The Unfortunate Life of Daryl Shane
แท็ก: #ชีวิตบัดซบของคุณแดริล
บทนำ
ชีวิตบัดซบเมื่อคุณเป็นเกย์
ชีวิตบัดซบยิ่งกว่า เมื่อคุณเป็นเกย์ที่มีพ่อโหวตทรัมป์เป็นปธน. แม่เป็นคริสเตียนเคร่งศาสนา และพี่ชายถูกเกย์ควีนคุกคามในห้องล็อกเกอร์ทีมบาสชาย
เชื่อผมเถอะ ชีวิตไม่ได้ง่าย
ข้อแรก คุณพูดกับใครไม่ได้ คนใกล้ตัวที่สุดก็พูดไม่ได้ คนหนึ่งมองพวกรักร่วมเพศเป็นประชากรชั้นสอง อีกคนมองเป็นตัวบาป ส่วนอีกคนก็ขยะแขยง
ข้อที่สอง เมื่อคุณต้องซ่อนเรื่องนี้จากครอบครัว ที่พี่ชายซึ่งอายุห่างกันแค่สองปีไปโรงเรียนเดียวกันแล้ว กระทั่งที่โรงเรียนคุณก็ต้องแอ๊บแมนตลอดเวลา เดทเพื่อนเลสเบี้ยนบังหน้าทั้งๆ ที่มันสุดจะผิดผี
ข้อสุดท้ายเมื่อแฟนคนแรกของคุณเป็นไบ วันหนึ่งเขาก็คล้ายจะคิดขึ้นได้ว่าตนเองต้องการชีวิตปกติ แต่งงานมีลูก แล้วเขาก็ทิ้งคุณไปพร้อมกับคำขอโทษ
ครับ ผมเป็นเกย์ชีวิตบัดซบ ที่ปัจจุบันจบไฮสคูลแล้ว จบปริญญาตรีแล้ว จบMBAออกมาแล้วด้วยซ้ำ หนีมาอยู่ถึงนิวยอร์ค แต่ก็ยังคงคบเพื่อนสาวเลสเบี้ยนดีกรีนางแบบวิคตอเรียซีเครตเป็นแฟนบังหน้า อันที่จริงพอมานิวยอร์คก็ว่าจะเลิกแล้วแต่ดันสะบัดมันไม่หลุดจนสุดท้ายก็เลยตามเลย เพราะตอนนั้นเราไปเที่ยวคลับกันแล้วเจอปาปารัสซี่พอดี รูปผมที่ใส่แว่นกันแดดกำลังเมาได้ที่เลยได้ขึ้นหนังสือพิมพ์แทบลอยด์คู่กับเพื่อนรัก พาดหัวข่าว ‘แฟนหนุ่มนอกวงการของซุเปอร์โมเดลสาวสวย’ ...ก็ฟังดูดีครับ ถ้าผมไม่ได้เป็นเกย์
พวกเรามีแผนจะแต่งงานกันด้วยซ้ำเพื่อตัดปัญหาเรื่องทางครอบครัว เอาเป็นว่าพวกเรามีปัญหาน่าปวดหัวเรื่องครอบครัวพอๆ กันทั้งคู่ พ่อแม่ของหล่อนก็เป็นคริสเตียนเหมือนกันแถมยังไปโบสถ์เดียวกับแม่ผมด้วย
แม่ผมก็ถามอยู่เนืองๆ ว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานกันสักที คบกันมาตั้งแต่สมัยไฮสคูล แต่ใครจะไปกล้าพูดว่าสมัยไฮสคูลผมคบกับควอเตอร์แบคโรงเรียนต่างหาก...ส่วนแคทเธอรีนก็คบกับเพื่อนสาวเชียร์ลีดเดอร์ทีมเดียวกัน หล่อนน่ะเป็นควีนบีตัวแม่ แต่ไม่มีใครรู้สักคนว่าจริงๆ แล้วไม่ได้ชอบผู้ชาย
ฟังดูก็คล้ายว่าชีวิตผมกับหล่อนจะบัดซบพอๆ กัน แต่น่าเศร้าที่ผมไม่มีเพื่อนร่วมด้วยช่วยกันบัดซบขนาดนั้น...
เพราะสิ่งที่แตกต่างระหว่างแคทกับผม ก็คือจนตอนนี้เธอก็ยังคบกับแฟนสาวสมัยไฮสคูลของเธออยู่ ส่วนไอ้แฟนเก่าเฮงซวยของผมมันทิ้งผมไปไกลแล้ว
ส่วนผมตอนนี้นอกจากทุกคนจะเข้าใจกันไปว่าเป็นผู้ชายสุดน่าอิจฉาที่ควงสุดยอดนางแบบบนรันเวย์แฟชั่นโชว์ระดับโลกแล้ว ก็เป็นCMOของบริษัทสตาร์ทอัพที่กำลังมาแรงแห่งหนึ่ง หากคุณเคยดูหนังเรื่อง The Intern ก็จะพอเข้าใจละมั้ง ว่าเป็นอะไรทำนองนั้น แต่เรากำลังเติบโตและขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น และกำลังขยายไลน์สินค้า เจาะกลุ่มตลาดลูกค้าใหม่ เรียกได้ว่าถึงชีวิตรักจะบัดซบ แต่หน้าที่การงานของผมกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นทีเดียวในวัยยังไม่ถึงสามสิบ (แต่ก็ใกล้แล้ว พระเจ้า ในกระจกที่ผมเห็นนั่นรอยตีนกาใช่ไหม)
อันที่จริงผมก็ควรพอใจกับชีวิต ผมอาศัยอยู่ในห้องสตูดิโอเล็กๆ ในทำเลที่ดีของเมืองนิวยอร์ค เดินทางถึงออฟฟิศได้ในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง มีเจ้านายที่… ร็อก… ลูกน้องที่น่ารัก คนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกล่ะคุณว่าไหม?
ทุกเช้าผมจะออกมาวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้อพาร์ทเมนต์ ส่องผู้ชายไปเรื่อยเปื่อย เย็นวันศุกร์ก็ไปดื่มกับพวกที่ทำงาน เสาร์อาทิตย์ก็ออกมาแฮงก์เอาท์กับแคทเธอรีนบ้างเป็นบางครั้งบางคราวให้ปาปารัสซี่ถ่ายรูปเล่น (ผมเริ่มชินกับมันขั้นที่สามารถเก๊กมุมที่หล่อที่สุดให้พวกเขาถ่ายได้แล้วให้ตายเถอะ)
ให้ตาย บางทีผมก็อึดอัดเป็นบ้าที่ไม่สามารถประกาศให้ชาวโลกรู้ได้ว่าผมน่ะ… เป็นเกย์โว้ย!!
นอกจากแอบหลบไปเกย์บาร์ (โดยหวังว่าจะไม่เจอคนรู้จัก) เป็นบางครั้งแล้ว ชีวิตรักผมก็จืดสนิทจนแทบจะเหมือนกาแฟจากเครื่องชงแบบหยอดเหรียญที่ออฟฟิศ แต่ผมก็บอกตัวเองเสมอว่าไม่จำเป็นต้องไปเดือดร้อน ในเมื่อตอนนี้หน้าที่การงานกำลังรุ่ง ก็ควรโฟกัสกับงาน ไม่ต้องไปสนใจเรื่องอื่นให้มันมากนัก หน้าตาและฐานะแบบผม อยากหาใครเมื่อไหร่ก็หาได้อยู่แล้ว
ผมเป็นคนใส่ใจในรูปลักษณ์ตัวเองค่อนข้างมาก เสื้อผ้าข้าวของทุกอย่างต้องเนี๊ยบ ผมจะไม่ยอมออกจากบ้านหากไม่รวบผมให้เรียบร้อยจนเป็นที่น่าพอใจ หรือชุดสูทมีรอยยับ
จะพูดก็พูดสมัยเรียนผมเองก็ป็อปในหมู่สาวๆ เถอะ ถึงจะไม่ใช่นักกีฬาก็ตาม (แต่ไม่ค่อยป็อปในหมู่ผู้ชาย… ให้ตายเถอะเป็นเกย์ไปป็อปในกลุ่มสาวมันมีประโยชน์อะไรฟะ)
เอาเป็นว่า… ผมก็กึ่งจะพอใจในชีวิตตอนนี้ละมั้งครับ…?
ชีวิตที่สงบสุข การงานก้าวหน้า ไม่มีเรื่องความสัมพันธ์อะไรมากวนใจ ทุกอย่างก็ลงตัวดี
แฟนหนุ่มที่นอกใจคุณน่ะ คุณจะเอาไปทำไมกัน ยังไงซะเปอร์เซ็นต์ของการที่คู่ชายรักชายจะไปกันได้มันก็น้อยกว่าคู่รักปกติอยู่แล้ว
ใช่… ทุกอย่างลงตัวดีอยู่แล้ว จนกระทั่งวันนั้น… วันที่บิล ลูกน้องของผม เสนอโปรเจกต์บางอย่างขึ้นมา….
คิดแล้วตอนนั้นผมก็น่าจะตบกะโหลกมันสักที...