สอง : ผมจะไม่หยุด...จนกว่าจะได้ในสิ่งที่ผมต้องการ
"ออกไปซะ..อยากจะไปอยู่ที่ไหน ไปอยู่กับใครก็เชิญ"
ผมหันหลังมองไปที่มัน...ที่พี่ชินกำลังสวมกอดมัน ใบหน้าของคนทั้งคู่ทอแววเจ็บปวด เสียใจราวกับได้รับการลงโทษจากสวรรค์...
มือผมยกขึ้นปาดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าก่อนจะเบ้ปากให้กับภาพนั้น...เสแสร้งจังเลยนะพี่หนึ่ง...
ยังหรอก...แค่นี้มันยังน้อยไป ตอนนี้มันยังมีความสุข เรียกได้ว่าไม่มีใครขัดขวางมันเลย และผมคนนี้แหละจะทำให้มันเจ็บ...จนอยากร้องขอความตาย!
"แม่ครับ ผมว่าอย่าทำแบบนั้นเลย พี่หนึ่งน่าสงสารออก"
"อย่างนั้นเหรอสอง? แต่เรื่องที่สองคนนั้นทำมันผิดมากเลยนะ"
ผมยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะบีบมือแม่หลวมๆ น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปราวกับนางเอกเจ้าน้ำตาหน้าโง่ในละครหลังข่าว...ในโลกนี้ไม่มีใครไม่เคยเสแสร้ง ผมเพียงใช้ประโยชน์จากส่วนนี้เท่านั้นเอง ถ้าโลกเราไม่มีคนใส่หน้ากากเข้าหากัน...มันก็ขาดสีสันเหมือนวาฟเฟิลที่ไม่มีไส้น่ะสิ (:
"เรื่องหัวใจเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใครจริงๆ นะครับ ถ้าเราลองให้เวลาเขาสองคนหน่อยเขาจะต้องทำใจได้แน่ๆ อีกอย่าง...เขาเป็นลูกของแม่กับคุณลุงนะครับ ตัดใจ...ทิ้งได้ลงเหรอครับ"
แม่กับคุณลุงเงียบไป ผมเห็นแววลังเลวูบไหวในนั้นและไม่รอที่จะเติมเชื้อเพลิงลงไปให้ไฟลุกกระโหม
"นะครับ ให้เขากลับมาอยู่ย้ายกลับบ้านตามเดิมนี่แหละ สองจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้เอง"
"สองคิดว่าจะได้ผลเหรอ"
คุณลุงถามผมแบบนั้น คำตอบที่ถูกส่งไปให้บุพการีทั้งสองคนนั้นมีเพียงรอยยิ้มใสซื่อจากผม
หลังจากนั้นพี่ชินกับหนึ่งก็ย้ายกลับมาอยู่บ้านตามเดิมโดยที่แม่กับคุณลุงไม่พูดอะไรเลย แต่ความเงียบนั้นก็บอกเป็นนัยๆ ว่ารีบยุติความสัมพันธ์นั้นโดยเร็วที่สุด
"สองต้องการอะไรจากพี่" หนึ่งเข้ามาในห้องผมหลังจากผู้ใหญ่กลับไปแล้ว สีหน้ามันเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและแฝงแววเกลียดชังอยู่กลายๆ
ผมเบิกดวงตากลมโต เผยอปากขึ้นนิดๆ แล้วส่ายหัวไปมาอย่างน่ารัก แต่คงน่าเกลียดในสายตามัน "พี่หนึ่งพูดเรื่องอะไรสองไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย..."
หมับ!
หนึ่งพุ่งตัวเข้ามาบีบคางผมให้เชิดหน้ามองมันชัดๆ แววตาเกรี้ยวกราดของมันที่มองมาทำให้ผมรู้สึกสะใจและเชิดหน้ามองตอบมัน ถึงจะเจ็บคางตัวเองแค่ไหนผมก็จะไม่แสดงออกให้มันรู้เด็ดขาดว่าผมเจ็บ!
"ยังไม่จบใช่ไหม!" มันกระชากเสียงถามผม
"จบอะไรเหรอพี่หนึ่ง? สองยังไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย"
"นายทำลายพี่ ทำลายครอบครัวจนหมดแล้วยังต้องการอะไรอีก! เห็นบนหัวพี่มีเขาหรือไง ถึงอยากทำอะไรตามใจเป็นเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้"
ว้า...ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงไม่มีอะไรต้องเสแสร้งกันอีกแล้วมั้ง
พลัก!
ผมผลักอกหนึ่งจนมันเซไปด้านหลังและแสยะยิ้มมองมันอย่างหยามเหยียด
"ใช่! พี่หนึ่งพูดถูกแล้ว ผมยังไม่พอใจ และไม่มีวันพอใจ ในเมื่อพี่ยังมีความสุขที่สุด ผมก็จะเอาทุกอย่างของพี่หนึ่งมาเป็นของตัวเองให้หมด ไม้เว้นแม้แต่...พี่ชิน!"
"…!!"
รอยตกใจในดวงตามันยิ่งทำให้ผมสะใจ เดินนวยนาดไปข้างหน้าและกระชากคอเสื้อยืดที่มันใส่อยู่ มองคอขาวระหงที่ยังคงมีร่องรอยแดงม่วงจากการถูกพี่ชินใช้ริมฝีปากขบเม้มก่อนจะเบ้ปากเบาๆ "พี่หนึ่งน่ะ...ได้แค่นี้ แต่สองจะได้เยอะกว่านี้ จำไว้!"
ผมผลักมันจนล้มไปบนเตียงผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันจะออกมาจากห้องผมไหม
ข้างนอกห้องนั้นผมเจอพี่ชินมองมาทางผมด้วยแววตากังวล ผมเชิดหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มใสซื่อ "อย่าลืมทำตามที่คุณลุงต้องการนะครับพี่ชิน เพราะไม่อย่างนั้นสองนี่แหละ จะเป็นคนทำลายทุกอย่างเอง!"
.
.
พี่ชินกับหนึ่งเริ่มเว้นระยะห่างกันขึ้น ที่มหาลัยก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันแล้ว ผมก็แจ้งเรื่องนี้ไปทางคุณลุงกับแม่ ท่านทั้งสองก็ดูสบายใจขึ้นกับความเปลี่ยนแปลงนี้ มีโทรมาคุยกับสองคนนั้นบ้าง
ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเลยแม้แต่นิด!
ผมควรจะได้รับความสุขที่สุด...ไม่ใช่มัน! และผมจะทำลายมันให้ย่อยยับ!
วันนี้พี่ชินออกไปซ้อมกีตาร์กับเพื่อน ส่วนหนึ่งน่าจะถึงบ้านในอีกสิบห้านาทีตามปกติ นิสัยเรียบร้อยแบบนั้น สิ่งแรกที่จะทำพอถึงบ้านคืออาบน้ำ
เอาสิ...
หลังจากเหตุการณ์นั้นแม่ก็ยึดกุญแจห้องภายในบ้านไปเผื่อมีอะไรเกิดขึ้นผมจะได้สังเกตและเอาไปรายงานแม่ได้ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ยากเลยที่ผมจะเดินเข้าไปในห้องมันแบบง่ายๆ และเข้าไปในห้องน้ำมันแบบง่ายๆ เพื่อจะทำอะไรสนุกๆ
ผมหยิบขวดครีมอาบน้ำแบบฉีดของมันออกมาเทส่วนที่เป็นเนื้อครีมนั้นลงชักโครกจนหมดก่อนจะนำของที่เผลอหยิบติดมือมา... น้ำยาล้างจานนั่นเอง เทใส่เข้าไปแทนที่จนเต็ม ก่อนจะโยนขวดน้ำยาล้างจานที่ว่างเปล่าลงถังขยะหน้าชักโครกไปแทน
แค่นี้ก็เรียบร้อย...รอดูอะไรสนุกๆ ดีกว่า
.
.
"สอง...ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนั้นด้วย" ผมกำลังเปิดประตูบ้านออกก็เจอพี่ชินยืนทำหน้ายักษ์อยู่
พี่ชิน...คือผู้ชายที่ทำให้หัวใจผมสั่นไหว คือคนที่ผมอยากแสดงนิสัยจริงๆ ออกไปว่าผมอ่อนไหวและแสวงหาความอบอุ่น
แต่เขา...ก็ไปรักกับพี่ชายคนละพ่ออย่างหนึ่ง
บางทีผู้ชายที่ยืนตรงหน้าผมคนนี้อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำผมอยากกำจัดหนึ่งออกไปจากชีวิตก็ได้
ผมอยากเป็นที่หนึ่ง...ไม่เคยอยากเป็นที่สอง
อยากให้ทุกคนรัก และเป็นห่วงผมคนเดียว...แค่นั้นจริงๆ
"ถ้าผมจะทำแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ชิน?"
"เพราะหนึ่งเป็นคนที่พี่รัก แม้เราจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เพื่อความสบายใจของพ่อกับคุณอา พี่ยอมที่จะเป็นพี่ชายตลอดไป แต่สองอย่ามาทำเหมือนหมาลอบกัดแบบนี้มันไม่แมนเลย"
"…!!"
"รู้ไหมถ้านำตัวส่งโรงพยาบาลไม่ทัน ผิวหนังเขาจะลอกและอาจต้องผ่าตัดเปลี่ยนเซลล์"
"…"
"สองคงอยากให้เป็นแบบนั้นใช่ไหม?"
"ใช่! สองอยากให้มันตาย! มันแย่งทุกอย่างไปจากสอง! แม้ต่พี่ชิน..."
"…!!" พี่ชินดูตกใจมาก ผมไม่สนใจเดินชนไหล่พี่ชินเข้าไปในบ้านทันที
บ้าจัง...ทำไมฝนถึงตกเอาตอนนี้ได้เนี่ย ผมพุ่งออกมาจากบ้านจนไม่ได้หยิบร่มมาด้วยน่ะสิ
เอ๋...?
ไม่ใช่สิ...ไม่ใช่...
มันไม่ใช่ฝน...
แต่เป็นน้ำตาของผมเอง
น้ำตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสียใจ...หัวใจเต้นแรงเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดมันเอาไว้
ผมยกมือขึ้นกุมอกซ้ายตัวเองและทรุดตัวนั่งลงท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย...ผมจะไม่มีวันให้ใครได้เห็นน้ำตาผมเด็ดขาด!
อย่างน้อยตอนนี้...สายฝนก็ช่วยชะล้างน้ำตาออกจากหัวใจผมไปได้บ้าง
เท่าที่พี่เขาปกป้องมันอย่างออกนอกหน้าแบบนี้...มันทำให้ผมอยากให้มันตายๆ ไปซะ!!
.
.
.
ผมนั่งบนเตียงและถักผ้าพันคอไปด้วยอย่างมีความสุข...
ใกล้จะถึงวันเกิดพี่ชินแล้ว...ทุกคนคิดว่าพี่เขาจะชอบมันไหมนะ?
ของที่ผมตั้งใจทำให้...ตั้งใจมาตลอดเกือบเดือนเพื่อพี่ชินคนเดียวเท่านั้น
บางทีน่ะนะ...ถ้าหนึ่งยอมเลิกกับพี่ชินและยกเขาให้ผมซะ
ผมจะลืมเรื่องบาดหมางในใจทุกอย่างก็ยังได้...
ในกรณีที่หนึ่งยอมน่ะนะ (:
.
.
.
วันนี้เป็นวันเกิดพี่ชิน... อา ตื่นเต้นจัง ผ้าพันคอที่ผมตั้งใจถักให้ พี่เขาจะชอบไหมนะ?
ถ้าจำไม่ผิดวันนี้หนึ่งคงมีเซอร์ไพรส์ให้พี่ชินสินะ ผมเดินผ่านห้องหนึ่งที่ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำดังออกมา มันคงจะผวาครีมอาบน้ำไปอีกหลายวันเลยแหละ หึ!
อีกสักพักพี่ชินคงกลับมาแล้วล่ะ จากการที่ผมแอบฟังหนึ่งกับพี่ชินนัดกันฉลองวันเกิด ส่วนแม่กับคุณลุงจะซื้อพิซซ่ามากินกันตอนค่ำๆ
สายไฟประดับระโยงะยางไปทั่วบ้านทำให้ผมรู้สึกเหงาเล็กน้อย...ผมไม่เคยได้จัดงานวันเกิดแบบนี้
แม่จะให้ผมเลือกซื้อของอะไรก็ได้เท่านั้น ไม่มีการเป่าเค้กวันเกิด ไม่มีการกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ มันคงเป็นจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ที่แม่ไม่เคยรู้
แต่ผมก็ยังแอบหวัง...เพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันเกิดผม มันจะมีงานวันเกิดแสนสุขแบบนี้เกิดขึ้นไหมนะ
ช่วงเวลาที่ยังมีพ่ออยู่...ผมก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองมีความสุขไหม กับสิ่งที่พ่อทำกับพวกเรา บางทีที่หนึ่งทำแบบนั้นอาจจะดีแล้วก็ได้ เพราะแม่จะได้หลุดพ้นจากวังวนความเจ็บปวดเสียที
ความริษยาที่อยากเหนือกว่าหนึ่งของผม...มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนกันนะ
ผมเอง...ก็เริ่มจะไม่มีความสุข เพราะแม่กับคุณลุงเริ่มกลับมาไว้ใจมันอีกแล้ว ทั้งที่ในสายตาผมกลับสัมผัสได้ถึงความรักสีชมพูรอบตัวมัน และมันทำให้ผมร้อนใจจนอยากฆ่ามันให้ตายกับมือ!
ผมเดินลงบันไดเข้าครัวด้านล่างเปิดตู้เย็นออกมาก็เจอเค้กครีมเนยสดสีขาวก้อนใหญ่ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำให้ใคร บนโต๊ะกินข้าวมีกล่องของขวัญแบบไม่ปิดสนิทสามารถเปิดฝาออกดูได้ ผมเปิดมันออกอย่างไม่ลังเล
พอเห็นของในนั้นผมถึงกับอึ้งไป
มันคือ...ผ้าพันคอ สีเขียว แบบเดียวกับของผม แต่ดูสวยงามและประณีตกว่า
ทำไมต้องเป็นแบบนี้? มันจะเอาทุกอย่างไปจากชีวิตผมหมดเลยใช่ไหม!
ไม่รู้ตัวว่าผมบิดผ้าพันคอในมือแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่...
"สอง นั่นจะทำอะไรน่ะ!"
ผมหันไปมองเจอหนึ่งมองมาด้วยความตกใจที่ผมหยิบเค้กของมันมาวางไว้บนโต๊ะแถมยังหยิบผ้าพันคอออกมาจับไว้แบบนี้
ผมจะไม่หยุด จะไม่ยอมอีกแล้ว...ความสุขที่มันควรจะได้มันคือของผม และผมจะทวงคืนเดี๋ยวนี้แหละ!
"ก็ไม่ทำอะไร สองแค่จะทำลายความสุขของพี่เฉยๆ"
หนึ่งถอนหายใจออกมา "เมื่อไหร่นายจะหยุดสักทีสอง...เมื่อไหร่จะหยุดทำร้ายตัวเองเสียที มัวแต่คิดแบบนี้เมื่อไหร่จะมีความสุข"
"ความสุขของสองคือการที่ไม่มีพี่หนึ่งไง และ...พี่ชิน ยกเขาให้สองสิ"
"งั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอก ต่อให้นายกราบเท้าพี่ พี่ก็ไม่มีวันยกเขาให้เพราะ เขา เป็น ของ พี่"
ผมโกรธจนอยากจะชกหน้ามันสักที! "ผมจะฟ้องคุณลุงกับแม่ว่าพี่สองคนยังไม่ตัดขาดกัน"
หนึ่งลอยหน้าลอยตาไปมาก่อนพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาท "บอกเลย พี่ไม่กลัวแล้วล่ะ ในเมื่อนายทำให้พี่ไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้ว พี่ไม่กลัวหรอก!"
"…!!"
คำพูดหยิ่งยโสของมันทำให้ผมเสียสติปาเค้กบนโต๊ะลงพื้นทันทีก่อนจะใช้เท้าเหยียบไปบนหน้าเค้กนั่น!!
"สอง!! ไอ้บ้า!! นายทำอะไรน่ะ!!"
"สองก็กำลังขยี้หัวใจพี่หนึ่งไง ฮ่าๆ เสียใจด้วยนะที่คงไม่มีเค้กไปให้ผัวภูมิใจแล้ว!"
หนึ่งทรุดตัวลงมองเค้กที่เละตรงปลายเท้าผมแล้วน้ำตาไหลพราก...ท่าทางนั้นสร้างความหมั่นไส้ผมเหลือเกินจนต้องเตะหน้ามันจนล้มไปอีกทางจนปากแตกเลือดไหลลงมาแต่มันกลับไม่ร้องสักแอะได้แต่กอดอกตัวเองร้องไห้พิงผนังมุมห้อง
วูบหนึ่ง...ที่ผมรู้สึกเจ็บแปลบในใจ
การที่ผมจะมีความสุขได้...มันต้องทำร้ายคนอื่นมากขนาดนี้เลยเหรอ?
"มันเป็นเรื่องจริงหรอลูก?"
"…!!"
ผมมองไปทางประตูห้องครัวด้วยความตกใจ ตรงนั้นมีแม่ คุณลุงและ...พี่ชิน กำลังมองมาทางผมด้วยสายตาที่ผิดหวัง แม่ผมน้ำตาไหลลงมาเงียบๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านเข้ามาทันถึงตอนที่ผมพูดประโยคไหน
"มันไม่ใช่อย่างที่แม่เข้าใจนะครับ ผมกับพี่หนึ่งแค่แกล้งกันเล่นเฉยๆ" ผมแถจนสีข้างถลอก
"อย่าคิดว่าคุณอาจะโง่นะสอง เรื่องนี้พี่กับหนึ่งเตรียมการมาสักพักแล้วเพื่อจะบอกว่าจริงๆ แล้วนายเป็นคนยังไง และรู้ว่านายต้องทำลายงานวันเกิดนี้แน่ พี่ถึงนัดพ่อกับคุณอาให้มาที่นี่เร็วกว่าปกติไง"
"อะไรกัน..." ผมครางออกมาอย่างตกใจ
หน้ากากภาพลักษณ์แสนดีที่ผมสวมไว้ถูกกระชากออกจนคนรู้หมดแล้วอย่างนั้นเหรอ? ผมกลายเป็นคนโง่ที่ทุกคนต่างดูออก ความสะใจที่ได้ทำลายหนึ่งหายไปหมดเหลือเพียงความเจ็บปวด น้ำตาผลไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ตอนนี้...ผมไม่มีทั้งพ่อ ส่วนแม่ก็คงจะยืนคนละฝั่งกับผมแล้ว...ผมไม่เหลืออะไรแล้ว
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของแม่กับคุณลุงทิ่มแทงผมจนเจ็บไปหมดทั้งใจ พี่ชินไปประคองหนึ่งแล้วโอบไว้ในอ้อมแขน
ผม...กลายเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้น...
ขวับ!
ผมคว้าผ้าพันคอที่หนึ่งตั้งใจจะให้เป็นของขวัญวันเกิดพี่ชินมาถือและหยิบไฟแช็กในมือจุดเผาก่อนจะโยนไปทางเตาแก็สทันที!
ทุกคนดูอึ้งกับการกระทำของผม...
"สอง ผมทำอะไรอ่ะ ใจเย็นๆ ก่อนสิ ทำไมทำแบบนี้ นี่มันบ้านที่แม่ลูกสร้างมากับมือนะ" คุณลุงมองหน้าผมเพื่อเตือนสติ
"สอง นายบ้าไปแล้ว พี่ชิน ไปเอาน้ำมาดับไฟกัน"
ไฟเริ่มลามออกไปนอกห้องแต่ยังเว้นพื้นที่ให้พวกเขา หนึ่งกับพี่ชินรีบวิ่งไปทางห้องน้ำเพื่อหาทางดับไฟ ในขณะที่แม่เป็นลมไปแล้ว
ผมเดินไปหยิบน้ำพืชขวดใหญ่สองขวดเทซ้ำลงไปบนกองไฟที่ลุกพรือ!
พี่ชินกับหนึ่งที่ถือถังน้ำกลับมาช้าเกินไปไม่ทันการณ์แล้ว คุณลุงบอกทันที "เดี๋ยวพ่อจะโทรเรียกรถดับเพลิงและพาคุณอาออกไปข้างนอกนะ ชินกับหนึ่งช่วยกันพาสองออกมาให้ได้นะ!"
ไฟร้อนจัง... ไม่สิ มันคือไฟริษยาในใจต่างหากที่กำลังเผาใจผมอย่างเจ็บปวด
หนึ่งเดินเข้ามาจับมือผมไว้แต่ผมสะบัดมือมันออก...
"ฟังพี่ก่อนนะสอง ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ขอให้ออกไปจากตรงนี้ก่อน แล้วเราค่อยคุยกันอีกทีนะ ได้ไหม"
"พี่หนึ่งจะให้ในสิ่งที่สองต้องการไหม?" ผมถามคนตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย
"แน่นอนสิ ฮึก...เพราะนายเป็นน้องของพี่นะ" หนึ่งเริ่มร้องไห้ ผมมองมันด้วยสายตาว่างเปล่า
"แม้แต่พี่ชิน...อย่างนั้นเหรอ?"
"ได้! ถ้ามันเป็นสิ่งที่นายต้องการพี่ให้!"
น้ำตาผมไหลออกมา...แต่ไม่ได้ซาบซึ้งกับสิ่งที่มันพูดหรอกนะ ความร้อนจากเปลวไฟแรงขึ้นเรื่อยๆ พี่ชินที่มองมาจากด้านหลังเริ่มกังวลเพราะไฟแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
"พี่ชินออกไปก่อนสิ ออกไปรอข้างนอก ผมจะคุยกับพี่หนึ่งสองคน"
"มันจะดีเหรอ? ตอนนี้ไฟมันแรงมากเลยนะ ขืนอยู่ในนี้นานอีกสักนิดอาจจะ..."
"ออกไปก่อนครับพี่ชิน เดี๋ยวผมตามไป" หนึ่งบอกพี่ชินด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด พี่ชินสบตามันนิ่งก่อนจะพยักหน้าและเดินออกจากห้องครัวไป
ผมเดินออกจากห้องครัว พยายามเลียบไม่ให้ตัวโดนเปลวไฟและเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองเข้าไปในห้องตัวเอง
ภาพในอดีตตั้งแต่เด็กจนโตมาตอนนี้ไหลเข้ามาในหัวราวกับเทปที่ตั้งเวลาเอาไว้ และมันทำให้ผมรู้สึกแย่กว่าเดิมว่าผมทำอะไรชั่วๆ แบบนี้ลงไปได้ยังไง...
ความจริงแล้วหนึ่งไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ผมคนนี้ที่ทำลายทุกอย่าง และทุกครั้งหนึ่งก็ต้องเป็นฝ่ายยอมเสมอ
วันนี้คงถึงวันที่ผมชดใช้แล้วสินะ...
"มีอะไรจะคุยเหรอสอง รีบเถอะ ก่อนที่เราจะออกไปไม่ได้นะ"
ผมมองผ่านหน้าต่างลงไปที่มีรถดับเพลิงกำลังฉีดน้ำ มีคุณลุง แม่กำลังน้ำตาไหลมองมาในบ้านโดยมีพี่ชินยืนปลอบก่อนจะกวาดสายตาไปทางลานตากผ้า อา...โชคดีจังที่เมื่อเช้าเอาฟูกลงไปตาก ตกลงไปบนนั้นน่าจะไม่เจ็บมากเพราะที่ผมอยู่ตอนนี้แค่ชั้นสองเอง
"ดูแลคุณลุง แม่ กับพี่ชินด้วยนะ"
"อะไรกันสอง พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง" ท่าทางของหนึ่งดูตกใจมาก
ผมมองไปข้างหลังที่ไฟลุกลามเข้ามาในห้องเรื่อยๆ และเดินเข้าไปคว้าคอเสื้อมันเข้ามาใกล้ก่อนลากมันไปที่หน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดทิ้งไว้ก่อนจะรีบพูดรัวเร็ว
"ขอโทษสำหรับทุกอย่าง...ได้โปรดรับคำขอโทษจากผมด้วย"
"สองจะทำอะไร อย่าคิดบ้าๆ นะ ปล่อยพี่ก่อน!"
"ลาก่อนครับพี่หนึ่ง"
พลัก!
ด้วยความที่มันตัวเล็กกว่าผมจึงสามารถอุ้มมันและโยนออกหน้าต่างลงไปได้ คนข้างล่างร้องโวยวายเสียงดัง แม่ร้องไห้ราวกับจะขาดใจและนั่นทำให้ผมเจ็บ...
หนึ่งตกลงบนฟูกที่นอนพอดี พี่ชินรีบไปประคองทันที
ภาพนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาจางๆ...เสียงแม่ตะโกนเรียกหาผมทั้งน้ำตาหายไปแล้วเมื่อผมปิดหน้าต่าง
ไฟลามเข้ามาจนใกล้จะถึงจุดที่ผมยืนอยู่พร้อมกับการหายไปของบ้านหลังนี้
ผมเดินไปหยิบไวโอลินออกมาและเริ่มสีมันด้วยบทเพลงที่ผมชอบที่สุดพร้อมกับหลับตาลงปล่อยให้เสียงไวโอลินขับกล่อมผมช่วงลมหายใจสุดท้ายก่อนจากโลกนี้ไป
เสียงหวานเศร้าจากไวโอลินดังคลอไปทั่วบริเวณ...ถ้านี่เป็นครั้งสุดท้าย ผมขอใช้เสียงนี้แทนคำขอบคุณและขอโทษกับทุกคน
ให้ลืมเลือนเรื่องราวของคนนิสัยไม่ดีแบบผม...หยุดการรอคอย การให้ความหวัง และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขด้วยเถอะ
เพราะผม...คงไม่มีโอกาสกลับไปยิ้มและหัวเราะกับทุกคนอีกแล้ว
หวังว่าบทเพลง Moonlight Sonata ที่ผมกับหนึ่งชอบมากที่สุดจะดังไปถึงสวรรค์ให้พระผู้เป็นเจ้าอวยพรให้ความสุขกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่
ความร้อนแผ่ลามไปทั่วร่างกายผมจนเจ็บไปหมดแต่ผมก็ยังยิ้ม...ทั้งที่หางตามีหยดน้ำหลั่งไหล
ขอโทษนะครับแม่...ที่ลูกคนนี้ช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกิน ทิ้งแม่ไว้ไม่ทดแทนบุญคุณ และยังเห็นแก่ตัวทำลายทุกอย่างที่แม่สร้างขึ้นมา... เกิดใหม่ชาติหน้าขอให้เราได้กลับมาเป็นแม่ลูกกันอีกนะครับ...เดี๋ยวผมจะไปขอโทษพ่อพี่หนึ่งบนสวรรค์นะครับ
อา...คนอย่างผมคงไม่ได้ไปสวรรค์หรอกสินะ...
ขอโทษนะพี่ชิน...ที่ถึงแม้ผมจะรักพี่...แต่ก็ยังทำให้พี่เจ็บปวด และจนวินาทีสุดท้ายคนโง่อย่างผมก็ยังรอคอยและอยากให้พี่ฝ่ากองไฟเข้ามาช่วยผมออกไป
ถึงตอนนี้ผมรู้คำตอบแล้วล่ะ...ว่าผมเป็นแค่เด็กขี้อิจฉาในสายตาเขาเท่านั้น และไม่มีค่าอะไรในสายตาเขาเอาเสียเลย
ถ้าผมรู้ข้อเท็จจริงนี้เร็วกว่านี้ก็คงดี...เพราะผมอาจจะตัดใจได้ ไม่ต้องมาจบชีวิตในกองเพลิงแบบนี้
ขอโทษนะหนึ่ง...หวังว่าพี่จะมีความสุขนะ มีความสุขแทนผมด้วย
หากชาติหน้ามีจริง...ผมขอชดใช้ความผิดทั้งหมดให้พี่นะครับ
ความรักต้องการแค่หนึ่งเดียว ไม่ต้องการที่ 'สอง' หรอก
(http://image.free.in.th/v/2013/iu/140520084923.gif)
+ พาร์ทของสองจบแล้วนะครับ แต่เรื่องราวยังไม่จบ เหลืออีกตอนหนึ่ง
+ ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ