ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
*****************************************************************************************
ม า เ ฟี ย ร้ อ ย ก ล
ผู้เขียน : Eigen
'อีธาน เฉิน' คือมาเฟียหนุ่มรูปงาม ได้ชื่อว่าเป็น 'ราชายาเสพติด'
อาชญากรชื่อดังที่ตำรวจต่างตามล่าตัวทว่าไม่เคยมีใครจับเขาได้
รวมถึง 'ม่านเมฆ'...เจ้าหน้าที่ในองค์กรลับแห่งหนึ่งก็ต้องการตัวอีธานเช่นกัน
เพราะทำงานผิดพลาด ม่านเมฆจึงเดินทางไปยังฮ่องกงเพื่อตามล่าตัวอีธาน
ทว่าใครจะคาดคิด เขากลับตกลงไปใน 'แผนการ' ของคนที่เขาล่า
จากผู้ล่ากลายเป็นนักโทษของอาชญากรตัวร้าย...
ไม่อาจดิ้นรนหนี ไม่อาจขัดขืน...
และตกลงไปในกับดักของมาเฟียอย่างอีธาน
ทั้งตัว...และหัวใจ
*****
สวัสดีค่า :-[
เค้าเคยเขียนวายเรื่องสั้นมาเรื่องเดียว
เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกค่ะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าแนวไหน 5555+ เพราะมันผสมๆ กันไปหมด
ทั้งแอคชั่น โรแมนติก ดราม่า Crime Organization
ก็เขียนในสิ่งที่ชอบ ก็ชอบมาเฟียอะไรแบบนี้ >///<
เซตมาเฟียนี้เรื่องถัดไปก็น่าจะทวีความโหดร้ายมากขึ้นอะเนอะ 555+
ขอฝากทุกๆ คนไว้ด้วยนะคะ
และเพื่อแยกแนวให้เป็นเอกเทศ
เลยสร้างเพจใหม่สำหรับแนววายไว้ด้วยค่ะ
ขอฝากทุกๆ คนด้วยนะคะ
แฟนเพจ
https://web.facebook.com/Eigen.Author/
ปล. เรื่องนี้จบแบบ Happy Ending นะคะ
ใจอยากพูดมากกว่านี้ แต่มากกว่านี้ก็เป็นสปอยสำคัญแล้ว 5555555555+ :sad4:
[/b][/size]
ผลงานที่ผ่านมา
[เรื่องสั้น] สวัสดีครับ ผมรักคุณ https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57640.0
ตอนที่ 1
ความสูญเสียคือจุดเริ่มต้น
“แล้วฉันจะรีบกลับมานะคะ”
เสียงหวานใสดังขึ้นพร้อมๆ กับที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้่นมองผู้เป็นสามีแล้วส่งยิ้มหวานให้เขา เรือนร่างบอบบางน่าทะนุถนอมอยู่ในชุดแซกสีขาวส่งให้เธอดูบอบบางราวกับดอกไม้อันแสนล้ำค่า
และใช่...เธอคือของล้ำค่าสำหรับเขา
ชายหนุ่มประคองหญิงสาวแล้วค่อยๆ พาเดินช้าๆ จนไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูรถที่ถูกเปิดออกกว้างด้วยฝีมือของเหล่าบอดี้การ์ดซึ่งยืนเรียงรายรออยู่
ชายหนุ่มเจ้าของดวงหน้าหล่อเหลาคมคายทอดมองร่างในอ้อมแขนด้วยสายตาอ่อนโยนและรักใคร่อย่างสุดหัวใจ...เพราะมีเพียงเธอ ที่ทำให้คนอย่างเขายังรับรู้ได้ว่าโลกใบนี้ยังสดใสและงดงาม ความรักของเธอทำให้เขารู้สึกถึงการมีตัวตน หากขาดเธอ...เขาก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร
แล้วตอนนี้...เธอก็กำลังจะมีทายาทของเขา
ทายาทตัวน้อยๆ ของตระกูลเฉิน...
คนที่แต่ไหนแต่ไรมักจะแสดงแต่ความเย็นชาและโหดเหี้ยมก้มหน้าลงประทับริมฝีปากบนหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา หญิงสาวหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจที่นานๆ ทีสามีผู้เย็นชาจะแสดงความหวานโดยไม่สนใจสายตาใคร เธอเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเขาด้วยความรัก...ที่มีทั้งหมดของหัวใจ
“ฉันไม่อยากให้เธอไปเลยจริงๆ”
ชายหนุ่มพึมพำเสียงแผ่ว รู้สึกใจหายวาบอย่างไรชอบกลกับการปล่อยให้เธอเดินทางไปโรงพยาบาลเพียงคนเดียวในวันนี้ ทั้งๆ ที่มันก็แค่เป็นวันธรรมดาที่เธอมีนัดตรวจครรภ์กับแพทย์ที่โรงพยาบาลก็เท่านั้น
“โธ่...อย่ากังวลเลยค่ะ ฉันก็แค่ไปตรวจครรภ์ตามปกติ คุณก็อยู่บ้านดีๆ นะคะ ฝากดูแลเสี่ยวมาวของฉันด้วย อย่ารังแกมันมากนะ” หญิงสาวยกมือขึ้นลูบแก้มสากระคายของสามีเพราะเจ้าตัวขี้เกียจโกนหนวด พลางหัวเราะคิกคักแล้วฝาก ‘เสี่ยวมาว’ ...แมวเปอร์เซียสีขาวจอมเจ้าเล่ห์ของเธอ ซึ่งเป็นคู่กัดกับสามี ทั้งสองมักทำท่าไม่ถูกกันเวลาอยู่ใกล้ชิดเธอจนทำเอาอดขำไม่ได้
เธอแต่งงานกับเขามาได้ปีเศษ...ชีวิตการแต่งงานกับหัวหน้าตระกูลเฉินไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายๆ คนคิด แล้วยิ่งได้อยู่กับเขาแล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้ผิดหวังหรือต้องย้อนกลับไปคิดว่าตัดสินใจผิดสักนิด แม้ว่าก่อนหน้านั้นเธอจะได้รับการคัดค้านจากทุกๆ คนที่รู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับเขาก็ตาม
เขาอาจเป็นผู้ชายโหดร้ายสำหรับใครต่อใคร...อาจเป็นปรปักษ์กับคนทั้งโลก หากไม่ใช่กับเธอ สิ่งที่เขาเป็นคือผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่กำลังมีความรัก เหมือนกับที่เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ที่หลงรักเขาอย่างสุดหัวใจ
เขา...หัวหน้าแก๊งมาเฟียหนึ่งในสามแก๊งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฮ่องกง
...อีธาน เฉิน
อีธานมองตามท้ายรถของผู้เป็นภรรยาด้วยความรู้สึกหนักใจอย่างบอกไม่ถูก แม้จะมีเหล่าบอดี้การ์ดมือดีที่สุดของเขาตามติดไปนับสิบคน
แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เธอห่างเขาไปก็เท่านั้น...
ชายหนุ่มสลัดศีรษะแรงๆ ไล่ความรู้สึกบ้าๆ ที่ก่อกวนขึ้นมาวนเวียนทำให้เขาไม่สบายใจนับตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้น
ไม่สิ...นับตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาฝันเห็นเธอเลือดท่วมตัวและกำลังจะจากไป
“ได้เวลาแล้วครับนาย” เสียงห้าวของเชส...ลูกน้องคนสนิทที่สุดดังขึ้นจากทางเบื้องหลัง
ตามกำหนดการแล้ววันนี้เขามีธุระด่วนสำคัญที่จะต้องประชุมออนไลน์กับหัวหน้าใหญ่ผู้ดำรงตำแหน่ง ‘เศียรมังกร’ ของ ‘พันธมิตรไตรแอด’ ซึ่งทำให้เขาต้องต้องปล่อยให้ภรรยาเดินทางไปโรงพยาบาลเพียงลำพัง
ไตรแอด (Triad) นั้นคือการรวมตัวกันของสามตระกูลมาเฟียใหญ่ในฮ่องกง หนึ่งในนั้นมีตระกูลเฉินของเขารวมอยู่ด้วย ชายหนุ่มไม่เคยรู้ว่าผู้ดำรงตำแหน่งเศียรมังกรนั้นมีหน้าตาเช่นไร รู้เพียงแค่ชื่อของเขาเท่านั้น
วิลด์เฟรด ชาง
วิลด์เฟรดดำรงตำแหน่งเศียรมังกรตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อนนับตั้งแต่ก่อตั้งไตรแอด ขณะที่บิดาของอีธานเกษียณตัวเองแล้วให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของ ‘ตระกูลเฉิน’ ทว่าทางตระกูลชางกลับไม่มีการเปลี่ยนหัวหน้าสักนิด ยังคงเป็นวิลด์เฟรดอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
และการที่พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่มและบริหารงานองค์กรไตรแอดตามตำแหน่งหน้าที่ของตน ทำให้ระบบการจัดการและการถูกแทรกแซงจากองค์กรปราบปรามอาชญากรรมอย่างพวก OCTB[1] นั้นเป็นไปได้ยาก เมื่อสามตระกูลมาเฟียใหญ่รวมตัวกัน ก็ก่อให้เกิดผลประโยชน์มหาศาลแก่พวกเขาไม่ว่าจะเป็นแง่ของกำลังคน เงิน แม้กระทั่งเส้นสายที่ครอบคลุมแทรกซึมไปในทุกๆ องค์กรของรัฐบาลและเอกชน ทำให้พวกเขา ‘รอด’ เงื้อมมือกฎหมายมาถึงทุกวันนี้
[1] OCTB (Organised Crime and Triad Bureau) หน่วยปราบปรามอาชญากรรมของฮ่องกง
----
เริ่มลงฉบับรีไรท์ตามที่แจ้งค่า ^^
แฟนเพจ
https://web.facebook.com/Eigen.Author/
ตอนที่ 3
Mars VS Dragon
[/b]
งานใหม่ที่พันธิตพูดถึงคือการล่าเสี่ยใหญ่เจ้าของธุรกิจค้ามนุษย์ งานนี้ม่านเมฆไม่ได้เป็นหัวหน้าหรือต้องลงพื้นที่ปฏิบัติการ แผนการของพันธิตคือใช้แอลออร์แกไนซ์แทรกแซงในพื้นที่ที่เสี่ยใหญ่คนนั้นจะเข้ามา ม่านเมฆแค่สนับสนุนกรุยทางให้พวกเขาเข้าถึงตัวเสี่ยใหญ่คนนั้นก็เท่านั้น ทำให้วันนี้ม่านเมฆไม่ต้องออกไปกับคนอื่นๆ ที่จะต้องจัดงานอะไรไม่รู้ที่โรงแรมแกรนด์เซ็นทรัล ทว่าเขานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วคอยควบคุมสั่งการอยู่ทางนั้นมากกว่า อีกอย่างแน่นอนว่างานของเขานั้นจะเริ่มอีกทีหลังงานเลี้ยงนี่เสร็จสิ้น แล้วกว่าจะถึงเวลานัดหมายก็ราวๆ ห้าทุ่มโน่น
ตอนนี้เพิ่งจะเวลาสองทุ่ม ยังเหลืออีกสามชั่วโมงให้เขาต้องนั่งรอเงกเลยทีเดียว
ไอ้ครั้นจะให้เจาะระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมเล่น ก่อนหน้านั้นเพื่องานในวันนี้เขาก็เดินเล่นเสียจนปรุไปหมดแล้ว คิดว่าให้ถึงเวลาปฏิบัติงานจริงค่อยเข้าไปอีกทีดีกว่า แต่จะให้นอนตอนนี้ก็นอนไม่หลับแล้ว ม่านเมฆจึงตัดสินใจเบี่ยงเก้าอี้ไปทางขวามือ แล้วเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของตนเองขึ้นมา
ไอ้จ๊าบ...คอมพิวเตอร์สุดที่รักของเขา ซึ่งอันที่จริงเขาย่อจากชื่อของมันคือจาวิส แน่นอนชื่อนี้ย่อมได้มาจากหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่เรื่องโปรด ถึงภายนอกจะเหมือนแล็ปท็อปธรรมดาๆ แต่คนที่ประกอบมันขึ้นมาอย่างเขา ย่อมรู้ดีว่าคอมพิวเตอร์ของตัวเองนั้นเจ๋งมากแค่ไหน
นี่เป็นข้อเสียอีกอย่างหนึ่งของม่านเมฆ เขามักจะอดใจไม่ไหวที่จะต้องตั้งชื่อให้กับบรรดาของใช้สุดที่รักทั้งหลาย เหมันต์กับเซลีนเคยบอกว่าเขาเพี้ยนที่เห็นพวกคอมพิวเตอร์เป็นน้องเป็นนุ่งหรือเพื่อนสนิทเสียจนต้องตั้งชื่อให้ แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ...เขาชอบของเขาอย่างนี้เขาก็จะทำ
นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำโดยไม่อาศัยหลักการของเหตุและผลก็เป็นได้
เมื่อไอ้จ๊าบรันระบบปฏิบัติการขึ้นมาเสร็จสิ้น ม่านเมฆก็กดเปลี่ยนระบบปฏิบัติการที่เขาสร้างเอาไว้ใช้เอง ถึงเขาจะทำงานเป็นช่างเทคนิคขององค์กรแต่ใช่ว่าเขาจะเลิกทำงานแฮกเกอร์ ตอนนี้ไม่รับงานนอกแต่ก็ถือว่าเป็นงานอดิเรก ก่อนจะเปิดหน้าเว็บเบราเซอร์ขึ้นมาแล้วเริ่มต้นพิมพ์ชื่อเว็บที่เขาจำได้ขึ้นใจ
ว่างๆ อย่างนี้...ไปทักทายมิตรสหายในโลกไซเบอร์ของเขาเสียหน่อยจะเป็นอย่างไรไป
ม่านเมฆบิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มอย่างหมายมาด เขามีเวลาตั้งสามชั่วโมงในการที่จะเข้าไปทักทาย ‘เพื่อนรัก’ ไม่สิ อันที่จริงต้องบอกว่าเป็น ‘ศัตรู’ ที่รู้จักกันมานานกว่าสามเดือน!
๐๐๐๐๐
สัญญาณจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดังขึ้นบ่งบอกว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในระบบทำให้คนที่กำลังนั่งอ่านเอกสารเงยหน้าขึ้นมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนเอง เขาละสายตาจากงานจับฉ่ายอย่างพวกตรวจเอกสารประจำวันเหล่านั้นทันที ชายหนุ่มกระชับแว่นสายตาเปลือยกรอบของตนจนชิดกับดั้งจมูกโด่งตรงแล้วพรมนิ้วลงบนคียบอร์ดตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ระบบความปลอดภัยแจ้งเข้ามาว่ามีผู้จงใจบุกรุกเข้ามาในเซิร์ฟเวอร์ที่เขาดูแลอยู่ซึ่งน้อยคนนักที่จะเจาะเข้ามาถึงในส่วนนี้ได้ เพราะระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่นั้นขึ้นชื่อได้ว่าแข็งแกร่งมาแต่ไหนแต่ไร มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถเข้ามา 'ล้วง' ข้อมูลไปจากที่นี่ได้
สงสัยเป็นพวกอยากลองของ...
เขาคิดในใจขณะที่พิมพ์คำสั่งสะกัดผู้บุกรุกจากนอกระบบอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่นานก็ค้นพบว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของผู้บุกรุกเลยแม้แต่น้อย
เหงื่อเย็นๆ เริ่มผุดซึมขึ้นตามไรผมและสองข้างขมับของเขา ขณะที่ดวงหน้าเรียวเริ่มเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพบว่าตนเองไม่อาจต้านผู้บุกรุกอยู่เลย!
ถ้าไอ้คนที่เข้ามาในระบบได้ข้อมูลที่อยู่ในเขตแดน 'ความลับ' กลับไป
งานนี้เขาตายแน่!
๐๐๐๐๐
ติ๊ด...
เสียงของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดังเตือนขึ้นมาว่ากำลังมีผู้บุกรุก ทำให้อีธานต้องละสายตาจากรูปถ่ายในมือแล้วหันไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองแทน พลันคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อได้รับสัญญาณเตือนมาว่าขณะนี้กำลังมีผู้บุกรุกเข้ามาในระบบของเขา...ซึ่งในส่วนนี้คือส่วนที่เก็บรักษาความปลอดภัยสูงสุดเอาไว้!
ชายหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปาก ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความตื่นเต้นที่ถูกท้าทาย รู้ได้ทันทีว่าใครคือคนที่บุกรุกเข้ามาในระบบของเขานั้นเป็นคนที่เขาเฝ้ารอมาร่วมเดือนหลังจากการปะทะกันเมื่อหนึ่งเดือนก่อนระหว่างผู้บุกรุกระบบและผู้ป้องกันเช่นกัน
'Mars' คือชื่อของแฮกเกอร์ฝีมือดีที่บุกเข้ามาในระบบการรักษาความปลอดภัยที่เขาดูแลอยู่ จนกระทั่งหลุดเข้ามาเขตแดนลับที่สุดที่เขาดูแลด้วยตนเองได้เมื่อหลายเดือนก่อนและยังคงวนเวียนเข้ามาอีกสองสามครั้ง และทุกครั้งก็มักจะสร้างความปั่นป่วนทิ้งเอาไว้ให้เสมอ แต่การปะทะกันเช่นนี้ก็ก่อให้เกิดมิตรภาพแบบแปลกๆ ระหว่างเขากับไอ้คนที่บุกรุกเข้ามา
แต่ทว่า...ชายหนุ่มคิดมาถึงตรงนี้แล้วคลี่ยิ้มเหี้ยมเกรียม ขณะที่มือเริ่มพรมคีบอร์ดเพื่อคีย์ชุดคำสั่งอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเริ่มตั้งหลักตอบโต้ด้วยโปรแกรมที่เขาคิดขึ้นมาเพื่อจัดการไอ้มาร์ตัวแสบนี่โดยเฉพาะ!
หลังจากที่โดนแหย่ด้วยการเดินเข้ามาป่วนในระบบหลายหน ทั้งนี้เขาหมายมาดในใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องจับตัวไอ้แฮกเกอร์คนนี้ให้ได้!
๐๐๐๐๐
ม่านเมฆขยับแว่นตาที่เลื่อนตกลงไปอยู่ตรงปลายจมูกให้กระชับใบหน้าอีกครั้ง เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมตามไรผมทั้งๆ ที่อากาศภายในห้องทำงานที่อยู่ในดินของเขานั้นเย็นจัด ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกว่าวันนี้ฝ่ายตรงข้ามดูจะแปลกไปกว่าทุกวัน เพราะแรกเริ่มฝ่ายดูเหมือนจะปล่อยให้เขาเจาะระบบเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในระหว่างที่กำลังสนุกและย่ามใจถึงฝีมืออ่อนด้อยของอีกฝ่ายที่โดนแหย่ไปหลายครั้งแล้วก็ยังป้องกันได้ไม่ดีพอ ส่งผลให้คราวนี้เขาเข้ามาได้ถึงส่วนที่เป็นความลับสูงสุด ม่านเมฆเลยยังไม่ทันได้เอะใจเสียด้วยซ้ำว่ามีอะไรผิดปกติ เนื่องจากกำลังตื่นตาตื่นใจกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาจนไม่ทันได้เฉลียวใจ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าถึงส่วนลับที่สุดเช่นนี้ จึงได้รีบทำการถ่ายโอนข้อมูล จนกระทั่งเมื่อครู่ เขาถึงเพิ่งได้รู้สึกตัวว่าใน 'ข้อมูล' ที่ตัวเองกำลังดึงมานั้นมีอะไรบางอย่างแฝงมาด้วย!
“โครงการท่าเรือทวาย...”
ชายหนุ่มอ่านหัวข้อนั้นเบาๆ แล้วทำท่าจะคลิกไฟล์นั้นเข้าไปอ่านรายละเอียดภายใน ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ไอ้จ๊าบของเขาก็ค้างไปราวๆ ห้าวินาทีก่อนจะใช้งานได้ปกติ ซึ่งทำให้เขารู้ตัวทันทีว่าตนเองประมาทเสียแล้ว และดูเหมือนว่าเธอจะโดนดีเพราะอีข้อมูลนี้นี่แหละ!
ไฟวอลล์ของเขาเริ่มเตือนว่ากำลังมีผู้บุกรุก และการโจมตีนั้นก็รุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ม่านเมฆกัดริมฝีปากล่างของตนเองแน่น แล้วเริ่มเรียกโปรแกรมป้องกันที่เขียนเองขึ้นมาเพื่อโจมตีอีกฝ่ายกลับ พร้อมกับเริ่มถอนตัวเองออกจากระบบของฝ่ายโน้นมาเรื่อยๆ เขาเริ่มที่จะใช้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่เช่นเดียวกันเพราะฝ่ายนั้นที่หลายต่อหลายครั้งทำเหมือนอ่อนด้อยกว่าเขา หากคราวนี้กลับดูแข็งแกร่งราวกับเป็นคนละคน
ไม่สิ...อันที่จริงต้องบอกว่าที่ผ่านมาฝ่ายนั้นออมมือพอๆ กับที่เขาออมมือนั่นแหละ!
ม่านเมฆตัดสินใจถอนตัวออกมาเพราะตอนนี้ถือว่าคุ้มค่าแล้วกับการเข้าไปเดินเล่นในครั้งนี้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะบุกทะลวงปราการป้องกันของเขาเข้ามาจนถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของเขาซึ่งในเครื่องนี้มีแต่เรื่องลับๆ ทั้งนั้น
ม่านเมฆสะดุ้งสุดตัวในยามที่เริ่มถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว กลับพบว่าอีกฝ่ายคล้ายกับจะสร้างปราการกักตัวเขาเอาไว้ แต่โชคดีที่เขาหาช่องโหว่ออกมาจนได้ อีกฝ่ายคงหัวเสียน่าดูที่สุดท้ายเขาก็หลุดมือไป
“เฮ้อ...เกือบไป"
ชายหนุ่มบ่นพึมพำเบาๆ ถอดแว่นวางไว้กับโต๊ะ ขณะที่ใช้มือเช็ดเหงื่อตามไรผมลวกๆ มองไอ้จ๊าบที่ดับลงแล้วจึงจัดการเปิดเครื่องใหม่อีกครั้งเพื่อประเมินความเสียหาย เขาพบว่าไอ้จ๊าบของเขาถูกไวรัสและการโจมตีจากอีกฝ่ายเสียหายไปราวๆ สี่สิบเปอร์เซ็น ซึ่งเป็นความเสียหายที่มากที่สุดนับตั้งแต่เขาเป็นแฮกเกอร์มา แต่แล้วก่อนจะจัดการดึงข้อมูลที่ตัวเองไปฉกมาได้ จู่ๆ หน้าจอของไอ้จ๊าบก็ดับวูบลง พร้อมกับข้อความที่สีตัวอักษรเป็นสีขาวตัดกับพื้นสีดำสนิท ทักทายเขาเป็นภาษาอังกฤษว่า
‘Nice to meet you ‘Mars’
Form Dragon'
TBC.
แฟนเพจ
https://web.facebook.com/Eigen.Author/
***ตอบคำถาม****
เรื่องนี้จบแบบ HE นะคะ
อย่าเพิ่งหวั่นไหวว่าพระเอกตายยยยย 5555555+
‘Nice to meet you ‘Mars’
Form Dragon'
“ดราก้อน...”
ม่านเมฆพึมพำชื่อนั้นออกมาเบาๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่น เพราะชื่อนี้ไม่ค่อยคุ้นหูของเขาเท่าไหร่ในโลกของแฮกเกอร์ทั้งๆ ที่เขารู้จักคนมีฝีมือทุกคนและรู้จักดีเสียด้วยแม้จะไม่เคยเจอกันมาก่อนก็ตาม ทว่ากับดราก้อน...เขากลับจำไม่ได้เลย แล้วยิ่งฝีมือแบบนี้เขาจำต้องยอมรับว่าเกือบจะเหนือกว่าตนเองด้วยซ้ำ
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้ม่านเมฆสะดุ้งสุดตัว แล้วจึงรีบกดรับสายอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเป็นเหมันต์โทร.มา
“ว่าไงพี่เหม?”
“แกทำอะไรอยู่เมฆ ฉันโทรหาไปก่อนหน้านั้นก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์”
คำพูดรัวเร็วบวกกับน้ำเสียงร้อนรนนิดๆ ของเหมันต์ส่งผลให้ม่านเมฆยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองแรงๆ เมื่อครู่นี้เขาคงจะเอาแต่จดจ่อกับคอมพิวเตอร์มากเกินไปจนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น เมื่อเหลือบตาไปดูนาฬิกาจึงพบว่านี่เหลือเวลาไม่ถึงห้านาทีที่จะต้องปฏิบัติการ ทว่าเขากลับยังไม่ติดต่อเพื่อบอกแผนขั้นต่อไปกับเหมันต์เสียที
“ขอโทษทีพี่ พอดีติดธุระนิดหน่อยน่ะ” ม่านเมฆบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนอ่อยที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด แล้วก็ได้ยินเหมันต์ถอนหายใจยาวออกมา ก่อนจะตอบรับคำขอโทษนั้นเบาๆ
จากนั้นสองหนุ่มจึงเริ่มเข้าสู่โหมดของการทำงานทันที ม่านเมฆเริ่มเจาะระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมที่เหมันต์ไปรับงานจัดเลี้ยงอะไรสักงานในโรงแรมนั้นบังหน้า ส่วนเบื้องหลังนั้นคือการกำจัดพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่อย่างนายเกริกให้สิ้นซาก เนื่องจากเสี่ยใหญ่คนนี้เป็นผู้ทรงอิทธิพล คดีฆ่าตัดตอนอีกหลายคดีที่เกิดจากการสั่งลงมือของนายเกริก ทว่าเพราะอิทธิพลของพวกมีสีบางคนที่หนุนหลังเขาทำให้นายเกริกจึงหลุดออกมาจากเงื้อมมือกฎหมายได้ กระทั่งเมื่อวันก่อน พันธิตได้ให้ข้อมูลแก่เขามาเพื่อวิเคราะห์หาทางกำจัดนายเกริกเสียที ม่านเมฆจึงสนับสนุนความต้องการนี้ และเริ่มวางแผนจับกุมเสี่ยใหญ่รายนี้ที่ได้ยินว่าจะส่งมอบข้อมูลยาเสพติดล็อตใหญ่และเหมันต์ก็ต้องเป็นคนขโมยข้อมูลนั้นมาพร้อมกับหาทางจับกุมนายเกริกให้ได้!
“เอาล่ะ เรียบร้อย" ม่านเมฆบอกกับปลายสายที่คงนิ่งรออย่างใจจดใจจ่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยที่มักจะใช้เมื่ออยู่ในเวลาทำงาน "เริ่มงานของพี่ได้เลย จำเอาไว้ว่าพี่มีเวลาเพียงสิบห้านาทีในการจับนายเกรินนั่นก่อนคนของมันจะเข้ามาได้ แล้วรีบออกไปจากที่นั่นให้เร็วที่สุด ก่อนที่พนักงานที่นั่นจะแก้ระบบกล้องวงจรปิดได้"
“อืม...”
ปลายสายรับคำอย่างแผ่วเบาแล้วไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาอีก
ม่านเมฆเหลือบตามองดูนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจยาวพลางเริ่มนับเวลาถอยหลังเพื่อรอเวลาเสร็จสิ้นภารกิจ แต่ในระหว่างนั้นเองที่เขาก็อดเหลือบไปมองไอ้จ๊าบที่วางข้างๆ กันไม่ได้
ดราก้อน... ชายหนุ่มพึมพำชื่อนี้ในใจ
คือใครกัน...
๐๐๐
ในขณะเดียวกัน
ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาเรียวคมกริบจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนเองด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความพึงพอใจ ปลายนิ้วชี้ไล้ริมฝีปากหยักลึกของตนเองแผ่วเบาด้วยท่าทีครุ่นคิด เมื่อสายตาเห็นที่หมายที่วิเคราะห์ออกมาได้แล้วว่าผู้ที่เล็ดลอดหนีไปจากเงื้อมมือของเขาได้ทั้งๆ ที่เขาล้อมจับอย่างสุดความสามารถนั้นขณะนี้ที่อยู่ของอีกฝ่ายเป็นที่ใด
“ประเทศไทย...”
อีธานพึมพำชื่อประเทศปลายทางของอีกฝ่ายที่เขาสามารถดักจับจากหมายเลขไอพีแอดเดรสออกมาได้ ถึงจะไม่ได้ทั้งหมดจนถึงกระทั่งรู้ว่าฝ่ายนั้นอยู่พิกัดไหนแน่ๆ แต่นี่ก็มากพอแล้วสำหรับข้อมูลที่ได้
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเหี้ยมเกรียม ไม่นานหรอกเขาก็จะได้รู้ว่าฝ่ายนั้นเป็นใคร...แถมยังหาญกล้าเจาะเอาข้อมูลบางส่วนในฐานแฟ้มลับของเขาออกไปได้ เอาเถอะ... บางทีข้อมูลบางส่วนที่เสียไปที่จงใจใช้เป็นเหยื่อยล่อก็อาจจะทำให้เขาได้อะไรตอบแทนกลับมาก็เป็นได้!
แต่คงต้องรอดูว่า...เมื่อไหร่ฝ่ายนั้นจะรู้ตัวว่าข้อมูลที่ได้ไปนั้นอาจจะไม่ได้เป็นประโยชน์...ทว่ากำลังกลายเป็นยาพิษที่เขาจงใจส่งไปให้ก็เป็นได้!
๐๐๐๐๐
วันต่อมา
“เมื่อคืนนี้แกทำอะไรกันแน่น่ะเมฆ ทำไมถึง...” เหมันต์ไม่พูดอะไร นอกจากยักไหล่เบาๆ ขณะที่เซลีนหันมามองด้วยความสนใจกับความผิดปกติของม่านเมฆเช่นเดียวกัน
“ก็...” คนที่เพิ่งเคยทำผิดครั้งแรกได้แต่ยกมือขึ้นเกาศีรษะ ส่งผลให้ผมที่เริ่มยาวระต้นคอดูยุ่งมากกว่าเดิม “พอดีว่ามัวแต่ยุ่งกับธุระนิดหน่อยน่ะ ยังไงฉันขอโทษก็แล้วกันนะ" เขาเอ่ยขอโทษออกมาอย่างง่ายๆ และไม่คิดจะอธิบายอะไรต่อเพราะรู้ว่ายังไงสองคนนี้ก็คงจะไม่เข้าใจเท่าไหร่
และทันทีที่เซลีนได้ยินคำขอโทษที่หลุดออกมาจากปากม่านเมฆ หญิงสาวก็จิกตาดุใส่คนอายุมากกว่าแล้วโพล่งขึ้นมาด้วยความไม่พอใจทันที “คิดว่าแค่คำขอโทษของนายมันจะฟังขึ้นงั้นเหรอเมฆ รู้ไหมว่าเมื่อวานนี้งานเกือบล่มเพราะนายติดธุระ! ทั้งๆ ที่นายก็รู้อยู่แล้วว่าเมื่อวานนี้มีงานสำคัญ นายเป็นคนสั่งงานนี้เอง แต่นายกลับ...”
“ลีน!”
เหมันต์เรียกชื่อเซลีนเสียงหนัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นหันไปมองคนพูดเขม็ง แล้วนิ่วหน้าเป็นเชิงปรามไม่ให้อีกฝ่ายพูดอะไรออกมา
ทว่าเซลีนหรือจะฟัง “เมฆควรจะได้รู้ตัวสักทีว่าทำผิด พี่ไม่ควรเข้าข้างคนผิดนะเหมันต์" หญิงสาวค้านเสียงเขียวด้วยความไม่พอใจ "ทั้งๆ ที่เมื่อวานนี้พี่อาจจะตายได้"
“เอาเถอะๆ แต่งานมันก็สำเร็จ แล้วฉันก็รอด" เหมันต์เอ่ยด้วยท่าทีอลุ่มอล่วย
เห็นเหมันต์ช่วยตนเองอย่างนั้น ม่านเมฆก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด “ฉันผิดเองจริงๆ ฉันขอโทษ"
“นายหายไปทำอะไรกันแน่น่ะเมฆ”
เซลีนเอ่ยถามเสียงเขียว กอดอกแน่น ท่าทีของเจ้าหล่อนคล้ายกับผู้คุมที่กำลังสอบสวนนักโทษอย่างไรอย่างนั้น ขณะที่เหมันต์เห็นอย่างนั้นก็ยกมือหมายจะห้ามปราม ทว่าม่านเมฆกลับโบกมือไปมาพร้อมกับพูดว่า
“ไม่เป็นไรพี่เหม ให้ลีนถามเถอะ...” พูดจบเขาก็หันไปทางเซลีน ก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่ายว่า "ฉันแฮกเข้าไปในระบบของพวกเฉินซีน่ะ" ชายหนุ่มตอบคำถามตรงๆ และเฉินซีที่เขาพูดถึงก็คือกลุ่มมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในแถบเอเชียในเวลานี้ เนื่องจากเฉินซีเป็นหนึ่งในพวกไตรแอด ซึ่งเป็นการรวมตัวของสามตระกูลมาเฟียของฮ่องกง เซี่ยงไฮ้และไต้หวัน “พอดีก่อนหน้าจะเริ่มงานของฉันประมาทเองที่เห็นว่าเวลามันเหลือเยอะ เลยเข้าไปดูอะไรๆ ฆ่าเวลาจนเพลินไปหน่อย" ม่านเมฆอธิบายความจริงสั้นๆ ไม่คิดจะบอกว่าจริงๆ เขาถูกกักอยู่ในระบบจนเกือบจะออกมาไม่ได้ และเขาก็ไม่คิดจะหาทางออกง่ายๆ ด้วยการทำแค่ปิดปลั๊กหรือตัดการเชื่อมต่ออินเตอร์เนต เพราะนั่นเป็นการเสียศักดิ์ศรีอย่างที่สุดที่จะทำเช่นนั้น!
“หึ"
พอได้ฟังคำตอบของม่านเมฆแล้ว เซลีนที่กอดอกเชิดหน้าอยู่ก็ไม่ว่าอะไรออกมา ทว่าบรรยากาศเคร่งเครียดก็ยังไม่จางหายไปจากรอบๆ ตัวของทั้งสามคน
“เอาน่า...เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วน่ะลีน” เหมันต์เริ่มไกล่เกลี่ย "ยังไงก็ถือว่าเมฆทำงานอยู่เหมือนกัน ไม่ได้เอาเวลาไปทิ้งเล่นๆ อีกอย่างงานเมื่อคืนก็ใช่ว่าเมฆจะเข้ามาสั่งการไม่ทันเสียหน่อย"
เซลีนไม่ตอบอะไร ทว่าดวงหน้าสวยจัดก็ยังคงแสดงสีหน้าบึ้งตึงและท่าทีปั้นปึ่งตามประสาคนใจร้อนและเอาแต่ใจตัวเอง ยิ่งตอนนี้ม่านเมฆเป็นคนผิด ทว่าเหมันต์กลับทำเหมือนเข้าข้างอีกฝ่ายเสียอย่างนั้นจึงทำให้เซลีนออกจะไม่พอใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“มีอะไรกัน...?”
พันธิตที่เดินเข้ามาภายในห้องครัวแล้วเห็นทั้งสามชุมนุมกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดตั้งแต่เช้าก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
“ไม่มีอะไรครับหัวหน้า" เหมันต์เป็นคนตอบ ขณะที่เซลีนก็ได้แค่แค่นเสียงหึในลำคอออกมาครั้งหนึ่งแล้วไม่พูดอะไร ส่วนม่านเมฆก็ได้แต่นั่งซึมกะทือเพราะความง่วงอยู่ตรงข้ามกับเซลีนนั่นแหละ
พันธิตกวาดตาดูลูกน้องใต้อาณัติ ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็รู้จักดีมาตั้งแต่ยังเล็กด้วยกันทั้งนั้น ก็รู้อยู่หรอกว่ามีอะไรผิดปกติแต่ก็ขี้เกียจซักไซ้ไล่เรียง จึงเลือกที่จะปล่อยผ่านไปเพราะถ้าเรื่องมันหนักหนาจริงๆ ทั้งสามคนก็ย่อมต้องรายงานแก่เขาอยู่แล้ว
“งั้นก็แล้วไป" พันธิตเอ่ยขึ้น แล้วจึงเปลี่ยนเรื่อง "เย็นนี้ไม่มีธุระอะไรกันใช่ไหม ผมจะขอประชุมหน่อย"
“ประชุมเรื่องอะไรเหรอคะ?”
เซลีนถามขึ้นอย่างสงสัย
“งานใหม่น่ะ ข้างบนท่านสั่งให้เราเริ่มจับตาดูอย่างใกล้ชิด ยังไงค่อยคุยรายละเอียดกันตอนเย็นอีกที" พันธิตตอบคำถามของเซลีน ก่อนจะหันไปทางม่านเมฆ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าง่วงซึม ทว่ากลับเป็นคนเดียวที่ไม่มีท่าทีแปลกใจอะไรเนื่องจากม่านเมฆรู้ล่วงหน้าจากที่เขาบอกไปก่อนอยู่แล้ว "ว่าแต่เมฆเถอะ ท่าทางแบบนั้นนอนไม่พอหรือยังไง วันนี้เราไม่มีงานหรือธุระอะไรใช่ไหม?” ม่านเมฆปรือตามองพันธิตก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ ผู้สูงวัยกว่าจึงเอ่ยต่อไปว่า "งั้นก็ไปนอนพักซะ อย่าเอาเวลาไปทำพวกของเล่นของเราล่ะ"
“ครับ...” ม่านเมฆรับคำพลางหาวหวอดอีกครั้ง
“ผมไปธุระแล้ว เจอกันตอนเย็น”
พันธิตพูดจบก็เดินจากไป ส่งผลให้เซลีนที่นั่งหน้าตูมเพราะหัวหน้าที่เธอเคารพรักเขาไม่ต่างจากบิดาไม่ค่อยสนใจอะไรตัวเองนัก เธอหันไปทางม่านเมฆ คิ้วเรียวสวยของแม่สาวเจ้าอารมณ์ขมวดมุ่นจนหัวคิ้วแทบจะชนกันในตอนที่จ้องม่านเมฆด้วยสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ พร้อมกับคำถามที่เอ่ยถามว่า "นายรู้เรื่องประชุมเย็นนี้ใช่ไหมเมฆ"
“อือ...” ม่านเมฆตอบรับเสียงยานคาง เขารู้มาได้สองสามเดือนแล้วเพราะช่วงนี้เขากำลังรวบรวมข้อมูลของเป้าหมายอยู่
“งั้นบอกมาตอนนี้ก่อนเลยว่ามันเรื่องอะไรกัน"
“ลีน...” เหมันต์ปรามเมื่อเห็นว่าเซลีนทำไม่ถูกที่คาดคั้นจะเอาคำตอบจากสิ่งที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะได้รับรู้จากม่านเมฆ
คนง่วงตวัดตาจ้องมองกับเซลีนเขม็ง "เดี๋ยวตอนเย็นก็รู้เอง"
“เมฆ!”
“ฉันง่วงแล้ว ขอไปนอนก่อน เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเลย" พูดจบม่านเมฆก็ขยับเดินหนีจากห้องโต๊ะกินข้าวในห้องครัว ซึ่งเป็นที่ชุมนุมในยามเช้าของคนในองค์กรออกไปเป็นคนแรก ทิ้งให้เซลีนได้แต่นั่งขัดใจโดยมีเหมันต์ที่พยายามจะปลอบให้หญิงสาวคนเดียวใจเย็นๆ อย่าโมโหเพื่อนสนิทของตนเองเลย
To be Continuous......
แฟนเพจ
https://web.facebook.com/Eigen.Author/
ตอนที่ 7
สิ่งที่ผมต้องการคือคุณ
หลังจากรับกระเป๋าจากสายพานเรียบร้อย ม่านเมฆก็เดินตามป้ายทางออกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงทางออก ภายในสนามบินเช็ก แล็บ ก็อกมีผู้คนขวักไขว่ ทั้งที่จะเดินทางออกนอกประเทศและเพิ่งเดินทางมาถึงฮ่องกงเช่นเดียวกันกับตนเอง
ม่านเมฆกำลังเช็กข้อมูลที่เซฟเก็บไว้ในไอแพดของตนเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลการเดินทาง และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับฮ่องกงทั้งสิ้น และต้องยอมรับว่าเขาค่อนข้างมีปัญหากับมันพอสมควร เพราะถึงแม้จะเก่งกาจในตำรามากแค่ไหน แต่กลับเจอโลกภายนอกจริงๆ น้อยยิ่งกว่าน้อย เพราะความขี้เกียจที่จะออกไปไหน
“รู้อย่างนี้ตอนเรียนออกมาข้างนอกบ้างก็ดี ทำไมมันไม่เหมือนในหนังสือหรือรีวิวเขียนบอกเลยนะ"
ชายหนุ่มบ่นพลางเกาหัวแกร็กๆ พลางหันซ้ายหันขวา จากข้อมูลที่หามาจากอินเตอร์เน็ตบอกว่าเขาควรจะต่อรถไฟใต้ดินเพื่อเข้าไปยังโรงแรมที่จองเอาไว้ซึ่งอยู่ฝั่งเกาลูน เมื่อดูเวลาตอนนี้แล้วอาจจะต้องรอจนถึงช่วงเวลาที่รถไฟฟ้าใต้ดินเปิดใช้บริการจึงจะไปต่อได้ กับอีกทางเลือกคือเขาต้องขึ้นแท็กซี่เข้าเมือง
ม่านเมฆถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ลากขาเดินไปตามทางที่ป้ายบอกทางไปยังจุดจอดรถแท็กซี่เพื่อเข้าเมือง
“คิดผิดแล้วที่หนีไอ้ไคลน์มาคนเดียว รู้อย่างนี้พ่วงเอาหมอนั่นนั่นมาด้วยคนก็ดี อย่างน้อยก็มีเพื่อนละ”
เขาบ่นพึมพำอย่างเสียดาย
ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาคมกริบ หางตาชี้เฉียงขึ้นส่งผลให้เขาดูน่ากลัวดุดันไม่น้อย เขาไม่แม้แต่จะเหลียวมองสูงโปร่งของชายหนุ่มที่เดินสวนเขาไป ทว่าเขากลับสั่งคนข้างๆ รีบตามไปทันที
“เตรียมประกบไว้ พอได้จังหวะเมื่อไหร่ให้จับตัวมาทันที"
“ครับคุณเชส” ลูกน้องของเขารับคำอย่างเคร่งขรึม ขณะที่เริ่มขยับตัวตามชายหนุ่มที่ถูกชี้เป้าไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันจะไปรอที่รถ จะเริ่มลงมือเมื่อไหร่ส่งสัญญาณมาทันที เข้าใจไหม” เขาสั่ง ขณะออกเดินไปยังประตูทางออก ซึ่งมีคนของเขาจอดรถรออยู่
เชสได้รับคำสั่งจากผู้เป็นเจ้านายให้ออกมาดักรอผู้ชายคนหนึ่ง เขาทำตามคำสั่งด้วยการมาที่นี่ และไม่นานก็เจอกับเป้าหมายที่ดูเป็นคนเรียบๆ ไม่มีอะไรสะดุดตา ไม่รู้ทำไมเจ้านายของเขาถึงต้องการตัวนัก
แต่เอาเถอะ...ไม่นานเขาจะได้รู้
ผู้ช่วยหนุ่มล้วงหยิบเอาโทรศัพท์เครื่องเล็กออกมาระหว่างที่เดินไปยังจุดนัดหมายกับคนของตนเอง ชายหนุ่มต้องรายงานความคืบหน้าให้ผู้เป็นเจ้านายรับรู้
“ตอนนี้เราเจอตัวเป้าหมายแล้ว สักพักจะรีบนำตัวไปส่งที่เซฟเฮ้าส์นะครับ"
ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับ กระทั่งเชสเคิดว่าอีธานวางสายไปแล้ว หากไม่เป็นเพราะตอนที่จะกดตัดสาย อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นว่า
“เชส...จำเอาไว้ล่ะว่าเอาตัวเขามาเงียบๆ ที่สุด เข้าใจไหม”
น้ำเสียงของอีธานแม้จะฟังดูแผ่วเบาราบเรียบไร้อารมณ์ ทว่ากลับเป็นคำสั่งที่ผู้เป็นลูกน้องเช่นเขายากที่จะขัดขืน
“รับทราบครับ"
“พอเดินพ้นออกมาก็จะเจอทางไปต่อแถวแท็กซี่…” ม่านเมฆพึมพำข้อความที่ตนเองจำได้แม่นยำจากการอ่านรีวิวการเดินทางทางอินเตอร์เนต พลางเหลียวมองหาจุดสังเกตที่จะพาเขาเดินฃไปยังที่รอรถสาธารณะ ตามที่มีคนเขียนบอกทางเอาไว้ “จากนั้นก็...โอ๊ย คนจะเยอะไปไหนวะ ไม่รู้หรือไงว่ากูเวียนหัว”
ชายหนุ่มบ่นอย่างหัวเสีย ส่วนใหญ่ต้องยอมรับว่าเขาเองนั่นแหละไม่ชินกับการอยู่ในที่ชุมชนและคนหมู่มาก นอกจากจะรู้สึกมึนๆ เพราะคนเยอะแล้ว การที่ไม่ชำนาญเส้นทางเอาเสียเลยก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและหัวเสียได้ง่ายมากๆ เนื่องจากรู้สึกว่าเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองไร้ความสามารถเสียจนน่าโมโห
ในระหว่างที่กำลังบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย ความคิดของเขาก็มีอันต้องกระเด็นกระดอนหาย เนื่องจากจู่ๆ ก็มีบางอย่างแวบผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนสิ่งนั้นจะจงใจขวางทางเขาเสียด้วย ม่านเมฆที่สาวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไม่สามารถหยุดฝีเท้าของตัวเองได้ทัน เขาจึงชนเข้ากับมันเต็มๆ
พลั่ก!
“โอ๊ย!” ชายหนุ่มร้องเสียงดังลั่นอย่างฉุนเฉียว นานๆ คนอย่างเขาจะรู้สึกโกรธได้ถึงขนาดนี้ เขายกมือขาวซีดขึ้นคลำบริเวณสันจมูก เพราะจากการชนเมื่อครู่ที่ผ่านมา ทำเอาแว่นตาที่เขาสวมกดทับลงบนสันจมูกเขาเต็มๆ จนเจ็บจี๊ดน้ำตาแทบเล็ด “นี่! ไม่คิดจะเดินให้มันดีๆ หรือไง...เฮ้ย!”
ชายหนุ่มหยุดชะงักหลังจากที่เผลอบ่นยืดยาวในระหว่างที่หลับหูหลับตาคลำปลายจมูกและสันจมูกด้วยความเจ็บ เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าตอนนี้รอบกายเขาถูกรายล้อมไปด้วยชายฉกรรจ์ราวๆ สี่ห้าคน ทุกคนล้วนสวมสูทสีดำสนิทและมีสีหน้าเรียบเฉยขึงขังแบบเดียวกัน
“สวัสดี...”
คนที่เขาเดินชนเอ่ยทัก ฟังแล้วดูคล้ายกับเป็นมารยาทเสียมากกว่าที่อยากจะทักเขาจริงๆ
ม่านเมฆขมวดคิ้วมุ่น “พวกคุณเป็นใคร”
“อย่าสนใจว่าเราคือใคร แต่เราอยากให้คุณไปกับเรา” อีกฝ่ายตอบสั้นๆ ม่านเมฆมองคนพวกนั้นเขม็ง เขากำลังประเมินว่าคนพวกนี้คือใครและกำลังเกิดอะไรขึ้นกับเขาในตอนนี้
“ผมควรจะไปหรือไง” ชายหนุ่มถามกลับ ดวงตากลมโตหลังแว่นสายตาอันโตหรี่แคบลงด้วยท่าทีครุ่นคิด
ตอนนี้เขาเริ่มรักษาท่าทางเรียบเฉยของตนเองได้แล้ว ไม่แสดงออกถึงความตื่นตระหนกหรือกระวนกระวายหวาดกลัวออกมา
“สมควรครับ” คำตอบสั้นๆ หลุดออกมาจากชายชุดดำหน้าตาย “ถ้าคุณไม่อยากให้เราใช้กำลัง"
“งั้นก็ใช้กำลังสิ” เขาท้าทาย พลางกวาดตามองผู้ชายสี่คนที่ประกบอยู่รอบตัวเขาเวลานี้
แวบหนึ่งเขาเห็นแววขำขันในดวงตาของชายตรงหน้า ในยามที่อีกฝ่ายโต้ตอบกลับ “คุณไม่ควรท้าเรา คุณม่านเมฆ"
“พวกคุณรู้จักผม!” ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของเขา แม้จะไม่ได้ออกเสียงชัดเจนแต่ก็ฟังแล้วก็รู้ว่านั่นคือชื่อภาษาไทยของเขา ม่านเมฆขมวดคิ้วมุ่น สัญชาตญาณระวังภัยร้องเตือนให้เขาหนีจากสภาวะเสี่ยงภัยอย่างรวดเร็ว
“ครับ” อีกฝ่ายตอบรับอย่างง่ายดาย
“พวกคุณคือใครกันแน่” ม่านเมฆถามด้วยน้ำเสียงระแวดระวัง ดวงตาหรี่แคบลงมองกลุ่มคนที่รายล้อมเขาอย่างประเมิน แล้วไม่กี่อึดใจต่อมาเขาก็ได้คำตอบ
“เจ้านายของเราอยากให้คุณไปพบ ถึงตอนนั้นคุณก็จะได้รู้”
คำตอบกำกวมนั้นกลับยิ่งทำให้ม่านเมฆหวาดระแวงเพิ่มมากขึ้น “งั้นเจ้านายของพวกคุณคือใคร?”
“ท่านไม่ได้มีคำสั่งให้ผมบอกอะไรคุณด้วยสิ"
ชายหนุ่มเงียบ แต่ท่าทีแข็งขืนของเขาก็ทำให้คนที่รับหน้าที่เจรจาและพาตัวเขาไปหาผู้เป็นเจ้านายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเดิม
“ถ้าคุณอยากรู้ คุณคงต้องไปด้วยตัวเอง” เขาเอ่ยกระตุ้นและท้าทายเขาไปในคราวเดียวกัน
“ผมคงไม่มีทางเลือกสินะ...”
ม่านเมฆเปรย พลางปรายตามองไปรอบๆ ตัว คนพวกนี้จะยังคงพูดจาและปฏิบัติต่อเขาดี ตราบใดที่เขายังไม่คิดขัดขืนหรือมีแนวโน้มว่าจะหนี แต่ถ้าเขาแสดงออกเมื่อไหร่นั่นแหละ พวกนี้คงพร้อมที่จะใช้กำลังกับเขาแน่ๆ และเขาเองก็ชักอยากจะรู้แล้วว่าเจ้านายของคนพวกนี้เป็นใคร
จะใช่คนที่เขาคาดเดาเอาไว้หรือเปล่า...
“ครับ” อีกฝ่ายรับคำเสียงหนักแน่น เป็นการเปลี่ยนโทนเสียงครั้งแรกที่ทำให้เขาอดคิดอย่างประชดประชันไม่ได้ว่าตอนนี้แหละที่พวกเขาฟังดูเป็นคนไม่ใช่หุ่นยนต์รับคำสั่งมา “รับรองได้ว่าคุณจะไม่เป็นอันตรายแน่ๆ”
“ทำไมถึงรับรองได้ล่ะ หืม?”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว จ้องมองด้วยความรู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงกล้ารับประกันความปลอดภัยของเขา
และคำตอบจากคนหน้าตายก็ทำให้ม่านเมฆได้แต่กรอกตาไปมาอย่างระอา...
“เพราะเจ้านายของเรา...ไม่ได้มีคำสั่งให้ 'ฆ่า' น่ะสิครับ"
To be Continuous......
*กำลังเริ่มลงฉบับรีไรท์ตอนต้นๆ อยู่นะคะ แปะโป้งไว้ค่อยๆ ลงน้า จุ๊บๆ*
แฟนเพจ
https://web.facebook.com/Eigen.Author/
ตอนที่ 8
ตัวช่วยหรือขัดขวาง
อีธานมองไปตรงไปข้างหน้า ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างมากไปกว่าห้วงความคิดของตนเอง แม้ว่าจะรับรู้ได้ว่าตอนนี้คนสนิทมาหยุดยืนอยู่เบื้องหลังของเขาแล้วก็ตาม
“เขายังตามมาอยู่เลยนะครับ”
เชสเอ่ยสั้นๆ เป็นที่รู้กันว่า ‘เขา’ ที่ว่าหมายถึงใคร และนี่ก็เป็นวันที่สามแล้วที่เขาตามติดอีธาน เฉินไปทุกที่ ทำราวกับว่าจะทำให้เขาได้โอกาสเจรจากับอีธานอีกครั้งอย่างนั้นแหละ
“งั้นเหรอ” อีธานถามสั้นๆ สายตาของเขาจับจ้องแต่ทิวทัศน์นอกกระจกกว้างบานใหญ่ ซึ่งเป็นภาพของฝั่งเกาลูนในยามเย็น
“เราจะเอายังไงกับเขาดีครับ จะปล่อยไปเลยหรือเปล่า” เชสขอความเห็น เพราะม่านเมฆคอยติดตามอีธานมาสามวันแล้ว และเพราะรู้ถึงสถานะพิเศษของชายหนุ่ม ทำให้เขาไม่คิดจะทำอะไรแฮกเกอร์คนนั้นหากไม่มีคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย
อีธานเหยียดยิ้มหยัน เขาหันไปมองเชสที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่เบื้องหลังแวบหนึ่ง แล้วจึงสั่งการเกี่ยวกับม่านเมฆเพียงแค่ว่า “ไม่ล่ะ...ถ้าเขาอยากตามก็ให้เขาตามไป แต่ว่า..."
“...”
“อย่าให้เขาเข้าใกล้ฉันได้ เข้าใจไหม"
“ครับ”
เชสรับคำสั่ง ทว่าผู้เป็นเจ้านายไม่ได้สนใจ เนื่องจากเสียงติ๊ดเบาๆ ของโทรศัพท์และการสั่นนั้นบ่งบอกชัดว่ามีคนติดต่อเข้ามา เมื่อหยิบมันออกจากกระเป๋าเสื้อสูทจึงเห็นว่าเป็นข้อความ
‘เจอกันเย็นนี้ตอนหนึ่งทุ่ม’
เขาอ่านข้อความนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตอนนี้ชายหนุ่มหันหลังกลับ เดินตรงไปยังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของเขาที่ตั้งอยู่กลางห้องและโดดเดี่ยว
“นี่กี่โมงแล้วเชส” เขาถามเปลี่ยนเรื่อง และนั่นทำให้คนถูกถามยกนาฬิกาข้อมือของตนเองขึ้นมาดู ก่อนจะตอบคำถามนั้นอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้จะหกโมงเย็นแล้วครับ"
“ฉันมีนัดอะไรอีกหรือเปล่า"
“ไม่มีแล้วครับ”
เชสตอบอย่างรวดเร็ว อดมองเจ้านายอย่างสงสัยไม่ได้ว่าเขาถามเช่นนี้ทำไม อีธานจึงเอ่ยแค่ว่า
“งั้นกลับบ้าน ฉันอยากพักผ่อน"
“ครับ”
เชสรับคำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้มศีรษะลงแล้วเดินออกไปเพื่อไปสั่งคนขับรถให้เตรียมพร้อมไปส่งอีธานกลับคฤหาสน์ตระกูลเฉินในอีกห้านาทีนี้
คาดิแลคสีดำและหมายเลขทะเบียนคุ้นตาขับผ่านหน้าไป ชายหนุ่มจึงรีบกระโจนวิ่งจากตึกสำนักงานใหญ่ของเฉินซีอย่างรวดเร็วเพื่อไปโบกแท็กซี่ที่ขับผ่านหน้าพอดี เมื่อเข้าไปข้างในรถ เขาจึงสั่งคนขับเป็นภาษาอังกฤษรัวเร็ว
“ตามรถคันนั้นไปเลย”
เขาชี้ไปยังรถของอีธาน เฉิน ซึ่งแท็กซี่ก็ยอมตามใจเขาและขับไปเรื่อยๆ ทว่าเมื่อผ่านไปราวๆ สามสิบนาที กระทั่งผ่านวิกตอเรีย พีค ก็ยังไม่มีท่าทีจะหยุด ม่านเมฆค่อนข้างแปลกใจนิดหน่อยว่าเขามาที่นี่ทำไม เพราะสองวันที่ผ่านมา อีธานกลับที่พักของเขาซึ่งเป็นเพนต์เฮ้าส์หรูใจกลางเมืองมากกว่าจะไปที่อื่น
“คุณครับ คงไปไม่ได้แล้วล่ะ” จู่ๆ คนขับรถแท็กซี่ก็จอดรถลงข้างทาง คนขับหันมาบอกขณะที่เขาได้แต่มองรถคาดิแลคที่ห่างออกไปมากขึ้นทุกที
“อ้าว ทำไมล่ะ” ม่านเมฆถามอย่างกระวนกระวาย
“ทางนั้นมันเป็นที่ส่วนบุคคล"
“พอดีนั่นเป็นบ้านคนรู้จักของผมน่ะ ลุงขึ้นไปได้เลย” ชายหนุ่มบอกรวดเร็ว ทว่าคนขับส่ายหน้า
“ไม่ได้น่ะคุณ”
คนขับรู้ดีว่านั่นคือที่ไหน ใครบ้างไม่รู้จักบ้านของมาเฟียใหญ่ผู้กุมชะตากรรมของเกาะฮ่องกงอย่างอีธาน เฉิน และเขาไม่อยากยุ่มย่ามกับรังใหญ่ของมาเฟีย
“แต่ว่า” ชายหนุ่มคัดค้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ทว่าคนขับรถแท็กซี่ไม่ใจอ่อน
“ผมจอดส่งที่ข้างหน้านี้แล้วกัน"
“ก็ได้” เขาบอกอย่างตัดใจในที่สุด “...งั้นกลับไปส่งผมที่โรงแรมได้ไหม”
ม่านเมฆได้แต่ถอนหายใจอย่างยอมแพ้ แล้วเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ ซึ่งคนขับรถแท็กซี่ก็ยินยอมแต่โดยดี
ม่านเมฆกลับมาถึงโรงแรมด้วยอาการหัวเสียนิดหน่อย เนื่องจากวันนี้เป็นอีกวันที่เขาถือว่าตัวเองล้มเหลวเพราะไม่สามารถเข้าถึงตัวอีธาน เฉินได้ อันที่จริงเขาล้มเหลว ‘อย่างมาก’ ด้วยซ้ำ เพราะว่าแม้แต่หน้าของอีธาน เขาก็ไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแม้แต่แวบเดียว
เมื่อกลับถึงห้องพัก ชายหนุ่มเปิดคอมพิวเตอร์ที่ไม่ค่อยได้เปิดใช้ออก และเพียงแค่เข้าไปเช็กกล่องข้อความในอีเมลของตัวเอง ก็เห็นว่ามีอีเมลจากไคลน์อยู่สามฉบับ ซึ่งเป็นข้อความสั้นๆ ส่งมาหาเขาอยู่วันละฉบับนับตั้งแต่เขามาถึงฮ่องกงว่า
‘แกอยู่ไหนไอ้เมฆ!’
‘ถ้าแกไม่ตอบคำถามของฉัน ฉันจะตามไปลากคอแกจริงๆ ด้วย!’
‘เจอกันที่ฮ่องกงพรุ่งนี้ ถ้าแกหนี แกตาย!’
“ไอ้บ้าไคลน์ จะมาทำไมวะ”
ชายหนุ่มบ่นด้วยอาการหงุดหงิดมากกว่าเดิม ก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์ไปเลย เขาค่อนข้างกังวลและเครียดเพราะข้อความสุดท้ายของอีกฝ่าย
ไคลน์ไม่มีงานใหม่หรือไงนะ หัวหน้าหรือพี่หมีก็ได้ ช่วยๆ ส่งงานให้ไอ้หมอนี่ทำเถอะจะได้ไม่ว่างวิ่งตามเขามา
ทว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิดของเขา ในความเป็นจริง ตอนนี้ไคลน์คงจะมาถึงฮ่องกงแล้ว ได้แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหมอนั่นจะตามหาตัวเขาไม่เจอ!
“สวัสดีอีธาน...”
หน้าจอคอมพิวเตอร์มืดสนิท ทว่าเสียงสั่นพร่าที่ดังมาจากลำโพงก็ทำให้เขาจำได้อยู่ดีว่านั่นคือใคร เพราะอีกฝ่ายเป็นคนส่งข้อความนัดเขาให้มาเจอกันวันนี้ในเวลาหนึ่งทุ่มตรง
“ครับ คุณวิลด์เฟรด” ชายหนุ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงเฉยชาและดวงหน้าเคร่งขรึม “ไม่ทราบว่าคุณ...”
“นี่” อีกฝ่ายขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ และเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย “ไม่ต้องทำหน้าซีเรียสสิ ผมก็แค่อยากจะถามเขาเฉยๆ ว่าไปเมืองไทยเป็นยังไงบ้าง”
อีธานยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่ก็ตอบคำถามของวิลด์เฟรดแต่โดยดี
“ก็ดีครับ ตอนนี้เราก็เริ่มศึกษาเส้นทางอย่างละเอียดแล้ว” ชายหนุ่มหมายถึงเส้นทางการขนส่งสินค้าของไตรแอดที่อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหากโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายเสร็จสิ้น แน่นอน…ประเทศนั้นนอกจากจะเป็นฐานการผลิตที่ดีแล้ว ต่อไปมันยังจะเป็นฐานกระจายสินค้าที่ดีด้วย
“ได้ยินมาว่านายเกือบจะถูกจับที่เมืองไทยใช่ไหม"
“ครับ แต่ก็แค่เกือบนั่นแหละครับ ผมหลบออกมาได้ก่อน แล้วคุณวิลด์เฟรดล่ะครับ ตอนผมอยู่ที่โน่นได้ยินว่าพวกอินเตอร์โพลไล่ตามล่าคุณอยู่เหมือนกัน”
ชายหนุ่มเอ่ยถามกลับด้วยความอยากรู้ แม้จะรู้ดีว่าไม่มีทางที่พวกไหนจะตามจับวิลด์เฟรด ชางได้ ฟังข่าวดูก็รู้แล้วว่าพวกนั้นมันได้ไปก็ตัวปลอม คนที่ตายแทนวิลด์เฟรดก็เป็นตัวปลอมที่อุปโลกภ์ขึ้นมา อินเตอร์โพลหรือพวกตำรวจสากลกับ OCTB หน้าโง่ก็หลงเชื่ออย่างเริงร่าไปหลายวันว่ากำจัดเศียรมังกรได้แล้วจริงๆ
แต่ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนพวกมันคงรู้ตัวกันหมดแล้วว่าพลาด เพราะเขากลับมาปรากฏตัวที่ฮ่องกง และพวกมันคงจะตรวจสอบศพของวิลด์เฟรด ซึ่งป่านนี้คงจะรู้แล้วว่าเป็นตัวปลอม พวกนั้นคิดหรือว่าเศียรมังกรเป็นตำแหน่งของเด็กเล่น ถึงคิดว่าจะกำจัดคนอย่างวิลด์เฟรดได้ง่ายๆ!
ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมตอบคำถามแม้แต่น้อย กลับเอาแต่มุ่งความสนใจในการซักถามเขามากกว่า
“ฝีมือพวกไหนล่ะ”
คำถามนั้นทำให้อีธานนิ่งไปนิด ทว่าดวงตาของเขาฉายแววเยาะหยันที่อีกฝ่ายคงจะเห็นชัดเจน “OCTB อินเตอร์โพล ร่วมมือกับพวกตำรวจไทยด้วยนั่นแหละ”
วิลด์เฟรดหัวเราะเสียงหยันเมื่อได้ยินคำตอบ “ช่วงนี้พวกนั้นพุ่งเป้าไปที่นาย สงสัยจะได้ยินเรื่องซื้อขายล็อตใหม่ที่จะถึงนี่ใช่ไหม”
เพราะการติดต่อซื้อขายล็อตใหญ่กับพวกละตินอเมริกากำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้ และพวกอินเตอร์โพลที่จมูกดีเหมือนหมากับ OCTB ที่ตามกัดพวกมาเฟียฮ่องกงอย่างเขาไม่ปล่อยได้ยินข่าวพวกนั้นกระมัง ถึงไล่ล่าอีธาน เฉินที่ได้ชื่อว่าเป็นราชายาเสพติดแห่งเอเชียชิดจนแทบจะหายใจรดต้นคออย่างนี้
“น่าจะเป็นไปได้ครับ”
อีธานตอบรับข้อสันนิษฐานนั้น
“ยังไงนายก็ระวังตัวแล้วกัน เพราะล็อตนี้สำคัญมาก เสร็จจากนี้ฉันก็อยากจะพักเรื่องนี้สักพัก เราอาจจะต้องไปลงเล่นในธุรกิจตัวอื่นแทน”
“ครับ…”
พอสิ้นคำตอบของเขา อีกฝ่ายก็เงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะได้ยินแต่เสียงถอนหายใจยาว และต่อมาวิลด์เฟรดก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและมีเค้าของการขอบคุณอยู่ในน้ำเสียงนั้น
“ยังไงก็ต้องขอบใจนายสำหรับการทำงานอย่างหนักมาตลอด ไตรแอดของเราคงยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย”
อีธานหลุบเปลือกตาลงเมื่อได้ยินประโยคนั้น เขาปิดซ่อนอารมณ์ตัวเองจนแทบจะเป็นไร้ความรู้สึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกล้องจากนั้นจึงพูดอย่างหนักแน่นว่า
“พ่อบอกเสมอว่าถ้าไม่มีคุณ คงไม่มีเรามากกว่าครับ"
“ยังไงตระกูลเฉินก็เป็นกำลังสำคัญของเราอยู่ดี เสียแต่พวกกรรมการคนอื่นคร่ำครึ! ไม่อย่างนั้นห้าปีก่อนนายน่าจะได้เป็นเศียรมังกรแทนฉันไปแล้ว”
น้ำเสียงของวิลด์เฟรดเต็มไปด้วยความเข่นเขี้ยวเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อห้าปีก่อน
ไตรแอดอยู่ได้ด้วยโครงสร้างสามแก๊งใหญ่เป็นหัวหน้าและมีห้ากรรมการคานอำนาจเพื่อถ่วงสมดุลของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม แม้ในปัจจุบันโครงสร้างจริงๆ ของหัวหน้าใหญ่จะเหลือเพียง ‘ตระกูลชาง’ และ ‘ตระกูลเฉิน’ เพราะ ‘ตระกูลเสิ่น’ ได้ถูกควบรวมและสิ้นสุดลงที่สายเลือดตระกูลเฉินไปแล้วก็ตามที แต่กฏของไตรแอดยังคงอยู่ ซึ่งเมื่อห้าปีก่อนได้ครบวาระของการดำรงตำแหน่งเศียรมังกรของวิลด์เฟรด ชาง และค้นหาผู้นำคนใหม่ แน่นอนว่าคนที่โดดเด่นนอกเหนือจากวิลด์เฟรดที่อยู่ในตำแหน่งนั้นมากว่าสี่สิบปีจะเป็นใครไม่ได้นอกจากอีธาน เฉินซึ่งเป็นคลื่นลูกใหม่ ทว่ากรรมการที่ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นตาแก่ก็ยังไม่อยากเปลี่ยนขั้วอำนาจ จึงคัดค้านการขึ้นตำแหน่งของอีธาน เฉิน ทว่ายังไม่ถึงกำหนดเลือกก็เกิดโศกนาฏกรรมกับครอบครัวของอีธานเสียก่อน เนื่องจากการตายของพอลลีน นายหญิงแห่งตระกูลเฉินและทายาทที่เพิ่งจะก่อกำเนิด จึงทำให้อีธาน เฉินถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งนั้น
เศียรมังกร...ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของไตรแอดจึงยังคงเป็นของวิลด์เฟรดจนถึงปัจจุบัน
“ไม่หรอกครับ ให้คุณเป็นนั่นแหละดีแล้ว ผมไม่ค่อยชอบงานบริหารคนมากเท่าไหร่ รับผิดชอบส่วนย่อยอย่างนี้สนุกกว่า” ชายหนุ่มออกตัว
วิลด์เฟรดได้ยินอย่างนั้นกลับหัวเราะด้วยน้ำเสียงสดใส “ไม่ต้องเห็นแก่คนแก่หรอกน่าหลานชาย...ไม่กี่ปีฉันก็จะไม่ไหวแล้ว ยังไงไม่ช้าก็เร็วตำแหน่งนี้ก็เป็นของนายอยู่ดี”
คราวนี้คนอายุน้อยกว่าได้แต่หัวเราะเสียงแผ่วเบาในลำคอ พลางปฏิเสธออกมาด้วยสีหน้านอบน้อม “งั้นให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันครับ"
“นั่นสินะ...”
วิลด์เฟรดเอ่ย ก่อนจะหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ แล้วไม่นานเขาก็ตัดการติดต่อไปในที่สุด
เมื่อออกมาจากห้องทำงานลับใต้ดินของตนเอง ซึ่งส่วนควบคุมโครงข่ายลับซึ่งอยู่ภายในบ้านของเขา อีธานก็พบว่ามือขวาคนสนิทยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว
“เชส” เขาเรียกชื่ออีกฝ่าย ซึ่งคนถูกเรียกก็ขยับมายืนข้างกายเขาในทันที “ตอนนี้ม่านเมฆอยู่ที่ไหน?”
“น่าจะเป็นโรงแรมแถวๆ จิมซาจุ๋ยนั่นแหละครับ” เชสตอบอย่างรวดเร็วเพราะเขาให้คนตามติดและคอยจับตาดูม่านเมฆอยู่ตลอดเวลาไม่ให้คลาดสายตา ฉะนั้นทุกความเคลื่อนไหวของม่านเมฆในฮ่องกง จึงไม่มีทางเล็ดลอดสายตาของเชสได้เลย
“ไปเอาตัวเขามา” อีธานสั่งการด้วยน้ำเสียงเครียดจัด “แล้วเอาไปไว้ที่เซฟเฮ้าส์"
“ได้ครับ”
เชสรับคำอย่างง่ายดาย โดยไม่ถามเหตุผลอะไรสักคำเดียว และเมื่อเขาและเจ้านายเดินมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายที่จะนำเขาไปสู่ทางออกจากชั้นใต้ดิน คนที่นิ่งเงียบมาตลอดการเดินก็เอ่ยคำสั่งสำทับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่นว่า
“เหมือนเดิมนะ เงียบๆ ล่ะ อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด"
To be Continuous......
*หนังสือวางจำหน่ายแล้วนะคะ
มีวางขายในงาน อมรินทร์อะไรนี่แหละ เค้าจำไม่ได้แล้ว 555555
ราคาปก 315 แต่ในงานลดเหลือ 268 บาทค่ะ ยังไงก็ขอฝากไว้ด้วยน้าาา 555+
แฟนเพจ
https://web.facebook.com/Eigen.Author/