ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
[เรื่องสั้น]
--- ขัดใจ ---
เกลียดขี้หน้าว่ะแม่ง
หน้าก็ดี บ้านก็รวย แต่นิสัยย่ำแย่ชิบ
มนุษย์สัมพันธ์แม่งไม่มีเลย แต่ไม่รู้ว่าทำไมคนต่างพากรี้ดมันกัน
พลั่ก
“ทางมันแคบ” ผมแกล้งเดินชนไหล่มันพลางยักคิ้วกวนตีนส่งให้
มั่นไส้จริงๆนะ เก๊กจนหน้าเกร็งตึงเป็นหน้าเดียวตลอดที่เจอมันอดไม่ได้จริงๆ
ส่วนมันหันมามองหน้าผมพร้อมส่งสายตาไม่พอใจให้
แต่ทำไมต้องแคร์
เกลียดขี้หน้า
“ไม่มีมารยาท พวกชั้นล่าง” นั่นประลัยคำพูดเจ็บแสบพ่นออกมาจากปากมันจนได้
เห้ย เหนื่อยจริงๆกับพวกดูถูกคนอื่นเนี่ย
“ชั้นล่างที่ไหน กูยืนอยู่ระนาบพื้นเดียวกับมึงเนี่ย” ขอกวนตีนแถมอีกหน่อยเถอะ
“หึ” มันยกยิ้มมุมปากไม่ต่อล้อต่อเถียงแล้วหันหลังให้ผมเดินไปอีกทาง
ผมเบะปากก่อนจะเดินไปอีกทางเหมือนกัน
ไม่รู้สิ มันอดไม่ได้ที่เจอหน้ากันแล้วจะไม่กวนตีนมันทุกครั้ง
นี่ผมไม่ได้โรคจิตถูกไหม
*********************
วันนี้ไปค่ายบนดอย
ผมชอบออกค่ายไปต่างสถานที่นะแต่ว่าเกลียดการเดินทางฉิบหาย เมื่อยนั่งรถเบื่อนอนบนเบาะรถจนทรงผมหล่อๆเสียหมด
แค่นั้นมันก็แย่อยู่แล้วใช่ไหมล่ะแต่มันมีอีกหนึ่งชีวิตที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันโผล่มาด้วยนี่สิ
ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายไร้สัมพันธ์แบบนั้นจะมาทำอะไรเพื่อส่วนรวมแบบนี้ด้วย
“พี่จะให้แต่ละคนจับบัดดี้กันนะ”
พี่ค่ายประกาศออกไมค์ในขณะที่รถบัสกำลังแล่น
มีทุกครั้งนั่นแหละที่ไปค่ายแบบนี้เพราะมันคละคณะกันมาจำเป็นต้องสนิทกับเพื่อนต่างคณะเข้าไว้เนื่องจากค่ายจบต้องมีของให้กันหรือความในใจที่มีให้อีกฝ่ายระหว่างทำค่าย
เอาล่ะถึงตาของผมแล้ว
ลุ้นชิบหายเลยครับถ้าได้เพื่อนสวยๆต่างคณะก็ดีดิ
หลังจากล้วงฉลากในกล่องแล้วก็คลี่กระดาษที่ม้วนอยู่ออกอย่างลุ้นๆ ขอให้ได้น้องแพรเศรษฐศาสตร์ทีเถ้อ
เพี้ยง!
มี
เชรด ตัวอักษรแรกก็ทำซะตื่นเต้นแล้ว มีมี่ บริหารเปล่าวะ
มีน
เปิดอีกตัว แหม่ มีนไหนล่ะเนี่ย เลือบตามองคนทั่วรถแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะคลี่กระดาษออกจนสุดแผ่น
มีน วิทย์กีฬา
“เชี่ย!” ผมอุทานออกมาขย้ำกระดาษแล้วมองไปหาเจ้าของชื่อที่ผมจับได้เป็นบัดดี้
มันนั่งอยู่ข้างหน้าต่างอีกฝั่งของรถกำลังมองวิวทิวทัศน์ข้างนอกอย่างกับพระเอกซีรี่ย์
ใช่ครับ บัดดี้ค่ายของผมคือไอ้ที่ผมชอบกวนตีนนั่นแหละ
มีน มนัสวินณ์ เอกไพศาล ลูกท่านทูตประเทศแคนนาดา เรียนวิทย์กีฬา หนุ่มหล่อตัวท็อปประจำมหาวิทยาลัย
หึ้ย ขัดใจไม่อยากได้ว่ะ
“พี่ครับเปลี่ยนได้ไหม” ผมพูดออกไปพลางทำหน้าแหยๆ
“ไม่ได้จ้า ไหนดูสิได้ใคร” พี่ค่ายสุดสวยส่ายหน้าส่งยิ้มหวานให้และฉวยมือมาหยิบกระดาษที่ผมขย้ำจนยับยู่ยี่ไปคลี่ออกและประกาศออกไมค์เสียงดังลั่น
“อุ้ย น้องพาย ศึกษาศาสตร์ได้น้องมีน วิทย์กีฬาเป็นบัดดี้นะจ้ะ เขินจัง อยากได้บ้าง” พี่ค่ายคนสวยพูดแล้วทำท่ากระมิดกระเมี้ยน
พี่อยากได้ก็เอาไปเลยยยยยย
ส่วนไอ้คนที่เป็นบัดดี้ผมน่ะหรอ นั่งนิ่งราวกับว่าเสียงที่ประกาศออกไปเมื่อกี้ไม่มีชื่อตัวเอง
หมั่นไส้ว่ะ ยิ่งทำท่าแบบนั้นอยากเตะมันสักทีสองที
ไอ้ขี้เก๊ก ไม่ได้อยากเป็นบัดดี้มันเลยจริงๆ
*********************
นั่งฟึดฟัดอยู่ในใจคนเดียวจนมาถึงดอยหนึ่งของภาคเหนือได้สูดบรรยากาศสดชื่นบริสุทธิ์ก็พอจะทำให้หัวโล่งขึ้นมาบ้าง
“ประกาศนะคะ ทุกคนก็รู้บัดดี้ตัวเองแล้วเนาะ ฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไรยังไงตัวก็ต้องติดกับบัดดี้ไว้ด้วยนะและแน่นอนว่าเรื่องที่นอนก็ต้องนอนกับบัดดี้นะค้าา”
สลัดผัก นี่มันอะไรกันออกค่ายมากี่ครั้งไม่เห็นจะมีข้อตกลงนี้
รู้ไหมครับนอกจากผมจะได้เป็นบัดดี้ไอ้มีนแล้วมันยังได้ผมเป็นบัดดี้อีก ดีมากๆเลยล่ะ
ไม่ใช่แล้วว้อย แบบนี้มันดูจงใจเกินไปละดวงผมจะสมพงศ์อะไรกับมันขนาดนั้น
ได้ยินพี่ค่ายพูดแบบนั้นผมคว่ำปากขัดใจทันที
นี่สรุปห้าวันที่มาค่ายผมต้องตัวติดกับไอ้มนุษย์ไร้สัมพันธ์คนนั้นหรอ
นี่ต้องฝันกลางวันอยู่แน่ๆ
ตื่นนนนนนนนนนนนน
*********************
ตื่นจริงๆครับ แต่ตื่นที่ว่าคือตื่นมาพบกับความจริงเช้าวันต่อมาหลังจากเมื่อวานพอมาถึงพี่ๆเขาก็ปล่อยฟรีสไตล์อยากจะทำอะไรก็ได้แล้วพรุ่งนี้ลุยงานเต็มที่
ขอเล่าสักนิดว่าเมื่อคืนผมก็นอนข้างๆไอ้มีนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเพราะต่างคนต่างอยู่ไม่พูดกันเลยด้วยซ้ำมันก็อยู่เฉยๆแหละ มีผมคนเดียวนี่แหละที่อคติกับมันมากเกินไป
วันนี้เลยตั้งใจว่าจะไม่ทำตาขวางชักสีหน้าเวลามันมาเข้าใกล้
“อะ น้ำ” ผมยืนดื่มน้ำอยู่ใต้ต้นไม้หลังจากที่ขึ้นไปตอกตะปูบนหลังคาห้องสมุดเสร็จ เห็นไอ้มีนกำลังเลื่อยไม้เหงื่อไหลไคลย้อยจนข้างหลังมันชุ่มไปหมด แล้วคนอื่นๆมันหายไปไหนวะเห็นมันทำคนเดียวมาแต่เช้าละ อดไม่ได้เลยทำตัวมีน้ำใจหยิบขวดน้ำใหม่มาแล้วเดินเอาไปส่งให้มัน
ไอ้มีนหยุดการเลื่อยไม้ก่อนจะเหล่ตามามองขวดน้ำที่ยื่นให้แต่ไม่กระดิกมือขึ้นมารับ กลอกตากลับไปเพ่งที่ไม้ยูคาและลงมือเลื่อยไม้ต่อ
เออ เอากับมันดิคนอุตส่าห์มีน้ำใจ
“ไม่เหนื่อยไง” ผมถาม
อันที่จริงก็ไม่ได้เกลียดมันมากแค่ไม่ชอบขี้หน้าเห็นแบบนี้ก็สงสารอะ ทำงานงกๆจนหลังชุ่มเหงื่อท่วมหน้าขนาดนี้ก็ต้องเสียน้ำในร่างกายบ้างแหละ มันเรียนวิทย์กีฬาก็ต้องรู้ดีดิเรื่องแบบนี้
“งั้นกูวางไว้ตรงนี้” ไม่อยากจะคุยด้วยนานๆเดี๋ยวมันจะรู้สึกอยากกวนตีนใส่อีก ดูหน้ามันตอนนี้ดิทำหน้านิ่งๆกับสายตาเหนื่อยหน่ายส่งมาให้ ผมเลยวางน้ำไว้บนโต๊ะเครื่องมือข้างๆมัน
วางขวดน้ำลงแล้วก็หันหลังกลับมาเดินไปทำงานตัวเองต่อ
คนอุตส่าห์มีน้ำใจถ้าไม่รับก็ช่างเถอะถึงผมจะไม่ชอบขี้หน้าแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายนักหรอกคนทำความดีมันก็ต้องได้รับอะไรที่ดีๆตอบแทนกันบ้าง
กิจกรรมค่ายมันก็ดำเนินไปเรื่อยๆราบเรียบไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหรือจะเป็นเรื่องที่เกิดขากไอ้มีนก็ตามมันดูสงบเรียบร้อยหรืออาจจะเป็นเพราะผมพักยกไม่อยากยุ่งกับมัน
แต่ช่วงที่ต้องเข้านอนในคืนสุดท้ายของการทำค่ายนี่สิ
ตีหนึ่งแล้วสมควรนอนอะเพราะวันนี้โคตรเหนื่อยและเมื่อยยิ่งกว่าการผจญภัยในทุ่งดอกกระเจียวบานซะอีกแต่ผมนอนไม่หลับเพราะอะไรรู้ไหม ก็ไอ้คนข้างๆมันนอนหันหน้ามาทางผมซึ่งเป็นฝั่งซ้ายของมัน แต่ผมถนัดนอนตะแคงขวา ถ้าหันไปนอนตะแคงฝั่งซ้ายมือจะไปติดกับผนังทันทีแล้วยิ่งแบบนั้นจะทำให้ผมโดนเบียดโดยไอ้มีนซึ่งเคยเจอมาแล้วในคืนวันแรก ถ้านอนดีๆไม่ว่าหรอกแต่นี่หน้าไอ้มีนมันใกล้เข้ามาทุกครั้งที่ผมรู้สึกตัวแล้วลืมตา นี่ว่าตัวเองไม่ได้กระดิกตัวเลยนะ
ไอ้มีนมันนอนหัวไหลลงจากหมอนหรอ
ไม่ยอมอะพูดเลยนอนกินที่ฉิบหาย
“นี่” ผมพูดขึ้นเบาๆกลัวคนอื่นได้ยิน
มันนอนนิ่งไม่ขยับ
“ไอ้มีน” คราวนี้เรียกอีกรอบแล้วเอื้อมไปตีหน้ามันเบาๆ
“อื้อ” ไอ้มีนส่งเสียงครางเหมือนรบกวนการนอนฝันหวาน
หลับสบายจังวะดูกูดิแม่ง
“ขยับไปหน่อยกูนอนไม่…”
หมับ
“เห้ย!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆไอ้มีนวาดแขนมากอดแล้วดันหลังผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดมัน
ตัวใหญ่อย่างกับควายมากอดทำไมเล่าอึดอัด
ผมดิ้นขลุกขลักแต่ไม่เป็นผลแถมมันยังออกแรงกอดผมแน่น
กระดูกจะหักในไหมเนี่ย
“เชี่ยมีน” ผมเรียกมันเสียงขุ่น
“นอนได้แล้ว” มันพูดแค่นั้นก่อนจะรู้สึกอุ่นๆที่หน้าผากตัวเอง
ไม่ต้องเลือบตาขึ้นไปมองก็รู้ว่าจมูกของไอ้มีนอยู่ตรงกับหน้าผากผมพอดีและไม่กี่นาทีต่อมา
จุ๊บ
ไอ้เวร มันกดจมูกลงบนหน้าผากของผมนิ่งค้างไว้แบบนั้น
ทำเอาผมนิ่งเกร็งตัวแข็งไปเลย ใจเต้นตึกตักรุนแรงมาก
แย่แล้วไอ้พาย ใจเต้นทำไม
“ฝันดีครับ” มันผละออกแล้วก็กระซิบที่ข้างหูผมหลังจากนั้นก็ถอยหน้าออกห่างจากหน้าผมแต่กลับกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม
เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังมากถ้านอนอยู่แล้วมีคนมาบอกฝันดีด้วยน้ำเสียงแบบนี้คงฟินตัวแตกหรือหลับฝันละมุนไปแล้ว
แต่ไม่ใช่สำหรับผม ใจยังเต้นไม่หยุดไม่กล้าขยับและหลับตาสักนิดยังปล่อยให้มันกอดอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้า
คนไม่ชอบขี้หน้ากันมันทำแบบนี้ใส่กันได้ด้วยหรอ
หรือว่ามันละเมอวะ
แต่เป็นละเมอที่น่าโดนตีนมากไอ้สาดดดดดดด
*********************
จบไปแล้วค่ายบนดอยตอนนี้ก็ได้เวลาลงดอยกลับสู่มหาวิทยาลัยในเมืองและก็เป็นช่วงเวลาที่คนในค่ายลุ้นกันมากที่สุด
ความในใจต่อบัดดี้
ผมก็ลุ้นนะ ลุ้นว่าจะได้เตะคนไหม
เห็นไอ้มีนเงียบๆแบบนั้นกวนตีนผมจะตายแค่ตอนออนแอร์มันไม่แสดงอาการปล่อยให้คนคิดว่าผมเป็นคนไม่ดีอยู่ฝ่ายเดียวแต่ที่แย่ไปกว่านั้นคนอื่นเขาได้ของได้จดหมายจากบัดดี้กันและกันไปหมดแล้ว
แต่ไอ้บัดดี้ของผมหายหัวไปไหนไม่รู้ผ่านมาหลายวันหลังจากที่ลงมาจากดอยแล้วของที่ผมควรจะได้อย่างน้อยก็จดหมายความรู้สึกก็ไม่เห็นจะโผล่มา
อ่อ ขอเล่าอีกนิดว่าหลังจากตื่นมาวันนั้นที่มันกอดผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สงสัยมันจะละเมอจริงๆว่ะ แต่ผมนี่ดิจำได้แม่น เสียเปรียบชิบ
ผมเปิดกระเป๋ามองกล่องของขวัญกับจดหมายซองสีส้มโอรสที่นอนนิ่งอยู่ในนั้น
ใช่ผมเตรียมไว้ให้มัน ก็บอกแล้วถึงจะเกลียดขี้หน้าแต่ไม่ได้เกลียดมัน คนเราต้องแยกแยะออกมาไหนจริงจังไหนควรเล่น
แต่ดูเหมือนไอ้มีนจะแยกไม่ออกละมั้ง
นี่ผมไม่ได้รอของอะไรจากมันหรอกนะแต่ควรจะมีให้กันบ้างดิอย่างน้อยอยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีความรู้สึกบ้างละวะ
ผมรูดซิบกระเป๋าปิดอย่างเซ็งอารมณ์นอนแผ่ลงบนเตียงเหลือบมองนาฬิกาน้ำย่อยก็ทำงานเลยแหะพอเห็นเวลา
เลยลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถเดินออกจากห้องไปแต่ไม่รู้อะไรดลใจให้หยิบกระเป๋าที่มีของขวัญให้ไอ้มีนขึ้นมาสะพายแล้วพามันไปด้วย
วันหยุดแบบนี้ขอไปนั่งชิวๆ กับของกินที่ชอบหน่อยเถอะ
ผมเลยขับรถมาห้างดังของวัยรุ่นยุคนี้ตรงดิ่งไปยังชั้นที่มีร้านชาบูและไม่ลืมหยิบกระเป๋าเป้มาสะพายด้วย
นี่ผมคิดว่าจะเจอมันที่นี่หรอวะ
เป็นเอามากนะไอ้พาย
แต่แม่งเป็นความบังเอิญหรือนางฟ้าสงสารผมกันแน่ เจอร่างสูงผิวแทนหน้าคมบาดใจจนสาวที่เดินผ่านต้องเอี่ยวหน้ามามองจนปวดหลัง
ผมเจอไอ้มีน มันมากับสาวซะด้วย
บทจะเจอมันก็ง่ายแบบนี้แหละ
แต่ก็ดีของที่ควรเป็นของมันก็อยู่ในกระเป๋าผมด้วยฉะนั้น
“นี่” ผมเดินตรงดิ่งไปดักหน้ามัน
ทำเอาคนทั้งคู่ชะงัก
ผู้หญิงที่มาด้วยมองผมด้วยสายตางุนงงว่าผมเป็นใคร
อ่า มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าซะด้วยแต่ช่างเถอะคนที่ผมจะพูดด้วยคือไอ้หน้าตึงข้างๆต่างหาก
“ของขวัญหลังจากค่าย” ผมล้วงของในกระเป๋าแล้วยื่นให้มัน
แต่ยื่นค้างอยู่นานไอ้มีนก็ไม่มีทีท่าว่าจะยื่นมือมารับแถมยังทำท่านะเดินผ่าน
เหอะ เห็นไหมไอ้ไม่มีมนุษยสัมพันธ์
“ให้ก็เอาไปดิวะ มันเป็นธรรมเนียม” ผมเริ่มจะหมดความอดทนละ เลยจับมือมันขึ้นมาแล้วยัดกล่องของขวัญเล็กๆใส่มือมัน
“อย่ามาเล่นตัว ทำหน้าเก๊ก ถึงกูจะเกลียดขี้หน้ามึงแต่ไม่ได้เกลียดมึงและถึงมึงไม่มีของมาให้กูก็ไม่ว่าแต่ช่วยมีมารยาทรับของที่กูตั้งใจเอามาให้ด้วย ไอ้เหี้ย!” ผมด่ามันจบก็หันหลังเดินออกมาเลย
ไม่สนใจว่ามันจะหน้ายังไง อาจจะไม่พอใจหรือโกรธจนตัวสั่นก็ช่างแม่งละ พอกันทีไม่อยากคุยด้วยแล้วจะเลิกกวนตีนมันจริงจังละ แม่งเหนื่อยเจอหน้ามันก็เหนื่อย ยิ่งไม่พูดมาทำหน้าขรึมใส่กันก็เหนื่อย
แล้วนี่เหมือนผมรู้สึกน้อยใจอะไรมันก็ไม่รู้ว่ะ ทั้งๆที่บอกว่ามันไม่มีของให้ก็ไม่เป็นไรแต่มันรู้สึกขัดใจอะ
เป็นเชี่ยไรเนี่ยไอ้พาย
*********************
มาเรียนแบบชีวิตสดชื่นแฮปปี้มีความสุขที่สุดหลังจากปล่อยวางเรื่องไอ้มีนเรียบร้อย แต่ไม่ใช่หรอกหลังจากวันที่ยัดของขวัญใส่มือมันผมก็ไม่เห็นหน้ามันอีกเลย
ดีละ จะได้ไม่ต้องมานึกหมั่นไส้แม่งอีก
แต่ดูเหมือนผมจะนึกถึงหรือพูดถึงมันไม่ได้เลยจริงๆเพราะตอนนี้มันเดินมาขวางทางผมไว้ซะแล้ว
ผมมองหน้าและสบตามันนิ่งๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินผ่านเมื่อมันไม่ยอมพูดอะไรแต่
หมับ
ผมแทบจะหันหลังกลับมาทันทีที่มันจับข้อมือผมไว้ มองที่ข้อมือมันแล้วทำใจผมกระตุก
ที่ข้อมือสีแทนของมันมีกำไลถักที่ผมทำขึ้นเองตอนทำค่าย ใช่นี่เป็นของขวัญที่ผมให้มัน
ใส่ทำไมวะ นึกว่าทิ้งไปแล้ว
ผมแกะมือมันออกที่จับข้อมือผมอยู่ก่อนจะหันหน้ามาประจันกับมัน
“อะไร” ผมถาม
มันไม่ตอบแต่ยื่นกล่องสีส้มโอรสสีเดียวกับซองจดหมายของผมที่เคยให้มันมาให้
ผมยืนนิ่งไม่รับ ไม่ได้จะเอาคืนมันนะแต่มันยื่นมาให้อาจจะได้ให้ผมก็ได้แค่จะให้ดูอะไรแบบนี้
“อย่าลีลา เอาไป” เสียงทุ้มของมันดังขึ้นอย่างขัดใจ
“ให้กูทำไม”
“ว่ากูเล่นตัว มึงก็ไม่ต่าง”
เอ๊ะ ไอ้นี่จู่ๆก็ยื่นมาให้กูจะรู้ไหมมึงให้ในโอกาสอะไร
“ของขวัญจบค่าย” มันพูดแค่นั้นก่อนจะยัดกล่องนั้นใส่มือผมแล้วหันหลังเดินหายไปในขณะที่สมองผมกำลังประมวลผม
ของขวัญจบค่ายหรอ
เชี่ยผ่านแล้ว 1 เดือนเนี่ยนะ
ไอ้ฟายยยย
ผมก้มมองกล่องสีส้มในมือก่อนจะเปิดออกแล้วทำให้ต้องชะงักตาโตเพราะมันเป็นรูปของผม รูปผมหลายสิบใบในทุกอริยาบท ตั้งแต่ช่วงรับน้องจนถึงงานบนค่ายและก็รูปกำไลถักที่ผมให้ใส่อยู่บนข้อมือของมัน แถมด้วยมีกระดาษโน็ตเล็ก1ใบติดอยู่ที่ก้นกล่องเขียนด้วยลายมือหวัดแต่สวย ทำเอาตาค้างและใจเต้นหลังจากที่อ่านจบ
‘กูไม่ได้เกลียดมึง กลับชอบด้วยซ้ำที่มึงมากวนตีนใส่และพูดด้วยก่อนถึงจะไม่ได้พูดดีๆก็เถอะ กูมองมึงมาตั้งแต่รับน้องแล้วจนตอนนี้ก็ปี 3 ก่อนที่จะจบจากกันไป กูจะจีบมึงหลังจากมึงอ่านโน๊ตนี้จบ’
ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยย ไปไกลๆตีนกูเลย!!
กวนประสาท จะมีจีบอะไรกูผู้ชายชอบผู้หญิง แกล้งกันใช่ไหม อย่าให้เจอหน้านะพ่อจะถีบให้คว่ำ
แล้วนี่ทำไมหน้าผมร้อนใจเต้นแรงขนาดนี้หยุดทำตาโตได้แล้วไอ้พาย มันกวนตีนมึง มันกวนตีนเมิงงงงงงงงง
จรัมมมมเส่! ไอ้พายยยยยยยยยยย
[END]
สวัสดีคร้าาา นี่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาในช่วงความคิดหนึ่ง
ง่ายๆคือสนองนีดตัวเอง 555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน นะคะ
ปล. ไม่รู้จะตั้งเรื่องว่าอะไร
:mew1:
---ขัดใจ [ต่อ]---
ผมเหมือนเป็นบ้า
คอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลาสายตาก็เอาแต่มองหาไอ้มีนเพราะหลังจากที่มันประกาศว่าจะจีบผมในจดหมายความในใจของมัน ไม่ว่าจะไปไหนก็ระแวงไปหมดขนาดเรียนรวมวิชาเดียวกันยังต้องรีบชิ่งหนีหลังเลิกเรียนเลย
ไม่ได้กลัวนะ แต่รู้สึกแปลกๆอะ
แต่เหมือนว่านางฟ้าจะไม่ให้ผมหลบหน้ามันได้อีกต่อไปเพราะตอนนี้มันเดินมานั่งโต๊ะเดียวกับผมแถมยังจ้องหน้ากันนิ่ง
เผ่นสิครับจะรอใครตัดริบบิ้น
แต่ทว่าจะก้าวเท้าวิ่งหนีมันกลับวิ่งไม่ออกซะอย่างนั้น
หมับ
ไอ้มีนมึงจับแขนกูไว้ทำมายยยยยยยย
“หลบหน้าทำไม” มันถามแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่ได้หลบ” แค่เลี่ยงไม่เจอเฉยๆ
“แน่ใจ แล้วที่จะลุกหนีนี่คืออะไร” ไอ้มีนมันเลิกคิ้วถามอย่างกวนเบื้องล่าง
“จะไปเรียน”
“มึงไม่มีเรียนแล้ว”
“…”
“เขินหรอที่บอกว่าจะจีบ”
“…”
“อืม คงจะเขินสินะหน้าแดงเลย”
อยากตะโกนใส่หน้ามันว่า เขินพ่องงงงงงงงง
กูโมโหเว้ยที่ไม่รู้จะพูดอะไรตอบโต้มึงเนี่ย
“วันนี้เลิกเรียนแล้วเดี๋ยวโทรหา”
มันไปเอาเบอร์ผมมาตอนไหน
“เพื่อนมึงให้มา” มันพูดต่ออย่างรู้ทันความคิดของผม
เพื่อนหรอ เพื่อนคนไหนวะมันกล้าดีไงให้เบอร์ผมกับคนที่ผมไม่ชอบขี้หน้าอะ
ต้องไปล่าตัวมันมารับรางวัลตอบแทนหนักๆซะแล้ว
“กลับบ้านดีๆนะครับ” ไอ้มีนพูดเสียงนุ่มโทนเดียวกับคืนนั้นที่มันกอดผมที่ค่ายแล้วเอามือมาขยี้หัวผมเล่นก่อนจะยิ้มกว้างหล่อสว่างไสวกระชากใจจนผมชะงักปากที่จะเถียงต่อ
เมื่อมันขยี้หัวผมจนพอใจแล้วก็เดินหายไปจากเฟรมสายตาของผม
นี่ไอ้มีนมันกล้าดียังไงมาเล่นหัวกันอย่างนี้ ยังเป็นศัตรูกันอยู่นะเว้ย
ไอ้ลามปาม!
แต่ไอ้พายมึงรู้สึกร้อนๆที่แก้มนะแถมปากที่อ้าค้างทำท่าจะฉีกยิ้มออกด้วย อากาศคงร้อนใช่ไหม
น่าจะใช่แหละนั่งใต้ต้นไม้แดดมันส่องถึง คงใช่ร้อนจนเป็นบ้า
แต่มีคนบ้ามากกว่าผมอีกคือคนที่มายืนอยู่ห้องผมนี่แหละเพราะเมื่อสิบนาทีก่อนไอ้มีนโทรมาหาแต่ว่าผมจงใจไม่รับสายมัน เรื่องอะไรจะรับสายกันถ้าเกิดว่ารับนะก็แสดงว่าผมยอมทำตามมันดิ
ไม่มีทาง
ว่าแต่มันรู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่ดูเหมือนมันจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผมไปซะหมดนะ
“มาทำไม” ทักแขกที่ไม่อยากต้อนรับด้วยเสียงห้วน
“อยากกินข้าว”
“บอกกูทำไมไปแดกดิ”
บ้าเปล่าวะ หิวแต่มายืนทำหน้าเหมือนลูกหมาอยู่หน้าห้องเนี่ยคงอิ่มหรอก
“ไปเป็นเพื่อนหน่อย” น้ำเสียงของมันติดจะอ้อนๆหน่อยจนผมหรี่ตาจับผิด
“ไม่โว้ย” ว่าแล้วจับลูกปิดประตูเตรียมจะปิดแต่ไอ้คนหน้ามึนที่ยืนหน้าห้องดันแทรกตัวเข้ามาในห้องหลังจากที่ประตูปิดลง
“เห้ย เข้ามาทำไม” ผมตาโตถามเสียงดังเพราะตกใจ
“หิว” พูดแล้วทำหน้าเหมือนลูกหมาหิวข้าวจริงๆ
“ไปกินดิ”
“ไปเป็นเพื่อนหน่อย” จ้องหน้าผมไม่กระพริบด้วยสายตาที่หวังอย่างยิ่ง
เหอะ ไม่ต้องทำมาทำสายตาอ้อน กูไม่ใจอ่อนกับคนอย่างมึงหรอกนะ
“นะ”
ไม่
“พาย”
ไม่ต้องมาเรียกชื่อกูเสียงอ่อน
“หิวข้าวไปเป็นเพื่อนหน่อยนะ”
“…”
“…”
มันเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้ๆจนผมผงะแล้วส่งสายตาอ้อนวอนสุดๆพร้อมด้วยเสียงนุ่มๆนั่นเอ่ยประโยคที่ทำเอาผมมึนค้างไปชั่วขณะออกมา
“พายครับมีนหิวข้าว”
ตึก ตัก ตึก ตัก
บัดซบเอ้ย
สุดท้ายก็มาเป็นเพื่อนมันจนได้ไม่ใจเข้าว่าทำไมต้องใจอ่อน คงไม่ใช่เพราะน้ำเสียงน่าฟังและประโยคแสนสุภาพนั่นแน่ๆใช่ไหม
ฮือ อยากจะบ้าไอ้พายนะไอ้พายทำไมไม่ทำตามสมองสั่งจะพยักหน้าแล้วเดินตามมันออกมาจากห้องทำไม
“มึง” ผมเรียกไอ้มีนแล้วหยุดเดินส่วนไอ้คนที่ผมเรียกก็หยุดเดินเหมือนกันก่อนจะหันหน้ามาหาผมพร้อมกับเลิกคิ้วสงสัยว่าเรียกทำไม
“มึงเอาจริงดิ”
“เรื่อง?”
ผมเม้มปากชั่งใจ อยากจะถามเพื่อความแน่ใจว่าที่กำลังทำอยู่ไม่ได้จะเอาคืนที่ผมไปกวนตีนมันใช่ไหม
“จีบกู…” ผมว่าพูดเสียงดังแล้วนะแต่ทำไมเสียงมันเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าว่ะ
ไอ้มีนยิ้มกว้างสว่างไสวหล่อกระชากใจเหมือนเดิมแววตาไหวสั่นเนื่องจากพยายามกลั้นขำนั้นยิ่งทำให้ผมเริ่มหน้าบึ้ง
“ที่ทำอยู่มันเรียกว่าจีบไหม”
“…?”
จีบไหมหรอขอลองนึกก่อนนะ
ท่าทีอ่อนลงแถมยังเลิกพูดจากวนบาทาใส่ด้วยแค่นี้เอง มันเรียกว่าจีบแล้วหรอ
คิดได้แค่นั้นแล้วผมก็ส่ายหน้ารุนแรงเป็นการยืนยันว่า
ที่มึงทำน่ะไม่เรียกว่าจีบแต่เรียกว่าทำให้ตายใจแล้วเอาคืนทีหลังเว้ย
“ไปเหอะ หิวละ” ไอ้มีนไม่ตอบแถมยังเอือมมือมาจับมือผม
“มาจับมือกูทำไม” พยายามจะสะบัดออกแต่ว่ามันยิ่งกระชับแน่น
แต่มือแม่งโคตรนิ่มเลยอะ
“จีบมึงอยู่” มันบอกหน้าตายก่อนจะออกแรงดึงแขนผมเบาๆให้เดินตาม
จับมือกันเขาเรียกว่าจีบหรอ บ้านมึงสอนงี้หรอ
ตึก ตัก ตึก ตัก
แล้วใครบอกว่าหมอนั่นจะจบที่กินข้าวหลังจากพากันซัดชาบูไปแล้วจู่ๆไอ้มีนก็หยิบตั๋วหนังสองใบออกมาชูตรงหน้าผมและที่สำคัญแม่งเป็นเรื่องที่ผมอยากดูด้วยแถมเป็น 4D ที่นั่งเป็นเก้าอี้นอนอีกต่างหาก
เกิดกิเลสเลยครัชชช
“ดูหนังย่อยชาบูกัน” มันชวน
ผมมองตั๋วหนังนัยตาสั่นไหวระริกด้วยความอยาก 9.999 ริกเตอร์
แวบนึงในใจก็คิดว่าถ้าเกิดตกลงดูหนังจะยอมมันง่ายไปเปล่าวะแต่อีกแวบในใจก็คิดว่า…
“ไป!” ตอบกระชับคำแถมเผลอทำหน้าดีใจให้มันอีกต่างหาก
เชี่ย กูคิดในใจไม่ใช่หรอ
“กินอะไรอีกไหม”
“แดกเมื่อกี้มึงไม่อิ่มหรอ”
ตอนนี้ยังรู้สึกจุกจนไม่อยากเดินอยู่เลย มันไม่อิ่มหรอวะถึงถาม
“กลัวมึงไม่อิ่มต่างหาก”
“ถ้าแดกอีกกูหมูแน่ๆ”
“ไม่เป็นไร ถ้าเป็นมึงแบบไหนก็น่ารัก”
ตึก ตัก ตึก ตัก
หนังที่อยากดูแล้วได้มาดูกับไอ้มีนกำลังห่ำหั่นกันอย่างดุเดือดเลือดสาดเต็มตาแถมตอนที่รถวิ่งกันให้ควักโรงยังสั่นสะเทือน
โห โคตรบุญไอ้พายหนังฟรีแบบพรีเมี่ยม
รู้สึกคิดถูกละที่ไม่เล่นตัว
แต่มันก็แปลกๆอยู่อย่างหนึ่งคือไอ้คนข้างๆผมนี่แหละจะขยับเข้ามาชิดกันทำไม
“ไม่ใช่หนังผีเว้ย” ผมกระซิบแต่เหมือนจะเบาไปเพราะไอ้มีนมันเอียงหน้าเข้ามาใกล้จนต้องพูดซ้ำอีกรอบ
“ขยับไปหน่อย”
“หนาว”
“ผ้าห่มก็มี” ว่าแล้วก็โยนให้มัน
แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไปผมดูหนังต่ออย่างสบายอารมณ์จนกระทั่งรู้สึกหนักๆที่ไหล่
“มึงเป็นไรเนี่ย”
“เมื่อย”
เมื่อยแล้วมึงเอาหัวไม่ซบไหล่ก็เนี่ยนะ
ประสาท
“นั่งดีๆดิวะ”
“ง่วง”
“ก็นอนดีๆ” ผมว่าแล้วพยายามผลักหัวมันออกจากไหล่
ไอ้บ้า หนังเลือดสาดเสียงปืนสนั่นโรงขนาดนี้นอนลงได้ไง
แล้วนี่มึงเป็นเยลลี่หรอตัวอ่อนขนาดนี้เนี่ย
โว้ย ดันหัวเท่าไหร่ก็ไม่ยอมออกจนผมเหนื่อยถึงปล่อยหัวมันไว้บนไหล่ตัวเองอย่างนั้นแล้วถอนหายใจ
พยายามขยับตัวให้หัวมันหลุดแต่ก็ไม่เป็นผล
โอเค กูยอม
ผ่านไปอีกหลายนาทีก็เริ่มเมื่อยไหล่ละอยากเปลี่ยนท่าและดูเหมือนคนข้างๆจะหลับไปแล้วจริงๆเลยค่อยๆยกหัวมันออกแต่หัวมันโคตรหนักเลย
ช่วยพายด้วย นอกจากตัวจะเป็นเยลลี่แล้วหัวยังหนักกว่าฆ้อนเทพเจ้าพระเจ้าธอร์
ซ้ำร้ายไปกว่านั้นตอนที่มันขยับหัวไปวางไว้บนไหล่ผมดีๆ
ฟอด
เหี้ย!
มันเอาจมูกมาโดนแก้มผมแถมยังได้ยินเสียงสูดหายใจเต็มหู
ไอ้มีน ไอ้เวรไอ้ฉวยโอกาสสสสสสส
ตึก ตัก ตึก ตัก
มันจบลงไปด้วยดีแต่มีภาคต่อสำหรับหนังที่พึ่งดูจบไปแต่ว่าไอ้เหตุการณ์ที่ไอ้มีนมันหอมแก้มผมน่ะ ไม่ลืมหรอกนะ
ผมหยุดเดินแล้วส่งสายตาอาฆาตให้จนไอ้มีนมันรู้ตัวว่าผมไม่ได้เดินตาม
“เป็นอะไร ไม่สบายหรอ”
มันเดินกลับมาหาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงจริงจังแล้วเอาหลังมือมาแตะหน้าผากผม
“ตัวไม่ร้อนนี่”
มันยังไม่รู้ตัวอีกว่าทำอะไรเอาไว้ ไอ้ตอนค่ายว่าไม่ถือสาแล้วนะ แต่เมื่อกี้ผมว่ามันตั้งใจ
“มึงหอมแก้มกู”
ถอนหายใจออกแรงๆแล้วพูดให้มันรู้เรื่อง
“อะไรนะ”
ผมว่าผมพูดดังนะ หรือมันหูตึงวะ
“กูบอกว่ามึงหอมแก้มกู!” ใส่สุดเสียงจนคนที่กำลังเดินผ่านไปมามองมาที่ผมเป็นจุดเดียว
อ้าว เวรเป็นจุดเด่นเลยกู หน้าหดเหลือสองนิ้ว
ส่วนไอ้คนที่ผมพูดให้ฟังน่ะหรอ
หึ กลั้นยิ้มอยู่อย่างน่าหมั่นไส้
“ตอนไหน”
ยังมาทำเฉไฉ
“ดูหนังเมื่อกี้”
นึกถึงแล้วเริ่มร้อนที่แก้ม
โมโนนะโมโห ไม่ได้เขินอาย
“ไม่เห็นรู้เรื่อง” มันว่าแล้วหมุนตัวเดินต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
โอ้ย อยากต่อยหน้ามันเว้ย
นี่ผมไม่สามารถจะทำอะไรมันได้เลยจริงๆดิ
“หน้าหงิกจัง เป็นอะไร” รถมันจอดนิ่งที่หน้าหอผมแล้วแต่ว่าผมยังไม่ทันลงรถมันก็ถามขึ้น “ที่หอมแก้มหรอ”
ได้ยินแบบนั้นเลยส่งสายตาเขียวไปให้มันหนึ่งที
“นุ่ม”
อะไรของมันวะ นุ่มอะไร เปลี่ยนเรื่องเฉย
“หอมด้วย”
ยิ่งมันพูดผมยิ่งขมวดคิ้ว เมากลิ่นพวงมาลัยห้อยรถหรือไง
“ใช้แป้งเด็กป่ะ”
มันคุยกับใคร?
“ก็มีอยู่คนเดียวไม่หอมแก้มคนนี้ แล้วจะให้หอมแก้มใครครับ” ไอ้มีนพูดแล้วเอานิ้วมาจิ้มที่แก้มของผม
เล่นเอาไปต่อไม่เป็นเลย
อย่ามาหนอดนะเว้ย ไม่อินแน่นอน
แล้วทำไมต้องหาเรื่องมาแตะตัวกูตลอดเลยอะ
“กูยังไม่ได้อนุญาตให้มึงจีบเลย”
“ไม่ผลักไสก็ถือว่าอนุญาตแล้ว”
“ขี้ตู่นะมึงอะ”
ตอบมันกลับแล้วก็หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างเพื่อหลบสายตาที่มองผมอย่างเอาคำตอบ
ก็จริงของมันผมก็ไม่ได้ผลักใสนี่หว่า
“พาย…”
“…”
“กูรู้ว่ามึงไม่ได้เกลียดกู”
“…”
“เมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองสักที ว่าที่มึงพยายามหาเรื่องกูน่ะเพราะว่ามึงเองก็ชอบกูเหมือนกัน”
“…”
“และกูก็ชอบมึง…เผลอๆตอนนี้อาจจะรักไปแล้วด้วยซ้ำ”
“…”
นิ่ง ค้าง อึ้ง
สมองกำลังประมวลผลตามที่ไอ้มีนมันพูด
ไม่ได้เกลียดมันหรอ
ก็ไม่ได้เกลียดจริงๆนั่นแหละแค่ไม่ชอบที่มันเก๊กเฉยๆกับการทำท่าดูถูกคนที่ด้อยกว่าด้วย
คิดดูแล้วเหตุผลมีแค่นั้นแต่ถ้าเหตุการณ์นอกเหนือจากนี้มันก็ไม่ได้แย่จนต้องร้องยี๋นะ
แต่ แต่ว่า ผมชอบผู้หญิงนี่สิคือสิ่งที่มั่นใจมาตลอด
“กูก็ชอบผู้หญิง แต่มึงเป็นผู้ชายคนเดียวที่กูชอบ”
มันรู้อีกแล้วว่าผมคิดอะไร
“อืม…”
“และกูก็อยากคบกับผู้ชายแบบมึง”
ผมจะใจง่ายเกินไปเปล่าถ้าตอบว่า
“เอาดิ”
เชี่ย แค่คิดทำไมปากมันพูดออกไปอีกแล้วเนี่ย
“อะไรนะ” ไอ้มีนยื่นหน้าเข้าใกล้ๆ
“เออๆ อยากจะทำอะไรก็ทำเรื่องของมึงเลย”
หมดหนทางแล้วว่ะ ใจกับสมองตอนนี้ทำงานหนักมาก
แต่ลองดูสักครั้งก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง… ถ้าพลาดมาก็เป็นแค่บทเรียน
ที่สำคัญพูดออกไปแล้วด้วย
เว้ยยยย ขัดใจตัวเอง
“หลอกง่ายแหะ”
เสียงพึมพำจากคนที่นั่งข้างๆแต่ผมได้ยินชัดเจนจนต้องหันไปมองหน้าถามอย่างเอาเรื่อง
“อะไรหลอกง่าย”
“มึงไง หลอกง่าย”
“อ้าว นี่มึงหลอกกูหรอ”
เตรียมตีนรอเลยครับถ้ามันตอบไม่เข้าหู
“ไม่ได้หลอก”
“เอ้า เมื่อกี้มึงบอกว่ากูหลอกง่าย”
อะไรของมันวะ
“เพื่อนมึงไหม” จู่ๆไอ้มีนก็เปลี่ยนเรื่องทำหน้าตกใจชี้ไปทางด้านหลังผมจนต้องรีบหันหน้าไปมองตามแต่ไม่มีใครเลยกำลังจะหันหน้ากลับมาด่ามันแต่ว่ามันดันทำสิ่งที่พึ่งทำกับผมไปตอนที่ดูหนัง
ฟอดดดด
มันหอมแก้มผมอีกแล้ว!
“ไอ้มีนนนนนน!” ผมเรียกชื่อมันดังลั่นรถอย่างหัวเสีย
ส่วนเจ้าของชื่อน่ะหรอ “ฮ่าๆ” หัวเราะลั่นยิ้มปากจะฉีกถึงหู
ตึก ตัก ตึก ตัก
โว้ยย วันนี้ใจเต้นกับสิ่งที่มันไปหลายรอบแล้วหยุดเต้นเลยนะไอ้ใจบ้า
แล้วนี่ผมทำอะไรมันคืนได้บ้างไหมอะปล่อยให้มันทำกับผมอยู่ฝ่ายเดียวเนี่ย ไอ้แขนขาอยากจะต่อยอยากจะถีบแต่กลับนิ่งเรียบอยู่กับที่
ไอ้มีน ไอ้เวรมึงทำอะไรกับร่างกายกูอีกแล้วววววววววว
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
:mc4: มาตามคำเรียกร้องค่ะ :mc4:
ขอบคุณที่ชอบเนื้อเรื่องกันน๊าาาาาา
:z2: :z2: :z2: