พิมพ์หน้านี้ - อยากกินไข่พะโล้โป๊ะ! (จบแล้วค่ะ) ตอนพิเศษอกไก่ต้องหมัก อกหักต้องหาใหม่
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: กะทัดรัตน์ ที่ 17-10-2015 23:41:06
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
...
นิยายเรื่องนี้สั้นมากๆนะค่ะ สั้นกุดเลย555 เราเคยเอาลงแล้วครั้งนึงแต่ไม่ได้บอกว่าจบแล้วจึงโดนลบไปT^T เป็นเรื่องแรกที่ลองแต่งลงเลย(ความทรงจำสีจางๆ) วันนี้มารื้อ แล้วเจอเลยลองเอามาลงอีกรอบ โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรแม้แต่น้อย จึงอาจจะดูแบบเด็กๆขาดๆเกินๆไปบ้างนะค่ะ (ก็แกเล่นแต่งตอนมอต้น ตอนนี้ก็มหาลัยเข้าไปแล้ว) :katai5: แต่อยากเอาความทรงจำเรื่องแรกของเรามาให้ลองอ่านดูค่ะ ยังไงก็แสดงความเห็นติชมกันได้นะค่ะ :mew1:
อยากกินไข่พะโล้โป๊ะ!
อบเชย!!!! ควรจะเป็นชื่อของสาวน้อยน่ารักๆสักคน แต่คงไม่ใช่อบเชยคนนี้อย่างแน่นอน พ่อแม่ของเด็กหนุ่มร่างเล็ก ดูจะผอมแห้งกว่าเด็กวัยเดียวกันได้ตั้งชื่อนี้ไว้สำหรับลูกสาวแสนน่ารักของพวกเขา แต่ฟ้ากลับส่งลูกชายแสนอัปลักษณ์มาแทน ถึงแม้จะเป็นลูกสาวหรือลูกชาย จะน่ารักหรืออัปลักษณ์พวกเขาทั้งสองก็รักลูกชายคนเดียวของเขามาก แม้ว่าหน้าตาของเด็กชายจะขรุขระ แถมรูปร่างยังดูผอมแห้งแรงน้อยบวกกับการแต่งตัวที่ดูเชยสมชื่อ เสียจนหลายคนไม่อยากจะชายตามอง อบเชยเป็นเด็กร่าเริงถึงแม้จะเจออะไรที่ร้ายแรงเขามักจะยิ้มให้กับมันและคิดในแง่ดีเสมอ เขาไม่เคยเสียใจ ตัดพ้อต่อว่าโชคชะตาที่ให้เขาเกิดมาเป็นแบบนี้ แค่พ่อแม่รักเขา แค่เขายังมีอวัยวะครบถ้วนสมบูรณ์ แม้จะไม่ได้ดูดี โดเด่น แต่เพียงแค่นี้เขาก็มีความสุขที่สุดแล้ว
“อบเชยไปตลาดกับแม่หน่อยลูก ไปช่วยแม่ถือของหน่อย” เด็กชายถอดแว่นสายตาออกเผยให้เห็นดวงตากลมโตที่ดูสดใสร่าเริง ก่อนจะรีบวิ่งไปหิ้วตะกร้าในครัวเดินตามแม่ของตนไปขึ้นรถ
“วันนี้กินอะไรดีลูก”
“ข้าวราดแกงกระหรี่ดีไหมครับ” อากาศสดชื่น และบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดจากเด็กบ้านนอกคนนึงต้องย้ายตามพ่อแม่ที่ต้องอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากสายงานของพวกท่านทำให้อบเชยเป็นคนที่ปรับตัวเก่ง และเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เขามีเพื่อนใหม่ที่โรงเรียนมากมาย เป็นที่รักของทุกคน แต่จะมีเพียงแค่คนเดียวที่เขาไม่เข้าใจว่าโกรธ เกลียดเขามาแต่ชาติปางไหน ถึงไม่คิดจะญาติดีด้วยสักครั้ง เด็กหนุ่มเดินกินน้ำแข็งใสอย่างเอร็ดอร่อยระหว่างรอแม่เลือกซื้อเนื้อหมู แม้ปีนี้เขาจะอายุ16แล้วก็ตาม แต่การได้ทำตัวเหมือนเด็กๆเล็กทำให้เขา รู้สึกดี ด้วยความที่ถูกสอนว่าทำอะไรแล้วตัวเองมีความสุขก็ทำไป เขาจึงทำสิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุขไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ใคร ซึ่งความสุข และความท้าทายของเขาอย่างนึงก็คือ การทำให้ 'เจ้าชายน้ำแข็ง'ยอมพูดดีๆกับเค้าสักครั้ง แน่นอนว่ามันยากกว่าการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสเสียอีก อบเชยได้พยายามทำทุกวิถีทางมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเต็มตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ โดยมีทุกคนเป็นแรงใจให้เขาทำภารกิจนี้สำเร็จมาโดยตลอด แต่คนที่ไม่ให้ความรวมมือกับเขาคงมีอยู่เพียงคนเดียว 'พะโล้' เจ้าของฉายาเจ้าชายน้ำแข็ง พะโล้เป็นลูกชายเจ้าของโรงน้ำแข็ง ไม่รู้ว่าเพราะอยู่กับน้ำแข็งมาตั้งแต่เกิดรึป่าวจึงทำให้พะโล้กลายร่างเป็นปีศาจน้ำแข็งของใครหลายๆคน แต่เมื่ออบเชยเข้ามาเด็กชายได้เปลี่ยนฉายาของปีศาจน้ำแข็งตนนี้ว่า ‘เจ้าชายน้ำแข็ง’ ตั้งแต่นั้นมาทุกคนจึงเรียกกันจนติดปากว่าเจ้าชายน้ำแข็ง ทำให้ความน่ากลัวของพะโล้ดูลดลงไปทันตา รวมทั้งอบเชยได้นำความวุ่นวายมาให้พะโล้ไม่เว้นวัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พะโล้จะรู้สึกอยากออกห่างไอ้เจ้าขี้ก้างอัปลักษณ์คนนี้ให้ไกล
“หนูอบเชย”
“คะ..ครับ อะ…อ้าว!! สวัสดีครับคุณป้า” อบเชยยกมือไหวผู้หญิงวัยเกือบสี่สิบที่ยังดูสาวสะพรั่งในชุดอยู่บ้านสบายๆแต่ยังคงความสง่างามไว้ไม่เสื่อมคลาย อย่างรวดเร็ว
“มาตลาดกับใครจ๊ะ?”
“กับคุณแม่ครับ แล้วคุณป้าละ……”
“ผมไม่กินแกงกระหรี่!!”เสียงห้าวทุ้มดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าหล่อเข้มที่ตอนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับปรากฏขึ้น
“อ้าว!!พะโล้”
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยอกมือไหว้คุณแม่ยังสาวของอบเชยด้วยท่าทีนิ่งเฉย ตามนิสัยของตนส่งผลให้ริมฝีปากเรียวบางของอบเชยแบะออกเล็กน้อย ซึ่งแน่นอนว่าอบเชยจะไม่ปล่อยให้บรรยากาศอึดอัดอย่างแน่นอน
“นายไม่ชอบแกงกระหรี่หรอ!!!”
“ยุ่ง!!!”
“พะโล้!!ทำไมลูกพูดแบบนี้ ขอโทษทีนะจ๊ะ” เสียงคุณนภาเอ่ยเตือนบุตรชายก่อนหันมาขอโทษอบเชย ผู้ใหญ่ทั้งสองขอตัวไปจ่ายตลาดด้วยกัน แล้วปล่อยให้เด็กชายทั้งสองเดินตลาดด้วยกันแทน
“กินน้ำแข็งไสไหม??”
“……”
“อร่อยนะ”
“……”
“นั่นลูกชิ้น หยุดก่อนๆๆ” แม้พะโล้จะรู้สึกรำคาญทุกครั้งที่เสียงของอบเชยดังออกมาจากปากบางๆ แต่ก็ยอมหยุดยืนรอเขาซื้อลูกชิ้นปิ้งอย่างใจเย็น สร้างความสงสัยให้อบเชยอย่างมาก ถ้าเป็นทุกครั้งพะโล้จะหันมาดุเขาสักคำสองคำก่อนจะเดินหนีไปอย่างหงุดหงิด แต่นี่กลับนิ่งเฉยเสียจนดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“อะ” อบเชยส่งลูกชิ้นปิ้งไม้นึงให้พะโล้ ชายหนุ่มรับไปถืออย่างเงียบเชียบไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากเรียวปากได้รูปแม้แต่คำเดียวนั่นยิ่งทำให้อบเชยตกใจมากยิ่งขึ้น เพราะทุกครั้งจะต้องมีคำด่า หรือไล่ให้ไปไกลๆ
“เป็นไร??”
“……”
“ นายเป็นคนหรือหุ่นยนต์กันแน่เนี่ย!!” อบเชยหันไปบีบคางของพะโล้อย่างหมันเขี้ยว
“………”พะโล้ทำเพียงแค่ปรายตามอง และหันกลับมากินลูกชิ้นอย่างไม่ใส่ใจ วันนี้เจ้าชายน้ำแข็งของเขาเป็นอะไรไป สงสัยครั้งนี้คงจะรำคาญเขาจริงๆเสียแล้ว อบเชยถอนหายใจอย่างหนักหน่วง คิดไม่ตกกับปัญหาตรงหน้า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาจะยอมพูดดีๆด้วยเสียที ขอแค่คำเดียวให้ชื่นใจหน่อยก็ไม่ได้ อุตส่าห์พยายามมาตั้งนาน
“อิ่มแระ เราไปกันเถอะ” อบเชยโยนไม้ลูกชิ้นลงถังขยะ แต่กลับไม่ลงถังเขาหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นปัดกางเกงสามส่วนของตัวเอง พะโล้เงยหน้ามอง อบเชยด้วยสายตาเรียบเฉยไม่แสดงท่าทีใดๆ จ้องมองจนอบเชยรู้สึกว่าผิดปกติ
“วันนี้นายเป็นไรเนี่ย”
“……..” ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีเสียงตอบรับจากคนร่างสูงที่นั่งอยู่ที่พื้น
“เอางี้ ถ้าขี้เกียจพูดนัก ก็ให้พยักหน้ากับส่ายหัวโอเคม่ะ??”
“……” อบเชยมองชายหนุ่มอย่างปลงๆ
“อร่อยไหม??” พะโล้มองหน้าอบเชยก่อนส่ายหัวช้าๆแล้วกัดลูกชิ้นลูกสุดท้ายเข้าปากก่อนโยนไม้ลงถังขยะอย่างแม่นยำ
“โห อย่างเจ๋งอ่ะ”อบเชยทำตาโตทั้งๆที่พะโล้อยู่ห่างจากถังขยะตั้งเยอะแต่กลับโยนลงถังได้แม่นยำอย่างกับจับวางส่วนเขานั่งอยู่ใกล้ๆถังขยะแท้ๆไม่ลงถังเลย นี่และความแต่ต่างแต่ลงตัวของพวกเขาสองคน
“ของฟรียังบอกไม่อร่อยอีกไรว้า~~”
“……….”
“เอาน้ำม่ะ??” พะโล้พยักหน้าเบา แค่นี้ก็ทำให้อบเชยยิ้มแก้มแทบปริ อย่างน้อย พะโล้ก็ยอมทำเรื่องปัญญาอ่อนที่เขาเสนอ แค่นี้ก็น่าดีใจพอๆกับถูกหวยเลยทีเดียว
“อ่ะ” น้ำมะพร้าวแบบที่พะโล้ชอบถูกส่งเข้าปากอย่างรวดเร็ว ส่วนในมือของอบเชยเป็นน้ำเก๊กฮวยสีเหลืองอ่อนมีน้ำแข็งลอยอยู่ดูเย็นชื่นใจไม่น้อย
“เหมือนฉี่เลยเนอะ” อบเชยพูดไปก็ดื่มน้ำไปอย่างใจเย็น ส่วนพะโล้นั่งมองอบเชยกระดกเก๊กฮวยหน้านิ่ง ไม่ตอบรับหรือแสดงท่าทีใดๆ
“ไปแล้วนะ” อบเชยหันมามองพะโล้เมื่อเห็นมารดาของตนเดินเข้ามาใกล้ ก่อนส่งยิ้มเหมือนทุกครั้ง ส่งยิ้มที่พะโล้เห็นว่าน่าเกลียดเสมอ ส่งยิ้มที่ทำให้พะโล้หงุดหงิดและเป็นรอยยิ้มที่สดใส ยิ้มเหมือนคนที่อยู่เหนือกว่าเขาตลอด แต่วันนี้เขากลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของอบเชยดูน่ารัก ดูน่ามอง และน่าจดจำ……..
วันรุ่งขึ้นในวันที่พระอาทิตย์ยังคงขึ้นทางทิศตะวันออกดั่งเช่นในทุกวัน แต่วันนี้มีบางสิ่งที่ไม่เหมือนในทุกๆวัน เพราะบางสิ่งที่สำคัญกำลังจะหายไป
“อบเชย มาลาพะโล้เร็วลูก” ชายรูปร่างเล็กผอมบางวิ่งออกมาจากบ้านด้วยตาที่บวมเป่ง คราบน้ำตายังคงอยู่บนใบหน้า เมื่อเห็นหน้าของชายหนุ่มร่างสูงน้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วกลับเอ่อล้นออกมาจากดวงตากลมโตอย่างห้ามไม่อยู่
“…..”
“…..” มีแต่ความเงียบปกคลุมทั้งสองคน คนหนึ่งนิ่งอึ้งกับน้ำตาของร่างตรงหน้า ส่วนอีกคนกำลังร้องไห้สะอื้นอย่างหนักและส่งสายตาตัดพ้อมาไม่ขาดสาย ทั้งที่เมื่อก่อนแม้ว่าเขาจะเอ่ยดุ ด่า ว่าหรือทำร้ายจิตใจเพื่อให้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเขามากแค่ไหนก็ไม่เคยที่จะได้เห็นน้ำตาของอบเชย จะได้เห็นเพียงรอยยิ้มที่ดูจะกวนโมโหเขามากยิ่งขึ้น แต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียวทำเพียงแค่ยืนมองหน้ากันแต่อบเชยก็ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ
“นายอึก…อะ….อึกฮือ จะไปไหน” มือเล็กกำแขนเสื้อของคนร่างสูงกว่าไว้เสียจนยับ เสียงเล็กๆดังแข่งกับเสียงสะอื้นจนแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ แต่พะโล้กลับได้ยินมันอย่างชัดเจน
“ย้ายบ้าน”เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มยอมพูดดีๆกับอบเชย แต่ร่างเล็กไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาดีใจกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ตอนนี้มีเรื่องที่ใหญ่กว่า คือพะโล้กำลังจะย้ายบ้าน กำลังจะหนีเขาไป!!!
“นายรำคาญเรา เกียจเราจนต้องย้ายบ้านหนีเลยหรออึก ฮืออ”อบเชยไม่สามารถเก็บกักความเสียใจและความน้อยใจที่มีมาตลอดได้อีกแล้ว แม้จะรู้ว่าพะโล้รำคาญ แม้จะรู้ว่าพะโล้รังเกลียด แม้จะรู้ว่าพะโล้ไม่ชอบแต่อบเชยก็อยากที่จะลองพูดคุยกับพะโล้เหมือนทุกคน ได้พูดคุยกันดีๆ ได้อยู่ใกล้ๆ แค่นี้ก็พอ
“ไม่เลย”
“นายอย่าไปเลย เราสัญญาเราจะไม่ยุ่งกับนายอีก จะไม่รบกวนนายอีกนะอย่าไปเลย” อบเชยอยากจะเข้าไปดึงข้อมือใหญ่นั้นไว้ แต่ก็กลัวว่าพะโล้จะโกรธแล้วรีบหนีเขาไปเร็วกว่าเดิม พะโล้ค่อยๆดึงมือของอบเชยมากุมไว้ก่อนที่อีกมือจะยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้กับคนตรงหน้า
“อย่าสัญญาสิ่งที่ทรมานใจตัวเอง และใจของเราเลย” อบเชยงุนงงกับคำพูดของพะโล้ เด็กชายเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจกับรอยยิ้มแสนอ่อนโยนที่พะโล้ส่งมาให้ ใช่พะโล้ยิ้มให้เขาเป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยมีใครได้เห็น ไม่เคยมีใครได้จากพะโล้นอกจากอบเชยในตอนนี้
“เป็นแฟนกันนะ” เพียงประโยคสั้นๆไม่มีความโรแมนติก หรือคำพูดที่สวยหรู แต่กลับทำให้หัวใจทั้งสองพองโตอย่างไม่รู้ตัว ต้นรักเล็กๆที่แต่ละคนถะนุถนอม ดูแลอย่างดีได้เจริญเติบโตพร้อมที่จะมาอยู่เคียงข้างกัน เพื่อร่วมกันดูแลให้เจริญงอกงามและแข็งแรงมากขึ้น
“อืม แต่นายกำลังจะไป”
“พะโล้ขาดอบเชยไปก็คงไม่หอมอร่อย อบเชยเป็นแฟนพะโล้นะครับ” ทั้งสองยืนกอดกันใต้ต้นหูกวางที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาดั่งเช่นสิ่งต้นไม้ใหญ่พึงกระทำ พร้อมความเข้าใจกันและกัน
สี่ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก
“พะโล้นายจะไปได้หรือยังสายแล้วนะ!!”เสียงชายหนุ่มรูปร่างบอบบ้างเค้าโครงหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ใบหน้าที่สะอาดสะอ้านขาวเนียนอมชมพูกับทรงผมหน้าม้าเต่อสีดำสนิทยิ่งขับให้ดวงหน้าดูสว่าง และน่ารักมากยิ่งขึ้น
“เมื่อไหร่นายจะกลับไปน่าเกลียดเหมือนเดิมสักทีเนี่ย” เสียงทุ้มต่ำดูหงุดหงิดดังขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา คมคายและดูมีเสน่ห์ รับกับผมซอยยาวดูรุงรังที่มัดรวบอย่างลวกๆไว้ข้างหลังของพะโล้โผล่ออกมาจากห้องนอนภายในคอนโดขนาดกลางใกล้มหาวิทยาลัย
“ไม่ชอบหรอมีแฟนน่ารักอ่ะ” อบเชยแกล้แหย่กระเซ้าพะโล้ เขารู้ว่าตั้งแต่ที่เขาลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองท่ามกลางเสียงคัดค้านของคุณแฟนอย่างพะโล้ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงดูจะอารมณ์เสียตลอดเวลาที่มีคนเข้ามาทำท่าจะจีบเขา
“ชอบ แล้วก็รู้ด้วยว่าคนอื่นก็ชอบเหมือนกัน”
“ชอบแล้วจะบ่นทำไม??” อบเชยยิ้มในความตรงไปตรงมาของพะโล้ ตั้งแต่ที่เขาและพะโล้เป็นแฟนกันพะโล้ก็ดูจะพูดมากขึ้น ขี้อ้อนมากขึ้น และเปลี่ยนไปมากขึ้น แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็ถือว่าโอเคอยู่ ทำให้เขาได้ค้นพบพะโล้ในอีกมุมนึงที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ก็แค่อยากชอบคนเดียว ไม่อยากแบ่งให้ใครชอบอ่ะเข้าใจป่ะ” อบเชยมองแฟนหนุ่มที่ขับรถหน้าบูดอยู่ข้างๆก่อนจะหอมแก้มสากๆอย่างหมันเขี้ยว หลังจากวันที่พะโล้มาขอเขาเป็นแฟน ทั้งสองคนก็ต้องห่างกันไปถึงสามปีเพราะพะโล้ย้ายบ้าน และย้ายไปเรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดังใกล้บ้าน แต่ทั้งคู่ยังคงติดต่อกันอยู่เสมอ กว่าจะได้เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยกันแทบแย่ แต่เพราะรักไงอะไรก็ยอม
“รักพะโล้นะ”
“รักเหมือนกัน”
“รักใครเหมือนกัน” พะโล้หันมามองหน้าคนข้างตัวก่อนก้มลงไปกระซิบที่ริมหูด้วยเสียงแผ่วเบา
“ก็รักอบเชยไงครับ” ก็บอกแล้วว่าพะโล้น่ะขาดอบเชยไม่ได้หรอก
จบ
-
กรี๊ดดด น่ารักง่าาา กินพะโล้ด้วยคนดิตัวเอง
55555 มีอีกไหม เอาอีกๆ555 คนเเต่งทำเราเขินเเละหิวลูกชิ้นปิ้ง?
-
น่ารักกันจังเลย
-
น่ารักมาก แฟนสวยแล้วต้องทำใจ นะพะโล้
-
พะโล้น่ารักกกกก
-
"ยังไงวันนี้เองก็ต้องไปช่วยซุ้มขายกระทง" สุรเสียงใหญ่ของรุ่นพี่ดังขึ้น พร้อมตบโต๊ะกลางโรงอาหาร
"พี่ช้างผมต้องอยู่ซุ้มขายน้ำของปีหนึ่งนะครับ"
"ใครสั่ง"ชายหนุ่มชื่อช้างขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถาม
"พี่กิจครับ"จบคำพูดทำเอาชายร่างใหญ่ถึงกับต้องกลั้นหายใจ ยิ่งสร้างความอึดอัดให้แก่อบเชยที่เป็นคนกลางยิ่งนัก ฝ่ายนึงก็พี่รหัสอีกฝ่ายก็แฟนพี่รหัสที่พร้อมใจกันมาดึงตัวเขาไปช่วยงานลอยกระทงของมหาลัยที่ปีนี้จัดขึ้นในธีม งานวัด ทำไมพี่สองคนนี้ถึงไม่ปรึกษากันก่อนนะ
"จบข่าว"
"ยังไงมึงก็สู้เมียมึงไม่ได้หรอก"
"มึงกล้าสู้ไอ้กิจหรอ"หลากหลายความเห็นดังขึ้นมากลางโรงอาหารคณะเภสัชทำให้เป็นจุดสนใจของใครหลายคน
"ไหนใครจะมาซื้อตัวน้องกูไป!!!!"เสียงแหบแห้งดังมาจากมุมหนึ่งก่อนที่ประชากรไทยมุงจะค่อยๆแหวกทางให้บุคคลมาใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในวงสนทนา
"ใครคาบข่าวไปบอกว่ะ"
"มึงว่าไงนะไอ้ช้าง"
"ป่าวจ้ะเมียจ้า"พี่ช้างร่างใหญ่ที่ตอนนี้เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองตัวเล็กเท่ามดเมื่อมองหน้ากิจจาที่ยืนเท้าเอวอย่างเอาเรื่อง ส่วนช้างจึงทำได้เพียงแค่อ้อนแฟนตัวเองทำให้หลายคนเริ่มลุกขึ้นมาพนันกันว่างานลอยกระทงครั้งนี้อบเชยจะได้ไปอยู่ซุ้มขายน้ำ หรือซุ้มขายกระทงของชายโฉดกันแน่
"กูมาทาบทามอบเชยไว้ก่อน"
"แต่ซุ้มกูต้องการอบเชยจริงๆนะเว้ยยยย"
"กู-ไม่-ให้!!!!"สรรพสิ่งรอบข้างเงียบลงมองคนสองคนที่ยืนจ้องตากัน ส่วนอบเชยนั่งทำหน้าใกล้จะร้องไห้จนมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
"ซุ้มหนุ่มน้อยตกน้ำแล้วกัน" ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามานิ่งๆแล้วก็ลากอบเชยไปอย่างรวดเร็วสร้างความตกใจให้แก่ทุกคน และทุกสายตากำลังอึ้งมองอบเชยคนดังในคณะถูกลากไปอย่างง่ายดาย
"พี่ครามครับๆ แต่ผมสัญญากับพี่กิจไว้แล้วนะครับว่าจะไปช่วยขายน้ำ"อดีตเดือนเภสัชอย่างสีครามขมวดคิ้วมองร่างบางของอบเชยที่ตนลากมา แม้อบเชยจะไม่ใช่เดือนคณะ แต่ด้วยความที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ดูมีเสน่ห์ และอัธยาศัยดีส่งผลให้ทุกคนชอบเด็กคนนี้ มีทั้งชอบแบบเอ็นดูและชอบแบบที่ทำให้พะโล้โมโหเช่นกัน จึงไม่แปลกที่ตอนนี้จะถูกลากไปลากมา และถูกหมายตาไม่ต่างจากเดือนคณะและดีกรีเดือนมหาลัยปีล่าสุดที่ถูกลากมา และกำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆเขาเช่นกัน
"ไอ้กิจมันไม่ได้บอกหรอว่าเปลี่ยนจากซุ้มขายน้ำไปเป็นหนุ่มน้อยตกน้ำแล้ว"
"อ่ะ...อ้าว..ทำไมล่ะครับ"เหมือนอบเชยจะรู้ชะตากรรมของตนเองเอ่ยถามอย่างข้องใจ
"ก็มันบอกขายน้ำเฉยๆไม่ตื่นเต้นสู้จับเด็กน้อยทั้งหลายมานั่งแท่นโดนปาล่ะมันส์กว่า" อบเชยกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขาเริ่มรู้สึกอยากจะไปช่วยพี่ช้างขายกระทงเสียแล้ว
"ไปกันเถอะมันคงจัดซุ้มเสร็จแล้ว"
"ด่ะ...เด่วครับ"สีครามส่งสายตานิ่งมองอบเชยอย่างตั้งคำถาม
"...."
"ไปชุดนี้เลยหรอครับ" อบเชยจับเสื้อนักศึกษาตัวเองแล้วมองอย่างสงสัย เขาเพิ่งเรียนภาคเช้าเสร็จแน่นอนว่าตอนบ่ายไม่มีใครสนใจจะเรียนทั้งนั้นแต่ละคนสนใจในกิจกรรมอันยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นตอนเย็นวันนี้เสียมากกว่า
"ชุดนี้เลย...เร้าใจดี หึๆ"แม้ใบหน้าจะหล่อเหลาแต่การแสยะยิ้มแบบนี้ทำให้รู้สึกเสียวสันหลัง และขนลุกขึ้นได้ไม่ยากคิดได้ไม่นานนักก็มาถึงซุ้มหนุ่มน้อยตกน้ำ ที่ดูจะยิ่งใหญ่ที่สุดในโซนของคณะเภสัช เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของคณะเลยก็ว่าได้ ถัดไปไม่ไกลเป็นซุ้มของวิศวะที่ตอนนี้เริ่มมีดนตรีสดเปิดหมวกพร้อมขนมสายไหมมาหลอกล่อผู้คน ส่วนไฮไลท์ของคณะนั้นอยู่ที่หนังกลางแปลงจอใหญ่ที่มีคนทุ่มทุนจัดมาฉายสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย แม้จะเก็บค่าชมแต่ก็ยังมีคนยอมเสียเงินเข้าไปดูอย่างล้นหลาม ไม่ต่างจากคณะสถาปัตที่จัดโรงละครถึงสองโรงคือ โรงงิ้ว และโรงลิเก เรียกได้ว่ากินกันไม่ลงสักคณะ นี่ยังไม่นับรวมคณะอื่นๆที่ขุดทั้งชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน มาเอาใจถึงที่ ยิ่งเห็นยิ่งตื่นตาตื่นใจ ที่นี่ในทุกๆกิจกรรมมักจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ตามธีมที่ทางมหาลัยได้ร่วมกันลงคะแนนอยู่เสมอ เรื่องเรียนก็ดี กิจกรรมก็เด่น เขารู้สึกดีใจจริงๆที่เลือกเรียนที่นี้พร้อมกับคนรักอย่างพะโล้
"ให้"
"อ้าวแฟน"อบเชยเอ่ยทักพะโล้ที่วิ่งเอาขนมสายไหมสีสวยมายัดใส่มือ
"อะไร"
"แฟนทำไร"
"ก็เอาสายไหมมาให้ไง"พะโล้ในชุดนักศึกษากางเกงยีนส์สีซีดที่ดูไม่เหมือนเด็กปีหนึ่ง มาพร้อมกับผมที่ถูกเซตอย่างดี ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูมีเสน่ห์มากขึ้นแม้พะโล้จะไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยแต่ความหล่อการันตีด้วยรางวัลรองอันดับหนึ่งเดือนมหาลัยและตำแหน่งเดือนวิศวะ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปตามความคาดหมายของตัวพะโล้เองที่ไม่อยากจะเด่นดังอะไร อยากอยู่เฉยแบบเงียบสงบเสียมากกว่า แต่เพชรอย่างไรก็ยังเป็นเพชรอยู่วันยังค่ำ แม้จะเอาโคลนกลบตัวเองก็ยังมีคนค้นพบและน้ำไปใส่ตะกร้าล้างน้ำอยู่ดี จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะกลายเป็นคนดังของมหาลัยคนหนึ่งเช่นกัน
"ไม่ใช่หมายถึงแฟนทำหน้าที่อะไรในคณะ"พะโล้นิ่งคิดไปนิดก่อนจะเปิดปากพูดสิ่งที่ทำเอาอบเชยขำตัวงอ
"มาสคอตคณะมั้ง"
"ฮ่าๆๆๆๆ...ใครบอกแฟนเนี่ยฮ่าๆๆๆๆคิดได้ไง"
"ก็รุ่นพี่เขาว่ามางี้"พะโล้ขยับคอเสื้อให้ลมเข้าเพราะจากจุดที่ตัวเองอยู่แล้ววิ่งมาหาอบเชยไม่ได้ใกล้กันเลย แถมคนเริ่มทยอยเข้างานแล้วยิ่งทำให้การจราจรทางเท้าหนาแน่นขึ้น งานลอยกระทงปีนี้จัดที่ถนนใหญ่ใจกลางมหาลัย เรียกได้ว่า เดินกันจนขาลากยังไม่รู้ว่าจะครบทุกซุ้มรึป่าว
"แล้วคอยทำไรอ่ะ"ปากพูดแต่ก็เคี้ยวขนมสายไหมที่พะโล้เอามาให้ไปพร้อมๆกันอย่างไม่มีติดขัด
"ยืนเฉยๆ ทำหน้าหล่อ"
"งานสบาย"
"แล้วแฟนทำไร"
"ต้องตกน้ำ"เมื่อพะโล้ได้ยินก็ต้องขมวดคิ้วเข้มของตนก่อนจะมองเลยไปที่ซุ้มของคณะเภสัชที่หลายคนช่วยกันวิดน้ำลงถังอย่างขมักเขม้น
"หนุ่มน้อยตกน้ำ" พะโล้อ่านป้ายหน้าซุ้มที่ดูย้อนยุคเหมือนอยู่ในงานวัดสมัยก่อนจริงๆ
"อืม นั่นแหละ"
"โอ๊ยยย!! ใครให้แฟนกูมาทำแบบนี้ว่ะ"พะโลแทบจะถึงหัวตัวเองหมดมาดหนุ่มหล่อแสนเย็นชาที่ผู้คนในคณะต่างลงความเห็นว่าควรเรียกเจ้าชายน้ำแข็งจริงๆ เพราะเมื่ออยู่คณะพะโล้เหมือนมีอยู่หน้าเดียวคือ สีหน้าเบื่อหน่ายที่ดูนิ่งเฉย ซึ่งแตกต่างกับเวลาอยู่กับพะโล้ราวกับผลิกฝ่ามือ
"พี่รหัสให้มาช่วย อันนี้แฟนห้ามว่านะ เราค้านไม่ได้เลยต้องทำ แล้วก็สัญญากับพี่ไว้แล้ว"
"ไม่อยากให้ทำ"
"แต่อบเชยต้องทำอ่า"
"ขอรางวัล"
"เกี่ยวอะไร"อบเชยทำสีหน้างุนงง ที่อยู่ๆพะโล้มาขอรางวัลจากตนเองทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง
"ก็รางวัลแฟนใจกว้าง ที่ยอมให้แฟนมาเป็นอาหารตาคนอื่นไง"
"บ้า!!!"
"ไม่ทำได้ไหม"พะโล้ยังคงพยายามอ้อนอย่างสุดกำลัง
"ทำไม"
"หวง"ใบหน้าน่ารักซับสีแดงอย่างห้ามไม่อยู่ และมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเมื่อพะโล้อ้อน หรือพูดเรื่องพวกนี้แบบตรงไปตรงมา และซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง
"ห้ามไม่ให้หวงไม่ได้ แต่ขอร้องได้ไหม แค่แปบเดียวตกลงกับพี่กิจไว้แล้วว่าแค่ครึ่งชั่วโมงพอ"
"แค่นาทีเดียวก็นานมากสำหรับเราแล้วนายก็รู้" พะโล้ดูจริงจังขึ้นจนอบเชยจนปัญญาจะอธิบาย เขาก็ไม่ได้อยากจะทำ แต่ติดตรงที่สัญญาไว้แล้วจึงจำใจต้องทำ
"ถ้าให้รางวัลแล้วจะหายโกรธไหม"คนน่ารักเอ่ยถามทำเอาพะโล้ที่กำลังทำหน้าเครียดต้องอมยิ้มในความน่ารักของแฟนตัวเอง
"ไม่รู้ขอดูรางวัลก่อน"
ฟอดดดดดดด
ฟอดดดดดดดดดดด
จุ๊ฟ จุ๊ฟ จุ๊ฟ
อบเชยห้อมแก้มซ้าย แก้มขวาของพะโล้และตบท้ายด้วยการจุ๊ฟหน้าผาก ปลายจมูก ไล่มาถึงริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ทำเอาพะโล้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะฟัดแก้มใสๆของอบเชยอย่างหมันเขี้ยว
"กลับไปจะทบต้นทบดอก แบบอันลิมิตไม่ต้องนอนกันเลย"
"หวาาาา ตายคาเตียง"
"แฟนไม่ต้องกลัวเด่วเราเอาอกรองไว้"
"ทะลึ่งตลอด"อบเชยตีเข้าไปที่แขนของแฟนหนุ่มพร้อมกับใบหน้าที่แดงจัดลามไปถึงใบหู
"ว่าจะไม่หายโกรธ แต่ทำใจไม่ได้ แฟนน่ารักเกิ๊น"
"งั้นแสดงว่าหายโกรธแล้ว"
"ก็ไม่ได้โกรธ แค่หวงและไม่ชอบให้นายมาทำแบบนี้ นายรู้ใช่ไหมอบเชย"คนร่างเล็กกว่าพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง แม้พะโล้จะหงุดหงิดหรือพูดแบบนี้แต่ทุกครั้งพะโล้ก็ไม่เคยห้ามอบเชยทำในสิ่งต่างๆ แต่เลือกที่จะคอยดูแลอบเชยอยู่ข้างๆแทน
"งั้นหกโมงจะมารับไปลอยกระทงกันนะ"
"ครับผม"และแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ ครึ่งชั่วโมงผ่านมาอบเชยที่ตัวเปียกเพราะตกน้ำไปหลายรอบก็ต้องยืนตัวสั่นแม้จะมีผ้าเช็ดตัวผืนหน้าที่พี่รหัสเอามาให้แต่ลมหนาวในช่วงปลายปีมันมากเกินกว่าผ้าเช็ดตัวผืนเดียวจะเอาอยู่
"โกโก้ร้อนไหมอบเชย"
"ขอบคุณครับพี่กิจ"อยเชยรับโกโก้ร้อนจากพี่รหัสที่ส่งยิ้มและสีหน้ารู้สึกผิดที่ทำให้อบเชยต้องมาอยู่ในสภาพนี้
"พี่ขอโทษนะ"
"ไม่เป็นไรครับเล็กๆน้อยๆถือว่าช่วยคณะ ทุกคนก็ต้องทำงานเป็นเรื่องปกติครับ"
"แต่พี่ไม่น่าเอาเรามาเดือดร้อนเลย ลำบากอบเชย"
"สบายมากพี่กิจอย่าคิดมากครับ"
"ขอบใจนะ แต่...พี่จะดีใจกว่านี้ถ้าอบเชยช่วยให้พี่พ้นจากตีนไอ้พะโล้ด้วย"อบเชยมองตามสายตาพี่รหัสก็เห็นพะโล้เดินหน้าเครียดเข้ามาในซุ้ม
"พี่กิจ"พะโล้กัดฟันเรียกเสียงต่ำให้รู้ว่ากำลังสะกดอารมณ์โกรธของตนเองอย่างมาก
"อย่านะเว้ยยย นี่ถิ่นเภสัชนะ"
"ผมไม่สนแต่เห็นไหมว่าอบเชยปากม่วงหมดแล้ว พี่ทำแบบนี้ได้ไงว่ะ!!!"
"ใจเย็นพะโล้"นานๆทีเจ้าชายน้ำแข็งจะโวยวาย จึงเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้ไม่น้อย
"กูขอโทษจริงๆว่ะ ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้" กิจจาเอ่ยอย่างสำนึกผิดส่งผลให้ช้างที่ยืนอยู่ในซุ้มขายกระทงของคณะต้องเดินมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"มีไรกันว่ะ"ร่างสูงใหญ่ของช้างเดินไปโอบกิจจาไว้อย่างแสดงออกว่าปกป้อง ส่วนพะโล้เอาเสื้อกันหนาวของตนเองคลุมอบเชยไว้อีกชั้นพร้อมกับโอบกอดให้เข้ามาในอ้อมแขน
"อบเชย"
"เฮ้อ!!! กูว่าแล้ว กูถึงบอกว่าให้มันมาช่วยขายกระทงไง เป็นกูกูก็ไม่ชอบให้แฟนตัวเองมาทำแบบนี้หรอก"
"ก็กูไม่รู้ว่าทุกคนจะอยากปาแต่อบเชยหนิ กูก็ไม่อยากให้น้องรหัสกูต้องลำบากหรอก" กิจจาพูดไปก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ไปจนคนเป็นแฟนอย่างช้างอดสงสารไม่ได้ แม้ว่ากิจจาจะดื้นรั้นแค่ไหน แต่เป็นคนอ่อนไหวกับเรื่องของคนรอบข้างมาก เขาจึงได้แค่โอบกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
"กูรู้นะพะโล้แฟนใคร ใครก็ห่วง กูก็ห่วงแฟนกูเหมือนกัน"
"ผมรู้ครับพี่"พะโล้เอ่ยเสียงเรียบมองกิจจากับช้างด้วยสายตานิ่งเฉยเสียจนกิจจาตกใจกลัวว่า พะโล้จะโมโหและโกรธตนเองจริงๆ
"กูขอโทษแทนกิจด้วยแล้วกัน กูก็ผิดเองด้วยที่ไม่ยอมเตือนมันอย่างจริงจัง"
"พี่ขอโทษนะอบเชย"
"ไม่เป็นไรครับพี่กิจ ผมโอเคพะโล้แค่เป็นห่วงผมมากไปหน่อย พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ต้องขอโทษผมนะครับ อย่าทำให้ผมรู้สึกผิดได้ไหมครับพี่กิจ..ส่วนนาย พะโล้ นายไม่ควรพูดแบบนี้ นี่คณะเรา เราก็ต้องช่วยเหลือ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ หวงเราก็ดี แต่ให้มีขอบเขต ถือว่าอบเชยขอร้องนะพะโล้"ต้นประโยคเอ่ยบอกพี่รหัสก่อนจะหันมาสั่งสอนแฟนตัวเองที่ยืนทำหน้าเครียดและตบท้ายด้วยการอ้อนเบาเบา เพียงแค่นี้ก็ทำเอาพะโล้ไปไหนไม่รอดแล้ว
"มามุขนี้ตลอด"
"ก็เราสบายดีจริงๆนะ"
"อืม"
"ผมต้องขอโทษแทนพะโล้ด้วยนะครับพี่กิจ พี่ช้าง วันนี้ผมสนุกมากจริงๆ ผมขอตัวไปลอยกระทงกับพะโล้ก่อนนะครับ"อบเชยบอกกับรุ่นพี่ทั้งสองก่อนหันไปร่ำลาคนอื่นๆในซุ้มคณะ
"ขอโทษนะครับ"พะโล้เอ่ยเสียงเรียบกับช้างและกิจจา แววตาแสดงถึงความรู้สึกผิดที่ตนโวยวายรุ่นพี่ทั้งสองอย่างจริงใจถ้าเขารู้จักควบคุมอารมณ์มากกว่านี้เรื่องมันคงไม่แย่แบบนี้ กิจจาจึงพยักหน้าน้ำตาคลอหน่วยตา ส่วนช้างทำเพียงแค่โอบกอดกิจจาไว้ และตบบ่าแฟนหนุ่มของรุ่นน้องคณะตนก่อนจะแยกย้ายกันไป
"เจอกันพรุ่งนี้นะอบเชย"
"อืม แยมอย่าลืมปริ้นรายงานมาส่งละ"
"จ้าาา ดูแลเพื่อนเราดีๆนะพะโล้ อย่าเผลอลอยไปกับกระทงล่ะ"
"ไม่ต้องบอกก็ดูแลอย่างดีแยม ไม่ปล่อยให้ลอยไปไหนแน่ๆ"ส่วนคนที่ถูกพูดถึงอย่างอบเชยก็ได้แต่ยืนเขินหน้าแดงจนพะโล้อดที่จะเอามือไปดึงแก้มแดงๆที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นจากแต่ก่อนไม่ได้
"ขอบคุณนะ"
"หืมอะไรของนาย"
"ก็ขอบคุณที่พะโล้เข้าใจและอยู่เคียงข้างอบเชยมาตลอด"
"อ้าวนี่ไม่รู้หรอ ว่าพะโล้ขาดอบเชยไม่ได้"
"พูดแล้วก็อยากกินไข่พะโล้จัง"อบเชยพูดอย่างไม่คิดอะไร แต่พะโล้ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะก้มลงกระซิบคนข้างตัวเบาเบาว่า
"อยากกินไข่พะโล้ รึ ไข่ของพะโล้"คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากเอาเป็นว่าให้สองคนไปตัดสินใจเองดีกว่าว่าวันลอยกระทงปีนี้จะกินอะไรดีว่าไหม???
………
จบไปอีกหนึ่งตอน อันนี้เพิ่งแต่งค่ะแต่เดิมมีตอนเดียวไม่มีตอนอันนี้ แต่อดใจไม่ไหวขออีกสักตอนแล้วกันเน้อ อย่างเพิ่งเบื่อพะโล้กับอบเชยของเราน้าาา ถ้าอยากอ่านอีก รึมีแนวไหนที่อยากอ่านลองเม้นไว้ได้นะค่ะ จะลองแต่ต่อ ถ้ามีความฟิตพออ่ะนะค่ะ บางทีนิ้วมันก็พิมพ์ไปเอง แต่บางทีนิ้วมันก็ค้างเหมือนโดนไวรัสกินพิมพ์ไม่ออก แต่จะพยายามให้มากกว่านี้นะค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรเม้นบอกกันได้น้าาา ขอบคุณค่ะ:)
-
น่ารักอีกเเบ้ว คู่นี้ :o8:
ชอบที่ดูเเลกันดี มีเหตุผลอ่า ลากกันไปกินไข่เเล้วอะ >////<
มาต่อนะคร้าบบบ
เป็นกำลังใจให้
-
น่าร๊ากกกกกก
-
น่ารักจังเลยค่ะ
พะโล้กับอบเชยเป็นคู่ที่น่ารักมาก
งุ้งงิ้งดี
-
ตอนพิเศษใส่ไข่ แต่พะโล้ใส่ใจ
คนร่างบางแอบมองดูแฟนหนุ่มของตนเองในชุดนักศึกษาเรียบร้อยเป็นครั้งแรกนับจากวันสิ้นสุดการรับน้อง ผ่านกระจกใส น้อยครั้งที่พะโล้จะแต่งตัวได้เรียบร้อยและถูกระเบียบขนาดนี้ พวกเขาอยู่ปีสองแล้ว ยังคงใช้ชีวิตเรื่อยๆ ไว้มีเวลาจะเล่ารายละเอียดที่น่าจดจำของเราสองคนให้ฟัง แต่ตอนนี้อบเชยกำลังมองดูรุ่นพี่กระเทยร่างยักษ์ของสถาปัตที่มาช่วยแต่งหน้าเซตผม ให้กับนายแบบทั้งหลายเพื่อถ่ายรูปสำหรับโฆษณามหาลัยของเรา แน่นอนว่า มันต้องไม่ธรรมดาความยิ่งใหญ่อลังการมาพร้อมความเรียบหรูนายแบบนางแบบจำเป็นอยู่ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเรียบร้อยถูกจักให้นั่งในท่าต่างๆเพื่อถ่ายรวมก่อนจะแยกไปถ่ายในแต่ละสถานที่ของมหาลัย อบเชยเพียงแค่เดินผ่านมาเมียงมองแฟนตนเองที่กำลังยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์ขณะโดนเซตผม ใบหน้าหล่อของพะโล้ถูกทาด้วยรองพื้นบางเบาเพื่อช่วยขับใบหน้าให้ดูหล่อเหลามาขึผมยาวถูกเซตให้เป็นทรงที่ดูเข้ากับใบหน้าได้รูป ดวงตาคมมองไปทั่วอย่างเบื่อหน่ายแต่ดูมีเสน่ห์ อบเชยยืนพิจารณาแฟนตัวเองอย่างเพลิดเพลินก่อนจะสะอึกเมื่อมีผู้ชายรูปร่างบอบบาง เดินเอาน้ำแดงมายื่นให้พะโล้ พร้อมส่งรอยยิ้มหวานที่ดูยังไงก็เป็นการอ่อยให้ท่า อบเชยเป็นคนมีเหตุผล ดูเรียบร้อยน่ารักและมองโลกในแง่ดีมาตลอด จะว่าเป็นผู้ชายโลกสวยก็ได้ เขาจิงคิดว่าตนเองคิดมากเกินไป ส่วนพะโล้รับน้ำมาดูดอย่างไม่สนใจอะไรหนุ่มน้อยที่ยืนทำแก้มพองลมอยู่ข้างๆตน เขาทำเพียงแค่หยิบชีทเรียนมาอ่านไปพรางๆระหว่างรอ
"เป็นไรอบเชยทำไมมายืนเกาะประตูห้อง" เสียงของจีนหนุ่มหล่อเดือนคณะเภสัชรุ่นเดียวกับอบเชยเอ่ยทักเพื่อนคลาสเดียวกันที่ยืนชะเง้อเกาะกระจกดูตลกจนต้องทัก
"อ้าวจีน!!!!"
"หืม"
"นายไม่เข้าไปถ่ายกับเขาหรอ"อบเชยทักเพื่อนตาโตแล้วชี้เข้าไปในห้องที่กำลังวุ่นวายกับการถ่ายงานกันอยู่
"ถ่ายดิ แต่เราติดเลคเชอจาร์เลยมาสาย"
"เวรกรรม"
"ใช่เวรกรรมอะไรกูต้องมาทำไรไร้สาระแบบนี้ด้วยว่ะ"เสียงบ่นพึมพำเบาเบากับตัวเองของจีนเป็นที่สนใจของอบเชยเพราะเมื่อวานที่พะโล้มาบอกตนเองว่ามีถ่ายงาน ก็พูดประโยคเดียวกับจีนอย่างกับนัดกันมาเลยทีเดียว
"นายรีบเข้าไปดิ"
"ก็นายยืนขวางอยู่"
"ออ...แหะๆ โทษที"อบเชยเขยิบออกมาด้านข้างประตูเพื่อเปิดทางให้เดือนคณะตนเดินเข้าไปข้างใน
"เข้ามาด้วยกันไหม"จีนหันมาชวนอย่างมีน้ำใจทำเอาอบเชยรีบส่ายหัวแทบไม่ทัน
"ไม่เอา"
"แล้วไปยืนแอบมองแฟนตัวเองทำไม"
"ป่าวยืนแอบมอง แค่มาสอดส่องพฤติกรรม"
"หึๆ"เมื่อแสยะยิ้มชั่วร้ายก็ทำการลากอบเชยเข้ามาในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ถาปัตที่นี่เขาเก่งจริงสมชื่อ สามารถเนรมิตห้องเรียนธรรมดาให้กลายเป็นห้องแสนหรูหราได้ในพริบตา ไม่มีพรสวรรค์ทำไมได้จริงๆงานนี้
"ใครว่ะไอ้จีน"เสียงทุ้มต่ำพร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่ชะโงกออกมาจากกระติกน้ำใบใหญ่ในมุมนึงของห้องเอ่ยทักจีนอบเชยจำได้ว่าใบหน้าคมเข้มผิวคล้ำแบบนี้มันเดือนคณะเกษตรที่คงคอนเซป ดำดีสีไม่ตก ขาวสกปรกคบไม่ได้มาหลายต่อหลายรุ่นทั้งดาวและเดือน
"เห็นเกาะประตูอยู่แล้วสงสารเลยหนีบเข้ามาด้วย
"คนนะไม่ใช่กระรอก"
"จิ้งจกพออบเชย"
"ขอบคุณที่แก้ให้นะจีน"
"ไม่ต้องซาบซึ้งขนาดนั้น" ตอนนี้ทั้งสองคนได้กลายเป็นจุดสนใจของทั้งห้องไปโดยปริยาย
"อบเชย"
"จ้าาาาาา"ร่างบางกระโดดออกจากการเกาะกุมของเพื่อนคณะตนเองรีบวิ่งไปหาพะโล้อย่างรวดเร็ว
"ทีผัวเรียกล่ะเร็วจริง"อบเชยหันไปยักคิ้วให้จีนเป็นการบอกว่า ของมันแน่นอนอยู่แล้ว ทำเอาเดือนคณะเภสัชส่ายหน้าระอาในความทะเล้นและหน้าด้านของเพิ่อนตัวเอง
"อร๊ายยยยยยยย!!!!!นี่มัน อบเชยคนดังเภสัชนี่" เจ้กระเทยรูปร่างใหญ่โตร่างชายใจหญิงก็วิ่งเข้ามาหาคงร่างเล็กที่ยืนคุยอยู่ข้างๆพะโล้อย่างรวดเร็วส่งผลให้อยเชยกลายเป็นศูนย์กลางของสายตาคนทั้งห้องอีกครั้ง
"สวัสดีครับพี่เมี่ยง"
"จ้าาาา"
"มาเฝ้าพะโล้รึมาเป็นนายแบบจ๊ะ"
"มาดูเฉยๆครับแหะๆ"อบเชยหัวเราะแห้งๆส่งให้เมี่ยงที่กำลังหมุนตัวเขาไปมาทำตาโตก่อนจะหรี่ลงแล้วจุ๊ปากเบาเบา
"เจ้าของเขามาแล้ว คงไม่ต้องลำบากคนแถวนี้แล้วล่ะจ้ะ มีอะไรก็ไปทำซะนะไม่ต้องมายืนรอรับส่วนบุญส่วนกุศลแถวนี้"พูดจบเจ้เมี่ยงก็เหล่ไปมอผู้ชายร่างบางคนนึงที่ยืนนิ่งมองมาที่พวกเขา
"เรื่องผัวเนี่ยเขาไม่มีทำทานนะค่ะ ไม่ต้องมารอรับค่ะ" เจ้กระเทยอีกคนเอ่ยต่ออย่างไม่มีสะดุด
"สามีไม่ใช่โรงเจ ที่จะเทแล้วให้แดกฟรี" เจ้อีกคนที่ทำผมอยู่ก็ต่อประโยคที่ทำเอาอบเชยต้องขมวดคิ้วสงสัยว่าพี่ทั้งสามคนพูดถึงเรื่องอะไร ก่อนจะเหล่มองผู้ชายที่ยืนกำมือแน่นดวงตาแข็งกร้าวทอประกายบางอย่าง
"ชัดนะคร่าาาา" เจ้เมี่ยงพูดจบก็ลากอบเชยไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ โดยไม่มีใครอธิบายอะไรให้อบเชยเข้าใจ ส่วนพะโล้ที่ทำท่าเหมือนจะเข้ามาพูดอะไรสักอย่างแต่โดนพี่ช่างภาพเรียกไปเทสกล้องก่อนถ่ายจริง
"นาย"
"หืม"อบเชยหันหน้ามามองตามเสียงใสที่เอ่ยเรียกเขาพร้อมสะกิดเบาเบาที่หลัง
"เป็นแฟนพี่พะโล้หรอ" อบเชยขมวดคิ้ว ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงถามแบบนี้ เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้ว่าอยเชยกับพะโล้เป็นแฟนกัน เพราะคนนึงเป็นเดือนคณะอีกคนเป็นคนดังจองคณะเช่นกันพะโล้บอกกับทุกคน และแสดงออกให้เห็นมาโดยตลอดว่าพวกเขาสองคนเป็นแฟนกัน แล้วผู้ชายตรงหน้าเข้ามาถามเพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่
"ใช่ครับ"
"แฟนจริงๆรึว่ามโนไปเอง พี่พะโล้ก็ให้ความหวังทุกคนแหละ แต่พี่เขามีแฟนแล้วเลิกหวังเถอะ"
"หืม มีแฟนแล้ว"
"ใช่"อบเชยพิจารณาคนตรงหน้าว่าต้องการอะไรจากตนกันแน่
"ก็ฉันนี่แหละแฟน"
"หึ ถ้าเป็นแฟนพี่พะโล้จริงๆก็ธรรมดามาก ก็นึกว่าจะเด็ดกว่านี้"เสียงพูดเบาเพียงกระซิบแต่จงใจให้อบเชยได้ยินเพียงคนเดียว
"หืม??"
"นอกจากไม่เด็ดแล้วยังซื่อ....บื้อด้วย"
"นี่นาย!!!"อบเชยตวาดขึ้นแม้จะเสียงดังแต่ภายในห้องกำลังวุ่นวายกับการทำงานจึงไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกตินี้
"ทำไมหรอ ไหนเขาบอกว่าพี่พะโล้ชอบเด็ดๆ ควงแต่เด็ดๆ...ถึงว่าาาาา"
"อะไรของนาย"อบเชยถามขึ้นแม้จะรู้สึกโกรธที่คนตรงหน้าพูดเหมือนเขาไม่คู่ควรกับพะโล้ แถมยังบอกว่าพะโล้ควงแต่เด็ดๆมันไปควงตอนไหนว่ะไอ้แก่ เด่วได้เจออบเชยเวอร์ชั่นจาพนมล่ะมึง แต่อบเชยมีสติมากพอจะไม่โวยวายออก
"ถึงว่า...พี่พะโล้ต้องออกมาหากินเอานอกบ้าน ก็มีเมียดูจืดชืดน่าเบื่อแบบนี้นี่เอง"มันเป็นใคร!!!!เสียงในสมองของอบเชยสั่งการให้เอ่ยถามออกไป เขาไม่ต้องการมีเรื่อง เขาไม่ต้องการสร้างปัญหา แต่นี่ปัญหาก้อนใหญ่มันกลับมาหาเขาถึงที่เห็นที่จะยอมกันไม่ได้
"ถึงจะดูน่าเบื่อ แต่พะโล้ก็ยังทานทุกวันไม่รู้จะว่ายังไงดี"เมื่อตั้งสติได้อบเชยก็เชิดใบหน้าได้รูปขึ้นแม้ว่าคนตรงหน้าจะตัวเล็กกว่าเขาแต่ไม่ได้ทำให้อบเชยรู้สึกว่าน่าถะนุถนอมแม้แต่น้อย เขารู้สึกอยากจะบีบร่างบางๆเล็กๆตรงหน้าให้แหลกคามือ ให้สมกับคำพูดที่ไม่เหมาะกับหน้าตา
"เด่วพี่พะโล้ก็เบื่อ"
"เคยได้ยินไหมน้ำพริกถ้วยเก่ามักจะอร่อยและคุ้นลิ้นเสมอ ให้ไปลองถ้วยใหม่บ้างก็ไม่เสียหาย แต่เราว่า....."
"อะไร!!!"
"เสียงดังไปแล้ว"อบเชยยิ้มมุมปากอย่างผู้ไม่ยอมใครทำเอาผู้ชายร่างบางที่ยืนกัดปากตัวเองรู้สึกเหมือนเสียเปรียยทั้งๆที่ตอนแรกเขาเป็นคนได้เปรียบอยู่แท้ๆ ทั้งๆที่คนตรงหน้าดูไม่น่าจะสู้คนเขาถึงเลือกเข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็วไม่คิดว่าจะถูกเล่นงานแทน
"แกจะพูดอะไร"
"ก็แค่จะบอกว่า พะโล้เขาเลือกกินหน่ะ พวกน้ำพริกเน่าๆบูดๆพะโล้เขาไม่กินหรอก เราต้องทำให้ใหม่ตลอด"
"แก๊!!!!"
"อย่ามาทำตัวเป็นแม่ค้าปากตลาดแถวนี้นะ เด่วจะหาว่าไม่เตือน"
"แกจะทำไม หึ อย่าคิดว่าพี่พะโล้จะคบแกได้นานนะ พี่พะโล้เขามีแฟนแล้ว"
"หึ หรอ"อบเชยหัวเราะในลำคอ ที่ไอ้เด็กซื่อบื้อนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่กล้ามาชี้นิ้วด่า แบบนี้ต้องเล่นให้จำ ใบหน้าที่ดูเป็นต่อยิ่งไปกระตุ้นความโมโหของคนร่างบางทำให้คนตรงหน้าเงื้อมือขึ้นมาเตรียมตบ แน่นอนว่าอบเชยไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายตนเองฟรีๆแน่ อบเชยเอามือจับแขนคนร่างเล็กกว่าไว้ก่อนจะเอามาตบหน้าตัวเองเบาเบาส่วนมืออีกข้างก็ตบหน้าผู้ชายร่างบางแทน เสียงที่ดังลั่นทำให้ทุกคนหันมามองแต่ในมุมที่ทุกคนเห็นจะเห็นเพียงมือของคนร่างบางกำลังตบหน้าอบเชยส่วนอบเชยกำลังพยายามจับมือเอาไว้ พร้อมใบหน้าและสายตาน่าสงสาร ยิ่งทำให้ดูน่าถะนุถนอมมากยิ่งขึ้น ไวเท่าความคิดพะโล้พุ่งตรงมาถึงตัวอบเชยเป็นคนแรกส่วนอบเชยก้มหน้าร้องไห้และจับแก้มตัวเองไว้
"ตังเตทำอะไร!!!!!!"เสียงดังลั่นของพะโล้พร้อมสายตาที่ลุกเป็นไฟบ่งบอกว่ากำลังโมโหอย่างที่สุด เขาดูแลพะโล้มาอย่างดี แต่ไอ้เด็กบ้านี้กลับมาทำร้ายคนรักของเขา
"ตังเตป่าว มันตบตังเตต่างหากพี่พะโล้"
"ก็เห็นอยู่ว่ามึงตบอบเชย"พะโล้เริ่มหยาบคายกับคนร่างบางที่เป็นน้องรหัสตัวเอง
"ตังเตป่าว มันตบมันตบตังเตจะเอาคืนปล่อยนะ"
"หยุดบ้าได้แล้ว!!!"
"ไม่!!!"คนร่างบางตะโกนพร้อมน้ำตา อึดอักที่ไม่มีใครเชื่อตนเอง ส่วนพะโล้กำลังกอดปลอบอบเชยราวกับหวงแหนอย่างที่สุด ราวกับอบเชยคือของล้ำค่า
"......"
"ทำไมตังเตจะเอาคืนไม่ได้ในเมื่อมันตบตังเต"
"แต่พี่เห็นแต่น้องตังเตตบน้องอบเชยนะค่ะ"พี่กระเทยร่างยักษ์คนนึงพูดขึ้นก่อนจะได้รับสายตาตวัด และจิกกัดของตังเต
"...."
"ชะอุ่ย สงสัยมาผิดจังหวะแหะๆ เชิญทะเลาะกันต่อเลยค่ะ" ตังเตหันหน้ากลับมาเอาเรื่องอบเชยเพราะคิดว่าอบเชยแอบอ้างเป็นแฟนพะโล้จึงคิดว่าตนเองก็มีสิทธิ์เหมือนกัน เพราะรู้มาจากรุ่นพี่คนอื่นว่าแฟนของพะโล้เป็นผู้ชายหน้าตาน่ารัก นิสัยก็นารัก เป็นกันเอง ยิ้มแย้ม และเรียบร้อย เป็นที่รักของใครหลายคนซึ่งคนตรงหน้ามีใบหน้าที่น่ารักอันนี้เขาไม่เถียงแต่นิสัยเรียบร้อยน่ารักไม่สู้คนเขาไม่เชื่อ จึงทำให้ตังเตคิดว่าคนนี้คงไม่ใช่แฟนตัวจริงของพะโล้แน่นอน คงเป็นเหมือนคนอื่นๆที่คิดไปเอง ไม่ก็คิดเพ้อเจ้อเข้าข้างตัวเองเมื่อพะโล้ทำดีด้วยก็คิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษของพะโล้
"ทำไมพี่ต้องปกป้องมันด้วย"
"แล้วทำไมพี่จะปกป้องหัวใจของพี่ไม่ได้ล่ะ"สิ้นเสียงราบเรียบของพะโล้ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ แต่ให้ความรู้สึกเย็นจับขั้วหัวใจ ตังเตตาโตเมื่อรับรู้ว่าอบเชยคือตัวจริงของพะโล้ นี่เขาทำพลาดไปอย่างมหันต์ เขาคิดจะกันอบเชยออกจากพะโล้เหมือนที่เขาทำกับคนอื่น ใช้อภิสิทธ์ความเป็นน้องรหัสใกล้ชิดพะโล้ และเขาเชื่อว่าสักวันพะโล้จะหันมามองเขา และเลิกกับแฟนในที่สุด
"พี่ก็รู้ว่าตังเตชอบพี่ ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ยิ่งรู้ว่าพี่ได้เป็นพี่รหัสตังเตดีใจมาก แต่...แต่พี่กลับมีแฟนแล้ว กลับไปเป็นแฟนกับคนจืดชืดแบบนี้ พี่มารักตังเตเถอะนะพี่พะโล้"ตังเตพูดไปร้องไห้ไปอย่างน่าสงสาร แต่กลับรู้สึกสะใจใครหลายคนที่แอบหมันไส้ตังเตมานาน เพราะตั้งแต่ตังเตขอเข้ามาช่วยงานกองถ่ายก็เอาแต่เข้าหาและดูแลพะโล้อย่างออกนอกหน้า แล้วใครจะเข้าหาพะโล้มักจะมองแบบกัดจิก และแสดงความไม่พอใจพร้อมเชิดหน้าอย่างเหนือกว่าเพราะถือว่าตนเองเป็นน้องรหัสพะโล้ และใกล้ชิดพะโล้มากกว่าคนอื่น จึงสร้างความไม่พอใจและความหมันไส้ให้ใครหลายคน
"ผู้ชายเขามีแฟนแล้วยังจะมาอ้อนวอน แถมไปทำร้ายแฟนเขาอีก"เสียงหนึ่งดังมาจากในกลุ่มคนที่ยืนดูเหตุการณ์
"พี่จะไม่เอาเรื่อง แต่ต่อไปนี้เราต่างคนต่างอยู่อย่ามายุ่งกับพี่รึคนใกล้ตัวพี่อีก ไม่งั้นพี่ไม่เอานายไว้แน่ตังเต"ความจริงพะโล้อยากจะเอาเรื่องน้องรหัสตัวเองแต่ถูกอบเชยรั้งแขนเอาไว้พร้อมส่ายหน้าช้าๆ แฟนเขามักเป็นอย่างนี้เสมอใจอ่อน ขี้สงสาร ถึงแม้จะทำให้คนอื่นรัก แต่ก็ทำให้ถูกรังแกได้ง่ายเช่นกัน เขาคงต้องปกป้องหัวใจของเขาดวงนี้ไว้ดีๆเสียแล้ว จะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแม้แต่น้อย พะโล้เอ่ยในใจก่อนจะถูกพี่ช่างแต่งหน้าจับไปนั่งแต่งหน้าใหม่และทุกคนเริ่มกลับไปทำหน้าที่ของตนส่วน อบเชยขอพะโล้ยืนดูอยู่ตรงนี้ แม้เขาจะไม่อยากให้อบเชยอยู่ไกลจากเขาแต่ด้วยสายตาอ้อนวอนขอร้อง กับหน้าที่ที่เขาต้องทำจึงต้องจำยอมปล่อยอบเชยไว้ที่เดิม แต่สายตาห่วงหาและรักใคร่ยังคงส่งให้อบเชยเหมือนที่เคยเป็น และจะเป็น....ตลอดไป
"ตังเต"
"อย่ามายุ่ง"อบเชยส่ายหัวให้กับคนร่างบางนิสัยเด็กที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่พื้น
"ฉันจะบอกอะไรให้ คนฉลาดเขาไม่ใช้กำลังกันหรอกแต่เขาใช้ไอ้นี่"พูดจบก็ชี้ที่หัวของตังเตที่มองมาที่อบเชยด้วยดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
"สมองรึขี้เลื่อย ชี้มาที่หัวผมก็มีแต่ขี้เลื่อยเท่านั้นแหละ"อบเชยหัวแระให้กับความน่ารักของตังเตถ้าตัดเรื่องเมื่อกี้ออกไปคงเป็นรุ่นน้องที่น่ารักมากๆสำหรับเขาคนนึงเลยทีเดียว
"เจ็บไหมเมื่อกี้"
"เจ็บ"
"เจ็บก็จำแล้วอย่าทำอีก"
"ไม่ต้องมาสอน"
"ป่าวสอน แค่ทำบุญกับคนสมองขี้เลื่อยต่างหาก ไปล่ะ" อบเชยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะหันหลังเดินไปหาพะโล้ที่นั่งส่งยิ้มมาให้ แต่เสียงเล็กใสกลับดังขึ้นมา ส่งผลให้อบเชยแอบอมยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินจากไป
"ผมขอโทษครับ" บางทีตังเตก็น่ารักนะว่าไหม
...................
สวัสดีอีกครั้งค่ะทุกคน ทำไมรู้สึกเหมือนพะโล้กับอบเชยนี่ออกมาได้เรื่อยๆเลยก็ไม่รู้ พอเครียดๆจากโปรเจคแล้วมาแต่งนี่ก็ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น มีอารมณ์อ่านนิยาย เฮ้ยยย ทำโปรเจคต่อจริงๆ ยังไงก็ฝากไว้ด้วยนะค่ะ ติชมได้ อยากได้แนวไหนบอกได้นะค่ะ พะโล้แกมาหวานแล้วจะไปสายSMรุ่งรึป่าวก็ไม่รู้ ว่าจะรุ่งรึร่วง พ่อพระเอกหวานตลอดกาล หวานชิงแชมป์โลก(ส่วนตัวมัน)
-
แอร๊ยยย รู้สึกอยากกินไข่พะโล้ ฮ่าๆ
มันต้องอย่างนั้นอบเชย :katai2-1: :katai2-1:
-
อบเชยแอบร้ายนะเนี่ย
-
อบเชยถือคติของข้าใครอย่าแตะใช่ป่าว อิอิ
-
ชื่อน่ารักมากครับ พะโล้ - อบเชย
-
น่ารักกกกกกกก อบเชยน่ารักมากกกก ยอมมมม > <
ตังเตมาหาพี่มา เดี๋ยวพี่จะ 'เอ็นดู' หนูเอง มามะ มามะ :hao6: :hao6: :hao6:
-
ชอบอ่ะ เสิร์ฟพะโล้ใส่อบเชยเยอะๆนะ
อบเชยไม่ได้เชยสมชื่อเลย ทันคนดีอ่ะ
น่าจะแต่งเป็นเรื่องยาวนะ :L2: :L2:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
น่ารักกกกกกกกกกกกกกก
มีต่ออีกมั้ยอ่ะ น่ารักๆๆๆๆ :-[ :-[
-
ตอนพิเศษ เมื่อพะโล้เปลี่ยนไป
"อะไรนะพะโล้มีกิ๊ก"
"เบาเบาซิพี่กิจ ผมแค่บอกว่าสงสัยเฉยๆ"
"จะสงสัยได้ต้องมีมูลเหตุ ถ้าหมาไม่ขี้แล้วใครจะเห็น"เดี๋ยวนะนั่นสำนวนคำพังเพยบ้านไหนอบเชยไม่เข้าใจ ตอนนี้คนร่างบางกำลังนั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะเภสัชของตนอย่างคิดไม่ตก
"เฮ้ออออ"
"เล่ามาอบเชย"ถ้าไม่เห็นว่าเป็นพี่รหัสเขาคงสวนกลับไปว่าอย่าเสือกแล้ว ช่วงนี้เขายิ่งรู้สึกเซ็งๆเบื่อๆนอยๆอย่างบอกไม่ถูกอาการหงุดหงิดง่ายเริ่มแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนประหนึ่งสาววัยทอง
"แล้วพี่ช้างไปไหนแล้วครับ"
"อย่าเปลี่ยนเรื่อง"
"โอเคๆเล่าก็ได้"อบเชยเล่ารายละเอียดคร่าวๆให้กิจจาฟัง ส่วนคนฟัง ก็ฟังไปเติมเชื้อเพลิงเข้าไปจนทำเอาอบเชยนั่งเล่าไปพร้อมน้ำตา
"พอแล้วๆๆๆๆร้องทำไมนักหนา"
"ก็เรื่องมันเศร้า..."
"เหล้าไม่ต้อง"
"โฮ่...ฮืออออผมกำลังใจเสียอยู่นะพี่เล่นมุขไม่ดูเวลา"
"นี่มึงร้องไห้ไว้อาลัยมุขกูหรอ"
"ป่าว ฮืออออ"
"ใจเย็นๆน้องรัก ที่เองบอกว่าพะโล้มันกลับดึกบ่อยๆ แล้วอ้างว่าติดเรียนบ้าง ติวบ้าง ซ้อมกีฬาบ้าง เล่นเกมส์บ้างอีกสารพัดข้ออ้างของมัน"
"มีไปเตะบอลด้วย"อบเชยแบะปากฟ้องเหมือนเด็กน้อยทำเอากิจจาที่นั่งฟังอยู่ต้องยกมือลูบหัวเบาเบา
"เออๆๆนั่นแหละ"
"ฮือออออ ทำไมมันต้องโกหกด้วย"
"แล้วรู้ได้ยังไงว่ามันโกหก"
"ก็เมื่อวานมันบอกว่าไปช่วยเพื่อนทำรายงานที่ตึกคอม พอผมไปตึกคอมก็ไม่เจอมันหาจนทั่วก็ไม่เห็นพอกลับหอมันก็ยังไม่กลับ โทรถามมันก็บอกว่าอยู่ตึกคอมช่วยเพื่อนอยู่..โฮๆๆๆๆๆ..ทำไม...อึก..ทำไมมันต้องโกหกด้วยยยยย"
"ใจร่มๆน้องรัก พี่ว่างานนี้ต้องสืบ!!!"
"ยังไงครับ"
"จับให้ได้คาหนังคาเขา กระทืบให้มิด"ท่าทางประหนึ่งเรียกขวัญกำลังใจเพื่อไปออกรบของกิจจาทำเอาอบเชยแอบขนลุก จะตามจับกิ๊กมีมันเป็นวาระระดับชาติขนาดนี้เลยหรอ
"อะ..เอาอย่างนั้นเลยหรอครับ"
"อืม โทรหาไอ้พะโล้ดิ ถามว่าวันนี้มันจะไปไหน"อยเชยยกมือขึ้นดูนาฬิกาที่บอกเวลาเลิกเรียนตามตารางเรียนของแฟนหนุ่มแล้วจึงกดเบอร์โทรที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
"ว่าไงครับแฟน"
"เอ่อ...พะโล้อยู่ไหน?"
"เพิ่งเลิกมีอะไรรึป่าว ทำไมทำเสียงเครียดจัง เรียนหนักหรอ"ยาวเป็นชุดสมกับเป็นพะโล้ของอบเชยจริงๆนี่ถ้าคนอื่นมาเห็นคงคิดว่าผีบ้าเข้าสิงเดือนคณะวิศวะผู้เป็นเจ้าชายน้ำแข็งแน่นอน
"ป่าวๆ แล้วจะมารับกี่โมง"
"เอ่อ...อบเชยวันนี้กลับเองได้ไหม"
"ทำไม"น้ำเสียงเข้มขึ้นบ่งบอกว่าไม่พอใจระดับสิบทำเอาพะโล้ลอบกลืนน้ำลายลงไปหลายอึก
"พอดีวันนี้มีเรียนต่อ"
"หืม??"
"กระทันหันหน่ะ"
"อืม ช่างเถอะงั้นเรากลับเลยนะ"
"ค้าบบบ ถึงแล้วโทรมาบอกด้วย ดูแลตัวเองด้วยนะ"
"ครับ"หลังจากวางสายพี่รหัสสายเสือกก็รีบเข้ามาคาดคั้นทันที ส่งนแผนต่อไปคือการตามไปแอบดูถึงตึกคณะ
"เอาจริงหรอพี่กิจ"
"เองถามตั้งแต่อยู่หน้าตึกเภสัชจนมาถึงหน้าวิดวะแล้วเนี่ย"
"ผมว่าเรากลับเถอะ ผมเชื่อพะโล้ก็ได้"
"โอ๊ยยยจะยอมเป็นวัวเป็นคะ....พะโล้"
"หืม?"อบเชยหันไปตามนิ้วของพี่รหัสที่ชี้ไปทางลานจอดรถ นั่นรถของพะโล้ไม่ผิดแน่นอน แต่ที่ผิดคือที่นั่งข้างคนขับไม่ใช่เขาแต่เป็นผู้หญิงถักผมเปียหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอด แถมยังพูดคุยไม่หยุดปาก แม้ว่าพะโล้จะไม่ได้พูดอะไรก็ตามแต่ก็นิ่งเฉยไม่เอ่ยห้ามปราม
"ทำไม"น้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนถามตัวเองดังออกมาจากริมฝีปากบางอมชมพูที่พะโล้เคยบอกว่าน่ากินเสียเหลือเกิน
"ตาม!!!"
"ห๊าาาส"ไม่ทันตั้งตัวกิจจาก็ลากอบเชยขึ้นรถของตนก่อนจะขับตามไปในระยะประชันชิด ส่วนอบเชยที่นิ่งอึ้งเหมือนเพิ่งได้สติ น้ำตาหยดเล็กๆที่คลอหน่วยตากำลังตะไหลลงมาดูน่าสงสารในสายตากิจจา
"ใจเย็นๆก่อน ดูให้แน่ใจค่อยร้อง จะรีบร้องไปไหน"
"แต่พะโล้โกหก"
"ก็ต้องเคลียร์ให้จบ"รถคันหรูของพะโล้หยุดลงที่หน้าตึกการโรงแรม หญิงสาวคนสวยเดินลงจากรถด้วยท่าทีเริงร่า ส่วนพะโล้ที่ยังคงทำหน้าเรียบเฉยดูจะหงุดหงิดกับอะไรสักอย่าง ก่อนจะก้มลงกดโทรศัพท์
ครืดดดดดด
"พะโล้โทรมา"อบเชยสะดุ้งสุดตัวเมื่อคนที่ตนกำลังตามอยู่โทรเข้ามือถือ
"รับซิ"
"ฮะ...ฮัลลโหล"
"ยังไม่ถึงคอนโดหรอ"
"ออกมาทานข้าวกับพี่กิจหน่ะ"
"อืม รีบทานรีบกลับล่ะ"
"ครับ..."
"งั้นแค่นี้นะ"
"เด่ว!!!!"
"หืม?"
"ป่าวๆ ตั้งใจเรียนนะ"น้ำเสียงสั่นเหมือนคนจะร้องไห้ทำเอาพะโล้ต้องขมวดคิ้ว เมื่อฟังเสียงแฟนตัวเองที่แผ่วเบาก่อนจะวางสายลง
"ไม่ไหวว่ะพี่กิจ พาผมกลับเถอะครับ"
"ไหนๆก็มาขนาดนี้แล้ว บุกซิว่ะ"ขาลุยอย่างพี่กิจอาจมองว่าง่ายแต่ในสายตาของอบเชยกลัยมองว่ายากเหลือเกินแค่กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลก็ดูจะยากจนเสียพลังงานไปเยอะแล้ว และถ้าเกิดตามพะโล้ไปจริงๆแล้วสิ่งที่เขาคิดมันเป็นจริง เขาจะยอมรับมันได้หรอ เขาจะยังส่งยิ้มให้พะโล้ได้หรอ เขาพร้อมที่จะยอมรับความเสียใจได้หรอ
"อืม"หลังรับคำคนร่างบางถูกพี่รหัสลากเจ้ามาในตึกคณะที่ขึ้นชื่อว่าสาวสวยที่สุดในมหาลัยอย่างคณะบริหารและการโรงแรม
"นั่นไง"อบเชยมองไปทางคนสองคนที่เดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่งพวกเขาจึงรีบเดินเข้าไปดูตรงกระจกบานเล็กที่ประตูห้อง ภายในไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยนอกจากคนสองคนมี่ยืนหันหลังให้ประตูและกำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรสักอย่างอยู่
"สมัยนี้เขาเดทกันแปลกๆเนอะ"
"พูดเหมือนพี่แก่เลยนะครับ"
"ก็ตอนพี่ไอ้ช้างมันตีหัวแล้วลากเข้าห้องเลยนี่หว่า"
"จริงดิพี่"
"กูล้อเล่นไหมล่ะ ใครจะบ้าตีหัวกูแค่เดินตามมันเข้าห้องเฉยๆ"
"มันใช่เวลามาเล่นไหมเนี่ยพี่กิจ"กิจจายักไหล่ก่อนจะช่วยกันแอบมองหญิงหนึ่งชายหนึ่งที่กำลังง่วงอยู่กะบการทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะเห็นเหมือนพะโล้สะดุ้งเล็กน้อยแล้วผู้หญิงตัวเล็กๆข้างๆก็พยายามเขย่งเพื่อดูอะไรบนใบหน้า แต่ทำไมใบหน้าของทั้งสองค่อยๆเข้าใกล้กันจนอบเชยแทบจะทนดูไม่ได้น้ำตาหยดใสกลิ้งลงมาจากดวงตาคู่สวย พร้อมบอกตัวเองว่าเข้มแข็งไว้อบเชย เขาต้องใจเย็นๆ
"ทำอะไรกัน!!!!!"เขาใจเย็นแต่ดูท่าพี่รหัสเขาคงไม่เย็นไปกับเขาด้วยแน่ๆ
"เฮ้ยยย!!!"
"ทำอะไรกัน นี่ในมหาลัยนะไม่อายเจ้าที่เจ้าทางบ้างรึไง ทำอะไรไม่อายฟ้าอายดิน ผู้ชายก็มีแฟนอยู่แล้วยังทำตัวกินไม่เลือก ผู้หญิงนี่ก็จะขยันอ่อยไปไหน เรื่องเรียนขยันแบบนี้ไหม ตกลงมาเรียนรึมาหาผัว...."ตกลงนี่พะโล้มีกิ๊กรึพี่ช้างมีกิ๊กกันแน่ ทำไมดูพี่กิจจาจะอินจัดเสียจนอบเชยต้องรีบดึงตัวไว้ก่อนจะเข้าไปกระซวกไส้สาวสวยแน่งน้อยที่ยืนทำตาปริบๆเหมือนกำลังงุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า
"พี่กิจใจเย็นๆก่อนครับ"
"จะเย็นยังไงไหวล่ะอบเชยดูมันยังมาทำหน้างงไม่สำนึกอีกว่ามาแย่งของของคนอื่น"
"เอ่อ...คือพี่กิจครับ"
"อะไร!!"
"พะโล้แฟนผมครับ ไม่ใช่พี่ช้างเน้อ"
"เอ่อ...พี่ลืมตัว เห็นคนนอกใจแล้วมันขึ้น"
"เดี๋ยวนะครับ นอกใจ?ใครรนอกใจใคร? เกิดอะไรขึ้น?แล้วทำไมทั้งสองคนมาอยู่ที่นี่"
"ก็คือ..."
"ก็ตามมาจับกิ๊กนายไงล่ะพะโล้คาหนังคาเขาเลย"ตกลงพะโลเป็นแฟนเขารึเป็นแฟนพี่กิจจากันแน่อบเชยชักไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆคือกิจจากำลังโมโหอย่างมากประหนึ่งตนเองเป็นร่างทรงของอบเชยทำเอาคนร่างบางแอบขยับเข้าหาแฟนหนุ่มอย่างเคยชิน
"ใจเย็นๆก่อน ใครกิ๊กผม"
"ก็ชะนีแน่งน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆนายไง"
"หะ!!! น้ำหวานอ่ะนะ"พะโล้เบิกตากว้างก่อนจะชี้ไปที่หญิงสาวร่างบอบบางที่ยืนเบิกตากว้างไม่ต่างกัน ก่อนจะเริ่มหรี่ลงแล้วแอบยกยิ้มที่ดูน่ารักและน่ากลัวไปในเวลาเดียวกัน
"จะน้ำหวาน น้ำตาล น้ำทิพย์น้ำเน่าห่าเหวอะไรก็ชั่งยังไงก็กิ๊กแก ต่อไปนี้ห้ามยุ่งกับน้องรหัสกูอีก ไปอบเชยกลับ!!!!"ทำไมอะไรกฌดูจะรวเร็วไปหมดจนอบเชยเริ่มจะตามไม่ทัน แต่ยังไม่วายหันไปมองขอคำอธิบายจากพะโล้
"คิดแบบนั้นหรืออบเชย"เสียงนุ่มทุ้มที่ดูจะเริ่มเข้าใจอะไรรางๆเอ่ยออกมาอย่างเคร่งเครียด
"ปะ...ป่าว"
"แล้ว?"
"เราแค่สงสัยและต้องการคำอธิบาย พะโล้ให้เราได้ไหม"อบเชยค่อยๆแงะแขนตนเองออกจากพี่รหัสที่ยืนเหวี่ยงอยู่คนเดียวก่อนจะเดินเข้าไปตรงหน้าพะโล้
"ไม่เชื่อใจเรา?"
"ถ้าเราไม่เชื่อเราจะมายืนอยู่ตรงนี้ไหม ถ้าเราไม่เชื่อเราจะมาขอให้พะโล้อธิบายไหม พะโล้แค่แปลกไปเราอยากได้แค่คำอธิบาย"อบเชยพูดพร้อมน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วยตาใสๆ เขาไม่ใช่ไม่เชื่อใจพะโล้เพียงแต่อยากรู้เหตุผล และสาเหตุต่างๆนานาที่ทำให้ช่วงนี้พะโล้เปลี่ยนไป
"แฟนพี่หรอ"น้ำเสียงใสกังวาลเอ่ยออกมาทาท่ามกลางความเครียด
"เสือก"เสียงที่แทรกเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่กลับเป็นของพี่รหัสตัวดีของอบเชยที่ยืนตั้งท่าเตรียมพร้อมอยู่ด้านหลังอบเชยใครกล้าทำร้ายน้องเขาพ่อจะเล่นไม่ยั้ง!!!!
"อืมนี่อบเชยแฟนพี่"
"สวัสดีค่ะ น้ำหวานปีหนึ่งการโรงแรม น้องสาวพี่พะโล้ค่ะ"ใบหน้าสวยหวานยกยิ้มเป็นมิตรส่งมาให้อบเชยที่ยืนทำหน้าอึ้ง
"น้องสาว??"
"จะเรียกว่าน้องสาวเลยก็ไม่ถูกค่ะ เป็นลูกพี่ลูกน้องค่ะ พอดีหวานเพิ่งกลับจากต่างประเทศอยากกลับมาเรียนต่อที่ไทย แต่กลับมาก็กลางเทอมพอดี กว่าจะได้เข้าที่นี่ก็แทบแย่เหมือนกัน"
"....."
"น้ำหวานเป็นลูกสาวป้าหน่ะ เขาเพิ่งเข้าเรียนช่วงนี้พะโล้เลยวุ่นวายนิดหน่อย"
"แลกกับ..."
"น้ำหวาน!!!"เสียงเข้มดุดันเอ่ยออกมาก่อนจะส่งสายตาคาดโทษไปที่หญิงสาวผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องที่ทำให้เขาต้องมาตกที่นั่งลำบากอยู่ตอนนี้ แต่ยังไม่สามารถว่ากล่าวอะไรได้มากเพราะตนยังติดให้หญิงสาวช่วยอะไรบางอย่าง
"บอกไปเถอะยังไงก็จับได้แล้ว ไม่ล่มหรอกพี่ทำมาขนาดนี้แล้ว"
"....."
"เชื่อหวานเถอะ"พูดจบหญิงสาวก็ถอดผ้ากันเปื้อนก่อนจะเดินหายเข้าไปในมุมนึงแล้วออกมาพร้อมเค้กหน้าตาน่ารับประทานก้อนหนึ่ง ซึ่งกน้าเค้กเขียนประโยคที่ทำให้อบเชยถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความยินดีไว้ไม่อยู่
"ครบรอบที่เราคบกันแล้ว ปีนี่พะโล้ไม่มีอะไรจะให้นอกจากเค้กและ..."แหวนทองคำขาวเกลี้ยงวงหนึ่งถูกหยิบออกจากกล่องแหวน ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าอบเชย
"อยู่เป็นหัวใจของพะโล้ตลอดไปได้ไหมครับ"
"อะ..อืม..ฮึก...อึก...ฮึก..ฮืออออพะโล้"
คนร่างบางโผเข้ากอดพะโล้พร้อมน้ำตาอย่างไม่อายใครก่อนที่ชายหนุ่มจะสวมแหวนที่เปรียบเหมือนคำสัญญาแทนใจให้แก่อบเชย
"ไม่ร้องแล้วเด่วตาช้ำหมด"
"ดีใจ"
"ครับ"
"ขอบคุณนะ"
"อืม"
"แหวนพะโล้ล่ะ"อบเชยค่อยๆบรรจงสวมแหวนอีกวงที่วางอยู่เคียงข้างกันในกล่องกำมะหยี่ให้กับพะโล้ รอยยิ้มที่พะโล้สัญญากับตัวเองมาตลอดว่าจะรักษามันไว้อย่างดีที่สุด
"รักอบเชยนะครับ"
"รักพะโล้มากๆเหมือนกัน"ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองแฟนหนุ่มของตนด้วยความทราบซึ้งในหัวใจ
"Happy ending"
"อืม ขอบใจนะน้ำหวาน"
"ไม่เป็นไรพี่ชาย..พี่สะใภ้ลองชิมเค้กฝีมือพี่พะโล้ไหมค่ะ"อบเชยที่กำลังเขินกับสรรพนามใหม่ถึงขั้นต้องเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนทำเค้กก้อนสวยก่อนจะหันไปขอคำยืนยันที่ไม่ทันได้ออกจากริมฝีปากได้รูปก็พอจะเดาได้ว่าเป็นจริงตามคำพูดของหญิงสาว เพราะใบหน้าแดงกำที่ลามไปถึงใบหูเป็นสิ่งยืนยันที่ชัดเจนที่สุด
"ขอบคุณนะ"
"เต็มใจครับ"
"สรุปที่ทำตัวมีพิรุธน่าสงสัยจนอบเชยมันฟุ้งซ่านคือแค่มาเรียนทำเค้กเซอร์ไพร์มันว่างั้น"เสียงจากบุคคลที่เงียบมานานดูท่าจะเพิ่งได้สติดังออกมา
"ครับ"
"เงิบเลยงานนี้ คดีพลิก"
"ขอโทษนะครับที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน"อยเชยเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิดในความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง
"ไม่เป็นไรๆๆ พี่ก็ต้องขอโทษทุกคนด้วย โดยเฉพาะน้องน้ำหวานที่พี่ใส่ซะเต็มที่ไม่มีกั๊ก"
"ไม่เป็นไรคร่าาาาา น้ำหวานชอบมันส์ดี"
"พิศดารนะเรา"
"น้ำหวานเป็นแฟนคลับช้างกิจค่ะ คู่พี่ฮาดีน้ำหวานชอบ หวานเลี่ยนแบบพี่พะโล้กับพี่อบเชยนี่ไม่ไหวเบาหวานจะขึ้นตาเอา"
"แบบนี้ก็ได้หรอ"แล้วทั้งสี่คนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน บทเรียนสำหรับอบเชยในวันนี้คือความเชื่อใจที่มีให้แก่พะโล้ บางอย่างมากไปก็ไม่ดีแต่น้อยไปก็ทำให้ทุกอย่างแย่ลงได้เช่นกัน
......................
อยู่ๆพะโล้กับอบเชยก็โผล่มา ทำงานแล้วเครียดแต่งนิยายแทนดีกว่า ขอเพ้อฝันแปบ5555 บอกแล้วว่าพ่อพระเอกเรื่องนี้มาสายหวาน ลองแต่งแต่งดราม่า ฮาเฮ เอสเอ็มแล้วไม่รุ่งจริงๆค่ะ ขอแปะโป้งเป็นพระเอกคนอื่นแทนเนอะ สุดท้ายนี้ชอบไม่ชอบอย่างไรเม้นไว้ให้อ่านเพื่อปรับปรุงได้จ้าาาา
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
นึกว่าจะได้กินมาม่า ที่ไหนได้รถอ้อยคว่ำอ่ะ :-[ :-[ :-[
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
หวานตลอดเลยคู่นี้
-
กำลังน่ารัก...ตัดจบดัง 'ฉับ' เลย!!!
ขยายเป็นเรื่องยาวเถอะ น่ารักมาก :m3: :mc2:
-
ฮัลโหลวววววว วันนี้เอานิยายมาเร่ขายค่ะ ไปอ่านเถอะ 'สมาคมพ่อบ้านใจกล้า'
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63090.0
เอาเรื่องนี้ไปฝากเรื่องโน้น แล้วเอาเรื่องโน้นมาฝากเรื่องนี้ เจ๊ากันดีเด้อ☺️
เป็นเรื่องสั้น จบในตอน มีหลายเรื่อง ไม่ค้างคาแน่นอน
เช่าที่แค่ครึ่งนาที ฝากโฆษณาแค่นี้ก็พอเนอะ ไปอ่านกันนนนน
-
น่ารักมากเลยอะ ละลายแล้ววว :-[
-
น่ารัก :m1: :m1: :m1:
-
น่ารักๆ
-
น่ารัดจังเลย อบเชอยกับพะโล้ งุ้ยยยย
-
น่ารักๆ :L1: :pig4:
-
In side พะโล้ อบเชย
อกไก่ต้องหมัก อกหักต้องหาใหม่
"อย่าร้องเลยตังเต ใจเย็นๆค่อยๆคิด"
"ฮึก...อึก...ฮืออออออ"
"แค่อกหักไม่ตายหรอก"
"พี่กิจจจจจ ฮืออออออออออ"
"โว๊ยยยหนวกหู รีบๆทำให้น้องสุดที่รักของมึงหุบปากเลยนะอบเชย ถ้าทำไม่ได้กูจะเอาตีบอุดปากมันให้"
"ใจเย็นๆพี่กิจ"
"เย็นไม่ไหวแล้วเว้ยยย นั่งฟังมันร้องไห้มาจะชั่วโมงนึงแล้ว กูอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง" อบเชยหันมามองคนที่นั่งร้องไห้ข้างๆอย่างจนปัญญา ส่วนพี่กิจก็ดูจะหัวเสียมากเมื่อเสียงคร่ำครวญของตังเตรบกวนสมาธิการอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องโปรด คนที่ควรจะประสาทเสียน่าจะเป็นอบเชยเสียมากกว่า แต่คนร่างบางกลับทำเพียงแค่ถอนหายใจหนักอย่างไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้ยังไง
"ก็ตังเตเสียใจ"
"มึงเป็นเด็กสองขวบรึไง ถึงมานั่งร้องไห้เอาของเล่นแบบนี้"
"ไม่ได้อยากได้ของเล่น แต่อยากได้ผู้ชายคืน" เอากับไอ้เด็กตังเตนี่ซิ ไม่รู้ว่าจับพลัดจับพลูยังไงถึงได้ไอ้เด็กนี้มาเป็นน้องชายสุดที่รักซะงั้น จากที่ทะเลาะกันเรื่องพะโล้ เห็นถึงความแสบปนความน่าสงสาร ก็อดจะเอ็นดูมันไม่ได้แถมมันยังเป็นน้องรหัสพะโล้จะให้ใจจืดใจดำก็ยากอยู่ มันดูจะขัดนิสัยอบเชยเสียด้วย
"เอากับน้องรักมึงซิอบเชย ร้องหาผู้ชาย เป็นชะนีร้องหาผัวเลย"
"ลองให้พี่ช้างทิ้งพี่กิจดูบ้างไหมล่ะ"
"อ้าวไอ้นี้ปากเสีย วอนโดนกระทืบแล้วไหมล่ะ"พี่กิจเอาหนังสือการ์ตูนตีหัวตังเตอย่างหมันไส้ แม้คู่นี้จะทะเลาะจิกกัดกันประจำ แต่อบเชยก็รู้สึกได้ถึงความเอ็นดู และความเป็นห่วงตังเตจากพี่กิจ รวมทั้งเห็นถึงสายตาชื่นชมจากตังเตด้วย แต่บางครั้งพี่กิจก็ควรจะลดเรื่องความปากหมาลงบ้างให้เหมาะกับหน้าตาเสียหน่อยก็คงจะดี
"ตังเตเสียใจอยู่นะ"
"ผู้ชายคนเดียว หาใหม่ก็ได้"
"พี่อบชย กับพี่กิจโชคดีจังได้แฟนที่รักเราจริง"อบเชยกับกิจสบตากันก่อนจะหันไปมองน้องชายที่หยุดร้องไห้ แต่ยังมีอาการสะอื้นเล็กน้อย และนั่งเหม่อมองออกนอกโรงอาหาร วันนี้ฝนตกหนักเข้าหน้าฝนอย่างเต็มรูปแบบ เหมาะกับบรรยากาศแสนเศร้าของตังเตมาก
"มึงอย่าคิดจะวิ่งออกไปทำเอ็มวีกลางสายฝนเชียวนะ ฟ้าผ่านะมึง"
"ผมรู้หน่าพี่กิจไม่ได้โง่ เรียนวิศวะนะครับ"
"กูก็นึกว่าจับฉลากเข้าได้"
"ใครจะไปเก่งเหมือนพี่ล่ะ รึว่าผมควรแย่งพี่พะโล้ ไม่ก็พี่ช้างมาเป็นแฟนดี"
"มึงนี่พูดวอนโดนถีบตลอดเลยเนอะ"แม้จะรู้ว่าตังเตพูดเล่นแต่อบเชยก็อดจะวูบโหวงไม่ได้เมื่อคิดว่าวันนึงจะไม่มีพะโล้อยู่ข้างกาย
"....."
"อ้าวไอ้นี่ก็คิดมาก คิดตามเด็กโง่มันพูดอีก"
"ก็เรื่องมันเคย..."
"ตังเตขอโทษนะพี่อบเชย"
"อืม"ใบหน้าสำนึกผิดอย่างจริงจัง และจากการพิสูจน์ตัวเองมาตลอดของตังเตแสดงให้เขาอุ่นใจแล้วว่า ตังเตไม่ได้คิดจะแย่งพะโล้ไปเหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ในดวงตาใสมีเพียงแค่แววตาเคารพชื่นชมพวกเขาทั้งสองคนมากกว่า
"เมื่อไหร่ผมจะเจอคนที่ใช่สักที เหนื่อยแล้วกับการวิ่งตามคนอื่นแบบนี้"
"ก็เลิกวิ่งตาม ความรักไม่ใช่ความพยายามแต่เป็นความเข้าใจ ถ้ามันจะมาไม่ต้องวิ่งตามมันก็มาหาเอง"
"รู้สึกเป็นครั้งแรกที่พี่กิจพูดมีสาระ"
"อุว่ะไอ้เด็กนี้กูไปดีกว่า อยู่กับแม่งแล้วประสาทจะแดก"พี่กิจรีบแบกกระเป๋าตัวเองแล้ววิ่งไปหาพี่ช้างที่กำลังเดินลงจากตึกเรียนมา วันนี้พี่ช้างมีเรียนแลปซึ่งของพี่กิจเรียนไปแล้วเมื่อวาน จึงมีเวลามานั่งฟังตังเตพร่ำเพ้อเป็นเพื่อนเขา
"แล้วพี่พะโล้จะมารับพี่เมื่อไหร่อ่ะ ผมจะได้กลับ"
"อ้าวนี่รอเป็นเพื่อนพี่หรอ"
"ก็ใช่ไง ยังไม่อยากกลับหออ่ะกลัวฟุ้งซ่าน" อบเชยขยี้ผมนุ่มของตังเต แล้วพิจารณาว่าคนที่เลือกจะทิ้งเด็กน่ารัก ตรงหน้าเขาไปช่างเป็นคนที่สิ้นคิดที่สุด แม้ตังเตจะดูนิสัยแรงไปบ้าง แรดไปบ้างกวนประสาทมากหน่อย บ้าบอไปนิด แต่ถ้าได้ใกล้ชิด และสัมผัสตัวตนจริงๆ เด็กคนนี้มีความน่ารัก ร่าเริงสดใสอยู่ในตัวเอง ใครอยู่ด้วยก็ให้ความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ติดจะดูดีเสียด้วยซ้ำ
"แล้วตกลงที่มานั่งร้องไห้ตั้งนาน พี่ยังไม่รู้เลยตังเตเป็นอะไร"
"ก็อกหักไง"
"ก็รู้ว่าอกหัก แต่อยากรู้ว่าใคร อะไร ยังไง"ตั้งแต่มันเดินมาร้องไห้โฮกลางโรงอาหารคณะเภสัช ทำเอาพวกเขาไม่เป็นอันทำอะไรต้องมานั่งปลอบมันโดยที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ มันพูดเพียงแค่ ผมอกหัก ซ้ำไปซ้ำมาจนแทบจะเก็บเอาไปฝัน จนจะร้องไห้ตามมันอยู่แล้ว
"พี่อบเชยก็ขี้เสือกเหมือนกันเนอะ"ถ้าไม่ติดว่าตามันแดงๆดูน่าสงสารและทำตัวกวนตีนกลบเกลื่อนล่ะก็มีวางมวยกันสักตั้ง สงสัยยังไม่จดจำฤทธิ์เดชไอ้อบเชยคนนี้เสียแล้ว
"เดี๋ยวเรียกพี่กิจมาเตะปากแตกเลย"
"ร้ายว่ะ ยืมมือคนอื่นฆ่า มือตัวเองจะได้ไม่เปื้อนเลือด"
"หึๆๆๆ"
"โอเคๆๆเล่าแล้วๆ" ตังเตเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้อบเชยที่นั่งฟังอย่างเงียบๆ เริ่มจากเด็กหนุ่มอกหักจากพะโล้ วันนั้นจึงไปปาร์ตี้ตามคำชวนของเพื่อนที่คณะ แต่เหตุการณ์มันเหนือการควบคุมของตังเต คือการที่ตัวเองเมาหนักและได้ตื่นขึ้นข้างๆผู้ชายคนหนึ่งโดยที่ร่างกายโป๊เปลือย ถึงตังเตจะดูแรด และแรงแค่ไหน แต่ก็ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใยอยู่นะ แม้ว่าตอนเล่าให้อบเชยฟังชายหนุ่มทำหน้าดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อเสียเท่าไหร่แต่ให้ไปสาบานวัดไหนก็ได้ว่าเขายังไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครเลย เพราะเขากลัว
ใช่ความกลัวนี่แหละทำให้ต้องอกหักอยู่ร่ำไป หลังจากที่รู้สึกตัวถีบไอ้ผู้ชายที่ไม่รู้จักตกเตียง ก็หันกลับมาร้องไห้ไว้อาลัยกับความบริสุทธิ์ของตัวเองที่รักษามาตั้งนาน ก่อนจะหันไปเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้ชายที่ทำหน้าเหวอ ผมยุ่งและยังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น จะว่าไปการมีอะไรกับคนอื่นก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บสักเท่าไหร่ แค่ปวดๆตัว บวกกับอาการแฮงค์หนักเฉยๆ ที่เหลือตังเตรับไหวสบายหายห่วง
"แล้วผู้ชายคนนั้นทำยังไง รับผิดชอบไหม แล้วทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองกินจนเมาไม่ได้สติขนาดนั้นได้ยังไง ถ้าติดโรคขึ้นมาล่ะ"
"บ่นเป็นแม่"
"กวนตีนอีกแล้ว"
"จะเล่าต่อนี่ไง ผมสำนึกผิดแล้ววันหลังจะไม่ดื่มหนักขนาดนั้นอีกแล้วค้าบบบบ"
หลังจากโวยวายจนหายช้ำใจก็เริ่มได้สติ เรียกร้องหาความยุติธรรมอย่างจริงจังจนผู้ชายคนนั้น ตกกระไดพลอยโจรกลายเป็นแฟนเขาด้วยความงง หลังจากวันนั้นก็ทำตัวเหมือนแฟนทั่วไป ติดแค่มีเวลาเจอกันน้อยครั้ง เพราะผู้ชายคนนั้นอยู่คนละมหาลัย จนล่าสุด ผู้ชายคนนั้นพาเขาไปที่คอนโดและพยายามจะขอมีอะไรด้วย แต่เขาไม่ยอม จึงทะเลาะกันใหญ่โตสุดท้ายก็โดนบอกเลิก ทั้งๆที่เพิ่งคบกันได้ไม่นาน และที่ทำให้ตังเตเสียใจและเจ็บใจมากที่สุด คือ ผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้ทำอะไรตังเตเลย วันนั้นแค่เมาแล้วก็นอนหลับไปเฉยๆ
"อ้าว แล้วจะเสียใจทำไม"
"ก็เสียดายเวลาอ่ะ"
"ตกลงรักเขาไหม"
"ไม่รู้ซิพี่อบเชย ตังเตสับสน ตอนนั้นผมรู้สึกว่ารักเขาเพราะเขาคือคนแรกของผม ผมพยายามทำทุกอย่างให้เหมาะกับการเป็นแฟนที่ดีแต่ พอได้รู้ความจริงเหมือนมันเจ็บใจ เสียดายเวลา เสียดายความทุ่มเท ความรู้สึกที่มีให้ผู้ชายแบบนั้น "
"พี่ว่าก็ถือว่าตังเตโชคดีนะที่หลุดพ้นจากผู้ชายคนนั้น"
"แต่ตังเตก็เสียใจอยู่ดี"แม้จะหยุดร้องไห้คร่ำครวญแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกเสียใจ เขาไม่น่าไปหลงเสียเวลากับคนแบบนั้นเลย
"ถือว่าฝาดเคราะห์ ถือว่าเสียเวลาเล่นกับหมาไป เหมือนเลี้ยงหมาอ่ะอย่าไปคิดมาก"
"บางทีผมก็สงสัยว่านิสัยจริงๆพี่อบเชยเป็นยังไง บางทีก็ดูเรียบร้อยน่ารัก แต่บางที่ก็แรงจนผมยังกลัว"
"คิดมาก"อบเชยหัวเราะเมื่อเห็นตังเตทำใบหน้าหวาดผวาในตัวเขา
"อบเชย"
"อ้าวพะโล้ เลิกแล้วหรอ"
"อืม"
"พี่พะโล้หวัดดีครับ"
"หวัดดี ไม่มีเรียนรึไงมึง ถึงมานั่งกวนแฟนกูอยู่เนี่ย"พะโล้ที่เดินตัวเปียกมาพร้อมกับร่มในมือ สงสัยว่ามันกางร่มเดินมาจริงรึป่าวทำไมตัวถึงได้เปียกไปครึ่งนึง
"เรียนเสร็จตั้งนานแล้วเถอะ มานั่งปรับทุกข์"
"เรื่องอะไร"พะโล้ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินน้องรหัสตัวเองเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าเศร้าหมองที่นานๆที่จะเห็นมันจากตังเตที่แสนจะกวนตีนสำหรับรุ่นพี่
"อกหัก"
"จากไอ้เหี้ยนั่นอ่ะนะ"
"อ้าวแฟนรู้ด้วยหรอ แล้วทำไมไม่บอกเรามั่ง"
"รู้ แต่ไม่อยากเสือก เรื่องของใครของมันโตแล้วดูแลตัวเองได้แล้ว"
"แต่น้องโดนมันหลอกนะ"
"แล้วไปโง่โดนมันหลอกได้ไง เสียชื่อสถาบันหมด นี่มึงจับฉลากเข้ามาเรียรึไง"
"ทำไมด่าเหมือนพี่กิจเลย โฮๆๆๆๆๆๆๆ โฮกกกกกกกกก เสียใจ"
"มึงไปเรียนเอกการแสดงเถอะ"พะโล้ตบหัวน้องรหัสตัวเองด้วยความหมันไส้ ก่อนที่ตังเตจะย้ายข้างไปนั่งเกาะอบเชยอย่างน่าสงสาร แล้วมีหรอที่อบเชยจะนั่งเฉย เลยต้องส่งสายตาดุแกมห้ามปรามไปที่พะโล้ ส่วนไอ้เด็กแสบก็แลบลิ้นปลิ้นตาให้พะโล้หมันไส้อีกเป็นเท่าตัว
"นับวันยิ่งเหมือนแม่ลูก"
"พะโล้!!!!!"
"พูดแล้วก็อยากมีลูก กลับกันเถอะไปทำลูกกัน"
"พะโล้/พี่พะโล้!!!!!"ทั้งสองคนแม่ลูกกอดกันหน้าแดงอายกับคำพูดขวานผ่าซากไร้ยางอายของพะโล้ แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกอะไรทำเพียงแค่ลากอบเชยลุกขึ้นเพื่อกลับบ้าน
"ตังเตกลับยังไง ให้พวกพี่ไปส่งไหม"
"คนละทางเลยพี่อบเชย ตังเตกลับเองได้สบายมาก" ฝนตกขนาดนี้จะไม่สบายเสียมากกว่า แต่ตังเตไม่อยากรบกวนเวลาพี่ทั้งสองคนมากไปกว่านี้ เด็กหนุ่มจึงทำเพียงแค่ส่งยิ้มสดใสไปให้คนทั้งสอง
"แน่ใจนะ"
"สบายมากครับ"
"อืม"
"อ้าวคู่รักในตำนานยังไม่กลับกันอีกหรอ"เสียงทุ่มต่ำดังออกมาพร้อมการปรากฎตัวของเดือนคณะเภสัชที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงมาด้วยสภาพโทรมแต่ยังคงความน่ามองไม่เปลี่ยน
"กำลังจะกลับ แล้วจีนล่ะ"
"เพิ่งลงแลปเสร็จ แล้วนี่ยืนประชุมเพลิงอะไรกัน"
"กำลังจะกลับแล้ว"
"เออ งั้นกลับดีๆ รีบๆไปผัวอุตส่ามารับ"
"บางทีปากจีนก็น่าตบเหมือกันเนอะ"
"เดี๋ยวนี้แรงว่ะอบเชย"
"เป็นมาตั้งนานแล้ว"
"หึๆๆ"
"เอ่อ...งันผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" ตังเตเอ่ยขัดขึ้นมาก่อนเพราะเขาเห็นว่าฝนเริ่มซาลงแล้วกลับตอนนี้คงไม่เปียกมาก
"อ่าาา ใช่!!! จีนมายังไง"
"ขับรถมา"ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ส่วนพะโล้ยกยิ้มเหมือนเดาอะไรได้รางๆ
"งั้นรบกวนไปส่ง ตังเตหน่อยได้ไหม ฝนมันตกอันตรายด้วย ไหนๆหอจีนก็ไปทางเดียวกับหอตังเต ฝากไปส่งน้องด้วยได้ไหม"
"ขอร้องกันด้วยสายตาแบบนี่ใครจะไปกล้าปฏิเสธ"
"งั้นแสดงว่าตกลง"
"เอ่อ...ความจริงผมกลับเองได้ครับ"
"อวดเก่ง"จีนเอ่ยขึ้นหลังจากที่ตังเตพูดกับอบเชยและพะโล้ เขาไม่ได้อวดเก่ง แค่ไม่อยากรบกวนใครเท่านั้นเอง โดยเฉพาะคนไม่รู้จักกัน
"เอาตามนี้แหละ ถึงแล้วโทรบอกพี่ด้วย"
"ครับ ขอบคุณครับ"
"หออยู่ไหน"
"อยู่หอxxครับ"ตังเตบอกชายหนุ่มที่กำลังขับรถด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว พี่อบเชยเอาเขามาฝากไว้กับองค์คุริมารรึป่าว จะโดนตัดนิ้วไหม ทำไมถึงได้ทำหน้าโหดไม่สมกับที่เรียนเภสัชแม้แต่น้อย ถึงหน้าจะหล่อเหลาแต่ดูน่ากลัว ไม่เห็นเหมือนพี่พะโล้เลย ถึงจะเย็นชาแต่มีรังสีเจ้าชายทะลุออกมา
"ทำไมถึงเรียนเภสัชครับ"
"ถามทำไม"ก็รถมันเงียบกูอึดอัด แม้จะอยากเอ่ยแบบนั้น แต่มารยาทที่เคยเรียนมาถูกขุดขึ้นมาใช้อย่างทันท่วงที
"ก็หน้าตา ท่าทาง ทุกอย่างอ่ะพี่ไม่เห็นเหมาะกับเรียนเภสัช"
"มึงเหมาะกับเรียนวิศวะตาย"ตังเตแบะปากและไร้เสียงพูดคุยมีเพียงเสียเพลงในวิทยุดังมาเรื่อยๆเหมาะกับบรรยากาศวันนี้
"ทำไมตาบวม"เมื่อใกล้จะถึงหอพักของตังเต อยู่ๆชายหนุ่มก็เอ่ยปากถามขึ้น เขาไม่ได้ต้องการเสือกอะไรเพียงแค่เห็นมันทำหน้าอึดอัด บวกกับใบหน้าบวมๆตาบวมๆที่ดูก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ทำให้อดสงสารปนเอ็นดูไม่ได้ ไอ้เด็กนี้แม้จะทำตัวแสบแค่ไหน ก็ยังมีแต่คนรักคนเอ็นดูมันอยู่ดี
"ผมอกหักอ่าพี่จีนฮืออๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"เหมือนมีคนมาเปิดสวิตบ่อน้ำตายิ่งมีคนสนใจตังเตยิ่งรู้สึกอยากร้องไห้ ทำไมเขาต้องไปเสียเวลากับคนพรรคนั้นทั้งๆที่มีคนที่รักและห่วงใยตัวเองอยู่ใกล้ๆตั้งหลายคน
"แค่อกหัก ไม่ยักกะตายหรอก"
"พี่ไม่เคยอกหักรึไง"
"ก็เคยแต่เฉยๆๆ"
"แสดงว่าพี่ไม่เคยรักใครจริงๆเลยหน่ะซิ"ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตังเตพูด เด็กแสบนี่ก็พูดถูกเขาไม่เคยจริงจังกับใคร ถึงแม้จะไม่ได้เจ้าชู้ขนาดควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ก็ไม่ได้จริงจังกับใครเป็นพิเศษเรียกว่าเฉยๆกับทุกคนที่คบมาด้วยซ้ำ
"ไม่รู้ซิ คงงั้นมั้ง"
"ก็พี่ออกจะหล่อ รวย ดูดี เก่งจะหาใหม่เท่าไหร่ก็ได้"
"คนเราดูกันแค่นี้หรอ"
"แหงซิ ขนาดผมไม่ยอมมีอะไรกับแฟนมันยังบอกเลิกเลย ไม่งั้นผมไม่มานั่งสียใจเหมือนคนบ้าแบบนี้หรอก"
"งั้นแสดงว่านายรักแฟนคนนี้งั้นซิ"
"ป่าว"
"อ้าว"ทำเอางงไปชั่วขณะ จีนถึงกับต้องกุมขมับในความกวนตีนของไอ้เด็กนี้อยากจะไล่ลงจากรถก็สงสารมันไอ้ใบหน้าจิ้มลิ้มสีแดงระเรื่อ ดูจะทำให้เขาใจอ่อนยวยได้ไม่ยาก
"ก็แค่เสียดายเวลา เสียความรู้สึก เจ็บใจ เจ็บใจตัวเองด้วยที่ไปโง่อยู่ตั้งนาน"
"งั้นเลิกก็ดีแล้ว จะได้หายโง่ ถึงจะเคยโง่มานานอ่ะนะ"
"พี่ตีน!!!!"
"จีนไหมล่ะไอ้เด็กเปรด กูว่าจะสงสารแล้วเชียวรีบๆลงจากรถไปเลยก่อนที่กูจะถีบมึง"
"ใจร้าย"ใบหน้าขาวของตังเตงองุ้มลงก่อนที่เขาจะเปิดประตูพร้อมกระชับกระเป๋า อาการประหม่าบางอย่างทำให้จีนต้องเงยหน้ามามองและสบเขากับดวงตาแววาวราวลูกแก้วของตังเต
"เอ่อ...."
"......"
"ขอบคุณนะครับ"
"อืม" ตังเตเลือกที่จะปิดประตูและหันหลังเดินจากไปด้วยใจที่เต้นแรง บางทีอกหักก็ไม่ได้แย่เสมอไป
"ไอ้เด็กแสบเอ้ย!"เสียงจีนดังอยู่ในรถพร้อมรอยยิ้มที่ออกมาจากข้างใน อาการใจเต้นแรงเมื่อเห็นใบหน้าเขินอายตอนที่เด็กหนุ่มเอ่ยขอบคุณเขา บางทีชีวิตเขาก็ราบเรียบและเรื่อยเปื่อยเกินไปแล้ว
เช้าวันถัดมา
"ตังเต"
"พี่จีน!!"
"ขึ้นรถ เดี๋ยวเข้าเรียนสาย"
บางทีอกหักบ้างก็ดีจะได้มีอะไรใหม่ๆ อย่างที่เขาบอก อกไก่ต้องการคนหมัก แต่อกหักอ่ะต้องการคนใหม่
…………
นังตังเตตตตตตตจะมีคู่แล้ว(หรอว่ะ??) เอามาตัดเลี่ยน พะโล้กับอบเชย แค่อยากแต่งต่อเฉยๆเหมือนเวลลามีเรื่องอะไรแล้วมาแต่งเรื่องนี้ รู้สึกสบายใจดี แต่ยังไงก็ขอขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนะคะ
-
นว้องงงงงงงงงง :hao6:
-
:pig4: :pig4:
-
อะไร ยังไงนะคู่นี้ :z1: :z1: :z1:
-
:กอด1: :กอด1:
สนุกมากกก.. ชอบทุกตอนเลย o13 o13
-
น่ารักทุกตัวละคร พะโล้อบเชย ช้างกิจ จีนตังเต น่ารักกลมกล่อมไปหมดเอ็นดูแรงมากทุกคู่อ่านแล้วอมยิ้มไม่หุบอ่ะบอกเลยสดใสเฮฮาน่ารักวัยกระเตาะมาก 555555555 :impress2:
-
อาร๊ายยยยยยยตังเตจะได้ผู้ใหม่เร็วๆนี้ซะแล้วว งานพรีเมียมด้วย 55555 โอ๊ยยยยยสนุกกมากกกกกกกก อบเชยน่ารักใจดีอย่างที่บอกเลย เอาศัตรูหัวใจมาเป็นน้องรักได้ ฮ่าๆ พะโล้คนที่ไม่พูดกับเขาตอนเด็ก พอเป็นแฟนกัน ไม่คิดเลยว่าจะดีขนาดนี้ ดีใจกับอบเชยจริง เหมาะสมกันสุดๆ อ่านไปขำไป ตลกเวลาแต่ละคนคุยกันตอบโต้ไปมา ฮาดี ชอบทุกคู่เลย สนุกอ่ะสนุก ชอบค่ะชอบ :pig4: :pig4: