2 คน แม่ เอ่อ น้ากับพี่ต้องน่ะ ยอมรับเรามาดูแลเหมือนอย่างเสียไม่ได้ แรกๆเค้าก็ไม่ได้ชอบเท่าไรหรอกนะ มีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้โผล่ออกมาเป็นภาระอีกคน พอพ่อตายไป ก็มีพี่ต้องรับอาสาจะดูแลให้ ถ้าไม่ได้เค้าพูดละก็ น้าเค้าก็คงจะไม่เอาต่อเหมือนกัน”

“หลังจากนั้นมาพี่ต้องที่เพิ่งจะ ป.4 ป.5 ก็รับบทบาทเป็นพี่ชายที่คอยดูแลมาตลอด จนตอนนี้ดูเหมือนพี่ต้องจะเป็นมากกว่าแค่พี่ชายไปแล้ว”

ทั้ง 2 คนนั่งเงียบไป ปล่อยให้เสียงเอะอะสุดท้าย ที่อยู่นอกห้อง เสียงของเด็กที่ยังนั่งเล่นอยู่ เงียบลงไปอีก

“ต่อนี่เก่งน้า ....”

“หือ...”

“ก็ถ้าเป็นเรา เราคงไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหานี้ยังไงเลย ปิคงทนไม่ได้หรอก”

ขาปิเตะขึ้นลงอยู่ใต้โต๊ะ

“ปิเองก็โดนแกล้งมาตลอดไม่ใช่เหรอ.. เป็นเรา เราคงทนให้คงแกล้งไม่ได้หรอก”

ปิ หัวเราะ

“หัวเราะไร”

“ป่าวๆ ขอโทษนะต่อ”

“ขอโทษทำไมอะ”

“ก็ปิคิดว่า ปิเป็นปัญหาให้ต่ออะ ต่อต้องมาช่วยตลอดเลย แล้วก็ขอโทษที่ช่วยไรต่อไม่ได้.... ปิว่าแต่ละคนก็คงมีสิ่งที่ทนได้และไม่ได้ไม่เหมือนกันละมั้งนะ”

“หึ ก็คงงั้นมั้ง”

ต่อเอามือขยี้หัวปิ ผมตรงสีดำดูยุ่งเหยิง แว่นหนาๆขยับขึ้นลงไปมาตามจังหวะขยี้

นิ้วโป้งที่ไม่รู้ว่าเคลื่อนมาจากไหน มาสัมผัสกับหน้าปิ และหยุดลงอยู่ที่แก้มนุ่มๆ

นิ้วโป้งต่อ ปาดใต้ตาปิ ราวกับว่าปิกำลังร้องไห้อยู่ แต่เปล่า

แล้วเกินกว่าที่ต่อจะทันได้คิด

หน้าของต่อค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ๆ เข้าไปมองหน้าของปิผ่านแว่นหนาๆให้ใกล้ยิ่งขึ้น

รู้สึกได้ถึงลมแผ่วออกมาจากจมูก

ใกล้จน...

ต่อเกือบจะหยุดไม่ไหว

“เอ่อ .. ปิ เย็นแล้วกลับกันเหอะ”

เฮ้ย เมื่อกี้กูจะทำอะไรมันวะ

ห่าเอ้ย

จะเอามันเป็นเมียจริงเหรอเนี่ย

“....อือ”

ปิก้มหน้าเก็บของลงกระเป๋า

ต่อกับปิเดินออกจากห้อง ทั้ง 2 คนเดินใกล้กันแค่ขยับข้อมือ ถ้าหากฝ่ายไหนขยับก่อนก็คงจะโดนมืออีกฝ่ายทันที

...แต่ไม่มีใครเริ่ม

เมื่อต่อแอบหันไปมอง

เห็นปิเดินก้มหน้าไปตลอดทาง ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามามอง

แย่ละ ชักอึดอัด

“ปิ คราวหน้า ลองไปเล่นที่สวนนะ น่าจะอากาศดี”

“อื้อ”

เอาวะ เอานิ้วก้อยเกี่ยวๆมันไว้หน่อยนึงก็ได้ ...
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่ต้อง [pg8] 22/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-01-2016 00:03:47
เห็นชื่อตอนพี่ต้อง..รีบถลาเข้ามาอ่านเลย
แต่บทพี่ต้องมีนิดเดียวเอง อยากอ่านมากกว่านี้อีก

ท้ายๆมีต่อกับปิ แอบจะมีใจให้กัน แต่กล้าๆกลัวๆ ยังไม่ค่อยจะเปิดใจโดยเฉพาะต่อ

เล่าถึงเรื่องต่อกับพี่ต้องอีกซักหน่อยดิ
อยากอ่าน อยากรู้เพิ่ม
เพราะพี่น้องคู่นี้รู้สึกยังจะมุมมุ้งมิ้งกันมากกว่านี้น่ะ

+1 ให้
เป็นค่านำจับ เอาต้องมาเล่า ลงตอนหน้า(อีก)
อิอิ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : พี่ต้อง [pg8] 22/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-01-2016 21:39:41
จับน้องอาบน้ำ
ล้างกระจู๋..ถูไข่

อิอิ..พี่
นู๋เสียววว

ฮ่าฮ่า..น้อง
ล้อเล่ง
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : โกหก [pg8] 24/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 24-01-2016 21:12:45
ขอแค่ 5 นาที : โกหก

ต่อรู้สึกแปลกใจที่ปิไม่ได้ถามเรื่องวันนั้นเลย ทั้งๆที่ในใจก็สรรหาคำอ้างมาเตรียมเอาไว้ ข้อแก้ตัวอะไรก็ได้ที่ทำให้ยังทำให้ต่อเก็บซ่อนความรู้สึกต่อไปได้อีกหน่อย

ตอนนี้ต่อยังไม่พร้อม

การเดินเกี่ยวก้อยกันที่ทางเดินหน้าห้องเรียน มันไม่ได้มีผลให้ความสัมพันธ์ของสองคนนี้เปลี่ยนไป ยังก่อนในตอนนี้

ต่อรู้สึกโล่งใจ ที่ปิยังไม่ถาม เพราะเอาเข้าจริงๆไม่รู้จะตอบออกไปยังไง ใจนึงก็ไม่อยากห่วยอย่างพี่ต้อง แต่อีกใจก็รับไม่ได้ ไปด่าคนอื่นไว้เยอะ

ง่ายกว่าที่ต่อจะเบนความสนใจกลับไปที่เรื่องเดิมๆ

เกมและการ์ตูน

เครื่อง psp ที่ต่อให้ปิเอากลับไปเล่นเมื่อคราวที่แล้ว วันนี้ต่อตั้งใจจะเอามาคืนให้เจ้าของ เกมที่เล่นอยู่จะกำลังจะจบหมดทุกเกมแล้ว แต่กว่าจะทำได้ก็นานอยู่

มันนานไปแล้ว นานจนพี่ต้องเองก็ชักจะสงสัย
.
.
.
‘ต่อไปเอามาจากไหนน่ะ’ ต้องถามขึ้นมาในวันหนึ่ง

‘เพื่อน’

ต่อกำลังนอนเล่นเพลินๆอยุ่บนที่นอน ไม่อยากให้พี่ชายคนพิเศษมายุ่งเรื่องนี้

‘เค้าไม่ทวงเหรอ นานแล้วนะ’

‘ก็ไม่ได้ไปตบของเค้ามาแล้วกันน่า’

นอนอ่านหนังสือไปสิ ยุ่งไรด้วย

‘งั้นพี่ขอเล่นมั่งดิ’

นั่นไง

‘ไม่เอา เดี๋ยวพัง’

ต่อตะแคงข้างหันหลังเข้าใส่

‘หันหลังให้พี่เหรอ’

เกมนี้ใช้พลังสมาธิของต่อไปมากอยู่ มันเป็นเกมที่เล่นค่อนข้างยาก แล้วต่ออยากจะให้มันจบก่อนจะเอาไปเปลี่ยนเกมอื่นมา หรือถ้าปิจะเอาไปเล่นบ้าง เกิดมันลบไปจะได้ไม่เสียดาย

พี่ต้องชะโงกข้ามหัวมาจากข้างหลัง

นี่แน่ะ

‘เฮ้ยต่อ’

อยากเอาตัวมาเบียดดีนัก จะจับหำให้ร้องเลย

‘เออๆๆ ไม่ดูแล้วก็ได้’

ไอ้พี่ต้องเลยถอยตัวออก หันตัวกลับไปด้านตัวเอง

‘พี่ต้องกับเก้าไปถึงไหนแล้ว’

คำถามคาใจต่อเปล่งออกมากลบเสียงเกมหนวกหู

‘สนใจด้วยเหรอ ไหนว่ารับไม่ได้ไง’

‘แค่สงสัย’ 

ใครจะไปยอมรับว่าพี่ตัวเองชอบผู้ชายลงวะ

‘ก้ไม่รู้สิ ดูเหมือนเก้าจะไม่รู้เลยว่าพี่กำลังพยายามเข้าหามันอยู่ มีแต่คนขัดขวาง’

เหรอออออ ขอจับอีกรอบสิ ต้องวูบตัวหลบ

ขอบคุณฟ้าที่พี่ต้องมันโง่เรื่องจีบคนอื่น มันถึงไม่ไปไหนซะที นี่แหละน้า ไม่ต้องพยายามทำอะไรก็มีคนเข้ามาหานี่ พอตอนนี้จะเข้าหาคนอื่นเลยทำไม่เป็น

ต่อพลิกตัวกลับมานอนทับต้อง เอาตัวถูไถจนของต้องแข็ง

‘ทำไรอะต่อ’

‘ป๊าว แกล้งเล่น’

ถ้าพี่ต้องเป็นเกย์จริง ก็น่าจะมีอารมณ์กับผู้ชายด้วยกัน แต่ดูจากตอนนี้แล้วพี่ต้องไม่ได้อยากทำกับผู้ชายคนไหนเลยนี่หว่า ยกเว้นไอ้เก้าคนเดียว

‘พี่ต้องชอบเก้าตรงไหน’

‘ไม่รู้สิ.... ก็อยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อเลยมั้ง เหมือนทำไมไม่ว่าจะเจอกันกี่ทีมันก็เหมือนเพิ่งเจอกันซะทุกครั้ง คงเพราะออร่าอะไรบางอย่างละมั้ง ก็มันเหมือนเพื่อนก็ไม่ใช่... จะบอกว่าไม่สนใจเลยก็ไม่ใช่อีก ถึงเก้ามันจะเป็นผู้ชายแต่ ไม่รู้สิ ก็อยากอยู่ใกล้ๆอะนะ แล้วก็นะ.... นี่ต่อเวลาเก้ามัน.....”

ทำไมกูเห็นหน้าไอ้กะปิลอยออกมาเลยวะ

นั่นสิ อยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อเลยเนอะ อยากเห็นหน้ามันตลอด

หึหึ

อีพี่ต้องนี่พล่ามไม่หยุดเลยวุ้ย ไม่รู้รึไงว่าไม่มีใครฟังแล้ว
.
.
.

เย็นวันนี้ในสวนก็คนยังบางตาเหมือนเดิม

ใกล้สิ้นปีแล้ว อากาศเย็นๆมันทำให้ดูน่าเหงาเหลือเกิน

"ปิ จะเอากลับไปเล่นป่าว"

“ไม่เป็นไร"

ปิยังนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ข้าง

“ต่อเล่นหมดรึยังละ”

หน้าขาว แก้มแดงในแว่นดำนี่ มันดูยังไงก็ไม่เบื่อเลย

“เหลือเกมนี้สุดท้ายแล้ว”

เย็นนี้ทั้ง 2 คนมานั่งเล่นอยู่ที่เดิม โต๊ะในสวนข้างล่าง สถานที่ๆทั้ง 2 คนใช้เวลาร่วมกันหลังเลิกเรียน วันไหนที่ไม่ติดซ็อมก็จะมานั่งกันที่นี่ เพื่อหลบเลี่ยงครูที่จะมาเห็นเครื่องเกม แล้วก็ไอ้ 2 เจ้าตัวปัญหา

ไอ้อาทกับไอ้ทีม

อีกอย่าง... ต่อคิดว่าการที่อยู่ในที่เปิดโล่งมันจะดีกับตัวต่อเองมากกว่าด้วย

ส่วนกลุ่มเพื่อนที่โชคร้ายมารวมกันในห้องนี้ ยิ่งผ่านไปนานวันช่องว่างระหว่างพวกเขาก็ยิ่งถ่างขาอ้ากว้างขึ้น ไอ้อาทมักจะจับคู่กับทีมหายตัวไปหลังเลิกเรียน ต่อเองก็แยกตัวออกมา พวกน่ารังเกียจ

เวลาอยู่กับกะปิ 2 คน หลังเลิกเรียน ดูจะมีค่ามากกว่าพวกนั้นซะอีก แม้ว่าเรื่องที่คุยกันมีน้อยลง แต่หัวข้อเริ่มมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ปิกล้าที่จะถามต่อมากกว่าแต่ก่อน

ตัวปิเองก็หลบฉากออกมาจากพวกนั้นให้บ่อย ดูมันเองก็พยายามจะไม่ให้เป็นภาระต่อมากไปกว่านี้

อยู่กันสองคนอย่างนี้ก็ดี จะไปให้พวกนั้นหาเรื่องนินทาทำไม แค่นี้ต่อก็ฟังจนเบื่อแล้ว

 "นี่ตรงนี้ผ่านยังไงอะ"

"อะไรอะ เล่นมาหลายวันยังไม่รู้เหรอ”

เออ กูไม่รู้

ปิเอาเครื่องไปจิ้มๆ ก่อนจะส่งคืน

ฉากนั้นผ่านไปอย่างง่ายได้

แม่ง ทำได้ยังไงวะ

"ช่วงนี้เอ็มเป็นไงมั่ง"

“ป่าวนะ ก็สบายดี"

เอ็มเองเป็นอีกคนที่ห่างหายไปจากปิเช่นกัน ในชั้นเรียนม.3นี้ราวกับ 2 คนถูกวางคู่กันแยกห่างไว้อย่างโดดเดี่ยว จากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นกันตัวเองเอาไว้ให้ห่างจากโลกอันโหดร้าย

ทุกมื้อกลางวันปิจะหลบไปกินข้าวกับเอ็ม เพื่อหลีกปัญหาราดหน้าไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ดังนั้นหนึ่งชั่วโมงที่กะปิหายไปต่อจะใช้เวลาทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ อะไรหลายๆอย่างที่ไม่อยากให้ปิรู้ อย่างเช่นว่า... เกิดวันไหนต่ออยากแอบไปดูดบุหรี่หลังตึกเรียน หรือจะไปรีดไถเงินเด็กม.ต้นที่อ่อนแอกว่า

ปิมันก็เคยเตือนต่อว่า เลิกๆบุหรี่ได้แล้ว
.
.

"นาย ต่อ รึเปล่า”

"ว่าไง" ต่อตอบสายตาไม่เป็นมิตร

"เรื่องปิน่ะ"

ต่อถอนหายใจแรง

ไอ้กะปิมันไปทำไรอีกละ

“นายเป็นเพื่อนปิรึเปล่า"

นั่นสินะ....

"ถามแปลกมึง"

"ไอ้เห่ยนั่นน่ะเหรอ"

เสียงถอนหายใจจากเอ็มถูกพ่นออกมาเบาๆ

"ขอบใจนะที่ดูแลมันมาตลอด ต่อไปฝากดูมันด้วย"

ไม่บอกต่อก็ทำอยู่แล้ว ทำไมต้องมาฝากกันด้วยไม่ใช่เด็กแล้วนะ ห่วงกันจริงงงงงงเว้ย

“แล้วแกเป็นไรกับมัน"

ขอกูรู้มั่งสิ ยุ่งกับพวกกูเหลือเกิน

"เพื่อน"

เอ็มตอบเรียบๆแล้วเดินจาก

ไอ้เด็กตัวแทนนักเรียนนี่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูดีไปหมดเลยนะ ท่าฝากไอ้กะปิยังเท่
.
.
.

“มีไรป่าว"

ปิเอานิ้วจิ้มๆแขนต่อ

"แกนี่ดีนะ ขนาดมาอยู่ห้องนี้ยังมีคนเป็นห่วง"

ยิ้มแหย ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“หมายถึงเอ็มอะเหรอ"

รู้เลยเหรอหมายถึงใคร

"เอ็มก็ .... คล้ายๆต่อน่ะแหละ"

ตาถั่วรึเปล่าเนี่ย ทำไมถึงว่าคล้ายกันวะ ไอ้ประธานนักเรียนนั่น กับ เด็กเกเรอย่างต่อมันคล้ายกันตรงไหน

เดี๋ยวมันจะบอกว่า ไอ้ที่ทำๆกันทุกวันนี้ก็คล้ายเหรอ เฮ้ย ไอ้กะปิ อย่าบอกนะว่า มันไปล่อลวงเอ็มไว้อีกคนเหรอไงวะ

…​ เหี้ยละ แล้วกูจะไปรุ้สึกไม่ดีทำไมวะเนี่ย สังหรณ์ทะแม่งๆแล้ววะ

ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กูไม่หึงผู้ชาย

อย่าคิดมากดีกว่า เรื่องลางสังหรณ์อะไรเนี่ย ต่อไม่เคยจะเชื่ออยู่แล้ว

"โอ้ย"

แว่นดำหนาถูกเลื่อนขึ้นไปติดดั้งเล็ก

"ทำไรน่ะต่อ"

"แว่นหลวมน่ะ"

ใบหน้าแหยคุ้นเคยเริ่มมีกลับมาให้เห็น ใบหน้าที่ต่อไม่ได้เห็นมาสักพัก ถึงจะไม่ต้องพูดออกมาปิเองก็ไม่ได้ทำตัวปกติซะทีเดียว เลี่ยงที่จะมองหน้าต่อตรงๆ ตั้งแต่วันเมื่อเย็นวันนั้น อย่างน้อยก็ไม่มีการจ้องหน้ากันอีกแน่ๆ

"ทำไมอยู่ๆ ต่อถามเรื่องเอ็มละ”

ปิถามเป็นครั้งที่ 2

"ก็ ... สงสัย การที่มีคนห่วงเรามันเป็นยังไงนะ”

แล้วถ้าเกิดไม่มีขึ้นมาละ

".... ต่อ เป็นไรรึเปล่า"

"เปล่าๆ"

ตูม

"ต่อ เล่าให้ฟังหน่อยดิ"

“ไม่มีไรหรอก"

“พี่ต้องก็ห่วงต่อไง”

“ก็ใช่ แต่... ไม่มีไรหรอก”

ปิเขย่าๆตัวต่อ

โอ้ย จะเขย่าทำไม

“บอกว่าไม่มีไรไง”

ไม่มีคำถามออกมาอีก ให้ต่อได้จดจ่ออยู่กับเกมสักพัก

“แล้วที่เล่นจนตายแล้วยังกดๆอยู่น่ะอะไร จอมันขึ้นเล่นใหม่ไปตั้งนานแล้ว"

เออ จริงด้วย ตายแล้วนี่หว่า

"พี่ต้องน่ะ .... " ต่อโยน psp คืนปิ

"เค้าไม่กลับบ้านเมื่อวาน"

"แล้ว... ?"

“ปกติเค้าไม่เป็นอย่างนี้นะ”

เล่าไปจะดีมั้ยวะ

“พี่ต้องม.ปลายแล้วไม่กลับบ้านแปลกตรงไหนอะต่อ อาจจะไปบ้านเพื่อนก็ได้นี่”

"ทุกปีเค้าไม่เคยลืมที่จะกลับ แต่คราวนี้แปลกอะ ทำไมไม่กลับมาก็ไม่รู้ แถมยังปิดมือถือด้วย"

“เมื่อวาน... มีไรเหรอ”

"วันเกิดเราน่ะ"

"อะ .... ขอโทษ”

แว่นบนหน้าขยับ มันคงตกใจ

ปิเงยหน้าจาก psp ขึ้นมาทางต่อ

เจ้าตัวไม่รู้แม้กระทั่งวันเกิดของต่อ มันคงคิดว่าจะดูไม่ดีมากที่ลืมวันเกิดของคนที่เคยช่วยเอาไว้

"หึ ปิแกไม่รู้วันเกิดเราหรอก"

ต่อไม่เคยบอก

"ผู้ไม่รู้ยอมไม่ผิด"

“หนังจีนชัดๆอะ ยุคนี้ใครเค้าใช้หนังจีนแบบนี้มาพูดกัน ทั้งๆที่อุตส่าทำหน้าน่ารักแบบตัวการ์ตูนในเกมแล้วนะ"

ปิเข้ามาเบียดเกาะแขนต่อ พยายามเสนอหน้าบ้องแบ๊วมาหา

“เยอะไปละ แต่ถ้ากวนตีนอะ จะผิดละ"

เสียงหัวเราะน้อยๆออกมา

"ต่อ อยากเล่นเกมไรรึเปล่า"

“ไม่มีอะ"

ปิ เงียบไป

"นี่ psp มันดูหนังได้นะ"

"จริงดิ ทำไงอะ”

"ก็ทำหนังเป็นไฟล์แล้วเอาลงน่ะ มีไฟล์หนังที่อยากดูมั้ยอะ"

เอ.... หนังที่เป็นไฟล์ ว่าไปก็พอนึกออกนะ

"หนังโป๊อะ เต็มเลยเป็นไฟล์"

ปิคว้า psp กลับไปกอด ทำหน้าตาสงสารของเล่นในมือ

“ล้อเล่นน่า”

ใครมันจะหื่นขนาดเอาลงละ

“ต่อหื่นอะ”

อย่ามาพูดใส่หน้าด้วยน้ำเสียงกับหน้าตาแบบนี้นะ

"นี่ปิ สอนตรงนี้หน่อยดิผ่านยังไง”

"นี่ไง"

ปิโน้มตัวมาใกล้ ชะโงกหน้าข้ามไปมองหน้าเล็กจอๆของเครื่องเกมที่วางอยู่บนตักของต่อ เอานิ้วเล็กๆจิ้มๆตรงนั้นตรงนี้ แรงกดลงไปโดนส่วนสำคัญ แย่ละ ไอ้ต่อน้อยทำไมมีปฏิกริยาวะ

"เอ่อ ปิ"

ต่อค่อยๆพลิกตัวหลบ

แย่ละ

ในสวนตอนนี้เหลือกันอยู่ไม่กี่คน เด็กที่ยังรอผู้ปกครองมารับ ที่นั่งเดิมที่จับจองโดยทั้งสองคนกลายเป็นมุมประจำที่ต่อใช้นั่งเป็นเพื่อนปิ เวลารถที่บ้านยังไม่มารับ

ต่อโยนเครื่องไปให้ปิมันถือ หันไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า เดี๋ยวมันไม่ลง

ไอ้พี่ต้องแม่งหนีไปไหนวะ บ้านเก้าแน่ๆ แม่งเลือกผู้หญิง เอ่อ ผู้ชายดีกว่าน้อง กลับมาจะด่าให้

"ปิ นายมีพี่น้องมั้ย"

“เปล่านะ เราลูกคนเดียว"

ปิก้มหน้า

"แล้วถ้าวันสำคัญของเรา คนที่เราอยากให้อยู่ไม่อยู่ละ"

"ไม่รู้สิ ต่อ หมายถึง... แฟนเหรอ"

“เปล่าไม่ใช่ แฟนเรายังยังไม่มีหรอก”

เหี้ยละ ทำไมกูต้องบอกมันวะ

“พี่ต้องน่ะ”

“แล้วทำไมเหรอ พี่ต้องไม่อยู่เหรอ”

นั่นดิทำไมวะ

“งั้นมั้ง”

“ก็เค้าคงมีอะไรจำเป็นแหละ ถึงได้ไม่อยู่ ต่อบอกเองนี่ว่าเค้ารักต่อมาก ดังนั้นเค้าคงไม่หนีไปไหนหรอกมั้ง ต่อไปทำไรให้เค้าไม่พอใจเปล่าละ”

ต่อยักไหล่ ... ก็อาจจะมีบ้างอะนะ แค่บอกไปว่าห่วย จีบงี้ไม่มีทางติดหรอก ... กับ เอ่อ... สงสัยจะเรื่องนั้นมากกว่า

“ต่อชอบใครอยู่เปล่าละ”

… ชอบเหรอ

“คนที่อยากอยู่ด้วยน่ะ”

… พี่ต้องไง แล้วก็...

“เอ่อ....”

"เฮ้ย มึง 2 ตัวทำไรกันอยู่วะ"

"ไอ้อาท มึงยังไม่กล้บอีก"

"เพิ่งขึ้นจากสระมาจะหาอะไรแดก"

หลบมาอยู่แถวนี้ดันมาเจอเข้าอีกจนได้ ทำไมมันซวยได้ขนาดนี้วะ

ปิยังนั่งเล่นก้มหน้าไม่เงยขึ้นมามอง

"นั่นไรน่ะ"

อาทเอื้อมมือจะคว้าเอาเครื่องเกมไป

"เอ่อ...."

“มึงเล่นเป็นรึไง"

ต่อลุกขึ้นไปเอาตัวบัง

"ทำไมละ ก็ลองๆดู เล่นไม่เป็นก็เอากลับไปเล่นบ้านดิ"

"เฮ้ยกูเล่นค้างอยู่"

"น่าๆ มึงจะงกทำไมวะ ต่อ ของมึงก็ไม่ใช่" อาทกระชากเกมแล้วถือเกมชูขึ้นสุดมือ

"มึง"

ก่อนต่อจะทำอะไร อาทคว้าคอเสื้อไว้ได้ทันแล้วใช้ตัวที่ใหญ่กว่าดันต่อเข้ากระแทกกับตู้กดน้ำแถวนั้น

“อยากได้มากเหรอ"

อาทโน้วตัวเข้าไปใกล้ ใช้ร่างกายที่ใหญ่กว่ากดทับต่อเอาไว้ แรงที่สู้ไม่ได้ของต่อถึงจะดันจนสุดก็ยังแทบไม่ขยับ

ช่วยไม่ได้

ต่อยกขาจะถีบอาท แต่...

ภาพสโลโมชั่นเกิดขึ้นในหัวของต่อและปิพร้อมกัน เครื่องเกมค่อยๆลอยจากมืออาท หมุนกลางอากาศ ก่อนจะไปหล่นลงในถังน้ำแข็งที่เปิดอ้าอยู่ข้างหลังต่อ

ดังแกร๊ก

ถังน้ำแข็งสีแดงขนาดใหญ่ น้ำแข็งยังเหลืออยู่ในนั้น บางส่วนละลายกลายเป็นน้ำไปแล้ว

ปิรีบวิ่งไปล้วงขึ้นมา

"เหี้ยต่อ มึงเป็นคู่เกย์กับไอ้ปิจริงเหรอวะ"

หน้ากวนๆของต่อ ส่งไปทางอาท

ตามด้วยหมัดยาวๆเข้าที่ปลายคาง

อาทเซไป 

"ตอนนี้ไม่เหมือนก่อนแล้วนะ"

อาทที่ผงะถอยหลังไป คว้าแขนไว้ได้ แล้วสวนกลับเข้ามาที่ท้อง

ต่อก้มลงตัวงอ

"เอาเหอะ กูถือว่านั่นคือคำตอบ"

อาทเดินจากไป ความแค้นที่อยู่ในใจต่อประทุขึ้นรุนแรง

เป็นความรุนแรงที่สับสนระหว่าง โกรธที่โดนว่าเป็นเกย์หรือโกรธที่ปิถูกแกล้งกันแน่

"ต่อเป็นไรรึเปล่า"

ต่อสะบัดมือปิออก

“ไม่ !!!”

สักวันกูจะเอาคืนมัน

"ขอโทษนะ"

มาแล้วประโยคเด็ด

"กูแล้วแล้วเลิกขอโทษสักที!!!!"

ปิสะดุ้ง โดดถอยหลังไป

“กูบอกแล้ว อะไรที่กูทำให้ เพราะอยากทำ ไม่ได้ทำเพื่อมึงเลย ไม่ต้องขอโทษ"

 ไอ้ที่ต่อทำให้ปิถอยหลังไป ยิ่งเพิ่มความรู้สึกผิดให้กับตัวเองเข้าไปอีก

ปิไปนั่งจ๋อยอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม

"เครื่องเป็นไง"

"นะ น้ำแข็งมันเยอะ เลยโดนน้ำไปหน่อยหนึ่ง แต่ปิดไว้แล้ว เดี๋ยวกลับไปบ้านตากให้แห้งก็คงใช้ได้มั้ง’"

สีหน้าปิสลด เหมือนเด็กที่โดนขยี้ของเล่นลงต่อหน้า เสียงสั่นเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ แถมท่าทางหวาดกลัว

"แฮะๆ ตะ...  ตอนแรกว่าถ้าต่อ เอ่อ ชอบคิดว่าจะยกให้ต่อ เป็นของขวัญวันเกิด ซะหน่อย แฮะ ท่า ท่าทางต่อจะโกรธ แฮะ ... ปิ ขอ.. เอ่อ..”

แค่ประโยคเดียว มันทำให้ต่อรู้สึกผิดยิ่งกว่าอะไรทุกอย่างที่เคยทำมารวมกัน เสียงสั่นๆของปิ มันรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าหมัดของไอ้อาทเมื่อกี้รวมกันสิบทีซะอีก

ปิกำลังกลัวต่อ

"งั้นเอามา ต่อจะเอาไปซ่อมให้"

"แต่เราไม่เอานะ ของแพง"

"ต่อซ่อมเป็นเหรอ?"

เออวะ ชีวิตนี้เคยมีเกมกับเค้าที่ไหน

“ไม่เป็นก็ต้องเป็น”

ปิดูหายตกใจบ้างแล้ว

ต่อขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ

"ปิ ทำไมเอ็มเป็นห่วงนายนักละ"

คำถามนี้คิดออกมาได้อย่างไรไม่รู้

"เอ่อ... ไม่รู้เล่าไงดี เอ็มไปเล่าไรให้ต่อฟังเหรอ"

“ป่าว ช่างมันเหอะ"

"เอ็มเล่าใช่มั้ย"

หือ มาแปลก ปกติปิจะไม่รบเร้าเอาคำตอบเด็ดขาดไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ เอ็มมีความสำคัญยังไงนะ

ต่อส่ายหัว

“ช่างเหอะ”

"ป่าว แค่ถามไม่มีไรหรอก"

ปิเก็บของใส่กระเป๋า ตัวยังสั่นอยู่น้อยๆ

5.30 pm

นาฬิกาบนมือถือต่อบอกเวลา

"เดี๋ยวต่อไปส่งละกัน"

“รถอยู่ตรงนี้เองนะ"

“อือ เดี๋ยวต่อจะไปส่งที่รถ” พูดจบเอามือกอดคอปิไว้

เพื่อว่าทำอย่างนี้แล้วปิมันจะดีขึ้นบ้าง อยากย้อนเวลากลับไปแก้เรื่องเมื่อกี้จริงวุ้ย

“กลับด้วยกันมั้ย”

"ต่อยังไม่อยากรีบกลับน่ะ"

คนขับรถจะมารับปิ ลูกชายหัวแก้วคนเดียวของที่บ้านกลับ ในเวลาเดียวกันของทุกวันที่เดิม ห้าโมงครึ่ง

บางครั้งต่อจะติดรถกลับไปด้วย แต่วันนี้ตั้งใจว่าจะไม่

"ต่อ คิดยังไงกับเราเหรอ"

"ก็ ...." นั่นสินะ

นั่น หมัดนี้ก็หนัก แถมมาไม่ให้ตั้งตัว

ไอ้ความรู้สึกเหมือนมีพายุอยู่ในท้องนี่มันอะไร

“ปิก็...เป็น เพื่อน เราไง"

“อื้อ”

ปิ ขยับสะพายกระเป๋าเป้ไว้ที่หลัง

"สุขสันต์วันเกิดนะ"

รอยยิ้มจางบนใบหน้าขาวที่ตัดกับแสงแดดสีส้ม มันแดงเพราะแสงอาทิตย์หรือหน้าของปิกำลังแดงเรื่อกันแน่นะ

"ปะกัน"

รถสีดำจอดอยู่กลางลานจอดโล่งๆ

พี่คนขับรถยังทักทายต่อเหมือนทุกที ก่อนปิจะโดขึ้นไปนั่งข้างหลัง

"ต่อไม่ไปเหรอ"

ต่อสั่นหัว

"กลับดีๆ"

ต่อปิดประตู แล้วออกเดินนำหน้าไปก่อน ไม่นานรถสีดำวิ่งเลยผ่านไป

ลมเย็นพัดวูบมาจากการเคลื่อนที่ของรถ

ต่อปลดกระดุมเสื้อออก คลายเสื้อหนาวให้เปิดกว้าง

ปล่อยความอึดอัดนี้ออกไป ให้ลมเย็นๆที่ทำหน้าที่แทนน้ำ พัดตีเข้าที่หน้า

เด็กในโรงเรียนเริ่มเหลือน้อย

"ไม่อะ เราเริ่มคิดกับนายมากกว่าเพื่อนแล้ว” มือต่อกำแน่น

คำพูดเปรยออกมาราวกับผู้ฟังยังอยู่ตรงหน้า การระบายความในใจเพื่อลดความผิดที่โกหกกับคำถามนั้น

'คิดยังไงกับปิเหรอ'

ต่อไม่เคยแน่ใจ จนเมื่อประโยคคำถามนั้นสะกิดให้ต่อกลับมาลองถามใจตัวเอง

โกหกออกไปแล้ววะ

…จะต้องบอกมัน จะโกหกปิอย่างนี้ต่อเองก็ไม่ชอบ

‘ไม่อยากจะห่วยเพื่อนพี่ต้องมัน แค่บอกชอบยังไม่กล้า’

แต่ยังก่อนมีเรื่องใหญ่กว่าที่ต้องทำ

'สัส อาท เดี๋ยวกูจะเอาคืนมึง'
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : โกหก [pg8] 24/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 25-01-2016 19:18:18
ไม่อยากกลืน คืนคำพูด เลยปูดปด
ไม่อยากลด ความรู้สึก นึกใจหาย
ไม่อยากเป็น คนรักเพื่อน เหมือนพี่ชาย
แต่ดูแล้ว มันคล้ายคล้าย กลายจะเป็น

เฮ้อออ.เจ้าต่อ
พูดว่า ทำอะไรใครเค้าไว้
ไหงมันคืนเข้าตัวเองหมดยังงี้ล่ะ

ตอนนี้ก็เลยเหมือนกับสำลักน้ำลายตัวเองเข้าไปเต็มๆ

เห็นใจต่อ..ดีไหม
เอ๊ะหรือไม่ดี

กร๊ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : โกหก [pg8] 24/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 26-01-2016 15:27:33


ต่อนี่มันเด็กจริง ๆ เฮ่อ! อ่านแล้วก็ถอนหายใจ
มีแบบอย่างความป๊อดให้ดูอยู่ทุกวัน ๆ แต่ก็ดันก้าวตามรอยพี่ต้องไปเสียอย่างนั้น
ยังดีที่สุดท้ายได้ลงเอยกับปิ (อย่างที่อ่านไปในตอนเริ่มเรื่อง) เพราะการพูดจาตรงข้ามกับหัวใจไม่ได้ให้ผลลัพธ์เหมือนในละครไปเสียทุกทีหรอกนะ ที่สำคัญ... หากปิมันน้อยใจจนไม่ยอมหันหลังกลับมา โอกาสที่จะแก้ไขคำพูดที่เคยเอ่ยออกไปแล้ว อาจจะไม่หวนมาง่าย ๆ ก็ได้

ส่วนอาท... ป้าอ่อนใจกับหนูเหลือเกิน การกดคนอื่นให้ต่ำ ไม่ได้แปลว่าเราจะสูงขึ้นตรงไหน
แล้วของ ๆ เพื่อนที่ตัวเองเป็นต้นเหตุของความเสียหายใหญ่หลวงที่ตามมา ขอแค่ว่าสุดท้ายตัวเองไม่ได้เป็นคนแตะต้อง... ก็ไม่เดือดร้อนคิดแก้ไข หรือ ชดใช้อะไรหน่อยเหรอ?

แต่ก็นะ... ตอนเรียนมันก็มีไอ้แบบนี้จริง ๆ นั่นแหละ ทั้งตัวร้าย ตัวแหย ตัวโน่นนี่
พยายามอ่านแบบไม่อินแล้วนะเนี่ยะ แต่ทำได้ยากจริง ๆ เหอ เหอ เหอ (แปลว่าคุณ Monet เขียนดีค่ะ ^^)

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ อย่าท้อนะ! สู้ ๆ !  :กอด1:





หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : หา [pg9] 26/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 26-01-2016 19:51:28
ขอแค่ 5 นาที : หา...

'ไอ้เครื่องเกมนี่ซ่อมยากมั้ยวะ'

ต่อได้แต่นึกสงสัย

สภาพเครื่องเกมเปียกน้ำจากฝีมืออาทยังติดตาต่ออยู่ เครื่องสีขาวกบัหน้าจอสีดำ ไม่มีแสงสีจากเกมให้เห็นอีก ปิปิดเครื่องทันทีที่คว้าขึ้นมาได้

หลังจากมันเอากลับบ้านไป ต่อก็ไม่ได้เห็นเครื่องเกมสีขาวที่คุ้นเคยนั้นอีกเลย

ตอนนี้ที่ต่อทำได้ก็มีแต่ภาวนาให้มันไม่เจ๊งไปซะก่อน

ถึงจะอยากช่วยแค่ไหน แต่ถ้าจะเข้าไปสุ่มๆแงะๆดูเดี๋ยวจะยิ่งทำให้มันพังเข้าไปอีก ให้ปิจัดการดีแล้ว ปิน่าจะเชี่ยวชาญกว่า

แม่งเอ๊ย งานนี้กูช่วยอะไรไม่ได้เลย

คราวนี้ไปลงกับเครื่องเกมด้วย ของหวงของมันเลยนะนั่น

คนที่ต่อพอจะรู้จักก็ไม่มีใครมีเครื่อง

ถ้าจะไปถามไอ้พี่ต้อง ก็คงไม่มีประโยชน์รายนั้นนี่ยิ่งไม่รู้ใหญ่

ถ้าจะเอาไปซ่อมที่ร้านก็คงต้องใช้เงิน แล้วต่อจะไปเอามาจากไหนเยอะแยะขนาดนั้น แค่หลักพันต่อก็ว่าหายากแล้ว จะไปขอพี่ต้องหรือน้า แล้วเอาไปซ่อมเครื่องเกมคนอื่นคงไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้นแน่ๆ

ขอให้มันหายละกัน ไม่อยากเห็นหน้ามันเศร้า

แค่นึกหน้าต่อมันวันนั้นก็รู้สึกจี๊ดแปลกๆขึ้นมาแล้ว

ปิไม่ร่าเริงอีกเลย

เดี๋ยวนี้หลังเลิกเรียนก่อนต่อจะไปเตะบอล จะแวะไปส่งปิที่รถก่อน รถที่เคยมารับเวลาเดิมทุกทีกลับเปลี่ยนแปลงไป เวลาถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น แล้วปิก็พร้อมจะกลับไปก่อน ปล่อยให้ต่ออยู่ซ้อมบอลคนเดียว

เป็นอย่างนี้มาสักพักหนึ่ง

มันมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป

อะไรละ เรื่องเครื่องเกมอย่างนั้นเหรอ???

บรรยากาศรอบตัวมันแปลกไป ความรู้สึกที่ออกมาจากปิไม่เหมือนเดิม

ดูเหมือนเครื่องเกมจะเป็นจุดเชื่อมระหว่างทั้ง 2 คน ถ้ามันเสีย มันก็เหมือนสะพานเชื่อมนั้นปิดซ่อม คงต้องรอให้สะพานเชื่อมกลับมาเปิดใช้งานใหม่ ไม่มีทางเลือกอื่น

ก็ยังดีที่ทางนั้นมันไม่ใช่วันเวย์

ตอนนี้เวลาบ่าย 2 คาบบ่ายไม่มีเรียน ครูปล่อยซ้อมยาวถึงเลิกเรียนเลย

ต่อยืนเก้กังอยู่ริมสนาม รอไปซ้อมบอล

เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ต่อกับปิต้องแยกกัน  แต่อันนี้ไม่เป็นไร

พวกไอ้อาทก็น่าจะอยู่ที่สระว่ายน้ำ เหลือแค่ทีมกับต่อที่ไปซ้อมร้องเพลง ทีมดูแล้วน่าจะปลอดภัยกว่า มันไม่เคยจะเริ่มหาเรื่องกะปิก่อน อย่างน้อยก็ที่ต่อจำได้ละนะ

"เฮ้ย ต่อ เป็นไง"

"อะไรพี่ เป็นไง"

"แพ้รวดเลยนี่หว่า"

"รู้ดี"

จะบอกว่าสีตัวเองเก่งงั้นสินะ

"ตารางบอกผลอยู่"

ไอ้พี่บูมที่ซ้อมอยู่ใกล้ๆ เดินเข้ามาทัก ผลการแข่งของสีฟ้าไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง แข่ง 2 แพ้ 2

ต่อไม่แปลกใจที่แพ้เลย ทั้งทีมมีระดับ ม.5 ห้องเดียว นอกนั้น ม.4 ลงไป สีอื่นมี ม.5 สองห้อง พอจะเอารุ่นพี่ลง สีอื่นก็เอาลงตามอีก แต่เมื่อถึงเวลาเล่นจริงๆ ต่อให้เอาลงยังไงก็สู้ไม่ได้ กองหน้าที่มีต่อคนเดียว กับที่เหลือที่ดูจะไร้ฝีมือในสายตาต่อ

ต่อไม่เคยคิดจะเชื่อถือใครทั้งนั้น ยกเว้นพี่ตัวเอง ไม่มีใครไว้ใจได้บนโลกใบนี้

อีกคนที่ต่อพอจะเชื่อฝืมือได้

‘พี่ต้องแม่งก็โดนลากไปลงดรัมซะแล้ว'

วันนี้สถานที่ซ้อมเป็นที่เดิม

ริมสระว่ายน้ำ

รู้สึกว่าพี่ต้องเองก็เพิ่งจะเริ่มหัดควงไม้อยู่แถวนั้นเหมือนกัน ตรงลานกว้างข้างๆ ที่ต่อต้องเดินผ่านเพื่อจะไปที่ซ้อม

ลานกว้างที่อยู่คั่นระหว่างทางเดินเลียบตึกกับอีกด้านเป็นถนนติดกับสระว่ายน้ำ ฝั่งริมตึกร่มกว่า แต่แคบ

พวกนักบอลไม่สามารถไปซ้อมตรงนั้นได้

ต่อไม่อยากจะแวะไปทักทาย ถึงแม้จะเห็นว่าซ้อมอยู่ใกล้กัน   

วีรกรรมคราวก่อน ทำเอาพี่ต้องโกรธจนไม่ยอมคุยด้วย

   .
   .
   .   
   'ต่อ ต่อตั้งใจเตะไปโดนใช่มั้ย’

   'อะไรพี่ คนมันซ้อมก็ต้องมีพลาดบ้าง’

   ลูกบอลลอยลิ่วตรงไปทางหัวเก้า ดังก้องกังวาลไปทั่วทางเดิน 

   'มันพลาดไปโดนหัวเก้าพอดีเลย 2 ครั้งแล้วนะ'

   'ครั้งแรกไม่โดนซะหน่อย' ต่อไม่ยอม

   'ต่อไปเกลียดอะไรเค้า'

   'พี่ต้องน่ะ ไปชอบอะไรเก้า'

   ต้องหน้าแดง ไม่มีคำตอบ คำตอบยาวเหยียดที่บ่นให้ต่อฟัง ต้องเองก็ยังสรุปไม่ได้ว่าไปชอบเก้าตรงไหน

   'ตั้งแต่อาบน้ำกับพี่วันนั้นก็รู้แล้วละ'

   'มันไม่เกี่ยวเหอะ'

   เกี่ยวสิ แต่ต่อไม่กล้าพูด เล่นอารมณ์ค้างกลับมาจากบ้านเก้าซะขนาดนั้น

   'พี่ต้องคิดดีแล้วเหรอ'

   ต้องส่ายหัว ไม่แน่ใจตัวเอง

   'ต่อเคยชอบใครมั้ย'

   'คนชื่อต้องไง'

   คำตอบนั้นถูกส่งไปพร้อมรอยยิ้ม รวดเร็วแบบไม่ต้องคิด

   ในใจรู้ดีว่าพี่ต้องกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

   ถ้าต่อชอบใครสักคนแล้วจะเข้าใจงั้นเหรอ อย่างปิเนี่ยถือว่าชอบไปแล้วใช่มั้ยละ แต่ถึงอย่างนั้นต่อกลับรู้สึกยังไม่ค่อยเข้าใจดีเท่าไรว่า ผู้ชายสองคนมันจะคบกันได้ยังไง แถมพี่ชายตัวเองก็ดันไปชอบผู้ชายอีกคนที่มีแต่ข่าวไม่ดีไปทั่วโรงเรียนซะอีก

   'พี่จะให้ต่อทำไง'

   'ก็เฉยๆไว้'

   'ที่วันเกิดต่อปีนี้หายหัวไปเพราะงี้สินะ'

   ไม่มีคำตอบจากพี่ชายอีก

   ต้องหันหลังแล้ว เงียบเสียงลง บนที่นอนเดียวกับต่อ ตอนนี้ต้องนอนอยู่ข้างๆ ต่ออยู่อีกด้าน ท่าทางร้อนรน ร้อนแต่ไม่มีประโยชน์อันใด

   .
   .
   .

ต่อสะบัดหัวแรงๆ ไล่เรื่องนี้ออกไป

ตรงหน้าพี่บูมยังถามอยู่

"วันนี้ซ้อมที่เดิมใช่มั้ย"

"คงงั้นมั้งพี่ ทำไมเหรอ"

“นัดสุดท้ายเจอสีพี่นี่หว่า"

พี่บูมทำท่ากวนตีน

"ทำไมจะแกล้งยอมแพ้เหรอ"

"มาเป็นเมียก่อนเดะ จะยอม"

แหวะ มามุกนี้อีกแล้ว

"แน่ะ ไอ้พี่บูม ไม่ได้ผลหรอกนะ"

บูมหัวเราะ

"ถึงชนะ ก็ต้องลุ้นผลสีอื่นอยู่ดีนี่"

“ก็งั้นแหละ"

ใช่ ถึงชนะ 1 ก็ยังตกรอบได้

"นี่วันนี้อย่าไปส่งบอลเข้าหัวใครอีกละ"

มาอีกคนแล้ว

"ทำไมอะพี่"

"คราวก่อนพี่อยู่ มันยังคิดว่าอาจเป็นพี่เตะก็ได้"

"พี่ก็ไม่เห็นได้ช่วยไรนี่"

"ก็มีคนจัดการให้ก่อนน่ะสิ"

ใช่ สมน้ำหน้า โดนลากคออกไปโยนยังกะหมา

“คนนั้นก็เพื่อนพี่เหรอ”

บูมส่ายหัวไม่รู้เรื่อง

แสดงว่าคราวซวยเก้าสินะ

เก้าท่าทางเอาเรื่องจะเดินเข้ามาจัดการกับต่อ โชคช่วย มีรุ่นพี่ที่ไหนไม่รู้ลากคอเก้าออกไปจากสนามแถวนั้น ตอนแรกคิดว่าเป็นเพื่อนพี่บูมซะอีก

สมน้ำหน้ามัน

"ต่อ กูพูดจริงๆนะ ปล่อยๆเค้าไปเหอะ"

ไม่พูดก็ตั้งใจให้เป็นยังงั้นอยู่แล้วละพี่ ตัวต่อเองก็กำลังจะถลำไปเส้นทางนั้นเหมือนกัน แต่พอเห็นแล้วมันทนไม่ได้

ยิ่งไอ้พี่ต้องไปคิดถึงมันด้วยเนี่ยยิ่งหมั่นไส้

“เออนี่ๆ วันนั้นก็โทรไปหาตามที่ต่อบอกแล้ว เก้าไปลงกีฬาอะไรทั้งนั้น คงไม่ได้ใกล้ชิดกับไอ้ต้องนักหรอก”

ต่อยังทำหน้าไม่สบายใจ

"ไปเหอะ เค้าเรียกรวมแล้ว”

โอ๊ย ยังไม่อยากไปซ้อมเลย

ที่สระว่ายน้ำเดี๋ยวก็คงจะเริ่มเริ่มซ้อมแล้ว บนสระว่ายน้ำเนี่ยแค่มองขึ้นไปจากตรงนี้ก็เห็นแล้ว น่าจะมีแข่งบางรายการอยู่ด้วย

วันจริงไม่สามารถแข่งพร้อมๆกันได้ทั้งหมดไม่อย่างนั้นคงใช้เวลานาน อีกอย่างมันจะเชียร์ยังไง ทั้งแสตนด์แล้วก็ริมสระว่ายน้ำ ไม่ได้ใกล้กันเลย แถมมีแข่งทั้งสองที่ด้วย

บอลเองคู่จริงก็มีแค่คู่เดียว 2 สีเท่านั้นเพื่อชิงที่ 1 ในวันจริง อีก 2 ที่เหลือตกกระป๋อง

แข่งบอลครั้งหน้าถ้าแพ้อีกก็ตกรอบชัวร์

"พี่บูม คราวก่อนว่ายน้ำพี่ไปชนะมาได้ไง"

"อ้าว เก่งงะ"

"โกงใครมาป่าวเนี่ย"

"ระดับนี้แล้ว"

แม่งโกงชัวร์ อย่างไอ้พี่บูมที่คิดทุกอย่างเป็นเงินทอง ทำทุกวิธีทางให้ได้มา มีเหรอว่ามันจะยอมปล่อยให้ตัวเองแพ้ได้ง่ายๆ

เห็นนิสัยกับรูปร่างแล้วชนะด้วยตัวเองยอมแก้ผ้าวิ่งเลย

ต่อเดินไปทางหลังตึก เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินผ่านหน้าบรรดาเด็กซ้อมเชียร์ที่นั่งแช่ตูดอยู่กลางพื้นสนามที่เพิ่งผ่านแดดยามบ่าย

เดินผ่านหน้าคนเยอะๆมันน่าอาย เดี๋ยวขาขวิด

ปิมันคงนั่งตากแดดอยู่ตรงนั้นสินะ

เดินอ้อมไปซักหน่อยแล้วกัน

"น้อง มาเร็ว"

"คับๆๆๆ"

เร่งจริง ยังไม่ทันถึงเสียงก็มาแล้ว

ท่าทางคนร่วมทีมดูจะหมดกำลังใจกันเป็นที่เรียบร้อยไปซะแล้ว ก็น่าอยู่หรอกนะ สงสัยสีฟ้านี่มันจะเห่ยอย่างที่ไอ้อาทพูดไว้จริงๆด้วย

แข่งกีฬาดูแล้วมีแนวโน้มจะแพ้สูงตลอด

เด็กในสนามที่เคยคึกคักเล่นกันเหยาะแหยะ พวกพี่ๆที่เคยมาคุมทีมเริ่มไปให้ความสนใจกับอย่างอื่น เช่น แข่งขันบาสเกตบอลที่ยังดูมีความหวัง แล้วก็วิ่ง ที่จะแข่งในวันจริง

"นี่ๆ คราวหน้าเอาไงอะ"

"ก็เล่นตามเดิมแหละ ได้แค่ไหนแค่นั้น"

"ถึงชนะก็ต้องรอลุ้นอยู่ดีว่าแต้มได้เสียใครดีกว่า"

สีฟ้าถึงจะแพ้ก็จริง แต่ก็แค่ ลูก หรือ สองลูก ก็ยังพอมีหวัง (มั้ง)

ฟังพวกรุ่นพี่คุยกันอย่างนี้แล้วยิ่งไม่อยากเล่น

ต่อหันไปเห็นร่างเล็กขาวๆ หน้าจืด เดินไปทางสวน ในมือหิ้วกระติกน้ำใบใหญ่ไปด้วย มีอีกคนหิ้วอีกข้างของกระติกเดินเป๋ๆไปคู่กัน

"นี่หันไปมองไหนน่ะ"

"ครับ"

ต่อหันกลับไปซ้อมต่อ

วิธีซ้อมยังแบบเดิมแบ่ง 2 ฝ่ายผลัดกันเป็นฝ่ายครองบอลเพื่อบุกอีกฝ่าย

ต่อหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำ ดูน้ำในสระแตกกระจาย เสียงคนรอบข้างที่เชียร์เสียงดัง

ส่วนที่ตรงนี้ในสนามเป็นไปอย่างนั้น เล่นแกนๆไปอย่างนั้นเอง
   
ลูกถูกส่งมาจากข้างหลัง เข้าขาต่อ

บอลอยู่ขาต่อ ทำท่าจะยิงประตู

ก่อนที่จะเห็นแล้วชะงักไป

'มันทำอะไรวะ'

ไอ้ตัวขาวๆที่แบกกระติกเมื่อกี้นั่น ใช่แน่แล้ว แว่นหนาๆ ที่อยู่บนหน้าขาวผมดำตรงมีอยู่คนเดียวนี่แหละ

ปิ มันถือแก้วน้ำขึ้นไปทางสระว่ายน้ำ

พอปิกำลังจะขึ้นสระว่ายน้ำเท่านั้นเล่นเอาต่อใจหายวูบ

ไปทำไม?

“น้องคับ ทำอะไรน่ะ”

“โทดๆๆๆ พี่”

เดี๋ยวค่อยถามมันแล้วกัน จัดการกับที่อยู่ตรงหน้านี่ก่อน

ต่อลากบอลต่ออีกทีแล้วยิงเข้าประตู

บอลถูกโยนออกกลับมาตั้งเตะใหม่

ต่อยังคงซ้อมบอลต่อไป อีกไม่นานจะถึงเวลาพักเปลี่ยนข้าง ตอนนั้นค่อยไปหามันก็ได้

เสียงนกหวีดดังๆที่ต่อรอคอยอยู่ ก็ถูกเป่าขึ้นจากรุ่นพี่คนหนึ่ง

"ชะงักทำไมเมื่อกี้"

"ป่าวคับ เมื่อยขา เลยเตะไม่ออก”

รุ่นพี่ทำหน้าไม่เชื่อ

“ได้ยืดเส้นก่อนมั้ยเนี่ย"

พี่คนนั้นก้มลงไปจับขาต่อบีบๆ

"ก็นิดหน่อยพี่"

“มาเดี๋ยวจัดให้"

พี่ทำท่าจะลากต่อไปกดขา

เสียง เฮ ดังขึ้นมาทางสระว่ายน้ำ

อะไรวะ

ครั้งที่ 2 ดังขึ้นอีก

ตรงขอบสระมีใครกำลังเล่นอะไรกันสักอย่าง

นั่นพวกอาทกำลังเข้ารุมทำอะไรวะ

เฮ้ย ไอ้ปิ? หรือว่าเมื่อกี้

"เดี๋ยวว่ากันนะพี่"

ต่อรีบวิ่งไปทางสระว่ายน้ำ

“ค่อยนวดพี่”

สองขารีบปีนขึ้นสโมสรไปเดินเข้าไปดูที่ขอบสระ

ปิ อาท พวกมันทำไรกันวะ แถมมีเด็กมุงอยู่มากมาย

"เฮ้ย ทำไรกันวะ"

"นั่นคู่เกย์มึงมาแล้ว"

ทั้งวงแตกฮือออก

ปิก้มหน้า หน้าแดง

สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ต่อสลับไปมากับกะปิ

ไอ้หน้าแหยตรงหน้ากำลังเอามือข้างหนึ่งดึงชายเสื้อพละลงมาปิด กางเกงเหมือนเพิ่งถูกดึงขึ้นมา

"ทำไรกัน"

อาทถอนหายใจ

“กูให้มันเอาน้ำมาให้หน่อยเพิ่งซ้อม เหนื่อย”

อาทยืนกอดอกพูดในชุดว่ายน้ำสีดำตัวเล็กจิ๋ว

"มันแบกถังน้ำเย็นๆมาขึ้นมาให้ กูเลยบอกมันว่า ที่ทำเกมมันหล่นน่ะกูไม่ได้ตั้งใจ"

ปิยังก้มหน้า

"แล้ว มึงรู้มั้ยมันว่าไร มันบอก ไม่ เป็น ไร เว้ย”

เสียงอาทหัวเราะดังลั่น ซึ่งดูเหมือนอาทจะหัวเราะอยู่คนเดียว

"แต่ มันพูดว่า อย่ามายุ่งกับมึงอีก ไอ้ต่อ มันบอกว่า ไอ้กะปิเนี่ยกับมึงไม่ได้เป็นไรกัน"

"ตัวแค่นี้กล้ามาพูดกับกูเนี่ยนะ หน้าตาเอาเรื่องด้วย ท่าทางห่วงมึงนะต่อ”

“พูดแค่นี้กูก็รู้แล้ว ถุย ตุ๊ดชัดๆ”

คนรอบข้างไม่พูดอะไร แต่สีหน้างุนงง เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าพวกนั้นไม่ได้รับรู้มาก่อน

ปิ สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกำลังเดินจากมา

"แค่นั้น?" ต่อสงสัย

"เห็นมันกล้ามาก กูเลยอยากรู้มันมีจู๋หรือจิ๋มกันแน่วะ ดูภายนอกแล้วไม่น่าใช่"

เฮ้ย อย่าบอกนะว่า

สิ่งที่โรงเรียนชายล้วนทุกโรงเรียนชอบทำ

แต่ต่อไม่ชอบ โดยเฉพาะถ้ามันเกิดขึ้นกับกะปิ

"กูเลยจับมันแก้ผ้าต่อหน้าทุกคนที่นี่เลย ชุดพละแม่งถอดง่ายวะ ฮ่าๆๆ คนแถวนี้เห็นหมดละ ผิวขาวๆเนียนๆ จู๋เท่านิ้วก้อย ขนก็ไม่มี ตุ๊ดนี่หวะ หัวยังไม่เปิดเลย สงสัยแม่งชักว่าวยังไม่เป็น สอนมันหน่อยดิวะ หรือมึงจะเอามันไปทำเมียอย่างเดียว กูลืมดูข้าง....”

พลัก

ต่อเดินเข้าไปต่อยหน้าอาท

"สันดานมึงนี่ไม่หายนะ"

เสียงตีน้ำดูเหมือนจะหายไปจากหูของต่อ ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันยังดังอยู่ กลบเสียงหมัดของต่อที่ตรงเข้าแก้มขวา

"ถามจริงมึงเป็นเกย์เหรอ ถ้าเปล่ามึงจะสนใจมันทำไม แค่แกล้งนิดหน่อยเรื่องปกตินี่ หรือมึงไม่เคยแกล้งคนอื่น ปีที่แล้ว มึงยังจับไอ้เอ็กแก้ผ้า แล้วเอากางเกงในมันไปซ่อนเลย”

ตอนนี้ขามีกล้ามแบบนักกีฬาของอาทยันตัวเองขึ้นมาแล้วเข้าไปหาต่อ บีบคอเค้นเสียงแหบพร่าออกมา

ใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจ กลิ่นคลอรีนจากตัว

ใช่

ต่อเคยทำ ไอ้เอ็กมันต้องกล้บบ้านทั้งๆที่ท่อนล่างไม่มีชั้นใน กางเกงนักเรียนสีน้ำเงินสั้น มันคงลำบากชีวิตน่าดูอยู่

"มึงชอบไอ้สัสกะปินั่นเหรอ" อาทถามเสียงดัง

มันตั้งใจให้ทุกคนได้ยิน รวมถึงปิ ที่ค่อยๆเดินออกไปช้าๆด้วย ช้าจนตอนนี้มันยังไปไม่ถึงไหน

"ป่าว"

ปิที่เดินตรงไปหาเด็กอีกคน คว้าหูหิ้วกระติกน้ำข้างหนึ่งขึ้นมาถือ เด็กจากห้องอื่นและปิเดินออกกล้บไปทางสโมสร

"อาท...."

ต่อเดินเข้าไปใกล้

นิ้วมือสองข้างของต่อเกี่ยวขอบกางเกงว่ายน้ำตัวเล็กของอาท แล้ว...

ดึงลง

พลุบ

ลงมากองหน้าขา

ก่อนจะเตะตัดขาให้มันล้มลง เพราะกางเกงว่ายน้ำตัวเล็กเหมือนเชือกที่ทำให้มันยืนได้ไม่มั่นคง

อันเล็กนิดเดียว ขนดำฟูบังตอซะมิดเลยนะมึง

"สั้นกว่าขนมึงอีก"

ต่อไม่ขำ คนแถวนั้นก็ไม่ เริ่มทะยอยแยกย้ายเดินหลบกันออกไป

โชว์จบแล้ว และก็คงรู้กันว่าขืนอยู่ต่อ มันจะกลายเป็นเป้าแทน

ต่อหันหลังแล้วเดินตามหาปิที่หายไปก่อนหน้า

ตอนนี้เหลือคู่หูที่ถือถังหนักๆอยู่คนเดียว
   
"นี่ ปิไปไหนแล้ว"

"ปิ?"

"เอออออ ไอ้กะปิ ที่แบกถังคู่กับเอ็งน่ะ"

คนนั้นชี้ไปทางลอคเกอร์อย่างงงๆ

“ใครจะช่วยกูละ"

“ทิ้งกูไปหมดเลย”

เสียงหงุดหงิดแว่วมา

“ช่วยตัวเองไป"

ต่อพูดอย่างหัวเสีย

แม่งไปไหนของมันวะ... ไม่ใช่เล่นซ่อนหานะ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : หา... [pg9] 26/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 26-01-2016 20:48:27
ให้เดาใจ ใครเขานั้น มันลำบาก
ยิ่งคำพูด ออกจากปาก เชื่อยากไหม
คนหนึ่งคน งงปนอึ้ง จึงจากไป
อยากทำใจ เลิกสับสน เพราะ..คนเดียว

อ่านตอนนี้แล้ว อยากส่งกำลังใจไปให้ทั้งสองคน
ต่อกับปิ ป่านนี้คงจะวุ่นวายสับสน ค้นหาใจตัวเองยังไม่เจอ

..ส่งใจช่วยให้มีแรงฮึดสู้นะ..
เด็กมาก วัยว้าวุ่น
หุหุ
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : น้ำตาในห้องลอคเกอร์ [pg9] 29/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 28-01-2016 19:11:12
ขอแค่ 5 นาที : น้ำตาในห้องลอคเกอร์

ทางที่ไอ้คนนั้นชี้มา ต่อลองเดินตามหาดูแล้ว ไม่เห็นมีวี่แววกะปิอยู่เลย ข้างหน้าเป็นสนามเทนนิสที่ตอนนี้ไม่ได้ถูกใช้งาน ซ้ายขวาไม่เห็นแม้แต่เงาของหมาสักตัว

ใช่เหรอวะ

… เหลืออีกที่นี่นา ห้องลอคเกอร์

ในห้องลอคเกอร์ที่แคบและชื้น ตู้เหล็กสีเทาหลายใบที่ตั้งเรียงราวต่อกันเป็นเสีนตรงอยู่ข้างหน้า ด้านหลังลอคเกอร์จะเป็นม้านั่งยาวทำจากไม้ วางเรียงไว้ 2 ตัว ชิดกับตัวตู้

เดิมห้องนี่เป็นห้อง 4 เหลี่ยมเล็กๆที่มีห้องน้ำอยู่ 1 ห้อง คงไว้สำหรับให้คนที่เล่นกีฬาเสร็จมาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ม้านั่งก็ทำพอดีให้นั่งพักหลังพิงตู้ได้

กฏระเบียบของสโมสรว่า ห้องนี้ใช้ได้เฉพาะนักกีฬาเท่านั้น

แต่เมื่อมีการสอนพิเศษวิชาเทนนิสช่วงหลังเลิกเรียน ห้องน้ำที่มีอยู่เพียงห้องเดียวจึงถูกเปิดให้ใช้ ก่อนจะถูกปิดอีกทีอย่างถาวรด้วยเรื่องของความสะอาดและความปลอดภัย

"ปิ อยู่นี่หรือเปล่า"

บ่ายคล้อย ห้องเล็กๆนี้เริ่มมืด หน้าต่างที่อยู่สูงทำให้แสงลอดเข้ามาได้น้อยนิด อากาศชื้นและเย็นมาถูกตัวต่อเข้า รู้สึกขนลุก

ไม่มีเสียงตอบ

หรือไอ้คนนั้นจะชี้ผิด

"ปิ"

ห้องยังคงเงียบ

หรือมันจะเห็นผิดจริงๆ

มือจับลูกบิดประตู แต่เดี๋ยว....

มีอีกที่ๆยังไม่ได้หา

ขาก้าวออกไปช้าๆ เดินเลยหลังลอคเกอร์ไป หันหน้าไปทางขวามองเข้าไปในห้องน้ำ

ไม่มีคน

ความรู้สึกตกใจพุ่งพรวด

ต่อสะดุ้ง เกือบร้องส่งเสียงออกม

แรงรัดแน่นมาจากด้านหลัง

แขนเรียวเล็กสีขาวรัดอยู่ตรงหน้าอกพอดี ใครบางคนที่ตัวสูงใกล้กับต่อ ทว่าถ้าดูจากแขนแล้วน่าจะรูปร่างผอมกว่า

ต่อรู้สึกได้ถึงวัถตุกลมที่กดลงมาบนหลังคงเป็นหัวกะปิ ส่วนที่แข็งๆคงเป็นขอบแว่นหนาๆ เอกลักษณ์ของมัน

ปิกำลังซุกตัวอยู่กับแผ่นหลังของต่อ

ตัวสั่น

เสื้อต่อเริ่มชื้น

ปิ ร้องไห้?

ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่ว่าจะโดนแกล้งขนาดไหน ใบหน้ายิ้มแหย เป็นอย่างเดียวที่คนแกล้งจะได้รับกลับไป เป็นหน้าที่ทำให้คนแกล้งรู้สึกผิดมากกว่าสะใจ ถ้าไอ้คนนั้นยังมีจิตสำนึกที่ดีอยู่บ้าง

รอยยิ้มแหยแต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนและจริงใจของปิ

วันนี้มันไม่ปรากฎออกมาให้เห็นแล้ว

ร่างผอมนั้นยืนสั่นเทาอยู่ที่ข้างหลังต่อ

เสื้อนักเรียนเริ่มเปียกมากขึ้น

เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้นเบาๆ

ต่อปล่อยให้ปิ ตัวสั่นสะอื้นอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้แสงยามบ่ายที่หดสั้นลงสาดส่องลงมาโดนหน้าของต่อที่ยืนบังแดดให้ปิ ต่อทำตัวเหมือนที่พักพิงให้ปิ คอยปกป้องแล้วปิดบังทุกอย่างไว้ให้

ต่อไปนี้ ต่อ จะบังทุกอย่างให้เอง

ทุกอย่างที่จะมาทำร้ายปิ

เมื่อต่อไม่พูดอะไร ยืนนิ่งไม่ขัดขืน ร่างที่กอดอยู่ดูจะสบายใจ    

แล้วก็ปล่อยโฮออกมา ราวกับอัดอั้นไว้มานานแสนนาน ถ้าหยดน้ำตาหนึ่งหยดเท่ากับการโดนแกล้งหนึ่งครั้ง มันจะเยอะแค่ไหนนะ

“อย่าร้องนะ”

ต่ออยากจะหันไปหาปิ แต่ตอนนี้ยัง ยังก่อน...

“ทำไมอะต่อ ทำไมต้องเป็นเราด้วย ตั้งแต่เราย้ายห้องมา ตั้งแต่เจอกับพวกมึง ... พวกต่อ ทำไม พวกมัน พวกเชี่ยนั่นต้องทำร้ายเราด้วย”

เสียงปิ ดูเน้นคำว่าเชี่ย จากเสียงสั่นเริ่มพูดชัดขึ้นและก็ดังขึ้นไปในที

“เราไปทำไรอะไรให้เหรอ สองปีแล้วนะ”

“ปีที่แล้วเพื่อนเรายังอยู่ เรายังพอไหว ปีนี้พวกมันย้ายห้องไปหมด พอมันมีเพื่อนใหม่ มันก็เริ่มไม่มาหาเราอีก พอ... พอเราโดนแกล้ง ก็ไม่มีใครช่วยเราอีกเลย”

“พวกเหี้ยนั่น มันเป็นเหี้ยอะไรเหรอต่อ”

ถึงตรงนี้ต่อสะดุ้ง เสียงปิดังยิ่งกว่าเสียงตะโกนที่ต่อคิดว่าจะได้ยิน

ใช่

เวลาอาหารกลางวัน ปิมักจะแยกตัวไปกินข้าวกับเพื่อนเก่า เพื่อนที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนห้องอื่น ยิ่งนานๆเข้าจำนวนคนที่นั่งกินด้วยก็ยิ่งน้อยลง

ครั้งสุดท้ายก็เหลือแค่ เอ็ม

เอ็มที่ฝากปิไว้กับต่อ เพราะเหตุนี้เอ็มถึงมาคุยกับต่อ เล่าให้ฟังเพราะรู้เหมือนกันว่าในตอนนี้ ปิ เหลือแค่ ต่อ คนเดียวที่ยังเป็นเพื่อนด้วย

“ฮึกๆ”

“กูไม่ไหวแล้วอะ ทำไมมันต้องเป็นกูด้วย พวกเชี่ยนี่ กูทนไม่ไหวแล้ว”

ปิยังร้องไห้ รู้ตัวว่า สู้อะไรเค้าไม่ได้นอกจากเป็นเป้านิ่ง

คำพูดของมันคงจะมาจากความรู้สึกที่กดไว้นานสินะ

ปิค่อยๆหายใจเข้าลึกๆ มันคงเหนื่อย

แต่ไม่ร้องแล้ว ไม่หยุดเลยทีเดียว

แล้วมันก็เริ่มใหม่อีก เหมือนความรู้สึกมันถาโถมขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นระลอก

ต่อก็เคยเป็น.. วันที่พ่อพาต่อมาทิ้งไว้ แล้วก็วันที่พ่อจากไป ถึงจะไม่เข้าใจมาก อะไรบางอย่างในตัวต่อมันเหมือนคลื่นที่คอยสาดซัดถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ อารมณ์ที่พลุ่งขึ้นเกือบจะถึงขีดสุดทุกครั้ง มันเรียกน้ำตาให้ไหลออกมาได้ทุกครั้ง

พ่อทิ้งต่อให้อยู่คนเดียวในบ้านที่ไม่คุ้นเคย

ต่อจึงเข้าใจปิ

“ร้องมาเถอะ”

นานจนดูเหมือนปิกำลังจะหมดแรง

ปิเริ่มนิ่ง

“ต่อ ....”

สองมือต่อยกมาเกาะกุมมือปิไว้ ค่อยๆแกะออก

แล้วหันหลังไปมองหน้าปิ

ใบหน้าจืดชืดที่แดงก่ำจากน้ำตาภายใต้แว่นหนาอันเดิม ตอนนี้มันเปลี่ยนไป ปิไม่ได้ร้องไห้อย่างคนเจ็บปวดแบบเมื่อกี้แล้ว แต่เป็นความอายมากกว่า

อายที่จะให้ต่อเห็น?

ผมตรงดำที่ตอนนี้ยุ่งเหยิง

เสื้อผ้าหลุดลุ่ย

ยกเว้นบางส่วนที่ถูกปิดไว้อย่างดี เมื่อกี้คงเพิ่งถูกกระชากให้เปิดเผยสิ่งที่อยู่ในนั้น ของที่ปิไม่อยากแสดงให้คนอื่นเห็นสินะ ต่อหน้าคนอื่นที่สระว่ายน้ำอีก.. มีทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมห้อง

"ปิ"

นิ้วโป้งปาดน้ำตาปิช้าๆ เบาๆ

หน้าที่ต่อเคยอยากเห็นทุกวันนี้กำลังเจ็บปวด

ก่อนที่ต่อจะทันรู้ตัว มันเจ็บปวด ตอนที่ต่อเห็นว่าเครื่องเกมเปียกน้ำมันจะเจ็บปวดขนาดนี้ไหมนะ ปิมันจะรู้สึกกับต่อบ้างรึเปล่า ถ้าต่อโดนทำอย่างนี้บ้าง ปิ...

แย่ละ

เรื่องแบบเดียวกับในห้องเรียนก็กำลังจะเกิดขึ้น

"ต่อ"

ปิพูดขึ้นคราวนี้ต่อเป็นฝ่ายเงียบบ้าง

"ตะ..."

ต่อค่อยๆกดริมฝีปากลงกับปากแดงๆของปิ

ช้าๆ แต่แนบแน่น

แล้วใช้ปากค่อยๆอ้าปากอีกฝ่ายออก อีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะไม่เป็นงาน

แต่นี่ก็เป็นจูบแรกของต่อเหมือนกัน

"ขอโทษนะ"

ต่อพูดช้าๆ

ขอโทษที่ปล่อยให้เรื่องเกิดขึ้น ขอโทษที่ทำกับปิอย่างนี้ ทั้งๆที่บอกว่าเป็นแค่เพื่อน มือเล็กๆกำแน่นสนิท ความลับบางอย่างคงซ่อนอยู่ในมือเล็กๆนั้น ถ้าเปิดออกมามันจะลอยหายไป

ปิสั่นหัว

ก่อนจะเป็นฝ่ายโผเข้ากอดต่อ แล้วประทับจูบเอาที่ปากต่ออีกที

ฟันทั้งสองชนกัน

ต่อยิ้ม

'มันไม่เป็นงานจริงด้วย'

ต่อค่อยๆลูบไล้ไปตามตัว สำรวจหารอยแผล

ไม่มี ดีที่ไม่โดนทำร้าย

เลื่อนจากปากมา ต่อขยับลงมาที่คอ คอขาวยาว

ปิที่ตอนนี้เหมือนลูกแกะกำลังถูกหมาป่าขย้ำ

อยากจะกัดให้เป็นรอยแดงเป็นบ้า

ขาวๆอย่างนี้คงจะเห็นชัดแน่ๆ

ความรู้สึกเสียวแปล๊บทำให้ต่อสะดุ้ง ปิสอดมือเข้ามาใต้เสื้อพละเหม็นเหงื่อ ลูบไปทั่วแผ่นหลัง มือปิเย็นคงเพราะหลบอยู่ในห้องนี้มานาน

แล้วต่อแนบแน่น
   
ต่อมองหน้าปิตรงๆ

ยิ้มออกแล้วสินะ

“แฮะๆ” ปิยิ้มตอบ
   
รอยยิ้มที่ต่อรอคอยกลับมาแล้ว

“ต่อ...”

“ชู่ววว” ต่อทำเสียงลมแผ่วเบา

เสื้อของปิถูกยกขึ้น

ก่อนต่อจะซุกหน้าลงกับหน้าอกของปิ

แล้วฟัดกัดไปทั่วทั้งซ้ายและขวา

"อะ ... ต่อ"

ปิจะเรียกชื่อยังไง สติของต่อก็ไม่กลับมาแล้ว

เปลี่ยนจากใช้ฟันขบเป็นดูด

ตัวปิบิดเร่าแอ่นอกให่แต่โดยดี

ถูกจุดสินะ

ลิ้นโลมเลียหน้าอกด้านซ้ายสลับดูดเบาๆ ไล่ลงไปที่หน้าท้อง

ตอนนี้ปิต้องใช้มือขึ้นมาปิดปากตัวเอง

หน้าท้องเนียนขาวที่เป็นเหมือนของว่างยามบ่าย

ต่อค่อยๆเอามือดึงกางเกงพละขอบยางลงช้าๆ เหลือแต่กางเกงในสีขาวเอาไว้

ปิยืนกึ่งเปลือยเกือบจะอยู่ในชุดวันเกิดต่อหน้าต่อ

แบบเดียวที่อาทเห็นสินะ

ต่อหยุด

ความโกรธเข้าครอบคลุม

ภาพที่พวกนั้นบนสระเห็นก็คงแบบนี้สินะ

มือต่อกำหมัดแน่น

อยากจะฆ่าพวกมันนัก

"ปิ พวกนั้นเห็นแค่ไหน"

คนตอบหน้าแดง

“อะ ... คือ”

ต่อมองหน้าเศร้าๆของปิ หน้าต่อเองก็เศร้า

‘นี่เราพูดถึงเรื่องที่ทำให้ปิเจ็บหรือเปล่าเนี่ย’

"อาทก็แค่ดึงกางเกงเราลง ตะๆ แต่เราปิดไว้ทันนะ ยังเหลือกางเกงใน”

“แฮะๆ”

ปิหัวเราะอายๆ

ต่อโผเข้ากอดปิ
   
กอดแน่นจนปิต้องระบายลมหายใจออกมาก

“ดีแล้วที่ไม่มีใครเห็น”

ปิค่อยๆหลับตาลงช้าๆ แล้วพูด

"ต่อ เอ่อ... ปิชอบต่อนะ"

ต่อพยักหน้าช้าๆ

"ถะ ถ้าต่ออยากจะทำเรา เราก็จะ.. เอ่อ ยอมอะ ต่อจะทำเราก็ได้นะ"

ไม่ต้องพูดแล้ว

จูบที่สองคราวนี้หนักหน่วง เป็นจูบที่เกิดจากความรู้สึกดีและโหยหา

ต่อกดปากเข้าไปอย่างแนบแน่นจนปิแทบหายใจไม่ออก

“อา"

เสียงซู๊ดลมหายใจดังๆแทรกขึ้น

แต่ยังไม่หยุด

“อื้อ”

เสียงลอดออกมาจากปากแดงๆเมื่อต่อสอดลิ้นเข้าไปช้าๆ

ต่อโอบรัดแน่น เลื่อนมือลงไปสัมผัสก้นปิ แล้วปิก็ตอบรับด้วยการตอดลิ้นกลับ

“อะ ต่อ”

ปิกระตุกตัวขึ้นมา เอาส่วนนั้นที่แข็งเต็มที่ทิ่มตัวต่อไว้

ยิ่งทำให้ต่ออยาก

จูบไล่จากปากลงมาคอ

วนลงมาที่หน้าท้อง

แล้ววกกลับไปที่หน้าอกทั้งสองข้าง ทำให้เท่าเทียมกัน

นิ้วต่อค่อยๆขยับ ช้าๆ ค่อยๆเลื่อนขอบกางในลง ดีด ของที่ร้อนและแดงสดภายใต้กางเกงในสีขาวที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเหนียวๆ

มันผงกหัวให้ ท้าทายต่ออยู่ ส่วนปลายที่มีสีแดงราวกับปากของเจ้าของ

‘ไอ้อาทตอแหลนี่หว่า ใหญ่กว่าของมันอีก ใครบอกไม่มีขนวะ โม้ชัดๆ’

แน่ใจแล้วว่ามันแค้นไอ้นี่เรื่องที่โดนล้อนี่เอง

เมื่อเห็นมันผงกหัวให้

ต่อจึงเอานิ้วเขี่ยแล้วใช่น้ำลื่นๆที่ไหลอกมาใช้ถูวนอยู่ตรงหัว

ปิดิ้นเร่าๆ ตัวบิดเบี้ยว

“อย่า.. อย่าเล่นอย่างนั้น มัน ...”

ปิต้องผลักต่ออกไปข้างหลัง

ต่อหยุดแล้วอุ้มปิไปวางลงบนม้านั่งไม้

ขยับยกขาขึ้นพยายามพาดตัวต่อเอาไว้

"ต่อ ต่อ ช้าก่อน"

ต่อไม่ฟัง ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก โยนโครมลงบนที่ว่างที่เหลือของม้านั่ง

ส่วนล่างของต่อก็ต้องการไม่แพ้กัน

กว่าจะทันไปบอกไร

“อูย”

ความพยายามครั้งแรกไม่เป็นผล

ปิลุกขึ้น ผลักต่อลง
   
ปิกดหน้าตัวเองเข้ากับแท่งนั้น

ปล่อยให้แว่นขยับขึ้นลงตามจังหวะโยกเข้าออก

บางทีก็ถอนออกมา แล้วใช้ลิ้นเขี่ยไล่จากซ้ายไปขวา แล้วใช้ลิ้นแทนนิ้วเขี่ยปลายเอาไว้อีกที

“อ้าาา"

ใช้ได้เลยปิ

ไอ้โอตาคุนี่ หื่นจริง ฝีมือดีด้วย

มันจะทำหน้าหื่นยังไงใต้แว่นหนานะ จากมุมนี้มองไม่เห็นเลย

ปิยังคงทำต่อไปราวกลับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

"อุ พอก่อนๆ"

ต่อรีบถอนออก

ตามมาด้วยจูบที่ต่อดึงปิขึ้นมาจูบอีกที คล้ายๆจะกลัวว่าปิจะหายไปไหน

เปลี่ยนกัน คราวนี้ปิเป็นฝ่ายเริ่มก่อนบ้าง จากจูบเป็นซอกคอ แล้วลงมาหน้าอกจนไล่มาที่หน้าท้อง ขาวเกร็งมีกล้ามน้อยๆของต่อ

เลียนแบบทุกย่างที่ต่อทำ

ครั้งแรกที่ต่อต้องเป็นฝ่ายรับการบุกของปิ

การบุกของปิยังอีกยาวนาน

แต่ไม่ทันที่ปิจะได้เริ่มใช้ปากให้อีกรอบ

ต่อรู้ทันหลบ แล้วจับปิหันหลังกดเข้ากับลอคเกอร์

น้ำที่ออกมานั้นมาก มากจนเกินพอ

เปียกแฉะหยดเป็นทาง

ทั้งของต่อและปิ เหนียวลื่นไปทั้งตัวของสองคน

น้ำที่ทำให้ร่างกายของปิกับต่อตอนถูไถกันไปมายิ่งรู้สึกดี มันลื่นไปหมด

“ปิ...” ต่อพูดเชิงถาม

"อือ"

ปิพยักหน้า

ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว

ต่อกดส่วนหัวเข้าไปก่อน ค่อยๆ ช้า

"อะ จะ"

เจ็บเหรอ

ปิรีบส่ายหัว ถอยตัวเองเข้าหาต่อดันเข้าไปให้มิด
   
กลัวต่อจะถอนออก

"อ้า" ต่อคราง

ตกใจกับการกระทำที่ช่วยให้เสียวแบบไม่ตั้งตัวของปิ

ก้นขาวๆของปิถูกขยำแน่น

ก้นขาวๆที่ตอนนี้บดขยี้เข้ากับท้องน้อยของต่อ

ท่าทางปิจะปรับตัวได้แล้ว   

ต่อค่อยๆถอนออก แล้วขยับเข้าใหม่ ช้าๆ

“อะ ..  ปิ... ปิ...”

“เอาเลยต่อ เอาเลย”
   
จากช้าๆค่อยๆเปลี่ยนเป็นเร็วๆ ถี่ขึ้นแรงขึ้น

เสียงก้นปิกระแทกตัวของต่อดังไปทั่วห้อง เสียงที่เกิดขึ้นดังเป็นจังหวะๆ ต่อเนื่องราวกับมีใครตีก้นใครอีกคนอยู่ ม้านั่งสั่นรัวไปกระแทกตู้เหล็ก

ปัง ปัง ปัง

“อ้า ... อัา... อ้า ... อัก”

เสียงปิเริ่มดังจนต่อต้องเอานิ้วแหย่เข้าไปในปากปิ

ผิดคาด ปิทั้งอมและดูด คงใช้ทดแทนความอยากของแท่งนั้นที่อยู่ในตัวปิได้เป็นอย่างดี

"ต่ออย่าหยุดนะ เอาออกมาเลย"

ปิจะไม่ไหวสินะ

ครั้งแรกนี่ ปิเองก็คงทั้งเจ็บและเสียว

"อะ อ้า อ้า อ้า”

ต่อเริ่มทำช้าลง แต่เน้นๆมากขึ้น ทั้งตอนเข้าและออก

อุ

“มาแล้วปิ”

“ออกเลย ในตัวปินะต่อ”

“อุ อาาาาาา”

เสียงครางสองคนที่ดังขึ้นต่อเนื่อง

ทุกๆครั้งที่ตัวต่อกระตุกเกร็ง จะส่งให้ร่างขาวๆของปิเกร็งตามไปด้วย

เพราะความเสียวเกินทนของการทำครั้งแรก

ไม่อาจฝืนทนต่อความรู้สึกเสียวนี้ได้

ก้นต่อแข็งเกร็งบีบเป็นลูก ขาปิก็เขย่งจิกพื้นแน่น

"ต่ออ"

ปิหันหน้าแดงใต้แว่นหนามาให้ ส่งสายตาเว้าวอน ครั้งเดียวยังไม่พอสินะ

แม่ง ยิ่งกระตุ้นอารมณ์เข้าไปอีก

"อักกก"

มันออกมาก่อนที่ต่อจะทันห้ามไว้ได้ มันกระตุกเป็นระลอกอยู่ในนั้น

"อ้า"

ความเสียวเวลากระตุกมันทำให้ปิทนไม่ไหว มันร้อนจากการเสียสีที่รุนแรงและรวดเร็วตามมาด้วยน้ำอุ่นๆ

น้ำของต่อ

เมื่อต่อพ่นน้ำตัวกระตุกเป็นระลอกใส่ตัวปิ

ปิเองก็ทนไม่ไหว ระเบิดอารมณ์ออก ตอดรับของต่อเป็นระลอกตามจังหวะน้ำที่ออกจากตัวไป

ทั้งสองปล่อยน้ำขาวข้นออกมาแทบจะพร้อมกัน

ทั้งบนพื้นและในตัวปิ

ครั้งแรกของทั้งสองจบลง

พร้อมๆกับน้ำขาวๆที่กองข้นคลักที่พื้น พุ่งออกมาเป็นสายไม่ยั้งตามจังหวะโยกสุดท้ายของต่อ

ต่อหอบแฮก ก่อนจะโยกช้าลงๆ

จนไม่มีใครขยับตัว

"ต่อช้าๆนะ"

"อ้า"

ต่อถอนทีเดียวออกมาทั้งหมด มันเริ่มอ่อนตัวบ้างแล้ว

ปิต้องหันมามอง

"บอกว่าช้าๆไง"

ฮ่าๆ ต่อหัวเราะ

"หัวเราะเหรอ คราวหน้าโดนมั่งมั้ย"

"โอ๋ๆ อย่างอนสิ ก็คนมันไม่เคย”

ปิ ทำหน้าไม่เชื่อ

“คราวหน้าปิขอมั่งนะ”

ปิก้มหน้ามองพื้น แต่ตามองลอดแว่นออกมา

“อะ ... เอาจริงเหรอ”

“…. เอ่อ”

อย่าจ้องหน้ากูงั้นสิไอ้กะปิ

“นะๆๆๆๆๆๆๆ อยากลองมั่งอะ” มือปิกระตุกนิ้วต่อรัวๆ ราวกับเด็กอยากได้ของ

เฮือก แย่ละ อย่ามาอ้อนกูแบบนี้นะ

“เอ่อ... เอางี้ถ้าไม่ทำตัวให้โดนแกล้งอีกไว้คราวหน้าจะให้นะ”

ไอ้ปิมันทำไม่ได้อยู่แล้ว ต่อรู้ดี

“ชิ จริงนะ"

ปิ ทำหน้าเสียดาย

‘ไอ้หื่นเอ้ย พวกโอตาคุนี่หื่นกันทุกคนมั้ยเนี่ย’

แต่ต่อก็ดีใจที่ปิยิ้มออกมาจนได้

'ถ้าต่อชอบใครสักคนจะรู้เองแหละ'

คำพูดพี่ต้องมันเสียดแทงขึ้นมา

‘อย่างนี้ไม่เรียกว่า ชอบ แล้วมั้งพี่ต้อง’

“ไปเหอะ ถ้าปิทำได้ ต่อจะยอมทุกอย่างเลยเอ้า"

ปิพยักหน้าจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนเดินออกไป

ต่อเดินกอดคอปิเอาไว้

“เดินไหวนะปิ”

“พอเลย”

ปิหน้าแดง

“ต่ออะขาสั่นแล้ว”

“ไอ้บ้า ไปไกลๆเลย”

ต่อหัวเราะ เดินกอดคอกันออกมา
   .
   .
   .

พวกต่อไม่ได้สังเกตเลยว่าที่หน้าห้องลอคเกอร์นั้น มีใครบางคนยืนรออยู่ เด็กผู้ชายรูปร่างแน่นแบบนักกีฬาว่ายน้ำ คนที่เพิ่งจะรังแกปิแล้วทำให้สองคนนี้ได้มาพบกันในที่แบบนี้ในที่สุด

อาท...
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : น้ำตาในห้องลอคเกอร [pg9] 29/1/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-01-2016 20:10:44
ชิหายแล้ว
ใครเจอไม่เจอ..แต่ดันเป็นไออาทเจอ

โอ๊ยยยยย..คดีนี้หนักกว่าที่เก้าเคยโดนอีกนะ
ของเก้าแค่ภายนอก และทำกับคนที่เอาเรื่องไปปูดเอง

แต่นี่ไอ่อาทมันเป็นบุคคลที่สามที่จะเอาไปโพนทะนา
อย่างนี้คนปล่อยข่าวก็สนุกปากอย่างเดียวเลย เพราะไม่มีผลกระทบอะไรกับมันเลย

ต่อกับปิ จะไปเดินไปข้างหน้าต่อได้ยังไง คิดไม่ออกเลย
ผ่านมาได้ยังไงเนี่ยะ เหตุการณ์แบบนี้ที่เกิดกับเด็กวัยรุ่น
โฮะโฮะ...ข้าน้อยขอคารวะท่านทั้งสอง

พายุใหญ่ ใส่ซ้ำซัด พัดพังพาบ
คลื่นทะเล กวาดทรายราบ พินาศหาย
มะพร้าวคู่ ยืนสู้ลม ไม่ล้มตาย
เกี่ยวกระหวัด หยัดท้าทาย บนชายเล

นับถือในจิตใจที่แข็งแกร่ง
..ลูกผู้ชายตัวจริง..
หุหุ
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ความกล้า [pg9] 1/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 01-02-2016 21:15:12
ขอแค่ 5 นาที : ความกล้า

เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องลอคเกอร์ เมื่อมันผ่านไปแล้ว มันก็ผ่านไปเหมือนสายลมหนาว ที่เข้ามาเยือนอย่างรวดเร็ว เกรี้ยวกราด ทิ้งความเย็นสะท้านเอาไว้ก่อนจากไป

ไม่มีใครอยากจะหวนย้ำถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั้นอีก

ของบางอย่างมันควรจะให้เป็นแค่เรื่องของการกระท มากกว่าจะหาคำมาอธิบายให้ชัดเจน ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วก็จงรับรู้เอาไว้ แล้วเงียบเสีย

‘ใครจะกล้าพูดออกมาเล่า’

ต่อไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะแสงยามบ่ายที่เล่นกลหรือว่าเพราะความร้อนภายในห้องลอคเกอร์ที่ทำให้ต่อหัวหมุนเกิดจินตนาการขึ้นในหัวว่า ต่อได้กระทำการให้ปิเป็นเมียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อาการเจ็บท่อนน้อยๆนั่นเป็นของจริง

ปิตอดรัดแน่น ทำเอาต้องระเบิดสิ่งที่เก็บกักไว้มานานหลายวันเข้าใส่ตัวขาวๆของปิ

จนถึงตอนนี้ความรู้สึกเสียววาบ ยังคอยย้ำเตือนกระตุ้นให้มันตื่นตัวพร้อมพุ่งเข้ามาร่างกายของปิอีกรอบ

‘มันเป็นเรื่องจริง’

แน่นอนที่สุด

ภาพปิตัวแดง หน้าแดงภายใต้กรอบแว่นดำหลังเลนส์ในดวงตามีน้ำตาปริ่มอยู่ น้ำตาที่ต่อลืมถามว่ามาจากความเจ็บหรืออะไรกันแน่

ขาเขย่งเกร็ง แต่สั่น เสียงที่เร่าร้อน ต่อยังกระชากภาพนี้ออกมาจากหัวสมองเล็กๆได้ราวกับมันเพิ่งเกิด ความรู้สึกรัดแน่นของช่องทางที่ไม่เคยมีใครเอาเข้าไปก่อน แน่นจนต่อรู้สึกว่าของตัวเองเจ็บ มันตอดรัดตามจังหวะที่เลือดสูบฉีดและรัดแน่นเป็นจังหวะขึ้นเมื่อปิถึงขีดสุด

มันทั้งเสียวทั้งแน่น นี่แหละที่ทำให้ต่อทนไม่ไหวตามปิไปติดๆ

ครั้งแรกของกันและกัน ครั้งแรกของต่อกับผู้ชาย ต่อต้องเอามือกดแก่นกายทุกครั้งที่นึกถึงมัน ยิ่งไม่ได้ทำเองนานเท่าไร มันก็ต้องยิ่งจับและเก็บกดส่วนนั้นกลับไปบ่อยมากขึ้น

ภาพของปิในวันนั้นมันเรียกอารมณ์ออกมาได้ตลอด

‘จะให้เข้าห้องน้ำไปเอาออกเลยก็ใช่เรื่อง’

ตัวต้นเหตุยังทำเป็นนั่งไม่รู้อยู่ข้างๆนี่เอง

'เฮงซวย'

คำเดียวที่ต่อสามารถให้นิยามกับตัวเองในตอนนี้

‘กูเอาเพื่อนสนิทมาเป็นเมียเหรอเนี่ย’

เพิ่งจะว่าพี่ต้องเรื่องเก้าไป นี่มันมาเป็นซะเองเหรอวะ

มันจะน่าสมเพชแค่ไหนนะ ถ้าคนอื่นรู็เรื่องนี้เข้า พวกมันคงรุมหัวเราะเยาะ รุมประนามชี้หน้าว่า ต่อกับปิ เป็นคู่เกย์กันอย่างถูกต้อง ตามพฤตินัย

ไม่ใช่แค่เรื่องล้อเลียนกันปากเปล่า ที่เกิดขึ้นดาดเดื่อนในโรงเรียนชายล้วน ต้องกับเก้า ต่อกับปิ ไม่ใช่คู่แรกๆที่เกิดขึ้น

มันมีมานานแล้ว

แต่นี่ ต่อกับปิ ไม่ใช่เรื่องที่คนโจษจันกันไปเอง

ไอ้คู่ขาที่ถูกกระทำ ก็ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ มันนั่งหน้าระรื่นเป็นปกติ และหนีห่างเมื่อพวกอาทมาใกล้ ไม่มีอาการอะไรให้เห็นเลยว่า มันไม่พอใจ

ท่าทางปิจะดูรับได้ทุกอย่างที่ต่อทำ

‘เอาไงกับมันดีวะ จะบอกไปเลยดีมั้ยว่าถ้าได้กันขนาดนั้นก็มาคบกันเหอะ’

ยังมีช่องห่างระหว่างกันอยู่ ปิไม่ได้เบียดตัวเข้ามาหรือพยายามแสดงความเป็นเจ้าของใดๆทั้งสิ้น

นั่นยิ่งทำให้ต่อไม่แน่ใจว่าควรจะพูดออกไปดีมั้ย

‘ถึงเวลาหรือยังนะ’

สุดท้าย ปิก็ยังเป็นเด็กผู้ชายหน้าแหยๆอย่างเดิม อยากจะเอามือไปหยิกแก้มมันจริงๆ

"ต่อ มีเกมใหม่มา ลงมาให้แล้ว" ปิโยน psp มาให้

เครื่องเกมสีขาวที่ตอนนี้หน้าจอกลับมาทำงานได้ตามปกติ ต่อรู้สึกดีใจไปด้วย

"ใช้ได้แล้วเหรอ"

"ก็ทำให้แห้งน่ะ แล้วรอให้แน่ใจอีกสัก 2-3 วัน แต่เพิ่งจะเอามาเนี่ย”

เจ้าของเครื่องหน้าตาน่ารักนั่งเตะขาอยู่ใต้โต๊ะ

"เออ งั้นต่อเล่นนะ เอ่อ กูเอาไปเล่นนะมึง"

"อือ" ปิยิ้มแหย

ไม่ใส่ใจว่าทำไมต่อถึงเปลี่ยนคำเมื่อกี้

"ผัวเมียว่ะเฮ้ย" ทีมพูดขึ้น

"ได้กันยังวะ" อาทจ้องมาทางต่อ

"พูดไรเหี้ยๆ ปิมันผู้ชายนะ"

อาทยังจ้องหน้าปิเขม็งจนปิหลบหน้า

ไอ้บ้าอาท

'ไอ้ปากหมา ยังดีปิมันยังเก็บอาการได้’

ของเก่ากูยังไม่ได้ชำระเลยนี่จะมาหาเรื่องอีกแล้วเหรอ

"เอ้าๆ เรียนแล้ว" ครูผู้ชายเดินเข้ามาสอน

ชั่วโมงนี้วิชาอะไรวะ สุขศึกษา???

หลับดีกว่า เรียนทำไมไร้สาระ สมัยไหนแล้ว

เรื่องแบบนี้ต่อมั่นใจว่า พวกไอ้อาทเนี่ยช่ำชองกว่าครูคนสอนละกัน ท่าทางเหมือนจะยังซิง ดูชีวิตจืดชืด คิดไงมาสอนวิชานี้ในยุคนี้วะ

ครูเริ่มพล่ามถึงเรื่องระบบสืบพันธุ์ ไปจนถึงการป้องกัน โรค และอะไรต่อมิอะไรอีก ส่วนใหญ่นั่งเงียบไม่มีใครฟัง

ก็น่าละยุคนี้อยากรู้อะไรก็หาได้หมดแล้ว ไม่ต้องให้มาสอนหรอก

ใช่ไม่ต้องให้สอนหรอก

ทำไปถึงไหนแล้ว

กว่าครูจะบอกว่าถุงยางคืออะไร ตรงนั้นใช้ยังไง พวกแม่งเอามาเป่าเล่นกันที่โรงเรียนตั้งนานแล้ว

บนกระดานมีสไลด์โชว์รูปอวัยวะเพศชายและพัฒนาการตามวัย ของปิมันเลยไปถึงขั้นวัยรุ่นแล้ว ดูจากขนาดบนกระดาน ไม่นับไอ้กระจุกดำๆแล้วละก็ ของไอ้อาทนี่น่าจะเด็กประถมนะ

หึหึหึ

ไม่มีใครฟังทุกคนนั่งเล่น

หลังห้องพวกอาทนั่งดูการ์ตูน เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะๆเมื่อพูดถึงศัพท์แปลกๆ

"ส่วนปลายอวัยวะเพศจะมี...."

เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก

"ครูครับ เค้าเรียกหัวคว.."

เสียงดังขึ้นอีกรอบ

"เวลามีเพศสัมพันธ์..."

พอถึงตรงนี้ทั้งห้องเงียบ

“เด็กผู้ชายก็จะมีพัฒนาการและความต้องการ วิธี...”

เสียงอาทผิวปากขึ้น ทำมือซอยยิกๆ

“แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ชายก็สามารถมีเพศสัมพันธ์กลับผู้ชายได้ .....”

ปินั่งก้มหน้า ไม่แสดงความรู้สึกอะไร

ต่อทำเป็นมองออกนอกหน้าต่าง

คราวนี้รูปอวัยวะของผู้หญิงขึ้นบนกระดานบ้าง

"ถึงตรงนี้ การตกไข่..."

หิ้ว

เสียงอาทผิวปากขึ้น

“ทำยังไงถึงไม่ท้องนะครับครู ผมลืมเอาถุงยางไปด้วยดิเมื่อวานนี้”

"นี่ นายอาทิตย์ น้อยๆหน่อยนะ ถึงจะรู้ว่ามันน่าเบื่อ ก็ฟังๆไว้ซะหน่อย ครูก็ไม่ได้อยากสอนเรื่องพวกนี้นัก ครูรู้พวกเธอทำกันเป็นถึงไหนแล้ว"

"ครูครับ แล้ว ชายกับชายทำกันยังไงนะครับ"

“เพิ่งจะพูดไปในเรื่องการป้องกันไม่ได้ฟังเลยเหรอ"

“เพื่อคนในห้องมีคนเป็นเกย์น่ะครับ เห็นมันไม่ได้ตั้งใจฟัง"

"เหรอ งี้นะ สมัยก่อนมันยากอยู่สมัยนี้มันง่าย หาอุปกรณ์ง่าย" คนสอนพูดเจื้อยแจ้วต่อไป ไม่ได้รู้สาเลยว่า ไอ้อาทมันตั้งใจจะทำอะไรกันแน่

"เอาตัวอย่างมั้ยครับ"

อาทไม่หยุด

"ในห้องเราผมเห็นคนเป็นเกย์เค้าไปเอากันที่หลังลอคเกอร์ในสนามเทนนิสนะครับ"

"ใครน่ะ"

อาทไม่ตอบ มองออกไปทางขวามือ

มองอยู่อย่างนั้นจน ทั้งห้องมองตาม

"เอ้าๆ ไว้สอนคราวหน้า"

เสียงออดหมดเวลาช่วยไว้ ช่วงพักเบรคมาถึง

ดูผู้สอนที่เป็นผู้ชายจะไม่ใส่ใจเรื่องแบบนี้มานัก ซึ่งก็ดี เพราะถ้าใส่ใจแล้วละก็น่าจะเป็นเรื่องยาว ต่อมั่นใจว่าไม่มีหลักฐาน แต่ก็คงเป็นเรื่องให้วุ่นวายได้อยู่

"ต่อเรื่องที่มึงไปช่วยปิคราวก่อนดังกระหึ่มรร.เลยวะ" เบล ถามผม

เด็กกลางๆห้องที่นานๆจะได้คุยกันที ไม่เคยจะเข้ามายุ่งต่อหรือปิมากจนเกินไป กลุ่มของเบลไม่เคยได้มาอยู่ใกล้กับพวกต่อเลย

"เรื่อง?" ผมยังนึกไม่ออก

"ที่สระไงมึง อาทมันเล่าว่า ปิคว.. อันนิดนึง พวกมันกำลังจะพิสูจน์ก็มีพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย"

โกหกไอ้อาท ของมึงน่ะเล็กสุดแล้ว

“แล้วไงต่อละ”

“ก็มันเล่าว่ามึงไปกรัชากกางเกงไอ้อาทลงมา แต่ไม่มีใครบอกว่ะว่าของใครใหญ่กว่า”

“จริงป่าววะอาท ของปิมันเล็กจริงรึเปล่าวะ” เบลที่ไร้เดียงสาเงยหน้าไปถามอาท

ต่อนั่งหันหลัง ขำให้กับพวกมัน

"ไม่รู้ว่ะ" เสียงลากเก้าอี้ดังขึ้น

"พวกมึงอยากรู้มั้ยอะว่า ของไอ้ปิเป็นไง แล้วเวลาโดนอีกฝ่ายทำมันทำยังไง"

“ทำไมมึงจะทำให้ดูเหรอ" ทีมรีบเสริม

"เดี๋ยวขอพิสูจน์ก่อนว่า ปิ มันยังซิงมั้ย"

สิ้นเสียง ทีมกับอาทเฮกันเข้าไปทางปิ คนอื่นก็ช่วยด้วย

"เฮ้ย ต่อมึงอย่าช่วยนะ แค่เพื่อนเล่นกัน" ใครสักคนตะโกนขึ้น

"หรือมึงเป็นมากกว่าเพื่อนวะต่อ" อาทหัวเราะ

พวกมันจับปิกางแขนขา

"เฮ้ย พวกมึง..."

ทั้งหมดหยุดเงียบแล้วหันมามองผมทางเดียว

เชี่ย แม่งรอจังหวะนี้นี่เอง

"ลุยเลยเว้ย"

เสื้อนักเรียนปิโดนแกะกระดุมออกทีละเม็ด เจ้าของเสื้อพยายามดิ้นสู้ แต่แรงสู้ไม่ได้

แน่อยู่แล้วโดนเข้าไปตั้ง 6 คน

ปิขัดขืน ยังดิ้นสู้ต่อไป ไม่ขอความช่วยเหลือ

เฮ....

กระดุมเสื้อหลุดหมดแล้วเหลือแต่กางเกง

ผิวขาวถูกคลี่เผยออกมาจากสาบเสื้อ พวกนั้นช่วยกันดึงเสื้ออก

ปิตัวแดงจากการออกแรงฝืน

รอยจ้ำแดงรูปนิ้วมือเริม่มีให้เห็น พวกนั้นบีบกันซะแรง

แกร๊ง

เข็มขัดถูกปลดออก ห้อยรุ่งริ่งอยู่ข้างตัว

กางเกงสีน้ำเงินกำลังถูกแกะ ซิบถูกรูดลงเห็นกางเกงในสีดำ

ของปิที่ต่อเพิ่งจะได้สัมผัสวันนั้น ตอนนี้คงจะหดราบเรียบอยู่ภายใต้ผ้าสีดำ

ปิ มองหน้าผมแวบนึง

พวกมันคงไม่หยุดจนกว่าจะได้ดึงกางเกงในออก

"หยุด ไม่หยุดกูจะเล่นพวกมึงให้เดินไม่ได้เลย"

ได้ผล ทุกคนเงียบ นิ่ง

"ปิ ยืนขึ้น"

มันเริ่มตั้งสติได้ สะบัดคนที่จับอยู่รอบตัวออก

ปิค่อยๆรวบรวมกำลังยืนขึ้น ใส่เสื้อผ้า กางเกงทั้งสองชั้นยังอยู่ดี แค่จัดให้เข้าที่ รูดซิบแล้วใส่เข็มขัด

"สัส อาท มึง...."

"อาท กูว่ามึงเข้าใจผิดนะ กูกับไอ้ต่อไม่ได้เป็นไรกัน มีปัญหามาหากูนี่ แล้วขนาดคว... กูน่ะใหญ่กว่าของมึงแน่ๆหรือมึงจะวัดกันตรงนี้เลย"

เสียงปิแทรกขึ้น

หมัดถูกกำขึ้นสูง อาทกำลังจะส่งหมัดที่กำแน่นจนผิวสีแทนกลายเป็นสีขาวลงไปบนหน้ากะปิ

ชิบละ

ปิกำหมัดสองข้าง โยกตัวเอาอกชนกับไอ้อาท

"ว่าไงมึง จะเอา?"

อาทอึ้ง

ร่างที่สูงเท่าต่อแต่ขาวกว่า ยืนประจันหน้ากับร่างใหญ่แน่นด้วยมัดกล้ามสีแทนอย่างนักกีฬาว่ายน้ำ ใต้แว่นหน้าเป็นสายตาแน่วแน่ของคนที่คิดจะสู้จริงๆ

นี่หนูจะสู้กับแมว?

เมื่ออาทไม่ตอบ

ปิคว้าเสื้อมาใส่ลวกๆแล้วเดินออกไป ติดกระดุมไปด้วย

มีแต่ชายเสื้อที่ห้อยรุ่งริ่ง

ฮิ้ว อาทโดนละเว้ย

"แต่ของมึง กูว่าเล็กจริงนะ ในสระเค้าเห็นกันทั่ว อะไรนะคนว่ายังไงนะขนมึง" ใครสักคนพูดขึ้น

ไอ้อาททุบโต๊ะดังปัง

วงแตก

"ว่า ขนหมอยมึงยังยาวกว่าของมึงเลย"

พูดจบ ต่อออกเดินตามปิไป

เวลานี้ไม่ถูกกาลเทศะเลยถ้าต่อจะขำออกมาดังๆ แต่ไม่ไหวแล้ว เห็นสภาพอาทที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว อยากจะหากล้องถ่ายรูปมาเก็บภาพไว้เลยจริงๆ

"เชี่ยเมื่อกี้มึงไปแดกยาไรมาวะ หรือมึงได้เล่นไอเทมพิเศษ"

หวังว่าปิมันจะขำ

"มึงสัญญาไรไว้ละ"

มันไม่ขำ หันมาทำหน้าจริงจังใส่

ซวยละ

‘แม่ง เอาจริงเหรอวะเนี่ย’

หน้าไอ้ปิที่ฉายแววมาใต้แว่น มองหน้าต่อตรงๆ

แม่งหื่นสัส

มันเอากูแน่แล้ว

'เลิกโดนรังแกได้ จะให้เอา' เสียงสะท้อนก้องออกมาจากก้นบึ้งของหัวสมอง

ชิบละไอ้ต่อ

เหี้ยเอ๊ย กูว่า ถ้าอาทมันยังโดนปิตอกหน้าหงายงี้อีก โอกาสหน้า กูได้ถวายตูดกูให้ไอ้โตาคุขี้หื่นนี่แน่ๆ

"เอ่อปิ ไปหาขนมกินกันดีกว่า"

ต่อเดินตบหลังกะปิไป

เรื่องเมื่อกี้มันยังขำในสายตาต่ออยู่

"กล้านะเดี๋ยวนี้ ต้องให้รางวัลแล้ว ฮ่าๆๆ"

"หึหึ ต่อจะให้จริงเหรอ"

ต่อตบหัวกะปิ

ไอ้บ้านี่ พูดเล่นจะเอาจริงตลอด

"ไอ้หื่น ไอ้โอตาคุ"

ปิยิ้ม ไม่ใช่ยิ้มแหยๆแต่เป็นยิ้มกว้าง มันมาจากใจเจ้าของจริงๆ ปิกำลังมีความสุข

หลังของปิสั่นไหวเบาๆ มันกำลังหัวเราะร่วน

ใจต่อเต้นแรงขึ้น

'ไอ้บ้า ทำไมใจต้องเต้นแรงด้วยวะ แค่นี้เอง มึงจะเป็นเอามากไปแล้วไอ้ต่อ'

"กูแค่ไม่อยากให้เป็นภาระของมึงน่ะ"

ต่อไปมองไม่พูดอะไร เอามือลูบหลังปิทีหนึ่ง

"แบบเดิมเหอะ ไม่ชิน"

ปิยิ้มแหะๆ

"ไปเถอะ เราหิวแล้ว" ต่อบอก

"นี่เกมใหม่อะ ลงไรไว้มั่ง หื่นๆงี้อย่าบอกนะว่าลงหนังโป๊"

ปิหรี่ตามอง ก่อนจะพูด

"งั้นไม่ต้องเอา"

"เอาดิ ไม่ได้เล่นนานจะลงแดง"

ปินึกถึงประโยคไอเทมเพิ่มพลังเมื่อกี้

"ต่อติดเกมแล้ว?"

ปิกลับมาเรียกชื่อ

ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะ

"มั้ง"

ติดแค่... เกม...ละมั้ง

พักเบรคแบบนี้มักจะมีขนมแจกอยู่ที่ชั้น 6 โรงอาหาร แต่คนมักจะไม่แน่นเหมือนอาหารกลางวัน ไม่ค่อยจะมีใครขึ้นมากินสักเท่าไร ขนมมันไม่ได้น่ากิน วนๆกันไปขนมปังไส้กรอกบ้าง ลอดช่องบ้าง

"ปิ"

เสียงเรียกชื่อดังขึ้น เสียงที่ต่อไม่คุ้น แต่ทำไมจำได้ดีนัก

"เอ็ม"

คนถูกเรียนขานรับ

"อ้าว วันนี้ต่อขึ้นมาด้วยเหรอ"

ต่อพยักหน้า

นั่นไง ไอ้นี่อีกตัว

เอ็มมองหน้าปิกับต่อสลับไปมา

"ไปได้กันมาในห้องลอคเกอร์แล้วเหรอ"

คำถามนี้เหมือนฟ้าผ่า

ต่อเหลือบไปมองหน้าปิ

เฮ้ย นี่มันลือกันไปถึงหูห้องอื่นเลยเหรอวะ

ปิก้มหน้า หน้าแดง ถึงจะทำเป็นไม่รู้แต่ต่อหน้าเอ็มเพื่อนสนิทอีกคนของปิ การแสดงราคาถูกเพื่อปิดบังคงไม่มีประโยชน์ยังไงก็จับได้อยู่ดี

"ว่าไง" เอ็มถามเสียงแข็งๆ

ไอ้คนโดนถามไม่ตอบ

เอ็มเลยหันมามองทางต่อ

"กูฝากปิ ฝากดูแล ไม่ได้ให้กิน"

เสื้อนักเรียนถูกม้วนเป็นก้อนจากมือของเอ็ม แล้วกระชากขึ้นไปตรงหน้า

หน้าเอ็มอยู่ใกล้กับต่อ

"เอ็ม นายเอาเรื่องนี้มาจากไหน"

"ตอนนี้มันลือกันไปทั้งรร.แล้ว ถึงขั้นคนไปดูซากในห้องนั้นด้วย บางคนก็ว่าเจอถุงยางถูกทิ้งไว้อยู่ บางคนก็บอกไอ้เศษคราบน้ำของพวกมึงมันตกอยู่เป็นทาง"

ไอ้พวกเหี้ย มั่วกันได้ไม่มีสิ้นสุด มันเกิดไปตั้งกี่วันแล้ววะ มันจะไปหลงเหลืออะไร ถุงยาง เอ่อ กูไม่ได้ใช้ แสดงว่าเป็นของคู่อื่นน่ะสิ นี่สินะเค้าถึงห้ามนักเรียนเข้า

คราวนี้กลายเป็นโยนมาให้พวกกูเลยสิ

ซวยชิบหาย

"ว่าไง"

"มึงเข้าใจไรผิดป่าว กูไม่ใช่เกย์ กูไม่ได้ชอบไอ้ปิด้วย”

“กูกับปิไม่มีมีอะไรกันในห้องนั้นเลย มันโดนไอ้อาทแกล้ง กูเลยไปช่วยออกมาเฉยๆ”

เอ็มหันไปมองหน้าปิ

ปิยิ้มแหยๆ

รู้สึกหัวใจหยุดเต้นไป 3 วินาที อะไรวะ แค่... โกหก นิดๆหน่อยๆ ทำไมมันรู้สึกผิดได้ขนาดนี้

"กูกลับห้องก่อนนะ พวกมึงคุยกันไปแล้วกัน"

ต่อเดินโบกมือให้ปิลงไปชั้นล่าง

แม้ว่าจะอยากอยู่ดูหน้าปิต่อ มันก็อายและยิ่งรู้สึกผิด เพิ่งจะโกหกคำโตออกไปแล้วจะให้หน้าด้านอยู่ได้ยังไง เหมือนกับฟันผู้หญิงมาสักคนแล้วเสือกไม่ยอมรับ ทำตัวเป็นไอ้หน้าตัวเมียที่ไม่ยอมแม้จะยืดอกรับสิ่งที่ทำลงไป

ความบริสุทธ์ของไอ้กะปิ

หึหึหึหึ กูบ้าแน่ๆ อยากจะเดินไปถามอาทจังเวลาเปิดซิงรู้สึกยังไงวะ ยิ่งแม่งหนีพวกนั้นด้วย มันจะรู้สึกเหมือนกูมั้ย หรือว่าแม่งหน้าด้านหน้าทนเกิน

หันกลับมามองเห็นสองคนนั้นยืนคุยอะไรบางอย่างอยู่

อะไรที่ต่ออยากมีส่วนร่วม

ต่อไม่ควรปล่อยปิไว้อย่างนั้น

‘แม่ง ตั้งใจว่าจะสารภาพกับมัน ดันเสือกมามี กขค เข้าจนได้’

.
.
.
เอ็มกับปิ มันมีเรื่องอะไรกันแน่

ไอ้นักเรียนตัวอย่าง หน้าตาดี เรียนเก่ง แต่งตัวสะอาดสะอ้าน เป็นที่ชื่นชอบขอบครูทั้งโรงเรียน ยังหาข้อด้อยของมันไม่เจอเลยสักข้อ

คนอย่างนั้นจะมนุษยสัมพัทธ์ดีขนาดดูแลปกป้องเพื่อนเก่าอย่างนี้เลยเหรอ
.
.
.
‘หรือว่า มันเองก็ชอบ ปิ’
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ความกล้า [pg9] 1/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 02-02-2016 03:37:53
ปิเริ่มเก่งแล้ววว สุดท้ายคู่นี้ก้ผลัดกันสินะ น่าร๊ากกก
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ความกล้า [pg9] 1/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 02-02-2016 10:40:32
โห..ต่อใจกล้ากว่าพี่ต้อง
ออกโรงปกป้องปิทุกท่วงท่า
ไม่ยอมให้ใครมารังแก

พี่ต้องอายน้องไหม
หุหุ

อีกไม่นานก็คงถึงตอนที่ปิ งัดไอเท็มพิเศษออกมาใช้กับต่อ
เจ้าตัวก็บอกอยู่ว่า..ไอเท็มใหญ่ พิเศษ ไม่ธรรมดา
ฮ่าฮ่า

อาร์ท
ขนจมูกสั๊นสั้น
จู๋น้อย..เป็นติ่งเนื้อเลย
นะจ๊ะไอ่หนู
กร๊ากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ความกล้า [pg9] 1/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 02-02-2016 15:11:01


นี่ถ้าต่อยอมเอาตัวเข้าแลกกับปิเสียตั้งแต่ทีแรก เดาว่าปิคงไม่โดนแกล้งสาหัสขนาดนี้แหง ๆ
ฮึดมากปิ... แค่จะได้กดต่อเป็นการแลกเปลี่ยนหนูก็มีพลังไซย่าแบบไม่ต้องไปฝึกหนักกับพระเจ้าเลย ชื่นชม ๆ

ตั้งแต่อ่านตอนที่แล้วจบ (ตอนที่เด็กสองคนกินกัน) เราก็ได้แต่นั่งสงสัยว่า ต่อมันจะแก้ปัญหาเรื่องอาทยังไง
เพราะถึงต่อมันจะมุ่งมั่นพร้อมแก้ไขเรื่องต่าง ๆ อย่างโจ่งแจ้งและเป็นรูปธรรมกว่าต้อง (เท่าที่มุมมองของเรื่องจะบรรยาย)
แต่ยังไงมันก็เด็กคนนึง คิดอะไรไม่ได้มากหรอก แถมเด็กอาทยังกุมความลับเรื่องเปิดซิงปิเอาไว้เสียอีก คิดมาก ๆ เข้าก็รู้สึกว่าตัวเองอินมากไป เลยกลับมาตั้งต้นใหม่ที่ความคิดที่ว่า... เอาเหอะวะ ไว้มาตามอ่านตอนต่อไปดีกว่า เพราะยังไงคุณ Monet ก็จะไม่ทิ้งเราไว้กลางทางอยู่แล้ว... เนอะ (ช้อนตามองอย่างเว้าวอน)

อย่างไรก็ดี เราก็ภาวนาให้ทุก ๆ อย่างดำเนินไปในทางที่ดี
ไม่อยากให้ต่อหรือปิมีรอยร้าวในใจจนต้องลี้ภัยไปเรียนสายที่ตัวเองไม่ถนัดเหมือนเก้าเลย - เพราะถ้าเด็กสองคนนี้เลือกทำแบบนั้นจริง ๆ ก็อาจจะไม่มีต้อง ไม่มีเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ คอยประคองทั้งสองไปตลอดรอดฝั่งหรอกมั้ง

เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ ^^  :กอด1:

หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ปิ ต่อ เอ็ม [pg9] 5/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 06-02-2016 00:32:40
ขอแค่ 5 นาที : ปิ ต่อ เอ็ม

ต่อ
.
.
.

ต่อเดินลงบันไดมาพร้อมกับความรู้สึกผิด ตอนนี้มันทับถมขึ้นจากการโกหกครั้งที่ 2 มันเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่ต่ออยากจะปลดออกไปซะ การปฏิเสธความจริงที่รู้อยู่แก่ใจมันเป็นความยากของคนพูด

มันยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อคนที่รับฟังคำโกหกเป็นคนที่... ต่ออยากจะบอกความจริงให้รู้มากที่สุดในโลก

ถึงมันเกือบจะต้องหลุดปากออกไปหลายครั้ง แต่ทำไมทุกครั้งเหมือนมีอะไรบางอย่างมาทำให้ต่อเปลี่ยนใจซะก่อน

ความกลัว...

ทั้งๆที่อยากจะตะโกนตรงๆใส่หน้าไปซะ

สิ่งที่ต่อกำลังรู้สึกกลัวแฝงมาด้วย มันคือตลกร้ายที่หลังจากต่อเกลียดชังเก้าหนักหนา คนที่ทำให้พี่ต้องกลายเป็นเกย์ ตอนนี้ต่อเริ่มเข้าใจแล้ว

ต่อเองก็กำลังจะเป็นไปด้วยอีกคน

‘เมื่อต่อชอบใครสักคน’ ประโยคทิ้งทวนของพี่ต้องในห้องน้ำ

ต่อเริ่มเข้าใจความรู้สึกนี้ มันมาเยือนต่อเข้าแล้ว และมันก็จะไม่จากไปง่ายๆ

เกาะติดหนึบอยู่ตรงกลางหน้าอก

ร้อนและแสบ จะไปบอกใครก็คงไม่มีใครรับได้

ถ้าครั้งหน้าปิถามอีก ต่อจะตอบไปตามความรู้สึก

‘อะไรจะเกิดก็ช่างแม่งละวะ ดีกว่าทนเห็นหน้ามันอย่างนั้น’ สาบานให้ฟ้าผ่าเลย ถ้าไม่พูดอีกจะใส่กระโปรงมาเรียนเลย เอ้า

หน้าที่ทำให้หัวใจต่อเต้นแรง และเป็นใบหน้าเดียวที่เวลามันบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวดไม่ว่าจากทางไหน ต่อจะรับรู้แล้วเก็บเอาความเจ็บนั้นไปด้วย

ปิมีความสำคัญกับต่อมากๆ

วันนี้ไอ้กะปิบ้านี่ก็กล้าเอาเรื่องเหมือนกัน ถ้าไอ้อาทไม่ตกใจที่ปิจะสู้นี่ มันคงซัดร่วงลงไปนอนกอง ทั้งๆที่มีแต่กางเกงนักเรียนแล้วละมั้ง

‘แล้วเดี๋ยวก็จะโดนจับถอดทางอย่างนั้น’ ยอมรับเลยตอนนั้นต่อเองตกใจจนไม่ได้เข้าไปช่วยเหมือนกัน กำลังอึ้งกับสิ่งที่ปิทำลงไป

‘พวกมึงอยากดูว่าไอ้กะปิมันโดนเอาทางไหน'

ใบหน้าหื่นกระหายของพวกนั้นที่ล้อมวงเข้าหาปิ

มันจะทำยังไงวะ จับแหกขาแล้วแหวกก้นดูยังงั้นเหรอ

ก้นขาวเนียน ที่ต่อเคยได้สัมผัส

อา... ในลอคเกอร์วันนั้น ต่อเองก็ไม่ได้ดูเหมือนกัน หน้ามืดตามัวกดเข้าช่องโดยที่ยังไม่ทันได้ดู ครั้งแรกเป็นไปอย่างรวดเร็ว

เสียงเนื้อกระแทกเน้นๆ ยังก้องกังวาลอยู่ในหัว

ความร้อนจากตัวปิ

กลิ่นอายความอยากของปิ

ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเสียวของต่อ

อยากเห็นหน้าปิตอนโดนทำชัดๆ

อยากลองอย่างอื่นอีก

อยากได้อีก

ต่อกระหายในตัวปิมากขึ้นทุกวัน

ของบางอย่างมันกำลังสู้ขึ้นมาแล้ว

‘เหี้ย นี่กูติดโรคหื่นมาจากไอ้โอตาคุนั่นสินะ’

ต่อส่ายหัวแรงๆ

‘กูเห็นมันแล้วอยากได้ขนาดนี้เลยเหรอ’

คาบสุดท้ายจบลง เพื่อนร่วมห้องกำลังลุกเก็บกระเป๋ากลับบ้าน ถึงปิจะใจกล้าแค่ไหนก็คงไม่บ้าเดินแหวกกลางฝูงไอ้อาทที่ยืนล้อมหน้าหลังอยู่ตรงทางเข้าออกแน่ๆ

‘มันกะจะไม่จบเรื่องนี้ง่ายๆสินะ’

ปิยังนั่งรออยู่จนกว่าพวกนั้นจะไป แกล้งทำโน่นนี่ไปเพื่อถ่วงเวลา

ไม่ได้ผล พวกนั้นยังคงรอคอยอะไรบางอย่าง

เวลา...

เวลาที่ปิจะอยู่คนเดียว

ต่อที่ร่วมก๊วนมาก่อนรู้ดีและจะไม่ยอมเปิดโอากาสให้พวกนั้นเด็ดขาด

อาทโดนหยาม 3 ครั้งแล้ว เกี่ยวไอ้ไอ้นั่นของมัน ความเป็นชายอย่างเดียวที่มันขาดไป มันไม่ยอมแน่ๆ

หน้าเจ้าของไอ้จ้อนอันเล็กทำท่าจะทนไม่ไหว

พลั่ก

อาทเดินอ้อมหลังต่อไป ตบหัวปิอย่างแรงหน้าเกือบทิ่มลงไปกับโต๊ะ

ต่อไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่ามันจะเอาตอนนี้

"ทำไม มึงจะช่วยเมียมึงเหรอ อย่าคิดว่ากูไม่เห็นวันนั้นนะ” นิ้วดำๆกำลังชี้หน้า

"เห็นเหี้ยไร"

"เห็นมึงเอากับไอ้กะปินี่น่ะสิ เดินออกมาเหงื่อแตกพลัก ถ้าไม่เอากันแล้วมึงไปทำไรกันในห้องนั้น ถ้ามึงเล่นๆกูจะไม่ว่าเลยนี่มึงทำขนาดนี้มึงตกลงมันผัวมันจริงจังใช่มั้ย”

“งั้นบอกมาสิว่า มึงแค่เล่นๆกับมัน เอาแล้วทิ้งน่ะ”

เสียงดังๆ ของมันนี่กะว่าจะให้ได้ยินกันทั้งห้องเลยสินะ

"สัสนี่"

ต่อรู้ไอ้อาทพยายามยัดเยียดให้รับให้ได้

ถ้าบอกว่าเอากับไอ้กะปิ ก็แปลว่า ต้องเอาเล่นๆ ไม่งั้น จะถือว่าชอบมัน แล้วยิ่งถ้าบอกว่าไม่ได้เอากับมัน ก็กลายเป็นว่า โกหกทุกอย่าง โกหกไอ้กะปิ หน้าตาน่าสงสารตรงนี้ไปด้วย แล้วไอ้อาทก็จะดึงดันหาเรื่องต่อไป

'เออ กูชอบปิ’ ทำไมคำนี้มันหลุดจากปากยากนักวะ

"สัส กูบอกแล้วว่าไอ้ต่อไม่เป็นไรกับกู แล้วกูไม่ได้ชอบมันด้วย"

"เหรอออออ ใครถามมึง"

อาทหลังมือเข้าใส่หน้าปิเต็มๆ

กรอบแว่นสีดำกระเด็น ตกลงพื้น ปิหน้าหงายทรุดลงไปกองข้างๆ

"ถ้ามึงไม่ชอบกัน งั้นให้พวกกูนะ เดี๋ยวพวกกู ยัดเยียดความเป็นผัวให้มันเอง"

ปิค่อยๆลุกขึ้นมา ยังพยายามยืนให้ได้ ขาสั่นหน้าแดง ใบหน้าที่ไม่มีกรอบแว่นดำมาบัง ดวงตากำลังรื้นด้วยน้ำ

อย่าร้องนะ

"ถ้ามึงอยากได้เมียมากมาทำกูนี่"

"อารายยย มึงก็อยากได้ผัวบ้างเหรอ" เอก คนหนึ่งในกลุ่มเด็กเวรของไอ้อาทพูดขึ้น

ปิหันมามองหน้าต่อแล้วส่ายหัวช้าๆ

"ต่อมึงอย่ายุ่งดีกว่า กูหวังดีนะ" ไอ้ทีมพูดขึ้นมา

ต่อชูนิ้วกลางให้

กระโดดเข้าต่อยไอ้อาท

แต่ไม่ทัน

มันยื่นแขนมาผลักต่อออกเซล้มลงพื้นไป

"ว่าไง ถ้ามึงยอมรับเป็นผัวเมียกันกูจะเลิกยุ่ง ยอมรับต่อหน้าพวกกูนี่แหละ"

"กูบอกแล้วไง..."

"มึงอยากโดนอีกใช่มั้ย"

อาทง้างมือขึ้น

“หยุด!!!!!!”

"พะ พวก เอ่อ ปิ กะบ กู...."

เสียงมาจากต่อที่โดนลอคแขนโดยพวกทีมจากด้านหลังพูดขึ้น ต่อไม่มองหน้าใคร ราวกับว่ากำลังพูดให้พื้นห้องฟัง

"กู ชอ...”

“ต่อ???” เสียงปิร้องขึ้น

“ไม่เข็ดนะมึงเอาอีกสักทีมั้ยไอ้กะปิ”

อาทเดินส่ายเข้าไปบีบคอกะปิไว้

ปิหน้าแเดง ลิ้นจุกออกมาจากปาก ปากแดงๆ ลิ้นที่ต่ออยากจะชิมรสอีก

“แค่ก”

“พอมึง มันหายใจไม่ออกแล้ว”

“ไม่!!!”

“มึงจะพูดมั้ย ไม่พูดกูจะบีบให้มันตายคามือกูเลย”

“มึงเงี่ยนมากมาลงกูนี่ อย่าไปลองไอ้ปิ กูขอร้อง พวกมึงจะรุมเอากูก็ได้ หมดนี่เลยก็ได้ ปล่อยมันไปเหอะ”

พวกไอ้อาทค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อต่อออกทีละเม็ดๆ ปิยังมองมาทั้งใบหน้ายังงั้น

 ‘อย่ามองมาสิวะ ไอ้กะปิ’

“ปล่อยคอปิได้แล้ว”

เสียงสูดลมหายใจดังขึ้น

“เฮือก” มืออาทคลายออก

คอปิเป็นรอยแดง
แต่สายตายังจ้องมาที่หน้าต่อ

‘อย่ามองมาทางกู ปิ กูที่ปกป้องมึงไม่ได้’

ตอนนี้เสื้อต่อคลายออก เข็มขัดถูกถอดลงไปกองอยู่ที่เท้า มือใครต่อใครกำลังรุมอยู่กางเกงนักเรียนของต่อ

“เล่นอะไรกันน่ะ" เสียงดังกว่ามาจากหน้าห้อง

เอ็ม?

"เล่นอะไรกัน"

"มึงอย่าเสือก"

อาททำท่าจะเดินไปชกหน้าหน้า ปกเสื้อเอ็มอยู่ในกำมืออาท

มือสีแทนกำแน่น

"เอาสิ ลองต่อยประธานนักเรียนอย่างกูดูดิ แล้วดูว่าจะจบยังไง”

เอ็มหันไปมองต่อที่สภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ราวกับโดนข่มขืน

“คิดว่ากูกลัวเหรอ”

เอ็มไม่ตอบ จ้องหน้ากลับไปตรงๆ ก่อนที่จะขยับมือขึ้นมาจับมืออาทช้าๆ แล้วพูดชัดๆ

“นาย ศิ วัส เราว่าฝ่ายปกครองรู้จักนายดีนะ แล้วเรื่องที่นายยกพวกรุมถอดเสื้อผ้าผู้ชายไร้ทางสู้เนี่ย มันคงจะดังไปถึงหูพ่อนายพร้อมๆกับฝ่ายปกครองละนะ สมชายน่ะ เอามึงแน่”

อาทหน้าซีด ไม่เคยเห็นมันเป็นมาก่อน มันกลัวสมชายด้วยเหรอวะ

"ชิ ไปเหอะ"

อาทคลายเสื้อเอ็มออกคว้าของแล้วกำลังเดินจากไปพร้อมกับพวกนั้น

"ปิ"

ไม่มีเสียงตอบรับ ปินั่งหมดแรงอยู่บนเก้าอี้ สภาพไม่ต่างกับกระเป๋าเป้เหี่ยวๆที่ไม่ได้ใส่ของอะไรไว้

"ปิ"

ต่อหันไปจับหน้า หน้าแดงมีรอยช้ำ แว่นคงกระแทกหน้าตอนที่โดนอาทเหวี่ยงมือใส่

ดีที่ไม่เป็นไรมาก ไม่โดนตา

"เหี้ยอาท มึงหันมานี่ดิ กูมีไรจะพูดด้วย"

"มึงยอม....."

ต่อกระโดดถีบเข้าไปทั้งตัว

อาทเซถอยหลังไป

ต่อรีบตามประเคนหมัดเข้าที่หน้าท้อง ส่งให้อาทลงไปงอตัว

'อย่าให้ตั้งตัวได้'

ต่อส่งหมัดขวาเข้าที่ข้างแก้ม

เจ็บมือ แต่ไม่เท่าที่มันทำกับปิ

“มึง!!!”

เสียงสุดท้ายที่ต่อได้ยิน

ลืมพวกนั้นไปซะสนิท

ที่เหลือเข้ารุมต่อทั้งซ้ายและขวา

   สองมือต่อปิดหน้าตัวเองเอาไว้ ภาพที่เกิดขึ้นช้าแต่ไม่ชัด สารเคมีกำลังหลั่ง ทำให้เห็นแต่ละคนเหวี่ยงหมัดเข้ามาคนละหลายทีช้าๆ ตามติดมาด้วยขา และรองเท้านักเรียนสีดำ ถึงจะช้าแล้ว การตอบสนอมของต่อกลับช้ายิ่งกว่า

'ไม่ให้โดนหน้า พี่ต้องจะเห็นไม่ได้'

พลักๆๆ

เสียงเงียบเร็วเกินคาด

มีภาพหลังในชุดนักเรียนสะอาด เรียบเป๊ะของเอ็มขวางอยู้ข้างหน้า

ต่อเหลือบตามขึ้นมอง สิ่งเดียวที่ต่อป้องกันไว้ได้ในวันนี้คือ หน้า

เอ็มกดโทรศัพท์ออกหาครูหัวหน้าชั้น

"เชี่ย จำไว้เหอะมึง”

พวกอาทรีบกรูกันออกไปทางหลังห้อง

"แก้สถานะการณ์ไวนี่"

“แน่นอนกูเป็นประธานนักเรียนนะ"

เอ็มเอามือไปฉุดต่อขึ้นมาจากมุมห้อง

ตอนนี้ต่อรู้สึกราวกับเป็นกระสอบทรายเก่าๆ

ปินั่งทำหน้างงๆมาทางต่อ มันเองคงตกใจ

"ต่อ"

ต่อปัดมือออก

"ไม่เป็นไร นายอะเป็นไรรึเปล่า"

“แฮะๆ ไม่เป็นไร”

ต่อกำหมัดแน่น ยิ่งปิทำหน้ายิ้มแหยให้เท่าไรต่อยิ่งปวดใจเท่านั้น มันเป็นรอยยิ้มที่ปิดบังความเจ็บปวดเอาไว้

ไม่ใช่ออกมาจากความเห่ยของมันอย่างที่พวกอาทเข้าใจ

ปิคงโดนมามาก จนสามารถสร้างรอยยิ้มที่ปกปิดความรู้สึกตัวเองออกมาได้

ก่อนนี้ต่อไม่เข้าใจ ตอนนี้รู้แล้ว

แล้ว... ต่อก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ไม่สามารถรักษาสิ่งที่ต่ออยากเห็นเอาไว้มากที่สุดได้

รอยยิ้มของปิ ที่ไม่ใช่แบบนี้

"กูว่า กูจะจัดการเรื่องนี้เอง"

"มึงเอาไม่อยู่แล้วต่อ กูจะย้ายปิไปห้องอื่น"

ต่อและปิมองหน้าเอ็มพร้อมกัน

"มึงจะไปบอกครูว่าไง"

"ไรก็ได้ มะรืนนี้ก็สิ้นปีแล้วเปิดมากีฬาสีแล้วก็สอบปิดภาค กี่อาทิตย์กันเชียว”

“…” เอ็มพูดถูกจะมีทางไหนดีกว่านี้อีก

ในห้องเงียบไป

"หรือมึงคิดยังไงกับปิกันแน่"

"กูฝากปิกับมึงไว้นะ ถ้าช่วยไม่ได้ ก็ต้องขอคืนละ"

"ปิ"

ต่อเงยหน้าขึ้นมอง

“ต่อเอง... ก็ไม่ได้คิดไรกับเรานี่”

"ถ้าเราอยู่แล้วต่อลำบาก เราก็ย้ายไปก็ได้”

เอ็มบีบไหล่ปิเบาๆ

"ละ  ขอหลังปีใหม่ได้มั้ย"

ต่อกัดฟันพูดขึ้น

"ต่อถ้ามึงไม่ได้ชอบปิ ก็ปล่อยไปเหอะ มึงรู้นี่ว่าปิคิดไงกับมึง สงสารปิมันเหอะ"

ไม่มีคำพูดตอบ

ปิเล่าทุกอย่างให้เอ็มฟังหมดแล้วจริงๆ ต่อก็คงไม่มีอะไรต้องอายอีก

ต่อได้แต่มองหน้าสองคนสลับไปมา

ปากพะงาบ พยายามพูดอะไรบางอย่าง

แต่... ไม่มีเสียง

การบอกชอบคนที่เราชอบต่อหน้าคนอื่นว่ายากแล้ว เป็นผู้ชายด้วยกันยิ่งยากกว่า

"งั้นกูไปส่งปินะ"

ต่อก้มลงไปเก็บแว่นที่กระจกร้าวข้างหนึ่งส่งคืนปิ

มือสั่นเทา อยากจะดึงปิเข้ามากอด แต่ ตอนนี้... ต่อไม่พร้อม ต่อทำอะไรให้ปิไม่ได้เลย จะปกป้องก็ทำไม่ได้ แล้ว... ถ้าเราบอกชอบปิไป มันจะดีเหรอ

ว่าพี่ต้องห่วย กูเองก็ห่วยเหมือนกัน...

ถ้าทำเพื่อปิมันไม่ได้... ก็... ปล่อยมันไป ...​เหรอ

ไม่!!!!

ปิรับไปช้าๆ ราวกับจะถ่วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุด

“เกมต่อเอาไปเล่นก่อนก็ได้” ปิพูด

สองคนนั้นเดินหันหลังออกไป ทิ้งให้ต่อยืนก้มหน้า อยู่ที่เดิม ไม่กล้าแม้จะหันหลังไปมอง

น้ำตาไหลลงอาบหน้า

ตั้งแต่ตอนไหน?

มัวแต่หลงอยู่กับความคิด เผลอร้องไห้ออกมาตอนไหน

มันเจ็บปวดที่สุดตั้งแต่ต่อจำความได้

รู้สึกเหมือนโดนทิ้ง...

ครั้งที่ 2 ที่โดนทิ้ง...

“กูชอบมึงนะปิ"

กูชอบมึงนะ

กูชอบมึงนะ

กูชอบมึงนะ

มือขวากำหมัดต่อยหน้าตัวเอง

‘ทีเมื่อกี้ไม่พูด’

กูชอบมึงนะ

กูชอบมึงนะ

กูชอบมึงนะ

ต่อได้แต่พูดคนเดียว


ไม่มีคนฟังอยู่ในห้องแล้ว
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ปิ ต่อ เอ็ม [pg9] 6/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 07-02-2016 21:25:02
เคี่ยวน้ำตาล หวานหอม เป็นก้อนกรวด
รอให้งวด รวดเร็วช้า กว่าตกผลึก
ต่อลังเล หันเหใจ ในสำนึก
จึงรู้สึก ลึกถลำ ย้ำหัวใจ 

อาการแบบนี้..แรกๆใครก็เป็น
เข้าใจต่อ เข้าใจปิ
ทำอะไรๆๆๆๆๆๆ ก็ทำได้
แต่ทำใจ ยอมรับว่าทำยาก

สู้ๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ทั้งคู่เลย

หลงรักต่อเข้าแล้ว
งงตัวเองเหมือนกัน
อิอิ
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ...ด้วยกัน [pg9] 9/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 09-02-2016 20:15:09
ขอแค่ 5 นาที : ...ด้วยกัน

ฝนตกพรำๆตั้งแต่เมื่อคาบบ่าย แล้วกลายเป็นตกหนักไม่ลืมหูตาเมื่อตอนเย็น ไอ้ฝนที่เหมือนจะชอบแกล้งเด็กในชุดนักเรียนสีขาวบาง

ฝนที่ทำให้เสื้อขาวบางกลายเป็นกระดาษ กางเกงสีน้ำเงินเข้ม เข้มจัดและหน่วงไปด้วยความหนักของน้ำฝนที่ถูกดูดซึมซับเอาเข้าไปไว้ในกางเกง

เย็นวันนี้หลังเลิกเรียนไปแล้ว ฝันยังไม่มีทีท่าจะหยุดเด็กที่ต้องกลับบ้านเองตัวจึงเปียก เปียกทะลุเข้าไปถึงกางเกงชั้นใน

ร่มก็ไม่ได้เอามา

'ไอ้พี่ต้องมันหายไปไหนนะ'

วันนี้เห็นว่าฝนตกหนัก ต่ออยากจะกลับบ้านด้วยซะหน่อย

ดูท่าพี่ชายตัวดีที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ถ้าไม่หนีกลับไปก่อนก็คงจะทำอะไรเพลินอยู่แน่ๆ

ต่อยังเชื่อว่า ตากฝน คือสิ่งสุดท้ายที่พี่ต้องจะทำ

'เป็นหวัดขึ้นมามันลำบาก ค่ายามันแพง’ ไอ้พี่ต้องมันงก

ค่าใช้จ่ายในบ้านต้องถูกจัดสรรอย่างประหยัด

การจ่ายเงินโดยไม่จำเป็นนั้นเป็นสิ่งที่น่าลำบากใจยิ่งสำหรับครอบครัว 3 คน ที่มีรายได้จากเงินที่พ่อผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้ แล้วก็น้าที่พอจะช่วยหารายได้มาเติมได้บ้าง

ต่อไม่ใช่ลูกของน้า ข้อนี้ต่อเข้าใจดี

แย่กว่านั้น เป็นลูกที่ถูกทิ้งเอาไว้ด้วย

ดังนั้นถึงพี่ต้องจะไม่บอกว่าให้ประหยัด ต่อก็เกรงใจ...

'ตกเย็นแม่งก็หายหัวหนีกันไปหมด'

ไอ้อาท ไอ้ทีม ไอ้เอ็ก เอก และที่เหลืออีก 6 ตัว ต่อขี้เกียจจะเอ่ยชื่อแม้ในความคิด

'สงสัยได้กลับเองคนเดียวละวะ'

ต่อยืนมองสายฝนที่ตกลงมาไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง สายฝนห่างแต่เม็ดใหญ่ ละอองหยดน้ำคงจะรวมตัวกันเป็นเม็ดเป้ง แล้วตกแหมะ ฟาดใส่หัวคนที่เดินอยู่นอกชายคา เสียงเปาะแปะ ดังกระหึ่มสลับมาด้วยเสียงฟ้าร้อง

ต่อสูดหายใจลึกๆแล้วสับขาออก

เด็กหลายคนวิ่งเลาะไปตามแนวกำแพงเอาสมุด ไม่ก็กระเป๋าบังหัวไว้ พยายามให้ตัวเปียกน้อยที่สุด

เมื่อผ่านสวน บางคนยืนถือจานกินข้าวไป หลบฝนไป ในเมื่อโต๊ะกินข้าวที่ใช้นั่งมันอยู่กลางแจ้ง ต้นชมพูพันทิพย์สูงใหญ่ใบดกหนาดูจะไม่ช่วยอะไรได้ ซ้ำยังปลิดใบตัวเองร่วงลงมาตามแรงลมฝนเพิ่มความสกปรกลงในจานอาหารอีกต่างหาก

ต่อหันมองไปทางซ้ายมือ ใต้เบอเกอรี่ก็มีเด็กยืนหลบตัวเปียกปอนอยู่เหมือนกัน

คงจะหิว

หันกลับมามองตรงไปข้างหน้า

ปลายเท้าเขย่งจิกพื้นแล้วโดดหยอยๆ

น้ำขังสูง แค่เอาปลายเท้าแตะน้ำก็จะท่วมเข้ามาในรองเท้าอยู่แล้ว

รองเท้าหนังไม่ถูกกับน้ำ รองเท้าหนังที่ต่อต้องทนใช้ไปอีกหลายปี

ไม่เข้าใจทำไมไม่ให้ใส่ผ้าใบมาเรียนนะ สบายเท้ากว่าเยอะ

เมื่อถึงตึกประถม ต่อชะลอฝีเท้าลงหักหลบเข้าใต้ตึก ใต้ตึกประถมเป็นทางเดิน ใช้หลบฝนได้

'ดี พักเปียกสักช่วง'

ต่อสะบัดเสื้อผ้า ไล่ละอองน้ำที่เกาะอยู่ออก มันเริ่มซึมเข้าไปข้างใน แน่แล้วว่ามันจะเปียกซกก่อนถึงบ้านแน่ๆ

มือล้วงกระเป๋าควานหาโทรศัพท์

ไม่มีใครโทรมา ข้อความใหม่ก็ไม่มี

ต่ออกวิ่งต่อ จับรถสองแถว ที่ตอนนี้กำลังจอดรอคนอยู่ ผู้คนบางตาบนรถสีแดงที่สองด้านถูกปิดด้วยผ้าพลาสติกใสกันฝนสาด

เหลือแค่รถเมล์

ที่เหลือต่อต้องวิ่งเองยาวๆจากป้ายรถเมล์ที่อยู่หน้าบ้านแมค เลยไปทางซ้ายอีกหน่อย ถ้าเดินก็ราว 10 นาที วิ่งก็คงสัก 5 นาทีหลบฝนไปด้วย

สำหรับคนเล่นกีฬาอย่างต่อ วิ่งติดๆกัน 5 นาทีเป็นเรื่องง่าย ฝนสิเป็นเรื่องยาก

ความทุลักทุเลกำลังจะจบลง

เมื่อวิ่งหลบสายฝนตกหนักมาตามใต้ชายคาบ้าน ประตูหน้าบ้านอยู่ห่างไปนิดเดียว

มีรถแท๊กซี่จอดอยู่

"พี่ต้อง กลับมาไม่ชวน" ต่อตะโกนถาม

พี่ชายหันร่างมามองทางขวา เสื้อผ้าเปียกไม่แพ้กัน

"อ้าว เห็นว่าเย็น คิดว่าต่อกลับไปแล้ว"

"โทรไปก็ไม่รับสาย" น้องชายตอบกลับงอนๆ

"เอาน่า ยังไงก็ถึงบ้านแล้ว"

ทั้ง 2 รีบไขบ้าน แล้วเอาตัวมุดเข้าไปใต้ระเบียงบ้านที่มีหลังคายื่นออกมาให้เร็วที่สุด

กันสาดหน้าบ้านเริ่มรั่วแล้ว

'คงยังไม่มีทุนไปซ่อม รอไปก่อนแล้วกัน'

ต้องคิดในใจ

แม่ของต้องหรือน้าของต่อ บอกให้รีบขึ้นไปอาบน้ำ

ห้องน้ำที่มีอยู่ห้องเดียวในบ้านหลังนี้ ห้องน้ำที่ต่อใช้ได้

อีกห้องอยู่ในห้องนอนพ่อ ที่ตอนนี้เป็นของน้าไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่พ่อตายจากไป

"พี่ต้องอาบก่อน?"

"อือ ต่อก่อนก็ได้"

สภาพทั้งคู่ตอนนี้ไม่ต่างกัน

"เดี๋ยวพี่อาบห้องแม่ก็ได้"

"ไม่ต้องอะ อาบด้วยกันนี่แหละ"

พี่ชายส่ายหน้า

"เห็นกันมาตั้งแต่เด็กจะอายอะไรอีก"

ต่อถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วลากต้องที่เหลือแค่กางเกงในสีขาวบางแฉะน้ำ ตัวเดียวเดินออกไปทางห้องน้ำ

"น้ายังไม่ขึ้นมาหรอก"

"เออ รีบๆ"

ช่วยไม่ได้ ไม่มีใครอยากเป็นหวัด

เข้าไปในห้องน้ำแคบ สีฟ้าสว่างจากกระเบื้องรุ่นเก่า ตัวสองพี่น้องแทบจะชนกัน ขยับหันนิดหน่อยก็จะชนกันแล้ว

ต้องหันหลังถอดกางเกง ก้นก็จะไปชนกับตัวของต่อ เวลาต่อก้มลงหัวก็จะไปชนเข้ากับหน้าขาต้อง

ตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนก็อาบด้วยกันมาตลอด ต่อชอบเวลาที่พี่ต้องถูสบู่ให้ นายๆทีที่ต่อจะเป็นฝ่ายถูให้พี่ต้องบ้าง พักหลังนี่เมื่ออะไรๆมันเปลี่ยนไปทางร่างกาย ก็เริ่มแยกกันอาบ

"ไม่อาบด้วยกันนานละนะ"

ต่อมองต้องที่กำลังถอดกางเกงในเปียกๆออก

ผ้าเช็ดตัวถูกวางซ้อนกันไว้ตรงที่แขวน

น้ำอุ่นถูกเปิด

ไม่มีท่าทีอาย

พี่น้องแย่งกันเอาหัวไปรองรับน้ำอุ่น ยืนแช่อยู่ใต้สายน้ำให้สบายตัว

"พี่ต้องหันหลังมาสิ"

ฝักบัวถูกหันออก

ต่อกดสบู่เหลวใส่มือ ถูวนๆให้เกิดฟอง แล้วลูบไล้ไปตามหลังยาวๆของต้อง

"ทำไมขึ้นรถแท๊กซี่แล้วยังเปียกได้ละ"

"ก็พี่เป็นคนออกไปเรียกรถน่ะสิ"

"แล้วเพื่อนพี่ที่กลับด้วยละ"

ต่อรู้โดยที่ต้องไม่จำเป็นต้องบอก

“ก็โดดลงรถกลับไปก่อนแล้ว" น้ำเสียงดูไม่สบายใจ

"งี้จะเรียกรถทำไมให้เปลือง ในเมื่อก็เปียกกลับไปอยู่ดี"

"นั่นดิ"

ต่อพูดมีเหตุผล

ต้องได้แต่นึกถาพเก้าที่ทำท่าทางแปลกๆ ไม่อยากให้ต้องลงจากรถ ขยับไปขวางซ้ายทีขวาที จนมือพลาดแทบจะล้วงเข้าไปในกางเกงต้อง ตอนที่เก้านั่งตักนั้นก็ทำเอาแทบจะทนไม่ไหว ของแข็งๆของต้องทิ่มเข้ากับก้นเก้าอย่างจังเล่นเอาอารมณ์แทบระเบิด

ไม่ใช่เข็มขัด ต้องถอดเก็บใส่กระเป๋าตั้งแต่ที่ห้องวิทย์แล้ว ป้องกันสายหนังสีดำโดนน้ำแล้วโป่งร่อนออก

มันเป็นอย่างอื่น แล้วแน่ใจว่า เก้าเองก็รู้ว่ามันคืออะไร

‘… มันน่าเกลียดไปมั้ยวะ เอาไอ้นั่นทิ่มตูดเพื่อน’

ตอนนี้เก้ายังไม่ใช่แฟน แค่เพื่อน เพื่อนร่วมห้องใหม่ที่ต้องรู้สึกดีเป็นพิเศษ อยากแกล้ง อยากเข้าใกล้ และรู้สึกว่า คนแบบเก้าเหมือนมีอะไรให้น่าค้นหา อะไรที่มันดูจะดึงดูดเข้าหากัน

"พี่ต้องหันหน้ามาสิ"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวถูเอง"

"ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่ต้องก็เคยถูให้ต่อ"

"ต่อหันหลังสิ เดี๋ยวพี่ถูให้"

ต่อทำอย่างว่าง่าย

มือพี่ต้องที่ใช้สบู่ลูบไล้ไปตามตัวมันรู้สึกดี เวลานี้ทำให้ต่อรู้สึกเหมือนตัวเองยังเป็นน้องชายคนสำคัญของพี่ต้องอยู่ เป็นคนสำคัญที่ได้สิทธิ์พิเศษ

ผิวขาวนุ่มของต่อ แล้วก็หุ่นนักกีฬาหน่อยๆ มันทำให้นึกถึงภาพของเก้า ถึงเก้าจะไม่เล่นกีฬา แล้วไม่ใช่แบบนี้ แต่เอาเถอะ ความขาวกับขนาดรูปร่างก็พอจะใช้การได้อยู่

สองคนนี้ตัวใกล้เคียงกัน

ความรู้สึกตอนที่เก้านั่งทับกลับมาอีกครั้ง

มันเสียวแปล๊บแล้วก็ควบคุมไม่ได้

"พี่ต้อง .... "

"อยากเหรอ"

"หา" พี่ชายทำหน้างง

ในที่อาบน้ำเล็กๆแคบๆ ที่ตัวสองคนแทบจะติดกันนั้น บางอย่างของต้องได้ชี้ขึ้นทิ่มแทงไปที่ก้นต่อเรียบร้อยแล้ว ของที่ต้องไม่สามารถเก็บซ่อนไว้แล้วควบคุมก็ไม่อยู่

ถ้ามีเสื้อผ้าคงพอปิดบังได้

แต่นี่ตัวเปล่าเปลือย

"พี่ต้อง ต่อทำให้มั้ย"

ต่อนึกถึงตอนที่ต้องอาบน้ำให้

ตอนนั้นรูปร่างของต้องเปลี่ยนไปก่อน ขนบางเริ่มขึ้นตรงส่วนสำคัญ ต่อยังไม่มี

อีก 2 ปีต่อมาเมื่อขนส่วนนั้นของต้องเริ่มหนา ของต่อก็เริ่มขึ้นแซมบางๆ พัฒนาการที่ตามมาติดๆ

ต้องสอนต่อทำความสะอาดส่วนนั้น

เมื่อตอนที่ต้องอาบน้ำให้ต่อก็จะถูไปทั่วตัวให้ แต่ไม่ได้บอกว่าการทำความสะอาดนั้นทำยังไง นานๆทีที่เมื่อต้องถูไปถึงส่วนนั้น ทำให้ต่อเริ่มมีการตอบสนองขึ้นมา

แล้วต้องก็จะหยุด ต่อยังเด็กเกินไป

พอเริ่มเห็นว่าต่อโตขึ้นต้องก็ทำท่าจะสอน ดูเหมือนว่าจะไม่ทันซะแล้ว

'พี่ต้อง ต่อรู้'

ทุกทีต้องจะอาบน้ำถูตัวให้ รวมถึงล้างให้ด้วย

'สอนต่อชักว่า..ให้สนุกดีกว่า'

น้องชายนิสัยไม่เหมือนพี่

ต้องท่าทางเก้กัง จะบอกไม่เคยก็ยังไงอยู่ แต่จะให้สอนน้องแบบตัวต่อตัว ทำกันต่อหน้าต้องก็ไม่กล้า

สุดท้ายต้องก็ทนการรบเร้าไม่ไหว

ซ่า เสียงน้ำสาดเข้าที่หน้า เรียกสติต้องกลับมา

"วันนี้พี่ต้องอยาก ต่อทำให้ก็ได้"

ต่อหันหลังพลิกตัว ผลักต้องออกติดกำลัง

มือขาวๆ รีบคว้าหมับเข้าต้องส่วนนั้น แล้วใช้สบู่จับลูบให้ทั่ว ลื่นจนต้องรู้สึกเกร็ง มันเสียวเกินกว่าต้องจะทนได้ ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย

มือของคนอื่น น้องชายตัวเอง

"ต่อ"

ต้องร้องทักเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะส่ายหัว

"พี่ต้องไปเจอไรมาเหรอ"

ต้องไม่ตอบ ภาพบนรถยังติดตา ความรู้สึกยังชัดเจน

“เพื่อนพี่คนนั้นใช่มั้ย"

ต่อกระตุกมือขึ้นสุดสองสามที เล่นเอาต้องตัวเกร็ง เผลอสูดลมหายใจเสียงดัง

ต้องไม่ตอบ กำลังเพลิดเพลินอยู่กับจินตนาการ

เมื่อไม่มีคำตอบ ต่อคิดจะเปลี่ยนวิธีใหม่

โถมตัวเข้าใส่จากข้างหลัง กดต้องเข้ากับกำแพงแน่นกว่าเดิม

"พี่ต้อง อย่าเป็นผู้ชายได้มั้ยพี่”

ปกติ นัดเจอผู้หญิงกี่ครั้งก็ไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้

หลังๆพี่ต้องเปลี่ยนไป ดูจะอารมณ์ดีมากขึ้น พูดคุยกับต่อน้อยลง บ่อยครั้งที่เห็นว่า พี่ต้องเล่นสนุกอยู่กับเพื่อนร่วมห้อง มีเพื่อนใหม่ที่เข้ามาในกลุ่ม คนที่ต่อไม่เคยจะเห็นหน้ามาก่อน

จนกระทั่งวันที่ครูเรียกพี่ต้องไปว่า

‘แม่ง พี่ต้องไปต่อย ไอ้คนนั้นทำไมวะ เรื่องตัวเองก็ไม่ใช่’ ต่อถึงเริ่มเอะใจ

ต่อขยับมือเข้าออกรัวๆ

ซบหน้าลงกับหลังของต้อง แล้วใช้ลิ้นไซร้ที่ซอกคอ

"ถ้าพี่ต้องอยาก ต่อช่วยเอง"

ส่งผู้หญิงไปให้ตั้งหลายคน จะมาลงเอยกับผู้ชายเนี่ยนะ

มือขวายังคงรูดขึ้นลงเร็ว ส่วนมือซ้ายเริ่มไม่อยู่เฉย คลำเปะปะ ไปตามจุดต่างๆบนร่างกาย

ถ้าไม่ใช่ตัวพี่ต้อง ต่อก็คงจะไม่ทำ ความคิดที่จะจับของผู้ชายด้วยกันไม่เคยมีมาก่อน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำยังไง ผู้ชายถึงจะชอบ

"อุ .. เดี๋ยวต่อ"

ต้องสะบัดตัวออกหันกลับมา

ก้มลงมองส่วนนั้นที่ผงกหัวแรงๆ เต่งตึง พร้อมจะปล่อยบางอย่างออกมา

หอบหายใจแรง

“ต่อมีคนที่ชอบมากๆมั้ย”

ต่อส่ายหัว...

“มีคนที่เคยคิดว่า อยากดูแล อยากปกป้องมั้ย”

ต่อก็ส่ายหัว นอกจากพี่ต้องแล้ว ก็ไม่มี

ต่อกำลังเผลอ

ต้องจึงขบลงเบาๆที่ต้นคอของต่อ ส่วนนั้นของต่อกำลังชี้ตรงไปข้างหน้า ฟาดเข้ากับของต้องเกือบจะพอดี ถ้าไม่ใช่ด้วยความสูงแล้วละก็

สองพี่น้องจึงแลกของกันและกัน ต่างจับแล้วโยกของอีกฝ่าย เร็วและแรง

ใครออกก่อนแพ้สินะ

จะแข่งกันยังงั้นเหรอพี่ต้อง

ต้องที่เปลี่ยนเป็นยืนขนานอยู่ข้างๆแอ่นเอวยื่นมันออกไปให้เด่นชี้ขึ้นสูง แท่งนั้นทิ่งแทงออกไปจากลำตัว ราวกับแท่งหนามสีแดง ขนาดเต็มกำมือ ร้อน ส่วนปลายที่ยื่นออกมามันลื่นเหนียว

ต่อเองก็ทำแบบเดียวกัน แต่ขนาดเล็กกว่า ข้างหน้ามีมือที่ไขว้กันอยู่ซอยเข้าออกรัวๆ

ต่อซบลงที่ไหล่ของต้องก่อนสายตาจะประสายกัน

จูบแรกของพี่น้องก็เกิดขึ้น

ตามมาด้วยเสียง ซี๊ด แรงๆของต่อจนต้อง ต้องใช้ปากครอบไว้เพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดออกมา

มือที่ว่างอยู่เริ่มเข้าช่วย ทำทุกอย่างให้อีกฝ่ายเสร็จก่อน

ปากซุกไซร้ไปตามร่างกายของอีกฝ่าย เมื่อเห็นฝ่ายนึงเริ่ม อีกคนก็ทำตาม

เสียงน้ำไหลดังในห้องน้ำช่วยกลบเสียงของกิจกรรมแข่งขันระหว่างพี่น้อง

มือเริ่มกำแน่น รูดเร็วแรง เพื่อเรียกความเสียวจากอีกฝ่ายให้มากที่สุด ในหัวของต้องมีแต่ภาพเก้าที่อยู่บนรถแท๊กซี่ ก้นที่น่าจะขาวเหมือนตัว นั่งทับอยู่บนตัก สะเทือนขึ้นลงตามจังหวะรถ

หันไปมองก้นต่อ ก็คงจะคล้ายๆอย่างนั้น

แต่นี่ยังไงก็น้องชาย จะจับหันหลังเลยไม่ได้

ต่ในหัวว่างเปล่า กำลังตื่นเต้นกับเรื่องตรงหน้า ไม่เคยทำกับใครมาก่อน นอกจากวันนั้นที่แหย่ให้พี่ต้องสอน แล้วพี่ต้องก็ทำจริงๆแล้ว ไม่เคยจะสนใจอวัยวะเบื้องล่างของผู้ชายด้วยกันอีก

จนมาวันนี้ ของพี่ต้อง...

เสียงหายใจ ดังขึ้นอีก จนต้องใช้วิธีเดิมในการปิดปากน้องชายตัวแสบ

เพียงเท่านั้นที่ปากสัมผัสกัน ต้องรู้สึกได้

ตัวต่อเขย่งเกร็ง

น้ำของต่อกำลังจะมา พี่ที่มีประสบการณ์มากกว่ารู้ดี

ต้องเลยรีบเร่งของมือ ทำให้ต่อต้องเร่งตามด้วย

ต่อหยุดมือแล้วโผเซเข้าใส่ต้อง เอวแอ่นยกสูง

ปล่อยน้ำอุ่นๆพุ่งเข้าใส่กำแพง

กระตุกแรงๆ

1 ครั้ง

2 ครั้ง
.
.
4 ครั้ง

ต่อดูท่าจะหมดแรง

ต้องหยุดมือ

ต่อเข่าอ่อน แต่ไม่ ต้องยังไม่เสร็จ

ต้องทำท่าจะล้างคราบออก

"เดี๋ยว"

ต่อเข้าขบที่หัวนมต้อง ปล่อยให้ส่วนของต้องที่ยังไม่อ่อนดีต้องกลับขึ้นมาอีกครั้ง

คราวนี้สองมือต่อช่วยกัน รูดเข้าออก อีกมือใช้ฝ่ามือนุ่มๆถูที่ปลายรอยแยกไว้ด้วย

ได้ผล

ตัวต้องเริ่มอ่อน เหมือนหมดแรงขัดขืนยกเว้นส่วนนั้น

ต่อยิ่งได้ใจ ทำเร็วขึ้นอีก

ต้องปัดมือต่อออก

น้ำถูกฉีดออกมา แรง และ ข้นกว่าของต่อ ไปไกลกว่า สูงขึ้นไปบนกำแพง

ต่อปล่อยมือออกค้างไว้

เพิ่งเคยเห็นพี่ชายตัวเองเป็นแบบนี้  รวมถึงผู้ชายคนอื่นด้วย

ต้องรีบสาวต่อเองอย่างหยุดไม่ได้ ถ้าจะออกมาแล้วก็เอาให้สุด

ครั้งที่ 2 3 - 6

จนสุดท้ายมันหยดย้อยไหลเลื่อนไปบนมือของต้อง

"พี่ต้อง ... ถ้าจะเป็นก็หาที่ดีกว่าคนนั้นเถอะนะ"

ต้องไม่ตอบอะไร รีบอาบน้ำล้างตัว ล้างให้ต่อด้วย

กลับเข้ามาในห้อง ต่อนั่งให้ต้องเช็ดหัวจากข้างหลัง

ผมดำที่ยังไม่แห้งดี ส่งกลิ่นหอมแชมพูอ่อนๆออกมา

"ต่อ พี่ขอโทษนะ”

ต้องรู้สึกผิด ต่อเองก็รู้สึกผิดเหมือนกัน พี่น้องคนละแม่ก็จริง ถึงอย่างนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน จะมาทำแบบนี้มันก็ไม่ใช่

…ถ้ามันจะผิด ก็ให้ต่อผิดคนเดียวเถอะ เพราะมันผิดตั้งแต่ที่ต่อเกิดมาแล้ว

ต่อส่ายหัว

"พี่ต้องนอนเหอะเดี๋ยวเป็นหวัดนะ ต่อก็จะนอนแล้วละ"

ในห้องที่มืดมิด เสียงฝนข้างนอกยังดังเข้ามาอยู่ หยดน้ำที่กระทบกับกันสาดอลูมิเนียมดังก๊องแก๊ง

ต้องนอนไม่หลับ

ต่อเองก็น่าจะเป็นเหมือนกัน

ยิ่งต่อได้เริ่มทำแบบนี้ไปแล้วด้วย

ช้าไปแล้วสินะ... พี่น้องคนสองที่มีเรื่องอย่างว่าด้วยกัน

ต่อนอนอยู่ข้างๆ สมองที่กำลังจะปิดตัวลงเพราะความง่วงงุน ภาพสุดท้ายที่ติดอยู่ในหัวคือ ภาพของพี่ต้องที่ฉีดน้ำขาวๆออกมา ต่อทำให้มันเกิดขึ้นมาได้ไง

'ถ้าต่อชอบใครสักคน?’

"พี่ต้อง พี่เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพ่อของต่อนะ ... ต่อไม่ทันพ่อรู้แต่ว่าต้องอยู่ที่นี่ น้าเองถึงจะดีกับต่อแต่ก็รู้สึกได้ว่า ยังไงต่อก็ไม่ใช่ลูก แถมเป็นลูกของคนที่แย่งพ่อไปอีก มีพี่ต้องที่คอยดูแลมาตลอด... "

ถึงตรงนี้ต่อเงียบไป

“ถ้า.. พี่ต้องจะชอบแบบนี้ต่อก็คงห้ามอะไรไม่ได้ ต่อเห็นพี่ต้องเป็นแบบอย่างนะ”

ทำไมต่อถึงรู้สึกพอใจกับภาพพี่ต้องแบบนี้ หรือเป็นเพราะคนนั้นคือพี่ต้อง

ต่อชอบพี่ต้อง?

ซวยละสิ

ต่อหยีตาปิดให้สนิท ไม่มีทาง บ้าแล้ว

เพื่อว่ามันจะหลับลงได้บ้าง

ต้องพลิกตัวมามองหน้าต่อ

"ต่อ ถ้าคนที่ต่อชอบ คนที่ต่อคิดว่าเข้ากับเค้าได้ แล้วเราอยากอยู่ใกล้ๆเค้าเนี่ย... แต่เค้าเป็นผู้ชายจะทำยังไง”
.
.
.

ต้องหันมากอดต่อเอาไว้

ต่อไม่ตอบ

คงจะหลับไปแล้ว

และต้องก็ไม่ถามต่อ

“ขอโทษนะ ต่อ”

ต้องรู้สึกผิดที่ มีอะไรกับต่อ และ รู้สึกผิดที่... ท่าทางต้องจะชอบผู้ชาย ที่ชื่อ เก้า เข้าจริงๆซะแล้ว


‘ถ้า ต่อ มีคนที่ชอบ คนที่อยากปกป้องเหรอ’

ต่อคงจะเด็กเกินกว่าจะเข้าใจ ความหมาย คำพูดนี้เหมือนตะกอนลอยคว้างอยู่ในใจต่อไปเรื่อยๆ ค่อยจมๆดิงลงไปในจิตสำนึก

เก็บมันเอาไว้ในก้นบึ้ง

 กว่าต่อจะเข้าใจความหมาย ก็อีกปีต่อมา
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ...ด้วยกัน [pg9] 9/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 10-02-2016 14:07:21


ก่อนอื่น ขอโทษด้วยค่ะที่เพิ่งโผล่หน้ามาวันนี้ จริง ๆ เราควรจะได้เจอกันอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งเนอะ
เราติดพันกับนิยายตัวเองอยู่ค่ะ กว่าจะเขียนเสร็จก็ลากยาวมาถึงวันอังคารที่เป็นวันเมนท์นิยายประจำสัปดาห์เสียอย่างนั้น
อย่าเพิ่งใจเสียนะคะ เราอยู่นี่ค่ะ ไม่ได้ไปไหนเลย... มาให้กอดหน่อยซิ คิดถึงจัง ^^ (เปลี่ยนเรื่องแบบเนียน ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

อ่านตอนล่าสุดแล้วรู้สึกเหมือนกำลังดูซีรี่ย์ฮอร์โมนอยู่ยังไงยังงั้น
คือ ความรู้สึกแรกตอนอ่านจบนี่เราแอบช็อกนิดนึงนะคะ... กับเรื่องที่ลูกพี่ลูกน้องช่วยกันส่งอีกฝ่ายไปยังฝั่งฝันน่ะค่ะ
ก็เข้าใจแหละว่ามันเกิดขึ้นได้ และมันอาจจะกำลังเกิดขึ้นจริง ๆ ในหลาย ๆ ที่ของโลก แถมผลสุดท้าย พี่น้องคู่นั้นก็จะใช้ชีวิตเหมือนเดิมตามปกติ ไม่ได้ติดใจ ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรทั้งสิ้น

แต่ก็เอาเถอะ... เพราะตัวละครในเรื่องนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แถมออกจะเป็นสีเทา ๆ กันเกือบทุกคนด้วยซ้ำ เราก็ได้แต่ทำใจยอมรับการกระทำของพี่น้องต้องต่อไปอย่างติดใจหน่อย ๆ อย่างไรก็ดี... เราเข้าใจว่า เพราะเหตุการณ์ในห้องน้ำนี่ จะช่วยทำให้ต้องรู้ใจตัวเองอย่างชัดเจน พร้อม ๆ กับทำให้ต่อตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวเองกับปิอย่างจริงจังหลังจากผลัดวันประกันพรุ่งอยู่นานสองนาน เราก็ทำใจยอมรับได้ค่ะ

ืที่เราเขียนมาทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าเราไม่ชอบหรือตั้งแง่กับนิยายเรื่องนี้แต่อย่างใดนะคะ กลับกัน... เราว่าเรายิ่งชอบในความสมจริงของมันขึ้นเรื่อย ๆ อ่านแล้วก็รู้สึกว่า เออ... มันเรียลดี ไม่มีใครชั่วตลอดกาล ไม่มีใครดีตลอดไป ใครต่อใครมันก็ดิ้นรนเพื่อไขว่คว้าหาตัวตนและความสุขเหมือน ๆ กันไปหมด

รออ่านตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อเหมือนเดิมค่ะ อยากรู้ว่าต่อมันจะไปทางไหน.. จะเอาไงกับชีวิต
เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^  :กอด1:





หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ...ด้วยกัน [pg9] 9/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 10-02-2016 23:05:14
อุต๊ะ
มันเป็นแบบนี้นี่เอง

ถึงแม้ว่าจะคนละแม่
แต่พ่อเดียวกันก็คือพี่น้อง
เพราะสืบต่อพันธุกรรมเดียวกัน

เฮ้ออออออ..เจอแบบนี้ก็ไปไม่ถูกทางน่ะ
ไม่รู้จะพูดอะไรดี มันคืออ่านแล้ว งง..งง
ถึงจะแค่ช่วยกันภายนอกก็เหอะ มันแปลกๆ

หุหุ ประหลาดใจกับเรื่องที่เฉลยออกมาของต้องกะต่อ
อย่างที่เคยบอกไว้จริงๆ ล่ะว่า ให้รออ่านถึงตอนนี้แล้วจะรู้

ขอบคุณ
ตอนนี้ก็รู้แล้ว
ถึงกับแต่งกลอนไม่ออกไปเลย
หึหึ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ...ด้วยกัน [pg9] 9/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 11-02-2016 19:02:06
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเสมอนะครับ ทั้งสองคนเลย Malimaru และ คุณ Broke back

จริงๆแล้วตอนนี้ว่าจะไม่เอาลงก็ได้...  เพราะดูแล้วมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร นอกจากจะบอกได้แค่ว่า ต้องกับต่อสนิทกับมากกว่าพี่น้อง ... แน่นอนว่าทั้งสองคนยังรักกันแบบนี้พี่น้อง

พ่อที่จากไปทำให้ทั้งสองคนเป็นเหมือนผู้ชายสองคนในบ้านหลังนี้ ที่โตไปด้วยกัน เรียนรู้สิ่งต่างๆไปด้วยกัน...
ต่อจึงรู้สึกดีกับต้องมาก จนแยกไม่ออกมามันคืออะไร ส่วนต้องก็เห็นต่อเป็นน้องชายทูนหัว อยากได้อะไรให้ได้ให้หมด ทั้งสองคนผสมด้วยความ เงี่ยน เข้าไปมันก็เลยเป็นแบบนี้แหละ

ขอโทษที่ใช้คำหยาบ ผมว่ามันชัดเจนที่สุดแล้ว

ป.ล. .. รร.ชายล้วนน่ะ พี่น้องทำแบบนี้มันถึงจะไม่ปกติ แต่ก็มีมาเนืองๆนะเออ
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ปิ เอ็ม [pg9] 14/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 14-02-2016 19:54:58
ปิ...

พวกอาทที่อยู่ข้างหน้าหายไปหมดแล้ว ไม่มีเสียงโวยวายขึ้นมาให้ได้ยินเลย

ปิเลยได้เดินตามเอ็มไปอย่างไม่ต้องกลัวว่าจะเจอพวกนั้นอีก

ทางเดินในตึกตอนนี้เงียบและโล่ง เรื่องมันเกิดขึ้นนานขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าบังเอิญเป็นใจที่ใกล้สิ้นปีแล้ว ใครๆก็คงอยากกลับบ้าน ประตูตามห้องเรียนปิดสนิท ไฟปิดมืด

หันหลังกลับไปมองไม่เห็นต่อเดินตามออกมา

ใจเป็นห่วง ต่อจะยังดีอยู่มั้ย ไม่เคยเห็นต่อเป็นแบบนี้เลย ที่ผ่านมามักจะกระโดดออกมาข้างหน้า แผ่นหลังของต่อถึงจะเล็กแต่มันก็สร้างความอบอุ่นให้ปิได้เสมอ

ปิไว้ใจต่อมาตลอด รู้ทั้งรู้ว่าสักวันหนึ่งมันต้องเจอบอสที่สู้ไม่ไหวสิน่า...

ก็ไม่คิดว่า ต่อ จะเป็นถึงขนาดนี้

“ปิ โอเคมั้ย”

เอ็มเข้ามาจับไหล่ปิ ลูบหลังสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้โดนที่ตัว”

หน้าขาวซีดตอนนี้ไม่ได้แดงจากเลือกฝาด แต่เป็นรอยแดงจ้ำๆที่เหนือสันจมูก ระหว่างตาทั้งสองข้าง แป้นจมูกของแว่นคงจะกระแทกเข้าที่หน้า ตัวแว่นกันมือของไอ้อาทไว้ มันจึงฝากได้แค่ฝังรอยแดงๆจากแป้น

คงพอจะบอกใครได้ว่า โดนบอลอัดหน้ามา ...

ถ้าเป็นลูกบอลจริงๆก็ดีไป แต่นี่เป็นคน

คอขาวๆของปิก็เป็นรอยนิ้วสีแดง ไอ้อาทคงจะบีบเต็มแรงจริงๆ

“เดี๋ยวเราจะจัดการให้เองปิ” เอ็มที่เดินอยู่ข้างๆพูดขึ้น
   
“จะไม่ให้มันมาจับต้องตัวแกได้อีก”

“ขอบใจนะเอ็ม” ต่อยิ้มแหยๆ

เอ็มเอามือไปลูบหัว

“ถามจริง... ชอบต่อมันขนาดนั้นเลยเหรอ”

ปิหยุดเดิน ตัวสั่น...

“อย่าร้องดิ เราแค่ถาม”

ปิก้มหน้า แต่ก็ยังพยายามพยักหน้า

“เฮ้อ”

เอ็มได้แต่ระบายลมหายใจยาวออก

“หนาวแล้ว เอาเสื้อไปใส่ไป”

ปิไม่ได้ตัวสั่นจากความหนาว แต่เอ็มก็ไม่สามารถทำอะไรให้ได้มากว่านี้

ปีนี้ที่พยาการณ์อากาศบอกว่าจะหนาวเป็นพิเศษ มันทั้งหนาวและลมแรง แต่สภาพปิตอนนี้ไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับความเย็นมารบกวนใจ มันร้อนไปหมด

เสียงกระทบของแผ่นข้อความ Happy New Year ตามแรงลมพัดให้ตีกับบอร์ด ดังเปาะแปะอยู่ใกล้ๆ

ในตอนนี้....

“เอ็ม ... ปิไม่น่าอ่อนแอเลยเนอะ”

“ไม่เกี่ยวหรอก”

“ไอ้พวกบ้านั่นเยอะขนาดนั้น แล้วดูนายสิจะเอาไรไปสู้”
   
“เลือดคงไม่เลี้ยงไอ้จู๋มันละมั้ง หรือไม่ก็ไปเลี้ยงสมองน้อย ดูโง่เชียวใช้เป็นแต่กำลัง” เอ็มหมายถึงอาท

“อือ...”

“แกก็ซวยนะ เปรียบกับใครไม่เปรียบ ดันมาเป็นแก มันเลยยิ่งแค้น จะแก้แค้นให้อายเมื่อไหร่ก็ได้ พวกเด็กมีปมนี่น่ากลัวนะ”

“ขอบใจนะ”

ปิ ตอบแกนๆ

คำพูดปลอบใจแบบนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าไร

“นี่ปิ ต่อมันไม่คิดจะยอมรับแกใช่มั้ย”

ปิส่ายหัว

“ให้เวลาเค้าหน่อยดิ”
   
“แกนี่น้า ทีอย่างนี้ละทำเป็นเก่ง เข้าใจคนอื่น เอาเวลาไปคิดหาทางเอาตัวรอดก่อนมั้ย”

ปิยิ้มแหยๆให้อีกแล้ว

“แฮะ ไม่หรอก ต่อมันปากหนัก ดูก็รู้แล้ว”

“อือ”

“รู้ใจกันดีเหลือเกินนะปิ มันจะหนักไปถึงเมื่อไหร่ละ”

“เอ็มไม่สบายใจเหรอ”

“เฮ้อ ปล่าวหรอก เราห่วงนายน่ะ แล้วนายก็รู้ว่าเราคิดอะไร”

“ขอโทษนะ”

เอ็ม ส่ายหัว

“ลงล่างกันเหอะ”

ปิรู้ว่า ต่อ เองก็รู้สึกอย่างเดียวกัน สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีแค่รอเวลา รอจนกว่าต่อจะกล้าเปิดใจยอมรับในตัวเอง ยอมรับปิเข้าไปในชีวิตต่ออย่างเต็มตัว

สงสัยจะรับไปเป็นภาระมากกว่า

ปิหัวเราะให้กับตัวเอง

แต่ถ้าถึงคราวนั้นขึ้นมา ต่อยังปฏิเสธจริงๆ ปิก็ไม่ว่าอะไร ปิชินแล้ว จะมีใครมาชอบคนแหยๆ อย่างปิ คนที่ไปไหนก็ชอบมีคนมาแกล้ง ต่อคงจะเหนื่อยแล้วก็ลำบากถ้าจะมาดูแลปิ

‘ต่อคงต้องเจองานช้าง เราเหมือนกระสอบทรายเดินได้นี่นะ’

‘เค้าก็อาจจะเปลี่ยนใจ ไม่เอาเราก็ได้ละมั้ง’

‘ช่างมันเถอะ ถ้าต่อเค้าจะไม่เอาเรา’

วันนี้ได้ตอกหน้าพวกอาทกลับไปก็สนุกดีเหมือนกัน

แฮะๆ เป็นครั้งแรก ปิเองก็ไม่คิดว่าจะกล้าเหมือนกัน

แต่ความสุขนี้มีราคาแพง บอสตัวนี้โหดเกินกว่าจะเข้าไปสู้ด้วยง่ายๆ

แว่นตากับสภาพโดนบีบคอเกือบตาย ไม่คุ้มเท่าไร ต่อเองก็โดนเข้าไปด้วย ยิ่งทำก็ยิ่งมีแต่จะเลวร้าย ทั้งหมดทำไปเพราะคำพูดต่อ

ไม่

‘ไม่เกี่ยวว่า จะสู้เพื่อจะได้เอาต่อ’

ปิ ไม่อยากเป็นภาระให้ต่ออีกแล้ว

‘พวกมันจะไม่ได้แกล้งเราอีก’

ถ้าต่อไม่ต้องปกป้องปิ แล้วต่อจะยังทำตัวเหมือนเดิมมั้ยนะ

‘เรื่องได้เอาต่อน่ะ มันของแถม ... แต่ก็อยากลองเหมือนกันนะ’

พรุ่งนี้เรียนวันสุดท้ายแล้ว

แปลว่าปิมีเวลาเหลือกับต่อที่ห้องเรียนนี้อีกแค่ 1 วัน

“เอ็ม ถ้าเราย้ายห้องมันจะช่วยได้จริงๆเหรอ”

เอ็มส่ายหัว

“ไม่รู้อะ ดูท่าทางพวกนั้นแล้ว มันก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากแกล้งคนไปวันๆอยู่แล้วด้วย เดี๋ยวจบม.3 พวกนั้นก็คงย้ายไปสายอื่น ห่างกันเข้าไปอีก”

“แต่กว่าจะเปิดเทอมหน้า พวกนั้นก็คงลืมๆไปบ้างแล้วละ”

“ปิไม่อยากแยกจากต่อใช่มั้ยละ”

ราวกับเอ็มรู้ความคิด

“ยังไงหลังเลิกเรียน ต่อก็มารอเจอได้ ไม่เป็นไรหรอก”

“ปิ ต่อมันก็ช่วยมาเยอะนะ แต่ดูแล้วต่อไปมันไม่น่าจะไหวนะ”

“ไม่รู้สิ”

ปิส่ายหัว

“เราทำให้พวกนายลำบากเนอะ”

“เฮ้ย อย่าคิดยังงั้นดิ”

“เอ็ม ขอบใจนะ ถึง...”

“ช่างเหอะ” เอ็มรีบตัดบท

“ปิ ขอเบอร์ต่อหน่อยดิ”

“จะเอาไปทำไมอะ”

“ก็เผื่อมีอะไรน่ะ”

“อือ ก็ได้”

“งั้นเราไปนะ”

เอ็มมาส่งปิถึงรถที่มารับ

สนามบอลวันนี้ก็โล่ง ไม่มีใครที่จะมีจิตใจซ้อมกีฬาสีหรือทำอะไรทั้งนั้น ใกล้สิ้นปีอย่างนี้ ถ้าไม่กลับไปอยู่กลับที่บ้านก็คงไปอยู่ตามห้างกับแฟนกันหมดละนะ

“ไม่ไปด้วยกันเหรอ”

“ไม่อะ”

เอ็มปิดประตูแล้วโบกมือให้

รถแล่นออกไปช้าๆ ค่อยๆเร่งความเร็วขึ้น ผ่านสระว่ายน้ำ ทางขวามือมุมนั้นที่อาทจัดการกับปิ พยายามให้ได้อายเป็นครั้งแรก แต่ก็พลาดเพราะต่อมาขวางซะก่อน

ด้านซ้ายเป็นสวน ที่ๆ ปิได้ทำความคุ้นเคยกับต่อให้มากขึ้น เป็นที่ๆนัดเจอกันหลังเลิกเรียนประจำ ต่อเริ่มรู้ตัวว่าสู้อาทไม่ได้ก็ที่นี่ เครื่องเกมเกือบพังก็เพราะอาททำตกน้ำ

อาทมาบอกกับปิทีหลังว่าไม่ได้ตั้งใจ นี่ขนาดไม่ตั้งใจนะ

ก่อนรถจะออกหน้าประตูโรงเรียนไป ตีกประถมอยู่ซ้ายมือ ที่สวนเล็กๆข้างล่างมีซุ้มต้นไม้ในกระถางวงกลมใหญ่ๆอยู่ ด้านนอกก่อปูนปูกระเบื้องออกมาเป็นเก้าอี้วงกลมรอบกระถาง

ปีที่แล้วพวกต่อนั่งดื่มน้ำอยู่ใต้ต้นไม้พวกนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้วงกลมรอบกระถางนั่น

ปิกับเพื่อนเดินผ่านไป พวกปิกำลังคุยกันเรื่องเกมอย่างสนุกลืมมองทางข้างหน้าไป ชนเข้ากับแจค คนหนึ่งในกลุ่มที่ตอนนี้โดนแยกไปอีกห้อง

‘ระวังหน่อยดิ ไม่งั้นมันจะหกโดนตัวเอาได้’

แจคราดน้ำแดงใส่หัวปิ

น้ำแดงเหนียวๆไหลย้อยจากหัวลงมาที่หน้า ไหลเป็นเส้นแดงๆยาวลงไปที่เสื้อ น้ำสีแดงพอโดนผิวขาวๆของปิมันกลายเป็นสีชมพู

‘เฮ้ย พวกมึงทำไรนะ’

สักคนฝั่งปิพูดขึ้น

‘ทำไมจะมีเรื่องเหรอ ไอ้นี่เดินชนกูก่อนนะเว้ย’

‘แค่ชนต้องราดเลยเหรอ มึงตั้งใจชัดๆ’

‘อุบัติเหตุเว้ย อุบัติเหตุน่ะ’

‘ไปเหอะ’

ปิยิ้มแหยๆให้

‘ไรวะ แค่นี้ก็ไม่สู้เหรอ ตุ๊ดป่าวเนี่ย’

‘เฮ้ย มึงพูดถึงใครพูดดีๆนะ’

เอ็มวิ่งเข้ามาขวางปิกับพวกนั้นไว้

‘ไอ้ประธานนักเรียน เสือกไรด้วย’

ปิ ยิ้มแหยๆ จูงมือเอ็มเดินออกไป

ทำไมอยู่ๆนึกถึงเรื่องเก่าๆขึ้นมาได้นะ ไม่มีเรื่องดีๆบ้างเหรอ มาเรียนก็สนุกดีนะ แต่มันก็ได้แค่ปีเดียว พอขึ้นห้องใหม่ คนที่เคยรู้จักก็แยกกันไปหมด มีปิมาห้องนี้คนเดียว กลายเป็นเป้าให้พวกนั้น เมื่อไม่มีกลุ่มมันก็เหมือนปลาแตกฝูง ใครที่แยกออกมาตัวเดียวก็มีโอกาสโดนกินก่อน

1 ปี มันนานเกินไปรึยังนะ

เดี๋ยวก็หมดเทอมแล้ว ปิได้แต่บอกให้ทนเอาไว้ อีกนิดเดียวจะขึ้นชั้นใหม่ เดี๋ยวก็แยกกันแล้ว

ถ้าไม่ทนตอนนี้... ปิอาจจะไม่ได้มีต่อที่คอยปกป้องอีกเลยก็ได้...


   
   

เอ็ม...

เอ็มยืนมองรถวิ่งออกไปไกลจนพ้นสายตา ปล่อยให้รถวิ่งผ่านออกไป ไม่งั้นเจ้าตัวหันกลับมาเห็นว่าเอ็มยังไม่ยอมกลับ เดี๋ยวมันจะโวยวายทีหลัง

ขี้เกียจจะฟัง

ไอ้พวกบ้าพวกนั้นนี่มันเล่นแรงเกินไปแล้วจริงๆ ไม่มีทางที่จะจัดการได้ง่ายๆด้วย นิสัยปิไม่ใช่คนที่เอาไปฟ้องครู หรือยืนร้องไห้ใครช่วยเด็ดขาด

เดี๋ยวพรุ่งนี้จะ ไปฟ้องให้หมดทั้งชั้นเลย เอาตั้งแต่ ฝ่ายปกครองยันครูประจำชั้นเลย

ปีที่นอกจากน้ำแดงแล้วปิ ก็ไม่ได้โดนอะไรอีกเลย

ปีก่อนๆ ที่ผ่านมา ปิก็ไม่เคยจะร้องไห้ให้เห็นสักครั้ง ไม่ใช่แค่เรื่องแกล้ง เรื่องเสียใจอะไรก็ตามแต่

รอยยิ้มประจำจะปรากฎขึ้นบนใบหน้าขาวที่ดู ’ไร้เดียงสาราวกับตัวละครเลเวลน้อย’

ปิชอบแทนตัวเองว่า ตัวละครเลเวลน้อยประจำ น้อยจนสู้กับสัตว์ประหลาดในดินแดนสนธยาแห่งนี้ไม่ได้

‘คนมีปมด้อยสินะ’ เอ็มคิดในใจ   

พวกปีศาจซาดิสเลเวลสูง

ดีที่หาทางเบรคพวกนั้นไว้ได้

เอ็มกำลังจะกลับบ้าน เดินผ่านหน้าห้องเรียนพอดี แล้วได้ยินเสียงเอะอะขึ้นมา

‘พูดไปยังงั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน’ คำพูดนี้ถูกสะท้อนออกมาให้ตัวเอ็มเองฟัง

แผ่วเบา พอๆกับลมที่พรูออกมาจากปาก

เอ็มไม่มั่นใจว่าจะย้ายปิออกไปได้    

ทั้งหมดเป็นแค่การขู่ ขู่พวกอาทว่าอย่ามายุ่ง เอ็มสามารถฟ้องครูให้จัดการพวกมันได้ในฐานะประธานนักเรียน แต่ความเป็นจริงๆ มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น

ไอ้ขอย้ายห้องเนี่ยนะ...

ขู่ต่อที่ไม่สามารถปกป้องอะไรปิได้ แต่นี่ก็คงไม่มีประโยชน์เช่นกัน ต่อมันก็ทำสุดความสามารถของมันแล้ว

สีหน้าเจ็บปวดของต่อ เป็นของจริง

มันดูเจ็บยิ่งกว่าตอนโดนพวกนั้นซ้อมซะอีก

เอ็มยืนมองสนามบาสที่เหลือคนเพียงเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจว่าต้องทำอะไรต่อไป

โทรศัพท์ในมือกดโทรออก

เบอร์ของต่อ

“กลับไปรึยัง”

“ยังเหรอ นี่ได้เบอร์มาจากปิน่ะ แวะมาหาหน่อยสิ”

“ตอนนี้”

“อยู่สนามบอล”

เสียงปลายสายดูงงๆ ท่าทางจะยังไม่ได้สติ คงจะยังตกใจเรื่องที่เกิดขึ้นบนห้องอยู่... จะว่าตกใจ ก็ไม่ถูก... เหมือนคน ผิดหวังในตัวเองซะมากกว่า

เอ็มนั่งรับลมหนาวอยู่บนแสตนด์ เสื้อหนาวก็ดันให้ปิไปแล้ว ลืมจะเอาคืน ไอ้แว่นนั่นก็เอาเสื้อขึ้นรถกลับบ้านไปด้วยเฉยเลย

‘ไอ้แว่น???’

เออ ไม่ได้เรียกมันด้วยชื่อนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ

ปิมันเกลียดชื่อนี้จะตาย

แต่โดนต่อเรียกกะปิไม่ยักกะเป็นไรแฮะ ถ้าไม่ชอบก็น่าจะบอกต่อไปนะ เอ.. หรือปิมันจะชอบให้ต่อเรียกหว่า

คิดเพลินๆไปเรื่อย

“ว่าไงมึง มีไร”

“โห พอไม่ใช่ปินี่พูดจาเสียงดุเชียวนะ”

“ว่าไง กูเจ็บตัวอยู่”

“เหอะ ทีงี้มาทำเป็นเจ็บ ไม่ไปสำออยต่อหน้าปิโน่นละ”

“มึงจะเอาไง” ต่อท่าทางไม่พอใจ

“แล้วนั่นใคร”

เอ็มชี้ไปทางรุ่นพี่ รูปร่างเตี้ยตันที่อยู่ข้างหลังต่อ

พี่บูม

“เดี๋ยวกูเดินไป ไปรอโน่นละกัน” บูมขี่จักรยานยนต์วนออกไปรอไกลๆพอเห็นได้

“เอารถมาผิดกฎนะเว้ย” เอ็มหัวเราะ

“ขาออกไปส่งกูด้วยละ”

“มึงจะเอาไงมีไรว่ามา”

“เรื่องของปิน่ะ”

ต่อเดินขึ้นไปนั่งบนแสตนด์ข้างเอ็ม

“สนใจขึ้นมาเชียวนะ”

ต่อมองเอ็มจากด้านข้าง สีหน้าของเอ็มดูเศร้าแปลกๆ ว่าไปแล้วเอ็มมันหน้าตทดีเหมือนกันนี่หว่า มองแล้วไม่น่าเบื่อเลย นี่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นเพื่อน คงเดาว่าไอ้ปิต้องชอบเอ็มแหงๆ

“ว่ามา”

หึ คนที่ลำบากใจน่ะ กู นะ

“มึงรู้ใช่มั้ยว่าปิชอบมึง ชอบจริงๆไม่ใช่แค่เพื่อน”

ต่อพยักหน้า ไอ้เหตุการณ์บ้าบอข้างบนยังทิ่มแทงใจต่ออยู่

“แล้วไง”

“แค่พูดมาชอบใครสักคนมันยากนักเหรอวะ”

“…”

ต่อชักไม่พอใจ ไอ้นี่จะมาเสือกอะไรด้วย

“กูรู้มึงไม่พอใจอยู่ ที่กูมายุ่งสินะ เรื่องนี้น่ะ ต่อให้มึงพูดไปมันก็คงไม่ช่วยให้พวกเหี้ยนั่นเลิกรังแกปิได้”

“แล้วมึงจะให้กูพูดทำไม”

“เพราะกูคิดว่ามึงก็ชอบปิไง” เอ็มมองหน้าต่อตรงๆ

ต่อหลบตา

“มึงควรจะรีบพูดไปนะก่อนที่มันจะสายไป”

“ไม่ใช่ว่ามันไม่อยาก เกิดกูพูดไปต่อหน้าพวกนั้น ปิ มันคงได้โดนล้อต่อไปอีกแน่ๆ” ต่อกำมือแน่น

แบบเดียวกับที่เก้าเคยโดนมา ต่อแน่ใจว่าถ้าต่อพูดไป ปิเองก็คงจะไม่ปฎิเสธ แล้วก็จะเข้าทางพวกนั้น

“กู... ก็ไม่กล้าพูดต่อหน้าพวกนั้นเหมือนกัน ว่ากูชอบปิ”

เอ็มหัวเราะ

“ขำไรของมึงวะ”

“มึงหลุดพูดออกมาแล้วไง”

ต่อกัดฟันแน่น

“เออ กูไม่ได้ขำมึง”

เอ็มตบหลังต่อ เล่นเอาสะเทือน

ยิ่งต่อเกร็งเท่าไรก็ยิ่งปวดตัวเท่านั้น ถึงตอนนี้จะยังทนได้ แต่พรุ่งนี้นี่สิ

“ไม่ กูรู้ กูเป็นมาแล้ว”

เอ็มยิ้มเศร้าๆให้

“นี่แหละที่กูเรียกมึงมา”

“กูกับปิสนิทกับมานานแล้ว จนกระทั่งก่อนปิดเทอมปีที่แล้ว ที่ปิมาบอกว่า มันน่าจะชอบกู”

“เหอะ ชอบไปทั่วสินะ”

“ต่อ ไอ้ปิมันเป็นคนแบบนี้ ในโลกของมันมีแค่มันกับเกมส์แล้วก็การ์ตูน...”

เอ็ม พูดถูก

ในเมื่อโลกของมันเป็นแบบนี้ เด็กที่ดูอ่อนต่อโลก เพื่อนก็คือเพื่อน คนที่ทำดีด้วยเป็นพิเศษย่อมชนะใจได้ง่าย

“โอตาคุ”

พลัก

“โอ้ย”

เอ็มเบิร์ดกระโหลกให้ทีหนึ่ง

“มึงจะฟังต่อมั้ย”

เมื่อเห็นต่อไม่เถียง

“กูไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ไอ้ปิที่กล้าบอกชอบผู้ชายได้ แถมบอกต่อหน้าด้วย ก็คงจะมีแค่คนอย่างมันแค่นั้นแหละ ตอนนั้นก็คิดมาก ถ้าตอบตกลงมันจะเป็นยังไง กูจะกลายเป็นคู่เกย์กันหรือยังไง กูคิดไม่ตกนะ คิดอยู่หลายวันเลยด้วย”

“สุดท้ายกูก็ปล่อยมันไป เปิดม. 3 มามันก็เลยบอกว่าไม่คิดอะไรแล้ว ไม่อยากให้กูลำบากใจ”

สายตาเอ็ม ทอดยาวออกไปในสนาม

มองหาอะไรบางอย่างที่ไม่อยู่ที่นั่น

“มันเป็นคนอย่างนี้แหละ รอยยิ้มบ้าๆของมัน มันเก็บทุกอย่างไว้กับตัวไม่อยากให้ใครลำบากใจเพราะมัน”

“ปิ ไม่ชอบเป็นตัวถ่วงของคนอื่น ชีวิตดี ครอบครัวดี ฐานะดี หน้าตาดี เสียอย่างเดียวใครๆก็หมั่นไส้มัน... ไม่มีใครสมบูรณ์แบบสินะ”

“ถ้ามึงมัวแต่ลังเล มันก็คงไม่คิดกับมึงไปเอง ... แต่กูก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ถ้ามึงมีความรู้สึกชอบมันบ้าง... กล้าๆบอกมันไปหน่อย”

มือเอ็มกำแน่น วางอยู่เหนือเข่า

“มึงชอบปิจริงๆใช่มั้ยวะ”

ต่อพยักหน้าช้าๆ

“เออ ถ้ากล้ายอมรับก็หัดขยับปากพูดซะบ้าง ปิมันไม่ได้โง่หรอกนะ มันก็คงรอมึงอยู่น่ะแหละ”

เอ็มลุกขึ้นยืน เป็นสัญญาณว่า หมดเรื่องจะพูดด้วยแล้ว

“มึงมาบอกกูทำไม”

“มึงควรจะถามว่า ทำไมกูอยากให้มึงคบกับปิมากกว่านะ”

“นั่นแหละ”   

ต่อรำคาญ

“… เพราะกูชอบปิไง กูเลยอยากให้มันสมหวัง กู... ปล่อยโอกาสนั้นหลุดมืออกไปเอง”

“มึงเลยจะให้กูชดเชยให้งั้น”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก คิดมากไปแล้วมึง”

“ใจวะ”

ต่อลุกขึ้นเดินไปหาพี่บูมที่รออยู่บนรถมอเตอร์ไซค์

“จะออกไปด้วยกันมั้ย”

“ปากซอยพอละกันมึง”

จักรยานยนต์ซ้อน 3 วิ่งช้าไปบนถนนแคบๆในซอย คนที่ชอบปิสองคนนั่งซ้อนท้ายกันอยู่เงียบๆ เสียงลมหวีดหวิว ตีเข้าที่หน้า ลมเย็นของหน้าหนาว
   
ถ้าต่อกับปิคบกันได้ก็ดี

… ก็ขอให้ต่อมันกล้าแล้วกัน
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ปิ เอ็ม [pg9] 14/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 15-02-2016 22:06:23
ขอได้ไหม ถ้าใจว่าง ห่างแค่นิด
ขอได้ไหม ใจไม่ปิด ใกล้ชิดฉัน
ขอได้ไหม ถ้าอยากรู้ อยู่ด้วยกัน
ขอได้ไหม ใจเธอนั้น ฉันต้องการ

คนรอคอย แม้น้อยนิด จิตหดหู่
คนรอคอย แม้ไม่รู้ คูณหรือหาร
คนรอคอย แม้เวลา เร็วหรือนาน
คนรอคอย แม้ทนทาน อาจซานซม

รอคำเดียว
พูดเหอะ..ต่อ

บอกไปเลย
แล้วชีวิตจะรู้สึก..ดี๊ยยยดียยย

เชื่อนะ
หุหุ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ปิ เอ็ม [pg9] 14/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 16-02-2016 15:37:46


bully ในวัยเรียนนี่มันโหดร้ายเกินรับมือจริง ๆ
เวลาได้อ่านเรื่องราวของใครที่โดนเพื่อนแกล้งแบบเรื้อรังแล้วเราก้อดสะท้อนใจไม่ได้
ไม่รู้ว่าปัญหานี้เกิดขึ้นที่ตรงไหน แต่รู้แน่ว่ามันจะดำเนินไปแบบนี้จนกว่ามนุษย์จะเลิกเป็นสัตว์สังคม

ไม่ได้จะบอกว่าเอ็มดีหรืออะไรเลย แค่คิดว่าเอ็มอยู่ในฐานะที่โชคดีกว่าต่อและปิมากเท่านั้น เพราะเสียงดังกว่า และเข้าถึงครูได้มากกว่า เอาจริง ๆ เอ็มก็เป็นแค่เด็กคนนึงที่มีช่วงเวลาพลาดเหมือนกัน แต่กลับตัวได้ทัน... และเลือกจะใช้อำนาจช่วยเหลือคนอื่นบ้าง อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยให้ปิไม่ได้ลำบากเท่าไร พร้อม ๆ กับช่วยให้ต่อค่อย ๆ ยอมรับความรู้สึกตัวเองมากขึ้นทีละนิด ๆ

ตอนอ่านเรื่องของต้องเก้า เราว่าเราก็อดทนรอช่วงเวลาความรักผลิบานของสองหนุ่มมานานมากนะ
แต่พอมาเป็นเรื่องของต่อปิ... ความกดดันของสถานการณ์ ความไม่มั่นใจและไม่เด็ดขาดต่อความรู้สึกของตัวเองของต่อ และความไอ้อาทนี่มันทำให้เรารู้สึกว่ากว่าเวลาจะเยื้องย่างผ่านไปแต่ละเดือนได้ มันช่างเชื่องช้าเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไร.. เราจะผ่านมันไปพร้อมกับเด็กชายทั้งสองอย่างแน่นอน

เป็นกำลังใจให้นะคะ รออ่านตอนต่อไปค่ะ ^^  :กอด1:

หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ความพยายามครั้งแรก [pg9] 17/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 17-02-2016 20:00:56
ขอแค่ 5 นาที : ความพยายามครั้งแรก (1)

เช้านี้ ต่อเดินออกจากบ้าน รู้สึกปวดตัว สภาพท่าทางอิดโรย สมองยังตื่นไม่เต็มที่ แค่เสียงนกร้องตอนเช้าต่อยังรู้สึกไม่ดีได้

เมื่อวานนี่โดนไปขนาดนั้นไม่รู้ตัวเลยได้ยังไงนะ

“ไม่สบายเปล่าต่อ”

“เปล่า พี่ต้อง”

น้ำเสียงดูเป็นห่วง

การบอกชอบใครคนหนึ่งที่ไม่ใช่พี่ชายตัวเองนี่ยากเย็นขนาดนี้เลยเหรอ

มันยิ่งกว่าว่าลืมเอาการบ้านมาส่งครูแล้วรู้ว่าจะต้องโดนทำโทษแน่ๆ ถ้าจะเป็นขนาดนี้สู้ให้ไอ้อาทมันต่อยหน้าทีนึงแล้วปิรู้ความรู้สึกของต่อเลย ยังง่ายกว่า

 มันเป็นการเผชิญหน้าที่ต่ออยากจะให้เกิดขึ้น การส่งต่อความรู้สึกของอีกฝ่ายให้ได้รับรู้เป็นสิ่งดี ต่อมั่นใจ ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นปิด้วยแล้วละก็

การพูดตรงๆใส่หน้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่กว่าจะถึงเวลานั้นต้องทำใจเข้าลานประหารอยู่นานโข

นี่ต่างกับเรื่องของพี่ต้อง ความรักของต่อกับต้องมันเป็นคนละเรื่องกัน

ไอ้กะปิ มันต้องดีใจแน่ๆ แต่พอคิดแล้วอดขำออกมาไม่ได้

'เสียวแปล๊บเลยวะ'

ยิ่งใกล้ มันเหมือนใจมันแป๊ว

ทุกอย่างรอบตัวมันดูเคลื่อนไหวรวดเร็วไปซะหมด มีแค่ต่อคนเดียวที่พยายามทำตัวให้ช้าเข้าไว้ ทวนกระแสของสภาพสังคมภายนอก

ผู้คนเดินผ่านไปมา กลายเป็นสีเทา

โลกทั้งโลกกลายเป็นสีเทาขาว

‘แน่วแน่หน่อยต่อ อย่าเปลี่ยนใจ’

ขาก้าวยาวๆให้ทันก่อนเสียงออดจะดังขึ้น ไม่อย่างนั้นต่อต้องแบกรับความรู้สึกนี้ไปจนกว่าจะถึงเวลาพักอีกทีต่อคงต้องทนไม่ไหวแน่ๆ

ต่อสูดหายใจเข้าลึกๆ

พวกอาทยังไม่มา

“เป็นไงมึง”

ต่อสะดุ้ง

อู้ย เจ็บวุ้ย

ที่ตัวยังระบบจากฝีมือของพวกเหี้ยนั่นเมื่อวาน นี่ขนาดกลับไปรีบกินยาแล้วนะ แม่งจะให้พี่ต้องเห็นก็ไม่ได้ อาบน้ำเสร็จต้องเช็ดตัวแล้วใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำ แม่งทำชีวิตให้ลำบาก

ทุกทีต่อจะเดินแก้ผ้าโทงๆไปมาในห้องนอนอย่างไม่อาย

มีตรงไหนอีกที่พี่ต้องยังไม่ได้เห็น ตั้งแต่อาบน้ำด้วยกันปีที่แล้ว เรื่องอย่างว่ายิ่งไม่ต้องอาย

แต่นี่ตัวคงมีแต่รอยช้ำ

พอพี่ต้องถาม ต่อจึงเลี่ยงไปด้วยการบอกว่า อากาศมันหนาว

โกหกได้ไม่เนียน แต่พี่ต้องก็ไม่ได้ถามอะไรอีก

“ต่อ!!!!”

หันไปทางต้นเสียงที่ดังกระแทกหัว

เล่นเอาสั่นสะท้านไปทั้งตัว จะตะโกนทำไมวะ

“เอ็มเหรอ” มันมายืนเฝ้าหน้าห้องนี่เอง

“พร้อมแล้วสิ”

ต่อพยักหน้า

มือชื้นเหงื่อ หายใจไม่ทั่วท้อง

เวลาคนเราจะบอกรักชอบกันนี่มันรู้สึกอย่างนี้เองเหรอ

'ถ้าต่อชอบใครจะรู้เอง'

เออ ชัดเจนเลยพี่ต้อง

แต่เรื่องของพี่น่ะ ต่อยังไม่ยอมรับเก้าง่ายๆหรอกนะ เก้าไม่เหมือนกับปิ

เก้าไม่ใช่เด็กใสซื่ออย่างปิ เป็นแค่คนที่ได้กับใครเค้าไปทั่ว เพียงเมื่อความอยากมันเข้ามา เมื่อมีคนเสนอ เก้าก็พร้อมจะสนอง

ข่าวลือเรื่องนี้รู้กันไปทั่วในโรงเรียน

พี่บูมเองก็คอนเฟิร์มข่าวนี้ว่าเป็นเรื่องจริง

ต่อไม่มีทางยอมรับเก้าได้เด็ดขาด

“เฮ้ ปิ”

เสียงเอ็มทำลายวงจรความคิดของต่อ

หน้าตาเอ็มดูร่าเริง

'นี่ไม่ใช่หนังนะ จะมาเฝ้าทุกกระบวนการเลยใช่มั้ยเนี่ย'

“ไม่หนีแล้วนะ”

“เออออ!!!”

เอาวะ ต่อ จะลองบอกชอบผู้ชายด้วยกันดูซะทีจะเป็นไร คงไม่ถึงกับตายหรอก

ต่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองตรงไปยังคนตัวขาวในแว่นหนา

สีหน้าอ่อนโยน มันเองก็รอเวลานี้อยู่รึเปล่านะ

ผิดคาดคนที่ต่อกำลังมองอย่างอ่อนโยนนั้นลุกขึ้นออกเดินตรงมาทางพวกต่อเร็วๆ

“เอ็ม อ้าว ต่อมาแล้วเหรอ”

“นี่เมื่อวานอะ ได้เอาไปเล่นหรือยัง”

เสียงปิยังสดใส สภาพหน้าตาภายใต้แว่นที่กระจกร้าวไปข้างหนึ่งแสดงออกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ดูดีๆรอยแดงๆที่หน้ายังเหลืออยู่ถึงแว่นจะช่วยปกปิดไปได้บ้าง ที่คอเองกลายเป็นรอยเขียวจางๆนิดหน่อย แต่ไอ้แดงๆที่เป็นรอยนิ้วมือของไอ้เหี้ยบางตัว มันหายไปแล้ว

“เอ่อ ปิ”

ต่อตั้งตัวไม่ทัน

“นี่ๆๆ เอามาด้วยรึเปล่า เราว่าถ้าเล่นแบบนี้ต่อน่าจะเล่นง่ายขึ้นอะ เห็นว่ามันมีทริกตรงนี้นิดหน่อยที่ต่อไม่ผ่านไง”

“หา...”

“เออน่า เอามาๆๆ เร็วๆ”

ต่อเปิดกระเป๋าหยิบ psp ออกมาให้อย่างงงๆ

ปิรับเอาไปอย่างรวดเร็วแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ กดปุ่มเปิดเครื่องแล้วทำอะไรสักอย่างกับมันอยู่

ทุกอย่างดูจะไม่เป็นไปตามที่คาด

“นี่แหละ ปิ”

เอ็มตบบ่าต่อ

“ใช่” ต่อหัวเราะออกมา

รู้แล้วว่าทำไมเอ็มถึงได้อยากให้รีบบอกนัก ตอนที่เอ็มบอกจะบอกปิมันก็คงเป็นเรื่องยากเย็นเหมือนกัน แต่ในเมื่อมันพลาดไปแล้ว ต่อก็ไม่อยากจะเหยียบซ้ำรอยมันอีกคน

‘เฮ้อ พูดถึงเกม’

ไอ้โปเกมอนตัวเล็กน่ารักตัวนี้ ต่อจะขอรับไว้ดูแลเอง

ไม่มีพวกสัตว์ประหลาดบ้าบอที่ไหนมาสร้างรอยแผลได้อีก

คิดอะไรเนี่ย

‘สงสัยจะติดโรคปิมาซะแล้ว’ 

เอ็มดันหลังต่อเบาๆ

ไอ้นี่ก็เป็นพ่อสื่อหรือไง

“ปิ” ต่อเดินตามเข้าไปเร็วๆ

“ต่อ ไว้โอกาสหน้าก็ได้” เอ็มเอานิ้วจุ๊ปาก แล้วชี้ไปรอบๆห้อง

คนเยอะสินะ

ถ้าบอกตอนนี้ไป นิสัยไอ้ปิ ถ้าไม่ร้องไห้ก็จะมากระโดดกอดคอตรงนี้แน่ๆ นอกจากเรื่องโดนแกล้งแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าปิจะแสดงออกยังไง

จะดีใจจนร้องไห้ โวยวาย โดดเข้ากอดแบบที่คิดไว้จริงๆรึเปล่า

เอาวะ รออีกหน่อยคงไม่เป็นไร

“นี่ กะปิ มึงแย่งไปเล่นเหรอ รอกูด้วยดิ”

“ช้าเองนี่ รีบมาดิ”

รอยยิ้มประทับใจต่อ มีมาให้เห็นแต่เช้าเลย

ต่อวางกระเป๋าลงนั่งข้างๆ

เอามือขยี้หัว

'ไม่เจ็บแล้วนะ'

คำถามนี้ต่อไม่ได้ถามออกไป ถ้าปิไม่พูดถึง ก็อย่าไปพูดถึงมันเลยดีกว่า

“นี่พักกลางวันว่างมั้ย”

“ถามทำไมอะ”

ปิทำสายตากวนประสาทลอดผ่านแว่นมา

ไอ้บ้านี่เจ้าเล่ห์นัก มันรู้แน่ๆ

ไม่มันรู้เองก็ไอ้เอ็มนี่แหละที่ปากหมาไปบอกมัน

‘แม่งร่วมมือกันป่าววะ’

ชิ แต่ถึงปิจะรู้มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ต่อจะบอก

ตั้งใจไว้แล้วยังไงก็ต้องบอก

“ก็ว่าจะชวนไปไหนซะหน่อย”

ปินั่งขยับออกไปห่างๆ

“เป็นอะไรของมึง”

“ช่วงนี้ต่อดูหื่นอะ”

ปิก้มหน้ามอง psp ที่แอบเล่นอยู่ใต้โต๊ะ

ต่อหน้าแดง

'อะไรวะ กูหื่น?'

“หมายความว่ายังไงเจ้าแว่น”

“ไปติดคำนั้นมาจากเอ็มเหรอ”

เหี้ย แม่งฉลาดจริงด้วย

กูว่าแล้วที่เอ็มบอก ปิไม่โง่น่ะแปลว่ายังไง

“ตอบมาก่อน กูหื่นยังไง”

ปิ ปิดเครื่องเกมส่งคืนมาทางต่อ

“ก็... ตั้งแต่วันนั้น”

ปิ หน้าเริ่มแดงขึ้น

“ต่อดูหื่นๆอะ เวลาคุยปกติต่อจะมองหน้าแปบเดียว ไม่ก็จะมองออกไปทางอื่น แต่นี่ ….”

“แต่อะไร” ต่อคาดคั้น

“เดี๋ยวนี้ ถ้าต่อไม่มองที่กระดุมเสื้อเราก็จะมองที่ …. ก้นเราอย่างเดียว”

เหี้ยยยยยยยยยยยยย กูเป็นคนยังงั้นไปแล้วเหรอ

“ไม่จริง”

“ตอนนี้ต่อมองอะไรอยู่ละ”

เออวะ ข้างหน้าที่เห็นก็มีแต่กางเกงนักเรียนสีน้ำเงิน ก้นปิที่โค้งงอนตอนนั่งลงกับเก้าอี้ เมื่อกางเกงสีน้ำเงินถูกทับมันจึงตึงตามเป็นรูปก้น

ก้นขาวๆ

สัสสสสสสส

ต่อเอามือปิดหน้า

“หื่น”

“นี่ ไม่ได้อยากโดนโอตาคุอย่างนายว่าหรอกนะ”

ปิยิ้มเห็นฟัน

เจ้าของรอยยิ้มน่ารักที่สุดในโลกตอนนี้

ต่อคิดเสมอว่า เวลาปิยิ้มแบบนี้จะหาตาไม่เจอ เห็นแต่กรอบแว่น กับฟันขาวรับกับปากแดงสด มันดูตลก

รอยยิ้มที่ออกมาจากใจของปิจริงๆ

“ต่ออยากเหรอ”

ปิชำเลืองมองลอดแว่นมา

“ปิ ไม่อยากโดนเขกกบาลห้ามถาม”

มันพูดถูก ต่อหมกมุ่นอยู่แต่กลับเรือนร่างของปิไปแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ต่อยอมรับได้ยาก ต่อกำลังติดใจรสชาติของปิไปแล้ว

ร่างขาวผอม กับเสียงร้องที่ดูเป็นธรรมชาติ ร่างนั้นสั่นไหวไปตามจังหวะการโยกเข้าออกของต่อ ถึงจะเจ็บแต่ก็คงทนเอาไว้ จนกว่าต่อจะถึงที่หมาย ร่างน้อยที่สั่นเทิ้มกระตุกเกร็งเป็นระลอกเมื่อถึงที่สุด

ปิดท้ายด้วยการหันหน้ามาหาต่อ แล้วจูบเบาๆด้วยปากแดงที่น่ากัด

แค่คิดก็เตลิดแล้ว

ปินั่งยิ้มมองตรงไปข้างหน้ารอเข้าเรียน

ต่อหันหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง จ้องมองออกไปที่ท้องฟ้าสีสดที่อยู่ข้างนอก

'เพราะมึงเป็นอย่างนี้แหละ กูถึงไม่กล้าซะที'

“ต่อวันนี้บ่ายมีแข่งนี่”

“เออวะ ลืมไปเลย”

“ตกรอบแน่ๆ”

“ปากดี หลังๆนี่ปากเก่งนะ”

“แล้วต่อคิดว่าเราเก่งมั้ยละ”

ไอ้นี่ มันกวนตีนกูแน่ๆ มันตั้งใจ มันกวนตีน

วันนั้นที่มันบอกว่าจะไม่โดนแกล้งแล้วจะขอเอาน่ะ มันวางแผนไว้ก่อนรึเปล่าวะ ไอ้อาทเป็นพวกมันมั้ยเนี่ย ชักไว้ใจไม่ได้แล้ว

“ไม่รู้สิ ผลออกมาแพ้ก็คงตกชัวร์ ชนะก็รอลุ้น เล่นๆไปงั้นแหละ”

“เอาน่า”

“นี่ปิ บ่ายปิขึ้นแสตนด์ใช่มั้ย”

“อือ ซ้อมใหญ่นี่ คงงั้นแหละ”

“เอ็มมันก็อยู่ด้วย เดี๋ยวฝากมันไว้ให้”

“ขอบใจนะ”

“เลิกขอบใจกูซะที ต่อไปยังต้องมีให้ขอบใจอีกเยอะ”

ต่อหันหน้าหนี รู้สึกตัวเองหน้าแดง

.
.
.
บ่าย

พักกลางวันหลังจากกินข้าวกันเสร็จ ต่อก็ยังไม่ได้บอกกับปิออกไป ถึงจะนัดกับปิไว้แล้ว ใจก็เตรียมไว้แล้ว แต่มันช่วยไม่ได้รุ่นพี่ที่สีมาตามตัวให้ไปซ้อมด่วนก่อนที่จะแข่งจริงตอนบ่ายโมง

การแข่งที่ต่อไม่ให้ความสนใจเท่าไร

สมาธิไปจดจ่ออยู่กับเรื่องอื่น

“ปิ ไปอยู่กับเอ็มนะ ต่อต้องไปเตรียม เดี๋ยวแข่งเสร็จจะรีบไปหา”

“อื้อ ได้”

ปิโบกมือหยอยๆ ส่งต่อวิ่งลงไปทางสนามบอล

ภาพเด็กชายใส่แว่นแตกยังติดตาต่ออยู่ ร่างขาวบางราวกับจะกลืนหายไปในแสดงตะวันยามเที่ยง

'อยากจะวิ่งกลับเข้าไปกอดจริงเว้ย'

ต่อสบถออกมา กลัวว่าร่างนั้นจะหายไปไหน

“พี่วันนี้ว่ายน้ำมีแข่งหรือเปล่า”

“มี”

งั้นก็โล่งไปอีกเปราะ ไอ้อาทมันคงไปอยู่ที่สระว่ายน้ำ ไม่มาปั่นป่วนอยู่แถวแสตนด์แน่ๆ สันดานอย่างมันเหรอจะมาขึ้นแสตนด์แหกปากเย้วๆ

ไม่มีทาง ต่อมั่นใจ

แข่งวันนี้เจอกับสีแดงที่ชนะ 2 โอกาสชิงที่หนึ่งของสีแดงมีสูง

สีของพี่บูม

“พร้อมยังไอ้น้อง”

นั่นไง พี่บูมในชุดพละโรงเรียนกับเสื้อนอกสีแดงสดถูกสวมครอบเอาไว้อยู่ เหมือนลูกสตรอเบอรี่เดินได้ หัวยังเปียกผมลู่ติดหน้า

“พร้อมไรพี่ แพ้ก็แพ้”

“นี่ให้ช่วยก็บอกนะ”

“เหอะ ผมเก่งพี่ ไปอ้อล้อเก้าเหอะวิธีนี้น่ะ”

“นี่พี่บูมแข่งว่ายน้ำมาเหรอ”

“ใช่ ชนะปุ๊บมาต่อนี่เลย”

“เหอะ ไหวเร้อ” ต่อมองเหยียดๆ

เสียงออดดังขึ้น เด็กนักเรียนชั้นต่างๆทะยอยลงมาที่แสตนด์ แสตนด์ทั้งสองฝากถูกประกอบขึ้นเป็นแบบเต็ม สูงเท่าตึกสามชั้น

เมื่อวานยังเป็นชิ้นย่อยอยู่เลย

ชิ้นย่อยจะมี 4 ชิ้น 5 ชั้น แสตนด์ไม้ที่มีโครงเป็นเหล็ก เมื่อประกอบเข้าด้วยกันจะสูง 10 ชั้นกว้าง 2 ล็อคแสตนด์ มากพอที่จะจุนักเรียนแต่ละสีเข้าไปได้

สีหนึ่งจะได้ 2 ล็อคเท่ากับ 4 แสตนด์เล็ก

ประตูของต่ออยู่ฝั่งเดียวกับสีตัวเอง ไม่ต้องบอก ฝั่งที่จะต้องทำประตูนั่นอยู่ตรงข้าม

เด็กนักกีฬาทั้ง 2 สี ลงมาวอร์มเตรียมตัวอยู่ในสนาม

กรรมการในชุดสีขาวกำลังโยนลูกบอลไปมา

ครูวิชาพละสักคน
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ความพยายาม 2 [pg9] 17/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 17-02-2016 21:30:21
ต่อลองมองหันไปหาปิ

หาไม่เจอ คนบนแสตนด์แน่นยังกับปลากระป๋อง

พวกพี่สีเดินเข้ามาวางแผน

“ทำให้เต็มที่ ผลไม่เป็นไรช่างหัวมัน ฟาล์วได้ก็ทำไป ไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว”

หา อะไรนะ พี่เมาปะเนี่ย

“พี่ขอบใจน้องทุกคนที่พยายามกันมาถึงวันนี้ นัดสุดท้ายแล้ว ทำให้ดีที่สุด จบงานนี้เดี๋ยวพวกพี่จะพาไปเลี้ยงข้าว กินกันให้เต็มที่ไปเลย แต่ก่อนนั้นทำยังไงก็ได้ให้ชนะ จัดไป”

พวกพี่ตบมือรัวๆ ไล่นักเตะ ตัวจริงลงสนามไป

'คำปลุกใจเหี้ยอะไรวะเนี่ย'

แสดงว่าในความคิดคือแพ้แน่แล้วสิใช่มั้ย จะปล่อยให้แพ้แบบดีๆก็ยังไง ไหนๆก็จะแพ้แล้ว ซัดกันให้เต็มที่ไปเลยยังงั้นเหรอ

ดี เข้าทางต่อ

บอลถูกวางอยู่ลกางวสนาม กรรมการกำลังจะเป่านกหวีด

เสียงเชียร์รอบสนามกำลังดังขึ้น

สีแดงได้บอลก่อน

บอลถูกเขี่ยออกไปข้างหลัง แล้วเริ่มเลี้ยงขึ้นมาข้าหน้า ไอ้พี่บูมเล่นเป็นกองหน้าซะด้วย ตัวเตี้ยๆนี่เลี้ยงมาเร็วเชียวนะ

ต่อได้แต่ยืนมองปล่อยให้กองหลังจัดการงานไป

ขี้เกียจวะ

นิสัยพี่บูมก็ยังคงเดิมไม่ส่งต่อให้ใคร ยิงเอง ตรงกรอบแต่ก็ตรงตัวผู้รักษาประตู

เพื่อนพี่ต้อง  ผู้น่าสงสาร เจอสีเห่ยๆแบบนี้นี่ รักษาประตูให้แพ้แค่นี้ได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

ลูกถูกขว้างออกมา แล้วส่งกันไปถึงต่อ

ฝั่งสีแดง 3 คนเข้ามาขวางทันที

ไอ้พี่บูม รู้แกวสินะ
สีต่อนอกจากต่อแล้วนอกนั้นก็ธรรมดา ไม่มีอะไรต้องกังวล

เมื่อเจอเข้าไป 3 ก็ช่วยไม่ได้นอกจากจะต้องส่งไปให้คนอื่น

ลูกก็ถูกฉกออกไปโดนกองหน้าฝ่ายตรงข้าม

แล้วก็จะติดผู้รักษาประตูอีก

ครึ่งแรกวนเวียนกันอยู่อย่างนั้น

ถ้าไม่ใช่ว่าเหมือนโชคช่วย กองหลังสีแดงพลาดส่งบอล เข้ามาที่ขาต่อ ทำให้ต่อสามารถหลุดเดี่ยวเข้าไปถึงหน้าประตูได้

ขาที่เคยยิงระยะไกลเกือบโดนหัวเก้า แรงเดียวกับที่ทำเอาแสตนด์สั่นสะเทือน ยิงลูกบอลส่งเข้าไปตุงตาข่ายไปเรียบร้อยก่อนหมดครึ่งแรกเพียงแค่ไม่กี่นาที

พักครึ่ง

เด็กนักเรียนเริ่มทะยอยลงจากแสตนด์บ้าง บางคนก็เดินมาสมทบจากด้านนอก เดี๋ยวจะมีเดินพาเหรดละสินะ เสียงเชียร์บนแสตนด์เริ่มเบาลง บ่ายหน้าหนาวอาทิตย์สุดท้ายของสิ้นปี ไม่ได้ดูจะทำให้คนกระตือรือร้นขึ้นมาได้เลย

แถวถูกตั้งลวกๆ ยังไม่พร้อมคงต้องอีกซักพักกว่าจะเข้าที่ ครั้งแรกที่ซ้อมวนใหญ่รอบสนาม

พี่ต้องก็ต้องมาด้วยสิเนี่ย

ต่อพลาดโอกาสจะได้ดูพี่ชายเดินนำขบวนรอบสนามไป ไม่มีเวลาจะไปจับจ้องที่อื่น มีการแข่งในสนามรออยู่ การแข่งที่นำสีอื่นเป็นครั้งแรก

ต่อพักอยู่แถวสีตัวเอง อีกฝากของสนาม

พี่ต้องกับเก้ายืนอยู่อีกด้านพร้อมกับไม้คฑาสีดำ หัวเงิน

'แม่งจะแยกจากกันสักหน่อยจะเป็นอะไรมั้ย'

ต่อวิ่งข้ามสนามมาทางสีแดง

กวักมือเรียกพี่บูม

บูมเดินเข้ามาพูดคุยด้วย

“เห็นข้างหลังมั้ย”

“เออ แล้วไง”

“เดี๋ยวผมจะส่งบอลให้พี่นะ จัดไปสักลูก”

“บ้าเหรอ”

ต่อหันมาจ้องหน้า

ปี๊ด เสียงนกหวีดดังขึ้น

บอลถูกเลี้ยงขึ้นมา คราวนี้สีฟ้าบุกก่อน ต่อถอยมาเป็นกองหลัง ตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคย คนอย่างต่อต้องอยู่กองหน้าเท่านั้น

ต่อที่อยากได้อะไรต้องได้ พี่ต้องตามใจเสมอ และด้วยความสามารถของต่อ อะไรที่อยากได้มันไม่ได้ยากเกินไป อาจจะยกเว้นเรื่องเดียว

เกรดเฉลี่ย

เกรดเฉลี่ยระดับกลางๆ

กองหน้าตัวสำรองทำผลงานได้พอชม ส่งลูกเร็วแตไม่แรงพอไปที่ทำคะแนนได้ ลูกถูกเตะยาวโยนออกมาครึ่งสนาม สีแดงบุกกลับ

ผ่านกองกลางเข้ามาได้

ต่อเข้าขวาง แล้วแย่งบอลออกมา

‘ของง่ายๆ’

ที่ยากกว่าคือจะเตะยังไงให้โดนหัวเก้า จากด้านนี้ถ้ากลับตัวไปเตะเห็นชัดๆว่าตั้งใจ

ต่อมองหน้าพี่บูม

แล้วแกล้งเตะยาว พลาด

เข้าขาบูม

อึดใจนึง

ลูกถูกหวดยาว เหมือนจะเข้ากรอบหน้าประตู แต่เปล่า ลอยออกไปทางต้นไม้ ที่ต้องกับเก้าหลับพักอยู่

เสียงเฮ ในสนามดังขึ้น

เฉียดไปนิดเดียว

หลังจากนั้นบูมขอเปลี่ยนตัวออก

ปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป

เสียงเพลงกราวด์กีฬาดังขึ้นจากทางเครื่องเสียงด้านข้างสนาม พวกครูยกลำโพงสีดำตัวใหญ่มาวางเอาไว้ พร้อมด้วยเครื่องเล่น ข้างๆกันก็มีกลองพลาสสิคใสใบใหญ่วางอยู่ คนตีนั่งประจำที่ กลองขาวกลมตัวใหญ่เกือบเท่าคนตีถูกจัดวางไว้ที่หว่างขา

แถวตั้งเสร็จเรียบร้อย

ต่อขอเปลี่ยนตัวออกมานั่งพัก รู้สึกเบื่อที่จะต้องมาแข่งอะไรแบบนี้ มันไม่ได้มีค่าอะไรในสายตาต่อ อย่างมากก็ที่ 3

ปิคงดูอยู่จากทางสนามด้านโน้น

เอ็มก็คงเฝ้าดูอยู่ หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก พาเหรดกำลังมา แปลว่าแข่งว่ายน้ำน่าจะใกล้จบแล้ว ถึงจะเหลือแข่งอยู่ ก็อาจจะแค่ไม่กี่รายการไม่มีอะไรรับประกันว่า อาทจะลงทุกรายการ

ต่อไม่สบายใจเมื่อนึกขึ้นมาได้

อยากจะกลับไปที่แสตนด์ แต่เสื้อคลุมสีฟ้ามันบังคับต่อให้นั่งอยู่ด้านข้าง ที่นั่งของตัวสำรอง

ที่เดินไปคุยกับบูมเมื่อกี้ พวกพี่ก็แสดงท่าทีไม่พอใจออกนอกหน้าแล้ว

ต่อต้องแกล้งบอกว่า ไปทักทายพี่ที่รู้จัก

“นี่แข่งอยู่ มึงบ้ารึเปล่า” พี่คุมทีมตวาดขึ้น

ต่อยกมือไหว้แล้วกลับมานั่งที่

พี่ต้องยืนตรงนิ่งอยู่หน้าสุด

สีหน้าไร้ความรู้สึก มันไม่ใช่พี่ต้องเลย ใครๆมักจะเรียกพี่ต้องว่า ไอ้ขี้เก๊ก จริงๆแล้วเปล่าหรอก ขี้อายมากกว่า เวลาทำอะไรไม่ถูกพี่ต้องจะแก้ปัญหาด้วยการทำหน้าเฉย ไม่แสดงออก

พี่ต้องยืนตัวตรงอยู่หน้าขบวนของสีฟ้า เก้านั่งอยู่ริมฟุตบาท แถวๆเครื่องเสียง

หมดขบวนพาเหรด ก็ถือว่าจบการซ้อมวันนี้ ครูจะปล่อยกลับบ้าน ต่อต้องรีบหาทางบอกปิให้ได้ วันพรุ่งนี้เป็นวันเรียนวันสุดท้าย เพื่อฉุกเฉินไว้อีกวัน

เสียงเพลงเริ่มดัง

ขบวนเริ่มเคลื่อน อีกกว่าครึ่งสนามกว่าพี่ต้องจะผ่านหน้าต่อ

“ไม่สบายใจเหรอ”

“มาได้ไงเนี่ย”

“อ้าว บอกแล้วเส้นใหญ่”

“เออ ตลอดอะ”

พี่บูมมานั่งอยู่ข้างๆ

ปิ๊ดดดดดดดดดดด

จบการแข่งขัน

ผลออกมาสีฟ้าของต่อชนะไป 1-0 ลูกเดียวที่ต่อยิงได้

“นี่พี่ตั้งใจให้ชนะป่าวเนี่ย”

“ป่าว”

“แล้วเดินออกไปทำไม”

“ขี้เกียจเตะต่อน่ะ เหนื่อย ปวดตัว”

“เออ เอาเหอะ”

“เป็นไงมึง ช้ำมั้ย”

“จะเหลือเหรอ เละอะพี่”

“ใจด้วยสินะ”

“เดี๋ยวปั๊ด”

“ฮ่าๆๆๆ นี่ถ้าไอ้ต้องรู้นะ มันลงมาห้องมึงทันทีแน่ๆ”

“ใครจะบอกเล่าพี่”

“จ้าๆ”

“ที่สีต่อชนะได้ เพราะพี่ใช่มั้ย”

“ป้าว”

พี่บูมแม่งอ่อนให้เห็นๆ กลัวได้ที่ 1 ง่ายๆเหรอไงวะ

ต่อหันหน้าไวไวไปทางแสตนด์ของสีฟ้า พยายามหาปิให้เจอ

ดูไม่ออกว่าอยู่ตรงไหน

พยายามหาต่อไป

“หาไรวะ”

ต่อส่ายหัว

“เรื่องนั้นใช่มั้ย”

เสียงพ่นลมหายใจยาวออกมา

เมื่อวานตอนซ้อนท้ายพี่บูมกลับบ้าน....

ต่อเล่าเรื่องของปิคร่าวๆให้พี่บูมฟังหลังจากส่งเอ็มกลับไปแล้ว เสียงต่อเล่าผ่านหมวกกันน๊อคที่โขกกับหัวบูมทุกครั้งที่เบรค

มอเตอร์ไซค์คันเล็กเหมือนกับตัววิ่งไปช้าๆ เพื่อไปส่งต่อ

‘สุดท้ายมึงก็ได้หลัง’

‘ทำยังกับพี่ไม่เคย’

‘ยังเว้ย กูถึงกลับตัวทันไง’

‘แล้วมึงจะทำไงวะ กูจัดให้เลยมั้ย’

ต่อเงียบไปปล่อยให้เสียงรถบีบแตรข้างๆ ทำลายบทสนทนา

‘คงต้องงั้นอะพี่’

ต่อกำหมัด รู้สึกอายในความไร้ความสามารถของตัวเอง

มันเกินมือของต่อไปแล้ว

‘ต่อกูว่าพวกนั้นทำเกินไปแล้ววะ’

ต่อหยักหน้า

พอได้ยินว่าพี่บูมจะช่วย มันช่วยคลายกังวลให้ต่อลงไปได้มากกว่าวิธีการที่เอ็มพูด

มันจะมีพาวเวอร์ขนาดให้ย้ายเลยเหรอวะ

ตึง ตึง ตึง

เสียงเรียกสายตาต่อกลับมามองที่แถว

ขบวนสีเห่ยๆเดินผ่านหน้ามาแล้ว

เมื่อกี้สีม่วงเพิ่งเดินผ่านหน้าไป ท่าทางเด็กแต่ละคนหน้าตาซังกะตาย

นั่นพี่ต้องกำลังเดินมา

ควงไม้เป็นวงกลมแล้วโยนขึ้นสูงไปในอากาศ

แล้วรับได้

สีหน้าพอใจ

‘พี่กูท่าทางจะขี้เก๊กจริงๆแล้ววะ’

เดินผ่านหน้าต่อไป ต้องหันมายิ้มให้

ถึงตรงข้างหน้าที่เป็นทางโค้งต้องหยุด

พี่ต้องโยนอีกคราวนี้สูง สูงกว่าทุกคนในสนาม

แต่... พี่ต้องไม่ได้ดูไม้

‘เฮ้ย หันไปดูอะไรอยู่วะ’

เสียงไม้ตกลงพื้นดังสนั่น ไม่ใช่แค่ไม้สิ หัวพี่ต้องจะเป็นไรมั้ยวะนั่น หัวมันเป็นเหล็กไม่ใช่เหรอ

ชิบหาย

ไอ้พี่บ้า มัวแต่เก๊ก

เก้าวิ่งเข้าไปดูต้องกับรุ่นพี่ พวกนั้นรุมกันสำรวจหัวต้องที่โดนไม้ตีเข้าไป ต้องยังนั่งอยู่บนพื้นแบบงงๆ ไม่เคลื่อนไหว

เด็กน้องๆในสีอีก 2 คนเข้าไปยืมคร่อมดูร่างต้องกันใหญ่

ครูพละเดินเข้าไปดูแล้วโบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่เป็นอะไร

รุ่นพี่กับเก้าแบกร่างไร้เรี่ยวแรงของต้องออกไปใต้ตึก

“เฮ้ย เป็นไรป่าววะ”

“เดี๋ยวไปดู”

ครูกำลังใล่เด็กที่มุงเข้ามาเมื่อกี้กลับเข้าแถวไป

“นั่นไปไหนน่ะ”

“ไปดูพี่ผมครับ”

“กลับไปที่แสตนด์ เดี๋ยวหมดนี่แล้วค่อยไป”

“แต่ว่า”

“กลับไป”

ครูทำหน้าดุใส่

แม่งเอ้ย

กลัวกูหนีกลับบ้านรึไง ใครมันจะบ้าฉวยโอกาสนี้วะ อีกเดี๋ยวก็จะหมดซ้อมก็ได้กลับบ้านแล้ว

“ใจเย็นมึง เดี๋ยวเลิกแล้วไปดูด้วยกัน”

ต่อพยักหน้า

อยากให้เวลาเดินเร็วๆ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : คบามพยายาม [pg9] 17/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-02-2016 11:48:51
เด็กนิสัยเสีย
ขี้อิจฉา
เอาแต่ใจ
นิสัยไม่ดี

ไอ่ต่อ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ไม่ยอม [pg9] 23/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 23-02-2016 20:08:22
ขอแค่ 5 นาที : ไม่ยอม

ต่อใจจดจ่อ รออยู่นานให้เสียงเพลงดังๆในสนามหยุดลง สมาธิต่อไม่ได้เสียไปกับการจ้องมองอยู่กับขบวนพาเหรดน่ารำคาญพวกนั้น แต่เป็นพี่ต้องที่ตอนนี้โดนลากตัวไปห้องพยาบาลซะมากกว่า

‘หัวจะแตกมั้ยวะ'

จะเข้าไปดูก็ไม่ได้

ไอ้เก้าก็รีบตามไปดูเลยนะ

“ใจเย็นเดี๋ยวเลิกแล้ว” พี่บูมราวกับจะอ่านความคิดได้ เมื่อเห็นต่อนั่งไม่เป็นสุข

ตอนนี้ทุกอย่างหยุดนิ่ง ในสนามกำลังรอคำสั่งจากครูต่อไป

ทางซ้ายเป็นแสตนด์ ที่ๆปินั่งอยู่ หวังว่าเอ็มมันจะช่วยได้นะ ดูท่าทางแล้ววันนี้คงจะยังไม่ได้พูดกับปิอีกแน่ๆ ไม่ก็ต้องรอหลังเลิกเรียนไปเลย

ถ้าปิมันจะยังคอยอยู่นะ ไม่สิถ้าต่อบอกปิก็คงคอย แต่ต่อไม่อยากจะบอกให้ปิคอย เย็นๆอย่างนี้เดี๋ยวเกิดไปเจอพวกอาทอีกจะอันตราย

เสียงครูพูดผ่านไมโครโฟนดังขึ้นยาวๆ คำพูดที่ไม่เข้าหัว

เสียงเฮในสนามดังขึ้น คงจะมีเรื่องดีๆอะไรสักอย่าง

อะไรที่ต่อไม่สนใจในตอนนี้

โทรศัพท์มือถือไม่ได้เอามาด้วย พี่บูมเดี๋ยวฝากบอกคนเมื่อวานหน่อยดิ

“บอกว่า?”

“เดี๋ยวพาปิไปรอแถวหน้าห้องพยาบาลหน่อยนะ”

“ได้ เดี๋ยวบอกแล้วจะรีบตามไป” พี่บูมรู้สินะว่าต่อจะไปไหน

เสียงเฮ ดังขึ้นอีกครั้ง

เด็กนักเรียนบนแสตนด์ลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินลงจากแสตนด์ไปทางห้องเรียน ต่ออยากจะรีบวิ่งออกไปหาพี่ต้องที่ห้องพยาบาลแต่ทำไมไม่ได้

“น้องๆ คืนเสื้อก่อน”

ต่อรีบถอดเสื้อคืน นึกเสียดาย ทำไมไม่ถอดรอเนิ่นๆวะ จะใส่ไว้ทำไม

“พี่ก้อง พี่ต้องเป็นไรป่าว”

“ไอ้ดรัมนั่นน่ะนะ”

“ครับ”

“โชคดี หัวไม้ตอนซ้อมมันหุ้มพลาสติค ไม่ใช่เหล็กจริง มันเบากว่าน่ะ โดนหัวไปก็ไม่เป็นไร ไม่ถึงกับแตก”

“เออ ใช่โชคดีนะมึง ปีก่อนที่รุ่นพี่กูทำก็มีเรื่องอย่างนี้ เค้าเลยให้ใช้ของปลอมในวันซ้อมเท่านั้น กันพลาด แม่งได้ใช้เลยวะ”

พี่คนไหนสักคนพูดขึ้น

ท่าทางไอ้พี่ต้องจะไม่เป็นไร

งั้นก็คงไม่ต้องรีบแล้ว

“ต่อ”

“เจอตัวมั้ยพี่”

“เรียบร้อย พวกนั้นบอกจะเอากระเป๋าต่อลงมาให้ด้วย แล้วจะรอแถวนั้นแหละ”

“งั้นจะไปกันรึยังพี่”

ต่อออกเดินนำ ให้พี่บูมตามหลังมาช้า

เด็กส่วนใหญ่เดินสวนขึ้นตึกเรียนไป คงจะไปเก็บของเตรียมกลับบ้าน 

ทางเดินหน้าห้องพยาบาลดูปลอดคน เด็กโรงเรียนนี้ถูกสอนมาให้เว้นช่องว่างการเล่นซนแถวหน้าห้องพยาบาลเอาไว้ เพื่อเป็นมารยาทที่มีต่อผู้ป่วย

เรื่องนี้ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่ชั้นประถม

ป้ายหน้าห้องก็มีเขียนไว้ว่า 'ห้องพยาบาล งดใช้เสียงดัง'

ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่อยู่ติดกับบันไดริมสุดอีกด้าน บันไดที่สามของตึกเรียนสูงหลายชั้นนี้ เป็นบันไดที่คนใช้น้อยที่สุด ตรงข้ามห้องพยาบาลเป็นลานกว้าง เดินผ่านที่พี่ต้องซ้อมโยนไม้ทุกทีไปจะเป็นสระว่ายน้ำ

การที่มองตรงออกไปเห็นสระมันทำให้ต่อไม่สบายใจ

“พี่ต้องเป็นไรรึเปล่า” ต่อชะโงกหน้าเข้าไปถาม

แต่มองไม่เห็น บริเวณเตียงนอนมันหลบอยู่ลึกเข้าไปอีก

หน้าห้องมีรองเท้านักเรียนถูกถอดวางอยู่สองคู่

ต่อเดินตรงเข้าห้องพยาบาล

“เฮ้ย”

ภาพตรงหน้าทำเอาต่อพูดอะไรไม่ออก ในหัวขาวโพลนไปหมด

“พี่ต้องอยู่ป่าว”

เก้ารีบผละตัวลุกขึ้นมายืน

“พี่ต้อง”

เมื่อกี้นี่มันอะไรกัน

ต่อกับบูมเดินเข้ามาในห้องพยาบาล

“ต่ออย่าเสียงดังได้มั้ย”

“เป็นไรป่าวพี่”

บูมกับต่อจ้องหน้าเก้าเขม็ง

“มึงทำอะไรกันน่ะ” บูมหันมาทางผม

“เอ่อ ไม่ เปล่า ไม่ได้ทำไร”

เก้าอึกอัก

พลัก

ต่อโดดข้ามเตียงต้อง ส่งหมัดเข้ามาที่หน้าเก้าเต็มๆ หนึ่งหมัด เล่นผู้โดนชกนี่ถึงกับเซถอยหลังออกไป
เก้าพลิกตัวกลับกำลังง้างมือขึ้น เล็งไปที่หน้าของต่อ

“เก้า เดี๋ยวสิ” ต้องร้องห้าม

พลัก

คราวนี้หมัดที่สองส่งเข้าไปที่อกของต่อเต็มๆ

“เดี๋ยวพ่อมึงเหรอ” เสียงเก้าตะเบ็งขึ้น

พี่ต้องรวบรวมแรงแล้วดีดตัวขึ้นมากอดต่อเอาไว้

“เอ้าของแถม”

บูมประเคนลูกถีบยันเข้าที่ท้องผม จนกระเด็นลงไปกองอีกข้างของห้องพยาบาล

สัสนี่ อีกตัว

“ต่อ เป็นบ้าอะไรวะ”

“มันน่ะแหละ จะทำอะไรพี่ต้อง”

“นี่มันในห้องพยาบาลนะ ต่อ”

“ไอ้กระหรี่นี่มันเลือกสถานที่ด้วยเหรอ”

เก้าค่อยๆเดินช้าๆ เข้าไปหาบูม พี่ต้องกอดแน่นจะสะบัดตัวออกก็ไม่ได้

“พี่บูม กระทืบมันเลย”

“พี่บูม!!!!! ผมสั่งให้พี่กระทืบไง”

พี่บูมดูเก้กังจะยกมือขึ้นทำไรสักอย่าง

“ได้แค่นี้เหรอ”

เก้าสวนด้วยหมัดเข้าที่ท้อง ก่อนถีบมันกระเด็นลอยข้ามเตียงออกไป

“พี่บูม”

ต่อสะบัดตัวต้องออกไปด้านข้าง ไม่ให้เข้ามายุ่งได้

“พี่ต้องไปช่วยมันทำไม คนแบบนี้”

ต่อโดดถีบเข้ามาเต็มขา เดินเข้าไปง้างขาจะเตะซ้ำ

ต้องลงมานั่งบังตัวเก้าไว้

“พี่ต้อง” ต่อร้องเสียงหลง

“เก้า เกิดไรขึ้นวะ”

พี่เจนี่

“ต้องมึงกอดเก้าทำไมวะ”

“นั่นไง ผัวมันมาโน่นแล้ว”

“กระหรี่ดีเนอะ ทำยังไงวะให้ผู้ชายมาแย่งกันได้”

“ต่อ น้อยๆหน่อยนะมึง”

“เจ อย่า” แมคคว้ามือไอ้เจไว้

“พวกมึงมากันทำไมวะ” ต้องถามเสียงดัง

“เรื่องอะไรกันวะ” แมคถาม

“พวกมึงเพิ่งรู้เหรอ”

“ต่อพูดดีๆหน่อย”

“ทำไมต้องพูดดีด้วยละ พี่บูมเล่าดิ ไอ้เหี้ยนี่ไปทำไรเหี้ยๆเอาไว้”

บูมมองหน้าเจเลิกลัก

“ไหนมึงบอกจะจบเรื่องนี้แล้วไง”

“มึงคิดว่ามันง่ายเหรอวะ”

เจ ยังจ้องหน้า

“มึงยอมแพ้กูเองนี่ กูไม่ได้ขออะไรสักหน่อย แค่บอกว่า กูจะเลิกยุ่งกับไอ้นั่น มึงก็ยอมหมดแล้ว โง่วะ”

“บูม มึงสัญญาแล้วนะ” เจชี้หน้าบูม

“ไม่เล่า งั้นกูเล่าเอง”

“ต่อ มึงพูดอะไรซี้ซัวะ มึงโดนตีนกูแน่”

ต้องเดินเข้าไปหาเจ เอาตัวบังต่อไว้

“พี่กูอยู่นี่ มึงกล้าเหรอ”

“อยากรู้ใช่มั้ย มา เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังเอง” เสียงเก้าแทรกขึ้น

เว้นระยะไปชั่วอึดใจ

ไอ้เก้าเริ่มพูด

พี่เจกับแมคยังยืนอยู่ใกล้ๆ

ดี พวกนั้นจะได้รู้กันซะให้หมด

'ตอนนั้นกูไม่รู้จริงๆนะ ว่ามึงคิดยังไงกับกู  เจ มึงก็คงเหมือนๆกับบูมสินะ แค่เห็นกูเป็นที่ระบายให้เฉยๆ จนวันที่มึงบอกกับกูที่บ้านนั่นแหละ กูเลยยิ่งแน่ใจว่ามึงคิดแค่นี้ แต่ยังไงมึงก็คือ พี พี คนที่กูรู้สึกดีด้วยมาตลอดเพราะมึงคือเพื่อนคนเดียวที่ไม่เคยทิ้งกูไปไหนเลย ถ้าเรื่องแค่นี้มันทำให้มึงสบายใจได้ กูก็อยากทำให้ ยังไงมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกของกูอยู่แล้วนี่'

เสียงเรียกชื่อเก้าดังขึ้น

จะไปห้ามมันทำไมกัน

“กูก็เลยยอมมันในห้องนั้นแหละ”

เก้าหันไปมองหน้าต้อง

“มึงแม่งตุ๊ดจริงๆด้วย”

ต่อเดินเข้าไปผลักอก

ที่อยากผลักจริงๆไม่ใช่อกของเก้า แต่เป็นคำว่าตุ๊ดที่เพิ่งหลหุดปากต่อออกไปเมื่อกี้ต่างหาก คำพูดเหมือนจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวของต่อเอง

เหมือนโดนหมัดตุ๊ดสวนเข้าที่หน้าอย่างจัง

'หึหึหึ ใช่ ตัวกูน่ะคงใช่ แต่ไอ้เจน่ะไม่ พี่มึงก็ไม่ด้วย พวกมันก็แค่เล่นๆกับกูนั่นแหละ'

'ขอโทษนะ เจ มึงเองก็คงอยากจะปิด แมค กับ ต้อง เอาไว้เหมือนกันสินะ'

พี่เจ หลบหน้า

'ขอบใจนะมึง'

เก้าแกะมือพี่เจออก

'ส่วนมึงบูม มึงมันชอบแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ กูไม่เข้าใจนะว่า มึงจะคอยแกล้งกูทำไม มันมีอะไรสนุกนักรึไง กูสงสัยนะ มึงทำอะไรมากูก็ไม่สนใจ  มึงก็จะยิ่งทำหนักขึ้น แล้วไง กลายเป็นว่า มึงก็เอาเรื่องที่มึงเริ่มก่อนไปบอกคนทั้งโรงเรียน กูเลยย้ายหนีมาห้องนี้ไง หนีไปจากมึง และเรื่องบ้าๆพวกนั้น'

'กูไม่ได้ทำไรนี่ มันก็แค่เรื่องจริง มึงมันเข้ากับใครไม่ได้อยู่แล้วต่างหาก'

'คนที่เป็นแบบมึงน่ะ ไปไหนจะมีใครต้องการเหรอ พวกพี่ต้องเค้าก็คงไม่คบมึงต่อไปหรอก'

ต่อเดินเข้ามาผลักอกเก้าเป็นครั้งที่สอง

'ต่อ ไว้มึงลองถามบูมดูสิ ว่าใครชวนกูไปห้องน้ำหลังโรงยิม'

เก้าหัวเราะให้กับพื้น

เป็นบ้าไปแล้วเหรอวะ

“แล้วไง มึงได้ผัว 2 คนแล้วยังจะมายุ่งกับพี่ต้องอีกเหรอ”

'มึงเข้าใจผิดนะต่อ ทั้งสองคนยังไม่ได้เป็นผัวกูวะ'

เก้าหันมาชูนิ้วให้

ทำไมต่อรู้สึกเหมือนกับเห็นเงาของตัวเอง หันมาชี้หน้าด่าเจ้าของอยู่

'ไปให้ต้องสอนชักว่า.. ก่อนมั้ง เด็กอย่างมึงเนี่ย'

'สุดท้ายมึงก็ไม่เคยรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับใครนะ ไม่ว่ากับกูหรือกับเจ'

“สัญญา พี่บูมไปสัญญาไรไว้”

ไอ้พี่บูม มันมีอะไรปิดบังไว้อยู่สินะ

“เออน่า มึง เดี๋ยวกูค่อยเล่า”

“มึงต้องเล่า” ต่อ เดินเข้าไปหาบูม

ต่อต้องการรู้นี่บูมอยู่ข้างไหนกันแน่

'ต่อ กลับบ้านกันเหอะ'  ต้องลุกเดินออกไปทางประตู

“ต้องให้ ไอ้นี่มันเลิกยุ่งกับพวกพี่ทุกคนก่อน”

'ต่อได้ทุกอย่างแล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ'

'ไม่ จนกว่าชีวิตที่เหลือของ คนๆนี้มันจะไม่มีใครคบเลย ให้มันรู้ว่า นิสัยที่มันลากคนอื่นไปเป็นตุ๊ดกับมัน น่ารังเกียจแค่ไหน'

“มึง พาพี่กูไปไหนมา วันเกิดกูน่ะ”

เก้าทำหน้างง

“วันที่กูไปนอนบ้านมึงไง เก้า”

“ไอ้เหี้ยนี่เอง” ต่อ เดินมากระชากคอเสื้อเก้า

แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร

แรงดึงหนักๆ ที่ปกคอเสื้อกระชากตัวต่อให้ถอยหลังออกไปก่อน

'เด็กอย่างมึงน่ะ น้อยๆหน่อยนะ ให้พี่ๆเค้าจัดการเรื่องนี้กันเองดีกว่า'

พี่แมคลากคอต่อถอยหลังออก

'พี่มึงไปนอนบ้านเพื่อนมีปัญหาตรงไหนเหรอ'

“พี่ของกู”

พี่แมคยังคงกดหัวต่อเอาไว้อย่างนั้น

'พอเหอะ ต่อ' บูมเดินออกจากห้องไปเป็นคนที่สอง

'ตอนนี้ทุกคนก็รู้เรื่องกันหมดแล้ว มึงจะได้ไม่ต้องมาคอยตามกันท่าต้อง ไม่ต้องมาวุ่นวายกับกูซะทีนะ พี่มึงของมึง กูไม่ยุ่งหรอก ต้องไม่ได้ชอบกูด้วยซ้ำ แล้วกูก็ไม่มีทางจะไปชอบคนสูงเป็นเปรตอย่างมันได้หรอก เดี๋ยวมันก็จบแล้ว มึงอยากใช้มั้ยละ'

'ไม่เป็นไร ปีที่เหลือกูยกให้มึง ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดมึงนะ ต่อ ยกเว้นว่ามึงจะนึกสนุกอยากได้กูอีกคน กูจัดให้ได้นะ'

'เอาเหอะ พวกมันก็แค่ฆ่าเวลา เดี๋ยวๆก็จบกันแล้วเนอะ เดี๋ยวก็แยกย้ายกันไป จะมีความหมายอะไรในชีวิต คนคู่กันวันนึงมันยังแยกกันได้เลย แค่เพื่อนสักวันมันก็ต้องไป เอะ เพื่อนเหรอ ใช่เหรอ'

'ฝากไปบอกบูมด้วยนะ ถ้าอยากเด่นอยากดัง ไม่ต้องหาคนอื่นมาอยู่ต่ำกว่ามันหรอก ทุกวันนี้มันก็เตี้ยพอแล้ว ใครจะไปอยู่ต่ำกว่ามันอีก ถ้ามันอิจฉาคนอื่นหรืออยากเด่นมาก ไปหาอย่างอื่นทำนะ ไม่ใช่มานั่งหาเรื่องกู เอะ หรือบางทีมันอาจจะสงสารกูเลยแกล้งทำเป็นเพื่อนก็ได้ กระจอกวะมันน่ะ'

“แมค มึงโลกส่วนตัวสูงนะ......โลกวะ”

“ไอ้เจ มันไม่อยู่แล้ว ….. ดีที่มันไม่ได้คิดกับกูมากไปกว่าเพื่อน”

ต่อไม่ได้ตั้งใจฟัง

เสียงเก้าสั่น

มันทำให้นึกถึงตัวเอง ตอนเย็นเมื่อวาน ถ้าต่อมีความกล้าพูดออกไปแบบนี้ มันจะเป็นอย่างไรนะ คนที่น่าสมเพชที่สุดคงจะเป็นต่อเอง

'นี่กูทำอะไรอยู่วะ ขัดขวางคนอื่นแต่กูกำลังจะทำเอง'

เข็มยาวเลยเลข9 แล้ว นี่ผ่านมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วเหรอเนี่ย

ต่อเงยหน้าขึ้น

ในห้องเหลือแค่พี่แมคกับพี่ต้อง สองคน ที่เหลืออกไปหมดแล้ว พี่บูมก็ได้

“ต่อ” พี่แมคเรียกขึ้น

“ถึงต้องมันจะตามใจต่อก็จริง แต่เรื่องนี้ต่อน่าจะปล่อยต้องมันไปนะ”

“พี่แมครับได้เหรอ”

พี่แมคส่ายหัว

“แล้วต่อทนเห็นพี่ต้องไม่สบายใจได้เหรอ แล้วถ้าเค้าสองคนไม่คบกันอีกไม่ว่าฐานะไหน ต่อสบายใจเหรอ เป็นแบบนี้พวกนั้นจะเป็นเพื่อนกันต่อไปรึเปล่ายังไม่รู้เลย”

เอ็มกับปิสินะ ถึงจะไม่ได้คบกันแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ตอนนี้ต่อทำให้เรื่องมันไปไกลขนาดว่าจะเป็นเพื่อนก็คงยังไม่ได้เลย

แม่ง... ไม่น่าเลยกู

ต่อตั้งใจว่าจะหยุดเรื่องนี้แล้ว เมื่อเห็นเก้าที่เหมือนภาพสะท้อนตัวเอง ต่อก็อดทนไว้ไม่ได้

ไม่ใช่ว่าต่ออยากเป็นแฟนต้อง พี่ชายตัวเอง

นี่ไม่ใช่สิ่งที่ต่อจินตนาการไปได้

เสือกชอบกบัคนที่คล้ายกับตัวเราซะอีก... มันแปลกๆ

ความรู้สึกนี้พยายามกำจัดมันออก มันก็ไม่หายไปไหน ต่อเริ่มทำเข้าใจมันได้มากขึ้นเมื่อใกล้ชิดกับปิ ยิ่งสนิทก็ยิ่งเริ่มจะยอมรับได้ ยังงั้นภาพที่เห็นมันก็ออกจะกระตุ้นอารมณ์ต่อให้ควบคุมไม่อยู่

สิ่งที่ต่อทำลงไปวันนี้ มันเลวร้ายเกินไป

‘จะเป็นเพื่อนกันต่อไปรึเปล่ายังไม่รู้เลย’

ถ้าปล่อยเวลาต่อไป ปิ เองก็คงจะคิดกับต่อแค่เพื่อน.... ต่อสบายใจกว่ามั้ย

ใบหน้าขาวปิลอยมา หน้าที่มีเลือดฝาดดังเดิม รอยยิ้มสดใสที่ต่อชอบ

แต่กรอบแว่นตาดำนั้นต่างออกไป

กรอบเหมือนเดิมมีลอยถลอกเพิ่มขึ้นมาบ้าง

กระจกแว่นตาที่ร้าวไปข้างหนึ่ง จากการด้อยความสามารของต่อเองที่ปกป้องปิไม่ได้

ไม่.... ต่อไม่พอใจแค่เพื่อนแน่ๆ

“พี่ต้อง พี่แมค ต่อ... ขอโทษนะ”

“…ต่อตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเรื่องพี่ต้องแล้ว เอ่อ.. ไม่เป็นไรหรอก พี่ต้อง แล้วแต่พี่ต้องนะ แค่ให้มั่นใจว่ามีความสุขก็พอ ... ต่อแค่อยากเห็นพี่ต้องมีความสุขเท่านั้น”

ต้องพยักหน้าเข้าใจ

“ไม่เป็นไรหรอกต่อ เดี๋ยวเรื่องเก้า พี่จัดการเอง”

แมคเดินไปตบไหล่ต้อง

“มึงมีปัญญาเหรอ ถ้ามึงกล้าๆบอกไป มันก็ไม่วุ่นขนาดนี้หรอก มัวแต่เรื่องมาก มึงแคร์ต่อมันเหรอ หรือว่าปอดแหกกันแน่วะ”

“เออน่า”

“เดี๋ยวกูช่วยแล้วกัน”

“พี่แมค ช่วยพี่ต้องมันหน่อยแล้วกัน ต่อสมเพช”

“อ้าว ไม่ใช่เพราะมึงเหรอเหรอ เรื่องถึง....”

ตอนนี้ปิ ยังรออยู่ข้างนอกมั้ยนะ

ชิบหายละ ลืมไปเลย

“พี่ต้องวันนี้ต่อกลับเองนะ”

ไอ้กะปิ มันอยู่ไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ไม่ยอม [pg9] /_/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 23-02-2016 22:28:04
ว๊ายยยนั่นขี้ พี่อย่าเอา ฟังหนูก่อน
ว๊ายยยนั่นหนอน พี่อย่าจับ กลับไปเสีย
ว๊ายยยนั่นขี้ พี่ไปแล้ว หนูก้มเลีย
ว๊ายยยนั่นหนอน เคล้าคลอเคลีย เมียหนูเอง

เกลียดจริงง่ะ..ต่อ
แล้วที่ไประห่ำขย้ำตูดเพื่อนล่ะ
ติดใจจนลืมไม่ลง..ฝันทั้งกลางวันยันกลางคืน

ตามไปราวีพี่ชายไม่ให้เป็น..แต่ไหงตัวเองแอบนัดเพื่อน จะบอกรัก

หุหุ
ไอ่ต่อเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เลย
รู้สึกเพลียใจกับคนยังงี้
เจรงเจรง

อ่านแล้ว..มึ๊นมึน
หึหึ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ไม่ยอม [pg9] /_/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 29-02-2016 13:25:23
หึหึ ไม่ได้ตามอ่านนาน มาอ่านอีกที ยังไงก็ไม่ชอบต่ออะ
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ไม่ยอม [pg9] /_/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 04-03-2016 21:47:30
ขอแค่ 5 นาที : 5 นาที

คราวนี้ต่อคงจะทำผิดไปจริงๆ

ต่อรีบเคลื่อนไหวตัว เดินออกจากห้องเร็วๆ พี่แมคพูดถูก

ถ้าต่อจะคบกับปิ พี่ต้องเองก็มีสิทธิ์เหมือนกัน แต่ก่อนอื่นคงต้องไปเคลียร์กับพี่บูมก่อน

ที่เก้าพูดหมายความว่ายังไง

“ต่อ เร็วมานี่”

ต่อกำลังหันหลังจับกรอบประตูเพื่อใส่รองเท้าอยู่

“อะไรพี่บูม”

พี่บูมไม่ตอบกระชากแขนออกไปทางสระว่ายน้ำ

อะไรวะ ไล่กลับไปแล้วแท้ๆ

กลิ่นคลอรีนฉุนทำให้ตัวรู้สึกเหงื่อชื้นๆที่หลังจากความร้อนกลายเป็นเย็นวาบ

ขอบสระว่ายน้ำอยู่ตรงหน้า

ต่อมองขึ้นไปเห็นไอ้เหี้ยคู่อริที่รักนั่น ยืนเปลือยอยู่มีเพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเล็กที่ปิดท่อนล่างเอาไว้ กางเกงว่ายน้ำตัวเล็กที่ต่อเคยใช้นิ้วรูดลงต่อหน้าคนอื่น

ไม่คิดจะเปลี่ยนจริงๆใช่มั้ย

“เหี้ย มึงให้พี่บูมไปตามกูมาเหรอ”

ตาม?

เออ ปิละ

“พี่บูมปิละ” ต่อพูดเสียงเบา

“ไม่เจอ ตอนออกมารอบแรกก็เห็นมันอยู่แถวนี้นะ”

ต่อจ้องขึ้นไปทางสระว่ายน้ำ ไอ้อาทยืนเกาะราวกันตกอยู่ตรงขอบสระ เนื้อตัวเปียก มีไอ้ทีม แจค ยืนอยู่ขนาบข้าง

“เอ็มละพี่”

พี่บูมส่ายหัว

“มีไรมึง”

รู้สึกเหมือนเลือดไม่ไปเลี้ยงหัว

“มึงคิดว่าไอ้เอ็มมันจะปกป้องไอ้กะปิได้เหรอ”

“เอ็ม? เอ็มไปไหน”

ไอ้อาทยิ้ม

“กูให้เด็กคนหนึ่งเดินไปฟ้องครูว่า เอ็มต่อยหน้ามัน มึงเดาดิ เด็กม.ต้นน่ะ ไอ้เอ็มป่านนี้จะโดนหวดไปกี่ไม้นะ”

“เด็กมันจะพูดตามมึงรึไง” พี่บูมตะโกนขึ้นมั่ง

ไอ้อาทยักไหล่ หันไปมองข้างหลัง

“ถ้ามันไม่พูดตามกู มันจะโดนรุมกระทืบอย่างมึงไงต่อ แค่โดนไปหมัดเดียวแล้วซัดทอดให้ไอ้ประธานนักเรียนหัวKไป ง่ายกว่าเห็นๆ เด็กมันไม่ได้โง่ก็คงคิดได้”

ไอ้ทีม กับ แจค หันมายิ้มให้กันแล้วเหลียวหลังไป

“ความคิดกูเองแหละ” เชี่ยแจค

กูว่าแล้ว อาทมันโง่จะตายมันคิดแผนนี้ไม่ออกแน่ๆ

“ปิอยู่ไหน”

“ตกลงมึงจะรับรึยังว่าเป็นไรกับปิ”

“รับไม่รับมันไม่เกี่ยวอะไรด้วย มึงจะแกล้งมันทำไมนักหนาวะ”

“มึงจำได้มั้ย ปีที่แล้วใครๆก็ล้อกูเพราะไอ้กะปินี่”

สัสนี่แค้นฝังหุ่นเหรอ

“Kมึงเล็กมันไม่ได้เกี่ยวไรกับปิเลย”

เออ แต่ของปิมันใหญ่กว่าของมึงจริงๆนั่นแหละ

“แล้วปีนี้มึงก็มาดึงกางเกงกูต่อหน้าทุกคนอีก”

“มันก็ไม่ได้เกี่ยวไรเหมือนกัน นี่โรงเรียนชายล้วนนะมึง มึงจะอายทำซากไรวะ”

“มึงลองดูมั้ยละ กูจะให้มึงได้อายบ้างนี่ไง ถ้ามึงยอมเป็นคู่เกย์กับไอ้กะปิ เดี๋ยวกูจะเอาไปบอกต่อทุกคน ดูดิว่ามึงจะทนได้มั้ย”

“มึงก็ช่วยกระจายข่าวให้อยู่แล้วนี่ ถึงกูไม่รับก็เหอะ”

มึงทำไปแล้วด้วย

“ไม่ๆๆๆๆ มันไม่หนักแน่นพอ มึงต้องยอมรับว่า ได้กับไอ้กะปิเป็นเมียในห้องลอคเกอร์ด้วย แล้วมึง 2 คนต้องจูบกันต่อหน้าคนอื่น”

ปัญญาอ่อนไปแล้ว

“มึงมันบ้า ที่โรงเรียนนี่มึงคิดว่ามีคู่กูคู่เดียวรึไง อีกตั้งกี่คนที่มันได้กันเองน่ะ”

อึก ยิ่งพูดยิ่งเหมือนด่าพี่ตัวเอง ต่อกำมือแน่น

“กูเกลียดมึงไงต่อ ลองตกจากที่สูง จากคนที่ใครๆก็รู้จัก เด็กหลังห้องเท่ๆอย่างมึง กลายมาเป็นตุ๊ดดูบ้างจะเป็นยังไง”

ไอ้ทีมกับไอ้แจคท่าทีร้อนลน พยายามสะกิดเรียกบูม

“มึงเอาปิไปไว้ไหน อย่าให้กูต้องลงเองนะ” พี่บูมตะโกนข้ามไป

“อะไรของพวกมึง”

“เฮ้ย เหี้ยแล้ว”

สองคนข้างๆ เขย่าตัวบูมใหญ่

“อะไรวะ” ต่อกับบูมมองหน้ากัน

“ต่อ!!!!” เอ็มวิ่งมาจากบันไดริมห้องพยาบาล

ท่าทางหอบแฮก

“ปิละ”

ต่อส่ายหัว

“เหี้ย มึงฆ่าคนตายไอ้อาท”

ทีม กับ แจค ทำท่าจะวิ่งหนี

ไอ้บูมเริ่มมองซ้ายขวา

เชี่ยละ พวกมันเล่นเหี้ยอะไรวะเนี่ย

ทั้ง 3 คนรีบวิ่งขึ้นไปทางสระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำที่ยาว 25 เมตร วิ่งจริงๆคงไม่เกิน 15 วินาที แต่นี่ต้องอ้อมสโมสรเข้าไปอีก เท่ากับวิ่งรวมๆกันเกือบ 100 เมตร ต่อจ้ำเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ลืมความเจ็บเอาไว้ข้างหลัง ถึงตอนนี้จะเริ่มเจ็บตัวแทบระเบิดอีกแล้วก็เถอะ

ถ้าปิไม่เป็นไร ต่อให้ต้องเจ็บอย่างนี้ไปอีกเดือนก็ยอม

อีก10 เมตรจะถึงที่ๆพวกอาทอยู่

อาทสีหน้าซีดยืนเก้กัง

“รีบลงไปช่วยสิมึง มึงเป็นนักกีฬาไม่ใช่เหรอ”

ต่อตะโกนใส่หน้าอาท

ตูม เสียงโดดน้ำดังขึ้น

ครูพละที่วิ่งตามเอ็มมากระโดดลงไปในสระ ฉุดร่างปิขึ้นมาแล้วพาขึ้นฝั่ง

ชุดนักเรียนเปียกชุ่ม

ครูกำลังผายปอด สองมือกดลงไปที่หน้าอกขาวๆ เล็กๆ แรงกดทำเอาตัวปิยุบขึ้นลงตามจังหวะ ต่อกลัวว่ากระดูกซี่โครงจะหักซะก่อน

หน้าปิซีดขาวไร้เลือดฝาด ปากแดงน่ากัดตอนนี้กลายเป็นสีชมพูจางๆ ร่างนอนนิ่งไม่ไหวติง

“เรียกรถพยาบาลเร็ว”

เอ็มกดโทรศัพท์โทรออก

ไม่ถึง 15 นาทีทุกอย่างก็จบลง

ครูพละโดดขึ้นรถไปกับปิ มีพยาบาลชายหญิงนำตัวซีดๆของปิขึ้นรถไปมีผ้าห่มคลุมไว้อยู่ สายออกซิเจนถูกครอบลงบนหน้า

“มึงเล่ามามึงทำไร”

“….......................”

ไม่มีเสียงตอบรับ ไอ้อาทยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

พวกคนมุงทะยอยกันกลับบ้าน ปล่อยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวของอย่างปิและเอ็ม จัดการกับเรื่องนี้ต่อไป

“มึงเล่ามา”

 เสียงเอ็มดังขึ้น เสียงมันเริ่มเปลี่ยน เสียงที่เคยมั่นใจในตัวเอง ตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์โมโห

เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบ

เอ็มเดินเข้าไปหาอาทใกล้ๆ

“หลบไป”

ต่อประเคนหมัดใส่หน้าอาทเต็มๆ ตามมาด้วยอีกทีที่ท้อง

“ไม่พอเหรอ”

อาทกลับมายืนตรงนิ่งก้มหน้ามองที่พื้นสระ ไม่กล้าแม้จะเหลือบตาไปมองทางสระว่ายน้ำ

เห็นท่าจะไม่ได้คำตอบ

ไอ้โง่นั่นสติหลุดไปแล้ว

“งั้นถามคนอื่น”

เอ็มดูท่าทางเริ่มจะทนไม่ไหว

“ไอ้ทีม มึงจะพูดมั้ย”

พี่บูมเดินเข้าไปใกล้

“มา กูเอง”

“กูเรียกเพื่อนมากระทืบมึงตายแน่”



บูมยกโทรศัพท์กำลังโทรตามคนอื่นมาเพิ่ม

“คือ... กูเห็นปิกับอาทยืนอยู่หน้าห้องพยาบาล ก็.. ก็เลยวางแผน”

“แยกกูออกไปสินะ”

ทีมพยักหน้า มือกำแน่น

เอ็ม ถีบเข้าไปที่ท้องทีมทีหนึ่ง

“แล้ว... อาทมันก็เรียก ปิขึ้นมาหา”

ต่อหันไปมองหน้าอาท รู้สึกร้อนราวกับอยู่ในเตาอบ ลมหายใจถี่ถูกสูดเข้าและออกจากตัว มันไม่ได้ช่วยทำให้ใจเย็นลง

“แล้วไง”

“ก็ …. ปิ ปิมันก็เดินมาเคีลยร์กับอาท”

“แล้วมันไปอยู่ในนั้นได้ยังไง”

ต่อเดินเข้าไปชกอาทเข้าที่หน้าอีกรอบ

“ก็... อาทมันผลักปิลงไป แล้ว .. แล้วบอกว่า ถ้ารอจนต่อมาช่วยได้ มันจะเลิกยุ่ง”

“มึงผลักมันลงไปทั้งชุดนักเรียนทั้งๆที่มันว่ายน้ำไม่แข็งอย่างมึงเนี่ยนะ”

“ก็ กูคิดว่าแค่ไม่นาน มันน่าจะลอยคอรอมึงได้ กูไม่รู้ว่ามึงจะหายเข้าห้องพยาบาลไปนานขนาดนี้”

เสียงสั่นๆของอาท หลุดออกมาจากปาก

30 นาทีได้นะนั่นในห้องพยาบาล

“พอเจอพี่บูม กูเห็นมันสนิทกับมึงเลยถามว่ามึงไปไหน”

อ้อ นี่เองพี่บูมถึงได้รีบมาตาม

“กูไม่ได้หันไปดูว่า ปิ มัน … มัน”

“เพราะมึงมัวแต่หันมาเถียงกับกูเรื่องได้กับปิอยู่สินะ”

อาทพยักหน้า

“ต่อไปเหอะ ทำไรไม่ได้แล้วละ”

เอ็มเดินมากอดคอต่อเอาไว้

เอ็มกำลังตัวสั่น ต่อยกมือขึ้นลูบหลังเอ็มช้าๆ มือต่อก็สั่นเช่นกัน

ความร้อนในตัวของเอ็มส่งผ่านมามาถึงต่อ ร้อนราวกับจะระเบิดออก เอ็มมันก็คงเป็นห่วงปิมากไม่แพ้กัน

พี่บูมไม่ได้พูดอะไรอีก ออกเดินไปก่อนเงียบๆ ท่าทางหนักใจ

อาทถอดกางเกงว่ายน้ำตัวเล็กนั้นออก แล้วหยิบชุดนักเรียนขึ้นมาใส่ มันคงลืมอายไปแล้วเหมือนกัน

มันก็คงตกใจไม่ต่างกัน

ไอ้แจคกับทีมยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ

“ไปเถอะ”

ต่อกอดคอเอ็มไว้แล้วหันหลังเดินออก ปล่อยพวกนั้นไว้บนสระอยู่อย่างนั้น

'อย่าเป็นไรนะปิ'

ถ้าเลือกได้ ต่อยอมแลกทุกอย่าง ทุกอย่างที่ต่อได้มาในชีวิตนี้ เพื่อ 15 นาทีสุดท้ายนั้น อย่างน้อยปิก็อาจจะยังลอยคอได้อยู่

มันช้าไปแค่ไม่กี่นาที

ต่อออกมาช้าไปเพราะเรื่อง …

'เหี้ยเอ้ย ไม่น่าเสือกเรื่องคนอื่นเลย’

กูทำตัวเองแท้ๆ

‘เวลาจะบอกชอบใครน่ะ มันไม่ใช่บอกเมื่อไหร่ก็ได้นะ ... บางครั้งโอกาสมันก็อาจจะไม่ได้มาถึงอีกเลย’

เอ็มเคยบอกต่อเอาไว้...

แล้วต่อก็ทำทุกอย่างช้าเกินไป
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ไม่ยอม [pg9] /_/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 06-03-2016 22:22:03
เล่นเกินไปแล้ว
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ฟองอากาศ [pg9] 14/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 14-03-2016 20:39:25
ปินั่งอยู่บนสแตนเชียร์โดยที่มีเอ็มนั่งอยู่ข้างๆ แดดยามบ่ายหน้าหนาวไม่ได้ช่วยคลายความกังวล นอกจากอาทแล้ว ที่อยู่ด้วยกันบนแสตนตอนนี้เป็นกลุ่มผู้คุกคามจากเมื่อวานเย็นในห้องเรียน

ถึงปิจะกล้าแค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่าจะทำเป็นเก่งได้ตลอด

ซ้อมใหญ่มันก็เหมือนๆเดิม สนามบอลตรงหน้าก็ไม่ได้น่าสนใจ

เมื่ออาทไม่อยู่พวกนั้นดูไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับปิอีกเท่าไร หรือเพราะเอ็มนั่งอยู่ข้างๆด้วย จริงๆแล้วคนที่เริ่มเรื่องทุกครั้ง เป็นอาทคนเดียว ที่เหลือก็ผสมตามน้ำไป

แต่นั่นแหละ จะเริ่มหรือไม่เริ่ม ถึงอยู่เฉยๆหรือร่วมด้วย มันก็เลวพอกัน

ที่ข้างๆนี้ เพื่อนแสนดีที่คอยช่วยเหลือมาตลอด

‘เอ็ม’

ตั้งแต่รู้จักเอ็มมา ไม่มีสักครั้งที่จะทำให้ปิรู้สึกไม่ดี เอ็มเอาใจใส่ปิเป็นอย่างดี ดีจนปิคิดว่าเอ็มคิดกับปิมากกว่าเพื่อน

ก่อนปิดเทอมใหญ่ของม. 2 ปิก็เลยตั้งใจว่าจะบอกเอ็ม

"ปิ แกดูออกมั้ยต่ออยู่ตรงไหน"

เสียงเอ็มขัดจังหวะขึ้น

"ก็พอจะได้อยู่นะ"

เอ็มทำหน้างงไม่รู้ว่าเพราะปิเล่นเกมมากหรือเพราะว่าปิให้ความสนใจในตัวต่อกันแน่ ไอ้ครึ่งเกมแรกที่อยู่ฝั่งนี้ยังไม่เท่าไหร่แต่พอไปอยู่ฝั่งโน้นออกจะดูยากสักหน่อย

ฟุตบอลมันจะสลับข้างกันเมื่อไปถึงครึ่งเกม

"หึ คนชอบกันนี่เนอะ"

ปิก้มหน้ามองที่หว่างขา หน้าเรื่อขึ้น

"อายไรวะ"

เอ็มกระซิบ

ปิส่ายหัวเร็วๆ

"เอ็มว่า ต่อจะบอกมั้ย"

ปิเลี่ยงคำว่า ชอบ

ถึงบนแสตนด์จะเสียงดังแต่ก็ไม่แน่ใจว่ามีใครแอบฟังอยู่หรือเปล่า

"มั่นใจหน่อยดิ มั่นใจในตัวเองแล้วก็ตัวต่อด้วย"

ปิพยักหน้า

“แกว่าใครจะชนะ" เอ็มเปลี่ยนเรื่อง

"ก็ต้องสีเราอยู่แล้วสิ"

"เข้าข้างกันเห็นๆสินะ"

ปิหัวเราะ

ผลการแข่งครึ่งหลังออกจะดูงงๆนิดหน่อย เพราะว่าปิเองเล่นแต่เกมส์ไม่ค่อยได้สนใจกีฬา ยิ่งฟุตบอลแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นไอ้ลูกบอลที่ลอยโด่งออกไปเมื่อกี้มันก็เป็นการเตะที่แย่มากแน่แน่

ร่างขาวเล็กๆที่ปิคุ้นเคยดีกำลังวิ่งออกไปทางด้านนอกสนามขึ้นแสตนด์นั่งลงไป

"อ้าวต่อเปลี่ยนตัวออกแล้วเหรอ"

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะ

“เอ็มดูออกมั้ย”

“อา... เมื่อกี้ไม่ได้ดูน่ะ”

ปิเอาขากระแทกขาเอ็ม

สงสัยคงเป็นเพราะว่าเจ็บตัวจากเรื่องเมื่อวานปิยังไม่ได้ขอต่อดูเลยว่าสภาพที่โดนเข้าไปเป็นอย่างไรบ้าง           เดี๋ยวรอให้เสร็จจากซ้อมกีฬาสีก่อนแล้วกัน

ตัวน่าจะเป็นจ้ำแน่ๆ

รอบสนามเริ่มมีการเกณฑ์เด็กลงจากสแตนด์ไปตั้งแถว

เด็กชั้นม.ต้นที่ทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมขบวนพาเหรดค่อยๆเดินลงไปจับกลุ่มกันอยู่ตามนอกสนามบอลตอนนี้ ยกเว้นผู้ที่ลงกีฬากับโดนทิ้งให้นั่งตากแดดอยู่บนแสตนด์

ปิใช้อภิสิทธิ์ของเอ็ม นั่งดูอยู่บนแสตนด์

เสียงเพลงกราวกีฬาดังขึ้นท่าทางจะเริ่มมีการเตรียมสำหรับช่วงสุดท้ายของการซ้อมแล้ว

เอ็มยังคงนั่งๆอยู่ข้างๆ ดูแล้วท่าทางไม่รู้จักเบื่อ


ปีที่แล้ว...

'เอ็ม เอ่อ เราคิดว่าเราชอบเอ็มนะ'

ปิรวบรวมความกล้าแล้วบอกเอ็มออกไป

ในใจเองก็ยังไม่เข้าใจดีนักว่า คำว่า “ชอบ” มันใช่แบบเดียวกับที่เค้าพูดกันรึเปล่า

คำตอบรับของเอ็มกลับเป็นว่า

‘ขอเวลาเอ็มคิดหน่อยนะ'

มันไม่ใช่ทั้งปฎิเสธหรือตอบรับ นิสัยอย่างเอ็มน่ะ มีเหรอจะบอกปฏิเสธ สักพักเอ็มก็คงจะกลับมาบอกว่า ‘ก็ได้’

‘เรากำลังทำให้เอ็มลำบากใจรึเปล่านะ’

เวลาปิดเทอม ปิ ทำตัวตามเดิม จะให้ไปคาดหวังอะไรกับคำตอบที่รู้อยู่แล้ว ถ้าเป็นเอ็มก็คงจะดี แต่เอ็มจะไม่คิดยังงั้นนะสิ

จนเมื่อเปิดเทอมใหม่ วันแรก

'ตกลงปิ มาคบกันนะ'

ตรง ได้ใจความและหนักแน่น ตามแบบของเอ็ม

เจ้าของคำตอบนี้ ยืนดักหน้าห้องเรียนใหม่ของปิแต่เช้า

'เราเปลี่ยนใจแล้วอะ ขอโทษนะ'

ตอนนั้นปิไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ราวกับความรู้สึกมันจางหายไปกับเวลาปิดเทอม

ช่วงนั้นเจอกับเอ็มน้อยมาก

บางทีที่ปิคิดกับเอ็มคงไม่ใช่ละมั้ง

คำสารภาพของปิ มันน่าจะทำให้เอ็มหนักใจ...

‘เราตัดใจเองดีกว่า’

เอ็มเดินหน้าเสียกลับเข้าห้องตัวเองไป

ไม่กี่วันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม...

ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดให้ปิเพิ่มขึ้น



เปิดเทอมใหม่ ม.3 สภาพเหมือนหนูเดินเข้ากรงแมว ไม่มีใครเป็นมิตร

'นั่งข้างนี่' คำพูดแข็งๆของต่อ แต่ดูมีความหมาย

เวลาเกือบตลอดปีที่ปิใช้เรียนรู้นิสัยต่อ

เด็กผู้ชายตัวขาวๆที่มีสีหน้าเดาอารมณ์ไม่ถูก ทำให้ปิเดาได้ยากว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ตอนไหนพูดจริงหรือพูดเล่น

มันกลับไม่ใช่ ใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ มันเป็นนิสัยของต่อเอง

ต่อไม่ได้สนใจความเป็นไปของคนรอบข้าง สิ่งที่ต่อสนใจมีอย่างเดียวคือ พี่ต้อง

ความใจดีของต่อก็คงได้มาจากพี่ชาย

พี่ชายต่างแม่

ต่อเองคงจะไม่รู้ตัว

คิดดูมันก็เป็นเรื่องน่าแปลก ครอบครัวปิที่มีแค่ปิคนเดียว เป็นเหมือนลูกหัวแก้วหัวแหวน แต่ต่อที่ต้องอยู่ด้วยตัวเองกับสภาพบ้านจากที่ได้ฟังมา

 ‘มีแค่พี่ต้องที่ให้ความสนใจในตัวต่อ’

เมื่อเกมเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ต่อก็ดูจะแสดงออกตามวัยมากขึ้น ติดเกมตามประสาวัยรุ่น จากที่เมื่อก่อนไม่มีอะไรให้พูดคุยกัน จากวันที่ปิโดนแกล้ง ต่อก็เข้ามาช่วยแล้วก็จะมีหัวข้อสนทนาที่ลื่นไหลกันแค่ 2 คน

พอมีเกมยิ่งให้ต่อเอาไปเล่นที่บ้าน มันกลายสภาพต่อเป็นเด็กช่างคุยที่เหมือนเพิ่งเดินเข้าไปในโลกใหม่ แล้วปิเป็นผู้เล่นที่เลเวลสูงกว่าต้องแนะนำผู้มาใหม่

ความรักคงเริ่มก่อตัวขึ้นตอนนั้น

รู้สึกว่าตัวเองมีข้อดีที่คนอื่นต้องการถึงจะไม่ยิ่งใหญ่แต่อย่างน้อยต่อก็เห็นและความสำคัญกับแสงสว่างเล็กๆ คล้ายหิ่งห้อยในมุมห้อง ปิเหมือนหิ่งห้อยที่ต่อเดินเข้ามานั่งดู แล้วเฝ้ามองคอยปกป้องดูแล

ไม่ว่าในเกมหรือชีวิตจริงมันรู้สึกดีทั้งนั้นแหละเมื่อมีผู้ร่วมเดินทางไปสายเดียวกัน

ต่อกับปิ กำลังเติบโตไปด้วยกัน

พอปิเริ่มรู้สึกชอบ เรื่องของเหตุผลมันก็ถอยห่างหายไป ไม่สนใจแล้วว่าต่อจะสนใจในตัวปิแบบเดียวกันหรือไม่

ในห้องลอคเกอร์ ปิ จึงเต็มใจอย่างยิ่งที่ต่อจะได้เป็นคนแรก

คิดๆดูแล้ว ปิเองก็น่าจะเป็นคนแรกของต่อเหมือนกัน

‘คิดทำไมให้ปวดหัว'

เอ็มยืนยันแล้วว่า ต่อ ชอบ ปิ จริงๆ

ตอนนี้ก็ได้แต่รอเวลา

เอ็มให้ความหวังไว้ว่าต่อจะพูดแน่ๆ

ไม่ใช่ว่าปิต้องการจะเล่นตัว แต่ถ้าต่อกล้าพูดก็แปลว่าต่ออยอมรับ ไม่ใช่ตอบ ใช่ๆ ไปอย่างในเกม

เอ็มเองก็แนะนำว่าต้องให้เวลาต่อ แล้วก็รอ เรื่องแบบนี้คงจะไปเร่งฝ่ายเดียวไม่ได้

เสียงเพลงในสนามยังดังต่อเนื่อง ขบวนพาเหรดสีของปิเดินผ่านด้านข้างแสตนด์ไปหยุดลงแถวหน้าเครื่องเสียง

หยุดตั้งแถวรอ

อะไรบางอย่างฮือฮาขึ้นทางด้านไกลของแตนด์ หัวขบวนของสีฟ้าไปหยุดอยู่นั้น มีคนล้มลง

"เอ็มอะไรอะ"

"ไม่รู้ดิ"

ไกลเกินกว่าจะเห็น

เห็นเด็กนักเรียนพยุงร่างที่ลงในนั่งกับพื้นออกจากแถว

"ใครเป็นไร"

เอ็มส่ายหัว

ทุกอย่างยังดำเนินต่อไป แถวก็ยังเดินต่อ อีกพักใหญ่ๆกว่าจะจบการซ้อม แปลว่าอีกพักใหญ่ๆกว่าปิจะได้เจอกับต่อ

เสียงครูประกาศขึ้นดังๆผ่านทางเครื่องขยายเสียง

ส่วนมากจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกำหนดการวันจริง การเตรียมความพร้อม ที่ๆห้ามไปเช่น บนตึก หลังโรงยิม การรักษาความสะอาด ตามมาด้วยตลกแบบสูงวัยของครูผู้ประกาศ

ตอนเด็กดูจะเป็นเรื่องน่าขำไปเสียทุกอย่าง พอโตขึ้นมา ทำไมมุกมันฝืดได้ขนาดนี้

ประกาศปล่อยเลิกมาถึง

เด็กค่อยๆแยกย้ายกันออกจากแสตนด์

มีรุ่นพี่คนหนึ่งเดินตรงดิ่งเข้ามาหา

"เอ็มป่าว"

“พี่มอไซ?"

ชู่ว

บูมทำเสียงให้เงียบ

"เดี๋ยวกูก็โดนหรอก"

"คับพี่ มีไรเหรอ"

"ต่อฝากมาบอก ให้ไปเอาของบนห้องแล้วไปรอแถวหน้าห้องพยาบาลน่ะ"

เอ็มกับปิทำหน้างง

"พี่ของไอ้ต่อมันโดนไม้ฟาดหัวเมื่อกี้"

"เดี๋ยวกูไปรอด้วย มันกลัวมีใครจะไปทำไรไอ้กะปิก่อน" บูมพูดชื่ออย่างรู้จักดี
ก่อนจะมองออย่างสำรวจด้วยหางตา

"ครับ"

ไม่มีเหตุผลให้เถียง

ปิกับเอ็มขึ้นตึกไปเอากระเป๋านักเรียนแล้วกลับมา มารอหน้าห้องพยาบาล

"เดี๋ยวเราอยู่เป็นเพื่อน"

"เอ็มไม่รีบเหรอ"

เอ็มจ้องหน้านิ่ง

"ถ้าต่อมา เราจะไม่เป็นก้างหรอกน่า"

"ไม่ใช่ยังงั้น"

เอ็มหัวเราะ

“ปะลงไปรอกัน"

‘เอ็มจะยังคิดยังงั้นอยู่มั้ยนะ’

เรื่องเมื่อตอนเปิดเทอมรบกวนใจปินิดหน่อย

กระเป๋าต่อถูกปิหิ้วติดตัวไป เอ็มเห็นแล้วคงทนไม่ได้

ถ้าไม่ได้เอ็มมาถือให้ มันคงจะเหมือนเมื่อปีที่แล้ว ที่ต่อไปคุยกับพี่ชาย แล้วให้ปิถือกระเป็าวิ่งตามต้อยๆ

“มาเราถือให้เอง"

เอ็มเองก็คิดอย่างเดียวกัน

"นี่พี่ต่อจะเป็นไรมั้ยอะ"

เอ็มส่ายหัว

"ไม่รู้ดิ เดี๋ยวเจอก็ถามเลย"

ทั้งคู่ออกเดินมาลงบ้นไดริมด้านที่อยู่ติดกับห้องพยาบาล จากตึกเรียนบันไดริมอยู่ริมขอบตึกตามชื่อเป็นบันไดมุ่งตรงยาวลงไปข้างล่างคล้ายๆทางหนีไฟ  ผนังเป็นเหมือนช่องทางเล็กๆที่กำแพงถูกเจาะเอาไว้เป็นรูให้แสงรอดเข้าไปได้

แสงแดดสีเหลืองอ่อนยามบ่ายรอดผ่านรูเข้ามา

ฉายลงบนพื้นให้ความสว่างเป็นดวง

"ตื่นเต้นเหรอ"

"หา"

"ป๊าว"

เอ็มหัวเราะ

"เอาใหญ่แล้วนะ"

ปิ มองลอดแว่นออกมา

"คร้าบบบบบ ขอโทษ"

เอ็มตบหลังปิเบาๆ

ตามที่นัดไว้ เอ็มพาปิไปอ้อยอิ่งอยู่แถวหน้าห้องพยาบาล คำว่าหน้าห้องคงไม่ถูกเท่าไรนัก มันเลยจากหน้าห้องลงไปอีกหน่อย

ห้องพยาบาลอยู่ชั้นล่างสุดของตัวตึก มองไปเจอทางเดินแล้วก็ถนน ข้ามไปจะเป็นช่องทางสำหรับรถวิ่งในโรงเรียน แล้วก็... สระว่ายน้ำ

"นี่ นายครูเรียกแน่ะ"

"เรียกพี่? เรียกทำไม"

เด็กม.1 แก้มแดงไปข้างหหนึ่งยืนตัวสั่น

เด็กคนนั้นยังนืนยันคำเดิม

"ครูรออยู่ที่ตรงหน้าโรงยิม"

เอ็มยังทำหน้างง

"เดี๋ยวมานะปิ"

น้ำเสียงลังเล

"ไปเถอะ เรารอแถวนี้แหละ ไม่ไปไหนหรอก"

"ห้ามไปไหนนะ"

เอ็มออกเดินไปหันหลังให้กะปิ เดินไปอย่างรวดเร็ว ปิคิดในใจว่าจะมีวันไหนที่ได้เห็นอย่างนี้อีกไหม ถ้าต่อกับปิเป็นแฟนกัน เอ็มจะทำยังไงนะ

เอ็มเองก็ดีกับปิมาตลอด... ถ้าเป็นได้ ปิ เองก็อยากจะอยู่ข้างหลังเอ็มอย่างนี้ต่อไป

‘นี่ ตอนนั้นแกก็ไปหลบหลังต่อสิ’

ปิหัวเราะออกมา นั่นสินะ

ปิยืนก้มหน้ารอเวลา

'เมื่อไหร่ต่อจะออกมาซะทีนะ'

"นี่รอผัวเหรอ"

เสียงดังลอยมาจากทางสระว่ายน้ำ

อาทในกางเกงว่ายน้ำตัวเล็กยืนเกาะขอบรั้วกั้นอยู่ ขอบสระที่สูงจากพื้นเกือบ 2 เมตรแหงนหน้าขึ้นไปเจอเป้าของอาทใต้กางเกงว่ายน้ำตัวเล็กจิ๋ว

ภายใต้นั้นของอันนิดนึง

"เฮ้ย กะปิถ้าอยากจบเรื่องนี้ก็ขึ้นมานี่"

อาททำท่าเชิญชวน

ปิลังเล

เอ็มกับต่อ บอกไม่ให้ไปไหน

แต่เอาเถอะ จะมัวหลบอยู่หลังสองคนนั้นไม่ได้ อีกอย่างถ้าจบเรื่องนี้ได้ มันก็จะเป็นผลดีกับต่อด้วย ไม่แน่อาจจะได้ต่อเป็นของแถมด้วยก็ได้

…เอะ ปิ รู้สึกตัวเองทะลึ่งขึ้นมา

ปิก้าวเดินอ้อมไปทางขึ้นตรงสโมสร ในใจก็คิดว่าตัวเองคิดถูกหรือไม่ สระยาว 25 เมตร ส่วนที่อาทรออยู่เป็นจุดลึกสุด ลึกเกือบ 3 เมตร

"มึงมีปัญหาไรกับกูหนักหนาวะ"

"ทำไมมึงชอบทำตัวอ่อนแอวะ"

ปิ สะอึก

"กูเปล่า"

ไม่แน่ใจว่าอาทต้องการอะไรกันแน่

“เกี่ยวอะไรด้วยวะ”

พวกนั้นหัวเราะคิกคัก

"กล้ามาคนเดียวด้วยวะ"

สภาพของปิตอนนี้ ในหัวฉายเป็นภาพของบอสตัวใหญ่น่าเกลียดที่ใส่แต่กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋ว งูตัวน้อยๆในนั้นพร้อมจะโผล่หัวออกมาแสดงความหยิ่งผยอง

ลมเย็นพัดวูบใส่หน้า

วันนี้ปิต้องสู้กับบอสคนเดียวสินะ

"มึงเลิกยุ่งกับพวกกูเถอะ"

"เหตุผลละ ไอ้ควาย!!!"

"มึงได้อะไรจากเรื่องนี้ มันไม่ทำให้พวกกูแย่ในสายตาคนอื่นเท่าไรหรอกนะ รร.ชายล้วนมึงก็รู้ เรื่องแบบนี้มีข่าวลือเสมอ มีใครจริงจังบ้าง"

"ไอ้เหี้ย มึงไม่เป็นกูที่เดินไปไหนมีอต่คนแซวว่าKเล็กดูบ้างนี่"

"อาท ไม่มีใครสนใจหรอก พวกมันก็พูดกันไป มึงจำไอ้รันที่ฉายาKม้าได้มั้ย มึงคิดว่าจริงเหรอ"

ปิจ้องหน้าตรงๆ

"ไม่ การที่กูโดนเอาไปเปรียบเทียบว่าแย่กว่ามึง นั่นทำให้กูทนไม่ได้มากกว่า"

"ถามจริง ในห้องเนี่ยกูเห่ยสุดแล้ว มีคนรู้จักกูด้วยเหรอ"

อาทเงียบไป

ความเงียบเข้ามาแทรกระหว่างกลางอยู่นาน ลมพัดเย็นขึ้น อากาศเริ่มเย็นลงอีก พระอาทิตย์คงจะกำลังลับขอบฟ้าในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้

อาทเดินเข้าไปจับคอเสื้อปิ แล้วกระโดดลงสระ

ตูม!!!!

"เหี้ยอาท มึงทำเกินไปแล้ว" ไอ้ทีมตะโกนตามลงมา

"ถ้ามึงทนจนไอ้ต่อขึ้นมาช่วยมึงได้ กูจะยอมเลิกยุ่งกับพวกมึง"

ปิ พยักหน้า

เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว

แค่ลอยคอรอต่อ คงไม่ยากเท่าไร

อาทลอยคออยู่ใกล้ๆ นานเท่าไรไม่รู้ ไม่มีวี่แววว่าต่อจะออกมา ทุกครั้งที่ปิเหมือนจะหมดแรง อาทจะเข้าไปพยุงตัวให้ลอยต่อไปได้

ปิ แอบเห็นสายตาเป็นห่วงของไอ้อาท

บ่อยครั้งที่ปิแทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรเลย ปล่อยให้อาทเอามือจับเอวปิ แล้วยกร่างเอาไว้อย่างนั้น

“เอาเว้ย ปิ สู้เพื่อต่อมันหน่อย”

อาทไม่ขำ

“ไหวมั้ย”

มันถามเสียงกระซิบ

ปิได้แต่แอบพยักหน้าให้

หึ คนโง่อย่างอาท

จริงๆมันแค่เลิกแกล้งไปเฉยๆซะก็ได้ แต่กลัวเสียฟอร์มสินะ เลยทำเป็นว่า ปิ สามารถผ่านการทดสอบของมันได้

“ปิ ปิ”

เสียงเรียกชื่อข้างๆดังขึ้น

“มึงทำเพื่อมันขนาดนี้เลยเหรอ"

มือของอาทยังช้อนตัวปิเอาไว้ ตอนนี้ปิแทบจะนั่งอยู่บนขาอาทแล้ว นักกีฬาอย่างมันลอยตัวเป็นเรื่องง่าย ตัวปิเองก็เบา มันเลยดึงไปใกล้ๆแล้วเอาเข่าดันก้นไว้

ปิ ไม่ตอบ น้ำเริ่มเย็นขึ้นหรือว่าปิ คิดไปเอง

"ถ้ากูมีเพื่อนแบบมึงมั่งคงดีนะ"

ปิหันไปมองหน้าอาท

อาทไม่ตอบ เปลี่ยนเป็นลอยคออยู่ข้างหลังมือคล้องเอวปิไว้

"เฮ้ยๆ ออกมาแล้ววะ"

อาทผละออกว่ายขึ้นสระไป

“ทนหน่อยนะมึง”

อาทตีน้ำว่ายออกไป

ทนอีกหน่อยนะปิ ไม่ถึง 5 นาทีเอง

"เฮ้ ....”

เสียงใครกันนะ

ต่อคงกำลังจะรีบขึ้นมาเดี๋ยวก็คงได้โวยวายกันแน่ แล้วต่อคงจะกระโดดเข้าไปต่อยหน้าอาท ก่อนจะโดดน้ำลงมา

ขากลับขึ้นไป ต่อ คงจะบ่นตลอดทางแน่ว่า เสื้อผ้าเปียกอย่างนี้จะกลับบ้านไปยังไง เดี๋ยวที่บ้านเห็นเข้าคงได้ด่าว่าต่ออีกแน่

พี่ต้องนี่ก็คงจะไล่เรียงเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น

แล้วต่อก็จะไม่สบายใจ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงจะมาเอาเกมส์ไปเล่นแก้เซ็ง

แล้วอาจจะโวยวายใส่ปิเป็นบางครั้งด้วย

หือ... หรือจะชวนต่อไปนอนด้วยที่บ้านดีนะ ถ้าปิทำได้ ต่อก็ต้องยอมปิเป็นของรางวัลละนะ

ความเจ็บเกิดขึ้นที่ขาข้างขวา กล้ามเนื้อกำลังหดเกร็ง

"อะ อาท" น้ำเริ่มท่วมขึ้นมาถึงปาก

ปิดีดตัวอีกที ตะโกนสุดเสียง

"ต่ออออออออออ"

"เชี่ยอาท แย่แล้ว"

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ปิได้ยิน

ขอบสระดูไกล

ถึงตอนนี้ช่างหัวทุกอย่างก่อน ปิ ดันตัวเองไปทางขอบสระที่อยู่ใกล้ที่สุด อาทเองไม่ได้ทิ้งไว้ไปไกลจากขอบสระเลย จริงๆ แค่สองสามก้าวก็ถึงแล้ว

แต่ทำไม...

ทำไมขอบสระมันดูไกลออกไปเรื่อยๆนะ

ปิกระพริบตาหนึ่งครั้ง

เมื่อลืมตาขึ้นมา โลกทั้งโลกเจือไปด้วยสีฟ้าของคลอรีนในน้ำ

แสดงแดดสีส้มเจืออยู่บนผิวน้ำ มองจากข้างล่างขึ้นไป มันช่างสว่างส่องแสงระยบบราวกับกระจก แสงแดดยามเย็นสีส้มของหน้าหนาว ปนด้วยสีฟ้าเข้มๆของคลอรีน มันตัดกันอย่างลงตัว

ในน้ำที่เย็น มันรู้สึกสบายแปลกๆ

เสียงเอะอะรอบข้างหายไป

ปิปล่อยตัวสบายๆ ไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะขัดขืน

ร่างขาว ร่วงลงช้าๆราวกับดอกไม้ที่ถูกกดลงในอ่างล้างหน้า

ดอกไม้สีขาวที่ถูกโยนทิ้งไว้ลำพัง กำลังหายไปที่ก้นสระ

แว่นดำที่แตกข้างหนึ่ง ตกลงจากหน้า

ปิคงไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกต่อไป



อีกเดี๋ยวต่อคงจะมาฉุดปิขึ้นไป ได้โวยวายใหญ่แน่

ปิ ยิ้ม

นั่นสิ... ถ้าขึ้นไปได้จะขอกอดต่อแน่นๆหน่อยๆนะ

อยากจะกอดให้หายหนาวไปเลย

กอดยาวจนถึงพรุ่งนี้...

พรุ่งนี้ก็เรียนวันสุดท้ายแล้วนี่

ปีใหม่จะชวนต่อไปไหนดีนะ....

ไว้ค่อยถามดีกว่า

อะ... รถมารับแล้ว

เดี๋ยวเจอกันนะต่อ พ่อแม่มารับปิกลับบ้านละ

ปิยิ้มแหยๆให้กับฟองอากาศขบวนสุดท้าย

ฟองอากาศสีเงินลอยขึ้นไปสู่ผิวน้ำ แล้วแตกออก

ก่อนจะลอยขึ้นไปสู่ผิวน้ำ...
หัวข้อ: Re: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ฟองอากาศ [pg9] 14/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 16-03-2016 16:18:05
 :monkeysad:
หัวข้อ: (10 CM) ขอแค่ 5 นาที : ตื่น [pg9] 18/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 17-03-2016 19:59:30
ขอแค่ 5 นาที : ตื่น

ฟุ่ว ฟุ่ว

เสียงลมตีเข้ามาที่หน้าต่าง เกิดเสียงผ้ากระแทกตามแรงลม

ผ้าม่านสีขาวบางปลิวรับกับแรงลม แสงแดดสีเหลืองอ่อนส่องลงมาอย่างแผ่วเบากระทบกับผนังฝั่งหัวเตียง เกิดเป็นเงาวูบไหวเมื่อแสงโดนตัดโดยผ้าม่าน

ต่อคิดว่านกในตอนแรก

'นี่กี่โมงแล้วนะ'

แขนขาอ่อนแรง จะไปหยิบโทรศัพท์มาดู เหมือนจะไม่ไหว

ต่อรู้สึกเย็นแปล๊บที่หลัง

'นี่นอนเหงื่ออกเยอะขนาดนี้เลยเหรอ'

ชุดนอนสีเลือดหมูลายตารางยับยู่ เปียกแปะติดหลังให้รู้สึกอึดอัด กางเกงขายาวสีเดียวกันกลับแห้งสนิท ไม่มีส่วนไหนที่ตื่นก่อน แสดงว่าร่างกายเหนื่อยจริง

หันไปมองด้านข้างเห็นโต๊ะหนังสือตัวเล็กที่ใช้ประจำของต่อ ทะลุคนที่คิดว่าจะอยู่ข้างๆไป

'นั่นสิ จะมีใครมานอนข้างๆละ'

ไม่มีจริงด้วยสินะ

น้ำตารื้นขึ้นมา

ต่อต้องพยายามบอกตัวเองให้อย่าร้องอีก ตื่นมาก็ร้องไห้เลย วันนี้ทั้งวันคงจะไม่สวยแน่ วันทั้งวันที่ไม่มีอะไรให้ทำ มันว่างเปล่า พี่ต้องไม่อยู่ น่าจะอีกหลายวันเลยกว่าจะกลับ

ต่อคงต้องอยู่คนเดียว

รวบรวมแรงขึ้นมา ดันตัวเองขึ้นแล้วไปหยิบโทรศัพท์มาดู

11.45 am

นอนไปได้ยังไงเนี่ย

สไลด์โทรศัพท์ ปลดล็อคหน้าจอ โทรศัพท์เก่าของพี่ต้องที่ยังใช้ได้ดี

กดดูหมายเลขเรียกเข้า

'...ไม่มีจริงๆสินะ'

แปะๆ

น้ำใสๆหยดลงบนที่นอนเป็นดวง เปียกไปทั่วทั้งโทรศัพท์ ชุดนอน น้ำตาที่ไหลออกมาเอง ไม่ว่าจะพยายามห้ามยังไงก็หยุดไม่ได้

หน้าต่างถูกผลักออกแรงๆให้ลมเข้ามาตีหน้า

ฮึกๆ

ต่อยังสะอื้น

"ไม่มีจริงด้วยสินะ"

ต่อพูดให้กับเช้าวันปีใหม่ ผิดหวังจากสายเรียกเข้า 30 กว่า สายที่เห็นเมื่อคืนนี้ ถ้ามันไม่มีจริง... สิ่งที่ต่อรู้สึกว่ามี มันก็ไม่จริงเช่นกัน

ที่นอนยวบยาบเป็นเสียงว่าผู้ที่นอนอยู่กำลังลุกขึ้นจากเสียง

เสียวแปล๊บที่ก้น

'อะไรวะ'

ปิ ไม่ได้มาหาแล้วมันจะเป็นจริงได้ยังไง

ต่อเดินลงไปข้างล่าง อาการแปล๊บหายไปแล้ว ได้แต่หวังว่าคงจะคิดมากไปเอง

เมื่อคืนโดนปิเอา ฝันบ้าๆ สงสัยจะเป็นเอามาก แต่...

เอามือจับเป้าดู ไม่เปียกนี่นา

ไม่รู้สึกเหมือนมีการใช้งานด้วย

บ้านเงียบและมืด

ไม่มีใครกลับมาบ้าน

ในห้องครัว ที่ที่น้าชอบทำกับข้าวประจำก็ไม่มีใครอยู่

โต๊ะกินข้าวอยู่ติดกับห้องครัว กึ่งกลางระหว่างห้องนั่งเล่น

นั่งอยู่คนเดียว เก้าอี้ตัวอื่นถูกเก็บสอดเข้าใต้โต๊ะอย่างดี 2 3 4 ทั้งบ้านมีกันแค่ 4 คน ตอนนี้เหลือ 3 มันจึงยิ่งดูเงียบเหงาน่าหดหู่

ต่อเอื้อมมือจะกดโทรศัพท์....

'คงไม่มีใครรับ'

จะโทรหาใครละ อาท? ทีม? พีท? ... พี่ต้อง? ปิ?

ต่อกำโทรศัพท์แน่น

ปิ ปิ ปิ

ในหัวมีแต่เสียงเรียกชื่อนี้ ก้องกังวาล ราวกับวิทยุเล่นเพลงสะดุด เหมือนอ่านหนังสือที่ผู้แต่งไร้ความสามารถ สื่ออารมณ์ ออกมาด้วย ชื่อเพียงชื่อเดียว

ปิ ปิ ปิ

อึก

ไม่ ไม่ร้องแล้ว พอเถอะ

แกร๊ก เสียงไขประตูหน้า

ต่อนั่งตรง เอาหลังมือปาดน้ำในดวงตาออก

"ต่อ ตื่นแล้วเหรอ" เจ้าของเสียงทักทาย

"ไหวมั้ย"

เสียงดูเป็นห่วงเป็นใยราวกับว่า ผู้ถูกเรียกไปทำอะไรสาหัสมา

ต่อพยักหน้า

เอะ

"เอ็ม"

เจ้าของชื่อมองหน้างงๆ แล้วยิ้มให้ ยิ้มมั่นใจในตัวเองต่างจากกะปิ เป็นยิ้มที่เป็นมิตรและพึ่งพาได้

"มาได้ไง"

ต่อนึกไม่ออก

"เอ้า ข้าวมาแล้ว กินไหวมั้ย"

กินไหว?

อุ๊บ

กลิ่นคาวอาหารลอยขึ้นมาชนกับจมูก ถึงจะจางๆแต่เหม็นชวนให้อยากอ้วก

"เดี๋ยวเราเอาพวกเนื้อกับลูกชิ้นออกให้ กินแต่เส้นกับน้ำซะ"

เสียงก๊องแก๊ง จากครัวเรียกสติต่อกลับมา

ใช่แล้วเมื่อคืนเอ็มมาที่นี่

ตึง

ชามก๋วยเตี๋ยวถูกวางลงตรงหน้าต่อ ในชามมีแต่เส้นขาวๆกับน้ำร้อนๆ

ต่อใช้ช้อนส้อมตักขึ้นมากินช้าๆ รู้สึกพะอืดพะอม

เมา?

ต่อไม่เคยกินเหล้ามาก่อน ให้ถูกเบียร์ แต่จะเหล้าหรือเบียร์ก็ไม่เคย พี่ต้องห้ามเด็ดขาด ไม่เคยสักครั้งที่ต่อจะกินจนเมาแล้วกลับบ้าน แก้วสองแก้วต่อก็รู้สึกกลัวกับสิ่งที่จะเจอตามมา ต้องเหมือนพ่อของต่อ น่ากลัวเหมือนกันด้วย

'เอ็มมาได้ไง'

ต่อค่อยๆกินช้าๆ รู้สึกคลื่นไส้ไม่หาย

น้ำแกงร้อนๆ สองคำแรก ช่วยให้ดีขึ้น แต่น้ำเปล่าน่าจะดีกว่า

ต่อมองเอ็มที่นั่งจ้องอยู่ตรงข้ามผ่านก้นถ้วย ใบหน้าบูดเบี้ยวตามส่วนโค้งเว้าของแก้ว

เมื่อวานปิไม่ได้เป็นคนโทรมาหาต่อ

ภาพความจริงกับจินตาการค่อยๆแยกออกจากกัน โลกสองใบไม่ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวอีกแล้ว

พี่บูมมาส่งต่อที่บ้านตอนเกือบเที่ยงคืน เสียงพลุกับลมแรงตีหวีดหวิวใส่หูต่อ เสียงจักรยานยนต์ที่วิ่งช้าๆบนท้องถนน

แสงไฟปีใหม่ตามต้นไม้ลบภาพปิออกไปจากใจต่อได้แค่ชั่วคราว ข้างหน้าเห็นแต่หลังของพี่บูมผ่านเสื้อกันหนาวสีดำ หมวกกันน๊อคก็สีดำ ทำให้เจ้าของตัวตัวเตี้ยตันเข้าไปอีก

ก่อนขึ้นรถกลับบ้าน ต่อกินอะไรบางอย่างเข้าไป เม็ดๆ สีประหลาดอย่างกับวิตามินเปียกน้ำ ยาที่ได้มาจากพวกอาทเมื่อปีที่แล้ว

ต่อแอบซ่อนไว้ใต้ลิ้นชัก ของที่ต่อไม่เคยคิดจะลอง

พวกนั้นเลิกเมื่อโรงเรียนมีการตรวจฉี่ทุกปี ช่วงแรกเกือบทุกสามเดือนเพื่อขจัดปัญหายาเสพติดออกไปจากโรงเรียน

ก่อนเลิกพวกมันโยนมาให้ต่อเม็ดหนึ่ง

เมื่อวานต่อหยิบยาออกมาปนกับยาแก้ปวด มันถูกเก็บอยู่ในกระปุกยาพาราเม็ดแบบเดียวกัน ไม่ได้ลืมแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน เมื่อเข้าปากลงท้องไปแล้ว มันก็ช่วยอะไรไม่ได้

'กินผิดเหรอ ช่างมันเหอะ'

อะไรเกิดขึ้นอีกต่อจำไม่ได้ เรื่องราวคล้ายภาพถ่ายไหลผ่านหัว แสดงให้เห็นเป็นภาพทีละใบๆ แต่ไม่เรียงต่อกัน รู้ตัวว่าโทรตามพี่บูมมารับบนสะพานแล้ว ตัดไปกำลังกลับบ้าน

รูปใบสุดท้ายที่โผล่ขึ้นมาเป็นบ้านหน้าตาคุ้นเคย บ้านที่ไม่ใช่บ้านของต่อ ที่ๆต่อไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้อง แค่มาอาศัยอยู่ เจ็บจิ๊ดจึ้นบนหัว

ทุกอย่างเบลอ ดูเลือนไป

แล้ว... โทรศัพท์แสดงหมายเลขปิ

ไม่ใช่...

"เมื่อวานเอ็ม"

เอ็มพยักหน้า ปล่อยให้ต่อนึกเองคงเช้าพรุ่งนี้แน่

"ไม่สบายยังจะออกไปกินเบียร์ ไม่ตายก็ดีแค่ไหนละ"

ต่อเงยหน้าจ้องตาเอ็ม

"โทษนะ" แล้วหลบตา จะให้บอกว่าเป็นยาคงไม่ได้

"เมื่อวานพอต่อโทรหาพี่บูมเสร็จ พี่บูมก็แอบตามเรามาช่วย บอกท่าทางต่อจะไม่ไหว"

"งั้นชุดนอนนี่?"

สองนิ้วคีบเสื้อสีเลือดหมูขึ้นมา

เอ็มยกคิ้วค้างแล้วจ้องหน้า

"ก็สภาพยังงั้นไม่เช็ดตัวให้จะนอนยังไง"

ใช่แล้ว ไข้ขึ้นจากวันที่โดดน้ำนี่นา

เมื่อ 2 วันก่อน ในห้องสี่เหลี่ยมสีส้มอ่อน มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย โต๊ะเรียนต่อกับปิยังอยู่ที่เดิม น่าแปลกโต๊ะปิตอนนั้นกลับโล่ง ดูขัดลูกตา

แถวนั้นที่นั่งว่างด้านซ้าย ตัวต้นเหตุก็ไม่อยู่เช่นกัน

ป่านนี้คงอยู่ห้องฝ่ายปกครอง

ต่อท้าวคางหันออกมองหน้าต่างขวามือ มุมเดิมไม่มีผมดำนุ่มของปิบัง

ไม่มีอะไรในห้องที่ต่างออกไป ต่อกำมือแน่น กรามขบ

'พวกมึงไม่เห็นเหรอ ใครหายไป'

ต่อก้มหน้ามองโต๊ะเรียน นึกถึง psp ในกระเป๋านักเรียน มันกลายของติดตัวเฉกเช่นเดียวกับมือถือไปแล้ว

ใช่ บางอย่างหายไป

"ต่อ ดีขึ้นยัง"

"อือ ขอบใจ"

ในชามเหลือลอยอืดเหลือเส้นเกินครึ่ง มีเพียงน้ำแกงเท่านั้นที่ดูพร่องไป

เอ็มมาที่นี่ตามคำชวนของต่อเมื่อตอนก่อนหยุดปีใหม่

หลังเลิกเรียนวันนั้น ต่อนั่งเตะขาอยู่ริมสระว่ายน้ำ ใกล้ๆกับจุดที่ปิจมน้ำ เวลาหลังเลิกเรียนช่วงหยุดยาวอย่างนี้ ไม่ค่อยมีคนอยู่เย็นกัน ส่วนมากจะรีบกลับบ้าน ไปอยู่กับครอบครัว

ปิเป็นคนใหม่ที่ต่อรับเข้ามารองจากต้อง

น้ำแตกเป็นวงตามแรงขา

ลมเย็นพัดวูบให้ใบไม้เกิดเสียง ภายนอกสระเงียบสงัด อาจจะมีเด็กวิ่งเล่นบ้างพอได้ยินเสียงแว่วมาไกลๆ แต่ไม่ใช่แถวนี้แน่

'ต่ออยู่นี่เอง'

เงาดำตะคุ่มบนหัว

ต่อตกใจ

'ห่า ตกใจหมด'

'มาทำไรตรงนี้วะ'

ต่อชี้ลงไปในน้ำ

วัตถุดำจมนิ่งอยู่ที่ก้นสระ ขาพลาสติคสีดำที่ต่อจำได้ดี

แว่นปิตกอยู่ที่ก้น ยังไม่มีใครเอาขึ้นมา

'เผื่อปิต้องใช้น่ะ'

ต่อพูดเรียบๆ

'นี่อาทโดนไล่ออกนะ เห็นว่าเรื่องถึงตำรวจแล้ว'

ต่อไม่ตอบ ก้มหน้ามองก้นสระ ราวกับรอให้ใครบางคนต่อคำพูดของเอ็ม

'วันนี้พ่อของอาทมารับ ...กูพอเข้าใจมันแล้วละ'

'คนอย่างนั้น มีอะไรให้เข้าใจ ไม่ลองมาเป็นปิบ้างมันไม่รู้หรอก คนอย่างมันแม่งเหี้ยจนไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร แม่ง.... แม่ง....'

เสียงตีน้ำแรงขึ้น

'พ่อของอาทเป็นคนชอบใช้ความรุนแรงน่ะ ...วันนี้พ่อมารับกลับ ซ้อมมันให้ห้องฝ่ายปกครอง พวกครูตกใจกันใหญ่ ห้ามกันแทบไม่ทัน ไม่สิ ห้ามไม่ได้ต่างหาก เล่นเอาอาทมันเกือบตายโดนลาก ออกไปเลย ลากนะไม่ใช่เดิน'

ต่อส่ายหัว

'เรื่องของมัน'

'แล้วดันมาเจอปิ แถมเจอคนล้อมันอีก พอโดนงี้มันคงเริ่มรับไม่ได้ อาทมันก็คงไม่รู้ตัวหรอกว่ามันกำลังมีปัญหา มันคงเป็นอะไรที่แย่'

'อาทเป็นไง'

'อยู่รพ.'

‘เละน่ะ' เอ็มส่ายหัว

ต่อโชคดีที่มีพี่ต้อง

'แล้วแม่ละ'

'... แม่อาทแยกทางตั้งแต่เด็กไม่เคยมีใครรู้ว่าอยู่ไหน ไม่ได้เจอกับอาทอีกเลย'

'รู้ได้ไง'

'อาทมันนั่งกองอยู่บนพื้นห้อง ยกมือไหว้ท่วมหัวร้องหาแม่น่ะ ลองนึกภาพพ่อที่ซ้อมมันจนมันเป็นอย่างนี้สิ เราเลยแอบถามครูว่าแม่ไปไหน'

ต่อได้แต่ถอนหายใจยาว ลมหายหายใจอุ่นๆ ที่ต่ออยากรู้สึกจากปิอีกครั้ง

เสื้อหนาวของเอ็มถูกถอดออกมาวางไว้บนเก้าอี้ริมสระ

จ๋อม

เสียงน้ำแตกอีกวงจากขาของเอ็ม ลมหนาวถูกบังจากร่างกายที่ใหญ่กว่า ถึงจะไม่มาก

'อย่าร้องดิ'

สิ้นเสียง

ต่อร้องไห้โฮออกมาราวกับเด็ก เหมือนกับปิวันนั้น เป็นการร้องไห้ที่ต่อไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด

หัวสมองสั่นไหวมึนงง

'เราร้องไห้ทำไมวะ ร้องให้ใคร'

ให้กับปิที่โดนแกล้ง ให้กับอาทที่มีชีวิตแสนบัดซบ หรือให้กับตัวเองที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ คำตอบมันออกว่า ร้องให้กับความเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มันทำให้ต่อเรียนรู้ที่จะเห็นอกเห็นใจคนอื่น เรียนรู้ที่จะเข้าใจคนอื่น

ต่างจากเด็กที่เล่นสนุกกันไปวันๆ ทุกการกระทำไม่ว่าดีหรือร้าย มันมีเหตุผลของมัน และบางครั้งต่อก็เข้าใจมันแต่ไม่ยอมรับ บางครั้งไม่เข้าใจก็ต้องยอมรับ ความเศร้าที่สัมผัสได้ ความเจ็บปวดของร่างกายและจิตใจ

ไม่ใช่เด็กที่เดี๋ยวผ่านไปก็ลืมได้ ไม่ใช่เด็กที่ทำอะไรผิดก็พร้อมมีคนจะให้อภัยเสมอ ไม่ต้องคิดเผื่อใคร ไม่ต้องเข้าใจใคร

นี่คือโลกความเป็นจริงโลกของผู้ใหญ่

เอ็มกดหัวต่อลงกับหน้าอก

ปล่อยให้ต่อร้องให้เต็มที่

เมื่อความเครียดถูกปลดปล่อยออกไป พลังงานถูกใช้ไปมากจากร้องไห้โฮก็กลายเป็นสะอื้น

เอ็มค่อยๆเอานิ้วปาดแก้มแดงๆของต่อ

'อย่าขยี้เดี๋ยวตาบวม'

เสียงลมหายใจขัดแทรกอยู่ระหว่างกลาง

ความรู้สึกอุ่นแตะลงบนนิมฝีปากของต่อ ปากของเอ็มแห้งจากอากาศหนาว ต่อเองก็ไม่แพ้กัน มันรู้สึกดีแบบเดียวกับที่ต่อทำให้ปิ

'ปิมันเล่าให้ฟังใช่มั้ย'

'ฉลาดละนี่'

'กูไม่ได้โง่นะ'

'ไอ้กะปิ แม่งเล่าทุกอย่างเลยใช่มั้ย ไอ้บ้า'

ต่อลุกขึ้นยืน

กางเกงสีน้ำเงินถูกถอดหล่นลงมากองกับพื้นทั้งเข็มขัด ตามมาด้วยเสื้อนักเรียน เหลือไว้เพียงกางเกงในสีดำปิดส่วนสำคัญไว้ กางเกงในเป็นของเพียงอย่างเดียวที่ไม่ได้รับต่อมาจากพี่ต้อง

ตูม

'เออ ไอ้บ้า เย็นแล้วจะทำก็รีบทำ เดี๋ยวมองไม่เห็น’ เอ็มตะโกนมาจากบนขอบสระ

สูดลมหายใจเข้าลึก

ต่อกดหัวตัวเองลงไปใต้สระ แรงดันน้ำผลักตัวต่อให้ลอยขึ้นกับขึ้นไปบนผิว ที่ก้นสระน้ำเริ่มกลายเป็นสีเข้ม แสงสะท้อนบนผิวน้ำเองก็เริ่มเหลือน้อย

ความพยายามครั้งที่ 2 3

ตูม

'คราวนี้ได้คนบ้าเพิ่มเหรอ'

'เออ ปล่อยแกคนเดียวไม่ต้องกลับพอดี'

เอ็มมองหน้าต่อ พยักหน้าให้

ทั้งสองเตรียมกลั้นหายใจแล้วดำลงไปอีกรอบ

น้ำที่ก้นสระนิ่งไม่ไหวติง ต่างกับด้านบน ยิ่งลงลึกแรงต้านยิ่งมาก ต่อไม่ใช่นักกีฬาว่ายน้ำ การกลั้นหายใจนานหรือดำลงลึกไม่ใช่สิ่งที่ต่อถนัด

'อีกนิดเดียว'

'บ้าเอ้ย แค่เมตรเดียว'

ต่อพลิกตัวหงายตีขึ้นผิวน้ำลอยเกาะขอบสระอยู่

แรงดันน้ำต้านไว้ราวกล้บไม่อยากให้วัตถุชิ้นนั้นถูกหยิบออกไปจากมัน

ซ่า

'กลับเหอะ'

เอ็มขึ้นมาแตะขอบสระยกตัวขึ้นนั่ง หายใจหอบโยน

'อีกรอบดิ'

ต่อทำท่าจะลงไปอีก

แรงดึงแขนห้ามไว้ ดึงให้ต่อขึ้นมานั่งเป็นเพื่อน นั่งข้างกันเหมือนตอนแรก แต่คนละมุมของสระ ตอนนี้ปราศจากเสื้อผ้า ลมหนาวตีมาโดนตัวต่อ เย็นจนต้องเอามือมากอดกายไว้แล้วปัดเศษน้ำที่ค้างอยู่บนตัวออก

'อยู่นี่แล้ว'

เอ็มชูกรอบแว่นสีดำเลนส์ที่แตกข้างหนึ่งในสองข้าง ทั้งสองยังอยู่ครบ

รอยยิ้มชัยชนะอยู่บนหน้า

'ได้ก็ไม่รีบบอก'

‘เหนื่อยนี่'

เอ็มลุกขึ้นสะบัดน้ำออกจากตัว กางเกงในขาวที่บางราวกับกระดาษเพียงตัวเดียวที่ปกปิดอยู่

เสื้อนักเรียนสีขาวถูกคว้ามาสวม แล้วหันหน้าเข้าพุ่มไม้ ถอดกางเกงในเปียกชื้นออก โผล่ก้นขาวๆพ้นชายเสื้อออกมา กางเกงนักเรียนถูกคว้าขึ้นไปใส่อย่างรวดเร็ว

'จ้องอยู่ได้'

'เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก ไม่มีใครอยู่แล้วละ'

ต่อทำตาม

คว้าเสื้อแล้วเดินไปทางพุ่มไม้ หันหลังให้เอ็ม โยนกางเกงในสีดำทิ้งเอาไว้แล้วรีบใส่เสื้อผ้าทับ

เสื้อน้กเรียนซับน้ำเอาไว้เปียกติดแผ่นหลัง โชคดีที่วันนี้เอาเสื้อหนาวมาด้วย

'รูดซิบด้วยดิ เดี๋ยวแย่หรอก'

เอ็มเดินมาจับชายเสื้อแล้วรูดซิบเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินเข้มขึ้นจนชนขอบบนสุด เอ็มเองก็ทำเช่นกัน ฮูดบนเสื้อหนาวเอ็มถูกดึงมาคลุมหัวเอาไว้

'กลับเหอะ'

ต่อเอามือกุมหัวตัวเอง สาเหตุของการที่ไม่สบายคือเรื่องนี้เองเหรอเนี่ย

วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ต่อกินยาเข้าไปแล้วก็นอน ยาเม็ดนั่นถูกเทออกมาปนไปด้วย ก่อนอยู่ๆจะนึกครึ้มออกไปดูพลุปีใหม่บนสะพาน

บนสะพาน?

ไปโผล่ที่นั่นได้ยังไง

"ต่ออาบน้ำเหอะ"

เสียงเรียกทำเอาต่อสะดุ้ง

"บ้านนายไม่ติดเครื่องทำน้ำอุ่น หน้าหนาวงี้เย็นไข่หดหมดแล้ว"

ต่อพยักหน้า ไม่มีแรงจะเถียง

เดินเข้าห้อง ล้มตัวลงบนที่นอนด้านเดียวกับเมื่อเช้า ที่ว่างข้างๆยังคงว่างเปล่า ปล่อยให้ลมเย็นพัดเข้ามาในห้อง

เอ็มเปิดประตูตามเข้ามาพร้อมผ้าขนหนู

"ไปเร็วหรือจะให้อาบให้แบบเมื่อวาน"

"เมื่อวาน?"

"ก็เล่นเมาเละนี่ ไปกินไรมาละ ถ้าไม่อาบน้ำแล้วจะนอนยังไง หรือจะให้พี่บูมอาบให้"

ต่อส่ายหัว

'พี่บูมเหรอ เสร็จมันน่ะสิ'

เสร็จ???

"เอ็มเมื่อคืนนอนนี่เหรอ"

อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะถอดเสื้อตัวเองออก

"แล้วตอนนอน.... เอ่อ เรา"

มือชื้นเหงื่อกำอยู่เหนือเข่า ต่อเพิ่งสังเกตุว่าตัวเองในชุดนอนมันแปลกๆ ทุกทีท่อนล่างมันไม่ได้โล่งอย่างนี้

"ไม่ต้องห่วงต่อ ไม่ว่านายจะร้องให้ปิเอาแค่ไหน เราก็จะไม่ไปบอกคนอื่นหรอก"

พลัก

หมอนลอยกระแทกหน้าเอ็มอย่างจัง

“นี่ นี่..​ คงไม่ใช่...”

ต่อหน้าแดง

"เราเองแหละ นายพยายามจะทำกับเราให้ได้นี่"

เหมือนฟ้าผ่า

'ตายห่าละกู'

"เมื่อวานนายแยกไม่ออกจริงๆเหรอ"

"เออเดะ แม่ง ไม่งั้นกูจะทำลงไปเรอะ เหี้ยเอ้ย โดนผู้ชายเอาแถมตอนเมาเนี่ยนะ"

เอ็มหันหลังเดินถือผ้าเช็ดตัวออกไป

"ปินี่โชคดีน้า"

ทิ้งไว้แค่เสียงลมหายใจแรง

แม่งทำไมกลายเป็นเอ็มได้วะ นี่กูเสียตัวให้มันเนี่ยนะ ไปกันใหญ่แล้ว ดีนะไม่ได้เผลอเป็นอย่างนี้ต่อหน้าพี่ต้อง เพราะยาบ้าๆของไอ้อาทนั่นแหละ

เฮ้อ

ชุดนอนสีเลือดหมูถูกถอดออก พันไว้แต่ผ้าเช็ดตัว

ปิ นายจะว่าเรามั้ยเนี่ย

หน้าห้องน้ำ

เสียงเคาะประตูดังเป็นครั้งที่ 5

"เหี้ยหนาว" เอ็มเปิดประตูให้ตัวเปล่าล่อนจ้อน

เป็นความจริงสินะ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว

ต่อแกะผ้าเช็ดตัวออก ไม่เคยอาบน้ำร่วมกับใครนอกจากพี่ต้อง เอาเถอะ ถึงตรงนี้ก็คงไม่เป็นไรแล้ว

ห้องน้ำที่ชั้นล่างขนาดเล็ก เล็กจนถ้าจะอาบพร้อมกัน 2 คนตัวต้องแนบติดกัน เหมือนวันนั้นของต้องกับต่อ ตัวเอ็มเองจะขยับไปทางไหนก็จะมาโดนตัวต่อ จะก้มหรือหันหน้าหันหลัง บ่อยครั้งที่ตัวของสองคนถูเบียดเสียดกันไปมา ยิ่งเวลาเอ็มก้มลงไปถูขา ก้นเอ็มจะหันมาโดนต่อ...

คล้ายๆปิวันนั้น แต่วันนี้ผิวลื่นเนียน ให้อารมณ์ไปอีกแบบ

น่าแปลก

ต่อไม่ได้รังเกียจอะไรเอ็ม

"เมื่อวาน... นายทำไรมั่ง"

"ก็แกเข้ามาจูบเรา กอด แล้วอยู่ๆก็อยากให้เราทำให้แบบปิ นึกอยู่ตั้งนานว่า..... อุ๊บ บุ๋มๆๆๆ"

"จะฉีดน้ำใส่หน้าทำไม"

เอ็มเอามือปัดน้ำออกจากหน้า

"พอเลิก ไม่อยากรู้แล้ว”

ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาแทนที่

พอมีครั้งแรก ครั้งต่อไปก็เป็นเรื่องธรรมดาแล้วสินะ

"นี่พูดจริงนะ"

รู้แล้ว...

“ขอเอ็มจีบต่อนะ"

"ปิ จะไม่ว่าอะไรเหรอ”

คำถามนี้ต่อถามออกมาจากใจ ไม่ใช่แค่คิดว่าจะบอกเลี่ยง

"ยังไม่ใช่ตอนนี้ ... รอให้ต่อสบายใจก่อนก็ได้”

ต่อก้มหน้า บทสนทนาที่เปลือยใจพอๆกับร่างกายที่เปลือยเปล่าของทั้งคู่ ราวกับเด็กที่แลกกันดูของสำคัญ ไม่ใช่ว่าต่อไม่อยากดู แต่มันไม่ใช่ประเด็น จะให้เปลี่ยนใจจากปิมาเป็นเอ็มเนี่ยนะ

ที่ต่อชอบปิมันออกมาจากความรู้สึก แม้ว่ามันจะขัดกับสมองก็เถอะ ผู้ชายควรจะชอบผู้หญิงสิ แต่นี่ถ้าเอ็มมาขอเป็นอีกคน มันจะเป็นว่าต่อยอมรับว่าตัวเองชอบผู้ชายไม่ใช่แค่พลั้งเผลอสินะ

น้ำเย็นตอนกลางวันราดใส่หน้าต่อ ไล่ความคิดสับสนออกไป อะไรยุกยิกบนหัว

‘เย็น ไอ้บ้า’

เอ็มกำลังสระผมให้ ถ้าไม่สระผม หัวคงเหม็นน่าดู

มือเอ็มลูบไล้ไปทั่ว ไม่ว่าจะข้างหน้าข้างหลัง

“นี่ตรงนั้นไม่ต้องก็ได้"

หึหึ เสียงเอ็มหัวเราะในคอ

“เมื่อคืนเอ็มก็เป็นคนเช็ดให้ มาทำอาย"

โอ้ยยยย

เสียงเอ็มร้อง

ต่อฟาดมือลงไปที่ของสำคัญของเอ็ม

"หายแล้วใช่มั้ย"

เอ็มเอามือวางบนขนาบหน้าต่อแล้วจับแก้มโยกหันซ้ายขวา

"เหี้ยจะอ้วก พอ"

“เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก”

เอ็มค่อยๆใช้มือถูสบู่ไปตามตัวต่อช้าๆ

เมื่อคืนไม่ใช่ปิจริงๆด้วย ต่อจำวิธีการลูบไล้นี้ได้

“เอ็ม พอแล้วหนาว”

“อือ”

ต่อราดน้ำล้างตัว แต่ยังยืนรอเอ็มอาบน้ำอยู่นั่นเอง เอ็มหันหลังมาให้ ถูสบู่ทุกซอกทุกมุมต่อหน้าต่อ ดูแล้วไม่ได้นึกถึงปิเลยนอกจากผิวเนียน สีผิวเอ็มเข้มกว่า ไอ้ปิมันไม่ออกกำลังอะไรเลยนี่ แดดก็ไม่เคยโดน ตัวเอ็มก็ใหญ่กว่า

ต่อยืนจ้องไม่รู้สึกอะไร เหมือนวันนั้นที่เอ็มดำลงไปหยิบแว่นตาขึ้นมาจากก้นสระ

เชื่อมั่นในตัวเอง ทำอะไรก็ดีไปหมด เห็นแล้วนึกถึงพี่ต้อง

เอ็มหันหน้ามา บุ้ยหน้าไปทางผ้าเช็ดตัว

‘ออกไปเช็ดตัว’

ต่อพันผ้าแล้วเดินขึ้นห้องไป ไม่ต้องกลัวใครเห็น บ้านยังไม่มีคน โต๊ะกินข้าวที่มีถุงก๋วยเตี๋ยวก็ยังอยู่ที่เดิม ถุงห่อเหี่ยวลงเมื่อของที่อยู่ในนั้นหายไป ส่วนมากลงไปในถังขยะ นิดหน่อยที่ลงท้อง

ผ้าเช็ดตัวถูกสะบัดออกแล้วใช้เช็ดตัวอย่างไม่เคอะเขิน

เสียงคนขึ้นบันไดมา

เอ็มเข้าห้องเปิดกระเป๋าแล้วหาเสื้อผ้าใส่

ต่อเปลี่ยนชุดต่อหน้าเอ็ม

ไม่เหลืออะไรให้อายกันแล้วนี่ เอ็มก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน

ถ้าพี่ต้องยังไม่กลับบ้านก็คงจะได้อยู่กับเอ็มยาวจนเปิดเทอมแน่ๆ ต่อรู้อยู่แก่ใจว่าพี่ต้องอยู่ที่ไหน นี่ไม่ใช่เวลาตามตัว ความสุขของพี่ต้องที่ไม่ต้องแลกมาด้วยเรื่องราวแย่ๆ ให้มันเป็นอย่างนั้นไปดีแล้ว

ต่อจะไม่ขวางอีก

แม้ว่าความรักที่ได้รับมันจะลดลงก็ตาม

“ไปข้างนอกกันมั้ย”

เอ็มยักไหล่

“ใส่เสื้อผ้ารอแล้วนี่”

ต่อใส่กางเกงยีนขายาว เสื้อยืดสีขาว แจ๊คเก๊ตสีส้มคลุมอีกที

เอ็มคว้าเอาเสื้อเชิ๊ตลายตารางสีน้ำตาลตัดขาวออกมาใส่ทับเสื้อยืดสีเหลืองอ่อน กางเกงยีนส์เหมือนต่อ

“อยากไปไหนว่ามาเลย”

เสียงต่อถอนหายใจยาว

หันไปมองที่โต๊ะ แว่นปิยังอยู่บนนั้น

‘ไม่เป็นไรมั้ง... ถ้ามีโอกาสคงได้บอกมัน’

ปิคงจะไม่ว่าอะไร
หัวข้อ: Re: ขอแค่ 5 นาที : ตื่น [pg9] 18/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 18-03-2016 16:55:11
ปิตายจริงๆเหรอ
:(
หัวข้อ: ขอแค่ 5 นาที : คิดถึง 20/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 20-03-2016 22:04:37
ขอแค่ 5 นาที : คิดถึง

ใช้เวลาไม่นานจากบ้านต่อไปถึงห้าง วันแรกของปีใหม่ บนถนนยังโล่ง เห็นรถวิ่งไปมาได้บางตา บนรถเมล์ที่ทั้ง 2 คนขึ้นก็ดูจะเบาบางเช่นกัน

"นี่ต่อ ดีขึ้นยัง"

"หมายถึงเมาหรือว่าไม่สบายละ"

"ทั้ง 2 อย่าง"

เอ็มหันหน้าออกไปทางหน้าต่างรับลมหนาว ต่อโดนบังคับให้นั่งใน

ทุกทีต่อจะเป็นคนบังคับปิ ดูต่อจะเป็นเด็กเอาแต่ใจที่พี่ชายรูปหล่อตามใจมาตลอด มาเจอกับเอ็มที่เป็นคนมั่นใจในตัวเอง ฉลาดและรอบคอบ กลายเป็นต่อรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่เด็กม.ต้นที่ต้องให้มาคอยดูแล

คล้ายๆใครน้า

'ไอ้โอตาคุเอ้ย ป่านนี้เป็นยังไงบ้างนะ'

ในกระเป๋าเป้สีน้ำเงินใบเดียวที่ต่อมี ใบนี้ไม่ได้รับมาจากพี่ต้องแต่เป็นเงินเหลือจากที่ซื้อไอพอดให้พี่ต้อง เงินเหลือจากที่ไถคนอื่นมา

เครื่องเกมนอนนิ่งสงบ ถ้าไม่คิดไปเองจะมีบ้างครั้งที่เหมือนโดนสะกิดเรียก

'มันคงคิดถึงเจ้าของ'

แปลกพอเห็นหน้ากันทุกวันไม่ยักรู้สึกอะไร พอไม่เห็นแค่นั้น ไม่กี่วันทำยังกับว่าไม่ได้เจอกันมาเป็นปี

"ก็ดีขึ้นแล้ว เริ่มหิวแล้วด้วย"

"แล้วไอ้ที่ซื้อให้ก็ไม่กิน ทีงี้มาทำหิว เดินไกลนะเว้ย"

ต่อหันไปหรี่ตามอง

'มันบอกจะจีบ นี่คือจีบเหรอ'

"เดี๋ยวถึงแล้วอยากกินไรว่ามา"

"ให้ถึงก่อนเหอะ"

คนแออัดกันที่ป้ายหน้าห้าง แสงไฟประดับประดาส่งแสงวับแวมออกมา หน้าหนาวมืดเร็วกว่า ไฟที่ประกับอยู่ก็เลยได้เปิดอวดสายตาผู้คนที่มาเยี่ยมชมตั้งแต่บ่ายแก่

ต่อเดินนำตรงเข้าห้าง พุ่งตรงไปที่ฟู๊ดคอร์ด ต่อยังต้องระวังและควบคุมรายจ่าย ปีใหม่ไม่ใช่ว่าจะได้ของขวัญเหมือนอย่างคนอื่น ในเมื่อของขวัญยังไม่ได้ เงินค่าขนมก็ไม่มีหวัง

"นี่คนเยอะนะ"

"ก็ทำไงได้ละ"

เอ็มยังไม่รู้เรื่องบ้านต่อ

"มานี่"

ข้อมือต่อถูกลากออกตรงขึ้นไปชั้น 2

ต่อสะบัดมือออกไวไว ก่อนจะให้คนอื่นทันสังเกตุ

"เราอยากกินนี่"

วิธีการพูดเหมือนต่อ แต่น้ำเสียงหนักแน่นบอกสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา

"เราเลี้ยงเอง ฉลองปีใหม่"

เอ็มออกปากเมื่อเห็นต่อทำท่าลังเล

"2 ที่ครับ"

"3 เอ่อ... 2 ครับ"

ต่อก้มหน้า หน้าเริ่มแดง

เอ็มตบหลังต่อเดินเข้าไปในร้าน

ต่อรู้สึกได้ มือนั้นสั่น

โต๊ะสำหรับสองคนอยู่ริมสุดของร้านติดกระจก เก้าอี้เหล็กถูกลากออก เสียงคนทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเบาะนุ่มๆ

"สั่งเลยตามสบาย"

เอ็มพลิกเมนูเลือกอาหาร 2 อย่าง

"แบ่งกัน"

ต่อชี้อันที่ดูแล้วราคาสมเหตุสมผลที่สุด

“อะไรก็ได้"

อีกฝ่ายเห็นท่าทีต่ออึกอักเลยแหย่ขึ้น

"พี่ร้านนี้อะไรแพงสุด"

ป๊าบ

เอ็มเอาเมนูฟาดหัว

"อะไรก็ได้ที่ชอบ ไม่ใช่ที่แพง"

ต่อหัวเราะแฮะๆ ยืนยันรายการเดิมที่สั่งไปตอนแรก

"ต่อชอบปิตรงไหนเหรอ"

ท่าทางความเงียบระหว่างสองคนจะทำให้อึดอัด

เอ็มเปิดคำถามแรกออก

"...ไม่รู้สิ"

...

"ก็... ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่ไม่อยากให้มันโดนแกล้ง พอกูเห็นแล้วก็ทนไม่ได้ ...."

พนักงานนำอาหารมาวางบนโต๊ะ

เอ็มไม่สนใจ มองตรงไปที่ต่อ

"... พอเห็นปิยิ้มแหยๆ กู เอ่อ เราก็เข้าใจได้ว่า มันกำลังเจ็บอยู่ แล้วไม่รู้ตอนไหนที่พอเห็นปิร้องไห้ ร่างกายเราก็เป็นไปเอง... มันไม่อยากเห็นน้ำตาของปิอีก"

แค่คิดก็เหมือนถูกมีดแทงเข้าที่หน้าอก

ต่อหน้าแดง

"ตอนที่โดนแกล้งที่สระว่ายน้ำสินะ"

ต่อพยักหน้า

ใช่...

'ไอ้บ้ากะปิ'

ปิมันเล่าให้เอ็มฟังทุกอย่างเลยใช่มั้ย จะจัดการมันมีหลังคอยดู

"มันเล่า...."

"ต่อชอบเราตรงไหน"

เอ็มตัดบทขึ้น

"ก็เอ็มเป็นคน ..."

"นี่ ใครว่ากูชอบมึง" ต่อตะโกนเสียงดัง

ฮ่าๆๆ เอ็มหัวเราะ เอื้อมมือไปดึงของบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อต่อ

"เดี๋ยวเลอะ"

แว่นตาที่คุ้นเคย ถูกวางไว้ข้างๆอาหารอย่างระวัง

"รีบกินเหอะ อยากไปดูเกมแล้ว"

"อย่างมึงเล่น?"

"เออ อย่างกูเนี่ยแหละ" เอ็มเน้นเสียงคำว่ากู

เอ็มท่าทางไม่อยากอาหาร

“เคยมากับปิมั้ย"

ต่อถามขึ้น

อาหารถูกตักเข้าปากต่อคำต่อคำ ไม่ต้องให้เร่งต่อก็รีบกินอยู่แล้ว

"เคยดิ"

"ทำอะไรกัน" ต่อเงยหน้าถาม อาหารยังอยู่ในปาก

เอ็มยักไหล่

"ร้านหนังสือ ร้านเกม โมเดล กินขนม"

ปิจริงด้วย โอตาคุ ไม่คิดว่าเอ็มก็เป็นอีกคน

ทุกทีต่อไปห้างทำไรนะ

นั่งเหล่สาวไปวันๆ สูดมะเร็งจากปากพวกไอ้อาท มาถึงห้างไม่ทำอะไร นั่งแถวที่สูบบุหรี่เหล่สาวไปวัน เรื่องเดินซื้อของไม่ต้องคิด

ต่อไม่ได้มีความสะดวกในเรื่องนั้น

"โทรหาพี่ต้องยัง"

"ไม่รีบสาย คงกกอยู่กับเมียใหม่ละมั้ง"

"งี้เราก็ได้กกกันอีกวันอะดิ"

"อิ่มแล้ว พี่คิดเงิน"

เอ็มแทบพ่นข้าวออกมาจากปาก

"เฮ้ยๆ รอกูด้วยดิ"

"จีบกูน่ะ แค่นี้ทนไม่ได้เหรอ"

สนุกดีเหมือนกันแฮะ

ด้วยความกรุณาของเอ็ม มื้อนี้ต่อได้กินของดี ไม่ใช่ว่าอยากกินแต่ต้องฝืนเข้าไปบ้าง ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เมื่อวานเย็น ไม่นับไอ้ก๋วยเตี๋ยวที่ยังกินไม่ลงนั่น

"ต่อ ยา"

ต่อรับไปแล้วกินเข้าไปทีเดียว 2 เม็ด สียาถูกต้อง

"นี่ ทำไรต่อ"

"ไม่รู้ คนชวนมาน่ะจะทำไร"

ต่อส่ายหน้า

"แค่อยากกินข้าวน่ะ"

ไม่อยากอยู่บ้านมากกว่า มันอุดอู้  บ้านที่ไม่ใช่ของเรา เจ้าของบ้านก็ไม่อยู่

ออกมาข้างนอกไม่ได้ดีขึ้น

ก่อนกลับเอ็มแวะไปซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่ง อีกหนึ่งอย่างที่ต่อไม่เคยจะทำ นอกจากหนังสือเรียนที่พี่ต้องบังคับให้อ่าน

"ชอบอ่านเหรอ"

"ก็ดี ปิมันก็อ่านนะ แต่เป็นการ์ตูนแล้วก็นิยายพวกผีๆน่ะ"

"ไอ้นั่นอะนะ"

เอ็มพยักหน้า

"แล้วมึงละ"

"สืบสวน"

"โหใช้สมองสุดอะ"

ถ้ามากับปิ ปิคงจะเดินดิ่งเข้าแผนกหนังสือที่อยากอ่านแล้วเรียกต่อไปอธิบายให้ฟังว่าเล่มนี้ยังไง เล่มนั้นยังไง ปิจะหันหน้ามายิ้มให้ แว่นเกือบหล่นลงมาที่ดั้ง ท่าจะหนักน่าดู แล้วก็จะบ่นว่าถ้าต่อไม่สนใจ

เหมือเวลาเล่าเรื่องเกมที่ต่อนึกภาพไม่ออก

เฮ้อ...

แต่เอ็มไม่เป็น เอ็มจะเปิดดูเงียบๆ แล้วหันมามองต่อว่าเบื่อหรือเปล่า

พูดน้อยแต่ดูเป็นห่วง

ฟ้ามืดแล้วเมื่อต่อกับเอ็มกลับมาที่บ้าน ชั้นล่างมืดสนิท ก่อนออกไปไม่ได้เปิดไฟไว้ บ้านดูอับและน่าหม่นหมอง ที่นี่ไม่มีเสียงหัวเราะมานานแล้วตั้งแต่ตอนที่พ่อตาย

ช่วงที่ได้เกมมาจากปิ ต่อมันจะแอบนั่งเล่นบนห้อง ไม่อยากให้น้าเห็น

“ต่ออาบน้ำอีกมั้ย"

เอ็มถามเมื่อกลับถึงบ้าน

"ไม่แล้ว"

ห้องเล็กนิดนึง ตัวถูกันไปมาเดี๋ยวก็ได้เสียตัวอีกรอบ

ต่อเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วโดดขึ้นเตียง

เอ็มทำตามอย่างไม่เคอะเขิน การแก้ผ้าตรงหน้ากันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

"นี่อันนี้เล่นค้างอยู่"

"ไหน อ้อ"

เอ็มไม่สนใจ นอนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ เอาขาวางพาดขาต่อเอาไว้  กลางคืนอากาศเย็น

แบบนี้ก็อุ่นดี

เสียงตื๊ดๆ ของเกมดังเป็นจังหวะตามที่ต่อกด ที่นี่ไม่ใช่ที่โรงเรียนนานๆจะได้เล่นเกมเปิดดังจนสุด เอ็มไม่ได้มีมีท่าจะรำคาญอะไรทั้งนั้น ไม่แม้แต่จะช่วยเช่นกัน

เสียงหัวเราะหลุดลอดออกมาเวลาที่ต่อเจอฉากตกใจ

"ขำ?"

"เปล๊า"

"ไอ้บ้ากะปิ ทำไมลงแต่เกมผีๆไว้วะ"

"แล้วเล่นผ่านมั้ยละ"

"พอได้"

ในบ้านเงียบแบบนี้ถ้าเอ็มไม่มาอยู่เป็นเพื่อน ต่อคงจะไม่กล้าเล่น

"เหนื่อย"

ต่อเอาเครื่องเกมไปวางไว้ข้างๆ พลิกตัวลงนอนคว่ำ

เอ็มหันข้างมากอดแบบหมอนข้าง แต่แค่ครึ่งล่าง ครึ่งบนยังนอนหนุนหมอนอ่านหนังสืออยู่

"สนุก?"

"ก็ดี"

สันหนังสือเกือบทิ่มหน้าต่อ

ปกหนังสือสีดำ ที่หน้าปกเป็นรูปผู้หญิงในชุดกิโมโนนอนตายจมกองเลือด มีหน้ากากแบบญี่ปุ่นวางอยู่ข้างๆและก็เชือกสีแดงสดเส้นหนึ่ง ผู้หญิงหน้าตาบิดเบี้ยวคอถูกปาด

"นี่เอ็มไม่ใส่กางเกงใน"

"เวลานอนใครใส่กัน"

"ก็นี่ไม่ใช่บ้านมึงนะ"

"ไม่มีใครเห็นนี่"

เอ็มเอาส่วนล่างเบียดแนบต่อเข้าไปอีก

"ไอ้บ้า กูเล่นต่อดีกว่า"

ต่อพลิกกลับมานอนหงาย ดึงชายเสื้อลงมาปิด

"นี่ เอ็มไม่รู้สึกอะไรมั่งเหรอ"

เอ็มลดหนังสือลง

"รู้สึกดิ แข็งละเนี่ย"

"นึกถึงก้นต่อนี่เนียนๆ"

โป้ก

"อู้ยยยย"

"ไม่ต้องเอามาเคาะก็ได้ เจ็บนะ"

ต่อหงายสันเครื่องเกมมาดู

'ดีไม่บุบ'

"พูดไม่อาย"

"ตอนกับปิต่ออายมั้ยละ"

"อายดิ"

หึหึ

เอ็มไม่เถียงไรอีกอ่านหนังสือต่อไป

ลมเย็นพัดวูบมาในห้องมีแค่พัดลมช่วยระบายอากาศ เริ่มเย็นจนต้องดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้

ต่อนึกสนุกเอาผ้าห่มบางคลุมทั้งตัวแล้วเล่นเกม

อะไรยุกยิกข้างๆ

"นี่เล่นยังงี้ตาเสียหมดนะ"

"แล้วตามเข้ามาทำไมละ"

เอ็มมุดเข้ามาในผ้าห่มนอนซบต่ออยู่

"ซ้ายๆๆๆ"

"ไม่ใช่กูว่าขวานะ"

"ผิด มึงดูที่กำแพงมันมีอะไรเขียนไว้กดดิวะ"

"ห่า กดได้ไง ผียืนอยู่"

"เฮ้ย เหี้ย"

ต่อร้องลั่น

"แค่นี้ทำตกใจ"

"กูไม่ใช่ไอ้กะปินี่ ชอบอะไรแบบนี้"

เอ็มพลิกมานอนหงายเปิดผ้าห่มออก

"ขวัญอ่อน"

"เอาไว้ไปถามมันที่โรงเรียนดีกว่า"

เกมถูกกดปิดแล้ววางไว้ที่ข้างหมอน เตียงนอนโครงเหล็กถักลายห่างๆ ไม่มีชั้นวางหัวเตียง และยิ่งไม่มีทางที่จะมีโต๊ะข้างเตียงไปได้

ความเงียบจับกุมอยู่

"เอ็มพรุ่งนี้ก็กลับแล้วสินะ"

"ก็จนกว่าพี่แกจะมาละนะ"

"เปิดไปอีกอาทิตย์เดียวก็กีฬาสีแล้ว"

เอ็มพยักหน้า

"เปิดไปนี่ถ้าเจอปิ...."

"ต่อ!!!"

"เอ็มไม่รู้สึกจริงเหรอ" ต่อพูดเสียงสั่น

"รู้สิ เรารู้"

"แล้ว... ทำไมดูไม่เป็นไรเลย ทำไมละ"

เสียงร้องไห้ระเบิดออกมา น้ำตาอาบแก้มต่ออีกครั้ง

"อย่าร้องสิ อย่าร้อง"

ต่อก้มหน้าลงกับอกของเอ็ม ทำให้รู้สึกได้ถึงหยดน้ำเปียกๆแหมะลงบนเสื้อนอนสีเลือดหมู

"ต่อ... ยอมรับเถอะ .... ปิ มันหายไปแล้วนะ"

เสียงร้องไห้ยิ่งดังขึ้น

"เรารู้ กูรู้แล้ว!!!! จะให้กูทำไงละ"

"วัน... วันก่อนมันยังโผล่หน้ามาอยู่เลย ถ้าวันนั้น วันนั้นเรารีบบอกมันไป เราไม่มัวไปยุ่งเรื่องพี่ต้อง ถ้าเราเป็นห่วงมันมากกว่านี้ มันก็คงไม่เป็นไร มันเป็นความผิดเราเอง ถ้า.... ถ้าเราลากมันไปด้วยก็จบแล้ว ไม่รู้ความเหี้ยอะไรเข้าสิงกู ทำไมกูแม่งชั่ววะ คิดได้ไงปล่อยให้มันรอตรงนั้น โง่ชิบหาย กู .... กู ...."

"อุ"

ไม่ทันได้พูดต่อ เอ็มก็เข้ามาปิดปากต่อด้วยปาก

"ต่อ ถ้าพูดยังงี้เราก็ผิดเหมือนกันที่ปล่อยมันไว้"

"มึงโดนครูเรียกไม่ใช่เหรอ"

"งั้นเราก็ควรรอแกออกมาก่อนมั้ย"

ต่อส่ายหน้าเร็วๆ เสียงยังร้องไห้ออกมาไม่หยุด

"หยุดร้องนะ"

เสียงโฮ ด้งขึ้นอีกรอบ

เอ็มคร่อมตัวต่อไว้แล้วก้มลงแนบกับแก้มต่อ บรรจงหอมแก้มเปียกน้ำตานั้นไว้ค้างอยู่อย่างนั้น สองมือโอบหัวต่อเข้ากับหน้าอกของเอ็ม

นานแค่ไหนไม่รู้ที่ต่อร้องไห้ตามใจจนไม่มีแรงจะให้ร้องอีก

"เอ็ม"

"เหนื่อยแล้วเหรอ"

ไม่มีเสียงตอบ

"ทำไม ถึงมาจีบเราละ"

"เพราะเวลาเห็นต่อแล้วนึกถึงปิไง เราไม่อยากเสียไปอีกคน"

คำพูดถูกปล่อยให้ไหลผ่านเข้าไปถึงสมอง หมดเรี่ยวแรงจะขยับตัว นอนหายใจหอบหน้าตาเปียกชื้น คำตอบของเอ็มเป็นอย่างที่คิด

'กูก็ไม่อยากเสียมึงไป เอ็ม'

ต่อได้แต่คิด

"ขอเวลากูหน่อยนะ"

"อือ เราเข้าใจ"

แต่จะให้เปลี่ยนใจเลยก็คงไม่ได้

เวลาเห็นเอ็ม ต่อมักจะนึกถึงรอยยิ้มของปิเวลาอยู่ด้วย เอ็มเพื่อนที่ปิเปิดใจด้วยมากที่สุด คงจะมากกว่าต่อด้วยซ้ำ

แรงกดเบาๆ แห้งๆลงที่ริมฝีปาก แล้วถอนออก

ต่อจ้องหน้าเอ็มอยู่นาน

คราวนี้ตาอเป็นฝ่ายยกตัวขึ้นไปจูบกลับ

เอ็มมีท่าทีตกใจเล็กน้อย

ต่อค่อยๆลูบมือลงไปดึงชายเสื้อยืดของเอ็ม แล้วถอดออก เปิดรูปร่างกำลังดีของเอ็มให้เห็น คืนแรกต่อไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตรงข้ามกับวันนี้ที่ต่อรู้ตัวดี

ริมฝีปากบดขยี้กันสลับซ้ายขวา

ต่อเป็นฝ่ายเร่งแรงจูบบ้าง โดนรุกไล่กลับมาบ้าง ลิ้นตวัดสอดเข้าปากต่อ ความรู้สึกนี้ต่อไม่คุ้นเคย ปิจะเขินอายกว่านี้

ฮ่า เสียงลมหายใจพ่นออกมา จูบของเอ็มที่มั่นใจหนักหน่วงทำเอาต่อหายใจไม่ทัน

ก่อนจะถูกซุกไซร้ลงมาที่คอ พร้อมแรงขบเบาๆ เล่นลิ้นไปทั่วตามซอกคอขาวๆ

อา...

พอก้มหน้าลงไปต่อเห็นส่วนนั้นของเอ็มชูชันขึ้นจากในกางเกงบอกเซอร์ตัวเล็ก

มันพร้อมแล้ว

เสื้อนอนกำลังถูกปลดกระดุมออกทีละเม็ดช้าๆ ก่อนจะถูกจีบโยนไว้ข้างเตียงเป็นแผ่นผ้าสีเลือดม
หมู

เอ็มไม่สนใจกำลังง่วนอยู่กับหน้าอกข้างซ้าย จุดที่โดนลิ้นท้าทายกลับตัวการแข็งเป็นเม็ด

อูย...

ลิ้นเย็นๆตวัดเข้าออก แล้วดูดด่ำอยู่นานจนต่อต้องร้องออกมา

กางเกงสีเลือดหมูกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มจากน้ำที่ไหลเยิ้มออกมา มันเยอะจนล้นออกมานอกกางเกงนอนเห็นเป็นน้ำใสอยู่ที่ปลาย ตอนนี้มันสั่นตามจังหวะสูบฉีดของเลือด

เอ็มลามเลียลงมาที่พุงแล้วหยุดอยู่แถวท้องน้อย ก่อนแหงนมองหน้าต่อ

เมื่อเห็นเจ้าของไม่พูดอะไร จึงใช้ปากกัดดึงขอบกางเกงให้อ้าออกแล้วใช้สองนิ้วรูดลงมา ก้นขาวๆเนียนลื่นถูกขยำแล้วบีบโดยมือของเอ็ม

ต่อสะดุ้งแอ่นตัวออก

กระแทกส่วนนั้นเข้าปากเอ็ม

เอ็มครอบปากตั้งแต่ส่วนปลายไล่ลึกลงไปเรื่อยๆ จนแตะไรขน แล้วค่อยดูดพร้อมเคลื่อนออกมาช้าๆ จนเกือบสุด

โอ้ย....

"มึงเคยทำกับปิมั้ย"

"ไม่ ทำไมเหรอ"

ต่อส่ายหัว

กางเกงนอนถูกเลื่อนออกปล่อยให้ต่อนอนอ้าซ่าเปลือยเปล่า ตัวสีขาวซีดจากอากาศเย็นมีเพียงส่วนนั้นที่เปียก ชื้น ร้อน และแดงสด

ต่อลุกขึ้นนั่งปล่อยให้เอ็มคร่อมเข่าอยู่ระหว่างตัว รีบใช้สองมือรูดเสื้อนอนขึ้นเหวี่ยงออกไปทางมุมห้อง แล้วกัดลงที่หัวนมเอ็มเลียนแบบสิ่งที่เอ็มทำให้ แล้วรูดกางเกงลง

จ้องมองของขนาดพอตัวที่ชี้ใส่หน้าต่ออย่างเชื้อเชิญ

ต่อค่อยๆใช้ลิ้นชิมรสชาติ

'แปลกๆ'

มีแรงกดหนักๆลงที่ไหล่แทนคำเรียกร้อง

ต่อดูดกลืนตั้งแต่ปลายเข้าไป ไปได้แค่ครึ่งทาง

เสียงเอ็มครางดูน่าพอใจ

รูปร่างเอ็มดูเป็นผู้ใหญ่ ขนดกดำ แต่ไม่ได้มีไปทุกที่ แค่จุดสำคัญและก็รักแร้ แต่เห็นชัด ไม่เหมือนเด็กอย่างต่อที่ถึงจะมีก็ดูบางหรอกแหรม เอ็มตัวสูงกว่านิดหน่อยแต่หนา 

จู่ๆเอ็มจับต่อพลิกนอนตะแคงข้างแล้วยกขาขึ้น

"เอานะ"

ต่อไม่ตอบ

นิ้วเย็นๆจากสารหล่อลื่นจึงค่อยๆวนทาให้ทั่วอยู่แถวทางเข้า ก่อนจะพลุบหายเข้าไปหนึ่งข้อนิ้ว

ทำเอาต่อสะดุ้ง

ไม่รอช้าตามเข้าไปด้วยส่วนปลาย แค่เข้าไปหน่อยเดียวต่อก็รู้สึกถึงความแข็งเกร็ง

"ไหวมั้ย"

ทั้งสองหยุดเคลื่อนไหว ปล่อยให้ร่างกายค่อยๆปรับตัว

ต่อเป็นฝ่ายถอยตัวเข้าหา ดันท่อนนั้นเข้าไปจนมิด

'ท่าทางจะไม่ใช่ครั้งแรกจริงด้วย'

ต่อนึกไปถึงคืนที่เมา

เอ็มค่อยๆขยับตัวเข้าออกช้าๆ ของต่อที่อ่อนลงไปกลับขึ้นมาชูชันใส่หน้าเอ็มใหม่ ทุกครั้งที่เอ็มถอยตัวออกก็จะรูดดึงมืออกจากของต่อไปด้วย พอขยับดันเข้าไปสุดก็จะรูดลงจนสุดเช่นกัน ทำให้เหมือนสองคนขยับร่างกายไปพร้อมๆกัน

ต่อปัดมือออก

พลิกขาอ้อมไปนอนหงาย ถึงมือสองข้างของเอ็มมาจับไว้แน่น

เอ็มรีบซอยถี่ขึ้น ขนสากๆบดเบียดกับก้อนเนื้อสองลูกที่แข็งตึงพร้อมปลอดปล่อย

"อุ จะออก"

เสียงครางเงียบหายไป แทนที่ด้วยประโยคแสดงความรู้สึก

เอ็มทำช้าลง เหมือนจะหยุด ต่อใช้มือ ดันก้นเอ็มเข้ากระแทก ลึกแรงจนสุด

"เดี๋ยวสิ เอ้ย"

โอ้ย อ้า

"ออกแล้ว"

เสียงเอ็มครางแทบฟังไม่ได้ศัพท์

"ไม่ต้องเอาออกมา"

เอ็มตัวเกร็งงัดตัวต่อขึ้น เล้นเอาตัวแทบลอย ต่อจุก ในตัวรู้สึกถึงอะไรกระตุกเกร็งหลายๆครั้ง มีน้ำอุ่นๆถูกฉีดเข้าไปในตัว

เอ็มล้มพับสอดคาเอาไว้อย่างนั้น

ก่อนจะค่อยๆถอนออกช้าๆ ลุกออกจากห้องไป แล้วกลับมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัวต่อ

"แล้วต่อละ ไม่ทำเหรอ ให้หยุดทำไม"

"เอ็ม จีบ ไม่สิ ชอบเรา จริงเหรอ"

เอ็มลงไปนอนคว่ำอยู่ข้างๆยังไม่ใส่เสื้อผ้า

"งั้น ต่อขอนะ"

เอ็มทำหน้าตกใจ

"เราเป็นฝ่ายทำนะ"

ต่อพลิกตัวขึ้นมานอนทับเอ็มแล้วไซร้เบาๆจากข้างหลัง ใช้ส่วนนั้นทิ่มแทงก้นเอ็มอยู่

ต่อทำเลียนแบบที่เอ็มทำอีกรอบ แต่ไม่เหมือน จนเอ็มเอาต้องสารลื่นๆมาทา เมื่อได้ที่แล้วต่อดันส่วนหัวเข้าไปก่อน

"อะ เจ็บ ค่อยๆดิ"

"ทำบ่น"

"ถ้าเป็นปิมึงจะเบากว่านี้มั้ย"

"กูจะถนอมๆเลยละ"

อา เสียงเอ็มร้อง ต่อดันส่วนที่เหลือเข้าไปจนมิด

“ให้กูใส่แว่นด้วยมั้ยมึง"

….

".... ไม่ต้อง มึงก็คือมึง ไม่ใช่ตัวแทนใคร"

ต่อขยับเข้าออกช้าๆ

"อ้า"

เสียงเอ็มร้องเหมือนคนไม่เคยโดน เหงื่อผุดขึ้นมาตามแผ่นหลัง

เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง ลมหนาวที่พัดมาไม่ช่วยอะไร

"เจ็บเหรอ"

ต่อดึงตัวเอ็มขึ้นมานั่งคุกเข่า ท่านี้ดูจะเจ็บน้อยกว่า

"อา อา อา"

มือแอบจับของเอ็ม ที่เริ่มจะแข็งขึ้นมานิดๆยังไม่เต็มที่

"ให้ออกเลยมั้ย"

"อือ แตกข้างในเลย"

ต่อแทงให้สุดแล้วกระตุกตัวเกร็ง ปล่อยสายน้ำเข้าไปในตัวเอ็ม สองวันติดน้ำดูจะน้อยกว่าตอนที่ทำกับปิ

ต่อพลิกตัวลงนอนหงาย สภาพหมดแรง

"กูต้องเช็ดตัวเองสินะ"

ต่อนอนยิ้ม

'เอ็มพูดกูมึงแล้ว'

หันไปทางโต๊ะเขียนหนังสือแว่นของปิฉายแสงสะท้อนกลับมา

'ไอ้หื่นโอตาคุ มันคงแอบดูเพลินเลยสินะ'
หัวข้อ: Re: ขอแค่ 5 นาที : คิดถึง [pg0] 20/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-03-2016 23:49:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขอแค่ 5 นาที : คิดถึง [pg0] 20/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 23-03-2016 23:13:46
ตาพร่าเห็น เป็นสีเทา เคล้าเงามืด
กายเย็นชืด คล้ายอืดออก บอกสังขาร
ลมหายใจ ให้กระตุก ปลุกสัญญาณ
คล่อยคืบคลาน ปานสายหมอก บอกอำลา

RIP ครับ กะปิน้อย

อึดอัดออกไปจากเพจนี้
พี่ขอไปทำใจ..หลายๆๆๆๆ แป๊บเลย

ฮือออออออออออ..เศร้าโฮก โศกจริงๆ
หัวข้อ: ขอแค่ 5 นาที : เอ็ม 28/3/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 30-03-2016 22:19:35
เอ็ม

ในที่สุดวันที่หนักใจเอ็มในชีวิตนักเรียนม.ต้น ก็มีเข้ามาจนได้ อีกไม่กี่เดือนก็จะจบขึ้นม.ปลายแล้ว ดันมีเรื่องให้จดจำไปตลอดชีวิตขึ้นมาจนได้

รูปร่างเก้งก้างของเอ็ม ดูแล้วถึงจะเป็นแค่เด็กม. 3 ด้วยวัยยืดตัว วลาตั้งแถวก็เกือบจะอยู่ท้ายๆแล้ว ผิวสีออกแทนนิดๆตรงข้ามกับต่อและปิ ถึงจะไม่โดดเด่น แต่ก็ไม่มีใครมองข้าม

เอ็มที่ถูกเลือกเป็นประธานนักเรียนทั้งๆที่อยู่แค่ม.3

บุคคลิกภาพของเอ็มเป็นเหตุผลหลักที่ถูกเลือก หน้าตาดูดีที่จะมีรอยยิ้มเสมอไม่ว่าเผชิญปัญหาใดก็ตาม คำพูดจาที่ดูสุภาพ ฉลาด รู้จักเลือกคำเป็นที่ถูกใจของเหล่าครูผู้ชื่นชอบเด็กนักเรียนตัวอย่าง

ใครจะรู้ ความลับสำคัญที่เอ็มปิดเอาไว้ คือ เอ็มรู้ตัวเมื่อปีที่แล้วว่าชอบผู้ชาย

เมื่อเรียนชั้น ม.2 เอ็มอยู่รวมกลุ่มเดียวกับปิ กลุ่มเด็กโอตาคุที่มีผลการเรียนปานกลางถึงดี มีเรื่องด้อยอยู่อย่างเดียวคือ การเล่นกีฬาที่เสมือนจะนับว่าเป็นของแสลงของพวกนี้

เอ็มไม่ได้บ้าขนาดหนักเท่าพวกนั้นแต่ก็ชอบดู กีฬาเอ็มก็พอเล่นได้ ช่วงเวลาพักเบรคอันมีค่าจะหมดไปกับเรื่องของการแบ่งปันการ์ตูนใหม่ เกม หรือวิจารณ์สิ่งที่ได้ดูได้เล่นมา

เช้าหน้าฝนวันหนึ่งพวกเอ็มเดินไปซื้อน้ำอัดลมทางฝั่งตึกเด็กประถม

ระหว่างทางเจอเข้ากลับกลุ่มของต่อ

เด็กชายตัวขาวนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มเด็กที่ดูเกเร ต่อดูโดดเด่นที่สุด พวกนั้นนั่งยกแข้งขา แหกไปมา โชว์ของสำคัญกลางตัวเป็นก้อนนูนอยู่ในกางเกงนักเรียนสีน้ำเงิน

มีคนหนึ่งที่พูดจาเสียงดังโวยวาย แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องใต้สะดือ คนพูดผิวสีแทนตัวดูแน่นตัน

ไอ้อาท

'มึง เหี้ยหนังแม่งมันสัส ของกูนี่ขึ้นเลย'

'คิดดูนะสองมือสาวอะ'

'ของมึงถึงเหรอ ไอ้ขี้โม้’

เสียงโห่ ดังขึ้น

'เหี้ย เห็นแล้วจะหนาว อวบยาวนะมึง'

‘มันอยู่ที่ลีลา'

คนพูดทำท่าจะแกะกางเกงโชว์

ต่อทำท่าทางไม่สนใจ

ปิเองที่เดินอยู่ริมกลุ่มกำลังพูดเรื่องผีๆที่ออกมาในเกมเมื่อวานนี้ เมื่อเดินผ่านไปทางพวกนั้น ปิไม่ทันได้มอง

'อุ้ย โทษที’

ปิร้อง เดินชนเข้ากับแจค คนหนึ่งในกลุ่มอย่างจัง

แกร๊กกกกก

พวกเพื่อนปิสะดุ้งโหยง โดดหลบออกมา น้ำแดงกำลังถูกเทลงบนผมสีดำตรงดูนุ่มของปิ

ตามมาด้วยเสียงน้ำแข็งออกจากแก้ว น้ำแข็งที่ตอนนี้ทั้งหมดไหลผ่านตัวปิ ไปลงตามพื้นบ้าง อยู่บนหัวบ้าง เสื้อนักเรียนสีขาวกลายเป็นสีชมพู

'เฮ้ย ทำไรวะ'

'K คนของมึงเดินชนกูก่อน'

‘แค่นี้'

ปิ พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนยิ้มแหยๆ

'เออ มากูจะสั่งสอนมัน’

สองฝ่ายกำลังเข้าตะลุบอนกัน

'พอ กลับเหอะจะหมดเวลาพักแล้ว'

เสียงต่อเข้าขัดขวางการกระชากเสื้อของอาท ถึงอาทจะมีท่าทีไม่พอใจแต่เสียงของต่อก็ทำให้อาทยอมทำตาม

เอ็มรู้ทันทีใครเป็นหัวหน้า

‘พอเหอะ' เอ็มพูดขึ้นบ้าง

'ไอ้ประธานนักเรียนอย่าคิดว่าครูชอบแล้วจะซ่าได้นะเว้ย'

'ลองดิ'

'เหี้ย'

ก่อนจะถอยหลังออกจากกันขอทิ้งคำด่าไว้ก็ยังดี

'ปิ มาเดี๋ยวพาไปล้าง'

เอ็มชวนปิไปห้องน้ำที่ตึกเด็กประถม ปล่อยพวกนั้นกลับขึ้นห้องเรียนไปก่อน

อ่างล่างหน้าแสตนเลสตั้งยื่นออกมา มีก๊อกน้ำเรียงราย

ห้องน้ำชายแบบมีที่ยืนฉี่ขนาดเล็กเหมาะสำหรับเด็กกั้นช่องเรียงอยู่ ตอนนี้ไม่มีคนมาใช้ คงขึ้นห้องเรียนไปแล้ว

'ปิถอดเสื้อออกดิ'

ปิดูลังเล แว่นหนากระตุกขึ้นทีหนึ่ง

'เฮ้อ'

เอ็มถอดเสื้อออกก่อน

'เอ้า เอาของเราไปใส่ก่อนไป'

ปิจึงยอมถอดเสื้อออกตาม

ตัวซีดจางผอมอย่างกับเด็ก มีแค่สัดส่วนที่ยาวเก้งก้างเท่านั้นที่บอกได้ว่าเจ้าของร่างเพิ่งจะกำลังยืดตัว

ปิตัวสูงเกือบเท่าเอ็ม

ดูๆไปแล้ว ปิน่าจะสูงกว่าเด็กคนเมื่อกี้ เอะ .. ทำไมคนๆนั้นถึงติดใจเอ็มขนาดนี้นะ

'รอนะ'

ปิพูดพร้อมยื่นเสื้อให้

เอ็มเอาไปขยี้ๆน้ำเอาสีขมพูอ่อนที่ตอนนี้กลายเป็นคราบเหนียวๆออก

มันออกไม่มาก ยังมีร่อยรองจางๆติดอยู่

'ปิใส่ของเราไปเรียนก็ได้'

'ไม่เป็นไร เอ็มจะใส่ไรละ'

'เราใส่ตัวนี้เอง มันเปียก'

ปิยืนจ้องตัวเอ็มที่ปราศจากเสื้อ

'มีไรเหรอ'

มือสาวซีดๆ วางลงบนตัวเอ็ม

ตัวเอ็มกระตุกเล็กน้อย สัมผัสเมื่อกี้รู้สึกเสียวแปล๊บ ใจเอ็มเต้นเร็ว

‘เป็นไรป่าว ปิ'

ปิ ส่ายหัว

'กลับห้องเรียนเถอะ'

มือที่สัมผัสบนตัวเมื่อกี้ทำให้เอ็มรู้สึกแปลกๆ

มันรู้สึกดี

นักเรียนตัวอย่าง อย่างเอ็มย่อมไม่เคยมีเหตุการณ์สัมพันธ์อะไรเกินเลยกับผู้หญิง แต่แค่เมื่อกี้มันก็เริ่มทำให้เอ็มฉุกคิดแล้วว่า ตัวเองไม่ปกติกับผู้ชายด้วยกัน

...หรือเป็นแค่กับปิกันแน่

หลายเดือนผ่านไปจนเอ็มแน่ใจว่า ความรู้สึกนั้นคืออะไร หนังโป๊ที่เวียนกันไปทั่วห้องใช้ไม่ได้ แต่วิชาว่ายน้ำกลับมีผลมากกว่า เด็กผู้ชายในชุดว่ายน้ำ เอ็มชอบที่จะจ้องมองไปทางเด็กร่างขาวของต่อ

จนวันที่เอ็มโดนล้อว่า 'ของเล็ก'

ใครไม่รู้ทะลึ่งเห็นของอาทตอนอาบน้ำหลังเรียนเสร็จ ก่อนจะโจษจันกันไปทั่วห้อง แล้วก็เปรียบเทียบกับปิ ผู้โชคร้าย

นักเรียนใส่กางเกงว่ายน้ำแบบขาสั้น ยกเว้นเอ็มคนเดียวที่ใส่แบบกางเกงใน

เมื่อมีคนหนึ่งลือขึ้นมันก็ปากต่อปากกันไป

ที่อาทอายที่สุดคงจะเป็นการเปรียบเทียบกับปิ

'ไอ้เห่ย' คือคำเรียกปิของพวกนั้น

หลังจากนั้นมาอาทดูจะยิ่งเกลียดปิมากขึ้น เท่าตัว ความซวยของปิ ก็มาเป็นชุดต่อเนื่องหลังจากเหตุการณ์ตอนนั้นเอง

เมื่อจะจบชั้นม.2 ปิเดินเข้ามาสารภาพกับเอ็ม

'เอ็ม เอ่อ เราคิดว่าเราชอบนายอะ'

‘ปิหมายถึง?' ในใจเอ็มรู้อยู่ว่าหมายถึงอะไร

'เอ่อ มากกว่าเพื่อนน่ะ'

ปิเอามือเข้าไปจับส่วนนั้นของเอ็ม

เอ็มทำตัวแข็งขืน แต่ไม่หลบ ในห้องน้ำหลังเลิกเรียน ไม่มีคน เอ็มจะทำอะไรตอนนี้เลยก็ได้ แต่... มันจะใช่แน่เหรอ ถ้าทำอะไรเพื่อนคนนี้ลงไป ความสัมพันธ์มันจะจางหายไปไหม หรือว่า เอ็มจะต้องมารับผิดชอบกับเรื่องที่จะตามมา

'เรา เราไม่แน่ใจอะ...’ คำพูดบางส่วนหายไป

แต่ส่วนนั้นกลับตรงข้าม มันสู้มือปิขึ้นเรื่อยๆ

เอ็มกดตัวเข้าหาปิ เข้าไปกอดแน่น พยายามทะนุถนอมน้ำใจของปิเอาไว้ก่อน

'ขอเวลาเราหน่อยได้มั้ย'

ปิหน้าแดงแล้วผลักเอ็มออก

ยิ้มแหยให้

‘อื้อ'

‘เราไม่แน่ใจอะ... ว่าเราชอบปิหรือต่อ...’

เอ็มคิดว่าเอ็มชอบเด็กผู้ชายคนนั้นมากกว่า เด็กคนที่เอ็มไม่รู้จัก รู้แค่ชื่อต่อ เพื่อนผู้นั่งหลังห้อง กลุ่มที่ไม่ถูกกันกับกลุ่มของเอ็ม

เวลาปิดเทอมเอ็มเจอปิแค่ไม่กี่ครั้ง หนึ่งในนั้นคือตอนที่เอ็มชวนปิไปดูเกมส์ที่ห้าง แต่ปิดูมีอะไรบางอย่างแปลกออกไป ฝ่ายหลังดูจะมีช่องว่างระหว่างกันมากขึ้น เอ็มพยายามถมเท่าไรก็ไม่เต็ม

ปิดูจะระแวงราวเหมือนคนทำอะไรผิดไว้ ตอนนี้พยายามกลบเกลื่อนแก้ไขสิ่งนั้น

'ปิ เรื่องนั้นเราคิดว่า....'

'ช่างเหอะ เราไม่คิดอะไรแล้ว'

ปิพูดน้ำเสียงเฉยๆ ก่อนขอตัวกลับบ้าน

เอ็มรู้สึกวูบ หัวใจแทบหล่นลงไปกองที่พื้น มันเหมือนเป็นฝ่ายบอกรักแล้วโดนปฏิเสธ

ทั้งๆที่ปิเป็นคนเริ่มก่อน

ตั้งแต่ปิ บอกความรู้สึกคราวนั้น เอ็มก็เริ่มคิดกับปิเหมือนคนที่เป็นเพศตรงข้าม ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมห้อง

ปิดูเป็นเด็กผู้ชายแหยๆ มากกว่าเกย์หรือตุ๊ดอย่างที่เอ็มเคยเห็นข้างนอก มันไม่น่ารังเกียจเลยถ้าจะรับปิเป็นแฟน แค่ว่าเสียงของหัวใจมันดูจะเอนเอียงไปอีกทางซะมากกว่า

การบอกคราวนั้นทำให้เอ็มต้องเก็บไปคิดว่าจะทำอย่างไร การรักคนที่ไม่แม้แต่จะเคยคุยกัน มันคงจะเป็นไปได้ยาก มันเป็นการเพ้อเจ้อไปเอง

อย่างน้อย ปิก็อยู่ตรงหน้า เอ็มเองก็ไม่ใช่ว่าจะเฉยๆกับปิซะเลยทีเดียว ออกจะชอบมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ แต่เวล่แค่ช่วงปิดเทอมทำเอาเอ็มกลับเป็นฝ่ายผิดหวัง

‘ปิเรียนห้องนี้เหรอ' เอ็มถามตอนเปิดเทอม ม.3

'อือ เอ็มห้องไหน'

'ข้างๆนี่แหละ แล้วไอ้พวกนั้นไม่รังแกเหรอ'

'ไม่รู้สิ มีต่อเป็นเพื่อนแล้วน่ะ'

'ต่อ?'

เอ็มมักจะใช้เวลาร่วมกับปิตอนอาหารกลางวัน ยิ่งหลังจากโดนอาทแกล้งทำน้ำหกใส่ด้วย ปิจึงพยายามแยกออกมาบ้างครั้ง ทุกครั้งจะมีเรื่องให้เอ็มรู้สึกอิจฉา

'อือ'

'แล้วไอ้เสื้อนั่นโดนไรมา'

'ไอ้อาทน่ะ แม่ง เมื่อไหร่จะเลิกซะที'

เอ็มหัวเราะ

'โวยวายก็เป็นนี่'

'ก็มีบ้าง จะให้พูดกูมั้ย'

ปิจ้องหน้าเอ็มผ่านแว่น

‘ไม่เอาอะแบบเดิมน่ารักกว่า' ปิกับคำพูดกูมึงดูไม่เข้ากันเลย

ปิทำหน้าบู่ ราวกับเด็กโดนแกล้ง

'เล่าให้ฟังหน่อยดิ ต่อเป็นคนยังไง'

'ต่อเหรอ  อืม.... ก็ดีนะ เราก็งงเหมือนกันเหมือนจะดูเกเรก็ไม่อะ จะดูใจดีก็ไม่ใช่'

'ส่วนใหญ่ถ้าช่วยไรได้ก็จะช่วยอะนะ แต่แม่งขำวะ ไอ้อาทตัวยังงั้นกลับไม่กล้าสู้ต่อ แล้วเชื่อมั้ย ว่าปิโคตรขำเลย ที่อยู่ๆ ต่อก็มาสนิทด้วย แล้วทำหน้ายังกับเห็นเราเป็นลูกหมาไปได้'

ปิคงไม้รู้ตัวว่าติดเอาวิธีการพูดของต่อมาแล้ว

'งั้นก็ดีดิ'

ปิยิ้มให้

'ไม่ต้องห่วงนะไม่ทิ้งมึงหรอก'

'กูว่ามึงชักจะติดคำพูดคนอื่นมามากไปละนะ'

ปิ ยิ้มแหะๆ แก้มแดง

เหรอ... ปิได้สนิทกับต่อสินะ

ยิ่งช่วงปลายการศึกษาปิก็ยิ่งทำให้เอ็มลำบากใจ

'วันนั้นต่อก็ตามมาช่วยอะ มาที่ลอคเกอร์ที่เราหลบไปร้องไห้'

'แล้วทำไมไม่โทรหาเราละ'

'ก็... '

'แล้วต่อมาทำไร'

'เค้าก็มาปลอบ'

'เฉยๆ?'

'มันมีข่าวลือออกมานะปิ'

ปิเงยหน้าตกใจมองเอ็ม

'ได้กัน?'

ปิหน้าแดงออกไปถึงหู

ชัวร์แล้วสินะ

'แล้ว ต่อว่าไง'

'คือ?'

'จะคบกับต่อ? หรือได้กันเฉยๆ?'

ปิมีท่าทีลังเล

เฮ้อ จนได้ นี่กูต้องพลาดทั้งสองคนเลยเหรอวะเนี่ย

เอ็มแทบไม่มีบทบาทอะไรระหว่างสองคนนั้นเลย การพบเจอและพูดคุยกับต่อระหว่างที่ปิอยู่ด้วยแค่บางครั้งไม่ได้ช่วยให้รู้จักกันมากขึ้น

ลึกๆ เอ็มก็ยังชอบต่ออยู่

'ฝากปิด้วย' เอ็มพูดคำนี้ให้กับต่อ คนที่เอ็มชอบสองคนคบกันเองก็ยังดี อย่างน้อยเอ็มก็สบายใจเรื่องของปิ

ถ้าปิรู้ มันจะว่าเอามั้ยนะ
.
.
.
หลังจากเรื่องที่สระว่ายน้ำ ห้องพักครูดูจะเงียบแปลกๆ รังสีความไม่เป็นมิตรอบอวลไปทั่ว

"ขออนุญาตครับ"

เอ็มเปิดประตูเข้าไปช้าๆ เห็นครูในห้องนั่งเงียบ หลายคนทำเป็นตรวจการบ้าน รีบเก็บของออกจากห้องไป ปล่อยให้เหลือแค่หัวหน้าครูกับบางคนที่หาข้ออ้างออกไปไม่ได้

อาทนั่งก้มหน้ามองหว่างขาตัวเองอยู่ตรงข้าม

"โทรไปรึยัง"

"ครับ"

"ท่าทางผู้ปกครอง เอ่อ คุณแม่ของปิพนธ์จะยังรับไม่ได้น่ะครับ ผมได้แค่แสดงความเสียใจในฐานะนักเรียน..."

เอ็มเอามือไขว้หลัง กำแน่น

"ถ้าทางโรงเรียนจะติดต่อไปคงต้องลองเองละครับ เหมือนเค้าไม่ได้อยากยุ่งกับโรงเรียนอีก คงจะโกรธมาก"

"แล้ว ตัวเด็กเป็นไงมั่ง"

ต่อยิ่งกำแน่น กัดริมฝีกปากล่าง

พยายามพูดให้ดูเป็นปกติที่สุด

เรื่องระหว่าง 3 คนยังเป็นความลับ

'อย่าแสดงความรู้สึกออกมามากไป'

"พ่อแม่ของปิ ปิพนธ์ ตัดสินใจจะถอดเครื่องช่วยชีวิตออกวันนี้ไม่ก็พรุ่งนี้ครับ"

ครูที่ห้องที่เหลืออยู่เงยหน้ามามองทางเดียว

อาทก็ด้วย

เอ็มมองกลับไปทางอาทตรงๆ

"หมอว่าจมน้ำนานเกิน 5 นาที... โอกาสฟื้นน้อยมาก ตอนนี้ต้องพึ่งเครื่องไปก่อน ถึงฟื้นมาก็มีแนวโน้มว่าจะไม่ปกติอีก ถ้าไม่เป็นเจ้าชายนิทราก็อาจจะพิการ เค้าเลยตัดสินใจถอดเครื่องแล้วรอดูว่าจะอยู่ได้ด้วยตัวเองหรือไม่”

“เมื่อคืนที่ผมโทรไปถามครั้งสุดท้าย เห็นว่ามีการตอบสนองบ้าง บางทีอาจจะมีหวัง แต่ยังไงทางโน้นก็ไม่ต้องการให้โรงเรียนมายุ่งเกี่ยวอีก ... ไม่ว่าจะเป็นยังไง ปิพนธ์ จะไม่กลับมาที่โรงเรียนนี้อีก”

เอ็มกำลังหมดความอดทน

น้ำตาเริ่มรื้น

"งั้นผม ... "

เสียงเปิดประตูห้องถูกเปิดเกือบจะโดนเอ็มที่ยืนอยู่หน้าประตู ตามติดมาด้วยเสียงร้องเท้าหนักๆ

ผัวะ

อาทที่อยู่ตรงหน้าเอ็มลงไปกองกับพื้น

"คุณ..."

ไม่ทันได้นึกชื่อออก ครูกำลังตกใจ

พลักๆๆๆ

เสียงรองเท้าหนังปะทะเข้ากับเนื้อ

อาทถูกผู้ชายคนนั้นเตะไม่ยั้ง ได้แต่นั่งกอดเข่าซุกตัวอยู่มุมห้อง

"คุณพ่อครับ ทำยังงี้ไม่ได้นะ"

"นี่ไม่คนของผม จะทำไรมันก็ได้"

ผู้ชายคนนั้นหันกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ที่อาทเคยนั่ง

"อาท ถอดเสื้อผ้าออก"

อาททำหน้าตกใจ

"แกทำชั้นอาย ชั้นก็จะให้แกได้อาย แก้ผ้าออกแล้วเดินรอบโรงเรียนเดี๋ยวนี้"

"คุณพ่อที่นี่โรงเรียนนะครับ"

หลังมือประเคนเข้าที่หน้าอาท ที่ตอนนี้ยืนลังเล ขาสั่นเหมือนคนหมดแรง

"คุณแม่ละครับ"

"แม่มันทิ้งไอ้นี่ไว้แล้วหนีตามผู้ชายคนอื่นไป เป็นภาระให้ผม นี่มาทำเรื่องอีก ถ้าครูอยากคุยกับแม่มันก็ลองเอาเบอร์ไปสิ ดูว่าจะมามั้ย"

เอ็มหันไปมองอาทที่ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่มุมห้อง

ยกมือไหว้ท่วมหัว พูดอยู่คำเดียว

"ขอโทษๆๆๆๆ"

ไม่รู้จะพูดถึงใครกันแน่ พ่อ หรือ ปิ

"กูไม่ใช่พ่อมึง แค่รับฝากไว้ เรียนจบม.6 มึงก็ไสหัวออกไปได้ แต่นี่มีเรื่องมึงจัดการเอาเองแล้วกัน"

"มึงไม่มีทั้งพ่อและแม่ แม่มึงคลอดออกมาโดยไม่มีใครรับเป็นพ่อ จำไว้ด้วย ตอนนี้มึง มันก็แค่เด็กกำพร้า"

เอ็มก้มหัวให้ครู กำลังจะเดินออกจากห้องพัก

"กูบอกให้ถอดไง"

"ครูครับ เดี๋ยวตำรวจคงจะมานะครับ ทางนั้นไม่น่าจะยอมความ"

เอ็มช่วยได้เท่านี้ คำว่าตำรวจน่าจะพอทำให้พ่อของอาทหยุดความคิดบ้าๆได้

ประตูถูกปิดตามหลัง เอ็มไม่คิดจะสนใจเรื่องในห้องอีก

เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้า

หน้าตาตอนนี้ชุ่มไปด้วยน้ำ

'ดีที่ออกมาทัน'

น้ำตามันไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ สีหน้าในกระจกดูย่ำแย่พอๆกับอาท

'ปิ...'

เอ็มไม่มีทางรู้ได้อีกต่อไปว่าเป็นอย่างไร พ่อแม่ตัดปิขาดจากโรงเรียน ไม่ต้องการให้โทรไปเข้าหาอีก ที่รู้จากพยาบาลตอนแอบถามก็ได้แค่ว่า ยากที่จะฟื้น

ถึงหาย ปิ ก็คงไม่ได้กลับมาที่โรงเรียนนี้อีกแล้ว

เวลาเครียดเอ็มจะเผลอกัดปากเป็นประจำ กลิ่นคาวของเลือดติดอยู่บนริมฝีปาก

'รีบล้างหน้าไปหาต่อดีกว่า'

เดาได้ไม่ยากว่าจะอยู่ที่ไหน หลังจากเมื่อวานเอ็มนัดต่อมารอหลังเลิกเรียนถึงจะไม่บอกสถานที่เอ็มก็เดาได้

สระว่ายน้ำ

"ต่อ อยู่นี่เอง"

"มาทำไรตรงนี้วะ"

เอ็มเล่าเรื่องในห้องพักครูให้ต่อฟัง บางส่วนก็รู้เพิ่มจากครูที่ออกมาตามหลัง เอ็มไม่กล้าอยู่ดูต่อ จึงได้แต่ถามจากครูที่สนิทพอคุยได้อยู่บ้าง

หลังจากเอ็มออกจากห้องไปแล้วอาทยังโดนซ้อมต่อไป ไม่มีใครกล้าห้าม

ทั้งหมดถูกถ่ายทอดให้ต่อฟัง

คนฟังนั่งนิ่ง สีหน้าเศร้าหมองแล้วก็ระเบิดอารมณ์ออกมา น้ำตาไหลอาบแก้ม

เอ็มไม่เคยเห็นต่อเป็นแบบนี้ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีทีท่าแบบนี้ด้วย

'เอาไงดีวะ ลองทำแบบที่ต่อทำละกัน'

เอ็มกดหัวต่อลงกับหน้าอก ปล่อยให้ต่อร้อง และปล่อยเวลาให้ผ่านไป

เมื่อเห็นว่าต่อกำลังจะหยุดเอ็มจึงปาดน้ำตาแล้ว

ก่อนจะทันรู้ตัว เอ็มกดหน้าลงจูบปากเบาๆ

ปากแห้งแตกจากอากาศหนาว เหมือนมีแผ่นแข็งๆมาปิดเนื้อนุ่มๆเอาไว้

หัวใจเอ็มแทบระเบิดออก มือชา

'ชิบหาย กูทำอะไรลงไป'

ต่อไม่ได้ว่าอะไร สีหน้าดูสงบขึ้น

ต่อนั่งนิ่งอยู่ก่อนจะลุกขึ้นยืน... แล้วถอดเสื้อผ้าตัวเองออก

แล้วโดดลงน้ำ

'ถึงเอาได้ ปิจะได้ใช้มั้ยนะ'

เดี๋ยวได้เป็นหวัดพอดี

ถ้าไม่ช่วยสงสัยดูแล้วน่าจะอีกนาน แว่นจมลงในส่วนลึกสุด ต่อดูจะไม่มีความสามารถ ร่างนั้นในกางเกงในตัวเดียวดึงดูดสายตาเอ็มเอาไว้

ดำขึ้นลงอยู่ 2 3 รอบ

‘เอาด้วยก็ได้'

คนบ้าที่มาเล่นน้ำหน้าหนาวสงสัยจะไม่ได้มีแค่คนเดียว

เอ็มทำตามต่อ กางเกงในสีขาวบางถ้าเปียกน้ำ แทบไม่เหลืออะไร แต่จะให้ต่อทำเองคงจะอีกนาน

เอ็มขึ้นจากสระมาตัวหนาวสั่น รีบเดินไปหามุมใส่เสื้อผ้า วางแว่นไว้ที่ขอบสระ

"จ้องอยู่ได้"

ต่อเดินไปทำตาม ทิ้งกางเกงในเปียกๆเอาไว้ ไม่ใส่กลับเช่นกัน

เอ็มเป็นฝ่ายจ้องมอง หลังขาวๆขยับขึ้นลงบ้าง ก้นขาวเล็กน่าจับ ถูกบังด้วยชายเสื้อนักเรียน

เอ็มรีบเดินเข้าไปรูดซิบเสื้อหนาวของต่อขึ้น

"ปิดไว้ เดี๋ยวเป็นหวัด"

'ขอโทษนะปิ'

เอ็มต้องใช้ชายเสื้อหนาวปิดส่วนนั้นไว้ มันตื่นขึ้นมาแล้วเพราะภาพตรงหน้า หน้าขาวซีดของต่อกับผมเปียกๆ
.
.
.
กลางดึกของคืนท้ายปี เอ็มนั่งดูทีวีอยู่บนห้องนอน

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

"เอ็มใช่มั้ย"

"ครับ?"

"นี่พี่บูมนะ มารอบ้านต่อด้วยมันเมาวะ"

อะไรนะ ไอ้บ้านั่นมันไปเมาที่ไหนอย่าบอกนะว่าหนีไปเที่ยวผับ

"เดี๋ยวส่งที่อยู่ไปให้"

เสียงรถบนถนนวิ่งผ่านไปดังๆ เอ็มได้แต่หวังในจว่า ต่อคงจะไม่หมดสภาพนอนกองอยู่ริมฟุตบาท

จากบ้านเอ็มไปบ้านของต่อก็น่าจะสักพัก ต้องเก็บของอีก

เสื้อผ้าถูกจับยัดใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว เอ็มเผื่อชุดไว้ไม่เกิน 3 วัน น่าจะพออยู่ เพราะหมดจากนี้ก็เปิดเรียนแล้ว อย่างไรต่อก็ต้องไปโรงเรียน

'อ้าว แล้วคนที่บ้านมันละ'

แย่ละ เอาวะ ไว้ค่อยไปแก้สถานการณ์ตอนไปถึงแล้วกัน ตอนนี้ดึกมากแล้ว จะไปบอกพ่อแม่คงไม่ได้ ออกไปเลยแล้วค่อยมาฟังคำด่าทีหลัง

… แล้วทำไมไอ้พี่บูมไม่ให้คนที่บ้านมารับวะ

ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงจากหน้าบ้านเอ็มโดยแท๊กซี่ไปถึงหน้าบ้านต่อ ช่วงปีใหม่หารถยาก กว่าจะได้สักคัน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปหรือไม่ ต้องมาลุ้นอีก ความร้อนรนมันมีอยู่ เอ็มรู้ตัวว่ามันไม่ใช่แค่ความเป็นห่วง

'ชั่ววะกู เวลางี้ยังเสือกเงี่ยนขึ้นมาได้'

รูปร่างต่อเมื่อวานเรียกความรู้สึกของเอ็มขึ้นมาอีกรอบ ตอนนี้เอ็มมาทั้งชุดนอน ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า

'แย่ละ เดี๋ยวมันขึ้นมาทำไงวะ'

รถจอดตามที่อยู่ที่พี่บูมส่งมาให้

"พี่เป็นไงมั่ง"

"เมาวะ เละ ไม่รู้เรื่องรู้ตัวเลย ไม่รู้แม่งเล่นยาป่าว"

"ยา?"

"เออดิ"

เอ็มแบกร่างต่อเดินลงจากรถ

"พี่ไปนะ ฝากมันด้วย"

เสียงบิดรถดังขึ้นไม่รอคำตอบ

'อ้าว พี่เหี้ยนี่'

เอ็มล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงต่อ

เจอแท่งแข็งๆเย็นๆ พวงเล็ก กุญแจบ้านที่มีแค่สองดอก อันหนึ่งคงเป็นรั้วซึ่งตอนนี้ไม่ได้ล็อคไว้ อีกอันน่าจะเป็นหน้าบ้าน

ไขเข้าไปเจอกับห้องกินข้าวมืดๆ ทึมๆ ไม่มีใครอยู่

ต่อวางมือถือไว้บนโต๊ะแล้วโซเซเดินขึ้นไปชั้นสอง

มีประตูห้องนอนแค่สองห้อง ต่อเปิดห้องตรงหน้าบันไดเดินเข้าไปแล้วล้มตัวลงนอน

"ปิ มาทำไรวะ"

ปิ?

"มึงเมา"

ต่อไม่พูดไร เดินเข้ามากอดตัวเอ็มแน่น เสียงในลำคอบ่นงึมงำอะไรสักอย่าง เอ็มฟังไม่ออก ก่อนจะรู้ตัว ต่อเอามือรูดกางเกงนอนของเอ็มลง

ไม่มีกกางเกงในปิดส่วนนั้นไว้

อาการเมายามันคงถ่ายทอดไปถึงเอ็มด้วย

ในเมื่อส่วนนั้นผงกหัวให้กับตต่อแล้วต่อเองก็ดูจะพอใจ

'งั้นเลยตามเลยแล้วกัน'

เอ็มกดตัวขึ้นคร่อมต่อไว้

ทางซ้ายของเตียงเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ แว่นของปิวางหันหน้ามาทางนี้อยู่ เอ็มแน่ใจเพราะเลนแตกข้างหนึ่ง

'อยากดูเหรอไอ้หื่น'

ถ้าปิยังมีชีวิตอยู่คนที่อยู่ตรงนี้คงจะเป็นมัน เอ็มรู้สึกผิดที่ตัวเองกลายเป็นคนที่มาแทนที่ เหมือนกับว่าไปแย่งของเพื่อนสนิทมา

ทั้งต่อและปิ เป็นคนที่เอ็มรักทั้งคู่

ถ้าไม่มีปิก็คงไม่ได้เข้ามาสนิทกับต่อ

'นั่นดิ อยู่ๆเดินเข้าไปบอกชอบต่อ คงโดนมันต่อยออกมา’

ถ้าทุกอย่างไปด้วยดี มันคงกลายเป็นรักสามเศร้า รักที่ต้องจบลงด้วยความเจ็บปวดของเอ็ม ถึงจะเป็นอย่างนี้มันก็เศร้าอยู่ดี

"อาๆ เร็วดิ"

เสียงต่อเร่งเร้า

"ค้าบๆ"

"ต่อเราชอบต่อนะ"

ต่อตอบรับด้วยเสียงครางดังๆ

เมื่อจบกิจกรรม ต่อนอนหมดแรงไม่รู้เรื่อง

เอ็มต้องลุกไปหาผ้าชุบน้ำเย็นๆมาเช็ดคราบออกทั้งบนตัวเองและบนตัวต่อ

พรุ่งนี้ตื่นมา ต่อจะจำได้มั้ย

ต่อนอนหลับผ่อนลมหายใจอยู่ข้างๆ

ตรงข้ามกับเอ็ม

'เหี้ยแล้ว'

ต่อมันจะว่ายังไงวะ
หัวข้อ: Re: ขอแค่ 5 นาที : เอ็ม 28/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 31-03-2016 00:13:38
จะแรกรัก หรือแรกใคร่ ใจมันชอบ
รักคือตอบ ปนชอบชื่น หื่นหวั่นไหว
ยากยับยั้ง ให้พลั้งเผลอ ละเมอไป
ไม่ใช่ใคร คือไอ้ต่อ ขอลองดู

แหม่ ๆๆๆๆๆ เอ็ม..หื่นน่าดู
สาดกระจายเลยนะ

+1
หัวข้อ: Re: ขอแค่ 5 นาที : เอ็ม 28/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 31-03-2016 11:39:54
มาต่อเร็วๆนะครับ :katai5:
หัวข้อ: Re: ขอแค่ 5 นาที : เอ็ม 28/2/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 31-03-2016 16:49:28
เฮ้ออออ
รักสามเส้า

แต่เอาจริง อ่านไปแล้วสงสารอาทที่สุด
ต่อไปจะเป็นยังไงนะ
หัวข้อ: 10 CM : วันกีฬาสี (1) 4/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 04-04-2016 21:09:23
เสียงมือถือทำงานตรงเวลาตอนตี 5 ครึ่ง เสียงปลุกน่ารำคาญ คิดว่าเจ้าของผลิตภัณฑ์คงคิดว่าออกมาแบบมาดีแล้ว ที่ให้เสียงเพลงฟังดูไม่สั่นประสาทมากแบบนาฬิการุ่นเก่า แต่ก็ชวนให้อยากลืมตาลุกขึ้นมากดปิด

มือถือแสดงวันที่ เสาร์ที่ 9 มกราคม

ใช่แล้ว วันนี้มีกีฬาสี...

ตัวผมบิดเกร็งยืดตัวออก สะบัดไล่ตัวขี้เกียจออกไป

บางส่วนก็ยืดและเกร็งไปด้วย

ไม่มีเวลาแล้ว...

ผมสไลด์หน้าจอกดข้อความหาต้อง

'ตื่นยัง'

ผมไม่รอคำตอบ รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ ต้องไปถึงที่โรงเรียนตอนก่อน 6 โมงเช้า มีหน้าที่รอผมอยู่ หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากรุ่นพี่ ถ้าจะให้ถูกมาจากต้องมากกว่า มันเป็นคนเอาหน้าที่นี้มาให้ผมโดยตรง

ไม่มีการบอกกล่าวเตรียมงานล่วงหน้า ผมไม่รู้จริงๆว่าต้องทำอะไรบ้างในวันนี้

รู้แค่ว่า ต้องและเด็กอีก 2 คนไปไหนผมต้องไปด้วย เอาใจพวกมันให้ดีที่สุด อย่าให้มีปัญหา เพื่อขบวนพาเหรด

ถ้วยรางวัลถ้วยเดียวที่สีผมหมายมั่นว่าจะได้ก็มาจากขบวนพาเหรดนี่แหละ ผมเลยเหมือนกุมชะตากรรมของสีฟ้าเอาไว้อยู่ในมือตอนนี้

เสื้อกีฬาสีสีฟ้ากับกางเกงผ้าสีขาวถูกวางเตรียมไว้บนโซฟา

ชุดบังคับ

ผมไม่ได้แม้แต่เสื้อสตาฟ เพราะยังไงผมก็ไม่ใช่สตาฟอยู่แล้ว

นอกนั้นพวกคนในห้องผมได้กันหมด

ขบวนพาเหรดจะตั้งแถวตอน 7 โมงเช้า ต้องน่าจะถึงอย่างช้าสุด 6 โมง อาจจะก่อนนั้นด้วยเพื่อแต่งหน้าทำผม ชุดที่ต้องจะใส่วันนี้มันยังถูกปิดเป็นความลับ

ความลับสุดยอด

คิดว่าพวกที่เต้นเชียร์ลีดเดอร์ก็คงเก็บเงียบไว้เหมือนกัน

ของดีสุดมักจะออกมาทีหลัง เพื่อให้คนประหลาดใจ หรือไม่ก็ผิดหวังไปเลย

โอกาส 50/50

ชอบหรือไม่ชอบ

กระเป๋าเป้ใบใหญ่อัดไปด้วยขนม เพื่อว่าพวกนั้นจะหิว ผมไม่สามารถจะแบกน้ำไปด้วยได้ ค่อยไปหาเอาแถวนั้น แต่ที่กินพื้นที่มากที่สุดเห็นจะเป็นหูฟังสีเขียวที่เจให้มา เพื่อว่าไม่มีอะไรทำ ให้หูฟังมันกวนใจผมแทนไอ้เจแล้วกัน

หูฟังสีเขียวสดที่ดูใหม่ เพราะยังไม่เคยได้ใช้งาน

ผมเช็ดตัวหมาดๆ อากาศในตอนเช้ามืดยังเย็นอยู่ ก่อนผมจะใส่เสื้อสีฟ้าโปโลที่ขอบแขนกับปกเสื้อสีขาว ให้ความรู้สึกแข็งกระด้างของผ้าเพราะยังไม่ได้ซักอยู่ (แล้วก็คงใหม่ไปอีกนาน หลังจากนี้คงไม่ใส่อีกแล้ว)

มีชื่อโรงเรียนอยู่เหนือข้อความ

'กีฬาสีครั้งที่27'

เสื้อตัวนี้คงใส่แค่วันนี้วันเดียวนี่แหละ

ปีหน้าก็เปลี่ยน แต่คงเหลือแค่ผมคนเดียวที่จะได้รับเสื้อมาใส่

…พวกแมคคงไปใส่ชุดนักศึกษากันหมดแล้ว

กางเกงผ้าสีขาวขนาดใหญ่เกินกว่าตัว มันเป็นกางเกงผ้าแบบที่ผู้ใหญ่ชอบใส่กัน ไม่ให้ความรู้สบายตัวเลย ผมไม่เคยแต่งตัวแบบนี้มาก่อน มันดูเกินวัย แต่คราวนี้แค่กางเกง

‘ผ้าก็บางเห็นไปถึงกางเกงในแล้ว’

ผมสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอยู่หน้ากระจก มันสะท้อนความขัดกันออกมา หน้าตาเด็กม.5 ในเสื้อกีฬาสีฟ้าสด กางเกงแสลคสีขาวดูแก่ ถ้าใครมาเห็นจะต้องบอกว่าแต่งตัวไม่เป็นแน่ๆ

ผมเดินลงไปใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวข้างล่าง บนหลังมีเป้ขนาดใหญ่ที่เกือบๆจะเรียกได้ว่าหนักติดสอยห้อยตามผมไปด้วย

หูฟังถูกทับถมอยู่ใต้กองขนม

ลมเย็นปะทะวูบเข้าหน้าเมื่อเปิดประตูบ้านออก

‘เดี๋ยวบ่ายก็ร้อนแล้ว’

หน้าบ้านว่างเปล่า ตอนเด็กๆผมหวังเสมอว่า ถ้าได้ร่วมงานกีฬาสีแล้วมีพ่อกับแม่ไปดูบ้างก็คงดี มันก็ทั้งสองฝ่ายแหละเนอะ ผมไม่ได้มีกิจกรรมอะไรที่จะให้มาดู พ่อแม่มาก็ไม่รู้จะมาดูอะไร ถ้าเป็นแบบไอ้ต้องก็ว่าไปอย่าง

คงมาดูลูกให้ภูมิใจ

เช้าอย่างนี้ผมไม่อยากนั่งรถเมล์เลย

แท๊กซี่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี

ซอยหน้าบ้านมืดสนิท ผมแบกเป้เดินออกไปเงียบๆ บ้านยังไม่มีใครกลับมาอยู่นอกจากผมคนเดียว

เวลาอย่างนี้ทั้งง่วงทั้งหิว แต่มันกินอะไรไม่ลง

รถเช้าวันเสาร์อย่างนี้ยังไม่ติด

ใช้เวลาโบกรถไม่นานก็ได้แท๊กซี่

มันรู้สึกแปลกๆ ร่างกายยังไม่เข้าที่ เพราะว่าตื่นผิดเวลา เช้ากว่าที่เคย บนแท๊กซี่กลิ่นใบเตยที่ชอบเอามาวางไว้หลังรถ ยิ่งทำให้รู้สึกพะอืดพะอมมากยิ่งขึ้น

ผมบอกที่หมายก่อนจะหลับตาลง ปล่อยให้เสียงเพลงจากวิทยุดังไป

รู้ตัวอีกที่ผมก็อยู่หน้าประตูใหญ่โรงเรียนเรียบร้อยแล้ว

‘อยู่ไหน’

ผมยืนรอข้อความตอบกลับจากต้อง

‘ห้องเรียน’

ผมเดินตรงขึ้นบันไดใหญ่ไป ยังไม่อยากไปแวะดูแสตนด์ เก็บไว้ทีหลัง จะได้ประหลาดใจเมื่อเห็น ตอนนี้ฟ้าเริ่มสางแล้ว ผู้คนไปมาวุ่นวาย เสื้อสีต่างๆวิ่งปะปันกันไปมา แต่ก็มีไม่เกิน 4 สีในวันนี้ แดง เหลือง ฟ้า ม่วง ส่วนกางเกงเป็นทุกคน

ใครที่ใส่ชุดแปลกๆ เดาได้เลยว่า ต้องมีงานอะไรสักอย่างให้ทำ

บนตึดที่เป็นจุดห้ามขึ้นในวันนี้ ผมแอบขึ้นไปตามที่ต้องบอก

หน้าห้องเรียนผมที่ชั้น 4 ปิดมืดอยู่ บางชั้นก็มีไฟเปิดอยู่แสดงว่าสตาฟสีอื่นคงกำลังใช้ห้องเตรียมอะไรบางอย่าง

6.15 น.

“ต้อง อยู่ป่าว” ผมเดินมาดึงประตูห้องเรียนออก

“หืออออออออ”

“อะไร มึง”

ต้องถามขึ้นเ่อเห็นสีหน้าแปลกใจของผม

ผมยอมรับว่า นี่เป็นเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมายของผมไปมาก

ต้องอยู่ตรงหน้าในชุดเสื้อหนังสีดำมัน กางเกงยีนเข้ารูปสีดำ แขนเสื้อทำจากตาข่ายระหว่างตาข่ายแทรกด้วยกากเพชรสีฟ้า กับสีน้ำเงินเข้ม ปลายแขนเป็นสีเงินเงา

ดูเท่

ถึงเวลาตั้งขบวนมันคงจะเด่นมาก

ผมกับหน้าถูกจัดการมาเรียบร้อย ผมเปิดหน้าผากเสยขึ้นไปไม่เหมือนกับทุกที เซตไว้อย่างเรียบแปร้ เข้ากับลักษณะหัวของมัน หน้าเนียนแต่ดูเข้มไปหน่อย โดยรวมจัดว่าดูมีเสน่ห์

“เป็นไงมึง”

“อือ”

ผมได้แต่ก้มหน้า

“ว่าไง..”

มันเดินเข้ามาใกล้

“… หล่อ”

ผมหันหน้าหนีไปทางหน้าต่าง

“มองหน้ากูหน่อยดิ”

“ไม่!!!!”

ไอ้ต้องยังจ้องหน้ามองตรงมาทางผม

จนผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง สายตานิ่งจ้องมองผมด้วยใบหน้าจัดเต็มขนาดนี้

อยากเข้าไปปล้ำแม่งจังเลยวุ้ย

“พร้อมยัง?”

ผมถามมัน เวลาเหลืออีกแค่ 30 นาที

“อือ เดี๋ยวก็ต้องลงแล้ว”

มันดึงตัวผมเข้าไปกอด ก่อนจะจูบเข้ามาแบบไม่ให้ตั้งตัว

รสชาติลิปติค มันแปลกๆเหมือนกินอะไรลื่นๆแหยะ คล้ายๆพวกไข

อา

“นี่ เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก”

ผมดันตัวต้องถอยหลังไป 

“เดี๋ยวลิปก็หายหมดหรอก”

มันกอดแน่นๆอีก หนึ่งทีก่อนจะพูดออกมาด้วยใบหน้ากวนอารมณ์

“รู้แล้ว เอาฤกษ์เอาชัยไง”

ต้องปล่อยตัวผมออก ท่าทางมันดูกังวลใจ งานใหญ่ครั้งแรกเลยนี่ จะโยนพลาดเหมือนวันซ้อมก็คงจะไม่ได้ ทุกอย่างเป็นคะแนนหมด

“เด็กอีก 2 คนละ”

“รออยู่กับพี่สตาฟ กูขอขึ้นมาเก็บของน่ะ เก้าเอาของไว้ห้องนี้ได้นะ กูขอกุญแจมา”

ต้องเดินเข้ามาใกล้

“ขอกำลังใจหน่อย”

“ยังไม่พออีกเหรอ”

“คิดถึงนี่ จะเอาอีกอะ”

มันเดินเข้ามาเอามือเกี่ยวเอวผมไว้ แล้วเอาตัวเข้ามาแนบชิด

“หือ คิดถึงเหมือนกัน จะเอาอะไรละ”

ผมถามเสียงอ่อน

อยากจะเอื้อมมือไปลูบหัวมันมาก แต่ไม่ได้ เดี๋ยวผมจะเสียทรง

จุบ

มันก้มมาห้องแก้มผมทีหนึ่ง แล้วเอามือมาบีบก้น ก่อนจะพยายามล้วงเข้าไปในกางเกงให้ได้ แล้วลูบไล้เบาๆไปมาๆ มันเริ่มเสียวจนผมต้องปัดมือมันออก

ของต้องกำลังทิ่มแทงผ่านกางเกงเข้ามา

มันมีอารมณ์เหรอ

“รีบลงไปเลยมึง เดี๋ยวช้าโดนตัดคะแนน”

ผมโวยวาย

ไอ้บ้านี่ จะเอากันในชุดนี้เลยมั้ย

ดูเป้าสิ จะลงไปยังไงละเนี่ย

“งั้นจบงานมาต่อกันนะ เป็นของรางวัล”

ยังไม่ทันจะได้เหรียญเลยทวงรางวัลซะแล้ว

“ไปเอามาให้ได้ก่อนเหอะ กูจะยอมทุกที่ทุกท่าเลย”

ฮ่าๆๆๆ ต้องเดินหัวเราะไปตามทาง

ผมกับต้องจูงมือกันเดินลงบันไดมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะแยกกันที่ชั้น 2

แถวของขบวนพาเหรดเป็นรูปร่างแล้ว ขบวนยาวเหยียดไล่ตามสีไป แดง เหลือง ฟ้า

สีผมเป็นขบวนที่สาม

หัวแถวสีฟ้าอยู่ก่อนถึงสระว่ายน้ำ หางแถวยาวไปถึงสุดสระ เกือบ 25 เมตรพอดีสินะ นี่รวม 4 สีเป็น 100 เมตรเลยนะเนี่ย

ต้องไปยืน ถือไม้หัวเหล็กสีเงินเงาวับ ไม้ที่โชคดีวันซ้อมไม่ได้ถูกใช้ อันที่ฟาดหัวเป็นของสำรอง หัวทำจากพลาสติค แต่วันนี้ของจริง เป็นเหล็กทั้งดุ้น

เด็กอีก 2 คนอยู่ในชุดเดียวกัน ยืนถัดลงมา

พอมาดูวันนี้พวกมันเองก็ดูดีเหมือนกันแฮะ เด็กบ้าที่เห็นมาตลอดเทอมพอแต่งตัวมันก็เปลี่ยนไปได้เหมือนกันนะเนี่ย

“พี่ๆ แก้มไปดูใครหอมมาเหรอ”

“หือ อะไรนะ”

“แก้มพี่น่ะ”

น้องคนหนึ่งทักขึ้น

อีกคนกำลังหัวเราะคิกอยู่

อะไรของพวกมันวะ

ผมเอามือลูบดู หงายมือออกเห็นรอยแดงๆ

เฮ้ย

ผมรีบเอามือถูแก้มเพื่อลบรอยลิปออก

‘ลิปไอ้ต้องสินะ’

ผมหันไปมองค้อนมัน ไอ้เจ้าตัวคนทำ ทำหน้าไม่ใส่ใจ มองตรงไปข้างหน้า

“พี่ๆ หนุ่มคนไหนเหรอ”

“Kยยย มีสมาธิหน่อย”

ผมโวยวาย

‘ไอ้หล่อที่อยู่หัวขบวนพวกมึงไงเล่า’ อยากจะตะโกนออกไปจริงๆ

แต่ใครจะพูดออกไปได้ ไอ้บ้าเอ้ย มันเล่นยังงี้คนเห็นกันหมดแล้วมั้งนั่น

แล้วเหมือนมันจะรู้ตัวหันมายักคิ้วให้ พร้อมๆกับเสียงเพลงกราวด์กีฬาที่ดังขึ้นมาจากลำโพงรอบสนาม

ผมหันไปขยับปาก

'โชคดีมึง'

ไอ้สองตัวนั้นก็หันมาทำหน้าเหมือนจะรู้ทัน มันดูออกกันได้ยังไงวะ

"พี่ๆ แฟนอวยพรยังน่ะ”

น้องคนนึงเอาไม้เขี่ยๆ ขาต้อง

“ถามมันดิ"

ต้องเอาหัวไม้ชี้มาทางผม

ไอ้ต้อง!!!!

ผมหน้าแดง รู้สึร้อนไปถึงหู

ไอ้บ้าต้อง

ขาของเด็กในขบวนพาเหรดเริ่มขยับขึ้นลงซ้ายขวาตามจังหวะเพลง รุ่นพี่พยายามทำแถวให้เป็นระเบียบ มีคนคุมซ้ายขวาตลอด

ถ้วยรางวัลอันเดียวที่คาดว่าจะได้จากพาเหรดกำลังเดินแถวไปให้บรรดากรรมการดูแล้ว

ผมวิ่งอ้อมไปอีกข้าง หลบผู้คน ผมไม่ใช่สตาฟ เกิดใครมาเห็นเข้าจะโดนหักคะแนนเอาได้ เห็นขู่ว่าหักตามจำนวนเสื้อที่เห็นนอกสนามกีฬา แปลว่านอกจากสตาฟแล้ว คนอื่นที่ไม่ใส่เสื้อหมดสิทธิ์เดินไปมา

ผมจึงต้องหาทางกลับไปหลังแสตนด์ให้เร็วที่สุด

ที่สนามบอล ทุกอย่างที่เคยเห็นมามันแปลกตาออกไป

โครงแสตนด์เหล็กเขรอะสนิมดูสกปรกถูกกลายสภาพเป็นอัฒจรรย์ขนาดใหญ่สี่สี

สีฟ้าทำเป็นรูปเกลียวคลื่นขนาดใหญ่ วาดบนไม้แบบภาพเขียนญี่ปุ่นสีน้ำเงินเข้ม น้ำทะเลที่เป็นคลื่นสูง มีการลงสีเข้มอ่อน ส่วนสีขาวใช้แทนฟองคลื่นใช้วิธีเอาสีสาดใส่ให้เป็นเม็ดๆ  มี 3 คลื่นใหญ่ ภาพคลื่นโดยรวมดูหนักแน่นและแข็งกระด้าง

ตรงข้ามลานที่ใช้วิ่งแข่ง 100 เมตร เป็นที่ตั้งเต๊นท์ประธาน ตั้งหันมองออกมาทางสนามบอล มองเห็นสี่สีชัดเจน

ผมต้องหลบอ้อมอีกด้านไปหลบหลังแสตนด์ ทั้งโครงเหล็กถูกหุ้มด้วยผ้าขาวสลับน้ำเงิน ที่นั่งจะเป็นสีขาว กันของหล่นลงร่อง ส่วนพนักหลังกับรอบนอกเป็นสีฟ้าสลับน้ำเงิน

เมื่อหลบเข้าไปอยู่ด้านหลังจะโดนบัง ไม่มีใครเห็น

ทุกคนดูเคร่งเครียด บรรยากาศในสนามเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกดดัน รุ่นพี่พยายามทำงานให้ออกมาดีที่สุด เด็กบนแสตนด์เองก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า

บรรดาเชียร์ลีดเดอร์ในชุดสีสดกำลังเดินเข้าสนาม ประจำที่อยู่หน้าแสตนด์แต่ละสี ขบวนพาเหรด วนรอบสนามจนครบรอบแล้วมาหยุดตั้งแถว  ขบวนพาเหรดจะเดินอ้อมหลังแสตนด์ของแต่ละสี

ผมว่าต้องแต่งตัวจัดแล้วนะ คนของสีอื่นก็ไม่แพ้กัน

งานนี้ใส่กันเต็มที่

เมื่อขบวนพาเหรดเข้ามาใกล้สีของตัวเอง เสียงปรบมือกับเสียงเชียร์จะดังขึ้น

ผมหลบหลังแสตนด์สีตัวเองที่เป็นที่เก็บกระติกน้ำแข็ง ขวดน้ำ ถังน้ำ  ผมหลบอยู่ปะปนกับสตาฟ เห็นต้องในชุดสีดำเงา บริเวณแขนสะท้อนแสงวิบวับผ่านมาหยุดข้างหน้า

ต้องหันมามองผมแวบหนึ่ง

แล้วโยนไม้

ไม่พลาด

มันหันมายิ้มให้

'นับวัน มันจะยิ่งเปิดเผยไปมั้ยวะ'

ไอ้เด็กสองคนข้างหลังดูท่าจะไม่ได้สนใจ สมาธิจดจ่ออยู่กับการรับไม้ แสงแดดจ้าทำให้อากาศเริ่มร้อน สภาพหน้าตาบางคนเริ่มอิดโรย หน้าหนาวแต่แดดร้อนก็ไม่ไหวสินะ

ตอนนี้ทุกอย่างยังดูดี เหมือนโรงเรียนเตรียมทหาร ทุกคนตั้งใจ ตัวแข็งเกร็ง เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว เดี๋ยวบ่ายคนแตกฮือวุ่นวายแน่ๆ

เหมือนมดแตกร้ง

ตอนนี้ยังเช้ามดยังอารมณ์ดีอยู่เดินกันตามมาเป็นขบวนแถว

'หมดแล้ว ไม่เจอเด็กในสวนละ'

เสียง วอดังแหววขึ้นจากเอวสตาฟคนหนึ่ง

'ทุกอย่างพร้อม'

แปลว่าอีกเดี๋ยวตั้งแถวแล้วพิธีเปิดจะเริ่มสินะ

สีฟ้าเป็นสีเกือบสุดท้าย สีที่ไปก่อนตั้งขบวนรอหน้าประธาน ยืนตากแดดเป็นเนื้อเด็กกางเกงน้ำเงินแดดเดียวแล้ว

เวลา2 ปีผ่านไปเร็วเกินกว่าที่ผมจะรู้ตัว บางคนที่เข้ามาในชีวิตได้หายไปทิ้งไว้แค่เงาในความทรงจำ ที่ผมจะพยายามจดจำทุกรายละเอียดเอาไว้ อีกสิบปีต่อมา ไม่ว่าต่อไปผมกับต้องจะเป็นอย่างไร เรื่องราวในวันนี้มันก็ยังมีค่า

ถ้าตอนนี้ไอ้แมคอยู่มันจะคิดยังไงกับแสตนด์นะ

ไอ้เจคงวิ่งวุ่นอยู่รอบแสตนด์มันต้องสตาฟที่กระตือรือร้นที่สุดแน่

แล้วมันก็คงจะวิ่งเข้ามาลวนลามผมอีกแน่นอน

หึ อดขำไม่ได้แฮะ

จากตรงนี้ผมมองไม่เห็นต้องแล้ว จะยื่นหน้าไปดูก็ไม่ได้ด้วย

บนแสตนด์น่าจะกำลังเริ่มแปรอักษร

อา... สงสัยคงได้หลบอยู่นี่มองไม่เห็นอะไรจนกว่าจะเปิดงานเสร็จละนะ



-------------------------------------------
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี 4/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 05-04-2016 20:25:02
กลับมาคู่หลักแล้ว

ว่าแต่ต้องไม่ติดต่อต่อเลยหรือไงนะ
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี 4/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 07-04-2016 23:08:53
กลับมาคู่หลักแล้ว

ว่าแต่ต้องไม่ติดต่อต่อเลยหรือไงนะ

จริงๆตอนแรกก็มีเขียนถึงนะ แต่พอมานึกๆดู มันปลีกย่อยเกินไปหน่อย แล้วก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ อาจจะเอากลับมาลงอีกทีก็ได้ ตอนนี้รู้สึกว่าน่าจะจบได้แล้ว

เดี๋ยวไม่มีคนอ่าน
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี 4/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 08-04-2016 12:31:33
ขอย้อนนิดนึงนะคะ ... คือ ลืมลงไปตอนหนึ่ง ... ขอประทานอภัยคะ ก็ว่า เหมือนนึกๆแล้วอะไรมันหายไปนะ ในคอมชื่อตอนมันคล้ายกัน เข้าว่าเป็นตอนนั้น ที่ไหนได้ ... เอาเป็นว่า เดี่ยวลงแทรกตอนนี้เลยนะคะ ตอนเล้กๆไม่มีอะไรสำคัญ ข้ามไปก็ได้คะ
หัวข้อ: 10 CM : 4 มกรา 7/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 08-04-2016 12:33:40
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น นานแล้วที่ผมไม่ได้นึกถึงวันแรกเมื่อตอนเปิดเทอมปีที่แล้ว ผมปล่อยให้เสียงนาฬิกาปลุกดังอยู่อย่างนั้น

'อูย'

สภาพเมื่อยเนื้อตัวเข้ามาช่วยเขี่ยผมให้ลุกออกไปจากเตียง

ปิดปีใหม่แค่ 3 วัน มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย

ผมบิดขี้เกียจก่อนจะอดินไปทางห้องน้ำ นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงได้จัดการตัวเองสักรอบแน่ๆ ตัวขี้เกียจจะลุก ยกเว้นข้อมือที่พร้อมจะตอบสนองการขยับขึ้นลง

เช้านี้มันต่างกัน

ผมต้องเดินเกร็งไปที่ห้องน้ำ รู้สึกตัวช่วงล่างหลวมๆ

'ไอ้บ้าต้อง มันไปเอาแรงมาจากไหน'

เอามือนวดๆก้นดูรู้สึกแปลกๆ

ใบหน้าผมในกระจกดูจะแปลกตาไปสักหน่อย รู้สึกเหมือนตัวเองดูเริ่มออกไปทางสาวมากขึ้น สงสัยจะจริงอย่างที่ว่า พอมีผัวแล้วมันจะเปลี่ยนไป สงสัยฮอโมนไม่ปกติ

'ไอ้บ้าคิดไรวะ'

เอาตัวเข้าอ่างล้างหน้า

เจ็บแปล๊บเตือนความจำขึ้นมาจากท่อนล่าง

... เมื่อวาน ก็ทำไปตั้ง 3 รอบนี่ เล่นเอาเข้าง่ายไปเลย

ครั้งแรกดูจะยากอยู่สักหน่อย เมื่อต้องได้นอนพักไปตื่นหนึ่ง สิ่งแรกที่ทำหลังจากลืมตาตื่นคือขึ้นกดผมทันที ของเก่ายังไม่ทันระบายออกหมดเลย ปล่อยของใหม่เข้ามาอีก

ยิ่งมันรู้ว่าผมชินแล้ว มันยิ่งใส่เข้ามาไม่ยั้ง

ก่อนจะกลับบ้านเมื่อวานตอนเย็น มันก็ขอทิ้งท้ายไว้อีกรอบ ทั้งๆที่แน่ใจว่า 2 รอบที่ผ่านมามันน่าจะเหนื่อยแล้วซะอีก ยิ่งทำยิ่งอึดซะด้วย

มันทั้งกดทั้งซอยอยู่นานกว่าจะฟุบลงหมดแรง

'นี่มึงกะเอากูคุ้มเลยเหรอ'

ผมต้องหยุดมือที่รูดขึ้นลงของตัวเองตามจังหวะซอยแล้วถาม

'ชดเชยไง'

'สงสารกูมั่งดิ'

ต้องหยุดชะงักแล้วจ้องหน้า

'กับไอ้เจมึงพูดยังงี้มั้ย'

'มึงคิดว่าไงละ'

อูย อ้า....

ต้องชักออกแล้วกระแทกเข้ามาทีเดียวหมด

'กูไม่เคยเป็นเมียมัน'

ผมตอกย้ำคำพูดด้วยการถดตัวหนี

'ทำไมมึงจะบอกว่ายังไม่เคยทำยังงี้เหรอ' มันขยับโยกไปซ้ายขวาแทน แต่แช่นิ่งไว้อย่างนั้น

'เออดิ แน่ๆมันไม่ได้ขึ้นขี่กูละกัน'

'โอ้ย'

จบประโยคต้องซอยเข้าไม่ยั้ง ทั้งเร็วและแรง

'อา...'

'เฮ้ยอย่าดูดคอกูดิ'

'ไม่ได้ จะได้รู้ว่าโดนแล้ว'

'ไอ้ห่าต้อง'

มันดูดซะแรงเลย แต่ลึกลงไปหน่อยถ้าไม่เปิดเสื้อคงไม่เห็น

'อา...'

ผมครางไม่หยุด เหมือนต้องมันรู้จังหวะแล้ว ถ้าเอาออกมากไปผมจะไม่ชอบ แต่จัฃหวะเข้ามันโยกช้าๆให้เข้าไปลึกที่สุด

ยิ่งทำมันยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ ผมแทบไม่ต้องแตะต้องของตัวเองเลย

ของมันร้อนฉ่าอยู่ในตัวคงจะใกล้แล้ว

ผมรีบโยกเอวขึ้นลงรับกับจังหวะมัน

'ต้องๆ กู กูจะถึงแล้ว เอาเลยๆ'

'มึงจะหยุดทำไมอีกวะ'

'กูหึงมึงนะ อย่าไปให้ใครได้ทำละ'

'อื้อ กูจะให้มึงเอาจนเบื่อเลย'

ผมกระแทกตัวเองลง กดเข้าไปหาต้องให้แน่นขึ้น

'อะ...'

ต้องเปลี่ยนข้างจับผมกดลงกับเตียง มันยืนอยู่บนพื้น กดหน้าผมลงกับผ้าปูที่นอนบนฟูกหนา เล่นเอาหายใจไม่ออก มือต้องจับคอผมไว้ แต่ที่ตัวกับย่อลงแล้วโยกระรัว

ผมอยากจะร้องแต่เสียงไม่ออก

ในห้องเต็มไปด้วยเสียงต้องกับเสียงเนื้อของคนสองคนกระแทกกันดังๆ

ต้องร้องแทนส่วนของผม

'อ้า'

ของมันในตัวผมเริ่มกระตุกแล้ว มันกระแทกแรงๆจนผมจุกไปสองทีแล้วปล่อยน้ำอุ่นๆเข้ามา

ของผมถูอยู่กับเตียงแทบจะออกมาพร้อมกันถ้าไม่ใช่ต้องรีบถอนตัวออกแล้วจับผมหงายตัว ปล่อยขาสั้นๆให้ไหลไปใต้หว่างขาต้อง มันก้มลงมาใช้นิ้วยาวๆ ถูรอบๆให้ลื่น

แล้วรูดขึ้นลง

'อา... ต้องเร็วเลยไม่ไหวแล้ว'

โดนมาขนาดนี้ แทบจะไม่ต้องทำก็จะเสร็จอยู่แล้ว

ยังไม่ทันเมื่อย

สุดท้ายผมต้องปล่อยน้ำใส่มือต้องออกมาจนได้ น้ำแทบไม่เหลือ ใสราวกับน้ำมูก
.
.
.

แล้วนี่ผมมาคิดเรื่องนี้ตอนแปรงฟันทำไมเนี่ย ส่วนนั้นเลยแข็งขึ้นแต่ดูห่อเหี่ยว

มันคงหมดพลังเหมือนกัน

ผมเดินทางไปโรงเรียนแบบเดิม ข้าวเช้าหากินเอง ดูท่าทางแล้วพ่อกับแม่คงจะไม่คืนดีกันแล้ว ผมได้รับข้อความที่ให้เลือกว่าจะอยู่บ้านไหน ผมจึงเลือกที่นี่และขออยู่คนเดียว

เรื่องนี้เป็นสิ่งเดียวที่ผมอยากจะขอ บ้านที่มีความทรงจำมากมาย ผมคิดว่าตัวเองเริ่มเหมือนเด็กติดที่แล้ว ความคุ้นชินของสถานที่ทำให้ผมไม่อยากจากไปไหน เรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย

ไม่ใช่เฉพาะของพวกเพื่อนเท่านั้น บ้านที่ผมเติบโตมา ผ่านมาทั้งเรื่องดีและร้าย ฤดูกาลต่างๆที่ผมนั่งเฝ้ามองออกจากหน้าต่างบานเล็กในห้อง

รอยเปื้อนด่างบนกำแพง กระจกที่แตกเพราะลูกเบสบอลเด้งใส่ ตู้ใส่ของใบนั้นเลยเปิดอ้าซ่า เชื้อเชิญฝุ่น

พื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กที่ผมใช้เก็บตัวเวลาพ่อแม่ทะเลาะกัน

โทรทัศน์เก่าขนาดใหญ่ ที่มีสายเอวีให้ รอยเปื้อนบนกำแพงจากความร้อนเป็นรอยสีดำ เครื่องนี้เองที่ผมใช้หนีจากโลกความเป็นจริง

เวลาพบเห็นอะไรไม่สบายใจมาจากโรงเรียน

เจ มานอนห้องผมที่นี่เป็นคนแรก ไม่มีใครจะกล้ามาบ้านผมคนเดียวเพราะไอ้เรื่องบ้าๆ พวกมันคิดว่าถ้ามาคนเดียวจะเจอผมจับทำเมียหมดเลยละมั้ง

เจกับต้องดูจะไม่กลัวเรื่องพวกนั้น เอะ .. มันไม่เหมือนกันนี้นะ

ห้องนอนนี้เลยเหมือนเป็นเพื่อนที่ดี

บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าที่เป็นอย่างนี้จะโทษใครดี ที่บ้าน ข่าวลือนั่น หรือ ตัวผมเอง

อากาศยามเช้ายังเย็นอยู่ ลมเย็นปะทะหน้าขณะประตูสไลด์ร้านสะดวกซื้อเลื่อนออกอย่างอัตโนมัติ ผมแวะมาที่นี่เพื่อนมหนึ่งขวดกับขนมปังหนึ่งก้อน

รถเมล์สายเดิมแล่นผ่านหน้าบ้านแมค ป้ายร้านถูกถอดออก สภาพร้านที่เป็นบ้านดูทึมทึงและทรุดโทรม ผมไม่เคยไปโรงเรียนพร้อมมันเลย และคงไม่ได้ไปด้วยกันอีก

ผมยังไม่ลืมจะใส่หูฟัง ช่วยกลบเสียงภายนอก เลิกคิดเรื่องที่ทำให้หดหู่ตั้งแต่ต้นปี

ไอพอดที่ทนเจ็บตัวเอาไปซ่อมให้ต้องยังอยู่ในกระเป๋า ไร้ซึ่งกล่องเพราะผมปามันเป็นเหยื่อล่อไอ้พวกนั้นที่สยามไปซะแล้ว

แล้วหมาก็โดดเข้างับเหยื่อ

โรงเรียนวันแรกหลังหยุดปีใหม่ดูครื้นเครงไม่ต่างกับตอนที่เพิ่งปิดเทอมไป

บันไดเดิมที่ผมเคยเดินลงตอนหน้าฝน ตรงหน้ากำลังก้าวข้ามบันไดสีครีมถึงชั้น 2 ห้องพักครูดูเอะอะโวยวาย คงไม่ใช่ว่าจะหาเรื่องมายึดไอพอดผมเครื่องนี้อีกหรอกนะ

เด็กนักเรียนเดินออกจากห้องพักครู สีหน้าเศร้าราวกับเจอการสูญเสียมา

สภาพร่างกายผมตอนนี้ก็เสียสูญไม่แพ้กัน

เหนื่อยเป็นบ้า

หันหลังให้กับห้องพักครู ผมจำตอนที่ต้องเข้ามาใกล้ในห้องนั้นได้ดี

ป้ายหย้าห้องทำตากแสตนเลสแขวนห้อยอยู่บนไม้ยื่นออกมา ตัวเลขบอกห้องสีเขียวเข้มจากฝุ่นปรากฎจืดจาง ดูไม่น่าคิดถึง

ม.5/1

คนในห้องยังน้อย นี่ผมมาเช้าเกินไปหรือยังไม่เปิดเรียนกันแน่

โต๊ะ 3 ตัวที่แถวกลางด้านขวาสุด เรียงกันรอผมอยู่

ทุกรอยยังอยู่บนโต๊ะ ชื่อใครไม่รู้บ้าง รอยดินสอบ้าง ลิควิดบ้าง หนักหน่อยรอยบากลงไปลึกๆ เสมือนอนุสรณ์ที่เจ้าของไม่มีโอกาสได้กลับมาดูแต่อวดโฉมให้คนรุ่นหลังที่จะมาใช้ได้อ่าน

จาก 3 ตอนนี้เหลือแค่ 1

รอยยังอยู่ แต่คนหายไป ถึงผมจะเติมศิลปะเข้าไปอีกก็คงไม่ช่วยอันใด

'หวัดดี เราชื่อเจนะ'

เสียงของเจยังดังก้องในหูผม ผมจำเสียงมันได้

รู้สึกตาเปียกชื้น

แต่นี้ไป 2 ที่ข้างผมมันจะว่างเปล่าไปจนจบม. 5

ลมเย็นวูบมาทางด้านข้าง กลิ่นคุ้นโชยมา ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ ผมดมมันมา 3 วันติดๆ

"รอใครอยู่เหรอ"

"เปล่า" ผมไม่หันไปมองหน้า

"งั้นขอนั่งข้างๆได้มั้ย"

"ไม่ได้"

"มึงต้องนั่งที่เดิม กูชอบแอบมองมึงจากด้านนี้มากกว่า"

ต้องยืนยิ้มคร่อมหัวผมเอาไว้

"ไม่ยักรู้ชอบถ้ำมอง"

"ไม่มองแล้วก็ได้"

"ไม่มองอะดีแล้ว หันหลังให้อย่างเดียวพอ"

ผมสะดุ้งหน้าแดง

ต้องเอี้ยวตัวมาพูดกระซิบ

"ไอ้บ้า"

"ว้า" ต้องทำเสียงเสียดาย

"พอเลย งดยาว"

"ทำไม ยังเจ็บ?"

"เออ กูจะเดินไม่ได้อยู่ละ"

"ขนาดนั้นเลย" มันวางของลงข้างๆ แล้วนั่งมองมาทางผม

"หลวมหมดแล้วมึง"

"หลวมกูก็เอาได้"

เสียงคำว่าเอาได้ ต้องดูเน้นมาก

"มึงจะประกาศให้คนได้ยินเรอะ"

ผมชูนิ้วกลางให้มันแทนคำตอบ

"ดีใจที่มึงอยู่กับกู"

ต้องพูดลอยๆ นั่งเหยียดขายาวออกไปทางหน้ากระดาน

"กูก็ดีใจที่มีมึงอยู่"

รู้สึกไปเองว่าบรรยากาศรอบข้างผมสั่นไหว ที่นั่งเปล่าๆ ข้างผมดูราวกับมีตัวตนขึ้นมา มันดูสดใสและหัวเราะร่า เหมือนผมจะนึกออกถึงรูปร่าง ท่าทาง ของคนที่เคยนั่ง เห็นเป็นเงาลาง ทำทีว่าพวกนั้นไม่ได้หายไปไหน

ถ้าเจ้าของที่นั่งอยู่ก็คงจะเป็นอย่างนั้นละนะ

พวกมันคงนั่งหัวเราะเยาะใส่ผม

-------------------------------------



























ต่อเดินขึ้นบันไดมากับพี่ต้อง วันนี้ดูพี่ต้องอารมณ์ดีจนผิดสังเกตุ

'หึ ได้ไปกี่ยกละ'

จะพูดออกมาก็ไม่ได้ ต่อเองก็ไม่แพ้กัน

พี่ต้องกลับมาถึงบ้านไม่นานหลังจากเอ็มกลับไป

ต่อยืนส่งเอ็มขึ้นรถเมล์จากป้ายรถที่อยู่ใกล้ที่สุด

ก๋วยเตี๋ยวร้านเดียวที่ยังเปิดอยู่ เจ้าเดียวกับที่เอ็มซื้อมาให้ แต่ทำไมนะ มื้อนี้รสชาติดีกว่าวันนั้น เมื่อตอนที่ต่อยังไม่สร่างดี คิดแล้วยังพะอืดพะอม

อาการเมาค้างถึงจะไม่มีอยู่แล้ว แต่ใันก็ยังออกอาการเมื่อไปคิดถึง

'เข็ดไปอีกนาน'

ต่อกับเอ็มนั่งกินตรงข้ามกัน

ในหัวมีแต่เรื่องของเอ็มที่ตอนนี้วุ่นวายใจพอกับเรื่องของปิ

"ไว้เจอกัน"

ต่อบอกลา

เอ็มโบกมือหยอยๆขึ้นรถเมล์ไป

บางอย่างบอกให้ต่อรู้สึกว่า เอ็มไม่ได้ร่าเริงอย่างที่เห็น

แค่ไม่รู้ว่าเศร้าที่จากลาหรือเพราะเรื่องอื่น

สามวันสองคืนของต่อกับเอ็มในห้องนอนเล็กๆ มันประทับความรู้สึกดีเอาไว้ในใจต่อ เฟืองตัวเล็กๆเริ่มไขลานอีกครั้ง

แล้วเสียงหัวใจต่อกำลังเริ่มเดิน

ช้าๆ
.
.
.
'ต่อ เป็นไง เหงามั้ย'

คนที่ถูกถามหันกลับไปจ้องหน้า

'ถ้ารู้งั้น แล้วพี่ต้องไปไหนมาละ'

คนที่ถูกต่อว่ามีสีหน้าอึกอัก

ต่อรู้คำตอบดี

ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว

เรื่องของพี่ต้องกับเก้าก็ปล่อยตามใจพวกเค้าไป

แย่ละ ลืมเปลี่ยนผ้าปูเตียง ที่นอนสีฟ้าอ่อนตอนนี้มีแต่รอยยับย่น ไม่รู้มีของที่ไม่อยากให้เห็นติดอยู่บ้างหรือเปล่า ถ้าพี่ต้องเห็นคงจะแย่

ไม่เป็นไรมั้ง พี่ต้องคงไม่สังเกตุ

'พรุ่งนี้เปิดเรียนแล้วนี่'

ต้องพยายามชวนคุย

'ไหวปะละ ท่าทางเดินกล้บมาขาสั่นเลยนี่'

ต่อย้อน

เกิดช่องว่างระหว่างคำถามกับคำตอบ

'พูดอะไรน่ะ'

คำพูดเสียงสั่น

หึ

'แล้วต่อทำไรละ ระหว่างอยู่บ้าน'

'ไม่ทำไร นอนเล่นเกม'

ต้องเดินเข้าไปดูที่โต๊ะ เห็นเครื่องเกมสีขาววางอยู่

'ใครให้มา'

'ปิ'

ต่อตอบไม่มองหน้า มือเริ่มมีเหงื่อชื้น

'เจ้าของไม่เล่นเหรอ'

'ไม่หรอก งั้นจะให้มาเล่นเหรอ'

แล้วก็คงไม่เล่นอีกแล้วด้วย

เป็นการตอบคำถามชวนอึดอัด

'เป็นไรป่าววะ ไอ้น้องชาย ดูแปลกไปนะ'

ต้องเปลี่ยนวิธีพูด

ต่อคิดว่าจะเล่าเรื่องกะปิให้ฟัง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง เหมือนคำพูดมันจุกอยู่ในลำคอ พร้อมจะพรั่งพรูออกมาแบบเรียงไม่ได้เป็นประโยค แต่ละคำแก่งแย่งกันออกมาก่อน

'เอาเรื่องไหนก่อนดี'

ปากต่อขยับไปเองอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ถึงแม้ว่าจะเปิดเผยกันทุกเรื่อง แต่เรื่องของปิ ที่ต่อไม่เคยคิดจะแบ่งปันกับใคร ก็กำลังจะถูกเล่าออกมา

วิธีที่ต่อไม่ถนัด

ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เหมือนต่อเข้าอุโมงค์ไปหาอดีต ในช่วงที่เพิ่งรู้จักับปิใหม่ ไล่ไปเรื่อย ยังไม่ทันจะจบดีแค่หลังจากปิจมน้ำ เสียงก็เริ่มสั่น ชักพูดไม่รู้เรื่อง

ยังกับต่อเป็นคนจมน้ำไปเสียเอง

เรื่องยังไม่จบถึงปัจจุบัน พี่ต้องก็ลุกเดินเข้ามากอด

'นี่ ต่อทำดีที่สุดแล้วนะ ภูมิใจในตัวเองสิ ถ้าเป็นปินะ เค้าต้องดีใจแน่ๆ'

สิ้นเสียงคำพูด หูต่ออื้อ น้ำตาที่ไม่ไหลออกมาตลอด 2 วันเริ่มมีมาให้เห็น ถึงจะน้อยแต่ก็พอทำให้เสื้อของต้องเป็นดวงวงกลมบิดเบี้ยวสองจุด

'บางทีปิเค้าคงไม่อยากเป็นภาระให้ต่อนะ เค้าทำตัวเข้มแข็ง ให้ต่อเห็นว่าเค้าอยู่ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง'

นี่ยิ่งทำให้ต่อเสียใจ

'ให้เค้าอ่อนแอเหอะพี่ ผมจะปกป้องเค้าเอง'

ต้องไม่ตอบรับอะไร นั่งมองน้องชายทำหน้าผิดหวังอยู่เงียบๆ

ตอนนี้ก็สายไปแล้ว

ต่อสะอื้น

ทิ้งเสียงสะอื้นไว้ตามหลังประโยคที่ปิจมน้ำแล้วต่อมาไม่ทัน

แค่ 5 นาที มันมีค่าพอสำหรับทั้งปิและต่อ

ใช้ความพยายามข่มอารมณ์สักหน่อย ถึงเล่าต่อจนจบ

ต่อเล่าข้ามเรื่องของเอ็มไปเฉพาะส่วนที่มีอะไรกัน
.
.
.

"นี่ แล้วไม่เข้าห้องเรียนเหรอไง"

คนที่ถูกเล่าข้ามไปมารอตรงหน้า

"มารอคนที่อยากเจอไง"

นั่นคือคำตอบของคำถามเมื่อครู่

คำพูดปราศจากความเคอะเขิน น้ำเสียงหนักแน่น

'ไอ้บ้านี่'

เอ็มยังมั่นใจในตัวเองเหมือนเดิม

ไม่ว่าจะผ่านอะไรกันมา เอ็มยังยืนยิ้มรอต่ออยู่หน้าห้อง สามวันมานี้ไม่เห็นเอ็มร้องไห้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่แม้จะออกปากบ่นต่อด้วย

ความเข้มแข็งของเอ็มราวกับจะแบ่งปันเผื่อมายังต่อ

'ผ่านมาด้วยกันสินะ ผ่านกันไปทั้งตัวเลย'

"แล้วไง เจอละไง"

"ตกลงยังละ"

เอ็มรีบทวงคำตอบ

"ยัง ใจร้อน"

เอ็มยักคิ้วยิ้มให้

"เข้าห้องก่อนนะ"

ต่อหันตัวเดินเข้าห้อง

"พักเจอกัน"

ต่อทำท่าหน่าย

'มันจะจีบกูวิธีนี้เหรอเนี่ย'

"ไหวนะ"

เสียงจริงจัง มาจากหน้าห้อง

ต่อพยักหน้า

ช้าเร็วก็ต้องเข้าห้อง

เอ็มยังคงยืนมองอยู่จากข้างหลัง รู้สึกได้ถึงสายตาเป็นห่วง แถวหลังห้องเรียนตอนนี้ยังโล่งอยู่ ทั้งแถวไม่มีคน ต่อจะต้องเดินไปนั่งที่เดิม ริมหน้าต่างถัดไปหนึ่งตัว

เว้นที่ว่างไว้ให้ปิ

เมื่อเอ็มเห็นต่อท่าทางจะไม่เป็นไร จึงเดินกลับห้อง

ถ้าเป็นเอ็มคงได้ละมั้ง ปิ คงจะไม่ว่าอะไร

เอ็มไม่ใช่แค่เพื่อนของเพื่อนอีกต่อไป พวกเราสองคนที่เหลือตะสานสัมพันธ์ที่เกิดจากปิดีมั้ย มันเหมือนสามเหลี่ยมที่ด้านหนึ่งหายไป เส้นสองเส้นเลยต้องมาบรรจบกันเอง

เอ็มที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย

ไม่สิที่ต่อจะคบกับผู้ชายด้วยกันเนี่ยมันเกินความเป็นไปได้ไปเนอะแล้ว

ปิเป็นคนพามาเจอกับเอ็ม แล้วก็ทำให้เรื่องมันเกิดขึ้นถึงปิเองจะไม่ได้ตั้งใจ

'จะไหวเร้อ มันจะดีมั้ยหว่า'

'รำคาญวุ้ย คิดไม่ตกซะที'

แว่นปิอยู่ในกระเป๋าเสื้อ เป็นของเปล่าประโยชน์อย่างเดียวที่ต่อพกไว้ตลอดเวลา

มันคงยิ้มเยาะอยู่สินะ

ที่อยู่ในห้องต่อวางแว่นหันมาทางเตียง

ปิคงเห็นหมดแล้ว

"พอเลย ไอ้กะปิ ไอ้แว่นหื่น"

ที่นั่งซ้ายขวาง่างเปล่า เหตุผลการหายตัวไปแตกต่างกัน
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี 4/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 09-04-2016 01:03:34
เหมือนมานั่งฟังเพื่อนๆพูด
แต่ละคนผลัดกันมาเล่าให้ฟัง

ต้อง..ต่อ
พี่น้องสองคนนี้ดูมีเสน่ห์
เดินไปไหนๆคงจะปล่อยฟีโรโมนให้ฟุ้งไปทั่ว

เก้า..เอ็ม+ปิ
เลยติดใจ หลงชื่นชอบกลิ่นนี้เป็นพิเศษ

รักนะ..เรื่องนี้
อยากจะเก็บไว้อ่าน..นานๆ
เวลาคิดถึง
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี 4/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 09-04-2016 02:47:14
แปะๆเดี๋ยวตามอ่านนะ :hao6:
หัวข้อ: 10 CM : วันกีฬาสี (2) 10/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 10-04-2016 21:00:45
ต่อกับเอ็ม
.
.
.
"แม่งร้อนชิบหายเลย"

คนข้างๆสะบัดหน้ามามอง

"ทีลงไปเตะบอลละไม่ร้อนนะ พูดเองนี่นาว่าอยากขึ้นมาอยู่บนแสตนด์"

ใช่ ต่อพูดออกไปอย่างนั้น

ถ้าวันนี้ปิยังอยู่ มันก็คงนั่งอยู่ตรงนี้ข้างๆเอ็ม แดดอย่างนี้หน้ามันคงจะแดงเป็นตูดลิง พอทักมันเข้า มันจะต้องหันหน้ามายิ้มแหย แก้มแดง แว่นหลวมๆอยู่บนดั้งคงจะลื่นจนต้องเอามือไปดันแน่ๆ

"ไอ้กะปิบ้าเอ้ย"

เอ็มนั่งเอาตัวเข้ามาใกล้

"ร้อน จะเบียดมาทำไม"

ไม่มีคำตอบ

เสียงนกหวีดดังขึ้นหนึ่งที

สตาฟข้างหน้าเดินขึ้นมายกป้ายขนาดใหญ่

แผ่นป้ายถูกชูขึ้นพร้อมตัวเลขใหญ่สีน้ำเงินอยู่บนป้ายที่ทำจากกระดาษแข็ง

"เบอร์5 ต่อ เบอร์5 แผ่นที่5 น่ะ"

เสียงจ๊อกแจ๊กดังขึ้น พี่สตาฟที่นั่งปนอยู่กับน้องส่งสัญญาณให้เงียบ

เอ็มก้มหัวลง

ต่อก้มตาม สองมือชูป้ายหันเลขเข้าข้างใน

หน้าต่อกับเอ็มแทบจะติดกัน

"ต่อหันซ้ายด้วย"

เพื่ออะไรวะ?

ต่อทำตาม

จุบ

เฮ้ยยยยยยยยยยย!!!!!!! เสียงลั่นในใจต่อเท่าที่คิดว่าจะตะโกนออกมาให้ดังได้

ไอ้สาสสสสสสสสส นี่บนแสตนด์

"คนไม่เห็นหรอก ก้มหันหมด”

ต่อเอามือกระตุกคว้าเข้าที่เป้าของเอ็ม

เอ็มหุบขาหลบได้

ราวกับรู้ทัน

ชิ

“อดดูพี่ต้องเลย"

แม่ง เล่นให้ชูป้ายอย่างนี้จะดูยังไงวะ

เอ็มเอาเข่ากระแทกแทนคำว่า เงียบ

เสียงนกหวีดดังขึ้นอีก

คราวนี้เบอร์ 2

ต่อแอบเงยหน้าดู ในสนามตั้งแถวเสร็จเรียบร้อย ประธานกำลังกล่าวอะไรเสียงดังออกทางไมโครโฟน สีฟ้าตั้งแถวอยู่ไกลออกไป มีแต่พวกหลีดที่ยืนเรียงหน้ากระดานตากแดดหน้าดำอยู่ข้างหน้า

ประธานกล่าวเสร็จ ตามมาด้วยประกาศเริ่มแข็งขันการเชียร์ ครั้งที่ 1

เสียงเชียร์เริ่มขึ้น สีแดงเริ่มก่อน

เอาวะ ถือว่าแหกปากแทนปิมัน

"ปิมันร้องเพลงด้วยเหรอ"

ต่อนึกถึงหน้าแดงๆใส่แว่นหนาสีดำของปิ ทำท่าแหกปากตะเบ็งเสียงวันนี้แล้วอดขำไม่ได้

"มันร้องได้ที่ไหน ถ้าเพลงเกมละก็มันจำได้แม่นเลยละ"

สมเป็นมัน

คิดถูกมั้ยวะขึ้นมาแทนที่มัน

ต่อเป็นตัวแทนของปิให้เอ็ม แล้วเอ็มก็ทำแทนในส่วนของปิ กาวเหนียวที่เป็นสายใยเชื่อมสองคนเข้าด้วยกัน มียี่ห้อ ปิพนธ์ หราอยู่

อยากคว้าแว่นในกระเป๋ามาใส่ๆจะได้ปลอมเป็นมันซะเลย เสียดายต่อสายตาไม่สั้น

แต่ละสีได้เวลา 10 นาที

เสียงนกหวีดปรี๊ดยาวขึ้น

"ต่อไป สีฟ้า" เสียงครูผู้หญิงดังออกลำโพง

เอาวะ!!!

เพลงอะไรก็ไม่รู้ลอยผ่านหัวต่อไป ถึงจะร้องมาตั้งแต่ประถมก็ไม่ใช่ว่าจะจำเนื้อได้หมด ต่อรู้สึกกล้าๆกลัวๆเพราะเกิดเปลี่ยนเนื้อเพลงขึ้นมาเสียงต่อคงจะหลงออกไปคนเดียวแน่

10 นาทีแสนยาวนาน

หน้าตาหลีดที่ตากแดดเต้นอยู่เบื้องหน้าคงจะฝืนยิ้มที่สุด หันหน้าให้ประธาน ต่อเห็นแต่ก้น ดูจากเสิ้อแล้ว น่าจะร้อนอยู่ เหงื่อไหลลงมาถึงกางเกง

มีคนหนึ่งกางเกงเปียกเป็นดวง เหงื่อไหลหยดลงไปเป็นทางเข้าไปถึงกางเกง

เสียงนกหวีดยาวขึ้นอีกครั้ง

หมดเวลาทรมาน 10 นาที แต่สีหน้าเพื่อนร่วมสีดูสนุก

เอ็มเองก็ยิ้มเห็นฟัน เมื่อเวลาสิ้นสุดลง

ก็สนุกดี...

"ต่อไม่ต้องแข่งแล้วนี่"

"ใช่"

การที่ต้องมานั่งดูสีอื่นแข่งชิงที่ 1 2 นี่มันบาดใจ สีฟ้าที่ตกไปที่ 4 หมดสิทธิ์จะได้เหรียญห้อยคอ

ตอนนี้เป็นเวลาอิสระ สีไหนจะเชียร์ก็ได้ เพื่อไม่ให้เสียงตีกันยุ่ง สีฟ้าจึงถูกจับไปเชียร์ให้ฝั่งสีแดง

"น่าสงสารเนอะ"

“หมายถึงกูใช่มั้ย"

ต่อรู้ตัว ก็คนมันตกรอบนี่

"มั้ง เดี๋ยวให้รางวัลปลอบใจ”

ต่อเอามือดันหน้าเอ็มออกห่าง

เมื่อเปิดเรียนหลังปีใหม่วันแรก เอ็มมายืนต้อนรับต่ออยู่หน้าห้องเรียน สีหน้าเป็นกังวล

ต่อที่เดินเข้ามาช้าๆ มาหยุดอยู่หน้าห้องเรียน มองเข้าไปตรงที่นั่งที่ต่อจะต้องนั่ง ที่นั่งที่ติดกับที่ๆปิดเคยนั่งอยู่... โต๊ะตัวนั้นยังอยู่ที่เดิม เก้าอี้ตัวนั้น ลอยขีดเขียนบนโต๊ะนั้น แสงจากหน้าต่างทะลุผ่านลงไปที่พื้น ไม่มีเงาของร่างขาวๆ มาบดบังแสงแดดอีก

ร่างขาวๆใส่แว่น ร่างที่ต่อคุ้นเคยและโหยหาย

‘ไม่เป็นไรนะ ต่อ’

เอ็มเดินเข้ามาจับไหล่

‘อือ’

‘แล้ว... เรื่องตอนหยุดปีใหม่ ต่อ...’

‘ไม่เป็นไรหรอก... ขอบใจนะเอ็มที่มาอยู่เป็นเพื่อน...’

เอ็มยิ้มให้

‘เอ่อ แล้วเรื่องนั้น’

ต่อ หยุดคิดนิดหน่อย

‘ขอเวลาหน่อยนะ... เว้นช่วงให้เราสักพักแล้วกัน’

มือของเอ็มฟาดเข้าที่ก้นต่อเบาๆ

‘ก็ได้ งั้นเราจะให้เวลา หายเจ็บแล้วขอนะ’

‘สัส กูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น กูเปลี่ยนใจแล้ว กูไม่เอามึงแล้ว’

‘เฮ้ยๆๆๆๆ ต่อ กูพูดเล่นๆ อย่าโกรธดิ’

ต่อ ทำท่าเอานิ้วดันแว่น แต่ดันด้วยนิ้วกลางให้เอ็ม

‘เออ งั้นพักเที่ยงเจอกันนะ’

ต่อโบกมือให้แล้วเดินเข้าห้องไป

เอ็มทำอยู่อย่างนี้ทุกวัน เวลาที่สองคนใช้ร่วมกันจึงค่อยๆมากขึ้นๆ และเอ็มเริ่มเข้ามาแทนที่ปิ คนที่กินข้าวตรงหน้า คนที่นั่งเล่นเกมอยู่ข้างๆ

จนวันหนึ่งที่ ต่อ พูดขึ้นว่า อยากจะขึ้นแสตนด์เชียร์ อยากจะทำในส่วนของปิมัน ซึ่งก็ดีเพราะว่าที่นั่งของปิคงจะขาด แล้วมันก็เป็นอย่างที่คาดปินั่งข้างเอ็มจริงๆ

ก่อนจะถึงวันกีฬาสี ต่อ ใช้เวลาทั้งหมดกับเอ็ม... เวลาที่ทำให้ความรู้สึกของต่อกับปิ ค่อยๆถ่ายเทมาทางงเอ็มขึ้นเรื่อยๆ

“นี่ต่อ ร้อนมั้ย เอาน้ำป่าว”

เอ็มควานหาขวดน้ำเปล่าที่วางอยู่แถวนั้น

ต่อสายหัว

“เบื่อป่าวเนี่ย”

ระหว่างนี้ต้องนั่งเงียบๆรอให้สีอื่นร้องเพลงเชียร์จนเสร็จ ก่อนจะตามมาด้วยการแข่งบอลในสนาม ซึ่งเป้นนัดที่ต่อไม่อยากดูมากที่สุด

"หาไรทำดีกว่า" ต่อทำท่าจะเปิดกระเป๋า

จะได้เบนความสนใจออกจากสนาม

พี่ต้องก็เดินขบวนออกไปได้สักพักแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปหลบที่ไหน จะกลับมาที่แสตนด์หรือเปล่า

"เฮ้ยๆๆ คงไม่เอาออกมาเล่นนะ"

แม่งรู้ทันอีก

"พี่เค้าได้ยึดไปแน่ ไอ้บ้า"

แม่ง เล่นเกมก็ไม่ได้ ต้องมาเชียร์ไอ้พี่บูมอีก เซ็งวุ้ย

เสียงเฮดัง พร้อมกับเสียงนกหวีด

ผลในสนามครึ่งแรกสีแดงนำอยู่ 2 ลูก ได้เหรียญชัวร์ แม่งเอ้ย

พักครึ่ง เป็นการแข่งเชียร์รอบสอง

หลีดเดินลงมากลางสนามคราวนี้ เริ่มทีละสี

“แม่ง เอาอีกแล้วเหรอ”

“เอาน่า อยากขึ้นมาทำไม”

เป็นการเชียร์ที่สุดเซ็ง ท่าทางหลีดกลางสนามก็คงไม่แพ้กัน หน้าตาที่ยิ้มสดใสเมื่อเช้ากลายเป็นยิ้มแห้งๆ ตกบ่ายคงจะเริ่มฝืนยิ้มแน่ๆ

ช่างเหอะ คราวนี้ไม่นานแค่ 3 นาที

เมื่อจบการเชียร์ก็ตามมาด้วย ครึ่งหลัง ผลออกมาเป็นว่า สีแดงชนะไปด้วยคนแนน 2-0 แม่งเอ๊ย ไอ้กะปิอยู่มันคงแอบหัวเราะขำใส่แน่ๆ

“เสียใจด้วยนะต่อ”

“เอออออ”

ครูประกาศเรื่องพักกลางวัน อีกเดี๋ยวก็คงจะปล่อยให้ไปกินข้าว

"ต่อ กินไหนดี"

"ไม่รู้ เค้าให้ไปกินไหนอะ หากินเองใช่มะ”

เอ็มพยักหน้า

"โรงอาหารก็ได้มั้ง แต่คนคงเยอะมาก"

ต่อนึกถึงวันที่ปิโดนแกล้งบนโรงอาหารวันนั้นว่าคนเยอะแล้ว วันนี้คนน่าจะยิ่งเยอะกว่า

ไอ้แหยนั่นเห็นคนเยอะอย่างนี้คงยิ่งทำตัวไม่ถูก นึกแก้มแดงๆหันไปมองนั่นแลนี่ออกเลย

"ต่อ ไปรอสระว่ายน้ำนะ"

เอ็มเอามือจับขาต่อไว้ แล้วบีบเบาๆ

ต่อทำหน้างง

“เดี๋ยวไปกินริมสระดีกว่า ไปรอนั่นละกัน”

ต่อยิ้มให้ ก็ดีเหมิอนกัน

"ไม่เข้าห้องลอคเกอร์นะ"

"ไอ้ทะลึ่ง" เอ็มเอามือตบหัวต่อ

“ถ้าจะเข้า แกต้องหันหลังเว้ย”

“ไม่มีทาง เรื่องไร ตอนอยู่บ้านมึงได้ไปเยอะละ”

“แน่ะ กูต้องเปิดก่อนเว้ย”

“ใครเร็วได้เว้ย”

ดีใจที่มันยังยิ้มออกมาได้ ท่าทางต่อคงจะทำใจได้แล้วจริงๆ

คนรอบข้างคงงงกับบทสนทนาแปลกประหลาดนี้ถ้าได้ยินเข้า

อยากให้ปล่อยเร็วๆจัง ร้อนเป็นบ้า

เสียงนกหวีดดังออกไมค์ยาวๆ ตามมาด้วยเสียงตึงตังของฝีเท้าเด็กวิ่งลงจากแสตนด์ ทุกคนคงจะรีบเข้าที่ร่ม แย่งกันหาที่กินที่พัก ในเมื่อเด็กทั้งโรงเรียนโดนปล่อยออกมาพร้อมๆกัน มันจะวุ่นวายได้ขนาดไหน

ต่อลุกขึ้นแล้วเดินตามเอ็มไปก่อนจะแยกขึ้นไปนั่งรอริมสระว่ายน้ำ

ที่ริมสระว่ายน้ำ

ต่อไปนั่งรออยู่บนม้านั่งที่ทำจากปูนปิดหน้าด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินเงา เป็นทั้งม้านั่งริมสระและที่กั้นไม่ให้คนตกลงไป แต่ละช่วงสั้นๆถูกคั่นเอาไว้ด้วยกระถางต้นไม้ทำจากปูนหน้ากระเบื้องสีเดียวกัน

ต้นไม้สูงกว่าหัวแค่ช่วงแขนเดียวปลูกอยู่เดียวดายเป็นร่มบังแดด

ต่อนั่งพิงพนักหลบอยู่ใต้เงาไม้ สายตาทอดยาวออกไปที่ผืนน้ำด้านหน้า

น้ำนิ่งมีคลื่นระลอกเล็กไหวไปทิศทางเดียวกันบนผิวน้ำสีฟ้าอ่อน

‘ไอ้บ้ากะปิเอ้ย’

ไม่ใช่ว่าต่อไม่คิดถึง แต่จะให้ทำอย่างไรละ ภาพวันนั้นมันยังติดตาอยู่ ต่อแทบจะจำได้ทุกช่วงทุกตอนตั้งแต่ออกจากห้องพยาบาลมา จนมาเจอกับปิ อาท เอ็ม พี่บูม จนกระทั่งต่อกับเอ็มช่วยกันแก้ผ้าลงไปเอาแว่นขึ้นมาจากก้นสระ

แว่นที่อยู่กับต่อตลอดเวลา ตอนนี้มันเป็นของติดตัวต่อไปแล้วคู่กับ psp สีขาว

ถ้าวันนี้ปิยังอยู่ คงได้มานั่งกินข้าวกัน 2 คน
 
แล้วเอ็มละ...

มันจะเป็นไปได้มั้ยนะ 3 คนยังงั้นเหรอ.. ไม่เอาละ ฟุ้งซ่านแล้ว

“รอนานมั้ย”

“นิดนึง”

ต่อหันไปมองก่อนตอบ

ประธานนักเรียนตอนนี้กลายเป็นเด็กเสิร์ฟ โดยเอาข้าวผัดจานหนึ่งวางไว้ข้างหน้า ไส้กรอก 4 ไม้ แล้วก็น้ำเปล่า 2 ขวด ที่หอบหิ้ว วิ่งตรงเข้ามาหา

“ตั้งนานได้แค่นี้?”

“โหย เดินไปดูคนโน่น คนแย่งกันเพียบเลย ผู้ปกครองพาลูกมากินกันเพียบเลย”

ต่อหันไปมอง

เออจริงด้วย จะให้ไปแย่งเดี๋ยวมีเรื่องอีก อีพวกผู้ปกครองคุณหญิงคุณนายเรื่องมาก

เอ็มลงไปนั่งกับพื้น อยู่ตรงปลายร่มเงาไม้ที่ยังทอดไปถึง

“นั่งได้เหรอ ”

“เออ ต่อนั่งเหอะ”

เอ็มเอามือตบขาต่อ

“โอ้ย สุภาพบุรุษ”

“ประชดกูเหรอ”

เอ็มหันเอาขาไปเขี่ยๆขาต่อ

“ถ้าเป็นกับปิ ต่อก็จะทำอย่างนี้เหมือนกันใช่มั้ยละ”

ต่อพยักหน้า

ใช่ ไอ้บ้าบอบบางอย่างนั้นถ้าให้มันนั่งพื้นคงดูน่าสงสารแย่ ไอ้เรื่องไปแย่งของกินมา ยิ่งไม่มีทางสำเร็จ

“โห งี้ทำให้กูมั่งดิ”

“ฝันไปเหอะ ไหนบอกจะจีบกูไง ทำหน้าที่ของมึงไป”

“ได้ทีนะมึง เดี๋ยวกูจะเอาให้ร้องเลย”

“ไม่มีวันซะละ”

อาหารถูกหยิบเข้าปากอย่างรวดเร็ว ข้าวผัดแบ่งกันคนละครึ่ง เหมือนๆกับไส้กรอกที่ก็ต้องแบ่งกัน

มันไม่อิ่ม แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กินอะไรเลย

“เหมือนได้กินข้าวกัน 3 คนเลยนะ”

“เกินไปต่อ พูดยังกับปิมันตาย”

“แน่ใจเหรอว่ามันไม่เป็นไร”

เอ็มนั่งกอดเข่าหันหน้ามองไปทางสระว่ายน้ำ

ตั้งแต่วันนั้นไม่มีใครรู้เรื่องของปิอีก ที่บ้านปิเสียใจมาก

เอ็มโทรเข้าไปกี่ครั้งก็ได้ยินแต่เสียงสั่นของแม่ที่รับสาย เบอร์ที่โทรเข้าไปเป็นเบอร์ติดต่อฉุกเฉินที่ได้มาจากทางโรงเรียน

เบอร์โทรศัพท์ของปิ โดนระงับการให้บริการ

“แม่ปิ เป็นคนเก่ง ใจดีด้วย สอนลูกไว้ดี เราเคยเจอหนหนึ่ง เวลาแม่คุยกับปิ จะมีอะไรแทรกสอนไว้ให้คิดเสมอ ปิเลยเป็นคนอย่างนี้ไง”

จำได้ว่า ปิ มันเคยถามแม่ว่า มีคนมาแกล้งอกีแล้ว ทำไงดี

แม่พูดประมาณว่า

‘ปิ กำลังไม่ใช่ทางออกนะ ลองคิดดูว่า ถ้าปิชนะใจคนที่ไม่ชอบเราได้ เค้าก็จะไม่เกลียดเราอีกเลย ดีกว่าทะเลาะกันไปมานะ ทำให้คนที่ไม่ชอบเรามาชอบเราได้ เก่งกว่านะลูก’

ปิฟังแล้วทำหน้าครุ่นคิด

‘งั้นปิ จะใจเย็นๆ แล้วพยายามเป็นเพื่อนให้ได้กับทุกคน’

รอยยิ้มสวยของแม่ปิ ผุดขึ้นบนหน้า

ต่อกำลังหัวเราะ

“คำตอบสมเป็นกะปิมากๆ"

“ใช่มั้ยละ”

เสียงลมหวีดเข้ามาดังๆ ระหว่างการบทสนทนา ตามมาด้วย เสียงถอนหายใจเบาๆของต่อ

“คิดถึงมันเหรอ" เอ็มนั่งถอยหลังพิงขาต่อ

“ไม่รู้มันไปอยู่ไหนบนโลกใบนี้แล้ว”

หรืออาจจะโลกหน้า ไม่ก็ไปทำตัวเห่ยๆให้ใครรังแกที่ไหนสักแห่ง ตัวเล็กๆขาวๆอย่างมันคงไปวิ่งแรดไปทั่วละน่า

“หลังจากนั้นละ”

เอ็มสั่นหัว

“ตั้งแต่วันนั้นพ่อแม่ปิไม่ยอมคุยด้วยอีกเลย ถึงจะอ้างว่าโทรมาจากทางโรงเรียน ทั้งไม่ติดต่อใครกลับมาด้วย”

“โทรศัพมือถือมันก็ลงไปในน้ำพร้อมกัน คงจะพังไปแล้วเลยเปลี่ยนทั้งเครื่องและเบอร์ติดต่อ...​ถ้าปิไม่เป็นไรแล้ว แต่ว่า ก็คงไม่สามารถกลับไปเจอมันได้อีกแล้วละนะ”

“ได้แต่หวังว่ามันหายและปลอดภัยดีละนะ”

ต่อพยักหน้าเห็นด้วยกับเอ็ม

“เอ็ม ... ชอบกูหรือเห็นกูแทนไอ้กะปิกันแน่”

“พูดจาไม่เพราะ”

เอ็มชี้หน้า

“เราไม่ได้เห็นต่อเป็นตัวแทนใครทั้งนั้นแหละ แน่นอนไม่ใช่ตัวแทนปิด้วย”

เรื่องมันจบลงอย่างประหลาด ปิที่เคยชอบเอ็ม แต่เอ็มกลับไปชอบต่อ แล้วเรื่องของปินี่แหละที่ชักนำให้เอ็มได้มาพูดคุยกับต่อจนถึงตอนนี้

“ต่อนั่นแหละ จะตอบเราได้ยัง”

คนถูกถามเงียบไม่ตอบ

“ต่อ ไม่ได้ชอบเราใช่มั้ย... คือ... เราก็เต็มใจนะ ที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนต่อระหว่างนี้ ถ้าต่อไม่ชอบเราก็ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างมันก็คงดูไม่ดีกับปิด้วยละเนอะ เราเข้าใจ”

แม่ง!!!!!

ที่บอกว่าชอบจะจีบน่ะ จริงๆ เอ็มยังทำได้ไม่ถึงไหนเลย นี่ยังไม่ถึงอาทิตย์ จะมาทำเป็นน้อยใจเอาคำตอบซะแล้ว

ต่อทำเป็นไม่สนใจ กินข้าวครึ่งหนึ่งที่แบ่งไว้ให้หมด

เอาขาหนีบตัวเอ็มเล่นไปด้วย

เมื่อไม่มีคำตอบ อีกฝ่ายก็ไม่อยากคาดคั้น

มือเอ็มบีบขาต่อเบาๆสองที

“ไปเหอะ เดี๋ยวบ่ายนี้ต้องไปที่โรงยิม”

———————————————————————————
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (2) 10/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 10-04-2016 22:02:49
อยากจะบ้า หรือจะบอ อยากย่อโลก
อยากจะโบก หรือสะบัด พัดดาวหาง
อยากจะเขวี้ยง ให้กระเด็น เป็นสองทาง
อยากจะวาง ให้ตรงเป๊ะ เตะใจเธอ
 
อารมณ์แบบสับสน
เหมือนสองคนนี้ง่ะ

ต่อกะเอ็ม
หุหุ
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (2) 10/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 11-04-2016 14:48:41
ถ้าปิยังไม่ตาย
คงเสียใจเหมือนกันเนอะที่ต่อกับเอ็มเหมือนไม่พยายามติดต่อไปเลย
หัวข้อ: 10 CM : วันกีฬาสี (3) 23/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 25-04-2016 20:00:57
ผมกลับขึ้นไปรอต้องอยู่บนห้องเรียน

หลังจากขบวนพาเรดเดินแถวออกจากสนามไปแล้ว ผมต้องแอบมุดหลบนานอยู่แถวนั้นจนถึงเวลาแข่งบอลถึงจะออกไปได้

โทรศัพท์ไอ้ต้องตัวแสบไม่ได้เอาลงมาด้วย ทิ้งไว้บนห้อง ดังนั้นผมไม่รู้เลยว่าระหว่างนั้น ต้องไปอยู่ที่ไหน หลังจากออกไปได้ ผมจึงเลือกที่จะไปนั่งรอ ดีกว่าเดินหาให้โดนตัดคะแนน

ในห้องเรียนมีแสงส่องเข้ามาจากพระอาทิตย์เวลากลางวันทางหน้าต่างที่มีโปสเตอร์นักร้องปิดอยู่ ข้างนอกอากาศคงจะร้อน

ผมเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ แล้วลงไปนั่งพิงกำแพง ควานหาหูฟังในกระเป๋า

หูฟังสีเขียวสด ไม่รู้ว่า มันเลือกให้เข้ากับผม หรือ เข้ากันสันดานมันกันแน่

อีกเดี๋ยวต้องก็คงจะขึ้นมาหาอะไรกิน

พวกพี่จัดห้องไว้สำหรับพวกสตาฟแล้วก็พวกผมให้มาหลบทานข้าวกลางวัน จะได้ไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่น

ที่แยกออกมาเพราะว่าต้องใช้พักแล้วก็แต่งหน้าอีกรอบก่อนเดินพาเหรดครั้งสุดท้าย ผมรู้กำหนาดการที่จะทำหน้าที่ ด้วยการพาน้อง 2 คนนั่น แล้วก็ไอ้หล่อ ไปเตรียมตัวสำหรับรอบสุดท้าย

มันคงไม่ใส่ชุดนั้นแล้วลงไปขึ้นแสตนด์เชียร์ให้ตัวเละแน่ๆ มันจะหนีไปไหนได้เดี๋ยวก็คงขึ้นมา

ก็ถือว่าโชคดี เวลาที่เหลือตอนบ่าย ผมกับต้องคงไม่ได้ลงไปพบเจอกับใคร ไม่งั้นผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง หรืออาจะต้องแยกกับต้อง

เอาผมข้าวกล่องไปวางไว้ที่ห้องน้อง 2 คนนั่นเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่รอต้องกลับมา

ลมเบาๆพัดเข้ามากระทบหน้า

หูฟังรุ่นนี้มันตัดเสียงภายนอกออกไปอย่างที่ เจ บอกจริงๆด้วย

ผมเร่งเสียงให้ดังขึ้นอีกหน่อย

ตั้งใจฟังเนือ้เพลงแล้วคิดถึงว่า ถ้าไอ้แมคอยู่จะชวนทำเอ็มวีซะเลยดีมั้ย คงน่าสนุกดี เดี๋ยวมันก็ได้คิดอะไรแปลกๆออกมาอีก

ไอ้เจคงร้องโวยวายนั่นนี่แน่ๆ

ผมหลับตาลง...

“เก้า เหนื่อยยยยย ร้อนนนนนน” เสียงประตูเปิดปังเข้ามาดังๆ

…..

ผ่านไปนานแค่ไหนกันนะ

กลิ่นคุ้นๆจัง

กำลังพิงกำแพงสบายๆเลย... ทำไมกำแพงนิ่มจังวะ

ผมลืมตาหยิบมือถือขึ้นมาดู

‘ทำไมมีแชนซ้ายอีกข้างวะ’

เมื่อมองดีๆ ผมห็นต้องนั่งคร่อมอยู่ข้างหลัง ยืดขาผ่านตัวผมออกไป

ที่หนุนหลังเมื่อกี้นี่ไม่ใช่กำแพงหรอกเหรอ นี่เผลอเอียงตัวไปซบมันเข้าตอนไหน

“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ”

มือเอามือลูบหัวผมเบาๆสอง สามที ผมเอาหัวซบเข้าไปกับหน้าอกของมัน เหม็นเหงื่อนิดหน่อย

“อือ เล่นเกมดึก”

“ตลอดอะ จะนอนต่อมั้ย”

“ไม่ละ หิวป่าวต้อง”

“ไม่อะ เหนื่อย”

ผมหันหน้าเบียดเข้าไปกับอกมัน ประทับจูบเบาๆ

“น้ำอยู่บนโต๊ะแน่ะ”

ผมลุกให้มัน

มันจึงลุกขึ้นเดินตรงดิ่งเข้าไปที่โต๊ะ คว้าน้ำเปล่าขวดนั้นยกขึ้นมาซด อักๆ

“เก้าเอามั้ย”

ผมส่ายหัว โดดขึ้นไปนั่งบนโต๊ะเรียนข้าวโต๊ะที่วางข้าวกล่อง พาดขากับเก้าอี้

“หนักนะ”

ต้องเดินมาถึงเก้าอี้ที่ผมวางขา ดันขาผมออกแล้วนั่งลง เอาหน้าซุกเข้ามากับตักผม ตอนนี้หน้ามันอยู่หว่างขา เหมือนจะซุกลึกเกินไปด้วย

“ง่วงอะ”

ผมเอามือลูบหัวต้องเบาๆ

“ตื่นเช้านี่นา นอนก่อนมั้ยอะ หรือจะกินก่อน”

มันส่ายหน้าเหมือนเด็ก เอะ ชักกลัวหน้ามันเลอะกางเกงสีขาวของผมแล้วแฮะ

“ไม่เอา เหนื่อยแล้วไม่อยากกินไร” มันส่ายหัวถูไปมา

นี่ มันโดนไอ้นั่นกู

“งั้นนอนไปก่อนแล้วกัน”

ตั้งแต่ปีใหม่มา ต้องดูเปลี่ยนไป

พฤติกรรมประหลาดที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็น มันทำแบบนี้เป็นด้วยคิดว่ามันจะขี้เก็กเป็นอย่างเดียวซะอีก

สามวันที่มันอยู่บ้านผม มันแทบไม่ทำอะไร เกาะแกะผมเดินไปมา มันเคยบอกว่าไม่อยากปล่อยผมออกไปไหน แต่ไม่คิดว่ามันจะเกาะติดแจเป็นลูกหมาขนาดนั้น ไม่นับที่มันเอาของมันมาติดกับก้นผมทุกคืนด้วย

ไอ้ขี้อ้อนตัวนี้ที่ซุกหน้านอนอยู่ไม่ยอมไปไหนเนี่ยคนเดียวกันกับเมือปีที่แล้วรึเปล่าน้า

หูฟังสีเขียวของเจ ผมใช้ฟังเพลง สายมันต่ออยู่กับมือถือ ผมถอดหูฟังออกจากคอ แล้ววางไปข้างๆ ตอนนี้ต้องนิ่งไป คงจะหลับไปแล้ว

ผมนั่งอยู่บนโต๊ะให้มันนอนตักไปจนถึงเวลาบ่ายสอง สงสัยต้องปลุกมันสินะ ไม่งั้นเดี๋ยวคงได้ทิ้งข้าวกล่องไปแน่ๆ คิดแล้วก็เสียดยา

“ต้องลุกมากินได้แล้ว” ผมเขย่าตัวมัน

“หือ...”

ผมเขย่าอีก

“ป้อนหน่อยดิ ขี้เกียจอะ”

ไอ้นี่...

“เอ้า อ้าปาก”

หึ ว่าง่ายนะ มันทำตามโดยที่ไม่ต้องให้บอกซ้ำอีกรอบ ดูๆแล้ว มันไม่ตั้งใจจะกินเลยนี่หว่า

“เก้า....”

“เดี๋ยวดิ ต้อง” ผมยังตักคำต่อไปไม่เสร็จ

ไม่ทันแล้ว มันซุกหน้าเข้ามาที่คอผม เอามือปัดช้อนออก แล้วดูดเข้าที่คอแรงจนรู้สึกได้

“นี่ เดี๋ยวคนมาเห็นหรอก”

“ไม่มีหรอกน่า ใครจะขึ้นมาบนนี้”

ต้องเมินคำทัดทานผม มันลุกขึ้นมาคร่อมแล้วถลกเสื้อผมขึ้นไปทีเดียว ก่อนจะโน้มเข้ามาหาหน้าอกผม

อะ ....

“มันเสียวนะ พอเหอะ”

ลิ้นเย็นๆ วนอยู่รอบหน้าอกด้านขวา

“ไม่พอ เก้าน้อยมันตื่นแล้วนี่หว่า”

เฮ้ยย
 
มันเอื้อมมือไปรูดกางเกงผมลงไปที่ข้อเท้า นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมแก้ผ้าตัวล่อนจ้อนในห้องเรียน

“ต้อง....”

“นะ ทำนะ”

ไม่ฟังคำตอบ มันโถมเข้ามาจู่โจมอีกรอบ

“เดี๋ยวเป็นรอย เบาๆดิ”

มันถลกเสื้อตัวเองขึ้น รูดกางเกงลง ให้ผมจัดแจงเข้ากับตรงส่วนนั้นของมันอย่างรู้งาน ของมันที่ทั้งแข็งและร้อน สงสัยความอยากมันจะมากจนกดไว้ไม่ไหว

ในห้องเรียน ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ทำกับมันที่นี่

มือสั่นเทา รู้สึกกังวล แต่ส่วนล่างของผมเองก็ตอบสนองมากไม่แพ้กัน

ผมลงมายืนด้วยสองเท้า ก้มโค้งเข้ามาของ ตัวเปลือยเปล่า ปล่อยให้แสงแดดส่องของมากระทบร่างขาวๆ ถ้ามองเข้ามาคงเห็นร่างสูงของต้องที่เหลือแต่กางเกงที่ข้อเท้า ส่วนตัวผมกำลังก้มตัวแอ่นก้น ยื่นหน้าเข้าจัดการกับส่วนนั้นของต้อง

ขายาวๆของมันเกร็ง กล้ามเนื้อขึ้นเป็นรูป

มันใช้มือลูบไล้ไปตามตัวผมไปด้วย แล้วไปหยุดอยู่ที่ก้น

มันเริ่มเป็นฝ่ายขยับตัวเข้าออก ดันของมันให้แทงลึกเข้าไปในปาก ก้นผมไปกระแทกกับเก้าอี้ ดังเอี๊ยดอ๊าด

“อา.. เก้า ดีจัง”

เสียงกระแทกดัง เมื่อต้องเผลอดันเข้ามาลึก เล่นเอาสำลัก

“พอแล้วนะ เก็บไว้ก่อน”

ผมเงยหน้าขึ้น รู้สึกเจ็บคอ

“ไม่เอา ต่อดิ นะๆๆ”

ผมกำลังก้มลงไปดึงกางเกงจากข้อเท้าขึ้นมาใส่ มันดันตัวผมไปเกาะติดโต๊ะเรียน

“เอาตรงนี้เลยนะ”

“เฮ้ย เดี๋ยวดิ”

โอ้ย

มันไม่ฟังดันผมหันหลัง ละเลงลิ้นตามแผ่นหลังไปทั่ว เอามือจับขาผมอ้าออก ดันผมก้มลงไปตัวติดกับโต๊ะ ก้นถูกยกแอ่นสูง เปิดทางให้มัน
ก่อนมันจะเอาส่วนหัวของมันกดทิ่มแทงเข้าไปตรงหว่างขา... มันผิดที่ นี่มันที่ของผู้หญิง มันทำอยู่หลายทีจนผมจับของมันให้ดันสูงขึ้น จะได้ถูกที่

“ต้อง”

มันพยายามเอาเข้าไปสดๆ ไม่มีอะไรช่วยล่อลื่นทั้งนั้น ดันอยู่สองสามทีก็ยังไม่เข้า แต่มันไม่หยุด

“ต้อง เจ็บ” มันเหมือนสติแตก

“ต้อง...”

เฮือก เสียงหายใจเข้าของมัน

“ทิ .. ทีเจยังยอมเลยนะ แหม”

“ต้อง กูไม่เคยโดนไอ้เจเอา แล้วมันเจ็บ” ผมผลักมันถอยหลังออกไป

แม่ง... พูดดีๆก็ได้ ทำไมต้องมาประชดด้วยวะ

“เก้า...​“

“ลงไปได้แล้ว เลยเวลามาแล้วนะ เดี่ยว 3 โมงครึ่งต้องตั้งแถว”

“เก้า เดี๋ยวดิ โกรธเหรอ”

ผมเดินแยกออกจากมันหลบลงไปก่อน

ไอ้ต้อง มันก็คงไม่ต่างกับเจสินะ... ภาพเมื่อกี้มันยังติดตาผม หรือเพราะว่าเราเป็นผู้ชายนะ จริงๆแล้วต้องเองก็คงน่าจะเคยมีประสบการณ์กับผู้หญิงมาบ้างแหละนะ... ยิ่งเมื่อกี้ มันคงคิดว่ามันกำลังทำผู้หญิงอยู่... นี่ผมเป็นผู้หญิงของมันสินะ... ทีเจยังยอมงั้นเหรอ...

ต้อง ต้องเห็นเราเป็นอะไรกันแน่

————————————-
หัวข้อ: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 10/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 26-04-2016 21:58:12
“โอ๊ย เหนื่อยยยยย”

“ไอ้นี่ โวยวายอีกแล้ว”

ต่อทำน้าเบื่อ ขณะเดินออกจากโรงยิม

โปรแกรมบ่ายเป็นการแข่งบาส

โรงยิมที่อยู่กลางโรงเรียนใต้ตึก ซึ่งเป็นเหมือนช่องว่างขนาดสูงเท่าตึกสี่ชั้น ถ้ามองขึ้นไปจากในโรงยิม จะเห็นระเบียงทางเดินหน้าห้องเรียน สูงขึ้นไปเป็นพื้นห้องประชุม ดังนั้นห้องเรียนที่อยู่ชั้น 2 3 จะไม่มีห้องตรงข้าม ส่วนชั้น 4 เป็นห้องวิทย์ ตรงที่อยู่เหนือโรงยิมเป็นห้องประชุมที่ใช้ในงานวันแม่

ชั้น 5 เองก็ไม่มีเพราะห้องประชุมมันใหญ่สองชั้น บนสุดเป็นห้องอาหาร

ผังที่นี่ดูยิ่งใหญ่แต่มันเสียพื้นที่ไปมากอยู่

เสียงเอี๊ยดอ๊าด จากร้องเท้าผ้าใบที่เสียดสีไปบนพื้นไม้ปาร์เก้

นักกีฬาวิ่งโยนลูกบาสสลับกันไปมา เป้าหมายคือห่วงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ต่อมองดูอย่างเบื่อหน่าย

บาสเป็นกีฬาสำหรับคนตัวสูง

…ต่อเตี้ยเกินไป

เวลาชั่วโมงครึ่งที่จับลูกโยน แย่งกันไปมา ต่อได้แต่มองตามไปมา

เป็นประเพณี พอพักครึ่งทีหนึ่ง ก็จะมีการแข่งเชียร์ ลีดเดอร์เปลี่ยนเป็นชุดบ่ายแล้ว เป็นชุดที่สีเข้มและเล่นลวดลายยิ่งกว่าตอนเช้า

…นี่โรงเรียนชายล้วนนะ อีกนิดจะเป็นหญิงล้วนไปแล้ว

สี่สีต้องผลัดกันเชียร์เหมือนเดิม แล้วก็แน่นอนว่า ถึงจะผลัดกัน ต่อก็ยังร้องเพลงผิดๆถูกๆ

“นี่ หิวน้ำมั้ย”

“ไม่หิว เบื่อ”

ต่อบ่น อากาศในโรงยิมอบอ้าว พัดลมใหญ่ถูกเปิดเพื่อช่วยระบายอากาศ

“นี่ รู้สึกยังไงบ้าง ทำตัวเป็นกะปิน่ะ”

“หือ”

เอ็มมันดูออก

ใช่ วันนี้ต่อทำตัวเป็นกะปิ ต่อไม่ได้คิดมาก่อนว่ามันชัดแจ้งขนาดนี้

เวลาที่เราชอบใครสักคนมากๆ ถ้าถึงคราวที่ต้องแยกจากกันไป มันก็คงจะพยายามทำตัวให้เหมือนเค้า คิดเหมือนเค้า ใส่เสื้อผ้าให้เหมือนเค้า เพื่อระลึกให้ได้ว่าเค้ายังอยู่คู่กับเรา

…ปิ มันไม่ได้ตายซะหน่อย

อย่างน้อยก็ที่รับรู้ละนะ

“นี่หมดนี่กลับขึ้นแสตน์แล้วใช่ป่าว”

“ใช่ เดี๋ยวประกาศรางวัลแล้วก็จบแล้ว”

“ดีจะได้กลับซะที”

จริงๆแล้วกีฬาสีมันก็สนุกดี

ความทรงจำของชีวิตม.ต้นอีกปีที่เพิ่มพูนขึ้น ถ้าเป็นก่อนหน้าที่เจอกับปิ ต่อคงไม่คิดจะเข้ามาร่วม คงจะโดดกิจกรรมแล้วไปหลบทำอะไรสักอย่างอยู่ที่ไหน

ปีที่แล้ว ไปแทงสนุ๊กกับพวกไอ้อาทนี่หว่า

“อาทได้กลับมาเรียนมั้ย”

เอ็ม ส่ายหัว

เสียงเชียร์ข้างหน้า ตะโกนชื่อสีเหลือง...

ชุดหลีดสีเหลืองสดราวกับดอกกระดังงา ตัดดำ ผ้าพลิ้ว เหมือนคนเต้นลีลาศ กำลังขยับมือขึ้นลงอยู่ข้างหน้า ผมถูกเซตมาอย่างดีแต่ไม่ได้เปลี่ยนสี

สีแดง กับ สีม่วง ถ้าทำสีก็คงพอดูได้ แต่เหลืองกับฟ้านี่ มันจะเยอะไปมั้ย

“น่าจะออกไปแล้ว ส่วนคดีก็อยู่ที่สองฝ่ายแล้วก็โรงเรียนละนะ”

“ทำไม เป็นห่วงมันเหรอ ต่อ”

“จะไปห่วงอะไรมันละ”

หมดสีสุดท้าย การแข่งดำเนินต่อไป

ก่อนที่ประธานจะลุกออก เสียงประกาศให้ไปรวมกันที่แสตนด์ วันนี้กำลังจะหมดเลย

เด็กกรูกันออกจากโรงยิม ทางอยู่ที่มีอยู่ทางเดียว คนเบียดเสียดกันเดินขึ้น เพื่อออกไปทางสนามบอล ที่ใช้เป็นพิธีเปิด และตอนนี้จะปิดแล้ว

“ต่อ เย็นนี้ไปไหนป่าว”

“อือ... จะไปทำไรได้ละ เหนื่อยแล้ว”

ใช่แล้ว ถึงวันนี้จะเป็นวันเสาร์ แต่ต่อก็เหนื่อยเกินกว่าจะไปไหนได้อีก พวกรุ่นพี่คงจะมีปาร์ตี้หลังเลิกกัน พวกต่อเป็นแค่เด็กม.ต้น ไปไม่ได้แน่ๆ

ผู้คนเบียดกันแน่น ดันตัวต่อเข้าไปชนกับคนอื่น เอ็มเองก็เอาตัวดันหลังตามต่อมาติดๆ

นิ้วมือของเอ็มเกี่ยวเข้ากับนิ้วของต่อ

“งั้นเลิกแล้วไปหาอะไรกินกันมั้ย”

“…ก็ได้”

นี่ถ้าอยู่กันสามคนมันเกี่ยวกันเป็นทอดๆมั้ยเนี่ย

ต่อรู้สึกเขินเหมือนกันที่เอ็มแบบใช้นิ้วเกี่ยวเอาไว้ คนที่เบียดกันแน่นคงไม่มีใครก้มลงมอง ถึงเห็นก็คงไม่คิดอะไรละมั้ง

อยู่ๆ มีแรงดันแรงๆมาจากข้างหลัง เด็กทุกคนโยนกันไปข้างหน้า ตัวดันต่อกัน

หน้าเอ็มขยับเข้าไปใกล้ตัวต่อ

“… เป็นแฟนเอ็มนะ”

ต่อบีบมือที่เกี่ยวนิ้วของเอ็มแรงๆ

“มึงพูดที่นี่เหรอไอ้บ้า”

เอ็มยิ้ม

“เสียงดัง”

ทำไมนะ เวลาไอ้ประธานนักเรียนทำหน้าทะเล้นนานๆทีอย่างที่เห็นเดี๋ยวนี้ ต่อเริ่มรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาได้

เอ็มก้มหน้า พูดเบาๆ

ถึงทางแยก เอ็มดึงต่อออกจากแถวหลบไปซอกด้านหลัง ทางนี้ไม่ใช่ทางไปแสตนด์ ถ้าเดินไปไกลกว่านั้นจะต้องโดนสตาฟ หรือครูสักคนจับได้แล้วหักคะแนนแน่ๆ

ประธานนักเรียนรู้สึกกลัวครูมากกว่า ภาพพจน์ที่ดี ที่เฝ้ารักษามานาน

เอ็มดันต่อเข้ากับกำแพง ปล่อยเสียงฝีเท้าผู้คนเดินผ่านไป ถ้ามีใครจะหนีหรือเดินอ้อมมาคงเห็นแน่

“เอ็มไม่ได้อยากแทนที่ปิหรอกนะ แต่ ปิ ก็จะอยู่ในใจเราสองคนตลอดไป เรามาพยายามในส่วนของปิด้วยกันนะ”

หน้าเอ็มกระตุก สีหน้าอาย เหมือนไม่มั่นใจ ครั้งแรกที่ต่อเห็นว่า เอ็มกำลังกลัว และไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดออกมา

“คืนนั้นต่อไม่รู้ตัว วันต่อมา เอ็มเองก็ไม่ได้พูด... เอ็มชอบต่อนะ ชอบมานานแล้วด้วย...”

“รู้แล้ว... แต่อีกแป๊บนะ”

ต่อลูบหัวเอ็มทีนึง

เอ็มพยักหน้า

ก่อนที่ต่อจะเอามือเลื่อนลงมาขยำส่วนั้นของเอ็มที่หดเล็กเพราะไม่ได้ตั้งตัว

แล้วต่อก็วิ่งหนีออกไปทางแสตนด์ ปล่อยให้เอ็มทำหน้างงไว้อย่างนั้น

ไม่นานแสตนด์เชียร์ทุกสีก็พร้อม เด็กนั่งกันเต็ม ไม่มีใครหนีเพราะทุกคนอยากเลิก เวลานี้เป็นที่รอคอยว่า ผลการแข่งจะออกมาอย่างไร ในเมื่อเหนื่อยกันมาเกือบทั้งปีเพื่อวันนี้วันเดียว
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (2) 10/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 30-04-2016 23:06:59
Hallelujah !!
หัวข้อ: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 3/5/2016 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 03-05-2016 20:52:01
บันไดริมตรงลงไปสู้ข้างเวทีกิจกรรมเล็กที่พวกเราเคยใช้ทำกิจกรรมงานวิทย์ ตอนนี้มันมืด ด้วยแดดยามบ่ายไปตกอีกด้าน ไม่มีคนอยู่ ทุกคนต้องขึ้นไปอยู่แสตนด์

เสียงเพลงดังขึ้น

ขบวนแถวคงจะตั้งแล้ว เห็นบรรดาสตาฟวิ่งกันวุ่น

“นี่น้องไม่ขึ้นแสตนด์ละ”

“ครับ กำลังไปครับ”

ผมไปหลบอยู่หลังแสตนด์ เพราะบนแสตนด์เองก็ไม่มีที่ให้ผมนั่ง

เสียงตบมือ กระทืบเท้ากับไม้กระดาน ดังขึ้นถี่ ยิ่งเป็นรอบสุดท้าย แข่งเขียร์ครั้งสุดท้ายของงานวันนี้ ปีนี้ กีฬาสีครั้งที่ 27 แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่คงจะถูกใช้ระบายออกมา

เสียงเชียร์ดังมากจนผมเองยังตกใจ มันดังกว่าตอนเช้าอีก บรรดาสตาฟก็ดูทุ่มเท ทุกคนออกไปยินเรียงหน้ากระดานล้อมรอบด้านหน้าของแสตนด์หมด

ทุกสีไล่เรียงกันไปตามลำดับ

ทุกอย่างในสนามเงียบ

พิธีปิดกำลังจะเริ่ม

เสียงประกาศยืดยาวออกทางไมค์โครโฟนต่อลำโพงหยุดลง พร้อมกับเสียงโห่ ฮา เพราะว่ากำลังเข้าสู้การประกาศรางวัล

ถ้วยกีฬาเป็นของสีแดง... ไอ้พี่บูมคงดีใจ

ตามมาด้วยถ้วยใหญ่สุดของงาน... แสตนด์เชียร์และพาเหรด

เสียงเชียร์ดังลั่นสนาม

ถ้วยรางวัลจากพาเหรดและกองเชียร์ถูกประกาศขึ้นกึ้งก้องสนาม ไล่จากที่สาม สีเหลือง ที่สองสีม่วง และ...

สีฟ้าได้รางวัลที่ หนึ่ง

บรรดาสตาฟส่งเสียงเฮลั่น พวกที่อยู่บนแสตนด์เองก็ไม่ต่างกัน สตาฟด้านหน้ากระโดดกันหยอยๆ เห็นคำวาม สตาฟหลังเสื้อลอยขึ้นลงเป็นจังหวะ เสียงดีใจก็ดังออกมาจากบนแสตนด์

ขณะที่ต้องกำลังวิ่งออกไปรับถ้วยจะผู้อำนวยการ

เพลงเชียร์ของสีที่ได้ที่ 1 ก็ร้องดังขึ้น

ใบหน้าที่อิ่มไปด้วยรอยยิ้มมีอยู่ทั่ว เสื้อสีฟ้าบนแสตนด์ขยับขึ้นลง วูบไหวไปตามจังหวะกระโดขึ้นลง จังหวะที่เรียกว่า ดีใจ สินะ เหล่าเด็กๆที่ทุ่มเทแรงกายใจ ส่งเสียงร้องเพลงมาทั้งวัน มองเข้าไปแล้วสมกับแสตนด์ที่ถูกทำขึ้นในปีนี้จริงๆ

ผมแอบหลบออกมาแล้วมองกลับเข้าไป

รูปแบบของแสตนด์ปีนี้

วิหารแห่งท้องทะเล

เสื้อสีฟ้ากางเกงขายาวสีขาว มันเลยดูเหมือนเกลียวคลื่นที่สาดซัดเข้าหาคนมอง เวลาร้องเพลงคนร้องจะขยับไปเป็นจังหวะไปด้วย

บนส่วนยอดเป็นรูปวิหารเก่าแก่ที่ลอกแบบมาจากที่ไหนสักแห่ง ถูกวาดด้วยสีทองอร่าม วิธีการวาดและการลงสีดูแล้วเป็นฝีมือของไอ้แมคแน่ๆ

ผลงานชิ้นสุดท้ายของมันสินะ

อยากให้มันมาเห็นเวลานี้จัง

สิ้นเสียงนกหวีด 5 นาที ด้านหน้าแสตนด์พวกสตาฟกำลังวิ่งเข้าไปกอดคอกัน มีต้องอยู่ตรงกลางชูถ้วยขึ้นสูง เด็กในห้องเรียนผมวิ่งเข้าไปกอดคอ บางคนลูบหัว บางคนตบหลัง ยกเว้นพวกซอมบี้ที่ไม่ร่วมกิจกรรม

รุ่นพี่กำลังรุมล้อมถ่ายรูป

เสียงประกาศจบงานกีฬาสีจากผู้อำนวยการสิ้นเสียง

เด็กๆเริ่มเก็บของ

เมื่อพวกแมคไม่อยู่ ที่ของผมจึงเหลือแค่ต้องตอนนี้ก็คงต้องปล่อยมันไปก่อนละนะ ทุกคนกำลังมารุมล้อมสนใจแต่มัน

แฮะๆ ไม่มีที่ของเราอยู่เลยแฮะ ก็นั่นสินะ กีฬาสีเราไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรเลยนี่

“นี่.....เก้า” เสียงต้องตะโกนดังๆข้ามมา

มันกวักมือให้เข้ามาหา

จะดีเหรอ....

ผมกำลังค่อยๆเดินเข้าไป ระยะทางแค่มองเห็นกลับถูกแทรกด้วยคนนั้นคนนี้เดินตัดไปมา

“นี่ น้องคืนนี้ไปฉลองกับพวกพี่มั้ย”

“เออ ไม่ไหวมั้งพี่ ผมเหนื่อย”

ต้องปฎิเสธ

“นี่ต้องๆๆ มองมาทางนี้หน่อย” เสียงใครไม่รู้

“น้องๆ มานี่ด้วย” ใครก็ไม่รู้อีก

ผมยืนงงอยุ่แถวนั้น สงสัยจะเข้าไม่ถึงตัว

“ต้อง” ผมตะโกนหามัน

“น้องคนนั้นมาอยู่นี่ได้ไงอะ ไม่ใช่สตาฟนี่ เค้ายังไม่ให้ลงมาจากแสตนด์นะ”

ต้องหันมายิ้มให้ แต่ดูแล้วยังออกมาจากเกลียวคลื่นนี้ไม่ได้

งั้นเอาไว้ก่อนแล้วกัน

ผมกำลังหาข้ออ้างตอบพี่คนนั้น

ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว เวลานี้พอดีกับเลิกเรียนแล้วสินะ

“เอ้า น้องๆ กลับบ้านได้ พี่ๆขอบคุณน้องๆทุกคนมากๆนะครับ” เสียงพูดออกโทรโข่งดังๆ ตามติดมาด้วยเสียงตึงๆของเด็กวิ่งลงจากแสตนด์

หัวหน้าสตาฟพูดขอบคุณเด็กทุกคนพร้อมมากอดคอกันโค้งให้

หน้าแสตนด์สีผม รุ่นพี่คนหนึ่งวิ่งเข้าไปขอทาง กันคนออกไปจากด้านหน้า อุ้มโอ่งดินไปวาง สองสามอัน ก่อนจะจุดไฟลงไป

เสียงฟู่ดังขึ้น พร้อมด้วยไฟสีเหลืองอ่อนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ในตอนนี้ผมยืนมองพลุอยุ่คนเดียว

โอ่งดินขนาดใหญ่ ปล่อยพลุที่เหมือนสะเก็ดไฟเล็กๆพลุ่งขึ้นสู้ท้องฟ้า

“นี่ จะไปไหนน่ะ”

แรงดึงฉุดกระชากแขนผมเข้าไปหา

“เฮ้ย ทำไรน่ะ”

“มานี่”

ต้องลากผมเข้าไปหา ก่อนจะยื่นถ้วยรางวัลมาให้

“นี่ไงได้แล้วนะ แต่มันเป็นถ้วยอะไม่ใช่เหรียญ”

ผมไม่ตอบ

“ยังโกรธอยู่เหรอ”

ผมสั่นหัว

“ถึงจะไม่ใช่เหรียญ แต่ก็ได้ถ้วยมา ถือว่าใช้ได้นะ”

“ก็ได้มั้ง”

“นี่เก้าไม่ดีใจเหรอ”

“เปล่า ดีใจด้วย”

ผมหันหน้าหนีไปมองที่พลุ รู้สึกแปลกๆ

“งั้นเก้า...”

“นี่น้องเป็นดรัมใช้มั้ย หล่อมากเลย เพื่อนพี่ค้าขอถ่ายรูปด้วยน่ะ”

บรรดาผู้หญิงจากที่ไหนไม่รู้ คงเป็นน้องสาวของใครสักคน หรืออาจจะพี่สาว วิ่งกรูกันเข้ามา กลุ่มรุ่นพี่ผู้ชายเองก็ด้วย

หนักหน่อยก็ครู

บางคนเข้ามาทำเหมือนจะขอเบอร์ ผู้หญิงก็เข้ามาจับตัวจับแขน เกาะไหล่ ต้องดูจะมีความสุขดี

ดูๆแล้วไม่มีที่สำหรับเราเลยแฮะ... นี่ถ้าเจ แมค อยู่...

ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนั้น ผมจะได้มาคบกับต้องมั้ยนะ

หรือว่า ครั้งนี้แมคจะทำผิดไป

ต้องเองเป็นเหมือนแสงสว่างอยู่กลางคนพวกนั้น พวกสตาฟห้องเดียวกับผม ซอมบี้บ้านั่นมันกลับมามีชีวิตวิ่งเข้าไปดีใจกับพวกพี่

ผมได้ยินแว่วๆว่า คืนนี้มีเลี้ยงฉลองใครที่ได้ใส่เสื้อสตาฟไปได้หมด แปลว่า ในห้องเรียนผม ครึ่งหนึ่งที่ไม่ทำกิจกรรมกับ ...ตัวผมเอง จะไม่ได้ไปงานนี้

ต้องเองก็โดนขอให้ไปอยู่ มันกลายเป็นจุดสนใจไปแล้ว

…งั้นเรากลับดีกว่า

ผมเดินออกจากสนามบอลไป ผ่านทางใต้ตึก ทางเดียวที่เจลากผมวิ่งไปมาวันงานวิทย์

วันนี้มันมืดและเงียบ เด็กที่เหนื่อยคงรีบกลับกันไปหมด ผมเดินเอามือลูบไปตามกำแพง ข้างหน้าจะเป็นลานที่แมคขึ้นแสดงโชว์บนเวที

เพลงโบราณแต่ถูกใจมัน

จริงๆแล้ว วันกีฬาสีก็สนุกดีนะ เสียดายมีส่วนร่วมน้อยไปหน่อย

ผู้คนบางตา... ผมยืนสูดหายใจเข้าอยู่ตรงนั้น หันหลังกลับไปมองทางสนามบอลครั้งสุดท้าย

จากตรงนี้มองไปมันไม่มีทางเห็น นี่อยู่ใต้ตึก สนามบอลอยู่ด้านนอก

“เก้า”

เสียงเรียกเข้มๆดังขึ้นจากข้างหลัง

“อ้าว พวกเค้าปล่อยตัวออกมาแล้วเหรอ”

ต้องสั่นหน้า ก่อนจะโผเข้ามากอด

“ยังโกรธเรื่องเมื่อกลางวันอยู่เหรอ”

“นี่พวกนั้น พี่ๆเค้าปล่อยตัวกลับมาแล้วเหรอ ต้องจะไปกับเค้าเย็นนี้รึเปล่า... เก้าจะได้ ... รู้ว่าจะกลับไปทำอะไร”

“ช่างหัวพวกนั้นสิ ถ้วย ต้อง ก็โยนคืนพวกนั้นไปแล้ว อยากได้มากก็เอาไป”

“ต้อง...”

ผมพยายามดันต้องออก

“รางวัลนั่นได้มาเพราะต้องเลยนี่... ถ้าไม่มีต้องจะได้เหรอ”

“ถ้าไม่ใช่เก้า ต้องจะทำเหรอ ... ถ้าไม่ใช่เก้า ต้องจะอยากทำอะไรสักอย่างให้เก้าหันมากมอง มาอยู่ใกล้กับต้องเหรอ”

ผมนึกย้อนไปถึงตอนชั่วโมงวาดรูป

รูปที่ต้องวาดให้ยังติดอยู่บนกำแพงในห้องนอน...



“ต้อง... ชอบผู้หญิงมากกว่ารึเปล่า”

คำถามนี้ทำให้ต้อง ปล่อยตัวผมแล้วจ้องหน้า

“ทำไมอยู่ๆมาถามงี้ละ”

ผมเงยหน้าขึ้นมอง มันทำหน้าชวนให้รู้สึกแปลกๆ

“ป่าวนะ ขอโทษนะ ถ้าเราไปทำอะไรให้เก้ารู้สึกไม่ดี”

มันยื่นมือมาจับมือผม

“ต้อง... ต้องไม่เหมือนเจนะ ไม่ใช่แมคด้วย เก้าไม่ได้บ้ากาม อย่าเข้าใจผิด ต้องไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างที่พวกนั้นทำให้เรารู้สึกดี ถ้าต้องจะไม่เปิดเผยก็ไม่เป็นไร ไม่ต้อง ... ... ไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก ..เราชอบต้องที่เป็นต้องนี่แหละ”

แรงบีบหนักๆจนผมเจ็บมือ

“เก้า ต้องขอโทษนะ ต้องมันห่วยอย่างที่ใครๆก็บอกจริงๆน่ะแหละ เก้าอดทนกับต้องหน่อยนะ ไม่มีพวกแมคมาช่วยแล้วด้วย”

นั่นสิ ไม่มีใครอยู่ช่วยแล้วนอกจากตัวผมกับต้องที่จะต้องฝ่าฝันกันต่อไปให้ได้

“มันไม่ได้เกี่ยวว่าชายหรือหญิงหรอก ต้องเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ต้องรู้ว่า ...ชอบเก้าอะ...”

แววตามันสั่น ดูเหมือนคนไม่มั่นใจในตัวเอง ความรู้สึกเหมือนมันจะระเบิด

“งั้น... ต้องเป็นที่อยู่ของเก้านะ”

ต้องทำหน้างง

“ไม่มีไรหรอก” ผมหัวเราะ

ก่อนจะพูดดังๆว่า

“เหรอ ต้องทนคนห่วยๆ อย่างต้องไปอีกนานมั้ยละ”

โอ๊ย

มันเอามือเคาะหัวผม ก่อนจะหัวเราะ

“งั้น เริ่มใหม่นะเก้า ... เก้า.. เป็นแฟนต้องได้มั้ย เราชอบเก้านะ”

ผมจ้องหน้ามันตรงๆ

“กลับไปจีบกันใหม่ได้มั้ย”

“ไม่เอา ก็ไม่ต้องจีบละนี่ ได้กันไปถึงไหนแล้ว จะเป็นไม่เป็น”

“เหรออออออออ”

เอายกขาเตะตูดมัน

ต้องหลบได้ ก้มหัวมาจูบหน้าฝากผม

“ไอ้บ้า”

เสียงต้องหัวเราะกลับมา

“ไม่กลัวคนเห็นเหรอ”

“หึ กลัวไม เมื่อกี้ก็บอกรุ่นพี่ว่า แฟนรออยู่ต้องรีบกลับ”

คำว่าแฟนที่ต้องบอกให้คนอื่นมัน มันรู้สึกหัวใจพองโต

ชีวิตม.ปลาย กับ การที่ได้ออกปากมาว่า มีแฟน และเป็นแฟนของใครเนี่ย มันเท่ใช่เล่น ยิ่งไปกว่านั้นคนนั้น เป็นต้องด้วย

บางทีก็อยากจะบอกคนพวกนั้นว่า ...นี่ต้องแฟนผม แล้วก็คนนี้มันได้ซิงกูแล้ว ไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก

ต้องคว้ามือผมไปกมุไว้

“กลับบ้านกัน”

“อือ”

ต้องเอื้อมมือมาคว้าตัวผมไปกอด

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมเลยตอบรับมันด้วยการโดดเข้าไปกอดแล้วหอมแก้มมัน

แหวะ เหม็นเหงื่อ

“นั่น! หวีดกันไม่มีอายเลยนะ หน้าด้านๆ”

ต้องสะดุ้ง

“พี่ต้อง ยินดีด้วยนะ” คนตามหลังมาอีกคนพูด

เมื่อหันกลับไปดู ผมคิดว่าครูซะอีก

“อ้าว ต่อ เป็นไง เหนื่อยมั้ย”

“ร้อนมากกว่า ตากแดดทั้งวันเลย”

ต้องปล่อยมือแล้วเข้าไปลูบหัว

“นี่ต่อวันนี้พี่ไม่กลับบ้านนะ”

ต่อพยักหน้า

“หวัดดี พี่เก้า”

“อะ... หวัดดี” ผมตกใจ ต่อทักขึ้นก่อน

“มาอี๋อ๋อ กันตรงนี้ไม่กลัวคนเห็นเหรอพี่ต้อง”

“ช่างมันดิ ฮ่าๆๆ”

โอ๊ย

“ต่อ เตะพี่ทำไม”

“ปีใหม่หายไปไหนมา ปล่อยให้เฝ้าบ้านอยู่คนเดียว หนีไปนอนกกกันมาใช่มั้ย เดี๋ยวฟ้องน้าเลยว่า พี่ต้องหนีเที่ยว”

“เฮ้ยๆ อย่าดิ” ต้องวิ่งเข้าไปกอดน้อง

“ต่อนั่นใครอะ” ผมถามขึ้น

“อ้อ นี่เอ็ม” ต่อ สะกิดเด็กผู้ชายข้างๆให้เข้ามาหา

“สวัสดีครับ” คนชื่อเอ็มพูดขึ้น

“แฟนต่อเองพี่”

หา... ผมกับต้องหันมองหน้ากันไม่เชื่อสายตากัน

“หรือไม่ใช่” ต่อหันไปถามคนข้างๆ

“อะ อือ ใช่ๆๆ”

“กูกูบอกแล้วไงอีกแป๊บ” ต่อทำหน้าทะเล้น

เอ็ม ยังทำหน้าบอกไม่ถูก เอะ... น้องคนนี้เป็นประธานนักเรียนด้วยนี่

“งั้นพี่เก้า ต่อฝาก พี่ต้องด้วยนะ”

“อือ ได้”

ผมเอาศอกกระทุ้งไอ้ต้อง

“เออ... เอ็มงั้นพี่ฝากต่อด้วยนะ”

“ครับพี่”

“พี่เก้า ถ้าเบื่อพี่ต้องบอกนะ คนไม่ได้เรื่องอย่างพี่ต้องอะ ผมหาให้ดีกว่าได้”

“ไปไกลๆเลยไอ้ต่อ ไปไหนก็ได้”

“ฮ่าๆๆ งั้นผมไปนะพี่”

“เออ ต่อ วันนี้แม่ไม่อยู่บ้านนะ”

ต้องหัวเราะ

“พี่เก้า ผมว่าพี่เลิกๆกับพี่ต้องเหอะ ตอนจะจีบพี่นะ แม่งทำตัวเหมือนคนปัญญาอ่อน มาเที่ยวถามทุกวัน ทำไรดี เข้าหายังไงดี ทำไรไม่เป็น แต่ไอ้เรื่องใต้สะดือเนี่ย ไม่เคยออกไปจากหัวสมองเลย ชักสงสัยแล้วว่าไอ้พี่ต้องมันชอบพี่เก้าหรือชอบตูดพี่กันแน่ ตอนนั้นนะ ถามว่าพี่ต้องชอบพี่เก้าตรง.... อุ๊บ”

“มากไปแล้วต่อ พอ ไปไหนก็ไป”

“พี่ต้องอะ อย่าหักโหมนะวันนี้ สงสารตูดพี่เก้ามั่ง โดนบ่อยๆมันหลวมนะ”

“พูดยังกับว่าเคยโดน” ต้องสวน

ทำไมผมรู้สึกว่า ต่อกับเอ็มหน้าแดงขึ้นนิดหน่อย

“งั้นไปนะพี่ต้อง” ต่อกำลังจะแยกไป

“เดี๋ยวสิต่อ”
เอ็มชี้ไปทางนั้น

“นี่ๆๆ พี่คนนั้นอะ ถ่ายรูปให้ หน่อยสิ” เอ็มกวักมือเรียกพี่คนหนึ่ง

ผมเห็นรุ่นพี่ถือกล้องโพลาลอยด์เดินไปมา คงกะจะเก็บอารมณ์วันนี้เอาไว้

“ค่าฟิล์มเดี๋ยวผมจ่ายให้”

พี่คนนั้นหันมา

“รูปละ 30  บาทนะ เอ้า เข้ามาชิดๆกัน”

“แพงวะพี่ ฟิล์มมันขายใบละ 15 เอง” ต่อโวย

“จะเอาไม่เอา”

“เอาครับ 4 ใบเลยนะพี่ กด 4 ทีเลย”

พวกเราสี่คนยืนชิดตัวติดกัน มีผมกับต่อยืนอยู่ข้างกัน ในมือต่อถือ psp เครื่องสีขาวไว้อยู่ในมือ มือข้างนั้นเอื้อมไปอยู่หลังคอของเอ็มอีกที

“1 2 3”
.
.
.
ทางเดินยามเย็น เงาของพวกเราทอดยาวออกไปด้านหน้า เวลาผ่านไปมันก็ยิ่งยาวขึ้น สโมสรอยู่ทางขวามือ ซ้ายมือเป็นตึกประถม เสียงลมเป็นเพื่อนเราสองคนเดินกลับบ้าน ปนกับเสียงตีใบของต้นไผ่ ใบไผ่กำลังร่วงลงมาตามพื้น

ปีนี้ไผ่ผลัดใบมากเป็นพิเศษ

ภาพของแมคกับเจ เมื่อเดือนที่แล้ว ...ปีที่แล้ว  ...คราวที่แล้ว

...และ วันเวลาก่อนๆ ผุดขึ้นมาตามที่ต่างๆ

เงาของพีรพลกับผม ที่วิ่งเล่นในตึกประถมกับผม

ลานด้านหลังที่ผมโดนแกล้ง ที่ๆเดียวกับที่ต้องใช้ซ้อมโยนไม้

เวทีกิจกรรม ที่ได้ทำงานกลุ่ม ครั้งแรกที่ผมกล้าจะออกปากเรียก และ คิดกับพวกนั้นว่า “เพื่อน”

ท่ามกลางเศษกระดาษสีทองที่ปลิวลงมากับความมืดหลังผ้าม่าน แผ่นไม้กระดานที่พวกเราสี่คนถือ

ห้องวิทย์ ที่ต้องมาทำให้อารมณ์ผมกระเจิง ก่อนที่เจจะพาผมเข้าไปนอนในห้องนั้น

บนตึกมัธยมที่ผมกับเจฝากอนุสรณ์เอาไว้ตามซอกต่างๆ

สนามบอลที่เราเคยนั่งเล่นกันจนมาถึงวันนี้ที่ใช้ทำกีฬาสี

ที่ต่างในโรเรียนที่มีความจำมากจนแทบเก็บไว้ไม่หมด

ปากซอยขึ้นรถที่พักหลังผมไม่ได้ขึ้นรถเมล์กลับอีกเลย รถแท๊กซี่ที่เคยจะนั่งคนเดียว ตอนนี้มีคนอยู่เคียงข้าง

ร่างสูงที่ผมได้แต่แอบเฝ้ามองมาตั้งแต่วันแรกของชั้นม.4 กับใบหน้าเป็นมิตรของเจ ตั้งแต่วันแรก

ห้องเรียนที่ผมเคยรู้สึกเกลียด คิดผิดที่เลือกเข้ามาอยู่ โรงเรียนที่น่าชังในชีวิตนักเรียนของผม

ต้อง

…ความอบอุ่นหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ให้กับผมในที่แห่งนี้

ป่านนี้แล้ว พวกนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ที่นี่ห้าโมงเย็น เวลาของแมคเองก็คงเช่นกัน ...แล้วเจละ ที่นั่นจะกี่โมงแล้วนะ

“หนาวมั้ย เก้า”

ผมหยุดยืน มองหน้าต้อง แต่ไม่ตอบ

“มานี่มา”

ก่อนจะทันพูดอะไร ต้องก็เอื้อมแขนมาคล้องคอผมเอาไว้

ต้องไม่ได้พูดอะไร แต่อะไรสักอย่างที่มันทำให้ผมรู้สึกว่า ตอนนี้ต้องก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกันอยู่

“กลับแท๊กซี่เนอะ”

แท๊กซี่เหรอ... เดี๋ยวก็คงผ่านหน้าบ้านของแมค ที่ประจำที่พวกเราไปเล่นกันสินะ วันนี้บ้านหลังนั้นกลายเป็นร้านพิซซ่าไปแล้ว

“รีบเหรอ... เดินไปเรื่อยๆมั้ย”

ต้องหันมายิ้ม

ยังไม่ทันได้ตอบ ต้องก็เอามือมาคล้องหาผมไว้

“หิวยัง”

ผมถาม

นั่นสิ วันนี้ต้องแทบไม่ได้กินอะไรเลยนี่

“หิวแล้ว เก้าอะ อยากกินไรละ”

…กินไรดีนะ...

“ต้อง... คือ เรามีอะไรอยากถามอะ”



“หือ ว่ามาสิ”

ผมไม่กล้ามองหน้ามันตรงๆ

“คือว่า.. จะกินก่อน หรือ.. จะเอารางวัลก่อนละ”

อือ.. ต้องทำหน้าคิด

“พร้อมกัน”

หือ...

มันทำได้เรอะ

“งั้นในห้องกินข้าวเลยนะ กินไปด้วยเลย”

ต้องเอามือมาลูบก้นผมทีหนึ่ง

“ไอ้บ้า บ้าแล้ว”

ผมโดดหนี แล้ววิ่งไปบีบตูดแฟบๆของมัน

ต้องไม่หลบ ได้แต่หัวเราะ

ฮ่าๆๆๆๆๆ

นั่นสิ เอางั้นก็ได้

ต้องยืนหันหน้ามาทางผม ท่ามกลางทางเดินปล่อยให้เงายาวออกไปข้างหลัง ลมพัดขยับเสื้อสีฟ้าปลิวไปตามลม อ้าแขนสองข้างออก

… ใคจะวิ่งเข้ากอด ไอ้บ้า

ผมเดินเข้าไปตรงๆ แต่ไม่กอด

“เออ ตามใจ... ที่รัก”

มันหันมาทำหน้าไม่เชื่อหู

ผมอายจนต้องรีบหลบเดินหนีมัน

ก่อนจะตอบกลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและเสียงดังพอได้ยินว่า

“อือ ต้องก็รักเก้านะ”


…………………………
หัวข้อ: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 3/5/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 03-05-2016 20:53:50
เรื่องราวในชีวิตม.ปลายของผมจบลงด้วยเรื่องแบบนี้ ผมไม่เคยคิดว่าจะได้แฟนคนหนึ่งขึ้นมา แล้วคนนั้นก็เป็นผู้ชาย โชคดีอย่างเดียวที่คนนั้นเป็นนายต้อง คนที่ผมแอบชอบมากซะด้วย

ใครจะรู้ว่า แมค กับ เจ เป็นคนแปลกหน้าสองคนที่เข้ามาหาผมก่อน ในวันที่ผมคิดว่าจะปิดตัวเองจากโลกภายนอก สองคนนั้นได้เปิดประตูเชิญความสุขเข้ามาหาผม เพื่อนที่จริงใจกับผมที่สุด

พวกมันทำให้ผมคิดว่า ช่วงชีวิตม.ปลายของพวกเรามันควรจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เมื่อโลกของความจริงมันซับซ้อนกว่าที่เราเข้าใจได้ในวัยนั้น

เวลาหนึ่งปีครึ่งผมรู้สึกผูกพันกับพวกมัน ทั้งสามคน มากยิ่งกว่าเพื่อนห้องอื่นที่รู้จักกันมาทั้งชีวิต มากยิ่งกว่าที่เคยคิดว่าจะสนิทกับใครได้ มันมีเรื่องให้จดและจำเอาไว้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ผมเคยสัญญากับตัวเองว่าจะพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ให้ได้ทั้งหมด ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก จนถึงเมื่อคืนปีใหม่ ท่ามกลางเสียงพลุและอากาศหนาวของปีนั้น ในห้องที่กลิ่นอวลไปด้วยเหล้า

ก่อนที่จะเหลือแค่หนึ่ง

ต้อง ผู้ที่ไม่เคยจะหายไปไหน มานั่งๆคิดดู เมื่อไหร่ที่ผมหันหลัง ต้องจะยังคงอยู่ข้างหลังผมเสมอ เงียบๆ อารมณ์ขึ้นลง แต่ไม่เคยจะห่าง เมื่อมีอะไรไม่สบายใจ มันพร้อมจะเข้ามาหาเสมอ

คนที่เป็นเหมือนเพื่อน แฟน และเป็นเหมือนตัวแทนของสองคนนั้น เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ เพื่อน คนสำคัญ ถึง สองคน มอบให้

ปีหน้าอีกหนึ่งปี กับอนาคตหลังจากนี้อยู่ที่ผมกับต้องจะสู้กันต่อไป มืแของเราสองคนจะกุมกันเอาไว้ไม่ปล่อยออกไปง่ายๆ เพราะว่ากว่าเราจะได้กันมามันก็ไม่ง่าย

ส่วนพวกนั้น...

หวังว่า พวกมันเองก็จะ ยังยิ้มออกได้ อยู่ที่ไหนสักแห่งเฉกเช่นเดียวกันกับพวกผม เพราะความคิดถึงของผมก็จะมีให้พวกมันเสมอ ถึงแม้ว่าเวลาที่ผ่านไปจะทำให้พวกมันจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไปแล้ว

สักวันหนึ่งที่ ถ้า พวกเราได้กลับมารวมตัวกันอีก เมื่อพวกมันถามขึ้น ผมจะเป็นคนเล่าให้พวกมันฟัง...



แด่ ...ต้อง แมค... เจ ...
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (2) 10/4/2016
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 03-05-2016 21:06:09
ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านมาถึงตรงนี้นะครับ เรื่องมันก็จบลงแค่นี้แหละ พอขึ้นม.6 เต็มตัว มันก็ไม่ได้ว่างอะไรขนาดนี้แล้ว ต้องก็ยังคงเป็นต้อง ส่วนต่อกับเอ็มก็แทบไม่ได้เจออีกเลย...

ถ้าจะเล่าต่อไปอีกมันคงจะกลายเป็นชีวประวัติไป

อันที่จริง ชีวิตจริงมันก็ไม่ขนาดนี้หรอกครับ ผู้ชายด้วยกันมันไม่หวานอะไรมากนักหรอก (อย่างน้อยก็สำหรับรุ่นผมละนะ)

ขอบคุณจริงๆนะครับ เรื่องนี้ก็ 1 ปีนิดๆ เร็วเหมือนกัน ตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะเล่าออกมาได้มั้ย ตอนนี้มันก็มาถึงจุดสุดท้ายของทุกอย่างแล้ว

ขอบคุณครับ

ปิตายจริงๆเหรอ
:(

ไม่ทราบครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไงต่อ เดากันว่าถ้าไม่ย้ายรร.ก็ไปต่างประเทศ ถ้ายังฟื้นขึ้นมานะ ... ไม่มีใครติดต่อได้ รร.เองก็ไม่สามารถติดต่อได้ บ้านก็ไม่เคยไป ได้แต่คิดว่าปิยังจะสบายดีละนะ


ขอบคุณนะครับที่ตามอ่าน

ตาพร่าเห็น เป็นสีเทา เคล้าเงามืด
กายเย็นชืด คล้ายอืดออก บอกสังขาร
ลมหายใจ ให้กระตุก ปลุกสัญญาณ
คล่อยคืบคลาน ปานสายหมอก บอกอำลา

RIP ครับ กะปิน้อย

อึดอัดออกไปจากเพจนี้
พี่ขอไปทำใจ..หลายๆๆๆๆ แป๊บเลย

ฮือออออออออออ..เศร้าโฮก โศกจริงๆ

รายนี้ขาประจำจริงๆ หลายครั้งที่คิดว่าจะหยุดลงแล้วพอมาเห็นคุณเข้าก็เอาวะ ลงต่อให้จบ

แต่ละครั้งที่จะลงถ้ามีเวลาก็จะทวนอีกรอบ พอทำบ่อยๆมันก็รู้สึกเอือมขึ้นมาได้เหมือนกัน เหมือนอ่านเรื่องเดิมๆสักสิบรอบได้

พอเห็นปุ๊บก็ เอาวะ สู้หน่อย อ่านๆ แก้ๆลงให้ได้

ขอบคุณมากนะครับ

แล้วก็อีกหลายคน ผมไม่ได้ย้อนกลับไปดูทั้งหมด อ้อ ใช้วิธีอ้างถึงชื่อไม่ค่อยเป็นด้วย

ถ้า... ไม่เบื่อ แล้วยังอยากเขียนอีก คงจะมีเรื่องอื่นมา ซึ่งก็คงเป็นแบบนี้ละมั้งครับ ไม่หวาน ฮ่าๆๆ

 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 3/5/2016 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 04-05-2016 00:57:27
ตะวันขึ้น ยื่นยิ้ม พริ้มหัวเราะ
เวลาเหมาะ เพราะตื่น รื่นเริงหา
หนึ่งวันผ่าน นานไหม ใจไปมา
ดวงจันทรา เคลื่อนคล้อย ร้อยสายลม 

เก็บเรื่องราว ครั้งคราวโน้น พ้นเลยผ่าน
เก็บวันวาน ทั้งหวานชื่น หรือขื่นขม
ความทรงจำ ล้วนมากมาย ไว้ชื่นชม
ความทรงจำ ยังเพาะบ่ม อมยิ้มพราย

อ่านแล้วให้ความรู้สึกดี
วันเวลาที่ผ่านไป
ของทุกคนย่อมดูสวยงาม
ถึงแม้ว่าจะมีทั้งสุขและทุกข์
แต่มันก็คือ..ประสบการณ์
ทำให้เราสามารถยืนหยัดได้
ทั้งปัจจุบันและในอนาคต

ขอบคุณครับ
ใจล้วนๆ
 :L1:
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 3/5/2016 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 04-05-2016 21:54:12
ขอบคุณที่นำเรื่องมาแบ่งปันครับ

โชคดีและกลับมาเยี่ยมกันด้วยครับ
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 3/5/2016 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 24-06-2016 00:26:37
อ่านจบแล้วสนุกดีชอบมากๆ แต่ก็รู้สึกใจหายแปลกๆมากเช่นเดียวกัน เหมือนโดนตัดจบ อยากรู้เรื่องราวของ เอ็ม-ต่อ อีกหน่อยกำลังสนุกเลย // โลเคชั่น รร นี่ใช่ รร สห ป่ะครับ เพิ่งจบมาไม่นานเลย คล้ายๆดี  :-[ :hao3:
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 3/5/2016 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-08-2016 17:04:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 3/5/2016 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 24-04-2017 18:23:44
อ่านจบแล้วสนุกดีชอบมากๆ แต่ก็รู้สึกใจหายแปลกๆมากเช่นเดียวกัน เหมือนโดนตัดจบ อยากรู้เรื่องราวของ เอ็ม-ต่อ อีกหน่อยกำลังสนุกเลย // โลเคชั่น รร นี่ใช่ รร สห ป่ะครับ เพิ่งจบมาไม่นานเลย คล้ายๆดี  :-[ :hao3:

ขอโทษที่มาตอบช้านะครับ ไม่ค่อยกล้ากลับมาดูกระทู้ตัวเองกลัวไม่มีคนอ่าน

ใช่ครับ โลเคชั่นเป็นโรงเรียนสหครับ ผมแค่นำสถานที่มาดัดแปลงให้เป็นรร.ชายล้วน จะได้ไม่ชัดเจนมากว่ารร.ไหน

เรื่องไม่ได้โดนตัดจบหรอกครับ เพียงแต่ผมคิดว่ามันน่าจะโอเคแล้ว คือ ในสมัยนั้น มันก็ยังงี้ละครับ คือ ไม่ได้หวานแหววกันจนเว่อร์ แค่เดินจับมือกันก็มีครหามาเต็มแล้ว

ผมอยากจะให้ใกล้เคียงกับที่เคยเกิดขึ้นมากที่สุดมากกว่าด้วยครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 3/5/2016 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 24-04-2017 18:25:32
ตะวันขึ้น ยื่นยิ้ม พริ้มหัวเราะ
เวลาเหมาะ เพราะตื่น รื่นเริงหา
หนึ่งวันผ่าน นานไหม ใจไปมา
ดวงจันทรา เคลื่อนคล้อย ร้อยสายลม 

เก็บเรื่องราว ครั้งคราวโน้น พ้นเลยผ่าน
เก็บวันวาน ทั้งหวานชื่น หรือขื่นขม
ความทรงจำ ล้วนมากมาย ไว้ชื่นชม
ความทรงจำ ยังเพาะบ่ม อมยิ้มพราย

อ่านแล้วให้ความรู้สึกดี
วันเวลาที่ผ่านไป
ของทุกคนย่อมดูสวยงาม
ถึงแม้ว่าจะมีทั้งสุขและทุกข์
แต่มันก็คือ..ประสบการณ์
ทำให้เราสามารถยืนหยัดได้
ทั้งปัจจุบันและในอนาคต

ขอบคุณครับ
ใจล้วนๆ
 :L1:

สวัสดีอีกครั้งครับ หวังว่าคงยังสบายดีนะครับ

ขอบคุณที่ตามอ่านเสมอมาครับ

ป.ล. เรื่องใหม่กำลังตะคลอดแล้ว
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 3/5/2016 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 24-04-2017 22:11:13
ยังหายใจอยู่และสู้ต่อไป
ตราบใดที่มีความหวัง
อิอิ
หัวข้อ: 10 CM : ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 07-11-2018 15:52:44
     
อากาศหนาวปีนี้มันยังคงยาวนานไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลง ผมใช้เวลาวันหยุดนี้นอนอยู่กับบ้าน คิดว่าทุกคนก็คงจะทำเหมือนกัน บ้านอื่นอาจจะกำลังฉลองเทศกาลคริสมาสอยู่ก็ได้ เอะไม่สินี่มันไม่ใช่วันหยุดของคนทั่วไปนี่ แน่นนอนว่าพ่อกับแม่ผมจะต้องออกไปทำงานบ้านหลังนี้กลับมาเป็นของผมคนเดียวอีกครั้ง
   ห้องนอนบนชั้นบนสุดของบ้านมีเสียงพัดลมครางหึ่งช่วยระบายอากาศ หน้าต่างบานเล็กปล่อยแสงลอดเข้ามาจากภายนอกอากาศขมุกขมัวยามนี้ถึงมันจะเป็นวันหยุดแต่ผมก็ยังคงตื่นเวลาเดิม นี่ละชีวิตนักเรียน มันคงเป็นความเคยชินที่ตื่นเวลาเดิมซ้ำๆมาตลอดปี ทีวีในห้องนอนกำลังฉายหนังวันหยุดเสียงเพลงคริสมาสลอยแผ่วมาก่อนจะกดรีโมทเปลี่ยนมันไปเป็นอย่างอื่น แน่นอนว่ามันจะเป็นอะไรไปได้นอกจาก เกม
   เกมที่ผมเล่นค้างเอาไว้ตั้งแต่ก่อนวันหยุด หลังจากเจอกับพวกเจแล้ววอะไรๆมันก็ดูจะเปลี่ยนไป ผมไม่ได้เล่นเกมบ่อยเหมือนอย่างเคยหากแต่เป็นการพูดคุยกับเจทางโทรศัพท์
   ทุกคืนมันมักจะโทรมาหา หัวข้อสนทนาดูน่าเบื่อเรื่องเดิมๆที่พวกเราคุยกันเป็นประจำในห้องเรียนถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้อต่อยอดออกไป เรื่องนินทาครูนี่ก็เรื่องหนึ่งปีนี้มีครูคนหนึ่งในชั้นท้องก่อนที่แกจะลากลับบ้านไป เดิมครูแกก็ไม่ถูกกับไอ้เจสักเท่าไรพอเห็นแกเดินท้องโตมา แถมมีข่าวลือว่าหาตัวคนทำไม่เจอไ อ้เจเลยยิ่งจะดูชอบใจเป็นพิเศษ
   “เป็นไงละชอบว่ากูนัก” เจมันนั่งยิ้มอารมณ์ดี ผมไม่ชอบหน้าตามันเวลานี้เลยแต่ก็เข้าใจเหตุผล ครูแกสอนวิชาเคมีและชอบนักที่จะเรียกเจออกมาตอบคำถามบนกระดาน ถ้าตอบไม่ได้มักจะลงท้ายด้วยข้อความพิสดารอย่างเอาเวลาไปทำอย่างว่าเหรอเนี่ย อย่าเป็นเหมือนพี่ชายนะชอบพกถุงยางมาโรงเรียน แกว่าไปเรื่อยแต่เจเป็นคนเกลียดเรื่องแบบนี้มาก
   ผมเล่นต่อไปได้อีกหน่อยเดียวก็รู้สึกเบื่อ ของบางอย่างทิ้งไว้นานๆพอมาเริ่มที่จะต่อก็เหมือนกับเริ่มใหม่นั่นละ คงต้องใช้เวลารื้อฟื้นอยู่สักหน่อย
   ไม่รอช้า ขี้เกียจจะมานั่งหาวิธีเล่นแล้วผมโทรหาแมคทันที ป๋าอย่างมันต้องช่วยได้สิ “โหลมึงจำตรงนี้ได้ป่าววะเล่นไงอะ”
   แน่นอนว่าคนอย่างมันต้องทำเสียงลอดไรฟันออกมาก่อนทีหนึ่งถึงจะบอกได้ มันเป็นคนเกลียดอะไรที่ไม่มีปี่ขลุ่ยนัก ผมนึกจริงๆนะว่ามันเหมาะกับสถาปัตฯแล้ว ผมจินตาการไว้ว่าคนที่จะเรียนคณะนี้ได้ต้องเป็นคนที่ทำอะไรตามแต่อารมณ์ตัวเองแต่ก็มีหลักการคงเส้นคงวาพอควร แต่ฟังจากอัลบั้มเพลงจากดาวอังคารล่าสุดที่มันเปิดให้ฟังก็พอเข้าใจอยู่
   ศุกร์เย็นวันหนึ่งแกเปิดเพลงพร้อมนั่งเกากีต้าร์เสียงโหยหวนน่ากลัวมาก มันเป็นเพลงที่เดาอะไรไม่ได้เลยเดี๋ยวก็มีโซโลเดี๋ยวก็อยู่ๆเป็นการบรรเลงคลอแล้วเงียบไปก่อนจะดังตูมตามขึ้นมา ที่ห้องชั้นสองแหล่งมั่วสุมประจำของพวกผมไม่รู้ว่าพ่อแม่มันทนได้ไงที่แน่ๆไอ้ซันมันทนไม่ไหวคนนึงละ
   มันลุกกระโดดขึ้นมาก่อนจะถอดเสื้อโชว์หุ่นผอมแต่แน่นของคนเล่นกีฬาเหวี่ยงหมุนไปรอบไหนกางเกงสีน้ำเงินเอวต่ำจนเกือบจะหลุด หากกางเกงชั้นในนั้นมันหลุบหายไปในขอบยิ่งกว่า ยังกับไม่ได้ใส่มา มันร้องตะโกนขึ้นมาว่า“กูจะบ้าแล้วโว้ยไปไล่ฆ่าศัตรูกัน”
   เดี๋ยวนะตรงไหนของเพลงที่ทำให้นึกถึงสงครามได้วะหรือมันหมายถึงเกมวางแผนหุ่นรบอวกาศที่เราเล่นค้างกันเอาไว้ เกมที่ทุกคนใช้แรมในสมองช่วยกันยิ่งกว่าแก้โจทย์ฟิสิกส์ส่งครูเสียอีก
   ผมแอบเอามือล้วงกระเป๋าเป้ช้าๆก่อนจะหยิบหูฟังเส้นสีขาวขึ้นมาค่อยๆบรรจงใส่อย่างที่สุด ไม่ให้ไอ้แมคเห็น หวังใจมากว่าเพลงในรายการเล่นของผมจะช่วยผมบรรเทาได้บ้าง ไอ้ต้องเป็นคนที่เห็นก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้หันหลังบังให้ผมและผมมั่นใจว่าเห็นมันกลอกตามองบน ไอ้นี่คงใกล้ไปแล้วเหมือนกัน
   “ไอ้ต้องไม่ต้องบังกูเห็นนะ เก้าถอดหูฟังเดี๋ยวนี้ ทำไมพวกมึงไม่เข้าใจความยิ่งใหญ่ของมันวะ” แมคเอาขาถีบต้องจนตัวมันเซเข้ามาทางผมเนื่องจากเรานั่งกันอยู่ ตัวมันเลยยิ่งเหวี่ยงง่ายกลิ่นตัวหอมอุ่นๆของต้องโชยมาเตะจมูก มันเอื้อมมืออ้อมหลังผมไปยันพื้นเอาไว้ หน้าเราอยู่ติดกันจนเห็นแสงในดวงตามันชัดเจน ในนั้นมีภาพผมกำลังตกใจอยู่
   “ไอ้เหี้ยจะเตะกูทำไมแค่นี้ไปเตะไอ้เก้ามันสิ” ต้องเอามือมาอ้อมคอผมไว้ก่อนจะดันเข้าไปข้างๆไม่แน่ใจว่ามันจะดันผมออกไปข้างหน้าหรือดึงเข้าหาตัวมันกันแน่เสียงใจผมเต้นขึ้นมาตึกหนึ่ง ไอ้เจที่อยู่ข้างๆไม่ได้พูดอะไรมันยังหัวเราะเหมือนเคย ผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันแต่... คำว่าไม่ได้เป็นอะไรมันใช้กับสิ่งที่เราสองคนทำมันบ่อยๆได้มั้ยนะ
   กลับมาเรื่องเกม สรุปว่าผมถามไอ้แมคเรียบร้อย มันบรรยายสรุปได้ดีจนผมจับใจความได้ว่ามันจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
   ผมนอนแผ่ลงไปกับพื้นกระเบื้องสีเขียวไข่กาอ่อนๆ มันเย็นวาบเพราะชุดอยู่บ้านผมมันเป็นแค่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น ถึงจะหนาวแต่ผมก็ไม่ชินที่จะต้องใส่อะไรเยอะๆอยู่แต่ในห้องนอน
   เสียงโทรศัพท์ดังเบนความสนใจจากภาพหน้าจอ แสงสีน้ำเงินฟ้าวิ่งปลาบไปมาปล่อยแม่งไว้อย่างนี้แหละ ผมเผลอเอื้อมมือคว้ารับโทรศัพท์มาก่อนจะทันรู้ว่าเป็นไอ้เจ

   “เปิดประตูบ้านด้วย” ไอ้นี่จะมาก็ไม่บอกก่อน

   ผมจำใจเดินลงไปข้างล่างในชุดนี้ มันจะเหลืออะไรที่ยังไม่เห็นอีกสำหรับไอ้เจ เอะ ก็มีนะแต่อย่าไปนึกถึงเลยมันไม่อยากให้ดูแน่ๆแล้วเราก็ไม่เคยไปถึงขั้นนั้นกันด้วย

   “ไงมึง” มันอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ คนอย่างมันนี่ทนอากาศหนาวได้ดีจริงคงเพราะชั้นไขมันละมั้งผมสังเกตว่าตัวเจออกจะมีเนื้อเพิ่มขึ้นนิดหน่อย

   “นี่บ้านมึงจัดคริสมาสด้วยเหรอ” ต้นคริสมาสขนาดสูงเท่าหน้าอกผมตั้งอยู่มุมห้องรับแขกมีกล่องของขวัญเปล่าๆอยู่สองสามชิ้นเศษของตกแต่งอีกนิดหน่อยทั้งหมดเป็นฝีมือแม่ เค้าคงอยากทำบ้านใหดูอบอุ่นขึ้นดูเป็นครอบครัวขึ้นมาอีกนิด

   ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล   

   “ฝีมือแม่กูน่ะพ่อแม่กูเรียนโรงเรียนคริสต์มา” แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องศาสนาหรอก

   “มาก็ไม่บอก”

   “ทำไมต้องละในเมื่อมึงก็อยู่บ้าน” รู้ดีอีก

   เข้ามาในห้องนอนมันล้มตัวลงบนโซฟาทันทีก่อนจะถอดกางเกงยีนส์เข้ารูปออกพร้อมร้องเรียกหาอะไรที่มันสบายกว่านี้ ก้อนกลมในกางเกงในสีขาวแน่นตึงหันมาทางผม

   “ที่มานี่มึงอยากทำใช่มั้ย” พักหลังมันหายไปไม่ทำตัวรุ่มร่ามผมสักเท่าไร

   “นิดนึงแต่กูอยากมาเจอมึงมากกว่า” มันขยับตัวขาวๆไปนั่งเล่นเกมส์ มันเล่นจากที่ผมค้างไว้ดูเหมือนสำหรับมันจะเป็นเรื่องไม่ยากเย็น
   สองสามครั้งที่มันหันมามองผม ตัวผมเองได้แต่นั่งบนโซฟาดูมันผ่านไปอย่างเหลือเชื่อทันใดนั้นมันก็โยนที่บังคับทิ้ง กระโดดขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆผมนั่นไงมาแล้ว
   ความคิดยังไม่ทันขาดมันดึงตัวผมเข้าไปกอดอย่างคุ้นชิน ก็แน่ละนะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผ่านมาเราเคยตัวใกล้กันมาก ผมยังจำรอยลมหายใจที่รดคอได้ ลมหายใจถี่ตอนมันใกล้เสร็จ เสียงครางเบาๆในลำคอ กลิ่นเหงื่อที่ซึมออกมาจากแผ่นหลังและที่ไรผมผสมกับกลิ่นเสื้อนักเรียน วันนี้มันต่างไปหน่อยเป็น กลิ่นน้ำหอมอ่อนติดตัวมันมา มันกอดผมนิ่ง มือลูบแผ่นหลังขึ้นลง

   “อะไร” ผมเอื้อมมือไปกอดกลับลูบหลังมันเบาๆก่อนจะแอบคว้าเข้าไปที่เป้า

   “นี่คือไม่อยาก” ดูเหมือนมันจะเป็นก้อนหยุ่นๆแต่ไม่เหมือนทุกทีไม่งั้นมันคงแข็งชี้ใส่หน้าไปแล้ว

   “ไปอาบน้ำไปมึงอะ” อ้าวอะไรวะ

   เจลุกขึ้นไปเปลี่ยนกางเกงก้อนบวมเป็นแท่งอยู่ใต้กางเกงในขาว มันกลับไปยัดเนื้อตัวเข้ากางเกงทรงพอดีตัว พอดีจนเกินไปอย่างรวดเร็ว“เร็วดิไปข้างนอกกัน”

   ลงท้ายผมก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเหวี่ยงผ้าเช็ดตัวขึ้นหลังแล้วเดินหายเข้าห้องน้ำไปอะไรวะตัวเราเหม็นขนาดมันไม่มีอารมณ์เลยเหรอ
   น้ำเย็นสร้างความตื่นตัวได้ดี โดยเฉพาะท่อนล่าง เจอของเย็นๆเข้าเลยหดหายไปหมดผมรีบจัดแจงตัวเองอย่างรวดเร็ว นี่มันจะลากออกไปไหนกันเนี่ยนิสัยมันไม่เปลี่ยนเลย
   ออกจากห้องน้ำมาก็ต้องแปลกใจ กล่องสี่เหลี่ยมสีเหลืองอ่อนวางอยู่บนโต๊ะมันไม่มีริบบิ้นหรืออะไรทั้งนั้นแค่ห่อกระดาษสีเหลืองเรียบๆ“อะไรน่ะมึง”
   ลมเย็นพัดวูบเข้ามาทางหน้าต่างเสียผ้าม่านปลิวสะบัดผมต้องรีบไปหาเสื้อมาใส่

   “ของขวัญคริสมาสไงมึง”

   “เออขอบใจ” ผมหันไปมองที่กล่องอีกทีแบบงงๆมันคิดอะไรของมันอยู่กันแน่นะ

   “เดี๋ยวแมคกับซันมาด้วยนะ”

   “โทรไปชวนมันแล้วเหรอ” นี่ก็สมเป็นมันอีกเช่นกันทำอะไรรวดเร็วจริงไม่ถามกูเลยสักคำ
   เรายังใช้รถเมล์เป็นพาหนะเดินทางหลัก ห้างที่จะไปอยู่ไม่ได้ไกลจากตรงนี้เท่าไรลมเย็นพัดเข้ามา ผมกลัวว่าผมสั้นที่ตัดถูกกฎโรงเรียนจะเสียทรง ไอ้เจไม่สนใจอะไรนั่งเบียดเข้ามาทางผมเราไม่ได้นั่งตัวติดกันอย่างนี้มานานแล้ว หากแต่คราวนี้เป็นกางเกงยีนส์ผ้าแข็งไม่งั้นมันจะเอาขามาพาดแล้วสะกิดขาแกล้งผมเป็นแน่
   แสงแดดสีเหลืองทองส่องประกายสะท้อนกรอบกระจกรถเมล์แสตนเลสสีเงิน นี่เกือบเที่ยงแล้วคงเพราะอากาศที่ให้รู้สึกคล้ายบ่ายแก่ๆตอนเลิกเรียน นี่ถ้านั่งไกลกว่านี้สักหน่อยคงผลอยหลับไปแน่
   หน้าห้างนี่คนไม่เยอะผมเดินเข้าไปรอข้างในอากาศเย็นเยียบทำไมยังต้องเปิดแอร์อีกนะ อากาศก็ออกจะดีซะขนาดนี้ คนในห้างไม่พลุกพล่าน ผมเดินตามเจไปเงียบๆสายตาส่ายหาของที่จะฝากมันกลับ   ในเมื่อมันให้ของมาแบบไม่ตั้งตัวผมก็จะหาของให้มันแบบไม่วางแผนไว้ล่วงหน้าเช่นกัน
   ทรัพยากรในกระเป๋าผมก็มีน้อยนิดจะหาอะไรไปฝากมันดีวะคนอย่างเจนี่น่าจะชอบอะไร ผมพยายามนึกแต่ก็ไม่ออกซะที ในเมื่อยังไม่มีใครมา ผมเลยชวนมันขึ้นไปที่แผนกของเล่น คิดว่าจะหาตุ๊กตาที่หน้าคล้ายมันที่สุดให้ตัวนึง
   ที่มุมชั้นวางเหล่าขนนุ่มกำลังนอนเรียงรายรอคนหยิบเลือกดูน่าสงสารมันคงจะตะโกนร้องเรียกให้คนสนใจมันอยู่ หากว่ามีชีวิตไม่รู้ว่ามันจะเสียใจมั้ยถ้าตัวที่ผมเลือกมันต้องไปอยู่กับไอ้เจ
   เข้าไปใกล้ชั้นมันมีหมูป่าอยู่ตัวนึงเขี้ยวขาวทำจากก้อนนุ่นยัดเย็บแข็งผมคิดว่ามันน่าจะชอบ อีกอย่างดูคล้ายมันอยู่หน่อยๆ

   “อะไรอะมึงชอบตัวแบบนี้เหรอ”

   “กูว่ามันเหมือนมึง”

   “ตรงไหนวะ” มันเอามือลูบเขี้ยวหมูป่าเข้าออก

   “มันหื่นเหมือนมึงไงหมูป่ามันลูกดก”

   “อี๋ นี่ๆกูต้องตัวนี้” มันคว้าตุ๊กตาเสือขาวขึ้นมาตัวนึงหน้าตาดูวซื่อบื้อ เป็นตุ๊กตาที่ดูตลกที่สุด ลายขาวดำมันดูพาดมั่วไปหมด น่าจะเป็นม้าลายมากกว่า

   “ตรงไหนวะที่เป็นมึง”

   มันได้แต่ส่ายหัวหยิบขึ้นมาแล้วหมุนซ้ายขวาแล้วก็ซุกหน้าลงไปท่าทางมันดูเหมือนอยากจะฟัดตุ๊กตาตัวนั้นเต็มที่แล้ว ดูท่ามันคงจะหนำใจ ก่อนจะปาตัวขาวๆนั่นกลับลงไปที่เดิมแทรกตัวเบียดเข้ากลางหมู่ตุ๊กตาตัวอื่นๆ
   “นี่เอาหูฟังที่ให้มามั้ย” ผมส่ายหัว หูฟังสีเขียวที่มันใช้ออกจะพกลำบากไปซะหน่อยเวลาไปนอกบ้าน ผมจึงเลือกแบบยัดเข้าหูแทน
   “ดี เอามาฟังมั่งดิ” มันล้วงเข้าไปในกางเกงยีนส์ที่ผมใส่อยู่คว้าเอาหูฟังกับเครื่องเล่นไป มือแอบกำหมับเข้ากับอย่างอื่น

   “ทะลึ่งมึงนี่”

   “ไม่จับนานคิดถึง” ไอ้บ้านี่

   “ตกลงมึงชอบตัวไหน” มันเลือกมูมินสีขาวขึ้นมา

   “งั้นตัวนี้นะ” ผมรีบคว้าเดินไปที่เคาเตอร์เดี๋ยวไอ้บ้านี่เปลี่ยนใจพนักงานคิดเงินเสร็จราคาพอดีกับที่ตั้งใจไว้ ผมรับมาแล้วโยนใส่หน้าเจ

   “เมอรี่คริสมาส”

   “ไม่บอกวะจะได้เลือกตัวเล็กกว่านี้มันเอาไปด้วยยาก”

   “มึงก็เอาไว้บ้านสิวะ” คำตอบที่ได้กลับมาคือการยักไหล่จริงๆผมก็อยากให้อะไรที่มันดูดีกว่านี้นะแต่ผู้ชายเหมือนกันถ้าทำอะไรหวานแหววมากๆ มันจะผื่นขึ้นมั้ยนะ
   ซันเดินมาถึงคนแรก มันเองก็เก่งแฮะที่หาเจอ ไม่แน่ใจว่าเจมันบอกว่าเราอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน หลังจากนั้นต้องก็เดินตามมารูปร่างสูงของมันนี่สูงจนไม่ต้องหาเลยแฮะ มันยังคงใส่เสื้อแบบเดิมการแต่งตัวที่เรียบง่ายและดูจืดชืดอย่างนิสัยมัน
   “ซันนนนนนนนนคิดถึงจังเลย” เจมันถอดหูฟังออกแล้วโยนให้ผม พลางวิ่งกระโดดเข้าไปหาซันอย่างรวดเร็ว ผมมั่นใจว่าซันพยายามหลบนะแต่ดูจะไม่ทันแล้ว
        “นี่ฟังไรอยู่” ต้องหันมาถามผม

   “เมื่อไหร่มึงจะรู้ว่าเก้ามันชอบวะ นี่เอาไปฟัง” เจมันเบี่ยงตัวเข้ามาหา ปล่อยซันวิ่งไล่อย่างนั้นแล้วคว้าหูฟังยื่นให้ต้อง
   “กลับมานี่เลยอยากกอดกูนักใช่มะมานี่เลย” ซันทำท่าขยำนมละเดินดุ่มๆเข้ามาหาเจท่าทางมุ่งมั่นไอ้เจจึงตอบสนองด้วยการเอามือทาบอกละบิดเร่าๆ แผ่กระจายความทุเรศออกมา
   ต้องที่ยืนนิ่งอยู่ข้างผมคว้าหูฟังขึ้นมาใส่ร่างสูงของมันรั้งสายให้ตึง“ไม่สูงขึ้นหน่อยเหรอ”

   “สาบานนะว่านั่นคือคำถาม”

   “กูสูงขึ้นสองเซนต์นะเว้ย” มั่นใจมากว่าตอนนี้ผมขยับใกล้ 170 แล้ว

   “182” สัสมันพูดลอยๆขึ้นมาคล้ายกับว่าจะอ่านใจผมออกมันก้มหัวลงมายิ้มให้ รอยยิ้มที่ผมไม่เคยเห็น
   ระหว่างที่ยืนดูเด็กบ้าสองคนไล่จับกันผมเองไม่กล้าขยับไปไหนเพราะมันจะดึงสายหูฟังต้องไปด้วย สักพักผมรู้สึกคันยิกๆที่แขนอะไรสักอย่างมันยุกยิกที่ศอก เมื่อหันไปดูผมถึงได้เห็นนิ้วก้อยต้องมันขยับกระดิกตามจังหวะเพลง แต่ด้วยความสูงที่ต่างกันมันถึงไปชนกับศอก ช่างน่าอิจฉานัก
   แมคมาถึงเป็นคนสุดท้าย สภาพดูอิดโรย มันเดินเอามือล้วงเข้าไปใต้เสื้อเกาพุงไปด้วยแน่นอนว่าผมสังเกตมาสักพักแล้วว่าช่วงหลังแมคมันดูแปลกไป ในกลุ่มนี้ผมว่าแมคเป็นคนที่เข้าใจทุกคนที่สุดเราถึงได้เรียกมันว่าป๋า และด้วยความบ้าที่สุดเหมือนกันของมัน เราจึงไม่ค่อยรู้จนมาช่วงหลังนี่เองที่ผมคิดว่าแมคมันพยายามทำอะไรสักอย่างอยู่
   มันเดินเยื้องย่างเข้ามาใกล้แล้วยกมือขึ้นทักทายหลังจากตอบรับเสร็จ มันผลักผมกับต้องเข้าไปตัวติดกัน

   “เล่นเหี้ยไรเนี่ย” ผมโวยเดี๋ยวต้องก็หงุดหงิดอีก มันอุตส่าห์เชื่องขึ้นแล้วนะ

   “กูหิวแล้วนี่ตามออกมาทำไมกันตอนนี้วะ” นั่นไงมาถึงป๋าก็ออกอาการละ

   “น่านานทีคริสมาสไง” เจนี่มันเดินเข้าไปกอดทุกคนเลยวุ้ย

   “นานๆใช้เวลาอยู่กับเพื่อนบ้าง”

   “คร้าบๆถ้ากูจัดของไม่ทันนะ”

   “เออน่าไว้ทำทีหลังมาๆหิวกันละใช่มะอยากกินไร”

   “มึงจะเลี้ยงเหรอ” ความงกของต้องมาแล้ว

   “มึงอะไปเลี้ยงเก้าโน่นมันซื้อของคริสมาสให้กูน่าจะหมดตังค์ละ”

   “กูไม่ได้จนขนาดนั้น” ไอ้ต้องที่ยืนอยู่ข้างๆหันมามองควับ มันเหล่ตาจนผมรู้สึกแปลกๆ

   “อยากได้มั่งเหรอ” คนอย่างมันต้องอยากได้ของฟรีแน่ๆแต่มันก็ปากหนัก บุคคลิกนิ่งๆที่เดาไม่ถูกนี่ละทำให้ผมไม่รู้ว่ามันรังเกียจหรือว่ายังไงแน่ ข่าวลือของผมมันน่าจะแพร่ไปถึงค้องอย่างไม่ต้องสงสัย

   “อือ” หืออะไรนะ

   “เร็วๆๆๆๆๆๆกูหิวแล้วต้องเก้ามึงยังมีเวลา ไม่ต้องมาตอนนี้”

   “อาไร้กูป่าว” ต้องสวนกลับ

   “ปากแข็ง”

   อยากจะบอกพวกมันเหมือนกันว่าผมไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียวพวกมันกำลังคุยอะไรกันอยู่คงเป็นเพราะผมเข้ากลุ่มมาทีหลังด้วยละมั้ง

   “จะกินไรอะ” ผมถามคนที่หิวที่สุด

   “จะกินเชสเตอร์ๆๆๆๆๆๆ” ทำไมมันต้องย้ำด้วยวะ

        “เออก็ได้ๆๆ” ในเมื่อทุกคนไม่มีปัญหาอะไรก็เป็นอันว่าตามนั้นเราเดินตามกันเป็นขบวนลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง เสียงเพลงคริสมาสดังวนอยู่ในร้าน เดี๋ยวก็คงกลับมาเล่นเพลงเดิมอีก เพลงประจำปีที่เปิดทั้งเดือนธันวาของทุกๆปี
   กลิ่นของสายรุ้ง กลิ่นพลาสติคของแต่งบ้าน เสียงเขย่าของพุ่มช่อสีทอง ประกายจากสายคาดฟ้าอ่อนสลับแดง มันเป็นเทศกาลที่มีสีสันที่สุด กลิ่นของคริสมาส เสียงของคริสมาส
   ต้องเดินเกาะไหล่ผมไปติดๆ สายหูฟังไม่ยาวพอทำให้มันต้องเดินเกาะไหล่ผมไปเรื่อยๆ

   “ต้องอุ้มเก้าเลยก็ได้นะ” ไอ้เจหันมาแหย่

   ซันหันมายิ้มให้ทีหนึ่ง ส่วนแมคมันยังคงครึ่งหลับครึ่งตื่นเดินนำไปงงๆ
   ร้านเชสเตอร์นี้ไม่แน่ใจว่าพวกเราจะเคยมากินกันรึเปล่าแต่คิดว่าไม่ แมคเดินตรงเข้าไปสั่งอาหาร ผมเป็นคนแรกที่เป็นฝ่ายเดินไปจองโต๊ะแน่นอนว่าต้องมันก็ต้องเดินติดตามมาด้วยจน ตอนนี้มันก็ยังไม่ยอมถอดหูฟังออก

   “ต้องฝากซื้อหน่อยดิ” เดี๋ยวมันจะต้องว่ากลับมาแน่ๆ หากผมรอคำพูดถากถางแล้วละก็คราวนี้กลับไม่ได้ยินอะไร
   พวกเจโวยวายเสียงดังตามมา ทุกคนถือเข้ามาคนละถาด ทุกคนสั่งแค่จานเดียว มีไอ้เจเป็นข้อยกเว้นมันยกจานที่ใส่ไก่มาอีก 5 ชิ้นตามมาด้วยเสียงถาดกระแทกลงบนโต๊ะปึงปัง

   “ของมึงละเก้า”

   “ฝากต้องไปแล้ว”

   “มันรู้มะ” ผมส่ายหัว

   ไอ้ต้องเวลานี้เดินกลับมาที่โต๊ะ จานหนึ่งในนั้นเป็นของผม
   แล้วเสียงคุยกันก็เงียบเลยเป็นเสียงเคาะช้อนส้อมเข้ากับจานพลาสติคแทนการฟาดฟันซากไก่บนจานเป็นไปอย่างรวด แน่นอนว่าสิ่งที่ตายแล้วคงร้องขอชีวิตไม่ได้ พวกมันคงจะดีใจที่เห็นเรากินอย่างเอร็ดอร่อย

   “เอ้าเก้ากินเยอะๆจะได้โตๆไข่ใหญ่ๆ ที่ต้องซื้อมาเนี่ยมึงกินได้ใช่มั้ย” เจจิ้มเนื้อไก่ชิ้นขาวมาวางในจาน

   “ไอ้เตี้ยนี่กินไปก็ไม่สูงกว่านี้หรอก”

   “นี่ต้องมึงเคยรู้มั้ยว่าเก้ามันชอบอะไร”คราวนี้แมค

   “มันจะไปรู้ได้ไงว่าเก้ามันชอบอะไรโง่ขนาดนี้”

   “นี่พวกมึงอย่าเอากูเป็นหัวข้อทะเลาะกันได้มั้ย” แม่งใครจะไปจำได้ว่าชอบกินอะไร ผมยังไม่รู้เลยว่าเจชอบกินไร ไอ้ต้องนี่ยิ่งไม่ต้องถาม

   “มึงๆเอาซอสมะเขือเทศมาดิ” ซันเอื้อมมือไปจะคว้าเอาขวดบีบที่อยู่เลยออกไปอีกสักหน่อย

   มันเริ่มละเลงซอสลงจานสีแดงไปทั่วแล้วใช้ช้อนเกลี่ยให้บางก่อนจะกลับด้านใช้ด้ามวาดลงเป็นรูปอะไรสักอย่าง

   “เอ้ยๆเอานี่ด้วย” เจควักพริกเขียวขึ้นมาจากพริกน้ำปลา เอามาประดับ แมคเลยใช้กระเทียมทำเป็นดาวห้าแฉก

   “เล่นไรเดี๋ยวก็โดนเค้าด่าหรอก”

   “มานี่” ต้องจับมือผมจิ้มลงไปบนจานแล้วเขียนขื่อตัวเอง

   “เวลาเค้ามาเก็บจะได้รู้ว่าใครทำ”

   “อี๋สกปรกมึงงงง”
   “อะไรเก้ามึงไม่เคยดูดนิ้วเหรอ” เจทำให้ดูเสียงดังจ๊วบน่าขยะแขยง

   “คนอะไรสกปรกจริง” แมครีบผลักจานออกไปข้างหน้า กว่าอาหารมื้อนี้จบลงก็บ่ายกว่าแล้ว

   “แล้วไงเจ อยู่ๆมึงอยากออกมาอะไรตอนนี้ กูกำลังอยู่บ้านเพลินๆเลย” มือแมคยังละเลงจานเอาซอสมาบีบสาดเป็นรูปต่อไป ผมรู้สึกว่าพนักงานเริ่มมองแล้ว

   “ออกมาเจอเพื่อนไงมึงหยุดทั้งทีแถมเป็นคริสมาสด้วย ไม่คิดจะมาเพื่อนเหรอแมคคค”

   “เออๆออกมานี่แล้วไงว่าไปมันก็อีกไม่นานละนะ” คราวนี้มันเขี่ยพริกไปมาบนจาน เอากระดูกไก่มาเล่นแล้ว

   “อือไม่นานจริงด้วยเดี๋ยวก็ปีใหม่แล้ว” ผมพูดขึ้นบ้าง

   “นี่กูว่าเอารูปนี้ดีกว่า”

   “เดี๋ยวสิ เฮ้ย นั่นของกู”

   “อันเล็กๆของมึงไม่ต้องพูดแมค”

   “ใหญ่กว่ามึงอะซันเอามานี่” ความโกลาหลนี้มาแต่ใด บนโต๊ะเริ่มศึกแย่งของเล่นกันขวักไขว่ เสียงโต๊ะกระแทกกันพนักงานเริ่มมองตาขวาง ไอ้ต้องไม่ทำไรพยายามฟังเพลงจากหูฟังข้างเดียว

   “ว้าก อย่าทำลายผลงานกู”

   “งานห่วยๆมานี่”

   “อย่ามายุ่งงงงงง” เสียงพวกมันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ


หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 3/5/2016 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 07-11-2018 15:53:44
        “อุ้ย” นั่นไงเสื้อกู น้ำเหนียวสีแดงกระจุยมาอยู่บนเสื้อสีดำของผม ผืนผ้าเป็นด่างแต้มด้วยสีแดง นี่เดี๋ยวได้เดินพกเอากลิ่นมะเขือเทศไปด้วยแน่

   “ต้องเช็ดให้มันหน่อยดิ” ต้องรับกระดาษจากแมค ไม่สิต้องใช้คำว่ากระชากจะถูกกว่า

   “กูทำเองก็ได้”

   “นั่งไป” ต้องสอดมือข้างนึงเข้าไปใต้เสื้อแล้วดันวงแดงนั้นขึ้นมาค่อยลูบวนจนจางลง

   “ไอ้ต้องป่านนี้ยังไม่รู้อีกเหรอมาเก้าชอบไรโง่จริง” นั่นสองคนนี้เอาอีกแล้วเจกับต้องนี่จะไม่ตีกันได้มั้ย

   “พออออออ พี่เค้าว่าแล้ว” ผมรีบห้ามก่อนมันจะลุกมาตีกัน

   ในกลุ่มไม่ใครพูดขึ้นอีกเสียงเพลงคริสมาสที่เล่นวนชักชวนให้รำคาญเสียแล้ว

   “เบื่อเพลงแล้ว” นั่นไงแมคทนไม่ได้จนได้

   “ดูหนังกันๆ” ซันชวนมันบอกว่าอาทิตย์นี้มีหนังเข้าเรื่องอะไรสักอย่างที่ผมไม่สามารถฟังสรุปได้เป็นหนังรักที่เกี่ยวกับทหารหนุ่มผู้พัดพรากและหญิงสาวที่เป็นพยาบาลซึ่งบังเอิญมาเจอเข้าเธอต้องเลือกระหว่างจะฆ่าเขาที่เป็นศัตรู หรือว่าจะปล่อยไปหนังรักดาษๆที่นิยมทำช่วงหนึ่ง

   “เดี๋ยวอารมณ์ไหนมาดูหนังรักกันเนี่ยนี่กลุ่มชายล้วนนะเว้ย”

   “น่าๆ นางเอกนมตูมมากเลยนะ” นั่นไงกูว่าแล้ว

   “มันมีรูปหลุดมาว่าเห็นฉาก18+เยอะด้วยนะ” นั่นเดาก็ถูกอีกแล้วก็คงไม่ต้องบอกด้วยว่าใครพูด
   จังหวะเดียวกับที่พนักงานกำลังชำเลืองมา คิดว่าคงรู้สึกรำคาญพวกเราก็แน่เล่นเด็กเปรต 5 คนกับต้นคริสมาสที่ทำจากซอสมะเขือเทศตกแต่งด้วยพริกน้ำปลา
   ที่นั่งในโรงหนังวันนี้มันไม่ได้แน่น ผู้นำเข้าหนังเรื่องนี้เสียใจแน่ รอบฉายมันพอดีทำให้เราไม่ต้องรอ ระหว่างที่ซื้อตั๋วไอ้เจมันหายหัวไปไหนไม่รู้ อีกทีก็เห็นมันกลับมาพร้อมกับถังป๊อปคอร์นใหญ่ในมือสองถัง

   นี่มันยังจะกินอีกเหรอ

   เสียงประกาศเรียกเข้าโรงหนัง ผมไม่เคยมาดูกับพวกมันส่วนมากจะเลือกเรื่องที่อยากดูแล้วก็ดูคนเดียวเลยเสียมากกว่า คนไม่มีเพื่อนก็อย่างนี้ละ
   ซันเดินนำเข้าไปคนแรก เดี๋ยวผมคงนั่งปิดท้ายคู่กัยไอ้เจแหง

   “นี่ขอเราเข้าก่อน” เจเอาตัวเองไปต่อจากซันแล้วก็ตามด้วยแมค ถ้าลงอีกหรอบนี้ผมคงต้องนั่งติดกับต้องละสิ อดคิดไม่ได้แฮะลึกๆผมก็ใจละอย่างน้อยในที่มืดๆก็ได้นั่งอยู่ติดกับต้อง หวังว่ามันจะไม่หงุดหงิดใส่อีกนะ
   มันยักไหล่เดินนำเข้าไปเหมือนไม่สนใจอะไรผู้คนในโรงหนังบางตาแสงไฟเริ่มมืด เสียงเพลงเริ่มขึ้นม่านเลื่อนออกเสียงดังแกรกไปด้านข้าง สุดท้ายต้องก็เอาหูฟังออกเส้นสีขาวที่เชื่อมผมเข้าเอาไว้กับมันถส่งคืนกลับมาให้เอาเหอะยังไงตัวก็ติดกันมานานแล้ว
   ครึ่งชั่วโมงแรกของหนังมันพอจะดึงความสนใจผมไปได้ ภาพสะท้อนบนพื้นจอสีขาวฉายเป็นโทนอุ่นผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเข้ากับหน้าหนาวปีนี้เท่าไรเสียงดนตรีบรรเลงเนิบนาบ มันชวนให้เคลิ้มฝัน นางเอกสวยอย่างที่พวกมันว่าสรีระที่ได้มาแต่กำเนิดดูจะยิ่งใหญ่เกินตัว พระเอกเล่นเป็นทหารผ่านศึกนอนแซ่วอย่างเดียว ไม่มีทีท่าว่าจะได้เห็นเค้าลุกไปไหน
   แมคดูจะให้ความสนใจมากออกนอกหน้า แน่นอนว่ามันชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ติสตัวพ่ออย่างมัน ถ้ามันบอกว่าดูไม่รู้เรื่อง ที่เหลือก็คงไม่สามารถให้คำอธิบายได้สมเหตุผลไปกว่ามันอีกแล้ว ไกลออกไปอีกที่นั่งซันกับเจยังหัวเราะคิกคักคงเป็นเพราะรูปร่างนางเอกหรืออาจจะเป็นคนอื่นในโรง เหล่าชายหญิงที่มากันเป็นคู่นั่งสวีทหัวติดกันไม่รู้ว่าท่อนล่างจะยุกยิกอะไรรึเปล่า ไอ้สองตัวนั่นคงคอยจับผิดอยู่แน่
   ต้องมันเอนตัวยาวๆพิงเบาะ ไม่พูดอะไร ผมไม่กล้าหันไปมองมันตรงๆ สักเดี๋ยวมันเริ่มเอนตัวลง ไหลมาทางผมเรื่อยๆ
   “หนาว” ในโรงหนังเราไม่ควรคุยกัน ผมจึงถอดเสื้อนอกออกเอามาคลุมตัวไว้ครึ่งหนึ่งส่งผ่านไปที่ต้อง มันมุดแขนสองข้างเข้าใต้เสื้อแจคเก็ตไออุ่นจากตัวมันลอยขึ้นมากลิ่นตัวอ่อนที่จำได้ดี มันซบหัวลงแล้วก็หลับไป
   ผมได้แต่นั่งนิ่งไม่กล้าขยับตัว ขืนทำอะไรลงไปเดี๋ยวมันจะพลิกตัวแล้วหนีออกจากท่านี้ แค่นี้มันก็รู้สึกดีมากแล้ว มือต้องวางอยู่บนพนักวางมือครึ่งนึง เป็นที่มือของผมกับมันอยู่ใกล้กัน ถ้าขยับนิ้วเข้าไปใกล้มันจะเป็นไรมั้ยนะมันไม่รู้สึกตัวหรอก แค่นิดหน่อยเอง ถ้ามันตื่นก็แค่บอกว่าไม่ตั้งใจคงไม่แปลกหรอกก็ในโรงหนังที่แคบแบบนี้
   รุ้สึกว่านิ้วก้อยผมจะเกร็งจนเป็นตระคริวเหงื่อชื้น หนังจะฉายไปถึงไหนก็ช่างมันเหอะ สมาธิจดจ่ออยู่กับปลายนิ้วขอแค่ขยับอีกนิดเดียวใกล้เข้าไปอีกหน่อย
   เสียงหัวเราะคิกคักจากไหนกัน หนังรักอารมณ์หดหู่แบบส่งเข้าประกวดนี่มันหัวเราะระรื่นได้แบบนี้เลยเหรอ
   ผมเงยหน้าขึ้นไปดูตอนนี้กลายเป็นว่าผมกับต้องกลายเป็นเป้าสายตาเหมือนตัวตลกโบโซ่กลางวงล้อมของผู้ชม ต้องมันหลับมุดอยู่ใต้เสื้อหนาว ไฟในโรงเปิดสว่างหนังน่าจะจบไปได้สักพักแล้ว คนในโรงว่างเปล่าเหลือแต่พวกเราเผลอหลับไปได้งั้นเหรอเนี่ย

   “ไรว้าไม่ไหวเลยเก้า แกดูหนังไม่เป็นเหรอไง” แมคยืนพิงพนักเก้าอี้แถวหน้า

   “นั่นดินางเอกออกจะดีเนอะเจ” เจพยักหน้ารับคำซัน

   “นี่จบนานแล้วเหรอ”

   “ไม่นานแต่ก็ยืนคุยกันสักแป๊บละ”

   “อ้าวพวกมึงทำไรกัน” ต้องงัวเงีย
   “ดูมึงหลับไงละไอ้ควาย ไอ้ไร้อารมณ์ มิน่าแข็งเป็นท่อนไม้” แปลกเวลาแมคว่าไอ้ต้องดูจะไม่ค่อยโกรธแฮะ

   “ไปๆออกๆ” แน่นอนว่าอันนี้ไม่ต้องเถียง ใครจะอยากอยู่ต่อในโรงหนังมืดๆคนเดียวละ

   “นี่หนังสามขั่วโมงเลยเหรอ” ผมเหลือบดูเวลาจากมือถือ

   “นานชิบใครมันจะอยากดูวะเนี่ย” ซันถาม

   “ไอ้เชี่ยเจไงเสือกอยากดูหนังรัก”

   “กูจะรู้มั้ยเล่าว่ามันเป็นงี้”

   “ต้องฟังอีกมั้ย” มันส่ายหัว เป็นว่าหมดช่วงเวลาเดินตัวติดกันละ

   ชั้นล่างจากโรงหนังมีชั้นวางขายพวกของประดับบ้าน ทุกอย่างเป็นสีทองดูจีนๆ มันตลกที่ถึงแม้สีจะเข้ากับคริสมาสแต่มันไม่ได้บรรยากาศเอาซะเลย ของพรรค์นี้ใครจะซื้อไปฝากกันราคาน่าจะแพงอยู่

   “นี่เจมึงเดินห่างๆเลยมึงยิ่งซนๆอยู่” แมคลากคอมันออกมา

   แป๊กๆตึงๆ

   เฮ้ยคงไม่ใช่มันทำตกแตกนะ

   “มึง ข้างล่างมีดนตรีสดวะ”

   “ไปฟังกันมะ”

   “กูยังไงก็ได้” สงสัยจริงว่าซันนี่นอกจากนมผู้หญิงแล้วมันสนใจอะไรอีกบ้าง

   “วงไรวะ” แมคถาม

   “มองไม่เห็นว่ะ” เจพยายามมองออกจากกระจกกั้นพวกเราอยู่ที่ชั้น4 ข้างนอกมืดแล้วก็หน้าหนาวละนี่เนอะ อากาศคงเย็น คนเริ่มมาหนาตาแล้ว ไอ้ต้องที่มาในชุดสุดประหยัดมันต้องบ่นแน่ เจไขมันมันหนาคงไม่เป็นไร

   “งั้นลงไปดูกัน” เจออกวิ่งรำไปก่อน

   “ใครช้าเลี้ยงเหล้านะเว้ย” ตามไปด้วยแมคแล้วก็ซันที่เหมือนจะรู้หน้าที่ มันพูดจบก็ออกตัวสตาร์ทไปเงียบๆ

   “เก้า คือว่า... กูอยากจะสารภาพ” ใจผมเต้นแรง ต้องจับไหล่ผมดันออกไปไกลสุด แล้วพูดว่า
 
   “กุไม่อยากเสียตังค์” นั่นไงมันผลักผมถอยไปเบาๆ แล้ววิ่งไปตามพวกนั้น บันไดเลื่อนอยู่ข้างหน้า นี่เด็กม.ปลายทำบ้าอะไรเนี่ย

   “เดี๋ยวเดะ เฮ้ยโกง” ผมรีบซอยเท้าตามไปอย่างเร็ว พวกมันไม่มีการหันมารอ หรือมองดู แต่อะไรสักอย่างทำให้ผมมั่นใจว่าพวกมันกำลังหัวเราะ พวกเรากำลังมีความสุขลมพัดหวีดเข้ามากระทบหู แอร์ในห้างน่าจะเย็นพอกับอากาศข้างนอก เสียงเพลงคริสมาสดังก้องวนอยู่ในห้าง อา... ช่างน่ารำคาญต้องฟังรอบที่เท่าไรแล้วเนี่ย
   หน้าห้างมีเวลาใหญ่กั้นขอบด้วยรั้วดำเรียงรายยาวไปจนสุดเขตห้างจริงๆแล้วห้างนี้ไม่ได้ใหญ่เทียบกับในเมืองแต่ก็ถือว่าทันสมัยสุดของฝั่งนี้แล้วโต๊ะเหล็กคลุมด้วยผ้าใบสีขาวสลับเหลืองเก้าอี้สีเหลืองแป๊ดโต๊ะละสี่ตัวนักร้องกำลังเซ็ทเครื่องข้างล่างเวทีคนเต็มไปหมดหวังว่าจะมีที่ว่าง
   ผมไม่เห็นป้ายหน้าเวทีแต่น่าจะเป็นนักร้องดัง ไม่งั้นคงไม่รีบมาหาที่นั่งกันแบบนี้
   “นี่เจเฮ้ย” มันเดินดุ่มเข้าไปหาพนักงานนุ่งสั้นคนนึง พูดคุยกันสองคำแล้วมันแบมือแล้วชูขึ้นเป็นเชิงบอกจำนวนคนที่มา ห้าคน

   พนักงานสาวเชียร์เบียร์กำลังมองหาโต๊ะ

   “ซันมึงช่วยหาดิ”

   “สัสคนยังกะหนอน” แมคสบถ

   “เอาน่าๆต้องอะ อยากเข้าไปป่าว” ผมหันไปถามมันจะรู้จักวงนี้มั้ยวะ

   “ยังไงก้ได้กูไม่มีตังค์” ผมรู้สึกคอตก นี่กูชอบมันตรงนี้รึเปล่าวะเนี่ย

   “ได้ที่ละ” เจเดินกลับออกมา

   “เนี่ยขอบรั้วตรงนี้เลยเห็นเวทีชัดดีมีขอบบันไดเป็นที่นั่งด้วย”

   “อ้าวแล้วที่เข้าไปเมื่อกี้ละ”

   “การ์ดไม่ให้ บอกอายุไม่ถึง”

   “ให้ก็แปลกละฟาย” แมคดูจะไม่แปลกใจ

   “มึงลองคุยยัง”

   “ลองแล้วซันกูบอกว่าหมอยขึ้นถือว่าโตแล้วเข้าได้” ผมฟังละอยากเอามือกุมหน้าผาก

   “สัสพูดงี้ได้ไงกูยังไม่มีกูยังใสๆเนียนๆ” เปลี่ยนเป็นตีนกุมขมับได้มั้ย

   “เอามาดูดิ”

   “พอสัสอุบาทว์” เออต้องงี้สิป๋า

   “งั้นพวกมึงจองที่เอามานี่คนละสองร้อย”

   “กูไม่มี” ต้องยืนพูดหน้าตายราวกับถามว่ามันสูงเท่าไรตอบฉะฉานทันควันและ... ไม่อาย

   “เออถือว่ากูทำบุญ” เจวิ่งหลังไวๆหายเข้าไปในห้างเหลือพวกผมเอาไว้
   นักร้องขึ้นแล้วเสียงกรี๊ดลั่นจนหนวกหูไม่รู้ว่าจะได้ยินเค้าร้องเพลงมั้ย
   เพลงแรกเป็นเพลงช้าๆเหมือนจะกำลังอุ่นเครื่องหายไปนานไอ้เจก็ยังไม่มาผมชักเป็นห่วง

   “ห่วงมันเหรอ” ต้องสะกิดถาม

   “เปล่า” ขืนตอบว่าห่วงยิ่งไปกันใหญ่

   เพลงค่อยๆเปลี่ยนทำนองเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ หยอดด้วยมุกเสี่ยวๆของนักร้อง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผมถึงไม่เคยขำกับอะไรแบบนี้เลยสักที จริงๆนะละครตลกยิ่งไม่ต้องพูดถึง
   “มาๆ” เจแจกกระติกน้ำให้คนละอันทั้งหมดสีเดียวกัน มันคงคิดว่าไม่อยากมาเสียเวลาให้พวกผมทะเลาะกันเพื่อเลือกละมั้ง ไอน้ำเกาะรอบกระติกจนเป็นหยด เสียงกรอกแกรกจากน้ำแข็งในแก้วพลาสติคสีดำขนาดใหญ่ ผมดูดเข้าไปเต็มอึกถึงกับสำลัก

   “ไฮเนเก้น” แมคหันมาส่งตาหวานเชื่อมใต้แว่นให้เจก่อนจะยื่นมือเข้าไปตีมือกันดูน่าจะเข้าขาได้ดีนะคู่นี้

   “ฮื้อเด็ด” อันนี้ไม่คิดว่าจะได้ยินจากซัน

   “เก้าเร็วๆๆๆๆ” ผมรีบดูดอักๆตามพวกมันต้องยืนอยู่ข้างๆเงียบๆแต่ดื่มยังกับน้ำหวานไอ้พวกนี้ก็น่ากลัว
   หมดไปครึ่งแก้วเจรีบเปิดกระเป๋าเทเติมอีกคนละกระป๋อง ที่หายไปนานนี่คือมัวไปเตรียมขอวพวกนี้สินะ แก้วนึงได้สองกระป๋อง มันซื้อมาสามดูแล้วคนละสองร้อยนี่น่าจะไม่พอนะทำไมมันใจดีจังพักนี้สรุปว่าถ้าเรากินหมดก็จะคนละสามกระป่องถ้วน
   ไม่รู้ว่าเสียงเพลงข้างนอกดังขึ้นหูพวกเราอื้อหรือเมา เด็กเปรตห้าคนที่เกาะริมรั้วเริ่มลุกขึ้นเต้นกระโดดไปมาตะโกนคุยกันเสียงดังใบหน้าเปื้อนยิ้ม ใช่แล้ว มันเป็นคริสมาสที่สนุกที่สุดในชีวิตเลย

   “ขอบใจพวกมึงนะ” เจ พูด

   “เออขอบใจมึงสำหรับเบียร์” สัส ต้องรีบเอามือเข้าไปปิดปากแมคเวลาเมานี่มันเริ่มไม่เหมือนเดิม ปากมันจะเริ่มพล่ามอะไรหมาๆ

   “เออขอบใจมึงว่ะเจ ว่าแต่ทำไมมึงต้องมาขอบคุณพวกกูด้วยววะ” ซันหันไปตะโกนข้ามหัว
   เวลานี้เจหันมามองหน้าพวกเราตรงๆเป็นครั้งแรกก่อนจะกระชากเสื้อทุกคนเข้ามาหายกเว้นต้องคงเพราะความสูงของมัน เราเข้าใกล้จนหัวติดกัน เส้นผมต่อเส้นผมกดทับกันจนรู้สึกร้อนเหงื่อ ต้องก้มหัวตามลงมา

   “ขอบใจที่เป็นเพื่อนกู” เจตะโกนเรียบๆเพราะเสียงตะโกนผมจึงจับน้ำเสียงไม่ได้

   ทีแรกผมว่าจะพูดออกไปว่าเหมือนกันแต่คิดอีกทีอย่าดีกว่าให้วันนี้เป็นวันของมัน
   มันยิ้มกว้างให้ส่วนแมคก็ทำหน้าเหมือนดูละครน้ำเน่าก่อนจะหัวเราะแล้วเอามือตบหัวเจ ไอ้ต้องยกแก้วขึ้นชนส่วนผมเหรอ... ผมได้แต่บีบไหล่มันเบาๆ มันจับมือผมแล้วบีบกลับทุกอย่างช่างดูเป็นธรรมชาติมันคือความจริงในชีวิตวัยรุ่นช่วงหนึ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกและครั้งเดียว เราไม่สามารถหวนคริสมาสของชั้นม.5 กลับมาได้อีก และผมโชคดีที่เลือกว่าจะออกมากับพวกมันไม่งั้นเวลานี้ผมคงนั่งมองจอทีวีอยู่บ้านนั่งเหงาเงียบอยู่คนเดียว
   “เพลงสุดท้ายแล้วครับมีใครกำลังพยายามอะไรอยู่มั้ย อย่าฝืนมากนักนะ” นักร้องตะโกนสุดเสียง ทะลุออกไมค์วิ่งผ่านกระฆหลกพวกเราไป
   ผมว่าผมเดาชื่อเพลงได้ถูกนะ
   **อย่าไปอยู่ใกล้เธอเตือนหัวใจตัวเอง
   อย่ามัวฝันถึงเธอ แล้วฉันจะทำได้มั้ย
   อย่าคอยส่งยิ้มให้เธอเธอคงไม่สนใจฉันสักนิดเลย**

   เมื่อถึงท่อนนี้เจจับมือผมชูขึ้นสุดแขน แมคกับซันก็ทำแบบเดียวกัน ต้องที่อยู่สูงกว่าต้องหดแขนลงนิดหน่อย

   **แล้วฉันจะฝืน ฝืนหัวใจตัวเองได้ไหม
   แล้วฉันจะฝืนความรู้สึกของฉันได้ยังไง
   ไม่อาจจะฝืนความรักที่มันเอ่อล้น**

   ผมแอบหันไปมองต้อง มันกำลังส่งยิ้มมาทางผม เจเลื่อนมือลงมาขยี้หัว นักร้องกำลังทิ้งเสียงยาว ลมเย็นพัดวูบเข้าปะทะหน้า พวกเรากำลังมีความสุขผมหวังว่ามันจะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ว่าปีหน้าหรือปีไหนๆ แบบนี้ห้าคนตลอด ไปเราแหกปากตะโกนแข่งกันเสียง ผมน่าจะหลงที่สุด

   “ไปแล้วมึงเดี๋ยวกูต้องไปต่อ”

   “เฮ้ยไรวะเจจะรีบไปไหน”

   “เออน่าพวกมึงกลับบ้านไปดึกแล้ว” พูดจบเจวิ่งสาวเท้าไปทางถนนจับแท๊กซี่คันแรกปล่อยพวกเรายืนงงอย่างนั้น
   แต่เอาเถอะคอนเสิร์ตเลิกแล้วมันก็ถึงเวลา
   ซันเป็นคนต่อไปที่หารถกลับบ้านตามมาด้วยแมคถึงแม้ว่าบ้านเราจะใกล้กัน แต่แมคยืนกรานว่าจะไปคนเดียว แล้วให้ต้องนั่งไปคันเดียวกับผม
   บ้านผมไม่ไกลจากห้างนั่งไปครู่เดียวมันเหมือนเวลาเปิดเทอม เปลี่ยนไปแค่เสื้อผ้าที่ใส่และสภาพอิดโรยแถมเมาหน่อยๆ
   “เก้ากูนอนบ้านมึงนะ”

   “อือเอาดิ” อะไรวะไอ้ต้องนี่จะนอนบ้านผมเหร ออะไรของมันใจผมเต้นโครมคราม ไม่ๆๆๆมันไม่ใช่คนอย่างเจ มันไม่เมาแล้วขี้เอาแน่ๆ ไม่ๆๆๆอย่าคิดลึกไม่ๆๆๆๆๆ ไม่ได้กันๆ
   พ่อแม่น่าจะหลับหมดแล้วสำหรับผู้ใหญ่ เทศกาลไม่ได้มีความหมายอะไรเท่าไร มันก็คงเป็นแค่วันนึงที่ผ่านไป ของขวัญที่เคยได้ในวัยเด็กกล่องมันเล็กลงทุกปี ทว่ามูลค่ามากขึ้น ก่อนจะหายวับไป
   เข้ามาถึงห้องนอนผมรีบผลักตัวเองเข้าห้องน้ำรู้สึกตัวเหม็นเหงื่อยังกับลูกเสือที่เพิ่งกลับจากเข้าค่ายนี่ไม่ได้เป็นอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ อ้ออีกอย่างนี่มันหน้าหนาวนะ
   ผมปล่อยไอ้ต้องไว้ในห้อง หลังจากผมแต่งตัวออกมาแล้วก็รีบโยนผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนให้มันทันที ถ้าเป็นไอ้เจมันน่าจะหน้าด้านแก้ผ้าตามเข้ามาแล้ว ส่วนผมเองก็คงไม่อายที่จะโทงเทงออกมาใส่ข้างนอกเหมือนกัน
   ไอ้ต้องเวลานี้มันยืนงงอยู่ในห้อง จะว่าไปรู้สึกว่ามันจะไม่เคยมาด้วยสินะ
   “ต้อง” มันดูเมาและเหนื่อยเมื่อมันหันกลับมามันทำหน้าแปลกๆแล้วชี้ไปที่กล่องบนโต๊ะ

   “อ้อเจมันเอามาให้น่ะ” แย่ละ มันก็รู้สิว่าเจมา

   “เปิดดูรึยัง”

   ผมส่ายหัว

   “เอ้า” เออว่าไปเพิ่งสังเกตมันเอากระเป๋าใบเล็กมาด้วยเทียบกับตัวมันแล้วขนาดมันต่างกันมากผมเลยไม่ทันได้เห็น
   สองมือยาวๆของมันล้วงเอาวัตถุที่อยู่ในนั้นขึ้นมาแล้วยื่นให้วัตถุเรียบแบนสีขาวมันยัดใส่มือผมเสร็จแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
   “อะไรของมึง” ผมพูดไล่หลัง แอลกอฮอล์นี่ดูจะทำให้คนเรากล้าขึ้นอีกหน่อย

   “ของขวัญ” มันตะโกนกลับมา

   ผมวางลงบนโต๊ะข้างกล่องสีเหลืองอยากรู้ว่าคืออะไรแต่ขอเปิดของเจก่อนแล้วกัน มันใส่มาแบบนี้ยิ่งทำให้อยากรู้
   ข้างในนั้นเป็นซีดีสีเหลือง ปกเขียนว่าอัลบัมสำหรับคนอกหักหือ มันอกหักกับใครมาละเนี่ย เห็นมันดี๊ด๊ากับคนในโทรศัพท์จะตายด้านหลังปกเป็นรายชื่อเพลงทุกเพลงความหมายสื่อถึงคนที่กลายเป็นเพื่อน มันตั้งใจจะสื่ออะไรกันนะ
   ส่วนของต้องเป็นผ้าสีขาวทำไมมันดูเหมือนไม่ใหม่เลยวะ ผมลองคลี่ออกมาดูเอะนี่มันเสื้อยืดสีขาวที่ต้องมันใส่มาโรงเรียนในหน้าหนาวนี่ ซักยังอะ นี่มันงกขนาดเอาเสื้อใช้แล้วมาให้เลยเหรอ

   “เก้าจะนอนยัง”

   “อะอือ” ดึกขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ยผมรีบพับมันกลับไปที่เดิมหรือว่าจะเข้าใจผิดมันหมายว่าจะทวงของขวัญรึเปล่านี่อาจจะเป็นเสื้อที่จะใส่กลับก็ได้

   “อือนอนเถอะ”

   ผมให้มันอนบนโซฟาที่ติดอยู่กับเตียงมีพนักพิงโซฟาสูงทำจากหนัง กั้นระหว่างเราสองคนไว้ เสียงลมหายใจต้องดังเสียดทะลุเสียงพัดลม

   “เอ่อ กูไม่ได้เตรียมของขวัยมาให้โทษทีวะ”

   เสียงหนังยวบมันกำลังขยับตัว

   “งั้นลุกสิ”
   ผมทำตามว่าง่ายลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

   “แลกกัน” อะไรนะ

   “มันเอื้อมมือมากระชากเสื้อยืดใส่นอนผมออก
   “เอ้ย หนาว อะไรวะ”

   “ก็กูให้เสื้อมึงละไง”

   “โห เสื้อนอนกูยังแพงกว่าเสื้อยืดมึงเลย”

   “อือ” เอาเหอะในใจผมกลับรู้สึกตรงข้าม ดีใจที่ได้เสื้อใส่ประจำของมันมา
   มันล้มตัวลงนอนพลิกมาทางด้านผมพาดมืออ้อมโซฟามา
   นิ้วมือขาวเรียวยาวมือที่ผมเห็นมาตลอดสองปีมือที่ปรารถนาจะจับสักครั้งแบบตั้งใจ ในโรงหนังคงพยายามมากไปสุดท้ายก็หลับไปก่อน
   เสียงพัดลมเงียบลง อากาศเย็นที่คล้ายจะกลายเป็นแค่คำบอกเล่าเพราะผมไม่รู้สึกอีก ผมขยับนิ้วเข้าไปใกล้ใกล้ขึ้น

   ปลายนิ้วนางแตะเข้ากับปลายนิ้วของมัน

   เสียงหัวใจเต้นโครมคราม ปลายนิ้วเย็นเยียบ

   ทันใดอีกฝ่ายก็เกี่ยวนิ้วกระหวัดเข้าหามันล็อคแน่น ทว่านุ่มนวล ต้องเวลานี้ดูอ่อนโยน ไม่มีคำพูดใดอีกปล่อยให้ห้วงเวลานี้เดินต่อไป เดินอย่างช้าๆ ติกต๊อก เพราะเวลามันไม่เคยหยุ ดผมไม่สามารถห้ามไม่ให้มีวันพรุ่งนี้ได้ แต่ตรงหน้านี้คือของจริงนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดของปีนี้ของขวัญคริสมาสล้ำค่า
   แสงจันทร์ส่องลอดผ้าม่านเข้ามาให้อากาศหนาวและแสงนวลอ่อนนี้เป้นพยานภาพตรงหน้านี้เกิดขึ้นจริง

   “เมอรี่คริสมาสต้อง”

   “เมอรี่คริสมาสเก้า”
   ...
หัวข้อ: Re: 10 CM : วันกีฬาสี (4) 3/5/2016 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 11-02-2021 21:54:16
อ่านจบแล้วสนุกดีชอบมากๆ แต่ก็รู้สึกใจหายแปลกๆมากเช่นเดียวกัน เหมือนโดนตัดจบ อยากรู้เรื่องราวของ เอ็ม-ต่อ อีกหน่อยกำลังสนุกเลย // โลเคชั่น รร นี่ใช่ รร สห ป่ะครับ เพิ่งจบมาไม่นานเลย คล้ายๆดี  :-[ :hao3:

ขอโทษนะครับ ไม่ได้เข้ามาเลยมัวแต่ยุ่งกับเรื่องใหม่และอย่างอื่น

ถูกต้องครับ เป็น รร.สหครับ แต่ในเรื่องผมเปลี่ยนให้เป็นชายล้วนไป
หัวข้อ: Re: 10 CM : รักที่ส่วนต่าง 10 CM 3/5/2016 จบแล้วครับ + เพิ่มตอนพิเศษ 7/11/1018
เริ่มหัวข้อโดย: Monet ที่ 11-01-2023 20:31:46
สวัสดีครับ

ขออัพเดท วันนี้ เรื่องนี้ได้ถูกนำไปเขียนเป็นการ์ตูนลงเวบตูนแล้วนะครับ
https://m.webtoons.com/th/challenge/เสยงพลในคนฤดหนาว/list?title_no=833801
ฝากติดตามกันด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ