พิมพ์หน้านี้ - ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kagehana ที่ 02-03-2013 08:47:55

หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 02-03-2013 08:47:55
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 









kagehana : เปิดเรื่องใหม่จ้ะ   หลังจากที่เขียนนิยายดราม่ามานาน หมีกับดอกไม้เลยลงมติในที่ประชุม(นั่นก็คือกูเกิลด็อกซ์ ฮ่าๆ) ว่า "เรื่องถัดไปจะเอาแบบหวานๆ กุบกิบๆ"
 
กุบกิบคืออะไร?

กุบกิบ = กรุบกริบ เป็นภาษาที่หมีกับดอกไม้ใช้เรียกนิยายเบาๆ หวานบ้าง เศร้าบ้าง แต่ไม่ดราม่ากระจาย มีตัวขำๆไว้คอยชูโรง ประมาณว่าเรื่องรักใสๆปนฮา

หลังจากเขียนกันไปได้สักพัก เราก็คิดชื่อเรื่องอยู่นาน ทาสรักบ้าง บลาๆไป แล้วก็พบว่าชื่อไม่ได้ไปทางเดียวกับนิยายเลย o22 สุดท้ายคิดอยู่นาน ก็ลงตัวที่


"รักกุบกิบ"



 :-[



ขออภัยที่ภาษาที่ใช้ในชื่อเรื่องอาจจะวิบัติเพื่อความบันเทิงไปบ้าง แต่ภาษาในเนื้อเรื่องไม่วิบัตินะคะ (หรือถ้ามีก็เป็นวิบัติเพื่อเสียง เพิ่มความเร้าใจในการอ่าน)


ขอฝากตัวละครเซทใหม่ จิน พี่คีย์ พี่ไผ่ เม็ดโฟม รถถัง อาลัว  ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ



รักคนอ่านค่ะ


ป.ล. แต่ไม่รับประกันนะคะว่าจะกุบกิบไปได้กี่น้ำ....นิสัยคนเขียนชอบลากเข้าดราม่าตลอด มือมันไปเอง :เฮ้อ:












-1-






“ผมต้องแต่งงานกับเมย์” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจหลังจากเสร็จสิ้นบทรักเร่าร้อนบนเตียง


“เมย์? เมย์ลินดา? แต่งอะไรอีก ไหนว่าอันว่าคุยกับพ่อแล้วไง” ชายหนุ่มร่างบางที่เอนซบอยู่บนตัวคนรักเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม


มือสากแตะไล่บนผิวเปล่าเปลือยและลาดไหล่เนียนนุ่มก่อนจะดันตัวคิรากรออกห่าง “ก็คุยแล้ว สรุปว่าพ่อยอมให้คบกับคีย์ต่อ...แต่มีข้อแม้ว่าต้องแต่งกับเมย์ คีย์เข้าใจใช่มั้ยว่าพ่อผมเป็นคนยังไง ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว”


อนลแตะริมฝีปากที่ข้างแก้มเบาๆก่อนจะพูดต่อ “แต่ยังไง คนที่ผมรักก็มีแต่คีย์นะ”


คิรากรขยับใบหน้าหนี “แปลว่าอะไร ทำไมอันคิดว่าผมจะโอเคกับการที่ต้องเห็นอันแต่งงาน” ร่างบางดันตัวเองออกมาก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าที่มักจะมีแต่รอยยิ้มมีแต่ร่องรอยของความไม่พอใจ


“ก็จะให้ผมทำไง ผมรักคีย์จริงๆนะ” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มบอกถึงความจริงใจ อนลกอดคนรักที่เป็นผู้ชายอีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงงอนง้อ “รอผมหย่านะ สัญญาว่าจะทำให้เร็วที่สุด”


“หย่า... แล้วอันจะหย่าได้เหรอ” คิรากรเงยใบหน้าที่มีแต่ร่องรอยของความกังวล คนอายุน้อยกว่ารู้ดีว่าอีกฝ่ายที่มีพ่อแม่มีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูงนั้นต้องระวังตัวอย่างไรบ้าง-- โดยเฉพาะสังคมชั้นสูงที่สหรัฐอเมริกา


“ได้สิ....รอผมนะคีย์”












 

 

“ผมไม่รอแล้วอัน”


“ไหนว่าเราเข้าใจกันแล้วไง” อนลกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มในห้องของคิรากร “....รู้ว่ามันตั้งปีนึงแล้ว แต่ผมยังหย่าตอนนี้ไม่ได้จริงๆ เมย์เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง”


...เมย์ไม่ได้ทำอะไรผิด...


...ผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง...


...แล้วความรู้สึกของผมล่ะ...


“ผมรักคีย์นะ” อนลพูดคำหวานที่รั้งหัวใจของคนรักไว้ได้มาตลอด ชายหนุ่มชอบคิรากรมาก ทั้งความคิด ร่างกาย การกระทำ เข้ากันได้ดีทุกอย่าง ถ้าหากต้องเสียไป ก็ไม่รู้ว่าจะหาคนรักแบบนี้ได้อีกที่ไหน


รักก็รัก แต่ไม่สามารถจะทิ้งทุกอย่างเพื่อรักได้


“แต่อันรักผมไม่พอ” คิรากรตัดสินใจพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก และตัวเองก็รู้สึกเจ็บปวดกับความจริงที่หลุดออกมา


...ผมยอมรับได้ทุกอย่าง...


...แต่ไม่ใช่แบบนี้...


“ผมได้เจออันในวันที่อันไม่มีนัดกับเมย์ ต้องหลบๆซ่อนๆ ไม่ต่างอะไรกับเป็นชู้กันสักนิด ทั้งๆที่เราเป็นคนรักกัน”


อนลสวมกอดร่างโปร่งแล้วลูบศีรษะกลมมนที่มีเส้นผมอ่อนนุ่มสีดำอย่างอ่อนโยน เขารู้ดีว่าคนรักของเขาต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนในการที่จะต้องคบหากันแบบนี้ อนลรู้สึกผิด...แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าอยู่ไปอย่างนี้ก็ไม่เป็นไร พ่อเขายังมีภรรยาน้อยที่รักกันมาก สังคมก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว จะให้แลกทุกสิ่งทุกอย่างกับความรักดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


“แต่เมย์เป็นเมียตามกฏหมาย...ถึงคีย์จะมาก่อนก็เหอะ”


คำพูดของอีกฝ่ายยิ่งทำให้คิรากรรู้สึกแย่กว่าเก่า ราวกับหาค่าของตัวเองไม่ได้ในความรักที่มีให้กัน


“ผมมาก่อน... ก็แค่เวลาเท่านั้น...”


“น้อยใจเหรอ” อนลดึงร่างโปร่งเข้ามากอดไว้แล้วซบใบหน้าลงกับช่วงท้อง คิรากรเป็นคนน่ารักที่เขาประทับใจตั้งแต่แรกเห็น เจ้าตัวมีผิวขาวที่จะกลายเป็นแดงก่ำยามเขินอาย ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนในบางครั้งทำให้เวลาอยู่ใกล้แล้วมีความสุข เส้นผมสีดำขลับอ่อนนุ่มที่ตัดสั้นรู้สึกดียามสัมผัส แต่ก็ไม่เท่าริมฝีปากหวานๆที่พร้อมจะบอกรักในทุกเวลา


“ผมมีคีย์คนเดียวตอนนี้ไม่ได้...รออีกสักพักได้ไหม...”


“ผมอยากจะตอบว่ารอได้นะอัน แต่ผมไม่ไหวแล้ว...” ดวงตาที่เคยฉายสะท้อนแต่ความรักมีแต่ความเจ็บปวด ตลอดเวลาสี่ปีที่คบกันมา สามปีแรกนั้นมีแต่ความสุขจนกระทั่งอนลบอกว่าจะต้องแต่งงาน คิรากรก็ยังจะอดทน


“คีย์จะทิ้งผมเหรอ....” นักธุรกิจหนุ่มเอ่ยถามน้ำเสียงแผ่วเบา ถึงจะเป็นเพศเดียวกัน ถึงคิรากรจะอายุน้อยกว่า แต่ความรักที่มีให้ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง


“อย่าพูดเหมือนคีย์ผิดสิ”


“ผมเลือกไม่ได้...เลือกไม่ได้จริงๆ นะคีย์ อันรักคีย์นะ”


“ถ้าเลือกไม่ได้ผมก็ไม่เอาด้วยแล้ว” คิรากรมองใบหน้าของคนรักแล้วก็หลบสายตา


“แล้วจะให้ผมทำยังไง จะให้เลิกกับเมย์ คบคีย์ออกหน้าออกตางั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก...ทำอย่างนั้นคนอื่นจะมองว่ายังไง แล้วเพื่อนๆคีย์จะมองคีย์ยังไง ถึงในอเมริกาจะเป็นเรื่องไม่แปลก แต่ไม่ใช่กับในสังคมคนไทยที่นี่นะ”


“แล้วทำไมอันต้องแคร์สังคมมากกว่า เพื่อนๆคีย์เขาก็รู้กันหมดนั่นแหละ มีแต่อันที่ไม่ยอมรับความจริง” ร่างบางดันตัวเองออกจากอ้อมกอด เจ็บปวดจากคำพูดทุกคำที่คนรักพูดออกมา


“คีย์ไม่เข้าใจ....ผมกลับก่อนแล้วกัน ไว้คีย์ใจเย็นผมจะมาหาใหม่”


ร่างสูงคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปทันที ตัดปัญหาทุกอย่างไว้เบื้องหลังเหมือนที่เคยทำมาตลอด แต่อนลไม่รู้เลยว่า...ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เขาจะได้เห็นคนที่ตัวเองพูดว่ารัก


 










 




“ให้ตายเถอะ เปิดเทอมวันแรกไอ้จินมันไปอยู่ไหนนะ” ชายหนุ่มผิวขาวร่างเล็กกับเรือนผมยาวตรงสีดำบ่นออกมาพร้อมกับทำหน้ายุ่งประกอบคำพูดขณะที่เดินลงบันไดอาคารเรียน


“ก็คงไปสิงแถวไหนของมันแหละ เม็ดโฟมจะกลับหอป่ะ เดี๋ยวเราไปส่ง” คนตอบเป็นชายหนุ่มร่างสูงกับแว่นตากรอบเหลี่ยม เส้นผมสั้นๆเสยขึ้นอย่างไม่เป็นระเบียบ เช่นเดียวกับชุดนักศึกษาที่เป็นเสื้อขาวกางเกงยีนส์


“พี่ไผ่แอบคิดอะไรเปล่าครับ ไปรับไปส่งแต่ไอ้จิ๋วโฟม ที่น้องรถถังกับน้องอาลัวปล่อยให้เดินตากแดด” รถถัง...รฐกร ชายหนุ่มว่าที่ตำแหน่งคาสโนว่าประจำคณะเอ่ยแซว เพราะตัวที่อ้วนเป็นรถถังถึงได้ชื่อนี้มาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าตอนนี้จะกลายร่างเป็นหนุ่มหล่อสุดแสนจะเจ้าชู้แล้วก็ตาม เขาโอบไหล่เพื่อนอีกคนที่ยืนกอดชีททำหน้ายิ้มๆ...หน้ายิ้มที่หวานเหมือนขนมอาลัวสมชื่อ


“อ้าว อกุศลนะครับไอ้ถัง มีรถก็พาอาลัวไปดิ พี่ไผ่เห็นใจเด็กอ่อนแออย่างโฟมต่างหาก” อิชย์ ชายหนุ่มร่างเล็กเจ้าของชื่อเล่นที่ฟังเหมือนสาวน้อยน่ารักคิขุทำหน้าเบ้ใส่เพื่อนจอมเจ้าชู้


“อย่างมึงอ่อนแอตายแหละ พี่ไผ่เขาเห็นใจ กลัวมึงเดินกลับแล้วจะไปฉุดใครเขาเข้า สงสารสัตว์โลกคนอื่นๆ พี่ไผ่แม่งโคตรพ่อพระเลยว่ะ สาธุ”


“อย่างกูจะไปฉุดใคร มีแต่มึงนั่นแหละที่จะไปฉุดคนอื่น เนอะพี่ไผ่” เขารีบหันไปมองหน้าเจ้าของชื่อก่อนจะยิ้มให้


“ทะเลาะกันอยู่ได้ เม็ดโฟมจะกลับหอเลยหรือว่าจะกินข้าวก่อน ถ้ากินจะได้ไปที่โรงอาหาร โทรเรียกจินมาด้วย” พี่ไผ่...กลายเป็นชื่อเล่นของเขาไปแล้ว ทั้งๆที่อายุก็เท่ากัน แต่ดูเหมือนท่าทางที่เป็นผู้ใหญ่ทำให้ทุกๆคนเรียก พชร ว่าพี่ไผ่ๆ ไม่เว้นแม่กระทั่งคนที่หายหัวไปเป็นประจำอย่างจิณณ์


“พี่ไผ่หิวเปล่า โฟมหิวก็ได้ ไปโรงอาหารกัน อาลัว ไปกับไอ้ถังนะ” อิชย์หันไปพูดแกมสั่งกับเพื่อนสนิทของตัวเอง


“อือ เราไงก็ได้ ถ้าถังว่างก็โอเค” นภัสรพียังคงยิ้มรับกับคำพูดของเพื่อนตามประสาคนง่ายๆที่มีคำพูดติดปากว่าไงก็ได้


“อะหือ ไม่ถงไม่ถามกูสักคำ สั่งเสร็จสรรพเลยนะครับไอ้น้องเม็ดโฟม เอาแต่ใจชิบหาย ขี่มอไซค์ ปั่นจักรยานก็ไม่เป็น ยังอยากจะเรื่องมากอีกเนอะ เดี๋ยวกูให้พี่ไผ่ทิ้งไว้แถวนี้ให้หมาไล่ฟัดเลย” รฐกรตั้งใจเรียกชื่อเต็มของโฟม...ชื่อที่ถ้าคนอื่นนอกจากพี่ไผ่เรียกเมื่อไหร่ ไอ้โฟมจะโวยทันที


“ใครให้มึงเรียกเม็ดโฟมวะ มีแต่มึงแหละทิ้งกู พี่ไผ่ใจดีไม่ทิ้งกูหรอก” พูดจบชายหนุ่มผมยาวก็หันมาหาร่างสูงที่ยืนยิ้มจางๆ “ไปกันเถอะพี่ไผ่”


เจ้าของชื่อที่ถูกกล่าวอ้างพยักหน้าเบาๆ “ฝากโทรหาจินด้วยนะอาลัว บอกเจอกันที่โรงอาหาร”


“โอเค”


“ว่าไงอาลัว” น้ำเสียงทุ้มห้าวของชายหนุ่มหน้ายุ่งกรอกใส่โทรศัพท์ เจ้าของชื่อที่ทุกคนถามหาเมื่อเช้าขับมอตอร์ไซค์มือเดียวแล้วคุยไปด้วย


-ทุกคนรออยู่ที่โรงอาหารนะ โดนโฟมสวดยับแน่วันนี้-


“บอกมันว่ากินก่อนไปเลย ใกล้ถึงแล้ว....เฮ้ย!!!” คนขับเหยียบเบรกตัวโก่งเมื่อเห็นเงาคนตัดหน้าแถวถนนหน้าคณะ จิณณ์หักหลบลงข้างทางเสยพุ่มไม้ไปเป็นแถบ ในแบบที่เรียกว่าคนไปทางรถไปทาง


“เชี่ยเอ๊ย” ชายหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นอย่างโมโหแล้วเดินมาที่อีกคนที่นอนกลิ้งอยู่ใกล้ๆ “เป็นไรรึเปล่า เจ็บตรงไหนไหม”


ถึงแม้ว่าจะถูกตัดหน้า แต่ยังไงกับอีกฝ่ายที่เดินอยู่ริมถนน ถ้าเกิดเป็นอะไรไปก็มีแต่ซวยไปเท่านั้น


คนที่ล้มลงไปรีบลุกพรวดขึ้นก่อนจะกระพริบตามองร่างสูงด้วยความแปลกใจ “ขอโทษครับ ผมกำลังหาตึกเรียนอยู่... ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”


เขาหยิบแว่นกรอบหนาสีดำทรงเหลี่ยมที่หล่นอยู่ไม่ไกลขึ้นมาเช็ดแล้วสวมคืนพลางลุกขึ้นยืนปัดเนื้อตัวที่มอมแมม “รถล่ะครับ เสียหรือเปล่า”


คนที่ยืนค้ำหัวอยู่เดินไปยกรถขึ้นมองสำรวจ พอลองสตาร์ทว่าไม่มีปัญหาก็ส่ายหัว ชายหนุ่มมองไปยังอีกคนที่ยืนตัวเปื้อนผมยุ่ง ตัวที่บอบบางกับแก้มขาวๆที่เป็นสีแดงจัดทำให้เจ้าตัวดูต่างกับผู้ชายคนอื่นนิดหน่อย เป็นไทป์ใกล้เคียงมนุษย์พันธ์แฮมสเตอร์ ยังไม่นับรวมดวงตาโตใต้กรอบแว่นที่ดูยังไงก็ขัดหูขัดตาเหลือเกิน


“รถไม่เป็นไร แต่คนเจ็บ หน้าพุ่งเข้ากอต้นไม้ ทีหลังหัดดูทางบ้าง ถ้าไม่อยากเป็นผีเฝ้ามหาลัย”


“ขอโทษครับ ผมเพิ่งมา ยังไม่คุ้นทางเท่าไหร่ครับ” ชายหนุ่มก้มศีรษะอีกครั้ง


“จะไปไหนล่ะ นี่มันทางไปคณะ...” จิณณ์พูดถึงชื่อคณะของตัวเองที่ปกติมักจะมีแต่ผู้หญิงเรียน ถ้ามีผู้ชาย...ไม่เกย์ กระเทย ก็พวกหน้าหม้อหื่นไม่เลือกหวังฟันสาวสวยทั้งคณะ


“งั้นแปลว่าผมมาถูกทางแล้วสิ... เดี๋ยวตอนบ่ายผมต้องไปพบอาจารย์...” เขาก้มลงมองกระดาษในมือแล้วจึงพูดต่อ “สุนันทา...”


“อ่อ เจ๊ฟู ป่านนี้ไปกินข้าวมั้ง ค่อยไปหาบ่ายๆดิ่” จิณณ์ปัดเบาะแล้วพยักเพยิด “ไปนั่งรอที่โรงอาหารไหม ไปส่งก็ได้ ถือว่าขอโทษที่เฉี่ยว”


“อ๊ะ ก็ได้ครับ ขอบคุณมากเลย” คนแปลกหน้าที่เพิ่งมายิ้มรับคำชวนก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้าด้วยความเคยชิน


“ผม... คิรากรครับ...”


“ชื่อแปลก ฉันจิน...” ชายหนุ่มจับมือแล้วดึงเข้ามาใกล้ มองอย่างพิจารณาก่อนจะปล่อยมือออก พยักหน้าไปทางเบาะด้านหลัง


“เรียกคีย์ก็ได้ ชื่อเล่น...” เขายิ้มให้อีกครั้งก่อนจะก้าวไปยืนข้างๆรถมอเตอร์ไซค์


จิณณ์ไม่แน่ใจว่ากำลังทำเรื่องน่าเบื่ออย่างช่วยคนที่เพิ่งรู้จักทำไม แต่เพราะอีกฝ่ายหน้าเหมือนไอ้พวกสัตว์ตัวกลมนิ่ม ที่ตื่นกลัวตลอดเวลา เลยคิดว่าถ้าปล่อยทิ้งไป คงได้นอนตายเปล่าแถวนี้ ไหนจะท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้ว่าตอนหลบรถไปชนอะไรเข้าหรือเปล่า คงจะเป็นพวกปีหนึ่งเข้าใหม่มากกว่าจะรุ่นเดียวกัน


“คีย์ เล่นเปียโนเหรอถึงชื่อนี้”


“เปล่าครับ เป็นชื่อเล่นเฉยๆ” เขาตอบก่อนจะก้าวขาขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของคนตัวสูงกว่า


จิณณ์มองคนตรงหน้าที่ก้าวขึ้นนั่งอย่างเก้ๆกังๆแล้วถอนใจ นิสัยก็ไม่ใช่...ทำไมต้องมาดูแลวะ


“จะขึ้นวันนี้หรือพรุ่งนี้ ให้มันเร็วหน่อยสิวะ”


พอได้ยินน้ำเสียงที่ฟังเหมือนรำคาญ คิรากรก็รีบนั่งให้เรียบร้อย กระชับกระเป๋าที่สะพายข้างไว้ให้แน่นก่อนจะเอ่ยปากบอก “ครับ เสร็จแล้ว”


จิณณ์ออกรถไปชนิดที่เรียกว่ากระแทกกระทั้นนิดๆ แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่มีเสียงบ่นสักแอะ มีแต่มือสั่นๆที่เอื้อมมาดึงเสื้อเอาไว้...ไอ้เด็กนี่มันเอ๋อหรือเบลอกันแน่วะ


ฟีโน่สีดำขับผ่านแนวต้นไม้สองข้างทาง จิณณ์คิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เรียนมหาวิทยาลัยที่ร่มรื่นแห่งนี้ ฟากฝั่งหนึ่งเป็นสระน้ำกว้างชื่อเดียวกับชื่อเดิมของมหาวิทยาลัย เป็นแหล่งรวมพลของนักศึกษาที่มาจีบ กินเหล้า เดินเล่น หรือกระทั่งคึกอยากว่ายน้ำเล่นกับสัตว์น้ำเจ้าถิ่นที่นี่ เขาชอบที่นี่..ติดแต่เพียงว่าบางครั้งความตั้งใจในการเรียนของตัวเองช่างน้อยเหลือเกิน


จิณณ์จอดลงที่แนวจอดรถมอเตอร์ไซค์หน้าโรงอาหารใหญ่ ซึ่งเป็นโรงอาหารเก่า และเสียเวลาเกือบครึ่งนาทีในการยืนรอแฮมสเตอร์ใส่แว่นที่มองทุกอย่างอย่างสนใจ


“ไม่เคยเห็นโรงอาหารเหรอ เปิดเรียนมาสักพักแล้วนะ”


ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยตอบ เสียงตะโกนก็ดังมาจากด้านใน เรียกให้ต้องหันไปมองหาต้นเสียง


“คุณชายจินครับ จะยืนเอ๋ออีกนานไหมมึง เข้าเรียนก็ไม่เข้า ยังจะไม่แดกข้าวอีกเหรอวะ” เป็นอิชย์ที่โบกไม้โบกมือพลางส่งเสียงร้องเรียกจิณณ์ให้มาร่วมโต๊ะทานข้าว


“เพื่อนคุณเรียกแล้ว ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง” คนที่ซ้อนท้ายมาไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง


“ไม่เป็นไร ไปนั่งกินด้วยกันสิ” จิณณ์ดึงคิรากรไว้แล้วลากเข้าไปนั่งในกลุ่ม...ใช่ เขาไม่ได้ห่วงไอ้แว่นแฮมนี่สักนิด ที่จริง จะนั่งกินไหน กินอะไรก็ช่าง แต่เพราะอยากกินข้าวแบบสงบๆเลยจำใจลากมานั่งกลางวงด้วย


ก็เพราะว่าน้องเม็ดโฟมของเพื่อนๆเป็นผู้ชายที่ว่างเป็นคุย ถ้าเอามาเรียกความสนใจได้ ก็คงชวนคุยกันยาว ให้กินข้าวได้สบายๆ


“พี่ไผ่อุดปากมันหน่อยเหอะ เชี่ยแม่งตะโกนดังป้าร้านข้าวแกงทัพพีหล่นแล้ว”


“ให้พี่ไผ่เอาอะไรอุดดีจ๊ะ น้องเม็ดโฟม” รฐกรที่หาจังหวะมานานแซวขึ้นทันที “เอาจุ๊บหรือเอาส้นพี่ดีจ๊ะ”


“เอาส้นกูอุดปากมึงเป็นไงไอ้ถัง” อิชย์เอื้อมมือไปหมายจะผลักอีกคน ทว่าสายตามองเห็นชายหนุ่มร่างโปร่งบางอีกคนที่เดินมาด้วยจึงยั้งมือไว้ได้


“ใครอะจิน”


“คิรากรครับ เรียกคีย์ก็ได้...” คนแปลกหน้าไม่รอให้จิณณ์ได้เอ่ยแนะนำ แต่กลับเป็นฝ่ายทักทายด้วยรอยยิ้มกว้าง


“เก็บได้เมื่อกี้ จะกินอะไร” ประโยคแรกตอบอิชย์ แต่ประโยคที่สองเปลี่ยนเป็นก้มถามคนที่มาด้วยกัน


“เอ่อ... ข้าวไข่เจียวหมูสับ... ก็ได้ครับ” เขาหันไปตอบร่างสูงข้างๆ ปล่อยให้อิชย์ได้แต่ทำหน้ายุ่งด้วยความแปลกใจ


“เก็บได้... คีย์อยู่เอกอะไรน่ะ”


“เอกอังกฤษครับ”


“ปีหนึ่งเลือกเอกได้ที่ไหน โดนรถเฉี่ยวประสาทกลับป่ะวะ” จิณณ์ที่ยังยืนอยู่บ่นแล้วหันไปหา รฐกร พชร และนภัสรพี ที่นั่งทำหน้างงๆ “น้องปีหนึ่งมั้ง ถัง มึงเคยเห็นหน้าป่ะ”


“กูว่าไม่คุ้นนะ กูเข้าไปซ้อมเชียร์น้องตั้งหลายรอบ ไม่เห็นเคยเจอ”


“ผมอยู่ปีสี่ครับ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน” คิรากรไขข้อข้องใจและเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของคนกลุ่มใหญ่ “มาจากประเทศอเมริกาครับ”


“ก็เป็นพี่สิครับ อาลัวครับ” นภัสรพียกมือไหว้แล้วยิ้มให้กับคนที่บอกว่าอยู่ชั้นปีที่สี่


“โฟมครับ...” พอเห็นเพื่อนทำแบบนั้น อิชย์เลยแนะนำตัวตามพลางยกมือไหว้บ้าง


“ผมรถถังครับ แต่เพื่อนเรียกถังเฉยๆ นี่พี่ไผ่” รฐกรแนะนำตัวเองพร้อมพชรเสร็จสรรพ


“แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกว่าปีสี่.....” จิณณ์พูดเสียงอ่อนลง เห็นหน้าอ่อนๆนึกว่าจะอายุน้อยกว่า ที่ไหนได้....ไอ้บ้าเอ๊ย


“ปกติต้องบอกด้วยเหรอ จินก็ไม่ได้ถามผมนี่” คิรากรที่อายุมากกว่ายิ้มให้จางๆเมื่อสังเกตได้ถึงท่าทีที่อ่อนลง


“สัด” ชายหนุ่มพูดสั้นๆแล้วเดินไป เรียกเสียงฮาครืนจากคนทั้งโต๊ะ จะมีก็เพียงคิรากรที่กระพริบตาปริบๆมองงงๆ พชรที่นั่งเงียบอยู่นานจึงเฉลยให้


“ไอ้จินมันเขินน่ะครับพี่ หน้าแหกแถมพี่ยังตอกย้ำมันอีก”


“เห็นหน้าเถื่อนๆตัดสกินเฮด แต่จริงๆมันขี้เขินนะพี่คีย์ ใช่มั้ยน้องเม็ดโฟม” รฐกรพูดกลั้วเสียงหัวเราะ


“อ้าว... ไหนว่าชื่อโฟม”


“โฟมครับพี่ ขอร้อง อย่าเรียกเม็ดโฟม” เจ้าของชื่อน่ารักทำหน้าเบ้


“แล้วไผ่อยู่ปีอะไรเหรอ ทำไมมาขลุกอยู่กับรุ่นน้อง” คนมาใหม่ถามต่อด้วยความสงสัย


“ปีสองเหมือนกัน แต่อยู่ๆก็โดนเรียกพี่...เลยเลยตามเลย แล้วย้ายมากลางเทอมแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอครับ”


คิรากรยิ้มกว้างขึ้น ไม่อยากจะบอกออกไปว่าที่ไม่เป็นไรก็เพราะพ่อของตัวเองช่วยขอร้องให้ จึงได้แต่ตอบอ้อมแอ้มไป


“ก็... มาได้ ไม่เห็นเป็นไรนี่...”


“พี่คีย์ สาวฝรั่งอึ๋มป่ะ เผื่อซัมเมอร์นี้ผมจะไปตามหารักแท้สักหน่อย” เจ้าของตำแหน่งคาสโนวา ประจำกลุ่มพูดกรุ้มกริ่ม


“... ก็ เท่าที่เห็น ก็อึ๋มนะ แต่ตัวก็จะอวบด้วย” คนพูดทำหน้าคิดไปพลาง เท่าที่สังเกตก็ตามนั้น แต่เพราะปกติตัวเองไม่ได้มองผู้หญิงเท่าไหร่เลยไม่สามารถจะตอบได้ชัดเจนมากนัก


“ลามกนักนะมึง” คนที่เดินกลับมาพร้อมข้าวสองจานในมือด่ายิ้มๆ จิณณ์วางข้าวไข่เจียวร้อนๆลงตรงหน้าคิรากร แล้วนั่งลงข้างๆ “กินเป็นเด็กประถมเลยนะ คีย์...เอ่อ...พี่คีย์”


“จริงๆเรียกคีย์เฉยๆก็ได้ ไม่ถือ แล้วไข่เจียวหมูสับที่นี่ ไม่เหมือนที่นู่นน่ะ” เขาหันไปเปิดกระเป๋าตัวเองออก “เท่าไหร่เหรอ”


“ให้” พูดจบก็นั่งลงกินเงียบๆ ปล่อยให้คนหยิบกระเป๋าเงินเก้อไป


“ขอบคุณนะ” คิรากรยิ้มให้คนเลี้ยง (ข้าว) อีกครั้งก่อนจะเริ่มตักไข่เจียวทานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข


จิณณ์ก้มหน้าก้มตากินข้าวไปเงียบๆ ฟังเสียงไอ้รถถังกับไอ้โฟมทะเลาะกันบ้าง เถียงกันบ้าง โดยมีพี่ไผ่กับอาลัวเป็นกรรมการห้ามทัพ จนเมื่อนาฬิกาเลื่อนตัวเองมาถึงเวลาบ่าย เขาก็หันกลับไปมองหน้าคิรากรที่อยู่ใกล้ๆ


...ไอ้แว่นแฮมเอ๊ย...


“ให้ไปส่งหาอาจารย์ป่ะ พี่คีย์”


เจ้าของชื่อหันมาทำหน้าสงสัย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีนัด เลยรีบพยักหน้ารัวๆ “ได้ไหม ยังไม่ค่อยรู้ทาง อ้อ แล้วก็บอกว่าเรียกคีย์เฉยๆ ไม่เป็นไร”


“จะเรียกอะไรก็เรื่องของกู...ของผม.... พวกมึง กูไปก่อนนะ” จิณณ์จับแขนคิรากรให้ลุกแล้วเลื่อนจานเปล่ามาถือ พาทั้งคนทั้งจานไปที่เก็บจานแล้วเดินออกมานอกตัวอาคาร


เอาเหอะ....


ช่วยครั้งสุดท้าย...


คราวหน้าเจอกันอีกกูจะแกล้งทำไม่รู้จักแล้ว!
 
 
 
 
 













To be continued...

หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 1 ไอ้แว่นแฮม!!! [2/03/13] เปิดเรื่องใหม่ By Kagehana จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 02-03-2013 09:05:21
 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 1 ไอ้แว่นแฮม!!! [2/03/13] เปิดเรื่องใหม่ By Kagehana จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 02-03-2013 10:16:12
แววดราม่านะ แม้จะรักกุบกิบ !
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 1 ไอ้แว่นแฮม!!! [2/03/13] เปิดเรื่องใหม่ By Kagehana จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 02-03-2013 10:48:16
 :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 1 ไอ้แว่นแฮม!!! [2/03/13] เปิดเรื่องใหม่ By Kagehana จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 02-03-2013 14:00:25

ท่าทางจะสามคู่ชู้ชื่นสินะ


กลัวสังคมจะรู้เลยต้องคบกันแแบบหลบๆซ่อนๆทั้งๆที่มาก่อน
เห็นแก่ตัว---ทุเรศที่สุด---ดีแล้วล่ะที่เดินจากมาซะ
ไม่ตายก็หาใหม่ได้โว๊ยยยย

+ เป็ดจ้า

หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 1 ไอ้แว่นแฮม!!! [2/03/13] เปิดเรื่องใหม่ By Kagehana จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: putiinez ที่ 02-03-2013 23:41:55
ต้องอ่านใหม่2รอบเพราะสับสนชื่อจริง-ชื่อเล่นของแต่ละคน 55 <<< โง่มากมาย

อณลอย่างแย่ แต่ก็เข้าใจอะนะที่ไม่ยอมหย่า มันเป็นวิธีสามัญของคนเห็นแก่ตัวไง จะเลือกสังคมก็ต้องไม่ทำร้ายคีย์ด้วยการให้คีย์เป็นกึ่งๆเมียน้อยสิ อย่างคีย์มีคนดีขี้เขินแถมปากแข็งรออยู่แล้ว ไม่ต้องง้อคนอย่างนายหรอก นี่แน่ะไอ้ตัวประกอบ  :z6:

คู่พี่ไผ่-เม็ดโฟมมุ้งมิ้งมาก รถถังกะอาลัวเหมือนกัน แต่คู่จิน-คีย์ กุบกิบเกินจนน่ากลัวมาม่า อย่ามาม่าเลยนะะะ  :monkeysad:

เป็นกำลังใจให้นะ จะติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 1 ไอ้แว่นแฮม!!! [2/03/13] เปิดเรื่องใหม่ By Kagehana จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 16-03-2013 10:30:23
คีย์น่าจะคิดได้ตั้งแต่มันแต่งงานแล้วทนโง่เป็นควายอยู่ได้ตั้งนาน ถ้ามันรักได้แค่นี้ก็ตัดใจเหอะหาคนใหม่ดีกว่า จินณ์จะได้คู่กับคีย์ไหมน๊า..หวังว่าคีย์คงไม่กลับไปหาอนลนะ
หัวข้อ: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 2 กุบกิบอยู่ในใจ [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 21-03-2013 12:11:42
kagehana : สวัสดีค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะคะ ส่วนเรื่องชื่อ อย่าว่าแต่คนอ่านเลยค่ะ บางทีหมียังหลุดเขียนชื่อสลับเลย

เพราะงั้น นี่คือชื่อ-ชื่อเล่นตัวละครแบบคร่าวๆนะคะ




จิณณ์ - จิน

คิรากร - พี่คีย์

พชร - ไผ่ ที่ทุกคนเรียกว่าพี่ไผ่

อิชย์ - เม็ดโฟม

รฐกร - รถถัง อิถัง

นภัสรพี - อาลัว

และตัวอื่นๆที่จะตามมา 555




ตัวละครเป็นตัวสมมติ แต่ฉากในมหาวิทยาลัยและบรรยากาศเอามาจากสถานที่จริง ที่คนเขียนเคยเรียนค่ะ มีใครอยากรู้มั้ยเอ่ยว่าที่ไหน



ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ






-2-






“ตามนั้นก็แล้วกันจิณณ์ ถ้าคุณไม่เป็นบัดดี้ให้คิรากร ครูจะให้คุณติดไอ” ศจ.ดร.สุนันทา หัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษยื่นคำขาดด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าหลังจากมอบเอกสารที่จำเป็นให้กับคิรากรแล้ว


“เฮ้ย! ได้ไงอ่ะอาจารย์ ทำไมผมต้องทำด้วย โตๆกันแล้วไม่ใช่เหรอ” จิณณ์โวยด้วยเสียงไม่ดังมาก เพราะยังเกรงใจอีกฝ่ายที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และสอนวิชาเอกของตัวเอง


ซวย...มีใครซวยกว่ากูอีกมั้ย แค่พามาหาอาจารย์ แต่ต้องเป็นบัดดี้ให้ไอ้แว่นแฮมนี่จนกว่ามันจะจบอีก


“ไม่เข้าชั้นเรียนอย่างคุณ อาจารย์ท่านอื่นเขารายงานมา ไม่ต้องติดเอฟคุณน่าจะดีใจด้วยซ้ำที่ครูยังปรานี”


“แล้วทำไมไม่ให้พี่ปีสี่เขาเป็นบัดดี้ไปล่ะครับ ผมอยู่ปีสองนะ”


“ส่วนใหญ่พี่ๆคุณก็วุ่นกันเรื่องเตรียมจบแล้ว คุณจะทำหรือไม่ทำ จิณณ์” สุนันทาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


“ไม่ทำครับ ไม่ใช่เรื่อง” นัยน์ตาคมตวัดมองคิรากรที่ยังยืนเอ๋อ ให้ตายเหอะ ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนจริง


...ไอ้ตัวยุ่งยากเอ๊ย...


“งั้นครูก็ไม่ต้องพูดอะไรเพิ่มเติมแล้ว” คิ้วของสุนันทาขมวดเข้าหากันพร้อมกับส่งสายตาคาดโทษมาให้ ก่อนจะหันไปหาคิรากร


“เดี๋ยวครูจะหาบัดดี้ใหม่ให้คุณก็แล้วกัน”


“ไม่เป็นไรครับ จินก็ดีแล้ว ใช่ไหมจิน ขอบคุณนะครับอาจารย์” คิรากรรีบยกมือไหว้แล้วคว้าแขนอีกคนเอาไว้ไม่ปล่อยให้ทันปฏิเสธ


“เฮ้ย! เดี๋ยวดิ อาจารย์ ....ไอ้พี่คีย์ หลอกตีหัวเข้าบ้านเลยนี่หว่า” เมื่อเห็นว่าจะเถียงอาจารย์ก็ไม่ได้ เพราะถูกลากออกมานอกห้องแล้ว ชายหนุ่มที่เกลียดความยุ่งยากก็หันมาว้ากใส่คิรากร


“ใครอยากทำวะ บัดดี้เชี่ยอะไร ไม่ใช่เด็กๆ ไม่ได้ว่างมาเฝ้าทุกวันนะเว้ย”


“ก็ตอบไปแบบนั้นก่อน ไม่อย่างนั้นจินต้องติดไอนะ”


“อย่างเจ๊ฟู ขืนผมไม่ทำ มีหวังให้เอฟแหง”


“ก็แล้วทำไมไม่ตอบตกลงไปล่ะ เธอนี่ประหลาดจัง” คิรากรกอดอกมองคนอายุน้อยกว่า


“ก็ยุ่งยาก น่ารำคาญ...ผมไม่ชอบดูแลคนอื่น”


“ไม่ต้องดูแล รับปากไปอย่างนั้นแหละ” เขายิ้มให้ หวังว่าอีกฝ่ายจะหายหงุดหงิด


“แล้วทำอะไรเองได้ เพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ หออยู่ไหน อยู่หอในหรือหอนอก มีจักรยานมั้ย รู้รึเปล่าว่าตารางเรียนมีวันไหนบ้าง....” จิณณ์รัวคำถามยาวเหยียดพร้อมสรุปให้ทันที “งี้แหละ เจ๊ฟูแกถึงให้ผมมาดูแล วุ่นวายชิบหาย”


“อยู่หอใกล้ๆ... ไม่มีจักรยาน ตารางเรียนเขาบอกให้เข้าไปดูในเว็บได้”


“อืม...” คนที่ตัวสูงกว่ารับคำ ถึงจะบอกว่าวุ่นวายชิบหาย...แต่เมื่อแลกกับเกรดที่ไม่ต้องได้ไอได้เอฟ ก็คงจะต้องลงทุนดูหน่อย


“พี่ปรินท์ตารางเรียนออกมาให้ผมแล้วกัน แล้วจักรยานจะเอาไหม เดี๋ยวพาไปซื้อที่ร้าน วันนี้ต้องไปไหนป่ะ”


“ไม่ไป... ไม่เอาหรอก ขี่จักรยานไม่แข็ง... เดินเอาก็ได้ ไม่ได้ไกลมากขนาดนั้น” บัดดี้ที่อายุมากกว่ายิ้มให้อีกครั้ง


“งั้นก็ลองเดินกลับเอาแล้วกัน” จิณณ์เดินมาที่รถตัวเองแล้วขึ้นคร่อม สตาร์ทเครื่องรอ “บอกไว้ก่อนว่าแถวนี้ขับกันเร็วมาก เดินดีๆ ระวังโดนชนอีกแล้วกัน”


“อื้ม เมื่อเช้าผมก็เดินมา” เขากระชับสายสะพายกระเป๋าให้แน่นขึ้น “วันนี้ขอบคุณมากนะจิน แล้วไว้เจอกัน”


“เอาเบอร์มา...แลกไลน์กันด้วย แล้วแน่ใจนะว่าไม่ให้ไปส่ง”


“ยังไม่มีเบอร์เลย เดี๋ยวกะว่าวันนี้จะไปหา...”


“แล้วจะเจอกันยังไงวะ เบอร์ก็ไม่มี ให้จุดธูปเรียกเหรอ” จิณณ์บ่นอย่างหงุดหงิดแล้วเลื่อนรถเข้ามาเทียบ “ไปจัดการให้เสร็จๆ เดี๋ยวพาไปซื้อซิมที่โลตัสแล้วจะไปส่งที่คอนโด”


ในเมื่อรับฝากมาแล้ว จะยังไงก็คงต้องดูแลให้ตลอดรอดฝั่ง ถึงจะไม่เต็มใจแต่ก็ต้องจำใจทำ เมื่อคิดได้แล้ว ชายหนุ่มก็ตวัดตามองคนที่ยังยืนนิ่ง


“ขึ้นรถ”


คิรากรเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะแย้มรอยยิ้มออกมา แม้อีกฝ่ายจะทำท่าทางขึงขัง แต่จริงๆแล้วก็จิตใจดีไม่น้อย


“ขอบคุณนะจิน”


ชายหนุ่มเจ้าของรถเกาหัวเบาๆ จะว่าเขินก็ไม่เชิง แต่พวกรอบตัวไม่มีจำพวกที่พูดขอบคุณ ขอโทษ ได้ง่ายดายแบบนี้ เลยรู้สึกไม่ค่อยชินนิดหน่อย จิณณ์รอให้อีกฝ่ายขึ้นนั่งที่อานและเกาะเสื้อเรียบร้อย แล้วค่อยออกรถไปทางด้านข้างมหาวิทยาลัย


ต้นราชพฤกษ์ที่เรียงรายสองข้างทางมีดอกสีเหลืองสดอยู่เต็มต้น ระหว่างทางที่แล่นไปตามมหาวิทยาลัย เขาก็อธิบายคร่าวๆว่าตรงไหนเป็นอะไร ทั้งตึกกองบริการนักศึกษา โรงเรียนมัธยมสาธิตที่อยู่ในรั้วเดียวกัน พอออกนอกป้อม จิณณ์ก็ชี้มือไปที่ตึกตรงหน้า


“นี่หอศิลป์ เดือนกุมภาจะมีแสดงดนตรีจากนักศึกษาดุริยางค์ สนุกดี เลยไปก็เป็นสวน...วังเก่าน่ะ” จิณณ์เหลือบมองคนที่ทำท่าสนใจในกระจกแล้วพูดต่อ “ไว้ว่างๆจะพามาเดินเล่น ข้างในมีให้อาหารปลา...แล้วก็สวนสัตว์ด้วย”


“มีสวนสัตว์ในมหาลัยด้วยเหรอ” เขายิ่งแปลกใจเข้าไปอีก “กว้างขนาดนั้นเลยเหรอ”


“สวนสัตว์เล็กๆ...” พูดแค่นั้นแล้วก็เลี้ยวไปอีกทาง “นี่ร้านเครื่องเขียน มีทุกอย่าง ข้างในซอกนั้นเป็นร้าน จานใหญ่ แพงกว่าในม.นิดหน่อย แล้วก็มีร้านหนังสือด้วย”


จิณณ์พาเด้กใหม่ที่อายุมากกว่านั่งซ้อนท้ายลัดเลาะไปตามถนน จนถึงห้างที่ไม่ไกลจากตัวมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ เขาซื้อซิมและแพคเกจให้เสร็จสรรพ หลังจากที่ไอ้แว่นแฮมพยายามทำความเข้าใจเรื่องสัญญาและโปรโมชั่นเกือบครึ่งชั่วโมง เขาก็พามานั่งในร้านไอติมที่มีสาขาทั่วประเทศ


“พี่คีย์เลี้ยงนะ ค่าเช่าน้องบัดดี้”


“ได้ อยากกินอะไรล่ะ” คิรากรไล่สายตาไปบนเมนู ที่ต่างกับสาขาที่อเมริกาเป็นส่วนๆไป “ผมเอาช็อคโกแล็ต... ซันเดย์”


“เอาขุมทรัพย์โบนันซ่า เปลี่ยนเป็นอัลมอนด์พราลีน เปลี่ยนวิปเป็นเชอรี่ เพิ่มคาราเมล” จิณณ์หันไปสั่งบริกรสาวที่มารอรับทันที


คนอายุมากกว่าอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินเมนูที่อีกคนสั่ง “ชอบเชอร์รี่เหรอ”


“มาก” เจออากาศเย็นๆ อารมณ์ของคนขี้หงุดหงิดก็เย็นลง จิณณ์เคาะนิ้วตามจังหวะเพลงในร้านพลางจ้องมองหนูแฮมใส่แว่นตรงหน้า ไม่ใช่คนที่สะดุดตามาก...แต่เป็นประเภทน่ารักมากกว่าหล่อ โดยเฉพาะแววตากลมโตเวลามองอะไรอย่างสนอกสนใจ


“ทำไมถึงย้ายกลับมาเรียนนี่ล่ะ ไม่เรียนที่เมกาต่อเหรอ”


“.... อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ก็มาแลกเปลี่ยนไม่นาน... ไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งแต่ประถมแล้ว...” สาเหตุที่รีบกลับมาปุบปับไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกให้คนเพิ่งจะเจอหน้ากันรับรู้


“ไม่ใช่ว่าอกหักมาหรอกนะ” จิณณ์มองคิรากรที่หน้าซีดไป


อ่าวเชี่ย...แจ็คพอตเหรอวะ


“............ แหะ... แหะ”


“อกหักจริงอะ”


“ก็... ประมาณนั้น...” คนตอบยิ้มจางๆให้แทน


ถึงจะไม่เคยได้อกหักอย่างจริงจัง เพราะมักจะเลิกรากันไปก่อนที่จะเกิดความรู้สึกผูกพัน แต่จากประสบการณ์ที่เป็นที่ปรึกษาให้คุณชายอะไรก็ได้อย่างอาลัว กับผู้ชายลั้ลลาอย่างรถถัง จิณณ์ก็เชื่อว่าตัวเองมีประสบการณ์มากอยู่เหมือนกัน


และจากประสบการณ์....อาการอย่างงี้


...ปล่อยแม่งซะ...


...ปลอบไปก็เหนื่อยเปล่า...


“พี่คีย์เอาไลน์มาแลกดิ๊ ยิงเข้าเบอร์ผมด้วย”


“เบอร์อะไร...” เขายื่นมือถือไปให้อีกฝ่ายจัดการเองตามความเคยชิน “ทำเองเลย”


จิณณ์กดเบอร์เข้าหาแล้วจัดการเซฟไว้ แลกเปลี่ยนพวกโซเชียลมีเดียต่างๆที่มี ดูเหมือนว่าไอ้แว่นแฮมจะไม่ได้โง่เทคโนโลยี เพราะทุกอย่างใส่รหัสตั้งยูสเซอร์เรียบร้อยพร้อมใช้งาน เพียงแต่อาจจะเชื่องช้าไปบ้างตามประสาหนูแฮม... เขากดตอบรับเสร็จไอศกรีมสองถ้วยที่สั่งไว้ก็มาวางตรงหน้า ชายหนุ่มยื่นคืนคิรากรแล้วลงมือจัดการของตัวเองตรงหน้า


“จะเอาอะไรอีกป่ะ หรืออยากให้ผมพาไปที่ไหน....”


“ไม่ต้องลำบากหรอก เดี๋ยวกลับคอนโดแล้วก็ได้” คิรากรตักไอศกรีมเข้าปากก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี


“เย็นนี้จะไปกินกับพวกผมไหม” จิณณ์ชวนอย่างไม่ใส่ใจนัก


“กิน หมายถึงข้าวเย็นน่ะเหรอ ไปที่ไหนกันล่ะ” เขารีบตอบรับอย่างกระตือรือร้น


ชายหนุ่มผมสั้นสกินเฮดไม่ตอบ แต่ยิ้มนิดๆให้กับถ้วยไอติมตรงหน้า แววตาเข้มมองคิรากรอย่างอมภูมิ


“เดี๋ยวพี่ก็รู้”


“ถึงบอกชื่อมาตอนนี้ ผมก็ไม่รู้จักหรอกนะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆก่อนจะตักไอศกรีมเข้าปากอีก


“เอาน่า ถือว่าเป็นการต้อนรับพี่ใหม่สู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้วกัน”


 









 




ในตอนเย็นหลังจากเลิกเรียนแล้ว อิชย์ที่กลับมาถึงห้องของตัวเองพร้อมกับพชรก็ล้มตัวลงบนเตียงทันที


“พี่ไผ่... ปวดหัว... โฟมไม่ไปกับไอ้จินแล้วนะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อน มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาทาบทับบนดวงตาของตัวเอง สาเหตุน่าจะมาจากการเข้าๆออกๆระหว่างห้องสมุดที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำกับอากาศด้านนอกที่ร้อนมาก


“เป็นอะไรมากไหม” พชรทาบมือไปบนมือเรียวสีนวล “กินยาไหม ไปซื้อให้”


เดิมที ห้องนี้มีแต่อิชย์อยู่คนเดียว ส่วนคนอื่นๆกระจายตัวอยู่ตามห้องใกล้ๆ เพราะต่างคนต่างต้องการความเป็นส่วนตัว แต่จู่ๆวันหนึ่งอิชย์ก็เอากุญแจมาให้เขา บอกว่า...เผื่อโฟมทำหาย จะได้ไปเอาที่พี่ไผ่ พชรเลยสามารถเข้านอกออกในห้องนี้ได้อย่างสบายโดยที่เจ้าของเต็มใจ


นิสัยช่างอ้อนเหมือนน้องคนเล็กของอิชย์ ทำให้การที่ต้องคอยดูแล...ไม่ใช่เรื่องลำบากใจ


“อือ... ไม่เป็นไร นอน... เดี๋ยวก็หาย” เขายกมืออีกข้างมาวางซ้อนลงบนมือของอีกฝ่าย “พี่ไผ่อยู่ด้วยกันก่อนนะ”


“บอกแล้วว่าอย่าวิ่งเข้าวิ่งออก ไม่ยอมเชื่อ” ถึงจะบ่น แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยน พชรรู้ดีว่ากับคนๆนี้...เขาไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย อิชย์อาจจะเป็นน้องเล็กที่ขี้อ้อนเอาแต่ใจ แต่ก็เป็นคนดื้ออย่างร้ายกาจเหมือนกัน ยังดีตรงที่อีกฝ่ายไม่คิดจะกวนประสาทเขาเหมือนกับกวนรฐกรคู่กัด


“ก็ไอ้ถังอยากจะนั่งมองสาวข้างนอก หนังสือก็ของมัน... จะให้ทำยังไง...” อิชย์เอ่ยคล้ายจะบ่นแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือข้างนั้นออก “พี่ไผ่มือเย็นดีจัง...”


“ก็โฟมตัวร้อน...ยาก็ไม่กิน...ดื้อ”


“ไม่ดื้อ......ขออยู่แบบนี้ก่อน...นะ” น้ำเสียงอ่อนแรงนั้นฟังออดอ้อนชัดเจนซ้ำยังออกแรงจับมือข้างนั้นให้แน่นขึ้น


พชรปล่อยให้อิชย์จับมืออยู่อย่างนั้น ส่วนมืออีกข้างก็ลูบเส้นผมสีดำที่ปล่อยไว้จนยาวเบาๆ  พชรที่เป็นลูกคนเดียว ไม่เคยมีพี่มีน้อง เลยรู้ดีว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่อย่างนี้ไม่ใช่แค่เอ็นดูน้องชาย...เขาถอนใจเบาๆแล้วมองคนตรงหน้าที่ซุกตัวเข้าหาอย่างสนิทใจ


...ปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ก่อน...


“หลับนะโฟม.....”


“...อืม.....” คนป่วยรับคำเสียงเบาขณะปล่อยมือมาเอื้อมกอดเอวของพชรเอาไว้ก่อนจะค่อยๆหลับไปในที่สุด


พชรค่อยๆปลดมืออิชย์ออกเมื่อเห็นว่าหลับสนิทแล้ว ผ้าห่มผืนบางถูกหยิบมาคลุมทับคนขี้หนาว เขาจ้องใบหน้าเล็กๆของคนขี้อ้อนครู่หนึ่งแล้วค่อยๆก้มลงใกล้ แววตาที่ทอประกายอ่อนโยนมองเพื่อนตัวเล็กด้วยความรู้สึกที่พยายามแอบซ่อนไว้


“เม็ดโฟม....” เสียงกระซิบแผ่วดังข้างหูคนหลับ...ก่อนจะตามด้วยจุมพิตแผ่วละมุนบนผิวแก้ม


จูบ...ที่ไม่เหลือร่องรอยในยามตื่น

 













ตั้งแต่ได้รู้จักคิรากร ชีวิตก็ไม่เคยเป็นเหมือนปกติเลย


จิณณ์ปิดโปรแกรมสนทนาในโทรศัพท์แล้วมองหน้าคนที่ยืนยิ้มแหะๆตรงหน้า


“ผมบอกแล้วไง ว่าพี่ไม่มีเรียนวันนี้ กับอีแค่ตารางเรียนตัวเองหัดจำบ้างเหอะ”


เช้านี้เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงปลุกส่งมาอรุณสวัสดิ์ คิรากรส่งสติกเกอร์ขี้มูกโป่งมา ตามด้วยข้อความว่าจะเข้าเรียนตอนแปดโมงครึ่ง และทั้งๆที่เขาบอกไปว่าคิรากรไม่มีเรียน เจ้าตัวกลับระดมส่งสติกเกอร์หน้าไม่เชื่อมามากมาย ตบท้ายที่กล่าวหาว่าเขาจำผิด


และสุดท้าย จิณณ์ก็ต้องขี่มอเตอร์ไซค์มารับหน้าตึกเรียนอย่างที่เห็น


“ขอโทษนะ พี่จำได้จริงๆว่ามีเรียนน่ะ” สรรพนามจากผมเปลี่ยนเป็นพี่หลังจากเวลาผ่านไป เจ้าตัวทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มแหยขอโทษในความผิดพลาด


“พี่แม่ง...ใช้ชีวิตมาได้ยังไงจนป่านนี้วะ” คนที่นั่งอยู่บนอานส่งหมวกกันน็อคให้ หมวกใบนี้เจ้าตัวซื้อหลังจากได้บัดดี้เป็นหนูแฮมใส่แว่นได้หนึ่งอาทิตย์ จิณณ์รู้ว่าเขาปล่อยคิรากรได้ แต่ก็รู้อีกอย่างว่าที่ว่าได้นั้น....คือในระดับเลเวลที่เทียบเคียงกับปล่อยเด็กอนุบาลไปเดินหน้าปากซอยคนเดียว


“ให้ผมไปนอนที่หอพี่เลย ขี้เกียจเข้าเรียน”


“เข้าสิ เดี๋ยวพี่รอนะ นั่งใต้ตึก สัญญาว่าไม่ไปไหน” คิรากรทำหน้าเป็นกังวล อีกฝ่ายไม่ใช่คนหัวไม่ดี เสียแต่ว่าขี้เกียจเข้าเรียนเพียงอย่างเดียว


“บอกแล้วไงว่าขี้เกียจ ขึ้นมาเลย”


คนอายุมากกว่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากประท้วงอะไร คิรากรรับหมวกกันน็อคมาแล้วก้าวข้ามขึ้นรถ


“ก็ได้...”


“ก็แค่เนี้ย”


จิณณ์รอจนอีกคนนั่งที่เบาะหลังแล้วเอื้อมมาเกาะเสื้อ แล้วค่อยๆออกรถไป เขาลัดเลาะเข้าไปทางริมสระน้ำแล้วขับออกทางประตูข้างมหาวิทยาลัย หอพักของคิรากรดูเหมือนควรจะเรียกคอนโดมากกว่าหอ เพราะข้างในแบ่งเป็นสองห้องนอนเล็กแต่ใช้ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่นรวมกัน หลังจากที่ดูแลมาพักใหญ่ๆ เขาก็อาศัยหอพักของไอ้แว่นแฮมเป็นที่หลบภัยยามถูกไอ้ถังกับไอ้โฟมรบกวนความสงบสุข


จิณณ์หลบหน้าให้คิรากรยื่นหัวออกมาแสดงตัวตนกับยามคอนโดแล้วเลี้ยวเข้าไปจอดอย่างคุ้นเคย


“หิว...ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย”


“จะกินหรือจะนอนก่อนล่ะ” เขาหยิบคีย์การ์ดออกมาแนบกับล็อคที่ประตู เสียงร้องปิ๊บๆดังขึ้นพร้อมกับไฟสีเขียว คิรากรจึงค่อยผลักประตูเข้าไป


เดินเข้าไปไม่ลึกมากก็จะถึงส่วนที่เป็นลิฟต์ ทันทีที่กดปุ่มเรียก ประตูลิฟต์ก็เปิดออก


“นอน แล้วค่อยตื่นมากินที่พี่คีย์ทำให้กิน”


“อืม ได้” เจ้าของห้องรับคำก่อนจะแตะคีย์การ์ดเปิดประตูห้องของตัวเองออก “เดี๋ยวพี่เปิดแอร์ให้ แวบนึง” เขาไม่พูดเปล่า คิรากรรีบเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องนอนตัวเองแล้วหยิบรีโมทมาเปิดแอร์ให้


ทั้งๆที่ไม่ว่ามองทางไหน คิรากรก็ไม่ควรเรียกว่าหอพัก แต่ควรเรียกว่าคอนโด เจ้าตัวก็ยืนยันว่านี่นับเป็นหอพักระดับหรู


“พี่นี่เหมือนเมียเลยว่ะ บริการแบบนี้แฟนพี่ไม่ติดใจตายเลยเหรอ” จิณณ์พูดแล้วก็ชะงัก ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “โทษที ลืมไปว่าเพิ่งเลิก”


“...นอนไปนะ เดี๋ยวใกล้ๆเที่ยงจะปลุก” คิรากรทำเป็นไม่ได้ยินเสียแทน เขายิ้มจางๆให้กับคนอายุน้อยกว่าแล้วค่อยเดินออกจากห้องนอนไป


เขาเดินมาถึงส่วนห้องครัว เปิดตู้เย็นเพื่อดูวัตถุดิบในการปรุงอาหาร ไล่สายตาดูครบทุกชั้นก็หยิบเอาข้าวสวย ไข่ไก่ และเบคอนออกมาละลายน้ำ เตรียมทำข้าวผัดเบคอน เมนูยอดฮิตที่ตัวเองมักจะทำตอนอยู่ที่นู่น


จิณณ์ปิดประตูห้องนอนของคิรากรลงอย่างหน้าตาเฉย เขากระโดดขึ้นเตียงแล้วซุกตัวลงในผ้าห่มอุ่นแดดที่มีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุมนิดๆ ห้องของคิรากรก็เหมือนเจ้าตัว เรียบๆ ง่ายๆ แต่อุ่นสบาย ให้ความรู้สึกเป็นกันเองจนเกือบจะหลับได้ในทันที


ถ้าถามว่าเกรงใจไหม...ถ้าให้ตอบตรงๆก็คง...


...ไม่....


จิณณ์ไม่คิดว่าต้องมีอะไรเกรงใจ ใช่ ในช่วงแรกๆเขาอาจจะตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยที่เจ้าของให้นอนในห้อง แถมยังเปิดแอร์เย็นฉ่ำ แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ช่วยเหลือกันเป็นประจำ จิณณ์ก็คิดว่ามันเจ๊ากันไป


-ตุ้บ-


เสียงของหล่นเรียกสติของคนที่ใกล้หลับ จิณณ์เกือบจะนอนต่อ ถ้าของที่หล่นไม่ใช่หนังสือเล่มหน้าแล้วลมแอร์ก็เป่าจนหน้ากระดาษพลิกส่งเสียงหนวกหู ชายหนุ่มเลื่อนตัวเองขึ้นนั่งแล้วเดินไปหยิบหนังสือวรรณคดีอังกฤษโบราณขึ้นมา ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ที่เดิม แต่สิ่งที่โผล่ออกมาทำให้เขาชะงัก


มันเป็นรูปใบหนึ่ง....รูปของคิรากรกำลังยิ้มแย้มอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งคู่ยิ้มหวานใส่กล้องในระยะที่คงจะถ่ายกันเอง


“เชี่ยแล้ว.....ความลับป่ะวะเนี่ย” จิณณ์เก็บรูปสอดเข้าไปในหนังสือเล่มเก่าแล้วพาตัวเองกลับขึ้นไปนอนที่เดิม


เขานอนมองเพดานสูงแล้วทอดถอดใจ...เปล่า จิณณ์ไม่ได้กังวลเรื่องที่คิรากรจะเป็นอะไร เขาเพียงแค่ประหลาดใจที่อีกฝ่ายเก็บเรื่องนี้เอาไว้กับตัวเองเสียสนิท รูปถ่ายใบนั้นบ่งบอกถึงความสนิทสนมที่ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา ไหนจะข้อความ....รักนะ....อัน.....


ชายหนุ่มเกาศีรษะที่ตัดสกินเฮดแล้วชักผ้าห่มขึ้นห่มปิดใบหน้า


เอาเหอะ....ไม่อยากบอกก็ช่างแม่ง


....กูก็ไม่ได้อยากรู้....


แต่ถึงอย่างนั้น...คนที่ไม่อยากรู้ ก็หลับไปพร้อมกับความคิดสุดท้ายในหัว.....ว่าอันเป็นใคร












 




To be continued...

หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 2 กุบกิบอยู่ในใจ [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: janji ที่ 21-03-2013 13:12:48
ชอบอ่ะ รออยู่นะค่ะ คนแต่ง :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 2 กุบกิบอยู่ในใจ [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 21-03-2013 13:14:24
สลับกันดูแลนี่มันเหมือน...  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 2 กุบกิบอยู่ในใจ [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: 230 ที่ 21-03-2013 15:26:27
ชอบบบบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 2 กุบกิบอยู่ในใจ [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: morningflower ที่ 21-03-2013 16:28:08
อยากเห็นจินเขินคีย์
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 2 กุบกิบอยู่ในใจ [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 01-04-2013 16:30:44
เรื่องนี้ดูท่าจะกุบกิบสมชื่อจริงๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 2 กุบกิบอยู่ในใจ [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 01-04-2013 20:06:24
อย่าดราม่าเป็นพอนะ. รู้สึกว่าเราจะอ่านดราม่ามาเยอะแลัวยังไงไม่รู้ช่วงนี้ ขอน่ารักๆบ้าง
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 2 กุบกิบอยู่ในใจ [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-04-2013 20:47:12
โค้ะะ สงสารคีย์นะเนี่ย แฟนเก่าแย่จริง
หวังว่าจินจะทำให้คีย์ยิ้มได้น๊าา
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 2 กุบกิบอยู่ในใจ [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 01-04-2013 22:36:50
จินนี่หนุ่มสายซึนสินะ ฮะๆ
ก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย
นายอันอะไรนั่นหลอกคีย์ชัดๆอ่ะ ลืมๆมันไปเหอะ
มาชอบน้องจินดีกว่านะพี่คีย์ อิอิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 2 กุบกิบอยู่ในใจ [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 04-04-2013 12:51:12
 :katai2-1:
หัวข้อ: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 21-04-2013 18:40:14
kagehana : ยังคงกุบกิบกันอย่างต่อเนื่อง อั๊ยยะ







-3-









คิรากรลงมือทำอาหารหลังจากเบคอนละลายเรียบร้อย เขาใช้เวลาทำไม่นานก็ได้ข้าวผัดเบคอนหอมๆชวนให้น้ำลายสอ เจ้าของห้องหันไปมองประตูห้องนอนที่ปิดอยู่แล้วก็เอาฝาพลาสติกมาครอบข้าวผัดจานหอมเอาไว้ก่อนจะวางลงบนเคาน์เตอร์


ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดที่จิณณ์พูดใส่เมื่อครู่


...พี่นี่เหมือนเมียเลยว่ะ บริการแบบนี้แฟนพี่ไม่ติดใจตายเลยเหรอ...


เขาจำได้ว่าอนลติดตัวเองขนาดไหน คิรากรไม่ค่อยได้กลับบ้าน มักจะไปค้างอยู่ที่ห้องของอนลมากกว่า หลังเลิกเรียนก็มักจะทำอาหารเย็นรออีกฝ่ายเพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าชอบอาหารฝีมือเขา


...แต่ความรักของเรามันก็ไม่พอ...


คิดแบบนั้น คิรากรก็ส่ายศีรษะก่อนจะหันไปมองนาฬิกา เขาตัดสินใจนั่งลงบนโซฟาก่อนจะหลับตาลง


...งีบสักพักแล้วค่อยปลุกจินก็แล้วกัน...








 





 

จิณณ์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่ลืมปิดส่งเสียงกรีดร้อง เขาหยิบขึ้นมาดู...และเป็นไปตามคาด ไอ้เม็ดโฟมเตรียมสวดอีกแล้ว คราวนี้คงมาทั้งอิติปิโสมิกซ์พาหุงพร้อมส่งวิญญาณเลยละมั้ง


“ว่าไงโฟม.....”


-มึงอยู่ไหนครับ อาจารย์เช็คชื่อ ถามหามึงรอบที่ล้าน-


“อยู่คอนโดพี่คีย์ ง่วง” จิณณ์ลุกขึ้นแล้วกดปิดแอร์ ดูท่าว่าวันนี้คงโดนสวดตาสว่างอีกแหง “มึงก็บอกไปดิว่ากูตายไปแล้ว จะเกิดใหม่อีกทีตอนไปสอบ”


-ตื่นมาเข้าคลาสเย็นเลยมึง- อิชย์ไม่ยอมเลิกรา


“คลาสเย็น.....” จิณณ์ใช้เวลาชั่วครู่รำลึกว่าใครสอน “เจ๊ฟูนี่หว่า เออ ไปก็ได้ มึงอยู่ไหน”


-เดี๋ยวจะไปห้องสมุดกับพี่ไผ่ มึงอย่าลืมก็แล้วกัน-


“ตัวติดกันเลยนะมึง เออ เจอกัน” จิณณ์กรอกเสียงแล้วพาตัวเองออกมานอกห้อง ดูเหมือนว่าใครบางคนที่บอกจะทำอาหารให้กินหายตัวไปไหนไม่รู้ได้


เขาเดินออกมาเรื่อยๆ จนเห็นคิรากรนอนพับหลับอยู่บนโซฟา ตรงหน้ามีจานพร้อมฝาปิดตั้งไว้ หัวทรงลูกเจี๊ยบยุ่งนิดๆจนอดไม่ได้ที่จะเข้าไปลูบเบาๆ จิณณ์ลูบเส้นผมนุ่มๆเหมือนขนสัตว์ก่อนจะแตะเบาๆบนผิวแก้มนวล...ไล้ปลายนิ้วแผ่วเบาเชื่องช้า


บ้าเอ๊ย!!!


ชายหนุ่มชักมือกลับแล้วกระแทกตัวลงนั่งข้างๆ หวังให้คนที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมาคุยกัน


“ห หา?!” ได้ผลตามคาด คิรากรสะดุ้งลุกพรวดขึ้นนั่งพลางร้องออกมาอย่างตกใจ


“มานอนทำไมแถวนี้ ไม่ไปนอนในห้องล่ะ”


“ก็จินนอนอยู่ พี่แค่กะว่าจะงีบเฉยๆ” เจ้าของห้องยิ้มให้เขินๆขณะจับผมตัวเองให้หายยุ่ง


“ดีเนอะ เป็นเจ้าของห้องต้องนอนโซฟา....” จิณณ์มองใบหน้าที่ดูเด็กกว่าอายุ...แล้วอดจะนึกเปรียบเทียบกับรูปถ่ายที่เห็นไม่ได้


“กินข้าวยังอ่ะ หิว”


“ยัง ก็รอ ครอบไว้แล้ว เดี๋ยวอุ่นกินกัน” เขาลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายแล้วเดินเข้าไปที่ส่วนครัว


จิณณ์เดินตามาที่ครัวแล้วเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่มเหมือนเป็นเจ้าของห้อง เขานิ่งมองคิรากรครู่หนึ่งก่อนจะพูดสิ่งที่ค้างคาใจออกมา


“พี่คีย์.....คนชื่ออันเป็นแฟนเก่าพี่เหรอ”


“ห หา? ไปเอามาจากไหน พี่บอกเหรอ” เขาปิดไมโครเวฟเสียงดังด้วยความตกใจ


“อือ...ก็พี่ละเมอถึงเมื่อกี้” จิณณ์อำกลับหน้าตาเฉย


“อ...อืม ก็ ตามนั้นแหละ” คิรากรรับคำตะกุกตะกักก่อนจะกดสวิทช์ตั้งอุ่นข้าวผัด


พอเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของคนตรงหน้า ไม่รู้ทำไมว่าความอยากแกล้งถึงลดลงไปกว่าครึ่ง จิณณ์เดินเข้าไปยืนซ้อนหลังหยิบจานแบ่งบนตู้แขวนเอามาวางไว้ตรงหน้า


“ไม่เห็นบอกเลยว่าชอบผู้ชาย”


“ก็... จินไม่ได้ถาม...” เพราะอยู่ๆอีกฝ่ายก็เข้ามาใกล้ คิรากรเลยหันขวับมามองโดยไม่ตั้งใจ ในอกรู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจที่เพิ่มขึ้น “ขอโทษ... ที่ไม่ได้บอก”


คนฟังยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ กะอิแค่ชอบผู้ชายไม่ใช่เรื่องใหญ่ตรงไหน


“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”


พอได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจขึ้นมา ร่างเพรียวดันกรอบแว่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองไมโครเวฟ รอเวลาให้อุ่นเสร็จ


คิรากรรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายยังยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าหากันก่อนจะค่อยๆเอ่ยออกมา


“เพราะเป็นผู้ชายนั่นแหละ... ถึงไปไม่รอด...”


“มือที่สามป่ะ หรือนอกใจ” จิณณ์พูดเป็นปกติเหมือนถามว่ากินข้าวหรือยัง “แต่ผู้ชายคนนั้นแม่งคิดผิดชัวร์ พี่คีย์ของผมออกจะน่ารักขนาดนี้”


“แต่งงานบังหน้าทางสังคมน่ะ...” เขาหันมามองหน้าอีกคนพร้อมรอยยิ้มจางๆ “พี่รอไม่ไหวแล้วก็เลยหนีกลับมา”


“เลวว่ะ” จิณณ์สบถออกมาโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายเป็นอดีตแฟนของคนตรงหน้า เขามองแววตาใต้กรอบแว่นที่สลดลงเล็กน้อย ท่าทางเหมือนหนูแฮมสเตอร์เฉามือทำให้อดจะสงสารขึ้นมาไม่ได้


จิณณ์ยกมือลูบศีรษะกลมมนของคิรากรเบาๆ “ทิ้งแม่งเลย มีแฟนใหม่ดีกว่า เดี๋ยวผมช่วยสกรีนให้...อย่าทำหน้าเศร้าอย่างงี้สิ”


คนอายุมากกว่ายิ้มให้จางๆอีกครั้ง “ขอบคุณนะ แต่... มันต้องใช้เวลาน่ะ อยู่กันมานาน... ก็ยากหน่อย”


เพราะว่าคบกับอนลมาหลายปี จะให้ลืมในทันทีคงทำไม่ได้ คิรากรจำได้ว่าเคยคุยกัน ว่าจะซื้อบ้านอยู่ที่ไหน จะทำสวนแบบไหน แต่ทั้งหมดนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น


“ผมเข้าใจ....” จิณณ์พึมพำ


ชีวิตของคิรากรไม่ต่างอะไรกับของแม่เขา แม่มีตัวเขากับพ่อที่ตัวจิณณ์แทบจะไม่ค่อยได้เห็นหน้า เพราะพ่อของเขาแต่งงานมีครอบครัวและลูกชายแล้ว


สถานะที่ยาวนานของแม่และจิณณ์คือเมียเก็บและลูกลับๆ จนวันหนึ่ง เมื่อถึงจุดที่แม่ของเขาทนไม่ไหว จึงเลือกที่จะเดินออกมาจากชีวิตของคนๆนั้น จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้...แม่ที่เคยเป็นของจิณณ์คนเดียวกลับมีใครอีกคนเข้ามาในชีวิต และตั้งท้องในวัยสี่สิบ


หลังจากที่คนๆนั้นเข้ามา....ตัวเขาที่เคยเป็นเด็กดีเพื่อให้แม่สบายใจกลับเปลี่ยนไป


“พี่คีย์ต้องทำได้ เดี๋ยวนี้คนเป็นเกย์เยอะแยะ ต้องมีที่ถูกใจพี่บ้างแหละ” ความรู้สึกของคิรากรที่ส่งผ่านทำให้อดจะเห็นใจไม่ได้ จิณณ์จับมืออีกฝ่ายไว้เบาๆก่อนจะดึงมาโอบไว้


“ช่วงนี้ไม่มีใคร ก็อยู่กับผมไปก่อน จะได้ไม่เหงานะ”


“อะไรนั่น ตอนแรกไม่อยากมีบัดดี้ไม่ใช่เหรอ” คิรากรหัวเราะเบาๆ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นในจิตใจกับคำพูดของอีกคนขึ้นมา


“อะไรล่ะ ไอ้พี่คีย์” ใบหน้ายุ่งๆดูเขินขึ้นเล็กน้อยยามที่จิณณ์จ้องรอยยิ้มของคนตรงหน้า ชายหนุ่มเสมองถ้วยชามในมือคิรากรแล้วแย่งมาถือไว้


“ผมหิว ไปกินข้าวได้แล้ว...มองหน้าแล้วยิ้มทำไม” จิณณ์ทำเสียงดังแยกเขี้ยวใส่


“โอเคๆ เอ้า ไปนั่งๆ” เขาทำมือไล่อีกคนให้ไปนั่งแล้วตักเอาข้าวผัดใส่ถ้วย คิรากรไม่ลืมที่จะหยิบแก้วน้ำออกมาเทน้ำเย็นใส่แก้วให้ด้วย ก่อนจะหยิบมาวางลงบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆที่ตั้งไว้ต่างโต๊ะกินข้าวบนพื้น


“มาแล้วครับ”


จิณณ์ไม่พูดไม่จา ตักข้าวผัดที่หนุ่มรุ่นพี่ทำให้เข้าปากอย่างอารมณ์ไม่เสถียร ยิ่งเห็นใบหน้ายิ้มๆเหมือนจะล้ออาการเขินของเขาก็แทบจะเอาจานกระแทกโต๊ะ เขาส่งสายตาดุใส่คิรากรแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวผัดในจานที่แทบไม่รู้รสต่อ


“เดี๋ยวผมจะเข้าคลาสเย็น เจ๊ฟูสอน เดี๋ยวโดนด่าอีก” จิณณ์พูดขึ้นลอยๆหลังคำสุดท้ายกลืนลงคอไป


“ดีแล้ว พี่ไปด้วย อาจารย์จะได้เห็นว่ายังเป็นบัดดี้อยู่” เจ้าของห้องเทน้ำเติมให้อีกขณะหันไปดูนาฬิกา “แล้วพี่ค่อยไปเข้าคลาสพี่”


“เออ ย้ำอยู่ได้เรื่องบัดดี้” คนอาศัยหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้ววางลง “นี่ถ้าพี่กวนตีนกว่านี้นะ ผมเตะไปแล้ว.....ผมแม่งใจอ่อนเองแหละ รับเป็นบัดดี้ให้ไอ้แว่นแฮมซะได้”


“ไอ้แว่นแฮมอะไร ก็ใจร้ายนะ” คิรากรอดไม่ได้ที่จะขำออกมา “เอาน้ำอีกไหม” เขายกเหยือกน้ำขึ้นชูประกอบคำถาม


“เอา....อยากกินโค้ก”


“โอเค” คนเป็นพี่ลุกขึ้นเปิดตู้เย็นก่อนจะถามต่อ “ธรรมดาหรือซีโร่”


“ธรรมดา ใส่น้ำแข็งด้วย” เพราะว่านั่งกินอยู่กับพื้นหน้าทีวี จิณณ์เลยอาศัยพื้นนอนเขลงรอให้อีกฝ่ายบริการเต็มที่


“คนชื่ออันนี้แม่งน่าเอาหัวชนเต้าหู้ตาย พี่คีย์บริการดีขนาดนี้ยังไปแต่งงานได้ โง่เนอะ”


คนฟังไม่ตอบในทันที เขากดน้ำแข็ง เปิดกระป๋องโค้ก แล้วรินใส่แก้วให้เรียบร้อยก่อนจะยกมาให้ถึงที่


“ก็บอกแล้ว สังคมไฮโซที่นู่น... น่ะ”


“เป็นผมนะ ถ้าเป็นคนที่รักจริงๆ สังคมว่าไงก็ไม่แคร์” จิณณ์พูดสวนขึ้นทันที


“ดีแล้ว” ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆก่อนจะยิ้มให้กับความคิดของอีกคนที่น่าชื่นชม


“อย่าเศร้านะพี่คีย์” ไม่รู้เพราะบรรยากาศรอบตัวที่หม่นลงของคิรากรหรือเปล่า ที่ทำให้จิณณ์พูดคำนี้ออกมา....


“ไม่เศร้าหรอก มีจินอยู่ด้วย”


“พูดงี้รักตายเลย” จิณณ์หัวเราะเบาๆแล้วยกแก้วโค้กขึ้นจิบ “ระวังเหอะ เดี๋ยวโดนจีบนะ”


เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง “ระวังเหรอ ทำไมพี่จะต้องระวังล่ะ”


“ก็ถ้าผมจีบ....ผมจะเกาะหนึบจนกว่าพี่จะรักผมเลย”


“แบบนั้นก็ดีสิ พี่ชอบ” คิรากรยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหยิบแก้วน้ำอีกฝ่ายขึ้นมาด้่วย “เดี๋ยวพี่ล้างจาน แล้วค่อยไปด้วยกัน”


“อื้อ” คนที่นอนอยู่ตอบรับในลำคอ


จิณณ์ไม่รู้เลยว่า....สักวันหนึ่งคำพูดเล่นๆของเขาในวันนี้ จะกลายเป็นจริงขึ้นมา


...ก็ถ้าผมจีบ...ผมจะเกาะหนึบจนกว่าพี่จะรักผมเลย....

 

 

 

 

 

 





To be continued...


หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 21-04-2013 19:07:46
เรื่องนี้อ่านแล้วมันกุบกิบดีจริง คนเราเมื่อเจ็บจนถึงที่สุดแล้ว มันก็คงพอไปเอง. เริ่มต้นชีวิตใหม่. เอ๊ะ พูดถึงพี่คีย์หรือตัวเองนี่. เริ่มงง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: janji ที่ 21-04-2013 19:41:43
อยากอ่านต่ออ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 21-04-2013 21:23:02
จีบเลยๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 21-04-2013 22:05:07
อั๊ยยยยยยยยย อ่านไป กุบกิบๆ
สนุกจังเลย เนื้อเรื่องรื่นไหลดีมากๆเลยค่ะ
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 21-04-2013 23:24:23
จีบเลย ยุอยู่เนี่ย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 22-04-2013 00:02:56
ฉันว่าละแกต้องชอบพี่เค้า!!!!!!!
โหยมันกุบกิบจริงแหละค่า อ่านแล้วใจเต้นโครมครามเลยตอนท้ายๆฮ่าๆ

จินน่ารักฟะ
เอาพี่คีย์มาเป็นแฟนนะเกลียดอันทำกับพี่คีย์ได้ลงคอ
มันรักไม่จริงหรอกมันผูกพันแค่นั้นละ เกลียดมานนนนนนนนนน!
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: MangoBlue ที่ 22-04-2013 00:13:13
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดอ่านแล้วมันแบบน่ารักกุบกิบกิ๊วก๊าวใจอ่าาาา~ ถึงฉากเปิดเรื่องจะออกดราม่าก็เถอะ
เชียร์ให้จินชอบพี่คีย์เร็วๆ มาดามอกพี่คีย์ทีเถอะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-04-2013 02:37:38
ในที่สุดก็มากุบกิบต่อ
จีบคีย์เลยจินๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-04-2013 08:56:49
น่ารักๆ :o8:
คนมีอดีตสองคนมาเจอกัน เชื่อว่าความสัมพันธ์พัฒนาได้นะฮะ :impress2:
อิพี่อันเสียดายไปจนตายแน่ พี่คีย์เจอคนที่ดีกว่าตั้งเยอะอย่างน้องจิน :-[
รออ่านตอนต่อไปฮะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 22-04-2013 11:10:35
ชอบอ่านแล้วกรุ๊บกริ๊บสมชื่อ
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: karmdodcom ที่ 22-04-2013 11:12:33
มาอ่านด้วย....
แบบว่านะ..น่ารักม๊ากกก
กุบกิบดีจัง...พี่ไผ่ทำแบบนี้เม็ดโฟมไม่ว่าร๊อออ
คำของจินทำเอาอยากดิ้นตาย น่ารักมาก
จีบ้ลยจิน!! เอาให้หนึบแบบไม่ต้องปล่อยเลย!!!
ส่วนคีย์...ทิ้ง ลืมคนเก่าแย่ๆนั่นไปเต๊อะ!!
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 22-04-2013 11:38:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  พี่คีย์ออกจะแสนดี  หึหึ 
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 22-04-2013 12:03:02
จีบเล้ยยยยยย พี่คีย์น่ารักขนาดนี้
ชอบรุกเด็กจัง เรียกพี่แล้วมันกริ๊บกริ๊วกิ๊วก๊าวกรุบกริบ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 22-04-2013 13:09:37
ดีแล้วที่คีย์เลือกเดินออกมา ถ้าไม่แยกไปนะโง่มากกกกกก
เจอจินแล้วก็ดีถึงปากร้ายไปหน่อยแต่ก็คอยดูแลดี
รีบๆ จีบคีย์นะจิน นิสัยดี น่ารัก เอาใจเก่ง หาไม่ได้นะแบบนี้
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 22-04-2013 21:41:36
ชอบอ่า
อ่านแล้วหลงรักตัวละครทุกคนเลย
รอวันที่พี่คีย์จะโดนจิณจีบนะ
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-04-2013 22:30:33
จีบโดยด่วน
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: hanachiko ที่ 24-04-2013 12:44:48
น่ารักจุงเบย <3 จินน่ารัก แอร๊ย
หัวข้อ: Re: ♥ รักกุบกิบ ♥ ตอนที่ 3 ระวังจะโดน...จีบ [21/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: อยากกินไข่พะโล้ โปะ ที่ 24-04-2013 22:37:16
ว้ายยยยย  !!   กรุบกริบ
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 4 เส้นแบ่งของคำว่าเพื่อน [04/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 04-05-2013 16:38:01
kagehana : ขอบคุณคอมเม้นท์ทุกๆคนมากนะคะ  ตอนนี้กำลังพยายามประคองให้กุบกิบไปอีกสักพัก ตีมือตัวเองไม่ให้ลากเข้าดราม่า อิอิ


ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ









-4-












“ไอ้ถัง ไอ้จิน มึงว่า... พี่ไผ่ชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอ” อิชย์ที่นั่งพาดตัวลงมาบนโต๊ะเอาคางเกยกับหลังมือตัวเองเอ่ยถามขึ้นมา


“แบบกูมั้งสัด ถามไมวะ” รฐกรดูดโอรีโอ้นมสดดังซร้วบ พร้อมคว้าหยิบเกี๊ยวทอดที่วางอยู่หน้านภัสรพีมากิน ก่อนจะตามมาด้วยคำขอแบบเนียนๆ “นี่ไรวะอาลัว ขอกินคำ”


“เกี๊ยวทอดไง กินไปเลย ไม่ต้องขอก็ได้”


“สัดถัง กูถามดีๆ จินอะ มึงรู้ปะ” ใบหน้าของอิชย์งอง้ำก่อนจะหันไปหาเพื่อนอีกคน


“ขาว นมโตๆ ตาโต แก้มป่อง หุ่นเอ็กซ์ ผมยาวด้วย.....” จิณณ์ว่าแล้วเปิดแก้วกวาดกาแฟปั่นลงคอ “สเปคกู...ของพี่ไผ่ไม่รู้”


“เฮ้อ...” อิชย์ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ไร้ประโยชน์จริงๆพวกมึง”


คนที่นั่งเงียบเป็นคุณชายอะไรก็ได้พูดขึ้นมาเบาๆ “ถ้าโฟมอยากรู้ก็ถามพี่ไผ่เลยสิ”


“ถูกกกกกกกกกกกกกก” รฐกรเสริม “ไมไม่ถามเองวะ ทำงุบงิบๆถามคนอื่นทำไม มึงคิดว่าถามกู กูจะรู้สเปคพี่ไผ่เหรอวะ”


“ก็กูไม่กล้า ห่า” คนตัวเล็กยิ่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ


“เม็ดโฟมชอบพี่ไผ่เหรอครับ” คิรากรที่นั่งเงียบๆมาตลอดเอ่ยถามเอาดื้อๆ


“อยากรู้เรื่องชาวบ้านอีกแล้ว” จิณณ์กัดเบาๆด้วยใบหน้าเฉยสนิท


“ก็... เดาเอา น่ะ” เขาตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ “ใช่ไหมล่ะ เม็ดโฟม”


อิชย์ไม่ตอบรับ แต่ก้มหน้าซุกกับแขนและโต๊ะซ่อนสายตาตัวเองออกจากเพื่อนๆในโต๊ะ


“เป็นเชี่ยไรครับน้องเม็ดโฟม เอาหน้าซุกแขนอย่างงี้ อยากกินอัลโป้ก็บอก เดี๋ยวพี่ถังซื้อแจกได้ ไม่ต้องรอพี่ไผ่” มือหนาของรฐกรแปะลงบนแผ่นหลังของเพื่อนแล้วเลื่อนขึ้นไปขยี้หัวเหมือนลูบลูกหมาหงอย


“เหี้ยถัง กูไม่ใช่หมา” คนตัวเล็กใช้แขนข้างที่ว่างปัดมือเพื่อนออก


“คุยอะไรอยู่วะ” เจ้าของหัวข้อสนทนาที่เพิ่งมาถึงถามเบาๆก่อนจะหันไปสั่งน้ำแดงโซดาเหมือนทุกครั้ง พชรนั่งลงข้างๆอิชย์แล้วลูบหลังลูบไหล่เบาๆ “โดนถังแกล้งเหรอ หน้างอเชียว เดี๋ยวเราตีถังให้นะ”


“อือ แกล้ง”


“เม็ดโฟมอยากรู้ว่าพี่ไผ่ชอบผู้หญิงแบบไหนน่ะครับ” คนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา


“เหรอพี่คีย์...” พชรพึมพำรับคำแล้วก้มลงไปหาอิชย์ที่ดูเหมือนจะซุกตัวจนแทบจะม้วนไปในโต๊ะ “อยากรู้ไปทำไมล่ะโฟม”


“ก็... อยากรู้เฉยๆ...” เจ้าของชื่อและคำถามตอบเสียงเบา


“ตอบไปดิ ว่าน้องเม็ดโฟมชอบพี่ไผ่ เลิฟๆนะคะ ฮ่าๆๆๆ”


“สัดถัง คนจะคุยกัน หมาไม่เกี่ยว” พชรส่งสายตาดุใส่ แต่ดูไม่ค่อยเป็นผลนัก เพราะเจ้าตัวลอยหน้าลอยตา แกล้งทำเป็นกอดอ้อนจิณณ์ซบไหล่เอาหน้าไถแล้วเหล่มองอิชย์ยักคิ้วให้อย่างสะใจ


“ถังก็ ไปเกาะจินแบบนั้นเดี๋ยวก็มีคนเข้าใจผิดหรอก” นภัสรพีพูดขัดขึ้นมาบ้าง


“โห่อาลัว แมนๆอย่างกูใครจะเข้าใจผิดวะ ต้องอย่างไอ้โฟมนู่น”


“อ้าว ใครจะไปรู้” เจ้าของรอยยิ้มหวานตามชื่อพูดปัดไป


“กูง่วงละ จะกลับไปนอนแล้ว” อิชย์ลุกพรวดขึ้นก่อนจะหาวประกอบคำพูด


“พี่ไผ่ยังไม่ได้แดกน้ำเลย มึงรีบไปไหนวะ” จิณณ์บ่นลอยๆ แต่ก็มากพอที่จะทำให้อิชย์ที่ชักหน้าบูดนั่งลงทันที


“ขอโทษนะพี่ไผ่” เขาไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มจางๆให้กับร่างสูงที่อยู่เคียงข้าง


พชรยิ้มจางๆบอกอีกฝ่ายว่าไม่เป็นไร และเมื่อน้ำแดงโซดามาถึงโต๊ะเขาก็ปักหลอดแล้วดูดอย่างกระหาย “เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกันนะพี่คีย์ วันนี้ไอ้ถังเป็นเจ้ามือเอง”


“เพื่อนคร้าบบบ ถามกูยัง”


“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่เลี้ยงเองนะ เด็กๆยังไม่ต้องมาเลี้ยงพี่หรอก” คนที่อายุมากที่สุดรีบบอกปัดทันที


“หารกันเหมือนเดิมก็ได้ ไม่ต้องเลี้ยงหรอก เก็บเงินไว้ซื้อของในห้องดีกว่า ผมจะได้ไปอาศัยบ่อยๆ” จิณณ์สรุปให้ในที่สุด “จะกลับหอก่อนกิน หรือว่าจะกินเลยล่ะ กูอยากกินสุกี้กะทะร้อน”


“กลับหอก่อนได้ปะ กูอยากพักนิดนึง” อิชย์ตอบก่อนจะยกมือขึ้นบีบไหล่ตัวเองเบาๆ


“น้องโฟม” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นจากข้างหลัง พชรหันกลับไปมอง เป็นชายหนุ่มสองสามคนในชุดเภสัช คนที่ตรงเข้ามาหายิ้มหวานให้อิชย์แล้ววางมือบนไหล่บีบเบาๆอย่างสนิทสนม


“ไม่ค่อยได้เจอกันเลย มาทานนมกับเพื่อนๆเหรอ” ชายหนุ่มผิวแทนตัดกับเสื้อกาวน์สั้นถามพร้อมรอยยิ้มสดใส


เจ้าของชื่อก้มมองมือที่จับไหล่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนยิ้มกว้าง “สวัสดีครับ... พี่แพท”


วศินยิ้มรับ “ไม่ได้เจอตั้งแต่ไปออกค่าย สบายดีนะ แล้ว...เย็นนี้ไปไหนรึเปล่า ไปทานข้าวกับพี่มั้ย”


“ผมไปกับพวกนี้ครับพี่แพท” ที่อยากจะพูดต่อว่าเลิกชวนผมเถอะเป็นอันเก็บเงียบไปเพราะไม่อยากจะเสียมารยาทกับรุ่นพี่


“.....โฟม กลับห้องกัน” เป็นเสียงทุ้มต่ำของพชรที่พูดขึ้น พร้อมกับฉุดมืออิชย์ให้ลุก “จิน ถัง เดี๋ยวตอนเย็นเจอกัน กูปวดหัว จะอ้วก”


พูดจบก็คว้าข้อมือเดินออกไปทันที แต่ไม่วายยังมีเสียงตะโกนตามมา “ไว้เจอกันนะน้องโฟม เดี๋ยวพี่ไปหาที่คณะ”


พชรหักห้ามใจตัวเองไม่ให้หันไปมองขู่รุ่นพี่เจ้าปัญหา เขาดึงมืออิชย์เดินออกไปที่รถแล้วสตาร์ท หยิบหมวกกันน็อคให้ใส่แล้วขับออกไปทันที


รฐกรที่เห็นทุกอย่างอย่างงงๆ ได้แต่พึมพำเบาๆ


“.....เชี่ยพี่ไผ่ หวงเพื่อนยังกะหมา...”










 

 



“โทษทีนะ เจ็บแขนรึเปล่า” คนขี่พูดเบาๆแล้วหันไปดูคนนั่งซ้อนในขณะที่มอเตอร์ไซค์ติดไฟแดง


“ไม่เจ็บ... ขอบคุณนะพี่ไผ่” อิชย์ขยับวงแขนที่กอดเอวอีกฝ่ายไว้ให้แน่นขึ้นขณะแนบใบหน้าเข้ากับแผ่นหลังกว้าง


คนถูกกอดได้แต่นิ่ง ไม่รู้หรอกว่าอากาศข้างนอกกายกับอุณหภูมิในตัวอันไหนร้อนกว่ากัน เมื่อกี้...เขายอมเป็นคนไม่มีมารยาท ลากเม็ดโฟมออกมาจากกลุ่มเพื่อน เพราะไม่อยากให้ไอ้หมอนั่นแตะต้องตัว เขารู้แค่ว่าสมองสั่งให้ตัวลากเพื่อนรักออกมา โดยไม่สนใจว่าใครจะว่ายังไง


“เราไม่ชอบพี่แพท เห็นแล้วหงุดหงิด” หงุดหงิด...ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรให้นั่นแหละ แค่มาโอบไหล่ จับหัวเพื่อนรักก็โคตรจะหงุดหงิดแล้ว


“อืม... โฟมก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่ก็ขอบคุณนะ” เขาตอบกับแผ่นหลังที่แนบชิด


“โฟมโกรธเราที่ดึงตัวมามั้ย”


“ทำไมต้องโกรธล่ะ โฟมอยากอยู่กับพี่ไผ่มากกว่าพี่แพทอยู่แล้ว”


พชรยิ้มเมื่อได้คำตอบที่ต้องการ เขาออกตัวรถช้าๆ ขับพาคนที่ซ้อนนั่งกินลมเล่น เวลาที่ไม่เร่งร้อนเพราะเจ้าตัวจงใจจะให้มันหมุนช้าที่สุด...เพื่อจะได้อยู่กับคนที่ซ้อนไปนานๆ


“เพิ่งบ่ายสี่ จะแวะกินเค้กมั้ย”


“ก็ได้ แต่โฟมขี้เกียจไปที่คนเยอะๆ” อิชย์ตอบตามความจริง ไอ้เรื่องจะให้ไปไหนถ้าได้ไปกับพชรก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว


“งั้นกลับหอก่อน เดี๋ยวหกโมงครึ่งจะได้ออกมากิน” ชายหนุ่มหักรถเลี้ยวกลับไปที่หอ เขาให้คนซ้อนลงด้านหน้าแล้วเอาเข้าไปจอด พชรเดินออกมาพร้อมกับของตัวเองและอีกคนในมือ “ไปห้องโฟมมั้ย ขอนอนหน่อยนะ”


“อื้อ นอนกัน” เขายิ้มให้กับร่างสูงก่อนจะยื่นมือไปเพื่อรับของของตัวเองมา


“เดือนหน้า เอกเรามีจัดไปทัศนศึกษานอกสถานที่ รู้สึกว่าจะไปบ้านเกวียนที่ภูคา ว่าจะชวนพวกเราไปด้วยกัน โฟมไปมั้ย”


“อื้อ ไปสิ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานทันที เขาเอื้อมมือไปจับต้นแขนอีกฝ่ายไว้ขณะที่เดินขึ้นไปบนห้องด้วยกัน


“แล้ว.......” พชรเอ่ยขึ้นเบาๆเมื่อนั่งอยู่ในห้องเรียบร้อย โดยมีเจ้าของห้องนั่งพิงอยู่ข้างๆ เส้นผมกลิ่นหอมละมุนแตะอยู่ข้างแก้ม “ตอนที่นั่งคุยกัน...โฟมอยากรู้สเปคสาวที่เราชอบไปทำไมเหรอ”


“อยากรู้เฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก” อิชย์ตอบเสียงเบาโดยไม่ยกศีรษะออกมาจากไหล่ของอีกคน


“แล้วสเปคโฟมเป็นแบบไหนเหรอ”


“โฟม... ชอบคนใจดี” เขาเหลือบมองคนที่ยอมให้พิงคล้ายกับจะรอฟังว่าพชรจะถามอะไรต่ออีก


“ใจดีอย่างเดียวเหรอ”


“ก็... เป็นผู้ใหญ่...” ดวงตาคู่สวยกระพริบมองขณะที่เอ่ยตอบ


“ชอบคนแก่กว่าเหรอ...อืม...” พชรพูดเบาๆแล้วเอียงหัวซบลงบนเส้นผมนุมนิ่มเหมือนขนแมว เขาหลับตาลง ทุกอย่างเงียบไปจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น...และลมหายใจของอีกฝ่ายแผ่วๆ


“ก็ไม่ขนาดนั้น แค่มีนิสัยเป็นผู้ใหญ่กว่า...” อิชย์เอ่ยต่อเบาๆโดยที่ไม่ละสายตาไปไหน


พชรสบตาก่อนจะโน้มตัวเข้าหา....


มือใหญ่ประคองใบหน้าเรียวพลางไล้ปลายนิ้วแผ่วเบา ริมฝีปากสีอ่อนเผยอค้างอย่างเชิญชวนให้ถลำลึกลงในรสหวานหวามที่อยากสัมผัส เขาแตะจุมพิตบางเบาบนริมฝีปากบางๆ ก่อนจะเม้มแน่นสลับคลายออกจนคนถูกจูบครางเสียงหวาน


“เรารักโฟมนะ......”


“พี่ไผ่...” ดวงตาคู่สวยช้อนมองอย่างออดอ้อนขณะที่ยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายที่ผละออกไป “โฟมก็... เหมือนกัน”


พชรแทนคำตอบด้วยจูบหวานๆอีกครั้ง ชายหนุ่มดึงร่างที่เล็กกว่าเข้ามากอด ฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไปตามแผ่นหนังเนียนใต้เสื้อนักศึกษา พชรแตะริมฝีปากอุ่นๆบนลำคอเรียว แล้วขบเม้มให้เกิดรอยสีชมพูเข้ม


“โฟม...เม็ดโฟม....” เสียงทุ้มครางชื่อเพื่อนรักแผ่วๆ


“อือ...พี่ไผ่...” เสียงครางหวานๆหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากของอิชย์สลับกับเรียกชื่อร่างสูงที่กอดตัวเองเอาไว้ แขนสองข้างยกขึ้นโอบรอบลำคอหนาพลางหลับตาลงราวกับอยากจะดื่มด่ำกับรสสัมผัสนี้ให้เต็มที่


“พี่ไผ่....พี่ไผ่....”


พชรกระพริบตาถี่ มองสบตาคนที่อยู่ตรงหน้า เขากระแอมเบาๆแล้วถอยตัวออกมาห่างจากอิชย์


บ้าเอ๊ย...คิดเป็นตุเป็นตะเสียได้


...ไอ้บ้าไผ่...


“โฟม...เอ่อ...เราหิวน้ำ เอาให้หน่อยสิ” พชรแกล้งไอเบาๆ ซ่อนใบหน้าที่คาดว่าจะแดงก่ำไว้ใต้ฝ่ามือที่ยกขึ้นมาปิด...อยากจะเอาหัวมุดพื้นให้ได้ ทำไมถึงคิดไปได้ไกลขนาดนั้นวะ


“น้ำเหรอ ได้สิ” คนตัวเล็กลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบเอาขวดน้ำที่แช่ไว้ออกมา “โฟมมีเรื่องจะสารภาพ...ล่ะ”


“เรื่อง...อะไรเหรอ”


“พี่แพทน่ะ...” อิชย์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะส่งขวดน้ำให้ “เขา...มาจีบ”


สัด!!!!


พชรสบถในใจทั้งที่พยายามตีสีหน้าเรียบเฉย รู้อยู่แล้วว่าไอ้รุ่นพี่เภสัชไม่ได้มาซื่อๆใสๆ แต่ก็ไม่ได้นึกว่าจะกล้ามาจีบเพื่อนรักของเขาแบบนี้


ที่สำคัญ...แม่งไปจีบตอนไหนวะ!!!


“แล้ว...โฟมชอบเขาเหรอ” ชายหนุ่มใช้ความพยายามอย่างมากที่จะถามให้ดูเนียนที่สุด


เจ้าของห้องส่ายศีรษะรัวๆ “ไม่ชอบ แต่พี่เขามาดี ถึงได้ลำบากใจนิดหน่อย”


“แล้ว..ถ้าเขาดีมากขึ้นเรื่อยๆ โฟมจะชอบหรือเปล่า”


“ไม่ชอบหรอก...” อิชย์ยิ้มกว้างให้


“ใจคอจะอยู่เป็นโสดหรือไง” พชรพูดหยอก แต่ในอกกลับรู้สึกพองฟูอย่างประหลาด


“พี่ไผ่ล่ะ” เขาไม่ตอบคำถามแต่เลือกที่จะถามกลับแทน


“ก็...ไม่รู้สิ จะอยู่เป็นเพื่อน จนกว่าเม็ดโฟมจะมีแฟนแล้วกัน.....”


เพราะขีดเส้นไว้ว่าเป็นแค่เพื่อน...และจะไม่รุกล้ำให้อีกฝ่ายต้องลำบากใจ


ความรัก...มันไม่ได้ง่ายเหมือนในจินตนาการ


พชรยิ้มนิดๆแล้วลูบหัวเพื่อนรักเบาๆ “มีแฟนเมื่อไหร่ต้องบอกเรานะ”


รอยยิ้มบนใบหน้าของอิชย์ดูหมองลงเล็กน้อย เพราะรู้ดีว่ามันคงไม่มีวันเกิดขึ้น “อื้ม...”


...ความรักที่ไม่อาจเป็นไปได้ตั้งแต่แรก


...ความรักที่มีให้กับผู้ชายที่เรียกว่าเพื่อน


 

 

 

 







To be continue...
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 4 เส้นแบ่งของคำว่าเพื่อน [04/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 04-05-2013 17:17:58
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย หลงเคลิบเคลิ้มไปกับจินตนาการของอิพี่ไผ่ง่ะ  >[]<  :hao7:


หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 4 เส้นแบ่งของคำว่าเพื่อน [04/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-05-2013 18:16:37
เราก็นึกว่าพี่ไผ่จะมาแรงแซงโค้งซะแล้ว
ที่ไหนได้ คิดเองทั้งนั๊นนน
คู่นี้ปากแข็งทั้งคฝุ่เลยอ้ะ กลับไปลุ้นจินกะพี่คีย์ต่อดีกว่า ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 4 เส้นแบ่งของคำว่าเพื่อน [04/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-05-2013 20:46:21
อื้มมมมมมมม คู่พี่ไผ่กับน้องโฟมมีแนวโน้มว่าจะรุ้เรื่องเร็วกว่าพี่คีย์กับจินนะ อิอิิ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 4 เส้นแบ่งของคำว่าเพื่อน [04/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 04-05-2013 21:35:59
ต๊าย คู่นี้ต่างคนต่างไม่กล้าบอกกัน
แล้วเมื่อไหร่จะสมหวังกันล่ะจ๊ะ พี่ไผ่-โฟม
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 4 เส้นแบ่งของคำว่าเพื่อน [04/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 04-05-2013 23:22:28
พี่ไผ่ดีจัง ชอบบบบ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 4 เส้นแบ่งของคำว่าเพื่อน [04/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 05-05-2013 02:42:04
ถ้าหากรักเน้ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าวแล้วเค้าจะรู้ว่ารักรึเปล่า!!!!
อะโด้พี่ไผ่กล้าๆหน่อยสิ เดี๋ยวโดนคาบไปกินหรอกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 4 เส้นแบ่งของคำว่าเพื่อน [04/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 05-05-2013 07:03:13
พี่ไผ่พาคิดไปซะไกลเลย
นึกว่าจะสารภาพจริงๆ
ว่าแต่ต่างคนต่างรักกันแล้วทำไมไม่บอกกันล่ะเนี่ยยย
คิดมากกันไปใหญ่แล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 4 เส้นแบ่งของคำว่าเพื่อน [04/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-05-2013 07:35:53
เราก็ว่ามันจะง่ายดายอะไรขนาดนี้ พี่ไผ่รุกไวกะทันหัน ที่แท้แค่ฝันกลางวันทั้งๆที่ลืมตาอยู่ :z3:
ต่างคนต่างขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์กันเอง ไม่รู้เมืี่อไหร่จะทำลายเส้นที่ว่าได้ซักที :mew6:
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 18-05-2013 22:53:51
kagehana : วันนี้มาดึก เลยมาแบบยาววววววว หวานนิดหน่อยพอกุบกิบหัวใจ อิจินเริ่มหวั่นไหวแล้ว...แต่พี่คีย์ล่ะ ฮือออออ เอาใจช่วยน้องเกรียนน้อยๆด้วยนะคะ








-5-









 

“อิ่มจัง...” คิรากรพูดขึ้นขณะเปิดประตูห้องของตัวเองออก


“อิ่มด้วย...ขี้เกียจกลับบ้าน” จิณณ์เดินไปเปิดไฟที่ผนัง ทำตัวตามสบายเหมือนบ้านตัวเอง นาฬิกาข้อมมือบอกเขาว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว....และถ้าเขาจะกลับบ้าน ก็ควรจะต้องกลับเสียที


เพียงแต่...จิณณ์ไม่นึกอยากกลับสักนิด


“นอนด้วยได้ป่ะ”


“ก็... ได้...” เขาเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ “เดี๋ยวพ่อกับแม่เป็นห่วงนะ”


“เขาไม่เป็นห่วงหรอก ผมไม่กลับสองสามวันยังไม่รู้เลยมั้ง” ถึงการพูดจะดูเหมือนไม่ใส่ใจ...แต่น้ำเสียงกลับเจือความน้อยใจเอาไว้นิดๆ


“อ้าว ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ พ่อกับแม่ที่ไหนจะไม่ห่วง ขนาดพี่ไปค้างบ้านอันคืนเดียวตอนแรกๆ พ่อพี่ยังโทรตามแทบตาย”


“ก็เพราะพวกเขาไม่ต้องการผมไง”


“ใครจะไม่ต้องการ... คิดมากน่า” เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนที่สูงกว่าหมายจะปลอบให้ไม่คิดมาก


จิณณ์นั่งลงที่โซฟามุมห้อง เขาลังเลที่จะพูดถึงเรื่องครอบครัว นอกจากกลุ่มเพื่อนที่สนิทแล้ว เขาก็ไม่เคยบอกใครถึงเรื่องที่บ้าน...กระทั่งผู้หญิงที่เคยคบกันก็ไม่เคย


“พี่คีย์...มานี่หน่อยดิ” คนที่นั่งอยู่ตรงโซฟากวักมือเรียก


“หือ...” เจ้าของชื่อเลิกคิ้วมองด้วยความประหลาดใจ แต่ขาก็ก้าวไปหาก่อนจะนั่งลงข้างๆบนโซฟาตัวยาวที่ชอบนอนเล่น


“คืนนี้นอนด้วยนะ...ไม่อยากกลับบ้าน”


“เอางั้นเหรอ...ได้สิ...” คิรากรตอบก่อนจะยกมือมาลูบศีรษะของจิณณ์อีกครั้ง “ไม่เป็นไรแน่นะ”


คนตัวสูงกว่าเบียดตัวเข้าหา...บางที แค่ไออุ่นจางๆจากคนข้างตัวในยามที่คิดมาก ก็พอจะบรรเทาความรู้สึกบางอย่างได้


“แม่ผม...กำลังมีน้อง.....” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วๆ


“แล้ว...ไม่ดีเหรอ”


“น้อง....ลูกของผู้ชายคนใหม่ของแม่” พอหลุดไปได้หนึ่งคำ ความในใจก็พร่างพรูออกมา “ผมรู้ดีว่าไอ้การโดดเรียน มาสาย ไม่เข้าเรียน มันเหมือนการประชดแบบเด็กๆ แต่ตั้งแต่แม่มีเขากับน้อง ผมเหมือนคนไม่เหลือใคร มีตัวคนเดียวบนโลก....พี่คีย์รู้มั้ย ว่าคาบแรกที่ผมโดด เป็นคาบหลังจากที่แม่โทรศัพท์มาบอกว่ากำลังคบอยู่กับเพื่อนที่ทำงาน ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยโดดเดรียนคาบวิชาตอนม.ปลายไปร้องไห้ในห้องน้ำ แต่เจอไอ้ครูเวรหาว่าโดดมาดูดบุหรี่”


จิณณ์ทิ้งศีรษะลงบนโซฟาแล้วค่อยๆเอนเข้าไปหาคิรากรที่อยู่ชิดกัน


“จินไม่ชอบเพื่อนของแม่เหรอ...เขาเป็นคนไม่ดีใช่ไหม” เขาปล่อยให้อีกคนเอนกายเข้ามาพิงโดยไม่ขยับหนี สายตาที่มองอีกคนอ่อนโยนขึ้นกว่าที่เคย


จิณณ์ถอนหายใจเบาๆแล้วเอื้อมมือไปกอดเอวไว้เหมือนเด็กเล็กๆที่ต้องการความอบอุ่น


“ไม่หรอก เขาเป็นคนดี...เวลาผมโดนเรียกผู้ปกครอง เขาก็มากับแม่....แต่ผมไม่สนิทกับเขา ไม่รู้จะคุยอะไรไม่อยากคุย ไม่อยากรับรู้” ชายหนุ่มตัวโตที่กอดคิรากรอยู่พูดพึมพำ “ปัญหามันอยู่ที่ผม ไม่ใช่ที่เขาหรอก”


“ถ้าอยู่ด้วยบ่อยๆ เดี๋ยวก็สนิทได้ จินยังสนิทกับพี่เลย แป๊บเดียวเอง”


จิณณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วปรับสีหน้า ทิ้งหัวลงบนตักของชายหนุ่มรุ่นพี่ นัยน์ตาสีเข้มมองโครงหน้าได้รูปแล้วใช้ปลายนิ้วลากแผ่วๆ...จิณณ์แน่ใจว่าเขาไม่ได้รักคิรากร หรือมีความรู้สึกว่าชอบในเชิงนั้นแม้แต่น้อย แต่เพราะอยู่ด้วยแล้วสบายใจ..สงบใจได้ จึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่รำคาญจนหนีไปหาที่อื่น


“ก็พี่คีย์เป็นแว่นแฮม...เป็นฮิวแมนเธอราพี”


เขายิ้มจางๆให้กับจิณณ์ ก่อนจะขยับมือมาลูบศีรษะที่ตัดผมจนสั้นเกรียนเบาๆ “แว่นแฮมเลยนะ แล้วเธอราพีอะไร พี่ก็เป็นแบบนี้”


“อยู่ด้วยแล้วสบายใจไง ชมนะเนี่ย....แถมยังหอมแอปเปิ้ล”


“ชอบแอปเปิ้ลเหรอ แบ่งโลชั่นพี่ไปใช้สิ” คิรากรยกมือตัวเองขึ้นมาดมแล้วหัวเราะออกมา


“ไม่อ่ะ ขี้เกียจทา อยู่กับพี่คีย์หอมกว่า”


“ก็เกินไป เดี๋ยวพี่ทาให้” เขาลูบศีรษะของจิณณ์อีกครั้ง


“ลูบหัวเป็นเด็กๆอยู่ได้”


“อ้าว โทษที” คิรากรยกมือออกมา “ไม่ลูบแล้ว...”


จิณณ์ฉวยข้อมือเรียวเอาไว้ แล้วยิ้มจางๆให้ “...ลูบก็ได้ แต่อย่าทำว่าผมเหมือนเด็ก”


“ก็เด็กกว่าพี่นี่...” คนอายุมากกว่าหัวเราะเบาๆให้กับเด็กตัวโต “ไปอาบน้ำไป...จะได้รู้สึกดีขึ้น”


คนที่นอนหนุนตักอยู่ยอมลุกไปแต่โดยดี เขาคว้าผ้าขนหนูที่วางพับอยู่พาดไหล่เดินเข้าห้องน้ำ ก่อนจะชะโงกออกมานิดๆ “พี่คีย์....ขอบคุณนะ”


เจ้าของชื่อยิ้มกว้างให้ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีของเจ้าตัว “ไม่เป็นไร ได้เสมอ”


 

 











ช่วงเวลาที่ใช้สายน้ำดับความร้อนใจผ่านไปอย่างเชื่องช้า จิณณ์ปล่อยให้ฝักบัวปล่อยน้ำไหลผ่านร่างกายพร้อมกับหลับตาลง กลิ่นของคิรากรอบอวลอยู่ในห้องน้ำจนเหมือนกับเจ้าตัวมายืนอยู่ด้วย คนอาบยิ้มนิดๆภายใต้ฝักบัวแล้วสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป


...บ้าเอ๊ย...


จิณณ์คว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดแรงๆ ก่อนจะสวมเสื้อตัวเก่าเพราะไม่ได้เตรียมของมา เขาก้าวออกจากห้องน้ำแล้วเดินดุ่มๆไปยังอีกคนที่นั่งหันหลังให้ที่โซฟาตัวนุ่ม ใบหน้าแว่นแฮมจ้องทีวีใจจดใจจ่อจนเหมือนไม่สนใจใครบางคนที่ยืนอยู่สักนิด


“ดูอะไร...” จิณณ์ก้มตัวลงใกล้แล้วพูดข้างหู


คนที่นั่งอยู่สะดุ้งพร้อมกับมือที่ยกมาปิดหูด้วยความรวดเร็ว “ก็หนังที่ติดอยู่... ทำไมใส่เสื้อตัวเก่าล่ะ”


“ไม่ได้เอาของมา จะให้แก้ผ้านอนเหรอ” จิณณ์ยิ้มขำกับอาการตลกๆของคนตรงหน้า แล้วค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงด้วยกัน


“งั้นออกไปซื้อกัน หรือจะใส่ของพี่ก็ได้นี่”


“คงใส่ได้มั้ง ตัวเท่านี้ผมใส่ก็ปริพอดี...ไม่เป็นไรหรอก ไม่อาบน้ำสามวันตอนไปออกค่ายกะไอ้ถังยังทำมาแล้วเลย”


“ไม่เอา เดี๋ยวพี่ออกไปซื้อให้” คิรากรยืนกราน คนอายุมากกว่าลุกขึ้น


จิณณ์บิดขี้เกียจแล้วคว้ากุญแจมาถือ “ไปก็ไป จะได้ซื้ออย่างอื่นมาฝากไว้ด้วย”


“อื้ม”


 

 







คิรากรเดินเข็นรถไปข้างหน้า โดยที่สายตาไล่มองไปตามป้ายของแต่ละส่วน “เสื้อผ้าผู้ชายอยู่ตรงไหนล่ะเนี่ย”


“ข้างหน้าโน่นไง” จิณณ์จับรถเข็นเข็นไปข้างหน้าแล้วไปหยุดยืนเลือกเสื้อยืดสีเข้ม


“ไหน พี่ช่วย” คนตัวเล็กกว่ารีบก้าวตามมา เขาเลือกเสื้อยืดสองสามตัวมาพาดไว้บนแขนของตัวเองก่อนจะเอื้อมมือไปแตะไหล่อีกคน


“นี่เป็นไง” เขาคลี่เสื้อยืดออกมาทาบไปกับไหล่กว้างแล้วถอยตัวออกมาสุดแขนเพื่อดูว่าเข้ากันไหม


“ก็โอเคล่ะมั้ง” จิณณ์พูดเรียบๆพลางจ้องหน้าคนที่ตั้งอกตั้งใจทาบเสื้อบนตัวเขา “นอกจากเหมือนเมีย...ยังเหมือนแม่ด้วย พี่คีย์นี่สุดยอดเลยว่ะ”


คิรากรขมวดคิ้วก่อนจะหยิบอีกตัวทาบบ้าง “ตัวนี้ล่ะ” ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินคำพูดชื่นชม แต่เป็นเพราะเขาทำไปด้วยความเคยชินกับการอยู่ร่วมกับใครอีกคน ตอนที่อนลชวนไปอยู่ด้วยกัน เขาก็ออกมาซื้อของด้วยกันแบบนี้


“ชอบไหม”


“ไม่ชอบสีอ่อนๆ เอาสีเข้มได้ป่ะ”


“เหรอ ใส่สีอ่อนพี่ว่าดีออก จะได้ดูสดใส พี่จะได้ยืมใส่ด้วย” คนที่จับเสื้อค้างไว้ยิ้มกว้างให้


จิณณ์มองแววตาที่สบกันแล้วก็ได้แต่พยักหน้า ตามใจไปทั้งที่ก็ไม่ได้ชอบอะไรนัก


หลังจากเลือกเสื้อผ้าเสร็จ ชายหนุ่มก็เลือกซื้อของใช้ส่วนตัวแล้วก็เข็นรถไปดูมุมของแห้ง จิณณ์มองอาหารสำเร็จรูปในตู้แช่แล้วทำท่าจะหยิบ “พี่คีย์เอาอะไร จะได้เก็บไว้เวฟกิน”


“ห หือ” เขาเงยหน้าขึ้นมาหา “เอาของสดเถอะ ดีต่อสุขภาพกว่า แต่ถ้าพวกไส้กรอกก็ได้นะ” ร่างบางไล่สายตาไปตามตัวเลือกที่มีมากมายจนชวนให้ปวดหัว


“อันอยากกินอะไรล่ะ” ไม่ถามเปล่า บนใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มหวาน


ชื่อที่หลุดออกมาทำให้คนยืนข้างๆนิ่งไปนิด จิณณ์คลี่ยิ้มอ่อนโยนที่นานๆจะเห็นสักทีแล้วตอบไปด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่คีย์....ผมไม่ใช่อันนะ”


สิ่งที่รู้สึกตอนนี้....ไม่รู้ว่าทำไมจิณณ์ถึงได้สงสารคนตรงหน้าเหลือเกิน...คิรากรเป็นเหมือนแม่ของเขาในตอนก่อนจะมีคนรักใหม่ จะทำอะไร...จะอยู่ที่ไหนก็คิดถึงแต่พ่อ จิณณ์ในตอนเด็กคิดเอาไว้ว่าเขาจะไม่เป็นคนยึดติดกับอะไร


เพราะรู้...ว่ายึดไปก็มีแต่ตัวเองเจ็บ


“รักเขาแล้วหนีมาทำไม ทำไมไม่แย่งล่ะ”


“ขอโทษ” เขาทำได้เพียงส่งยิ้มให้จางๆ “บอกแล้วไง พี่รอเขาอยู่ปีนึง แต่เขาบอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ผิดอะไร ทำอะไรไม่ได้” คิรากรถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วเงยหน้าถามคนอายุน้อยกว่าอีกที


“จินอยากกินอะไรล่ะ”


“เอาพวกสปาแช่ไว้ก็ได้ ผมเอาซอสไก่นะ”


“โอเค ไว้พี่จะทำให้กินแบบไม่แช่นะ” เขาเปิดตู้แช่แล้วหยิบเอาสปาเก็ตตีออกมาส่งให้อีกคนทีละแพค


จิณณ์เดินตามคนที่เข็นรถเข็นอยู่ แม้ท่าทางแสร้งปกติของคิรากรจะเก็บอาการได้ค่อนข้างดี แต่บางครั้ง...ความวูบไหวในแววตากลับบอกว่าคนตรงหน้าไม่ได้เข้มแข็งเหมือนที่เจ้าตัวพยายามทำเลย


“พี่คีย์...ไหวมั้ย”


“หือ ไหวอะไร”


“เรื่อง....แฟนเก่าพี่ มีอะไรคุยกับผมก็ได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว”


คิรากรเพียงส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก พี่รักเขามาก แต่ที่เขาให้พี่มันไม่พอ...จะว่ายังไงดี” เขาก้มหน้าลงราวกับกำลังใช้ความคิด


“ถ้าไม่ได้ทั้งหมด...พี่ก็ไม่เอา”


จิณณ์ยิ้มรับกับคำพูดมั่นคงของคิรากร ทั้งๆที่ในหัวใจกลับรู้สึกแปลกๆ....


...เป็นเหมือนกันสินะ....


“ผมด้วย...ถ้าไม่ได้ทั้งหมด สู้อย่ามีดีกว่า”


คนอายุมากกว่าหัวเราะออกมาเบาๆ “เป็นคน...โลภนะเนี่ย”


“พี่ก็เหมือนกันแหละวะ”


จิณณ์หัวเราะเบาๆ รถเข็นถูกเปลี่ยนมือเมื่อตอนไปถึงหน้าที่จ่ายตังค์ ของที่จะซื้อไม่ได้มาก แต่เป็นของของเขาเสียส่วนใหญ่ จิณณ์ล้วงหยิบกระเป๋าเงินออกมาในตอนที่แคชเชียร์กำลังคิดเงิน


“จิน ไม่ต้อง พี่จ่ายเอง” คิรากรที่เห็นอีกฝ่ายหยิบกระเป๋าออกมาก็รีบเข้าไปดึงแขนเอาไว้


“ของผมทั้งนั้น จะจ่ายทำไม”


“ก็มันเป็นของที่อยู่ห้องพี่ เสื้อนี่ห้ามจินเอากลับบ้าน พี่เอาไว้ที่ห้อง ให้จินยืม” เขายิ้มให้คนอายุน้อยกว่าที่ทำเสียงเข้มใส่


เถียงกูตลอด แถได้อีก....ถึงจะคิดใจในแต่สีหน้าของจิณณ์ก็แทบจะอธิบายทุกคำได้แล้ว “บ้าป่ะเนี่ย ใช้อะไรคิดวะแว่นแฮม เสื้อถือเป็นของส่วนตัว ต้องจ่ายเองดิ่”


“ไม่เอา พี่จะซื้อให้ เวลาจินไม่มา พี่จะได้เอาไว้ใส่ด้วย” เจ้าของห้องที่ให้พักพิงยังคงยืนกราน


“อย่ามาตลก” คนตัวสูงกว่าควักแบ็งค์ในกระเป๋ายื่นส่งให้แคชเชียร์


“ไม่ได้ตลก พูดจริงๆ ทางนี้ครับ” คิรากรยิ้มให้กับแคชเชียร์ก่อนจะเอื้อมไปยื่นเงินของตัวเองส่งให้


คนอายุมากกว่าจ่ายให้เสร็จสรรพ โดยที่จิณณ์ได้แต่ยืนทำหน้าบูดมองอย่างไม่ชอบใจ การที่ถูกอีกฝ่ายสปอยล์เหมือนเด็กๆทั้งที่ห่างกันไม่เท่าไหร่ทำให้จิณณ์เกิดอาการงอนเล็กน้อย


“คราวหลังไม่มาด้วยแล้ว.....”


“อ้าว ไม่มาด้วยแล้วพี่จะมากับใคร” คิรากรส่งถุงของทั้งหมดให้จิณณ์เป็นคนถือ “โกรธอะไร...”


“ช่างเหอะ....”


จิณณ์ฉวยถุงแล้วเดินออกมา...แต่ก็ไม่ลืมที่จะรอใครอีกคน


 







 

ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องที่เดินออกมา มือข้างหนึ่งใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กขยี้เบาๆบนศีรษะที่เปียกชุ่มของตัวเอง คนตัวเล็กกว่าถือวิสาสะไปนั่งข้างๆจิณณ์ที่ดูโทรทัศน์อยู่ “เสร็จแล้ว หายโกรธหรือยัง”


จิณณ์ในชุดที่เพิ่งซื้อมาใหม่หันมอง “ไม่ได้โกรธ...แล้วทำไมไม่เช็ดผมดีๆ เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก”


“นี่ไง เช็ดอยู่” คิรากรทำมือประกอบคำพูดที่ว่าเช็ดอยู่พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ส่งให้


“เป่ามั้ย...เดี๋ยวผมเป่าให้”


“เอาสิ” เขาตอบรับอย่างรื่นเริงพลางลุกไปหยิบเอาไดร์เป่าผมออกมาจากลิ้นชักที่อยู่หน้าห้องน้ำ “ปลั๊กไปไม่ถึงหน้าทีวีอะ...”


จิณณ์ลุกเดินตามไปแล้วกดบ่าให้คิรากรนั่งลงหน้ากระจก มือใหญ่สางเส้นผมเปียกๆแล้วใช้ไดร์เป่าเบาๆสลับกับเอาผ้าขนหนูเช็ด


“สบายมั้ย ร้อนไปป่ะ”


“ไม่เลย สบายมาก ไม่มีคนเป่าผมให้นานแล้ว เหมือนกลับไปเป็นเด็กเลย” คิรากรทั้งยิ้มทั้งหัวเราะขณะที่สบตากับคนที่ยืนอยู่ด้านหลังผ่านเงาสะท้อนบนกระจก


“ก็มัวแต่ไปทำให้คนอื่น ไม่ดูแลตัวเอง สมน้ำหน้า” จิณณ์ยิ้มนิดๆเมื่อเห็นแววตาวาวๆสะท้อนในกระจก เขาหัวเราะต่ำๆแล้วสางผมที่เริ่มแห้งให้


“อยู่กับผม ผมดูแลเอง.....ไว้พี่มีแฟน ค่อยให้มันดูแลแล้วกัน”


“ยากจัง พี่ไม่ถนัดถูกดูแลซะด้วย” เขายังคงยิ้มและหัวเราะ แต่ว่าพวงแก้มเริ่มซับสีเข้มมาจนสังเกตได้


“ก็รีบชินไวๆดิ่....” จิณณ์มองในกระจก รุ่งพี่ตัวเล็กกำลังก้มหน้างุดซ่อนใบหน้า ชายหนุ่มยิ้มกว้างจนดวงตาเป็นประกาย “เขินเหรอ...เขินอ่ะดิ่”


“อย่าสิ” เขาร้องท้วงขึ้นมาพลางยกมือขึ้นมาปิดหน้า “เขินไม่ได้หรือไง”


“เพิ่งสังเกตว่าพี่น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย” พูดแล้ว ปลายนิ้วสากก็ไล้ปลายคางอีกฝ่ายอย่างตั้งใจจะหยอกเล่น


“จิน...” คิรากรก้มหน้าเอียงไปอีกทางเมื่อถูกสัมผัสแบบนั้นโดยไม่รู้ว่ากำลังถูกหยอกเล่น


เจ้าของชื่อกดปลายคางลงบนกลุ่มผมหนานุ่มสีเข้มที่แห้งสนิท มือที่ลูบไล้เปลี่ยนเป็นโอบกอดเบาๆจากข้างหลัง “หอมแอปเปิ้ล...กินได้ป่ะ”


“อยากกินแอปเปิ้ลเหรอ...” เขาเงยหน้าขึ้นมอง


“กินพี่คีย์มั้ง” ชายหนุ่มวางไดร์เป่าผมแล้วจับแก้มคิรากรยืดออกอย่างหมั่นเขี้ยว


...อันตรายชิบหาย ท่องไว้ว่าเป็นแค่แว่นแฮม..แว่นแฮมๆๆๆๆ


“กินอะไร” คิรากรยิ้มเขินๆก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะ “เดี๋ยวติดขึ้นมาแล้วจะมาว่าพี่”


คราวนี้เป็นจิณณ์ที่ชะงักไป เขาละมือออกเกาหัวตัวเอง สีหน้าปิดความเขินไว้ไม่มิด


“บ้าจริงกู” พึมพำเบาๆก่อนจะแอบถอนใจ....แม่ง อะไรนักหนาวะ ทำยังกะจะ..ชอบ...แว่นแฮมที่รักคนอื่นเนี่ยนะ ไม่มีทางหรอก


“ติดอะไรวะ” จิณณ์แสร้งทำเสียงเข้มกลบเกลื่อน


“ก็ คนเขาชอบพูดกันไม่ใช่เหรอ ว่าลองกับผู้ชายแล้วจะติดใจ” เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะหันมายิ้มขอบคุณ “ขอบใจนะ”


เจ้าของห้องไม่พูดเปล่า เขาขยับยืดตัวขึ้นแตะริมฝีปากเบาๆที่ข้างแก้มของจิณณ์ “ขอบใจมาก”


คนถูกหอมแก้มนิ่งชะงัก มองคิรากรด้วยอาการเหวอ


...เชี่ย...


...เชี่ยแล้ว...


...เชี่ยสุดๆ....


“กะ...แกล้งกันนี่หว่า” มือใหญ่ยกขึ้นจับแก้มข้างที่ถูกหอมพร้อมโวยลั่น


“อ้าว...ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ชอบใช่ไหม ขอโทษนะ” พอถูกโวยเข้า คิรากรถึงกับตกใจจนต้องรีบกล่าวขอโทษ


“ก็...ก็....เปล่า ไม่เป็นไร...ไม่ได้...” คนพูดเงียบเสียงลง ไม่ได้...ไม่ชอบ จะให้พูดไปอย่างงั้นมีหวังคิรากรคิดไปไกล แต่ถ้าไม่พูด...ก็คงคิดมากไปอีก


“เอ่อ....ไม่ชิน...ช่างเหอะ อย่าหอมบ่อยแล้วกัน เดี๋ยวติดใจ” จิณณ์พูดรัวเร็วแล้วเอาผ้าเช็ดผมเปียกๆโยนใส่ตะกร้า


“โอเค...ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ” คนอายุมากกว่ายิ้มให้อีกครั้ง “เดี๋ยวจะนอนเลยไหม” เขาหันเดินมาหยุดที่ประตูห้องนอน


จิณณ์พยักหน้า แล้วเดินตามเข้าไป เขาแอบเหลือบเห็นหนังสือต้นเหตุ...ที่คั่นรูปของอดีตคนรักของคิรากร หลบมุมอยู่ตรงที่วางข้างๆโต๊ะ เขาเดินมาที่เตียงแล้วหยิบเอาหมอนกับผ้าห่มผืนบาง ทำท่าจะเดินออกนอกห้อง


“อ้าว ไปไหนอะ” เจ้าของห้องรีบท้วงขึ้นขณะที่เดินไปหยิบเอาหนังสือที่วางอยู่บนเตียงสองสามเล่มออก


“ก็นอนข้างนอกไง”


“ไม่เอา นอนด้วยกัน เตียงกว้างจะตาย”


เป็นคนที่ยืนถือหมอน ทำหน้ายุ่งตัดบทอีกครั้ง “ขี้เกียจเบียด โซฟาก็นอนได้”


“ไม่เอา นอนด้วยกัน โซฟาไม่สบายนะ ไม่เบียดหรอก...” คิรากรไม่ยอมให้จิณณ์ได้ทำแบบนั้น แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามันอาจเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น จึงเอ่ยถามต่อ


“หรือเพราะพี่ชอบผู้ชาย...ไม่สะดวกใจ...ใช่ไหม”


คนฟังหันมองหน้าทันที และพบว่าสีหน้าของอีกคนดูเศร้าขึ้นมานิดหน่อย...ถึงจะไม่ใช่กงการอะไรที่จะต้องถนอมน้ำใจ แต่เขาก็ไม่อยากให้คิรากรคิดมาก


“เปล่า...ก็...นอนก็ได้ ผมไม่ได้อะไร”


“งั้นพี่นอนข้างในเองนะ” ร่างบางยิ้มออกมาก่อนจะเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วหันไปรอรับหมอนจากอีกคน


จิณณ์กระเถิบขึ้นนอน เตียงที่คิดว่าใหญ่ เมื่อนอนด้วยกันสองคนกลับพอดีจนน่าประหลาด เขาวางหมอนแล้วเอนตัวลงนอน เอามือเท้าคางจ้องใบหน้าคิรากร


“ม มองอะไรน่ะจิน” เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าครึ่งหนึ่งขณะทำเสียงเชิงต่อว่า


“อ้าว มองไม่ได้เหรอ อะไรกัน...ทีเมื่อกี้ยังหอมแก้มผมอยู่เลย”


มือของคิรากรยิ่งยกผ้าขึ้นปิดจนเหลือแค่ดวงตา “เขิน...”


จิณณ์อึ้งไปกับท่าทาง...ที่เรียกได้ว่าน่ารัก ของชายหนุ่มรุ่นพี่ตรงหน้า เขาก้มตัวลงต่ำเข้ามาช้าๆเอาใบหน้าซุกกับผ้าห่มที่คิรากรยกขึ้นปิด “เขินเหรอ...เขินอะไร...”


เจ้าของห้องยิ่งออกแรงดึงผ้าห่มให้ปิดจนหมดทั้งหน้า “เขินจินนั่นแหละ จะจ้องพี่ทำไม” เขาส่งเสียงอู้อี้ผ่านผ้าผืนหนา


เจ้าของชื่อหัวเราะขำกับท่าทางเขินเอาจริงเอาจัง จิณณ์นอนลงบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มอีกครึ่งขึ้นมาห่ม


“ไม่จ้องก็ได้....”


“นอนนะ” คิรากรลดผ้าห่มลงก่อนจะหันมายิ้มให้ “กู๊ดไนท์”


“ฝันดี...พี่คีย์”


ใช้เวลาไม่นานนัก รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของคิรากรก็ค่อยๆคลายออก ดวงตาปิดสนิทพร้อมกับลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ร่างกายที่ผ่อนคลายพลิกหันมาหาก่อนที่แขนจะเอื้อมไปคว้าเอวของร่างสูงเอาไว้แล้วขยับตัวเข้าหา


“เฮ้ย!!” คนที่กำลังเคลิ้มๆใกล้หลับสะดุ้งเฮือก เขามองตัวเจ้าปัญหาที่พาดท่อนแขนโอบกอดเขาไว้แล้วแตะที่ไหล่ เรียกให้ตื่น


“พี่คีย์....อย่ากอด...ตื่นสิ...”


คนที่หลับจนลึกไม่ยอมตื่นง่ายๆ เขาซุกตัวเบียดเข้าหาไออุ่นจากอีกฝ่าย ริมฝีปากยกยิ้มน้อยๆอย่างคนหลับฝันดีโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังกอดใครอยู่


คนถูกกอดนอนนิ่ง แล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าชีวิตถูกคุกคามจากแฮมสเตอร์ท่าทางเงียบหงิมแต่มือตุ๊กแก พอลองเอามือไปผลักกลับกลายเป็นติดหนึบยิ่งกว่าเดิม จิณณ์ถอนหายใจแล้วทำท่าจะขยับออก ร่างที่เบียดกลับยึดเอาไว้แน่น พึมพำเรียกชื่อคนรักเก่า...จนอดจะโมโหขึ้นมาไม่ได้


“ตื่นเลย...ผมไม่ใช่แฟนเก่าพี่ ไอ้พี่คีย์”


“ห...หือ...อะไรเหรอ....อัน” คนที่หลับไม่รู้เรื่องค่อยๆลืมตาขึ้นมาพร้อมกับน้ำเสียงงัวเงีย มือยกขึ้นขยี้ตาเบาๆแล้วมองหน้าคนที่ดูอารมณ์เสีย คิรากรกระพริบตาสองสามที


“...จิน.................” พอคิดได้ว่าอะไรเป็นอะไรเขาก็ถอยตัวออกมาจนชนกับผนัง “ขอโทษ....”


“จะเรียกคนอื่นก็ไม่ต้องมากอดเลย” จิณณ์พูดเสียงงัวเงีย แต่แววตาอ่อนโยนลงนิดหน่อย...ตอนที่เอื้อมมือไปดึงคิรากรออกมาจากผนัง


“นอนอย่างงี้ระวังโดนปล้ำไม่รู้ตัวนะ”


“ขอโทษ...ชินน่ะ...”


“หาแฟนใหม่ได้แล้วมั้ง” จิณณ์พูดยิ้มๆแล้วพลิกตัวลงนอน “ง่วง...นอนเหอะ พรุ่งนี้พี่เรียนเช้านี่...ใช่ป่ะ”


“อื้ม...ขอโทษนะ จะนอนดีๆแล้ว” คิรากรขยับตัวออกห่าง ซ้ำยังตะแคงตัวหันหลังให้อีกคนอย่างชัดเจน รู้สึกไม่ดีเล็กน้อยที่เผลอไปกอดอีกฝ่ายเข้า


พอร่างสูงลืมตาขึ้นมอง..ก็อดสงสารคนที่นอนหันหลังตัวเกร็งไม่ได้ มือใหญ่เอื้อมไปแตะที่ไหล่เบาๆแล้วลากให้พลิกกลับมาไว้ ท่อนแขนของจิณณ์วางพาดบนเอวแล้วรั้งจนใบหน้าเหรอหราซุกลงบนอก


“ให้ยืมคืนนึง....นอนได้แล้ว”


คิรากรรู้สึกดีที่ปิดไฟจนหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงได้เห็นใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเอง เขารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเพราะการกระทำที่อ่อนโยนของคนอายุน้อยกว่าจนต้องรีบหลับตาลง


“กู๊ดไนท์....” คำกล่าวราตรีสวัสดิ์คราวนี้ฟังดูแผ่วเบาเสียจนเป็นเพียงเสียงกระซิบ


“ฝันดี”


จิณณ์ไม่รู้ตัวเองเลย....ว่าเส้นแบ่งของคำว่าอยากดูแล กับคำว่าตัดรำคาญ


...มันแคบ...นิดเดียว...

 
 
 
 
 
 





To be continued...
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 18-05-2013 23:10:00
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 18-05-2013 23:14:42
นั่นแน่ะ ทำเป็นเล่นไป ติดใจเข้าแล้วล่ะสิ ยอมรับมั้ยล่ะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 18-05-2013 23:35:30
จิณณ์รุกมะ เทคแคร์ดีงี้หายากนะ555555555555555555
เหมือนถ้างุงิงๆๆๆกันอีกสักหน่อยก็คงสปาร์คกันละ
บายอันไปอยู่ที่ชอบที่ชอบนะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: KilluaZoaldyeck ที่ 19-05-2013 00:52:22
กุบกิบไปจนจบ  อย่าดราม่านะ
 :mew3: :-[
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 19-05-2013 01:13:20
อะแน่ะ เดี๋ยวก็ติดใจจริงๆหรอกน้องจิน อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-05-2013 06:37:14
ลุ้นอ๊า พี่คีย์ไม่ต้องลืมอันก็ได้ แต่ไม่ต้องรู้สึกอะไรด้วยอีกแล้ว มารู้สึกกับจินดีกว่า น่ารักกว่าเยอะ :o8:
ความใกล้ชิดคงทำให้จิตใจหวั่นไหว ยังไงจินก็รีบตัดสินใจจีบพี่คีย์จริงๆจังๆซะทีนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 19-05-2013 07:23:20
จิณระวังจะติดใจน้า อิอิ
ส่วนพี่คีย์ก็ลืมๆอันไปเหอะ
ผู้ชายโลเลแบบนั้นอย่าไปจำเลย
หาใหม่ดีกว่านะพี่
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 19-05-2013 11:38:48
ตามมากุบกิบด้วยคนจ้าา

พี่คีย์น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-05-2013 00:18:23
กุบกิบบบบบบ

กรี๊ดอ้ะ เขิลแทน
แต่นะ พี่คีย์ ลืมๆ อันไปเถอะ
เริ่มใหม่กะจินดีกว่าาา
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 20-05-2013 01:32:55
โอยยยยยยยยย

หลงรักเรื่องนี้เข้าให้แล้ว +เป็ดค่ะ

หลงรักพี่คีย์ ความใสซื่อนั่นอีกโอ๊ยยชอบมากๆๆ

จะรอติดตามนะคะ กุบกิบน่ารักเชียว  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 5 หวั่นไหวได้ป่ะ?? [18/05/13]
เริ่มหัวข้อโดย: hanachiko ที่ 21-05-2013 10:25:02
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
จินน่ารักมาก โอมมม ติดใจเร็วๆนะ  :mc4:
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 6 เห็นเงียบๆ..รักเพียบนะครับ♥ [02/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 02-06-2013 19:23:26


kagehana : เลิฟตะลอนออนทัวร์ มาเที่ยวคราวนี้อาจจะมีอะไรคืบหน้าก็ได้นะคะ ฮิ กุบกิบหัวใจกันไปอีกสักพัก





-6-




 




“พี่เพิ่งเคยมาเที่ยวแบบนี้นะ” คิรากรหันมาพูดกับคนที่นั่งข้างๆบนรถทัวร์ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ตอนที่อยู่สหรัฐอเมริกานั้น ด้วยความที่เขาอยู่ในสังคมชั้นสูงของที่นั่น ทำให้ทุกการเดินทางมีแต่รถลิมูซีนหรือเครื่องบิน แม้กระทั่งเฮลิคอปเตอร์ พอได้มานั่งรถแบบนี้เลยทำให้รู้สึกตื่นเต้นไปอีกแบบ


“เด็กมหาลัยก็งี้แหละ ไว้คราวหน้าจะพานั่งรถไฟไปหัวหิน...” จิณณ์พูดเบาๆก่อนเร่งเสียงเพิ่มขึ้นเพราะมีเสียงแทรกจากท้ายรถ


“ประกาศๆ ในฐานะของเพื่อนประธานเอกภูมิศาสตร์ปีสอง ผม..นายรฐกรหรือรถถัง ขอประกาศต่อหน้าเพื่อนๆพี่น้องทุกท่านว่า.....” คนที่นั่งอยู่หลังรถแล้วใช้โทรโข่งพกพายืนพูดเงียบเสียงไป แล้วหันมองใบหน้าของทุกคนที่ตั้งใจฟัง  “ว่า.....”


“ว่าอะไรคะ พี่ถังขา” เสียงทุ้มห้าวที่ดัดแหลมของ ลัคกี้ พี่เชียร์ปีเดียวกันสังกัดกลุ่มเพื่อนสาวมหาวิทยาลัยถามมาจากอีกด้านของคันรถ


“ว่า....ยังโสดๆ อยู่ตรงนี้ ยังโสดๆ อยากมีรัก มาโหลดๆ......” รฐกรทำท่าแอ๊บแบ๊วเลียนแบบนักร้องสาววัยรุ่น เสียแต่เสียงที่ร้องกลับห้าวจนทำเอาทั้งคันรถฮาครืน


“เป็นเชี่ยไรของมึง ไอ้ถัง” จิณณ์ปาดน้ำตาที่เล็ดออกมาแล้วตะโกนถามเสียงสั่นเพราะกลั้นหัวเราะ


“กูโสดดดดดดด มึงคิดดูนะ คิดดูนะพ่อแม่พี่น้อง” รฐกรวางท่ากระแอมใส่โทรโข่ง “บ้านเกวียน อากาศหนาวๆ ทะเลดาว.....เสือกนั่งโสดดูคนเดียว เหงาชิบหาย ขอเสียงคนโสดหน่อย ใครโสดยกมือขึ้น.....โปรโมชั่นใหม่ สมัครเป็นแฟนตอนนี้ แถมข้าวสารฟรีถึงชาติหน้า”


พูดจบเจ้าตัวก็ยกขึ้นสุดแขน และรวมไปถึงใครๆอีกหลายคน


“น้องกี้โสดค่า โสดๆมาทางนี้”


“กูว่ากูเลิกโสดดีกว่าครับน้องกี้.......”


“เชี่ยถัง ไอ้ถังขี้” เป็นลัคกี้ที่ลุกขึ้นยืนเท้าเอว มองค้อนใส่


“ถังไม่ต้องมั่วเลยดีกว่า เป็นแฟนกับโฟมไม่ใช่เหรอ” เสียงใสๆตะโกนขึ้นมาจากด้านหลัง


“หา? อะไรนะ!” เจ้าของชื่อโฟมที่ถูกพาดพิงถึงกับลุกพรวดขึ้นมาหันไปหาต้นเสียง


“เหี้ยแล้ว!” คนถือโทรโข่งสบถใส่โทรโข่งแล้วหันกลับไปมองหญิงสาวหน้าใสที่มีลักยิ้ม...ยักยิ้มเจ้าเล่ห์แบบเหมือนรู้ทันคนทั้งโลก “นึกว่าใคร...จะอะไรกะกูนักหนาวะไอ้แจ๊ส”


“ไม่ได้อะไรเลย ก็พูดความจริง” แจ๊ส หรือจีรนันท์ยิ้มกว้างมากขึ้น “ไม่ใช่เหรอ”


“เอาอะไรมาพูดวะแจ๊ส กูกับถังเหมือนเป็นแฟนกันตรงไหน” อิชย์ขึ้นเสียงบ้าง เขาไม่ลืมที่จะเหลือบมองปฏิกิริยาของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ


“ถูกกกกก” ลากเสียงยาวต่อด้วยประกาศลงโทรโข่ง “อ่ะ ใครโสดโปรดจีบไอ้แจ๊สด้วย นาวสาวจีรนันท์ เอกเกย์ศึกษา โทแต่งนิยาย ช่วยสอยจากคานที ไม่งั้นประชากรชายอย่างเราจะถูกคุกคาม ฮิ้วววววว”


“เรื่องของเรา เราอยู่คนเดียวได้ เขียนนิยายให้พวกแกได้กันยังสนุกกว่าเลย” จีรนันท์ไม่สะทกสะท้านต่อคำแซวเหล่านั้น ซ้ำยังยักไหล่อย่างไม่รู้สึกรู้สา


“ให้ผู้ชายได้กันกูไม่ว่า ให้กูได้ไอ้โฟมกูเคือง!”


“ทำไมอะ โฟมไม่ดีตรงไหน เราว่าออกจะเหมาะกัน ถังหล่อ โฟมตัวเล็กน่ารัก โคตรอุดมคติ” หญิงสาวไม่หยุดที่จะพร่ำพรรณนาต่อ แถมด้วยแววตาช่างฝัน


“ถูกค่ะเพื่อนสาวขา กี้เสียใจนี้สนึงที่ไม่ได้ถัง แต่ถ้าเป็นโฟมก็โอเค นางน่ารักกว่ากระเทยทั้งม.รวมกัน” พูดจบก็หัวเราะลั่นรถด้วยท่าทางเป็นต่อ เข้าข้างเพื่อนสาวตัวเล็กเต็มที่


“อีกี้! ไอ้แจ๊ส! หยุดเลย หยุดๆๆๆ สเปคพี่ถังต้องตัวเล็กน่ารัก อกอึ๋มขาวใส และที่สำคัญเป็นผู้หญิงโว้ย” รฐกรไม่ยอมแพ้...แม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงเสียงแหลมพูดไม่หยุด กับกระเทยยักษ์เสียงห้าวก็ตาม


“กูก็ผู้หญิงค่ะอิถัง ทำไมต้องให้กูหยาบคายคะ” เศษกระดาษที่ถูกขยำถูกปามาทางทิศทางที่รฐกรยืนอยู่


“น่ารักกว่ากระเทยอะไรวะ กูผู้ชายอีกี้” อิชย์หันไปว้ากใส่ก่อนจะนั่งลงอย่างหัวเสีย


พชรที่นั่งนิ่งอยู่นานดึงอิชย์เข้ามาโอบ มือใหญ่ลูบหัวเบาๆ “หงุดหงิดทำไม  กี้กับแจ๊สแค่ล้อเล่น” คนที่เป็นประธานชั้นปีเอกภูมิศาสตร์ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่ามองแล้วยิ้มขำ


“ก็...” เขานึกหาคำที่จะมาเถียงไม่ออก อารมณ์ที่กำลังโมโหอยู่เมื่อครู่คล้ายกับถูกอ้อมกอดของร่างสูงละลายให้หายไป “อืม...รู้แล้ว...”


“พี่ไผ่อะ จะเล่นบทพระรองรอเสียบแทนพระเอกเหรอ” จีรนันท์ที่เห็นการกระทำของพชรถึงกับอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงมาแซวอีกครา


“พระรองเชี่ยไร คนนั้นพระเอกตัวจริงของน้องเม็ดโฟมคร้าบบบ รู้ไว้ซะด้วย ไม่ใช่กูครับ ชะนีนมน้อย”


“พี่ไผ่เป็นพระเอกจะสนุกอะไร ต้องเป็นตัวร้ายสิ ในคราบคนดี เนอะกี้” หญิงสาวหันไปหาลูกคู่


“ถูกต้องค่ะเพื่อนน้องแจ๊ส น้องกี้ว่าพี่ไผ่เป็นตัวร้าย ที่เรื่องต่อไปต้องได้เป็นพระเอกคู่น้องกี้” ลัคกี้ทำท่าเคลิ้มแล้วส่งจูบลอยลมไปทางพชรที่กลั้นขำแทบไม่อยู่ “เรื่องหน้ากี้ต้องได้เป็นนางเอกนะคะเพื่อนน้องแจ๊ส”


“มึงจะเป็นกระเทยหรือจะเป็นสาววาย ระบุเพศด่วนครับคุณลักขี้”


“กรี๊ดดดด อีถังแตก อิถังรั่ว ลัคกี้ย่ะ ขี้เอาไว้ปาหน้าแกไป๊...ทำไม เป็นกระเทยชอบอ่านนิยายวายไม่ได้เหรอยะ เดี๋ยวนี้ตุ๊ดได้ตุ๊ดยังมีเลย แกจะเอาอะไรกับพวกชั้น โอ๊ย เพลียจะเถียง พี่จินขา พี่คีย์ขา ช่วยน้องกี้ด้วย” ลัคกี้ทำซวนเซไปซบเบาะตรงที่ทั้งสองคนนั่ง “พี่อาลัว มัวแต่นั่งยิ้มแดกแฟ้บเหรอยะ อิถังมันด่ากู ช่วยบ้างอะไรบ้าง”


“เราก็ไม่รู้จะช่วยอะไรนะ...” นภัสรพียิ้มให้ตามแบบฉบับของเจ้าตัว


“น้องลัคกี้ก็...ทำเลยสิครับ...ถังจะได้รู้ว่าเป็นยังไง” คิรากรตอบด้วยน้ำเสียงติดจะขำๆเล็กน้อย


“ว้ายยย พี่คีย์ พูดอะไรก็ไม่รู้” ลัคกี้คว้ามือหยิกหมับเข้าที่แก้ม ก่อนจะโดนมือดีตีเพี้ยะเข้าอย่างจัง


“อย่ายุ่ง...หดมือไปเลยกี้”


“ต๊าย หวงเหรอคะพี่จินขา กูแตะนิดแตะหน่อย ไม่สึกหรอหรอก มึงเป็นใครไม่ทราบคะ ตอบด่วน”


“ประกาศๆ กระเทยนั่งที่ ไม่งั้นกูถีบตกรถ” รฐกรเดินมาถึงที่แล้วตะโกนใส่โทรโข่ง ทำเอาคนที่ตั้งใจจะหยอกรุ่นพี่หันไปทุบดังอั่กพร้อมสวดอุทิศส่วนกุศลให้ทั้งบ้านอย่างครบครัน หลังจากที่ฟัดกันหนำใจ สาว(ที่เจ้าตัวว่าสวยที่สุดในคณะ) ก็เดินสะบัดก้นกลับไปนั่งที่เดิม


“หนวกหูป่ะ” จิณณ์โน้มตัวลงไปพูดใกล้ๆหูคนที่นั่งด้วยกัน


“ไม่หรอก” เขาหันมายิ้มให้ก่อนจะรีบขยับออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงใบหน้าที่อยู่ใกล้ชิด “ตลกดี...จินเถอะ หวงพี่เหรอ”


“เปล๊า....ถ้าชอบเดี๋ยวเรียกให้มันมาจับใหม่ก็ได้ เอามั้ย”


“ไม่เอา ไม่ได้ชอบให้ดึงหรอก” คิรากรยกมือขึ้นนวดแก้มของตัวเองเบาๆ


จิณณ์มองแฮมสเตอร์ใส่แว่นทำแก้มป่องนวดแก้มตัวเองแล้วยิ้มขำ มือที่ยื่นไปโดยไม่ตั้งใจแตะเบาๆ...โดยที่เจ้าของแทบไม่รู้ตัว


“ทำไมชอบดึงแก้มพี่นะ อันก็ชอบ” เจ้าตัวบ่นหน้ายุ่ง


มือที่จับอยู่ชะงัก...ก่อนจะค่อยๆดึงออกมา จิณณ์ยิ้มนิดๆแล้วเอนหัวพิงลงเบาะ....ไม่รู้ว่าทำไม พอฟังชื่อแฟนเก่าของคิรากร ดันรู้สึกแปลกๆทุกครั้ง


“ไหนว่าจะลืม......”


“ก็ลืม...พยายาม...ขอโทษนะ” หางเสียงของคิรากรอ่อนลง “อยู่ด้วยกันนาน...ยากนะ ที่จะไม่มีอะไรที่ชวนให้นึกถึง”


“งั้นเปลี่ยนเป็นคิดถึงผมแทนสิ”


คนอายุมากกว่ายิ้มกว้างให้ด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ “อยู่ด้วยกันแบบนี้ พี่จะคิดถึงได้ยังไง พูดไปนั่น เดี๋ยวก็โดนแซวหรอก หาแฟนไม่ได้นะ”


“หาแฟนไม่ได้ก็ให้พี่คีย์เลี้ยง” พูดจบก็ยิ้มกว้างแล้วเอนหัวซบเส้นผมหอมกรุ่นกลิ่นแอปเปิ้ล


คราวนี้คิรากรถึงกับหัวเราะออกมา “โอเค จะรับเลี้ยงไว้ก็ได้”


คนที่นอนซบอยู่หัวเราะเบาๆ อีกครั้ง แล้วพาลอดนึกไม่ได้....


...ถ้าถูกรับเลี้ยงจริงๆก็คงดี...


 

 







ช่วงเวลาที่มาถึงที่อุทยานแห่งชาติ ดอยภูคา เป็นตอนเช้าที่แสงแดดเจิดจ้า ทริปนี้ทุกคนที่มาด้วยจะได้พักในบ้านเกวียนเล็กๆที่เป็นที่พักของอุทยาน แม้ว่าความสะดวกสบายจะไม่เท่ารีสอร์ทแต่ก็เหมาะสมกับเหล่านักศึกษาที่พร้อมจะทิ้งชีวิตในมหาวิทยาลัยชั่วคราว มาเที่ยวเล่นในที่ๆไกลออกมาจากบ้าน


พชรลงไปประสานงานกับอาจารย์ประจำภาควิชาที่สำนักงานของอุทยาน ก่อนจะกลับขึ้นมาสะกิดคนที่นอนหลับเอนหัวซบเบาะให้ตื่นขึ้น


“โฟม..เม็ดโฟม ถึงแล้ว”


“อือ...” คนตัวเล็กงัวเงียยกมือขึ้นขยี้ตา อิชย์หาวออกมาก่อนจะขยับยืดเส้นยืดสายแล้วยืนขึ้น


“เอาของไปเก็บที่ห้องกันเนอะ”


“เดี๋ยวต้องไปรวมตัวกันที่ลานก่อน อาจารย์จะให้แบ่งห้องนอนกัน บ้านเกวียนนอนได้บ้านละสองคน แต่ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมใกล้ๆ แยกชายหญิงนะ”


“ ถัง....ถัง.....แจ๊ส เรียกถังให้หน่อย” พชรสะกิดจีรนันท์ที่นั่งสะลึมสะลืออยู่เบาะถัดไป ส่วนอีกเบาะด้านหลังเป็นรฐกรนอนหลับให้ลัคกี้ที่แอบเนียนมานั่งด้วยซบหลับไปด้วยกัน “บอกถังให้โทรโข่งปลุกทุกคนหน่อย”


“พี่รถถังขา โทรโข่งปลุกทุกคนด้วยเสียงหล่อๆทีค่ะ” จีรนันท์ทำไปกระซิบเสียงหวานข้างหูคนที่นอนหลับลึกไม่มีท่าทีจะตื่น


“แล้วเรานอนห้องไหนกันอะ” อิชย์เงยหน้าถามคนที่ยืนมองดูความเรียบร้อยของทุกคนบนรถ


“เรานอนกับถัง ให้โฟมนอนกับอาลัวก็ได้ จินก็คงนอนกับพี่คีย์”


“อ้าว ทำไมล่ะ โฟมไม่ได้นอนกับพี่ไผ่เหรอ” เขาร้องท้วงทันทีที่ได้ยินการจับคู่นอนนั่น


“....ใช่” พชรพูดเบาๆ ในการเลือกที่นอนครั้งนี้ เขาเป็นฝ่ายไปขอให้นภัสรพีนอนกับคนตรงหน้าเอง ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าอย่างไม่เรื่องมาก ตามประสา...คุณชายอะไรก็ได้


“ทำไมอะ” ทั้งๆที่ตั้งใจมาทริปนี้ด้วยเพราะคิดว่าจะได้มาเที่ยวกับพชรและแอบทึกทักเอาเองเล็กๆว่ามาด้วยกันสองคน ดวงตากลมที่มองมาดูหม่นหมองลงกว่าที่เคย


“เราต้องตื่นเร็วตอนเช้า เดี๋ยวโฟมนอนไม่พอ ถังมันไม่ตื่นง่ายเหมือนโฟม” ที่พูดออกมาก็จริง...แต่เหตุผลหลักไม่ใช่อย่างนั้น


แค่เพียง....กลัวจะอดใจไม่ไหว


“...งี้โฟมไม่มาดีกว่า...” พอพูดจบ คนพูดก็รีบเก็บกระเป๋าขึ้นสะพายบนหลังแล้วเบี่ยงตัวออกมาจากที่นั่ง “ไปรอที่ลานนะ”


พชรมองตามพลางเม้มปากแน่น แต่ดูเหมือนเวลาจะไม่เหลือให้คนเศร้า เพราะรฐกรที่หลับเต็มตาตื่นด้วยอาการคึกสุดฤทธิ์


“อ้าวๆ กระเป๋าใครกระเป๋ามัน สิทธิเท่าเทียมกัน ไปรวมที่ลานหน้าบ้านเกวียนคร้าบบบบ ไอ้แจ๊ส สมุดไม่ต้องพกไปโว้ย กูไม่อยากเป็นวัตถุดิบผลิตนิยาย เฮียโจ้ เฮียต๋อง ตื่นคร้าบบ พี่แอ๋ม พี่กวาง พี่แป้ง คนสวยตื่นเร็ว เดี๋ยวน้องถังช่วยขนของ”


“จิน...ปะ ไปกันเถอะ” คิรากรขยับไหล่เรียกคนข้างๆให้ลุกขึ้นบ้าง


“อือ....ง่วง.....”


เขายิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัว “เดี๋ยวถ้าถึงห้อง เก็บของเสร็จ ไม่มีกิจกรรมก็ค่อยนอนนะ”


จิณณ์ลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วใช้เวลาจูนตัวเองอยู่ประมาณเกือบนาที เขาวางหน้าผากลงบนไหล่ของคิรากรแล้วพึมพำเบาๆ “ง่วง....โคตร...”


“รู้แล้วว่าง่วง ลุกก่อนนะจิน เดี๋ยวค่อยนอนต่อ” คนอายุมากกว่ายังคงพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็นตามประสาเจ้าตัว


“อือ....” จิณณ์ค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วเอากระเป๋าตัวเองมาถือ แล้วดึงกระเป๋าอีกใบของคิรากรมาส่งให้ “บอกก่อน ใครทำอะไรทำไป ผมจะนอน”


“อื้ม รู้แล้ว พี่ก็อยู่กับเราน่ะแหละ จะไปไหน” เขารับกระเป๋าของตัวเองมาแล้วเดินออกมาจากที่นั่ง ก่อนจะยืนรอให้จิณณ์เป็นฝ่ายเดินนำลงจากรถ


สมาชิกทุกคนของทริปมารวมตัวกันที่ลานหน้าบ้านเกวียน อากาศสดชื่นของดอยภูคา จ.น่าน และกลิ่นหอมของต้นไม้ใบหญ้าตอนเช้าทำให้หลายๆคนที่ง่วงเหงาตื่นขึ้นทันที รฐกรส่งโทรโข่งต่อให้อาจารย์ประจำภาควิชาที่เป็นหัวหน้าทริป


“ตื่นได้แล้ว ต่อไปจะจัดห้องนอนกัน ครูจองบ้านเกวียนไว้สำหรับพวกเรา ส่วนใครจะนอนกับใครก็เลือกกันเอง แต่ต้องแยกชายหญิง...อ่ะ พชร จัดการต่อ”


ประธานเอกภูมิศาสตร์ของปีสองหยิบกระดาษขึ้นมาชู “มาลงชื่อได้ที่นี่ บ้านนึงสองคน จับคู่เอง”


“จิน...ลงชื่อด้วยกันป-”


“จิน กูนอนด้วย” อิชย์เดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ปราศจากรอยยิ้มอย่างทุกที


“กูนอนกะพี่คีย์” คนถูกถามตอบทันที “มึงนอนกะพี่ไผ่ดิ่”


“พี่ไผ่ไม่นอนกับกู กูไม่อยากนอนกับอาลัว ไม่ได้เกลียดมึงนะ” เขาหันไปบอกเพื่อนตัวเล็กอีกคนที่ยังคงยิ้มได้ราวกับไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น


“อื้ม เรารู้ เราไงก็ได้”


จิณณ์มองที่อิชย์ แล้วมองไปที่อีกคนที่ยืนถือกระดาษมองมา... “แล้วจะให้พี่คีย์นอนกับใคร เขาเป็นบัดดี้กูนะ มึงนอนกะอาลัว ไม่ก็ไอ้ถังดิ่”


เขาขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ก่อนจะหันไปตะโกนเรียก “ไอ้ถัง มึงนอนกับกูนะ”


“ว้ายยย พี่น้องแจ๊สขา ได้ยินมั้ยคะ ขอนอนด้วยกัน น้องเม็ดโฟมทำตัวไม่สมเป็นอุเคะที่ดีเลยนะคะลูก”


“ช่างหัวกูน่า ตกลงไหมไอ้ถัง” อิชย์ที่อารมณ์ชักเริ่มไม่ค่อยดีหันไปว้ากใส่คนแซวก่อนจะมองคู่กรณีตาขวาง


“ถัง..มึงนอนกับกู กูลงชื่อให้แล้ว อาลัวนอนกับโฟม จินนอนกับพี่คีย์” ตนที่ถือสิทธิ์อำนาจเด็ดขาดด้วยกระดาษหนึ่งใบเขียนไปพูดไปแล้วส่งให้รุ่นพี่อีกคนที่อยู่ใกล้ๆ พชรเดินมาที่อิชย์แล้วมองหน้านิ่ง


“โฟมอย่าดื้อ.....”


“ก็พี่ไผ่ไม่บอกโฟมก่อน ถ้าบอกก่อนก็ไม่มาแล้ว โฟมไม่ได้อยากนอนกับอาลัว”


“พี่ไผ่ก็นอนกับโฟมไปก็ได้ เรานอนกับถังได้เหมือนกัน” นภัสรพีหันไปพยักหน้ากับรฐกรเป็นการขอแรงสนับสนุน


“งั้นน้องโฟมนอนกับพี่ก็ได้” ชายหนุ่มผิวเข้มที่เดินตามมาเอ่ยขึ้น แม้วศินจะอยู่คนละคณะ แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนกับเลขาประธานรุ่น เลยได้สิทธิพิเศษมาเที่ยวทริปนี้ด้วย “จะได้ลงตัว...เนอะ”


อิชย์ถึงกับหันไปมองด้วยความตกใจ “พี่แพท...”


วศินยิ้มให้อิชย์ พร้อมกับดึงกระเป๋าของอีกฝ่ายมาถือให้ “ไปนะ”


คนตัวเล็กหยุดนิ่งไป เรื่องจะให้นอนห้องเดียวกับผู้ชายที่มาจีบไม่เคยอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย แม้จะไม่ใช่ผู้หญิง แต่เดี๋ยวนี้ อะไรๆก็ต้องระวังไว้ก่อน


ทั้งๆที่คิดอย่างนั้น แต่เขาก็เอ่ยตอบไป “อืม ก็ได้”


คนที่หันไปรับกุญแจจากเจ้าหน้าที่หันขวับ พชรโยนพวงลูกกุญแจให้รุ่นพี่ปีสี่ “พี่ก้อง แจกต่อที” มือใหญ่เอื้อมคว้ากุญแจมาหนึ่งดอก ส่วนอีกมือคว้าข้อมือของเพื่อนสนิท


“ถัง มึงนอนกับอาลัว”


คนพูดสรุปเปลี่ยนให้แบบฉับพลันพร้อมกับกึ่งจูงกึ่งลากอิชย์ให้เดินมาด้วยกัน ท่ามกลางเสียงโห่ฮ่เป่าปากไล่หลังมาจากพวกตัวแสบ...และเสียงกรี๊ดสองเสียงที่ประสานกัน


“พี่ไผ่?! ไปไหน” อิชย์ที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับตกใจที่จู่ๆก็โดนลากออกมาจากหมู่คนตรงนั้น


พชรหยุดยืนนิ่ง แล้วปล่อยข้อมือเรียวออก เขาถอนหายใจเพื่อสงบสติตัวเองช้าๆ....เพื่อจะพบว่าความรู้สึกหวงนั้นรุนแรงมากแต่ไหน


“เราไม่ให้โฟมนอนกับพี่แพท”


“...ก็โฟมไม่อยากนอนกับอาลัว.....” พอเห็นว่าอีกฝ่ายถอนหายใจออกมา เสียงที่แข็งกร้าวอยู่ในทีก็อ่อนลง “โฟมมากับพี่ไผ่...ทำไมต้องให้ไปอยู่กับคนอื่น...”


“ขอโทษ...อย่างอนนะ”


“ไม่ได้งอน...งอนนั่นผู้หญิง อันนี้เรียกน้อยใจ” อิชย์เงยหน้ามองอีกฝ่ายตรงๆก่อนจะถอนหายใจออกมาบ้าง “นอนห้องเดียวกันนะ”


พชรเม้มปากแน่น ในใจอยากจะตอบรับ...แต่อีกใจกลับบอกว่ากลัวจะห้ามใจตัวเองไม่ไหว..


“เราต้องดูแลคนอื่นๆ ต้องตื่นเช้า...อาจจะไปนอนที่บ้านพักรวมกับอาจารย์ โฟมจะได้นอนสบายๆด้วย...”


“...งั้นโฟมไปด้วย” คนตัวเล็กยังคงไม่ยอมแพ้


“นอนที่บ้านเกวียนดีกว่า...อย่าดื้อนะ”


“ไม่ได้ดื้อ ถ้านอนบ้านเกวียนคนเดียว เดี๋ยวพี่แพทก็มา” ถึงจะไม่รู้สาเหตุ แต่อิชย์ก็อ้างชื่อรุ่นพี่อีกคนขึ้นมาโดยหวังว่าร่างสูงที่ดูไม่ค่อยชอบวศินจะได้ยอมเขาสักที


“พูดถึงแต่พี่แพท โฟมชอบเขาเหรอ”


“เปล่า ไม่ได้ชอบ” เขารีบปฏิเสธเพราะไม่อยากให้เข้าใจผิดแบบนี้


“แล้วทำไมทำท่าเหมือนอยากนอนด้วยล่ะ”


“ก็พี่แพทอยาก พี่ไผ่ไม่อยาก”


“โฟมจะปั่นหัวเราเหรอ.....” พชรถอนหายใจยาวแล้วเปิดขึ้นไปบนบ้านเกวียน ชายหนุ่มนั่งลงที่ฟูกนอนที่วางเรียงกันแล้วปลดสัมภาระโยนใส่


“ปั่นหัวอะไร โฟมเปล่า” พอเห็นว่าร่างสูงทำท่าเหมือนรำคาญก็ใจเสียจนไม่กล้าเดินตามขึ้นไป


“โฟมมา ก็เพราะพี่ไผ่ชวนนะ” ใบหน้าหวานก้มลงมองพื้นหน้าบ้าน ทริปที่ตั้งใจว่าหากมาด้วยคงได้มีโอกาสทำอะไรด้วยกันแบบที่คู่รักทำ อย่างเช่นนอนห้องเดียวกัน ดูดาวด้วยกัน ดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน แต่ก็ดูจะไม่ได้เป็นตามนั้นเพราะพชรกำลังเข้าใจเขาผิดไปไกล คิดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกได้ถึงขอบตาที่ร้อนผ่าว


“โฟม...จะปั่นหัวคนที่ชอบทำไม” น้ำเสียงของอิชย์สั่นเครือก่อนที่เจ้าตัวจะรีบยกมือขึ้นกดทับดวงตา ห้ามไม่ให้น้ำตาได้ไหลออกมาตามใจ


“โฟม...” เป็นพชรที่รีบกระโดดลงมาที่พื้นดิน “เป็นอะไร...ร้องไห้ทำไม”


อาการแบบนี้ของเพื่อนสนิทไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย พชรได้แต่คว้าตัวเข้ามากอดเอาไว้แล้วลูบหลังปลอบ...แต่ดูเหมือนยิ่งปลอบ ร่างในอ้อมกอดก็ยิ่งสะอื้นหนักขึ้น “ขอโทษ...เราผิดเอง ขอโทษ อย่าร้องนะ”


“ขอโทษ...” พอคิดหาคำมาพูดไม่ได้ อิชย์ก็ได้แต่เอ่ยขอโทษ


“ขอโทษทำไม เราไม่รู้ว่าโฟมจะคิดมาก.....เราแค่กลัว...ตัวเอง....”


“กลัวอะไร...” คนในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมอง


“อยู่กับเรา...โฟมไม่เคยรู้เลยเหรอ” ท่อนแขนที่กอดแน่นขึ้นแทนความในใจที่ไม่กล้าเอ่ยปาก พชรได้แต่กอดเอาไว้...เพราะไม่กล้าพูดออกมา


“ไม่รู้ ก็พี่ไผ่ใจดี...แล้วโฟมเป็นผู้ชาย ไม่กล้าหรอก...” อิชย์ซ่อนใบหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างแล้วยกแขนขึ้นกอดอีกฝ่ายเอาไว้บ้าง


“ผู้ชายกับผู้ชาย..รักกันไม่ได้เหรอ”


คำถามเสียงทุ้มจบลงพร้อมรอยจูบบนริมฝีปากบางแผ่วเบา พชรถอยห่างมานิดหน่อย ก่อนจะแตะลงอีกครั้งด้วยความหนักหน่วงที่เพิ่มพูนขึ้น


คนที่ไม่ประสาได้แต่หลับตาลง ปล่อยให้ร่างสูงเป็นฝ่ายนำไป มือที่ยึดเสื้อเอาไว้จับแน่นขึ้น “อึก...”


ริมฝีปากนุ่มนิ่มเผยอขึ้นช้าๆ พชรขบเบาๆที่กลีบปากปางที่สีเข้มระเรื่อขึ้น ปลายลิ้นอุ่นร้อนแตะเบาๆลากไล้บนเรียวปาด ช่วงชิงลมหายใจของคนในอ้อมกอดทีละนิด อิชย์ในอ้อมแขนเอนซบราวกับหมดแรง หากแต่ยังตอบรับ...ไล่ตามการชักนำอย่างไม่ประสีประสา จวบจนเมื่อเสียงครางเครือหลุดออกมา พชรจึงผละออกแล้วสบตากับดวงตาคู่สวยที่เปิดเผยความในใจ


“เราชอบโฟม...ได้มั้ย....”


คนตัวเล็กได้แต่พยักหน้าตอบรวดเร็วโดยไม่ต้องคิดเสียด้วยซ้ำ “ได้...ได้สิ”


พชรจับมืออิชย์เอาไว้ ยิ้มให้อีกครั้ง.... “เมื่อกี้โฟมบอกว่าเรา..เป็นคนที่ชอบใช่มั้ย”


“อื้ม...” เขาพยักหน้าอีกครั้ง “ชอบ...มาตลอด...เพราะงั้น อย่าไล่โฟมไปนอนกับคนอื่นเลยนะ”


“โฟมไม่รู้หรอกว่าเราไล่ไปนอนกับคนอื่นเพราะอะไร...” พชรพูดเบาๆแล้วถอยตัวออกห่าง “แต่เอาเป็นว่าหายโกรธแล้วนะ”


คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ดีใจจัง...งั้น กลับไปบอกพวกนั้นก่อน ว่าจัดการได้เรียบร้อยแล้ว” อิชย์เอื้อมไปจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ “จับได้ไหม”


“อืม....”


พชรไม่รู้ตัวว่าคำตอบรับของเขา...เต็มไปด้วยความสุขมากแค่ไหน


เพราะมือที่ถูกจับเอาไว้...มีความสุขมากกว่าเป็นร้อยล้านเท่า


 

 

 

 

 

 

 

 

 

To be continued..

 
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 6 เห็นเงียบๆ..รักเพียบนะครับ♥ [02/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-06-2013 19:52:19
พี่ไผ่&โฟม ตกลงปลงใจกันแล้ว ฮิ้วววว
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 6 เห็นเงียบๆ..รักเพียบนะครับ♥ [02/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 02-06-2013 21:05:48
ได้กันไปแหละคู่นึง เหลืออีก2คู่อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 6 เห็นเงียบๆ..รักเพียบนะครับ♥ [02/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin_23 ที่ 02-06-2013 21:48:11
จินน่ารักนะ คีย์ก็น่ารักตกลงปลงใจกันเร็วๆนะ

มาต่อเร็วๆนะคะ   :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 6 เห็นเงียบๆ..รักเพียบนะครับ♥ [02/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 02-06-2013 22:24:54
โอ๊ยยย  ฟินนนน  ^O^
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 6 เห็นเงียบๆ..รักเพียบนะครับ♥ [02/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-06-2013 22:41:02
เย้ๆๆๆๆๆ เข้าล๊อคไปหนึ่งคู่
เหลือพี่คีย์กะจิน ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 6 เห็นเงียบๆ..รักเพียบนะครับ♥ [02/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 03-06-2013 00:07:29
โฟมเหมือนเด็กเลยเวลาอยู่กับพี่ไผ่
ตอนแรกนึกว่าคู่กับถังก๊ากกกกกก
แต่จินนี่ต้องจีบหน่อยนะท่าทางรักเก่าพี่คีย์เค้าฝังใจ ._.
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 6 เห็นเงียบๆ..รักเพียบนะครับ♥ [02/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 03-06-2013 08:26:12
พี่ไผ่โฟมเรียบร้อยไปคู่นึงแล้ว
คู่ต่อไปจะเป็นคู่ไหนล่ะเนี่ย ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 6 เห็นเงียบๆ..รักเพียบนะครับ♥ [02/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 03-06-2013 09:35:41
กว่าจะตกลงปลงใจกันได้ เหอๆๆๆ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 6 เห็นเงียบๆ..รักเพียบนะครับ♥ [02/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 03-06-2013 10:24:15
จินก็ช่วยมีความรู้สึกอยากดูแลคีย์มากๆหน่อยสิ
จะได้ชอบกันไวๆ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 6 เห็นเงียบๆ..รักเพียบนะครับ♥ [02/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 03-06-2013 17:05:22
ยิ่งอ่านยิ่งกรุบกริบหัวใจจริงๆ เลย  :mew1:
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 7 ตัดใจไม่ลง VS จีบนะ [29/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 29-06-2013 22:10:08
Kagehana : เคลียร์คัทไปแล้วหนึ่ง แต่เหลือน้องจินเรานี่แหละ....ตอนนี้ยังกุบกิบหัวใจ แต่ต่อไปไม่แน่นะคะ ฮิฮิ o18

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆกำลังใจค่ะ อ่านเม้นท์ทีไรปลื้มใจทุกที ฮี่----





-7-





...หนาว...

ร่างสูงใหญ่ที่นอนอยู่ในบ้านเกวียนหลังเล็กขยับตัวยุกยิกไต่มือหาผ้าห่ม...ไอ้พี่คีย์เปิดแอร์23อีกแล้วแหงๆ...

จิณณ์ขมวดคิ้ว ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น จนเมื่อนัยน์ตาสีเข้มมองเห็นเพดานหลังคานั่นแหละ เขาถึงได้รับรู้ว่าที่ๆนอนอยู่ตอนนี้ไม่ใช่คอนโดของคิรากร เขาขยับตัวโยนเป้ที่ใช้หนุนไปข้างๆ ก่อนจะก้มลงมองแฮมสเตอร์ที่นอนขดตัวกลมผมปิดหน้า...หลับแปะอย่างสบายใจอยู่ข้างๆ

หนาวไหมวะนั่น..จิณณ์พูดในใจแล้วเอื้อมมือไปแตะแขนที่เย็นเฉียบ

“พี่คีย์... มานอนดีๆ ตัวเย็นหมดแล้ว”

“อือ...” แขนที่เย็นๆนั้นยกขึ้นก่อนจะคว้าเอามือของร่างสูงไปกอดเอาไว้โดยไม่ยอมแม้แต่จะลืมตา

“กอดอีกแล้ว แต๊ะอั๋งป่ะเนี่ย”

คนที่ถูกกล่าวหาค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะรีบปล่อยมือออก “เปล่า...ตื่นแล้วเหรอจิน เดี๋ยวจะได้ไปกินข้าวกับคนอื่นๆ” คิรากรลุกขึ้นนั่งก่อนจะถอดแว่นออกมาเช็ดไปพลาง จัดผมตัวเองไปพลาง

“พูดแล้วหิวเลย เห็นพี่ไผ่ว่ามีดูดาวกลางคืน หลังกินข้าวมั้ง อากาศเย็นแบบนี้เอาผ้าห่มไปด้วยดีกว่า”

“อื้อ พี่เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน” คนอายุมากกว่ารับคำก่อนจะฉวยเอาผ้าห่มมาพับทีละทบอย่างเรียบร้อยแล้วพาดกับแขนเอาไว้

จิณณ์รอให้ไอ้แว่นแฮมจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนทั้งคู่จะเดินออกมาพร้อมกัน

หลังจากหลับเพลินจนพลาดมื้อกลางวัน ท้องก็ส่งเสียงประท้วงทันทีที่มาถึงลานกว้างที่มีเตาบาร์บีคิวที่ขนกันมาวางไว้ กลิ่นเนื้อย่างปนซอสทำเอาจิณณ์แทบอยากจะพุ่งเข้าหาเตาทันที ถ้าไม่ติดที่ว่า...ที่เตามีบรรยากาศแปลกๆ ของเพื่อนเขาทั้งสองคนลอยอยู่จางๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พี่ไผ่จะมายืนย่าง...แต่ไอ้คนขี้ร้อน กลัวเหม็นอย่างเม็ดโฟม ทำไมถึงมายืนยิ้มทำหน้ามุ้งมิ้งช่วยย่างได้

ปกติก็นู่น นั่งสั่งแล้วรอกินอยู่ที่โต๊ะ

“หือ? โฟม...มึงย่างเองอย่างงี้กินได้เหรอวะ”

“พี่ไผ่สอน กูช่วย จะได้เสร็จเร็วๆให้พวกมึงกินไงครับ หรือมึงไม่กิน” อิชย์ที่ยืนยิ้มอยู่หันมาทำตาขวางใส่ร่างสูงที่เดินเข้ามาทันที

“ตั้งแต่โดนพี่ไผ่ลากไป กลับมามึงอารมณ์ดีเลยนะครับน้องเม็ดโฟม พี่ไผ่ให้แดกเพ็ดดีกรีแล้วหายบ้าเหรอ” คนที่ยืนอยู่อีกด้านของเตาแซวเสียงดัง

“พ่อมึงครับไอ้ถัง ไม่ต้องแดก ไปหาที่เตาอื่นไป” เขาสวนกลับพร้อมทั้งแยกเขี้ยวใส่ให้

“เด็กๆไปพักกันเถอะ เดี๋ยวพี่ทำให้เอง เร็วกว่า” คิรากรรีบอาสาพร้อมก้าวไปที่ข้างเตาย่างทันที

“สกิลเมียกำเริบเหรอ ไปนั่งกับอาลัวไป เดี๋ยวผมย่างให้”

“ไม่เอา พี่อยากทำให้ นะ” นะสุดท้ายคนอายุมากกว่าลากหางเสียงให้ยาวพร้อมทั้งรอยยิ้มกว้าง

“ใครย่างก็เอาค่า น้องลัคกี้หิวจนจะกินหัวนังน้องแจ๊สได้แล้ว” ลัคกี้ที่มาในชุดธีมเสื้อขนประหนึ่งอยู่เกาหลีเดินมาหน้าเตาแล้วเบะปาก “อี๊ น้องโฟมคะ มึงย่างเนื้อหรือถ่านคะ กระเทยแดกบาร์บีคิวค่ะไม่ใช่แดกก้อนมะเร็ง”

“ก็กูเพิ่งหัดทำครับ”

“เห็นไหม ให้พี่ทำให้นะ” คิรากรไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มขยับดันน้องลัคกี้ออกไปพร้อมทั้งดึงอิชย์ออกมายืนข้างๆ

“ไผ่...” คนอายุมากกว่าแบมือออก เป็นสัญญาณให้ส่งที่คีบมาให้ มืออีกข้างดันแว่นขึ้นคาดไว้บนศีรษะก่อนจะรับเอาที่คีบมา

“จินจะถือจานให้ไหม”

“เออ” คนตอบพูดเสียงห้วน จิณณ์ยืนถือจานเปลรอรับเนื้อที่อีกฝ่ายกำลังพลิก ดูจากท่าทางแล้ว อนาคตของเพื่อนสัตว์โลกที่อุทิศตัวเป็นอาหาร ดูจะคุ้มค่ามากกว่าเวลาที่อิชย์เป็นคนทำ

“มือโปรก็ไม่บอก อยู่ที่นู่นย่างบ่อยอ่ะดิ”

“อื้ม เวลามีปาร์ตี้ พี่จะย่างน่ะ ปล่อยให้พ่อไม่ก็อันไปรับแขก” คิรากรตอบพลางคีบเนื้อไก่ที่สุกแล้ววางลงบนจานก่อนจะหยิบชิ้นใหม่มาวางแทน

“พี่ดูรักคนชื่ออันมากเลยเนอะ...ถามตรงๆเหอะ ไม่เกลียดเขาบ้างเหรอที่ทำแบบนี้กับพี่”

“ก็ เรียกว่าเสียใจดีกว่า ไม่ได้เกลียดหรอก” เขาหันมายิ้มให้ ก่อนจะหยิบเนื้อที่เสียบไม้ทั้งหมดใส่จานให้

“แล้วถ้าเขามาง้อ จะยอมคืนดีไหม” ถามออกไป...โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองรอฟังคำตอบแค่ไหน

“ก็...ถ้าอันหย่าจริงๆ พี่คงยอม” คนอายุมากกว่าหยิบเนื้อใหม่ลงวางบนเตา

นัยน์ตาสีดำเข้มมองน้ำมันที่ฉาบผิวเนื้อหยดลงบนถ่านแดงร้อนโดยไม่พูดอะไรต่อ จิณณ์ได้แต่คิดถึงใครอีกคนที่ถูกรักทั้งที่เป็นคนทำร้ายทุกอย่าง ถูกรัก...โดยไม่มีเงื่อนไข เช่นเดียวกับแม่เขาที่เคยรักพ่อแบบนี้หมดทั้งหัวใจ

แต่ก็ไม่ได้อะไรตอบแทน...

“ชาตินี้จะมีใครรักผมแบบนี้ไหมเนี่ย” คำพูดติดตลก แต่คนพูดรู้...ว่ามันฝืดเฝื่อนเหลือเกิน

“ทำไมจะไม่มีล่ะ เดี๋ยวจินก็ได้เจอ” คิรากรพลิกเนื้อทีละชิ้น “บอกแล้ว มาติดอยู่กับพี่ เดี๋ยวก็ไม่มีใครสนใจ”

“จีบพี่คีย์ดีกว่า” จิณณ์ปรับรอยยิ้มที่แปร่งปร่าให้กลายเป็นยิ้มสดใส... “จีบนะ?”

มือของเขาหยุดค้างไปก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ “...อะไรนั่น”

“ตกใจอ่ะดิ” คนที่ถือจานอยู่ยิ้มขำกับท่าทางเหวอๆ “ซ้อมไว้ไง เผื่ออยากจีบเมื่อไหร่จะได้พูดคล่องๆ”

“ไม่ต้องมาแกล้งพี่เลย...” คิรากรทำเสียงขุ่นพลางคีบเนื้อที่เริ่มสุกแล้วใส่จานอย่างรีบร้อน “เอาไปให้คนอื่นเลย”

“โกรธหรือเขินเนี่ย ยังไม่ได้จีบซะหน่อย...หรือจะให้จีบเลย”

“ทั้งสองนั่นแหละ ไม่เคยคบผู้ชายไม่ต้องเลย” คนอายุมากกว่าไม่พูดเปล่า เขารีบยกมือขึ้นปัดๆให้อีกฝ่ายยกจานไปให้คนอื่นที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ

“พี่คีย์คร้าบบบ มานั่งกินก่อนก็ได้ เดี๋ยวให้ไอ้จินมันทำต่อ” รฐกรที่นั่งล้อมวงอยู่กวักมือเรียก “แจ๊ส มึงไปช่วยไป”

“ไม่เป็นไร พี่ทำให้เสร็จก่อนแล้วเดี๋ยวตามไป เด็กๆกินก่อนเลย”

“ต๊ายยย น่ารวั๊กที่สุดค่ะ อยากได้กระเทยไปช่วยย่างๆปิ้งๆไหมคะพี่คีย์ขา”

“น้องลัคกี้ทานเลยครับ ตามสบาย พี่ทำคนเดียวสะดวกกว่า ขอบคุณนะครับ” คิรากรส่งยิ้มกว้างให้

“แมนม๊ากกกกกกก คุณผู้ชายดูไว้นะคะ ดีไม่ได้ครึ่งของพี่คีย์สุดเลิฟของน้องกี้เลยสักคน อิถัง มึงอย่าแดกเนื้อในจานกูค่ะ อิถังงงงงงง” คนที่ยืนชมอยู่วิ่งถลาเข้าไปตบตีอีกคนที่คีบเนื้อออกมาใส่จานตัวเอง ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดไม่คิดชีวิต

จิณณ์ที่ยืนมองอยู่หัวเราะลั่น แล้วก้มลงกระซิบข้างหู “อยากเปลี่ยนแนวเป็นน้องกี้ไหมครับ พี่คีย์สุดแมน แมนมากกกก แมนพันธุ์แฮมสเตอร์”

คนถูกเรียกเป็นหนูแฮมสเตอร์ถึงกับขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งใส่ “ไม่ต้องมาล้อเลียนพี่เลย ไปกินไป...”

“ไอ้จินคะ มึงกระหนุงกระหนิงกับพี่คีย์มากๆกูคิดนะคะ” จิรนันท์เอ่ยเสียงดังโดยที่สายตายังไม่ละไปจากอาหารในจานของตัวเอง

“ก็คิดไปดิ” คนพูดยิ้มเจ้าเล่ห์ยักคิ้วให้อย่างท้าทาย

“กรี๊ดดดดด ไม่นะคะพี่คีย์ขา พี่จินขา อย่าทำอย่างงี้ คนหล่อ นิสัยดี อย่ากินกันเอง กูเสียใจ พี่คีย์มากินน้องกี้ดีกว่าค่ะ แซ่บเวอร์นะ”

คิรากรได้แต่ยิ้มแห้งๆให้ “ไม่ได้กินกันเองครับน้องลัคกี้...” ปากพูดไปอย่างนั้น แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าหลังจากที่อีกฝ่ายยอมโอบเขาไว้ในอ้อมกอดตอนที่นอนด้วยกันนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงตัวเองที่เปลี่ยนไป— คิดไปเองว่าอีกฝ่ายมีบรรยากาศรอบๆตัวบางอย่างที่ชวนให้คิดถึงอนล ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นการคิดไปเองฝ่ายเดียวล้วนๆ แต่บางที การกระทำของจิณณ์ก็ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้บ้างไม่ต่างกัน

“ใช่ไหมจิน” เขารีบหันไปให้อีกคนช่วยแก้ข่าว

“ตอนนี้ยัง แต่อนาคตไม่แน่” พูดจบเสียงเป่าปากแซวก็ดังขึ้น ถ้ามองไม่ผิด เขาแอบเห็นนัยน์ตาของแฮมสเตอร์ตวัดค้อนออกมาอีกด้วย

“ค่อยย่าง ไปกินได้แล้ว โฟม มึงมาย่างต่อเร็ว”

“จะเสร็จแล้ว กินไปก่อนเลย” คิรากรไม่ยอมเชื่อฟังง่ายๆ เขารีบกวาดเนื้อจานสุดท้ายในถาดวางบนเตาก่อนจะเริ่มย่าง

“เดี๋ยวกินจานนี้ได้ พวกเรากินไปก่อน” ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาย่างโดยที่เสียงของอีกฝ่ายยังดังก้องอยู่ในหู

...อนาคตไม่แน่...

...งั้นเหรอ...

ทางฝั่งโต๊ะที่นั่งอยู่ ปกติแล้วจะมีคุณชายอะไรก็ได้อย่างนภัสรพีนั่งเงียบ...ยิ้ม... แต่ที่แปลกคือ คนขี้โวยอย่างอิชย์กลับนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เอาแต่เบียดกระแซะคนนั่งข้างๆ

“โฟม...หนาวเหรอ” ประธานรุ่นกระซิบถามเสียงแผ่ว

เจ้าของชื่อส่ายศีรษะเป็นคำตอบ “อยากนั่งใกล้ๆเฉยๆ”

“งั้น....” คนถามเลื่อนมือลงแอบด้านหลังแล้วดึงมืออีกฝ่ายมากุมไว้...ซ่อนเร้นจากสายตาไอ้พวกเพื่อนๆตัวกวนทั้งหลาย “ขอจับมือนะ”

“อื้ม” อิชย์อมยิ้มก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม แล้วค่อยหยิบไม้บาร์บีคิวมาวางบนจาน

“อ้าวๆๆๆๆๆ สองคนนั้นครับ โลกไม่ได้มีแต่มึงครับ สนใจกุกะอาลัวบ้าง จะแดกหญ้าแทนเนื้อแล้ว”

“อะไรของมึงวะถัง เนื้อก็มีเยอะ แดกๆเข้าไปดิวะ” คนตัวเล็กโวยกลับบ้าง

“ถังหึงเหรอ ที่โฟมอยู่กับพี่ไผ่” จิรนันท์ว่าขึ้นบ้างก่อนจะรีบยกโค้กขึ้นดื่มอึกใหญ่

“นั่นไง กูว่าละ ในหัวแกนี่มีแต่ไอ้พลอตนิยายวายให้ผู้ชายได้กันรึไง”

“ก็ดูพูดสิ เรียกร้องความสนใจชัดๆ จะไม่ให้เราคิดได้ไง”

“แจ๊สครับ หน้าอย่างกูเนี่ย” เจ้าตัวชี้หน้าตัวเอง แล้วชี้ไปฝั่งตรงข้ามซึ่งอิชย์นั่งอยู่ “ไม่เอามันทำเมียแหงๆ เพราะกูชอบผู้หญิง ขีดเส้นใต้สามเส้นอย่างหนาว่าผู้หญิงเว้ย ไม่ใช่กระเทยอย่างมึงด้วยอีกี้”

“กัดกูอีกแล้วนะคะถังขา คืนนี้อย่ามามุดเกวียนกี้แล้วกัน น้องแจ๊สขา คืนนี้นอนกะกี้นะ กี้กลัวโดนมันปล้ำ” ลัคกี้คนสวยประจำคณะยิ้มเชือดเฉือนเหมือนนางงามที่เพิ่งตัดหน้าเข้าวินได้ตำแหน่งก่อนจะพูดต่อ “กี้สวย แล้วเลือกด้วย”

“อื้อ นอนด้วยกันสิ ไม่นอนกะกี้เราจะนอนกะใคร” เธอหันมายิ้มให้แล้วหยิบแก้วเปล่าวางลงบนจาน “อิ่มแล้ว พี่คีย์ ตาพี่คีย์แล้วนะคะะะ”

“มาแล้วครับน้องแจ๊ส” คิรากรเดินมาที่โต๊ะโดยที่มีอีกคนเดินตามมาด้วย

“หลบไปอีกี้” ชายหนุ่มหัวสกินเฮดพูดแล้วดันไหล่ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดโวยวายของคนไม่อยากลุก แต่สุดท้ายลัคกี้ก็แพ้แก่สายตาของจิณณ์ที่มองมา หญิงสาวในร่างชายหนุ่มเดินบ่นปอดแปดจิกกัดเป็นพิธีก่อนจะเดินออกไปช่วยเพื่อนสาวอีกคนที่นำหน้าไปยืนอยู่ที่เตาเรียบร้อย

“เอาน้ำอะไร โค้ก เบียร์ หรือเหล้า” จิณณ์ก้มลงกระซิบข้างหูคิรากรเพราะเสียงวงดนตรีเริ่มจะลอยมาจากวงอีกด้านแล้ว

“จินล่ะ เดี๋ยวพี่ไปเอาให้”

มือใหญ่กดที่ไหล่ให้คนที่ทำตัวเป็นรุ่นพี่ตลอดเวลานั่งลงแล้วก้มกระซิบข้างหู “นั่งเลย ผมบริการมั่ง”

คิรากรอดไม่ได้ที่จะต้องยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองข้างนั้นเอาไว้ คล้ายกับอยากจะให้มันหายร้อนเพราะรุ่นน้องตัวโตที่ชอบก้มลงมาพูดข้างๆ

“เอาโค้ก...ก็พอ...”

จิณณ์ตะเบ๊ะล้อเลียนพร้อมกับยักคิ้วให้ เขาก้าวยาวๆเข้าไปกลางวงที่พวกรุ่นพี่นั่งกอดถังน้ำแข็งแล้วหยิบเบียร์ในถังน้ำแข็งพร้อมๆกับรินโค้กใส่แก้วที่ทำจากขวดน้ำตัดครึ่ง ชายหนุ่มถูกให้ดื่มเหล้าในวงไปเกือบสองแก้วกว่าจะหลุดออกมาได้

“โทษที นานไปหน่อย” คนพูดหน้าแดงนิดๆแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเบียดแลกไออุ่นกันและกัน ยังดีที่ว่าตอนนี้รถถังกับลัคกี้ลากอาลัวไปร่วมวงร้องเพลงแล้ว ส่วนพี่ไผ่กับโฟมก็เดินเล่นสร้างโลกส่วนตัว อาการอ้อน...ที่เกิดอยากจะทำขึ้นมาจึงไม่ตกเป็นเป้าสายตาใคร

“กินเหล้ามาเหรอ...” เขาหันมาถามเพราะกลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยมาอ่อนๆ “อายุยังไม่ถึง...ไม่ใช่เหรอ”

จิณณ์ตอบคำถามด้วยรอยยิ้มบางเบาก่อนจะพรูลมหายใจใกล้ผิวแก้มสีนวลของรุ่นพี่

“อ...อะไรจิน” คิรากรเอนตัวออกห่างเล็กน้อยเพื่อจะมองสีหน้าของอีกฝ่ายให้ถนัดขึ้น

“มึนหัว...พี่เต้แม่งผสมเหล้าขาวแหง แรงชะมัด” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ปลายนิ้วก็สะกิดฝาเบียร์แล้วกดเปิดออก

“ก็ไม่ต้องกินแล้วสิ...กินโค้กกับพี่แทน” เขาเอื้อมมือมาจับกระป๋องเบียร์เอาไว้

“จะกินเบียร์....” ปลายเสียงตวัดอย่างตั้งใจจะรวนเต็มที่...เช่นเดียวกับรอยยิ้มพราวระยับบนใบหน้านั่นแหละ

“ดื้อนะเรา ถ้าเมาพี่แบกกลับไม่ไหวนะ” คนอายุมากกว่าถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะจิบโค้กของตัวเองสลับกับจิ้มเนื้อในจานขึ้นกิน

ท่ามกลางความเงียบในคืนฟ้าพร่างดาว จิณณ์กลับไม่รู้สึกเหงาหรือหนาวสักนิด ถ้าจะรู้สึก...ก็มีเพียงสัมผัสอุ่นๆของคนข้างๆ แขนแนบแขน ไหล่แตะไหล่ ไม่ได้มากมายแต่ก็มากพอที่จะทำให้รู้สึกดีกว่าอยู่คนเดียว เขาเอนหัวซบลงบนไหล่ของตัวยุ่ง...รุ่นพี่ที่ต้องคอยดูแล ไอ้แว่นแฮม แล้วได้แต่แอบอมยิ้มอยู่คนเดียว

...พี่ไม่รู้หรอก ว่าผม ‘แอบ’ มีความสุขแค่ไหน...

“ไม่เมาหรอก เมาก็นอนนี่ก็ได้”

“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก...แล้วมาอ้อนพี่จะได้อะไร ดูถังนู่น ไปตามสาวๆไม่ยอมเลิก...” คิรากรหัวเราะเบาๆ เขาขยับแขนอีกข้างมาลูบศีรษะของรุ่นน้องที่ตัดผมทรงสกินเฮด

“อ้อนไม่ได้เหรอ”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร...แต่ทำมากๆ.........พี่....” เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง รู้ตัวดีว่ายังลืมคนรักเก่าไม่ได้ แต่ถ้าจิณณ์ยังทำตัวแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเผลอใจไปเมื่อไหร่

และถ้าถึงตอนนั้น คงไม่ได้คุยเล่นกันอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

...ผู้ชายปกติที่ไหนจะอยากให้ผู้ชายมาชอบ...

“ทำไมอ่ะ...ก็อยู่กับพี่แล้วผมสบายใจ” จิณณ์กระดกเบียร์ผ่านลำคอแล้วหันมามองหน้าคิรากร

“ก็รู้.....แต่พี่.......จินก็รู้ว่าพี่...ชอบผู้ชาย.......”

“ก็รู้...” คนตอบจงใจทำเสียงอ่อนให้เหมือนเสียงของรุ่นพี่ที่พูดออกมา “รู้อยู่แล้ว...แล้วไง”

“ทำมากๆ........พี่คิดขึ้นมาจะทำยังไง” คิรากรก้มหน้าลงเพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำหน้าแบบไหน แต่ทางที่ดี ก็ควรจะพูดให้ชัดเจนไว้ก่อน

“ก็ถ้าคิดแล้วพี่ลืมแฟนเก่าได้...ไม่ทำหน้าเศร้า...ก็คิดได้นะ” จิณณ์ยิ้มแล้วยกเบียร์ขึ้นดื้ม กระป๋องเปล่าถูกบี้จนแบนก่อนจะชู้ตลงไปยังถุงดำที่อยู่ใกล้ๆ

“รู้หรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา...” คนอายุมากกว่าเม้มปากแน่น ค่าที่อีกฝ่ายชอบทำตัวสบายๆเกินไปเลยอาจทำให้ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำของตัวเอง

“อ้าว คนนะพี่ไม่ใช่ปลาทอง....ไม่ได้เมาด้วย ที่พูดน่ะจะเอาจริงก็ได้นะ” คิ้วเข้มยักตบท้ายอย่างไม่ทิ้งลายความกวน

ชายหนุ่มเม้มปากเข้าหากันอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับจิณณ์ “พี่บอกแล้วไง ว่าเลิกแหย่ได้แล้ว”

“ไม่ได้แหย่...แต่เอาจริง”

คิรากรไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นฝ่ายทำแบบนี้ ร่างบางถือโอกาสที่จิณณ์ยังไม่ทันตั้งตัว จับใบหน้าอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะขยับเข้าหาแล้วแตะริมฝีปาก...จูบ เพียงแผ่วเบา

คนที่นั่งยิ้มอยู่เมื่อครู่ถึงกับเหวอ ดวงตาที่เบิกค้างจับจ้องมองที่คิรากรก่อนจะกระพริบตาย้ำๆราวกับจะเรียกสติว่าถูกทำอะไรลงไป เกือบสิบวินาทีนั่นแหละ...จิณณ์ถึงรู้ตัวว่าตัวเองโดนรุ่นพี่ตัวแสบขโมยจูบไปแบบจังๆ

“ไอ้พี่คีย์....” พูดได้เท่านั้นเสียงก็ขาดหายไป “จูบจริงเหรอวะ”

“ก็ไม่ยอมเลิกแหย่พี่...ทีนี้เลิกหรือยัง”

คนถูกจูบไม่พูดอะไรแต่ดวงตาสีเข้มกลับถลึงใส่อย่างเอาเรื่องแล้วหันไปอีกทาง เขาไม่รู้จะเรียกความรู้สึกนี่ว่ายังไง รังเกียจก็ไม่ใช่แน่นอน ชอบ...ก็คงไม่ แต่ที่แน่ๆ นอกเหนือกว่าอะไร จิณณ์เชื่อว่าถ้าจ้องหน้ากันต่อไอ้แว่นแฮมที่ขโมยจูบเขาจะจับอาการได้แน่

...สัด เขินทำเชี่ยไรวะไอ้จิน....

“เดี๋ยวโดนจูบกลับแน่” ตั้งสติได้ จิณณ์ก็ยกยิ้มปิดอาการสวนคำพูดกลับ

“จูบผู้ชายนะ ทำไม่ได้หร-?! หือ?” ความสนใจถูกเบนไปยังเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ปกติคนที่ติดต่อกันก็มีแต่คนตรงหน้า ทำให้คิรากรแปลกใจจนต้องหยิบขึ้นมาดู

“ไม่โชว์เบอร์ด้วย...” แม้จะพูดแบบนั้น เขาก็กดรับสายแล้วเอ่ยตามมารยาท

“สวัสดีครับ?”

-คีย์ ผมอันนะ....คิดถึง...-

“?!” น้ำเสียงที่ไม่ได้ยินมานานทำเอาคิรากรถึงกับชะงักไป หัวใจเต้นรัวขึ้นจนต้องยกมือขึ้นกดไว้

“อ เอาเบอร์ผมมาจากไหน...”

จิณณมองท่าทางที่ดูแปลกไปของคนตรงหน้าอย่างสงสัย...ใครกันที่โทรมาแล้วทำให้พี่คีย์เป็นแบบนี้

-เรื่องนั้นช่างเถอะ กลับมานะคีย์ ผมคิดถึงคุณ....อันคิดถึงคีย์นะ-

แค่คำว่าคิดถึงของอีกฝ่ายก็ทำให้อยากจะเจอหน้าขึ้นมาเสียได้ คิรากรนึกเกลียดตัวเองที่หวั่นไหวไม่เข้าท่าแบบนี้ ตัวเองตัดสินใจชัดเจนแล้วว่าจะไม่กลับไป ถ้าอนลไม่ยอมหย่า

“...ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าเลือกไม่ได้......ผมก็ไม่กลับไป แค่นี้นะอัน” ชายหนุ่มรีบกดตัดสายก่อนที่ตัวเองจะคุมน้ำเสียงให้ราบเรียบไม่ได้

คนที่อยู่ข้างๆรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร จิณณ์ยืนมองคิรากรที่จ้องโทรศัพท์อย่างเงียบงัน ก่อนที่จะก้าวเข้าไปหาแล้วดึงมากอดเอาไว้ ถ่ายทอดความอบอุ่นเข้าแทนที่ในหัวใจบอบช้ำ

“ไม่เป็นไรนะ...ผมอยู่ด้วย”

“................ขอบคุณนะ...จิน” คิรากรเอ่ยพูดเสียงเบา ปล่อยให้ร่างสูงโอบกอดตัวเองที่รู้สึกว่างเปล่าเอาไว้

“มัน.....เขา...โทรมาทำไม”

“บอกว่าคิดถึง ขอให้พี่กลับไป” เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของจิณณ์ “บ้าเนอะ รู้อยู่แล้วว่าถ้าไม่หย่า พี่ก็ไม่กลับ คงนึกว่าพี่จะใจอ่อนอย่างทุกที”

“แล้ว...อ่อนหรือเปล่า” ถามไป แต่ไม่รู้เลยว่าลุ้นกับคำตอบตัวเองแค่ไหน จิณณ์ได้แต่กอดคิรากรที่ดูอ่อนแอเสียดื้อๆเอาไว้แนบอกอย่างเป็นห่วง...ห่วง...ทั้งที่เป็นเพียงบัดดี้กัน

“ก็...พยายามไม่อ่อนอยู่ ถึงได้ตัดสายไปนี่ไง” พอถูกกอดเอาไว้อีก ร่างบางจึงปล่อยเลยตามเลย อาศัยความอบอุ่นจากอีกคนให้รู้สึกดีขึ้น

“ดีมาก เป็นหนูแฮมสายพันธุ์ใหม่แบบพัฒนาแล้ว” ปลายคางของคนสูงกว่ากดลงที่กลางศีรษะแล้วถูเบาๆด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มือใหญ่โอบกระชับรัดด้วยท่อนแขนแข็งแรงจนตัวแทบจะแนบเป็นเนื้อเดียวกัน จิณณ์ภาวนาให้คนในอ้อมกอดไม่เงยหน้าขึ้นมามอง...เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้สีหน้าของตัวเองกำลังเป็นยังไงอยู่

“เป็นแฟนผมแทนไหม”

คิรากรหัวเราะเบาๆกับคำถามของอีกคน “แหย่พี่อีกแล้วนะ”

เสียงหัวเราะแผ่วเบาไร้ความหมายดังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงียบลงพร้อมๆกับท่อนแขนที่คลายให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ จิณณ์จับมือของคิรากรแล้วพาจูงเดินไปยังลานดูดาวที่อยู่ใกล้ๆ

ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาวนับร้อยที่ส่องแสงระยิบระยับ ลมพัดแผ่วพริ้วกิ่งไม้ไหวเอน...เป็นลมหนาวที่ชวนให้บรรยากาศอ่อนหวานจับหัวใจ จิณณ์นั่งเอนหลังพิงท่อนไม้ที่วางทิ้งไว้ก่อนจะดึงใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆให้เขยิบเข้ามาชิด ไหล่เกยไหล่ ผิวสัมผัสผิวผ่านเนื้อผ้า และเมื่อคิรากรนั่งนิ่ง เขาก็ล้มตัวลงนอนหนุนตักแหงนหน้ามองท้องฟ้า...และใบหน้าเศร้าๆของใครบางคน

“.....” คนอายุมากกว่าก้มลงมามองจิณณ์แล้วยิ้มให้จางๆ “อะไรหือ”

“ยังไม่ได้ชำระความเรื่องพี่จูบผมเลย”

“.........เรื่องนั้น...ต้องชำระอะไรเหรอ” ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดถึง เขาคงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่ทำอะไรลงไป

“รับผิดชอบด้วยสิ” ปลายนิ้วที่เอื้อมขึ้นแตะกลีบปากบางไล้แผ่วเบา...เช่นเดียวกับแววตาวาวระยับ

“...” แววตาของคิรากรหมองลงก่อนที่จะเอ่ยตอบ “...ขอโทษนะ พี่...ไม่ได้ตั้งใจ.....”

“พูดเล่นน่า...ดาวสวยจะตาย ก้มหน้าทำไม เงยหน้ามองฟ้าสิ”

ชายหนุ่มแหงนหน้ามองฟ้า ดวงดาวน้อยใหญ่เรียงรายประดับผืนฟ้าสีดำดูงดงามแบบที่หาดูไม่ได้ในเมืองใหญ่ “อืม...สวยจริงๆด้วย”

“เรื่องอะไรที่มันวุ่นวายใจก็ทิ้งไปบ้างก็ได้ พรุ่งนี้ก็วันใหม่แล้ว.....พี่คีย์ต้องผ่านไปได้แน่ๆ”

เพราะคำพูดให้กำลังใจทำให้คิรากรรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมา ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยพลางขยับเรียกอีกคน “จิน...ลุกขึ้นก่อนได้ไหม...”

จิณณ์ขยับลุกขึ้นนั่งตามคำขอ เขามองเข้าไปในดวงตาของคิรากรแทนคำถามมากมาย

“ขอยืมตัวหน่อยนะ...” คิรากรไม่รอฟังคำตอบ แต่เอนศีรษะพิงซบกับหัวไหล่ของอีกคน แล้วดึงแขนข้างนั้นของจิณณ์มากอดเอาไว้ “แป๊บเดียวก็ได้...”

ไม่รู้ความความรู้สึกไหนมากกว่ากัน ระหว่างตกใจ...กับอบอุ่นใจ

แต่อย่างน้อย...ชายหนุ่มที่ขาดแคลนความอบอุ่นมานานอย่างเขา ดีใจที่มีคิรากรอยู่ข้างๆ....

...ดีใจ...และสุขใจ...

 

 

 

 

 


 

 

 

 

 

 

To be continued...

 

 
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 7 ตัดใจไม่ลง VS จีบนะ [29/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 29-06-2013 22:49:08
ใส่ความจริงจังลงไปอีกนิดได้มั้ยล่ะ พี่เขาไม่เชื่อน่ะเห็นป่ะ


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 7 ตัดใจไม่ลง VS จีบนะ [29/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 29-06-2013 23:08:39
น้องจิณรีบตัดสินใจนะคะ ว่าจะจีบแน่รึเปล่า
ถ้าแน่ใจแล้วลุยเลยค่ะ
อย่ามาหยอดเล่นนะ สงสารหนูแฮมสเตอร์ งื้อออ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 7 ตัดใจไม่ลง VS จีบนะ [29/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 30-06-2013 00:12:20
เอิ้ยยยยยย จะกุบกิบไปไหนเนียยยยยยยยย :-[

ไอ้พี่อันแกไม่ต้องโทรมาอีกเลยนะ  :z6:

พี่คีย์จะได้ไม่ต้องเจ็บอีก ให้จินรักษาให้ ให้หมดใจเลย อิ๊กๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 7 ตัดใจไม่ลง VS จีบนะ [29/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 30-06-2013 00:25:19
จิณณณณณณณณณณณณณณณณณ อย่ามัวลังเลสิ  :z3:   จีบจริงจังไปเล้ยยยยยยยยยยยยย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 7 ตัดใจไม่ลง VS จีบนะ [29/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 30-06-2013 02:55:17
ถ้าเราเป็นพี่คีย์ก็ไม่เชื่อจินดูมันทีเล่นทีจริง
ชอบจังๆแล้วพี่คีย์โอนเอนไปหาแฟนเก่าแล้วจะรู้สึก
เงี้ยแระคนเรา อะไรที่มีไว้แล้วไม่รักษาพอหายไปก็กลับอยากได้คืนอยู่กับเมียแกไปนั้นแหละอัน บาย
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 7 ตัดใจไม่ลง VS จีบนะ [29/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 30-06-2013 06:05:03
จิณรีบๆหน่อยนะ ไม่งั้นพี่คียื์โดนแย่งกลับไปแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 7 ตัดใจไม่ลง VS จีบนะ [29/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin_23 ที่ 30-06-2013 06:29:56
รีบๆจีบเลย  :katai4:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 7 ตัดใจไม่ลง VS จีบนะ [29/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: hanachiko ที่ 01-07-2013 15:18:58
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
จินนนนนนนนนนน สู้สู้วววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 7 ตัดใจไม่ลง VS จีบนะ [29/06/13]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 22-07-2013 00:55:17
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

แวะมานอนรอ
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 8 เริ่มต้น...จนเป็นรัก [02/09/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 02-09-2013 19:34:20
สวัสดีค่ะ หายไปนานเลย หมีกับดอกไม้ภารกิจรัดตัวทั้งคู่ ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันนะคะ

คราวนี้มาแบบเบาๆหวานๆกันบ้าง เอาให้กรุบกริบสมชื่อกันไปเลย อิอิ

ป.ล. ไอ้น้องบิ๊กคือใคร จะกลับมามีบทบาทอีกเร็วๆนี้แน่นอนค่ะ

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ


kagehana








-8-





“เริ่มหนาวขึ้นอีกแล้วนะ...” คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นลอยๆพร้อมกับขยับตัวเบียดกับพชรเข้าไปมากกว่าเดิมให้ไออุ่นจากร่างกายได้ถ่ายทอดถึงกัน ก่อนจะแหงนหน้ามองดวงดาวนับพันบนท้องฟ้าอีกครั้ง


ที่ถูกเบียดวาดวงแขนโอบไหล่เล็กแล้วดึงให้เอนซบ มือใหญ่ลูบต้นแขนให้เบาๆให้ผิวเย็นอุ่นขึ้น “หนาวมากรึเปล่า กลับเกวียนไหม”


“ไม่เป็นไร อยากนั่งดูดาวกับพี่ไผ่ก่อน” อิชย์ตอบพร้อมรอยยิ้มหวานบนใบหน้า รอยยิ้มแบบที่มีไว้สำหรับคนตรงหน้าคนเดียว


พชรมองรอยยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกปลาบปลื้ม...ไม่นึกว่าตัวเองจะได้คบกับเพื่อนอย่างเม็ดโฟมในแบบที่ลึกซึ้งขนาดนี้ แม้ว่าจะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล...แม้ว่าจะรู้ตัวว่าชอบ แต่ก็ไม่เคยคาดฝันว่าจะไปได้ไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อนสนิท


“โฟมชอบเราตั้งแต่ตอนไหนเหรอ”


“.........นานแล้ว ก็โฟมหน้าตาแบบนี้ ถึงโดนแกล้งบ่อย แต่พี่ไผ่ไม่เคยเลย...ช่วยโฟมอีก”


“เรื่องตั้งแต่อนุบาลแล้วไม่ใช่เหรอ เราจำได้...โฟมหน้าเหมือนเด็กผู้หญิง ขี้แง ไอ้บิ๊กมันชอบแกล้ง “


“อื้อ ก็พี่ไผ่ใจดี โฟมเลยชอบอยู่ด้วย” คนตัวเล็กขยับแขนมาโอบเอวพชรเอาไว้ “แต่มารู้เอาก็ตอนพี่ไผ่เริ่มเล่นบาสนั่นแหละ”


“ทำไมอ่ะ ตอนเล่นบาส....จำไม่เห็นได้เลย” คนถามนึกย้อนไปถึงวันวาน...ในตอนที่เขาเป็นนักบาสตัวโรงเรียนแล้วอดนึกไม่ได้ว่าตัวเองมีอะไรให้ชอบ


“ก็....”










...













อิชย์นึกย้อนไปถึงตอนอยู่ชั้นมัธยมต้น พชรที่เริ่มตัวยืดหันไปเล่นบาสเก็ตบอล ทำให้เขาที่ไม่มีกิจกรรมให้ทำ ต้องไปนั่งรอดูอีกคนซ้อมในทุกๆเย็นหลังเลิกเรียน


“ไผ่----- สู้ๆนะ------” เสียงแหลมเล็กของเด็กสาวดังจากอีกด้านของสนามเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มร่างเล็กให้หันไปมอง


ในตอนแรก เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นพชรหันไปมองและยิ้มให้ ความรู้สึกไม่พอใจไร้ที่มาก่อตัวขึ้นจนใบหน้างอง้ำ


จุดหมายของคนในสนามอยู่ที่ลูกกลมๆกับห่วงที่อยู่สูงเหนือศีรษะไปเกือบเท่าตัว พชรเลี้ยงลูกหลบฝ่ายตรงข้ามพลิกลูกมาเลี้ยงอีกมือก่อนจะส่งต่อให้เพื่อนในทีมที่ไปยืนรออยู่ใต้แป้น เด็กหนุ่มรับบอลแล้วชู้ตขึ้น ลูกสีส้มลอยสูงทว่ากลับกระแทกแต่เพียงกรอบนอก พชรแทบไม่ได้คิดถึงอะไรในยามที่กระโดดคว้าแย่งมา เขาสปริงตัวอีกครั้งแล้วโยนมันลงไป....เสียงลูกกระแทกกับห่วงเหล็กแล้วหล่นผ่านตาข่ายลงไปเป็นเสียงที่เขาชอบที่สุด


“เยส!!!” พชรกำมือแล้วแทงศอกไปข้างหลังอย่างสะใจทันทีที่กรรมการเป่าหมดเวลา มือใครต่อมือใครพุ่งมาหาที่เขาทั้งตบหัว ตบบ่า ด้วยความสุขของทีมที่ได้รับชัยชนะ พชรพูดคุยกับเพื่อนๆในทีมแล้วหันไปยักคิ้วใส่ทีมB


“คราวหน้ามึงมาอยู่ทีมBมั่งสิวะไผ่”


“เออ เดี๋ยวซ้อมแข่งคราวหน้ากูอยู่ให้ เฮ้ย กลับก่อนนะ จารย์หวัดดีครับ”


พชรยกมือไหว้โค้ชคุมทีมแล้ววิ่งเหยาะๆผ่านกลุ่มเด็กผู้หญิงที่มายืนแอบรอ หนึ่งในนั้นใจกล้าที่จะโบกมือให้เขา เด็กหนุ่มเลยยิ้มแล้วโบกกลับ...เรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่น พชรยักไหล่แล้วเดินไปหยุดหน้าเด็กหนุ่มตัวเล็กที่ทำหน้างอง้ำ


“โฟม....กลับบ้านกัน ขอผ้าเช็ดตัวหน่อยสิ”


อิชย์ยื่นผ้าเช็ดตัวในกระเป๋ายื่นส่งให้โดยไม่พูดไม่จา สายตายังคงมองไปที่เด็กสาวกลุ่มนั้น


“เป็นไรปะ...แอบปิ๊งสาวๆในกลุ่มนั้นเหรอ”


“เปล่า! พี่ไผ่นั่นแหละ” เขาขึ้นเสียงก่อนจะลุกยืน “เล่นแต่บาสให้สาวกรี๊ด”


เด็กหนุ่มหยิบขมวดคิ้วมุ่นในคำกล่าวหา เขาไม่เคยคิดจะเล่นให้สาวกรี๊ด....แต่ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ “อ้าว เราเปล่า สาวๆเขามากรี๊ดเอง ไม่ได้กรี๊ดแต่เราเหอะ กรี๊ดให้พี่ภูมิกับพี่เอมากกว่าอีก”


“...ไม่เห็นน่าสนุกเลย บาสอะ”


“หัดเล่นไหม เดี๋ยวสอนให้ โฟมตัวเล็กไปหน่อยแต่เป็นพ้อยน์การ์ดพอได้”


“ไม่เอา ไม่ชอบ” เขาตอบทันที “ถ้าพี่ไผ่จะเล่นบาส โฟมไม่รอกลับบ้านแล้วก็ได้ เดี๋ยวกลับกับไอ้บิ๊ก” ไอ้บิ๊กที่ว่าก็คือเพื่อนร่วมชั้นตั้งแต่อนุบาล จากที่คอยแกล้งเขาตลอด ปัจจุบันกลายมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว


“โกรธอะไรเราเหรอ” พชรถามด้วยความสงสัยพร้อมๆกับดึงกระเป๋าเป้มาสะพายบนบ่า “จะกลับกับไอ้บิ๊กแล้วทิ้งเราเหรอ”


“ก็พี่ไผ่ทิ้งโฟมมาเล่นบาสก่อนอะ”


พชรโปะผ้าขนหนูชื้นเหงื่อบนศีรษะกลมมนที่ผมยังไม่ยาวนักแล้วขยี้แรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว “ไม่ได้ทิ้ง ออกกำลังกาย โฟมแหละไม่ยอมออกบ้าง ตัวเล็กอย่างกับลูกหนู”


“ก็โฟมไม่ชอบเหงื่อ...ร้อนด้วย” คนไม่ชอบเหงื่อไม่ได้ผลักหรือปัดผ้าขนหนูชื้นๆออกไปจากศีรษะตัวเองแต่อย่างใด


“งั้นเราเลิกเล่นก็ได้ โฟมจะได้ไม่ต้องรอ...ดีไหม”


ในทีแรกก็นึกลิงโลดในใจ ใบหน้าที่งอง้ำคลายออก แต่ก่อนที่อิชย์จะได้พูดอะไรต่อ เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “...แล้วพี่ไผ่ชอบเล่นบาสหรือเปล่า”


“ก็ชอบ...แต่ชอบโฟมมากกว่า ไม่อยากให้โฟมรอ” คนตอบตอบพร้อมรอยยิ้มยิงฟันขาว


คล้ายกับคำพูดว่าชอบตัวเองมากกว่าจะทำให้ความรู้สึกไม่พอใจของเด็กหนุ่มหายไปในที่สุด อิชย์ยิ้มกว้างให้กับร่างสูงก่อนจะเอ่ยบอก


“...โฟมรอก็ได้ พี่ไผ่เล่นเถอะ”


“ขอบใจนะ...แต่ห้ามกลับกับไอ้บิ๊กเด็ดขาด ไม่งั้นเราจะโกรธโฟม โอเคป่ะ”















...











“นั่นแหละ...โฟมเลยรู้ ว่าชอบ..............พอแล้ว...ตาพี่ไผ่เล่ามั่ง เขินแล้ว...” อิชย์ก้มหน้าลงซุกกับต้นแขนของร่างสูง พร้อมทั้งคะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายได้เล่าเรื่องส่วนของตัวเองบ้าง


พชรหัวเราะอย่างนึกเอ็นดู ใครจะรู้ว่าการที่เล่นบาสแล้วสาวกรี๊ดจะทำให้คนๆนึงถึงกับรู้ใจตัวเองขึ้นมาได้...ยังดีที่เขาไม่ได้พูดความลับเรื่องไอ้บิ๊ก ว่าเขาต้องใช้ทั้งคำขู่ทั้งปลอบแค่ไหนว่าจะเขี่ยมันออกไปได้


ยังดี...ที่มันไปติดถึงมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ ตามคำแนะนำของเขาที่บอกให้มันเลือก


“เล่าเหรอ...อยากฟังอะไรดีล่ะ” คนพูดแกล้งทำเฉไฉ


“พี่ไผ่ไง...ชอบโฟม...ตั้งแต่เมื่อไหร่”


“ไม่บอกหรอก”


“อะไรอะ บอกนะ บอกโฟมนะ นะพี่ไผ่นะ” กิริยาออดอ้อนแบบนี้ไม่มีวันที่เพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มจะได้เห็นเป็นอันขาด


“ก็....ตั้งแต่ตอนเล็กๆล่ะมั้ง” คนตอบตอบอย่างอมพะนำ แต่ในหัวไพล่นึกไปถึงสมัยชั้นเรียนอนุบาล....วันที่ได้เจอกับ “น้องเม็ดโฟม” วันแรก














...











“เอ้าทุกคน วันนี้ครูอ้อมพาเพื่อนใหม่มาให้รู้จักกันนะคะ เม็ดโฟม ทักทายเพื่อนๆหน่อยไหมคะ”


จบคำพูด เด็กตัวน้อยที่ยังสูงไม่พ้นเอวของครูสาวก็ค่อยๆโผล่ใบหน้าออกมาจากด้านหลัง มือเล็กๆจับชายกระโปรงของครูอ้อมเอาไว้ขณะที่ดวงตากลมโตมองไปรอบๆห้อง


“จื้ออะไยนะ” เด็กชายตัวโตตะโกนมาจากหลังห้อง พลาสเตอร์ที่ติดข้างแก้มกับปลายจมูกบอกให้รู้ถึงสถานะพี่ใหญ่ในชั้นอนุบาลเด็กเล็ก


ครูอ้อมรุนหลังให้เด็กตัวเล็กมายืนข้างหน้า อิชย์แหงนคอมองหน้าครูก่อนจะตอบด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก “เม็ด โฟมมม”


เด็กชายบิ๊กเท้ามือกลมป้อมแล้วชะโงกตัวออกมาจากโต๊ะเรียนที่สูงครึ่งตัวเขา “เลาชื่อบิ๊ก ลูกพ่อบู๊ น้องเม็ดโฟมชื่อแป๊กกกแปก” น้ำเสียงแจ้วๆที่ยังพูดไม่ชัดเอ่ยยานคางคล้ายจะล้อเลียนในที


“แปกยังไง แม่เม็ดโฟมตั้ง แปกตงไหน” คิ้วเล็กๆขมวดมุ่นเข้าหาพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มงอง้ำ “นิฉัยไม่ดี”


“ก็แปกสิ คนอะไยจื้อเม็ดโฟม ตัวก็ซีดเหมือนโฟมด้วย”


“........” ใบหน้าของเด็กชายตัวน้อยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับปากที่เริ่มเบะออก “ซีด...อะไย.....อึก...”


“คุงคูค้าบ” เด็กชายตัวเล็กที่นั่งอยู่กลางห้องยกมือขึ้นก่อนที่เสียงร้องไห้จะดัง “ให้น้องเม็ดโฟมนั่งกับน้องไผ่นะคับ” พูดจบ เด็กชายพชรก็ยิ้มตาหยีให้กับเด็กใหม่ที่ใกล้จะร้องไห้เต็มแก่ “เลาชื่อไผ่นะ”


“เม็ดโฟม ไปนั่งกับพี่ไผ่นะคะ บิ๊ก เลิกแกล้งเพื่อนได้แล้วนะคะ ไม่งั้นครูจะบอกคุณพ่อนะคะ” ครูอ้อมรุนหลังอิชย์ให้เดินเข้าไปหา


ร่างเล็กก้าวขาสั้นๆเดินฉับๆไปที่โต๊ะว่างตรงกลางห้อง “...จื้อเม็ดโฟม.....”


“อื้อ เป็นเพื่อนกันนะ” นิ้วก้อยสั้นๆกลมๆยกขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวานรับกับแก้มป่องๆสีแดงสด


“เป็น” อิชย์พยักหน้ารัวเร็วพลางรีบยื่นนิ้วก้อยของตัวเองขึ้นมาเกี่ยวไว้บ้าง ก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กที่เกือบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ


“ถ้าน้องบิ๊กแก้ง น้องโฟมบอกเลานะ เลาจะฟ้องคุงคูให้” เด็กชายตัวน้อยให้สัญญาเป็นมั่นหมาย


“อื้อ ถ้าบิ๊กแก้ง เม็ดโฟมจะบอกพี่ไผ่”


“เลาไม่ได้เป็นพี่นะ”


“ก็คูเลียกพี่... เม็ดโฟมเลยเลียกด้วย” ดวงตากลมโตหรี่หยีจนกลายเป็นเส้นโค้งยามที่เด็กน้อยยิ้มกว้าง


“ตามใจ” เด็กชายตัวน้อยอีกคนมองเพื่อนใหม่ก่อนจะเอื้อมมือป้อมไปวางแปะบนหัว “โอ๋นะ โอ๋นะ เลาจะดูแลน้องโฟมเอง...”


ไม่เคยรู้เลยว่าคำสัญญาของเด็กไม่กี่ขวบ...จะยาวนานจนถึงทุกวันนี้...









...







“จากอยากปกป้อง....ไม่รู้ว่ารักโฟมตั้งแต่เมื่อไหร่” น้ำเสียงทุ้มนุ่มพูดแผ่วเบายามที่อ้อมกอดอบอุ่นกระชับขึ้น


คนตัวเล็กยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะขยับตัวห่างจากอ้อมกอด “พี่ไผ่ เขยิบนิดนึง”


พชรขยับตามคำบอกของคนรักด้วยสีหน้าที่ยังคงสงสัย


อิชย์คลานเข่าไปนั่งอยู่ระหว่างขาของร่างสูงแล้วเอนหลังซบกับแผ่นอกกว้าง “แบบนี้อุ่นกว่า”


คนที่จู่ๆก็ถูกจู่โจมไม่รู้ตัวถึงกับทำอะไรไม่ถูก มือที่อ้าค้างยังคงค้างอยู่เช่นเดิมแม้ว่าแผ่นหลังอุ่นๆจะเบียดเข้าหาสักแค่ไหน ร่างที่อยู่ตรงกลางขยับยุกยิกอยู่ครู่หนึ่งจนได้จังหวะสบายตัว ใบหน้าของคนที่เขาหลงรักมาตลอดชีวิตก็เงยหน้าขึ้นสบตามอง


“เอางี้เลยเหรอโฟม......”


“อื้อ...ได้หรือเปล่า” อิชย์ไม่พูดเปล่า เขายังตบรอยยิ้มกว้างให้อีกทีก่อนจะยกแขนของร่างสูงให้มาโอบตัวเองเอาไว้


“มีใครเคยบอกป่ะ...ว่ากล้าผิดกับหน้าตาเลย” พูดจบ คนพูดก็รั้งเข้ามากอดแล้วหอมที่ข้างหูเบาๆ


ชายหนุ่มร่างเล็กหัวเราะเบาๆขณะย่นคอหนี “เคย จั๊กจี้นะพี่ไผ่”


“อยากลากโฟมเข้าห้องเลยว่ะ แต่เสียดาย....ดาวอุตส่าห์สวยขนาดนี้”


“ก็...ดูดาวด้วยกันก่อน...เนอะ” แม้จะไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่อิชย์ก็ไม่ได้ใสซื่อเสียจนไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแปลว่าอะไร


พชรไม่ได้ตอบ...แต่แตะริมฝีปากเบาๆที่ข้างขมับเช่นเดียวกับแขนที่กอดรัดแน่นขึ้น “รักโฟมนะ.....”


“พูดบ่อยๆงี้ โฟมมีความสุขตายแน่ๆ”


คนบอกรักยิ้มเบาๆแล้งก้มใบหน้าลงไปคลอเคลียผิวแก้มนิ่ม ริมฝีปากอุ่นๆแตะลงใกล้ๆพร้อมที่จะขยับเข้าไปมอบจุมพิตหวานล้ำ....


“น้องโฟม อยู่นี่เอง....อ้าว ไผ่ด้วยเหรอ” ชายหนุ่มผิวแทนที่เพิ่งมาถึงถามอย่างแปลกใจ


เจ้าของชื่อหันไปมองทันทีด้วยความตกใจ “พี่แพท? มี...อะไรเหรอ” มือของอิชย์ยังจับแขนของร่างสูงไว้แน่น


“จะชวนไปนั่งกินเบียร์ดูดาวกัน แล้วก็.....พรุ่งนี้ไปถ่ายรูปชมพูภูคากันนะ”


“ผมไม่กินเบียร์...แต่ว่า พรุ่งนี้ผมไปกับพี่ไผ่แล้ว...” คนตัวเล็กพยายามตอบอย่างสุภาพตามเคย


“ปฏิเสธกันอย่างนี้พี่น้อยใจนะ” วศินพูดเสียงอ่อนหากแต่ปรายตาหนุ่มรุ่นน้องที่ยังคงกอดคนที่เขาตั้งใจจะจีบอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่


“เจอกันทุกวันอยู่แล้ว...ขอยืมตัวพรุ่งนี้วันเดียวนะน้องโฟม...”


“แต่...โฟมสัญญากับพี่ไผ่แล้ว...” อิชย์เหลือบมองพชรโดยหวังให้อีกฝ่ายช่วยเหลือ


“ขอโทษด้วย...โฟม กลับเกวียนเหอะ” ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่แววตาดุดันทำให้วศินถึงกับชะงัก แต่ไม่ไย...กลับท้าทายตอบ


“หวงเหรอไผ่ เป็นเพื่อนกันทำไมต้องกันท่าพี่วะ”


ร่างเล็กรีบดึงชายเสื้ออีกฝ่ายแล้วกระตุกสองสามที “ก็....ตามนั้นแหละพี่แพท เดี๋ยวโฟมกลับเกวียนก่อนนะ...”


“เดี๋ยว---” มือที่ยื่นออกมาจะจับถูกปัดออก วศินจ้องชายหนุ่มที่ปัดมือของเขาด้วยแววตาท้าทาย


“คนนี้ของผม พี่อย่ายุ่ง”


คราวนี้อิชย์เงียบปากไป เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าพชรจะพูดออกมาแบบนี้


“ไรวะไผ่ เฮ้ย! เดี๋ยวดิ โฟม!” วศินตะโกนไล่หลังคนที่ลากมือรุ่นน้องที่เขาจะจีบไป ชายหนุ่มว่าที่เภสัชถอนใจแล้วอดพูดไม่ได้ว่า “หวงชิบ...”


“พี่ไผ่...บอกไปแบบนั้น จะดีเหรอ” ร่างเล็กที่ถูกกึ่งลากกึ่งจูงเอ่ยถามหลังจากเดินพ้นมาจากบริเวณที่ให้ดูดาว


“เราไม่อยากให้ใครมายุ่งกับแฟนเรา”


“งั้นก็...บอกพวกถังได้...ใช่ไหม”


“โฟมอยากบอกก็บอกได้ เราไม่ได้อะไร ยังไงไอ้ถัง ไอ้จิน อาลัวก็เพื่อนกัน แต่กับพี่แพท.....” พชรนิ่วหน้าคล้ายไม่อยากพูดถึง “เราไม่อยากยุ่ง”


“อื้อ ก็ไม่อยากยุ่ง” อิชย์ยิ้มกว้างเห็นด้วย “งั้นกลับห้องนะ”


พชรโอบบ่าคนรักแล้วดึงเข้ามากอดอีกครั้ง ชายหนุ่มตัวสูงเสยผมที่ตกระใบหน้าอิชย์พลางจ้องเข้าในดวงตา


“เมื่อกี้พี่แพทเข้ามาขัดจังหวะ.....เพราะงั้น....” ใบหน้าคมเข้มซับสีเรื่อนิดๆ “เรา....รักโฟมนะ”


“โฟมก็รักพี่ไผ่นะ...รักสุดๆเลย” คนพูดยิ้มหวานทั้งดวงตาและริมฝีปาก


“เรารักมากกว่า” พชรยกยิ้ม...และแปรเป็นยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายทำหน้ามุ่ย


“ไม่จริง” คนตัวเล็กกว่าร้องท้วงขณะที่เงยหน้ามองพชร แขนสองข้างเอื้อมไปโอบกอดร่างสูงเอาไว้จนแน่น


“โฟมทำแบบนี้จะแกล้งไม่ให้เรานอนหลับใช่ไหม”


“โฟมจะแกล้งอะไรพี่ไผ่ได้ มั่วแล้ว” อิชย์หัวเราะออกมาก่อนจะดึงแขนอีกฝ่ายลากให้เดินต่อ “จะถึงละ”


พชรโอบไหล่คนตัวเล็กเข้ามากอดแนบชิดแล้วจูบลงบนปอยผมยาวแทนคำพูดอื่นใด นัยน์ตาสีเข้มเอ่ยแทนคำพูดหวานล้ำ....แทนคำว่ารักที่อยากบอกโดยไม่รู้จักเบื่อ


“ดีจัง ที่มาด้วยกัน”


“ดีสิ...ดีที่สุดเลย....”
 
 
 






 
 
 
 
 
 
To be continued...

หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 8 เริ่มต้น...จนเป็นรัก [02/09/13]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-09-2013 20:39:28
พร่ไผ่กับเม็ดโฟมมันกุบกิบดีแท้
แต่เราแอบงงเวลาเรียกชื่อจริงกับชื่อเล่นสลับกันไปมาอ้ะ
เราแรมต่ำ 55555
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 8 เริ่มต้น...จนเป็นรัก [02/09/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 02-09-2013 21:22:11
ในที่สุดก็มาลงที่เล้าแล้ว ดีใจๆๆๆ
สงสารคีย์สุดๆ ถ้าอันไม่คิดที่จะทำอะไรให้ชัดเจน
ก็อย่ามายุ่งเกี่ยวกันเลยดีกว่า เกลียดคนแบบนี้ที่สุด
คนจับมาสองมือ รักพี่เสียดายน้อง อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
ขอให้สุดท้ายไม่เหลือใครเคียงข้างเลย
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 8 เริ่มต้น...จนเป็นรัก [02/09/13]
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 02-09-2013 21:26:22
พร่ไผ่กับเม็ดโฟมมันกุบกิบดีแท้
แต่เราแอบงงเวลาเรียกชื่อจริงกับชื่อเล่นสลับกันไปมาอ้ะ
เราแรมต่ำ 55555

me too. เค้าก็งง อิอิ :impress2: :impress2:
ปล.คู่นี้น่ารักจริงๆ :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 8 เริ่มต้น...จนเป็นรัก [02/09/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 02-09-2013 23:02:46
คู่นี้หวานแล้วจินกับพี่คีย์ก็หวานด้วยเซ้ะะะ
แต่พี่ไผ่เจ็นเทิ้ลแมนสุดๆ เม็ดโฟมน่าร้ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 8 เริ่มต้น...จนเป็นรัก [02/09/13]
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 03-09-2013 16:32:42
อยากให้จินณ์กับคิรากรเป็นแฟนกันเร็วๆ จังเลย คงจะน่ารักมากแน่ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 8 เริ่มต้น...จนเป็นรัก [02/09/13]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 03-09-2013 19:41:32
รออ่านต่อนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 8 เริ่มต้น...จนเป็นรัก [02/09/13]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 03-09-2013 20:56:11
หวานมากกกกก มดกัดเลย อิอิ :o8:
ชอบตอนเป็นเด็กน้อยพูดไม่ชัด น่ารักจริงๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 8 เริ่มต้น...จนเป็นรัก [02/09/13]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 03-09-2013 21:52:36
เห็นแล้วอยากจะขออ้อนบ้าง อนุญาติมั้ยคะโฟม

 :กอด1:
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 9 ความเปลี่ยนแปลงของหัวใจ [06/10/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 06-10-2013 20:57:01
สวัสดีค่ะ kagehana ค่ะ

กลายเป็นนิยายรายเดือนไปซะแล้ว  :z3:ขอโทษคนอ่านทุกคนนะคะแล้วก็ขอบคุณมากๆที่ยังติดตามกันเสมอ

ตอนนี้ใกล้มาถึงจุดเปลี่ยนแล้ว  :hao5:แต่ก็ยังพอมีเวลากรุบกริบอีกนิดหน่อย อิอิ

ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ

kagehana






-9-








...หนาวชิบหาย....


ชายหนุ่มร่างสูง เดินเซตามทางเดินมืดๆ ร่างสูงใหญ่เซถลาก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าต้นไม้ใกล้ๆมาใช้ยันตัวเองไว้ นัยน์ตาหรี่ปรือกระพริบมองไปในความมืดสลัวที่มีเพียงดวงดาวเป็นแสงสว่าง หากแต่...รฐกรไม่มีอารมณ์จะมาชมดาวชมเดือนพระแสงของ้าวอะไรทั้งนั้น


“อุก...โอกกกกกก” ท้องไส้ภายในที่ปั่นป่วนด้วยฤทธิ์สุราที่ใครต่อใครผลัดกันมาเวียนชนเพื่อรับน้องแสดงอาการต่อเนื่องเป็นลมที่ตีขึ้น ชายหนุ่มโก่งคอคายของเก่าที่กินไปเมื่อเย็นจนหมดไส้หมดพุง ในตอนที่เขาตัดสินใจจะเดินต่อ ร่างกายก็ประท้วงด้วยการเซถลาจนล้มลงไปนอนพิงขอนไม้ เจ้าตัวหลับตาลงด้วยอาการปวดหัวและคลื่นไส้จนเกินกว่าจะไปต่อไหว


...แม่ง...อย่าให้กูสร่าง จะเอาคืนเรียงตัว....


ส่วนอีกทางหนึ่ง หญิงสาวร่างบางช่างเพ้อที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเดินฮัมเพลงมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนหน้านี้ขณะที่กำลังล้อมวงก๊งเหล้ากันอยู่ หนังสือที่ตามอ่านอยู่เพิ่งจะออกเล่มใหม่มาทำให้จิรนันท์รีบกดสั่งซื้อแทบไม่ทัน และตามนิสัยของเจ้าตัว อะไรก็ไม่สู้การได้อ่านหนังสือ


หญิงสาวสั่งซื้อและดาวน์โหลดหนังสือออนไลน์ลงมาไว้ในไอแพดเรียบร้อย หากไม่มีอะไรผิดพลาด พรุ่งนี้เช้าเธอจะต้องอ่านจบอย่างแน่นอน


“เฮ้ย” ขาของเธอสะดุดเข้ากับ'อะไรที่ผิดพลาด'จนเกือบจะหน้าคว่ำลงไปบนพื้นถ้าไม่ใช่เพราะแขนสองข้างที่หมุนไปด้านหลังจนสุดแรง


“อะไรเนี่ย...”


“โอยยย เหี้ย ใครเตะกูว้า....” น้ำเสียงอ้อแอ้ถามออกมาจากคนที่นอนอยู่


“อ้าว ศพใครอะ” จิรนันท์ร้องถามเสียงสูง


นัยน์ตาหรี่หยีเพราะแอลกอฮอล์พยายามจะลืมขึ้น ติดแต่ตรงที่ว่าดูจะเบิกกว้างได้แค่เท่าเดิม... “ครายยย ตาบอดไม่เห็น อึก คนนอน เหรอว้า...”


“เห็นแต่ศพรถถังเก่าๆ ไปนอนดีๆ เดี๋ยวก็เป็นหวัด” เธอเอาปลายเท้าเขี่ยขาอีกคนสองสามที


“ลุกไม่รอด พี่ไผ่..โฟม...ไอ้จิน อุ้มกูหน่อยเด๊ะ...เอิ้ก...” รฐกรหลับตาพึมพำพลางสะอึกไม่หยุด


“นอนให้ยุงรุมแดกโต๊ะจีนไปก็แล้วกัน” หญิงสาวเดินเลยผ่านไป ส่ายศีรษะด้วยความเหนื่อยใจ


“ใจร้าย...ใครๆก็ใจร้ายกะกู...อุก...สาดดด” คนเมาโวยวายในลำคอแล้วพลิกตัวหาที่นอนให้สบายตัว หมดความสนใจกับคนที่โวยวายอยู่ใกล้ๆอย่างสิ้นเชิง


“เอาเบียร์มาเล้ยยย ถังไม่เมาคร้าบบบ เอามาเลยยยยยยย”


พูดจบ..ชายหนุ่มหน้าตาดีที่ไม่เหลือดีก็สิ้นสติ...นอนหลับหนุนขอนไม้ไปในทันที









ดวงดาวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าหายลับไปยามเมื่อแสงอาทิตย์มาแทนที่ อากาศเย็นของยามเช้าอุ่นขึ้นด้วยแสงแดดอ่อนๆ รฐกรที่เผลอหลับไปพลิกตัวลืมตาขึ้น อาการปวดเมื่อยทำให้เขาครางออกมาเบาๆ


“อูย....ชิบหาย มานอนนี่ได้ไงวะ” เขาหันซ้ายหันขวา...ก่อนที่ดวงตาสีเข้มจะหยุดนิ่งลง...และทอประกายอบอุ่นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สักนิด


รฐกรขยับตัวเบาๆนั่งมองหญิงสาวร่างเล็กที่นั่งคออ่อนคอพับคาไอแพด ขนตายาวที่แนบอยู่บนผิวแก้มนวลกระเพื่อมนิดๆตามจังหวะหายใจ ริมฝีปากสีอ่อนจางดูนุ่มนิ่ม...นุ่มนวลจนอดคิดไม่ได้ว่าไอ้แจ๊สมันเป็นผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่


มือที่จับไอแพดเอาไว้คลายออก ทำให้ไอแพดหล่นร่วงลงจากมือ “?! อ...อือ......แตกรึเปล่าวะ...”


“แจ๊ส...มานอนนี่ไมวะ” รฐกรหยิบไอแพดที่ร่วงลงมาดูแล้วส่งคืนให้ “เกวียนไม่มีนอนเหรอ หรืออีกี้เอาไปเทียมเกวียนไถนาแล้ว”


“ก็กลางคืนหนาว เดี๋ยวมึงแข็งตาย เลยเอาผ้าห่มมาให้” หญิงสาวรับเอาไอแพดมาแล้วจึงยืดตัวเพื่อบิดเมื่อย


“โห...มึงใจดีกับกู ฝนจะตกป่ะวะวันนี้”


“อยากแข็งตายก็ไม่บอก...” จิรนันท์ลุกขึ้นปัดๆตามตัวให้เศษดินเศษหญ้าหลุดออก “ไปก่อนละ เอาผ้าไปคืนอาจารย์ด้วย”


“ห่วงกูก็บอกตรงๆครับน้องแจ๊ส” ชายหนุ่มฉวยมือหญิงสาวเอาไว้ “อย่ามาเขินๆ”


“คงไม่ห่วงมั้ง เอาผ้ามาให้เนี่ย ไปแล้ว จะไปอาบน้ำ” ถึงแม้ปากจะพูดเย็นชา แต่เธอก็ไม่ได้สะบัดมือทิ้ง


ชายหนุ่มที่จับมือเอาไว้มองอีกฝ่ายพลางอมยิ้มนิดๆคล้ายกับมีบางสิ่งบางอย่างที่ถูกใจเหลือเกิน “ขอบใจนะ”


“ไม่เป็นไร” รอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้เห็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ดวงตากลมโตเหลือบมองมือที่ถูกจับอยู่ก่อนจะพูดออกมา “ถัง ปล่อยยัง มืออะ”


คนที่จับมืออยู่สะดุ้งนิดๆแล้วค่อยๆคลายออก ไม่รู้ว่าทำไม...แต่อดเสียดายเล็กๆไม่ได้ “แจ๊ส....มึงมีแฟนยังวะ”


“ยัง” หญิงสาวขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นโบว์ “มึงก็พูดเอง ผู้ชายที่ไหนจะเอาวะ”


“มี.......” คนพูดยิ้มเจ้าเล่ห์ “อีกี้ไง โคตรเหมาะกับมึงเลยแจ๊ส” พูดจบก็สำทับด้วยเสียงหัวเราะดังลั่น


“อีบ้า กี้มันจะเอาผู้ชาย เหมือนมึงกับโฟมน่ะแหละ” จิรนันท์ยิ้มเยาะ ไม่รู้สึกอะไรกับคำล้อเลียนของอีกคน


“กูน่ะเอาผู้หญิง....ถ้าไม่เชื่อมาพิสูจน์ก็ได้”


“ไม่อะ เสียเวลา” หญิงสาวทำหน้าเบ้


“เออ จำไว้นะมึง”


รฐกรคาดโทษกลับ...โดยที่ไม่รู้เลยว่า ความสัมพันธ์ของเพื่อนคู่กัดจะเปลี่ยนแปลงไป...หลังจากนี้ไม่นาน

 

 












คิรากรที่ตื่นได้สักพักหนึ่งแล้วกำลังลังเลว่าจะปลุกรุ่นน้องที่ยังคงนอนอยู่ให้ตื่นมายังไงในตอนเช้าขนาดนี้


“จิน...” คนอายุมากกว่าลองเรียกชื่อดู แต่ก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ยิน ร่างบางขยับเข้าไปใกล้แล้วลองเรียกอีกที


“...จิน ตื่นหรือยัง”


“อีก...ห้านาที...” คนที่นอนกอดหมอนแล้วเอาแขนหนุนแทนบิดตัวหลบเสียงที่รบกวน


“...ห้านาทีนะ งั้นเดี๋ยวพี่ปลุกอีกที พี่อยากไปดูดอกไม้ ที่ชื่อชมพูอะไรนะ...”


“ชมพูภูคา.....” จิณณ์ต่อให้จนจบ “พี่คีย์ไปอาบน้ำก่อนไป ง่วงอะ”


“ไม่เอา น้ำหนาว”


“กอดไหม” คนที่ตายังหลับอยู่อ้าแขนออกพร้อมสำทับต่อ “จะได้ไม่หนาว”


คิรากรนิ่งไป หากอีกฝ่ายเป็นอนล เขาคงทิ้งตัวลงไปแล้ว แต่เพราะว่าไม่ใช่ จึงไม่กล้าที่จะเข้าไปหา “ไม่ต้องมาล้อเลย”


จิณณ์ที่นอนอยู่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าหลับตาลงแล้วดึงเพื่อนรุ่นพี่เข้ามากอดเอาไว้แล้วงึมงำข้างหูว่า “ผมหนาว กอดหน่อย”


“ห้านาทีนะ...” แขนสองข้างที่ไม่ได้โดนกอดแน่นจนขยับไม่ได้ยกขึ้นโอบรอบอีกฝ่ายแล้วแนบใบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง


จิณณ์ซุกใบหน้าลงกับปอยผมนุ่มหอมกลิ่นแอปเปิ้ลจางๆ จมูกโด่งได้รูปซุกไซ้เบาๆเพราะอาการง่วงนอนถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นของผิวเนื้อของเพื่อนรุ่นพี่ที่โอบหลังเขาไว้ สิ่งที่บอกไม่ได้...และไม่รู้สึกตัวเองก็คือ เขาชักจะติดกับการมีอยู่ของคนๆนี้แล้ว


จ้างก็ไม่บอกให้ดีใจหรอก


“จิน...จะอยู่กับพี่แบบนี้ไปก่อน...จริงๆนะ” เขาพึมพำกับแผ่นอกที่ซุกซบ


“อยู่สิ อยู่จนกว่าพี่คีย์จะไม่ให้อยู่ อยู่จนกว่าพี่จะเจอคนใหม่ จนกว่าพี่จะไม่อยากอยู่.....ก็พี่คีย์อยู่คนเดียวไม่ได้นี่นา แว่นแฮมขี้เหงา” แว่บแรก เขาอยากจะพูดอย่างจริงจังเรื่องความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นเป็นเรื่องตลกของเด็กอายุน้อยกว่า จิณณ์เลยทำให้มันฟังดูเหมือนการให้สัญญาของเด็กๆ.....มากกว่าจะจริงจังดังใจคิด


“อืม” คิรากรขยับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “จะห้านาทีแล้วนะ”


“พี่คีย์ล่ะ....ถ้าคนชื่ออันกลับมา จะทิ้งผมหรือเปล่า”


คำถามที่ไม่รู้ว่าคนถามจริงจังแค่ไหนทำเอาคนอายุมากต้องหยุดคิด


“ก็ถ้าอันกล้าหย่าจริงๆ พี่คงยอมคืนดี แต่ว่า พี่ไม่ทิ้งเราหรอกนะ”


“ไปล้างหน้าแปรงฟันเถอะ” จิณณ์คลายอ้อมกอดออกแล้วลุกขึ้นนั่งทำเป็นหาของในกระเป๋า “ใช่สิ เรามันแค่รุ่นน้อง สำคัญที่ไหน จริงไหม”


น้ำเสียงพูดกลั้วหัวเราะ หากเพียงแต่คิรากรจะมองหน้าสักนิด...คงรู้ว่าเจ้าตัวนั้นแววตาออกไปทางผิดหวังเล็กๆ


“อย่าพูดแบบนั้นสิ จินสำคัญนะ” เขาลุกตามมาหยิบหาแปรงสีฟันและโฟมล้างหน้ามาถือเอาไว้


“ไปดูชมพูภูคากันเถอะ” คนพูดเดินดุ่มๆออกจากบ้านเกวียนพร้อมกับเครื่องล้างหน้าและแปรงฟันที่ถือไว้ จิณณ์เปิดก็อกให้น้ำเย็นๆไหลออกมาแล้ววักขึ้นล้างหน้า...ลบอารมณ์ที่ค้างคาเอาไว้


เอาเหอะ ก็แค่เพื่อนรุ่นพี่ ไม่ได้อะไรสักนิด


ไม่เลย....


“อื้ม” คิรากรรีบก้าวตามลงมา จัดการล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ใช้ผ้าขนหนูซับหน้าเบาๆแล้วส่งผ้าให้อีกคน


ชายหนุ่มพึมพำขอบคุณแล้วเอาผ้าขนหนูมาซับเบาๆไล่ความง่วงและอารมณ์แปลกๆไปจากความรู้สึก “ไปสองคนไหม หรือจะชวนพวกพี่ไผ่ไปด้วย”


“ไปกันสองคนก็ได้ หรือถ้าอยากไปหลายๆคนเดี๋ยวพี่ไปช่วยปลุกเอาไหม”


“สองคนดีกว่า....มั้ง” พูดจบ คนพูดก็พุดรัวเร็วต่อราวกับจะแก้ตัว “ถังคงเมาไม่ตื่น พี่ไผ่กับโฟมคงไปช่วยอาจารย์ อาลัว....” อาลัวทำไรดีวะ....  “อาลัวตื่นสาย อย่าไปปลุกมันเลย”


“อื้ม งั้นก็ไปกันสองคน” คิรากรยิ้มตอบ “พี่ไม่รู้ทางนะ”


เส้นทางขึ้นไปดูดอกไม้ในยามเช้าไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด จิณณ์เดินนำขึ้นเนินสูงแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาส่งมือให้คนที่เดินตามเป็นระยะๆ ภาพที่เห็นแทะจะทำให้หยุดหายใจ ต้นชมพูภูคาสูงใหญ่ประดับด้วยดอกไม้สีชมพูหวานสวยงาม จิณณ์หยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพเอาไว้ เขาเดินถอยหลัง...พร้อมกับเก็บภาพของคิรากรเอาไว้ทั้งในภาพถ่าย...และความทรงจำ


“ยิ้มหน่อยสิพี่คีย์”


“เอ๊า มาถ่ายอะไรพี่คนเดียว ถ่ายด้วยกันสิ” นายแบบจำเป็นหัวเราะเบาๆ แก้มสีซีดซับสีเลือดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างขณะกวักมือเรียกอีกคนให้มาถ่ายรูปด้วยกัน


“เออ ดีๆ ถ่ายนะ แล้วพี่ส่งไปอวดแฟนเก่าเลย บอกว่าเจอคนใหม่แล้ว หล่อกว่ามากมาย” จิณณ์เดินมายืนข้างๆแล้วยืดแขนออกไปเล็งองศากดชัตเตอร์


คิรากรยิ้มกว้างให้กับกล้องขณะที่ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้รุ่นน้องตัวสูงเพื่อให้เบียดกันเข้าไปในเฟรมได้ “ก็ว่าไปนู่น”


ผิวแก้มนุ่มๆที่เบียดแนบชิดทำเอาคนถือกล้องใจสั่น จิณณ์กระเถิบใบหน้าออกแต่ดูเหมือนอีกฝ่านจะจงใจแกล้งด้วยการแนบแก้มลงกลับมาที่เดิม ชายหนุ่มนิสัยเด็กมองค้อนแล้วแกล้งเอาริมฝีปากแตะเบาๆที่ข้างแก้มแล้วกดถ่ายภาพอย่างรวดเร็ว


เขายกมือขึ้นทาบบริเวณที่ถูกขโมยจูบไป “ถ่ายรูปอะไรนั่น จิน...” ทั้งเขินทั้งแอบโมโหทำให้คิรากรยกมือขึ้นจับใบหน้าของจิณณ์เอาไว้แล้วทำเป็นพูดเสียงขุ่น “ไหน...หล่อกว่าอะไร”


“ไม่หล่อเหรอ” คนพูดยักคิ้วล้อเลียน


“ทำหน้าดีๆสิ ยักคิ้วแบบนี้ไม่หล่อหรอก” มือที่จับใบหน้าของร่างสูงเอาไว้ออกแรงกดเบาๆบังคับให้จิณณ์ทำหน้านิ่งๆ น่าแปลกว่าทั้งๆที่ก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา แต่คิรากรแทบไม่เคยได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆแบบนี้


พอได้จ้องตาเข้าตรงๆ ก็รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะเหมือนครั้งที่เจอกับอนล “ก็.......หล่อ...ไม่เหมือนกัน....”




““บอกแล้วไงว่าหล่อกว่า” จิณณ์ย้ำแล้วกดเลื่อนดูรูป ในกล้อง...เป็นรูปตอนที่เขากำลังหันจมูกชนกับแก้มของคิรากร ดอกชมพูภูคาที่เป็นแบ็คกราวน์อยู่เบื้องหลังล้อมกรอบภาพให้กลายเป็นความรู้สึกโรแมนติก จนอดคิดไม่ได้ว่า....ถ้าเป็นแฟนกันจริงๆ คงให้ความรู้สึกแบบนี้ ““บอกไว้ตรงนี้เลยแล้วกันว่าผมหล่อกว่า ดีกว่า น่ารักกว่าไอ้แฟนเก่าเฮงซวยของพี่เยอะ เดี๋ยวกลับไปอัพโหลดรูปแล้วส่งไปเย้ยมันเลยนะ”““


“เข้าใจแล้ว” คิรากรหัวเราะให้กับความเป็นเด็กๆของอีกคน เขาคว้าเอาแขนข้างหนึ่งของจิณณ์มากอดเอาไว้แล้วชะโงกหน้าไปดูรูปในกล้องบ้าง “ให้พี่ดูด้วยสิ”


จิณณ์ลากคนที่กอดแขนอยู่พาไปนั่งที่ก้อนหินใหญ่ใกล้ๆ เขาค่อยๆเลื่อนรูปทีละรูป ศีรษะกลมมนที่เอนซบดึงดูดให้เขาซบด้วยไปโดยที่ไม่รู้ตัว และกว่าจะรู้สึกตัว...หัวใจก็เกิดอาการหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง


บ้าเอ๊ย....


ถ้าจะเรียกว่ารัก...คงอาจจะยังเร็วไป คิรากรเป็นแค่เพื่อนรุ่นพี่ เป็นคนสนิท....และคนสำคัญที่เขาไม่อยากให้เสียใจไม่ว่าจากใครหน้าไหนก็ตาม มันเป็นความรู้สึกเหมือนตอนที่เขากำลังจะพัฒนาจากคำว่าชอบไปเป็นความรู้สึกอีกอย่างที่ไม่เคยมอบให้ใคร


เอาเถอะ....ถ้ามันใช่ก็คงใช่


“พี่คีย์...ถ้าเลิกรักอันได้ พี่จะชอบผมแทนไหม”


...ถ้าเลิกรักอันได้


เพราะว่าตอนนี้ยังรักอยู่ ถึงได้ไม่คิดเปิดใจมองใครเลยสักนิดเดียว แต่ถ้าถึงวันที่เลิกรักอนลได้แล้วจิณณ์ยังอยู่ด้วยกันแบบนี้ คงง่ายมากถ้าจะให้รักให้ชอบ


“ถ้าเลิกรักอัน...” ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจิณณ์รอคำตอบแบบไหนอยู่ แต่ก็ถือว่าอีกฝ่ายถามมาตรงๆ เขาก็จะตอบตามตรง “ก็ต้องชอบสิ”


“โกหก....” แววตาที่มองมาทำให้จิณณ์เข้าใจทุกอย่าง “ยังเลิกรักไม่ได้สักหน่อย”


“ก็ยังเลิกรักไม่ได้...จินถามพี่ไม่ใช่เหรอ ว่าถ้า...ถ้าน่ะ”


“ทีหลัง....ถ้ายังเลิกไม่ได้ ไม่ว่าใครจะถามก็อย่าพูดให้ความหวังนะ....” พูดจบ รอยยิ้มจางๆก็วาดลงบนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม รอยยิ้มละมุน...แสนอ่อนโยน “เพราะถ้าเขาชอบพี่จริงๆ เขาจะเจ็บมาก”


“.......อืม...พี่จะจำไว้ก็ได้...” คิรากรยิ้มตอบโดยที่ไม่รู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย


ชายหนุ่มมองตามรอยยิ้มแล้วเสหันหน้าไปทางอื่น แกล้งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ให้มันจริงเหอะ”


“จริงสิ พี่ไม่อยากให้ใครต้องเจ็บหรอกนะ” ...เจ็บแบบที่ตัวเองรู้สึกกับคำว่ารอของอนล


“ผมจะคอยดู” จิณณ์มองสบตาแล้วคลี่ยิ้ม...เปลี่ยนบรรยากาศแปลกๆที่จะนำพาไปสู่คำพูดที่เกือบจะหลุดออกมาเมื่อครู่


ให้ตาย...ก็บอกไม่ได้ ว่ารู้สึก...ชอบ...เข้าไปแล้ว


“กลับไปก็จะสอบแล้วสิ พี่คีย์ด้วย....เทอมสุดท้ายใกล้จบแล้วใช่ไหม”


“อื้ม เรียนจบ...เป็นผู้ใหญ่...” คิรากรจงใจจะยิ้มล้อเลียนอีกฝ่ายที่ยังอายุน้อยกว่า


“ผู้ใหญ่ที่ไหน เป็นแค่แว่นแฮม....จำตารางเรียนตัวเองให้ได้ก่อนเหอะ”


คิรากรหมดสิทธิ์เถียงกลับ เขาคว้าเอาแขนของร่างสูงมากอดเอาไว้อีกครั้ง “พอแล้วๆ ไปหาข้าวเช้าทานกันเถอะ แล้วเดี๋ยวจะได้กลับบ้าน ไปอัพรูปที่ถ่ายด้วยกันนะ”


“จะเอาไปใส่ไว้ในเพจคู่รักหนุ่มวายอะไรนั่นของไอ้แจ๊สด้วยเลยปะล่ะ” จิณณ์แซวพร้อมหัวเราะเสียงร่วน


“ว่าไปนู่น เดี๋ยวแฟนในอนาคตหาเจอก็เดือดร้อนหรอก ถ้าไม่อยากเดือดร้อนคงต้องหาแฟนแบบน้องแจ๊สแล้วล่ะ” คนอายุมากกว่าหัวเราะตาม


คนฟังเบ้หน้าแล้วส่ายหัว “ไม่เอา ปวดหัวตายห่า เอาแฟนแบบพี่คีย์ดีกว่า......หลอกง่าย แถมดูแลเก่งด้วย”


“.......หลอกง่าย......งั้นเหรอ....” คิรากรนิ่งคิดไป...และมันก็คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ คนทั่วไป ใครจะทนรออยู่ได้เป็นปีขนาดนั้น “ก็คงจริง” พูดจบก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง


“เฮ้ย! ไม่ได้หมายความแบบนั้น” เพราะสีหน้าที่เศร้าลงไปทั้งที่หัวเราะทำให้ชักเอะใจ “ทำหน้าอย่างงี้อีกแล้ว เดี๋ยวผมโยนลงหน้าผาเลย” จิณณ์กอดตัวคิรากรเอาไว้แล้วทำท่าจะโยนเหวี่ยงลงไปจริงๆ


“อ๊ะ ไม่เอานะ พี่ยังไม่ได้สิ้นหวังในชีวิตขนาดอยากตายนะ ปล่อยนะจิน” แฮมสเตอร์ที่ถูกกอดแล้วยกขึ้นร้องโวยวายออกมาปนกับเสียงหัวเราะ


“ไอ้เฮงซวยอัน ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัว สมน้ำหน้า” จิณณ์ตะโกนแล้วหัวเราะร่า “ตะโกนสิพี่คีย์ เอาให้ดังไปถึงอเมริกาเลย ตะโกนดังๆจะได้ลืมได้เร็วๆ”


คิรากรหัวเราะลั่นกับคำพูดของอีกฝ่าย “ไม่ต้องให้พี่ตะโกนแล้วมั้ง เสียงเราดังไปถึงขั้วโลกแล้วป่านนี้”


“ไม่คืนพี่คีย์ให้หรอก ไอ้บ้าอัน” คนที่อุ้มคิรากรอยู่กอดแน่นขึ้นก่อนจะวางลงแล้วจับมือเอาไว้ “สมน้ำหน้าเนอะ ไม่รู้คุณค่า โง่ชะมัด” พูดจบก็ตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานพร้อมกับกระชับมือให้แน่นขึ้น


“กลับกันนะ”


“อื้ม กลับกันเถอะ” เขาบีบมือข้างนั้นตอบพร้อมทั้งรอยยิ้มบนใบหน้า


...ไม่นาน...


...อีกไม่นาน...


...ก็จะลบอนลออกไปจากหัวใจได้แน่นอน...

 

 

 

 

 

 

To be continued...
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 9 ความเปลี่ยนแปลงของหัวใจ [06/10/13]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-10-2013 21:34:02
ใกล้จะคลิ๊กกันแล้ว ดีใจ
ว่าแต่จะมีจุดเปลี่ยนอะไร เปลี่ยนแบบกุบกิบได้ป้ะ
ไม่อยากซดมาม่า 555555
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 9 ความเปลี่ยนแปลงของหัวใจ [06/10/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 07-10-2013 01:15:17
เออไอ้อันไอ้ผชเฮงซวย ชอบตอนจินอะแม่งสะใจ555555555
พี่คีย์ก็เปิดใจหน่อยค่า คบเด็กนี่แบบเค้าว่าจะเปร่งปลั่ง55555555555555
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 9 ความเปลี่ยนแปลงของหัวใจ [06/10/13]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 08-10-2013 08:27:02
เกลียกอิอันนนนนนน

ไม่ต้องกลับมาหาแว่นแฮมเลยนะเฟ้ยยยยยยยยยยยย :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 10 ในวันที่ไม่มีเธอ... [16/12/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 16-12-2013 00:29:41


-10-










 

 



"เดี๋ยวจะกินข้าวเย็นด้วยกันก่อนหรือเปล่า....หรือจะค้างเลย" คิรากรเอ่ยถามขึ้นเมื่อก้าวเดินเข้าประตูล็อบบี้ของคอนโด (หรือหอพักที่เจ้าตัวยืนยัน) มา ชายหนุ่มก้มลงหาคีย์การ์ดในกระเป๋าโดยที่ยังไม่หยุดพูด "ถ้าค้างเดี๋ยวพี่ทำสตูว์เนื้อให้กิน"



"เดี๋ยวกินข้าวแต่คงไม่ค้าง....ไปเข้าค่ายหลายวันแล้ว แม่ไม่เห็นหน้า....เดี๋ยวจะห่วง" จิณณ์พูดเบาๆเมื่อนึกถึงมารดาที่เพิ่งโทรศัพท์มาหาก่อนที่รถบัสที่กลับจากค่ายเลี้ยวเข้ามหาวิทยาลัย "ท้องอยู่ เดี๋ยวเครียด เดี๋ยวกินมาม่าอะไรในห้องพี่คีย์ก็ได้"



"คีย์" เสียงทุ้มต่ำดังจากบริเวณโซฟา ก่อนที่เจ้าของเสียงจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทเดินเข้ามาที่คนทั้งคู่



"คีย์....คิดถึงนะ” น้ำเสียงที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเอ่ยถาม



แต่เจ้าของชื่อนั้นดูเหมือนจะตกใจจนไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำ ใบหน้าดูซีดลงแทบจะทันที



อนลก้าวมาประชิดตัวคิรากร เขาเหลือบมองจิณณ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆด้วยสายตาประเมินในที เพื่อนงั้นหรือ....แต่ท่าทางไอ้เด็กนี่ดูแปลกกว่านั้น



"ขอคุยหน่อยได้ไหม...แค่สองคน"



"...สองคน...อะไร...ถ้าจะคุย...ก็คุยตรงนี้..." คิรากรพยายามที่จะไม่สบตาอีกฝ่ายตรงๆทั้งที่ในใจนั้นหวั่นไหวไปมากกับแค่เดินเข้ามาหาใกล้ๆ



"พี่คีย์..."



"เดี๋ยวผมถือของให้ ขอบใจมากนะน้องที่มาส่ง" อนลตบบ่าจิณณ์แล้วฉวยกระเป๋าที่เป็นของคิรากร "นะคีย์....ขอคุยหน่อย"



"ไม่เอา..." เพราะรู้ดีว่าหากอยู่กันแค่สองคน เขาก็อาจจะใจอ่อนอีกก็ได้ "จิน อย่าเพิ่งไป..."



เจ้าของชื่อมองคนทั้งคู่...และรู้ว่าตัวเองอยู่แค่ในฐานะอะไร จิณณ์มองตาคิรากรที่ฉายแววลังเล หลบตาคนรักเก่าที่เพิ่งมาหาจากอเมริกา และแม้ว่าจะบอกว่าอย่าเพิ่งไป...แต่จิณณ์ก็รู้ ว่าพี่คีย์ของเขาจะเลือกอะไร



"พี่...คุยกับเขาเถอะ ผม...ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับบ้านก็ได้"



คิรากรเม้มริมฝีปากแน่น ลึกๆในใจเขารู้ดีว่ามันจะต้องจบลงในรูปแบบไหน อนลตามมาหาถึงที่นี่ไม่ได้อยู่ในสิ่งที่คาดเดาเอาไว้



"...งั้น พรุ่งนี้...เจอกันนะ..."



"อืม...ถ้าได้เจอกันก็ดี มีเรียนเช้านะ...อย่าตื่นสายนะพี่คีย์" จิณณ์ยื่นกระเป๋าให้อนล...น้ำหนักของในมือที่หายไป เหมือนกับการที่ต้องปล่อยมือจากคิรากร



...ผมชอบพี่...



แต่คงไม่มีทางได้บอกอีกแล้ว



เพราะตาของพี่....ไม่ได้มองที่ผม



จิณณ์ยิ้มให้กับคิรากรแล้วหันหลังเดินออกไปด้านนอกล็อบบี้ ความวูบไหวในอก...มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่ามันทรมานแค่ไหน



จิณณ์เดินออกมานอกตัวอาคารที่เขาเคยได้ฝากตัวเป็นที่นอน ที่กิน ที่เล่นกับคิรากร เขารู้ดีว่าความเจ็บปวดนี้ไม่ได้มาจากความเหนื่อย หรือร่างกายที่อ่อนล้า



หากแต่...เป็นหัวใจที่อ่อนแรง



นัยน์ตาสีเข้มมองกลับมาที่ตรงประตูกระจกใส เขาเห็นพี่คีย์...กับคนรักที่ยังลืมไม่ลง จิณณ์รู้ตัวดีว่าแวบแรกที่เขาเห็นคนที่ชื่ออัน...ก็พ่ายแพ้โดยที่ยังไม่ได้แม้แต่จะบอกว่าชอบ



เจ็บชะมัด...


มือที่กำหมัดแน่นสั่นไหวช้าๆ...จิณณ์ไม่ได้ร้องไห้ แต่หัวใจแห้งผากเหลือเกิน



ก็พี่ยังรักเขาอยู่นี่นา....









"...อัน...มาทำไม..." เขามองหน้าคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ถามด้วยเสียงที่ไม่มั่นคงนัก



อนลยิ้มจางๆในขณะที่เอื้อมมือมากุมไว้ "ผมมารับคีย์กลับบ้านเรา"



"...ไม่...กลับ....." เขาพยายามที่จะดึงมือคืน "คีย์บอกแล้ว...ไง....ว่าถ้าไม่หย่า.....ก็ไม่"



"หย่าแล้ว...." อนลพูด...ถ้าหากว่านับว่าการที่เขาไม่ได้อยู่กับเมลินดา ไม่ได้มีสัมพันธ์กัน...และไม่สนใจว่าต่างฝ่ายต่างมีอีกคน ว่าเป็นการหย่าโดยพฤตินัย



แค่เอกสารใบเดียว...อนลไม่ใช่ว่าไม่เห็นความสำคัญ แต่ถ้านับในแง่ของผลกระทบระหว่างธุรกิจที่ตามมากับความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวที่ต้องสะบั้นตัดตายด้วยการหย่า เขากับเมลินดาก็คิดว่ามันไม่จำเป็นสักนิด



-แฟร์ๆไง คุณจะทำอะไรก็ทำ ฉันก็มีชีวิตของฉัน ไม่ต้องหย่าแต่ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน-



"กลับไปกับอันนะคีย์" อนลรวบร่างบอบบางเข้ามากอด "อันรักคีย์...ขาดคีย์ไม่ได้จริงๆ"



คราวนี้ความรู้สึกที่อัดอั้นไว้มาตลอดก็ปล่อยออกมากับน้ำตามากมาย "หย่า...แล้วจริงๆเหรอ"



"อันรักคีย์นะ" ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถาม....แต่บอกรักย้ำลงไปให้คิรากรรู้สึกถึงความหมายในน้ำเสียง "คีย์ล่ะ...ยังเหมือนเดิมไหม"



"....." คนในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมอง ความรู้สึกรักที่มีให้อนลนั้น แม้จะยังอยู่แต่ก็จางลงถ้าเทียบกับตอนแรกที่หนีมา ทั้งๆที่รู้ว่าหนีมาก็ไม่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่คิดว่าอนลจะยอมหย่ากับเมย์ลินดาแล้วมาตามเขาถึงที่นี่



"...ไม่รู้สิ...คีย์...ตอนนี้...หัวมันตื้อไปหมด....."



"ขอโอกาสอีกครั้งนะคีย์" นัยน์ตาสีสวยของหนุ่มนักธุรกิจลูกครึ่งจับจ้องบนใบหน้าคนรัก "เด็กที่มาส่งนั่น....คงไม่ใช่ปัญหาของเราใช่ไหม"



"ปัญหาของเราคืออันที่ไม่ยอมหย่าตอนแรกต่างหาก...ไม่ใช่จิน...."



"ขอโทษ" คำพูดแผ่วๆหลุดออกมาก่อนที่อนลจะรั้งเข้ามากอดแน่นขึ้น คีย์เป็นของเขา...และจะเป็นคนของเขาตลอดไป "ผมกลัวคีย์จะเลิกรักผม...."



".....แล้ว...อัน...ไม่โดนพ่อว่าเหรอ" คิรากรเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเป็นกังวล เพราะรู้ดีว่าถึงจะหย่า พ่อของอนลคงไม่ยินดีด้วยนัก



"ช่างเรื่องนั้นเถอะ" อนลเลี่ยงคำตอบด้วยรอยยิ้ม "ไหน..ขอขึ้นไปดูห้องคีย์หน่อยได้ไหม"



"...มาสิ...แล้วอันจะมาอยู่กี่วัน..." เขาจับมือของร่างสูงเอาไว้ขณะที่เดินนำเข้าไปด้านใน



"ผมไม่ได้มาอยู่...แต่จะมาพาคีย์กลับบ้านของเรา"



"เดี๋ยวสิ แต่ว่า ผมยังเรียนไม่จบเลยนะ..." คิรากรที่กดลิฟท์ไปแล้วหันมามองอีกฝ่ายพร้อมทั้งร้องท้วง



อนลจับแขนคนรักแล้วก้าวเข้าไปในลิฟท์ ทันทีที่ประตูปิดลง...ริมฝีปากร้อนแรงก็ทาบทับลงบนกลีบปากบางที่แสนคิดถึง เขากระซิบเสียงพร่าติดริมฝีปากที่เผยอขึ้นช่วงชิงลมหายใจ "ผมรอคีย์ไม่ไหว...คิดถึงจะตายอยู่แล้ว"



ทั้งที่คิดถึงสัมผัสจากอีกคนมากมาย แต่หัวใจที่มีบาดแผลกลับสั่งให้มือสองข้างยกขึ้นดันอกอีกฝ่ายเอาไว้ "......จะให้ผมกลับไปด้วย...เมื่อไหร่"



"พรุ่งนี้.......ได้ไหม..."



"เร็วไปหรือเปล่า อัน...ผม.....ทำไมต้องรีบขนาดนี้..." ดีใจที่อีกฝ่ายอยากให้กลับไปด้วยกัน แต่ความรู้สึกบางอย่างในใจก็รั้งไว้ให้ต้องพูดท้วง



อนลซุกหน้าลงกับเส้นผมคนรัก เขาอยากจะจับมือที่ผลักไสขึ้นมารวบไว้แล้วทำให้อีกฝ่ายอ่อนปวกเปียก...เป็นคิรากรคนเดิมที่เป็นของเขาเพียงคนเดียว



ไม่ใช่คนที่เดินหัวเราะมากับเด็กเมื่อวานซืนที่ไหนไม่รู้!



"คีย์จะอยู่ลาใครหรือไง....หรือว่าไอ้เด็กนั่น..."



"แล้วไม่ได้เหรอ จินเป็นบัดดี้ผมที่มหาลัย ถ้าอยู่ๆผมหายไปกลางเทอมทั้งๆที่จะหมดเทอมแล้ว เดี๋ยวก็เป็นปัญหา..." ประตูลิฟท์เปิดออกให้คนทั้งสองได้เดินออกมา "ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้ใคร..."



"ถึงอันจะขอร้องก็ตามน่ะเหรอ"



"อันกำลังจะขอให้ผมเรียนไม่จบนะ" คิรากรเปิดประตูห้องออก ให้ร่างสูงเดินเข้าไปก่อนที่จะหันมาปิดประตู



อนลเดินเข้าสำรวจในห้องและเห็นอะไรหลายๆอย่างที่บ่งบอกว่าคิรากรอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอย่างที่คิด เจ้าตัวที่ถ้าอยู่คนเดียวจะใช้ชีวิตแบบอะไรก็ได้ไปวันๆมาตั้งแต่เมื่อก่อน ถ้าอยู่คนเดียวจริงห้องคงไม่ได้อยู่ในสภาพเรียบร้อยขนาดนี้ คนรักของเขาเป็นประเภทชอบดูแลแต่คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง...นอกจากนี้ เสื้อผ้าที่ตากไว้ตรงระเบียงยังมีบางส่วนที่ไซส์ต่างออกไป



ไม่อยากจะคิด....ว่าจะมีใครใหม่



เพราะหากเป็นอย่างนั้น...คงทำใจไม่ไหว



"คีย์...อันขอนะ...กลับให้เร็วที่สุด อันยอมทำทุกอย่างเพื่อคีย์จริงๆ ขอแค่ให้เรากลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม...."อนลถ่ายทอดความรู้สึกผ่านคำพูดและแววตาเพื่อจะรั้งคิรากรเอาไว้เป็นของตนเองเพียงคนเดียว "...คีย์ยังรักผมอยู่ใช่ไหม"



"...รัก...รักสิ" คำที่ตามมาเป็นเหมือนเครื่องตอกย้ำตัวเองถึงความรู้สึกที่มีให้อีกคนด้วย...ราวกับไม่มั่นใจ



"ผมเชื่อ...ไม่ต้องพูดแล้ว" อนลจูบบนหน้าผากมา...เพื่อให้คิรากรไม่สามารถพูดคำว่ารักที่แสนจะไม่มั่นคงออกมาอีก ชั่วระยะเวลาเพียงไม่นาน...ถึงคนรักของเขาอาจจะหวั่นไหวไปกับคนอื่นๆที่พยายามจะเข้ามา แต่อนลก็แน่ใจว่าความผูกพันตอนอยู่ด้วยกันยังคงชนะอยู่



ชนะ...ในตอนนี้ หากสิ่งที่มาใหม่จะไม่มีโอกาสได้สานสัมพันธ์ต่อ



...ตัดไฟเสียแต่ต้นลมดีที่สุด....




"คิดถึงคีย์ที่สุด อยู่ที่นี่ไม่สบายใช่ไหม ดูซูบลง..."



"ดูซูบลงเหรอ ผมว่า ก็ปกตินะ" คิรากรรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าทีเป็นห่วงออกมา



"กินน้อยล่ะสิ ไม่มีคนดูแลทีไรเป็นอย่างงี้ทุกที" อนลพูดยิ้มๆต่างกับท่าทางที่คนนอกไม่เคยได้เห็น



ตัวเขา...ในบทบาทนักธุรกิจในอเมริกา เป็นเหมือนเสือเขี้ยวแหลมคนที่พร้อมจะขย้ำศัตรูที่คิดขวางทาง นอกจากครอบครัว จะมีก็แต่คิรากร...ที่เขาเปิดเผยด้านที่อ่อนโยนออกมา



"ก็ อยู่ที่นี่ไม่สะดวกเหมือนที่นู่นนี่นา" ร่างบางค่อยเอื้อมมือเข้าไปโอบเอวอีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ "แต่ต้องกลับเลยจริงๆเหรอ"



"ไม่ได้เหรอ..." คนมารับพูดเสียงอ่อน



พออนลมีท่าทีอ่อนลงแบบนี้ ตัวเองก็ใจอ่อนเข้า ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันในยามที่คิดถึงคนอีกคนที่คอยอยู่ข้างๆตลอดเวลา คิรากรคิดเพียงว่า อีกฝ่ายจะโกรธไหม จะตกใจไหม หรือจะเหงาไหมที่เขาไปแล้ว



"ถ้าอย่างนั้น ให้ผมเก็บของก่อนก็แล้วกัน...อันไปอาบน้ำก่อนก็ได้"



อนลพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มจางๆ เขาไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าทำตามที่คนรักบอกให้ทำ



เอาเถอะ....อย่างน้อยที่สุด คนที่ถูกเลือกตอนนี้ก็คือผม



คิรากรมองจนร่างสูงลับสายตาเข้าไปในห้องน้ำ พอได้ยินเสียงน้ำไหล เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกทันที



...รับสิจิน...



-คุณได้เข้าสู่ระบบฝากข้อความของหมายเลข...-



คนที่ถือโทรศัพท์อยู่รู้สึกถึงหัวใจที่เหมือนกับถูกบีบ ไม่อยากจะคิดว่าคำสุดท้ายที่ได้คุยกันไม่ใช่คำบอกลา คิรากรเม้มริมฝีปากเข้าหากันอีกครั้งเมื่อเสียงสัญญาณฝากข้อความดังขึ้น



"จิน นี่พี่เองนะ..."





















"แม่....." จิณณ์พูดเสียงเบาเมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้าน และเห็นผู้หญิงวัยกลางคนในชุดคลุมท้องนอนฟุบหลับอยู่บนโต๊ะกินข้าว ชายหนุ่มรีบถลาลงมาใกล้และเอื้อมมือไปจะแตะตัว แต่เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่เหมือนคนหลับสนิท...มือข้างนั้นก็ลดลงข้างตัว



รู้...ว่าแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด ที่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับคนที่จะดูแลตัวเองไปได้ตลอดชีวิต



เพียงแต่บางที เขาก็เป็นคนเห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะแบ่งความรักที่เคยได้รับคนเดียวทั้งหมดให้กับใคร...



จิณณ์เดินไปหยิบผ้าห่มผืนบางบนโซฟาขึ้นมาคลุมตัวมารดา นัยน์ตาเข้มเหลือบมองท้องที่เริ่มนูนขึ้นทุกวัน ป่านนี้แล้ว...คงรอเขากลับมาละมั้ง



หญิงวัยกลางคนสะดุ้งนิดๆเมื่อรู้สึกถึงมือที่สัมผัสแผ่ว เธอลืมตาขึ้นจ้องมองลูกชายพร้อมกับคลี่ยิ้มอ่อนโยน ถามด้วยน้ำเสียงหวานหูเจือความเอ็นดูว่า "จินเองเหรอลูก หิวข้าวไหม เดี๋ยวแม่ทำให้กิน เอาเป็นไข่เจียวยัดไส้นะ"



"ไม่เป็นไร...ครับ...เดี๋ยวจะนอนแล้ว"



"กลับดึกจัง.." หญิงวัยกลางคนบ่นเบาๆแต่ใบหน้ายังเจือรอยยิ้ม



"อาบน้ำอาบท่าแล้วค่อยนอนนะ"



จิณณ์พยักหน้ารับแล้วเดินขึ้นไปบนห้อง โทรศัพท์ถูกควักออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วโยนไว้บนเตียงอย่างลวกๆก่อนที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป



...โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนฝากคำบอกลาเอาไว้...













-พี่ขอโทษที่มันอาจจะฟังดูเร็วไป แต่พี่ต้องกลับไปอเมริกาแล้ว ห้องคงยังไม่ได้คืน พี่ฝากจินไว้ก่อนนะ..............ขอบคุณมากที่คอยอยู่กับพี่ ดูแลพี่ ขอบคุณจริงๆ................แล้วพี่จะติดต่อมาอีกทีตอนกลับมานะ ไม่มีจินอยู่ด้วย พี่คงคิดถึงเราแน่ๆเล-



เสียงข้อความที่ถูกฝากเอาไว้โดยคิรากรถูกเปิดขึ้นมาฟังอีกครั้ง....



จิณณ์กดปุ่มปิดหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับมองแสงที่ดับมืดลงไป ในตอนแรก...เขาแค่คิดว่าเจ้าตัวคงมีเรื่องด่วนจำพวกฝากซื้อของหรือให้ไปรับที่คอนโด ทุกครั้งที่แบตหมดหรือไม่มีสัญญาณคิรากรก็จะฝากข้อความเสียงไว้เสมอ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าครั้งนี้...จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงกึ่งหวานกึ่งเศร้าของคนที่ตนเองเพิ่งจะตัดสินใจได้ว่าจะรุกหน้าจีบอย่างเต็มตัว



ไม่ทันได้เริ่ม...ก็จบลงแล้ว



เขาอยากจะแค่นหัวเราะแต่เสียงที่ออกมามีเพียงเสียงครางของคนที่ถูกทิ้ง...ใช่ คิรากรทิ้งเขากลับไปกับคนที่ชื่ออันอะไรนั่น โดยมีแค่เสียงที่ฝากเอาไว้



เพราะไม่สำคัญพอ ถึงไม่จำเป็นต้องบอกต่อหน้าก็ได้งั้นหรือ?



จิณณ์ลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์ดึงออกจากสายชาร์จแล้วคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นมา ขายาวก้าวฉับๆไปยังประตูห้องพร้อมกับเอื้อมมือจับลูกบิดที่เย็นเยียบ....ความเย็นที่กระทบอุ้งมือทำให้ความร้อนรนหายไป เหลือเพียงแค่ความเย็น...จนชาที่แผ่ซ่านเข้ามาแทนที่



กุญแจในมือร่วงหล่นลงบนพื้น พวงกุญแจพลาสติกลายหนูแฮมสเตอร์ที่คนไกลซื้อให้กลิ้งกระทบพื้นส่งเสียงกระดิ่งดังเพียงเสี้ยววินาที



ไม่มีประโยชน์....ต่อให้ไปถึงห้องตอนนี้ เขาก็มั่นใจว่าไม่มีความสามารถมากพอที่จะรั้งคนๆนั้นเอาไว้ได้



แพ้ตั้งแต่แรก...ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม



ในเมื่อยังรัก....ต่อให้เขาดีแค่ไหนก็ไม่มีวันแทนที่ได้



นัยน์ตาสีเข้มหรุบลงต่ำมองพวงกุญแจที่หล่นอยู่แทบเท้า....ก่อนที่มือจะเอื้อมไปหยิบขึ้นมาอย่างทะนุถนอม



...พี่คีย์...ไปแล้วจริงๆ...

 

 

 

 

 







To be continued...








kagehana :

หายหน้าหายตาไปนาน โผล่มาอีกทีดราม่าใส่จินเลย  :katai1:

แนะนำว่าก่อนอ่านตอนนี้ไปอ่านทวนกันสักรอบนะคะ ฮือออ ขอโทษจริงๆที่หายไปนาน

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ที่ยังตามอ่านนะคะ รักคนอ่านทุกคนเลย

ตอนนี้มีอีกเรื่องที่กำลังลงในเล้าอยู่เหมือนกันค่ะ แฮ่--- ใครอยากอ่านจิ้มไปที่แถมดำๆด้านล่างที่มีหน้าหนุ่มเปลือยท่อนบนได้เลยนะคะ (นายแบบชื่อเฟลันค่ะ ตอนนี้นอนแอ้งแม้งอยู่ในกล่องไม่ค่อยได้จบมาถ่ายรูปเลย...)
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 10 ในวันที่ไม่มีเธอ... [16/12/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 16-12-2013 00:47:33
ปล่อยพี่คีย์ไปเลยนะจิณณ์คนอะไรโง่ซ้ำ ๆ เจ็บไม่จำ ยอมตามกลับไปง่าย ๆ แค่นี้ ใบหย่าไม่ได้เห็นแค่ลมปากก็เชื่อเป็นคนที่หลอกง่ายที่สุดแล้วช่างเค้าเหอะอายุก็ไม่ใช่เด็กแล้วแต่ยอมอยู่แบบเจ็บ ๆ ก็ปล่อยไป
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 10 ในวันที่ไม่มีเธอ... [16/12/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 16-12-2013 20:58:33
มันเป็นอะไรที่พูดยากนะอีกคนกำลังจะจีบแต่อีกคนคือเป็นคนรัก คนกลางจะทำอะไรได้อะ
สงสารจินสุดๆแบบเห้ยอุตส่าห์รู้ใจตัวเอง แบบบบบบบบบบไรฟะ
อันนี่ยังดีนะที่ยังรัก แต่ใบหย่าไม่เซ็นนี่แม่งแย่อะ

ติดตามค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 10 ในวันที่ไม่มีเธอ... [16/12/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 16-12-2013 23:28:36
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 10 ในวันที่ไม่มีเธอ... [16/12/13]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-12-2013 01:00:53
เห้ยยยยย มาพร้อมมาม่าชามโต
ไม่เอาน๊าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 10 ในวันที่ไม่มีเธอ... [16/12/13]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 17-12-2013 02:33:40
อ่านแล้วปวดตับ... อัน นี่ก็เห็นแก่ตัว มักง่าย เอาแต่ได้... คีย์ เลิกกับมันเหอะ คนอย่างนี้ไม่จริงใจ ขอให้คีย์รู้ความจริงเร็วๆ แล้วก็จิน พยายามหน่อยๆ สู้ๆ อย่ายอมแพ้!!!
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 10 ในวันที่ไม่มีเธอ... [16/12/13]
เริ่มหัวข้อโดย: saradino1 ที่ 17-12-2013 14:01:18
ทำใจลำบาก :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 11 เด็กกว่าแล้วไง? [03/01/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 03-01-2014 17:23:30


-11-















ชายหนุ่มร่างเล็กยกมือขึ้นเสยผมม้าที่เริ่มปิดดวงตาของตัวเองขึ้นแล้วเอื้อมมือไปกดออดหน้าบ้าน เป็นเวลาหนึ่งปีที่นภัสรพีไม่ได้กลับบ้าน ถ้าเป็นปกติ ชายหนุ่มจะกลับบ้านทุกครั้งที่ปิดเทอมหรือติดวันหยุดยาว แต่เพราะอยู่ชั้นปีสองแล้ว กิจกรรมต่างๆมากมายจนทำให้ติดสอยห้อยตามไปกับพวกจิณณ์จนรู้สึกตัวอีกทีก็ไม่ได้กลับบ้านเลย



ประตูบ้านเปิดออกพร้อมกับหญิงสาววัยกลางคนร่างอวบ เมื่อเห็นนภัสรพี ใบหน้าของเธอก็มีรอยยิ้มกว้างขึ้นมาทันที



“น้องอาลัว กลับมาแล้วเหรอลูก”



“กลับมาแล้วครับน้าต่าย สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะชะโงกมอง “ปั๊บไม่อยู่เหรอครับน้าต่าย”



“น่าจะไปเตะบอลกับเพื่อนนั่นล่ะ เย็นๆค่ำๆคงกลับ”



“โอเคครับ ถ้าอย่างงั้น เดี๋ยวผมค่อยแวะมาพรุ่งนี้ก็ได้ครับน้าต่าย สวัสดีครับ”



นภัสรพีหันหลังเดินออกมา กลับบ้านตัวเองที่อยู่หลังข้างๆกัน



















ปิดเทอมเฮงซวย….



เด็กหนุ่มร่างสูงถอดรองเท้าสะบัดไปคนละทางที่หน้าบ้านแล้วล้วงกุญแจในกระเป๋าหยิบเอาขึ้นมาไขก่อนจะสำนึกได้ว่าประตูไม่ได้ล็อค เมธัสถอนหายใจแล้วสบถซ้ำ ลูกบอลเลอะโคลนที่ถืออยู่ถูกโยนไปอีกทางกระแทกกับบ้านสุนัขหลังเล็ก ทำเอาเจ้าหมาปั๊กตาโปนถึงกับผวาตื่นขึ้นเห่าเสียงขรม



“หนวกหูน่าปั้นสิบ” เมธัสดุเบาๆแต่ก็อดลูบไอ้ตัวตาโปนที่พาพุงย้วยๆมาเกยขาไม่ได้ “ไปๆๆ เลอะเทอะ เดี๋ยวแม่มึงด่ากู…”



ว่าจบ เด็กหนุ่มที่ดูจะโตเกินคำว่าเด็กก็เดินเข้าไปในบ้าน “แม่…หิว มีไรกินมั่ง”



“เย็นนี้มีแกงเขียวหวาน ว่าจะชวนน้องอาลัวมากินด้วย แล้วก็ไข่เจียว ปั๊บจะเอาอะไรอีกล่ะลูก”



“พี่อาลัวกลับมาเมื่อไหร่ ไมแม่ไม่บอกปั๊บอะ”



“มาเมื่อตอนบ่ายๆเย็นๆน่ะ เดี๋ยวกับข้าวเสร็จแล้วไปเรียกมากินแทนแม่ก็แล้วกัน” หญิงวัยกลางคนทำมือไล่ให้ลูกชายออกไป



“โห่ แม่น่าจะโทรบอก ปั๊บจะได้ไปหาเลย ไม่เจอตั้งนาน” เมธัสลุกผึง ทั้งที่ตอนแรกจะนอนเน่าเอกเขนกให้หนำใจ…แต่พี่อาลัวดันกลับมาบ้านซะได้



พี่อาลัวเชียวนะ เอาเหอะ…คิดถึงจะตายอยู่แล้ว



“ปั๊บไปหาก่อน แม่เสร็จแล้วโทรตามแล้วกัน เอาไข่เจียวกุ้งกับไก่กระเทียมด้วยนะ ไปล่ะ”



“ลูกคนนี้นี่” ผู้เป็นแม่ส่ายศีรษะเบาๆด้วยความเพลียกับลูกชายคนเดียวที่ติดพี่ชายข้างบ้านจนเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ



เมธัสเดินออกมานอกบ้านแล้วไม่ลืมอุ้มไอ้ปั้นสิบไปยืนริมรั้ว เด็กหนุ่มชะโงกมองข้ามรั้วเตี้ยๆหน้าบ้านนภัสรพีแล้วส่งเสียงเรียก “พี่อาลัว พี่อาลัวครับ….ปั๊บกับปั้นสิบมาเยี่ยม”



รอไม่นานนัก ประตูบ้านก็เปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มร่างเล็ก นภัสรพียิ้มกว้างเมื่อเห็นน้องชายที่ตัวสูงขึ้นผิดหูผิดตา “ปั๊บกลับมาแล้วเหรอ”



รอยยิ้มของ ‘พี่ชาย’ ทำเอาคนมองแทบจะลมหายใจสะดุด เมธัสยิ้มโชว์ฟันกระต่ายแล้วยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า “พี่อาลัวมาไม่บอกปั๊บเลย ปิดเทอมที่แล้วก็ไม่กลับ ปั๊บจะงอนนะ” เมธัสทำปากอูดทั้งๆที่คิดว่าหน้าตัวเองตอนทำอ้อนแบบเด็กๆคงพิลึกน่าดู



เถอะ…นี่พี่อาลัวเชียวนะ



“พี่ยุ่งกับมหาลัย ปั๊บอย่างอนนะครับ นี่พี่กลับมาสามเดือนแล้วไง อยู่บ้านตลอดเลย” เขาเปิดประตูรั้วออกให้อีกคนกับอีกหนึ่งตัวได้เข้ามา



“ปั้นสิบก็คิดถึง แต่ปั๊บคิดถึงมากกว่า ปิดเทอมนี้พี่อาลัวต้องติวให้ปั๊บนะ จะตามไปเป็นรุ่นน้องที่มอ……”



“ปั๊บเรียนเก่งออก จะให้พี่ติวอะไรให้เหรอครับ” นภัสรพีปิดประตูรั้วแล้วเดินตามคนตัวสูงกว่าเข้ามา เขาเงยหน้ามองจนต้องเอ่ยชม “สูงขึ้นเท่าไหร่เนี่ย”



“ร้อยแปดสิบสอง” คนพูดยิ้มอย่างภูมิใจนิดๆ เมื่อก่อน..ตั้งแต่เล็กๆ เขาต้องแหงนหน้ามองพี่อาลัวตลอด แต่ในไม่กี่ปีที่ความสูงขึ้นพรวดๆ…พี่อาลัวที่เมื่อก่อนคิดว่าตัวสูงกลับเหลือแค่ปลายคางเท่านั้น “ติวอิ๊งกับญี่ปุ่นให้หน่อยนะครับ เหมือนเมื่อก่อนไง”



เมธัสปล่อยเจ้าหมาปั๊กให้วิ่งเล่นในสวน…อย่าฝันไอ้ปั้นสิบ ขืนเอามึงเข้าบ้านพี่อาลัวก็ไม่สนใจกูสิ



“ก็ได้ครับ” ตามประสาคนอะไรก็ได้ ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้อีกครั้งขณะที่จับข้อมืออีกคนพาเดินเข้ามาในตัวบ้าน



เมธัสเป็นน้องชายข้างบ้านที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่นภัสรพียังอยู่ชั้นประถม พ่อแม่ของนภัสรพีแทบไม่ได้กลับบ้านทำให้ได้รู้จักกับบ้านของเมธัสและมาอาศัยทานอาหารเย็นด้วยบ่อยๆ



พอถึงในห้องส่วนตัวของคนเป็นพี่ เมธัสก็จัดแจงเอาหมอนสีหวานที่ทึกทักมาหลายปีว่าเป็น ‘หมอนปั๊บ’ เข้ามากอด เด็กหนุ่มร่างสูงดึงข้อมือให้นั่งลงด้วยกันพร้อมสายตาเว้าวอน ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มจนตาหยี “พี่อาลัวเล่าเรื่องที่มอให้ฟังมั่งสิ”



“เรื่องที่มอเหรอ…ปั๊บอยากฟังเรื่องอะไรล่ะ” เจ้าของห้องนั่งลงข้างๆตามเคยชินพร้อมกับเอนตัวลงไปพิงหมอนที่ถูกเมธัสกอดเอาไว้



“เรื่องเพื่อนพี่อาลัวก็ได้…ที่ชื่อจิน ชื่อถังอะไรนั่นน่ะ” เด็กหนุ่มกอดร่างเพรียวไว้หลวมๆ…คราวที่แล้วที่นอนแบบนี้ ตัวเขายังเล็กกว่าพี่อาลัวอยู่เลย



“จินเหรอ ก็เป็นหนุ่มหล่อ มีรุ่นพี่ต้องดูแล ส่วนถังนั่นคาสโนว่าแต่ไม่มีใครเอา พี่ไผ่เป็นคนดูแลเม็ดโฟม ตัวติดกันตลอดเวลา”



“มีใครมาจีบพี่อาลัวมั่งปะ”



“ไม่มีหรอก ใครจะมาจีบตัวจืดจางอย่างพี่” นภัสรพีหัวเราะออกมา



“จืดที่ไหน พี่อาลัวของปั๊บน่ารักจะตาย แต่ไม่มีก็ดีแล้ว ปั๊บหวง” เมธัสทำเสียงอ้อนแล้วกอดแน่นขึ้น…ถึงเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าหวงในความหมายของเขาหมายถึงอะไร แต่เด็กหนุ่มก็อยากจะใช้ตำแหน่งน้องรักยึดพี่อาลัวไว้คนเดียว



อ้อมกอดที่แน่นขึ้นทำให้คนอายุมากกว่าต้องแหงนหน้ามองน้องชายเอาไว้ “หวงเลยหวงเลย…ตัวโตขนาดนี้พี่เหมือนเป็นน้องเลย”



“ยังไงปั๊บก็เป็นน้องพี่อาลัว ห้ามรักคนอื่นมากกว่าปั๊บด้วย”



นภัสรพีหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ครับๆ ไม่ต้องห่วงนะ จะมีแฟนก็จะพามาดู”



“ปั๊บไม่มีแฟนหรอก” พูดจบเด็กหนุ่มก็เอนตัวก้มเอาหน้าผากแตะคนที่นอนเอนพิงอยู่ “ต้องตั้งใจเรียน จะได้ไปอยู่ที่มอเดียวกับพี่อาลัว”…และตามไปเฝ้าไม่ให้ใครมายุ่งกับพี่ด้วย เมธัสต่อในใจ



“โห อะไรเนี่ย น้องชายของพี่เท่ขนาดนี้ไม่มีแฟนได้ยังไง” คนอายุมากกว่าหันมามองหน้าเมธัสให้ชัดพลางยกมือขึ้นเสยผมยุ่งๆออกจากใบหน้าของน้อง



“มีคนมาจีบ ผู้หญิงสมัยนี้มันอะไรก็ไม่รู้อะ แม่งไม่ได้รู้จักกันก็มาขอคบเฉย แถมวันก่อน….บอกว่าขอแค่นอนด้วยก็ได้” เมธัสเบ้ปากเมื่อนึกถึงความกล้าของเพื่อนต่างห้องที่ตัวเองเรียกว่าผู้หญิงสมัยนี้ “เรื่องไรปั๊บจะเอา”



ร่างบางถึงกับกอดอีกฝ่ายแน่น “เด็กดี พี่ดีใจนะเนี่ย น้องโตมาเป็นผู้ชายที่ดีขนาดนี้”



“ตัวเองเหอะ….ไม่ใช่ว่าใครมาขอคบ ขอเป็นแฟนก็คบไปเรื่อย ปฏิเสธไม่เป็นสักที” ก็เป็นซะอย่างงี้…ถึงต้องใช้ตำแหน่งน้องรักงอแงขอให้ไม่พาแฟนมาบ้านมาตั้งแต่ตอนยังเล็ก เมธัสจำได้…ว่าตอนนภัสรพีอยู่มัธยมปลาย หลังจากเห็นพี่อาลัวสุดที่รักจูบแฟนในห้องนอน เขาเคยร้องไห้งอแงบอกว่าอย่าพาผู้หญิงมาที่บ้านอีก



แน่นอนว่าพี่อาลัวของน้องปั๊บยอมทำตาม…จนเลิกราไปในที่สุด



และเป็นตอนนั้นเอง….ที่เมธัสรู้ตัวว่าพี่ข้างบ้าน ไม่ใช่แค่พี่อีกต่อไปแล้ว



“ฮะฮะฮะ ก็แก้ไม่ได้นี่นา ยังโดนเพื่อนๆที่มอเรียกว่าคุณชายอะไรก็ได้เลย”



“ปั๊บหวงเหอะ” น้องชายทำหน้าบู้ปากอูดอย่างเด็กเอาแต่ใจ เมธัสรู้…ว่าพี่อาลัวยังมองเขาเป็นแค่น้องปั๊บตัวเล็กๆ และถ้าการทำเอาแต่ใจแล้วยังยึดเอาไว้อ้อนให้เอ็นดูคนเดียวได้ เขาก็ยอมทำ



“รู้แล้วๆ” เขายื่นมือไปบีบจมูกน้องชายตัวน้อย (ในสายตา) “แล้วเย็นนี้ปั๊บจะกินอะไร ที่บ้านพี่ไม่รู้มีอะไรในตู้เย็นบ้าง”



“กินที่บ้านปั๊บไง แม่ทำไก่กระเทียมของโปรดพี่อาลัวไว้ด้วย” แหงล่ะ…ในเมื่อเพิ่งสั่งเมื่อกี้ “คืนนี้ปั๊บมานอนด้วยนะครับ”



“อื้ม เอาสิ งั้นไปกินข้าวกันก่อนไหม แล้วค่อยเอาเสื้อผ้ามาอาบน้ำบ้านพี่” นภัสรพีที่มีแต่จะตามใจน้องชายขี้อ้อนคนนี้ตอบอะไรอื่นไม่ได้นอกจากตกลง



“อื้อ” เด็กหนุ่มร่างสูงยิ้มจนตาหยี พลางคิดในใจว่า…ถ้าเพื่อนหรือใครที่โรงเรียนมาเห็นตอนนี้ ต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าเมธัส…นักฟุตบอลกัปตันทีมโรงเรียน จะยิ้มอ้อนเป็นเด็กได้ขนาดนี้



เพราะเป็นพี่อาลัวหรอก ไอ้ปั๊บถึงกลายเป็นน้องปั๊บ….น้องน้อยคนดีของพี่อาลัว



“ปิดเทอมนี้ปั๊บจะมาอยู่กับพี่อาลัวทุกวันเลย”



“ได้สิ แต่ปั๊บไม่ต้องไปไหนกับเพื่อนเหรอ มาติดกับพี่จะดีเหรอ เดี๋ยวเพื่อนเกลียดนะ”



“ไม่มีใครเกลียดปั๊บหรอก”…ถ้าให้ถูก คือไม่มีใครกล้าเกลียดว่าที่ประธานนักเรียนคนถัดไปหรอก เมธัสรู้ว่าถึงตัวเองจะไม่ได้เนื้อหอมที่สุดในโรงเรียน แต่เพื่อนๆของเขาก็ชื่นชมและยอมรับในความสามารถไม่น้อย ไม่นับรวมกับผู้หญิงทั้งในและนอกโรงเรียนที่พยายามอยากทำความรู้จักเขาเสมอๆ



“ปั๊บเป็นเด็กดี..พี่อาลัวก็เห็นนะ”



“ไม่ค่อยเห็น เพราะไม่ได้กลับมาบ้านต่างหาก ต้องเล่าให้พี่ฟังเยอะๆแล้วล่ะ” คนอายุมากกว่าเอื้อมมือมาขยี้ศีรษะอีกฝ่ายจนผมยุ่งฟู



นอกจากจะไม่หนี เจ้าตัวยังใช้ศีรษะซุกดุนตามมือเรียวที่ขยี้เบาๆ “อยากฟังเรื่องอะไร เดี๋ยวคืนนี้เล่าให้หมดเลย”



“โอเค”



















“ไข่เจียวกุ้งสับของน้าต่ายอร่อยที่สุดในโลกจริงๆครับ” นภัสรพีเอ่ยชื่นชมหลังจากยกน้ำขึ้นมาดื่ม



“กินกับปั๊บหรอกถึงอร่อย ปกติพี่อาลัวกินน้อยจะตาย”



“นี่ ลูกคนนี้ ให้มันน้อยหน่อย แม่ทำอร่อยน่ะถูกแล้ว พูดจาเป็นเด็กห้าขวบไปได้ อาลัวก็เหมือนกันลูก ไม่ต้องไปตามใจมันมาก เคยตัว” คนเป็นแม่ถึงกับเอื้อมมือไปดึงใบหูลูกชายเบาๆ



“จะพยายามนะครับน้าต่าย” คนเป็นพี่ก็ตอบรับคำไปตามเดิม รู้ทั้งรู้ว่าไม่เคยมีสักครั้งที่จะขัดใจเมธัสได้ มีแต่จะตามใจตลอดทุกครั้งโดยไม่ต้องเสียเวลาอ้อนด้วยซ้ำ



“แม่ คืนนี้ปั๊บนอนกับพี่อาลัวนะ”



“ตลอดน่ะลูกคนนี้ อย่ากวนพี่อาลัวล่ะ พี่เขาเพิ่งกลับมา” ต่ายส่ายศีรษะไปมาอย่างระอากับอาการติดพี่ของลูกชายตน



“ปั๊บกวนที่ไหน ดีออก พี่อาลัวจะได้ไม่เหงา เนอะๆ”



“อื้ม น้าต่ายไม่ต้องห่วงหรอก ปั๊บไม่เคยกวนผมเลย ใช่ไหมปั๊บ” มือสองข้างรวบช้อนส้อมเข้าหากัน พนมมือไหว้ข้าวรวมไปถึงขอบคุณคนที่ทำให้ จากนั้น นภัสรพีจึงลุกขึ้นแล้วอาสาเก็บจานให้



เมธัสลุกขึ้นตามแล้วยักคิ้วให้แม่ที่ทำท่าอยากฟาดเต็มแก่ เด็กหนุ่มลากตัวเองไปยืดติดพี่อาลัวแล้วช่วยล้างจาน ปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนเป็นแม่ที่มองอย่างเอือมระอา



เฮ้อ…ไอ้ลูกคนนี้ ถ้ามีแฟนคงติดแฟนน่าดู



ต่ายถอนหายใจแล้วส่ายหน้าให้กับเจ้าตัวซนประจำบ้าน…ที่ตอนนี้สูงเลยหน้าใครต่อใครไปหมดแล้ว



พี่ชายที่ตัวเล็กกว่าหยิบผ้ามาเช็ดมือ ก่อนจะส่งให้น้องชายตัวโตแล้วช่วยเช็ดมือให้ “เช็ดมือให้แห้ง แล้วจะได้ไปบ้านพี่”



“อื้อ” คำตอบรับทุ้มแผ่วดูอ่อนโยนแต่ไม่เท่าดวงตาที่จ้องมองมือที่ตั้งอกตั้งใจเช็ดให้



พี่อาลัวเป็นแบบนี้เสมอ….



เพราะงั้น ปั๊บถึงได้รัก

















“จะไปนอนห้องแขกกันไหม มีสองเตียง” นภัสรพีเอ่ยถามหลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เขาสวมชุดนอนตัวใหญ่กว่าขนาดตัวเองอย่างที่ชอบ



“อยากนอนห้องพี่อาลัว นอนเตียงเดียวกันแบบเมื่อก่อนไม่ได้เหรอ” ลูกหมาตัวยักษ์ส่งสายตาละห้อย



“ไม่เบียดกันเหรอ ตัวโตขนาดนี้แล้ว” เจ้าของบ้านหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าอีกคน “โอเค นอนห้องพี่เหมือนเดิมนะ ง่วงหรือยัง”



“ยังหรอก” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงไลน์จากมือถือก็ร้องเตือนขึ้น เมธัสหยิบขึ้นมาดูแล้วกดปิดเสียง “ตื๊อชะมัด ไม่อายมั่งไงวะ”



“อะไรเหรอ ใครน่ะ” พี่ชายตัวเล็กเดินเข้ามาชะโงกหน้าดูใกล้ๆ



“สาวไลน์มา เจอกันที่เรียนพิเศษ” นัยน์ตาสีเข้มมอง..ส่อแววเจ้าเล่ห์ ดูสิว่าจะเป็นยังไง “ก็น่ารักดีเลยแลกไลน์กัน ….ก็นะ สองสามคน แต่น่าเบื่อตรงไลน์มาบ่อยเนี่ยแหละ”



“ขนาดพี่ยังไม่มีไลน์ปั๊บเลย น้อยใจนะเนี่ย” แม้จะฟังดูติดตลก แต่นภัสรพีก็รู้สึกได้ว่าในใจนั้นอดรู้สึกอยากรู้เรื่องของน้องชายคนนี้เพิ่มมากขึ้นไม่ได้



“เอามาแลกกันนะ แล้วปั๊บไลน์หาห้ามอ่านแล้วไม่ตอบด้วย”



“อื้ม อ่านแล้วจะไม่ตอบได้ยังไง” นภัสรพียิ้มกว้างให้กับคนตัวสูงเมื่อได้ยินคำตอบแบบเดิม– คำตอบที่แสดงว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับเขามากขนาดไหน



เมธัสนั่งลงกับพื้นแล้วใช้ศีรษะเอนซบลงกับเขาของคนที่นั่งอยู่ อุ่นไอเย็นฉ่ำและกลิ่นหอมทำให้หัวใจเด็กหนุ่มเต้นผิดจังหวะ เขาเอื้อมมือเข้าไปกอดรั้งเอวของนภัสรพีพลางทอดสายตามองสบ



“ถ้าพี่อาลัวมีแฟน..ปั๊บยังสำคัญเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า”



“อันดับหนึ่งสิ พูดอะไรน่ะ ปั๊บเถอะ เดี๋ยวมีแฟนขึ้นมาจะทิ้งพี่ไปเหลืออันดับเท่าไหร่นะ” คนเป็นพี่พูดยิ้มๆก่อนจะเอื้อมมือมาบีบจมูกอีกคนเบาๆ



“ก็อันดับหนึ่งมาตลอดน่ะแหละ” เมธัสไม่ได้พูดเสียงดังไปกว่าประซิบกับหัวเข่าของคนเป็นพี่ ใจหนึ่งนึกอย่างจะจูบหรือขบเล่นเหมือนที่เคยทำตอนเด็กๆ…แต่ตอนนี้ทำได้เพียงแนบแก้มลงไปกับท่อนขา



แค่นี้…ก็ต้องอดทนจะแย่อยู่แล้ว



“หือ อะไรนะ” นภัสรพีก้มตัวลงมาใกล้



“ง่วงแล้ว….”



“ง่วงแล้วเหรอ ก็ไปนอนสิ…นอนนะงั้น” เขาลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะแตะริมฝีปากที่ข้างขมับของเมธัสเบาๆ “ไปนอนกันนะ”



การกระทำของคนเป็นพี่ที่ไม่รู้อะไรเลยแทบจะทำให้คนที่อดทนมานานสติขาดผึง เมธัสเงยหน้าแล้วงับปลายคางที่รบกวนสายตาเบาๆแล้วครางอย่างหมั่นเขี้ยว



เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวนี้พี่อาลัวชักเอาใหญ่….คิดว่าปั๊บจะทนได้แค่ไหนกันเชียว



“อยากกอด…ได้ไหม…”



ร่างบางอ้าแขนออกเล็กน้อย เขาอมยิ้มมองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “กอดสิ มา”



เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่กระโจนเข้าหาพร้อมกับผลักคนที่นั่งอยู่ให้นอนราบไปกับพื้นเตียง แขนแข็งแกร่งกักนภัสรพีไว้ภายใต้ร่าง นัยน์ตาเข้มที่มองจากด้านบนฉายแวววาววับ…ต่างจากเด็กน้อยในวันวาน



เมธัสมองใบหน้าตกใจของคนเป็นพี่ชั่วครู่ ก่อนที่แววตาจะอ่อนแสงแล้วหลับตาลง เด็กหนุ่มซุกใบหน้าลงข้างๆลำคอแล้วทาบทับร่างบางพร้อมกอดไว้แน่น ใบหน้าหล่อเหล่าซุกไซ้ช้าๆราวกับลูกหมาตัวใหญ่ออดอ้อนเจ้านาย



ปั๊บจะไม่ทำร้ายพี่อาลัว…..



“อย่าทิ้งปั๊บนะ…” ลูกหมายักษ์เอ่ยอ้อน



นภัสรพีหัวเราะเบาๆ เขายกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่ายก่อนจะกอดไว้กับตัวแน่นๆ “จะทิ้งไปไหน พี่ก็กลับมาแล้วนี่ไง”



เมธัสไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ากอดแน่นขึ้น รู้….ว่าต่อให้เขาจูบพี่อาลัวตอนนี้ เจ้าตัวคงได้แต่หัวเราะแหะๆแล้วหาว่าแกล้งเล่นอีก



“นอนนะ…” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยเสียงเบา มือยังคงลูบศีรษะของเมธัสเบาๆ ปลายนิ้วเกี่ยวเล่นตามเส้นผมเหมือนที่เคยทำในวัยเด็ก



เด็กหนุ่มรับคำในลำคอแล้วพลิกตัวเองลงนอนเคียงข้าง เขามองสบตา ‘พี่ชาย’ ถ่ายทอดทุกอย่างผ่านทางสายตาและรอยยิ้ม



“ฝันดีนะพี่อาลัว”



“ฝันดีนะ…” นภัสรพียิ้มตอบก่อนจะหลับตาลงแล้วขยับตัวเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองอยู่ในท่าทีนอนได้สบายขึ้น– ไม่นานนัก ร่างกายของเขาก็ดูผ่อนคลายลงพร้อมๆกับลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ

 

 

 

 

 






To be continued…







kagehana :

เบรคดราม่าด้วยปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น ฮี่-------  :-[

เอาเด็กน้อยกรุบกริบมาฝากให้กระชุ่มกระชวยค่ะ เรื่องนี้ไม่เน้นดราม่า ถือเอาความกุบกิบเป็นที่ตั้ง อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 11 เด็กกว่าแล้วไง? [03/01/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-01-2014 18:35:40
น้องปั๊บกรุบกริบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 11 เด็กกว่าแล้วไง? [03/01/14]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 03-01-2014 19:22:12
น้องปั๊บน่ารัก พอกรุบกริบนะคะ5555

แต่ยังสงสารจิณณ์ตอนที่แล้วไม่หาย มาต่อบ่อยๆนะตัวเอง เราคิดถึงงงงง :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 12 คนนี้เด็กกู!!! [24/01/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 24-01-2014 14:04:03
 รักกุบกิบ : ตอนที่ 12




อากาศในห้องนอนที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำทำให้ความอบอุ่นจากผ้าห่มไม่เพียงพอต่อไป ร่างของนภัสรพีขดเข้าหากันก่อนที่จะพลิกตะแคง แล้วค่อยขยับตัวเข้าหาไออุ่นจากร่างกายอีกคน


เมธัสที่เป็นคนรู้สึกตัวไวสะดุ้งตื่นขึ้นแทบจะทันที ดวงตาที่กระพริบถี่จ้องมองร่างของพี่ขดเข้าหา แขนและขาที่ยาวอยู่แล้วยิ่งดูเก้งก้างด้วยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เขามองอยู่ครู่ใหญ่แล้วค่อยๆเอามือโอบกอดเอาไว้


อากาศมันหนาว…..ถ้าถามตอนเช้าค่อยบอกอย่างงี้แล้วกัน


พอได้ไออุ่นจากร่างกายอีกคน นภัสรพียิ่งเบียดตัวเข้าหามากขึ้นซ้ำยังยึดเอาไว้แน่นจนใบหน้าสัมผัสกับแผ่นอกของอีกฝ่ายผ่านเนื้อผ้า




ตาย…ตายแน่กู…ตายแน่ไอ้ปั๊บ




เพราะอีกฝ่ายที่ซุกตัวมาจนแทบจะจูบได้ทำให้เด็กหนุ่มยิ่งว้าวุ่นเข้าไปใหญ่ ยิ่งขยับจะหนี พี่อาลัวก็ยิ่งซุกเข้ามาจนทำได้แต่ถอนใจ


“พี่แม่งโคตรบาปเลยว่ะ….” เมธัสมองแล้วค่อยๆเลื่อนใบหน้าลงใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน


บาป….


บาปสัดๆ….


และก่อนที่จะห้ามตัวเองได้ ริมฝีปากอุ่นๆก็ทาบทับลงไปบนเรียวปากชุ่มชื้นของคนเป็นพี่ที่อยู่ในห้วงนิทรา


นภัสรพีส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ ก่อนจะขยับตัวอีกเล็กน้อย


ริมฝีปากที่แนบชิดขยับออกห่างเล็กน้อย เมธัสไม่ลังเลเลยที่จะประทับอีกครั้ง…ความหวานหอมของการลักลอบกระทำ แม้จะรู้สึกผิดแต่กลับทำให้ยิ่งมัวเมาขึ้นไปกว่าเดิม


ริมฝีปากบนของคนหลับถูกขบเบาๆก่อนที่ปลายลิ่นอุ่นร้อนของคนรุกรานจะหาทางเข้าไป ลมหายใจร้อนผ่าวเป่าผิวแก้มจนน่ากลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น แต่เพราะความปรารถนาที่กักเก็บไว้นาน…เกือบเท่าช่วงเวลาที่รู้จักกันมา ทำให้เมธัสได้แต่ร้องขอให้คนที่ถูกจูบอย่าลืมตาขึ้นเลย


“ปั๊บรักพี่นะ….”


เด็กหนุ่มกระซิบแผ่วกับริมฝีปากที่แนบชิด…ด้วยแววตาที่เพียงจะลืมตาขึ้นมามองก็จะรับรู้ได้ทุกอย่าง


“รัก..นะครับ….”













——————————————————-












นภัสรพีค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแตรรถจากบ้านใกล้ๆ เขามองคนที่โอบกอดตัวเองไว้จนแนบชิดแล้วหลับตาลงอีกครั้ง ใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “ตัวโตขนาดกอดพี่ได้แล้วเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง


“ง่วง….อือ….พี่อาลัว…..”


“ง่วงเหรอ มา นอนต่อก็ได้” ร่างเล็กขยับตัวออกมา แล้วค่อยยกแขนโอบรอบอีกฝ่าย กอดไว้กับอกเหมือนตอนเด็กๆ แต่ดูเหมือนความสูงของเมธัสจะทำให้ลำบากขึ้น


“มีซ้อมแข่งบอล….แต่ง่วง…” เมธัสซุกตัวเข้าหาแล้วกอดเอาไว้ เมื่อคืนแทบจะไม่ได้นอนไปทีนึงแล้ว…ยังจะมีตอนเช้าอีกเหรอ


“เหรอ…แต่พี่อยากดูปั๊บเล่นบอลนะ” นภัสรพีก้มหน้ามองลูกหมาตัวโต


“ไปเชียร์มั้ย ปั๊บจะเอาไปอวดเพื่อน” เมธัสยิ้มจางๆทั้งที่ยังปรือตา


“ไปสิ…แล้วต้องชนะนะ…” พูดจบก็ขยี้ศีรษะอีกฝ่ายพอให้ตื่น “ลุกนะ”


“ชนะแล้วมีรางวัลปะ”


“อื้อ ชนะแล้วอยากได้อะไรบอก พี่ให้หมดเลย” เขายิ้มกว้างให้กับคนที่ดูกระตือรือร้นขึ้นมา


“อย่าลืมแล้วกัน” ลูกหมาตัวโตยิ้มตาหยีแล้วโผเข้ากอดจากด้านหลัง “ปั๊บชนะแน่ ไม่ต้องห่วง”


“มา…” เขาหันมาหาร่างสูงแล้วจับศีรษะอีกฝ่ายให้ก้มลงมา จูบเบาๆที่กลางศีรษะไม่ต่างจากแม่ให้กำลังใจลูกชายตัวน้อย “สู้ๆนะคนเก่ง”


เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปก่อนจะฉีกยิ้มบางๆบนใบหน้าหล่อเหลา “ปั๊บไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”


ถึงจะเป็นสัมผัสที่อบอุ่น….แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นเด็กชายตัวน้อย


ต้องการ…..ผมต้องการมากกว่านี้…..


“อาบน้ำก่อนนะ”


“อื้ม เดี๋ยวพี่ลงไปดูข้าวเช้าให้นะ แล้วไปดูปั๊บแข่งบอลกัน” นภัสรพีเอ่ยบอก เขาปล่อยให้น้องชายตัวโตไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองก็ไปสั่งอาหารเช้าตามประสาเจ้าบ้านและพี่ชายที่ดี


หลังจากกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าเสร็จสิ้นเรียบร้อย นภัสรพีก็ตัดสินใจพาเมธัสไปส่งที่สนามแข่งด้วยรถยนต์คันจิ๋วของตัวเอง


เด็กหนุ่มในชุดเตรียมพร้อมซ้อมแข่งกับคู่แข่งต่างโรงเรียนก้าวลงจากรถพร้อมกับเดินอ้อมมายืนรอคนเป็นพี่ลงมา นัยน์ตาคมมองไปยังฟากสนามที่มีกลุ่มเพื่อนของตัวเองวิ่งสับขาวอร์มร่างกายอยู่


“มาสายนะมึง” เสียงหนึ่งทักมาจากคนในกลุ่มพร้อมๆกับที่ทุกคนหันมามองอีกคนที่มาด้วยกันกับกัปตันทีม


“สัด” เมธัสตะโกนกลันแล้วหันกลับมายิ้มให้นภัสรพี “พี่อาลัวใส่หมวกด้วย เดี๋ยวไม่สบาย”


“ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ไปหาเพื่อนๆก่อนเลย เดี๋ยวพี่ตามไป” เขายิ้มให้ขณะที่ก้มไปหยิบหมวกจากเบาะหลังมาสวม สายตามองไปยังรอบๆบริเวณ นอกจากกลุ่มเพื่อนๆของเมธัสแล้ว ยังเห็นกลุ่มเด็กสาวๆยืนโบกไม้โบกมือให้กับคนที่เพิ่งมา


นภัสรพีเดินไปยืนในจุดที่ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลจากกลุ่มเด็กสาวเหล่านั้นมาก เขาวางเก้าอี้พลาสติกตัวเล็กที่ติดอยู่ท้ายรถออกมาวางก่อนจะนั่งลง ร่างบางยกมือขึ้นโบกให้กับคนที่ลงไปในสนามแล้วพร้อมทั้งแย้มรอยยิ้มกว้างให้


“ปีกซ้าย หยุดให้ได้นะมึง” เมธัสวิ่งพลางออกคำสั่ง ปีกซ้ายตัวโรงเรียนตัดบอลจากคู่แข่งแล้วส่งลูกยาวมาให้เขาพร้อมๆกับเสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นเท่าตัว


“วิ่ง!” เพียงคำเดียว กองหน้าทั้งหมดที่นำโดยตนเองก็วิ่งจากอีกฟากสนาม ลูกบอลเลี้ยงสลับหลอกล่อคู่แข่งส่งให้คนในทีมที่เพียงแค่มองด้วยหางตาก็เข้าใจกัน เมธัสโยนลูกสั้นให้คู่หูสับไกยิงเข้าประตู แต่กลับถูกกองหลังสกัดจนล้มไปทั้งคนทั้งบอล


“ฟาวล์!!! เชี่ย มึงเล่นคนนี่หว่า” เด็กหนุ่มบริภาษเสียงดัง เช่นเดียวกับเสียงสาวๆที่ช่วยกันตะโกน


คนที่มาคนเดียว นั่งคนเดียวถึงกับสะดุ้ง เสียงของเด็กสาวทั้งกลุ่มนั้นดังไปแทบจะถึงอีกฟากสนามก็คงว่าได้ นภัสรพีส่ายศีรษะเบาๆก่อนจะหันไปมองบนสนามอีกครั้ง เยาชูนิ้วโป้งให้อีกคนเป็นการให้กำลังใจและชื่นชม


ความโกรธกรุ่นเมื่อครู่ดูจะเย็นลงเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ยิ้มมาให้ เมธัสสูดลมหายใจแล้วปรับท่าทางพร้อมๆกับกรรมการให้ฟาวล์และเป็นลูกจุดโทษ


“มึงยิง” เมธัสบอกให้เพื่อนเป็นฝ่ายยิง แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายยิงออกนอกกรอบไปไกล สีหน้าผิดหวังของเพื่อนร่วมทีมทำให้คนเป็นหัวหน้าต้องรีบเข้าไปตบไหล่ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูเอาคืนให้”


“พี่ชายปั๊บเหรอครับ”


เสียงเรียกจากด้านข้างทำให้ชายหนุ่มต้องหันไปไม่ให้เสียมารยาท ชายหนุ่มร่างสูงในชุดวอร์มยืนยิ้มอย่างเป็นมิตร นภัสรพีรีบลุกขึ้นก่อนจะยกมือไหว้ “สวัสดีครับ อาจารย์…”


“ไปนั่งเชียร์ด้วยกันได้นะ” โค้ชหนุ่มเอ่ยชวนอย่างอารี ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอาการยุกยิกอย่างอยากรู้อยากเห็นของพวกเด็กในทีม….ที่ไม่เคยเห็นกัปตันของตัวเองพาใครมานั่งดูข้างสนามเลย


“อ๊ะ ครับ เอ่อ…ชื่ออาลัวครับ” ร่างบางก้มเก็บเก้าอี้แล้วเดินตามร่างสูงไป นั่งบนม้ายาวร่วมกับลูกทีมของเมธัสที่ยังไม่ได้ลงเล่น


“พี่ชายไอ้ปั๊บชื่อน่ารักจัง ผมวีค้าบ” เด็กหนุ่มหน้าตี๋เสนอหน้าเข้ามานั่งข้างๆแทบจะทันที “เพิ่งเคยเห็นมันพาคนมาเชียร์นะเนี่ย”


ตัวจริงในสนามที่เหงื่อชุ่มโชกตวัดตามอง ยิ่งเห็นภาพไอ้หน้าตี๋เพื่อนเขาเบียดกระแซะยิ่งทำให้นัยน์ตาขุ่น





เดี๋ยวเหอะมึง….ไม่รู้ซะแล้วว่าคนนั้นเด็กกู





“พอดี พี่เรียนไกลน่ะ ไม่ค่อยได้กลับมาบ้านเท่าไหร่” เขายิ้มตามนัยน์ตาเรียวโค้ง “อย่างปั๊บ ไม่มีพาแฟนมาเชียร์บ้างเหรอ”


“ม่ายยยยเลยยยย” คนตอบทำเสียงยานคาง “แต่ว่าแม่งมีแฟนคลับเยอะฮะ พวกสาวๆตรงนู้นน่ะ ของมันหมดเลย”


“โห หล่อเลย” นภัสรพียิ้มจางๆขณะมองตามไปที่กลุ่มเด็กสาวที่ส่งเสียงเชียร์ไม่มีขาด


“พี่เรียนอยู่ไหนอะ…” เด็กหนุ่มหน้าตี๋ที่ละความสนใจจากหน้าสนามชวนคุยอย่างเป็นกันเอง เขากับนภัสรพีคุยกันโดยลืมไปว่ามีสายตาดุๆจากคนในสนามกำลังมองมาอย่างหมั่นไส้…หมั่นไส้ไอ้เพื่อนเวรที่ไปเกาะแกะ ไหนจะอีกฝ่ายที่ทำท่าคุยสนุกสนานอีก


เมธัสเลี้ยงลูกหลบกองกลางแล้วโยนลูกถอยไปกว่าค่อนสนาม จะจบครึ่งแรกยังทำได้แค่เสมอ…หงุดหงิดเสียจนไม่รู้จะพูดยังไง


นกหวีดจากกรรมการเป่าขึ้นทันทีหลังนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกจบลง เด็กหนุ่มร่างสูงเดินผละจากสนามเข้าไปนั่งแทรกกลางระหว่างสองคนที่กำลังคุยกันอย่างสนิทสนม


“คุยอะไรกันอยู่…” คำถามที่ไม่ระบุคู่สนทนา แต่แววตาขวางๆกลับมองไปที่คนที่นั่งประกบซ้ายขวา


“อ๋อ วีเล่าให้พี่ฟังน่ะ ว่าปั๊บของพี่เก่งขนาดไหน” นภัสรพียิ้มกว้างให้ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่เตรียมมา เอื้อมเช็ดเหงื่อให้


“อือ…ของพี่อาลัว…” คนที่เพิ่งเดินออกมาจากสนามก้มหน้าลงให้เช็ดหัวแต่โดยดี ทำเอาทั้งเพื่อนร่วมทีมและเหล่าแฟนคลับที่ตามมาเชียร์ถึงกับอึ้งไปกับท่าทางที่ดูแตกต่างจากกัปตันทีมเคร่งขรึม


“ปะ…ปั๊บ แขยงว่ะมึง” วีที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับผงะแล้วถอยห่างออกมาอย่างไม่ชิน


“แป๊บนึงนะพี่อาลัว” เมธัสยิ้มอ้อนแล้วหันกลับไปหาเพื่อนที่ยังไม่ได้ชำระความ แววตาหวานเปลี่ยนเป็นขึ้งแทบจะในทันทีที่โอบไหล่ลากคอเพื่อนออกมาจากพี่ชายสุดที่รักได้


“มึง-อย่า-ยุ่ง-กับ-คน-ของ-กู” เสียงทุ้มที่ราวกับจะขบเขี้ยวได้เน้นทีละคำ


“เฮ้ย!…” เด็กหนุ่มที่ถูกโอบไหล่ทำท่าจะอธิบาย แต่แววตาของคนที่ระบุอย่างเปิดเผยว่าเป็นเจ้าของกลับทำให้เขาได้แต่หุบปากให้สนิทแล้วพยักหน้ารัวๆ


“ดี….” เมธัสลากเพื่อนเข้าไปรวมกลุ่มที่กำลังฟังโค้ชวิเคราะห์เกม “…ครึ่งหลังมึงลงแทนไอ้ชาติ จะได้ไม่มีเวลาเสือกเรื่องคนอื่น”


โค้ชหนุ่มวิเคราะห์การเล่นในช่วงแรกพร้อมๆกับบอกแผนรับมือเพื่อแก้เกมของคู่ต่อสู้ เริ่มจากเน้นอุดกองกลางแล้วเปลี่ยนเป็นรุกเร็วเพื่อให้คู่แข่งตั้งรับได้ช้าลง ซึ่งแผนคราวนี้มีตัวหลักอยู่ที่เมธัสที่ถนัดในการหลอกล่อและโยนลูกได้อย่างแม่นยำ


“ไปนั่งพัก เตรียมตัวลง”


เด็กหนุ่มเดินมาถึงตรงที่นั่งของนภัสรพีแล้วนั่งลงข้างๆเอนหัวซบอย่างออดอ้อนเรียกเสียงฮือฮาอีกครั้ง


“ปั๊บหิวน้ำ…..”


คนตัวเล็กขยับตัวมาเปิดกระเป๋าตัวเองอีกครั้ง หยิบเอากระติกน้ำเล็กๆออกมาสองกระบอก “เอาน้ำเปล่าหรือสไปรท์”


“สไปรท์” นอกจากหัวที่เอนซบ ท่อนแขนแข็งแรงยังเอื้อมมาโอบเอวไว้หลวมๆด้วย


“เอ้า แล้วจะชนะหรือเปล่า หือ” นภัสรพีเช็ดศีรษะให้อีกฝ่ายต่อขณะส่งกระติกน้ำให้


“ชนะแหละ…ไม่งั้นเดี๋ยวก็อดได้รางวัลสิ” เด็กหนุ่มยิ้มหวานจนนัยน์ตาหรี่หยี


“อื้ม” เขายกผ้าขนหนูผืนเล็กออก “เรียบร้อยละ”


เมธัสก้มลงผูกสตั๊ดให้แน่นขึ้นแล้วยกกระบอกน้ำขึ้นดื่มอีกครั้ง เขาจับมือเรียวเอาไว้แน่นพลางสบสายตา….ด้วยท่าทางที่ทำเอาสาวๆที่เฝ้ามองยิ่งกว่าช็อค


“ปั๊บจะยิงให้พี่อาลัวดู จะได้รู้ซะทีว่าปั๊บน่ะเท่สุดๆ”


“รู้ตั้งนานแล้ว เอ้า ไปเล่น แพ้ขึ้นมาไม่เท่นะ” เขายิ้มขำกับอากัปกิริยาของเมธัสขณะรับกระติกน้ำคืนมา


เมธัสยักคิ้วรับแล้ววิ่งลงสนาม ทันทีที่กรรมการเป่าเริ่มครึ่งหลัง เด็กหนุ่มก็แย่งบอลจากทีมตรงข้ามแล้วเลี้ยงลูกเลื้อยเข้ามาตรงกลาง นัยน์ตาคมเหลือบมองเด็กหนุ่มหน้าตี๋เพื่อนร่วมทีมที่วิ่งคู่กันมา แล้วจงใจโยนลูกแรงเข้าใส่ วีพลิกตัวจะรับแต่ความเร็วของบอลกลับกระแทกเข้าเต็มๆก้นจนเจ้าตัวร้องเสียงหลงท่ามกลางเสียงหัวเราะของทั้งกองเชียร์ ทีมตัวเอง และทีมตรงข้าม แต่อะไรก็ไม่เท่า….รอยยิ้มอย่างสะใจของเมธัส


“จ่ายบอลเชี่ยไรวะสัด โดนเต็มตูดกูเลย”


“แก้แค้นไงมึง กูจะได้เล่นได้เต็มที่ซะที” เมธัสยักคิ้ว “จ่ายลูกกลับมา กูจะโชว์เทพให้ไอ้พวกเด็กทีมนั้นเห็นซะที”


วีทำปากอุบอิบแต่ก็ยอมจ่ายให้แต่โดยดี ทันที่ที่ลูกอยู่ในเท้า เด็กหนุ่มกัปตันทีมก็เลี้ยงลูกเดี่ยวหลบคู่ต่อสู้ไปทีละคนจนถึงหน้าประตู เมธัสสบตาประตูร่างสูงแล้วใช้สายตาหลอกล่อ ก่อนจะซัดบอลเข้าไปเต็มเท้าสวนทางกับทิศที่โกลด์ล้มลง


“เยส”


เสียงกรี๊ดดังขึ้นจากทางฝั่งกองเชียร์สาวๆไม่เกรงใจใคร นภัสรพีส่ายศีรษะช้าๆก่อนจะตบมือชื่นชมตามมารยาทคนดูที่ดี


ถึงจะมีกี่เสียงเชียร์ แต่รอยยิ้มเงียบๆของคนที่นั่งตบมืออยู่กลับเป็นกำลังใจชั้นดี…ไม่สิ ดีที่สุดเลยต่างหาก


เมธัสหันกลับไปยิ้มให้แล้วยกมือที่กำขึ้นสูงก่อนที่จะชี้ไปที่ประตูตาข่ายแล้วชี้กลับมาที่นภัสรพี


รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากว้างขึ้นพลางพยักหน้ารับรู้ นภัสรพีตบมือให้ดังขึ้นก่อนจะตะโกนบ้าง “อีกลูกนะ”


“เหี้ย น่ารักเหี้ยๆ” วีที่วิ่งคู่อยู่พึมพำเบาๆก่อนจะรีบหุบปากเมื่อเมธัสมองมา “กูป่าว….”


“อย่าเผลออีกนะมึง” เมธัสผลักไหล่เบาๆแล้วชี้ไปที่บอลในเท้าคู่ต่อสู้ “ไปแย่งมา วันนี้มึงหน้าที่เพื่อนพระเอก แย่งมาได้ส่งให้กู เดี๋ยวลุยต่อเอง”


“สัด กะโชว์เหนือคนเดียวว่างั้น”


“วันนี้กูขอ คันเท้าอยากได้แฮททริคว่ะ”


พูดจบ นัยน์ตาเข้มก็เปล่งประกายวาววับ….



ใช่….ไม่ว่ายังไงวันนี้ก็ต้องชนะให้ได้อย่างราบคาบ











To be continue…





kagehana : พี่อาลัวของเรา...โดนเด็กกินซะแล้ว อิอิอิ :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 12 คนนี้เด็กกู!!! [24/01/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-01-2014 14:54:53
เอ้ยยยยยย น่ารักจริง ทั้งพี่ทั้งน้อง
แต่พี่อาลัวแบ้วอ้ะ ส่วนปั๊บก็หวงเอาโล่ไปเลยจ้าาา
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 12 คนนี้เด็กกู!!! [24/01/14]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 24-01-2014 15:25:05
เด็กมันร้ายยยยยยยย

มาร์กกิ้งซะขนาดนี้ ตามไปที่ม.เลยปั๊บ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 12 คนนี้เด็กกู!!! [24/01/14]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 24-01-2014 16:30:44
 :ruready มึนได้โล่มากอาลัว
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 12 คนนี้เด็กกู!!! [24/01/14]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 24-01-2014 18:29:34
อาลัวชอบปั๊ปบ้างเปล่า เดี๋ยวเด็กผิดหวังแล้วจะเป็นบ้านะ5555555555555
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 12 คนนี้เด็กกู!!! [24/01/14]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 24-01-2014 21:44:18
อาลัวน่ารักดี ปั๊ปตาถึงแล้วล่ะ


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 12 คนนี้เด็กกู!!! [24/01/14]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 25-01-2014 00:14:34
กรุบกริบอีกแล้ววววววววว

อลัวน่ารักมากกก ปั๊บก็หวงพี่อลัวน่าดูเลยนะ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 12 คนนี้เด็กกู!!! [24/01/14]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 25-01-2014 18:18:12
สงสารจิน  :hao5:
แต่ชอบคนแบบพี่คีย์จัง ><
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 08-02-2014 19:06:28


Love -destiny- : รักกุบกิบ : ตอนที่ 13








ประตูรถปิดลงพร้อมๆกับที่นภัสรพีสตาร์ทเครื่องยนตร์ ชายหนุ่มหันมายิ้มกว้างให้อีกครั้ง “เก่งมากเลยปั๊บ พี่ดูยังลุ้นไปด้วยเลย”



“สามลูกชิลๆ” คนนั่งยักคิ้วให้ “พี่อาลัวมาทั้งที ปั๊บต้องโชว์หน่อยสิ”



“ครับ เก่งและเท่ สาวๆกรี๊ดจนพี่ยังยอมเลย” เขาค่อยๆแตะเบรคเมื่อเห็นสัญญาณไฟสีแดงข้างหน้า



“พี่อาลัวกรี๊ดด้วยปะครับ” เมธัสพูดเย้าแล้วหัวเราะลั่นรถ “ปั๊บชนะนะ เอาสัญญามาเลย”



“กรี๊ดไม่ไหวหรอก” เขาหัวเราะตามแล้วค่อยพูดต่อ “อยากได้อะไรล่ะ อย่าแพงนะ”



เด็กหนุ่มร่างสูงยิ้มกริ่มทำท่าอมภูมิ “ไม่แพง ไม่เสียตังค์ด้วย เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะบอก…แต่ห้ามคืนคำนะ”



“อื้ม ไม่คืน อะไรก็ได้เลย”



ระยะทางจากสนามแข่งและบ้านนั้นไม่ได้อยู่ไกลมากจนเกินไป ต่างจากสมัยก่อนที่เคยขี่จักรยานด้วยกัน ระยะทางในตอนนั้นดูจะไกลกว่ากันมากอยู่เมื่อเทียบกับตอนนี้ ไม่นาน นภัสรพีก็เลี้ยวรถเข้าจอดในที่จอดรถของบ้าน



“จะบอกน้าต่ายหรือเปล่า ว่าจะค้างอีก…หรือไม่ค้าง”



“ค้าง ไลน์บอกแล้ว แม่ไปกะพ่อพอดี….แต่ต้องเอาไอ้สิบมานอนด้วย” ปั้นสิบ…ไอ้หมาปั๊กที่พ่อกับแม่บอกว่าเลี้ยงเป็นน้องชายเขา แถมเป็นหมากวนตีนขั้นแอดวานซ์



“เดี๋ยวทิ้งข้าวให้มันก็ได้ ไม่ต้องเอามานอนหรอก”



“อื้ม เดี๋ยวให้พี่สุไปดูแลก็ได้ จะได้มีคนเฝ้าบ้านปั๊บเนอะ” ถ้าเอามาทั้งคนทั้งหมา ต่อให้ล็อคบ้านก็ยังอันตรายอยู่ดีสำหรับนภัสรพี เขาจึงเสนอให้คนสวนไปดูแลให้แทน



เด็กหนุ่มในชุดบอลมอมแมมพยักหน้ายิ้มสดใส เขาลงจากรถแล้วสวัสดีคนสวน ฝากฝังไอ้หมาหน้าง่าวไว้แล้วรีบหันไปจูงมือพี่ชายที่รัก



“อยากอาบน้ำ เหนียวตัวแล้ว…..อาบน้ำด้วยกันเหมือนตอนเด็กไหม”



“จะได้ไม่เปลืองน้ำ ใช่ไหม” เขาพยักหน้าขณะเดินตามอีกคนเข้าไปในบ้านของตัวเอง “ได้สิ แต่ว่า สัญญาล่ะ อยากได้อะไร ถึงบ้านแล้วนะ”



“ให้สระผมให้หน่อย นะๆ” นะเสร็จ ท่อนแขนแข็งแรงก็ควงหมับแล้วเอนหัวซบ…ถึงภาพมันจะดูเป็นเด็กโข่งทุเรศไปหน่อยก็ยอมวะ



“แค่สระผมเองเหรอ ได้สิ” ร่างเล็กหัวเราะออกมาอีกครั้งกับคำขอของเมธัส “งั้นก็ไปอาบน้ำกัน”



หลังจากที่หลบมุมไปถอดเสื้อผ้าแล้วเอาผ้าขนหนูมาพันท่อนล่างเสร็จ เด็กหนุ่มก็เดินมาที่ห้องน้ำด้วยท่าทางเขินอายนิดๆ ใบหน้าขาวที่ยังไม่โตเต็มตัวมีกระแสของความตื่นเต้นปนเขินอายเคลือบอยู่บางเบา



“โห…ไม่ได้สูงอย่างเดียวด้วยนะเนี่ย” เจ้าของบ้านที่ยืนรออยู่แล้วในห้องน้ำเอ่ยอย่างชื่นชม



“ก็เป็นนักบอลนี่ ออกกำลังกายทุกวัน ช่วงนี้ยกน้ำหนักด้วย” เมธัสใช้มือลูบกล้ามท้องอย่างภูมิใจนิดๆ



“พี่อาลัวไม่ถอดเดี๋ยวเสื้อเปียกนะ”



“รู้แล้ว” เขาถอดเสื้อยืดสีอ่อนที่สวมอยู่ออก ตามด้วยชิ้นอื่นๆที่เหลือโดยไม่มีอาการเขินอายใดใด ร่างเล็กไม่ลืมที่จะพับใส่ลงตะกร้าที่วางอยู่ตรงมุมห้อง



“ดูสิ พี่ตัวแห้งยังกับเด็ก”



“แถมขาวด้วย ยังกะไม่เคยออกแดด” เมธัสจ้องมองร่างกึ่งเปลือยแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงอะไรในส่วนลึกของร่างกาย…ที่พลุ่งพล่านขึ้นทุกที



“ก็ไม่ค่อยอะ อยู่ที่ม.ก็ใส่แขนยาว…” เขาหยิบเอาผ้าเช็ดตัวมาพาดร่างตัวเองเอาไว้ก่อนจะเดินนำอีกคนไปที่อ่างอาบน้ำ “เอ้า นั่งตรงนี้ สูงขนาดนั้นพี่เอื้อมสระผมเหมือนตอนเด็กๆไม่ได้หรอกนะ”



ร่างสูงนั่งลงแล้วแหงนคอมองอย่างว่าง่าย เขารู้สึกถึงมือนุ่มที่ประคองท้ายทอยและสายน้ำที่รินรด กลิ่นแชมพูหอมหวานโชยขึ้น…ไม่นานนักมือสองข้างก็ช่วยกันขยำเบาๆลงบนศีรษะแล้ว



เมื่อก่อน..ตอนยังเล็กๆ เขามีอาลัวที่คอยดูแลราวกับพี่น้องแท้ๆที่คลานตามกันมา



แต่ตอนนี้..ความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงร้อยรัดทำให้ความรู้สึกที่เคยเป็น…แปรเปลี่ยนไป



“โอเคหรือเปล่า” ช่างสระผมจำเป็นเอ่ยถาม “ถ้าอยากให้แรงขึ้นบอกนะ”



“อย่างกับช่างเสริมสวยเลย” เอ่ยเย้าเสร็จก็ลืมตามองแววตาสุกใส “สบายจัง ชอบพี่อาลัวที่สุดเลย”



“หลับตาเลย ไม่ต้องปากหวานพี่ก็ทำให้”



เมธัสเงียบเสียงลงรับสัมผัสหวานหวาม ยังดีว่ากว่าครึ่งตัวแช่อยู่ในน้ำอุ่นที่มีฟองลอยอยู่ ไม่อย่างงั้นแล้วพี่ชายอาจจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ขัดกับท่าทีสบายๆของเขาได้



เป็นความสุขที่…ทรมานสุดๆ



นภัสรพีค่อยๆราดน้ำลงบนศีรษะของอีกคน มือข้างหนึ่งคอยป้องประคอง ไม่ให้น้ำผสมแชมพูไหลลงไปที่หน้าได้ก่อนจะล้างแชมพูออกให้หมด



“เรียบร้อยแล้ว จะแช่น้ำอยู่แบบนั้นก่อนหรือเปล่า พี่จะได้อาบน้ำก่อน”



เมธัสพยักหน้าพร้อมหลับตาพริ้ม ข้างๆหูได้ยินเสียงฝักบัวเปิด แต่เพียง…ในหัวก็คิดไปถึงว่าตอนนี้มือเรียวคู่เมื่อกี้กำลังเลื่อนไหลไปตรงไหนบนเรือนร่างขาวนวล



“วีน่ะ บอกพี่ว่าเราไม่เคยพาใครมาเชียร์เลย…สาวๆตามเสียขนาดนั้น ไม่มีเลยเหรอ” เขาหันมาถามคนที่นอนหลับตาสบายอยู่ในอ่างกว้าง



นัยน์ตาคมลืมขึ้น พอมองเห็นร่างเพรียวบางเปลือยเปล่าโผล่ออกมาจากม่านพลาสติกกั้นแบบรำไรๆพอให้ใจเต้นก็รีบปิดตาลง มือหนาคว้าตะปบ ‘ส่วนนั้น’ ที่มีปฏิกิริยาไม่ดูเวล่ำเวลา



“ก็…เอ่อ…อือ…ก็…รำคาญ…ปกติก็มาเชียร์อยู่ข้างสนามอยู่แล้ว ขืนพามานั่งที่เก้าอี้ทีมเดี๋ยวได้ใจ ไม่ก็ทะเลาะกันอีก”



“เชียร์กันเสียงดังแบบนั้นไม่ชอบสินะ อืมอืม” ส่งเสียงอือออกับตัวเองเสร็จก็หยิบเอาโฟมล้างหน้ามาบีบออก



เมธัสเลื่อนตัวลงต่ำจนน้ำในอ่างอยู่ระดับคอ เขาหวัง…ว่าพี่ชายคนดีจะไม่รู้ว่าอาการของเขาแย่แค่ไหน



เพราะพี่อาลัวแท้ๆ….ผมถึงได้หัวปั่นแบบนี้



“บางที…แค่เข้าไปคุยกับใครเป็นพิเศษ พวกผู้หญิงก็อิจฉากันแล้ว ทั้งๆที่ไม่ได้คิดอะไรเลยแท้ๆ” คนพูดบ่นงึมงำ…พึมพำอะไรก็ได้ให้มันเป็นเรื่องไกลตัวที่สุด



“งั้น วันนี้ จะอิจฉาพี่ด้วยไหม” เขาพูดติดตลกก่อนจะล้างโฟมและสบู่ออก “เพราะพี่ได้นั่งตรงที่พิเศษ”



“ก็ให้อิจฉาไปสิ ยังไงพี่อาลัวก็พิเศษกว่าทุกคนอยู่แล้ว พวกนั้นแข่งไม่ได้หรอก”



“พูดแบบนี้ ดีใจนะเนี่ย” นภัสรพีเอื้อมเสียบฝักบัวคืนที่แล้วหมุนก๊อกปิด “พี่เสร็จแล้วนะ เราก็อย่าแช่นานจนตัวเหี่ยวล่ะ”



“คร้าบบบ”



เด็กหนุ่มแช่ตัวอีกสักครู่พอให้อะไรสงบๆลง ในตอนที่พันผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำนั้น พี่ชายคนดีก็อยู่ในชุดนอนนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงแล้ว เมธัสยิ้มเขินๆแล้วหยิบเสื้อนอนมาสวมทับ



คล้ายกับได้ยินเสียงจากร่างสูง เจ้าของห้องหันมามองอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มให้จางๆ นภัสรพีขยับตัวสร้างพื้นที่บนเตียงนอนให้กับน้องชายเพิ่มขึ้น เขาเอื้อมวางมือถือของตัวเองลงที่โต๊ะหัวเตียงก่อนจะเอ่ยถาม



“จะเล่นคอมก็เปิดได้นะ”



“ไม่เอา เหนื่อยแล้ว” เขาสวมกางเกงแล้วดึงผ้าเช็ดตัวพาดไว้บนตะกร้าสร้างภาพเด็กดี เพราะถ้าเป็นในห้องตัวเองน่ะเหรอ…โน่น โยนไว้ในห้องน้ำแล้วมั้ง



“พี่อาลัวไลน์กะเพื่อนเหรอ ที่มหาลัยป่ะ”



“อื้ม ชื่อเม็ดโฟม…ดูไหม” เขาเอียงมือถือไปด้านข้าง เผื่ออีกฝ่ายจะอยากดูขึ้นมาจริงๆ



เมธัสส่ายหน้า ถึงจะอยากแค่ไหนแต่เรื่องส่วนตัวเขาก็ไม่อยากก้าวก่าย ไม่อยากให้มองว่าน้องไม่น่ารัก เขาขยับตัวเปิดผ้าห่มแล้วสอดตัวเข้าข้างใต้ ดึงร่างบอบบางมากอดทำเสียงอู้อี้ “..เลิกเล่นเลย มานอนกะปั๊บซะดีๆ”



“ปิดเสียงไปแล้วล่ะ ส่งมาแต่สติ๊กเกอร์งอแง เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาค่อยตอบทีเดียว” เพราะถูกกอดไว้ เสียงที่ออกมาเลยฟังดูอู้อี้ไม่แพ้กันเท่าไหร่ “ปิดไฟด้วย…”



“ใครบังอาจมางอแงกับพี่อาลัวของปั๊บ ไปบอกเลยว่าปั๊บหวงนะ” พูดไปมือก็เอื้อมปิดไป แสงจากด้านนอกส่องให้เห็นเงาร่างของคนที่กอดอยู่สลัวๆ



คนเป็นพี่หัวเราะออกมา “อื้ม ไว้จะบอกนะ” ร่างเล็กขดตัวเข้าหาอ้อมกอดของเมธัสอีกเล็กน้อย



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลิ่นหอมจางที่โชยออกมา หรือเพราะอุณหภูมิที่ส่งผ่าน ทำให้อารมณ์หวานหวามเข้าปกคลุมหัวใจ…ทั้งๆที่เมธัสรู้ดีว่ามันยังเป็นไปไม่ได้



เขายังเป็นแค่น้องตัวน้อยของพี่อาลัว…ไม่ใช่คนรัก



แต่ถึงอย่างนั้น ก็ทำได้แต่กอดเอาไว้ให้แน่นขึ้น



“หวงนะ หวงจริงๆ”



นภัสรพีปล่อยให้ความเงียบปกคลุม ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เขานอนนิ่งให้อีกฝ่ายกอดอยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะกดศีรษะเข้ากับแผ่นอกของเมธัสแล้วเอ่ยเรียกเบาๆ “…ปั๊บ”



“หือ”



“เมื่อคืน…….พี่…….ไม่ได้นอน……อยู่นะ….”



“มะ…เมื่อคืน…อะไร” อะไร…ที่เขารู้ว่าหมายถึงอะไร แต่เมธัสไม่อยากจะคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง



“….ที่เราพูด……พี่…ได้ยิน…..” นภัสรพีไม่ขยับแม้แต่น้อยขณะที่พูดออกมา เขายังคงกดศีรษะตัวเองไว้กับหน้าอกของเมธัส



เพราะคำพูดที่บอกออกมาตรงๆทำให้คนที่กอดอยู่ตัวชาวาบ เขาดึงร่างคนในอ้อมกอดออกมาเล็กน้อยเพื่อนค้นหาความจริงในแววตา…เพื่อจะพบว่าดวงตาคู่สวยฉายแววจริงจังแค่ไหน



“…..แล้ว….ได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มแหบแห้ง “ปั๊บ…รักพี่อาลัว…ได้ไหม”



ร่างบางพยักหน้าช้าๆก่อนเอ่ยตอบเสียงบางเบา “…ได้….สิ……..”



“ถึงจะเด็กกว่า งอแง ยังไม่โต แต่รัก…เป็นของจริงนะ”



“…………….อื้ม……” สุดท้าย เขาก็กลับเข้าไปซุกกอดร่างสูงเอาไว้เหมือนตอนแรก



“ไม่เกลียดใช่ไหม”



เขารีบส่ายศีรษะ “พี่ไม่เคยเกลียดปั๊บ…”



“แล้ว….รักล่ะ”



“ตั้งนานแล้ว…….” น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงเรื่อยๆจนไม่ต่างอะไรกับเสียงกระซิบของสายลม “ปั๊บ…ไม่รู้”



จากที่นอนเรื่อยเอื่อย คำรักแผ่วๆของคนที่คิดว่าเป็นได้แค่พี่น้องกันตลอดมาทำให้เด็กหนุ่มถึงกับผุดลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาคมมองนภัสรพีอีกครั้งเพื่อยืนยันในคำตอบที่ได้ยิน



“ทำไมไม่บอก…”



“……จะกล้าบอก…ได้ยังไง……” ใบหน้าหวานหันหลบสายตาที่มองมา “ผู้ชาย…ด้วยกัน……..”



“แต่ปั๊บรักมาตั้งนาน ตั้งแต่เล็กๆ…รู้หรือเปล่า”



“………พี่ต่างหาก…….” เขาโต้คืน



“อ้าว” เด็กหนุ่มอุทานแล้วยิ้มรับ “อย่าบอกนะว่ารักตั้งแต่สามขวบ กินเด็กนะอย่างงั้น”



“…….ไม่พูดแล้ว…นอนนะ……” นภัสรพียิ่งหลบรอยยิ้มของร่างสูง เขาเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มขึ้นมาอีกครั้ง



คนที่เด็กกว่าไม่ยอมแพ้ เขาซุกตัวเข้าหาแล้วกอดไว้ บรรจงจูบรับขวัญพี่ชายที่ริมฝีปากระเรื่อก่อนจะถอนออกมาเบาๆอย่างเสียดายนิดๆ “ปั๊บกินผู้ใหญ่แทนก็ได้ ถ้าบอกว่าพี่กินเด็กแล้วแสลงใจ”



“……..ไม่ได้…แสลงใจ” เขายกมือขึ้นปิดใบหน้าที่คงจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มไปแล้ว “แค่บอกให้นอน………”



“นอนไม่หลับ ปั๊บรักของปั๊บมานาน อยู่ๆบอกว่ารักด้วย…จะหลับลงได้ไง” เด็กหนุ่มใช้จมูกดุนดันหลังมือที่ยกปิดหน้า พี่อาลัวหอมไปทั้งตัวแบบนี้ จะให้นอนเฉยก็พระอิฐพระปูนเกินไปแล้ว



“ไม่นอนแล้วจะทำอะไร”



“กินผู้ใหญ่”



“…………ม ไม่เหนื่อยเหรอ…….แข่งบอลมา….” เขาถามต่อ ฟังอย่างไรก็เหมือนกับเจ้าตัวพยายามเลี่ยง



จมูกโด่งได้รูปซุกลงที่ลำคอพร้อมๆกับประทับรอยจูบทิ้งไว้บนผิวเนื้อนวล เมธัสกระซิบเบาๆข้างใบหูกลมนิ่ม “หายเหนื่อยแล้ว….ให้กินไหม…”



ร่างบางขดตัวเข้าหากันโดยไม่ตั้งใจ นภัสรพีผงกศีรษะเบาๆ เอ่ยตอบเสียงแผ่ว “…อือ…….”



“อือ…แปลว่าอะไร” เมธัสกระซิบอีกครั้ง



“…แปลไม่ได้…ก็นอน…..”



“ใจร้าย…ผู้ใหญ่ใจร้าย” น้ำเสียงทุ้มต่ำเง้างอนออดอ้อน เมธัสพรมจูบบางๆไปทั่วทั้งฝ่ามือที่ดึงออกมาได้



รู้มาตั้งแต่แรกว่าพี่อาลัวเป็นคนขี้อายแค่ไหน…แต่ว่า นานๆทีเขาก็อยากให้แสดงออกมาบ้าง



“ไม่รักแล้วเหรอ”



“….รัก………..” ดวงตากลมค่อยๆเปิดขึ้นมองอีกฝ่ายผ่านนิ้วมือที่ยังไม่ถูกเกี่ยวไป



เด็กหนุ่มร่างสูงตอบรับด้วยรอยจูบอีกครั้ง…และอีกครั้ง




“รัก….นะ…”

 

 

 

 

 

To be continue…

——




kagehana : พี่อาลัวชนะเลิศค่ะ กินเด็กหรือโดนเด็กกินก็ผิวพรรณผุดผ่องเหมือนกัน ครุคริ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-02-2014 19:26:46
อุต๊ะ คู่นี้ชนะเลิศจริงๆ
น่ารักน่าหยิกทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 08-02-2014 20:12:59
อรั้ยยยย ยาอายุวัฒนะ เป็นอมตะแน่ๆเลย อาลัวววววววววว โฮะๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-02-2014 21:21:33
พี่อาลัวเป็นอมตะ 5555
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 08-02-2014 22:16:50
ชอบคู่นี้ที่สุดเลย   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 08-02-2014 22:30:02
555555 เขินเบาๆ  อาลัว น่ารักอ้ะ!!!!!!
 เรื่องนี้ กินหญ้าอ่อนทั้งนั้นเลยยยยย  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 09-02-2014 00:42:58
น่ารักสุดสุด  มาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 09-02-2014 01:36:07
พี่อาลัวได้ราศีจับอีกแน่ๆกินเด็กเป็นอมตะ ฮา
คิดถึงแว่นแฮมกับจินจังเลยยยย
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 09-02-2014 02:52:59
 :impress2: ชอบอาลัวอ่ะ น่าร๊ากกก
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakbung Mazo ที่ 09-02-2014 10:30:57
ตอนนี่ก็คงเหลือแค่คู่ของจินสินะที่ยังหน่วงอยู่  :t3:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 09-02-2014 11:47:22
อยากรู้ว่าพี่ศิวากร จะทำไงต่ออ่ะ  สงสารจิน
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 09-02-2014 13:16:45
โอยยยยยยยยยยยย เพิ่งได้อ่าน น่ารักกุบกิบ ชอบบบบบบบบบบ สมหวังไปสองคู่ละ เหลืออีกสองคู่ ลุ้นค่ะลุ้น >/////<
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 09-02-2014 14:00:24
ลุ้น ๆๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 09-02-2014 15:27:58
โอ๊ยยย อาลัวน่ารักแล้วจินกับแว่นแฮมล่ะ
คี์โดนหลอกอีกแล้ว อันยังไม่ได้หย่านิ แง่งงงง
หงุดหงิด
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 09-02-2014 22:44:05
ปั๊บ นายแน่มาก!!! อ้อนได้น่ารักโคตรร

เอาใจช่วยจินอยู่นะะะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-02-2014 05:48:02
พี่อาลัวขาาา ฃนะเลิศจริงๆค่ะ


รอคู่น้องจินกับพี่คีย์ :katai5:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 13 กินเด็ก...หรือโดนเด็กกิน [08/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 10-02-2014 21:38:07
มาต่อเร็ว ๆ นะครับ
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 14 Be my Valentine's "คำเตือน" เรตมุ้งมิ้ง [14/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 14-02-2014 21:01:50
 Love -destiny- : รักกุบกิบ : ตอนที่ 14 (Special for Valentine)






วันนี้ก็เป็นอีกวันที่แดดร้อนจนไม่อยากจะทำอะไร อากาศเมืองไทยสมกับเป็นเมืองร้อนจนอิชย์ไม่อยากแม้แต่จะออกมาข้างนอก แต่ชายหนุ่มร่างเล็กก็นั่งพาดตัวกับโต๊ะกลมในร้านอาหารราวกับเป็นซากสิ่งมีชีวิต– รอเพื่อนอีกสองคนที่ควรจะตามมา



“แม่ง…ชักช้ากันจัง…”



“ถ้าเธอก็รัก เธอก็รู้สึกดีๆเหมือนกัน แต่มัวจะเขินอายอย่างนั้น ที่จะต้องพูดมา— นั่งแดกขอบโต๊ะทำป้ามึงเหรออาลัว” คนที่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีม้วนชีทแล้วฟาดหัวรับขวัญเบาๆทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ “อะหือ นี่นั่งแบ่งโซนนิ่งกันเหรอวะ จินกะน้องเม็ดโฟมอยู่ขั้วโลกเหนือ อึมซะไม่มี ส่วนอาลัว…” รฐกรก้มหน้าจ้องมองแววตาวิบวับ “ปิดเทอมแม่งต้องมีไรดีๆแหง ใช่มะๆ”



“ไม่มีอะไร” นภัสรพีที่เพิ่งนั่งลงยิ้มตามฉบับเจ้าตัว



แต่อิชย์ที่ควรจะเถียงกลับนั้นกลับอยู่เฉย “ช้าสุดมึง…หิวแล้ว”



“ช้าไรวะ พี่ไผ่ยังไม่มา เอ…หรือว่าหนีไปติดสาวญี่ปุ่นหุ่นเอ็กซ์ซะแล้วว้า” ชายหนุ่มร่างสูงพูดกลั้วหัวเราะ เพราะจำได้ว่าปิดเทอมของพี่ไผ่ถูกใช้ไปกับประเทศญี่ปุ่นกับครอบครัว เรียกง่ายๆว่าถ้าไม่ได้เจอกันหน้าเฟสก็แทบจะไม่เห็นหน้า



“สัด” อิชย์ยกซากศพของตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะ มือคว้าเอาเมนูมาเปิดกาง “อาลัวอยากกินไร”



“อะไรก็ได้”



“ไม่สร้างสรรค์ครับ จิน แดกไร” พอไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจ คนตัวเล็กที่สุดก็หันไปหาซากอีกชิ้นหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน



“ตามใจมึง” คนที่นั่งนิ่งตอบเบาๆ



“แดกน้องเม็ดโฟมผัดแห้วดีกว่า ฮ่าๆๆๆ” รฐกรหัวเราะอย่างไม่ปิดบัง



“แห้วอะไร กูเปล่า มึงแหละสัด” อิชย์รู้ดี ว่าคนรักไม่มีวันผิดสัญญา แต่ถึงอย่างนั้นก็อดที่จะอารมณ์เสียไม่ได้กับการที่อีกคนยังไม่มาถึงเสียที



“กูไม่แห้วโว้ย กูก็มีปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นเหมือนกัน” พูดจบก็นึกไพล่ไปถึงหญิงสาวร่างเล็กที่คอยส่งไลน์ไปแหย่ทุกวัน



“สั่งอาหารเถอะนะ เราว่า” นภัสรพีเอ่ยแทรกเพื่อจะหยุดสงครามขนาดย่อม “เราเอาไข่เจียวกุ้งสับ…โฟมล่ะ”



“รอพี่ไผ่…” เขาตอบแทบจะทันทีโดยไม่ต้องคิดแม้ท้องเจ้ากรรมจะเริ่มส่งเสียงประท้วงก็ตาม



“กะเพราหมูสับ” ซากที่นั่งอยู่มุมโต๊ะเอ่ยเบาๆ “สั่งก่อนก็ได้โฟม เดี๋ยวพี่ไผ่มาค่อยสั่งเพิ่ม”



“………เอาเกี๊ยวชีสทอด….” อิชย์สั่งอาหารทานเล่นมาเพื่อไม่ให้ซากที่เอ่ยปากพูดเป็นครั้งแรกเป็นห่วง



“ถังล่ะ เอาอะไร” คุณชายอะไรก็ได้หันไปยิ้มจางๆให้ร่างสูง “เดี๋ยวเราเดินไปสั่งทีเดียว”



“เปรี้ยวหวานไก่ ต้มยำกุ้ง น้ำข้นนะอาลัว” พอพูดจบ คุณชายที่ดูอารมณ์รื่นเริงดีที่สุดก็เดินไปสั่งอาหาร โต๊ะที่เหลืออยู่กับสองซากก็เหลือแต่ความเงียบ



รฐกรมองซ้ายทีขวาทีแล้วถอนหายใจ คนนึงรู้แหละว่าเพราะพี่ไผ่ยังไม่มา แต่อีกคนที่ดูอาการหนักกว่านี้ไม่รู้เป็นเพราะอะไร



แม่ง..ทำหน้าอย่างกับแดกแฟ้บมาทั้งคู่



“มึงเป็นไรวะจิน แล้วนี่ไม่ชวนพี่คีย์มาด้วยเหรอ”



“เหี้ย” จิณณ์ตอบกลับสั้นๆ แผลที่อุตส่าห์ดีขึ้นถูกปากหมาของเพื่อนรักกวนให้เจ็บแสบ ในตอนนี้เขาไม่อยากได้ยินชื่อนี้…แม้จะคิดถึงอยู่ตลอดเวลาก็ตาม



“อ่าวสัด ด่ากูซะงั้น ไม่คุยกะมึงก็ได้วะ” ว่าจบก็หันไปหาอีกคน “มึงล่ะ ทำหน้าอย่างกับโดนผัวทิ้ง เดี๋ยวนี้เลียนแบบอีกี้เหรอครับน้องเม็ดโฟม”



“ทำไม กูจะทำหน้ายังไงก็เรื่องของกู” อิชย์หันหน้าหนี รู้อยู่ว่าเพื่อนปากดีคนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะกวนให้อารมณ์เสีย แต่ก็อดอารมณ์เสียไม่ได้



“โหด มาโหดตลอด คอยดู..พี่ไผ่มากูจะฟ้อง”



“ฟ้องอะไร ไม่ต้องเลยมึง” เขายังคงทำหน้าเบ้ แสดงออกทางสีหน้าชัดเจนว่าอารมณ์ไม่ดี



“พอแล้วนะ ทั้งคู่เลย รบกวนโต๊ะอื่นนะ” คุณชายห้ามทัพอีกครั้ง ปกติจะมีจิณณ์คอยช่วยเหลือบ้าง พชรก็ปรามอิชย์ได้ แต่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเหลือตัวคนเดียว



เพราะคนที่เป็นกลางสุดพูดเตือน คนชอบแหย่เลยยอมนั่งนิ่งหยิบมือถือขึ้นมาส่งไลน์หาใครบางคนแต่โดยดี แต่ก็ไม่วาย..”คุยกับคุณชายอาลัวดีกว่า ปิดเทอมไปทำไรมาวะ ดูดีมีความสุขผิดกับหมาบ้าบางตัวเลย”



“ปิดเทอมนี้ได้กลับบ้านน่ะ เลยอยู่กับปั๊บตลอด” เจ้าตัวตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่ได้เจอกันเกือบปี…”



“ปั๊บ…อ๋อ เด็กม.ปลายที่ว่าเป็นน้องข้างบ้านใช่ปะ ตัวเท่าไหนแล้วล่ะ”



“สูงท่วมหัวแล้ว นี่ไง” นภัสรพีหยิบมือถือออกมาเปิดรูปที่ถ่ายด้วยกันเอาไว้ให้อีกฝ่ายดู “สูงเนอะ”



“หืมๆๆ ทำอย่างกับจะอวดน้อง เป็นพี่ติดน้องหรือไงคร้าบคุณชาย”



“เปล่าซะหน่อย เป็นแฟนกัน” เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยก่อนจะเก็บมือถือลงไป



“อ่อ แฟน…” รฐกรพยักหน้าก่อนจะเบิกตาค้าง “เฮ้ย!! เอาจริงดิ คุณชายอาลัวเนี่ยนะกินเด็ก…แถมเด็กผู้ชายตัวเท่าลูกควายด้วยเนี่ยนะ”



“อืม…”



“หืม อาลัวมีแฟนเหรอ” อิชย์เงยหน้าหันมาถาม



“อื้ม น้องชายข้างบ้านน่ะ” เขาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม



จิณณ์ที่นั่งนิ่งอยู่นานก็ออกอาการสนใจไปด้วย แต่เพราะอีกฝ่ายเก็บมือถือไปแล้วเลยไม่คิดจะไปขอดูเรื่องส่วนตัวอีก



น้องชายข้างบ้าน…..ก็เหมือนเขากับคิรากร



แต่ต่างกันที่….เรื่องราวของเขาจบลงไปแล้ว



“พี่ไผ่ยังไม่มาอีกเหรอวะ…โฟม มึงโทรตามดิ๊”



“โทรแล้ว ไม่ติด…ปิดเครื่อง” พูดจบใบหน้าหวานก็ดูหมองลงจนเห็นได้ชัด



“อาจจะรอกระเป๋ารึเปล่า หรือไม่ก็โดด มาไฟลท์เช้าให้ขับรถมาเรียนเลยก็เหนื่อยตาย” เป็นจิณณ์ที่พูดต่อ



พอพูดจบ อาหารที่สั่งไว้ก็ยกมาวางตรงหน้า เด็กเสิร์ฟวางโถข้าวเอาไว้ รฐกรตักข้าวให้เพื่อนๆโดยตักให้เด็กดองหน้ามุ่ยมากเป็นพิเศษ



“แดกไปครับน้องโฟม อย่าเรื่องเยอะ เกี๊ยวชีสมึงอันเท่าลูกมด กินทั้งจานก็ไม่อิ่ม”



“ไม่เอา จิน เอาไปกินแทนกู” เขาผลักจานไปทางเพื่อนซอมบี้อีกคน “นะ”



“ปล่อยโฟมไปก่อนนะถัง เดี๋ยวโฟมหิวก็กินเองแหละ” คุณชายว่าก่อนจะดันจานของตัวเองไปให้อีกฝ่ายตักข้าวให้



“งั้นมึงก็นั่งดูพวกกูแดกไปซะ” ชายหนุ่มยักคิ้วให้แล้วตักข้าวใส่จานนภัสรพี “อดข้าวประท้วงพี่ไผ่อ่ะดิ กูรู้”



“กูเปล่า” อิชย์หมายความตามนั้นจริงๆ เขาไม่ได้อดข้าวประท้วง เขาเพียงอยากจะทานข้าวด้วยกัน พร้อมกับพชรก็เท่านั้น ชายหนุ่มร่างเล็กเคี้ยวเกี๊ยวห่อชีสช้าๆ ถ่วงเวลาขณะมองเพื่อนทั้งสองทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย สายตาของเขาเหลือบมองจิณณ์ที่มีอาการเหม่อลอยเป็นระยะ แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไร



สุดท้าย อาหารบนโต๊ะก็หมดไปโดยที่ตัวเองยังไม่ได้ทานอะไรนอกจากเกี๊ยว



รฐกรตักไก่ชิ้นสุดท้ายในชามเข้าปากแล้วตบท้องเบาๆ เขามองจานอาหารที่เกลี้ยงทุกอย่างแล้วก็ได้แต่มองหน้าเพื่อนอีกสองคนทำนองว่าเอาไงดี อาลัว…ไอ้นี่หน้าก็บอกแล้วว่าเอาไงก็ได้ ไอ้จิน…หน้ายังกะผีตายซาก ถามไปก็ไม่ได้คำตอบ กูตอบเองก้ได้วะ



“หมด จบ พี่ไผ่มาไม่ทัน อดแดกไป เก็บตังค์เลยมะ”



“อือ เดี๋ยวกูนั่งแดกน้ำรอ พวกมึงไปไหนไปเหอะ” อิชย์ตอบก่อนจะหยิบธนบัตรใบละร้อยออกมาวางบนโต๊ะ



“งั้น พรุ่งนี้เจอกันนะ” นภัสรพีเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน เขาหยิบเอาธนบัตรใบนั้นมาถือเอาไว้ “มีอะไรก็โทรมานะโฟม”



หลังจากจ่ายเงิน กลุ่มเพื่อนสนิททยอยกันเดินออกจากร้าน รฐกรมองท่าทางเหมือนคนหงอยของเพื่อนแล้วอดจะสงสารขึ้นมานิดๆไม่ได้…แต่ก็ช่างแม่งมัน ดื้ออย่างงี้นั่งให้ยุงแดกตัวไปเหอะ



อิชย์มองเพื่อนสามคนเดินไปจนลับสายตา ท้องเจ้ากรรมส่งเสียงร้องจนต้องเอามือกดไว้เพราะกลัวคนในร้านจะได้ยิน รู้ตัวดีว่าหิวขนาดไหน แต่พชรไม่เคยผิดนัด เขาที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กรู้ในข้อนั้นดีที่สุด



แม้จะพร่ำบอกตัวเองอย่างนั้น แต่กลับอดไม่ได้ที่จะคิดว่าพี่ไผ่ที่แสนใจดีอาจจะเหนื่อยจนมาไม่ไหว– ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าจะส่งข้อความมาบอกกันบ้าง



“พี่ไผ่…”



รถยนต์สีดำขับเข้าเทียบลานจอดรถ ประตูที่เปิดออกอย่างเร่งร้อนกระแทกปิดดังปังทันทีที่ร่างสูงออกมาจากรถได้ พชรวิ่งเข้าไปในร้านตามที่นัดกันไว้ ร่างเล็กที่ฟุบอยู่กับโต๊ะดูเหงาหงอยจนอดรู้สึกสงสารไม่ได้



เขาเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับส่งเสียงเรียกเบาๆ “โฟม….”



เสียงที่เรียกชื่อตัวเองทำให้อิชย์แทบจะสปริงตัวขึ้นมา นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน “พี่ไผ่ มาแล้วเหรอ!”



“ขอโทษนะโฟม…เครื่องเราดีเลย์ ขอโทษจริงๆ” พชรละล่ำละลักอธิบาย “พวกถังไปไหนแล้วล่ะ”



“กลับไปแล้ว ไม่เป็นไร พี่ไผ่มาแล้ว หิวหรือเปล่า ซื้อกลับไปกินห้องไหม” อะไรก็ไม่เท่ากับการได้เห็นตัวจริงมายืนอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่เพียงภาพเคลื่อนไหวที่เห็นผ่านโปรแกรมเฟสไทม์ในโทรศัพท์มือถือ



“โฟมล่ะ กินอะไรยัง” น้ำเสียงทุ้มถามแผ่ว น้ำที่เหลือแต่น้ำแข็งกับโต๊ะว่างเปล่าทำให้นึกเอะใจ “ยังใช่ไหม”



คนถูกจับได้ยิ้มกว้าง “กินเกี๊ยวห่อชีสไปแล้ว” ร่างเล็กลุกขึ้นยืนแล้วยกมือเรียกพนักงาน “สั่งกลับไปกินที่ห้องกันนะ”



คนที่มาสายพยักหน้า เขาเดินไปสั่งอาหารที่ด้านหน้าร้านก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม มือเย็นเฉียบจากลมแอร์ในรถแตะเบาๆที่มือเล็ก นัยน์ตาอบอุ่นทอประกายอ่อนโยนจ้องมองใบหน้าคนรักที่ไม่ได้เจอตัวจริงมานานด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น



“คิดถึง….”



“คิดถึงกว่า…สามเดือนเลยนะ” อิชย์ทำเป็นเบะปากก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง “ทีหลังบอกล่วงหน้าด้วยสิ โฟมจะได้ไปด้วย”



“คิดถึงที่สุด” พชรพูดยิ้มๆ “ไปกับที่บ้าน โฟมไปด้วยไม่สะดวกหรอก”



“เหรอ…งั้นคราวหน้าไปกันสองคนนะ”



พชรพยักหน้ารับคำ ยิ่งพออยู่ใกล้ ความคิดถึงเกือบสามเดือนทำให้อยากจะคว้าเข้ามากอดให้หายคิดถึง จากเพื่อนที่เลื่อนมาเป็นคนรัก…ความผูกพันที่เชื่อมโยงกันเพิ่งรับรู้ว่าเป็นความรักเมื่อไม่นานมานี้



“อยู่ที่นู่น…อยากเจอโฟมทุกวันเลย”



“เหมือนกัน เพราะงั้นเดี๋ยวไปห้องโฟมนะ อยู่กับโฟม…” ไม่พูดเปล่า แต่คนตัวเล็กก็เอ่ยออดอ้อนพร้อมทั้งบีบมือที่ถูกจับเอาไว้เบาๆ



“แต่เด็กดื้อต้องกินข้าวก่อน ทีหลังห้ามทำแบบนี้นะ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพราะ” ร่างสูงยิ้มละไม “คืนนี้เรานอนห้องโฟมก็ได้”



“อื้อ” พูดจบ พนักงานก็นำเอาอาหารที่ใส่กล่องพลาสติกสีขุ่นเรียบร้อยแล้วมาส่งให้ กลิ่นหอมๆที่ลอยมาเรียกให้ท้องของอิชย์ประท้วงขึ้นมาอีกครั้ง



“ท้องร้อง” พชรแซวแล้วจับท้องอีกฝ่ายเบาๆ



อิชย์สะดุ้งเบาๆกับสัมผัสที่มาโดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ “ด…ดังขนาดนั้นเลยเหรอ”



“รีบกลับเถอะ ไปกินข้าวกัน วันนี้มากับอาลัวเหรอ”



“มากับทุกคน ไอ้ถังอารมณ์ดี อาลัวอารมณ์ดีมีแฟน จินเป็นซากกับโฟม”



“โฟมไม่เป็นซากแล้ว เรากลับมาแล้วไง ดีไหม”



“ดีสิ…ดีสุด กลับห้องกันนะ” เขากอดแขนอีกฝ่ายไว้ขณะที่ค่อยๆเดินออกจากร้าน ในวันที่ไม่ต้องใส่ชุดนักศึกษา เจ้าตัวรู้ดีว่าใบหน้าและรูปร่างของตัวเองพอจะพรางและหลอกคนที่มองเห็นว่าเป็นผู้ชายได้บ้าง ไม่นับผมยาวที่ยังไม่ยอมตัดอีก



พชรมองศีรษะเล็กๆที่ก้มซบแล้วอดใจไม่ไหวกดจูบแรงๆไปบนหน้าผากหนึ่งทีอย่างหมั่นเขี้ยว “ไว้ถึงห้องจะกอดให้แน่นๆเลย”



“อื้อ!” คำพูดเชิงอนุญาตหลุดออกมาจากริมฝีปากบาง พร้อมๆกับแขนที่กอดแน่นขึ้น









///////////////////////










ห้องที่ไม่ได้มาเกือบสามเดือนยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง กองผ้าใช้แล้วพาดเอาไว้ส่งๆเช่นเดียวกับผ้าห่มขยุกขยุยบนเตียง พชรส่งกล่องข้าวให้อิชย์แล้วบอกให้ไปเตรียมของมา ส่งตัวเขาก็เริ่มเก็บห้องรวมทั้งพับผ้าห่มให้ใหม่



โฟมก็เป็นแบบนี้แหละ…ถึงต้องคอยดูแลให้ตลอด



ชายหนุ่มยิ้มจางๆ…เพราะรู้ตัวดีว่าที่ทำให้เพราะอยากทำเอง โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำ



…เพราะรักหรอกนะ…



ไม่นานนัก ถาดพลาสติกก็ถูกเจ้าของห้องยกมาพร้อมกับจานสองใบที่เทข้าวใส่ไว้แล้ว “พี่ไผ่ เอาโต๊ะออกมาด้วย”



พชรเอาโต๊ะออกมากางแล้วเอากระดาษปูรอง ร่างสูงนั่งลงแล้วสอดขาเข้าไปรอ



“เราไม่ได้มาแป๊บเดียว ห้องรกขึ้นเยอะเลย”



“ก็…ไม่มีอารมณ์เก็บ” ไม่พูดเปล่า แต่อิชย์ยังทำปากบู้พร้อมทั้งวางถาดลงบนโต๊ะ เขาหยิบเอาจานของอีกฝ่ายวางให้ตรงหน้า แล้วค่อยยกจานของตัวเอง วางถาดไว้บนพื้นใกล้ๆตัว



“รอให้มาเก็บให้ล่ะสิ”



“เปล่าเสียหน่อย” พอถูกจับได้เขาก็ทำเป็นเบ้หน้าไปทางอื่นขณะเริ่มตักข้าวขึ้นทาน สักพัก สายตาก็กลับมามองที่ใบหน้าของร่างสูงอีกครั้ง



ตาที่สบกันทำให้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างก็คิดถึงกันมากแค่ไหน พชรยิ้มนิดๆแล้วตักข้าวเข้าปาก..แม้ว่ามันจะไม่รู้รสเลยก็ตาม



“อร่อยไหม โฟมดูผอมลงนะ ไม่ค่อยได้กินข้าวล่ะสิ”



“อร่อย ไม่มีคนกินด้วยเลยขี้เกียจกิน” เจ้าตัวยิ้มทะเล้น ฟังดูอาจเหมือนคำเอาแต่ใจของเด็กๆ แต่เขาก็หมายความตามนั้น กับคนที่อยู่ตัวติดกันมาแทบจะตลอด



“อย่างงี้ถ้าไม่อยู่ด้วยกันก็แย่สิ”



“อื้อ แย่…ตายได้เลย” พูดจบ อิชย์ก็ตัดไข่แดงของไข่ดาวตัวเองไปวางไว้บนจานข้าวของพชร



“ตักให้อีกแล้ว ตัวเองน่ะกินเข้าไปเลย เดี๋ยวก็ป่วย จำไม่ได้หรือไง…ตอนเล็กๆเข้าโรงบาลบ่อยจะตาย เราไม่ยอมหรอกนะ” ว่าจนคนที่ทำเสียงดุก็ตักคืนกลับไปให้พร้อมกับเนื้อหมูสองสามชิ้นในจาน



“ไม่กินโกรธ”



“ขี้โกง…” เขาทำเสียงขุ่น แต่ก็ยอมทานเองแต่โดยดีพร้อมกับเนื้อหมูที่เพิ่มมา “เมื่อก่อนยังกินให้เลย”



“ก็นั่นตอนเด็กๆ นี่โตแล้ว แถมโตกว่าโฟมตั้งเยอะ โฟมต่างหากที่ต้องขุนอีกนาน” พชรยิ้มแล้วเอื้อมมือหยิกแก้มขาวๆที่แดงก่ำ “เราจำได้…เมื่อก่อนไอ้บิ๊กก็ชอบแย่งโฟมกิน”



“ถ้าตอนนี้ไอ้บิ๊กอยู่จะโยนให้กินเลย”



“เด็กดื้อ” ถึงจะทำเป็นบ่น แต่แววตาก็ยังคงฉายแววอ่อนโยน “ถ้าอยู่ตอนนี้เราก็ไม่ให้แย่งโฟมกินหรอก…เรารักของเรา”



ที่จะท้วงทั้งหมด อิชย์เก็บคืนลงคอไปหมดเพราะคำว่าเรารักของเราที่อีกฝ่ายพูดออกมา ชายหนุ่มร่างเล็กมองตาอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะกระเถิบตัวออกมาจากโต๊ะแล้วโถมเข้าหาร่างสูง “พี่ไผ่ขี้โกง”



ฝ่ายที่ตัวตัวไว้แล้วอ้าแขนรับคนที่พุ่งเข้ามาหา เขากอดคนรักเอาไว้แนบอก “แล้วรักไหม”



ใบหน้าหวานซุกซบลงกับแผ่นอกกว้าง พึมพำตอบอู้อี้ว่า “รักสิ…”



คำตอบของอิชย์ทำให้ในหัวใจพองฟูเหมือนทุกครั้ง ยิ่งโดยเฉพาะ…หลังจากไม่ได้เจอกันนาน มิเตอร์ความสุขของเขาตอนนี้คงพุ่งทะลุถึงขีดสุดแล้ว



ถ้ามากกว่านี้…จะไปต่อได้ทางไหน



เพราะไม่อยากคิดอะไรที่เร่งเร้าคนรัก พชรจึงทำได้แค่กอดเอาไว้ ให้ร่างกายสัมผัสกัน ใจสัมผัสใจ ทดแทนกว่าสามเดือนที่ขาดหายไป



“อยู่ญี่ปุ่นเหงามาก คิดถึงมาก อยากเจอที่สุด”



“ก็เหมือนกันนั่นแหละ” แขนสองข้างโอบกอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้ ใบหน้าที่ซุกไว้ขยับยุกยิกไปมา “เหม็นเหงื่อ” พูดจบ อิชย์ก็หัวเราะเบาๆโดยที่ยังกอดซุกเอาไว้แน่น “ไปอาบน้ำกันมั้ย”



“หมายความว่าอาบด้วยกัน?” เสียงทุ้มหยอกกลับ



“ก็ได้ จะได้เสร็จเร็วๆ” อิชย์เงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มกว้าง



“แกล้งใช่ไหม” พชรแกล้งขึงตาดุใส่



“ไม่แกล้ง พูดจริง”





(ต่อด้านล่างค่ะ)

หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 14 Be my Valentine's "คำเตือน" เรตมุ้งมิ้ง [14/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 14-02-2014 21:03:28

(ต่อ)








พชรจ้องหน้าคนรัก “มันไม่เหมือนตอนเด็กๆนะโฟม…ตอนนี้เราโตกันแล้ว…”



“อื้อ โตแล้ว ก็ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว”



“ทำแบบไหนล่ะ ถึงเรียกว่าผู้ใหญ่”



“…….มากกว่า…..จูบ…..” คนตอบเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นอย่างรู้สึกได้



“อยากให้ทำอะไรล่ะ…” ไม่ใช่ไม่รู้..แต่เพราะรู้ เลยอยากยืนยันให้แน่ชัด



“เริ่มจาก…อาบน้ำด้วยกัน…ก็ได้”



“เลิกอาบกันตั้งแต่สิบขวบแล้วนี่” เพราะยิ่งเขิน..ร่างในอ้อมกอดยิ่งกดใบหน้าลงกับอกแน่น จึงทำให้พชรอดใจจะแกล้งไม่ไหว



“อาลัวกับแฟนยังอาบด้วยกันเลย….” อิชย์งึมงำอยู่กับตัวเองมากกว่าที่จะพูดออกมา



“แฟนอาลัวใครเหรอ?” เพราะไม่ได้เจอเพื่อนนาน กลายเป็นว่าคุณชายอะไรก็ได้ประจำกลุ่มมีแฟนไปแล้ว



นอกจากนี้…คนตัวเล็กในอ้อมกอดไปรู้เรื่องมาได้ยังไง เป็นคำถามที่อดสงสัยไม่ได้



“พี่ไผ่มาช้า เลยไม่ได้ฟัง น้องชายข้างบ้านอาลัวอะ” เขาถอยตัวออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืน มือของอิชย์ยื่นมาตรงหน้าร่างสูงเพื่อให้ลุกตามกันมา



พชรจับมือแล้วให้คนรักพาจูงเข้าไปในห้องน้ำ “ผู้ชายเหรอ…ปกติอาลัวคบผู้หญิงนี่นา”



“อืม เห็นว่า อาลัวชอบมาแต่เด็กแล้ว”



ห้องน้ำที่หอนั้นต่างจากห้องน้ำกว้างขวางที่บ้านที่มีอ่างอาบน้ำ ที่หอนั้นมีแค่ฝักบัวธรรมดาตามแบบมาตรฐานห้องน้ำทั่วไป คนตัวเล็กเอื้อมเปิดฝาตะกร้า แล้วค่อยถอดเสื้อตัวเองออก



การที่คนรักตัวเล็กถอดเสื้อผ้าอยู่ในชุดเกือบเปลือยอย่างง่ายดายทำให้พชรทำตามโดยไม่มีข้อแม้ มือหนาปลดกระดุมเสื้อถอดออกก่อนเป็นอันดับแรก ตามด้วยกางเกงขายาว ในตอนที่เหลือเพียงชั้นใน…ก็เห็นว่าอิชย์เองก็อยู่ในชุดเดียวกัน



“ถอดไหม…หรือไม่ต้องถอด?”



“ถอดสิ ปกติพี่ไผ่อาบน้ำไม่ถอดเหรอ” อิชย์ขมวดคิ้วโดยที่ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า



“อาบคนเดียวถอด แต่อาบกับโฟม…ถอดก่อนสิ”



“งั้นโฟมไปเปิดน้ำให้อุ่นนะ” เขาถอดบ็อกเซอร์ของตัวเองออกแล้วใส่ลงในตะกร้าเป็นชิ้นสุดท้าย ก่อนจะเดินมาที่บริเวณฝักบัวเพื่อหมุนเปิดเครื่องทำน้ำอุ่น



พชรถอดตามแล้วก้าวเข้าไปยืนใต้สายน้ำที่พร่างพรม แค่เห็น…ในหัวกับร่างกายก็เตลิดไปโดยที่เจ้าตัวห้ามไว้ไม่ได้อีกแล้ว ท่อนแขนแข็งแรงกอดร่างบางเอาไว้แนบอกแล้วจูบร้อนแรง…เป็นจูบหอมหวานที่แสดงความโหยหาในตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกัน



“อึก…พ พี่ไผ่…” ได้จังหวะหายใจเพียงชั่ววินาที ริมฝีปากก็ถูกครอบครองอีกครั้งโดยที่ร่างบางไม่ปฏิเสธ แขนสองข้างพยายามเอื้อมโอบร่างสูง ยึดเอาไว้ไม่ให้เสียหลักเพราะส่วนสูงที่แตกต่าง



จูบหวาน..ทว่าเร่าร้อนใต้สายน้ำอุ่นๆฉุดอุณหภูมิของพชรขึ้นไป..สูงขึ้นอีกเรื่อยๆ มือใหญ่ที่กอดคนรักเอาไว้เริ่มลูบไล้แผ่วเบา ก่อนจะเพิ่มแรงกดไปตามสะบักไหล่ไล่มาแนวกระดูกสันหลังแล้วจบลงที่สะโพกเรียวที่เบียดแนบชิดจนรู้สึกถึงความตื่นตัวของกันและกัน



“โฟม…ขอกอดได้ไหม…สัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ็บ” กระซิบแผ่วพร้อมดุนดันจมูกโด่งลงบนซอกคอขาวเนียน



“อือ…เจ็บได้…โฟมเป็นผู้ชายนะ…เจ็บ…ไม่เป็นไรหรอก” ประสาทสัมผัสทุกส่วนในร่างกายตื่นตัวจนทำให้หัวใจเต้นรัวแรงกว่าที่เคย สายน้ำที่พรมลงมาบนร่างเริ่มทำให้รู้สึกหายใจได้ลำบาก มือของเขาจึงเอื้อมป่ายไปหาก๊อกจนเจอ ก่อนจะบิดก๊อกปิดน้ำอุ่นที่เปิดไว้



“ไหนว่าอาบน้ำ….” เสียงทุ้มหยอกเย้าข้างหูเช่นเดียวกับปลายลิ้นอุ่นร้อน



“อึ๊ก! ก็…โฟม…จะสำลัก” อิชย์รู้สึกได้ถึงร่างกายที่เริ่มหลุดจากการควบคุม ปลายลิ้นของอีกฝ่ายที่สัมผัสกับผิวกายเหมือนมีกระแสไฟอ่อนๆวิ่งเข้าใส่ร่างกายของตัวเอง



ร่างสูงโอบกอดแน่น เขากดครีมอาบน้ำลูบไล้บนแผ่นหลังเปลือยเปล่าเบาๆ เสียงครางในลำคอดังขึ้นในยามที่เขาลากมือลงต่ำ ตัวเปียกชื้นของทั้งเขาและอิชย์เต็มไปด้วยฟองสบู่เนียนละเอียดกลิ่นหอมหวาน



“เราไม่เคยทำกับผู้ชาย…ถ้าเจ็บต้องบอกนะ..” พูดจบ ปลายนิ้วเปื้อนฟองก็สอดเข้าไปช้าๆตรงช่องทางด้านหลังที่อ่อนนุ่มและตอดรัดอย่างชุ่มชื้น



“อ อื้อ” อิชย์เอ่ยตอบรับก่อนจะเม้มริมฝีปากจนแน่น ในตอนแรกที่ปลายนิ้วของอีกคนค่อยๆสอดเข้ามา ร่างกายขยับราวกับจะหนีจากการรุกราน แต่เมื่อพชรสอดนิ้วเข้ามาจนสุด เขากลับขยับสะโพกเข้าหา



ปลายนิ้วที่รุกรานอย่างอ่อนโยนค่อยๆเพิ่มเป็นสองนิ้ว แม้จะไม่มีประสบการณ์กับผู้ชาย แต่หลังจากที่ตกลงเป็นคนรักกัน พชรก็แอบศึกษาเรื่องนี้มาจากที่ต่างๆ เขาอยากให้อิชย์มีความสุขไปกับครั้งแรกมากกว่าที่จะอดทนกับความเจ็บ



“อึดอัดไหม…ไหวไหม…” เสียงทุ้มกระซิบอย่างห่วงใย



“ไหว…..” แม้ในใจจะคิดว่าควรตอบให้ยาวกว่านี้ แต่เพราะความรู้สึกอึดอัดทำให้เอ่ยออกไปได้เพียงเท่านั้น


พชรกอดรัดร่างเปล่าเปลือยเข้าแนบอก เขารู้สึกถึงอาการสั่นนิดๆริมฝีปากอุ่นร้อนปลอบประโลมด้วยการไล่จูบบนบ่าให้คลายตึงเครียด ปลายนิ้วที่สอดอยู่ขยับเบาๆปรับความพร้อม…และเรียกเสียงครางเครือหวานหูจากคนที่ซุกซบอยู่กับอก”



“เรารักโฟมนะ…” พชรย่อตัวลงนังกับพื้นพร้อมกับฉุดให้อิชย์นั่งคร่อมบนตัก เขาถอนนิ้วออก แก่นกายที่ถูกปลุกเร้าจากการบดเบียดแนบไปกับช่องทางด้านหลัง



“รักโฟมจะตายแล้ว…”



“โฟม…ต่างหาก…อึก” มือข้างเล็กของอิชย์เอื้อมไปด้านหลัง ก่อนจะกอบกุมเอาแก่นกายที่ร้อนผ่าวของอีกคนไว้ ก่อนจะขยับเบาๆให้ส่วนปลายแตะเข้ากับช่องทางด้านหลัง



เพราะอีกฝ่ายพยายามจะมีส่วนร่วม มือใหญ่เลยไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือ พชรโอบสะโพกเพรียวของคนรักเอาไว้ มือหนึ่งจับส่วนร้อนผ่าวแข็งแกร่งให้มั่นคง เขาจูบปิดกลั้นเสียงร้องบนริมฝีปากสีสวยในตอนที่ดันร่างคนรักลงเบื้องล่าง ความอุ่นร้อนคับแคบจู่โจมที่ส่วนปลายบีบรัดตัวตนของเขาทีละนิด…เชื่องช้าและเนิบนาบ



“ค่อย…หายใจลึกๆ..โฟมไม่ต้องเกร็งนะ…”



“อ…อือ…ไม่เป็น…ไร” สัมผัสที่แนบชิดจากด้านล่างทำเอาอึดอัดเสียยิ่งกว่าปลายนิ้ว แต่ทุกครั้งที่พชรค่อยๆดันกายเข้ามา ผนังอ่อนนุ่มที่ถูกเสียดสีก็ส่งความรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วจนดวงตาคู่สวยต้องปิดสนิท “ไหว…”



คำตอบของคนรักเรียกรอยยิ้มจางๆแต้มแตะบนใบหน้าหล่อเหลา เขาค่อยๆกดร่างเล็กลงช้าๆ ให้ร่างกายปรับตัวรับสัมผัสทีละนิด พชรรู้สึกถึงแรงจิกที่หัวไหล่พลางนึกในใจว่าพรุ่งนี้คงทิ้งรอยไว้แน่



“โฟม…” แค่เรียกชื่อก็มีเสียงครางเครือตอบรับ นัยน์ตาคู่สวยที่ฉ่ำรื้อด้วยน้ำตาช้อนมองเขา…ในยามที่กายแข็งแกร่งเข้าไปจนสุด



“โอเคไหม…” ถาม..เพราะคนในอ้อมกอดซวนซบลงกับบ่าราวกับหมดแรงเสียดื้อๆ



“…โอ…เค” พอจะเอ่ยตอบ ก็รู้สึกเหมือนจะกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้ อิชย์จึงก้มหน้าลงซบกับบ่ากว้างอีกครั้ง



“พี่ไผ่…อึก…ทำ…ตามใจ…”



คำอนุญาตแผ่วเบาถูกตอบรับด้วยมือใหญ่ที่ยกสะโพกเพรียวแล้วกดลงอีกครั้ง ในที่แรก..พชรกระทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้าเพราะกลวว่าจะทำให้คนรักเจ็บ แต่เพราะความปรารถนาที่ก่อตัวรวดเร็วปานลมพายุ มือใหญ่และสะโพกแกร่งก็ขยับสวนเข้าออกเร็วขึ้นเรื่อยๆ พชรครางในลำคอด้วยความสุขสมที่เคยคาดหวังถูกเติมเต็มด้วยคนรักที่ครางหวะหวิวในอ้อมกอดนี้



“…โฟม….เรารักโฟม…”



คนในอ้อมกอดนั้นไม่ต่างกัน ขยับกายลงรับจังหวะที่อีกฝ่ายสวนขึ้นมา คนที่ไม่คุ้นเคยการสัมผัสอย่างลึกซึ้งนอกจากสัมผัสตัวเองนั้นรู้ตัวดีว่าคงจะไม่ไหวในอีกไม่ช้า ริมฝีปากที่สั่นระริกเอ่ยร้องสลับกับเสียงครางของตัวเอง “…พี่ไผ่…จะ…ไม่ไหว…อึ๊ก…เร็ว….อีก”



พชรไม่ได้ทำตามเสียงเร่งเร้า เขาค่อยๆและเล็มร่างกายราวกับจะถ่วงแกล้งคนในอ้อมกอด ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงบนยอดอกสีจางปล่อยให้ปลายลิ้นสัมผัสและเปลี่ยนแปลงความนุ่มนิ่มให้แข็งชูชันขึ้นในเสี้ยววินาที ในยามที่ย้ายไปอีกฝั่ง รอยลากบนแผ่นอกทิ้งแถมรอยจูบเม้มจากอีกด้านสู่อีกด้าน พชรขบเบาๆชิมรสหวานล้ำที่ไม่เคยได้สัมผัส



เพราะเฝ้ามองมานาน…กลัวว่าถ้าสัมผัสจะทำให้แหลกร้าว



แต่ในตอนนี้…หากให้หยุด คงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว….



ท่อนล่างแข็งแกร่งบดเบียดรวดเร็วขึ้นอีกครั้งหวังพาให้คนรักขึ้นไปถึงจุดสูงสุง เสียงครางเหมือนลูกสัตว์เล็กไม่ได้ทำให้พชรคลายความเร็ว เขากระทำต่ออิชย์อย่างรวดเร็ว..ร้อนแรง…ทว่าอ่อนโยน



“จะไป…หรือยัง….” ชายหนุ่มร่างสูงถามเสียงขาดห้วง



ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนนอกจากเสียงครางลั่นก่อนที่ปลายนิ้วมือและเท้าจะจิกเกร็ง แผ่นหลังแอ่นโค้ง ปล่อยให้หยาดอารมณ์สีขุ่นพุ่งออกมาเปรอะเปื้อนหน้าท้องของพชร ร่างบางยังคงกระตุกถี่ บีบรัดแก่นกายของอีกฝ่ายแน่นราวกับอยากให้แนบชิดยิ่งกว่าที่เป็นอยู่



แรงตอบรับเร่งเร้าอารมณ์ที่ปริ่มเปรมให้พุ่งถึงขีดสุด พชรขยับตัวเร็วขึ้นในตอนที่ความปรารถนาใกล้จะพังทลาย เสียงแหบห้าวครางหนักก่อนจะปลดปล่อยเข้าสู่ภายในอันอ่อนนุ่ม ส่วนที่เชื่อมต่อรู้สึกถึงหยาดอารมณ์ที่เติมเต็มจนล้นปรี่



“…..โฟม….” ร่างสูงเรียกเบาๆ ให้คนที่อ่อนแรงรู้สึกตัว “…โฟม…..”



“พี่ไผ่….” ร่างที่เอนซบกับอีกคนค่อยขยับศีรษะขึ้นมา รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า “มีความสุข…สุดๆ…เลย”



“เราด้วย….” ฝ่ามือหยาบลูบบนแผ่นหลังเปล่าเปลือยเชื่องช้า “โฟมทำให้เรามีความสุขมาก…มากๆ…มากจนจะตายตอนนี้ก็ไม่เสียใจเลย”



“ตายอะไร…ไม่ให้ตาย…” แม้จะหมดแรงจนหอบเหนื่อย อิชย์ก็ยังฝืนทำเสียงแข็งใส่อีกคน



“ไม่ตายหรอก” พชรหัวเราะ “แค่พูดเฉยๆว่ามีความสุขมาก เมื่อก่อนได้แต่มอง..ได้แต่เก็บเอาไว้ แต่ตอนนี้เราได้กอดโฟมแล้ว เหมือนฝันเลยนะ”



“กอดเยอะๆเลย…โฟมรักพี่ไผ่นะ” เขายิ้มกว้างขึ้นก่อนจะโอบแขนรอบร่างสูงเอาไว้



“อืม…”



พชรตอบรับคำบอกรักด้วยจูบหวานๆ หลายต่อหลายครั้ง



“……ขอโทษนะ…ตัวโฟมเลยเลอะหมดเลย” เขาพูดเบาๆแล้วใช้ปลายจมูกคลอเคลียที่แก้มใส



อิชย์หันใบหน้ามาก่อนจะงับเบาๆที่ปลายจมูก “อาบน้ำกัน…อีกรอบ…มั้ย”



“จะอาบน้ำ….” คนพูดเว้นเสียงอย่างรู้ทัน “หรือ…จะอีกรอบดี…”



“ให้พี่ไผ่เลือก”



“งั้น….อาบน้ำ…” พชรยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าคนรักยู่ลงอย่างขัดใจ “ก่อน…แล้วค่อยไปที่เตียงนะ…”



“อื้อ…”











To be continued…



kagehana : หวานกันให้ตาย อิอิอิ พี่ไผ่นำไปหนึ่งประตูค่ะ เหลืออีจินยังเป็นซาก....

สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 14 Be my Valentine's "คำเตือน" เรตมุ้งมิ้ง [14/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-02-2014 22:24:15
ไปที่เตียงนี่ไปทำอะไรต่ออ้ะพี่ไผ่ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 14 Be my Valentine's "คำเตือน" เรตมุ้งมิ้ง [14/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 15-02-2014 00:12:05
คู่พี่ไผ่โฟม สมรักไปแระ
ส่วนจิน น่าสงสาร
พี่คีย์เป็นไงบ้างนะ คิดถึงจินบ้างรึป่าว
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 14 Be my Valentine's "คำเตือน" เรตมุ้งมิ้ง [14/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakbung Mazo ที่ 15-02-2014 00:27:29
โอ้ยยยย น่าร้ากกกกก น้องโฟมน่าดูนุ่มนิ่มมากจนไม่คิดว่าจะมีรอบสองโอ้ยใจแทบพัง :-[ :oo1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 14 Be my Valentine's "คำเตือน" เรตมุ้งมิ้ง [14/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 15-02-2014 11:18:46
 :-[ อุ้ย สองคนนี้ทำอะไรเนี่ย 555555555555555
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 14 Be my Valentine's "คำเตือน" เรตมุ้งมิ้ง [14/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 16-02-2014 10:56:26
น่ารักกกจัง
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 14 Be my Valentine's "คำเตือน" เรตมุ้งมิ้ง [14/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 16-02-2014 18:33:09
จินจ๋าาาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 14 Be my Valentine's "คำเตือน" เรตมุ้งมิ้ง [14/02/14]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 16-02-2014 23:13:29
โฟมน่ารักจังไม่มีเขินอายเลย555555555555
ลุ้นแต่คู่จิณ ปวดใจตายไปแล้วฮือ
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 15 กลับมาได้หรือเปล่า.... [01/03/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 01-03-2014 20:28:11



- 15-






เวลากว่าสามเดือนที่ผ่านไปตั้งแต่ย้ายกลับมาอยู่กับอนลที่อเมริกา คิรากรไม่ได้ทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือ ซื้อของ และดูแลคนรักของตัวเองอย่างเคย— วันนี้ก็เหมือนทุกวัน


คิรากรตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ ชายหนุ่มทำกิจวัตรประจำวันตอนเช้าเสร็จก็เดินเข้าครัว เตรียมอาหารเช้าให้กับอนลที่กำลังจะตื่นในอีกไม่ช้า


หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ อนลจะออกไปทำงาน ส่วนเขาก็มักจะซักผ้า รดน้ำต้นไม้ที่ริมระเบียง หรือไม่ก็อ่านหนังสืออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ตกเย็น วันไหนอนลกลับเร็ว เขาก็จะรอทานอาหารเย็นพร้อมกัน แต่ถ้าวันไหนอีกฝ่ายส่งข้อความมาบอกว่าจะกลับดึก คิรากรจะทำอาหารใส่กล่องไว้ให้เผื่อจะอุ่นทาน


วันนี้ก็เป็นอีกวันที่อนลกลับดึก


“คีย์ ผมกลับมาแล้ว”


คิรากรยิ้มต้อนรับร่างสูงที่เข้ามาโอบกอดเขาเอาไว้ก่อนจะจุมพิตเบาๆที่ข้างขมับ


“มีสตูว์อยู่ในตู้เย็นนะ ให้ผมอุ่นให้ไหม”


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมอาบน้ำแล้วจะนอนเลย”


“เหรอ ถ้างั้น… กู๊ดไนท์นะ” คิรากรยืดตัวขึ้นจูบอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนที่จะได้เดินกลับไปที่ห้องนอน ข้อมือกลับถูกคว้าเอาไว้


“ยังไม่นอนด้วยกันอีกเหรอ… ผมขอโทษแล้วไง”


“อืม ผมแค่…ยังไม่พร้อม…..อันรออีกหน่อยนะ”


“ทำไมล่ะ กับเรื่องแค่นั้น ทำไมต้องโกรธจนถึงตอนนี้”


“ถ้าอันคิดว่ามันเป็นเรื่องแค่นั้น…ก็ตามใจเถอะ ผมจะนอนห้องแขกตามเดิม” คิรากรดึงข้อมือของตัวเองคืนมา รอยยิ้มหวานบนใบหน้าจางหายไป เขาจ้องมองดวงตาสีอ่อนของอนล เห็นความไม่พอใจที่ซ่อนอยู่ในนั้น แต่เขาก็จะไม่ใจอ่อนหรือยอมตามใจอย่างเคย


ร่างสูงทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่เขาก็เก็บมันเอาไว้ “พรุ่งนี้วันเสาร์ ออกไปไหนกันนะ”


“อื้ม”


ร่างบางยืนมองจนอีกฝ่ายหายเข้าห้องน้ำไป เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนแขกที่ใช้อยู่ตั้งแต่กลับมา


ตอนที่เดินทางกลับมาถึง คิรากรเปิดโทรศัพท์หมายจะติดต่อหารุ่นน้องที่ทิ้งมา เพราะถ้าเป็นปกติ จิณณ์จะต้องติดต่อเขาแล้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างนั้น อนลกลับคว้าโทรศัพท์เขาไปแล้วเขวี้ยงเสียแตกกระจาย ร่างสูงประกาศชัดเจนว่าอยากให้คิรากรตัดความสัมพันธ์กับจิณณ์ เมื่อเขาไม่เห็นด้วยทำให้มีปากเสียงกันยกใหญ่


ผลที่ตามมาคือเขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายนอนด้วย หรือแตะต้องตัวเกินความจำเป็น ซึ่งอนลก็ยอมรับข้อเสนอตามนั้น แม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม


คิรากรทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดโปรแกรมเฟสบุ๊คดูว่ารุ่นน้องของตนออนไลน์อยู่หรือเปล่า แต่ก็ไม่พบเหมือนเคย


ร่างบางเอี้ยวตัวไปวางไอแพดคืนที่หัวเตียง เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง


…คิดถึงอีกคนที่อยู่ด้วยกันในตอนที่อ่อนแอ


 









——————————————————–

 







“วันนี้อันจะพาไปไหนเหรอ” คิรากรเอ่ยถามขึ้นขณะที่ตัดขนมปังในจานใส่ปาก วันนี้ดูท่าว่าอนลอยากจะเอาใจเป็นพิเศษ ถึงได้เสนอทำอาหารเช้าให้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด



“อืม ว่าจะขับรถไปทางใต้ ลงไปดูแถบริมทะเลไหม บิ๊กเซอร์ก็ดี” ร่างสูงยกกาแฟขึ้นดื่มขณะที่มองใบหน้าของคนรัก เขาวางถ้วยกาแฟลงก่อนจะยิ้มจางๆ “หรือคีย์อยากไปไหนหรือเปล่า”


“อยากไปที่ที่แบบ ไม่ใช่พวกไฮโซไป ได้หรือเปล่า ปกติพ่อก็พาไปแต่ที่หรูๆ ถ้าจะไปแถวนั้น… อืม… ผมอยากไปกินบั๊บบ้ากั๊มพ์”


อนลอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้กับคำขอที่เหมือนเด็กๆของอีกคน


“อันขำอะไร”


“มีแต่เด็กน่ะแหละ ที่อยากไปกินบั๊บบ้ากั๊มพ์”


“ก็ผมเห็นในทีวีนี่นา ก็อยากจะไปบ้า—”


“อ้าว อยู่บ้านหรอกเหรอ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คิรากรรีบหันกลับไป หญิงสาวชาวอเมริกันยืนอยู่ในชุดสูทสีขาวกับกระโปรงสั้น ขับให้เรือนผมสีแดงของเธอเด่นขึ้นมา ดวงตาสีเทามองที่คิรากรก่อนจะเลยไปมองอนลที่หน้าถอดสี


“เมย์”


“วันอาทิตย์นี้พ่ออยากให้ไปออกงานการกุศลของที่บริษัท ฉันเลยจะมาค้างที่นี่ พ่อเริ่มสงสัยแล้ว…” เมลินดากลับมามองที่ชายหนุ่มร่างบางอีกครั้ง “แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปอยู่ที่โรงแรมก็ได้…ไปรับฉันด้วยก็แล้วกัน”


“อืม…” อนลตอบคำด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เขาไม่ได้เอ่ยอะไรต่อจนกระทั่งประตูห้องปิดลง


คิรากรลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เขาไม่หันมองหน้าคนรักแม้แต่น้อยขณะที่หยิบจานของตัวเองขึ้นแล้วเดินเข้าไปในครัว ร่างบางเปิดตู้ล้างจานก่อนจะใส่จานของตัวเองเข้าไปแล้วปิดตู้เบาๆ— คิรากรทิ้งรุ่นน้องที่คอยดูแลมาเพราะคำว่ารัก คำว่าหย่าแล้วที่อีกฝ่ายบอก เขานึกเกลียดตัวเองที่พร้อมจะเชื่อง่ายๆแล้วตามกลับมาทันที ยอมเรียนไม่จบ ทุกอย่าง เพื่อจะได้อยู่เคียงข้างกับคนที่รักมากขนาดนี้


เพื่อให้รู้ว่าตัวเองเป็นคนโง่งมงาย


คิรากรเดินออกมาจากห้องครัว เขาหยุดยืนอยู่ตรงนั้น


“ผมจะกลับบ้าน”


“คีย์ เดี๋ยวก่อน”


“ไม่มีเดี๋ยวก่อนแล้วอัน ผมรอมามากพอแล้ว ผมจะกลับบ้าน” เขาพูดเสียงนิ่ง นิ่งเสียจนตัวเองยังตกใจ


“…เดี๋ยวอันไปส่ง…”


“ไม่ต้องอัน…อันนั่นอยู่ตรงนั้นนะ ปล่อยผมกลับบ้านเอง ขอร้อง”


อนลทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไร มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำจนแน่น เขามองอีกฝ่ายที่ยังยืนนิ่ง ราวกับคาดหวังว่าคิรากรจะเปลี่ยนใจ แต่สุดท้าย อนลก็ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยตอบเบาๆ


“เข้าใจแล้ว”


 







——————————-

 





มันเป็นเรื่องบ้าและโง่มากที่มายืนอยู่ที่นี่…จิณณ์บอกตัวเองในใจขณะที่ทาบคีย์การ์ดลงกับตัวรับสัญญาณหน้าตึกซึ่งเป็นอดีต..ที่อยู่ของใครบางคน


ยามที่อยู่หน้าหอไม่ได้ทักเขาเป็นการพิเศษ ชายวัยกลางคนแค่มองอย่างจำได้แล้วพยักหน้านิดๆเชิงทักทายก่อนจะหันไปจ้องทีวีจอเล็กที่กำลังฉายรายการตลกช่วงกลางวัน ชายหนุ่มร่างสูงผลักประตูเข้าไปพร้อมกับกดลิฟท์ไปยังห้องที่เคยมาอาศัย ลิฟท์จอดลงพร้อมๆกับขายาวที่ก้าวออกมาราวกับว่าถ้าถ่วงเวลาไปมากกว่านี้เจ้าของมันอาจจะยืนอยู่ข้างในแล้วกดลิฟท์กลับลงไปอีกครั้ง


นัยน์ตาสีเข้มมองประตูหหน้าห้องพักแล้วหยิบกุญแจที่อีกฝ่ายให้ไว้มาไข…รู้ดี…ว่ามันไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งนั้น ในเมื่อเจ้าของไม่ได้อยู่…หรืออาจจะไม่ได้กลับมาอีกต่อไปแล้ว


หลักจากที่พร่ำหาเหตุผลมานานกว่าสองเดือนในการที่จะพาตัวเองมาที่ๆเป็นสถานที่ในความทรงจำ ชายหนุ่มก็ปัดเหตุผลอื่นใดทิ้งและยอมรับกับตัวเองว่า…


…ผมแค่คิดถึงพี่คีย์…


ถึงคิรากรจะไปโดยที่ไม่ร่ำลาและยังไม่มีการติดต่อใดๆมานับตั้งแต่ไป แต่ความคิดถึงกลับกรุ่นอวลอยู่ในอกจนตัวเขาเองแทบทนไม่ไหว ทั้งๆที่ตั้งใจจะไม่ใส่ใจ ทั้งๆที่ตั้งใจจะตัดใจ แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงกลับมาอยู่ ณ ที่ตรงนี้


จิณณ์กวาดตามองไปรอบๆห้อง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าผ่านไปสองเดือนกว่า…อุปปาทานหรืออะไรก็ตาม กลิ่นหอมคล้ายแอปเปิ้ล…กลิ่นของคิรากร ยังคงอยู่


หากไม่ใช่ในห้องนี้…ก็คงเป็นในใจเขาเอง….


จิณณ์นั่งลงบนโซฟา มือสัมผัสได้ถึงละอองฝุ่นบางเบาที่เคลือบอยู่บนหนังนุ่มนิ่ม…ห้องถูกทิ้งไม่มีคนดูแล ไม่ต่างอะไรกับคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ กระทั่งกุญแจห้องและคีย์การ์ด…เจ้าของห้องก็ดูจะรีบจนไม่ได้เอาติดตัวไปด้วย ชายหนุ่มทอดตัวลงนอน เสื้อเชิ้ตสีขาวเปรอะเปื้อนฝุ่นผงเป็นคราบสีน้ำตาลอ่อน จิณณ์ยกมือที่เลอะฝุ่นขึ้นมามองก่อนจะปิดลงทาบทับดวงตา


ไม่มีประโยชน์…ไม่มีประโยชน์อะไรเลย


สุดท้ายก็กลายเป็นแค่รุ่นน้องคนสนิทที่จะไม่ก้าวหน้าไปมากกว่านี้


หากปาฏิหาริย์มีจริง…หากย้อนเวลาได้..


จิณณ์นึกคำที่จะพูดต่อไม่ออก ด้วยรู้ดีว่าสิ่งที่คิดนั้นไม่มีวันเป็นจริง


…ไม่มีทางเลย…


 






 






คิรากรถอนหายใจออกมาเบาๆหลังจากนั่งรอบนโซฟาได้สักพักหนึ่ง ทันทีที่กลับมาถึงประเทศไทย เขาก็เรียกรถมาที่คอนโดแห่งนี้— ตอนที่จากไปก็ไม่ได้เอาอะไรไปด้วยเลย พอถามชายวัยกลางคนที่เฝ้าอยู่ เขาก็ยอมให้เข้ามานั่งรอด้านใน แต่ไม่สามารถจะให้ขึ้นไปด้านบนได้ เพราะกุญแจห้องนั้นมีอยู่ชุดเดียว


ร่างโปร่งบางได้แต่มองเหม่อไปที่ประตู เขาไม่คาดหวังว่าจิณณ์จะเดินเข้ามาในเวลาอันใกล้ แต่จิณณ์ก็เป็นคนเดียวที่เขาอยากจะเจอในตอนนี้


เป็นอีกครั้งที่เขาต้องรบกวนพ่อ ให้เขาได้กลับเข้ามาเรียนที่นี่อีกครั้ง และเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวที่แล้ว ทำให้คิรากรต้องเรียนใหม่ และอยู่ให้ครบทั้งปี— แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ปฏิเสธข้อเสนอนั้นแม้แต่น้อยเพราะรู้ดีว่าตัวเองนั้นผิดเต็มๆ


คิรากรคิดไปถึงว่าถ้าหากจิณณ์เดินเข้ามา เขาจะร้องเรียกอีกฝ่ายยังไง จะยิ้มให้ แล้วคงโดนต่อว่า โดนเรียกว่าแว่นแฮม แล้วหลังจากนั้นก็คงเหมือนเดิม


ถ้าทุกอย่างเหมือนเดิมได้ ก็คงจะดี…


“ไม่โทรเรียกเพื่อนมาล่ะคุณ รอตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ” ยามหน้าหอที่เดินเข้ามาด้านในเอ่ยทักอย่างแปลกใจ


“อ๋อ— เอ่อ…ไม่เป็นไรครับ…พอดี ผมทำโทรศัพท์หาย รอตรงนี้แหละครับ” คิรากรยิ้มให้กับน้ำใจของเขา


“มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”


พร้อมๆกับที่ชายในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินออกไป ร่างสูงในชุดนักศึกษาก็เดินสวนเข้ามา


“จิน!” ร่างบางลุกพรวดขึ้นทันทีที่มองเห็น หัวใจเต้นเร็วขึ้นจนต้องยกมือมากดเอาไว้


ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาชะงักงัน นัยน์ตาสีเข้มมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา “พี่คีย์….”


“…กลับมาแล้ว…ล่ะ” คิรากรยิ้มให้— อย่างน้อยเจ้าตัวก็คิดว่าตัวเองกำลังยิ้มให้ ทั้งๆที่น้ำตากำลังค่อยๆไหลออกมา


ทั้งๆที่คิดว่าถ้ากลับมา…..ถ้ามีโอกาสได้เจออีกสักครั้ง จิณณ์อยากตะโกนใส่หน้าแล้วถามเรื่องทุกเรื่องให้กระจ่าง


แต่เพียงแค่เห็นหยดน้ำตาบนใบหน้าหมองเศร้า….ก็ทำได้เพียงก้าวเท้าเข้าไปหาแล้วโอบกอดเอาไว้


“ขึ้นไปที่ห้องก่อนค่อยคุยกัน” เด็กหนุ่มรุ่นน้องกระซิบข้างหูแล้วโอบพาร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นไปยังห้อง…ที่ถูกเจ้าของทิ้งไป


ห้องที่มีแต่ความทรงจำ จนเขาไม่อาจจะปล่อยให้มันเป็นเพียงอดีตได้


ประตูห้องปิดลงพร้อมๆกับคิรากรที่ร้องไห้ออกมาราวกับเด็กเล็กๆ เขายึดเอาร่างสูงไว้พร้อมกับต่อว่าตัวเองที่เป็นคนโง่และหลงเชื่อคำลวงของอนล


“พี่…ขอโทษ…อึก…ที่ไป…กะทันหัน……”


“อย่าร้อง….ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมรู้….” รู้….ว่าถึงอย่างไร คิรากรที่ยังรักคนๆนั้นก็ต้องไป ไม่ว่าจะกะทันหันหรือไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขาสักนิด


“ผมไม่ได้โกรธที่พี่ไป….แต่แค่สงสัยว่าทำไมไม่ติดต่อมาบ้าง ทำไมต้องอยู่คนเดียว กลับคนเดียว….ร้องไห้คนเดียว” จิณณ์โอบกอดเบาๆเช่นเดียวกับมือที่ลูบแผ่นหลังสั่นเทา “ผมไม่ดีพอที่พี่จะปรึกษาอะไร….สักนิดเลยเหรอ”


มากกว่าโกรธ มากกว่ารู้สึกไร้ค่า คือความน้อยใจ


น้อยใจ…ว่าช่วงระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ถูกตีค่าเป็นเพียงคนรู้จัก


…ไม่ใช่คนสำคัญ…


“ไม่ใช่นะ! อึก…พี่…มือถือที่มีมันแตกไปแล้ว…เปิดเฟสบุ๊คกี่ที……ก็ไม่เจอ…เราออน…” คิรากรยังคงร้องสะอื้น “หาในไลน์…ก็…..ไม่เจอแล้ว…….พี่…ก็ไม่รู้……….ขอโทษ…”


“ผมออนรอทุกวัน….แรกๆที่เห็นพี่ออนผมก็ไม่กล้าทัก แต่สักพัก…..ก็ไม่เคยเห็นออนอีกเลย” ถึงจะโกรธ….จะน้อยใจ แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่ไม่คิดถึง “ผมสงสัยว่าเพราะอะไรเลยจะเข้าไปดูแต่ก็…ดูเหมือนว่าจะถูกพี่อันเฟรนไปแล้ว ไลน์ก็ด้วย…..”


ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายทันที “ใครอันเฟรน? พี่ไม่เคย” คิรากรยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเปราะอยู่กับใบหน้า


ยิ่งเห็นน้ำตา ใจที่อ่อนตั้งแต่แรกก็ยิ่งยวบลงไป จิณณ์เอื้อมมือไปตรงใบหน้าแล้วปาดน้ำตาให้แผ่วเบา “รู้ไหม ถึงผมจะถูกพี่อันเฟรน ถูกทิ้งไปทั้งที่ไม่ได้ลา….แต่ผมกลับคิดถึงพี่ทุกวัน”


“อึก พี่…ไม่ได้อันเฟรน…” คิรากรยังคงพยายามอธิบาย “พี่…คิดถึง……พี่จะอัน…อึก เฟรน……ทำไม”


“ก็ได้ๆ ช่างมันเหอะ….หยุดร้องนะ” จิณณ์โอบศีรษะคนที่พยายามจะอธิบายให้ซุกไว้กับอก ริมฝีปากที่ห้ามไม่ไหวจูบพริ้วแผ่วลงบนเส้นผมละเอียดนุ่มที่ยุ่งเหยิงนิดๆ


ช่างมันเถอะ จะเรื่องไหน จะยังไงก็ตาม ถ้าตอนนี้พี่ยืนอยู่ตรงนี้ กลับมายืนข้างๆผม…แค่นี้ก็พอแล้ว


“ผมคิดถึง….โคตรคิดถึงพี่เลย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเป็นเพื่อนกันควรจะคิดถึงกันแค่ไหน แต่…..ผมคิดถึงมาก”


คิรากรเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอีกครั้ง “ไม่ไปไหนแล้ว…สัญญา…อึก…นะ” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง “พี่โง่เอง……โง่……….ไม่รู้จักจำ…….”


แค่อีกฝ่ายพูดว่าหย่าแล้ว ก็เชื่อทันที เพราะไม่คิดว่าอนลจะกล้าโกหก


…โง่…


โง่ที่ทิ้งทุกอย่างแล้วตามไป โง่ที่ปล่อยให้คนที่อยู่ข้างๆมาตลอดเกือบปีน้อยใจที่เหมือนเป็นคนไม่สำคัญ


“มันทำอะไร……” มัน…คือคนที่จิณณ์ไม่อยากจะพูดถึง แต่เพราะคนในอ้อมกอดร้องไห้ขนาดนี้ จึงอยากรู้สาเหตุให้แน่ชัด


“อัน…ไม่ได้หย่า…แต่บอกพี่ว่าหย่าแล้ว พี่ก็โง่…เชื่อ…เข้าไปได้” คิรากรหัวเราะให้กับน้ำตาของตัวเอง


“พี่ไม่ได้โง่…แต่มันเลว” การโกหกว่าแย่แล้ว แต่การโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า…อย่างนี้นะเหรอที่เรียกว่ารัก


“จะร้องไห้ก็ร้อง ไม่ต้องแกล้งหัวเราะ ที่นี่มีแค่ผมกับพี่…พี่ไม่ต้องแกล้งเข้มแข็งหรอก”


“ร้องจนตาบวมเป่งแล้ว…” น่าแปลกที่การมีอยู่ของจิณณ์ทำให้ความรู้สึกแย่ๆนั้นจางลงไปมาก— ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ร้องไห้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่คนเดียวแน่นอน


“ทำความสะอาดห้องดีกว่า…” คิรากรยกแขนขึ้นปาดน้ำตาออกอีกครั้ง “ต้องไปไหนหรือเปล่าจิน”


“ก็…ไม่ล่ะ” อันที่จริงเขาแค่จะแวะมาทำความสะอาดแล้วค่อยไปกินข้าวกับพวกพี่ไผ่ แต่เพราะได้เจอกับเจ้าของห้องในสภาพที่ไม่สามารถพาไปหาใครได้ จิณณ์เลยได้แต่ตัดสินใจจะอยู่แล้วค่อยบอกเพื่อนๆทีหลัง


“จะให้ค้างเป็นเพื่อนรึเปล่า”


“ไม่เป็นไรนะ แล้วแต่จิน…ถ้าค้าง เดี๋ยวทำความสะอาดเสร็จจะได้ออกไปซื้อของ พี่จะได้ทำข้าวเย็นให้” เจ้าของห้องคิดว่าตัวเองไม่ควรจะรบกวนอีกฝ่ายให้มากเกินไป ยิ่งจิณณ์ใจดีด้วย เขายิ่งต้องให้ความสำคัญมากๆ ไม่ใช่จะขอให้อีกฝ่ายทำตามความต้องการของตัวเอง


“เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ พักก่อนก็ได้…” คนตัวสูงกว่าจ้องใบหน้าซีดขาวที่ยังมีแต่รอยช้ำบนดวงตา “พัก…นอนให้ดีขึ้น เดี๋ยวผมทำให้กินเอง”


คิรากรแย้มรอยยิ้มจางๆให้ “ขอบคุณนะจิน…โชคดีจริงๆ ที่เรามาพอดี…เพราะถ้าเราไม่มา…..พี่คงนอนโซฟาล็อบบี้แน่ๆ…..”


“คราวหลัง…ถ้าจะทิ้งกันไปอีก ก็อย่าลืมเอากุญแจไปแล้วกัน” คนพูดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่ตงใจแกล้งแหย่เรียกรอยยิ้ม


คนอายุมากกว่าถึงกับรีบคว้าแขนอีกฝ่าย “ไม่ทิ้ง ไม่ทิ้ง…..ขอโทษ…นะ…พี่ขอโทษ”


“ล้อเล่นหรอกน่า…แต่ถึงพี่จะทิ้งไปจริงๆ ผมก็คงไปไหนได้ไม่ไกลหรอก” จิณณ์พูด…และมีเพียงเขาที่รู้ว่าความจริงมีมากแค่ไหน


ในเมื่อหัวใจอยู่ที่นี่แล้ว….


“พี่ไม่รู้…..จะขอบคุณเรายังไงแล้ว” ร่างบางทำได้เพียงยิ้มให้ ซ้ำยังย้ำกับตัวเองว่าจะต้องเข้มแข็งขึ้น และจะต้องลบอนลออกไปให้ได้จริงๆแล้ว


แทนคำตอบอื่นใด จิณณ์รั้งร่างบางเข้ามากอดไว้แนบกาย ในอกค่อยๆเต้นอย่างเชื่องช้าตามจังหวะ ราวกับเพิ่งได้หัวใจกลับคืนมา…ฝ่ามือหนาค่อยดันร่างของคิรากรกอดแน่นขึ้นก่อนจะแตะริมฝีปากเหนือเรียวคิ้ว


“ยังไม่ได้บอก…พอจะบอกพี่ก็ไม่อยู่แล้ว…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยพูดเสียงแผ่ว “รักนะ…..”


คิรากรเบิกตากว้าง เขาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงช้าๆอย่างไม่เชื่อหู “อะ…..ไรนะ………….”


“ผมไม่ได้พูดเพราะจะให้พี่สบายใจ แต่มัน…เป็นสิ่งที่ผมรู้ตัวเองตอนพี่ไปแล้ว” จิณณ์กระซิบเสียงพร่าราวกับจะหายไปในลำคอ


“ผมรัก….รักพี่คีย์”


เขาไม่เปิดโอกาสให้อีกคนได้พูดอะไรต่อ ร่างบางเขย่งตัวขึ้น ดึงเสื้ออีกฝ่ายให้ย่อตัวลงมา ก่อนจะแนบริมฝีปากของตัวเองเข้าหากับจิณณ์— ไม่ใช่หยอกเล่นเหมือนคราวก่อน แต่เป็นจูบที่เจ้าตัวยังหาคำอธิบายไม่ได้ กว่าจะรู้สึกตัว ร่างกายก็ขยับไปก่อนแล้ว


แม้จะตกใจในตอนแรก แต่คนที่ถูกจูบกลับตอบรับสัมผัสนั้นแทบจะทันที จิณณ์ประคองท้ายทอยให้ตอบรับจูบที่เขาเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกไล่ จูบอุ่นร้อนแทบหลอมละลายผสานกันอย่างแนบชิดกลายเป็นกลุ่มความปรารถนาร้อนแรง


กว่าจะถอนตัวออกมา…ร่างในอ้อมกอดก็อ่อนปวกเปียกซวนซบอยู่กับอกแล้ว


“พี่คีย์…..”


เจ้าของชื่ออ้าปากคล้ายกับจะพูดอะไร แต่น้ำตาที่คิดว่าหยุดไหลไปแล้วกลับไหลออกมาอีกครั้ง “ตั้ง…แต่เมื่อไหร่…….” หัวใจนั้นเต้นรัวแรงราวกับจะกระเด็นออกมาข้างนอกเสียให้ได้


“อย่าร้อง…” จิณณ์ใช้นิ้วโป้งปาดหัวตา ริมฝีปากอุ่นๆจูบซับแผ่วเบา


“ไม่ต้องรู้หรอก….แค่รู้ว่ายังไงพี่ก็ยังมีผมก็พอ…”


ยิ่งจิณณ์อ่อนโยน ยิ่งทำให้น้ำตาไม่ยอมหยุด คิรากรนึกถึงตลอดเวลาที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจนถึงตอนที่ตัวเขาหนีกลับไปโดยไม่ได้ลา รุ่นน้องคนนี้จะรู้สึกอย่างไรบ้าง– ทั้งที่เขาบอกว่ารักอนล ทั้งที่แกล้งจูบอีกฝ่าย ทั้งที่บอกว่าจะชอบอีกฝ่ายได้… มีแต่ทำร้ายความรู้สึกของจิณณ์ทั้งนั้น


“พี่ขอโทษ…”


“พี่รู้ไหม พี่ไม่ต้องขอโทษอะไรเลย แค่กลับมา…กลับมาหาผม ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ไม่มีทางโกรธพี่อยู่แล้ว” เขาพูดด้วยใจจริง


แม้ว่าจุดเริ่มต้นจะเกิดขึ้นไม่นาน แต่จิณณ์เชื่อมั่นในความรู้สึกที่มี


“ผมจะรอพี่…ถึงจะทิ้งไปอีก…ผมก็จะรอ”


“พี่ไม่ทิ้งนะ…” มือสองข้างยกขึ้นจับใบหน้าของอีกคนให้ได้มองสบตาเอาไว้ “…ไม่ทิ้ง……..”


จิณณ์พยักหน้ารับ…แม้ว่าจะไม่มีความมั่นใจในคำพูดของคิรากรสักนิด


ไม่มั่นใจ..ว่าจะถูกทิ้งเมื่อไหร่ แต่สิ่งที่เหนี่ยวรั้งเขาไว้ในตอนนี้คือการที่มีคิรากรในอยู่ข้างกาย ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงแค่ไหน แต่จิณณ์ตั้งใจแล้วว่าจะลองเสี่ยง


จะรัก…แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายยังรักอีกคน


จะลองพยายามดู ว่าจะเป็นไปได้ไหม ที่จะเปลี่ยนให้คิรากรมารักตัวเอง


พออีกฝ่ายเงียบไป ร่างโปร่งก็กอดจิณณ์เอาไว้หลวมๆ “กินข้าว…ไหม”


“พักผ่อนนะ เดี๋ยวทำให้กิน” จิณณ์รวบกอดเร็วๆอีกครั้งก่อนจะผละออกไปหาอะไรที่พอจะกินได้ในครัว


“ไม่เอา พี่อยากทำให้…ไว้ค่อยทำให้พี่กินทีหลัง…..” มือข้างหนึ่งคว้าเอาชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้ได้


“ทำด้วยกันก็ได้…แต่มีแต่มาม่า ไม่มีอะไรสักอย่างเลย หรือจะออกไปกินข้างนอก”


“ออกไปซื้อของสดเข้ามาก็ได้ กินข้างนอกไม่อร่อยเหมือนทำกินเองหรอก…” ในฐานะคนที่ทำอาหารบ่อย คิรากรจำต้องท้วงออกมา


“อือ ไปโลตัสหน้าม.ก็พอเนอะ” จิณณ์จับมือเพื่อนรุ่นพี่เอาไว้ “…หมวกกันน็อคของพี่คีย์ยังอยู่ในรถนะ”


“อื้ม…”












To be continued…

————



kagehana : พี่คีย์กลับมาแล้วววววววววว วั้ยๆๆๆๆๆ

อิจินก็รุกเหลือเกิน....
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 15 กลับมาได้หรือเปล่า.... [01/03/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-03-2014 21:37:33
ดีใจ ปลื้มปริ่ม ฟินนาเล่
เย้ พี่คีย์กลับมาแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 15 กลับมาได้หรือเปล่า.... [01/03/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-03-2014 21:42:29
ดีแล้วที่หันหลังออกมา
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 15 กลับมาได้หรือเปล่า.... [01/03/14]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 01-03-2014 22:12:57
ไม่รู้จะสมน้ำหน้าคีย์ยังไงดีโง่ดีนัก
แต่ก็ดีแล้วที่รูความจริงเร็วจะได้ตาสว่างซักที
รอแต่อันที่มันยังไม่ได้รับกรรม ขอจัดหนักหน่อยนะครับ :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 15 กลับมาได้หรือเปล่า.... [01/03/14]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 01-03-2014 23:13:22
อัน แกนี่มันโคตรเลวเลยว่ะ

เป็นตัวละครที่เชี่ยได้น่าสาปแช่งมากๆ รับขาคู่ไปกินเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 15 กลับมาได้หรือเปล่า.... [01/03/14]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 02-03-2014 08:04:34
ดีใจที่พี่คีย์รู้เรื่องเสียที
และก็ดีใจที่พี่คีย์ตัดสินใจกลับมาไทย

ในที่สุดพี่คีย์ก็กลับมาหาจินแล้ว
มาให้จินบอกรัก  จินสู้สู้
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 15 กลับมาได้หรือเปล่า.... [01/03/14]
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 02-03-2014 08:46:32
คิดถึงพี่คีย์

คนแต่งคะ ระบุหน้าที่อัพที่ชื่อเรื่องด้วยก็ดีค่ะ :)
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 15 กลับมาได้หรือเปล่า.... [01/03/14]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 02-03-2014 10:24:59
น๊านนานจะเจอพระเอกแสนดีแบบจิน5555555555555555
เริ่มใหม่นะพี่คีย์ ลืมๆไอ้อันไปซะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 15 กลับมาได้หรือเปล่า.... [01/03/14]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 02-03-2014 23:02:43
แง พี่คีย์อย่าทำจินจ๋าเสียใจอีกน่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 15 กลับมาได้หรือเปล่า.... [01/03/14]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 03-03-2014 01:12:57
จะร้องไห้สงสารทั้งคู่ คีย์ต้องตัดใจจริงจังสักทีแล้วนะสงสารน้องและสงสารตัวเองบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 15 กลับมาได้หรือเปล่า.... [01/03/14]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 03-03-2014 02:34:46
 :hao6:ตีตั๋วไปฟินแลนด์
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 06-04-2014 19:12:17
http://www.youtube.com/watch?v=c4kagvhbCwc (http://www.youtube.com/watch?v=c4kagvhbCwc)  <<< จิ้มฟังเพิ่มบรรยากาศค่ะ (ลงเพลงไม่เป็น ฮือออ :katai1:)




-16-




หลังจากที่ไปขนซื้อของสด ของแห้ง และของใช้ต่างๆมาจนรถมอเตอร์ไซค์แทบไม่เคลื่อนแล้ว จิณณ์กับคิรากรก็ลงมือทำอาหารเย็นด้วยกัน จิณณ์ทำหน้าที่เป็นลูกมือในการหั่น สับ หรือทำอะไรก็ตามที่ถูกสั่ง ส่วนอีกคนยืนอยู่หน้าเตาปรุงรส



“จะทำอะไรมั่งเนี่ย” ร่างสูงยื่นหน้ามองชะโงก เขาเดินไปชิดจนแผ่นหลังของคิรากรสัมผัสเบาๆ



“ก็ ผัดเต้าหู้หมูสับ กับแกงจืดไข่น้ำตำลึง…..” พูดจบคิรากรก็ตักน้ำซุปในหม้อขึ้นมาชิมรสชาติ “โอเคไหม” เขาตักอีกครั้งก่อนจะเป่าเบาๆแล้วยื่นให้อีกคน



จิณณ์เป่าเบาๆแล้วชิมรส “อร่อย”



คิรากรยิ้มกว้างแล้วดึงช้อนคืนมา “งั้นยกหม้อไปตั้งไว้ตรงนี้นะ พี่ผัดเต้าหู้แวบเดียว ข้าวสุกหรือยัง”



“สุกแล้วมั้ง” ผู้ช่วยยกหม้อแกงจืดไปวางไว้พลางหันไปมองที่หม้อ “สุกแล้ว ผัดเลย ผมหิว…”



“อื้อ แป๊บเดียวเอง ไปเตรียมพวกจานเลยก็ได้…ไม่งั้นไปนั่งรอที่โต๊ะนะ” พูดจบคิรากรก็เทหมูสับที่ผู้ช่วยเตรียมไว้ให้ลงกระทะ แล้วค่อยเริ่มปรุงรส– หลังจากเทเต้าหู้ลงไปแล้ว ผัดอยู่ไม่นานคิรากรก็ยกกระทะมาเทผัดเต้าหู้หมูสับใส่จานที่วางเอาไว้



“เสร็จแล้ว”



พอได้ยินว่าอีกฝ่ายเรียบร้อย จิณณ์ก็ตักข้าวแบ่งใส่จาน มือใหญ่รินน้ำขวดที่เพิ่งเอาออกมาลงแก้วของเขาและคิรากร



เพราะก่อนหน้านี้เขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องของคิรากรบ่อยๆ จำนวนของใช้ในห้องเลยมีส่วนที่เป็น..ของจินและของพี่คีย์…ปะปนอยู่มาก ชายหนุ่มนั่งมองแก้วคู่แล้วอมยิ้มจางๆ



“ลืมไปเลยว่านัดพวกพี่ไผ่ไว้..แต่ช่างแม่งเหอะ”



“อ้าว หรือจะชวนมาไหม”



“ไม่ล่ะ อยากอยู่กับพี่คีย์มากกว่า…”



“…เดี๋ยวเพื่อนเกลียดนะ” คิรากรว่า ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆขณะที่หยิบจานผัดเต้าหู้มาวางลงที่โต๊ะ “กินข้าวกัน”



จิณณ์ตักข้าวเข้าปาก บอกไม่ถูกว่าอร่อยหรือเปล่าเพราะสิ่งเดียวที่รู้คือ…เขามีความสุข



ถึงจะเป็นสุข…ที่พร้อมจะสิ้นสุดตลอดเวลาก็ตาม



“พี่คีย์กินเยอะๆ มัวแต่ร้องไห้ไม่กินข้าว ตัวจะหักแล้ว”



“จินเถอะ…กินแต่มาม่าล่ะสิ…” เขาไม่พูดเปล่า แต่เอื้อมตักเต้าหู้หมูสับไปวางลงบนจานอีกคน



“กินทุกอย่าง กินไปงั้นๆ คิดถึง…แต่ไม่กินก็ตาย”



“…ขอโทษ…นี่…กลับมาแล้ว จะทำให้กินทุกวันเลย…” พูดจบคิรากรก็ตักไข่เจียวจากแกงจืดตำลึงวางให้อีก



“ก็ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ผมดูแลพี่เหมือนเดิมได้ จะทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม” จิณณ์วางช้อนลง นัยน์ตาเข้มจับจ้องใบหน้าของคนที่หลงรักจับใจ



“ถ้าให้รัก…ก็จะรัก ถ้าไม่ให้รัก…ก็จะไม่ให้รู้ อย่างนี้ได้ไหม”



“ไม่ได้…พี่รู้แล้ว…”



“ก็ถ้าไม่ได้….จะไม่พูด ไม่บอกก็ได้ เป็นเหมือนเดิมไง แค่พี่น้องก็ได้ แต่อย่าอยู่คนเดียว”



“……จิน……” เพราะอีกฝ่ายพูดจาแบบคิดถึงความรู้สึกของเขา ไม่ได้เอ่ยถึงความต้องการของตัวเองออกมาเลยสักนิดเดียวทำให้คิรากรรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบ “ทำ…พูด…อย่างที่รู้สึก…ได้ไหม…พี่ขอ”



“อืม…” จิณณ์ตอบรับ “กินข้าวเถอะ”



ชายหนุ่มร่างสูงบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ใจหนึ่งก็ดีใจที่อีกฝ่ายบอกให้แสดงความรู้สึก แต่อีกใจหนึ่งก็กลัว…ว่าถ้าทำลงไป วันไหนที่ไม่มีคิรากรอีกแล้ว จะเป็นตัวเขาเองที่อยู่ไม่ไหว



“กินเยอะๆ…พี่ชอบเวลาทำอาหารแล้วมีคนกินด้วยกัน…แฮปปี้” เขายิ้มกว้างก่อนจะทานข้าวต่อ คิรากรรู้สึกได้ว่าเพียงแค่ช่วงเวลานี้ เขาก็ยิ้มมากกว่าตอนที่กลับไปหาอนลตั้งไม่รู้เท่าไหร่แล้ว



“ถ้าชอบทำไว้จะชวนพวกพี่ไผ่มา ไอ้ถังน่ะตัวกินล้างกินผลาญเลย” จิณณ์ตักข้าวเข้าปากอีกคำ “ว่าแต่..พวกนั้นคงแปลกใจที่พี่กลับมาแล้ว”



“เหรอ อืม…พี่ไปปุบปับเนอะ” กับข้าวทั้งสองถูกตักใส่จานของจิณณ์อยู่เรื่อยๆ แทบจะไม่ปล่อยให้มีว่าง



“พอเลยๆ กินเองมั่ง ไม่ต้องตักให้แล้ว”



“ก็กินอยู่นี่ไง” และก็เป็นอย่างที่ว่า ข้าวในจานของคิรากรก็พร่องลงไปไม่ต่างกัน “พี่อยากตักให้”



รุ่นน้องที่ตัวใหญ่กว่าได้แต่พยักหน้าเงียบๆ ใช้เวลาไม่นานนัก กับข้าวทั้งหมดก็หมดไป จิณณ์ยกจานซ้อนกันแล้วเดินไปยังอ่างล้าง เขาเปิดน้ำล้างเศษอาหารแล้วเริ่มต้นล้างจานช้าๆ



“นี่…ไปอาบน้ำก่อนเลย เดี๋ยวพี่ล้างให้เอง” คนตัวเล็กกว่ายกที่เหลือตามมายืนอยู่ข้างๆ



“เดี๋ยวกลับบ้าน ไม่ได้เอาเสื้อมา แค่จะเข้ามาทำความสะอาดเฉยๆ”



“แล้วเสื้อที่ซื้อทิ้งไว้ให้ล่ะ…” ใบหน้าของคิรากรหมองลงไปเล็กน้อย



“เอากลับบ้าน ตั้งแต่พี่ไปผมไม่เคยนอนที่นี่เลย” จิณณ์มองใบหน้าของคิรากรแล้วได้แต่ใช้ปลายคางกดกลางศีรษะเบาๆ



“อย่าทำหน้าอย่างนี้สิ พรุ่งนี้…จะมารับแต่เช้าเลย เอาตารางเรียนมาให้ด้วยล่ะ”



“…..ขอโทษที่พูดแบบนี้….แต่พี่…ไม่อยากอยู่คนเดียว…..” เขาเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่า



จิณณ์ล้างมือแล้วเลื่อนมือลงจับมืออีกฝ่ายไว้ แค่ดูก็รู้…ว่าหนีกลับมาด้วยหัวใจบอบช้ำ  ยิ่งคิรากรเรียกร้อง..ยิ่งแสดงให้เห็นว่าคงอยู่คนเดียวไม่ไหวจริงๆ



จะทำยังไงได้…



“เดี๋ยวงั้น..ผมไปยืมเสื้อผ้าพี่ไผ่ โอเคไหม”



“อื้ม” เขาค่อยยิ้มจางๆก่อนจะพยักหน้า “งั้นพี่ทำที่เหลือให้…นะ” พูดจบเขาก็นำจานที่เหลือลงในอ่างแล้วค่อยเปิดน้ำต่อโดยไม่รออีกฝ่ายตอบอะไร



จิณณ์มองร่างเพรียวบางที่ดูจะบางลงกว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นมาก แนวหลังไหล่ดูอ่อนล้า และกว่าจะรู้ตัว ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปกอดซ้อนหลัง แนบกายใกล้ชิดเข้าแล้ว



“ผมรักพี่นะ…”



“!? จ จิน?!” ชามที่ถืออยู่ในมือลื่นหลุดแต่คิรากรก็ยังตั้งสติประคองเอาไว้ได้ทัน เขาได้แต่ยืนนิ่ง ไม่เอ่ยอะไรตอบนอกจากผงกศีรษะตัวเองช้าๆ



คนที่กอดอยู่จูบเบาๆที่แก้มขาว แววตาเศร้าสร้อยซ่อนไว้ใต้ท่าทางร่าเริง “เดี๋ยวไปเอาเสื้อแป๊บเดียว จะรีบกลับมานะ”



“อ อื้อ” ใบหน้าของตัวเองร้อนขึ้นมาจนรู้สึกได้ เขาหันไปมองแผ่นหลังกว้างที่หายลับสายตาไป







//////////





คิรากรที่ทำความสะอาดจนเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่กลับมา ก็หยิบไม้ขนไก่ออกมาจากตู้แล้วค่อยเริ่มปัดฝุ่นตามที่ต่างๆเป็นการฆ่าเวลา กะว่าถ้าจิณณ์กลับมาถึง อาบน้ำออกมา จะได้ไม่คลุกฝุ่นเอา



เขาคิดถึงคำรักที่จิณณ์บอกเมื่อครู่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นสุข มันฟังดูต่างจากเวลาที่อนลบอกรัก แต่ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นจนต้องยิ้มออกมา



เสร็จจากห้องนั่งเล่น เขาก็ค่อยยกของไปที่ห้องนอน ก่อนจะเริ่มดึงผ้าปูที่นอนออกมา ทำให้ฝุ่นคลุ้งไปทั่วห้องจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก



“กลับมาแล้ว…ซื้อขนมมาฝาก แค่กๆ” จิณณ์ไอจนสำลัก “ทำอะไรเนี่ย จะเปลี่ยนผ้าปูทำไมไม่รอ”



“อ้าว…ก็ทำฆ่าเวลาไง ไปอาบน้ำไป…ออกมาห้องสะอาดพร้อมนอน” ใบหน้าของเขายังคงมอบรอยยิ้มกว้างให้กับร่างสูงที่เดินเข้ามา



“ช่วยก่อน” ไม่รอให้ปฏิเสธ จิณณ์ออกแรงยกที่นอนที่ยังอยู่ครึ่งๆกลางๆออกแล้วดึงผ้าปู เปลี่ยนปลอกหมอน หมอนข้าง ปลอกผ้าห่มเอาออกทั้งหมดแล้วหอบไปไว้ที่เครื่องซักผ้า “ของใหม่อยู่ในตู้หรือเปล่าพี่คีย์”



“อื้อ…อยู่…ไปอาบน้ำก่อนไหม แล้วค่อยมาเปลี่ยน ผ้าใหม่จะได้ไม่คลุกฝุ่น” คนพูดพูดจบก็กดสวิทช์เจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวกลมให้มันเคลื่อนไปรอบๆห้อง



ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับมาพยักหน้าแล้วทำตามอย่างว่าง่าย เขาเดินไปใช้ห้องน้ำด้านในแล้วจัดการล้างห้องน้ำไปในตัว ถึงแม้ว่าจะมาทำความสะอาดบ้างแต่ก็ประสาผู้ชาย ไม่ได้สะอาดเอี่ยมนัก แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่คิดว่าเจ้าของห้องจะกลับมา



แต่ในเมื่อกลับมาแล้ว…ก็ต้องทำให้ดีที่สุด



จิณณ์ล้างห้องน้ำแล้วขัดพื้นกระเบื้อง เขาไล่ฉีดน้ำตามซอกมุมต่างๆและขัดถูจนเหงื่อท่วมตัว จนเมื่อเสร็จทั้งหมดเขาจึงอาบน้ำ…ด้วยสบู่เหลวกลิ่นแอปเปิ้ล…กลิ่นที่มักโชยอยู่บนร่างของคิรากรเสมอ



“จิน โรบ็อตคงอีกสักพักกว่าจะทำเสร็จ…ไม่ต้องรีบนะ” เจ้าของห้องมายืนพูดอยู่หน้าห้องน้ำ และยืนรอคำตอบจากด้านใน



“เสร็จแล้วล่ะ” ผ้าขนหนูถูกหยิบมาพันกายก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกมา “ลืมหยิบชุดนอนเข้ามา”



ไม่รู้เพราะอีกฝ่ายบอกรักเขา หรือเพราะร่างกายอยู่ใกล้กันที่ทำให้หัวใจของคิรากรเต้นผิดจังหวะ ทั้งๆที่คิดว่าจิณณ์เป็นเพียงรุ่นน้องมาตลอด แต่พอเห็นแผ่นอกกว้างก็ทำเอาใบหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เขาก้มใบหน้าหลบแล้วเอ่ยต่อ “ง งั้นเดี๋ยวพี่อาบต่อนะ…”



จิณณ์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าคิรากรชัด มือชื้นฉ่ำน้ำยกขึ้นใช้ปลายนิ้วลูบไล้ข้างแก้มและสันจมูกโด่งเชิด “หน้าดำปี๋เลย”



“ก็ไม่ต้องจับสิ เลอะ…หมด….” ร่างบางเบี่ยงตัวหลบเบาๆ “พี่อาบแวบเดียว….” ซ่อนเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง



“อื้อ เดี๋ยวผมไปปูเตียงแล้วกัน”



คิรากรรีบเดินเข้าห้องน้ำไป ถอดเสื้อผ้าออกแล้วรีบพาตัวไปยืนใต้สายน้ำอุ่น เขาผ่านการเดินทางมายาวนาน ควรจะรู้สึกเหนื่อยและอยากนอน แต่เพราะจิณณ์กลับทำให้ยังไม่อยากนอนด้วยซ้ำ– หรือถ้าต้องนอน ก็ไม่อยากจะนอนคนเดียว



อีกฝ่ายจะว่าเขาเห็นแก่ตัวไหมที่ทำแบบนี้ คิรากรไม่อยากอยู่คนเดียว อยากให้อีกคนอยู่ด้วยอย่างที่เคย แต่ความรู้สึกของจิณณ์จะทำให้ทุกอย่างยังเหมือนเดิมอยู่ได้ไหม เขาเองก็ไม่แน่ใจ



ถ้าเป็นไปได้ คิรากรก็อยากจะตอบแทนความรักที่อีกฝ่ายมีให้อย่างเท่าเทียม– ก่อนที่จิณณ์จะทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายจากไป



หลังจากอาบน้ำเรียบร้อย เขาเช็ดตัวแล้วสวมชุดนอนที่อยู่ในตู้ ร่างโปร่งก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา



จิณณ์ในชุดนอนหยิบกีตาร์ที่เขาเอามาทิ้งไว้ขึ้นมาจูนสาย เขาดีดเบาๆทดสอบเสียง นัยน์ตาเข้มสบตาคิรากรครู่หนึ่งก่อนจะหรุบลงพร้อมๆกับคอร์ดที่เริ่มบรรเลง



“คนเพียงคนเดียวในเวลานี้ที่เธอ คงต้องการ

เธอคงรอคอย เพียงใครคนนั้นเดินเข้ามานั่งกับเธอ

น้ำตาที่รินไหล มีแค่เขาที่จะหยุดมันไว้

ชั่วโมงที่อ่อนไหว มีแค่เขาที่ใจเธอต้องการ

 

ระหว่างที่รอเขา ให้ฉันนั่งข้างเธอจะได้ไหม

เผื่อไว้ว่าเธอต้องการอะไร เผื่ออยู่คนเดียวจะไม่ไหว

ระหว่างที่รอเขา อย่างน้อยช่วยเธอไม่ต้องเหงา

อยากทำหน้าที่นี้ แม้เพียงแค่ชั่วคราว

แค่ต้องการเท่านี้ได้ไหม ก่อนที่เขาจะมาแทน...”




ชายหนุ่มกรีดสายกีตาร์ เพลงทำนองหวานเศร้ายังคงดำเนินต่อไป….เพลง ที่แทนทุกความรู้สึกของจิณณ์





“คนที่เธอรอ คงอีกไม่ช้าก็มาอยู่ข้างเธอ

คนที่รอเธอ มีเวลาเหลือแค่ไม่นานก็ต้องไป

น้ำตาที่รินไหล มีแค่เขาที่จะหยุดมันไว้

ชั่วโมงที่อ่อนไหว มีแค่เขาที่ใจเธอต้องการ

ระหว่างที่รอเขา ให้ฉันนั่งข้างเธอจะได้ไหม

เผื่อไว้ว่าเธอต้องการอะไร เผื่ออยู่คนเดียวจะไม่ไหว

ระหว่างที่รอเขา อย่างน้อยช่วยเธอไม่ต้องเหงา

อยากทำหน้าที่นี้ แม้เพียงแค่ชั่วคราว

แค่ต้องการเท่านี้ได้ไหม ก่อนที่เขาจะมาแทน…”






ร่างบางที่ยืนฟังอยู่ตัดสินใจเดินมานั่งลงข้างๆคนที่กำลังร้องเพลง





“ระหว่างที่รอเขา ให้ฉันนั่งข้างเธอจะได้ไหม

เผื่อไว้ว่าเธอต้องการอะไร เผื่ออยู่คนเดียวจะไม่ไหว

ระหว่างที่รอเขา อย่างน้อยช่วยเธอ ไม่ต้องเหงา

อยากทำหน้าที่นี้ แม้เพียงแค่ชั่วคราว

แค่ต้องการเท่านี้ได้ไหม ก่อนที่เขาจะมาแทน…”









เสียงกีตาร์หยุดลง จิณณ์รู้ดีว่าในห้องเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ มือใหญ่เลื่อนไปจับมือเรียวของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ..บีบกระชับเบาๆเตือนให้รู้ว่าเขายังอยู่ข้างกายเสมอ



“ได้ไหม….” ขออยู่ข้างๆได้ไหม ก่อนที่เขาจะกลับมา…จิณณ์ไม่ได้ถามออกมา เพราะคำตอบทั้งหมดอยู่ในแววตาแล้ว



“…พี่…ไม่รอ…ไม่ได้รออันอีกแล้ว…เข้าใจ…ไหม” อาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงของคนร้องหรือเสียงของกีต้าร์ที่บาดลงไปในใจ ทำให้เสียงของเขาสั่นเครือ



“อืม…” เป็นคำตอบรับ…มากกว่าจะที่หมายความว่าเข้าใจ



ในตอนนี้ที่พี่ยังโกรธยังเกลียดเขา คำพูดเหล่านี้อาจจะไม่ได้ออกจากใจทั้งหมด วันนึงที่พี่ให้อภัย…คำพูดของพี่ก็จะย้อนกลับคืนไป



ไม่ได้รออีกแล้ว…ไม่ได้หมายความว่าเลิกรัก



“ช่างเถอะ…” จิณณ์ยิ้มให้..แม้จะยากลำบากก็ตาม “…ผมไม่เป็นไร…”



“…ตอนนี้พี่อาจจะยังพูดไม่ได้ว่ารัก…แต่จินเคยบอกพี่ ว่าให้ลืมคนแบบนั้น……..”  เขาสบตาอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “พี่ก็จะลืมให้ได้…แล้วก็…มีแค่จิน…..เท่านั้น ที่จะทำให้พี่ลืมได้…..” คิรากรเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเอ่ยต่อ “เชื่อ…..นะ…..ว่าพี่จะรักจิน….ในอนาคต”



จิณณ์วางกีตาร์ลงเขาดึงร่างบางเข้ามากอดไว้เบาๆ ปลายนิ้วสากลากไล้บนกลีบปากบางสีอ่อนแผ่วเบา เขาเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แล้วแตะริมฝีปากจรดกันเชื่องช้า



“เชื่อผมสิ…ว่าต่อให้จะลงท้ายยังไง ผมก็จะไม่เป็นไร…”



จิณณ์กระซิบแผ่วเบา…บอกกับคนตรงหน้า



และบอก..กับตัวเอง…

 

 

 





To be continue…



kagehana : หายไปนานเลย ฮือออออ ขอโทษด้วยนะคะ พอดีมีเรื่องยุ่งๆนิดหน่อย

แฮ่----- พี่คีย์ร้าวราน จินร้าวราน แต่ยังกุบกิบนะ(เหรอ......)

 
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakbung Mazo ที่ 06-04-2014 20:33:07
สงสารจินจัง รักจินไวไวนะค :mew2:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 06-04-2014 20:51:34
 :hao5: กว่าจะมา มาทีเอามาม่ามาเสริ์ฟเลยนะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 06-04-2014 21:10:12
สงสารจิณณ์ :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 06-04-2014 21:12:44
จิณณ์ณ์ณ์ณ์ณ์ณ์ T^T

ปล. คนแต่ง ใส่เลขหน้าที่ชื่อกระทู้ด้วยจิ~
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-04-2014 21:34:51
 :o12:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 06-04-2014 21:53:08
จินนางดราม่าขั้นสุดอะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-04-2014 21:55:59
ขอให้พี่คีย์ลืมอดีตได้เร็วๆ
จะได้รักจินคนเดียว
เพราะไม่อยากให้จินรอเก้อ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-04-2014 22:26:44
จินน่าสงสาร เศร้าพอกรุบกริบ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-04-2014 22:59:52
จิณณ์ พ่อแสนดี


ฮืออออ อยากให้สมหวังเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-04-2014 23:00:41
โอยยย ใฝ่หาความกุบกิบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 07-04-2014 03:02:29
นานๆทีจะเจอพระเอกดีๆแบบจิณณ์ค่ะ เปรมมาก
พี่คีย์ไม่รักไม่เป็นไรนะ มาซบไหล่ฉัน แฮ่
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา.... [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 08-04-2014 17:19:45
สงสารจิน เหมีอนคีย์เห็นแก่ตัวนะ
จะว่ารำคาญคีย์ ก็โง่เนอะโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังอยากโง่อีก
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา...(p.5) [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 10-04-2014 12:20:12
อย่าปล่อยให้น้องรอเก้อน่ะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา...(p.5) [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: felin_kkr ที่ 10-04-2014 15:54:54
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ

กุบกิบ........ตรงน๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 16 ระหว่างที่รอเขา...(p.5) [06/04/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-05-2014 20:56:12
จะมายังหว่าาาาา
:call: :call:
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 17 คำจำกัดความของความสัมพันธ์ (p.6) [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 20-05-2014 10:46:15

-17-



 

ในยามบ่ายที่แดดร้อนเปรี้ยงปร้างจนนักเรียนแทบทุกคนอยากจะซ่อนตัวอยู่ในศูนย์คอมพิวเตอร์ หรือไม่ก็ห้องสมุดนั้น คิรากรกลับนั่งอยู่หน้าห้องเรียนบนอาคารพร้อมกับถุงกระดาษที่วางอยู่ข้างกาย ดวงตากลมไล่สายตาไปบนหน้าหนังสือบนตักเป็นการฆ่าเวลา


ชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลองเดินออกมาจากชั้นเรียน อีกหนึ่งข้อดีของมหาวิทยาลัยนี้และคณะนี้คือไม่จำเป็นต้องใส่ชุดนักศึกษาก็ได้ ทำเอาถูกใจคนชอบแฟชั่นสาวๆอย่างรฐกรเป็นที่สุด เขาโบกมือลาเพื่อนเอกเดียวกันทันทีที่เห็นคิรากร


“พี่คีย์มารอใครอะ ไอ้จินเหรอ”


“อื้อ เลิกเรียนแล้วเหรอ” เจ้าของชื่อลุกขึ้นยืนพร้อมเก็บหนังสือลงกระเป๋าสะพายข้างก่อนจะหยิบถุงมาถือเอาไว้


“ใช่ๆ คลาสผมเลิกแล้ว แต่ของไอ้จินคงอีกนิดมั้ง แล้วนี่มาไงอะ”


“นั่งรถมา ไม่ได้ยากขนาดนั้นเสียหน่อย”


รฐกรหัวเราะร่า เขาโบกไม้โบกมือให้ว่อน “ไม่ๆๆ ไม่ได้ว่าอะไร เห็นปกติไอ้จินมันไปรับ” ชายหนุ่มชะเง้อมองไปอีกทางเมื่อเห็นหญิงสาวตัวเล็กเดินมาลิบๆกับกลุ่มเพื่อน “เฮ้ย! ไปก่อนนะพี่คีย์ น้องถังไปดักไอ้แจ๊สก่อน”


“โอเค แล้วไว้เจอกันนะถัง” เขาโบกมือลาร่างสูงที่วิ่งไปอีกทาง คิรากรหันกลับมา ชะเง้อมองหาจิณณ์ที่น่าจะเดินมาได้แล้ว


ร่างสูงเดินออกมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนเอกอังกฤษ คาบวิชาวิเคราะห์วรรณคดีเป็นอะไรที่ชวนง่วงเสมอ จิณณ์ยกมือปิดปากหาว เขาเห็นคิรากรเลยพูดกับเพื่อนแล้วผละออกมา


“มารอทำไมร้อนๆ ไม่มีเรียนเหรอ”


“เดี๋ยวมีเรียน แต่ว่าเอาแซนด์วิชมาให้ เดี๋ยวจินต้องเรียนคาบต่อไปเลยนี่…จะได้ไม่หิว” เขายิ้มให้พร้อมทั้งชูถุงกระดาษในมือให้ดู


“ไม่ต้องทำให้ขนาดนี้ก็ได้” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่คนที่รับถุงกระดาษมาถือก็ยิ้มดีใจเหมือนเด็กๆ “ว่างครึ่งชั่วโมง…ไปนั่งกินด้วยกันไหม”


“อื้ม” เขายิ้มรับก่อนจะพากันเดินลงมาที่ใต้อาคารเรียน


จิณณ์พาเดินมานั่งที่สะพานซีเมนต์เหนือน้ำหน้าตึกเรียน เขานั่งลงบนที่นั่งที่ก่อติดกับสะพาน เวลานั้นแทบจะไม่มีคนเพราะส่วนใหญ่มุ่งไปทางตึกที่ข้างล่างเป็นร้านอาหารที่อยู่ห่างออกไป


“พี่คีย์เรียนกี่โมง” คว้าแซนด์วิชที่อยู่ในกล่องแล้วหันไปถาม


“อีกประมาณ20นาที…” เขายกกระติกน้ำใบเล็กออกมาวางไว้ด้วย “มีโค้กด้วยนะ”


“ดูแลดีอย่างงี้รักตายเลย”


เมื่อตัดสินใจว่าจะรัก…จะดูแล จิณณ์ก็คิดว่าควรจะรุกหน้าให้เต็มที่โดยไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น ให้พี่คีย์ได้รู้สึกถึงความรู้สึกเขาจริงๆ


ถ้าอนาคตจะเป็นยังไง…ก็ปล่อยไปเป็นเรื่องของอนาคต


คิรากรยิ้มตอบ “อื้ม รักให้ตายเลย…จะได้รักให้ตายด้วย” เขาเทโค้กเย็นฉ่ำลงในฝากระติกแล้วยื่นให้ “เอ้า”


“ถ้ารักจริงก็ยอมตายนะ” เรื่องขมๆถูกปัดออกไปก่อน เขาเลือกแล้วที่จะมีชีวิตอยู่กับพี่คีย์ตรงหน้า ไม่ใช่พี่คีย์ในอนาคตที่อาจจะไม่ใช่ของตัวเอง


ชายหนุ่มรับโค้กมาดื่มแล้วเอาฝากระติกแสตนเลสเย็นๆแนบลำคอขาว…ของคนที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนรัก


“เย็นนะ” เขาหัวเราะพร้อมๆกับที่เบี่ยงคอหลบ “เอาอีกใช่ไหม”


“ไม่เอาแล้ว พี่คีย์เหอะ กินมั่งยัง” จิณณ์จับแก้มนุ่มๆแล้วดึงเบามือ “แว่นแฮมไม่ใส่แว่นแล้วไม่ชินเลย”


“กินก่อนมาแล้ว นี่ทำมาให้” เขาเทโค้กเพิ่มอีก “ก็แว่นแฟชั่น…ว่าจะไปดูแล้วก็ลืมทุกที…ไว้ไปดูด้วยกันแล้วช่วยพี่เลือกด้วยนะ”


“ถ้าใส่แว่นแล้วเวลาจูบก็ติดแว่นนิดๆสินะ”


“…ก็ติดน่ะสิ…” เขาหันใบหน้าหลบสายตาอีกคน


“เดี๋ยววันพุธมีตลาดนัดในมอ. ผมว่างทั้งวัน ค่อยไปซื้อด้วยกันนะ”


“อื้อ ได้…อะ กินให้หมดนะ เดี๋ยวจะได้ขึ้นไปเรียน พี่คงเรียนเสร็จทีหลัง…เย็นนี้ต้องไปกับพวกพี่ไผ่หรือเปล่า” เขาผลักกล่องแซนด์วิชที่เหลือชิ้นสุดท้ายให้อีกคน


“ไป พี่คีย์ไปด้วยนะ เรียนเสร็จแล้วรอใต้ตึกสามสิบหกปี เดี๋ยวจะรอตรงนั้น”


จิณณ์หมายถึงใต้ถุนตึกใกล้ๆที่มีโต๊ะนั่งยาวหลายตัววางไว้ รวมทั้งร้านกาแฟเล็กๆที่เขาอาศัยแก้ง่วงอยู่บ่อยๆ


“ได้….” เขายิ้มกว้างอีกครั้ง อดคิดไม่ได้ว่านี่คือช่วงเริ่มต้นของความสุขของเขา


หลังจากจัดการคำสุดท้ายเสร็จ เจ้าตัวก็จัดการเทเศษขนมปังให้ปลาใต้สะพานแล้วปิดกล่องยื่นคืนให้คิรากร มือใหญ่ยกขึ้นเสยเส้นผมที่เคยเป็นทรงสกินเฮดแต่ตอนนี้กลับยาวปรกหน้าเบาๆ นัยน์ตาคมเข้มเหลือบมองคิรากรแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้


“ขอบคุณครับ….”


“ผมยาวแล้วเนอะ…” เขายิ้มตอบรอยยิ้มนั้นแล้วเก็บกล่องเข้ากระเป๋า ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนแล้วยืดตัวซ้ายขวา


“ว่าจะไปตัดอยู่ เคยให้ไอ้ถังไถให้…แทบไม่อยากเจอหน้าผู้คนเลย”


“แบบนี้ก็ดีนะ ไถก็ดี พี่ไถให้ไหม”


“ไว้ใจได้ปะ”คนถามทำเสียงหยอก


“ได้สิ ตัดเก่งนะ เดี๋ยวคืนนี้ตัดให้ เอาไหม” เขาเอื้อมมือไปแตะแขนอีกฝ่ายเอาไว้ ไม่กล้าที่จะจับให้แน่นอย่างที่ชอบทำ


“ต้องดูก่อน ว่าจะกลับบ้าน…แม่ใกล้คลอดน้องแล้ว เป็นห่วง….”


หลังการจากไปของคิรากร จิณณ์ได้ใช้ช่วงเวลาปิดเทอมอยู่กับบ้านมากขึ้น ในบางครั้งก็รับรู้ได้ถึงสายใยอบอุ่นที่ถักทอขึ้นจางๆระหว่างเขา แม่ และผู้ชายคนใหม่ของแม่ แม้ว่าจะยังนับเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ได้ แต่ความพยายามของแม่กับคุณลุง…ก็ทำให้จิณณ์เริ่มเปิดใจให้มากขึ้น เพราะรู้ว่าทั้งสองคนเป็นห่วงเขาแค่ไหน


“เดี๋ยวไปกินกับพวกพี่ไผ่เสร็จค่อยดูเวลา ถ้าดึกจะขอนอนด้วยแล้วกัน”


“อื้ม ไม่เป็นไรนะ ไงก็ได้ ดูแม่ก่อนเถอะ” เขาตอบพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง รู้ดีว่าไม่อยู่ในฐานะที่จะเรียกร้องอะไรมากมายไปกว่าความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้


“ทำหน้าเป็นแฮมสเตอร์หงอยเลย..ไปเข้าเรียนได้แล้ว” จิณณ์จับปลายผมอีกฝ่ายลูบไล้เบาๆอย่างเคยชิน


“แล้วเจอกันนะ”


“อื้ม แล้วเจอกัน”

 

 









ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่เล็กๆคูหาเดียวดูคับแคบไปทันทีที่กลุ่มชายหนุ่มเนื้อหอมประจำคณะเดินเข้ามาในร้าน เจ้าของร้านซึ่งอดีตเคยเป็นรุ่นพี่ของพวกรฐกรส่งเสียงวี้ดว้ายทักทายสาวน้อยแสนสวยที่เดินนวยนาดเคียงคู่มากับหญิงสาวตัวเล็ก


“นังกี้—— ตั้งแต่มีหล่อนเป็นรุ่นน้องมา ฉันเพิ่งเห็นมีประโยชน์วันนี้ เชิญค่ะน้องรถถัง เจ๊ยินดีให้บริการ”


“อย่ามาอิเจ๊วีวี่ น้องกี้แค่กระดิกนิ้ว เดี๋ยวก็มีตามมาอีกเป็นพรวน”


“กล้ามาก” อิเจ๊วีวี่ หรือชื่อจริงตามบัตรประชาชนคือ วีรบุรุษ ค้อนขวับ “กินอะไรกันจ๊ะหนูๆ…กินเจ๊ก็ได้นะคะน้องถัง”


“ไม่ได้หรอกค่ะเจ๊วี่ ถังเค้ามีน้องโฟมอยู่แล้ว” จิรนันท์รีบบอกด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น “ใช่แมะถัง”


“โฟมเชี่—- เอ่อ โฟมอะไรล่ะแจ๊ส เราไม่มีแฟน เนอะกี้”


“อุ๊ต่ะ! ไปเอาไข่ขาวดิบมากรอกปากมันให้อ้วกเลยเจ๊ เพื่อนถังของกี้ไปรับประทานยาผิดมารึเปล่าคะ วันนี้ดูพูดดีเป็นมิตรกับกระเทยและผู้หญิงเป็นพิเศษ”


“สัดกี้!!” รฐกรขู่ในลำคอ “เราไม่มีแฟนจริงนะแจ๊ส…แต่เรามีคนที่ชอบแล้ว”


“อื้อ รู้แล้ว ก็โฟมไง ไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวร่างเล็กยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นั่งลงที่โต๊ะกลมใหญ่ของร้าน “แล้วเมื่อไหร่ทุกคนจะมาเนี่ย”


ยังไม่ทันให้รฐกรได้อ้าปากเถียง เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านก็เรียกให้ทั้งสามคนหันไปหาว่าเป็นคนที่รออยู่หรือเปล่า


“มากันเร็วนะ” คนมาใหม่เอ่ยทักทาย พชรกระชับมือที่เกาะกุมแล้วลอบส่งยิ้มให้ “อาลัวบอกว่าเดี๋ยวกำลังมานะ”


“กรี๊ดดดดดดดดดด น้องพี่ไผ่——- อีกี้ โอยยย เจ๊จะเป็นลม หล่อนเอาเทพคณะมาร้านเจ๊ได้ เจ๊ดีใจสุดซึ้ง”


เจ๊วีวี่ตาเป็นประกายระยิบระยับ


“สวัสดีครับเจ๊วี” อิชย์ยกมือข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมาไหว้ แล้วค่อยเดินไปที่โต๊ะโดยยังไม่ยอมปล่อยมือข้างที่จับเอาไว้ “พี่ไผ่นั่งกะโฟมนะ”


“อะไรยังไง ยังงายยยยยย” นัยน์ตาเรียวมองจิกไปที่มือที่จับไว้ “น้องแจ๊สคะ ช่วยเฉลยให้น้องกี้ที่ว่ามือพี่ไผ่กับน้องโฟมทำอะไรกันอยู่ โน้ววววว “


“จะงงไรวะ ก็พี่ไผ่กะโฟมเป็นแฟนกันแล้วไง”


“เฮ้ย!!! เมื่อไหร่ ได้ไง ยังไง! งี้มึงก็อกหักดิวะถัง เห็นมั้ยบอกแล้ว พี่ไผ่ตัวร้ายจ้องงาบน้องโฟม โอ๋นะถังนะ” ร่างเล็กลุกพรวดขึ้นมาแทบจะทันที หลังจากโวยวายจนเสร็จ ก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนของตัวเองเบาๆ


“โอ๋บ้าไรวะ มีตรงไหนของกูที่เศร้าไม่ทราบฮะ เพื่อนกูได้กันกูจะเศร้าทำไม นี่กูนัดมาฉลองนะเว้ย”


“อ้าว ก็มึงชอบโฟม” หญิงสาวขมวดคิ้ว ก่อนจะส่งเสียงจิ๊ปากอย่างขัดใจ


“ที่ไหนไม่ทราบครับคุณจิรนันท์ หล่อๆอย่างกูไม่เอาผู้ชายทำเมียหรอก”


“พี่ถังขาชอบกระเทยก็ไม่บอก น้องลัคกี้พร้อมเสียสละตัวเองเพื่อมวลมนุษยชาตินะคะ”


“หรือสนแบบเจ๊คะ มีร้าน มีรถ พร้อมจ่ายค่าเทอมให้นะ”


“โหย อะไรอะ แล้วพี่ไผ่ไปคบกะโฟมตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่ไผ่อะ โห่ งี้แจ๊สก็ต้องเขียนเรื่องใหม่หมดอะดิ” เธอทำหน้าเมื่อยประกอบพร้อมทั้งส่ายศีรษะไปมา


“โทษทีนะแจ๊ส…แต่เรื่องของเรากับโฟมน่ะ เราเขียนมาตั้งแต่อนุบาลแล้ว” คนตัวสูงพูดยิ้มๆแล้วจับศีรษะกลมมนโยกเบาๆ


“เห็นมะ พล็อตไว้ไม่ผิด พี่ไผ่วางแผนอยากได้โฟมมาตั้งนานแล้วจริงๆด้วย”


“เขินแล้วพี่ไผ่” คนที่นั่งอยู่ข้างกายหดคอลงเล็กน้อย


“โว๊ะ เบื่อบรรยากาศมุ้งมิ้งๆจังเว้ย” รฐกรบ่นเสียงไม่เบาอย่างจงใจแกล้งแซวคนตัวเล็ก “โฟมครับ มึงทำตัวมุ้งมิ้งประหนึ่งเป็นน้องเม็ดโฟมผู้น่ารักซะกูขนลุกเลยว่ะ”


“อย่ามายุ่งสัส กูไม่ได้มุ้งมิ้งกะมึง”


“เห็นมั้ย ทั้งหึงทั้งอิจฉาพูดจาประชดประชัน ถังอะ อย่าซึนดิ” จิรนันท์ยังไม่ยอมแพ้


“กูบอกว่ากูมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เป็นผู้หญิง!” คนถูกแซวทำเสียงแข็งใส่ และทันทีที่เหลือบไปเห็นอาลัวเดินเข้ามาพร้อมจิณณ์และพี่คีย์ ก็รีบหาพวกทันที


“ใช่ไหมอาลัว จิน พี่คีย์ “


“หือ…อือ ตามนั้นก็ได้แหละ” นภัสรพียิ้มตอบก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาที่นั่ง ไม่ให้ตกเป็นประเด็นสนทนา


“โอยยยย กระเทยจะเป็นลม วันนี้ร้านเจ๊รวมตัวพ่อเดือนคณะ ปิดๆ ไม่ให้คนอื่นเข้าแม่งละ เก็บไว้เชยชมคนเดียวพอ” เจ๊วีวี่เดินซวนเซไปพลิกป้ายหน้าร้าน ใคร๊—ใครมันแกล้งเอาหนุ่มหล่อแก็งค์นี้มาทำให้เจ๊หวั่นไหว โดยเฉพาะน้องจินที่เจ๊เล็งมาตั้งแต่ปีหนึ่ง


“น้องจินกินอะไรค้า เดี๋ยวเจ๊ทำให้เป็นพิเศษ”


“เอาอะไรก็ได้ครับเจ๊วี หิวแล้ว ใครสั่งอะไรยังวะ โฟม”


“กูยังไม่ได้สั่ง ฟังแจ๊สโวยวายเรื่องกูเป็นแฟนกับพี่ไผ่อยู่” เขาพยักเพยิดไปทางหญิงสาวที่ยังไม่ยอมนั่งลง


“แต่กี้หิวลากกกค่ะ ถ้าพวกมึงไม่หยุดเถียงกัน กี้จะจับหักกระดูกจิ้มน้ำพริกกินเรียงตัว ม่ะ สั่งข้าวมากินดีกว่า คนละหนึ่งอย่าง กี้เอาผัดปลาดุกซู่ซ่า”


“ชอบเหลือเกินนะปลาดุก มีอดีตรึไงวะ”


“ทะลึ่งอิถัง ไม่พูดกับมึงแล้วสัด น้องแจ๊สขา เอาไรดีคะ”


“เอาไข่เจียวหมูสับ กุ้งผัดพริกขิง เผ็ดๆ”


“จิน กินอะไรดี” คิรากรเอื้อมไปหยิบเมนูที่วางอยู่แล้วเปิดออกแล้วเอ่ยถามคนข้างๆ


“ไข่เจียว….พี่คีย์ล่ะ”


“ปลาทอดน้ำปลาไหม วันก่อนบ่นอยากกินนี่”


“อื้อ…” จิณณ์ตอบแล้วสั่งให้ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูจะสุดไปในสองขั้ว ฝั่งพี่ไผ่กับโฟมก็อยู่ในโลกส่วนตัวนั่งดูเมนูด้วยกัน แต่ฝั่งถังกับแจ๊ส…เกือบจะเรียกได้ว่าอยู่ในยุคสงครามกลางเมือง โดยที่มีรถถังเป็นฝ่ายโดนอยู่คนเดียว


“…….อยากให้บอกไหมว่าเรา..ก็เป็นแฟนกันแล้ว….” เขากระซิบข้างหูคิรากร


คนฟังอมยิ้มออกมา “ตามใจสิ ถ้าบอก จะได้จูงมือกันเดินได้”


“พี่คีย์ขา กระมุบกระมิบอะไรกับไอ้จินตรงนั้นคะ กี้หวงนะคะ”


“หวงใคร? หวงพี่คีย์เหรอ” จิณณ์ยิ้มแล้วโอบไหล่บางเข้าหาตัว “หวงไม่ได้ คนนี้กูหวงได้คนเดียว”


เจ้าของชื่อได้แต่ยิ้มให้กับลัคกี้ที่เบิกตากว้าง “อื้ม ตามนั้นนะครับน้องกี้”


“เฮ้ย! ทำไมกูไม่รู้อีกแล้วคะ”


“เฮ้ย! เอาจริงดิ่” เป็นรฐกรที่ตะโกนขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน


“โน้ววววว ไม่ ไม่จริง พี่คีย์ของกี้ อิจิน มึงบังอาจจจจ ทูนหัวของกี้ขา อย่าไปคบมันค่ะ มันไม่ดี มันโดดเรียน มันหล่อเสียเปล่าแต่ขี้เกียจตัวเป็นขนุน ฮื้อออ ประชากรผู้ชายของกูลดลงอีกแล้ว กระเทยเสียใจ”


“อีกี้หุบตูด ไปครวญครางในส้วมไป” รฐกรยังคงช็อคไม่หาย “นี่อย่าบอกนะว่าที่มึงหน้าเป็นหมาหงอยซึมๆเพราะพี่คีย์ยังไม่กลับมา”


“ถ้าใช่แล้วจะทำไมวะ”


“โอย….เพื่อนกู เป็นเกย์ไปหมด “


“ไม่ค่ะ กูยังมีความหวังกะพี่อาลัวคุณชายของกู บอกกี้มาสิคะพี่อาลัวขา พี่ยังสนใจนมชะนีอย่างกี้มากกว่าตัวผู้ใช่ไหมคะ” สาวน้อยร่างยักษ์กระพริบตาถี่


“แหะๆ…” คุณชายอะไรก็ได้หัวเราะเบาๆ ก่อนจะค่อยๆเอ่ยตอบอ้อมแอ้ม “เราไม่ได้ชอบผู้หญิงตั้งแต่แรกอยู่แล้วน่ะ ขอโทษนะ…”


“ถัง แล้วเหลือมึงคนเดียวทำไมวะ” จิรนันท์อดไม่ได้ที่จะแทรกขึ้นมา


“คนเดียวไรวะแจ๊ส” ถามกลับท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวนของลัคกี้


“เดี๋ยวหาเคะน่ารักๆให้นะ”


“ถามกูไหมมมม ถามกูยัง อ่านปากกูชัดๆนะแจ๊ส กู-ชอบ-ผู้-หญิง-มี-คน-ที่-ชอบ-แล้ว-แต่-แม่ง-ไม่-รู้-ตัว ชัดปะ!!”


“…เออ ไม่คุยกะมึงแล้ว แดกข้าวดีกว่า” เธอเบ้ปากก่อนจะหันหน้าหนีมาสนใจเพื่อนสาวตัวโตแทน “สั่งอาหารกันหมดยังอะกี้”


“หมดแล้ว…กี้หมดแรง เสียใจ กระทั่งพี่อาลัวกับพี่คีย์ยังโดนเอาไป แล้วชีวิตกระเทยจะเหลืออะไร” ทำท่ากระซิกกระซี้พอเป็นพิธีแล้วก็ลุกขึ้นมากุมมือ “แต่ในฐานะแนวร่วมสาววายของเพื่อนแจ๊ส กี้พร้อมเสียสละให้ผู้ชายดีๆกินกันเองก็ได้วะคะ”


“นั่งลงนะครับน้องกี้ เดี๋ยวพี่ชงเหล้าให้นะ” คิรากรเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเห็นเครื่องดื่มถูกเข็นมาที่โต๊ะ


“พี่คีย์ที่รักของกี้ ขอแรงๆค่ะ แรงๆให้มันกระแทกใจกระเทยอกหัก รักคุด มนุษย์ผู้ชายหันไปกินกันเอง”


“โฟมเอาเหล้ารึเปล่า” ไผ่ถามแล้วโอบเอวไว้หลวมๆ โดยมีอาลัวนั่งส่งสติกเกอร์ไลน์แอบยิ้มอยู่คนเดียวเป็นฉากหลัง


“เอา ผสมโค้ก” เขายิ้มกว้างก่อนจะหันไปทำตาเขียวพร้อมทั้งเตะขารถถังที่ทำหน้าอ้วกใส่


“แจ๊ส…กูเอาเอาผสมโซดา” ชายหนุ่มเจ้าของตำแหน่งขี้หลีประจำคณะพูดกับหญิงสาวหนึ่งเดียวบนโต๊ะเสียงอ้อนๆ “ขอแก้วนึงครับ….”


“ค่ะๆๆ” แจ๊สลุกตามไปยืนข้างๆคีย์ “เดี๋ยวแจ๊สช่วยนะพี่คีย์”


“อื้ม งั้นตักน้ำแข็งใส่แก้วละกัน เดี๋ยวพี่ผสมให้เอง…” เขาเปิดขวดเหล้าแล้วหันมาหาคนที่เรียกตัวว่าเป็นแฟน “จิน เอาอะไร”


“โค้กอย่างเดียว เดี๋ยวต้องขี่รถกลับ”


“โอเค” เมื่อรับออเดอร์จนหมด เขาก็เริ่มผสมและเทเครื่องดื่มใส่แก้ว โดยมีแจ๊สช่วยส่งให้ตามคนที่สั่ง พอทำแก้วสุดท้ายเรียบร้อย ก็พอดีกับที่อาหารเริ่มได้รับการยกมาเสิร์ฟ


ไผ่เลื่อนจานที่คิดว่าคนรักกินได้มาไว้ตรงหน้า มือใหญ่จัดแจงตักแกงจืดใส่ถ้วยแบ่งให้ทุกๆคนไม่เว้นแม้แต่วีวี่ที่ปิดร้านมานั่งร่วมโต๊ะ ทำเอาสองชายใจหญิงถึงกับปลื้มปริ่มออกอาการฉอเลาะเอาใจออกหน้าออกตา


“เออ จะบอกว่าสิ้นเดือนมีทริปเอกจีอ็อกไปเชียงใหม่ ใครสนใจไปมั่งปะ”


“ไป ไป เที่ยวเชียงใหม่ต้องไปอยู่แล้ว” เม็ดโฟมรีบยกไม้ยกมือส่งเสียงตอบเป็นคนแรก


“กี้ไปค่ะ อยากไปเดินนิมมานชิคๆเก๋ๆ”


“ไปอยู่กับหลินฮุ่ยดีกว่ามั้งอีกี้ เผื่อได้เป็นพ่อเลี้ยงหลินปิง “


“อีถังงงงงงงงงงงง น้องแจ๊สขาอีถังแกล้งน้องกี้ น้องกี้อ่อนแอสู้ไม่ไหว จัดการให้หน่อยสิคะ”


“ถ้ามึงไม่เลิกว่ากี้ ทีหลังกูไม่ชวนไปไหนด้วยละ” แจ๊สหันไปมองชายหนุ่มตาขวาง


“เลิกว่าก็ได้วะ ไปเชียงใหม่ด้วยกันดิแจ๊ส…อีกี้ด้วยก็ได้”


“ด้วยก็ได้นี่หมายความว่าไงยะ กูเป็นตัวแถมของน้องแจ๊สเหรอ ใช่ซี้——-” ลัคกี้ลากเสียงยาวทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม “กูไม่ได้ไลน์หากันทุกคืนเหมือนใครบางคนนี่เนาะ หุหุหุ”


ชายหนุ่มร่างสูงที่ไม่เคยเถียงแพ้ใครถึงกับไปไม่เป็น รถถังอ้าปากจะพูดแล้วหุบลง ใบหน้าร้อนผ่าวๆกับสายตาสื่อความนัยของลัคกี้ที่บอกว่ารู้อะไรๆมากกว่าใครอีกคนที่อยากให้รู้


อีกฟากหนึ่งของโต๊ะ คีย์ที่เอื้อมแกะปลาทอดราดน้ำปลาแล้ววางบนจานของจินเรียบร้อยค่อยเอ่ยปากขึ้นบ้าง “จินเคยไปเชียงใหม่หรือเปล่า”


“เคยไปตอนเล็กๆ พ่อกับแม่พาไป…ตอนเขายังไม่เลิกกันน่ะ สามขวบได้มั้ง”


“เหรอ พี่ยังไม่เคยไปเลย…ไปกันไหม” เขาถามพร้อมกับรอยยิ้ม


จินพยักหน้าแล้วหันไปหาไผ่ “กูกับพี่คีย์ไป ไปด้วยกันนะอาลัว”


“อือ ไปก็ได้” อาลัวว่า เพราะต่อให้ไม่ไป ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะกลับไปเจอน้องชายตัวโตได้อยู่ดี


“สรุปมีถัง แจ๊ส กี้ อาลัว จิน พี่คีย์ โฟม เรา แปดคนนะ เดี๋ยวเอาไปบอกที่เอกให้” ไผ่สรุปพร้อมกับหันไปหาคนที่นั่งซุกอยู่ใกล้ๆ “พอดีเลยเนอะ ไปเชียงใหม่จะได้ไปหาไอ้บิ๊กด้วย”


ชายหนุ่มพูดถึงเพื่ออีกคนที่เคยเรียนด้วยกันมา เพียงแต่ตอนมหาลัยกลับไปติดไกลถึงเชียงใหม่…ซึ่งแน่นอนว่ามันโวยวายสุดฤทธิ์และฝากฝังเม็ดโฟมไว้กับเขาด้วยคำพูดที่ว่า -มึงต้องดูแลดีๆนะเว้ย อย่าให้ใครมาจีบ-


ไผ่ยิ้มนิดๆ ก็นะ….ไม่ได้ให้ ‘ใคร’ มาจีบสักหน่อย ถึงจะบ่นก็บ่นไม่ได้หรอก


“เออ จริง! ไม่ได้เจอบิ๊กตั้งนาน” นึกถึงเพื่อนตัวอ้วนที่เคยแกล้งในวัยเด็กจนโตมาสนิทกันแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา


“เห็นมันเคยบ่นๆอยากซิ่วมาตั้งแต่ปีหนึ่งไปๆมาๆก็อยู่จนปีสามจนได้”


“อื้อ เผื่อจะซิ่วจริงๆ ไปแกล้งยุมันอีกดีกว่า”


“คิดถึงมันรึไง” ไผ่หยอกกลับ “เดี๋ยวมันมาจริงๆเราก็แย่ดิ….”


“จะแย่ยังไง พี่ไผ่อะ สนุกออก”


“ก็มาแย่งโฟมไง…” พูดจบก็ยิ้มบางๆให้คนรัก


“ใครจะแย่งโฟมได้ โห่ พูดแบบนี้เสียใจนะ” เม็ดโฟมขมวดคิ้วให้


“เราก็ไม่ให้ใครมาแย่งหรอก….” ลดตัวลงต่ำก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้ “…เรารักของเรา…”


คำพูดของไผ่ทำให้คิ้วยุ่งๆนั้นคลายออก “อื้อ”


“พอแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา กูหมั่นไส้แล้วววววววววววว ไม่ได้อยู่กันสองคนนะคะะะะะะะะะะะ น้องเม็ดโฟมคะ พี่ไผ่ขา”


“อิจฉาเหรอ?” เป็นไผ่ที่ยักคิ้วแล้วถามอย่างตั้งใจยั่ว


“เออค่ะ กะเทยอิจฉา ไม่มีที่ยืนพอๆกับชะนี” ลัคกี้จงใจขึ้นเสียงสูงแหลมปรี๊ดจนอาลัวต้องยกมือขึ้นปิดหู


“พอๆ ไม่ทำแล้วก็ได้ กินข้าวเหอะ สงสารอาลัว” คนหน้านิ่งแต่ขี้แกล้งยอมให้แล้วชี้ชวนให้กินกับข้าวบนโต๊ะที่ทยอยมาเสิร์ฟเพิ่ม


“โถ พี่อาลัวคนดี กี้ขอโทษนะคะ” พอทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่อาลัวเสร็จ ก็หันมาหาไผ่อีกครั้ง “เดี๋ยวไปเชียวใหม่ กี้จะพบรักกับหนุ่มเหนือ!”


“กูชักสงสารหนุ่มเหนือขึ้นมาตงิดๆแล้วว่ะ…” รถถังเปรยเสียงเคร่งก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆกับกลุ่มเพื่อนที่ช่วยกันหัวเราะอย่างครื้นเครง


 
(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 17 คำจำกัดความของความสัมพันธ์ (p.6) [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 20-05-2014 10:49:24

หลังจากกลับมาถึงห้อง คีย์ที่อาบน้ำก่อนกำลังนั่งรออีกคนให้ออกมาจากห้องน้ำ รู้ทั้งรู้ว่าจินคงอยู่ไม่นาน เพราะต้องกลับบ้านไปอยู่กับแม่ของเขา แต่ก็อยากจะอยู่ด้วยให้นานขึ้น


ชายหนุ่มร่างสูงเดินออกมาพร้อมหัวที่ยังเปียกชุ่ม มาถึงก็นั่งแปะลงที่พื้นใกล้ๆโซฟาที่เจ้าของห้องนั่งอยู่


“มา พี่เช็ดผมให้” คีย์ไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต มือหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่พับอยู่ข้างตัวขึ้นมาคลี่และวางลงบนศีรษะของร่างสูง ก่อนจะเริ่มเช็ดให้เบาๆ


จินเอนหัวให้ทำตามที่อีกคนพอใจ เขารู้ดีว่าการกระทำเล็กๆน้อยๆแบบนี้เป็นสิ่งที่พี่คีย์ชอบทำมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่แค่ตอนนี้ที่อยู่ในฐานะแฟน….ชั่วคราว


เขาไม่รู้จะหาคำไหนมาจำกัดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาได้ จะเรียกแฟน…พี่คีย์ก็ยังคงรักอันอยู่ จะเรียกเพื่อน…ความรู้สึกหลายๆอย่างก็ก้าวไปไกลกว่าคำนี้


แฟนชั่วคราว…..คงจะเหมาะสุด


“พี่คีย์จะไปนอนที่บ้านผมมั่งไหม…ยังไม่เคยไปเลยนี่”


“จะทำให้คุณแม่ลำบากหรือเปล่า ไม่ได้บอกก่อน…เอ่อ คือ ถ้าจินหมายถึงวันนี้น่ะนะ”


“เขาไม่ว่าหรอก ช่วงนี้นอนเร็วด้วย สงสัยใกล้คลอดแล้วมั้ง”


“อืม….ไปสิ อยากไปนะ”เขายิ้มให้อีกฝ่ายที่เงยหน้าขึ้นมามอง


“แต่ห้องแคบนะ ไม่เหมือนที่นี่” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นยิ้มให้แล้วจูบเบๆที่ปลายคางเหนือศีรษะ


“ไม่เป็นไรหรอก ไปได้แน่นะ” คีย์โน้มหน้าลงมาจูบที่ปลายจมูกของร่างสูง


“จั๊กจี้…” จินหัวเราะเบาๆ “ได้..แต่วันนี้ไม่ไปนะ ผมจะนอนนี่ ขี้เกียจกลับแล้ว”


เจ้าของห้องแย้มรอยยิ้มกว้างก่อนจะแตะจูบเบาๆที่หน้าผากของจิน “อื้ม ผมแห้งแล้วล่ะ”


“ขอบคุณครับ”


จินยกตัวขึ้นแล้วดึงไดร์เป่าผมไปเก็บเอง พอเดินกลับมาก็นั่งลงข้างๆแล้วดึงมากอด “พี่คีย์ตัวหอม….”


“เว่อร์ละ สบู่เดียวกัน งั้นจินก็หอมเหมือนกันสิ” ร่างบางในอ้อมกอดซุกใบหน้าเข้ากับลำคอของจิน


พออีกฝ่ายซุกมา จินก็โอบเอาทั้งตัวไว้แล้วซุกปลายคางสากที่เต็มไปด้วยตอหนวดขึ้นใหม่ๆกับแก้มนิ่มๆ พี่คีย์ชอบอ้อน…ถึงบางครั้งจะติดทำตัวเป็นผู้ใหญ่แต่นิสัยที่แท้จริงก็คือชอบอ้อนมากกว่าถูกอ้อน


คีย์หัวเราะพร้อมทั้งขยับใบหน้าหนี “จั๊กจี๋นะ” พอขยับจนพ้นได้ เขาก็งับปลายคางของจินเบาๆ “เอาคืน”


ชายหนุ่มครางในลำคอแล้วเอาสันมือขยี้ที่หน้าผากเบาๆ พอได้อยู่ใกล้กันแบบนี้ยิ่งรู้สึกว่าความพิเศษของพี่คีย์มากขึ้น…มากขึ้นทุกที


“รักพี่คีย์นะ…..” แค่พูดในสิ่งที่รู้สึก…คือสิ่งที่เขายึดเอาไว้ตั้งแต่วันที่คนๆนี้กลับมา


“อืม” เขาตอบรับในลำคอ ขยับเบียดร่างกายเข้าหาอีกคนให้มากขึ้น


จินกอดเอาไว้แล้วหอมเบาๆที่ข้างแก้ม “อยากไปเชียงใหม่เร็วๆจังเนอะ”


“อื้อ พี่อยากกินแค็ปหมู” คีย์เลื่อนมือไปจับมือของจินเอาไว้ “คุยกันตรงนี้เดี๋ยวก็หลับไปเลยหรอก ไปนอนบนเตียงแทนเนอะ” เขาขยับตัวออกมามองหน้าของอีกฝ่ายแล้วยิ้มให้จางๆ


จินไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้าแล้วปล่อยให้อีกคนพาเดินไปยังเตียงนอน


เตียงที่นอนด้วยกันถูกจับจองเป็นเจ้าของคนละซีก จินไม่ได้ค้างบ่อย แต่ก็หลายครั้งที่เขายึดเอาที่นี่เป็นที่นอนยามที่ขี้เกียจกลับบ้าน สมบัติในห้องนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทั้งของที่ซื้อมาเองและพี่คีย์เป็นคนซื้อให้


“กอดไหม” หลายๆครั้ง….จินต้องเป็นคนเริ่มคำถามนี้ ถึงจะมีแฮมสเตอร์ตัวเล็กๆเข้ามาซุกกอดแก้หนาว


“กอด…” ร่างบางขยับตัวเข้ามาหา แต่ก่อนที่จะซุกเข้ามา เขาเขยิบตัวขึ้นไปจูบร่างสูงที่ริมฝีปากเบาๆ “กู๊ดไนท์”


“กู๊ดไนท์ครับ”


จินจูบเบาๆกลับอีกครั้ง…พร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น


เผื่อว่าตอนที่เขากลับมา…พี่อาจจะรักผมได้บ้าง


เผื่อจะมีหวัง…แค่สักนิดก็พอ

 

 

 








To be continued…

 




kagehana : แฮ่---- หายไปนานเลย กลับมาแล้วค่ะ น้องถังของเจ้กุบกิบหัวใจ สาวมัวแต่วายไม่สนใจเลย ฮ่าๆๆๆ

ส่วนจินกับพี่คีย์ก็รักกันแบบอึนๆมึนๆต่อไป :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 17 คำจำกัดความของความสัมพันธ์ (p.6) [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-05-2014 12:09:47
โฮ กว่าได้อ่าน ดีใจกับคู่นั้นเปิดตัวแล้ว ส่่วนคู่นี้ก็รักกับแบบอึนๆต่อไป
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 17 คำจำกัดความของความสัมพันธ์ (p.6) [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-05-2014 12:16:21
เฮ้มาแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 17 คำจำกัดความของความสัมพันธ์ (p.6) [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: michiri.sama ที่ 20-05-2014 14:56:07
โฮฮฮฮฮ ชอบเรื่องนี้มากค่ะ เราพลาดไปได้เยี่ยงไร

มันเป็นรักที่มุ้งมิ้งมาก โดยเฉพาะคู่โฟมไผ่กับคู่ปั๊มอาลัว (จริงๆอยากอ่านปั๊มอาลัวให้มากกว่านี้นะคะ เพราะมันกิ๊บก๊าวหัวใจมาก หวานเฟ่อออร์ร์)

คู่คีย์จินมีดราม่านิดๆแบบพอรับได้ แต่หลักๆยังคงความกุบกิบอยู่(ฮา)
จินอ่อนไหวมาก เหมือนไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่
คีย์ก็พยายามเข้านะ ทำให้จินเชื่อมั่นว่าคีย์จะรักจินได้แบบที่จินรัก

อยากให้คนเขียนมาต่อบ่อยๆจังเล้ยยย >___<
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 17 คำจำกัดความของความสัมพันธ์ (p.6) [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Pieare ที่ 20-05-2014 17:49:39
ง่ะ รักกุ๊บกิ๊บ แน่หรอไรท์
ทำไมเหมือนจินท์ได้กินมาม่าเป็นชีวิตประจำวันเลยล่ะ
สงสารจินท์อ่ะ
มาต่อไวๆๆน๊าาาา

 :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 17 คำจำกัดความของความสัมพันธ์ (p.6) [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-05-2014 20:46:26
หน่วงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 17 คำจำกัดความของความสัมพันธ์ (p.6) [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 21-05-2014 05:05:24
ตกลงเป็นแฟนแต่ความสัมพันธ์ยังอึนๆ อยู่นะ  :ruready
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 17 คำจำกัดความของความสัมพันธ์ (p.6) [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 21-05-2014 10:09:18
ยังคงสงสารจิณณ์ T^T
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 17 คำจำกัดความของความสัมพันธ์ (p.6) [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Pnomsod ที่ 21-06-2014 03:09:48
แว่นแฮมมมม ชอบจินได้แล้วววววว
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 17 คำจำกัดความของความสัมพันธ์ (p.6) [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 21-06-2014 10:23:25
เกือบลืมไปละ  ว่่ารอเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 18 "ผมรักพี่" (p.6) [29/06/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 29-06-2014 18:10:06

-18-





 

 

“โฟมมมมมมม” ชายหนุ่มร่างโปร่งตะโกนโบกไม้โบกมือเรียกเพื่อนซี้ตั้งแต่อนุบาลของตัวเองเสียดังลั่น จนคนรอบข้างต้องหันมามองตาม


“พี่ไผ่ ไอ้บิ๊กมาแล้ว” เจ้าของชื่อเห็นเพื่อนยืนอยู่ก็รีบปรี่เข้าไปหาพร้อมทั้งกอดคอเอาไว้ “ไม่เจอตั้งนาน เป็นไงมั่งวะ”


“ไงบิ๊ก” ถึงจะแอบเหล่ที่คนรักโถมเข้าไปกอดพื่อนเก่าทั้งตัว แต่ไผ่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร “เตี้ยลงปะ”


“ไผ่นั่นแหละสูงขึ้น โฟมน่ารักเหมือนเดิมเลย นั่งรถมาเหนื่อยไหม ไปพักก่อนเปล่า” เขารีบรับเอากระเป๋าอีกฝ่ายมาถือไว้


“ไม่เป็นไรว่ะ เออบิ๊ก นี่เพื่อนๆเรา” ไผ่ชี้ไปทางด้านหลังที่มีแบคกราวด์เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีกำลังขนของลงจากรถบัสประจำมหาวิทยาลัย “นั่นถัง พี่คีย์ อาลัว จิน แจ๊ส กี้…”


ระหว่างที่เพื่อนเก่าคุยกัน ยังมีอีกสายตาหนึ่งที่มองมาอย่างสนใจ แพทรับเป้ที่โยนลงมาจากรถแล้วสะพายขึ้นหลัง มองไปยังชายหนุ่มตัวขนาดกลางท่าทางกวนๆที่ยืนรวมกลุ่มกับไผ่และเม็ดโฟม


แพทไม่ลังเลที่จะเข้าไปหยอก…ใช่ หยอก และสนุกทุกครั้งที่ได้เห็นอาการหวงเพื่อนของผู้ชายที่มักตีท่าเคร่งขรึม


“ไงน้องโฟม เพื่อนเก่าเหรอครับ”


เม็ดโฟมอดไม่ได้ที่่จะเขยิบตัวออกห่างเล็กน้อย “อื้อ…ชื่อบิ๊ก บิ๊ก นี่พี่แพท…..”


“สวัสดีครับ” บิ๊กรีบยกมือขึ้นไหว้พลางยิ้มจนดวงตาเรียวภายใต้กรอบแว่นหยีจนเป็นเส้นโค้ง


“หวัดดีน้อง เรียนอะไรอะ”


“เภสัชครับ บิ๊กตั้งใจเรียนกว่าพวกพี่ไผ่ครับ เอ๊ย แต่บิ๊กไม่ได้ว่าโฟมนะ” พูดจบก็รีบหันไปแก้ตัวกับเพื่อนตัวเล็กแทบจะทันที


“แต่มึงว่ากู…” ไผ่พูดเบาๆแล้วผลักหัวอย่างไม่แรงนัก “พี่แพทก็เภสัช รู้จักกันไว้ดิ่ เผื่อมึงซิ่วไปอยู่ม.กู”


“ก็ว่าจะซิ่ว จะได้เจอโฟมทุกวัน แต่นี่ปีสามแล้ว ซิ่วไปจะคุ้มไหมนั่น” เขาเหลือบมองร่างสูงที่ยังไม่ไปไหน “พี่แพทเรียนเภสัชปีอะไรแล้วครับ”


“ปีสี่ครับ….ลองถามอาจารย์ดูสิ เผื่อมีบางวิชาเทียบโอนได้ จะได้มาอยู่ใกล้ๆกัน”


ไผ่ฟังคำสุดท้ายแล้วพยักหน้ากับตัวเอง…ก็ดีสิ ถ้าบิ๊กย้ายมา จะได้กันใครบางคนออกไปได้อีกทาง


“เจ้าถิ่น มึงมีร้านไหนแนะนำป่ะ หลังช่วงสองทุ่มกูว่างกันแล้ว”


“โคขุนโพนยางคำ อร่อยสุด บอกเลยครับ ถ้าโอเดี๋ยวบิ๊กโทรจองร้านให้ มีเห็ดเข็มทองที่โฟมชอบด้วยนะ” บิ๊กไม่ลืมที่จะหันมาพูดกับอีกคน “ชวนทุกคนด้วยนะ”


“พี่ไปด้วยนะครับโฟม” เป็นแพทที่ยิ้ม ไม่รอให้ใครชวน “พวกไอ้เลขามันจะไปกินเหล้า พี่ขี้เกียจไป”


“มาเลยครับ คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก” เป็นบิ๊กที่เอ่ยตอบแทน ชายหนุ่มหันไปยักคิ้วให้กับไผ่ เป็นทำนองว่า เดี๋ยวจะกันให้เอง…


แพทยิ้มให้ทั้งสามคนแล้วเดินออกมาตามเสียงเพื่อนสนิทที่ตะโกนเรียก ไผ่มองจนอีกฝ่ายเดินหายไปแล้วดึงตัวบิ๊กที่ทำท่าจะเดินตามพวกโฟมกับเพื่อนๆไปยังหอพักที่ทางมหาลัยได้ติดต่อไว้


“บิ๊กๆ มึงมานี่ดิ๊”


“หือ ว่าไงพี่ไผ่” เจ้าของชื่อเดินตามไปอย่างว่าง่าย


“กูมีเรื่องจะบอกว่ะ” ชายหนุ่มมองไปทางคนตัวเล็กที่เดินตีคู่ไปกับอาลัวแล้วพยักเพยิดเป็นทำนองว่าเรื่องของเม็ดโฟม


“อะไร ถ้าเรื่องพี่แพทจีบโฟม รู้แล้ว มองก็รู้”


“เปล่า…..” ไผ่นิ่งไปสักพัก เอาเหอะ ก็เป็นความจริง สักวันก็ต้องรู้ “กูเป็นแฟนกับโฟมแล้ว”


“เฮ้ย! ได้ไงพี่ไผ่ บิ๊กชอบโฟมมาตั้งนานแล้วนะ” บิ๊กถึงกับขึ้นเสียง ก่อนจะรีบหรี่ลงเมื่อคนข้างหน้าหันมามอง


“แต่กูชอบมาตั้งแต่อนุบาลนะบิ๊ก….ก็มึงบอกเองว่าอย่าให้ใครมาจีบโฟม กูก็ไม่ใช่คนอื่น ที่สำคัญ….กูกับโฟมรักกันว่ะ” ไผ่กอดคอเพื่อนตั้งแต่สมัยอนุบาลเข้ามากระซิบ


“พี่ไผ่ชอบทำไมไม่บอกบิ๊กล่ะ ถ้าเป็นพี่ไผ่บิ๊กก็ไม่สู้หรอก” คนตัวเล็กกว่าทำเสียงโอดครวญเบาๆ


“ก็เออนั่นแหละ…ไม่ต้องสู้แล้ว กูกะโฟมรักกันดี” ไผ่อธิบายปิดทางเลือกให้อีกฝ่าย “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวบิ๊กก็หาแฟนได้”


“ขนาดบิ๊กอยู่เชียงใหม่นะ สาวๆเชียงใหม่ยังน่ารักสู้โฟมไม่ได้เลย แล้วบิ๊กจะไปหาจากไหน ไม่ได้สูงหล่อเป็นผู้ใหญ่อย่างพี่ไผ่ด้วย”


“เดี๋ยวก็ได้น่า บิ๊กก็ตัวเล็กๆน่ารัก สาวๆสมัยนี้ชอบผู้ชายแนวน่ารักนะรู้ปะ” คนที่กอดคอให้คำแนะนำไปส่งๆ เขาเหลือบมองไปด้านหลัง…พี่แพทยังเดินอยู่ไม่ห่างออกไปเท่าไหร่นัก


“แต่มึง….มาถึงเชียงใหม่ใช่ปะ กูก็อยากอยู่กะเพื่อนกะโฟม พี่แพทเขาไม่รู้ว่ากูกับโฟมคบกัน….บิ๊ก ช่วยเพื่อนหน่อยได้ปะ”


“ได้ดิ พี่ไผ่จะให้บิ๊กช่วยยังไง” จากเด็กเกเรที่เคยแกล้งเม็ดโฟมในวัยเด็ก โตมาเป็นชายหนุ่มเรียบร้อยผู้รักเพื่อนแและพร้อมจะช่วยเหลือยามเพื่อนลำบากเสมอ


“กันให้หน่อย…คือแบบ..เวลาพี่แพทจะมายุ่งกับโฟม บิ๊กก็ดึงความสนใจให้หน่อยอะไรแบบเนี้ย”


“ได้สิ เชื่อมือได้เลย แล้วพี่ไผ่ต้องดูแลโฟมดีๆนะ” รับปากเสร็จก็ไม่ลืมที่จะกำชับให้แน่ใจ ว่าอีกฝ่ายจะดูแลคนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งรักแรกของตัวเองอย่างที่ดีสุด


“สัญญา” ไผ่รับคำ


ไม่ต้องรอให้บิ๊กบอกหรือใครๆเตือน…..เขาก็จะดูแลเม็ดโฟมให้ดีที่สุด ไปตลอดชีวิต







////////////////////////////

 

(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 18 "ผมรักพี่" (p.6) [29/06/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 29-06-2014 18:16:23


“พี่แพทกินเยอะๆครับ เดี๋ยวบิ๊กทำให้ พี่ไผ่เอาเห็ดเข็มทองให้โฟมด้วย” เจ้าถิ่นยืนคีบเนื้อจากเตามาวางลงบนจานของรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างตัว


“ขอบคุณครับน้องบิ๊ก เพื่อนโฟมน่ารักเหมือนโฟมเลย”


“ไม่หรอกครับพี่ บิ๊กว่าโฟมน่ารักกว่าเยอะ” พูดจบบิ๊กก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองฐานลืมไปว่าควรจะต้องกันแพทออกจากเพื่อนของตัวเอง “แต่พี่แพทว่าบิ๊กน่ารักก็ดีครับ ไม่ค่อยมีคนชม”


แพทหันไปหาเม็ดโฟม เด็กหนุ่มตัวเล็กสบตาเขาแล้วเบี่ยงตัวไปเกาะแขนเพื่อน แกล้งทำเป็นไม่เห็น แพทยิ้มจางๆ….ก็น่ารักดี ถ้าไม่ติดว่าเอาแต่เกาะติดเพื่อนแจขนาดนี้ ก็คงมีสิทธิ์ลุ้นละมั้ง


“น่ารักคนละแบบ….น้องบิ๊กเอาเนื้ออะไรดี โฟมล่ะ พี่ย่างให้เอาไหม”


“เดี๋ยวบิ๊กทำเองครับพี่แพท บิ๊กทำให้ทุกคนแหละ พี่แพทนั่งเฉยๆเลยครับ” พูดจบก็รีบกุลีกุจอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เป็นธุระคีบเนื้อวางให้ในจานของทุกคน


“บิ๊กดูแลเอง”


“ดูแลอย่างงี้คิดอะไรกับถังป่าวครับเพื่อนบิ๊ก” ชายหนุ่มที่นั่งข้างหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มเอ่ยแซว…ก่อนจะรู้ตัวว่าพลาดไปแล้วเมื่อมองหน้าสาวข้างๆ


“อกหักจากโฟมแล้วทำแบบนี้เหรอถัง ไม่รักจริงเลย” แจ๊สว่าซ้ำยังค้อนใส่


“เปล่านะ บิ๊กทำให้ทุกคน”


“แหมมม กรุบกริบอย่างเพื่อนบิ๊กไม่ต้องทำให้ใครหรอกค่ะ เดี๋ยวก็มีสาวๆหนุ่มๆมาช่วยทำให้”


“ใช่ครับ น้องบิ๊กนั่งเลย เดี๋ยวพี่ช่วยย่างเอง”


ทันทีที่พี่แพทพูด กลับกลายเป็นว่าทุกคนเงียบกริบและหันมามองเป็นตาเดียว จะมีก็แต่เจ้าตัวที่ทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวย่างเนื้อวางใส่จานทั้งโฟมทั้งบิ๊กนั่นแหละ


“ขอบคุณครับ” บิ๊กยิ้มให้กับคนใจดีก่อนจะยอมนั่งลง แต่ก็ไม่ลืมที่จะคอยมองเม็ดโฟม


“มึง…กูว่าพี่แพทจะจีบเพื่อนบิ๊กว่า” รถถังแอบกระซิบไผ่ที่นั่งอยู่ถัดไป “เหี้ย…เอาจริงเหรอวะ”


“จีบจริงก็ดีดิ่” คนพูดยิ้มอมพะนำ ถึงจะต่างจากที่คิดไปนิด แต่ถ้าใช่ก็คงโอเค…ละมั้ง


“คือตอนนี้รอบตัวมีกูคนเดียวที่ปกติใช่ไหม” รถถังทำเสียงเพลีย ก่อนจะรีบชิงคีบเนื้อมาวางบนจานของหญิงสาวข้างๆบ้าง


“กี้ว่าถ้าถังตกลงปลงใจกะกี้…..ก็โอเคนะ” ลัคกี้สบตาแล้วยิ้มหวาน “….หรือแจ๊สว่าไง”


“ไม่ได้อะกี้ เราขอโทษนะ แต่ถังต้องมีเคะตัวบางน่ารักอะ” หญิงสาวว่าพลางคีบเนื้อเข้าปาก “ขอบใจนะ”


“ไม่คิดว่าถังมันจะชอบตัวบางน่ารัก….ที่ไม่ใช่ผู้ชายมั่งเหรอ…” ปากพูดกับแจ๊สแต่สายตากลับมองอีกคน


“รู้ดีนักนะมึงอะอีลัคกี้ เดี๋ยวกูเอาเนื้อยัดปากแม่งเลย” ชายหนุ่มปากกล้าอย่างรถถังยังคงทำปากดี…ถึงหน้าจะเริ่มแดงก็เหอะ แต่มันเป็นเพราะเตาร้อนหรอก ไม่ใช่อย่างอื่น


“ยิ่งไม่ได้เลยอะ ก็ดูรอบตัวถังดิ ถ้ามีแต่สาวๆก็ว่าไปอย่าง” หญิงสาวดื่มโค้กจนหมดแก้ว “เบื่อโค้กแล้ว ใครเอาเหล้ามั่ง”


“เป็นผู้หญิงอย่าซ่ากินเหล้าดิ่ โค้กแหละดีแล้ว”


“ไม่ได้กินแล้วเมาเละอย่างมึงนี่คะ เอามาเหอะน่า พ่อยังไม่ห้ามเลย” แจ๊สทำเสียงแข็งขึ้นมาก่อนจะหันไปโบกไม้โบกมือเรียกคนเสิร์ฟมาสั่งเหล้าตามใจตัวเอง


อีกฟากฝั่ง เป็นจินที่นั่งอยู่ข้างๆคนอายุมากกว่าที่หน้าเริ่มแดงนิดๆ และไม่รู้ว่าเจ้าตัวจงใจหรือไม่…แต่มือเรียวเย็นฉ่ำกลับแตะตามตัวเขา ทั้งกอดบ้าง โอบบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นซบที่ไหล่แล้วหัวเราะไปตามเรื่องตามราว


“เมาแล้วเหรอพี่คีย์”


“ยังไม่เมาซะหน่อย พี่ไม่คออ่อนนะ” คีย์ยกศีรษะขึ้นมายิ้มให้ แล้วเอื้อมมือไปคีบเนื้อมายื่นให้ตรงหน้าของจิน “อะ กินนะ”


จินอ้าปากงับเนื้อที่ยื่นมา “คอไม่อ่อนอะไรหน้าแดงขนาดนี้”


“เป็นตั้งนานแล้ว หน้าแดงน่ะ” เขายิ้มกว้างขึ้น “กินเบคอนไหม”


“ระวังเหอะจะมอมให้เมาเลย”


“ไม่เมาหรอกน่า” พูดจบ คีย์ก็หยิบเบคอนมา “เอาไหม”


“เอาแต่ป้อนผม ตัวเองกินมั่งยังเหอะ” พูดจบก็คีบเนื้อในจานเข้าไปจ่อถึงปาก “กินเข้าไปเลย ขุนให้อ้วนกอดจะได้นิ่มๆ”


“อ้วนไปเดี๋ยวทิ้งพี่ขึ้นมา ไม่เอาหรอก” เขาพูดติดตลกก่อนจะยอมทานเบคอนแต่โดยดี “ถ้าตัวนิ่มแล้วกอดเยอะๆนะ”


“อะหือ เมาจริงๆนะเนี่ย” จินหยิกแก้มแดงๆทั้งสองข้าง “ระวังเหอะจะมอมให้เละเลย” จินย้ำอีกครั้ง


“มอมให้เละไม่ได้หรอก” คีย์ยิ่งหัวเราะมากขึ้นก่อนจะหยิบแก้วเหล้าผสมโค้กขึ้นมาดื่ม “เหะ…” เขาเอื้อมใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วงับปลายคางอีกคนเบาๆ


เชี่ย…ถ้าอยู่บ้านโดนเอาบนโต๊ะแน่


“เมาแล้ว” ชายหนุ่มปิดปากรุ่นพี่ที่เริ่มตาหวานเยิ้มพลางกระซิบข้างหู “เดี๋ยวคืนนี้ก็โดนหรอก”


“คือ มุมตรงนั้นครับ กูนั่งติดกับพี่ไผ่ยังเกรงใจคนบนโต๊ะเลยครับ” เป็นเม็ดโฟมที่โวยวายขึ้นมา “นิดนึงไอ้จิน”


“โฟมอย่าขัดเด้!” แจ๊สร้องอย่างขัดใจ


“อิจฉารึไงวะโฟม” ชายหนุ่มยักคิ้วล้อ “อยากให้พี่ไผ่เอาใจก็อ้อนเอาเองนะ”


“ตลก กูเกรงใจคนอื่นเว้ย”


“ไม่ต้องอ้อนเราก็เอาใจนะ” คราวนี้เป็นประธานปีสามภาคภูมิศาสตร์กระซิบข้างหูคนรักแทน


“คือกูเอียนทั้งคู่ครับสัด” รถถังว่าขึ้นบ้าง “ใช่ไหมกี้”


“ถูกค่ะ กี้แบ่บ…แบ่บว่าอยากมีมั่ง อยากนั่งกระจุ๋งกระจิ๋งจีบกันหน้าเตาเนื้อย่าง โรแมนติกสัดๆ” ลัคคี้ทำปากเบ้อย่างหมั่นไว้ “กี้อยากเบ้ปากเป็นรูปสระอิใส่แม่งทุกคน โอ๊ยยย โลกนี้แม่งจะหวานไปไหน ไม่มีพื้นที่ให้กระเทยไร้คู่ยืนเลย”


“ถ้าน้องกี้ไม่ชอบ เดี๋ยวพี่ดื่มแก้วนี้หมดแล้วกลับก่อนก็ได้นะครับ จะได้ทานกันสบายๆ” คีย์ยิ้มกว้างให้ก่อนจะดื่มเข้าอีกอึกหนึ่ง


“โนค่ะพี่คีย์ วันนี้ใครไม่เมาห้ามกลับ เลี้ยงฉลองลักกี้จะได้แอ๊วหนุ่มเหนือ โอ๊ยยย อยากได้ละอ่อนน้อยจาวเจียงใหม่เน้อออ” ลัคกี้พูดแล้วหัวเราะร่วนด้วยได้ฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าไปมากเหมือนกัน


“มึงก็หาแถวนี้ไปนะกี้….เผื่อใครมันเมาๆอาจจะได้สักคน” จินหยอกกลับ


“อีเลว ได้ดีละทิ้งเพื่อน” ลัคกี้ทำเสียงต่ำพร้อมทั้งเบ้หน้าใส่


“งั้นเดี๋ยวกลับกันนะจิน” คีย์พูดพร้อมทั้งกระตุกชายเสื้ออีกฝ่ายเบาๆ


“อื้อ เดี๋ยวกลับนะ รออีกแป๊บ”


อีกแป๊บที่ว่าของจินคือหลังจากที่ลัคกี้ดวลเหล้ากับรถถังจนกลายสภาพเป็นหมาแล้วทั้งคู่ แพทเป็นคนเรียกเก็บเงินแล้วช่วยกันพาทั้งสองคนเดินกลับไปที่พัก การแบ่งห้องครั้งนี้ไม่มีปัญหาใดๆเพราะต่างตกลงกันก่อนมาเสร็จสรรพ พอถึงที่พักจินก็พาคีย์ขึ้นห้องไปด้วยกัน คนที่อ้างว่าไม่เมาๆหน้าแดงก่ำไปถึงหูคอยนัวเนียเขาจนถึงกระทั่งในห้องก็ไม่เว้น


“พอเลยๆ ไปอาบน้ำเลยพี่คีย์”


“อือ อาบด้วยกันสิ” ร่างบางไม่ยอมละตัวออกจากจิน ใบหน้าเอนซบกับหัวไหล่ของเขา มือจับแขนของร่างสูงเอาไว้ไม่ปล่อย


“อาบได้ไง เมาแล้วเหอะ อาบเองเลย” จินขยี้ผมอีกฝ่าย…นี่จะฝึกความอดทนกันรึไงห้ะ


“ถ้าพี่ล้มหัวฟาดขึ้นมาล่ะ” คีย์ย่นคอลงเมื่อถูกขยี้ผม แต่ก็ยังไม่ยอมตามอีกฝ่ายง่ายๆ


“ถ้าผมอารมณ์ขึ้นขึ้นมาล่ะ” จินย้อนใส่กึ่งฉุนกึ่งขำ


“ขึ้นก็ไม่เป็นไร พี่ไม่ว่าหรอก…” คนพูดยังคงยิ้มกว้าง “หรือจินยังไม่เคยเลยกลัวเหรอ”


“บอกตอนไหนว่าไม่เคย” หลังจากที่เป็นฝ่ายโดนลวนามมานาน คราวนี้เลยเป็นฝ่ายรวบกอดเองบ้าง


“ไอ้ขี้เมา ไปนอนเลยไป”


“ไม่ได้ ต้องอาบน้ำก่อน นะ” นะ…แล้วก็เริ่มก้าวเดินไปทางห้องน้ำโดยพ่วงอีกฝ่ายมาด้วยอย่างทุลักทุเล


“แม่ง……”


จินสบถเมื่อมาถึงห้องน้ำ นึกอยากจะเอาสายน้ำมาฉีดใส่ให้หายเมา ค่าที่อีกฝ่ายนัวเนียจนเกือบจะเอาตัวไม่รอด


“เดี๋ยวปล้ำนะ”


“ปล้ำ มันต้องไม่ยินยอมไม่ใช่เหรอ หรือเปล่า…” คีย์ยังคงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพลางแกะกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ด


“หยุด! หยุดเลย” ชายหนุ่มร่างสูงกลับเป็นฝ่ายดึงมือห้ามไว้ ไอ้บ้า…ไอ้ขี้เมา ถ้ารู้ว่าเมาแล้วเป็นอย่างงี้ไม่ให้กินหรอก ชอบทดสอบคนอื่นอยู่เรื่อย “ไม่มีสติอย่างงี้เกิดผมทำขึ้นมาจริงๆจะว่าไง”


“จะว่าไง เป็นจิน พี่ไม่เคยห้ามนะ” ร่างบางพยายามขืนมือให้หลุดจากการเกาะกุม


“หยุดนะ” ปากพูดอย่างนั้น แต่เพราะพี่คีย์ไม่ยอมหยุด ตัวเองเลยต้องเป็นฝ่ายรวบเอาไว้ในอ้อมแขน เนื้อตัวนิ่มๆหอมๆเคล้ากลิ่นแอลกอฮอล์นิดๆ…ต่อให้เป็นพระอิฐพระปูนก็ไม่ทน


“ทำไมล่ะ……” พอขยับตัวไม่ได้ คนที่ถูกรวบไว้ก็เงยหน้าขึ้นมองอีกคน “แฟนกัน ทำไมจะอาบน้ำด้วยกันไม่ได้”


“โอ๊ยยยยยย” จินแทบจะอยากจับตัวเขย่าๆให้แฟนที่ว่าหายเมา “แฟนอะไรเล่า บอกเลยนะ ถ้าอาบด้วยกันเกิดอะไรขึ้นผมไม่รับผิดชอบจริงๆด้วย”


“จะไม่รับเหรอ……………….” รอยยิ้มกว้างหายวับไปจากใบหน้า ดวงตาที่เป็นประกายฉายแววเศร้าหมอง “จะทิ้งกัน…ไม่รับผิดชอบ…เหรอ”


“โธ่เว้ย…” พอเห็นอีกฝ่ายเศร้า เขาก็ได้แต่ใจอ่อน “ไม่ทิ้งหรอก….ตัวเองแหละที่ทิ้งไปก่อน”


จินแตะนิ้วโป้งเบาๆที่หัวตาแล้วขยี้คิ้วที่ขมวดมุ่น “ผมรักพี่คีย์…ไม่ทิ้งหรอกนะ”


“…….ไม่ทิ้ง…ก็อาบน้ำ…..เหนียวตัว….แล้ว” คนอายุมากกว่ากลับกลายเป็นเด็กกว่าไปในทันที รอยยิ้มกลับคืนบนใบหน้ากลมอีกครั้ง


พอพี่คีย์บอกว่าจะอาบจริงๆ จินก็เป็นฝ่ายถอดเสื้อผ้าออกจากคนเมาให้ เขาไม่เคยเห็นพี่คีย์ในร่างเปลือยมาก่อนจึงนึกตกใจเล็กๆที่อีกฝ่ายดูตัวเล็กกว่าที่คิดไว้ พอเหลือแต่ชั้นใน จินก็ผลักไสเพื่อนร่วมห้องเข้าไปยังใต้ฝักบัว ปรับน้ำปรับอุณหภูมิให้แล้วส่งฝักบัวเข้ามือไป


“อาบเอง เสร็จแล้วเรียกนะ”


“ไม่เอา อาบด้วยกันสิ ทิ้งกัน…ได้ไง” คีย์ส่งเสียงงอแงราวกับเด็กผู้ชายไม่ได้ของเล่น


จินครางอ่อนใจ เขายอมถอดเสื้อออกเหลือแต่บ็อกเซอร์แล้วก้าวเข้าไปอาบด้วย ในห้องน้ำแคบๆ..ยืนเบียดกันไปมาทำให้อารมณ์บางอย่างถูกปลุกขึ้น เขารับรู้ แต่ก็พยายามจะข่มใจให้สงบ เพราะรู้ว่าอีกคนก็แค่เมาแล้วอ้อน พรุ่งนี้ตื่นมาอาจจะลืมแล้วก็ได้


พอเห็นอีกฝ่ายยอมทำตามใจ คีย์ก็ยิ้มกว้างให้ “มา เดี๋ยวช่วยอาบให้”


“ไม่ต้องอะ” คนที่จะถูกอาบให้ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เขาใช้ฝักบัวฉีดใส่ร่างคนตรงหน้าแล้วเอาครีมอาบน้ำที่พกมาบีบใส่เรือนร่างขาวผ่อง “ถูสบู่เลย อาบไวๆจะได้รีบนอน”


“รีบเกินไปแล้ว” เขาใช้มือปาดครีมอาบน้ำบนตัวแล้วทาคืนลงบนร่างสูง “นี่…อาบด้วย”


จินแกล้งกลับด้วยการเอามือลื่นๆถูไปตามตัว หนูแฮมขี้เมาของเขาหัวเราะคิกคักแล้วพยายามจะลูบคืน ทำเอาคนที่ตั้งใจจะแกล้งออกอาการไปไม่เป็นขึ้นมา ยังไม่นับที่จู่ๆคีย์ก็เซเข้ามากอดไม่ยอมปล่อย จินรู้สึกถึงอะไรๆที่เริ่มก่อตัวขึ้น


ชายหนุ่มกัดฟันแน่น…ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหน เขามันแค่คนธรรมดา มีคนมาทำอย่างงี้ใครจะไปทนไหว


จากที่หลบเลี่ยง จินเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุกไล้ เขาประคองใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาจูบเบาๆ กายสูงใหญ่เบียดเสียดแนบชิดกับใต้สายน้ำ มือหนึ่งตวัดโอบร่างบาง ดันเอวเข้ามาแนบชิด…ให้รับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จวนเจียนจะคุ้มคลั่ง


“…นี่…เอาจริงแล้วอย่าโกรธนะ”


“…ไม่โกรธ…” ร่างบางปล่อยเสียงครางเบาๆออกมา “เอาจริงได้…นะ” คีย์พูดต่อก่อนจะเป็นฝ่ายรุกจูบร่างสูงบ้าง


ทั้งที่รู้ดีว่าพี่คีย์ยังรักใครอีกคน..ที่ไม่ใช่ตัวเอง แต่หัวใจไม่ใช่สิ่งที่ห้ามได้เลย


“จะไม่เสียใจทีหลังแน่นะ…”


“ไม่เสีย……” เขาจ้องลึกไปในดวงตาของอีกคนด้วยความรู้สึกมากมายที่ไม่อาจถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้ในเวลาเช่นนี้


จินยิ้มจางๆ…แต่ถึงแม้จะยิ้ม แววตาที่หรุบลงกลับเจือจานความเศร้า ชายหนุ่มไล่ฉีดฟองออกจากตัวอีกฝ่ายแล้วใช้ผ้าขนหนูห่อตัวรุ่นพี่สุดดื้อไว้แล้วพากันเดินออกมาที่เตียงนอน จินกอดคน…ที่รัก…แผ่วเบา อ้อมกอดแข็งแรงโอบล้อมร่างใต้ผ้าขนหนูเอาไว้ให้อบอุ่น แม้ว่าจะเป็นฝ่ายที่หนาวเอง


“ผมรักพี่นะ….”


“อื้อ เหมือนกัน….” คีย์ยิ้มกว้างให้กับคำรักของอีกฝ่าย “มา…เดี๋ยวหวัดนะ”


จินก้มศีรษะลงซุกกับไหล่บอบบาง ริมฝีปากอุ่นร้อนแตะไล่เบาๆบนลาดไหล่ขาวเนียนพลางไซร้จมูกสูดกลิ่นกายหอมหวานเจือสดชื่น


ไม่เหมือนหรอก….แต่ถึงอย่างงั้นผมก็อยากหลอกตัวเอง


“ยังเมาอยู่ปะ…”


“ไม่ได้เมา…ไม่เชื่อกัน” ใบหน้ากลมขยับหันไปด้านข้าง เพิ่มพื้นที่ให้อีกฝ่ายได้สัมผัสมากขึ้น


“ขี้เมา…”


จินพึมพำก่อนจะตัดสามัญสำนึกทั้งหมดทิ้ง ปล่อยให้ร่างกายไปตามจิตใจที่เรียกร้อง มือใหญ่ปลดผ้าขนหนูของคีย์ออกแล้วดันร่างที่เล็กกว่าให้นอนราบไปบนเตียงนุ่ม เงาร่างคร่อมทาบกับก่อนที่จะบดเบียดจุมพิตหวานมอบให้ไปพร้อมกับความอบอุ่นที่ค่อยๆเติมเต็มทีละนิด


“….ไม่เคยทำกับผู้ชาย….หรอกนะ….”


“…เหรอ” คีย์เลิกคิ้วขึ้นมอง “พี่ทำ…ก็ได้นะ….”


“ไม่ต้องเลย…..” จินจิ้มปลายนิ้วบนหน้าผากของคนที่เสนอตัวจะทำให้


แม้ร่างกายจะไม่นุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิง แต่ผิวกายละมุนกับความรู้สึกก็ชักนำให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น จินเล้าโลมร่างกายท่อนบนด้วยปลายลิ้นและนิ้วมือ มือหนึ่งลากไล่ไปยังชั้นในที่ปิดบังเอาไว้แล้วดึงออกผ่านเรียวขาที่ขยับช่วย


จินปลุกเร้ากึ่งกลางร่างกายของคนรักด้วยฝ่ามือเบาๆ เสียงครางในลำคอเป็นตัวแปรปลุกเร้าอารมณ์ให้ยิ่งลุกโชน


“ดีไหม…”


“อือ…” เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงครางเครือ “อีก…ก็ได้…ไม่เป็นไร….”


“อืม..”


คนที่นอนอยู่ด้านล่างเอื้อมไปจับมือข้างที่เล่นกับยอดอกให้ยกขึ้นมา คีย์แตะปลายลิ้นเข้ากับนิ้วชี้ของอีกฝ่าย ก่อนจะดึงให้หายเข้าไปในปาก เรียวลิ้นของเขาตวัดพัวพันกับปลายนิ้วจนชุ่ม สักพักก็อ้าปากออกแล้วดึงเอานิ้วกลางเข้าไปด้วย


“………..” จินไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ จากที่เคยเห็นเป็นแว่นแฮมหน้ามึนๆ…กลับกลายเป็นเซ็กซี่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่



“จะฆ่ากันให้ตายเลยหรือไง”


คีย์ยิ้มให้ทั้งๆที่นิ้วของอีกฝ่ายยังอยู่ในปาก ไม่นาน เขาก็เป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกแล้วค่อยดึงเอามือข้างนั้นของจินให้เลื่อนลงไปด้านล่าง “ถ้าไม่ทำให้ชุ่มก่อน…พี่จะเจ็บนะ…” พูดจบ คีย์ก็ให้อีกฝ่ายใช้ปลายนิ้วแตะที่ช่องทางด้านหลัง


“ไม่ทำให้เจ็บหรอก…”


ถึงจะมีประสบการณ์กับผู้หญิง แต่พี่คีย์เป็นผู้ชายคนแรก…จินเลยหวังว่าสิ่งที่เขาทำจะไม่ทำให้คนที่รักต้องอดทนหรือเจ็บปวด


ปลายนิ้วเปียกชุ่มค่อยๆสอดเข้าไปเชื่องช้า ภายในที่อุ่นร้อนตอบรับสัมผัสจากนิ้วที่ล่วงล้ำเข้าไป ร่างในอ้อมกอดบิดกายเบาๆก่อนจะส่งเสียงครางออกมาจากลำคอบอบบาง


“….อย่างงี้ได้ปะ….ไม่เจ็บใช่ไหม…”


“ย…ยัง….” เป็นร่างบางที่ค่อยๆแยกขาออกกว้าง “ค่อยๆ…จนสุดนะ….” คีย์ยกแขนสองข้างขึ้นโอบรอบลำคอของร่างสูงเอาไว้


เพราะไม่ได้ให้ใครแตะต้องบริเวณนั้นมาเป็นปี ปลายนิ้วของอีกฝ่ายที่สอดแทรกเข้ามาทำให้รู้สึกมากกว่าที่เคย


จินทำตามช้าๆ แม้ว่าจะไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายแต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามอัตโนมัติ เขารอให้คนรักคลายอาการเกร็งก่อนจะสอดอีกนิ้วเข้าไป มืออีกข้างช่วยปลุกเร้าส่วนอ่อนไหวให้


“…อยากเข้าไปแล้ว…” จินกระซิบเสียงพร่าข้างหู


“ด…เดี๋ยว..นะ…” คีย์ผ่อนลมหายใจก่อนจะสะดุ้งตัวเมื่ออีกฝ่ายหมุนนิ้วช้าๆ “ตรงนั้นของจิน…ต้องชุ่ม…ด้วย”


“มีโลชั่นหรือออยไหม…”


“…ไม่ต้องหรอก…” ร่างบางขยับตัวขึ้นนั่ง ดึงมืออีกฝ่ายให้ถอนปลายนิ้วออกก่อนจะก้มตัวลงจูบเบาๆที่ส่วนปลายของแก่นกายจิน


“..เฮ้ย…พี่คีย์….” พอจะร้องท้วงก็ถูกดุด้วยแววตาขึงขัง อันที่จริงเขาไม่ได้จะให้อีกฝ่ายทำถึงขั้นนี้ แต่ถึงแม้จะไม่คุ้นเคย..แต่สัมผัสของคนรักกลับทำให้ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้น


จินปล่อยให้อีกฝ่ายทำตาม เบื้องล่างที่ได้สัมผัสกับเรียวลิ้นอุ่นร้อนและโพรงปากนุ่มนวลยิ่งทำให้แก่นกายของเขาถูกกระตุ้นอย่างง่ายดาย จินใช้ปลายนิ้วที่ยังเปียกชุ่มสอดเข้าไปในสะโพกเพรียวอีกครั้งและช่วยกระตุ้นอีกฝ่ายไปด้วย


คีย์ละริมฝีปากออกมา “พอแล้ว…อึก…จิน…” เขายืดตัวขึ้น วางพาดแขนข้างหนึ่งไว้กับลาดไหล่กว้าง มืออีกข้างยังคงจับแก่นกายร้อน่ผ่าวของจินเอาไว้ “อย่าขยับนะ….”


ร่างบางค่อยๆลดตัวลง ดึงปลายนิ้วของอีกฝ่ายออก แล้วจับแก่นกายให้สัมผัสส่วนปลายเข้ากับช่องทางด้านหลัง “…เอา…ล่ะนะ”


เขากดตัวลงรวดเร็ว เพียงครั้งเดียว จินก็เข้ามาอยู่ในร่างกายของเขาจนสุด “อย่าเพิ่ง…ขยับนะ” ด้วยขนาดที่แตกต่างจากปลายนิ้ว และค่าที่ห่างหายจากสัมผัสลึกซึ้งเช่นนี้ไปนาน ทำให้รู้สึกอึดอัดจนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง


จินโอบร่างบางที่สั่นสะท้านเอาไว้แนบกายแล้วจูบพรมเบาๆไปยั่วหัวไล่เนียน ความอุ่นร้อนคับแคบที่โอบล้อมเอาไว้ทำเอาหัวใจเกือบหยุดเต้น เขารอให้คนในอ้อมกอดหายใจช้าลง มือใหญ่เลื่อนไปจับสะโพกคนรักประคองเอาไว้แล้วเป็นฝ่ายขยับเชื่องช้า ส่วนที่เชื่อมต่อเสียดสีกัน เสียงครางหอบหายใจของคีย์ถูกปิดทับด้วยริมฝีปาก ผสานให้ลมหายใจเป็นหนึ่งเดียวกัน


“พี่คีย์…..” เสียงทุ้มครางเรียกชื่อ “…..มากกว่านี้ได้ไหม…”


แม้จะไม่แน่ใจในคำว่ามากกว่านี้ของคนที่ไม่เคยสัมผัสผู้ชายอย่างลึกซึ้ง แต่คีย์ก็เลือกที่จะพยักหน้าอนุญาตอีกคน


จินพลิกร่างคนในอ้อมกอดให้เป็นฝ่ายนอนลงก่อนจะเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ควบคุมทั้งที่กายยังเชื่อมต่อ มือสากจับเรียวขาเปียกชื้นแยกออกกว้างแล้วกระแทกกายเชื่องช้า สอดใส่ความต้องการผสานกับอารมณ์เข้าไปในช่องทางที่ตอดรัด จากขยับช้าๆ..ร่างสูงเริ่มเคลื่อนกายรวดเร็วและรุนแรงขึ้น เสียงชื้นแฉะดังผสานกับเสียงหอบหายใจและเสียงครางในลำคอของคีย์


ชายหนุ่มรุ่นน้องก้มตัวลงจูบริมฝีปากฉ่ำอย่างตะกละตะกรามก่อนจะเลื่อนลงมาหยอกเอินเบาๆที่ยอดอกสีสวย


“พี่คีย์…หวานไปทั้งตัวเลย…”


“อือ…..จ…จิน” มือสองข้างที่โอบอยู่กับแผ่นหลังกว้างออกแรงกดแล้วดึงให้อีกฝ่ายขึ้นมาจูบอีกครั้งเพื่อไม่ให้เสียงครางดังออกไป เขาอ้าปากรับปลายลิ้นของอีกฝ่ายให้เข้ามาเกี่ยวพัน


จินตอบรับจูบหวานล้ำก่อนจะเปลี่ยนเป็นคนรุกไล่เพื่อครอบครองแทน ใบหน้าหล่อเหลาซุกลงข้างลำคอจูบเม้มผิวขาวฝากรอยรักเอาไว้ กายสูงใหญ่ขยับเข้าแรงและเร็วขึ้นตามพายุอารมณ์ที่พัดโหม ส่วนที่เชื่อมต่อร้อนผ่าวโอบรัดตัวตนเขาไว้จนแทบลืมหายใจ


“…รัก…..” จินกระซิบเสียงแผ่ว หากว่าตอนนี้…พี่คีย์จะตอบรับคำฝากรักได้เต็มปากก็คงดี


“จ…จิน เร็ว…..อีก…” คีย์เอ่ยเร่งเร้าอารมณ์อีกคนให้สูงตามตัวเองขึ้นมา ดวงตาหรี่ปรือพยายามสบตาจินขณะที่ขยับสะโพกรับกับจังหวะที่อีกฝ่ายกดตัวลงมา


“ร….รัก….นะ”


จินยิ้มบางเบา ถึงตัวจะขยับตามคำบอก…แต่คำว่ารักที่หลุดปากออกมาของใครอีกคน ถึงจะเป็นแค่หลุดออกมาด้วยอะไรก็ตาม แต่เขาก็อยากจะยึดมันไว้เป็นคำว่ารักครั้งแรก…จากคนที่เขามอบหัวใจทั้งหมดให้


รัก….


ถ้าเป็นความจริงก็คงดี….


“จิน…พร้อม….อึ๊ก…..พร้อมกัน” คีย์ประกบริมฝีปาก จูบอีกฝ่ายอย่างดูดดื่มอีกครั้งเพื่อกลั้นเสียงครางของตัวเอง


ร่างสูงใหญ่ขยับพาทั้งตัวเองและคนรักไต่ระดับไปอย่างรวดเร็ว คลื่นอารมณ์ที่พัดโหมไล่รุกจนเกือบถึงปลายทาง จินรู้สึกถึงร่างในอ้อมกอดที่สั่นไหวสะท้ายกายก่อนจะปลดปล่อยออกมาในเวลาเดียวกับที่เขาปลดปล่อยเข้าสู่ภายในช่องทางแสนหวาน


“…พี่คีย์…..” ชายหนุ่มครางเรียกชื่อคนในอ้อมกอดแล้วปล่อยตัวลงทาบทับกอดเอาไว้แนบชิด จมูกโด่งได้รูบลากไล้ตามลำคอชื้นเหงื่อก่อนที่จะขยับยกเอาร่างบอบบางมาไว้ด้านบนแล้วใช้สองแขนโอบเอาไว้แนบกาย


“อือ…” คีย์ขยับยกแขนขึ้นกอดอีกฝ่ายบ้าง “รู้สึกดี…หรือเปล่า”


“โคตร…” มือสากไล้ตามเส้นแนวสันหลังลูบผิวกายเบาๆ “…ยังเมาอยู่ใช่ไหม”


“บอกว่าไม่ได้เมา” ร่างบางยกศีรษะขึ้น เกยคางกับแผ่นอกกว้างพลางยิ้มให้


“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะถามอีกที…ตอบให้ได้เหมือนเดิมเหอะ” จินบีบจมูกคนที่นอนอยู่บนอกแล้วยิ้มให้


เขามีความสุข…มีความสุขมาก จนกลัวว่าถ้าพรุ่งนี้พี่คีย์ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง


“ผมรักพี่นะ”


“อื้อ…รัก…” คนอายุมากกว่ายืดตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่องับนิ้วของอีกคนที่บีบจมูกเขาเมื่อครู่


“อย่าลืมแล้วกัน….”


อย่าลืม…ว่าพี่เคยบอกว่ารักผม….


จินปล่อยให้คนรักงับปลายนิ้ว ก่อนจะใช้อีกมือลูบหัวเบาๆ


…แค่ตอนนี้ก็ได้ ให้ผมมีความสุขอย่างนี้ไปอีกสักพัก…









To be continued…





 

 TALK : KAGEHANA

น้องบิ๊กตัวละครลับโผล่มาจากเด็กอ้วนเป็นเด็กโมเอ้ ฮิฮิ :-[

เรื่องนี้อีกไม่นานก็ใกล้จบแล้วค่ะ ตอนนี้หมีกับดอกไม้กำลังวางเรื่องใหม่กันอยู่ ธีมคือ ต้อยเด็ก(หรือโดนเด็กต้อย?) ดราม่าหน่วงแนวถนัดเหมือนเคย กุบกิบได้ไม่นานนิสัยเดิมออก 55555

แน่นอนค่ะว่ารอให้รักกุบกิบจบก่อนแน่นอน ไม่ทิ้งคนอ่านแน่ๆค่ะ ยังไงก็ฝากเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆในอนาคตด้วยนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 18 "ผมรักพี่" (p.6) [29/06/14]
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 29-06-2014 21:17:34
โอย มาม่าสาดกระจายเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 18 "ผมรักพี่" (p.6) [29/06/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-06-2014 00:09:21
สงสารทั้งจินทั้งพี่คีย์เลย
มันหน่วงอ้ะ งื้อออ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 18 "ผมรักพี่" (p.6) [29/06/14]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 01-07-2014 10:42:02
เค้าเป็นจองกันและกันแล้ววววววววววว  o13
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 19 ไม่ได้พิเศษอะไร..จริงๆนะ (p.6) [02/08/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 02-08-2014 01:25:29

-19-





“ตื่นคร้าบบบบ เดี๋ยวไปไหว้พระกัน อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันข้างล่างนะคร้าบบบบบ”

เสียงประกาศของรถถังดังเข้ามาถึงในห้อง ปลุกให้คนที่นอนหลับอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา

“จิน…ถังมาปลุกแล้ว” เขาเอ่ยเรียกพร้อมทั้งเขย่าจินเบาๆ

“อืม…..” คนที่นอนอยู่ปรือตาขึ้น เขามองคนที่จ้องมองอยู่ก่อน โดยที่ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ร่างสูงก็รั้งเรือนร่างบอบบางเข้ามากอดเอาไว้ “พี่คีย์….โอเคหรือเปล่า”

“โอเค…แต่….ระบมไปหมดเลย” เขายิ้มคลายกังวลให้อีกคน “ไม่ต้องห่วงนะ ไม่ได้ทำนาน…ก็แบบนี้แหละ”

“ผมทำให้เจ็บหรือเปล่า…” คนที่ยังหัวยุ่งผุดลุกขึ้นนั่งแล้วลากไล้มือตามสะโพกเพรียว ใบหน้าหล่อเหลายุ่งนิดๆเมื่อลากไปถึงช่องทางด้านหลังที่มีสิ่งที่ปลดปล่อยจากกายเขาไหลออกมา

“ขอโทษ…ต้องเอาออกใช่ไหม เดินไหวปะ เดี๋ยวพาไปห้องน้ำ”

“ไม่ใช่เพราะจินหรอก…ผู้ชาย เวลาไม่ได้ทำนานๆ…ก็เจ็บระบมแบบนี้แหละ” เขายืดมือมาจับอีกฝ่ายเป็นฐานให้ตัวเอง

“อุ้มดีกว่า”

พูดจบจินก็ช้อนใต้ขาโดยไม่ปล่อยให้ขัดขืนได้ แล้วพาเดินเข้าห้องน้ำไป

“จินอะ…ไม่ถึงกับเดินไม่ไหวสักหน่อย” คีย์ทำเป็นเบ้หน้า ขณะที่ร่างสูงค่อยๆปล่อยเขายืนโดยที่ยังโอบประคองเอาไว้

“ก็อยากดูแล ไม่ได้หรือไง”

“เปล่า ไม่ได้ว่าไม่ได้ ก็เขิน…..เฉยๆ” เขาตอบอ้อมแอ้มแล้วเอื้อมมือไปเปิดน้ำ “มีเวลาครึ่งชั่วโมง รีบอาบกันเนอะ”

“ต้องอาบจริงๆนะ อย่าเหมือนเมื่อวาน…..ครึ่งชั่วโมงไม่พอหรอก” พอคีย์หลุดอาการเขิน คนที่นิสัยเดิมชอบขี้แกล้งก็เอาคืนนิดๆ

“รู้แล้ว….” คีย์ทำหน้ายุ่งขณะที่เอื้อมมือไปยังช่องทางด้านหลังของตัวเองแล้วสอดปลายนิ้วเข้าไป

“ช่วย…” จินเดินเข้าไปกอดแล้วดึงปลายนิ้วออกให้ เขาสอดนิ้วเข้าไปช่องทางด้านหลังแล้วค่อยๆกวาดสิ่งที่คั่งค้างอยู่ออกมา หยาดขุ่นข้นไหลตามสายน้ำตามเรียวขา จินหอมข้างแก้มอีกคนเบาๆเมื่อเห็นว่าใบหน้าขาวนั้นแดงก่ำเพียงใด

“เดี๋ยวก็…ไม่ได้อาบ…” คนอายุมากกว่าทำเสียงขุ่น

“อ้าว…ผิดซะงั้น” พอสะอาดดี ปลายนิ้วก็ละออก “พี่คีย์แหละผิด….รับผิดชอบผมเลย”

“…แล้ว…จะให้รับผิดชอบ…ยังไง” คีย์หันมามองหน้าร่างสูงที่กำลังพยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้

“อืม…ไม่รู้ดิ ได้ผมแล้วก็ห้ามทิ้งกันละกัน” ริมฝีปากหยักยิ้มกว้างเช่นเดียวกับนัยน์ตาพราวระยับ

ร่างบางรีบส่ายศีรษะรัวๆ “ไม่ทิ้งนะ….”

“ให้มันจริงเหอะ” จินบีบครีมอาบน้ำแล้วลูบตัวให้เบาๆ ความหวานเจืออบอุ่นให้ความรู้สึกดี…และหากว่ายิ่งแกล้งลืมไปว่าอีกคนมีใครอยู่แล้วได้ คงดีไม่น้อย

“ไม่ต้องสัญญาหรอก แค่อยู่ด้วยกันก็พอ…”

“จิน…นี่…ฟังพี่นะ” เขายกมือขึ้นจับหน้าอีกฝ่ายไว้ ให้มองตรงมาที่ดวงตาของเขา

“ต่อให้อันมา พี่ก็ไม่ไปแล้ว”

“ตอนนี้พี่ก็พูดอย่างนี้ได้ พอเขามาจริงๆ…ผมไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง” น้ำเสียงทุ้มต่ำฉายแววเศร้า แม้จะพยายามฝืนยิ้ม แต่ดูเหมือนจะทำไม่ได้เลย “ถ้าพี่จะไปอีก…เหมือนตอนนั้น…..ผมคงอยู่ไม่ไหว”

“คำพูดพี่…เชื่อไม่ได้เลยเหรอ” คีย์เสียงอ่อนลง ทำหน้าราวกับเด็กสำนึกผิด

“ไม่ใช่อย่างงั้น…ไม่ต้องทำหน้าอย่างนี้เลย” มือใหญ่ประคองใบหน้าขึ้น นัยน์ตาสีเข้มสบมองด้วยความมั่นคง “ผมเชื่อ…จะเชื่อนะ…เพราะผมรักพี่”

“อืม…แล้วพี่จะรักจิน มากกว่าที่จินรักพี่ให้ดู”

“จะคอยดูนะ” น้ำเสียงอบอุ่นย้ำแล้วจูบแผ่วเบา…ปิดเปลือกตาที่หรุบลงของคีย์

พี่จะรักผมได้ยังไง….ถ้ายังรักอันอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น ถึงจะต้องหลอกตัวเอง ผมก็จะเชื่อพี่

เชื่อ….จนกว่าพี่จะไป

////////////////

“ถามจริงเหอะครับน้องบิ๊ก ตามติดพี่แบบนี้คิดอะไรรึเปล่าเนี่ย” ว่าที่เภสัชกรหนุ่มถามหลังจากเอื้อมมือไปปักธูปที่กระถางถูบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และรอยยิ้มนั้นยิ่งกว้างขึ้นเมื่อใบหน้าขาวๆของ ‘น้องบิ๊ก’ ออกอาการเหวออย่างชัดเจน

“ป เปล่าครับ แค่ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีครับ” พอตอบไปได้ บิ๊กก็หัวเราะแห้งๆให้อีกคน

“อ๋อเหรอ…” ถึงจะพูดเหมือนเข้าใจแต่ชายหนุ่มผิวแทนยังคงยิ้มเรื่อยเปื่อย “เสียดาย…”

“เสีย? เสียดายอะไรครับพี่แพท” เขาหันมามองอีกฝ่ายพลางยกคิ้วมองร่างสูง

“ไม่มีอะไรหรอก” แพทก้มลงกราบพระพุทธรูปแล้วลุกขึ้นยืน

วันนี้ที่มหาลัยพามาทัวร์ไหว้วัดในช่วงเช้า ก่อนจะปล่อยฟรีในช่วงบ่ายๆที่กำลังจะมาถึง แล้วถึงจะไม่สังเกต…ก็เห็นได้ชัดเจนว่าเพื่อนบิ๊กของน้องโฟมนั้นพยายามประกบเขาจนออกหน้าออกตา ราวกับถูกใครสั่งให้มาเดินตามต้อยๆเป็นลูกหมาหลงทางตามเจ้านาย

“น้องบิ๊กมีแฟนยัง”

“ยังครับ มาอยู่ไกล มัวแต่คิดถึงบ้านเลยไม่ได้หาครับ” คนตัวเล็กกว่ายิ้มให้ก่อนจะก้มลงกราบพระพุทธรูปบ้าง

“พี่แพทล่ะครับ”

“อยากมี แต่ยังไม่มีครับ เรียนยุ่งๆ…..กำลังหาอยู่ สนใจไหม”

“ห หา? ก็…ถ้าพี่แพทมีแนะนำ…ก็สนครับ” เขาค่อยๆลุกขึ้นยืน ยืดขาทั้งสองข้างไปมาให้หายเมื่อย

“น้องบิ๊กสนใจคนอายุมากกว่าหรือเปล่า” แพทเกือบหลุดขำ..ใครใช้ให้เด็กนี่หน้าตาเหรอหราได้ใจขนาดนี้ล่ะ ยิ่งเห็นยิ่งอยากแกล้งไปใหญ่

“ผมชอบตัวเล็กๆ ผมยาว ขาวๆอะครับ” ที่พูดออกมาทั้งหมดนั้น คนอายุน้อยกว่านึกถึงใบหน้าของเพื่อนตั้งแต่วัยอนุบาลของตัวเอง

“พิมพ์นิยม แล้วบิ๊กมีคนที่ชอบยังครับ”

“มี เอ้ย ไม่มีแล้วครับ” บิ๊กแทบอยากจะตะปบปากตัวเองเอาไว้ ไม่ให้อีกฝ่ายได้รู้ความจริง

“ไม่มีแล้วแปลว่าเคยมีใช่ไหม” ชายหนุ่มยิ้มกว้างแล้วเสทำเดินไปยังร้านขายของที่ระลึกใกล้ๆ พอดึงให้ห่างออกจากกลุ่มเพื่อน เจ้าบ้านที่ดีก็ทำหน้านิ่วมองชะเง้อ แต่ก็ยังคงตามติดเป็นหมากระเป๋า

“อ่า…ก็…ครับ” พอถูกจับทางได้ บิ๊กจึงทำได้แค่ตอบเสียงอ่อนอ้อมแอ้มไป

“เม็ดโฟมก็น่ารักดีเนอะ” จู่ๆแพทก็พึมพำเบาๆอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

พอได้ยินชื่อเม็ดโฟม บิ๊กแทบจะสะดุ้งออกมาไม่เก็บอาการ “แต่โฟมมีแฟนแล้วอย่าไปยุ่งเลยครับ!”

“ใคร?” หลุดถามออกไปก่อนจะนึกได้…จะเป็นใครไปได้นอกจากประธานภาคปีสาม อึปลาทองของน้องเม็ดโฟมคนนั้น

“ก็ เอ่อ…โฟมไม่ได้บอก บิ๊กก็ไม่รู้…ครับ”

“พี่ว่าไผ่แน่เลย…หวงซะขนาดนั้น”

“พี่ไผ่……….ก็…หวงโฟมมานานแล้วนะครับ ตั้งแต่…อนุบาล…….” ยิ่งพูด ก็เหมือนยิ่งต้องเล่าเรื่องในอดีตให้อีกฝ่ายฟังมากขึ้น

“แล้วไม่หวงบิ๊กเหรอ น้องบิ๊กก็น่ารักออก” ประกายตามีแววขำแต่แอบซ่อนไว้แนบเนียน

“ตอนเด็กๆบิ๊กเป็นตัวอวบอ้วนกลมครับ โฟมเหมือนเด็กผู้หญิงตั้งแต่เด็กแล้ว…ไม่เหมือนกัน” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหนุ่มตี๋เมื่อนึกถึงวัยเด็กที่มีกันสามคน

“แต่ตอนนี้บิ๊กก็น่ารักเหมือนกัน ไม่มีคนมาจีบมั่งเหรอ” แพทพูดจบก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดกล้องหน้า พยักให้เข้ามาร่วมเฟรม “เดี๋ยวถ่ายรูปกัน จะเอาไปอวดเพื่อนที่คณะ”

“ไม่มีครับ…” บิ๊กมองอีกฝ่ายสลับกับมือถือในมือไปมาอย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจเข้าร่วมเฟรมด้วย

“พี่ก็โสด” ว่าที่เภสัชยกมือขึ้นโอบ ชูสองนิ้วแล้วยิ้มหวานใส่กล้อง

“จีบได้นะ”

คราวนี้บิ๊กถึงกับหันมาทำตาโตใส่อีกฝ่ายด้วยความตกใจ ไม่แน่ใจว่าที่รุ่นพี่พูดมานั้น แค่แหย่เล่นหรือเอาจริง

“โสด จีบได้ เทคแคร์เก่ง” แพทหันไปยักคิ้วแล้วกระซิบข้างหู “ถ้าไม่มีใครก็ลองคบกันขำๆไหม”

“เอ่อ…พี่แพท…บิ๊กไม่ได้ชอบผู้ชายนะ” รู้อยู่แก่ใจว่ากำลังโกหกคำโต แต่ก็จำเป็นต้องทำทั้งๆที่ไม่ชอบ

“ถ้าไม่จีบพี่…งั้นพี่ไปจีบโฟมแย่งไผ่นะ” ชายหนุ่มพยักหน้าทำท่าจริงจัง

“งั้นบิ๊กตกลงครับพี่แพท!” หนุ่มตี๋รีบพูดขึ้นมาแทบจะไม่ทัน ขืนปล่อยให้แพทไปตามจีบเม็ดโฟมจริง มีหวังถูกไผ่เกลียดแน่ๆ

“เอาจริง?”

ชายหนุ่มลดกล้องลงแล้วหันไปมอง “พี่เอาจริงนะ บอกไว้ก่อน”

“ก็…พี่แพทให้ลองขำๆ บิ๊กก็ลองได้ครับ”

“งั้นเอาเบอร์ ไลน์ เฟสมา…..แล้วก็…” ชายหนุ่มก้มหน้าเอาหน้าผากแนบ สันจมูกโด่งแนบชิดกับสันแว่นกรอบเหลี่ยม “ฝากตัวด้วยนะ คุณแฟน”

การกระทำที่คาดไม่ถึงของร่างสูงทำเอาบิ๊กถึงกับยืนตัวแข็ง ทั้งหมดนี่ผิดจากที่คาดการณ์ไว้โข ทั้งๆที่ตั้งใจจะสารภาพกับเม็ดโฟมกลับต้องมาตกกระไดพลอยโจรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะช่วยเหลือไผ่

“อ้าว…อึ้ง อึ้งแดกครับ…” ชายหนุ่มผิวแทนยิ้มกว้างแล้วจับแก้มบิ๊กยืดออก “เตรียมใจไว้ละ ถึงจะอยู่ไกลแต่พี่ทำอะไรแล้วจริงจัง”

“ก็ไม่ไกลนะครับ เดี๋ยวบิ๊กก็โอนไปที่มหาลัยของพวกพี่ไผ่แล้วครับ” เพราะความที่เป็นคนซื่อ จึงบอกอีกฝ่ายไปตามจริง

“ดีเลย ได้มาเป็นรุ่นน้องพี่….มีอะไรปรึกษากันได้นะ เป็นแฟนกันไม่ต้องเกรงใจ”

บิ๊กได้แต่พยักหน้ารับคำไปตามน้ำ ในใจนึกเพียงแค่ว่า คงจะคบกันได้ไม่นาน

…ถ้าพี่แพทเบื่อเร็วๆก็ดี

/////////////////////////////////////////

“ไงบิ๊ก หน้าเป็นตูดเลย ใครทำไรมาวะ” ไผ่ที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำเอ่ยถาม วันนี้บิ๊กมานอนด้วยที่ห้องพักเพราะอยากนอนคุยกันเล่นเหมือนในสมัยเด็ก ตอนแรกที่โฟมยังนอนคุยเล่นก็ดูปกติ แต่พอโฟมขอไปเล่นห้องอาลัว เขาหายไปเข้าห้องอาบน้ำ ออกมาอีกทีหนุ่มนักเรียนเชียงใหม่ก็นั่งหน้าบูดรอแล้ว

“ไหนพี่ไผ่บอกว่าพี่แพทจีบโฟมไงอะ เนี่ย เลยต้องเป็นแฟนกับพี่แพทเลย”

คำตอบของเพื่อนสมัยเด็กทำเอาแทบจะหลุดขำ ร่างสูงกลั้นยิ้มนิดๆแล้วถามต่อ “ไปตกหลุมเข้าตอนไหนวะ”

“ก็ พี่เขาบอกว่าถ้าบิ๊กไม่จีบพี่เขา ก็จะไปจีบโฟมแทน เข้าใจไหม” คิ้วที่ขมวดมุ่นยังคงคาอยู่แบบนั้นไม่ยอมคลายออก

“ก็เชื่อเค้าเนอะ….ถ้าเขามาจีบโฟมแล้วไง โฟมเป็นแฟนกูนะ” ไผ่นั่งลงบนเตียง…แน่ละ เขานึกสงสารเพื่อนบิ๊กขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็แปลกใจไม่น้อยที่เด็กหัวโจกในวัยอนุบาลกลายเป็นคนถูกล่อลวงง่ายขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน

“เอาไง คบต่อปะ”

“ก็ ต้องคบเปล่า ตอบตกลงพี่เขาไปแล้ว” บิ๊กได้แต่ถอนหายใจออกมาพร้อมทั้งแผ่ตัวลงนอน

“จริงจังเหรอวะ” มือใหญ่เอื้อมไปวางบนหัวเพื่อนแล้วขยี้เบาๆ “ลำบากก็บอกเขาดิ่ว่าเปลี่ยนใจแล้ว”

“อืม รุ่นพี่ของโฟมไม่ใช่เหรอ ถ้าบิ๊กทำตัวไม่ดี เดี๋ยวพี่ไผ่กับโฟมจะเสียหรือเปล่า” แม้จะพูดแบบนั้น แต่ในใจของเขานั้นอดเห็นด้วยไม่ได้

“ไม่เป็นไรหรอก คนละคณะ พี่แพทไม่ทำอะไรหรอก เออ…ขอโทษแล้วกันที่ทำให้ลำบาก จะบอกว่าไม่คบแล้วก็รีบๆบอกนะ นานเข้าเดี๋ยวพูดไม่ได้”

“อืม…จริง…….งั้นเดี๋ยวบิ๊กไปบอกพี่แพทก็แล้วกัน พี่เขาอยู่ห้องไหนนะ” รอยยิ้มค่อยคืนกลับมาบนใบหน้าภายใต้กรอบแว่น

“528…….ใช่แหละ” ไผ่เอาใบตารางจองห้องมาดู “บอกดีๆแล้วกัน อย่าเผลอใจอ่อนล่ะ”

“อื้อ งั้นเดี๋ยวบิ๊กมา ขอบคุณนะพี่ไผ่” บิ๊กลุกขึ้นจากเตียงแล้วหันมายิ้มขอบคุณเพื่อนสนิท ชายหนุ่มเดินออกจากห้อง มุ่งหน้าไปที่ห้องของแพทด้วยความมั่นใจ

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเคาะประตูห้องของแพทเบาๆ “พี่แพทครับ บิ๊กเอง”

คนในห้องได้ยินเสียงเรียก แต่ยังคงถ่วงเวลาหยิบเสื้อมาสวมช้าๆ จนกระทั่งมีเสียงอีกครั้งนั่นแหละถึงได้ค่อยลุกมาเปิดให้

“ว่าไงครับน้องบิ๊ก”

“คือ ขอบิ๊กคุยด้วยแป๊บนึงได้ไหมครับ”

“ข้างนอกนะ เพื่อนพี่หลับแล้ว”

“ได้ครับ” เขาหลีกทางให้อีกฝ่ายได้เดินนำและเดินตามไปจนสุดทางเดิน

“คือ….เรื่องที่คุยกันเมื่อตอนกลางวัน……”

“อืมครับ…ว่าไง” แพทรอให้อีกฝ่ายพูด แม้จะรู้ว่าท่าทางลังเลมาอย่างงี้ มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนใจแน่

ก็ลองดู…ว่าทำได้แค่ไหน

“บิ๊ก……..คง……คบ…..กับพี่แพท……ไม่ได้……….หรอกครับ” คนพูดก้มหน้ามองพื้น มือสองข้างเขี่ยกันไปมาทั้งที่กุมเอาไว้

“มีปัญหาอะไรหรือไง” น้ำเสียงอ่อนโยนที่กลบความเจ้าเล่ห์ได้มิดถามกลับ

“ก็………บิ๊ก….ไม่ได้ชอบ….พี่แพท…..แบบนั้น….ครับ”

“งั้นชอบแบบไหน” ชายหนุ่มผิวแทนถามพร้อมยิ้มกว้าง

“เอ่อ….ก็…….ตัวเล็กๆ ผมยาว ขาวๆ….ครับ” คนที่ก้มหน้าไม่ได้เห็นรอยยิ้มกว้างของร่างสูง

“เปล่าครับ” แพทยื่นหน้าเข้าไปมองใบหน้าที่ก้มต่ำ “ที่ว่าแบบไหน…หมายถึงชอบพี่แบบไหน”

บิ๊กรู้สึกถึงลมหายใจของอีกคนทำให้รีบเงยหน้าขึ้นมา “ก…ก็…แบบ…….ชื่นชม….ครับ”

แพทพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่มือกลับไปกุมมือที่เขี่ยกันไปมาไว้ “งั้นก็ไม่ยาก…คบกันก่อน..ใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็เลิก พื้นฐานถ้าไม่ได้เกลียดกัน ก็ไม่มีอะไรเสียหาย”

“เอ่อ…..” พอถูกกุมมือเอาไว้ก็ทำเอาสะดุด ไม่กล้าจะดึงมือออก “คือ….บิ๊ก…ไม่ได้ชอบ…….ผู้ชาย”

พอตอบมาอย่างนี้ ทำเอาความอยากแกล้งลดไปครึ่งหนึ่ง ใจนึงก็นึกสงสาร แต่อีกใจก็รั้งไว้…อยากดูต่อว่าจะทำยังไงต่อไป

“งั้นก็ลองดูนะ…กับพี่ไง”

“ด…เดี๋ยวครับ…..คือ…ยังไงก็ไม่ได้หรอกครับ”

“ไม่ได้เหรอ…เกลียดพี่เหรอครับ”

“เปล่าครับ….ไม่ได้เกลียด…..แค่…..ไม่ได้ชอบผู้ชาย….” บิ๊กพยายามจะอธิบายให้เขาเข้าใจ เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย

“งั้นก็ไม่ต้องมองว่าพี่เป็นผู้ชาย มองว่าเป็นคนๆนึงก็พอ….อย่าบอกนะว่าคนก็ไม่ชอบ” พูดจบก็แอบอดขำไม่ได้ ดูสิ…จริงจังเกินไปไหม ไอ้เด็กกระป๋อง

“พี่แพท…..คือ….บิ๊กไม่ชอบ….อะครับ” ยิ่งรุ่นพี่พยายามตื๊อเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจที่จะปฏิเสธมากขึ้นเท่านั้น

“ก็ถึงบอกให้ลองคบไง ชอบไม่ชอบอย่าเพิ่งตัดสิน เอาเป็นว่าตกลงกันเหมือนเดิมนะ” แพทรวบรัดตัดความแล้วยื่นหน้าเข้าไปแตะจมูกกับแก้มขาวเบาๆ “ห้ามยกเลิก โอเคนะ”

นอกจากจะสะดุ้งกับสัมผัสเบาๆนั่นแล้ว แก้มยังเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว “………..ลอง….เฉยๆ……….นะครับ”

“อื้อ ลองนะ….แรกๆก็โซเชียลกันก่อน ไว้บิ๊กย้ายมาแล้วค่อยว่ากันเนอะ”

“…….ครับ….” บิ๊กทำอะไรไม่ได้ จึงพยักหน้าไปตามเรื่อง

“แล้ว…คืนนี้นอนกับพวกโฟมใช่ไหม” ถ้าแกล้งมากกว่านี้…จะเป็นยังไง แพทนึกในใจ

“ไปนอนกะเขาไม่เกะกะแฟนสวีทกันเหรอ ย้ายมานอนห้องพี่สิ”

“อ้าว แล้วเพื่อนพี่แพทล่ะครับ”

“ก็นอนเตียงพี่ไง หรือไม่ เดี๋ยวให้ไอ้ป๊อปไปนอนกะเพื่อนก็ได้”

“เอ่อ…บิ๊กบอกพี่ไผ่กับโฟมไว้แล้วอะครับ…” เขาไม่กล้าที่จะตอบตกลงในทันทีด้วยความที่ไม่ได้สนิทสนมขนาดนั้น

“ล้อเล่นครับ” ประกายตาในนัยน์ตาสีเข้มฉายแววหยอกล้อ “หรือจะให้เอาจริง”

“อ้าว บิ๊กก็นึกว่าพี่แพทพูดจริง” ใบหน้าของบิ๊กเต็มไปด้วยรอยยิ้มภายใต้กรอบแว่นพร้อมเสียงหัวเราะ

“หลอกง่ายนะเรา” พอเห็นอีกฝ่ายยิ้ม ก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาลูบหัวเบาๆ

เขารู้…และเข้าใจว่าตัวเองเป็นเกย์มานาน เคยชอบใครมาก็หลายคน แต่น่าแปลกที่ไม่มีคนไหนที่เหมือนไอ้เด็กตัวเล็กๆเอ๋อๆที่อยู่ข้างๆคนนี้เลย

ก็ไม่ได้ว่าชอบเป็นพิเศษหรอกนะ แค่คิดว่าน่าแกล้งดี…ก็เท่านั้น

ไม่ได้พิเศษอะไรจริงๆ…

 

 

 

 

To be continued…





 kagehana :

 :-[มันกุบกิบบบบบบบบ จากน้องบิ๊กผู้อ้วนกลมโตมาเป็นเด็กน้อยน่าแกล้ง โถนะโถโถ

ขอบอกให้ตุนความกุบกิบนะคะ เพราะตอนนี้หมีกับดอกไม้กำลังสาดดราม่าใส่พี่คีย์แว่นแฮมอยู่ในกูเกิ้ลด็อก (ขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้หมีกับดอกไม้ร่วมงานกันอย่างสะดวกสบาย อิอิ)

และคนนั้น....เค้ากำลังจะกลับมา----- :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 19 ไม่ได้พิเศษอะไร..จริงๆนะ (p.6) [02/08/14]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-08-2014 02:23:22
อ่านจบแล้วกรีดร้องงงงงงงงง จิน.... นายต้องสู้นะ มั่นใจตัวเองอีกหน่อย
แย่งเลยๆๆๆๆ ปกติเราไม่ชอบการแย่ง แต่แบบนี้ไม่น่าเรียกว่าแย่งเนอะ

ต้องเรียกว่า ทำดีกับเค้าจนเค้าเปลี่ยนใจมาหา
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 19 ไม่ได้พิเศษอะไร..จริงๆนะ (p.6) [02/08/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-08-2014 10:04:20
เค้าคนนั้นกำลังกลับมา ไม่นะะะะะะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 19 ไม่ได้พิเศษอะไร..จริงๆนะ (p.6) [02/08/14]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 02-08-2014 15:49:34
จินคือดีมากกกกก
เดาได้ว่าถ้าพี่คีย์จะกลับไป
จินคงไม่รั้ง แบบความสุขของพี่คีย์ไรงี้
ฮืออออออออออออออออออออ

บิ๊กแพ้ทางพี่แพทแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 19 ไม่ได้พิเศษอะไร..จริงๆนะ (p.6) [02/08/14]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 03-08-2014 10:56:19
น่ารักมาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 19 ไม่ได้พิเศษอะไร..จริงๆนะ (p.6) [02/08/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-09-2014 21:46:00
ดันๆๆๆ
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 20 All of me (p.6) [06/10/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 06-10-2014 15:11:21

-20-






"สวัสดีครับคุณแม่” คีย์ยกมือขึ้นไหว้ สวัสดีมารดาของจินแล้วยิ้มกว้างให้อย่างคนคุ้นเคย หลังจากกลับมาจากเชียงใหม่ได้ไม่นาน น้องชายของจินก็ได้ลืมตาดูโลก เป็นเหตุให้เขาได้ติดสอยห้อยตามคนรักมาเยี่ยมบ้านและน้องชายคนใหม่


“จอมนอนอยู่หรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามถึงทารกตัวน้อย


“นอนอยู่ข้างในแน่ะ คีย์เข้าไปดูก็ได้นะ”


“ครับ” รับคำเสร็จ คีย์ก็เดินเข้ามาด้านใน ที่นอนเด็กได้รับการปูวางไว้บนพื้นห้องโดยมีจอมนอนแบตัวอยู่อย่างสบาย


“ไอ้อ้วน” คนเป็นพี่ชายจิ้มที่แก้มกลมๆสีแดงก่ำ ทำเอาน้องชายส่งเสียงอ้อแอ้ออกมาเบาๆ “ไอ้ลูกขนุน ตัวเท่าลูกหมูแล้ว ตื่นมาธุจ้าพี่คีย์เร็ว”


เด็กน้อยที่หลับอยู่ส่งเสียงครางขัดใจ มือเล็กๆที่ยังทำอะไรไม่ได้ขยับขึ้นลงเช่นเดียวกับขาที่ถีบเบาะไปมา


“ไม่เป็นไรหรอกจิน ให้จอมนอนเถอะ” คีย์ยิ้มมองเด็กตัวอวบอ้วนด้วยแววตาอ่อนโยนก่อนจะดึงมือของพี่ชายออกมา “เดี๋ยวตื่นแล้วค่อยมาเล่นก็ได้”


“งั้นขึ้นห้องก่อน….แม่ เดี๋ยวผมอยู่บนห้องนะ จะให้ช่วยอะไรก็เรียกแล้วกัน” จินหันไปพูดกับมารดาที่อยู่ในครัวแล้วฉวยข้อมือคนรักให้เดินตามขึ้นห้องนอน


หลังจากที่ไอ้ตัวอ้วนกลมเกิดออกมา ความสัมพันธ์ที่ห่างเหินของเขา แม่ และพ่อใหม่ก็เริ่มผูกกันเข้าทีละนิด จินใจเย็นลงมาก….อาจจะตั้งแต่ตกลงกับคีย์ว่าจะเป็นแฟนกัน


เขาพาคนรักมาบ้านในฐานะเพื่อนรุ่นพี่ก่อน การอยู่ใกล้พี่คีย์ทำให้ความรู้สึกตึงๆที่เคยมีค่อยๆจางหายไป ประจวบกับสมาชิกใหม่ที่ตัวเขาเองเอ็นดูเป็นพิเศษ และหลังจากที่พามาได้ไม่นาน พ่อใหม่…ที่ตอนนี้เขาเรียกว่าพ่อได้เต็มปาก ก็เอ่ยถามความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ด้วยท่าทีสบายๆ จินตอบไปตามความจริง ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเข้าใจและบอกว่าจะบอกกับแม่ให้โดยที่ไม่มีอาการรังเกียจอะไรทั้งนั้น


หลังจากวันนั้น….จินก็รู้ว่าผู้ชายที่แม่เลือกแล้วคนนี้ เป็นการเลือกที่ถูกต้องและดีที่สุดในชีวิตแล้ว


“เอาของวางไว้ตรงนั้นแหละ จะขนอะไรมานักหนา ใช้ของผมก็ได้” ชายหนุ่มเจ้าของห้องบ่นอย่างไม่จริงจัง


“ไม่ได้สิ เดี๋ยวคุณแม่ว่านะ ว่ามาค้างก็ไม่รู้จักเอาอะไรมาเอง” คนอายุมากกว่าวางกระเป๋าลงแล้วเปิดหยิบออกมาวางเรียงทีละอย่าง


“เคยว่าที่ไหน เห่อลูกชายคนโตกับไอ้อ้วนคนเล็กจนลูกคนกลางอย่างผมหัวเน่าแล้ว” เพราะคนรักเข้าหาผู้ใหญ่เก่ง เลยกลายเป็นว่าตำแหน่งลูกคนโปรดถูกฉกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


“เห่ออะไร จินก็ว่าไปนู่น…” หลังจากวางเรียงเรียบร้อย เขาก็รูดซิปปิดกระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นมาหาจินที่ยืนทำหน้าเบ้อยู่ “คุณแม่คงอยากดูให้แน่ว่าพี่จะไม่ทำลูกชายสุดที่รักเสียใจมากกว่านะ” คีย์ยิ้มกว้างให้อีกครั้ง


ร่างสูงดึงคนตรงหน้าเข้ามากอด ปลายคางสากแนบแก้มนิ่มแล้วเอียงซบเบาๆ


“ไม่เคยเสียใจหรอก….ที่ได้รัก”


“…..” คีย์ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาพูดตอบคำรักของจินได้ ทุกๆวันที่อยู่ด้วยกัน นอกจากความสุขและความรักที่อีกคนมอบให้แล้ว ยังจะมีตัวเขาเองที่รู้สึกรักจินมากขึ้นทุกวันๆ…


ในขณะที่อันค่อยๆจางหายไปเรื่อยๆในหัวใจของเขา


“…….จิน…นั่นกล่องแซคโซโฟนเหรอ…” สายตามองไปเห็นกล่องปริศนาตรงมุมห้อง ที่เคยคิดว่าจะถามหลายครั้งแต่ก็ลืมไป


“อ๋อ ออโต้แซค…..พ่อซื้อส่งมาให้ตอนอยู่ม.ปลาย” พ่อที่แท้จริง…..ที่แทบจะไม่ได้เจอหน้่าเลย


“นานๆทีเขาก็ส่งของขวัญวันเกิดมาให้ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องดนตรีบ้าง โน้ตเพลงดังๆแพงๆบ้าง ก็ตามแต่ปีไหนที่นึกออกว่าควรจะให้อะไรนอกจากเงินอะนะ”


สิ่งที่ได้ยินทำให้คีย์ยกมือขึ้นทาบกับข้างใบหน้าของร่างสูง ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ “ก็ดีออกนะ ได้ของชิ้นใหญ่ๆเป็นเครื่องดนตรี พี่ชอบฟังแซคนะรู้หรือเปล่า อันมีที่ห้องอยู่ตัวนึง ไม่เคยจะยอมเล่น”


“ถ้าพูดถึงอันอีกจะงอนนะ” จินทำเสียงดุ แต่เมื่อเห็นใบหน้่าที่ซีดลงนิดๆก็อดยิ้มไม่ได้ “ล้อเล่นน่า…. อยากฟังเพลงอะไรล่ะ”


พูดจบเจ้าตัวก็เปิดกล่องหยิบเม้าท์พีซออกมาประกอบ เขาอมแผ่นไม้ให้นิ่มชื้นครู่หนึ่งแล้วประกอบเพื่อทดสอบเสียง


“All of me…” เขาแทบจะตอบโดยไม่ต้องคิด เพลงใหม่ที่ฟังแค่ครั้งเดียวก็หลงรักจนซื้อมาใส่โทรศัพท์ไว้วนฟังทุกครั้งที่มีโอกาส


“รับทราบครับผม” เจ้าของแซคโซโฟนยิ้มแล้วต่อเม้าท์พีซเข้ากับคอเครื่อง มือใหญ่หยิบสายพยุงขึ้นคล้องคอแล้วเกี่ยวเอาไว้กับบริเวณช่วงล่างของเครื่องดนตรี


จินเป่าลมออกจากปอก ปลายนิ้วไล่เสียงแผ่วพริ้วทดสอบบันไดเสียง ก่อนที่จะเริ่มเป่าเพลงโปรดของคนรักด้วยท่วงทำนองอ่อนหวาน


คีย์หลับตาลงก่อนจะนั่งลงบนเตียง ปล่อยให้บทเพลงบรรเลงอันแสนไพเราะโดยคนรักพัดผ่านเข้าโสตประสาทอย่างอิ่มเอม เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าจินเล่นแซคได้– ซ้ำยังหวานขนาดนี้ หากเขารู้ก่อนหน้านี้ คงได้ขอให้เล่นให้ฟังทุกวันไปแล้ว








“Cause all of me

Loves all of you

Love your curves and all your edges

All your perfect imperfections

Give your all to me

I’ll give my all to you

You’re my end and my beginning

Even when I lose I’m winning

Cause I give you all of me

And you give me all of you” คีย์อดไม่ได้ที่จะร้องคลอไปด้วย และอยากจะให้อีกฝ่ายได้ยินเนื้อเพลง ได้ฟังความหมายของมัน จากปากของเขาเอง


…พี่รักจิน


โน้ตตัวสุดท้ายผ่อนลงช้าๆ จินผ่อนลมหายใจแล้วฉวยจูบแผ่วเบาบนกลีบปากบางของคนรัก


ไม่มีคำพูดอื่นใดออกจากปาก แค่ความรู้สึกที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวผ่านแววตาก็เกินกว่าจะหาความหมายมาเทียบเคียง


“ถ้าพี่ชอบ….จะเล่นให้ฟังตลอดไปเลย”


“สัญญาแล้วนะ…” คนอายุมากกว่ายกแขนขึ้นโอบรอบลำคอของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าให้โน้มลงมาใกล้ชิด “เพลงของพี่…กับจิน…ห้ามเล่นให้คนอื่นฟังนะ”


“พี่คีย์ก็อย่าไปร้องให้ใครฟังแล้วกัน” ท่อนแขนแข็งแรงรั้งเอวคนรักเข้ามาชิดอีกนิด จินกดจมูกลงบนแก้มทั้งสองข้างแทนคำตอบของตัวเอง


“มีจอมก็ดี เลี้ยงให้โต ให้มีลูก แล้วพอผมใกล้ตายจะขายสมบัติแบ่งให้จอม…ที่เหลือเราเอาไปอยู่ด้วยกันนะ”


“ใกล้ตายอะไร พูดจาไม่ดีนะเรา” เขายกมือขึ้นบีบจมูกของจินพลางทำหน้ายุ่ง “จินมาแต่ตัวกับใจก็พอ พี่ขอแค่นั้นเอง”


คีย์กดหน้าผากตัวเองเข้ากับอีกคน “ได้หรือเปล่า”


“ได้ไง เดี๋ยวพ่อแม่พี่หาว่าผมไปเกาะลูกชายเค้ากิน ตัวแค่นี้ทำงานหาเลี้ยงได้น่า”


“ไม่ต้องเลย พ่อกับแม่พี่จะรักจินเป็นลูกหรอก ไม่รู้อะไร”


“คร้าบบบ ถ้ารักมากกว่าตัวเองอย่ามางอนแล้วกัน”












ภายในห้องทำงานที่อยู่บนชั้นสูงสุดใจกลางเมืองมีชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักสูง ดวงตาคมขึ้งมองผ่านกระจกออกไปด้านนอกก่อนจะยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วที่ไม่คลายตัว อาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว…แต่อาทิตย์ที่นั่งอยู่กลับไม่สามารถสงบใจได้เลย


“สรุปว่าจะหย่า?”


“ผมหลอกตัวเองไม่ได้จริงๆ ขอโทษครับ”


“แกเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน ทำไมแกไม่คิดถึงตรงนี้บ้าง” อาทิตย์ยังไม่อาจทำใจยอมรับได้กับการที่ลูกชายของตัวเองจะรักชอบผู้ชายเหมือนกัน


“แล้วพ่อคิดถึงผมบ้างไหม พ่อให้เลิกกับคีย์มาแต่งกับเมย์ลินดาผมก็ยอม ให้ผมรับช่วงธุรกิจผมก็ทำ บังคับให้เล่นไอ้เครื่องดนตรีบ้าๆนั่นผมก็เล่น แล้วเป็นไง….ในเมื่อเมย์กับผมตกลงกันได้แล้ว พ่อจะรั้งคนไม่รักกันไว้ทำไม? ทำไมผมถึงกลับไปหาคีย์ไม่ได้?!”


อนลลุกขึ้นยืนจ้องหน้าคนตรงหน้า…เขาเสียสละมามากพอแล้ว นาน..เกินพอแล้ว


“แล้วแกคิดไหม ว่าทำไมฉันถึงไม่รับลูกอีกคนของฉันมาอยู่ที่นี่อย่างถูกต้อง เพราะแม่แกขอไว้ แล้วดูสิ เป็นยังไง” อาทิตย์ไม่ยอมลดราวาศอกให้แม้แต่น้อย เขาเคยคุยกับแซนดร้าว่าอยากจะขอรับลูกนอกสมรสมาอยู่ด้วย ไหนๆก็เป็นลูกชายเหมือนกัน แต่แซนดร้ากลับปฏิเสธและบอกว่าอนลจะเป็นเพียงลูกชายที่ถูกต้องคนเดียวเท่านั้น


“ก็ผมเป็นอย่างงี้มาตั้งนานแล้ว ผมชอบคีย์…เรารักกัน มีแต่พ่อที่บังคับให้ผมเป็นอย่างที่พ่ออยากให้เป็น” อนลโต้กลับ นัยน์ตากร้าวมองอย่างไม่ยอมแพ้ “ก็ถ้าอยากจะรับลูกอีกคนมานักก็เชิญ ให้มาแทนที่ผมได้เลย จะเอาอะไรก็เอาไป ให้ตำแหน่งในบริษัทของผมไปด้วยเลยก็ได้ ผมไม่แคร์”


“ได้! ถ้าแกพูดแบบนั้น แกกลับไปกับฉัน ไปบอกน้องแก ว่าแกยกอะไรให้บ้าง! เข้าใจไหม!!”


“ได้! แต่พ่อห้ามบังคับผมอีกเป็นครั้งที่สอง ผมจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ให้ใครมาจูงจมูกอีกแล้ว”


อนลเคยเชื่อว่าตัวเองทำดี..ทำถูกมาตลอดชีวิตที่ตัดสินใจเชื่อฟังและยอมทุกอย่างที่พ่อต้องการ…แม้ต้องแลกกับการเสียคิรากรไป


แต่สุดท้ายเขาก็รู้ตัว…ถึงจะนานและช้า แต่หวังว่าคงไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่


ถ้าคีย์รู้ว่าผมยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อคีย์


…จะให้อภัยได้ไหม…


“ผมรักคีย์…ต่อให้ต้องเสียทุกอย่างในชีวิต ผมก็ยอม”







To be continued…




kagehana :

หายไปนานเลยค่ะ /กราบขออภัย ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ

ปู้จายคนนั้นกำลังจะกลับมา.....

ตอนนี้เนื้อเรื่องเดินมาใกล้จะจบแล้วนะคะ อีกไม่นานแล้ว พี่คีย์ของเราจะเลือกรักเก่าที่เคยทำให้ช้ำใจหรือรักใหม่กุบกิบน้าาา

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 20 All of me (p.7) [06/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-10-2014 18:23:02
เป็นพี่น้องคนละแม่ พี่คีย์จะเลือกใครนะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 20 All of me (p.7) [06/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-10-2014 18:29:39
เห้ออออออ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 20 All of me (p.7) [06/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-10-2014 19:27:13
อ้าว จิณณ์กับอนลเป็นพี่น้องกันเหรอ นี่เราอ่านตกหล่นตรงไหนป่าวเนี่ย
จิณณ์ไม่สนหรอกมั้ง ทรัพย์สมบัติอ่ะ บ้านที่อยู่ตอนนี้ก็มีความสุขดีออก
บิ๊กน่ารักอ่ะ ไม่น่าเชื่อว่าโตมาจะเป็นงี้
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 20 All of me (p.7) [06/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 06-10-2014 21:42:41
และแล้วก็มา หลังจากมาส่องตลอดเวลา 
ถ้าคีย์กลับไปหาอนลอีกนะ... :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 20 All of me (p.7) [06/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 07-10-2014 00:18:20
ถ้าพี่คีย์เลือกอันเราจะโกรธจริงๆด้วย
แต่อันก็ทำเพื่อพ่ออ่ะ
โอ๊ยยยยยยคิดหนัก ปัญหาโลกแตกค่า
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 20 All of me (p.7) [06/10/14)
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 07-10-2014 02:04:50
ถ้าพี่คีย์กลับไปหาอัน อีกจะโกดล่ะนะ  :katai1:
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 21 แค่ตัวแทน? (p.7) [01/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 01-11-2014 09:43:34

-21-




เสียงออดหน้าบ้านในยามวิกาลทำให้ลัดดาวางจานที่ยังล้างไม่เสร็จลงในอ่างคืนก่อนจะเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่ สามีของเธอพาเจ้าจอมขึ้นไปบนห้อง จินกับคีย์ก็เพิ่งเข้าห้องไป สุดท้าย ลัดดาก็ตัดสินใจเดินมาเปิดประตูบ้าน

“ไม่ทราบว่า–??! คุณอาทิตย์??” หญิงวัยกลางคนหน้าซีดลงทันตา ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ

“…ลัดดา…”

“คุณมาที่นี่ทำไม” ลัดดายืนนิ่ง ไม่เปิดโอกาสให้แขกไม่ได้รับเชิญได้เดินเข้าไปด้านใน ริมฝีปากของเธอเม้มแน่นเข้าหากัน “คุณต้องการอะไร”

“ผมมา…รับลูก…”

“ลูกของใคร? ลูกของฉันที่คุณทิ้งไปน่ะเหรอ” เสียงของลัดดาดังขึ้น เธอยังยืนอย่างหนักแน่น และยกมือขึ้นกันอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าอาทิตย์ทำท่าจะเดินผ่านเธอเข้าไป

“ใช่…ไหนๆคุณก็แต่งงานใหม่ มีลูกใหม่แล้ว ผมจะรับจินไปดูแล แล้วก็จะให้รับช่วงบริษัทด้วย” อาทิตย์พูดเสียงเรียบโดยไม่เหลือบแลไปยังลูกชายอีกคนที่เคยรับหน้าที่นี้มาก่อน

อนลลอบมองหญิงวัยกลางคนตรงหน้า…เค้าหน้าที่คุ้นเคยอย่างประหลาดทำให้จิตใจหวั่นไหว ไม่…เขาไม่ได้อิจฉาน้องที่ได้ทุกอย่างที่เคยเป็นของเขา แต่เพียงแค่รู้สึกคุ้นจนเกินไป

“ฉันไม่ให้ คุณกลับไปได้แล้ว คุณอาทิตย์!”






“จิน…” คีย์เรียกคนที่โอบกอดตัวเองไว้บนเตียงเบาๆ เขาขยับมือไปใช้ปลายนิ้วชี้เคาะที่แผ่นอกกว้างของเจ้าของห้อง “เรียนจบแล้วไปอเมริกาไหม”

“ทำงานก่อนค่อยไป กลัวพ่อตาแม่ยายไม่รัก….สินสอดอย่าแพงนะ ไม่มีตังค์” จินจับมือซุกซนขึ้นมาจูบเบาๆพลางยิ้มจนตาหยี

ชายหนุ่มพลิกตัวคร่อมร่างบอบบางแล้วก้มลงซุกไซ้ลำคอขาว ริมฝีปากที่กำลังจะพรมจูบชะงักลงด้วยเสียงที่ดังจากชั้นล่าง

“แม่เป็นอะไร ใครมารึเปล่า ทำไมเสียงดังจัง” เขาลุกจากที่นอนพลางฉุดอีกคนขึ้นด้วย

“ลงไปดูแป๊บนึงนะ”

“อื้อ” คีย์รับคำแล้วเดินตามลงมาอย่างว่าง่าย ตั้งแต่เอาชีวิตส่วนหนึ่งมาฝากไว้ที่นี่ ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะได้ยินมารดาของคนรักพูดด้วยน้ำเสียงอันดังขนาดนี้

จินรวบมือคนรักมากุมไว้แล้วพากันเดินลงมาชั้นล่าง ชายหนุ่มมองใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของมารดา….ก่อนที่สายตาจะมองไปที่อีกสองคน หนึ่งคือพ่อ….ที่แทบจะลืมหน้าตากันไปแล้ว

ส่วนอีกหนึ่งคือคนที่ไม่มีวันลืม

…อนล…

จินบีบกระชับมือที่เกาะกุมเอาไว้

“พ่อ…มาได้ไง?” น้ำเสียงทุ้มถามออกไปทันทีที่คว้ามืออีกข้างของมารดามาจับไว้ได้

คีย์จงใจที่จะไม่มองอนล เขามองหน้าชายอีกคนแล้วก็เอ่ยทักตามมารยาท “สวัสดีครับคุณอาทิตย์” คีย์ดึงมือที่ถูกกุมไว้ออกมาเพื่อยกมือไหว้คนสูงวัยกว่า

“…คีย์…” อนลเรียกชื่อของคนที่รักมากกว่าใครเสียงเบา ทว่าเจ้าของชื่อยังคงทำเป็นไม่ได้ยิน

“มาทำอะไรที่นี่ คิรากร” น้ำเสียงเด็ดขาดถามพร้อมกับสายตาดุขึ้งที่จ้องมอง

“พี่คีย์เป็นแฟนผม ทำไมจะมาไม่ได้” จินตอบเสียงเรียบ…พร้อมๆกับที่โอบไหล่เข้ามาแนบชิด

หากแม่สนใจพ่อ….คนที่เขาสนใจที่สุดคืออีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อนลมองมาที่เขาสลับกับคีย์อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แววตาของอีกฝ่ายที่ทั้งงุนงง สับสน และตัดพ้อทำให้จินอดจะหวั่นใจไม่ได้…ว่ารักที่พี่คีย์มีให้คนๆนี้จะเจือจางลงไปมากน้อยแค่ไหน

“อย่าบอกนะว่า…นั่น….” ชายหนุ่มเลี่ยงที่จะเรียกชื่อ “…พี่ชายผม”

“ใช่ แต่ก่อนจะไปเรื่องนั้น…” สายตากลับไปจ้องอยู่ที่ตัวปัญหาของเขา “คิรากร! แกต้องการอะไรจากครอบครัวฉัน?? เงิน?? หรืออะไร??”

คำตวาดทำให้เจ้าของชื่อได้แต่สะดุ้ง เขาเม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา

“เปล่า…ครับคุณอาทิตย์…ผมไม่ได้ต้องการอะไร…ทั้งนั้น”

“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อหลอกฉัน แกหลอกอันจนเลิกกับเมีย แต่ยังมาร่านกับจิน แกคิดจะทำตัวสำส่อนได้ทั้งพี่ทั้งน้องเลยใช่ไหม! ตอบมาสิคีย์ ผู้ชายอย่างแกควรจะเรียกว่าอะไร”

“พ่อ…พอได้แล้ว” อนลรั้งชายเสื้อบิดาไว้ด้วยเห็นว่าอาทิตย์กำลังโกรธจนเหมือนอยากจะเข้าไปฆ่าคิรากรให้ได้

“แกมันสันดานเอาไม่เลือกหน้า เลวที่สุด”

เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าดังขึ้น กลบเสียงของอาทิตย์ให้หายไป “ถ้าจะมาพูดจากล่าวหาต่ำๆก็ออกไปจากบ้านฉัน…เดี๋ยวนี้!” เป็นลัดดาที่เงื้อมือตบหน้าของชายที่เคยรักเสียเต็มแรง

“กล่าวหาอะไร ผมพูดความจริง! คิรากร นี่แกหลอกบ้านฉันยังไม่พอ ต้องลามมาถึงนี่ด้วยหรือไง”

“….ผม…..เปล่า….ครับ….” คีย์กัดริมฝีปากล่างเอาไว้ พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น

“แกเปล่าอะไร ตอบฉันสิ ฉันเห็นอยู่เต็มตา อันมันดิ้นรนจะกลับมาหาแก แต่แกมาเอากับคนอื่น จะให้ฉันเรียกว่าอะไร!”

“ผม……” อยากจะบอกไปว่าเลิกกับอันแล้ว แต่พอคิดดู ก็ไม่เคยพูดชัดเจนว่าเลิกกัน มีแต่ตัวเองที่หนีกลับมาคนเดียวแล้วบอกคนอื่นว่าเลิกกัน

“หยุดซะที ถึงเป็นคุณผมก็แจ้งตำรวจจับได้” จินก้าวเข้ามายืนขวาง…มือใหญ่อ้อมด้านหลังจับมือเรียวที่สั่นไหวเอาไว้แทนคำปลอบประโลม

“อย่ามาเรียกคนรักของผม…ด้วยคำต่ำๆที่คุณใช้ คุณจะเข้าใจยังไงก็ตาม คำตอบเดียวที่ผมมีให้คือผมรักพี่คีย์” เน้นย้ำพร้อมกับบีบมือแน่น

“แต่คีย์เป็นคนรักของฉัน เรายังรักกันไม่ใช่เหรอคีย์” น้ำเสียงแหบแห้งของอีกคนดังแผ่วเบา…คำถามที่เจือด้วยความลังเล

อนลอยากจะสบตาคนที่ถูกบัง แต่สายตาของน้องชายต่างแม่และการกระทำกางกั้นเอาไว้

“ใช่ไหมคีย์….อันรักคีย์นะ…”

“แกหยุดคร่ำครวญได้แล้วอัน! เห็นไหม พอมันเบื่อมันก็เขี่ยแกทิ้ง แล้วจะทิ้งทุกอย่างที่ฉันทำเพื่อคนแบบนี้น่ะเหรอ?”

อาทิตย์มองไปที่คีย์อีกครั้งก่อนจะหันมาขึ้นเสียง “อัน! กลับ!”

“แต่……” อนลมองไปทางอดีตคนรักที่โผล่หน้าออกมาพ้นจากบ่ากว้าง แวบหนึ่งเขาอยากเห็นแววตาคู่นี้ที่บ่งบอกว่ายังเหลือเยื่อใยกัน แต่เมื่อได้สบตา…ทุกคำพูดที่อยากจะถามและต้องการคำตอบกลับถูกกลืนลงไป

ไม่จริงใช่ไหม…หรือว่าสายเกินไป

จริงใจไม่พอ?

ทอดทิ้งกันไป?

หรือ…ไม่รักอีกแล้ว

“คุณพาลูกของคุณกลับไปซะ แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก ฉันไม่มีวันยกจินให้คนเห็นแก่ตัวอย่างคุณ” ลัดดาปาดคราบรอยน้ำตาทิ้ง จะไม่มีผู้หญิงอ่อนแอคนเดิมอีกแล้ว

“จิน…รอส่งแขกล็อคประตูบ้านด้วย คีย์…พาแม่ขึ้นข้างบนหน่อยนะ”

“ค…ครับคุณแม่” พอตั้งสติได้ คีย์ก็เข้ามายืนเคียงข้างหญิงวัยกลางคน สายตาที่มองมาอย่างผิดหวังของอนลทำให้เขาอดรู้สึกผิดไม่ได้

ร่างโปร่งบางประคองลัดดาขึ้นบันไดไปช้าๆโดยที่ภาพสายตาของอนลยังคงอยู่ในความทรงจำ

อาทิตย์กับอนลที่ถูกเชิญออกไม่สู้จะพอใจนัก ทันทีที่ออกมาพ้นประตูบ้าน อนลก็หันไปหาจินที่กำลังจะเดินกลับเข้าไป

“แกก็เป็นแค่เด็กเมื่อวานซืน เป็นน้องชายฉัน เป็นตัวแทนฉันให้คีย์!  แกจำไว้ แกเป็นได้แค่ตัวแทนของฉัน!!”

จินปิดประตูใส่หน้าคนพูด…แต่เขารู้ดีว่าไม่อาจจะปิดกั้นความคิดในคำพูดสุดท้ายได้เลย

เพราะเป็นพี่น้องกัน….เพราะผมเหมือนเขาหรือเปล่า

…พี่ถึงได้บอกว่ารักผม…

จินสลัดหัวไล่ความคิดที่ติดอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น….มันก็ไม่ได้หายไปไหนเลย

“จิน…” คีย์ที่พาแม่ขึ้นไปชั้นบนและเข้านอนเรียบร้อยแล้วเดินกลับลงมาข้างล่าง เขามองใบหน้าอ่อนล้าของจินแล้วก็เดินเข้าไปหา “ไม่เป็นไร…นะ”

“ผมไม่เคยรู้เลยว่าอัน..เป็นพี่ผม” จินพึมพำแล้วมองสบตาคนรัก “พี่คีย์ต่างหาก…ไม่เป็นไรใช่ไหม ที่พ่อว่าพี่ขนาดนั้น”

พูดแล้วก็อดแค้นไม่ได้ ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ผิดอะไร แต่พ่อกลับโยนเรื่องทั้งหมดมาใส่กล่าวหาอย่างหน้าไม่อาย

“พี่…ไม่เป็นไรหรอก” เขายิ้มจางๆ “คุณอาทิตย์ไม่ได้ชอบพี่มาตั้งแต่แรกแล้ว…”

“แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดจาร้ายๆใส่ไม่ใช่เหรอ พี่น่ะยอมคนเกินไปรู้ไหม” ปลายนิ้วแตะแผ่วเบาที่ผิวแก้ม จินไล้ตามแนวคางของคนตรงข้าม

ทำไมถึงจะไม่เจ็บ แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ได้ไม่เป็นไร ถึงปากจะพูดแต่การกระทำมันฟ้อง….

“พี่ไม่ต้องห่วง ยังไงผมก็ไม่เลิก…ถ้าพี่ไม่เปลี่ยนใจ”

ใช่….ถ้าพี่คีย์ไม่เปลี่ยนใจกลับไปหาคนที่เป็นรักแรก…ที่ผมไม่มีทางสู้ได้

“ผมรักพี่คีย์นะ” จินอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่บอกคนรักว่าไม่ให้กลับไป แต่ที่เขาทำได้ก็เพียงแค่บอกรัก…และแสดงให้เห็นว่าเขารักคนตรงหน้านี้แค่ไหน

ทำได้….เท่านี้…

“ทำไมต้องบอกว่าถ้าพี่ไม่เปลี่ยนใจด้วย…จินก็รู้ ไม่ใช่เหรอ ว่าพี่ไม่เปลี่ยน….” คำพูดของจินทำให้เขาคิดได้แต่เพียงว่าอีกฝ่ายยังไม่เชื่อใจในตัวเขา

“แต่เขากลับมาแล้ว…..” เขา…ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงใคร

“ผมแค่….กลัว…ละมั้ง”

“จินกลัวอะไร” คีย์มองหน้าร่างสูงแล้วก็ยกมือขึ้นทาบกับใบหน้าของอีกคน “พี่…ยังทำให้จินไม่มั่นใจอยู่เหรอ”

“ไม่รู้สิ ไม่ใช่ไม่มั่นใจนะ…แต่ผมแค่ไม่อยากเสียพี่ไป” จินเอนใบหน้าซบลงกับฝ่ามือคนรัก เป็นความอบอุ่นแสนหวานที่เจือความหวาดระแวง

ใช่…ระแวง ไม่ผิดหรอก พี่คีย์เคยทิ้งเขาไปในแบบที่ไม่บอกลาสักคำ ถึงตอนนี้ค่าความรู้สึกจะเปลี่ยน…แต่ก็กลัวว่าจะมากไม่เท่าอีกคน

“พี่…เคยรักอันมากก็จริง แต่ทุกอย่างมันจบ…จบตั้งแต่ตอนที่อันกลับมาตามพี่แล้ว…เข้าใจใช่ไหม”

“เข้าใจครับ”

จินตอบรับแล้วกอดเอาไว้ เขาดีใจมากที่คนรักพูดอย่างนี้..ดีใจจนปัดความกังวลทิ้งไปได้

“ผมรักพี่นะ” จินย้ำอีกครั้งพร้อมจุมพิตหวาน

ขอให้พรุ่งนี้เรื่องยุ่งๆทั้งหมดหายไป…พร้อมๆกับคนที่เพิ่งกลับมา

 
 
 
 
 

To be continued…
 



 
 kagehana :

ตอนถัดไปจะเป็นตอนจบของเรื่องนี้แล้วค่ะ ขอบคุณคนอ่านทุกท่านนะคะที่ติดตามอ่านกันมาตลอด ถึงจะดองบ้างอะไรบ้างก็ตาม 555

สำหรับตัวละครพี่คีย์ เราใช้พื้นฐานทางจิตใจของคนธรรมดาเป็นที่ตั้งค่ะ มีหลายคนที่เป็นอย่างพี่คีย์คือยอมทนเพื่อรักถึงจะโดนทำอะไรก็ตาม แต่พี่คีย์ของเราเลือกที่จะปล่อยและเริ่มต้นใหม่

ถึงจะไม่ง่าย ทำไม่ได้ในทันที แต่เราเชื่อว่าต้องมีวันที่พี่คีย์รักจินคนเดียวและลืมอันไปได้นะ

จะถึงตอนสุดท้ายแล้ว เราต้องคิดถึงคนอ่านแน่ๆเลย แต่ไม่เป็นไรนะคะ เรามีข่าวดีที่มาพร้อมกับตอนสุดท้ายในโพสต์นิยายตอนสุดท้าย บอกใบ้ให้ว่าเป็นการกลับมาของใครหลายๆคน ><

ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ
 
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 21 แค่ตัวแทน? (p.7) [01/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-11-2014 12:31:44
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 21 แค่ตัวแทน? (p.7) [01/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 01-11-2014 13:03:17
ทั้งพ่อทั้งลูกร้ายพอกันเล้ยยยย
ถ้ามั่นคงจริงจะหนีไปแต่งงานทำไม
ละดูว่าพี่คีย์ดิ่ โหยยยยอยากจะเถียงงงงง
สงสารคุณแม่ไม่น่าไปรักผู้ชายแบบนี้เลยค่ะ

จินมีแต่ความไม่มั่นใจเนอะ
เราเข้าใจๆ คนเก่ากลับมาหาพี่คีย์บ่อยขนาดนี้งือ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 21 แค่ตัวแทน? (p.7) [01/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-11-2014 14:17:19
จะจบแล้วหรอ ไม่น๊าาาาา
อยากอ่านพี่คีย์กับจินไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 21 แค่ตัวแทน? (p.7) [01/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 01-11-2014 14:59:16
จบเร็วจังเลย..ยังไม่สะใจเลยนะนี่..
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 29-11-2014 14:23:17

-22-



หลังจากที่ทะเลาะกับพ่อใหญ่โต ท้ายที่สุดอนลก็ตัดสินใจกลับมาที่บ้านนี้อีกครั้ง เขาเหลือบมองรถยนต์ที่หายไปพลางโล่งใจที่อย่างน้อยคนรู้เรื่องของเขาก็หายไปอย่างน้อยคนนึง

อนลกดกริ่ง…พร้อมๆกับโทรหาคิรากรไปด้วย หวังว่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจะติดต่อได้

ทว่าอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์นั้น เจ้าของกลับมองมันส่งเสียงและสั่นอยู่บนโต๊ะในห้องนอนของจิน– ไม่ต้องดูก็รู้ว่าใครโทรมา

“รับไหม” คนข้างกายถาม

“ไม่เอาอะ ก็รู้อยู่ว่าใครโทรมา” คีย์ส่ายหน้า เขาหันหน้าหนีไปอีกทาง

“แต่ผมอยากให้จบ…” จินว่าแล้วลุกไปยืนมองที่หน้าต่าง เมื่อครู่เขาได้ยินเสียงกริ่ง และก็เป็นไปตามคาด….อนล พี่ชายต่างแม่ของเขายืนอยู่หน้าบ้าน

“เขาอยู่หน้าบ้าน” เขา…ที่ไม่ต้องบอกชื่อก็รู้ว่าใคร

“…แต่พี่ไม่อยากลงไปคุยกับเขาอีกแล้ว” เขาเอ่ยขัด “เมื่อวานมา…พูดขนาดนั้น พี่ยังไม่อยากเจอ”

จินมองหน้าคนรักแล้วสลับมองกับคนข้างล่าง เขาถอนหายใจแผ่วแล้วจับมือเรียวมากระชับกุมไว้

“ผมทำอะไรให้พี่ได้บ้าง….”

“…..จินทำให้พี่เยอะแล้วเถอะ…พี่ต่างหาก…ทำอะไรให้ได้บ้าง”

“ถ้าอย่างงั้น เราลงไปด้วยกันนะ”

คีย์หันมาทำหน้าลำบากใจใส่อีกคน “เอาจริงเหรอ…”

“หรือให้ผมลงไปคนเดียวก็ได้ ถ้าพี่ไม่อยากไปเจอจริงๆ”

คนอายุมากกว่าถอนหายใจออกมา จินทำให้เขาเยอะมากแล้ว ทั้งมารดาก็ด้วยที่ออกหน้าแทนในส่วนของเหตุการณ์เมื่อวาน

“ไม่เป็นไร…พี่ลงไปเองก็ได้……”

เขาลุกขึ้นยืนแล้วตัดสินใจเปิดประตูห้องออกโดยที่ไม่คว้าโทรศัพท์มือถือลงมาด้วย พอก้าวลงบันไดมาถึงหน้าประตูบ้านได้ เขาก็หยุดยืนนิ่ง มีเสียงกริ่งดังอยู่ไม่หยุด

…เอาล่ะ…

มือเรียวเอื้อมคว้าลูกบิดประตูแล้วเปิดออก “มีอะไรอีกอัน”

“คีย์…..” พอยืนต่อหน้าคำพูดที่คิดไว้ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ อนลก้าวยาวๆเข้าหาแล้วรวบร่างบางมากอดไว้แน่น “คิดถึง….”

แต่คีย์ไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในอ้อมกอดนั้นนานเกินไป เขารีบดันอีกฝ่ายออก– หรือคือพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของอัน

“พอแล้วอัน ปล่อย…”

“กลับไปด้วยกันนะคีย์…นะ…อันมารับ ตอนนี้อันทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จะไม่โกหกอีกแล้ว สัญญา”

เพราะอีกฝ่ายมีท่าทีปฏิเสธอย่างจริงจังต่างกับที่คิดไว้ น้ำเสียงจึงอดจะร้อนรนไม่ได้

“อันอย่าพูดอะไรเห็นแก่ตัวแบบนั้นได้ไหม” เขาไม่ยอมจะให้เป็นไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ– อย่างน้อยครั้งนี้ก็ต้องไม่เหมือนครั้งที่แล้ว

“…คีย์ไม่กลับ”

“คีย์ไม่รักผมแล้วเหรอ” อนลกระซิบแผ่ว ปีศาจร้ายที่แผงอยู่ในตัวผลักดันให้เขาพูดทุกอย่างออกมา

“เรารักกันมากแค่ไหน เราคบกันมานานเท่าไหร่ คีย์ลืมไปแล้วเหรอ ไอ้เด็กนี่มันแค่เข้ามาแทนที่อัน….”

แทนที่…..ใช่สิ

“เพราะว่ามันเหมือนอันใช่ไหม คีย์ถึงเผลอไปชอบมัน” อนลเสี่ยง….พูดทั้งที่ตนเองไม่มั่นใจ

“ด…เดี๋ยว! อะไรของอัน เอาอะไรมาพูด” คีย์เบิกตากว้างกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ได้แค่ติดว่าอีกฝ่ายหมดหนทางแล้วถึงได้พูดแบบนี้ออกมา

ถึงแม้ว่าคีย์จะไม่รู้สึกเช่นเดียวกันอนล แต่คนที่ยืนอยู่และได้ยินทุกคำพูดกลับนิ่งไป จินเหลือบตามองคนทั้งคู่แล้วได้แต่ภาวนาในใจ

ไม่อยากสูญเสียพี่ไปอีกแล้ว….

“มันเป็นน้องอัน จะหน้าตา ท่าทาง บรรยากาศ ต้องมีอะไรสักอย่างที่คล้ายอัน ไม่งั้นคีย์คงไม่ชอบมันได้เร็วขนาดนี้” ยิ่งพูดยิ่งเหมือนติดบ่วง…กลัว…กลัวว่าจะพ่ายแพ้ให้กับคนที่มาทีหลัง “มันก็แค่ตัวแทนของอัน คีย์เห็นมันเป็นตัวแทน แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่ ไม่มีวันใช่ เชื่ออันเถอะ….กลับไปด้วยกัน อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน อันจะไม่ให้พ่อเข้ามายุ่งกับชีวิตเราอีกแล้ว”

พอถูกพูดเข้ามาแบบนั้น คีย์ถึงกับสวนกลับไปไม่ได้– เพราะสิ่งที่อันพูดมานั้นไม่ได้ผิดไปเสียทั้งหมด

…เคยคิด ว่าจินมีบรรยากาศบางอย่างที่ชวนให้นึกถึงอันตั้งแต่ที่อยู่ด้วยกันช่วงแรกๆ

“อัน…ฟังคีย์ดีๆนะ” เขามองตาอีกฝ่าย ดวงตาคมที่เคยชอบมอง ดวงตาที่เคยทำให้หลงรักตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก แต่กลับไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วในตอนนี้

“ถึงจะมีบรรยากาศคล้ายๆกัน แต่คีย์ไม่ได้รักจินเพราะเรื่องแค่นั้น เข้าใจไหม”

แล้วเพราะอะไร….คนที่ฟังอยู่ทั้งคู่ผุดคำถามเดียวกันขึ้นมา อีกฝ่ายเลือกที่จะฟังเงียบๆแต่เป็นอนลที่ถามกลับ

“แล้วคีย์รักมัน…เพราะอะไร”

“มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรออัน……ความรู้สึกรัก ไม่พอเหรอ ทำไมต้องหาเหตุผลให้มันด้วย” คล้ายกับความรู้สึกทั้งหมดที่อัดอั้นไว้ค่อยๆผลักน้ำตาให้เอ่อออกมา

“คีย์เคยรักอันมาก โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น แต่อันล่ะ อันทำอะไรบ้าง ขอให้คีย์อยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ โกหกว่าหย่ากับเมย์แล้ว เพื่อแค่ให้คีย์ไปอยู่ข้างๆ โดยไม่คิดถึงความรู้สึกคีย์เลยสักนิดเดียวเนี่ยเหรอ”

“มันไม่ใช่อย่างนั้น….” อนลพยายามหาข้อแก้ตัวแต่ก็จนด้วยคำพูด เขาทำทุกอย่าง…ทำให้คนๆนี้เสียใจ เป็นเรื่องจริงที่ไม่สามารถบิดเบือนได้เลย

แต่ถึงอย่างนั้น…ก็ไม่อยากยอมแพ้

“เพราะงั้นอันถึงพยายามแก้ไขไง ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รอแค่คีย์กลับมา”

เห็นแก่ตัว….คนที่ฟังอยู่กำหมัดแน่น จินมองไปที่คนรักแล้วก้าวออกไปเชื่องช้าทว่ามั่นคง เขาเดินไปเผชิญหน้าพี่ชายที่ไม่เคยรู้จักในขณะที่มือใหญ่แตะแผ่วบนแผ่นหลังคีย์โดยที่ไม่พูดอะไร

“ในตอนนี้ คีย์อาจจะยังรักจินไม่เท่าที่เคยรักอันตอนนั้น…แต่ความรู้สึกของคีย์ก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ตั้งแต่วันที่คีย์ตัดสินใจเลิกรักอัน…เข้าใจใช่ไหม” คล้ายกับมือที่แตะมา แบ่งความกล้า เป็นกำลังใจให้ ว่าจะอยู่เคียงข้างกัน ผลักให้เขาพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา– อย่างจริงใจ

จินมองสบตาแล้วยิ้มให้ด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น…เขาเชื่อทุกคำพูดของคนๆนี้ และรู้ดีว่าตัวเองก็พร้อมจะทำทุกอย่างให้ความรู้สึกเพิ่มพูนในทุกๆวัน

แค่พี่รักผม…เท่านั้นก็พอ

“ไม่….ทำไมคีย์พูดว่าเลิกรักอันแล้ว คีย์โกหก” อนลพยายามคว้าฟางเส้นสุดท้าย แม้ความหวังจะริบหรี่

“กลับไปด้วยกัน คีย์ก็ไม่ได้รักอัน…ไม่ได้อยากอยู่กับอันแล้ว…อัน…เข้าใจ…เข้าใจคีย์ได้ไหม”

อนลพยายามจะพูด…แต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงออกมา ร่างสูงเอื้อมมือมาจับมือของคีย์ไว้

“กลับไปเถอะ….คุณเสียพี่คีย์ไปตั้งแต่วันที่โกหกเขาแล้ว” จินรั้งมือคีย์กลับมา “ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ทำแบบคุณ”

“แกจะเข้าใจอะไรวะไอ้ลูกเมียน้อย” คนแพ้ตวาดกร้าวแล้วฉวยคอเสื้อกระชากเข้ามาใกล้

“แกไม่เป็นฉัน ไม่เป็นคนที่ถูกบังคับทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องคนรักไม่มีวันรู้หรอก ฉันทำทุกอย่างเพื่อให้มันสมบูรณ์แบบตามอย่างที่พ่ออยากให้เป็น แล้วพอฉันจะทำตามใจตัวเอง แกก็มาแย่งคีย์ไป ถ้าไม่มีแก คีย์ก็ต้องรักฉัน คีย์ต้องยังรักฉันแน่ๆ”

“ก็ถ้าไม่ใช่เพราะคีย์หนีกลับมาเหรอ…สองครั้ง…สองครั้งเลยนะ อันถึงจะกล้าทำตามใจ…” เขายกมือขึ้นจับแขนของอดีตคนรักเอาไว้ “มันใช่สิ่งที่คนรักกันทำให้กันเหรอ…คีย์อดทนอยู่ เพราะเชื่อ แต่อันก็เลือกทางง่ายไว้ก่อน เอาที่สบายกับตัวเองไว้ก่อน…เพราะคิดว่ายังไงคีย์ก็ตามใจอัน…ไม่ใช่เหรอ”

“ผมไม่เข้าใจหรอกนะว่าการทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบของคุณคืออะไร แต่ถ้าผมอยู่ในฐานะเดียวกับคุณ ผมไม่มีทางทำให้คนที่ผมรักเสียใจหรือเจ็บปวดเพียงเพราะอยากให้ชีวิตสมบูรณ์แบบตามใจใครหรอก” จินปัดมือที่ดึงคอเสื้อออก น้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบเรื่อยทว่าจริงจังพูดต่อ “คุณรักพี่คีย์…..แต่คุณรักตัวเองมากกว่า ใช่ไหมล่ะ”

“พูดอะไรบ้าๆ…..” อนลกำมือแน่นพลางมองอดีตคนรัก…อดีตที่ไม่มีวันหวนคืน อนาคตที่มองไม่เห็นทาง

“ฉันรักคีย์….” ชายหนุ่มพึมพำเสียงแผ่ว แววตาเศร้าหมองจับจ้องอยู่ที่ดวงตาซึ่งเคยมองแต่เขาแค่คนเดียว

“ไม่ได้จริงๆเหรอคีย์—”

“…คีย์อยากจะตอบว่าได้นะ…แต่มันไม่ได้แล้วอัน…คนที่คีย์รักคือจิน……อันเปลี่ยนตรงนั้นไม่ได้แล้ว” แววตาของอนลนั้นเมื่อได้สบมองก็อดรู้สึกเศร้าตามไปไม่ได้ กับคนที่เคยรักมากจนเหมือนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต

“คุณกลับไปเถอะ” จินตัดบท

“ทำไมล่ะคีย์ เพราะผมไม่มั่นคงใช่ไหม…” อนลได้แต่รั้งข้อมือของคนรักที่กลายเป็นอดีตไว้ ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าไม่ว่ายังไงคิรากรก็จะรอเขา..จะรักเขาคนเดียว ต่อให้เขาทำอะไรคนๆนี้ก็จะอยู่เพื่อรักเขา

แต่มันไม่มีอีกแล้ว….

“ขอโทษ…ที่ทำให้คีย์เจ็บ ขอโทษที่หลอกกัน แต่ที่อันไม่เคยโกหก…คืออันรักคีย์นะ”

“คีย์….ก็รักอันนะ” เขามองใบหน้าของอนลให้เต็มๆตาอีกครั้ง “ขอโทษ…ที่อยู่ข้างๆ…รออัน อย่างที่อันอยากให้รอไม่ได้” มือของเขาดึงออกมายึดกุมมือของคนเคยรักเอาไว้ “อันกลับไปนะ คีย์ขอร้อง แล้วคราวหน้า พออันรักใครสักคน…ก็รักให้เยอะๆ ให้มากกว่าที่เคยรักคีย์นะ”

“ไม่มีวันหรอก….อันจะรักคีย์คนเดียว”

“…..คีย์ก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน….เดี๋ยวอัน ก็จะเจอคนที่เหมาะกับอัน……เองนะ” คีย์ยิ้มให้เพียงจางๆ

“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก” อนลปล่อยมือ..ทั้งที่อยากจะรั้งเอาไว้ใจแทบขาด

เขาเห็นแก่ตัวมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเพียงคีย์ยังรักเขาเพียงเศษเสี้ยว เขาก็คงยืนยันจะสู้ต่อ

แต่ตอนนี้…ดวงตาคู่นั้นได้บอกความจริงหมดแล้ว

แพ้อย่างหมดรูป…แพ้ตั้งแต่ยอมให้อีกฝ่ายเจ็บปวด

“ต้องปล่อยมือจริงๆแล้วสินะ”

“….อื้ม…….” คีย์ค่อยๆปล่อยมือที่จับเอาไว้ออก “….นะ…….”

จินเฝ้ามองคนทั้งคู่แล้วอดไม่ได้ที่จะแตะมือไว้บนแผ่นหลังของคนรักเบาๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลืมคนที่อยู่ด้วยกันมานาน แต่เขาก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งคนๆนี้คงรักเขาได้มากกว่าที่เคยรักอนลแน่นอน ส่วนอนล….พี่ชายต่างแม่ที่ไม่เคยเห็นหน้า คงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องเยียวยา

ความอบอุ่นที่ใกล้เคียงกับคำว่าสุขใจเอ่อล้นขึ้นมาท่วมท้น เมื่อคีย์สอดมือเข้ามาโอบที่เอวเบาๆ

“ผมจะดูแลพี่คีย์เป็นอย่างดี…ไม่ต้องห่วง”

“ให้ดีกว่าที่ฉันทำแล้วกัน ไม่งั้นฉันแย่งคืนแน่”

“ไม่มีทางหรอก”

จินมองหน้าพี่ชาย เศษเสี้ยวของสายเลือดอาจจะทำให้คีย์นึกถึงคนๆนี้เทียบกับเขา แต่ถึงยังไงก็ไม่มีวันเหมือนกัน

ทันทีที่อนลเดินออกไปจนลับสายตา จินก็กอดประคองคนรักเอาไว้เบาๆ

“ผมไม่มีทางทำให้พี่เสียใจ”

“อือ……พี่รู้….” น้ำตาที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลั้นเอาไว้ไหลออกมาจากดวงตาของคีย์ ชายหนุ่มฝากตัวเองไว้กับอ้อมกอดของคนรัก กอดไว้แน่นให้มั่นใจ “พี่รู้”

“เก่งมาก คนดีของผม” จินจูบเบาๆที่หน้าผาก รู้…ว่าคีย์อดทนมากเท่าไรกว่าจะพูดตัดอนลออกจากชีวิตไปได้

“ผมจะทำให้พี่รักผมมากกว่าที่เคยรักอันให้ได้”

“ไม่ต้องทำอะไรมาก…เป็นจิน…อยู่กับพี่แบบนี้…ก็พอแล้ว”

“ผมรักพี่นะ”

“อื้ม” คีย์ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนจะหันมามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยววันนี้บอกแม่นะ พี่จะทำมื้อเย็นเอง แม่จะได้รักพี่เยอะๆ”

“แม่รักเยอะอยู่แล้ว ลูกชายแม่ก็รักเยอะๆด้วย” จินยิ้มแล้วใช้ปลายนิ้วปาดคราบน้ำตาบนใบหน้า

“รักที่สุดเลย”

“เดี๋ยวเรียนจบ พี่พาไปอเมริกานะ ไปเจอพ่อกับแม่พี่บ้าง”

“จะรอนะ”

จินไม่ได้ให้คำสัญญา แต่คำธรรมดาคำนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนไป

เขารอได้ทุกอย่าง

..ขอแค่เป็นพี่คีย์…

“พ่อกับแม่…โดยเฉพาะแม่ ต้องรักจินแน่ๆ” คีย์หัวเราะ เขารู้ดีว่าพ่อกับแม่ของตัวเองไม่มีทางที่จะไม่ชอบคนๆนี้เลยแม้แต่น้อย

“แล้วไปด้วยกัน……นะ” เอาจริงๆก็อยากจะให้อยู่ด้วยกันทางนู้น แต่เขาจะยังไม่พูดออกมา จะปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลาที่จะใช้ด้วยกันนับจากนี้ไป

ไม่มีอะไรต้องรีบ แค่หันไปมองข้างๆแล้วยังมีกันและกันอยู่แบบนี้ก็พอแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

The End

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนสุดท้ายนะคะ

เดี๋ยวมีเรื่องใหม่มาฝากอีกแน่ๆ (?) ไม่ต้องห่วงนะคะ ใครคิดถึงพี่เดฟน้องปันบ้างเอ่ยยยยย

รักคนอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 29-11-2014 14:55:18
จบแล้ววววววววววว ลุ้นแทบตาย กลัวคีย์เปลี่ยนใจที่สุดอ่ะ T^T

รอตอนพิเศษนะ ^^
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-11-2014 15:35:19
พี่คีย์เด็ดขาดมาก ตัดสินใจเลือกแล้ว
ถึงจะเจ็บก็ยังมีจินและครอบครัวให้กำลังใจ

หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-11-2014 20:47:20
สงสารพี่คีย์นะ
แต่ยังไงตอนนี้ก็มีจินดูแลแล้ว
^^
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 29-11-2014 23:41:45
ชอบแบบนี้จัง พี่คีย์แบบนี้ใครไม่รักก็บ้าแล้ว

อันมันโง่เองอ่ะ  รักษาไว้ไม่ได้
ชอบคำตอบของคีย์มากกกกกกกกกกกก
“มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรออัน……ความรู้สึกรัก ไม่พอเหรอ ทำไมต้องหาเหตุผลให้มันด้วย”

มันคือ Love for a reason is love.
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 30-11-2014 01:57:28
สนุกมากค้า รอตอนพิเศษนะค้าาาา
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Pnomsod ที่ 30-11-2014 12:55:24
จบแล่ววว ตามมานานนน ลุ้นว่าสุดท้ายว่าจะเป็นยังไง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 30-11-2014 19:15:23
ผมอยากอ่านเรื่องนี้ให้ตั้งแต่ต้นจนจบ  แต่งงชื่อตัวละครมากจริงๆ เพราะมีหลายคนมากทั้งชื่อจริงชื่อเล่น  555

แต่ก็เขียนได้ดีนะ  ไว้จะพยายามมาอ่านต่อครับ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 01-12-2014 12:06:22
จินชนะเลิศ
แอบสงสารอันเล็กน้อยเล็กจริงๆ
ในที่สุดก็แฮปปี้เอนดิ้งงง
รักกันนานๆน้า❤️❤️
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 01-12-2014 13:01:14
เพื่องเข้สมาอ่าน  อ่านรอบเดียว  จบเลย  สนุกมากเลยค่าา

รอตอนพิเศษนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 01-12-2014 19:32:57
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 01-12-2014 23:38:51
เป็นเรื่องที่น่ารักมากกกก สนุกมากเลยจ้าาา

ขอบคุณคนเขียนค่ะ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 01-12-2014 23:59:15
 :impress2:

น่าร๊ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 02-12-2014 16:09:36
อ่านไปสองตอนแต่รู้สึกถึงภาพและกลิ่นอายของสถานที่ชัดมากๆ
ยิ่งทำให้อินกับเรื่องเข้าไปใหญ่ คิดแล้วก็อยากกลับไปจังเลย
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: bigsyjung ที่ 04-12-2014 21:46:22
อยากอ่านตอนพิเศษของอาลัว อะคะ อิอิ ของทุกคนด้วยอิอิ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 05-12-2014 02:50:35
มีหลายคู่แลัสมหวังทุกคู่ น่ารักทุกคู่ด้วย อ่อ ยกเว้นคู่สาววายแจ้สกับ
หนุ่มเฟี้ยวรถถังสินะ รถถังสู้ๆ คู่น้องบิ๊กพี่แพทก็พึ่งเริ่ม พี่แพทคะ ตอนนี้อาจจะยัง
ไม่พิเศษอะไร แต่ไปอีกสักพักได้เข้าชมรมเดียวกับ พี่ไผ่ น้องปั๊บ จินแน่ๆ
อิอิ ดูน้องจินเป็นตัวอย่างนะคะ แรกๆว่าไม่ๆๆๆๆ แล้วเป็นไง เข้าชมรม
เกลียมัวอีกราย บรรดาเคะๆเรื่องนี้ก็น่ารักกก ทั้งพี่คีย์ น้องเม็ดโฟม พี่
อาลัว พี่อาลัวนี่รออ่านตอนเปิดตัวปั๊บแทบไม่ไหว อยากให้มาเรียน
ที่เดียวกันเร็วๆ

 ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 05-12-2014 14:08:27
 o13
สนุกมากค่ะ
อยากอ่านตอนพี่แพท กะบิ๊ก
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 06-12-2014 12:05:07
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 07-12-2014 02:00:19
สนุกมากๆ อยากอ่านคู่พี่แพทกับบิ๊กอีก
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 07-12-2014 07:55:51
 o13 สนุกมากกคะ
รอเรื่องใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ ตอนที่ 22 กันและกัน (END) [29/11/14]
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 09-12-2014 13:04:04
สนุกมากกกกค่ะ
กรุบกริบ กรุบกริบทั้งเรื่องเลย
น่ารักๆ อ่านแล้วยิ้มตามตลอด

แอบมีลุ้นนะ ถึงจะรู้ว่ายังไงพี่คีย์ก็เลือกแล้ว
แต่อยากรู้ว่าพี่คีย์จะพูดยังไง

ขอบคุณสำหรับนิยายอุ่นๆ ในวันที่อากาศเย็นนิดๆแบบนนี้ค่ะ

อ่านแล้วรู้สึกเป็นสุขมากๆ :')
หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 06-01-2015 09:11:22

สวัสดีค่ะ วันนี้หมีกับดอกไม้มีข่าวมาประกาศนะคะ

เนื่องจากมีคนสอบถามมาทางเพจเรื่องการ reprint นิยายเรื่อง scar ตราบาปไร้รอยเลือน ทั้งทางอินบ็อกซ์และอีเมล หมีกับดอกไม้เลยคิดว่าอาจจะลองรีสักครั้งแต่ว่าต้องดูจำนวนให้ได้เท่ากับขั้นต่ำที่ร้านรับพิมพ์ก่อนค่ะ

ดังนั้น พวกเราเลยมีแบบสอบถามมาให้สำหรับผู้ที่สนใจสั่งจองอีกหลายๆเรื่องเพิ่มเติม

แบบสอบถามนี้เป็นแบบสอบถามเรื่องจำนวนเรื่องและเล่มที่จะจัดทำเท่านั้นนะคะ ยังไม่เป็นการคอนเฟิร์มหรือยืนยันอะไรทั้งสิ้น ว่าง่ายๆก็ประมาณว่าซาวน์เสียงล่วงหน้าค่ะ ดังนั้นจึงขอรบกวนให้ตอบตามความจริงน้าาาา




จิ้มลิงค์นี้ได้เลยค่ะ





https://docs.google.com/forms/d/16gTgJZqcpW1aI5EhgdcsspSk7Kq2p8mC54sy-LKDcAM/viewform (https://docs.google.com/forms/d/16gTgJZqcpW1aI5EhgdcsspSk7Kq2p8mC54sy-LKDcAM/viewform)



รักคนอ่าน<3



kagehana
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 24-01-2015 18:12:57
อ่านเพลินเลย สนุกมากครับ ขอตอนพิเศษของคู่อื่นๆหน่อยนะครับ ไผ่โฟม ปั๊บอาลั่ว แพทบิ๊ก  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 30-12-2015 20:51:57
สนุกมาก ๆ ครับ ชอบทุกคู่เลยครับ โดยเฉพาะ ปั๊บ - อาลัว

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 13-03-2016 21:46:27
 o13
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 14-03-2016 18:59:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-03-2016 04:11:54
 :katai2-1:    อ่านรวดเดียวเลย   น่ารักมากเลย  ชอบบบบ  ขอบคุณไร้ท ทำให้คนอ่านมีความสุข   :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 17-03-2016 16:43:55
อ่านรวดเดียวจบ สงสารอันนะแต่เพราะอันทำตัวเอง
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 26-06-2016 21:02:16
สนุกมากค่า จินผู้ชายที่แสนดี
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 29-12-2016 13:25:15
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 30-03-2017 21:43:26
ขอบคุณค่ะ
เรืีองนี้ลุ้นมาก กลัวพี่คีย์เปลี่ยนใจ
แต่จบแฮปปี้คนอ่านก็มีความสุข ^^
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 05-04-2017 19:03:10

รักกันมากๆนะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 10-05-2017 23:13:48
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 13-05-2017 00:23:32
 o13
แต่งเก่งมากค่า
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 06-07-2020 20:39:04
 :-[
หัวข้อ: Re: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 22-11-2020 16:08:44
 :pig4: