พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: shishikima ที่ 25-10-2012 11:59:06

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 25-10-2012 11:59:06
แวะมาอ่านก่อนนะคะ


**************



ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



*************


ขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ บางคนอาจจะเคยอ่านหรือคุ้นๆ พอดีเคยเอามาโพสที่นี่แต่ลบออกไปแล้ว

ยังไงก็ฝากติดตามด้วยแล้วกันนะคะ  :hao3:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 1 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 25-10-2012 12:11:18
(http://upload.sodazaa.com/image.php?id=D92E_513EE941&jpg) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35352.msg2177656#msg2177656)  (http://game.sodazaa.com)  (http://radio.sodazaa.com)



เพื่อนสนิท : 1


         เด็กหนุ่มวัยรุ่นตัวเล็กยืนหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยอยู่หน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในช่วงปลายเดือนธันวาคม ริมฝีปากบางซีดจางผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ไอหนาวพุ่งออกมาจากกลีบปากบาง ไรผมเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อปะปลาย ใบหน้าหวานสอดส่ายสายตาหาใครคนหนึ่งเห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นอีกคนใส่ชุดนักเรียนตัวสีขาวนั่งหลับตานิ่งอยู่ตรงม้านั่งยาว แสงไปจากสวนสาธารณะส่องกระทบใบหน้าคมคายที่กำลังหลับตานิ่งไล่ลงมาที่ผิวสีน้ำตาลอ่อนของคนสุขภาพดี ชุดนักเรียนตัวสีขาวปักจุดสีแดงสองจุดตรงอกด้านซ้ายข้างใต้จุดมีอักษรตัวสีดำที่เขียนชื่อและนามสกุลของเจ้าของเสื้อเขียนไว้ ‘นาวิน บดินศักดิ์’ หรือ ‘วิน’ ชื่อเล่นที่ใครๆ ในโรงเรียนต่างก็รู้จักเพราะนาวินเป็นนักกีฬาฝีมือดีอันดับสองของโรงเรียน ส่วนสูงประมาณ 185 เซนติเมตร กับหน้าตาที่หล่อเหลาทำให้สาวๆ เกือบทั้งโรงเรียนเทใจไปให้

         เด็กหนุ่มตัวเล็กขยับตัวเข้าไปนั่งที่ม้านั่งยาวตัวเดียวกัน เกิดความเงียบชวนอึดอัด เมื่อคนที่กำลังหลับตานิ่งอยู่ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นง่ายๆ ทั้งๆ ที่มีคนมานั่งอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มตัวเล็กกอดอกกระชับผ้าพันคอถักไหมพรมสีน้ำเงินซีดๆ ไว้ เพราะไม่ได้สวมเสื้อกันหนาวมาทำให้ลมหนาวปะทะเข้ากับร่างได้โดยง่าย

         “วิน...” ริมฝีปากบางเอ่ยเรียกชื่อ ‘เพื่อนสนิท’ ของตัวเอง ใบหน้าหวานมองดูคนที่กำลังหลับตานิ่งอย่างเป็นห่วงมือเล็กเอื้อมหยิบผ้าพันคอสีซีดๆ ออกจากคอตัวเองมาพันที่คออีกร่าง เด็กหนุ่มร่างหนาสะดุ้งเฮือกกับสัมผัสที่ได้รับ มองดูรอบทิศอย่างงุนงง ก่อนจะหยุดลงกับร่างเล็กที่แสนคุ้นเคยที่นั่งมองเขาอย่างเป็นห่วง

         “กาล” ร่างหนาเอ่ยเรียกชื่อคนที่นั่งข้างๆ ด้วยชื่อเล่น ‘นวัตร กิติพงษ์’ หรือ ‘กาล’ นักเรียนดีเด่นสองปีซ้อนโรงเรียนเดียวกันกับนาวิน

         นวัตรส่งยิ้มบางๆ กลับไปให้นาวิน มือเล็กกระชับผ้าพันคอผืนหนาที่อยู่บนคออีกคนให้แน่นขึ้นอย่างเป็นห่วง นาวินมองการกระทำของอีกฝ่ายดวงตาสีดำเข้มอ่อนแสงลง

         “ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก” นวัตรเอ่ยถาม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องใบหน้าคมที่อยู่ตรงหน้า

         “ยังไม่อยากกลับ” นาวินตอบ มือหนาเอื้อมไปคว้าร่างเล็กมานั่งไว้บนตักและสวมกอดอย่างอ่อนโยน นวัตรตัวแข็งทื่อกับท่าทีของร่างสูง แต่ก็เอื้อมมือเล็กทั้งสองข้างกุมมือหนาที่กำลังเย็นเหยียบไว้เพื่อส่งผ่านกำลังใจและความอบอุ่น

         แม้เป็นเพียงแค่การกระทำเล็กๆ แต่ก็สามารถทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลของนาวินบรรเทาความเจ็บปวดลงไปได้บ้าง

         “เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ส่งผ่านอย่างเป็นห่วงของนวัตรถาม ร่างเล็กเงยหน้ามองคนที่กำลังสวมกอดอย่างเป็นห่วงเพราะไม่เคยเห็นท่าทีที่เสียใจมากขนาดนี้ของนาวิน ครั้งล่าสุดที่เห็นนาวินเสียใจขนาดนี้ก็เป็นตอนที่วนิดาแฟนสาวของร่างสูงผิดนัด

         มือเล็กลูบแก้มเพื่อนอย่างปลอบประโลม หากแต่ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้เพราะกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของร่างแกร่ง

         นาวินซบหน้าลงบนซอกคอที่ขาวเนียนของนวัตรราวกับคนไม่มีแรง เสียงถอนหายใจดังอยู่ข้างหูทำให้นวัตรถึงกับหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกแม้จะเคยถูกทำแบบนี้มาหลายตอนอยู่ด้วยกันเพียงลำพังกันสองคน แต่เขาก็ไม่เคยชินเสียที
         
         “โดนทิ้ง” คำตอบสั้นๆ ได้ใจความแต่กลับแสนเศร้าของร่างสูงทำให้ นวัตรต้องรีบหันหน้าไปมองแต่ก็มองไม่ได้เพราะอีกฝ่ายำลังซบหน้าอยู่บนซอกคอของเขา

         นาวินกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นราวกับเด็กขาดความอบอุ่น นวัตรจึงทำได้เพียงแต่ปล่อยให้ร่างที่อยู่ด้านหลังกอด

         “พี่แหวนเหรอ” นวัตรถามใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ริมฝีปากเล็กกัดริมฝีปากไว้ไม่ให้ยิ้มออกมา นาวินส่งเสียงอืมในลำคอใบหน้าคมยังคงซุกอยู่ที่ซอกคอขาวของนวัตรไม่ห่าง นวัตรถอนหายใจดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองไปบนท้องฟ้าที่แสนมืดมิด

         วันนี้ไม่มีดาวเลยแม้แต่ดวงเดียว ตามจริงทุกวันที่นวัตรเหม่อมองท้องฟ้าก็ไม่เคยเห็นดวงดาวสักดวง แต่วันนี้แม้แต่ดวงจันทร์สีขาวนวลก็ไม่มี ดวงจันทร์เองก็คงจะรู้ว่าเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ มีแสงสีมากมายหลากหลายไม่จำเป็นต้องพึ่งแสงเล็กๆ อย่างดวงจันทร์

         “ไม่เป็นไร กาลจะอยู่ข้างๆ วินเอง” ริมฝีปากบางเอ่ยอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอดมองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดเหมือนกับหัวใจของเขา

         นาวินกระชับร่างในอ้อมกอด ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซานไปทั่วอกกับประโยคที่นวัตรเอ่ยขึ้น หัวใจบอบบางที่แสนช้ำ เต้นแรงอย่างน่าประหลาด

         นาวินกับ ‘วนิดา’ หรือ ‘แหวน’ ตกลงคบกันเมื่อสามปีที่แล้ว วนิดามาขอนาวินเป็นแฟนในวันที่นาวินพาทีมฟุตบอลของโรงเรียนชั้นมัธยมต้นชนะรวด 3-0 โดยที่นาวินเป็นคนทำประตูทั้งหมด หลังจากตกลงคบกันเป็นแฟนได้สามปีกว่าๆ อีกไม่กี่เดือนก็จะครบสี่ปี แต่วนิดากลับมาขอเลิกกับเขาด้วยเหตุผลที่ว่า...

         ‘ขอโทษนะวินแหวนต้องไปเรียนต่อเมืองนอก แหวนว่าเราเลิกกันเถอะ’

         เธอมาบอกเลิกเขาด้วยเหตุผล ‘ไปเรียนต่อเมืองนอก’    ฟังดูแล้วมันสมเหตุสมผลอย่างนั้นเหรอ

         ก่อนหน้าที่เธอจะมาขอบอกเลิกเขา เขาได้ยินจากเพื่อนว่าเห็นเธอไปดูหนังกับชายอื่น ตอนนั้นนาวินก็ไม่ได้ติดใจอะไรคิดว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือที่อยากจะทำลายความสัมพันธ์ของเขากับวนิดา แต่มาวันนี้เธอกลับมาบอกเลิกเขาเสียง่ายๆ ราวกับสามปีที่ผ่านมามันเป็นเพียงแค่ความฝัน

         ถ้าหากคนเรารักกันจริงๆ ต่อให้ระยะห่างหรือระยะเวลาก็ไม่อาจทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับเขาได้แน่นอนเพราะเขาวาดฝันอนาคตเอาไว้แล้วว่าอีกสิบปีข้างหน้าเมื่อเขาและเธอต่างก็เรียนจบมีงานทำแล้ว เขาก็จะขอเธอแต่งงาน สร้างครอบครัวที่แสนอบอุ่นมีพ่อ แม่และลูกเล็กๆ อีกคนสองคน แต่แล้วเธอกลับมาทำลายความฝันนี้ด้วยประโยคเพียงประโยคเดียว ถึงเขาจะไม่ชอบการตัดสินใจที่ไร้เหตุผลของเธอ แต่นาวินก็เคารพการตัดสินใจของวนิดาเสมอ แม้ว่าการตัดสินใจนั้นจะทำให้หัวใจของเขาต้องเจ็บปวดสักเพียงใดก็ตาม

         ถึงนาวินจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด เพราะเขาทั้งดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน มั่วผู้หญิงไปเสียหน่อยเพราะนานๆ จะทำครั้ง แต่นาวินก็เชื่อว่าเขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่สามารถมอบความรักให้ผู้หญิงที่เขารักได้มากที่สุดเท่าที่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งจะสามารถมอบให้อีกฝ่ายได้ โดยไม่ปันใจให้หญิงอื่น

         แต่ในเมื่อเธอไม่เห็นค่าความรักที่เขาสู้อุส่ามอบให้ นับจากนี้เป็นต้นไปเขาและเธอก็ไม่ต้องมารู้จักกันอีก

         เพราะผู้ชายอย่าง นาวิน บดินศักดิ์ เจ็บแล้วจำ!




         (อย่างนั้นเหรอ วินมันยังไม่ออกมาใช่ไหม) เสียงทุ้มแหบจากปลายสายเอ่ยถามนวัตร

   
         “ครับ” ริมฝีปากบางเอ่ย ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังประตูผับก่อนที่จะส่งยิ้มจางๆ ไปให้พนักงานตรวจบัตรที่อยู่หน้าประตู

         (พรุ่งนี้วันหยุด ถ้าวินจะเมาก็ไม่เป็นอะไร เอาอย่างนี้ถ้ามันยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ก็ให้มันไปพักที่ห้องกาลก่อนแล้วกัน ลุงฝากด้วยนะ) ปลายสายที่นวัตรกำลังคุยด้วยอยู่ก็คือคุณลุง ‘นรินทร์ บนศักดิ์’ พ่อแท้ๆ ของนาวิน

         เมื่อกี้ลุงนรินทร์โทรศัพท์มาถามเขาว่านาวินเป็นอย่างไร เขาจึงเล่าเรื่องราวที่รู้ทั้งหมดไปให้ท่านฟัง ปลายสายจึงฝากลูกชายเพียงคนเดียวไว้กับเขาเพราะกลัวจะไปก่อเรื่องที่อื่นทั้งๆ ที่พึ่งจะอกหัก

         “ไม่ต้องห่วงครับลุง เดี๋ยวผมจะดูแลให้เอง” ทันทีที่ตกลงกันเรียบร้อยปลายสายก็ถูกตัดไป นวัตรเก็บมือถือเครื่องเก่าใส่กระเป๋าอย่างทะนุถนอม

         นวัตรยืนนิ่งรอนาวินอยู่ที่หน้าผับซึ่งเป็นสถานที่ที่นาวินมักจะมาดื่มเหล้ากับเพื่อนเป็นประจำ นาวินเข้าไปในผับได้เกือบจะสองชั่วโมงแล้วเขาจึงนั่งรอมาเกือบสองชั่วโมงเหมือนกันรอจนมือเล็กเริ่มเย็นจนกลายแดงเถือก ยังดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งไม่ต้องไปโรงเรียนถ้าเป็นวันปกติธรรมดาเขาคงวิ่งไปลากนาวินออกจากผับตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วแล้ว ทั้งๆ ที่วันนี้ตั้งใจลางานที่ทำอยู่ร้านอาหารเพื่อที่จะทำการบ้านให้มันเสร็จพรุ่งนี้จะได้นอนพักสบายๆ ก่อนที่จะไปทำงาน แต่ไปๆ มาๆ ก็ดันได้มารับผิดชอบคนอกหักเสียนี่

         ร่างเล็กเป่าลมหายใจร้อนๆ ใส่มือเล็กเพื่อบรรเทาความหนาว มือเล็กๆ เย็นมากกว่าเดิมเพราะอุณหภูมิที่เริ่มต่ำลงใบหน้าหวานแดงและแห้ง เนื่องจากลมหนาวที่ปะทะเข้ามายังใบหน้า มีหลายคนเดินเข้ามาทักแล้วถามว่าขายเท่าไหร่ นวัตรก็ปฏิเสธบอกไม่ได้ขายเขาแค่มายืนรอเพื่อนที่ดื่มในผับ บางคนถอดใจก็ยอมจากไปดีๆ หากแต่บางคนไม่ยอมและเสนอราคาขายที่สูงกว่าปกติ เขาจึงต้องวิ่งไปหาพนักงานตรวจบัตรที่อยู่หน้าประตูผับ นวัตรกับพนักงานที่ผับคุ้นเคยกันดี เพราะเขาจะชอบมาลากนาวินกลับบ้านทำให้รู้จักกัน

         “ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะ มารอข้างนอกอย่างนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” พนักงานตรวจบัตรคนหนึ่งบอกเพราะเห็นว่านวัตรมายืนรอที่หน้าผับเกือบจะสองชั่วโมงแล้ว

         “ไม่ดีกว่าพี่ ผมรออยู่ข้างนอกนี่แหละไม่อยากเข้าไปข้างในคนวุ่นวายปวดหัว เพลงดังปวดหู” นวัตรชี้แจงพลางทำท่าทางประกอบจนคนตรวจบัตรหัวเราะชอบใจ

         นวัตรคุยกับคนตรวจบัตรอยู่หน้าผับจนใกล้จะสามชั่วโมง เห็นลูกค้าเริ่มทยอยกันออกมาเพราะผับแห่งนี้จะปิดตีสามครึ่ง พี่ที่ตรวจบัตรจึงไล่เขาให้เข้าไปในร้านเพื่อไปหาเจ้าตัวปัญหาที่ตอนนี้ยังไม่ออกมา

         ร่างเล็กเดินเตาะแตะเข้าไปภายในผับที่มืดสลัวดวงตากลมสอดส่ายหาคนเจ้าปัญหาที่มาหมกตัวอยู่ในนี้เกือบสามชั่วโมงเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยนั่งฟลุปอยู่โต๊ะระดับ VIP ขาเล็กก้าวยาวๆ ไปหานาวินอย่างรวดเร็วมือเล็กแตะลงที่บ่าหนาของนาวินเบาๆ เพื่อเรียกสติ

         “วิน วินกลับเถอะดึกแล้ว”
         
         นาวินส่งเสียงอึมอำในลำคอ นวัตรส่ายหน้ามือเล็กดึงท่อนแขนใหญ่พาดบนบ่าตัวเอง ทำให้น้ำหนักของคนตัวสูงเกือบทั้งหมดถูกถ่ายโอนมายังร่างเล็กจนนวัตรโงนเงน นาวินเงยหน้าสบตากับคนข้างล่างที่กำลังพยุง ดวงตาคมสีดำเข้มจ้องมองไปยังดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก่อนที่คนตัวสูงจะคลี่ยิ้มออกมาราวกับดีใจ ใบหน้าคมเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าหวานอย่างช้าๆ

         ราวกับต้องมนต์ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องไปยังตาคมของนาวิน ใบหน้าหวานหยุดนิ่งรอการสัมผัสจากร่างสูง

         ริมฝีปากหนาทาบทับริมฝีปากบางอย่างช้าๆ บดเบียดอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อยๆ ละเลียดชิมความหอบหวานของกลีบปากบางๆ เสียงครางอย่างเคลิบเคลิ้มในลำคอของนวัตร ทำให้อารมณ์ของร่างสูงเพิ่มขึ้น ริมฝีปากร้อนๆ ของคนตัวสูงบดเบียดไล้เลียไปทั่วโพร่งปากที่แสนนุ่มนิ่มอย่างถือสิทธิ์ มือหนาเอื้อมประคองใบหน้าหวานให้อยู่ในอุ้งมือ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองคนตรงหน้าด้วยแววตารักใคร่ นาวินจูบซับไปทั่วใบหน้าหวานไล้ลงมายังซอกคอขาวที่แสนหอมกรุ่น ดวงตาโตฉ่ำเยิ้มเผยอปากส่งเสียงครางกระเซ้าน่ารัก มือหนาเลื่อนลงมาประคองลำคอขาวเนียนอย่างนุ่มนวลช้าๆ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนๆ กัดเซาะซอกคอเล็กให้เป็นรอยเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

         “แหวน...” ริมฝีปากร้อนเอ่ยอย่างไร้สติ

         จนนวัตรถึงกับชะงัก ราวกับตื่นขึ้นจากภวังค์ ดวงตากลมโตแปรเปลี่ยนเป็นโศกเศร้ามือเล็กประคองใบหน้าคมให้เงยขึ้นจากการกัดซอกคอขาว ริมฝีปากบางได้รูปเลื่อนลงจูบที่หน้าผากของร่างสูงอย่างช้าๆ นาวินหลับตานิ่งรับสัมผัสที่อ่อนโยน ก่อนที่ริมฝีปากร้อนๆ จะเคลื่อนมาทาบทับกลีบปากบาง แต่แล้วมือเล็กๆ ก็เอื้อมมาขวางไว้เสียก่อน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่แสนเศร้าคลอไปด้วยหยาดน้ำตา นาวินขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

         “กลับบ้านกัน” กลีบปากบางที่บวมเล็กน้อยเอ่ยกับร่างสูง ก่อนจะเม้มริมฝีปากอย่างน้อยใจ

         หากนาวินเงยหน้าขึ้นมองสักนิดก็จะเห็นดวงตากลมที่กำลังทอประกายเจ็บปวดเพราะชื่อที่ร่างสูงเอ่ย

         ทั้งๆ ที่ก็รู้สัมผัสที่ได้รับจากนาวินนั้นมันไม่ใช่ของตัวเอง แต่ก็เผลอที่จะตอบรับไม่ได้...

         ...สุดท้ายก็ต้องมาเจ็บปวดกับสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา


 :catrun:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 2 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 25-10-2012 12:13:53


เพื่อนสนิท : 2


         นวัตรเดินหน้าเครียดตั้งแต่บ้านจนมาถึงโรงเรียน ใบหน้าหวานงอง่ำแฝงไปด้วยความเศร้า เมื่อคิดถึงใครคนนั้นที่ทิ้งเขาไว้ที่สวนสนุกเมื่อวานนี้ ร่างเล็กเดินเรื่อยๆ จนมาถึงม้านั่งตัวโปรดหน้าห้องสมุดแล้วซบหน้าลงกับกระเป๋า ถอนหายใจยาวกับความกลัดกลุ้มที่พบเจอ

         แต่ก่อนตอนช่วงที่ยังไม่มีวนิดาเข้ามา นาวินมักจะเอาใจใส่เขาเป็นที่หนึ่งเสมอ รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนนาวินก็มีให้เขาเพียงแค่คนเดียว นาวินห่วงใยและดูแลเขาไม่เคยขาด บางครั้งวันว่างเราทั้งสองก็จะหาที่เที่ยวเที่ยวกันสองคน คำสัญญาที่นาวินเคยให้ไว้กับนวัตรตอนเด็กๆ นาวินก็ไม่เคยทำให้ขาดตกบกพร่อง ยามที่นวัตรมีปัญหานาวินเป็นคนแรกที่คอยโอบกอดและปลอบประโลม ความอบอุ่นที่ร่างสูงมอบให้เขานั้นทำให้เขาสามารถมีชีวิตได้ถึงตอนนี้ หากไม่มีนาวินตอนนั้นนวัตรคงตัดสินใจฆ่าตัวตายตามพ่อ แม่และพี่ชายไปแล้ว ร่างเล็กหลับตานิ่งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุที่พรากครอบครัวที่แสนอบอุ่นของเขาไป มันช่างโหดร้ายและเจ็บปวดสำหรับเด็กน้อยที่อายุเพียง 9 ขวบ จนกลายเป็นบาดแผลฝังใจจนถึงตอนนี้ ภาพพ่อกับแม่ที่เสียชีวิตในรถ และภาพพี่ชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยน้ำตาบวกกับรอยยิ้มที่แสนเศร้าที่มอบให้เขาก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลงพร้อมกับแรงระเบิดของรถ เมื่อฟื้นขึ้นมาหมอก็บอกว่าพ่อ แม่และพี่ชายเสียชีวิตทั้งหมดแถมไม่เหลือแม้แต่ร่างไว้ให้เขาดูต่างหน้า  ทั้งๆ ที่วันนั้นพึ่งกลับจากการพักร้อนที่นานๆ ครั้งจะมี ถ้าเขารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้สู้ยอมอยู่บ้านไม่อ้อนให้พ่อกับแม่พาไปเที่ยวทะเล เรื่องแบบนั้นคงจะไม่เกิดขึ้น

         ร่างเล็กจมอยู่กับความคิดที่ไม่มีวันสิ้นสุดจนไม่สังเกตเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง

         “วินล่ะ” เสียงทุ้มติดจะเย็นชาที่แสนคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง นวัตรเงยหน้าจากกระเป๋าหันไปทางด้านหลังก็พบ ร่างสูงที่คุ้นเคยหากแต่ไม่ใช่คนที่เขาตามหา

         ‘สุธินทร์ มงคลวัตร’ หรือ ‘ธัน’ เพื่อนร่วมทีมฟุตบอลเดียวกันกับนาวิน นวัตรขมวดคิ้วยุ่งเมื่อคิดถึงนาวิน ร่างสูงผิวสีแทนมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้าอย่างงงๆ ดวงตาสีโก้โก้ติดเย็นชามองร่างเล็กอย่างเป็นห่วงเพราะเขาพอจะรู้ว่านวัตรคิดอย่างไรกับนาวิน แต่คนตัวสูงเจ้าอารมณ์อย่างนาวินกลับไม่เคยรู้ตัวเลยแม้เพียงสักนิดว่าคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กรักตัวเอง เรื่องกีฬานาวินเก่งจนอยู่ในขั้นดีที่สุด แต่กลับกันเรื่องความรักนาวินอยู่ในขั้นวิกฤตเลยล่ะเพราะมัวแต่ไปหลงใหลได้ปลื้มอยู่กับผู้หญิงตัวเล็กๆ ขาวๆ น่ารักๆ ที่ชื่อวนิดานั่น จนลืมมองคนข้างกาย

         “ไม่รู้” นาวินตอบก่อนจะซบหน้าลงกับกระเป๋านักเรียนอีกรอบ

         มือหนาของสุธินทร์วางแปะอยู่ที่ไหล่อย่างปลอบๆ นวัตรรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงแต่จะให้เขาทำอย่างไรได้ ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะรับรู้อะไร รสจูบที่นาวินจูบเขายังติดอยู่ที่ริมฝีปาก ความหอมหวานที่นาวินมอบให้ แม้จะรู้ว่ารสสัมผัสนั้นไม่ได้มอบให้แก่เขาแต่มันก็อดที่จะหวั่นไหวไม่ได้ เสียงเอื้อนเอ่ยจากริมฝีปากหนาของนาวินทำให้นวัตรอยากจะกลั้นใจตายให้มันรู้แล้วรู้รอด ร่างเล็กเม้มปากแน่นจนห้อเลือด

         ใจไม่รักดี ทั้งๆ ที่บอกว่าอย่าเผลอไผล แต่ก็ยังเผลอไผลไปจนได้

         สุธินทร์มองเพื่อนอย่างห่วงๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนที่จะทำให้คนตัวเล็กอารมณ์ดีได้ก็มีแต่เจ้าของเรื่องเท่านั้นแหละถึงจะทำได้ เมื่อคิดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของเพื่อนก็ทำให้สุธินทร์คิดถึงใครบางคนขึ้นมา ร่างสูงโปร่งดวงตาสีฟ้าสดใส ผิวขาวสีน้ำผึ้ง ลูกครึ่ง ไทย-แคนนาดา ริมฝีปากเรียวสีชมพูที่มักจะยิ้มอยู่เป็นประจำและมักจะหาคำพูดจิกกัดเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์รู้สึกคิดถึงอย่างไรไม่รู้ คอนโดมิเนียมที่พักอยู่ด้วยกันแลดูกว้างถนัดตาเมื่อไม่มีเจ้าของดวงตาสีฟ้าอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทีไรทำให้เจ้าของดวงตาสีโกโก้ยิ้มได้อยู่ตลอดเวลา

         ตุ๊บ!

         เสียงของหนักๆ ถูกวางกระแทกอย่างแรงบนโต๊ะที่นวัตรและสุธินทร์นั่งอยู่ ร่างทั้งสองร่างเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของที่ทำเสียงพบกับดวงตาสีฟ้าสดใสที่สุธินทร์กำลังนึกถึงเมื่อกี้กำลังมองมาที่ร่างสูงอย่างโกรธๆ จนสุธินทร์รู้สึกถึงรังสีที่ไม่เป็นมิตรแผ่ออกมาจากร่างโปร่งผิวสีน้ำผึ้ง

         “ดล” สุธินทร์เอ่ยเรียกชื่อร่างโปร่ง

         “เออ! กูเองแล้วมึงคิดว่าใคร” ‘ธีรดล รัตนชาติ’ หรือ ‘ดล’ ร่างผอมสูงโปร่งมองดูสุธินทร์อย่างอารมณ์เสีย ใบหน้าสวยจ้องหน้าคมของสุธินทร์เขม็งคนเจ้าของดวงตาสีโกโก้ๆ เสียวสันหลังวาบ

         ‘นี่มันเรื่องอะไรกัน’

         สุธินทร์คิด แต่ไม่ถึงสามวินก็ได้คำตอบเมื่อร่างโปร่งตะเบ่งเสียงด่าเขาอย่างไม่เกรงใจใคร

         “กูอุตส่ารอให้มึงมารับ มึงหายหัวไปไหนสัตว์! มึงรู้ไหมกูลงเครื่องมาตั้งตอนบ่ายสามของวันเสาร์ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องกะว่าตอนมึงมารับจะให้พาไปกินข้าวที่ร้านประจำ แต่นี่รอถึงสองทุ่มแม้แต่หัวมึงกูก็ไม่เห็น ไอ้เวร! นี่ถ้ากูไม่โทรไปที่คอนโดถามพนักงานกูคงไม่รู้ว่ามึงมัวแต่คั่วสาวไปทำบัดสีที่ห้องจนลืมวันที่มึงต้องมารับกู!!!” ธีรดลตะเบ่งเสียงด่าอย่างไม่เกรงใจ สุธินทร์ถึงกับนึกออกว่าธีรดลนัดเขาให้ไปรับวันเสาร์ แต่วันนั้นเพื่อนเก่าที่พึ่งได้เจอกันดันลากเขาไปกินเหล้าเพื่อฉลองที่ได้เจอกันจนเขาเมาแล้วดันมีผู้หญิงคนหนึ่งติดสอยห้อยตามเขามาที่คอนโดทั้งๆ ที่เขาเมาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย ตื่นเช้ามาก็ปวดหัวจนแทบลุกไม่ขึ้นสาวน้อยที่ห้อยตามมาด้วยบอกว่าเป็นแฟนเพื่อนแต่ดันจำแฟนตัวเองไม่ได้เพราะเธอก็เมาเหมือนกัน พอตรวจสอบดูก็รู้ว่ายังไม่มีอะไรกันไม่อย่างนั้นเขาก็คงโดนเพื่อนกระทืบไส้แตกเป็นแน่

         “โทษที” สุธินทร์เอ่ย หากเขาชี้แจงไปก็รังแต่จะโดนมองว่าแก้ตัวเปล่าๆ สู้ให้อารมณ์เย็นแล้วค่อยมาคุยกัน

         “สัตว์!!!!” คำเดียวสั้นๆ ง่ายๆ วิ่งกระแทกหน้าสุธินทร์อย่างจังจนร่างสูงผิวสีแทนสะอึกแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับ นวัตรมองดูเพื่อนทั้งสองที่ทะเลาะกัน ไม่ใช่สิสุธินทร์ไม่ทะเลาะจะมีก็แต่ธีรดลคนเดียวนี่แหละที่ชวนทะเลาะทั้งๆ ที่อีกฝ่ายมีท่าทีว่าไม่อยากทะเลาะเลยสักนิด ร่างเล็กส่ายหน้า ความเศร้าที่กลัดกุมหัวใจเริ่มจางหายเมื่อตัวสร้างสีสันอย่างธีรดลมาถึง

         “ไงดล มึงลืมกูแล้วเหรอ” นวัตรเอ่ยทักร่างโปร่งที่จ้องสุธินทร์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าทำได้ธีรดลคงจะงับหัวสุธินทร์ไปนานแล้ว

         “อ้าว กาลมาตั้งแต่ตอนไหน” ร่างโปร่งถามอย่างแปลกใจ นวัตรกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย สุธินทร์ถอนหายใจอย่างปลงๆ เรียกสายตาคมกริบสีฟ้าให้ตวัดหันไปหา

         “มาตั้งแต่ก่อนธันอีก คราวหน้าคราวหลังก็ช่วยสังเกตกันหน่อยตาน่ะ อย่างมัวแต่ไปมองธันมัน” ร่างเล็กตอบ

         “เออ...เฮ้ย! กูไม่ได้มัวแต่มองไอ้ธันโว้ย มึงมั่วแล้วกาล มึงใช้ตาไหนมอง!” ธีรดลโวยวายเพราะลืมตัวตอบเออไป ใบหน้าหวานขึ้นสีเล็กน้อย ชวนให้สุธินทร์ใจเต้น

         ‘ก็เมื่อกี้ไง’

         นวัตรอยากตอบอย่างนี้แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวคนขี้โวยวายจะยิ่งโวยวายหนักยิ่งกว่าเดิม

         “เออๆ กูผิดเอง หยุดโวยวายได้แล้ว” นวัตรพูดตัดบททำให้ธีรดลหยุดโวยวายแล้วคว้าถุงผ้าที่วางเมื่อกี้

         “มาๆ มาเอาของฝาก” พูดจบก็ดึงที่คาดผมหูแมวออกมา เรียกสายตาตกตะลึงของนวัตรและสุธินทร์ได้

         “ข...ของใคร” ร่างเล็กถามสั่นๆ เรียกรอยยิ้มกว้างจากร่างโปร่งได้เป็นอย่างดี

         “ก็ของมึงไงกาล” พูดจบร่างโปร่งก็กระโดดมาตรงหน้านวัตร ร่างเล็กกระโดดหนี เรียกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ได้จากเจ้าของดวงตาสีฟ้าก่อนที่ธีรดลจะโดดวิ่งไล่ตามอย่างเมามัน

         “ไม่เอาโว้ย! ไอ้เวรเลือกแต่ละอย่างให้กูวิปริตทั้งนั้นนะมึง!!” นวัตรโวยวาย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีแววไม่ชอบใจแต่สองขาเล็กก็ยังไม่หยุดวิ่งพลางแหกปากร้องตะโกนด่าร่างโปร่งที่วิ่งไล่ตามหลังมา

         สุธินทร์มองร่างทั้งสองที่วิ่งไล่กัน พลางส่ายหัวให้กับรสนิยมอันพิสดารของร่างโปร่ง ใบหน้าเย็นชายิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นร่างโปร่งกำลังส่งยิ้มและเสียงหัวเราะ มือหนาคว้าถุงผ้าขึ้นมาค้นของฝากของตัวเอง พลางคิดว่าคงไม่ได้ของฝากแปลกๆ เหมือนนวัตร ลึกสุดของถุงผ้าสุธินทร์ก็เจอกับกล่องสีดำหรูดูมีราคา ร่างสูงยกขึ้นมาดูก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้นดู หัวใจก็พลันเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ของที่อยู่ด้านในคือของที่เขาเคยพูดให้ธีรดลฟังว่าอยากได้ ธีรดลก็ตอบกลับมาว่า

         ‘แพงชะมัด มึงนี่หัดอยากได้อะไรถูกๆ หน่อยไม่ได้หรือไง บอกไว้ก่อนนะโว้ยกูไม่ซื้อให้มึงหรอก อยากได้ก็เก็บเงินซื้อเอง พ่อแม่มึงก็รวยขอไปสิเงินจะเก็บไว้อมตอนตายหรือไง!’

         คำพูดคำจาที่แสนกวน และเจ็บแสบไม่ได้ทำให้สุธินทร์โกรธแต่อย่างใดเพราะเขารู้ว่าธีรดลก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้จริงจังอะไร เขาที่ฟังคำด่ามันมาตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นจนตอนนี้มัธยมปลายแล้วทำให้เขาไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรมาก

         “โอ้ย! เหนื่อย!” ธีรดลบ่น สุธินทร์รีบยัดกล่องสีดำใส่ในถุงผ้าเหมือนเดิม ร่างโปร่งมองดูอย่างสงสัยแล้วเบิกตากว้างคว้าถุงผ้าจากมือหนาอย่างตกใจ ใบหน้าแดงระเรืองพูดตะกุกตะกัก “มะ...มึง...มึงเห็นอะไรในนี้ไหม”

         ร่างสูงมองดูคนตรงหน้าที่ท่าทางรีบร้อนราวกับกลัวว่าจะโดนจับอะไรได้ ก่อนจะเอ่ยความเท็จออกมาให้อีกฝ่ายสบายใจ

         “ไม่นี่” ใบหน้าสวยคลายความกังวลก่อนที่จะมองสุธินทร์ตาขวางๆ เหมือนเดิม

         “ของฝากมึง มึงไม่ต้องเอา กูไม่ให้มึงแล้ว” ธีรดลบอกอย่างโกรธๆ ร่างสูงมองอย่างอ่อนใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

         “อ๊ะ! เรียบร้อย!” เสียงใสของนวัตรเอ่ยขึ้นจากด้านหลังธีรดล สุธินทร์เงยหน้าขึ้นมองพลันดวงตาสีโกโก้ๆ ก็เบิกกว้างอย่างตกใจใบหน้าคมขึ้นสีเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่

         ธีรดลไม่เห็นท่าทางของร่างสูงเพราะหันไปมองคนตัวเล็กที่อยู่ด้านหลัง นวัตรยิ้มกว้างส่งไปให้ธีรดลมือเล็กๆ เอื้อมมาข้างหน้าเหมือนขออะไรก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอ่ยคำพูดออกมา

         “ของฝากกูล่ะดล มึงอย่าคิดว่ากูจะไม่รู้ว่ามึงซื้อที่คาดผมหูแมวนี่มาแกล้งกูเฉยๆ เอาของฝากกูมาได้แล้ว”

         ธีรดลส่ายหน้ายิ้มๆ ให้คนตัวเล็ก มือเรียวเอื้อมไปแตะที่คาดผมหูแมวของตัวเอง หากแต่ก็ไม่หยิบออกปล่อยให้มันคาดอยู่ที่หัวเหมือนเดิม ก่อนที่จะค้นถุงผ้าหยิบเอากล่องสีเขียวอ่อนๆ ออกมาแล้วยืนให้คนตัวเล็ก นวัตรยื่นมือรับแล้ววางกล่องลงเปิดดูของที่อยู่ด้านในเห็นเป็นผ้าไหมพรมสีเขียวอ่อนๆ เหมือนกันกล่อง  มือเล็กเอื้อมไปคว้าแต่ละชิ้นออกมามี หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอและเสื้อแขนยาวที่ทุกชิ้นล้วนถักมาจากไหมพรมอย่างประณีต ละเอียดและสวยงาม เนื้อผ้าหนานุ่มไม่ระคายเคืองผิว ทุกชิ้นล้วนเป็นสีเขียวอ่อนที่นวัตรชอบ ร่างเล็กน้ำตาซึมก่อนจะกระโดดกอดคนร่างโปร่งที่มองอย่างอ่อนโยน

         “เป็นถูกใจไหม” ธีรดลถามอย่างยิ้มๆ เมื่อคนตัวเล็กออกจากอ้อมกอดแล้วพยักหน้าเร็วๆ อย่างน่ารัก

         “แต่ ทำไมต้องเป็นเป็นไหมพรมด้วยอ่ะ” นวัตรถามอย่างงงๆ

         “เพราะผิวนายน่ะบางจะตาย แพ้อะไรก็ง่าย ถ้าซื้อแบบถูกๆ มามันก็จะเคืองผิวนายออกเปล่าๆ แล้วอีกอย่างไม่ต้องห่วงนะนี่เป็นไหมพรมชนิดพิเศษทั้งนุ่มทั้งลื่นแล้วก็หนา หายหนาวแน่นอน กว่าจะหาได้นี่ฉันต้องไปแย้งจากพวกสาวๆ ที่นั่นเลยนะ ดีนะที่ฉันให้ราคาสูงก็เลยได้มา แล้วไอ้ผ้าพันคอผืนเก่านั่นทิ้งๆ ไปเลย” ธีรดลบอกหากแต่ร่างเล็กกลับหลบตาเป็นการบอกนัยๆ ว่าไม่ทิ้ง “เออๆ แล้วแต่”

         ธีรดลพูดตัดบทก่อนที่จะกลับมาคุ้ยของในถุงผ้าเหมือนเดิมและปลายตามองร่างสูงผิวสีแทนอย่างเคืองๆ แต่ก็ไม่ยอมหยิบเอาของฝากที่ซื้อมาให้

         “เฮ้ย! เป็นไงไปเที่ยวมา” เสียงนุ่มทุ้มที่แสนคุ้นหูทำให้นวัตรเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงใบหน้าหวานยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะจำเรื่องที่ร่างสูงทำไว้เมื่อวานได้เลยทำให้กลับมางอง่ำเหมือนเดิม นวัตรลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยบอกธีรดลและสุธินทร์ว่าขอตัวไปเข้าแถวก่อน มือเล็กกระชับกระเป๋านักเรียนและกล่องของฝากไว้แน่นอกก่อนจะเดินจ้ำอ้าวไปโดยไม่หันกลับมามองร่างสูงเรือนผมสีดำที่กำลังทำหน้างง

         “มึงไปทำอะไรให้ไอ้กาลมันโกรธ” ธีรดลถามเสียงนิ่งมองดูคนตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์

         “กูทำอะไร กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย มึงก็เห็นว่ากูพึ่งเข้ามา กูจะไปทำอะไรมันได้” นาวินตอบพลางขมวดคิ้วยุ่ง

         “เมื่อวานล่ะ” สุธินทร์เป็นคนถาม ร่างสูงเรือนผมสีดำทำท่าทางครุ่นคิดแล้วถอนหายใจออกมา ทำให้ธีรดลและสุธินทร์มองอย่างคาดคั้น “ทำอะไร”

         “กูทิ้งมันไว้ที่สวนสนุกแล้วไปหาแหวน” ร่างสูงตอบอย่างสำนึกผิด “แต่กูไม่ได้ตั้งใจนะโว้ย ก็ตอนนั้นกูจะไปคุยกับแหวนให้รู้เรื่อง”

         “มึงไปคุยกับยัยแหวนนั่นให้รู้เรื่องแล้วมึงโทรไปบอกไอ้กาลไหมว่ามึงจะไปคุยกับยัยนั่น” ธีรดลถามอย่างไม่สบอารมณ์ ดวงตาสีฟ้าเริ่มไม่พอใจ

         “กูลืม” คำตอบสั้นๆ ง่ายๆ เรียกเสียงถอนหายใจจากสุธินทร์และใบหน้าโมโหของธีรดล “แต่มันก็น่าจะเข้าใจ...”

         “เป็นกูๆ ก็ไม่เข้าใจโว้ย! มึงมีเรื่องอะไรหนักหนากับยัยแหวนนั่นจนลืมเพื่อน ถ้ามึงโทรมาบอกมันสักนิดมันก็ไม่เป็นหนักขนาดนั้นหรอก มึงก็รู้นี่ว่าไอ้กาลมันเป็นห่วงมึงขนาดไหน แล้วยิ่งมึงปล่อยให้มันไปที่คนเยอะๆ แถมยังปล่อยมันทิ้งไว้นั่น มึงก็น่าจะรู้ว่าไอ้กาลมันไม่ชอบที่คนเยอะๆ แบบนั้นแล้วทำไมมันถึงยอมไปกับมึง กูไม่อยากพูดกับมึงแล้ว พูดแล้วก็เหมือนพูดกับควาย กูเซ็ง อ่ะ ของฝากมึง ควาย” พูดจบธีรดลก็โยนกล่องสีน้ำเงินให้กับนาวิน นาวินรีบเอื้อมมือรับเพราะกลัวของข้างในจะเสียหาย คิ้วหนาขมวดกันเป็นปมยิ่งกว่าเดิม

         “อะไรว๊ะ กูผิดเหรอ” นาวินหันมาถามสุธินทร์ เมื่อธีรดลเดินจากไปเข้าแถว

         “เออ” สุธินทร์ตอบสั้นๆ ง่ายๆ ก่อนที่จะถามว่าของฝากของนาวินคืออะไร ร่างสูงผิวสีคล้ำรีบเปิดดูของข้างใน เป็นสร้อยเงินเรียบๆ ง่ายๆ แต่ก็สวย หากแต่สิ่งที่ขัดกับสร้อยกลับกลายเป็นจี้รูปควายสีเงินทำหน้าบึ้งอย่างกับอั้นขี้

         “อะไรของมันว๊ะ สร้อยจี้ควาบหน้าอั้นขี้นี่มันเข้ากันตรงไหน หมายความว่าไงว๊ะ สร้อยนี่มันก็สวยอยู่หรอก แต่มันขัดตรงไอ้จี้ควายนี่แหละที่กูไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร” นาวินถามอย่างงงๆ สุธินทร์มองแล้วตบไหล่ก่อนจะตอบ

         “มึงเหมือนมัน” สามคำ แต่ก็ไม่ได้ไขความกระจ่างให้แก่นาวินเลยแม้แต่น้อยกลับยิ่งทำให้ร่างสูงเรือนผมสีดำยิ่งงงเข้าไปใหญ่

         “อะไรของมึงว๊ะ” นาวินถามอีกรอบ

         “ควาย” สุธินทร์ตอบก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้คนงงยิ่งงงหนักกว่าเดิม...


 :catrun:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 1 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 25-10-2012 12:15:31
แอบรักเพื่อน เรื่องนี้จึงต้องดราม่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 3 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 25-10-2012 12:19:14


เพื่อนสนิท : 3


         วันหนึ่งในช่วงกลางเดือนมีนาคมนวัตรในวัยเด็กแอบหนีพี่ชายที่กำลังงีบหลับอยู่ที่โซฟา เพื่อมาเดินเล่นและสำรวจตามนิสัยช่างสงสัยของเด็ก นวัตรเดินเตาะแตะเข้าไปภายในสวนสาธารณะและนั่งเล่นอยู่ชิงช้า ในตอนนั้นไม่มีใครเหลืออยู่เลยในสวนสาธารณะเพราะเป็นช่วงค่ำๆ ตาหวานแป๋วๆ มองบรรยากาศโดยรอบอย่างตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาเที่ยวเล่นเพียงลำพังโดยไม่มีใครตามดูแล ตาใสแจ๋วสีน้ำตาลเงยหน้าขึ้นมองข้างบนก็ได้พบกับเงาลางๆ ของใครบางคนที่อยู่บนต้นไม้ เด็กน้อยลุกออกจากชิงช้าแล้วย่างก้าวขาสั้นๆ ป้อมๆ ไปยังต้นไม้ก่อนที่จะเงยหน้ามองข้างบนสบตากับดวงตาสีดำของใครบางคนที่อยู่ด้านบน เมื่อมองดีๆ ก็เห็นเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ เหมือนกันแต่ไม่เห็นหน้าตาเพราะท้องฟ้าเริ่มมืดทำให้เงาไม้บดบังใบหน้า ปากเล็กๆ เป็นกระจับสีแดงแย้มยิ้มอย่างดีใจจึงเอ่ยถาม

         “ใครน่ะ” นวัตรในวัยเด็กเอ่ยถาม ตาแป๋วแว๋วพยายามจับจ้องร่างที่อยู่ด้านบน เพื่อมองหน้าให้ชัด

         “ยุ่ง!” เสียงตวาดเล็กๆ ตอบกลับมาทำให้นวัตรฉีกยิ้มกว้าง มือป้อมๆ จับต้นไม้ไว้แล้วพยายามเขย่งปลายเท้าให้สูงๆ เพื่อจะได้มองคนข้างบนให้ชัดๆ

         “นี่ๆ ชื่ออะไรเหรอ” เสียงเล็กๆ หวานของนวัตรเอ่ยถามคนด้านบน ใบหน้าขาวอมชมพูเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

         “ไปไกลๆ!” เสียงจากคนด้านบนตอบกลับมาอย่างอารมณ์เสียเมื่อมีคนมารบกวนเวลาพักผ่อนของตนเอง หากแต่ร่างเล็กไม่สนใจเสียงตะคอกยังคงเงยหน้าส่งยิ้มให้คนด้านบนอยู่เหมือนเดิม

         “เราชื่อ กาล เราขึ้นไปได้ไหม” คนตัวเล็กยังตื้อไม่เลิก พาลทำให้คนด้านบนหงุดหงิดแล้วลุกขึ้นจากกิ่งไม้ที่นั่งเพื่อปีนให้สูงขึ้นจะได้ไม่มีใครมากวนอีก

         “นี่ๆ เราปีนนะ” นวัตรถามอีกรอบ แต่ข้างบนก็เงียบ ทำให้คนตัวเล็กเข้าใจว่าขึ้นมาได้ มือเล็กป้อมๆ จับลำต้นไว้ขาเล็กๆ พยายามเกาะเกี่ยวต้นไม้ไว้เพื่อจะได้เคลื่อนตัวไปด้านบน

         นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่นวัตรปีนต้นไม้ แต่ก่อนเขาเคยเห็นพี่ชายปีนเล่นเป็นประจำและเกือบทุกครั้งพี่ชายมักจะให้เขาเกาะหลังไว้แน่นๆ เพื่อจะได้ไม่ตก ตอนพี่ชายปีนดูเหมือนจะง่ายๆ ไม่ยากเลยสักนิด

         ร่างเล็กเกาะเกี่ยวต้นไม้และเริ่มปีนขึ้น

         “อย่างขึ้นมา!” เสียงตะโกนห้ามจากด้านบนเอ่ยบอก นวัตรไม่ฟังพยายามปีนขึ้นมือน้อยๆ เกาะเปลือกไม้ไว้ทำให้มือเล็กๆ ที่เสนบอบบางเริ่มถลอกนิดๆ แต่เจ้าตัวเล็กก็ไม่ยอมละความพยายาม ทั้งๆ ที่คนด้านบนพยายามตะโกนห้ามเสียงดังว่าไม่ให้ขึ้นๆ หากแต่ใบหน้าขาวหวานอมชมพูกลับส่งยิ้มสดใสตอบกลับไปให้

         “ถ้าเราขึ้นไปได้ เธอต้องบอกชื่อเธอนะ” ร่างเล็กเอ่ยบอกคนด้านบน ใบหน้าหวานเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นไปทั่ว

         นวัตรปีนขึ้นไปจนถึงกิ่งที่คนด้านบนเคยนั่ง เขานั่งพักหายใจหอบๆ เล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าการปีนต้นไม้จะยากขนาดนี้ทั้งๆ ที่ตอนเห็นพี่ชายปีนพ่วงด้วยมีเขาที่เกาะหลังราวกับลูกลิงก็ไม่เห็นพี่ชายมีท่าทางเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย แถมยังยิ้มหัวเราะพูดคุยกับเขาได้ตามปกติ

         เมื่อหายเหนื่อยนวัตรก็เริ่มสังเกตว่าต้นไม้ที่เขานั่งอยู่เริ่มขยับ ใบหน้าหวานที่เหมือนกับมารดามองขึ้นไปด้านบนเห็นคนที่อยู่เหนือกว่ากำลังปีนขึ้นไปเพื่อหลีกหนีการพบปะกับเขา

         นวัตรเริ่มปีนตามขึ้นไปอีกครั้งกลัวจะไม่ได้คุยกับคนด้านบนอีกครั้ง

         “อ๊ะ!” แต่แล้วมือเล็กๆ ก็ดันพลาดหลุดออกจากกิ่งไม้ ร่างเล็กตรงดิ่งลงข้างล่างตามแรงดึงดูดของโลก ดวงตาหวานเบิกกว้างเมื่อพอจะรู้ว่าตกไปแล้วจะเป็นเช่นไร ขาเล็กๆ ขูดกับกิ่งไม้เป็นทางยาว

         “เอ้ย!” เสียงจากคนด้านบนอุทานอย่างตกใจ  มือจากด้านบนพยายามเอื้อมมาคว้ามือเล็ก หากแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ร่างเล็กตกลงไปกระแทกกับพื้นดิน ขาเล็กๆ ข้างซ้ายบิดเบี้ยวอย่างผิดรูปหลังจากที่มีเสียงคล้ายอะไรหัก

         คนด้านบนปีนลงข้างล่างอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบวิ่งมาดูร่างเล็กที่นอนลืมตาหายใจรวยริน ดวงตาหวานสีน้ำตาลเต็มไปด้วยความตื่นตะหนกและมีน้ำใสคลอเต็มไปหมด  ริมฝีปากเล็กๆ พยายามเอ่ยคำพูดออกมาทั้งๆ ที่ทีเลือดกลบเต็มไปทั่วทั้งปาก หน้าผากมนแตกเป็นแผลมีเลือดสีแดงไหลออกมา ขาข้างขวาที่โดนกิ่งไม้เกี่ยวขูดเป็นทางยาวมีเลือดไหลซึมออกเป็นมาไม่หยุด

         “พี่...” ปากเล็กๆ เอ่ยเรียกพี่ชายที่แสนดี

         “นาย! อย่าเป็นอะไรนะ! อย่าหลับนะ นี่ๆ มองหน้าฉันสิ!” เสียงของเด็กผู้ชายที่ปีนลงมาจากต้นไม้เอ่ยบอก เมื่อสติของนวัตรเริ่มเลือนราง เห็นเป็นเพียงแค่เงาลางๆ และเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินเสียงของพี่ชายที่ตะโกนเรียกชื่อเขา...

         “กาล!!!!”



         เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยเหงื่อชื้น ดวงตาสีน้ำตาลที่ส่องแสงในที่มืดคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเมื่อนึกถึงเรื่องราวในฝัน นวัตรเอื้อมมือลูบหน้าคลายความกังวล ริมฝีปากบางหอบหายใจเมื่อนึกถึงฝันร้ายเมื่อกี้ แต่จะว่าเป็นฝันก็ไม่ถูกมันคือความจริงต่างหากความจริงที่เกิดขึ้นตอนกลางเดือนมีนาคมในช่วงวัยเด็กของเขาและเป็นประสบการณ์ที่หลอกหลอนเขามาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

         นานแล้วที่เขาไม่ได้ฝันแบบนี้ ครั้งสุดท้ายที่ฝันคือก่อนเดือนที่ประสบอุบัติเหตุที่พรากครอบครัวของเขาไป เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นทำให้นวัตรสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เขาจำเหตุกาการณ์นั้นได้เลือนรางมาก ภาพเด็กผู้ชายในฝันที่ปีนลงมาหาเขาดูเลือนรางราวกับมีหมอกหนาสีขาวมาบดบัง ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ว่าความจริงแล้วเขาเห็นใบหน้าของคนๆ นั้นชัดเลย แต่เมื่อฟื้นขึ้นมาดันจำไม่ได้ หลังจากเรื่องวันนั้นเกิดขึ้นนวัตรโดนสั่งห้ามออกไปไหนคนเดียวโดยไม่มีคนตามไปด้วย นวัตรในวัยเด็ก ขาหัก ปากแตก หัวที่แตกกับขาขวาที่ถูกกิ่งไม้เกี่ยวเป็นทางยาวถูกเย็บไปหลายเข็มกลายเป็นแผลเป็นที่รักษาไม่หาย ส่วนสมองกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อยไม่มีปัญหาอะไร พักฟื้น 2 เดือน แล้วค่อยหายมาเป็นปกติ

         จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้นวัตรก็ยังไม่รู้เลยว่าเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทั้งๆ ที่อยากทำความรู้จักแต่ก็เกิดเรื่องจนได้ มันกลายเป็นเรื่องฝังใจจนทำให้นวัตรไม่อยากปีนต้นไมอีกเลยต่อให้ไม่มีใครห้ามก็ตาม ดวงตาสีน้ำตาลเหม่อมองออกไปที่หน้าต่างอย่างเงียบเหงา ตอนนี้เขาต้องการกำลังใจต้องการอ้อมกอดของใครสักคนเพื่อปัดเป่าความทุกข์และความกังวลที่เกาะกุมหัวใจเขาอยู่

         อ้อมกอดนี้จะเป็นของใครไม่ได้นอกเสียจากอ้อมกอดของคนคุ้นเคยและเพื่อนสนิท...

         ...นาวิน...




         “ขอโทษนะกาล วินไม่ได้ตั้งใจ พอดีวินลืมอย่าโกรธวินเลยนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยหน้ากระจกพลางส่งส่ายตาออดอ้อนให้กับกระจกเงา

         “เฮ่อ...แล้วจะง้อยังไงว๊ะเนี่ย” นาวินเอ่ยพึมพำ พลางเอื้อมมือเสยผมเก๊กหล่อ เมื่อนึกถึงแผนง้อนวัตร

         ร่างสูงกำลังคิดแผนง้อนวัตร แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะง้อยังไง ทั้งๆ ที่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นวัตรโกรธเขา แต่เขากลับรู้สึกใจคอไม่ดีราวกับว่าถ้าเขาไม่คืนดีกับนวัตรจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์กับพวกเขาทั้งสอง เหมือนกับว่านวัตรเริ่มก้าวเดินถอยหลังห่างเขาไปทุกทีๆ นาวินถอนหายใจให้กับความงี้เง่าของตัวเอง เพราะนานๆ ครั้งนวัตรจะโกรธเขา เมื่อคิดถึงท่าทางงอนๆ ของร่างเล็กก็ทำให้นาวินหัวใจเต้นแรงแปลกๆ แล้วก็อดใจหายไม่ได้หากโดนโกรธถึงขนาดไม่มองหน้าเขาจะทำยังไง

         วันนี้เขาพยายามชวนนวัตรคุย แต่คนตัวเล็กกลับเอาแต่คุยกับธีรดลโดยไม่สนใจใยดีเขาเลยแม้แต่น้อย ทำราวกับเขาเป็นอากาศธาตุอย่างนั้นจนนาวินทนไม่ไหวตะโกนเรียกชื่อนวัตรเสียงดังจนครูที่กำลังสอนไล่ให้ออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว สร้างความอับอายให้แก่ลูกชายผู้อำนวยการเป็นอย่างยิ่ง ครูก็ไม่คิดจะเกรงใจเลยแม้แต่น้อยแต่ก็อย่างว่านั่นมันครูสมพรโหดอย่าบอกใครเพราะครูแกเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองเลยล่ะ จะลูกใครแกก็ไม่สนใหญ่คับฟ้าขนาดไหนก็ไม่ได้ทำให้แกเกรงใจเลย

         วันนั้นที่ไปเที่ยวสวนสนุกเขาเจอกับวนิดาที่นั่นตอนไปซื้อน้ำให้นวัตรที่กำลังมึนกับเครื่องเล่น วนิดาขอเวลาคุยกับเขา ในตอนนั้นนาวินยอมรับว่ายังโกรธแต่เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของหญิงสาวทำให้เขาตอบตกลง ทั้งๆ ที่ในใจห่วงคนที่รออยู่ แต่ไปคุยกันให้รู้เรื่องก็คงไม่นานนัก

         วนิดาพาเขามาร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอบอกกับเขาว่าเธอไม่ต้องย้ายไปต่างประเทศแล้ว พ่อของเธอยังประจำอยู่ที่ประเทศไทยเหมือนเดิม หญิงสาวจึงถามว่าเขายังรักเธออยู่ไหม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอจับจ้องเอาคำตอบจากเขาริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างรอคอยคับคลายคับคากับใครบางคนที่เขาคุ้นเคยแล้วยิ่งเห็นดวงตาสีอ่อนนั่นก็ทำให้เขาใจอ่อน จนในที่สุดเขาก็ตอบกลับไปว่า

         ‘ฉันยังรักเธออยู่ ไม่ว่านานสักเท่าไหร่ฉันก็ยังรักเธอ’

         แล้วหลังจากนั้นนาวินกับวนิดาก็กลับมาคบกันเหมือนเดิมราวกับเรื่องเมื่อวานเป็นเพียงแค่ความฝัน ทั้งสองชวนกันเล่นเครื่องเล่นอย่างสนุกสนานและตบท้ายด้วยการนั่นชิงช้าสวรรค์จูบกันอย่างดูดดื่มแล้วคืนนั้นเขากับวนิดาก็มีอะไรกันครั้งแรก เสียงครางครวญและใบหน้าหวานขึ้นสียามมีความสุขดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอมองเขาอย่างหยาดเยิ้ม ในวันนั้นความสุขที่เขาได้รับมันล้นแทบทะลักออกมาเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่วนิดากับเขามีอะไรกัน

         ...มันสุข...สุขจนทำให้เขาลืมใครบางคนที่กำลังรอคอยเขาอยู่ที่สวนสนุก...จนสวนสนุกปิด...




         “มองอะไร!” เสียงใสตวาดร่างสูงที่กำลังมองตน

         สุธินทร์มองดูธีรดลที่กำลังเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้เสื้อผ้า ธีรดลตวาดแว้ดๆ ใส่สุธินทร์ที่กำลังมองเขาไมวางตา ไม่ว่าจะเดินไปไหนหยิบจับอะไรก็มีสายตาของคนตัวสูงมองอยู่ไม่ห่าง ทั้งเขินทั้งโกรธตีกันยุ่งไปหมด แต่แล้วจู่ๆ มือหนาก็คว้าร่างบางมากอดกกไว้บนโซฟา คนตัวโปร่งถลาไปตามแรงมือก่อนจะนั่งปุ๊กอยู่ที่ตักของร่างสูง ปากเรียวๆ เริ่มทำหน้าที่ตวาดแว้ดๆ ด้วยคำพูดเจ็บๆ แสบๆ

         หลังจากกลับมาจากโรงเรียนจนตอนนี้มาถึงคอนโดแล้วธีรดลยังไม่หายโกรธสุธินทร์เรื่องที่ไม่ยอมไปรับที่สนามบินเลย คนตัวสูงก็ยิ่งไม่ชอบพูดมากอยู่ด้วย นั่นคงทำให้ร่างโปร่งอารมณ์เสียอยู่พอสมควร ใจจริงสุธินทร์ก็อยากเอ่ยไขข้อกระจ่างตอนอยู่ที่โรงเรียนหรอกนะแต่เพราะเขาไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันกับธีรดลเลยทำให้ไม่ค่อยจะมีเวลาคุยเวลาปรับความเข้าใจกัน แถมตอนกลางวันก็ยังต้องไปประชุมวางแผนเกี่ยวกับการแข่งขันเดือนหน้าอีกเลยยุ่งๆ ถ้าจะมีเวลาส่วนตัวก็คงจะมีแต่ช่วงกลางคืนนี่แหละ ร่างโปร่งในอ้อมกอดเริ่มออกแรงดิ้นมากขึ้นมือเรียวเริ่มการจิกข่วนราวกับแมวบ้าที่กำลังตกมัน (?) แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนร่างสูงชะงักเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลร่างโปร่งก็ทำส่งเสียงอึมอำในลำคอ สุธินทร์มองคนในอ้อมกอดอย่างขำๆ แล้วคิดว่าในที่สุดแมวน้อยของเขาก็หยุดดิ้นเสียที

         ร่างสูงเริ่มคิดถึงของที่อยู่ในถุงผ้าเพราะธีรดลมัวแต่แจกของฝากมากมายให้กับคนอื่นแต่กับเขาธีรดลยังไม่ได้ให้อะไรเลย ร่างสูงถอนหายใจกับอาการงอนของคนในอ้อมกอด

         “ของฝากล่ะ” เสียงทุ้มติดเย็นชาของสุธินทร์เอ่ยถามธีรดล ร่างโปร่งเงยหน้ามองคนตัวสูงมือเรียวๆ เริ่มแกะมือหนาที่กอดตัวเองแน่น เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็เริ่มดิ้นรนจนคนตัวสูงทนไม่ไหวกอดแน่นยิ่งกว่าเดิมแล้วเชยคางเรียวให้หันหน้ามามองก่อนจะประทับริมฝีปากหนาทาบทับริมฝีปากเรียวที่แสนนุ่มนิ่มเพื่อเป็นการคาดโทษเล็กๆ

         “อื้อ!” ร่างโปร่งพยายามขัดขืนหดลิ้นหนีออกจากลิ้นร้อนๆ ที่ขยับเข้ามาก่อกวนภายในปากหากแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อลิ้นร้อนพยายามสอดเข้ามาลึกยิ่งกว่าเดิมกวาดไปจนทั่วทั้งโพร่งปาก ลัดเลาะไปตามฟันดูดชิมกระพุ้งแก้มอย่างหยอกเย้าจนคนในอ้อมกอดอ่อนระทวยราวขี้ผึ่งลนไฟ

         สุธินทร์ยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นร่างโปร่งในอ้อมกอดสงบลงอีครั้ง ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นอุ้มร่างโปร่งตรงไปที่เตียงนอนขนาดกว้างที่สั่งแบบพิเศษเพื่อเขาทั้งสองโดยเฉพาะ ใบหน้าสวยก้มหน้างุดเมื่อนึกถึงวินาทีข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นมือเรียวเริ่มทุบอกร่างหนาอย่างแรง แต่ก็ไม่เป็นผลสุธินทร์วางร่างธีรดลลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาแล้วคร่อมร่างโปร่งให้อยู่ภายในอ้อมกอด ดวงตาสีโกโก้ๆ สบเข้ากับดวงตาสีฟ้าก่อนที่ริมฝีปากหนาจะเริ่มลากจูบซอกคอ มือหนาเอื้อมมาปลดเปลืองเสื้อผ้าของคนตัวโปร่งอย่างชำนาญ

         “เด...เดี๋ยว!...เดี๋ยวธัน...หย...หยุด...” เสียงหวานเริ่มหอบเมื่อคนตรงหน้าเริ่มรุกหนักขึ้น มือเรียวดันร่างสูงที่คร่อมให้ออกไปให้ห่าง

         “อะไร” สุธินทร์ขมวดคิ้วยุ่งไม่ชอบใจมากนักกับท่าทีขัดขืนของคนตรงหน้า

         “อ...อธิบายมาก่อนเรื่องผู้หญิงคนนั้น” ใบหน้าร่างโปร่งเริ่มงอเมื่อนึกถึงคำพูดของพนักงานที่เขาถาม

         “แฟนเพื่อน” คำตอบสั้นๆ ง่ายๆ คลายความกังวลให้กันธีรดลทันที ร่างโปร่งรู้ว่าร่างหนาไม่เคยโกหกเขา ในเมื่อร่างสูงบอกว่าเป็นแค่เพียงแฟนเพื่อน มันก็คือแฟนเพื่อนไม่มีอย่างอื่น

         เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายิ้มออกแล้วสุธินทร์ก็เอื้อมมือไปคว้าที่คาดผมหูแเมวที่ร่างโปร่งซื้อมาแกล้งนวัตรพลางคิดว่า ตอนที่ร่างโปร่งสวมมันช่างน่ารักและเข้ากัน ตอนนั้นที่โรงเรียนเขาได้ดูไม่นานนักเพราะธีรดลเอาออกเสียก่อน ตอนนี้เขาเลยของสวมหน่อยแล้วกัน ร่างสูงสวมที่คาดผมหูแมวบนศีรษะของอีกฝ่ายพลันหัวใจก็เต้นแรงขึ้นทันที

         “ไอ้บ้ามองอย่างนี้หมายความว่ายังไง!” ร่างโปร่งเอ่ยถามใบหน้าสวยแดงเถือกจนถึงใบหู เรียกสายตาจากร่างสูงได้เป็นอย่างดี คนร่างโปร่งก้มหน้างุดอย่างอายๆ

         “เหมาะจัง” พูดจบร่างโปร่งก็กระโจนเข้าครอบครองริมฝีปากเรียวโดยทันที...


 :catrun:


เอามาลงแค่นี้ก่อน ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ

เป็นเรื่องที่สองที่แต่งแล้วจบ รู้สึกภูมิใจมากๆ เลยค่ะ

ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใดก็บอกได้เลยนะคะ

หรือมีเ้รื่องอะไรจะคุยก็ PM ไปหาได้เลยค่ะ คนเขียนไม่หยิ่ง
  :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 2 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 25-10-2012 12:37:23
TwT
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 3 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 25-10-2012 14:15:41
น่าสนุกดีค่ะ ติดตามอยู่นะตัวเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 3 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 25-10-2012 14:40:00
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 3 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 25-10-2012 14:46:44
สงสารกาลอ่ะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 3 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: MonaLis ที่ 25-10-2012 14:56:40
เพื่อนรักเพื่อน..  :sad4:
มันต้องเศร้าแน่แน่  :เฮ้อ:

รออ่านตอนต่อไปค่ะ..  :z3:


 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 3 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-10-2012 15:10:36
.....ควายจริงๆด้วย

เพื่อนประสาอะไรได้หญิงแล้วลืมเพื่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 3 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 25-10-2012 16:42:43

แง่วววว สงสารกาล นายวินนี่ก็โง่จริง
เบื่อคนไม่รู้ใจตัวเอง
รออ่านต่อจ้าาา
เป็นกำลังใจให้น้าคนแต่งจ๋า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 4 (26/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 26-10-2012 17:43:40


เพื่อนสนิท : 4


         “กาลกูขอคุยด้วยหน่อย” นาวินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านวัตร คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองคิ้วเรียวขมวดกันเป็นปม เม้มปากแน่นไม่ยอมสบตาคนตรงหน้าจนนาวินอดใจหายไม่ได้เพราะไม่ค่อยได้เจอปฏิกิริยาของคนตรงหน้าหนักขนาดนี้ คิดว่าแค่คงจะงอนแบบธรรมดาๆ ทั่วไปไม่มีอะไรมาก

         “ไม่” คำตอบสั้นๆ ถูกส่งไปให้ร่างสูง ก่อนที่ขาเล็กๆ จะเดินหนีไป

         นาวินวิ่งตามก่อนที่จะคว้ามือเล็กๆ ลากไปหลังโรงเรียน คนตัวเล็กมีท่าทีขัดขืนพยายามสะบัดมือหนาออกจากการเกาะกุม หากแต่ไม่เป็นผลยิ่งสะบัดมือหนาก็ยิ่งรัดแน่นกว่าเดิมจนมือเล็กเกิดรอยแดงทำให้เจ็บ นวัตรเม้มปากแน่นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเริ่มคลอไปด้วยน้ำตา ก้มหน้างุดอย่างหลีกเลี่ยงสายตาทำไมพอเป็นเรื่องของนาวินทีไรนวัตรจึงมักอ่อนแอจนน้ำตาจะไหลอย่างนี้ทุกครั้งนะ เมื่อถึงสวนหลังโรงเรียนมือหนาก็คลายมือให้รัดน้อยลงแต่ไม่ยอมปล่อย

         “กาล...” คนตัวสูงเอ่ยเสียงอ่อน หากแต่คนก้มหน้านิ่งก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา มือหนาปล่อยออกจากมือเล็กก่อนจะยืนไปประคองใบหน้าหวานให้เงยขึ้นสบตา

         ยิ่งมองน้ำตาก็ยิ่งอยากจะไหลออกมาเพราะดวงตาคู่นี้คงจะไม่ได้มองเขาแต่เพียงผู้เดียวอีกแล้ว เพราะเขาได้ยินว่าเมื่อวานนาวินคืนดีกับวนิดาแล้ว แค่คิดก็เจ็บปวดหัวใจจนน้ำตาหยดลงมาอย่างห้ามไม่อยู่

         “ขอโทษ...กาลวินขอโทษ” คนตัวสูงดึงร่างเล็กมากอด นาวินไม่ชอบเลยยามที่นวัตรร้องไห้มันทำให้เขารู้สึกปวดหัวใจแปลกๆ ราวกับมีมือปริศนาเอื้อมมาขยี้หัวใจเขา คนตัวเล็กสะอื้นอยู่ภายในอ้อมกอดร่างสูง ใบหน้าหวานซบกับแผ่นอกแกร่งของคนตรงหน้ามือเล็กที่แนบลำตัวยกขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมา นวัตรหลับตานิ่งหากแต่น้ำตาก็ยังไหลออกมาไม่หยุด “อย่าร้องไห้กาล อย่าร้อง วินขอโทษ...วินสัญญาจะไม่ทิ้งกาลไว้อีกแล้ว”

         ร่างเล็กดันร่างสูงออก เงยหน้าขึ้นส่งสบตาตัดพ้องให้กับตนด้านบน

         “วินอย่าสัญญา...อย่าสัญญา...ในสิ่งที่วินไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือเปล่า”  คนตัวเล็กกล่าวทั้งน้ำตาก่อนที่จะหันหลังเตรียมตัวเดินหนีไป คนตัวสูงรีบคว้าข้อมือทันที “วินปล่อย”

         “ไม่ปล่อยกาลฟังวินก่อนสิ ที่วินหายไปตอนนั้นเพราะวินไปคุยกับแหวนแล้วเราสองคนก็กลับมาคบกันเหมือนเดิมแล้ว...” ยิ่งคนตัวสูงพูดเรื่องนี้ก็เหมือนกับยิ่งเป็นการตอกย้ำให้นวัตรรู้ว่าเขาไม่มีสิทธิในตัวนาวินโดยที่นาวินไม่รู้ตัว เขามันก็แค่เพียงเพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก สิทธิที่มีก็แค่เพื่อนสนิทที่ทำได้แค่เตือนไม่มีสิทธิจะบังคับให้นาวินรักกับใครเลิกกับใครหรือแม้แต่หันมารักเขา

         “วินรู้ไหมหลังจากที่วินหายไปกาลเป็นยังไง” คนตังสูงเงียบรอฟัง เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อวานก็ทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้านขึ้นมาทันทีอย่างห้ามไม่อยู่ “กาลถูกไอ้ชั่วที่ไหนก็ไม่รู้ฉุดเข้าไปในห้องน้ำมันพยายามลวนลามกาล...”


         “ปล่อย! ปล่อยนะไอ้ชั่ว!!” นวัตรพยายามขัดขืนเมื่อจู่ๆ ก็มีร่างสูงผอมแห้งมาฉุดเขาเข้ามาในห้องน้ำและพยายามเอามือสกปรกเข้ามาในกางเกงยืนและปลดเข็มขัดของเขาออก ชายหนุ่มตรงหน้ามองนวัตรเหมือนคนโรคจิต

         “หึๆ สวยเหมือนกันนี่ สวยยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนอีก ให้ฟรีๆ กูก็เอาไม่ต้องจ้างให้เสียเงินหรอก” พูดจบมือผอมแต่ใหญ่ก็เอื้อมปิดปากบางพยายามไม่ให้ส่งเสียงดัง แต่มือเล็กก็เอื้อมตบหน้าคนตรงหน้าดัง เพลียะ! นั่นทำให้ชายหนุ่มโมโหขึ้นทันทีซัดกำปั้นหนาลงท้องของนวัตรอย่างแรงจนเด็กหนุ่มจุกใบหน้าหวานฉายแววเจ็บปวด

         ‘วิน...วิน...วินช่วยกาลด้วย!!’

         คนตัวเล็กพยายามเอ่ยเสียงถึงอีกคนที่กำลังไปซื้อน้ำให้ยังไม่กลับ มือเล็กๆ ทุบแผ่นหลังชายหนุ่มตรงหน้า แต่ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย มือหนาหยาบทีแสนน่าขยักแขยงเริ่มลูบไล้หนาท้องราบ คนตัวเล็กสั่นสะท้อนด้วยความกลัวที่เริ่มข้นมาเกาะกุมหัวใจ มือเล็กๆ เริ่มทุบประตูส่งเสียง ร่างสูงตรงหน้าทนไม่ไหวจับมือทั้งสองมัดด้วยเข้มขัดของตัวเอง แล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากบางไว้ไม่ใส่เสียงให้คนด้านนอกได้ยิน

         “คุณครับคุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงสวรรค์ของคนด้านนอกเอ่ยถาม พลางเคาะประตูตอบกลับ

         “อื้อ!ๆ” นวัตรรีบส่งเสียงของความช่วยเหลือ เขารังเกียจเหลือเกินแค่อากาศหายใจที่มีร่วมกับคนตรงหน้าก็แทบจะทำให้เขาตายได้

         “ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มที่กำลังลวนลามนวัตรอยู่ส่งเสียงบอกอย่างไม่ชอบใจที่มีคนมาขัดจังหวะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะกลัวคนที่อยู่ด้านนอกสงสัยและพังประตูเข้ามา

         “อื้ออออ อื้อ!ๆ” ร่างเล็กพยายามส่งเสียงตอบกลับจนร่างสูงซัดเข้าที่ท้องอีกรอบจนทำให้หมดแรงที่จะขยับตัว แต่ปากบางๆ ก็พยายามส่งเสียงออกมาอย่างสุดความสามารถ

         “แต่ผมได้ยินเสียงข้างใน...” คนด้านนอกพยายามตอบกลับไป ยังพูดไม่จบประโยคเสียงจากด้านไหนก็ตะคอกกลับมาอย่างโมโห

         “ก็บอกไม่มีอะไรไง!!”ร่างสูงดำเอ่ยบอก มือหยาบเริ่มปลดกระดุมนวัตรออกอย่างเร่งรีบก่อนจะก้มหน้าลากลิ้นสากๆ อยู่ที่ลำคอขาวผ่องของร่างเล็ก

         “อื้อ! อื้อ!!”ร่างเล็กพยายามส่งเสียงและหดคอหนีอย่างขยักแขยงกับสัมผัสที่ได้รับ

         โครม!

         จู่ๆ เสียงประตูถูกกระแทกอย่างแรงชายหนุ่มที่กำลังลวนลามนวัตรชะงักก่อนจะสบถอย่างหัวเสีย และจะปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระแล้วปีนห้องน้ำขึ้นไปลงห้องน้ำอีกห้องที่ว่างแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งร่างเล็กให้หายใจอย่างติดขัดอยู่ในห้องน้ำที่กำลังโดนกระแทกประตู

         โครมมมม!!!

         ประตูห้องน้ำถูกกระแทกเปิดออก ชายหนุ่มร่างหนาเดินเข้ามาภายในก่อนจะตกใจกับสภาพของนวัตรที่ปล่อยอกหน้าท้องมีรอยช้ำ ข้อมือเล็กถูกมัดด้วยเข็มขัด กางเกงถูกถอดออกนิดหน่อยส่วนกางเกงบ็อกเซอร์ถูกเลิกลง ปากถูกปิดด้วยผ้าเช็ดหน้า ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเต็มไปด้วยความตื่นตะหนก

         “คุณครับ!!!” ร่างหนาตรงเข้ามาช่วยนวัตรทันที

         นวัตรที่กำลังตื่นกลัวส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ชายหนุ่มที่พังประตูเข้ามาเดินเข้ามาแก้เข็มขัดออกขากข้อมือเล็ก เมื่อมือเป็นอิสระนวัตรก็ดึงผ้าเช็ดหน้าที่ปิดปากออกก่อนที่จะจัดกางเกงและติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เข้าที่ ใบหน้าหวานมีเหงื่อผุดเต็มไปหมด หากแต่กลับไม่มีน้ำตาเลยแม้แต่น้อย
 
         นวัตรเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มผิวขาวจัดตัวหนาสูง ชายหนุ่มถามอย่างเป็นห่วงว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ นะ นวัตรจึงพยักหน้าบอกว่าไม่เป็นห่วงเพราะเขามากับเพื่อนก่อนที่จะบอกลากันไป

         หลังจากนั้นนวัตรก็นั่งรอนาวินอยูหน้าซุมถ่ายภาพที่เขาเดินออกมา รอจนสวนสนุกปิดก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของร่างสูง  พอโทรศัพท์ไปหาก็ยอมไม่รับสาย



         “ถ้าตอนนั้นไม่มีคนเข้ามาช่วยกาลไว้ ตอนนี้กาลก็คงไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง!!!” นวัตรตะคอกอย่างโกรธๆ เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น ทั้งตัวก็สั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว

         นาวินดึงร่างเล็กเข้ามากอดอีกครั้งปากก็พร่ำบอกขอโทษไม่หยุดจะไม่ทิ้งอีกแล้ว ทำให้นวัตรถึงกับน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่ ซบหน้ากับแผ่นอกของคนตัวสูง นาวินลูบหลังปลอบๆ ทันทีฟังเรื่องจบเขาแทบอยากจะฆ่าผู้ชายที่ทำร้ายนวัตรให้ตาย ดวงตาสีดำแฝงไปด้วยไฟโกรธ ถ้าตอนนั้นเขาอยู่กับนวัตรเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะเขาถ้าเขาไม่ทิ้งนวัตรไปหาวนิดานวัตรคงไม่เจอเรื่องเลวร้ายขนาดนี้แน่ คิดได้อย่างนั้นก็กอดร่างเล็กไว้แน่น เกือบไปแล้วเขาเกือบจะสูบเสียนวัตรไปแล้ว...

         เด็กหนุ่มทั้งสองโอบกอดกันโดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนแอบมองอยู่หลังพุ่มไม้ดวงตาสีอ่อนมองทั้งคู่อย่างเคียดแค้นก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ ริมฝีปากสีหวานยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินหายไปจากตรงนั้นโดยไม่มีใครรู้ตัว...




         “ทำไมวันนี้เข้าห้องสายจังว๊ะ พวกมึงมัวแต่ไปทำอะไรกัน” ธีรดลเอ่ยถามทันทีที่ครูออกจากห้องไปแล้ว ใบหน้าสวยของคนตัวโปร่งดูซีดเซียวราวกับอดหลับอดนอน ท่าเดินก็แปลกๆ จนเพื่อนหลายคนแปลกใจ หากแต่ก็ไม่มีใครถาม นาวินพอจะรู้แต่ก็ไม่ถามอะไรมาก

         นักเรียนในห้องก็เริ่มเก็บของกลับบ้าน นวัตรหันไปมองเพื่อนก่อนจะก้มหน้าลงเก็บของใส่กระเป๋าไม่ตอบคำถามของคนร่างโปร่ง

         “ไปง้อคน” นาวินเอ่ยตอบคำถามแทนไขความกระจ่างให้กับร่างโปร่งได้ทันที ธีรดลหันมองนวัตรและนาวินอย่างเข้าใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

         “แล้วง้อสำเร็จไหมล่ะ” คนตัวโปร่งถามก่อนที่นาวินจะยักคิ้วให้เหมือนตอบว่า มีหรือจะไม่สำเร็จ

         “เฮ้!ๆ ทุกคนฟังทางนี้หน่อย” เสียงทุ้มห้าวของ ‘จอมทัพ อัครเทพสุธิน’ หรือ ‘จอม’ หัวหน้าห้อง ชั้นมัธยมปลายที่ 5/3 ตะโกนเรียกเพื่อนๆ ที่กำลังเก็บของ ทุกคนจึงหันไปทางบุคคลที่กำลังยืนอยู่หน้าห้อง “พรุ่งนี้วันคริสต์มาสใครจะไปฉลองที่ไหนบ้าง”

         หัวหน้าห้องเอ่ยถาม นักเรียนคนอื่นๆ ทำท่าครุ่นคิด ธีรดลยกมือขึ้นเรียกสายตาคนอื่นๆ

         “กูไม่ว่างนะไอ้จอม พอดีมีธุระ” ธีรดลบอกเพราะมีนัดสำคัญกับคนบางคนแล้วก่อนที่จะเอามือลงแล้วคลำเอวอย่างปลงๆ หัวหน้าห้องมีท่าทางเสียดายเล็กน้อยแต่ก็ตอบกลับไปว่าไม่เป็นอะไร ก่อนที่จะมีเพื่อนอีกหลายคนยกมือว่าไม่ว่างเหมือนกัน

         ตอนนี้พวกที่ว่างจึงเหลือประมาณ 20 กว่าคนหนึ่งในนั้นรวมนาวินกับนวัตร แต่แล้วจู่ๆ คนตัวสูงที่อยู่ข้างๆ นวัตรก็ยกมือขึ้น หัวหน้าหันมามอง

         “อย่าบอกนะวินว่ามึงไม่ว่าง ไม่ได้นะเว้ย ยังไงงานนี้มึงก็ต้องไป” หัวหน้าบอกดักคอ แต่ร่างสูงก็ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่ใช่

         “กูแค่จะถามว่าเอาคนนอกไปด้วยได้หรือเปล่า” ร่างสูงเอ่ยถาม หัวหน้าพยักหน้าบอกว่าได้

         “ว่าแต่มึงจะเอาใครไป ผู้ชายหรือผู้หญิง” หัวหน้าถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

         “ผู้หญิงเว้ย” นาวินเอ่ยตอบประกายในตาวิบวับ นวัตรก้มหน้าเพราะเขารู้ว่านาวินต้องเอาวนิดาไปแน่นอน

         “สัตว์! พี่แหวนหรือเปล่าถ้าใช่ก็ชวนเพื่อนพี่แกมาด้วยนะเว้ย” หัวหน้าเอ่ยทีเล่นทีจริง ร่างสูงพยักหน้าแล้วหัวเราะนิดหน่อย “รวมๆ แล้ว 24 คนนะ ใครจะเอาใครมาด้วยก็เอามานะเว้ยจะได้แชร์ค่าเหล้ากันด้วย กูบอกไว้ก่อนนะว่างานนี้ไม่มีเลี้ยงตัวใครตัวมันเงินใครเงินมัน จ่ายเท่ากันไม่ว่าจะกินมากกินน้อย แล้วอย่าลืมเอาตังไปเยอะๆ นะเว้ย งานนี้ไม่เมาจนคลานเป็นหมาไม่เลิก”

         พูดจบหัวหน้าก็เดินออกจากห้องไปทิ้งให้พวกที่เหลือที่ไปด้วยอ้าปากเหวอเพราะนึกว่าหัวหน้ามันจะเลี้ยง บ้างก็บ่นว่าไปยกเลิกตอนนี้ทันไหม แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งบอกว่า ถ้ายกเลิกปรับจ่ายเป็นสองเท่าเรียกเสียงโห่ร้องได้ทันทีและเสียงที่เอ่ยอย่างเห็นแก่ตัวนั่นจะเป็นของใครไม่ได้นอกเสียจากหัวหน้าเจ้าเก่าที่ยังเดินไม่พ้นห้อง




         “กาลมึงรอกูอยู่หน้าโรงเรียนก่อนนะเดี๋ยวกูตามไป” นาวินเอ่ยบอกก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในโรงเรียนปล่อยให้คนตัวเล็กยืนงงๆ อยู่หน้าประตูโรงเรียน

         “อ้าว! กาลยังไม่กลับอีกเหรอ” จู่ๆ เสียงหนึ่งก็เอ่ยถามจากด้านหลังนวัตรหันกลับไปมองก็เจอกับ ‘ศักดิ์สิทธิ์ คามูระกิ’ หรือ ‘พี่คีย์’ นักกีฬาอันดับหนึ่งของโรงเรียนพ่วงด้วยประธานนักเรียนสองปีซ้อนที่ทั้งสาวจริงและสาวเทียมต่างก็หลงใหลได้ปลื้ม เพราะศักดิ์สิทธิ์เก่งเกือบทุกอย่างทั้งด้านการเรียนและกิจกรรมแต่ก็ยังไม่เก่งเรื่องการเรียนเท่านวัตร ร่างเล็กส่งยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้า นวัตรรู้จักกับศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เข้ามาวันแรกเพราะวันนั้นเป็นวันปฐมนิเทศแล้วนวัตรตื่นสายจึงทำให้มาโรงเรียนช้า แม้จะเคยมาเที่ยวเล่นที่โรงเรียนบ่อยๆ แต่นวัตรก็ยังไม่คุ้นเคยดีจึงทำให้หลงทางเข้าจนได้ โชคดีที่เจอเข้ากับศักดิ์สิทธิ์ที่มาทำหน้าที่ดูแลน้องๆ ศักดิ์สิทธิ์จึงพานวัตรมาส่งที่หอประชุมก่อนสายพอดี

         ศักดิ์สิทธิ์ เป็นคนผิวขาวเล็กน้อยไม่ขาวจัดเหมือนพวกขี้โรคอย่างนวัตร แล้วยังตัวสูงกว่านาวินเสียอีก ใบหน้าคม คิ้วดกหนาดวงตาสีดำออกน้ำตาล อกผ่ายไหล่ผึ่งสมกับเป็นชายชาติทหาร นิสัยยิ้มง่ายใจดีกับทุกๆ คน นวัตรยอมรับเลยว่าแอบปลื้มชายหนุ่มตรงหน้าอยู่เหมือนกันแต่มันก็แค่ปลื้มไม่มีอย่างอื่น

         “ยังเลยครับ รอวินอยู่” ร่างเล็กเอ่ยตอบคนร่างหนา

         “เหรอ เมื่อกี้พี่เห็นวินไปรับแหวนที่หน้าห้องเรียนอยู่ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวก่อนนะกลับบ้านดีๆ ล่ะ” ศักดิ์สิทธิ์เอ่ยบอกก่อนที่จะโบกมือลา นวัตรจึงยิ้มให้น้อยๆ และโบกมือลา

         “เฮ้ยกาล!” เสียงตะโกนของนาวินดังมาแต่ไกลนวัตรหันไปมองก่อนที่เจอร่างสูงที่คุ้นเคยกับร่างบางที่เดินเคียงคู่กัน หัวใจดวงน้อยๆ กระตุก พลางมองดูคนทั้งสอง นาวินกับวนิดาเมื่อยามที่เดินเคียงคู่กันมาเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก คนหนึ่งหล่อเหลาส่วนอีกคนก็ช่างงดงาม นาวินเดินเข้าใกล้ๆ คนตัวเล็กพลางตบบ่าสองสามทีก่อนจะชวนกลับบ้านกัน

         “สวัสดีจ๊ะน้องกาล ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ” วนิดาเอ่ยถามนวัตรแล้วส่งยิ้มหวานให้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่คล้ายกับนวัตรมีประกายอ่อนโยน นวัตรส่งยิ้มกลับไปให้ก่อนที่จะพยักหน้า

         “ครับ” มันจุกอยู่ที่คอจนแทบพูดไม่ได้ ราวกับนาวินเอาวนิดามาย้ำว่าทั้งคู่รักกันมากแค่ไหน คนนอกอย่างนวัตรไม่มีแม้แต่สิทธิที่จะคิดชอบหรือรัก

         “ได้ยินว่าพรุ่งนี้จะไปฉลองวันคริสต์มาสกันถ้าพี่ไปด้วยคงไม่ว่ากันนะ” หญิงสาวบอกยิ้มๆ เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากนาวินมาเมื่อกี้

         “ไม่หรอกครับ ไปสิดีจะได้ไปคอยคุมไอ้วินมันด้วย” นวัตรบอกอย่างติดตลก แต่ในใจกลับอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก  แต่ก่อนนวัตรก็เคยคุยกับวนิดาแต่ไม่เคยรู้สึกอึดอัดเลย แต่ทำไมวันนี้พอมาอยู่ใกล้ๆ แล้วมองตากลับรู้สึกแปลกๆ เสียวสันหลังอยู่ตลอดเวลา หัวใจก็ปวดหนึบราวกับอีกไม่นานจะมีเรื่องที่ทำให้เขากับนาวินต้องแตกคอกัน

         “อ้าวเวรกัดกูจนได้นะมึง” นาวินที่ถูกกัดเอ่ยก่อนจะผลักหัวคนตัวเล็กแล้วเอามืออีกข้างโอบกอดวนิดาเบาๆ “ไปกันเถอะ”

         นาวินก็เดินจูงมือวนิดานำหน้าออกไป นวัตรจึงทำได้เพียงเดินตามหลังอย่างเศร้าๆ...


 :catrun:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 4 (26/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 26-10-2012 17:49:06


ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ

พึ่งเป็นมือใหม่หัดเขียนอาจไม่สนุกสักเท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามฝึกไปเรื่อยๆ นะคะ

เรื่องสั้นเรื่องนี้ 9 ตอนจบนะคะ

ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถตอบเม้นได้เพราะช่วงนี้ยุ่งๆ กับการเปิดเทอม

ฝากตัวด้วยนะคะ ><

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 4 (26/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 26-10-2012 18:42:24
งื้ออ สงสารนวัตร เบื่อนาวินที่ไม่แสดงอาการหึงหวงเล้ยยย ไม่มีใจให้ซะที

เดี๋ยวก็เชียร์ให้คู่กับพี่คีย์ซะเลยหนิ >.<

+1นะคะ^_^

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 4 (26/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 26-10-2012 20:30:50
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 4 (26/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 26-10-2012 22:29:32
เมื่อไหร่กาลจะเข้มแข็งได้หล่ะ เป็นนายเอกใช่ว่าต้องอ่อนแอนิจะเอาตัวไปผูกกับวินทำไม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 4 (26/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 27-10-2012 22:05:40
-w-....
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 5 (28/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 28-10-2012 15:52:24


เพื่อนสนิท : 5


         “อ้าวๆ มากันครบหรือยัง” เสียงจอมทัพตะโกนรวมพลกันอยู่หน้าโรงเรียน นวัตรเดินเข้ามาใบหน้าหวานมองหาร่างสูงที่คุ้นเคยแต่กลับไม่พ้น มือเล็กเอื้อมกระชับเสื้อกันหนาวไว้แน่น ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยอยากจะมาแต่ก็ถูกนาวินห้ามไม่ให้ยกมือ นวัตรยืนตัวสั่นอยู่ปลายแถว ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ผู้คนมากมายต่างก็เดินกันไปมาเพราะวันนี้เป็นวันคริสต์มาส คู่รักหลายคู่ต่างก็เดินจูงมือกัน แค่เห็นก็ทำให้นวัตรอดรู้สึกไม่ชอบใจไม่ได้ เห็นแล้วมันขัดหูขัดตาอย่างไรไม่รู้

         แล้วจู่ๆ เสียงตะโกนโห่ร้องอย่างแซวๆ ก็ดังขึ้นมาจากหน้าแถว นวัตรยื่นหน้าไปมองเห็นนาวินกำลังโอบไหล่วนิดาที่ยืนตัวเล็กอยู่ในอ้อมกอด หัวใจก็พลันกระตุก เพื่อนๆ ที่เห็นต่างก็แซวกันอย่างสนุกปากเมื่อเห็นคู่รักทั้งสองเดินมา นาวินเอ่ยปากด่าบอกให้เงียบ ส่วนวนิดาก็ก้มหน้าด้วยความเขินอาย

         “หยุดๆ หุบปากกันเลยพวกมึงแหวนเขาเขินหน้าแดงหมดแล้ว”

         “โห้ย!ๆ แซวนิดแซวหน่อยก็ไม่ได้หวงจริงนะ” จอมทัพบอกก่อนที่สายตาตี่ๆ เหมือนอาตี๋จะมองหาเป้าหมาย “เฮ้ยวิน แล้วเพื่อนพี่แหวนล่ะ”

         “ก็ไปเที่ยวกับแฟนเขาน่ะสิถามได้” นาวินบอกอย่างกวนๆ เรียกเสียงโห่ร้องอย่างเสียดายจากเพื่อนๆ “เฮ้ยๆ แล้วกาลล่ะ”

         “กาลเหรอ เมื่อกี้กูเห็นแวบๆ เดี๋ยวนะ” จอมทัพมองหานวัตรก่อนที่จะเจอร่างที่ตัวเล็กที่สุดอยู่ปลายแถว “กาลๆ”

         จอมทัพกวักมือเรียกนวัตรที่ยืนตัวสั่น แต่ไม่ทันใจนาวินปล่อยมือที่โอบวนิดา แล้วเดินตรงไปหาคนตัวเล็กที่ก้มหน้างุดและสั่นเล็กน้อย มือหนาคว้าร่างเล็กมากอดไว้ในอ้อมแขนอย่างลืมตัว คนตัวเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นาวินมักจะเป็นอย่างนี้ทุกทีในยามที่เห็นนวัตรไม่สบายไม่ว่าจะกายหรือใจ มันทำให้เขาอยากดูแลและปกป้องไม่ให้เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลแสนหวานนี้ต้องเจ็บปวด

         “กาลเป็นอะไรหรือเปล่า ตัวสั่นเชียว” นาวินเอ่ยถามก่อนจะกระชับร่างในอ้อมกอดที่กำลังสั่นเทา นวัตรส่ายหน้าปฏิเสธแล้วดันร่างสูงให้ถอยออกห่าง

         “เฮ้ย!ๆ ทำอะไรเกรงใจเพื่อนกันหน่อย แฟนมึงยืนอยู่นี่นะเว้ย” เสียงเพื่อคนหนึ่งเอ่ยแทรกออกมาอย่างแซวๆ ทำให้ได้เสียงหัวเราะกลับมาอย่างคนอื่นๆ วนิดามองดูเพื่อนของนาวินแล้วยิ้มเจื่อนๆ เมื่อถูกแซว นาวินรู้สึกตัวก่อนจะคลายอ้อมกอดแต่ก็ไม่ยอมปล่อย

         “ไอ้กาลมันยิ่งไม่สบายง่ายอยู่พวกมึงก็ยังให้มันมายืนตากลมหนาวอีก” นาวินบอกอย่างเตือนๆ เพื่อนบางคนพึ่งนึกขึ้นได้แล้วเอ่ยขอโทษ หากเป็นร่างเล็กบอกไม่เป็นไร

         “อย่าทำหน้าเครียดกันขนาดนั้น เดี๋ยวงานก็กร่อยหมดหรอก มึงก็เหมือนกันวินทำอย่างกับกูเป็นเด็กๆ นี่กูโตจนหมาแทบจะเลียตูดกูไม่ถึงอยู่แล้วกูไม่เป็นอะไรหรอกน่า” นวัตรเอ่ยอย่างขำๆ เรียกมะกอกจากเพื่อนๆ ได้หลายลูก คนตัวเล็กหน้างอก่อนจะส่งค้อนให้เกือบทุกคนที่หัวเราะอย่างชอบใจ

         “ไปๆ ไปกันได้แล้วกูจองโต๊ะ VIP อย่างดีเตรียมไว้ให้แล้ว ชักช้าเดี๋ยวไม่ทันแดกเหล้า แดกสาว” จอมทัพพูดก่อนจะนำขบวนหนุ่มๆ สาวๆ เกือบ 30 คนไปที่ผับ


         “แม่งพวกมึงสั่งมาแดกหรือสั่งมาอาบว๊ะเนี่ย เยอะโครต” นวัครเอ่ยถาม จอมทัพหันไปมองก่อนจะส่งยิ้มอย่างกวนๆ ตอบ

         “หุบปากเลยมึง พวกกูสั่งมาแดกเว้ย คนคออ่อนอย่างมึงก็แดกเหล้าผสมน้ำอดลมไปอย่ามากวน” จอมทัพเอ่ยตอบกลับมา

         “โหๆ ดูถูก กูไม่ได้คออ่อนขนาดนั้นไอ้จอม” ร่างเล็กเอ่ยตอบอย่างอารมณ์เสียเมื่อมีคนมาสบประมาท

         “แน่หรอ หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ” จอมทัพยังไม่วายกวนเมื่อเห็นคนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มผู้ชายมีท่าทีไม่พอใจ จอมทัพชอบเหลือเกินกับการยั่วอารมณ์คนนี่ยกให้เป็นที่หนึ่งเลย

         “อย่ามาดูถูก” ร่างเล็กกัดฟันกรอด นาวินส่ายหน้าเมื่อเห็นมันชักจะไปกันใหญ่ มือหนาเอื้อมไปคว้าไหล่เล็กๆ เพื่อห้าม แต่เจ้าตัวดันสะบัดหนีอย่างรำคาญทำให้หน้านาวินถึงกับชาวาบอย่างไม่พอใจ

         “แน่จริงเรามาดวนกันไหมล่ะ ถ้ามึงแดกเหล้าได้เยอะที่สุดคนนั้นไม่ต้องจ่ายค่าเหล้า แต่ถ้ามึงแดกได้นิดเดียวแล้วคอพับไปกับโต๊ะมึงต้องจ่ายส่วนของกูกับมึง” จอมทัพบอก นวัตรมีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้า

         “เฮ้ยกาล!” นาวินเอ่ยอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าร่างเล็กกล้าตกลงกับจอมทัพ ใครๆ มันก็รู้ว่านวัตรคออ่อนกินได้นิดหน่อยก็คอพับซะแล้ว แต่นี่ดันไปรับคำกับจอมทัพที่คอแข็งอยู่พอสมควร งานนี้ไม่ต้องกินเหล้าก็รู้แล้วว่าใครแพ้ใครชนะ แต่อย่างไรเสียยังไงนาวินก็ต้องจ่ายค่าเหล้าให้นวัตรอยู่ดีเพราะเขาเป็นคนลากนวัตรมาเอง

         “หุบปากมึงเลยวิน มึงไม่ต้องมาเตือนกู” นวัตรชี้หน้าอย่างรู้ทัน นาวินอึ้งเขาไม่เคยเห็นคนตัวเล็กขัดคำสั่งเขาเลย นี่เป็นครั้งแรกที่นวัตรชี้หน้าเขาบอกให้หยุด “เริ่มเลยไหมไอ้จอม”

         นวัตรหันมามองจอมทัพที่กำลังยิ้มอย่างอามรณ์ดี จอมทัพพยักหน้าก่อนที่แก้วเหล้าขวดที่หนึ่งจะถูกวางไว้ตรงหน้าของจอมทัพและนวัตร

         “เฮ้ย!ๆ แก้วอย่างนั้นเหรอ ไม่ดีมั้งกูว่าเป็นขวดเลยดีกว่า” จอมทัพบอก

         “เฮ้ย!!!” เพื่อนๆ ต่างก็ทำหน้าตกใจไม่คิดว่าจอมทัพจะเล่นหนักขนาดนี้ นวัตรอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เขารู้ว่าจอมทัพจงใจจะแกล้งยั่วเขาให้อารมณ์เสีย แต่ก็อดจะตกหลุมพรางที่จอมทัพขุดขึ้นไม่ได้

         “ว่าไงไอ้กาล มึงกล้าเอาหรือเปล่า” จอมทัพหันมามองนวัตรที่กำลังทำหน้านิ่ง ใจจริงจอมทัพก็ไม่อยากทำอย่างนี้หรอก แต่เขาทนความกระอักกระอวนของเพื่อนสนิทคู่นี้ไม่ได้ อย่าคิดว่าหัวหน้าอย่างเขาจะดูไม่ออกปกครองคนมาตั้งเยอะแยะก็ต้องสังเกตคนของตัวเองบ้างสิ เรื่องของธีรดลกับนักเรียนต่างห้องอย่างสุธินทร์เขาก็พอดูออกและรู้สึกว่าทั้งสองคนจะเข้าใจกันดีแล้ว แต่กลับกันกับคู่นี้เนี่ยน่ะสิ นาวินกับนวัตร คนหนึ่งก็โง่ดักดานไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ส่วนอีกคนก็ยอมทนเพราะคำว่าเพื่อนต่อให้ตัวเองจะเจ็บขนาดไหนช่างเป็นคนดีเสียจริง... หลายคนดื่มเหล้าจนเมาแล้วจะพูดความจริงในใจ ถ้าหากเขาลองกับนวัตรมันจะยอมพูดความจริงหรือเปล่างานนี้ต้องยอมเสี่ยงกันดู

         “เอายังไงก็เอามาเลย” พูดจบขวดเหล้าก็ถูกลำเลียงมาหน้าของแต่ละฝ่าย นาวินมองนวัตรอย่างเป็นห่วง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขารู้ว่าคนอย่างนวัตรถ้าหากตัดสินใจจะทำอะไรเจ้าตัวก็ต้องทำให้ถึงที่สุด กลับกันถ้าหากเรื่องที่นวัตรเห็นแล้วจะเป็นผลเสียต่อคนอื่นเจ้าตัวจะไม่คิดที่จะทำเลยแม้แต่น้อย นวัตรจะเก็บเรื่องนั้นไว้ในส่วนลึกของจิตใจไม่ให้ใครรู้และจะไม่ยอมบอกใคร

         สิ้นเสียงขวดเหล้าก็ถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากของทั้งสองฝ่าย...




         “มึงแพ้...แล้วอ้ายกาลลลล” เสียงยานคางของจอมทัพเอ่ยบอกนวัตรที่ฟุบอยู่บนโต๊ะ นวัตรผงกหัวขึ้นจ้องใบหน้าของจอมทัพที่เลือนลาง

         “กูยางม้ายเมา...มึงอย่ามามั่วววว” นวัตรตอบอย่างอ้อแอ้ ก่อนจะลุกขึ้น “ปายห้องน้ำเดี๋ยว...แล้วกูจามาต่อออ”

         พูดจบนวัตรก็เดินตรงไปที่ห้องน้ำนาวินกำลังจะลุกตามไปหากแต่คนตัวเล็กชี้หน้าบอกเสียงอ้อแอ้ว่าไม่ให้ตามมา นาวินจึงต้องนั่งลงที่เดิมแล้วจิบเครื่องดื่มไปพลาง

         “วินค่ะ แก้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะคะ” วนิดาสะกิดนาวินที่กำลังทำหน้าเครียด แล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ


         “อ้วกกกกกกก” นวัตรเข้ามาในห้องน้ำเพื่ออ้วก ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะกล้าดื่มได้มากขนาดนี้ มึนหัวไปหมดเห็นผู้คนเลือนรางไปหมด แถมพื้นก็ยังขยับไปมาจนเขาแทบทรงตัวไม่ไหว นวัตรค่อยๆ เดินออกจากห้องน้ำอย่างทุลักทุเล แต่แล้วร่างเล็กก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยข้างๆ ห้องน้ำหญิง

         “ฮัลโหลค่ะพ่อ” เสียงนุ่มหวานที่คุ้นเคยดังขึ้น นวัตรค่อยๆ ชะโงกหน้าไปมองเห็นร่างเล็กของหญิงสาวคุยโทรศัพท์อยู่และนั่นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากวนิดา

         “...” ปลายสายตอบกลับมาอย่างไรนวัตรไม่อาจทราบได้แต่จากสัญชาตญาณของเขามันบอกว่าต้องเป็นเรื่องนาวินแน่นอน

         “แน่นอนแล้วค่ะ อีกสักสองสามอาทิตย์หนูถึงจะบอกเขา” วนิดาตอบกลับไปสายไป ริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีอ่อนแย้มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีประกายวาววับ

         “...”

         “เรื่องพ่อของเด็กในท้องหนูพ่อไม่ต้องห่วง ยังไงเขาก็ต้องรับอยู่แล้วเพราะหนูพึ่งมีอะไรกับเขาเมื่อวันอาทิตย์นี้เอง เขาโง่กว่าที่คิดอีกครั้งแค่ง้อนิดหน่อยก็ยอมหนูจนหมด ก็อย่างที่หนูบอกพ่อนั่นแหละค่ะ ว่าหนูสามารถหา ‘พ่อให้ลูกในท้อง’ ของหนูได้โดยไม่ต้องไปขอร้อง ‘พ่อแท้ๆ’ ของมันให้รับผิดชอบหรือหนีอายไปคลอดที่ต่างประเทศหรอกค่ะ” วนิดาบอกอย่างอารมณ์ดี แล้วเอนหลังพิงพนังห้องน้ำ

         “...” ปลายสายตอบกลับมาเรียกเสียงหัวเราะใสจากปลายสายได้

         แต่เดี๋ยว...นี่มันอะไร ใครท้อง ใครกันที่เป็นพ่อแท้...วนิดาท้องอย่างนั้นเหรอ...แล้วเธอจะให้ใครรับผิดชอบ...ทำไมต้องขอร้องพ่อแท้ให้รับผิดชอบ หญิงสาวจะเอาใครมาเป็นพ่อของเด็กแทนพ่อแท้ๆ นี่เขางงไปหมดแล้ว มันเรื่องอะไรกันยิ่งเขาฟังก็ยิ่งงง

         “ค่ะไม่ต้องห่วง ยังไงพ่อก็ต้องได้ ‘นาวิน บดินศักดิ์’ เป็นลูกเขยแน่นอนค่ะ แค่นี้นะคะพ่อ” พูดจบวนิดาก็วางสายไป นวัตรยืนอึ้งจนวนิดาเดินออกมาแล้วก็เจอกับเขา หญิงสาวมองด้วยความตกใจ

         “กาล...กาลมาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ” วนิดาดัดเสียงอ่อนหวานอย่างพยายามกลบเกลือนความผิด ใบหน้าขาวหวานซีดจางลงทันที เมื่อมองปฏิกิริยาของเขา นวัตรมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววคุกกรุ่น

         “หมายความว่ายังไง...” หลังจากที่ประติดประต่อเรื่องราวได้ก็ทำให้นวัตรหายเมาเป็นปิดทิ้ง เมื่อรับรู้ว่าวนิดาจะให้นาวินรับผิดชอบเรื่องราวที่นาวินไม่ได้ก่อ

         “อะ...อะไรกันจ๊ะ อะไรหมายความว่ายังไง” วนิดาปฏิเสธเสียงสั่น หญิงสาวไม่นึกเลยว่าจะมีคนมาแอบฟังอย่างนี้ ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทของนาวินด้วยแล้วด้วย

         “เรื่องที่เธอท้องแล้วกำลังจะให้วินรับผิดชอบเป็นพ่อของเด็กทั้งๆ ที่วินไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเด็ก!” นวัตรตะคอกใส่วนิดา ผู้คนที่ผ่านไปมาเริ่มหันมามองทั้งสอง วนิดาพยายามถอยหลังหนีส่วนนวัตรเริ่มสาวเท้าตาม จนหลังของหญิงสาวชนกับกำแพงข้างห้องน้ำ นวัตรเดินมาถึงแล้วเอามือทั้งสองข้างแตะไปที่กำแพงจนกั้นวนิดาได้ แม้ทั้งสองจะความสูงไล่เลี่ยกันแต่นวัตรก็สูงกว่าหญิงสาวอยู่บ้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร

         “กาลพูดเรื่องอะไร พี่ไม่เห็นเข้าใจเลย” วนิดาพูดก่อนจะพยายามหลบตาอีกฝ่าย

         “อย่ามาทำเป็นตีหน้าซื่อ ฉันได้ยินทุกอย่างที่เธอคุยกับพ่อของเธอ” นวัตรส่งสายตาไปให้อย่างคาดคั้นมือเล็กเชยคางของอีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อให้สบสายตากัน

         “ขะ...เข้าใจผิดแล้ว กาล...กาลคงหูฝาดไปมากกว่า”วนิดาเริ่มตัวสั่นแล้วมองหาทางหนีทีไล่เพื่อให้รอดพ้นจากน้ำมือนวัตร

         “อย่ามาโกหก! พูดความจริงมา ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเรื่องที่ได้ยินมาทั้งหมดไปบอกวิน แล้วทีนี่ดูสิว่าวินจะทำยังไง จะรับผิดชอบหรือจะพาเด็กไปตรวจ DNA ลองดู” นวัตรขู่อย่างเอาจริง

         “อย...อย่านะ! อย่าบอกวินนะกาล แหวนขอร้องอย่าบอกวินเรื่องนี้นะ” วนิดาจับมือนวัตรอย่างขอร้อง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่แสนสวยของหญิงสาวตรงหน้าเริ่มคลอด้วยน้ำตานิดๆ พาลให้นวัตรใจอ่อน แต่ไม่ได้เขาต้องเข้มแข็งไม่อย่างนั้นนาวินคงได้ถูกหลอกให้รับผิดชอบเป็นพ่อของเด็กแน่ๆ

         “ถ้าไม่อยากให้บอก เธอก็อย่ามาให้วินรับผิดชอบเป็นพ่อเด็ก” นวัตรยื่นคำขาด แม้จะสงสารวนิดาอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรถ้าเรื่องนี้จะมีใครที่ต้องรับผิดชอบก็น่าจะเป็นพ่อแท้ๆ ของเด็กที่ต้องออกมารับผิดชอบกับการกระทำนี้

         “แต่ว่า...” วนิดาพยายามปฏิเสธ

         “ไม่มีแต่! ถ้าเธอไม่ทำฉันจะออกไปบอกเรื่องนี้กับนาวินและก็เพื่อนๆ ของฉันที่มาด้วยทั้งหมด รับรอง...” นวัตรเว้นช่องให้หญิงสาวหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม

         “ร...รับรองอะไร” วนิดาถามอย่างตื่นกลัว นวัตรโน้มตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนดูเหมือนนวัตรกำลังก้มลงทำอะไรที่ซอกคอของอีกฝ่ายหากดูจากด้านหลัง

         “ก็รับรองว่าเรื่องนี้...เป็นข่าวใหญ่ของโรงเรียนแน่ หญิงสาวชื่อเล่นว่า ว. อดีตดาวโรงเรียนท้องไม่มีพ่อ จัดฉากล่อให้ลูกชายเจ้าของโรงเรียนมาเป็นแพะรับเด็ก...เป็นไงอย่างนี้ดีไหม” นวัตรเหยียดยิ้มให้คนตรงหน้า ทั้งๆ ที่จริงเขาก็ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายเสียชื่อเสียง แต่ก็ขู่ไปอย่างนั้นเพราะกลัววนิดาไม่ยอมทำตามที่เขาบอก วนิดาเบิกตากว้างก่อนจะหน้าซีดพยายามดิ้นออกจากวงแขนที่กั้นของอีกฝ่ายแต่นวัตรไม่ยอมปล่อยง่ายๆ จนดูเหมือนวนิดากำลังพยายามขัดขืนนวัตรที่กำลังลวนลาม

         “ทำอะไรกัน!!!” เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวจากด้านหลังของนวัตร คนตัวเล็กหันไปมองก่อนจะ...


 :catrun:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 1 (25/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 28-10-2012 16:19:00


แอบรักเพื่อน เรื่องนี้จึงต้องดราม่า

ก็ต้องคอยดูค่ะว่าจะซดมาม่าหรือเปล่า >_O


TwT

อย่าพึ่งร้องค่ะ ยังไม่ถึงช่วงดราม่าสุดๆ เลย >< (เก็บน้ำตาไว้ก่อน)


น่าสนุกดีค่ะ ติดตามอยู่นะตัวเอง

ขอบคุณค่ะ ^^


:monkeysad: :monkeysad:

อย่าพึ่งร้อง เดี๋ยวเขาร้องตาม T^T


สงสารกาลอ่ะ :monkeysad:

สงสารก็มาให้กำลังใจทุกตอนเลยนะคะ *_*


เพื่อนรักเพื่อน..  :sad4:
มันต้องเศร้าแน่แน่  :เฮ้อ:

รออ่านตอนต่อไปค่ะ..  :z3:


 :L2:

ก็ต้องอ่านถึงตอนจบแล้วจะได้รู้ว่าเศร้าหรือเปล่านะคะ ^O^


.....ควายจริงๆด้วย

เพื่อนประสาอะไรได้หญิงแล้วลืมเพื่อน

ก็คงเพื่อนอย่างนาวินมั้งคะ :)



แง่วววว สงสารกาล นายวินนี่ก็โง่จริง
เบื่อคนไม่รู้ใจตัวเอง
รออ่านต่อจ้าาา
เป็นกำลังใจให้น้าคนแต่งจ๋า


ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ค่า
จะอัพประจำๆ นะคะ >___</


งื้ออ สงสารนวัตร เบื่อนาวินที่ไม่แสดงอาการหึงหวงเล้ยยย ไม่มีใจให้ซะที

เดี๋ยวก็เชียร์ให้คู่กับพี่คีย์ซะเลยหนิ >.<

+1นะคะ^_^

จะว่าไปก็ดีนะคะพี่คีย์เนี่ย (เอ้า!ยังไงกันแน่)
555+ มีผู้ชายมากหน้าหลายตามาให้กาลเหลือเยอะ แต่ยังไงกาลก็รักเดียวใจเดียวค่ะ
เรามาคอยดูแล้วกันนะคะว่ากาลจะเอาชนะใจวินได้หรือเปล่า :P


:monkeysad: :monkeysad:

อย่าร้องค่ะอย่าร้อง TTOTT (เดี๋ยวร้องตามเลย)


เมื่อไหร่กาลจะเข้มแข็งได้หล่ะ เป็นนายเอกใช่ว่าต้องอ่อนแอนิจะเอาตัวไปผูกกับวินทำไม

ใช่ค่ะใช่ (หาพระเอกใหม่ดีกว่าไหม มีแต่คนไม่ชอบวิน) -*-


-w-....

 :L2:


**************

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนที่มีให้นะคะ

จะพยายามเขียนต่อไปค่า

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 5 (28/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: tegomon ที่ 15-11-2012 14:34:54


แล้วจะเป็นยังไงต่อไปกันเนี่ย

ทำไมวินถึงได้โง่ขนาดนี้เนี่ย ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 5 (28/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 15-11-2012 16:50:39
วินมาเจอ โทษ นายเอกแน่รุย =3=
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 ลง 50% (25/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 25-11-2012 13:05:39


เพื่อนสนิท : 6


         “ทำอะไรกัน!!!” เสียงนาวินตะโกนทำให้บริเวณเหล่านั้นปกคลุมไปด้วยความเงียบ ร่างสูงใบหน้าบูดบึ้งแฝงไปด้วยความโกรธกริ้ว นวัตรหันมองก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างเป็นการทักทายว่ามาได้จังหวะพอดี หากแต่ว่ารอยยิ้มนั้นอีกคนกลับแปลเป็นอย่างอื่น เป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน

         “มาได้จังหวะพอดีเลยนะ” นวัตรเอ่ยทักเมื่อนาวินเดินมาถึง คนตัวเล็กจับร่างที่เล็กกว่าตรึงไว้กับผนัง นาวินมองการกระทำของนวัตรด้วยความโกรธยิ่งกว่าเดิม “แฟนแกมีเรื่องสำคัญจะบอกแก”

         “ไม...ไม่ ไม่นะ!” วนิดาพูดเสียงสั่นด้วยความกลัว นวัตรจึงออกแรงบีบแขนเล็กให้คายคำพูดออกมาแต่เธอส่ายหน้าเม้มปากแน่น น้ำตาไหลพรากออกมาอย่างคนจนตรอก นวัตรจึงกระชากหญิงสาวให้มายืนอยู่ตรงหน้านาวิน ร่างเล็กของหญิงสาวสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่

         “สัตว์! มันจะมากไปแล้วนะ!!!” นาวินตะโกนจนวนิดาสะดุ้ง แววตาสีน้ำตาลเต็มไปด้วยความกลัวเมื่อเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า นาวินตอนนี้ใบหน้าบูดบึ้งด้วยความโกรธจนวนิดากลัว ทั้งๆ ที่เธอยังไม่ได้เล่าอะไรเลย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะได้ยินที่เธอพูดกับนวัตร อนาคตที่วาดหวังจะให้นาวินรับผิดชอบลูกที่อยู่ในท้องคงไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว เธอคงต้องทนแบกรับความอับอายและลูกคงเกิดมาไม่มีพ่อเป็นแน่แท้ “มึงทำอะไรแหวน!!!!”

         นวัตรอึ้งกับคำพูดของนวัตร แต่อึ้งได้ไม่นานหมัดหนักๆ ของร่างสูงก็กระแทกลงมาที่แก้มขวาอย่างแรงจนร่างเล็กทรุดลงไปกับพื้น มือที่จับวนิดาอยู่หลุดออกอย่างลืมตัว ร่างของหญิงสาวปลิวมาอยู่ในอ้อมกอดของนาวิน นวัตรมองเหตุการณ์อย่างไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมนาวินต้องมาทำร้ายเขาด้วยทั้งๆ ที่เขากำลังจะให้วนิดาบอกความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่เหนือความไม่เข้าใจกลับมีร่างเล็กที่กำลังเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อยู่

         วนิดาสวมกอดนาวินแล้วร้องไห้ฟูมฟายปลดเท็จว่า...

         “วิน...วินช่วยแหวนด้วย กาลเขากำลังจะลวมลามแหวน เพราะแหวนไม่ยอมเลิกกับวิน กาลเขาบังคับให้แหวนต้องเลิกกับวินเหมือนครั้งที่แล้ว แถมยังบังคับให้แหวนไปคบกับเขาอีก ฮือๆ” วนิดาปั้นน้ำเป็นตัวเสียจนนวัตรอย่างกระชากหญิงสาวมาต่อยปาก หากไม่ติดที่ว่าวนิดาเป็นผู้หญิง

         “ไอ้กาล!!!!” นาวินเรียกชื่อเพื่อนสนิทด้วยความโกรธ เขาไม่นึกเลยว่านวัตรจะเลวได้ขนาดนี้ เรื่องที่เขาต้องเลิกกับวนิดานวัตรเป็นคนวางแผนทั้งหมด เขาไม่น่าไว้ใจนวัตรเลยทั้งๆ ที่คิดว่าคบกันมาตั้งนาน สนิทจนแทบเป็นคนๆ เดียวกัน หากแต่ว่าความไว้ใจของเขาที่มีให้ทั้งหมดนวัตรกลับทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี หากนวัตรมาขอวนิดากับเขาดีๆ เขาก็คงพอจะยอมได้บ้าง เพราะสำหรับนาวินนวัตรคือเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขายอมให้ทุกอย่าง แต่นี่นวัตรกลับมาทำลายความเป็นเพื่อนของเขาให้หายลงไปในพริบตาเพียงเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว นาวินผิดหวังจริงๆ เขาไม่นึกเลยว่านวัตรจะกลับกลายเป็นคนแบบนี้ไปเสียได้ “มึงทำอย่างนี้ทำไม!”

         “วิน...” ร่างเล็กครางชื่อเพื่อนสนิทด้วยเสียงเศร้าสร้อย นวัตรไม่ยอมขยับลุกขึ้นยืนได้แต่นั่งคุดคู้อยู่กับพื้นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแสนหวานเริ่มคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากเล็กเม้นแน่นเมื่อเห็นท่าทางโกรธกริ้วของร่างสูง “มันไม่ใช่นะวิน กาลอธิบายได้”

         “มึงจะพูดอะไร หลักฐานมันก็เห็นเต็มตาอยู่แล้ว มึงยังจะแก้ตัวอะไร!”

         “วิน...วินฟังกาลก่อน” นวัตรพยายามอธิบาย แต่นาวินกลับไม่มีท่าทางที่จะยอมฟัง และยิ่งหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดก็ยิ่งพูดเป่าหูให้เรื่องราวมันเลวร้ายเสียยิ่งกว่าเดิม นวัตรมองสายตาของนาวินอย่างเจ็บปวด ไม่คาดฝันว่าวันที่จะต้องมาแตกหักกันจะมาถึงเร็วขนาดนี้ แค่ผู้หญิงคนเดียวที่นาวินรู้จักกันยังไม่ถึงห้าปีจะทำให้ความสัมพันธ์ที่นาวินกับเขาเลวร้ายได้ขนาดนี้

         นวัตรผิดหวัง...เพราะนาวินเลือกที่จะเชื่อใจคนอื่นมากกว่าเขา คำว่าเพื่อนสนิทคงจะใช้กับพวกเขาทั้งสองไม่ได้แล้ว...

         “สารเลว จากนี้มึงกับกูไม่ต้องมาพูดกันอีกเลยกาล เลิกคบกันเถอะเราสองคนน่ะ กูผิดหวังในตัวมึงจริงๆ” ในที่สุดนาวินก็พูดคำนี้ออกมา น้ำเสียงที่เจ็บปวดกับการตัดสินใจ แต่ว่าในเมื่อเลือกแล้วนาวินก็ไม่ถอนคำพูด

         นวัตรอึ้งกับประโยคที่ได้รับ นี่มันคืออะไร เรื่องแค่นี้ถึงกับเลิกคุยกันเลยเหรอ ร่างเล็กเบิกตากว้างอย่างตกใจ นาวินมองปฏิกิริยาของคนที่ ‘เคย’ เป็นเพื่อนสนิทอย่างเจ็บปวด ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป

         “ไอ้โง่!!!!” เสียงหนึ่งตะโกนมาจากด้านหลังนาวิน เมื่อหันกลับไปมองก็พบกับร่างเล็กที่กำลังยืนขึ้น และกระโจนเข้ามาหาตัวเอง

         โครม!

         ร่างสูงล้มลงไปกองกับพื้น มุมปากมีเลือดไหลออกเล็กน้อย นาวินมองคนที่ปล่อยหมัดมากระแทกหน้าตัวเอง ไม่นึกเลยว่านวัตรจะกล้าต่อยตน นวัตรปลายตามองร่างสูงที่นอนกองกับพื้นอย่างเย้ยหยัน ก่อนที่จะคร่อมร่างสูงแล้วเริ่มปล่อยหมัดหนักๆ กระแทกหน้า คนที่ ‘เคย’ ขึ้นชื่อว่าเพื่อนสนิท

         ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!

         “โง่! โง่!! โง่!!! มึงมันโง่ยิ่งกว่าควายอีก โดนผู้หญิงเขาหลอกมึงยังไม่รู้ตัวอีก กูไม่น่ามาพบมาเจอกับควายอย่างมึงเลย ไอ้คนที่เชื่อใจคนอื่นมากกว่าเพื่อนตัวเองเนี่ย ไอ้โง่ ไอ้เซ่อ ไอ้บ้า ไอ้ควาย ไอ้สัตว์ มึงกินหญ้าแทนข้าวหรือไง ถึงได้โง่ดักดานขนาดนี้ พ่อเป็นถึงผอ.โรงเรียนชื่อดัง ลูกทำไมโง่ขนาดนี้ มึงเอาสมองไปเก็บไว้ไหนหมด หัดคิดบ้าง อย่างมาโง่ให้ผู้หญิงมันหลอกง่ายๆ อย่างนี้” พูดจบก็นั่งเหนื่อยหอบอยู่บนท้องของร่างสูง “มึงไม่ต้องมาขอเลิกเป็นเพื่อนกูหรอก คนอย่างมึงนับจากนี้กูจะลืมไปเลยว่าเคยคบ ไอ้โง่!!!!!!”

         พูดจบก็กระแทกหมัดสุดท้ายใส่ร่างสูง แล้วลุกเดินหนีออกไป...

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 ลง 50% (25/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 25-11-2012 14:08:34
o13 o13
สะจายยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!
โคตรสะใจอะ สมน้ำหน้า
ดีมากกาลแม่งไม่ต้องสนใจผู้ชายหน้าโง่
ที่แม่งมัวแต่หลงชะนี จนลืมเพื่อน
คนที่แม่งคบกันมาตั้งแต่เด็ก น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าอีกคนเป็นไง
ยังจะมาเชื่อกับลมปากชะนี เฮ้อ เพลีย

ตัดให้ขาดเลยกาล ตัดให้ขาดเลยฉับๆๆๆๆ
รออ่านต่อจ้าาา รออีก 50 หลัง
เป็นกำลังใจให้เช่นเคยจ้า กอดด :กอด1:

ปล.รู้สึกคำว่าแม่ง มันเยอะจัง 55555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 ลง 50% (25/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 25-11-2012 14:22:26
น้ำตาคลอเลยอะ เพื่อนคบกันมานานกว่าชะนีนั่น แต่ต้องมาตกม้าตายกับอีชะนีนางนั่นอีก
เจ็บจายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 ลง 50% (25/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: mengsama ที่ 25-11-2012 15:35:37
สมน้ำหน้า วิน   กาลเข็มแข็งไว้ลูก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 ลง 50% (25/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 25-11-2012 16:00:53
เยส!!! o13 o13 o13 o13 มันต้องโดนซะบ้าง สะจายยยยยย o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 ลง 50% (25/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 25-11-2012 16:45:10
ชอบมากคะ มาให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 ลง 50% (25/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 25-11-2012 17:53:02
ใช่เลยยยย =w= อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 ลง 50% (25/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 25-11-2012 22:35:03
พึ่งมาอ่าน
สนุกดีนะตัวเอง
ตอนปัจจุบัน ทำเราน้ำตาไหล
เเต่ก็สะใจพอสมควร
มาต่อไวๆนะ :myeye: :myeye:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 จบตอน (26/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 26-11-2012 21:44:28


เพื่อนสนิท : 6 (จบตอน)


         น้ำตาแห่งความอ่อนแอไหลมาให้หมด ไหลออกมาให้หมด...แล้วนับจากพรุ่งนี้ก็จงเข้มแข็ง

         วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะร้องไห้ให้กับเรื่องพันนี้ ให้กับคนอย่างนั้น แล้วพรุ่งนี้ที่ตื่นขึ้นมาจะลืมให้จนหมดว่าเคยรู้จักกับคนอย่างนั้น

         จะลืมให้หมด จะไม่จำ จะลืมให้มันหมดไปจากสมอง ลบให้หมด คนอย่างนั้นไม่มีค่าพอจะให้เราจดจำหรอก คนโง่ๆ อย่างนั้น อย่าไปจำให้มันรกสมอง

         นวัตรทรุดลงร้องไห้อยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ที่เคยเจอกับเด็กผู้ชายปริศนาคนนั้น ร่างเล็กนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดิมที่เคยทำให้เจ็บตัว ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรแล้ว

         ‘...พ่อครับ แม่ครับ พี่ครับ ทำไมไม่เอากาลไปด้วย ทำไมต้องปล่อยกาลไว้คนเดียวอย่างนี้ด้วย ทำไมทุกคนต้องทิ้งกาลไปกันหมด กาลไม่เหลือใครแล้วตอนนี้ พ่อ แม่ พี่ เอากาลไปด้วย อย่าทิ้งกาลไว้อย่างนี้ กาลไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว มารับกาลที มารับกาลไปอยู่ด้วยที กาลคิดถึงทุกคน’

         นวัตรก้มหน้านิ่งน้ำตาไหลพราก อย่างสุดจะอั้น รู้สึกเหน็บหนาวไปทั่วหัวใจ อ้างว้าง โดดเดี่ยว ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกเจ้านายทิ้ง นวัตรไม่เคยคาดคิดเลยว่าความสัมพันธ์ของเขากับนาวินจะจบลงเพียงแค่นี้ ไม่เคยนึกว่าจะเร็วขนาดนี้ เร็วเสียจนทำใจไม่ทัน น่าใจหายทั้งๆ ที่พยายามทนมาตั้งแต่ตั้งกลับมาจบลงเพียงแค่นี้

         ร่างเล็กร้องไห้อย่างไม่ลืมหูลืมตาจนลืมสังเกตใครบางคนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ใครบางคนที่หอบฮักอยู่ข้างหน้าและทรุดลงมองคนที่กำลังร้องไห้

         “กาล...” เสียงทุ้มคุ้นเคยส่งผลให้ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนที่จะขยับหนีไปข้างหลัง “กาล...วินขอโทษ”

         นาวินวิ่งตามนวัตรมาตั้งแต่ออกจากร้านโดยทิ้งวนิดาไว้ที่ร้าน แต่ก็คลาดกันกับร่างเล็ก ตอนแรกก็ไปหาที่โรงเรียนหากแต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้มาหานวัตรที่นี่

         “อย่ามายุ่งกับกู!” นวัตรขยับหนีคนตรงหน้า ไม่นึกไม่ฝันเลยว่านาวินจะตามมา ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังด่าเขาว่าสารเลว แต่ตอนนี้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าแล้วขอโทษ หากเป็นอย่างเมื่อก่อนเขาคงจะยิ้มที่นาวินมาง้อ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนอย่างเมื่อก่อนนั้นได้อีกแล้ว เพราะทุกๆ อย่างมันจบกับประโยคนั้นของนาวินแล้ว มันจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ต่อจากวินาทีนี้เป็นต้องไปนวัตรจะเริ่มตัดใจจากนาวินแล้ว

         “กาล...”

         “กูไม่เคยรู้จักกับตนโง่ๆ อย่างมึง!” นวัตรตะคอกก่อนที่จะลุกขึ้นเดินหนีไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีมือหนากระชากตัวปลิวไปซบที่อกแกร่ง “สัตว์! ปล่อยกูนะไอ้ควาย ไอ้น่าโง่!!”

         “คำก็โง่ สองคำก็ควาย กูอุตส่ามาขอโทษ มึงยังจะเอาอะไรอีก” ร่างสูงเริ่มหัวเสียเมื่อคำขอโทษไม่เป็นผล

         “กูก็ไม่ได้ต้องการให้มึงมาขอโทษ เก็บคำขอโทษมึงไว้ใช้กับเมียมึงเถอะ เหมาะกันดีผีเน่ากับโลงผุ” นวัตรเริ่มหัวเสียบ้าง

         “มึงอย่ามาก้าวร้าวกับแหวน มึงมีอะไรก็พูดกับกูมาตรงๆ คนอื่นไม่เกี่ยวอย่าเอาเขามายุ่งด้วย” นาวินเริ่มโมโหเมื่อนวัตรยกวนิดามาพูด ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าเขาลืมเรื่องของวนิดาไปเสียสนิท หากจะกลับไปหาตอนนี้คงไม่ทันแล้วอีกอย่างก็ต้องมาปรับความเข้าใจกับนวัตรก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปขอโทษเอาแล้วก็ได้

         “จะไม่เกี่ยวได้ยังไง ก็ผู้หญิงคนนั้นมารยาร้อยเล่าเกรียนจะตาย เหอะ! โดนหลอกเป็นควายยังจะปกป้องกันอยู่ได้” นวัตรเริ่มพูดอย่างโกรธ จนลืมไปว่าทุกคำที่พูดออกไปมันแรงและทำให้คนฟังโกรธจนตอนนี้ห้ามอารมณ์ไม่อยู่แล้ว

         “หึ ควายอย่างนั้นเหรอ ดี! นับจากวันนี้มึงกับกู ไม่ต้องมารู้จัก ไม่ต้องมาคุย ไม่ต้องมาเผาผีกันอีก ความเป็นเพื่อนของเราจบลงเพียงเท่านี้ ให้ต้นไม้ต้นนี้เป็นพยาน มึงกับกูเราขาดกัน!!” นาวินกระแทกเสียงอย่างแรง ก่อนจะหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน คนปากแข็งที่เอาตัวเองเป็นหลังถึงกลับหน้าซีด เมื่อรู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดอะไรออกไปด้วยแรงอารมณ์

         นวัตรเงยหน้ามองร่างสูงที่คุ้นเคยด้วยแววตาตัดพ้อง น้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มยิ่งไหลออกมายิ่งกว่าเดิม ชวนให้คนมองใจอ่อน แต่เพียงเพราะทิฐิและศักดิ์ศรีที่อยู่ค้ำคอทำให้ร่างสูงต้องรีบเบือนหน้าหนีอย่างเจ็บปวดไม่แพ้กัน

         “เออ!” นวัตรกระแทกเสียงตอบกลับบ้าง ก่อนที่จะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ จนตาสีหวานเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย หากเป็นแต่ก่อนนาวินคงจะตรงมาหยุดมือเล็กนี้ไว้ แต่ตอนนี้มันกลับไม่ใช่แล้วเพราะตอนนี้พวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าของกันและกัน

         ...มันจบแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ร่วมสร้างร่วมฝ่าฟันกันมา มันถึงเวลาที่ต้องจบลงเสียที นับจากนี้คงไม่มี วินและกาลอีกต่อไป...


 :catrun:



เฮ่อ!  :เฮ้อ:

น้ำเน่าเนอะคู่นี้

รู้สึกว่าตอนนี้วินเราโง่ได้ใจ ส่วนกาลเรานี่ร้องไห้จนน้ำตาจะเป็นสายเลือดแล้ว

แล้วสุดท้ายความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะจบยังไง

มาร่วมลุ้นกันนคะ
  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 จบตอน (26/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 26-11-2012 22:45:01
พระเอกแม่งโง่ได้โล่ แล้วอย่ายุ่งกะกาลนะ หมั่นไส้!! :z6: :beat:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 จบตอน (26/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 26-11-2012 22:46:25
เรื่องมันเศร้านะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 จบตอน (26/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 26-11-2012 22:59:44
อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

น้ำตาคลอเบา มันเป็นยังไง ตอนนี้ได้รู้แล้ว

ไม่เอานะ ทำไมทำกับนวัตรแบบนี้ ไอ้พระเอกหน้าโง่วววววว!!!!!!!!!!!!!!!!!!


+1อย่างแรงๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 จบตอน (26/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 28-11-2012 22:13:25


เรืองนี้เคยเอามาลงแล้ว
แต่จู่มันก็โดนลบหายไปเลยไม่ได้เอามาลงต่ออีก
ไม่นึกว่าจะมีคนเอามาลงต่อ (ทีนี้เป็นคนเขียนตัวจริง อันที่แล้วลืมเขียนชื่อผู้แต่งแต่ขออนุญาตแล้ว)
หวังว่างานนี้คงจบ แค่ 9 ตอน
สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค้าาาาา

วินก็ยังโง่ไม่เปลี่ยน ส่วนกาลก็ตัดใจเหอะ (ขอแค่อย่าจบเศร้าก็พอ เอาพี่คีย์ก็ได้ง่ายดี)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 จบตอน (26/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 28-11-2012 22:21:59
โถ่ ดราม่าชอบๆ ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 จบตอน (26/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 28-11-2012 23:10:48
ฟายเอ๊ยยย ยูมันโง่ววววววววววววววววววววววววววววว :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 จบตอน (26/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: gcc ที่ 29-11-2012 01:53:53
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 จบตอน (26/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: gcc ที่ 05-12-2012 10:11:43
 :t3: :t3: :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 5 (28/10/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 06-12-2012 20:03:58



แล้วจะเป็นยังไงต่อไปกันเนี่ย

ทำไมวินถึงได้โง่ขนาดนี้เนี่ย ><

-ถ้าไม่โง่ก็ไม่ใช่พระเอกละครหลังข่าวของไทยสิคะ  :o8:


วินมาเจอ โทษ นายเอกแน่รุย =3=

-อุ้ย! รู้ได้ยังไงยังไม่เคยบอกใครเลยนะคะเนี่ย (เรื่องแค่นี้จะไม่รู้ได้ยังไง พระเอกละครน้ำเน่า)  :angry2:


o13 o13
สะจายยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!
โคตรสะใจอะ สมน้ำหน้า
ดีมากกาลแม่งไม่ต้องสนใจผู้ชายหน้าโง่
ที่แม่งมัวแต่หลงชะนี จนลืมเพื่อน
คนที่แม่งคบกันมาตั้งแต่เด็ก น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าอีกคนเป็นไง
ยังจะมาเชื่อกับลมปากชะนี เฮ้อ เพลีย

ตัดให้ขาดเลยกาล ตัดให้ขาดเลยฉับๆๆๆๆ
รออ่านต่อจ้าาา รออีก 50 หลัง
เป็นกำลังใจให้เช่นเคยจ้า กอดด :กอด1:

ปล.รู้สึกคำว่าแม่ง มันเยอะจัง 55555


-กำลังจะตัดจนขาดแล้วค่ะ คอยติดตามไปเรื่อยๆ เลยค้า  :laugh3:
-ปล. กำลังหาทางพยายามลบคำอยู่ค่ะ


น้ำตาคลอเลยอะ เพื่อนคบกันมานานกว่าชะนีนั่น แต่ต้องมาตกม้าตายกับอีชะนีนางนั่นอีก
เจ็บจายยยยยยยยย

-ละครหลังข่าวพระเอกต้องโง่หน่อยค่ะ ไม่งั้นจะมีตัวร้ายไว้ทำมาย 555+  :oo1:


สมน้ำหน้า วิน   กาลเข็มแข็งไว้ลูก

-กาลกำลังจะเข้มแข็งแล้ว ให้กำลังใจหนูกาลด้วยนะคะ  :oni2:


เยส!!! o13 o13 o13 o13 มันต้องโดนซะบ้าง สะจายยยยยย o13 o13 o13

-มันจะสะใจกว่านี้อีกค่ะ ยิ่งช่วงสุดท้ายยิ่งสะใจเลย :haun5:


ชอบมากคะ มาให้กำลังใจ

-ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ มีกำลังใจเขียนอีกตอนแล้ววว  :interest:


ใช่เลยยยย =w= อยากอ่านต่อ

-จะพยายามแต่งต่อให้จบก่อนปีใหม่นะคะ (เพราะช่วงนี้กำลังยุ่งได้ที่)  :try2:


พึ่งมาอ่าน
สนุกดีนะตัวเอง
ตอนปัจจุบัน ทำเราน้ำตาไหล
เเต่ก็สะใจพอสมควร
มาต่อไวๆนะ :myeye: :myeye:

-ขอบคุณค่ะ พยายามเขียนต่ออยู่คะ วันนี้ก็ว่าจะเอาตอนสำคัญมาลงเลยค่ะ จุดพลิกผันเลยคอยติดตามแล้วกันนะคะ  :teach:


พระเอกแม่งโง่ได้โล่ แล้วอย่ายุ่งกะกาลนะ หมั่นไส้!! :z6: :beat:

-อย่าพึ่งตบพระเอกเราจนช้ำนะคะ เดี๋ยวเรื่องไม่เดินต่อ รอจบก่อนแล้วค่อยดักตบทีหลังคะ o3


เรื่องมันเศร้านะ

-ขึ้นชื่อว่าเพื่อนสนิท ความเศร้าต้องมาก่อนอยู่แล้วคะ  o22


อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

น้ำตาคลอเบา มันเป็นยังไง ตอนนี้ได้รู้แล้ว

ไม่เอานะ ทำไมทำกับนวัตรแบบนี้ ไอ้พระเอกหน้าโง่วววววว!!!!!!!!!!!!!!!!!!


+1อย่างแรงๆๆ

-พระเอกละครน้ำเน่าค่ะ โง่ๆ อย่างนี้ ขอบคุณสำหรับ 1 บวกนะคะ o15



เรืองนี้เคยเอามาลงแล้ว
แต่จู่มันก็โดนลบหายไปเลยไม่ได้เอามาลงต่ออีก
ไม่นึกว่าจะมีคนเอามาลงต่อ (ทีนี้เป็นคนเขียนตัวจริง อันที่แล้วลืมเขียนชื่อผู้แต่งแต่ขออนุญาตแล้ว)
หวังว่างานนี้คงจบ แค่ 9 ตอน
สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค้าาาาา

วินก็ยังโง่ไม่เปลี่ยน ส่วนกาลก็ตัดใจเหอะ (ขอแค่อย่าจบเศร้าก็พอ เอาพี่คีย์ก็ได้ง่ายดี)

-ใช่แล้วค่ะ 9 ตอนจบแน่ๆ ค่ะ นี่ก็ใกล้จะจบแล้วนะคะ  o13


โถ่ ดราม่าชอบๆ ติดตามค่ะ

-ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  :mc4:


ฟายเอ๊ยยย ยูมันโง่ววววววววววววววววววววววววววววว :z6: :z6: :z6: :z6:

-ชักมีหลายคนเริ่มไม่พอใจวินแล้วสิ อย่าพึ่งรุม (กระทืบ) คะ เดี๋ยวจบก่อนจะให้รุม (กระทืบ) เต็มที่เลย  :amen:


:sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

-อย่าพึ่งร้องค่ะ อย่าพึ่งร้อง เก็บน้ำตาไว้ก่อนนะคะ  o7


:t3: :t3: :t3: :t3:

-อย่าพึ่งเบื่อคะ อย่าพึ่งเบื่อ วันนี้กำลังจะลงแล้วววว  :dont2:


**************


 :กอด1:


ขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจนะคะ

ตอนนี้กำลังปั่นตอนต่อไปอยู่ค่ะ

อย่าพึ่งเบื่อกันนะคะ

ใกล้จะจบแล้วคะ คิดว่าจะจบก่อนปีใหม่

ช่วงนี้กำลังยุ่งๆ เลยยังไม่มีเวลาปั่น

ขอบคุณที่เม้นให้กำลังใจอีกครั้งคะ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 6 จบตอน (26/11/12)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 06-12-2012 20:09:09
:sad4:
เข้ามาอ่านปุ๊บก็ป๊ะกับดราม่าเลยยยย  :z3:
ค้างอ่ะค่ะ ยังไงอย่าลืมมาต่อนะคะ TT
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 7 จบตอน (06/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 06-12-2012 22:31:04


เพื่อนสนิท : 7


         หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองวันแล้วที่นวัตรไม่ได้พบหน้ากับนาวิน

         ไม่ใช่เพราะไม่มีใครคนใดคนหนึ่งมาโรงเรียน แต่เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างหลบหน้าซึ่งกันและกัน สำหรับนวัตรมันเป็นเพราะความน้อยใจและเสียใจที่นาวินไม่ยอมเชื่อใจ นาวินเลือกที่จะเชื่อคนอื่นและมองว่าเขาเป็นคนใจร้ายขนาดนั้นนวัตรก็ไม่มีอะไรจะพูดเพราะยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งแก้ตัว ยิ่งพูดเรื่องมันก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ไม่จบไม่สิ้นสักที เพราะนวัตรรู้ว่าคนอย่างนาวินคิดอะไรแล้วไม่ยอมคืนคำพูดง่ายๆ

         “อะ! ข้าว” ธีรดลวางจานข้างลงตรงหน้า นวัตรเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะส่งยิ้มจางๆ แต่ไม่สดใสมากนักกลับมาให้ “มึงอย่าทำหน้าแบบนี้ได้ไหมกาล กูเห็นแล้วปวดอึว่ะ”

         นวัตรทำหน้านิ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าว แล้วเงยหน้ามองความผิดปกติของธีรดล ก่อนจะเอ่ยถาม

         “ธันไปไหนอ่ะ กูไม่เห็นมันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

         “ไม่รู้ ตายแล้วมั้ง” ธีรดลบอกเสียงกวนๆ แต่กว่าจะรู้ตัวก็หน้าแดงแล้วหันมาโวยวายใส่นวัตรทันที “อะไรกัน มึงมาถามเรื่องมันกับกูทำไม กูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย!”

         “กูก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ อย่าทำมาเป็นร้อนตัว”นวัตรเอ่ยเสียงล้อเลียนเมื่อเห็นท่าทางโวยวายของธีรดล

         การอยู่กับเพื่อนทำให้นวัตรพอที่จะหยุดคิดเรื่องเมื่อวันนั้นไปได้บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด เด็กหนุ่มมักจะฝันร้ายถึงตอนเด็กๆ ที่ตกต้นไม้และฝันนั้นก็จะทำให้เขาสะดุ้งตื่นตั้งแต่สองวันมานี้ เรื่องสองเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด แต่รู้สึกเหมือนมีอะไรที่เชื่อมโยงเรื่องทั้งสองเรื่องนี้

         “พูดมาก! กินๆ ไปเลยมึง” พูดจบก็ยกช้อนส้อมขึ้นชี้หน้านวัตรอย่างเสียมารยาท




         “ทำไมไม่พูดกัน”

         “ใคร?”

         “มึงกับกาล” เสียงสุธินทร์เอ่ยถามนาวิน หลังจากที่วนิดาลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ

         “ก็จะให้คุยอะไร มันเป็นคนทำผิด มันบังคับแล้วก็ยังข่มขู่แหวนให้เลิกกับกู คนอย่างนั้นกูจะไม่มีทางเสียเวลาคุยด้วย” นาวินร่ายยาวอย่างหัวเสีย เพราะทิฐิที่มีอยู่เต็มอกทำให้นาวินไม่ยอมพูดและพบปะกับนวัตร ที่นั่งที่เคยนั่งติดกันก็เปลี่ยนไปอยู่กันคนละมุมห้อง หน้าก็ไม่มอง งานกลุ่มที่เคยทำด้วยกันสองคนก็ขอแยกกลุ่มออกมาทั้งๆ ที่จริงครูไม่อนุญาตให้แยก แต่มันจะทำไมเป็นถึงลูกชายผู้อำนวยการโรงเรียนมันก็ต้องมีสิทธิมากกว่าคนอื่น ลองใครมีปัญหาสิ ได้เด้งออกจากโรงเรียนแน่ๆ ครูก็ครูเถอะ ไม่เกรงใจหรอก

         “ฟังความข้างเดียว” สุธินทร์เอ่ยเสียงเข้ม นาวินหันหน้าไปมอง ก่อนจะทุบโต๊ะจนเกิดเสียงดัง

         ตุบ!!!

         “กูไม่ผิด แล้วกูก็ไม่ได้ฟังความข้างเดียวด้วย! มึงไม่ลองมาเป็นกูดูล่ะ แล้วมึงจะรู้!” พูดจบนาวินก็เดินออกไปท่วมกลางฝูงชน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีอีกสองคนที่ดวงตาสีเดียวกันแต่คนละความรู้สึกจับจ้องอยู่

         คนหนึ่งดวงตาเป็นประกายแวววาวด้วยความพอใจ

         ส่วนอีกคนดวงตาทอประกายแสงที่แสนเศร้า กรอบตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำเล็กๆ ที่พยายามกลั้นไม่ให้ไหลออกมา...


         “กาลๆ พี่คีย์เรียก” เสียงร้องตะโกนจากของจอมทัพทำให้นวัตรที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้น มองเห็นศักดิ์สิทธิ์โบกมือทักทายอยู่หน้าประตูห้อง

         ร่างเล็กขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าห้องอย่างมึนๆ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้พักผ่อน มัวแต่ฝันร้ายจึงไม่ได้นอน

         “มีอะไรเหรอครับพี่คีย์” นวัตรเอ่ยถามรุ่นพี่ที่กำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

         “คือว่า...พี่มีเรื่องจะขอร้องกาลหน่อยได้หรือเปล่า” ศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างไม่เต็มเสียงนัก

         “เรื่องอะไรเหรอครับ ถ้าผมพอจะทำให้ได้ ผมก็จะทำให้ครับ” นวัตรเอ่ยตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่จากท่าทางของศักดิ์สิทธิ์แล้วน่าจะเป็นเรื่องใหญ่พอดู

         “พี่อยากให้กาลร้องเพลงที่งานเค้าท์ดาวน์ปีใหม่ให้พวกพี่หน่อยได้ไหม” พูดจบก็ส่งสายตาขอร้องอ้อนวอน

         นวัตรถึงกับทำหน้าไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาร้องเพลงไม่ไพเราะนะ แต่เพราะว่าทำไมรุ่นพี่ถึงได้มีคนรู้ว่าเขาร้องเพลงได้ดี เรื่องนี้แทบจะไม่มีใครรู้เลยนะ นอกจากผอ.โรงเรียนกับเขาคนนั้น...

         “เอ่อ...มันจะดีเหรอครับ ผมร้องไม่ดีหรอก เดี๋ยวทำให้ขายหน้าเปล่าๆ นะครับ” นวัตรบอกอย่างอายๆ

         “ไม่เป็นไร ผอ. สั่งตรงมาเลยนะว่าคนร้องจบคือกาลเท่านั้น ได้ไหมครับพี่ขอร้องนะครับ มันไม่มีใครร้องเพลงจบงานจริงๆ นะครับ ช่วยพวกพี่หน่อยนะกาล” รุ่นพี่ตัวโตทำเสียงอ้อนสุดๆ จนนวัตรต้องจำใจพยักหน้า ปฏิเสธไปยังไงผู้อำนวยการโรงเรียนก็ต้องมาขอร้องต่ออยู่ดี

         “ก็ได้ครับ แล้วพี่จะให้ผมร้องเพลงอะไรเหรอครับ” นวัตรเอ่ยถามเพราะต้องดูแนวเพลงเสียก่อน เผื่อว่าเพลงมันจะไม่เข้ากับเสียงของตัวเองจะขายหน้าคนทั้งโรงเรียนเสียเปล่า

         “เพลงอะไรก็ได้ครับ งานนี้พวกพี่ให้กาลเลือกเพลงเองเลย มันก็เหมือนกับการแสดงคอนเสริ์ต แล้วแต่คนร้องเลยงานนี้ จะเป็นเพลงสนุกๆ หรือเป็นเพลงเศร้าๆ เลยก็ได้ จัดมาให้เต็มที่เลย แค่เพลงเดียวเองครับ” ได้ยินอย่างนั้นนวัตรจึงพยักหน้าแล้วเพลงเศร้าๆ เพลงหนึ่งก็แว้บเข้ามาในหัวสมอง...

         เพลงที่แสนเศร้าและบอกความรู้สึกทุกคำพูดของเขาในตอนนี้...หวังว่าคนๆ นั้นจะรับรู้...แค่เพียงสักนิดก็ยังดี




         ตุ้บ!!

         “ขอโทษครับ/ขอโทษนะครับ” เสียงสองเสียงประสานกันขอโทษ ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็มองหน้าคนที่คนชน

         นาวิน...มองคนตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่าทั้งๆ ที่ก็ดีใจที่เป็นครั้งแรกรอบสองวันที่ได้มองหน้านวัตรอย่างเต็มตาและได้พูดกัน แม้จะเป็นเพียงการเอ่ยขอโทษกันก็ตามที แต่ว่าตอนนี้หน้านวัตรดูโทรมๆ ราวกับคนไม่ได้นอน ใต้ตาคล้ำสีแลดูไม่จืด ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยสวยสดใสตอนนี้กลับหมองและแฝงไปด้วยความเศร้า ยิ่งจ้องก็ราวกับมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอจนต้องหันหน้าหนี

         นวัตร...มองดูคนตรงหน้าที่สะบัดหน้าหนีราวกับรังเกียจที่จะมองหน้ากัน สองวันมานี้คิดถึงอ้อมกอดของคนตรงหน้าเสียเหลือเกิน ฝันร้ายที่ตื่นมาทุกวันพร้อมกับเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของตัวเองที่ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ยิ่งหนักกว่าเดิม ถ้ามีอ้อมกอดของคนตรงหน้าคงจะทำให้ฝันร้ายหายไป อยากเอื้อมมือไปจับมือใหญ่ที่มักจะกุมไว้ทุกครั้งที่ทุกข์ใจ แต่ก็ทำไม่ได้กลัวเหลือเกินว่าเขาจะสะบัดหนีอย่างรังเกียจ

         สองคน ต่างความคิดแต่ความรู้สึกเดียวกัน...คือ...โหยหาอีกฝ่าย...

         “...”

         “...”

         ไม่มีใครเอ่ยอะไร ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของใคร...

         นวัตรรีบเดินหนีออกไปทันที เพราะไม่อยากอยู่กับความกระอักกระอ่วนตรงหน้า แต่แล้วใบปลิวใบหึ่งก็หลุดออกมาจากอ้อมแขนของคนที่เดินจากไป นาวินหยิบมันขึ้นมาดูอย่างสงสัย

         เชิญร่วมงานฉลองเค้าท์ดาวน์วันปีใหม่

         ณ หอประชุมโรงเรียน XXX
         ในเวลา 20.00 น. – 01.30 น.

         ผู้เข้าร่วมงานจะต้องมีกุหลาบสีแดงติดที่หน้าอกทุกคน
         ขอความกรุณาทุกท่านแต่งชุดสูทและชุดราตรีมา ชุดนอกเหนือจากนั้นเราไม่รับเข้างาน


         ในที่สุดนาวินก็เข้ามาภายในงานจนได้ กว่าจะได้กุหลาบสีแดงของงานก็หาแทบตาย ดีนะที่ไปบังคับผู้เป็นพ่อมาได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มางานนี้แน่ๆ

         ร่างสูงโดดเด่นในชุดสูธสีดำสนิทดูมีภูมิฐาน ข้อดีของนาวินคือไหล่กว้างและมีกล้ามเป็นมัดๆ พอมาใส่สูทจึงยิ่งขับให้เด่นขึ้น

         สายตาของนาวินสอนส่ายหาร่างที่คุ้นเคย แต่กลับไม่พบ หรือว่าเขาจะมาสายไปนะ งานเริ่ม 20.00 น. แต่เขากลับมาตอนงานใกล้เลิกอย่าง 23.45 น. เพราะรถเกิดอุบัติเหตุเยอะมาก ทำให้ต้องปิดการจราจรไว้เกือบชั่วโมง พอผ่านตรงนั้นก็ยังมีตรงนี้ ตรงโน้นมาเรื่อยๆ จนรถแทบจะกระดิกไปไหนไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนมาถึงงานว่าสายมากแล้ว

         ร่างสูงสอดส่ายหาเงาที่คุ้นเคยก็ไม่พบ จนในที่สุดพิธีกรประจำงานอย่างศักดิ์สิทธิ์และกาญจนาเอ่ยเชิญชวนทุกคนเริ่มนับถอยหลังสู่ปีใหม่

         “เอาล่ะครับทุกท่าน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้วนะครับ อีกสิบนาทีก็จะถึงปีใหม่แล้ว แต่ก่อนจะมาถึงตอนนั้นเรามีเพลงเพราะๆ มาให้ทุกท่านได้รับฟังนะครับ ใช่ไหมครับคุณหนูนา” ศักดฺสิทธิ์ส่งบทพูไปให้กาจนาหญิงสาวพยักหน้ารับแล้วกล่าว

         “ใช่แล้วค่ะ บทเพลงนี้เป็นบทเพลงเศร้าๆ แต่กินใจใครหลายๆ คน ถูกขับร้องโดยนักเรียนดีเด่นปีนี้ของโรงเรียนเราซึ่งหน้าตาน่ารักมาก ยิ่งใส่สูทขาวยิ่งราวกับเทพบุตรตัวน้อย เอาล่ะค่ะดิฉันว่าตัวเองพูดมากไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ขอเชิญทุกท่านรับฟังบทเพลงได้เลยค้า” พูดจบร่างพิธีกรทั้งสองก็เดินลงหลังเวทีทันที

         ร่างเล็กที่คุ้นเคยเดินออกมาจากหลังเวที ชุดสูทแสนสุภาพสีขาวทำให้นาวินถึงกับตะลึง ร่างสูงค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้กับเวทีมากขึ้น จนได้สบตาสีน้ำตาลนั่นเข้า ดวงตาที่แสนเศร้ายามมองลงมาทำให้นาวินแทบปวดใจ

เพื่อนคนหนึ่งแอบรักเธอ เก็บงำความลับนั้นอยู่ภายใน
ก็ไม่เคยเปิดเผยไป ด้วยกลัวจะเสียใจและเสียเธอ

ปิดบังอยู่ตั้งนาน แหละมันอัดอั้นใจ
ยิ่งเราใกล้ชิดกัน ยิ่งหวั่นไหว
เธอสบตา กลับหลบตาเธออยู่เรื่อยไป

ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป...

หากเป็นใครไม่ใช่เธอ สักวันอาจให้รู้อาจบอกไป
แต่เป็นเธอที่คุ้นเคย ก็เลยต้องยับยั้งคอยชั่งใจ

ปิดบังอยู่ตั้งนาน แหละมันอัดอั้นใจ
ยิ่งเราใกล้ชิดกัน ยิ่งหวั่นไหว
เธอสบตา กลับหลบตาเธออยู่เรื่อยไป

ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป

ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไปว่ารักเธอ

ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป

ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไปว่ารักเธอ...


         เพลงจึงเสียงปรบมือดังลั่นอย่างชื่นชม นาวินราวต้องมนต์สะกด ดวงตาสีน้ำตาลที่ล้อมกรอบไปด้วยหยาดน้ำเล็กๆ หากใครมองดีๆ ก็จะเห็น คิดได้อย่างนั้นนาวินก็รีบเดินเข้าไปหลังเวทีทันที

         หลังเวทีเต็มไปด้วยความวุ่นวาย จนแทบไม่มีใครสังเกตนาวินเลย ร่างสูงเดินหาร่างเล็กสูทสีขาวก็พบว่ากำลังเดินเข้าห้องแต่งตัว นาวินรีบเดินไปขวางประตูไว้อย่างลืมตัว จนในที่สุดต่างฝ่ายต่างก็ได้จ้องตากันจริงๆ

         นวัตรชะงักมองร่างสูงที่คุ้นเคย... ราวกับเวลาหยุดหมุนอยู่ตรงนั้น ไม่รับรู้อะไร ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาทีแล้ว จนในที่สุดเสียงพิธีกรก็ดังขึ้นปลุกความคิดของคนทั้งสองที่กำลังจ้องตากันอยู่...

         “เอาล่ะครับตอนนี้ก็มาถึงเวลาเค้าท์ดาวน์จริงๆ กันสักทีนะครับ ผมว่าเรามาเริ่มนับถอยหลังกันเลยดีกว่า สิบ!” เสียงนับถอยหลังเริ่มดังขึ้น นวัตรหลบสายตานาวินที่กำลังจ้องมองอยู่

         “เก้า!” มีรุ่นพี่มาสะกิดชวนให้นวัตรและนาวินไปร่วมนับถอยหลัง

         “แปด!” นวัตรพยักหน้าก่อนที่จะเดินตามพวกรุ่นพี่ไป

         “เจ็ด!” แต่จู่ๆ นาวินก็มาคว้าแจนไว้ นวัตรหันมามอง รุ่นพี่หยุดและหันมองทั้งสองคนอย่างงงๆ

         “หก!” นาวินเอ่ยบอกรุ่นพี่ว่ามีธุระจะคุยกับนวัตร เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง

         “ห้า!” รุ่นพี่พยักหน้าก่อนที่จะบอกว่าให้เดินตามมาเร็วๆ แล้วเดินเข้าไปในงาน

         “สี่!” ร่างเล็กพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุมของนาวิน แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะแรงบีบมีเพิ่มมากขึ้น

         “สาม!” แต่แล้วในที่สุดก็สะบัดออกได้ นวัตรจึงเริ่มวิ่งออกจากงานเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับตนที่ทำให้เสียใจ

         “สอง!” นวัตรวิ่งออกมาจากหอประชุมโดยมีนาวินวิ่งตามมาติดๆ และพยายามตะโกนเรียกให้หยุดแล้วมาคุยกันดีๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก

         “หนึ่ง!” นวัตรวิ่งออกไปกลางถนนก่อนที่จะมีรถรถยนต์คันหรูวิ่งมาด้วยความเร็วและส่ายไปมาอย่างน่าหวาดเสียว ไม่มีเสียงบีบแตรไล่หรือเสียงใดๆ นอกเสียงจากเสียง

         โครมมมม!!!

         “ศูนนนนนนนนนนนนนนนนนน”

         “กาลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล” ร่างเล็กลอยละลิ่วไปกระแทกกับเสาไปฟ้าข้างทาง ก่อนจะหล่นลงมาและกลิ้งลงถนน แน่นิ่งอยู่ตรงถนนข้างฟุตบาท

         รถยนต์ที่ชนเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้อย่างจัง

         เลือดสีแดงสดๆ ค่อยๆ ไหลซึมออกจากบาดแผลอย่างช้าๆ จนในที่สุดทั่วร่างก็ถูกล้อมรอบไปด้วยเลือดสีข้น นาวินวิ่งเข้ามาดูคนที่กำลังแน่นิ่ง พลางตะโกนเรียกคนช่วย

         สูทสีขาวบัดนี้ถูกอาบด้วยเลือดสีแดงข้นล้างบางสีขาวจนหมดสิ้นทั้งข้างนอกและข้างใน ดวงตาสีน้ำตาลกลอกไปมาขยับตัวไม่ได้ ปากเล็กเป็นกระจับเริ่มพูดพะงาบๆ แต่ไม่มีเสียง จนคนที่กำลังมือสั่นกดโทรศัพท์หาเรียกรถพยาบาลต้องบอกให้หยุดก่อนเพราะเลือดเริ่มไหลซึมและกระอักมาทางปาก หากแต่ร่างเล็กกลับไม่ฟังคำเตือนอ้าปากราวกับต้องการให้คนที่กำลังกอดตนอยู่หันมาสนใจ

         นาวินจึงเอียงหูฟังถ้อยคำจากปากเล็กๆ

         “...” ทันทีที่พูดจบร่างเล็กก็ส่งยิ้มบางๆ ทีแสนหวานในรอบ 4 วันที่ผ่านมาให้ ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลที่กลับมาสดใสเหมือนเดิมปิดลงอย่างช้าๆ และดับสนิท หากแต่ริมฝีปากเล็กเป็นกระจับยังยกยิ้มอย่างพึ่งพอใจ


 :catrun:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 7 จบตอน (06/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 06-12-2012 22:42:22
TpT โฮกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 7 จบตอน (06/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 06-12-2012 22:43:34
ไม่นะ!!!!!!!! นักเขียนจะทำเราน้ำตาไหลสองรอบแล้วน้า TT

เศร้าอะ เศร้ามากๆ แล้วบอกตรงๆเลยว่าเริ่มเกลียดนาวินละ แมร่งงงง ไปฟังชะนี ไม่ฟังเพื่อนสนิทตัวเอง(ขออินหน่อย555)


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

+เป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 7 จบตอน (06/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 06-12-2012 22:54:15
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ไม่น้าาาาา ไมาเอาแบบนี้ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 7 จบตอน (06/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 06-12-2012 23:05:26



กรี๊๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

อย่าตายน่ะกาลลลลลลลลลลลลลลลTT{}TT

นักเขียนกลับมาเเล้ว กลับมาพร้อมกลับการค้าง

มาต่อไวๆนะค่ะ  อ่านรวดเดียวจบสนุกมากๆเลยค่ะภาษาก็สวยเเนื้อเรื่องก็ดี ไม่ดีอย่างเดียวเลยคือหระเอกโง่มากกกกกกกกกกกกกก

มาไวๆนะค่ะตัวเอง :call: :call: :call:




















 <a href=http://download.cnet.com/YouTube-To-MP3/3000-2071_4-75810474.html >there</a>
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 7 จบตอน (06/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 10-12-2012 00:17:03
เห้ยย ไมเป็นงี้อะ   :a5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 7 จบตอน (06/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 10-12-2012 00:45:07
ตึงงงงงงงงง

คืออะไรคะ ตายซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 7 จบตอน (06/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 10-12-2012 08:11:39
 :sad4: :sad4: :sad4:


กาลอย่าตายนะ ทำไมต้องเจ็บจนตายด้วย T-T
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 40% (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 10-12-2012 11:20:47


เพื่อนสนิท : 8 (40%)



มีใครหลายคนเคยบอกว่า...คนเรามักจะเห็นค่าของสิ่งของที่สำคัญก็ต่อเมื่อตอนที่ไม่มีสิ่งนั้นอยู่ข้างกายแล้ว...

นาวินเหม่อมองบนท้องฟ้าอันกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ดวงตาสีดำสนิทที่เคยมีแต่ความมั่นใจในตัวเองแต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความหมองหม่นโศกเศร้าจนใครมองแล้วต้องนึกสงสาร ทุกเวลาที่เข็มนาฬิกาเดินผ่านมันช่างยาวนาน ในสมองเต็มไปด้วยภาพของคนที่จากไปลอยวนเวียนอยู่ภายในหัว

ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ทุกรอยยิ้ม ทุกเสียงหัวเราะ ทุกหยดน้ำตาและทุกลมหายใจของคนๆ นั้นยังไม่จางหาย ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นพึ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง ทั้งๆ ที่เรื่องนั้นผ่านไปแล้วเป็นเวลาเกือบเดือน

ทุกๆ คืนมักจะมีเสียงร้องตะโกนโหยหวนออกจากห้องนี้


‘อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!’

ปัง!

“วิน! วิน!! วินเป็นอะไรลูก!” เสียงร้องตะโกนของคนด้านนอกและเสียงเปิดพังประตูเข้ามา ก่อนที่อ้อมกอดของคนเป็นพ่อจะโอบไปทั่วร่างที่สั่นเทาของลูกชาย

“พ่อๆ กาลล่ะพ่อ กาลอยู่ไหน วินเห็น... เห็นกาลเลือดท่วมตัว เลือดเต็มไปหมดเลย กาลไปไหนพ่อ วินอยากเจอกาล กาลอยู่ไหน กาลไปไหน” นาวินราวกับคนเสียสติที่พร่ำเพ้อหาเพื่อผู้เป็นเพื่อนที่จากไป เมื่อเห็นลูกชายเป็นเช่นนี้ผู้เป็นพ่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทำได้ก็แค่เพียงกอดปลอบให้หายตกใจและสงบลง

“นิ่งซะลูก ไม่เป็นอะไรแล้ว ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น มันไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว” ทันทีที่สงบนาวินก็ซบหน้าลงบนอกของคนเป็นพ่อ ก่อนที่น้ำตามากมายจะไหลออกมา

“พ่อ...กาลล่ะ กาลอยู่ไหน เมื่อไหร่ผมจะได้เจอกาล ผมอยากเจอกาล กาลไปไหนทำไมไม่เห็นมาหาผมเลย ผมคิดถึงกาล ผมอยากเจอกาล พ่อไปตามกาลมาหาผมหน่อยไปได้ไหมครับพ่อ นะครับพ่อไปเรียกกาลมาหาผมหน่อย ผมจะได้แน่ใจว่ากาลไมเป็นอะไรจริงๆ” คำพูดมากมายพลั้งพรูออกมาจากปากของนาวินไม่หยุด ผู้เป็นพ่อได้ฟังแล้วก็ร้องไห้ตามลูกชายไป ยิ่งเห็นลูกเป็นอย่างนี้ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่จะสามารถทนได้

เด็กหนุ่มที่เคยสดใส ยิ้มง่าย แต่บัดนี้กับราวเด็กชายตัวน้อยที่พร่ำหาสิ่งสำคัญที่หายไป...


ในยามที่เพื่อนมาเยี่ยม นาวินแทบจะไม่รู้เรื่อง ดวงตาสีดำไม่มีแววของความสดใสมักจะเหม่อมองไปที่อื่นไม่ใช่ที่นี่เหมือนกับไปอยู่ในที่ๆ ไกลแสนไกลที่ใครไม่อาจคาดได้


“คุณลุงครับ เราจะปล่อยวินไว้อย่างนี้จริงๆ เหรอครับ” ธีรดลเอ่ยถามผู้เป็นพ่อของนาวิน นรินทร์ส่ายหัวราวกับคนหมดแรง สองอาทิตย์มานี้เขาไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะนาวินมักจะตะโกนร้องเสียงโหยหวนมาจากในห้องทุกคืน

“ลุงก็ไม่รู้ ตอนแรกลุงว่าจะพาวินไปพบจิตแพทย์ แต่ลุงก็ไม่กล้า”

“มันหนักขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณลุง” ธีรดลถามอย่างตกใจก่อนที่จะมองไปยังคนร่างสูงที่กำลังนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ที่มุมห้อง ดวงตาสีดำไร้เค้าชีวิตชีวาอย่างกับคนล่ะคนเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน

นรินทร์พยักหน้าช้าๆ ธีรดลและสุธินทร์อาสาดูแลนาวินเองและบอกให้นริทร์สบายใจได้ แต่เมื่อตกยามกลางคืนนาวินก็ร้องโหยหวนเหมือนทุกวัน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อนาวินเริ่มลงมือทำร้ายตัวเอง

“เลว! เลว!! เลว!!! มึงทำร้ายกาลมึงเลว ไอ้เลวมึงทำร้ายกาล กาลตายเพราะมึง ไอ้วินกาลตายเพราะมึง!!!” เพื่อนทั้งสองพยายามฉุดรั้งร่างหนาที่กำลังต่อยตัวเองและเอาหัวโขกผนัง นรินทร์เข้ามาเมื่อเห็นสภาพลูกชายผู้เป็นพ่อก็ราวกับจะขาดใจ

นริทร์ตรงเข้าไปตบหน้าผู้เป็นลูกชายฉาดหนึ่ง

เพลี๊ยะ!

“ตื่นสักทีวิน! จะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่!!” แรงตบ หยดน้ำตาและเสียงตะโกนเรียกของผู้เป็นพ่อทำให้นาวินเริ่มได้สติ ดวงตาสีดำเริ่มมีเค้าแววขึ้นมา

“พ่อ...” นาวินเอ่ยเรียกพ่อเบาๆ นรินทร์จึงทรุดลงโอบกอดลูกชายเพียงคนเดียวไว้ ธีรดลและสุธินทร์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หันหน้ามองกันแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกเขาทั้งสองไม่นึกไม่ฝันเลยว่าอาการของนาวินจะหนักขนาดนี้ “พ่อ...พ่อกาลตายแล้ว กาลตายแล้วพ่อ วินฆ่ากาล วินทำให้กาลตาย กาลตายเพราะวิน พ่อได้ยินหรือเปล่า ถ้าตอนนั้นวินไม่วิ่งไล่กาล กาลก็คงไม่ต้องวิ่งหนี พอกาลไม่วิ่งหนี กาลก็ไม่ต้องถูกรถชน วินฆ่ากาลวินทำให้กาลถูกรถชน กาลถูกรถชน กาลถูกรถชน...”

นรินทร์กอดลูกชายไว้แน่นแล้วร้องไห้ตาม

“วินเข้มแข็งไว้นะลูก ถ้าวินเข้มแข็งแล้วกลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนที่กาลจะหายไป พ่อสัญญาว่าจะเอากาลกลับมาให้วินให้ได้ พ่อสัญญา” นรินทร์หมายมั่นให้คำสัญญากับลูกชาย นาวินเงยหน้ามองผู้เป็นพ่ออย่างดีใจ

“จริงเหรอครับพ่อ กาลจะกลับมาจริงๆ นะ พ่อสัญญานะ พ่อสัญญากับวินนะว่าจะเอากาลกลับมา” นาวินเขย่าคนเป็นพ่อ เพื่อทั้งสองที่มองดูเหตุการณ์ถึงกับอึ้งเมื่อนรินทร์พูดเช่นนั้น แต่ก็ห้ามปรามอะไรไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีของนาวินที่ราวกับคนที่กำลังจะได้ของสำคัญกลับมา

“ครับ พ่อสัญญา” นริทร์เอ่ยบอกผู้เป็นลูก คนเป็นพ่อไม่อาจจะเห็นลูกทุกข์ใจได้ ถ้าหากสิ่งใดที่ทำแล้วลูกชายมีความสุข ต่อให้ต้องกราบเท้าใคร นรินทร์ก็ยอม!

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 40% (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 10-12-2012 11:31:38
ค้างครับ บอกคำเดียวว่าค้าง

กาลยัวไม่ตายใช่ไหม  ไม่อยากให้กาลตายยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 40% (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 10-12-2012 11:46:43
ดราม่าใช่ไหมม  :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 40% (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 10-12-2012 11:52:19


 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

บอกทีนายเอกยังไม่ตายใช่ไหมค่ะ  มาทำเราค้างน่ะ

อย่าให้รู้ทางไปบ้านนะค่ะ  ระวังๆ ฮ่าๆTTOTT

มาต่อไวๆนะค่ะ





















 <a href=http://download.cnet.com/YouTube-To-MP3/3000-2071_4-75810474.html >there</a>
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 40% (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 10-12-2012 12:05:01


เอ่อ...(จุกจนพูดไม่ออก)

ยังเหลืออีก 60%+อีก 1 ตอนใช่ไหมคะ

รอ...แต่ไม่ขอซดมาม่าได้ไหมอ่าาาาา  :sad4:

ถ้ากาลตายจะจิ้มตูดคนเขียนให้ทะลุแลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :z13:  :z13:  :z13:  :z13:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 40% (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 10-12-2012 12:39:33
มาต่อไวๆเลยค่ะ ไม่ไหวแล้ววว จะบ้าแทนพระเอกแล้วค่ะ ณ จุดๆนี้ ฮือออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 40% (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: TK323 ที่ 10-12-2012 14:15:27
กาลอย่าตายน้าาาาาาาาาาาาา :sad4: :sad4: :sad4:
ถ้ากาลเป็นอะไรไปคนเขียนโดนนนน :m16:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 40% (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 10-12-2012 14:41:27
ตกลงกาลตายไม่ตาย อย่าตายเลยน้า สมหวังทีเถอะ  :m5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 60% (เพิ่มอีก 20% เป็น 60%) (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 10-12-2012 21:43:33


เพื่อนสนิท : 8 (20%)


“กาลๆ ทำใจดีๆ ไว้นะกาล อย่าเป็นอะไรไปนะกาล” เสียงตะโกนของนาวินเอ่ยบอกคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ที่กำลังเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน

ใบหน้าซีดเซียวของนวัตรไร้การตอบสนอง เปลือกตาปิดสนิทราวกับไม่ต้องการตื่นขึ้นมารับรู้เรื่องใดๆ นาวินกุมมือเล็กไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อย เพราะคิดว่าหากปล่อยมือนวัตรแล้ว นวัตรจะจากเขาไปโดยไม่มีวันกลับ

“ญาติคนไข้รอด้านนอกนะคะ” เมื่อมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินพยายามก็เอ่ยบอกนาวินก่อนที่จะดึงร่างสูงให้ออกห่างจากเตียง หากแต่นาวินกลับไม่ยอมปล่อยมือเล็ก พยาบาลพยายามเอ่ยบอกแต่นาวินก็ไม่ยอมปล่อย ดึงดันจะเข้าไปข้างในให้ได้ จู่ๆ ร่างของนวัตรก็กระตุกก่อนที่จะมีเลือดไหลซึมออกมาจากปาก เหมือนกับนาวินรู้ตัวว่ายิ่งรั้งนวัตรไว้เท่าไหร่คนตัวเล็กก็จะยิ่งอาการหนักกว่าเดิม คิดได้อย่างนั้นก็ปล่อยมือนวัตร พยาบาลจึงรีบเข็นเตียงคนไข้เข้าห้องฉุกเฉินทันที

นวัตรได้แต่ยืนนิ่งมองประตูสีขาวที่ขวางกั้นนวัตรกับตนไว้ อยากจะเปิดเข้าไปหาหากแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างสูงต่อสายหาผู้เป็นพ่อ เจ้าตัวไม่รู้ว่าพูดอะไรไปบ้าง ได้ยินเพียงเสียงแว่วๆ บอกมาว่าจะรีบไปให้รออยู่ที่นั่น

ร่างสูงทรุดลงหน้าประตูห้องฉุกเฉิน น้ำตามากมายเริ่มไหลออกมาโดยไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เสียใจและวอนขอ

ขอ...ขอให้กาลไม่เป็นอะไร

ขอให้กาลปลอดภัย

...ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรเขาก็ยอม

นวัตรกอดเข่าและซุกหน้าลงกับหัวเข่า ร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินราวกับคนเสียสติ แต่ยิ่งซบหน้าลงกับเข่าก็เหมือนกับยิ่งตอกย้ำเรื่องราวเพราะกลิ่นคาวเลือดของนวัตรมันติดเต็มไปหมดบนเสื้อผ้าและกางเกงของนาวิน แม้เสื้อและกางเลงจะเป็นสีดำทำให้มองไม่เห็นรอยเลือด แต่กลิ่นของมันที่รอยแตะจมูกในมุกครั้งที่สูดลมหายใจเข้าไป ยิ่งทำให้นาวินร้องไห้หนักเสียงยิ่งกว่าเดิม

“วิน! กาลเป็นยังไงบ้าง” เสียงตะโกนที่คุ้นเคยทำให้นาวินเงยหน้าหันไปมองก่อนที่ร่างสูงจะโผเข้าหาอ้อมกอดพ่อราวกับเด็กเล็กๆ ที่ต้องการที่พึ่งพิง

“พ่อ...กาล...พ่อ...ผม....ผม...” ปากที่อ้าไม่รู้อะไรออกมา เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วกับความฝัน...เป็นฝันร้ายที่เขาอยากจะตื่นไปให้เสียพ้นๆ...ตื่นขึ้นมาแล้วจะเห็นนวัตรนอนอยู่ข้างๆ และยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา...

“ไม่เป็นไรๆ กาลจะต้องไม่เป็นอะไร เชื่อพ่อ” นรินทร์เอ่ยปลอบลูกชายที่กำลังร้องไห้จนตัวโยน นี่เป็นครั้งที่สี่ที่คนเป็นพ่อเห็นลูกชายร้องไห้

ครั้งแรก...ร้องเพราะปั่นรถจักรแล้วล้ม

ครั้งที่สอง...ร้องเพราะแม่เสียชีวิต

ครั้งที่สาม...ร้องเพราะทำร้ายใครบางคนให้เกือบตาย...

นรินทร์กอดปลอบลูกชายตัวสูงที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี สำหรับนริทร์แล้ว นาวินยังเด็ก เด็กมาตั้งแต่ต้น...และจะเด็กตลอดไปในสายตาของคนเป็นพ่อ

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร...” ปากก็พร่ำบอกลูกชาย แต่ภายในใจกลับว้าวุ่น เพราะกลัวใครบางคนที่กำลังจะมา

ตึก ตึก ตึก...

เสียงวิ่งจากด้านหลังทำให้นาวินต้องหันกลับไปมองก็ได้พบกับใครบางคนที่คล้ายกับนวัตร

ร่างสูงวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนาวินแล้วหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ข้างหลัมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่สาวเท้าเดินตามาติดๆ

“กาลเป็นยังไงบ้างครับ” ร่างสูงผิวเข้มตาสีน้ำตาลอ่อนเอ่ยถามนรินทร์ที่เงยหน้าขึ้นมองอยู่เช่นเดียวกัน

“หมอยังไม่ออกมาเลย ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง” นริทร์เอ่ยตอบก่อนที่จะพยุงคนเป็นลูกชายให้ลุกขึ้นยืน นาวินลุกขึ้นยืนก่อนที่จะมองดูร่างสูงให้ชัดๆ ผิวเข้มสีน้ำตาลราวกับคนออกแดนบ่อย ใบหน้าเรียวโครงหน้าคล้ายกับนวัตรแต่ก็มีแตกต่างบ้างเล็กน้อย แต่ที่เหมือนวุดก็คงจะเป็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่อ่อนโยนเหมือนกับนวัตรแต่ก็ไม่เท่านวัตร

ร่างสูงผิวสีแทนเหลือบตามองดูนาวินเล็กน้อย ก่อที่ใบหน้าจะเริ่มขึงและแดง

“วิน พี่ขอคุยด้วยหน่อย” ร่างสูงผิวสีแทนเอ่ย นาวินทำหน้าสงสัยแต่ก็พยักหน้าแล้วเดินตามไป หากแต่ไม่วายส่งสายตาไปมองประตูห้องฉุกเฉินอย่างห่วงๆ จนหญิงสาวที่เดินตามมาด้วยบอกว่าจะดูให้ ถ้าหมออกมาจะไปปตาม

“ของคุณนะจันทร์” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยบอกหญิงสาว

“ไม่เป็นไรคะกิล” หญิงสาวเอ่ยตอบก่อนจะส่งยิ้มจางๆให้กับนาวินแล้วนาวินและชายหนุ่มร่างสูงก็เดินไปหยุดที่สวนข้างโรงพยาบาล

‘กิล’ ชื่อนี้ทำให้นาวินนึกอะไรบางอย่างออก...

“จำพี่ได้แล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามนาวินที่กำลังมีสีหน้าอึ้งๆ

“พี่...พี่กิลเหรอ” นาวินถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะกิลเป็นพี่ชายของกาลที่เสียชีวิตได้เกือบจะสิบปีแล้ว

“เออ!” กิลหรือ ‘นภัทร’ พี่ชายของนวัตรตอบอย่างกระแทกเสียงก่อนที่กระโจนคว้าคอนาวิน “จำได้แล้วใช่ไหม! แล้วจำได้หรือเปล่าว่านี่มันเป็นรอบที่สองแล้วที่แกทำร้ายกาล!”

นภัทรตะคอกและหมายจะปล่อยหมัดใส่ใบหน้าของนาวิน แต่ก็ต้องหยุดชะงักและระงับอารมณ์ตัวเองไว้

“พี่ ผมขอโทษ” นาวินไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ นภัทรที่ได้ยินเช่นนั้นก็เขย่าคอเสื้อของนาวินอย่างโกรธแค้น

“ขอโทษเหรอ แกบอกว่าขอโทษอย่างนั้นเหรอ! ฉันอุส่าไว้ใจฝากฝังน้องชายฉันไว้กับแก แต่นี่มันอะไร! คราวที่แล้วฉันยังพออภัยให้แกได้บ้างนะ แต่คราวนี้มันหนักกว่าเดิมอีก ตอนนี้กาลเป็นตายร้ายดียังไง ไม่มีใครรู้เลย ถ้าหากกาลเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!!” พูดจบก็สะบัดมืออกจากคอเสื้อของนาวินนาวินเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยสายตาขอโทษหากแต่นภัทรกลับไม่รับ

แต่แล้วจู่ๆ หญิงสาวที่ชื่อจันทร์ก็วิ่งมาหาและบอกกับนภัทรว่าตอนนี้หมออกมาแล้วกำลังคุยกับนริทร์อยู่

คนทั้งสามจึงรีบวิ่งไปหน้าห้องฉุกเฉินโดยทันที เห็นนรินทร์กำลังเอ่ยบางอย่างกับผู้เป็นหมออยู่

“หมอครับน้องผมเป็นยังไงบ้าง”นภัทรเอ่ยถามหมอ

“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่ว่าสมองคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก หมอเกรงว่าหากคนไข้ไม่ฟื้นภายในสองสามวันนี้โอกาสเสี่ยงที่จะไม่ตื่นขึ้นมามีสูงมาก...”ผู้เป็นหมอพูดอย่างมีหลักการ

แต่หากนาวินฟังดีๆ มันเหมือนกับหมอกำลังจะบอกว่า ถ้านวัตรไม่ฟื้นภายในสามวันนวัรจะกลายเป็น...

“น้องผมอาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรอย่างนั้นเหรอครับหมอ” นภัทรเอ่ยถามหมอด้วยสายตาอึ้งๆ หมอพยักหน้าช้าๆ “ไม่...ไม่จริงใช่ไหมครับหมอ หมอล้อผมเล่นใช่ไหม น้องผม...น้องของผมต้องหายดีใช่ไหมครับ”

นภัทรเขย่าคนเป็นหมอจนหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างต้องดึงมือไว้

“กิลใจเย็นๆ ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอก และก่อนที่จะพูดอะไรกันมากกว่านี้ จู่ๆ พยาบาลที่อยู่ในห้องฉุกเฉินก็วิ่งออกมาแล้วตะโกนบอกหมอว่า

“คุณหมอคะ คนไข้ที่โดนรถชนเกิดอาการช็อกคะ”

ไม่นะ...ไม่นะกาล...มันต้องไม่ใช่แบบนี้

กาลมันต้องไม่ใช่แบบบนี้...ขอร้อง...กาลอย่าไป...

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 60% (เพิ่มอีก 20% เป็น 60%) (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 10-12-2012 21:48:48
เอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย TAT!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 60% (เพิ่มอีก 20% เป็น 60%) (10/12/
เริ่มหัวข้อโดย: black love ที่ 10-12-2012 21:51:57
กาลลลลลลล อย่าเป็นอะไรนะ
คนเขียน!!! ฮือ (ก่อนจบไห้วินมันเจ็บหน่อยนะ หมั่นไส้)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 60% (เพิ่มอีก 20% เป็น 60%) (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 10-12-2012 21:57:24
-0-
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 60% (เพิ่มอีก 20% เป็น 60%) (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 10-12-2012 22:00:39

พี่กิล ตายแล้ว
โปรดไขข้อกระจ่างให้หนูที
แต่ถ้าพี่กิลยังไม่ตายแล้วพ่อแม่กาลล่ะ
จะลงกี่ตอนกี่ตอนก็ยังช็อก
เดี๋ยวจิ้มตูดทะลงตับไตไส้พุงแล้วอ่าคุณคนเขียน
แล้ว...ทำไมไม่ลงให้มัน 60% ให้มันเสร็จเลยล่ะคะ
มาให้ค้างตลอด ยิ่งตอนจะจบทำไมชอบค้างจังงงงงงงงงงงง

 :a5:  o22  :เฮ้อ:  :serius2:  :m16:  :fire:  :m31:  :seng2ped:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 60% (เพิ่มอีก 20% เป็น 60%) (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: gcc ที่ 10-12-2012 22:11:51
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 60% (เพิ่มอีก 20% เป็น 60%) (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 10-12-2012 22:12:29
เอ้ยยยยย พี่กิลโผล่มาจากไหนละนี่ กาลสู้ๆ ฟื้นเถอะนะ  :m5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 60% (เพิ่มอีก 20% เป็น 60%) (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: Crazily Pretty ที่ 10-12-2012 23:46:07
โอ๊ยยยย ย ย สงสารกาล  :o12: :o12:

มาต่อเร็วๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 60% (เพิ่มอีก 20% เป็น 60%) (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 10-12-2012 23:56:14
 :m15: :m15: :m15:

คนเขียนกลับมาก่อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน



ฮืออออออออออออออ  ไม่เอามาม่าๆๆ

รึว่าวินจะคู่กับพี่กิล  ก็โฮน่ะ  เเต่ตอนนี้เริ่มงงเเล้วใครกดใครอ่ะ

มาต่อไวๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 60% (เพิ่มอีก 20% เป็น 60%) (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 11-12-2012 23:47:49
ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าง่ะ กาลสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 ลง 60% (เพิ่มอีก 20% เป็น 60%) (10/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 12-12-2012 00:13:28
ทำร้ายกันมากเลยคนเขียน
หัวข้อ: Re: [ซีรีย์เรื่องสั้น] บทเพลงแห่งรัก {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 จบตอน (12/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 12-12-2012 21:08:35


เพื่อนสนิท : 8 (จบตอน)



“กาลนี่ไงดอกกุหลาบที่กาลชอบ กาลรู้ไหมว่ากว่าวินจะหาซื้อมาได้เนี่ยยากขนาดไหน แต่ไม่เป็นไรต่อให้ยากกว่านี้วินก็จะหามาให้กาล ขอแค่กาลฟื้นขึ้นมาก็พอวินยอมแลกทุกอย่าง” นาวินทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ก่อนจะเอื้อมไปดึงมือเล็กมากุมไว้ นี่ก็ผ่านมาหนึ่งวันเต็มๆ แล้วที่นวัตรยังไม่ฟื้น แต่สำหรับนาวินแล้วเวลาทุกวินาทีมันช่างเดินผ่านไปช้านัก

ตอนเกิดอาการช็อกยังดีที่หมอช่วยไว้ทัน ในเวลานี้นาวินไม่อยากห่างร่างเล็กไปไหน กลัวว่าหากปล่อยมือไปนวัตรจะไปจากตนแล้วไม่มีวันกลับมา เพราะตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเจ้าของหัวใจขอเขาตั้งแต่เด็กจนโตก็คือนวัตร

ใช่แล้ว...นาวินรักนวัตร...รักมาก รักที่สุด และจะรักอย่างนี้ตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ต่อให้เวลาเดินผ่านไปกี่สิบปี นาวินก็มั่นใจว่าจะรักนวัตรตลอดไป เมื่อคิดได้ดังนั้น ร่างสูงก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือกดหาใครบางคน

ตู๊ด...

รอสายไม่นานก็มีคนรับ

(สวัสดีจ๊ะวิน โทรหาแหวนตั้งแต่หัวค่ำมีอะไรหรือเปล่า หรือว่าคิดถึงแหวนจนทนไม่ไหว คิกๆ) ปลายสายกรอกเสียงเป็นเชิงหยอกล้อ หากเป็นแต่ก่อนนาวินก็คงหยอกต่อว่าใช่ แต่คงไม่ใช่เวลานี้ นาวินกดปุ่มลำโพงให้คนข้างๆ ได้ยินเสียงแม้เจ้าตัวจะไม่รู้สึกตัวก็ตามที

“แหวน วินว่าเราเลิกกันเถอะ” คำพูดสั่นๆ ง่ายๆ แต่ทำให้ปลายสายเงียบไปได้เกือบนาที

(วิ...วิน...วินพูดเล่นใช่ไหม แหวนไม่ขำนะ อย่าล้อกันอย่างนี้สิจ๊ะ) ปลายสายหัวเราะแห้ง

“แหวน วินพูดจริงๆ วินว่าเราเลิกกันเถอะ วินไม่ได้รักแหวน ขอโทษนะ)

(มันไม่ตลกนะวิน วินเลิกเล่นได้แล้ว วินเล่นอย่างนี้แหวนใจไม่ดีเลยนะ) เสียงจากปลายสายเริ่มสั่น แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้นาวินเปลี่ยนใจได้

“แหวน วินขอโทษ” นาวินพูด

(พูดอย่างนี้ได้ยังไงแล้วเด็กล่ะ!) ปลายสายตะคอกกลับทำให้นาวินหยุดความคิดที่จะวางสาย

อะไร...เด็กอะไร...ที่วนิดาพูดมันหมายความว่ายังไง

“แหวนว่ายังไงนะ” นาวินถามอย่างตกใจ

(แหวนท้องกับวิน ท้องได้เกือบอาทิตย์แล้ววินรู้ไหม) เสียงวนิดาสั่นๆ เหมือนร้องไห้ (วินจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้นะ เด็กในท้องเป็นลูกวิน วินได้ยินไหมเด็กในท้องเป็นลูกของวิน!)

นาวินถึงกับชะงัก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะทำให้วนิดาท้อง แต่แล้วจู่ๆ คำพูดของใครบางคนก็ลอยเข้ามา

“แหวนว่าแหวนท้องกับวินได้เกือบอาทิตย์แล้วอย่างนั้นเหรอ” นาวินถามปลายสายเสียงเย็นจนคนที่ได้ยินถึงกับชะงัก

(ใช่! วินอย่ามาปฏิเสธนะว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ววินไม่ได้มีอะไรกับแหวน) วนิดาตะคอกขู่

“ใช่ผมไม่ปฏิเสธ” นาวินตอบเสียเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม จนปลายสายนึกหวั่นๆ

(ถ้าอย่างนั้นวินก็ต้องรับผิดชอบ!) ปลายสายตอบพร้อมกับยกยิ้มด้วยความดีใจ

“นี่แหวน แหวนเคยได้ยินเรื่องอะไรไหม” นาวินเอ่ยเสียงเอะปลายสาย มือหนากุมมือเล็กไว้เบาๆ อย่างทะนุถนอม

(ได้ยินอะไร)

“แหวนเคยได้ยินไหมว่า...คนเรากว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองท้องมันก็จะสักประมาณสองอาทิตย์เครื่องตรวจครรภ์มันถึงจะตรวจพบ และกว่าจะออกอาการว่าตั้งท้องมันก็ประมาณสองเดินนู่นถึงจะรู้ แหวนเคยได้ยินไหม...” นาวินพูดเสียงเย็น ปลายสายเงียบเป็นเป่าสากเมื่อรู้ว่าตนได้ทำผิดแผนไปแล้ว “แล้วอีกอย่างนะแหวน เรามีอะไรกันยังไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ ทำไมแหวนถึงรู้ล่ะว่าแหวนท้อง หรือว่าเด็กในท้องมันได้เชื้อพ่อมันแรงจนสำแดงเดชให้แม่รู้แม่ท้อง”

(...) ปลายสายเงียบเป็นเป่าสากยิ่งกว่าเดิม ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจลอดออกมาเล็กน้อย

“แค่นี้นะแหวนถ้ามีอะไรจะคุยก็ไปคุยกันที่สถานีตำรวจ แหวนพร้อมเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกผม เดี๋ยวผมจะไปหาถึงที่” พูดจบนาวินก็วางสาย แต่ก่อนจะวางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของปลายสาย

นาวินกุมมือเล็กก่อนจะจุมพิตเบาๆ ไปทั่วทั้งมือ

“วินรักกาลนะ ทั้งจากนี้และตลอดไป วินจะรักกาลคนเดียวครับ วินสัญญา” พูดจบก็ลุกขึ้นจูบที่หน้าผากมนเบาๆ

ก๊อก ก๊อก...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดออก คนที่เข้ามาข้างในก็คือ นภัทรกับนริทร์ นาวินมองพี่ชายของคนรักก่อนที่สายตาจะเลือดมามองพ่อที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียด

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” นาวินเอ่ยทักทายคนทั้งสอง

“พี่จะมารับกาลไปอยู่ด้วยที่ต่างจังหวัด” นภัทรพูด นาวินถึงกับชะงัก แต่ก็พยักหน้ารับรู้

“งั้นเหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมขอไปจัดกระเป๋าก่อนนะครับแล้วเราค่อยเดินทางกัน” นาวินพูดก่อนจะลุกขึ้น

“ไม่ได้” นภัทรเอ่ยเสียงนิ่ง

“ไม่ได้? ไม่ใด้อะไรเหรอครับ” นาวินถามอย่างงงๆ

“ไม่ได้ พี่ไม่ให้นายไปด้วย พี่จะไปกับกาลแค่สองคน แค่สองคนเท่านั้น” คำพูดนั้นราวกับมือปีศาจที่ฉุดรั้งนาวินลงสู่ก้นเหวแห่งนรก

“พี...พี่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง” นาวินถามเสียงสั่น เมื่อแปลความหมายคำพูดของนภัทรได้

“พี่จะไม่ให้นายไปด้วย พี่จะไปกับกาลแค่สองคน สองคนเท่านั้นไม่มีคนอื่น!” นภัทรตะคอกอย่างโกรธเคือง

“กิล ลุงว่าใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก็ได้ อย่าใจร้อน กาลก็ยังไม่ฟื้นเลยลุงว่ารอให้กาลฟื้มาก่อนดีกว่าไหมก่อนที่จะเคลื่อนย้ายคนป่วย” นรินทร์พยายามพูดให้นภัทรสงบลงเพราะห่วงหน้าซีดๆ เป็นไก่ต้มของนาวินตอนนี้

“ไม่ครับลุง ผมขอโทษนะครับแต่ผมคงจะปล่อยกาลไว้ที่นี่ไม่ได้ ผมอยากรับน้องกลับครับ” นภัทรเอ่ยเสียงอ่อนตอบคนอายุเยอะที่กำลังตบบ่าอย่างให้กำลังใจ

“แต่ลุงว่า...” นรินทร์กำลังเอ่ย

“ไม่มีแต่หรอกครับลุง ผมจะเอากาลไปอยู่ด้วย วันนี้แล้วก็ตอนนี้เลย ผมบอกหมอที่นี่ไว้เรียบร้อบแล้ว แล้วหมอก็อนุญาตแล้วด้วย ส่วนรถทางโรงพยาบาลก็เตรียมไว้ให้พร้อมแล้วครับ คงอีกประมาณสักพักบุรุษพยาบาลคงมารับคนป่วยขึ้นรถ” นภัทรเตรียมการไว้หมดแล้ว เตรียมตั้งแต่หมอย้ายนวัตรมาอยู่ในห้องรอดูอาการแล้ว ก็รู้อยู่ว่าทำอย่างนี้มันจะเสียงต่อน้องชาย แต่ว่านภัทรก็ไม่อย่างให้น้องต้องมาทนอยู่กับเพื่อนใจร้ายที่เกือบจะฆ่านวัตรตายรอบที่สองแล้ว

“พี่ ผมขอร้องล่ะครับ ย่างเอากาลไปจากผม ผมขาดกาลไม่ได้ พี่กิลผมขอร้อง ผมขอร้อง” นาวินทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าของนภัทร นภัทรก้มหน้าลงมองยอมรับตรงๆ เลยว่าโกรธเด็กคนนี้แต่ว่าพอมาเห็นสภาพนาวินตอนนี้ใครเห็นแล้วต้องสงสาร เสื้อผมชุดสูธสีดำถูกถอดออกเหลือเพียงเสื้อตัวในที่เป็นสีดำมีสภาพหลุดหลุย ผมเผ้ายุ่ง ตาคล้ำเพราะไม่ได้นอนบวกกับร้องไห้มาอย่างหนักจนบวก ริมฝีปากแห้งเกราะเพราะไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่มาโรงพยาบาลขนาดน้ำยังไม่ได้ดื่มเลย บอกตรงว่าสภาพตอนนี้แทบจะมองไม่ออกเลยว่านี่คือ นาวิน บดินศักดิ์ หนุ่มเนื้อหอมของโรงเรียนเอกชนชื่อดัง

“ไม่ได้หรอก พี่เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว” เอ่ยเสียงเย็นก่อนจะเบือนหน้าหนี

“พี่ผมขอร้อง อย่าเอากาลไป อย่างเอากาลไปจากผม จะให้ผมทำอะไรก็ได้ จะให้ผมกราบเท้าพี่ตรงนี้ผมก็ยอม แต่ขอร้องอย่าเอากาลไปจากผม ผมอยู่ไม่ได้ ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีกาล” นรินทร์ถึงกับอึ้งเมื่อผู้เป็นลูกชายพนมมือตั้งท่าจะกราบนภัทรจริงๆ ตั้งแต่เกิดมานรินทร์ยังไม่เคยเห็นลูกชายทุ่มเทให้ใครขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นาวินร้องขอ ร้องขอโดยไม่ให้ใครช่วย ทิฐิและศักดิ์ศรีที่นาวินเคยบอกว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายหายไปในพริบตา เป็นแค่เพียงเด็กน้อยโง่ๆ คนหนึ่งที่ยอมได้ทุกอย่างเพื่อคนที่ตนรักอย่างสุดหัวใจ

นภัทรถึงกับชะงักรีบชักเท้าออกก่อนจะเดินหนีไปที่เตียงของนวัตร มือหนาสากนิดๆ เพราะทำงานเอื้อมลูบหัวน้องชายสุดที่รักที่หัวพันผ้าก๊อซ แขนซ้ายถูกใส่เฝือก ขาขวาถูกดามด้วยเฝือกอ่อน ตามใบหน้าและลำตัวมีรอยช้ำและรอยถลอกจากการไถลตัวบนพื้นถนน คนเป็นพี่เมื่อเห็นสภาพน้องชายที่คลานตามกันมาตั้งแต่เด็กๆ ก็อยากจะร้องไห้เสียงตรงนี้ รู้สึกสงสารและเห็นใจน้องชายที่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายอย่างนี้

“พี่อย่าเอากาลไป พี่จะทำอะไรผมก็ได้ แต่ขอร้องอย่าเอากาลไปจากผม ผมขอร้อง ผมจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีกาล ผมขาดกาลไม่ได้ พี่ได้ยินไหมผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีกาล” นาวินพยายามลุกขึ้นมาเพื่อขอร้องนภัทร แต่นรินทร์รีบฉุดลูกชายให้หยุด

จู่ๆ บุรุษพยาบาลก็เดินเข้ามาและจัดการกับเตียงคนไข้โดยที่นวัตรกำลังหลับตานิ่งไม่รับรู้เรื่องของโลกภายนอกเลย

“พี่อย่าเอากาลไป! อย่าเอากาลไปจากผม! กาลอย่าไป! กาลอย่าไป! กาลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล!!”

แล้วเตียงคนไข้ก็ค่อยๆ ถูกเข็นออกจากห้องผู้ป่วยไป ไกลออกไป ไกลออกไป นาวินพยายามวิ่งตามล้มลุกคลุกคลานเท่าไหร่ก็ไร้ความเจ็บปวด... ผู้เป็นพ่อมาฉุดลูกชายไม่ให้วิ่งจนถึงลานจอดรถ เตียงคนไขที่มีร่างนอนนิ่งของนวัตรอยู่ก็ถูกเข็นขึ้นรถพยาบาล นาวินสลัดแขนคนเป็นพ่อหลุดแล้วรีบวิ่งไปที่ท้ายรถทันที แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อนภัทรขึ้นไปบนรถและประตูก็ถูกปิดลง ขวางกั้นคนทั้งสองไว้ นาวินพยายามทุบ แต่ทุบเท่าไหร่ก็ไม่มีใครยอมเปิดให้ รถพยาบาลค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากลานจอดรถ นาวินวิ่งตามรถไปมือหนาก็ทุบรถให้หยุด หากแต่รถไม่ยอมหยุดเมื่อถึงทางเลี้ยวออกจากโรงพยาบาลรถก็เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็วจนคนที่วิ่งตามมา วิ่งตามไม่ทัน...เห็นเพียงหลังรถและเสียงหว่อ...หากแต่ปลายนิ้วก็เอื้อมไปไม่ถึง จนล้มลงกับพื้นถนนเนื้อตัวช้ำและถลอกปอกเปิกไปหมด หากแต่กลับไม่มีความรู้สึกเจ็บที่ร่างกาย

...ใจต่างหากที่มันเจ็บ

...เจ็บเจียนตาย

...เจ็บจนอยากให้มันหยุดเต้นไปเลยซะตอนนี้

“กาลลลลลลลลลลลลลลลล!!!! กลับมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!”

‘กาลรักวินนะ’

‘วินก็รักกาล...รักมากและจะรักตลอดไป...จนลมหายใจสุดท้ายจะสิ้นสุดลง...วินยังรักกาลไม่เปลี่ยนใจ’


 :catrun:


ขอเปลี่ยนหัวข้อนะคะจาก เรื่องสั้น จะเปลี่ยนเป็นซีรีย์เรื่องสั้น เพราะจะมีเรื่องของ ธัน ดล พี่กิล พี่คีย์ จอมกับอื่นๆ บางคนอ่านแล้วอาจจะค้าง ไม่ต้องงงค่ะ ปมมันจะค่อยๆ เฉลยเรื่อยๆ ส่วนพี่กิล ปมจะเฉลยตอนเรื่องพี่แกนะคะ

ได้ยินแว่วๆ มาว่าคนเขียนใจร้าย เค้าเปล่านะตัวเอง ก็มีแต่คนบอกว่าเกลียดวินอ่ะ มันก็ต้องมีให้พ่อคุณทิฐิเยอะแกยอมวางของพวกนี้บ้าง อ่านตอนนี้แล้วจะมีใครสงสารนาวินบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

ตอนที่ 8 ยอมรับเลยนะคะว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขียนเร่งมากเลยยังไม่ทันได้ตรวจสอบและแก้คำผิดเลย หากใครพบก็ช่วยบอกด้วยนะคะจะได้ตามแก้ถูก

ฮ่า! ในที่สุดตอนหน้าก็จะจบแล้วค้าาาาาา รักใครเชียร์ใครก็อย่าลืมกดโหวตกันนะคะ (มันอยู่ตรงหน้า) 555+ ล้อเล่น แต่เชื่อเถอะว่าถึงบทสรุปของคู่นี้วินก็ยังน่าสงสารไม่เปลี่ยน แล้วก็อย่าพึ่งคิดไปเองนะว่าตอนจบมันจะเป็นอย่างไรถ้าคุณคนอ่านยังไม่ได้สัมผัสมัน! (มีจริงจังบ้าง 555+)

พูดมากไปแล้ว แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ บายค่าาาาาาาาาาาาาาา  :bye2:

หัวข้อ: Re: [ซีรีย์เรื่องสั้น] บทเพลงแห่งรัก {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 จบตอน (12/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 12-12-2012 21:17:34
สนุกอ่ะ ชอบบบบ
แต่ งงๆนิดหน่อยว่าทำไมวินถึงคิดว่ากาลตายไปแล้วจนคลั่งได้ขนาดนั้น ตอนต้นๆบท??

รอตอนต่อไปนะคะ
+1
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 13-12-2012 17:18:17

:sad4:
เข้ามาอ่านปุ๊บก็ป๊ะกับดราม่าเลยยยย  :z3:
ค้างอ่ะค่ะ ยังไงอย่าลืมมาต่อนะคะ TT


- มาต่อให้แล้วค้าาา แต่มีรู้ว่าจะมีใครอ่านหรือเปล่า//ซิก ซิก


TpT โฮกก

-ฮือๆ //เช็ดน้ำตาลปอยๆ อย่าพึ่งร้อง


ไม่นะ!!!!!!!! นักเขียนจะทำเราน้ำตาไหลสองรอบแล้วน้า TT

เศร้าอะ เศร้ามากๆ แล้วบอกตรงๆเลยว่าเริ่มเกลียดนาวินละ แมร่งงงง ไปฟังชะนี ไม่ฟังเพื่อนสนิทตัวเอง(ขออินหน่อย555)


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

+เป็ดค่ะ

-จะทำเราน้ำตาไหล แต่ก็ยังไม่ไหลใช่ไหมล่ะคะ เขารู้นะ เดี๋ยวจัดเศร้าเลย (555+ ว้อเว่นค้า ว้อเว่น)


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ไม่น้าาาาา ไมาเอาแบบนี้ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ :o12: :o12: :o12: :o12:

-รู้สึกเหมือนคนเขียนจะซาดิสชอบให้คนอ่านร้องไห้ 555+




กรี๊๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

อย่าตายน่ะกาลลลลลลลลลลลลลลลTT{}TT

นักเขียนกลับมาเเล้ว กลับมาพร้อมกลับการค้าง

มาต่อไวๆนะค่ะ  อ่านรวดเดียวจบสนุกมากๆเลยค่ะภาษาก็สวยเเนื้อเรื่องก็ดี ไม่ดีอย่างเดียวเลยคือหระเอกโง่มากกกกกกกกกกกกกก

มาไวๆนะค่ะตัวเอง :call: :call: :call:




















 <a href=http://download.cnet.com/YouTube-To-MP3/3000-2071_4-75810474.html >there</a>

-คนเขียนกลับมาแล้ว มาพร้อมกับอาการหน่วงๆ ให้คนอ่านเจ็บเล่นๆ (โดนตบ) ฮ่า ตอนหน้าจบ อย่างลืมติดตามนะคะ


เห้ยย ไมเป็นงี้อะ   :a5:

-ฮ่า...ก็คนเขียนชอบให้หน่วง&หนักเลยเป็นอย่างที่เห็น (ได้ยินเสียงหักมือกรอดๆ//เหงื่อตก)


ตึงงงงงงงงง

คืออะไรคะ ตายซะแล้ว

-ยังไม่ตายค่ะ ยังไม่ตาย เอ๊ะ!หรือตาย (โดนยำ)


:sad4: :sad4: :sad4:


กาลอย่าตายนะ ทำไมต้องเจ็บจนตายด้วย T-T

-ยังไม่ตายค่ะ ยังไม่ตาย รอให้วินเจ็บเจียนตายก่อน


ค้างครับ บอกคำเดียวว่าค้าง

กาลยัวไม่ตายใช่ไหม  ไม่อยากให้กาลตายยยย

-คนเขียนชอบแต่งให้มันค้างลุ้นดี ฮ่า กาลยังไม่ตายค้า แต่สำหรับวินมันคงทรมานเหมือนกันน้าาาา


ดราม่าใช่ไหมม  :serius2:

-อย่าพึ่งคิดไม่ไกลนะค้าาา อย่าเชื่อในสิ่ที่คุณยังไม่ได้สัมผัส (จริงจังหน่อยๆ เรียกความน่าเชื่อถือ (?))



 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

บอกทีนายเอกยังไม่ตายใช่ไหมค่ะ  มาทำเราค้างน่ะ

อย่าให้รู้ทางไปบ้านนะค่ะ  ระวังๆ ฮ่าๆTTOTT

มาต่อไวๆนะค่ะ





















 <a href=http://download.cnet.com/YouTube-To-MP3/3000-2071_4-75810474.html >there</a>

-อย่าบุกมาถึงบ้าน เค้ารีบลงให้แล้วไม่ค้างน้าาา (เอาใจคนอ่าน) ตอนหน้าก็จะจบแล้ว ถ้าจะไปบ้านไปบ้านวินดีกว่าวินน่าจะต้องโดนหนัก (โยนความผิดให้คนอื่น)



เอ่อ...(จุกจนพูดไม่ออก)

ยังเหลืออีก 60%+อีก 1 ตอนใช่ไหมคะ

รอ...แต่ไม่ขอซดมาม่าได้ไหมอ่าาาาา  :sad4:

ถ้ากาลตายจะจิ้มตูดคนเขียนให้ทะลุแลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :z13:  :z13:  :z13:  :z13:

-ซดมาม่าอย่างนั้นเหรอคะ เดี๋ยวขอคิดดูก่อนนะ จะให้ดีคอยติดตามตอนจบแล้วกันเนาะ ค่อยจะได้รู้ว่าซดมาม่าหรือเปล่า


มาต่อไวๆเลยค่ะ ไม่ไหวแล้ววว จะบ้าแทนพระเอกแล้วค่ะ ณ จุดๆนี้ ฮือออออ

-มีคนสงสารวินแล้วใช่ไหมค่ะเนี่ย (วินกระโดดดีใจ) 555+ มาต่อแล้วค้า เดี๋ยวตอนหน้าก็จบแล้ว อย่าพึ่งเบื่อกันเลยนะคะ//ส่งสายตาวิบวับ


กาลอย่าตายน้าาาาาาาาาาาาา :sad4: :sad4: :sad4:
ถ้ากาลเป็นอะไรไปคนเขียนโดนนนน :m16:

-จะทำไรคนเขียนอ่า เค้าไม่ผิดนะ มันเป็นไปตามบทบาททททททท//กระโดดหลบ



ตกลงกาลตายไม่ตาย อย่าตายเลยน้า สมหวังทีเถอะ  :m5:

-กาลยังหนังเหนียวไม่ตาย แต่เรื่องสมหวังไม่สมหวังก็ต้องคอยติดตามกันต่อไปนะค้าาาา


เอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย TAT!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

-โอ๊ะ! ใจเย็นๆ ค่ะ ใจเย็นๆ


กาลลลลลลล อย่าเป็นอะไรนะ
คนเขียน!!! ฮือ (ก่อนจบไห้วินมันเจ็บหน่อยนะ หมั่นไส้)

-555+ ได้เลยค่ะ แค่นี้เจ็บพอไหมคะ (หรือจะเอาหนักกว่านี้อีก)


-0-

-อึ้งกิมกิเลยเหรอคะ อ่า ความตื่นเต้นกำลังมาถึงแล้วววววว


พี่กิล ตายแล้ว
โปรดไขข้อกระจ่างให้หนูที
แต่ถ้าพี่กิลยังไม่ตายแล้วพ่อแม่กาลล่ะ
จะลงกี่ตอนกี่ตอนก็ยังช็อก
เดี๋ยวจิ้มตูดทะลงตับไตไส้พุงแล้วอ่าคุณคนเขียน
แล้ว...ทำไมไม่ลงให้มัน 60% ให้มันเสร็จเลยล่ะคะ
มาให้ค้างตลอด ยิ่งตอนจะจบทำไมชอบค้างจังงงงงงงงงงงง

 :a5:  o22  :เฮ้อ:  :serius2:  :m16:  :fire:  :m31:  :seng2ped:

-ใช่ค่ะ ในความคิดของกาลกับวินคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรคือพี่กิลตายแล้ว เพราะว่ากิลกับพ่อและแม่วางแผนกันกำจัดศัตรูที่กำลังจะทำลายธุรกิจของครอบครัว เหตุผลที่กาลไม่รู้เพราะกาลยังเด็กอยู่เลยปล่อยให้คิดว่าตายไปเลยจะดีกว่าศัตรูจะได้ไม่สงสัย แต่ที่ผิดแผนก็คือพ่อกับแม่ดันตายจริงๆ พี่กิลเลยต้องจัดการเรื่องทั้งหมด และคอยเวลาที่สะสางทุกอย่างเสร็จ พี่กับน้องถึงจะได้ทาอยู่ร่วมกันจริงๆ โดยไม่ต้องมีอันตรายใดๆ (อย่างจิ้มตูดเค้าบ่ยอเดี๋ยวตูดเค้าพัง 555+)


:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

-รู้สึกว่าตัวเองจะแต่มาม่าเก่งแฮะ มีแต่คนร้องไห้


เอ้ยยยยย พี่กิลโผล่มาจากไหนละนี่ กาลสู้ๆ ฟื้นเถอะนะ  :m5:

-ติดตามชมตอนหน้าค่ะ ว่ากาลจะฟิ้นไหมมมมม


โอ๊ยยยย ย ย สงสารกาล  :o12: :o12:

มาต่อเร็วๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:

-ต่อแล้วค้าาา เชิญอ่านได้เลยน้าาา ขอบคุณสำหรับอ้อมกอดนะค่ะ  :กอด1:  :กอด1:


:m15: :m15: :m15:

คนเขียนกลับมาก่อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน



ฮืออออออออออออออ  ไม่เอามาม่าๆๆ

รึว่าวินจะคู่กับพี่กิล  ก็โฮน่ะ  เเต่ตอนนี้เริ่มงงเเล้วใครกดใครอ่ะ

มาต่อไวๆนะค่ะ

-กลายเป็นคนอ่านจับคู่เองซะงั้น แต่พี่กิลก็โอนะ (ถ้าวินไม่ถูกพี่กิลกระโดดถีบขาคู่ก่อน 555+) รู้สึกเหมือนคนอ่านจะจิ้นไปไกลกว่าคนเขียนอีกนะเนี่ย


ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าง่ะ กาลสู้ๆ

-กาลมีกำลังใจขึ้นเป็นกอง แต่คนเขียนไม่มีอารมณ์เขียนอ่า (คนอ่านกระโดดถีบ 555+) แต่ก็จะพยายามแต่งให้เร็วๆ นี้ค่ะ (แต่ไม่รู้จะตอนไหน)


ทำร้ายกันมากเลยคนเขียน

-เค้าเปล่านะตัว มันเป็นไปตามบทบาทของตัวละคร คนเขียนไม่เกี่ยววว (เหรอ!!!!!!!)


สนุกอ่ะ ชอบบบบ
แต่ งงๆนิดหน่อยว่าทำไมวินถึงคิดว่ากาลตายไปแล้วจนคลั่งได้ขนาดนั้น ตอนต้นๆบท??

รอตอนต่อไปนะคะ
+1

-จะว่ายังไงดีล่ะคะ คล้ายๆ กับเด็กที่ฝันร้ายอยู่กับเหตุการณ์เดิมๆ โดยไม่ยอมรับฟังความจริง ปิดกลั้นตัวเองอยู่แต่กับฝันร้ายไม่ยอมตื่น ถึงจะรับรู้ว่ากาลไม่ได้เป็นอะไร แต่มันก็เหมือนกับคนที่ของสำคัญที่สุดในชีวิตหายไปแล้วคิดว่าจะไม่ได้มันกลับคืนมาอีก คอยเฝ้าวนเวียนจมปรักอยู่แต่กับความคิดของตัวเองประมาณนั้น (มั้ง?) แฮะๆ (อยากให้คนอ่านเสียน้ำตา // โดนตบ)


**************

ในที่สุดตอนหน้าก็จะจบแล้วนะคะ

ตอนแรกกะจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นซีรีย์ แต่เพื่อนมันโทรมาด่าว่าหาไม่เจอ พอจะอธิบายว่ามันอยู่ไหนก็ไม่ยอมฟัง เลยต้องปรับมาใช้ชื่อเรื่องเดิมก่อน ถ้ามีต่อค่อยว่ากันทีหลัง (แต่ไอ้เพื่อนมันไม่ได้เป็นสมาชิกเลยลำบากหน่อยกดเป็ดให้เค้ามะได้)

ถ้าหากเสียงตอบรับเรื่องนี้ดีก็ว่าจะแต่งเรื่องของ ธัน&ดล แต่ถ้าไม่ก็ว่าจะจบแค่นี้แหละคะ (เพราะบางคนอาจจะเบื่อคนเขียนที่ชอบทำให้หน่วง 555+)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะคะ แล้วก็ทุกกำลังใจที่กดบวกให้ คนเขียนซึ้งใจเป็นอย่างมากเลยคะ ขอให้ทุกท่าโชคดีกับการอ่านนะคะ แล้วพบกันตอนหน้านะคะ บะบาย  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 จบตอน (12/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 13-12-2012 17:24:18


นึกว่ากาลจะได้แล้วซะอีก
ตอนนี้รู้สึกเห็นใจวินมากเลยค่ะ
วิ่งตามรถพยาบาล หนูกาลก็ไม่ยอมฟื้นขึ้นมา
แล้วจะได้เจอกันหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ของเถอะ หนูไม่อยากกินมาม่า หนูเบื่อแล้วววววว
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
+1 ให้แล้วน้า

 :L2:

 :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 จบตอน (12/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: คนโง่ ที่ 13-12-2012 21:48:47
ไม่นะ! อย่าเพิ่งจบ!

อย่าเอากาลไปน้าาาาาาาาาาา!!!!!! :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 จบตอน (12/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 13-12-2012 22:08:23
ทำไมมันเศร้าถึงเพียงนี้ แอร้ยยยย

ยังโกรธวินอยู่อะ วินแมร่ง มารู้ตอนที่สายไป ตลอดดดดด แม่มมมม คู่นี้อย่าพึ่งจบนะ ไม่ยอมจริงๆด้วย>.<

อยากให้คู่นี้เป็นคู่หลักแบบอยู่ตลอดจนทั้งเรื่องเลยค่ะ คู่อื่นแซมหน่อยพอกรุบกริบ5555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 จบตอน (12/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 13-12-2012 22:21:54
ไม่น่ะอย่าพึ่งจบเลยน่ะ ฮือออออ

เเต่เค้าคิดเเล้วน่ะ

เอากาลไม่ฟื้นเลยเเล้ว  กิลวิน ก็ฟินดี  ฮ่าๆๆๆ เอากิลเมะด้วยนะ
รึไม่ก็เเฮปปี้ๆ

ขอเเค่สมหวังพอไม่กินมาม่า  ไม่ดีต่อสุขภาพๆๆ

ฮ่าๆๆๆ พลังการจิ้นบรรเจิดหนักเเล
มาต่อไวๆนะค่ะ
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 จบตอน (12/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 13-12-2012 23:17:10
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 8 จบตอน (12/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-12-2012 01:09:18
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ขอแจ้งให้ทราบและขออภัย (31/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 31-12-2012 23:12:10

ภาวะฉุกเฉิน!

เนื่องด้วยคนเขียนบ้าหาเพลงแต่งนิยายจึงไปโหลดในเว็บโหลดเพลงืั้หลายแหล่ เมื่อกำลังโหลดเพลงสุดท้ายเครื่องมันดันดับไปดื้อๆ พอเปิดขึ้นมาปรากฏว่าโปรมแกรมที่อยู่ด้านหน้าทั้งหมดเปลี่ยนเป็นลักษณะเดียวกันหมดเลย เมื่อลองเปิดดูก็เปิดไม่ได้ (เป็นกากะบากตัวใหญ่สีแดง) เปิดได้เพียงมายคอม แต่เวิดเปิดไม่ได้โปรมแกรมแอร์การ์ดก็เปิดไม่ได้

นิยายจึงไม่ได้ลง ขออภัยเป็นอย่างสูง (โทรศัพท์พิมพ์ได้เพียงนิดเดียว T^T)

ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ

แล้วพบกันใหม่เมื่อซ้อมคอมแล้ว

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ขอแจ้งให้ทราบและขออภัย (31/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 01-01-2013 02:32:10
รับทราบค่า จะรอนะ

สวัสดีปีใหม่จ้า♥
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ขอแจ้งให้ทราบและขออภัย (31/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 01-01-2013 03:53:51
รับทราบจ้า ขอให้คอมซ่อมเสร็จไวๆ เราจิได้อ่านนิยายเร็วๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ขอแจ้งให้ทราบและขออภัย (31/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 01-01-2013 07:55:27
รับทราบค่ะ

สวัสดีปีใหม่น่ะจ๊า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ขอแจ้งให้ทราบและขออภัย (31/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 02-01-2013 02:24:36
ุ้ตอนหน้าจบแล้วหรอเนี่ย หวังว่ามันคงไม่เศร้าไปกว่านี้น๊า วินกว่าจะรู้ใจตัวเองก็ต้องเสียคนรักไปแล้ว คนเขียนสู้ๆน็า ถ้ามีเรื่องต่อก็จะรออ่าน เป็นซีรีส์ก็จะตามไปอ่าทุกตอนเลยเอ๊า สู้ๆ ค้าบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ขอแจ้งให้ทราบและขออภัย (31/12/12)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 03-01-2013 21:14:30


ไม่เป็นไรค่าาา

จะรอวันซ้อมคอมเสร็จ (แต่หวังว่าคงได้อ่านเดือนนี้นะคะ T T เสียดายนิดๆ)

เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ

สวัสดีปีใหม่ค้าาา (ช้าไปสองวันเอง)

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 27-01-2013 16:41:52


เพื่อนสนิท : 9


8 เดือนต่อมา...

“ปาปี๊ กลับมาแย้วววววว” เสียงเด็กน้อยตะโกนมาจากในบ้านก่อนที่เจ้าตัวน้อยอ้วนกลมๆ ซึ่งเป็นเจ้าของเสียงร้องจะวิ่งเตาะแตะออกมาจากในบ้านมานอกบ้าน เจ้าตัวอ้วนวิ่งมาเกาะแขนเล็กของผู้มาใหม่ “ปาปี๊ๆ ปาปี๊อุ้มเกี๊ยวหน่อยปาปี๊”

พูดจบเจ้าตัวก็โดดโย่งๆ เกาะแข้งเกาะขา ‘ปาปี๊’

“ทักแต่ปาปี๊แล้วปาป๊าล่ะทำไมเมินกันเฉยเลย มาให้ปาป๊าอุ้มก่อนเลยไอ้แสบ” คนตัวสูงที่ได้ชื่อว่า ‘ปาป๊า’ ก็อ้าแขนรับเจ้าตัวแสบที่โผเข้ามากอดอย่างจัง

“เกี๊ยวคิดถึงปาป๊ากับปาปี๊ที่สุดเลย วันนี้เกี๊ยวสอบวิชาวิทยาศาสตร์ได้ที่หนึ่งด้วย” เจ้าตัวเล็กพูดโอ้อวดก่อนที่จะโชว์กระดาษสีขาวที่เป็นผลงานให้กับผู้ปกครองทั้งสองดู ชายหนุ่มทั้งสองหันหน้ามองกันแล้วหัวเราะอย่างขำๆ “อย่ามาหัวเราะกันนะ! เกี๊ยวสอบได้ทีหนึ่งปาป๊ามีรางวัลอะไรให้เกี๊ยวบ้างอ่า”

เจ้าตัวเล็กชำเลืองตาดูคุณพ่อที่กำลังอุ้มอยู่ก่อนที่จะเอาแก้มยุ้ยๆ ไปถูกไถแนบอกคนเป็นพ่อ

“ฮ่าๆ แล้วคุณลูกชายอยากได้อะไรล่ะครับ” คนเป็นพ่อถามอย่างขำๆ พลางขยี้หัวทุยๆ อย่างมั่นเขี้ยว

“เกี๊ยวอยากจะไปเที่ยวสวนสนุกปาป๊ากับปาปี๊พาเกี๊ยวไปเที่ยวนะ นะๆๆๆ เกี๊ยวอยากไปอ่า นะๆ” เด็กน้อยตัวเล็กเขย่าเสื้อคนเป็นพ่ออ้อนๆ

“ถ้าน้องเกี๊ยวอยากให้พาไปมาให้ปาปี๊อุ้มหน่อยสิครับคนเก่ง” ชายหนุ่มตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ยื่นมือมาเตรียมตัวรับเจ้าตัวน้อยที่ตั้งท่าจะกระโจนใส่และก็เป็นอย่างที่คาดเมื่อเจ้าตัวเล็กอ้วนกลมกระโดดจากอกอีกคนไปหาอีกคนราวกับลูกลิง “อู้! หนักจัง ตัวเล็กไปกินอะไรมาเนี่ย”

“วันนี้คุณครูเลี้ยงหมูกระทะด้วย แต่เกี๊ยวกินไปแค่นิดเดียวเอง เพื่อนๆ แย้งเกี๊ยวกินหมดเลยอ่ะ” ได้ทีเจ้าตัวเล็กก็ฟ้องใหญ่ จนชายหนุ่มทั้งสองได้แต่ส่ายหน้าให้กันอย่างขำๆ

“กินนิดเดียวนี่มันเท่าไหร่กัน” ตนตัวสูงกว่าพูดพลางดึงแก้มยุ้ยๆ เบาๆ จนเจ้าตัวเล็กหันมามองตาขวางๆ

“เกี๊ยวกินไปแค่สามชามเอง” พูดไปก็ยกนิดสามนิ้วให้ดูเป็นหลักฐาน ด้วยความหมั่นไส้คนที่ได้ชื่อว่าปาป๊าก็จี้เอวเล็กๆ อย่างสนุกสนาน เจ้าตัวเล็กที่โดนแกล้งก็บิดตัวไปมาพลางหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง

“ฮ่าๆ ปาป๊าๆ เกี๊ยว หยุด ฮ่าๆ” พูดไปหัวเราะไปจนน้ำตาเล็ดจนปาปี๊สงสาร

“พี่กิลพอได้แล้ว เล่นเป็นเด็กไปได้” พูดจบก็อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นบ้าน เจ้าตัวเล็กพอถูกปาปี๊หนุนหลังก็หันมาแลบลิ้นใส่ปาป๊าอย่างน่าหมั่นไส้


“กาลๆ เดือนหน้ากาลต้องย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพนะเพราะพี่ต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดประมาณเดือนสองเดือน ช่วงนั้นคงไม่มีใครอยู่บ้าน” นภัทรหรือกิล และอีกชื่อหนึ่งคือปาป๊า เดินเข้ามาบอกน้องชายหลังจากที่กล่อมเจ้าตัวแสบที่มีชื่อว่าเกี๊ยวเข้านอนได้

“ทำไมล่ะครับพี่ ผมอยู่นี่กับเกี๊ยวสองคนก็ได้ ตอนเกี๊ยวเลิกผมก็ไปรับไม่ยากหรอกครับ” นวัตรตอบ

“พอดีช่วงนี้โรงเรียนเกี๊ยวปิดเทอมแรกเร็วพี่ว่าจะเอาเกี๊ยวไปอยู่ด้วยอยากให้ลูกไปเปิดหูเปิดตาที่อื่นบ้าง ตั้งแต่เปรี้ยวเสียพี่ก็ไม่ค่อยจะมีเวลาให้เกี๊ยวสักเท่าไหร่ช่วงปิดเทอมนี่พี่ว่าจะหาเวลาเที่ยวเล่นกับลูกสองคนบ้าง เผื่อเจ้าแสบมันจะได้จำได้ว่าปาป๊าหรือปาปี๊กันแน่ที่เป็นพ่อแท้ๆ มัน งานไหนๆ ก็มีแต่ปาปี๊ๆ จนตอนนี้ปาป๊าจะกลายเป็นหมาหัวเน่าอยูแล้ว” คนเป็นพ่อพูดอย่างงอนๆ จนคนเป็นอาอดหัวเราะไม่ได้

“ฮ่าๆ ครับๆ แล้วพี่จะให้ผมไปอยู่ที่ไหนล่ะ ถ้าอยู่ตนเดียวผมว่าท่าจะไม่ไหว” คนเป็นน้องบอก

“พี่จะให้เราไปอยู่กับลุงนะ กาลจำได้หรือเปล่าลุงนะที่เป็นเจ้าของโรงเรียนที่กาลเคยเข้าเมื่อก่อนน่ะ” นภัทรอธิบายให้ผู้เป็นน้องชายฟัง นวัตรพยักหน้าตอบรับ

“จำได้ๆ ผมก็อยากไปเยี่ยมลุงแกเหมือนกัน แล้วก็กะว่าจะไปเยี่ยมดลกับธันด้วยคิดถึงพวกมันจัง”นวัตรพูดพลางรำลึกความหลังถึงเพื่อนเก่าทั้งสอง...

“กาลพี่บอกเรื่องดลให้กาลฟังหรือยังนะ” นภัทรเอ่ยเสียงเครียด

“เรื่องดล เรื่องอะไรเหรอครับ” นวัตรมองหน้าพี่ชายแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ดลเสียแล้ว เสียเมื่อสองเดือนก่อน” พูดจบนภัทรก็ยิ้มอย่างเศร้าๆ ให้กับน้องชาย

“อะ...อะไรนะครับ ดลเสียแล้ว ดลเสียแล้วอย่างนั้นเหรอ มัน...มันจะเป็นไปได้ยังไง ดลมันออกจะแข็งแรงขนาดนั้น เมื่อแปดเดือนก่อนยังวิ่งเล่นกับผมอยู่เลย มันไม่น่าจะ...จะ...จะตายเร็วขนาดนี้” เสียงพูดเริ่มเจือด้วยเสียงสะอื้นนวัตรทรุดตัวนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงนอน ผู้เป็นพี่ชายเดินเข้ามาปลอบประโลม “พี่กิลล้อ...อึก...ล้อผมเล่นใช่ไหม..ฮือๆ”

“พี่พูดจริง พอกาลย้ายมาอยู่กับพี่ได้ประมาณหกเดือน ดลก็ขับรถประสายงากับรถบรรทุกทำให้รถพลิกคว่ำ อาการหนักมากนอนหัลบไม่ฟื้นจนถึงวันที่เก้าดลก็จากไปอย่างสงบ ตอนพี่รู้พี่ก็ช็อกไม่แพ้กันหรอก แต่ก็นะคนเราบทจะไปก็ไปจนคนรอบข้างไม่ทันได้ตั้งตัว” ผู้เป็นพี่ชายพูดพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ นวัตรซบอกคนเป็นพี่ชายแล้วร้องไหเออกมาอย่างเสียใจจนหลับไปในอ้อมกอดพี่ชาย


1 เดือนต่อมา...

“บะบ๊ายปาปี๊ แล้วกันต์จะซื้อหนมมาฝากเยอะๆ เลยน้า” เสียงตะโกนเจี๊ยวจ้าวของเจ้าตัวน้อยที่มีนามว่าเกี๊ยวตะโกนหลังจากที่มาส่งปาปี๊ที่กรุงเทพ

ตอนแรกที่ปาป๊าบอกว่าปาปี๊ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยเจ้าแสบก็ร้องไห้งอแงว่าจะไม่ไปถ้าปาปี๊ไม่ไปด้วยจนคนเป็นพ่อต้องหลอกล้อด้วยวิธีต่างๆ จนมาจบลงที่ทะเลและขนมเยอะแยะมากมายเจ้าแสบถึงยอมปล่อยปาปี๊ให้มาอยู่ที่กรุงเทพตามลำพัง

“สวัสดีครับลุง”

หลังจากที่นภัทรมาส่งผู้เป็นน้องชายที่หน้าคฤหาสน์หลังโตของตระกูลบดินศักดิ์ คุณพ่อหม้ายลูกหนึ่งก็พาลูกชายตัวแสบเดินทางไปทางเหนือทันที นวัตรเดินถือกระเป๋าเข้าไปในตัวคฤหาสน์หลังโต ร่างเล็กที่แต่ก่อนเคยขาวเนียนซีดบัดนนี้เริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้นบ้างเล็กน้อย แก้มเป็นพวงสีชมพู ริมฝีปากเป็นกระจับวีชมพู จมูกโด่งนิดๆและที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมก็คือดวงตาสีน้ำตาลที่แสนอ่อนโยนไม่เปลี่ยนไปเลยแม้สักนิด...แม้เจ้าของดวงตาจะลืมสิ่งสำคัญไปก็ตาม...

นรินทร์รับไหว้แล้วยิ้มอย่างยินดี มือหนาของคนที่มีศักดิ์เป็นลุงเอื้อมมือลูบหัวหลานชายอย่างแสนคิดถึง พลางคิดว่าหากลูบชายของตนยืนอยู่ตรงนี้คงกอดนวัตรเป็นแน่

“ไหว้พระเถอะ ปะเข้าไปข้างในกันก่อนดีกว่า เดินทางมาเหนื่อยๆ คงอยากพักผ่อนแล้ว ลุงสั่งแม่บ้านจัดห้องให้แล้วล่ะ” นรินทร์เดินจูงมือนวัตรมาที่ห้องรับแขก ร่างเล็กมองดูบรรยากาศรอบๆ อย่างคุ้นเคยราวกับว่าเคยมาที่แห่งนี้แล้ว...กับใครบางคน หากแต่ว่ายิ่งคิดหัวกลับยิ่งปวดราวกับจะระเบิด

“เป็นอะไรหรือเปล่ากาล” นรินทร์มองหน้าหลานก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าหน้านวัตรเริ่มซีดลงเรื่อยๆ

“ไม่เป็นอะไรครับ” นวัตรตอบก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ ให้ลุง

“ไม่เป็นอะไรได้ยังไง หน้าเราซีดๆ นะ ลุงว่าเราไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวตอนเย็นๆ ลุงจะให้แม่บ้านไปปลุกมาทานข้าว ตกลงตามนี้นะ” นรินทร์เอ่ยอบ่างอ่อนโยนแล้วส่งยิ้มจางๆ ให้กับนวัตร เด็กหนุ่มพยักหน้ารับก่อนที่นรินทร์จะเดินนำขึ้นไปข้างบน แล้วหยุดลงที่หน้าประตูสีฟ้าใกล้ๆ กับบันได “นี่ห้องนอนที่ลุงจัดไว้ให้นะ เข้าไปดูก่อนแล้วกันนะเผื่อขาดเหลืออะไรก็โทรมาข้างล่างบอกแม่บ้าน เบอร์โทรศัพท์ก็วางอยู่ใกล้ๆ โทรศัพท์นั่นแหละ เอาล่พ เดี๋ยวลุงต้องไปทำธุระแล้วจะกลับก็ประมาณพรุ่งนี้เช้า ลุงไปก่อนนะ”

ทันทีที่ลุงพูดเสร็จนวัตรก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับเบาๆ เพราะตอนนี้เริ่มจัเพลียสุดๆ อยากจะนอนเต็มแก่แล้ว คุณลุงนรินทร์เดินเข้ามาสวมกอดก่อนที่จะพึมพำเบาๆ ให้พอจะได้ยินว่า ‘กลับมาแล้ว ขอบใจนะที่กลับมา’

“เอาล่ะลุงไปนะ” พูดจบนรินทร์ก็เดินลงไป

นวัตรเปิดประตูสีฟ้าออกอย่างช้าๆ...

จู่ๆ กลิ่ที่คุ้นเคยก็ปะทะเข้ากับจมูก เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผู้ชาย นวัตรมองดูบรรยากาศรอบข้าง ห้องๆ นี้เป็นสีฟ้าโทนขาว ซึ่งเป็นสีที่นวัตรชอบ หากแต่ความรู้สึกบางอย่างมันกลับบอกว่า ห้องนี้มันไม่เหมือนเดิม ห้องนี้แต่ก่อนมันไม่ใช่แบบนี้ ห้องๆ นี้มันเหมาะกับสีเทาหม่นๆ ต่างหาก

ตึก ตึก ตึก ตึก...

หัวใจเต้นแรงแปลกๆ ขอบตารู้สึกร้อนผ่าว นวัตรทรุดตัวนั่งลงบนที่นอนสีฟ้า มือเล็กเอื้อมมือไปจับตุ๊กตาปิกาจูสีเหลือง ซบหน้าลงบนพุงของตุ๊กตา กลิ่นหอมเย็นๆ ชวนให้ใจเต้นลอยเข้าจมูก ปล่อยให้น้ำตาที่ไม่เข้าใจอะไรๆไหลรินออกมาจบเพลียและหลับไป


“ครับพ่อผมกำลังขับรถกลับบ้านแล้วครับ”

(ดี รีบๆ กลับล่ะ วันนี้พ่อต้องทำธุระ พรุ่งนี้ช่วงบ่ายๆ ก็คงจะกลับ ฝากดูแลด้วยล่ะ) นาวินฟังคำพ่อด้วยความฉงน

“อะไรกันครับพ่อ บ้านเราก็มียามทำไมต้องมาฝากกับผมด้วย ผมไม่ใช่ยามนะพ่อ” เด็กหนุ่มพูดติดตลก ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะขำๆ จากปลายสาย

(แกกลับถึงบ้านแล้วแกจะรู้ว่าพ่อมีของสำคัญบางอย่างฝากให้แกอยู่บนห้องแล้ว) นรินทร์พูดติดตลก นาวินฟังแล้วหัวเราะกับคำพูดของคนเป็นพ่อ

“ของอะไรกันครับพ่อ ทำไมไม่รอให้ผมก่อนล่ะจะรีบไปทำไม”

(เหอะน่า แล้วแกจะรู้ แค่นี้แหละพ่อกำลังจะขึ้นรถแล้ว เดี๋ยวพ่อจะโทรหาอีกทีแล้วกันนะ) ปลายสายบอก

“ครับ เดินทางดีๆ นะครับพ่อ ผมรักพ่อนะ” นาวินพูดยิ้มๆ ตั้งแต่เก้าเดือนก่อนนาวินเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ก่อนเด็กหนุ่มกับผู้เป็นพ่อจะไม่ค่อยได้คุยกันเพราะผู้เป็นพ่อยุ่ง แต่นับตั้งแต่วันที่นวัตรถูกย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วยังเป็นช่วงที่นาวินทำใจไม่ได้ นรินทร์ก็ฝากงานกับเลขาแล้วมาดูลูกชาย สี่เดือนหลังจากที่นาวินเริ่มทำใจและเปลี่ยนแปลงตัวเองเด็กหนุ่มกับพ่อจึงมีเวลาไปทานข้าวนอกบ้านคุยกันที่บ้านดูหนังฟังเพลงเล่นเกมส์ด้วยกันทำให้สายสัมพันธ์พ่อลูกเริ่มเหนียวแน่นมากขึ้น พ่อลูกจึงสนิทสนมและทุกครั้งที่ผู้เป็นพ่อจะเดินทางไปที่อื่นทั้งคู่มักจะโทรหาและบอกรักกันทุกครั้งเพราะนาวินเริ่มตระหนักได้ว่า หากไม่รีบพูดคำว่ารักในตอนที่ยังอยู่ด้วยกันบางทีห่างกันเพียงแค่เสี้ยววินาทีความตายก็สามารถพรากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เราไปจากเราก็ได้

(พ่อก็รักวินเหมือนกัน พ่อไปนะ) พูดจบปลายสายก็วางไป นาวินมองโทรศัพท์แล้วยิ้มรู้สึกว่าความสุขเริ่มกลับคืนมา หากแต่กลับยังกลับคืนมาไม่หมด เหลืออีกคนที่ต้องมาช่วยเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่านี้และมีเพียงตนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเติมเต็มได้


เมื่อมาถึงคฤหาสน์นาวินก็ขับลูกชายวุดหวงเข้าโรงรถทันที ไม่ยอมให้คนขับรถมายุ่งเลยแม้แต่น้อย เพราะคันนี้เป็นคันเดียวที่นาวินกับนวัตรช่วยกันเลือกตั้งแต่มันยังไม่นำเข้ามาในประเทศและยังเป็นคันที่นวัตรช่วยตกแต่งด้านใน ในรถจึงเต็มไปด้วยสีฟ้าแม้จะเป็นเพียง BMW ธรรมดาๆ ที่มีอยู่ไม่กี่คันบนโลก หากแต่ค่าทางด้านจิตใจต่อให้จะมาขอซื้อกี่ล้านนาวินก็ไม่มีทางขายเพราะคันนี้จะเอาไว้ให้เพียงแค่นวัตรนั่งเพียงคนเดียวเท่านั้น

หลังจอดรถเรียบร้อยร่างสูงก็เดินขึ้นข้างบนทันทีลืมเรื่องของสำคัญที่พ่อพูดถึงไปทันทีเพราะมัวคิดถึงคนที่อยู่แสนไกล

ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปในห้องและทรุดตัวลงนอนบนเตียงแสนนุ่มทันที เพราะเมื่อวานมัวแต่ยุ่งทำโครงงานกับสุธินทร์กันสองคนจนไม่มีเวลาพักผ่อน หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะมีหน้าที่แค่ไปหาซื้ออุปกรณ์แล้วปล่อยหน้าที่หาข้อมูลให้นวัตรส่วนออกแบบและตกแต่งเป็นหน้าที่ของธีรดล แต่ว่าเมื่อไม่มีคนทั้งสองคนอยู่นาวินกับสุธินทร์จึงต้องมานั่งยุ่งทำกันอยู่สองคน

ธีรดลย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับนาวินและธีรดลตั้งแต่สามเดือนแรกที่นวัตรประสบอุบัติเหตุและสามเดือนต่อมาธีรดลก็มาด่วนจากไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ รู้สึกว่าจะมัวคุยโทรศัพท์และมีแมววิ่งตัดหน้ารถทำให้ธีรดลต้องหักเลี้ยวหลบแล้วมีรถบรรทุกขับสวนมาพอดีรถจึงประสานงาเข้ากับรถบรรทุกพอดี รถของธีรดลพลิกคว่ำคนในรถแม้จะไม่เสียชีวิตทันทีแต่ก็อาการสาหัส ธีรดลอยู่ได้ประมาณเก้าวันก็จากไปอย่างสงบ ส่วนสุธินทร์ที่ได้ชื่อว่าสนิทกันที่สุดก็มีท่าทางซึมเล็กน้อยแล้วจู่ๆ หลังจากงานศพธีรดลเสร็จเรียบร้อยสุธินทร์ก็เริ่มทำใจได้ และก็เริ่มพึมพำกับตัวเองว่าอีกสิบปี อีกสิบปี อีกสิบปีเจอกันที่เดิม แล้วหลังจากนั้นสุธินทร์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองกลายเป็นคนพูดเยอะขึ้น หากแต่ก็ยังไม่เคยยิ้ม...ยิ้มอย่างมีความสุข นาวินยังไม่เคยเห็นเลยนับตั้งแต่วันที่ธีรดลจากไป... (รอเรื่องของธันกับดลเรื่องต่อไปใน ‘{*2} นาที’ อย่างคิดว่ามันจะดราม่าหากคุณยังไม่ได้อ่าน)

นาวินนอนได้ไม่ถึงนาทีก็รับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่อยู่บนเตยงนอนของตน จึงต่อยๆ พยุงร่างกานที่อ่อนแรงของตัวเองลุกขึ้นสำรวจเตียงก่อนจะมองเห็นว่ามีคนมานอนบนเตียง นาวินขยับหมายจะไปปลุกคนที่บังอาจมานอนบนเตียงของเขา ร่างสูงลุกขึ้นและเคลื่อนกายมาข้างเตียงเพื่อมองหน้าคนนอน หากแต่เจ้าตัวที่กำลังหลับอยู่กลับเอาหน้าซบลงกับปิกาจูตัวสีเหลืองที่นาวินแสนรักแสนหวงเพราะเป็นของขวัญชิ้นแรกที่นวัตรมอบให้ตอนวันเกิดวัยเด็กทั้งๆ ที่ตอนนั้นยอกว่าไม่ชอบเกลียดแต่สุดท้ายก็เก็บไว้จนถึงตอนนี้ นาวินดึงปิกาจูตัวสีเหลืองออก ทำให้หัวเล็กๆ เลือนตกลงมานอนอยู่บนหมอนพอดี

.........

......

...

.

ภาพตรงหน้าทำให้นาวินทำอะไรไม่ถูก...ใบหน้ารูปไข่ ปากเล็กเป็นกระจับ แก้มสีชมพูอ่อนๆ จมูกโด่งนิดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้นาวินเผลอเอื้อมมือหมายจะจับ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะหากเอื้อมมือไปแตะแล้ว...กลัว...กลัว...กลัวว่าภาพตรงหน้าจะหายไปเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่จิตใจสร้างขึ้นเหมือนเมื่อแปดเดือนก่อน นาวินเลือกที่จะชักมือกลับและนั่งมองดูร่างเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข หากแม้จะเป็นเพียงแค่ความฝันนาวินอยากจะหลับออย่างนี้ตลอดไปโดยไม่มีวันตื่น

RRRRRRRRR

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นาวินรีบเอื้อมมือไปคว้ามารับอย่างรวดเร็วเพราะกลัวภาพตรงหน้าเลือนหายไปหากเขากระพริบตาแม้เพียงเสี้ยววินาและทุกอย่างจะกลับเป็นเหมือนเดิมราวกับฝัน

(วินนี่พ่อเองนะ กลับถึงบ้านหรือยังลูก) เสียงนรินทร์ดังมาตามสาย นาวินน้ำตาไหลเขาอยากบอกผู้เป็นพ่อเหลือเกินว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร

“พ่อ...พะ...พ่อ...พ่อผมฝันครับพ่อ...”นาวินบอกคนปลายสายด้วยเสียงตะกุกตะกัก ความตื้นตันใจจากภาพตรงหน้าทำให้ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลางเพราะหยาดน้ำตาไหลมาบดบัง “พ่อ...ผม...ผม...ผมฝันเห็น...”

(พูดช้าๆ ก็ได้วิน แล้วค่อยๆ บอกพ่อมา ไม่ต้องรีบร้อน พ่อกำลังฟังเราอยู่) เสียงผู้เป็นพ่อเอ่ยอย่างปลอบประโลม นาวินสะอื้นเบาๆ หากแต่ดวงตาสีดำกลับจับจ้องมองเพียงภาพตรงหน้าไม่ละแม้เพียงวินาทีเดียวมืออีกข้างกำแน่นอยู่ข้างลำตัว

“วินฝันครับพ่อ วินฝัน” นาวินเอ่ยก่อนที่จะนิ้มอย่างสดใสให้คนที่กำลังหลับอยู่ มือหนาที่กำแน่นข้างลำตัวเอื้อมจับผ้าปูที่นอน แต่ยังไม่กล้าจะจับต้องคนตรงหน้า

(ฝันดีหรือฝันร้ายเหรอ) ผู้เป็นพ่อถาม แม้จะรู้ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร

“ฝันดีครับพ่อ ดีมากเสียจนผมไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกเลย พ่อครับ...ถ้าหากผมไม่ตื่น พ่อไม่ต้องปลุกผมนะครับ ผมของหลับอย่างนี้ตลอดไป...” นาวินพูดด้วยเสียงเศร้าทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางทีจะเป็นไปได้ เพราะไม่ว่าอย่างไร รุ่งเช้าเขาก็ต้องตื่นขึ้นจากความฝันนี้อยู่ดี

ปลายสายของผู้เป็นพ่อเงียบไปก่อนที่จะมีเสียงหัวเราะดังแว่วๆ เข้ามาในสาย ก่อนที่มันจะชัดขึ้นเพราะคนที่หัวเราะคือนรินทร์นั่นเอง

(ฮะๆ วิน ฟังพ่อให้ดีๆ นะ) ปลายสายเงียบไปได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ (นั่นไม่ใช่ความฝันลูก นั่นคือความจริง คนที่ลูกเห็นคือกาลจริงๆ ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ภาพลวงตา ถ้าวินยังไม่เชื่อก็ลองจับดูสิ ว่าเป็นกาลจริงไหม)

“พะ...พ่อ..ผม...ผมกลัว...ผมกลัวว่าถ้าผมเอื้อมมือไปจับ กาลจะหายไป...กาลจะหายไปเหมือนตอนนั้น” ผู้เป็นลูกพูดพลางกลั้นสะอื้น

(วิน! พ่อจำได้ว่าพ่อไม่เคยสอนลูกให้เป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้นะ  พ่อเคยบอกลูกแล้วยังไงว่าหากความจริงมันเป็นยังไง แม้มันจะโหดร้ายขนาดไหน ลูกก็ต้องยอมรับมันและฝ่าฝันปัญหานั่นไปให้ได้อย่ามัวแต่กลัวแล้วหนีจากมันเพราะสุดท้ายคนที่เจ็บปวดที่สุดก็ย่อมเป็นตัวลูก ไม่ใช่ใครที่ไหน ไม่มีใครช่วยพยุงลูกได้ตลอดเวลาหรอกนะ ลูกต้องหัดลุกขึ้นมาเดินเอง!!) นรินทร์ตะคอกเพื่อเรียกสติผู้เป็นลูกชาย นาวินฟังเสียงพ่อด้วยใจรวดร้าว เพราะเค้าเจ็บปวดมามากแล้ว เจ็บปวดมาตั้งเก้าเดือน ความเจ็บปวดนี้สำหรับเขามันช่างยาวนานนับศตวรรษ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหนึมที่หัวใจ เขาผิดด้วยเหรอที่อยากฝันอย่างนี้ตลอดไป ไม่อยากตื่น ไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริงที่เป็นอยู่

ถ้าหากเป็นคนเข้มแข็งแล้วต้องเจ็บปวด...เขาอยากจะยอมเป็นคนขี้ขลาดที่อยู่กับความฝันมากกว่า...

“แต่พ่อ...ผม...” เสียงพูดตะกุกตะกักอย่างไม่มั่นใจ

(จับ!) ผู้เป็นพ่อสั่ง นาวินจึงจำยอมค่อยๆ เอื้อมมือหนาไปสัมผัสใบหน้าหวานอย่างช้าๆ

...ทันทีที่สัมผัส...ความอุ่นซานก็แผ่ไปทั่วมือ ราวกับเขื่อนแตก น้ำตาของชายผู้เข้มแข็งและเต็มไปด้วยทิฐิไหลทะลักออกมา มือหนาลูบคลำไปทั่วใบหน้า ผม ลำคอ แขนและขา เหมือนกับว่าจะจดจำทุกสัมผัสนี้ไว้ให้ตราบนานเท่านาน

“พะ...พ่อ...กาลจับ...ผมจับกาลได้...พ่อ! กาลกลับมาแล้ว... ผะ...ผม...พ่อ...ผมกาล พ่อ...ฮือๆๆๆ” เสียงพูดตะกุกตะกักแล้วสุดท้ายก็ได้ยินเพียงเสียงร้องไห้ นาวินลูบไปทั่วใบหน้าขาวซีดอย่างช้าๆ อย่างทะนุถนอม กลัวเหลือเกิน ถึงแม้จะเป็นความจริง แต่ก็กลัวจะหายไป

(ใช่ลูก กาลกลับมาแล้ว กาลจะมาอยู่กับเราประมาณหนึ่งเดือน) นรินทร์เอ่ยบอกผู้เป็นลูกชาย รู้สึกเป็นสุขเมื่อเห็นผู้เป็นลูกชายมีความสุข สำหรับคนเป็นพ่อไม่มีอะไรที่จะต้องการมากกว่านี้อีกแล้ว

“หนึ่งเดือน? หมายความว่ายังไงเหรอครับพ่อที่บอกว่ากาลจะมาอยู่กับเราหนึ่งเดือน แล้วพี่กิลไม่ว่าอะไรเหรอครับที่กาลมาอยู่กับผม” นาวินถามอย่างงงๆ เพราะไม่อยากจะเชื่อว่านภัทรจะยอมให้น้องชายอันเป็นที่รักยอมมาอยู่กับตน เพราะนาวินเคยทำร้ายนวัตรหลายต่อหลายครั้ง

(พ่อพูดกับกิลเขามาแล้ว แล้วกิลบอกว่าภายในเวลาหนึ่งเดือนหากวินสามารถทำให้กาลกลับมารักวินได้เหมือนเดิม กิลเขาก็จะให้กาลมาอยู่กับวินตลอดไป) ผู้เป็นพ่อพูดอย่างขมขื่นกับข้อตกลงที่นภัทรตั้งไว้

“อะไรกันครับพ่อ พ่อพูดอย่างกับกาลเขาเลิกรักผมแล้วอย่างนั้น...ยะ...อย่าบอกนะครับว่ากาลมีคนรักใหม่แล้ว!! ไม่นะครับพ่อ...พ่อ! ผมอยู่ไม่ได้นะครับถ้าหากว่าผมไม่มีกาล” เด็กหนุ่มตะโกนบอกคนปลายสาย มือหนาที่เอื้อมลูบใบหน้าของคนที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขถึงกับชะงัก

(ไม่ใช่อย่างนั้นวิน ใจเย็นๆ ก่อนลูก มันไม่ใช่อย่างที่ลูกเข้าใจ ฟังพ่อให้ดีๆ) นรินทร์บอกผู้เป็นลูก

“...ครับ” นาวินยอมสงบ ริมฝีปากหนาจูบพิศที่หน้าผากมนเบาๆ อย่างหวงแหน

(กาลไม่ได้มีคนรักใหม่...แต่ว่ากาลความจำเสื่อมบางส่วน...)

“อะไรนะครับ!!” นาวินอุทานอย่างตกใจแล้วมองงดูใบหน้าขาวซีดที่กำลังหลับ “หมาย...หมายความว่ายังไงครับพ่อที่บอกว่ากาลความจำเสื่อมบางส่วน”

(จะว่ายังไงดี อุบัติเหตุนั่นทำให้ความทรงจำของกาลบางส่วนหายไป แต่ส่วนที่ขาดหายไปมันก็ไม่ได้ทำให้กาลใช้ชีวิตของกาลเปลี่ยนไป กาลจำเกือบทุกอย่างได้ จำเพื่อนเกือบทุกคนได้ แต่ความทรงจำที่หายไปมันเป็นความทรงจำของกาลที่กาลได้ทำร่วมกับคนๆ หนึ่ง) ผู้เป็นพ่อหยุดให้ลูกชายได้คิด

“ละ...แล้วคนๆ นั้นที่พ่อพูดถึงมันหมายถึงใครเหรอครับ...” เหมือนกับมีลางร้ายบอก...บอกว่าสัมพันธ์ของเขาและกาลจะเปลี่ยนไป

(...ของวิน...ความทรงจำของกาลที่หายไปมันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวิน กิลบอกพ่อว่ากาลจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ จำเพื่อนได้ จำเรื่องราวต่างๆ ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ แต่กาลจำวินไม่ได้ ก่อนที่จะโดนรถชนกาลจำได้เพียงว่ากาลวิ่งหนีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวแล้วจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก กิลบอกว่าถ้าหากกาลคิดถึงเรื่องนี้กาลจะปวดหัวอย่างหนักและก็กรีดร้องจนสลบไป)
...


... Part KAN ...

ความอบอุ่นที่แผ่ซานไปทั่วร่างกาย กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้น แต่ผมกลับจำไม่ได้ว่าเคยได้กลิ่นนี้มาจากที่ไหน รู้เพียงแต่ว่า พอได้กลิ่นนี้มันทำให้ผมอบอุ่นแต่ก็เจ็บหน่วงๆ ที่หัวใจอย่างน่าประหลาด

...สัมผัสที่แผ่วเบาและแสนนุ่มกดลงมาที่หน้าผาก พร้อมกับแรงที่กำลังกกกอดผมเบาๆ ผมขมวดคิ้วที่มีสิ่งมารบกวนการนอนหลับของผม

เมื่อรู้สึกคงจะทนหลับตาต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ผมจึงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แสงสว่างที่สาดส่องมาจากหน้าตาทำให้ผมต้องหรี่ตาลงก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆ ปรับแสง ...ได้สิ่งที่เห็นเป็นสิ่งแรกคือดวงตาสีดำสนิทของใครบางคน ผมมองไปที่ดวงตาสีดำที่กำลังจับจ้องผมอยู่

...จู่ๆ หัวใจก็เต้นแรงราวกับพายุคลั้ง ขอบตาร้อนผะผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ เสียงที่กำลังจะเอ่ยด่าหายไปในลำคอเหมือนมีก้อนแข็งๆ มาจุกอยูที่คอ

“อรุณสวัสดิ์ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนกระจ่างส่วนมาให้

...คิดถึง... มีเพียงคำนี้ที่กำลังผุดขึ้นมาในสมองเต็มไปหมด...

ร่างที่กำลังจ้องตาผมมองหน้าผมอย่างตกใจ

“กาล กาลเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

...ร้องไห้?

นี่ผมกำลังร้องไหอย่างนั้นเหรอ?

แล้วผมจะร้องทำไม?

ดีใจเหรอ?

เสียใจเหรอ?

มันตีกันไปหมด นี่ผมกำลังเป็นบ้าอะไร ทำไมต้องร้องไห้ แล้วหัวใจบ้านี่มันจะเต้นแรงไปถึงไหนกลัวคนที่อยู่ตรงหน้าผมไม่ได้ยินหรือยังไง

หยุด หยุด หยุดเต้นนะไอ้หัวใจบ้า จะเต้นทำไม่ ตื่นเต้นอะไร มันมีอะไรให้น่าตื่นเต้น หยุดเต้นได้แล้ว!
...


“นี่เรากำลังจะไปไหนกันเหรอวิน” เสียงนุ่มๆ เอ่ยพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังจดจ้องเขาอยู่

“เราจะไปเยี่ยมธันกันครับ” นาวินตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า พอสบเขากับดวงตาสีดำติดหวานนั่นทำให้นวัตรรู้สึกร้อนวูบวาบที่หน้าอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อไปถึงคอนโดที่แสนคุ้น นาวินก็เดินจูงคนตัวเล็กขึ้นลิฟทันที ก่อนที่มือหนาจะกดไปที่ชั้น 9 ลิฟเคลื่อนที่ขึ้นไปอย่างช้าๆ แตกต่างจากคนที่อยู่ในลิฟสองคนที่กำลังใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะโดนคนร่างสูงจับมือไว้แน่นไม่ยอมปล่อย หน้าก็ร้อนวูบวาบไปหมดจนต้องก้มลงเพราะกลัวคนตัวสูงจะเห็น ส่วนอีกคนก็เต้นเพราะดีใจอยากจะจับร่างนุ่มนิ่มนี้มาฟัดให้หายคิดถึงและหายทรมาน

ติ๊ง!

เสียงลิฟดังเป็นสัญญาณให้คนที่อยู่ด้านในทั้งสองต้องเดินออกมา ร่างสองร่างเดินเคียงคู่กันหยุดอยู่ที่หน้าห้อง 903

ก๊อกๆๆๆ

นาวินเคาะประตูอย่างเป็นจังหวะพานให้นวัตรสงสัยทั้งที่กริ่งหน้าประตูก็มีแต่นาวินดันไม่กด

ไม่นานร่างสูงเจ้าของดวงตาสีโกโก้ก็เดินมาเปิดประตูด้วยความงัวเงีย ตาปรือๆ ราวกับคนที่ยังไม่ตื่นดี

“มีอะไร” เสียงทุ้มติดเย็นชาเอ่ยแล้วมองหน้านาวินอย่างหงุดหงิดก่อนที่ดวงตาสีโกโก้จะเลื่อนลงมาดูร่างเล็กที่ยื่นอยู่ข้างๆ นาวิน

จู่ๆ เสียงก็เงียบไป ราวกับป่าช้า

“เข้ามา!” เสียงทุ้มติดเย็นชาของสุธินทร์ตะคอกก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องนอน นาวินกลั้นหัวเราะก่อนที่จะจูงร่างเล็กที่กำลังงงเข้ามาภายในห้อง แล้วปิดประตูหน้าห้องลงแถมยังไม่ลืมล็อคประตูให้กับเจ้าของห้องที่โลกส่วนตัวสูงอีกด้วย

รอไม่นานร่างสูงผิวสีแทนดวงตาสีโกโก้ก็เดินออกมาจากห้องนอนโดยที่มีที่ใส่อัฐิติดมาด้วย สุธินทร์ถือที่ใส่อัฐิมาวางไว้ที่โต๊ะอย่างเบามือ ที่ใส่อัฐิสีทองลวดลายสลักงดงาม หากแต่ทำให้ผู้ที่ได้เห็นรู้สึกหดหู่

“สวัสดีกาล สบายดีไหม” สุธินทร์เอ่ยถามทำลายความเงียบ ประโยคนี้ทำให้นาวินกับนวัตรถึงกับชะงักเพราะสุธินทร์ไม่เคยพูดประโยคยาวๆ อย่างนี้มาก่อน

“อืม สบายดี แล้วธันล่ะ สบายดีไหม”

“ช่วงแรกๆ ที่ดลประสบอุบัติเหตุก็ซึมๆ อยู่ แต่ก็ทำใจได้แล้วแหละ” สุธินทร์เอ่ยบอกด้วยประโยคยาวๆ จนนาวินอ้าปากค้างอย่างลืมตัว

“อย่างนั้นเหรอ กาลขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้มางานศพดล พอดีตอนนั้นกำลังยุ่งๆ เลยไม่ได้มา” กาลเอ่ยขอโทษ

“ไม่เป็นไร...”
...

ต่อด้านล่างค้า
V
V
V
V
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 27-01-2013 16:44:32
V
V
V
V


... Part WIN ...


ผมเดินจับมือกาลจนมาถึงสวนสาธารณะแห่งความทรงจำของผมและกาล ที่นี่เป็นที่แรกที่ผมเจอกาล เด็กผู้ชายตัวขาวซีดๆ ที่มาเดินเล่นในสวนสาธารณะแล้วดันตาดีมาเจอผมที่กำลังอารมณ์เสียเพราะต้องงานเลี้ยงกับพ่อ

ใช่แล้ว...คุณคิดไม่ผิดหรอก ผมคือเด็กผู้ชายที่ทำให้กาลพลัดตกจากต้นไม้นั่น ยังโชคดีที่ตอนนั้นพี่กิลกำลังตามหากาลอยู่จึงพากาลไปส่งที่โรงพยาบาลทัน ไม่อย่างนั้นความผิดนี้ก็คงติดตัวผมตลอดไป

‘ไม่เป็นไร... ความจริงดลอยากเจอกาลก่อนที่จะตายมากนะ แต่จะทำยังไงได้ ตอนนั้นเราทั้งคู่ไม่รู้ว่ากาลอยู่ที่ไหนเป็นยังไงบ้าง แต่เราทั้งคู่ก็วางใจที่พี่กิลรับกาลกลับไปดูแลเพราะเราเชื่อว่าพี่กิลต้องดูแลกาลอย่างดีแน่ๆ และจนวินาทีสุดท้าย ถึงจะไม่รู้ว่ากาลเป็นยังไง แต่ผมรู้ว่าก่อนตายดลมีความสุข สุขที่ไม่ต้องมานั่งทุกข์เรื่องของคนนั้นทีคนนี้ที...รวมทั้งเรื่องของตัวเอง ในช่วงสุดท้ายดลยิ้มอย่างเป็นสุขก่อนตายดวงตาสีฟ้านั่นสว่างสดใสราวกับกำลังเจอกับสิ่งดีๆ ดลหัวเราะพร้อมกับบอกผมว่าแล้วค่อยพบกันใหม่...อีกสิบปี...’

ผมไม่เข้าในที่ธันมันพูด ที่ว่าดลหัวเราะแล้วก็บอกว่าค่อยพบกันใหม่...อีกสิบปี

เพราะว่าผมก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น...ตอนที่หมอพยายามช่วยปั๊มหัวในดล ตอนนั้นผมเห็นเพียงแค่ดลมันยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีเสียงพูดคุย มีพียงการจากไปอย่างสงบและเสียงร่ำร้องของญาติและเพื่อนรวมถึงผม

ตอนนั้นธันมันอยู่ในห้องนอนมันไม่ได้มาโรงพยาบาลเพราะครอบครัวของดลไม่ยอมให้ธันมาเยี่ยม

...ทำไมน่ะเหรอ...ก็เพราะครอบครัวของดลมันรู้น่ะสิว่าทั้งสองเป็นอะไรกันจึงพยายามกีดกันทั้งคู่ให้ออกห่างจากกันแม้กระทั่งวันที่ดลตาย พ่อของดลจึงลดทิฐิยอมให้ธันมางานศพดล ในตอนนั้นผมเห็นดลมันไม่ได้ร้องไห้หรือเสียใจ ผมเห็นมันยิ้มที่ริมฝีปาก พอผมถามมันก็ตอบเพียงว่า

‘อีกสิบปี...มาเริ่มกันใหม่’

แล้วทุกวันนี้มันก็เป็นเหมือนเดิม มีเพียงวันนี้ที่มันโคตรพูดมากกว่าปกติเสียจนผมอึ้งและอ้าปากค้าง

ตัดมาที่เรื่องราวของผมบ้างดีกว่า ตอนนี้ผมดึงคนตัวเล็กมานั่นข้างๆ ใต้ร่มไม่แห่งความทรงจำนี้ ทุกคนคงจะสงสัยล่ะสิว่าทำไมผมถึงไม่เสียใจเรื่องที่มีเพียงผมคนเดียวที่กาลจำไม่ได้

ผมไม่เสียใจหรอก...

ผมเอื้อมมือไปประคองใบหน้าคนร่างเล็กให้หันมา

...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ผมเผฝ้าฝันและคิดถึงทุกคืนมาอยู่ตรงหน้าของผมแล้ว

จากนี้ผมจะไม่ยอมปล่อยอีกต่อไป...เวลาหนึ่งเดือนแม้กาลจะจำผมไม่ได้ แต่ว่าผมก็จะทำให้กาลรักผมให้ได้

“กาลครับ”

“ครับ?”

“จากวันนี้จนกว่าจะถึงเดือนหน้า...ผมจะจีบกาลนะครับ”

“หา!” ร่างเล็กมองดูผมก่อนที่หน้าซีดๆ จะเริ่มแดงลามถึงหูและลงมาที่ลำคอ

บอกได้คำเดียวว่า...

...น่ารักโคตรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร




... THE END ...


 :catrun:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 27-01-2013 17:02:50
-w- เยี่ยมม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 27-01-2013 17:09:26
ในที่สุดก็จบแฮปปี้  :z2:  :a2:

แต่เรื่องดลกับธันนี่สิ  :m15:

ขอบคุณคนแต่งจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 27-01-2013 17:25:59
อยากอ่านเรื่องธันกับดลแล้ว  o13
กาลน่ารักอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END + {*2} นาที Intro (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 27-01-2013 20:01:19
 o13 o13  อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ.  สนุกมากเลยค่ะ รอติดตามเรื่องดลกับธันค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END + {*2} นาที Intro (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 27-01-2013 20:05:22
ตอนแรกน้ำตาซึมไปแล้ว ตอนกาลโดนรถชน ขอบคุณที่เป็น Happy Ending นะคะ :)

ติดตามเรื่องของธัน กับดลต่อไป  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END + {*2} นาที Intro (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 27-01-2013 20:24:16
เรื่องธันกับดลอย่าดราม่าเยอะนะคะ จริงๆก็ชอบอยู่นะดราม่า แต่ไม่กล้าอ่านที่แบบคนใดคนหนึ่งต้องตาย  :dont2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END + {*2} นาที Intro (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: shishikima ที่ 27-01-2013 20:57:59
มาตอบเม้นกันเตอะ



นึกว่ากาลจะได้แล้วซะอีก
ตอนนี้รู้สึกเห็นใจวินมากเลยค่ะ
วิ่งตามรถพยาบาล หนูกาลก็ไม่ยอมฟื้นขึ้นมา
แล้วจะได้เจอกันหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ของเถอะ หนูไม่อยากกินมาม่า หนูเบื่อแล้วววววว
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
+1 ให้แล้วน้า

 :L2:

 :กอด1:

-ไม่มาม่าแล้วจ้า เป็นไวๆ (แต่ไวๆ มันอืดแหละ 555+)


ไม่นะ! อย่าเพิ่งจบ!

อย่าเอากาลไปน้าาาาาาาาาาา!!!!!! :m15:

-เอากาลไป แล้วก็เอามาคืน เริ่มจีบกันใหม่เลยจ้า


ทำไมมันเศร้าถึงเพียงนี้ แอร้ยยยย

ยังโกรธวินอยู่อะ วินแมร่ง มารู้ตอนที่สายไป ตลอดดดดด แม่มมมม คู่นี้อย่าพึ่งจบนะ ไม่ยอมจริงๆด้วย>.<

อยากให้คู่นี้เป็นคู่หลักแบบอยู่ตลอดจนทั้งเรื่องเลยค่ะ คู่อื่นแซมหน่อยพอกรุบกริบ5555555

-ภาคหน้าคู่นี้ก็จะเป็นแซมกรุบกริบจ้า (เหลืออีกหลายคู่เลยที่ยังไม่ได้เริ่ม)


ไม่น่ะอย่าพึ่งจบเลยน่ะ ฮือออออ

เเต่เค้าคิดเเล้วน่ะ

เอากาลไม่ฟื้นเลยเเล้ว  กิลวิน ก็ฟินดี  ฮ่าๆๆๆ เอากิลเมะด้วยนะ
รึไม่ก็เเฮปปี้ๆ

ขอเเค่สมหวังพอไม่กินมาม่า  ไม่ดีต่อสุขภาพๆๆ

ฮ่าๆๆๆ พลังการจิ้นบรรเจิดหนักเเล
มาต่อไวๆนะค่ะ
 o13 o13 o13

-จิ้นไปไกลเลย พี่กิลเค้าถูกจองแล้วจ้า (กระซิบ//พี่กิลแกซึนอย่าบอกใครเชียว 555+)


:monkeysad:

-ตอนนี้คงไม่ต้องมีผ้าเช็ดหน้าแล้วมั้ง แฮปปี้ๆ จ้า


:m15: :m15: :m15:

-อย่าซบน้ำตาแต่คู่นี้ เหลือไว้ให้คู่ดลกับธันบ้างน้าาา 555+ เดี๋ยวน้ำตาหมด


รับทราบค่า จะรอนะ

สวัสดีปีใหม่จ้า♥

-มาแล้วน้า สวัสดีปีใหม่เช่นกันจ้า ขอโทษทีนะช่วงนี้กำลังยุ่งๆ เกี่ยวกับเรื่องสอบอยู่แม่เลยงดให้เล่นคอมจ้า มาลงตามคำขอเลย ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้า


รับทราบจ้า ขอให้คอมซ่อมเสร็จไวๆ เราจิได้อ่านนิยายเร็วๆ  :laugh:

-ตามคำขอเลยจ้าซ่อมเสร็จสอบเสร็จก็ลงเลยนะเนี่ย ขอบคุณสำหรับกำลังใจค้าาา


รับทราบค่ะ

สวัสดีปีใหม่น่ะจ๊า

-สวัสดีปีใหม่เช่นกันจ้า


ุ้ตอนหน้าจบแล้วหรอเนี่ย หวังว่ามันคงไม่เศร้าไปกว่านี้น๊า วินกว่าจะรู้ใจตัวเองก็ต้องเสียคนรักไปแล้ว คนเขียนสู้ๆน็า ถ้ามีเรื่องต่อก็จะรออ่าน เป็นซีรีส์ก็จะตามไปอ่าทุกตอนเลยเอ๊า สู้ๆ ค้าบ

-ไม่เศร้าตามคำขอ (เพราะถ้าเศร้ากลัวคนอ่านเสียใจ 555+) มีเรื่องต่อจ้าเป็นซีรีส์ประมาณเจ็ดถึงแปดเรื่อง ขอบคุณที่ติดตามค้า ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ



ไม่เป็นไรค่าาา

จะรอวันซ้อมคอมเสร็จ (แต่หวังว่าคงได้อ่านเดือนนี้นะคะ T T เสียดายนิดๆ)

เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ

สวัสดีปีใหม่ค้าาา (ช้าไปสองวันเอง)

-555+ สวัสดีปีใหม่เช่นเดียวกันค่ะ (ช้าเหมือนกัน) ทันเดือนนี้พอดีนะเนี่ย ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ


-w- เยี่ยมม

-ขอบคุณค้าาา


ในที่สุดก็จบแฮปปี้  :z2:  :a2:

แต่เรื่องดลกับธันนี่สิ  :m15:

ขอบคุณคนแต่งจ้า  :กอด1:

-คู่นี้เค้าแฮปปี้อยู่แล้วจ้า (ถึงกาลจะจำวินไม่ได้ แต่ความรู้สึกและหัวใจของกาลก็เป็นของวินตั้งนานแล้วจ้า แม้สมองไม่มีความทรงจำ ขอเพียงแค่หัวใจยังสัมผัสกันได้ ความทรงจำอะไรก็ไม่สำคัญ อั๊ยๆๆๆ) ส่วนเรื่องของดลกับธันอย่าพึ่งคิดไปไกลนะคะไม่แน่อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้ 555+ (ไม่แน่ค่ะไม่แน่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้ามีปาปิก้า เกี่ยวไหมอ่ะ)


อยากอ่านเรื่องธันกับดลแล้ว  o13
กาลน่ารักอ่ะ 555

-ตามคำขอเลยค้าาา (แต่มาแค่ Intro นะคะ)


o13 o13  อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ.  สนุกมากเลยค่ะ รอติดตามเรื่องดลกับธันค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน :L2:

-ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจนะคะ จะพยายามปั่นเรื่องของธันกับดลให้จบแล้วต่อด้วยเรื่องของพี่กิลนะคะ


ตอนแรกน้ำตาซึมไปแล้ว ตอนกาลโดนรถชน ขอบคุณที่เป็น Happy Ending นะคะ :)

ติดตามเรื่องของธัน กับดลต่อไป  :impress2:

-ขอบคุณสำหรับการติดตามค้า ส่วนเรื่องธันกับดลรออาทิตย์หน้าเลยนะค้าาา


เรื่องธันกับดลอย่าดราม่าเยอะนะคะ จริงๆก็ชอบอยู่นะดราม่า แต่ไม่กล้าอ่านที่แบบคนใดคนหนึ่งต้องตาย  :dont2:

-ดร่าม่า+หวาน+กวน นะคะ จะดร่าม่าเยอะๆ ก็ช่วงดลกำลังจะไปน่ะค่ะ เรื่องของดลกับธันไม่ได้เศร้าขนาดนั้นค้า การตายก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ดลไม่ไปไหนหรอกคะ เพราะยังมี 'สัญญา' กับ 'สิบปี' อันเป็นปริศนาของคนทั้งสองอยู่ ยังไงเรื่องนาทีของดลกับธันก็ไม่เศร้าเท่าเรื่องเพื่อนสนิทของกาลกับวินแน่นอนคะ (อาจจะมีซบน้ำตาเล็กๆ ไม่มากค้าาา)



**************


ในที่สุดก็จบซะทีกับเรื่องเพื่อนสนิท

ใครที่รอแฮปปี้ๆ ก็สมใจอยากเลยค้า

มาลุคใหม่กาลใสมาขนาดวินมันยังบอกน่ารักโครตเลย 555+

สำหรับเรื่องนี้จบเพียงแค่นี้สุดท้ายก็ได้เริ่มจีบกันใหม่

ให้เดายังไงๆ คนอ่านก็ต้องรู้อยู่แล้วว่า กาลก็ต้องกลับไปรักวินเหมือนเดิมอยู่ดี แต่งานนี้ฝ่ายยอมจะต้องเป็นวินเสียมากกว่าที่จะต้องทำให้กาลกลับไปรักให้ได้

คนที่แค้นวินก็คงจะสมใจอยาก (แก้แค้นแค่นี้คงพอนะคะ 555+)

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END + {*2} นาที Intro (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 27-01-2013 21:15:22


ไม่มาม่าจริงๆ ด้วย

แก้แค้นวินได้เจ็บแสบมากเลยค้า

เริ่มนับหนึ่งใหม่เลยใช่ไหมคะเนี่ย

จบแบบเข้าใจ

ทีนี่ก็รออ่านเรื่องของธันกับดลนะคะ

เข้ามาเป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท ตอนที่ 9 THE END + {*2} นาที Intro (27/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 28-01-2013 02:02:42
น้ำตาแตกไปมากโขกับเรื่องของกาล บรรยากาศเป็นใจอีก ฝนตก!! มารออ่านเรื่องของดลกับธันด้วยคนนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*2} นาที ตอนที่ 1 ลง 50% เรียกเลือดนิดๆ (28/01/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 28-01-2013 21:34:49
เปิดมาตอนแรกก็เรียกเลือดกันเลยทีเดียว  :impress2:
รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*2} นาที ตอนที่ 1 ลง 100% <ธัน+ดล> (01/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 02-02-2013 09:04:15


อีกมุมหนึ่งธันก็น่ารักนะเนี่ย
อั๊ยๆๆๆ
แต่เสียทีดลดันปากหมาไปหน่อย
 
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*2} นาที ตอนที่ 1 ลง 100% <ธัน+ดล> (01/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 05-02-2013 20:38:53
น่ารักดีอ่ะ ดลกันธัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*2} นาที ตอนที่ 1 ลง 100% <ธัน+ดล> (01/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: tegomon ที่ 06-03-2013 17:02:11

ในที่สุดก็เจออีกเรื่อง
คนเขียนเล่นเปลี่ยนชื่อเรื่องเค้าเลยจำไม่ได้
มาเป็นกำลังใจให้ค้าาาา
 :L2: :L2: :L2: :L2:
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*2} นาที ตอนที่ 1 ลง 100% <ธัน+ดล> (01/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Ella Killer ที่ 06-03-2013 20:55:00
เพิ่งเข้ามาอ่านค่าาาาาา  :mc4:

สนุกมากกกก  o13

เรื่องแรกน่าจะจบให้มันดาร์กๆ หน่อยเนอะ  o18 หมันไส้พระเอก
(อย่าสนใจค่ะ อินี่มันโรคจิต  :laugh:)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*2} นาที ตอนที่ 1 ลง 100% <ธัน+ดล> (01/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: รัตติกาล ที่ 17-03-2013 23:35:50
ตามมาจากแวมไพร์ฮับ
เรื่องแรกเศร้ามากผมอ่านแล้วน้ำตาไหล
คนเขียนบอกว่าจะมาต่อวันที่สิบเดือนก่อนทำไมไม่มาต่ออ่ะฮับผมว่าเรื่องนี้น่ารักแบบกวนๆ ดี

ปล.ผมเป็นกำลังใจให้ฮับสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 22-03-2013 23:37:38
 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 23-03-2013 11:31:35
เขียนสนุกดี หน่วงมั่กๆ เขียนผิดนิดหน่อยนะลองเช็คดู
รอเรื่องต่อไปจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 23-03-2013 11:34:25
เข้ามมอ่านเพราะชอบเรื่องแนวแอบรักเพื่อนคะเะราะมันเราม่าดี(ฮา)

สงสารกาลมากวินมันก็ดูโง่ๆยังไงไม่รู้เนอะเห่อๆ

แต่จบแบบนี้ก็ถือว่าโอเคนะคะแฮปปี้อีกแบบ

แต่แอบตกใจที่ดลตายอะแบบว่าเฮร๊ยได้ไงอะ....สงสารธันต้องตามไปอ่านคู่นี้ซะละ

ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะทีแต่งมาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: Oo_oO ที่ 23-03-2013 20:35:12
จบแบบนี้ก้อดีนะคะ
เพราะเราก้อคิดไว้ว่ากาลต้องกลับมารักวินแน่ๆ ไม่ว่าจะจำได้หรือไม่ได้ XD
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 24-03-2013 02:15:31
สนุกครับ รอเรื่องที่2 ครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 24-03-2013 18:31:44
นี้หล่ะหนา คนเรา
กว่าจะรู้ตัว เกือบสายไปเสีียแ้ล้ว ^.^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 24-03-2013 20:31:05
สนุกดีครับ

รอเรื่องที่สองนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 26-03-2013 21:54:17
เอ่อ ผมงงว่าพี่กิลมาไงนึกว่าพี่กิลตายไปแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 31-03-2013 20:13:57
อยากอ่านต่อจัง

ขอบคุณมากค่ะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: beamintron ที่ 01-04-2013 10:42:36
ซึ้งกินใจมากฮะ  :hao5: รอตามพี่กิล กับพี่คีย์ รู้จักกันตอนไหน
ดล ก็สงสาร น้ำตาตกเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 11-07-2013 01:32:04
ไหน คู่ ดล อะ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 12-07-2013 00:57:28
สนุกอ่ะ แต่อยากให้มีต่ออีก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 12-07-2013 14:45:10
มาม่า มันท้องอืด :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 13-07-2013 13:23:16
แฮปปี้แอนดิ้ง  มาเริ่มต้นกันใหม่ คราวนี้ต้องเอาใจใส่กาลให้มากๆนะ จำไว้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 14-07-2013 10:43:17
 :katai2-1: ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ นะฮ๊าฟฟฟฟ
ซื้งมากเบยยยยยยย ชอบกาลมากกกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)
เริ่มหัวข้อโดย: Nicked ที่ 10-12-2013 02:46:28
ร้องไห้กับเรื่องนี้หนักที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลย :hao5: :sad4: o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 10-12-2013 08:14:00
เศร้าๆ แต่ก็สนุกมาก 

แอบอยากอ่านตอนต่อไปๆๆ เรื่อยๆ

แต่เรื่องนี้ระบุไว้ว่าเป็นเรื่องสั้น คงยาวมากไม่ได้

คือจบไวมาก  แล้วเศร้าๆด้วย 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)
เริ่มหัวข้อโดย: poiy00123 ที่ 12-12-2013 21:16:22
งงคับ เห็นว่าพี่ชายกาลตายแล้ว แต่โผ่มายังไง ???
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 24-12-2013 18:38:48
 :haun4: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 24-02-2014 22:21:17
 :hao5: :hao5: คนเขียนอ่านกาลวินแล้วซึ้งมากเลย

แต่ตอนนี้เราอยากอ่านธันกับดลมากอ่ะ
ไม่รู้ว่าจะมาต่อมั้ย
อยากให้มาต่อนะ
เรายังรออยู่นะ เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 18-06-2014 00:00:57
เรื่องแนวเพื่อนแอบรักเพื่อนเนี่ย อ่านทีไรก็ปวดใจทุกที
ขอบคุณที่จบด้วยดีนะคะ  ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 16-01-2015 11:10:25
เฮ้อ ... เศร้าจัง แต่ จบดีมีความสุข

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 20-12-2015 00:11:11
อ่นแล้วเศร้าจัง...แต่จบด้วยดีก็ดีแล้วคับ
แต่สงสารดลกับธันมาก :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
แล้วเรื่องของคนอื่นๆที่คนแต่งบอกหาอ่านไม่เจอ :katai4: :katai4: