พิมพ์หน้านี้ - {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | END「060418」p.2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: แก้วกระจก ที่ 28-09-2017 09:52:25

หัวข้อ: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | END「060418」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 28-09-2017 09:52:25
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
************************************







นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้น
ที่มีหลายตอนอยู่ใน ซีรี่ย์เดียวกัน
ประกอบด้วบ
#Wolf
#Fox
#Tiger

เรื่องราวของเหล่าอมนุษย์ที่อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ ภายใต้กฎระเบียบต่างๆ



ผลงานอื่นๆ
✰  {เรื่องสั้น} ขอ|จันทร์ ☪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61723.0) END


พูดคุย TWITTER (https://twitter.com/kaewpeppex)


.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.• .•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•





หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf「021017」
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 28-09-2017 09:54:55
#Wolf


ในโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่มนุษย์ แต่ยังมีอมนุษย์ที่สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ต่างๆได้อาศัยอยู่ร่วมกันภายใต้กรอบกฎกติกาที่ถูกจัดตั้งขึ้นภายในสังคม


นั่นคือโลกที่ผมอาศัยอยู่


และผมเป็นหนึ่งในอมนุษย์ที่อาศัยอยู่ร่วมกับเหล่ามนุษย์ธรรมดา ในโลกของเราอมนุษย์ถูกจัดแบ่งไปตามประเภท โดยจะอยู่รวมกันเป็นตระกูลและแตกปลีกย่อยออกไป


โดยตระกูลที่ผมสังกัดอยู่เป็นตระกูลของหมาป่านั่นเอง คุณพ่อผมเป็นรองผู้นำของตระกูลซึ่งถูกย้ายให้มาประจับการอยู่ที่บ้านรองแห่งนี้รวมถึงตัวผมและคุณแม่


“น้องวา คุณพ่อเรียกตัวให้ไปพบจ้ะ”


“ครับ?”


“เห็นมีเรื่องสำคัญจะคุย ให้ไปหาที่ห้องทำงานคุณพ่อแน่ะ” คุณแม่แจงรายละเอียดให้ผมฟัง ร้อยวันพันปีคุณพ่อไม่เคยเรียกผมไปพบที่ห้องทำงานเลยสักครั้ง


ดูเหมือนครั้งนี้จะมีเรื่องสำคัญ


คงจะเป็นเรื่องหน้าปวดหัวไม่น้อย


“มาแล้วเหรอ” ผมเปิดประตูเข้ามาก็พบกับคุณพ่อที่นั่งยิ้มต้อนรับอยู่ที่โต๊ะทำงาน


“มีอะไรหรือเปล่าครับ”


ท่านยิ้มรับ “มีเรื่องอยากขอร้องหน่อยน่ะ”


“ครับ?”


“คือทางตระกูลหลักลูกชายของผู้นำตระกูลกำลังหาคู่อยู่...”


“พ่อจะส่งผมไปเป็นหนึ่งในคู่ของเขา?”


“ไม่ใช่ๆ พ่อจะส่งเราเป็นตัวแทนของพ่อเป็นผู้คุ้มกันกับผู้พิจารณาคู่ของลูกผู้นำ”


“หะ?” เป็นงานที่ดูไร้สาระที่สุดในโลก


“คิดหรอครับว่าส่งคนที่ไม่ใช่รองผู้นำไปคุ้มกันหรือพิจารณาคู่ของลูกท่านผู้นำแบบนั้น ทางนั้นเขาจะยอมรับ” ปกติแล้วอมนุษย์สายพันธ์หมาป่าอย่างเราจะมีพิธีหาคู่ครองหรือเลือกคู่ในเวลาที่อายุครบตามที่กฎของตระกูลกำหนด
ในส่วนของตระกูลหมาป่าเราจะเป็นช่วงอายุ 25 ปีบริบูรณ์ และในพิธีนั้นหากเป็นพิธีของผู้ที่จะขึ้นเป็นผู้นำต่อจากรุ่นก่อนจะต้องมีรองผู้นำตระกูลในปัจจุบันมาช่วยคุ้มกันและพิจารณาลงมติเห็นชอบ ประมาณว่าเป็นตัวแทนของตระกูลสาขาที่เหลือ


หากทางฝ่ายตระกูลรองไม่เห็นชอบก็ถือว่าเป็นการยกเลิกและจัดหาคู่ครองใหม่


ในครั้งของลูกชายผู้นำในครานี้ผมว่าหน้าจะอยู่ในกรณีพวกนั้น


เพราะมีตระกูลสาขาแยกย่อยอยู่จนเยอะแยะ การที่ต้องทำให้ทั้งตระกูลยอมรับถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ


และจะส่งผมที่ยังไม่ได้เป็นทั้งผู้นำตระกูลรองไปแบบนี้ทางตระกูลหลักก็มีแต่จะโวยวายเป็นการใหญ่โตเท่านั้น


“พ่อคุยไว้แล้วล่ะ เพราะติดธุระจริงๆงานทางนั้นก็เลื่อนไม่ได้ ลูกจึงได้เป็นตัวแทนของพ่อไปแทน” คุณพ่อว่า “ลูกก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วด้วยเรื่องฝีมือการต่อสู้ก็ไม่ใช่หยอก คงพอไปไหวได้”


“คิดดีจริงๆหรอครับ”


“อืม”


“ทำไมไม่เอาคนอื่นแทนล่ะครับ”


“เหมือนทางนั้นจะกลัวความลับของตระกูรั่วไหลน่ะ”


ขี้ระแวงเสียจริง


“พ่อก็เสนอว่าเป็นลูกไป ทางนั้นเขาก็ตอบตกลงและแน่นอนเขาบังคับว่านอกจากพ่อก็มีแค่ลูกเท่านั้นหากลูกปฏิเสธงานพิธีคงต้องเลื่อนออกไปผลกระทบที่ตามมาก็รู้ๆกันดี”


“ครับ เอาเป็นว่าผมรับงานนี้ตามคำสั่งแล้วกันนะครับ” ผมถอนหายใจ


ในเมื่อเป็นแบบนี้ความรับผิดชอบและความกดดันอันหนักอึ้งจึงเหมือนกันตกมาสู่บ่าผมเข้าเต็มๆ


การที่ยอมให้คนที่ไม่ใช่รองผู้นำ ไม่ใช่แม้กระทั่งมืออาชีพเรื่องการต่อสู้ไปแบบนี้ทางตระกูลหลักคิดอะไรกันอยู่


แต่ก็อย่างว่าคนในมักกลัวความลับหรือข้อมูลรั่วไหลแน่นอนจึงต้องพึ่งคนของตระกูลรอง หากไม่ใช่ผู้นำแล้วจะเป็นใครอีกนอกจากผู้ที่จะขึ้นรับตำแหน่งต่อไป


ผมไง...


กฎระเบียบตระกูลอันแสนหน้าเบื่อ ที่ไม่ว่าใครก็ถูกบังคับให้ทำตามแบบนั้น ถึงกฎจะเปิดกว้างเรื่องการคบหา เพศ หน้าตา แต่เรื่องที่จะที่ให้ตระกูลสาขายอมรับไม่ใช่เรื่องง่าย คนในตระกูลมักส่งลูกหลานตัวเองใส่พานถวายให้ผู้ที่จะได้รับตำแหน่งผู้นำกันทั้งนั้น


เพื่ออะไรล่ะ?


หากไม่ใช่อำนาจต่างๆที่จะตามมา


เหอะ






ผมขอตัวออกจากห้องคุณพ่อมา ท่านบอกระยะเวลาเตรียมตัวและรายละเอียดยิบย่อยมาให้


ซึ่งผมจะต้องเดินทางไปตระกูลใหญ่ในพรุ่งนี้เช้า ต้องไปดูแลความเรียบร้อยก่อนถึงวันพิธีจริง 3 วัน


“อ่าว...น้องวาคุณพ่อว่าไงบ้างลูก ถูกดุรึเปล่า” คุณแม่เข้ามาถามสีหน้าเป็นกังวล


“เปล่าหรอกครับ ผมไม่ได้ถูกดุอะไรถูกใช้งานด้วยซ้ำ” ผมว่าด้วยสีหน้าเซ็งๆ


“น้องวา!!”


ถูกดุอีกจนได้


“ครับบบบ”


“แล้วงานที่ว่านี่ยังไง”


“ก็ไปทำงานแทนพ่อในงานพิธีเลือกคู่ของบ้านหลัก”


“ตายจริง! แบบนั้นน้องวาต้องทำตัวดีๆนะลูก” คุณแม่รีบเดินเข้าสำรวจรอบตัวผม “แม่ว่าน้องวาน่าจะตัดผมได้แล้วมั้งลูก?”


ผมจับผมตัวเองที่ยาวลากไซร้คอลงมาถึงบ่าขึ้นมาพิจารณาดู มันก็ยาวแล้วจริงๆ


แต่ให้เลือกตัดกับปล่อยไว้แบบนี้...


ผมเลือกแบบหลัง


“แบบนี้มันสบายกว่านี่ครับ เดี๋ยวพอไปอยู่ที่นั่นผมค่อยรวบไว้ให้เรียบร้อยก็ได้”


“แบบนั้นก็ได้ มันจะดูไม่รกรุงรัง”


“ครับ”


“มันอาจจะดูไม่ดีที่จะพูดแบบนี้ แต่แม่อยากให้น้องวาดูแลตัวเองให้มากๆยิ่งน้องวาเป็นแบบนี้น้องวาต้องระวังยิ่งขึ้นไปอีกนะจ๊ะ” คุณแม่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ใช่แค่ผู้ล่าที่จะล่าเท่านั้น แต่ผู้ล่าก็ถูกล่าได้เหมือนกัน จำคำของแม่เอาไว้       ตระกูลหลักไม่ใช่สถานที่ในแบบที่เราอยู่ อันตรายมีอยู่รอบตัวผู้ล่าที่เหนือกว่าเรายังมี...น้องวาเข้าใจไหมลูก”


ผมเข้าใจที่คุณแม่พยายามจะสื่อ ถึงผมจะเคยไปเหยียบที่ตระกูลหลักมาแล้วครั้งสองครั้งแต่มันก็แค่เมื่อวัยเด็กใครจะยักสนใจกัน


แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น


อย่างที่แม่บอก


ถึงจะเป็นผู้ล่าแต่ก็ยังมีผู้ล่าที่เหนือวกว่า ใช่ว่าผู้ล่าอย่างเราจะถูกล่าไม่ได้


การไปตระกูลหลักในครั้งนี้เป็นการไปทำงานในฐานะผู้แทนตระกูลรองเท่านั้น อย่างอื่นนอกเหนือจากนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่จำเป็นต้องไปแยแสต่อมัน


นั่นแหละสิ่งที่ผมจะยึดมันไว้


“ครับ”





วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ผมก็ออกมาเตรียมตัวเดินทางไปยังตระกูลหลักซึ่งอยู่ห่างจากบ้านตระกูลรองพอตัว กฎของตระกูลคือการที่บ้านตระกูลหลักและตระกูลสาขาห้ามอยู่ติดกันเพื่อกระจายเผ่าพันธุ์และกำลังคนให้มากที่สุด


แน่นอนมันเหมือนหลักจิตวิทยาที่เอาไว้ขู่อมนุษย์ประเภทอื่นที่มีสาขาน้อยเท่านั้น เพื่อให้ถูกจัดลำดับชั้นของสังคมได้ถูกต้อง


อย่างหมาป่าแบบพวกผมนั้นถูกจัดอยู่ในอมนุษย์ประเภทนักล่า


ซึ่งมีตระกูลสาขาแยกย่อยอยู่นับไม่ถ้วน


“ไปดีมาดีนะน้องวา”


“ครับ”


“คุณพ่อไม่ได้มาส่งอย่างอนท่านล่ะ”


“ผมโตแล้วนะครับ เรื่องแบบนี้นี่มัน....”


“ฮะๆ นั่นแหละจ้ะ รักษาตัวด้วยนะ”


“ครับ”


ใช้เวลาไม่นานมากผมก็เดินทางมาถึงบ้านของตระกูลหลัก เข้าใจอยู่หรอกว่าคนในตระกูลหลักอาจจะมีเยอะแต่พื้นที่ของตัวบ้านมันจะไม่เยอะไปหรือไง


พื้นที่เยอะจนเหลือเฟือเลยด้วยซ้ำ


“คุณเทวาต้องการอะไรอีกไหมครับ” ลุงคนขับรถเอ่ยถาม


“ไม่ครับ”


เขาก้มหัวให้ผมแทนคำบอกลาและขับรถกลับไป การมาตระกูลใหญ่ในครั้งนี้ของผมไม่มีทั้งผู้ติดตามแม้แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่มีอย่างที่ผ่านมา


ก็หวังว่าจะผมจะรอดไปจนถึงวันงานนะ


“คุณเทวาใช่หรือไม่ครับ”


“ครับ” พอเดินมาถึงประตูหน้าบ้านก็พบกับคนของตระกูลหลัก เดาจากลักษณะท่าทางก็คงไม่พ้นกับพ่อบ้านหรือผู้ติดตามของคนในบ้านแห่งนี้


“เชิญด้านในเลยครับ ท่านผู้นำรอพบคุณอยู่” ผมก้มหัวให้เล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็เดินนำผมไปพร้อมแนะนำตัวเองระหว่างทาง


“ขออภัยที่แนะนำตัวเองช้าไปนะครับ ผมชินเป็นผู้ติดตามส่วนตัวของคุณพันวาครับ” ชินพูดพร้อมยิ้มให้ผม น่าแปลกที่ผู้ติดตามส่วนตัวมาต้อนรับผมถึงขนาดนี้ทั้งๆที่ปกติน่าจะเป็นพ่อบ้านหรือแม่บ้านธรรมดาแท้ๆ


“ผมได้รับหน้าที่มารับคุณเทวาตามคำสั่งท่านผู้นำน่ะครับ”


เหมือนอ่านใจออก


“ครับ”


ชินพาผมเดินมาถึงหน้าห้องผู้นำตระกูล บรรยากาศของที่นี่ดูแตกต่างจากที่เคยมาในครั้งก่อนๆ มันดูจะอึมครึมกว่าแต่ก่อนเยอะมาก


ผมเปิดประตูพร้อมพูดขออนุญาตเป็นเชิง ก่อนจะเดินเข้าไปก็พบกับผู้นำตระกูลกับลูกชายของเขาที่นั่งคอยอยู่แล้ว


“เทวาสินะ”


“ครับ”


“อืม...ดูไม่ผิดจริงๆ”


“ครับ?”


“เป็นหมาป่าสีขาวสินะ...”


“ครับ”


ทำไมถึงรู้ละ..


ทั้งๆที่ไม่ได้แปลงเป็นหมาป่าแท้ๆ


“ต้องขอบคุณเธอมากๆที่มาทำงานให้แบบนี้” ท่านผู้นำยิ้ม เขาดูจะไม่ได้เป็นคนน่ากลัวอย่างที่คาดไว้ ถึงผมจะเคยมาที่นี่แล้วแต่ก็ยังไม่เคยพบหน้าท่านผู้นำสักครั้ง


“มันเป็นหน้าที่อยู่แล้วครับ” ผมก้มหน้ารับคำของท่านผู้นำ เงยหน้าก็สบตาเข้ากับลูกชายของเขาพอดี


คนที่ชื่อ พันวา สินะ


คนที่จะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไป


“เอาเป็นว่าพ่อจะให้เราทำความรู้จักกับเทวาเขา ยังไงทั้งพิธีเทวาเขาก็ต้องอยู่กับเราจนจบงานทำความรู้จักสนิทชิดเชื้อเอาไว้ก่อนดีกว่า งั้นพ่อขอตัวละ” ท่านผู้นำพูดทิ้งท้ายและเดินออกไปพร้อมกับชิน เหลือไว้แต่ผมกับลูกชายของเขา


หากผมจะคิด จะมีใครว่าผมไหม


ว่าลูกชายท่านผู้นำหน้าโคตรกวนตีน...


“ไง”


คำแรกที่เขาทักทายผม


“ครับ”


เขาเดินเข้ามาใกล้ผม เรื่อยๆ เรื่อย.... และมาหยุดกระชันชิดตรงหน้าผมน้อมตัวเข้ามาเรื่อยๆจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นรดไปถึงกกหู


“ฝากตัวด้วย”


จุ๊บ


“สัส!”


ปึก!!!


ผมยกหน้าแข้งเข้าชนกับจุดมหาการของพันวาเต็มๆ จนเจ้าตัวจุกเอาทั้งสองมือมากุมเป้าตัวเองไว้


ไอ้พันวามันแอบหอมแก้มผม!


“คุณไม่ควรทำแบบนี้กับผู้ติดตามเฉพาะการอย่างผม” คงความสุภาพเอาไว้ในฐานะคนจากตระกูลรองที่เคารพตระกูลหลักตามประเพณีและกฎระเบียบ


“หรอ”


“สัส!”


ยกเว้นกรณีนี้...







จริงๆนิยายเซ็ตนี้ไม่เครียด  แต่ทำไมมันดูเครียดๆ ???
รอดูต่อไปหนูเทวาจะรอดไหม.....
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf「280917」
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-09-2017 13:08:17
รอ..อออออ  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf「280917」
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 29-09-2017 09:57:14
ว้ายยยยยยยยยยยยย ถูกล่าแล้วจ้าาาาาาาาา  :hao7:
รอออออออออออออออออออออออออออออออออออออ  :z2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf「280917」
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 29-09-2017 10:31:04
เทวา หมาป่าสีขาว
เสร็จพันวา แหง
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf ตอนที่ 1 「300917」
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 30-09-2017 17:22:33
#1


ฟิวส์ผมเริ่มขาด


ผมไม่ใช่คนใจเย็น


และแน่นอนผมก็ไม่ใช่คนใจร้อนจนเกินเหตุ


แต่ถ้าคุณมาเจอคนแบบพันวาคุณจะรู้ว่าแค่หมอนี่กระดิกเท้าก็หน้าโมโห


“คิดว่าจะเลือกคู่แบบไหนให้พี่ล่ะ”


“มันก็แล้วแต่คุณ ผมมีหน้าที่แค่พิจารณาความเหมาะสมตามประเพณี ยังไงคู่ครองของคุณก็คือผู้ที่จะมาปกครองเราภายในอนาคตเพราะแบบนั้นจึงต้องทำให้ผมซึ่งเป็นตัวแทนของสาขาอื่นๆพิจารณาว่าทางนั้นจะเห็นชอบ”


“พูดเป็นพิธีเชียว”


เขายิ้มอีกครั้ง แต่กลับกันผมกลับกรอกตาไปมารอบทิศ


“มันเป็นงานนี่ครับ”


“ไม่พูดเป็นพิธีขนาดนั้นก็ได้” พันวายิ้ม “เรียกเราว่าพี่และแทนตัวเองว่าผมก็พอ”


แต่ผมกลับผิดคาดเพราะนายพันวานี่พูดสุภาพมากกว่าที่ผมคิด แต่ท่าทางแม่งสวนทางลิบลับ


เพราะอาจจะเห็นผมนิ่งเฉยพันวาจึงว่าต่อ “คิดว่ามันเป็นคำสั่งจากฉันสิ”


“ไม่ได้ครับ” ยังไงก็ต้องปฏิบัติตามกฎอยู่ดีไม่ใช่หรอ


“งั้นเรียกแบบนี้ตอนอยู่ในบ้านก็พอ พอออกงานสังคมก็ค่อยพูดสุภาพแทน”


“คิดว่าคงไม่มีวันนั้น”


“เป็นคำสั่งจากพี่นะ” นำเสียงแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เหมือนกำลังขู่มาที่หมาป่าไม่มีทางสู้แบบผม “มันเป็นผลดีต่อตัววาเอง”


เมื่อกี้เขาเรียกผมว่า วา สินะ


“...”


“ว่าไงล่ะ”


“เป็นคำสั่งไม่ใช่เหรอครับ”


“หึ” ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจกว่าที่คิด “เอาเป็นว่าพี่ให้วาไปจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จก่อนแล้วกัน เจอกันมือเย็น”


เขาเดินออกจากห้องออกไป


ผมได้แต่ถอนหายใจ มาเหยียบที่นี่ได้ไม่ถึงวันก็เจอตัวปัญหาเสียแล้ว


รีบทำงานแล้วกลับบ้านจะดีกว่า


ผมตามหาชินและติดต่อให้เขาบอกรายละเอียดเรื่องห้องพักของผมการปฏิบัติตัวและกิจวัตรประจำวันของตระกูลหลักเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในหน้าที่


พอทราบรายละเอียดต่างๆผมก็ขอตัวมาจัดของในห้องพัก ห้องไม่ได้ใหญ่มากไปก็เหมาะกับคนที่มาพักอาศัยไม่นานแบบผม


ฟึบ!!


ผมสะดุ้งเมื่อสังเกตเห็นหมาป่าตัวใหญ่กระโดดผ่านหน้าต่างห้องตัวเองไปเมื่อครู่ มันเร็วมากจนผมตกใจกำลังขาของหมาป่าตัวนั้นต้องแข็งแรงขนาดไหนกัน


“คุณเทวาคะ?” เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงของผู้หญิงดังอยู่หน้าประตู พอผมเดินออกไปเปิดก็พบกับแม่บ้านของที่นี่ยืนรออยู่หน้าห้อง


“มีอะไรหรือเปล่าครับ”


“พอดีว่าเห็นหมาป่าสีเงินตัวใหญ่ๆผ่านมาแถวนี้รึเปล่าคะ”
หมาป่าสีเงิน?


ตัวใหญ่?


“ก็แว็บๆแถวหน้าต่างน่ะครับ”


“เฮ้อ...อีกแล้วสินะ” ผมแอบได้ยินเธอพึมพำ


“มีอะไรหรือเปล่าครับ”


“คือว่า..”


“บอกมาเถอะครับ เผื่อมีอะไรที่ผมพอช่วยได้”


“มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ แต่หมาป่าที่คุณเทวาเห็นเมื่อกี้นี้น่ะเป็นคุณพันวาเองค่ะ”


“ครับ?”


“คุณพันวาเธอชอบแปลงเป็นร่างนั้นแล้วแอบหนีออกจากบ้านไปบ่อยๆน่ะค่ะ จะตามกลับก็ตามไม่ได้ฉันสู้ความเร็วของคุณพันวาไม่ได้หรอกค่ะ จะไหว้วานคนอื่นก็ลำบากอีก...” เดาง่ายๆเลยคือหมอนั่นสร้างความลำบากให้เธอคนนี้ไม่น้อยสินะ


แล้วลูกชายผู้นำแอบหนีออกไปแบบนี้คนอื่นๆไม่กังวลอะไรกันบ้างหรือไง


หากเกินเหตุอันตรายขึ้นมาล่ะ..


เฮ้อ...


“เอาเป็นว่าผมไปตามเขากลับมาให้แล้วกันนะครับ”


“จริงหรอคะ!”


“ครับ” เธอทำหน้าดีใจและก้มหัวขอบคุณผมไปหลายที สุดท้ายหมอนั่นก็สร้างความลำบากให้ผมจำได้


ผมเปิดหน้าต่างและปีนขึ้นเกาะอยู่บนนั้น พริบตาร่างกายมนุษย์ก็เปลี่ยนเป็นร่างหมาป่าสีขาว


“หมาป่าสีขาว..” ผู้หญิงแม่บ้านคนนั้นพูดอะไรสักอย่างแต่ผมได้ยินไม่ชัดนัก


“จะกลับมาให้ทันมื้อเย็นนะครับ”


“คะ...ค่ะ”




ผมไม่มีเบาะแสอะไรเลยนอกจากลิ่นหมอนั่น ไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหนถึงจะเจอเขา ตามกลิ่นไปเรื่อยแบบนี้มีหวังได้คลาดกันแน่ๆ
 ผมตามกลิ่นของเขามาจนถึงสวนของบ้านตระกูลหลัก ขอแค่ไม่ออกไปนอกบริเวณของบ้านแห่งนี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว


ทำไมน่ะเหรอ


ก็เพราะแค่ในบ้านผมยังหาตัวปัญหาไม่เจอเลยเนี่ยสิ!


“เทวา” ผมสะดุ้งเมื่อเสียงอันคุ้นชินดังขึ้นจากด้านหลัง “อะไรกันหางตั้งหูตั้งแบบนั้น”


“คุณนั่น...พี่นั่นแหละทำไมถึงโผล่มาแบบนี้” สายตาดุดันจากหมาป่าสีเงินตัวใหญ่ข่มขู่มาให้ผมเปลี่ยนสรรพนามโดยพลัน


“ก็วาไม่ใช่เหรอ สะกดรอยตามพี่มา”


“ก็แม่บ้านเขาตามหาพี่อยู่”


“เฮ้อ..”


“อะไรอีก..”


“พี่ก็แค่แอบออกมาให้เวลากับตัวเองน่ะ ถ้าเธอเป็นคนของตระกูลรองก็น่าจะรู้ภาระงานที่เธอต้องรับไว้นะ”


ผมหยุดชะงักไป มันก็จริงตามที่เขาพูด
ถึงจะเป็นตระกูลรองที่งานที่ได้รับนั้นก็ไม่น้อยไปกว่าทางตระกูลหลักเลย


“ที่นี่ไม่ค่อยมีใครมากันเพราะมันค่อนข้างรกน่ะ”


“มันก็น่าอยู่หรอก”


พริบตาร่างหมาป่าสีเงินตัวใหญ่ตรงหน้าก็กลายร่างเป็นชายหนุ่มใบหน้ายียกวนบาทาเหมือนเดิม


เมื่อเห็นแบบนั้นผมจึงแปลงกลับเป็นร่างมนุษย์เหมือนเดิมเช่นกัน เพราะอมนุษย์แบบเราสามารถแปลงร่างได้ทั้งมนุษย์และสัตว์ด้วยเหตุพวกนี้จึงทำให้อมนุษย์แบบพวกผมจำเป็นต้องอยู่ในกรอบระเบียบมากกว่าพวกมนุษย์


“มานั่งนี่สิ” พันวากวักมือเรียกผมไปนั่งที่ม้านั่งข้างๆศาลา บริเวณนั้นเป็นสวนดอกไม้ที่ค่อนข้างรกร้างไม่ได้มีทัศนะอันน่ามองเสียเท่าไหร่


“ตอนพี่เด็กๆสวนนี่สวยมาก แต่พองานของตระกูลเริ่มมากขึ้นสวนจึงถูกละเลยแล้วปล่อยรกล้างขนาดนี้ พี่คิดว่าอยากจะมาดูแลมันให้เป็นเหมือนเดิมแต่ก็ทำไม่ได้เสียที” ผมนั่งฟังคนตัวสูงกว่าเล่า สายตาเขาทอดมองไปยังสวนดอกไม้นั่นน้ำเสียงดูอ่อนลงกว่าทุกที


“ทำไมไม่ให้พวกคนสวนมาจัดการล่ะครับ”


“อยากอยู่หรอก แต่เพราะงานประเดประดังเข้ามาจนลำบากใจไม่กล้าไปบอกน่ะ”


“ของแบบนี้แค่พี่เอ่ยปาก สวนนี่ก็ถูกเนรมิตใหม่แล้ว”


“เหรอ” น้ำเสียงของเขาดูเลื่อนลอยอย่างบอกไม่ถูก ไม่เหมือนกับคนยียวนเมื่อกลางวันเลย


“มัวแต่มานั่งเหงาแบบนี้นี่น่ะเหรอการให้เวลาตัวเองของพี่”


“...”


“อย่างกับนั่งปลดทุกข์หลังตกงาน”


“...”


“ให้เวลาตัวเองก็ควรที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขไหมละ”


ผมไม่รู้หรอกว่าที่ผมพูดไปจะทำให้อีกฝ่ายโกรธหรือไม่ แต่ไอ้ท่าทางขัดหูขัดตาไม่สมเป็นพันวาแบบนั้นผมไม่ชอบเลย


แค่เห็นก็เคืองลูกตาแล้ว


ที่สำคัญคนบ้าอะไรบอกให้เวลากับตัวเองแต่กลับนั่งถอนหายใจจิตตกแบบนี้


นั่นควรเป็นผมด้วยซ้ำที่ต้องทำ


“แบบไหนล่ะ”


“กับอีแค่คำตอบของคำถามเด็กๆแบบนี้พี่ยังหาคำตอบไม่ได้ พี่แม่งผู้นำตระกูลคนต่อไปจริงไหมวะ?”


“...”


“ทำอะไรแล้วตัวเองมีความสุขก็ทำไปสิครับ”


“อืม ขอบคุณ”


ผมเริ่มจะไม่สบอารมณ์ท่าทางแบบนั้นของเขาเต็มที่


“งั้นหอมแก้มวาได้ใช่ไหม”


“หะ!..” ผมได้แต่ตกใจ ไม่ทันได้รู้ตัวริมฝีปากของคนข้างๆก็ประทับลงบนแก้มผมมันไม่ได้แรงถึงขนาดจมลงไปกับแก้มผม มันเพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาที่ประทับอยู่บนแก้มเท่านั้น


ผมตกใจรีบถอยออกห่างจากพันวาทันที
“ทำไมอะไรของคุณ!!”


“ก็ว่าบอกทำให้ตัวเองมีความสุข”


“มันใช่แบบนี้ไหม!”


“เหรอ” รอยยิ้มนั่นกลับมาอีกแล้ว


ผมเกลียดมันชะมัด


“ผมกลับละ หวังว่าคุณจะรีบกลับไปให้ทันมือเย็น” ผมรีบเดินหนีตัวปัญหาออกมาทันที หมดอารมณ์จะใช้สรรพนามแบบนั้นกับคนอย่างพันวาแล้ว


ไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมก็ไม่ได้รังเกียจ แต่มันก็กะทันหันเกินไป


ผมก็แค่คนที่รู้จักได้ไม่ถึงวัน


เหอะ







ผ่านไปหนึ่งวันตั้งแต่ผมมาอยู่ ณ บ้านตระกูลหลัก ผมได้เรียนรู้กิจวัตรของคนในบ้านนี้ไปพอสมควรจากชิน และได้ดูแลความเรียบร้อยของเอกสารการเตรียมการต่างๆของพิธีเลือกคู่อีกด้วย


ถึงจะยุ่งยากแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร


ผมเข้ากับคนที่นี่ได้ดีโดยเฉพาะชิน เขาอายุมากกว่าผมอยู่โขแต่เราก็คุยถูกคอกันพอสมควรทีเดียว การวางตัวของเขาดีมากต่างจากลูกชายของผู้นำลิบลับ


“วาชอบดอกไม้ไหม”


ตอนอารมณ์ดีก็กลับมายียวนเหมือนเดิม


แต่พอบางทีก็เปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างเช่นตอนนั้น


แปลก


“ผมจำเป็นต้องตอบหรือครับ”


“พี่ให้พูดใหม่”


“ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบ”


“คุณแม่พี่ที่เสียไปน่ะชอบดอกไม้มากๆ” ผมแอบปรายตาไปมองคนตัวสูงที่หลังจากทำงานของตัวเองจนเสร็จสรรพดีก็เอาแต่ชวนคุยนั่นคุยนี่ไม่หยุด “ท่านชอบดอกไฮเดรนเยียมากๆ สวนเมื่อวานนี้ก็เป็นสวนของคุณแม่น่ะ แต่เสียดายนะที่ท่านแพ้เกสรดอกไม้จึงอยู่กับพวกมันไม่ได้”


น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงอีกแล้ว


โหมดไหนของเขาอีก


“พี่พันวา ผมว่าเราไปตรวจดูสถานที่จัดงานกันดีกว่านะครับ”


ผมตัดสินใจเปลี่ยนบทสนทนา มีหวังคุยกันต่อไปอาจจะโยงดราม่าเปล่าๆ


ผมสบตากับพันวา แววตาของเขาว่างเปล่าแถมยังดูเศร้าสร้อยจนผมตกใจเล็กน้อย


ผมสังเกตมาตั้งแต่ได้คุยกับเขา ภายในดวงตาของเขาถึงมันจะฉายอารมณ์ออกมาแต่ภายในนั้นมันกลับดูว่างเปล่า เหมือนอารมณ์ที่แสดงออกมานั้น..


มันไม่ได้ออกมาจากข้างใน


ข้างในของเขา


“เอาสิ”


พันวาลุกขึ้นเดินนำผมออกไป แผ่นหลังกว้างที่ดูโดด
เดี่ยวนั่นก็เหมือนกัน


ถึงจะไม่แสดงออกมาโดยตรง แต่ผมก็พอจะรับรู้อะไรบางอย่าง


อะไรบางอย่างที่ฝังรากอยู่ในตัวเขา


ไปดูสถานที่จัดงานนานอยู่พอสมควรเพราะต้องจัดเช็คสถานที่ให้เรียบร้อย งานพิธีจะเป็นงานปิดซึ่งรู้กันภายในตระกูลหมาป่าภายในประเทศเท่านั้น


เหล่าทายาทที่พามาคู่ของพันวาในงานนี้คัดเลือกจากฐานะ บุคลิก ใบหน้า และกระจุบกระจิบอีกไม่น้อย


ผมเห็นรายชื่อพวกนั้นแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหยง


มีคู่มาให้เลือกถึงตรงหน้าขนาดนี้ สบายดีแท้


พันวาขอตัวออกไปก่อนเพราะต้องไปทำงานที่ชินมามอบหมายให้ใหม่  ทำให้ตอนนี้ผมได้มีโอกาสคุยกับชินอีกครั้ง


“เอ่อ..คุณชินครับ”


“ครับ”


“คือขอเวลาคุยด้วยสักครู่ได้หรือเปล่าครับ”


“ตามที่คุณเทวาสะดวกเลยครับ”


“คือว่า...ขออนุญาตถามนะครับ” ผมอ้ำอึ้งอยู่สักพัก “คุณพันวาเขามีปมอะไรในวัยเด็กหรืออะไรเทือกๆนั้นที่ทำให้เป็นปมมาถึงปัจจุบันไหมครับ”


ชินตาโตขึ้นเล็กน้อยก่อนตอบ “เรื่องแบบนั้นไม่มีหรอกครับ”


เขายิ้ม


“จริงๆไม่เรียกว่าปมหรอกครับ คุณพันวาเขาเสียคุณนายไปตั้งแต่เด็ก คุณท่านก็ไม่มีเวลาว่างพอจะมาเล่นกับคุณพันวา คนที่เหลือในบ้านไม่เว้นแต่ผมก็เหมือนกัน ทำให้คุณพันวาจะติดนิสัยขี้เหงาหน่อยๆ รักอิสระ เพราะไม่มีใครเป็นที่พึ่งให้เขาเลยตั้งแต่เด็ก...สายตาของเขาเลยอาจจะดูโดดเดี่ยวน่ะครับ”


อา..เรื่องมันเป็นนี้สินะ


“เพื่อนๆของเขาก็ต่างจะเข้าหาเขาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองกับครอบครัว คุณพันวาเลยแทบจะไม่มีเพื่อนเลย”


พูดตรงๆก็โดดเดี่ยวมาโดยตลอดสินะ


“เวลาคุณพันวาเหนื่อยๆก็จะแอบหนีไปที่สวนน่ะครับ และจะนั่งอยู่ที่นั่นเงียบๆจนไม่มีใครกล้าเข้าไปเรียกแม้แต่ผมเองก็...”


“ขอบคุณมากๆนะครับ” ผมก้มหัวให้ทำเอาชินรีบก้มตอบ


“คุณเทวา..”


“ผมรับรู้แล้วล่ะครับ” ผมยิ้มและเดินจากชินไป


เพราะแบบนั้นพันวาถึงได้เป็นแบบนี้สินะ


ตัวปัญญาหาแบบนี้ก็มีเรื่องน่าทุกข์ใจเหมือกัน


ถึงจะแอบยุ่งยากก็เถอะ แต่ยังไงผมก็ทำงานอย่างสุขใจไม่ได้ถ้าเจ้านายที่ต้องดูแลเอาแต่รู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวอยู่แบบนี้






“หมาป่าขาวเนี่ย เป็นแบบนี้ทุกตัวเลยรึเปล่านะ...” ชินที่แอบมองตามได้แต่ยิ้มบางๆให้กับแผ่นหลังของผู้มาเยือนใหม่






ปั่นไปจนใกล้จะจบ เพิ่งรู้ว่าลืมเอามาลง อุ่ย...... :katai4:
ไหนน้องวาบอกจะไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นไง ลูก....
พี่วาก็แอบเหงาเหมือนนะ กระซิก.... กระซิก   
 :katai5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf 「300917」
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 30-09-2017 18:07:51
 หมาป่าสีจาวทำไมอะะะะะ ต้องคู่กับหมาป่าสีเงินอะไรงี้ปะ อิอิ  :z2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf 「300917」
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-09-2017 20:48:43
น้องวาน่ารัก... :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf 「300917」
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-09-2017 21:34:27
ตามอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf 「300917」
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-09-2017 21:36:07
หรือว่าแม่ของพันวาก็เป็นหมาป่าขาว
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf 「300917」
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 01-10-2017 12:17:00
 :katai5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf ตอนที่ 2「021017」
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 02-10-2017 18:48:20
#2


ในที่สุดผมก็ผิดคำพูดต่อตัวเอง การที่จะไม่แยแสต่อสิ่งรอบข้างอื่นยกเว้นเรื่องงาน


สุดท้ายผมก็ต้องสนใจพันวาลูกชายผู้นำตระกูลจนได้ เพราะทำงานกับเขาตลอดถึงรับรู้ได้ บรรยากาศรอบตัวเขามันแปลก ถึงจะหน้าตากวนบาทาแค่ไหนก็เถอะ


“พันวา”


“มาด้วยกันหน่อย”


“หืม” เขาเลิกคิ้วสงสัย


แน่นอนร้อยวันพันปียังไงผมก็ไม่มีทางชวนเขาไปไหนด้วยแน่นอน แต่นี่กรณีพิเศษ


ถ้าเจ้านายเป็นซะแบบนี้ให้ตายยังไงผมก็ทำงานไม่มีความสุข


อึดอัดจะแย่


ผมไม่สนคำตอบรับของคนที่ตรงหน้า จัดการคว้าข้อมือหมาป่าหนุ่มเอาไว้และลากไปด้วยกัน


จนมาถึงหน้าห้องผู้นำตระกูล


“ขออนุญาตครับ”


ผมโพล่งออกไป เปิดประตูเข้าห้องท่านผู้นำไปก็พบว่าท่านกำลังตกใจกับภาพตรงหน้า


“ผมขออนุญาตพาลูกชายคุณออกไปด้านนอกบ้านหลักนี้ จะกลับมาไม่เกินมื้อเย็นและขออนุญาตยืมรถของที่นี่ด้วยขอบคุณครับ” พูดเสร็จสรรพ ไม่รอให้ท่านผู้นำที่มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่ตอบอนุญาต ผมก็จัดการปิดประตูห้องและเดินออกมา
บึ่งไปที่โรงรถของบ้าน


“เดี๋ยวก่อน เทวาเรากำลังจะทำอะไร”


“ทำให้คุณมีชีวิตชีวาขึ้นไง”


พันวาอ้าปากข้าง ผมไม่ได้สนใจจัดการสตาร์ทรถให้พันวานั่งข้างๆคนขับและขับรถออกไป


ประตูรั้วของตระกูลหลักเป็นแบบใช้รีโมตเปิดปิดแต่แน่นอนผมพกมันไว้ติดตัวตลอดเวลา จากการที่ชินให้มาเมื่อเย็นวันก่อน


เป็นประโยชน์เอาก็ตอนนี้แหละ


ไม่นานผมก็ขับรถมาถึงชานเมืองที่คนไม่พลุ่งพล่านนัก พันวานั่งรถมากับผมไม่ปริปากพูดอะไรด้วยสักคำเอาแต่นั่งเท้าคางมองกระจกอย่างเดียว


เอาเถอะ เป็นผมถูกลากมาแบบนี้มีหวังโวยวายยิ่งกว่าเขาอีกด้วยซ้ำ


“ถึงแล้วล่ะ” ผมหาที่จอดรถสักพัก ดับเครื่องและบอกคนข้างๆที่ตอนนี้หากอยู่ในร่างหมาป่าคงเรียกได้ว่าหูตั้งหางกระดิกเป็นแน่


ที่นี่เป็นเรือนกระจกของตระกูลหมาป่าซึ่งทางตระกูลรองนั้นถือกรรมสิทธิ์ดูแลอยู่


เรือนกระจกพื้นที่มากพอสมควร ภายในนั้นอุดมไปด้วยดอกไม้ต้นไม้หายากต่างๆแบ่งโซนภูมิอากาศไว้เสร็จสรรพ


คนสร้างพวกมันก็ไม่ใช่ แม่ของผมเองนั่นแหละ


ท่านเล่าให้ฟังเมื่อสมัยท้องผมแล้วอาการแพ้ท้องของท่านคือต้องการชมดอกไม้ต้นไม้ต่างๆ คุณพ่อที่เห็นแบบนั้นจึงสร้างเรือนกระจกนี่ไว้ให้และคุณแม่จึงมาดูแลต่อ


ที่มีมีเวรยามเฝ้าอยู่ตลอดผมที่มาแบบกะทันหันแบบนี้จึงต้องเข้าไปคุยกับเขาก่อน


“พี่เอิร์ท เปิดให้หน่อยนะครับ”


“โอเคๆถือว่าพี่เห็นแก่เรานะ” พี่เอิร์ทเป็นหนึ่งในคนดูแลที่นี่ โชคดีที่วันนี้เป็นเวรพี่เอิร์ทดูแลเลยทำให้เราเข้ามาได้แบบไม่ต้องยื่นเรื่องอะไรทั้งสิ้นจริงๆถ้าผมมาคนเดียวก็จะสะดวกกว่านี้ แต่นี่ดันพาคนนอกมาด้วยไง


ถึงจะเป็นลูกชายผู้นำแต่ถ้าไม่ได้มาจากตระกูลรองทางเราก็ถือว่าเป็นคนนอกหมด


เพราะแม่ผมหวงที่นี่มาก


“อ้อนจังนะ” เหมือนได้ยินเสียแซะจากคนข้างๆที่เดินตามมาติด ขนาดนี้แล้วยังไม่เลิกกวนตีนกันอีก “ทำไมไม่พูดแบบนี้กับพี่บ้างละ”


เริ่มตะหงิดๆเหมือนอยากเอาบาทาฝาดหน้าลูกผู้นำตระกูล


“คิดว่าพี่น่าจะชอบที่แบบนี้”


“รู้ด้วยเหรอ”


“สันนิษฐานเอา”


“รู้สึกว่ามันจะเป็นจริงนะ”


พันวาหันมายิ้มให้ผม ยิ้มนั่นเหมือนเป็นการขอบคุณยิ่งทำให้ผมไม่กล้าสบตาเขาเข้าไปอีก


“เทวา..ขอบคุณนะ” เกินความคิดพันวาเดินเข้ามาแล้วคว้าผมไปกอด ความสูงของผมทำให้อยู่เพียงระดับคางเข้าเท่านั้น


พันวากดจมูกลงมาที่ศีรษะผมจนผมรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ผมแทบจะทำอะไรไม่ถูกสมองประมวลผลไม่ทันจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไป


ใช้เวลาสงบสติอยู่นานแถมพันวาก็ยังค้างอยู่ท่าเดิม จนผมค่อยๆผลักอกคนตัวสูงให้ออกห่าง


“คุณน่ะไม่ได้อยู่คนเดียว..” ผมกำหมัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ ร้อยวันพันปีผมไม่มีทางมาทำอะไรแบบนี้แน่ๆ
กลั้นใจพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดต่อ “หัดรับรู้ได้แล้วว่าคนรอบตัวก็เป็นห่วงคุณเหมือนกัน หากสิ่งพวกนี้มันทำให้คุณสงบจิตสงบใจได้ก็จงชื่นชมพวกมันซะ”


พันวาเหมือนจะอึ้งไปเล็กน้อย ผมสูดรวบรวมลมหายก่อนเอ่ยต่อ “ถ้าพี่ชอบ ผมจะพามาบ่อยๆ”


“อืม”


น้ำเสียงของพันวาเริ่มอ่อนลง ไม่เหมือนกับน้ำเสียงที่เขาทักทายผมในคราแรกที่เห็นหน้า


ไม่ใช่น้ำเสียงที่พูดกับผู้ติดตามเฉพาะการ


น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ


นั่นทำให้ผมยิ้มได้


ดวงตาที่ดูว่างเปล่าเริ่มทอประกาย ทำเอาผมใจเต็มไม่เป็นกระส่ำ


“เคยได้ยินเรื่องคู่แห่งโชคชะตารึเปล่า” เสียงจากคนตัวสูงข้างๆผมเอ่ยขึ้น


“มันก็แค่นิทาน” คู่แห่งโชคชะตาเป็นเรื่องตำนานเล่าขานของตระกูลหมาป่า คู่แห่งโชคชะตาคือคู่ที่ถูกกำหนดไว้แล้วเพียงแค่ต้องตามหากันจนเจอเท่านั้น และท้ายที่สุดคู่แห่งโชคชะตาจักต้องครองรักกันตราบนิรันดร์


ไม่รู้ว่าใครลิขิตหรือกำหนด ต่างคนก็ต้องอยู่กินและรักกับคู่ตนเองเพียงเท่านั้น


“งั้นเหรอ ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาก็คงดีนไม่น้อย” ผมขมวดคิ้วสงสัย


มันจะไปดีตรงไหนหากจะต้องมาผูกติดกับใครสักคน หากคนๆนั้นไม่ใช่คนที่รักแต่ต้องมาจับคู่กันจะเป็นเช่นไรกันล่ะ?


“อยากได้คู่แห่งโชคชะตาเป็นหมาป่าสีขาวตัวข้างๆ” หากอยู่ในสภาพร่างหมาป่าผมคงกระโจนตะครุบหมอนี่แล้วจับกินซะ


แต่ในความจริงแล้วมันไม่ใช่


ผมได้แต่ยืนก้มหน้าหลบสายตาของเขา และก่นด่าใจใจเพียงเท่านั้น


“เชิญคุณไปหาหมาป่าตัวอื่นเถอะ” ผมลองทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นสบแต่ก็พบว่าถึงจะใจกล้าแค่ไหนก็พ่ายแพ้อยู่ดี เมื่อหมาป่าสีเงินตรงหน้าตัวนี้ยิ้มร่าเหมือนกำลังสนุกที่แกล้งผมอยู่


แถมรอยยิ้มนั้น



โคตรอันตราย



ผมเป็นอะไรไปเนี่ย


“ไม่คิดนะว่าคำทำนายจะแม่นขนาดนี้” ผมแอบได้ยินพันวาพึมพำอะไรกับตัวเองอยู่แผ่วๆ


“พึมพำอะไรของคุณ!” ด้วยความที่ผมร้อนรนไปหมดจึงทำให้โพล่งพูดแบบนั้นไป เล่นเอาอีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นยกยิ้มล้อเลียน


“อะไรกัน รุกรนแปลกๆรึเปล่า”


“พันวา!!”


“กฎตระกูลไม่ได้บอกไว้เหรอ จงสุภาพและนอบน้อมต่อหมาป่าผู้อวุโสกว่า”


ยอกย้อน!!


“ดอกไม้ที่นี่สวยดีนะ”


เปลี่ยนเรื่องอีก!!


“หน้าแดงนะวา พี่ว่าออกไปนั่งตากแอร์ในรถดีกว่าไหมเรา” มาอีกแล้วรอยยิ้มมุมปากแสนเจ้าเล่ห์นั่น


ผมจิ๊ปากไม่พอใจ หันหลังให้ลูกชายผู้นำและเดินไปดูดอกไม้รอบๆไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่ร่ายล้อเลียนอยู่ร่ำๆ


ให้ตาย


ผมเอาตัวเองมายุ่งวุ่นวายกับอะไรแบบนี้ทำไมนะ


แค่เห็นแววตาว่างเปล่าของหมอนี่ก็อยากจะบ้า แค่นั้นเอง


มันก็แค่ไม่พอใจที่หมอนั่นจะมามองที่ผมด้วยสายตาแบบนั้น


“เฮ้อ...” ผมได้แต่ถอนหายใจให้กับสิ่งที่ตัวเองทำไปทั้งหมด


เอาเถอะ


เห็นหมอนี่เป็นแบบนี้ก็ยังดีกว่าทำงานงกๆจนลืมเหมือนคนไร้วิญญาณนั่นแหละ






“กลับมาแล้วหรือครับ” ชินยิ้มเมื่อผมกับพันวาเดินเข้ามาถึงตัวบ้านแล้ว เขายิ้มรับอย่างอบอุ่นเหมือนคนเป็นแม่ที่มาต้อนรับลูกชายกลับบ้าน


“ไปถึงไหนกันมาล่ะครับ”


“น้องขาวพาไปเรือนกระจกของตระกูลรองมาน่ะ” ชินพยักหน้ารับพร้อมเดินตามหลังพวกผมมา


เดี๋ยวนะ


เดี๋ยวๆ


เดี๋ยวก่อน


น้องขาว?


“น้องขาว?” ผมขมวดคิ้วถามคนที่เดินตามมาข้างๆ


“เราไง”


“หะ”


ผมได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตะลึง ชื่อน้องขาวกับผู้ชายเนี่ย..


มันเหมาะสมรึไง


“ก็หมาป่าทุกตัวในบ้านนี้มีแต่สีเงินกับดำ มีเราคนเดียวนั่นแหละในตอนนี้ที่มีสีขาว”


“ผมว่าชื่อนี้ก็เหมาะกับคุณดีนะครับ คุณเทวา” ชินหัวเราะเล็กก่อนหันมาพูดกับผม


“เหมาะตรงไหนมิทราบครับ” ผมคัดค้านสุดกำลัง


“นี่ก็เย็นแล้วไปพักผ่อนเตรียมทานข้าวเย็นเถอะ ไว้เจอกันนะ...น้องขาว” พันวาโบกมือลาพวกผมแถมยังยิ้มขันจนผมเริ่มควันออกหู


“ถ้าผมขอตระกุยหน้าลูกชายบ้านนี้จะมีใคนว่าอะไรไหมครับ” ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์ แอบได้ยินชินหัวเราะออกมาเล็กๆเหมือนกัน


“ดูถ้าพวกคุณจะสนิทกันดีนะครับ”


“ตรงไหนถึงเรียกว่าสนิทครับ”


“ฮะๆ นั่นสิครับ” คุณชินว่าพร้อมโค้งหัวให้ผมและเอ่ยลา “ผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ ไว้เจอกันตอนมื้อเย็นนะครับคุณน้องขาว”


“คุณชิน!”


คนบ้านนี้เป็นแบบนี้หมดทุกคนเลยรึไงนะ!






ปล. คู่แห่งโชคชะตาไม่ได้มีความหมายเหมือนในโลกomegaverse ที่หลายๆท่านคุ้นเคยแต่อย่างใด
เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น จึงเรียนมาเพื่อให้ทราบ



ชื่อจริง เทวา
ชื่อเล่น เทวา
เรียกสั้นๆ วา
แม่เรียก น้องวา
New name by พี่พันวา น้องขาว (ของพี่) อุ่ย.....
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf ตอนที่ 2.1「041017」
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 04-10-2017 20:24:36
#2.1


นี่ก็เข้าวันที่ 2 แล้วที่ผมมาอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เหลือแค่อีกวันเดียวเท่านั้นก่อนงานจริง


ผมมาตรวจงานเอกสารรายชื่อของคนที่จะมาเป็นคู่ให้กับพันวา มาประมาณหลายสิบคนเลยทีเดียว แต่จากที่ผมเช็คทั้งหมดแล้วนั้นกลับไม่มีการบอกลักษณะของอมนุษย์เลย


ถึงจะมีระบุไว้เป็นหมาป่า แต่ลักษณะสี หรืออย่างอื่นบ่งบอกถึงร่างเจ้าตัวในร่างหมาป่า


ทั้งหญิงและชายคละกันไป กฎของอมนุษย์นั้นหากไม่ต่างสายพันธ์ก็สามารถแต่งงานอยู่กินกันได้แบบคนทั่วไป เพียงแค่หากแต่งกับผู้ชายแล้วท้องไม่ได้แค่นั้นเอง แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไรอยู่ดี


แอบหมั่นไส้หมอนั่นอยู่เหมือนกัน


ไม่ต้องกระดิกนิ้วเรียกหาก็มีมาถวายถึงที่


เหอะ


“ทำอะไรอยู่” เสียงอันคุ้นเคยของลูกชายเจ้าของบ้านดังขึ้นจากเบื้องบน ผมเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารก็ต้องตกใจจนเกือบหงายหลังเมื่อใบหน้าของเขากับผมห่างกันไม่เท่าไหร่เอง



บ้าชิบ!


“ระวังหน่อยสิ” พันวาเข้ามาจับเก้าอี้ไว้กันไม่ให้ผมล้มหงายหลังไป


“ขอบคุณครับ” ใจหายใจคว่ำไปแล้ว


“ทำอะไรทำถึงเหม่อขนาดนี้ หืม”


ทำไมต้องลากเสียงยาวแล้วขยับเข้ามาใกล้ด้วยเล่า..


“ทำงานของคุณอยู่นั่นแหละ เช็คความเรียบร้อยของคู่ของคุณไง”


“คัดกรองคนหรอ”


ผมพยักหน้ารับ


“คัดขนาดนี้แล้วพิธีจริงก็ต้องคัดคนที่ฉันเลือกอีก?”


“รู้หน้าไม่รู้ใจนะคุณ”


“รอบคอบไว้ก่อนสินะ”


“ก็คงงั้น อย่าลืมสิคุณยังไงเราก็ต้องทำให้ตระกูลสาขายอมรับ ที่ให้ผมมาแบบนี้ก็เหมือนกับผมเป็นสื่อกลางระหว่างพวกเขากับตระกูลหลัก หากไม่ไม่อนุมัติยังไงมันก็ไม่ผ่านอยู่ดี” ผมอธิบาย พันวาพยักหน้าหงึกงักตาม “แล้วงานของคุณล่ะ”


“ทำเสร็จแล้ว”


“ไหนคุณชินบอกงงานคุณเยอะหนักเยอะหนา”


“น้องขาวมาอยู่ด้วยแล้วเลยมีกำลังใจทำงาน”


“นี่คุณ..!!” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบหมาป่าสีเงินก็แทรกขึ้นก่อน


“ไปเที่ยวข้องนอกกันหน่อยเป็นไง”


“หาเรื่องเอาแต่จะเที่ยวนะคุณ...!!!”


ปัง ปัง ปัง!!


เสียงปืนดังขึ้นเล่าเอาทั้งผมและพันวาตกใจไปตามๆกัน และตามมาด้วยเสียงตะโกนโหวเหวกโวยวายจากคนในบ้าน


“ชิ! พวกนั้นอีกแล้ว!!” พันวากัดฟันกรอดเตรียมจะวิ่งออกไปตามๆคนอื่นแต่ผมก็รั้งเอา


“เกิดอะไรขึ้น”


“รออยู่ในห้องนี้ปิดประตูหน้าต่างให้ดีหากได้ยินเสียงปืนให้หมอบโอเคไหม” เขาพยายามจะพุ่งไปอีกรอบจนผมต้องวิ่งตามออกไปด้วย


“เทวา! ออกมาทำไม!!”


“นี่คุณผมก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ยังไงนี่ก็ตระกูลของเราเหมือนกัน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง


นี่เขามองผมเป็นอะไรกัน มีเรื่องอะไรแบบนี้ก็ควรบอกผมสิ
“ตามมา” พริบตาร่างสูงใหญ่ของพันวาก็แปลเปลี่ยนเป็นหมาป่าสีเงินอันน่าเกรงขามวิ่งนำไปโดยมีผมที่เปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าตามไปติดๆ


ตลอดทางพันวาพาผมวิ่งกระโดซับซ้อนไปหาที่หลบซ่อนและอธิบายเรื่องที่เกิดไปด้วย เกิดมาจนป่านนี้ก็เพิ่งรู้ว่าตระกูลตัวเองมีเรื่องบาดหมางกับพวกไฮยีน่าอยู่ไม่น้อย


เลยมีเหตุซุ้มก่อการร้ายแบบนี้แทบจะประจำ


นี่บ้านหลักหรือค่ายมวย!


“ทางนั้นมีปืนนะคุณ!”


“พวกแปลงเป็นสัตว์ก็มี เราต้องจัดการพวกนั้นก่อน พวกนั้นน่ะปัญหาใหญ่ยิ่งกว่ากระสุนปืนอีก” พันวาว่า “พวกนี้มันชอบซุ้มโจมตีประจำ”


ตอนนี้เรากำลังซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ๆใกล้ทางฝั่งนั้นที่กำลังซุ่มยิงอยู่และมีฝูงไฮยีน่าจำนวนไม่น้อยขู่กรรโชกมาทางตระกูลหลัก


จำนวนคนของบ้านนี้ไม่ใช่น้อยๆคงสู้กับทางนั้นได้พอสมควร แต่ที่วัดกันจริงมันคือเรื่องฝีมือต่างหาก


กรรรจ์!!!


พันวากระโจนออกไปใส่ไฮยีน่าตัวหนึ่งในฝูงนั้น ประจวบเหมาะกับทางตระกูลหลักที่กระโจนออกมาโต้ตอบ ทั้งเสียงปืนและเสียงขู่กรรโชกผสมปนเปกันไปหมด


ผมกระโจนเข้าใส่ไฮยีน่าตัวหนึ่งที่อยู่ในฝูงนั้นเช่นเดียวกับพันวา ถึงหมาป่าอย่างเราจะตัวใหญ่กว่าแต่เจอฝูงไฮยีน่าขนาดนี้หากไม่รอบคอบก็เสร็จพวกมันได้


“เหอะ แรงดีไม่ตกเลยนะหนุ่มน้อย” เสียงจากไฮยีน่าตนหนึ่งตาของมันมีรอยยาวเหมือนโดนมีดกรีดจนเป็นแผลที่ตาข้างซ้าย


“ยังไม่เข็ดอีกนะ”


“ไม่เข็ดแน่จนกว่าพวกแกจะตายยกตระกูล!!” สิ้นคำของมันไฮยีน่าตัวอื่นก็กระโจนมาใส่พวกผมทั้งสอง โชคอาจจะเข้าข้างที่พันวาและผมไหวพริบดีทั้งคู่จึงหลบการโจมตีแสนระห่ำนั้นได้


เหลือบไปดูทางอื่นก็ดูจะวุ่นวายไม่ต่างกัน


ผมจัดการกระโดนเข้าตะปปเข้าที่หน้าไฮยีน่าตัวหนึ่งที่พุ่งเข้าหาและกัดพร้อมทั้งฉีกกระฉากหนังและเนื้อของมันออกมา เลือดสีแดงฉานเริ่มไหลเป็นทางแต่ผมก็มิได้แยแสกับพวกมัน


“คุณพันวา คุณเทวา” เสียงของชินดังขึ้นไม่ไกล หันก็ไปก็พบเข้าถือปืนลูกซองเล็งมาที่ฝูงไฮยีน่าที่กำลังล้อมพวกผมอยู่ ไม่ต้องมีสัญญาณบอกทั้งผมและพันวากระโดดหลบอย่างคล่องตัว


เรื่องวิ่ง กระโดดน่ะ หมาป่าไม่เป็นรองใครอยู่แล้วหากเทียบกันในส่วนนี้แล้วไฮยีน่าถือว่าเสียเปรียบแถมพวกมันตามสัญชาตญาณแล้วจะไม่กินเหยื่อที่ยังไม่ใช่ซากศพด้วยซ้ำ


ปัง ปัง ปัง !!!!!!


ลูกปืนพุ่งตรงเข้าใส่ไฮยีน่าอย่างแม่นยำ พวกมันล้มลงจมกองเลือดไปทีละตัวจนน่าสมเพศ


ไฮยีน่าตัวมีบาดแผลบริเวณเปลือกตาข้างซ้ายกัดฟันกรอด แขกเขี้ยวขู่ด้วยความโกรธแค้น


กรรรจ์!!!!


“ไอ้พวกหมาป่า!!!” ไม่ทันอึดใจมันก็พุ่งกระโจนเข้าใส่ผมโดยที่ที่ผมยืนอยู่นั้นเป็นมุมตรอกและรอยๆจึงไม่มีที่ให้กระโดดนี้ ทำให้โดยเจ้าไฮยีน่านั่นกัดเข้าที่คอเต็มๆ


แต่เพราะขนาดตัวและแรงแล้วจึงทำให้ผมสามารถสะบัดเขี้ยวของมันออกไปได้


แต่มันก็ยังกระชากเนื้อหนังของบริเวณคอออกไปได้อยู่ เลือดเริ่มไหลบริเวณแผลทำให้ขนสีขาวสะอาดนั้นถูกย้อมชโลมไปด้วยสีแดงฉานน่ากลัว


“เทวา!!”


“คุณเทวา!!”


เสียงของพันวาและชินแทบจะประสานกัน ฤทธิ์บาดแผลไม่ได้น่ากลัวมาก ไม่ได้ทำให้ผมต้องล้มลงไปนอนกับพื้นอะไรเทือกนั้นหรอก ผมยังไหวและจัดการไฮยีน่าตัวได้ต่อ


แต่ไม่นานก็มีหมาป่าสีเงินตัวใหญ่น่าเกรงขามกระโจนออกมา ส่งเสียงเห่าหอนจนทั้งบรรดาหมาป่าทั้งหลายและฝูงไฮยีน่าจำเป็นต้องหันตามเสียงนั่น


“หยุดการกระทำของพวกแกซะ” หมาป่าสีเงินตัวใหญ่แสนสง่ายืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมอันโชยไปด้วยกลิ่นคาวของเลือดและเศษเนื้อหนังของทั้งพรรคพวกตัวเองและฝ่ายตรงข้าม


หากเป็นมนุษย์ธรรมดามาเห็นภาตรงหน้าคงจะมีอ้วกกันเป็นแถวๆ


“สิรภพ!!!” เสียงของไฮยีน่าที่มีแผลบริเวณตาซ้ายตะโกนลั่น มันวิ่งไปแยกเขี้ยวขู่ต่อหน้าท่านผู้นำอย่างจองหอง


“ท่านผู้นำ! อ๊ะ...คุณพันวา” ชินที่รีบจะพุ่งตัวไปหาท่านผู้นำก็ถูกพันวากระโดดเข้ามาขว้างไว้ก่อน


“อาทิตย์..แกยังไม่สาแก่ใจแกอีกหรือ” ท่านผู้นำพูดอย่างใจเย็น


“หึ ให้ตระกูลแกล่มจมก่อนเถอะถึงจะสาแก่ใจกู” ไฮยีน่าตัวนั้นแสยะยิ้ม


“ดูให้ดีนะอาทิตย์ แกนำลูกหลานแกมาตายเป็นศพทิ้งไว้แบบนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว...” ตามที่ท่านผู้นำได้เอ่ย รอบข้างตอนนี้เต็มไปด้วยศพของไฮยีน่าเพราะขนาดตัวและแรงที่น้อยกว่าทางเรามากจึงทำให้ฝั่งเราจะมีเพียงก็บาดเจ็บเท่านั้น


“แกจะนำลูกหลานมาทำเรื่องเช่นนี้ให้สาแก่ใจแกหรือ” ท่านผู้นำยังคงใจเย็น “กลับไปซะอาทิตย์และอย่ามาเหยียบที่นี่อีก!”


“ไอ้สิรภพ!”


“ไม่งั้นฉันอาจจะไม่ไว้หน้าตระกูลแก่!” ไฮยีน่าที่ชื่อสิรภพถมน้ำลายลงไปข้างๆนั่น และเรียกรวมไฮยีน่าตัวอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่และพวกที่ยังไม่ได้แปลงเป็นไฮยีน่ากลับไปจนหมด


เรื่องศพไฮยีน่าที่อยู่ที่นี่ทางเราจะเป็นจัดการเองตามคำสั่งของท่านผู้นำ


“ใครบาดเจ็บเรียกตัวหมอมารักษาด่วน!” ท่านผู้นำลั่นวาจาเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านก็ต่อสายเรียกทั้งหมอประจำตระกูลบ้างหมอจากโรงพยาบาลบ้างไม่ขาดสาย


ทางฝ่ายชินและพันวารีบถลาเข้ามาดู โดยที่พันวาและผมยังคงอยู่ในร่างเดิม


หากกลับร่างคนตอนนี้บาดแผลอาจจะทำให้ใครต่อใครที่เห็นตกใจได้ อย่างน้อยร่างนี้ก็พอจะมีคนปกปิด


“อย่าขยับเยอะนะครับเดี๋ยวแผลเปิด รอตรงนี้เดี๋ยวผมไปเอาอุปกรณ์มาประถมพยาบาลให้ก่อน” ผมพยายามจะร้องเรียกไม่ให้ชินรีบร้อนจนเกินไปแต่เหมือนจะไม่ทันเมื่อเจ้าตัวรีบวิ่งตาลีตาเลือกเข้าไปในบ้าน


“ทำไมไม่ระวังตัว” พันวารีบวิ่งเข้ามาหาอย่างรีบร้อย “แปลงกลับเป็นมนุษย์สิ”


“แต่ว่า..”


“เทวา” พันวากดเสียงต่ำลงเป็นเชิงสั่น ทำให้ผมทำตามที่เขาว่ามา


ผมกลายร่างกับเป็นมนุษย์นั่นอยู่บนพื้นตรงหน้ามีหมาป่าตัวใหญ่กำลังเดินเข้ามาใกล้พร้อมรอบข้างๆที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและซากศพเศษซากไฮยีน่า


“อ๊ะ..” ผมร้องเสียงหลงออกมาเมื่อพันวาในร่างหมาป่านั้นเข้ามาเลียบาดแผลบริเวณลำคอของผม เขาทำเหมือนกับเลียทำความสะอาดขนอย่างนั้นอหละ


“นี่คุณ..” ถึงจะส่งเสียงร้องเรียกยังไงพันวาก็ไม่ยอมหยุด เขายังเลียอยู่ที่แผลผมอยู่อย่างนั้น


เข้าใจว่าสัญชาติญาณหมาป่าเวลาเห็นแผลก็ต้องเลียทำความสะอาดแต่นี่เราเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ป่านะ


แบบนี้มัน...


“อึก!..”


“เจ็บเหรอ” พันวาชะงักการกระทำของเขาลงเมื่อผมส่งเสียงแปลกๆออกมา


ไม่ได้เจ็บเลยสักนิด เขาไม่ได้เลียแผลจนแรงแต่เลียทำความสะอาด


แต่ที่ผมต้องส่งเสียงออกไปนั่น.... เพราะมันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีกระแสไฟช็อตไปทั้งตัวเมื่อพันวาเข้ามาใกล้


“กลับร่างเป็นคนได้แล้ว” ผมว่า แต่หมาป่าตัวใหญ่ก็ยังส่ายหน้าเอาแต่ใจ


“กลิ่นสาปไฮยีน่าติดตัวเราไปหมดเลย” เขาโต้กลับมาอย่างนั้นและกลับมาทำสิ่งที่ตนทำค้างไว้ต่อ แต่ไม่หยุดอยู่แค่บริเวณแผลอีกแล้ว


พันวาเลียไปตามซอกคอไล่ลงมาถึงไหปลาร้าเล่นเอาผมขนลุกซู่สะดุ้งโหยงหนี


“ไม่ทำอะไรหรอก แค่ลบกลิ่นพวกนั้นออกให้”


พอเห็นผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเขาก็ถอนหายใจแล้วอธิบายต่อ


“อยู่ในร่างสัตว์แบบนี้กลิ่นมันติดตัวง่ายกว่า”


หมายความว่าพันวาอยู่ในร่างหมาป่าแล้วคลุกคลีกับผมแบบนี้กลิ่นของเขาก็จะติดตัวผมไม่ใช่หรือ


แบบนี่มันไม่ใช่แล้ว!!


“ถ้าคู่คุณมารู้ว่าคุณทำแบบนี้กับผมมันจะแย่เอานะ”


ผมยังไม่อยากทำเสาเตียงบ้านใครร้าวตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งหรอก


“เฮ้อ...ให้นายทำแผลแล้วเราจะเคลียร์ทุกอย่างกันเทวา” พันวากลับร่างเป็นมนุษย์ดั่งเดิม จากนั้นการกระทำของเขาก็ทำให้ผมตกใจอีกครั้งแถมคนรอบข้างก็ยังตกใจกันเป็นแถบๆ


“พันวา!!” ผมร้องลั่นเมื่อถูกพันวาอุ้มขึ้นจนลอยเหนือพื้น แถมท่านี้มันท่าเจ้าสาวด้วยไม่ใช่เหรอ!


พันวาไม่พูดอะไรเพียงแค่เดินเข้าไปในบ้านท่ามกลางสายตาของคนในตระกูลขนาดท่านผู้นำยังไม่ได้เอ่ยปากแย้งอะไร


ผมได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้าแม้กระทั่งเงยหน้าขึ้นมามองรองข้าง


เขาทำอะไรของเขา...





พี่พันวาก็แค่อยากให้กลิ่นตัวเองติดตัวน้อง พูดแค่นี้เอง
พี่จะอ้อมทำไมคะ?.... :hao3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf 「041017」
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 04-10-2017 21:59:44
คู่แท้แห่งพรหมลิขิตไปอีกกกกกกกกกก o18
พันวารู้ตั้งแต่แรกแล้วไหม? ดูวอแแวน้องจัง :mew4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf 「041017」
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-10-2017 23:20:26
เค้าต้องเป็นคู่แท้ของกันและกันแน่นวล...ลลลลลลลลล   :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf 「041017」
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-10-2017 11:30:11
เทวา มาเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนบิดา
แต่ดูท่าหน้าที่ของเทวา  เปลี่ยนไปแล้ว
เทวา กลายมาเป็นคู่ของพันวา ลูกชายของหัวหน้าเผ่าซะและ

พันวา เทวา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf 「041017」
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-10-2017 14:14:00
หวงก็บอกสิจ๊ะพันวา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf 「041017」
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 05-10-2017 18:32:14
นี้เป็นคู่กันชิมิ

เริ่ด ให้ชัดเจนไปเลยพันวา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf ตอนที่ 3「061017」
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 06-10-2017 19:34:28
#3


สุดท้ายแผลบริเวณลำคอของผมก็ได้รับการรักษา เย็บแผลไปตั้ง 5 เข็ม แถมยังไม่พอมีไข้แทรกให้ปวดหัวเล่นอีก


สถานการณ์ของตระกูลหลักกลับมาปกติ ผมได้มีโอกาสได้ไปคุยเรื่องความขัดแย้งระหว่างตระกูลกับพวกไฮยีน่าก็รู้มาว่าเป็นความบาดหมางส่วนตัวของท่านผู้นำกับผู้นำของทางนั้นเอง


ผมจึงไม่อยากถามอะไรมากไปกว่านั้น


จริงๆก็แอบกังวลว่าเรื่องพวกนี้จะบานปลายไปถึงตระกูลสาขาอื่นๆ แต่ท่านผู้นำก็รับประกันว่าจะไม่มีวันเกิดเรื่องแบบนั้น ทำให้ผมสบายใจไปได้เปราะหนึ่ง


บ้านแห่งนี้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ชินที่เข้ามาเฝ้าและดูแลเรื่องอาหารการกินรวมถึงยาต่างๆที่คุณหมอสั่งให้ผมจนเรียบร้อย ผมใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน พรุ่งนี้วันงานพิธีก็น่าจะมีแรงเข้าร่วมได้สบายทุกคนจึงหมดห่วง


จะมีก็แต่..


“ทำไมไม่กลับไปทำงานครับ”


“เฝ้าเราไง”


“ผมไม่ได้เป็นอะไร”


“แต่พี่เป็นห่วง”


“งานของคุณล่ะครับ ทิ้งไว้แบบนี้มันดีเสียที่ไหน” ผมถอนหายใจ เมื่อลูกชายผู้นำตระกูลคนนี้ดื้อดึงจะเฝ้าไข้ผมท่าเดียว  มาตั้งแต่เมื่อวานจนงานการไม่เป็นอันทำ ทั้งชินหรือคนอื่นๆก็ไม่ห้ามเขา


ปล่อยเอาไว้แบบนี้จนผมเองต้องออกปากไล่


“ชิน คุณช่วยผมหน่อยเถอะ” ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากชินที่ยืมยิ้มบางๆมาให้ แต่คำตอบที่ได้จากชินก็ไม่มีอะไรไปมากกว่ารอยยิ้มนั้นเลย


“แบบนี้เผลอรู้ไปถึงหูคู่ของคุณในวันพรุ่งนี้เข้า เขาจะไม่มาโวยวายใส่ผมกันเหรอ” ผมพึมพำ


“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเทวา” เสียงของท่านผู้นำทำเอาผมละจากความคิดในหัวไปมองยังท่านที่เดินเข้ามา


“ครับ?”


“อาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม”


“โอเคขึ้นมากแล้ว แค่มีไข้แทรกนิดหน่อย” ผมยิ้ม


“เจ้าพันวาเป็นห่วงเราจนไม่มีสติสตางค์จะทำงานเลยล่ะ” ท่านหัวเราะออกมาเล็กๆ ทำเอาผมหน้าเห่อร้อนขึ้นโดยไร้สาเหตุ


“เอ่อ...ท่านผู้นำครับแล้วเรื่องที่ว่าก่อนหน้านี้คือ..” ผมเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นท่านผู้นำเริ่มติดลมจนลืมประเด็นที่ท่านแทรกเอาไว้ก่อนหน้านี้


“อ๋อ เรื่องนั้นเองหรือ” ท่านกล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ  “มันอาจจะทำให้เธอตกใจ แต่ฉันเห็นว่าสมควรจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังได้แล้ว”


“หมายความว่ายังไงกันครับ”


“สาเหตุและทุกๆอย่างที่เธอจำเป็นต้องมาที่ตระกูลหลักแห่งนี้”


อะไรนะ...


“ในเหล่าหมาป่าจะมีหมาป่าบางส่วนที่มีพลังในด้านการทำนายอนาคตซึ่งทางตระกูลหลักมีสมาชิกของหมาป่าส่วนนี้อยู่ เมื่อไม่นานก่อนที่ทางฉันจะแจ้งไปทางตระกูลรองเรื่องงานพิธีเราได้คำทำนายมาว่า หมาป่าสีขาวคือคู่ครองของผู้นำรุ่นต่อไป จากนั้นเราจึงได้ทำการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับหมาป่าสีขาวในตระกูลของเราทั้งหมด” ท่านผู้นำเว้นวรรคพูด หัวใจผมเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ ผมได้แต่ตกตะลึงกับถ้อยคำจากปากของผู้นำเหล่าหมาป่า


“จึงได้เป็นตัวเธอและรายชื่อคู่งานพิธีทั้งหมดออกมาและทั้งหมดนี้เป็นหมาป่าสีขาวในตระกูลที่ยังไร้คู่” ผมตกตะลึงอยู่นานสักพักจึงกลั่นกรองสิ่งที่ได้ฟังในสมองได้และเอ่ยถามออกไป


“แล้วทำไมผมถึงได้เป็นตัวแทนของคุณพ่อแบบนั้นล่ะครับ แถมทางนี้ยัง...” ผมไม่กล้าพูดได้เต็มปากว่าพวกเขายอมรับผมมาทำงานนี้แทนคุณพ่อ


“เรื่องแบบนั้นคงต้องถามคุณชินแล้วล่ะ”


“เอ๋..”


“เพราะเขาคือผู้ทำนายทุกอย่าง”


“!!!”


“อย่างที่ท่านผู้นำกล่าวไว้ครับ ผมเป็นคนทำนายเรื่องทั้งหมดนี้เองรวมถึงการเลือกคุณมาแทนรองผู้นำนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมพึงเห็นด้วยตนเอง”


ผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว


นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน..


ทันใดนั้นเมื่อร่างกายผมสั่นสะท้านด้วยความตกตะลึงกลับมีมือใหญ่ของคนที่นั่งเฝ้าไข้ผมอยู่ข้างๆมาวางทับมือผมและกระชับไว้ นั่นทำให้ผมอุ่นใจและพร้อมจะรับฟังต่อได้


“ผมเป็นหนึ่งในผู้เหลือรอดของหมาป่าสายพันธ์พิเศษที่มีพลังพิเศษติดตัว” ชินเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เพราะเหลือผมเพียงคนเดียว ผมจึงได้มาประจำ ณ ตระกูลหลักแห่งนี้และแน่นอนไม่ใช่เพียงพลังของการทำนายแต่ลางสังหรพิเศษของผมยังแม่นยำที่สุดในเหล่าหมาป่า”


“ในครั้งที่ผมเห็นคุณผ่านในรูปภาพ สัญชาตญาณผมมันก็บอกว่าคุณคือ คนที่จะนำพาตระกูลหมาป่าสู่ความรุ่งเรืองดั่งท่านภรรยาผู้นำรุ่นก่อนๆ” ชินยิ้มรับ “ต้องขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้บอกเรื่องราวทั้งหมดก่อนตั้งแต่แรก ทีทำไปเพื่อทดสอบคุณเทวาให้แน่ใจเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์มุ่งร้ายคุณแต่อย่างใดจริงๆครับ


ชิน คือหมาป่าสายพันธ์พิเศษที่เหลือรอด.....


บ้าน่า


เรื่องพรรค์นี้มัน...


“ฉันก็ต้องขอโทษเทวาด้วยเหมือนกันที่ปิดบัง” ท่านผู้นำโค้งตัวให้ผมจนผมเลิกลักรีบห้ามปรามท่านทันที


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงเรื่องนี้ก็..”


“พี่ก็ต้องขอโทษเราด้วยเหมือนกันที่ปิดบัง” เจ้าของมือใหญ่ที่กุมมือผมอยู่เอ่ยคำขอโทษ ตามตรงผมก็รู้สึกตกใจแต่ไม่ได้ติดใจจะโกรธอะไร


พวกเขาทำไปยังไงก็เพื่อตระกูล


เพื่อทดสอบผม


แต่ที่ผมอาจจะเคืองจริงๆก็คือเรื่องที่ปิดบังผมไว้ขนาดนี้


เพราะเป็นตระกูลใหญ่ จึงไม่ให้ความไว้วางใจแก่คนภายนอกมาเท่าที่ควร ถึงผมจะมาจากตระกูลรองเรื่องนี้ผมรับรู้ดี


“เรื่องนี้ทุกคนภายในบ้านหลังนี้รู้หรือครับ” ผมได้คำตอบกลับมาเป็นการพยักหน้าจากคนทั้งสามภายในห้อง


“เฮ้อ..ขอโทษเธออีกครั้งนะเทวา ฉันปลีกตัวจากเวลางานมามากแล้วต้องขอตัวก่อน ยังไงก็ขอโทษอีกครั้งด้วย” ผมได้แต่บอกว่าไม่เป็นไรให้กับท่านผู้นำแต่เหมือนผลที่ได้จะเป็นอย่างนั้นเมื่อท่านคะยั้นคะยอขอโทษขอโพยผมอย่างเดียวเลย


“แล้วเรื่องงานวันพรุ่งนี้ล่ะครับ” ผมถาม


ผมเคืองใจได้สักครู่เมื่อรู้เรื่องราว


“ได้ลูกสะใภ้แล้วจะไปหาอีกทำไมเล่า ยังไงงก็ฝากตัวแล้วกันนะ...ลูกสะใภ้” จากท่านผู้นำก็เดินออกไปจากห้องหน้าตาเฉยแถมยังเรียกชินติดสอยห้อยตามไปด้วยเหลือไว้เพียงผมกับลูกชายของตน


เดี๋ยว


เดี๋ยว


เดี๋ยวก่อน


ลูกสะใภ้


....หมายความว่าไง!!


“ทำหน้าเป็นไก่ตาแตกไปได้” พันวาขบขัน จนผมต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่ฐานมาหยอกล้อ


“นั่นคำพูดคำจาคุณหรอ” ผมถอนหายใจเฮือก “คุณดูท่านผู้นำพูดเข้าสิ”


“พ่อก็พูดถูกแล้วนี่”


ผมตกใจหนัก ตาโตเมื่อฟังคนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆพูด ถูกอะไรของเขา


บ้าที่สุด!


“ที่วาได้มาทำหน้าที่แทนคุณพ่อของวาแบบนี้มันก็ชี้บอกตรงๆแล้วนะว่าชินเขาเลือกวา และทดสอบวาจากงานเหล่านี้และตอนนี้วาก็ผ่านการทดสอบแล้วด้วย”


“ผ่านการทดสอบ? ยังไงครับ?”ในหัวผมมีแต่เครื่องหมายคำถามชนกันเต็มไปหมด


“เอาชนะใจพี่และคนอื่นๆของที่นี่ไง มีหรือได้ลูกชายรองผู้นำมาตระกูลสาขาอื่นจะไม่เห็นดีเห็นชอบ” พันวายังยิ้มไม่หุบ


“แบบนั้นมัน...”


“วาไม่ต้องคิดมาหรอกนะ เรื่องพวกนี้คุณพ่อของพี่ได้กระจายข่าวไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วพร้อมกับเรื่องยกเลิกงานพิธีคู่กะทันหันด้วย”


“เดี๋ยวสิ!!” แบบนั้นมันไม่กะทันหันเกินไปหน่อยเหรอ


ทางสาขาอื่นจะรับได้จริงเหรอ


“หน้าตาเป็นกังวลเชียว”


พันวาเอื้อมมือมาทางหน้าผากผม นิ้วชี้วางตรงกลางระหว่างคิ้วและนวดคลึงเบาๆ


“เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นี่ครับ”


“หืม..กังวลเรื่องพวกนั้น ไม่กังวลเรื่องของเราบ้างเหรอ” ผมชะงักรีบหันกลับมามองคนข้างๆที่บัดนี้รอยยิ้มบางๆและสายตาเป็นห่วงเมื่อครู่พลันเปลี่ยนไป ตอนนี้หมาป่าหนุ่มถูกชโลมไปด้วยความเจ้าเล่ห์มากกลจนทำเอาผมแทบขนลุกซู่


หากอยู่ในร่างหมาป่าผมคงวิ่งหนีหางตั้งไปไกลแล้ว


แต่นี่ไม่


ผมกำลังป่วย


และนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย


แถมภายในห้องนี้เพียงผมและเขา....


เวร!!


“พี่รู้นะว่าทุกอย่างมันเริ่มเปลี่ยน” พันวาขยับใบหน้าเลื่อนเข้ามาใกล้


“...”


“ถึงจะทีละนิดแต่พี่ก็รับรู้ถึงมัน” เขาว่าพร้อมกับขยับเขามาใกล้เรื่อยๆ


“...”


“วาไม่รู้สึกเหมือนพี่บ้างหรือ” บัดนี้ใบหน้าของผมและเขาแทบจะจรดกันอยู่แล้ว พันวาเขยิบเข้ามาใกล้ผมจนหน้าผากเราจรดชิดติดกัน เขาค่อยๆช้อนตามองผมแววตาของเขายากที่จะอ่านมันออกแต่มันทำให้ร้อนรุ่มอยู่ภายใน


“ผม...”


ผมยังสามารถตอบมันได้ ว่าความรู้สึกพวกนี้มันเรียกว่าอะไร


ผมยังไม่แน่ใจกับมันเท่าที่ควร


เห็นผมแน่นิ่งไปพอประมาณพันวาจึงลอบหายใจเล็กน้อยและจับคางผมเชิดขึ้นให้เผชิญหน้ากับเขา


“ไม่เป็นไร ค่อยๆเริ่มต้นทีละนิดก็ได้” ว่าจบริมฝีปากของพันวาก็ประกบเข้าที่ริมฝีปากผมอย่างอ้อยอิ่ง ค่อยดูดเม้มริมฝีปากของผมอย่างละเลียด และใช้จังหวะที่ผมเผลอพันวาก็แทรกลิ้นอุ่นๆของตัวเองเข้ามา


นั่นทำให้ผมกลัวจนต้องหดตัวถอยหนี แต่เขาก็กลับส่งปลายลิ้นร้อนๆนั้นมาหยอกเล่นกับปลายลิ้นของผมจนผมจำต้องปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเอง


พันวาคว้านลิ้นไปทั่วโพลงปากของผมอย่างกระหาย บดเบียดริมฝีปากเข้ามาเรื่อยๆจนตัวผมสั่นไปหมด


ผมหอบสั่นไร้เรี่ยวแรง เมื่อพันวาละออกจากริมฝีปากของผมดูเหมือนเขาจะไม่ได้หอบหนักเหมือนสักนิดดูจะรื่นรมย์เบิกบานกว่าตอนแรกเสียด้วยซ้ำ


“หวาน”


“เจ้าเล่ห์ชะมัด” ผมอดที่จะต่อว่าคนที่ยืนยิ้มร้ายให้ผมอยู่ไม่ได้


“พี่ว่าถึงเวลาที่จะเริ่มต้นคำว่า ‘เรา’ ของพี่กับวาแล้วนะ” ผมได้ยินก็ถึงกับไปต่อไม่เป็น เดาได้ว่าใบหน้าตอนนี้คงแดงเป็นลูกมะเขือเทศแน่ๆ


“ล้อเล่นกับคนป่วยแบบนี้มันไม่ดีนะครับ”


“ใครว่าพี่ล้อเล่น”


“...”


“พี่ยิ่งกว่าจริงจังเสียอีก”


“...”


“ว่าไงครับเทวา?” สมองผมว่างเปล่า มันว่างเปล่าไปหมดทั้งๆที่เวลาแบบนี้น่าจะสรรหาคำมาปฏิเสธแต่นี่กลับไม่..


ผมคิดอะไรไม่ออกเลย


ผมจะเริ่มต้นกับเขาได้งั้นหรอ..


“อย่ากังวลไปเลย ทุกอย่างมันจะดีเชื่อพี่สิ”


คำพูดจริงจังเอื้อนเอ่ยจากปากหมาป่าหนุ่ม มันดูหนักแน่นและมั่นคงพอจะให้ผมเชื่อถือไหม


“ครับ”


“ครับอะไร”


เขายิ้ม


“กรุณาช่วยดูแลผมด้วยครับ”


บอกไปแล้ว


การตัดสินใจของผมมันจะถูกแน่หรือ


“แน่นอน” พันวาสวมกอดผม ไออุ่นจากร่างกายของเขามันทำให้ผมสงบลงได้ไม่ยากแถมมันยังทำให้ผมทวีความโหยหาในตัวเขาเพิ่มไปอีก


บางทีอาจจะไม่ใช่ผมที่จะตัดสินใจหรือคิดไปแค่คนเดียว


มันอาจจะถึงเวลาที่ผมจะเดินหน้าและตัดสินใจไปพร้อมกับใครสักคนหนึ่ง


ซึ่งคนคนนั้นคงจะเป็น อมนุษย์คนหนึ่งที่ชื่อว่า พันวา













ตอนหน้าพี่พันกับน้องวาจะจบแล้วเด้อ....
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf ตอนที่ 3「061017」
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-10-2017 23:29:20
เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง...รอตอนจบ   o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf ตอนที่ 3「061017」
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 07-10-2017 16:22:28
ดีที่เทวาไม่งี่เง่านอกจากไม่มาม่าแล้วยังแอบหวานอีกงุ้ยๆๆ  :hao7: ตอนหน้างานแต่งไหมอะ รอคืนเข้าหอเลยฮะ อิอิ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf ตอนที่ 4 END「081017」
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 08-10-2017 19:34:45
#4


ผมกับพันวาเราคบกันมาได้เกือบหนึ่งปีแล้ว ซึ่งทุกอย่างเป็นด้วยความเรียบร้อยทั้งเรื่องของตระกูลสาขาอื่นที่ยอมรับผมได้อย่างไม่ยากและทางตระกูลรองซึ่งก็คือครอบครัวของผมแน่นอนท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมอวยพรให้ผมเสียด้วยซ้ำ


ผมย้ายเข้ามาอยู่ที่ตระกูลหลักฐานะคนรักของพันวา


แต่ว่ามันยังมีเรื่องที่ทำให้กังวลอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น เรื่องบุตรซึ่งทางพ่อของพันวาหรือท่านผู้นำก็ได้บอกไว้ว่าหากผมมีบุตรไม่ได้ก็คงเลือกคนจากตระกูลสาขาอื่นๆมารับตำแหน่งแทน


เพราะยังไงก็ไม่มีกฎตายตัวว่าให้เลือกแต่บุตรของผู้นำเท่านั้น


คนสมัยใหม่เดี๋ยวนี้เก่งๆก็มีเยอะทำให้ท่านผู้นำไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย




มาถึงเรื่องของตระกูลไฮยีน่าที่รุกรานตระกูลหลัก ตอนนี้เรื่องราวได้ยุติลงแล้วด้วยการที่ทางตระกูลนั้นได้ยอมรับผิดและขอโทษทางเราด้วยใจจริง ทำให้ทางเราไม่ติดใจเอาความและประนีประนอมในฐานะเพื่อนอมนุษย์ด้วยกัน


“นั่งคิดอะไรอยู่ หืม”เสียงพันวาดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิดหันหน้าไปหาเขาที่ยืมกอดอกยิ้มแป้นอยู่ด้านหลัง


“ไม่ได้คิดถึงคุณหรอกครับ” ผมแกล้งคนตัวสูงเล่น ทำเอาหน้าหงอยไปไม่น้อย


“พี่บอกวาไม่รู้กี่ครั้งว่าเลิกเรียกแทนพี่แบบนั้นเสียที” ถ้อยคำน้อยเนื้อต่ำใจหลุดออกจากพันวา ผมนึกขำเมื่อเขาขุดประเด็นยิบย่อยที่ต้องเอามาทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวันขึ้นมา


“เรียกแบบนี้มันไม่ดีตรงไหนกันครับ” ผมแกล้งคนตรงหน้าเล่น


“มันดูห่างเหินน่ะสิ”


นึกสนุกจึงแกล้งแหย่คนตัวสูงเล่น ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานเดินเข้าจนประชิดเจ้าตัวและจับไปที่ไหล่ของเขาพร้อมกับกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงและถ้อยคำที่ยังไงชาตินี้นอกจากเขาผมก็ไม่มีทางไปพูดกับใครแน่นอน!


“วาชอบแบบนี้นี่ครับ”


“...”


“หรือพี่พันวาไม่ชอบ” พูดไปขนลุกไปแต่ขอให้ได้แกล้งคนตัวสูงนี่หน่อยแค่นี้ก็ยอม จากนั้นเหมือนพันวาจะชะงักไปชั่วขณะเลยทีเดียว ทำให้ผมอาศัยจังหวะนั้นหนีออกจากห้องทำงานของผมปล่อยให้เจ้าตัวยืนทื่อเป็นท่อนไม้ไว้อย่างนั้น


แอบหัวเราะในใจ ไม่แกล้งเขามานานแล้วเหมือนกัน


ผมเดินออกจากห้องทำงานมาก็พบกับชินระหว่างทางเข้า


“เหนื่อยหน่อยนะครับ” ผมยิ้มให้ชินที่มือหอบเอกสารพะรุงพะรัง “เดี๋ยวผมช่วย”


“ไม่..” ไม่ทันที่ชินพูดจบผมก็ยกกองเอกสารครึ่งหนึ่งมาถือไว้เองและแอบขำกับท่าทางอึ้งๆของชิน


“จะหอบเอกสารพวกนี้ไปไหนกันครับ” ผมถาม


“ห้องทำงานท่านผู้นำครับ” จากนั้นผมกับชินจึงเดินขนาบข้างกันไปที่ห้องท่านผู้นำ


ตอนนี้ผมกับชินสนิทกันยิ่งกว่าเดิมเขาเหมือนพี่ชายและเพื่อนของผมไปพร้อมๆกัน เพราะมีไม่กี่คนในบ้านที่ผมจะกล้าพูดด้วย


“ขอบคุณคุณเทวาด้วยนะครับ”


“ไม่เป็นไรหรอกครับแค่นี้เอง”


“คุณเทวารู้หรือเปล่าครับ”


“ครับ?”


“ว่าตั้งแต่คุณเทวาเข้าที่ตระกูลหลักแห่งนี้ คุณพันวาก็เปลี่ยนไปมากเลยนะครับ ต้องขอบคุณคุณจริงๆ” เอาอีกแล้วชินขอบคุณผมอีกแล้ว


ขอบคุณกันไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ..


“ทั้งหมดนี้เพราะคุณชินทั้งนั้นแหละครับ ก็คุณชินเป็นคนเลือกผมมาทำงานแทนคุณพ่อนี่ครับ” หากคุณชินไม่เลือกผมและผมกลายไปเป็นหนึ่งในบรรดารายชื่อคนที่พันวาต้องเลือกคู่

ผมก็คงคิดไม่ออกเหมือนกันว่าปัจจุบันจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า


ผมลาจากคุณชินและเดินออกมา ในหัวพลันนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ถึงเวลาที่ผมจะต้องไปที่สวนของตระกูลหลักแล้ว


อืม...วันนี้เห็นว่าจะมีคนนำดอกไม้มาลงใหม่ด้วย คงต้องเข้าไปดูความเรียบร้อยหน่อย


ผมคิดในใจอย่างอารมณ์ดี






ไม่นานผมก็เดินมาที่สวนของตระกูลหลัก ตอนนี้ผมจัดการจัดการสวนดอกไม้ร้างในตอนนั้นให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งแถมยังได้แรงจากคุณแม่ของผมมาช่วยจัดการเรื่องการปลูกดอกไม้ต่างๆอีกด้วย


ต้องขอบคุณคุณแม่มากๆที่ช่วยแนะนำผมจนสวนร้างแห่งนี้กลับมาสวยงามอีกครั้ง


ผมยิ้มเมื่อทอดสายตามองไปยังเหล่าดอกไม้หลากหลายนานาพันธ์ที่บานสะพรั่ง


“แอบหนีมาที่นี่เอง” เสียงจากผู้มาเยือนใหม่ทำให้ผมตกใจสะดุ้งตัวโยน เมื่อบรรยากาศเงียบๆเมื่อครู่ถูกผู้มาใหม่พังทลายมันลง


“คุณ...ทำไมมาไม่ให้ซุ้มให้เสียง แล้วทำไมมาในร่างนี้?” ผมมองไปยังผู้มาเยือนใหม่ในร่างหมาป่าสีเงินตัวใหญ่น่าเกรงขาม จะใครที่ไหนนอกจากพันวานั่นแหละ


ทำเอาตกอกตกใจหมด


“เรานั่นแหละแอบหนีมาไม่บอกไม่กล่าว” ผมถอนหายใจพูดต่อไปคงไม่ได้แล้ว มีหวังทะเลาะกันแน่ๆเพราะดูจากท่าทางแล้วพันวาอาจจะตามหาผมจนทั่วจนหอบไปทั้งตัวแบบนี้


“ขอโทษแล้วกัน” ผมว่า “มานั่งนี่สิ”


ผมตบลงที่ข้างๆตัวเองบนม้านั่งตัวเดิม ตัวเดิมกับตอนที่พันวาพามาครั้งแรก


“ทำไมไม่กลับร่าง” ผมเลิกคิ้วสงสัย เจ้าตัวกระโดดขึ้นมาบนม้านั่งตามที่ผมบอกแต่ก็ยังไม่ยอมคืนร่างเสียที


“ขี้เกียจ”


“มีงี้ด้วย”


“...”


เงียบใส่อีก


งอนผมอยู่แน่ๆ


“โกรธอะไรผมหรือเปล่า” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเอ่ยถามไป แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ เจ้าหมาป่าตัวใหญ่ก็ยังนั่งหางไม่กระดิกอยู่เหมือนเดิม


งอนแน่ๆ


“นี่..” จิ้มเข้าไปที่ขนหนาๆ


“...” นิ่งเหมือนเดิม


“เฮ้ออ...” ผมพ่นลมหายใจ


“โกรธอะไรวาครับพี่พันวา” สุดท้ายก็ต้องัดลูกไม้มาใช้ และสำเร็จตามที่คาดพันวาหันหน้ามาสนผมแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรอยู่ดี


งอนได้งอนดีเสียจริง


ผมตัดสินใจใช้จังหวะที่พันวาเผลอเข้าไปกอดที่ตัวเขาในร่างหมาป่าขนสีเงินสะอาดหนานุ่ม ทำให้ผมรู้สึกดีอยู่ไม่ใช่น้อย


“งอนอะไรครับหืม..” ได้ยินเขาแอบลอบหายใจ


“ออกมาทำไมไม่บอกรู้ไหมว่าพี่เป็นห่วง”


“ก็ไม่ได้ออกไปไหนนี่ ที่นี่ก็บ้านคุณ”


“รีบเปลี่ยนสรรพนามเชียวนะ” พันวาหัวเราะ


“ของดีมีน้อยครับ”


“นี่วา ขอบคุณที่เลือกจะอยู่ข้างพี่ต่อถึงทุกวันนี้นะ” หมาป่าหนุ่มเอ่ย


“ผีเข้าหรือไงคุณเนี่ย” ผมกระชอบอ้อมกอดรอบตัวหมาป่าให้แน่นขึ้นเพื่อสื่อให้เขารู้


รู้ว่าผมยังอยู่กับเขาตรงนี้


จากนี้


และตลอดไปนั่นแหละ


“พี่รักวานะครับ” จู่ๆหมาป่าตรงหน้าก็กลายร่างกลับเป็นมนุษย์ดั่งเดิม ไม่รู้จะเล่นอะไรของเขา แต่ผมก็ยิ้มออกมาเล็กและตอบกลับร่างสูงไป


“ครับรู้แล้วว่ารัก” ผมกดไหล่อีกฝ่ายให้ต่ำลงและเคลื่อนตัวไปใกล้อีกคนเรื่อยๆ “รักเหมือนะกันนะครับ


จุ๊บ


END






จบแล้วเด้อ....
ต่อไปเป็นพาร์ท #Fox นะคะ ซึ่งคาดว่านาจะมาอาทิตย์หน้าถ้าไม่ติดอะไร
ได้เวลาบอกลาน้องเทวากับพี่พันวากับบ้านหมาป่ากันแล้ว
บ๊าย บาย


แปะรูปพาร์ท #Fox
(https://imgza.xyz/f/l5iq8g21) (https://imgza.xyz/v/l5iq8g21)
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf ตอนที่ 4 END「081017」
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-10-2017 20:26:35
จบและ อยากอ่าน nc อ่ะ รอนะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf ตอนที่ 4 END「081017」
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-10-2017 20:56:54
น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก
 น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก
  น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Wolf ตอนที่ 4 END「081017」
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 08-10-2017 22:12:22
 :z13:น่ารักมากค่ะ แอบหวังฉากเรทนิดนึ่ง  :hao6:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Fox「121017」
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 12-10-2017 20:25:57
(https://www.picz.in.th/images/2017/10/12/fox.jpg)




#fox


ในโลกใบนี้ไม่ได้มีซึ่งมนุษย์และสรรพสัตว์สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ แต่ยังมีอมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยโดยเหล่าอมนุษย์จะสามารถแปลงเป็นสัตว์ทั้งหลายตามตระกูลและประเภทที่ตัวเองสังกัดอยู่ตามสายเลือด

 
โดยอมนุษย์จะอาศัยอยู่รวมกับมนุษย์ภายใต้กฎระเบียบข้อบังคับต่างๆอย่างเคร่งครัด


ซึ่งผมเป็นหนึ่งในอมนุษย์ ประเภทนักล่า ตระกูลสุนัขจิ้งจอก


ผมเป็นสายพันธ์สุนัขจิ้งจอกแดงที่ขนานนามว่าอยู่ในสายพันธุ์จิ้งจอกที่สวยที่สุด


ผมเป็นเพียงอมนุษย์ธรรมดาๆ ที่ใช้ชีวิตปกติประจำวันเหมือนๆกับมนุษย์ปกติทั่วไป ใช้ชีวิตวัยรุ่นธรรมดา เรียน เที่ยว กิน ก็แสนจะปกติ


“ช้า” ผมเอ่ยเมื่อร่างบางของผู้หญิงผู้เป็นเพื่อนสนิทนั่งลงตรงข้ามผม


“อาจาร์ยปล่อยเรทย่ะ” เธอท่าทางฟึดฟัดเหมือนจะไม่พอใจอะไรมา


ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่า อริน เธอเป็นแฝดพี่ของชายอีกคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆผม ซึ่งเขาชื่อว่า อลัน พวกเขาเป็นอมนุษย์ตระกูลเดียวกับผมแต่ต่างสายพันธุ์กัน


อรินเป็นจิ้งจอกครอสซึ่งแยกสายพันธุ์จากจิ้งจอกแดง ส่วนอลันผมยังไม่เคยเห็นร่างเขาในตอนแปลงเป็นจิ้งจอกแต่ก็เดาว่าเขาคงสายพันธุ์เดียวกับอริน

พวกเขาเป็นคะนองตระกูลหลักส่วนผมเป็นคนของทางตระกูลรองทำให้สนิทกันมานานพอควร


“อารมณ์ไม่ดีหรือไง” อลันถาม


“เออสิ เผลอไปได้ยินคำเสนียดหูมา” อรินจิ๊ปากไม่พอใจอยู่หลายรอบ


“พูดไม่เพราะ” ผมเอ็ด


 เธอกรอกตาเล็กๆแต่ก็ไม่ได้ถกเถียงอะไรเพียงแค่กล่าวคำขอโทษแบบลวกๆออกมา ซึ่งผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร


“ไปได้ยินอะไรมา” เป็นผมที่ถามเธอกลับ


“พวกอมนุษย์ปลาหมึกเจ้าเดิมนั่นแหละ นี่ขนาดพวกนางเสนอหน้ามาคุยกับฉันเองนะลับหลังยังเอาฉันไปนินทาว่าร้ายบ้าบอ ทั้งๆที่ไม่เป็นความจริงสักอย่าง ทำไมมีอะไรไม่พูดมาตรงๆก็ไม่รู้ อารมณ์เสีย!” เธอร่ายยาวมือไม้กวัดแกว่งไปมาตามอารมณ์


“สมควร” เสียงของอลันดังขึ้นหลังจากแฝดพี่ของเขากล่าวจบ


“เอ๊ะ! ไอ้เด็กนี่!”


“พอๆ” ผมเอ่ยห้ามเมื่อเริ่มเห็นสงครามเริ่มตั้งเค้าหน่อยๆ


“รินอะไรที่ไปได้ยินถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็ปล่อยๆมันไป” ผมหันไปพูดกับเธอซึ่งเธอก็ดูจะตั้งใจฟังดีไม่ได้ชักสีหน้าหรือถกเถียงกลับมาอย่างที่ควรเป็น “ลันนายก็อย่าไปแหย่รินแบบนั้น”


เจ้าตัวก็พยักหน้างึกหงัก แถมยังเบี่ยงสายตาไปอีกทางแสดงออกค่อนข้างชัดว่าเจ้าตัวไม่พอใจใช่เล่น


“รุยเข้าข้างเธอ”


“นี่ ฉันเป็นพี่นายนะยะ”


ผมพ่นลมหายใจ สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจแยกย้ายกันกลับห้องกันไป


ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมฝาแฝดถึงได้ต่างกันจนสุดขั้วขนาดนี้







“รุย หนาว” พวกเราแยกย้ายกลับห้องของตัวเอง แต่จะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกทั้งหมดเพราะอลันเป็นรูมเมทของผม ส่วนอรินเธออยู่อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งมันคงไม่ดีถ้าผู้หญิงคนเดียวอย่างเธอจะมาอยู่ร่วมกับพวกผม


เราทั้งสามสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมจึงทำให้ผมรู้จักนิสัยของฝาแฝดดี


เขาไม่ได้เหมือนที่คนภายนอกมองเห็น


หากได้รู้จักก็จะรู้ว่าพวกเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง


“เพิ่มแอร์สิ” ผมหันไปมองอลันที่กำลังกอดคอผมพร้อมกับซบหน้าลงมาบนไหล่


“อือ” แต่คำตอบของเขากลับเป็นเสียงครางรับแถมยังดูอิดออดไม่มีแรงอีกต่างหาก ตัวก็ทั้งโตทั้งสูงกว่าผมมากโขแล้วแท้ๆ
แต่นิสัยก็ยังคงเดิม


ผมค่อยๆปลดแขนของคนตัวสูงกว่าที่โอบรอบคอผมออกและเดินไปหยิบรีโมทแอร์กดลดแอร์ตามความต้องการของเจ้าของห้องอีกคน


“รุย”


“หืม”


“กอดหน่อย”


“อะไรเนี่ย”


ผมเลิกคิ้วสงสัย แต่อลันก็ยังไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาเพียงแค่อ้าแขนรับให้ผมเดินเข้าไปกอด ผมที่เห็นแบบนั้นก็เผลอยิ้มออกมาและก็เดินเข้าไปให้เขากอดอย่างช่วยไม่ได้


“วันนี้สนใจแต่ยัยริน”


“ลัน!” ผมดุ


“รุยสนใจแต่ริน”


“ก็วันนี้รินดูอารมณ์ไม่ดี”


“ตอนนี้ลันก็อารมณ์ไม่ดี


“หืม”


“สนใจลันสิ”


คำพูดที่ทำเอาผมไปไม่เป็นของอลัน ต่อให้ตอนเด็กๆเขาจะขี้อ้อนขนาดไหนก็เถอะแต่พอโตมาขนาดนี้แล้วเขาจะไม่ปรับเปลี่ยนนิสัยแบบนี้ของเขาหน่อยหรือ


ตัวก็โต สูงก็สูง ตาก็ดุเสียขนาดนั้น


พอมาพูดอะไรแบบนี้แล้วมันดูขัดตาสุดๆ


แต่เอาเถอะ....


เขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว


“จิ้งจอกเนี่ยควรทำตัวแบบนี้ไหม” ผมพูดติดตลก


“ลันแค่อยากทำกับรุย..คนเดียว” คำพูดของเขาแผ่วเบาจนผมได้ยินเหมือนเสียงกระซิบแผ่วๆแทน


ผมเงยหน้าออกจากอ้อมกอดของอลัน “เมื่อกี้ลันพูดอะไรหรือเปล่า”


“เปล่า”


“เหมือนได้ยินอะไร...”


“หิวข้าว”


“อ๋อ รอแปปนะเดี๋ยวรออุ่นกับข้าวแป๊ปนึง” ผมรีบกุรีกุจอไปที่ตู้เย็นหยิบอาหารที่เหลือไว้เมื่อเช้ามาอุ่นให้ดี และคิดไว้ว่าจะทำอย่างอื่นเพิ่มอีกซักอย่างสองอย่าง “เดี๋ยวทำไปเผื่อริน”


รายนั้นยิ่งไม่ชอบทำอาหารเลย....ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงแท้ๆ


“อือ”


ไม่นานผมก็ทำอาหารเสร็จ
 แต่ดูเหมือนผมที่ต้องเผื่อแผ่นำอาหารไปให้รินที่ชั้นล่างจะไปไม่ได้เมื่อแฝดคนน้องงอแงไม่ยอมให้ผมไปไหน ทำให้ฝั่งแฝดพี่อย่างรินต้องขึ้นมาทานอาหารที่ห้องผมเอง


“ทำไมหน้าบึ้ง” ผมเอ่ยถามเมื่อรินนั่งลงบนเก้าอี้เราทั้งสามกำลังทานอาหารเย็นกันอยู่


“ลำไยมนุษย์ปลาหมึก” เธอเบ้ปาก “ไม่รู้จะแซะไปถึงไหนบรรพบุรุษพวกนางเป็นเกรียงแซะเครปเหรอ”


“ขี้บ่น”


“ไอ้ลัน!”


“น่ารำคาญ”


“ฉันเป็นพี่แกนะ!!”


“พอเลยทั้งคู่ ทานข้าวได้แล้ว” ผมพ่นลำหายใจสุดท้ายก็ต้องมาสงบศึกของฝาแฝดอีกจนได้ ทำไมถึงนิสัยต่างกันขนาดนี้นะ


“เฮ้อ...ต้องขอบคุณอาหารของรุยนะที่ทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นเนี่ย” อรินยิ้ม


“แบบนั้นก็ดีแล้ว”


“ฉันละเบื่อ”


“ทำไมรินถึงคบกับคนพวกนั้นอยู่ล่ะ”


“ฉันไม่ได้คบแต่พวกนางเสนอหน้ามาคุยด้วยเอง ในคลาสฉันแทบไม่มีคนคุยกับฉันเลยมั้ง นอกจากพวกนางสามตัวเนี่ยแหละติดหนึบสมชื่อปลาหมึกจริงๆ” เธอพ่นลมหายใจยาวพรืดทำเอาผมแอบขำไม่ได้


“อยากแอบไปกัดพวกเขาล่ะ” ผมเตือน


“จะเหลือเหรอ” อลันแทรกขึ้น


“เหอะ!” อรินแค่นหัวเราะแบบขอไปที


“แสดงว่าทำไปแล้วเหรอ”


“พวกนางมายั่วฉันเอง”


“อริน” ผมเรียกเธอเสียงต่ำลงหรี่ตามองเธออย่างคาดโทษ “มันไม่ดี”


“หน่าๆ แค่สนุกๆนิดๆหน่อย”


“เฮ้อ...อย่าทำอีกละ”


“จ้าๆ รุยเนี่ยคนดีจริงๆ”


“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” อย่างผมไม่ได้เรียกว่าคนดีหรอก ที่ผมเตือนเธอก็เพราะหากทางฝ่ายนั้นเอาเรื่องขึ้นทั้งหมดนั่นน่ะจะส่งผลไปถึงตัวอรินโดยตรง โดยกฎของอมนุษย์บนโลกแล้วบทลงโทษของเธออาจจะทำให้เธอถูกจำกัดพื้นที่เลยก็ได้


“ลันออกไปก่อน ขอเก็บจานก่อน” ผมหันไปบอกอลันที่กำลังโอบรอบเอวและซบหัวลงมาที่ไหล่ผมอย่างเจ้าตัวชอบทำ แต่ตอนนี้ผมไม่ว่างอยู่เพราะฉะนั้นตามใจเขาอย่างที่เคยไม่ได้หรอก


“อยากซบนักก็มาซบไหล่ฉันเป็นไง” อรันเดินเข้ามาอ้าแขนรับน้องชาย ซึ่งอลันก็เบือนหน้าหนีแถมยังเดินหนีไปทางอื่นทำเอาอรินเบ้ปากใส่


ผมก็ทำได้แต่หัวเราะแห้งๆให้กับคู่แฝดเท่านั้น






“ลันจะไปนอนห้องรินเหรอ” ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตัวสูงเดินออกจากห้องไปพร้อมกับอริน แต่คำตอบที่ได้เป็นการส่ายหน้าปฏิเสธของเจ้าตัวจึงทำให้ผมงงเข้าไปใหญ่จนแฝดคนพี่ต้องออกมาพูดอธิบายเอง


“ไอ้ลันมันไปเอาของห้องฉัน แป๊ปนึงนะ” ผมพยักหน้ารับและปิดห้องโดยไม่ได้ล็อกเพื่อให้อลันเปิดเข้ามาได้สะดวก




เดินลงมาถึงห้องของแฝดคนพี่หน้าประตูห้องอรินก็หันหลังพิงกับประตู เอ่ยกับน้องชายฝาแฝดของตน


“แกคิดจะทำแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่” ไร้ซึ่งการตอบสนองของชายหนุ่ม จนคนเป็นพี่ถึงกับถอนหายใจ


ปวดหัวกับอมนุษย์ปลาหมึกไปหมาดๆก็ต้องมาปวดหัวกับน้องชายตัวเองต่อ


ให้ตาย ชีวิตเธอนี่มันดีจริงๆ


“แกคิดว่าแสดงออกไปแบบนั้นรุยจะรู้เหรอ” ไร้การตอบกลับของอลันเช่นเคย “แกควรทำอะไรที่มันดีกว่านี้ไอ้ลัน”


“อืม”


“ระวังจะโดนคาบไปแดก” เธออดจะพูดไม่ได้เสียจริงๆ เรื่องของน้องชายทำให้เธอรู้ว่าแค่หน้าตาดีอ่อยนั่นอ่อยนี่มันไม่ทำให้รักสมหวังจริงๆดูในกรณีของน้องชายเธอสิ


หล่อก็หล่อ


อ่อยขนาดนั้นเจ้าตัวยังไม่รู้เลย


ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเขาความรู้สึกช้าหรือน้องชายเธอมันโง่ อ่อยไม่โดนจีบไม่ติดหรือเปล่า


“แกไม่เหมือนคนอื่นนะลัน” เธอย้ำอีกครั้ง


“อืม”


“ระวังเถอะ แกจะเสียใจ” เธอพูดออกไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับน้องชายทั้งสิ้น อลันได้ฟังอย่างนั้นแล้วจึงพยักหน้าหงึกหงักและโบกมือลาเดินตรงกลับห้องของเจ้าตัว


เธอมองตามแผ่นหลังกว้างของน้องชายและก็อดหัวเสียไม่ได้ ถึงจะเป็นแฝดแต่น้องชายช่างต่างกับเธอลิบลับ


เธอก็คิดภาพไม่ออกเหมือนกันว่าคนอย่างอลันจะแสดงออกมารักกับรุยในรูปแบบไหน และสิ่งที่เขาทำจะไม่ทำให้รุยเสียใจ


ในเมื่อรุยนั้นเชื่อมั่นสิ่งที่เรียกว่า...เพื่อน


จนเกินไป...


แต่นั่นอาจจะเป็นความกังวลจิปาถะของเธอก็ได้ ซึ่งเธอก็หวังให้เป็นแบบนั้น








จริงๆเรื่องนี้ก็ไม่เครียดเท่าไหร่(?)แต่ทำไมมันดูเครียดตั้งแต่เริ่มเลยอ่ะ55555555
มาก่อนกำหนดการจริงตั้ง 3 วัน คึกมาก
พาน้องรุยมาให้รู้จักกัน~~~
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Fox ตอนที่ 1「121017」
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-10-2017 20:47:33
เพื่อนสนิท..คิดไม่ซื่อ   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Fox ตอนที่ 1「291017」
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 29-10-2017 18:03:16
#1


“เดี๋ยวก็โดนว่าหรอก” ผมพยายามงัดคนตัวใหญ่กว่าที่ตอนนี้ทำเหมือนไม่รู้ไม่สนนอนพิงลงมาที่ไหล่ของผมอย่าไม่แยแสสายตามีมองมา สำหรับเพื่อนๆผมไม่สนหรอกแต่นี่เราอยู่ที่คลาสเรียนและที่สำคัญตอนนี้เรากำลังเรียนแถมยังไม่เลิกด้วย


“ง่วง” เสียงเนือยๆจากคนที่พิงเข้ามาบ่งบอกว่าเขานั้นไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว


และก็เป็นแบบนั้นจวบจนหมดคาบทำให้คนขี้เซาข้างๆลืมตาตื่นขึ้นมาได้  มิวายยังอ้าปากหาววอดๆไม่อายเช้าบ้านกันโต้งๆแบบนั้นอีก


“อลัน...เราทำขนมมาให้”


หืม... ผมหันไปตามเสียงผู้หญิงที่เรียกคนข้างๆตัวผม เจ้าตัวทำหน้าไม่รับรู้อะไรแต่ก็มีมารยาทตอบกลับไป


“ให้รุย”


“เอ๋..”


“ฝากไว้กันเราก็ได้ ตอนนี้เขาเพิ่งตื่นอาจจะงวยเงีย” ผมขันอาสาแทนทำเอาสาวเจ้าอ้ำอึ้งๆสักพัก แต่ผมยังคงยิ้มเพื่อให้เธอวางใจเธอจึงส่งขนมในมือมาให้ผมในที่สุด


“ฝากด้วยนะรุย”


“อืม”


ผมพ่นลมหายใจยาวเมื่อสาวเจ้าเธอจากไป ทอดสายตามองไปยังคนขี้เซาที่เดี๋ยวเดียวก็ฟุบหลับลงไปอีกแล้ว


“ลัน...ตื่นได้แล้ว กลับกันเถอะ” ผมเขย่าเจ้าตัวเบาๆสองสามทีจนเจ้าตัวรู้สึกตัวตื่น มีส่งเสียงฮึดอัดรำคาญออกมาเบาๆแต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มบางอย่างเอ็นดู


ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ


ผมโทรไปหาอรินถามไถ่เธอว่าเลิกเรียนหรือยังตามปกติ แต่ดูเหมือนคราวนี้เธอมีเรียนต่ออีกหน่อยนั่นทำให้ผมและอลันต้องกลับห้องไปก่อนส่วนเธอจะกลับเองตามมาทีหลัง


ผมกะว่าพอถึงเวลาเธอเลิกเรียนไปสักหน่อยคงโทรเช็คสักรอบให้แน่ใจ ผมเหลือบไปเห็นอลันที่เดินไปวางกระเป๋าสะพายไว้ที่โซฟาอย่างลวกๆทำเอาผมเอ็ดตามหลังเป็นไม่ได้


“เก็บให้เป็นที่ด้วยสิลัน” สิ้นเสียงของผมเจ้าตัวก็ย่นจมูกเล็กๆไม่พอใจแต่กลับทำตามคำผมสั่งอย่างว่าง่าย หากเปรียบเขาจากจิ้งจอกเป็นแมวได้เขาคงเป็นแมวเชื่องๆขี้เซาโดนบ่นนิดโดนบ่นหน่อยก็ไม่พอใจแต่สุดท้ายก็ยอมทำตามและยอมจำนน


น่ารัก


ผมเก็บข้าวของขอเสร็จจึงเข้าไปอาบนน้ำให้เรียบร้อย จึงออกไปเตรียมกับข้าวให้คนตัวใหญ่ที่นั่งหน้าหงออยู่หน้าทีวีดู


เหมือนเจ้าตัวจะหิวเสียแล้วสิ


“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมลัน”


“ข้าวตุ๋น”


“งั้นรอแปปนึ่งนะ” ผมยิ้มและหันมาเตรียมของเพื่อที่จะทำอาหาร


สักพักหนึ่งผมเริ่มรู้สึกได้ที่เอวเริ่มมีมือของใครอีกคนลอบเข้ามาและโอบกอดผมไว้หลวมๆ ความรู้สึกหนักๆบริเวณคางทำให้ผมเดาได้ไม่ยากว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น


“ลันแบบนี้ทำไม่ถนัดนะ”


“อืม”


“ลัน”


“อยากอยู่แบบนี้”


“อยู่แบบนี้ก็ทำอาหารไม่ได้สิ”


ผมเอ็ดแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะฟังความไม่เข้าหูแถมยังพยายามซุกเข้ามาที่ต้นคอผมมากขึ้นอีกด้วย


“ลัน”


“รุย”


“เป็นอะไร”


“อยากอยู่ใกล้ลัน”

“ปกติก็อยู่ใกล้กันทุกวันนี่”


“อยากอยู่แบบนี้” สีหน้าของอลันดูเศร้าลงทันตาเมื่อเขาเอ่ยคำพวกนั้นออกมา แววตาดูหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด มันไม่ใช่การอ้อนในแบบของลันเหมือนทุกครั้ง


มันต่างกันออกไป


“มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามน้ำเสียงเป็นห่วง


“เปล่า”


“ลัน”


“รุยทำอาหารเถอะ” จากนั้นเจ้าตัวก็ละมือกลับเดินออกจากผมตรงไปยังห้องน้ำ เสียงฝักบัวภายในห้องน้ำดังขึ้นเบาๆทำให้ผมรับรู้ว่าคนตัวสูงบัดนี้อาบน้ำอยู่ภายในห้องนั้น


แปลกจริงๆด้วย






ผมลงมาหาอรินที่ชั้นล่างโดยอาศัยโอกาสที่อลันหลับไปแล้วแอบออกมาจากห้อง ผมกดกริ่งรออรินอยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงเธอผ่านบานประตูเธอคงเห็นผมได้จากตาแมวนั่นแหละ


“มีอะไรเหรอรุย” อรินเปิดประตูออกมาถามด้วยใบหน้าสงสัย


“มีเรื่องจะคุยด้วย รบกวนหรือเปล่า” ผมถาม


“ไม่อ่ะ เข้ามาสิ” อรินกวักมือเรียกผมให้ตามเข้าไป ห้องของเธอไม่มีอะไรมากเพราะเป็นห้องที่ผู้หญิงอาศัยอยู่คนเดียวแถมเธอยังไม่มีนิสัยชอบตกแต่งอะไรมากมาย


“ทำไมมาเรียกดึกดื่นๆแบบนี้ แล้วเจ้าเด็กนั่นล่ะ”


“หลับแล้ว” เด็กนั่นในความหมายของเธอก็คงหนีไม่พ้นอลัน


“แล้วมีอะไร”


“วันนี้อลันดูแปลกๆ”


“มันก็แปลกของมันทุกวัน”


“ริน”


“เฮ้อ...ยังไงล่ะ”


“ไม่รู้สิ ดูสีหน้าจะหม่นๆลง”


อาจจะเป็นเพราะผมรู้จักกับเขามาตั้งแต่เด็กๆละมั้ง ถึงทำให้ผมสังเกตเห็นความผิดปกติของอลันได้เร็วกว่าคนอื่นๆ


“หืม...” อรินเผยรอยยิ้มบางๆออกมา “จิ้งจอกมันมีหลายประเภทนะรุย”


“...”


เธอต้องการสื่ออะไร


“อย่างฉันเป็นประเภทมุทะลุกล้าได้กล้าเสีย บางประเภทดุร้ายและร้ายกาจจนนับมือไม่ไหว แต่มีบางประเภทที่มันจะซุ้มรอเหยื่อ เล่นกับเหยื่อและค่อยฆ่าให้ตาย เป็นจำพวกเจ้าเล่ห์เพทุบายในทุกการกระทำ”


“อริน”


“คิดว่าหมอนั่นเป็นแบบไหนกันล่ะ?”


“ว่าเขาทางอ้อมสินะ” ผมพ่นลมหายใจเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอ ผมเข้าใจสิ่งที่อรินพยายามจะสื่อแต่ดูจากกระอธิบายแล้วเหมือนเจ้าตัวจะแอบว่าน้องชายทางอ้อมมากกว่า


จะบอกว่าอลันทำตัวแปลกๆเพราะความเจ้าเล่ห์เพทุบายหรือ ผมว่าคงไมม่


“ฮะๆ ตระกูลหลักน่ะมีจิ้งจอกประเภทเดียวกับลันเยอะเลยล่ะ”


“...”


“ระวังตัวไว้ล่ะรุย”


ผมสบตาเธอไม่ละเช่นกันกับอรินที่ยังสบตาผมอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน “อา...มีเรื่องที่ฉันต้องถามนายเหมือนกัน”


“หืม”


“ลองสมมุติดูนะว่ามีสิ่งๆหนึ่ง นายรักมันมากแต่รูปภายนอกไม่สิ่งแท้จริงนายจะว่ายังไง”


“อธิบาย” ผมขมวดคิ้วเป็นปมแน่น อรินพยายามจะสื่ออะไรกัน


“ง่ายๆก็คือสิ่งที่นายเห็นมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่นายเห็น นายจะยังรักสิ่งๆนั้นอยู่รึเปล่า”


“ฉันคิดตัวเองคงมั่นคงพอ พอที่จะรักมัน ไม่ว่างจะเป็นยังไงในเมื่อฉันจะปักใจและซื่อตรงต่อคำว่ารักกับสิ่งๆนั้น ฉันเองคงไม่เปลี่ยนใจ”


“งั้นก็ดีแล้ว กลับได้แล้วรุยป่านนี้เด็กนั่นตื่นมาไม่เห็นนายคงร้องไห้งอแง”


“อืม”


“เจอกัน” อรินโบกมือลาก่อนที่ผมจะออกจากห้องของเธอมาตรงกลับห้องตัวเอง




แผ่นหลังของร่างโปร่งเดินจากไปทิ้งเพียงประโยคที่ยังตราอยู่ในใจของหญิงสาว


“ฉันคิดตัวเองคงมั่นคงพอ พอที่จะรักมัน ไม่ว่างจะเป็นยังไงในเมื่อฉันจะปักใจและซื่อตรงต่อคำว่ารักกับสิ่งๆนั้น ฉันเองคงไม่เปลี่ยนใจ”


งั้นเหรอ


คำตอบแสนซื่อแต่ดูฉลาด


เธอระบายยิ้มพึงพอใจออกมา นานแล้วเหมือนกันที่เธอไม่ได้ยินแบบนี้ออกมาเลย จากการลองใจกลายเป็นได้คำตอบที่แสนระเริงหูกลับมาแบบนี้มันก็คุ้มไม่น้อยเหมือนกัน

แถมเธอยังตั้งใจแสดงพิรุธออกไปให้อีกคนจับผิดได้ง่าย แบบนี้คงมีอะไรสนุกๆให้ดูเร็วๆแถมยังได้ปั่นหัวน้องชายตัวแสบทางอ้อมอีกด้วย


กำไรเห็นๆ


สำหรับจิ้งจอกทั่วไปเล่ห์กลนั้นหลักเหลี่ยมหลากหลายตัวพึงจะมีมันแต่สำหรับจิ้งจอกบางตัว ความหลักเหลี่ยมมากเล่ห์อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องมีแต่ความจริงใจและความมั่นคงนั้นอาจจะเป็นสิ่งต้องขวนขวายหาใส่ตัวมากกว่าก็เป็นได้

หญิงสาวนึกคิดอยู่ในใจ คำพูดนี้ชายหนุ่มจิ้งจอกเพื่อนสนิทของเธอได้ทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเธอโดยแท้


ดูเหมือนน้องชายเธอตบะแตกเก็บอาการอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่จริงๆ แสดงว่าที่เธอลั่นคำไปเมื่อคราวนั้นยังคงอยู่ในโสตประสาทเจ้าตัวอยู่บ้าง....




ผมกลับมาถึงห้องอขงตัวเองแต่พอเปิดประตูออกมาไฟภายในห้องนั้นกลับเปิดสว่างทั้งๆที่คนที่สำควรจะหลับใหลอยู่ตอนนี้นั่งไขว่หางแสดงสีหน้าไม่พอใจอยู่บนโซฟา


“ลัน” ผมเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว


“ไปไหนมา”


“ห้องริน”


“ทำไมถึงแอบไป” ผมเงียบแทนการให้คำคอบ ผมจงใจแอบหนีเขาเพื่อไปปรึกษาอรินเพราะไม่อยากให้อลันเข้ามาห้ามเพื่อการนั้นเลยต้องแอบหนี


ผมรู้หากเขารู้เข้าคงจะโกรธแน่ๆ


แต่ผมดันทำมันไปแล้วนี่สิ


“ขอโทษ” การขอโทษคงเป็นการดีที่สุด


“ทีหลังจะไปก็บอกดีๆไม่ต้องเห็นแอบ” อลันพ่นลมหายใจยาวเขาเดินเข้ามาโอบกอดผมเอาไว้ ผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เปารดอยู่บริเวณกระหม่อม “ตื่นมาไม่เห็นรุย นึกว่าจะเป็นอะไร”


“ที่นั่งแบบนั้นคือนั่งหัวเสียรึเปล่า”


“อือ”


ผมไม่เคยเดาเกี่ยวกับตัวเขาผิดสักครั้งเดียว


อลันก็ยังเป็นอลัน


ผมนึกทบทวนสิ่งที่ได้พูดคุยกับอรินเมื่อครู่ ที่เธอพยายามสื่อมาคงจะมีอะไรเกี่ยวกับอลันแน่นอนพวกเขาทั้งสองอยู่ในตระกูลหลักแต่หาไม่ใช่ลูกหลานของผู้นำตระกูลแต่ถูกเชิญเข้าไปเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งแน่นอนหากอรินว่ามาแบบนั้นแล้วก็คงจะตรงตามกับสิ่งที่ผมคิด


ผมว่า ผมคงคิดไม่ผิดหากอรินยกเรื่องจิ้งจอกและจิ้งจอกในตระกูลมาพูด แถมยังมีเรื่องที่เธอลองถามผมนั่นอีก
ผมรู้ว่าเธอกำลังจะพิสูจน์หรือทดสอบอะไรบางอย่าง


สีหน้าของเธอมันบอกแบบนั้น หนำซ้ำนัยน์ตาของเธอมันยังยิ่งชัดเจน


“นอนได้แล้วนะ” ผมยิ้มจูงมืออลันกลับไปที่ห้องนอนของเขา


“จะนอนกับรุย”


“หือ”


“ไถ่โทษที่ทำให้ลันโกรธ”


“แบบนั้นก็ได้” ผมยิ้ม


สุดท้ายก็ต้องมาลงเอยที่ห้องนอนผมเพื่อเป็นการไถ่โทษของตัวเอง แล้วนี่เป็นการลงโทษแบบไหนกัน?


ผมล้มตัวลงนอนตามด้วยอลันที่แทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มและดึงตัวผมเข้าไปกอดจนตอนนี้หน้าผมแทบจะจมอกเขาอยู่แล้ว


“ทำแบบนี้สาวๆหายแย่”


“อืม”


ผมยิ้มอีกครั้งก่อนที่อลันจะเอื้อมมือไปปิดไฟตรงหัวนอนฝั่งผม


เขากระชับอ้อมแขนให้แน่นกว่าเดิมจนตอนร่างกายของพวกเราสองคนแทบจะกลืนกันเป็นคนๆเดียวอยู่แล้ว


ดูจะอึดอัดไปหน่อย แต่ก็สบายและอุ่นใจ


พวกเรานอนค้างอยู่ในท่านั้นนิ่งแต่ภายในคือนั้นนอกจากสัมผัสจากแขนทั้งสองของอลันแล้ว ผมกลับรู้สึกได้ว่ามีอะไรพาดมาระหว่างช่วงเอวและตัวมากกว่านั้น…








คือโดยรวมมันก็ไม่มีอะไรเป็นแง่เป็นเงื่อนงำหรอก แต่น้องรุยพาให้มีเฉยๆอ่ะ....
อลันเป็นตัวอะไร...ปลาหมึกรึเปล่า....?
น้องรุยเป็นคนฉลาดแต่บางเรื่องน้องก็ไม่เลย555555
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Fox ตอนที่ 1「291017」
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-10-2017 21:33:23
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Fox ตอนที่ 2「061117」
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 06-11-2017 19:46:06
#2


วันนี้วันเสาร์ ผมกับอลันจึงพากันเดินห้างเพื่อพักผ่อน ส่วนอรินเธอขอผ่านเพราะไม่อยากออกไปไหนมากกว่าการนอนอยู่บนเตียงในห้องของเธอ


“ลันอยากกินอะไร” ผมหันไปถามคนตัวสูงข้างตัว


“รุย”


เขาพูดอะไรนะ เสียงของเขามันแผ่วมากจนเหมือนเขาทำปากขมุบขมิบอะไรซักอย่าง


“ว่าอะไรนะลัน”


“รุย”


“เรียกเราเหรอ”


“เปล่า”


“แล้วเมื่อกี้?” เขาเรียกผมไม่ใช่หรือ


“ไปดื่มกาแฟกัน” ลันเดินนำผมตรงไปที่คาเฟ่ใกล้ๆบริเวณนั้น


ร้านคาเฟ่แห่งนี้ตกแต่งโทนดาร์กๆมองดูรอบๆแล้วให้ความรู้สึกเหมือนจมดิ่งลงไปทั้งๆแบบนั้น


ดูๆแล้วฟีลก็เหมือนคนข้างๆตัวผมนี่แหละ


“หน้าซีดๆนะลัน” ผมทักขึ้นทำเอาคนที่นั่งตรงข้ามเลิกคิ้วแปลกใจ


“เหรอ”


“อืม”


“เดินตากแอร์ก็แบบนี้แหละ”


ผมพยักหน้าตาม สีหน้าของอลันทำเอาผมอดเป็นห่วงไม่ได้แต่ปากเจ้าตัวบอกไม่เป็นไรก็คงไม่เป็นอะไร เพราะปกติอลันก็ไม่ใช่คนล้มป่วยอะไรง่ายๆด้วย...ละมั้ง


“เพิ่งรู้ว่าลันชอบกินเค้ก”


ปกติไม่เคยเห็นเจ้าตัวกินเค้กหวานๆแบบนี้ ขนาดกาแฟยังสั่งอเมริกาโน่มาดื่มเลยแท้ๆ


“อืม” เจ้าตัวครางตอบ “วันนี้อยากกิน”


“แปลกๆนะ” ผมแซ็วอย่างขำๆ


“คงงั้น”

“รุยอ้าปาก”

“หืม” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า เจ้าตัวตักเค้กของตัวเองเป็นชิ้นเล็กๆใช้ซ้อมจิ้มมันขึ้นมาจ่อบริเวณริมฝีปากของผม

“อ้าปาก” ผมรับคำอย่างว่าง่ายรับเค้กชิ้นพอดีคำเข้าปากไป

“ขอบคุณครับ”


พวกเราใช้เวลาดื่มกาแฟไม่นานนักก็หันมาเลือกซื้อเสื้อผ้าและของใช้จิปาถะกัน


ผมที่ยืนเลือกเสื้อผ้าอยู่โดยมีอลันเดินตามหลังอยู่ เจ้าตัวก็ยังคงเสน่ห์อย่างคงเส้นคงว่ามีสาวๆเหล่มองตามเป็นแถบๆ


“สาวๆมองใหญ่เลย” ผมเองก็อดที่จะแซ็วเขาไม่ได้
“อืม ช่างเถอะ”


“เสียงดูเหนื่อยๆนะ”


“รุยคิดไปเอง”


ผมพ่นลมหายใจ โอเค เอาเป็นว่าผมคงคิดไปเองนั่นแหละ


“ลันว่าสีไหนโอเค” ผมถือเสื้อแขนยาวสองตัวยกขึ้นเทียบให้อลันตัดสินใจช่วย มีสีเขียวเยี่ยวม้ากับสีแดงเลือดหมูที่ผมยังติดสินใจเลือกไม่ได้


นี่ก็ใกล้จะเข้าหน้าหาวแล้วอากาศเริ่มเย็นลงแล้วด้วย ถึงจะเป็นในกรุงแบบนี้ก็ควรจะเตรียมตัวไว้ก่อน


ถึงจะเป็นอมนุษย์จิ้งจอกแต่ก็ใช่ว่าตอนเป็นร่างมนุษย์จะมีขนปกคลุมร่างกายอยู่ตลอดเสียหน่อย


“แดง”


“อืม...” ผมยกตัวสีแดงขึ้นมาเทียบบริเวณตัวดู


“รุย..” อลันเดินเข้ามาใกล้เรียกชื่อผมเสียงแผ่ว


“ลัน! ทำไมเหงื่อเต็มหน้าแบบนั้น” ผมว่าอย่างตกใจ เมื่อครู่ผมมัวแต่สนใจเสื้อผ้าจนไม่ได้หันมาดูอลัน จนตอนนี้เจ้าตัวใบหน้าชุ่มเหงื่อเต็มไปหมดทั้งๆที่แอร์ภายในห้างเย็นช่ำแท้ๆ


ผมยื่นมือหมายจะจับแขนอีกฝ่ายแต่อลันกลับถอยออกห่าง


“ลัน!”


“รุย...กลับ” เสียงนั้นขาดช่วงแผ่วจนผมตกใจ อลันใบหน้าซีดเผือกจนหน้ากลัว นั่นทำให้ผมไม่รีรอรีบพาอลันออกจากห้างไปที่จอดรถโดยทันที


แต่ที่ห้างจนถึงที่จอดรถเขากลับไม่ยอมให้ผมแตะต้องตัวเขาเลย


“ไปโรงบาลกันเถอะ”


“ไม่!!” เสียงปฏิเสธกร้าวของอลันทำผมตกใจ หันไปปะทะกับอมนุษย์จิ้งจอกที่เดินตามหลังมา


“แต่ลันไม่สบายนะ”


“โทรหายัยนั่น กลับห้องกัน”


“แต่โทรหาริน ยังไงรินก็ให้เราพาไปโรงบาลอยู่ดี” ผมแย้ง


“รุย ลันขอ” ผมขมวดคิ้วชั่งใจอยู่นานสุดท้ายก็ต้องขึ้นรถและมุ่งตรงกลับคอนโดโดยระหว่างทางผมต่อบรูทูธโทรหาอริน


“ฮัลโหล ริน!!”


[เสียงดังทำไมเล่า!]


“ลันแย่แล้ว!”


[ห๊า!?]


“อยู่ๆเขาก็ดูไม่ค่อยดี ฉันจะพาไปโรงบาลก็ไม่ยอมบอกให้โทรหาเธอ”


[อะไรนะ! เด็กเวรนั่นมันคิดอะไรอยู่! ฉันไม่ใช่หมอบอกมันไป!!]


“ลันเราว่าไปโรงบาลกันดีกว่านะ” เมื่อได้ยินปลายสายว่าแบบนั้นผมจึงหันไปเกลี้ยกล่อมคนที่นั่งข้างๆอีกครั้ง ตอนนี้เขานอนพิงไปกับเบาะรถร่างกายที่อ่อนล้าเหงื่ออกชุ่มร่างไปหมด


ตัวเริ่มขาวซีดจนหน้ากลัวนั่นยิ่งทำให้ผมใจไม่ดี


“พี่เวร..” เสียงแผ่วเหมือนพึมพำอะไรสักอย่างของอลันไม่ได้ทำให้ผมใส่ใจกับมันเท่าไหร่ ในขณะที่ผมกำลังหักพวกมาลัยเลี้ยวไปทางโรงพยาบาลเสียงแหลมจากหญิงปลายสายก็แทรกขึ้น


[เดี๋ยว! รุยวันนี้วันที่เท่าไหร่]


“ทำไมริน”


[บอกมาก่อนรุย!]


“9 กันยาไง” ผมต้องข่มใจให้เย็นลงและค่อยๆตอบเธอไป


[ไม่ต้องไปโรงบาลรุย!! พามันกลับคอนโดส่งมันมาห้องฉัน!!!!]เสียงจากอรินทำให้ต้องหยุดชะงักก่อนจะหักเลี้ยวไปอีกทาง ผมค่อยๆพารถจอดเทียบข้างทางสักครู่เพื่อคุยกับปลายสายที่ตอนนี้เหมือนเธอกับผมคงต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อนเสียแล้ว


“แต่ริน ลันป่วยนะ!” ผมแย้ง


เหลือบไปมองคนคนตัวสูงที่อาการเริ่มไม่สู้ดียิ่งกว่าเดิม


[รุย! ฟังฉัน...ถ้านายไม่อยากให้ลันเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตารีบพาหมอนั่นมาห้องฉัน ขอแบบด่วนที่สุด!! ]


ติ๊ด!!!


เจ้าตัวตัดสายทันทีทำเอาผมความคิดในหัวผมตีแย้งกันไปหมด สิ่งที่ผมควรทำคือต้องพาอลันไปโรงบาลให้ด่วนที่สุดแต่สิ่งที่อรินแย้งมากลัยตรงกันข้าม


ผมกำมือแน่นจนเดืองเถือก สุดท้ายผมก็ตัดสินใจพาร่างสูงที่ตอนนี้ดูไม่สู้ดีกลับไปที่คอนโด อรินเธอยืนรอพวกอยู่ด้านล่างอย่างตื่นตระหนกพอเห็นร่างของอลันที่ผมประคองมาเธอก็รีบมาช่วยประคองเอาไว้


ถึงขณะที่ประคองอลันจะทำท่าผละออกจากผมอยู่ทุกครั้งก็ตาม


“อริน...นั่นคนของตระกูลหลัก” ผมทักขึ้นเมื่อเดินมาถึงบริเวณชั้นล่างของคอนโด พวกเขาตรงมาที่พวกผม


“ให้พวกเขาจัดการเถอะรุย” อรินว่า


“หมายความว่ายังไง”


“ทุกอย่างจะเรียบร้อย เชื่อฉัน” ว่าจบเธอก็จับมือผมที่ประคองอลันออกโดยมีคนจากตระกูลหลักอีกสี่ห้าคนเข้ามาช่วยประคองและพาอลันไปยังลานจอดรถของคอนโด


“อริน”


ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้านี้ ไม่เข้าใจแม้กระทั่งอริน


เธอกำลังจะทำอะไรกันแน่...


แล้วทำไมถึงมีพวกตระกูลหลักมาที่นี่


“ทุกอย่างจะเรียบร้อย รุยเชื่อฉันนะ” เธอว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตานั้นสื่อว่าถ้อยคำของเธอออกมาจากใจจริงจนผมได้แต่นิ่งงันเก็บงำความสงใสเอาไว้ภายใน


ชั่วครู่ทั้งอรินและพวกคนจากตระกูลหลักที่พาอลันไปก็เคลื่อนรถออกจากคอนโดไป ผมไม่รู้ว่าพวกเขาจะมุ่งหน้าไปที่ไหน


อลันล้มป่วยกะทันหัน


อรินที่ดูแปลกไป


คนจากตระกูลหลัก


แล้วทำไมทั้งอลันถึงไม่ยอมให้ผมพาเขาไปโรงพยาบาลรวมถึงอริน...


ผมไม่เข้าใจมันเลยสักนิดเดียว


โถ่เอ้ย!


ผมสบถอย่างหัวเสียอยู่ภายในใจ หนทางเดียวที่จะทำให้ผมรู้คือทางไหนกัน?








มันไม่อะไรมากมายหรอกแก เชื่อฉันเด้อ
ตอนหน้าก็กระจ่างใสไม่มีปมไรแล้ว น้องอลันเป็นตัวอะไรเดี๋ยวรู้กัน
ปลาหมึกแน่ๆ เชื่อฉัน
อาจจะมาช้าแต่ก็มานะ ช่วงนี้งานเยอะขอเวลาเคลียร์งานก่อน
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Fox ตอนที่ 2「061117」
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-11-2017 22:58:35
เกิดอะไรขึ้นกะน้องลัน จะกลายร่างอ่อ???  :m28: :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Fox ตอนที่ 3「191117」
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 19-11-2017 18:46:08
#3


ผมทำใจเย็นได้ไม่นาน สุดท้ายแล้วตกเย็นผมจำเป็นต้องขับรถกลับมาที่บ้านตระกูลรองโดยด่วนเพื่อที่จะมาขอคำร้องเข้าตระกูลหลัก


หากโผงผางเข้าไปล่ะก็ไม่มาทางเข้าไปได้แน่นอน มิหนำซ้ำอาจจะเสียเวลากว่าเดิม


“ตามที่ผมว่ามาครับ ขอร้องนะครับคุณอา” ตอนนี้ผมยืนอยู่ต่อหน้ารองผู้นำตระกูลจิ้งจอกของผม ท่านมีศักดิ์เป็นคุณอาของผมเอง


“มันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะบุ่มบ่ามไปแบบนั้น” ผมอธิบายเรื่องที่ผมพบเจอมาในวันนี้ให้ท่านฟังและขอคำอนุมัติจากท่านในการไปตระกูลหลัก ท่านรองผู้นำพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เธอควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางตระกูลหลัก เพื่อนของเธอไม่เป็นอะไรหรอก”


“แต่..”


“แต่ความเป็นห่วงของเธอมันก็ยังทำให้เธอกังวลอยู่ดี ถึงฉันว่าจะว่ายังไงสินะ..” ผมสบตาท่านรองผู้นำที่มีศักดิ์เป็นอา ดวงตาของท่านเรียบเฉยแต่ก็ยังฉายแววเจ้าเล่ห์อยู่นัยน์ๆจนทำให้ผมยากที่จะรับมือ


“ฉันพูดอะไรผิดรึเปล่ารุย”


“ไม่ครับ” ผมพยักหน้ารับ


“เธอก็ยังคงเป็นเธอเสมอ” คุณอาลุกขึ้นจากเก้าอี้ท่านเดินไปหยิบบางสิ่งออกมาจากกล่องไม้ข้างๆโต๊ะทำงานออกมายื่นส่งให้กับผม “บัตรขออนุญาตเข้าตระกูลหลักกรณีพิเศษในนามของฉันเอง”


“แต่แบบนี้...”


“บางทีฉันก็อยากจะลำเอียงสิ่งที่ฉันพอจะทำได้ให้กับเธอนะ”


“...”


“จิ้งจอกแก่อย่างฉันก็อย่างนี้แหละรุย” คุณอายิ้มทำให้ยิ้มรับท่านพร้อมกับก้มหัวขอบคุณเขาและรีบออกจากห้องไปที่รถตรงไปที่ตระกูลหลักโดยเร็ว


พอมาถึงตระกูลหลักอย่างแรกเลยก็แค่การยื่นใบขออนุญาตเพราะผมไม่ได้มากับคนในตระกูล แน่นอนย่อมโดนตรวจสอบเป็นพิเศษ


ผมไม่ค่อยได้มาที่นี่เสียเท่าไหร่จำได้ก็ประมาณปีสองปีก่อนที่มาพิธีเลือกคู่ให้กับท่านผู้นำคนปัจจุบันเท่านั้นเอง


ใช้เวลาพอสมควรผมก็มาถึงตัวบ้านใหญ่ของตระกูลได้ ผมจอดรถและเดินไปกดกริ่ง


“คุณ...” คนที่มาเปิดประตูต้อนรับผมเป็นคุณชวินทร์ เลขาส่วนตัวของท่านผู้นำ


“คุณชวินทร์สวัสดีครับ”


“ครับ คุณรุยไม่ทราบว่ามีธุระอะไรครับ”


“ผมมาหาอลัน”


“งั้นผมก็คงไม่สามารถต้อนรับคุณได้” จบถ้อยคำเหล่านั้นคุณชวินทร์ทำท่าว่าจะปิดประตูไม่ต้อนรับผมเสียให้ได้จนทำให้ผมต้องเอ่ยแทรกขัดขึ้น


“เดี๋ยวก่อนครับ ผมเป็นห่วงอลัน ช่วยอธิบายให้ผมทราบถึงสถานการณ์ทั้งหมดด้วย” สิ่งที่คุณชวินทร์ทำนั้นมันยิ่งตอกย้ำข้อสงสัยนับไม่ถ้วนของผมเข้าไปอีก


เหล่าคำถามมากมายที่พลั่งพรูในหัว


คำถามที่ผมต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง


“ขอบคุณความเป็นห่วงของคุณอย่างมากครับ แต่ทางเราคงรับไว้ได้เพียงความรู้สึก ผมคิดว่าคุณอรินก็คงคิดไม่ต่างจากผมนัก”


“คุณชวินทร์!”


“มีอะไรชวินทร์เสียงดังเข้าไปถึงโถงบ้าน” เสียงดังจากด้านหลังทำใหคุณชวินทร์รีบหันไปโค้งตัวให้ ท่านผู้นำตระกูลจิ้งจอกของพวกผมถามด้วยเสียงเรียบ “รุย..”


“ท่าน...รู้จักผม?” ผมเลิกคิ้วสงสัย


“ฉันได้ยินเรื่องของเธอจากฝาแฝดมามากทีเดียวร่วมถึงอาของเธอด้วย” ท่านยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ผม


“พิธีเสร็จสิ้นแล้วชวินทร์ให้เขาเข้ามาพักเถอะ ต้อนรับแขกนั่นหน้าที่ของนายไม่ใช่หรือ”


“แต่ท่านครับคุณอลัน...”


“มันจะดีกว่าถ้านายทำอย่างที่ฉันว่า หากไม่อย่างนั้นมีหวังอลันได้ฉีกนายเป็นชิ้นๆต่อหน้าตระกูลหลักแน่ๆฉันยังไม่อยากให้เรือนเปื้อนเลือดคนในตระกูลหรอกนะ” คำพูดทีเล่นทีจริงของท่านผมนำทำให้ผมย่นคิ้วสงสัยเป็นปมแน่น


ดวงตาของท่านฉายแววเจ้าเล่ห์ซุกซนโดยเปิดเผยต่างจากรองผู้นำโดยสิ้นเชิง


“คะครับ”


“เดี๋ยวฉันไปนั่งเป็นเพื่อนเธอนะ..รุย”


ทั้งผม คุณชวินทร์และท่านผู้นำตระกูลบัดนี้อยู่ที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ของตระกูลหลัก โดยที่มีผมยังนั่งเกร็งและมีความวิตกกังวลอยู่ในตัวไม่น้อย


ทั้งความกังวลเรื่องของอลัน อริน และทั้งบรรยากาศโดยรอบของตระกูลหลักที่บีบอัดจนร่างเกร็งไปทั้งตัว


“เธอดูต่างจากจิ้งจอกอย่างที่ปักต์บอกจริงๆ” ชื่อของท่านรองผู้นำ


“ครับ?”


“ทั้งๆที่จิ้งจอกนั้นเจ้าช่างหยิ่งยโส ร้อยเล่ห์กล ไม่เป็นอันจะคบค้าสมาคมแท้ๆ แต่นี่แรกพบเธอกลับยอมตามเราง่ายๆถึงขนาดนี้” เสียงของท่านผู้นำติดจะตลกจนผมทำตัวไม่ถูก “เราไม่ได้ว่าเธอหรอก”


“ครับ..”


“เป็นห่วงอลันสินะ”


“เขาเป็นยังไงบ้างครับ” พอได้ยินชื่อของอลันก็ทำให้ผมนั่งใจเต้นไม่เป็นระส่ำอีกครั้ง


“พิธีชำระเสร็จแล้วล่ะ รอฟื้นเดี๋ยวฉันจะพาเขามาหาเธอเอง” ท่านผู้นำยิ้มให้ผม จนผมนั้นโล่งใจ


“ท่านผู้นำ!”


“อย่าหน่าชวินทร์ ฉันไม่อยากทนฟังปักต์มาระบายทุกข์ให้ฟังบ่อยนักหรอกนะ” ท่านผู้นำตระกูลส่ายหน้า “อยากพบเขาไหมล่ะรุย”


“ครับ!” ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ไม่ว่ายังไงผมก็อยากผมเขา


“รออยู่นี่นะ เดี๋ยวฉันจะไปตามเขามาให้”


“ท่านผู้นำ!!” คุณชวินทร์รีบตามท่านผู้นำที่เดินนำออกไป ทิ้งไว้เพียงแค่ผมภายในห้องรับแขกอันกว้างขวางนี่


ถึงจะดีใจแต่ตอนนี้ก็ยังวิตกกังวลไม่น้อย


แถมบรรยากาศในสถานที่แห่งนี้ แปลกๆ ถึงจะเคยมาแต่ผมก็ไม่เคยได้แม้แต่จะสนทนาสังสรรค์อะไรกับใครเลยนอกจากอรินและอลัน


เวลาผ่านไปสักพักแล้วยังไม่มีผู้ใดเข้ามาภายในห้องรับที่ผมเฝ้ารออยู่แห่งนี้ จนผมเริ่มอยู่ไม่สุขจนได้ยินเสียงฝีเท้าของสัตว์ป่าดังเข้ามาใกล้โดยสัญชาตญาณ


เสียงฝีเท้านั่นเร็วมาก แถมไม่มีทางเป็นฝีเท้าจิ้งจอกได้


เสียงนั่นชัดเจนเกินไป


ผมทนอยู่กับที่โดยทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ ผมหมายจะลุกขึ้นไปเปิดประตูแต่ในขณะที่เปิดประตูกลับมีบางสิ่งกระโจนเข้าใส่


“รุย!”


เสียงนี่...


“ลัน..” ร่างสูงของอลันบัดนี้เปล่าเปลือยไร้อาภรณ์ปิดกั้น เข้ากระโจนเข้ากอดผมจนล้มเซไปกองกันทั้งคู่


“รุย..” เขากอดผมแน่นขึ้นในขณะที่ผมก็กอดตอบเขาไม่ปล่อยเช่นกัน


เขาปลอดภัย


เขาไม่เป็นอะไร


ขอบคุณ...


“รุยร้องไห้..” อลันผละออกจากผม ทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวว่าเริ่มมีน้ำใสๆไหลออกจากตาโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด


ดีใจ


ดีใจจนร้องไห้


กลั้นไว้ไหวเลยจริงๆ


“อืม ช่างมันเถอะ” ผมยิ้มพร้อมคว้าคนตัวโตกว่ามากอดไว้อีกครั้ง


“อลัน!!!” เสียงแหลมปรี้ดของผู้หญิงนั่นผมจำได้ดี


เสียงของอริน แถมยังใกล้เข้ามา


“ปล่อยตัวออกจากรุยเดี๋ยวนี้นะ!” เธอรีบวิ่งปลี่เข้ามาภายในห้องแต่นั่นทำเอาผมตกใจ แต่ในขณะนั้นร่างสูงที่กำลังกอดผมไว้อยู่นั่นกลับมีแสงสว่างวาบชั่วครู่


ร่างมนุษย์ชายเมื่อครู่ ณ ตอนนี้กลับเป็นร่างจิ้งจอกสีขาวนวลที่ตัวใหญ่กว่าปกติหลายเท่า คร่อมร่างผมอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ผมสัมผัดได้ไล้ปากตามเนื้อตัวมากกว่าสิ่งจะเป็นขาแขนนั่นก็คือหาง


แถมหางจิ้งจอกยังมีถึง....เก้า


!!!


“อลัน!!” ผมตกใจสุดขีดเมื่อได้เห็นหางทั้งเก้านั่นปลายหางมีผมสีแดงแซมเล็กน้อยกำลังพันไล้ไปรอบตัวผมเหมือนโอบกอดผมไว้


อย่างกับมันทำหน้าที่แทนแขนของผู้เป็นนายในร่างมนุษย์


“จนได้สิหน่า…” เสียงของอรินว่าอย่างหัวเสีย


“นี่..ใช่อลันรึเปล่า” ผมถาม


“อืม นั่นอลันน้องชายฉันเอง ร่างที่แท้จริงของหมอนั่น” อรินอธิบาย ผมพยักหน้ารับ


“รุย...รังเกียจเหรอ” คำถามนั่นมาจากจิ้งจอกเก้าหางตัวโตที่กำลังคร่อมร่างของไว้อยู่


“...”


พอคำตอบที่ผมสื่อไปคือความเงียบทำให้อลันในร่างจิ้งจอกเริ่มถอยออกไป แต่...ไม่


ไม่มีทางที่ผมจะรังเกียจเขาหรอก


“ไม่...ไม่รังเกียจหรอก” ถึงในหัวผมพยายามจะขวนขวายหาเหตุผลเพียงใด คำถามจะซัดประดังประเดเข้ามาในหัวจนจะระเบิดขนาดไหน ผมก็ยอมละทิ้งเพื่อคนตรงหน้าได้


แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่แน่ใจนักสองขาหน้าเริ่มยกขึ้นหมายจะเก้าออกจากร่างผม


ผมระบายยิ้มพร้อมกับเปลี่ยนร่างตัวเองให้เป็นดังคนตรงหน้า เว้นแต่ก็จะไม่มีหางถึงเก้าหางและตัวที่โตกว่าหมาป่าทั่วไป


ผมในร่างหมาป่าสีแดงสายพันธ์บริสุทธิ์ปรากฏ ก้าวเข้าหาจิ้งจอกตรงหน้าพร้อมกับเลียที่ใกล้ๆริมฝีปากของเขาอย่างเชื่องช้า


อลันในร่างหมาป่าแข็งทื่อไป เจ้าตัวเหมือนช่างใจอยู่นานก่อนจะเข้ามาคลอเคลียข้างๆตัวผม


“รุย...นายไม่กลัวหรอ?” เสียงอรินแทรกขึ้น


“เพราะเขาคืออลัน” ผมกลับร่างคืนเป็นมนุษย์ดังเดิมโดยมีอลันในร่างหมาป่าคลอเคลียอยู่ไม่เลิก


“แต่นั่นมัน...เขาไม่ใช่อมนุษย์ธรรมดาๆทำอาจจะทำร้ายนาย หมอนั่นยังควบคุมตัวเองไม่ได้”


“ไม่หรอก เพราะเป็นอลันฉันเชื่อว่าเขาไม่ทำอะไรฉันหรอก”ผมยิ้มตอบเธอก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง “อริน ฉันต้องการรู้เรื่องทั้งหมด”


“อืม ถึงเวลาที่นายควรรู้แล้ว” อรินพ่นลมหายใจยาว


“อลันน่ะเป็นพวกสายเลือดพิเศษ นายเคยได้ยินมาบ้างใช่ไหม” สายเลือดพิเศษจะปรากฏอยู่ในตระกูลอมนุษย์ต่างๆซึ่งมีจำนวนน้อยบ้างปรากฏเป็นเผ่าบ้างก็ปรากฏบ้างประปลายโดยจะมีพลังพิเศษที่แตกต่างจากสายเลือดทั่วไป


ผมพยักหน้าแทนการตอบ


“หมอนี่เริ่มผิดปกติตั้งแต่อายุสิบขวบ ร่างจิ้งจอกเริ่มใหญ่โตและในทุกวันที่เก้าของเดือนเก้าหางของอลันจะงอกขึ้นใหม่ โดยมีออกมาจนครบเก้าหางแบบที่นายเห็น โดยจะมีพิธีชำระไม่ให้สิ่งที่เป็นมลทินมากระทบต่อพลังที่กำเนิดใสตัวหมอนั่นที่เห็นว่าเขามีไข้ก็คือเจ้าตัวออกไปพบผู้คนโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยมลทินนั่นแหละ” อรินอธิบาย


“และที่อยู่ๆก็กลายร่างเป็นหมาป่าต่อหน้ารุยก็เพราะพลังยังไม่ฟื้นตัวดี คงจะต้องรอให้ผ่านคือนี้ไปก่อนพลังถึงจะฟื้นตัว ปีนี้เด็กนี่ไปอยู่กับนายปีแรกฉันก็ลืมตัวไปเหมือนกัน”


“ที่อลันไม่เคยกลายร่างเลยก็เพราะแบบนี้เหรอ”


“มันเป็นเหตุจำเป็น เราต้องรอให้หางที่เก้าของอลันงอกขึ้นมาก่อนแน่นอนถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปตระกูลเราก็เหมือนชักศึกเข้าบ้าน ไม่ว่าใครๆก็ต้องอยากได้พลังนี้ถูกไหม”


“แล้วเชื่อใจฉันงั้นเหรอ”


“นายเป็นคนที่อลันเลือก ทั้งฉันด้วย มันถูกพิสูจน์ออกมาตั้งแต่ที่นายกล้าเผชิญหน้ากับอลันในร่างนี้แล้ว” อรินระบายยิ้มกว้างออกมา


ผมหรือคนที่อลันเลือก


“คิดถึงรุยชะมัด” เสียงทุ้มต่ำของจิ้งจอกตัวใหญ่ที่ซุกอยู่ที่อกผมเอ่ย


“แล้วนายพร้อมจะยืนเคียงข้างเด็กคนนี้ไหม นี่ก็แล้วแต่นายเลย”


“ฉันพร้อม พร้อมทุกอย่าง เพื่อเขา” ผมคว้าจิ้งจอกเก้าหางตัวนี้เข้ามากอดแน่น สัมผัสได้ถึงขนสีขาวนวลนุ่มนั้น หัวใจของอลันที่เต้นรัวจนผมรับรู้ได้


“หมั่นไส้จริง!” อรินคว่ำปากเสหน้ามองไปทางอื่นจนผมเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ “คืนนี้นายค้างที่นี่แหละ”


“อืม”


“เดี๋ยวฉันให้คุณชวินทร์ไปเตรียมห้อง”


“ไม่!” จิ้งจอกหนุ่มแทรกขึ้นทำเอาผมตกใจไม่แพ้อรินที่หันมาเลิกคิ้ว “ให้รุยนอนห้องฉัน”


“แกยังคุมพลังไม่ได้นะอย่าลืม เพิ่งจะมีหางเพิ่มเดี๋ยวเผลอฆ่ารุยขึ้นมาทำไง” อรินยื่นนิ้มมาดีดหน้าปากอลันจนจิ้งจอกเก้าหางเซไม่เป็นท่า


“ฉันคุมได้”


“ตอแหลสิ จำตอนหางที่สองโผล่ได้ไหมแกเกือบฝังฉันลงดินเลยนะ”


“อันนั้นตั้งใจเอง”


“ไอ้ลัน!!”


“พอเลยทั้งคู่ ฉันนอนกับอลันก็ได้ริน” ผมหันไปตอบแฝดคนพี่


“แต่...” เธอพยายามแย้งแต่ผมพยักหน้าเป็นเชิงให้เชื่อใจผม


“พูดไม่เพราะกันทั้งคู่เลยนะวันนี้” ผมเอ็ดทั้งคู่ไปเล็กน้อย อรินหยักไหล่ก่อนลุกขึ้นเดินออกไป


“เอาเถอะ งั้นฉันจะไปแจ้งให้คุณชวินทร์ทราบแล้วกัน”


“ขอบคุณนะ”


แล้วเธอก็เดินออกไปเหลือเพียงแค่ผมและอลันในร่างจิ้งจอกเท่านั้น


แผล็บ!


ลิ้นร้อนแชะของอีกฝ่ายเลียมาบริเวณแก้มของผมจนผมสะดุ้งโหยง


“คิดถึง”


“อารมณ์ไหนเนี่ย” ผมพูดยิ้มๆ


“รุยจะไม่ทิ้งลันใช่ไหม” จิ้งจอกเก้าหางตัวใหญ่เงยหน้าขึ้นสบตาผม ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เชื่อมั่นว่าผมจะต้องไม่ไปไหน


ไม่ไปจากเขา


คิดว่าผมจะทำลายความเชื่อมั่นเหล่านั้นลงหรือ


ไม่แน่นอน


“อืม ไม่ไปไหนหรอก” ผมว่าพลางกอดจิ้งจอกร่างใหญ่เต็มแรงไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่ใช้หางทั้งเก้าโอบกอดผมไว้เช่นกัน


เราต่างมอบความอบอุ่นอันโหยหาให้แก่กัน


ถึงจะมีคนเกลียดหรือกลัวอลัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม


อลันก็ยังเป็นอลันสำหรับผม


ไม่ว่าเขาจะเป็นตัวอะไร รูปร่างแบบไหน


เพราะความเชื่อมั่นและเชื่อใจ ที่ทำให้ผมอยากจะอยู่กับเขา


“นี่ลัน” จิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่เงยหน้าขึ้นสบตาผมอีกครั้ง


“รักนะ มากๆเลย” ผมยิ้มจนตาปิด ไม่สามารถกลั้นความรู้สึกภายในออกมาได้


ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ไม่รู้ว่าความรู้สึกอันเต็มเปี่ยมนี้จะเทียบความหมายกับคำว่ารักได้หรือเปล่า แต่ก็คงไม่มีคำไหนจะสื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ดีกว่า รัก...


ผมไม่รู้ว่าอลันรักผมไหม


แต่ผมแค่ขอให้เขารู้ก็เพียงพอ ถึงไม่เคยบอกแต่ในเวลานี้คงสมควรแล้ว


ทั้งคำถามในใจผมมันมีคำตอบหมดแล้วก็เหลือเพียงแต่ๆคำๆหนึ่งในใจผมไม่เคยเปล่งออกมา


“รุย...” เสียงของอลันขาดห้วงไป “อืม...รอเวลานี้มาตลอดเลย”


ผมยิ้มกว้างให้อลันไม่ต่างจากอีกฝ่าย ถึงจิ้งจอกเก้าหางตัวนี้จะไม่แสดงหน้าตาออกมาแต่ความรู้สึกภายในแววตา และท่าทางของเขาก็ทำให้ผมเดาได้ไม่ยาก


เราสองคนน่ะ สื่อหากันมานานแล้ว


นานแล้วจริงๆ






“ถูกปั่นหัวไปหมดเลยสิฉัน” หญิงสาวฝาแฝดคนพี่ที่ยืนพิงอยู่ประตูห้องรับแขกยืนยิ้มให้กับตัวเอง ในความคิดหวนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตต่างๆของน้องชายร่วมสายเลือดกับเพื่อนสนิท


ไม่ใช่ว่าน้องชายเธอจีบรุยไม่ติด หรือรุยที่ซื่อจนเกินไป


ทั้งสองนั้นรับรู้อยู่แก่กัน


ทุกอย่างดำเนินยืนหยัดมาได้ด้วยความเชื่อมั่นและเชื่อใจ


ในความสัมพันธ์ที่รับรู้เพียงสองคนและสถานะที่ไร้ชื่อ


หากเป็นคนอื่นคงอึดอัดกระวนกระวายตายดิ้นไปเรียบร้อย ต้องขอบคุณสวรรค์ขนาดไหนที่ประธานคนอย่างรุยมาให้น้องชายของเธอ


คงมีแต่เธอสินะที่หัวปั่น ไม่รับรู้เรื่องราวอะไรคนเดียว


ถึงจะสังเกตเห็นว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันแปลก แต่เพราะชินตากับการกระทำเหล่านั้นจึงได้ทำนิ่งเฉยและเป่าหูน้องชายพัลวัน


แต่ใครจะไปคิดเล่า...น้องชายเธอจะร้ายกาจขนาดนี้


ไม่สิ...ที่ร้ายกาจยิ่งกว่าคือจิ้งจอกซื่อๆเพื่อนสนิทเธอไม่ใช่เหรอ


“จิ้งจอกนี่ มีหลายประเภทจริงๆสินะ” หญิงสาวหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี “แต่ไม่ว่าจะประเภทไหน...ก็เจ้าเล่ห์ทั้งนั้น”


นั่นแหละถึงขึ้นชื่อว่า.... จิ้งจอก







งงไหม555555 เป็นอีกตอนรู้สึกเขียนค่อนข้างยากเลยใช้เวลานานหน่อย[เหรอออ]
ตอนหน้าจบแล้ว เตรียมบอกลาเจ้าลันกับน้องรุยได้เลย
รู้แล้วนะอลันเป็นตัวอะไร แน่ๆไม่ใช่ปลาหมึก
เจอกันตอนหน้า จะพยายามมาเร็วๆนะจ๊ะ  :z10:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Fox ตอนที่ 3「191117」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-11-2017 20:30:56
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Fox ตอนที่ 3「191117」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-11-2017 22:45:17
 :pig4: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Fox ตอนที่ 4「261117」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 26-11-2017 20:12:38
#4


หลังจากเหตุการณ์ในตอนนั้น ในครั้งที่ผู้รู้ว่าอลันเป็นสายเลือดพิเศษเขาไม่ใช่จิ้งจอกธรรมดาๆทั่วไปแต่เป็นถึงจิ้งจอกเก้าหางสายพันธ์ในตำนาน


ที่ไม่มีอยู่จริงภายในโลกใบนี้


ผมได้คุยกับท่านรองผู้นำถึงเรื่องนี้บ้าง ท่านก็ได้ให้คำตอบมาว่า ‘ขึ้นชื่อว่าพิเศษจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น’


ถึงจะเอะใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรกลับไป อลันก็ได้กลับมาใช้ชีวิตปกติแต่อรินบอกว่าเขาต้องกลับมาทำพิธีชำระอีกในวันที่เก้าเดือนเก้าของปีหน้าเพื่อให้เจ้าตัวควบคุมพลังที่เกินตัวนั้นได้ดีขึ้น


“รุย”


“หืม” อลันที่นั่งอยู่ข้างๆกันเอียงใบหน้ามาซบที่ไหล่ของผม


ในตอนนี้เราทั้งสองกำลังนั่งดูซีรี่ย์สืบสวนที่ผมชอบกันอยู่


ความสัมพันธ์ในตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิมในทางที่เรากำหนด แต่ก็เลื่อนขั้นเป็นคนรักกันแล้วเพื่อให้ดูชัดเจนขึ้นสมใจอลันเขา


“ง่วง” ผมแอบหัวเราะนิดหน่อย


อลันมักเป็นแบบนี้เวลาเจ้าตัวดูซีรี่ย์ประเภทนี้ไม่เบื่อจนหลับก็ต้องลุกหนีไปหาอะไรทำ ไม่ต่างจากตอนนี้เลย


“ออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันไหม” ผมถาม


“ไม่”


“แล้วจะทำอะไร”


“กอดรุย” ว่าแล้วคนตัวใหญ่ก็โถมกายเขามากอดตัวผมไว้ด้วยแรงและน้ำหนักของอีกฝ่ายที่มากกว่าจนทำให้ร่างของผมเซล้มไปนอนบนโซฟา


แถมเจ้าตัวยังรีบตามมาคร่อมไว้ด้วยความว่องไว


“ลัน ตั้งใจสินะ” ผมพ่มลมหายใจ


อีกฝ่ายยิ้มบางเหมือนกำลังเปรียบตัวเองเป็นดั่งผู้ชนะ


เหมือนเด็กจริงๆ


“รุยสวย” อีกฝ่ายเอ่ยจนผมต้องเบือนหน้าหนี ทั้งเขินและไปไม่เป็น


“ไม่ใช่ผู้หญิง”


“เพราะเป็นรุยต่างหากถึงสวย”


ผมยิ้มให้กับคนที่อยู่เหนือตัวเอง เอื้อมมือไปแตะกับคางและใบหน้าคนตรงหน้าพลางขยับตัวให้ไปอยู่เสมอระดับเดียวกับ อลัน


ดวงตาของเราทั้งคู่สบกันอยู่


ดวงตาของอลันเหมือนแก้วใสที่สะท้อนตัวตนผมภายในนั้น


“จูบได้ไหม”

สิ้นเสียงของอลันก็เป็นผมเองที่ขยับกายใกล้อีกฝ่าย อลันบดเบียดริมฝีปากลงมาอย่างนุ่มนวลเป็นจังหวะที่ทำให้ใจผมเต้นระรวย แต่ก็เพียงชั่วครู่ที่รสจูบบรรเลงไปอย่างนุ่มนวลอลันเปลี่ยนมันให้กลายเป็นรุนแรงขึ้นในพริบตา


เขาแทรกลิ้นร้อนชื้นเข้ามาภายในโพลงปากของผม ควานไปทั่วจนผมดิ้นไปมา


จวบจนผมหมดลมหายใจจนต้องร้องประท้วงทำให้อีกฝ่ายละออกจากริมฝีปากของผม


“ปากแดงหมดแล้ว” ผมเงียบแทนการตอบยิ่งทำให้อีกฝ่ายยกยิ้มน้อยๆ


อา... ผมเริ่มหมั่นไส้เขาแล้วสิ


แต่เพียงแค่เสี้ยวความคิด ผมก็สัมผัสได้ถึงสัมผัสแปลกๆบริเวณเหนือสะโพก


ไม่ใช่มือของอลันแน่นอน


ผมเหลือบไปมองบริเวณส่วนเอวของผมก็พบกับหางจิ้งจอกจำนวนมากกว่าปกติกำลังลูบไล้ไปมากับร่างกายของอยู่ ชำเลืองไปมองก็พบว่าบัดนี้หูของอลันได้กลายเป็นหูจิ้งจอกไปเสียแล้ว


“ทำไมถึงมีหูออกมาด้วยล่ะ” เจ้าตัวมุ่ยหน้าเล็กน้อย


แสดงว่าเขายังคงควบคุมพลังได้ไม่ชำนาญจริงๆสินะ


ผมถอนหายใจก่อนจะเอ่ยปาก “อลันไม่เอาแบบนี้”


“ไม่ชอบเหรอ”


จะให้ผมบอกยังไงล่ะ ก็ในเมื่อสัมผัสที่ผมได้รับมันเหมือนลูกหมาที่มาคลอเคลียอยู่ตรงเอว ขนนิ่มของอลันถูไถไปมาจนผมเริ่มควบคุมตัวเองไม่ถูก


“อ๊ะ!” ผมรีบเอามือปิดปากตัวเองโดยพลันเมื่อส่งเสียงแปลกๆออกมา ในขณะที่หางของอลันไปถูกโดนตรงบริเวณเหนือเอวขึ้นมานิดหน่อย


“หึ” อลันหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี


“ไม่เอาอลัน อย่าแกล้ง” อลันแทบจะไม่ฟังคำห้ามของผมเลยด้วยซ้ำแต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปกว่านั้น เสียงแหลมปรี๊ดของบุคลมาใหม่ก็แทรกขึ้นเสียงก่อน


“ไอ้ลัน!!!” เสียงของอริน


“ริน...” ผมเอ่ยชื่อเธอเสียงแผ่ว ทางอลันจิ๊ปากไม่พอใจอยู่ไม่น้อย


“เข้ามาได้ยังไง” อลันถาม


“กุญแจสำรอง” ผมจำได้ว่าเคยให้อรินไว้เผื่อฉุกเฉินดูเหมือนจะถึงคราวได้ใช้แล้วสักที


“เกะกะ”


“ไอ้ลัน!!”


“พอเลยทั้งสองคน” ได้จังหวะผมก็ค่อยๆดันแผงอกของอลันให้ถอยออกไปโดยเจ้าตัวก็ยอมทำตามแต่โดยดี คงหมดอารมณ์จะทำอะไรอย่างว่าแล้วนั่นแหละ


คงต้องขอบคุณอรินจริงๆ


“เก็บหางไปเลยไอ้เด็กเวร!” อรินแผดเสียงใส่น้องชายฝาแฝดอีกครั้ง


“ยุ่งอะไรด้วย” อลันมองไปยังพี่สาวของเขาด้วยแววตาไม่สบอารมณ์นักแต่ก็ยอมเก็บหางไปโดยดี


“แกจะทำอะไรมิดีมิร้ายรุยน่ะสิ! เขาสมยอมแกรึเปล่าแค่นี้ดูไม่ออกหรือไง” อรินชี้หน้าอลันอย่างเอาเรื่อง


“ก็เห็นยินยอมตั้งหลายครั้ง”


....


อา....


แย่ล่ะสิ


“พอเถอะๆ อรินมีอะไรหรือเปล่า” ผมรีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่องโดยทางอรินเธอก็สีหน้าเหวอไปเลย


อริน ขอโทษนะ..


“เอ่อ...ฉันจะมาวานให้นายทำข้าวกล่องวันพรุ่งนี้ให้หน่อย”


“ทำไมล่ะ?”


“พรุ่งนี้คงไม่ได้กลับห้องทั้งวันน่ะ ไปปั่นงานกับพวกยัยปลาหมึก” อรินพ่นลมหายใจแรง


“ไม่เอาน่าอริน”


“ลำไยจริงๆนะรุย ไปทำแทนฉันได้ไหม”


“แบบนั้นทำได้ซะที่ไหน” ผมยิ้มน้อยๆ “เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาข้าวกล่องไปให้แต่เช้านะ”


“โอเคๆ ฉันกลับล่ะ ไอ้ลันแกอย่าทำหน้าหื่นแบบนั้นนะ!!” ในขณะที่อรินกำลังเดินไปปิดประตูออกจากห้องไม่วายที่เธอจะหันกลับมาเอ็ดน้องชายตัวเอง


“รีบๆไสหัวไป”


“ไอ้ลัน!!”


พี่น้องคู่นี้นี่จริงๆเลย


“ลัน ไม่เอา” ผมหันไปห้ามปรามอลันที่ครานี้หน้ามุ่ยเหมือนเด็กๆ แถมเบี่ยงหน้าหลบผมอีกต่างหา


พออรินออกไปจนแน่ใจแล้วผมจึงหนุมตัวกลับมาดูอีกคนหนึ่งภายในห้อง


อา.. งอนเสียแล้ว


“ลัน...” อลันเบี่ยงหน้าไปอีกข้างท่าทางที่ดูง่ายของเขาทำให้ผมแอบอดขำไม่ได้


ใบหน้าเรียบเฉย ร่างสูง ตัวโต ช่างดูไม่เข้ากับกริยาบทในตอนนี้เลยจริงๆ


ช่วยไม่ได้นะ...


ผมพูดกับตัวเองภายในใจก่อนจะแปลงตัวเองเป็นร่างจิ้งจอก ผมใช้ขาหน้าสีดำของตัวเองขูดเบาๆที่ช่วงแขนของอีกคนจนเจ้าตัวหันมาให้ความสนใจ


อลันเลิกคิ้วขึ้นก่อนที่ผมจะพยายามปีนป่ายไปตามตักอุ่นของเขาและนั่งลงหันหน้าเข้าหาเจ้าตัว


อลันยังคงสงสัยกับท่าทางขอผม


ผมยกขาหน้าทั้งสองขึ้นพิงไปที่อกของอลันใช้ลิ้นอุ่นๆเล็กเลียไปตามแก้มนั่นอย่างรักใคร่


“หายโหรธแล้ว” ผมเงยหน้ามองหน้าอลันที่กำลังระบายยิ้มจนทาให้ใบหน้าอีกคนดูดีขึ้นไปอีก


“เพราะรุยนั่นแหละ” อลันประคองใบหน้าผมเอาไว้พร้อมใช้จมูกโด่งคลอเคลียไปมากับจมูกของผม


เขากระชับร่างผมเข้าไปกอดค่อยๆประคองอุ้มร่างจิ้งจอกของผมเอาไว้ เราอยู่ด้วยกันในท่าทางอย่างนั้นสักพัก ซึมซับไออุ่นของกันและกัน


“รุย” อลันเรียกชื่อผม “รักเสมอนะ”


“อืม เหมือนกัน”


รักเสมอไม่เปลี่ยนแปลงเลย


รัก เพราะคนนี้ๆเป็นอลัน


รักเพราะอลันคืออลัน


ไม่ว่าเราจะยืนอยู่บนสถานะอะไรก็ตาม ขอแค่รับรู้ไว้เพียงสองคน ขอเพียงแค่ผมกับเขา


ผมกับอลัน


ตลอดไป


END







ต้องโบกมือลารุยกับอลันแล้ว บ๊าย บาย
อาทิตย์หน้าจะอัพพาร์ท Tiger
ซึ่งเป็นพาร์ทสุดท้ายของซีรี่ย์ผู้ล่าแล้ว เร็วจริงจัง
(https://www.picz.in.th/images/2017/11/26/tiger-copy.jpg)

GOODLUCK
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Fox ตอนที่ 4「261117」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-11-2017 23:23:50
น่ารัก..รอเรื่องใหม่จ้า  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Tiger ตอนที่ 1「051217」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 05-12-2017 17:59:58
(https://www.picz.in.th/images/2017/11/26/tiger-copy.jpg)





#Tiger


“ตกลงกูหรือมึงว่ะ ที่อยากเมาเนี่ย” เสียงของไอ้วิทย์เพื่อนสนิทของผมเอ่ย


“เหมือนๆกันแหละ” ผมเบ้ปากใส่เพื่อนสนิทของตัวเอง ตอนนี้สภาพผมกับมันก็พอๆกันนั่นแหละ เมาร่อแร่ไม่ต่างกันเลย ดีที่ยังพอมีสติประคับประคองตัวเองเดินไปมาได้


วันนี้ไอ้วิทย์ชวนผมมาดื่มเพราะมันถูกแฟนทิ้ง ผลกลับกลายมาเป็นผมเองที่นั่งเอาเหล้ากรอกปากตัวเองเอาเป็นว่าเล่น


“เสือหรือลูกแมวว่ะเนี่ย” ว่าแล้วไอ้วิทย์ก็ยื่นมือมาเกาคางผมยิบๆจนผมต้องปัดออกไปอย่างนึกรำคาญ


“พูดซะเสียชาติกำเนิดกู”


ผม และไอ้วิทย์เป็นอมนุษย์ ภายในโลกแสนสงบสุขจอมปลอมใบนี้ที่อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ภายใต้กรอบระเบียบกฎเกณฑ์อันเคร่งครัดที่บรรดาผู้ใหญ่ๆพูดปาวๆอัดหูพวกผมมาแต่เด็กๆ


เพราะเกิดเป็นอมนุษย์จึงต้องพยายามใช้ชีวิตให้เคร่งกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า ระเบียบมากกกว่า กฎมากกว่า จนน่ารำคาญหลายเท่าตัวไปเลย


แต่โชคดีที่ผมถึงจะเกิดในตระกูลใหญ่อย่างเสือ แต่ก็สังกัดอยู่ตระกูลสาขาปลายๆแถวที่ไม่ค่อยโดนเรียกพบตัวนัก


ส่วนไอ้วิทย์ตัวดีเป็นอมนุษย์ตระกูลนกฮูก สมชื่อตระกูลมันเลยดวงตามันกลมโตโปนๆประหนึ่งนมฮูกดีแท้


“เริ่มเดินเซแล้วนะมึงอ่ะ” ไอ้วิทย์เอ่ยปากแซว


“เหอะ มึงด้วยแหละ” พวกผมสองคนเดินออกมาจากผับชื่อดังใจกลางกรุงใหญ่เตรียมตัวจะแยกย้ายกลับบ้านกลับหอ เพราะตัวผับอยู่ไม่ไกลจากตัวหอพวกผมจึงไม่ต้องลงแรงขับรถมา


อา... ปวดหัวตุบๆเลย


“จะถึงหอไหมเนี่ย” เสียงยานๆมาจากเพื่อนตัวแสบ “บินกลับดีกว่า”


ว่าแล้วเจ้าตัวก็เปลี่ยนร่างตัวเองเป็นนกฮูกบินขึ้นมาเกาะบนแขนของผมที่ชูขึ้น “กูกลับนะ”


“เออๆ” จากนั้นนกฮูกบนแขนของผมก็โผบินออกไปตามทิศทางหอของมัน ส่วนผมก็เดินตุบปัดตุบเป๋กลับบ้านตัวเองคนเดียวซึ่งทางมันก็ไม่เปลี่ยวมากหรอก


“เฮ้อ..” ผมพ่นลมหายใจออกมายาวเมื่อตนเองกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยดี เดินเซไปเซมานึกว่าตัวเองจะไม่รอดเสียแล้ว


แถมยังวิงๆเวียนๆหัวด้วย


ผมเดินหมายจะเข้าที่พักอาศัยของตัวเอง แต่หน้าบ้านกลับมาเงาตะคุ่มๆแปลกๆทำให้ผมต้องหยุดมอง


เงานั่น...ไม่เหมือนคน


ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆให้แน่ใจ เงานั่นนิ่งมาก ไม่ขยับไปไหนเลย


พอเดินมาดูใกล้ๆแบบนี้แล้ว....นี่มัน


ถึงจะมืดแต่ก็สังเกตออกได้โดยง่าย เสือ


แถมยังเป็นเสือสีขาวอีกด้วย หายากมากๆ


แล้วมาทำอะไรอยู่หน้าบ้านคนอื่นเขาตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้ อีแบบนี้คงไม่ใช่เสือที่หลุดออกจากสวนสัตว์แล้วล่ะมั้ง


ผมเดาว่าคงเป็นอมนุษย์ตระกูลเสือ ตระกูลเดียวกับผมมากกว่า


เอาไงดี ปล่อยไว้ดีไหม

ไหนๆก็สายเลือดเชื้อไขเดียวกันนี่


ผมชั่งใจอยู่สักพัก ตัวเองตอนนี้ก็แทบจะเอาไม่รอดอยู่แล้วจะให้หอบหิ้วเอาเสือตัวใหญ่เท่าบ้านไปอีกคงไม่ได้ ทันใดที่ผมกำลังจะเดินผ่านเสือขาวตัวใหญ่นั่นไปเจ้าตัวใหญ่ก็ส่งเสียงขึ้นมา


กรรจ์…


คล้ายเสียงคำรามแต่แผ่วเบากว่า คงจะกำลังฝันอยู่แน่ๆ


เฮ้อ สงสัยคงปล่อยไปไม่ได้แล้วล่ะสิ เกิดมาเป็นคนดีมาเกินไปมันลำบากแบบนี้สินะ


“นี่ ไอ้ยักษ์” สะกิดเรียกเสือตัวใหญ่ใช้สรรพนามจากการวัดขนาดตัวเอา ถ้าเทียบกับร่างเสือของผมเจ้าตัวใหญ่ตัวนี้ทับผมแบนตายชัวร์ๆ


“ตื่นๆ มาหลับหน้าบ้านคนอื่นเขาแบบนี้ไม่ดีนะ” เรียกแล้วเอานิ้วจิ้มๆ สมองก็เบลอๆมองภาพจะชัดก็ชัดจะไม่ชัดก็ไม่ชัด


เสือขาวตัวใหญ่ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น ผมมองไปยังหัวของมัน


หืม...ทำไมขนหัวมันพองๆวะ


ช่างเถอะ


“ตื่นเร็ว” ผมเอ่ย “แปลงกลับเป็นแบบเดิมด้วย”


หมดคำของผมเจ้าเสือยักษ์ก็เชื่อฟังแต่โดยดี แปลงร่างกลับเป็นเหมือนเดิม


ว่าแล้วเชียวว่าเป็นมนุษย์


เจ้าตัวเปิดปากหาวๆพร้อมกับเกาหัวไปมา แต่ผมไม่ได้สนใจแล้วตอนนี้ทั้งมึน ทั้งเพลีย ทั้งง่วง


“จะเข้ามาไหม ไม่เข้าก็ไปไกลๆ” ถือว่าผมช่วยแล้วนะ อยู่ๆให้คนแปลกหน้าเข้าบ้านมันก็กะไร แต่ท่าจะปล่อยให้มานอนเฝ้าหน้าบ้านแบบนี้มันน่าสงสารออกนี่


“ขอบคุณ” น้ำเสียงแผ่วของอีกฝ่ายดังขึ้นแต่ผมไม่ได้สนใจเปิดประตูเข้าบ้านรับเอาอีกฝ่ายเข้ามาพร้อมหันกลับไปล็อคประตูให้เรียบร้อย


คืนนี้เหนื่อยมาทั้งวันเลย


เพลีย


ง่วง


มึน


จะตายแล้ว


แล้วไอ้เจ้ายักษ์นี่มันจะขโมยทรัพย์สินในบ้านผมไหมวะ?


ช่างเหอะ ไม่มีไรให้ขโมยอยู่แล้ว มีเงินติดตัวตอนนี้อยู่ยี่สิบบาทยังไม่ได้ไปถอนออกมาเลย สมุดบัญชีบัตรเครดิตต่างๆก็อยู่ในเซฟงัดไม่ได้หรอก


ผมคิดเพลินๆในใจพลางเดินไปที่ห้องนอนของตัวเองพร้อมล้มลงนอนมันทั้งอย่างนั้นเตรียมพร้อมชัตดาวน์ตัวเอง


“จะนอนไหนก็นอน” ผมปรือตามองไปยังเจ้ายักษ์ตัวใหญ่ที่มองมายังผมอยู่ ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว


ง่วงแล้ว


จะนอน


“ชื่ออะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถาม


“เพียว” ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วๆของคนใกล้หลับ


“อือ ฝันดีเพียว”


“อื้ม”


หลับแล้วนะ


เจอกันตอนเช้า


ง่วงแล้ว







น้องเพียวไม่ได้มึนๆอึนๆแบบนี้นะ ตอนนี้นางเมา
เนื้อแท้ไร้ซึ่งสติสตางค์








อยากเม้าส์มอย เรามีทวิตแล้ว ตามเม้าส์มอยกับเรากัน
✰TWITTER (https://twitter.com/kaewkrajokXX?lang=th)
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Tiger ตอนที่ 1「051217」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-12-2017 20:50:51
แลดูน่าสนใจ..ตื่นมาจะเกิดอะไรขึ้นหนอ????   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Tiger ตอนที่ 1「051217」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-12-2017 20:51:58
จากจิ้งจอกเก้าหาง มาเสือแล้ว  ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Tiger ตอนที่ 2「091217」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 09-12-2017 22:44:29
#2


“อือ...” ผมส่งเสียงครางในลำคอ อาการปวดหัวตุบๆพร้อมความอ่อนล้าถาโถมเข้ามาใส่จนต้องตื่นขึ้นมา พอลืมตาตื่นความเจ็บปวดก็ค่อยๆจี๊ดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


เมื่อวานคงดื่มหนักไปจริงๆ


จำได้ว่าหอบไอ้เสือยักษ์เข้ามาด้วย ไปไหนซะล่ะ


เมื่อคืนผมนอนด้วยสารรูปแบบนี้เลย น้ำก็ไม่ได้อาบ ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น


ไม่ได้สำรวจด้วยว่าคนแปลกหน้าที่พาเข้ามาในบ้านหน้าตาเป็นแบบไหน รู้แค่ว่าเป็นเสือ นิสัยใจคอเป็นยังไง
รู้แค่ว่ามานอนหลับอยู่หน้าบ้าน สงสารเลยหอบมาด้วย


หืม...เสียงหอบหายใจของสัตว์


ผมหันไปมองทางต้นเสียงก็พบกับ....เชี้ย!!


สิงโต!!!


แต่ทำไมแผงขนตรงคอถึงได้สิ้นกว่าปกตินักนะ


“เหี้ย!!!” ผมแผดเสียงลั่นออกมาด้วยความตกใจตระกุยตระกายไปอยู่ข้างเตียงเป็นที่เรียบร้อย สิงโตสีขาวตัวยักษ์มานอนในห้องผมได้ยังไง!


ผมทวนความคิดภายในหัว เมื่อคืนผมพาเสือยักษ์เข้ามานะ ทำไมเช้าตรู่มาดันเจอสิงโตตัวใหญ่กว่าควายได้วะ


สิงโตตัวใหญ่อ้าปากหาว ค่อยๆปรือตามองมาทางผม มันนิ่งไปสักพักก่อนจะ...


หลับต่อ!


หลับต่อพร่องมึงดิ๊!


กลัวนะเว้ย!


ถึงจะเป็นสายพันธ์ผู้ล่า ต้นตระกูลก็แก่งแย่งชิ่งดีชิ่งเด่นกันมานานนม เจอกันก็เป็นสู้เพื่อศักดิ์ศรีและสายพันธ์ แต่ตอนนี้ผมมีแต่ต้องถอยกรูลูกเดียว


ดูขนาดตัวก็น่าจะรู้แล้วว่าควรทำตัวยังไง


เผลอผมขู่ไปแม่งอาจจะตะปปผมทีเดียวตายห่าได้เลย


เอาไงดีวะ...


แปลงเป็นเสือไปสะกิดมันดีไหม


ไม่ดีชัวร์ๆ


“ตื่น...” อือหือ แค่คิดจะเปล่งเสียงปลุกมันก็สั่นเป็นลูกนมลูกกาแล้ว


นี่กูเป็นเสือจริงๆนะ


“นะ...” พูดเสียงสั่นไปอีก


ตื่นแล้ว! ไอ้ยักษ์มันตื่นแล้วอ่ะ!!


ผมควรทำไงต่อดี บอกที๊!!


“เอ่อ...เห็นเสือตัวขาวๆแถวนี้ไหม”


เจ้าสิงโตยังนิ่งเฉยมองมาทางผมสักพักก่อนเสหน้าไปทางอื่น ทำเอาผมแอบหวาดๆ


“นี่...”


มันหันกลับมามองผมอีกครั้ง จ้องผมอยู่อย่างนั้น เหมือนตอนนี้ทั้งผมและมันกำลังเล่นจ้องตากัน คนไหนละออกก่อนแพ้ และเป็นผมเองที่ต้องละออกมาเสหน้าไปทางอื่นถึงจะเป็นเสือเป็นศัตรูตัวฉกาจของสิงโต


 เป็นผู้ล่าเหมือนๆกันแต่สัญชาตญาณของผมมันชี้บอกเลยว่าอย่าไปหาเรื่องกับสิงโตตัวยักษ์ตัวนี้เลยจะดีกว่า


“เพียว” เสียงนี่....คุ้นๆนะ


เหมือนเคยได้ยิน


“หิว” ผมมองไปยังด้านหน้าของตน สีหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อสิงโตตัวใหญ่นั่นกำลังพูด...กับผม


แถมยังเรียกชื่อผมอีก และที่สำคัญถ้าจำไม่ผิดเสียงทุ้มๆนี่เหมือนกับเสียงของเสือยักษ์ตัวเมื่อคืน


“เอ่อ...เห็นเสือขาวๆตัวใหญ่ๆแถวนี้บ้างไหม” ในหัวผมตีกันวุ่นไปหมดแล้ว


“ไม่ใช่เสือ”


“...”


“ไม่ใช่สิงโต”


ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าสิงโตตรงหน้ากำลังจะสื่อถึง สักพักเจ้าป่าร่างยักษ์ตรงหน้าผมก็เปลี่ยนร่างตัวเองกลับเป็นร่างมนุษย์เช่นเดิม


ขนสีขาวฟูแปลเปลี่ยนเป็นสีผิวสีเข้ม ใบหน้าคมพร้อมกับดวงตาคมกริบอย่างหน้ากลัว สีหน้าเรียบๆที่ดูดุร้ายนั้นบ่งบอกถึงสายพันธ์ที่ไหลเวียนอยู่ในเลือดของเขาเป็นอย่างดี


ที่แน่ๆคือไม่ใช่หมูหมาแมว


“ไลเกอร์ต่างหาก” ร่างสูงเอ่ยบอกกับผม


“ไลเกอร์...” ผมทวนคำพูดของอีกฝ่ายอย่างงงๆ แต่เจ้าตัวกลับได้สนใจท่าทีของผมกลับเดินเกาหัวพร้อมหาววอดๆมานั่งที่เตียงข้างๆผม


“ลูกผสมไง”


โอเค เข้าใจแล้ว


ห๊ะ!


ลูกผสม!!!!


ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ กระเถิบหนีคนผิวแทนไปจนติดกำแพงข้างๆเตียง ในหัวพยายามประติดประต่อความคิดจนเริ่มเป็นสตอรี่ลางๆพอที่จะเดาได้ออกมา


“นี่อย่าบอกนะว่า...” เมื่อคืนนี้ เสือขาวตัวนั้นคือตัวเดียวกับเจ้าป่าตัวโตตัวนี้


แล้วลายเสือล่ะ  ลายเสือหายไปไหน!


“เมื่อกี้ไม่มี...ลายเสือ” ด้วยสายตาดุๆที่มองมานั่นทำให้ผมถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว พูดเสร็จก็เสหน้าไปมองทางอื่นๆไม่กล้าสบตากับดวงตาเรียวๆกับแววตาดุร้ายนั่น


พอมาอยู่ในร่างมนุษย์แบบนี้ดวงตานั่นดูหน้ากลัวกว่าในร่างสัตว์เสียอีก


“นี่นะเหรอ” พูดจบเจ้าตัวก็ยกแขนขึ้นโชว์ลายเสือพร้อยให้ผมดู  ลายนั่นลามไปทั่วทั้งแขนลามไปถึงคอเลยทีเดียว “คุมได้”


หมายถึงลายสินะ


“เป็นลูกผสมสินะ...”


“อืม” ช่วยตอบอะไรให้มันยาวๆกว่านี้และน้ำเสียงที่เป็นมิตรกว่านี้จะได้หรือไม่


ไลเกอร์...ลูกผสมระหว่างสิงโต-เสือ เคยได้ยินมาบ้างเหมือนแต่ไม่เคยได้มาเห็นกับตา เรื่องอมนุษย์ผสมพันธ์ข้ามสายพันธ์นั้นว่าต้องห้ามยิ่งเป็นตระกูลเสือและสิงโตยิ่งต้องห้ามยิ่งขึ้นไปอีก


สองตระกูลที่จะว่าไม่ถูกกันก็ไม่เชิง ข่มเหงกันก็ไม่ใช่ ชิงดีชิงเด่นกันก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะทุกวันนี้เราอยู่ร่วมกันอย่างผาสุขถึงสัญชาตญาณดิบในตัวจะเรียกร้องขนาดไหนก็ตามแต่


แต่ด้วยกฎของอมนุษย์ที่ค้ำคออยู่จึงทำให้ไม่มีเรื่องบาดหมางกันระหว่างสองตระกูล


แต่แบบนี้มัน....ผมไปไม่ถูกเลย


“อยู่ตระกูลไหนเหรอ” ผมเอ่ยถามเสียงสั่นไปที่เจ้าป่าที่บัดนี้บิดขี้เกียจไปมา


“สิงโต กับพ่อ” แสดงว่าแม่ของเขาเป็นเสือสินะ


เมื่อคืนที่พอจะเห็นว่าบริเวณหัวมีขนฟูๆก็คงจะเป็นขนของสิงโตนั่นแหละ


เฮ้อ....ดันไปเจอกับตัวปัญหาเสียแล้ว


เอาไงดีล่ะทีนี้


“เอ่อ...”


“หิว” ก่อนที่ผมจะได้พูดกลับมีเสียงของลูกผสมข้างๆดังแทรกขึ้น ใบหน้าดุๆมุ่ยหน้าเล็กน้อยเหมือนเด็กๆ “เพียว หิวแล้ว”


“เอ่อ...”


ใบ้แดกเรียบร้อย


ผมกระพริบตาปริบๆมองอีกคนที่นั่งจ้องผมอยู่ ถ้อยคำที่ไม่แน่ชัดว่าเจ้าตัวแค่จะบอกผมเฉยๆหรือจะให้ผมไปหาของให้ทานกันแน่นั่นทำให้ผมช่างใจอยู่สักพัก


แต่ก็มีสิ่งที่ตอบข้อสงสัยของผมขึ้นมานั่นคือเสียงท้องร้องโครกครากของเจ้าตัวที่ทำให้ผมเผลอหลุดยิ้มออกมา


แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดทันตา เมื่อสายตาดุๆทอดมองมาทางผมที่นั่งกลั้นยิ้มอยู่


จะแดกหัวกูไหมเนี่ย...


“เพียว ทำอะไรให้กินหน่อย” น้ำเสียงนั่นดูเหมือนจะอ้อนแต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยอยู่


“พูดไม่สุภาพได้ไหม” ผมหันไปขอกับเจ้าตัวก่อน อย่างน้อยๆระหว่างผมกับเขาจะได้ดูใกล้ชิดขึ้นสถานการณ์จะถูกแดกหัวของคงอาจจะลดลง


และเจ้าตัวก็พยักหน้ารับ


“งั้นเดี๋ยวกูไปทำไรให้กิน เอาเป็นพวกง่ายๆก่อนนะ แล้วชื่ออะไรล่ะ” ได้ทีผมก็ตีเนียนทำตัวสนิทสนมขึ้นทันตา นี่ขนาดผมเป็นเจ้าบ้านนะยังต้องนอบน้อมกับมันพยายามตีสนิท


เหตุผลหลักๆคือกลัวถูกจับถลกหนังกิน


เห็นขนาดตัวแล้วบอกเลยว่าสู้ไม่ไหวแน่ๆ


“ซีน”


“โอเคซีน ไปล้างหน้าล้างตาก่อน” ไม่รู้เพราะติดนิสัยชอบดูแลนู่นนี่มาตั้งแต่เด็กๆหรือเปล่าทำให้ผมเดินนำคนแปลกหน้ามีสายเลือดผสมไปยังห้องน้ำภายในห้องนอน แถมออกมาหาอะไรเตรียมไว้ให้อีกฝ่ายทานเป็นอาหารเช้า


ก่อนทำอาหารผมเดินมาตรวจเช็คทรัพย์สิ้นของตัวเองก็ไม่มีอะไรหาย เซฟก็ยังอยู่ดีไม่มีร่องลอยอะไร ดูๆภายในบ้านผมก็ไม่มีอะไรให้ขโมยไปหรอก จะมีก็แค่บ็อกเซอร์ที่ตากอยู่หลังบ้านแค่นั้นแหละ


ผมอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เพียงคนเดียว เป็นบ้านที่แม่ของผมซื้อไว้ให้เพราะใกล้มหาลัยโดยทั้งแม่และพ่อของผมอาศัยอยู่ที่บ้านภายในตระกูลสาขา


“กินได้นะ” ผมเงยหน้าขึ้นถามอีกฝ่าย เพราะอาหารเช้าที่ผมเตรียมไว้ให้เป็นเพียงแค่ไข่ดาว ขนมปัง ไส้กรอกพร้อมกับโกโก้ให้อีกฝ่ายส่วนของตัวเองเป็นกาแฟดำแก้อาการแฮงค์เท่านั้น


อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับก่อนลงมือทานมือเช้า


ซึ่งเวลานี้ก็เช้าพอสมควร ประมาณเจ็ดโมงเศษๆได้


“ขอถามได้ป่ะ” ผมเริ่มเปิดประเด็น


“อืม”


อย่างทำเสียงเรียบๆแบบนั้นสิ


“คือเมื่อคืนทำไมมานอนหน้าบ้านกูอ่ะ”


“โดนแมวข่วน”


“ห๊ะ!”


คนผิวแทนขมวดคิ้วเป็นปม “แมวข่วน”


เหตุผลว่าโดนแมวข่วนแล้วมานอนกองหน้าบ้านคนอื่นนี่ดูสมเหตุสมผลพอรึเปล่า?


“คือมึง กูไม่เข้าใจ” ผมท้วงอีกฝ่ายอีกครั้งเจ้าที่กำลังตักไข่ดาวเข้าปากก็ต้องหยุดชะงักลง


“อมนุษย์แมวไล่ข่วน” จบคำของอีกฝ่ายผมก็ต้องร้องอ๋อ ถึงบางอ้อเสียที แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่คิดไม่ฝันว่าเจ้าป่าสายเลือดผสมอย่างซีน จะมาโดนอมนุษย์แมวไล่ข่วนแบบนี้ได้


ทั้งๆที่คนที่น่าจะโดนข่วนน่าจะเป็นฝ่ายอมนุษย์แมวนั่นด้วยซ้ำ



“ไปทำอีท่าไหนเล่า แค่แมวตัวเล็กๆเอง” พูดถึงไหนอายถึงนั่น สายพันธ์มันอาจจะคล้ายๆกันแต่เขานั้นถือว่าเป็นสายพันธ์ผู้ล่าไม่ใช่สายพันธ์สัตว์เลี้ยงในบ้านอย่างพวกแมวเลยสักนิด ไปพลาดท่าให้พวกนั้นได้ยังไงกัน


“...” อีกฝ่ายทานอาหารต่อไม่พูดไม่จาโต้ตอบจึงทำให้ผมลดละการพูดคุยกับอีกฝ่ายไป กลายเป็นว่าบัดนี้ความเงียบเริ่มปลกคุมบรรยากาศรอบๆตัวแล้ว


ทานอาหารเสร็จผมจึงเก็บจานทั้งของผมและซีนไปล้างให้เรียบร้อยก่อนจะหันมาบอกอีกคนที่นั่งมองผมอยู่ที่เก้าอี้


“กูมีเรียนแปดโมง คงต้องออกไปแล้ว” ผมหันไปหาอีกฝ่าย “มึงอ่ะ”


“แปดโมง”


เหลือบไปมองนาฬิกาบนฝาผนังบ้านก็บอกเวลาว่าเจ็ดโมงครึ่งเป็นที่เรียบร้อย


“เรียนม.ไหนล่ะ ไม่เคยเห็นหน้าเลย” ได้ทีผมก็ถามเรื่องของอีกฝ่ายใหญ่ แต่เจ้าตัวก็ตอบกลับมาสั้นๆ


“แถวนี้ๆ”


“อืม”


อา...ไปต่อไม่เป็นเลย


ทำไงดีนะ


เฮ้อ


“กูคงต้องออกไปแล้ว มึงก็ต้องออกไปตามกูด้วยนะ” พูดจบเจ้าตัวก็พยักหน้างึกหงักเดินไปที่ประตูบ้านของผมหน้าตาเฉย “จะไปเลยเหรอ”


ผมนึกว่าจะอยู่รออกไปพร้อมกัน


“อืม เดี๋ยวเพียวสาย”


“อะ..เออๆ กลับดีๆ” ผมก็ได้แต่ยืนแข็งทื่อมองแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินจากออกไป


ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ฉับพลันความคิดภายในหัวก็แล่นเข้ามาเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่ความสงสัยเรื่อยไปจนถึงความกังวลที่เริ่มถาโถมใส่เข้ามาจนปวดหัวไปหมด


สงสัยในตัวของหมอนั่น


สายเลือดผสม...


แถมยังต้องมานั่งโทษตัวเองเพราะความเมาแท้ๆจึงต้องเอาตัวมาพบพานกับคนแปลกหน้าแบบนี้ ดีเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้ลักขโมยทรัพย์สินหรือทำอะไรมิดีมิร้าย



มิหนำซ้ำเช้ามายังต้องมานั่งทำกับข้าวหาน้ำหาปลาให้กินถึงที่ จะดีเกินไปไหมเนี่ย


แต่ก็เอาเถอะ ถึงผมจะไม่เมาเมือคืนนี้ผมคงต้องหอบเจ้าเลือดผสมตัวยักษ์นั่นเข้ามาอยู่ดีหรืออาจจะทำอะไรที่ช่วยเหลือเขานั่นแหละ


เฮ้อ...


ผมเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งก็ต้องรีบสปริงตัวเองขึ้นมาจัดการตัวเองไปเรียนให้เรียบร้อย


เอาเถอะยังก็ผ่านไปแล้ว


คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วมั้ง...


มั้งนะ...


มั้งจริงๆนะเว้ย....







เสียชาติเกิดกว่ารุยก็เพียวนี่แหละ..... อนาถจิต.....
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Tiger ตอนที่ 2「091217」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-12-2017 22:58:38
คิดว่าเพียว ได้เจอซีนอีกแน่ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Tiger ตอนที่ 2「091217」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-12-2017 23:08:08
มีความมึน  อึน  ซึน  ตลก  ช๊อบ...บบบบบบบบบ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Tiger ตอนที่ 3「231217」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 23-12-2017 21:58:01
#3


“มึงแม่งโคตรไม่ระวังตัว” ไอ้วิทย์ส่ายหัวไปมาเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมเพิ่งเล่าจบไปหมาดๆ


“ก็กูเมา กูเมาอ่ะกูเมา นิยามคำว่าเมาอ่ะมึง!” ผมประท้วงบ้างเมื่อเริ่มรู้สึกอีกฝ่ายต่อว่าผมจนเกินไป เมื่อครู่หลังเลิกคลาสผมก็พาไอ้วิทย์มานั่งคุยที่ม้านั่งหน้าคณะ เล่าเรื่องเมื่อคืนให้มันฟัง


นั่นแหละสาเหตุที่ผมต้องมาทนฟังมันบ่น มันเทศอยู่นี่


ก็ผมเมา มันช่วยไม่ได้นี่


“เพราะมึงเมานั่นแหละถึงต้องระวังตัว” วิทย์เอ่ยอีกครั้ง “แล้วไม่มีไรหายใช่มั้ย”


ผมพยักหน้างึกหงักตอนเช้าก็ตรวจทานดูอีกรอบแล้ว ของมีค่าอยู่ครบถ้วน


“เจออีกก็ปล่อยๆไป อย่าให้เข้ามาอีกล่ะ นั่นคนแปลกหน้า” มันเตือน


“เออๆ” ผมตอบรับส่งๆเพราะฟังมันดุมาเป็นชั่วโมงแล้ว


“ดีๆไอ้เพียว”


“เออ”


“เพราะๆ”


“ครับๆ” ผมเริ่มเหม็นขี้หน้ามันแล้วนะ “มึงเหอะ เรื่องแฟนเป็นไง”


หันมาเปลี่ยนประเด็นเป็นเรื่องแฟนเก่าหมาดๆของไอ้นกฮูกตาโปนนี่บ้าง


“เฉยๆ เลิกกันแล้วก็ไม่เกี่ยวกันป่ะวะ” สีหน้าอมนุษย์นกฮูกดูเฉไฉไปเรื่อยเกินกว่าผมจะปลงใจเชื่อมันได้


“แน่ใจ ไม่ใช่ยังรักอยู่เหรอ” เหมือนจะไปจี้จุดเจ้าตัวเพราะเมื่อครู่ไอ้วิทย์เผลอชักสีหน้าออกมา


“เรื่องของกู มึงไม่เกี่ยวไอ้เพียว” ว่าแล้วก็จิ้มมาที่หน้าผากของผมดันจนผมแทบหงายหลัง


เอ้า! ไอ้วิทย์!!


“จิ๊! ไอ้เหี้ยตาโปนเอ้ย!” ผมพ่นคำด่าใส่เพื่อสนิท


“กูนกฮูกไม่ใช่เหี้ย” แหน่ะ เถียงกูอีก


“เหมือนกันแหละ”


“เหี้ยบ้านมึงบินได้เหรอ”


“เออ”


เหี้ยบ้านกูนี่แหละบินได้!!!!


ผมเล่าเรื่งเมื่อคืนให้วิทย์ฟังก็จริงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เรื่องของซีนนั้นผมไม่ได้เล่าในส่วนที่เขาเป็นไลเกอร์มีหวังเล่าออกไปไอ้วิทย์ได้ลมจับล้มพึ่งไปแน่ๆ


นั่งเล่นนั่งคุยกับไอ้วิทย์ได้อีกซักพักใหญ่ก็แยกย้ายกันกลับบ้านกลับหอเพราะไอ้วิทย์เอารถมาพอเริ่มตกเย็นแล้วมันกลัวรถติดเลยรีบบึ่งกลับให้เร็วที่สุด


ส่วนผมก็ชิวๆเดินกลับบ้านเพราะมหาลัยอยู่ใกล้ไม่ได้ลำบากอะไรมาก


นี่ก็สี่โมงเย็นแล้วรถราคงติดหนักหนาสาหัสน่าดู แอบสงสารไอ้วิทย์เล็กๆแฮะ


ผมเดินเล่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมาจนถึงหน้าบ้านตัวเอง และได้ยินเสียงที่ไม่คิดว่าจะได้ยินอีกนี้เข้า


“เพียว”


“....”


“ช้า”


เชี่ย ยังจะเจอกันอีกเหรอ!!!


ผมตกใจเมื่อทอดสายตาไปเห็นร่างผิวแทนตัวสูงที่ยืนพิงกำแพงหน้าบ้านของผมอยู่  ซีนหันมามองที่ผมไม่วายยังติใส่เสียงแข็งมาอีก


และที่สำคัญคือ....ซีนอยู่ในชุดนักเรียน


เขาสวมเสื้อนักเรียนขาวสะอาดปักชื่อสีแดงติดเข็มกลัดตราโรงเรียนและกางเกงขาสามส่วนสีน้ำเงิน


อาจจะเป็นเพราะผมพิจารณาเสื้อผ้าของอีกฝ่ายนานจนเกินไป เจ้าตัวจึงขมวดคิ้วเป็นปมหรี่ตามองมายังผมที่ยังเล่นจ้องไม่เลิก


“ทำไมใส่ชุดนักเรียน”


“ก็เป็นนักเรียน”


ห๊ะ!!


“เป็นนักเรียน..” ซีนพยักหน้าเบาๆ ผมถึงกับยิ้มแหยงไปไม่เป็นเพราะในตอนแรกเพียงแค่เห็นรูปลักษณ์ของเขา ผมก็ตีว่าเขาน่าจะอายุเท่ากันหรือมากกว่าด้วยซ้ำไป


“อยู่ม.ไหน” ผมถามเสียงสั่นๆ


“ม.ปลาย”


เออ รู้แล้วว่าม.ปลายตัวยักษ์ขนาดนี้คงเป็นนักเรียนม.ต้นไม่ได้หรอก


“ม.ปลายนั่นแหละม.ไหน”


“ม.6”


“อายุเท่าไหร่”


“18”


เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะมาเลยไม่ใช่เหรอ!!


ตัวยักษ์ใหญ่เบิ้มขนาดนี้อายุเพิ่งจะสิบแปด แล้วดูสารรูปผมสิเด็กม.สามเหรอ


ทำไมฟ้าประทานมาให้แตกต่างกันถึงขนาดนี้นะ อย่างน้อยผมก็เป็นเสือหมอนั่นก็มีเลือดเสืออยู่ในกายครึ่งหนึ่งมันก็น่าจะเหมือนๆกันสิ!


ทำไม!


“ไม่เข้าบ้าน?” เสียงเอ่ยถามจากอีกคนทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ “เหม่อๆ”


“เอ่อ...ไม่มีอะไรๆ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะเอ่ยปากชวนเข้าบ้าน “เข้ามาก่อนสิๆ”


และเพิ่งหวนกลับมาคิดได้ว่า ผมเผลอตัวปล่อยให้เจ้าตัวยักษ์นี่เหยียบเข้ามาในบ้านเป็นครั้งที่สองแล้ว!
อีครั้นจะหันไปเอ่ยไล่ก็ดูจะ....


อา...ดูแววตาดุๆกับใบหน้าบึ้งตึงนั่นสิ


น่ากลัว...ฮือออ


ชีวิตผมต้องเละเทะป่นปี้ขนาดไหนวะ อายุก็ย่างจะยี่สิบสองแล้วต้องมายำเกรงเด็กอายุสิบแปด ทั้งๆที่มีสายเลือดผู้ล่าอันสูงส่งอยู่ในตัวกลับมาเจอกับนักล่าที่เหนือกว่า


โถ่ ถังกะละมังหม้อ


ชีวิตไอ้เพียว


“จะดื่มอะไรไหม” ผมหันไปถามเด็กยักษ์ที่เดินเข้ามาบ้านตามผมมา เจ้าตัวยกมือขึ้นจับคานประตูเอาไว้ก่อนจะเดินเข้ามา


“ประตูเตี้ย”


มันไม่ได้เตี้ยหรอก มึงนั่นแหละสูงเกิน!!!


ผมเข้าๆออกมาเป็นสิบๆปีไม่ยักจะเห็นว่าเตี้ย สูงชิบหายวายวอดเลยด้วยซ้ำ


มาเจอเจ้าเด็กเลือดผสมนี่ทีเดียวแม่งประตูกูเตี้ยเลย


“ดื่มอะไรไหม” ผมสงบสติอารมณ์ก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายอีกครั้ง คนตัวใหญ่ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟา ผมจึงแยกตัวออกไปเก็บเข้าเก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้า


“เพียว” เสียงเรียบๆของเจ้ายักษ์เอ่ยชื่อผม


“หืม”


“เปิดทีวีได้ไหม” ผมเลิกคิ้วอยู่สักครู่ก่อนจะตกลงให้มันเปิดทีวีดูได้ แต่เหมือนเจ้ายักษ์จะเงอะๆงะๆกับการเปิดทีวีน่าดูจึงเป็นผมเองที่ทนดูไม่ไหวเดินไปเปิดให้เสียเอง


“นี่รีโมต” ซีนรับรีโมตไปจากมือผม อีกฝ่ายเปิดช่องไล่หาไปเรื่อยๆจนมาหยุดที่ช่องๆหนึ่งที่กำลังฉายหนังอยู่


“ศิษย์พี่!!!”


“น้องข้า ได้โปรดเจ้าจงรีบหนีไป!!”


“เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก พวกเจ้ามันก็แค่ทำงานรองมือรองเท้าของเจ้าหนิงเหอเท่านั้นแหละ! ฮ่าฮ่าฮ่า”


ผมอ้าปากหวอ เกิดอาการเหวอแดกในทันทีเมื่อซีนเปิดมาดูช่องๆหนึ่งที่ในตอนนี้กำลังฉายหนังจีนกำลังภายในภาพรุ่นพ่อรุ่นแม่อยู่


ผมแอบคิดว่าเขาจะกดช่องผิดหรือจะดูรายการอื่นที่ฉายเวลาอื่นแต่กลับไม่ใช่เมื่อเจ้าตัวหน้าตาจริงจังเพ่งดูในทีวิอย่างเอาเป็นเอาตายจนผมยิ้มแหยงๆออกมาอย่างเปิดเผย


เสียงปล่อยพลังใส่กันของตัวละครในหนังก็ดำเนินไปเรื่อยในหัวผมก็คิดวนเวียนไปมาจนยุ่งเหยิงไม่ต่างกัน


หน้าโหดๆดูหนังจีนกำลังภายใน….


ช่างไม่เข้ากันเสียจริงๆ


“พวกเจ้า! ไปฆ่ามัน!!” ตัวร้ายหญิงในเรื่องแผดเสียงดังจนผมเองยังสะดุ้งโหยงตาม


อีกคนที่นั่งบนโซฟาเดียวกันเหมือนจะรับรู้จากแรงสะเทือนจากโซฟาเผยยิ้มบางๆออกมาจนผมอึ้งไป ก่อนที่ซีนจะเขยิบมานั่งใกล้ๆผม


“เพียวกลัว?”


หนังมึงน่ากลัวมากบอกเลย...หน้ากลัวตรงเสียงตัวร้ายนี่แหละแผดทีแก้วหูเกือบแตก


โว้ย!


“ชอบหนังแนวนี้เหรอ”


“ไม่”


อ่าว...แล้วดูทำไม


“อ้าว” เห็นผมทำหน้าไม่เข้าใจเข้าไปอีกฝ่ายจึงเอ่ยตอบ


“พ่อเปิดดูทุกวัน เลยติด” ผมพยักหน้างึกหงักแสดงความเข้าใจ รับอิทธิพลจากพ่อแม่สินะ


สมัยเด็กๆผมก็เป็นนะ เห็นแม่แต่งหน้าเลยแอบหยิบลิปสติกเอย มาสคาร่าเอย อาแชโดว์เอย มาเล่นจนพังมิเป็นท่าไปหมด จำได้ว่าตอนนั้นถูกตีก้นลายพร้อยเลย


เป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงจริงๆ


ดูไปดูมากลับเป็นผมเองที่เริ่มค่อยๆอินกับตัวหนังมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆจนลืมโลกภายนอกไปหมดสิ้นสนใจเพียงหนังที่ฉายตรงหน้าเพียงเท่านั้น


“เพียว” เสียงจากเจ้ายักษ์ข้างก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจได้เลย


“เพียว”


“อืมมม” ผมลากเสียงยาวอย่างรำคาญ สายตายังทอดมองจดจ่อกับหนังอยู่ไม่เลิกรา


“ชอบเหรอ”


“อืมมมมมมมม” ลากเสียงให้ยาวกว่าเดิมเพราะหวังว่าเจ้ายักษ์จะยอมเลิกกวนกันเสียทีแต่กลับไม่ใช่แบบนั้นเพราะผมเริ่มรับรู้ได้ถึงแรงกอดจากอีกฝ่าย


เหลือบมองไปยังแขนของอีกฝ่ายบัดนี้โอบรอบไหล่ผมเป็นที่เรียบร้อยแถมยังออกแรงดันให้ผมเข้ามาใกล้ชิดกับเจ้าตัวอีกด้วย


“ซีน ทำอะไร” ผมหย่นคิ้วหันหน้าไปถามอีกฝ่ายที่ระยะห่างของเราสองคนห่างกันเพียงไม่เท่าไหร่


เขยิบไปใกล้อีกนิดหนึ่งคงจะติดหนึบกันเลยด้วยซ้ำ


“กอดเพียว”


“เออรู้แล้ว แต่กอดทำไม” อีกฝ่ายเงียบไม่มีแม้แต่การตอบสนองใดๆกลับมา ผมถึงได้รู้ตัวว่าได้เอ่ยคำอะไรไม่ถูกใจอีกฝ่ายไปหรือเปล่า ช้อนตามองเจ้ายักษ์ข้างๆก็เห็นแววตาดุๆนั่นนิ่งไปใบหน้าเรียบเฉยไร้การแสดงออกใดๆเล่นเอาผมชักหวาดๆ


“เอ่อ...ซีนทำไมถึงกอดล่ะ?” ผมพยายามเรียบเรียงคำพูดให้มันดูสวยหรูและดูดีมีระดับขึ้นมานิดหนึ่ง พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นตัวไม่ให้หดในการพูดออกมา


บรรยากาศนี้มันอะไร...ทำไมน่ากลัวแบบนี้


ฮือ....


“เพียวบอกว่าชอบ” คราวนี้เหมือนได้ผลเจ้าตัวยิ้มพราย ใบหน้าบึ้งตึงดูหน้ากลัวนั่นดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิมแววตาดุเริ่มอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ผมเงอะงะทำอะไรไม่ถูก


อา...เพราะอินกับหนังจีนเกินไป


เลยทำให้ผมไม่ทันได้สนใจว่าเขาเรียกผมในตอนนั้นเพราะอะไรสินะ


เอาไงดี ไปไม่ถูกเลย


“เดี๋ยว...กูจะไปอาบน้ำ” ผมลุกขึ้นกะทันหันทำให้อีกฝ่ายที่คลายแรงลงกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัวจับผมเอาไว้ “ดูไปก่อนเลยนะ”


ผมร้อนรนรีบวิ่งหนีเด็กเลือดผสมเข้าไปในห้องนอนลงกลอนหนาแน่น ปรี่เข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำอย่างไวว่อง


ผมมายืนจ้องตัวเองอยู่หน้ากระจก ในเวลานี้ใบหน้าผมเริ่มแดงระเรื่อถึงจะไม่แดงมากแต่ก็แดงขึ้นกว่าปกติ หน้าร้อนผ่าวๆบวกกับอารมณ์ที่บอกไม่ถูก ผมส่ายหน้าไปมาเปิดน้ำจากฝักบัวสาดใส่ตัวเองยืนนิ่งสงบสติสงบใจอยู่สักพักใหญ่ๆก็จะเตรียมตัวเตรียมใจเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบออกมาพบกับคนผิวแทนด้านนอก


เด็กเลือดผสมใสชุดนักเรียนตอนนี้ปิดทีวีให้เรียบร้อยย้ายตัวเองมานั่งทางโต๊ะทานอาหารแทน เจ้าตัวกำลังก้มหน้างุดดูเหมือนจะกำลังทำการบ้านอยู่


ก็...เด็กนักเรียนนี่นะ


ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาทำให้ผมเดินเข้าไปจ้องมองอีกฝ่ายใกล้ๆ แอบย่องเข้าไปด้านหลังเพื่อที่จะแอบดูโจทย์การบ้านที่เจ้าตัวกำลังทำอยู่


“เพียว” ผมสะดุ้งโหยงเกือบตะเบ่งเสียงอุทานออกไปแล้วแต่รู้ตัวทันจึงรีบตะครุบเข้าที่ปากของตัวเองเอาไว้ก่อน


ซีนไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมากมายเพียงแค่เลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยผมในตอนนี้มากกว่า


“อาบน้ำเสร็จแล้ว...”


“....”


เอ่อ...


“ออกมาเห็นมึงก็ก้มเงยๆ สงสัยเลยมาดู”


เป็นการสนทนาที่มีเพียงผมพูดอยู่ฝ่ายเดียวโดยคู่สนทนาเอาแต่จ้องหน้าไม่เลิกลูกเดียวเล่นเอาผมเอ่ยติดๆขัดไปบ้าง บรรยากาศรอบข้างเริ่มเงียบเพราะไม่ได้เปิดแม้กระทั่งทีวีจะมีเพียงแค่เสียงลมดังมาหวิวๆเท่านั้น


อา...


เงียบจัง


“นั่งซิ” ซีนตบเบาๆที่เก้าอี้ตัวข้างๆเป็นเชิงให้ผมนั่งลงข้างๆเจ้าตัว ผมก็ยอมทำตามแต่โดยดีโดยนั่งลงข้างๆอีกฝ่ายชำเลืองดูการบ้านของเขา


“การบ้านคณิตเหรอ”


“อือ” ซีนส่งเสียงนำคอเป็นการตอบกลับ


คณิตฯสินะ เป็นความทรงจำที่ไม่น่าคิดถึงเท่าไหร่เลย มาเรียนมหาลัยพวกคณิตฯทั้งหลายที่เรียนมาจนแทบจะยัดเข้าสมองกลวงๆของผมไม่ไหวนั้นก็แทบจะไม่ได้ใช้เสียเท่าไหร่เลย


เลยหลงๆลืมๆโยนทิ้งไว้ให้คุณครูไปหมดแล้ว


ปัจจุบันนี้จะหารค่าหมูกระทะกับเพื่อนยังคงต้องพึงเครื่องคิดเลข...ด้วยความกลัวโดนโกงแต่โง่คนิตฯ


นับเป็นความอนาถาอย่างหนึ่งในชีวิต


เห็นอีกฝ่ายนั่งนิ่งนานผมเลยเขยิบเข้าไปใกล้ก็หมายจะช่วยเหลืออีกฝ่าย ในความคิดว่าที่เจ้ายักษ์เด็กนิ่งไปเพราะไม่เข้าใจกับโจทย์ตัวนั้น


“ตัวนี้ใช่สูตรเดียวกับ (a + b)2 รึเปล่า ที่มันแยกได้(a2 + b2) ไง” ผมชี้ไปยังโจทย์ที่อีกฝ่ายทำค้างพยายามเสนอความคิดสอนให้อีกฝ่ายเข้าใจ แต่พอเงยหน้าขึ้นไปมองคนผิวแทนกลับขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม


“เพียว”


“หืม”


“มันผิด”


“ผิดยังไง ก็กำลังสองมันก็กระจายเข้าไปในวงเล็บไง” ผมแย้งอีกฝ่าย ผมโตกว่าอีกฝ่ายนะเรียนมาเยอะกว่าด้วยซ้ำถึงจะหลงๆลืมและโง่คณิตฯขนาดไหนก็เถอะ


“สูตรแบบนี้มันจะแยกเป็น a2 + 2ab + b2” ที่แทบจะเป็นประโยคแรกที่ซีนพูดยาวพร่ำเพื่อกับผมและเป็นประโยคแรกที่เขาตอกผมหน้าแทบหงาย


ไม่ใช่แทบหงายสิ


ฝังจมดินไปแล้วมากกว่า


“เรียนตั้งแต่ม.3”


ตอกให้ลึกยิ่งขึ้นไปอีก


ยอมรับแล้วครับว่าโง่คนิตฯ ฮืออออออ


“อะ....” ผมอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายอย่างไรดี สีหน้าเริ่มเหยเกขึ้นเรื่อยๆแถมยังต้องมาอับอายให้เด็กมัธยมสอนพวกเลขให้อีกด้วย


ผมก้มหน้างุดไม่กล้าสบแววตาดุๆคู่นั้น แต่กลับมีสัมผัสแผ่วๆเกิดขึ้นบริเวณศีรษะลูบไปมาอย่างเบามือบ้างก็หยุดและลูบทวนไปมาเบาชวนให้ผ่อนคลาย


ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นก็พบกับเจ้าเด็กเลือดผสมกำลังใช้มือใหญ่ของตัวเองลูบหัวไปมาเหมือนเด็กน้อยอยู่


“ไม่เอา กูโตแล้ว” ผมประท้วงถึงจะอับอายไปเมื่อครู่แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะให้อีกฝ่ายปลอบโดยการแสดงท่าที่ว่าผมเป็นเด็กแบบนี้นะ


“น่ารัก”


“หะ...”


“เพียว”


“...”


“น่ารัก”


และคนผิวแทนก็ระบายยิ้มพรายเล็กๆออก นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าผมยิ่งร้อนผ่าวๆบวกเพิ่มขึ้นมาคืออาการโหวงบริเวณท้องน้อยแปลกๆ


ฮือ....


เกิดมาไม่เคยเสียชาติเสือขนาดนี้เลย


กลับตัวกลับใจเกิดเป็นแมวร้องแง้วๆข้างเตียงตอนนี้ทันไหม?








ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ช่วงนี้เราดาวน์มากๆจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทั้งช็อคทั้งดาวน์ไปพร้อมกัน


อารมณ์มันดิ่งอยู่นานมากๆ เขียนนิยายไม่ออกจริงๆค่ะ


ต้องขอโทษด้วยยจริงๆ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Tiger ตอนที่ 3「231217」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-12-2017 22:56:14
ได้กลิ่นอมตะมาแต่ไกล..ขออนุญาตแก้คำผิด คนิต เป็น คณิต นะจ๊ะ
ปล.หัวอกเดียวกัน จับมือกันเเน่นๆ แล้วซับพอร์ตหนุ่มๆให้ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้เน๊อะ จากชนว.คนหนึ่ง
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Tiger ตอนที่ 4「120318」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 12-03-2018 21:11:55
#4


เมื่อคืนนี้ซีนไม่ได้ค้างที่บ้านของผม พอตกดึกหน่อยเจ้าตัวก็ขอตัวกลับบ้านกลับช่องของตัวเองและหลังจากวันนั้นเรื่อยมาจนถึงวันนี้ก็เกือบอาทิตย์แล้วที่ซีนไม่มีแม้กระทั่งเงาให้ผมได้เห็นบ้างเลย


พอไปเล่าให้ไอ้วิทย์ฟังมันก็เอาแต่พร่ำบอกว่า ‘ดีแล้วๆ’ ลูกเดียวไม่ได้สนใจบริบทใดอื่น


หน้าหมั่นไส้จริงๆ


แล้วทำอย่างไรได้เมื่อเจ้าตัวไม่โผล่หน้ามาให้เห็น ผมก็ต้องปล่อยไปเหมือนกัน ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่


รู้สึกแปลกนิดๆที่ไม่ได้เห็นหน้าดุๆนั่น


เจ้าเด็กเลือดผสมนั่นเล่นของใส่ผมหรือเปล่านะ?


“มึงไปแดกขนมเบื้องโรงเรียน M กันป่ะ” ไอ้วิทย์ที่เดินตามหลังผมอยู่เดินแซงขึ้นมาเอ่ยชวน


“แค่ขนมเบื้องถ่ออะไรไปถึงโรงเรียน M แถวๆนี้แดกไม่ได้ไง๊”


“เอ้า! มันเด็ดไง” ผมขมวดคิ้วย่นเมื่อได้ยินคำพูดที่ดูจะใส่จริตปกปิดนัยน์แท้ๆของอีกฝ่ายอยู่


“อะไรเด็ด” ผมหลอกถาม


“เด็ก เอ้ย! ไม่ใช่ๆ” ไอ้วิทย์หันมาส่ายหน้าใส่ผมขวับๆแต่เป็นผมที่อดจะยิ้มแหย่มันไม่ได้ “มึงทำกูไขว้เขว”


“อ๋อ เหรอ”


“เออ!!” ผมหัวเราะรวนเมื่อเห็นอากัปกริยาหัวเสียเอาเรื่องของเพื่อนสนิท


“ตกลงจะไปไหม” ผมถามอีกครั้ง


“ไปดิ่!”


สุดท้ายผมกับไอ้วิทย์ก็ต้องดั้นด้นกันมาจนถึงแถวๆโรงเรียน M แถมผมกับมันยังเถียงกันระหว่างทางเพราะเดินมาแบบนี้ใช่ว่าจะใกล้ๆไอ้วิทย์มันเกือบจะแปลงร่างบินแล้วด้วยซ้ำ ดีเท่าไหร่ที่ผมห้ามมันทัน


“เหนื่อยชิบหาย” ไอ้วิทย์บ่นอุบอิบ


“มึงบอกเองว่าอยากกิน”


“ก็กูอยาก”


“งั้นก็ทนๆไปเลย” ผมกระทุ้งศอกเข้าที่สะบักซ้ายของเพื่อนสนิทจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยงจิ๊ปากไม่พอใจใส่


“ไอ้เพียว!!”


“หึ” ผมหันไปยิ้มอย่าผู้ชนะใส่มัน แหงล่ะ เรี่ยวแรงผมมีกว่ามันตั้งมากมายไอ้วิทย์ก็แค่นกฮูกตาโปนๆเท่านั้นจะไปมีแรงสู้อะไรกับผู้ล่าอย่างผมได้


“เพียว..” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลแต่ผมได้ยินมันแบบผ่านๆไม่ชัดเจนนักจึงหันไปถามเพื่อนสนิทที่กุมสะบักตัวเองด้านหลัง


“มึงเรียกกูป่ะ”


“ไม่” ไอ้วิทย์ยังทำหน้ามู่ทู่ใส่ผมอยู่อีแบบนี้เห็นทีจะไม่ใช่เจ้าตัวอย่างที่เอ่ยปากจริงๆ


แล้วเสียงของใคร...


ผมหันหน้าสำรวจไปมาทางขวาและซ้ายและสายตาก็ต้องหยุดนิ่งลงเมื่อสบกับดวงตาดุดัน ใบหน้าคมเข้มที่แสนจะหน้ากลัวบวกกับผิวสีแทนนั่นอีก


ซีน...


“ซีน” ผมเอ่ยชื่ออีกคนเสียงแผ่วจนไอ้วิทย์ต้องเอ่ยถาม


“ใคร”


“เพียว...นั่นใคร” ซีนเดินเข้ามาใกล้คิ้วเรียวสวยนั่นขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่นยิ่งทำให้ใบหน้าดูถมึงทึงเข้าไปอีก


“เพื่อน” และทำไมผมต้องเสียงสั่นขวัญผวาแบบนี้ด้วย เหมือนกับในหนังที่ภรรยาออกมาหากิ๊กแล้วสามีแม่งจับได้ไม่มีผิดเลย!


แล้วโพชิชั่นกูนี่เหมือนตัวภรรยาอ่ะ


!!!


“อืม” เสียงเรียบๆที่ปกติมักจะดุๆอยู่แล้วครานี้กลับเพิ่มทวีขึ้นความหน้ากลัวขึ้นมาอีกจนอยากจะควักหัวใจตัวเองออกมาปลอบประโลมเสียซะให้หายตื่นกลัว


“เอ่อ...เด็กม.ปลายถูกไหม” ขนาดไอ้วิทย์ที่ว่าสูงกว่าผมแล้วยังต้องเงยหน้ามองเจ้ายักษ์เลือดผสมตรงหน้า หากไม่ติดว่าอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนคงไม่ต่างจากพวกมาเฟียเมืองนอกเลยแน่ๆ


“อะเออ” ผมเหลือบไปมองดวงหน้าเพื่อนสนิทที่บัดนี้แถบจะซีดเซียวแข่งกับไก่ต้มเรียบร้อย มุมปากกระตุกจนผมเห็นได้ชัดเจ้าตัวหันมามองหน้ากับเหมือนพยายามส่งซิกอะไรบางอย่าง


“มาทำอะไร” เสียงของเด็กมัธยมแทรกขึ้นทำเอาเด็กมหาลัยอย่างพวกผมสะดุ้งเฮือกไปตามๆกัน


“พาเพื่อนมาซื้อขนมเบื้องแถวๆนี้” ผมพยายามปั้นหน้ายิ้มพรายใส่คนตัวสูงกว่า แต่เหมือนจะไม่ได้ผล ไม่ได้ทำให้บรรยากาศดูหวานชื่นขึ้นสักนิดหนึ่ง


“มึงๆ กูไม่แดกแล้วนะ”


“ห๊ะ” ผมหันไปอุทานด้วยความตกใจใส่หน้าไอ้นกฮูกที่ตอนนี้เหมือนวัยเด็กในช่วงผลัดขน ถ้าผลัดออกทั้งตัวได้ในตอนนี้รับประกันเลยว่าขนไอ้วิทย์ไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียวแน่นอน


“กูกลับละนะ บายจ้า”


จ้าพร่อง!


แม่งบินหนีกูไปแล้ว!


“อยากกินขนมเบื้อง?” เสียงที่ดูอ่อนลงของคนตรงหน้าทำให้ใจผมที่เต้นระทวยเริ่มทำงานน้อยลง


“อะอือ”


จริงไม่ได้อยาก แต่ไอ้นกฮูกตาขาวนั่นมันอยาก


“ไปกัน” ว่าแล้วเจ้าเด็กเลือดผสมก็คว้ามือผมไปจับเอาไว้จูงผมแล้วเดินนำออกไป


มือเขาใหญ่กว่าผมจนกุมมือผมได้ทั้งมือเลย ในขณะที่มือผมเย็นเชียบมือเขากับอุ่นๆเหมือนจะคอยมอบไออุ่นให้กับมือของผม


“เรียนอยู่โรงเรียนนี้เหรอ” ผมเอ่ยถาม


“อือ”


เจ้าตัวพยักหน้างึกหงัก ผมรีบเดินตามอีกฝ่ายจนเราทั้งสองเดินขนาบข้างกันเหมือนเจ้าไลเกอร์ตัวใหญ่จะรู้ทันจึงลดความเร็วของตัวเองลงให้เท่าๆกับผม


มาถึงร้านขนมเบื้องที่ว่าซีนจัดการสั่งให้ผมเสร็จสรรพรอสักพักก็ได้ขนมเบื้องรวมไส้มาหนึ่งถุงสี่สิบบาท ในขณะที่ผมกำลังจะยื่นเงินให้กับลุงคนขายก็มีอีกมือคว้าหมับที่มือผมเอาไว้และยื่นตังเข้าไปจ่ายแทนเอง


“เห้ย! ไม่เอาดิ่กูจ่ายเอง” ผมขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายซึ่งเจ้าตัวแค่ทำหน้าท่าทางเฉยๆเรียบๆเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น “ไอ้ยักษ์!”


คราวนี้อีกฝ่ายหันมาเลิกคิ้วแสดงสีหน้าตกใจเสียเต็มประดาในขณะที่ผมใช้มือทั้งสองปิดเข้าที่ปากพร่อยๆของตัวหมับ


เผลอพูดสิ่งที่คิดออกไปแล้ว...


เวรกรรม..


ผมช้อนตามองอีกฝ่ายในตอนนี้เจ้ายักษ์ดั่งที่ผมว่ากลับเผยรอยยิ้มเล็กๆที่ดูจะขัดกับลุคและคาแรคเตอร์เจ้าตัวเสียเต็มๆ


“กับตัวเล็ก” เสียงแผ่วๆทุ้มๆเอ่ยขึ้นมาเบาถึงคนอื่นๆแถวนั้นจะไม่ได้ยินแต่สำหรับผมแล้วนั้น ได้ยินเต็มสองหูเลยทีเดียวเล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกเลิกๆลั่กๆหยิบขนมเบื้องมากินแก้เก้อ


“ไม่ใช่ตัวเล็ก เป็นเสือ” ผมเถียงเบาๆเพราะกลัวอีกฝ่ายจะแปลงเป็นไลเกอร์และตะปปก้านคอตายเอา


“ลูกแมว”


“ซีน!” อีกฝ่ายแย้งมาแบบนั้นผมจึงเรียกชื่อเจ้าตัวอย่างประท้วงๆเล็กกลับ จนอีกฝ่ายเผยยิ้มอีกครั้งแต่คราวนี้คงเป็นยิ้มกว้างที่ดูดีสุดๆ


“ไปไหนต่อ” เจ้าไลเกอร์ตัวใหญ่ถามขึ้น


“ไม่รู้


ไม่พูดพร่ำทำเพลงต่อใดๆซีนก็คว้ามือผมไว้โดยมีอีกข้างของผมก็ล้วงหยิบขนมเบื้องในถุงมากิน เจ้าตัวออกแรงดึงเล็กน้อยให้ผมเดินตามไปโดยเส้นทางนั้นเลยจากทางเดิมที่ผมเดินมากับไอ้วิทย์ไปอีกทาง


จะไปไหน


เดินมาค่อนข้างนานพอตัวคนตัวสูงที่จูงผมเดินนำมาก็หยุดเสียดื้อๆ จนผมที่เดินกินขนมเบื้องอยู่ด้านหลังต้องขมวดคิ้วสงสัย


“หยุดทำไม”


ซีนยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น สายตาของเขาทอดมองไปยังด้านหน้าทำให้ผมชะโงกหน้าไปดูตามเจ้าตัว


ฝูงแมว


ดูเหมือนจะเป็นพวกแมวจรจัด อยู่กันเป็นฝูงค่อนข้างใหญ่เลยด้วย


แต่...หยุดทำไมอ่ะ?


“ซีน” ผมตัดสินใจเรียกชื่อพร้อมเขย่าแขนเจ้าตัวเล็กๆเรียกสติ แต่ถึงกระนั้นเจ้าลูกสายเลือดผสมก็ยังนิ่งเฉยแต่กลับเริ่มเผยสีหน้าแปลกๆออกมา


คิ้วสวยขมวดเป็นปม ยิ่งทำให้หน้าดุดูทมึงยิ่งขึ้นไปอีก


“แมวจรจัด”


“อืม ใช่” แค่เห็นก็รู้แล้ว


“เป็นอมนุษย์”


“อืม”


“ช่วยที” คำพูดแผ่วเบาจนแทบจะกลืนเป็นเสียงกระซิบของซีนทำเอาผมเหวอกินไปหลายวิ


ช่วย...ช่วยอะไร


“ห๊ะ... ไม่เข้าใจซีน”


“เจ้าประจำมาแล้ว” เสียงกวนบาทาลอยมาแต่ไกลจากด้านหน้ามันมาจากเจ้าแมวสฟิงซ์หนังเหี่ยวย่นตามสายพันธ์ของมัน ว่าพร้อมกับแสะยิ้มแบบแมวๆมาให้


ส่วนเจ้ายักษ์ข้างๆผมก็ยืนนิ่งเป็นศิลาแลงมันอยู่ตรงนี้ ไร้การตอบสนองใดๆอีก


อะไรวะเนี่ย!


“ยังไม่เข็ดสินะ” เสียงของแมวขนสีดำตัวข้างๆกันเอ่ย


“สงสัยต้องจัด” เจ้าแมวสฟิงซ์ที่ยืนนำหน้าเอ่ยอย่างนั้น เจ้าพวกนี้ไม่รู้จักกฎของโลกนี้รึไงนะ กลางวันแสกๆแถมยังกลางกรุงขนาดนี้ถึงจะอยู่ตามตรอกซอยมันก็อันตราย


กฎของอมนุษย์น่ะรู้จักบ้างไหมเจ้าเหมียว!


“เหมียว!!” ยังไม่ทันได้สูดลมหายใจจนเต็มปอดเจ้าอมนุษย์แมวจรจัดทั้งหลายก็กระโดดรุมใส่พวกผมตามเจ้าแมวสฟิงซ์


“เฮ้ย!! อันธพาลนี่หว่า!!” ผมว่า


“หึ เด็กของไอ้เวรนี่หรอ” เจ้าแมวสีดำตัวเก่าว่าพลางค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ผมทีละนิด


ผมจิ๊ปากขัดใจหันไปมองลูกครึ่งเลือดผสมที่ตอนที่หน้าดูจะอมทุกข์อย่างที่ผมไม่เคยเห็น


เฮ้ย! ไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเหรอ นี่เรากำลังโดนรุมอยู่นะ


ที่สำคัญเหมือนมันจะรู้จักซีนมาก่อน


“เพียว...ช่วยที” เสียงที่แทบจะไม่ได้ยินนั่นทำเอาผมคิ้วกระตุก ความหงุดหงิดในหัวเริ่มถาโถมเข้ามา


ตัวก็ใหญ่กว่าไอ้พวกแมวอันธพาลนี่บานโข แต่กลับบอกให้ผมช่วย


“จัดมันเลย!!!” เสียงของแมวสฟิงคซ์เรียกพวกของมันอีกเป็นสิบกว่าตัวด้านหลังเริ่มกระโดดเข้าใส่พวกผมอีกครั้ง


สงครามสายพันธ์แมวเริ่มแล้ว!


“เออ เข้ามา!!!” เพราะไร้หนทางจะหลีกหนีแล้ว ส่วนไอ้คนที่พามทางนี้บัดนี้ก็ยืนนิ่งเป็นมหาหินศิลาแลงไปเรียบร้อยจนทำให้ผมต้องตัดสินใจสู้กับเจ้าอมนุษย์แมวตัวกระเปี้ยกแต่พวกเยอะพวกนี้


“กรรรจ์!!!” พริบตาผมก็กลายร่างตัวเองเป็นเสือ ถึงจะดูผิดกฎไปบ้างทีต้องมากลายร่างกลางวันแสกๆแต่ตอนนี้ต้องป้องกันตัว คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...


ผมกระโจนเข้าใส่พวกฝูงแมวอันธพาลจนพวกมันกระเด็นกระดอนไปตัวละทิศตัวละทาง จากนั้นจึงค่อยกระโดดกลับมากันด้านหน้าให้กับเจ้ายักษ์เด็กที่ยืนนิ่งอยู่นั่น


“อมนุษย์เสือ!!!” เสียงจากแมวตัวใดตัวหนึ่งในฝูงดังขึ้น


“หน็อย!! เรียกพวกมาหรอแก!!!” เจ้าแมวสฟิงซ์กัดฟันกรอดก่อนพริบตากลายร่างเป็นมนุษย์ดั่งเดิม เจ้าตัวไม่สูงมากนักแต่ร่างกายผอมโซสวมเสื้อสีขาวแขนยาวขาดวิ่นตัวหลวมจนคอเสื้อตกถึงไหล่สภาพค่อนข้างมอมแมมพอตัว ผมยาวลากไซร้มาถึงต้นคอ


เจ้าตัวแสดงสีหน้าไม่พอใจ กัดฟันจนแน่น ดวงตาหาเรื่องที่ไม่คิดจะปิดบังไว้


“ไอ้ซีน! มึงจำใส่กะโหลกเอาไว้เลย! มันจะไม่จบแค่นี้!!!” จากนั้นเจ้าตัวก็กลับร่างเป็นแมวสฟิงซ์กระโดดเข้าไปพวกของตนด้านหลัง


“พวกมึง! กลับ!!” จากนั้นพวกแมวทั้งหลายก็สลายตัวในพริบตา


.....


อะไร แค่นี้เหรอ...


พวกนั้นก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรนี่นา


“ซีน..” ผมเรียกชื่อคนเด็กกว่าหลังจากกลับมาร่างมนุษย์แล้ว


“มันน่ารัก”


หะ....


“เลยไม่กล้าทำอะไร” เจ้าไลเกอร์ตัวโตถอนหายใจพลางหลับตาลงเหมือนข่มอารมณ์ สีหน้าดูหม่นลงกว่าเดิม


“หมายความว่ายังไง” ผมยังไม่เข้าใจคำพูดของคนตรงหน้าอยู่ดี


“ไม่กล้าทำอะไร แมวพวกนั้น” ซีนค่อยๆพูดออกมา


“เพราะ”


“มันน่ารัก”


ไปไม่ถูก ไปไม่เป็นเลยครับ


เกิดมาเป็นอมนุษย์เสือก็สิบๆปีแล้วก็เพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้นี่แหละ


อ๋อ หรือว่าในตอนที่ผมจอเขาครั้งแรก ที่บอกว่าโดนอมนุษย์แมวไล่ข่วนคือ...


แบบนี้เองหรอกหรอ


เพลียแทน


“เพียว” คนตรงหน้าเรียกชื่อผมแผ่ว ตอนนี้ไร้ความน่าเกรงขามแล้ว ใบหน้าดุๆนั่นดูอ่อนลงทันทีกลายเป็นลูกแมวตัวเล็กไปแล้ว


นี่กลัวแมวหรือไม่กล้าทำอะไรแมว


ขอชัดๆที เอาให้เคลียร์ด้วยนะ


“ไปเถอะ” จู่ๆเจ้ายักษ์ผิวแทนก็คว้าขอมือผมเอาไว้แล้วลากผมไปอีกครั้ง ผมทำอะไรได้อีกล่ะนอกจาลอบถอนหายใจพลางๆไป


แต่เดี๋ยว ขนมเบื้องผมล่ะ


ผมหันหน้าซ้ายขวามองหาขนมของตัวเอง


นั่นไง ถุงขนมเบื้อ....แม่งเละ!!!!


ใคร! แมวตัวไหนทำขนมเบื้องกูเป็นแบบนี้!


พ่อจะตะปปให้หน้าเละ!!!


ระหว่างเดินอยู่คนตัวสูงข้างๆก็เอ่ยปากขึ้น


“ขอโทษ”


“หืม” ขอโทษอะไร


“เพียว ขอโทษ”


“ขอโทษทำไม” ผมถามเจ้าตัวที่เอาแต่ก้มหน้าเงียบ ผู้ชายในชุดเครื่องแบบนักเรียนก็เดินนำหน้าเงียบๆไร้การตอบกลับใดๆ


อะไรเนี่ย


“ทำอะไรไม่ได้”


“มันแค่แมวซีน” โอเค เข้าใจที่พวกผู้หญิงชอบบอกกันแล้วว่า ผู้ชายตัวใหญ่มักมีเรื่องที่Sensitiveง่าย อ่อนไหวแรง ไม่เหมือนตัว


แต่นี่ก็Sensitiveแรงเวอร์วังไป


ไหงไม่เหมือนเมื่อตอนเลิกเรียนวะ


มีสองคนในร่างเดียวหรอ


“อืม”


“นี่กลัวแมวจริงดิ่” ผมรีบวิ่งไปนำหน้าเจ้าเด็กตัวโตแต่กลับSensitiveแรงผิดกับขนาดตัว ซีนไม่ได้พยักหน้ายอมรับหรือส่ายหน้าปฏิเสธ เจ้าตัวแค่มองหน้าผมนิ่งๆอยู่อย่างนั้น

“อะไร มองทำไม” ผมถาม


“มันน่ารัก” ซีนพูดออกมาเสียงเรียบ บรรยากาศเริ่มกลับมาเป็นตัวเขาทีละนิด


“ก็เลยไม่กล้าทำอะไรว่างั้น” คราวนี้เจ้าตัวพยักหน้ารับ


โอเค


ครับ


ทาสแมวนี่เอง


“กลัวมันเจ็บ”


ทาสแมว2018


“เฮ้อ...จริงๆเลย” ผมถอนหายใจ ถึงตัวจะใหญ่ สายเลือดในตัวจะหน้าเกรงขามขนาดไหน


แต่ใจก็ไม่ต่างจากเด็กวัยเดียวกันนักหรอก


จุ๊บ


“!!!!!” ผมเบิกตากว้างสู่ไข่ห่าน เมื่อคนผิวเข้มโน้มตัวลงมาประกบปากเข้าปากของผม เพียงเสี้ยววิที่ผมเผลอตัวแล้วเจ้าตัวก็ละออกไป


“นี่ก็แมว แต่ตัวใหญ่กว่าหน่อย”


ผมอ้าปากกว้างกะจะด่าเจ้าตัวเลือดผสมนี่ซะให้หูชาว่าอยู่มาทำอะไรแบบนี้กลางที่สาธารณะได้อย่างไร แต่ดูเหมือนซีนเขาจะเริ่มกลับมาเหมือนเดิมแล้ว ใบหน้าดุเข้มนั่นแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบางๆที่ทำให้เจ้าตัวมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น


นั่นเลยทำให้ผม...ไม่อยากที่จะด่าเขา


“แมวที่ไหน เสือต่างหาก”


ทำได้แค่พูดไปอย่างนั้น







ไม่นานนักซีนพาผมเดินมาถึงหน้าบ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่งเจ้าตัวกดกริ่งประตูรั้วสักพักจึงมาคนเดินออกมาเปิดประตูพร้อมกล่าวกับเด็กอายุสิบแปดตรงหน้าผม


“กลับมาแล้วเหรอครับคุณซีน” ชายหนุ่มผมยาวที่มัดผมรวบเอาไว้ยิ้มให้กับซีน


“แขก” ซีนพยักหน้าทางผม ทางชายหนุ่มผมยาวก็ยกมือสวัสดีผมจนผมต้องรีบยกมือสวัสดีรับ


“ผมธาราเป็นเลขาฯส่วนตัวของท่านผู้นำของตระกูลเราครับ” ธาราแนะนำตัวอย่างเป็นมิตร


“ตระกูล..”


“ครับ ที่นี่เป็นตระกูลหลักของตระกูลสิงโตของทางเรา” ธารายิ้มอีกครั้ง


“เชิญเข้ามาก่อนเถอะครับ” ธาราผายมือเข้าไปทางด้านใน ซีนเดินเข้าไปแต่ก็ต้องหันกลับมามองผมที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิม


เขามองผมนิ่งไม่ต้องถามผมก็รูว่าเขากำลังมองผมอยู่ว่าทำไมถึงไม่เดินตามเขาเข้าไป


นี่มันตระกูลสิงโต ตระกูลหลักเลยด้วย!


แล้วกูเป็นอะไร


กูเป็นเสือ!!!


คู่แข่งตระกูลมึงไง๊!!


จำกันไม่ได้เหรอจ๊ะ!!!


“ซีน” ผมเอ่ยชื่อเจ้าถิ่นที่บัดนี้เริ่มขมวดคิ้วเป็นปมอีกรอบ “นี่ตระกูลสิงโต”


“อืม ไม่เป็นไร”


“ไม่เป็นไรได้ยังไง กูเป็นเสือ” ผมเถียง


“เพียว” สายตาคมเริ่มส่อแววเหมือนจะดุผมอีกครั้งถึงน้ำเสียงจะยังอ่อนอยู่


ผมสะดุ้งโหยงเมื่อมือเจ้าตัวมาคว้าข้อมือผมอีกครั้ง


มือไวจริงๆเชียว


“สนิทกันดีนะครับ” ธารายิ้มให้ผมอีกครั้ง


“เอ่อ...” ทำไงได้ ผมก็ต้องยิ้มแห้งไปให้เขาเท่านั้น


“เข้าไปด้านในเถอะครับ ท่านหัวหน้ารอคุณซีนอยู่ท่านเป็นห่วงคุณมากๆเลยนะครับ” ธาราว่า


“อืม”


จบบทสนทนาธาราเดินนำพวกผมเข้าบานโดยมีซีนแลละผมเดินตามเข้าไป


เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่า


ผมจะมาที่นี่


มาเหยียบบ้านตระกูลหลักสิงโต


แม่เจ้าโว้ย!


กลัวหางหดแล้วจ้า!!








กลับมาแล้วจ้าาาาาาา
ไม่ได้ทิ้งนะคะ แต่ด้วยเรื่องสภาพจิตใจของเราและเรื่องงานต่างที่ต้องสะสางให้เสร็จ
โต้รุ่งกันไปเป็นเดือนๆ เพิ่งผ่านการสอบมาปาดเหงื่อเลยจ้า
กลับมาอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ ไม่ทิ้งแน่นอนแล้วจะพยายามอัพเรื่องที่เหลือด้วย


ปล.ตอนหน้าคาดว่าน้องเพียวจะจบแล้วล่ะค่ะ   :katai4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Tiger ตอนที่ 4「120318」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-03-2018 22:06:04
น้องซีนน่าเอ็นดู เป็นทาสแมว มาตกหลุมรักเสืออ่ะดิ  :mc2: :mc2: :mc2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | #Tiger ตอนที่ 5 END「060418」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วกระจก ที่ 06-04-2018 21:42:54
#5


“พ่ออยู่ไหน” เดินเข้ามาภายในตัวบ้านใหญ่ได้สักพักซีนก็เอ่ยถามกับเลขาส่วนตัวของหัวหน้าตระกูลอย่างคุณธารา


“อยู่ในห้องทำงานครับ แต่ตอนนี้มีแขกจากตระกูลอื่นมาคุยธุระเลยต้องขอให้คุณซีนรอเวลาก่อน”


สมาชิกตระกูลสิงโตก็คุยกันไปโดยมีผมเดินตามด้านหลังทั้งสองคนอยู่ต้อยๆ แถมซีนยังจับมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อยอีก คนอื่นๆที่เดินผ่านไปมาภายในบ้านก็มองตามเป็นตาเดียว


หากรู้ว่าผมเป็นคนจากตระกูลเสือละก็มีหวัง ถูกกระชากลากชีกจนไม่เป็นชิ้นเป็นอันถ่อสังขารกลับถึงบ้านแน่นอน


“ใคร”


“คนจากตระกูลหมาป่าครับ”


เจ้าไลเกอร์ตัวใหญ่ขมวดคิ้ว หยุดฝีเท้าลงจนทั้งผมและคุณธาราต้องหยุดตาม


“มาทำไม”


“เรื่องนั้นไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัดครับ แต่ทางนั้นแจ้งมาว่าเป็นการติดต่อเรื่องธุรกิจของทั้งสองตระกูลครับ” คุณธาราแจ้ง


อา..ตระกูลอื่นทั่วไปถึงจะถูกจำกัดให้อยู่ในตระกูลนักล่าด้วยกันแต่ก็ทำธุรกิจค้าขายกันได้ คงจะมีแต่เสือและสิงโตที่ถึงแม้เรื่องราวในอดีตกาลก่อนจะจบลงแล้วแต่ทุกๆวันนี้ความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยมาตั้งแต่คราวก่อนก็คงอยู่ให้เห็น


ถึงจะมีกฎเกณฑ์ของโลกอมนุษย์มาใช้ปกครองยังไงก็ไปด้วยกันไม่รอดอยู่ดีทั้งสองตระกูลสินะ


“อืม”


“เดี๋ยวสิครับ เข้าไปตอนนี้ไม่ได้นะครับ” คุณธาราปรามไว้แต่กลับไม่ทันการเสียแล้วเมื่อมือสีแทนของเจ้าลูกผสมเอื้อมไปเปิดประตูห้องที่ผมคาดว่าเป็นห้องผู้นำตระกูลสิงโตเรียบร้อยแล้ว


ซีนออกแรงดึงให้ผมเดินเข้ามาขนาบข้างตัวเองจนตัวผมเกือบเซล้มไป


“คุณซีน!” คุณธาราเอ็ดเสียงดังเมื่อเจ้าลูกชายผู้นำตระกูลอย่างซีนแทบจะไม่ฟังเสียงของเขาเลย


“อ้าว! เจ้าซีน” ผมเงยหน้าขึ้นภายในห้องตรงหน้ามีผู้ชายวัยกลางคนที่ดูแข็งแรงภูมิฐานนั่งอยู่บนโซฟาสีดำตัวใหญ่อีกฝั่งหนึ่งคือชายหนุ่มรุ่นราวคนละยุคกับผู้นำตระกูลแห่งนี้สิ้นเชิง


“เทวา?”


“ว่าไง เห็นคุณภาคินบอกไม่ยอมกลับบ้าน” เสียงนุ่มฟังสบายของชายหนุ่มร่างโปร่งที่นั่งอีกฝั่งของผู้นำตระกูลแห่งนี้เอ่ยทักเจ้าลูกผสมที่กุมมือผมไว้แน่น


“ทำไมพันวาไม่มา” ซีนขมวดคิ้วแน่น


“มาก็ได้เปิดศึกกับเราน่ะสิ” อีกคนว่าเรียบๆพลางลุกขึ้นพร้อมหันไปยิ้มพรายให้ผู้นำตระกูลที่นั่งตรงข้าม “งั้นหัวข้อวันนี้ของเราคงจบเพียงเท่านี้แล้วล่ะครับ ขอบคุณสำหรับความร่วมมือนะครับ”


“อา...เหนื่อยหน่อยนะเทวา”


“ไม่เท่าคุณภาคินหรอกครับ ขอตัวก่อน” ผู้มาเยือนกล่าวลากับผู้นำตระกูลสิงโตก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับบอกลาคุณธาราที่ยืนอยู่ข้างๆผม


“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับคุณธารา”


“ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ” ธารายิ้ม


“เจ้าซีนก็อย่าดื้อมากนักล่ะ” เจ้าตัวพูดพร้อมโบกมือลาจากด้านหลังก่อนจะเดินออกจากบ้านหลักของตระกูลนี้ไป


“ว่าไงไอ้ตัวดี แล้วนั่นหิ้วใครมาด้วยล่ะ” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อผู้นำตระกูลของที่แห่งนี้ซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อของเจ้าลูกผสมตัวใหญ่ข้างๆนี่เอ่ยถาม


“เพียว คนที่เลือก”


หะ


.....


“หืม” พ่อของซีนปรายตามองมาทางผมมองไล่ขึ้นตั้งแต่เท้าไปถึงศีรษะ “สวัสดี ฉันภาคินเป็นพ่อของไอ้ตัวแสบมัน ขอโทษด้วยนะลูกชายฉันคงรบกวนเธอหลายอย่าง”


“มะไม่หรอกครับ แฮะๆ” สมกับเป็นพ่อลูกกัน ถึงคนพ่อจะมีความใจดีอยู่บ้างแต่ออร่าความมาคุนี่ก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย
รู้สึกเหมือนหัวจะหลุดออกจากบ่าอยู่ร่ำไร


“คุณภาคินขอโทษที่เสียมารยาทด้วยนะครับ” คุณธาราก้อมหัวขอโทษผู้เป็นผู้นำ


“เอาเถอะ เรื่องแบบนี้ก็บ่อยจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว” ผู้เป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายขนาดนั้นก็ยังส่งยิ้มมาให้


“เธอเป็นอมนุษย์สินะ สายพันธ์อะไรล่ะ”


“สะ...เสือ ครับ” ผมตะกุกตะกักตอบด้วยเสียงแผ่วเบาจนอีกฝ่ายหัวเราออกมาเล็กน้อย


“ไม่ต้องกลัวไปหรอก ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกนะ”


“อา...”


ช่วงนี้ก็เพิ่งจะหมดฤดูร้อนนะ อากาศก็ร้อนอบอ้าวแทบจะแห้งตายอยู่แล้ว แต่ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าครอบครัวนี้ถึงหนาวไปถึงยวงไส้แปลกๆวะ


ฮืออออ


แม่งเอ้ย


กลัวแล้วจ้า


 “พ่อ”


“อย่าเพิ่งพูดอะไร มานั่งก่อนสิ” ก่อนที่ไลเกอร์ตัวโตข้างๆผมจะได้เอ่ยปาก ผู้เป็นพ่อก็ปริปากแทรกขึ้นไว้ก่อน


ซีนพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายพร้อมทั้งเดินเข้าไปในห้องดั่งเช่นคำเชิญของผู้นำตระกูล โดยเจ้าตัวก็ยังยื้อไม่ยอมปล่อยมือผมเสียที


ปล่อยเถอะ


ขอร้อง


ฮืออออ


“ว่าไงล่ะไอ้ตัวดี หายไปไหนมาเสียหลายวันไม่ยอมกลับบ้าน” คนอายุมากที่สุดภายในห้องแห่งนี้เปิดประเด็น


“อยู่คอนโด”


“ยังไม่ขายไปอีกหรือ”


“...”


“จริงๆเลย นิสัยนี้แก้ไม่หายสิท่า” ผู้เป็นพ่อผ่อนลมหายใจยาวเยียด “ต้องขอโทษเพียวจริงๆ ไอ้ตัวดีคงไปก่อปัญหาไว้มาก”


“มะไม่เป็นไรหรอกครับ แฮะๆ จริงก็ไม่มีปัญหาอะไรมากเลยด้วย”


ไม่มีเลยครับ


แค่อยู่ๆก็มานอนด้วยกัน


แถมยังแปลงเป็นไลเกอร์ให้ช็อคตาตั้งต่อหน้าต่อตา


มาอาศัยอยู่ในบ้านบ่อยๆ


ไม่มีปัญหาเลยครับ


ไม่มีจริงๆ!!


“แล้วนี่ลากเพียวเขามาด้วยแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่า” คุณภาคินหรี่ตาลงมองลูกชายผิวแทนของเขา


“ไม่มี อยากให้มาเฉยๆ”


“เฮ้อ จริงๆเลยเด็กคนนี้” ดูเหมือนทางคุณพ่อก็คงเหนื่อยใจกับพฤติกรรมแบบนี้ของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเต็มแก่


“วันนี้ไม่ค้างนะ จะพาเพียวมาดูสวน” คนผิวแทนลุกขึ้นหันไปบอกผู้เป็นบิกาน้ำเสียงราบเรียบเช่นทุกครั้ง พร้อมกับจับมือผมเอาไว้ออกแรงดึงให้ลุกขึ้นพร้อมกัน


ผมก็ลุกตามอย่างว่าง่ายแต่กลับกันจากเดิม ผมออกแรงยื้อไว้ไม่ยอมขยับตามคนออกจากอีกคน


“จะพาไปไหน ไม่เอานะซีน” ผมแย้ง


ให้มาบ้านตระกูลสิงโตแบบนี้ก็กลัวหัวหดแทบแย่จนเสียชาติตระกูลพยัคฆ์หมดแล้ว คราวนี้จะให้ไปทัวร์ชมอีกมีหวังโดนคนอื่นภายในบ้านหลังนี้กระโจนกระชากหัวหลุดก่อนแน่


ผมกำลังปริปากเพื่อเอ่ยแย้งอีกครั้งแต่ก็ต้อมอมลมกลืนคำพูดก่อนหน้านี้เข้าไป เมื่อคนตรงหน้าหันมามองด้วยสายตาที่คาดเดายากบรรยากาศรอบตัวชวนขนหัวลุกเหมือนครั้งแรกๆที่เจอกัน


แง


ไปก็ได้จ้า


“ไปสิซีน นำไปเลย”


เอาวะ


หัวต้องไม่หลุด


มึงท่องไว้ไอ้เพียว!!



สุดท้ายผมก็ต้องย้ายก้นมาจุ้มปุ๊กอยู่ที่สวนหลังบ้านของตระกูลผู้ล่าคู่กัดกับตระกูลตัวเอง โดยคนที่พามาบัดนี้ก็นั่งกินลมอยู่ข้างๆกันนี่แหละ


ต่างคนต่างเงียบจนได้ยินไปถึงเสยงรถราเคลื่อนตัวด้านนอกเลยทีเดียว


จะว่าไปบ้านสิงโตก็สงบเงียบดีเหมือนกัน


ก็ต่างจากตระกูลหลักเสืออยู่หน่อยๆเพราะที่นั่นเสียงจอแจเยอะจนปวดหัวน่ารำคาญเลย


สวนตรงหน้านี่ก็สวยมากทีเดียว บริเวณไม่กว้างมากเท่าไหร่แต่พืชพรรณไม้ก็เยอะพอสมควร ทำให้บริเวณพื้นที่ตรงหน้าสีเขียวไปหมดแทบจะทุกตารางนิ้ว


“สวนสวยดีนะ ไปจ้างที่ไหนทำล่ะเนี่ย อยู่ส่วนไหนของเมืองไทยจะไปจ้างบ้าง” ผมโพล่งถามขึ้นขำๆเมื่อคิดแล้วคิดอีกว่าบรรยากาศในตอนนี้มันเงียบสงบเกินกว่าที่ควรจะเป็นรึเปล่า


“อยู่นี่”


“....”


“อยู่ตรงนี้”


ผมหันไปสบตากับทางอีกฝ่ายที่หันมาสบตาตรงเวลากันพอดิบพอดีเสียเหลือเกิน


“เอ่อ...สวยดีนะ”


เอ๋อแดกไปแล้ว


เด็กนี่มีความสามารถมากเกินไปหรือเปล่านะ


ผมพอได้ยินเสียงขบขันเบาๆของผิวแทนข้างๆก็ได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้าหันหน้าไปหาเจ้าตัวอีก


“ถ้าเพียวอยากได้ จะไปทำให้” อีกฝ่ายว่า เป็นประโยคธรรมดาที่ผมสัมผัสได้ถึงความพิเศษในน้ำเสียง น้ำเสียงที่ติดจะนุ่มกว่าปกติของคนหน้ากลัวข้างๆนี้

“วันนี้ หน้าโรงเรียนอยู่กับใคร”


โอเคมาแล้วจ้า กับประโยคคำถามที่ไม่อยากได้ยินที่ประจำวันนี้


คิดว่ารอดแล้วนะ


เฮ้อ


“เพื่อนน่ะ แฮะๆ” หัวเราะแห้งเพราะไปไม่เป็นจริงๆในจังหวะนี้


“นั่นน่ะหรือเสือที่ว่า”


“มานั่งทำอะไรอยู่นานสองนานในบ้านตระกูลหลักของเราอย่างนี้นะ”


“ตายแล้ว!! คงต้องล้างบ้านใหม่”


“อย่าพูดไปสิ เดี๋ยวทางนั้นก็ได้ยินเสียหรอก”


ไม่ได้ยินหรอกครับป้า


เสียงจ้อดังนินทาคนอื่นมาไกลขนาดนี้


พูดถึงขนาดนี้แล้วก็มานั่งกรอกคำจ้อข้างหูผมเลยเสียดีกว่า


ผมพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด แต่เอาตามจริงแล้วทางนั้นเขาก็ไม่ผิดหรอกที่จะมาว่ากล่าวผมแบบนี้ ก็ทางผมเองที่ย่างก้าวเข้ามาเหยียบย่ำถึงในตระกูลหลักแบบนี้นี่


ถึงจะไม่ได้เต็มใจก้าวเข้ามาก็เถอะนะ


จะว่าไปแล้ว


ถึงผมที่เป็นคนนอกมีสายเลือดของเสือเข้ามาอยู่ในตระกูลแบบนี้ยังโดนว่ากล่าวถึงขนาดนั้น ลูกเลือดผสมตัวข้างๆนี้ล่ะจะขนาดไหน


พ่อแม่ที่รักกันข้ามสายพันธุ์จนให้กำเนิดลูกสายเลือดผสมที่เป็นไปได้ยากขึ้นมาแบบนี้


ผ่านความลำบากมามากขนาดไหนกันนะ


...


“ยังไงวันนี้ก็พอไว้ก่อนเถอะ คงต้องกลับแล้วล่ะ” ผมหันบอกบอกคนข้างตัวแต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเจ้าลูกเลือดผสมนั้นยืนขึ้นอยู่ก่อนแล้ว


เด็กหนุ่มม.ปลายผิวแทนในชุดนักเรียนเอกชนมองไปยังตรงข้ามอีกฝั่งหนึ่งที่มาของต้นเสียงนินทานั่นที่ยังไม่หยุดวาระเสียที


“แต่ว่านะคุณท่านก็ยอมให้เข้ามาในบ้านโดยไม่ทักท้วงอะไรขนาดนี้”


“ก็คุณหนูเป็นเลือดผสมไง! ลืมไปแล้วเรอะ!”


“เหอะ! คิดว่าฉันอยากจะปองดองกับพวกเสือนั่นเรอะ! ให้ตายก็ไม่อยากเจียกน้ำลายไปสมานสัมพันธ์ด้วยหรอก ที่มีนายเหนือหัวอีกคนเป็นลูกผสมก็ลำบากจะแย่แล้ว ยังจะต้องมานั่งร่วมชายคาเดียวกับเสือเลือดบริสุทธิ์ ฉันจะอยากเอามีดกรีดคอตัวเองตาย” คำพูดกล่าวหาว่าร้ายยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น


บรรดาเสียงอื่นๆที่จะไม่ใช่เสียงเดิมของผู้ร่วมชายคาคนก่อนในตอนนี้ยังดังอยู่อีกเป็นระยะ


“เมื่อกี้ฉันเดินเฉียดๆมา คุณธาราเดินอยู่ด้วยได้ยังไงตั้งนานสองนาน ไม่ขยะแขยงบ้างหรือไงนะ นั่นน่ะสายเลือดที่พยายามแย่งความเป็นใหญ่ของเราเชียวนะ  ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าสายเลือดตัวเองน่ะต้อยต่ำยังไงก็เป็นเพียงรองเท้าแค่สิงโต”


เห้ย!!


อีแบบนี้เริ่มไม่สวยแล้วนะ


ในขณะที่ผมเริ่มฉุนกึกขึ้นสมองกลับมีอีกคนที่แผ่บรรยากาศหน้ากลัวถมึงทึงอยู่รอบๆ ซีนกำมือแน่นจนแดงแววตาที่ดุอยู่แล้วกลับหน้ากลัวขึ้นไปอีก เจ้าตัวเหมือนกำลังโกรธจนเกินลิมิตร


“ซีน เห้ย!! ซีน! เดี๋ยว!!” ไม่ทันที่ผมจะได้ห้ามลูกชายคนโปรดของผู้นำตระกูลเสือแห่งนี้เจ้าตัวก็แปรงเป็นไลเกอร์วิ่งออกไปเสียแล้ว


ให้ตาย!!


รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะไปไหน


ถึงผมไม่รู้ทางของบ้านหลังนี้ก็เถอะ แต่ถ้าดมกลิ่นตามไปก็พอได้อยู่


ถึงผมจะไม่ใช่สายพันธ์สุนัขที่มีความสามารถด้านนี้เฉพาะ แต่ในร่างมนุษย์นี้ก็มีความสามารถดมกลิ่นของเสือพอใช้ได้อยู่บ้างถึงจะไม่เต็มร้อยเหมือนในร่างสัตว์


 “ซีน!!”


ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อวิ่งตามอีกฝ่าย ภาพตรงหน้าคือไลเกอร์สีขาวตัวใหญ่มีลายเสือพาดกลางลำตัวเป็นทางกำลังตะครุบผู้หญิงคนหนึ่งในชุดแม่บ้าน ส่วนอีกสองสามคนทีเหลือก็ล้มพับไปมองภาพตรงหน้าสายตาหวาดหวั่น


ตัวสั่นเทากันเป็นแถว


“หยุดใช้ปากนั่นพล่ามถึงตระกูลของแม่กับเพียวได้แล้ว!!!!!!!” เสียงขู่คำรามกังโชกก้องกังวานไปทั่วจนน่ากลัว เหมือนสัตว์ร้ายที่พร้อมฉีกเหยื่อในมือได้เป็นชิ้นๆในคราวเดียว


“คะคุณหนู ป้าขอโทษแทนยัยเพาด้วย พวกป้าขอโทษ!!” หญิงสาวที่นั่งล้มพับอยู่ข้างๆยกมือไหว้ปรกๆมือไม้สั่นเทิ้มเต็มไปด้วยความกลัวจนผมอดที่จะสงสารไปไม่ได้


“ซีน หยุดเถอะ พวกเขากลัวหมดแล้ว” ผมผ่อนเสียงลง ใช้มือวางไปลำตัวไลเกอร์ตัวใหญ่ที่สั่นไปด้วยความโทสะ ลองใช้ความกล้าในชีวิตครั้งนี้เป็นครั้งแรกถามว่ากลัวไหมบอกเลยว่ามาก แต่ผมกลั้นใจดูซีนกระชากไส้คุณป้าแม่บ้านใต้ร่างของเขาไม่ไหวหรอก


“เสือไม่ใช่สัตว์ต้อยต่ำ!!” ซีนกลับร่างเป็นดั่งเดิม เจ้าตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงปรายตามองไปยังหญิงแม่บ้านที่น้ำตาเล็ดจากกระทำเมื่อครู่


“ทั้งคุณแม่ทั้งเพียว และทุกคนของที่นั่น!!!!” ถึงแม้จะกลับร่างมนุษย์แต่กลับคงเสียงคำรามขู่ดั่งเช่นสัตว์นักล่าในตัวเช่นเดิม


“ป้าขะขอโทษค่ะ คุณหนู ป้าผิดไปแล้ว ปะป้า....”


โอเค


ตอนนี้ป้าแกพูดไม่ได้ศัพท์ไปแล้ว คงเพราะความตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่


แน่นอนว่าป้าแกก็แก่แล้วเจอแบบนั้นไปไม่หัวใจวายก่อนถูกซีนกระชากร่างก็โชคดีแค่ไหนแล้ว


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจนะ แต่พวกเราสายเลือดของเสือมีจุดยืนที่แน่นอนพอ แน่นอนพอที่จะไม่หวั่นเกรงกับลมปากเหม็นๆเพียงแค่นี้หรอกครับ” ผมแทบจะหน้าตายตอนพูดกับหญิงสาวคู่กรณีถึงจะเป็นคำสุภาพน้ำเสียงเฉยชาที่สุดในชีวิต แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะกลัวหัวหดไปเลย


ผมไม่ได้สะใจหรอกที่พูดไปแบบนั้นแต่ขอพูดแทนคนทั้งสายเลือดที่โดนตราหน้าไว้หน่อยก็แล้วกัน


“เอะอะอะไรกัน!?” เสียงคุ้นเคยของคนผู้ที่แยกจากกันมาเมื่อครู่เอ่ยขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับเลาขาประจำตัวของเขาที่มองมายังภาพเหตุการณ์ตรงหน้า


“เอ่อ..คือ”


“พวกนี้...ไม่สมควรมีสายเลือดของสิงโตอยู่ในตัว!” สีหน้าโกรธจัดของซีนยังไม่สร่างไปจากใบหน้า เจ้าตัวดีนัก


“ผมขออธิบายเองครับ”


....


ผมเดินตามทางกลับบ้านในเวลาพระอาทิตย์ลาลับฟ้าไปได้ไม่มาก ข้างๆกันมีลูกผสมสองสายเลือดเดินขนาบข้างกันมาเงียบๆ


หลังจากซีนโกรธเป็นฝืนเป็นไฟตาพร่าหูหนวกไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นนอกจาอารมณ์โกรธเกรี้ยวของเจ้าตัว ณ ตอนนี้ผ่อนผันลงไปมากแล้วแต่น่าจะยังมีเคืองในใจเจ้าตัวเล็กๆนั่นแหละ


หลังจากนั้นผมก็ได้เข้ามานั่งในห้องผู้นำตระกูลที่นั่นอีกครั้ง เพื่อเล่าเหตุการณ์เกือบคร่าชีวิตนั่นให้ท่านผู้นำตระกูลสิงโตฟัง ขนาดผมเป็นคนเล่า คุณธาราที่ยืนฟังอยู่ข้างๆท่านผู้นำของทางนั้นยังฉุนกึกเครื่องติดเหมือนกันทั้งที่มองจากภายนอกเป็นคนนิ่งๆสุขุมแท้ๆ


ไม่รู้ว่าเครื่องจะติดง่ายไม่ต่างกับลูกชายของคุณภาคินเลย


ก็ดูเหมือนจะมีแต่ตัวท่านผู้นำเองที่ใจเย็นตั้งใจฟัง มีเหตุผลสั่งลงโทษคนพวกนั้นอยู่บ้างเล็กน้อย และผมเองก็รับภาระเกลี้ยกล่อมเจ้าตัวดีที่โกรธจัดให้สงบลงต่อกว่าจะได้ขอตัวกลับบ้านโดยเด็กอีกคนพ่วงมาด้วย


อย่าถามนะว่าเด็กไหน


มีอยู่คนเดียว


“แต่วันนี้โกรธมาเกินไปหรือเปล่า” ผมถาม ใจกล้าขึ้นมาหน่อยเมื่อเจ้าตัวเย็นลงแล้ว


“ไม่”


“...”


“น้อยไปด้วยซ้ำ” อีกคนว่าน้ำเสียงติดจะหน้ากลัว ดวงตาคมดุนั่นยิ่งส่อประกายแววโกรธเพิ่มขึ้น


ซวยล่ะกู


ดันเผลอคิดว่าเย็นลงไปมากแล้ว


“เขาไม่มีสิทธิ์มาว่าใครแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาว่าตระกูลของแม่และเพียว”


ผมชี้มาหาตัวเองสีหน้าไม่คาดคิดว่าจะมีชื่อตัวเองอยู่ในประโยคด้วย


“กูไม่คิดมากหรอก ยังไงก็แค่ลมปากเท่านั้นแหละ เป็นถึงอมนุษย์แต่กลับไม่รู้จักคิดจริงๆเลยน้า” ผมไม่คิดมากๆจริง ผมเข้มแข็งมากพอที่จะไม่นำคำพูดมาใส่ใจให้เสียใจและทรมานตัวเองให้เหนื่อยเพราะยังไงเราก็ไม่ได้เป็นดั่งเช่นคำกล่าวของเขา


“เพียวเป็นคนสำคัญ” ซีนหยุดฝีเท้า เขาหันหลังกลับมามองผมจังหวะนี้อยู่ในมุมมืดแต่ผมก็ยังเห็นดวงตาแวววาวสวยของเขาที่ถึงแม้จะดุจนหน้ากลัวไปบ้าง


แต่ดวงตาดั่งลูกแก้วที่สะท้อนต่อแสงไฟนั่น


เหมือนกับสัตว์นักล่าที่สง่างามเหลือเกิน


เหมือนยิ่งจ้องเข้ายิ่งเหมือนกำลังโดนสะกด ติดบ่วงกำดักจากดวงตาที่ทอประกายภายใต้ความมืดนี่


“ไม่อยากให้ใคร ต่อว่าเพียวทั้งนั้น” อีกคนเดินเข้ามาใกล้


“อืม”


“เพียว”



“ว่า”


“ชอบ ชอบเพียวมากๆ ระ...”


ผมตะครุบฝ่ามือปิดปากอีกคนที่ขยับเข้ามาใกล้แน่นจนไม่ให้เสียงของคนตัวสูงกว่าเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย


“ซีน ตอนนี้แค่นี้ก็พอแล้ว เข้าใจความรู้สึกนะ แต่นั่นมัน...เร็วเกินไป” ไม่ใช่ผมไม่ชอบเขา...ไม่ใช่สิ
ยังไงก็เถอะแบบนี้เร็วเกินไป ผมขอแค่รับไว้แค่นั้นก็เพียงพอเท่าไหร่แล้ว


“ไม่เร็วไปหรอก”


“มันเป็นไปไม่ได้หรอก”


“ถ้าคนนั้นเป็นเพียว ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าก็เป็นแบบนั้น”


เสียงเรียบ เฉยชา ดูหน้ากลัวในหลายๆครั้งของซีนที่ทำให้ผมกลัวหัวหดไปเกือบจะทุกครั้งตอนนี้กลับนุ่นนวลเสียจนราวกับฝัน


ซีนรวบมือของผมทั้งสองข้างลงไป เจ้าตัวขยับเข้ามาใกล้จนหน้าเราใกล้กันเรื่อยๆ


สัมผัสแผ่วเบาบริเวณหน้าผากที่บรรจงมอบเข้าทำให้ใจเต้นเป็นกลองยาวแห่ขันหมากไปเลยทีเดียว


.... ถึงจะบางเบาก็แต่ตราตรึง


“จะแสดงให้เพียวเห็น” ซีนยิ้มบางๆจนผมอดเสหน้าหนีไปทางอื่นไม่ได้


ไม่เคยคิดเลยว่าหน้าดุๆเข้มๆนั่นเวลายิ้มจะ...


ดาเมจขนาดไหนกันเนี่ย!


“ขอโอกาสหน่อยได้ไหม”


ขนาดนี้แล้ว...จะให้พูดว่าอย่างไรอีก


ผมขบเม้มริมฝีปากแน่นจนรู้สึกเจ็บ หนีสายตาที่จ้องหน้าผมมันโต้งอยู่อย่างนั้น


ดีขนาดไหนแล้วที่ตรงนี้ค่อนข้างเปลี่ยวช่วงนี้เลยไม่มีคน


บุญยังคุ้มหัวไอ้เพียวอยู่ไงถึงไม่มีใครมาเจอะผู้ชายตัวเท่ายักษ์กับผู้ชายบ้านๆยืนจ้องหน้ากันอยู่แบบนี้


“ว่าไง”


ผมไม่ตอบคนที่เค้นคำตอบตรงหน้านี้สักคำแต่เป็นฝ่ายเดินนำเจ้าตัวออกไปก่อนพร้อมทั้งคว้ามือคนผิวแทนเอาไว้แน่น


“แวะไปกินขนมที่บ้านก่อนกลับ ดีไหม”
นี่กูเกิดมาเป็นเสือหรือเป็นแรดกันแน่วะ


ถามจริงเหอะ!


ไม่รู้ด้วยแล้ว


ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน ชีวิตนี้เกิดมามีแต่เรื่องลำบากใจจริงๆ


ขณะที่ผมเป็นฝ่ายเดินนำพร้อมจูงเจ้าเด็กยักษ์ไปพลางๆรู้สึกสัมผัสที่มือที่จับกันไว้อยู่ๆก็หนักแน่นขึ้นจากอีกฝ่ายบีบเข้ามาเบาๆ


เอาเถอะ


มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย


และในตอนนี้


บางสิ่งบางอย่างภายในหัวใจของกันและกันมันเพิ่ง ‘เริ่มต้น’ เท่านั้น


END






ในที่สุด!!!!!!!!!!
ดำเนินนิยายเรื่อง ผู้ล่า เรื่องนี้มาจนจบแล้ว
ใจหายไปเลยค่ะ ช่วงหลังความถี่เริ่มแผ่วๆลงด้วย
เป็นความผิดของเราเอง
แต่เราพยายามเขียนจนจบค่ะ
ตอนนี้ต้องลาจากจริงๆแล้ว
ทั้งพี่พันวาน้องเทวา
เจ้าลันหนูรุย
เจ้าซีนกับเพียว
คงคิดถึงกันน่าดูเลย


GOOD LUCK
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | END「060418」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-04-2018 16:23:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | END「060418」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-04-2018 17:04:05
น่ารักทุกเรื่องเลย
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | END「060418」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 17-04-2018 09:44:52
ชอบทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | END「060418」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-04-2018 17:54:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | END「060418」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: lostinthelight ที่ 24-12-2018 10:53:23
ชอบมากๆๆๆ ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ :katai2-1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ผู้ล่า ➹ | END「060418」p.2
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 25-12-2018 02:58:44
 o13 o13