พิมพ์หน้านี้ - แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Lambosasha ที่ 13-10-2020 13:57:22

หัวข้อ: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 13-10-2020 13:57:22
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twins? NOT INCEST>
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 13-10-2020 13:59:53
ทำงานประจำเสร็จละ เดี๋ยวมาต่อเรื่องเก่าๆ แต่เอาอันใหม่มาแปะก่อน ระหว่างแปลงานล่าสุด ดันอยากแต่งเกี่ยวกับแฝดนรกขึ้นมา 555

อาจจะดราม่ามั้ง แต่ไม่ใช่รักในสายเลือดแน่นอน

เปิดด้วย INTRO

“ศาลขอตัดสิน ให้เด็กชายธนู ทวีเทพธาดา อยู่กับผู้เป็นบิดา และเด็กชายคันศร ทวีเทพธาดา อยู่กับผู้เป็นมารดา จบการพิจารณาคดี”

***

คันศรยืนอยู่หน้าหลุมศพของแม่ น้ำตาไม่มีจะไหลอีกแล้ว เขากำมือแน่นขึ้นทุกขณะที่ได้ยินเสียงจากเครือญาติ และพ่อเลี้ยง

“ยังไงก็อายุ 20 แล้ว ไม่ต้องมีใครรับเลี้ยงหรอกมั้ง”
“นั่นสิ บรรลุนิติภาวะแล้วนี่”
“ให้ทนายจัดการเรื่องแบ่งมรดกกับเงินประกันเสร็จ ก็จบกัน ต่างคนต่างอยู่”
“แต่มึงมีศักดิ์เป็นพ่อเลี้ยงมันนะ”
“แล้วไงวะ ไอ้เด็กเหี้ยนั่น มันเคยเคารพกูที่ไหน”
“ก็มึงเป็นแบบนี้ไง ไอ้ติณ ฮ่าๆ”

มือที่กำแน่นจนเล็บจิกลงไปในเนื้อมีเลือดไหลซึม คันศรกัดริมฝีปากล่างที่สั่นระริกเอาไว้ พยายามระงับทั้งความเสียใจและความโกรธ อย่างหาทางระบายออกมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

เขาไม่รู้ว่าพ่อแท้ๆ หน้าตาเป็นยังไง แม่ไม่เคยพูดถึงพ่อของเขามากนัก รูปถ่ายสักใบก็ไม่มีให้เห็น รู้แค่พ่อส่งเงินค่าเลี้ยงดูมาให้จนเขาอายุได้ 12 ปี ก็ขาดหายจากการติดต่อไป แต่แม่ไม่ได้ลำบากเรื่องเงิน เพราะมีงานทำ มีเงินเดือนสูง อยู่กันมาประสาแม่ลูกดีๆ วันหนึ่งแม่ก็ไปคว้าไอ้ผู้ชายเฮงซวยที่หวังหลอกแดก ให้มันมาอยู่กินในบ้าน แล้วก็แต่งงานกันตอนเขาอายุได้ 15 ปี หลังจากนั้นคันศรกับพ่อเลี้ยงที่อายุอ่อนกว่าแม่ถึง 11 ปี ก็มีปัญหากันมาตลอด ถึงขั้นต่อยกันจนเข้าโรงพยาบาลทั้งคู่มาแล้ว

เขาตั้งใจไว้ว่า จบงานศพแม่ จะตัดขาดกับไอ้คนเฮงซวยที่กำลังพ่นน้ำลายอยู่ข้างหลังทันที

“มึงว่าไงนะไอ้ศร!” พ่อเลี้ยงผุดลุกขึ้น หน้าตาของมันถมึงทึงด้วยความโกรธจัด ใบหน้าแดงก่ำ ถ้ามีควันพุ่งออกมาจากหูได้ก็คงแปลกดีพิลึก

คันศรหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบขึ้นมองหน้าของนายติณ พร้อมรอยยิ้มมุมปาก

“ก็ตามที่บอก บ้านนี้แม่ยกให้ผม เพราะงั้น ขอเชิญออกไปจากที่นี่”

“มึง! มันจะมากไปแล้ว ยังไงกูก็เป็นพ่อ...”

“พ่อเลี้ยงที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน และคนละนามสกุล ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” เขาชิงแทรกขึ้นมาก่อน โดยที่รอยยิ้มยังไม่เลือนหาย

ติณพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อของเขา แต่พอสบสายตาวาวโรจน์ที่จ้องมาอย่างดุดันก็ชะงักไป

ถ้าเป็นตอนที่อายุ 16-17 เขาคงยังสู้มันไม่ได้ แต่ตอนนี้ ตอนที่เขาเติบโตจนอายุ 20 สูงใหญ่ถึง 187 ซม. ทั้งยังฝึกทักษะการต่อสู้มาหลายแขนง ติณรู้ดีว่าไม่มีทางสู้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนี่ได้อีกแล้ว

พ่อเลี้ยงยอมปล่อยมือ แม้จะไม่พอใจและกรุ่นโกรธ คำพูดประโยคสุดท้ายของคันศร ยิ่งพาให้มันเดือดดาล

“รบกวนออกไปก่อนพรุ่งนี้เช้าด้วยแล้วกัน”

***

คันศรไม่เคยใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้มาก่อน หลังงานศพแม่เขาจัดการไล่พ่อเลี้ยงไร้ประโยชน์ออกจากบ้านไปแล้ว เพราะถึงมีมันอยู่ในบ้านก็เหมือนอยู่คนเดียว แต่พอไร้ซึ่งเสียงโวยวายก่นด่าชวนทะเลาะของมัน บ้านหลังนี้ก็เงียบลงอย่างน่าวังเวง

ช่วงนี้ยังเป็นช่วงปิดเทอม คันศรทั้งว่างและเหงา เขาไม่ชอบความเศร้า ไม่อยากปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับน้ำตา จึงพยายามหากิจกรรมทำให้มากที่สุด แต่ทำอะไรก็ไม่หายเศร้า สุดท้ายจึงชวนเพื่อนมาจัดปาร์ตี้ที่บ้าน ใครจะมองยังไงก็ช่าง คนอื่นไม่ได้มาหาให้เขากิน คนที่เลี้ยงเขามาตลอดคือ แม่ และตอนนี้ แม่ก็ไม่อยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้แล้ว

ไม่มีใครมาแทนที่แม่ของเขาได้

“พี่ศร เมามากแล้วนะคะ” สาวน้อยวัย 17 ปี น้องสาวของเพื่อนในกลุ่มคนไหนสักคนที่เพื่อนดันพามาด้วย เหมือนจะเกาะติดเขาแจตั้งแต่เห็นหน้า เจ้าหล่อนใส่เสื้อเชิ้ตสีเหลืองอ่อนบางมากจนเห็นชุดชั้นในสีแดงข้างใน กับกางเกงยีนส์ขาสั้นเสมอหู เอาแต่นั่งเบียดเขาจนแทบจะขึ้นไปบนตัก และคันศรก็ไม่ได้คิดจะผลักไส

เขารู้ว่าการทำตัวแบบนี้มันดูงี่เง่า แต่ก็สบายกว่านอนร้องไห้คิดถึงแม่ เหมือนพวกลูกแหง่

“ไม่เมาหรอกแค่นี้” เขาว่าพลางกระดกเหล้าเข้าปากอีกแก้ว ไม่ได้นับด้วยซ้ำว่ากินไปเท่าไหร่แล้ว มึนนิดหน่อย แต่ยังมีสติอยู่มาก และคันศรก็รู้ว่าเด็กสาวที่มากอดแขนเอาหน้าอกเบียดอยู่ตอนนี้ต้องการอะไร

“ถ้าไม่อยากให้พี่กินเหล้า ก็หาอย่างอื่นให้พี่ทำสิ” คันศรหันไปส่งยิ้มหวานให้เด็กสาว เจ้าหล่อนหน้าแดงก่ำ แต่กลับยิ่งเบียดเนื้อตัวเข้าใส่ พลางยื่นหน้าไปกระซิบใกล้ๆ หูของเขา

“ไปบนห้องพี่สิคะ เดี๋ยวหวานจะให้พี่ดื่มน้ำหวาน...”

“ไม่ได้!!!”

เสียงโวยวายดังแทรกมาพร้อมแรงกระแทก เด็กสาวร่างบอบบางโดนผลักกระเด็นตกจากโซฟา ก่อนที่ผู้ประทุศร้ายจะกระโดดขึ้นไปนั่งทับบนหน้าขาของคันศร ด้วยความที่นั่งดูและอดทนมานานแล้ว

“พี่ศรเมาแล้ว ไปนอนดีกว่านะ ผมไปส่งบนห้อง”

“อะไรกันยะ ไอ้เด็กลิงนี่!” สาวเจ้าโวยวายหน้าดำหน้าแดง ผุดลุกขึ้นเนื้อตัวสั่นด้วยความโมโห แต่คนตัวเล็กบนตักของคันศรไม่สนใจ

“ผมต้องคอยดูแลพี่ ไปนอนกันนะ ดึกแล้ว” เด็ก (?) ผู้ชายตัวเล็กพอๆ กับสาวน้อยข้างหลังกอดคันศรไว้แน่น แต่สุดท้ายคนโดนกอดก็หิ้วคอเสื้อไอ้ตัวเล็กออกจนได้

“มึงแม่งน่ารำคาญว่ะ กูจะไปนอนกับน้องหวาน มึงนั่งเล่นกับพวกไอ้แทนอยู่ข้างล่างนี่แหละ” เขาเอ่ยเสียงแข็ง แล้วเหวี่ยงคนตัวเล็กไปทางกลุ่มเพื่อนที่ยังดื่มกันอยู่

“เออๆ อย่าไปขัดพี่เขาไอ้เตี้ย มานั่งแดกเหล้ากับพวกกูมา” แทนทัพ เพื่อนในกลุ่มลากคอลิงน้อยกลับไป แม้เจ้าตัวเล็กจะโวยวายดิ้นรน เพื่อจะไปหาคันศร

คันศรโอบเอวสาวน้อยวัย 17 พาเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ไม่สนใจเสียงโวยวายของรุ่นน้องที่พักนี้ชอบมาเกาะแกะจนน่ารำคาญอย่าง อ๋อง

“พี่ศร! แม่งทำไมเป็นคนแบบนี้วะ แม่พี่...”

“มึงหยุดเลยไอ้เตี้ย อย่าพูดเรื่องนั้น ไม่งั้นกูตบปากแหก” แทนทัพรีบคว้าปากของอ๋องไว้ทันก่อนจะหลุดพูดถึงแม่ของคันศร ทุกคนรู้ว่าที่คันศรทำแบบนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงแม่ แม้มันจะผ่านมานานเกือบเดือนแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรคันศรก็ยังเศร้า เพื่อนๆ เลยอยากให้เขาได้ผ่อนคลาย

“พวกพี่แม่ง พี่ศรเศร้าก็รู้ แล้วทำไมต้องหาผู้หญิงมาให้เอาด้วยวะ! มันเกี่ยวเหรอ มันใช่เหรอวะ ทำไมพี่ศรต้องนอนกับผู้หญิงเพื่อทำใจด้วยวะ ผมไม่เข้าใจ”

“ก็มึงมันโง่ไง พวกกูลองมาทุกอย่างแล้ว ถ้าเรื่องนี้ช่วยมันได้ ก็น่าลอง” แทนทัพตอบ คนอื่นๆ ก็พยักหน้า เมื่อก่อนคันศรก็ค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ มีมาให้ควงไม่ซ้ำหน้า แต่ตั้งแต่แม่ป่วยหนัก ก็แทบไม่ยุ่งกับใครเลยจนผ่านมาเกือบปีเข้าไปแล้ว ถ้าได้คลายเครียดบ้างก็คงดีขึ้น

แต่คนตัวเล็กก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทั้งยังไม่พอใจมาก แต่ก็ต้องยอมนั่งกอดอกกัดปากอยู่กลางวงเหล้าของพวกรุ่นพี่ ผ่านไปไม่ถึง 10 นาที ก็ได้ยินเสียงแตรรถดังลั่นรัวๆ ที่หน้าประตูบ้าน ทุกคนยังเมามาย ไม่มีใครลุกไปเปิดประตู มีแค่อ๋องที่รีบวิ่งออกไป

ปิ๊นๆๆๆ

“ใจเย็นสิวะ! พวกพี่ธันป่ะเนี่ย นี่มัน 5 ทุ่มกว่าแล้วนะเว้ย!” พลันต้องชะงักขาและมือที่กำลังจะเลื่อนประตูให้รถเข้ามาจอด เพราะไม่ใช่รถฟอร์จูนเนอร์สีขาวของรุ่นพี่อีกคนที่บอกว่าจะตามมาทีหลัง

เพราะมัวแต่งง และไม่แน่ใจว่าคนที่มาเป็นใคร กลัวเป็นพวกมิจฉาชีพ แม้รถที่จอดอยู่จะค่อนข้างหรูเหมือนรถนำเข้าก็ตาม อ๋องได้แต่ยืนเหวอ จนเจ้าของรถคันนั้นเปิดประตูเดินลงมา

อ๋องพยายามเพ่งมองใบหน้าที่เป็นเงาดำเพราะโดนแสงไฟหน้ารถส่องย้อนแสงเข้าตา และพอได้เห็นเจ้าของรถคันนั้นเต็มๆ ตาก็ถึงกับอ้าปากค้าง

“ผมเป็นพี่ชายของเจ้าของบ้านนี้ ช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้มั้ยครับ”

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดลำลองที่ลงมาจากรถสีดำเงาวับตรงหน้าประตูบ้านเอ่ยน้ำเสียงสุภาพ

อ๋องกะพริบตาปริบๆ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็ต้องเชื่อในคำพูดของคนคนนี้

เพราะใบหน้าของผู้ชายตรงหน้านี้ เหมือนกับของคันศรจนแทบแยกไม่ออก

***

หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twins? NOT INCEST>
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 13-10-2020 14:29:36
มาให้ฟินจิกหมอนอีกแล้วนะคะคุณนักแต่ง แต่ชอบค่ะ ปูเสื่อรอเลย o13
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P>
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 13-10-2020 20:14:57
1
“เฮ้ย...เมื่อกี้ใครวะไอ้ลิงเตี้ย” พวกที่เมาแอ๋ เหมือนจะได้สติคืนมาตอนเห็นผู้ชายตัวสูงโปร่งเดินผ่านหน้าไปแว้บๆ และถ้ามองไม่ผิด มันคันศรชัดๆ แต่คันศรก็เพิ่งขึ้นไปบนห้องนอนกับเด็กชื่อหวาน

อ๋องมองพวกรุ่นพี่ที่เมาเกลื่อนพื้นอย่างเอือมระอา

“เขาบอกว่าเป็นพี่ชายของพี่ศรอ่ะ”

“พี่ชาย!?” ทุกคนตาโต สร่างเมากันเป็นแถบ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินคันศรพูดเลยว่ามีพี่น้อง แล้วจู่ๆ โผล่มาได้ยังไง แถมหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ แม้รูปร่างจะต่างกันนิดหน่อยก็ตาม ทุกคนมองตามแผ่นหลังของร่างสูงไป รูปร่างด้านหลังแม้จะไม่หนาแน่นด้วยกล้ามเนื้อ แต่ก็สูงน่าจะพอๆ กับคนน้อง

ขาของคนมาใหม่หยุดชะงักที่ปลายบันได ก่อนจะหันมากวาดสายตาคมกริบมองทุกคน และหยุดสายตาลงที่คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม ซึ่งออกไปเปิดประตูให้เมื่อกี้

อ๋องสะดุ้งโหยง ทั้งหน้าและดวงตาของอีกคนเหมือนกับคันศรอย่างน่ากลัว เผลอคิดไปเลยว่าเป็นคนเดียวกัน และคงนิสัยเหมือนกันแน่ๆ คันศรเป็นคนดุดัน ชอบเสียงดังใส่อ๋องเป็นประจำอยู่แล้วด้วย หากแต่น้ำเสียงที่อีกคนเอ่ยออกมา กลับยิ่งทำให้อ๋องตัวแข็งทื่อ ใบหูร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ และไม่รู้สาเหตุ

“คุณ”

“ห๊ะ? ผมเหรอ” อ๋องหน้าเหวอ ยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเองอย่างงุนงง ปลายสายตาที่มองมามันหยุดที่ตัวเองชัดๆ ไม่ใช่ใครอื่นแน่นอน แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ เลยต้องถามก่อน

“คุณแหละครับ พาผมไปห้องของคันศรที”

เพราะคนหน้าเหมือนคันศร ที่บอกว่าเป็นพี่ชาย ทั้งน้ำเสียงและคำพูดจา รวมทั้งกิริยาท่าทาง ดูสุภาพอ่อนโยน จนอ๋องรู้สึกใจสั่นแปลกๆ มันเหมือนคันศร หนุ่มรุ่นพี่ที่เขาแอบชอบกำลังพูดกับเขาแบบนั้น อ๋องเลยเดินนำทางให้ด้วยความตื่นเต้นนิดๆ จนมาถึงหน้าห้อง บนประตูไม้สีขาวที่แขวนป้ายรูปธนูสีแดง แทนชื่อของคันศรนั่นเอง และพออ๋องอ้าปากจะบอก

“ห้อง...”

“อ๊า อ๊า พี่ศรขา”

เสียงสองคนที่กำลังเริงรักในห้องของคันศรดังขัดเสียงของอ๋อง คนตัวเล็กแก้มร้อนผ่าวๆ หันหน้าหลบคนข้างๆ ทั้งที่ไม่จำเป็น

“ห้องนี้อ่ะครับ”

“ขอบคุณครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มของอีกคน ทำเอาอ๋องฟินแล้วฟินอีก แอบบิดมือตัวเองเรียกสตินิดหนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งหนีลงบันไดไป ลืมว่าคนที่ตัวเองแอบชอบกำลังร่วมรักกับคนอื่นไปเสียสนิท

ธนูยืนมองแผ่นหลังเล็กๆ ที่รีบวิ่งลุกลี้ลุกลนหนีไปด้วยความงุนงง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเคาะประตูอย่างมีมารยาท

ก๊อกๆ

สองครั้ง ไม่มีเสียงตอบรับ นอกจาก...

“อ๊า พี่ศร อูยยย เสียว อร๊ายยย แรงอีกค่า”

ธนูนิ่วหน้าเล็กน้อย เรื่องพวกนี้เป็นธรรมดาของผู้ชายวัยกลัดมันอย่างพวกเขา เขาไม่ติดใจสงสัยอะไรทั้งนั้นกับกิจกรรมบนเตียงของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้อง แม้จะไม่ได้เจอกันมาสิบกว่าปีแล้วก็ตาม

แต่ดูเหมือนคันศรจะจำไม่ได้ว่าเคยมีพี่ชายด้วยซ้ำ

ก๊อกๆๆๆ

เสียงเคาะรัวขึ้นกว่าเดิม จนสองคนในห้องเหมือนจะเริ่มรู้ตัว คันศรผละออกมาจากเนินสะโพกของเด็กสาว หยิบผ้าขนหนูพันเอวลวกๆ แล้วเดินหน้ายุ่งไปเปิดประตู

“อะไรนักหนาวะ เหี้ยเอ๊...”

ปัง!

ทันทีที่เห็นคนหน้าห้อง เขาก็ตกใจจนเผลอผิดประตูเสียงดัง หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ คล้ายกับว่าเจอผี

คันศรเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับด็อพเพิลเก็งเกอร์มาบ้าง มันคือคำในภาษาเยอรมันที่หมายถึง แฝดปิศาจ หรือ Evil Twin (อีวิลทวินส์) ซึ่งมาจากตำนานพื้นบ้านของชาวเยอรมัน ที่ว่ากันว่า หากใครเจอคนที่หน้าเหมือนตัวเอง มันคือลางร้าย หายนะ

แล้วไอ้เมื่อกี้ คันศรเกือบคิดว่าตัวเองตาฝาด เหงื่อกาฬของเขาแตกพลั่ก ไอ้ที่เกือบจะตื่นก็หดหายกลับไปเรียบร้อย

“ศร! เปิดประตู”

“ไอ้เหี้ย แม่งพูดกับกู!” คันศรเหมือนคนสติแตกไปแล้ว ตกใจจนลนลาน วิ่งไปดันหลังน้องหวานที่มองเขาอย่างงุนงงไม่แพ้กัน

“เป็นอะไร ใครมาคะเนี่ย อย่าบอกนะว่าเมียพี่? เอ๊ะ แต่พี่ศรไม่มีแฟน...”

“หวาน ออกไปดูให้ที มันไปยัง” เขาดันหลังเด็กสาวไปทางประตูเรื่อยๆ จนเธอเอื้อมไปจับลูกบิด แล้วเขาก็รีบวิ่งกลับไปที่เตียงแทน ในใจภาวนาว่ามันคือภาพลวงตา

เด็กสาวหน้าตาเหรอหรา นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เปิดประตูออกไป พบกับ...

“กรี้ด!” เธอร้องลั่น หันมองคนหน้าทีคนหลังที ก่อนจะค่อยๆ ตั้งสติได้ก่อน “พี่ศร ใครอ่ะ หน้าเหมือนพี่เลย”

“คันศร!” พี่ชายเบียดร่างเด็กสาวเข้าไปในห้อง เดินตรงดิ่งไปหาน้องแล้วกระชากแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั่นขึ้นจากเตียง แม้ว่าธนูจะรูปร่างผอมบางกว่า แต่แรงเยอะไม่แพ้กัน

ร่างใหญ่ของคันศรถูกเหวี่ยงลงบนพื้น เด็กสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องก็ยิ่งเลิกลั่กกับสภาพการณ์ในตอนนี้ จนได้แต่อ้าปากพะงาบๆ

คันศรสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ฝ่าเท้าหนักๆ กระทืบลงตรงพื้นที่เขานั่งอยู่ อีกนิดจะกระแทกโดนบั้นเอวอยู่แล้ว ก่อนที่เสียงเย็นๆ กับหน้ายิ้มๆ นั่นจะเคลื่อนลงมาใกล้

“ไง น้องรัก”

***

คันศรลืมไปสนิทว่าเคยมีพี่ชาย “ฝาแฝด”

และตอนนี้คนคนนั้นกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่บนโต๊ะกินข้าว โดยมีพวกเขาทั้งหมด ยกเว้นเด็กสาวที่โดนไล่ตะเพิดกลับบ้านไปแล้ว กำลังนั่งมองผู้มาเยือนอยู่แถวโซฟาหน้าทีวี คันศรกับแทนทัพนั่งบนโซฟา นอกนั้นนั่งกับพื้น และคนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มอย่างอ๋องก็นั่งพับเพียบกอดขาคันศร ประหนึ่งเป็นเมียบ่าว

“อาทิตย์หน้าเปิดเรียน ไม่เตรียมหนังสือหนังหาอะไรกันหน่อยเหรอพวกคุณ” เสียงทุ้มนุ่มแต่เย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจกำลังเอื้อนเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งเฉย มือซ้ายถือสมาร์ทโฟนสีดำเรียบหรูกดเช็คข่าวสารบ้านเมืองไปพลางๆ

“แล้วจู่ๆ มึง เอ่อ พี่มาได้ไง” คันศรสับสน ไม่เจอกัน 12 ปีได้แล้ว ไม่รู้สึกเลยว่ามีความสนิทสนมแบบพี่น้อง แต่ก็อายุเท่ากัน เลยไม่รู้จะเรียกยังไงดี

“พูดแบบที่ชินก็ได้ พ่อได้ข่าวจากลุงอิ่ม เรื่องแม่...” คนหน้าเหมือนคันศรขยับตัวเล็กน้อย วางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะแล้วหันมามองน้องชายด้วยแววตาเศร้าสร้อย

“พ่อเลยขอที่อยู่มา ให้ฉันแวะมาดูนาย”

“อ๋อ” คันศรพยักหน้าหงึกๆ “แล้วจะกลับยัง ดูแล้วนี่ กูสบายดี”

 “ก็ว่าจะกลับแหละ แต่...” ธนูหรี่ตาลง มองสภาพรอบบ้าน และเพื่อนๆ ของคันศร บางคนยังไม่สร่างดีด้วยซ้ำ ธนูถอนหายใจ จ้องหน้าน้องชายตัวโข่งอย่างขุ่นเคือง และมันก็แสดงออกมาในน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จนแทบไม่มีใครสังเกต

“เห็นแบบนี้ ฉันว่า ฉันคงต้องอยู่อีกนานนะ ศร”

***

คันศรเหลือบมองพี่ชายฝาแฝดที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว ท่าทางทะมัดทะแมงคล่องแคล่ว คงเพราะอยู่กับพ่อสองคน เลยต้องทำอาหารกินเอง ไม่เหมือนเขาที่มีแม่ทำให้ทุกอย่าง

พวกเขาหน้าตาเหมือนกัน สูงเท่ากัน ต่างแค่รูปร่างอีกฝ่ายที่บางกว่าเล็กน้อย กับคำพูดและสีหน้าที่อ่อนโยนกว่า แม้บางครั้งคันศรจะรู้สึกถึงรังสีแปลกๆ จากดวงตาคมกริบคู่นั้น

“แล้วพ่อล่ะ เป็นไงมั่ง” คันศรอยากเจอพ่อ อยากรู้จักพ่อมานานแล้ว เลยอดถามถึงไม่ได้

“สบายดี” คนตอบก็ช่างตอบได้สั้นกระชับได้ใจความ

“ไม่ใช่แบบนั้น คือ พ่อเป็นยังไง อยู่ที่ไหน ทำอะไร”

“พ่อไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก ไปต่างประเทศบ่อย คงมีเมียเก็บไว้ทุกที่แหละ” ธนูเผลอกระแทกเสียงนิดๆ ตอนกำลังสับหมู ทำเอาคนที่เดินมายืนข้างๆ สะดุ้งนิดหน่อย

บรรยากาศรอบตัวของธนูดูเป็นมิตรก็จริง แต่มันเหมือนกำแพงบางๆ กั้นอยู่ คันศรก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรที่รู้สึกขัดแย้ง

“เอาหมูนี่ยัดเข้าไปในปลาหมึก อย่าเละ อย่าล้น ค่อยๆ ทำ” พี่ชายส่งหมูสับในชามมาให้ คันศรรับมาด้วยสีหน้ามึนๆ แต่ก็ยอมนั่งลงทำตามที่บอก หยิบปลาหมึกมานั่งยัดไส้หมูเข้าไป

“พี่ศร!” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหนุ่มร่างเล็กดังมาแต่ไกล พอเปิดประตูเข้ามา ก็เจอแฝดในครัวด้านซ้ายมือ อ๋องกะพริบตานิดๆ

“อ่า พี่ธนู แม่ผมให้เอาผลไม้มาให้ฮะ” เจอไม่ทันพ้นวันดี คนตัวเล็กก็แยกสองแฝดออกแล้ว เพราะไม่ได้ยากอะไรเลย แค่มองรูปร่างคร่าวๆ กับเสื้อผ้าที่ใส่และทรงผมก็รู้แล้ว

ธนูผอมกว่า สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนปล่อยชาย กับกางเกงยีนส์เรียบๆ ตัดผมทรง Two Block อันเดอร์คัท ไถเกรียนครึ่งล่าง ครึ่งบนเสยขึ้น ส่วนคันศรเป็นผมซอยสั้นธรรมดา มีหน้าม้ายาวประคิ้วปัดไปด้านข้าง กับเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดาๆ

“ฝากขอบคุณคุณแม่ด้วยครับ” ธนูยิ้มหวาน ยื่นมือไปรับตะกร้าผลไม้ “เดี๋ยวพี่ล้างตะกร้าคืนให้นะครับ”

แปลก คันศรกลอกตาไปมา มองคนพี่ที่เสียงอ่อนเสียงหวานกว่าตอนคุยกับน้องแท้ๆ อย่างเอือมๆ ตอนแรกก็คุยปกติ แต่พอรู้ว่าอ๋องอายุน้อยกว่า 2 ปีและเป็นแค่เด็กข้างบ้านที่ชอบมาวุ่นวายกับคันศร ก็มีสีหน้าและแววตาที่อ่อนลงทันที แถมยังขอบอกขอบใจที่คอยมาดูแลคันศรด้วย

“พี่ธนูทำอะไรเหรอฮะ” อ๋องชะโงกหน้าดูอาหารเย็นวันนี้ของบ้านทวีเทพธาดาด้วยความสนใจ

“แกงจืดปลาหมึกยัดไส้กับผัดกะหล่ำปลีครับ” ธนูตอบด้วยรอยยิ้ม มือก็สาละวนกับอาหารตรงหน้า อ๋องทำตาโต

“โห ของที่พี่ศรชอบนี่นา พี่ธนูรู้ได้ไง ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งหลายปี”

มือที่กำลังหั่นผักชะงักไปชั่วครู่ ก่อนที่ธนูจะยิ้มอย่างฝืนๆ และตอบออกมา

“เพราะพี่ก็ชอบเหมือนกัน”

“อ๋อ ฝาแฝดนี่ ต่อให้อยู่ไกลกัน ก็ยังชอบอะไรเหมือนกันได้เนอะ” อ๋องมองมือที่หั่นผักอย่างสนอกสนใจ เพราะธนูทำอาหารเก่งพอๆ กับแม่ของตน ดูจากท่าทางการจับมีดหั่นก็รู้แล้ว

“แต่ผมก็ชอบนะ ปลาหมึกยัดไส้อ่ะ” อ๋องยิ้มกว้าง ก่อนจะหมุนตัวหันหลังออกจากครัว วิ่งไปนั่งเล่นเกมกับคันศรในห้องนั่งเล่น

ธนูกดมีดลงบนเขียงแรงขึ้น ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วค่อยปรับอารมณ์กลับมาเป็นปกติ

***

ใครนึกภาพทรงผมแฝดไม่ออก เรามีรูปมาแปะนะ ดูได้ป่าวไม่รู้

ธนูดูเหมือนเป็นคนสุภาพเรียบร้อยใช่มั้ย แต่นางแอบเถื่อน
https://www.picz.in.th/image/OMtB8t

อันนี้ทรงผมของคันศร ดูเหมือนนิสัยนางจะเถื่อนๆ นะ แต่เปล่าเลย
https://www.picz.in.th/image/OMtkcl

ปล. ภาพไม่ใช่อิมเมจตัวละครนะฮะ แค่แบบทรงผมเผื่อนึกภาพไม่ออก เราอธิบายไม่เก่ง 55
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P>
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 13-10-2020 20:24:36
 :hao7: ตามมาอ่านเรื่องใหม่ติดๆ แอบปลื้มคนพี่มากกว่านะ :hao3:
 
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P>
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 13-10-2020 23:11:40
2
ปกติแล้ว เด็กที่คลอดออกมาก่อน มักจะเป็นพี่ แต่ในกรณีของธนูและคันศร ใช้หลักการที่ต่างออกไป ด้วยความเชื่อของฝั่งพ่อ ที่ให้เด็กแฝดคนที่ออกมาก่อนเป็นน้อง เพราะถือว่าพี่ชายเสียสละให้น้องออกมาก่อน

ดังนั้น คนที่ออกมาดูโลกก่อนก็คือ คันศร แม้จะห่างกันเพียงนาทีเดียวก็ตาม

หน้าตาของพวกเขาเหมือนกันเสียยิ่งกว่าแฝดไข่ใบเดียวกันแท้ๆ แต่เวลามองนานๆ จะรู้สึกถึงอารมณ์ที่แตกต่างบนใบหน้านั้น รูปร่างก็ค่อนข้างต่าง เพราะคันศรชอบออกกำลังกาย เล่นกีฬาพวกศิลปะป้องกันตัวหลายแบบ แต่ที่ถนัดคือยูโด ทำให้รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน สาเหตุที่ต้องฝึกฝนร่างกายก็เพื่อไว้สู้กับติณ พ่อเลี้ยงที่มีปัญหากันมาตลอด เพราะตอนเขาอายุ 14-15 อีกฝ่ายก็แค่ 20 กว่าๆ ยังเลือดร้อนพอกันทั้งคู่ พอมีปากเสียงก็นำพาไปสู่การทำร้ายร่างกาย แรกๆ คันศรสู้ไม่เคยได้ เพราะตัวเล็กกว่า โดนทั้งเตะต่อย ถึงขั้นถูกบุหรี่จี้มาแล้ว ตอนนั้นพอแม่รู้ ก็เลยส่งเขาไปหัดเรียนศิลปะป้องกันตัว ทั้งที่แค่เลิกกับไอ้แมงดานั่นน่าจะง่ายกว่าแท้ๆ

ส่วนฝั่งธนู เพราะอยู่กับพ่อ ทำให้ทำงานบ้านเป็นหลายอย่าง ชอบงานศิลปะ พวกวาดรูป ทำอาหาร เล่นดนตรี แม้ว่าพ่อจะส่งไปเรียนมวย แต่ก็เรียนได้ถึงแค่อายุ 17-18 พอเลิกเล่น กล้ามเนื้อก็ลดลง เลยรูปร่างบางกว่าคันศร แต่ส่วนสูงเท่ากันไม่ขาดไม่เกิน ตอนอายุ 12 พ่อแต่งงานใหม่กับแม่หม้ายลูกติด ซึ่งเป็นช่วงที่ขาดการติดต่อกับทางแม่และคันศร และธนูก็มีปัญหากับพี่สาว ลูกติดของแม่เลี้ยง และพ่อ พอแต่งงานใหม่ได้ไม่นาน ก็ต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศบ่อยขึ้น จนธนูจับได้ว่าพ่อมีเมียเก็บอีกมากมายตามประเทศต่างๆ

สาเหตุที่พ่อกับแม่ของพวกเขาหย่ากันตอนพวกเขาอายุ 8 ขวบ ก็เพราะความเจ้าชู้ของพ่อ ใจจริงธนูอยากอยู่กับแม่ แต่ด้วยความเป็นเด็ก จึงไม่มีสิทธิเลือกมากนัก และเขา...ควรต้องเสียสละให้น้อง

“ผมไม่กลับ แค่นี้นะครับ” ธนูเอ่ยเสียงแข็ง ออกจะกระแทกกระทั้นเล็กน้อยด้วยซ้ำ ก่อนจะกดตัดสายไม่รออีกฝ่ายพูดจนจบ เขาขยี้ผมที่เสยไว้จนมันยุ่งเหยิงอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหมุนตัวหันหน้าออกจากครัว

พลันปะทะเข้ากับใบหน้าของน้องชายที่ไม่รู้ว่ามายืนแอบฟังตั้งแต่ตอนไหน

“ทำไมยังไม่นอน” สีหน้าอ่อนลง หากแต่แววตายังแฝงความเกรี้ยวกราด แล้วคนเป็นน้องแฝดคลานตามกันมา จะไม่รับรู้ ย่อมเป็นไปไม่ได้เลย

“เรื่องของกูมั้ยวะ” แต่แววตาของพี่ชายไม่ชวนให้ล้อเล่น คันศรเลยเปลี่ยนมาพูดเบาลง “หิวน้ำ”

ธนูส่งสายตาว่าเข้าใจแล้ว พลางเบี่ยงตัวหลบให้น้องเข้าไปหยิบน้ำในตู้เย็น แต่พอก้าวขาจะออกไปจากครัว เสียงของคันศรก็หยุดเขาไว้

“เมื่อกี้คุยกับใครวะ ดูมึงหัวเสียจัง”

“ไม่มีอะไร”

คำตอบนั้นทำเอาคันศรได้แต่กลอกตา ไม่อยากเซ้าซี้มาก เพราะดูท่าพี่ชายจะอารมณ์ไม่ดี

“แล้วนี่มึงจะอยู่นี่ยาวเลยเหรอ เดี๋ยวเปิดเทอมจะไปกลับยังไง”

ธนูหันหลังไปมองน้องพลางหรี่ตา “นายไม่รู้เหรอว่าฉันอยู่มหาลัยใกล้ๆ นี่”

คันศรสั่นหัวแล้วยักไหล่ ไม่มีทีท่าจะสนใจเรื่องของพี่ชายแม้แต่น้อย และธนูก็คงชอบให้เป็นแบบนั้นมากกว่า เพราะตั้งแต่มาที่บ้านนี้ ธนูไม่เคยพูดเรื่องของตัวเองเลยสักครั้ง

“นอกจากจำฉันไม่ได้แล้ว ยังไม่ใส่ใจกันด้วยสินะ แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะเราต้องต่างคนต่างอยู่” แววตาของธนูที่จ้องมองราวกับหมาป่าที่กำลังสะกดให้เหยื่อถูกตรึงอยู่กับที่

คันศรเคยคิดว่าตัวเองโชคร้ายที่เจอกับพ่อเลี้ยงอย่างติณ แต่บางที การอยู่กับแม่และติณ อาจจะดีกว่าอยู่กับพ่อแท้ๆ หรือเปล่า จากสีหน้าของพี่ชายมันบ่งบอกอย่างนั้น จนเขาเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆ แต่ก็พยายามกัดฟันสู้กลับ

“แต่นี่บ้านกูนะ แม่ยกให้กู”

“เหรอ” พี่ชายเพียงแค่เลิกคิ้วใส่ ใบหน้าที่เหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก ถ้าไม่มีทรงผมที่แตกต่างนั้น กำลังจ้องมาด้วยสายตาที่ดุดันกว่าที่คันศรชอบทำใส่คนอื่นนัก

คันศรสะดุ้ง เมื่อพี่ชายก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาใกล้ ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ทั้งที่ดวงตาไม่มีแววยิ้มแย้มเลยแม้แต่น้อย

“งั้นลองไล่ดูสิ แบบที่นายไล่พ่อเลี้ยงไง”

“!” คันศรเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ “มะ มึงรู้ได้ไงวะ”

“เรื่องของนาย ไม่มีเรื่องไหนที่ฉันไม่รู้หรอก แค่มาช้าไปเท่านั้น” ธนูพูดแค่นั้นแล้วพลิกข้อเท้าหันหน้าออกไปนอกครัว เพราะรู้ว่าคันศรไม่มีทางกล้าไล่ตน แต่มือหนาของน้องชายคว้าต้นแขนเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยว ไอ้นู มึงหมายความว่าไงวะ มึงคอยแอบตามดูกูกับแม่เหรอ”

“ถ้าฉันหาพวกนายเจอเร็วกว่านี้ ฉันคงได้เจอแม่ไปแล้วล่ะศร ขอโทษด้วยที่โกหกเมื่อคราวก่อน ว่ารู้เรื่องจากลุง” ธนูสะบัดแขนออกจากมือของน้องอย่างง่ายดาย รูปร่างสูงใหญ่ของคันศรไม่ทำให้ธนูรู้สึกกลัวเกรงใดๆ

เพราะเขารู้ว่า ยังไงข้างในนั้น ก็คือ คันศรตัวเล็กๆ เหมือนเมื่อวันวาน ที่ชอบร้องไห้งอแงและเอาแต่พึ่งเขาเสมอ แม้มันจะลืมไปแล้วก็เถอะ

ธนูเดินจากไปแล้ว เหลือแค่คันศรที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง

***

จริงของธนู มหาวิทยาลัยของธนูอยู่ใกล้บ้านของแม่มาก ห่างกันแค่ไม่กี่กิโลเมตร แต่มหาวิทยาลัยของคันศรอยู่ไกลกว่าเกือบคนละมุมเมือง

ก่อนเปิดเทอม ธนูกลับไปบ้านของพ่อครั้งหนึ่ง เพื่อขนข้าวของมาที่นี่ ธนูมีรถยี่ห้อหรูนำเข้าจากเมืองนอกขับ และมันดูน่าอิจฉาไม่น้อย ในขณะที่คันศรไม่มีรถใช้ เพราะพ่อเลี้ยงได้ไปเป็นมรดกจากแม่

“ขับรถเป็นมั้ย ศร” จู่ๆ พี่ชายก็ถามขึ้น ก่อนเปิดเทอมเพียงหนึ่งวัน

“เป็น”

“งั้นนายเอากุญแจไว้ ขับไปส่งฉันเสร็จ ฉันให้นายขับไปเรียนต่อ และตอนเย็นก็ต้องมารับฉันด้วย” ธนูโยนรีโมทรถให้ คันศรกะพริบตามองรีโมทสีดำในเคสสีแดง

“เอาจริงดิ?”

“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”

พอสบตากัน คันศรก็รู้สึกแพ้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มันต่างจากพ่อเลี้ยงจนเทียบกันไม่ติด เพราะคนคนนี้คือพี่ชายร่วมสายเลือด แถมหน้าก็เหมือนกันอีก ธนูไม่ใช่คนหยาบคายและชอบโวยวายโดยไม่จำเป็น แต่น้ำเสียงกับแววตาสามารถข่มขู่ได้ดีเยี่ยม ทำเอาคันศรไม่กล้าแม้แต่จะออกความเห็นที่เกินจำเป็นกับพี่ชาย

“ไม่กลัวกูชิ่งหนีเหรอ”

“ถ้านายกล้าทำ ก็ลองดู”

คันศรกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝือน เพราะแววตาของธนูยังคงแฝงความแข็งกร้าวเหมือนเดิม คนเงียบๆ นิ่งๆ เหมือนไม่แสดงออก เวลาโกรธคงน่ากลัวพิลึก และคันศรยังไม่อยากท้าทายมัน

“แล้วมึง จะไม่กลับบ้านนั้นแล้วจริงๆ เหรอ”

“ศร” เสียงขุ่นมัวของพี่ ทำเอาคันศรสะดุ้งโหยง เหมือนจะถามเรื่องที่ไม่ควรถาม แต่ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้คิดจะไล่ไปไหน คันศรเลยรีบยกมือยกไม้พัลวัน

“เอ่อ กูไม่ได้จะไล่นะ แค่สงสัย ว่ามึงไม่กลับไปเลยจะดีเหรอ”

“หึ” พอเห็นท่าทางลนลานของน้อง ธนูก็อดขำไม่ได้ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายให้ แล้วเดินเข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็น

“ไว้อยากกลับจะบอก”

***

วันเปิดเทอมใหม่ กับการขึ้นมหาวิทยาลัยปีที่ 3 ของฝาแฝด ธนูตื่นมาเตรียมอาหารแต่เช้า โดยมีลูกมือเป็นเด็กหนุ่มหัวเกรียนข้างบ้าน

“แล้วเราจะไม่ไปเรียนสายเหรอ อ๋อง” ธนูปิ้งขนมปังไว้ในเครื่อง ก่อนจะหันมาตอกไข่ใส่กะทะ อ๋องคอยดูขนมปังและช่วยหั่นมะเขือเทศกับแตงกวามาแต่งในจาน

“ไม่เป็นไรหรอกพี่นู ปีสุดท้ายแล้ว ไม่ค่อยมีเรียน มีแต่เรียนพิเศษข้างนอกมากกว่าฮะ” คนตัวเล็กตอบอย่างอารมณ์ดี เด็กมัธยมเปิดเทอมไปก่อนหน้าพวกเขาแล้ว ปีนี้อ๋องอยู่ชั้นม.6 กำลังย่างเข้า 18 ปีในอีกเดือนสองเดือนนี้

ธนูคลี่ยิ้ม “งั้นเดี๋ยวพวกพี่ไปส่งเราที่โรงเรียนด้วยแล้วกัน น่าจะทันคาบแรกพอดี”

“ไม่เป็นไรก็ได้พี่นู ผมนั่งรถสองแถวไปแค่นี้เอง” อ๋องส่ายหน้า แต่ธนูแค่กดหน้าลงขมวดคิ้วนิดๆ ก็ไม่กล้าปฏิเสธแล้ว

เล่นทำหน้าดุเหมือนเอ็นดูเด็กตัวเล็กๆ แบบนั้น อ๋องก็เขินน่ะสิ

คันศรเดินลงมาจากชั้นสองหลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ สายตาเหลือบมองกระเป๋าใส่ไวโอลินกับไม้กลองตรงข้างประตูหน้า ก่อนจะหันหน้าไปทางครัว ที่เปิดประตูทิ้งไว้ตลอดเวลา

เด็กหนุ่มร่างเล็กหัวเกรียนที่คันศรเคยเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ และมักจะติดเขาแจจนอายุป่านนี้ ตอนนี้เหมือนจะหันไปติดพี่ชายหน้าเหมือนของเขาเสียแล้ว

“ไง ไอ้อ๋อง” คันศรเดินเข้าไปขัดสองคนที่กำลังคุยกันกระหนุงกระหนิงหน้าเตา พลางเลื่อนเก้าอี้ลงนั่ง

อ๋องรีบหันไปหา พร้อมรอยยิ้มหวานยามเช้า

“พี่ศร วันนี้พี่นูสอนผมทำอาหารเช้าแบบฝรั่งล่ะ”

คันศรมองจานอาหารเช้าที่อ๋องวางลงบนโต๊ะ เป็นขนมปังปิ้งเกรียมนิดๆ แฮม ไส้กรอก สแครมเบิ้ลเอ้ก (ไข่คน) ผักแซมนิดหน่อย กับนมสด

“ให้กูเดานะ ไอ้ไข่นี่ พี่กูทำ ส่วนมึงแค่หั่นผัก”

“แค่นี้ก็ดีแล้วพี่ หรือพี่อยากกินไข่ไหม้” คนตัวเล็กหน้างอนิดๆ เพราะคันศรชอบแกล้งแหย่ประจำ บางทีก็ชวนให้หงุดหงิด แต่ไม่เคยไม่ชอบ

“อ่ะ ชิมๆ มะเขือเทศที่ผมหั่นน่ะสดมากๆ เลยน้า” อ๋องเอาส้อมจิ้มมะเขือเทศไปจ่อตรงปากของคันศร ซึ่งคนตัวโตก็งับเข้าปากแบบไม่คิดมาก

ธนูที่กำลังจะนั่งลงข้างๆ อ๋อง ชะงักไปเล็กน้อย เขาพอจะได้ยินมานิดหน่อย ว่าอ๋องกับคันศรสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว น่าจะช่วงที่แม่พาย้ายมาแถวนี้ เมื่อ 5-6 ปีก่อน ถือว่านานพอสมควร

และหากว่าเขาไม่ได้หน้าตาเหมือนกับคันศร เด็กคนนี้จะยังสนิทสนมกับเขาด้วยหรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจ

มือเรียวสวยของธนูแตะลงบนขอบเอวเล็กๆ ของอ๋อง ที่ยืนโก่งโค้ง เอาศอกท้าวบนโต๊ะกินข้าว ตบเบาๆ เพื่อเตือน

“นั่งดีๆ สิครับ”

เด็กหนุ่มหัวเกรียนสะดุ้งตกใจ รีบขอโทษธนูก่อนจะนั่งลงให้เรียบร้อย โดยที่นิ้วมือเรียวสวยพวกนั้นยังเกาะอยู่กับเอว

แล้วไม่รู้ทำไม คิ้วของคันศรถึงต้องขมวดปม ตอนที่เห็นท่าทางแบบนั้นของพี่ชาย


***

มัวแต่คิดเรื่องนี้จนลืมเรื่องเก่าเลย จะพยายามสปาร์คให้ติดน้า หลังทำงานเสร็จ หัวมันอื้อ นึกถึงแต่งาน เลยมีแต่เรื่องพี่ๆ น้องๆ เต็มหัว 55

คืนนี้พอละ ปมปัญหาของเด็กๆ ไม่มีไรมากหรอก น่าจะพอเดากันได้มั้งนะ
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 14-10-2020 06:15:58
ฺอ๋องนี้คือนายเอกคนเดียวเหรอ (แอบเชียร์พี่ชาย สู้ๆ)  :hao3:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 2
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 14-10-2020 13:27:33
3
“จอดนี่แหละ แล้วเย็นนี้ เลิกกี่โมง เอาตารางเรียนนายมาไว้ที่ฉันเลยก็ได้” พี่ชายออกปากสั่งรัว จนคันศรทำตามแทบไม่ทัน การมีธนูอยู่ด้วยมันก็ไม่เหงา และเหมือนมีแม่อีกคนอย่างบอกไม่ถูก

“ส่งไลน์ไปให้ละกันตารางอ่ะ เย็นนี้ช้านะ มีกิจกรรมรับน้อง ต้องไปดูหน่อยว่าปีนี้เป็นไงมั่ง เพิ่งยกเลิกว้ากปีแรก อาจจะไม่ค่อยเป็นระเบียบ”

“อืม มาถึงก็โทรบอกแล้วกัน ฉันเองก็มีซ้อม”

“ซ้อมดนตรีเหรอ มึงมีวงของตัวเองด้วยเปล่าวะ” คันศรรู้สึกสนใจชีวิตของพี่ขึ้นมานิดหน่อย คนหน้านิ่งๆ ขรึมๆ เวลาเล่นดนตรี จะเล่นออกมาเป็นแบบไหน

“มี”

“โห เจ๋งเว้ย ไว้ให้ดูตอนเล่นสดมั่งดิ หรือมีลงยูทูปไรงี้มั้ย ชื่อวงไรวะ”

“ไว้จะส่งให้ในไลน์ รีบไปเรียนได้แล้ว” ธนูตัดบทก่อนจะก้าวลงจากรถ ไม่มีการโบกมือลา หรือรอยยิ้มส่ง แค่เอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าไวโอลินกับไม้กลองที่เบาะหลังแล้วเปิดประตูลงจากรถ ปิดประตูแล้วก็เดินไปที่ตึกคณะดุริยางค์เลย

คันศรยักไหล่กับตัวเองพลางมองแผ่นหลังของพี่ชายที่เดินไกลออกไป จนขึ้นบันไดตึกคณะไปแล้ว จึงออกรถไปมหาวิทยาลัยของตัวเองบ้าง

ธนูเดินขึ้นบันไดไปถึงโต๊ะไม้ยาวที่มีกลุ่มเพื่อนนั่งรออยู่ ส่วนมากจะเป็นผู้ชายเกือบ 20 คน มีผู้หญิงประปราย 5-6 คน

“ไอ้นู มึงให้ใครเอารถไปใช้วะ” เสียงใครสักคนดังขึ้น ทำให้ทุกคนสนอกสนใจขึ้นมา

“หรือมึงมีแฟนใหม่แล้ว! หล่อมั้ยๆ” มีนา เพื่อนสาวในกลุ่มของเขาตาวาวด้วยความสนใจ เพราะคนควงของธนูไม่เคยมีที่ไม่หล่อ แต่ละคนทำเอาผู้หญิงแถวนี้นั่งน้ำลายหกมาแล้วหลายราย

“...” ธนูอ้าปากเหมือนจะพูด แต่ก็หุบปากไว้แล้วนิ่วหน้านิดๆ ก่อนจะนั่งลง วางกระเป๋าไวโอลินบนโต๊ะ แล้วถือแค่ไม้กลองมาเคาะโต๊ะเป็นจังหวะเล่น

“อะไร มึงอย่าแดกจุด ทำไมไม่ให้เขาลงมาให้เพิ่ลๆ ดูตัวหน่อย ว่าหล่อมั้ย” หนุ่ย เพื่อนผู้ชายที่นั่งข้างๆ มีนาแง้มหน้ามาขอแจมบ้าง

“น้อง”

“หา?”

“นั่นน้องผมเอง” กว่าธนูจะเฉลยได้ พอได้ยินอย่างนั้น เพื่อนๆ ก็เซ็งเป็นแถบ โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิงที่อยากเห็นคนหล่อ

“อ๊ะ แต่น้องมึงก็ต้องหล่อเหมือนพี่สิวะ มาให้เจอเลยๆ” มีนางอแงเกาะแขนเขา

“ใช่ๆ ไม่เคยเจอน้องมึงเลย เห็นว่าแยกกันอยู่ตั้งนานแล้วนี่” เพื่อนเก่าสมัยมัธยมอย่าง พีท ก็พอจะจำเรื่องของธนูได้ ธนูเคยพูดถึงน้องชายนานๆ ครั้ง

“ไว้เย็นนี้น้องมารับ จะแนะนำแล้วกันครับ” เขาเอ่ยอย่างเสียไม่ได้ ในเมื่อต้องให้มารับส่งทุกวันอยู่แล้ว ไม่มีทางรอดพ้นสายตาของเพื่อนๆ ไปได้

“แล้วไอ้พี่อะไรนะ พี่อิฐ ที่มึงคั่วๆ อยู่ก่อนปิดเทอมอ่ะ เลิกแล้วเหรอวะ”

“อืม” เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องงานเฟรชชี่ไนท์ที่ต้องขึ้นแสดงดนตรีสดกับเพื่อนที่ทำวงด้วยกัน

***

ทางด้านคันศร ตอนที่ขับรถของพี่ชายไปจอดหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อนๆ ก็สนอกสนใจไม่แพ้กัน แต่พวกที่เคยเจอกับธนูที่บ้านของคันศรแล้ว พอจะจำได้ว่าคุณพี่ชายหน้านิ่งคนนั้นมีรถหรูมาด้วย

“ตกลงพี่มึงมาอยู่บ้านมึงถาวรเลยเหรอ งี้ก็อดปาร์ตี้แล้วสิวะ โธ่” แทนทัพโพล่งขึ้นอย่างเสียดาย

“แต่ก็ดีแล้วนี่ เพราะไอ้ศรจะได้ไม่เหงา” เท็น เพื่อนอีกคนที่อยู่ด้วยวันนั้น แม้จะเมาหนักไปหน่อย ก็ยังพอจำพี่ชายของเพื่อนได้แม่น ก็หน้าเหมือนกันขนาดนั้น

“แต่จริงๆ พี่มึงก็อายุเท่ากันนี่หว่า”
“ไอ้ศรมีแฝดเหรอวะ”
“โห หน้าอย่างนี้มีสองคน ไม่เหลือที่ให้คนหน้าตาบ้านๆ ได้มีที่ยืนเลยครับเพื่อน”

“พอเหอะ เลิกพูดเรื่องมันก่อน” คันศรที่นั่งฟังอยู่นานแล้ว ต้องเบรคเพื่อนๆ ก่อนจะยาวกว่านี้ เขาเบื่อกับเรื่องของพี่ชายเต็มที

“มึงไม่ค่อยโอเคเหรอวะ แต่ก็นะ เป็นกูก็คงแปลกๆ เห็นคนหน้าเหมือนตัวเองทุกวัน” แทนทัพพูดกลั้วหัวเราะ พลางหยิบขนมบนโต๊ะหินมากิน เจ้าของขนมอย่างเท็นก็มองตาม

“ชิ้นสุดท้ายของกู ไอ้เหี้ยแทน”

“แล้วแบบนี้พวกกูต้องเรียกเขาว่าพี่มั้ยวะ หรือเรียกเหมือนเพื่อนกัน แต่พี่มึงสุภาพมาก จนพวกกูไม่กล้าเล่นเลย” แทนทัพไม่สนใจคนข้างๆ ที่ยื่นมือมาจะแย่งขนม เพราะชิ้นสุดท้ายในถุงเข้าปากไปเรียบร้อยแล้ว เท็นสบถอย่างหงุดหงิด ตีแขนแทนทัพไปทีด้วยความโมโห แต่แล้วทั้งโต๊ะที่กำลังพูดคุยเรื่องแฝดก็ต้องสะดุ้งหน้าซีดเผือด เมื่อคันศรทุบโต๊ะดัง ปัง! แล้วลุกขึ้นหน้าถมึงทึง

“กูบอกให้พวกมึงเลิกพูดเรื่องมันไง! ใครพูดอีก กูต่อยปากแหก”

“โอเคครับพ่อ” แทนทัพเป็นหน่วยกล้าตาย ส่งเสียงขานรับเบาๆ อย่างหวาดๆ ไป

***

เกือบ 2 ทุ่มครึ่งกว่าที่รถมาเซราติสีดำคันหรูจะมาจอดหน้าคณะดุริยางค์

“ช้าชะมัด” พี่ชายยืนกอดอก นิ่วหน้าใส่ เมื่อเห็นคันศรเดินขึ้นบันไดมา ยังมีเพื่อนๆ หลายคนนั่งอยู่แถวนั้น เพราะเพิ่งเลิกซ้อมดนตรี แต่มันค่อนข้างมืด เลยมองหน้าคนน้องไม่ค่อยชัดกัน จนคนตัวสูงใหญ่ขึ้นมาถึงบนตึก ทุกคนถึงกับตาโตด้วยความแปลกใจ เพราะรู้แค่เป็นน้อง แต่ไม่รู้ว่าเป็นแฝด

“นี่เพื่อนฉันเอง แนะนำกันเองแล้วกัน” ธนูเบี่ยงตัวหลบ ให้คันศรทักทายคนอื่น

“สวัสดีครับ” คันศรยิ้มให้ทุกคนแบบเร็วๆ เพื่อนของธนูต่างยิ้มรับ

“แล้วจะกลับเลยป่ะ หรือต้องรอเพื่อนมึงทำอะไรอีก” เพราะเห็นบางคนยังนั่งดีดกีตาร์ เคาะไม้กลองกันอยู่ ก็เลยสงสัย

แต่ธนูส่ายหน้า “ไปเลย”

“อ้าว? ไม่ไปแดกเหล้าแถวนี้หน่อยเหรอวะนู ให้น้องไปด้วยได้นะ” พีทปรี่เข้ามากอดคอ

“มันจะสามทุ่มแล้ว กว่าจะถึงร้าน กว่าพวกคุณจะเมา กว่าจะกลับก็คงเกินเที่ยงคืน แล้วพรุ่งนี้ผมมีเทสต์เช้า” ธนูตอบหน้านิ่ง เหลือบตามองพีทที่คบมานาน จนรู้นิสัยกันดี ว่าถ้าไม่ก็คือไม่ พีทยิ้มเจื่อนๆ มองหน้าน้องชายฝาแฝดของเพื่อนที่ดูน่าจะเป็นมิตรกว่านิดหน่อย

“งั้นให้นูกลับไปคนเดียว ขอตัวน้องไว้ได้มั้ยวะ ชื่อไรนะน้องมึงอ่ะ”

“คันศร” คนน้องรีบตอบให้ เพื่อนของพี่ชายก็ดูไม่ได้มาดคุณชาย สุภาพเรียบร้อย เผลอๆ จะห่ามพอๆ กับเพื่อนของเขาด้วยซ้ำ เลยไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่ แต่ธนูก็ยังคงความสุภาพเสมอต้นเสมอปลาย ไม่รู้คุยกันรู้เรื่องได้ยังไง

“คันศร? เฮ้ย ชื่อเหมือนกันไปอีก เออๆ ศรไปกับพวกกูดิ วงไอ้บิวมีเล่นสดที่ร้านคืนนี้ด้วย” พีทเปลี่ยนไปกอดคอคนน้องแทน ตีสนิทได้รวดเร็วมาก

“แต่พี่กู...” คันศรเหลือบตามองหน้าพี่ชาย แต่ธนูก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเป็นพิเศษ แค่ถอนหายใจเบาๆ

“ตามใจ เดี๋ยวฉันขับรถกลับเอง” ธนูตอบเสร็จ ก็หยิบกระเป๋าไวโอลินกับไม้กลอง รับรีโมทคืนจากคันศร และก่อนจะเดินไปที่รถ ก็กำชับเพื่อนให้ดูแลน้องชายให้ดีๆ ด้วย

ธนูปล่อยให้คันศรไปกับพวกพีท และตรงกลับบ้านเลยทันที โตๆ กันแล้ว เขาไม่ค่อยห่วงชีวิตของคันศรมากนัก แค่พยายามให้อยู่ในร่องในรอยขึ้นมาบ้างก็พอ จากครั้งแรกที่เจอ ก็เหมือนจะเป็นแค่ปาร์ตี้เพื่อให้ลืมเรื่องเศร้าๆ ไม่ใช่ว่าชอบดื่มชอบเที่ยวเป็นกิจวัตร ส่วนเรื่องชีวิตรัก หรือคันศรจะไปทำอะไรที่ไหนกับใคร ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องยุ่ง

“พี่นู!” พอเห็นรถหรูมาจอดเทียบในบ้าน เจ้าลิงน้อยก็โผล่มาจากตรงกำแพงข้างบ้านทันที ธนูหันไป พลันต้องตกใจ รีบวิ่งไปรับคนตัวเล็กที่ปีนข้ามรั้วบ้านมา แล้วรั้วก็สูงเกือบ 2 เมตร ไม่ใช่เตี้ยๆ

ตุ้บ

“โอ๊ะ” อ๋องอุทานเบาๆ ตอนที่ร่วงปุลงในอ้อมกอดของพี่ชายตัวสูง แล้วก็เงยหน้าขึ้นยิ้มแหะๆ

“ขอบคุณนะพี่นู”

“ทำไมทำอะไรอันตรายแบบนี้ครับ ถ้าหล่นมาแข้งขาหัก พี่ก็ต้องรู้สึกผิดกับคุณแม่ของอ๋องไปด้วยนะ” ธนูอดไม่ได้ที่จะดุเจ้าลิงจอมซน ไม่รู้ว่าทุกทีที่โผล่มาบ้าน เข้าทางประตูหรือปีนมาแบบนี้ตลอด

แต่อ๋องก็ได้แค่ยิ้มแหยๆ “ก็ขี้เกียจวิ่งอ้อมไปหน้าบ้านอ่า เดี๋ยวไม่ทันพี่นูเข้าบ้าน แล้วพี่ศรล่ะครับ”

เขากะแล้วล่ะว่าจะต้องมาถามหาไอ้น้องชายขี้โวยวายนั่น อยากจะถอนหายใจ แต่ก็ทำได้แค่ในใจ

“ศรคงกลับดึกๆ น่ะครับ ไปกับเพื่อน...” ของพี่ เขาละไว้ ก่อนจะพาอ๋องเข้าบ้าน “ว่าแต่เรามาหาศรทำไม จะให้สอนการบ้านอะไรหรือเปล่า”

“ก็มีพวกชีวะ กับเลข ผมไม่ถนัดเลย” อ๋องหยิบสมุดที่เหน็บไว้กับกางเกงออกมาให้ดู

“งั้นให้พี่สอนแทนได้มั้ย” ธนูยิ้มหวาน

“จริงเหรอ พี่นูก็สอนได้เหรอ เห็นพี่เป็นนักดนตรี ผมนึกว่าเรียนพวกศิลป์มาซะอีก” อ๋องตาวาว รีบวิ่งไปนั่งรอที่โซฟา กางสมุดการบ้านลงบนโต๊ะกระจก

“พี่เรียนวิทย์คณิตมา ถึงไม่ได้ใช้นานแล้ว แต่ก็คงพอช่วยได้นิดหน่อยน่ะ” ธนูนั่งลงข้างๆ อ๋อง ช่วยดูการบ้านให้ สมัยม.ปลายเขาถนัดเลขพอดี แต่ชีวะอาจจะจำได้ไม่เยอะมาก

ระหว่างที่ธนูช่วยอธิบายการบ้าน อ๋องก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ มีเหลือบๆ มองใบหน้าด้านข้างของแฝดคนพี่เป็นระยะ

“พวกพี่นี่ ดูยังไงก็เหมือนกันเนอะ”

“เหรอครับ” ธนูยิ้มแกนๆ คนอื่นทักไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่ไม่ชอบให้อ๋องทักแบบนี้เท่าไหร่ แต่เจ้าตัวเล็กคงไม่รู้เรื่องด้วย อยู่กับเขาทีไร พาลจะวกเข้าเรื่องอีกคนตลอด จากสายตาเวลาที่อ๋องมองคันศร ก็พอรู้ว่าทั้งปลาบปลื้มชื่นชม และ...

รัก

“เหมือนตรงไหนบ้าง ลองดูดีๆ อีกทีสิ”

อ๋องผงะ เขยิบก้นหนีแฝดพี่ที่จู่ๆ ก็หันมายิ้มหวาน เอามือท้าวบนโซฟาแล้วโน้มตัวลงให้หน้าใกล้ๆ กัน ทำเอาอ๋องใจสั่น เพราะใบหน้าเหมือนกับคันศร แต่อ่อนโยนกว่าหลายเท่า พอคิดว่าเวลาคันศรมองด้วยแววตาอ่อนโยนจะเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งเขิน

“ฮื้อออ พี่นูอย่าแกล้งดิ” มันใกล้มากเกินไป จนอ๋องต้องยกแขนขึ้นดันแผงอกของอีกคนไว้ เขินจนหน้าร้อนไปหมด

“หน้าแดงแจ๋เลย” ธนูยิ้มขำ

“ก็พี่นูอ่ะ มามองแบบนั้น ด้วยหน้าเหมือนพี่ศร” อ๋องหรุบตาลงมองมือของธนูที่จับมือซ้ายของตนไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ มือของธนูเรียวสวยกว่าของคันศร แถมยังอุ่นมากด้วย แต่ตรงนี้เทียบกับของคันศรไม่ได้ เพราะอ๋องไม่เคยจับมือกับคันศรแบบนี้

ธนูมองหน้าแดงๆ ของคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกเอ็นดู ครั้งแรกที่เจอก็คิดอยู่ว่าน่ารักดี ดูซนๆ เหมือนลิง ลุกลี้ลุกลนตลอดเวลา แถมชอบทำหน้าเหวอใส่

แต่สิ่งหนึ่งที่มันติดค้างในใจมาเกือบ 3 อาทิตย์ตั้งแต่เจอกัน ก็คือ...

ธนูกลืนน้ำลาย ก่อนจะเค้นคำคำนั้นออกมาจากลำคอ

“อ๋องชอบศรเหรอ”

***

ในผับที่พวกพีทพาคันศรมาเที่ยว แฝดน้องค่อนข้างชินกับสถานที่แบบนี้อยู่แล้ว เสียงดนตรี กลิ่นบุหรี่ กลิ่นเหล้า และผู้คนมากมายท่ามกลางแสงไฟสลัว

“วู้ววว เยี่ยมเลยว่ะไอ้ศร มึงแม่งสุดยอด 3 ขวดรวดยังไม่เมา” พีทเข้ามากอดคอยกแก้วเหล้ากระดกเอาๆ คันศรก็มองตาม แล้วยกแก้วตัวเองกรอกลงคอบ้าง

“นี่ใคร นายคันศรนะเว้ย ต่อให้เป็นถังกูก็ไม่เมา” คันศรหัวเราะลั่น สนิทกับเพื่อนๆ ของพี่ชายได้เป็นอย่างดี คุยกันถูกคอเหมือนคบกันมานานหลายปี

“เออๆ กูรู้ มึงแม่งเจ๋งสุด แดกเข้าปายยย” พีทหัวเราะตาม “ว่าแต่ อยู่กับไอ้นูเป็นไงมั่ง มันเจ้าระเบียบฉิบหายเลยป่ะ”

“ก็นิดหน่อยว่ะ มันเหมือนแม่กูเลย ฮ่าๆ”

“แหงล่ะ ก็ลูกแม่มึงนี่” แล้วสองคนก็หัวเราะ พลางกระดกเหล้าเข้าปากเรื่อยๆ ตั้งแต่มีธนูมาอยู่ด้วย รู้สึกชีวิตของคันศรมีสีสันขึ้นมาก หายเศร้าไปได้บ้าง แม้ในใจจะยังคิดถึงแม่ แต่พอมองพี่ชาย ก็คล้ายๆ กัน คล้ายตรงนิสัยจู้จี้ขี้บ่นนั่นแหละ

ดื่มไปคุยไร้สาระไปสักพัก วงของเพื่อนของธนูที่บอกจะแสดงที่ร้านก็ขึ้นเล่น เป็นวงที่มีนักร้องนำเป็นผู้หญิง รู้สึกจะชื่อ เป้ย หน้าตาน่ารักแบบหมวยๆ หน่อย ผิวก็ขาวสวย ทำให้คันศรรู้สึกสนใจนิดหน่อย ว่าจะให้พีทแนะนำให้รู้จัก แต่ระหว่างดูการแสดงและรอสาวเป้ยลงจากเวที ก็เกิดอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาก่อน เขาเลยตบบ่าพีทที่เริ่มเมาหนัก

“เฮ้ย พีท เดี๋ยวกูมานะ ปวดฉี่ว่ะ”

“เออๆ” พีทครางงึมงำตอบในคอ จนคันศรอดห่วงไม่ได้ เด็กวิศวะอย่างพวกเขาก๊งเหล้ากันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่พวกนี้น่าจะไม่ได้เมาบ่อย เพราะต้องประคองสติไว้เล่นดนตรี

“นั่งดีๆ เว้ย” ก่อนไป ก็ช่วยจับพีทนั่งตรงๆ แล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยววงของเป้ยจะเล่นเสร็จก่อน เขารีบทำธุระจนเสร็จเรียบร้อย เดินสะบัดมือออกมาจากห้องน้ำ พลันได้ยินเสียงเรียกดังแทรกเสียงเพลงเพราะๆ ของเป้ย

“ธนู!”

***

ใครมา!
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 3 [14.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 14-10-2020 18:20:01
ฟินอ่ะ อิจฉาอ่องเลย   :hao6:
ชอบคนน้องนะ

หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 4 [14.10.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 14-10-2020 20:39:12
มาอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม คือเราเป็นพวก ถ้าปล่อยค้าง จะลืมพลอต555
จดไว้นะ แต่มันจะแต่งต่อยากกว่าออกมาเรื่อยๆ ต้องบิ้วนานถ้าค้างนาน
มีคนเชียร์ทั้งพี่ทั้งน้องเลย แต่นายเอกนี่ใครน้า ใครหว่า ใครอ่ะ ไม่รู้อะ

4
ตอนอายุ 12 ปี พ่อก็เลิกส่งเงินมาให้ แม่เริ่มทำงานหนักขึ้น จนแทบไม่มีเวลาให้ ทั้งงานประจำ ทั้งร้านดอกไม้ พออายุย่างเข้า 14 ปี แม่ก็พาผู้ชายแปลกหน้าวัย 20 กว่าๆ มาที่บ้าน อายุมันห่างจากแม่ตั้ง 11 ปี แทบจะเป็นพี่ชายของเขาได้เลย แต่แม่กลับจะให้เขาเรียกมันว่าพ่อ

“นอนเกะกะไอ้เด็กเวร ลุกไปทำกับข้าวทีดิ แม่มึงไม่อยู่” ติณ พ่อเลี้ยงของคันศรเอาเท้ามาเตะเข้าที่น่องของเขาแรงๆ หลายที จนคันศรที่นอนกลางวันอยู่หน้าโซฟาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา

“พี่ก็ทำเองดิ” เพราะมันกระดากปากที่จะเรียกว่าพ่อ ก็เลยให้ได้แค่นี้ ไม่อยากให้แม่รู้สึกแย่ เวลาแม่อยู่บ้าน มันชอบเอาอกเอาใจ ทำตัวเหมือนเป็นคนดีเต็มประดาจนน่าหมั่นไส้ แต่พออยู่กับเขาสองคน ก็ชอบหาเรื่องกวนประสาท

ติณถลึงตา “เอ้า ไอ้นี่ มึงเป็นลูก ก็ต้องไปทำให้พ่อให้แม่แดก เร็วๆ เอาอะไรง่าย ไข่เจียวก็ได้ กูหิวมาก แม่งเล่นเสียอีกวันนี้ หัวร้อนเว้ย”

คันศรหงุดหงิด นั่งเกาหัวเกาพุงหาววอดๆ ไม่ยอมลุกไปทำกับข้าวให้ติณกิน จนพ่อเลี้ยงชักไม่พอใจมากกว่าเดิม

“ยังนิ่งอีก กูไม่ได้ใจดีเหมือนแม่มึงนะ ไม่ทำกูตีตายแน่” มันทำท่าจะหยิบไม้แขวนเสื้อมาฟาดขาของคันศร เด็กหนุ่มที่ตอนนั้นตัวเล็กนิดเดียว ยังสู้อะไรติณไม่ได้ เลยโดนตีประจำ

“โอ๊ยๆ ทำแล้วๆ แค่ไข่เจียวนะ ผมทำอย่างอื่นไม่เป็น”

ยิ่งนานวัน ติณก็ยิ่งชอบหาเรื่องคันศร คงเพราะคันศรเป็นเด็กหน้าตาดี ใครๆ ก็รักใคร่ มีเพื่อนผู้หญิงมาเที่ยวที่บ้านก็บ่อย

“เราว่า พ่อเลี้ยงของศรเขามองเราแปลกๆ อ่ะ น่ากลัว” ตอนนั้นคันศรเพิ่งมีแฟนคนแรก คบกันมาสามสี่เดือนก็พามาเที่ยวที่บ้าน เพราะไม่มีคนอยู่ แต่วันนั้นติณดันกลับบ้านเร็ว คงเสียพนันมาอีกตามเคย นอกจากหงุดหงิดใส่แล้ว ยังมามองแฟนของเขาด้วยสายตาลวนลาม

“ไม่ต้องคิดมากนะ ไว้เราไปที่อื่นกันก็ได้” เขาปลอบแฟนสาว พอหล่อนกลับบ้านไปแล้ว พ่อเลี้ยงก็เดินเข้ามาคุยกับคันศรที่นั่งดูทีวีอยู่

“น่ารักดีนะ ได้เอายังวะ”

“ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่นี่” คันศรเหลือบตามองมันที่ยืนอยู่ข้างๆ มันเอามาสะกิดจนน่ารำคาญ

“หรือมึงทำไม่เป็นล่ะ แหม ทำตาขวาง ทำไม่เป็นก็บอก กูสอนให้ได้”

“เสือก” เขาหลุดคำหยาบกับมันจนได้ ไอ้พ่อเลี้ยงเดือดจัด กระชากคอเสื้อเขาแล้วเหวี่ยงลงบนพื้น แขนซ้ายกระแทกกับโต๊ะกระจกแบบเฉียดๆ แต่ก็เจ็บไม่น้อย

คันศรพยายามหยัดตัวลุกขึ้นจ้องมันเขม็งด้วยความโกรธ

“อย่ามาปีนเกลียวไอ้เด็กเวร! ปากดีแบบนี้ ต้องกระทืบสั่งสอนหน่อย เดี๋ยวแม่มึงจะหาว่ากูไม่ดูแล” มันยื่นมือกระชากคอเสื้อของเด็กหนุ่มจนตัวลอยขึ้น เสียเปรียบทั้งร่างกายและแรง คันศรตอนนั้นสู้พ่อเลี้ยงไม่ได้ เลยโดนมันต่อยเข้าที่ท้องจนจุกไปหมด แต่มันไม่ทำที่หน้า เพราะแม่ของเขาจะรู้

เขาพยายามปัดมือปัดขาของมัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก ท้องถูกต่อยหลายทีจนรู้สึกเหมือนได้กลิ่นสนิมเหล็กที่ปาก ขาก็ชาไปหมด สุดท้ายมันคว้าบุหรี่ที่อยู่ในจานเขี่ยบนโต๊ะมาบี้ใส่ต้นแขนของเขา ความกลัวและความเจ็บปวดในวันนั้น ทำให้เขาต้องพยายามกัดฟันพูดเพราะๆ กับมัน ต้องยอมร้องไห้ขอโทษมัน กว่ามันจะยอมปล่อย

“โอ๊ยยยย พอแล้ว ผมเจ็บนะ ผมจะไม่พูดแบบนั้นแล้ว ผมขอโทษ”

“คราวหน้ากล้าปากดีกับกูอีก มึงจะโดนหนักกว่านี้แน่” มันขู่ก่อนจะโยนก้นบุหรี่ร้อนๆ ทิ้งลงบนพื้น แล้วเตะเข้าที่ลำตัวของเขาอีกที ก่อนจะเดินหายไปที่ชั้นบน

หลังจากนั้น แม่ก็รู้เรื่อง แต่เขาห้ามแม่ไม่ให้ไปพูดเรื่องนี้กับมัน เขาบอกให้แม่เลิกกับมัน แต่แม่ก็ไม่ทำ จะด้วยเหตุผลอะไรเขาก็ไม่รู้หรอก แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ส่งเขาไปเรียนศิลปะป้องกันตัว มีเรื่องต่อยตีกับพ่อเลี้ยงอีกเป็นปีๆ จนถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลกันทั้งคู่ คนหนึ่งหน้าบวมเจ่อ อีกคนกระดูกหัก ซึ่งตอนนั้นคันศรตัวใหญ่ขึ้นแล้ว คนที่กระดูกหักจึงไม่ใช่เขา หลังจากนั้นมา ก็พอจะอยู่กันอย่างสงบได้บ้าง

***

“ธนู!”

คันศรเหลือบตามองรอบๆ เพราะได้ยินเสียงคนเรียกชื่อธนู ไม่คิดว่าเรียกตัวเองแน่ๆ แต่ธนูก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เสียหน่อย กว่าจะรู้ตัวว่าคนเรียกเรียกใคร ก็ตอนที่หญิงสาวผมยาวสยายในชุดเกาะอกสีดำเดินเข้ามาตรงหน้า

เขาหรุบตาลงมองก้อนเนื้อสองก้อนที่ทะลักล้นออกมานั่นพลางกลืนน้ำลาย

นี่ไอ้นูมีรสนิยมแบบนี้เองเหรอวะ!

“ธนู ทำไมไม่กลับบ้านเลย พี่เป็นห่วงนะคะ” หญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงกลางหลังยกมือขึ้นลูบแก้มของเขาเบาๆ คันศรรู้สึกขนลุกซู่ซ่าขึ้นมาทันที เห็นสาวทรงโตโชว์อึ๋มขนาดนี้ตรงหน้า ผู้ชายที่ไหนจะไม่รู้สึกอะไร แต่เขาก็พยายามเก็บอาการสุดชีวิต

“เอ่อ ผมว่า...พี่น่าจะทักผิดคนนะครับ”

“อย่ามาอำพี่เล่นสิคะน้องธนู เราสนิทกันตั้งหลายครั้งแล้วน้า พี่จำไม่ผิดคนหรอก เนี่ยคิดถึงมากเลย” หญิงสาวกอดแขนของคันศรแนบอก เขาตัวเกร็งผึงทันที เหงื่อเริ่มตก เพราะนอกจากเธอจะไม่ยอมสังเกตให้ดีๆ ว่าผมมันคนละทรงแล้ว ยังกอดแนบแน่น

แล้วไอ้ที่บอกสนิทกันหลายครั้ง คืออะไรวะไอ้นู!

“เสาร์อาทิตย์ก็แวะไปที่บ้านมั่งนะธนู หรือไปที่คอนโดพี่ก็ได้ รู้ว่าเปิดเทอม มีซ้อมดนตรีตลอด แต่พี่ก็คิดถึงไงคะ”

“เอ่อ...ขอโทษนะครับ แต่ผม...” ไม่ทันได้อธิบายอะไร สาวเจ้าก็โน้มคอเขาลงไปจูบแบบไม่ให้ตั้งตัว

“อื้อออ” คันศรพยายามจะดันร่างหญิงสาวออก เกิดมาเพิ่งเจอคนรุกแรงตัวแม่ขนาดนี้ แถมยังเล่นดีพคิสเลย งงก็งง แต่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี สาวเป้ยที่ตั้งใจจะจีบก็เดินลงมาจากเวทีแล้ว พอเห็นเขากำลังจูบกับพี่สาวคนนี้ก็มองยิ้มๆ แล้วเดินหันหลังให้

ให้ตายสิวะ ไอ้เหี้ยนู! มึงไปมั่วกับใครไว้มั่งเนี่ย!

“พี่ พี่ครับ ขอโทษที ผมไม่ใช่ไอ้นู!” คันศรผละออกมาจนได้ ไม่ใช่ว่าคล้อยตาม แต่แค่ไม่อยากผลักแรง พี่สาวตัวนิดเดียว กลัวจะหัก “ปล่อยก่อนนะพี่นะ ผมชื่อคันศร ไม่ใช่ธนู!”

“เอ๋? อะไรนะคะ” สาวเจ้าขมวดคิ้วฉับ

“พี่ดูดีๆ ดิ ผมไม่ใช่ธนู ผมเป็นน้องมัน”

“ธนู อย่าแกล้งอำกันสิ พี่ไม่เล่นนะ” เธอโวยวายหน้าแดงก่ำ แต่ก็พยายามเพ่งมองหน้าของเขาดีๆ อย่างที่บอก “เอ๊ะ อ้าว? นี่น้องชายของธนูเหรอ?”

“ครับ ผมชื่อคันศร”

“แล้วธนูล่ะคะ ธนูมาด้วยหรือเปล่า” หญิงสาวที่ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ไหนหันซ้ายหันขวา คันศรพ่นลมหายใจแรง คนที่เล็งไว้หายไปไหนแล้วไม่รู้ อุตส่าห์รอตั้งนาน ว่าจะให้พีทแนะนำให้รู้จัก เพื่อนของธนูมีแต่สาวน่ารักๆ ทั้งนั้นด้วย ไม่ทำความรู้จักไว้ก็เสียดายของ แต่จริงๆ พี่สาวคนสวยตรงหน้าก็ดี แต่ยังไม่สเปคเท่าไหร่ แรงไป

“มันอยู่บ้าน ทีนี้พี่เข้าใจถูกแล้วนะครับ”

“คะ ค่ะ เข้าใจแล้ว โธ่ น่าอายจัง ขอโทษด้วยนะคะน้องคันศร” แม้จะเข้าใจแล้ว แต่ดูเหมือนเจ๊แกจะยังไม่ยอมปล่อยเขา เจ้าหล่อนกอดแขนสนิทแนบแน่น แถมยังจ้องมองเขาตาแทบไม่กะพริบ

คันศรก้มมองริมฝีปากที่ทาลิปสีแดงสดนั้นพลางเลียริมฝีปากตัวเอง

แรงไป แต่แค่เล่นๆ ชั่วครั้งชั่วคราว ก็ไม่เลว

“ถ้าพี่ไม่รังเกียจ คืนนี้อยู่กับผมแทนไอ้นูได้นะครับ”

***

คืนนั้น คันศรไม่กลับบ้าน

ธนูโทรหาพีทแต่เช้า เพราะฝากน้องไว้กับพีท แต่ดันหายหัวกันไปหมด ไม่มีใครโทรหรือไลน์บอกเลยสักคน ว่าคันศรไปไหนกับใคร

[เห็นมันหิ้วสาวที่ไหนไปไม่รู้ กูก็เมาๆ ว่ะ เห็นแต่หลังไวๆ]

ธนูนิ่วหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ “โอเคครับ งั้นผมไม่กวนคุณแล้ว”

[เออ โทษทีนะนู]

เขากดวางสาย หงุดหงิดนิดหน่อยที่คันศรทำตัวแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่าพี่จะเป็นห่วง อย่างน้อยแค่ไลน์มาบอกว่าไม่กลับ ก็ยังพอให้อภัย แต่นี่เล่นหายไปทั้งคืน ไม่ติดต่อมาเลย ถ้ากลับมา ต้องมีสวดกันหน่อย

นอกจากเรื่องน้องชายตัวดีแล้ว ก็ยังมีเรื่องเมื่อคืน...กับอ๋อง

เขาเผลอทำให้เด็กคนนั้นตกใจกลัวไปแล้ว ทั้งที่ไม่ควรจะทำแบบนั้นเลย

ทั้งที่รู้ว่าอ๋องชอบคันศร

Rrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดความคิดของเขาพอดี เป็นเบอร์ของคันศร

“อยู่ไหน”

เสียงแข็งจนปลายสายถึงกับสะอึก

[บ้านเพื่อน เดี๋ยวไปมอเลย คืนนี้ก็คงดึกนะ ไม่ก็ไม่กลับ]

“ทำอะไรก็ป้องกันดีๆ ด้วยล่ะ ระวังตัวด้วย” เขาเตือน เพราะพอจะรู้ว่าคันศรคงไม่ไปค้างบ้านเพื่อนเฉยๆ น่าจะมีกิจกรรมอื่นด้วย ไม่งั้นคงไม่หายเงียบไปขนาดนี้

[จ้าๆ ห่วงตัวมึงเองด้วยเหอะ อยู่บ้านคนเดียวไม่นอยนะเว้ย]

“หึ” ธนูหัวเราะในคอ ก่อนหน้านี้ใครที่สภาพดูไม่ได้ จนพี่ชายอย่างเขาต้องรีบถ่อมาอยู่ด้วยกัน แม้จริงๆ ที่ตามหาบ้านหลังนี้ เพื่อจะลี้ภัยก็เถอะ

“วันไหนจะกลับบ้านก็บอกล่วงหน้าล่ะ”

[ทำไม มึงจะพาสาวที่ไหนมานอนกกเหรอวะ ฮ่าๆ] เสียงหัวเราะของคันศร ทำให้ธนูรู้สึกตะหงิดๆ ในใจ เขายังไม่ได้บอก แต่คิดว่าอยู่ๆ ไป เดี๋ยวคันศรก็รู้เอง ว่าเขาเป็นอะไร

“ฉันไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก”

[ให้มันจริง เมื่อคืนกูเจอเด็กมึง โครตเด็ด คงไม่ใช่แฟนมึงเนอะ ดูแล้วมึงไม่น่าชอบแรงๆ แบบนี้]

นั่นไง มันมีอะไรจริงๆ ธนูนิ่วหน้าหนักกว่าเก่า

“ฉันยังไม่มีแฟน”

[ดีๆ กูก็เสียวๆ ว่าไปยุ่งกับคนของมึงแล้วจะมีปัญหา แต่เจ๊เขาบอกไม่เป็นไรไง ของแรงจริงไรจริง กูนี่เสียวสัสๆ เออ ไว้กลับบ้านค่อยคุยดีกว่า ทีหลังซุกเด็กที่ไหนไว้ บอกกูด้วยล่ะ เดี๋ยวเขามาทักผิดอีก กูจะได้อธิบายถูก]

“อืม” ธนูตอบได้แค่นั้น เพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ว่าคันศรพูดเรื่องอะไร ก่อนจะวางสายไป

ในเมื่อคันศรไม่อยู่ ธนูเลยต้องขับรถไปเรียนเอง พอตกเย็นพวกพีทก็ชวนให้ไปด้วย เพราะนัดกับกลุ่มของคันศรไว้ ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ นอกจากจะมีงานแสดง นานๆ ครั้งถึงจะยอมเข้าผับกับเพื่อน แต่พอคิดถึงหน้าของอ๋อง ที่วันนั้นเหมือนจะกลัวเขาและคงไม่กล้ามาหาอีกแล้ว เขาก็อยากจะไปคลายเครียดสักหน่อย ให้ลืมเรื่องคาใจพวกนั้นไป

ทางด้านคันศร ก็เตรียมไปกับพวกแทนทัพ และยังโทรไปบอกพี่สาวคนสวยให้ด้วย เพราะเห็นอยากเจอธนูเหลือเกิน

“โอเคครับพี่เพลิน เจอกันร้านเดิมครับผม”

“แหมๆ คุยกับสาวที่ไหนวะมึง หน้าระรื่น” ธันวาโผล่หน้ามากอดคอคันศร ชะโงกมองหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือของเพื่อนรักอย่างสนอกสนใจ “โห สวยอยู่นะมึง”

“เด็กพี่กูว่ะ เขาทักผิด กูเลยได้xxไปด้วย” คันศรยักคิ้วพลางทำนิ้วว่าได้เสียกันแล้ว

“เร็วไปมึงก็” ธันวาหัวเราะพลางตบหัวเพื่อนเบาๆ อย่างหมั่นไส้ “ไม่ตีกับพี่มึงใช่มั้ย”

“ไม่ๆ กูถามมันแล้ว มันบอกไม่ใช่แฟน ทางสะดวก”

“เออ ไว้แนะนำเพื่อนฝูงมั่ง” แล้วสองหนุ่มก็เหล่มองตากันอย่างรู้ทัน

และเพราะคืนนั้น สองแฝดไม่อยู่บ้านทั้งคู่ เจ้าตัวเล็กที่นั่งเกาะขอบหน้าต่างห้องนอนคอยมองแสงไฟในบ้านแฝดว่าเมื่อไหร่จะเปิด ก็ได้แต่รอจนผลอยหลับไป

***

เพื่อนๆ ของสองแฝดต่างเข้ากันได้ดีในเวลาอันรวดเร็ว เหมือนที่คันศรเข้ากับเพื่อนของธนูได้ดีมาก คันศรยืนคุยหัวเราะกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน มองดูเป้ย ที่พีทแนะนำให้รู้จักแล้วอยู่หน้าเวที ดวงตาของคันศรจับจ้องหญิงสาวร่างบางผมยาวสีทองมัดรวบเป็นหางม้า ที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที ด้วยแววตาเป็นประกาย

ส่วนธนู นั่งจิบเหล้าทีละนิดอยู่กับพวกพีทและธันวา เพราะคืนแรกที่เขาไปบ้านของคันศร ธันวาไม่อยู่ด้วย ก็เลยไม่ได้รู้สึกเกร็งอะไรกับพี่ชายเพื่อน กลายเป็นคุยกันถูกคอไปอีก

“ไอ้ศรแม่งกลับมาเป็นนักล่าเหมือนเดิมแล้วว่ะ” ผ่านไปร่วม 2 เดือน คันศรตอนนี้ดูหายเศร้าซึมเป็นปลิดทิ้ง แต่จริงๆ แล้วไม่มีใครรู้หรอก ว่าข้างในนั้นของมันก็ยังเศร้าเหมือนเดิม แค่พยายามที่จะไม่แสดงออกมา และคนที่สื่อความรู้สึกกับคันศรได้อย่างธนู ก็รู้ดีที่สุด แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันมานาน แต่บางเรื่อง แค่มองตาก็รู้แล้ว

“แต่ก่อนเจอสวยๆ น่ารักๆ หน่อยนะ เอาหมด” แทนทัพสมทบ พีทหัวเราะ พลางเหล่ไปทางคนพี่

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ แม่งโครตต่างกับพี่มัน”

ธนูเองก็เหล่มองพีทแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนจะลุกขึ้น

“ขอไปสูดอากาศข้างนอกแป้ป”

“อ้าว ไรวะ เพิ่งมาไม่ถึงชั่วโมงเอง” ธันวามองตามหลังธนูไป

“มันก็อย่างนั้นแหละ ปกติมาแค่เล่นดนตรี ไม่ค่อยชอบแดกเหล้าหรอก” พีทว่าพลางกระดกเหล้าเข้าปาก “บุหรี่ก็ไม่สูบ ผู้ชายในฝันของสาวๆ ฮ่าๆ”

“คือ เพราะหน้าเหมือนกันก็เลยคิดว่าจะเหมือนไอ้ศร แต่ก็ไม่เหมือนเลย” แทนทัพนึกภาพคืนแรกที่เจอกัน สีหน้าท่าทางของธนูออกแนวคุณชายสุดๆ ไม่มีคำหยาบหลุดอออกมาจากปากเลยสักคำ ทั้งที่แววตาตำหนิพวกเขา

“ก็คงเหมือนแค่หน้านั่นแหละ ฮ่าๆ” พีทยังหัวเราะไม่หยุด เหมือนจะสนุกอยู่คนเดียว จนอีกสองคนมองหน้ากันอย่าง งงๆ

ธนูเดินออกไปหน้าผับ หาที่นั่งคนเดียวเงียบๆ ตรงมุมตึก ตอนนี้ในหัวยังครุ่นคิด ว่าจะเข้าไปพูดคุยกับอ๋องยังไงดี เมื่อคืนทำให้อ๋องต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่มันหงุดหงิดที่อ๋องเอาแต่พูดถึงแฝดน้อง ทั้งที่คนที่นั่งข้างๆ คือเขาคนนี้ ก็เข้าใจว่าคนเคยอยู่กันมานาน สนิทกันมานานกว่า แถมอ๋องก็ชอบคันศรมากมาตั้งแต่แรกๆ แล้ว

แล้วเขาที่เพิ่งเข้ามาแค่ไม่กี่อาทิตย์ ยังไม่ทันรู้จักกันดีเลย จู่ๆ ก็ทำแบบนั้น เด็กคนนั้นก็คงตกใจกลัว จนขวัญกระเจิง และคงไม่กล้าเข้ามาคุยเล่นกับเขาอีกแล้วล่ะมั้ง
...
“อ๋องชอบศรเหรอ”

ประโยคนั้นดังก้อง แววตาของธนูที่มองมา ทำให้อ๋องรู้สึกใจสั่น แต่ไม่ใช่เพราะตื่นเต้น ธนูจ้องมองเหมือนต้องการคาดคั้นเอาคำตอบ ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นลึกล้ำคล้ายกำลังสะกดให้คล้อยตาม จนอ๋องขยับตัวไม่ได้ มือข้างซ้ายถูกกุมไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ

“พะ พี่นู...ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”

“ใช่หรือเปล่า”

น้ำเสียงที่เคยอ่อนโยนกดดันอยู่ในที อ๋องแทบกลั้นหายใจ เมื่อลมหายใจอุ่นๆ มาพ่นรดอยู่ตรงหน้า ปลายจมูกของคนตัวโตกว่าสัมผัสกับปลายจมูกของตนเบาๆ

“ตอบสิครับ”

“ถ้า ถ้าชอบแล้วมันทำไมล่ะ” อ๋องตอบตะกุกตะกัก หน้าร้อนไปหมด

“ถ้าเป็นพี่ พอแทนกันได้มั้ย”

อ๋องเงยหน้าขึ้นทันที เรียวคิ้วบางๆ ขมวดมุ่น ไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามจะพูด

“รู้ใช่มั้ย ว่าศรชอบผู้หญิง”

อ๋องพยักหน้ารับ รู้สิ รู้มาตั้งนานแล้ว ถ้าชอบผู้ชายด้วยกัน คงหวั่นไหวกับทุกสิ่งที่อ๋องพยายามทำแล้ว ทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่คันศรไม่เคยแสดงท่าทีอะไรเลย นอกจากลูบหัว ตบหลัง ทำเหมือนเป็นพี่น้องทั่วไป

แล้วทำไมต้องมาตอกย้ำกันด้วย

“แล้วก็ยังจะชอบมันเหรอ”

อ๋องนิ่งไปสักพัก แต่ก็พยักหน้าอยู่ดี ยิ่งเห็นท่าทางแบบนั้น ธนูยิ่งหงุดหงิด ทั้งที่ไม่มีสิทธิ เขาชอบอ๋อง คิดว่าน่ารักดี ตลกดี แต่พอรู้จักไปสักพักก็ยิ่งอยากรู้จักมากกว่านี้อีก

อยากเป็นมากกว่าพี่น้อง

“แล้วกับพี่ล่ะ”

อ๋องมองหน้าเขา กะพริบตาปริบๆ “พี่นูหมายความว่าไง”

“กับพี่ไม่ได้เหรอ”

“ผมไม่เข้าใจอ่ะ” อ๋องเริ่มรู้สึกถึงการคุกคามจากร่างสูงโปร่ง จึงพยายามจะดึงมือซ้ายออกและงอเข่าขึ้นมาขวางไว้ กลิ่นน้ำหอมของธนูต่างจากกลิ่นของคันศร แม้จะหน้าเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่คนเดียวกัน

แล้วมันจะแทนกันได้ยังไง

“พี่นู...อื้อ” แล้วอ๋องก็ได้เข้าใจคำตอบนั้นอย่างถ่องแท้ เมื่อริมฝีปากร้อนฉกลงมา มันไม่ได้รุนแรงมาก แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยน เหมือนธนูไม่พอใจอะไรสักอย่าง

หลายๆ อย่างของพวกเขาเหมือนกัน ชอบอะไรเหมือนๆ กัน แต่ขอแค่เรื่องนี้ ขอให้มันเป็นข้อยกเว้น ขอให้คันศรไม่มีวันชอบผู้ชาย

ขอแค่นั้นเอง


***

ธนูถอนหายใจยาว เงยหน้ามองท้องฟ้ามืดๆ แล้วยิ่งหดหู่ ไม่รู้ว่าเจอหน้าอ๋องแล้วจะทำหน้าแบบไหนดี เผลอๆ เด็กคนนั้นอาจจะหลบหน้าเขาไปตลอดเลยก็ได้ แต่อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด เพราะเขาพลาดเอง ใจร้อนไปเอง เพราะกลัวว่าคันศรจะเปลี่ยนใจ

คิดไปก็ไม่ช่วยอะไร ธนูลุกขึ้นบิดตัวเล็กน้อย กะจะเดินกลับเข้าไปในผับ ทว่า เสียงของผู้หญิงคนนั้นก็ดังเข้ามาในโสตประสาท และมันไม่ใช่อาการหลอน

“ธนู!” เพลินวิ่งเข้ามากอดเอวของเขาไว้แน่น “คราวนี้ไม่ผิดตัวแน่ๆ ธนูของพี่เพลินจริงๆ”

“ผมไปเป็นของคุณตอนไหน” ธนูนิ่วหน้า พยายามจะแกะมือของเธอออก เขายืนหันหลังอยู่ หน้าอกของเธอแนบสนิทกับแผ่นหลังของเขา

“อย่าพูดแบบนั้นสิธนู กลับบ้านกับพี่นะ คุณพ่อบอกว่าอีก 3 วันจะกลับ ถ้าธนูไม่อยู่ พี่กับแม่จะตอบว่ายังไงล่ะ”

“ก็บอกว่าไม่รู้ไปสิ”

“แต่พี่อยากให้ธนูกลับไปกับพี่นี่ นะธนู พี่รักธนูนะ” หญิงสาวกอดรัดเขาไม่ยอมปล่อย จนธนูคิดว่าจะต้องออกแรงจริงๆ แล้ว

“แต่ผม”

“ทำไรอยู่วะ นู...”

โชคดีที่มีคนออกมาตาม ธันวา เพื่อนของคันศรนั่นเอง คงเห็นเขาออกมาข้างนอกนนานแล้ว ไอ้พีทไม่ต้องพูดถึง รายนั้นไม่เคยห่วงใยเขาอยู่แล้ว แต่พอธันวาเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงก็ยกมือทำเหมือนจะขอโทษแล้วหมุนตัวกลับเข้าร้าน แต่ธนูรีบผลักเพลินออกแล้ววิ่งไปกระชากคอเสื้อของธันวาไว้

“คุณรบกวนเข้าใจใหม่นะครับ ผมเป็นเกย์!”

“หือ?” คนที่ตกใจไม่ได้มีแค่เพลิน เพราะเธอรู้อยู่แล้ว แต่กลายเป็นธันวา คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย ธันวาเลิกคิ้วมองหน้าธนู ก่อนจะตาแทบถลนออกนอกเบ้า เพราะโดนกระชากคอกลับไป

“และไอ้นี่คือเมียผม!” “เฮ้ยยย อุ๊บ”

สิ้นเสียง ธันวากรีดร้องไม่ถึงวินาที ก็โดนปิดปากอย่างแรงจากคนหน้าเหมือนเพื่อนตัวเอง

เอวัง

 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 4 [14.10.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 14-10-2020 21:50:14
กุมขมับแป๊ป!  แฝดน้องฟันไม่เลือก ส่วนแฝดพี่ที่เฝ้าเชียร์อยู่ให้หนูอ่อง(ที่น่ารักของคนอ่าน) ทำไมทำแบบนี้!!
ยังไงก็ยังเชียร์พี่ธนูกับหนูอ่องอยู่นะคะ (ทีมคู่นี้ค่ะ  :hao3:)
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 4 [14.10.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 14-10-2020 23:54:45
5
“เดี๋ยวๆๆๆ เมื่อกี้ที่มึงพูด ไม่จริงใช่มั้ย มึงแค่จะหลอกพี่คนนั้นใช่มั้ยวะไอ้นู!” หลังฉากจูบเร่าร้อนของธนู ธันวาก็รีบลากตัวพี่ชายฝาแฝดของเพื่อนหลบไปหลังห้องน้ำโดยไว ทิ้งให้หญิงสาวยืนกรี้ดเป็นบ้าเป็นหลัง ก่อนจะรีบขับรถกลับบ้านไป เพราะหมดอารมณ์จะเข้าไปเที่ยวแล้ว

“อือ ไม่จริง” ธนูกอดอกมองหน้าธันวาที่โวยวายหน้าดำหน้าแดง เหมือนทั้งโกรธทั้งอาย แต่ธนูกลับหน้านิ่งมาก

คำตอบของธนู ทำให้ธันวาโล่งอก แต่ยังไม่ทันได้ถอนหายใจ ก็ต้องตกใจตาถลนอีกรอบ

“เรื่องคุณกับผมไม่จริง แต่ผมเป็นเกย์จริงๆ”

“อ่ะ อ่ะ มะ มะ มึง...” เห็นธันวาอ้าปากพะงาบๆ เหงื่อแตกพลั่กแล้วก็ตลกดี จนธนูเผลอขำออกมานิดหน่อย

“ตกใจอะไรขนาดนั้น ผมไม่ได้ปิดบังอะไรเลย ไม่ซีเรียสนะถ้าคุณจะบอกเพื่อนๆ หรือน้องของผม”

แต่ธันวายังทำหน้าเหวอ “คือ คือ ไม่ ไม่บอกหรอก”

ธนูเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ปกติเรื่องพวกนี้พอมีคนรู้ก็จะแพร่อย่างเร็วและกลายเป็นเรื่องเม้าท์เรื่องแซวตลกๆ ในหมู่เพื่อน เขาโดนมาทุกอย่างตั้งแต่เปิดตัวว่าเป็นเกย์เมื่อสมัยม.ต้นแล้ว

“งั้นก็ขอบคุณครับ”

ธันวามองรอยยิ้มขอบคุณของธนูแล้วหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา พยายามปฏิเสธตัวเองในใจว่าไม่ได้เขิน แต่หน้าร้อน เพราะเมื่อกี้โดนจูบไม่ทันตั้งตัวต่างหาก แถมยังเหมือน...ใช้ลิ้นด้วย ไม่ตกใจจนเผลอต่อยหน้าไปก็บุญแล้ว

“เออ ปะ ไปข้างในเหอะ ไอ้พวกนั้นรออยู่” แล้วคนพูดก็รีบหมุนตัวด้วยท่าทางเกร็งๆ จนดูน่าตลก ก่อนจะรีบวิ่งหนีเข้าไปในร้าน

แต่ถึงจะแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้ ก็ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเลิกตามรังควานธนู จะให้เพื่อนน้องชายมาคอยช่วยทุกครั้ง ดูท่าอีกฝ่ายคงลำบากใจแน่ๆ และถ้าเพื่อนของคันศรเข้าใจว่าธันวาเป็นเกย์ไปด้วย ก็คงยิ่งแย่ไปกันใหญ่ แต่มาคิดหาเหตุผลเอาป่านนี้ คงสายไปหน่อย ไหนจะเรื่องของอ๋องอีก

“เฮ้ย นู วันนี้แม่งแปลกว่ะ แดกเหล้าเพียวๆ” พีทมองเพื่อนที่นั่งซดเหล้าเพียวๆ มาหลายแก้วด้วยความประหลาดใจ ปกติไม่เคยเห็นธนูกินเหล้ามากขนาดนี้ อย่างมากก็จิบๆ สองสามแก้วแล้วพอ เหมือนจะเครียดเรื่องอะไรแน่ๆ

“มึงมีเรื่องไรเปล่าวะ” หนุ่ยสงสัยขึ้นมาบ้าง ไปเต้นกับพวกสาวๆ มาจนเหนื่อย เลยมานั่งพัก แล้วก็เห็นเพื่อนซดเหล้าจนน่ากลัว ส่วนพวกเพื่อนของคันศรไปออกกันอยู่หน้าเวทีหมดแล้ว เพราะคันศรกำลังจะจีบเป้ย

“เปล่า” แต่สายตามองไปที่คนคนหนึ่ง แถวหน้าเวที ที่กำลังหัวเราะอยู่กับเพื่อนๆ ของคันศร

“อย่าบอกว่ามึงติดใจไอ้ธันนะ เห็นมองตลอดเลย” พีทก็ช่างสู่รู้ จนเขาถึงกับต้องเบะปากใส่

“เปล่า” เขาหรุบตาลงมองแก้วเหล้าในมือที่หมดเกลี้ยงแล้ว ก่อนจะหยิบขวดมาเติมอีก แต่พีทรีบเบรคไว้ ด้วยการคว้าขวดเหล้าในมือเพื่อนออกไปถือไว้เอง

“พอได้แล้วไอ้นู มึงเมาแล้ว” คนที่คบมานานย่อมรู้ดี ปกติธนูจะไม่ค่อยแสดงสีหน้า ถึงขั้นเบะปากใส่เหมือนเด็กๆ แบบนี้ แสดงว่าเมาแน่นอน พอไม่ได้เหล้าในขวด ธนูก็ลุกพรวด เดินไปหน้าเวที จนเพื่อนรั้งไว้ไม่ทัน ทั้งที่เมามากแล้ว แต่ธนูดันเดินโครตเร็ว

“เฮ้ย ไอ้นู!” พีทตะโกนพร้อมวิ่งเบียดผู้คนตามไป

ธนูเดินปรี่ตรงเข้าไปหน้าเวที ที่กลุ่มของพวกคันศรยืนอยู่ ก่อนจะดึงต้นแขนของธันวา คนโดนดึงหันมามองอย่างงุนงง หน้าตาเหรอหรา คนอื่นๆ ก็มองพลางขมวดคิ้วกันหมด

“อะไรวะ นู มึงเมาเหรอ” ด้วยความที่เป็นแฝด แค่ได้กลิ่นแปลกๆ ที่ตัวพี่ชายก็รู้แล้ว แต่ที่ไม่รู้คือ มาดึงแขนเพื่อนของเขาทำไม ตอนออกไปข้างนอกด้วยกันเมื่อกี้ เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทันได้ถาม เห็นแค่ธันวาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา แต่พี่ชายกลับหน้านิ่งเหมือนเดิม

ธันวาสบตากับคนเมา แล้วรู้สึกหูร้อน ก่อนจะยิ่งโครตอาย เพราะใบหน้าคนเมาที่ก้มลงมาจนจมูกเฉียดแก้มกับคำพูดกระซิบข้างหูเบาๆ งงตัวเองไม่น้อยที่ทำไมต้องเขินผู้ชายคนนี้ หรือเพราะหน้าเหมือนเพื่อน ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เพราะธันวาไม่เคยคิดจะสนใจคันศรเลยสักครั้ง

“ขอเบอร์หน่อย เอาไลน์มาด้วย เดี๋ยวนี้เลยครับ”

“ดะ เดี๋ยวดิ ไปข้างนอกก่อน” ธันวาพยายามจะแกะมือที่จับต้นแขนเสียแน่นออก พลางบอกเพื่อนคนอื่นว่าขอไปคุยกับธนูก่อน แล้วก็พากันออกไปแถวหลังร้าน

“นี่มึงเมามากเลยนะนู” พอออกมาถึงหลังร้าน ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเหมือนด้านหน้า ธันวาก็เพิ่งสังเกตว่าธนูเมา แก้มนี่แดงระเรื่อ แถมกลิ่นเหล้าคลุ้งมาก

“เออ ช่างมันก่อน ผมขออะไรก็ได้ที่ติดต่อคุณได้ เผื่อต้องให้ช่วย” แม้จะเมา แต่ก็ประคองสติได้ดีอย่างน่าทึ่ง ที่ต้องกินเหล้าขนาดนั้น คงทำใจเรื่องมาขอเบอร์สินะ ธันวาคิดอย่างเอือมๆ

“ขอปกติก็ให้แล้ว มึงแม่งบ้าว่ะ ขอเบอร์เพื่อนมันจะอะไรนักหนา”

“ไม่ใช่แค่เบอร์”

ธันวาที่กำลังจะหยิบมือถือมาเมมเบอร์ของธนูแล้วยิงเบอร์ตัวเองให้ กับแลกไลน์กัน ถึงกับชะงัก

“ไม่ใช่ขอแค่เบอร์ได้มั้ย”

“ห๊ะ?” คนฟังขมวดคิ้ว ก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยจนเกือบเซหงายหลัง เพราะคนเมาโน้มตัวมาใกล้ๆ จนหน้าเกือบชนกัน พลันต้องตะลึงอ้าปากค้าง ตอนที่ธนูทิ้งหัวหนักๆ ลงแปะบนบ่า

“ขอเป็นแฟนด้วย”

***

ธนูกับคันศรกลับมาถึงบ้านตอนเกือบตี 2 คันศรเป็นคนขับรถให้ เพราะไม่ได้ดื่มเยอะ กะจะจีบสาว เลยดื่มมากไม่ได้ เดี๋ยวพูดไม่รู้เรื่อง ส่วนแฝดพี่นอนหลับปุ๋ยมาตลอดทาง คงเมาหนักจริงๆ

“ไอ้นู ตื่นเว้ย” จอดรถเสร็จ คันศรก็เดินอ้อมมาฝั่งข้างคนขับ แล้วตบๆ ที่แก้มของพี่ชายให้ตื่น เรื่องของธันวาก็ยังไม่ได้ถาม เพราะธนูดันหลับไปก่อน

“อือ”

“ถึงบ้านแล้ว มึงเดินไหวมั้ยเนี่ย ต้องให้กูแบกมั้ยวะ”

“ไม่ต้อง” พอตื่นมา ก็เหมือนจะสร่างนิดหน่อย ธนูปัดมือน้องชายที่ยื่นมาจะช่วยพยุง แล้วลงจากรถด้วยตัวเอง เหลือบมองไปที่บ้านหลังข้างๆ ไฟที่หน้าต่างห้องของคนตัวเล็กยังเปิดอยู่

ป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีกเหรอ? ธนูขมวดคิ้ว ก่อนเสียงของน้องชายจะดังขัดความคิดทั้งหมดทั้งมวลในหัวของเขา

“มึงก็อึดนะ คอแข็งฉิบหาย แดกเพียวขนาดนั้น เป็นกูยังร่วง”

“ไม่ได้ชอบนักหรอก แค่ต้องทำใจนิดหน่อย” ธนูส่ายหน้าช้าๆ สลัดไล่ความมึนเมาออกไป แล้วเดินไปหน้าประตู รอให้คันศรปลดล็อค ก่อนจะเข้าบ้านไปพร้อมกัน เดินไปคุยกันไป

“ทำใจ? เรื่องอะไรวะ ที่มึงไปคุยกับไอ้ธันสองคนหรือเปล่า”

“ทำนองนั้น” ธนูตอบก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำที่ชั้นล่าง อยากอาบน้ำล้างกลิ่นเหล้าเหม็นๆ ออกจะแย่แล้ว ส่วนคันศรก็มองตามพี่ชายไปแบบงงๆ

***

เช้าวันถัดมา ไม่มีอาหารใดๆ บนโต๊ะ และเหมือนธนูจะยังไม่ตื่น คันศรเลยไปเคาะห้องของธนู แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ยังดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ถ้าเมื่อคืนไม่ใช่วันศุกร์ สงสัยคงไม่ได้เห็นพี่ชายเมาแน่ๆ

“นู ธนูเว้ย มึงไหวป่ะเนี่ย กูเปิดเข้าไปนะ” คันศรบิดลูกบิดดู ไม่ได้ล็อค เลยแง้มประตูเข้าไป

ห้องนี้เป็นห้องนอนเก่าของเขาเอง ตอนนี้ยกให้พี่ชายใช้งาน สภาพทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทั้งวอลเปเปอร์สีน้ำตาลอ่อนกับพรมสีแดงบนพื้น โต๊ะคอมพิวเตอร์ที่เปลี่ยนจาก PC เป็นโน๊ตบุ๊คสีเงินของธนู เตียงไม้สีเบจและผ้าปูที่นอนลายม้าลาย ผ้าม่านสีขาวปิดหน้าต่างทุกบาน กันแสงจากภายนอก

ธนูนอนตะแคงหันหน้ามาทางประตูพอดี และยังหลับสนิท คันศรจึงเดินเข้าไปดูอาการพี่ชาย เมื่อคืนก็เหมือนจะยังมีสติ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเองได้ แล้วก็เดินขึ้นมานอนเองด้วย แต่ไหงเช้านี้เงียบกริบ

“เฮ้ย ยังไม่ตายใช่มั้ยนู” คันศรลองเอามือตบๆ บนต้นแขนของพี่ ธนูเปิดแอร์ 19 องศา แถมไม่ห่มผ้า คนบ้าอะไรขี้ร้อนขนาดนี้

“นู...”

ธนูเหมือนจะได้สติ ครางงึมงำในคอพลิกตัวหนีมือของคันศร แต่ก็พยายามจะลุกขึ้นด้วย

“อือ”

“ไหวป่ะวะ เอายาแก้แฮงค์มั้ย” คันศรช่วงพยุงพี่ชายให้ลุกขึ้นนั่ง ท่าทางจะแฮงค์หนักแน่ๆ แบบนี้

“ไม่ต้อง” ธนูปฏิเสธ ก่อนจะเขยิบไปพิงหลังกับหัวเตียง “แค่น้ำกับยาแก้ปวดหัวพอ”

“เคๆ เอาพารานะ แต่จะกินไรอ่ะ สั่งข้าวต้มมั้ย”

“ไม่เป็นไร มีขนมปังอยู่ เดี๋ยวหมดอายุ”

“เค งั้นเดี๋ยวกูลงไปเอาขนมปังกับยามาให้” คันศรยิ้มกว้าง แต่พอจะลุกไป พี่ชายก็ดึงมือไว้

“แล้วนายกินอะไร”

คันศรซาบซึ้งจนแทบน้ำตาไหล ขนาดพี่แฮงค์จนลุกไม่ไหว ยังอุตส่าห์ห่วงน้องชายคนนี้

“เออ เดี๋ยวกูหากินเองน่า ห่วงตัวเองเหอะไอ้ควาย” แล้วก็ผลักหัวพี่ด้วยความซาบซึ้งไปที ก่อนจะรีบวิ่งลงไปหาขนมปังกับยาให้ธนู ส่วนตัวเขา คิดว่าจะไปเยี่ยมคุณน้าข้างบ้านสักหน่อย

***

เอ้าๆ เริ่มมีคนมาเพิ่ม อิๆ
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 5 [15.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 15-10-2020 09:45:37
 :o12: คนพี่ที่อตสาห์ลุ้นให้น้องอ่อง
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 6 [15.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 15-10-2020 10:08:18
6
จริงๆ ธนูก็แค่ปวดหัวนิดหน่อย พอกินขนมปังกับยาแล้วก็นอนต่อทั้งท่านั่ง เคลิ้มๆ กำลังจะหลับก็ได้ยินเสียงประตูเปิด ทีแรกนึกว่าคันศร เลยไม่ได้ลืมตาดู จนกระทั่งคนคนนั้นเข้ามาใกล้ๆ และนั่งลงบนที่นอน น้ำหนักตัวที่ทิ้งลงมาพอจะเดาได้เลยว่าใคร

“พี่นู ไม่สบายเหรอ”

เขานึกอมยิ้มในใจ ดีใจที่อ๋องอุตส่าห์เป็นห่วง ทั้งที่ทำเรื่องแย่ๆ ใส่ในวันนั้น ธนูแกล้งหลับต่อ อ๋องกวาดสายตามองใบหน้าที่ไร้เลือดฝาดและริมฝีปากซีดๆ ของธนูด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นแตะบนหน้าผาก เพื่อวัดไข้ให้

“ตัวไม่ร้อนนี่ แค่แฮงค์เหรอ” เด็กหนุ่มร่างเล็กพึมพำกับตัวเอง เพราะคิดว่าอีกคนยังหลับอยู่ เมื่อกี้คันศรไปที่บ้าน บอกว่าธนูนอนซม เมื่อคืนกินเหล้าหนัก ไม่รู้ว่าเป็นอะไร พอได้ยินอย่างนั้นอ๋องก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนก่อนนั้นขึ้นมา ที่ถูกธนูจูบ เลยผลักด้วยความตกใจแล้วรีบวิ่งหนีกลับบ้าน หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลย บางทีธนูอาจจะเครียดเรื่องนั้นก็ได้

ธนูเหมือนหายใจติดขัดนิดหน่อย เพราะรู้สึกว่าคนตัวเล็กอยู่ใกล้มาก จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพู แต่ยังไม่อยากลืมตามองหน้ากันตอนนี้ กลัวว่าอีกคนจะวิ่งหนีไปแบบคราวก่อน

แต่ประโยคที่ออกจากปากของอ๋อง ก็ทำให้เขาแทบทนไม่ไหว

“ผมขอโทษนะ ที่ตอบรับความรู้สึกของพี่ไม่ได้”

เสียงนั้นแผ่วเบาอยู่ใกล้ๆ แค่เพียงเขาลืมตาขึ้นและกอดเอาไว้ ขอร้องให้อ๋องช่วยมองเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่พี่ชายของคันศร

ธนูไม่ค่อยชอบใครง่ายๆ คนคุยก็มีบ้าง แต่ที่ถูกใจมีไม่เยอะ คนที่เรียกว่าแฟนได้ ที่ผ่านมามีเพียงคนเดียวเท่านั้น และคนคนนั้นก็ทิ้งเขาไปแล้ว

รักครั้งนี้ เขายังไม่อยากให้มันจบลงเพียงแค่นี้ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว

คนที่แอบชอบมาหลายปีกับคนที่เพิ่งรู้จัก มันก็รู้ๆ อยู่แล้วว่าอ๋องต้องเลือกใครก่อน แม้สุดท้ายคันศรจะไม่มีทางชอบผู้ชายด้วยกันได้ แต่เขาก็ไม่มีวันแทนที่มันได้

ในอกเจ็บแปลบ กับความจริงข้อนี้ที่รู้อยู่แต่แรกแล้ว

ไม่น่าทำแบบนั้นกับอ๋องเลยจริงๆ แค่เก็บมันเอาไว้ในใจ แค่ทำเหมือนเป็นพี่น้องกันให้ได้ แค่นั้นก็ไม่ต้องอึดอัดกันแบบนี้แล้ว

“ไปก่อนดีกว่า ไม่อยากกวนพี่ชายแล้ว” เสียงของอ๋องห่างออกไป จนเหลือเพียงเสียงฝีเท้า และเสียงประตูที่ปิดลงอย่างเงียบเชียบ

ธนูลืมตาขึ้น มองไปทางประตูห้องที่เพิ่งปิดลงไป ด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า

***

ธนูรู้ตัวว่าชอบผู้ชายด้วยกันตอนขึ้นม.2 อาจเพราะอยู่โรงเรียนชายล้วน ซึ่งจริงๆ ไม่น่าเกี่ยวเท่าไหร่ เขาอยู่กับพ่อมาตลอด และเกลียดนิสัยเสียของพ่อที่เจ้าชู้ พาผู้หญิงมานอนที่บ้านแทบไม่เคยซ้ำ และยิ่งตอนม.1 พ่อพาแม่เลี้ยงคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน พร้อมลูกสาวของหล่อนที่ชอบเข้ามาเกาะแกะเขา ยิ่งทำให้เขาเกลียดผู้หญิงพวกนี้เข้าไปอีก

เขาไม่ชอบผู้หญิง และไม่อยากเจ้าชู้เหมือนพ่อ

หลังจากนั้นก็เริ่มสนใจผู้ชายด้วยกันในเชิงชู้สาว จริงๆ จะผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเขาสนใจและนิสัยเข้ากันได้เขาก็โอเคหมด เพียงแค่ ชอบมองผู้ชายด้วยกันมากกว่า เขาเริ่มคบหากับเด็กผู้ชายที่โรงเรียน ส่วนมากจะออกตุ้งติ้ง แต่ก็น่ารักดี พวกนั้นมาชอบเขา เขาก็เล่นด้วย คบแบบไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไร เหมือนรักแบบเด็กๆ และพอพ่อรู้ ก็เลยส่งเขาไปเรียนชกมวย หวังจะให้เขาแมนขึ้น กลายเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว โดยหารู้ไม่ว่า ที่นั่นทำให้เขาได้พบกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่ชั่วชีวิตนี้คงลืมไม่ลง

“พี่ไม่สัญญานะว่าจะอยู่ด้วยกันไปได้ถึงไหน เพราะเราเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่ตอนนี้พี่ขอให้ธนูสัญญากับพี่อย่างหนึ่งได้ไหม หรืออาจจะสองสามอย่าง ฮะๆ”

ใบหน้าของคนคนนั้นยังตราตรึง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ มือที่อบอุ่น ริมฝีปาก และอ้อมกอด

รูปถ่ายก็ยังพกเก็บไว้ตลอดในกระเป๋าสตางค์ รูปใบเดียวที่มีของคนคนนั้น

“พี่อยากให้ธนูตั้งใจเรียนให้จบ และมีชีวิตที่ดี ได้ทำในสิ่งที่ธนูรัก ขอให้ทำให้ได้ตามนี้ ได้มั้ยครับ”

“ผมสัญญาครับ”

***

ธนูมองไม้กลองที่วางอยู่บนกระเป๋าเป้สีน้ำเงินของตัวเอง กระเป๋าใบนั้น คนคนนั้นเป็นคนซื้อให้ตอนวันเกิดอายุครบ 18 และเขายังคงใช้มัน แม้ว่าจะเก่าแค่ไหนก็ตาม

ทุกอย่างยังคงอยู่ในความทรงจำ ไม่ว่าจะพบเจอกับใครอีกกี่คน

เรื่องของอ๋อง คงต้องพักไว้เท่านี้ เพราะพยายามไปก็อาจจะสูญเปล่า อ๋องอาจจะคล้ายคนที่เขาเคยรัก จนเผลอคิดไปว่าเป็นคนเดียวกัน

ธนูลุกจากเตียง เพราะนอนต่อไปไม่ไหวแล้ว หัวที่ปวดก็ยังปวดอยู่นิดหน่อย แต่อยากออกไปสูดอากาศข้างนอกมากกว่า

“อ้าว? ไอ้นู จะไปไหนวะ” ตอนที่กำลังจะเดินออกจากบ้าน ก็พอดีสวนกับคันศรที่ไปอาศัยกินข้าวบ้านข้างๆ เพิ่งกลับมาพอดี โดยมีอ๋องเดินตามมาด้วย

เขาสบตากับอ๋องผ่านๆ ก่อนจะมองหน้าน้องแฝด อ๋องเองก็เหมือนไม่ค่อยกล้ามองหน้าเขาเท่าไหร่ด้วย

“ไปข้างนอกแป้ป เอาไรมั้ย”

“เออๆ เดี๋ยวกูไลน์บอกนะ ว่าในครัวขาดอะไรมั่ง ฝากมึงซื้อมาเลยทีเดียว” คันศรนึกได้พอดี ว่าอาทิตย์นี้ต้องซื้อของ แต่พี่จะออกไปข้างนอกพอดี “กูได้ไม่ต้องออกละ วันนี้จะเล่นเกมทั้งวัน”

“เล่นแต่เกม อ๋องต้องสอบเข้าปีหน้านะ ว่างก็ชวนน้องติวบ้าง” เขาดุไปตามประสาพี่ชายที่ห่วงน้องๆ

“เออน่า พูดเหมือนแม่ไปได้ นี่แม่คนที่สองใช่มั้ยวะ ฮ่าๆ”

“ยังจะพูดเล่นอีก นายมันใช้ชีวิตตามสบายมามากเกินไปแล้ว” ประโยคหลังธนูพูดเบาจนฟังไม่ถนัด

“ว่าไร บ่นไรของมึงวะ เดี๋ยวบ่ายค่อยอ่านหนังสือก็ได้ เนอะไอ้อ๋อง” คันศรหันไปพยักเพยิดให้เด็กหนุ่มข้างหลัง อ๋องก็ยิ้มรับ

ธนูยิ้มอ่อนให้ทั้งคู่ ก่อนจะขับรถออกไป วันนี้คงปล่อยให้สองคนนั้นได้อยู่ด้วยกัน อย่างที่อ๋องต้องการ เขาจะไม่ทำอะไรอีกแล้ว

จะไม่แตะต้องเด็กคนนั้นอีก
...
“ก็เลยเรียกกูออกมา เพื่อนคนอื่นไม่มีหรือไง” เสียงคนข้างๆ ที่มาช่วยเข็นรถใส่ของให้บ่นงุ้งงิ้งใกล้ๆ หู

“ชวนแล้ว พีทไปบ้านแฟน หนุ่ยยังไม่ตื่น คนอื่นก็เหมือนจะนอนกันหมด กว่าจะตื่นคงบ่ายๆ เย็นๆ”

“กูผิดเองที่ตื่นเช้า” ธันวากลอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ กับตัวเอง ที่ดันกดอ่านไลน์ของธนู ทั้งที่เพิ่ง 9 โมงเช้า และดันว่างด้วย ก็เลยเบลอๆ ตอบว่าจะออกมาหา มาถึงห้างเปิดพอดี หาข้าวเช้ากินเสร็จ ก็มาช่วยเข็นรถให้อย่างที่เห็น

แต่ที่ธนูบอกว่าคนอื่นไม่มีใครตื่น จริงๆ พูดไปอย่างนั้นเอง ไลน์ไปหาแค่พีทกับธันวา พีทไปบ้านแฟนจริงๆ เพราะเมื่อคืนดึกไปหน่อย เหมือนแฟนของพีทจะบ่นๆ เลยต้องรีบไปง้อ

“แล้วนี่ต้องซื้อไรมั่งอ่ะ ไอ้ศรก็นะ ไม่ออกมาด้วย” ธันวายังบ่นตลอดทาง แต่ธนูไม่ได้สนใจแล้ว เดินเลือกของตามรายการที่คันศรส่งมาให้ในไลน์ไปเรื่อยๆ

“อีก 2 วันพ่อจะกลับบ้าน” จู่ๆ ธนูก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีเกริ่นนำ ตอนที่กำลังจ่ายเงินตรงแคชเชียร์ คนช่วยจัดของลงรถเข็นก็เงยหน้ามองตามมือของคนพูดแบบงงๆ

“กลับไปด้วยกันนะ”

“ประโยคคำสั่งหรือประโยคขอร้องวะ” ธันวานิ่วหน้า มือก็ยังช่วยหิ้วของมาเก็บลงในรถเข็น

“ผมมีสิทธิสั่งคุณด้วยเหรอ” ธนูเอียงคอเล็กน้อย ดึงการ์ดสีดำออกมายื่นให้พนักงาน เซ็นชื่อจ่ายเงินเป็นอันจบ เด็กมหาวิทยาลัยใช้บัตรเครดิตพรีเมี่ยมวงเงินหลักแสน เป็นของแปลกตาสำหรับธันวาไม่น้อย เพราะเพื่อนที่ว่ารวยก็ยังไม่ได้รูดการ์ดหรูอย่างนี้ ใช้แค่บัตรสแตนดาร์ดธรรมดา พี่ชายของคันศรท่าทางจะรวยจริง สมกับบุคลิกและคำพูดจาแบบคุณชาย

“ก็...ไม่รู้สินะ” ธันวาแกล้งผิวปาก เสมองไปทางอื่น “ถ้าสั่งก็ต้องทำ แต่ถ้าขอ ก็จะคิดดูก่อน”

“งั้นผมสั่ง”

“เผด็จการว่ะ”

ธนูหัวเราะเบาๆ แย่งรถเข็นที่มีของเต็มมาเข็นเอง เพราะเมื่อกี้ใช้งานธันวาไปแล้ว อีกฝ่ายก็มองหน้าเขางงๆ แต่ยังเอามือขวาช่วยจับไว้ข้างหนึ่ง

ทั้งที่คนข้างๆ ก็หน้าตาเหมือนเพื่อนตัวเอง แต่บรรยากาศมันต่างมาก จนรู้สึกแปลกๆ ในบางครั้ง ตอนแรกก็คุยกันปกติ เพราะไม่ได้คิดอะไร แต่พอรู้ว่าเป็น...เกย์ แถมยังจูบกันแล้วครั้งหนึ่ง มันก็เลย...แปลกจริงๆ แหละ

“ตกลงว่าไงครับ คุณจะไปบ้านผมมั้ย ผมอยากให้ผู้หญิงคนนั้นเลิกตามตื้อผมสักที” พอมาถึงที่รถ ธนูที่กำลังเก็บของลงท้ายรถก็ถามขึ้นอีกครั้ง เขาต้องการให้ธันวาตัดสินใจ ไม่ได้บังคับ เรื่องที่ขอเป็นแฟน ก็แค่ให้ช่วยแกล้งเป็นหลอกๆ พ่อกับเพลินจะได้เลิกยุ่งกับชีวิตของเขาเสียที

ธันวาจัดการปิดท้ายรถให้ ก่อนจะวิ่งตามไปนั่งข้างๆ คนขับ และยังไม่ได้ตอบอะไร เหมือนคิดนานพอสมควร สุดท้ายก็ตัดสินใจได้

“กูจะช่วยมึงก็ได้ ในฐานะเพื่อน” ธันวาตอบเบาๆ ในรถที่เงียบสงัด เสียงเลยดังพอให้ได้ยิน ธนูเหลือบสายตามองใบหน้าด้านข้างของธันวาที่ไม่ยอมมองมาที่เขาเลย อาจจะเขิน เพราะเห็นเม้มปากตลอด ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายห่ามๆ แบบน้องชายของเขาก็มีมุมนี้

“โอเค ขอบคุณล่วงหน้าครับ คุณอยากได้อะไรตอบแทนก็บอก”

“ไม่เอาหรอก แค่ช่วยเพื่อนแค่นี้ จะเป็นไรไป” ธันวาสั่นหัวปฏิเสธ

“แต่การช่วยผม คุณไม่ได้ประโยชน์อะไร ทั้งยังเสีย เพราะถูกหาว่าเป็นเกย์”

มันก็จริงของธนู ธันวานิ่งคิด ทั้งที่เป็นแบบนั้น แล้วทำไมถึงยังอยากช่วยก็ไม่รู้

“ไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ อีกอย่าง ก็แค่ที่บ้านมึงรู้ ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องรู้”

ธนูเอามือแตะปลายคางอย่างครุ่นคิด “แล้วถ้าจำเป็นต้องให้เพื่อนรู้ล่ะครับ ผมกลัวว่าพี่เพลินจะตามรังควานที่ร้านนั้นอีก”

เออ อันนี้ก็จริง ธันวาคบคิดหนัก นิ่วหน้ากอดอกอย่างจริงจัง แต่ตกปากรับคำไปแล้วว่าจะช่วย และธันวาไม่ชอบผิดคำพูดตัวเองด้วย

“ก็...ถ้าสถานการณ์บังคับ กูก็ไม่คิดมากหรอก ไว้ค่อยอธิบายทีหลังเอา”

“เป็นคนดีจริงๆ”

“นี่พูดแดกกันป่ะเนี่ย” ธันวาหน้าตึงขึ้นมา เผลอหันไปมองคนที่กำลังจะขับรถออกจากลานจอดรถ ธนูกำลังยิ้มทั้งตา เป็นรอยยิ้มที่แตกต่างจากเพื่อนของธันวาจริงๆ นั่นแหละ ไม่เหมือนเลยสักนิด

“ผมพูดจริงๆ คุณเป็นคนดีนะ”

“เออๆ รู้แล้ว อย่าย้ำ” แล้วธันวาก็รีบหันหน้ากลับ ปล่อยให้รถแล่นไปพร้อมกับความเงียบ

***

“มึงมากับพี่กูได้ไงวะไอ้ธัน” คันศรเงยหน้าจากเกมที่กำลังเล่นกับเจ้าตัวเล็ก มองเพื่อนตัวเองที่ช่วยพี่ชายของตัวเองหิ้วของเข้าบ้านมา

“ถามพี่มึงสิ ไอ้สัส” ธันวาแอบเน้นคำหลังสุด

“อ้าว ไอ้เหี้ยนี่ กูถามดีๆ” คันศรด่าไป แต่ก็หัวเราะ พลางเบนสายตาไปทางพี่ชาย ที่เดินเข้าครัวไปแล้ว “มันมากับมึงได้ไงวะ นู”

“ฉันชวนไปช่วยหิ้วของ คนอื่นไม่มีใครว่าง”

“อ๋อ” คันศรทำหน้าว่าเข้าใจ อ๋องก็มองตามสองคนที่เดินเข้าไปในครัวด้วยความสงสัยนิดหน่อย เพราะคืนแรกที่ธนูมาบ้านนี้ ธันวาไม่อยู่ด้วย

“ไปสนิทกันตอนไหนอ่ะพี่ศร สองคนนั้นน่ะ” อ๋องเอนตัวจาบนโซฟาลงไปกระซิบถามคันศรที่นั่งอยู่บนพื้นข้างหน้า

“ทำไมวะ มึงนี่เสือกจัง ไปถามพวกมันเองดิ กูจะรู้เหรอ” ว่าแล้วก็แกล้งตบหัวน้องไปทีด้วยความหมั่นเขี้ยว คันศรชอบเล่นแรงๆ กับอ๋องประจำ เพราะอ๋องทำตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนเด็กน้อยตลอดเวลา เห็นแล้วมันน่าแกล้ง แต่ไม่ว่าจะแกล้งแรงแค่ไหน อ๋องก็ยังมาวนเวียนรอบตัวของคันศรเสมอ

“พี่ศรอ่ะ มันเจ็บนะ”

“เจ็บเหรอครับน้องอ๋อง มาให้กูตบอีกที ได้ชิน”

“อย่าเล่นกับน้องแรงๆ ศร” นั่นไง เสียงพี่ชายดังมาเลย เห็นไอ้อ๋องสำคัญกว่าน้องแท้ๆ ตลอด คันศรแอบเบ้ปาก หันไปเงื้อมือจะตีอ๋องแบบแหย่เล่นขำๆ อ๋องรีบเอาหมอนอิงมาบัง แล้วก็เอาหมอนตีคนตัวใหญ่กลับ กลายเป็นเล่นกันสนุกไปอีก

ธนูยืนมองสองคนนั้นนั่งเล่นกันจากเคาน์เตอร์ครัวฝั่งตรงข้าม และธันวาก็สังเกตเห็นเหมือนกัน

“นู...ธนู” ธันวาเอาศอกสะกิดคนที่มัวแต่เหม่อลอย “ไม่ทำเหรอ ข้าวเย็น”

ธนูได้สติกลับมา “อ่า อืม ทำสิ คุณจะช่วยผมทำเหรอ” ถามเพราะเห็นธันวายังไม่ยอมออกจากครัว

“เออ พอทำเป็นอยู่” ธันวาตอบ มือก็หยิบอุปกรณ์มาเตรียมให้ เพราะรู้เมนูของวันนี้จากธนูแล้ว คุยกันตอนนั่งมาในรถ

“งั้นคุณช่วยผมหั่นผักกับเนื้อ ผมจะเตรียมเครื่องปรุงเอง”

“ครับผม” ธันวาขานรับเสียงใส

***
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 6 [15.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 15-10-2020 11:02:08
สรุปคนพี่คู่ธันวาใช่มั้ย สงสัยจะได้เป็นแฟนกันจริงๆแน่ๆ
แฝดน้องจะรู้ตัวหรือยังนะ ว่ามีน้องอ่องแอบชอบอยู่   :mew1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 7 [15.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 15-10-2020 15:59:55
7
ธนูมองอ๋องที่คอยตักกับข้าวส่งให้คันศร สองคนนั่งคุยกันหัวเราะกันเหมือนไม่มีคนอื่นอยู่ตรงนี้ อ๋องแทบจะไม่มองมาที่เขาเลย ธนูหรุบตาลง ตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวช้าๆ เหมือนไม่อร่อย ได้แต่ถอนหายใจอยู่ในใจด้วยความเจ็บปวด จนรู้สึกเหมือนมีนิ้วใครมาสะกิดที่แขน พร้อมกับคำพูดแปลกๆ ที่ทำให้ทุกคนต้องมองไปที่คนคนเดียว นั่นคือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ธนู

“คุณๆ หยิบซอสให้ผมหน่อยดิ”

“ห๊ะ?” “หือ?” “อุ้ย” สามเสียงนั้นดังประสานกันจนไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใคร แต่คนที่งงที่สุดคงเป็นธนู ที่หยิบซอสตรงหัวโต๊ะส่งไปให้ธันวาทั้งที่คิ้วยังขมวดปม

“ทำไมจู่ๆ พูดเพราะวะไอ้ห่า กูขนลุกหมดไอ้ธัน” คันศรนิ่วหน้ามองเพื่อนด้วยสายตาเหมือนมองของแปลกประหลาดที่สุดในชีวิต

“อยากลองพูดแบบพี่มึงมั่งไง” ธันวาตอบหน้าตาย รับซอสมาเหยาะใส่บนไข่เจียวในจานตัวเองแล้วเอาช้อนขยี้ๆ ให้ทั่วจนมันเป็นสีแดงเถือก ธนูมองไข่เจียวแดงๆ นั่นแล้วเหลือบตาขึ้นมองธันวา

“ชอบกินซอสเหรอครับ”

“ครับ”

“อู้ว” เสียงคันศรดังขึ้นอีกอย่างน่ารำคาญ จนธันวาหันไปถลึงตาใส่ ไหนๆ ก็คงต้องเล่นเป็นแฟนของธนูแล้ว เอาให้มันเนียนๆ ไปเลย พูดแบบเดียวกัน จะได้ดูเหมาะสมกัน

ส่วนธนู เหมือนจะรู้สาเหตุอยู่ เลยแค่อมยิ้มนิดๆ มองคนที่ตักไข่เจียวราดซอสจนชุ่มนั่นเข้าปากแล้วเคี้ยวท่าทางเอร็ดอร่อย อ๋องเองก็คอยเหลือบมองทั้งคู่เป็นระยะ แต่คันศรเลิกสนใจไปแล้ว

“อร่อยนะ ลองมั้ย” ธันวาตัดไข่เจียวราดซอสยื่นไปให้ตรงปากของคนที่กำลังมองอยู่ “เห็นกินข้าวหน้าตาเหมือนไม่อยากอาหาร ลองนี่แล้วจะติดใจ”

“เอ๊ะ?” ธนูเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ไม่ทันรู้ตัวว่าทำหน้าแบบไหนตอนที่เห็นอ๋องคอยดูแลคันศร ทั้งที่ก็เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้ว

“อ่ะ อ้าม”

ธนูอ้าปาก ยอมกินที่ธันวาป้อนใส่ปากอย่างมึนงง รสชาติของซอสเปรี้ยวๆ ทำเอาน้ำตาแทบเล็ด แต่ก็ทำให้กลับสู่ความเป็นจริงได้ดียิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

“เปรี้ยว”

“ก็ซอสมะเขือเทศนี่ ลองซอสพริกดิ” ธันวาเหล่สายตาไปทางขวดซอสพริก แต่ธนูรีบเบรค

“เผ็ดๆ ผมก็ไม่ชอบ”

“เรื่องเยอะเนอะพี่มึงเนี่ย” ประโยคนี้ธันวาหันไปพยักเพยิดกับคันศร ซึ่งเพื่อนรักก็หัวเราะครืน ชอบใจที่พี่โดนด่า

“พี่นูชอบกินของจืดๆ ตลอดอ่ะ เห็นทำแต่แกงจืดกับผัดผักประจำเลย” อ๋องขอแทรกบ้าง “แต่ก็จืดแบบอร่อยๆ น้า”

“ยังไงของมึงวะ จืดแบบอร่อยๆ” คันศรงง ความจริงก็ชอบกินคล้ายๆ พี่ แต่คันศรติดเค็ม

เพราะธันวาลองทำอะไรแปลกๆ อย่างใช้คำพูดเพราะๆ กับธนู ชวนทุกคนลองกินซอสเปรี้ยวๆ ราดไข่เจียวให้ชุ่มๆ เลยทำให้บรรยากาศที่เหมือนมีแค่สองคนของอ๋องและคันศรเบาบางลง และสีหน้าของธนูก็ดีขึ้นมานิดหน่อย หลังจบมื้อเย็น ก็ยังนั่งดูทีวีเล่นเกมกันต่อสักพัก จนเกือบ 2 ทุ่ม อ๋องก็ขอตัวกลับบ้าน ธันวาเลยว่าจะเดินออกไปพร้อมกันเลย

“เดี๋ยวผมไปส่ง คุณไม่ได้เอารถมานี่” ธนูอาสา

“เออว่ะ ผมจอดไว้ที่ห้างฯ อ่ะ แต่น่าจะแวะไปเอาทัน”

“หึ” ธนูหลุดขำออกมาจนได้

“ขำบ้าไรวะ” ธันวาหน้ายุ่ง เขินนิดๆ เหมือนกันที่ต้องมาพูดเพราะแบบนี้

“ไม่ต้องฝืนตัวเองขนาดนั้นก็ได้ แต่ถ้าทำเพราะอยากช่วยผมก็ขอบคุณมาก”

ธันวารีบหันหน้าหลบดวงตายิ้มๆ นั่น แล้วเร่งให้อีกฝ่ายไปที่รถ “ช่วยอะไร ไม่ได้ช่วยอะไรสักหน่อย จะไปส่งก็รีบดิ เดี๋ยวผมไปเอารถไม่ทัน”

***

เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา และธันวาก็เป็นคนแบบนั้น ในเมื่อสัญญาว่าจะไม่บอกใครเรื่องที่ธนูเป็นเกย์ ก็ไม่เคยพูดจริงๆ ตอนไปที่บ้านก็พอจะดูรู้ว่าธนูคิดยังไงกับอ๋อง แต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม

“วันนี้กูไปรับไอ้นูเอง” อาทิตย์ต่อมา คันศรก็เอารถของธนูมาใช้เหมือนเดิม พอตกเย็นก็ต้องแวะรับพี่กลับบ้านด้วยกัน แต่วันนี้จู่ๆ ก็มีคนอาสาไปแทน

“อะไรของมึง จู่ๆ จะไปรับมันเนี่ยนะ” คันศรขมวดคิ้ว

“เออ ไลน์ไปบอกแล้ว นี่ไง” ธันวายื่นสมาร์ทโฟนไปให้ดู ว่าธนูตอบโอเคมาเป็นสติ๊กเกอร์แล้ว

“ถามจริง พวกมึงสนิทกันยังไงวะ กูงง” คันศรหยิบมือถือของเพื่อนมาดู ข้อความในไลน์มีตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ ที่ธนูชวนธันวาออกมาข้างนอก ประโยคเรียบง่าย แค่ “ผมอยู่ที่xx มามั้ยครับ” แล้วไอ้ธันก็ดันตอบโอเคแบบไม่มีคิดอะไรเลย แล้วก็ข้อความของวันนี้ที่ธันวาส่งไปว่า “เย็นนี้ผมไปรับนะ” แล้วพี่มันก็ส่งสติ๊กเกอร์ตอบโอเคมา

“เออน่า เจอกันวันนั้นก็คุยถูกคออ่ะ” ถูกทั้งคอทั้งปากด้วย ไม่อยากจะเซด ธันวาคิดในใจแล้วก็หน้าร้อนเอง

“โอ๊ะ มันไลน์มาบอกกูว่ะ ว่าจะกลับกับมึง ให้กูเลยกลับบ้านเลย แหม ดีๆ ได้รถใช้ฟรีแบบนี้ กูไปหาเป้ยดีกว่า” คันศรยิ้มกริ่ม คราวก่อนได้เบอร์ได้ไลน์เป้ยมาเรียบร้อยแล้ว กะจะเดินหน้าจีบเต็มที่ เขาชอบผู้หญิงที่ดูมั่นใจในตัวเอง แต่ไม่แรงเกินจนน่าเกลียด และเพื่อนของธนูคนนี้ก็กำลังดี ดูเป็นสาวห้าว แต่ก็มีมุมที่น่ารัก กะจะให้เป็นแฟน ไม่ใช่แค่คนควงชั่วคราวเหมือนที่ผ่านมาด้วย

“คนนี้มึงจริงจังเหรอวะ” ธันวานึกสงสัย เพราะปกติคันศรไม่ค่อยจีบใครก่อน มีแต่สาวๆ เข้ามาหาเองมากกว่า

“ก็นิดหน่อยมั้ง ต้องลองคุยๆ ไปก่อนอ่ะ แต่เขาน่ารักว่ะ ดูไม่ค่อยเรื่องมาก พี่กูยังเรื่องมากกว่าอีกมั้ง แม่งบางทีจุกจิกยังกับผู้หญิง” คันศรหัวเราะ ธันวาก็แค่พยักหน้าเออออด้วย ไม่มีความเห็นเรื่องนิสัยของธนู เพราะเพิ่งรู้จัก

“งั้นกูไปหาไอ้นูก่อนแล้วกัน มึงจะไปไหนก็ไปเหอะ ขอให้จีบติดแล้วกันเว้ย” แล้วธันวาก็เดินลงจากตึกไป

***

“ไอ้นู รอน้องมึงมารับเหรอ” พีททักขึ้น เมื่อนึกได้ว่าตอนเช้าเห็นคันศรเป็นคนขับรถมาส่งเพื่อน

“เปล่า” ธนูตอบพลางเคาะไม้กลองเล่นเหมือนเคย วิชาที่เรียนช่วงนี้เป็นพวกดนตรีคลาสสิค แต่เขาก็ยังพกไม้กลองมาด้วยตลอด เพราะตำแหน่งในวงที่เล่นกับเพื่อนๆ คือ มือกลอง ว่างก็จะหยิบมาซ้อมตีตลอด จนเพื่อนๆ ชินกับเสียงเคาะโต๊ะของเขาไปแล้ว

“อ้าว แล้วมึงไปไง ให้กูไปส่งมั้ย บ้านมึงก็ไม่ได้ไกลจากนี่มากป่ะ”

“ไม่เป็นไร มีคนมารับแล้ว”

พีทเกาหัวอย่าง งงๆ “อะไรวะ มีคนใหม่แล้วเหรอ รอบนี้แนวไหน”

“อืม” ธนูทำหน้านึก แนวไหนเหรอ ก็เหมือนลูกหมามั้ง ดูลนๆ ซนๆ กวนเท้าหน่อยๆ “ก็...น่ารักดีมั้ง”

และนั่นคือคำตอบจากที่นึกมาทั้งหมด เพื่อนพีทพยักหน้าว่าเข้าใจกัน และนั่งรอเป็นเพื่อน คุยเรื่องงานเฟรชชี่ไนท์ไปพลางๆ ว่าวงใครจะเล่นอะไรบ้าง จะได้ไม่ซ้ำกัน จนกระทั่งรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวมาจอดเทียบใกล้ๆ หน้าตึกคณะดุริยางค์

“มาแล้ว โทษทีรถติดว่ะ” เสียงทักดังขึ้นด้านหลัง เพราะธันวาเห็นพวกธนูนั่งกันอยู่บนตึกตั้งแต่ขับเข้ามาแล้ว เลยเดินมาหาถูกที่

ธนูหันไปยิ้มให้คนที่อุตส่าห์มารับ แต่เพื่อนคนอื่นเหมือนจะอึ้งกับผู้ชายใส่ช้อปสีน้ำตาลเข้มข้างหลัง

“อ้าว ไอ้ธัน มึงเองเหรอที่มารับมัน” พีทนิ่วหน้ามองธันวา แล้วเอียงคอจนคอแทบหลุด

“เออ ตาเหล่แล้วเหี้ยพีท” ธันวาตบคอเพื่อนเบาๆ พลางหัวเราะ

“งั้นผมไปก่อนนะครับ เจอกันพรุ่งนี้” ธนูลุกขึ้นบอกลาเพื่อนๆ คนที่ไปร้านเหล้าด้วยกันคราวก่อนรู้จักธันวาอยู่แล้ว ก็แค่อึ้ง ส่วนพวกที่ไม่เคยเจอก็ดูจะสนอกสนใจ โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบส่องผู้ชายของธนู

พีทมองตามหลังทั้งคู่ที่เดินไปขึ้นรถสีขาวเด่นชัดในความมืดสลัว เพราะตอนนี้เกือบ 2 ทุ่มแล้ว พลางคิดตามที่ธนูพูดเมื่อกี้

“ก็น่ารักดีสินะ” พีททวนคำพูดนั้นเบาๆ กับตัวเอง “เออ ก็น่ารักจริงว่ะ”

***

“เห็นไอ้ศรบอกจะรอรับเป้ยกลับบ้านหลังเล่นเสร็จว่ะ คงดึกแน่ๆ” ระหว่างนั่งมาในรถคันสีขาว ธันวาก็ได้รับข้อความพร้อมกับของธนู

“ไปรอที่ร้านพี่อั๋นน่ะเหรอ” ร้านเหล้าที่เด็กดุแทบทุกวงในคณะต้องไปเล่น เพราะเจ้าของร้านเป็นรุ่นพี่ที่จบไปเมื่อสามปีก่อน ร้านเหล้าเจ้าประจำของพวกพีทนั่นเอง

“อือ ถามมันว่าเอาจริงเหรอรอบนี้ มันก็ว่างั้นนะ เป้ยมันก็ดูห้าวๆ ดุๆ ดี คงเอาไอ้ศรอยู่”

ธนูพยักหน้า นิสัยของคันศรเหมือนพ่อไม่มีผิด เจ้าชู้ไปเรื่อยๆ ใครให้ก็เอา คิดแล้วก็เผลอถอนหายใจเสียงดัง จนธันวาสงสัย

“ไมวะ ไม่โอเคเหรอ หวงน้อง?”

“ห่วงมากกว่า” ธนูตอบตามตรง น้ำเสียงจริงจัง “ผมไม่อยากให้ศรเหมือนพ่อ”

“อ่า” ธันวาหน้าเจื่อน ไม่ค่อยรู้เรื่องของฝั่งธนูเท่าไหร่ แต่น่าจะไม่ใช่เรื่องดี ไม่อย่างนั้นคงไม่บอกว่าไม่อยากให้เหมือน

“พ่อผมเป็นคนเจ้าชู้มาก ไม่เคยหยุดที่ใครได้นาน รวมทั้งแม่ด้วย” 10 ปีคือนานที่สุดสำหรับพ่อแล้วล่ะมั้ง เขานิ่งคิด ส่วนแม่เลี้ยงตอนนี้ เพราะพ่อไม่ค่อยอยู่บ้านแล้ว และแม่เลี้ยงก็เหมือนไม่ได้รักอะไรมากมาย แค่ประจบเอาใจเพื่อเงิน ก็เลยยังอยู่กันมาจนถึงทุกวันนี้

“อืม ก็พูดยากนะ ถึงไอ้ศรมันจะเหมือนเจ้าชู้ แต่ถ้ารักใคร มันก็น่าจะรักจริงแหละ แค่ยังหาคนคนนั้นไม่เจอมากกว่า” ธันวาว่า ไม่ได้คิดเข้าข้างเพื่อน แต่จากที่เห็นก็เป็นแบบนั้น คัศรไม่ได้เข้าหาผู้หญิงพวกนั้นก่อน แต่ถ้าสนใจใครจริงจัง ก็จะเข้าไปทำความรู้จักเอง เหมือนอย่างเป้ย และที่ผ่านมา เป้ยก็เป็นผู้หญิงคนที่สองที่คันศรตามจีบ ส่วนคนแรกนั้นสมัยมัธยมปลาย ซึ่งธันวาไม่ค่อยรู้รายละเอียด

“เป็นแบบนั้นก็ดีครับ” ธนูมองออกไปนอกหน้าต่างรถ วันนี้รถค่อนข้างติดพอสมควร เลยมีเวลาอยู่บนท้องถนนด้วยกันนาน

“แล้วคุณล่ะ มีแฟนหรือยัง ดูท่าทางคุณไม่ใช่คนเจ้าชู้นะ”

ธันวาเม้มปาก ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครมาก่อน แต่เห็นว่าธนูยอมเล่าเรื่องส่วนตัวอย่างเปิดเผย ทั้งที่ปกติไม่น่าเป็นคนชอบพูดเรื่องส่วนตัว ธันวาเลยชั่งใจว่าจะเล่าดีมั้ย

“ถ้ามีแฟน คงไม่ตกลงช่วยคุณหรอก แล้วก็...ผมไม่เคยมีแฟนหรอก วันๆ มีแต่เรียน เข้ามหาลัยมาก็คิดว่าจะสนุกเต็มที่ มีสาวๆ มาให้ฟันฟรี คือ นี่พูดกันตรงๆ นะ ในกลุ่มผมแม่งมีแต่เสือสิงห์ทั้งนั้น คุยกันแต่เรื่องใต้สะดือทุกวัน แต่ผม...สุดท้ายก็ทำแบบเพื่อนไม่ได้ว่ะ”

ธนูหันไปมองใบหน้าของคนที่กำลังขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจ

“ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะเว้ย ถ้าแบบ ได้ก็ดี แต่พอเอาเข้าจริง ผมคิดถึงพ่อแม่ของผู้หญิงว่ะ ถ้าเราพลาดทำเขาท้องขึ้นมาจะทำไง ผมไม่อยากให้พ่อแม่ตัวเองเสียใจด้วย ผมยังเรียนไม่จบเลยนะเว้ย เวลาพวกมันโยนผู้หญิงมาให้ ก็แกล้งรับๆ ไป ทำเป็นคุยเรื่องผู้หญิงกับพวกมันไปงั้น แต่ผมไม่เคยทำอะไรใครเลยนะ”

ธนูคลี่ยิ้มบางๆ มองอีกคนด้วยความเอ็นดู

“นี่เชื่อป่ะเนี่ย คุณต้องไม่เชื่อผมแน่เลย เพราะคิดว่าผมเหมือนไอ้ศรกับเพื่อนคนอื่น” ธันวายู่ปากน้อยๆ แต่ตายังมองไปข้างหน้า

“เชื่อสิ” ธนูเอ่ยเบาๆ “ผมถึงได้บอกว่าคุณเป็นคนดีไง”

แต่ธันวาส่ายหน้า “ไม่หรอก ผมแค่คิดเยอะต่างหาก” พลันต้องสะดุ้ง ก่อนจะกัดปากนิดๆ เพราะหน้ามันเริ่มร้อนขึ้นมา เมื่อมืออุ่นๆ ของคนข้างๆ แปะลงบนหัวแล้วลูบเบาๆ 

“คิดเยอะๆ ก็ดีแล้วครับ”

รถฟอร์จูนเนอร์สีขาวเข้ามาจอดเทียบในรั้วบ้าน เมื่อธนูเปิดประตูให้

อ๋องที่นั่งมองจากบนชั้นสอง พอเห็นรถของธันวาก็จำได้ทันที ร่างเล็กผุดลุกขึ้น วิ่งออกไปปีนกำแพงดู เห็นธันวาเดินตามหลังธนูเข้าบ้านไปแล้ว ไม้กลองในมือของธนู ทำให้มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นใคร

“ทำไมมาด้วยกันอีกแล้ว” เด็กหนุ่มหัวเกรียนหน้ามุ่ย ก่อนจะมือลื่นร่วงไถลลงจากกำแพง ก้นกระแทกกับพื้นหญ้าเลยไม่ได้เจ็บมากเท่าไหร่ หรือเพราะมัวแต่คิดเรื่องของธนูกับธันวาอยู่ก็ไม่รู้ เลยลืมความเจ็บไปสนิท

ธนูชวนธันวาให้เข้ามาดื่มน้ำกินขนมก่อนกลับ เพื่อตอบแทนที่มาส่ง และคุยเรื่องวันพรุ่งนี้

“พรุ่งนี้พ่อบอกจะมาถึงไทยประมาณบ่ายโมง เข้าบริษัทแป้ปนึง กว่าจะถึงบ้านคงเกือบทุ่ม” ธนูอ่านไลน์ที่พ่อส่งข่าวมาบอก ทีลูกแท้ๆ ส่งมาก่อนกลับวันเดียว แต่คนอื่นดันบอกล่วงหน้าเป็นอาทิตย์

“พ่อคุณดุมากมั้ยอ่ะ ผมกลัวๆ ยังไงไม่รู้ว่ะ” ธันวาที่นั่งอยู่บนโซฟา ลูบแขนตัวเองพลางถาม

“ไม่ดุหรอก แค่น่ารำคาญ” เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ธันวา เอนหลังพิงอย่างอ่อนล้า ไม่อยากคิดถึงตอนที่ต้องเจอหน้าพ่อ

“ถามตรงๆ นะ พ่อคุณรู้ใช่มั้ยว่าคุณเป็น...เอ่อ เกย์”

“รู้สิ แถมยังพยายามจะให้ผมกลับไปชอบผู้หญิงให้ได้ด้วย”

ธันวาขยับตัว พับขาข้างหนึ่งขึ้น นั่งเอี้ยวตัวไปทางอีกคนด้วยความสนใจ

“ถึงขนาดหาผู้หญิงมาให้เลยเหรอ”

“ไม่เชิง แต่ก็ส่งไปเรียนมวยบ้าง พาไปเที่ยวผู้หญิงตอนอายุ 18 ก็มีนะ คือจะให้ผมเอาผู้หญิงให้ได้” น้ำเสียงของธนูออกจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ มันทั้งหงุดหงิดและขุ่นมัวอย่างชัดเจน

“เพิ่งเคยได้ยินคุณพูดอะไรแบบนี้นะเนี่ย หยาบสุดที่เคยพูดหรือเปล่า ใช้คำว่าเอาเนี่ย” ธันวาแอบขำ ก่อนจะชะงักกึก นิ่งไปเพราะธนูหันหน้ามามองด้วยดวงตาที่ส่องประกายแปลกๆ

“คุณรู้มั้ย ว่าทำไมผมถึงพยายามพูดแบบนี้ ทั้งที่เพื่อนก็หยาบคายทุกคน”

“มะ ไม่รู้อ่ะ” ธันวากะพริบตาปริบๆ

“เมื่อก่อนผมไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก ก็เหมือนคนทั่วไป”

“แล้วตอนนี้ทำไม...”

“ผมประชดพ่ออยู่ไง อยากให้ผมแมนมากนักใช่มั้ย ผมก็เลยทำตัวให้มันเรียบร้อยกว่าเก่า ให้เขารู้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ ผมสุภาพเรียบร้อย ผมไม่หยาบคายหรือทะโมนเหมือนผู้ชายคนอื่น ทำจนมันติดไปแล้วล่ะ” รอยยิ้มมุมปากของธนู ทำเอาธันวาหูร้อน จนต้องรีบเขยิบตัวนั่งห่างไปอีกนิด

“แต่คำหยาบโลนลามกๆ ผมก็เอาไว้พูดกับคนที่นอนด้วยได้นะ” พูดจบธนูก็ลุกไปทางครัว ทิ้งให้ธันวานั่งหน้าแดงโดยไร้สาเหตุอยู่คนเดียว

***

เอาจริงๆ พวกนางก็นิสัยคล้ายกันนะ ไอ้แฝดอ่ะ 555 แค่อีกคนชอบเก็บอารมณ์ อีกคนโพล่งออกมาเลย
ตอนนี้คือดูเหมือนธันวามาแรงไปป่ะ
อ๋องกับคันศรก็ยังไม่คืบหน้าใดๆ
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 8 [15.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 15-10-2020 18:58:10
8
แล้ววันที่ต้องเจอหน้าพ่อของธนูก็มาถึงจนได้ ธันวาขับรถไปรับธนูที่มหาวิทยาลัยและเปลี่ยนให้ธนูขับต่อ เพื่อไปยังเป้าหมายในคืนนี้

“คุณๆๆ ผมตื่นเต้นอ่ะ” ธันวาถูมือตัวเองที่มันเย็นเฉียบไปมา เกร็งไปหมดที่จะต้องเจอพ่อของธนู ถ้าไปในฐานะเพื่อนก็คงไม่เกร็ง แต่พอดีต้องแกล้งหลอกเป็นแฟนปลอมๆ มันเลยเครียดไปหมด กลัวโดนจับได้ กลัวพ่อของธนูจะด่าเอา แล้วถ้าเกิดพ่อของธนูไม่พอใจมากจนเข้ามาต่อยหน้าจะทำยังไง

“อย่าคิดเยอะสิ” ธนูเหล่มองคนข้างๆ ที่ดูลุกลี้ลุกลนสุดๆ

“คุณก็รู้ว่าผมชอบคิดเยอะ” ธันวานิ่วหน้า มือสั่นจนหยุดไม่ได้

ธนูพ่นลมหายใจเบาๆ ก่อนจะยื่นมือซ้ายไปจับมือของธันวา รวบทั้งสองมือกุมไว้ตรงตักของธันวาเอง มันยังสั่นน้อยๆ แต่เขาก็บีบนวดให้ผ่อนคลายลง

“ไม่ต้องกลัว คุณแค่ยืนยิ้มก็พอ ที่เหลือผมจัดการเอง”

“โอ๊ยยย ไม่กลัวได้ไงวะ” เหงื่อไหลซึมตรงไรผม มือก็เย็นไปหมด หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความตื่นเต้น “เกิดมาเพิ่งเคยเจอพ่อแม่แฟน แถมเป็นแฟนปลอมๆ แล้วยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก ให้ตายเหอะ ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะต้องเจอเรื่องตื่นเต้นอะไรแบบนี้เลย”

ธนูอมยิ้มขำ อีกไม่กี่กิโลก็จะถึงบ้านแล้ว แต่คงต้องให้เวลาอีกคนทำใจก่อน เลยเลี้ยวรถเข้าไปจอดในซอยเล็กๆ ข้างทาง เปิดไฟในรถให้สลัวๆ จับมือของธันวาไว้ตรงหน้าแล้วสบตากันตรงๆ

“ไม่ต้องกลัว ผมจะไม่ยอมให้พ่อทำอะไรคุณแน่นอน”

“พูดแบบนั้นยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมว่ะ” ธันวาหน้าเสีย หายใจติดขัดขึ้นมา แต่แววตาของธนูที่ส่งผ่านมาอย่างจริงจัง ทำให้รู้สึกเหมือนดีขึ้นนิดหน่อย

ธนูโน้มหน้าลงเล็กน้อย เอาหน้าผากแตะกับหน้าผากของธันวา ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกันในแสงไฟสลัวๆ

“เชื่อใจผมนะ”

ธันวากลืนน้ำลายลงคอ พยายามตั้งสติ และพยักหน้ารับ ก่อนที่ธนูจะขับรถออกไปอีกครั้ง

บ้านของธนูหลังใหญ่โตโอ่อ่ากว่าของคันศรมากจนธันวาตาโต บ้านของคันศรเป็นบ้านเดี่ยวขนาดกลาง เนื้อที่แค่ 50 ตร.วา บ้านของธันวาเองก็เป็นตึกแถวสองคูหา 3 ชั้น ที่มีสองชั้นแรกเป็นร้านอาหารจีน แต่บ้านหลังนี้ของธนู พื้นที่กว้างขวางน่าจะเป็นไร่ ตัวบ้านอยู่ด้านในสุด สร้างแบบโมเดิร์น 3 ชั้น กระจกเพียบ มีสระว่ายน้ำอยู่ด้านหน้าครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นลานจอดรถที่จอดได้ 3-4 คัน และมีรถยุโรปนำเข้าคันหนึ่งจอดอยู่ก่อนแล้ว 2 คัน กับรถแวนสีขาวหรูหราคันหนึ่ง

“ธนู!” ทันที่ได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน พี่สาวคนละพ่อคนละแม่ของเขาก็วิ่งถลาออกมาหา แต่อยู่บ้าน เพลินจะแต่งตัวเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตแบบผู้หญิงแขนยาวพองๆ สีฟ้า กับกระโปรงยาวถึงเข่า คงมีแค่เขากับแม่เลี้ยงที่รู้ว่าตัวจริงของเพลินเป็นยังไง

“เอ๊ะ พี่คนนั้นจริงเหรอวะเนี่ย” ธันวามึนงง กับความเปลี่ยนแปลงอย่างสุดโต่งนี้ วันนั้นจำได้ว่าเจ๊แกแต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟัน เหมือนพร้อมถอดตลอดเวลา แต่วันนี้สาวหวานมาเลย พอหญิงสาววิ่งมาถึงที่พวกเขายืนอยู่ ธันวาก็เผลอหลบข้างหลังของธนู

“พาใครมาน่ะ คุณพ่อมาแล้วนะ ธนูก็รู้ว่าท่านไม่ชอบให้คบพวกตุ๊ดแต๋วพวกนี้”

โอ้โห สาดกลางใจเลยครับพี่ ธันวาหน้าเจื่อน โดนหาว่าเป็นตุ๊ดไปซะงั้น พยายามมองรูปร่างท่าทางตัวเอง ก็ไม่ตุ๊ดนะเว้ย สูง 179 หุ่นก็ฟิตเฟิร์มดี แม้จะยังเข็นซิกแพคไม่ขึ้นเท่าไหร่ก็เถอะ ส่วนไอ้หน้าตี๋ๆ นี่มันแก้ไม่ได้เว้ย แล้วพูดว่าตุ๊ดนี่ ไม่ให้เกียรติเสื้อช้อปวิศวะของธันวาเลย

ธนูคว้ามือของธันวามาจับไว้แน่น

“กรุณาให้เกียรติแฟนผมด้วยครับพี่เพลิน” ธนูเอ่ยหน้านิ่ง ก่อนจะเดินเบียดหล่อน และจูงมือธันวาที่ยังมีแก่ใจหันไปยกมือไหว้เพลิน ให้เข้าบ้านไปด้วยกัน

“เดี๋ยว! พี่จำได้แล้ว มันคือคนวันนั้น นี่เป็นแฟนกันจริงๆ เหรอ ธนู มาคุยกันก่อนสิ”

“เอะอะอะไรคะน้องเพลิน อ้าว? น้องนู มาแล้วเหรอลูก”

ยังไงแม่เลี้ยงก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง เขาเลยต้องยกมือไหว้ “สวัสดีครับ” ก่อนจะหันไปหาธันวา “นี่แม่เลี้ยงผมเอง”

“อ๋อ สวัสดีครับคุณแม่”

“ใครเป็นแม่แกยะ น่ารังเกียจจริง” แม่เลี้ยงมองธันวาอย่างเหยียดๆ จนคนโดนมองได้แต่ยิ้มแหย เสียมือที่ยกไหว้ไปเปล่าๆ เลย

“ถ้าธันน่ารังเกียจ ผมก็คงต้องถูกพวกคุณรังเกียจด้วยแล้วล่ะครับ” ธนูเอ่ยเสียงแข็ง แววตาดุดัน จนแม่เลี้ยงกับเพลินสะอึก แม่เลี้ยงเลยรีบเปลี่ยนท่าทีมายิ้มแย้มให้เขา แต่ยังมองเหยียดๆ ใส่ธันวา

“แหมๆ อย่าพูดแบบนั้นสิคะน้องนู ไปทางนี้กันดีกว่า คุณพ่อรอทานข้าวแล้วลูก”

ธนูยังจับมือของธันวาไว้ไม่ปล่อย แม้ว่าแม่เลี้ยงกับเพลินจะพยายามแยกพวกเขาอย่างไรก็ตาม ทั้งที่เป็นแค่แฟนหลอกๆ แต่ธันวากลับใจเต้นแปลกๆ ขึ้นมา เพราะท่าทางของธนูดูพึ่งพาได้จริงๆ ใครได้เป็นแฟนก็มั่นใจได้เลยว่าธนูจะไม่มีทางทิ้งให้ต้องเผชิญกับความลำบากเพียงลำพังแน่นอน

“มาแล้วเหรอธนู” พ่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยตอนที่เห็นเขาจับมือธันวา และเข้ามาในห้องอาหารด้วยกัน ธันวารีบดึงมือออกแล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ แต่ธนูไม่แม้แต่จะยิ้มทักทายพ่อตัวเอง

“หมอนี่ใครอีกล่ะ แฟนคนที่ร้อยเหรอ คิดว่าครั้งนี้จะอยู่ได้นานกี่วัน กี่เดือน?” น้ำเสียงของพ่อเอ่ยเหมือนขบขัน แววตามันบอกอย่างนั้น ธันวาหน้าเจื่อน ไม่ชอบบรรยากาศสงครามของบ้านนี้เลย พลันต้องถลึงตา เกือบโวยวายใส่คนข้างๆ

“ตลอดชีวิต”

“ไอ้นู...”

พ่อของธนูหัวเราะอย่างขำขัน “เออๆ เอาเหอะ นั่งลงกินข้าวกันก่อน แล้วเราน่ะชื่ออะไรล่ะ” พ่อพยักหน้ามาทางธันวา

เพราะดูเหมือนไม่ได้รังเกียจและท่าทางใจดีกว่าที่คิด ธันวาเลยค่อยผ่อนคลายลง พวกแม่เลี้ยงก็เหมือนจะเกรงใจพ่อ เลยไม่มีใครพูดหรือแสดงกิริยาอะไรร้ายๆ ออกมา

“ผมชื่อธันวาครับ”

“ธนู กับ ธันวา เหรอ” พ่อจับคางลูบเบาๆ “ชื่อเข้ากันดีนะ”

“อย่างอื่นก็เข้าได้ดีครับ” ธนูตอบหน้าตายพลางนั่งลง ส่วนธันวาถึงกับหน้าม้าน เขินจนหูแดง ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะเขินทำไม มันเรื่องสมมติทั้งนั้นแท้ๆ

“ใส่เสื้อแบบนั้น เรียนช่างเหรอ” พ่อยังคงชวนธันวาคุย

“ครับ วิศวะ ปี 3 แล้วครับ”

“อืม อายุเท่ากับธนูสินะ สาขาไหนล่ะ”

“เอ่อ ปิโตรครับ”

“โฮ่” คราวนี้ไม่ใช่แค่พ่อที่มอง แต่ธนูเองก็เพิ่งรู้ว่าธันวาเรียนสาขาอะไร คันศรกับเพื่อนคนอื่นเหมือนจะเรียนพวกโยธากับไฟฟ้า สาขาปิโตรเคมีเป็นสาขาที่คนเรียนไม่เยอะ และมีแววว่าจะหางานทำยาก เลยแปลกใจนิดหน่อย

“แสดงว่าเรียนเก่งใช้ได้นะ สาขานี้คนจบน้อย งานก็ไม่ค่อยมี คิดยังไงถึงเรียนล่ะ” พ่อยกศอกขึ้นวางบนโต๊ะ เอามือประสานกันแล้วท้าวคางไว้ มองธันวาอย่างสนอกสนใจ

“คือ ผมชอบน่ะครับ แต่จริงๆ ที่บ้านก็อยากให้ทำร้านอาหารต่อ เลยคิดว่าเรียนที่ชอบดีกว่า แม้จบไปจะไม่ได้ใช้ก็เถอะ”

“อ๋อ แล้วที่บ้านเป็นร้านอาหารอะไรล่ะ”

“เอ่อ ภัตตาคารอากงน่ะครับ อาหารจีน ไม่ดังเท่าไหร่หรอก แหะๆ”

พ่อของธนูตาโตด้วยความประหลาดใจ “ร้านนั้นพ่อไปกินบ่อยเวลามาไทย” เรียกตัวเองว่าพ่อก็มา ธันวาถึงกับอึ้ง

ไหนธนูบอกไม่โอเคกับเรื่องเกย์ไงวะ

“พ่อของธันวา ใช่คุณเจียงหรือเปล่า วัลลพ เจียงสกุล”

“เอ๋? อ่ะ ครับ” ธันวากะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงลางร้ายตะหงิดๆ

“พอดีเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันสมัยเรียนมัธยม ไปกินทีไรก็เจอทุกที แต่ไม่เคยเจอธันวาเลย เพราะเจียงมันบอกลูกชายเอาแต่หมกตัวเรียนทั้งวัน”

ฉิบหาย! เรื่องรู้ถึงอากงกับพ่อกู มีแววตายแน่ๆ ไอ้ธันนนนนนนนนนนนนน

มื้อเย็นกับคุณพ่อแฟนปลอมๆ ผ่านไปด้วยดี คงเพราะธันวาดูเป็นผู้ชายปกติ ไม่ได้ออกสาว ซึ่งมันก็แหงอยู่แล้ว เพราะธันวาไม่ได้เป็นเกย์ แถมคุยไปคุยมา พวกพ่อดันเป็นเพื่อนกันไปอีก

และไอ้เรื่องซวยๆ ของธันวาคงยังไม่จบง่ายๆ แค่ปลอมเป็นแฟนของธนูแล้ว ขืนที่บ้านรู้ว่าหลานชาย ลูกชายคนโตของตระกูลเป็นเกย์ มีหวังโดนอากงเฉือดแน่ๆ

แถมพ่อของธนูยังเหมือนจะเตรียมจับพวกเขาขึ้นเขียงเรียบร้อยแล้วด้วย

“ไว้อาทิตย์นี้พ่อแวะไปเยี่ยมกงกับเจียงมันหน่อยดีกว่า ธนูก็ไปด้วยเลยนะ ยังไงก็ต้องดองกันอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ หึหึ”

ธันวาวิญญาณออกจากร่างไปเรียบร้อย

***
เริ่มไปกันใหญ่ละ :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 8 [15.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 15-10-2020 19:06:53
สงสัยว่าธันวาจะไม่ใช่แฟนกำมะลอแล้วแหละ 
แอบกลังเพลินอะไรนี้และแม่เลี้ยงอีก แต่เราเชื่อว่าธนูปกป้องได้  ธนูเอาอยู่ อิ อิ  :hao3:

สงสารน้องอ่อง เบื่อแฝดน้อง(แต่ไม่เบื่อคนแต่งอิอิ) แค่แอบนอยด์เฉยๆค่ะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 8 [15.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-10-2020 19:39:18
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 8 [15.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 15-10-2020 21:00:32
แล้วเมื่อไหร่แฝดคนน้องจะหยุดเจ้าชู้ซะที  :heaven
เราคิดว่าอ่องแอบชอบพี่ธนูอยู่เหมือนกันนะ ไม่รู้คิดเองหรือเปล่า แต่ธันวาก็น่ารักดูน่าจะเข้ากันดี :hao3:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 9 [15.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 15-10-2020 21:43:03
9
“พี่ศร พักนี้ผมว่าพวกพี่นูพี่ธันมันแปลกๆ อ่ะ” อ๋องวิ่งมาเกาะแขนคันศรที่เพิ่งจอดรถลงมา คืนนี้ธนูบอกว่าจะค้างที่บ้านพ่อ ความจริงเขาก็อยากเจอพ่อ แต่ในเมื่อยังไม่ได้รับเชิญ ก็ไม่อยากบากหน้าไปหา ขนาดแม่ตายทั้งคน พ่อยังไม่เห็นสนใจ

“อะไรของมึง แปลกยังไง” คันศรไขกุญแจเปิดประตูบ้านเข้าไป คว้ารีโมทมาเปิดแอร์ เปิดทีวี หาน้ำเย็นๆ ดื่ม อ๋องก็ยังวิ่งตาม เกาะแกะเป็นลูกลิงเหมือนเคย

“ก็ดูสนิทกัน วันก่อนก็เห็นมาส่งกันที่บ้านด้วย อยู่ตั้งนานเลยนะกว่าจะกลับอ่ะ”

“มึงนี่ก็เสือกเรื่องพี่กูจั๊ง ทำไมวะ มึงเห็นมันทำอะไรกันหรือไง” ไอ้ทำอะไรที่เขาว่าก็คือ มาเล่นพนัน กินเหล้าเมายา อะไรพวกนั้น แต่อ๋องน่าจะคิดคนละอย่าง

“ก็ไม่ได้เห็นหรอก แต่เขาสนิทกันอ่ะ เพิ่งรู้จักกันไม่ใช่เหรอ ทำไมสนิทกันขนาดมาส่งที่บ้าน ไปซื้อของด้วยกันอีก”

“มึงก็ขี้สงสัยไป กูรู้จักเพื่อนไอ้นูแป้ปเดียว ก็สนิทกันแบบนั้นนะ” แต่ไม่ได้ไปเดินเที่ยวด้วยกันกับขับรถไปรับกลับบ้านแค่นั้นเอง คันศรนึกในใจ “เออว่ะ ก็สนิทกันเร็วแบบแปลกๆ”

“ใช่มั้ยๆ แล้ววันนี้พี่นูไม่กลับเหรอ” อ๋องกวาดสายตามองรอบๆ บ้าน เมื่อกี้ตอนเข้ามาก็ปิดไฟมืดสนิท แสดงว่าคันศรกลับมาถึงก่อน

“อ๋อ มันบอกไปนอนบ้านพ่อว่ะ”

“อืม” อ๋องทำหน้าครุ่นคิด เรื่องของธนูน่ะรู้แล้ว ว่าธนูชอบผู้ชายแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่รุกอ๋องขนาดนั้น ธันวานี่สิ เห็นกันมา 3 ปี ไม่เคยมีทีท่าจะชอบผู้ชายด้วยกันสักนิด มาเที่ยวบ้านของคันศรก็มีสาวๆ มาด้วยประจำ

“เรื่องของพวกมันช่างเหอะ มึงอ่ะ กลับไปนอนมั้ย นี่มันกี่โมงแล้ว ยังไม่นอนอีก” คันศรมองนาฬิกาบนผนัง เขาไปรับเป้ยที่ร้านเหล้า พาไปส่งบ้าน กว่าจะมาถึงบ้านตัวเองก็เที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว แต่ไอ้เด็กลิงนี่ดันยังไม่นอน

“ก็พี่ศรกลับดึกเอง ผมอยากรอนี่” คนตัวเล็กเบ้ปาก “ไปกับสาวที่ไหนมาอีกล่ะสิ”

“เออ กำลังจีบอยู่” คันศรยกยิ้มพลางยักคิ้ว

อ๋องกำมือแน่น ไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วกับเรื่องพวกนี้ ที่ต้องทนเห็นคันศรกับคนอื่น

“พี่ศรแม่ง บ้าบองี่เง่า!” คนตัวเล็กผลักอกคันศรสุดแรง แล้ววิ่งหนีกลับบ้านไป ทิ้งให้คันศรมองตามหลังแบบงงๆ

***

ทางด้านธนู ก็ต้องค้างที่บ้านของพ่อ กับธันวา เพราะพ่อดันชวนธันวาให้อยู่ค้างด้วย

“ทำไงดีวะ ไอ้นู โอ๊ยยยย กูต้องโดนกงเฉือดแน่ๆ ถ้ารู้เรื่องนี้” วันอาทิตย์นี้พ่อของธนูเอาจริงแน่ๆ แต่ไม่รู้จะโพล่งเรื่องพวกเขาหรือเปล่าเท่านั้น อย่างน้อยน่าจะเกรงใจอากงมั่งล่ะว้า ธันวาคิดพลางเดินวนไปมา เอามือขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงไปด้วย คำสุภาพก็ไม่มีแล้ว หมดอารมณ์ผมๆ ครับๆ

“เอาน่า อย่างน้อยพ่อผมก็เหมือนจะโอเคกับคุณนะ” ธนูคว้ามือของธันวาให้หยุดยืนนิ่งๆ ตรงหน้าเขา ธันวาพ่นลมหายใจแรง ก้มมองคนที่นั่งยิ้มอยู่บนเตียงอย่างหงุดหงิด

“ไว้ค่อยหาทางเลิกกันก็ได้”

“เลิกไป กูก็เป็นเกย์ไปแล้วมั้ยล่ะ แถวบ้านกูนี่หูตาไวอย่างกับอะไรดี สาวๆ ไม่มีแลกูอยู่แล้ว ยิ่งไม่แลหนักกว่าเดิมแน่ ทีแรกแค่หลอกพ่อมึงยังไม่เท่าไหร่ป่ะล่ะ ทำไมมึงไม่รู้จักสืบก่อน ว่าพ่อมึงรู้จักที่บ้านกูมั้ย” ธันวาบ่นยาวตามเคย แถมยังเบะปากเหมือนจะร้องไห้ไปอีก เห็นแล้วเอ็นดูปนขำ

“เอ้า ผมผิดอีก ใครจะไปรู้ล่ะครับ” ถึงจะเคยใช้บริการนักสืบ ตอนที่ตามหาที่อยู่ของแม่ แต่กับเรื่องแค่นี้ ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

“ผมก็ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้”

ฟังแล้วไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย ธันวาหน้ามุ่ย หงุดหงิด เครียด หาทางออกไม่ได้

“ผมขอโทษนะธัน ขอโทษจริงๆ” คราวนี้ธนูทำหน้าจริงจังแล้ว น้ำเสียงก็จริงจัง “ให้ผมรับผิดชอบยังไงก็ได้”

“พูดเหมือนมึงจะรับผิดชอบอะไรได้” ธันวาบิดริมฝีปากอย่างหงุดหงิดกว่าเดิม

ธนูครุ่นคิด นั่นสิ จะรับผิดชอบยังไงได้ ยังไม่ทันคุยกันรู้เรื่อง ก็มีคนมาเคาะประตูรัวๆ ขัดจังหวะ

ก๊อกๆๆๆ

“ใครครับ” ธนูถามก่อนเปิด เพราะเขากลัวว่าจะเป็นพวกแม่เลี้ยงมาวุ่นวาย

“ป้าเองค่ะคุณนู เอานมมาให้ทั้งสองคนก่อนนอน”

ธนูพรูลมหายใจอย่างโล่งอก เป็นเสียงแม่บ้านนั่นเอง ป้าจิต คอยดูแลเขามาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ธนูปล่อยมือจากคนที่ยังงอแง แล้วไปเปิดประตูรับของจากป้าจิต

แต่ดันมีคนอื่นโผล่มาแทรก

“ตายแล้ว ตกๆๆ คุณเพลิน” ป้าจิตโดนเบียดแทรกจนเกือบทำนมหก ดีที่ธนูรีบคว้าไว้ทัน แต่ก็ไม่ทันได้ขวางเพลิน

“คืนนี้พี่จะนอนด้วย” เพลินยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าธันวาอย่างจิกกัด ป้าจิตมองหน้าธนูแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ธนูบอกป้าเบาๆ ว่า เดี๋ยวผมจัดการเอง ป้าจิตก็พยักหน้ารับแล้วปิดประตูให้ เพราะกลัวจะเสียงดังออกไปจนคุณผู้ชายรู้

“คุณจะมานอนได้ไง พวกผมเป็นผู้ชายนะ” ธนูวางแก้วนมลงบนโต๊ะไม้เล็กๆ ข้างเตียง แล้วกอดอก หรี่ตาจ้องหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า ใส่ชุดนอนมาพร้อมเลย

“แน่ใจเหรอว่าอีนี่มันเป็นผู้ชาย” หล่อนชี้หน้าธันวา คนโดนชี้สะดุ้งเฮือก โดนเรียกแบบนั้นมันไม่ชินเอาเสียเลย

“พูดอะไรให้เกียรติกันด้วย อย่าคิดว่าพี่เป็นผู้หญิงแล้วผมจะไม่กล้าทำอะไรนะ” ธนูเสียงแข็งใส่ แต่เขาไม่ยอมแตะตัวหล่อนเลยแม้แต่น้อย ธันวาเองก็มองสองคนไปมา ไม่รู้จะเกิดสงครามอะไรกันอีก

“อยากทำก็ทำสินู แบบที่นูเคยทำ” กลายเป็นเจ้าหล่อนที่เข้าไปกอดแขนของธนู เบียดชิดไปทั้งตัว เห็นแบบนั้นธันวาก็กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝือน ไม่รู้จะทำหน้ายังไง ผู้หญิงแรงๆ ก็เคยเห็นมาเยอะแล้ว แต่นี่สุดมาก แต่ธันวาไม่กลัวหรอกว่าธนูจะตบะแตกกับผู้หญิงในแบบนั้น น่าจะอยากตบมากกว่า ดูจากสีหน้ารำคาญสุดติ่งนั่นแล้ว

“พี่เพลิน อย่าให้ผมหมดความอดทน” เหมือนมีเส้นเลือดปุดๆ บนหน้าผากของธนูแล้ว ธันวารีบผุดลุกขึ้นจากเตียง พุ่งไปคว้ามือของธนูไว้ ก่อนที่มันจะเงื้อขึ้น

“มึง! พี่เขาเป็นผู้หญิงนะเว้ย”

“แล้วไง?” ธนูกลอกตามองนิ่งๆ เพลินเองก็ยังกอดแขนธนูไม่ยอมปล่อย ไม่กลัวโดนตบด้วย

“ถ้าคุณไม่ปล่อย ผมตบจริงๆ” แต่ธันวาก็ยื้อมือข้างนั้นไว้สุดแรง แม้มือของนักดนตรีอย่างธนูจะเรียวสวย แต่ก็หนักกว่าเท้าของธันวาแน่ๆ โดนไปมีหวังพี่คนนี้หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ

“ก็เอาสิ พี่ไม่ปล่อยหรอก!”

“ไม่เอา อย่าทำร้ายเขา” ธันวาแทบจะกอดธนูไว้ทั้งตัว ไม่อยากให้ทำร้ายคนอื่น แต่เข้าใจว่าคงสุดทนแล้วจริงๆ อยู่กับผู้หญิงคนนี้นานๆ ธันวาเองยังอยากจะประสาทกิน

“คุณเห็นมั้ย ว่าแฟนผมเขาปกป้องคุณ ถ้าคุณไม่ออกไปจากห้องนี้ ผมกับธันจะออกไปเอง และจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก”

คำขู่นั้นเหมือนได้ผล เพราะเพลินอยากให้ธนูกลับบ้าน เธอต้องการธนูมากเหลือเกิน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอก็ติดใจมาตลอด แม้จะรู้ว่าธนูเป็นเกย์ ก็ไม่สนใจ พยายามจะเข้ามายั่วเอาให้ได้ แต่ก็โดนธนูไล่ตะเพิดตลอด

“หึ ทำไมล่ะ ทำไมพี่อยู่ด้วยไม่ได้ จะทำอะไรกันรึไง”

พอเพลินว่าอย่างนั้น ธนูก็เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ เลยคว้าเอวของธันวามากอดไว้ แม้อีกคนจะงงๆ จนหน้าตาเหรอหราไปหมด

“ก็ถ้าพี่เพลินอยากอยู่ดู ก็ได้นะครับ” เขายกยิ้มมุมปาก ก่อนจะประกบปากกับธันวาอย่างเร่าร้อนเหมือนตอนอยู่หน้าผับวันนั้น เพลินกำหมัดแน่น สู้ไม่ถอย

“แค่นี้พี่ไม่สนใจหรอก มุกเดิมๆ พี่ไม่เชื่อว่านูคบกับมัน ไม่เห็นมันจะดูเหมือนพวกเก้งกวางก่อนหน้านี้เลย”

ธนูขมวดคิ้วฉับ ผละริมฝีปากออกจากธันวาที่เข่าอ่อนแทบทรุด ต้องกอดคอธนูไว้แน่นเพื่อพยุงตัวเองไว้

“งั้นจะอยู่ดูผมเอากันตรงนี้เลยก็ได้” พูดจบธนูก็เอ่ยขอโทษธันวาข้างหูเบาๆ ก่อนจะผลักร่างของธันวาไปติดผนังห้องแล้วตะโบมจูบทั้งที่ปาก คอ ใบหู แถมยังล้วงมือเข้าใต้กางเกงแบบหลอกๆ จนธันวาอยากร้องดังๆ แต่ร้องไม่ออก เพราะรู้ว่าต้องทำให้เพลินยอมออกไปจากห้อง เลยยอมๆ ไปก่อน

หญิงสาวเริ่มหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอกำหมัดแน่น ส่งเสียงกรี้ดก้องไปทั่วห้องเก็บเสียงของธนู ก่อนจะเปิดประตูเดินปึงปังออกไป

“ขะ เขาไปแล้วมึง” ธันวาถอนหายใจ ชะเง้อคอมองข้ามไหล่ร่างสูงตรงหน้ามองพี่เพลินที่ลับสายตาไปแล้ว ก่อนที่ประตูจะปิดเองอัตโนมัติ เมื่อกี้ทุกอย่างฉุกละหุกมาก จนลืมความเจ็บที่คอไปเลย พอนึกขึ้นได้อีกที ก็เหมือนจะเจ็บๆ จริงๆ พอธนูปล่อยมือ ธันวาก็รีบวิ่งไปที่กระจกหน้าตู้เสื้อผ้าทันที

“อะ อะ อะ ไอ้เหี้ยนู!!! มึงกัดคอกูจริงนี่หว่า ฮือออ ไอ้เหี้ย มันเป็นรอย” ธันวาโวยวาย อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ธนูเดินมาใกล้ๆ ก้มมองรอยดูดแดงๆ ที่คอของธันวาอย่างพึงพอใจ

“แบบนี้พี่เพลินจะได้รู้ไง ว่าผมกับคุณมีอะไรกันจริงๆ”

“แผนสูง! กูเจ็บนะเนี่ย” อดทุบไหล่ร่างสูงไม่ได้เลย น่าโมโหสุดๆ พอเริ่มจะทำใจได้ เสียงกระซิบเบาๆ ข้างหูก็ทำเอาควันออกหูอีกรอบ

“แต่ผมไม่ได้กัดนะ เขาเรียกว่าดูด”

***

เช้าวันต่อมา ธนูหาเสื้อนักศึกษามาเตรียมไว้ให้ธันวาเรียบร้อย แม้ไซส์อาจจะไม่ค่อยพอดีมาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีชุดเปลี่ยน แต่พอเห็นธันวาจะติดกระดุมที่คอเสื้อ ธนูก็รีบมาปัดมือออก

“ไม่ได้ๆ ต้องเปิดให้เห็นรอยสิครับ”

“กูอายมั้ยล่ะ โว้ย” ธันวาเถียงหน้าแดงหน้าดำ

“แค่ตอนอยู่บ้านนี่แหละ เดี๋ยวตอนอยู่มอค่อยเอาเสื้อกันหนาวใส่ปิดไว้” พูดไป มือก็ช่วยจับให้ปกเสื้อมันเปิดๆ จะได้เห็นรอยดูดชัดๆ

“กูไม่มีเสื้อแบบปิดคอ”

“เดี๋ยวผมเอาให้ อยากได้สีอะไรล่ะครับ”

“สีน้ำตาล”

แล้วธนูก็เปิดตู้เสื้อผ้าสีดำขนาด 5 ประตูที่มีเสื้อผ้าสีเข้มๆ อัดแน่นอยู่ข้างในออก รื้อหาจนเจอเสื้อกันหนาวแบบปิดคอสีน้ำตาลเข้ม หยิบออกมายื่นให้ธันวาเก็บไว้ใส่ ธันวาก็รับมาถือไว้ด้วยสีหน้ายุ่งๆ แต่ก็ไม่ลืมขอบอกขอบใจ

ตอนลงไปกินข้าวข้างล่าง ทุกคนต่างก็มองรอยที่คอของธันวาเป็นตาเดียว คนพ่อออกแนวแปลกใจ ยิ้มๆ นิดหน่อย ส่วนสองแม่ลูกถลึงตาใส่เหมือนจะกินหัวให้ได้ ชีวิตของธันวาช่างอึดอัดจนอยากจะร้องไห้ ได้แต่นั่งตัวลีบกินข้าวต้มไปเงียบๆ กว่าจะได้ขึ้นรถไปเรียน

***

หุๆ คนพี่ฉลาดร้ายนะ คนน้องออกแนวแรงแต่โง่ ทำใจคับ
สู้ต่อไปน้องอ๋องของพรี่
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 10 [16.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 16-10-2020 00:56:38
https://www.youtube.com/watch?v=6hzrDeceEKc (https://www.youtube.com/watch?v=6hzrDeceEKc)

เพลงประกอบ 55 เป็นเพลงที่เราชอบร้องให้แฟนฟัง แม้นางจะหนวกหูก็ตาม

10
And all the roads we have to walk are winding
And all the lights that lead us there are blinding
There are many things that I
Would like to say to you
But I don't know how
ถนนทุกสายที่เราต้องเดินไปข้างหน้ามันช่างวกวน
และแสงสว่างที่จะนำทางเราก็เริ่มมืดดับลง
ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉัน
อยากจะบอกกับเธอ
แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง

Because maybe
You're gonna be the one that saves me
And after all
You're my wonderwall
เพราะว่าบางที
เธออาจจะเป็นคนนั้นที่มาช่วยฉันเอาไว้
และในที่สุด
เธอคือ 'กำแพงวิเศษ' ของฉัน


“หือ? เพลงอะไรวะ เพราะดี” ธันวาเหลือบตาลงมองชื่อเพลงที่กำลังเล่นผ่านเครื่องเสียงในรถยนต์ ซึ่งเชื่อมต่อผ่านบลูทูธกับสมาร์ทโฟนของธนู ปกติธันวาไม่ค่อยฟังเพลงต่างประเทศ เพราะแปลไม่ค่อยออก

“Wonderwall ของ Oasis ครับ เพลงเก่าแล้วล่ะครับ แต่ผมชอบ ว่าจะเอาเล่นในงานเฟรชชี่ไนท์อาทิตย์หน้านี้” ธนูตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ อยู่กับธันวา เขายิ้มและหัวเราะบ่อยมากจนตัวเองก็ยังแปลกใจ

 “โอ๊ะ มอมึงมีงานเหรอ วันไหนๆ” ธันวาทำท่าสนอกสนใจ ตาเป็นประกายแวววับ

ธนูอมยิ้ม “วันที่ 23-24 ครับ วงผมขึ้นเล่น 23 ตอน 2 ทุ่มครึ่ง แต่คิดว่าน่าจะเลทกว่านั้นนิดหน่อย”

“เดี๋ยวกูชวนพวกไอ้ศรไปดูดีกว่า เป้ยก็ขึ้นป่ะ ไอ้ศรน่าจะรู้จากเป้ยแล้วมั้ง” ธันวาทำหน้าครุ่นคิด ช่วงนี้คันศรตามจีบสาวนักร้องผมทองคนนั้น คงรู้เรื่องงานเฟรชชี่ไนท์อะไรนี่แล้ว

“วงเป้ยรู้สึกจะวันที่ 24 นะครับ”

“งี้ก็ต้องไป 2 วันเลยดิวะ แล้ว 24 มึงก็จะอยู่ดูมั้ยอ่ะ”

“ก็คิดว่าจะดูวงเพื่อนๆ ด้วยนะครับ อ้อ ผมมีเพลงใหม่ที่แต่งเองด้วย คุณลองเอาไปฟังมั้ย จะได้มีคนช่วยร้องตาม” ธนูกดเลือกเพลงที่เพิ่งแต่งกับเพื่อนในวงส่งบลูทูธไปให้ธันวา

เป็นเพลงที่ค่อนข้างหนักพอสมควร เนื้อหาแรงนิดหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าเล่นดนตรีแนวฮาร์ดร็อคขนาดนี้ เสียงกลองนี่เด่นเป็นพิเศษ ธันวาคิดพลางเหลือบมองไม้กลองตรงเบาะหลัง

“ไม่เคยเห็นมึงเวลาเล่นดนตรีเลย นึกภาพไม่ค่อยออก”

“เดี๋ยวก็ได้เห็นครับ”

“นอกจากกลองกับไวโอลินนี่แล้ว เล่นอย่างอื่นอีกมั้ยอ่ะ พวกเด็กดุนี่ต้องเล่นเป็นหลายอย่างเลยป่ะ”

“ก็แล้วแต่สาขาที่เรียนนะครับ ของผมก็เน้นพวกดนตรีคลาสสิค แต่เวลาทำวงก็เล่นกลองกับกีต้าร์ได้” ธนูว่า ธันวาก็นึกภาพตาม เพราะเห็นมีกีต้าร์โปร่งในห้องนอนของธนูที่บ้านของคันศรตัวหนึ่ง ที่ห้องนั่งเล่นของบ้านพ่อก็มีเปียโน

“เล่นเปียโนด้วยเปล่า”

“ครับ เล่นได้ เชลโล เบส ทรัมเปต ผมก็เล่นได้ ดนตรีไทยก็เล่นพอไหว แต่ที่ถนัดๆ คงเป็นกลองแหละครับ”

“ดูเก่งจัง กูนี่เล่นดนตรีไม่เป็นสักอย่างเลย กีฬาก็ไม่ค่อยเล่น ไม่มีงานอดิเรกอะไรเลยว่ะ” ธันวากอดอก คิดถึงชีวิตที่ผ่านๆ มา มีแต่เรียนหนักตลอด เพื่อสอบเข้า พอเข้าคณะที่อยากเข้าได้แล้ว ก็ยังเรียนหนักอีก เพื่อจะได้คว้าเกียรตินิยม เพราะแบบนั้นป๊าม๊าจะดีใจ ที่ลูกชายคนโตสร้างผลงานโดดเด่น เป็นที่เชิดหน้าชูตา เอาเรื่องเรียนของลูกไปคุยให้เพื่อนบ้านฟังได้

“ไม่มีอะไรที่อยากลองทำมั่งเลยเหรอครับ”

“ก็...อยากลองเล่นดนตรีเหมือนกันนะ ดีดกีต้าร์จีบสาวแบบพวกไอ้แทนอ่ะ แต่ลองละเจ็บนิ้วว่ะ ฮ่าๆ”

“ขอมือหน่อยครับ”

“ห๊ะ?” ธันวาหันควับไปมองคนที่จู่ๆ ก็พูดแบบนั้นด้วยหน้านิ่งๆ อย่างงุนงง แต่พอเห็นมือซ้ายที่ยื่นมาให้ แสดงว่าไม่ได้หูฝาด เลยส่งมือขวาไปให้จับ ไม่ค่อยเขินมากแล้ว เพราะหลังๆ จับมือกันบ่อยจนเริ่มชิน

“มือนุ่มๆ แบบนี้ เล่นกีต้าร์ก็จะด้าน เสียดายแย่ครับ คุณจับนิ้วผมสิ”

ธันวาลองลูบๆ ปลายนิ้วของธนูอย่างตั้งใจ “อือ ด้านจริงๆ ด้วยอ่ะ”

“นิ้วคุณเรียวสวยดี น่าจะลองเล่นเปียโนนะครับ” ธนูลูบนิ้วกับมือของธันวากลับบ้าง

“จะหลอกให้ไปที่บ้านบ่อยๆ ป่ะเนี่ย” ธันวาทำหน้ารู้ทัน จนธนูอดหัวเราะไม่ได้อีกแล้ว

“จะคิดแบบนั้นก็ได้”

“กูชักจะรู้นิสัยจริงๆ ของมึงละ เห็นเก๊กนิ่งตลอด แต่จริงๆ แม่งโครต...” ม่อ ธันวาขอละคำนี้ไว้ในใจ

ธนูเลิกคิ้ว เหลือบมองแว้บๆ แต่ต้องรีบมองถนนต่อ เพราะยังขับรถอยู่ แต่พอถามไป ธันวาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ พลางดึงมือกลับไป

“โครตอะไรครับ?”

“เปล่า ไม่มีอะไร”

***

ธนูลงจากรถฟอร์จูนเนอร์สีขาว พลางโบกมือส่งยิ้มให้คนที่เขยิบไปนั่งที่คนขับแทนตนที่ลงมาแล้ว ก่อนจะยืนมองส่งรถของธันวาที่ขับออกไป แล้วค่อยเดินมาขึ้นตึกเรียน

“อารมณ์ดีนะมึง เมื่อคืนได้ข่าวว่าพาไอ้ธันไปบ้านเหรอวะ” นักข่าวตัวพ่ออย่างพีทรีบดิ่งมาสัมภาษณ์ทันที “อย่าบอกนะว่ามึงกับมัน...”

“...” ธนูทำหน้านิ่ง นั่งลงเตรียมเคาะไม้กลองเล่นเหมือนเดิม

“อะไรวะ อะไร เด็กใหม่ไอ้นู คนที่มารับมันวันนั้นป่ะ รถสีขาว กูจำได้” สาวน้อยมีนาที่นานๆ ได้มีบททีรีบโผล่หน้ามา “มึงนี่เลือกแต่คนหน้าตาดีตลอด แต่กูว่าคนนี้ไม่หล่อเท่าคนก่อน”

“ไม่หล่อแต่น่ารักครับเพื่อน ไอ้นูการันตีเอง กูจำได้ มึงอย่าเถียง” พีทรีบชี้นิ้วให้ธนูหุบปาก

“เพื่อนน้องชายมันด้วยนะเว้ย” เสียงเป้ย คนที่คันศรตามจีบดังลอยมาจากอีกมุม

“เหยยย จริงเด่ะ นูมึงเล่ามาเลย ไปได้กันตอนไหน จำได้ว่าเจอกันไม่กี่วันก็ตามติดกันเป็นเงาเลยเหรอวะ ไอ้หนุ่ยบอก” เปปเปอร์ เพื่อนที่ไม่ค่อยได้ไปร้านเหล้าด้วย เพราะต้องทำงานพิเศษ รี่เข้ามาสมทบ แถมตบด้วยโบ้ยเพื่อนข้างๆ ไปอีก

“เอาจริงๆ กลุ่มไอ้ศร แม่งไม่เหมือนแนวมึงสักคนเลยนะเว้ย ไปตกมาได้ไง คนนี้แมนแน่ๆ กูดูออก มึงจะจีบมัน หรือมันเบนมาจีบมึงวะ” พีทสงสัยจนคิ้วขมวดปม

“ก็แค่มีเรื่องให้ต้องช่วยเหลือกันนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” ธนูถอนหายใจ

“ไม่มีจริงเหรอวะ ปกติมึงไม่โบกมือยิ้มแย้มกับใครแบบเมื่อกี้ ขนาดแฟนเก่ามึง มึงยังไม่มุ้งมิ้งกับเขาแบบนี้เลย” ด้วยความที่คบกันมานาน ไม่มีอะไรรอดสายตาเหยี่ยวข่าวพีท พงศกร ไปได้

แต่สุดท้ายเพื่อนๆ ก็ยังคงไม่ได้คำตอบใดๆ จากคนปากแข็งอย่างธนู ทวีเทพธาดา

ทางด้านธันวา เพิ่งมาถึงตึกคณะวิศวกรรม ที่มหาวิทยาลัยของตัวเอง และไม่ลืมที่จะสวมเสื้อกันหนาวสีน้ำตาลเข้มรูดซิปปิดคอมิดชิดก่อนลงจากรถ

“มึงหนาวอะไรขนาดนั้นไอ้ธัน” ไอ้คนหน้าเหมือน และสันดานก็น่าจะคล้ายกันในบางส่วน พอโผล่มา ก็ทำให้ธันวาหงุดหงิดแปลกๆ เหมือนเห็นหน้าธนูเมื่อคืน

“ร้อนจะตายห่าแล้วเนี่ย” แทนทัพขมวดคิ้วมองเพื่อน ต่อให้เพิ่งลงจากรถ ก็ไม่น่าหนาวอะไรขนาดนี้

“เออ เรื่องของกู” ธันวานิ่วหน้าใส่เพื่อนๆ ที่สงสัยอะไรไม่เข้าเรื่อง เริ่มร้อนๆ จนอยากจะถอดเสื้อกันหนาว แต่ก็ถอดไม่ได้ กว่าจะเข้าห้องเรียนก็อีกครึ่งชั่วโมง เหงื่อแตกตายห่าแน่ๆ ไอ้ธัน

“อาทิตย์หน้าพวกมึงไปมอพี่กูป่ะ เป้ยบอกมีงานดนตรี มีของขายด้วย” คันศรเปลี่ยนเรื่อง เพราะขี้เกียจยุ่งกับการแต่งตัวของธันวาแล้ว จากนั้นก็คุยกันเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย

แต่ก่อนจะถึงงานเฟรชชี่ไนท์ที่พวกเขารอคอย ก็ต้องมาเจอด่านวันอาทิตย์โหดหินก่อน พ่อของธนูบอกว่าให้ไปเจอที่ร้านอากงเลย วันนั้นธนูเลยเอารถไปใช้ ปล่อยคันศรนอนเล่นที่บ้านไป

มาถึงร้านอาหารอากง ซึ่งเป็นชื่อร้านแบบง่ายๆ พ่อก็นั่งรออยู่ที่ชั้น 2 ของร้าน ในห้อง VIP แล้ว โดยมีครอบครัวของอากงอยู่กันพร้อมหน้า ทั้งอากง อาม่า พ่อเจียง อาม๊าของธันวา และน้องสาวกับน้องชาย ล้อมรอบโต๊ะทรงกลมหมุนได้ขนาดใหญ่ อาหารกำลังทยอยมาเสิร์ฟจนเกือบเต็มโต๊ะ

“สวัสดีครับ” ธนูยกมือไหว้ทุกคนในที่นั้น ยกเว้นพ่อของตัวเอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ พ่อ

“นี่ลูกชายมึงเหรอวะไอ้พัน หล่อเหมือนมึงตอนหนุ่มๆ เป๊ะ” เจียง พ่อของธันวาเอ่ยขึ้นก่อน ธนูยิ้มนิดๆ รับคำชมนั้น

“ทำไมไม่เคยพามาเลยล่ะอาพัน” อากงสงสัย

“มันไม่ค่อยชอบไปไหนมาไหนกับผมหรอกครับป๊า” พันตอบ พลางเหล่มองยิ้มๆ ให้ลูกชาย ที่ทำหน้าเจื่อนๆ

“ว่าแต่ ลูกชายคนโตมึงล่ะเจียง ไม่ลงมาเหรอ”

“สงสัยจะแต่งหล่ออยู่มั้ง ตั้งแต่เข้ามหาลัย ก็ชอบเที่ยวชอบแต่งตัวมากขึ้น อั๊วะก็ห่วงๆ แต่ยังไงผลการเรียนมันก็ดีมากอยู่” อาม่าว่า

“เฮียนี่ว่าที่เกียรตินิยมเลยนะลุงพัน” น้องชายของธันวารีบโม้แทนพี่ชาย “แล้วพี่เรียนอะไรครับ”

เหมือนจะถามธนู เขากระแอมนิดๆ “เอ่อ ดุริยางค์ครับ เล่นดนตรี”

“เอ๋? อาธนูเล่นดนตรีเหรอ แบบนั้นจบไปจะทำงานอะไรล่ะ” อาม่าถามบ้าง

“ก็เป็นนักดนตรีครับ ผมชอบแต่งเพลง” ธนูตอบหน้านิ่งเล็กน้อย คนสูงอายุสมัยก่อนมักจะคิดว่าการเล่นดนตรีมันทำมาหากินยาก แต่เดี๋ยวนี้ก็มีช่องทางในยูทูปเยอะแยะ เล่นตามผับตามบาร์ก็พอไหวอยู่ และเขาเน้นงานด้านโปรดิวซ์เป็นหลัก

“โหววว เจ๋งอ่ะพี่ พี่มีคลิปให้ดูมั้ย มีวงมั้ย หล่อๆ อย่างพี่น่าจะดังนะ แล้วพี่เล่นอะไรอ่ะครับ” น้องชายของธันวา รู้สึกว่าจะชื่อ เมษ ดูท่าทางสนใจเรื่องของธนูเป็นพิเศษกว่าคนอื่น เจ้าหนูวัย 16 ปี รีบลุกมายืนข้างๆ ธนู เพื่อจะดูคลิปที่ธนูเปิดให้

“เฮ้ยยยย เมย์ๆ มาดูดิ วงพี่เขาโครตเท่เลยอ่ะ คนติดตามหลักล้านเลยเว้ย” เด็กสมัยใหม่จะค่อนข้างตื่นเต้นกับเรื่องพวกนี้มากกว่า เมย์ น้องสาววัย 18 ปีของธันวาลุกมาขอดูบ้าง

“พี่ธนู แอดไลน์ๆๆๆ ส่งให้ผมที จะไปกดติดตาม พี่ธนูแม่งเล่นกลองอ่ะ โครตเท่เลย”

“มันน่าสนใจขนาดนั้นเลยเรอะอาเมษ” อาม่าชักอยากดูบ้าง จนกลายเป็นว่าต้องส่งเข้ามือถือของเมษแล้วก็เวียนกันดูรอบวง

พ่อพันมองหน้าลูกชายอย่างปลาบปลื้มนิดหน่อย ซึ่งธนูก็แค่ยักคิ้วใส่พ่อ ว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปเยอะมากแล้ว แม้วงของเขาจะไม่ได้ดังระดับประเทศหรือระดับโลก แต่หลังจากนี้เขาจะพยายามให้มันค่อยๆ เติบโตในวงการ

“พี่ธนูเป็นหัวหน้าวงเองด้วยอ่ะ เจ๋งว่ะเมย์” เมษเขย่าแขนพี่สาวรัวๆ ติดดูคลิปของธนูไม่เป็นอันกินกันแล้วงานนี้

“เท่สุดๆ เลยค่ะพี่ธนู แต่เมย์ชอบนักร้องอ่ะ พี่เขาหล่อจัง อยากรู้จักเลย”

“ฮ่าๆ มันชื่อบีมครับ เสียดายมันมีแฟนแล้ว”

“โห เสียดายจริงค่ะ” เมย์ทำหน้าเศร้า คุยกันสนุกสนานสักพัก พี่ชายคนโตของบ้านก็เดินลงมาจากชั้นสามพอดี ได้ยินเสียงดังลั่นออกมาจากในห้อง VIP ธันวาขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

“อ้าว มาแล้วๆ อาธัน มานั่งข้างๆ อาธนูเลย” เพราะเหลือที่นั่งสุดท้ายพอดี ธันวายกมือไหว้พ่อพันแล้วนั่งลงตามที่อากงบอก

“ไม่เคยเจอกันเลยใช่มั้ย นี่ลูกคนโตกูเองแหละ หาตัวจับยากนัก กว่าจะอยู่บ้านได้” เจียงว่า

“จริงๆ ก็เจอกันแล้วล่ะ เมื่อไม่นานนี้เอง”

ธันวากลืนน้ำลายอึกใหญ่ เหล่มองธนูที่ยังยิ้มแย้มคุยกับพวกน้องๆ ข้ามโต๊ะ ทำเหมือนไม่สนใจกันได้นะไอ้นู ธันวาคิดอย่างหงุดหงิด เผลอเอาเท้าเตะขาของธนู จนคนโดนเตะหันไปยิ้มหวานให้ แทนที่จะโกรธ

“เจอกันแล้ว ยังไงวะมึง” เจียงมุ่นคิ้ว มองหน้าลูกชายคนโตสลับกับเพื่อนเก่าอย่าง งงๆ พอมองไปก็เห็นจังหวะที่ธนูกำลังยิ้มหวานให้ลูกตัวเองพอดี มีสะดุดเล็กน้อย เพราะแววตาของธนูมันแปลกๆ

“ก็...”

“ผมเป็นเพื่อนกันน่ะครับ พอดีพาธันไปที่บ้านเมื่อวันก่อน แล้วเจอพ่อด้วย” ธนูรีบแทรกขึ้นก่อนที่พ่อจะได้พูด ในเมื่อใช้คำว่าเพื่อนไปแล้วก็จบแค่นั้น พ่อพันยักไหล่เบาๆ เพราะเข้าใจว่าธันวาคงไม่อยากให้ที่บ้านรู้

“ใช่ๆ เจอกันที่บ้านผมน่ะครับป๊า ลูกๆ พวกเราสนิทกันดีมากเลยล่ะ รักกันสุดๆ” พ่อพันหันไปคุยกับอากง

“พ่อ” ธนูปรามพ่อตัวเองเบาๆ น้ำเสียงขุ่น พ่อพันเลยเปลี่ยนเรื่องคุย

“แต่เรียนคนละคณะนี่นา” อาม๊า แม่ของธันวานึกขึ้นได้ เพราะลูกชายเรียนวิศวะ

“คนละมหาลัยด้วยนะ” พ่อพันสมทบไปอีก

ธันวาเริ่มหน้าเสีย เพรารู้ว่าจะต้องโดนซักเรื่องที่ว่าเจอกันได้ยังไง รู้จักกันตอนไหน มือของธันวากำแน่นอยู่บนหน้าตัก และธนูก็สังเกตเห็น เลยเอื้อมมือไปจับไว้ ส่งสายตาบอกว่า ไม่เป็นไร

“อ้าว แล้วไปรู้จักกันยังไง”

“นั่นสิ พ่อก็อยากรู้เหมือนกัน วันก่อนลืมถามไป” พ่อพันหันมามองทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม

ธนูเป็นคนตอบ “ธันเป็นเพื่อนกับน้องชายของผมครับ เลยรู้จักกัน”

พ่อพันนิ่งอึ้ง เรียวคิ้วเริ่มขมวด

“เอ่อ ใช่ๆ กง ป๊า นี่พี่ชายไอ้ศรไง หน้าเหมือนกันออก ดูสิ”

“เอ๋?” อาม๊าเหมือนเพิ่งนึกได้ “ก็ว่าคุ้นๆ”

“นี่พี่ชายอาศรเรอะ” อาม่าตกใจบ้าง คันศรเคยมาที่บ้านนานๆ ครั้ง เวลามีงานกลุ่มกัน เลยพอจะจำหน้าค่าตาได้ เพราะเด็กหนุ่มคนนั้นอัธยาศัยดีกับผู้ใหญ่

“เอ๊ะ งั้นอาศรก็...” อาม่ายกนิ้วค้าง และธนูก็คลี่ยิ้มอย่างผู้ชนะ

“ใช่ครับ คันศรเป็นน้องชายฝาแฝดของผมเอง”

***

เอาแหล่วๆ
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 10 [16.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 16-10-2020 02:11:26
รอครับ
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 10 [16.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-10-2020 06:58:17
แฝดพี่ดูหล่อสุขุมกว่า แต่แฝดน้องออกจะกวนๆและทึมหน่อยๆ (โมโหแทนอ่องหน่อยๆนะเรานะ ฮาๆ)
 :beat: อันนี้ให้เพลิน เขาบอกไม่กินชะนีก็จะเอาเขาอีก
 o13 รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 11 [16.10.20] up
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 16-10-2020 09:38:12
11
“แกไปเจอศรตอนไหน ทำไมไม่บอกพ่อ”

พอกลับมาถึงบ้าน พ่อก็เริ่มทันที ตอนอยู่บ้านอากงยังเกรงใจผู้ใหญ่อยู่ เลยไม่กล้าถามอะไร แม่เลี้ยงกับเพลินก็ออกมาต้อนรับ แต่เห็นบรรยากาศอึมครึมเลยไม่กล้าเข้ามาทัก

“พ่อเคยสนใจด้วยเหรอ ขนาดแม่ตายไปแล้วยังไม่เห็นสน” ธนูถอดรองเท้าจนแทบจะเขวี้ยง พอนึกถึงตอนที่ต้องไปยืนมองแม่ผ่านป้ายหลุมศพแล้วยิ่งเจ็บใจ ถ้าเขาไม่คิดจะตามหา ชาตินี้คงไม่มีวันได้เจอน้อง

“ไอ้นู แกจะโกรธเกลียดประชดแดกดันอะไรฉันนักหนา” เสียงของพ่อพันขุ่นมัวยิ่งขึ้น แต่เขาก็ไม่สนใจ ไม่รู้สึกอะไรเลย

“ผมไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียด แต่ผมประชดน่ะใช่”

“ธนู!” พ่อตวาดลั่น แต่เขาก็ไม่หลบสายตาเดือดดาลนั้น แถมยังพุ่งเข้าใส่ เพราะตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กอายุ 8 ขวบอีกแล้ว

“พ่อรู้สึกอะไรมั่งมั้ยล่ะ ที่แม่ตายไปแล้ว ผมไม่ได้เจอหน้าแม่เลยสักครั้งก่อนตาย ไม่ได้คุย ไม่ได้กอดไว้ พ่อเข้าใจความรู้สึกของไอ้ลูกคนนี้มั่งมั้ย!”

พ่อนิ่งเงียบ โต้ตอบอะไรไม่ได้

“แล้วพ่อก็ยังจะบังคับผม ให้ผมเป็นผู้ชายปกติ ก็ผมมันไม่ปกติไงวะ ผมเป็นเกย์ ผมชอบผู้ชาย ผมนอนกับผู้ชายด้วยกัน ผมไม่เอาผู้หญิง! เข้าใจผมสักที! หรือถ้าพ่อจะเกลียดลูกที่เป็นแบบนี้ ก็ปล่อยผมไป!”

“ไปพาศรมาหาฉันที ฉันอยากเจอ” พ่อลดเสียงลง พยายามจะให้ทุกอย่างเหมือนเดิม ทะเลาะกับธนูเรื่องนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ พอเห็นธันวา ก็พอจะยอมทำใจรับได้บ้าง เลยไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องเก่า

“พ่ออยากเจอน้อง หรือแค่อยากได้ทายาท เพราะผมเป็นเกย์ เลยจะให้น้องกลับมางั้นเหรอ! ถ้าผมไม่เป็นแบบนี้ พ่อก็คงไม่สนใจแม่กับน้องของผม”

“ธนู พ่อขอล่ะ พ่อแค่อยากเจอศร”

“หึ อยากเจอเอาป่านนี้เหรอ ไม่ต้องห่วงนะพ่อ น้องไม่ลำบากหรอก เพราะผมจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่พ่อให้ เลี้ยงน้องของผมเอง หรือพ่อจะให้ผมออกจากบ้าน ไปทำงานหาเงินเองก็ได้!” เขากัดฟันกรอด มือกำแน่น เพลินรีบเข้ามาหา

“ธนู ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ ขอโทษคุณพ่อก่อน อย่าใจร้อนแบบนี้สิ”

ธนูขมวดคิ้วฉับ สะบัดมือของหล่อนออกจนเพลินกระเด็นไปหาแม่เลี้ยง พ่อตกใจ หันมามองเขาตาขวาง

“โมโหก็ลงกับฉัน อย่าไปทำคนอื่น พี่เขาก็แค่ห่วงแก”

“ห่วง? พ่อคิดว่านั่นคือความเป็นห่วงแบบพี่น้องเหรอ” ธนูเหมือนจะยิ้มอย่างเย้ยหยัน ใบหน้านั้นเหยเกเล็กน้อย ก่อนที่เสียงสบถจะดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมนิ้วที่ชี้ใส่หน้าเพลิน ทำเอาสองแม่ลูกสั่นกลัวด้วยความตกใจ เพราะดวงตาของธนูบ่งบอกว่าเอาจริง

“กล้าเข้ามาแตะผมอีก ครั้งหน้าผมจะกระทืบให้ตาย”

“ไอ้นู! ธนู! ไอ้ลูกชั่วนี่! โธ่เว้ย”

***

ธนูกวาดข้าวของเกือบทั้งหมดแล้วเอาขึ้นรถมาเซราติสีดำของเขา ก่อนจะบึ่งรถออกไปจากบ้านหลังนั้น และคราวนี้คงไม่กลับมาอีกนาน

ตอนที่ได้ข่าวว่าแม่ตายไปแล้ว หัวใจของเขามันแตกสลาย จนไม่เหลือชิ้นดี กว่าจะทำใจได้และไปพบหน้าคันศรก็ใช้เวลาเกือบเดือน ต้องปล่อยให้น้องจมทุกข์อยู่คนเดียว

ธนูอยากจับมือของแม่เหมือนตอนเด็กๆ อยากเห็นแม่เป็นครั้งสุดท้าย แต่ทำได้แค่ยืนมองรูปของแม่ตรงหน้าหลุมศพ กับรูปถ่ายที่อยู่ในบ้านของคันศร เขาไม่อาจพูดคุยหรือกอดแม่ได้อีกแล้ว มันเจ็บปวดจนไม่มีที่สิ้นสุด เจ็บลึกๆ อยู่ข้างในมาตลอด แม้จะทำตัวเหมือนปกติดี แต่ความทรมานนี้มันไม่เคยหายไป คันศรที่อยู่กับแม่มานานก็คงไม่ต่าง บางทีอาจจะเจ็บปวดยิ่งกว่าเขาหลายเท่าด้วยซ้ำ แต่น้องก็พยายามเก็บกลั้นมันเอาไว้ น้องยกห้องตัวเองให้เขา เพราะอยากนอนในห้องของแม่ เพื่อให้ได้สูดกลิ่นของแม่ บางครั้งเขาแอบเข้าไปดู ก็เห็นคันศรนอนกอดเสื้อผ้าของแม่แล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น

แต่ชีวิตพวกเขาต้องไปต่อ ไม่ว่าจะคิดถึงคนที่ตายไปแล้วมากแค่ไหนก็ตาม

“นู กลับมาแล้วเหรอวะ ซื้อไรมาให้กินป่ะเนี่ย” พอเห็นพี่ชายหอบข้าวของลงจากรถ คันศรก็รีบใส่รองเท้าแตะแล้ววิ่งออกไปช่วยหิ้ว “ขนไรมาเยอะแยะเนี่ย”

“เดี๋ยวสั่งอะไรมากินแล้วกัน เอามือถือไปกดสั่งเอาเลย” ธนูหรุบตาลงมองที่กระเป๋ากางเกง คันศรมองตามแล้วก็ล้วงสมาร์ทโฟนออกมาแสกนหน้าของพี่ชายเพื่อเปิดเครื่อง แล้วเปิดเข้าแอพสีเขียวเพื่อสั่งอาหาร

“เคๆ กินไรดีน้า มึงเอาไรอ่ะ” คันศรจ้องสมาร์ทโฟน เลือกร้านไม่ถูก

“อยากกินอะไรก็สั่งเลย เอาที่นายอยากกิน ฉันกินอะไรก็ได้” ธนูว่าพลางวางข้าวของที่ขนมาไว้แถวๆ ข้างบันได ส่วนมากเป็นพวกเสื้อผ้ากับของใช้เล็กๆ น้อยๆ ที่ทิ้งไว้บ้านนั้น

“งั้นเอาร้านนี้ละกัน มึงชอบกินแต่ของจืดๆ กินอาหารญี่ปุ่นมั่งก็ดี” คันศรว่าพลางนั่งลงบนโซฟา พอกดเลือกเมนูที่จะกินเสร็จ ก็เงยหน้ามองพี่ชายที่มานั่งข้างๆ แล้วเอาหัวมาพิงที่ไหล่ ท่าทางของพี่เหมือนจะอ้อนแปลกๆ

“เป็นไรของมึง” คันศรหัวเราะ แต่พอได้ยินที่พี่พูด ก็เงียบไป เพราะอยากตั้งใจฟัง

“ขอโทษนะศร ที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวตั้งนาน” ธนูเอ่ยเสียงเครือ พยายามกัดริมฝีปากที่สั่นไว้ แล้วพูดต่อ “ขอโทษที่ปล่อยให้นายโดนไอ้พ่อเลี้ยงนั่นรังแก”

“มึงรู้เหรอวะ” คันศรหรุบตาลง นึกถึงตอนเด็กๆ ที่โดนอัดเหมือนกระสอบทรายแล้วก็แค้นขึ้นมา

“อือ เพิ่งรู้ตอนสืบเรื่องพวกนายแหละ ขอโทษจริงๆ ที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย”

“บ้าน่า มึงจะมาขอโทษทำไม ถึงมึงอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก มีหวังโดนไอ้เหี้ยนั่นตีทั้งคู่” คันศรหัวเราะเบาๆ “แต่พอกูโตขึ้น มันก็ไม่กล้ากับกูแล้ว กูกระทืบแม่งกลับอ่ะ”

ธนูซุกหน้าลงกับไหล่หนาของน้อง เหมือนน้ำตาจะไหล เพราะคันศรรู้สึกอุ่นๆ จนต้องนิ่วหน้า ไม่คิดว่าพี่ชายจะมีมุมที่อ่อนแอมากขนาดนี้ คันศรถอนหายใจเบาๆ ยกแขนขึ้นโอบบ่าของพี่ไว้ แล้วคอยลูบหัวให้

***

ในที่สุด งานเฟรชชี่ไนท์ก็มาถึง พวกคันศรแบ่งกันไปรถของแทนทัพกับรถของธันวา รวมๆ แล้วประมาณสิบคน ไปถึงที่งาน คันศรก็เข้าไปในหาพี่ที่หลังเวทีก่อน หน้าเหมือนกันแบบไม่ต้องใช้บัตรผ่าน

“ตื่นเต้นป่ะวะ” คันศรแกล้งแซวพี่ชายที่กำลังยืนเคาะไม้กลอง เหมือนเรียกสมาธิ

“นิดหน่อยมั้ง” ธนูตอบตามตรง พลางยักไหล่นิดๆ

“อยากได้กำลังใจมั้ยล่ะ” คนน้องเลิกคิ้วกวนๆ ธนูเหลือบมองแล้วอมยิ้ม

“ได้ก็ดี”

คันศรเอานิ้วถูจมูก อย่างขัดๆ เขินๆ “งั้น...กูคอยดูมึงอยู่หน้าเวทีนะ ถ้าคิดอะไรไม่ออก ก็มองหน้ากู คงเหมือนมองตัวเองในกระจก มึงจะได้หายตื่นเต้นไง”

แล้วก็คว้าพี่ชายมากอดไว้หนักๆ ตบหลังดังปุๆ “กูนี่แหละ กำลังใจของมึง”

ธนูคลี่ยิ้มทั้งใบหน้า พลางหลับตาลงรับกำลังใจจากน้องชายให้เต็มที่

คันศรเดินกลับออกมาจากหลังเวที ไปสมทบกับเพื่อนๆ ที่จองที่ยืนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว อยู่หน้าเวที เกือบตรงกลาง เพราะต้องเยื้องมาหน่อย เพื่อจะได้เห็นมือกลองชัดๆ

ธันวาเองก็ยืนเกาะไหล่คันศรอยู่ รอดูอย่างตื่นเต้น เพราะจะได้เห็นการรัวกลองสดๆ ของธนูเป็นครั้งแรก

“มาแล้วๆ” ระหว่างที่พิธีกรกำลังจะประกาศวงต่อไป ธันวาก็เป็นคนแรกที่เห็นธนูเดินออกมานั่งที่หลังกลอง ด้วยรูปร่างที่สูงโปร่ง ทำให้ไม่โดนกลองบัง มองเห็นใบหน้านิ่งๆ ของธนูได้อย่างชัดเจน

“กรี้ด พี่ธนู!” “พี่บีม!” “โอ๊ตอปป้า!” เสียงเรียกชื่อคนในวงของธนูดังลั่นอยู่ข้างหูของพวกเขา เด็กผู้หญิงมาดูเยอะมาก ทั้งที่วงนี้เล่นเพลงค่อนข้างแรง สงสัยเพราะอิทธิพลหน้าหล่อๆ ของเดือนคณะดุริยางค์อย่างบีม ที่เป็นนักร้องนำ

“พวกมันดังขนาดนี้เลยเหรอวะ” ธันวามองรอบข้างอย่างประหลาดใจ

“ไม่รู้ดิ แต่ก็เห็นคนตามเยอะอยู่ แค่ในมอมันก็หมดทั้งมอแล้วมั้ง” คันศรหัวเราะ โบกมือให้พี่ชายไปด้วย ธนูก็แค่พยักหน้าให้ ก่อนจะควงไม้กลองโชว์ เรียกเสียงกรี้ดกระหึ่มสนามบอล ด้วยมาดนิ่งๆ ของมือกลองผู้ไม่เคยยิ้ม แต่อาจจะยกเว้นให้บางคน ที่เขาจะยิ้มให้

บทเพลงแรกเป็นเพลงคัฟเวอร์ Wonderwall ของ Oasis เพลงที่ธนูเคยเปิดให้ธันวาฟังครั้งก่อน สายตาของมือกลองผู้ไม่เคยยิ้ม ทอดมองลงมาแถวๆ ที่พวกคันศรยืนอยู่ กับรอยยิ้มบางๆ ที่ส่งให้ใครบางคน จนสาวๆ กรี้ดลั่นไม่หยุด เพราะได้เห็นธนูยิ้ม

คันศรมองพี่ชาย แล้วก็เหลือบมองคนข้างๆ ที่กำลังยิ้มจนหูแทบฉีกอย่างงุนงง

“มันมองมึงแล้วยิ้มเหรอวะ” คันศรนึกสงสัย แต่ธันวาก็ไม่ได้ตอบอะไร เพราะไม่ค่อยได้ยินที่พูด ไอ้ที่พี่ยิ้มให้น้องน่ะไม่แปลก แต่ขนาดคันศรเป็นน้องแท้ๆ ยังเพิ่งได้รับรอยยิ้มสดใสจากพี่ชายเมื่อไม่นานนี้เอง แล้วนี่...ทำไมเพื่อนของเขาถึงได้ไปง่ายดายขนาดนี้

“...แต่เขาสนิทกันอ่ะ เพิ่งรู้จักกันไม่ใช่เหรอ ทำไมสนิทกันขนาดมาส่งที่บ้าน ไปซื้อของด้วยกันอีก”

คำถามแปลกๆ ของอ๋องผุดขึ้นมาในหัวของคันศร เรื่องนี้แม่งต้องมีเงื่อนงำ!

วงของธนูเล่นจบแล้ว มีทั้งเพลงของตัวเองและเพลงที่คัฟเวอร์ของคนอื่น น่าเสียดายที่เวลาไม่พอ แฟนๆ เลยอดได้ฟังต่อ แม้จะมีเสียงร้องตะโกนให้เล่นอีกก็ตาม

ธนูเก็บข้าวของเดินลงมาจากเวที แปะมือทักทายเพื่อนอีกวงที่ขึ้นไปเล่นต่อ แล้วก็มาหาพวกคันศรที่ยืนรออยู่

“แม่ง พวกมึงโครตเจ๋งเลยว่ะ” แทนทัพชมทันทีที่เจอหน้า “นี่เพิ่งรู้ว่าไอ้บีมแม่งเป็นเดือนคณะ”

“ได้ยินที่พวกสาวๆ เขากรี้ดกันน่ะ ฮ่าๆ” เท็นว่า

“แต่พวกมึงแม่ง เล่นดนตรีขัดกับหน้าตานะ ร็อคซะหัวกระจุย” คันศรแซวพวกพี่ชาย บีมส่ายหน้าขำๆ

“หน้าพวกกูดูน่าไปเต้นบีบอยหรือไงล่ะ”

“เออว่ะ ฮ่าๆๆ” แล้วทุกคนก็หัวเราะกันลั่นอย่างสนุกสนาน “ได้ยินโอ๊ตอปป้าด้วย หน้าเกาหลีมากอ่ะมึง”

“กูหล่อสุดไงไอ้สัส” โอ๊ต มือกีต้าร์ของวงเอาศอกถองคันศรที่แซวมา ระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยกันเฮฮาเรื่องวงของธนูและเรื่องงานคืนนี้ ก็มีสองคนที่เหมือนจะปลีกวิเวก และคันศรก็แอบเหลือบๆ มองอยู่ด้วยความคาใจ

“เดี๋ยวไปเดินดูงานต่อมั้ย หรืออยากดูวงอื่น” ธนูดึงมือของธันวาให้แยกออกมาห่างจากกลุ่มเพื่อนเล็กน้อย แล้วคุยกันสองคน เพราะเสียงเพลงของวงต่อไปดังขึ้นแล้ว ธนูเลยต้องก้มหน้าคุยใกล้ๆ หูของธันวา

“เห็นพวกมันบอกจะเดินอีกสักพักอ่ะ มึงตีกลองโครตเท่เลยนะ” คำชมตรงๆ ของธันวา ทำให้ธนูยิ้มแทบไม่หุบ ยิ้มทั้งตา และมันก็ทำให้คันศรที่คอยสังเกตยิ่งติดใจกับหน้ายิ้มๆ ของพี่ ที่มันไม่เหมือนเวลายิ้มให้น้องหรือเพื่อน ไอ้สายตาที่เหมือนกับเวลาเขามองผู้หญิงแบบนั้นมัน...แถมมือ...มันจับมือกันว่ะ เฮ้ยยย

“ขอบคุณที่ชมครับ เดี๋ยวมีรางวัลให้”

“รางวัลอะไร ไม่ต้องก็ได้ม้าง”

“ไม่เอาจริงเหรอ” ธนูอมยิ้มขำๆ

“บอกก่อนดิอะไร เดี๋ยวมึงแกล้งกู” ธันวาหน้ามุ่ย

“ผมเคยแกล้งคุณที่ไหน”

“ก็แกล้งตลอดแหละ อย่ามาทำหน้าตอแหล เรื่องที่บ้านกูยังไม่เคลียร์เลยเว้ย นี่ป๊ากูเริ่มสงสัยแล้ว”

“งั้นก็ทำให้เขาหายสงสัยไปเลยสิ” ธนูยังคงยิ้มและมองตาของธันวา คันศรเห็นสายตาของทั้งสองคนที่มองกันมันเป็นประกายแปลกมาก อย่างกับ...เป็นแฟนกัน

มือของธนูบีบเบาๆ แล้วค่อยๆ นวดคลึงกับฝ่ามือของธันวา ซึ่งอีกคนก็ไม่ได้คิดจะสลัดออก กลับยังจ้องหน้าของธนูนิ่งๆ ทั้งที่ใจเต้นรัว และแก้มก็ร้อนผ่าว

“ทำให้หายสงสัยยังไง จะให้เลิกโกหกแล้วเหรอ” แล้วธันวาก็หรุบตาลง สีหน้าหมองเล็กน้อย ใจมันโหวงๆ ถ้าเกิดเลิกแกล้งเป็นแฟน ก็เหมือนจะไม่ต้องเจอกันหรือทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว เป็นแค่คนรู้จักกันธรรมดา ทั้งที่เริ่มจะรู้สึกดีๆ ต่อกัน

“ครับ เลิกโกหกกันดีกว่า” ธนูว่าพลางก้มหน้าลงอีก เพื่อให้ริมฝีปากชิดกับใบหูของอีกคนมากขึ้น ก่อนจะกระซิบเบาๆ ด้วยประโยคที่ทำให้ธันวาต้องเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าคล้ายจะดีใจ

“เรามาเป็นแฟนกันจริงๆ เลยดีกว่า”

***

คันศรเดินตามหลังพี่ชายกับเพื่อนของตัวเองที่เดินคู่กันตลอดทาง ทั้งที่เพื่อนคนอื่นก็อยู่เยอะแยะ แต่ธันวากลับเลือกเดินกับธนู ท่าทางสนิทสนมกันมากด้วย แล้วเมื่อกี้คุยอะไรกันมาก็ไม่รู้ เหมือนธนูจะกระซิบอะไร แล้วธันวาก็พยักหน้ารับ แถมยังยิ้มแก้มปริอีก

มันน่าเผือกยิ่งนัก

“ไอ้ศร กูอยากกินอันนี้ มึงซื้อที” เท็นผู้รักการกินเป็นชีวิตจิตใจพุ่งมาเกาะแขนของคันศร ลากไปเข้าซุ้มขนมหวาน ขัดจังหวะการเผือกจริงๆ คันศรมองหน้าไอ้เท็นอย่างหงุดหงิด

“มึงจะมาอยากแดกของหวานอะไรตอนนี้ ดึกแล้ว อ้วน”

“อ้วนก็เรื่องกู มึงเลี้ยงหน่อย ตังกูหมดแล้ว”

“ไอ้เหี้ยนี่ ทำไมไม่ไปบอกพ่อมึงล่ะเว้ย” พ่อที่ว่าก็หมายถึงแทนทัพนั่นเอง แทนทัพกับเท็นเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ประถม ดูแลกันเหมือนพ่อลูก แทพทัพเป็นพ่อ เท็นเป็นลูก แต่บางทีก็ตีกันกระเจิง เพราะความกวนตีนของไอ้เท็น

“กูจะกินช็อคกล้วยยยย เร็วๆ เอาตังมึงมา ได้ข่าวพี่มึงรวย มึงต้องรวยเหมือนพี่มึงสิ”

“สัส นั่นเงินพี่กู ไม่เกี่ยวกับกูป่ะล่ะ” คันศรรีบควักเงินให้เพื่อน พยายามจะมองตามหลังพี่กับธันวาไป แต่เหมือนสองคนจะเดินหายไปไหนแล้ว “ไอ้ตัวขับลาภเอ๊ย”

“อะไรวะ กูทำไรขัดลาภมึง เหล่สาวอยู่รึไง เดี๋ยวฟ้องเป้ยนะ” เท็นที่ก้มมองขนมตรงหน้าบูธยืดตัวขึ้น

“ไอ้ห่านี่ รีบแดกเลย จะแดกไรเอามาเร็วๆ” คันศรเร่งยิกๆ แต่เท็นก็กวนตีนจริงๆ ยิ่งเร่งมันยิ่งไม่ทำให้ จนคันศรอยากจะบ้าตาย มองหาแทนทัพก็ไม่เจอ ไม่รู้หลงกันตอนไหน สงสัยไอ้เพื่อนชั่วทิ้งลูกไว้ แล้วไปหาเมียใหม่แหงๆ

***

เร็ววววววเกิ๊นนนน อีคู่นี้ เหลือแค่น้องอ๋องนะ คันศรเริ่มจะสงสัยพี่กับเพื่อนละ มันต้องกระตุ้นอะไรบ้าง
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 11 [16.10.20] up
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 16-10-2020 10:04:27
ฟินได้อีกคู่ธนู กับ ธันวา  :mew1:
แต่ช่วยหาอะไรไป(ตีหัวคันศรให้รู้ตัวซะทีได้ไหม อยากให้น้องอ่อง(ที่น่ารักออกมาซะที ฮาๆ)
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 12 [16.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 16-10-2020 12:43:08
12
อ๋องเดินเข้ามาในบ้านของแฝด และพบว่ามีคนคุ้นหน้านั่งอยู่ในบ้านอีกคน

“พี่ธัน?”

“อ้าว ไอ้อ๋อง ไม่เจอหน้ามึงเลยนะช่วงนี้ เรียนหนักหรือไงวะ” ธันวาหันไปทักเด็กหนุ่มหัวเกรียน อ๋องก็มองธันวาเหมือนสงสัยอะไรสักอย่าง ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆ

“ก็มีพวกรายงานด้วย เรียนพิเศษด้วย เลยไม่ค่อยว่างอ่ะพี่ แล้วพี่ธันมาหาพี่ศรเหรอ จะไปเที่ยวไหนกัน”

“เปล่า ทำไมกูต้องมาหามันด้วยวะ อยู่มอก็เจอจนเบื่อจะตายห่า” ธันวาหัวเราะ อ๋องก็พยักหน้า มองไปรอบบ้าน ไม่เห็นสองแฝดเลย แต่สักพักแฝดพี่ก็เดินลงมาจากบันได

“โทษทีที่ให้รอครับ ไปกัน...อ้าว? อ๋อง มาหาศรเหรอ” ธนูทักคนตัวเล็กข้างๆ ธันวา อ๋องรีบหันไปยิ้มให้ แล้ววิ่งไปกอดแขนของธนูเหมือนที่ชอบทำกับคันศร 

“อื้อ เดี๋ยวจะออกไปเรียนพิเศษ เลยแวะมาดูพวกพี่ ไม่ค่อยเจอเลย ผมคิดถึง”

ธนูรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย ปกติอ๋องไม่ค่อยเข้าหาขนาดนี้ เขากลอกตามองธันวาที่แค่ยักไหล่ให้ ก่อนจะดันตัวอ๋องออก

“เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกน่ะครับ ติดรถไปด้วยกันมั้ย หรือจะรอเจอศรก่อน มันน่าจะอาบน้ำอยู่ เดี๋ยวคงลงมา”

อ๋องเหมือนหยุดคิดนิดหน่อย ก่อนจะพยักหน้า “ไปด้วยเลยดีกว่า เดี๋ยวสาย”

วันนี้ธันวาขับรถมาหาที่บ้าน แต่ขาออก ธนูเป็นคนขับ โดยมีธันวานั่งข้างๆ และอ๋องนั่งเบาะหลัง เด็กหนุ่มคอยสังเกตทั้งคู่ตลอดเวลา เพราะพักนี้เห็นธันวาที่บ้านบ่อยมาก มาส่งธนูทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ชอบออกไปไหนด้วยกัน

ทั้งที่ตอนนั้นธนูเคยมาขอแทนที่คันศร แถมยังจูบ...แต่จู่ๆ ก็หันไปสนใจคนอื่น ความรู้สึกแบบเด็กๆ ของอ๋อง ทำให้รู้สึกหวงพี่ชายขึ้นมา มันเหมือนโดนแย่งพี่ชายไป แล้วคันศรก็ไม่สนใจใยดีกันเท่าไหร่ด้วย คนที่คอยใส่ใจทั้งที่เจอกันไม่นาน ก็มีแค่ธนู

ตอนนั้น ไม่น่าปฏิเสธเลย

อ๋องกัดริมฝีปาก ตอนเห็นธนูเอามือขยี้ผมของธันวาเล่น แล้วธันวาก็ปัดออกเหมือนหงุดหงิด แต่ทั้งคู่ก็ยังยิ้มและหัวเราะให้กัน อ๋องเองก็อยากเป็นแบบนั้นกับคันศรบ้าง แต่มันคงเป็นไปได้ยาก ถ้าเลือกธนูแต่แรก...ก็คงได้อยู่ข้างๆ ธนูแบบนี้แล้ว

“ตั้งใจเรียนนะครับ” ธนูชะโงกหน้ามาจากฝั่งคนขับ ตอนที่จอดรถเทียบหน้าโรงเรียนสอนพิเศษของอ๋อง อ๋องยิ้มแกนๆ พยักหน้าให้ทั้งคู่แล้วลงจากรถไปด้วยความรู้สึกโหวงๆ พลางกอดหนังสือเรียนไว้แนบอก แล้วรีบวิ่งเข้าไปในตึกเรียน

***

“นี่ เราตามจีบเธอมาตั้งนานแล้วนะ เมื่อไหร่จะเป็นแฟนเราสักทีอ่ะ”

เป้ยหัวเราะ ผู้ชายตัวโตอย่างคันศรมาทำออดอ้อนเหมือนลูกแมวแบบนี้ ทั้งน่ารักน่าเอ็นดูและอดขำไม่ได้เลย

“จีบอะไร แค่มารับกลับบ้าน คุยไลน์กันเนี่ยนะ วิธีจีบของนายแม่งโครตเด็กว่ะ”

คันศรหน้ามุ่ย “ก็จะให้เราทำไงอ่ะ เราอยากได้เธอเป็นแฟน ไม่อยากทำอะไรให้เธอรู้สึกไม่ดี”

“เราก็ไม่ได้รังเกียจนายหรอกนะศร” เป้ยกอดอก คันศรรีบยืดตัวนั่งหลังตรง มองหน้าหญิงสาวอย่างลุ้นๆ ก่อนที่จะหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“แต่เราชอบผู้หญิงว่ะ”

ฟ้าถล่ม โลกทลาย ชีวิตของคันศรเหมือนตกเหวแล้วโดนสิบล้อเหยียบซ้ำทั้งที่ร่างพังไปแล้ว กับคำตอบที่ออกมาจากปากของเป้ย

แล้วไอ้ห่าพี่ แม่งไม่เสือกบอกกูแต่แรก ให้ตามจีบอยู่ได้ตั้งนานสองนาน ไอ้นู!!!

“ฉันจำเป็นต้องบอกเหรอ” ธนูกลอกตามองน้องที่มาโวยวายใส่ พลางวางจานอาหารลงบนโต๊ะ แล้วนั่งลงตรงข้ามกัน

“อย่างน้อยมึงน่าจะบอกกูไง”

“มันเป็นเรื่องส่วนตัวป่ะ ฉันไม่อยากพูด ให้เป้ยมันบอกเองอ่ะดีแล้ว” ธนูตักข้าวเข้าปาก วันนี้เป็นผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้กับหมูทอด จืดเสมอต้นเสมอปลาย

“ก็เข้าใจ ส่วนตัวมากด้วย คนอื่นพูดคงดูไม่ดีแหละ เฮ้อ” คันศรฟุบหน้าลงกับโต๊ะ รู้สึกไม่อยากอาหารขึ้นมาเลย ทำไมช่วงนี้รอบตัวมีแต่แนวนี้ ไหนจะเรื่องของพี่กับเพื่อน

“เออ จริงดิ กูว่าจะถามนานแล้ว” คันศรเงยหน้าขึ้น เหลือบตามองพี่ชายที่นั่งกินข้าวอย่างเรียบร้อย ผู้ดีสุดๆ

“ว่า?” ธนูเหลือบตาลงมองน้องชายที่นอนหนุนแขนมองมา

“พวกมึง มึงกับไอ้ธันอ่ะ มีอะไรกันป่ะวะ”

ธนูเสมองไปอีกทาง พลางทำหน้าเหมือนครุ่นคิด ควรจะบอกดีมั้ย แต่ก็กลัวธันวาจะไม่โอเค อยากจะปรึกษากันก่อน เลยไม่บอกดีกว่า

“ก็ไม่มีอะไรนี่”

“จริงเหรอวะ หน้ามึงบอกว่ามีอะไรน้า” คันศรหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ แต่ด้วยความหน้านิ่งของธนู เลยจับอะไรไม่ได้เลย

***

ในเมื่อจีบเป้ยก็ไม่ติด และไม่มีสาวที่ไหนน่าสนใจอีกแล้ว คันศรก็เลยได้แค่เที่ยวเล่นสนุกไปวันๆ เหมือนเคย พร้อมกับสอดส่องพี่ชายและเพื่อนรักไปด้วยในตัว

“เนี่ย กูเริ่มสงสัยจริงจังแล้ว แม่งทำเหมือนแฟนกัน” คันศรมอง IG ส่วนตัวของพี่ชายที่เอาไว้สำหรับให้เพื่อนสนิทติดตาม ซึ่งช่วงนี้เป็นรูปของธันวากับของกินต่างๆ ที่ธนูทำ ส่วนมากก็ถ่ายที่บ้านนี้ ธันวามาบ้านของเขาบ่อยมาก ทั้งที่เมื่อก่อนชวนมาปาร์ตี้กินเหล้าเมายาก็ไม่ค่อยจะยอมมา อ้างนั่นนี่สารพัด ก็รู้หรอกว่าเพื่อนเป็นคนไม่ชอบมั่วสุม ออกแนวเนิร์ดๆ เด็กเรียนตัวพ่อ แต่ก็ยังพยายามทำตัวกลมกลืนกับพวกเขามาตลอด จนมาเจอคุณชายธนู เลยเหมือนจะถูกคอกันอีท่าไหนไม่รู้ ตัวติดกันเหลือเกิน

“คงไม่ใช่หรอกมั้ง” อ๋องที่มาให้คันศรช่วยติวให้ นั่งหน้างอ ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเท่าไหร่ เพราะคนข้างๆ เอาแต่ชวนเล่น แล้วยังมัวส่อง IG คนอื่นอีก ไม่อยากรับรู้เรื่องของธนูกับธันวาแล้ว เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกันชัวร์ๆ คนโง่อย่างคันศรเท่านั้นแหละที่ไม่รู้

“อะไรวะ คราวก่อนมึงยังสงสัยอยู่เลย ทีงี้ทำเป็นไม่สน” คันศรตบหัวน้องไปที อ๋องเลยหงุดหงิดใส่

“มันเจ็บนะ ทำไมชอบตบหัววะ”

“อะไรๆ มาขึ้นเสียงกับกูเหรอ เล่นแค่นี้” คันศรมองหน้าอ๋องอย่างเอาเรื่อง ปกติไอ้เด็กลิงไม่เคยขึ้นเสียงหรือทำท่าทีหงุดหงิดไม่พอใจเขา ไม่ว่าจะแกล้งมันยังไง ก็เอาแต่หัวเราะแล้วก็เข้ามาเกาะแกะง้องแง้งใส่

และปกติ ถ้าถลึงตาใส่ อ๋องก็จะกลัวจนแหย แต่ครั้งนี้ คนตัวเล็กกลับมองเขาด้วยแววตาขุ่นเคือง ก่อนจะปาหมอนใส่หน้าแล้วลุกหนีไป

“เป็นอะไรวะ เรียนหนักจนบ้าเหรอไอ้ลิง” คันศรลุกตามไปง้อ เพราะไม่เคยเห็นน้องโกรธมาก่อน สงสัยจะเล่นมากไป อ๋องก็โตเป็นหนุ่มแล้ว คงไม่ชอบให้ทำอะไรเหมือนตอนเด็กๆ

“ผมจะเป็นบ้าอะไรก็ไม่เกี่ยวกับพี่นี่” เพราะไม่เคยสนใจกันแต่แรกอยู่แล้ว

ทั้งที่คนที่สนใจคืออีกคนแท้ๆ

“ช่างผมเหอะ ไม่อยากติวแล้ว ผมกลับบ้านล่ะ” อ๋องถอนหายใจแรงแล้วจะเดินออกจากบ้าน แต่คันศรก็คว้าแขนไว้

“เฮ้ย ไม่ได้โกรธอะไรกูใช่มั้ยเนี่ย ขอโทษที่พามึงออกอ่าว มาเรียนเหอะ พักแป้ปก็ได้ เดี๋ยวสั่งขนมมาให้กิน”

อ๋องกัดปากอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยอมเดินกลับเข้าบ้าน พอคันศรง้อแล้วก็ใจอ่อนอยู่ดี

แต่ไม่รู้ทำไม ถึงได้หงุดหงิดเวลาเห็นธันวากับธนู

ไม่เข้าใจตัวเองเลย ทั้งที่ชอบคันศรมาตลอด และคิดว่าจะชอบตลอดไป แค่ได้อยู่ข้างๆ ในฐานะน้องชายแบบนี้ก็ยังดี

แต่พอคิดถึงตอนที่ธนูอยู่กับธันวา ทำไมมันต้องรู้สึกเจ็บที่ใจด้วย

“เฮ้ยยย ไอ้อ๋อง มึงเป็นไร กูขอโทษแล้วไง อย่าร้องดิ” เพราะท่าทางร้อนรนของคันศร ทำให้อ๋องเพิ่งรู้ตัวว่า...น้ำตามันไหล

คันศรทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่ได้เห็นอ๋องร้องไห้มานานมากแล้ว เขานึกถึงเมื่อ 4 ปีก่อน ตอนที่อ๋องอยู่ม.2 ที่เล่นกันแล้วเขาดันแกล้งมันแรงไป ทำมันรถจักรยานล้ม แผลที่เข่าเหวอะหวะ แล้วมันก็ร้องไห้ไม่หยุด

“อย่าร้อง อ๋อง พี่ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ” คันศรโอบคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ ลูบหัวตบหลังพัลวัน ก่อนจะย่อตัวลง คุกเข่า ตรงหน้าคนตัวเล็ก เอานิ้วจิ้มที่หน้าผาก วาดเป็นวงกลมวนไปมาเหมือนที่เคยทำตอนหัวเข่าของอ๋องเป็นแผล

“โอม เพี้ยง เดี๋ยวก็หายแล้วนะ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง”

อ๋องหยุดร้องแล้ว และมองหน้าเขาพลางอมยิ้มขำๆ “นั่นมันใช้กับตอนเป็นแผลไม่ใช่เหรอ”

“ก็ตอนนี้มึงมีแผลในสมองไง ฮ่าๆ” คันศรหัวเราะ

อ๋องก็หลุดหัวเราะ เอามือตีแขนของคันศรด้วยความโมโหแบบขำๆ “ไอ้พี่บ้านี่!”

***

น้องอ๋องชักสับสน อารมณ์แบบ เอ้า เขาเคยชอบกูนี่หว่า 555 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 12 [16.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-10-2020 15:29:09
จะว่าไป คู่คันศรกับอ่องก็น่ารักไปอีกแบบ เพราะอ่องยังเด็กด้วยมั้ง เลยไม่ไวไฟเหมือนคู่แฝดพี่  o18
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 13 [16.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 16-10-2020 16:13:39

13
อ๋องเปิดดูคลิปในช่องยูทูปของธนู ซึ่งไม่ใช่ช่องของวง เป็นของธนูคนเดียว นานๆ ทีจะมีคลิปตอนธนูดีดกีต้าร์หรือสีไวโอลินมาลง บางครั้งก็ร้องเพลงเองด้วย และคลิปล่าสุดเมื่อสองวันก่อน เป็นคลิปในห้องของธนู ที่บ้านของคันศร ธนูกำลังดีดกีต้าร์และร้องเพลง โดยมีอีกคนคอยนั่งปรบมืออยู่ใกล้ๆ แต่เห็นแค่ด้านหลังก็รู้แล้วว่าใคร

ส่วนใหญ่เป็นคอมเม้นท์ชมเสียงของธนูกับเสียงกีต้าร์เพราะๆ และหลายคนก็ถามว่าอีกคนในคลิปคือใคร มีคนสนใจกันมาก เพราะในคลิปเดี่ยวของธนูไม่เคยมีคนอื่นเข้าร่วม

เด็กหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะกดปิดมือถือแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

***

“พักนี้สนิทกับพี่กูจังนะ ไอ้ธัน” คันศรเอาสันหนังสือเคาะหัวเพื่อนที่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่หน้าตึกคณะ กับเพื่อนๆ อีกสองสามคน

“อะไรของมึง” ธันวาหันไปส่งสายตาคาดโทษ ลูบหัวตัวเองป้อยๆ ด้วยความเจ็บ มองตามร่างสูงใหญ่ของคันศรที่กำลังนั่งลงข้างๆ คนอื่นๆ เริ่มหันมาสนใจบทสนทนาของพวกเขา แต่แกล้งทำเป็นเล่นเกม อ่านหนังสือ

“ถามจริง พวกมึงมีอะไรกันป่ะวะ”

“มีอะไร คืออะไรล่ะวะ” ธันวานิ่วหน้า จริงๆ ก็ไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรใคร ขนาดที่บ้านยังรู้กันหมดแล้ว และดูจะชอบธนูกันหมด ไม่มีข้อคัดค้านเลยทีเดียว พ่อก็เป็นเพื่อนกัน เลยยิ่งคุยง่ายเข้าไปใหญ่ ในเมื่อพ่อๆ ยอมรับ ก็ไม่มีใครค้านได้

“กูเห็นรูปมึงใน IG พี่กูเต็มฟีด จนกูนึกว่าเข้า IG ผิดแล้วว่ะ แล้วไหนจะคลิปเมื่อสองวันก่อนที่ไอ้นูถ่ายติดมึงมาด้วย”

“พวกกูก็เห็น” เสียงคนอื่นๆ ดังลอยมา “มีอะไรก็ควรบอกเพื่อนฝูงนะคุณธันวา”

“กูถามไอ้นูแล้ว แต่อย่างมันไม่มีทางพูดแน่ๆ กูเลยมาเค้นจากมึง ง่ายกว่า” คันศรว่าพลางลูบคางตัวเอง ก่อนจะจ้องหน้าธันวา “ว่าไงวะ พวกมึงสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

ธันวาพ่นลมหายใจแรงๆ กับความขี้เผือกของพวกมัน ก่อนจะกดโทรออกไปหาคนที่ถูกพาดพิง พร้อมเปิดลำโพง เพื่อนๆ ก็มองกันเป็นแถว ว่าธันวาจะทำอะไร

“ถามให้ชัวร์พร้อมกันทีเดียวไปเลยไป”

[มีอะไรหรือเปล่าครับธัน]

“แหม พูดเพราะนี่คือปกติ แต่น้ำเสียงอ่อนโยนมากอ่ะ” เสียงเท็นแว่วมาจากมุมโต๊ะอีกฝั่ง

“นู พวกมันมาถามกูเรื่องกูกับมึง”

ทุกคนหูผึ่งด้วยความตั้งใจ

“เอาไงดีวะ”

[แล้วแต่คุณครับ ผมบอกแล้วนี่ว่ายังไงก็ได้]

“งั้นกูบอกนะ” ธันวาเงยหน้าขึ้น มองเพื่อนทุกคนรวดเดียว ก่อนจะเม้มปาก พยายามเก็บสีหน้า แต่แก้มนี่แดงแป้ดไปแล้ว

เพื่อนก็ลุ้นกันตัวโก่ง ทำเหมือนลุ้นผลบอล ธันวาสูดลมหายใจเข้าแล้วปล่อยออกมาช้าๆ ก่อนจะอ้าปาก

“คือกู”

“ไอ้เหี้ย รีบพูด” แทนทัพโพล่งออกมา เพราะนึกว่าธันวาจะเข้าเรื่องเลย เท็นเลยโบกหัวแทนทัพไปที

“มึงก็อย่าขัดมันสิ”

ธันวากระแอมไอเบาๆ หน้าร้อนไปหมด ตื่นเต้นเหมือนตอนขึ้นประกวดเต้นในงานโรงเรียนสมัยม.ต้น

“กูกับธนู...คือ...”

“อย่าลีลา” คันศรเร่ง แต่ธันวาเหมือนจะเกร็งจนพูดไม่ออก และคนปลายสายที่รอฟังก็ส่งเสียงหัวเราะลอดออกมา สุดท้ายก็เป็นคนตอบคำถามแทนธันวา เพราะถึงไม่เห็นก็นึกหน้าของธันวาออก เลยไม่อยากให้แฟนตัวเองเขินไปมากกว่านี้

[พวกเราคบกันอยู่ครับ แบบแฟน]

“ห๊ะ!” “เฮ้ย” “จริงเหรอวะ” “กูว่าแล้ว”

ธันวารีบเอามือที่เปียกเหงื่อเช็ดกางเกง สีเลือดฝาดแดงไปถึงคอถึงหู เพื่อนก็หันมามองเป็นตาเดียว แต่ส่วนใหญ่จะยิ้มแปลกๆ ส่งสายตาแซวๆ มา ยกเว้นคันศรที่ขมวดคิ้วนิ่วหน้า

“มึงไม่ได้อำพวกกูใช่มั้ย นู” น้องชายฝาแฝดคว้าสมาร์ทโฟนของธันวามาคุยเองคนเดียว ปิดลำโพงไปเรียบร้อย ทุกคนสะดุ้งเป็นแถบ เพราะเสียงของคันศรดังมาก ธันวายิ่งตกใจหนัก มองหน้าคันศรที่จ้องเขม็งมาอย่างหวาดหวั่น

“ทำไมพวกมึงไม่บอกกูแต่แรก ทำไมมึงไม่บอกอะไรกูเลย นี่กูเป็นน้องมึงหรือเปล่าวะ! ไอ้นู”

“เฮ้ย ใจเย็นศร” แทนทัพรีบเข้ามาห้าม พยายามกันธันวาออกไปก่อน เพราะกลัวมีเรื่องกัน

“แล้วมึงเป็นเพื่อนกูหรือเปล่าไอ้ธัน! ทำไมไม่บอก” คันศรผลักอกธันวา เพื่อนรีบเข้ามาขวางกันพัลวัน เพราะดูไซส์แล้ว ยังไงธันวาก็แพ้แน่นอน ถ้าต่อยกัน

[ศร อย่ายุ่งกับธัน พี่ผิดเอง]

“มึงเงียบไปเลยไอ้เหี้ย!” คันศรตวาดเสียงกร้าว จนคนแถวนั้นยังมองด้วยความตกใจ “เรื่องแบบนี้ ควรบอกให้กูเตรียมใจแต่แรกมั้ยวะ แม่ง เพื่อนกู กับพี่ชายกูเนี่ยนะ! ไอ้เหี้ยเอ๊ย”

คันศรสบถดังก่อนจะปามือถือของธันวาคืนเจ้าของมัน สมาร์ทโฟนแข็งๆ กระแทกเข้าที่มุมปากของธันวา เลือดไหลซึมออกมา แล้วตัวคนทำก็เดินฟึดฟัดหนีไป มีแทนทัพวิ่งตามไปคุย ส่วนคนอื่นๆ เข้ามาดูหน้าธันวา ที่โดนกระแทกเมื่อกี้ และมีคนช่วยเก็บสมาร์ทโฟนที่ร่วงลงกระแทกพื้นให้ธันวา หน้าจอมันแตกร้าวจนน่าจะเปิดไม่ติดแล้ว

“เลือดออกเลยว่ะ ไปทำแผลก่อนมึง” เท็นเข้ามากอดเพื่อนไว้ เพราะตอนนี้ธันวากลัวจนตัวสั่นไปแล้ว จากนั้นก็พากันไปที่ห้องพยาบาล เท็นช่วยโทรบอกธนูให้ เพราะมือถือของธันวาใช้ไม่ได้แล้ว และเจ้าตัวก็ดูยังเบลอๆ งงๆ เหมือนจับต้นชนปลายไม่ถูก

“ไอ้นูบอกกำลังมา เดี๋ยวมึงกลับไปกับมันเลยก็ได้ ไม่มีเรียนแล้วนี่ กิจกรรมไม่ต้องเข้าแล้ว” เท็นว่าพลางตบบ่าเพื่อนเบาๆ “ไม่ต้องเครียดนะเว้ย เดี๋ยวมันก็เข้าใจเอง”

ธันวาไม่ตอบ ไม่พูดอะไรเลย ได้แต่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น จนคนที่รอมาถึง

“ธัน!” ธนูที่ได้เพื่อนของธันวาสักคนนำทางมาห้องพยาบาลให้ รีบเดินเข้าไปดูหน้าของธันวา เขาค่อยๆ จับคางของธันวาให้เงยขึ้น มุมปากเป็นรอยแตกยังแดงๆ

“มันต่อยธันเหรอ”

“เปล่า” ธันวาถอนหายใจ น้ำตาคลอตั้งแต่เห็นหน้าธนูแล้ว ธนูโอบร่างที่สั่นเทานั้นมากอดไว้แน่น

“ผมจะคุยกับศรเอง มาลงที่คุณได้ยังไง”

ธันวายกแขนขึ้นกอดกลับ น้ำตาไหลพราก ไม่เคยมีเรื่องกับคันศรเลยตั้งแต่คบกันมา 3 ปีกว่า เพิ่งเคยเห็นเพื่อนโกรธจัดขนาดนี้ครั้งแรก

ธนูประคองใบหน้านองน้ำตาของธันวาไว้อย่างทนุถนอม ค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกและจูบเบาๆ บนริมฝีปากบาง

“ผมขอโทษนะ ผมควรจะบอกมันเรื่องที่ผมเป็นแบบนี้แต่แรก ผมผิดเอง”

“ไม่มีใครผิดทั้งนั้นแหละ” ธันวาส่ายหน้า ลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง ธนูคอยโอบเอวประคองไว้ เพราะขาของธันวายังสั่น นี่แค่โดนมือถือปาใส่หน้า ถ้าโดนคันศรกระทืบ คงตายแน่ๆ

“เห็นเท็นบอกว่ามือถือคุณพังแล้ว ผมจะซื้อให้ใหม่ อย่าคิดมากนะ ผมรักคุณนะ ผมจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายคุณอีก ผมสัญญา” ธนูเอ่ยปลอบเสียงเครือ จูบที่หน้าผากและข้างแก้มของธันวาซ้ำๆ มือของธนูที่จับมือของธันวาไว้ก็สั่นนิดๆ เหมือนกัน เพราะกลัวว่าคันศรจะทำร้ายธันวา ถึงรีบเรียกแท็กซี่มาถึงนี่

ธันวาอมยิ้มกับคำบอกรัก ที่เพิ่งเคยได้ยินชัดๆ แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว

“คืนนี้ไปคุยกับศรที่บ้านด้วยกัน นะครับ” ธนูเอาหน้าผากแตะกับหน้าผากของธันวาแบบที่ชอบทำ เวลาต้องการให้ธันวามั่นใจและเชื่อใจในตัวเขา ธันวาคลี่ยิ้มได้นิดเดียว เพราะมุมปากยังเจ็บ พลางพยักหน้ารับเป็นคำตอบ

และคืนนั้น ธนูก็ขับรถของธันวากลับไปที่บ้านของคันศร ซึ่งเจ้าของบ้านก็นั่งรออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนอารมณ์จะสงบลงพอสมควรแล้ว เพราะแทนทัพช่วยคุยให้เมื่อช่วงเย็น

ธนูจูงมือธันวาลงจากรถและพาเข้าบ้าน โดยที่อ๋องก็มองเห็นทั้งคู่เดินจับมือกัน เลยรีบวิ่งลงจากชั้นสองแล้วมาที่บ้านของคันศรด้วย

ตอนที่อ๋องวิ่งมาถึง และเปิดประตูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงของธนูดังขึ้น

“ศร เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

***

“สรุป มึงเป็นเกย์ตั้งแต่แรกแล้ว แล้วก็มาจีบไอ้ธัน แล้วมันก็ตกลงคบกับมึงแล้ว เหี้ย โครตเร็ว” คันศรสบถดังในช่วงท้าย เกิดมาไม่เคยสนใจเรื่องรักชอบเพศเดียวกัน เลยทำใจยากหน่อย

“มึงชอบมันเหรอวะธัน”

ธันวาพยักหน้า อ๋องที่ยืนฟังอยู่ห่างๆ กำมือแน่น มันเป็นอย่างที่คิดจริงๆ ธันวากับธนูคบกันแล้วจริงๆ

“กูไม่ค่อยเข้าใจว่ะ ผู้ชายด้วยกันมันจะรักกันได้เหรอวะ” คันศรขยี้หัวตัวเอง นึกถึงที่เป้ยบอกว่าชอบผู้หญิงด้วยกันขึ้นมา ก็เจ็บจี๊ดๆ อีก จะว่าคันศรใจไม่กว้างพอก็ได้ แต่มันทำใจลำบากจริงๆ แค่พี่เป็นเกย์ไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมต้องกับเพื่อนตัวเองด้วย

“มึงไม่ต้องเข้าใจก็ได้ รู้แค่กูชอบพี่มึงก็พอ กูแค่อยู่กับเขาแล้วสบายใจ ได้เป็นตัวของตัวเอง แค่นั้นก็พอแล้ว” ธันวากุมมือของธนูแน่นขึ้น มุมปากยังเจ็บ แต่ไม่ได้กลัวคันศรแล้ว เพราะมีธนูอยู่ข้างๆ

คันศรถอนหายใจแรง มองหน้าสองคนก็ยิ่งคิดหนัก แต่เรื่องความรักคงห้ามกันไม่ได้ ถ้าชอบกันรักกันจริงๆ ก็คงต้องทำใจรับทั้งคู่ให้ได้

“เออๆ กูจะพยายามเข้าใจพวกมึง แล้วก็...” คันศรมองมุมปากแดงๆ ของธันวา “ขอโทษที่ทำมึงเจ็บ”

“ไม่เป็นไร” ธันวาฝืนยิ้มให้ เพราะยังเจ็บปาก แต่ไม่ได้คิดโกรธเคืองอะไรเพื่อนเลยสักนิด

ส่วนอ๋อง ยิ่งเห็นธนูกับธันวาดูรักกัน ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บในอก สุดท้ายก็ทนฟังต่อไม่ไหว จนต้องวิ่งกลับบ้านไป และจังหวะนั้น คันศรก็ลุกขึ้นจะเดินไปทางครัวพอดี เลยทันเห็นหลังของคนตัวเล็กไวๆ เขาหยุดยืนมองด้วยความสงสัย แต่ก็ขี้เกียจจะเรียกไว้แล้ว

เรื่องของธันวากับธนูเป็นอันว่าคันศรเข้าใจเรียบร้อย มันไม่ใช่รู้สึกรังเกียจ แต่มันตกใจและแค่รับไม่ได้ที่เป็นเพื่อนตัวเองกับพี่ชาย เอาจริงๆ ต่อให้เป็นพี่ชายกับเพื่อนผู้หญิงที่เขาสนิทๆ ด้วย ก็คงตกใจเหมือนกัน อย่างน้อยถ้าธนูบอกก่อนว่าจะจีบใคร คงไม่ตกใจเท่านี้ แต่ธนูก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมด ให้คันศรเข้าใจไปแค่นั้นพอ

“เจ็บมากมั้ยครับ” ธนูแตะปลายนิ้วใกล้ๆ มุมปากที่เป็นแผลของธันวาพลางมองด้วยแววตาอ่อนโยน คืนนี้ธันวานอนค้างด้วย เพราะคงขับรถกลับไม่ไหว มันเพลียทั้งกายและใจไปหมด แม้คันศรจะบอกว่าเข้าใจแล้ว แต่บรรยากาศรอบตัวก็ยังอึดอัด

“ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องเจ็บเพราะผม”

ธันวาส่ายหน้า “ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก แค่ตกใจมากกว่า”

“แต่ผมก็ผิดอยู่ดี ที่ทำให้คุณต้องโดนเพื่อนโมโหใส่แบบนี้ ทั้งที่คุณถูกผมลากมาเกี่ยวด้วยเรื่องไร้สาระแต่แรก”

ธันวาโผเข้ากอดเขาไว้แน่น “อย่าพูดแบบนั้นดิวะ ถ้าไม่เพราะเรื่องไร้สาระนั่น กูจะได้อยู่กับมึงตรงนี้ตอนนี้เหรอ”

ธนูคลี่ยิ้มบางๆ กอดตอบธันวา ซึมซาบความอบอุ่นของกันและกัน ทั้งที่ธนูเปิดแอร์แรงถึง 19 องศา แต่ร่างกายของพวกเขากลับอบอุ่นมาก

“ทำไงดี นู กู กู” ธันวาเอ่ยตะกุกตะกัก กอดคอร่างสูงพลางเหลือบตาขึ้นมองหน้าหล่อๆ นั่นแล้วหน้าร้อนพิกล

“ทำไมครับ” ธนูจ้องมองใบหูแดงๆ กับท่าทางน่ารักๆ ของธันวาอย่างตั้งอกตั้งใจ

“คือกูยังเจ็บปากอยู่ แต่ก็...อยาก...อยากจูบมึง”

ธนูยิ้มเอ็นดู ก่อนจะแตะริมฝีปากให้เบาๆ “คุณจูบผมแค่นี้ก่อนแล้วกัน” แล้วก็ค่อยๆ ดันร่างของธันวาที่ตัวเตี้ยกว่า แต่ก็ไม่ได้เล็กกว่ากันมากลงนอนราบไปกับเตียง พร้อมกับเสียงกระซิบเบาๆ ที่ทำเอาธันวาหน้าร้อนฉ่า

“ที่เหลือให้ผมจูบคุณเองนะครับ”

***

คู่พี่เขาแบบผู้ใหญ่ๆ อิๆ ร้อนจนต้องเปิดแอร์ 18-19 องศากันเลยทีเดียว
คันศรเกรี้ยวกราดเหลือเกิน ต้องให้น้องอ๋องจับโขกแล้วล่ะงานนี้

ปล.ที่ตัดไป ไม่มีอะไรนะ เขาจูบกันเฉยๆ จริงๆ
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 13 [16.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-10-2020 16:55:22
ฟินจิกหมอนก็คู่พี่นี้แหละ  :-[
ส่วนคู่ แฝดน้องกับอ่อง เอามือเท้าค้างรอต่อไป (ไม่กดดันคนแต่งนะ ฮาๆ )
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 14 [16.10.20] 20.11น.
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 16-10-2020 20:04:57
14
“อู้ยยย ซี้ดดด”

“อย่าเกร็งสิครับ เอามือออกด้วย”

คันศรขมวดคิ้ว ยืนกอดอกมองพี่ชายกับเพื่อนที่กำลังนั่งทำแผลกันด้วยความรู้สึกประหลาด คือมันทำแผลกันเฉยๆ แต่ถ้าได้ยินแค่เสียง มันเหมือนอย่างอื่นมากกว่า

“พวกมึงนี่ เกรงใจกูบ้าง” ร่างสูงใหญ่เดินกระแทกเท้าเข้าไปในครัว ธนูบอกว่าทำอาหารไว้ให้แล้ว กินได้เลย เพราะกินกันเสร็จแล้ว ไม่มีรอน้องนุ่ง

พอเห็นพี่มีแฟน มันก็บอกไม่ถูก มันเหมือนโดนทิ้ง เหงาๆ แปลกๆ

“แล้วนี่จะไปไหนกันป่ะน่ะ เห็นออกเดทกันทุกอาทิตย์ ทิ้งกูอยู่บ้านคนเดียวตลอด”

“เหงาเหรอครับน้องศร อู้ยยย” พูดไปก็เจ็บปากไป แต่ก็ยังอยากแซวไอ้เด็กโข่งติดพี่

“เดี๋ยวกูต่อยปากแหกอีกรอบ” คันศรถลึงตาใส่ธันวา “เจ็บแล้วไม่เจียมนะมึง”

“มึงปามือถือใส่หน้ากูทำไมล่ะไอ้ควาย ดีฟันไม่หัก” ธันวายกเท้าใส่ เกือบโดนธนูที่นั่งทำแผลให้ ดีที่เบี่ยงตัวหลบทัน ธนูส่ายหน้าเซ็งๆ เริ่มตีกันอีกจนได้ แต่เป็นตีกันแบบขำๆ

“พวกมึงทำกูเฮิร์ทก่อน ค!” คันศรก็ไม่ยอมแพ้ ชูนิ้วกลางใส่หน้าเพื่อนมาอีก

“เอาน่าๆ พอแล้วทั้งคู่เลย วันนี้ฉันจะพาธันไปซื้อมือถือใหม่ จะไปด้วยมั้ยล่ะ” ธนูยืนคั่นกลาง ยุติการทะเลาะเบาะแว้งพลางมองไปที่คันศร ที่กำลังเคี้ยวข้าวหงุบหงับ

“ไม่อ่ะ ไม่อยากเป็นฟหกด” หนักกว่ากขคอีก ธนูกุมขมับ ขำไม่ออก

“โอเค งั้นอยากได้อะไรก็ไลน์มาบอกแล้วกัน”

“อยากได้เมีย พี่พอหาให้ผมได้มั้ยล่ะครับ อิจฉาคนมีคู่เว้ยยยยย ฮึ่ย” คันศรโวยวาย ทำดิ้นเร่าๆ เป็นเด็กสองขวบ ทำเอาธนูขำจนได้ ส่วนธันวากลั้นขำแทบตาย เพราะเจ็บปาก

พลันธนูก็นึกถึงหน้าใครบางคน “อืม ฉันว่ามีคนรอให้นายรักอยู่นะ รอมานานมากแล้วด้วย”

“หือ?” คันศรนิ่วหน้ามองพี่อย่างไม่ค่อยไว้ใจ

“แต่นายคงไม่รู้ตัวแหละ ทึ่มซะขนาดนี้” แล้วพี่ชายก็หยิบกล่องปฐมพยาบาลไปเก็บเข้าที่ ก่อนจะพาธันวาออกไปข้างนอก ทิ้งปริศนาคาใจไว้ในหัวทุยๆ ของคันศรทั้งวัน

อ๋องมีเรียนพิเศษวันเสาร์ช่วงเช้า พอบ่ายก็กลับบ้าน แต่ที่บ้านก็ไม่มีคนอยู่ เพราะอยู่กับแม่แค่สองคน และเวลานี้แม่ของอ๋องก็ไปดูแลร้านขนม กว่าจะกลับก็เลยทุ่มไปแล้ว เด็กหนุ่มกลับมาถึงบ้านก็นั่งกินข้าวกลางวันคนเดียว ก่อนจะขึ้นไปส่องบ้านข้างๆ จากชั้นสอง

เท่าที่มองดู เหมือนจะไม่มีใครอยู่ แต่สักพักก็เห็นคนตัวใหญ่เดินออกมาล้างรถคันสีดำให้พี่ชาย รถอยู่ แต่คนน่าจะไม่อยู่ เพราะเมื่อคืนธนูขับรถของธันวามา และเมื่อเช้าก่อนออกไปเรียนพิเศษ ก็ยังเห็นรถสีขาวคันนั้นจอดอยู่หน้าบ้าน แต่ตอนนี้หายไปแล้ว

“พี่ศร!”

“อ้าว กลับมาแล้วเหรอวะ” คันศรที่กำลังล้างรถหันไปตามเสียงเรียกของเด็กข้างบ้าน เห็นเจ้าตัวเล็กวิ่งผ่านประตูเข้ามา

“ผมช่วยมั้ย”

“มาดิ เร็วเลย” คันศรยิ้มรับด้วยความยินดี ล้างคนเดียวเหนื่อย แต่ไม่ล้างก็ไม่ได้ เดี๋ยวไอ้พี่บ้ากลับมาบ่นเอาหูชา เพราะช่วงนี้คนที่เอารถไปใช้คือคันศร

พอได้ยินอย่างนั้น อ๋องก็รีบเข้าไปช่วย อ๋องชอบล้างรถ เพราะมันเหมือนได้เล่นฟองสบู่กับน้ำไปด้วยในตัว ถึงจะโตแล้วก็ยังชอบเล่นแบบนี้อยู่ กว่าจะล้างรถเสร็จก็เปียกไปทั้งตัว

“เอ้า เอาเสื้อไปเปลี่ยนไป เดี๋ยวเป็นหวัด” คันศรโยนเสื้อยืดของตัวเองให้ เพราะไม่อยากให้น้องวิ่งกลับบ้านทั้งตัวเปียกๆ แบบนั้น “ขอบใจที่มาช่วยนะเว้ย”

“อื้อ” อ๋องรับเสื้อมาแล้วรีบวิ่งไปเปลี่ยนในห้องน้ำที่ชั้นล่างของบ้าน ตอนเปลี่ยนก็ขอสูดดมกลิ่นของคันศรเล็กน้อย เสื้อตัวนี้คันศรชอบใส่ประจำ อ๋องจำได้แม่น คันศรชอบสีสดๆ พวกสีแดง สีชมพู ต่างจากพี่ชายที่ชอบสีโทนเย็น และสีทึมๆ มืดๆ เป็นอะไรที่แยกจากเสื้อผ้าได้ง่ายมาก สไตล์การแต่งตัวก็ต่าง คันศรชอบใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ บางทีก็ใส่ชุดบอลอยู่บ้าน เป็นคนง่ายๆ สบายๆ นาฬิกาก็ไม่ใส่ด้วยซ้ำ แต่ธนูจะชอบใส่เสื้อเชิ้ตกับยีนส์ ไม่ก็พวกกางเกงแบบสกินนี่ เวลาไปเรียนก็ยังใส่สูทแบบแฟชั่นทับเสื้อนักศึกษา แถมเครื่องประดับที่ข้อมือกับนิ้ว และพวกจิวที่หูอีก ดูยังไงก็แยกออกแน่นอน

เด็กหนุ่มร่างเล็ก สูงแค่ช่วงอกของคันศร พอใส่เสื้อของเขามันก็กลายเป็นโอเวอร์ไซส์ ปิดเกือบถึงเข่า พอเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นคันศรที่เปลี่ยนชุดแล้วนั่งเล่นเกมอยู่หน้าทีวี

“เล่นไรอ่ะพี่ศร” เจ้าตัวเล็กปีนขึ้นไปนั่งบนโซฟา เอาแขนกอดหัวของคนตัวโตไว้ ตาจ้องทีวี

“GTA เล่นกับพวกไอ้แทนอยู่ มึงเล่นมั้ยล่ะ” คันศรชวน แต่อ๋องส่ายหน้า เพราะไม่เคยเล่นเกมนี้ เดี๋ยวโดนพวกแทนทัพด่าเอา พวกเพื่อนๆ ของคันศรชอบดุแล้วก็แกล้งอ๋องตลอด โดยเฉพาะแทนทัพ

“ดูพี่ศรเล่นดีกว่า นี่ แล้วพี่นูไปไหนอ่ะ เมื่อไหร่จะกลับ”

“อยู่กับกูถามหาไอ้นู เดี๋ยวปั๊ดโบก มันก็ไปกับแฟนมันดิ คงค่ำๆ นั่นแหละ” คันศรตอบ มือก็กดคอนโทรลเลอร์ยิกๆ

“ตกลง พี่นูเขาเป็นแฟนกับพี่ธันเหรอ” อ๋องถามเสียงอ่อย รู้อยู่แล้ว แต่ก็อยากถามให้แน่ใจ ไม่รู้ว่าคาดหวังอะไรอยู่เหมือนกัน

“แหม มึงนี่สู่รู้ เมื่อคืนกูเห็นนะ แอบฟังล่ะสิ”

“ไม่ได้แอบฟัง ก็แค่ไม่กล้าออกไปทักอ่ะ เห็นคุยกันซีเรียส” อ๋องรีบเถียง เผลอออกแรงกอดรัดที่หัวของคันศรแรงไป จนคนตัวโตร้องโวยวาย

“เออ พวกมันเป็นแฟนกัน” คันศรตอบ แล้วก็เงียบไปครู่ใหญ่ พอเห็นว่าอ๋องไม่มีทีท่าจะตกใจสักนิด ก็แปลกใจ

“มึงไม่ตกใจเหรอวะ ไม่แปลกใจอะไรหน่อยเหรอ”

“ตกใจทำไม ก็แค่เขาเป็นแฟนกัน ก่อนหน้านี้ก็พอจะสังเกตได้อยู่” แม้จะรู้สึกโหวงๆ ในใจก็ตาม อ๋องก้มมองคันศรที่ยังจดจ่อกับเกม พลางถอนหายใจในใจ ทั้งที่รู้ว่าคันศรไม่มีทางชอบผู้ชายด้วยกัน ก็ยังจะหวัง ยังจะรอ ถ้าตอบรับธนูไปแต่แรก ก็คงได้เป็นแฟน ได้เดินจูงมือกัน ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างร่วมกัน

แต่ถึงเป็นแบบนั้น ธนูก็ไม่ใช่คนคนนี้อยู่ดี ไม่ใช่คันศร คนที่แอบชอบมาตั้ง 4 ปี

อ๋องกำลังสับสนกับตัวเองอย่างมาก ทั้งที่ชอบคันศร แต่ก็เสียดายธนู ถ้าธนูไม่ได้หน้าตาเหมือนคันศร จะยังคิดอะไรแบบนี้อยู่หรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนั้น ธนูก็คอยดูแล คอยห่วงใย แม้จะแค่ไม่นาน ส่วนคันศร ก็ผูกพันมานาน

“มันยอมรับกันได้ง่ายๆ แบบนั้นเลยเหรอวะ ผู้ชายชอบกันเนี่ย” คันศรนิ่วหน้า กดปิดเกมไปแล้วตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เขาหันไปมองหน้าอ๋องที่เหม่ออยู่

“ห๊ะ? อะไรนะพี่ศร”

“กูสงสัย ว่าทำไมคนอื่นๆ หรือขนาดเด็กอย่างมึง ก็ยังรับเรื่องนี้ง่ายดายจัง”

“แล้วมันยากตรงไหนอ่ะ” อ๋องทำหน้างง

“แล้วมันง่ายยังไงล่ะวะ มันเพศเดียวกันนะ มีอะไรก็เหมือนๆ กัน” คันศรยิ่งนิ่วหน้าหนักกว่าเดิม

“เพราะพี่คิดถึงแต่เรื่องเซ็กส์หรือเปล่า” อ๋องบอกออกมาตรงๆ เขาอายุตั้ง 18 แล้ว แม้ในสายตาของคันศรจะมองเหมือนเด็กม.ต้นก็ตาม แต่เด็กม.ต้นหลายคนก็ยังไปไกลถึงไหนต่อไหนกันแล้ว

“มึงหาว่ากูหื่นเหรอ”

“ก็ไม่ใช่เหรอ เพราะคิดแต่เรื่องนั้น เลยคิดว่าต้องทำกับผู้หญิงเท่านั้นไง แต่ความรัก ความต้องการใครสักคน มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้นมั้ยล่ะ” อ๋องทำหน้าจริงจังแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆ จนคันศรต้องตั้งใจฟัง

“เพราะได้อยู่ใกล้แล้วมีความสุข เพราะจับมือกัน มองหน้ากันแล้วมีความสุข เพราะเราสบายใจที่ได้อยู่กับเขา แค่นั้นก็พอแล้วนี่ ทำไมต้องคิดมากว่าเขาจะเป็นใคร เพศอะไรด้วยล่ะ”

คันศรนิ่งเงียบไป ก่อนหน้านี้เวลาชอบใครสักคน ก็มองจากรูปร่างหน้าตาเป็นหลัก ไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อน แฟนคนแรกที่คบก็เพราะสวย มองแล้วชอบ แต่นิสัยเข้ากันไม่ได้ คบได้แค่สามเดือนก็เลิก หลังจากนั้นก็มีแต่ผู้หญิงให้ควงเล่นๆ ไม่ผูกมัด ไม่มีใครที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกแบบที่อ๋องว่าเลยสักคน

“คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แต่ไม่ใช่คนในครอบครัว สินะ” คันศรพยายามคิดทบทวน ไม่เคยเจอคนแบบนั้นจริงๆ ด้วย

“บางทีมันก็ต้องใช้เวลาอ่ะพี่ ใช้เวลาในการอยู่ด้วยกัน จนเกิดความรู้สึกแบบนั้น” อ๋องยืดอกอย่างมั่นใจ จนคันศรตะหงิดใจ เลยเลยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง

“มึงพูดเหมือนมึงมีคนที่ว่าแล้วงั้นแหละ รู้ดีจัง”

อ๋องสะอึก หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “มะ ไม่มีหรอก ก็แค่จำๆ เขามาพูด”

“เหรอวะ” คันศรหรี่ตาลงเหมือนไม่อยากเชื่อ “บอกมาๆ ไอ้อ๋อง มึงแอบชอบสาวที่ไหน เพื่อนที่โรงเรียนเหรอ”

“ไม่มีก็ไม่มีดิ เซ้าซี้ว่ะ แม่ง” อ๋องสะบัดหน้าใส่ เห็นแบบนั้นคันศรก็หมั่นเขี้ยวน้องขึ้นมา เลยลุกขึ้นยกไอ้ตัวเล็กนั่งบนตักแล้วจั๊กจี้ อ๋องจะขัดขืนก็ไม่เป็นผล เพราะเสียเปรียบทั้งรูปร่างและเรี่ยวแรง

“โอ๊ยยย พี่ศร ไม่เล่น ฮ่าๆๆๆ ปวดท้องแล้ว ไม่เอาฮ่าๆๆๆ”

“บอกมาๆๆๆ มึงแอบชอบใครแน่ๆ หน้ามึงแดงก่ำเลย” ยิ่งอ๋องดิ้นก็ยิ่งโดนวงแขนนั้นรัด และจั๊กจี้หนักขึ้น ขำจนน้ำตาเล็ดไปหมดแล้ว

“มันแดงเพราะพี่จั๊กจี้ต่างหาก ฮ่าๆๆ พอแล้ว ฮ่าๆ ไม่เอาพี่ศร”

“มันแดงตั้งแต่ก่อนกูจะจี๋มึงแล้ว ไม่บอกกูจี๋ให้ขำตายเลย” คันศรขู่หน้าตาเหี้ยมเกรียม

อ๋องก็ไม่ยอมบอก พยายามดิ้นหนีมือมาร จั๊กจี้ก็จั๊กจี้ ไม่รู้จะหนียังไงแล้ว หัวเราะจนเหนื่อยหอบ

“ไม่เอา พี่ศร ไม่เล่นแล้ว” คนตัวเล็กหมดแรง จนต้องเอาหัวพิงกับไหล่ของคันศรไว้ เห็นน้องไม่ไหวแน่แล้ว คันศรเลยยอมหยุดมือให้

“ให้พักนาทีนึง ไม่บอกกูจี๋อีกนะ” ไม่พูดเปล่า มือขยำเอวร่างเล็กไปด้วย อ๋องตัวสั่น เม้มปากแน่น พยายามยื้อมือของคันศรไว้ นี่มันไม่ใช่จั๊กจี้แล้ว

“แล้วทำไมต้องบอกด้วยเล่า”

“ก็กูอยากรู้ หรือมึงชอบผู้ชายด้วยกันอีกคน กูจะได้เตรียมใจถูก” ขยำเอวน้องไป ก็ชักมันมือ อ๋องมันตัวเล็กตัวน้อยจริงๆ เอวก็บางอย่างกับผู้หญิง กว่าจะอายุ 25 จะสูงใหญ่ขึ้นอีกมั้ยก็ไม่รู้

ฝ่ายคนโดนขยำขยี้เอว จนเลยไปถึงบั้นท้าย สะดุ้งโหยง หน้าแดงก่ำ

“พี่ศร! เล่นบ้าอะไร ไม่เอาแล้ว!” อ๋องโวยวายเอามือตีแขนของคันศร

“ตัวมึงนิ่มดีอ่ะ” ไม่เคยจับฟัดขนาดนี้ เลยไม่รู้ ปกติอ๋องก็ชอบมานั่งตัก แต่เขาไม่เคยกอดมัน

“มันไม่ใช่ข้ออ้างที่พี่จะมาขยำตูดผมตามใจชอบมั้ยล่ะ!”

คันศรชะงักไปเล็กน้อย เออ จริงของน้องมันว่ะ ทำไมมือมันเลยไปตรงนั้นได้ เขานิ่วหน้า ก่อนจะรีบปล่อยมือออกจากบั้นท้ายของน้อง แล้วผลักอ๋องออกไปนั่งบนโซฟาอย่างลนลาน

“โทษทีแล้วกัน ก็มึงปากแข็งเอง” คันศรว่าหน้าเจื่อนๆ แล้วรีบลุกขึ้น “กลับบ้านไปไป๊ กูไปนอนกลางวันรอไอ้พวกนั้นดีกว่า”

“อ้าว?” อ๋องเงยหน้ามองคนพี่ที่จู่ๆ ก็จะนอนมันซะอย่างนั้น “นี่มันจะเย็นอยู่แล้ว นอนกลางวันบ้าไร”

“เออ เรื่องของกูน่า มึงรีบกลับบ้านไปเลย เดี๋ยวนี้!” คันศรชี้ไปทางประตูพร้อมตะคอกใส่ จนอ๋องสะดุ้ง ไม่รู้ไอ้ยักษ์มันโมโหอะไร เลยรีบหนีก่อนดีกว่า

***

ได้กลิ่นอะไรรึยัง  :katai4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 14 [16.10.20] 20.11น.
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-10-2020 20:16:05
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 14 [16.10.20] 20.11น.
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 16-10-2020 21:14:19
ลุ้นตั้งนาน ลุ้นทุกบันทัด สรุปอ่องไม่ยอมบอกและคนแฝดน้องจอมทึ่มก็ไม่รู้ตัวซะที เฮ้อ!! :hao4:
ขนาดพี่ชายพูดให้คิดแล้วนะคันศร
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 15 [17.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 17-10-2020 12:01:28
15
ธนูพาธันวามาเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ เพราะถือว่าน้องชายของเขาเป็นคนทำพัง ไม่อย่างนั้นธันวาก็คงไม่ยอมให้ซื้อ พอได้โทรศัพท์ใหม่แล้ว ก็แวะกินข้าวกลางวัน และกะว่าจะดูหนังกันต่อ โปรแกรมเดทแต่ละครั้งของพวกเขาไม่ค่อยซ้ำ เพราะธนูอยากให้ธันวาได้ทำกิจกรรมหลายๆ แบบ แต่วันนี้เวลาไม่เยอะ ก็เลยเอาแบบง่ายๆ ไปก่อน ปกติธันวาก็ไม่ค่อยมาดูหนังอยู่แล้ว พวกเพื่อนๆ ชอบเที่ยวกลางคืนกันมากกว่า ส่วนใหญ่กลางวันเลยนอนกัน

“ไว้ปิดเทอม ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันมั้ยครับ ปีนี้คงไปต่างประเทศไม่ได้”

“ต่างประเทศเลยเหรอวะ” ธันวาเหลือบมองคนข้างๆ ที่เว่อร์ตลอด พลางดูดกาแฟในแก้ว เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน เพราะโดนธนูกวนตลอด เลยต้องหาซื้อเอสเพรสโซ่ขมๆ แรงๆ มาทำให้ตาสว่างก่อนดูหนัง ไม่งั้นหลับคาที่แน่ๆ

“ไว้ไปได้เมื่อไหร่ค่อยไปกันนะ” ธนูยิ้มหวาน แต่ธันวาส่ายหน้ารัว

“ไม่เอาอ่ะ ไม่มีตัง ป๊าไม่ให้หรอก”

“ผมออกเองไง เงินเก็บผมเยอะนะ เล่นดนตรีตามผับกับเพื่อนบ่อย”

“งั้นก็เก็บเงินมึงไว้นะ ไปแค่ต่างจังหวัดก็ได้ ขับรถไปเองได้ ไว้กูเรียน ทำงาน ค่อยไปต่างประเทศ”

ธนูอมยิ้มมองธันวาที่มักจะคิดอะไรเยอะแยะและคิดล่วงหน้าเสมอ ก็เลยพยักหน้ารับคำ ก่อนจะก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อแย่งกาแฟของธันวามากินบ้าง พอดีกับที่มีเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่เหมือนจะจำธนูได้ ส่งเสียงกรี้ดกร้าดกันอยู่ไม่ไกล ก่อนจะส่งตัวแทนวิ่งมาขอถ่ายรูป

“พี่ธนูใช่มั้ยคะ หนูอยู่มอเดียวกับพี่ เห็นตอนงานเฟรชชี่ไนท์ พี่เท่มากเลยค่ะ”

ธนูเงยหน้าขึ้นมองหน้าธันวา ที่แค่ยักไหล่ให้ แล้วก็หันไปคุยกับเด็กสาว เพื่อนๆ ของเด็กคนนี้ก็ยืนลุ้นกันอยู่ข้างหลัง ธนูไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นที่รู้จักขนาดมีคนมาขอถ่ายรูปในเวลาส่วนตัวแบบนี้ ก็เลยหน้าตึงนิดหน่อย จนธันวาต้องกระตุกแขนไว้

“ใช่ครับๆ มือกลองวง Dark Priest (นักบวชสายมืด) เองครับ ยิ้มหน่อยสิวะ” ประโยคหลังสุดธันวาฉีกยิ้มพลางกระซิบบอก ธนูเลยคลายสีหน้าลงเล็กน้อย แต่ไม่ยิ้ม

“หนูขอถ่ายรูปได้มั้ยคะพี่ธนู ถ่ายคู่กับพี่คนนี้ด้วยก็ได้ค่ะ ใช่พี่คนที่อยู่ในคลิปล่าสุดใช่มั้ยคะ”

ธันวายิ้มเจื่อน “อ่า ครับ”

เด็กสาวตรงหน้าหันไปกรี้ดกับเพื่อนเบาๆ แล้วก็ขอถ่ายรูปพวกเขาคู่กัน ธันวาเป็นคนใจดี ยิ่งกับผู้หญิงยิ่งใจดี เพราะมีน้องสาววัยประมาณนี้ ซึ่งธนูก็ชอบตรงจุดนี้อยู่ แต่นี่มันเวลาส่วนตัว ก็เลยหน้าบอกบุญไม่รับนิดหน่อย ยืนให้ถ่ายรูปไปเล็กน้อย เด็กสาวพวกนั้นก็ขอบคุณแล้วขอตัวไปจับกลุ่มกันดูรูป

“มึงเป็นนักดนตรีนะเว้ย หัดยิ้มมั่งสิวะ หน้าบึ้งเป็นตูด ยืนทื่อแบบนี้ มันคงจะดังหรอก” ธันวาบ่นยาว จนธนูเบ้หน้าใส่

“ผมเป็นนักดนตรีไง ไม่ใช่ดาราหรือไอดอล”

“ก็นั่นแหละ แล้วมันไม่ต้องมีแฟนคลับหรือไงล่ะวะ” ธนูนิ่วหน้าใส่

“ก็ชอบแค่ดนตรีก็พอ ไม่ต้องมาสนใจคนเล่นหรอก”

“ยังจะเถียงอีก มันก็ต้องมีคนสนใจที่ตัวนักดนตรีมั่งแหละ มึงก็อย่าติสท์แตกมากดิ ยิ้มมั่งหน้าเนี่ย” ธันวาจับธนูฉีกปาก แล้วก็ขำ เพราะธนูพยายามจะพูดทั้งที่ถูกดึงแก้มจนยืด

“ผมไม่ชอบยิ้มให้คนแปลกหน้านี่”

“ก็เข้าใจแหละ เอาจริงๆ มันก็เป็นจุดขายของมึงอ่ะนะ ไอ้หน้าบึ้งๆ เนี่ย ฮะฮะ” ธันวาพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะต้องผงะถอยหลังเล็กน้อย เพราะธนูโน้มตัวลงมาจ้องหน้าใกล้ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกายเหมือนเด็กขี้แกล้ง

“ถ้าผมยิ้มให้คนอื่น คุณจะไม่หึงเหรอ”

“มันเป็นการค้า กูจะหึงทำไมวะ” ธันวายกแขนขึ้นดันแผงอกของร่างสูงไว้ ตรงนี้มันกลางห้างฯ เลย แต่ไอ้คนหน้าด้านนี่มันก็ช่างไม่แคร์สายตาใครสุดๆ แต่ธันวาเริ่มหน้าขึ้นสีแล้ว

“ห่างหน่อยเว้ย คนมอง”

“เขามองกันตั้งแต่คุณดึงแก้มผมแล้ว” ธนูยกยิ้มมุมปาก เหมือนจะแกล้งให้อาย ถึงได้โน้มลงจนปลายจมูกเฉียดแก้มไปมา

“งั้นก็อย่าให้เขามองมากกว่านี้สิวะ” สุดท้ายธันวาก็เอาแขนยันร่างสูงไว้แล้วรีบพลิกตัวหันหลังให้ แต่พอหันหลัง ธนูก็ฉวยโอกาสตอนที่ไม่เห็น ก้มมาหอมแก้มเข้าจังๆ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงพลางหัวเราะอย่างสบายใจเดินนำหน้าไป ทิ้งให้ธันวาหน้าร้อนวาบ ตะโกนด่าไอ้คนหน้าด้านในใจ แล้วรีบวิ่งหนีประชาชีแถวนี้โดยด่วน

***

เสียงแตรรถดังอยู่หน้าบ้าน จนคนที่กำลังหลับสบายอยู่บนโซฟาสะดุ้งตื่น คันศรลุกขึ้นเกาหัวอย่างมึนงง ก่อนจะลุกไปเปิดประตู

“ไม่ได้เอากุญแจไปหรือไงวะไอ้นู” พลันต้องขมวดคิ้ว เพราะรถที่มาจอดหน้าบ้านไม่ใช่ฟอร์จูนเนอร์สีขาวของธันวา แต่เป็นรถนำเข้าคันสีเงินวาววับสะท้อนแสงไฟจากหลอดไฟเล็กๆ หน้ารั้วบ้าน

“ใครวะ” คันศรนิ่วหน้ามองผ่านแสงไฟที่สะท้อนตัวคนที่ก้าวลงมาจากรถคันนั้น

“ศรใช่มั้ย” ผู้ชายร่างสูงโปร่งคล้ายๆ กับธนูอย่างบอกไม่ถูก คันศรพยักหน้ารับอย่างงุนงง ก่อนจะเปลี่ยนมาตกใจจนพูดไม่ออกแทน

“นี่พ่อเองนะศร”

***

รถของธันวามาถึงหลังจากนั้นไม่นาน และพอธนูเห็นรถสีเงินที่จอดหน้าบ้าน ก็รู้ทันทีว่าเป็นรถของใคร เขารีบวิ่งเข้าบ้าน และก็เจอพ่อนั่งคุยกับคันศรอยู่ ด้วยท่าทางสนุกสนาน

“อ้าว? ไอ้นู พ่อมาหาล่ะ” คันศรยิ้มกว้างบอกเขา แต่ธนูหน้าตึงจนคันศรตกใจ

มือของพี่ชายกำแน่นจนน่ากลัวว่าจะเจ็บ

พ่อหันไปยิ้มให้ลูกชายคนโต และแฟนของลูกที่เพิ่งวิ่งตามเข้ามาอย่างรีบร้อน เพราะรู้ว่าธนูไม่ค่อยถูกกับพ่อตัวเอง กลัวจะมีเรื่องกัน ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ

“ไง ธนู หนูธัน”

หนูธัน? ธันวาหน้าเหวอ คันศรหลุดขำพรืด ส่วนธนูแค่ทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้พ่อต้องการอะไร ถึงได้มาที่บ้านหลังนี้ ทั้งที่ทิ้งแม่กับน้องของเขามาเป็นสิบปี แต่ก็ไม่แปลกใจที่พ่อรู้ที่อยู่ ขนาดเขายังจ้างนักสืบหาจนเจอได้

“สวัสดีครับ คุณลุง”

“เรียกพ่อก็ได้ลูก” คุณพ่อยิ้มหวานจนตาหยี จนธันวายิ้มรับแทบไม่ทัน รู้สึกเขินแปลกๆ แต่ก็พยักหน้ารับ

“มาทำไม” ธนูถามเสียงแข็ง คันศรก็งงๆ ว่าพี่ไม่พอใจอะไรที่พ่อมาหา

“พอดีแวะมาเยี่ยมหลุมศพแม่พวกแก เลยอยากเจอศรสักหน่อย” พ่อตอบตามตรง “น้องตัวโตกว่าแกเยอะเลยนะ”

“แหะๆ ผมกินเก่งมั้งฮะ” คันศรลูบหัวตัวเองพลางหัวเราะเขินๆ

พ่อมองคันศรด้วยความเอ็นดู ก่อนจะลุกขึ้นลูบหัวเจ้าตัวโต และเดินไปตบบ่าพี่ชายที่ตัวเล็กกว่าน้อง “เห็นพวกลูกสบายดีก็ดีใจ อยากกลับบ้านกันเมื่อไหร่ก็ไปได้ตลอดนะ พ่อกลับก่อนล่ะ”

ธนูรู้สึกเหมือนมีอะไรติดในลำคอ เขากำมือแน่น ธันวาคว้ามือของเขาไว้แล้วลูบเบาๆ มันจึงค่อยคลายออก ธนูหันไปหาพ่อที่กำลังจะเดินออกจากบ้าน

“ไว้ผม...จะพาน้องไปที่บ้าน”

พ่อหันมาคลี่ยิ้มบางๆ แล้วโบกมือให้ลูกๆ ก่อนจะกลับออกไปอย่างเงียบๆ

“มึงโอเคแล้วใช่มั้ยวะ” พอเข้ามาในห้องของธนูแล้ว ธันวาก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ดูเหมือนพ่อของพวกธนูจะเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ได้คิดจะมาบีบบังคับอะไรพวกเขา แค่มาเยี่ยม และอาจจะรู้สึกผิด

“อืม” ธนูตอบเบาๆ ในคอ ก่อนจะหันไปกอดธันวา คนถูกกอดตกใจนิดหน่อย ก่อนจะคลี่ยิ้มและกอดตอบ พลางลูบหัวลูบหลังให้เบาๆ

มือนุ่มๆ และอบอุ่นของธันวาทำให้ธนูคิดถึงแม่

“วันนี้อัดคลิปกันดีกว่า” ธนูผละออกมาแล้วเดินไปหยิบกีต้าร์โปร่งออกมาจากใต้เตียง ธันวาก็รู้หน้าที่ดี รีบวิ่งไปหยิบกล้องวิดีโอในกระเป๋าบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ของธนูมาเตรียมตั้งถ่ายให้

“วันนี้กูไม่ขอออกกล้องนะ เขินว่ะ มีคนจำได้อีก”

“ทำไมล่ะ ผมอยากให้แฟนอยู่ในเฟรมด้วยนี่” ธนูเบะปากเหมือนเด็กเอาแต่ใจ “แค่ข้างหลังเหมือนเดิมก็ได้”

ธันวาถอนหายใจพลางอมยิ้ม “เออๆ ก็ได้ๆ” สุดท้ายก็ต้องยอมตามใจเด็กโข่งกันหน่อย

เวลาอยู่กับธันวา ธนูก็ชอบทำตัวเหมือนเด็กขี้แกล้งบ้าง ขี้อ้อนบ้าง หลากหลายมุมที่คงไม่มีใครได้เห็น นอกจากคนที่ธนูเลือกจะให้เห็น

วันนี้เพลงที่ธนูเล่นและร้องเป็นเพลงภาษาญี่ปุ่นที่ธันวาไม่เคยฟัง แถมยังแปลไม่ออกด้วย แต่เสียงร้องเหมือนจะขาดใจของธนู ก็พอจะรู้ว่ามันต้องเป็นเพลงที่เศร้ามากๆ

เพราะธนูคิดถึงแม่

หลังจากนี้ ตัวฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงนะ?
......
...
ฉันก็เป็นแค่คนตัวเล็กๆ
ที่ไม่ต้องการมีความสุข
ในแบบที่ไม่มีเธอเคียงข้าง
แค่นั้นเอง
แม้ไม่มีทั้งความหวังและแสงสว่าง
แต่แค่วันพรุ่งนี้ยังมีเธอก็พอแล้ว


เพราะห้องไม่ได้เก็บเสียงเหมือนที่บ้านของพ่อ คันศรจึงได้ยินเสียงเพลงของพี่ชายดังลอดออกมาอย่างชัดเจน ทั้งที่ไม่รู้ความหมาย แต่น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง กับเสียงเศร้าๆ นั้น

เพลงจบแล้ว ธันวากดปิดกล้องวิดีโอ แล้วโผเข้ากอดร่างสูงที่นั่งกอดกีต้าร์อยู่บนเตียง แม้ธนูจะพยายามทำเหมือนเข้มแข็งแค่ไหน แต่ในใจก็ยังมีแต่บาดแผล ที่มันจะไม่มีวันเลือนหาย

ไม่เคยเจอหน้าแม่เลยสักครั้ง ตั้งแต่ 8 ขวบ
ไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุย ได้ยิ้มให้
ไม่เคยมีโอกาสได้กอด ได้หอมแก้ม

ไม่มีโอกาสอีกแล้ว

บางครั้งการกระทำของผู้ใหญ่ ก็ทำให้เด็กๆ อย่างพวกเขาต้องพบเจอกับสิ่งเลวร้ายในแบบที่ไม่มีใครคิดถึงมัน พวกผู้ใหญ่อาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีรักก็ต้องมีเลิกรัก มีจากลา แต่บาดแผลในใจลึกๆ ของเด็กที่พ่อแม่ต้องแยกทางกัน หรือพวกเด็กๆ ที่ต้องถูกทอดทิ้ง มันไม่มีทางรักษาได้ อย่างน้อยก็แค่บรรเทา

“ผมอยากจะรักใครสักคนไปตลอดชีวิต อยากอยู่ด้วยกันจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ”

“อือ เข้าใจ” ธันวาประคองใบหน้านั้นไว้ และประทับจูบที่หน้าผากให้แผ่วเบา

“ถ้าคนคนนั้นเป็นคุณ ผมคงมีความสุขมาก”

เพราะคุณคือ “กำแพงวิเศษ” ของผม

ไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกรักและมีความสุขได้เท่าคุณอีกแล้ว

“อืม ธันจะอยู่กับธนูเอง จะคอยปกป้อง คอยดูแล คอยเติมเต็มทุกสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของธนู”

แรงกอดนั้นแน่นขึ้น ธนูคลี่ยิ้มพลางหลับตาลง รับรู้อุณหภูมิและกลิ่นหอมหวานจากร่างกายของธันวา ทุกสัมผัสและความรู้สึกที่มีให้กัน หลังจากนี้ ขอให้มันคงอยู่ไปตลอดกาล

***

เช้าวันจันทร์ ธนูตื่นมาทำอาหารเช้าเหมือนทุกวัน โดยมีธันวาคอยช่วย แถมด้วยเจ้าตัวเล็กข้างบ้าน

“ผมเห็นเพลงใหม่ที่พี่นูลงเมื่อวานด้วย เพราะดี แต่แปลไม่ออก ฮ่าๆ” อ๋องยังคงสดใสร่าเริง ทั้งที่ก่อนหน้านี้สับสนเรื่องธนูกับคันศร แต่ตอนนี้ เห็นธนูกับธันวาก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากแล้ว เพราะธันวาก็เป็นพี่ชายที่ดีกับอ๋องคนหนึ่ง ไม่ค่อยแกล้งหรือดุเหมือนเพื่อนของคันศรคนอื่นๆ

“ก็พี่จงใจให้คนฟังไม่ออก” ธนูอมยิ้ม

“ไม่ยักรู้ว่าพี่นูร้องเพลงภาษาญี่ปุ่นได้ด้วย”

“ได้ทุกภาษาอ่ะคนนี้ เพลงไหนมันชอบ โดนใจ ความหมายได้ มันหามาร้องมาเล่นหมดเลย” ธันวารีบอวด เพราะได้ฟังมาหลากหลายแนวแล้ว

อ๋องตาโต “อยากดูเวลาพี่นูร้องสดมั่งอ่ะ ไว้อัดเมื่อไหร่ ให้ผมมานั่งฟังด้วยสิ”

“ต้องถามแฟนพี่ก่อนนะ” ธนูเหล่มองคนข้างๆ ธันวาก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางยักไหล่

“แล้วแต่ น้องมันอยากดูก็เอาดิ”

“เย้ พี่ธันใจดีที่สุดเลย” อ๋องกระโดดโลดเต้น โผเข้ากอดเอวของธันวา

“ทีงี้รักไอ้ธันขึ้นมาเลย ก่อนหน้านี้เห็นทำหน้าเหมือนโดนไอ้นูทิ้ง มองไอ้ธันเป็นศัตรูอยู่เลย” คันศรที่นั่งรอกินข้าวอยู่แกล้งแซว น้องเล็กสุดในบ้านรีบหันไปตาขวางใส่

“ผมทำแบบนั้นตอนไหน พี่ศรอย่ามาใส่ร้าย”

“มองหน้ามึงก็รู้แล้ว ชัดมาก”

“ช่างสังเกตนะเรา” ธนูเดินถือจานมาเคาะหัวน้องทีหนึ่ง ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ จริงๆ เขาเองก็พอจะดูออก ว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวเล็กมองธันวาแปลกๆ แต่ไม่รู้ยังไง ตอนนี้เหมือนจะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว

“ผมไม่ได้คิดว่าพี่ธันเป็นศัตรูนะ แค่...” อ๋องก้มหน้าลง กัดปากนิดๆ ทุกคนก็รอฟัง โดยเฉพาะธันวาที่ยืนหันหลังอยู่หน้าเตา

“แค่รู้สึกเหงาๆ เหมือนพี่นูไม่สนใจผมเท่าพี่ธัน แค่นั้นเอง”

“โถถถถ น้องรัก” เป็นคันศรที่ยื่นมือไปโยกหัวเจ้าตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว จนธนูต้องตีมือให้ปล่อย

“ถ้าขาดความอบอุ่นจากไอ้นู ก็มาให้พี่คนนี้ปลอบได้นะจ๊ะ” คันศรขยิบตาให้ จงใจกวน แต่กลับทำให้อ๋องเขินจนหน้าแดง เล่นอะไรไม่ว่า อย่ามาทำหน้าน่ารักให้ใจเต้นเป็นพอ แต่ถึงจะใจเต้นแค่ไหน ก็ยังไม่ยอมแสดงออกอยู่ดี แถมยังแลบลิ้นใส่คันศร กลายเป็นแหย่กันเล่นเหมือนเดิม

“ไม่เอาพี่ศรหรอก แบร่”

ธนูกับธันวามองหน้ากัน ธันวายักคิ้วข้างหนึ่ง แล้วหันกลับไปทอดไข่ต่อ ส่วนธนูได้แต่ถอนหายใจอยู่ในใจ

คู่นี้สงสัยจะอีกนานแน่ๆ

***

มัวนั่งเช็คเนื้อเพลงอยู่ 555
เนื้อเพลงท่อนแรก กับเพลงที่ธนูร้อง เป็นเพลงที่เราชอบมาก เพราะพระเอก MV หล่อ 5555555

ดู MV ละมันทรมานใจดี

https://www.youtube.com/watch?v=wZLSRmk8jtc&list=PLQIrbQZSovUuKMIoudXpSa2FWQt_M196_&index=46 (https://www.youtube.com/watch?v=wZLSRmk8jtc&list=PLQIrbQZSovUuKMIoudXpSa2FWQt_M196_&index=46)

記憶は大切だから捨ててしまおう
คิโอขุ วะ ไทเซ็ทสึ ดะคะระ ซึเตเตะชิมาโอว
ฉันจะลองทิ้งความทรงจำสำคัญ

四季だって捨ててしまおうか
ชิคิดัทเตะ ซึเตเตะชิมาโอวกะ
ฉันลองทิ้งฤดูกาลทั้งสี่นี้ไปดีไหมนะ

どの季節にもあなたの匂いがした
โด โนะ คิเซ็ทสึ นิโมะ อานาตะ โนะ นิโอย งะ ชิตะ
ไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็มีกลิ่นอายของเธออยู่

これから僕がどうやって生きていくのか
โคเรคาระ โบคุ งะ โดวยัตเตะ อิคิเตะ อิคุ โนะกะ
หลังจากนี้ ตัวฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงนะ?

すべては運命ってのに委ねてもいい?
ซึเบเตะ วะ อุนเมย์ เตะ โนะนิ ยูดาเนะ เตะโมะ อี้?
ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามโชคชะตาดีไหม?

乾かない瞳では目の前すら滲んでいくんだ
คาวาคาไน ฮิโตมิ เดะวะ เมะ โนะ มาเอะ ซึระ นิจิน เดะ อิคุน ดะ
น้ำตายังไม่เหือดแห้ง ยังคงไหลออกมาจากดวงตาคู่นี้

側にいないあなたの幸せなんか願えないのは僕が小さいだけかな?
งะวะ นิ อิไน่ อานาตะ โนะ ชิอาวาเสะ นันกะ เนงาเอไน่ โนะวะ โบคุ งะ จีไซ่ ดาเคะ คานะ?
ฉันก็เป็นแค่คนตัวเล็กๆ ที่ไม่ต้องการมีความสุข ในแบบที่ไม่มีเธอเคียงข้าง แค่นั้นเอง

希望もなく光もない それでもその明日にあなたがいればいいのに
คิโบว โมะ นาคุ ฮิคาริ โมะ ไน่ โซเรเดะโมะ โซโนะ อาชิตะ นิ อานาตะ งะ อิเรบะ อี้ โนะนิ
แม้ไม่มีทั้งความหวังและแสงสว่าง แต่แค่วันพรุ่งนี้ยังมีเธอก็พอแล้ว

ปล.แนวเพลงของวงพี่ธนู เผื่อใครนึกไม่ออกว่ามันร็อคยังไง ลืมแปะตั้งแต่ตอนที่11
https://www.youtube.com/watch?v=BxDiQhNO780 (https://www.youtube.com/watch?v=BxDiQhNO780)
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 15 [17.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 17-10-2020 13:49:30
ยอมใจยกให้แฝดพี่ให้ธันวา เพราะว่าน้องอ่องคงเด็กเกินไปสำหรับพี่ธนูจริงๆ  ฟินจิกหมอน
แฝดน้องเริ่มหยอดแล้วนะ แต่ก็ยังอีกนานแน่ๆ ถ้ามีคนมาคาบน้องอ่องไป จะแอบส้มน้ำหน้าคันศรให้ o18 รู้ตัวช้า
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> ตอนพิเศษไร้สาระ
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 18-10-2020 11:07:36
คือ ออกมาบ้านแฟนอ่า ไม่ได้เอาโน๊ตบุ๊ตตัวเองมา เลยเอาของนางแต่ง แต่ก็ลำบากหน่อยๆ มันไม่มีเม้าส์ เลยแต่งไรไร้สาระไปก่อน
เดี๋ยวกลับบ้านแล้วจะต่อให้นะฮะ

เราแต่งฉาก NC ไม่เก่งเลยบอกตรงๆ เพราะเราคือแบบ...เราเป็นเมะอ่ะ ไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์คนโดนทำไง ถามแฟนนางก็ไม่ยอมบอก นางรู้ว่าเราจะเอามาแต่ง เลยไม่บอก555

ทนอ่านกันหน่อยน้า

ตอนพิเศษ กิจกรรมบนเตียงของพี่ธนู


ธันวานั่งมองอุปกรณ์แปลกๆ ที่หลบอยู่ในลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงของธนู ตอนที่กำลังรื้อหาถ่านไฟฉายมาใส่รีโมทแอร์ ธนูลงไปซักผ้า ตากผ้าอยู่ชั้นล่าง เดี๋ยวพอขึ้นมาก็จะบ่นว่าร้อน ธันวาเลยกะจะมาเปิดแอร์รอ แต่ถ่านรีโมทดันหมด แต่นอกจากจะเจอถ่านแล้ว ยังเจออย่างอื่นด้วยนี่สิ

ไอ้ถุงยางกับเจลหล่อลื่นนี่รู้จักอยู่ เห็นตามเซเว่นกับร้านขายยาทั่วไป แต่มันมีของแปลกกว่านั้น เป็นกระบอกเหมือนกระบอกน้ำ แต่ไม่น่าจะเอาไว้ดูดน้ำ เพราะมันมีสายยางยาวๆ ยื่นออกมาจากปากขวดด้วย กับแท่งรูปร่างกลมๆ มนๆ ที่ดูไม่ออกว่าเอาไว้ทำอะไร แม้ไม่รู้ว่าของสองอย่างนี้คืออะไร แต่มันอยู่ในกล่องเดียวกับถุงยางและเจล ก็น่าจะเป็นอุปกรณ์เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์แน่นอน ไอ้ครั้นจะถามตรงๆ ว่าเอาไว้ทำอะไร ก็ดูน่าอายเกินไปหน่อย

แม้จะคบกันมาหลายเดือนแล้ว แต่ธนูก็ไม่เห็นทำอะไรมากไปกว่าจูบ อาจจะจูบหลายที่หน่อย ไม่ใช่แค่ปาก ธันวาไม่ได้ใสซื่อขนาดไม่รู้ว่าธนูมีอารมณ์เวลาที่จูบกัน แถมยังชอบใช้มือให้ธันวาอยู่ฝ่ายเดียว แต่จะออกปากว่า เอาเลย ทำเลย ก็กระไรอยู่ เกิดมาไม่เคยไอ้แอ้มผู้หญิงสักคน แล้วจะรู้ได้ไงว่ากับผู้ชายจะต้องทำอะไรบ้าง

“นี่ไม่ได้ตกลงกันเหรอ ว่าใครรับใครรุก” เมื่อคิดคนเดียวไม่ไหว ธันวาก็เลยมาพึ่งเพื่อนสาวในคณะ ที่เป็นพวกสาวๆ ที่ชอบดูผู้ชายได้กัน เห็นบอกว่าเรียกว่าสาวเอ็กๆ วายๆ อะไรสักอย่าง เพราะในคณะของเขาไม่มีกะเทยหรือเกย์ให้ปรึกษาเลยสักคน

“มันคืออะไรวะเฌอ” ธันวานิ่วหน้า กับคำศัพท์แปลกใหม่

“ก็แบบ รุกก็เป็นคนเอา รับก็โดนเอาไง” ตรงประเด็นสุดไรสุด ธันวาถึงกับหน้าม้าน ไม่คิดว่าผู้หญิงใส่แว่นหน้าตาเรียบร้อยจะพูดเรื่องแบบนี้ได้ไม่มีเขินสักนิด

“แล้วจะรู้ได้ไง ว่าต้องทำอะไร”

“โห ซื่อบื้ออย่างมึงนี่ ให้ธนูกดเหอะ” เฌอแตมเอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อนแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้

“เวลาทำกันก็บอกให้ธนูสอนเลย อุปกรณ์พร้อมนี่ น่าจะเชี่ยวนะท่าทาง”

“ก็มันน่าอายนี่หว่า กูกลัวมันขำเอาด้วย”

“เป็นแฟนกัน เขาจะมาอะไรมึง เอางี้ กูช่วยบอกแค่คำศัพท์ให้ มึงลองไปเสิร์ชกูเกิ้ลหาเอาเอง อธิบายไปมึงก็อายกูอยู่ดี”

ไม่ใช่ว่ามึงต้องอายกูเหรอวะ ไอ้เฌอ ธันวาเถียงในใจ ก่อนจะเปิดดูไลน์ที่เพื่อนส่งข้อความคำศัพท์ที่ต้องเรียนรู้ต่างๆ มาให้ค้นหา

“ทำแท้ง? กูไม่ได้มีลูกนะ ไม่มีมดลูกด้วย ทำแท้งเลยเหรอวะ ยังไม่ทันได้กันนะ”

เฌอเบะปาก ตบหัวเพื่อนไปที “มันเป็นศัพท์ในหมู่เกย์ไงอีโง่ มันคือการ เอ่อ สวนทวาร ล้างรูก้นมึงอ่ะ กูเลยต้องอธิบายจนได้ ดูสิ”

“ล้าง...รูก้น?” ธันวานิ่วหน้าหนักกว่าเก่าพลางเอียงคอ

“มึงนึกภาพนะ ผู้ชายมันมีรูเดียว แล้วถ้ามึงแหย่สุ่มสี่สุ่มห้า มันจะมีอะไรออกมา”

“อ้อ” ธันวาพยักหน้าตาม “แล้วใครต้องเป็นคนทำอ่ะ”

“อ้าว อีนี่ ก็คนที่รับไง คนโดนเอาอ่ะ ก็ฉีดน้ำอัดเข้าไปล้างเอา มึงหาวิธีในเนตเอาเลย”

“มึงนี่รู้ดีอย่างกับเคยทำ” ธันวามองหน้าเพื่อนสาวอย่างประหลาดใจ “หรือมึงเป็นผู้ชายปลอมตัวมาวะ?”

“ไอ้เหี้ยนี่ กวนตีน เดี๋ยวแม่โบกเลย”

“เดี๋ยวนะ แล้วทำไมกูต้องหาวิธีทำแท้งอ่ะ กูเป็นรุกไม่ได้เหรอ” ธันวาหน้าเหวอ ทำไมเพื่อนถึงแนะนำอะไรแบบเน้

เฌอหรี่ตามองธันวาตั้แต่หัวจรดเท้า “ก็ได้แหละ แต่ถ้ามองจากธนูแล้ว กูว่าไม่น่ารอด”

“อะไรวะ ไอ้นูมันอาจจะอยากโดนกูเอาก็ได้นี่ ไม่เห็นเคยทำอะไรสักที สงสัยรอกูรุก”

“เออๆ มึงจะคิดงั้นก็ตามใจนะ ลองดูๆ” เฌอแตมตบบ่าเพื่อนสองสามทีเพื่อให้กำลังใจ

“เออ ขอบใจแล้วกัน ช่วยได้เยอะเลย”

***

ธันวาบอกตัวเองว่า ไม่ได้หื่น ไม่ได้อยากอะไรขนาดนั้น แต่แค่อยากรู้อยากเห็น เพราะยังไงก็ผู้ชายเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวเรื่องท้องป่อง แค่ป้องกันโรคก็พอ

“วันนี้แปลกจังนะครับ” หลังจากจูบกันก่อนนอนตามปกติ ธนูก็ยกยิ้มมุมปากแล้วพูดแบบนั้น เพราะคืนนี้ธันวาเหมือนจะมีอารมณ์มากกว่าทุกครั้ง จูบตอบเขาได้เร่าร้อนมาก

“แปลกยังไงวะ” คนขี้เขินหน้าร้อนผ่าวๆ เมื่อกี้ลองใช้ลิ้นแบบที่ธนูชอบทำให้กลับไปบ้าง แม้จะเก้ๆ กังๆ ไปหน่อยก็ตาม

“ก็แปลกแบบ...น่ารักกว่าปกติ” ธนูมองอีกคนอย่างเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนมือลงตรงหว่างขาของธันวา

“อ๊ะ อื้อออ” ธันวากัดปากกลั้นเสียงน่าอาย เมื่อถูกฝ่ามือร้อนๆ สัมผัสจากนอกร่มผ้า เพราะตอนนี้กำลังตื่นตัว และธนูก็รู้ ถึงได้เอามือไปบีบนวดให้เบาๆ

“ผมทำให้นะ” ธนูพูดพลางดูดไซร้ที่ซอกคอขาว ธันวาตัวสั่นด้วยความเสียวซ่าน ค่อยๆ อ้าขาออกให้ธนูจัดการกับลูกชายตัวเองที่ถูกปลดปล่อยออกมาข้างนอกเรียบร้อย ธนูดึงบ็อกเซอร์ของร่างโปร่งออก พร้อมกับถกเสื้อยืดของธันวาขึ้นเหนือแผ่นอกบาง ครอบริมฝีปากดูดดึงกับตุ่มไตสีอ่อน มือก็ยังขยับรูดแท่งเนื้อเบื้องล่างไปด้วย เสียงดูดเลียด้านบนฟังดูลามก จนธันวาแดงไปทั้งตัวด้วยความอาย แผ่นอกแอ่นเกร็ง ใบหน้าแหงนเงยและค่อยๆ พิงลงกับหัวเตียง

“อ่ะ...อื้อ ธนู ธนู...”

ธนูคลี่ยิ้ม ปลายลิ้นตวัดเลียยอดอกทั้งสองข้างสลับกันรัวๆ มือขยับเร็วขึ้นอีก เพราะรู้ว่าธันวาใกล้เสร็จแล้ว ถึงได้เรียกชื่อของเขาแบบนั้น

สองแขนของร่างโปร่งโอบกอดรอบลำคอของธนูไว้แน่น ปลายเท้าจิกเกร็งบนผ้าปูที่นอน ริมฝีปากอ้าเผยอพ่นลมหายใจออกมาเมื่อถึงที่สุดของห้วงอารมณ์

ธนูผละออกมามองใบหน้าแดงก่ำกับแผ่นอกที่กระเพื่อมถี่ของร่างโปร่งด้วยความเอ็นดู ธันวายังอ้าปากหอบหายใจ เห็นแพขนตาที่กะพริบไหว หัวใจเต้นรัวจนรู้สึกได้ มองอยู่สักพัก ก็ต้องสะดุ้งเบาๆ พลางขมวดคิ้ว เพราะจู่ๆ ธันวาก็ยื่นมือมาจับกลางลำตัวของเขา ที่กำลังแข็งเกร็ง

“หะ ให้ธันทำมั่ง” เรียกตัวเองว่าธันเสียด้วย ธนูเลียริมฝีปากที่แห้งผากแล้วกลืนน้ำลายลงคอจนเห็นลูกกระเดือกเคลื่อนไหวชัดเจน

“จะดีเหรอครับ”

ธันวาไม่ตอบ แต่ล้วงมือเข้าไปใต้กางเกงขาสั้นของธนูแล้วสัมผัสมันโดยตรง สิ่งที่รับรู้เป็นครั้งแรกเลยคือ ความร้อน กับความใหญ่ ธนูมองหน้าคนที่ตั้งใจใช้มือให้ด้วยความเอ็นดู ธันวากำลังทำแบบเดียวกับที่เขาทำให้ ถือว่ารู้จักเรียนรู้ดี ธนูครางเบาๆ ในลำคอ โน้มหน้าไปดูดแรงๆ ที่ซอกคอขาวอีกรอบ คราวนี้อดไม่ไหวที่จะทำรอย เพราะมือนุ่มๆ ที่กำลังรูดตัวตนของเขามันช่างเร้าอารมณ์เหลือเกิน

“อึก อย่ากัดสิ”

“ไม่ได้กัดสักหน่อย” ธนูหัวเราะเบาๆ เพราะเวลาดูดคอแรงๆ มันจะเจ็บจี๊ดๆ และธันวาชอบคิดว่าเขากัดทุกที

“นั่นแหละ เดี๋ยวมันเป็นรอย”

“ก็คุณน่ารัก” พูดไปก็พรมจูบไปทั่วใบหน้าและลำคอของร่างโปร่ง ธันวาพยายามขยับมือแบบที่ธนูทำ แต่มันยากตรงที่ของธนูใหญ่เกินไป เลยทำให้เสร็จไม่ได้สักที

“พอก่อนครับ เดี๋ยวผมทำต่อเอง” ธนูเอ่ยข้างใบหู พร้อมขบเบาๆ ที่ติ่งหู แต่ธันวาเม้มปาก ไม่ยอมปล่อยมือ ธนูเลยต้องยื้อมือของธันวาไว้

“ไม่เอาดิ จะทำให้เสร็จอ่ะ”

ธนูยิ้มอ่อน ในเมื่อไม่ยอมปล่อยก็เลยช่วยจับมือไว้แล้วขยับนำ ธันวามองใบหน้าแดงก่ำที่ชื้นเหงื่อทั้งที่เปิดแอร์ไว้ตั้งแรงของธนู ด้วยหัวใจเต้นระส่ำ ธนูดันนิ้วโป้งของธันวาขึ้น ให้กดลงบนส่วนปลาย พลางกัดปาก ครางดังในคอ จนธันวาใจกระตุก มองใบหน้าเซ็กซี่ของธนูที่ไม่เคยเห็นมาก่อนพลางหายใจแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“อึก...” ธนูซุกหน้าลงกับบ่าของร่างโปร่ง เสียงลมหายใจดังก้องไปทั่วห้อง ก่อนที่จะค่อยๆ เบาลง

“สะ เสร็จแล้วเหรอ”

“ครับ” ธนูตอบเสียงพร่า มือยังคงกุมมือของธันวาไว้แน่น ก่อนจะเอียงคอ และคราวนี้ไม่ใช่แค่ดูดแล้ว ธนูกัดเข้าที่คอของธันวาจริงๆ

“โอ๊ยยย เจ็บนะ”

“ขอโทษครับ ขออีกรอบได้มั้ย” เสียงนั้นเว้าวอนจนธันวาใจสั่น

“คือ คือ จะทำมากกว่านี้ก็ได้นะ” ธันวาลองกลั้นใจพูดออกไป และพบว่าธนูถึงกับขมวดคิ้ว “อย่าทำหน้าแบบนั้นดิวะ ก็คือ กูก็ไม่ค่อยรู้นะ แต่แบบ มึงอาจจะอยากทำมากกว่านี้”

“ได้เหรอครับ” ถามไปก็ไซร้คอไปอีก ธันวาครางอื้อในคอ ทำไมคุยก่อนไม่ได้ ต้องทำให้เสียวไปคุยไปด้วยเนี่ย

“ยังไงเราก็ผู้ชายเหมือนกันนี่ แล้วมึงก็ดูจะ...ทนไม่ไหว”

“คุณรู้มั้ยว่าต้องทำอะไรบ้าง” ธนูผละออกมามองแก้มแดงๆ ของคนรัก

“กะ ก็เคยดูหนังโป๊มาบ้างหรอกน่า แต่ต้องเข้าข้างหลังแทนใช่มั้ยล่ะ” พูดแล้วก็อายจนไม่กล้าสบตากับธนู “มึงก็สอนกูสิ ว่ามันต้องทำอะไรยังไง”

ธนูนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะขยับตัวไปด้านข้าง เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียงแล้วหยิบกล่องที่ใส่อุปกรณ์ต่างๆ ที่ธันวาเคยเห็นก่อนหน้านี้

“แน่ใจนะว่าจะให้ผมสอน”

“ก็เออสิ กูอายนะเนี่ย ต้องมาขอให้สอนอ่ะ มันก็ดีกว่าไปมั่วเองใช่ป่ะล่ะ”

ธนูหรี่ตามองคนรักพลางเอามือลูบคาง ก่อนจะฉุดข้อมือของธันวาให้ลุกจากเตียง พร้อมคว้ากล่องใส่ของพวกนั้นไปด้วย

“เอ๊ะ เอ๊ะ?” คนโดนลากไป ก็ตามธนูเข้าห้องน้ำไปแบบงง กว่าจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร ก็...

ผ่านไป สิบห้านาที

ธันวานั่งขาเปลี้ยเกาะขอบอ่างอาบน้ำพลางหอบหายใจ หน้าแดงตัวแดงไปหมด พอเริ่มมีแรง ก็หันไปตาขวางใส่คนที่กำลังเก็บของอยู่ตรงเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ

“ยังไหวอยู่มั้ยครับ” ธนูถอดถุงมือออกพลางเอี้ยวตัวไปมองหน้าคนรัก ธันวาถลึงตาใส่ โวยวายเสียงดังลั่นห้องน้ำ

“ไม่ไหวแล้วโว้ย! ไม่ทำแล้วแม่ง”

ธนูเหลือบตาขึ้นมองเรื่อยเปื่อย ก่อนจะปิดกล่อง “ลุกไหวมั้ยครับ”

“ฮือออ” ธันวาครางเหมือนร้องไห้ พยายามจะลุกขึ้น แต่ขามันไม่มีแรง สุดท้ายเลยต้องให้ธนูช่วยอุ้มออกจากห้องน้ำ

“งั้นก็นอนนะครับ ไม่ทำแล้ว”

“อือ” พอมาถึงที่เตียง เห็นสีหน้าห่วงใยกับรอยยิ้มอ่อนของธนูก็รู้สึกผิดนิดๆ ทั้งที่เป็นคนบอกให้ธนูสอน แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำ ก็เลยไม่ทันได้เตรียมใจ สุดท้ายก็เลยล่ม

“โกรธกูเปล่าวะ คือกูไม่ได้เตรียมใจมา” ธันวามองตามร่างสูงที่เขยิบตัวจะนอนลงข้างๆ

“ผมเข้าใจครับ ก็คุณเป็นผู้ชาย” เขาหันไปยิ้มบางๆ แล้วนอนตะแคง กอดคนข้างๆ ไว้หลวมๆ ยิ่งเห็นสีหน้าอ่อนโยนแบบนั้น ธันวายิ่งรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด

อยากให้รู้สึกดีด้วยกัน เพราะทุกทีมีแต่ธนูทำให้ ด้วยความอดทน ทั้งที่ก็ต้องการมากขนาดนั้น

“ถ้าคุณไม่พร้อม ผมก็ไม่บังคับ หรือคุณอยากเป็นฝ่ายทำ ผมก็ยอมให้ได้”

ลมหายใจของธันวาสะดุดเล็กน้อย “จริงเหรอ”

ธนูลูบเส้นผมยุ่งๆ ที่ลงมาปรกหน้าผากของธันวา ปัดให้มันเข้าที่เข้าทาง พลางยิ้ม

“เพื่อคุณ ผมทำได้ทุกอย่าง”

โอยยยย ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่เลยกู ธันวากรีดร้องในใจ

“งะ งั้น กูจะพยายามแล้วกัน...”

“ครับ?” ธนูเลิกคิ้วมองคนที่ก้มหน้ามุดอกของเขา ก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วโอบกอดคนรักไว้แนบอก เมื่อได้ยินประโยคต่อมา

“จะพยายามรับให้ได้อ่ะ ทำบ่อยๆ คงชินแหละ”
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> ตอนพิเศษไร้สาระ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 18-10-2020 12:10:46
 :pighaun: :jul1:
แฝกพี่แซงน้องไปเรียบร้อยแล้ว ฟินจิกหมอนอยู่นะคะคนแต่ง
รอคู่น้อง  o18
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> ตอนพิเศษไร้สาระ
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 19-10-2020 00:03:05
 :hao3:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> ตอนพิเศษไร้สาระ
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 19-10-2020 00:26:50
16
“ผมมึงยาวขึ้นหน่อยนึงนี่” คันศรจับปลายผมของคนตัวเล็กที่เริ่มยาวจนไม่ค่อยดูเป็นหัวเกรียนๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วยความสนอกสนใจ

อ๋องยกแขนขึ้นปัดมือของคันศรออก แก้มขึ้นสีชมพูอ่อนๆ “ก็จะเข้ามหาลัยแล้ว ไม่อยากไถเกรียน”

“ไว้ทรงอะไร มึงก็เหมือนลิงอยู่ดีแหละ” คันศรหัวเราะคิกคัก แล้วทำท่าเกาหัวเกาคางล้อเลียนอ๋อง จนอ๋องหน้ามุ่ย ยกมือขึ้นทุบไหล่ไอ้คนขี้แกล้งรัวๆ คันศรยิ่งหัวเราะชอบใจ

“เลิกแหย่น้องได้แล้ว ศร” พี่ชายคนโตเดินถือถาดขนมอบทำเองกับมือร้อนๆ มาเสิร์ฟให้น้องๆ ที่หน้าทีวี แล้วหันไปคุยกับอ๋อง

“ไว้เปิดเทอมก็ไปเรียนพร้อมกันเลยนะอ๋อง ยังไงก็ที่เดียวกับศรอยู่แล้ว”

“ผมไม่อยากนั่งรถไปกับพี่ศรสองคนเลยอ่ะ ถ้าไม่มีพี่นู เดี๋ยวมันก็แกล้งผมอีกอ่ะ” พักหลังมานี้ อ๋องที่เคยเกาะติดคันศร เบนเข็มไปหาพี่ชายคนโตที่ใจดีกว่าตลอด เมื่อก่อนไม่มีธนู เลยต้องยอมให้แกล้ง ไม่งั้นก็ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้มีคนให้อ้อนแล้ว แถมไม่ได้อ้อนแค่ธนู แต่ยังอ้อนเผื่อแผ่ไปถึงแฟนพี่ชายด้วย ธันวาเองก็ใจดีเหมือนกัน เห็นอ๋องเหมือนน้องชายคนหนึ่งอยู่แล้ว

“ถ้ามันแกล้งก็ไปฟ้องพี่ธันได้เลย พี่ฝากไว้แล้ว”

“อย่างไอ้ธันจะทำอะไรกูได้วะ ถามจริง” คันศรเบ้หน้า

“ธันทำไม่ได้ แต่ถ้านายกล้าทำอะไรธัน ฉันก็ไม่เอานายไว้นะศร”

คันศรสะดุ้งเฮือก เสียวสันหลังวาบ เพราะพี่ชายยิ้มหวานจนน่ากลัว

“รุมกันชัดๆ เมื่อก่อนกูก็แกล้งมันประจำ ไม่เห็นมีใครว่าอะไร”

“นั่นมันเมื่อก่อนไง จะเล่นอะไรก็อย่าให้มากเกิน น้องโตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ ให้เกียรติกันบ้าง” แล้วพี่ธนูก็บ่นยาวอีกตามเคย คันศรได้แต่เบะปาก ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แถมยังแกล้งเอาขาเตะไอ้ตัวเล็กเล่น แต่จริงๆ ก็ฟังที่ธนูพูดอยู่บ้าง

อ๋องมันไม่ใช่เด็กแล้วจริงๆ นั่นแหละ แถมยังเหมือนจะมีคนที่ชอบด้วย โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คิดแล้วคันศรก็ยิ่งอยากรู้ ว่าคนที่อ๋องแอบชอบมันเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่

และแล้วก็ถึงวันเปิดเทอม อ๋องได้ใส่ชุดนักศึกษาใหม่ ผูกเนคไทสีน้ำเงินเรียบร้อยสวยงาม ผมก็ยาวขึ้นนิดหน่อย พอมีหน้าม้าปรกหน้าผากนิดๆ เขากะว่าจะไว้ผมยาวถึงช่วงคอแล้วค่อยตัดทรงอื่นอีกที อยากทำผมแนวอันเดอร์คัทเท่ๆ แบบธนูบ้าง

“แม่ฝากอ๋องด้วยนะธนู ศร” เพราะเป็นเช้าแรกของการเปิดเทอม แม่ถึงกับต้องมาฝากฝังถึงหน้าบ้านของคันศร ธนูยิ้มรับอย่างสุภาพ

“ไม่ต้องห่วงนะครับ อ๋องอยู่คณะเดียวกับธัน ผมฝากให้ช่วยดูแลที่มหาลัยไว้แล้ว”

“แถมยังมีผมอยู่อีกคนด้วยครับคุณแม่ หายห่วงเลย สบายมากๆ” คันศรคว้าตัวอ๋องไปกอดบ่าไว้อย่างสนิทสนม คนตัวเล็กหน้าร้อนขึ้นมานิดหน่อย แต่พยายามเก็บอาการไว้ แม่ได้ยินแฝดพูดแบบนั้น ก็สบายใจ ยืนส่งจนรถของธนูที่มีคันศรเป็นคนขับ เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านไป

หลังส่งธนูที่มหาวิทยาลัยแล้ว คันศรก็พาอ๋องไปมหาลัยของพวกเขาต่อ อ๋องสอบเข้าคณะวิศวกรรม ที่เดียวกับคันศรได้ตามที่ตั้งใจไว้ แม้จะมีโอกาสเรียนด้วยกันอีกแค่ปีเดียวก็ตาม แต่ก็อยากใช้เวลาช่วงนี้ให้มีค่ามากที่สุด อ๋องตั้งใจไว้แล้วว่า จะบอกความรู้สึกเมื่อคันศรเรียนจบ อย่างน้อยถ้าจะต้องเข้าหน้าไม่ติด ก็ให้พ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันไปก่อน

“อ้าวววว มาแล้วๆ น้องใหม่ที่พวกเราต้องต้อนรับขับสู้ด้วยมือและเท้า” พอลงจากรถและเดินตามหลังคันศรขึ้นไปบนตึกคณะ ก็เจอแทนทัพเป็นคนแรก เหมือนรออยู่แล้ว ตามด้วยเท็น และธันวา กับคนอื่นๆ อีกสามสี่คน

“ทำไมต้องต้อนรับด้วยมือและเท้า” อ๋องขมวดคิ้ว เอี้ยวตัวหลบมือของแทนทัพ กลัวโดนตบหัว เพราะโดนทุกทีที่เจอกัน

“โหๆๆ เดี๋ยวนี้มันมีหลบว่ะ ไอ้ลิงน้อย มึงอยู่ปี 1 ต้องรองมือรองเท้าพวกพี่เข้าใจมั้ยวะ ไม่เชื่อฟังกูจับเฉือดในห้องเชียร์นะ” แทนทัพคว้าคออ๋องไปกอดไว้แล้วขู่แบบขำๆ ไม่ได้จะใจร้ายอะไรขนาดนั้น แค่หยอกน้องเล่น

“ได้ข่าวเขายกเลิกระบบโซตัสแล้วนะไอ้แทน” เท็นโพล่งขึ้น “เลิกมาสองปีละ”

“กูรู้ ไอ้สัส มึงก็ควายจัง กูหยอกน้อง เข้าใจมั้ย” แทนทัพยกขาขึ้นเตะเท็นที่นั่งกินขนมอยู่ ปากไม่ว่างยังจะสอด เท็นก็เลยดีดขนมใส่หน้าไป ตีกันเหมือนเด็ก ทั้งที่เรียนจะจบอยู่รอมร่อ เพื่อนคนอื่นได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา ไอ้คู่นี้สนิทกัน ใครก็รู้ เล่นกันแบบนี้ประจำ แต่ไม่เคยทะเลาะกันจริงๆ ให้เห็นสักครั้ง

“พี่หยอกๆ นะน้องอ๋อง โตๆ กันแล้ว พี่ไม่แกล้งหรอกครับ น้องน่ารักออกขนาดนี้”

“ไม่ต้องทำตบหัวแล้วลูบหลังเลยไอ้แทน มึงปล่อยมือแล้วมานั่งแดกขนมกับไอ้เท็นไป” ธันวารีบเข้ามาขัด ดึงมือเพื่อนออกจากบ่าของน้องใหม่ ที่คงต้องอยู่กับกลุ่มพี่ปี 4 ไปก่อน จนกว่าจะมีเพื่อน แม้ไม่มีการว้าก แต่ยังมีรับน้องแบบปกติ ทำกิจกรรมเชียร์กันไป เดี๋ยวอ๋องก็ได้เพื่อนใหม่เอง

คันศรเลิกคิ้ว มองแทนทัพที่หยอกเล่นกับอ๋องไม่เลิก ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในใจ แต่ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่ามันมีอะไรแปลก

เย็นนั้น มีกิจกรรมซ้อมเชียร์วันแรกของปี 1 ซึ่งหน้าที่หลักในการสอนน้องร้องเพลงก็คือพวกปี 2 แต่ก็มีกลุ่มปี 3 ปี 4 มาคอยดูด้วย

“วันนี้เราจะรับสมัครน้องที่อยากเป็นหลีดนะครับ ได้ทั้งหญิงชาย คณะเราผู้หญิงน้อย ยังไงก็ช่วยๆ กันหน่อยนะน้อง” เสียงเด็กปี 2 ที่เป็นประธานรุ่นแจ้งกับน้องผ่านไมค์ ในห้องประชุมเชียร์ของคณะ

หลังประกาศจบ ก็มีผู้หญิงหลายคนสนใจ เพราะมีอยู่ไม่กี่คน ยังไงสมัครไปก็น่าจะได้แน่นอน แต่ผู้ชายแทบไม่มีใครลุกเลย สุดท้ายพวกพี่ปี 2 ก็มาปรึกษากับปี3 ปี4 ซึ่งมีกลุ่มของพวกคันศรด้วย ว่าคงต้องคัดหลีดผู้ชายกันเอง แม้ไม่อยากบังคับน้อง แต่ก็ต้องลองหว่านล้อมก่อน

“ขาดหลีดชาย 2 คนอ่ะพี่ธัน” เพราะธันวาเคยเป็นหลีดคณะเมื่อตอนปี 1 แม้จะโดนรุ่นพี่บังคับก็ตาม พวกน้องๆ ก็เลยหันมาถามเขา ที่ยืนอยู่ข้างๆ คันศร ธันวาหันไปคุยกับพวกรุ่นน้อง คันศรก็มองตาม

“พี่ธันช่วยเลือกให้หน่อยได้มั้ย ผมว่าพี่ตาแหลมสุดละ”

“ตาตี่มากกว่าป่ะวะไอ้ป๊อก” คันศรอดแซวเพื่อนไม่ได้จริงๆ พวกรุ่นน้องให้ความไว้วางใจธันวาเสมอ ก็ว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเสียขนาดนี้

“ขำๆ ไอ้สัส” ธันวาหันไปจิกตาใส่เพื่อน ก่อนจะคุยกับรุ่นน้องต่อ ตกลงว่าจะช่วยดูให้ หลังจากนั้นก็มีปี 3 อีกคนที่เคยเป็นหลีดคณะ และเป็นน้องรหัสของธันวาช่วยแยกกันเช็คหน้าค่าตารุ่นน้อง

พลันธันวาก็นึกขึ้นได้ ว่าไม่เห็นจะต้องหาที่ไหนไกล ขายาวๆ ก้าวฉับๆ ตรงไปที่เด็กหนุ่มผมม้าเต่อคนสุดท้ายของแถวแรกทันที

“ไปกับพี่หน่อยสิ อ๋อง” ธันวายืนก้มมองน้องรักด้วยรอยยิ้มหวาน จนอ๋องนิ่วหน้าใส่

“อะไรพี่ธัน ไม่เอานะ ผมไม่เป็นนะ เต้นไม่เป็น”

แต่ธันวาไม่ยอมแพ้ อ๋องหน้าตาน่ารักขนาดนี้ ปล่อยหลุดมือไม่ได้ ต้องเป็นหลีดคณะเราเท่านั้น คิดดังนั้น ธันวาก็ฉุดแขนน้องขึ้น

“เดี๋ยวพี่สอนเอง ไม่ต้องกลัว”

แต่อ๋องก็ยื้อแขนไว้ ไม่ยอมลุกตาม “ไม่เอา ผมอาย ไม่กล้าเต้นหรอก”

“ตอนพี่เป็นก็ครั้งแรกเหมือนกัน (ไม่นับตอนประกวดเต้นสมัยม.ต้นที่ออกไปแบบเหวอๆ นะ) นะนะ อ๋อง แล้วจะให้ธนูทำขนมที่อ๋องชอบกินให้เยอะๆ เลย” เล่นไม้นี้ทุกที ธันวาออดอ้อนแถมยังเอาขนมมาล่ออีก อ๋องเลยต้องยอมลุกขึ้น

“ไม่ได้เห็นแก่ขนมนะ แต่พี่ธันจะสอนเองแน่นะ”

“แน่นอนครับผม พี่จะไปสอนให้ที่บ้านด้วยยังได้ แป้ปเดียวเต้นเก่ง สวยงาม” ธันวารีบพะเน้าพะนอน้องรักทันที อ๋องก็นิ่วหน้า คิดไปคิดมา ก็ยอมเป็นหลีดคณะให้จนได้

“หน้าอย่างนี้นี่นะ เป็นหลีดคณะ” พอมาสมัครเสร็จ ไอ้คนกวนประสารทและชอบใช้กำลังก็โพล่งขึ้นมา อ๋องหันควับไปมองตาขวาง

“หน้าผมมันทำไม ถ้าพี่ธันไม่ขอเอง ผมก็ไม่ทำหรอก”

คันศรหัวเราะคิก พลางเอามือลูบหัวน้อง เห็นอ๋องโมโหแล้วสนุกดี “หน้ามึงเหมือนลิงไง ไอ้ลิง”

“มึงนี่ อย่าแกล้งน้องนักสิวะ เดี๋ยวกูฟ้องพี่มึงเลย” ธันวาเข้ามาช่วยห้าม อ๋องรีบหลบข้างหลังธันวาทันที

“แหมๆ เดี๋ยวนี้มีพวก กูหยอกเล่นหรอก แบบไอ้แทนไง” คันศรยักคิ้วให้คนที่เกาะหลังธันวา อ๋องก็ได้แต่ขู่ฟ่อๆ ใส่ ไม่ได้น่ากลัวสักนิดสำหรับคันศร

“แล้วอีกคนล่ะ?” ธันวาหันไปหารุ่นน้องที่ดูแลเรื่องหลีดต่อ ขี้เกียจสนใจไอ้คนบ้าที่ชอบหาเรื่องแกล้งน้อง

“พี่เล่หาอยู่อ่ะ นั่นไงๆ มาแล้ว เฮ้ยยย คนนั้นเลยเหรอ” ป๊อก ประธานรุ่นปี 2 ตาโต

“ทำไมวะ ก็มันหล่ออ่ะ” โอเล่ อดีตหลีดคณะปี 3 เดินนำน้องที่เลือกมาตรงโต๊ะรับสมัคร ธันวามองหน้าเด็กปี 1 ที่โอเล่เลือกมาตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางพยักหน้า

“ก็ใช้ได้นะ ทำไมวะป๊อก”

“คือ ไอ้จิวมันบอกจะเอาไว้ประกวดเดือนอ่ะพี่คนนี้ ผมเลยไม่ได้เลือกกันแต่แรก” ป๊อกตอบ จิวคือรองประธานรุ่นของปี 2 เป็นสาวน้อยสายโหด

“จริงๆ ก็ทำสองอย่างได้มั้ง” ธันวาว่า “พี่ว่ามีคนนึงหล่อ อีกคนน่ารัก เอาไว้คู่กันก็เหมาะดีนะ ใช่มั้ยวะ เล่”

“ใช่ ผมก็คิดเหมือนพี่ธันเลย แต่ถ้างานมันจะชนกัน ก็เลือกคนอื่นเป็นเดือน ผู้ชายตั้งเยอะ กูขอคนนี้ กูจะเอาไว้ฝึกหลีด” โอเล่เห็นด้วยกับธันวา

“โห งั้นพวกผมหาเดือนคณะคนใหม่ก็ได้อ่ะ” สุดท้ายป๊อกก็ต้องยอมพวกพี่ๆ

คันศรยืนกอดอกมองดูอ๋องกับหลีดชายอีกคน ที่ธันวาบอกให้เอาไว้คู่กัน เพราะคนนึงหล่อ อีกคนน่ารัก พลางครุ่นคิด ไอ้ธันมันหมายถึงไอ้อ๋องหรือเปล่าวะ ไอ้ที่ว่าน่ารักเนี่ย

ก็...น่ารักขึ้นกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อยมั้ง แต่ยังไงก็เหมือนลิงอยู่ดี ต่อให้สูงขึ้น โตขึ้นแค่ไหน มันก็ยังเหมือนเด็กลิงคนเดิมแหละว้า

ทางด้านอ๋อง ก็ต้องแยกกับเพื่อนใหม่ๆ ที่เพิ่งรู้จักวันนี้ มารอนัดซ้อมหลีดกับรุ่นพี่ปี 2 เลยได้รู้จักเพื่อนเพิ่มอีกคน คือหลีดชายที่โอเล่หามา

“หวัดดี เราชื่อ พลุ นะ นายชื่อไรอ่ะ” คนที่นั่งข้างๆ เอ่ยทัก อ๋องเลยยิ้มรับรอยยิ้มนั้น

“เราอ๋อง”

“นายเรียนสาขาไร เราอยู่ไฟฟ้า”

“โยธาอ่ะ” อ๋องตอบ “นายเคยเป็นหลีดมาก่อนมั้ยอ่ะ”

“ไม่เคยหรอก”

“แล้วทำไมตอบรับพี่โอเล่อ่ะ เห็นเขาบอกจะให้เป็นเดือนอยู่ด้วยนี่” อ๋องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย พลุหัวเราะน้อยๆ

“อ๋อ ก็เราไม่อยากเป็นเดือนอ่ะ อย่างน้อยได้มีข้ออ้างว่าเป็นหลีดแล้ว”

“เฮ้ย เขามีแต่คนอยากเป็นเดือนคณะกันป่ะ” อ๋องงุนงง ใครๆ ก็อยากเป็นคนที่หล่อและดูดีที่สุดในคณะทั้งนั้น ยิ่งถ้าได้เดือนมหาวิทยาลัยพ่วงอีก คงเท่ยันเรียนจบ

“แต่เราไม่อยากเป็นอ่ะ เราไม่อยากเป็นเดือนคู่กับดาว” พลุอมยิ้ม มองอ๋องตาหวานฉ่ำ พลางเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ มากขึ้น ก่อนจะกระซิบเบาๆ ข้างหูว่า

“เราอยากเป็นหลีดคู่กับนายมากกว่า”


***

เอาแหล่วๆ นายคันศร
อยู่ในช่วงศึกษาดูงานให้พี่คันศรนะฮะ ว่าจะจับเด็กยังไง อาจจะช้าหน่อยคู่นี้ 55
ขอบคุณที่มาร่วมฟินกับฉาก NC แบบค้างๆ คาของเรานะคุณP  :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 16 [19.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 19-10-2020 09:20:19
 พี่คันศรแกข้าตลอด :laugh: ปูเสื่อรอค่ะ  คันศรกับอ๋อง
ส่วนแฝดพี่กับธันวา  :pighaun:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 17 [19.10.20] 10.54น.
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 19-10-2020 11:05:24
17
คันศรเงยหน้ามองพี่ชายที่ยืนหน้าตึงอยู่หน้าโต๊ะกินข้าว ช้อนยังค้างอยู่ในปาก

“นายเอาถุงยางในห้องพี่ไปอีกแล้วใช่มั้ย”

คันศรพยักหน้ารับ แล้วเคี้ยวข้าวต่อ

“เงินก็ให้ไว้ ทำไมไม่รู้จักซื้อเอง อย่างน้อยก็ซื้อมาคืนที่เดิมก็ยังดี”

นั่นไง ไอ้ศรคิดไว้ไม่มีผิด มันมาบ่นยาวแน่ๆ

“กูกะให้พวกมึงสดไง แน่ะๆๆ อย่าเถียงๆ กูรู้พี่มึงคิดอะไร เราเป็นแฝดกันนะเว้ย” คันศรชี้นิ้ววนๆ ใส่หน้าพี่ชายที่กำลังจะอ้าปากด่า ธนูเลยต้องหุบปากอย่างหงุดหงิด

“แต่ถ้าไม่มี ธันก็ไม่ให้ทำไง นายแม่ง อารมณ์เสียว่ะ”

“โห นี่หงุดหงิดขนาดแม่งๆ ว่ะๆ กับน้องแล้วอ่ะ อดแดกไอ้ธัน มาลงกับกูอีก”

“เพราะนายเอาไปแล้วไม่ซื้อมาคืนไง ทีหลังหมดก็บอกดิวะ จะได้แวะซื้อมาเผื่อ ฉันก็เช็คของฉันทุกเช้าแล้ว”

“เออๆ คราวหลังจะบอกแล้วกันน่า” คันศรอมยิ้มแซวพี่ชายที่นั่งหน้าบึ้ง ก่อนที่ธันวาจะเดินลงมาจากชั้นสอง แล้วมองทั้งสองคนอย่าง งงๆ

“บอกอะไรกันวะพวกมึง”

“เปล่า” คันศรไม่ทันได้ตอบ ธนูก็ตัดบทให้ก่อน ไอ้น้องตัวดีได้แต่ยิ้มขำใส่พี่มันไป ส่วนธันวาก็ยังทำหน้าหมางงตามเคย

***

“งั้นวันนี้ฉันไปรถของธัน นายไปกับอ๋องเลย แล้วดูแลน้องดีๆ ด้วยล่ะ” ก่อนขึ้นรถ ก็ไม่วายหันมากำชับหน้าเข้ม คันศรกลอกตาอย่างเอือมๆ แล้วดันไอ้ตัวเล็กข้างๆ ให้รีบขึ้นรถ ก่อนพี่มันจะบ่นยาว

“เออๆ รีบไปได้แล้ว กูมีเรียนเช้าเนี่ย”

“เจอกันที่มอนะอ๋อง” ธันวาชะโงกบอกรุ่นน้อง แล้วขึ้นไปนั่งข้างคนขับ รอธนูออกรถ ส่วนคันศรก็อ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับแล้วออกรถตามกันไป

รถแล่นออกจากซอยบ้านและไปตามถนนเรื่อยๆ คันศรเปิดเพลงของวงพี่ชายตัวเองไปด้วย ส่วนใหญ่มีแต่เพลงเฮฟวี่เมทัลแรงๆ ภาษาหยาบๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายธนูจะแต่งได้ แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะทั้งเนื้อเพลงและทำนอง คุณชายเป็นคนแต่งและเรียบเรียงเองทั้งหมด เครดิตก็ขึ้นอยู่ชัดเจน นานๆ ทีบีม ที่เป็นนักร้องนำจะช่วยแต่งเนื้อมาให้บ้าง แต่พวกเพลงช้าซึ้งๆ พี่ของคันศรก็เอามาทำให้มันหลอนประสาทคนฟังได้อีก

“คืนนี้ไอ้นูบอกมีเล่นที่ร้านพี่อั๋นว่ะ”

“แล้ว?” อ๋องเลิกคิ้วมองคนขับรถ คันศรนิ่วหน้าเล็กน้อย

“มึงยังไม่เคยไปใช่มั้ยล่ะ กูชวนอยู่นี่ไง เข้ามหาลัยแล้ว ต้องพาไปเปิดหูเปิดตาหน่อย”

“ผมไม่เคยกินเหล้านะ แล้วก็มีซ้อมหลีดด้วย” อ๋องว่า หน้าตาใสซื่อ คันศรเหลือบมอง แล้วพูดต่อ

“ก็หลังซ้อมไง แค่สองทุ่มไม่ใช่เหรอวะ คืนนี้ก็วันศุกร์ มึงไม่ต้องกลัวนอนดึกเลย แล้วกูก็รอมึงกลับบ้านด้วยทุกวันอยู่แล้ว เพราะงั้นห้ามปฏิเสธ ยังไงก็ต้องไปกับกู กลับพร้อมกู โอเค๊?”

ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ อ๋องก็เลยได้แต่พ่นลมหายใจแรงๆ เหมือนจะไม่ค่อยพอใจที่โดนบังคับ แล้วพยักหน้ารับไป

มาถึงที่มหาวิทยาลัย พออ๋องลงจากรถของคันศร เดินมาที่ตึก ก็เจอเพื่อนหลีดด้วยกันพอดี แม้จะเรียนคนละสาขา แต่ก็เจอกันบ่อยมาก กลางวันก็มาชวนไปกินข้าวด้วยตลอด

“มาเช้าจัง” อ๋องทักเพื่อน พลุยิ้มกว้าง

“ก็เราอยู่หอนี่ แล้วนี่มากับพี่คนนั้นอีกแล้วเหรอ” เพิ่งรู้จักกันอาทิตย์เดียว พลุก็สังเกตเห็นว่าอ๋องจะมากับคันศรและกลับพร้อมกันตลอด “เป็นแฟนกันเหรอ”

“เฮ้ย บ้าเหรอ เขาเป็นพี่ชายข้างบ้านอ่ะ มีแฝดอีกคนด้วย แต่อยู่คนละมอ” อ๋องรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน หน้าก็เริ่มแดงนิดๆ

“เหรอ เราเห็นพวกผู้หญิงกรี้ดๆ พี่เขากันอยู่” พลุมองตามคันศรที่เดินขึ้นไปบนตึก สมทบกับเพื่อนๆ ที่นั่งรอที่ประจำ มีเหลือบๆ มามองหน้าพลุนิดหน่อย แต่ไม่ได้พูดอะไร

“มันโครตหน้าม่อเลย ไปบอกเพื่อนให้ระวังด้วย” อ๋องเอนตัวไปกระซิบข้างหูของพลุ คันศรที่เหลือบมองตลอด ถึงกับลุกเดินมาหา เพราะกระซิบแบบสายตาเหล่มาทางเขา ก่อนจะเอื้อมมือยาวๆ มาตีหัวน้องเล็ก

“นินทาอะไรกูไอ้ลิง”

พลุสะดุ้งนิดหน่อย เพราะหน้าตารุ่นพี่ดูดุดันแปลกๆ ตอนที่สบตากัน

“ใครนินทาพี่ ผมเปล่า” อ๋องเอามือลูบหัวตัวเอง มองคันศรอย่างไม่พอใจ

“อย่ามาตอแหล เห็นๆ อยู่ว่ามึงเหล่มองกู แล้วกระซิบกัน ใช่มั้ยไอ้น้องพลุแตก” หันไปหาเรื่องอีกคนแทน พลุปฏิเสธแทบไม่ทัน

“ปะ เปล่านินทานะครับพี่ คือ ผมแค่บอกอ๋องว่ามีเพื่อนๆ ผมเขากรี้ดกร้าดพี่กันอ่ะ”

“อ๋อ เพื่อนมึงคนไหนล่ะ ถ้าสวยกูเอา”

“โห สันดานอ่ะพี่ศร” อ๋องเหล่ตามองอย่างเหยียดๆ กับพฤติกรรมพี่ชาย คันศรถลึงตาใส่ เงื้อมือจะตีอีกรอบ แต่รุ่นน้องที่เพิ่งรู้จักดันเอามือมาขวางไว้ จนคันศรนิ่วหน้า จ้องพลุกลับ

“อะไร ปกป้องมัน? กูแค่จะตีสั่งสอนน้องมันปากดีใส่กูแบบเล่นๆ ไม่ตีแรงหรอกน่า”

“ไม่ควรทำร้ายร่างกายกันนะครับพี่ ถึงแค่เล่นๆ ก็ไม่ได้” พลุจ้องกลับ หน้าตาจริงจังสุดชีวิต แต่แอบเหงื่อตกเล็กน้อย เพราะคันศรเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้าย แถมยังตัวโตมาก ขนาดพลุว่าสูงถึง 180 แล้วก็ยังตัวเล็กกว่าเยอะ

พวกแทนทัพที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เห็นเหตุการณ์โดยตลอด ธันวาทนไม่ไหว ต้องลุกมาดู

“มีอะไรกัน ไอ้ศร มึงแกล้งน้องอีกเหรอ”

“มันด่ากูอ่ะ เลยแค่เงื้อมือจะตีเล่นๆ เอง แต่ไอ้พลุแตกนี่มันมาขวางกู” คันศรเบ้ปาก “กูก็เล่นงี้กันประจำป่ะวะ”

“งั้นมึงก็เลิกเล่นได้แล้ว พวกมึงไปเหอะ” ธันวาดุใส่น้องของแฟน ก่อนจะพยักหน้าให้เด็กๆ ไปก่อน เดี๋ยวเคลียร์ให้เอง อ๋องกับพลุเลยรีบก้มหน้าก้มตาขึ้นตึกเรียนไป

“ทำตัวเป็นเด็กไอ้สัส อย่ามาเบะปาก กูไม่ใช่พี่มึง แต่ถึงเป็นพี่มึง น่าจะไม่แค่ด่า อาจมีตบ” ธันวาส่ายหน้าเอือมระอากับเพื่อน เรื่องที่อ๋องอบชอบคันศรก็รู้มานานแล้ว และเคยคุยๆ กับธนูมาบ้าง แต่คันศรทำตัวแบบนี้ ไอ้ที่น้องมันเคยชอบ จะพาลเกลียดเอาจนได้

“อะไรว้า พวกมึงแม่ง เดี๋ยวนี้เอาแต่รุมแกล้งกู” คันศรยังเบะปากใส่ธันวาไม่เลิก จนเดินไปถึงที่โต๊ะ ให้แทนทัพ เพื่อนซี้ช่วยปลอบประโลมใจ ด้วยการโยนขนมที่แย่งจากเท็นมาใส่ปากให้ เท็นก็มองตามมือของแทนทัพ แล้วตีมือของแทนทัพแรงๆ ที่บังอาจมาแย่งของกิน

“อะไรวะไอ้ศร ไอ้ธันกล้าแกล้งมึงเหรอเดี๋ยวนี้” แทนทัพเหล่มองธันวาด้วยสายตาเหมือนหยอกเล่น

“แหงสิ เป็นถึงพี่สะใภ้แล้วนี่เดี๋ยวนี้” หาคนแหย่เล่นไม่ได้ ก็มารุมธันวากันต่อ แต่ด้วยความเคยชิน ธันวาเลยไม่สนใจมาก ปล่อยให้พวกมันล้อไป เดี๋ยวเบื่อก็เลิกเอง

ตกเย็น คันศรบอกเพื่อนว่าไปเจอที่ร้านเหล้าเลย เพราะต้องรอรับน้องเล็กที่อยู่ซ้อมหลีดถึงสองทุ่ม

“พี่คันศรมารอรับนายอีกแล้วว่ะ นี่เป็นมากกว่าพี่น้องมั้ยอ่ะถามจริง” เมย์ เพื่อนสาวที่เป็นหลีดด้วยกันเหล่มองคันศร แล้วหันมาถามอ๋อง ที่กำลังนั่งเล่นเกมมือถือกับพลุ

“บ้า เป็นแค่พี่จริงๆ” แต่หน้าของอ๋องก็ขึ้นสีชมพูเข้ม จนเพื่อนๆ สงสัยใคร่รู้ โดยเฉพาะคนข้างๆ ที่เงยหน้าจากเกมมามองจ้องจนแทบทะลุ

“แล้วทำไมหน้าแดงวะ” กิ๊บ เพื่อนสาวอีกคนชี้นิ้วล้อเลียนเพื่อน

“เปล่าสักหน่อย เราแค่เหนื่อยป่ะล่ะ หน้ามันก็แบบนี้แหละ” อ๋องเถียงคอเป็นเอ็น ก่อนจะสะดุ้ง เอามือตะปบคอตัวเอง “อ่ะ อะไรกัดวะ เจ็บๆ”

“ไหน ขอเราดูหน่อยดิ” พลุรีบวางสมาร์ทโฟนลงบนกระเป๋าเป้แล้วโน้มหน้ามาดูที่คอของอ๋อง จังหวะนั้นคันศรก็เห็น และขมวดคิ้วฉับ

“สงสัยมดไม่ก็แมลงมั้ง เรามียาหม่องน้ำ เดี๋ยวทาให้” พลุว่าพลางล้วงหายาหม่องน้ำในเป้ของตัวเองออกมา แล้วทาให้อ๋อง ตอนทาก็ก้มไปใกล้ๆ เพราะมุมที่นั่งพักกันมันไม่ค่อยมีแสงไฟ

“ขอบใจว่ะพลุ นายแม่งอย่างกับโดราเอม่อน มีทุกอย่างในกระเป๋า” อ๋องว่าขำๆ พลุอมยิ้ม บรรจงทายาให้

“เผื่อใครต้องการไง”

“เผื่ออ๋องต้องการไง มึงต้องพูดใหม่แบบนี้นะพลุ” กิ๊บแซวดัง จนเพื่อนๆ คนอื่นหัวเราะครืน และคันศรก็ยิ่งขมวดคิ้วหนัก เขานั่งมองพวกมันอยู่ไกลๆ เลยไม่รู้ว่าคุยอะไร หัวเราะอะไรกัน

ไอ้เด็กพลุนั่นแม่ง...ทำไมชอบมาวอแวไอ้อ๋องแปลกๆ วะ

นั่นคือสิ่งที่คันศรอดคิดไม่ได้

ซ้อมหลีดเสร็จ อ๋องเตรียมเก็บกระเป๋า ล่ำลาเพื่อนๆ เมื่อเห็นว่าน่าจะได้กลับแล้ว คันศรก็เดินมาหา

“เสร็จแล้วก็ไปสักที ยุงแม่งกัดกูตัวแดงหมดแล้วมั้ง” มาถึงก็ทำเป็นบ่น อ๋องเหลือบตาขึ้นมองคนตัวสูง

“เอายาหม่องมั้ยล่ะ เพื่อนผมมีนะ”

“ไม่ต้องเลย เสียเวลา ไอ้สัส ของมึงมีแค่นี้ใช่มั้ย” แล้วก็คว้ากระเป๋าเป้ของอ๋องไปซะงั้น เด็กหนุ่มร่างเล็กมองตามไปอย่าง งงๆ

“ผมถือเองได้ พี่ศร” อ๋องวิ่งตามไปจะคว้ากระเป๋าคืนมา แต่คันศรก็เหวี่ยงมันหลบไปไว้ที่บ่าอีกข้าง พลางผลักหลังน้องให้เดินไปที่รถมาเซราติคันสีดำเงาวับที่สะท้อนแสงแว้บๆ อยู่ไม่ไกล

“ก็กูจะถือให้ไง ไปขึ้นรถเร็วๆ ไอ้พวกนั้นไลน์มาเร่งยิกๆ แล้วเนี่ย เพราะมึงเลยไอ้ลิง” ดุไปอีก อ๋องเบ้หน้าใส่ แล้วรีบขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนไอ้ยักษ์มันจะกินหัวเอา

มาถึงที่ร้านเหล้าคุณอั๋น รุ่นพี่ของพวกธนู ก็พอดีกับวงของธนูขึ้นเล่นเพลงเบาๆ สบายๆ ถ้าเป็นงานตามผับตามร้านแบบนี้ พวกเขาจะไม่เล่นเพลงของตัวเอง แต่เล่นเพลงคัฟเวอร์ เพลงไทยเพลงต่างประเทศทั่วๆ ไป ให้เข้ากับบรรยากาศในร้าน วงของธนูมีแค่สามคน คือบีม ร้องนำและกีต้าร์ โอ๊ตมือเบส และธนูที่กำลังตีกลองอยู่

“แหม วงพวกมันมาทีไร กำไรเข้าร้านกูเหนาะๆ ทุกที” เสียงพี่อั๋น รุ่นพี่ของกลุ่มเด็กดุมอเดียวกับธนูดังขึ้นข้างๆ คันศร

“พี่ก็เพิ่มเงินให้พี่ผมสิ มันจะได้มาเล่นบ่อยๆ ช่วงนี้เห็นเก็บเงินไว้เปย์เมีย” แล้วก็เหล่ไปทางธันวาที่กำลังนั่งคุยกับอ๋อง

ธันวาหันไปขมวดคิ้วใส่คันศร แต่ไม่ได้พูดอะไร

“ฮ่าๆ ไอ้ธันมองมึงตาขวางเลยว่ะ จริงๆ มึงก็หน้าเหมือนพี่มึงมากนะ”

“ก็แฝดนี่หว่า” คันศรนิ่วหน้า อั๋นยิ่งหัวเราะใหญ่

“เออๆ กูลืมไป นี่ถ้ามึงมาร้องเพลงเล่นดนตรีอีกคน กูว่าร้านกูนี่คือ คนล้นออกไปหน้าถนนแน่ๆ”

“พ่องสิ พี่ ผมเล่นดนตรีไม่เป็นสักกะชิ้น ไอ้นูช่วยสอนกีต้าร์ให้ แต่ก็ดีดไม่เอาอ่าวเลยว่ะ” คันศรส่ายหน้า ช่วงปิดเทอมที่ผ่านๆ มา เคยให้ธนูสอนทั้งไวโอลิน กีต้าร์ แต่มันไม่เป็นผลเลยสักอย่าง ร้องเพลงยังพอไหว แต่ก็เพี้ยนบ้างไรบ้าง ตามประสามือใหม่

“ของแบบนี้มันต้องฝึกเว้ยไอ้น้อง ก่อนอื่นมึงต้องมีแรงบันดาลใจ มันจะเป็นเร็ว” อั๋นกอดคอคันศร คุยกันสองคน

“แรงบันดาลใจ? ยังไงวะพี่อั๋น”

“ก็แบบ อยากเล่นให้ใครสักคนฟัง อยากให้เขายิ้มตอนเราดีดกีต้าร์ร้องเพลงให้ฟังไรงี้”

คันศรนิ่งนึกตาม คนที่อยากให้ยิ้มเวลาที่ทำอะไรให้งั้นเหรอ “ไม่มีอ่ะพี่ มีแต่คนที่อยากแกล้งให้โมโหมากกว่า”

“วะ ไอ้นี่ มึงนี่มันสายกวนตีนสินะ ไม่เหมือนพี่มึงเลย รายนั้นโรแมนติกสัสๆ” อั๋นหัวเราะชอบใจ ตบบ่าคันศรปุๆ

“ใครบอก ไอ้นูมันก็กวนตีนหรอก แถมยังกวนอย่างอื่นด้วย ไม่เชื่อถามเหี้ยธัน นั่น หน้าแดงเป็นตูดลิงแล้ว” คันศรเหล่ไปมองเพื่อนแล้วยิ้มล้อ ธันวาเลยชูนิ้วกลางใส่หน้ามาให้ทีหนึ่ง

คันศรมองไปบนเวทีอีกครั้ง รอบนี้พี่ชายของเขาร้องเอง ทั้งที่ปกตินอกจากอัดคลิปลงยูทูปช่องส่วนตัวแล้ว จะไม่ร้องบนเวทีเลย แต่รอบนี้เหมือนมีคนขอ และคนที่ขอก็นั่งยิ้มแก้มปริอยู่ข้างๆ เขาตอนนี้ คันศรมองหน้าพี่ชายที่กำลังยิ้มบางๆ ตอนร้องเพลง “คู่ชีวิต” สายตาของธนูทอดมองลงมาที่คนคนเดียวตลอดเพลง

เขามองพี่ชายสลับกับเพื่อนไปมาอยู่หลายครั้ง พลางคิด

มีคนรักนี่มันมีความสุขขนาดนี้เลยเหรอวะ


***
https://www.youtube.com/watch?v=3mYVyVY-lU4 (https://www.youtube.com/watch?v=3mYVyVY-lU4)

คู่พี่นี่มันหวานกันเหลือเกิน คันศรค่อยๆ คิดนะลูก
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 17 [19.10.20] 10.54น.
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 19-10-2020 17:29:18
คันศรเริ่มมีความรู้สึกขึ้นมานิดแหละ เราแอบคิดนะว่าที่ชอบแกล้งน้องอ๋องนี้ เพราะว่าที่จริงก็ชอบน้องหรือเปล่า
อย่างนี้ต้องให้พี่ธนูหวานกับธันวาเพื่อจะได้กระตุ้นแฝดน้องบ่อยๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 18 [19.10.20] 21.05น.
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 19-10-2020 21:18:44
18
ตรงหว่างขารู้สึกเปียกชื้น และร้อนเหมือนจะระเบิด รู้สึกถึงความสากของลิ้นเล็กๆ

“อา...อืมมม” คันศรหอบหายใจ ความเสียวซ่านใกล้ถึงที่สุดเต็มที แต่เขาอยากรู้เหลือเกิน ว่าคนที่กำลังเล้าโลมเจ้าโลกของตนคือใคร ร่างสูงใหญ่ขยับเคลื่อนเล็กน้อย ก้มหน้าลง หรี่ตามองคนที่อยู่ตรงหว่างขา

พลันต้องสะดุ้งตกใจตื่น!

“ไอ้เหี้ยอ๋องงงงงงง” คันศรผุดลุกพรวดขึ้น ตื่นจากฝันที่ไม่รู้เรียกว่าดีหรือร้าย เขาหอบหายใจ นั่งกุมขมับ มองกลางหว่างขาที่เปียกชื้น

ไอ้เหี้ยเอ๊ย ฝันเปียก! เป็นเพราะไอ้ห่าสองตัวห้องข้างๆ มันเอากันเสียงดังแน่ๆ!

คันศรกัดกรามกรอดๆ ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ช่วยเหลือตัวเองอย่างเร่งด่วน

ด้วยความที่ตื่นก่อนเวลาอันควร เลยต้องมานั่งหน้าโทรมรอพี่ชายตื่นมาทำอาหารให้ ปกติธนูจะตื่นตี 5 คันศรตื่น 6 โมงครึ่ง แต่วันนี้พอธนูอาบน้ำแต่งตัว จะลงมาเข้าครัว ก็เจอน้องชายนั่งหน้าเป็นตูดอยู่บนโซฟาแล้ว

“ทำไมตื่นก่อนได้ล่ะวันนี้”

“เพราะพวกมึงนั่นแหละ” คันศรนิ่วหน้าใส่พี่ชายตัวดี ธันวามาค้างทีไร พวกมันต้องจัดกันยันดึกดื่นค่อนคืน บางทีล่อเกือบเช้า คันศรตื่นมาเข้าห้องน้ำตีสองตีสามยังได้ยินเสียง

“ห้องมันไม่ได้เก็บเสียงเหมือนที่บ้านพ่อนะเว้ย แม่ง...” น้องชายสบถอย่างขุ่นเคือง ได้ยินเสียงครางไอ้ธันบ่อยจนชิน จนเอาไปฝันเห็นผู้ชายด้วยกันแล้ว

“โทษที พยายามแล้ว แต่เห็นธันทำหน้าเหมือนจะร้องแล้วทนไม่ไหว” ธนูอธิบายหน้าตาย แล้วเดินไปเตรียมอาหารในครัว

“มึงไม่ต้องอธิบายรายละเอียดก็ได้ กูไม่อยากฟัง” คันศรส่ายหน้าอย่างระอาใจสุดๆ พี่ชายก็ช่างหน้าด้าน ไม่เคยอายกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว สงสารแต่เพื่อนตัวเองนี่แหละ

“เพลาๆ หน่อยก็ดีนะพี่มึง กูกลัวเพื่อนจะตายก่อนเรียนจบ”

“อย่างนายมีหน้ามาพูดเหรอ กว่าจะกลับบ้านก็เลยเที่ยงคืนตลอด เมื่อคืนนึกว่าไม่กลับแล้วด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ทำหรอก” ธนูเองก็รู้ว่ามันไม่เก็บเสียง ถ้าคันศรอยู่ก็พยายามจะระงับอารมณ์ แต่ก็ยากอยู่ เพราะแฟนน่ารักเกินไป เห็นแล้วมันอดไม่ค่อยได้

“กูรอไอ้ลิงมันซ้อมหลีดมั้ยล่ะวะ มันซ้อมหนักขึ้น ดึกขึ้น ใกล้เปิดตัวงานกีฬาแล้ว” คันศรถอนหายใจ

“แล้วเอาถุงยางไปทำอะไรบ่อยๆ สะสมไว้เป่าเล่นเหรอ” ธนูเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปากนิดๆ เหมือนจงใจกวนประสาท จนคันศรหน้ามุ่ย ถ้าไม่ติดว่าพี่ยืนอยู่ในครัว จะหาอะไรปาใส่สักที จริงที่เขาอยู่รอรับอ๋องกลับบ้าน แต่พอส่งอ๋องเสร็จ ก็ออกไปต่อตลอด

“เออ เอาไว้เป่าเล่นไอ้สัส เสือกรู้ดีนัก”

“อดอยากนักก็หาแฟนสักที จะได้เลิกมั่วไปทั่ว”

คันศรหันหน้าหนี ขี้เกียจเถียงต่อ เพราะจริงๆ ช่วงนี้ก็แทบไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น ออกไปหาสาวๆ แก้เหงา แต่พอถึงตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม ก็ดันทำไม่ได้ ไม่รู้ทำไม ถุงยางที่แอบขโมยพี่ไปก็ยังคาอยู่ในกระเป๋า แต่ยังไม่อยากคืน มันรู้สึกเสียหน้าแปลกๆ

“แล้วกับอ๋อง เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้แกล้งอะไรน้องใช่มั้ย ทำไมพักนี้ไม่ค่อยมาที่บ้านเราเลย” ธนูเคาะตะหลิวพลางเอี้ยวตัวมาถาม เช้านี้ทำข้าวผัด กลิ่นหอมฉุย จนคันศรท้องร้อง

“มันก็ยุ่งๆ ไง ยังไม่ชินกับเรื่องเรียนด้วยไรด้วย”

“อืม” ธนูตอบรับในลำคอ สักพักก็ผัดข้าวเสร็จ ตักใส่จานแบ่งมาให้คันศร พอดีกับที่ธันวาลงมา นั่งกินข้าวกันพร้อมหน้า

ระหว่างที่ต้องมามหาวิทยาลัยพร้อมอ๋องเหมือนทุกวัน แต่วันนี้คันศรรู้สึกเหมือนไม่ค่อยกล้าสู้หน้าน้อง จากที่เคยแหย่เล่น กลายเป็นแค่ทักสั้นๆ แล้วก็เงียบกันมาตลอดทาง เพราะมองหน้าอ๋องแล้วมันดันไพล่ไปคิดถึงในฝันเมื่อเช้านี้

ไอ้ที่ได้ยินเสียงพวกพี่แล้วเก็บไปฝันถึงผู้ชายด้วยกันก็อีกเรื่อง แต่ที่ไม่เข้าใจที่สุดคือ ทำไมคนในฝันต้องเป็นไอ้เด็กลิงนี่

“พี่ศร...พี่ศร ไฟแดงเว้ย!” เสียงของอ๋องปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ เสียงเบรกดังเอี๊ยดลั่นถนน เกือบชนท้ายรถคันข้างหน้าเข้าให้ สองคนตัวโยกไปตามแรงเบรกกะทันหัน อ๋องถอนหายใจยาว เมื่อเห็นว่ายังปลอดภัยดี ไม่ชนใครเข้า ส่วนคันศรรู้สึกเหมือนหัวใจเกือบหยุดเต้นไปชั่วขณะ

“ทะ โทษทีว่ะ มึงเป็นอะไรหรือเปล่า” สิ่งแรกที่นึกถึงคืออ๋อง เขารีบหันไปดูน้อง กลัวว่าตอนเบรกเมื่อกี้จะไปกระแทกอะไรเข้า

“ไม่เป็นไร” อ๋องเงยหน้ามองคนตัวโตที่โน้มตัวลงมาดูใกล้ๆ จนรู้สึกถึงไอร้อนจากร่างกาย กับลมหายใจอุ่นๆ แถวข้างแก้ม คันศรเองก็สะดุ้งนิดๆ ตอนที่อ๋องเงยหน้ามา แล้วเหมือนปลายจมูกของตนจะชนแก้มนุ่มๆ นั่นนิดหน่อย พลันภาพในฝันก็ดันผุดเข้ามาในหัวอีกรอบ หน้าเลยร้อนขึ้นมา จนต้องรีบกลับไปนั่งตัวตรง มองไปข้างหน้าเหมือนเดิม

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เออ กูลืม มึงช่วยกดเปิดเพลงให้หน่อยดิวะ” เวลาแบบนี้ เพลงเฮฟวี่หนักๆ ของพี่ชายน่าจะช่วยได้ เอาให้ลืมแม่งให้หมดทุกเรื่องสักทีเหอะว่ะ เขาภาวนาในใจอย่างร้อนรน อ๋องทำตามที่ขออย่างว่าง่าย รู้สึกอายเหมือนกันกับเหตุการณ์เมื่อครู่ แล้วต่างคนต่างก็นั่งเงียบกันไปตลอดทาง จนถึงมหาวิทยาลัย

“เย็นนี้...” พอลงจากรถ อ๋องก็ส่งเสียงเรียกไว้ ก่อนที่คันศรจะเดินแยกไปคนละทางเหมือนอย่างทุกครั้ง คันศรหันไปมองหน้าอ๋อง รอว่าจะพูดอะไรต่อ

“เย็นนี้ไม่ต้องรอนะ ผมจะค้างห้องเพื่อน”

“เพื่อนคนไหน” คันศรขมวดคิ้ว เดินกลับไปหาคนตัวเล็กที่ผงะหนีไปสองก้าว เพราะหน้าของคันศรดูเครียดขึงกว่าทุกที จนรู้สึกได้

“พลุอ่ะ พรุ่งนี้พวกพี่เขาให้มาซ้อมรอบสุดท้ายแต่เช้า มันวันเสาร์ ผมไม่อยากกวนพี่มาส่ง” อ๋องเงยหน้ามองคนตัวโต แม้ตอนนี้จะสูงเกือบถึงไหล่ของคันศรแล้ว ก็ยังต้องแหงนหน้ามองอยู่ดี

“กี่โมง”

“ก็...8 โมงอ่ะ” อ๋องตอบอย่างหวาดๆ เพราะคันศรนิ่วหน้า เสียงแข็งใส่

“กูมาส่งได้ ไม่ต้องเสือกไปค้างห้องมันเลย” คันศรพูดจบก็จะหมุนตัวเดินไปหาเพื่อนที่ปีกขวาของตึก แต่อ๋องก็รีบบอก

“ผมไม่อยากกวนพี่ไง เสาร์อาทิตย์พี่ไม่ชอบตื่นเช้า เดี๋ยวก็มาด่าผม”

คันศรหยุดกึก ก่อนจะหันกลับไปอีกรอบ

“กูบอกว่าได้ก็คือได้ แต่ถ้ามึงอยากนอนกับไอ้พลุ ก็แค่บอก”

“พูดอะไรวะ ก็แค่ไปค้างห้องเพื่อน” อ๋องหน้าตึงขึ้นมาบ้าง “พี่อย่าพูดให้มันดูพิลึกได้ป่ะ”

“พิลึกยังไง มึงจะไปนอนกับมันก็เห็นๆ อยู่ อย่าบอกว่ามึงโง่ขนาดไม่รู้ว่าไอ้ห่าพลุมันมองมึงยังไง” คันศรกระชากแขนเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเหลืออด สังเกตมาเป็นเดือนแล้ว สายตาของผู้ชายที่มองใครสักคนแบบนั้น ไม่เรียกว่าอยากได้จนตัวสั่น ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว ถ้าจะเอาแบบไม่หยาบ ก็คืออยากได้เป็นแฟน ถ้าพูดแบบหยาบๆ เลยก็คือ อยากฟัน

“มันมองยังไงก็ช่างสิวะ ผมกับมันเป็นเพื่อ...” อ๋องลมหายใจสะดุด เมื่อสบสายตาแข็งกร้าวอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นเวลาที่คันศรโกรธจัด ปกติมีแต่แกล้งโมโหเล่นๆ แต่แววตาแบบนี้คือของจริงแน่นอน

“กูไม่ให้ไป”

“พี่เป็นอะไรกันแน่ โมโหอะไรเนี่ย” อ๋องพยายามบิดข้อมือออก แรงที่บีบเพิ่มขึ้นจนรู้สึกเจ็บไปทั้งข้อแขนแล้ว “ปล่อยดิวะ ผมเจ็บนะเว้ย พี่ศร!”

“ก็ตอบกูก่อน ว่าไม่ไปค้างกับไอ้พลุแล้ว” คันศรรั้งข้อมือน้องไว้แน่น แต่ยังไม่ทันที่อ๋องจะได้ตอบอะไร เสียงของธันวาที่เพิ่งจอดรถเสร็จ ก็ดังขัดขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะวิ่งมาถึงและผลักไหล่เพื่อนออก

“ทำเหี้ยไรไอ้ศร น้องมันเจ็บมึงเห็นมั้ยเนี่ย”

คันศรเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ มองหน้าอ๋องที่หน้าตาเหยเกแล้วรีบปล่อยมือ

“โทษที ตกลงคืนนี้กลับบ้านกับกู ห้ามเถียง” ไม่วายชี้หน้าอ๋องแกมข่มขู่ อ๋องรีบหลบข้างหลังธันวา พลางตะโกนตอบ

“เออ กลับกับพี่ พอใจยัง”

“เออ แค่นี้แหละ เรื่องมากอยู่ได้” คันศรสะบัดเสียงอย่างหงุดหงิด มองหน้าธันวาที่ยืนบังอ๋องไว้ด้วยสีหน้าที่คลายลง ก่อนจะหันหลังเดินหนีไป

“ไม่เป็นไรใช่มั้ยอ๋อง” ธันวาหันไปดูน้อง เขาเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เลยรีบเข้ามาห้าม กลัวคันศรจะลงไม้ลงมือกับอ๋อง

“ขอบคุณนะพี่ธัน ผมไม่เป็นไรหรอก แค่ตกใจนิดหน่อย” อ๋องตอบเสียงอ่อย ไม่รู้ว่าทำไมคันศรถึงชอบโมโหใส่ ทั้งที่เมื่อก่อนก็แค่แกล้งแหย่กันเล่นๆ ไม่เคยคิดว่าจะโดนโมโหจริงจังแบบนี้

“มันเดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้า มึงระวังหน่อยแล้วกัน กูยังเคยโดนแม่งเอามือถือปาจนปากแตกมาแล้ว” ธันวาพูดกลั้วหัวเราะ ตอนนั้นกลัวมาก แต่พอมาคิดถึงอีกที ก็กลายเป็นเรื่องขำๆ ไปแล้ว คันศรติดการใช้ความรุนแรง คงเพราะตอนเด็กๆ โดนพ่อเลี้ยงทุบตีบ่อย แต่ก็เหมือนพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่ อีกอย่างธนูก็คอยพูดเตือนสติตลอด

“อือ ขอบคุณจริงๆ นะพี่ธัน คนอื่นไม่มีใครคิดจะห้ามพี่มันเลยอ่ะ”

“ไม่มีใครกล้าหรอกว่ะ ที่กูห้ามได้ ก็เพราะมีพี่ชายมันค้ำอยู่” ธันวาลูบหัวน้องเล็กเบาๆ “ไปเรียนไป ไว้เจอกันตอนเย็น”

“ครับพี่ธัน” อ๋องรับคำ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นตึกเรียนไป

คันศรเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงโมโห มันไม่พอใจที่อ๋องยืนยันจะไปค้างห้องไอ้เด็กพลุนั่นให้ได้ ทั้งที่เขาเต็มใจจะขับรถมาส่งมันถึงที่ จะเช้าแค่ไหนก็ตื่นมาให้ได้ แล้วทำไมยังต้องปฏิเสธกันแบบนั้น ถ้าไม่ใช่อยากไปนอนกับไอ้พลุ

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาต้องโมโหใส่น้อง

“โว้ยยยย” เพราะคิดไปก็ปวดหัว คันศรเลยโวยวายออกมาเสียงดังพลางเอามือขยี้หัวตัวเอง เพื่อนฝูงตกใจสะดุ้งโหยงกันทั้งโต๊ะ

“เป็นเหี้ยไรไอ้สัส” แทนทัพนิ่วหน้ามองเพื่อน พลางเขยิบหนีไอ้ยักษ์นิดๆ เสียวโดนมันต่อยเอา

“ช่างกูเหอะน่า” คันศรฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เกิดมาก็เพิ่งเคยเป็นแบบนี้ ไม่เข้าใจตัวเองเลยเหมือนกัน ไอ้ครั้นจะปรึกษาเพื่อน ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน

“เออ งั้นเรื่องของมึงนะ แต่มึงอย่าลุกมากระทืบกูล่ะ” แทนทัพเอ่ยอย่างหวาดๆ รู้สึกเสียใจนิดๆ ที่นั่งข้างมัน

“กูไม่ทำแบบนั้นกับมึงหรอกน่า” คันศรเอ่ยเสียงอู้อี้กับแขนตัวเอง แล้วก็นิ่งไปทั้งอย่างนั้น เพื่อนๆ ต่างมองหน้ากันแล้วก็ยักไหล่บ้าง ถอนหายใจบ้าง ส่วนธันวา ถึงกับต้องไลน์ไปหาธนู เพราะห่วงอาการน้องชายแฟน กลัวจะเป็นโรคประสาทขึ้นมาจริงๆ

ตกเย็น คันศรพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุด แล้วไปนั่งดูอ๋องซ้อมหลีดตามปกติ แม้จะไม่พอใจที่บางครั้งพลุเข้าถึงตัวอ๋องมากเกินไป แถมเพื่อนคนอื่นก็เหมือนจะเชียร์ให้อีก

เรื่องผู้ชายชอบกัน คันศรไม่ติดใจสงสัยหรือแอนตี้อะไรแล้ว แต่ที่ไม่พอใจคือ ทำไมต้องมีผู้ชายมาชอบไอ้อ๋อง ไอ้เด็กลิงหน้าตาบ้านๆ แบบนั้น ทั้งที่เมื่อก่อนอ๋องติดเขาแจยิ่งกว่าใคร แต่มาตอนนี้ กลับบอกไม่อยากรบกวนบ้างล่ะ ไม่อยากให้ยุ่งบ้างล่ะ คิดแล้วมัน...

น้อยใจเหรอวะ?

เขานิ่วหน้ากับความคิดของตัวเอง พลางสะบัดหัวแรงๆ ไปมา ทำไมเขาต้องน้อยใจที่น้องไม่สนใจด้วย

อ๋องเห็นคันศรส่ายหน้าสะบัดหัวอยู่คนเดียว ก็ชักเป็นห่วง ตอนพักเลยวิ่งมาดูอาการ กลัวไอ้ยักษ์คลุ้มคลั่งแบบเมื่อเช้าก็กลัว แต่ก็ห่วงมากกว่าอยู่ดี

“พี่ศร ยุงกัดเหรอ”

“หา?” คันศรเหลือบตามองคนที่วิ่งมาหาทั้งเหงื่อซ่ก แทนที่จะรีบพักเหนื่อยจากการซ้อม ยังจะวิ่งมาหาอีก

“ก็เห็นส่ายหัวไปมา” แววตาของอ๋องดูเป็นห่วงเป็นใย จนคันศรเริ่มหายหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย

“เปล่า”

“ถ้าโดนยุงกัดก็บอกนะ ผมจะขอยาหม่องที่เพื่อนให้” อ๋องนั่งลงตรงข้ามกับเขา เห็นคันศรเหงื่อออก เลยเอามือพัดๆ โบกให้ ทั้งที่ตัวเองก็เหงื่อท่วม พอเห็นน้องทำให้ขนาดนี้ ใจที่มันร้อนรนก็เหมือนจะเย็นลง จนเผลอยิ้มออกมาแบบไม่ทันรู้ตัว ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของอ๋อง คนน้องตกใจ นึกว่าไปทำอะไรให้โมโห แต่ไม่ใช่ คันศรแค่ไม่รู้จะเอาผ้าที่ไหนเช็ดเหงื่อให้น้อง เลยดึงคอเสื้อของอ๋องขึ้นเช็ดเหงื่อที่ปลายคางให้เจ้าของมันเองเท่านั้น

“คราวหน้ากูเอาพัดลมมือถือกับผ้าเย็นติดรถมาด้วยดีกว่า” คันศรบ่นเบาๆ กับตัวเอง แต่อ๋องก็ได้ยิน อึ้งนิดหน่อย แต่ก็ดีใจจนต้องอมยิ้ม

“จริงๆ เพื่อนผมก็พกมานะ ไปขอให้มั้ย”

“ไอ้พลุน่ะเหรอ ไม่ต้องเลย” เขาเพิ่งนึกได้ ว่าในกระเป๋าไอ้เด็กพลุมีของจำเป็นต้องใช้เกือบทุกอย่าง เรียกว่าใส่ใจสุดๆ ต่างจากเขาที่ไม่เคยใส่ใจใครแบบนั้น

“ทำไมพี่จงเกลียดจงชังเพื่อนผมจังวะ” อ๋องหน้ามุ่ย แต่พอโดนสายตาคมๆ จ้องเอา ก็เลยเงียบไป

“ไม่ได้เกลียด...” คันศรเอ่ยเสียงเบาพร้อมลมหายใจที่พรูออกมา ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องตั้งแง่กับพลุ ถ้ามันรักจริง อยากจะจีบอ๋อง ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเขาสักนิด เพราะเขากับอ๋องไม่ได้เป็นอะไรกันมากกว่าพี่น้อง หรือเขาจะหวงน้อง แบบพี่ชายขี้หวงทั่วไป

“แต่แววตาพี่มันบอกว่าเกลียดนี่” อ๋องสบตากับเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหรุบลงมองมือตัวเองที่กุมกันแน่น เพราะคันศรเล่นจ้องหน้าไม่เลิก จนรู้สึกเขินขึ้นมาหน่อยๆ

คันศรรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งจุกอยู่ที่คอ คาอยู่ในใจและมันอาจจะใช้สมองคิดไม่ได้ สุดท้ายทำได้แค่มองแผ่นหลังของอ๋องที่วิ่งกลับไปซ้อมหลีดต่อ


***

คนความรู้สึกช้านี่ จะทำไงให้มันรู้ตัว นึกไม่ออก 555 ของเราก็ช้าเหมือนคันศรเลย ไม่รู้อะไรจนเพื่อนต้องมาบอกแบบจริงจัง แบบไม่ได้ล้อเล่น ว่าเมทเราแอบชอบ ตอนนี้ก็คบกันอยู่ 16 ปีได้ละ มาแต่งเรื่องนี้ รู้สึกคันศรนี่มันเราชัดๆ เอาแต่เล่น แหย่เขาแกล้งเขาไปวันๆ แต่เขาก็ดันชอบไอ้คนนิสัยเสียนี่ซะงั้น แปลกดี ไม่ได้ขิงน้า แค่เล่าสู่กันฟัง
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 18 [19.10.20] 21.05น.
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 19-10-2020 22:20:04
รู้สึกว่าแฝดน้องจะกระเตื้องขึ้นมาหน่อยแล้วนะ เพราะว่าน้องอ่องกำลังจะโดน พลุงาบไปกินใช่ไหมละ
 พูดจาขวานผ่าซากไปหน่อยแต่ก็หึงนั้นแหละ  o18
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 18 [19.10.20] 21.05น.
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 20-10-2020 00:21:13
 :hao5:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 18 [19.10.20] 21.05น.
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 20-10-2020 07:51:00
น้อยใจกับหึงนะมันไม่เหมือนกันนะคันศร  :z3: หึงน้องก็บอกเถอะ!!
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 19 [20.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 20-10-2020 12:25:15
19
“วันนี้มีแข่งกีฬาเฟรชชี่ เดี๋ยวให้ไอ้ศรกับอ๋องไปรถกูเลย” ธันวาบอกก่อนจะออกจากบ้านของคันศร ธนูพยักหน้ารับ แล้วต่างก็แยกย้ายกันไปที่รถของตัวเอง

“ตื่นเต้นอ่ะพี่ธัน ผมต้องเต้นต่อหน้าคนตั้งเยอะ สั่นไปหมดแล้ว” อ๋องเกาะขอบเบาะของธันวากับคันศรไว้คนละข้างจากด้านหลัง พลางชะโงกหน้ามาคุยกับพี่ๆ

“ทำตามที่ซ้อมมา ไม่ต้องเกร็งมากล่ะ” ธันวาแนะนำรุ่นน้อง เขาฝึกพิเศษให้อ๋องหนักกว่าใคร จากที่แข็งๆ เกร็งๆ ก็ดีขึ้นมาก ยังดีที่ผู้ชายมีแต่ท่าหลีดมือ ไม่ต้องยักย้ายส่ายอะไรมากเหมือนสาวๆ เขา

“มึงไม่ให้กำลังใจน้องหน่อยเหรอวะ” คนขับรถยิ้มขำไอ้คนข้างๆ ที่ทำเป็นหน้านิ่ง ทั้งที่ใจก็คงอยากพูดอะไรกับอ๋องสักอย่าง ปฏิกิริยาของคันศรช่วงนี้ มีหรือที่พี่ชายฝาแฝดอย่างธนูจะไม่รู้ และเมื่อธนูรู้ ยังไงแฟนของธนูก็ต้องรู้อยู่แล้ว

อ๋องหันไปมองใบหน้าด้านข้างของคนที่แอบรักมาเกือบ 5 ปี ตั้งแต่ที่คันศรย้ายบ้านมาแถวนี้แรกๆ แม้จะโดนแกล้งบ่อยมาก แต่บางครั้งก็รับรู้ถึงความห่วงใย เป็นพี่ชายที่คอยปกป้องอ๋องมาตลอด

“จำเป็นด้วยเหรอ” น้ำเสียงนั้นเรียบๆ นิ่งๆ อ๋องปวดใจแปลกๆ กับท่าทีเฉยเมยนั้น พักหลังมานี้ มัวแต่อยู่กับเพื่อนใหม่ๆ พี่ใหม่ๆ เลยไม่ค่อยได้ติดคันศรเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังให้ความสำคัญเสมอ แม้เจ้าตัวอาจจะไม่รับรู้ พอมาได้ยินแบบนั้น ใจมันก็โหวงขึ้นมาบอกไม่ถูก

คันศรถามว่าจำเป็นมั้ย แสดงว่ากำลังน้อยใจที่อ๋องไม่สนใจเหมือนเมื่อก่อน อ๋องรู้ดี คนปากหนักอย่างคันศรถ้าลองพูดแบบนี้ ต้องกำลังคิดว่าตัวเองหมดความสำคัญ เหมือนตอนที่แม่ของคันศรพาพ่อเลี้ยงมาอยู่ด้วย คันศรก็เคยพูดแบบนั้นกับแม่

ทั้งที่รู้ว่าคันศรน้อยใจ แต่อ๋องก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดหรือทำยังไง มันถึงจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

บรรยากาศภายในรถอึดอัดจนธันวารู้สึกได้ คันศรไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว แค่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ เป็นบางครั้ง เหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ส่วนเจ้าตัวเล็กที่เบาะหลังก็นั่งก้มหน้าก้มตาเงียบกริบเหมือนกัน สุดท้ายธันวาเองก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ถอนหายใจอยู่ในใจต่อไป

มาถึงที่หน้าคณะวิศวกรรม คันศรรีบลงจากรถ แล้วเดินแยกไปปีกขวาของตึกตามปติ ส่วนอ๋องยืนรอธันวาหยิบของในรถ แล้วค่อยเดินไปพร้อมกัน

คันศรนั่งลงที่เดิม ทักทายเพื่อนๆ ด้วยสีหน้าเนือยๆ จนแทนทัพสงสัย

“เป็นไรไอ้สัส”

“เป็นพ่อมึงมั้งไอ้เหี้ย” เขาตอบก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะ พอดีกับที่ธันวาเดินมาถึง ส่วนอ๋องแยกไปหาเพื่อนแล้ว

“อ้าว เหี้ยนี่ กูก็ถามเพราะห่วง” แทนทัพกลอกตา ส่งต่อให้เท็นที่เคี้ยวขนมกรุบกรอบอยู่คนเดียว

“ทำไมช่วงนี้มึงดูนอยๆ วะ” เท็นสลับที่นั่งกับแทนทัพ เข้ามากอดคอเพื่อน “โดนเด็กทิ้งเหรอ”

คันศรแทบจะเอาตีนถีบไอ้เท็น สายเผือก รู้ดีทุกเรื่อง แถมถามตรงจุด จี๊ดใจสุด ตอนธันวาคบกับธนูใหม่ๆ ก็ไอ้เท็นนี่แหละที่ระแคะระคายคนแรก แถมไม่เคยเดาอะไรพลาด

“กูเห็นไอ้น้องพลุ คอยตามน้องอ๋องของพวกเราแจเลย นี่คือสาเหตุป่ะวะ หือ?”

“เสือกมากนะมึงอ่ะ” คันศรนิ่วหน้าในวงแขนตัวเอง แต่ไอ้เท็นไม่เลิกกวน มันก้มหน้ามาใกล้ๆ มากขึ้น

“อย่าบอกว่ามึงหึงหวงน้องนะเว้ย กูนี่ไม่อยากเชื่อ”

เหมือนคันศรจะตัวกระตุกเล็กน้อย เท็นแสยะยิ้ม หันไปมองเพื่อนๆ ที่แค่เลิกคิ้วสงสัย เพราะคนอื่นไม่มีใครสังเกตอะไรขนาดนั้น ธันวาหยิบสมุดโน๊ตขึ้นมา นั่งเปิดอ่านจดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทำเป็นไม่สนใจ

เสียงของเท็นวนเวียนอยู่ใกล้ๆ หู และคันศรก็เริ่มหงุดหงิดจริงๆ แล้ว

“ไม่ต้องเขินหรอกศร ถ้ามึงสนใจใครสักคนมากๆ ถึงขนาดหวงที่เขาไปสนิทกับคนอื่นได้แบบนี้ ก็น่าจะแน่ใจแล้วนะเว้ย” เท็นตบบ่าเพื่อนเบาๆ ก่อนจะสะดุ้งโหยง เพราะจู่ๆ คันศรก็เงยหน้าขึ้นมา มือคว้าถุงขนม เอามือกำข้าวโพดก้อนกลมๆ พวกนั้นแล้วทำการยัดใส่ปากเท็น

“พูดมากนัก แดกเข้าไปให้จุกตายเลยมึง!”

“ไอ้เอี้ยอ๊อนนน” (ไอ้เหี้ยศร) เท็นร้องในคอพลางดิ้นเร่าๆ พยายามยื้อมือของคันศรที่บีบคางไว้ แต่แรงสู้คันศรไม่ได้อยู่แล้ว วันๆ กินแต่ขนมไม่มีประโยชน์ ไม่เคยออกกำลังกาย นอกจากในวิชาพละสมัยมัธยม

“เฮ้ยยย เดี๋ยวมันติดคอตายจริงๆ ไอ้ห่า” แทนทัพที่นั่งใกล้ที่สุดรีบเข้ามาห้าม โวยวายกันเสียงดัง จนกลุ่มเด็กปี 1 ที่รวมตัวกันแถวใต้ตึกหันมามองเป็นแถบ ว่าพวกปี 4 มันเล่นอะไรกัน

“พี่คันศรเขาเป็นอะไรอ่ะแก ดูน่ากลัวแปลกๆ แต่ก็ตลกดีนะบางที” จ๊ะจ๋า หนึ่งในทีมลีดเดอร์วิศวะมองพวกรุ่นพี่แล้วหัวเราะคิกคัก “แถมยังหล่อด้วย”

“อย่าบอกนะว่าแกชอบแบบนั้น น่ากลัวไปว่ะ” กิ๊บเบ้ปาก แล้วเหลือบมองอ๋อง ที่นั่งซ้อมท่าหลีดมือกับพลุอยู่ “แล้วพี่เขาก็เหมือนจะมีคนที่สนใจแล้วป่ะวะ เห็นตามติดกันทุกวันขนาดนั้น”

“ไม่ต้องมองเราเลยกิ๊บ” อ๋องรีบหันไปแก้ตัว

“อะไร เรายังไม่ได้พูดชื่อเลย” กิ๊บยักไหล่

“ก็กิ๊บมองเราอ่ะ” อ๋องยู่ปาก สายตาเหลือบเห็นคันศรกำลังเล่นกับเพื่อนอยู่ไกลๆ เห็นยังทำตัวบ้าบอได้ก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย ดีกว่านั่งซึมกะทือแบบเมื่อเช้าเยอะ

“ก็แค่มองเองงงง” กิ๊บทำหน้าล้อเลียนเพื่อน พลุเองก็เหมือนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนที่กิ๊บพูดว่าคันศรสนใจใครสักคน และคนคนนั้นก็น่าจะที่นั่งข้างกันเนี่ยแหละ ไม่ได้เดายากอะไรเลย

“อย่าไปสนใจเลยอ๋อง มันก็พูดไปเรื่อยแหละ” แล้วพลุก็ชวนอ๋องซ้อมท่าต่ออีกนิดหน่อย ก็จะแยกย้ายกันไปเรียน

ตกเย็น ปี 1 ที่เป็นสแตนด์เชียร์ต้องไปรวมตัวกันที่ห้องเชียร์ก่อนไปรวมที่สนามบอล ส่วนพวกหลีดก็แต่งตัวแต่งหน้ากันไป

“ตอนพี่ธันเป็น ก็ต้องแต่งแบบนี้เหรอ” อ๋องมองธันวาที่มาช่วยคุมหลีดให้ ขนาดอยู่ปี 4 แล้วก็ยังลงมาช่วย เพราะต้องดูแลน้องอ๋องเป็นพิเศษ

“เออสิ มันก็แปลกๆ แหละ เดี๋ยวมึงก็ชิน ยังได้ออกอีกหลายงานแน่” ธันวาว่าพลางมองดูเด็กผู้หญิงปี 2 ที่กำลังแต่งหน้าให้อ๋อง “ไม่ต้องเข้มมากนะ เดี๋ยวมันหลอกตา”

“ค่ะพี่ธัน”

Rrr

ธันวาหยิบสมาร์ทโฟนมารับสาย “ถึงแล้วเหรอมึง”

[ครับ อยู่หน้าตึกวิศวะ]

“เดี๋ยวกูไปรับ...อ๋อง เดี๋ยวกูไปหาไอ้นูก่อนนะ” ธันวาหันไปบอกอ๋องกับน้องช่างแต่งหน้า แล้วรีบเดินออกไปหน้าตึกคณะ มองหาธนูที่ยืนพิงรถมาเซราติสีดำอยู่หน้าตึก พวกนักศึกษาที่อยู่แถวนั้น หรือเดินผ่านต่างก็มองกัน เพราะหน้าคุ้นๆ เหมือนคนในคณะ แต่ให้ความรู้สึกแตกต่างทั้งรูปร่างและสีหน้า และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ธนูมามหาวิทยาลัยของคันศร

“พี่ธันวา พี่ธัน” เด็กผู้หญิงปี 3 ที่เป็นสายรหัสของแทนทัพ ชื่อ มิน วิ่งตรงดิ่งมาเรียกธันวา ที่กำลังเดินนำหน้าธนูมา เพราะมีแต่คนสงสัยว่าคนข้างหลังธันวาคือใคร แต่พวกปี 4 ส่วนใหญ่จะรู้จักแล้ว เพราะไปเจอที่ร้านเหล้ากันบ่อยๆ

“อะไรครับน้องมินมิน” ธันวาเรียกชื่อน้องตามแทนทัพ มินเบะปากเล็กน้อย พลางชะโงกหน้าไปมองธนูแล้วยิ้มหวานให้ แต่ธนูไม่ได้ยิ้มตอบ เธอเลยหน้าเจื่อนไปนิดหน่อย

“คือ เพื่อนหนูเขาอยากรู้กัน ว่าพี่ข้างหลังเป็นใครอ่ะคะ หน้าคุ้นมากเลย”

ธันวาหันไปมองคนข้างหลังที่ว่า ซึ่งกำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับตามเคย นิสัยขี้รำคาญผู้หญิงที่ชอบมาซอกแซกสงสัยเรื่องของตัวเองนี่ไม่เคยเปลี่ยน แทนที่จะได้แฟนคลับเพิ่ม

“อ๋อ พี่ชายของไอ้ศรมัน หน้าเหมือนกันเป๊ะเลย ดูสิ ชื่อธนู” ธันวาคว้าแขนของธนู ดึงให้เดินขึ้นมาทักทายรุ่นน้อง

“นี่น้องมิน น้องรหัสไอ้แทนมัน”

“สวัสดีค่ะพี่ธนู” มินยกมือไหว้ ด้วยความตกใจที่จู่ๆ ธนูก็มาอยู่ตรงหน้า ส่วนธนูคลายสีหน้าลงเล็กน้อย จนเกือบจะยิ้มนิดๆ แล้วทักกลับไปตามมารยาท เพราะยังไงก็รุ่นน้องของเพื่อนๆ

“ครับ”

มินมองหน้าธนูอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตาโต “เออ หน้าเหมือนพี่ศรจริงด้วยค่ะ”

“มันเป็นแฝดกันน่ะ” ธันวาอธิบายเพิ่ม มินยิ่งตาโตใหญ่

“โห แต่ดูเท่ๆ กว่าพี่ศรอ่ะ พี่ศรมันเถื่อน ฮ่าๆ”

ท่าทางน้องคนนี้จะสนิทกับพวกคันศร ธนูเลยค่อยผ่อนคลายขึ้น ทีแรกนึกว่าผู้หญิงที่ไหนมาเกาะแกะธันวา ยืนคุยสักพัก มินก็ขอตัวไปเม้าท์กับเพื่อนต่อ กับข่าวใหญ่ที่ว่าคันศรมีแฝด

ทางด้านคันศร ไปยืนรอพวกธันวาอยู่กับกลุ่มเพื่อนแถวๆ ข้างสนามบอลแล้ว

“หลีดปีนี้เขาว่าสวยๆ ทั้งนั้นเลยมึง กูนี่เล็งน้องกิ๊บอยู่” แทนทัพเอาศอกจิ้มแขนเท็นที่ยังคงถือถุงขนมเต็มสองมือ

“กูว่าน้องเรนนี่น่ารักกว่า”

“ก็กูชอบสวยๆ ไง มึงเอาน่ารักไปดิ”

“พูดเหมือนน้องเขาจะเอาพวกมึง” คันศรอดสอดปากไม่ได้ ปกติในกลุ่มก็คุยเรื่องผู้หญิงกันเป็นปกติมาตลอด แต่ช่วงหลังเหมือนคันศรจะห่างๆ เรื่องพวกนี้ไป

“แค่เอาทีเดียวก็ยังดี กูไม่ซีเรียสกับความสัมพันธ์” แทนทัพหัวเราะคิกคักกับเท็น และเพื่อนในกลุ่มอีก 3-4 คน ที่แนวเดียวกันหมด

“เมื่อก่อนมึงก็ทำ อย่ามาทำหน้าเหม็นเบื่อใส่พวกกู ฟันแล้วทิ้งมากี่คนวะ ขอกูนับนะ ไอ้ไม้มึงยกมือกับตีนมารวมกับไอ้เท็นเลย” แทนทัพหันไปบุ้ยปากกับเพื่อนที่ยืนถัดจากเท็น พวกมันหัวเราะกันสนุกสนาน เพราะตั้งแต่ปี 1 มา ยอดชายนายคันศรไม่เคยขาดสาวๆ มาให้เคี้ยวเล่นเป็นหญ้าอ่อน

“กูเลิกแล้วไง”

คำพูดนั้นทำเอาเพื่อนตาวาว มองหน้ากันเลิกลั่ก

“เอาจริงดิ มึงเลิกแล้วแน่อ่ะ” เท็นเกาะไหล่ของแทนทัพพลางมองหน้าคันศรด้วยแววตาขี้เล่น

“ถ้าน้องพรีม ดาวคณะปีนี้มาให้ฟัน มึงเอาป่ะถามจริง”

คันศรนิ่วหน้า มองเท็นกลับอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ก่อนจะตอบเสียงดังฟังชัด จนเพื่อนร้องกันอู้

“ไม่เอา”

“แม่งเอาจริงว่ะ เอาให้แน่นะ อย่าเขวล่ะ แล้วไปบอกน้องรักมึงแบบนี้ด้วย จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย” แทนทัพตบบ่าเพื่อนเบาๆ คันศรดูออกไม่ยาก ไม่เหมือนพี่ชาย รายนั้นถ้าให้คนอื่นนั่งเดาเองก็ยาก ถ้าเจ้าตัวไม่แสดงออกชัดเจนเอง ส่วนแฝดน้องแค่สีหน้าท่าทางก็พอเดาได้แล้ว ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้อยากแสดงออกให้คนอื่นรู้แท้ๆ

“น้องรักเหี้ยไร” คันศรขมวดคิ้ว

“มึงก็รู้ตัวน่า” แทนทัพพูดยิ้มๆ เกาะบ่าคันศรแล้วรอดูลีดเดอร์สาวๆ ของแต่ละคณะออกมาเต้นประชันกันรอบแรกดว้ยความตื่นเต้น

“หนุ่มวิดวะก็ต้องคู่กับสาวอักษรไม่ก็นิเทศล่ะว้า” เท็นมองดูหลีดคณะแรกคือนิเทศศาสตร์ ตามด้วยอักษรศาสตร์และทันตแพทย์ศาสตร์

“กูน่าจะเอาช้อปมาใส่สักหน่อยได้ดูเท่ๆ” ไม้ว่า มหาวิทยาลัยของพวกเขามีช้อปไว้ใส่แค่เฉพาะวันที่มีเรียนแลป เข้าช้อปและทำกิจกรรมบางอย่างที่ต้องเลอะเทอะเท่านั้น ส่วนมากก็ไม่มีใครใส่มาเรียนปกติกัน อย่างวันนี้ทุกคนก็ไม่มีใครใส่มา

“เห็นหน้าพวกมึง เขาก็รู้แล้วว่าเรียนอะไร แม่งเถื่อน” คันศรว่าเข้าให้ ตาก็สอดส่องหลีดคณะตัวเองที่กำลังจะเปิดตัว และพอเห็นคนตัวเล็กในชุดทักซิโด้กับหน้าที่แต่งอ่อนๆ มีกากเพชรประดับเล็กน้อยพอแวววาวสะท้อนแสงไฟ ก็อดอมยิ้มไม่ได้

“ยิ้ม ยิ้ม ไอ้สัส ชอบเขาก็บอกเหอะ” เท็นแกล้งแซว คันศรรีบหุบยิ้ม

“ใครยิ้ม มึงตาฝาดเปล่าไอ้เท็น”

“เหอะๆๆ” เท็นหัวเราะเสียงกวนประสาทใส่ ก่อนที่ธันวากับธนูจะเดินมาสมทบ

“ไอ้นูมาแล้วเว้ย มายืนคู่กันดิไอ้แฝด” แทนทัพคว้าแขนธนูให้มายืนข้างๆ น้องชาย เพื่อจะเทียบรัศมีความหล่อออร่า พอแฝดยืนคู่กัน ผู้หญิง และผู้ชายหลายคนก็มองมาด้วยความสนใจ

“พวกมึงแม่งหน้าเหมือนกันเป๊ะ แต่ต่างกันสัสๆ” ไม้นิ่วหน้ามองทั้งคู่แล้วหัวเราะ คนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย คันศรกล้ามเนื้อเยอะ เพราะชอบเล่นกีฬา ตัวหนาใหญ่ ส่วนธนูเล่นแต่ดนตรี วันๆ หมกตัวอยู่แต่ในห้องอัด แต่งเพลง เลยไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อ แต่ด้วยส่วนสูงและหน้าตาของทั้งคู่ มันเลยโดดเด่นกว่าคนอื่น

“นั่นไงๆ อ๋องอยู่มุมนี้พอดี น่ารักมั้ยนู กูเลือกสีให้มันเองเลยนะ” ธันวากอดแขนของธนูเขย่าให้หันไปดูน้อง ที่กำลังเต้นหลีดอยู่ในสนาม

“อือ น่ารักสู้คุณไม่ได้หรอก”

“อ้วกกกก” “ไอ้เหี้ยยยย กูแบบไปไม่เป็น” “ไม่คิดว่ามึงจะกล้าพูดเลยนู” หลายเสียงโวยวายกันเป็นแถบ คันศรขำกร๊าก แต่พี่ชายแค่ยักไหล่แบบไม่ยี่หระ แบบว่าก็น่ารักของเขาอ่ะ ส่วนธันวาหน้าม้านไปเรียบร้อย อายเพื่อนสุดๆ ถึงกับต้องเอาหน้าซุกแขนของธนูเลยทีเดียว

“แม่ง มึงพูดไรวะ กูอายเค้า”

“ก็ผมพูดตามที่คิด” ธนูตอบหน้าตาย เพื่อนๆ โห่แซวกันยกใหญ่ไม่เลิกราหนักกว่าเดิม

คันศรเห็นพี่กับแฟนโดนเพื่อนแซว ก็ได้แต่หัวเราะสนุกสนาน มองคนตัวเล็กที่กำลังเก็บมือรอเต้นท่าต่อไปแล้วมันก็ฉุกคิดขึ้นมา

เออว่ะ มันก็น่ารักอย่างที่ไอ้ธันว่าแหละ

***

เริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้นแล้วลูกกกก หนูศร
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 19 [20.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 20-10-2020 12:46:22
สงสารน้องอ๋อง ดันมาหลงรักคนปากกับใจไม่ตรงกันอย่างคันศร  :mew5:
ใกล้แล้วใช่ไหมนะคู่แฝดน้อง  :katai5:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 20 [20.10.20] มันมาละ
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 20-10-2020 15:22:59
20
จบกิจกรรมแข่งกีฬาภายในของเหล่าเฟรชชี่ปี 1 ก็ได้เวลาของสายดึก

“คืนนี้ร้านไหนดีวะ ร้านไอ้พี่อั๋นอีกเหรอ” เท็นหันไปถามเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทั้งหลาย ซึ่งส่วนมากก็นึกอะไรไม่ค่อยออก เลยพยักหน้ารับกันไป

“งั้นแบ่งกันไป มีรถไอ้นูด้วยอีกคันพอดี ไปหมดมั้ยวะ นี่ก็ 5 คันแล้วนะ”

“รถผมเบียดๆ กันหน่อยก็พอจะได้5-6 คนอ่ะครับ ขอตัวเล็กๆ หน่อย” ธนูว่าพลางมองสมาชิกที่จะไปต่อกัน มีน้องๆ ที่เป็นหลีดบางส่วน “ขอพวกน้องผู้หญิงไปรถผมก็ได้ แล้วก็อ๋อง”

“เออๆ งั้นก็ได้ พวกผู้หญิงไปรถไอ้นู รวมไอ้อ๋องก็ 5 คนพอดี ที่เหลือมากับพวกกูเลย ไม่ต้องทำหน้าเสียดาย” แทนทัพจัดกลุ่มเรียบร้อย ธันวาแยกไปขับรถของตัวเองที่จุได้ 7 คน อีก 3 คันที่เหลือก็เป็นรถใหญ่เช่นกัน พวกเขาชอบไปไหนกันเป็นกลุ่ม เลยนิยมรถที่จุคนได้เยอะๆ

“โทรบอกพีทแล้ว มันบอกพี่อั๋นปิดร้านรอละ” ธนูแจ้งข่าวเพื่อนๆ ก่อนปลดล็อคประตูให้เด็กๆ ขึ้นไปนั่งรอ พวกคันศรเออออกันเรียบร้อย แล้วแยกย้ายไปกับกลุ่มตัวเอง

มาถึงที่ร้าน มีแต่ชาววิศวะของพวกคันศร กับเด็กดุของฝั่งธนูที่มารออยู่ก่อนแล้ว ค่อนข้างแน่นร้านทีเดียว

“คนเยอะมากคณะพวกมึงเนี่ย” พีทเข้ามาทักเพื่อนๆ “กูเตรียมเหล้ารอละ ใครไม่แดกบอกด้วย เดี๋ยวส่งผิดโทษกูไม่ได้นะ มีไอ้หนุ่ยช่วยชง บอกมันด้วย”

“เคๆ จัดไป พวกสาวๆ อยู่กับเพื่อนพี่ธนูมุมนั้นได้เลยคร้าบ เฮียเป้ย กูฝากน้องด้วย” แทนทัพตะโกนบอกเป้ย สาวที่คันศรเคยจีบ แต่โดนปฏิเสธ เพราะเป้ยชอบผู้หญิงด้วยกัน ตอนนี้เลยเป็นแค่เพื่อนกัน เป้ยยกมือโอเคให้ พวกรุ่นน้องหลีดผู้หญิงเลยเดินไปหาเป้ย สาวผมทองมาดเท่

“ใครต้องขับรถกลับ พวกมึงช่วยกันดูแลเองนะเว้ย” หนุ่ยตะโกนบอกทุกคน ก่อนจะเริ่มจัดเหล้าลอตแรกเวียนส่งไปให้ เสียงเพลงจากวงแรกของกลุ่มเด็กดุ เพื่อนๆ ของธนูดังขึ้น ทั้งร้านคือมีแต่พวกเขาเองทั้งนั้น รวมทั้งนักดนตรีพ่วงเจ้าของร้านด้วย

สักพักรถคันสุดท้ายที่คันศรนั่งก็มาถึง ซึ่งมีเด็กปี 1 ผู้ชาย 3 คนนั่งมาด้วย รวมทั้งคนที่คันศรไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไหร่อย่างพลุ

“ใครจัดให้พวกมันนั่งไปด้วยกันวะไอ้สัส หน้าเป็นตูดกันมาเลย” แทนทัพหันไปกระซิบบอกธันวา ธนูกับธันวาก็หันมองตาม เห็นคันศรเดินนำมา ตามด้วยเพื่อนของคันศรเองที่เป็นคนขับรถ รุ่นน้อง 3 คนรั้งท้าย พลุก็เหมือนไม่ค่อยพอใจคันศรเท่าไหร่ ต่างคนต่างไม่คุยกัน

“เป็นไงวะไอ้ปอน เพื่อนมึงกับไอ้น้องหน้าหล่อนั่น มันคุยกันมั้ย” เท็นปรี่เข้าไปลากคอเจ้าของรถคันนั้นมาสัมภาษณ์ทันที ปอนสั่นหัวยิก หน้าตาเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากมาสามปี

“เงียบเป็นป่าช้าตลอดทาง เพื่อนมันก็ไม่กล้าคุย ไอ้เหี้ยศรเสือกตาขวางสะท้อนกระจกรถกู จ้องไอ้พลุตาเขม็งอย่างนี้” ปอนเอานิ้วดึงหนังตาตัวเองขึ้น จนเพื่อนๆ อดขำไม่ได้

“ดีแม่งไม่ต่อยกัน แต่ก็เสียวๆ ช่วยกันไอ้อ๋องกับไอ้พลุไว้ดีมั้ยวะ” แทนทัพขอความเห็นจากธันวาและธนู ฝ่ายธนูไม่เคยเจอพลุ ก็เลยยักไหล่ว่ายังไงก็ได้

“กันไปก็เท่านั้น กูว่าให้แม่งฉะกันสักทีไปเลยดีกว่า จบ” ธันวาคนจริงไม่อิงนิยาย รำคาญท่าทางหมาง้องแง้งของคันศรมานานแล้ว

“แฟนผมว่ายังไง ก็ตามนั้นครับ” ธนูเสริมอีกแรง ไม่วายพูดจาให้เพื่อนๆ หมั่นไส้ไปด้วยในตัว

“กูไม่ห่วงน้องมึงนะไอ้นู กูห่วงรุ่นน้องมากกว่า แม่งสูงก็จริง แต่ก็ผอมแห้งแรงน้อย ดูเจ้าสำอางขนาดนั้น ต่อยกันนี่ กูเห็นวัดลอยมาเลย” แทนทัพส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ

“ถ้ามีอะไรร้ายแรง ผมจัดการเอง” ในเมื่อพี่ชายของคันศรรับปากแบบนั้น เพื่อนๆ ก็มองหน้ากันอย่างเข้าใจว่า งั้นก็ปล่อยแม่งเลยแล้วกัน

ยังไม่ทันขาดคำดี เสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง เห็นคันศรกระชากแขนอ๋องให้ไปหลบข้างหลัง แล้วคว้าคอเสื้อของพลุไว้ หมัดลุ่นๆ อัดเข้าที่หน้าของพลุอย่างจัง ทุกคนอึ้ง พวกผู้หญิงเงียบกริบ กรี้ดก็ไม่ออก เพราะหน้าตาของคันศรไม่ใช่แค่โกรธธรรมดา ไม่มีใครเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนได้แต่งง นักดนตรีบนเวทียังต้องหยุดมือ ก่อนที่เสียงกรี้ดลั่นจะดังขึ้น เมื่อคันศรผลักพลุลงกับพื้น แล้วต่อยซ้ำ แต่ก่อนที่เท้าหนักๆ จะกระทืบบนท้องของรุ่นน้องหน้าหล่อ ธนูก็เข้าไปห้ามไว้ทัน

“พอแล้วศร” แค่เสียง ไม่ได้แตะตัวเลยด้วยซ้ำ คันศรถึงกับหยุดชะงัก เหมือนร่างกายของแฝดมันสื่อถึงกัน ความคิด จิตใจ การกระทำ แม้จะแยกกันอยู่มานานถึง 12 ปี

แต่พวกเขาคือหนึ่งเดียวกันมาตลอด

“ช่วยพาน้องไปที่อื่นก่อนได้มั้ยครับ” ธนูหันมองพวกแทนทัพ ซึ่งรีบเข้ามาช่วยพยุงตัวพลุออกไป คันศรหอบหายใจถี่ ใบหน้าแดงก่ำ แววตาดุดันจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ยกเว้นพี่ชายเพียงคนเดียว

ธนูวางมือลงบนหัวของน้องแฝด จับหันให้มองหน้ากัน ทุกคนที่มองอยู่ก็ยังอึ้งไม่หาย ไม่รู้ว่าธนูจะทำอะไร

“หายบ้าขึ้นมั้ย”

“ไม่” คันศรกัดฟันกรอดๆ แต่สู้แรงของพี่ชายไม่ได้ แม้พี่จะผอมกว่า ตัวเล็กกว่า แต่ความเยือกเย็นนั้นรุนแรงกว่าหลายร้อยพันเท่า

ผลั่ก

เงียบกริบอีกครั้ง เมื่อธนูง้างหมัดต่อยหน้าน้องตัวเองจนเลือดไหลซิบที่มุมปากของคันศร ก่อนที่สีหน้าของคันศรจะอ่อนลง

“คนผิดคือคนที่ลงมือก่อน เพราะงั้น ครั้งนี้พี่ผิดเอง พี่ขอโทษที่ต้องต่อยหน้านาย” น้ำเสียงของธนูยังคงนิ่งและเยือกเย็นจนน่าขนลุก แววตาของธนูไม่ได้ดุดัน แต่มองคันศรในฐานะน้องชายที่รักมากคนหนึ่ง

“เข้าใจใช่มั้ยว่าพี่ต้องการบอกนายว่าอะไร”

“ครับ” คันศรพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะเดินไปหาพลุ ที่มีพวกแทนทัพช่วยเช็ดเลือดตรงมุมปากให้ ตัวคันศรเองก็มีเลือดไหลเหมือนกัน มันคงเจ็บพอๆ กับที่พลุเจ็บ

“กูขอโทษที่ใจร้อนไป แต่กูขอ...อย่ายุ่งกับของของกูเลย ได้มั้ยวะ”

เสียงเพลงค่อยๆ ดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนกลับไปสนุกกันต่อ แม้บรรยากาศจะไม่ค่อยเอื้อมากนัก แต่พวกนักดนตรีก็พยายามจะเล่นเพลงสนุกๆ ให้ผ่อนคลาย

พลุมองหน้าคันศร แล้วฝืนยิ้ม “ถ้าพี่พูดแบบนี้แต่แรก ผมก็ไม่ยุ่งหรอก”

ทุกคนถอนหายใจ ดีแล้วที่คุยกันรู้เรื่อง ธันวารีบเข้าไปจับมือข้างที่ยังกำแน่นจนสั่นของธนูไว้ เพราะรู้ว่าการที่ต้องทำร้ายน้องตัวเองมันเจ็บปวดแค่ไหน

“ไม่เป็นไรใช่มั้ยธนู”

ธนูยิ้มบางๆ ให้คนรัก คลายมือออกแล้วเปลี่ยนมาจับมือของธันวาแทน เพื่อบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว

ธนูบอกให้คันศรเอารถขับกลับไปได้เลย แล้วพาอ๋องไปด้วย เพราะมันดึกมากแล้ว กลัวว่าแม่ของน้องคนเล็กจะเป็นห่วงเอา เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้อ๋องตกใจและขวัญเสียมากอยู่ ธนูต้องการให้คันศรปรับความเข้าใจหรือทำอะไรสักอย่างที่ทำให้อ๋องหายกลัว

คันศรไม่ได้รับปากอะไร เพียงแค่ก้มหน้ารับรีโมทสีดำในเคสสีแดงอันเดิมมาถือไว้ แล้วดึงมือของอ๋องให้เดินตามไปที่รถ

“พี่ศร เลือดยังไหลอยู่เลย” พอมาถึงที่รถ อ๋องยังไม่ยอมขึ้น แต่หยิบทิชชู่จากในกระเป๋าเป้ออกมา ยื่นให้คันศร แต่คันศรไม่ยอมรับไป

“เช็ดก่อนสิ เดี๋ยวกลับไปผมจะทำแผลให้” อ๋องเร่ง จะยัดทิชชู่ใส่มือของคันศร แต่ถูกดึงมือข้างนั้นไปตรงมุมปากที่มีเลือดไหลลงมา

“เช็ดให้หน่อย” เสียงนั้นค่อนข้างแข็งกระด้าง แต่ก็อ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก อ๋องกะพริบตา ค่อยๆ บรรจงเช็ดเลือดที่มุมปากออกให้คนตัวสูง โดยที่มีมือของคันศรจับไว้

“เจ็บมั้ย”

“ไม่เท่าไหร่” เขาดึงมือของอ๋องมาไว้ตรงปาก คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่หัวใจจะเต้นแรง ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด เพราะริมฝีปากอุ่นๆ ที่แนบลงกับปลายนิ้ว ก่อนที่คันศรจะรีบปล่อย แล้วเดินอ้อมไปที่ฝั่งคนขับ ชี้หน้าออกปากสั่งเสียงเข้มเหมือนปกติ ทำเอาอ๋องหน้าเหวอ

“รีบๆ ขึ้นรถได้แล้ว ไอ้ลิง”

“อ่ะ อะไรของพี่วะเนี่ย”

***

คันศรไลน์มาบอกว่าถึงบ้านแล้ว ธนูพรูลมหายใจเบาๆ เอนตัวพิงคนข้างๆ อย่างอ่อนแรง ธันวาหันไปมอง พลางเอามือลูบหัวให้

“เหนื่อยเหรอ กลับบ้านเลยมั้ย”

ธนูเลื่อนมือสอดไปด้านหลัง โอบเอวของธันวาไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว จนธันวาต้องโน้มตัวไปฟังใกล้ๆ

“คืนนี้ไปที่บ้านพ่อกันมั้ย”

“แล้วแต่ มึงอยากไปไหนกูก็ไปด้วยทั้งนั้นแหละ” พอตอบปุ๊บ แรงกอดที่เอวก็แรงขึ้น จนตัวของธันวาแทบจะขึ้นไปเกยบนตักของอีกคน

“งั้นไปขั้วโลกเหนือ”

“พ่องสิ ไปหาเพนกวินเหรอ” ธันวาเอามือตีคุณชายจอมกวนประสาทหน้าตายไปที “ไม่อยากกลับไปกวนพวกมันใช่มั้ยล่ะ กูรู้หรอก”

“อือ” ธนูครางตอบในคอ พลิกตัวหันไปกอดธันวาไว้ทั้งตัว ซบหน้าลงกับบ่าของคนรัก เพื่อนหลายคนมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา และคนถูกกอดก็หน้าแดงลามไปถึงใบหู ไม่คิดว่าธนูจะกล้าทำแบบนี้ต่อหน้าประชาชีเป็นสิบๆ ชีวิต แม้ทั้งหมดจะเป็นเพื่อนๆ และรุ่นน้องก็ตาม

“มึงเมาป่ะเนี่ยไอ้นู” ธันวาขืนตัวออกนิดหน่อย ธนูส่ายหัวอยู่บนบ่าของธันวา

“ไม่จริงอ่ะ อ้อนขนาดนี้ เมาชัวร์ กลับบ้านกันเหอะ”

“งั้นผมไปเข้าห้องน้ำแป้ป ฝากคุณเอาการ์ดสีดำในกระเป๋าให้พี่อั๋นรูดที เดี๋ยวผมมาเซ็นให้” เพราะงานเลี้ยงคืนนี้ ธนูเหมาร้านให้เอง เลยต้องเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันก่อนไป เพื่อนๆ น้องๆ ก็สนุกกันให้เต็มที่ยันเช้าไป

“โอเค” ธันวาตอบรับ แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ใบสีดำของธนูออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ของเจ้าของมัน ธนูไม่วายหอมแก้มตอนเผลอไปที ก่อนจะรีบเดินไปเข้าห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าล้างตา ปล่อยให้ธันวานั่งหน้าแดงก่ำ หยิบการ์ดสีดำออกมาด้วยมือสั่นนิดๆ เพราะเขินเพื่อนที่มองกันตาเป็นมัน ไหนจะรุ่นน้องที่เพิ่งรู้เรื่องกันสดๆ เมื่อกี้นี่แหละ ทำขนาดนี้ ไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว

และเพราะมือมันสั่น ตอนดึงการ์ดออกมา เลยเหมือนมีกระดาษอะไรสักอย่างร่วงออกมาด้วย ธันวาก้มหยิบขึ้นมา และพบว่ามันเป็นรูปถ่าย...

รูปถ่ายของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ชูนวมขึ้นตรงอกข้างหนึ่ง

ด้านหลังรูปภาพมีชื่อที่เขียนด้วยลายมือของธนู ซึ่งธันวาจำได้แม่นยำ

P’เนม 25/05/2015

***
น้องกำลังไปได้สวย ทางพี่มีเรื่องแน่ ค้างคากันต่อไป จะรำคาญคนแต่งกันมั้ยเนี่ย 555 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 20 [20.10.20] มันมาละ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 20-10-2020 16:10:52
Oh no!!!! ไม่นะพี่ธนู ธันวาหนักแน่นเข้าไว้ อย่าเป็นนายเอกงอนพี่ธนูนะ แต่เราเชื่อว่าพี่ธนูจะตามง้อ
แฝดน้องนี้พูดน้อยต่อยหนักแต่ชอบที่พี่ธนูสอนน้องชายฝาแฝด ความฟินแฝดน้องเริ่มมา  :hao6:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 21 [20.10.20] อึ้ยยย
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 20-10-2020 18:34:30
21
อ๋องบอกแม่ว่าคืนนี้จะอยู่ที่บ้านข้างๆ เพราะต้องช่วยทำแผลให้คันศรที่ซุ่มซ่ามตกบันไดปากแตก ไม่อยากบอกแม่ว่าคันศรมีเรื่องจนโดนพี่ชายตัวเองต่อย เดี๋ยวจะห่วงกว่าเดิมเปล่าๆ จากนั้นก็รีบวิ่งกลับไปหาคันศร

“พวกไอ้นูบอกว่าคืนนี้ไปนอนบ้านพ่อ” พอเปิดประตูเข้าไป เสียงคันศรก็ดังมา อ๋องพยักหน้าแล้วรีบวิ่งไปหยิบกล่องยาในตู้บนผนังข้างห้องน้ำ แล้วกลับมานั่งข้างๆ คันศรบนโซฟาหน้าทีวี

“ข้างในปากก็แตกด้วยมั้ยเนี่ย” คนตัวเล็กพยายามมองเข้าไปในปากของคันศรที่อ้าออกได้นิดหน่อย

“เหมือนจะ แม่งหมัดหนักฉิบหาย หนักกว่าที่กูต่อยไอ้หน้าจืดนั่นสองทีรวมกันอีกมั้ง” คันศรสบถเบาๆ ลืมไปสนิทว่าเห็นตัวผอมๆ แบบนั้น แต่มันเป็นมวย คาดว่าหนักทั้งมือตีนแน่นอน จากตอนเจอกันครั้งแรก แล้วเท้าพี่เกือบฟาดหน้าคราวนั้น ทำเอาพื้นบ้านสั่นแทบทะลุทีเดียว

“ก็พี่นูเขาต่อยมวยมาก่อนนี่” อ๋องหัวเราะคิก “แล้วพี่อ่ะ เป็นบ้าเหรอ ไปต่อยเพื่อนผมแบบนั้น ทำตัวเหมือนพวกอันธพาล”

“ก็มันหอมแก้มมึง! กูเห็นจะๆ กับตา” คันศรโวยวาย

“ก็แล้วไงอ่ะ ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับพี่นี่ ผมยังไม่ว่าอะไรเขาเลย” อ๋องเชิดหน้าใส่ ดูน่าหมั่นไส้จนคันศรอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มแดงๆ หน้ารั้นๆ นั่นให้มันบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บ

“โอ๊ยยยยไอ้อ้า” (ไอ้บ้า) ร่างเล็กดิ้นรน เอามือทุบแขนคนพี่รัวๆ แต่แทนที่คันศรจะยอมปล่อยมือ กลับก้มหน้าลงมา สบตากันเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่อ๋องจะต้องหลับตาปี๋ เพราะรู้สึกถึงความร้อนชื้นที่ริมฝีปาก คางยังคงถูกบีบ ปากเลยเผยออ้าอยู่ และลิ้นของคันศรก็สอดเข้าไปทันที

“อื้ออออ” คนตัวเล็กหน้าแดงก่ำ ใจเต้นแรงเหมือนจะระเบิดออกมา มือไม้สั่น ตัวอ่อนยวบในอ้อมแขนของคันศร แม้คางจะถูกปล่อยแล้ว แต่เอวยังถูกกอดรัดไว้แน่น อ๋องเหมือนจะหายใจไม่ออก จนต้องเขยิบก้นหนี แต่กลายเป็นถูกอุ้มขึ้นนั่งบนหน้าตักของร่างสูง ปากถูกบดขยี้ไม่รู้จบ สองมือทั้งทุบและดันแผ่นอกหนาไว้ หลังแอ่นเอนจนเหมือนมันจะหักครึ่งได้ เมื่อถึงที่สุดของห้วงหายใจแล้ว อ๋องเลยจำเป็นต้องงับเข้าที่แผลของคนที่กำลังไล่ต้อนอยู่ตอนนี้

“กัดกูเหรอไอ้ลิง” คันศรผละออกมาเช็ดเลือดที่ไหลซึมตรงมุมปากอีกครั้ง พลางมองอ๋องด้วยดวงตาคล้ายสัตว์ร้ายกำลังจะขย้ำเหยื่ออันโอชะตรงหน้า

อ๋องหอบหายใจหน้าแดงก่ำ พูดไม่ออก เพราะเหนื่อยเกินไป แต่พอคันศรจะโน้มหน้าไปอีก ก็รีบยกมือแปะป่ายใบหน้าของร่างสูงพัลวันด้วยความตกใจ

“ทำบ้าอะไรเนี่ย ผมไม่ใช่พวกผู้หญิงของพี่นะ!”

“แหงล่ะ ก็มึงเป็นผู้ชาย” คันศรดึงมือที่ปัดหน้าของเขาออก รวบมันไว้ด้วยมือข้างเดียวแล้วจับร่างเล็กกดลงบนโซฟา

“แล้วทำไมทำแบบนี้เล่า!”

“ก็มึงชอบกูไม่ใช่เหรอ” ร่างหนาโถมตัวลงทาบทับกดไว้ มือข้างที่ว่างถลกเสื้อยืดของอ๋องขึ้นสูง จนเห็นแผ่นอกบาง กับยอดอกสีอ่อน อ๋องใช้ขาข้างที่ไม่ถูกเบียดกับโซฟา เตะเข้าที่สีข้างของคันศร

“ใครบอกว่าผมชอบพี่”

“ใครก็ช่างเหอะน่า” คันศรนิ่วหน้า ทำไมไอ้เด็กลิงมันพูดมากน่ารำคาญจัง เขาคิดอย่างหงุดหงิด ปกติพวกผู้หญิงที่ชอบเขา เวลาเขาทำแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยต้องอ่อนยวบหลับตาพริ้มรอแล้วแท้ๆ

“ใครพูดก็ช่าง ผมไม่ได้พูดสักคำ” อ๋องเถียงหน้าดำหน้าแดง ขายังเตะซ้ำๆ จนคันศรเริ่มเดือดปุดๆ ที่หน้าผาก ทนไม่ไหวจนต้องกระชากขาข้างนั้นถ่างค้างไว้ คนตัวเล็กกรีดร้องลั่น หมดทางสู้

“มึงไม่พูด แต่มึงคิด” คันศรแสยะยิ้ม ก้มลงเลียเม็ดไตเล็กๆ บนแผ่นอกบางข้างหนึ่ง ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ตัวสั่นเกร็ง กัดปากกลั้นเสียงสุดชีวิต คันศรเห็นแบบนั้นยิ่งได้ใจ โลมเลียทั้งยอดอก เรื่อยลงไปที่สะดือ ร่างเล็กพยายามสะบัดดิ้นไปมา แต่เมื่อสู้ยังไงก็ไม่มีทางรอด เลยร้องไห้มันซะเลย

“อึก ฮือออออ”

“เฮ้ย” คันศรผละออกมาเหมือนโดนใครเอาอะไรมาช็อตหลัง แค่เสียงร้องไห้ของน้อง หัวใจของเขาก็เหมือนถูกฉีกแล้ว เขายอมปล่อยมือ ถอยออกมาจากร่างเล็กที่นอนร้องไห้เหมือนเด็กสองขวบ

“ร้องไห้ทำไมวะ ไอ้อ๋อง อย่าร้องสิวะ โธ่เว้ย...” เขาสบถรัว ทำตัวไม่ถูก ลนลานไปหมด สุดท้ายก็อุ้มน้องขึ้นมากอดแนบอก แล้วลูบหัวปลอบ

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ พี่ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”

“ทำไมพี่ใจร้ายแบบนี้” อ๋องผลักเขาออก น้ำตายังอาบแก้ม “เพราะผมชอบ เลยจะทำกับผมยังไงก็ได้เหรอ เห็นแก่ตัวที่สุด!”

“เปล่า กู...ก็แค่...ก็คิดว่ามึงจะชอบ” คันศรเหมือนหาคำอธิบายที่ดีไม่ได้ พูดจาวกไปวนมาจนอ๋องขมวดคิ้วนิ่วหน้า

“ก็มึงชอบกูไง แล้วจะให้กูทำไงอ่ะ”

อ๋องหน้ามุ่ย “ผมไม่ได้บอกว่าชอบพี่สักหน่อย”

“งั้นมึงก็บอกสิ อ่ะ บอกเลย” คันศรยื่นหน้าไปใกล้ๆ รอฟังเต็มที่ อ๋องเลยตบที่แก้มของเขาดังแปะ ไม่กล้าแรงมาก กลัวเจ็บแผลอีก

“โครตหลงตัวเองเลยว่ะ คิดว่าผมชอบจริงๆ เหรอ” อ๋องว่าอย่างนั้น แต่แก้มแดง หูแดงไปหมด

คันศรนิ่งคิดอยู่นาน จริงๆ ก็ไม่ได้มีใครมาบอกตรงๆ หรอก แค่มันตะหงิดๆ ในใจตั้งแต่ที่ธนูพูดนั่นแหละ แต่ในเมื่อน้องมันบอกว่าไม่ใช่ ก็ไม่อยากเซ้าซี้แล้วก็ได้

พอคิดแบบนั้นได้ เขาก็พ่นลมหายใจเบาๆ ก่อนจะเอามือสองข้างทาบบนแก้มนุ่มๆ ที่ยังแดงก่ำของอ๋อง คนน้องเขินจัดรีบหลบตา

“มองตากู” เขากดเสียงต่ำคล้ายคำขู่ อ๋องยังไม่ยอมเหลือบตามอง คราวนี้เลยพยายามสูดหายใจแล้วพูดใหม่ให้น้ำเสียงอ่อนโยนลง

“ช่วยมองตาพี่ที”

เพราะน้ำเสียงกับคำพูดจาที่ดูอ่อนโยนแปลกๆ ทำให้อ๋องยอมสบตาด้วยในที่สุด

“มึงไม่ชอบกูก็ไม่เป็นไร” เขากลืนน้ำลาย เพราะรู้สึกว่าลำคอมันช่างแห้งผากเหลือเกินในเวลานี้ ก่อนจะค่อยๆ สูดลมหายใจลึกๆ แล้วค่อยๆ เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุดอีกครั้ง

“รู้แค่กูชอบมึงก็พอ”

***

เช้าวันต่อมา ที่บ้านตระกูลทวีเทพธาดา พ่อของพวกธนูไปต่างประเทศยังไม่กลับเช่นเคย เหลือแค่สองแม่ลูกที่ชอบมาเกาะแกะธนู เมื่อคืนมาถึงดึกมากแล้ว เลยไม่โดนรบกวน แต่เช้ามาก็ต้องเจออยู่ดี

“เอ่อ สวัสดีครับ คุณแม่ พี่เพลิน” เด็กดีอย่างธันวา ยังไงก็อดไม่ได้ที่จะยกมือไหว้ผู้ใหญ่พวกนี้ แม้จะโดนมองด้วยสายตาหยามเหยียดยังไง แต่อีกฝ่ายก็เพศแม่ เลยไม่อยากไปอะไรด้วยมาก

แม่ของเพลิน ดูจะมองธันวาด้วยสายตาที่อ่อนลงพอสมควรแล้ว เลยยอมรับไหว้ ส่วนเพลินก็แค่เชิดหน้าใส่เล็กน้อย ถ้ารักจะอยู่บ้านหลังนี้ต่อไป และใช้เงินของคุณพ่อของธนู ก็ต้องยอมให้ธันวาอยู่ด้วย นั่นคือคำขาดของพ่อที่พูดไว้ก่อนไปทำงานต่อ บ้านหลังนี้ไม่มีใครใหญ่กว่าพ่อแล้ว ถึงไม่พอใจก็ต้องจำยอม

“วันนี้จะออกไปไหนกันหรือเปล่าคะ น้องนู” แม่เลี้ยงชวนธนูคุย ระหว่างทานอาหารเช้าพร้อมหน้ากัน

“ว่าจะไปเยี่ยมอากงอาม่าที่บ้านธันครับ” ธนูก็คุยด้วยตามปกติ ครั้งก่อนโดนชี้หน้าขู่ไว้ สองแม่ลูกเลยไม่ค่อยมาวุ่นวายเกินควร ยังไงก็เปลี่ยนเขาให้ชอบผู้หญิงไม่ได้ แถมหนนี้พ่อยังยอมรับธันวาด้วย

“งั้นน้าฝากของไปให้บ้านน้องธันด้วยสิคะ เอ่อ คุณพ่อฝากไว้น่ะค่ะ อิ่ม ไปเอามาสิจ้ะ” แม่เลี้ยงหันไปบอกสาวใช้อีกคนที่ยืนรออยู่ด้านหลัง อิ่มรับคำแล้วเดินไปหยิบกระเช้าของฝากมาวางบนโต๊ะให้ธนู

“เป็นถั่งเช่าสกัดจากจีนเลยนะคะน้องธัน” แม่เลี้ยงยิ้มหวานให้ธันวา แม้จะยังไม่ชินกับลุคนี้ ธันวาก็ยังยิ้มฝืดๆ รับไป

หลังทานอาหารเช้าเสร็จ ธนูก็ขับฟอร์จูนเนอร์สีขาวของธันวา พากันไปที่บ้านอากง

“พี่ธนู!” มาถึงที่บ้านปุ๊บ น้องชายคนเล็กของธันวาก็วิ่งมาหาธนูก่อนเลย ธันวามองอย่าง งงๆ พลางชี้ที่ตัวเอง แบบว่า คือนี่พี่แท้ๆ นะเว้ย

“ไม่เจอตั้งนาน แต่เห็นผ่านยูทูปตลอดแหละ เพลงใหม่วงพี่เจ๋งมากอ่ะ ผมโครตชอบเลย” เมษกระโดดกอดคอพี่ชายคนใหม่แนบแน่น สนิทกันขนาดนั้นตอนไหน ธันวาก็ยังไม่แน่ใจ

“ขอบคุณมากครับ” ธนูยิ้มดีใจ ยกมือไหว้อากงอาม่าที่นั่งกันอยู่ในห้องรับแขกหลังร้าน หน้าร้านตอนนี้มีลูกค้าเยอะแล้ว พวกเขาเลยเข้ามาทางด้านหลังร้านแทน

“ป๊าม๊าคงอยู่ในร้าน เดี๋ยวค่อยเจอตอนว่างๆ แล้วกัน” ธันวาว่า “อ่ะ กง ม่า พ่อไอ้นูเขาฝากมาให้” แล้วก็วางกระเช้าถังเช่าให้อากงอาม่า

“โอ้ๆ ขอบใจมากๆ ฝากขอบใจอาพันด้วยนะ อานู” อากงยิ้มกว้าง ธนูก็ยิ้มพลางพยักหน้ารับคำ พอดีพ่อกับแม่ของธันวาเดินเข้ามาหลังร้าน เลยได้ยกมือไหว้ทักทายกัน จากนั้นธันวาก็พาธนูขึ้นไปบนชั้น 3 ที่เป็นโซนห้องของธันวากับพวกน้องๆ

จะบอกว่าไม่รู้สึกติดใจรูปถ่ายใบนั้นเลยก็เหมือนโกหก แต่ธันวาไม่ใช่คนที่ชอบเซ้าซี้ถามในเรื่องที่ธนูไม่อยากเล่า ถ้ามันสำคัญก็คงเล่าให้ฟังแล้ว แสดงว่าไม่น่ามีอะไรที่ต้องกังวล

แต่ใจมันก็ยังอดกังวลไม่ได้อยู่ดี

“ทำไมดูเงียบๆ จังครับวันนี้” พอเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว ธนูก็โอบเอวร่างโปร่งไปกอดไว้จากด้านหลัง พลางซบหน้ากับไหล่บาง เมื่อกี้ตอนอยู่บนรถ ธันวาก็เหมือนมองไปนอกหน้าต่างตลอด คล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่

“เปล่านี่” ธันวาพลิกตัว หันไปหา โดยที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของธนู ก่อนจะยกแขนขึ้นคล้องรอบลำคอของร่างสูงไว้ เขย่งเท้าขึ้นไปจูบที่ปากของธนูเบาๆ ทำตัวให้เหมือนปกติที่สุด

รูปใบนั้นดูแล้วค่อนข้างเก่า จากปีที่ระบุก็ตั้ง 6 ปีมาแล้วด้วย มันไม่ใช่เรื่องที่ควรกังวลเลยสักนิด

ตั้ง 6 ปี ยังเก็บไว้อย่างดี ในกระเป๋าสตางค์?

พกติดตัวมาตั้ง 6 ปี?

พอคิดแบบนั้นแล้ว ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ธนูถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะธันวาลืมตัว เผลอถอนหายใจออกมาจริงๆ ไม่ใช่แค่ในใจ

“คุณเครียดเรื่องอะไรหรือเปล่า มีอะไรก็บอกผมได้นะ” ธนูเชยคางคนรักขึ้นให้มองหน้ากัน แล้วยิ้มบางๆ ให้

“อ่า...” ธันวาหรุบตาลง คล้ายกับหลับตา ธนูเลยคิดว่าอยากให้จูบ แต่พอก้มลงไปแตะริมฝีปาก ธันวาก็ผลักเขาออก

“โทษที...”

ธนูคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรครับ วันนี้อยากไปไหนมั้ย หรืออยากอยู่บ้าน”

6 ปีมาแล้วนะ? ทำไมยังเก็บไว้อีก คนคนนั้นคือใคร ต้องสำคัญมากแค่ไหน ถึงได้เก็บรูปไว้จนถึงตอนนี้ จนถึงทุกวันนี้

แม้กระทั่งคบกันแล้ว ก็ยังเก็บรูปคนอื่นไว้เหมือนว่ามันสำคัญมากที่สุดในชีวิตแบบนั้น

ทำไม?

“ไม่ ไม่อยากไปไหนแล้ว” ธันวาตอบเสียงเครือ พยายามข่มกลั้นความคิดในแง่ร้ายทั้งหมดไว้ เพราะทุกทีจะมองโลกในแง่ดีเสมอ ใช่ มันไม่มีอะไรหรอก ไม่มีหรอกน่า ก็แค่รูปใครก็ไม่รู้ อาจจะแค่ลืมทิ้งไปก็ได้

ธนูนั่งลงบนเตียง แล้วรั้งเอวคนรักให้ลงมานั่งบนตัก จูบที่ซอกคอเบาๆ ด้วยความรัก

“ไม่เอา ไม่ทำที่บ้าน” ธันวาขืนตัวออกเล็กน้อย แต่ยังนั่งอยู่บนตักของธนู

“โอเคครับ แค่กอดเฉยๆ ผมไม่ทำอะไร สัญญาเลย” ธนูเขยิบออก ให้ธันวาได้นั่งบนเตียง แล้วกอดเอวไว้ เอนหน้าซบบนบ่าอย่างออดอ้อน

กับคนนั้น ก็ทำแบบนี้ด้วยหรือเปล่า

มันไม่แปลกหรอก ธนูมีแฟนมาแล้วตั้งไม่รู้กี่คน ไหนจะคนคุยอีก มันก็ต้องมีบ้างที่อ้อนแฟนแบบนี้ประจำอยู่แล้ว ไม่แปลกหรอก

ไม่แปลกเลย

“คือ เดี๋ยวลงไปช่วยป๊าม๊าดีกว่า จะลงไปด้วยมั้ย” จู่ๆ ธันวาก็ลุกขึ้น ธนูมองตามไปอย่างงุนงง วันนี้ธันวาแปลกไปจริงๆ แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไร

“ผมขอนอนดีกว่าครับ เมื่อคืนดื่มเยอะไปหน่อย ยังมึนๆ” เขาคลี่ยิ้ม ธันวาพยักหน้า แล้วก็เปิดประตูเดินออกไปเลย

เพราะต้องการเวลา จัดการกับความคิดที่กระจัดกระจายในหัวตอนนี้ให้ได้ก่อน ช่วยที่บ้านทำงานจะได้ลืม

จะได้หยุดคิดและลืมมันไป

***

“งานเฟรชชี่ไนท์ที่มอพี่นูเหรอ” อ๋องงับขนมปังที่คันศรป้อนใส่ปากพลางมองหน้าธนูที่มาบอกข่าวเรื่องวันงาน ซึ่งเป็นวันเดียวกับปีที่แล้ว และเขาตั้งใจจะหาเพลงมาเซอร์ไพรส์ธันวาในวันครบรอบ

“อืม บอกธันไว้แล้วล่ะ ชวนเพื่อนๆ มากันเยอะๆ ได้เลยนะ”

“โห จะได้ฟังเสียงพี่นูสดๆ อีกแล้วใช่มั้ย จะร้องเพลงให้พี่ธันใช่มั้ย” อ๋องตาวาว กระโดดข้ามไอ้ยักษ์ข้างๆ โผไปหาธนู ปีก่อนอ๋องต้องเรียนหนัก เลยไม่ได้ไปดู เพราะมันกลางคืนด้วย แต่ปีนี้เป็นเด็กมหาลัยแล้ว เที่ยวกลางคืนได้เต็มที่

“อืม” ธนูพยักหน้า ซ้อมไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้บอกธันวาก่อน บอกแค่พวกน้องๆ และเพื่อนๆ ในคณะที่รู้ รอวันจริงให้ธันวาเห็นเองสดๆ

“ตื่นเต้นจังๆ นี่ถ้าพี่ศรมันร้องเพลงให้ผมนะ หูผมต้องแตกแน่ๆ”

“พาดพิงนะไอ้ลิง” คันศรเอาสันมือฟาดคอน้องไปทีแบบเบาๆ หยอกเล่นกันเหมือนเคย ธนูมองพวกน้องๆ แล้วก็อารมณ์ดี พลางคิดถึงวันงานที่กำลังจะมาถึง เขาอยากให้ธันวายิ้มเหมือนเมื่อปีก่อน หรือยิ้มยิ่งกว่านั้นก็ได้ กับเซอร์ไพรส์ที่จะมอบให้

อีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น

***
ดราม่ามาซะงั้น  :katai1:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 21 [20.10.20] อึ้ยยย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-10-2020 19:41:03
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 21 [20.10.20] อึ้ยยย
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 20-10-2020 20:06:21
ิืิิอื้อ นั้นซิเป็นใครก็คิดนะ หกปียังเก็บเอาไว้อีก แต่ถามพี่ธนูไปตรงๆเถอะธันวาจะได้หายข้องใจ
ไม่อยากกินมาม่ากำลังฟิน  :hao4:
ส่วนคู่แฝดน้อง เย้บอกน้องไปแล้วว่าชอบน้อง  :hao6:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 22 [20.10.20] ตอนนี้น่ากลัวมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 20-10-2020 22:44:24
22
“พี่ศร ยืนบังอ่ะ ผมอยากเห็นพี่นูชัดๆ!” ไอ้ตัวเล็กเขย่งขา กระโดดเหยงๆ เกาะหลังของคันศร แต่เขาอยากแกล้งมัน ไม่อยากให้มันสนใจคนอื่นออกนอกหน้า ยอมให้อ้อนธนูกับธันวา แถมยังยอมให้ไอ้เด็กพลุตามจีบมานานแล้ว คราวนี้จะมัดมือชก ไม่ปล่อยไปอีก

“มึงอยากดูเหรอ” เขาเอี้ยวตัวหันไปถามน้อง เจ้าตัวพยักหน้าหงึกๆ น่ารักน่าชังจนอยากจับฟัดมันกลางสนามบอล

“งั้นขี่คอกูมั้ยล่ะ”

อ๋องแก้มแดงขึ้นมาทันที “จะบ้าเหรอ”

“งั้นก็โดนบังไปซะ” ว่าแล้วก็ยิ่งขยับบังให้มิดกว่าเดิม คนก็เริ่มเบียดมา เพราะมีแต่คนอยากดูวงที่หน้าตาดีที่สุดของคณะดุริยางค์ เครดิตนี้ต้องยกให้เดือนคณะปี 4 อย่างบีมไปเลย

“พี่ศร! แม่ง กวนตีนอ่ะ โอ๊ย” เพราะตัวเล็ก เลยถูกเบียดจนจะหลุดวงโคจร คันศรเห็นแบบนั้นเลยทนแกล้งต่อไม่ได้ รีบคว้าแขนอ๋องไว้แล้วจับอุ้มขึ้น เหมือนเวลาอุ้มเด็ก ไอ้ตัวเล็กโวยวายทุบไหล่เขารัว เพราะอายชาวบ้านชาวช่อง มีแต่คนมองเต็มไปหมด แล้วอยู่มหาวิทยาลัยอื่นด้วย ไม่ใช่มอตัวเอง แต่ไม่ใช่มอตัวเองน่าจะดีแล้วก็ได้

“จะดูมั้ย ถ้าไม่ดู กูอุ้มกลับรถ แล้วมึงจะไม่ได้ออกมาอีกเลย” คันศรขู่พลางเบี่ยงหัวไปมาหลบกำปั้นเล็กๆ ที่เฉียดแก้ม รำคาญไอ้ลิงตัวนี้จริงๆ ถ้าทนไม่ไหวขึ้นมา เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน

อ๋องเลยยอมอยู่นิ่งๆ กอดคอคันศรไว้ “ไม่เมื่อยเหรอ”

“เมื่อยสิวะ”

“งั้นก็ปล่อยลงดิ” อ๋องยู่ปากใส่ แต่คันศรแสยะยิ้ม

“ฝึกไว้ให้ชินน่ะ เวลาอุ้มแ...”

“พูดเหี้ยไรในที่สาธารณะไอ้สัส” ธันวาฟาดมือลงบนไหล่น้องของแฟนสุดแรง คันศรถึงกับไหล่ทรุด นิ่วหน้าพลางนึกในใจ ไอ้ผัวเมียคู่นี้แม่ง มือหนักทั้งคู่หรือไงวะ

“อุ้มน้องดีๆ ดิ” ธันวาเงยหน้ามองอ๋อง ที่เหมือนจะเขินๆ เลยหันหน้าหนี

“ก็มันไม่ยอมขี่หลังกูอ่ะ” คันศรเบ้ปาก

“ท่านี้น่าอายกว่าขี่คอนะ พี่พูดจริงๆ” ธันวาช่วยพูดให้อีกแรง เพราะทนไม่ไหวจริงๆ ดีที่ตรงนี้มีแต่เพื่อนๆ กันเอง สุดท้ายอ๋องเลยยอมเปลี่ยนไปขี่คอคันศรแทน บังคนข้างหลังไปอีก

เสียงพิธีกรประกาศชื่อวงต่อไป ตามด้วยเสียงกรี้ดลั่นทุ่ง เรียกชื่อสมาชิกทั้ง 3 แห่งวง Dark Priest กันกระหึ่มสนามบอล คนแรกที่ออกมาคือธนู เพราะต้องมาแสตนด์บายที่กลอง ตามด้วยโอ๊ตและปิดด้วยนักร้องนำหน้าหล่อดีกรีเดือนคณะดุริยางค์ปี 4 ที่เรียกเสียงกรี้ดจนหญ้าในสนามแทบเฉาตาย เสียงลีดกีต้าร์และเสียงกลองดังขึ้น พร้อมเสียงทักทายจากบีม เรียกเสียงกรี้ดลั่นสนามอีกระลอก เปิดเพลงแรกก็หนักสะใจมาก่อนเลย ปีก่อนเปิดด้วยเพลงช้ามีจังหวะไปแล้ว ปีนี้พวกเขาเลยขอจัดเต็มตั้งแต่เริ่ม 

One step Closer ของ Linkin Park คือเพลงแรก ตามด้วยเพลงร็อคฝั่งญี่ปุ่นอย่าง Utafumi จาก Dir en grey ตัดสลับมาที่ภาษาอังกฤษจาก Green day ในเพลง American Idiot และเพลงของวงตัวเองที่เป็นแนวเฮฟวี่เมทัลอีกเพลง ก่อนจะขอปิดท้ายด้วยเพลงพิเศษเบาๆ จากธนู มือกลองประจำวง

“เพลงสุดท้าย มือกลองของเราขอร้องเอง ให้มั้ยครับ!” เสียงบีมดังก้อง ตามด้วยเสียงกรี้ดให้รู้ว่ายินดีให้ธนูร้อง

เสียงตอบรับมาเต็มหู คนทั้งเบียดทั้งกรี้ด จนธันวาโดนเพื่อนๆ ผลักออกไปข้างหน้ามากขึ้น เพราะรู้ว่าเพลงนี้ธนูจะร้องให้ใคร

“ต้องบอกเลยว่า เราซ้อมกันมาเต็มที่มากกับเพลงนี้ เพราะผมต้องลงทุนตีกลองแทนมัน ฮ่าๆ” คนดูหัวเราะและกรี้ดตามบีมอีกรอบ

“โอเค จัดเลยละกันครับ” แล้วบีมก็ถอยไปที่กลอง แทนที่ธนูที่สลับมาเล่นกีต้าร์และจับไมค์แทน

กับเพลงที่ธนูตั้งใจมอบให้คนรักที่เขาต้องการอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต เริ่มจากวันนี้เมื่อปีที่แล้ว และมันจะยืนยาวต่อไปในวันนี้ของทุกๆ ปี กับทุกบทเพลงที่เขาจะคอยมอบให้ธันวา

“...มึงอยากไปไหนกูก็ไปด้วยทั้งนั้นแหละ”


คำพูดนั้นของธันวายังดังก้องอยู่ในใจ และมันคือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ธนูเลือกเพลงนี้

“ต่อไปเป็นเพลง Wherever You Will Go จาก The Calling ครับ ผมขอมอบให้คุณ My Wonderwall ปิดเทอมนี้ ไปขั้วโลกเหนือกับผมด้วยนะครับ”

ผู้ชมส่งเสียงกรี้ดและเสียงหัวเราะลั่นสนาม กับคำชวนเหมือนติดตลกของมือกลองหน้านิ่ง ก่อนที่จะยิ่งกรี้ดหนัก เมื่อธนูส่งยิ้มให้ธันวาที่ยืนอยู่เกือบหน้าเวที แม้จะมีผู้คนมากมายแค่ไหน เขาก็หาธันวาเจอเสมอ ธันวาเขินจนหน้าร้อน อมยิ้มตอบน้อยๆ

เสียงกีต้าร์ดังขึ้น ตามด้วยเสียงร้องทุ้มๆ นุ่มๆ ในสไตล์ของธนู

“...So lately, been wondering...
.......
...
I know now, just quite how
My life and love might still go on
In your heart, in your mind
I'll stay with you for all of time

If I could turn back time
I'll go wherever you will go
If I could make you mine
I'll go wherever you will go...”

“โรแมนติกไม่เปลี่ยนเลยนะ ธนู”

ท่ามกลางเสียงดนตรีและเสียงร้องเพราะๆ กับเสียงแฟนคลับที่ช่วยกันร้องคลอตาม ธันวากลับได้ยินประโยคนั้นชัดเจนจนต้องหันไปมองคนที่พูด ซึ่งยืนเยื้องไปข้างหน้าทางขวามือเล็กน้อย ในฝูงคนที่เบียดเสียดนั้น

ผมทรงสกินเฮด จิวสีดำที่หูข้างซ้าย ตัวสูงประมาณ 170-175 ซม. น่าจะได้ เพราะธันวาสูงกว่านิดหน่อย แต่แค่ทรงผมกับจิวสีดำรูปธนูที่มีอักษร NN พาดบนคันศรนั่น แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หวนนึกถึง

คนในรูปนั้น

***

บทเพลงจบลงตอนไหน หรือธนูลงจากเวทีตอนไหน ธันวาก็ไม่ทันรู้ตัว แม้ไม่อยากจะคิดมาก แต่มันหยุดคิดไม่ได้แล้ว ธนูยืนรอให้ออกไปหาอยู่ข้างสนาม แต่ขาของธันวา กว่าจะขยับไปได้ทีละก้าว ก็เหมือนมันมีลูกตุ้มถ่วงน้ำหนักเป็นร้อยกิโลมัดข้อเท้าเอาไว้แน่นหนาเหลือเกิน

ผู้คนยังรอวงต่อๆ ไปในสนาม ทำให้ธันวาต้องลากขาหนักๆ นั่นฝ่าฝูงคนออกมาอย่างยากเย็น

และพอมาถึงข้างสนาม ก็ต้องหยุดนิ่ง

“พี่รู้ได้ไงว่ามีงานวันนี้” ธนูกำลังคุยกับใครบางคน ผมสกินเฮดนั่น...อีกแล้ว

“ดังขนาดนี้ หาข้อมูลไม่ยากหรอก” คนคนนั้นยืนหันหลังอยู่ แต่แค่ข้างหลังก็รู้ ว่าต้องเป็นที่พูดประโยคนั้นแน่ๆ

มือที่ดูหยาบกร้านแบบนักมวย ยกขึ้นขยี้ผมของธนู ด้วยท่าทางสนิทสนมมาก ธนูคลี่ยิ้ม แม้จะไม่ใช่รอยยิ้มกว้างที่ดูมีความสุข แต่มันก็อ่อนโยนไปถึงดวงตา

เจ็บ...ที่อก จนต้องยกมือขึ้นทุบมันแรงๆ

“ใครวะไอ้ธัน” เสียงคันศรดังขึ้นข้างหลัง แต่ธันวาเหมือนไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว รู้สึกเหมือนร่างกายถูกเหวี่ยงออกไปที่ไหนสักแห่ง

“อ้าว เฮ้ย ไอ้ธัน!” คันศรจะคว้าแขนเพื่อนไว้ แต่ไม่ทัน เพราะธันวาวิ่งหายไปอีกฝั่งของสนามแล้ว ท่ามกลางฝูงคนมากมายขนาดนี้ คันศรเกาหัวตัวเอง พลางมองหน้าเจ้าตัวเล็กข้างๆ ที่ก็ทำหน้าเหวอไม่แพ้กัน

“พี่ธันเป็นอะไรอ่า”

“กูก็ยืนอยู่กับมึงเนี่ย จะรู้มั้ยวะ” คันศรส่ายหน้าพร้อมพ่นลมหายใจแรงๆ สงสัยงานเข้ามึงแน่ๆ พี่กู ร่างสูงใหญ่คิดพลางหรี่ตามองผู้ชายหัวสกินเฮดที่ยืนคุยกับพี่ชาย

***

ธนูเดินมาหาน้องกับเพื่อนที่ยืนกันแถวๆ ข้างสนาม พลางมองหาคนที่ต้องการเจอมากที่สุดตอนนี้ นัดกันไว้ว่าจะเจอที่ข้างสนาม แต่ไม่เห็นธันวามาหา ทั้งที่เขาเตรียมของขวัญไว้ให้แล้ว

“ธันล่ะ?” เจอหน้าคันศร ก็ถามถึงธันวาก่อนเลย น้องชายนิ่วหน้าเล็กน้อย

“ไม่รู้ว่ะ โทรไปมันก็ไม่รับเลย พวกกูว่าจะไปเดินกันต่อแล้วกลับ มันมีรถมา คงไม่เป็นไรมั้ง”

“อืม เดี๋ยวฉันโทรหาเองแล้วกัน ไปกันเถอะ” ธนูพยักหน้าให้พวกน้องๆ งานเฟรชชี่ไนท์ของมอเขาจัดที่วิทยาเขตต่างจังหวัด ถ้าดึกเกินไปอาจจะเปิดโรงแรมนอนแถวนี้เอา ตอนนี้ต้องหาธันวาให้เจอก่อน เขาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา โทรออกหาคนรัก ที่ก็ยอมรับสายหลังปล่อยให้มันดังอยู่นานพอสมควร

[อะไร]

ธนูนิ่วหน้า กับน้ำเสียงแปลกๆ นั้น “อยู่ไหนครับ”

[...ที่รถ] เหมือนลังเลที่จะบอก แต่สุดท้ายก็ยอมบอก ธนูอมยิ้ม เดินไปที่ลานจอดรถ รถฟอร์จูนเนอร์สีขาวโดดเด่นอยู่คันเดียว ไม่ต้องดูป้ายทะเบียนเลย เขาตรงไปที่รถ และธันวาก็นั่งหลบอยู่ข้างๆ รถ

“มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ” เพราะรอยยิ้มของธนูมันทำให้ใจอ่อนอยู่เสมอ โกรธไม่ลง

ธันวาลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นที่ติดกางเกงนักศึกษาออก วันไหนที่ไม่ได้เข้าช้อปและต้องใส่เสื้อช้อป ก็จะแต่งชุดนักศึกษาปกติ ต่างจากพวกธนู ที่ไม่ว่าจะวันไหน ก็ใส่แค่เสื้อนักศึกษา กับกางเกงยีนส์หรือกางเกงอะไรก็ได้ตามแต่จะใส่ อย่างธนูชอบใส่ยีนส์ทรงสกินนี่บ้าง ทรงธรรมดาบ้าง ขาดบ้างไม่ขาดบ้าง กับเสื้อสูทแฟชั่นทับเสื้อนักศึกษาอย่างวันนี้

“ไม่รู้เหมือนกัน” คำตอบนั้นทำเอาคนรอฟังตั้งนานถึงกับหลุดขำเบาๆ

“อยากเดินต่อมั้ย หรืออยากกลับบ้...” ยังถามไม่ทันจบ ก็ถูกธันวากระชากคอเสื้อลงไปจูบแบบไม่ทันตั้งตัว สองแขนของร่างโปร่งกอดคอของเขาไว้แน่น ลิ้นเล็กๆ ที่จะกี่ครั้งก็ทำให้ธนูเกือบถึงสวรรค์ทั้งที่ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรมากมายนัก กำลังตวัดเกี่ยวด้วยความพยายามสุดชีวิต เขาจึงต้องยอมโน้มตัวลง เอามือวางทาบบนกระโปรงรถสีขาว จูบตอบคนรักที่ดูเร่าร้อนรุนแรงผิดปกติ หรือเพราะชอบเพลงที่เขาร้องให้ฟังแบบสุดๆ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ

“อืม” เสียงครางที่ไม่รู้ของใครดังขึ้น ธันวาไม่ยอมปล่อยเขาเลย จนธนูเริ่มจะไม่ไหว ความต้องการพุ่งสูงปรอทแทบแตก แต่ต้องสะกดกลั้นมันเอาไว้ เพราะตรงนี้มันที่สาธารณะ แค่จูบกันแบบนี้ ก็กลัวว่าจะมีคนมาเจออยู่แล้ว

ธนูผละออกมา เอามือขวาจับคางของธันวาไว้ ลูบปลายนิ้วโป้งเบาๆ บนริมฝีปากที่แดงเจ่ออย่างเอ็นดู เสียงหอบหายใจน้อยๆ ของธันวาเหมือนจะกระตุ้นร่างกายของเขาให้มีปฏิกิริยาขึ้นมา แต่จริงๆ ก็มีตั้งแต่จูบกันเมื่อกี้แล้ว

“ถ้าทำในรถ คุณจะโอเคมั้ย”

ธันวาแก้มแดงก่ำ “ไม่เอา”

“งั้นก็อย่ายั่วผมสิ” ร่างสูงเอียงคอลงดูดซอกคอขาวแรงๆ จนธันวาครางเสียงสั่น ยกมือขึ้นห้ามอย่างอ่อนแรง

“บอกว่าไม่เอาไง จะในรถนอกรถก็ไม่”

“งั้นไปโรงแรม ผมจะไม่ไหวแล้ว” พูดไปก็ดูดเลียไล่งับทั้งหูและคอ น้ำลายของธนูเปียกชื้นไปหมด ธันวารีบพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะล้วงหยิบรีโมทรถออกมากดด้วยมือสั่นๆ พอเปิดประตูปุ๊บ ก็ถูกดันขึ้นไปบนเบาะ พร้อมกับเสียงกดปรับเบาะ จนตัวไถลพรืดลงนอนหงายบนเบาะที่ปรับเอนจนสุด ประตูรถปิดลง ธนูเอื้อมมือไปสตาร์ทรถ เปิดแอร์ โดยที่ปากก็ยังสาละวนกับคอและแผ่นอกบางใต้เสื้อนักศึกษาตัวบาง

“บอกว่าไม่เอาไง” ธันวานิ่วหน้า เอามือทุบเขาแรงๆ ธนูผละออกมายิ้มบางๆ

“แค่ข้างนอก นะครับ ไม่งั้นผมขับรถไม่ได้หรอก”

“งั้น...ธันขับเอง” ธันวาผลักร่างสูงไปที่เบาะข้างคนขับ ก่อนจะรีบดึงเบาะขึ้นแล้วออกรถโดยด่วน เพราะไอ้คนข้างๆ น่าจะกวนไม่เลิก ถ้าไม่รีบพาไปโรงแรมที่ใกล้ที่สุด

เรื่องที่ยังไม่หายคาใจก็ยังคาอยู่อย่างนั้น แต่ดันไปเหนี่ยวคันธนูให้พร้อมยิงแล้ว ช่วยไม่ได้ เรื่องคุยเอาไว้ทีหลังแล้วกัน ธันวาคิดพลางเลี้ยวรถเข้าโรงแรมม่านรูดที่มองเห็นเป็นที่แรก

ธนูหัวเราะเบาๆ ตอนที่มองหน้าแดงก่ำของธันวา ที่ต้องคุยกับพนักงานแล้วจ่ายเงินอย่างรีบๆ ก่อนจะวิ่งกลับมาหาเขาที่ยืนรออยู่หน้าประตู เสียงประตูปิดลงเบาๆ พร้อมกับเสียงบดจูบเร่าร้อนจากริมฝีปากของธนู ธันวายังไม่ทันตั้งตัว ถึงกับเข่าอ่อน ทรุดลงกับพื้น แต่ก็ยังโดนตามไปตะโบมจูบรัวลิ้นจนท้องน้อยเสียววาบ 

“ดะ เดี๋ยวดิ...ธะ ธันไม่ได้เตรียมตัวมานะ” เวลาที่ธันวาเรียกตัวเองด้วยชื่อ มันช่างน่ารักน่ากอด จนธนูไม่อยากรอแล้ว เขาอุ้มร่างโปร่งขึ้น เดินเข้าไปในห้องน้ำ จัดการวางลงอย่างเบามือ และถอดกางเกงนักศึกษาพร้อมบ็อกเซอร์ออกให้รวดเดียว จับธันวาที่ขาอ่อนแรงให้อยู่ในท่าคว่ำหน้ากับขอบอ่างอาบน้ำ ยกสะโพกบางขึ้นตรงหน้า แล้วดึงสายชำระมาจัดการให้จนเสร็จเรียบร้อย

“น่าจะสะอาดจนเอาลิ้นเลียได้เลยล่ะครับ”

“...” ธันวาเม้มปากแน่น เขินจนร้อนไปทั้งตัว เพราะคนที่ปกติสุภาพขนาดนั้น ดันมาพูดเรื่องลามกหน้าตาเฉยแบบนี้ แถมไม่พูดอย่างเดียว ลงมือทำจริงให้เห็นด้วย ลิ้นร้อนๆ สากๆ ชอนไชเข้าไปในร่างกาย ธันวาตัวกระตุกเกร็ง ช่องทางอ่อนนุ่มตอดรัดเรียวลิ้นนั้นอย่างรุนแรง สั่นไปทั้งตัว ต้องพยายามเอาแขนเกาะก่ายขอบอ่างน้ำไว้สุดชีวิต เหมือนมันเป็นที่พึ่งสุดท้าย

“อ่ะ อื้อออ ธ...นู” สะโพกบางส่ายเล็กน้อย เมื่อถูกกระตุ้นที่จุดเสียวข้างในรัวๆ ครั้งแรกที่ทำแบบนี้ ธนูก็เป็นคนจัดการให้ทั้งหมด เตรียมพร้อมให้ทุกอย่าง จนรู้สึกกระดากอาย ทุกขั้นตอน ธนูตั้งใจทำอย่างทนุถนอม พอร่างกายของธันวาเริ่มคุ้นเคยแล้ว ถึงได้จัดหนักจัดเต็มจนแทบลุกไม่ขึ้นตลอด แต่มันก็รู้สึกดีมากกว่าเจ็บปวดจริงๆ

“อ๊า” ในที่สุดสิ่งที่อัดอั้นมานานก็ถูกปลดปล่อย ธันวาหอบฮัก หมดแรงไปต่อ แต่ธนูช่วยพยุงเอวไว้ พลางขยับให้ร่างโปร่งเอนลงนอนบนเสื้อสูทที่เขาถอดออกและวางรองไว้บนพื้นห้องน้ำ เพราะกลัวว่าธันวาจะเจ็บหลัง แต่เขาคงอดทนไม่พอที่จะอุ้มไปที่เตียงแล้ว

เมื่อวางร่างโปร่งลงบนเสื้อสูทบนพื้นแล้ว ธนูก็ขยับไปคร่อมไว้ สองมือดันขาของธันวาให้งอขึ้น ขาข้างหนึ่งเอาพาดบนบ่าไว้ แล้วก้มลงจูบแลกลิ้นกับอีกรอบ เสียงน้ำลายดังก้องในห้องน้ำแคบๆ ก่อนที่จะรู้สึกเสียดแน่นที่ด้านหลัง เมื่อธนูสอดใส่เข้าไปจนสุดทาง แต่ปากยังถูกประกบจูบอยู่ เลยทำได้แต่ครางดังๆ ในคอ

เสื้อนักศึกษาถูกกระชากออก ก่อนที่ธนูจะลากลิ้นไปตามสันคาง ลำคอและไหปลาร้า วนเลียฐานรอบยอดอกสีอ่อนก่อนจะครอบริมฝีปากดูดเม้มแรงๆ จนมันแข็งเป็นไต สะโพกก็ยังขยับเข้าออกรัวๆ ไปด้วย ธันวาครางด้วยความเสียดเสียว แอ่นอกรับลิ้นร้อนๆ พลางก่ายขากอดเอวร่างสูง ร่างกายโยกไหวไปตามแรงขยับเคลื่อนนั้น ในหัวมันขาวโพลนไปหมด ลืมทุกเรื่องไปหมดสิ้น

“ธนู...ธ...นู...อืมมม” เสียงครางดังในลำคออีกครั้ง เพราะรสจูบวาบหวามจนปั่นป่วนในท้อง ข้างในร่างกายรู้สึกถึงความร้อนที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน จนต้องหรี่ตาขึ้นมองใบหน้าแดงก่ำชื้นเหงื่อของคนรักที่กำลังสวนสะโพกอย่างรุนแรง

“ดะ เดี๋ยว...ธนู!” จากกำลังรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ธันวาตาแทบถลนทันที ที่รู้สึกร้อนๆ เพราะธนูไม่ได้ใส่ถุงยาง!

“ไม่ทันแล้วครับ ขอโทษที” ธนูกัดปาก ขยับรัวแรงขึ้นอีก ร่างกายของธันวารุ่มร้อนอีกครั้ง และใกล้ถึงที่สุดเต็มที เสียงครางดังก้องห้องน้ำ พร้อมกับของเหลวอุ่นๆ ที่ถูกฉีดพ่นออกจากร่างกายของธันวา ก่อนที่ธนูจะเกร็งหน้าท้องจนกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยงามเป็นหกแถวทั้งที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกระเพื่อมไหวเป็นริ้วคลื่น

ร่างโปร่งกระตุกสั่น รับรู้ถึงความอุ่นร้อนและเปียกแฉะที่ทะลักเข้าสู่ร่างกาย ก่อนที่มันจะไหลย้อนออกมาตามเรียวขาเมื่อธนูถอนกายออกช้าๆ ธันวาหอบหายใจถี่ เปลือกตาหนักอึ้งและค่อยๆ ปิดลง ธนูอุ้มร่างโปร่งขึ้น จูบหน้าผากและข้างแก้มอย่างรักใคร่ ก่อนจะชำระล้างร่างกายให้ แล้วพาไปนอนบนเตียงให้สบายตัว

ระหว่างที่ธันวายังหลับสนิท เขาก็นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ พลางเปิดเพลงที่ร้องให้ธันวาในงานเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมาในสมาร์ทโฟนเบาๆ เพื่อให้คนที่กำลังหลับใหลฝันดี

และถ้าฝันถึงเขา กับอนาคตของเรา ก็คงจะดีมากที่สุด

ฉันเพิ่งรู้ตอนนี้
ว่าชีวิตและรักของฉันอาจจะดำเนินต่อไป
ในหัวใจเธอ ในความคิดเธอ
ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป

ถ้าฉันสามารถหมุนย้อนเวลา
ฉันจะไปกับเธอทุกแห่งที่เธอจะไป
ถ้าฉันสามารถทำให้เธอเป็นของฉัน
ฉันจะไปกับเธอทุกแห่งที่เธอจะไป

***

https://www.youtube.com/watch?v=iAP9AF6DCu4 (https://www.youtube.com/watch?v=iAP9AF6DCu4) อันนี้เพลงที่ร้องให้ธัน

อันนี้เรียงตามลิสต์เพลงที่พวกนางเล่นเลยเผื่อใครอยากลองฟัง 555 ไม่แรงๆ นี่แบบเด็กๆ แล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=4qlCC1GOwFw (https://www.youtube.com/watch?v=4qlCC1GOwFw)
https://www.youtube.com/watch?v=LQWo0YPfeCs (https://www.youtube.com/watch?v=LQWo0YPfeCs)
https://www.youtube.com/watch?v=Ee_uujKuJMI (https://www.youtube.com/watch?v=Ee_uujKuJMI)

ปกติเราฟังทุกแนวนะ แต่ชอบแนวฮาร์ดคอร์ ร็อค ไรพวกนี้
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 22 [20.10.20] ตอนนี้น่ากลัวมาก
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-10-2020 08:17:21
อ่านไปแอบกลัวยังกับนั่งสยองขวัญ กลัวงานเขาคู่นี้แต่ยังดีที่มีฉากฟินมาให้จิกหมอน :jul1: :pighaun:
คู่แฝดน้องก็น่ารักตามประสาอ๋องอะนะ เด็กน้อยกับพี่ตัวโต  :hao3:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 22 [20.10.20] ตอนนี้น่ากลัวมาก
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-10-2020 10:14:43
สนุกดีค่ะ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 23 [21.10.20] ฮืออ
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 21-10-2020 10:49:27
23
ธันวาลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน บนที่นอนของธนู ในบ้านของคันศร ธนูคงอุ้มขึ้นรถแล้วพากลับมาเมื่อคืน ธันวามองดูร่างกายของตัวเอง ชุดนอนก็สวมให้เรียบร้อย ร่างกายรู้สึกสบายตัว ไม่เหนียวเหนอะหนะใดๆ น่าจะทำความสะอาดและเช็ดตัวให้ด้วย พลันสายตาก็มองเลยลงไปถึงบางอย่างตรงข้อเท้า เพราะมันเบามากจนแทบไม่รู้สึก แต่พอขยับขา ก็เหมือนมีอะไรพันอยู่ เลยต้องก้มดูชัดๆ

สร้อยข้อเท้า?

มันเป็นสร้อยเงินเส้นเล็กๆ ที่มีจี้รูปธนูอันจิ๋วติดอยู่ ธันวามองไปรอบห้อง ไม่มีวี่แววของธนู พอมองนาฬิกาก็เห็นว่า 8 โมงกว่าแล้ว ธนูน่าจะลงไปข้างล่าง ทำอาหารเช้าและรอกินข้าวอยู่ที่โต๊ะ พอคิดได้ดังนั้น ธันวาก็ลุกจากเตียง เดินลงไปที่ชั้นล่าง

“ตื่นแล้วเหรอครับ”

พอเห็นหน้าและได้ยินเสียง ก็เหมือนจะโล่งใจบอกไม่ถูก ธันวาถอนใจเบาๆ เดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ซึ่งมีชามข้าวต้มปลาร้อนๆ วางรออยู่ก่อนแล้ว

“ไอ้ศรอ่ะ?”

“น่าจะยังไม่ตื่น” ธนูตอบ พลางนั่งลงข้างๆ “เมื่อคืนผมขอโทษนะ ผมลืมพกถุงยางไปด้วย”

ธันวามองหน้าคนที่สำนึกผิดอย่างเอือมๆ

“เออๆ ช่างมันเหอะว่ะ ยังไงก็ตรวจโรคกันมาแล้ว กูก็แค่...” พอจะพูดก็เกิดหน้าร้อนด้วยความอายขึ้นมา เลยไม่พูดต่อแล้วรีบตักข้าวต้มกินดีกว่า

“ระวังร้อนนะครับ” ธนูอมยิ้มมองคนรักที่รีบร้อนกินแก้เขิน เห็นแก้มแดงๆ ก็อดใจไม่ไหว ต้องขอชิมสักคำ ก่อนจะกินข้าวของตัวเองบ้าง

กินข้าวเช้าเสร็จ ธันวาก็ไปนั่งเล่นเกมอยู่หน้าทีวี อยู่บ้านนี้ไม่เคยต้องทำอะไรเลย มีแต่ธนูทำอยู่คนเดียว บางทีก็ใช้งานคันศรบ้าง แต่ธันวาคืออภิสิทธิ์ที่สุด เพราะธนูไม่ยอมให้ทำงานบ้านอะไรสักอย่าง กลัวมือของธันวาจะหยาบกระด้างบ้าง กลัวจะเหนื่อยไม่มีแรงบ้าง วันๆ กินกับนอน จนจะอ้วนลงพุงอยู่รอมร่อแล้ว

“พี่นู พี่ธัน” เสียงอ๋องดังมาจากประตูหน้าบ้าน แล้วร่างเล็กๆ ก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาที่นั่งกันอยู่บนโซฟา

ธันวามองอ๋องที่วันนี้แต่งตัวน่ารักกว่าปกติ เสื้อยืดสีขาวข้างในลายการ์ตูน ทับด้วยเสื้อกัน UV บางๆ สีเดียวกัน หมวกแก๊ปมีหูแมว กางเกงยีนส์ขาสามส่วน ถุงเท้าสีพาสเทลดูสดใส

“จะไปเที่ยวเหรอ”

“อือ พี่ศรบอกจะพาไปเที่ยว” อ๋องยิ้มกว้าง ธันวาหันไปมองหน้าธนู ที่ยักไหล่ส่งมาให้

“มันยังไม่ตื่นมั้ง ขึ้นไปปลุกสิ” เป็นธันวาที่ช่วยบอก อ๋องเบ้หน้า

“อะไรเนี่ย คนอุตส่าห์ตื่นมาแต่งตัวรอ พี่ศร!” แล้วคนตัวเล็กก็รีบวิ่งไปที่ห้องของคันศร พอเข้าไปในห้อง ก็เจอไอ้ยักษ์นอนคุดคู้อยู่บนเตียง ท่าทางจะไม่ยอมตื่นง่ายๆ แน่

“พี่ศร! ไหนบอกจะพาไปเที่ยวไง” เสียงง้องแง้งดังอยู่ใกล้ๆ หู จนคันศรเริ่มรำคาญ เลยต้องพลิกตัวขึ้น กระชากแขนร่างเล็กให้ลงไปนอนกลิ้งด้วยกัน อ๋องโวยวายทุบเขารัว หมวกบนหัวหลุดกระเด็นหล่นไปไหนแล้วก็ไม่รู้

“ไอ้ยักษ์นี่! ตื่นเดี๋ยวนี้เลย!”

“ทำตัวเป็นแม่กูเลย” คันศรพึมพำในคอ ก่อนจะกลิ้งตัวพลิกคนตัวเล็กลงนอนแทนตัวเอง แล้วกดแขนบางไว้กับเตียง

“ไหนมึงบอกเกรงใจที่กูไม่ชอบตื่นเช้าวันหยุดไง” คันศรนิ่วหน้ามองร่างเล็กไปทั้งตัว จนอ๋องชักใจคอไม่ดี

“นั่นมันตอนนั้น นี่มันตอนนี้” อ๋องเถียงหน้ามุ่ย เพราะรู้ว่าดิ้นไปก็สู้แรงยักษ์ไม่ได้ เลยนอนนิ่งๆ ดีที่สุด อุตส่าห์แต่งตัวรอแล้ว ไม่อยากให้เหงื่อออกหรือชุดยับยู่ยี่ไปกว่านี้

“ใส่อะไรหลายชิ้น ถอดยากรู้ป่ะเนี่ย” ว่าแล้วไอ้ยักษ์ก็จะดึงเสื้อกัน UV ตัวนอกของอ๋องออก แต่คนตัวเล็กก็ยื้อไว้สุดแรง จนน่ากลัวเสื้อจะขาดเอา

“ก็จะไปเที่ยวไง อย่าดึง! ไอ้ยักษ์ ไม่เอา ฮ่าๆๆๆ” เพราะเสียงดังหนวกหูและดิ้นมากนัก คันศรเลยจับจี้เอวซะเลย คนตัวเล็กหัวเราะน้ำตาเล็ดนอนตัวงอหลบมือมาร สักพักคันศรก็ยอมรามือ สะบัดหัวส่ายหน้าเบาๆ แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำไม่พูดไม่จา จนอ๋องที่ยังหอบน้อยๆ ลุกขึ้นนั่งมองตามด้วยดวงตากลมแป๋ว งงว่าไอ้ยักษ์มันเป็นอะไร

หลังจากพวกน้องๆ ออกไปเที่ยวกันแล้ว ธันวาก็นอนเล่นบนโซฟา ชูข้อเท้าข้างที่มีสร้อยเล็กๆ กับคันธนูขึ้นมองดู ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเจ้าของสร้อยมาคว้าจับเท้าไว้

“ชอบมั้ยครับ” คนถามส่งยิ้มหวานมาให้ ธันวาพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เอาหลังพิงกับแขนโซฟา ธนูนั่งลงข้างๆ โดยที่ยังจับข้อเท้าของธันวาไว้ พลางลูบเบาๆ ที่สร้อย แล้วยกเท้าของธันวาขึ้น แนบริมฝีปากลงไปตรงข้อเท้าข้างที่สวมสร้อยไว้ ทำเอาธันวาใจเต้นแรง

“คืนนี้ยังมีงานอีก อยากไปดูมั้ยครับ เมื่อคืนคุณยังไม่ทันได้เดินเที่ยวเลย” ธนูหัวเราะเบาๆ สาเหตุที่ทำให้ธันวาไม่ทันได้เดินเที่ยวงานเฟรชชี่ไนท์ปีนี้ ก็รู้กันอยู่แค่สองคน

ธันวาหน้าร้อนผ่าว “ไปสิ วงของพีทก็เล่นคืนนี้นี่ ยังไงก็ต้องไปอยู่แล้วป่ะล่ะ”

“พีทมันไม่ต้องการกำลังใจจากผมหรอก” ธนูยิ้มขำ จริงอยู่ที่บางครั้งก็ไปดูวงเพื่อนๆ เล่นบ้าง แต่ปีนี้อยากอยู่กับธันวามากกว่า ถ้าธันวาอยากทำอย่างอื่นก็จะทำด้วย

“เอาไงครับ มีอย่างอื่นที่อยากทำมั้ย แต่ถ้าอยากดูวงพีทเล่นหรือเดินเที่ยวงาน เดี๋ยวผมพาไปเย็นๆ”

“งั้น กลางวันทำไรอ่ะ” ธันวาเอียงคอ งานมีตอนเย็น แต่นี่เพิ่ง 10 โมง พลันต้องสะดุ้งอีกรอบ เพราะมือที่ลูบแถวข้อเท้าเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงต้นขาในกางเกงขาสั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ก่อนที่ธนูจะลุกขึ้น เอาเข่าข้างหนึ่งยันไว้บนโซฟา แล้วโน้มตัวลงมาหาใกล้ๆ พลางยิ้มหวานจนธันวาขนลุกเกรียว รีบยกมือขึ้นดันแผงอกหนาของธนูแทบไม่ทัน

“กลางวันเรามาออกกำลังกันดีกว่า ไหนๆ วันนี้ก็ได้อยู่กันสองคนทั้งที เนอะ”

***

“ได้ เจอที่ร้านพี่อั๋นเลย” ธนูกดวางสาย คันศรโทรมาบอกว่าจะพาอ๋องไปรอที่ร้านเหล้าก่อน ไม่ทันได้มาดูวงของพีทเล่น ส่วนพวกเขารอพีทเล่นเสร็จ ก็ไปหาคันศรที่ร้าน

วันนี้เหมือนวันวิปโยคของธันวาอย่างบอกไม่ถูก มาถึงร้านก็เจอเพลิน ที่เหมือนจะมาดักรอธนู อยู่บ้านเจ้าหล่อนไม่กล้าทำอะไรมาก แต่ถ้าอยู่ข้างนอกก็ไม่แน่ ถ้าธนูเกิดโมโหลงไม้ลงมือกับผู้หญิงขึ้นมา ภาพพจน์นักดนตรีหนุ่มหล่อหน้านิ่งที่อุตส่าห์สร้างมา มีหวังจบเห่

“ทนไว้มึง” ธันวาพยายามปรามคนรักที่หน้าตาบึ้งตึง อารมณ์เสียสุดกู่ที่เข้าร้านมาแล้วเจอเพลิน พี่สาวไม่แท้ที่ชอบมาป่วน

แต่เพลินก็ไม่ได้มายุ่งอะไรมาก แค่มาขอนั่งด้วย คงรู้ตัวอยู่ ว่าถ้าธนูโมโหแล้วจะเป็นยังไง นั่งฟังเพลงสบายๆ กันไปสักพัก เจ้าของร้านก็เดินออกมาต้อนรับด้วยหน้าตายิ้มแย้ม

“ไอ้นูเว้ย”

“ไงพี่” ธันวาทักแทนแฟนตัวเอง ธนูแค่ผงกหัวให้

“คือ มีลูกค้าเขาเห็นว่ามึงมา เลยอยากให้ขึ้นเล่นหน่อยว่ะ จ่ายเงินมาให้เป็นพิเศษด้วยเนี่ย” พี่อั๋นกอดคอธนู กระซิบคุยกัน แต่ไม่ได้เบาจนธันวาไม่ได้ยิน

“แต่ผมไม่ได้จะมาเล่น ไอ้บีมก็ไม่อยู่” เพราะวันนี้บีมไปกับแฟน เหลือแค่ธนูกับโอ๊ตสองคน แล้วจะเล่นได้ยังไง ธนูนิ่วหน้ามองเจ้าของร้าน

“ไม่ๆ เขาขอแค่มึงขึ้นไปดีดกีต้าร์ร้องเพลงคนเดียวพอ”

“ลูกค้าคนไหนวะพี่ ผู้หญิงเหรอ” คันศรแทรกขึ้นมาทันที สายตาสอดส่องซอกแซก “สวยมั้ยวะ”

“ไม่ต้องแรดเลย ไอ้ยักษ์” คนตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ คันศรตีแขนไอ้ยักษ์ดังผัวะ จนต้องรีบถอยกลับมานั่งที่

“เสียดายที่เป็นผู้ชายว่ะ แต่เขาจ่ายเงินให้มึงพิเศษเลยนู สองหมื่น”

“โหวววว โครตป๋า” โอ๊ตแซวลั่น “เอาเลยๆ ไอ้นู สองหมื่นนะเว้ย ซื้อถุงยางได้หลายสิบโหล”

ธนูเหล่มองเพื่อนที่ดันพูดถูกจุด จนคุณแฟนนั่งหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว ก่อนจะยอมลุกตามพี่อั๋น ไปเตรียมตัวขึ้นเวที พวกธันวาก็นั่งลุ้นอยู่ด้านล่าง อยากเห็นหน้าคนที่เปย์หนัก เพื่อให้ธนูได้ร้องเพลงแค่เพลงเดียว เพราะเจ้าตัวคงไม่ยอมร้องมากกว่านั้นอยู่แล้ว ในเมื่อมาแบบส่วนตัว ไม่ได้จะมาเล่นดนตรีหาเงิน

เสียงกรี้ดดังลั่นร้านทันทีที่ธนูเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกีต้าร์โปร่งหนึ่งตัว ซึ่งยืมมาจากนักดนตรีที่มาเล่นคืนนี้ เขาผงกหัวนิดๆ ทักทายคนดู โดยไม่พูดจา ก่อนจะนั่งปรับสายกีต้าร์กับไมค์สักพัก

“เนื่องจากมีคนขอมากะทันหัน ผมไม่ทันเตรียมเพลงมา” เสียงทุ้มๆ ของธนูดังผ่านไมค์ เพราะมันค่อนข้างเบาตามสไตล์ของธนู ทุกคนเลยต้องเงียบฟังอย่างตั้งใจ พวกสาวๆ ได้แต่กรี้ดกร้าดกันแบบไม่ออกเสียง วิ่งไปออกันหน้าเวที

“ขอเล่นเพลงเก่าแล้วกันนะครับ Wonderwall” จากนั้นเสียงอินโทรกีต้าร์ก็ดังขึ้น

ธันวามองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มนิดๆ ที่ธนูส่งมาให้ทุกครั้งที่เล่นเพลงนี้ แววตาและรอยยิ้มอ่อนโยนนั้น อยากให้มันเป็นของตนเพียงคนเดียวจริงๆ

ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นใคร สำคัญแค่ไหน แค่ตอนนี้ธนูอยู่ตรงนี้ด้วยกัน ก็พอแล้ว

บทเพลงจบลง พร้อมเสียงปรบมือจากใครสักคนที่ดังขึ้นเป็นคนแรก ธนูหันมองไป ก่อนที่เสียงปรบมือจากคนอื่นๆ จะดังตามมา เขาโค้งขอบคุณ แล้วเดินลงจากเวที ตรงไปหาคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากข้างเวที สายตาหลายคู่มองตามด้วยความสนใจ รวมทั้งธันวาด้วย

ผู้ชายคนนั้น

“ผมไม่ชอบยิ้มให้คนแปลกหน้า”

ประโยคนั้นที่ธนูเคยพูดดังขึ้นในหัว

แต่ตอนนี้ ธนูกำลังยิ้มให้คนคนนั้น เหมือนที่ยิ้มให้คนในครอบครัว และคนที่คิดว่าเป็นครอบครัว

ธันวาเห็นแค่ปากที่ขยับ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน ได้แต่มองแล้วกำแก้วเหล้าในมือแน่น ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อถูกปลายเล็บคมๆ มาสะกิดที่แขนเบาๆ

“พี่เนมล่ะ” ดูเหมือนเพลินจะรู้จัก เจ้าหล่อนเขยิบมาเบียดกับธันวา เพราะอยากคุยกันแค่สองคน

“พี่เพลินรู้จักด้วยเหรอครับ” ธันวาก้มมองหล่อนนิดๆ หัวใจเริ่มเต้นรัว ด้วยความกลัว ที่ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกันแน่ กลัวที่จะรู้งั้นเหรอ ว่าคนคนนั้นคือใคร

“ทำไมจะไม่รู้ แฟนเก่าของธนูไง” เพลินเบะปาก “เป็นนักมวยที่เคยสอนธนู”

ธันวารู้สึกเหมือนหัวใจร่วงหล่นหายไปไหนไม่รู้

แฟนเก่า

ที่เก็บรูปไว้ในกระเป๋ามา 6 ปี

“พวกเก้ง เอ่อ หมายถึงพวกกะเทยมัธยมที่มาติดธนูน่ะ ตอนนั้นฉันยังพอสู้ไหว ธนูไม่ค่อยสนใจใครจริงจังอยู่แล้วด้วย เหมือนเล่นๆ ไปวันๆ แต่คนนี้อ่ะ ของจริง” เจ้าหล่อนจีบปากจีบคอเล่า พลางดื่มเหล้าคลอ

ธันวานั่งก้มหน้านิ่ง ฟังที่เพลินเล่า

“เห็นแรกๆ ไม่ถูกกันนะ ตั้งแต่ตอนเจอที่ค่ายมวยใหม่ๆ มีเรื่องกันทีไร ธนูหน้าเยินกลับมาตลอด ตอนนั้นฉันก็บอกให้คุณพ่อเลิกให้ธนูต่อยมวยได้แล้ว แต่ท่านก็ไม่ยอม คิดว่าจะให้ธนูแมนขึ้น เป็นไงล่ะ โดนนักมวยคาบไปแดกเลย”

ธันวากำแก้วในมือจนมันสั่น

“แล้วจู่ๆ ก็ไปรักกันอีท่าไหนไม่รู้ คงตีกันไปจีบกันไปมั้ง นายน่าจะรู้นี่ ธนูน่ะ เต๊าะเก่งจะตาย ใครบ้างไม่ใจอ่อน แต่ตอนนั้นธนูยังเป็นเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนอยู่นะ ปากร้ายด้วย แต่ตรงนั้นแหละที่ฉันชอบมาก แม้ตอนนี้จะเป็นคนพูดเพราะแล้วก็เถอะ ฮะฮะ”

เพลินเล่าไปขำไป เพราะนึกถึงเรื่องเก่าๆ เมื่อวันวานกับธนูคนโหดคนเก่า

“ผม...ไม่เคยรู้เลย” ธันวาพึมพำเบาๆ เพลินเหลือบตามอง แล้วแสยะยิ้มนิดๆ ก่อนจะพูดตบท้าย พร้อมลุกเดินหนีไป

“นั่นน่ะ ผู้ชายคนแรกของธนูเลยล่ะ คบกันตั้ง 3 ปีแน่ะ”

***
ทำไมหลังๆ มาม่าเต็มเลย หอมกลิ่นมาม่า
เออ ลืมบอก ในเรื่องช่วงหลังนี่คือปี 2021 แล้วนะคับ อนาคต 555
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 23 [21.10.20] ฮืออ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-10-2020 11:17:08
ธันวาหนูต้องบอกตัวเองแล้วแหละค่ะลูก ใจเย็นไว้ลูก รอฟังพี่ธนูจะดีกว่าอย่าไปเชื่อ คนอื่นเช่นอีเพลิน :sad4:
มีดราม่าคนและสวีทคน มันก็กล่มกล่อมดีนะคะคนแต่ง  แฝดน้องเริ่มมา  :o8:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 23 [21.10.20] ฮืออ
เริ่มหัวข้อโดย: Kerberossss ที่ 21-10-2020 13:32:36
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 24 [21.10.20] อุอิ
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 21-10-2020 13:52:01
24
ธนูก้มหัวลงนิดๆ ให้ชายหนุ่มตรงหน้าลูบหัว พลางหลับตาพริ้มเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ

“คราวก่อนก็ว่าจะทักอยู่ สูงขึ้นเยอะเลยนะมึงอ่ะ แซงหน้ากูไปแล้ว”

“ผมกะแล้วว่าต้องเป็นพี่” ธนูคลี่ยิ้มบางๆ “ขอบคุณสำหรับสองหมื่น”

“ไม่จ่ายขนาดนี้มึงก็ไม่ทำหรอกกูรู้ ไอ้หน้าเลือด” เนมดึงแก้มของธนูจนยืดออกพลางหัวเราะ แหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายนั้นสะท้อนแสงอยู่ตรงหางตา

“แล้วถ้าเกิดไม่ใช่กูขึ้นมา มึงก็จะรับเงินแล้วขึ้นร้องเพลงอยู่มั้ย” เนมปล่อยมือ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว เพื่อจะได้มองธนูให้ชัดๆ ทั้งตัว ตอนที่เลิกกันเมื่อ 5 ปีก่อน ธนูยังสูงกว่าแค่นิดหน่อย แต่ตัวหนากว่านี้ สงสัยเพราะตัวยืดขึ้น เลยบางลง

“เงินขนาดนี้ ไม่รับก็เพี้ยนแล้ว” ธนูหัวเราะเบาๆ “ที่มาร้านนี้นี่ บังเอิญ หรือตามสตอล์คผม”

เนมยกมือขึ้นสะบัดโบกหัวไอ้ตัวกวนประสาทไปที “มึงว่ากูโรคจิตเหรอ ใครจะไปตามส่องมึง”

“ก็พี่ทำอยู่นี่ไง” ธนูเลิกคิ้วใส่ “อยากเจอผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ”

“หึ ไม่ต้องมาทำกะลิ้มกะเลี่ยใส่กูเลย กูมีลูกมีเมียแล้วนะ” เนมส่ายหน้ายิ้มๆ ชูแหวนที่นิ้วนางให้เห็นชัดๆ อีกครั้ง

“ผมก็ล้อเล่นขำๆ ไปงั้นไง ผมเห็นในเฟสพี่ น้องอาร์เชอร์ เดินได้แล้วนี่ คุณแนนซี่ดีใจใหญ่”

“เออ พยายามหัดกันมาหลายเดือน” เนมตบบ่าธนู “แล้วมึงอ่ะ มีแฟนยัง เห็นร้องเพลงจีบใครป่ะวะ อยากเห็นหน้าเลย”

“ไม่ต้องจีบแล้ว” ธนูยักคิ้ว เนมเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

“เอาจริงดิ นี่มึงมีคนที่จริงจังด้วยแล้วใช่มั้ย”

“จริงยิ่งกว่าพี่อีก” ธนูหัวเราะอีกรอบ

เนมคลี่ยิ้ม พลางพรูลมหายใจอย่างสบายใจ ธนูมีคนที่รักมากกว่าตนแล้ว มันดีแล้ว ที่เด็กคนนี้จะได้มีความสุขกับคนที่ใช่จริงๆ สักที

“มึงมีความสุขกูก็ดีใจว่ะ ไอ้น้องรัก” เนมคว้าไหล่ของธนูไปกอดไว้

ความทรงจำระหว่างพวกเขานั้นล้ำค่ายิ่งกว่าคำว่ารัก มันไม่มีเส้นกั้นแบ่งระดับความสัมพันธ์นี้ พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัว เหมือนพี่น้อง ในตอนที่ธนูไม่มีใคร แม้กระทั่งพ่อก็ไม่เคยสนใจ แม่อยู่ไหนก็ไม่รู้ น้องชายแท้ๆ ก็ไม่ได้เจอหน้า รอบตัวมีแต่คนแปลกหน้าที่จ้องจะหาผลประโยชน์และทำร้ายจิตใจกัน

แต่ตอนนั้น ดีแล้วที่มีคนคนนี้ โชคดีที่มีเนม คอยช่วยฉุดดึงไว้

“กูดีใจที่เห็นมึงได้ทำในสิ่งที่รักจริงๆ ดีใจที่กูมีโอกาสได้เห็นมันนะธนู” เนมโอบกอดร่างสูงของน้องชายไว้ ตบหลังเบาๆ ในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง ธนูกำลังจะยกมือขึ้นกอดตอบ พลันต้องสะดุ้ง และผลักเนมออกแทน

“ธนู!”

“ธัน...”

เนมมองหน้าธันวาอย่างครุ่นคิด แล้วก็ถึงบางอ้อ เลยดึงแขนธนูให้เขยิบถอยไป แล้วยิ้มให้ธันวา

“สวัสดีครับ แฟนของธนูใช่มั้ย”

ธันวาเหมือนจะเมากรึ่มๆ หน้าแดงระเรื่อ แต่ความร้อนจากฤทธิ์เหล้ายังน้อยกว่าความร้อนรุ่มที่สุมในอกตอนนี้

“พี่ชื่อเนมนะ เป็นพี่ชายของธนู”

พี่ชาย? ธันวานิ่วหน้า เดินเข้าไปยืนประจัญหน้ากัน แม้จะเมา ธันวาก็ยังพยายามประคองสติไว้สุดชีวิต ที่กินเหล้าเข้าไปเยอะกว่าปกติ เพื่อทำใจให้กล้าเดินมาหาธนูตรงนี้

เพราะจะไม่ยอมยกธนูให้ใคร

“ธนูเป็นของธัน” ธันวาพูดเหมือนละเมอ ยืนเซไปมาเหมือนจะล้ม และธนูก็อยากจะเข้าไปช่วยประคองแล้ว

“ครับๆ งั้นพี่ไม่รบกวนนะ” เนมเองก็พอจะเข้าใจ เลยพยายามคุยกับธันวาดีๆ แล้วหันไปส่งสายตากับธนู

“กูว่าน้องเขาไม่ไหวว่ะ มึงพาไปเหอะ”

“แหงล่ะ ธันไม่เคยดื่มจนเมาแบบนี้เลย” ธนูรีบตรงเข้าไปประคองร่างโปร่ง ที่มีอาการขัดขืนเล็กน้อย

“สงสัยจะหึงแน่ๆ แฟนมึงน่ารักนะ ฮะฮะ ไว้เจอกันเว้ย” เนมตบบ่าของธนูอีกที ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง ปล่อยให้สองคนได้พากันไปเคลียร์ให้รู้เรื่อง

“ปล่อยยยย อย่ามายุ่ง ทำไมต้องกอดคนอื่นด้วยยยย” พอพาคนเมามาถึงที่บ้าน ธันวาก็โวยวายดิ้นออกจากอ้อมแขนที่อุตส่าห์ช่วยพยุง แต่ธนูพยายามกอดไว้ให้อยู่นิ่งๆ จนล้มไปบนโซฟาด้วยกันทั้งคู่

“ผมกอดใครที่ไหน” ธนูกดร่างโปร่งลงบนโซฟา สบตากันตรงๆ พลางถาม แต่ธันวาสะบัดหน้าหนี

“ก็เห็นอยู่”

“นั่นพี่ชายผม เขาเคยสอนผมต่อยมวย เป็นเหมือนครูด้วยซ้ำ” ธนูถอนหายใจ พอเห็นธันวาสงบลง ก็ค่อยๆ ประคองให้ลุกขึ้นมานั่งคุยกันดีๆ

“พี่เพลิน...บอกว่าเป็นแฟนเก่า” ดวงตาของธันวาไหวระริกเหมือนจะร้องไห้ จนหัวใจของธนูเจ็บร้าวไปหมด เขาไม่อยากเห็นธันวาร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้

“ใช่ เคยเป็น” ธนูยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเอง “แค่ช่วงหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นเราก็เป็นแค่พี่น้องกันมาตลอด”

“คบกันตั้ง 3 ปี” ธันวาเบะปาก น้ำตาร่วงเผาะ ธนูใจหายวาบ รีบกอดร่างโปร่งไว้แนบอก

“อย่าร้องไห้สิครับ ผมเห็นน้ำตาคุณแล้วมันเจ็บมากเลยนะ”

“แล้วยังพกรูปเขาไว้ตั้ง 6 ปี” เสียงร้องไห้นั้นดังขึ้นกว่าเดิม แม้ธนูจะพยายามปลอบ หัวใจของเขาเหมือนจะขาด พยายามเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของธันวาอย่างร้อนรน

“ผมจะทิ้ง ฉีกทิ้งไปเลยก็ได้”

“จริงเหรอ” ธันวากะพริบตามองหน้าเขา ธนูหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา ดึงรูปใบนั้นมาและจะฉีกมันทิ้งอย่างที่บอก แต่ธันวากลับยื้อไว้

“มะ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”

“ตั้งแต่เจอคุณ ผมก็แทบไม่คิดถึงเขาอีกเลย พอคบกับคุณ ผมก็ลืมเรื่องของเขาทั้งหมด รูปนี่ก็แค่ลืมไปแล้ว” ธนูจับมือของธันวาไว้ทั้งสองข้าง รูปใบนั้นร่วงลงบนพื้น และธนูก็ไม่ได้สนใจมันมากกว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้

“ฟังดูเหมือนผมกำลังแก้ตัว คุณจะไม่เชื่อก็ได้ แต่เพื่อคุณแล้ว ผมทำได้ทุกอย่าง อย่างที่ผมเคยพูด ไม่ว่าคุณอยากให้ผมทำอะไร ผมก็จะทำ”

เพราะสีหน้าและแววตานั้นจริงจังจนพัดพาความปั่นป่วนในหัวใจของธันวาออกไปได้ ธันวาจึงนิ่งฟังอย่างตั้งใจ

“ผมรักคุณนะธัน”

และแค่คำนี้คำเดียว ก็ทำให้ธันวาพร้อมจะเข้าใจทุกอย่าง

ร่างโปร่งโผเข้ากอดไว้แน่น ใบหน้าซุกซบกับลาดไหล่ของธนู น้ำตาจางหายไปแล้ว ความขุ่นข้องในใจก็หายไปหมด ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้ว แค่คำว่า “รัก” ของธนูก็เพียงพอแล้ว

“ผมอาจจะเคยคบกับคนอื่น ไม่ว่าจะกี่ปีก็ตาม แต่หลังจากนี้ไป...”

ธนูเอ่ยเบาๆ พลางกอดตอบคนรัก ความอบอุ่นที่มีให้กันและกันตั้งแต่วันแรกที่คบกันจนถึงวันนี้ ไม่เคยแปรเปลี่ยน ทุกสิ่งที่ธนูตั้งใจทำให้ ไม่เคยเปลี่ยน

“ผมอยากมีคุณแค่คนเดียวไปตลอดชีวิต”

ริมฝีปากของธนูแนบลงบนหลังมือและปลายนิ้วของธันวา จูบด้วยความรักทีละนิ้วและสอดประสานฝ่ามือกุมกันไว้ ดวงตาสองคู่สบกันใต้แสงไฟจากหลอดนีออนกลางเพดาน ในห้องนั่งเล่น

ธันวาคลี่ยิ้ม ก่อนจะโน้มตัวไปจูบเบาๆ ที่หน้าผากของธนู และพูดในสิ่งที่ไม่เคยได้พูด จนคนฟังยิ้มแก้มปริ

“ธันก็รักธนูนะ”

***

ธันวานั่งเอนหลังพิงกับอกของคนรักที่กำลังโอบกอดไว้ พลางดูรูปถ่ายในอัลบั้มที่ธนูคอยพลิกเปิดทีละหน้า เป็นรูปตั้งแต่สมัยที่ครอบครัวทวีเทพธาดายังอยู่กันพร้อมหน้า รูปแฝดตอนเด็กๆ ซนทั้งคู่ แถมยังชอบตีกันเองด้วย เป็นพี่น้องที่สมเป็นพี่น้องกันดีจริงๆ แต่พอแยกกันอยู่ ก็เหลือแค่รูปเดี่ยวของแต่ละคน ที่ถ่ายคนละสถานที่ ซึ่งธนูขอจากคันศรมารวมไว้ รูปตอนเด็กๆ ถ้าดูเผินๆ จะคิดว่าเด็กที่ร่าเริงสดใส ยิ้มตลอดเวลาคือธนู ส่วนคนที่หน้าบึ้ง หน้างอ คือคันศร แต่ไม่ใช่เลย...

“นี่รูปตอนสมัยอยู่ค่ายมวย ผมเคยขึ้นชกออกทีวีด้วยนะ ชนะน็อค” เขาโชว์รูปที่สวมเข็มขัดสีทอง มีกรรมการจับแขนชูขึ้น “พี่เนมเป็นโค้ชให้ ช่วงนั้นเริ่มสนิทกันแล้ว”

“พี่เขาเก่งมากเลยสิ สอนธนูจนเก่งได้ขนาดนั้น” ธันวาลูบปลายนิ้วกับรูปถ่ายใบนั้น ใบหน้าของธนูตอนนั้นดูอมทุกข์แปลกๆ ทั้งที่ชนะ ตอนนั้นธนูเป็นเด็กหนุ่มผมเกรียน แถมยังตาขวางเหมือนชอบหาเรื่องตลอดเวลา

“เก่งโครตเลยล่ะ ตอนนี้ก็เป็นโค้ชที่อังกฤษ เด็กที่เขาสอนคืออนาคตไกลทั้งนั้น” ธนูยิ้มบางๆ พลางวางคางเกยบนหัวของธันวา

“แต่ผมไม่ได้ชอบต่อยมวย และพี่เนมก็รู้ เขาถึงได้ทิ้งผมไปอยู่อังกฤษไง เขาบอกว่าอยากให้ผมทำตามความฝันของตัวเอง”

“ตอนคบกัน...แบบแฟน เป็นยังไงเหรอ” เพราะธนูบอกว่า ถ้าอยากรู้อะไรให้ถามได้เลย ธันวาก็เลยลองถามดู

“ก็เหมือนทั่วไปแหละ จับมือ กอดกัน จูบกัน...” ธนูพลิกหน้าต่อไป ก่อนจะก้มมองคนที่เงียบไป

“ถ้าพูดถึงเรื่องเซ็กส์ มันก็ต้องมีอยู่แล้ว”

ธันวาลมหายใจสะดุดเล็กน้อย

“แต่ผมก็ยังเด็กมาก ยังไม่ถึง 18 เลย ฮ่าๆ พี่เนมแก่กว่าตั้ง 5 ปี เขามีประสบการณ์ ก็สอนผมหลายๆ อย่าง” ธนูหัวเราะเบาๆ กอดธันวาไว้แล้วหอมแก้มฟอดใหญ่

“หลังจากเลิกกับเขา ผมก็คบๆ เลิกๆ มาเรื่อยๆ บางคนผมไม่เคยทำอะไรเลยสักครั้ง อย่างมากก็แค่จูบ เพราะคิดว่ามันยังไม่ใช่”

ธันวาก้มหน้างุด นี่ขนาดไม่ได้มีประสบการณ์โชกโชนขนาดพวกคันศร ยังขนาดนี้ ถ้าเป็นเหมือนน้องแฝด มีหวังธันวาคงไม่ได้ลุกจากเตียงแหงๆ ตั้งแต่รู้จักคันศรมา เห็นเพื่อนได้กับผู้หญิงมาเป็นสิบๆ คนแล้ว

“แล้วธัน...” เสียงนั้นแผ่วเบา จนธนูต้องก้มลงไปฟังใกล้ๆ เห็นแก้มแดงระเรื่อแสนน่ารักนั้นก็อยากหอมขึ้นมาอีก

“ธันพอจะสู้พี่เขาได้มั้ย”

ธนูเลิกคิ้ว ยังไม่ค่อยเข้าใจคำถามเท่าไหร่ ถ้าหมายถึงจะต่อยกับพี่เนม คิดว่าแค่หมัดเดียว ธันวาคงหลับยาว แต่ถ้าพูดถึงเรื่องอื่น...

“ไม่ต้องสู้หรอก” ธนูคลี่ยิ้ม แต่ธันวาขมวดคิ้ว หน้ามุ่ย

“ทำไมอ่ะ”

“เพราะยังไง สำหรับผม...” เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น พลางซุกหน้าลงบนไหล่ของธันวา พร้อมกับตอบคำถามนั้นอย่างชัดเจน

“คุณชนะเสมอ”

คนฟังคล้ายจะหุบยิ้มไม่ลง กอดแขนที่โอบรอบเอวกลับ พลางเงยหน้าขึ้น รับจูบหวานๆ จากร่างสูง ไม่ใช่จูบที่เร่งเร้า แต่อ่อนโยนพาให้หัวใจสั่นไหว เนิ่นนานกว่าจะผละจาก ก่อนที่ธันวาจะต้องขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า กับคำถามที่ไม่น่าจะเข้ากับบรรยากาศเท่าไหร่ของคุณชายหน้าตายที่อยู่กับธันวาทีไร เอาแต่ยิ้มตลอด

“แล้วตกลงปิดเทอมนี้ ไปขั้วโลกเหนือกับผมหรือเปล่าครับ” 

***
 :pig4: ขอบคุณผู้อุปการะคุณ ที่คอยมาเม้นต์กันตลอด เรื่องนี้มันช่างเรื่อยเปื่อยจริงๆ
น่าจะใกล้จบแล้วล่ะ เหลือแค่คู่น้องแบบเต็มๆ สักรอบ น่าจะลงตัวละ
รอทริปขั้วโลกเหนือของเฮียนูแกก่อนนะ 55
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 24 [21.10.20] อุอิ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 21-10-2020 15:25:54
เข้ามาอ่านยาว ตกใจนึกว่างานเข้าคู่นี้
ตอนนี้เข้าใจแล้ว :-[
รอคู่น้อง :katai5:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 24 [21.10.20] อุอิ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-10-2020 17:08:28
แฟนเก่าพี่ธนูเป็นคนสอนต่อยมวยเลยเหรอ  :a5:
ดีนะที่เข้าใจกันได้  :hao4:
รอคู่แฝดน้องนะ เริ่มมาแล้ว มาช้ายังดีกว่าไม่มา  o18
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> [21.10.20] ตอนพิเศษรอบสอง มั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 21-10-2020 18:12:27
ณ เมือง Ilulissat ประเทศ Greenland

“โว้ยยยยย หนาวววววว” ธันวาที่ตัวพองด้วยเสื้อกันหนาว 5 ชั้นที่เจ้าตัวพยายามยัดเข้าไปยืนโก่งตัวกอดอกตะโกนร้องด้วยความสุดทน กับความหนาวระดับติดลบ 9 องศาในเดือนพฤศจิกายน ของเมืองที่ไอ้คุณแฟนพามาเที่ยว ช่างเป็นทริปที่แสนสุขจริงๆ หนาวจนแทบขยับตัวเดินไม่ได้ ขนาดใส่ทั้งถุงมือถุงเท้า สวมหมวกปิดหัวปิดหูจนแทบจะปิดหน้าแล้ว เสื้อกันหนาวก็หนาจนเหมือนตุ๊กตาหิมะ ยังไม่หายหนาว

แต่ไอ้คุณแฟนที่ใส่เสื้อกันหนาวแค่ 2 ชั้นดันยืนยิ้มแฉ่งสบายใจเฉิบ ใช่ซี้ ก็ธนูมันชอบอากาศเย็นๆ อยู่ที่บ้านเปิดแอร์18-19 องศายังมีบ่นว่าร้อน คิดดู

“นี่แค่ -9 เองนะครับ มีต่ำสุดถึง -12 นะช่วงนี้บอกเลย” ธนูหัวเราะ

“ทำไมชอบอากาศหนาวนักวะ คือกูก็ไม่ได้ชอบร้อนๆ นะ แต่นี่ก็เย็นเกินไง” ธันวาบ่นอุบ เดินลากขาหนักๆ เพราะมันเย็นจนขาจะแข็ง เดินตามร่างสูงไป พวกเขาออกจากที่พักแต่เช้า เพื่อจะไปเดินสำรวจเมืองใต้หิมะนี้ด้วยกัน ระหว่างทางก็เห็นมีพวกหมาลากเลื่อนผ่านไปมา คนที่นี่เลี้ยงสุนัขไว้ใช้แรงงาน ไม่ใช่เป็นสัตว์เลี้ยง อารมณ์เดียวกับที่บ้านเราเลี้ยงวัวเลี้ยงลิงไว้ใช้แรงงาน

ธันวามองไปรอบๆ ทางไหนก็มีแต่หิมะเต็มไปหมด ขาวโพลนมาก

“กอดกันเวลาหนาวๆ มันอุ่นดีไม่ใช่เหรอครับ” ธนูหันกลับมายิ้มแฉ่ง พร้อมดึงมือในถุงมือหนาของธันวาไปซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวของตัวเอง

“แบบนี้น่าจะอุ่นกว่า เนอะ”

“อือ” ธันวายิ้มรับ มือข้างหนึ่งอยู่ในกระเป๋าเสื้อของธนู ส่วนอีกข้างกอดแขนของธนูไว้ ถึงจะเดินลำบากหน่อย แต่ก็อุ่นดี ธนูเองก็เดินช้าลง เพื่อรอธันวาให้เดินไปพร้อมกัน

“ร้านน่าจะเปิดแล้ว ที่นี่เขาจะเรียกชาวเอสกิโมว่า อินูอิด นะครับ ร้านนี้เป็นร้านแนวมังสวิรัตของชาวอินูอิด” ธนูพาธันวามาถึงหน้าร้านอาหาร “Inuit Cafe” เป็นร้านรูปทรงหกเหลี่ยมสองชั้น ซึ่งตัวร้านอาหารที่ดูสว่างไสวอยู่ที่ชั้น 2 มีเทอเรสต์ยื่นออกมา ให้นั่งชมวิวไปกินไปริมระเบียงได้ ภายในร้านตกแต่งสไตล์ร้านคาเฟ่ทั่วไป ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง เพราะยังเช้า คนเลยไม่เยอะมาก ธนูเลือกที่นั่งริมหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ติดระเบียง มองออกไปเห็นวิวสวยๆ ของภูเขาน้ำแข็ง

ธันวาไม่ค่อยถนัดทั้งภาษาและอาหารการกินแนวนี้ เลยต้องให้ธนูเป็นคนสั่งทั้งหมด ก่อนหน้านี้ก็พอรู้ว่าธนูเป็นพวกชอบขวนขวายหาความรู้ทุกอย่างที่อยากรู้ ร้องเพลงได้หลายภาษา แต่ไม่คิดว่าจะพูดได้หลายภาษาด้วย เพราะที่นี่มีคนเดนมาร์คเยอะ เลยใช้ภาษาเดนมาร์ค แต่ภาษาอังกฤษก็พอคุยกันได้อยู่ในบางโซนที่มีนักท่องเที่ยวหรือคนต่างถิ่นเยอะหน่อย

อาหารเช้าที่ธนูสั่งมาให้ เป็นแกงหน้าตาเหมือนแกงมัสมั่นหรือแกงเผ็ดบ้านเรา แต่พิเศษตรงที่เป็นเนื้อปลาวาฬ กินกับขนมปังโฮลวีท และกาแฟคนละแก้ว

หลังมื้อเช้า ก็ใช้เวลาสำรวจเมืองต่อ ถ่ายรูปมุมต่างๆ ธนูพกมาทั้งกล้อง DSLR รุ่นเก่าที่เจ้าตัวไม่ค่อยได้ใช้นานแล้ว กับกล้องวิดีโอแบบโกโปรที่พกพาสะดวก ส่วนธันวาใช้สมาร์ทโฟนถ่ายรูปให้ธนูอีกที เลยจะได้รูปสลับมุมกันตลอด

ส่วนน้องๆ ที่ต้องแกร่วอยู่กับบ้าน เพราะพี่ชายไม่ยอมพาไปด้วย ก็ได้แต่นั่งดูรูปจาก IG ส่วนตัวของธนูและธันวาไป มีเพื่อนๆ มาคอมเม้นท์อิจฉากันเป็นแถบ โดยเฉพาะสาวๆ เพราะธันวาได้คุณชายสายเปย์เป็นสามี

“โหหหห ดูดิพี่ศร ท่าจะหนาวน่าดู” เจ้าตัวเล็กนอนคว่ำบนโซฟาพลางเกาะขาของคันศรดูรูปในสมาร์ทโฟนด้วยกัน

“มีล่องเรือหาปลาด้วยว่ะ ฮ่าๆ” คันศรจิ้มไปที่รูปตอนพวกธนูอยู่บนเรือ เหมือนจะมีคนบนเรือช่วยถ่ายรูปคู่ให้ ธันวาท่าจะหนาวมาก เกาะแขนธนูแทบจะกอดทั้งตัวอยู่แล้ว เห็นแล้วก็ขำ

“พี่นูนี่รักพี่ธันดีจังเนอะ มีให้กำไลข้อเท้ากันด้วย ผมเห็นพี่ธันใส่ตลอดเลย” อ๋องมองรูปสวยๆ ตาแป๋ว คันศรเอียงคอมองคนตัวเล็ก

“แล้วมึงอยากได้อะไร โซ่ล่ามคอมั้ย เดี๋ยวกูซื้อให้”

“ไม่ใช่หมานะ!” เจ้าตัวเล็กแหวใส่ พร้อมทุบหน้าขาไอ้ยักษ์ไปทีด้วยความโมโห ไม่เคยจะมีโมเม้นท์โรแมนต่งโรแมนติก แม้ช่วงนี้จะหัดร้องเพลงกับพี่ชายแล้ว ก็ไม่ค่อยแนวเท่าไหร่

“ใครบอกมึงเป็นหมา มึงเป็นทาสของกูต่างหาก ไอ้ลิงทาส รับใช้เจ้านายดีๆ แล้วจะพาไปกินขนมอร่อยๆ บ่อยๆ” มือหนาลูบหัวคนตัวเล็กแรงๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว อ๋องหลับตาปี๋ สักพักแรงที่ลูบหัวก็ลดลง เลยลองลืมตามอง ก็เห็นแววตาเป็นประกายของคนตัวใหญ่ที่กำลังมองมาด้วยรอยยิ้ม ทำเอาใจสั่นระดับสิบ

“มองบ้าไรอ่ะ” รีบลุกหนีด้วยความเขิน ก่อนจะถูกรั้งเอวลงไปนั่งบนตักแข็งๆ สองแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคันศรโอบรัดลงมาจนเหมือนจมหายไปในอกของคันศร

“มองเด็กลิงน่ารัก”

“ทำไมต้องพ่วงลิงมาด้วยวะ” คนถูกชมจะเขินก็เขินไม่สุด ต้องเอามือทุบแขนไอ้ยักษ์แรงๆ อีกรอบ ก่อนจะสะดุ้งโหยง กับริมฝีปากร้อนๆ ที่ทาบลงตรงหลังคอ อ๋องนั่งตัวเกร็งขึ้นมาทันที

“กูอาจจะให้มึงไม่ได้อย่างที่ไอ้นูมันทำให้แฟนมัน แต่กูก็มั่นใจว่ากูรักมึงมากกว่าใครนะ”

“อือ” อ๋องเขินจนตัวแดง กอดแขนของคันศรไว้แน่น รับรู้ถึงความร้อนของริมฝีปากที่ไล้อยู่แถวหลังหูและซอกคอ ร่างกายมันเสียวปลาบ สองขาหนีบเกร็งเข้าหากันอัตโนมัติ

“จูบหน่อยดิ” คนตัวโตกระซิบเบาๆ ก่อนจะเชยคางเล็กขึ้น แล้วก้มลงไปประกบปากเบาๆ อ๋องค่อยๆ ขยับตัวหันไปหา นั่งคร่อมบนตักร่างสูงแล้วจูบตอบอย่างเร่าร้อน ส่งลิ้นรับสัมผัสจากคนพี่อย่างไม่ยอมแพ้ เพราะคันศรฝึกให้หลายครั้งจนเริ่มคุ้นเคยแล้ว ลมหายใจเริ่มปั่นป่วน ร่างกายรุ่มร้อน เสื้อกล้ามตัวบางถูกถลกขึ้นเหนือแผ่นอกบาง คันศรลูบฝ่ามือไปตามแนวลำตัวด้านข้างที่เนียนนุ่มมือนั้นจนคล้ายขยำอย่างมันมือ จนขึ้นมาถึงแผ่นอก ปลายนิ้วบดขยี้และบีบบี้ยอดอกเม็ดงามที่แข็งเป็นไต เรียกเสียงครางหวานๆ จากลำคอเล็ก ริมฝีปากผละจากกัน น้ำลายไหลลงมาถึงคางเล็ก คันศรเลยช่วยเลียให้ มือก็ยังบีบคลึงหยอกล้อยอดอกเล็กๆ ทั้งสองข้าง

“อ่ะ อื้อ พี่ศร...เสียว” ร่างเล็กสั่นสะท้าน กลางลำตัวโป่งพองออกมาจนแทบทนไม่ไหว คันศรเลื่อนมือลงใต้กางเกงขาสั้นของร่างเล็ก บีบคลึงส่วนอ่อนไหวที่แข็งขึงนั้นให้หนักมือ อ๋องแหงนหน้าอ้าปากครางกระเส่า แอ่นสะโพกรับสัมผัสจากมือร้อนเต็มที่

คันศรรูดรั้งมันรัวเร็ว จนส่วนหัวมีน้ำปริ่มออกมา เขาดึงเอวเล็กให้ตั้งขึ้นในท่าคุกเข่า และก้มหน้าลง ใช้ปากดูดเลียส่วนปลายยอดนั้น ปลายลิ้นร้อนปาดเลียแรงๆ ความสากและร้อนชื้นทำเอาคนตัวเล็กเกร็งสะท้าน กดหัวคนพี่ไว้แน่นก่อนจะปลดปล่อยออกมาในปากของคันศร

“โครตเซ็กซี่” คันศรเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าแดงก่ำที่กำลังอ้าปากหอบหายใจ เหงื่อไหลย้อยลงมาที่คางเล็ก ดวงตาคู่สวยหรี่ปรือเต็มที เมื่อจัดการข้างล่างแล้วก็ต้องจัดการข้างบนบ้าง ปากร้อนครอบลงบนยอดอก ดูดเลียแรงๆ จนมันแดงช้ำ สองมือบีบนวดแก้มก้นร่างเล็ก อ๋องกอดหัวของเขาไว้แน่น ส่วนกลางลำตัวที่ปลดปล่อยแล้วเริ่มมีปฏิกิริยาอีกครั้ง

“อ๊ะ อื้อออ” คนตัวเล็กกัดปากแน่น เมื่อคันศรเทเจลใสใส่ร่องก้น มันเย็นวาบไปหมด สองขาอ้าออกอย่างรู้งาน ปล่อยให้เรียวนิ้วอุ่นหนาสอดแทรกชำแรกลึกจนถึงจุดอ่อนไหว ก่อนจะโดนรังแกซ้ำๆ ที่เดิมจนต้องแอ่นสะโพกรับ

“กูให้มึงเปิด” คนพี่ยกยิ้ม ถอนนิ้วออกในตอนที่รู้ว่าอีกคนกำลังจะเสร็จในไม่ช้า อ๋องตัวสั่น น้ำตาคลอ ข้างในตอดรัดถี่รัว คันศรเลื่อนกางเกงของตัวเองออก ท่อนเอ็นที่ปูดโปดด้วยเส้นเลือดเกร็งแข็งผงาดผึง เต้าตัวเล็กกลืนน้ำลายอึกใหญ่ มือนุ่มยื่นไปจับมันชักรูดเล็กน้อย ก่อนจะรับถุงยางที่คันศรแกะออกแล้วมาสวมให้ แล้วค่อยๆ กดตัวเองลง แม้ไม่ใช่ครั้งแรก ก็ยังรู้สึกจุกแน่นอยู่ดี

“อ๊า” สะโพกบางกดลงจนสุดพร้อมเสียงครางลั่น ความร้อนที่แทรกลึกในร่างกายจนเกือบถึงช่องท้องเต้นตุ้บๆ อ๋องนั่งแช่ค้างนิ่งๆ อยู่สักพัก พอเริ่มหายเจ็บเสียด ก็ค่อยๆ ขยับตามที่คันศรเคยสอนไว้

“เก่งแบบนี้ ไว้พี่จะให้รางวัล” พอคันศรเรียกตัวเองว่าพี่ คนตัวเล็กก็ยิ่งเสียวสะท้านกว่าเดิม สองแขนโอบกอดลำคอหนาไว้แน่น บดริมฝีปากจูบกันอย่างมัวเมา โดยที่สะโพกยังขยับรัวๆ จนคันศรทนต่อไปไม่ไหว ต้องพลิกร่างเล็กลงคว่ำหน้าบนโซฟาแล้วสวนสะโพกใส่ด้วยตัวเอง มือข้างหนึ่งกดมือเล็กๆ ไว้ อีกข้างรั้งสะโพกบางขึ้นสูง ปากก็ไล่ดูดงับบนไหล่ คอและแผ่นหลังบาง สร้างรอยรักไว้ให้ทั่ว

“อ๊า พี่ศร...มะ ไม่ไหวแล้ว” อ๋องกรีดร้องเสียงเครือ ทั้งที่ไม่ได้แตะต้องส่วนหน้าเลย แต่ก็ใกล้ถึงฝั่งเต็มทีแล้ว

“ไปก่อนเลยไอ้หนู” คนพี่เอ่ยบอกเสียงแหบพร่า กัดฟันกระแทกตัวรัวๆ เพื่อให้ถึงเร็วที่สุด คนตัวเล็กกรีดร้องลั่นพร้อมปลดปล่อยน้ำสีขุ่นข้นทั่วเบาะ แต่ร่างกายยังโยกไหวรับแรงกระแทกกระทั้นจากคนตัวโตข้างบน จนคันศรเด้งตัวขึ้น สองมือยกสะโพกบางค้างไว้แล้วกระแทกกายครั้งสุดท้ายจนหน้าท้องแอ่นเกร็ง

ร่างเล็กหอบถี่ ลำตัวไถลลงกับเบาะ ตามด้วยร่างสูงใหญ่ที่ทาบทับ สองแขนของคันศรกอดร่างเล็กไว้แนบสนิท ใบหน้าซุกซบกับแผ่นหลังบาง ก่อนที่จะเริ่มจูบไล้และดูดแรงๆ อีกรอบด้วยแรงราคะที่ยังคุกรุ่น มือไม้ก็เริ่มซุกซนลูบหน้าอกบ้าง บีบยอดอกเล่นบ้าง

“ขออีกรอบนะครับ”

อ๋องครางฮือในคอ เล่นพูดเพราะด้วยเสียงนุ่มๆ แบบนั้น ใครจะปฏิเสธลงกันล่ะ!

***
ตอนพิเศษก็จะมีแต่อย่างเนี้ย การแต่ง NC เป็นอะไรที่เราเกร็งมาก ถ้าแข็งไปก็บอกได้นะ (อะไรแข็ง: คนอ่าน)

เวลาแต่งเราชอบนึกถึงตอนตัวเองทำนั่นแหละ เอาง่ายๆ เลย มันเลยอาจจะดูแบบ ไม่ค่อยอ่อนโยนเท่าไหร่มั้ง 555 ไม่ได้ลามกนะ แต่มันจินตนาการถึงคนโดนทำยากจริงๆ ต้องนั่งดูหนังโป๊กับอนิเมเฮนไตช่วยกันเลยทีเดียว

 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> [21.10.20] ตอนพิเศษรอบสอง มั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 21-10-2020 18:28:44
 :-[ :o8: คู่แฝดพี่ก็สวีทหวาน เรานึกถึงภาพอากาศหนาวไม่ต้องติดรบเก้า
 ติดรบแค่หนึ่งหรือสององศาก็ก้าวเท้าไม่ออกแล้ว

และแล้วคนตัวเล็กก็เป็นทาสคนตัวโตจนได้  :pighaun: ฟินจิกหมอน
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> [21.10.20] ตอนพิเศษรอบสอง มั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-10-2020 09:40:21
น่ารัก~
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> [21.10.20] ตอนพิเศษรอบสอง มั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 22-10-2020 10:13:13
ชอบๆ  ทั้งแฝดพี่แฝดน้อง แต่ละคู่หวานกันคนละแบบดี แฝดพี่ก็จะออกแนวความรักผู้ใหญ่
แฝดน้องจะออกคิกขุตามไว้ตัวเล็กอะเนอะ  o13
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 22-10-2020 15:23:18
25
เทอมสุดท้ายของเด็กปี 4 ช่วงนี้ทั้งฝั่งวิศวะทั้งดุริยางค์ต่างงานยุ่งกันหมด พวกคันศรต้องทำโปรเจคจบ แต่วิชาที่ต้องลงเรียนมีไม่มาก เสียเวลากับการทำโปรเจคมากกว่า ส่วนทางธนูมีงานแสดงที่ต้องขึ้นเวทีแสดงจริง มีคนนอกมาดูจริง และมีอาจารย์ทั้งคณะมานั่งให้คะแนน จึงต้องซ้อมหนักกันหน่อย

“ของผมเล่นวันที่ 12 เดือนหน้า คุณว่างมามั้ยครับ” ธนูเช็คตารางงานแสดง ซึ่งเหมือนเป็นการเทสต์ผลงานก่อนจบ เขาอยากให้ธันวาไปดู เพื่อเป็นกำลังใจ เพราะนักศึกษาที่ต้องขึ้นแสดงจะได้ตั๋วฟรีคนละ 5 ใบ ให้พาคนในครอบครัวหรือใครไปดูก็ได้

“แป้ปนะ อืม...ได้แหละ” ธันวาจิ้มบันทึกลงบนหน้าจอ ตั้งเตือนก่อนวันแสดงหนึ่งวัน แต่ยังไงก็ไม่มีทางลืมอยู่แล้ว แม้งานจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม ปีก่อนช่วงฝึกงานเทอมสองก็เกือบแย่ ถ้าไม่ได้ธนูคอยดูแล ปีนี้เลยอยากเป็นกำลังใจให้ธนูบ้าง เพราะน่าจะมีซ้อมและเล่นอีกหลายงาน

“ช่วงนี้ผมคงเลิกดึกนะ ซ้อมเรื่อยๆ คุณไม่ต้องมารอรับหรอก กลับบ้านเลย ได้รีบไปทำงาน” ธนูว่าพลางกอดร่างโปร่งอย่างออดอ้อน เพราะหลังจากนี้คงแทบไม่ได้เจอกัน

“อ้าว?” ธันวาเงยหน้ามองเขา “แล้วธนูจะกลับยังไงล่ะ”

“ผมว่าจะไปเอารถอีกคันมาใช้ ให้ศรมันใช้คันเก่าไป” เขายิ้มตอบ รู้สึกดีที่ธันวาเป็นห่วง ปกติธันวาจะมารอรับกลับบ้านตลอด จนตอนนี้ธันวาแทบไม่ได้กลับบ้านตัวเองมานานแล้ว แต่งานของธันวาก็เยอะ จะให้มัวมารอเขาซ้อม ก็เสียเวลาเปล่าๆ

“อย่างนี้ธันต้องกลับไปอยู่บ้านก่อนมั้ย”

“ไม่ต้องก็ได้ครับ แต่ถ้ากลัวโดนผมกวนจนไม่ได้ทำงาน ก็แล้วแต่”

ธันวามองรอยยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์นั่นแล้วนึกอยากจะเตะขัดขาให้เสียฟอร์มสักที

“งั้นกลับบ้านจนกว่างานจะเสร็จดีกว่า”

“โห” ไอ้แมวขี้อ้อนตัวโตส่งเสียงแง้วทันที “ก็เกือบหมดเทอมเลยนะครับนั่น”

“งั้นมาแค่เสาร์อาทิตย์แล้วกัน โอเคมั้ยครับ เจ้าเหมียว” ธันวาคลี่ยิ้ม ลูบหัวแมวยักษ์เบาๆ อย่างเอ็นดู ธนูก็เผลอผงกหัวหลับตาพริ้มทำหน้าเหมือนแมวเคลิ้ม ก่อนจะเงยขึ้นมาตาโต แต่ธันวาก็เดินหัวเราะหายไปในครัวแล้ว

“เดี๋ยว! เมื่อกี้เรียกผมว่าอะไรนะธัน”

***

“อยากดูพี่นูเล่นไวโอลินบนเวทีแล้วววว เดินเร็วๆ หน่อยสิไอ้ยักษ์” เจ้าตัวเล็กดึงมือคันศรที่เดินตามหลังอย่างอืดอาด ที่ช้าไม่ใช่อะไร แค่อยากให้อ๋องจูงมือเดิน ไม่แกล้งเดินช้า ก็ไม่ยอมให้จับมือ พอทำเดินช้าหน่อย คว้ามือลากจูงไปเอง แบบไม่ต้องขอเลย

“มึงแม่ง กวนตีนนะเนี่ย” เพื่อนที่เดินกันอยู่ข้างหลังก็เห็น และรู้ว่าคันศรคิดอะไรอยู่ เป็นคนชัดเจนในการกระทำ แบบไม่รู้ตัวตลอด

คันศรหันไปแค่นยิ้ม ยักคิ้วให้เพื่อนๆ ทั้งฝูง แล้วปล่อยให้อ๋องจูงมือไป

“คนเยอะนะเนี่ย เขาว่างมาดูพวกมึงเล่นกันทุกวันเลยเหรอวะ” แทนทัพหันไปถามพีท พีทสอบไปแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน เลยมาดูเพื่อนคนอื่นในวันนี้ ของธนูรอบบ่ายโมงเป๊ะ

“ไม่หรอก วันอื่นก็ไม่กี่สิบ” พีทตอบ พลางมองรอบข้าง “ส่วนใหญ่ก็แฟนคลับวงมัน แล้วก็พวกที่คลั่งไอ้นูอ่ะ มันเลยเยอะงี้”

“ไม่น่าเชื่อว่าพี่แฝดมึงจะดังระดับนี้” เท็นทำหน้าเหลือเชื่อ “เพราะน้องแม่งโครตกาก ฮ่าๆ”

“ไอ้เหี้ยนี่ เดี๋ยวกูโบก” คันศรจะหันไปตบหัวเพื่อน แต่โดนกระตุกแขนรัวๆ ให้รีบเดิน เลยต้องสาวเท้าตามคนตัวเล็กที่วิ่งนำหน้า มีหันไปขู่เท็น ว่าเดี๋ยวเจอกัน แล้วก็หันไปยิ้มให้แฟนต่อ

เพื่อนๆ มาถึง ก็เจอธันวาที่นั่งรออยู่ก่อนนานแล้ว ทุกคนนั่งประจำที่ วันนี้คนเกือบเต็มฮอล แต่ธันวาเข้าไปให้กำลังใจธนูที่หลังเวทีมาแล้ว

วันนี้ธนูสวมชุดนักศึกษาเต็มยศ รูปร่างสูงโปร่งยิ่งดูสูงสง่ามากขึ้นเมื่อผูกเนคไทสีดำ เสื้อเก็บในกางเกงเรียบร้อย รองเท้าหนังสีดำเงาวับ ธนูเดินออกมาพร้อมกับไวโอลินคู่ใจ โค้งให้คนดู พร้อมแนะนำตัวและรหัสนักศึกษา ก่อนจะตั้งท่ารอจังหวะจากวาทยากรณ์ที่อยู่มุมเวที

เสียงเพลงจากไวโอลินของธนูเริ่มต้นขึ้นจากท่วงทำนองสงบนิ่ง เนิบช้า ก่อนจะรัวเร็วและกรีดลึกลงเรื่อยๆ พร้อมกับท่วงท่าการสีที่เรียกว่าระดับโปรยังได้ ดูเร่าร้อนรุนแรงแต่อ่อนโยนในบางจังหวะ พาให้คนดูเคลิบเคลิ้มจนแทบลืมหายใจ

“สุดยอดอ่ะ ไม่เคยเห็นพี่นูในแบบนั้นเลย เวลาเล่นลงคลิปก็เล่นชิวๆ ธรรมดา” พอเพลงจบและธนูเตรียมเล่นเปียโนต่อ อ๋องก็แอบกระซิบกับธันวาเบาๆ

“ยังมีอีกเยอะนะ มุมนี้น่ะ”

อ๋องเงยหน้ามองรอยยิ้มของธันวาจากด้านข้าง พลางกะพริบตาปริบๆ ที่ธันวาพูด หมายถึงธนูมีบุคลิกที่หลากหลาย และธันวาก็ได้เจอมาหมดแล้ว

เสียงเปียโนดังขึ้น ไล่โน๊ตรุนแรงคล้ายพายุที่พัดโหมกระหน่ำ เบาไปแรงและผ่อนลงมาก่อนที่จะรุนแรงขึ้นอีก เหมือนกับอารมณ์ทั้งหมดของธนู ที่เคยรุ่มร้อน และค่อยๆ ผ่อนคลาย ปลายนิ้วทุกนิ้วประสานกันอย่างดี ไม่มีผิดพลาดแม้สักคีย์ จนจบลง

เสียงปรบมือดังกระหึ่ม ธนูโค้งขอบคุณคนดูและคณาจารย์ ก่อนจะเดินหมุนตัวกลับเข้าหลังเวทีไป

เพื่อนหลายคนยังอึ้งทึ่งและพูดถึงการแสดงของธนูไม่ขาดปาก คุ้มค่าตั๋วที่อุตส่าห์ลงทุนซื้อมาดูกัน

ธันวาขอแยกกับเพื่อนๆ ไปหาธนู เย็นนี้พวกเขานัดกันว่าจะไปกินชาบู แล้วค่อยไปต่อที่ร้านของพี่อั๋น พอไปถึงห้องเตรียมที่หลังเวที ก็เห็นธนูกำลังเก็บของอยู่ คนอื่นๆ ทยอยกันกลับบ้านไปหมดแล้ว

ธนูหันไปหาคนรักที่ยืนรออยู่หน้าประตู ด้วยรอยยิ้ม

“วันนี้สุดมาก หล่อสุดๆ เลย แฟนใครวะ” ธันวาเดินตรงเข้าไปจับแก้มทั้งสองข้างของธนู “เกียรตินิยมรออยู่ตรงหน้าแล้วใช่มะ”

“ไม่น้อยหน้าคุณแน่นอนครับ” ธนูเอียงหน้าเล็กน้อยแนบแก้มกับฝ่ามือนุ่มๆ พร้อมกับจับมือของธันวาไว้ ท่าทางคลอเคลียออดอ้อนแบบนี้ ถ้าใครมาเห็นคงไม่อยากเชื่อสายตาแน่ๆ

ธันวาคลี่ยิ้มหวาน “ไปกันเถอะ ไอ้พวกนั้นรออยู่”

***

เหล่าปี 4 ทั้งหลายเรียนจบกันด้วยดี ธันวาได้เกียรตินิยมเหรียญทองอย่างที่คาด ส่วนธนูก็ได้เกียรตินิยมมาครองเช่นกัน
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงหางานทำ ยกเว้นธันวาที่รอรับช่วงร้านอาหาร กับธนูที่เตรียมเรียนต่อปริญญาโทและทำงานเป็นโปรดิวเซอร์กับทางมหาวิทยาลัยแบบฟรีแลนซ์ไปด้วย

“ได้เวลาทำงานหาเลี้ยงเมียแล้วว้อยยย” คันศรร้องตะโกนราวกับถูกปลดปล่อย ต้องหางานหาเงินเองแล้ว ก่อนหน้านี้มีพี่ชายคอยเปย์แทนแม่ที่เสียไป แต่หลังจากนี้เป็นชีวิตของใครของมัน

“ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกแล้วกัน”

“มึงนี่ เห็นกูเป็นเด็กเรื่อย” คันศรนิ่วหน้าใส่พี่ชาย

“ก็นายเป็นน้องของพี่” ธนูตอบหน้านิ่ง คันศรยิ้มกว้างกับคำพูดของพี่ชาย ดีใจเหมือนพี่บอกว่ารักน้องนะ อย่างบอกไม่ถูก

“อือ พี่ก็เป็นพี่ของผมอยู่แล้วล่ะนะ”

***

กว่าธนูจะจบปริญญาโท ของขวัญที่มอบให้ธันวาก็เกือบจะครบทั้งตัว ครบรอบปีแรกได้สร้อยข้อเท้า ปีถัดมาเป็นสร้อยข้อมือ ปีถัดมาเป็นสร้อยคอ และปีที่ธนูเรียนจบก็ได้เป็นต่างหูที่แบ่งกันใส่คนละข้าง ธนูเจาะหูอยู่แล้ว ส่วนธันวาถึงกับต้องกล้ำกลืนยอมเจาะหูเพื่อการนี้ แต่ธนูก็คอยดูแลทำแผลให้ตลอดจนแผลแห้งสนิท และใส่ต่างหูคู่กันได้อย่างไม่มีปัญหา

“ครบรอบ 5 ปีแล้วนะครับ” ธนูโอบกอดคนรักไว้แนบอก บนเตียงที่พวกเขาใช้ชีวิตด้วยกันมาเกือบ 1 ปีแล้ว หลังจากเรียนจบและทำงานเต็มตัว ธนูก็ซื้อคอนโดใหม่ อยู่กับธันวาแค่สองคน แต่ยังแวะไปเยี่ยมคันศรบ้างตามโอกาส

“ปีนี้จะร้องเพลงอะไรล่ะ หมดมุกหรือยัง” ธันวาหัวเราะเบาๆ กอดแขนคนรักไว้

“เดี๋ยวรอฟังได้เลย ผมเตรียมมาพร้อมแล้ว คุณตั้งกล้องให้หน่อยสิ”

“อะไร ปีนี้ต้องอัดคลิปด้วยเหรอ” ธันวาเอียงคอสงสัย หลังจากหมดเวทีเฟรชชี่ไนท์ให้ร้องเพลงบอกรักแล้ว ธนูก็แค่ดีดกีต้าร์ให้ฟังแบบส่วนตัว พร้อมกับให้ของขวัญแต่ละชิ้น ที่ธันวาก็ใส่ครบทุกชิ้นมาตลอด

“ปีนี้เป็นปีสำคัญ สำหรับของขวัญชิ้นสุดท้ายในเซตนี้ครับ” ธนูเดินไปหยิบกีต้าร์ และธันวาก็เตรียมตั้งกล้องถ่ายแบบไลฟ์สดลงโซเชี่ยล

“ชิ้นสุดท้ายในเซตนี้?”

“ใช่ครับ ทุกชิ้นที่ผมมอบให้คุณมันเชื่อมโยงกัน ผมผูกมัดคุณตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงตรงนี้แล้ว” ธนูเอื้อมมือไปจับที่ต่างหูรูปธนูเบาๆ ธันวามองสร้อยข้อเท้าที่มีจี้รูปธนูเล็กๆ สร้อยข้อมือที่สั่งทำเป็นลายคันธนูทั้งอัน เอามือแตะที่สร้อยคอซึ่งมีจี้รูปธนู และต่างหู

“และชิ้นสุดท้ายนี้ ผมขอผูกมัดคุณที่ตรงนี้” ปลายนิ้วเรียวยาวแตะลงที่หน้าอกข้างซ้ายของธันวา พร้อมกับมือซ้ายที่หยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินใบเล็กๆ ออกมา เขาวางมันลงในมือของธันวา และเริ่มดีดีกีต้าร์พลางร้องเพลงคลอ ในขณะที่ธันวาเปิดดูของขวัญด้วยความตื่นเต้น

“Forever can never be long enough for me
To feel like I’ve had long enough with you
Forget the world now, we won’t let them see
But there’s one thing left to do
ตลอดกาล ก็ยังไม่นานพอสำหรับฉัน
ที่จะรู้สึกว่าได้อยู่กับเธอเพียงพอแล้ว
ลืมโลกใบนี้ไป เราจะไม่ให้พวกเขาได้เห็นหรอก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ

Now that the weight has lifted
Love has surely shifted my way
เมื่อภูเขาถูกยกออกไปจากอกแล้วจริงๆ
ความรักก็เปลี่ยนเส้นทางของฉัน
......
...
Together can never be close enough for me
To feel like I am close enough to you
You wear white and I’ll wear out the words “I love you”
And you’re beautiful
แค่เคียงคู่กันก็ยังไม่ใกล้ชิดพอสำหรับฉันหรอก
ที่จะให้รู้สึกชิดใกล้กับเธอให้เพียงพอ
เธอสวมชุดสีขาว และฉันก็พูดคำว่า “ผมรักคุณ”
และเธอก็ช่างงดงามจริงๆ

Now that the wait is over
And love has finally shown her my way
ในตอนนี้ การรอคอยได้สิ้นสุดลงแล้ว
และความรักก็ทำให้ฉันได้เห็นเธอ
......
...
Promise me
You’ll always be
Happy by my side
I promise to
Sing to you
When all the music dies
สัญญากับฉันสิ
ว่าเธอจะ
อยู่เคียงข้างฉันอย่างมีความสุขเสมอไป
ฉันสาบาน
ว่าจะร้องเพลงให้เธอ
เมื่อบทเพลงมันดับลงไปหมดแล้ว

And marry me
Today and everyday
Marry me
If I ever get the nerve to say “Hello” in this cafe
Say you will
Say you will
Marry me
แต่งงานกับฉันนะ
ในวันนี้ และทุกๆวัน
แต่งงานกับฉันนะ
หากฉันกล้าพอที่จะพูด “สวัสดี” กับเธอในร้านกาแฟแห่งนี้
ช่วยตอบกลับมาด้วยว่าเธอจะตกลง
ตอบกลับมาด้วยนะ ว่าเธอจะตกลง
ว่าเธอจะแต่งงานกับฉัน”

แหวนเงินเรียบๆ ที่ฝังเพชรไว้ครึ่งวงส่องแสงระยิบระยับอยู่ในกล่องใบนั้น เสียงเพลงจบลงแล้ว และธันวายังนั่งอมยิ้มแก้มแดงปลั่ง

“แต่งงานกันนะครับ”

เสียงทุ้มๆ นุ่มๆ ของคนถาม ทำให้ใจเต้นแรงเหมือนครั้งแรกที่ได้จูบกันในคืนนั้น

ถ้าไม่มีเรื่องพิลึกพิลั่นในคืนนั้น ที่ทำให้ธันวาต้องไปร่วมรับรู้เหตุการณ์ว่าธนูเป็นเกย์ และต้องช่วยแกล้งเป็นแฟนหลอกๆ ให้ ก็คงไม่มาไกลถึงวันนี้

ธันวาพยักหน้าทั้งรอยยิ้มเต็มใบหน้า ให้ธนูช่วยสวมแหวนวงนั้นที่นิ้วนางข้างซ้าย

เพราะเป็นการไลฟ์สด จึงมีข้อความมากมายแสดงความยินดีกับพวกเขาส่งเข้ามาล้นหลาม ทุกคนได้เห็นใบหน้าของเจ้าของแผ่นหลังที่มักจะอยู่ในทุกคลิปของธนูตลอด 5 ปีมานี้แล้ว

ธันวาโผเข้ากอดคนรักไว้แน่น

จะอีกกี่ปีต่อจากนี้ไป ก็จะอยู่ด้วยกัน ในทุกๆ วัน

***

~จบแล้วจ้า~


ขอบคุณที่อ่านและคอยเป็นกำลังใจให้น้า แม้จะมีไม่กี่คนก็ตาม 55 เราแต่งตามใจตัวเองสุดๆ คืออยากอ่านอะไรก็แต่งแบบนั้น เรื่อยเปื่อยมาก มันว่างง่ะ

เรื่องเก่าเดี๋ยวมาต่อ ส่วนเรื่องต่อไป ตอนนี้กะลังคิดว่าจะลองแต่งแนวอีโรติก แต่คงยาก 555 เราเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ไม่ลามกเลย จริงจริ๊ง เลยแต่งแบบหื่นๆ ไม่ค่อยเป็น อิๆ
 :pig4:

ปล.เนื้อเรื่องมีตรงไหนไม่ครบมั้ยนะ เรื่องแฟนเก่าของธนูเคลียร์เนาะ ตอนแรกจะเขียนแยก แต่คิดว่าไม่เอาดีกว่า ยังไงเขาก็แต่งงานไปแล้ว คือเนมเป็นนักมวยรุ่นพี่ ที่มาช่วยสอนธนู แล้วค่อยมาเป็นโค้ชทีหลัง คบกันช่วงที่ธนูอยู่ในค่ายแค่นั้น
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 22-10-2020 15:35:20
https://www.youtube.com/watch?v=ghZt2cILcCU&list=FLAEVgTPngjivM32A-4Pktug&index=4&t=0s&app=desktop (https://www.youtube.com/watch?v=ghZt2cILcCU&list=FLAEVgTPngjivM32A-4Pktug&index=4&t=0s&app=desktop)
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 22-10-2020 17:39:44
อ่านลงมาเรื่อย จิกหมอนเลยตรง "แต่งงานกันนะครับ"  :กอด1:
ยังไม่อยากให้จบเลย  :hao5:
ขอบคุณคนแต่งที่แต่งเรื่องน่ารักๆมาให้อ่าน  o13
แล้วคู่แฝดน้องละคะคนแต่ง หวานน้อยไปหน่อย (เหมือนอ่อนอยากได้ยังไงก็ไม่รู้นะเรานะ ฮาๆ)
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 23-10-2020 09:19:48
จบแล้วเหรอค่ะ คนพี่น่ะน่าจะใช่ขอแต่งงานกันแล้ว
 แต่คู่แฝดน้อง รอรอ เพื่อว่ามีตอนพิเศษ อิอิ
ขอบคุณคนแต่งค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 24-10-2020 19:40:37
อบอุ่นมากเลยค่ะ อ่านได้เรือย ๆ ขอบคุณนะคะ :mew1: :mew2:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-10-2020 09:50:12
ฟินมากกก~
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 31-10-2020 17:12:13
ดีย์มากกกกกกกกกก น่ารัก
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 08-11-2020 12:15:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 28-11-2020 13:22:55
สนุกมากคร้าบบบ
แต่ว่าาาา
แงงงงงงง อยากอ่านคู่ศรอ๋องมากกว่านี้อีกหน่อยยย
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 4 [14.10.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 04-02-2022 08:52:14
แม่ก็รู้เรื่อง แต่เขาห้ามแม่ไม่ให้ไปพูดเรื่องนี้กับมัน เขาบอกให้แม่เลิกกับมัน แต่แม่ก็ไม่ทำ
แม่นี่เลวมาก เป็นแม่แต่ไม่เคยคิดถึงลูกอีกคนนึงเลย หมามันยังรักลูก ไม่อยากบอกว่าเลวกว่าหมาอีก
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 11 [16.10.20] up
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 04-02-2022 10:03:34
ธนู พ่อขอล่ะ พ่อแค่อยากเจอศร
สงสารพี่น้องคู่นี้ แม่ก็ใจห.. พ่อก็ไม่แพ้กัน รวยมหาศาลแต่พอศรอายุ12ก็เลิกส่งเสีย ไม่เคยถามถึงลูกเลย มีพ่อแม่แบบนี้โคตรซวยของซวย
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 24 [21.10.20] อุอิ
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 04-02-2022 18:15:24
หึ ไม่ต้องมาทำกะลิ้มกะเลี่ยใส่กูเลย กูมีลูกมีเมียแล้วนะ
ธนูเป็นโบ้ท!!! ตอนอยู่กับเนมรับให้เนมแน่ๆ พออยู่กับธันมารุกธัน ครบจริงๆ
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: ิbatatak ที่ 10-02-2022 15:52:52
 :katai2-1: :katai2-1:

ชอบมากเลยค่ะ อ่านเรื่อยๆ สบายๆ แต่รู้สึกอบอุ่น ยิ้มกะคู่แฝดน้อง ฟินกะคู่แฝดพี่
ดีต่อใจค่ะ ไม่รู้จะบอกยังไง แต่ชอบบ..บบ..บบ ขอบคุณนะคะ ที่เขียนมาจนจบ
เป็นกำลังใจให้เขียนผลงานมาอีกเรื่อยๆนะคะ.  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 22-02-2022 17:14:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Goldenfishja ที่ 01-03-2022 12:51:35
หน่วงบ้าง แต่อบอุ่น งงๆ แต่ชัดเจน  :pig4:
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 03-03-2022 10:38:15
 :z13:ม
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 21-03-2024 19:51:04
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 42บ./1วัน กด *104*68*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)

หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 22-04-2024 19:26:14
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 43บ./1วัน กด *777*7721*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 75บ./2วัน กด *777*7724*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 113บ./3วัน กด *777*7719*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7722*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 97บ./2วัน กด *777*7725*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 140บ./3วัน กด *777*7720*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 70บ./1วัน กด *777*7723*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=ClwQq4AZEb8 (https://www.youtube.com/watch?v=ClwQq4AZEb8)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน เมษายน 2567
https://www.facebook.com/100063871243003/posts/905036281635405/?mibextid=rS40aB7S9Ucbxw6v (https://www.facebook.com/100063871243003/posts/905036281635405/?mibextid=rS40aB7S9Ucbxw6v)


AIS ระบบเติมเงิน เอไอเอส เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 31 มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HEXso1Duo6k (https://www.youtube.com/watch?v=HEXso1Duo6k)
หัวข้อ: Re: แฝดสุด (คนละ) ขั้ว <Are we twin? NOT INCEST NO3P> 25 ENDING [22.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 26-04-2024 19:51:38
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 43บ./1วัน กด *777*7721*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 75บ./2วัน กด *777*7724*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 113บ./3วัน กด *777*7719*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7722*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 97บ./2วัน กด *777*7725*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 140บ./3วัน กด *777*7720*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 70บ./1วัน กด *777*7723*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=ClwQq4AZEb8 (https://www.youtube.com/watch?v=ClwQq4AZEb8)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน เมษายน 2567
https://www.facebook.com/100063871243003/posts/905036281635405/?mibextid=rS40aB7S9Ucbxw6v (https://www.facebook.com/100063871243003/posts/905036281635405/?mibextid=rS40aB7S9Ucbxw6v)


AIS ระบบเติมเงิน เอไอเอส เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 31 มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HEXso1Duo6k (https://www.youtube.com/watch?v=HEXso1Duo6k)