พิมพ์หน้านี้ - ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Airiณ ที่ 17-08-2017 17:55:19

หัวข้อ: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 17-08-2017 17:55:19
**********************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
                                                     

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*********************************************************************

สวัสดีค่ะ Airin_and เอง ^^
เรียกไอรินก็ได้น้า

สารบัญ
บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3690348#msg3690348)・บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3690775#msg3690775)・บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3692429#msg3692429)・บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3693580#msg3693580)・บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3694708#msg3694708)・บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3697407#msg3697407)・บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3700526#msg3700526)・บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3703380#msg3703380)・บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3705230#msg3705230)・บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3708687#msg3708687)・บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3712359#msg3712359)・บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3716053#msg3716053)・บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3719648#msg3719648)・บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3723153#msg3723153)・บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3726367#msg3726367)・บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3729755#msg3729755)・บทที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3734323#msg3734323)・บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3738497#msg3738497)・บทส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530.msg3742830#msg3742830)


นิยายเรื่องอื่นๆ ที่ลงในเล้า
My Evil Twin แฝดผม นรกส่งมาเกิด (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57645)・Sweet Sanctuary ที่รักพรางใจ (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59803)・Faded Fog หมอกเลือนรัก (On Air) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62356)・Kill me gently จุมพิตอันธการ (On Air) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62745)

ถ้ามีอะไรผิดพลาด ยังไงก็ฝากให้คำแนะนำด้วยนะคะ

มาพูดคุยและติดตามกันได้ตามนี้เลยค่ะ
Facebook (https://www.facebook.com/airinand/)・Twitter (https://twitter.com/airin_yoku)

ขอให้สนุกกับนิยายค่ะ :)


หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทนำ) P.1 [17/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 17-08-2017 17:58:00
บทนำ




‘พ่อ วันนี้รีบกลับบ้านเร็วหน่อยนะ มีเรื่องจะคุยด้วย’

ข้อความสั้นๆ จากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำเอาผมแทบจะเด้งออกจากโต๊ะทำงานทันทีที่เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกงานดังขึ้นราวกับมีกองไฟลูกใหญ่ลุกไหม้อยู่บนเบาะเก้าอี้

ผมขับรถบึ่งกลับบ้านด้วยความเร็วที่เกินกว่ากฎหมายหมายกำหนด ยอมควักเงินจ่ายค่าทางด่วนเพื่อที่จะได้ถึงจุดหมายปลายทางอันเป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็กสองชั้นที่ตั้งอยู่ย่านชานเมืองได้เร็วที่สุด

ข้อความที่เพิ่งได้มาจากปัญญา ลิขิตชาญชัย ลูกชายอายุ 17 ปีซึ่งเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของผม ระยะหลังมานี่ดูเหมือนเจ้าตัวจะอยู่ในช่วง ‘วัยต่อต้าน’ อย่างที่ทุกคนเรียกกัน เป็นเหตุให้เราแทบไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกันเลยช่วงนี้ วันๆ หนึ่งก็คุยกันแทบแนบคำได้ แล้วนี่... การที่ไอ้ปัน ลูกชายตัวแสบที่ไม่แม้แต่จะพูดทักทายพ่อมันตอนเจอหน้ากันส่งข้อความมาบอกแบบนี้…

ต้องมีเรื่องไม่ดี! ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ!

มือข้างหนึ่งของผมบังคับพวงมาลัย อีกข้างยกขึ้นก่ายหน้าผากไปตลอดทาง นึกไปว่ามันไปเกเรอะไรมา แล้วถึงขั้นจริงจังส่งข้อความมาบอกกันขนาดนี้ ต้องหนักหนาสาหัสจริงๆ แน่ ไม่งั้นแค่เลื่อนหาเบอร์โทรผมในโทรศัพท์ มันคงไม่ทำด้วยซ้ำ

หรือจะเป็นเรื่องข้อสอบที่โรงเรียน... ไอ้ปันมันอาจจะได้คะแนนแย่มากขนาดที่ต้องเรียนซ้ำชั้น หรืออาจจะไม่ต่อยตีกับเพื่อนจนเป็นเรื่องเข้า คู่กรณีอาจจะถึงขั้นหัวร้างข้างแตก หรือว่าจะเป็นเรื่องผู้หญิง? ไอ้ตัวแสบของผมดันหน้าตาดีเหมือนพ่อมันซะด้วย (นี่ไม่ได้หลงตัวเองนะครับ พูดความจริง) อาจจะมีผู้หญิงมาพัวพันจนเป็นเรื่อง…

แต่เดี๋ยวก่อน! นี่มันคงไม่ได้ทำผู้หญิงท้องหรอกใช่ไหม? เพราะถ้าใช่ขึ้นมา... ก็พูดได้คำเดียวเลยว่าชิบหาย ลูกชายต้องประสบพบเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับผมแน่นอน ตอนที่ผมทำผู้หญิงท้องจนมีไอ้ปันออกมาก็อายุเท่ากับมันตอนนี้นี่แหละ แล้วผลออกมาเป็นไงล่ะ ก็ต้องนั่งเลี้ยงมันชดใช้กรรมกันไป แล้วนี่ถ้าไอ้ลูกบ้านี่จะมีหลานมาให้นั่งเลี้ยงอีกคน... ตายๆๆๆ วอดวายกันไปข้างแน่คราวนี้

และเพราะสารพัดจะกังวลไปตลอดทาง ทันทีที่รถจอดหน้าบ้าน ผมก็เดินโงนเงนเข้าไปอย่างหวาดเกรงทันที เปิดประตูเข้าไปในตัวบ้าน ปันกลับมาถึงบ้านก่อนแล้ว นั่งกินขนมขบเคี้ยวอยู่บนโซฟา ตามองทีวีที่เล่นแผ่นการ์ตูนสักเรื่องของมัน โตเป็นควายแล้วก็ยังไม่เลิกดูการ์ตูน เหมือนพ่อมันไม่มีผิด

"อ้าว พ่อ กลับมาแล้วเหรอ" ปัญญาเงยหน้าขึ้นมามองผม ปากเคี้ยวขนมตุ้ยๆ "บอกให้กลับมาเร็วๆ ก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้แฮะ แล้วทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะพ่อ"

ผมมองหน้าลูกชายที่ชุบเลี้ยงมากับมือตั้งแต่มันออกจากท้องแม่... นภัสสรหรือมิ้นต์ ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผม แต่หล่อนเสียชีวิตหลังจากคลอดไอ้ปันได้ไม่กี่เดือนเท่านั้นเหตุการณ์ตอนนั้นมันหนักหนาและสะเทือนใจมากสำหรับผม แต่ถ้าเทียบกับความยากลำบากที่ต้องเลี้ยงลูกชายคนเดียวให้โตมาได้ขนาดนี้... บอกเลยว่าเทียบกันไม่ติด

“ว่าไง ไอ้ปัน” ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวข้างมัน มือถอดเสื้อตัวนอกของบริษัทออก พาดไว้กับพนักโซฟา ในขณะที่ไอ้ตัวแสบยังคงกินขนมอย่างไม่รีบร้อน “มีเรื่องอะไรอยากคุย ไหนเล่าให้พ่อฟังซิ”

"นี่อย่าบอกนะว่าพ่อรีบกลับบ้านมาเร็วขนาดนี้เพื่อจะคุยกับผม"

อ้าว ลูกคนนี้นี่ยังไง ตัวเองเป็นคนส่งข้อความมาเองแท้ๆ

"อย่ามาลีลาน่า ปัน มีอะไรก็รีบๆ พูดมา"

"พ่อแน่ใจเหรอว่าอยากฟังเลย ไม่กินข้าว อาบน้ำ ดูทีวี ทำใจให้สบายก่อนแล้วค่อยคุยเหรอ"

คำพูดนั่นยิ่งทำให้ผมใจเต้นรัวขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่น ลูกชายของผมกำลังจะเอาเรื่องชวนปวดหัวมาให้แล้ว ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมุ่งหน้าเข้าไปรับมือกับมันตรงๆ

"อย่าโยกโย้ ปัญญา มีปัญหาอะไรก็รีบๆ พูดมา เราจะได้ช่วยกันแก้ไข"

ลูกชายผมขมวดคิ้ว สีหน้าแสดงถึงความไม่พอใจเล็กน้อย "ไม่ไว้ใจกันเลยนะพ่อ หาว่าผมเอาแต่สร้างปัญหาให้งั้นเหรอ"

"แล้วแกสร้างไหมล่ะ ส่งข้อความมาแบบนั้น จะให้ฉันคิดยังไงล่ะ"

ปัญญาเม้มริมฝีปากแน่นขึ้น ก่อนจะถอนหายใจอ่อนออกมาอย่างจำยอม ริมฝีปากเผยอขึ้นเตรียมสารภาพ ผมเกร็งตัวขึ้นเล็กน้อย ยอมรับชะตากรรมของตัวเองที่จะต้องเจอต่อจากนี้ ถ้าเกิดไอ้หมอนี่มันพลาดท่าทำผู้หญิงท้องจริงๆ... ผมจะติดต่อใครได้บ้างหนอ ป้าแหม่มที่เคยเลี้ยงไอ้ปันตอนเด็กๆ จะยังรับเลี้ยงอยู่ไหม แล้วครอบครัวฝ่ายหญิงจะว่ายังไง จะเรียกสินสอดเท่าไร แล้วผมจะมีปัญญาจ่ายให้มันไหม

"พ่อ ผมขอโทษ" โอ๊ย อย่าเพิ่งขอโทษ มีอะไรจะพูดก็รีบๆ พูดมาเท้อ "ผม... ผมว่าผมเป็นเกย์ล่ะ"

แล้วอยู่ๆ บรรยากาศทั้งห้องก็เงียบลง

ผมรู้สึกเหมือนมีก้อนน้ำแข็งยักษ์ฟาดที่หลังคอ ชาวาบไปทุกส่วนของร่างกาย มือชื้นไปด้วยเหงื่อ ปากอ้าค้างมองหน้าปันที่ก้มลงต่ำอย่างรู้สึกผิด

เดี๋ยวนะ นี่คือความจริงอย่างนั้นเหรอ? ไอ้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวของผมบอกว่ามันเป็นเกย์นี่.. เรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?

"ผมรู้ว่าผมทำให้พ่อผิดหวัง" เสียงนั้นเจื้อยแจ้วมาต่อ แต่ผมรู้สึกเหมือนมันลอยห่างออกไปเรื่อยๆ "แต่ผมไม่อยากโกหกอะไรพ่อ เราก็มีกันแค่สองคน ที่สำคัญ เราเคยสัญญากันแล้วใช่ไหมว่าเราจะไม่ปิดบังอะไรกัน"

เดี๋ยว! เดี๋ยวๆๆ ก่อนที่เอ็งจะเริ่มดราม่าอะไร ขอคนเป็นพ่อตั้งสติกับเรื่องที่เพิ่งได้ยินมาก่อนได้ไหม คือ... ไอ้ปัญญาเนี่ยนะเป็นเกย์!? ไอ้ปันลูกชายที่ผมแสนจะภาคภูมิใจผู้เป็นชายหนุ่มเจ้าของส่วนสูงกว่า 180 เซนติเมตร (เสือกสูงกว่าผมอีก ไอ้ลูกทรพี) ควบตำแหน่งนักกีฬาโรงเรียน ดีกรีเด็กเรียนดีเกียรตินิยม ใบหน้าหล่อคมขนาดทำให้ผู้หญิงแทบทั้งโรงเรียนปาหัวใจให้ นี่ยังไม่นับหุ่นล่ำๆ ของมันที่มาพร้อมกับการเล่นกีฬาอย่างหนักหน่วงของเจ้าตัวอีกนะ แล้ว... แล้วนี่อะไร มันบอกว่ามันเป็นเกย์เนี่ยนะ?

นี่ผมเลี้ยงมันมาผิดพลาดตรงไหน!?

"เป็นเกย์ได้ไง" ผมพึมพำราวกับคนสติหลุดออกจากร่าง "ก็... ก็แก..."

"เอ่อ พ่อ ใจเย็นนะ ให้ผมไปเอาน้ำมาให้ไหม หน้าพ่อซีดจนเหมือนจะเป็นลมได้อยู่แล้ว"

เสียงที่ถามอย่างห่วงใยนั่นมาไม่ถึงหูของผม ในหัวมีแต่คำสารภาพของไอ้ปันลอยวนเวียนไปมาในหัว ภาพลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่มันยังเป็นทารก จำได้ว่ามิ้นต์ประคบประหงมอย่างดี จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของผม ต้องคอยวิ่งเต้นหาพี่เลี้ยงมาคอยดูแลตอนที่ออกไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงมัน สละเวลาเที่ยวเล่นและเพื่อนฝูงเพื่อกลับมาดูแลเจ้าบ้านี่เป็นบ้าเป็นหลัง วาดฝันไว้ว่าในอนาคตมันคงทำให้ผมภูมิใจด้วยการมีอาชีพมั่นคง แต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสม สร้างครอบครัวอย่างถูกต้องแบบที่ใครๆ ในสังคมวาดฝัน

แล้วนี่อะไร... พัง พังหมด พังยับเยิน

ผมมีลูกชายเพียงคนเดียว และไม่คิดจะมีอีก แต่ไอ้ลูกบ้านี่กลับกำลังบอกผมว่าตัวเองเป็นเกย์เนี่ยนะ!? นี่คนบนฟ้าคิดจะกลั่นแกล้งชีวิตผมไปถึงไหนไม่ทราบ!

"ผมว่าพ่อนั่งพักเงียบๆ หน่อยเหอะ เดี๋ยวผมจัดการข้าวเย็นให้ ข้าวผัดได้ไหมพ่อ แล้วก็น้ำแกงอีกสักถุง ผมจะออกไปซื้อหน้าปากซอยมา"

"แกเป็นเกย์ไม่ได้นะ!"

น้ำเสียงผมงวดขึ้นด้วยอารามสติแตก ผมไม่เคยใช้โทนเสียงนี้กับลูกชายมาก่อน และปันเองก็เหมือนจะเข้าใจดี

ชายหนุ่มผู้มีความสูงมากกว่าผมค่อยๆ หันหน้ากลับมา ทีแรกผมนึกกังวลว่าเขาจะเสียใจหรือผิดหวัง แต่ตรงกันข้าม นัยน์ตาของเจ้าตัวเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไม่พอใจ เข้าขั้นหน่ายเล็กๆ ขณะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอดทน

"แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง?"

"เอ๊ะ เอ่อ..." กลายเป็นว่าตอนนี้ผมเป็นฝ่ายที่ต้องอึกอักเสียเอง เดี๋ยวนะ ปกติแล้วมันต้องตรงข้ามกันไม่ใช่เหรอ ก็เรื่องที่ไอ้ตัวแสบมันบอกผมมามันเรื่องเล็กน้อยเสียเมื่อไหร่ การที่ผมจะโกรธ ผิดหวัง เสียใจ หรือโวยวายใส่มันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ แล้วนี่มันมาเป็นฝ่ายโกรธผมแบบนี้ได้ไง!?

"นี่ พ่อครับ ผมจะบอกอะไรให้นะ… เรื่องที่ผมเป็นเกย์เนี่ย ใช่ว่าผมเป็นเพราะอยากเป็นนะพ่อ รู้ไหมว่าผมเองก็กลุ้มใจแทบตายกว่าจะยอมรับได้ว่าตัวเองเป็น แล้วกว่าที่จะตัดสินใจบอกพ่อได้เนี่ย ผมก็ใช้เวลาเตรียมใจตั้งนาน พ่อนึกไม่ออกหรอกว่าผมทรมานขนาดไหน อ้อ ใช่ แล้วก็อีกเรื่อง เป็นเกย์เนี่ย มันไม่เหมือนเป็นไข้หวัดนะพ่อที่กินยาแล้วจะรักษาได้ มันเป็นมันก็เป็นไปตลอดนั่นแหละ จะมาบอกให้ผมเลิกเป็นง่ายๆ แบบนั้นแล้วคิดว่าผมทำได้รึไง"

ฟังปัญญาร่ายยาวมาเป็นชุด ผมก็ได้แต่อึ้งรับประทานอยู่อย่างนั้น และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัว เด็กหนุ่มก้าวถอยไปเล็กน้อย สงบอารมณ์ของตัวเองแล้วตั้งหลักใหม่ หันกลับมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงนิ่งขึ้น

"ผมขอโทษที่เสียงดังครับ แต่ผมอยากให้พ่อเข้าใจจริงๆ ว่าผมทำอะไรไม่ได้ ผมอยากให้พ่อยอมรับในตัวผม ยอมรับในสิ่งที่ผมเป็น”

โอ้โห นี่ไอ้ลูกบ้านี่มันคิดว่าทุกอย่างจะง่ายแบบนี้เลยเหรอฟะ นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายเลยนะโว้ย ไม่ใช่เรื่องดินฟ้าอากาศหรืออาหารไม่ถูกปาก ใครจะไปทำใจกันได้ง่ายๆ

“เอาเป็นว่าผมขอตัวไปซื้อข้าวเย็นเข้ามาก่อนแล้วกัน พ่อดูทีวีไปก่อน ถ้าไม่อยากดูนารูโตะจะเปลี่ยนไปดูดราก้อนบอลแทนก็ได้ ผมเพิ่งใส่ตอนที่เรายังไม่ได้ดูกันมา”

แล้วไอ้ตัวแสบก็เผ่นแน่บออกจากบ้านไป ทิ้งผมไว้กับนารูโตะซีซั่นสองที่ดูไปแล้วไม่ต่ำกว่าสามรอบ

ผมซุกหน้าลงกับฝ่ามืออย่างเหนื่อยอ่อน เสียงจากโทรทัศน์ลอยเอื่อยๆ มาเป็นซาวด์ประกอบด้านหลัง เสียงสดใสพวกนั้นแม่งไม่ได้เข้ากับความทุกข์ทรมานใจของผมตอนนี้เลย

เอาจริงดิ

นี่ผมเลี้ยงลูกผิดพลาดไปอะไรยังไงตอนไหนวะเนี่ย!





----------------------------------
Talk: เอ่อ... ไม่รู้เหมือนค่ะว่าผีบ้าที่ไหนเข้าสิงแล้วออกมาเป็นเรื่องนี้ 555555 ไม่รู้จะได้มาอัพอีกเมื่อไหร่นะคะ เพราะผีบ้ามาก อาจจะมาเร็วๆ นี้หรือไม่ก็เก็บเข้าไหดองไปเลย //ผิด
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทนำ) P.1 [17/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-08-2017 18:49:52
พ่อแอบตลกนะ แต่ก็เครียดด้วย เอ๊ะยังไง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทนำ) P.1 [17/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-08-2017 19:03:43
น่าสนุกอะ มาต่อเถอะ อย่าดองเลย   :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทนำ) P.1 [17/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 17-08-2017 21:44:32
ตามชื่อเรื่องเข้ามา จะรอตอนต่อไปนะคะว่าคุณพ่อจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทนำ) P.1 [17/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 18-08-2017 10:06:30
น่าสนๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทนำ) P.1 [17/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-08-2017 11:50:00
เอาใจช่วยคุณพ่อนะคะ แต่ทำไมเราฮา
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทนำ) P.1 [17/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 18-08-2017 13:32:05
   .........:m20: :m20: :m20: ฮา คุณพ่อมากกกกกเลย

   มีการบอก     
อ้างถึง
แกเป็น เกย์ ไม่ได้ นะ
 

 
 
 คนเขียน แต่งได้น่ารัก ดี

 ท่าทางคุณพ่อ กับลูก จะมีความสนิทสนม กลมเกลียว ตามสไตล์ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ละนะ o13


อ้างถึง
ไอ้ปัญญาเนี่ยนะเป็นเกย์!? ไอ้ปันลูกชายที่ผมแสนจะภาคภูมิใจผู้เป็นชายหนุ่มเจ้าของส่วนสูงกว่า 180 เซนติเมตร (เสือกสูงกว่าผมอีก ไอ้ลูกทรพี) ควบตำแหน่งนักกีฬาโรงเรียน ดีกรีเด็กเรียนดีเกียรตินิยม ใบหน้าหล่อคมขนาดทำให้ผู้หญิงแทบทั้งโรงเรียนปาหัวใจให้ นี่ยังไม่นับหุ่นล่ำๆ ของมันที่มาพร้อมกับการเล่นกีฬาอย่างหนักหน่วงของเจ้าตัวอีกนะ แล้ว... แล้วนี่อะไร มันบอกว่ามันเป็นเกย์เนี่ยนะ?

นี่ผมเลี้ยงมันมาผิดพลาดตรงไหน!?



อยากรุ้จัง ... เรื่องเริ่มแบบนี้ จะมีนายเอกสไตล์ไหน ...เพื่อนนักกีฬา หรือ หนุ่ม ออฟฟิศแมนๆๆ    มาต่อไวไว นะ :katai4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทนำ) P.1 [17/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 18-08-2017 17:03:00
บทที่ 1



"เอ้า เร็ว พวกเรา ใครยังไม่ได้สั่งน้ำอะไรรีบสั่งเลยนะ โต๊ะนั้นจัดการครบรึยัง"

"ทางนี้เรียบร้อยแล้วค่ะพี่ ไม่ต้องห่วง"

เสียงตะโกนข้ามโต๊ะไปมาฟังดูครึกครื้น และผมเองก็คงจะรู้สึกคึกคักกับงานเลี้ยงของแผนกมากกว่านี้ถ้าไม่ใช่เพราะในหัวยังวนเวียนคิดอยู่แต่เรื่องที่ลูกชายเพียงคนเดียวเปลี่ยนเพศไปโดยไม่ถามความสมัครใจของผู้ปกครองเสียแล้ว

"เอ้า พี่ดล ว่าไงคะ นั่งเงียบเชียว จะเอาน้ำอะไร"สา ลูกน้องในที่ทำงานคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงตามปกติ ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงซังกะตาย

"น้ำเปล่า"

"โห แน่ใจเหรอพี่ เบียร์สักแก้วไม่ดีกว่าเหรอ ยังไงวันนี้ก็งบบริษัท ไม่ต้องเหนียมก็ได้ม้าง"

"น้ำเปล่า" ยืนยันคำเดิม ทำเอาสาวเจ้ายอมถอยไปอย่างจำยอม หันไปสั่งเครื่องดื่มของทั้งโต๊ะหลังจากที่นับหัวเสร็จ

จากตำแหน่งที่นั่งอยู่ ผมได้ยินเสียงกระซิบจากลูกน้องอีกคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ รายนี้ชื่อชัย แล้วไม่รู้เป็นยังไงจำชื่อใครไม่เคยได้ ต้องเรียกด้วยฉายาที่เจ้าตัวตั้งเอง และเจ้าหมอนี่ก็กำลังคุยกับสาเรื่องผมด้วยเสียงกระซิบที่คงดังไปถึงหน้าปากซอย

"พี่ๆ นี่ลูกพี่หล่อเขาเป็นอะไรเนี่ย ทำไมดูซึมๆ ชอบกล แถมปกติแกดื่มไม่ใช่เหรอ รอบนี้น้ำเปล่าเสียงแข็งมาเลย เครียดเรื่องงานเหรอ"

"ไม่รู้ว่ะ ชัย แต่งานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ ทำไมแกไม่ลองถามพี่ดลดูเองล่ะ"

"อ้าว ดล เป็นอะไรครับเนี่ย หน้าเครียดเชียว" คนที่เอ่ยปากถามผมไม่ใช่ลูกน้องของตัวเองแต่เป็นคมกฤช เพื่อนร่วมงานต่างแผนกที่ชอบเนียนโผล่ไปงานเลี้ยงต่างๆ ของบริษัท แต่เพราะนิสัยร่าเริง คุยเก่ง และความอัธยาศัยดีของเจ้าตัวทำให้ไม่มีใครว่า ตรงกันข้าม คอยแต่จะถามให้แวะเวียนมางานสังสรรค์บ่อยๆ ด้วยซ้ำ "นี่ได้ยินว่าลูกนายสอบติดโครงการแลกเปลี่ยนไปอเมริกาไม่ใช่เหรอ มีเรื่องน่ายินดีแบบนี้ยังจะทำหน้าเซ็งอยู่อีก"

"อ้าว" ไอ้ชัยที่เมื่อกี้ทำเหนียมไม่เข้ามาคุยเสนอหน้าเข้ามาทันที "นี่ลูกพี่หล่อมีลูกแล้วเหรอครับเนี่ย ตกใจหมดเลย นึกว่าพี่ไม่มีแฟนด้วยซ้ำ"

"เมียพี่เขาเสียไปนานแล้วย่ะ ฉันเคยเล่าให้ฟังตั้งหลายรอบแล้วไม่ใช่หรือไง" สาเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยพร้อมกับบ่นอย่างไม่จริงจัง ไอ้ชัยทำหน้าเจื่อนลงนิดในขณะที่ผมยิ้มแล้วตอบกลับไป

"ไม่เป็นไรหรอก ชัย เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว ผมเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร"

ชายหนุ่มมีสีหน้าดีขึ้น ก่อนจะเอ่ยคำถามต่อไปเพื่อเปลี่ยนเรื่องไปเสีย "ว่าแต่ลูกของลูกพี่หล่อนี่ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ"

คำถามง่ายๆ นั่นกลับทำเอาผมชะงักไปราวกับโดนค้อนฟาดเข้าที่กลางลำตัว ท่าทีอึกอักนั่นทำให้คนรอบตัวหันมามองอย่างงุนงง

โอเค ก่อนอื่นเลยนะ ขอผมบอกก่อนเลยว่าผมไม่ใช่พวกเหยียดเพศ ไม่เคยรังเกียจเพศที่สาม ใครอยากจะเป็นก็เป็นไป เหมือนมองดูจากที่ไกลๆ แต่ไอ้การที่ลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองกลายเป็นหนึ่งในนั้นแล้ว... มันเป็นอะไรที่คนละเรื่องกัน โดยเฉพาะกับผมที่มีมันคนเดียว คือเหมือนมันเป็นความหวังสุดท้ายของชีวิตผมแล้ว ผมรู้ว่าไอ้ปันเองก็ไม่ได้อยากทำให้ผมผิดหวัง แต่ไอ้ความรู้สึกเหมือนโดนทรยศนี่มันอะไรกัน

"ผู้... ผู้..." ผมหลุดคำพูดออกมาอย่างกระอึกกระอัก เอาล่ะสิ นี่คือบททดสอบของผมใช่ไหมว่าจะยอมรับตัวตนของลูกได้หรือเปล่า บางทีมันอาจเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ แล้วผมควรจะตอบคำถามนี้ไปยังไงดีล่ะ คือผมแน่ใจแน่ล่ะว่าตัวเองมีลูกชาย แต่การที่ไอ้ปันมาสารภาพว่ามันเป็นเกย์แบบนี้แปลว่าภายในมันตอนนี้ไม่ใช่ผู้ชายอีกต่อไปแล้วใช่ไหม หมายความว่ามันอยากเป็นสาวเหรอ? แบบ... อยากแต่งหญิง ทำตัวสวยๆ แบบที่พวกทิฟฟานี่โชว์ที่พัทยาเขาทำกัน

"เอ่อ พี่ดล" เสียงของสาที่เรียกอย่างกังวลเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของผม ว่าแต่ไอ้คำว่าเป็นเกย์ของไอ้ปันเนี่ยมันครอบคลุมไปถึงขั้นไหนกันแน่ อยากแต่งสวย อยากเป็นผู้หญิง ชอบผู้ชาย อะไรทำนองนั้นใช่ไหมนะ แล้วแมนๆ ล่ำๆ อย่างมันเนี่ยนะแต่งสาว ให้ตายเถอะ แค่นึกภาพก็สยองขวัญแล้ว

"ฮะๆๆ ดล! นายเป็นอะไรของนายเนี่ย! มีลูกชายก็บอกเขาไปสิว่าเป็นผู้ชาย งึมงำให้คนเขางงกันอยู่ได้" คมกฤชหรือก้องหัวเราะลั่นกับท่าทีอึกอักของผม มือรัวเข้ามาฟาดบ่าสองสามที พอจะดึงสติของผมให้กลับมาได้ "หมอนี่มีลูกชายอยู่ม. 5แล้ว เผอิญว่าน้องปัน ลูกหมอนี่เรียนอยู่ที่เดียวกับลูกสาวผมน่ะ แถมเป็นคนดังของโรงเรียน เวลามีอะไรอัพเดททีน้องณริต้องเอามาเล่าให้ฟังตลอด"

"อ้าว ลูกสาวของคุณก้องเรียนอยู่ที่เดียวกับน้องปัญญาเหรอคะ ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย"

"ลูกสาวชื่อน้องณริเหรอครับ ชื่อน่ารักจัง"

"คนตั้งให้ก็แม่เขาแหละครับ"

หัวข้อสนทนาถูกเบี่ยงไปแล้ว ผมจึงกลับไปคิดเรื่องของปัญญาต่อ พักเรื่องที่มันเป็นเกย์ไว้ก่อน ที่ไอ้ก้องเพิ่งพูดว่ามันสอบผ่านไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกานี่... รู้ผลตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นไอ้ปันมันบอกอะไรผมสักคำ แล้วมันคิดจะไปจริงๆ หรือเปล่าวะ เห็นก่อนหน้านี้สองจิตสองใจ แล้วถ้าจะไป ผมจะมีปัญญาส่งเงินให้มันพอใช้พอที่นู่นไหมน้อ อาจจะต้องลดค่าใช้จ่ายอย่างอื่น…

นี่แหละน้า... เรื่องที่ผมนั่งกังวล นั่งคิดไม่ตกอยู่ทุกวันนี้ก็มีแต่เรื่องลูกนี่แหละ ใครยังไม่มีลูกและคิดจะมีก็ลองพิจารณาดีๆ ดูหน่อยแล้วกัน ยิ่งอย่างผมนี่มีไอ้ปันมาตั้งแต่วัยรุ่น ช่วงเวลาที่ควรจะได้สังสรรค์เที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ นี่เป็นอันหายโม้ด... จนถึงตอนนี้ก็ยังต้องมานั่งกังวลสารพัดเรื่องของมันอีก

“เฮ้อ…”

ทันใดนั้นเองที่มีอะไรบางสั่นอย่างรุนแรงที่ต้นขา ผมสะดุ้งสุดตัวเนื่องจากกำลังใจลอยกับเรื่องอื่น ทำเอาสาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ไหวตัวตามด้วยความตกใจ เสียงริงโทนที่ติดมากับตัวเครื่องดังขึ้น ผมถึงได้รู้ว่าโทรศัพท์ของผมมีสายเข้านั่นเอง

หยิบมันขึ้นมาดูหน้าจอ ปรากฎว่าเป็นไอ้ปันที่โทรเข้ามา นึกถึงผี ผีก็มาเลยจริงๆ

ผมกดรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไปห้วนๆ บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าภาวะมึนตึงระหว่างเรายังไม่จบ "มีอะไร ปัน"

"พ่อ พ่ออยู่ไหน" น้ำเสียงอีกฝ่ายยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอาการห่างเหินอย่างที่ผมทำอยู่ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าปัญญาเองก็ใช้ความพยายามและความอดทนในการทำตัวเหมือนไม่รับรู้ความโกรธของผมอยู่เหมือนกัน "ผมได้ยินเสียงดังไปหมดเลย งานเลี้ยงเหรอพ่อ"

"ใช่ ออกมากินข้าวกับที่ทำงาน" เสียงผมยังห้วนอยู่ และผมได้ยินเสียงไอ้ปันสูดลมหายใจแรงเพื่อระงับอารมณ์ "มีอะไร"

"ตอนแรกผมจะขอให้พ่อมารับหน่อย แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องก็ได้ครับ"

ผมนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ตามปกติถ้าไอ้ปันโทรมาขอให้ไปรับ ผมแทบไม่เคยปฏิเสธมันนอกจากจะติดธุระสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ และไอ้การกินเลี้ยงกับแผนกนี่ก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรถ้าว่ากันตามตรง แต่อารมณ์ผมนี่สิ... ไม่ค่อยอยากจะไปรับมันเลย มันเซ็งๆ เบื่อๆ ไม่อยากเจอหน้ามันอย่างบอกไม่ถูก แต่อะไรบางอย่างกลับทำให้ผมไม่สามารถปฏิเสธมันได้ ทั้งๆ ที่ลูกผมก็ไม่ใช่เด็กสามขวบแล้ว

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปรับ รอสักครึ่งชั่วโมงนะ"

"ไม่ต้องก็ได้ครับพ่อ กินข้าวกับเพื่อนเถอะ"

"ไม่เป็นไร รออยู่ที่โรงเรียนแหละ เดี๋ยวไปรับ"

"พ่อแน่ใจนะ? "

"เออ" ขึ้นเสียงใส่นิดหนึ่ง จะถามย้ำทำไมหลายๆ รอบเนี่ย ตกลงใครเป็นพ่อ หา

"ตกลงครับ งั้นผมจะรอที่หน้าประตูโรงเรียน อีกครึ่งชั่วโมงนะ"

"โอเค"

กดตัดสายแล้วผมก็หันไปบอกสาว่าต้องกลับก่อนจากนั้นจึงขอตัวเลี่ยงออกมา ขับรถไปตามทางโดยเลี่ยงถนนเส้นหลักที่รถค่อนข้างแน่น ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูโรงเรียนไอ้ปันในอีกสี่สิบนาทีต่อมา เลี้ยวรถเข้าไปในส่วนสำหรับรับส่งคน ไอ้ตัวแสบกำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานกับเพื่อนมันอีกคน คนนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพื่อนมันคนไหนเพราะไม่คุ้นเคย แต่ดูแล้วอาจจะเป็นรุ่นน้องไอ้ปันเพราะดูหน้าเด็กกว่า ไม่น่าใช่รุ่นเดียวกัน

ผมบีบแตรสั้นๆ ทีหนึ่งเพื่อให้คนที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอยู่รู้ตัว ปัญญาหันหน้าขวับมาทันทีก่อนจะส่งยิ้มสว่างไสวอย่างคนมีความสุขมาให้ ผมชะงักไปทันที การที่ไอ้ลูกบ้าจะส่งยิ้มสดใสขนาดนั้นมาให้ทั้งที่เรายังมึนตึงกันอยู่แบบนี้แปลว่าตอนนี้เจ้าตัวต้องอารมณ์ดีมาก สงสัยจะคุยกับเพื่อนถูกคอ ถึงได้ดูสดชื่นแจ่มใสได้ขนาดนี้

เจ้าตัวหันหน้ากลับไปหาเด็กหนุ่มอีกคน "พ่อพี่มารับแล้ว ต้องกลับแล้วล่ะ"

"พี่ปันจะกลับแล้วเหรอครับ" อีกฝ่ายถามด้วยท่าทีซึมลงไปนิดหนึ่ง ปัญญาเอื้อมมือไปยีเส้นผมเจ้าตัวแรงๆ พร้อมกับหัวเราะร่วน

"ทำหน้าแบบนั้นทำไมเนี่ย เดี๋ยวก็คุยกันทางข้อความก็ได้ ว่าแต่นี่โดกลับยังไง ใครมารับหรือเปล่า"

"ผมต้องรอม๊ามารับ คงอีกหลายชั่วโมง"

"อ้าว งี้ก็แย่สิ บ้านอยู่ไหนเนี่ย"

เพื่อนรุ่นน้องของปัญญาบอกที่ตั้ง และเมื่อเห็นว่าเป็นทางผ่านทางกลับบ้านเรา เจ้าตัวแสบก็รีบเสนอทันที

"ถ้างั้นให้พ่อพี่ไปส่งแล้วกัน นะ พ่อ ให้น้องติดรถไปด้วยได้ไหม แวะไปส่งหน่อย สงสารน้อง ต้องรอแม่อีกนาน"

"เอาสิ" ผมตอบรับโดยไม่เสียเวลาคิด ทางก็ทางผ่าน แล้วไอ้รับส่งเพื่อนไอ้ปันก็ทำมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง บางครั้งพ่อแม่เพื่อนมันก็ไปส่งที่บ้าน ก็คงต้องผลัดๆ กันไปล่ะนะ เรื่องแบบนี้

"แต่... จะดีเหรอครับ" อีกฝ่ายมีท่าทีเกรงใจ "รบกวนพ่อพี่ปันหรือเปล่า"

"ไม่รบกวนหรอกน่า บอกแล้วไงว่าทางผ่าน" ปัญญาพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเปิดประตูหลังให้อีกฝ่ายเรียบร้อย "มาเถอะครับ รีบไปกันดีกว่า รถด้านหลังมานั่นแล้ว เดี๋ยวจะติดกันทั้งถนน"

ผมได้ยินเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของลูกชายไปตลอดทาง ทั้งๆ ที่เรื่องที่เจ้าตัวแสบคุยกับรุ่นน้องของตัวเองมีแต่เรื่องสัพเพเหระ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะมีความสุขเสียเหลือเกิน

"เออ นี่ ผมบอกพ่อหรือยังว่าไอ้หมอนี่ชื่อโดนัท คนอะไรก็ไม่รู้ ชื่อโคตรน่ากิน แถมหน้าก็หวาน สงสัยแม่คงตั้งชื่อตามหน้าแหงเลย"

"พี่ปัน พูดอะไรของพี่เนี่ย ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยครับ"

"แล้วนี่โดนัทเรียนอยู่ชั้นไหนครับเนี่ย" ผมถามยิ้มๆ อย่างนึกเอ็นดูเด็กทั้งสอง โดยเฉพาะไอ้ปัน เห็นลูกมีความสุขผมก็มีความสุขเหมือนกันนะครับ และถึงมันจะตัวโตเท่าหมีควายขนาดนี้ ผมก็ยังรู้สึกเหมือนมันอายุห้าขวบเหมือนเดิม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบเด็กๆ แบบนี้

"ม.4 ศิลป์-คำนวณครับ" คนถูกถามตอบอย่างสุภาพ ช่างเป็นเด็กมารยาทดีต่างจากไอ้ตัวแสบลูกผม

"มีอะไรไม่เข้าใจก็มาถามพี่ได้ตลอดนะ แล้วนี่เลี้ยวซอยไหนเนี่ย มัวแต่คุย เดี๋ยวจะเลยบ้านซะก่อน"

"อ๊ะ ครับ เดี๋ยวเลี้ยวแยกถัดไปเลย ส่งผมตรงนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเดินเข้าไปอีกหน่อย"

"โอเค งั้นน้าส่งตรงนี้นะ" ผมว่าพร้อมกับจอดรถ โดนัทคว้ากระเป๋าของตัวเองสะพายหลังแล้วยกมือไหว้ จากนั้นจึงหันไปส่งยิ้มแป้นให้ลูกชายผม ดูเหมือนเด็กสองคนนี้จะชอบกันจริงๆ แฮะ

อื๊อ? เดี๋ยวนะ...

ไอ้ปันมันเพิ่งบอกผมเมื่อวานว่ามันเป็นเกย์... แล้วไอ้รุ่นน้องที่มันคุยด้วยเมื่อกี้…

"ว้า น้องไปซะแล้วแฮะ ขอบคุณนะฮะพ่อที่อุตส่าห์พารุ่นน้องผมมาส่ง"

เดี๋ยว ก่อน นะ

"ไอ้ปัน แกอย่าบอกนะว่า... แกกับโดนัท..."

ปัญญาหันมายิ้มกว้างจนแทบจะฉีกไปถึงหูให้ผม นั่นยิ่งทำเอาผมรู้สึกมวนในท้องขึ้นมาทันทีเมื่อเข้าใจถึงสาเหตุที่ลูกชายผมยินดีปรีดาเสียขนาดนั้น

“ก็… ยังไม่ถึงขั้นคบกันหรอกพ่อ แต่ก็กำลังดูๆ กันอยู่”

แม่เจ้าโว้ย โชคดีนะที่ทางข้างหน้าเป็นทางตรง แล้วถนนก็โล่ง ไม่งั้นผมคงได้ขับไปเฉี่ยวรถใครเขาเข้าแน่ๆ เพราะคำพูดเมื่อกี้

“เหวอ… พ่อ ขับดีๆ หน่อย นี่ดื่มมาหรือเปล่าเนี่ย”

“เปล่า” ปากตอบแบบนั้นแต่มือตัดสินใจหักเลี้ยวเข้าไปจอดที่ปั๊มน้ำมัน ไม่ได้จะเติมเชื้อเพลิง ไม่ได้จะแวะซื้อของกินหรือเข้าห้องน้ำ แต่ผมจำเป็นต้องถามไอ้ปัญญาให้รู้เรื่อง

“แกชอบเด็กคนเมื่อกี้เหรอวะ ไอ้ปัน” น้ำเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกได้ว่าหน้าของตัวเองซีดเผือดลง แต่ไอ้ตัวแสบก็ยังยิ้มลอยหน้าลอยตา

“โดนัทน่ะเหรอครับ อืม… ก็ชอบแหละ แต่น้องเขาน่ารักจริงๆ นะ พ่อไม่คิดเหมือนผมเหรอ”

ผมมองมันราวกับมองเอเลี่ยนที่มาจากดาวพุธ “น่ารักเนี่ยนะ? ”

“ใช่ หน้าหวานขนาดนั้น ขาวก็ขาว แถมยังพูดจาดีอัธยาศัยดี น่ารักจะตาย”

“น่ารักตรงไหน” ชมเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันว่าน่ารักได้นี่ ลูกผมคงไม่ปกติแล้ว… อ้อ ใช่สิ มันไม่ปกติไปแล้วนี่หว่าเพราะว่ามันยอมรับแล้วว่าตัวเองเป็นเกย์ไง!

“งั้นก็หน้าตาดีถ้าพ่อไม่อยากใช้คำว่าน่ารัก แต่พ่อปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”

ผมพยายามนึกหน้าเด็กชายคนที่เพิ่งลงจากรถไป ไม่ได้ตั้งใจมองหน้าเต็มๆ ซะด้วย แต่ก็พอจะนึกออกว่าอีกฝ่ายหน้าตาดี

“อือ ใช่ ก็หน้าตาใช้ได้”

“ไหมล่ะ”

“แต่เขาเป็นผู้ชายนะ”

ปัญญากลอกตาขึ้นบนหนึ่งที “พ่อ ผมบอกแล้วไงว่าผมเป็นเกย์”

ฉึก!

เหมือนมีลูกธนูที่มองไม่เห็นปักลงกลางอก

“แก… แกคิดดีแล้วจริงๆ เหรอวะว่าจะเป็น”

“ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าผมไม่ได้เป็นเพราะอยากจะเป็น”

“ไม่ได้เป็นเพราะอยากเป็นบ้าอะไร! แกโคตรมีความสุขเลยไม่ใช่เรอะ!? ”

“โว้ย ก็เพราะผมยอมรับว่าตัวเองเป็นได้แล้วน่ะสิ มันถึงได้มีความสุขน่ะ! แต่พ่อไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าก่อนหน้านี้ผมกลุ้มใจมากแค่ไหน! ”

“ไม่เข้าใจโว้ย! ” แล้วตอนนี้เอ็งเข้าใจความรู้สึกหัวอกคนเป็นพ่อบ้างไหมล่ะโว้ย!

เราสองคนหันหน้ากันไปคนละทาง สงบสติอารมณ์ของตัวเอง หางตาผมเหลือบมองปัญญาที่กำหมัดแน่นขึ้นอย่างอัดอั้น เห็นแค่นี้ใจผมก็อ่อนยวบลงมาทันที

บางทีผมอาจจะคิดถึงแต่ตัวเองมากเกินไป ไม่ได้นึกถึงความทรมานของมันอย่างที่มันบอกก็ได้ มันเป็นเกย์… และมันก็กล้าที่จะมาบอกผมตรงๆ เพียงเพราะว่าเราเคยสัญญากันไว้ว่ามีเรื่องอะไรเราจะไม่ปิดบังกัน

ผมไม่รู้ว่าถ้ามันไม่บอกผมเสียตั้งแต่แรก ทุกอย่างจะดีกว่านี้ไหม บางทีผมอาจจะสบายใจกว่า มีความสุขมากกว่า แต่ไอ้ปันก็ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ความเป็นตัวเองกับผม พอคิดว่ามันอาจจะทำแบบนั้นแล้วก็รู้สึกเจ็บในอกขึ้นมานิดหนึ่ง

ผมอาจจะไม่ใช่พ่อที่ดี แต่ผมก็อยากให้ลูกไว้ใจผมทุกเรื่อง และตอนนี้ปันเองก็มอบความไว้ใจนั่นมาให้แล้ว ผมต้องประคองมัน… ไม่ว่าจะรับได้หรือไม่ได้เรื่องที่มันเป็นเกย์ แต่ผมคงไม่สามารถหันหลังหนีให้มันได้เพียงเพราะเรื่องแค่นี้หรอก

“พ่อจะเอายังไง”

“ว่าไงนะ” ผมถามกลับอย่างงุนงง

“ผมรู้ว่าพ่อโกรธ แต่มันเป็นไปแล้ว… พ่อจะให้ผมทำยังไง”

ปัญญาไม่ได้หันกลับมามองหน้าผม และมันกำลังเข้าใจผิด ผมไม่ได้โกรธ ผมแค่… สับสน สับสนแล้วก็งงมากๆ จนทำตัวไม่ถูกก็เท่านั้น

“แล้วแกจะทำอะไรได้ล่ะ”

“ผมจะเข้าจุฬาให้”

คำพูดนั้นแทบทำให้ผมอ้าปากค้าง ผมไม่เคยเคี่ยวเข็ญอะไรมันเลยเรื่องเรียน ขอแค่ให้สอบไม่ตก ไม่ต้องซ้ำชั้นก็พอ แต่ปัญญาก็ทำให้ผมมากกว่านั้นมาตลอดโดยที่ผมไม่เคยร้องขอ

ไอ้ตัวแสบยังไม่หันหน้ากลับมาหาผม ตายังมองออกไปนอกกระจกรถ ปากก็พูดพร่ำต่อ

“ผมจะเรียนหมอให้ด้วยก็ได้ถ้าพ่ออยากให้เป็น”

“เอ่อ ก็เปล่านะ” ไม่เคยคิดอยากให้ลูกเป็นหมอเลยสักครั้งครับ งานก็หนัก เหนื่อยก็เหนื่อย รักษาพลาดก็อาจโดนฟ้อง เงินมากมายได้มาขนาดไหนก็ไม่คุ้ม ที่สำคัญ ต้องไปผจญกับเลือดจากคนไข้นี่ คือผมไม่ถูกกับเลือดไง แค่เห็นก็จะเป็นลม ไอ้ปันอาจจะไม่เป็นไร แต่แค่คิดว่าต้องไปเจอความลำบากขนาดนั้นก็ไม่อยากให้เป็นแล้ว

“ผมจะเอาเกรดสี่ทุกเทอมให้พ่อ”

“แค่ตั้งใจเรียนตามปกติก็พอแล้ว เกรดสี่เอามาก็กินไม่ได้”

“แล้วพ่อจะเอายังไง” คราวนี้ไอ้ตัวแสบหันกลับมามองผมตาเขียวปั้ด แต่ผมสังเกตว่าหางตาของมันแดงขึ้นเหมือนจะร้องไห้ “ต้องให้ผมหาลูกสะใภ้มาให้เท่านั้นรึไงถึงจะพอใจ”

“ก็ไม่ได้พูดแบบนั้น”

“พ่ออยากจะอุ้มหลานเหรอ เดี๋ยวผมหาลูกบุญธรรมมาเลี้ยงเอา”

“เปล่า ก็ไม่ได้คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

แล้วเราสองคนก็มองหน้ากันนิ่งเป็นเวลาสามวิฯ

“แล้วพ่อมีปัญหาตรงไหนที่ผมเป็นเกย์!? ”

“ก็ไม่ได้บอกว่ามีปัญหาอะไรสักหน่อย! ” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“โกหก! ไม่มีปัญหาแล้วทำไมต้องโกรธกันด้วย เมื่อคืนก็ทำนิ่งใส่ผม โทรไปเมื่อกี้ก็ทำเสียงเย็นชาใส่”

“ปัดโธ่โว้ย ก็ให้เวลาทำใจกันหน่อยสิวะ อยู่ๆ ลูกชายคนเดียวมาบอกว่าตัวเองเป็นพวกไม้ป่าเดียวกันมา ใครมันจะไปตั้งตัวทันกัน! ใจคอแกจะให้ฉันหน้าชื่นตาบานแล้วบอก ‘อ้อ ไม่เป็นไรหรอก ลูก ตามสบายเลย ขอแค่ลูกเป็นคนดีจะเป็นเพศไหนพ่อก็ไม่สนใจหรอก’ แบบนี้เหรอวะ!? ”

“ใช่! ”

“งั้นก็ขอบอกเลยว่าแกดูละครมากเกินไปแล้ว ฉันทำใจยอมรับง่ายๆ แบบนั้นไม่ได้หรอก”

“ผมก็เลยถามอยู่นี่ไงว่าพ่อจะเอาอะไร อะไรที่จะทดแทนเรื่องนี้ได้บ้าง อยากให้ผมเป็นหมอ เป็นนักบินอวกาศ เป็นทนายความ นักวิจัย นักกีฬา นักธุรกิจ… พ่อบอกเลยว่าอยากได้อะไร ผมจะทำให้ แต่เรื่องที่ผมเป็นเกย์นี่มันช่วยอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ แล้วผมก็ไม่อยากฝืนเป็นในสิ่งที่ผมไม่ได้เป็น”

ผมรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบออกไปจากร่าง ตลอดชีวิตที่ผ่านมาปัญญาไม่เคยบอกเลยว่าตัวเองอยากเป็นอะไร เอาจริงมันเป็นคนที่ดูใช้ชีวิตเลื่อนลอยมาก เลือกเรียนสายวิทย์-คณิตก็เพราะตามเพื่อน ถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรก็คอยเบี่ยงประเด็นตลอด แต่ตอนนี้มันกำลังเอาอนาคตตัวเองมาให้ผมเลือกเพื่อแลกกับการยอมรับเรื่องที่มันเป็นเกย์เนี่ยนะ?

ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไง

เราหันหน้าหนีจากกันอีกรอบเพื่อรวบรวมสติอีกที ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกหนึ่ง

เอาล่ะ เราจะยังไม่พูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า เรื่องนี้มันยังสดใหม่เกินกว่าจะเอามาถกกันเป็นจริงเป็นจังแบบนี้ และสารภาพตามตรงก็คือ… ผมยังไม่พร้อม

“หิวหรือเปล่า ปัน” ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง ปัญญาเองก็คงเข้าใจว่านั่นคือสัญญาณบางอย่าง เจ้าตัวพยักหน้ารับอย่างไม่เกี่ยงงอน

“หิวครับ”

“อยากกินอะไร”

“เอ็มเค”

“งั้นแวะห้างกัน”

“ไม่เอา ห้างคนเยอะ”

อ้าว ไอ้ลูกเวรนี่

“เอาเป็นก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยแล้วกัน ผมอยากกินขนมโตเกียวที่ตลาดนัดข้างๆ ด้วย”

อื้อหือ เกรดอาหารนี่ลดลงมาฮวบฮาบน่าใจหาย

“ได้” ผมออกรถอีกรอบเพื่อตรงไปยังบ้านของเรา ไม่มีการพูดคุยเรื่องรสนิยมทางเพศของปัญญาอีกเลยในตลอดทั้งเย็น





----------------------------------------
งอกเหวย... งอกเหวยยยย ไม่น่าเชื่อว่ามันจะงอก 555555 แต่เรื่องนี้ก็เขียนสนุกดีนะ XD
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากนะคะ มีคนอ่านเยอะกว่าที่คิดเลยงอกมาได้ 555555 //โค้ง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 1) P.1 [18/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-08-2017 18:42:33
ชอบตอนพ่อลูกคุยกัน น่ารักมากกก
อยากรู้แล้วว่าคุณพ่อจะคู่ใคร
 :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 1) P.1 [18/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 18-08-2017 18:49:58
อยากให้พ่อลูกได้กัน ผิดไหม ล้อเล่นน้าาาาา อยากว่าเค้าาาาา :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 1) P.1 [18/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-08-2017 18:57:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 1) P.1 [18/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 19-08-2017 00:16:10
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 1) P.1 [18/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pirepear ที่ 19-08-2017 07:50:52
คุณพ่อนี่จะเป็นพระเอกหรือนายเอก แต่เราเดาว่าอย่างหลังไว้ก่อน ชอบตอนคุยกันมากๆ ดีที่พ่อไม่บังคับอะไรมากมาย ปันอาจจะต้องให้เวลาทำใจนิดนึง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 1) P.1 [18/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 19-08-2017 08:36:30
ส่วนตัวไม่อยากให้ incest อ่ะครับ ดูเป็นพ่อลูกที่น่ารักเกินกว่าจะเป็นแบบนั้น อยากให้เรื่องนี้เป็นโอกาสให้พ่อลูกได้กลับมาเข้าใจสนิทสนมกันเหมือนตอนเด็กๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 1) P.1 [18/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-08-2017 09:05:05
คุณพ่อค่ะ ลูกคุณพ่อคงไม่คิดจะแต่งหญิงแน่นอนค่ะ 5555 แต่ก็เป็นพ่อที่ดีนะ ไม่สติแตกออกอาการบ้าคลั่งลงกับลูก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 1) P.1 [18/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 19-08-2017 10:06:56
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 1) P.1 [18/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-08-2017 21:59:04
สนุกกกกก ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
รอตอนใหม่
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 1) P.1 [18/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 20-08-2017 16:53:22
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 1) P.1 [18/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 21-08-2017 18:05:36

บทที่ 2



ดูเหมือนว่าเช้าวันถัดมาก็ยังเป็นวันที่น่าอึมครึมสำหรับเขาและพ่ออีกแล้ว

ปัญญามองโต๊ะอาหารที่มีกล่องซีเรียลและกล่องนมที่วางเรียงไว้ให้ ถัดไปจากนั้นมีหมูปิ้งหกไม้กับข้าวเหนียวอีกห่อ เด็กหนุ่มกำลังกวาดสายตามองหากล้วยอีกสักลูกเพื่อที่จะหั่นมันลงในชามซีเรียลใส่นมอันเป็นของโปรดเขา และเจ้าตัวก็ค้นพบว่ามันอยู่ด้านหลังนพดล พ่อของเขาที่กำลังหยิบหมูปิ้งออกจากถุงด้วยสีหน้าราบเรียบติดจะเย็นชา อืม… หรือบางทีเจ้าตัวก็มีสีหน้าแบบนี้เป็นปกติมาตั้งนานแล้ว แต่เขาคิดมากไปเองก็ไม่รู้

“พ่อครับ” ปันว่า “ส่งกล้วยที่อยู่ชั้นข้างหลังให้ผมลูกหนึ่งสิ”

กล้วยลูกหนึ่งถูกส่งมาอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นผู้เป็นพ่อก็กัดหมูปิ้งเข้าปากตามด้วยข้าวเหนียว บรรยากาศในโต๊ะยังคงเงียบเช่นเคย

“เอ่อ พ่อ” ปัญญาตัดสินใจทำลายความเงียบน่าอึดอัดนั่นลง “นี่เราจะเงียบใส่กันแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ครับ”

“หา?” น้ำเสียงคนพูดไม่สบอารมณ์เลย “แกมีอะไรก็พูดมาสิ มีใครงับปากเอาไว้รึไง”

เป็นแบบนั้นไป

“เออ จริงสิ แล้วเรื่องแลกเปลี่ยนอเมริกาของแก จะเอายังไง”

สุดท้ายคนที่เริ่มบทสนทนาก็เป็นพ่อเขาจนได้ เด็กหนุ่มนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างขอความเห็น

“ผมก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันครับ พ่อคิดว่าไงดี”

“จะไปรู้เหรอ มันเป็นเรื่องที่แกต้องตัดสินใจนี่”

“แล้วถ้าผมไป พ่อจะมีปัญหาเรื่องเงินรึเปล่าครับ”

ชายหนุ่มในชุดพร้อมไปทำงานกัดหมูปิ้งเสียบไม้เข้าปากอีกคำ ข้าวเหนียวอีกก้อนก่อนจะพูดตอบด้วยสีหน้าเหมือนจะเซ็งๆ

“ถ้าแกจะไปฉันก็หามาให้แกได้นั่นแหละ อย่ากังวลไม่เข้าเรื่อง”

“อ้าว” คนที่กังวลเรื่องเงินโวยเบาๆ “ไม่กังวลได้ไงพ่อ เกิดพ่อต้องไปกู้หนี้ยืมสินใครเขามาเพื่อส่งผมไปเมกาแค่ปีเดียว มันจะไม่คุ้มเอานะ”

“เออน่า ฉันมีวิธีของฉันแล้วกัน แกเถอะ ตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าจะไปไหม แล้วเรื่องรด. ล่ะ”

“นั่นสิ เรื่องนั้นผมก็คิดอยู่เหมือน--” โทรศัพท์ของปัญญาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้นมานิดหนึ่ง เจ้าตาเบือนสายตาไปมองทันที


DoughNutto: พี่ปัน ตื่นหรือยังครับ พร้อมไปโรงเรียนหรือยัง


จากรุ่นน้องผู้แสนน่ารักของเขานี่เอง แค่ข้อความง่ายๆ แค่นี้เจ้าตัวก็ยิ้มแก้มแทบปริ ทำเอานพดลที่ยังคุยค้างไว้กับลูกชายหรี่ตาลงทันทีอย่างนึกเซ็ง แค่โดนลูกให้ความสำคัญกับมือถือมากกว่าก็น่าช้ำใจอยู่แล้ว แต่นี่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่เผอิญหน้าหวานกว่าผู้ชายทั่วไปเท่านั้น… แถมยังพูดคุยกันในลักษณะเหมือนจีบกัน โอย… แล้วแบบนี้จะไม่เขานึกเซ็งได้ยังไง

“จะยิ้มอะไรขนาดนั้น เมากัญชาเรอะ” อดไม่ได้ต้องพูดกัดสักทีเมื่อเห็นลูกชายสุดที่รักพิมพ์ตอบข้อความนั้นด้วยรอยยิ้มที่แทบจะฉีกไปถึงหู ทีตอนคุยกับพ่อมันไม่เห็นจะดูมีความสุขขนาดนี้เลย

“น้องโดนัทส่งมา”

นั่น ยังจะมีหน้ามาบอกเขาหน้าชื่นตาบานอีก มันน่าถีบสักทีไหม

“ฉันว่าแกน่าจะลองเปิดใจให้กับเพื่อนผู้หญิงบ้างนะ”

คำพูดนั้นทำให้ปัญญาตวัดสายตาขึ้นมามองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจทันที สายตาเย็นชานั่นทำเอาคนเป็นพ่อแอบหวั่นไปนิดหนึ่งเหมือนกัน

“ฉันหมายถึง… แกเองก็ไม่เคยคบกับผู้หญิงด้วยไม่ใช่เหรอ บางทีถ้าแกลองเปิดใจดูสักนิด มันอาจจะ--”

“ผมจะฟังเพลงล่ะ” เด็กหนุ่มตัดบท หยิบหูฟังขึ้นเสียบกับตัวมือถือแล้วยกสายใส่ในหู ทำเอาคนเป็นพ่อรู้สึกจี๊ดขึ้นมาทันที

“นี่แกกล้าตัดบทฉันแบบนี้แล้วเรอะ”

ไม่มีการตอบรับจากลูกชาย ไอ้ตัวแสบก้มลงมองหน้าจอพร้อมกับเอามือไถไปเรื่อยเปื่อยพร้อมกับตักซีเรียลใส่กล้วยเข้าปากแล้ว

เป็นอันว่าผ่านพ้นมือเช้าที่แสนจะอึมครึมไปได้อย่างกระท่อนกระแท่นเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด





“เฮ้ย ไอ้ปัน!”

เสียงเรียกจากเพื่อนสนิทและแรงกระชากสายหูฟังออกจากหูเขาทำให้ร่างสูงหันกลับไปมองตามแทบจะในทันที ไอ้เบนซ์ เพื่อนร่วมก๊วนของเขาน่ะเอง วันนี้ก็ยังคงทำตัวน่าโดนครูด่าเพราะเอาเสื้อออกนอกกางเกงแต่หัววันตามเคย นี่ยังไม่นับกางเกงนักเรียนที่สั่นเต่อขึ้นมาของมันด้วยนะ ครูประจำชั้นเองก็ด่ามันอยู่ทุกวัน ไอ้หมอนี่ก็ไม่เคยคิดจะทำให้มันถูกต้องตามระเบียบสักที ไม่รู้ว่าไม่เบื่อบ้างหรือไง

“ว่าไงเพื่อน ทำการบ้านคณิตมารึยัง ขอลอกหน่อย”

“ไอ้เหี้ย การบ้านของตัวเองก็ทำเองสิวะ เอาแต่ขอลอกแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะฉลาด” พูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง และอีกฝ่ายก็รู้ดีว่าจนแล้วจนรอดเขาก็ต้องให้มันลอกอยู่ดี เพื่อนเหี้ยของเขาถึงได้ยังยิ้มหน้าแป้นอยู่แบบนั้น

“อย่าหักหาญน้ำใจกันขนาดนั้นสิวะ นี่เพื่อนนะเว้ย”

“หักหาญน้ำใจ?” เขาแกล้งทำน้ำเสียงและสีหน้าตื่นตะลึงเสียเต็มประดา “แกรู้จักคำนี้ด้วยเหรอวะ ไม่น่าเชื่อ”

“ไอ้เลว พูดแบบนี้เดี๋ยวไม่เอาเรื่องเกี่ยวกับน้องโดนัทมาเล่าให้ฟังเลย” เบนซ์พูดขณะที่เดินขนาบเขาไปตามทางเพื่อขึ้นไปยังตึกเรียน มีรุ่นน้องผู้หญิงสองคนที่เคยทำกิจกรรมในค่ายร่วมกันยกมือไหว้ทักทาย แต่พวกหล่อนทักทายแค่ปัญญานะ และชายหนุ่มก็ยิ้มรับและยกมือไหว้ตอบไปอย่างสุภาพ เรียกเสียงกรี๊ดเล็กๆ จากเด็กสาวทั้งคู่ได้ทันที

“น่าเสียดาย… ถ้าพวกผู้หญิงรู้ว่าแกเป็นเกย์คงน้ำตาตกในกันเป็นแถบๆ”

“เฮ้ย อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง ไหน แกมีอะไรจะมาเล่าเรื่องโด บอกกูมาซิ” เนื่องจากน้องชายของไอ้เบนซ์เรียนห้องเดียวกับโดนัท เขาจึงสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้นผ่านทางไอ้เบนซ์ได้อีกที ก็ยังดีที่ได้อะไรจากการที่ให้มันลอกการบ้านบ้าง

“มึงรู้รึเปล่าว่าวันเกิดน้องเขาอาทิตย์หน้า”

ปัญญาชะงักกึกลงทันที “ล้อเล่นน่า”

“กูจะล้อเล่นทำไมวะ ไอ้ปัน เรื่องแบบนี้ล้อเล่นมันน่าสนุกตรงไหน”

“กูให้อะไรเป็นของขวัญน้องเขาดี”

เบนซ์กวาดตาขึ้นบนเป็นเชิงครุ่นคิด อันที่จริงเจ้าตัวก็หน้าตาดีและฮอตในหมู่สาวๆ ไม่แพ้ปัญญาเหมือนกัน แต่ติดนิสัยรักสนุกและไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนทำให้ไม่เป็นที่รู้จักเท่า

“นาฬิกาไหมมึง สื่อความหมายว่ามึงอยากได้เวลาจากเขามากขึ้น”

“เลี่ยนสัส”

“แต่มึงชอบ กูรู้”

ปันนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “น้องเขามีนาฬิกาอยู่แล้ว กูเห็นที่ข้อมือเขาอยู่”

“แล้วไงวะ ก็ให้เขาเลือกใส่สิ จะได้รู้ด้วยไงว่าเขาจะเลือกใส่ของมึงไหม” น้ำเสียงนั้นแฝงรอยเย้าแหย่ เบนซ์เป็นคนที่รู้เห็นเป็นใจมาแต่แรกตอนที่เพื่อนเขาเริ่มสนใจรุ่นน้องหน้าหวานคนนั้น และเป็นคนแรกๆ ที่ได้รู้รสนิยมทางเพศของเพื่อนสนิท

“ไม่เอา”

“ทำไมวะ”

“กูเห็นก็รู้แล้วว่านาฬิกานั่นของแพง แปลว่าพ่อแม่เขาต้องเป็นคนซื้อให้ มึงจะให้เขาเลือกระหว่างพ่อแม่เขากับกูเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก”

“เออ มึงนี่ช่างสังเกต”

ปัญญาแทบจะยืดอกรับคำชมนั้นเลยทีเดียว

“งั้นรองเท้าเป็นไง เขาว่ากันว่าการที่เราจะรู้ไซส์รองเท่าใครแปลว่าเราต้องให้ความสำคัญกับคนคนนั้นมาก ถ้ามึงซื้อรองเท้าให้เขา เขาต้องรู้แน่ว่ามึงแคร์เขาแค่ไหน”

“เออ น่าสนใจ”

“แต่มึงรู้ไซส์รองเท้าน้องเขาเหรอ”

“ไม่รู้”

“จะให้กูบอกไอ้บันให้หามาให้ไหม” บันคือน้องชายของเบนซ์ เพื่อนร่วมห้องของโดนัท

จังหวะนั้นเองที่ปัญญาเหลือบไปเห็นร่างของรุ่นน้องหน้าหวานที่เขากำลังพูดถึง เจ้าตัวกำลังก้าวเท้าไปที่ตึกเรียนด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นบนมุมปากทันที

“ไม่ต้องหรอกว่ะ เรื่องแบบนี้กูต้องจัดการด้วยตัวเองสิถึงจะถูก”

“แต่มึงจะไปถามไซส์รองเท้าเขา--” ดื้อๆ ไม่ได้… แต่เบนซ์พูดไม่จบประโยคเพราะเพื่อนตัวแสบเขาเดินลิ่วๆ ไปหาเป้าหมายแล้ว มองๆ ไปเหมือนเสื้อชีตาห์จะพุ่งงับกวางน้อยที่กรีดกรายเดินมาอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แล้วเป็นการงับกลางลำตัวด้วยนะ ไม่ได้งับแค่ขา

ปัญญาวิ่งเหยาะๆ มาทางกวางตัวที่ว่าทันทีด้วยสีหน้าฉาบยิ้ม “โด”

โดนัทหันกลับไปมองตามเสียงเรียบ นัยน์ตากลมโตฉายแววแปลกใจครู่หนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นยินดี เขาลดจังหวะฝีเท้าลงเพื่อให้อีกคนตามเขาทัน จากนั้นจึงเดินขนาบอีกฝ่ายที่ทำท่าเหมือนชวนให้เดินต่อ

เด็กหนุ่มกระชับสายกระเป๋าแน่นขึ้นอย่างตื่นๆ “พี่มาโรงเรียนเช้าจังครับ”

“ก็ปกตินะ เราล่ะ มาเวลานี้ประจำเหรอ”

“ปกติจะมาช้ากว่านี้หน่อยครับ แต่พอดีวันนี้ป๊ารีบไปทำงาน เลยมาส่งผมเร็วกว่าทุกที”

“เหรอ มิน่าล่ะ ไม่ค่อยเจอหน้าเลย”

“เฮ้ โด” เสียงเรียกของใครอีกคนที่ปันไม่รู้จักดังขึ้น คงเป็นเพื่อนสักคนของโดนัท ปัญญาใช้จังหวะนี้ก้มลงมองรองเท้าอีกฝ่าย เลื่อนขาของตัวเองไปเหยียบทับปลายเชือกที่ลุ่ยออกมาเพื่อให้มันคลายออกจากกัน โดนัทชะงักกึกไปทันทีอย่างตกใจก่อนจะก้มลงมองเท้าตัวเอง ปัญญารีบขอโทษขอโพยทีเดียว

“โทษๆๆ ไม่ได้ตั้งใจน่ะ เผลอเหยียบเชือกรองเท้าโดจนได้”

“ไม่เป็นไรครับ” แล้วตั้งท่าจะก้มลงไปผูกให้เรียบร้อย แต่ปัญญาไวกว่า เจ้าตัวคุกเข่าลงต่อหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับตั้งท่าจะผูกเชือกรองเท้าให้ทันที ทำเอาโดนัทหน้าแดงไปจนถึงหูข้างหลังแล้ว

“เดี๋ยวพี่ผูกให้เอง” และแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะเช็กไซส์รองเท้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วในตอนนี้ ได้ตัวเลขมาเรียบร้อยแล้วก็ผูกเชือกรองเท้าให้เด็กหนุ่มอย่างสวยงาม ผุดลุกขึ้นมาส่งยิ้มสร้างความประทับใจปิดท้ายอีกรอบ

“เรียบร้อยแล้ว ขอโทษอีกทีนะที่ทำเชือกรองเท้าหลุด”

“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ” โดนัทพูดขึ้น ใบหน้าขาวยังติดสีแดงระเรื่อจากความอาย มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่เดินผ่านไปมาหยุดดูเขากับรุ่นพี่ตรงหน้า อันที่จริง รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปตอนที่ปัญญาก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้เขาด้วยซ้ำ ไม่รู้จะถ่ายไปทำไม

"ไม่เป็นไรได้ไง เกิดโดสะดุดหัวทิ่มไปก็แย่สิ พี่ผิดเต็มๆ เลยนะนั่น"

"แต่พี่ปันก็ผูกกลับให้ผมแล้วไม่ใช่เหรอครับ" ตอบกลับยิ้มๆ ปัญญาเป็นรุ่นพี่ที่เขาให้ความเคารพนับถือตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว เนื่องจากเขาเป็นเด็กที่ย้ายเข้ามาใหม่ตอนม. 4 เลยไม่รู้จักใคร ตอนรับน้องเขาเลยเกร็งไปหมด ยิ่งโดนพี่ว้ากตะโกนอยู่ข้างหูยิ่งทำเอาขวัญหนีดีฝ่อ แต่ปัญญาเป็นรุ่นพี่คนเดียวที่ไม่ว้ากอะไรเลย เจ้าตัวแค่ยืนนิ่งๆ คอยดูแลความเรียบร้อยและยังใจดีมาถามเขาว่าไหวไหมตอนที่เขาหน้าซีดๆ เพราะร้อนแดด

และยิ่งช่วงหลังๆ มานี่... เหมือนพวกเขาทั้งคู่จะมีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดนัทก็คิดว่าตัวเองโชคดีเหมือนกันที่ได้มีโอกาสรู้จักรุ่นพี่ที่ตัวเองนับถือ ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นคนดังของโรงเรียนแท้ๆ แต่กลับไม่ถือตัวเลย

เพื่อนของโดนัทที่เรียกเจ้าตัวเมื่อครู่ก้าวเข้ามายกมือไหว้คนเป็นรุ่นพี่ก่อนจะหันไปทักทายเพื่อน มีรอยยิ้มล้อเลียนปรากฏบนหน้า ปัญญาเห็นว่าได้เวลาที่เขาควรถอยแล้วจึงส่งยิ้มให้รุ่นน้องอีกรอบก่อนจะขอตัวเรียบๆ

"งั้นไว้คุยกันใหม่นะโด พี่ก็จะขึ้นห้องเรียนกับไอ้เบนซ์ล่ะ ไว้เจอกัน"

เบนซ์ที่เดินตามหลังเพื่อนมายกแขนโอบบ่าปัญญาอย่างสนิทสนม ขาของทั้งคู่ยังไม่หยุดขณะที่อีกฝ่ายขยับหน้าไปใกล้เพื่อนแล้วพูดเสียงกระซิบ "ว่าไง ไอ้ปัน แผนการเอิกเกริกของแก ฉันว่าแผนนี้แม่งทำให้เรื่องยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าแกจะซื้อรองเท้าให้เขาอีก คนมองกันทั้งโรงเรียน"

"ก็เว่อร์ไปมึง แค่ผูกเชือกรองเท้า"

บางทีเบนซ์ก็ไม่เข้าใจมาตรฐานของเพื่อนเขาคนนี้เหมือนกัน

"แล้ว... ได้มารึเปล่า เบอร์รองเท้าน่ะ"

"ไม่"

เบนซ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างแปลกใจ ในขณะที่ปัญญาหันกลับมายิ้มกวนๆ ให้เพื่อนแล้วพูดต่อ

"ไม่พลาด"

"ร้ายนะมึง"

จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินขึ้นตึกเรียนไป





หลังจากที่สุ่มชิ้นงานของสินค้าอย่างหนึ่งขึ้นมาตรวจ ผมก็รู้สึกได้ว่าอารมณ์ที่ขุ่นมัวของตัวเองที่สะสมมาแต่เมื่อวานซืนเพิ่มพูนขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้ผมกำลังจ้องตัวชิ้นงานดำสนิทที่มีขนาดเท่าหัวแม่โป้ง มีกล้องจุลทรรศน์คอยส่งเพื่อให้เห็นรายละเอียดด้านในอย่างชัดเจน และผมก็พบว่าตรงที่ยื่นออกมาแถบปลายเบี้ยวไปเล็กน้อย งานเสียชัดๆ

"นี่ใครได้ตรวจงานตัวนี้บ้างไหมเนี่ย" ผมพูดอย่างอารมณ์เสีย หยิบชิ้นงานชิ้นอื่นแต่เป็นประเภทเดียวกันขึ้นมาดูว่าเสียไหม ชิ้นนี้ล็อตหนึ่งจะหล่นมาทั้งหมดหกตัว และผมก็ค้นพบว่าในหกตัวนี้มีสองตัวที่เสีย แล้วนี่วันนี้ทำไอ้เจ้าตัวนี้ไปกี่กล่องแล้วเนี่ย “พวกที่ต้องคอยเดินตรวจไปไหนกันหมด ไม่ทำงานกันรึไง!”

“ขอโทษค่ะพี่ดล” สาวิ่งกระหืดกระหอบมาทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของผม “วันนี้พี่อรหยุดงาน ตรงนี้เลยไม่มีใครเดินดู”

“ทำไปกี่กล่องแล้ว” ผมถามอย่างอดทน เดินไปที่ตัวเครื่องแล้วปล่อยให้ชิ้นงานไหลลงมาใส่กล่องเล็กๆ ในมือเพื่อเอามาตรวจอีกครั้ง และผลก็เป็นตามเดิม ดีสี่ชิ้นเสียสองชิ้น แล้วกล่องหนึ่งมีกี่ร้อยกี่พันชิ้น…

“หกค่ะ” ลูกน้องผมพูดเสียงอ่อย ผมหันขวับไปมองเจ้าหล่อนพร้อมกับออกคำสั่ง

“ปิดเครื่องเดี๋ยวนี้ แล้วเอาหกกล่องนั่นไปนั่งแยกงาน เบอร์ 2 กับ 4 งาน NG นี่ไม่รู้ตัวกันบ้างเลยเหรอ ทำไปกี่พันชิ้นแล้วนั่น”

NG ในที่นี้หมายถึง No good ครับ ถ้าเอามาใช้ในโรงงานแบบนี้ก็หมายถึงงานเสียนั่นเอง และเราจะส่งงานเสียให้ลูกค้าไม่ได้ ต้องแยกออก ไม่รู้เหมือนกันที่อื่นเขาใช้ตัว ng เหมือนกันไหม แต่เท่าที่ดูพวกโรงงานญี่ปุ่นที่ผมดีลงานอยู่ด้วยก็ใช้กันหมดน่ะนะ

“โหย พี่ ต้องแยกหมดเลยเหรอ หกกล่องเลยนะ” สาเริ่มครางเมื่อเห็นชะตากรรมของตัวเองลางๆ ผมส่งสายตาคมกริบไปให้พร้อมกับพูดกดดันทันที

“แหงสิ จะส่งงานเสียให้ลูกค้าหรือไง หรือว่าจะทิ้ง? ผมไม่ยอมให้ทิ้งหรอก เอาไปแยกเดี๋ยวนี้ ไปเรียกคนที่พอมีเวลามาช่วย”

“ค่ะพี่” พูดเสียงอ่อยแล้วเดินจากไป ผมก้มลงมองงาน NG ในมือแล้วได้แต่ส่ายหน้า จริงอยู่ว่าถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะมองไม่ออกเลยว่ามัน NG เพราะมันกลมกลืนไปกับชิ้นอื่นๆ แบบแทบแยกไม่ออก แต่งานเสียก็คืองานเสีย แล้วนี่ทำเสียกันไปขนาดนี้ก็ไม่ได้มีใครเอะใจกันเลย ถ้าผมไม่ลงมาดูคงโดนลูกค้าเคลมล็อตนี้เป็นว่าเล่นแน่ๆ

“ดล”

ผมหันไปมองตามเสียงเรียก ก้องนั่นเองที่เขามาทักในรอบนี้

“ว่าไงครับ”

“โทษทีที่ขัดจังหวะครับ แต่ประธานเรียก”

“เรื่องอะไรเหรอ”

อีกฝ่ายยักไหล่ “ไม่แน่ใจเหมือนกัน เขาแค่ขอให้มาตามดลหน่อย”

อาจจะโดนเฉ่งเรื่อง NG นี้ก็เป็นได้ เพราะถึงยังไงผมก็อยู่แผนกควบคุมคุณภาพ ต่อให้ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่ก็ถือว่าอยู่ในส่วนความรับผิดชอบของผมอยู่ดี

ผมเดินกลับเข้าไปในสำนักงานเพื่อไปพบกับประธานบริษัทชาวญี่ปุ่นที่พูดไทยคำอังกฤษคำในการสื่อสารกับพวกเรา แต่หลังๆ มานี่เจ้าตัวก็เริ่มพูดไทยได้คล่องขึ้นแล้วนะถ้าเทียบกับตอนมาใหม่ๆ ชายหนุ่มวัยห้าสิบกว่าที่ดูอ่อนกว่านั้นส่งยิ้มให้ผม โยชิดะซังเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มง่าย แต่อย่าให้โกรธขึ้นมา โรงงานแทบจะพังเป็นแถบๆ

ผมนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตามคำเชื้อเชิญของเขา

“มีอะไรเหรอครับ ประธาน”

“อาทิตย์นี้ว่างหรือเปล่า ดล หรือว่าติดนัดอื่นที่ไหน”

ผมชะงักไปเล็กน้อย การที่อีกฝ่ายเกริ่นถามมาแบบนี้ ผมก็พอจะเดาได้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร

เอาวะ… อย่างน้อยก็ไม่ได้โดนเรียกมาด่าเรื่องงาน

“ตอนนี้ก็ไม่ได้มีกำหนดการอะไรเป็นพิเศษนะครับ”

“แล้วลูกชายล่ะ น้องปันน่ะ”

คราวนี้ผมชะงักกึกไปทันที เริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมานิดหนึ่ง

“ยังไม่แน่ใจเลยครับ ไม่รู้มีเรียนพิเศษหรือว่านัดเพื่อนที่ไหนรึเปล่า”

“เหรอ อยากชวนดลกับน้องปันไปออกรอบน่ะ ร้องปันเล่นเก่ง นี่ผมก็ว่าจะพาลูกสาวไปอีกรอบนี้”

คราวที่แล้วที่ผมไปออกรอบกับเจ้านาย ผมเอาลูกชายตัวเองไปด้วยเพราะไอ้ดลก็เล่นกอล์ฟฝีมือใช้ได้… ซึ่ง เอ่อ จริงๆ มันก็เล่นเก่งกว่าผมนั่นแหละ แต่ช่างเถอะ แล้วประเด็นคือน้องเอริ ลูกสาวของประธานซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นก็ได้มาออกรอบด้วย เอริอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกผม และผมแน่ใจว่าเจ้าหล่อนต้องแอบติดใจอะไรลูกชายผมแล้วเอามาบอกคนพ่อแน่

หึๆๆ… เห็นลางไม่ดีเสียแล้วสิ

“เอาเป็นว่าผมจะถามปันก่อนแล้วมาบอกอีกทีนะครับ”

“รบกวนด้วย นี่ลูกผมเขาบอกอยากเล่นกับน้องปันอีกน่ะ ยังไงก็พามาให้ได้นะ”

นั่นไง๊… พูดไม่ทันขาดคำ

ผมเดินออกมาจากสำนักงานเพื่อมาจัดการงาน NG ที่ยังค้างคาต่อ ถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างเสียไม่ได้ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ งาน NG ตัวหนึ่งที่ผมดูค้างไว้อยู่ในนั้น

ผมหยิบมันขึ้นมาชูเพื่อให้แสงส่องกระทบลงบนมุมที่จะทำให้เห็นตัวชิ้นงานชัดๆ นั่นยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้ว่างานเสียแบบนี้จะปล่อยให้ออกไปจากโรงงานไม่ได้

NG โคตรๆ

เหมือนลูกชายผมไม่มีผิด





---------------------------------------------------
เอาบทที่ 2 มาให้แล้วค่ะ! ไม่มาม่านะคะ ไม่มาม่าค่ะะะะ//ส่วนใครคู่ใครนั้น... อือ รอดูกันต่อไปแล้วกันเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 2) P.1 [21/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-08-2017 19:22:35
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 2) P.1 [21/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 21-08-2017 19:33:10
 :o8 :o8: :o8: รอ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 2) P.1 [21/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 21-08-2017 21:04:02
ปันเสน่ห์แรง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 2) P.1 [21/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-08-2017 22:33:29
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 2) P.1 [21/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 21-08-2017 23:04:43
ลักษณะ DNA จะไม่ตรงกัน, พ่อเตี้ย ลูกสูง... อย่างนี้ไม่ incest >///<
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 2) P.1 [21/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 21-08-2017 23:23:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 2) P.1 [21/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-08-2017 05:14:50
เหมือน ปัน ถูกลูกสาวนายจองตัวซะแล้ว

ดล ไม่ใช่ถูกเพื่อนต่างแผนก แอบๆมองอยู่นะ  o18
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 2) P.1 [21/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-08-2017 05:51:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 2) P.1 [21/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: greenoak004 ที่ 22-08-2017 14:59:11
ไม่ incest ได้ไหมครับ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 2) P.1 [21/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 23-08-2017 17:14:24
บทที่ 3



เสียงหวดไม้กอล์ฟดังตัดอากาศไปอย่างไพเราะ ลูกกลมๆ สีขาวที่ลอยหวือขึ้นกลางอากาศเรียกเสียงอุทานอย่างตื่นตะลึงให้กับพ่อลูกโยชิดะได้เป็นอย่างดี แม้แต่ผมเองที่เห็นเทคนิคในการเล่นกอล์ฟของไอ้ปันมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งยังอดมองตามอย่างชื่นชมไม่ได้

แสงแดดส่องกระทบใบหน้าคมคายที่มีเหงื่อเกาะพราวทั่วใบหน้า ปัญญาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ขณะมองตำแหน่งที่ลูกกอล์ฟของตัวเองลอยหวือไป หากนัยน์ตาสีดำขลับคู่สวยที่เหมือนแม่ของเจ้าตัวไม่มีผิดไม่มีร่องรอยของความรื่นรมย์หรือพึงพอใจกับผลงานของตัวเองเลย และนั่นเป็นข้อยืนยันอย่างดีสำหรับสิ่งที่ผมสงสัยมาตั้งแต่ที่เราเริ่มเล่นไปได้เกือบครึ่งชั่วโมง

ไอ้ปัญญากำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง อาจจะถึงขั้นหงุดหงิดหรือโมโหเลยด้วยซ้ำ และบางทีผมอาจจะพอเดาได้ก็ได้ว่าเพราะอะไร

"สุดยอดเลยค่ะ พี่ปัน" เอริ เด็กสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมาทั้งชีวิตพูดขึ้นอย่างชื่นชม สำเนียงภาษาไทยของหล่อนรื่นหู ในขณะที่เจ้าตัวก็เป็นฝ่ายออกปากเองอีกว่าพูดภาษาญี่ปุ่นแทบจะไม่ได้เลยเพราะไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน "วงโค้งเมื่อกี้สวยมาก พี่ปันทำได้ไงเนี่ย สอนกันบ้างสิ"

"ก็แค่ตีธรรมดาเองครับ" ปันตอบกลับอย่างสุภาพ รอยยิ้มจางฉาบอยู่บนหน้า แต่ผมรู้ดีว่าหมอนี่กำลังใช้ความอดทนอย่างหนักในการไม่แสดงความในใจออกมา

เอริถือเป็นเด็กสาวที่จัดได้ว่าหน้าตาสะสวย ร่าเริงสดใส แถมยังสุภาพและถ่อมตัว เห็นได้ชัดจากการที่เจ้าตัวเรียกปัญญาว่าพี่ทั้งที่เด็กทั้งสองก็อยู่ชั้นม. 5 เหมือนกัน แค่ไอ้ปันเกิดก่อนเจ้าหล่อนไปนิดเดียวเท่านั้นเอง ที่สำคัญ บ้านหล่อนจัดได้ว่าฐานะดี (แหงล่ะ บ้านประธานผมนี่) การเรียนก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าทำไมไอ้ปันไม่นึกสนบ้าง

และในที่สุด หลังจากที่จบเกมช่วงเช้า นั่งรถกอล์ฟกลับมาถึงบริเวณสโมสรที่มีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ ปันก็พูดขอตัวจากเอริและเดินเข้ามาหาผม ก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เลยทีเดียว

"พ่อคิดจะทำอะไร" เด็กหนุ่มพูดเสียงลอดไรฟัน "จับคู่ดูตัวเหรอ? คิดว่าเราอยู่ยุคไหนกันแล้ว ไดโนเสาร์เต่าล้านปีรึยังไง"

"ยุคไดโนเสาร์ไม่มีคนอยู่สักหน่อย" ผมเถียงข้างๆ คูๆ "จะไปจับคู่ดูตัวได้ไง"

"แปลว่าพ่อคิดจะจับผมคู่กับเอริจริงๆ"

"เปล่าสักหน่อย ฉันจะทำแบบนั้นไปทำไม"

ปัญญามองผมตาเขียวปั้ดอย่างคาดคั้น และทั้งๆ ที่ผมเป็นพ่อมัน มันเป็นลูกผม แต่ผมก็ยังอดรู้สึกหวั่นๆ ในอกกับสายตาแบบนั้นไม่ได้ ผมรีบอธิบายทันที

"ฟังนะ นี่ไม่ใช่ความคิดฉัน แค่เจ้านายฉันอยากให้แกมาเล่นกอล์ฟกับเขาแล้วก็ลูกสาวเขาด้วย มันก็เท่านั้น"

“แต่พ่อก็พอรู้ว่าหัวหน้าพ่อตั้งใจทำอะไร”

ผมอ้าปากเตรียมจะค้าน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจยักไหล่พร้อมกับพูดตรงๆ "ก็พอจะรู้"

"พ่อทำแบบนี้ทำไม" น้ำเสียงของปัญญาเต็มไปด้วยความสับสนและไม่พอใจ "พ่อก็รู้แล้วว่าผมเป็นยังไง ทำไมถึงยังทำแบบนี้อีก"

"กับอีแค่เล่นกอล์ฟ แกจะอะไรนักหนา"

"ก็พ่อเพิ่งจะบอกอยู่หยกๆ ว่าจุดประสงค์ไม่ใช่แค่เล่นกอล์ฟ" พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเต้นด้วยความขัดใจ ผมทั้งขันทั้งหงุดหงิดกับท่าทางนั้นถึงผมจะแอบหวังไว้หน่อยๆ ว่าไอ้ปันอาจจะเปลี่ยนใจมาสนใจลูกสาวเจ้านายบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะบังคับจับคู่มันกับใครจริงๆ เสียหน่อย

"ก็แค่อยากให้ลองรู้จักเพื่อนใหม่เท่านั้นล่ะน่า ไม่ต้องตีโพยตีพายขนาดนั้นก็ได้"

"พ่อทำแบบนี้ ผมโกรธจริงๆ แล้วนะ"

"แล้วไง" ยิ่งพูด อารมณ์หงุดหงิดยิ่งพุ่ง "ต้องให้ฉันขอโทษด้วยไหม" นี่ฉันเป็นพ่อแกนะโว้ย

"พ่อแม่ง" พูดด้วยน้ำเสียงใส่อารมณ์เต็มที่ ก่อนจะสะบัดตูดเดินพรวดๆ ไปที่ห้องน้ำ เห็นลูกแสดงท่าทีแบบนี้ใส่นี่ผมแทบอยากจะคว้าไม้กอล์ฟฟาดหัวมันด้วยความรักสักรอบ ไอ้หมอนี่... ยิ่งโตยิ่งก้าวร้าว ทั้งท่าทางกระฟัดกระเฟียดและคำพูดหยาบคายนั่น…

ไหนใครบอกว่าการเล่นกีฬาจะทำให้สมองปลอดโปร่ง หืม?





ความอึมครึมระหว่างเราสองคนดูจะดำเนินไปยังทิศทางที่แย่ลงเรื่อยๆ ในช่วงสัปดาห์นี้ ก่อนหน้าที่ผมจะรู้ว่าไอ้ปันเป็นเกย์ ความสัมพันธ์พ่อลูกของเรามันก็ไม่ได้ดีอะไรมากมายอยู่แล้ว เหมือนอยู่กันไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเรื่องหวือหวาอะไร แต่ตอนนี้ที่เราสองคนมึนตึงกันนี่สิ อย่างกับอยู่ในสงครามเย็นที่มีกับระเบิดวางอยู่ทุกตารางนิ้วของตัวบ้าน

อึดอัดเป็นบ้า!

วันนี้เป็นวันเสาร์อันเป็นวันหยุดที่แสนมีค่าซึ่งผมจะต้องคว้าอาวุธเป็นไม้กวาดและไม้ถูพื้นขึ้นมาทำความสะอาดบ้าน เสียงเครื่องซักผ้าดังครืดคราดปนเปไปกับเสียงทีวีที่ไอ้ปันเปิดทิ้งเอาไว้ แต่สายตาเจ้าตัวน่ะจ้องอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ ขาเหยียดยาวไปวางบนที่รองขาซึ่งมาคู่กันตอนซื้อโซฟา ผมรู้สึกเหมือนคิ้วขวากระตุกเมื่อเห็นลูกชายตัวแสบเอาแต่นอนเอกเขนก แถมยังหลุดหัวเราะออกมานิดหนึ่งอย่างอารมณ์ดีเพราะอะไรบางอย่างบนมือถือ จังหวะเดียวกันนั้นเองที่เครื่องซักผ้าส่งเสียงร้องว่าทำความสะอาดผ้าเสร็จแล้วพอดี

"ไอ้ปัน เอาผ้าไปตาก"

ทันทีที่ผมเปล่งเสียงออกจากลำคอ รอยยิ้มบนใบหน้าลูกชายก็ผลุบหายไปทันที แต่มือก็ยังกดหน้าจอมือถือไม่เลิก

"ครับ พ่อ"

"ตอบรับแล้วก็ลุกไปทำสิ" ยังจะนั่งเล่นอยู่อีก เดี๋ยวปั๊ดยึดมือถือซะเลย

"แป๊บหนึ่งสิ" ตอบกลับมาเสียงห้วน ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นไปใหญ่

"แล้วแป๊บของแกจะนานเท่าไร ถึงพรุ่งนี้เลยไหม"

เท่านั้นเองปัญญาก็คว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงบนโซฟาอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด เท้าเขี่ยที่วางขาออกจากทางแล้วผุดลุกขึ้น เดินไปบริเวณครัวหลังบ้านที่เครื่องซักผ้าตั้งอยู่อย่างกระฟัดกระเฟียด ท่าทีแบบนี้ ถ้านั่นเป็นผม และผมเป็นพ่อผมล่ะก็... ป่านนี้ผมคงโดนฟาดก้นลายหรือไม่ก็โดนสั่งอดมื้อเย็นไปทั้งอาทิตย์แล้ว

แต่เพราะว่านั่นคือไอ้ปัน และนี่ก็คือผม ผมจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจยาวอย่างอัดอั้นแล้วลงมือทำความสะอาดต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จัดการชั้นล่างเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็ไปกวาดถูชั้นบนต่อ ขณะที่กำลังทำความสะอาดห้องมัน ผมก็สังเกตเห็นเศษกระดาษแผ่นหนึ่งหล่นอยู่บนพื้นที่ข้างโต๊ะ ผมจึงหยิบขึ้นมาดูว่ามันคือกระดาษอะไรและสมควรจะทิ้งหรือไม่ ปรากฎว่ามันคือใบเสร็จจากห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในละแวกที่เราอยู่

ผมกำลังจะโยนมันทิ้งอยู่แล้วถ้าไม่เอะใจถึงจำนวนเงินที่ระบุอยู่ในนั้นซะก่อน

2999 บาท!

นี่ไอ้ปันมันซื้ออะไรของมันแพงขนาดนี้วะเนี่ย แล้วเงินค่าขนมมันก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรขนาดนั้น

"ปัญญา!"

ผมตะโกนเสียงดังแบบที่ให้มั่นใจว่าไปถึงชั้นล่าง ระหว่างที่รอไอ้ตัวแสบเดินขึ้นบันไดมาผมก็พยายามดูว่าในใบเสร็จนี้มันเขียนรายการไว้ว่าอะไร และในที่สุดผมก็นึกออกว่ามันคือยี่ห้อรองเท้าชื่อดังที่ราคาสูงลิบขนาดที่ตัวผมเองยังไม่คิดแตะ เสียงเปิดประตูดังขึ้นตามมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

"ว่าไง พ่อ มีอะไรอีก"

"แกซื้อรองเท้าใหม่มาเหรอ" พูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มอารมณ์เต็มที่พร้อมกับยื่นใบเสร็จไปตรงหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็งุนงงด้วย ก็ผมไม่เห็นไอ้ปันมันจะใส่รองเท้าคู่ใหม่ตอนไหน

ปัญญานิ่งไปนิดหนึ่งอย่างลังเล ก่อนเจ้าตัวจะตอบอ้อมแอ้มด้วยน้ำเสียงกระด้าง "ใช่ครับ"

"แล้วมันอยู่ไหน"

"อะไรอยู่ไหน"

"รองเท้าคู่ละ 3 พันของแกไง"

"2999 เหอะ"

"มันอยู่ที่ไหน" ยังจะกวนตีนอีก ฟาดปากลูกตัวเองนี่โดนตำรวจจับไหมเนี่ย

ไอ้ตัวแสบมีสีหน้าลังเลอึดอัดขึ้นมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่เราทำสงครามเย็นใส่กัน ผมรีบคาดคั้นเจ้าตัวทันที

"บอกพ่อมา ปัน"

"ผม... ผมให้คนอื่นไปแล้ว"

ผมรู้สึกเหมือนลมจะจับ หัวนี้ปวดจี๊ดขึ้นมาราวกับมีอะไรหนักๆ ทุบลงตรงกลาง หลังจากความงุนงงผ่านไป ความโกรธที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ก็เข้ามาแทนที่

"แกซื้อรองเท้าคู่ละ 3พันให้เพื่อนเหรอ?"

"มันเป็นวันเกิดน้องเขา" ไอ้ปันที่ตอนนี้หน้าซีดเป็นไก่ถูกต้มไปแล้วพูดเสียงอ่อย ผมเบิกตากว้างกับประโยคบอกเล่านั้นทันที

"น้องที่ว่านี่... โดนัทใช่ไหม"

ไอ้ตัวแสบพยักหน้าหงึก ผมนี่อยากจะถลาเข้าไปผ่าสมองของมันออกมาดูนักว่าคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ทำอะไรไร้ความคิดขนาดนี้

"แกใช้เงินเกินครึ่งที่ได้จากฉัน... ไปซื้อรองเท้าให้รุ่นน้อง?" ผมพูดอย่างคนที่น็อตกำลังจะหลุด ความอดทนที่มีอยู่ลดลงไปเรื่อยๆ ราวกับอุณหภูมิที่ขั้วโลก

ผมให้เงินไอ้ปันใช้เดือนละ 5 พันบาททุกเดือนเพื่อให้มันเอาไปซื้อข้าวซื้อขนม จ่ายค่ารถโดยสารหรืออะไรก็ตามที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นพวกอุปกรณ์การเรียนหรือของอื่นๆ ที่เห็นว่าจำเป็นผมก็ออกต่างหากให้ แต่นี่... มันเอาเงินเกินครึ่งของมันไปซื้อรองเท้าให้คนอื่นเนี่ยนะ!?

"ผมพอมีเงินเก็บ" ปัญญาพยายามอธิบายอย่างไม่ยอมแพ้ แม้สีหน้าแววตาจะฉายแววรู้สึกผิดชัดเจนก็ตาม "ผมใช้เงินตัวเอง"

"แกลืมพูดไปนะว่าเป็นเงินที่ได้มาจากฉัน"

"แต่มันก็เป็นเงินของผมแล้วไม่ใช่เหรอ"

ผมจ้องหน้ามันอย่างกดดันในขณะที่ปัญญาเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ตัวเองตีมันแรงที่สุดตั้งแต่เลี้ยงมันมา และเหมือนปันเองก็คิดแบบเดียวกัน สีหน้าของเจ้าตัวถึงได้ซีดเซียวยิ่งกว่าตอนที่ผมโกรธมันเรื่องอื่นๆ เจ้าตัวพูดเสียงอ่อยแต่ก็ยังไม่ยอมรับผิด

“ผมไม่เห็นเข้าใจเลยว่าพ่อจะโกรธอะไร”

“อ้อ ไม่หรอก แกเข้าใจอยู่แล้วว่าฉันโกรธอะไร”

“มันก็แค่นานๆ ที” ในที่สุดปัญญาก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม พูดด้วยความดื้อดึงแบบที่ผมนึกอยากจับมันไปตีก้นแบบตอนเด็กๆ “ใช่ว่าผมซื้อของแพงแบบนั้นทุกวันสักหน่อย ทำไมต้องโกรธกันด้วย”

“ถ้าแกซื้อให้ตัวเองฉันคงไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่…”

“แล้วมันจะต่างกันตรงไหน มันเป็นความพอใจของผม”

“แกคิดว่าเงินทองมันหาง่ายนักรึไงวะถึงได้เอาไปบันดาลความสุขให้คนอื่นแบบนั้น”

“โดนัทไม่ใช่คนอื่น!”

คำพูดนั้นเหมือนสาดน้ำมันเข้ากองไฟ ถ้าผมเด็กกว่านี้สักยี่สิบปีคงกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความขัดใจไปแล้ว ไอ้ลูกบ้านี่นอกจากจะเอาเงินที่ผมหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงไปซื้อของให้ชาวบ้าน มันยังตอกย้ำรสนิยมทางเพศของมันให้ผมรับรู้อย่างเจ็บแสบที่สุด

“ฉันไม่สนหรอกว่าเขาจะเป็นใคร! ยังไงแกก็ไม่ควรซื้อของให้เขาแพงขนาดนั้น!”

“ก็ผมพอใจ แล้วนั่นมันก็เงินผม!”

“เงินที่ฉันให้แกต่างหากล่ะโว้ย!”

เหมือนเราทั้งคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุดความอดทนของตัวเอง ปัญญาดันตัวผมที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของมันไปอีกทางในขณะที่ผมได้ยืนมองอย่างงุนงง

“จะทำอะไรน่ะ” ผมเอ่ยถามเมื่อหาเสียงของตัวเองเจอในขณะที่ไอ้ปันคว้าเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเป้แบบลวกๆ

“หนีออกจากบ้าน”

เออเฮ้ย เพิ่งรู้ว่าการหนีออกจากบ้านสมัยนี้มีการบอกกันล่วงหน้าแบบนี้ด้วย แถมทำให้ดูเห็นกันจะจะต่อหน้า

“แกประสาทกลับไปแล้วเหรอ”

ปัญญาหันขวับกลับมาหาผมอย่างไม่ลดละ “พ่อต่างหากที่เพี้ยนไปแล้ว ตั้งแต่พยายามจะจับผมคู่กับลูกสาวนายล่ะ ก็รู้อยู่ว่าผมเป็นเกย์ ก็รู้อยู่ว่าผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วยังจะทำอะไรไม่เข้าท่า ผมรู้ว่าพ่อไม่ยอมรับที่ผมเป็น แต่ไอ้การจับคู่เนี่ย…”

“แกอย่ามาเฉไฉเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลยไอ้ปัน ถ้าการเป็นเกย์ของแกจะต้องทำให้เสียเงินมากมาย--” พูดไปผมถึงได้รู้ว่าพลาด ปัญญาหันหน้ากลับมามองผมตาขวาง หากแววตามีร่องรอยของการตัดพ้อน้อยใจอยู่

ไอ้ตัวแสบผลักไหล่ผมให้พ้นไปจากทางจากนั้นก็พุ่งพรวดลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว

“ผมเกลียดพ่อ! ได้ยินไหม ผมเกลียดพ่อที่สุดเลย!”

คำพูดที่ฟังดูเหมือนคำที่เด็กอนุบาลใช้ตอนที่ไม่ได้ดั่งใจนั่นกลับทำให้ผมตัวชาไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนใจหวิวไปครู่หนึ่งก่อนที่ความโมโหจะเข้ามาครอบงำอีกรอบ

“เออ! แกจะไปไหนก็ไปเลย! ไอ้ลูก--”

โครม!

เสียงปิดประตูบ้านดังตามมาราวกับตอบรับคำท้าของผม ผมทรุดตัวนั่งลงบนเตียงไอ้ปัน ยกมือขึ้นปิดหน้าก่อนจะครางออกมาอย่างอ่อนล้า แค่ลูกคนเดียวก็ยังทะเลาะกันจนทำให้มันต้องออกจากบ้านไปต่อหน้าต่อตา

ผมแม่งต้องเป็นพ่อที่โคตรแย่จริงๆ






“ไอ้ห่า ปัน แกทะเลาะกับพ่อเพราะเรื่องที่แกซื้อรองเท้าให้น้องโดนัท 4/7 เนี่ยนะ?” เสียงโวยวายมาจากไอ้เบนซ์ผู้เป็นเจ้าของห้องนอนที่เขามาขอนอนพักด้วยชั่วคราวเพราะระเห็จตัวเองออกจากบ้าน ที่น่าโมโหก็คือตอนที่เขาบอกจะออกมา พ่อไม่ได้พยายามรั้งอะไรเขาไว้เลย

“เออ ยุ่งไม่เข้าเรื่องชิบหาย กูจะซื้อของให้ใครก็เรื่องของกูเปล่าวะ” ปัญญาเถียงกลับอย่างมันในอารมณ์ เขาอยู่บนเตียงของเพื่อนสนิทอย่างคนที่เข้าออกบ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังที่สอง เด็กสาวอีกคนที่อยู่ในห้องเงยหน้าขึ้นมาจากโน้ตบุ๊คที่กำลังทำงาน รายนี้ชื่อจูน เจ้าหล่อนทำงานกลุ่มเดียวกับปัญญาและเบนซ์พอดี พอรู้ว่าปันมาอยู่บ้านเบนซ์แล้วเจ้าตัวเลยถือโอกาสมาแจมด้วยเพื่อทำรายงานด้วยกันเสียเลย

“แต่แกพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะ ไอ้ปัน” จูนให้เหตุผล “ถึงยังไงเงินของแกก็เป็นเงินที่ได้มาจากพ่อแก เขาจะไม่ชอบใจที่แกซื้อของแพงขนาดนั้นให้คนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

“แต่เขาให้กูแล้วปะวะ” ยังเถียงไม่ยอมลดละตามเคย

“เขาให้มึงเอาไปใช้เวลาที่จำเป็นรึเปล่า หรือไว้ใช้ซื้อของที่มึงอยากได้เอง”

“กูอยากได้รองเท้าเอาไปให้น้องโดนัทเอง”

จูนหันมายักไหล่ให้เพื่อนร่วมกลุ่มอีกคน “กูจนปัญญาจะพูดล่ะ”

“แต่นี่มึงทะเลาะกับพ่อบ้านเปิงเพราะเรื่องรองเท้านี่เหรอวะ ไม่เกินเหตุไปหน่อยเหรอ”

“อืม… กูว่ามีอีกเรื่องที่น่าจะแบบ เป็นปัญหามาก่อน แล้วพอมาเจอเรื่องนี้มันเลยระเบิดโผละ! แตก”

“ปัญหาเรื่องที่ว่าคือ?” จูนเลิกคิ้วข้างหนึ่ง

“เขารับไม่ได้ที่กูเป็นเกย์”

“อ้าว” คราวนี้เสียงไอ้เบนซ์ “แล้วเขารู้ได้ไงวะว่ามึงเป็นเกย์ ทำไมจับได้เร็วจัง”

“เปล่า กูบอกเขาเอง”

“เฮ้ย” ชายหนุ่มคนเดิมสะดุ้ง มองเพื่อนรักราวกับสิ่งแปลกปลอมที่หลุดมาจากมิติอื่น “แล้วเอ็งไปบอกเขาทำม้าย… ไอ้ปัน มึงบ้าปะเนี่ย”

“ก็กูไม่ชอบมีความลับกับพ่อนี่” พูดพลางยักไหล่ทีหนึ่ง จูนเห็นท่าทางนั้นแล้วหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้

“รู้เลยไงมึง ผลเป็นไงล่ะ”

“ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร”

“เขาก็ต้องรับไม่ได้อยู่แล้วป่าววะ ยิ่งมึงเป็นลูกชายคนเดียว” เบนซ์ส่ายหน้ารัวๆ เขาไม่นึกว่าเพื่อนรักของเขาจะเพี้ยนขนาดไปบอกบุพการีของตัวเองโทงๆ ว่าเป็นเกย์ ต่อให้มันจะสนิทกับพ่อขนาดไหนก็เถอะ

“เออ แต่เอาน่า ยังไงตอนนี้เขาก็รู้แล้ว เขารู้นานยัง?” หญิงสาวพูดเหมือนปลอบพลางตะล่อมถามต่อ

“เกือบสองอาทิตย์ล่ะ”

“แผลยังใหม่… พอมีเรื่องนี้มาด้วยเขายิ่งฟิวส์ขาดสิ แถมคนที่แกให้ก็ดันเป็นผู้ชาย… เขารู้ใช่ไหมว่าแกซื้อรองเท้าให้ใคร ปัน”

“รู้” ตอบพร้อมกับห่อไหล่ลงอย่างแห้งเหี่ยว จูนกับเบนซ์ส่ายหน้าแทบจะพร้อมๆ กัน

“หน้าตามึงก็ออกจะฉลาดแท้ๆ นะ”

“กูฉลาดจริงๆ โว้ย ไม่ใช่แค่หน้าตา”

“แล้วมึงคิดจะเอายังไง จะนอนบ้านไอ้เบนซ์มันไปตลอดรึไง?”

“ไม่รู้ แต่กูไม่ชอบที่เขาไม่ยอมรับในตัวกู” พูดพลางเล่ายาวไปถึงเรื่องที่นพดลพยายามจะจับคู่เขากับลูกสาวเจ้านาย จูนฟังแล้วได้แต่ส่ายหัวอีกรอบอย่างอ่อนใจ

“สรุป มึงก็เลยโกรธพ่อเรื่องนั้นแล้วพาลไม่คุยกับเขา?”

“กูเปล่าพาลนะ แต่กูโกรธจริง”

จ้ะ ไม่พาลเลยสักนิดจ้ะ

“แต่เขาก็ผิดเปล่าวะที่ไม่ยอมรับในตัวกู” พูดพลางหยิบหมอนขึ้นมากอดในอ้อมแขนเหมือนหาที่ช่วยปลอบประโลมทางใจ เจ้าของหมอนได้แต่มองอย่างอ่อนใจ

“กูว่ามึงอาจจะต้องให้เวลาพ่อมึงมากกว่านี้หน่อยนะ อยู่ๆ มึงเล่นเซ่อเดินไปบอกเขาแบบนั้น จะให้เขายอมรับทีเดียวมันก็เกินไปม้าง”

“กูเห็นด้วยกับไอ้เบนซ์” จูนรีบว่า

อ้าว เฮ้ย กูไม่เหลือคนในทีมตั้งแต่เมื่อไหร่

“ส่วนเรื่องรองเท้า… เอาจริงกูว่ามึงผิดว่ะ ปัน กูรู้ว่ามึงอยากทุ่มเทให้คนที่มึงชอบ แต่มึงก็ยังเป็นแค่นักเรียน น้องเขาก็เหมือนกัน รองเท้าคู่ละสามพันสำหรับเด็กม. 4 กูว่าเกินตัวไปหน่อย”

“เฮ้ย มึงแม่งพูดดีว่ะ” เบนซ์หันไปยกนิ้วชี้ให้เพื่อน จูนส่งยิ้มหวานกลับมาเป็นคำตอบ

“แน่นอน”

“แต่มันก็เงินกูเปล่าวะ…” ยังเถียงไม่เลิก แต่เสียงอ่อยลงมาก หน้าก็ก้มงุดลงกับหมอนเรื่อยๆ

“มึงก็ลองคิดดูแล้วกันว่าคนที่เขาหาเงินงกๆ มาให้มึงใช้เขาจะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่มึงทำ มองอีกด้านหน่อยเพื่อน” จูนพูดพร้อมกับลุกออกจากเก้าอี้ หยิบกระเป๋าขึ้นถือ เตรียมตัวกลับบ้าน “เราแบ่งงานเอาให้พวกแกแล้วนะ ไปทำต่อให้เสร็จแล้วส่งมาทางเฟส ไปล่ะ แม่กูบอกจะถึงหน้าบ้านแล้ว เจอกันวันจันทร์”

“เดี๋ยวกูไปส่ง” เบนซ์ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินตามจูนออกไป ทิ้งไว้ให้คนที่หนีออกจากบ้านแบบโต้งๆ หน้างอง้ำลง ฟุบหน้าลงบนหมอนที่กอดอยู่แนบอกแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

จริงๆ สิ่งที่จูนพูดเป็นสิ่งที่เขาสำนึกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่พยายามหลอกตัวเองให้ทำเป็นไม่มองในมุมนั้น…

และพอนึกดูแล้ว… แม่งก็จริงของมัน พ่อเขาทำงานก็เหนื่อยไม่ใช่น้อยแท้ๆ ยังต้องมาเจอกับความงี่เง่าของเขาอีก

เขาแม่งเป็นลูกที่โคตรเหี้ยเลยว่ะ




---------------------------------------------------
Talk: โง้ยยย พ่อลูกคะ ดีกันเถอะค่ะะะ ใจคอไม่ดีเลย ถถถถถถ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 3) P.1 [23/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-08-2017 17:32:35
เออเนอะ พ่อลูกคู่นี้
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 3) P.1 [23/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-08-2017 19:21:38
ปันก็ให้เวลาคุณพ่อหน่อย ให้เค้าทำใจบ้าง   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 3) P.1 [23/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 23-08-2017 23:33:26
ไหนบอกว่าปันเรียนเก่ง ฉลาดไง...ดูเด็กจัง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 3) P.1 [23/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-08-2017 04:47:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 3) P.1 [23/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 24-08-2017 07:26:07
ตอนนี้ใครคู่กันดูไม่ออกเลยอ่ะ ตอนนี้ค่อนข้างเอนไปทางทีมพ่อนิดนึงนะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 3) P.1 [23/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: greenoak004 ที่ 24-08-2017 09:46:45
น้องปัน กลับไปง้อคุณพ่อเดี๋ยวนี้เลยครับ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 3) P.1 [23/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 24-08-2017 22:31:14
้ทำไมรู้สึกเชีย พ่อลูก ละ น่ารักอะ เคมีดีจริงๆ ขนาดนี้ไม่ได้ชอบอ่านนิยายแนวสายเลือดเป็นพิเศษนะ  เรายังเชีย คู่นี้เลย ฮ่าๆๆๆ น่ารัก     แต่จริงๆ ปันยังเด็กแม้จะดูโต แต่ก็ความคิดยังเด็กมาก นี้เข้าใจคุณป็า เลยนะ ทำงานแทบตาย มันเอาเงินไปซื้อรองเท้าคู่ละหลายพันไห้ใครไม่รู้  ถึงไม่มีเรื่องเกย์เข้ามาเกี่ยว ปันก็ไ่ควรอยู่ดี   ส่งมันไปอยู่ต่างประเทศไม่ต้องไห้มันกลับบ้าน เรียนไห้หัวแตกตายไปเลยคะ คุณป๋าาาาาา  หมนใส่เหลือเกินนน
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 3) P.1 [23/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 26-08-2017 10:52:43
บทที่ 4



เสียงรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างดังขึ้นที่หน้าบ้านเรียกให้ผมละสายตาจากหนังแนวแอคชั่นที่กำลังดูฆ่าเวลาอยู่อย่างเสียไม่ได้ เห็นลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองก้าวลงจากเบาะหลัง จ่ายเงินให้กับคนขับก่อนจะเปิดประตูรั้วบ้านเข้ามาด้วยท่าทีหงอยๆ ไหล่ทั้งสองข้างลู่ตกลง หากมือยังจับสายสะพายไว้แน่นราวกับเป็นที่ยึดเหนี่ยว

ดูเหมือนจะมีคนกลับมาตายรังแฮะ

ปัญญาเปิดประตูบ้านที่เป็นเหล็กมุ้งลวดซึ่งทำให้เห็นด้านนอกได้ปรุโปร่งเข้ามาด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ เจ้าตัวอยู่ในชุดลำลองที่ยัดใส่กระเป๋าเมื่อวานก่อนที่จะเผ่นแน่บออกจากบ้านไป สีหน้าซีดเผือดของลูกชายไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของผมเท่าไร และผมเชื่อว่าหน้านิ่งๆ ตาดุๆ ของตัวเองคงยิ่งทำให้ปัญญาขวัญหนีดีฝ่ออย่างแน่นอน

"เอ่อ สวัสดีครับ พ่อ" เจ้าตัวยกมือไหว้เงอะงะราวกับจากบ้านนี้ไปสามปี "ผมกลับมาแล้วฮะ"

ผมยังคงสวมบทเป็นมนุษย์น้ำแข็งผู้แสนเย็นชาเอาไว้โดยไม่ตอบรับคำพูดของมัน แถมยังกดดันมันด้วยการเดินปิดหนังเพื่อให้ความเงียบเข้าปกคลุมพวกเราสองคน ปัญญาลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างหวาดหวั่น ปลดกระเป๋าที่สะพายอยู่บนหลังออกแล้ววางลงกับโซฟา ขณะพยายามปริปากพูดอีกรอบ

"คือ... พ่อฮะ ผมขอ--"

"ไปเอาไม้มา"

ผมพูดขัดมันก่อนที่ไอ้ปันจะทันพูดจบ มันเบิกตากว้างขึ้นนิดหนึ่งอย่างงงๆ

"หา?"

"ฉันบอกว่าให้ไปเอาไม้มา"

ฟาดก่อน คุยทีหลังครับ ช่วงหลังๆ ที่มันทำตัวก้าวร้าวใส่ผมและผมยอมให้มาตลอดเหมือนจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เพราะงั้นต้องใช้วิธีดั้งเดิม

"นะ... นี่พ่อจะตีผมเหรอ" น้ำเสียงและสีหน้าของมันแสดงออกถึงความหวาดหวั่นอย่างชัดเจน ผมมองมันตาคมกริบ

"เปล่ามั้ง คงเอามายัดใส่ปากแกน่ะ"

ปัญญามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยตอนที่รู้ตัวว่าจะต้องโดนผมฟาด แหงล่ะ มันคงไม่ได้คาดเดามาก่อน เพราะครั้งล่าสุดที่ผมฟาดมันด้วยไม้เรียวก็ผ่านหลายปีแล้ว ตอนนั้นมันอยู่ม. 1 ไปมีเรื่องกับรุ่นพี่ในชมรมฟุตบอลจนฟกช้ำบอบช้ำกันไปหลายวัน ผมเลยฉลองมันด้วยการฟาดซ้ำตบท้ายอีกทีโทษฐานหัวร้อนไม่เข้าเรื่อง พ่อแม่คนอื่นจะทำแบบผมรึเปล่าไม่รู้ แต่นี่ลูกผม และผมก็มีวิธีการของผมเอง

ปัญญาเดินคอตกไปหยิบไม้เรียวที่ถูกปล่อยทิ้งไว้มานานจนฝุ่นเกาะ เห็นท่าทีซังกะตายของมันแล้วนึกสงสารเหมือนกัน แต่ไอ้ที่มันหนีออกจากบ้านไปดื้อๆ เมื่อวานก็น่าโมโหจนเกินกว่าจะให้อภัย งานนี้ไม่ลงโทษกันหน่อยคราวหน้ามันคงเดินข้ามหัวผมเลยมั้ง

ไอ้ตัวแสบยกมือกอดอกแล้วหันหลังให้อย่างรู้หน้าที่ ยังไม่ทันได้ง้างมือเจ้าตัวก็หันกลับมามองหน้าผม ถามด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร แววตาขอความเห็นใจอย่างน่าถีบ

"พ่อจะตีผมกี่ที"

"ยี่สิบ"

มันทำตาเหลือกราวกับผมเพิ่งสั่งประหารมัน

"ยี่สิบเลยเหรอครับ!?"

"หันหน้ากลับไปได้แล้ว" มันเสียเวลาไหมเนี่ย

"คราวก่อนพ่อตีผมแค่ 5 ทีเองนะ"

"คราวก่อนแกไม่ได้หนีออกจากบ้านนี่"

"โธ่ พ่อ..." มันเรียกผมเสียงอ่อย แทบจะทำให้ผมใจอ่อนยวบ แต่ยังไงผมก็ต้องทำโทษมัน

ปัญญาหันหลังกลับไปอีกรอบ กอดอกแน่นขึ้น ผมเลยจัดการฟาดมันอย่างบรรจงทีละรอบ ทำโทษลูกนี่ใช่ว่าจะสนุกนะครับ เห็นมันสะดุ้งทีก็เป็นห่วงมันที มีครั้งหนึ่งไอ้ปันกระโดดโหยงจนตัวลอยเลย สงสัยหนักมือไปหน่อย

เพราะงั้นพอจบครั้งที่สิบผมก็ตัดสินใจจบการลงโทษมันไว้แค่ตรงนี้ ไอ้ปันหันกลับมาหาผมอย่างงงๆ ทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า

โอ๊ย… ตายๆ ลูกพ่อ เห็นแล้วสงสาร

แต่ผมจะไม่ปลอบมันหรอกนะในเมื่อเพิ่งทำโทษมันเสร็จ เจ้าตัวแสบยกนิ้วปาดที่หางตาก่อนจะถามตะกุกตะกัก

“พะ… พอแล้วเหรอครับ?”

“อืม พอแล้ว” พูดพลางยื่นไม้ในมือให้มันเอากลับไปไว้ที่เดิม ปัญญายกมือไหว้ก่อนจะเดินเหยงๆ จากไป มันเดินกลับมาอีกทีพร้อมกับส่งเสียงซี้ดในปาก และเมื่อพวกเรานั่งลงบนโซฟาตรงพื้นที่รับแขกไอ้ตัวแสบก็สะดุ้งพร้อมกับลูบก้นตัวเองอีกรอบ

สมน้ำหน้ามัน

ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอก แต่บทลงโทษยังไม่หมด

“ฉันจะหักเงินค่าขนมแกครึ่งหนึ่งเดือนหน้า”

ปัญญาเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างตื่นตะลึง

“ครึ่งหนึ่ง!?”

“ใช่ มีเงินเก็บเยอะนักไม่ใช่เหรอ”

“พ่อ…” ไอ้ตัวแสบครางหงิง ก้มหน้าลงไปอย่างครุ่นคิดก่อนจะเงยขึ้นมาใหม่ “หักแค่พันเดียวได้ไหม”

มันยังกล้าต่อรอง

“หักแค่พันเดียว… แต่หักสามเดือนเลยเอ้า งี้พ่อได้กำไรมากกว่าอีก นะๆ แค่สองพันห้าเดือนหน้าไม่พอกินแน่”

“ไม่อวดร่ำอวดรวยแบบตอนซื้อรองเท้าแล้วเหรอ”

“โห่ พ่อ”

ผมตัดสินใจที่จะหยุดกระแนะกระแหนมันเพียงเท่านี้เพราะได้ลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว

“งั้นก็ตามนั้น หักค่าขนมสามเดือน ดี ฉันจะได้เอาเงินไปจีบสาว แกจะได้มีแม่ใหม่”

คำพูดนั้นทำให้คนที่อิดออดไปมาชะงักไปทันที ปัญญาหรี่ตาลงก่อนจะพูดอย่างหนักแน่น

“ผมไม่อยากมีแม่ใหม่”

“อ้อ เหรอ บังเอิญจัง ฉันเองก็ไม่อยากมีลูกชายเป็นเกย์เหมือนกัน”

เด็กหนุ่มหน้าร้อนขึ้นมาทันทีที่ผมพูดจบ นัยน์ตาสะท้อนความเจ็บปวดออกมาชัดเจนจนผมสะอึก วินาทีหนึ่งผมคิดว่ามันจะร้องไห้ออกมาแล้ว แต่ไอ้ตัวแสบก็ไม่ปล่อยน้ำตาออกมาให้เห็นสักหยด

“ฉันล้อเล่นน่า” ผมถอนหายใจยาว เขยิบไปนั่งชิดลูกชายพร้อมกับโอบบ่าเจ้าตัว “แค่เลี้ยงแกคนเดียวก็ลำบากจะตายแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปหาผู้หญิงใหม่อีก”

“พ่อ… ผมขอโทษ”  ไอ้ตัวแสบว่าขณะเอนหน้ามาซบกับบ่าผม นั่นทำให้ผมรู้สึกอุ่นซ่านในใจขึ้นบ้าง ก่อนหน้าที่เราจะทะเลาะกันใหญ่โตด้วยเรื่องที่มันเป็นเกย์ เราสองพ่อลูกแทบไม่แสดงความรักหรือพูดคุยทำความเข้าใจซึ่งกันและกันเท่าไร ซึ่งผมก็เข้าใจดีว่าเป็นปกติของเด็กวัยนี้ที่จะไม่ค่อยยี่หระกับเรื่องพ่อแม่ แต่การทะเลาะแล้วปรับความเข้าใจกันแบบนี้อาจจะดีกว่าการที่เรานิ่งเงียบใส่กันก็ได้

ผมเอื้อมมือไปยีเส้นผมสีดำสนิทของลูกชายอย่างเอ็นดู "สำนึกผิดก็ดีแล้ว"

"ผมขอโทษนะที่ผมเป็นเกย์"

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความอัดอั้นนั่นทำให้ผมชะงักไป ไอ้ปันทำท่าเหมือนไม่คิดมาก ไม่กังวลอะไรตั้งแต่ตอนที่มันมาบอกผมตรงๆ ว่ามันเป็นเกย์ ท่าทีสบายๆ นั่นของมันทำให้ผมรู้สึกหัวเสียเพราะเหมือนตัวเองต้องมานั่งเครียดเรื่องนี้อยู่คนเดียว แต่ตอนนี้ไอ้ตัวแสบเพิ่งแสดงอาการสำนึกเสียใจในเรื่องนี้ออกมาเป็นครั้งแรก และว่ากันตามตรง มันไม่ได้ช่วยทำให้ผมรู้สึกดีเลย

ผมเอื้อมมือไปตบเข่าไอ้ปันอย่างให้กำลังใจสองสามที ถึงจะยังรับเรื่องที่มันเป็นเกย์ไม่ได้แต่นี่ก็ลูกผม เวลามันไม่สบายใจผมก็ไม่สบายใจตามไปด้วย

"อย่าคิดมากน่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว"

"มันจะผ่านไปได้ไง" เสียงเจ้าตัวขมขื่น "ขนาดพ่อเองยังไม่ชอบใจเรื่องนี้... ไม่ยอมรับเรื่องนี้เลย"

อุ้ย อยู่ๆ ก็วกเข้าผมเฉย

"พ่อเกลียดผมรึเปล่าที่เป็นแบบนี้"

"ไม่เกลียดหรอก" ผมรีบตอบ นึกวันที่ตัวเองจะเกลียดเด็กหนุ่มข้างตัวไม่ออกเลย ผมรักเขายิ่งกว่าอะไร รักยิ่งกว่าชีวิตของผมเองด้วยซ้ำ "ฟังนะ ปัน พ่อจะไม่โกหกเรื่องที่รับไม่ได้ว่าแกเป็นเกย์ แต่พ่อไม่ได้เกลียดปันเลย และจะไม่มีทางเกลียดด้วย จำเรื่องนั้นเอาไว้ให้ดี"

ปัญญาเม้มปากแน่นขึ้นนิดหนึ่ง "แล้วสักวันพ่อจะยอมรับเรื่องนี้ได้ไหม สิ่งที่ผมเป็น"

"ไม่รู้สิ" ผมตอบตามตรงและได้สายตาขุ่นๆ ของลูกชายกลับมา "ก็ต้องรอดูกันต่อไป คิดว่านะ"

ปัญญาพยักหน้ารับอย่างจำยอม เห็นหน้าหงอยๆ ของมันแล้วสงสารจับจิตเลย แต่จะให้ผมทำไงล่ะ บอกไปว่ายอมรับทั้งที่ในใจยังยอมรับไม่ได้งั้นเหรอ ทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากพูดโกหก

ผมทำท่าจะลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อไปหาอะไรเย็นๆ ให้พวกเราทั้งคู่ดื่ม หากอีกฝ่ายรั้งข้อมือผมไว้ ผมหันกลับไปหามันพร้อมกับเลิกคิ้ว

“คือ… มีอีกเรื่องครับพ่อ”

“อะไรอีก”

“เรื่อง... ที่ผมพูดก่อนจะออกจากบ้าน”

ผมรู้ทันทีว่าปันหมายถึงอะไร ตอนที่มันตะโกนบอกว่าเกลียดผมน่ะเอง

“ปัน… ปันขอโทษนะพ่อ ปันไม่ได้ตั้งใจ ปันรักพ่อนะ”

รู้สึกเหมือนใจหวิวไปกับคำพูดตรงไปตรงมานั้น อีกฝ่ายมีสีหน้าแดงขึ้นอย่างเคอะเขินเพราะไม่ได้พูดแบบนี้กับผมมาหลายปีแล้ว และมันก็ทำให้ผมดีใจ ดีใจมากๆ แบบที่มันนึกไม่ถึงแน่ๆ เหมือนหัวใจพองฟูขึ้นมาคับแน่นอยู่ในอกด้วยความลิงโลด

ผมเดินกลับไปแล้วก้มลงกอดลูกชายที่ยังนั่งอยู่บนโซฟา ปันกอดผมตอบ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ เวลาลูกบอกรักเรา

หลายคนอาจจะคิดว่ายังไงพ่อแม่ก็รู้อยู่แล้วว่าลูกๆ รักพวกท่าน แต่ไม่จริงหรอก เราไม่เคยรู้เลยว่าลูกรู้สึกยังไงกับเรา ยิ่งเราพยายามดูแลพวกเขา พยายามทำให้มั่นใจว่าเราต้องเป็นผู้ปกครองที่ดี เรายิ่งกลัวไปหมด กลัวว่าอาจจะทำอะไรผิดพลาด รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อาจทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต ผมพูดตามตรงนะว่านับถือคนเป็นพ่อแม่คนทุกคนจริงๆ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แล้ว...

ก็เป็นอันว่าจบสงครามเย็น สงครามร้อน (?) ระหว่างเราแต่เพียงเท่านี้ เรื่องมันเป็นเกย์ก็ทำเป็นลืมๆ ไปก่อน ตราบใดที่มันจะไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดให้อารมณ์มัวหมอง

"เออ พ่อ" ไอ้ตัวแสบพูดเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ "สัปดาห์หน้าผมชวนโดนัทให้มาค้างที่บ้านเราได้ไหม ผมสัญญาว่าจะสอนการบ้านให้น้องเขา"

นั่นไง๊ พูดไม่ทันขาดคำ

"ง่ะ พ่อ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ แค่พารุ่นน้องมาเที่ยวบ้านเท่านั้นเอง ก็เหมือนตอนไอ้เบนซ์มานอนบ้านเรา"

"แล้วทำไมต้องค้าง?"

"ก็... เอ่อ บ้านน้องเขาอยู่ไกลไง เดินทางไปๆ มาๆ มันลำบาก"

"ไม่เป็นไร บอกน้องเขา เดี๋ยวพ่อไปส่ง"

หน้าของปัญญาดูจ๋อยไปนิดหนึ่ง แต่ก็ยอมตกปากรับคำ "ตกลงครับ"

"เอ้า เอาเสื้อผ้าใช้แล้วไปใส่ตะกร้าซัก เอากระเป๋าไปเก็บด้วย แล้วเย็นนี้อยากกินอะไร"

"เราไปหาอะไรกินที่ห้างดีไหมครับ หาร้านน่ากินๆ กัน" ไอ้ตัวแสบว่า ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะไล่เจ้าตัวไปจัดการเตรียมตัว

เอาเถอะ ถึงเรื่องที่ไอ้ปันเป็นเกย์จะเป็นเหมือนก้างปลาที่ติดอยู่ในคอและหาทางเอาออกมาไม่ได้ ถึงมันจะน่าหงุดหงิดใจไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับทนไม่ได้

ผมจะแกล้งทำเป็นลืมๆ เรื่องนั้นไปก่อนแล้วกัน





"ตกลงว่าเสาร์นี้ผมไปบ้านพี่ปันได้จริงๆ เหรอครับ ไม่รบกวนพี่แน่นะ" โดนัทเอ่ยหลังจากที่พวกเขาทั้งคู่กินข้าวกันในโรงอาหารเสร็จเรียบร้อย ตอนที่กิน พวกเขานั่งรวมกับกลุ่มเพื่อนของปัญญาและเพื่อนของโดนัทเช่นกัน แต่เมื่อกินเสร็จแล้วทั้งสองคนก็ขอแยกตัวออกมา "แล้วพ่อพี่ว่าอะไรรึเปล่า"

"อ้อ ไม่ว่าหรอก แต่ไม่สะดวกให้ค้างคืน" ปัญญายกมือขึ้นเกาหัวเหมือนลำบากใจ จังหวะนั้นมีรุ่นน้องผู้หญิงยกมือทักทายให้เขา พ่อคนเนื้อหอมเลยส่งยิ้มหวานกลับไปให้ด้วยความเคยชิน ไม่ได้เอะใจกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปชั่วขณะของคนข้างตัวเลย "พอดี แบบว่า เอ่อ พ่อบอกว่ากลัวโดจะไม่สะดวกหลายอย่าง"

"ไม่เป็นไรครับ ถ้ารบกวนก็ไม่เป็นไรจริงๆ อีกอย่าง งานผมก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ให้พี่สอนวันเดียวก็น่าจะเสร็จหมดแล้ว"

"อ่า งั้นเหรอ" ปัญญาว่า เหลือบมองใบหน้าของรุ่นน้องอย่างสำรวจ โดนัทเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักแล้วก็หวานน่ากินสมชื่อจริงๆ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มกำลังทอดมองออกไปยังทางเดินเบื้องหน้า มุมปากมีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับอยู่ และปัญญาแน่ใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเองเรื่องที่คนข้างตัวจะยิ้มบ่อยแบบนั้นเวลาอยู่กับเขา ตอนที่เขาแอบมองโดนัทอยู่กับกลุ่มเพื่อน เจ้าตัวก็ไม่ได้ยิ้มบ่อยขนาดนี้

“เออ พี่ปัน” โดนัทพูดเหมือนนึกขึ้นมาได้ รอยยิ้มบนมุมปากหายไป มีร่องรอยของความกังวลเข้ามาแทนที่ “ผมอยากถามมาพักใหญ่แล้ว”

“หืม? อะไรเหรอ”

“เรื่องรองเท้าที่พี่ให้ผมน่ะ”

แค่พูดถึงเรื่องรองเท้าขึ้นมา ปัญญาก็รู้สึกแสบที่บริเวณก้นกบแล้วครับ

“คือ… ผมลองไปหาดูในอินเตอร์เน็ตมา รุ่นที่พี่ให้มาน่ะ… ราคามันค่อนข้างสูงเลย มันจะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอครับ พี่ปัน”

ปัญญาชะงักไปหน่อยหนึ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดหวังที่แล่นเข้ามาในอกนิดหน่อยเพราะจับได้ว่าอีกฝ่ายโกหก เรื่องรุ่นกับยี่ห้อรองเท้าน่ะ เขารู้ดีว่าโดนัทเป็นคนอยากได้เองเพราะเขาเป็นคนขอให้ไอ้เบนซ์ไปบอกน้องชายมันให้ไปตามสืบมาให้หน่อยว่าโดนัทมีรองเท้ายี่ห้อไหน รุ่นไหนที่อยากได้อยู่ไหม และไอ้บันน้องไอ้เบนซ์ก็เป็นคนเอาข้อมูลตรงนี้มาบอก

ซึ่งนั่นหมายความว่าโดนัทย่อมต้องรู้เรื่องราคาของมันอยู่บ้างแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตอย่างที่เจ้าตัวอ้างเสียหน่อย แต่เขาก็พอเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้จะพูดเรื่องนี้ยังไงดี

คิดแบบนั้นแล้วปัญญาจึงยกยิ้มนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบอย่างไว้มาด

“ไม่มีปัญหาหรอกน่า ก็พี่ให้โดแล้วนี่ แล้วเราน่ะ ชอบรึเปล่า”

“ชอบครับ” ตอบพร้อมกับส่งยิ้มกระจ่างใส ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย คุ้มค่ากับความเจ็บที่โดนพ่อฟาดได้บ้าง “แต่ผมแค่กลัวว่าพี่จะมีปัญหาอะไรรึเปล่า เพราะมันค่อนข้างแพง”

“อย่าคิดมากน่า พี่ตั้งใจซื้อให้โดอยู่แล้ว”

ส่วนไอ้ที่โดนตีต่อจากนั้นก็ช่างมันเถอะ

“งั้นวันเสาร์เดี๋ยวผมให้ม๊าไปส่งที่บ้านพี่เนอะ พี่อย่าลืมออกมารับที่หน้าบ้านด้วยนะครับ”

“ไม่ลืมหรอกน่า หรือถ้าไม่รู้ทางจริงๆ ก็โทรมาถามได้ตลอด”

“โอเคครับผม”

"เออนี่...แล้ว วันอาทิตย์ เราไปเที่ยวกันดีไหม หาหนังดูกันสักเรื่อง กินข้าวด้วยกันสักมื้อแล้วค่อยกลับ"

"หืม พี่ว่างเหรอครับ ไม่ใช่ว่ามีเรียนพิเศษเหรอ"

"มีเฉพาะช่วงเช้าน่ะ เรียนเสร็จก็ดูหนังกับโดได้เลยไง แล้วค่อยกินข้าวกัน" วางแผนเสร็จสรรพด้วยท่าทีพออกพอใจ แต่ก็ไม่ลืมหันมาถามความสะดวกคนข้างตัว "แต่โดนัทว่างรึเปล่า ถ้ามีอย่างอื่นอยู่แล้วก็ไม่เป็นไรนะ"

"อ้อ ผมว่างครับ ว่าแต่พี่จะชวนพี่เบนซ์ไปด้วยรึเปล่า ผมจะได้ชวนไอ้บัน"

ปัญญาลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดตรงๆ "ไม่ล่ะ พี่ไม่อยากชวนใคร อยากไปกับโดแค่สองคน"

"โห พี่พูดอย่างกับกำลังชวนผมเดทเลย" น้ำเสียงกลั้วหัวเราะสดใสของอีกฝ่ายทำเอาปัญญาโดนแอทแทคไปหนึ่งดอก เขารู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนขึ้นมานิดหนึ่งขณะอ้อมแอ้มไป

"ก็... จริงๆ ก็เป็นอะไรประมาณนั้นแหละ"

เขาไม่กล้ามองหน้าคู่สนทนาเลย แต่จากหางตา ปัญญาเห็นว่าอีกฝ่ายเองก็แก้มแดงขึ้นมานิดหนึ่งเหมือนกัน อ๊ากกก โคตรน่าฟัด อยากจะคุกเข่าลงขอเป็นแฟนตรงนี้ แต่ก็รู้ดีว่าระยะเวลาที่พวกเขาสองคนใช้ทำความรู้จักกันมันยังสั้นเกินไป

"งั้น... ผมไม่ชวนไอ้บันไปแล้วกันครับ"

"อื้อ" ก็ควรจะเป็นงั้น เขาไม่อยากให้ใครไปเป็นก้างอยู่แล้ว

"งั้นเราขึ้นห้องเรียนกันเลยดีกว่าไหมครับ จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว"

"อื้อ นั่นสินะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้อง"

ปัญญาลอบมองรอยยิ้มหวานที่อีกฝ่ายส่งมาให้เขาอีกรอบอย่างชื่นใจ ข้างในพาลนึกไปถึงพ่อของเขาที่ไม่เข้าใจความน่ารักของน้องคนนี้

ไม่ว่าจะมองยังไงก็น่ารักจะตาย! พ่อเขานี่ตาถั่ว!





---------------------------------------------------
Talk: สม ไอ้ปัน โดนฟาดเลย ให้รู้ซะบ้างว่าใครใหญ่ ถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pirepear ที่ 26-08-2017 11:33:39
ยังดีสำนึกผิดได้นะปัน ต้องให้เวลาพ่อนิดนึงอะ แกรักลูกขนาดนี้ เดี๋ยวก็รับได้เอง สรุปน้องโดคู่ปันป่าว หรือปันคู่ใคร หรือคู่กับคุณพ่อ :-[
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-08-2017 11:53:18
ทำไมรู้สึกว่าโดนัทดูแปลกๆ   :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: greenoak004 ที่ 26-08-2017 14:17:10
ทำไมโดดี้ถึงอยากไปค้างบ้านปันปันขนาดนั้น
โดดี้คิดจะรวบหัวรวบหางปันปันหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-08-2017 14:22:11
โดนัทแปลกๆนะเธอ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 27-08-2017 00:06:45
ไม่มองว่าน่ารักก็ถูกแล้วค่ะปัน ถ้าพ่อมองว่าโดน่ารักนี่ปันจะมีปัญหาเอานะ(..)
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 27-08-2017 01:02:04
ผมว่ามีพลิก ปันอาจได้กินเพื่อนพ่อ เอ้าาาา เว้าไป
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mutyamania ที่ 27-08-2017 12:46:49
เดายาก ว่าใครจะคู่ใคร ใจหนึ่งก็อยากอ่านแบบ Incest อีกใจก็อยากให้เค้าเป็นพ่อลูกที่น่ารักมุ้งมิ้งใส่กันเฉยๆก็พอ รู้สึกถึงความน่ารักน่าเอ็นดูว์ของอีตาพ่อ แบบแปลกๆ อาจจะคู่กับเจ้านายชาวญี่ปุ่นคนนั้นก็ได้นะ หึหึหึหึ อิคึ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: backforred ที่ 27-08-2017 20:27:27
เอิ่มมม ใครเป็นพระเอก-นายเอกอ่างงอะ
 :really2:
แต่เราอยากให้พ่อของปันเป็นรับนะ รู้สึกฟิน555555
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 27-08-2017 20:35:59
Following na kup
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-08-2017 21:15:43
ยังไม่มีเค้าคู่พ่อเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 28-08-2017 23:10:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-08-2017 01:52:43
พ่อตาถั่ว  ปันกล่าวไว้ เรื่องมองไม่เห็นว่าโดนัทน่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bmine ที่ 29-08-2017 02:56:10
คนแต่งเก่งมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วทำให้เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อเลย จากที่ปกติเป็นสาววาย และรู้สึกว่าไม่เห็นเป็นไรเลย ทำไมต้องรับการเป็นเกย์ไม่ได้กันด้วย พอมาอ่านในมุมของพ่อ หรืออีกฝั่งดูบ้าง ก็รู้สึกว่าปันน่าโมโหมากๆเลย โดยเฉพาะตอนเอาเงินไปซื้อรองเท้าแพงๆให้คนอื่นนี่เลือดขึ้นหน้าแทนคุณพ่อเลย 5555 เข้าใจเลยค่ะ ฝั่งนึงก็บอกว่าไม่ได้อยากเป็น แต่อีกฝั่งก็ไม่ได้อยากรับไม่ได้เหมือนกันเนอะ เอาใจช่วยคุณพ่อนะคะ ขอให้ลูกชายเข้าใจพ่อและก้าวร้าวน้อยลงบ้างนะคะ 55555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: shinachan ที่ 29-08-2017 13:38:38
“แค่เลี้ยงแกคนเดียวก็ลำบากจะตายแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปหาผู้หญิงใหม่อีก”

คุณพ่ออยากได้สามีแทนไหมคะ มีคนดูแลเลยนะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 4) P.2 [26/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 31-08-2017 18:53:58

บทที่ 5




ปัญญานอนเหยียดตัวยาวอยู่บนเตียงทั้งที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน ตามองโทรศัพท์มือถือที่ยกขึ้นมาถูขึ้นลงที่หน้าโซเชียลมีเดียอันเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่ฝังรากลึกลงไปจนดึงไม่ออก ท้องฟ้านอกหน้าต่างเริ่มมืดลงตามเวลาที่ผ่านไปแต่ละนาที

เขากลับมาจากเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนแล้วแต่พ่อก็ยังมาไม่ถึงบ้าน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกวันนั่นแหละ ตัวเขามักจะหาข้าวเย็นกินก่อนเริ่มเรียนพิเศษในห้าง ในขณะที่นพดลพ่อของเขามักจะกินมาจากที่ทำงาน แต่ถ้าวันไหนที่เขาไม่มีเรียนพิเศษและพ่อกลับเร็ว ทั้งคู่ก็จะซื้ออาหารหน้าปากซอยมากินด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว

ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านจากชั้นล่างของตัวบ้านดังแว่วมา เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเจออะไรบางอย่างที่น่าสนใจในหน้าจอ เพจเฟซบุ๊คเพจหนึ่งของเด็กนักเรียนโรงเรียนเขาลงรูปตอนที่เขาก้มลงนั่งผูกเชือกรองเท้าให้โดนัทเมื่อหลายวันก่อน จากนั้นก็มีการหวีดและแฮชแท็กแปลกๆ อย่าง #ปันนัท แปะอยู่ในนั้น

เขามีความคิดสามอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ หนึ่งคือเขาไม่ตกใจหรือแปลกใจอะไรที่มีตัวเองอยู่ในเพจพวกนี้ ก่อนหน้านี้เพจเดียวกันก็เคยเอารูปเขาตอนเล่นบาสเหงื่อโชกไปลง แล้วหวีดถึงความ... เอ่อ เซ็กซี่ของเขามาก่อน แล้วก็รูปในอิริยาบทอย่างอื่นที่น่าสนใจและพอจะมีใครจับภาพไว้ทัน แต่ก็นั่นแหละ เอาเป็นว่าเขาค่อนข้างชินกับอะไรแบบนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าโดจะรู้สึกยังไง

เรื่องที่สองก็คือเจ้าแฮชแท็กจับคู่นี่ ปัญญารู้ดีอยู่แล้วว่าคนส่วนมากเรียกโดนัทว่านัทมากกว่าจะเรียกว่าโด ยกเว้นแค่เพื่อนไม่กี่คนกับตัวเขาเอง เขาแอบคิดเหมือนกันว่าชื่อนัทอาจจะฟังดูเพราะแล้วก็น่ารักกว่า แต่เขาไม่อยากเหมือนคนอื่นๆ เอง แต่นี่มันก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ล่ะนะ

เรื่องที่สามเป็นเรื่องตัวเนื้อหาของรูปภาพนี้เอง การได้เห็นใครหลายๆ คนหวีดเรื่องระหว่างเขากับโดนัททำให้ปัญญารู้สึกดีแล้วก็มีกำลังใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทุกคนที่ไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์รูปแบบนี้อย่างพ่อเขา

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระชากประตูเปิดออก ปัญญาเหลือบมองพ่อของเขาที่ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับเอ่ยทักสั้นๆ "ไง ปัน" จากนั้นก็ตรงดิ่งมาที่ชั้นหนังสือปลายหัวเตียงแล้วเริ่มกวาดสายตา
"หาไรพ่อ" ถามทั้งที่ตายังมองหน้าจอมือถือเหมือนเดิม

"หนังสือพวกเกี่ยวกับเครื่องจักร... พ่อว่าเอาไว้แถวนี้"

"พ่อลองดูฝั่งขวาบนๆ หนังสือพ่อส่วนมากอยู่ตรงนั้น" ปัญญาว่าพร้อมกับเลื่อนหน้าจอต่อ เหลือบสายตาไปมองร่างของผู้ให้กำเนิดที่เริ่มดึงหนังสือจากชั้นออกมาเพื่อมองหาหนังสือที่อยู่ลึกเข้าไป

พ่อของเขาเป็นคนรูปร่างดีถ้าเทียบกับคนที่อายุไล่เลี่ยกัน ส่วนสูงที่มากกว่ามาตรฐานชายไทยและใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยจริงๆ ของเจ้าตัวทำให้ปัญญารู้ว่าถ้าอีกฝ่ายคิดจะหาแฟนหรือภรรยาใหม่จริงๆ สักคนคงไม่ยาก หรือไม่บางทีเจ้าตัวนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายโดนจู่โจมด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่ามีเขาซึ่งเป็นลูกชายห้อยพ่วงมาด้วย ป่านนี้พ่อเขาคงแต่งงานใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

พูดถึงใบหน้าอ่อนกว่าวัยของเจ้าตัวแล้วปัญญายังนึกขันไม่หาย เขาเคยเอารูปที่ถ่ายคู่กับพ่อตัวเองไปให้เพื่อนผู้หญิงดู ทุกคนทักกันเกรียวกราวเลยว่านั่นญาติหรือพี่ชายเขาเหรอ แล้วอีกฝ่ายมีแฟนหรือยัง ปัญญาแทบตอบไปไม่ทันว่าอีกฝ่ายมีลูกแล้ว ซึ่งก็คือกูเองแหละ

`แต่แกกับพ่อแกหน้าไม่เหมือนกันเลยนะ ปัน หล่อทั้งคู่ก็จริงแต่หล่อกันคนละแบบ` เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งของเขาเคยพูดไว้ และอีกคนก็พยักหน้าหงึกหงัก สนับสนุนตามทันที

`เออ จริง ไอ้ปันแม่งหล่อแบบบูม บดิศร แต่พ่อมันหล่อเหมือนดี ศศิกร`

`ใครวะ บูม บดิศรกับดี ศศิกรที่ว่า` ปัญญาผู้ไม่สนใจวงการบันเทิงถามอย่างงงๆ ทำเอาผู้หยิงทั้งสองคนแทบกรี๊ด

`แกไปอยู่หลุมไหมมาวะ ไอ้ปัน ถึงไม่รู้จักบูมกับดี มานี่ เดี๋ยวเราเปิดรูปให้ดู`

แล้วปัญญาก็ต้องทำความเข้าใจกับคำว่าหล่อเข้มแบบบูมกับหล่อหวานแบบดี เขาพยายามมองภาพของดาราทั้งสองคนนี้เปรียบเทียบกันแล้วก้ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพวกผู้หยิงเขาแยกความหล่อออกเป็นสองประเภทนั้นยังไง

`แต่บูมนี่นักแสดงระดับตำนานเลยนะมึง อายุสี่สิบกว่าแล้วยังหล่อขนาดนี้ แต่ทำไมแกไม่รู้จักวะ`

`แล้วคนที่ชื่อดีนี่ล่ะ อายุเท่าไร` เขาพยายามมองคนที่เพื่อนบอกว่าหล่อหวานแบบพ่อเขา ซึ่งมันให้ความรู้สึกพิลึกกึกกือมากถ้าให้นิยามหน้าตาของพ่อตัวเองว่าหล่อหวาน มัน... เอ่อ ขนลุกแปลกๆ เหมือนกัน

`27-28 มั้ง ไม่แน่ใจแฮะ`

`อ้าว! แล้วทำไมบอกกูหน้าเหมือนคนอายุแก่กว่าวะ` นี่หลอกด่าอะไรกันรึเปล่าเนี่ย ยัยพวกนี้

`เออ แต่พ่อแกหน้าเด็กจริง ปัน เหมือนคนอายุ 25 แถมยังขาวกว่าแกอีก`

เอ้า ทำไงได้ล่ะ ก็เขาเล่นกีฬากลางแจ้งนี่หว่า จะให้ขาวผุดผ่องเป็นยองใยอะไรขนาดนั้น พ่อเขาก็พอเล่นกีฬาบ้างก็จริงแต่ก็ไม่บ่อยเท่าเขา

ปัญญากำลังคิดจะเล่าเรื่องที่คุยกับเพื่อนผู้หญิงให้ฟังก็พอดีกับที่นพดลหยิบหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งออกมาจากชั้น หันหน้ากลับมามองทางเขาด้วยสีหน้าซีดเผือด

"ปัน" เจ้าตัวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง "นี่อะไร"

หน้าปกเป็นรูปผู้ชายสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบนเตียงนอน โดยที่คนหนึ่งพยายามหันหน้าสุดชีวิตแต่แขนกลับโอบรัดรอบคออีกฝ่ายไว้ ไม่ต้องสงสัยเลย พ่อของเขาไปขุดเจอหนังสือที่เขาพยายามซ่อนไว้จนได้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ…

"อ้อ นั่น... การ์ตูนวาย พ่อ"

"การ์ตูน... อะไรนะ?" พูดพลางพลิกหน้ากระดาษดูด้านใน จะร้องห้ามก็บอกไม่ทัน ปัญญายกมือขึ้นกุมขมับทันทีเมื่อเห็นสีหน้าพ่อของตัวเองซีดลงเรื่อยๆ

"ไอ้ปัน!" คนเป็นพ่อเริ่มโวย "แกอ่านการ์ตูนอะไรของแกเนี่ย!"

“โธ่ พ่อ” ปัญญาตรงมาฉวยการ์ตูนเล่มที่ว่าออกจากมืออีกฝ่าย เอามันวางกลับลงส่วนที่ลึกสุดที่เดิม “ก็แค่การ์ตูนเอง จะตกใจอะไรนักหนาครับ”

จะไม่ให้ตกใจได้ไง ในเมื่อภายใต้นารูโตะ สแลมดั๊งค์ วันพีซและการ์ตูนผู้ชายอีกมากมายกลับมีการ์ตูนที่ผู้ชายได้กัยเองซ่อนอยู่ บอกมาซิ จะไม่ให้เขาตกใจได้ยังไง!?

นพดลทรุดตัวนั่งลงบนขอบเตียง ใจหนึ่งก็นึกอยากขอดูการ์ตูนเล่มที่ว่าให้เห็นเต็มๆ ตาอีกรอบ แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่คิดอยากเห็นมันอีกเลย

ความคิดอย่างหลังเป็นฝ่ายชนะ เขาหันกลับไปมองลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองด้วยสภาพเหมือนทหารที่สะบักสะบอมมาจากสงคราม

“แกนี่มัน… เป็นหนักจริงๆ ว่ะไอ้ปัน”

“อะไรเล่า มันก็เป็นเรื่องปกติของวัยนี้ไม่ใช่หรือไง” ปัญญาเถียงอย่างไม่ลดละ ไม่อยากจะบอกพ่อหรอกว่าเพื่อนเขาบางคนไปถึงขั้นไหนต่อไหนกับแฟนแล้ว อย่างไอ้เบนซ์น่ะตัวดี ถึงจะไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแต่ก็ไม่ซิงแล้วแน่ๆ ถึงมันจะไม่เคยถามมันตรงๆ และมันจะไม่เคยเล่าให้เขาฟังก็เถอะ

“มันก็ใช่ แต่…”

“พ่อน่าจะดีใจนะ อย่างน้อยถ้าผมมีอะไรกับผู้ชาย อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาท้องไม่พร้อมแน่ เอ่อ ไม่ได้ตั้งใจว่าพ่อนะ” ปัญญารีบแทรกอย่างรู้ดีว่าพ่อกับแม่มีเขาตอนที่พวกท่านทั้งคู่ยังไม่พร้อม นพดลโบกมือขึ้นปัดในอากาศเป็นเชิงว่าไม่อยากคุยเรื่องนี้

“แต่แกคงไม่คิดจะมีจริงๆ หรอกใช่ไหม เรื่อง เอ่อ อย่างว่า”

“อือ…” ถ้าบอกว่าไม่เคยคิดเลยก็ดูจะเป็นการโกหก “เอาเป็นว่าไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่นอนแล้วกันครับพ่อ ผมเพิ่งอยู่ม. 5 เองนะ”

นพดลอยากให้ตัวเองคิดได้แบบนี้ตอนอายุเท่าลูกชาย แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็คงยังเลือกทางเดิมอยู่ดี และถ้าให้พูดในอีกแง่… ปัญญาคือของขวัญที่วิเศษสุดของเขากับมิ้นต์ ถึงแม้ว่าการต่อสู้กับข้อครหาและการไม่ยอมรับทางสังคมจะลำบากไปบ้าง แต่เขาก็รักลูกมากพอที่จะฝ่าฟันทุกอย่างมาได้

“อีกอย่าง… ผมยังไม่ได้คบกับโดนัทเลยนะพ่อ แค่ยังดูๆ กันอยู่”

จู่ๆ คำพูดประโยคนั้นก็ทำให้ความหวังเล็กๆ ผุดวาบในใจผู้เป็นพ่อ

“ปัน แล้วแกจะรู้ได้ไงว่าโดนัทเขาจะชอบแก… เขาจะชอบผู้ชายหรือเปล่า”

ปัญญาทำสีหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่ง “อืม… ผมว่าเขาก็ชอบผมนะ”

“เหรอ แน่ใจนะว่าไม่ได้คิดไปเอง”

“ผมว่าไม่หรอก”

“ไม่นี่คือ เขาไม่น่าชอบแก?”

“ไม่นี่คือ ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองหรอก” เถียงกลับอย่างมั่นคง ไปเอาความมั่นใจและหน้าด้านแบบนี้มาจากไหนวะ

“แต่แกแน่ใจได้ไงว่าเขาไม่ได้มีแฟนอยู่แล้ว?”

“ไม่มีพ่อ ผมถามแล้ว”

เออ จนแต้มล่ะ ยอมก็ได้รอบนี้

นพดลส่ายหน้าเหมือนอ่อนใจกับเรื่องของลูกชายเต็มกลืนขณะหยิบหนังสือที่เขาหาอยู่ออกมาจากชั้น แรกๆ ปัญญาก็ไม่ค่อยชอบท่าทีแบบนั้นเท่าไรหรอก แต่ตอนนี้เริ่มชินล่ะ ถึงพ่อจะไม่ชอบใจเรื่องรสนิยมทางเพศของเขาและทำท่าเหมือนเอือมระอาแต่ก็ไม่เคยขู่แรงๆ อย่างเช่นจะตัดเขาออกจากกองมรดกหรือไล่ออกจากบ้านถ้าเขาไม่เลิกเป็นเกย์ ถ้าถึงขั้นนั้นปันก็คงจะรับไม่ไหวเหมือนกัน

“จริงๆ เลยนะ ไอ้ปัน แล้วไอ้การ์ตูนโป๊ของแก---”

“เออ พ่อ วันนี้วันที่เท่าไรนะ”

ดูมันเปลี่ยนเรื่องแบบหน้าด้านๆ

“วันนี้เหรอ… อืม วันที่ 15 ถามทำไม?” คนพ่อก็ไหลตามน้ำเร็วพอกัน

“ไม่ใช่ว่าวันนี้ลุงอาจจะมาบ้านเหรอพ่อ”

สองพ่อลูกเงียบกันไปอึดใจหนึ่งก่อนที่ปันจะเด้งตัวขึ้น นพดลรีบถลาไปที่ประตูห้อง พวกเขาสองคนลืมไปเลยว่านัดแขกคนสำคัญเอาไว้ แล้วนี่แต่ละคนก็ยังอยู่ในสภาพไม่พร้อมรับแขกอย่างที่สุด

“ไอ้ปัน เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ แล้วไปเตรียมพวกขนมชั้นล่างด้วย แล้วข้าวของแกตรงชั้นทีวีเก็บหรือยัง ไปจัดการให้เรียบร้อยซะ”

นั่นแหละถึงจะแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางกันอย่างไว





ลุงอาจที่ปันเรียกหรือนายองอาจเป็นชายวัยสี่สิบตอนปลาย ผิวค่อนข้างคล้ำ สวมแว่นสายตาที่ค่อนข้างใหญ่ รอยยิ้มใจดีประดับอยู่บนริมฝีปาก เขาเป็นตัวแทนของบริษัทพิทักษ์สุขซึ่งเป็นบริษัทด้านการเงินเล็กๆ และมักคอยแจกทุนให้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนดี ประพฤติตัวเรียบร้อย ปัญญาได้ทุนตัวนี้ครั้งแรกตอนที่เขาอยู่ป. 4 โดยที่นายองอาจติดต่อผ่านทางพ่อของเขาและบอกว่าทางบริษัทยินดีให้ทุนการศึกษานี้แก่นักเรียนที่ได้เกรดสี่มาอย่างต่อเนื่อง และเป็นทุนให้เปล่า ตอนนั้นนพดลที่กำลังขัดสนเรื่องเงินทองอยู่แทบอยากก้มลงไปกราบลูกชายที่มีผลการเรียนดีเลิศขนาดจะได้ทุนแบบนี้ แถมเจ้าตัวแสบก็รักษาความดีงามของตัวเองเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุนการศึกษาตัวนี้ไหลเข้าบ้านมาได้ตลอด

แม้มันจะไม่สามารถจ่ายค่าเทอมที่แพงลิบของปัญญาเต็มจำนวนได้ แต่ก็ช่วยนพดลได้มากกว่าครึ่ง และเขาหวังว่าลูกชายเขาจะยังรักษาทุนให้เปล่าตัวนี้ไว้ได้จนกว่าจะเรียนจบ และเนื่องจากทางผู้ให้ทุนต้องตรวจสอบในเรื่องนั้น องอาจจึงเป็นตัวแทนในการมาพูดคุยกับลูกชายเขาทุกๆ สามเดือน

ปัญญาวางถาดขนมที่เขาจัดเองลงตรงหน้าแขกก่อนจะส่งยิ้มแป้นไปให้ คนเป็นพ่อเลยดันลูกชายให้เขยิบไปนั่งอีกฝั่งของโซฟาเพื่อพูดคุยกับนายองอาจได้สะดวกขึ้น

“เป็นยังไงบ้างครับ น้องปัน” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงใจดีแบบที่เป็นมาตลอดหลายปี “ช่วงนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง เรียนยากไหม”

“ก็เริ่มยากขึ้นเหมือนกันครับ พวกเลขก็ซับซ้อนขึ้น สังคมก็รายละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะพวกกฎหมายกับรัฐธรรมนูญนี่เล่นเอามึนตึ้บเลย”

นพดลฟังคนทั้งสองคุยกันขณะหยิบขนมชิ้นหนึ่งเข้าปาก มองลูกชายตัวดีที่หัวเราะเสียงใสขณะเล่าเรื่องในโรงเรียนให้ฟังแล้วก็รู้สึกดีเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ใช่เพราะองอาจมาเยี่ยมที่บ้านแบบนี้ เขาก็ไม่ค่อยได้ยินเรื่องราวจากปากเจ้าตัวเท่าไร และเท่าที่เขาฟังดู ไอ้ตัวแสบก็ตั้งใจตามเก็บงานดี คะแนนสอบก็พอไหว ทุนรอบหน้าก็น่าจะยังพอไหวล่ะน่า

“เอ้อ จริงสิครับลุงอาจ” ปัญญาพูดอย่างนึกขึ้นได้ “ผมสอบผ่านโครงการแลกเปลี่ยนไปเมกาด้วยนะ ลุงรู้เรื่องนี้ยังครับ”

“ยังเลย” คนพูดเบิกตากว้างขึ้นอย่างแปลกใจระคนยินดี “ไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่าปันจะไปแลกเปลี่ยนด้วย ไปแอบสอบมาตอนไหน”

“อ้อ ผมกะว่าลองสอบดูก่อนน่ะ จะไปรึเปล่ายังไม่แน่ใจเลยครับ”

“อ้าว ทำไมล่ะ” องอาจยื่นหน้าเข้ามาใกล้ปัญญามากขึ้น “น้องปันไม่ได้อยากไปเหรอลูก”

“คือ… ก็อยากไปครับ แต่…” เจ้าตัวเหลือบมองมาทางผม วินาทีนั้นคนเป็นพ่อเข้าใจทันทีว่าปัญญาลังเลเรื่องสถานะทางการเงินของบ้านมากกว่าจะเป็นเรื่องรด. อย่างที่ตัวเองเคยบอก และมันทำให้นพดลหน้าร้อนวูบขึ้นมาด้วยความอาย นึกด่าตัวเองในใจว่าทำหน้าที่พ่อแบบไหนให้ลูกมาคอยห่วงเรื่องการเงินในบ้านเนี่ย “เอ่อ ผมยังต้องดูอีกหลายอย่าง อย่างเรื่องรด. งี้ เรื่องเตรียมสอบเข้ามหาลัยงี้ กลัวเรียนตามเพื่อนไม่ทันครับ ผมไม่อยากกลับมาซ้ำด้วย”

นพดลหันหน้าหนีไปอีกทางเพราะยังรู้สึกมึนงงกับข้อเท็จจริงที่ลูกชายปิดเขาอยู่ เขาก็นึกว่าไอ้ปันห่วงเรื่องรด. หรือไม่ก็ติดเพื่อนเลยไม่อยากไปแลกเปลี่ยน แต่เขาน่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่าปัญญาอยากไปอเมริกามาแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่กังวลเรื่องเงินเท่านั้นเอง

“แต่ลุงว่าปันน่าจะไปนะ โอกาสดีแบบนี้”

“ก็… ต้องลองคิดดูก่อนครับ เนอะพ่อเนอะ” หันมาสะกิดเขาพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปาก นั่นทำให้นพดลนึกสะท้อนในใจขึ้นมา หรือเพราะว่าเขาเคี่ยวเข็ญเรื่องเงินกับลูกมากไป ปัญญาถึงได้คิดว่าบ้านพวกเขาเงินน้อยขนาดนั้น

ซึ่ง… มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นแหละ เขาเชื่อว่าตัวเองเลี้ยงลูกได้ไม่มีปัญหาแน่ แต่ถ้าปันจะไปเมกาจริงๆ คำนวนค่าใช้จ่ายของโครงการกับค่าที่มันต้องกินต้องใช้แต่ละเดือน… นพดลคิดว่าเขาสู้ไหว แต่อาจจะต้องกัดก้อนเกลือกินหน่อยสักสิบเดือนเท่านั้นเอง

“อืม… นั่นสินะ เพราะจะไปต่างประเทศแบบนี้ก็ค่าใช้จ่ายสูงไม่น้อย” กลายเป็นองอาจที่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดเสียแทน “เอางี้แล้วกัน เดี๋ยวลุงจะลองไปคุยกับทางบริษัทดูว่าเขาจะช่วยค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ไหม ยังไงน้องปันก็ได้ทุนกับทางเรามาตั้งนาน”

สองพ่อลูกลิขิตชาญชัยแทบจะอ้าปากค้างกับข้อเสนอ ก่อนคนพ่อจะเรียกสติ พูดขึ้นมาก่อน

“แต่… มันจะดีเหรอครับ ที่ได้ทุนอยู่เป็นประจำนี่ก็มากพอสมควรแล้ว ถ้ายังต้องเพิ่มให้อีก…” เขากลัวทางต้นบริษัทจะเห็นว่าครอบครัวนี้โลภจนจะตัดออกจากรายการให้ทุนน่ะสิ แต่องอาจยังคงยิ้มพร้อมกับอธิบายอย่างใจเย็นต่อไป

“ผมก็ยังรับปากไม่ได้หรอกนะครับว่าจะได้รึเปล่า แต่โอกาสดีๆ แบบนี้น่าเสียดาย น้องปันเองก็เป็นคนเก่งของเรา ถ้าทำได้ก็อยากจะช่วยสนับสนุนเต็มที่ อ้อ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นครับ น้องปัน เราไม่มีการเรียกให้ใช้ทุนทีหลังหรือว่าขอให้เข้ามาทำงานกับเราถ้าน้องปันไม่อยากทำแน่ๆ สบายใจได้เลยครับ”

ปัญญาหันไปมองหน้าพ่อ สื่อสารกันทางสายตาเป็นเชิงว่า… ไม่เชื่อในคำโฆษณาชวนเชื่อนั่นสักเท่าไร อย่างน้อยต้องโดนบริษัทนี้จีบให้ไปทำงานด้วยแน่ๆ ก็ขนาดเขายังเรียนอยู่แค่นี้ยังโดนตามจีบขนาดนี้แล้ว พอเรียนจบแล้วจะขนาดไหน

แต่ก็เอาเถอะ ถึงเวลาค่อยคิดเรื่องพวกนั้นทีหลัง อีกอย่างก่อนจะเซ็นสัญญารับทุนอะไรพวกเขาทั้งคู่ก็อ่านสัญญาอย่างละเอียดทุกรอบ คงไม่โดนเจ้าทุนตัวนี้วกกลับมาทำร้ายทีหลังแน่ๆ

ปัญญากับนพดลไปส่งแขกที่หน้าบ้าน ยืนส่งจนกระทั่งท้ายรถลับสายตาไป นพดลหันหน้ากลับมามองลูกชายอย่างค้นคว้าก่อนจะถามอย่างอดไม่อยู่

“ปัน ที่ปันลังเลเรื่องแลกเปลี่ยนเนี่ย เพราะเรื่องเงินเหรอลูก”

น้ำเสียงอ่อนโยนเกินเหตุนั่นทำให้ปัญญาต้องหันกลับมามองหน้าคนเป็นพ่อตรงๆ “ก็… นิดหน่อยมั้งครับ แต่ตอนนี้ลุงอาจบอกผมอาจจะได้ทุนตอนไปแลกเปลี่ยนก็ได้นี่ ไว้ถ้าได้จริงๆ ผมคงไปแน่ โอกาสดีแบบนี้”

เด็กหนุ่มไหวตัวเล็กน้อยเมื่อคนเป็นพ่อเอื้อมมือมาบีบแขนเขาแรงๆ

“ปันฟังนะ ถ้าปันอยากไปก็ไปเถอะ ต่อให้ไม่ได้ทุนที่ลุงอาจว่า พ่อก็ส่งปันได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย เข้าใจไหม”

แล้วเจ้าตัวก็เดินเข้าบ้าน ปัญญามองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดมิดในยามค่ำคืน

จะไม่ให้เขาห่วงเรื่องฐานะการเงินของบ้านได้อย่างไร ในเมื่อคนที่ทำงานก็มีแค่พ่อเขาคนเดียว

แต่… ถ้าเขาได้ทุนจริงๆ มันก็อีกเรื่องล่ะนะ


 


ช่วงพักกลางวันของวันนี้ปัญญาก็ทานข้าวกับกลุ่มของโดนัทอีกตามเคย แต่วันนี้เจ้าตัวออกปากตั้งแต่ก่อนเริ่มกินว่าต้องขึ้นไปปั่นงานที่ทำค้างไว้อยู่ให้เสร็จ แถมยังต้องช่วยสอนเลขให้ไอ้เบนซ์ที่สอบตกไปหมาดๆ เขาจึงไม่มีเวลาอยู่คุยเล่นกับอีกฝ่ายมากนัก

“โทษทีนะ โด พี่โคตรยุ่งเลยว่ะวันนี้ คงไปส่งโดที่ห้องไม่ได้” เจ้าตัวว่าหลังจากพวกเขาทั้งคู่แยกตัวออกมาจากกลุ่มใหญ่ก่อน โดนัทรู้ตั้งแต่ตอนที่เห็นปัญญาสวาปามข้าวในจานเร็วกว่าปกติแล้วว่าเจ้าตัวกำลังรีบ คนเป็นรุ่นน้องส่งยิ้มให้ก่อนจะพูดอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ปัน รีบไปทำงานให้เสร็จเถอะ แต่ยังไงห้ามลืมเรื่องพรุ่งนี้นะครับ ไม่งั้นผมคงต้องแกร่วรอหน้าบ้านพี่”

ปัญญาเหยียดยิ้มกว้าง เอื้อมมือไปยีหัวอีกฝ่ายแรงๆ อย่างเอ็นดู “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไม่ปล่อยให้น้องแกร่วอยู่แล้ว งั้นไว้คุยกันนะ เดี๋ยวทักไลน์ไป”

“ครับผม สู้ๆ นะฮะ” แล้วอีกฝ่ายก็จากไป

โดนัทเดินเลี่ยงมาอีกทาง ตั้งใจจะแวะไปซื้อของที่มินิมาร์ทของโรงเรียนก่อนจะขึ้นห้อง เป็นจังหวะเดียวกับที่หูได้ยินเสียงของใครบางคนพูดขึ้นมาจนได้

“แกเห็นเมื่อกี้รึเปล่าวะ เมื่อกี้พี่ปัน 5/1 ใช่ไหม คนที่เป็นข่าวกับไอ้คนห้อง 4/7 น่ะ”

“เขาชื่อนัท แกไม่เห็นแฮชแท็กในเฟสหรือไงวะ”

โดนัทหรี่ตาลงเมื่อรู้ว่าคนที่พูดถึงเขากับปัญญาคือใคร นั่นน่ะ แบงค์ ห้องสิบ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายมีรสนิยมชอบผู้ชายแบบที่คนทั้งโรงเรียนรู้ๆ กัน แถมเจ้าตัวยังมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเป็นหนุ่มมหาลัยอีกซะด้วย

อย่าเข้าใจผิดไป เขาไม่ได้อยากเสือกเรื่องชาวบ้านหรอกนะ แต่หมอนั่นมันป่าวประกาศเองจนเขารู้กันไปทั่ว รวมไปถึงเรื่องที่เจ้าตัวนอกใจแฟนบ่อยๆ ก็เหมือนกัน

“นัทเหรอ ชื่อยังกับผู้หญิง… แต่เอาจริงไอ้หน้าอ่อนนั่นแม่งก็ดูงั้นๆ ปะวะ แค่หน้าหวานนิด กูว่าถ้าพี่ปันจะเป็นเกย์จริง เขาน่าจะหาได้ดีกว่านี้”

“มึงกำลังจะพูดว่า อย่างเช่นมึงเหรอวะ” เพื่อนในกลุ่มของแบงค์พูดขึ้น จากนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมารวมทั้งตัวแบงค์เองด้วย

โดนัทใช้จังหวะนี้สำรวจอีกฝ่ายอย่างถ้วนถี่อย่างที่เขาไม่ค่อยได้ทำกับใครบ่อยๆ นัก แบงค์เป็นเด็กหนุ่มที่ดูมีเสน่ห์แบบคนขี้เล่น มีอารมณ์ขัน ลักยิ้มเล็กๆ บนหน้าของเจ้าตัวเพิ่มเสน่ห์ตรงนี้ได้เยอะ และโดนัทไม่ค่อยชอบใจเรื่องนี้เท่าไรเลย

“ก็นะ กูว่ากูเองอาจจะยังดีซะกว่า ลองไปจีบพี่เขาดูดีไหมวะ ยังไงเขาก็ยังไม่ได้คบกับไอ้ห้องเจ็ดนั่นไม่ใช่เหรอ”

“มันชื่อนัทโว้ย”

“และ เอ่อ กูว่ามันกำลังเดินมาทางนี้นะ”

เท่านั้นแหละทั้งกลุ่มถึงได้หันไปมองเด็กหนุ่มหน้าหวานผู้ก้าวเท้าเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ บนริมฝีปาก เทียบกับแบงค์แล้ว โดนัทมีสรีระที่เล็กกว่า ดูผอมบางกว่า ติดจะมากเกินไปด้วยซ้ำ ประมาณว่าเทียบกันแบบปราศจากอคติต้องบอกเลยว่าแบงค์ดูดีมากกว่าในภาพรวม

เด็กหนุ่มทั้งสองข้างเผชิญหน้ากัน แบงค์ยกมือขึ้นกอดอก เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถามในขณะที่ผู้ที่ก้าวมาใหม่กลับเปิดปากคุยอย่างสุภาพ

“ขอโทษนะครับ พอดีเห็นว่าพวกคุณพูดถึงผมกับพี่ปัน” รอยยิ้มที่เหมือนจะกระดากกระเดื่องยังติดอยู่บนหน้า “บางที… เราน่าจะมาคุยเรื่องนั้นกันให้ชัดเจนหน่อย เพราะที่คุณเพิ่งพูดกับเพื่อนน่ะ ผมไม่ค่อยชอบใจเท่าไรเลย”

แบงค์เหลือบตามองเพื่อนในกลุ่มของเขา ถ้ารวมตัวเองด้วยเขาก็มีกันถึงห้าคน ในขณะที่อีกฝ่ายมีแค่คนเดียว ต้องเรียกว่าบ้าบิ่นใช้ได้

“ดูเหมือนจะมีคนมาหาเรื่องตายถึงที่เลยว่ะพวก” แบงค์พูดพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก “เอาล่ะ เราไปหาที่สงบๆ ปลอดผู้คนเล่นกับเพื่อนใหม่ของเรากันหน่อยดีกว่า มีใครมีที่ไหนแนะนำบ้าง”

‘เฮ้อ… ให้ตายสิ อุตส่าห์ตั้งใจมาด้วยสันติแท้ๆ น้า’

โดนัทลอบคิดขณะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา



พลั่ก!

เสียงเพื่อนคนสุดท้ายที่ยังยืนอยู่บนพื้นล้มฟาดไปตามพื้นดินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่รกร้างหลังโรงเรียนดังขึ้น ทำเอาแบงค์ที่ก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้นก่อนหน้านี้มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขายกมือขึ้นปาดเลือดที่ติดบนริมฝีปาก นึกกลัวขึ้นมาเมื่อโดนัทก้าวเท้าเข้ามาหาเขาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“อะ… อะไรของมึงวะ” คนที่ตั้งใจจะรุมอัดอีกฝ่ายถามเสียงสั่น พยายามจะรักษามาด ควบคุมไม่ให้ฟังดูตื่นกลัว แต่มันช่วยอะไรไม่ได้มากนัก “ต้องการอะไรกันแน่ ทำแบบนี้เพื่ออะไร”

โดนัทขมวดคิ้วมุ่นขึ้น ได้ยินเสียงกระซิบจากเพื่อนของแบงค์ที่หันไปคุยกันเองเกี่ยวกับเรื่องเขา และดูเหมือนทั้งคู่จะนึกออกแล้วว่าเขาเป็นตัวแทนระดับประเทศในการแข่งกีฬาเทควันโด เหมือนว่าการออกกำลังนิดๆ หน่อยๆ จะพอเรียกความจำของใครๆ ให้กลับมาได้บ้าง

เขาหันกลับไปมองตัวต้นเรื่องที่กำลังตัวสั่นและครางซี้ดซ้าดด้วยความเจ็บก่อนจะพูดเสียงเย็น

“ผมจะตอบคำถามนายก็ได้นะ แบงค์ แต่ขอผมอธิบายก่อนว่าคนที่หาเรื่องให้ทุกคนต้องเจ็บตัวก่อนน่ะคือนาย ผมไม่คิดจะใช้กำลังเลยตั้งแต่แรก แต่ในเมื่อเพื่อนนายตั้งใจจะทำร้ายผม ผมก็ต้องป้องกันตัว อันนี้เข้าใจตรงกันนะ”

ป้องกันตัวงั้นเหรอ…. ทำให้คนห้าคนเจ็บระนาวแบบนี้เนี่ยนะ ป้องกันตัว?

โดนัทยกยิ้มเหยียดเมื่อคำถามนั้นกระจ่างชัดอยู่ในใบหน้าของอีกฝ่าย แบงค์ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที รู้สึกว่าตัวเริ่มสั่นขึ้นมาอีกรอบ

“อ้อ ใช่ แล้วก็อีกเรื่อง อย่าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องครูหรือรายงานใครต่อใครจะดีกว่า นี่เตือนด้วยความหวังดีนะครับ”

“มึงต้องการอะไร!” เด็กหนุ่มกระชากเสียงอย่างอัดอั้นที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ ทั้งๆ ที่พวกเขามีเยอะกว่า ตัวโตกว่าแท้ๆ

แต่แล้วเจ้าตัวก็ต้องสะดุ้งอีกระลอกเมื่อโดนัทกระชากคอเสื้อขึ้นไป “ผมจะบอกให้ก็ได้ว่าตั้งใจจะพูดอะไรตอนที่เข้าไปทักนาย”

“มะ… มึงแม่ง---”

โดนัทกระตุกคอเสื้อในมืออีกรอบเพื่อให้อีกฝ่ายเงียบ

“พี่ ปัน เป็น ของ ผม”

ถ้วยคำที่เน้นย้ำทีละคำดูดกลืนเสียงรอบกายไปจนหมด มีเพียงเสียงกลืนน้ำลายเอื๊อกหนึ่งมาจากหนึ่งในเพื่อนของแบงค์ที่เสื้อผ้าคลุกไปด้วยเศษดิน ส่วนคนที่โดนขู่ต่อหน้าน่ะแทบจะลืมหายใจไปแล้ว

“เข้าใจตรงกันแล้วเนอะ?” พูดยิ้มๆ ขณะปล่อยมือออกจากคอเสื้อของแบงค์แล้วหันหลังเดินกลับไปเตรียมขึ้นห้องเรียนที่ยังไงเขาก็สายคาบแรกในช่วงบ่ายอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่สำคัญเท่าไรนักหรอก

ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรู้ดีว่าสิ่งที่โดนัทพูดทิ้งท้ายเอาไว้ไม่ใช่ประโยคคำถาม

แต่เป็นการแจ้งให้ทราบต่างหาก





------------------------------------------
Talk: อื้อหือ.... บทนางจะมาทีก็แย่งซีนไปหมดเลยข่ะ อีหนูเอ๊ย 5555555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 31-08-2017 19:22:09
น้องโดแอบโหดใช้ได้
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-08-2017 19:52:52
แอบคิดนะนี่่ว่าถ้าคบกันจริงใครจะเป็นฝ่ายโดนกด ฮา
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 31-08-2017 20:21:05
เริ่มเห็นอนาคตของปันล่ะ น้องโดนัทน่ากลัวซะแบบนี้ ว่าที่เมียดูโหดมาก 5555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 31-08-2017 23:22:11
ไม่นะ....  พ่อเลี้ยง ลูกโข่งสิ ไม่เอาโดนัท
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-09-2017 02:53:47
โดนัททดีมากลูก ป้าว่าแล้วว่าป้ามองหนูไม่ผิด555


เราอยากให้คุณพ่อเป็นชายแท้ต่อไปจนจบเรื่องไปเลยมากกว่านะคะ น่ารักออก5555 และเราว่าบริษัทให้ทุนนี่ดูมีอะไร...
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 01-09-2017 05:21:17
ก็ไม่ได้เกลียดโดนัทนะ แต่โหดแบบนี้พี่ปันลำบากแน่ 55
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-09-2017 12:36:42
โดนัทเรามองเทอผิดไป ขอโทดดดด
เมื่อไหร่เราจะได้เจอของคุณพ่อบ้างเนี่ย รออยู่น้า
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 01-09-2017 20:55:37
คู่พ่อต้องเป็นเจ้าของบริษัทฯ. ที่ให้ทุนปันชิมิ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 01-09-2017 21:26:22
อือหือโดนัทลูก ทำไมหนูโหดงี้ ถ้าพี่ปันเป็นของหนูเมื่อไหร่สงสัยจะได้อยูาสมาคมคนกลัวเมียแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 02-09-2017 13:34:25
เริ่มออกทะเลละ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mutyamania ที่ 02-09-2017 15:55:27
ห้ามหักมุมให้โดนัทกดนะคะ กลัวใจคนแต่งมาก....
อ่านแหวกแนวมาเยอะแล้ว อยากอ่านแบบธรรมดาๆ ใสๆ บ้างง่ะ
55555+
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: greenoak004 ที่ 02-09-2017 17:07:25
1. หรือคุณพ่อกับปันปันจะไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆ
2. โดดี้เหมือนจะเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้เลย


หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 5) P.2 [31/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 06-09-2017 18:47:47

บทที่ 6



ผมว่าวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่กดดันสุดๆ ในชีวิตผม อาจจะรองลงมาจากวันที่ไอ้ปันจะคลอดก็ได้ เหงื่อนี่ไหลซึมเต็มมือไปหมด อุณหภูมิในร่างกายเย็นกว่าที่ควรจะเป็นอย่างน่าอัศจรรย์

ไม่อยากเชื่อว่าจะมีวันที่ผมนึกกังวลว่าลูกตัวเองจะมีแฟนขึ้นมาจริงๆ จังๆ ตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองจะได้ลูกชายยังคิดอยู่เลยว่าโชคดี ไม่ต้องมานั่งห่วงจนปวดกบาลแบบได้ลูกสาว แต่ไอ้สถานการณ์ตอนนี้นี่มันยังไง กังวลจนใจสั่นไม่รู้กี่ริกเตอร์แล้วเนี่ย

แกร๊ก

"เฮ้ย!?"
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อประตูถูกเปิดออกต่อหน้าต่อตาพร้อมกับร่างสูงของลูกชายที่ก้าวออกมา ปัญญาชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม สายตาเหลือบลงมองถาดที่มีเหยือกน้ำเย็น แก้วเปล่าสองใบ แล้วก็ขนมถุงเล็กๆ อีกสามถุงเห็นแบบนั้นแล้วเจ้าตัวดีก็ยิ้มร่าอย่างพึงพอใจทันทีแม้ปากจะว่า

"พ่อไม่น่าลำบากเลยฮะ ผมกำลังจะเดินลงไปเอาพอดี"

"ไม่เป็นไรหรอก แล้วนี่เพื่อนเป็นไง" ต้องเน้นย้ำคำว่าเพื่อนไว้ก่อนครับ ไม่ได้หรอก อีกอย่างยังไงทั้งสองคนก็ยังไม่ได้คบกันเสียหน่อย

"ก็ปกตินี่ครับ น้องเขาเพิ่งจะมาถึงเองนะ แต่เราตั้งใจจะดูเลขกับสังคมก่อนช่วงเช้า แล้วตอนบ่ายค่อยไปวิทย์กับอังกฤษ"

"ดูหนังสือกันแน่นะ?" ผมถามอย่างไม่ไว้ใจ ปัญญาหรี่ตาลงอย่างเซ็งๆ กับท่าทีนั้นของผม ก่อนเจ้าตัวจะเปิดประตูให้

"ถ้าสงสัยขนาดนั้นก็เข้ามาเลยครับ ผมบอกแล้วไงว่าแค่ติวหนังสือให้น้องจริงๆ"

ปัญญาเอาโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กมาเปิดกางบนพื้นแล้ววางชีทเอกสารกับหนังสือกองโตไว้ด้านบน โดนัทเงยหน้าขึ้นมาจากกองงานตัวเองขึ้นมาส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มนั่นทำเอาผมชะงักไปด้วยเหตุผลสองอย่าง หนึ่งคือมันสดใสและอ่อนหวานแบบที่ทำให้ผมเกือบ (แค่เกือบนะ) จะเข้าใจว่าทำไมไอ้ปันถึงได้หลงรักเด็กคนนี้ สองคือเพราะผมตั้งใจจะจับผิดเด็กทั้งสองเต็มที่ แต่เห็นรอยยิ้มนั่นแล้วทำเอารู้สึกผิดขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะดูยังไงทั้งสองคนก็ตั้งใจจะมาติวหนังสือด้วยกันจริงๆ

"เออ พ่อ โดนัทเขาเอาขนมมาฝาก พอดีพ่อเขาไปญี่ปุ่นมาน่ะ พ่อลองเอาไปชิมก่อนนะ เหลือไว้ให้ผมด้วยล่ะ"

ขนมกล่องสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ A4 ถูกห่อด้วยกระดาษอย่างดี บนหน้ากล่องมีตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นที่ผมอ่านไม่ออก แต่รูปที่อยู่ติดๆ กันก็พอจะทำให้เดาได้ว่าด้านในคงเป็นขนมจำพวกโมจิสอดไส้ เยี่ยมเลย ผมกับปันชอบทานขนมญี่ปุ่น เวลาที่โยชิดะซังบินกลับบ้านเกิดก็มักจะถือติดมือมาฝากผมกับไอ้ปันด้วย กลายเป็นว่าเราสองคนติดใจกันไปเลย

และเพราะความลิงโลดนั้นเองที่ทำให้ผมลืมตัวขนาดยิ้มตอบกลับไป "ขอบคุณนะครับ โดนัท ฝากขอบคุณคุณพ่อด้วยนะ"

"ครับผม ไม่มีปัญหาฮะ"

เห็นรอยยิ้มหวานๆ นั่นแล้วถึงเพิ่งรู้สึกตัว แว้ก ผมก็แค่ขอบคุณตามมารยาทเจ้าบ้านที่ดีนะ เข้าใจไหม ยังไม่ได้ยอมรับเรื่องของสองคนนี้หรอกนะ!

ผมเดินกลับลงมาทำงานบ้านที่ทำค้างอยู่ต่อจนเสร็จ ชงกาแฟให้ตัวเองแล้วแกะกล่องขนมที่เพิ่งได้มาชิมชิ้นหนึ่ง เปิดดูการ์ตูนสักเรื่องที่ไอ้ปันอัดใส่มาให้ล่าสุด นั่งแช่อยู่แบบนั้นครู่ใหญ่ เดินไปหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดกางแล้วทำงานที่ค้างอยู่อีกนิด เหลือบมองนาฬิกาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงตรงแล้ว คิดว่าจะพาเด็กทั้งสองไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าอร่อยที่ต้องขับรถไปประมาณสิบนาที ไม่รู้ว่าจะโอเคกันไหม

ว่าแล้วผมก็เดินขึ้นชั้นสองไปเคาะประตูห้องไอ้ปัน เปิดเข้าไปกำลังจะอ้าปากถามว่ากลางวันนี้กินก๋วยเตี๋ยวกันไหม หากคำพูดประโยคนั้นก็ต้องค้างอยู่ที่ปลายลิ้นเมื่อร่างกายท่อนบนของเพื่อนรุ่นน้องของไอ้ปันอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เผยให้เห็นผิวขาวเนียนและกล้ามเนื้อหน้าท้องที่มีมากกว่าที่คิดหากเทียบกับตอนที่เจ้าตัวใส่เสื้อปกปิด

แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่านั้นคือใบหน้าแดงก่ำของโดนัทที่ก้มหน้างุดๆ หนีลูกชายผม ความคิดที่ว่าไอ้ตัวแสบอาจจะใช้กำลังกับอีกฝ่ายแทบทำให้ผมเป็นลม และก่อนที่ผมจะได้ทันโวยวายอะไรปัญญาก็ส่งเสื้อตัวหนึ่งจากตู้เสื้อผ้าให้เพื่อนรุ่นน้องแล้วลากผมออกมาจากห้อง ดึงมาที่ห้องนอนใหญ่ของผมแทน เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมหาเสียงตัวเองเจอพอดี

"ไอ้ปัน แกคิดจะทำอะไร" ผมว่า ไม่สนท่าทางมันที่พยายามยกมือห้ามให้ผมหยุดพูด "ถึงน้องเขาจะเป็นผู้ชาย แต่เขาก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่นะโว้ย แกจะไปถอดเสื้อผ้าเขาแบบนั้นไม่ได้"

"พ่อ ใจเย็นก่อน" น้ำเสียงเจ้าตัวทั้งฉุนทั้งขำ "ผมไม่ได้ทำอะไรโดนัทเลย แค่น้ำมันหกใส่เสื้อน้องเขา ผมเลยบอกให้เขาถอดออกเท่านั้นเอง"

"น้ำหก?" พูดเป็นการ์ตูนตาหวานไปได้ "แกเลยให้น้องเขาถอดเสื้อเนี่ยนะ?"

"มันเปียกเยอะมากเลยนะ พ่อ ขืนปล่อยไว้งั้นแล้วตากแอร์ต่อเดี๋ยวไม่สบายกันพอดี"

"แล้วทำยังไงให้น้ำหก"

"เอ่อ ก็ ผมทำหกใส่เอง"

“นี่แกตั้งใจรึเปล่าเนี่ย”

“พ่อ” ปัญญาอดกลอกตาขึ้นบนไม่ได้ “ถ้าผมสัปดนขนาดนั้น ผมจับน้องปล้ำเลยไม่ดีกว่าเหรอ มาอยู่ถึงในห้องขนาดนี้แล้ว”

“ไอ้ปัน!” ก็เพราะวิธีการพูดแบบนี้ของมันนี่แหละที่ทำให้กลัวใจ วัยนี้ยิ่งคึกๆ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังอยู่

“รู้แล้วๆๆ ผมล้อเล่นครับพ่อ” เจ้าตัวรีบยกสองมือขึ้นมาเป็นเชิงห้าม “แต่นี่ผมแค่ทำน้ำหกใส่น้องเขาจริงๆ เลยเอาเสื้อให้เขาเปลี่ยนเฉยๆ แล้วนี่พ่อจะพาเราไปกินข้าวกลางวันที่ไหนครับ”

“ว่าจะพาไปกินก๋วยเตี๋ยวตรงซอยเจ็ด น้องกินได้ไหม”

“เดี๋ยวผมถามให้ แต่น่าจะได้แหละ” พูดพลางหมุนตัวเตรียมจะเดินกลับ ผมรีบคว้าแขนมันแล้วพูดสำทับทันที

“ปัน… พ่อไม่ได้ล้อเล่นนะ เรื่องแบบนี้น่ะ ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เข้าใจไหม แล้วนี่ถึงจะบอกว่าผู้ชายด้วยกันยังไงก็ไม่ท้องแน่ แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงอะไรเลย ยิ่งพวกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่น่ากลัวๆ แล้วก็อันตรายถึงชีวิตน่ะ ถ้าเกิดว่าไม่ศึกษาหาทางป้องกันดีๆ เดี๋ยวจะ--”

“โว้ๆๆ พ่อ ใจเย็น” ปัญญาชูแขนสองข้างขึ้นเหนือหัวเป็นเชิงขอเวลานอก สีหน้าเจ้าตัวแดงระเรื่อขึ้นมานิดหนึ่ง “ผมกับโดนัทยังไม่มีอะไรกันทั้งนั้นแหละ ตกลงไหมครับ จับมือยังไม่เคยเลย เป็นแฟนก็ยังไม่ได้ขอ”

“ฉันจะไปรู้แกเหรอ ท่าทางแบบแกดูทำอะไรน่าไว้ใจที่ไหน”

แล้วผมก็ต้องไหวตัวเมื่อไอ้ตัวแสบเลื่อนแขนมาโอบรอบตัวผม

“พ่อไม่ต้องกังวลหรอกน่า ผมไม่ทำให้พ่อเป็นห่วงหรอก โอเคนะ?”

โอเคบ้านพ่อสิ… เออ แต่พ่อมันก็ผมนี่หว่า

“ให้มันจริงอย่างที่พูดเถอะ”

“ไว้ใจกันหน่อยสิครับ” มันก็พูดง่ายสิ ลองมาเป็นผมที่เพิ่งเปิดประตูเข้าไปเจอลูกชายตัวเองกับคนอีกคนที่เจ้าตัวชอบเปลือยท่อนบนแบบนั้นดูสิ… โอย ตาย สงสัยต้องสั่งให้มันแง้มประตูทิ้งไว้แล้วมั้งเนี่ย เกิดมันมีอะไรเกินเลยขึ้นมาจะทำยังไง… นี่ขนาดแม่งเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ! ผมยังกังวลขนาดนี้

ผมพาเด็กหนุ่มทั้งคู่ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ถัดมาไม่กี่ซอย สำรวจโดนัทอย่างถี่ถ้วนกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ของไอ้ปัน แต่ก็ไม่ถึงกับจับผิด ผมว่าผมกำลังจับผิดลูกชายตัวเองมากกว่าที่ชอบไปลูบหัวรุ่นน้องบ้าง แตะไหล่ แตะตัวตอนอีกฝ่ายเผลอ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายก็เถอะ แต่ทำตัวรุ่มร่ามกับคนที่ตัวเองกำลังตามจีบแบบนั้นได้ไง

แต่ อืม… โดนัทเองก็ดูไม่ได้อนาทรร้อนใจอะไรกับเรื่องนั้นเท่าไร เออ หรือผมจะยุ่งไม่เข้าเรื่องเองวะ

“เอ้า นี่ โดนัท พี่เอาลูกชิ้นปิ้งมาเผื่อ ทานเยอะๆ นะ อยากได้อะไรอีกก็บอก”

“ขอบคุณครับ”

“กินเสร็จแล้วโดอยากกินเฉาก๊วยนมสดต่อไหม ร้านตรงนั้นน่ะอร่อยมาก ถ้ากลัวกินไม่หมดจะซื้อมาแบ่งกันกินก็ได้”

เออเว้ย ไอ้นี่ก็ชอบไปเซ้าซี้น้อง โดนัทก็แทบไม่ตอบโต้อะไร แค่ตอบรับสั้นๆ แล้วก็ยิ้มลูกเดียว บ๊ะ มันจะคุยกันรู้เรื่องไหมสองคนนี้

“ว่าแต่โดนัทเล่นกีฬาอะไรหรือเปล่าครับ” ผมเอ่ยปากถามเพื่อขัดบทสนทนาของเด็กทั้งสองคนบ้าง ยิ่งเห็นไอ้ปันกำลังพาบทสนทนาไปสู่อะไรที่คล้ายๆ กับการจีบหญิงแล้วมันอดไม่อยู่ ถึงผมจะไม่ได้กีดกันหรือเจ้ากี้เจ้าการอะไร แต่มาเห็นลูกชายแสดงความเป็นเกย์ออกมาขนาดนี้ก็ขัดใจเว้ย

“อ้อ ครับ ผมเล่นเทควันโด”

“หืม” หน้าตากับหุ่นไม่ให้เท่าไร แต่ก็อธิบายเรื่องกล้ามเนื้อหน้าท้องของเจ้าตัวได้อยู่

“นี่ พ่อ พ่อไม่รู้หรอกเหรอ” ปัญญาทำตาโต “โดนัทมันเป็นนักกีฬาทีมชาติเลยนะ ผมไม่เคยเล่าให้พ่อฟังหรอกเหรอ”

“หา??” ชิบหาย นี่คนที่ลูกผมคั่วอยู่เก่งขนาดนั้นเลยเรอะ ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน

“ชื่อจริงของโดคือณัฐภัทร เขตผดุง… อย่าบอกนะว่าพ่อไม่เคยเห็นตามข่าว”

“แค่ก…” ถึงกับสำลักเส้นเล็กที่เพิ่งยัดเข้าปากไปเลยครับ เฮ้ย! นั่นมันชื่อนักกีฬาที่ไปคว้าเหรียญเงินมาในการแข่งขันระดับภูมิภาคเอเชียอะไรสักอย่างมาไม่ใช่เหรอนั่น ผมว่าผมก็เคยเห็นเจ้าตัวแว้บๆ ตามข่าวกีฬานะ มันหน้าหวานขนาดนี้เลยเหรอ?

“มันก็ไม่ใช่อะไรใหญ่โตขนาดนั้นหรอกครับ” โดนัทรีบว่าทันทีเมื่อเห็นสายตาชื่นชมของพวกเราสองพ่อลูก “ผมยังต้องฝึกอีกเยอะ นี่เห็นทางผู้ใหญ่คุยกันเหมือนกันว่าปิดเทอมจะให้ไปฝึกที่เกาหลีสักเดือน”

“สุดยอด” ปัญญาคราง จากนั้นก็หันมาทางผมเหมือนจะภูมิใจนำเสนอ… เออ คนที่ตัวเองชอบอย่างออกหน้าออกตา “พ่อว่างั้นไหมฮะ โดสุดยอดจริงๆ เนอะ”

“เออๆ” ไอ้สุดยอดมันก็สุดยอด แต่เรื่องที่มันเป็นผู้ชายและลูกผมก็เป็นผู้ชายนี่อีกเรื่อง เออ แต่อย่างน้อยก็เบาใจไปได้อย่างหนึ่งว่าไอ้ปันคงไม่ทำอะไรบ้าๆ เพราะอีกฝ่ายคงเตะก้านคอลูกชายผมให้ล้มพับไปได้ หรือว่ามันจะเป็นห่วงไปอีกแบบหว่า? “แล้วนี่ต้องคอยไปซ้อมอะไรรึเปล่าครับเนี่ย พวกนักกีฬาพวกนี้น่าจะมีซ้อมเยอะ”

“ครับ ผมมีตารางซ้อมอยู่แล้ว แต่ก็พยายามไม่แบ่งกับเวลาเรียนแล้วก็เวลาส่วนตัวดีๆ จริงสิ ยิมที่ผมใช้ซ้อมบ่อยๆ อยู่แถวๆ นี้เอง ไว้คราวหน้าพี่ปันมาดูผมซ้อมสิครับ หรือจะมาลองเล่นด้วยกันเลยก็ได้นะ”

“พูดจริงน่ะ?” ไอ้ตัวแสบทำหน้าตื่นเต้น ไม่ได้เจียมตัวเล้ยว่าได้กีฬาชนิดนี้แค่พอแตะๆ พื้นฐานเท่านั้น

“อย่าเล้ย ไอ้ปัน แกไปก็ถ่วงน้องเขาเปล่าๆ พื้นฐานที่เคยเรียนมาลืมหมดแล้วมั้งนั่น”

ถึงตรงนี้เด็กหนุ่มก็กระพริบตาปริบๆ “ผมเคยเรียนเทควันโดด้วยเหรอครับ?”

เอ้า เอาเข้าไป แค่เรื่องที่ว่ามันเคยเรียนมันยังจำไม่ได้เลย

“เคย… แต่หลายปีล่ะ ตอนเด็กๆ แกไฮเปอร์จะตาย อยากจะเรียนนั่นเรียนนี่ ตอนนั้นนี่แทบต้องเอาบ้านไปจำนองเพื่อมาจ่ายค่าเรียนให้แก”

“โหย พ่อ ก็ผมชอบลองอะไรใหม่ๆ ไง”

เออ ดูจากรสนิยมเลือกคนที่ชอบก็พอจะรู้

“มาดูเฉยๆ ก็ได้ครับ พี่ปัน มาให้กำลังใจผมไง” พูดพลางส่งยิ้มหวานให้ไอ้ตัวแสบที่ตอนนี้หน้าแดงไปเรียบร้อยแล้ว เอาว่ะเห้ย หรือว่าลูกผมจะจีบเด็กคนนี้ติดจริงๆ วะเนี่ย ชิบหายล่ะ

โดนัทหันมาทางผมต่อด้วยรอยยิ้มที่ยังประดับบนใบหน้า “คุณน้าก็เหมือนกันนะครับ ถ้าอยากแวะมาก็มาได้ ผมจะบอกทางผู้ใหญ่ไว้ให้”

“พี่จะหาเวลาไปแน่” ปัญญาหมายมั่นปั้นมือ “เดี๋ยวลากพ่อไปดูด้วย ไม่ต้องห่วง พ่อพี่จะได้รู้สักทีว่าโดเจ๋งแค่ไหน”

โอ๊ย จะจีบกันก็ช่วยไปจีบให้พ้นๆ สายตาหน่อยเท้อ… นี่ขนาดผมบอกมันว่ายังไม่ยอมรับนะเนี่ย!





หลังจากที่ผมอยู่โยงทำโอทีมาสองชั่วโมงก็ได้เวลาเดินสะโหลสะเหลเตรียมกลับบ้าน ระหว่างที่ใส่รองเท้าที่ดึงออกมาจากชั้นวางส่วนของตัวเอง เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“อ้าว ดล วันนี้งานหนักเหรอครับ หน้าตาดูเหนื่อยเชียว”

“...ก้อง” เพื่อนร่วมงานต่างแผนกของผมนี่เอง เจ้าตัวยังอยู่ในเสื้อผ้าเรียบกริบกับรอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าทั้งๆ ที่นี่เลยเวลาเลิกงานจริงๆ มาสองชั่วโมงแล้ว บ่งบอกให้เห็นความสดใสและสุขภาพดีของเจ้าตัวจริงๆ ทั้งที่ไอ้หมอนี่อายุพอๆ กับผมแท้ๆ เห็นแล้วน่าอิจฉา

ชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับหยิบรองเท้าที่อยู่ชั้นวางข้างๆ กับของผมลงมาสวม ปากก็พูดไม่หยุด

“ว่าไงครับ เจองาน NG หรือว่ายังไงวันนี้ หรือโดนลูกค้าเคลม?”

“ลูกค้าเคลม… โดนโยชิดะซังด่าซะหูดับ” ผมพูดเนือยๆ อย่างรู้ดีว่าประธานของเขาบทจะดีก็แสนดี โกรธขึ้นมาทีก็พินาศวอดวายไปตามๆ กัน

“ว้า แย่จัง วันนี้ผมไม่อยู่ในสำนักงานเลยไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย”

“ไม่อยู่น่ะดีแล้ว” พูดพร้อมกับมองคนข้างตัวอย่างนึกขึ้นได้ “ว่าแต่นี่ทำโอทีกับเขาด้วยเหรอ ทุกทีเห็นกลับบ้านตรงเวลาประจำ”

“โหย  ผมก็มีช่วงที่ต้องทำโอทีบ้างเหมือนกันนะครับ ว่าแต่นี่รีบกลับรึเปล่า ถ้ายังไงแวะทานข้าวด้วยกันหน่อยไหม ผมว่าจะไปร้านสเต๊กที่อยู่ถัดจากปั๊มปตท. ไป”

ผมพยักหน้าอย่างรู้จักร้านที่เจ้าตัวพูดถึงดี จริงๆ แล้วร้านนั้นขายอาหารค่อนข้างหลากหลาย แต่สิ่งที่ดูขึ้นชื่อที่สุดก็เหมือนจะเป็นสเต๊กหลากหลายเมนูนั่นแหละ

“ผมมีบัตรลดครับ เพิ่งได้มาจากที่ไปกินมาคราวก่อน”

โอ้โห แล้วก็ไม่บอกมาแต่แรก ไปสิครับ รออะไรล่ะแบบนี้

ผมขับมาถึงร้านที่ว่าหลังคนชวนประมาณห้านาที เดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ในร้านค่อนข้างพลุกพล่านไปด้วยผู้คนเพราะเป็นเวลาที่เหมาะแก่การกินมื้อเย็นพอดี

“เบียร์ไหมครับ?” อีกฝ่ายเอ่ยปากถาม ผมส่ายหน้า ก่อนจะรีบเอ็ดอีกฝ่าย

“ไม่ต้องเลย นายก็เหมือนกัน พรุ่งนี้ต้องทำงานนะ สั่งโค้กไป หรือไม่ก็น้ำผลไม้ปั่นนู่น”

“โห เคี่ยวจัง” พูดเหมือนกล่าวหาแต่ก้องก็หัวเราะ “งั้นผมกินน้ำแตงโมปั่นดีกว่า ดลเอาอะไรดีครับ”

“น้ำเปล่า” เครื่องดื่มชนิดนี้แน่นอนที่สุดแล้วครับ นอกจากจะช่วยให้สดชื่นแล้วยังไม่ทำให้อ้วนอีกด้วย แถมยังถูกที่สุดอีกต่างหาก

ผมกับก้องคุยกันเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยระหว่างรออาหาร ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ทำงาน เรื่องลูกค้า เรื่องคนในแผนก และเมื่อสเต๊คปลาของผมมาวางลงตรงหน้าผมก็เริ่มจัดการมันทันที ตอนนั้นเองที่ก้องทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

“เออ ใช่ นี่ ลูกสาวผมส่งนี่มาให้ดูล่ะ”

“หืม? อะไรครับ” ผมถามอย่างแปลกใจก่อนจะรับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่เจ้าตัวยื่นมาให้ ก่อนจะต้องเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็นอยู่บนจอโทรศัพท์

นั่นมัน… ไม่ผิดแน่ ลูกชายตัวดีของผมกับโดนัทนั่นเอง นั่นเป็นรูปที่ปัญญาก้มตัวลงคุกเข่าเสมือนยอมศิโรราบให้อีกฝ่ายขณะผูกเชือกรองเท้าให้เด็กหนุ่มอีกคนโดยมีผู้คนที่อยู่แถวนั้นเหลือบมองมาอย่างสนใจ

เออ นี่มันคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายแล้วโดนัทเป็นเจ้าหญิงซินเดอเรลล่าหรืออะไร แถมยังต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้!

“นี่ยังมีอีกตั้งหลายรูปนะครับ ณริบอกว่าถ้ากดหาแฮชแท็กนี้จะมีรูปคู่ของสองคนนี้เต็มเลย”

ผมไม่แน่ใจว่าไอ้แฮชแท็กที่ว่าหมายความว่ายังไง แต่ก้องก็สาธิตให้ผมดูจากนั้นก็โชว์รูปคู่ของปัญญากับโดนัทในมุมต่างๆ ส่วนมากจะเป็นรูปแอบถ่ายทั้งสิ้น ซึ่งถึงแม้ในรูปจะดูไม่มีอะไรเลย แค่ทั้งสองคนดู เอ่อ สนิทสนมกันมากกว่าเพื่อนทั่วๆ ไปนิดหน่อย แต่มุมกล้องกับเทคนิคการแต่งภาพก็ทำให้ทั้งคู่ดูกลายเป็นคู่รักขึ้นมาทันที

...อยากจะเป็นลม

“ทำหน้าแบบนี้แปลว่าดลยังไม่เคยเห็นรูปพวกนี้ล่ะสิ” ก้องพูดพร้อมกับหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี รับโทรศัพท์ที่ผมยื่นกลับไปให้อย่างง่ายดาย “แต่ลูกนายนี่คนดังจริงๆ นะ ดล แค่ขยับตัวนิดหน่อยก็โดนเก็บภาพซะแล้ว ว่าแต่คนในรูปที่คู่กับน้องปันนี่ใครครับ แฟนเขาเหรอ”

“แฟน…?” รู้สึกได้เลยว่าหน้าตัวเองซีดลงตอนพูดคำนั้นออกไป ก่อนจะรีบส่ายหน้ารัวๆ “เปล่า… ไม่ สองคนนั้นไม่ใช่แฟนกัน”

“อ้าว เหรอครับ” เจ้าตัวดูดน้ำแตงโมของตัวเอง “ผมนึกว่าใช่แน่ๆ เสียอีก นี่แปลว่าลูกผมก็เข้าใจผิดด้วยเหรอ”

“นี่ เดี๋ยวก่อนนะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย สีหน้าและน้ำเสียงเป็นจริงเป็นจัง “มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอกับไอ้ความคิดที่ว่าผู้ชายสองคนจะเป็นแฟนกัน บางทีเขาอาจจะแค่สนิทกันมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ก็เท่านั้นไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นต้องคิดไปว่าเป็นแฟนก็ได้นี่”

“อ้าว ก็เห็นจากในรูปแล้วดูสนิทกันเกินเพื่อนไปแล้วนี่ คนเขาก็ต้องคิดเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอครับ”

“คิดเป็นแบบนั้นเนี่ยนะ?” ยกมือกุมหัวอีกรอบแป๊บ ท่าทีแบบนั้นทำให้ก้องเริ่มจะเข้าใจว่าแล้วว่าผมจะสื่อว่ายังไง

“ดล นายรับเรื่องทำนองนี้ไม่ได้เหรอ”

ผมหรี่ตาลง ถอนหายใจเฮือกอย่างยอมแพ้แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย ก้องจึงเริ่มรุกต่อ

“ว่าไงครับ สรุปน้องปันนี่… เป็นใช่รึเปล่า แล้วเด็กคนนี้ก็แฟนน้อง?”

“ไม่ใช่แฟน” ตราบใดที่ทั้งสองคนนี้ยังไม่ได้คบกันก็ไม่ใช่เว้ย! “ส่วนเรื่องที่ไอ้ปันเป็น… เอ่อ อืม มันก็เป็นจริงๆ นั่นแหละ อย่างที่นายว่า”

“แล้วนายรู้ได้ไง”

“ก็มันมาบอกผมเอง”

ก้องทำเสียงอุทานเหมือนเหลือเชื่อ พิงหลังลงไปบนพนักเก้าอี้ “น้องปันนี่ใจกล้าจัง แล้วนายว่าไง”

“ผมบอกผมรับไม่ได้”

“พูดตรงๆ แบบนั้นเลยเหรอครับ?”

ผมยักไหล่ “จะเสียเวลาอ้อมค้อมทำไมล่ะ”

“น้องคงเสียใจแย่”

คำพูดง่ายๆ นั่นทำเอาผมจุกขึ้นมานิดหนึ่ง ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้หรอกนะว่าปันมันจะเสียใจ… แต่ผมก็เสียใจเป็นเหมือนกันนะ

“ทำไมต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากด้วยครับ ดล” ก้องว่า เริ่มหั่นสเต๊กชิ้นต่อไปเข้าปาก กลืนลงคออย่างรวดเร็วก่อนจะว่าต่อ “สมัยนี้แล้ว เรื่องเพศที่สามก็ออกจะยอมรับกันอย่างเปิดกว้าง นายก็น่าจะลองเปิดใจรับเรื่องลูกชายบ้าง”

“นายก็พูดง่ายสิ” ก็ไม่ใช่ลูกตัวเองนี่ที่เป็น “ผมเองก็ไม่ได้รังเกียจเพศที่สามหรืออะไรหรอกนะ แต่กับลูกตัวเองมันก็คนละแบบกัน”

“มันเหมือนกันนั่นแหละครับ นายคิดมากไปเองมากกว่า”

ผมขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาก่อนจะถามกลับอย่างท้าทาย “แล้วถ้าน้องณริ ลูกสาวของนายเดินมาบอกว่าเขาชอบผู้หญิงขึ้นมา นายจะรับได้เหรอ”

“รับได้สิครับ”

เหอะ ก็พูดไป๊

“อ้าว ทำหน้าแบบนั้น ไม่เชื่อกันล่ะสิ ผมจะบอกอะไรให้นะ ถ้ามันเป็นความสุขของลูกน่ะ ผมรับได้หมดนั่นแหละ อีกอย่างเรื่องแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย ลูกผมก็ยังเป็นคนดี… เป็นเด็กดีได้นะ ต่อให้แกจะไปชอบเพศไหน แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรนอกเหนือจากนั้นนี่”

“หืม” ผมครางในลำคอ นึกไม่ถึงว่าก้องจะพูดออกมามากมายขนาดนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเราสองคนจะเรียกว่าคนแปลกหน้าก็ไม่ใช่ สนิทก็ไม่เชิง ยิ่งเพราะทำงานกันคนละแผนก แต่ผมก็ยอมรับว่าคุยกับหมอนี่แล้วสบายใจดีแหละนะ

ผมมีครอบครัวเหลือแค่คนเดียวคือไอ้ปัน… เพราะงั้นบางทีการได้คนอื่นมารับฟังเรื่องราวของตัวเองบ้างก็เป็นอะไรที่ไม่เลวเหมือนกัน และถึงความเห็นเราสองคนจะต่าง แต่อย่างน้อย… จุดเชื่อมโยงบางอย่างของคนเป็นพ่อก็ทำให้เราคุยกันได้ และบางทีผมน่าจะเก็บเอาเรื่องที่ก้องพูดไปคิดสักนิดหนึ่ง

“เอาล่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้ว งั้นก็เช็คบิลเลยนะครับ ส่วนนี่บัตรลด ดลเอามาให้ผมแค่ร้อยเดียวก็พอ ที่เหลือผมออกเอง”

“เฮ้ย ได้ไง บัตรลดนั่นก็ของนายแล้วนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าคราวหน้านายเลี้ยงผมก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นก็เลี้ยงเบียร์ผมด้วยแล้วกันนะ”

ไอ้หมอนี่นี่มันเหลือเกินจริงๆ






------------------------------------------
Talk: ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านมากๆ เลยนะคะ ทุกคอมเม้นท์เป็นกำลังใจที่ดีมากเลย ^^ ส่วนเรื่องคู่ที่ทุกคนถามกันมา... เอาเป็นว่าเรามาติดตามดูไปพร้อมๆ กันดีกว่าค่ะว่าเรื่องจะไปทิศทางไหน จริงๆ ผ่านมา 6 บทแล้ว หลายๆ คนก็น่าจะเดาได้แล้วแหละ ยังไงก็ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-09-2017 20:29:33
เราเดาไม่ออกอะ แต่แอบจิ้นคุณพ่อกับโดนัทอะ อร๊ายยยยยยยยยยยย   :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-09-2017 20:41:44
ช่วง คุณพ่อทอร์กกิ้ง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 06-09-2017 20:42:21
บอกตรงๆ ยังเดาไม่ออกเช่นกัน แต่ดูท่าทางโดนัทอาจเป็นรุก 55555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 06-09-2017 21:18:01
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 06-09-2017 21:56:30
มีตัวช่วยเยอะนะปัน
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-09-2017 22:39:45
ก้อง จะช่วยพูดให้ดล รับเรื่องลูกเป็นเกย์ ได้มั้ยนะ

แอบคิดว่าก้อง ติดไรๆกับดล
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: greenoak004 ที่ 07-09-2017 00:04:16
ก้องชวนดลมากินข้าวแบบมีจุดประสงค์แอบแฝง
การเอารูปปันปันกับโดนัทให้ดลดูเราว่าไม่โอเค
คิดดูถ้าดลไม่รู้เรื่องว่าปันปันเป็นเกย์มาก่อน มีหวัง
กลับบ้านไปปันปันตายแน่
ถึงแม้จะเรียกว่าหวังดี แต่เราว่าไม่ควร
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 07-09-2017 05:51:04
อืม... เราไม่ค่อยโอเคกะการที่ก้องเอารูปปันมาให้คุณพ่อดูเลย.. นี่คือรู้มาก่อน ถ้าไม่รู้บ้านไม่แตกเหรอคะ?
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 07-09-2017 17:34:31
ใครคู่ใคร เดาไม่ออก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-09-2017 18:02:31
หวังว่า คุณพ่อจะเปิดใจรับได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมนะคะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 07-09-2017 19:57:56
จริงๆ ก็เคารพคนแต่งนะครับว่าจะเขียนให้เรื่องนี้ไปในทิศทางแบบไหน แต่พอเห็นบทนี้ให้ความสำคัญกับความคิดของพ่อ ก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา ถ้าเรื่องนี้จะต้องไปเป็นแนว incest จริงๆ เรื่องชู้สาวที่เข้ามาเกี่ยวมันจะทำให้เสียนัยยะอันสวยงาม ที่พูดถึงการที่คนเป็นพ่อจะก้าวข้ามผ่านกรอบความคิดตัวเอง เพื่อยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-09-2017 00:15:40
อยากรู้คู่พ่อดลอ่ะ กามเทพ จะส่งเทพบุตรคนใหนมาเปลี่ยนความคิดของพ่อดลน๊อ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: greenoak004 ที่ 11-09-2017 18:11:02
ตอนใหม่มาได้แล้ว รอนานแล้วนา
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 6) P.3 [6/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 12-09-2017 16:48:53

บทที่ 7




"โดนัท นี่ พ่อพี่ให้เอามาให้ ตอบแทนเรื่องขนมคราวก่อน"

"ขอบคุณมากครับ" เด็กหนุ่มยิ้มหวานขณะรับถุงที่ใส่กล่องขนมคุกกี้นมสดอย่างดีให้ เจ้าตัวแง้มปากถุงดูข้างในนิดหนึ่ง "จริงๆ น้าดลไม่ต้องลำบากก็ได้ ผมแค่ตั้งใจเอาไปฝากเฉยๆ เอง"

"เถอะน่า พ่อพี่ตั้งใจเอามาให้ ลองชิมดู เจ้านี้น่ะอร่อยมาก ชอบซื้อมาให้กินประจำ"

 "ขอบคุณครับ" เจ้าตัวว่า "พี่ปันนี่สนิทกับคุณพ่อสินะฮะ"

"สนิทไหมเหรอ" เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นนิดหนึ่ง "จะว่ายังไงล่ะ เมื่อก่อนเคยสนิทกว่านี้ แต่ช่วงนี้ห่างๆ ไปบ้าง แต่ก็น่าจะเรียกได้ว่าสนิทอยู่มั้ง ก็มีกันแค่สองคนด้วยนี่นะ"

"แล้ว เอ่อ ขอเสียมารยาทถามได้ไหมฮะว่าแม่พี่ปัน--"

"อ้อ เสียไปตั้งแต่คลอดพี่ได้ไม่กี่เดือนแล้ว ร่างกายอ่อนแอ โรคแทรกซ้อนน่ะ"

"เสียใจด้วยนะครับ"

"เรื่องมันนานแล้ว" ปัญญาฉีกยิ้มกว้างให้รุ่นน้องอย่างอารมณ์ดี "อีกอย่าง... พ่อพี่ทำหน้าที่ดีน่ะ"

"ดีจังเลยนะครับ ถึงจะอยู่กันแค่สองคนแต่ก็ดูอบอุ่นดี"

"แล้วบ้านโดล่ะ? มีกี่คน มีพี่น้องรึเปล่าเนี่ย"

"อืม จะว่ายังไงดีนะ ผมมีพี่สาวที่ไม่ได้เป็นพี่แท้ๆ คนหนึ่งน่ะ"

"ลูกพี่ลูกน้องเหรอ?"

"ไม่ใช่ครับ พี่สาวต่างสายเลือดน่ะ"

ปัญญานิ่งไปนิดหนึ่ง สมองพยายามประมวลผลของคำบอกเล่านั้น

"แบบว่า ป๊าผมแต่งงานใหม่น่ะครับ แล้วพี่สาวก็เป็นลูกติดมากับแม่เลี้ยงผมน่ะ"

"อ้อ" ปันลากเสียงยาวอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี หันมองคนข้างตัวด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน "แล้ว เอ่อ แม่นาย--"

"ม๊าจริงๆ ของผมขอหย่ากับพ่อน่ะครับ ตอนนี้แต่งงานมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว แต่ยังสบายดี ไม่ได้เสียแล้วแบบแม่ของพี่ปันหรอก"

"อ้อ" เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปบีบไหล่อีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว "เสียใจด้วยนะ"

"ไม่หรอกครับ เหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วมากกว่า" โดนัทพูดกลั้วหัวเราะอย่างไม่ทุกข์ร้อน "เพื่อนที่ผมรู้จักก็มีตั้งเยอะแยะที่พ่อแม่หย่ากัน ปกติจะตาย"

"มันก็ใช่อยู่หรอก" ปัญญาว่า แต่ด้วยความที่พ่อของเขาแสดงออกชัดเจนว่ารักแม่มาก ขนาดไม่เคยชายตามองหาผู้หญิงคนอื่นแม้ว่าแม่จะเสียไปแล้วเลย เพราะงั้นเขาถึงนึกไม่ออกว่ามันรู้สึกยังไงกับการที่ต้องมารับรู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองต่างไม่ได้รักซึ่งกันและกันแล้ว "แล้วแม่เลี้ยงกับพี่สาวนายใจดีรึเปล่า คงไม่ใช่แบบในการ์ตูนสโนไวท์นะ"

ใบหน้าหวานหันกลับมามองคนพูดด้วยตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างงงๆ "อะไรนะครับ"

"ก็ไอ้การ์ตูนดิสนีย์ไง ที่มีแม่เลี้ยงใจร้ายแล้วก็พี่เลี้ยงใจร้ายอีกสองคน"

"พี่ปัน นั่นมันซินเดอเรลล่ารึเปล่า ที่แม่เลี้ยงมีแมวหน้าดุๆ ชื่อลูซิเฟอร์"

"ใช่ๆๆ ไอ้ที่มีแมวหน้าตาน่าเกลียดๆ"

"นั่นมันซินเดอเรลล่า พี่"

"..." อายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี หน้าแตกหมอไม่รับเย็บสุดๆ

โดนัทสังเกตเห็นเห็นท่าทางนั้นของปัญญาก่อนเจ้าตัวจะระเบิดหัวเราะออกมาท้องแข็ง ทำเอาคนที่อายอยู่แล้วยิ่งอายม้วนเข้าไปอีก โดนัทรู้นะว่าไม่ควรหัวเราะ แต่ห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ

"หยุดหัวเราะได้แล้วน่า ขอโทษที่จำผิดได้ไหมล่ะ ปัดโธ่เอ๊ย"

"โอ๊ย พี่ ผมขอโทษ แต่สโนไวท์กับซินเดอเรลล่านี่ห่างกันอยู่พอสมควรนะ จำสลับไปได้ไง"

"หนวกหูน่า พี่เป็นผู้ชายนะ ใครจะไปจำเรื่องเจ้าหญิงของดิสนีย์ที่มีเป็นล้านขนาดนั้นได้ เดี๋ยวเถอะ โด ถ้ายังไม่เลิกหัวเราะพี่จะหนีขึ้นห้องแล้วนะ"

"โอ๋ๆๆ ไม่งอนสิครับ" พูดพลางดึงแขนอีกฝ่ายนิดหนึ่งเป็นเชิงอ้อน ทำเอาปัญญาหน้าร้อนวูบขึ้นมาอีกรอบ แต่คราวนี้มีความยินดีปนมาด้วย "ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ก็พี่ปันเข้าใจผิดตลกอ้ะ"

"เออๆๆ ยอมก็ได้" เห็นแก่ท่าทีอ้อนๆ เมื่อกี้หรอกนะ

"แล้วตกลงพี่ปันจะมาดูผมซ้อมเทควันโดไหมอะ ผมมีซ้อมอีกทีพรุ่งนี้เย็น หลังเลิกเรียน"

"ไปสิ ไปๆ" รีบพูดอย่างรวดเร็ว "ว่าแต่โดจะไปไงอ่ะ พี่ติดไปด้วยได้ไหม"

"ป๊าผมมารับครับ พี่ปันไปด้วยกันก็ได้ งั้นตกลงพรุ่งนี้พี่ไปดูผมซ้อมเนอะ สัญญาแล้วนะครับ"

"ครับๆ สัญญาครับ ไม่เบี้ยวหรอก"

ทั้งคู่เดินผ่านตัดสวน ปัญญายังคงโดนคนนู้นคนนี้ทักอย่างไม่ขาดสายเหมือนเดิม ระหว่างที่เดินไปตามโถงทางเดินของตึกเรียน โดนัทก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้

"ว่าแต่ที่พี่ปันจะไปแลกเปลี่ยน ตกลงจะไปรึเปล่าครับ ตัดสินใจรึยัง"

"อือ... ยังรอฟังเรื่องทุนอยู่เลย แต่ถ้าไม่รีบๆ ตอบรับไปก็อาจจะโดนสละสิทธิ์เหมือนกัน เดี๋ยววันนี้กลับบ้านไปจะลองโทรถามเรื่องทุนดู"

"พี่ปันเก่งจังเลยนะครับ" โดนัทพูดอย่างชื่นชมแกมอิจฉา "ผมนี่ไม่เคยหวังจะได้อะไรแบบนั้นเลย ทั้งชีวิตมีดีอย่างเดียวคือเทควันโด้"

“เก่งอะไรไปเลยอย่างหนึ่งจนไปถึงระดับโลกได้ก็เจ๋งแล้ว” ปัญญายีหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูเมื่อมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเรียนของโดนัท ไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆ ที่มองมาทางพวกเขาอย่างชัดเจน ไหนๆ เรื่องของพวกเขาทั้งคู่ก็โด่งดังในโลกโซเชียลขนาดนั้นแล้ว… ไม่รู้ว่าจะต้องมาคอยหลบๆ ซ่อนทำไมอีก “งั้นพี่ไปก่อนนะ ตั้งใจเรียนล่ะ แล้วเดี๋ยวคุยกัน”

“โอเคครับ ขอบคุณที่มาส่งฮะ”

เด็กหนุ่มมองตามแผ่นหลังของคนที่จากไปพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ปัญญาจะรู้ไหมนะว่าเจ้าตัวเป็นกำลังใจ… เป็นแรงผลักดันที่มหาศาลขนาดไหนสำหรับเขา



โดนัทกลับมาถึงบ้านหลังเลิกเรียนโดยการขึ้นรถโดยสารประจำทางมาเย็นนี้ ป๊าของเขาติดทำงานโอทีจนดึก ส่วนม๊าเองก็ติดต่อไม่ได้ เขาไม่ค่อยเดือดร้อนกับเรื่องนี้เท่าไรนักเพราะบางครั้งก็ต้องกลับบ้านเองแบบนี้อยู่แล้ว

เขาได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากในครัว เหลือบมองไปก็เห็นร่างของพัชรีหรือคิตตี้ พี่สาวต่างสายเลือดของเขา เจ้าหล่อนกำลังทำอะไรอยู่หน้าเตาพร้อมกับใส่หูฟังฮัมเพลงไปด้วย เขาเดินเลี่ยงขึ้นไปชั้นบน หยุดที่หน้าประตูห้องของตัวเอง กำลังจะหยิบกุญแจออกมาไขห้องก่อนจะต้องเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นไส้ดินสอสีดำหักเป็นท่อนอยู่ที่แทบเท้า

มีใครบางคนแอบเข้าห้องของเขา… และเขาแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยว่าใคร

“เฮ้อ” โดนัทถอนหายใจก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไป มือเลื่อนไปกดสวิตช์ไฟ ทันทีที่ห้องสว่างไสวรูปภาพคละขนาดมากมายที่แปะอยู่ทั่วฝาผนังห้องเขาก็เด่นชัดขึ้น รูปพวกนั้นเป็นรูปแอบถ่ายทั้งหมด และทุกรูปจะต้องมีใบหน้าของปัญญา ลิขิตชาญชัยอยู่ในนั้นทั้งจากระยะใกล้และไกล

เด็กหนุ่มจ้องรูปของปันที่มีขนาดเท่าโปสเตอร์หนัง ยกมือไล้รูปใบนั้นอย่างอาวรณ์ เขาชอบที่จะได้เห็นใบหน้านี้ตลอดเวลาที่อยู่ในห้อง แต่ก็รู้ดีว่าถ้าโดนจับได้คงจะเป็นอะไรที่แย่มากแน่ๆ สงสัยคงถึงเวลาที่ต้องปลดมันออกแล้ว

เด็กหนุ่มเดินกลับมาลงชั้นล่างอีกทีตอนที่คิตตี้ทำข้าวผัดสำหรับกินคนเดียวเสร็จแล้ว เจ้าหล่อนยังคงจ้องหน้าจอมือถือพร้อมกับหัวเราะคิกคักน่ารำคาญ

“พี่ตี้” เขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเย็น “เข้าไปในห้องผมทำไม”

หญิงสาวผู้มีอายุมากกว่าเขาสี่ปีเงยหน้าขึ้นมาทั้งที่ยังคงยิ้ม “โทดที นัท พอดีกาวของพี่หมด เลยตั้งใจจะเข้าไปขอยืมหน่อย”

“แล้วไปเอากุญแจมาจากห้องป๊าใช่ไหม”

“ใช่ ตอนแรกฉันก็คิดนะว่าแกจะล็อกทำไมวะ ยุ่งยากจะตายชัก แต่พอก้าวเข้าไป… อืม ก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าทำไมนายถึงอยากได้ความเป็นส่วนตัวนัก”

โดนัทกำหมัดแน่นขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มยียวนของอีกฝ่าย เขากับหญิงสาวตรงหน้าไม่เคยเป็นพี่น้องกันจริงๆ ไม่ว่าจะทางสายเลือดหรือความรู้สึก แต่ในด้านของความรู้สึกมันห่างไกลจากคำว่า ‘คนในครอบครัว’ ไปเยอะมาก

“ฉันก็คิดมาก่อนหรอกนะว่าแกหน้าหวาน ไอ้นัท” คิตตี้ยิ้ม อันที่จริงแล้วหล่อนอิจฉาน้องชายต่างสายเลือดคนนี้ไม่น้อยที่หน้าตาดีจนเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของคนที่ได้พบเจอ แต่ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอกที่ทำให้พวกเขาไม่ชอบขี้หน้ากัน “แต่ก็ไม่นึกว่าแกจะเป็นแบบว่าจริงๆ ถ้าป๊ากับม๊ารู้เข้าล่ะก็… แกตายแน่ ไอ้นัทเอ๊ย”

“จะเอาเท่าไร” เขาถามเสียงลอดไรฟันอย่างรู้เกมนี้ดี

“ห้าพัน”

“ใครจะบ้าพกเงินเยอะขนาดวะ”

“งั้นก็เอาที่มีมา หรือถ้านายไม่มี นายก็เอารองเท้าคู่ใหม่นั่นไปขายต่อสิ ใช้ไปไม่กี่ครั้งเองนี่ ยังไงก็ได้ราคาดีอยู่แล้ว”

โดนัทหรี่ตาลง โน้มตัวไปหาคิตตี้เล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “อย่ายุ่งกับรองเท้าคู่นั้น”

“ทำไมเหรอจ๊ะ อุ๊ย หรือว่าผัวซื้อให้?”

เด็กหนุ่มหน้าหวานไม่ตอบ เขาควักกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วกระแทกธนบัตรใบละพันสามใบลงตรงหน้า คิตตี้รับมันมาถือพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดี พูดไล่หลังอีกฝ่ายที่เดินกลับขึ้นห้อง

“นายไปอ่อยผู้ชายแบบไหนเหรอ นัท เขาถึงได้ใจป้ำกับนายขนาดนี้ นี่~ แล้วนายได้กับเขารึยัง?”

ว้อย ยัยพี่จอมปลอมของเขานี่น่ารำคาญจริง!





วันนี้นพดลกลับมาถึงบ้านเร็วกว่าปกติ เจ้าตัวถอดรองเท้าเก็บใส่ตู้ที่หน้าบ้าน เลิกคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นไอ้ตัวแสบนั่งพิมพ์อยู่หน้าโน้ตบุ๊คบนโต๊ะเล็กหน้าทีวี เจ้าตัวหันกลับมามองหน้าดลก่อนจะยกมือไหว้

“สวัสดีครับพ่อ วันนี้กลับเร็วนะครับ”

“นี่ไม่ได้นัดไปเตะบอลหรือเล่นเทนนิสกับพวกเบนซ์เหรอ ปัน”

“วันนี้รีบกลับมาเคลียร์งาน่ะพ่อ หิวน้ำไหม ผมไปเอามาให้”

“ขอบใจ”

เจ้าตัวผลุบขึ้นจากโซฟาแล้วตรงดิ่งเข้าครัว นพดลปลดสายกระเป๋า วางมันลงบนโซฟา มือที่ถือซองจดหมายมากมายคลี่ออกมาดูขณะค่อยๆ หย่อนตัวลงบนโซฟา

“พ่อ นี่ครับ น้ำ”

“ขอบใจนะ” เขาว่า รับมันขึ้นมาดื่มขณะกวาดตามองจดหมายทั้งหลาย

หนี้บัตรเครดิตที่ต้องชำระภายในสิ้นเดือน ค่าน้ำ ค่าไฟ ประกัน ใบปลิวโฆษณา มีแต่อะไรที่ไม่อยากจะดูทั้งนั้น

“เออ นี่ ปัน”

“หืม? อะไรครับ” เด็กหนุ่มถามขณะที่เริ่มมองหน้าจอคอมแล้วลงมือพิมพ์งานต่อ

“เรื่องรูปของแกกับโดนัทที่อยู่ในเฟสบุ๊คน่ะ”

ปัญญาชะงักไปในทันที รู้สึกกลัววาบขึ้นมา พ่อของเขาไม่ใช่คนที่เล่นโซเชียลมีเดียบ่อยอะไรขนาดนั้น หรือต่อให้เล่นก็จะเล่นพวกไลน์มากกว่า เขาจึงไม่นึกว่าพ่อจะเห็นรูปถ่ายพวกนั้น

“เพลาๆ ลงหน่อยดีไหมลูก”

ปัญญาหน้าร้อนขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิดระคนไม่พอใจ แม้ว่าน้ำเสียงที่คนเป็นพ่อจะใช้ออกแนวขอร้องมากกว่าจะตำหนิก็เถอะ

“แล้วพ่อจะให้ผมเพลายังไงล่ะครับ ผมไม่ได้เป็นคนถ่ายภาพพวกนั้นสักหน่อย”

“อืม… ก็ ต่อหน้าคนอื่นลดๆ อาการหน่อยดีไหม ปัน เรื่องแบบนี้มันดูไม่ดี”

“ดูไม่ดี?” คราวนี้อารมณ์โกรธมากกว่าอารมณ์รู้สึกผิดแล้ว “แล้วถ้าเกิดโดนัทเป็นผู้หญิง พ่อจะพูดแบบนั้นรึเปล่า หรือที่พ่อพูดแบบนั้นก็เพราะเราเป็นผู้ชายทั้งคู่”

“ต่อให้โดนัทเป็นผู้หญิงพ่อก็จะพูด” เขาหันไปมองหน้าลูกชายตรงๆ “เรื่องแบบนี้มันดูไม่ดีทั้งนั้นแหละ พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพยายามโพสท์เรื่องส่วนตัวลงในโซเชียลน่ะ ลูกไม่รู้หรอกว่าวันหนึ่งมันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายลูกได้”

“ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้โพสท์!” ถึงตรงนี้ปัญญาก็โกรธแทบเต้น “คนอื่นเขาแอบถ่ายแล้วเอาไปโพสท์ทั้งนั้น แล้วอะไรที่มันจะมาทำร้ายตามที่พ่อพูด หือ? เรื่องที่ผมเป็นเกย์น่ะเหรอ? ป่านนี้คนเขารู้กันทั้งโรงเรียนแล้ว แล้วก็ไม่มีใครงี่เง่าสั่งห้ามไม่ให้ผมเป็นเหมือนพ่อด้วย!”

“ปัน!” เอาล่ะสิ ไอ้ลูกชายคนนี้ นี่ยังเห็นเขาเป็นพ่ออยู่ไหมเนี่ย “นี่พ่อพยายามเตือนอยู่นะ แล้วพวกครูๆ ในโรงเรียนลูกเขาไม่เห็นภาพพวกนี้เหรอ เขาไม่เตือน ไม่ว่าอะไรเลยรึไง?”

“ไม่” ปันตอบเสียงห้วน “ทุกคนเขาก็รับเรื่องนี้กันได้ทั้งนั้นแหละ ไม่เหมือนพ่อหรอก”

“ปัน แยกแยะหน่อยไหม ที่พ่อกำลังพูดเนี่ยไม่ได้เกี่ยวกับที่ลูกเป็นเกย์นะ”

“อ้อ เหรอครับ แล้วพ่อกำลังพูดอะไรล่ะ”

“พ่อกำลังบอกว่าลูกยังเป็นนักเรียน มีหน้าที่เรียนก็ควรตั้งใจเรียนไปก่อน เรื่องความรักน่ะเอาไว้ค่อยเรียนจบ หางานทำแล้วค่อยมีก็ได้ หรือถ้าชอบพอกับโดนัทจริงๆ ก็ห่างๆ กันไปบ้าง บอกน้องเขาว่ารอให้เรียนจบแล้วค่อยสานสัมพันธ์ก็ได้”

“ผมสงสัยจริงๆ ว่าพ่อหมายความตามนั้นจริงๆ หรือแค่เพราะว่าโดนัทเป็นผู้ชายแล้วผมก็เป็นผู้ชาย”

“ปัน--”

“ถ้าเราสักคนหนึ่งเป็นผู้หญิงพ่อจะยังพูดแบบนี้อยู่ไหม”

“พ่อจะพูด--”

“ถ้าพ่อจะอ้างแบบนั้น แล้วทีพ่อกับแม่ล่ะ! แม่ท้องผมตอนที่พ่อยังอยู่แค่ม.5ด้วยซ้ำ! แบบนั้นมันไม่แย่กว่าอีกเหรอครับ”

คนเป็นพ่อรู้สึกเหมือนโดนตีกลางแสกหน้าอย่างจังกับคำพูดนั้น ใบหน้าอ่อนกว่าวัยนั่นร้อนขึ้นมาด้วยความอายก่อนจะเบือนหน้าหนีเพราะสู้หน้าลูกชายไม่ติด

แม่ของเขา… ย่าของปันเคยเตือนเขาเรื่องนี้แล้ว ถ้าเราคิดจะสั่งสอนลูกในสิ่งที่เราเคยทำผิดพลาดมา… ลูกจะชี้ในจุดนั้นได้และก็จะย้อนกลับมาแบบนี้แหละ

‘ทีพ่อยังทำแบบนั้นได้ ทำไมผมจะทำบ้างไม่ได้...’

เจ็บจนจุกเลยแฮะ แค่จะสั่งสอนลูกตัวเองยังยากลำบากขนาดนี้

“พ่อ…” หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ ปัญญาก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด แต่ถึงอย่างนั้นนพดลก็ยังไม่กล้าสู้หน้าลูกชายตัวเองอยู่ดี “พ่อฮะ ผมขอโทษ… ผมไม่น่าพูดแบบนั้นเลย ผมขอโทษจริงๆ”

ปัญญาได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจยาวเหมือนเหนื่อยอ่อน นั่นทำให้เขาใจหาย รู้ตัวว่าได้ทำร้ายจิตใจบุพการีของตัวเองอย่างจัง สู้ให้พ่อเขาโกรธยังจะดีเสียกว่าถอนหายใจแล้วเงียบแบบนี้ มันทำให้เด็กหนุ่มใจคอไม่ดี

“พ่อ ปันขอโทษครับ ปัน… ปัน…”

“พ่อแค่ไม่อยากให้แกทำพลาดเหมือนพ่อ” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาในที่สุดและปัญญาก็พยักหน้ารับทันที

“ผมเข้าใจครับ แต่รูปพวกนั้นมัน--”

“อืม พ่อเข้าใจแล้วล่ะ มันช่วยไม่ได้ใช่ไหมล่ะ” เขาหันมามองทางนี้จนได้ และนั่นช่วยให้ปันรู้สึกโล่งอก “แต่ถ้าปันทำได้… พ่อก็อยากให้เพลาลงบ้าง พ่อรู้ว่าปันเรียนเก่งและคงไม่ทำให้พ่อผิดหวัง พ่อเชื่อใจปันได้ใช่ไหม”

“...ครับ” ตอบรับเสียงเบา

“งั้นก็ดีแล้ว”

ความเงียบเข้าครอบงำคนทั้งคู่อีกครั้ง ปัญญาสูดลมหายใจเฮือกพร้อมกับจ้องหน้าจอตรงหน้าเขม็ง ทำทีเป็นอ่านเนื้อหาด้านในและเริ่มลงมือทำงานต่อ ต่อให้จริงๆ จะไม่มีอะไรเข้าหัวตอนนี้เลยก็เถอะ

เสียงพิมพ์งานของลูกชายพอจะกอบกู้สถานการณ์ไว้ได้บ้างเล็กน้อย นพดลเดินไปหยิบกรรไกรมาจากชั้นวางของแล้วลงมือตัดขอบซองจดหมายเงียบๆ แต่แล้วเขาก็ต้องเลิกคิ้วให้กับซองสุดท้ายเมื่อเห็นว่ามันจ่าหน้าถึงใครและจากใคร เขายื่นมันให้เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างตัว

“เรื่องทุนของแกแน่ะ”

“จริงเหรอครับ!?” ปัญญาหันกลับมาทันที นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างตื่นเต้นจนน่าขัน เจ้าตัวรับมันมาถือ

“คิดว่านะ ลองเปิดดูก่อน” พูดพลางส่งกรรไกรให้

ปัญญารับมาเล็มที่ขอบด้านหนึ่งออกอย่างระมัดระวัง นพดลเองก็สนใจเหมือนกันว่าเจ้าตัวดีจะได้ทุนตามที่องอาจเคยพูดเปรยๆ ไว้รึเปล่า เพราะถ้าได้จริงก็คงจะดีไม่น้อย

“ดีจังเลย ผมกำลังคิดจะโทรไปถามลุงอาจคืนนี้อยู่พอดี”

“โชคดีนะที่มาพอดี” เขาว่าขณะกวาดตามองเนื้อหาในจดหมายฉบับอื่นๆ ดูหนี้สินที่ต้องชำระ สองพ่อลูกก้มลงมองจดหมายเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนคนลูกจะร้องตะโกนเสียงดังทำเอาคนพ่อสะดุ้งแทบตกจากโซฟาได้

นพดลหันกลับไปมองท่าทีดีอกดีใจเกินเหตุของเจ้าตัวที่แทบจะลุกขึ้นมาเต้นระบำ ยังไม่ทันเอ่ยปากถาม ปัญญาก็ยื่นจดหมายฉบับนั้นมาให้

“พ่อดูนี่! ทุนตัวนี้เขาจะจ่ายให้เป็นรายเดือนระหว่างที่ผมไปที่นู่นแหละ!”

นพดลรับกระดาษมาอ่านดูก่อนจะต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงไม่แพ้ลูกชาย เขาอ้าปากค้างอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่ปัญญาเริ่มกระโดดโลดเต้นเย้วๆ เหมือนเด็กห้าขวบแล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาบรรดาเพื่อนๆ ของเจ้าตัว และคนที่เขาบอกคนแรกก็หนีไม่พ้นโดนัท แต่นพดลงุนงงเกินกว่าจะมาจับผิดเรื่องนั้นได้

เขาอ่านเนื้อหาทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ปล่อยให้ตัวหนังสือเล็ดลอดไปจากสายตาสักตัวอักษรเดียว อ่านทวนซ้ำเป็นรอบที่สอง ที่สาม แต่เนื้อหาข้างในนั้นก็ยังไม่เปลี่ยน

สิ่งที่ปัญญาจะได้รับก็คือทุนการศึกษารายเดือนในตัวเลขหลักหมื่นระหว่างที่เจ้าตัวไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศเป็นระยะเวลาสิบเดือน เป็นทุนให้เปล่าเหมือนกับที่ปันเคยได้มาตลอด

ดลเหลือบไปมองลูกชายที่กำลังยิ้มจนปากจะฉีกไปถึงหูแล้วหันกลับมามองจดหมายในมืออีกครั้ง เหงื่อตก ตัวเลขที่จะได้แต่ละเดือนอาจจะไม่มากขนาดคลอบคลุมทุกอย่างให้ปัญญาได้ก็จริง แต่มันก็มากเกินไป… เกินกว่าที่จะมายกให้กันง่ายๆ โดยไม่ทวงคืนในภายหลัง

เขาเคยเห็นทุนหลายรูปแบบจากที่เคยตามหาในอินเตอร์เน็ต แต่ส่วนมากเป็นแบบที่คนได้ทุนไปต้องใช้คืนหลังเรียนจบและเริ่มทำงานแล้วทั้งนั้น ซึ่งเขาก็คิดว่ามันก็ยุติธรรมดีและเข้าใจได้ แต่ไอ้ทุนให้เปล่าทุกเดือนหลักหมื่นนี่มัน…

“พ่อ! งั้นแบบนี้ผมก็ไปอเมริกาโดยไม่ต้องห่วงเรื่องเงินแล้วใช่ไหมครับ? ผมจะส่งจดหมายไปยืนยันกับทางโครงการแล้วนะว่าจะไปจริงๆ”

“อะ… อื้อ” เขาตอบรับ ในใจคิดว่าจะไปถามรายละเอียดเรื่องทุนตัวนี้จากองอาจเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง และถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลและเขาจำเป็นต้องปฏิเสธทุนตัวนี้ เขาก็จะหาทางส่งปันให้ได้จนได้อยู่ดี เพียงแต่เขารู้สึกไม่สบายใจกับเงินที่จะได้มาฟรีๆ นี้อย่างไรพิกล

“งั้นผมไปเขียนใบตอบรับกับเตรียมเอกสารก่อนนะ”

“นี่แกยังไม่ได้เตรียมอีกเรอะ!” นพดลโวยวายไล่หลังคนที่วิ่งขึ้นห้องไปทั้งๆ อย่างนั้น “ก็บอกตั้งแต่คราวนู้นแล้วไงว่าฉันส่งแกได้น่ะ!”

ไอ้ตัวแสบปิดประตูห้องเสียงดัง ดลถอนหายใจออกมาอีกเฮือก ยกมือเกาหัวอย่างคนคิดไม่ตก

บางทีถ้าตัวเขาเองมีเงินมากกว่านี้ เขาคงไม่ต้องมานั่งสองจิตสองใจเรื่องทุนนี่ ไม่ต้องนั่งกังวลว่าลูกชายเขาจะพลอยคิดมากเรื่องเงินเข้าไปด้วย

นพดลเองก็หวังว่าตัวเองจะทำได้ดีกว่านี้… เป็นพ่อที่ดีกว่านี้

เขาสงสัยว่าคนที่มีลูกทุกคนจะคิดเหมือนกันกับเขารึเปล่า





------------------------------------------
Talk: โดนัทเป็นหนุ่มยันค่ะ 5555555555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 12-09-2017 17:40:53
คนให้ทุน กับ ดล น่าจะมีซัมติงรองกันมาก่อนมั้ง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-09-2017 18:27:55
ทำไมโดนัท ไม่ตอบปันว่าพี่สาวร้ายหรือเปล่า
โด ไม่น่ายอมเป็นเหยื่อนางมารคิตตี้เลย
ต้องโดนนางมารขูดไปเรื่อยๆแน่

ให้สงสัย ที่ว่าดลพลาดทำสาวท้อง
สาวนั่นท้องกับคนอื่นก่อนที่จะมีอะไรกับดลหรือเปล่า
คนนั้นรู้ และตามติด แล้วคอยช่วยเหลือห่างๆ /มโนแจ่มเอง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 12-09-2017 18:38:31
เรื่องทุนมันก็ดูจะแปลกๆอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 12-09-2017 19:36:21
มีปมใหม่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เลย
หวังว่าโดนัทคงไม่ถึงกับโรคจิตนะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 12-09-2017 19:53:37
แปลก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 12-09-2017 20:03:36
เรื่องนี้คิดว่ามีคนเล็งพ่ออยู่
จะใครล่ะ คนให้ทุนไงงง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-09-2017 22:40:37
ปมเยอะขึ้นเรื่อยๆละ เริ่มกลัวแล้วเนี่ย  :confuse: :confuse:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-09-2017 22:52:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: greenoak004 ที่ 12-09-2017 23:59:34
ตอนหน้าเขียนให้ยัยคิตตี้เดินตกคลองตายไปเลยได้มั้ย เกลียดคนแบบนี้อ่ะ

ปล.เราเองยังสับสนระหว่างซินเดอร์เรลล่ากับสโนไวท์เลย เพราะงั้นไม่แปลกถ้าปันจะสับสนด้วย 555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 13-09-2017 01:14:43
ทุนอะไรรร น่าสงสัย ชอบมากค่ะ รอต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-09-2017 01:22:28
เคยสับสนนะสโนไวท์มีรองเท้าแก้ว ไม่คิดจะได้อ่านในเนื้อเรื่องด้วย  อิอิ พ่อดลเจอคู่ก็คราวนี้ล่ะ เจ้าของทุนการศึกษาอะเนอะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-09-2017 03:45:56
ทุนน่าสงสัยมากจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ผ้าห่มอุ่นๆ ที่ 13-09-2017 15:18:58
รู้สึกทะแม่งๆกับทุน :hao4:
พ่อกะลูกนี่จะได้ยังไง ลุ้นมาก :hao6:
ชอบมากเลย สู้ๆนะ :3123:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 7) P.3 [12/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 16-09-2017 11:33:11
บทที่ 8




“เอ้า ทุกคน ไอ้ปันมันจะทิ้งพวกเราไปต่างประเทศแล้วนะเว้ย มากรวดน้ำคว่ำขันขอให้ไม่เจอหน้ามันกันอีกเร็ว”

“เฮ้!”

“เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ ไอ้ปากหมาเบนซ์ หุบปากเลยมึง” ปัญญาที่นั่งอยู่ท่ามกลางวงของเพื่อนๆ แสร้งโวยวายขึ้นมาเรียกเสียงหัวเราะของคนอื่นๆ รวมทั้งคนที่โดนด่าด้วย เบนซ์หันกลับมายิ้มให้พร้อมกับรินน้ำสีอำพันใส่แก้วของเพื่อนข้างตัว ปัญญายกมันขึ้นมาถือและได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมาแตะจมูก เขาไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้บ่อยเท่าไร แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนและทุกคนกินกันเขาก็ไม่เกี่ยง

“ล้อเล่นน่าเพื่อนรัก จะได้ไปต่างประเทศทั้งทียังไงเราก็ดีใจด้วยอยู่แล้ว”

“เออ แต่แกได้ทุนต่างหากด้วยใช่ไหม” จูนที่ยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่กินเหล้าและถือแก้วน้ำพันช์แทนเอ่ยถามขึ้น ตอนนี้พวกเขานั่งกันอยู่บนพื้นบ้านของเบนซ์ที่ค่อนข้างกว้างขวาง มีเพื่อนคนอื่นๆ มาร่วมวงด้วยไม่ต่ำกว่าสิบคน และของกินมากมายที่แต่ละคนเอามาก็เรียงรายเต็มโต๊ะ ใครอยากจะกินอะไรก็ไปบริการตัวเองได้ “โคตรน่าอิจฉาอ้ะ ทำไมกูไม่ฉลาดให้ได้แบบมันบ้างวะ จะได้ได้ทุนไปเรียนต่างประเทศบ้าง”

“มึงอยากได้ทุนก็รอสมัครตอนจะเข้ามหาลัยสิ” ปันว่าขณะจิ้มไส้กรอกในจานเข้าปากเคี้ยวหงุบหงับ “กูเคยลองหาข้อมูล มีให้เลือกออกเยอะแยะ มึงอยากไปยุ่นไม่ใช่เหรอ ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นไง”

“เออ กูรู้จักพี่คนที่ได้ทุนที่ว่าด้วย” เพื่อนอีกคนหนึ่งของเขาว่า “แต่เห็นเขาบอกว่าโหดอยู่ ถ้ามึงอยากได้ต้องรีบอ่านหนังสือติวตั้งแต่ม.4 ม.5 แล้ว”

“ห่า ทุนเหี้ยอะไรวะ ถ้าจะยากขนาดนั้นก็ไม่ต้องมีใครเอาแล้ว” อีกคนตอบโต้

“สัส อย่าว่าแต่จะเอาทุน แค่เข้ามหาลัยธรรมดายังไม่รู้จะเข้าได้ไหม ว่าแต่พวกมึงอยากเข้าอะไรกันวะ”

“กูอยากเรียนทันตะว่ะ”

ปัญญาละสายตาจากเพื่อนๆ ในกลุ่มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มอีกคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้กำลังก้าวเท้าเดินลงจากบันไดมา บัน น้องชายของเบนซ์ยังไม่ละสายตาจากหน้าจอมือถือในมือ และเมื่อเดินลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายเจ้าตัวก็ยกมือไหว้สวัสดีรุ่นพี่ทุกคนพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะเตรียมหาอะไรกิน ปันเดินตามอีกฝ่ายไปเพราะตั้งใจจะไปตักอะไรมาเพิ่มด้วยเลยถือโอกาสชวนอีกฝ่ายคุย

“ไง บัน”

“สวัสดีฮะ พี่ปัน ช่วงนี้ไม่ค่อยมาเลยนะครับ”

“ยุ่งๆ น่ะ แต่เดี๋ยวอาจจะต้องมาตอนทำรายงานอีก แล้วนี่บันเป็นไง ช่วงนี้เรียนหนักไหม”

“เหมือนเดิมแหละครับ เรื่อยๆ ถ้าผมมีอะไรไม่เข้าใจอาจจะต้องให้พี่ปันช่วยสอนอีก”

“พี่ชายตัวเองก็มี” เขาพูดกลั้วหัวเราะ

“โหย รายนั้นเอาตัวเองยังไม่รอดเลย”

“ไอ้ห่าบันนินทาอะไรกู” คนเป็นพี่ตะโกนมาจากอีกฟากของห้อง แหม หูมันดีจริงๆ

“เออ พี่ปัน”

“หืม ว่าไงครับ” ถามทั้งๆ ที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากการเลือกสรรอาหารใส่จานกระดาษ ใช้จานแบบนี้น้าแหม่ม แม่ของไอ้เบนซ์จะได้ไม่ต้องลำบากล้างจานเก็บกวาดให้ยุ่งยาก

“ผมชวนไอ้โดนัทมานี่ด้วยนะ”

“อ้อ เหรอ อืม… เฮ้ย!”

ปัญญาหันกลับไปมองน้องชายเพื่อนที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ชูมือถือที่ค้างหน้าจอไลน์ขึ้นมาให้ดู “มันบอกมันจะมาถึงเร็วๆ นี้แล้ว ดีใจไหมพี่”

“ดีใจเหี้ยอะไร” ลนลานจัดจนเผลอหลุดคำหยาบออกมาจนได้ เขาไม่ค่อยอยากใช้คำไม่สุภาพกับรุ่นน้อง แต่ตัวเองก็สนิทกับบันพอๆ กับที่สนิทกับเบนซ์จึงมีเผลอหลุดบ้าง “ทำอะไรของเอ็งเนี่ย ไอ้บัน แล้วนี่ก็มีแต่พวกรุ่นพี่ทั้งนั้น โดมาเขาจะไม่อึดอัดเหรอ”

“อึดอัดอะไรพี่ ผมก็อยู่ พี่ก็อยู่”

“...มันก็ใช่หรอก” พอได้ยินว่าโดนัทจะมาปัญญาก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดๆ เหมือนกัน ถึงจะกังวลนิดหน่อยว่าเจ้าตัวจะไม่ชินกับเพื่อนๆ เขาเท่าไรก็เถอะ



ไม่ถึงสิบนาทีต่อมาเด็กหนุ่มหน้าหวานก็มาอยู่ที่หน้าบ้านเบนซ์จริงๆ บันเป็นคนเดินไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายที่พอก้าวขาเข้ามาก็รีบยกมือไหว้รุ่นพี่อย่างรวดเร็ว จูนเริ่มหันไปเจ้ากี้เจ้าการบอกให้คนอื่นๆ ขยับขยายพื้นที่เตรียมให้ผู้มาใหม่เข้ามาร่วมวง แถมยังรู้งานให้เป็นที่ข้างๆ ปัญญาอีกด้วย จะว่าซึ้งใจก็ซึ้งใจนะ แต่ไม่ต้องชัดขนาดนี้ก็ได้มั้ง แค่นี้คนก็แซวกันฉิบหายวายป่วงล่ะ

“เฮ้ย เมียไอ้ปันมาได้ไงเนี่ย มาคุมผัวไม่ให้ดื่มหนักเหรอจ๊ะ” คิว เพื่อนเขาคนหนึ่งที่ดื่มจนหน้าดำหน้าแดงเริ่มแผลงฤทธิ์ ปัญญาเลยหันไปถลึงตาใส่คนพูดขณะที่คนโดนแซวเริ่มก้มหน้างุดๆ

“หุบปากเลยไอ้คิว ห่า อย่าแกล้งน้องได้ไหม เดี๋ยวปั๊ดถีบออกนอกวง”

“อุ๊ย มีปกป้องกันด้วยนะ”

“พอแล้วน่าคิว น้องเพิ่งมาเดี๋ยวก็หนีกันหมดพอดี” จูนเข้ามากอบกู้สถานการณ์ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้อีกฝ่าย “อยากกินอะไรก็ไปตักได้เลยนะครับ แล้วนี่ใครเอาแก้วให้น้องหรือยัง”

“ดื่มเบียร์ไหมนัท” เบนซ์ผู้เป็นเจ้าบ้านหันมาถาม ปัญญารีบออกหน้าทันที

“น้องยังเด็ก ดื่มไม่ได้ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ”

“ห่า ยังกะมึงบรรลุแล้ว ดื่มไปกี่แก้วแล้วนั่น”

“ไม่ได้ๆๆ” ส่ายหน้ารัวๆ ขณะรินน้ำส้มใส่แก้วให้โดนัทแทน “โดดื่มนี่นะ อย่าไปฟังพวกแม่ง”

“ให้น้องกินน้ำนางเอกเหรอมึง”

“ไอ้ปัน มึงถามน้องเขาหรือยังว่าเขาโอเคไหม โคตรมัดมือชก ถ้าเขาอยากกินเบียร์ก็ให้แดกๆ แม่งไปเหอะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ชอบกินเบียร์เท่าไร” เจ้าตัวรีบว่า “น้ำส้มก็ได้แล้วครับ”

“พูดแบบนี้แปลว่าเคยกินเหรอ”

“เคยสิครับ” เจ้าตัวทำหน้ายู่ “ผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ”

“ลองอะไรไม่เข้าท่า” ปัญญาที่ซัดเหล้าเข้าไปจนกรึ่มได้ที่เอื้อมมือไปหยิกแก้มรุ่นน้องข้างตัวอย่างมันเขี้ยว “เป็นเด็กเป็นเล็ก รอให้อายุถึงก่อนค่อยกินก็ได้ เหล้าเนี่ย ไม่ต้องรีบผิดศีลข้อที่ห้าเร็วนัก”

“โง้ย…” โดนัทครวญขณะที่อีกฝ่ายยืดแก้มเขาเรื่อยๆ และเมื่อปันปล่อย เจ้าตัวก็ยกมือลูบแก้มเบาๆ “หูย พี่ปันก็พูดเกินไปครับ ผมอ่อนกว่าพี่ปีเดียวเอง”

“อ่อนกว่าก็ต้องเชื่อฟังสิ”

“เอ้า เอาเข้าไป มึงเป็นพ่อน้องเขาเหรอวะ” เบนซ์ว่าขณะเริ่มลงมือผสมเหล้าให้ตัวเองและคนอื่นๆ เพื่อนเขาที่มาเที่ยวบ้านบ่อยกำลังหากิจกรรมทำกันอย่างอิสระ ไอ้สามตัวนั่นเริ่มไปเปิดเครื่องคาราโอเกะและยึดไมค์กันแล้ว บางคนตรงเข้าไปห้องเล็กที่แยกไว้อีกห้องซึ่งมีสารพัดเครื่องเกมที่เชื่อมต่อกับทีวี อีกกลุ่มเดินออกไปสวนหน้าบ้านเขาแล้วเม้ามอยเรื่องนั่นนี่อย่างออกรส นี่เป็นเรื่องปกติเวลาจัดปาร์ตี้ย่อมๆ ที่บ้านเขาล่ะนะ ปัญญาเคยคิดเหมือนกันว่าน้าแหม่มแม่เบนซ์ช่างใจดีเหลือเกินที่เปิดบ้านแบบนี้ ถ้าเป็นพ่อเขานี่… อืม เอาเป็นว่าไม่ใจดีแบบนี้แน่ล่ะ

 หลังจากที่เริ่มกระจายตัวกันไปครู่ใหญ่ เสียงกีต้าร์ที่เจ้าบ้านนำมากรีด ร้องเพลงสลับก็เริ่มดึงคนให้กลับมารวมกลุ่มกันได้อีกครั้งแม้จะไม่ครบจำนวนก็ตาม เบนซ์ส่งกีต้าร์โปร่งให้จูนที่เอ่ยปากขอเล่นเพลงต่อไปบ้าง ปัญญาที่คุยกับเพื่อนอีกคนอย่างออกรสเรื่องผลฟุตบอลก็หันกลับมาให้ความสนใจกับรุ่นน้องที่ผละออกจากบันมาได้ในที่สุด เมื่อเห็นหน้ารุ่นพี่ โดนัทถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจทันที

“พี่ปัน! ทำไมหน้าพี่แดงขนาดนั้น ดื่มหนักขนาดนั้นเลยเหรอ พี่โอเคไหมครับเนี่ย”

“หา?” เจ้าตัวยกมือแตะหน้าของตัวเอง ก็ไม่ได้ร้อนขนาดนั้นสักหน่อย “หน้าพี่แดงเหรอ มากไหม”

“มากครับ” พูดด้วยสีหน้าที่ยังตกใจไม่หายก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นยิ้มขัน “พี่ปัน บอกห้ามคนอื่นไม่ให้กินแต่ตัวเองกินซะ… กลิ่นเหล้าหึ่งเลยเนี่ย ดื่มมากไปก็ไม่ดีนะพี่”

“อะไร เข้าใจผิดเปล่า แน่ใจนะว่ากลิ่นมาจากพี่” พูดพลางดึงตัวอีกฝ่ายมากอดแนบอก โดนัทเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ ใบหน้าขึ้นสีอย่างรวดเร็วราวกับมีใครเอาสีแดงมาสาด หัวใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิด และเพราะเห็นสายตาของเพื่อนจับจ้องมาอย่างล้อเลียนเจ้าตัวก็เริ่มดิ้นตัวพร้อมกับพูดอึกอัก

"จะกลัวทำม้าย" เจ้าตัวหัวเราะร่วนแต่ก็ยอมคลายอ้อมแขนออกอย่างว่าง่าย "คนอื่นเขาก็รู้กันหมดแล้วอยู่ดี แต่เอาเถอะ ครั้งนี้ยอมปล่อยไปก่อนก็ได้"

"ครั้งนี้เหรอครับ..." โดนัทพูดอย่างไม่ไว้ใจ ปัญญาเริ่มหันไปให้ความสนใจกับการแสดงของเพื่อนที่คนกลุ่มใหญ่กำลังรุมล้อม เจ้าตัวตะโกนบอกให้จูนเปลี่ยนเพลงที่กำลังเล่นเพราะอยากร้อง เด็กสาวสวนกลับมาว่าเล่นเพลงดังกล่าวไม่เป็นพร้อมกับท้าให้ปันเล่นเอง ทำเอาคนอื่นๆ หันมาร้องห้ามแทบไม่ทัน

"อย่าให้ไอ้บ้านี่ได้แตะกีต้าร์หรือเปล่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียวนะมึง"

"ไจแอนท์กลับชาติมาเกิดชัดๆ"

"เสียงหลงยังกับควายออกลูก"

"สัส! พวกมึงแม่งปรักปรำกู" คนที่มีสติครึ่งๆ กลางๆ โวย "เสียงกูไม่ได้แย่ขนาดนั้นโว้ย"

"ไม่จริงอ้ะ!" บรรดาเพื่อนร่วมห้องที่อยู่ด้วยกันมานานสวนกลับมาแทบจะทันที เรียกเสียงหัวเราะรอบตัวอีกครืนใหญ่

"ไอ้ห่านี่แม่งทำอะไรก็ดีไปหมด ยกเว้นทางด้านดนตรีนี่แหละ โคตรดับ"

"สาด พวกมึงอย่าเผากูต่อหน้าโดสิวะ"

"โห่" ตามมาด้วยเสียงโห่แซวกันอีกยก พูดเล่นกันจนพอใจแล้วคนกลุ่มใหญ่ถึงกลับไปให้ความสนใจกับการแสดงดนตรีสดตรงหน้าต่อ ในขณะที่ปัญญาเริ่มตาปรือลงเรื่อยๆ เพราะเหล้าเริ่มออกฤทธิ์ รู้ตัวอีกทีเขาก็เลื้อยไปแถวๆ บ่าของรุ่นน้องข้างตัวแล้ว โดนัทเอื้อมมือมาลูบผมเขาก่อนจะกระซิบที่ข้างหูเสียงนุ่ม

"ง่วงแล้วเหรอครับ พี่ปัน หลบเข้าไปนอนพักหน่อยไหม"

เขาพึมพำตอบรับไปโดยไม่รู้ตัว โดนัทพาเขามาหลบที่ห้องเล็กที่พวกเพื่อนๆ ใช้เล่นเกมจนถึงเมื่อกี้ แต่ตอนนี้มันว่างเปล่าไร้ผู้คน ปัญญานั่งลงบนโซฟา ยกมือขยี้ตางงๆ ขณะโดนัทหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง

"ผมอยากจะพูดแบบนี้กับพี่ก่อน แต่เดาว่าเพื่อนๆ พี่คงชิงตัดหน้าพูดไปก่อนแล้ว ยินดีด้วยนะครับที่จะได้ไปแลกเปลี่ยน นี่ของขวัญจากผม"

ปัญญามองสร้อยข้อมือสีเงินที่อีกฝ่ายคล้องรอบข้อมือข้างขวาของเขาด้วยหัวใจที่พองฟูขึ้นเรื่อยๆ และทันทีที่เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มหวานให้ ปัญญาก็คว้าไหล่ของรุ่นน้องแน่นพร้อมกับก้มหน้าลงไปเบียดริมฝีปากของตัวเองลงบนกลีบปากของอีกฝ่าย

โดนัทเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ พยายามดิ้นหนีจากสัมผัสนั้นในครั้งแรกเพราะไม่ทันตั้งตัว หากวินาทีต่อมาเขากลับปล่อยให้อีกฝ่ายจูบลงมาแบบนั้น อะไรบางอย่างบอกเขาว่านี่เองก็เป็นจูบแรกของรุ่นพี่ตรงหน้าเหมือนกัน เพราะมันดูเรียบง่าย ไม่มีประสบการณ์ เขาเองก็เหมือนกัน

เขาปิดเปลือกตาลง ปล่อยให้ความหวานอุ่นซ่านขึ้นในโพรงปากตามที่อีกฝ่ายค่อยๆ แตะลิ้นลงมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ มือที่บีบไหล่เขาแน่นค่อยๆ คลายลง กลายเป็นเขาเองที่จิกแขนปันแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อจากนั้น เสียงเปิดประตูบานเลื่อนอย่างรวดเร็วก็ทำให้โดนัทที่มีสติมากกว่าผลักไหล่รุ่นพี่ออก เขาหันกลับไปมองบันที่จ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าอึ้งๆ

"เอ่อ คือ พี่ปัน พ่อพี่มารับแล้วครับ"

"อะ อื้อ ขอบใจนะบัน" ปัญญาว่าด้วยสีหน้าที่แดงก่ำไปจนถึงหู เขาลุกขึ้นพรวดออกจากโซฟา หันมาล่ำลารุ่นน้องอีกคนที่เพิ่งขโมยจูบไป "งั้น... ไปก่อนนะ โด แล้วคุยกัน"

"อื้อ สวัสดีครับพี่ ฝันดีฮะ"

นั่นแหละปัญญาถึงได้รีบเผ่นไปหาพ่อที่รออยู่หน้าบ้านได้

โว้ย... นี่เขาเมาหนักจนทำอะไรขาดสติขนาดนั้นลงไปได้ยังไงโว้ย!



บันเหลือบมองเพื่อนข้างตัวหลังจากที่รุ่นพี่อีกคนกลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว เห็นใบหน้าที่ยังติดแดงระเรื่อ นัยน์ตากลมโตหลบลงต่ำแบบนั้นลงแล้วอดไม่ได้ ต้องถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง

"มึงกับพี่ปันคบกันแล้วเหรอวะ"

"เปล่า ก็... ยัง"

"มึงแน่ใจนะว่าไม่ได้กำลังโดนเขาปั่นหัวอยู่"

"พี่ปันไม่ใช่คนแบบนั้น"

"เออ เท่าที่กูรู้จักพี่ปันมา เขาก็ดูไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก แต่อะไรที่มันไม่ชัดเจนน่ะ อันตรายนะมึง ไปคุยกับเขาตรงๆ เลยไหมว่าเรื่องระหว่างเขากับมึงมันยังไง"

"พี่ปันไม่ชอบอะไรรวบรัดหรอก"

"เออ ก็คงงั้น แต่เขากำลังจะไปแลกเปลี่ยนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า กลับมาก็เตรียมเข้ามหาลัย จบม. ปลายแล้วก็แยกย้ายกันไป มึงแน่ใจนะว่าทุกอย่างจะยังโอเคเมื่อถึงตอนนั้น"

"ห่าบัน หุบปากเลย"

"กูพูดจริงๆ นะ โดนัท ไม่อยากให้มึงเจ็บทีหลัง มึงเองก็รอพี่เขามานานแล้วไม่ใช่รึไง ถึงเวลาต้องทำอะไรเองบ้างแล้วม้าง"

โดนัทไม่ตอบ หากในหัวคิดตามสิ่งที่เพื่อนพูดและพยักหน้าเห็นด้วยในใจเงียบๆ เขารู้อยู่แก่ใจมาก่อนแล้วว่าคนอย่างปัญญาคงไม่ยอมสารภาพรักหรือขอเขาคบง่ายๆ ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ว่าเขาจะตอบรับ แต่ในเมื่อเขาแสดงออกชัดเจนและยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้ แถมยังไอ้จูบที่ดูเหมือนข้ามขั้นตอนเมื่อกี้นั่นอีก บางทีเขาควรเริ่มลงมือทำอะไรตามที่บันบอกจริงๆ นั่นแหละ







"ไอ้ปัน เอ็งเดินให้มันตรงทางหน่อยได้ไหมวะ แล้วนี่ใครสั่งใครสอนให้แดกเหล้าเยอะแบบนี้ นี่กินหรือลงไปอาบ"

"อือ พ่อ เงียบหน่อยได้ไหม" พ่อตัวดีที่ยกแขนพาดบ่านพดลอยู่งึมงำขณะก้าวเท้าขึ้นบันไดบ้านที่อีกฝ่ายพยายามลากขึ้นไป "ปันปวดหัวนะ"

"สมควรให้ปวดหัวตายไปเลย นี่ ก้าวเท้าสิไอ้ปัน แกคิดว่าตัวเองเบานักเหรอ รีบๆ เดินหน่อยได้ไหมจะได้ถึงห้องสักที"

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง นพดลก็กึ่งลากกึ่งเหวี่ยงลูกชายตัวแสบไปนอนแผ่บนฟูกเตียงพร้อมกับถอนหายใจเฮือกอย่างเหนื่อยอ่อน ปันน้ำหนักตัวเยอะกว่าเขา แถมยังสูงเก้งก้างทำเอาปวดบ่าไปหมด ชายหนุ่มมองคนที่นอนแผ่บนเตียงแล้วเตรียมจะผละออกจากห้อง แม้จะไม่อยากให้เจ้าตัวนอนทั้งๆ ที่ยังไม่อาบน้ำ แต่ก็รู้ว่าคงไม่สามารถลากมันไปอาบได้แน่ ทันใดนั้นเองคนบนเตียงก็คว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อเขา ดลหันกลับไปมองงงๆ

"พ่อ... ปันจะไปเมกาแล้วนะ"

"เออ รู้แล้ว แกบอกแล้วนี่ว่ายื่นใบตอบรับไปแล้วน่ะ"

"ปันไปแล้วพ่อจะเหงาไหมฮะ"

อารมณ์ไหนของมันเนี่ย มาอ้อนแบบนี้ "แกไปแค่สิบเดือนเอง ไอ้ปัน อย่ามาดราม่า"

"มันก็ใช่ฮะที่ผมจะไปแค่แป๊บเดียว แต่..." เจ้าตัวพึมพำ "เราไม่เคยแยกกันนานๆ เลยนี่นา ผมว่าผมต้องคิดถึงพ่อมากแน่เลย"

โอ๊ย เด็กบ้าเอ๊ย โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังจะมาอ้อนอยู่อีก ...ถึงจะน่ารักดีก็เถอะ

"เอาน่า คิดถึงก็คอลไลน์มาหาได้ สมัยนี้เทคโนโลยีก้าวกระโดดจะตาย เลิกอ้อนแล้วก็นอนได้แล้ว พรุ่งนี้หัวดับแน่แกเอ๊ย แดกเหล้าจนหมดสภาพขนาดนี้"

"พ่อ... เตรียมยาให้ปันด้วยนะ" ก็ยังทำเสียงอ้อนไม่เลิก เออ หรือว่าลูกเขาพอเมาแล้วจะชอบทำตัวงุ้งงิ้ง?

"ฝันดีนะปัน พ่อจะไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน" ชายหนุ่มพูดทิ้งท้าย และคราวนี้ไม่มีอะไรตอบกลับมาเพราะเจ้าตัวแสบสลบไปแล้ว

นพดลเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมสีดำสนิทที่ปรกหน้าผากของลูกชายอย่างรักใคร่ จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้องเงียบๆ





หลังจากจัดการเอาลูกชายที่เมาแทบไม่ได้สติกลับบ้านและส่งขึ้นเตียงได้ นพดลก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวกลับมาที่ห้องนอนที่มีเตียงใหญ่ที่มีเตียงสำหรับสองคน มันยังเป็นเตียงหลังเดิมที่เขาเคยใช้นอนกับมิ้นต์ ภรรยาที่เสียไปแล้วของเขา ไม่คิดจะเปลี่ยนใหม่ด้วยเพราะไม่เห็นความจำเป็น และถึงเขาจะอยู่คนเดียวแต่การได้นอนเตียงกว้างๆ ก็สบายดี

ดลเปิดโน้ตบุ๊คของตัวเองขณะกางเอกสารเกี่ยวกับทุนที่ปัญญาได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขากวาดตาอ่านสัญญาที่อยู่ในนั้นอีกครั้งอย่างละเอียดทุกแผ่น โดยเฉพาะเจ้าทุนตัวใหม่ที่ลูกชายของเขากำลังจะได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เจอจุดโหว่ตรงไหนที่จะย้อนกลับมาทำร้ายพวกเขาได้ในตอนหลังเลย

รายละเอียดทุกอย่างรัดกุม และคนที่ได้ประโยชน์ก็คือลูกชายเขาเต็มๆ

นพดลควรจะสบายใจกับเรื่องนั้น แต่ไม่รู้ทำไม เขากลับรู้สึกว่าทุกอย่างนี่มันง่ายไปหน่อย และมันทำให้เขารู้สึกไม่ดีเลย

หรือว่าเขาจะคิดมากไป?

ชายหนุ่มเริ่มลงมือหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับทุนตัวนี้และบริษัทที่เป็นผู้ให้ทุน แต่เขาแทบไม่เจออะไรที่มีประโยชน์เลย หน้าโฮมเพจของตัวบริษัทเองก็โล่งโจ้งจนแทบไม่มีอะไร อาจจะเป็นเรื่องปกติของบริษัทเล็กๆ แต่แบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยอธิบายอะไรให้เขาเลย

สงสัยคงต้องหาตัวช่วย… เขาเองก็ไม่เก่งกับการขุดหาข้อมูลหรืออะไรแบบนี้เหมือนกัน และแล้วเขาก็นึกถึงใครที่น่าจะพอช่วยได้ขึ้นมา

ชายหนุ่มต่อสายโทรศัพท์ไปยังเพื่อนสมัยเรียน ปลายสายรับในกริ่งที่สามขณะกรอกเสียงเข้ามาทักทายอย่างร่าเริง

“ฮัลโหล สวัสดีดล ไม่ได้คุยกันตั้งนาน เป็นไงบ้าง”

“ไง เกรซ” เขายกยิ้มขึ้นนิดๆ เมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนสาวที่เขาเพิ่งไปงานแต่งมาเมื่อห้าปีก่อน จะว่าไป เขาก็ห่างหายเพื่อนๆ ไปนานเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าไม่ใช่ว่ามีงานสำคัญๆ อย่างงานแต่งหรืองานเลี้ยงรุ่น เขาก็แทบไม่เจอใครเลย “โทษทีนะที่อยู่ๆ ก็โทรมา ว่าแต่เธอกับสามีเธอ… คุณสนน่ะ ยังทำงานเป็นนักสืบเอกชนอยู่ไหม”

“ทำสิ ไม่ทำแล้วจะเอาอะไรกิน” หล่อนหัวเราะเสียงใส มีเสียงแว่วๆ ของชายหนุ่มอีกคนดังลอดมาจากโทรศัพท์ ดลเดาว่าคงเป็นสามีคนที่เขากำลังพูดถึงนั่นแหละ “ทำไมจ๊ะ อยากให้ช่วยอะไร ตามหาแมวหาย หมาหาย เมียมีชู้… แต่นายยังไม่ได้แต่งงานใหม่นี่หว่า ถูกมะ?”

“เอ่อ เปล่า ไม่ได้แต่ง”

“ก็ว่างั้น… นี่ นายจะมัวแต่อาวรณ์อดีตไม่ได้นะ เพื่อน ไปหาสาวใหม่มาได้แล้ว ปันจะได้มีแม่ใหม่ด้วยไง” ก็ไอ้แบบนั้นน่ะสิที่จะทำให้บ้านแตก “เออ แล้วนี่น้องปันลูกนายอายุเท่าไรแล้วเนี่ย ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มแล้วสิ”

“ปีนี้ 17 แล้ว แต่เดี๋ยวก่อน ช่วยฟังหน่อยได้ไหม ฉันมีเรื่องอยากให้เธอกับคุณสนช่วยตามดูให้หน่อย”

“อ้อ เอาสิคะ ว่ารายละเอียดมาเลย เดี๋ยวจะคิดค่าบริการให้เป็นพิเศษ”

นพดลจึงจัดแจงเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้เพื่อนฟังก่อนจะตบท้ายว่า “แค่อยากให้ช่วยดูหน่อยว่าตกลงทุนนี้มันยังไงกันแน่ แล้วมีคนอื่นได้อีกไหม ทางนั้นจะไม่ตุกติกอะไรแน่ๆ รึเปล่า”

“อืม โอเค งั้นพรุ่งนี้นายส่งรูปถ่ายเอกสารพวกนั้นมาหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวเราช่วยดูให้”

“ขอบใจนะ”

“แต่นายนี่ก็แปลกนะ ทั้งๆ ที่มั่นใจว่าสัญญามันรัดกุม เงินก็ได้มาฟรีๆ ยังจะระแวงอีก”

นพดลลอบถอนหายใจนิดหนึ่งก่อนจะพูดอย่างคนที่มองโลกตามความเป็นจริง “ก็เพราะฉันรู้ดีไงว่าในโลกนี้มันไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ น่ะ”





-----------------------------------------------
Talk: ก็ยังจะอุตส่าห์มีปมสืบสวนเนอะ ชอบเหลือเกินเล่นเป็นนักสืบเนี่ย 5555555 เนื้อเรื่องซีเรียสขึ้นตามลำดับค่ะ ใครยังสู้ไหวก็ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ อิอิ >3<
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 16-09-2017 13:32:22
เริ่มละ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-09-2017 14:36:23
 :m9: :m9:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-09-2017 15:41:55
ก็น่าระแวงอยู่หรอก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-09-2017 17:11:13
ไอ้เว็บเพจโล่งโจ้งนี่น่ากลัวมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: b2uty_pang ที่ 16-09-2017 17:26:48
ลุ้นนน
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-09-2017 18:28:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-09-2017 19:36:22
ดูๆ ไม่น่ามีอะไรตุกติกนะ
แต่อย่างว่าเพื่อความสบายใจ
สืบไว้ก่อน เป็นการไม่ประมาท

ปัน โด ก็ยังไม่คบกัน
แต่อย่างบันว่า คบกันก็บอกกันให้ชัดเจนดีกว่า
แต่เหมือน มันจะมีดราม่านะคู่นี้
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-09-2017 22:52:51
อยากรู้เหมือนกันนะว่า ใครใจดีให้ทุนแบบนี้ หรือจะเป็นเนื้อคู่ของคุณพ่อ 555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-09-2017 00:04:34
โคนันสายย่อยนะ คุณดล
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-09-2017 01:10:35
ใครคือคนให้ทุนนน
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-09-2017 03:54:38
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 17-09-2017 04:24:21
ลุ้นตัวโก่ง
เป็นเรื่องที่เดาพล๊อตไม่ถูกจริงๆ เยี่ยมมากครับ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: qunchamiin ที่ 17-09-2017 08:04:24
ลุ้นมากกก ใครจะได้คู่กับใครยังเดาไม่ออก5555555555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 17-09-2017 17:02:03
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากก รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: chuxm ที่ 20-09-2017 17:32:48
สนุกดีค่ะ ติดตามนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 20-09-2017 21:57:34
เป็นทุนที่น่ากลัว
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-09-2017 05:15:48
เจ้าของทุนมาคู่กับคุณพ่อไหมคะ ชอบความสัมพันธ์พ่อลูกตรงนี้มาก ไม่อยากให้มีอะไรมาพังตรงนี้เลย อย่า incest เลยนะคะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 22-09-2017 11:47:36
เพิ่งเข้ามาอ่าน เนื้อเรื่องสนุกดี คู่ของพ่อคือเจ้าของทุนสินะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 22-09-2017 18:44:57
เพิ่งมาอ่านสนุกมาก อ่านไปเรื่อยๆถึงรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรพลาด รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 8) P.4 [16/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 23-09-2017 10:56:03

บทที่ 9




ปัญญามองหน้าจอโทรศัพท์ขณะที่นั่งอยู่ในรถสองแถวที่จะพาเขาไปส่งหน้าปากซอยของโรงเรียน แรงสะเทือนน่าเวียนหัวไม่เป็นอุปสรรคกับเขาเท่าไรนัก เพราะตอนนี้เขากำลังจมดิ่งลงไปในห้องความคิดหลังจากอ่านคอมเม้นท์ในเชิงลบใต้รูปคู่ของเขากับโดนัทที่ถูกแอบถ่าย


'เดี๋ยวนี้เป็นเกย์แม่งเป็นกระแสไปแล้วเหรอวะ กูไม่เห็นจะเข้าใจว่าน่าชื่นชมตรงไหน'


แน่นอนว่าคอมเม้นท์ในแง่ลบแบบนี้เป็นส่วนน้อย และส่วนมากก็จะโดนสาววายทั้งหลายด่าและรุมประณามแบบเสียลูกเสียคนไปข้าง แต่ก็บางส่วนที่เข้ามาแสดงความเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ และถ้าให้พูดกันตามตรง ปัญญาไม่แปลกใจหรอกถ้าจะมีคนไม่ชอบใจ ดูคนใกล้ตัวอย่างพ่อเขาเป็นไง ถ้าพ่อเข้ามาร่วมวงตรงนี้ เขาเชื่อว่าพ่อเขาจะต้องอยู่ในกลุ่มของคนที่ไม่ชอบใจด้วยแน่

อืม... มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะมั้ง เขาเองก็ทำใจไว้ก่อนแล้วกับเรื่องแบบนี้ จะเก็บมาคิดมากไปก็ใช่เรื่อง

ปัญญาเดินลากเท้าไปตามพื้นคอนกรีต เดินผ่านรั้วโรงเรียนและยกมือไหว้ครูที่ประจำอยู่ตรงจุดนั้น เดินผ่านเข้าไปมีศาลาที่วางพระพุทธรูปขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เขายกมือไหว้พระอย่างที่ทำเป็นประจำแล้วจึงเดินตัดพื้นที่จอดรถสำหรับบรรดาอาจารย์และบุคลากรในโรงเรียน ก้าวเท้าลงเดินทางที่ทอดยาวไปถึงตึกเรียนขนาดใหญ่ตรงหน้าก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อใครบางคนกระแทกตัวพร้อมกับฉุดแขนเขาไป จากนั้นจึงมาด้วยเสียงทักทายอย่างร่าเริง

"สวัสดีครับ พี่ปัน วันนี้มาเช้าจังนะฮะ"

"โด!" ปันพูดขึ้นอย่างแปลกใจระคนโล่งอก "ตกใจหมดเลย อยู่ๆ โผล่มางี้ เดี๋ยวพี่หัวใจวายไปจะทำไง"

"โธ่ เรื่องแค่นี้เอง พี่ปันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกน่า" พูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานหยดให้ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตมองเขานิ่ง "ขนาดเมื่อวันเสาร์ เมาขนาดนั้นยังผ่านมาได้"

คำพูดนั้นทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งตัวเฮือก นึกถึงริมฝีปากนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายเขาที่เขาก้มลงไปจูบอย่างถือวิสาสะ ผนวกกับสายตาวิบวับของโดนัทแล้ว ยิ่งทำเอาปัญญาเหงื่อตก

จูบแรกของเขา... และอาจจะเป็นจูบแรกของอีกฝ่ายด้วย เขากลับทำมันตอนที่เมาจนสติแทบไม่อยู่กับร่องกับรอยแบบนั้น... บ้าเอ๊ย! เขาทำลงไปได้ยังไงเนี่ย จะฉวยโอกาสคนอื่นเขายังไม่พอ ยังจะทำลงไปในสถานการณ์ที่ไม่น่าให้อภัยที่สุดอีก

“พี่คงไม่ได้กำลังจะบอกผมหรอกใช่ไหมครับว่าลืมเรื่องวันเสาร์ไปหมดแล้ว” โดนัทที่ปล่อยมือออกจากแขนไปตั้งแต่ตอนไม่รู้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงท้าทายเล็กน้อย อันที่จริงก็คือเด็กหนุ่มรู้ดีว่าปัญญาไม่ชอบให้แตะเนื้อต้องตัวในที่สาธารณะมากเกินไป และเขาก็ระมัดระวังตัวมากพอที่จะไม่ทำอะไรก็ตามที่อีกฝ่ายจะไม่ชอบ

“เปล่า พี่… พี่ไม่ได้ลืม” เจ้าตัวก้มหน้างุดๆ ตอบในตอนแรก แต่เมื่อรู้สึกถึงสายตากลมโตที่จับจ้องอยู่ เขาก็เงยหน้าสบตาอีกฝ่ายตรงๆ รู้สึกได้ถึงความคาดหวังและการรอคอยจากเด็กหนุ่มตรงหน้า น้ำเสียงของปัญญาจึงหนักแน่นขึ้นขณะว่า “พี่จำได้ทุกอย่าง… จำได้ละเอียดด้วย”

น้ำเสียงมั่นคงนั่นทำเอาโดนัทที่ตั้งใจจะคาดคั้นอีกฝ่ายจนถึงที่สุดหน้าร้อนวูบขึ้นมา สังเกตเห็นว่าใบหน้าของรุ่นพี่เองก็แดงระเรื่อเล็กน้อยเหมือนกัน และมันทำให้ใจเขาฟูฟ่องอย่างเป็นสุขและมีความหวัง

เรื่องของพวกเขาสองคนมันชัดเจน… ชัดเจนมาตั้งแต่วันแรกที่ปัญญาเข้ามาถามเขาในวันรับน้องแล้ว

เขารู้ดีว่าความรู้สึกนี้คืออะไร และเขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตาแบบไหน แต่ไม่รู้ทำไมทุกอย่างมันถึงได้เชื่องช้าและไม่ไปต่อข้างหน้าสักที

‘พี่ปันกำลังรอโอกาส…’ โดนัทลอบคิดในใจอย่างเข้ารู้ดี ‘เขาอยากให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมั่นคง เขาคงอยากจะสารภาพและขอคบเป็นในบรรยากาศโรแมนติกหรืออะไรแบบนั้น แต่ผมรออะไรแบบนั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว’

“พี่ปัน…” เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอขณะรวบรวมความกล้า มือกำหมัดแน่นขึ้นและรู้สึกถึงเหงื่อที่ชื้นเต็มฝ่ามือ เขาไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด เวลาจะมีเรื่องกับใครเขาก็ไม่เคยหวั่นเกรง กับคิตตี้ก็เหมือนกัน ถ้าเรื่องที่หล่อนหยิบยกขึ้นมาพูดไม่ใช่เรื่องของปัญญาแล้ว เขาเองก็คงไม่ยอมลงให้หล่อนง่ายๆ ขนาดนั้น

แต่พอเป็นเรื่องของรุ่นพี่คนนี้ทีไร… ทุกอย่างมันไม่เคยง่ายเลยจริงๆ

“หือ? อะไรเหรอครับ โดนัท”

“เมื่อไหร่พี่ปัน… จะบอกชอบผมเหรอครับ”

หลุดคำถามออกมาแล้วเสียงทุกอย่างรวบตัวก็เหมือนจะถูกความมืดกลืนกินไป ปัญญาอ้าปากค้าง มองใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ ของรุ่นน้องแล้วรู้สึกว่าหน้าร้อนตามไปด้วย

ทีแรกโดนัทหลุบตาต่ำมองพื้น หากเจ้าตัวค่อยๆ ช้อนสายตากลมโตที่เต็มไปด้วยร่องรอยน้อยใจและตัดพ้อที่เขาไม่ยอมทำให้ทุกอย่างมันชัดเจนเสียที ท่าทางแบบนั้นทำเอาปันทั้งรู้สึกผิดและรู้สึกอยากจะกดอีกฝ่ายเข้าฝาผนังของโรงเรียนไปพร้อมๆ กัน ไม่สิ ความรู้สึกอยากฟัดเจ้าตัวน่าจะรุนแรงกว่า แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดหรือทำอะไร โดนัทก็กลับมายืนหลังตรง หันหน้าหนีเขานิดหนึ่งเหมือนจะสื่อให้คนเป็นรุ่นพี่เห็นว่า เขากำลัง ‘งอน’

“งั้น… ผมพูดเรื่องที่ผมอยากจะพูดจบแล้ว ขอขึ้นห้องเรียนก่อนนะครับพี่ นัดเพื่อนไว้จะลอกการบ้าน”

ถ้าเป็นตามปกติ ปันคงเอ็ดรุ่นน้องไปแล้วว่าไม่ควรลอก แต่นี่เขายังอึ้งเกินกว่าจะทำแบบนั้น

โดนัทหยุดฝีเท้าลงหลังจากเดินต่อไปได้สามก้าว หันหน้ากลับมา แก้มเนียนยังคงแดงระเรื่อค้างจากเมื่อครู่

“ผมรออยู่นะครับ พี่ปัน และผมไม่ชอบรอนาน”

ทิ้งท้ายเสร็จเด็กหนุ่มก็หมุนตัวแล้ววิ่งแจ้นขึ้นตึกเรียนไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ปัญญายืนมองแผ่นหลังของร่างเล็กค้างอยู่อย่างนั้น

ให้ตายสิ… รู้สึกเหมือนหัวใจจะกระดอนหลุดออกมาจากอกได้เลย!






“เหย จริงเหรอ โดนัทพูดกับแกแบบนั้นเลยเหรอ” เบนซ์กระซิบถามเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลังจากที่ปัญญาเล่าเรื่องที่เพิ่งเจอสดๆ เมื่อเช้าให้อีกฝ่ายฟัง “ไอ้ห่านจิก สุดยอดเลยว่ะ น้องเขาแม่งแมนกว่ามึงอีก”

“อ้าว ไอ้สัส พูดแบบนี้อยากมีเรื่องเหรอ”

“เฮ้ย ใจเย็นเพื่อน กูแค่พูดตามความจริง ถึงยังไงกูก็เพื่อนมึง”

“ให้มันจริงเหอะ”

เบนซ์ดึงเก้าอี้ฝั่งที่มีพนักพิงให้อยู่ตรงหน้าปันแล้วยกขาขึ้นพาดไปอีกฝั่ง วางคางลงบนขอบพนักเก้าอี้ที่ควรจะหันไปอีกทางหากเทียบกับทิศทางที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่ เจ้าตัวมีใบหน้ายิ้มกริ่มอย่างคนนึกสนุก

“แล้วมึงจะว่าไง”

“ว่าอะไร”

“ที่น้องเขาพูดมานี่ก็เท่ากับสารภาพรักกลายๆ แล้วนะ”

“ไม่มีการบอกรักสักคำ”

“ขอทีเหอะน่า ไอ้ปัน เอ็งไม่ใช่คนโง่นะ”

ปัญญานิ่งไปนิดหนึ่งเหมือนไม่ยอมรับ แต่แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ “เออ กูก็รู้หรอกว่าน้องเขาคิดยังไงกับกู”

“และมึงก็คิดแบบนั้นกับน้องเขา”

“ใช่”

เบนซ์แบมือสองข้างออกข้างลำตัว “แล้วปัญหาอยู่ตรงไหนครับ?”

“ปัญหาอะไร”

“เลิกแกล้งโง่เหอะน่ะ ก็ปัญหาที่มึงไม่ขอน้องเขาคบเป็นเรื่องเป็นราวอยู่นี่ไง”

“กู…” พูดแล้วก็ถอนหายใจออกมาอีกเฮือกหนึ่ง พูดอุบอิบ “กูแค่อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป”

“บางทีนี่ก็ค่อยไป… สปีดเต่าทากอาจจะเร็วกว่านี้ มึงคั่วน้องเขามาเป็นเดือนๆ แล้วนะ”

“มึงจะพูดว่าหอยทากรึเปล่า”

“เปล่า กูจะพูดเต่าทากนั่นแหละ เป็นส่วนผสมของเต่าและหอยทาก แถมยังช้ากว่าไอ้สองตัวนี้รวมกันซะอีก”

“สร้างสรรค์ดี”

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง!” ตีโต๊ะปันดังปัง! “มึงจะเอายังไง ขอน้องเขาคบหรือปล่อยไว้เป็นแบบนี้ต่อไป”

“ทำไมมึงขี้เสือกอะ เบนซ์”

“สัส ไหนใครบอกเป็นเพื่อนกูวะ”

“เออๆๆ” ปันว่าพร้อมกับมองขึ้นบนเพดานอย่างครุ่นคิด “กูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ะ”

“อะไรคือปัญหาของมึงกันแน่วะเนี่ย”

“คืออย่างนี้” ปัญญาโน้มหน้าเข้ามาใกล้เพื่อนมากขึ้นขณะอธิบาย “มึงก็รู้ว่าเดี๋ยวกูก็ต้องไปแลกเปลี่ยนอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี่แล้ว ถูกไหม”

“อ่าฮะ”

“แล้วกูจะไม่อยู่ไทยตั้งสิบเดือน แถมพอกลับมา กูก็ต้องเริ่มเตรียมเข้ามหาลัย แล้วพอเข้ามหาลัย--”

“โอเค กูเข้าใจล่ะ มึงเป็นห่วงเรื่องอนาคต”

เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงัก

“มึงไม่คิดมากไปหน่อยเหรอวะ บางทีคบกันระยะไกลมันอาจจะไม่แย่ขนาดนั้นก็ได้นะเว้ย ญาติกูก็มีแฟนที่ไปเรียนมหาลัยที่ญี่ปุ่นตั้งสี่ปี เขาก็ยังรักกันดี”

“กูไม่อยากปิดโอกาสน้องโด”

“และตัวมึงด้วย?”

“กูไม่ห่วงตัวเองหรอก กูไม่ใช่คนที่จะชอบใครง่ายๆ”

เรื่องนั้นเบนซ์ไม่เถียงเลย เขาคบกับอีกฝ่ายมาตั้งแต่ชั้นประถมตอนปลายและรู้จักเจ้าตัวดีว่าเป็นคนยังไง

“แต่กูอยากให้เวลาที่มันต้องห่างกันแบบนี้ปล่อยๆ กันไปก่อน ถ้าเขาอยากจะไปมีคนใหม่จะได้ไม่ต้องอึดอัดใจเพราะมีกูเป็นบ่วงรัดคอไว้ กูก็ไม่ต้องคิดมากตอนอยู่นู่นด้วยเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ต้องคาดหวัง แบบนั้นมันสบายกว่าอีก”

“และถ้ามึงกลับมาแล้วน้องเขามีแฟน?”

เบนซ์สังเกตเห็นร่องรอยความเจ็บปวดเบาๆ ที่พาดผ่านลงบนนัยน์ตาของเพื่อน

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้ กูก็ได้แต่ร่วมยินดีด้วย”

“กูว่ามึงแม่งดูหนังมากไปว่ะ ปัน” ส่ายหน้าเหมือนไม่เห็นด้วยกับความเป็นพระเอกไม่เข้าเรื่องของอีกฝ่ายก่อนจะเริ่มสั่งสอนด้วยความคิดของตัวเอง “คนเราเนี่ยนะ ถ้ารักกันมันก็รักกันปะวะ รักกันก็คบกัน ก็แค่นั้นเอง ละถ้าเขาจะไปมีคนใหม่อะไรก็ให้เขามาบอกเลิกมึงไปตอนนั้น จบ แบบนั้นแม่งไม่ดีกว่าเหรอ อย่างน้อยก็ได้ลองพยายามแล้ว จะไปรอดหรือไม่รอดก็จะได้รู้กันไป ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย”

“กูไม่เห็นด้วยกับมึงว่ะ”

“ก็ตามใจ” เพื่อนรักเขาว่าพร้อมกับหันกลับไปนั่งดีๆ เมื่ออาจารย์เดินเข้ามาในห้องเรียน “แต่มึงลองคิดดูดีๆ ว่าปล่อยให้น้องเขารอมานานแค่ไหนแล้ว ถึงขนาดต้องมาพูดแบบนั้น… กูไม่รู้ล่ะ มึงเป็นคนฉลาดนี่ ไปคิดเอาเองแล้วกัน”

ขุดหลุมฝังระเบิดเสร็จก็หยิบสมุดปากกาขึ้นมา… ไม่ใช่เตรียมจดเนื้อหาการเรียนนะ เตรียมมาวาดรูปเล่นนี่แหละ

ที่เหลือก็แค่… รอเวลาให้ระระเบิดที่เขาฝังไว้ทำงานก็เท่านั้น








“ฟู่ว… ให้ตายสิ ร้อนชะมัด” ผมพูดหลังจากที่รื้อสารพัดกล่องซึ่งหมกตัวอยู่ในห้องเก็บของมายาวนานเป็นสิบๆ ปีมาวางเรียงอยู่ที่หน้าบ้านเพื่อเตรียมทำ “5ส” ในบ้านที่ตั้งปณิธานไว้กับตัวเองว่าจะทำมาเป็นตลอดระยะเวลา… เอ่อ หลายปีแล้วล่ะ แต่เหมือนวันนี้จะเป็นวันที่ฤกษ์งามยามดี ท้องฟ้าเป็นใจ อากาศแจ่มใส ผมถึงได้ปัดเป่าตัวขี้เกียจออกจากร่างและลงมือทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ได้

“อ้าว พ่อ” ไอ้ปันที่เดินถือกระเป๋าสำหรับนอนค้างคืนที่อื่นออกมาด้วยหันมามองอย่างงุนงง “ทำอะไรน่ะ จะทิ้งของเหรอ? ห้ามทิ้งพวกกันดั้มแล้วก็ฟิกเกอร์เก่าๆ ของผมนะ หนังสือการ์ตูนด้วย”

“ถ้าไม่อยากให้ทิ้งเอ็งก็มาช่วยแยก… แล้วนี่จะไปไหน ไม่เห็นบอกเลยนี่ว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะออกไปค้างที่ไหน?”

“เฮ้ย” ปัญญาสะดุ้งตัว สีหน้าเหลอหลาไม่แพ้ผมเช่นกัน “ผมบอกแล้วไงพ่อว่าลุงจุ้ยพ่อไอ้เบนซ์ชวนไปตีกอล์ฟด้วยกันที่บ้านตากอากาศของแก ไหนจะยังเทนนิสกับว่ายน้ำอีก ผมสัญญากับไอ้เบนซ์ไว้แล้วนะ”

จริงๆ ที่ไอ้ปันจะไปค้างบ้านตากอากาศแล้วก็ทำกิจกรรมมากมายแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ปันสนิทกับบ้านของเบนซ์จนเหมือนเป็นลูกชายอีกคนของบ้านนั้นไปแล้ว ผมแค่งงๆ เพราะจำไม่ได้ว่ามันบอกผมตอนไหนว่าจะไปก็เท่านั้นเอง

“แล้วเรียนพิเศษวันอาทิตย์ล่ะ?”

“เดี๋ยวไปชดเชยเอาวันอื่นครับ ยังไงมันก็เป็นเทปอยู่แล้ว”

“แล้ววันอาทิตย์จะกลับมากี่โมง” ไม่ได้ครับ ต้องนัดแนะกันให้ดี ขืนกลับมาดึกมากแล้ววันจันทร์ไปเรียนไม่ไหวนี่ผมไม่ยอมแน่ๆ

“อืม... คงสักห้าโมงมั้งพ่อ คงกลับมากินข้าวเย็นบ้าน”

“โอเค แล้วนี่แกจะไปยังไง”

“พ่อไอ้เบนซ์บอกจะขับรถมารับที่หน้าปากซอย… นี่ว่าใกล้จะถึงแล้ว ผมไปก่อนนะพ่อ ไม่อยากให้ลุงจุ้ยรอนาน”

“เออๆ เดี๋ยว ไอ้ปัน แกไปรบกวนเขาแล้วมีอะไรติดไม้ติดมือไปด้วยรึเปล่า รบกวนพ่อเบนซ์ทุกรอบ”

ปัญญาชูถุงขนมไทยที่ผมซื้อมาวางแหมะไว้เมื่อวันก่อนขึ้นมา แหม รู้หน้าที่นะ ถึงนั่นจะเป็นของที่ผมอยากกินก็เถอะ แต่เอาวะ ค่อยไปซื้อใหม่ก็ได้

“ผมรู้อยู่แล้วล่ะน่า ไปก่อนนะครับพ่อ ขอโทษนะที่อยู่ช่วยไม่ได้”

“เดินทางดีๆ แล้วกัน แล้วอย่าไปรบกวนเขามาก รู้ไหม รู้จักเกรงใจบ้าง”

“รู้แล้วคร้าบ” ปัญญาเดินมาประชิดตัวพร้อมกับก้มหน้าลงมาหอมแก้มผมทีหนึ่ง เป็นอีกอย่างที่ไอ้ตัวแสบชอบทำเวลาอยากให้ผมเลิกบ่นมัน

...นี่โตเป็นควายขนาดนี้แล้วยังจะ…

“ไปแล้วนะครับ พ่อ หวัดดีครับ” ไอ้ตัวแสบยิ้มเผล่อย่างได้ใจก่อนจะโบกมือหยอยๆ แล้วก้าวเท้าออกจากรั้วบ้านไป

เออ… ก็ได้ คือต่อให้ลูกผมโตจนเท่าหมีควายขนาดนี้อยู่ แต่ผมก็ยังอดคิดว่ามันน่ารักไม่ได้ โอเคไหม? มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ใช่รึไง!?

แต่… อ๊าก! เด็กผู้ชายวัยมัธยมธรรมดาที่ไหนเขายังหอมแก้มพ่อแม่แบบนี้กันอยู่อีก!? นี่คงไม่เกี่ยวกับเรื่องที่มันเป็นเกย์ด้วยหรอกใช่ไหม!?




วันนั้นทั้งวันผมเฝ้าแต่นั่งเคลียร์สิ่งของ เริ่มจากการแยกประเภทว่าอันไหนเอาอันไหนทิ้ง เคล็ดลับของมันอยู่ที่คุณจะต้องตัดสินใจภายใน 3 วินาทีแรกว่าจะโยนมันใส่ถุงไหน ถ้าช้ากว่านั้นถือว่าไม่ผ่าน และคุณจะต้องทำใจแข็งให้ได้มากกว่าในของชิ้นต่อไป แต่เรื่องแบบนี้มักไม่ค่อยเป็นปัญหากับผู้ชายแบบเราหรอกครับ ถ้าเป็นผู้หญิงแบบมิ้นต์… รายนั้นต้องทำใจแล้วทำใจอีก คิดแล้วคิดอีกกว่าจะโยนแต่ละชิ้นลงในถุงขยะได้ แต่ส่วนมากข้าวของมากมายของเจ้าหล่อนก็จะกลับไปกองอยู่ที่เดิมแทบทั้งหมดเสียมากกว่า คือพวกหล่อนจะไม่สามารถตัดใจจากของที่ตัวเองเคยรักมาก่อนได้ แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ใดๆ จากมันแล้วก็ตาม

นึกถึงเรื่องมิ้นต์ขึ้นมา ผมก็อดยิ้มที่มุมปากน้อยๆ ไปด้วยไม่ได้

มิ้นต์เป็นหญิงสาวที่ร่าเริงและอ่อนหวาน แม้ว่าร่างกายจะอ่อนแอ แต่หล่อนแทบไม่เคยทำตัวเหมือนเป็นโรคร้ายแรงใดๆ เลย

ผมคิดถึงช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันเป็นสิ่งที่มีค่า… และปัญญาก็เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เจ้าหล่อนมอบมาให้

ลูกของพวกเรา… สัญลักษณ์ของพวกเราสองคน

ผมนึกถึงคำพูดของเกรซที่คุยด้วยเมื่อสัปดาห์ก่อน เจ้าหล่อนบอกผมว่าผมควรจะเลิกอาวรณ์และหาผู้หญิงใหม่มาอยู่เคียงข้าง อันที่จริงแล้วยัยนั่นพูดผิด ผมไม่ได้อาวรณ์อะไร ความเสียใจพวกนั้นมันหายไปตามกาลเวลา แต่ผมคิดว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีมากพออยู่แล้ว  ไม่จำเป็นต้องเอาใครเข้ามาให้ปวดหัวเพิ่มอีก หรือไม่... อาจจะเป็นเพราะผมแก่เกินไปจนไม่นึกอยากคบหาใครแล้ว

ผมพักยกจากการแยกของเก็บกับของทิ้งเมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน สั่งข่าวจากร้านอาหารหน้าปากซอยให้เอามาส่งแล้วลงมือนั่งกินข้าวพร้อมกับดูข่าวในทีวีไปด้วย ในรายการข่าวบันเทิง ผมได้เห็นนักแสดงชั้นนำสองคนที่ไอ้ปันเคยเอามาเล่าให้ผมฟัง อย่างบูม บดิศรกับดี ศศิกรที่ถึงแม้จะเป็นคนละข่าวกันแต่ผมก็อดนึกถึงสิ่งที่ไอ้ตัวแสบเคยเล่าให้ฟังไม่ได้

'ผมเอารูปที่ถ่ายคู่กับพ่อให้ดูแล้วเพื่อนมันทักว่าผมหล่อเหมือนบูมส่วนพ่อหล่อเหมือนดี' ไอ้ตัวแสบเล่ายิ้มๆ ในขณะที่ผมหันไปมองหน้ามันเหมือนไม่อยากเชื่อ 'จริงๆ นะพ่อ แต่ผมว่าผมหล่อกว่าบูมอะไรนี่อีก ส่วนพ่อกับดี... เอ่อ ถ้าพ่ออ่อนกว่านี้สักสิบปีน่าจะพอสูสีได้'

นั่นทำเอาผมแทบจะประเคนฝ่าเท้ากลางหลังคนพูดมาก หนอย กล้าพูดมาได้ นี่พ่อนะเว้ย ถ้าผมไม่หล่อกว่ามันจะเป็นพ่อมันได้ไง (อ้าว ไม่ใช่เหรอ)

จัดการมื้อกลางวันเสร็จผมก็กลับไปทำงานต่อ แยกของที่เอาออกมาจากห้องเก็บของได้แล้วครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทาง เซ็งจริงๆ ที่วันนี้ไอ้ปันดันไม่อยู่ช่วยทำ ไม่งั้นคงเสร็จเร็วกว่านี้ กล่องที่อยู่ลึกเข้าไปเรื่อยๆ เริ่มเต็มไปด้วยข้าวของของมิ้นต์ที่ทำให้ผมนึกถึงความหลังและโหวงๆ ในหัวใจเล็กน้อย สร้อยคอที่ผมเคยซื้อให้เจ้าหล่อนตอนที่เราเดทกันครั้งแรก จากนั้นก็มีนาฬิกาข้อมือ เสื้อผ้า กระเป๋า แน่นอนว่าผมไม่ได้ซื้อให้มิ้นต์เองทั้งหมดนี่เพราะตัวเองไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น และบ้านมิ้นต์เองก็ไม่ได้ขัดสนอะไร

ผมเริ่มขุดเจอไดอารี่ของเจ้าหล่อน พลิกมันขึ้นมาอ่าน เนื้อความด้านในไม่ได้มีข้อความซึ้งกินใจหรือบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตอะไรมากนัก หล่อนเขียนไปได้จริงๆ จังๆ แค่สามวันเกี่ยวกับการไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมชั้น ไปเดทกับผม แล้วก็เรื่องครอบครัวอีกเล็กน้อย จากนั้นก็ดูเหมือนจะเบื่อจนเลิกเขียนไปแล้ว หน้าหลังๆ เต็มไปด้วยรูปที่มิ้นต์วาดเอาไว้จากนั้นก็รูปถ่ายเก่าๆ ที่ชวนให้คะนึงหา

ผมยกยิ้มเศร้าเมื่อนึกถึงช่วงเวลาสุดท้ายของหญิงสาวผู้เป็นที่รัก หล่อนจากไปอย่างไม่ทรมานมากก็จริง แต่กว่าจะถึงจุดนั้นหล่อนต้องพบเจอกับความยากลำบากของโรคแทรกซ้อนพวกนั้นแค่ไหน ทำไมผมจะไม่รู้ ผมกรีดนิ้วลงบนหน้าสมุดเก่าๆ เล่มนั้นราวกับกลัวว่ามันจะเสียหายหากผมสัมผัสแรงเกินไป แม้ไม่มีอะไรเขียนอยู่ในนี้มากเท่าไร แต่ผมก็รู้สึกอัดแน่นไปด้วยความคิดถึงและโหยหาอีกฝ่ายอย่างท่วมท้น

เศษกระดาษเก่าๆ แผ่นหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากไดอารี่เล่มนั้น ตกลงกับพื้น

ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างแปลกใจขณะก้มลงไปหยิบมันขึ้นดู มีข้อความสั้นๆ ประโยคเดียวเขียนอยู่ในกระดาษแผ่นนั้น


'เราหนีไปด้วยกันเถอะ'


ไม่มีการลงชื่อ ไม่ได้ถูกลงวันที่ หนำซ้ำมันยังเก่าซีดแห้งกรอบจนเหมือนจะหลุดออกจากกันได้ตลอดเวลา หนำซ้ำยังมีร่องรอยยับย่นราวกับว่ามันถูกขยำทิ้งไปแล้วและถูกเก็บขึ้นมาคลี่ใหม่อีกครั้ง

เราหนีไปด้วยกันเถอะ…

สิ่งที่ทำให้ผมตัวชาและเย็นวาบไปทั่วทั้งสันหลังก็คือ... นั่นไม่ใช่ลายมือผม ไม่ใช่ลายมือมิ้นต์ ไม่ใช่ลายมือของใครที่ผมพอจะคุ้นเลย

แล้ว... ทำไมมิ้นต์ถึงได้มีกระดาษแผ่นนี้อยู่ในไดอารี่ของตัวเองล่ะ?






“กลับมาแล้วครับ” เสียงสดใสของลูกชายผมดังขึ้นตามมาด้วยร่างของเจ้าตัวที่ผ่านประตูบ้านมา

ผมหลุดออกจากห้วงภวังค์ของตัวเองเพราะเสียงนั้น ปัญญาหอบหิ้วของฝากที่มักจะติดมาด้วยเสมอเวลาไปเที่ยวกับครอบครัวเบนซ์แบบนี้ พวกเบเกอร์รี่ทำมือ ข้าวโพด นมสารพัดรส แล้วก็อะไรต่อมิอะไรที่เจ้าตัวเห็นว่าผมชอบ ผมรู้ดีว่าปันคิดถึงผมเสมอ และผมก็รู้ดีด้วยว่าหมอนี่น่ารักแค่ไหน แต่ผมกลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างด้านในมันแปลกไปเมื่อได้เห็นหน้ามันวันนี้

“ปัน” ผมรีบยิ้มให้มันแม้ว่าจะเป็นยิ้มที่ฝืนก็ตาม กลัวว่าจะโดนอีกฝ่ายจับได้ “พ่อทำไข่พะโล้ไว้ให้ในหม้อน่ะ แล้วก็กับข้าวที่ซื้อมาจากหน้าปากซอย 2-3 อย่าง”

“พ่อทำไข่พะโล้เหรอ” ปัญญาว่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ของโปรดตลอดกาลของมัน “เยี่ยมเลยฮะ ผมไม่ได้กินฝีมือมานานล่ะ แล้วก็นี่ ของฝาก เอามาแบ่งกันนะ แต่โยเกิร์ตรสสตรอว์เบอร์รี่นี่ของผมนะพ่อ อย่างอื่นพออนุโลมได้”

“เออๆ ไปจัดการเก็บของอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวเย็นได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นไปโรงเรียนแต่เช้าอีก”

“คร้าบ พ่อ แหม บ่นสมเป็นพ่อจริงๆ เลย”

ทิ้งระเบิดไว้จากนั้นก็เผ่นขึ้นห้องไป แต่ผมไม่มีความรู้สึกอยากจะเฉ่งมันสักนิดในรอบนี้

ความคิดที่น่ากลัวบางอย่างมันรบกวนจิตใจผมจนไม่มีแก่ใจจะนึกถึงอะไรอย่างอื่นแม้แต่นิดเดียว






---------------------------------------------------

Talk: ขอพื้นที่โฆษณาให้นิยายที่เรากำลังเปิดจองอยู่นิสนึงนะคะ ตอนนี้เราเปิดจองนิยายเรื่อง 'Twinless Twin แฝดหนึ่งร่าง' อยู่ค่ะ พรุ่งนี้ (24 ก.ย.) ก็ปิดจองแล้ว แต่ยังโอนได้ถึงวันที่ 30 ก.ย. นะ! เผื่อใครสนใจก็เข้าไปจับจองกันได้ ตามลิงนี้เลยนะคะ >>https://goo.gl/aSaJzv

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านมากค่า^^ ทุกคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้เราเสมอน้า <3
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-09-2017 11:18:56
... เริ่มมาแล้วคลื่นใหญ่
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 23-09-2017 11:21:03
จริงดิ ไม่เอา ต้องไม่เป็นอย่างนั้น

55 ระบายเล่นๆ ครับ แล้วแต่คนเขียนเลย แค่แอบหวังว่ามันจะไม่จริง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-09-2017 13:14:14
มีเงื่อนงำ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 23-09-2017 14:33:21
น่าสงสัย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-09-2017 15:03:32
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-09-2017 15:04:11
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-09-2017 15:33:11
จริงรึม่ายจริง ไม่อยากให้เป็นจริง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 23-09-2017 15:50:17
เดาไม่ถูกแระ จะไปทางพ่อหรือไปทางดอนุท
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 23-09-2017 16:17:36
ปันไม่ใช่ลูก?
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Jeyibee ที่ 23-09-2017 18:44:12
หรือว่าจริงๆแล้วปันเป็นลูกของมิ้นต์กับคนอื่น  :hao4: คนที่ให้ทุนคือพ่อแท้ๆ ? ตายละ คิดไปไกล มโนหนักมาก :serius2: แต่จะไม่เคยตรวจเลือดกันเลยเราะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-09-2017 19:05:10
อืมมมม......เหมือนจะเป็นอย่างที่คิดนะ  :hao3:
มินต์ คบกับอีกคนหนึ่งแต่มาอยู่กับดล โดยมีปันในท้องแล้ว
ตอนนั้นพ่อจริงของปันคงไม่พร้อม เพราะผู้ใหญ่หาผู้หญิงให้แต่งงานไว้แล้ว
อาจเป็นการแต่งงานแบบเงินต่อเงิน
มินต์ท้องอยู่เลยรับรักดล ปันเลยเป็นลูุกของดล

คนที่ให้ทุนปันไปเรียนต่างประเทศโดยไม่มีข้อแม้คือพ่อปันตัวจริงนี่เอง
ที่คงติดตามข่าวคราวมินต์ตลอด
มิน่าปัน ถึงเหมือนดาราดังที่ชื่อบูม
พ่อบูมคงเป็นเจ้าของบริษัทที่ให้ทุนปันสินะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-09-2017 19:31:23
อื้อ หือออ พีคมากตอนนี้
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 23-09-2017 20:12:07
ขอบคุณ magnolia งั้นแสดงว่า ไม่ incest แน่แล้วหล่ะ พ่อคงได้กับพ่อ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 23-09-2017 20:16:07
มาม่า ใกล้พร้อมเสิร์ฟแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-09-2017 20:45:42
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: fongcha28 ที่ 23-09-2017 23:08:07
ให้เดานะ ปันนี่น่าจะเป็นลูกของคุณแม่เกรซกะคนให้ทุนป่ะ ส่วนคนให้ทุนนี่คงเป็นว่าที่แฟนของคุณพ่อ เดาขั้นสุด
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 24-09-2017 23:41:54
หืมมมมมมม ชักยังไงแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 26-09-2017 18:59:46
แอบเศร้าหน่อย เพราะนี้เชีย ดล กับ ปัน ปกติไม่ไช่แนวอิเซคไง แต่เคมี พ่อลูกคู่นี้คือดีจริงเชียว


แต่ยังไงก็จะอ่านต่อจ้าาา

ลุ้นมากๆ ตอนนี้
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 28-09-2017 12:16:06
เข้ามาอ่านแบบไม่คิดไร แต่ตอนนี้ติดมากค่ะ ลุ้นสุดๆ ตัดสินใจไม่ได้จะเชียร์ไปทางไหนดี ขอรอดูก่อนนะคะว่าเคมี ดล กับ X จะเข้ากันป่าวว อิอิ
ขอบคุณคนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 28-09-2017 14:21:26
มั่นใจว่าไม่ incest เพราะปูทางมาขนาดนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mutyamania ที่ 29-09-2017 00:01:54
เอาแล้วไง ความลึกลับนี้ อ่าห์.....
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-09-2017 00:40:44
ไม่ใช่ลูกแท้ๆแน่นอน แล้วก็ให้คุณพ่อไปคู่กับพ่อตัวจริงนะคะ ใช่คนที่สนับสนุนทุนไหมนะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 9) P.4 [23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 30-09-2017 15:48:52
บทที่ 10




‘เมื่อไหร่พี่ปัน… จะบอกชอบผมเหรอครับ’

เสียงนั้นดังสะท้อนอยู่ในหัวเขาเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ มันมาพร้อมกับภาพของเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนั้นของเขาในหัว นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตที่มองมาที่เขาอย่างตัดพ้อและมีความหวัง แปลกดีที่เขาคิดถึงอีกฝ่ายได้มากขนาดนี้ทั้งที่ก็เจอกันอยู่ทุกวัน

‘คนเราเนี่ยนะ ถ้ารักกันมันก็รักกันปะวะ รักกันก็คบกัน ก็แค่นั้นเอง อย่างน้อยก็ได้ลองพยายามแล้ว จะไปรอดหรือไม่รอดก็จะได้รู้กันไป ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย’

นี่เสียงไอ้ห่าเบนซ์ที่ตอกย้ำลงมาทำให้เขาสับสนกับสิ่งที่ตัวเองยึดมั่นมาตลอด ทั้งที่เขาเชื่อว่าคนเรารักกัน มีความรู้สึกดีๆ ให้กัน ไม่จำเป็นจะต้องคบกันเพื่อป่าวประกาศให้โลกรู้ก็ได้แท้ๆ แต่ไอ้เบนซ์กลับพูดออกมาได้ง่ายๆ เลยว่ารักกันก็คบกัน… ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ง่ายแบบนั้นสักหน่อย ไหนจะเรื่องที่พวกเขาเป็นผู้ชายกันทั้งคู่ เรื่องพ่อเขาที่ยังยอมรับตรงจุดนี้ไม่ได้ แล้วก็ เอ่อ คอมเม้นท์เชิงลบพวกนั้นที่จริงๆ ก็ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไร แต่ปันก็อดไม่เก็บเอามาคิดมากไม่ได้อยู่ดี

สรุปก็คือ… สำหรับเบนซ์แล้วเรื่องคบกันมันฟังดูง่าย แต่สำหรับเขามันยากยิ่งกว่าแก้โจทย์เลขคณิตศาสตร์ระดับมหาลัยเสียอีก พอล่ะ ไม่อยากคิด เอาไว้ค่อยๆ ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น---

“พี่ปัน หวัดดีครับ ขอโทษที่ให้รอนาน”

ปัญญาสะดุ้งเพราะเสียงหวานๆ กับรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของคนที่ก้าวเข้ามาหาเขาที่นั่งอยู่บนม้านั่งใต้ต้นไม้ของโรงเรียน โดนัทถือกระเป๋านักเรียนสีดำแบนๆ ไว้ในมือข้างหนึ่ง บนบ่าสะพายกระเป๋ากีฬาที่มีเครื่องแบบและชุดสำหรับเปลี่ยนเสร็จสรรพ วันนี้ปัญญานัดกับอีกฝ่ายไว้ว่าจะไปดูการฝึกซ้อม เขาลุกพรวดขึ้นจากม้านั่งพร้อมกับคว้ากระเป๋านักเรียนขึ้นมาอย่างร้อนรน

“เอ่อ เปล่า ไม่ได้รอนานอะไรหรอก แล้วนี่เราจะไปยังไงกันดีล่ะ วันนี้พ่อโดไม่สะดวกมารับไม่ใช่เหรอ”

“ผมโทรไปเรียกแท็กซี่ไว้แล้วล่ะครับ เราไปรอที่หน้าศาลากัน” เจ้าตัวว่ายิ้มๆ ขณะเริ่มออกเดินนำ

ปัญญาเดินตามรุ่นน้องไปอย่างว่าง่าย ตั้งแต่วันที่โดนัทมาบอกกับเขาว่าจะรอ… อีกฝ่ายก็ไม่เคยเร่งเร้าหรือมีท่าทีตัดพ้อเหมือนตอนนั้นอีกเลย เด็กหนุ่มยังคงทำตัวเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ปันก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายยังคงรอเขาอยู่ บางทีเขาน่าจะยกประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแล้วเคลียร์กับเจ้าตัวให้รู้เรื่องว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนควรจะดำเนินไปในทิศทางไหน

หรือว่าบางที… เขาอาจจะแค่ขออีกฝ่ายคบให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยดี?

ภายในโรงยิมที่เต็มไปด้วยการฝึกซ้อมของอีกหลายๆ คน ปัญญาหยิบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการยื่นเรื่องขอวีซ่าขึ้นมาจัดการต่อ เอกสารดังกล่าวกระจายไปทั่วทั้งโต๊ะ จากนั้นก็มีหนังสืออีกเล่มที่เขาพกไว้อ่านสอบเตรียมเข้ามหาลัยอีก เรียกได้ว่าต้องทำอะไรพร้อมกันหลายอย่างจนหัวหมุน

แต่เขาก็รู้สึกว่าการได้ทำตัวยุ่งตลอดเวลาแบบนี้สนุกดีเหมือนกันแหละนะ

ปัญญาจมอยู่กับเรื่องของตัวเองอยู่อีกครู่ใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมองโดนัทที่กำลังตั้งใจฝึกอย่างจริงจังเป็นระยะๆ แววตามุ่งมั่นกับท่าทางหนักแน่นของเพื่อนรุ่นน้องเขามันเปล่งประกายออกมาชัดเจนจริงๆ และมันทำให้รู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก

เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไปได้ถึงระดับประเทศ แต่เขาแปลกใจว่าทำไมโดนัทถึงยอมเลือกเขา ถึงแม้เขาจะเป็นคนมีชื่อเสียงในโรงเรียน เรียนเก่ง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นแบบที่ไปถึงระดับโลกแบบเจ้าตัว และยิ่งคิดแบบนั้น ปัญญาก็ยิ่งใจเต้นด้วยความดีใจ เพราะผลสุดท้ายแล้วคนที่โดนัทเลือกก็คือเขาอยู่ดี แล้วตัวเขาล่ะ? เขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายรอไปอีกนานแค่ไหน?

ในที่สุดเด็กหนุ่มที่แวะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างขวาง

“เสร็จแล้วครับ พี่ปัน ผมขอโทษที่ให้พี่รอนานนะ ให้พี่มารอผมซ้อมแบบนี้คงเบื่อแย่”

“ไม่หรอก” ปัญญาว่าขณะยีผ้าสีขาวที่อยู่บนเส้นผมเปียกปอนของอีกฝ่าย หมอนี่สระผมแล้วชอบปล่อยไว้ทุกที เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี “แล้วทำไมไม่เช็ดผมให้แห้ง มานี่มา ขยับมาใกล้ๆ นี่ เดี๋ยวเช็ดให้ แล้วขากลับนี่จะเอายังไง”

“อืม… ก็...” พวงแก้มของเด็กหนุ่มแดงขึ้นนิดหนึ่งโดยที่ปันไม่ทันสังเกต “เดี๋ยวคงเรียกแท็กซี่กลับมั้งครับ แล้วพี่ปันจะเอายังไง ขอโทษนะครับที่ป๊าผม--”

“เฮ้ จะขอโทษทำไมเนี่ย เอางี้ เดี๋ยวให้แท็กซี่วนไปส่งโดก่อนแล้วค่อยไปส่งพี่ที่บ้าน โอเคไหม แล้วเราหารค่าแท็กซี่กันคนละครึ่ง”

“ตกลงครับ” เจ้าตัวว่าพร้อมกับยิ้มสดใส รอยยิ้มที่เห็นทีไรก็ชวนให้ใจเต้น… โอเค เขาว่าเขาเริ่มอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ “งั้นเราเตรียมกลับกันเลยดีกว่า ช้ามากเดี๋ยวพี่ปันจะกลับบ้านดึกอีก ผมไม่อยากให้น้าดลพลอยโกรธผมไปด้วย”

“พ่อพี่ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกน่า” เจ้าตัวพูดพลางหัวเราะร่วน



ปัญญาพยายามหาเรื่องชวนอีกฝ่ายคุยไปตลอดทางระหว่างที่อยู่ในรถโดยสาร เขาชั่งใจว่าจะพูดเรื่องของพวกเขาสองคนหลายรอบ แต่เนื่องจากสถานที่ที่พวกเขาอยู่มันก็ไม่ได้เป็นส่วนตัวขนาดนั้น (คือคนขับแท็กซี่นั่นแหละ) จนแล้วจนรอดปัญญาเลยไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ เขาสงสัยว่าโดนัทจะรู้ความกระอักกระอ่วนนี้ของเขาหรือเปล่า

ในที่สุดตัวรถก็มาจอดที่หน้าบ้านของอีกฝ่าย โดนัทหันมายกมือไหว้รุ่นพี่ก่อนจะโบกมือลาพร้อมรอยยิ้มตามเคย

“งั้นผมไปก่อนนะฮะ ขอบคุณที่มาส่งถึงนี่นะครับ แล้วเดี๋ยวไลน์ไปหานะ พี่ปัน”

“อื้ม” ปัญญายกยิ้มฝืดๆ สิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจยังหนักอึ้ง “งั้นเดี๋ยวคุยกัน นอนเร็วๆ ล่ะวันนี้ อย่าเอาแต่เล่นเกม รู้ไหม”

“รู้แล้วน่าพี่ ฝันดีครับ” แล้วเจ้าตัวก็ปิดประตูรถ





เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาระหว่างที่นพดลนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ตรงหน้ามีสมุดเล่มเก่ามากมายของนภัสสรที่เขารวบรวมมา เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรโง่ๆ อย่างการเทียบลายมือลงกับแผ่นกระดาษปริศนานั้น แต่ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็หาร่องรอยอะไรไม่ได้เลยอยู่ดี

“ฮัลโหลครับ” ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปขณะที่มืออีกข้างลูบไล้กระดาษเก่าๆ แผ่นนั้นอย่างเบามือ

‘เราหนีไปด้วยกันเถอะ’

ไอ้ข้อความที่เหมือนจะชวนหนีตามกันไปที่ไหนสักแห่งแบบนี้มันอะไรกัน มิ้นต์ได้มันมาจากใคร ภรรยาของเขาแอบมีคนอื่นโดยที่เขาไม่รู้อย่างนั้นเหรอ? แต่ยิ่งคิดมากเท่าไรก็ไม่ได้ช่วยให้เขาหลุดพ้นออกไปจากกรอบความทุกข์ที่ปรากฏขึ้นมาในช่วงหลายวันนี้เลย

เสียงของเกรซดังขึ้นมาตามสาย คงจะโทรมารายงานเรื่องที่เขาขอให้ไปสืบ

“หวัดดีดล โทดทีนะที่รอบนี้ติดต่อมาช้า พอดีคุณสนเขายุ่งๆ กับอีกคดีหนึ่งที่มันใหญ่หน่อย ของนายเลยอาจจะตามหลังบ้าง”

“ช่างมันเถอะ เกรซ คราวนี้ได้อะไรมาเพิ่มเหรอ” เขาถามกลับอย่างเหนื่อยอ่อน ในใจน่ะแอบคิดไปแล้วว่าช่างแม่งเรื่องทุน เขาอยากให้อีกฝ่ายตามสืบว่าชู้ของเมียเขาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเป็นใครมากกว่า ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ทั้งที่หญิงสาวก็ตายจากไปนานแล้ว

“อือ คราวก่อนฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าไม่เคยมีใครได้ทุนนี่นอกจากที่ปันได้ ทุนนี่มันไม่เคยมีอยู่อย่างเป็นทางการจริงๆ จากที่ลองเช็คจากหลายๆ ทางนะ แต่ทีนี้บัญชีที่นายได้เงินมา… ฉันลองตามสืบย้อนกลับไปดูแล้วว่าใครเป็นเจ้าของบัญชีตัวที่ส่งเงินให้นาย น่าแปลกมากที่เป็นแค่ชื่อบัญชีของพนักงานทำความสะอาดคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในตึกช่องละครโทรทัศน์”

“เฮ้ๆๆ เดี๋ยวสิ” เขารีบเบรกก่อนที่เพื่อนตัวเองจะอินไปกับบทบาทสืบสวน นี่คิดว่าตัวเองเป็นโคนันเหรอ หรือยังไง “ทำไมอยู่ๆ เรื่องมันถึงได้ลุกลามไปใหญ่โตปานนั้น นี่ฉันต้องจ่ายเธอเพิ่มรึเปล่า”

“ยี้ ขี้งกแม้แต่กับเพื่อนกับฝูงเหรอยะ แต่ช่างเถอะ ฉันอาจจะคิดเพิ่มในส่วนของค่าเดินทางนิดหน่อย แต่ไม่ได้กะเอาเงินจากนายมากมายอยู่แล้ว… อีกอย่าง สืบเรื่องลูกนายก็สนุกดี ฉันพูดเรื่องที่สืบมาได้ต่อได้รึยัง?”

“ยัง บอกฉันก่อนว่าเธอไปสืบสาวเรื่องบัญชีย้อนกลับที่ว่านั่นมาได้ไง นี่คิดว่าตัวเองเป็นเจมส์ บอนด์เหรอ”

“โอ๊ย ขอทีเถอะน่าพ่อคนธรรมดา ไม่ได้อยู่วงการนี้ก็หุบปากไป ฉันมีเส้นสายของฉันย่ะ แล้วเจมส์ บอนด์ก็ไม่ทำงานต๊อกต๊อยแบบนี้ด้วยจะบอกให้”

เออ เอาไงก็เอาเหอะ

“แต่… อืม ฉันว่าบางทีนายอาจจะคิดว่าฉันจุ้นจ้านมากไป” เสียงของปลายสายแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมากะทันหัน นั่นทำเอานพดลนิ่งเงียบ ตั้งใจฟังขึ้นมาทันที “คือว่า… อันที่จริงแล้วฉันไปสืบหามาได้เรียบร้อยแล้วล่ะว่าคนที่จ่ายทุนให้น้องปันมาตลอดน่ะเป็นใคร จริงๆ แล้วเรื่องนั้นน่ะ พอสืบดูจริงๆ มันได้คำตอบไม่ยากหรอก แต่ไอ้เหตุผลนี่ที่มันไม่ลงล็อก ฉันก็เลย แบบว่า… เอ่อ ไปสืบหาเหตุผลตรงนั้นมาด้วย”

ชายหนุ่มปิดเปลือกตาทั้งสองข้างลง พิงหลังลงกับพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เดาได้แล้วว่าเพื่อนสาวกำลังจะพูดอะไร

“ว่าต่อสิ”

“คืออย่างนี้ ฉันไปสืบมาจากแม่บ้านคนนั้นก่อน แล้วก็ได้เรื่องมาว่าหล่อนได้เงินมาจากคุณองอาจ คนที่ดูแลทุนน้องปันนั่นแหละ ตอนแรกฉันก็เลยฟันธงว่ามันเป็นเงินจากคุณองอาจนี่แหละ แต่ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่า แล้วทำไมเขาต้องให้เงินน้องปันด้วย ฉันก็เลยตามสืบเรื่องของเขาต่ออีกนิด”

นพดลรู้สึกว่าเลือดสูบฉีดที่หัวใจเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ “แล้วยังไงต่อ”

“นายต้องไม่เชื่อแน่ว่าเบื้องหลังแล้วเขาทำงานให้ใคร บดิศร สว่างวงศ์ที่เป็นดาราใหญ่ไงแก เขาเป็นคนวางแผนพวกการเงินอะไรๆ ให้หมดเลย ไม่ใช่เลขานะ แต่เหมือนเป็นผู้ปรึกษาส่วนตัวไรงี้”

เขาไม่สนใจเรื่องตำแหน่งขององอาจ แต่ชื่อของบดิศรทำให้เขานึกอยากครางออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เขาจำได้ว่ามิ้นต์เคยพูดถึงดาราคนนี้ตั้งแต่สมัยเมื่อตอนนั้น ตอนที่หล่อนยังมีชีวิตอยู่ แต่นั่นมันก็แค่บทสนทนาธรรมดาๆ ที่ไม่ได้ทำให้นึกเอะใจอะไร ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าคนธรรมดาจะเข้าถึงตัวซูเปอร์สตาร์แบบนั้นได้

แต่เขาคงลืมนึกไป… ว่าภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดแค่ไหน และคงเพราะความไว้ใจที่เขามีต่อหล่อน

“ก็… เอ่อ สรุปง่ายๆ ก็คือ ทุนน้องปันก็มาจากเงินเขานั่นแหละ”

รู้สึกเหมือนโดนขวานจามลงบนอกข้างซ้าย ถ้าหัวใจเขาเป็นรูปเป็นร่างให้เห็นด้วยตาเปล่าได้ ป่านนี้มันคงแหลกละเอียดเป็นผุยผงยิ่งกว่าเม็ดทรายในทะเลทรายซาฮาร่าแล้ว

เกรซได้ยินเสียงถอนหายใจหนักหน่วงเหมือนคนรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะตายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าของเพื่อน หล่อนจึงเลือกที่จะเงียบเพื่อให้นพดลซึมซับข้อมูลและความผิดหวังเหล่านั้นด้วยตัวเอง หล่อนรู้ดีว่าอีกฝ่ายปะติดปะต่ออะไรเองได้แล้วหลังจากนี้ ดลไม่ใช่คนไม่มีหัวคิด

“มิ้นต์ทำแบบนี้ได้ยังไง”

“ดล…”

“ยัยนั่นทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง” เสียงของเขาสั่นเครือมาตามสาย เกรซรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดมากที่โทรมาบอกเขาเรื่องนี้ผ่านทางโทรศัพท์ หล่อนน่าจะนัดเจอเขาจะได้พูดปลอบและให้กำลังใจได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่ผ่านทางเสียงสัญญาณแบบนี้

“ดล ตั้งสติก่อน ใจเย็นๆ เอาไว้ บางทีนี่อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด…”

“เธอตามสืบมาได้ขนาดนี้แล้วยังจะพูดอีกเหรอว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด”

“เอ่อ ฉันหมายถึง… บางทีคุณบดิศร… เขา เอ่อ อาจจะเข้าใจผิดว่าปันเป็น…” หล่อนพูดต่อไม่ออก อันที่จริงทุกอย่างมันก็ชัดเจนมากแล้ว ยิ่งถ้าลองได้เทียบรูปถ่ายของปัญญาที่หล่อนขอให้นพดลส่งมาให้ดู… เทียบปันกับดารารุ่นใหญ่คนนั้น ทุกอย่างก็ลงล็อกไปหมด

และเหมือนนพดลเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน เขาส่ายหัวไปมาทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็น

“ฉันมันโง่จริงๆ เกรซ โง่จริงๆ ฉันไม่เคยนึกสงสัยหรือเอะใจอะไรเลย ฉันเชื่อใจมิ้นต์มาตลอด ขอบคุณเขามาตลอดที่ส่งของขวัญที่แสนวิเศษมาให้ แต่นี่---”

“ปัญญาก็ยังเป็นของขวัญที่แสนวิเศษของนายอยู่นะ ดล”

เขาส่ายหน้า รู้สึกถึงน้ำตาหยดหนึ่งที่ไหลลงมาอาบแก้ม หัวตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก

“ดล ตั้งสติหน่อย ตอนนี้ปันอยู่บ้านหรือเปล่า นายออกมาเจอฉันหน่อยไหม แวะเข้าเมืองมาแล้วก็หาอะไรกิน--”

“ฉันขอโทษ เกรซ” น้ำเสียงอ่อนระโหยเหมือนคนหมดแรง “ฉัน… ฉันอยากคิดอะไรเงียบๆ คนเดียวหน่อย ขอบคุณมากจริงๆ ที่ช่วยตามสืบถึงขนาดนี้ ฉันจะโอนเงินอีกครึ่งไปให้…”

“ดล นายแน่ใจนะว่าจะไม่ออกมากินข้าวด้วยกันจริงๆ” น้ำเสียงเจ้าหล่อนเป็นห่วงเขาอย่างจริงใจ มันทำให้นพดลหน้าชาขึ้นมา นึกสงสัยว่ามิ้นต์… ผู้หญิงที่เขารักอย่างสุดหัวใจคนนั้นเคยห่วงเขาให้ได้สักครึ่งอย่างที่เกรซห่วงเขาบ้างไหม

“ไม่… ฉันไม่เป็นไร แค่… แค่ต้องการเวลา”

“งั้นนายก็จะได้อย่างที่ต้องการ อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ ดล ตั้งสติดีๆ แล้วคิดดีๆ ว่าจะทำยังไงต่อจากนี้ โอเคไหม แล้วฉันจะติดต่อไปใหม่”

“ขอบคุณ” เขาพูดเพียงเท่านั้นแล้วกดวางสาย แหงนหน้าขึ้นมองเพดานแล้วยกแขนขึ้นมาพาดปิดตาทั้งสองข้าง ได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก



ใครก็ได้ช่วยบอกเขาทีว่าทุกอย่างนี่มันแค่เรื่องโกหก…







“ขอโทษครับ ช่วยจอดตรงนี้หน่อยได้ไหม” ปัญญาพูดขึ้นหลังจากที่ลังเลแล้วลังเลอีกเป็นเวลาหลายสิบนาที คนขับแท็กซี่ร้องอุทานอย่างงงๆ แต่ก็ยอมทำตามที่ผู้โดยสารบอกอย่างว่าง่าย

ปัญญาจ่ายเงินค่าโดยสารเสร็จแล้วก็ลงมาอยู่ที่ทางเท้า บรรยากาศรอบตัวเขาโอบล้อมไปด้วยความมืดของยามค่ำคืน

จุดที่เขาอยู่เลยบ้านของโดนัทมาไกลพอสมควร แต่ก็ไม่ไกลเกินความสามารถเขาที่จะเดินให้ถึงภายในสามสิบนาทีแน่

พอกันทีกับการลังเลอะไรไร้สาระ… เขาควรจะต้องบอกโดนัทเรื่องความรู้สึกของตัวเองกับสิ่งที่เขาคิดและจะทำต่อจากนี้

ขาเรียวยาวของเจ้าตัวเริ่มออกวิ่ง ปัญญาก็รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรบ้าๆ ตัดสินใจกะทันหันแล้วก็ตั้งใจจะบอกกะทันหัน… ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาจะเก็บไว้บอกในวันรุ่งขึ้นก็ได้แท้ๆ แต่มันคงเป็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในตัววัยรุ่นแบบเขาล่ะมั้ง อะไรบางอย่างที่มันบ้าระห่ำแล้วก็เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล แถมยังงี่เง่าแล้วก็ทำให้ตัวเองลำบาก

เหงื่อที่ไหลซึมลงมาทั่วทั้งร่างทำให้ร่างกายเขาเย็นเพราะลมที่ปะทะเข้ามา ให้ความรู้สึกดีแบบแปลกๆ อยู่เหมือนกัน

เขาพาตัวเองมาอยู่ที่หน้าบ้านของโดนัทอีกครั้งจนได้ แต่ครั้งนี้มาพร้อมกับความมั่นใจเปี่ยมล้น ปัญญาตระหนักได้แล้วว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่จะให้อีกฝ่ายรอเขาอย่างเดียว เขาควรจะเปิดใจพูดคุยกับหมอนั่นให้รู้เรื่อง ความสัมพันธ์ของพวกเขามันเลยจุดที่พอจะกล้อมแกล้ม เรียกได้ว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมานานแล้ว แถมเขายังเป็นฝ่ายขโมยจูบเจ้าตัวในวันนั้นอีก…

เอาล่ะ ต้องทำให้มันชัดเจน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ช่าง แต่เขาต้องคุยกับโดนัทให้รู้เรื่อง!

คิดแบบนั้นแล้วนิ้วเรียวก็เตรียมเลื่อนไปจะกดกริ่ง เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงอะไรบางอย่างเหมือนเสียงฟาดดังลงมาให้ได้ยินจากในตัวบ้าน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงก่นด่าสาปแช่งของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง สลับมากับเสียงโวยวายของใครอีกคนที่เกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน

ปัญญาคิดว่าเขาได้ยินเสียงจานหรือแก้วแตกดังเพล้งจากในตัวบ้าน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเอ็ดตะโรที่ดังลั่นอย่างต่อเนื่อง เขาถือวิสาสะมองเข้าไปด้านในตัวบ้านที่ติดกระจกใสจนมองเห็นทุกอย่าง และเขาก็เห็นว่าหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเงื้อด้ามไม้กวาดในมือฟาดลงบนแผ่นหลังของรุ่นน้องเขาอย่างแรง

ปัญญาอ้าปากค้างอย่างตกใจ เขาเคยโดนพ่อฟาดมาหลายครั้งเหมือนกันในชีวิต แต่ไม่เคยเจออะไรที่ดูรุนแรงขนาดนั้นมาก่อน จะลงโทษลูกตัวเองนี่ต้องทำกันหนักขนาดนั้นเลยเหรอ?

“พี่ตี้!! ไอ้พี่บ้า ไหนพี่สัญญาว่าจะไม่บอกป๊ากับม๊า!” โดนัทพูดอย่างโกรธจัด น้ำใสคลออยู่ในตาแต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้มันไหลลงมา เขาไม่ได้อยากให้น้ำตาคลอด้วยซ้ำ แต่ความเจ็บปวดทางกายมันมากเกินกว่าที่เขาจะกลั้นมันไหว แรงจิกที่บ่าจากหญิงสาวอีกคนที่เป็นแม่เลี้ยงของเขาทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้ง แขนยกมือขึ้นมากันตัวอย่างรู้ดีว่าความเจ็บปวดระลอกต่อไปกำลังจะมา

“แกอย่าไปโทษพี่! ไอ้เด็กทุเรศ! รอให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแกก่อนเถอะ เขาไม่เอาแกไว้แน่ ไม่อายชื่อเสียงวงศ์ตระกูลบ้างเลยรึไง!”

“ม๊า! พ่อแล้ว ไอ้นัทมันเลือดออกแล้ว” คิตตี้พูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะหล่อนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโกรธหนักเรื่องที่โดนัทชอบผู้ชายขนาดนี้ ที่สำคัญ… หล่อนรู้ดีว่าจบงานนี้ไปน้องชายต่างสายเลือดต้องมาเล่นงานหล่อนหนักแน่ เพราะงั้นตอนนี้ต้องพยายามหนักให้เป็นเบาไว้ก่อน

“แกก็ไม่ต้องเข้าข้างมัน! มันไม่ใช่น้องแท้ๆ ของแกด้วยซ้ำ แกจะไปแคร์ทำไม!”

“ปล่อยผมได้แล้ว เรื่องนี้มัน… โอ๊ย! ม๊า อย่า ผมขอโทษ พอแล้ว ผมเจ็บ” เขาพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมาจากลำคอ รู้ดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันกับแม่เลี้ยงหรือพี่เลี้ยงของตัวเองมากก็จริง และต่อให้ความเป็นจริงแล้วเขาถ้าเขาเลือกจะสู้ เขาก็เอาชนะคนทั้งคู่ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร แต่เขาให้เกียรติป๊าของเขามากเกินกว่าจะทำแบบนั้น

ถ้าเกิดทั้งสองคนนี้จะให้เกียรติเขาบ้าง...

“พอได้แล้วครับ”

ด้ามไม้กวาดที่ถูกเงื้อขึ้นกลางอากาศอีกรอบหยุดชะงักลงเพราะมือของใครบางคนที่ยึดเอาไว้ บุคคลทั้งสามที่อยู่ในบ้านหันไปมองผู้มาใหม่ด้วยสายตาตะลึงงัน โดยเฉพาะโดนัทที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปแล้วด้วยความคาดไม่ถึง นี่พี่ปันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!?

“แกเป็นใคร!? แล้วนี่เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง!”

“คือ…เอ่อ ประตูบ้านไม่ได้ล็อกครับ แล้วก็… อืม ผมไม่แน่ใจนะว่าคุณน้ากำลังลงโทษโดเรื่องอะไร” ปัญญาพูดด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้ แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะฟาดโดนัทด้วยไม้กวาดอีกรอบแล้ว… เหมือนเส้นความอดทนของเขาขาดผึงลง “แต่ผมว่าแบบนี้มันเกินเหตุไปหน่อยนะครับ”

“แก… อ้อ อย่าบอกนะว่าแกเป็นคู่ขาของไอ้เด็กบ้านี่!”

ปัญญาสะดุ้งเบาๆ กับคำนั้นในขณะที่โดนัทที่ยอมลงมาตลอดกลับเป็นฝ่ายโกรธขึ้นมาเสียเอง เขาลุกขึ้นพร้อมกับตรงไปยืนตรงหน้ารุ่นพี่ราวกับตั้งใจจะปกป้อง ทั้งๆ ที่ เอ่อ มันควรจะสลับกัน

“เลิกกล่าวหาคนอื่นได้แล้ว คุณ จะตีผมสักกี่ทีผมก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ลองมาทำตัวแย่ๆ ใส่พี่ปันสิ ผมไม่ยอมง่ายๆ แน่”

“นี่แกขู่ฉันเหรอ!?”

“ขู่เหรอ?” นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตวาวโรจน์ “ก็ลองพิสูจน์ดูสิ แล้วจะได้รู้ว่าผมพูดจริงหรือแค่ขู่”

คิตตี้เดินเข้าไปกอดแขนแม่เป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายยอมถอย ฝ่ายโดนัทเองปัญญาก็เอื้อมมือมาแตะบ่าให้คนเป็นรุ่นน้องสงบลงเหมือนกัน

“โด ใจเย็นๆ ก่อนนะ มีอะไรค่อยๆ คุยกัน”

น้ำเสียงนุ่มนวลของอีกฝ่ายทำให้โดนัทดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง เขาหันกลับไปมองอีกฝ่ายนิดหนึ่งอย่างขอบคุณก่อนจะหันกลับมาพูดกับทั้งคู่ต่อ

“ถ้าอยากจะบอกป๊าเรื่องผมชอบผู้ชายนักก็เชิญ ผมไม่สนหรอก”

“แกมันไอ้เด็กทุเรศ! ชอบเพศเดียวกันเนี่ยนะ? ทำตัวน่ารังเกียจแล้วก็น่าขยะแขยงเป็นบ้า!”

อื้อหือ พูดแบบนี้จุกกันไปหลายคนนะครับ

“แล้วที่คุณทำตัวแบบนี้มันน่าสรรเสริญนักเหรอ” คำพูดนั้นมาจากปากของปันที่เคยเคารพแล้วก็อ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ทุกคน โดนัทหันกลับไปมองอีกฝ่ายที่จ้องหน้าแม่เลี้ยงเขาอย่างตรงไปตรงมาอึ้งๆ ไม่นึกว่าปันจะออกหน้าให้เขาขนาดนั้น “ผมว่าคำพูดคุณมันก็ย้อนกลับไปหาตัวเองหมดนั่นแหละ ถ้าจะทำตัวใจแคบขนาดนั้นแล้วก็ทำร้ายลูกของตัวเองขนาดนี้”

“มันไม่ใช่ลูกฉัน!”

อ้อ แหม เขาก็ลืมไปเนอะ

“ไม่ใช่ลูกคุณ แต่โดก็เป็นลูกของคนที่คุณรักไม่ใช่เหรอครับ? คุณรักพ่อของโดไม่ใช่เหรอถึงได้แต่งงานกับเขา แล้วคุณจะรักแค่เขา ไม่รักลูกของเขาหรือไง?”

“พี่ปัน” โดนัทแตะแขนของอีกฝ่ายแผ่วเบา “พอเถอะครับ ผมว่าเราไปจากที่นี่กันเถอะ”

“โด…”

“จะไปไหนก็ไป! ลูกทรพีอย่างแก ฉันว่าป๊าก็ไม่อยากเอาไว้หรอก!”

“นี่คุณ--” ปัญญาทำท่าจะแทรกขึ้นมาอีกรอบอย่างเหลืออด แต่โดนัทส่ายหน้า

“เถียงไปก็เท่านั้นครับ ตอนนี้อารมณ์มันร้อน พูดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”

“นายแน่ใจนะ”

“ช่วยพาผมไปที” เด็กหนุ่มก้มหน้าลงต่ำ พูดเหมือนกระซิบ “พาผมไปที่ไกลๆ กับพี่… ที่ไหนผมก็ไป”

เท่านั้นเองปัญญาถึงได้ฉุดแขนรุ่นน้องออกจากบ้านไปทั้งๆ แบบนั้น

เขาจะไม่ปล่อยให้โดนัทต้องทุกข์ใจกับเรื่องนักหนาพวกนี้คนเดียวอีกแล้ว!






-------------------------------------------------

Talk: สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราทำงานมาล่ะ เหนื่อยมากเลยค่ะ อาทิตย์นี้ทำงานตั้งหกวัน ฮืออออ//ขอบ่นหน่อยเถอะ ไม่ไหวแย้วววว

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ! อย่าลืมคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-09-2017 16:08:42
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-09-2017 18:04:00
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 30-09-2017 18:17:28
น้องโดน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-09-2017 18:38:42
อื้อหือ วุ่นทั้งสองทางเลย
คุณพ่อดารานั่นน่าจะรู้ว่าปันเป็นลูกตัวเอง แต่ทำไมไม่มาแสดงตัว อย่างน้อยก็แสดงความรับผิดชอบสักนิด หรือที่จริงมันมีอะไรมากกว่านั้น
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 30-09-2017 18:53:36
เข้าทำนอง พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก พระอาทิตย์แซง เฮ้อ
มาม่าหม้อไฟมาแล้ว   :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-09-2017 20:46:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: qunchamiin ที่ 30-09-2017 20:57:47
โอ้ยอะไรกันนน  วุ่นวายไปหมดทั้งพ่อลูกฮื้อ :sad4:
ปันไม่ใช่ลูกแท้ๆจริงด้วยสินะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 30-09-2017 22:11:48
แง้ สงสารดล สงสารปัญในอนาคตด้วย :z3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 30-09-2017 22:57:59
สงสารดล
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 30-09-2017 23:42:51
แล้วดลจะทำยังไงต่อไป คงทำใจยากน่าดู
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 01-10-2017 02:43:29
สงสารดล ...กลัวดลจะเก็บไปคิดว่าปัญไม่ใช่ลูกแท้ๆแล้วก็ทำร้ายจิตใจปัญ... แบบว่าไม่ยอมรับไรเงี่ย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 01-10-2017 06:13:17
พีคสุดๆ
ตอนหน้าจะเป็นไงนี่ รอไม่ไหวแล้วครับ 55
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-10-2017 13:46:50
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ
ดลรู้ทั้งด้วยตัวเอง และที่สืบมา
ดล ก็ทุกข์ ที่มินต์ทำไมทำกับเขาแบบนี้

ปัน ก็เจอภาพแม่เลี้ยงตีลูกเลี้ยง
เพราะว่าโด รักเพศเดยวกัน
นึกแล้วว่าคิตตี้ต้องปากสว่างแน่ๆ ทั้งกิน ทั้งขู่ ไม่รักษาสัญญา
ดีไม่ดี แม่ลูุกเลวพอกัน จะไม่เห็นด้วยก็ไม่มีสิทธิ์มาด่า ทำตัวแย่มาก
ถือสิทธิ์อะไรมาตีโด ไม่ใช่ลูกตัวเองซะหน่อย
คนที่จะดุด่า ลงโทษเป็นพ่อโดเท่านั้น
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 01-10-2017 20:49:54
เรื่องเริ่มมันส์ละ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 02-10-2017 00:52:10
อยากให้ปันคู่กับพ่ออ่าา จริงๆ นะ ไม่อยากให้คู่กับโดเลย โอ้ยยยยยยย รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 07-10-2017 13:34:11
อ้าว พ่อดล หาคนปลอบใจด่วนค่ะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 10) P.5 [30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 07-10-2017 13:40:43
บทที่ 11



“พี่ปัน… มาได้ยังไงครับ” โดนัทหลุดปากถามออกไปหลังจากที่พวกเขาทั้งคู่เดินออกมาจากตัวบ้านไกลพอสมควร “ผมนึกว่าพี่กลับไปแล้ว”

“อ้อ เอ่อ เปลี่ยนใจน่ะ” เขาอึกอักเล็กน้อย รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาบอกรักหรือทำซึ้ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันรวดเร็วดังพายุ และเขาต้องรอให้มันสงบลงก่อน “แล้วนายเป็นยังไง พี่เห็นเลือดออกตรงขมับ”

“อ้อ… นี่มัน…”

คนทั้งคู่หยุดเดินกันกลางทาง เนื่องจากปัญญาเลือกใช้ทางตัดสวนตอนนี้รอบตัวเขาจึงเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่และแสงจากโคมไฟที่ค่อนข้างริบหรี่ เด็กหนุ่มเลื่อนมือไปขยับเส้นผมนุ่มของโดนัทแล้วพิจารณาบาดแผลที่ดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงมากเท่าที่คิด

แต่… ถึงแบบนั้นก็เถอะ

“ต้องถึงขั้นเลือดตกยางออกกันเลยเหรอ”

“เปล่าหรอกครับ อันนี้ผมซุ่มซ่ามไปชนกับขอบที่เก็บจานในครัวเอง ไม่ใช่ความผิดของม๊าหรอก”

“เจ็บมากรึเปล่า”

“เมื่อกี้ก็เจ็บครับ” เจ้าตัวยิ้มหวานที่ดูจะฝืดๆ สักเล็กน้อย “แต่ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว ก็พี่อยู่กับผมนี่นา”

โอ๊ย ทำไมหมอนี่มันขี้อ้อนแบบนี้… แถมยังอ้อนไม่รู้จักเวล่ำเวลา

“โธ่เอ๊ย ไม่ต้องฝืนตัวเองก็ได้แท้ๆ” เขาว่าพร้อมกับกอดรุ่นน้องตรงหน้าอย่างหวงแหน โดนัทนิ่งอึ้งไป รอยยิ้มที่เขาพยายามรักษาไว้ค่อยๆ เลือนหาย แขนทั้งสองข้างค่อยๆ ยกขึ้นแล้วกอดตอบอีกฝ่ายแน่น และเมื่อไปพักหนึ่ง เจ้าตัวถึงได้ถอยออกมา สีหน้าดูหม่นลง

“ให้พี่มาเห็นสภาพทุเรศๆ ของผมจนได้”

“พูดอะไรแบบนั้น” ปัญญาว่าเสียงอ่อน หัวแม่โป้งเลื่อนเกลี่ยที่ข้างขมับนั้นอย่างเบามือ ใจหายเหมือนกันที่เห็นรุ่นน้องที่มักมีรอยยิ้มตลอดดูเจ็บปวดและเหนื่อยอ่อนขนาดนี้ แต่ถ้ารอยยิ้มนั่นต้องมาเพราะการฝืน ปันคิดว่าเขาอยากเห็นหน้าแบบนี้มากกว่า

"ขอโทษนะฮะ พี่ปัน"

"ก็บอกว่าอย่าพูดแบบนั้นไง"

"ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องที่พี่ควรต้องมารับรู้เลย" โดนัทพูดต่อเหมือนเพ้อ ปัญญาเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นก่อนจะฉุดแขนอีกฝ่ายให้ก้าวเดินต่อ โดนัทก้าวเท้าตามไปอย่างงงๆ "พี่จะพาผมไปไหนน่ะ"

"บ้านพี่" เขาตอบโดยไม่หันกลับไปมอง สิ่งที่โดนัทได้เห็นจึงเป็นสีหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายที่ดูมุ่งมั่นและมั่นคงแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ว่าแสงไฟจากข้างทางจะน้อยนิดแต่เขากลับเห็นเสี้ยวหน้าของปันได้อย่างชัดเจน

"ผมไม่มีอะไรติดมาเลยนะ"

"เดี๋ยวให้ยืม"

"จะดีเหรอพี่ปัน" ยังถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ "พาผมไปนอนบ้านพี่แบบนี้ พ่อพี่จะไม่โกรธเหรอ"

"ไม่เป็นไร"

"ไม่เป็นไรได้ไง" น้ำเสียงของเด็กหนุ่มอัดอั้นขึ้นเรื่อยๆ "ผมรู้นะว่าน้าดลก็ไม่ชอบผม ไม่ชอบที่เราเป็นแบบนี้"

คำพูดนั้นทำให้ปันหยุดฝีเท้าลงอีกรอบ เขาหันกลับไปมองอีกฝ่าย บีบบ่าโดนัทแน่นก่อนจะยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงมั่นคง

"ไม่เป็นไรหรอก เชื่อพี่สิ ถึงพ่อพี่อาจจะไม่ชอบใจเรื่องของเราบ้าง แต่เขาจะไม่ตีพี่หรือโดแน่ๆ"

แม้ว่าคำว่า 'เรื่องของเรา' จะทำให้โดนัทชื้นใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี

"พ่อพี่ใจดีนะ เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก" ปัญญายิ้ม แววตาบ่งบอกเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองพูด "เอาเป็นว่าคืนนี้ไปค้างบ้านพี่ก่อนเถอะ แล้วเราค่อยคิดหาทางกันว่าจะเอายังไงต่อ ตกลงนะโด?"

"ครับ พี่ปัน" เจ้าตัวพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มที่ปันอยากเห็น "พี่ปันว่ายังไง ผมก็ว่าตามนั้นแหละครับ"

มาอีกแล้ว... ยิ้มหวานๆ แบบนั้น เห็นแล้วอยากจับจูบชะมัด!






ปัญญาไม่ได้คาดหวังว่าพ่อเขาจะต้องออกมาปูพรมแดงให้ทั้งเขาและโดนัทเข้าบ้านหรืออะไรแบบนั้นก็จริง แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจออีกฝ่ายกำลังยกเหล้าเข้าปากหลังจากที่ไม่ได้แตะมานานแบบนี้เหมือนกัน แต่ถึงพ่อของเขาจะเมาจนหน้าดำหน้าแดงเพียงใด พอเห็นสภาพยับเยินของเด็กหนุ่มที่เขาหิ้วกลับบ้านมาด้วย ชายหนุ่มก็รีบเล่นบทบาทคนเป็นผู้ใหญ่ กุลีกุจอสั่งให้ปัญญาดูแผลให้โดนัททันที

"เช็ดแผลให้น้องก่อน ปัน เดี๋ยวพ่อไปหยิบกล่องพยาบาลมาให้"

"พ่อฮะ บ้านเรามียาทาแก้ฟกช้ำรึเปล่า พอดีโดถูกตีมา"

"อะไรนะ"

ปัญญาจัดการถอดเสื้อของอีกฝ่ายเพื่อดูรอยช้ำที่อยู่บนแผ่นหลัง แม้แต่นพดลที่ลงมือตีลูกชายเป็นครั้งคราวยังต้องอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง นี่บ้านของไอ้เด็กหน้าหวานนี่คิดว่าตัวเองอยู่ในสมัยยังไม่เลิกทาสหรือยังไง แล้วนี่มันลูกตัวเองไม่ใช่เรอะ!?

"แม่เลี้ยงหมอนี่ตีมาน่ะครับ" ปันรีบอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นพ่อ "ผมว่าผมรีบทำแผลให้น้องดีกว่า"

"แม่เลี้ยงเหรอ" เขาทวนคำ เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์มาถือ "ยังกับนิทานเรื่องสโนไวท์ ที่ อะไรนะ พ่อตายแล้วมีแม่เลี้ยงโหดๆ"

"ซินเดอเรลล่าครับ/ซินเดอเรลล่าพ่อ" ทั้งโดนัทและปัญญาประสานเสียงพร้อมกัน ทำเอานพดลแทบจะสร่างเมาได้

"เออน่า มันก็คือๆ กันแหละ" จะมาสนใจเรื่องนี้ทำไมตอนนี้เนี่ย

"แล้วนี่พ่อจะไปไหนครับนั่น"

"ไปซื้อยาทาให้น้อง ปันหาอะไรอุ่นๆ ให้โดนัทดื่มก่อน เดี๋ยวพ่อรีบกลับ ดูแลน้องดีๆ ล่ะเข้าใจไหม"

นพดลเดินออกมาจากตัวบ้าน เหลือบมองลูกชายที่นั่งขนาบอีกฝ่าย ปล่อยให้โดนัทเลื่อนศีรษะมาซบกับบ่าของตัวเอง เขานึกถึงวันที่มิ้นต์รู้ตัวว่าท้องปัญญา หล่อนเองก็นั่งพิงไหล่เขาแบบนี้เหมือนกัน และเขาก็จับมือหญิงสาวไว้ เหมือนที่ปัญญากำลังจับมือโดนัทอยู่ในตอนนี้ ดูแล้วทั้งสองคนคงมีความรู้สึกดีๆ ให้กันจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ชายทั้งคู่…

"สุดท้ายแล้วคนที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับเรา เขาก็ไม่มีทางรักเราแบบคนในครอบครัวได้ใช่ไหมครับ"  เสียงแว่วๆ ที่ลอยมาให้เขาได้ยินมาจากปากของโดนัท นพดลรู้สึกหน้าชาขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาไม่อยู่รอฟังคำตอบจากปากของปัน หากเร่งฝีเท้าให้รีบก้าวผ่านความมืดของยามค่ำคืน

นึกถึงช่วงเวลาที่เขาเคยจูบหญิงสาวผู้เป็นที่รัก คนที่หล่อนก็บอกว่ารักเขามากเช่นกัน เขาเคยเชื่อมั่นในคำนั้นอย่างสุดหัวใจ แต่ตอนนี้เขาไม่รู้อีกต่อไปแล้วล่ะว่าควรจะเชื่ออะไรดี





นพดลปล่อยให้ลูกชายช่วยจัดการทายาและดูแลบนร่างกายของโดนัทในขณะที่เขาคอยมองอยู่ห่างๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องเตรียมไปแยกย้ายเข้านอนแล้ว ชายหนุ่มก็เอ่ยปากกับเด็กหนุ่มเสียงเรียบ

"ปันจะมานอนกับพ่อรึเปล่า เตียงปัน นอนสองคนมันจะอึดอัดไปไหม"

ปัญญาอ้าปากขึ้นมาก่อนจะหุบกลับไป ท่าทางลังเล แต่แล้วเจ้าตัวก็กลั้นใจพูดขึ้นมาจนได้

"คือ... คืนนี้ขอผมนอนกับโดได้ไหมพ่อ ผมเป็นห่วงน้อง"

นพดลเข้าใจทันทีว่าลูกชายเขาอึกอักอะไร ไอ้ตัวแสบกลัวเขาจะไม่พอใจที่จะนอนร่วมห้องกับโดนัทนั่นเอง แต่ตอนนี้เขาไม่ใส่ใจเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้วล่ะ

"โอเค ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลน้องดีๆ แล้วกัน พ่อจะไปนอนแล้ว ปันเองก็พักผ่อนเยอะๆ"

"เออ พ่อ" ปัญญาเรียกรั้งอีกฝ่ายที่กำลังจะเดินเข้าห้องเอาไว้ นพดลหันมาเลิกคิ้วให้เขา "พ่อ... มีอะไรรึเปล่า พ่อไม่ได้ดื่มมานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ แล้วดื่มหนักขนาดนั้น..."

นพดลหันกลับมามองหน้าคนถามนิ่ง ไม่พูดตอบอะไร

"คือ... เอ่อ เครียดเรื่องงานเหรอพ่อ ช่วงนี้งานหนักเหรอ"

"...ใช่" เขาตอบกลับไปในที่สุด แม้ว่ามันจะไม่เป็นความจริงก็ตาม

"อ่า งั้นเหรอครับ... งั้น ผมขอให้ผ่านช่วงนี้ไปเร็วๆ นะ ยังไงก็อย่าดื่มเยอะนักนะพ่อ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ"

อาจจะด้วยความสับสนกับความจริงที่เพิ่งได้รู้สดๆ ร้อนๆ หรืออาจจะเพราะฤทธิ์เหล้าที่เขากรอกเข้าร่างกายไปจำนวนมาก หรืออาจจะเพราะทั้งสองอย่างที่ทำให้นพดลตอบกลับไปเสียงห้วน

"เป็นเด็กเป็นเล็กก็อย่ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ได้ไหม"

ปัญญาชะงักไปเล็กน้อยอย่าตกใจ สีหน้านั่นทำเอานพดลรู้สึกผิดวูบขึ้นมา

"เอ่อ ขอโทษครับพ่อ ผมก็แค่เป็นห่วง"

ชายหนุ่มไม่พูดอะไรตอบ แค่ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา

"งั้น... เข้านอนเถอะครับพ่อ ผมก็จะไปนอนแล้วเหมือนกัน ฝันดีฮะ"

"ฝันดีปัน" สุ้มเสียงของเขาอ่อนลง มองลูกชายเดินหายกลับไปเข้าในห้องแล้วเจ้าตัวก็เดินลงไปชั้นล่างอีกรอบ ตรงไปที่โต๊ะทานข้าว มองเหล้าที่เขาเพิ่งเปิดหลังจากวางสายจากเกรซไปไม่นาน ยังเหลืออีกครึ่งขวด

เอาล่ะ มาดูกันซิว่าเขาจะไปทำงานพรุ่งนี้ไหวไหม






“โหย! พี่ดล ทำอะไรมาคะเนี่ย? สภาพอย่างกับผีลืมหลุม” สา ลูกน้องสาวของผมพูดขึ้นด้วยสีหน้าตกใจเกินเหตุ หรือไม่บางทีสภาพผมก็อาจจะเลวร้ายกว่าที่ตัวเองจริงๆ ก็ได้ เมื่อคืนเล่นล่อซะหนัก เช้ามานี่ปวดหัวตึ้บๆ เหมือนมีตัวอะไรมาเต้นดิสโก้อยู่ในหัว แต่ผมก็กัดฟันจัดการข้าวเช้าให้เด็กทั้งสองคนที่คงต้องใช้ความพยายามพอๆ กันในการปลุกตัวเองให้ตื่นแล้วตกลงใจไปโรงเรียนด้วยกัน มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับโดนัทไม่น้อยหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์แย่ๆ มาเมื่อคืน

“อืม ดื่มหนักไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก แล้วงานที่ค้างเมื่อวานถึงไหนแล้ว” ผมพูดปัด เดินดุ่มๆ เขาไปประจำโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วเปิดคอม เจ้าหล่อนเองก็กำลังหย่อนตัวนั่งโต๊ะของตัวเองเหมือนกัน

“หนูส่งเมล์ให้พี่แล้วค่ะ เหลืออีกไม่กี่ข้อ ต้องรบกวนให้พี่ช่วยดูหน่อย แล้วก็มีของจากทางญี่ปุ่นมาเมื่อคืนนะคะ พี่อาจจะอยากไปดู”

“อืม เดี๋ยวสักสิบโมงค่อยไป” ผมพึมพำตอบขณะรอให้หน้าจอคอมปรากฏขึ้นมา

นั่งทำงานไปได้ครู่ใหญ่ อยู่กับหน้าจอบ้าง เดินออกไปดูงานในโรงงานสลับกัน แต่ในหัวผม ในใจผมนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องงานแวะเวียนเข้ามาเลย

มันมีแค่เรื่องของปัน… แล้วก็ของผู้ชายซึ่งเป็นดาราชื่อดังคนนั้น

คนดังระดับนั้นจะส่งเงินเป็นหมื่นเป็นแสนให้ลูกผมได้ก็ไม่แปลกหรอก คงไม่กระเทือนขนหน้าแข้งเขาด้วยซ้ำ ต่างจากผมที่ทำงานตัวเป็นเกลียวขนาดนี้ก็ยังต้องนั่งลุ้นว่าจะมีเงินพอใช้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างของบ้านรึเปล่า (ถึงจริงๆ แล้วผมจะมีเงินก้อนที่เก็บเข้ากองทุนไว้ก็เถอะ แต่ไอ้พวกนั้นตั้งใจเก็บไว้ให้ไอ้ปันคนเดียวเลย และไม่อยากเอามาแตะตอนนี้ด้วย)

ผมคิดไม่ตก ภาพของจดหมายฉบับนั้นที่เขียนประโยคสั้นๆ เอาไว้ เรื่องที่เกรซรายงานจากการสืบหามาได้ ทุกอย่างมันลงล็อกไปหมดเสียจนน่ากลัว และความจริงที่กำลังตอกย้ำผมพวกนั้นเป็นสิ่งที่ถ้าผมเลือกได้คงไม่ขอรับรู้น่าจะดีเสียกว่า

และเมื่อถึงเวลาพักกลางวัน ผมก็ทนความกดดันและความอัดอั้นที่อยู่ในอกนี้ต่อไปไม่ไหว ผมขับรถออกมาจากที่ทำงาน ตัดสินใจไปจอดอยู่แถวๆ สวนสาธารณะที่ไร้ซึ่งผู้คนเพราะแดดร้อนเปรี้ยง ผมเดินหลบเข้าไปอาศัยร่มเงาใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งจากนั้นจึงต่อสายโทรศัพท์ถึงองอาจ คนที่คอยดูแลของปัญญามาตลอด

ผมรับเรื่องนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว และผมจะต้องได้คุยกับผู้ชายคนนั้น

“สวัสดีครับ” ปลายเสียงตอบกลับมาอย่างนุ่มนวลและสุภาพอย่างเคย แต่ผมกลับรู้สึกเดือดขึ้นมากับน้ำเสียงเนิบนาบนั่นอย่างบอกไม่ถูก

“สวัสดีครับ คุณอาจ ผมขอสายเจ้านายคุณหน่อยได้ไหมครับ”

ปลายสายนิ่งเงียบไปเล็กน้อย ผมเดาว่าเขากำลังอึ้ง

“เอ่อ คุณดล ว่าไงนะครับ เจ้านายที่ทำงานผมน่ะเหรอ”

“ใช่ครับ” ผมว่าเสียงเย็น “คนที่คอยให้ทุนปันมาตลอดไง”

“เอ่อ คือว่าตอนนี้ท่านกำลัง--”

“หรือจะต้องให้ผมระบุชื่อว่าผมขอสายใคร” ยิ่งพูดยิ่งของขึ้น ไม่ต้องมีมันล่ะ มารยง มายาท “ได้ ผมขอสายคุณบดิศร สว่างวงศ์ คนที่คอยส่งเงินให้ลูกชายผมทุกเดือน…อ้อ ไม่สิ หรือผมควรจะพูดว่าลูกชายเขาดีล่ะ”

“คะ… คุณดล ถือสายรอสักครู่นะครับ” น้ำเสียงของชายสูงวัยแปรเปลี่ยนเป็นอึกอักทันที

ผมปล่อยให้เขาคุยกับใครอีกคนตามที่ได้ยินผ่านโทรศัพท์มาแว่วๆ อย่างใจเย็น แน่นอนว่าผมรอได้ ยังไงทุกอย่างนี่มันยืดเยื้อมากว่า 17 ปีอยู่แล้วนี่ แล้วนี่อีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ทำไมผมจะรอไม่ได้

“ฮัลโหล สวัสดีครับ” น้ำเสียงทรงอำนาจที่ติดจะห้วน สุภาพแต่เหินห่างนั่นทำให้ผมเผลอกำโทรศัพท์สมาร์ตโฟนในมือแน่นขึ้น “นี่ผมเอง บูม บดิศร คนที่คุณอยากจะคุยด้วย”

“เป็นเกียรติมากเลยครับที่ได้คุยกับดาราที่มีชื่อเสียงอย่างคุณแบบนี้” ผมกัดฟันกรอด “ถ้าคุณอยู่ตรงหน้า บางทีผมอาจจะขอลายเซ็นด้วย คุณคงไม่รังเกียจใช่ไหม”

“อย่ามาเล่นแง่อยู่แบบนี้เลย คุณนพดล” เสียงของเขาเย็นเยียบอย่างคนใกล้หมดความอดทน “ผมรู้ดีว่าคุณโทรมาหาผมทำไม ทำไมไม่พูดธุระจริงๆ ของคุณมาเสียทีล่ะ”

“เหรอ คุณรู้เหรอว่าผมโทรมาหาคุณทำไม” ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะพูดจาวกวนและกวนประสาทแบบนี้เพื่ออะไร รู้แต่ว่าผมยังไม่อยาก… ยังไม่อยากกระโดดเข้าหาความจริง “งั้นทำไมคุณไม่ลองพูดดูล่ะว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผมโทรหาคุณ”

“คุณรู้แล้วว่าปัญญาเป็นลูกผม ไม่ใช่ลูกคุณ”

คำพูดนั่นทำให้ผมเข่าอ่อน คงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้วถ้าไม่ใช่เพราะกำลังยืนพิงต้นไม้อยู่ด้านหลัง รู้สึกเรี่ยวแรงถูกดูดหายไปหมด

“ผม… ผมไม่เข้าใจ” น้ำเสียงของผมสับสนอย่างน่าสมเพช และผมสงสัยว่าปลายสายกำลังดูแคลนอยู่รึเปล่า “คุณรู้จักกับมิ้นต์ได้ยังไง ไปเจอกันที่ไหน โลกของหล่อนกับโลกของคุณมันไม่ควรจะมาบรรจบกันแท้ๆ”

“คนที่คิดอะไรอยู่ในกะลาแบบคุณคงนึกได้แค่นั้น” น้ำเสียงนั่นเย้ยหยันจนผมอยากขว้างโทรศัพท์ในมือทิ้ง เขาคงคิดว่าผมโง่จริงๆ สินะที่ถูกเมียสวมเขาให้โดยที่ไม่เคยรับรู้อะไรเลย “ผมกับมิ้นต์ เราเจอกันที่งานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนผม และผมเดาว่านั่นคงเป็นเพื่อนของเพื่อนมิ้นต์อีกที แต่จุดเริ่มต้นจะเป็นยังไงก็ช่าง ผมตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรกเห็น ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้หล่อนมาต่อให้ผมจะรู้อยู่แล้วว่ามิ้นต์มีคุณ… ผมเหนือกว่าคุณทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียงแล้วก็ความสามารถ เงินทองก็เหมือนกัน ผมทำให้หล่อนมีความสุขได้ ในขณะที่คุณทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากมองเฉยๆ ให้หล่อนตายไปทั้งๆ อย่างนั้น!”

“คุณแม่งจะมาเข้าใจอะไรวะ!” การตายของมิ้นต์ที่ปลายสายหยิบยกขึ้นมาเสียดแทงใจ ผมรู้ดีว่าการรักษาสมัยนั้นยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนสมัยนี้ และครอบครัวทั้งของผมและของมิ้นต์ก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายที่จะพาหล่อนไปรักษาในที่ที่ดีกว่านั้นได้ แต่ผู้ชายคนนั้นกลับกำลังพูดว่าเขาคงช่วยมิ้นต์ได้ถ้าเกิดเขามีโอกาสนั้นงั้นเหรอ

“มิ้นต์เลือกคุณ นพดล! ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าผู้ชายอย่างคุณมีอะไรดีให้---”

“อย่างน้อยผมก็ดีกว่าคุณที่แอบเป็นชู้กับเมียชาวบ้านล่ะวะ!”

“แฟน พูดให้ถูก ไอ้หนู ตอนนั้นแกกับมิ้นต์ยังเป็นแค่แฟน” เขาทำเสียงจุ๊ๆ ส่งมาตามสายราวกับผมเป็นเด็กอายุสามขวบ “แล้วฉันก็พลาดที่ทำมิ้นต์ท้อง แต่หล่อนเข้าใจว่าตัวเองท้องกับแก เพราะงั้นหล่อนถึงได้บอกแกก่อนตอนที่รู้ว่าตัวเองพลาด”

“ฉันเป็นคนที่คบกับมิ้นต์ในตอนนั้น มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วรึเปล่าวะ”

“แกไม่เข้าใจหรอก นพดล” น้ำเสียงของเขาเจ็บแค้น “ฉันบอกมิ้นต์ว่าฉันยอมทำทุกอย่าง ฉันขอให้---”

“ขอให้มิ้นต์หนีไปด้วยกันกับคุณ” ผมต่อประโยคนั้นให้จบ “ผมเจอกระดาษแผ่นนั้นแล้ว”

“ใช่ แต่มิ้นต์ไม่ยอมมา” ถึงตอนนี้ น้ำเสียงของอีกฝ่ายก็เริ่มอ่อนระโหย “หล่อนบอกว่าไม่อยากทำให้อาชีพของฉันต้องจบลง มิ้นต์… มิ้นต์บอกผมว่าผมยังไปได้อีกไกล และเรื่องลูกจะทำให้ผมเกิดในวงการนี้อีกไม่ได้”

“ขอบใจนะ ผมกำลังอยากได้ยินอยู่เชียวว่าเมียผมรักและเป็นห่วงชู้ของตัวเองขนาดไหน”

“ทำไมแกต้องพูดประชดหล่อนด้วยวะ! มิ้นต์ตายไปแล้วด้วยซ้ำนะ!”

“แล้วผมต้องสรรเสริญผู้หญิงคนที่หักหลังผมไปนอนกับผู้ชายคนอื่นเรอะ!” ยิ่งพูดยิ่งของขึ้น ผมไม่รับรู้อะไรเลยนอกจากความโกรธของตัวเอง “มิ้นต์โกหกผมจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตเลยด้วยซ้ำ! หล่อนไม่เคยพูดเลยว่าปันไม่ใช่ลูกของผม!”

“ก็บอกแล้วไงว่าตอนนั้นมิ้นต์ก็ไม่รู้เรื่องนี้! หรือถ้าแกรังเกียจเด็กคนนั้นนักก็เอาเขามาให้ฉัน!”

คำพูดนั้นเหมือนไม้หน้าสามตีกลางแสกหน้า ผมไม่เคยรู้สึกอยากซัดหน้าใครมาก่อนเท่านี้ หมอนี่แม่งกล้าพูดแบบหน้าด้านๆ อย่างนั้นมาได้ยังไง!?

“ปันเป็นลูกฉัน!”

“แค่จะส่งเขาเรียนในที่ที่เขาอยากจะเรียน แกยังทำไม่ได้เลย!”

“ไอ้---!!” ไอ้สารเลวเอ๊ย!

“คุณบูม พอเถอะครับ ยิ่งพูดไปแบบนั้น---” เสียงขององอาจดังแทรกเข้ามาตะกุกตะกัก จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงยื้อแย่งโทรศัพท์ และในที่สุดองอาจก็กรอกเสียงลงมา “ขอโทษด้วยนะครับ คุณดล แต่ผมว่าตอนนี้ทั้งสองคนอย่าเพิ่งคุยกันน่าจะดีกว่า รอให้อารมณ์เย็นกันก่อนแล้วค่อยนัดคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวดีกว่าไหมครับ”

“ครับ” ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกสติของตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นผมขอวางสายก่อนนะครับ แล้วจะนัดวันยังไงค่อยว่าอีกที”

“ครับ ครับ เดี๋ยวผมจะติดต่อไป” จากนั้นสายก็ถูกตัดขาด

ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าผมจะสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้จริงๆ ผมทรุดตัวนั่งยองๆ ลงกับพื้นหญ้า มือทั้งสองข้างปิดหน้าอย่างอัดอั้น อยากจะกรีดร้องตะโกนแล้วก็โวยวายแบบที่คนเสียสติในโทรทัศน์เขาทำกัน อยากจะระเบิดร้องไห้แบบตอนเด็กๆ ที่พอมีอะไรไม่ได้ดั่งใจก็เอาน้ำตาเข้าว่า แต่ผมในตอนนี้จุกเกินกว่าจะทำอะไรได้

มีแค่ความเป็นจริงเท่านั้นที่กำลังโหมกระหน่ำเข้าใส่หัว

‘คุณรู้แล้วว่าปัญญาเป็นลูกผม ไม่ใช่ลูกคุณ’

‘ถ้าแกรังเกียจเด็กคนนั้นนักก็เอาเขามาให้ฉัน!’

ผมลุกขึ้นยืนเมื่อรู้สึกเหมือนมีเสียงหวีดแหลมดังอยู่ในหัว รู้ตัวอีกทีผมก็เขวี้ยงโทรศัพท์ในมือลงกับพื้นราวกับมันเป็นถ่านร้อนๆ

น้ำตาหยดหนึ่งหล่นลงมาที่ข้างแก้ม

ปัญญาไม่ใช่ลูกของผมกับมิ้นต์

ความเป็นจริงนี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว






“นายแน่ใจนะว่าคืนนี้จะกลับไปนอนบ้าน” ปัญญาเอ่ยถามรุ่นน้องข้างตัวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง โดนัทยกยิ้มหม่นๆ ส่งมาให้ กระชับกระเป๋าในมือแน่นขึ้น

“ครับ วันนี้ป๊าจะมารับที่โรงเรียน ผมรับปากไปแล้วก็ต้องกลับกับป๊า”

“แล้วพ่อนายจะไม่ว่าใช่ไหม เรื่อง…”

เด็กหนุ่มหน้าหวานส่ายหน้า “ผมไม่รู้จริงๆ ครับ พี่ปัน ผมไม่รู้เลยว่าป๊าจะคิดยังไง บางที… ผมอาจจะโดนตีอีกสักรอบ”

“ถ้าโดอยากจะมานอนบ้านพี่…”

“ไม่ครับ” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มมั่นคง “ผมไม่อยากหนีไปตลอด ถ้าป๊ารับไม่ได้ ผมก็จะพยายามพิสูจน์ให้ป๊าเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร”

ปัญญาชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อคนข้างตัวส่งยิ้มหวานให้เขาอย่างจริงใจ “อย่างที่พี่ปันกำลังทำอยู่ไง”

“โด…” เขาอึกอักเล็กน้อย เอื้อมมือไปแตะเส้นผมนุ่มสลวยของคนเป็นรุ่นน้อง รับรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเข้มแข็งแล้วก็กล้าหาญขนาดไหน บางทีอาจจะมากกว่าเขาด้วยซ้ำ “ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้นะ พี่อยู่ข้างโดตลอด”

“ผมรู้ครับพี่” อีกฝ่ายมองตาเขาตอบ มันลึกซึ้งจนชวนให้เด็กหนุ่มใจเต้นแรงตาม “ผมรู้มาตลอดว่าพี่หวังดีแล้วก็อยู่ข้างผม แค่นั้นก็ดีมากพอแล้วล่ะครับ”

ปัญญาไปส่งโดนัทที่รถและกล่าวสวัสดีพ่อของอีกฝ่ายอย่างใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจว่าพ่อของโดนัทไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรือหมางเมินเขาอย่างที่คาดเดาไว้ อาจจะเพราะเจ้าตัวยังไม่รู้… หรือไม่ก็รู้แต่ไม่ได้เดือดร้อนอะไร

“ขอบคุณที่ช่วยดูแลนัทนะ ปัน” แถมยังใจดีพอที่จะหันกลับมาพูดยิ้มๆ แบบนั้นกับเขา

ปัญญาหันกลับไปมองโดนัทอย่างมีความหวัง

บางที… ทุกอย่างอาจจะไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมดก็ได้






-----------------------------------------------------------------

Talk: ตัวละครใหม่ที่ชื่อโผล่มาให้เห็นหลายครั้งล่ะ//แต่ครั้งนี้ก็มาแค่เสียง ถถถถถ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจค่ะ :)
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-10-2017 14:06:40
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-10-2017 14:33:44
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 07-10-2017 16:09:48
ชื่นชมคนแต่งครับ
เป็นคนที่แต่งดราม่าได้สนุกมาก สามารถทำให้เข้มข้นได้โดยไม่อึดอัดหรือดูไร้เหตุผล ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 07-10-2017 16:48:24
แล้วพ่อดลจะตัดสินใจยังไงต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 07-10-2017 17:58:58
โอยยยย สงสารดล
เอาจริงๆ ที่มิ้นต์ทำก็ไม่ถูกนะ มันไม่ยุติธรรมกับดลเลย
ตัวเองมีกิ๊กตอนที่คบกับดล แถมไปมีอะไรกันจนตั้งท้องอีกต่างหาก
เรื่องนี้สงสารดลที่สุด ส่วนปันถ้ารู้เรื่องนี้ขึ้นมา บ้านแตกแน่ เฮ้ออ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 07-10-2017 18:22:56
สงสารดลอ่ะ คงรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอกมาตลอดสินะ

สู้ๆ ทำอะไรคิดถึงปันด้วยนะ อย่าให้ปันเสียใจ ฮือออ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-10-2017 22:51:22
ใช่ ตอนแรกมินต์เข้าใจว่าท้องกับดล
แต่พอผ่านไปก็น่าจะรู้จากหน้าตาปัน ว่าปันลูกใครกันแน่

ถึงรู้มินต์ก็พูดไม่ออกอยู่ดีแหล่ะนะ
มันพูดกันได้ง่ายๆที่ไหนล่ะ
เรื่องคอขาดบาดตาย
ครอบครัวแตกสลายเลยนะ

บูม พูดแบบนี้ก็เกินไปนะ  :fire: :fire: :fire:
คนที่รู้มาตลอดว่าปันเป็นลูกตัวเอง
กับดล ที่เพิ่งรู้อย่างหัวใจสลาย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-10-2017 23:31:33
สงสารดลจัง เจอความจริงโหดร้ายแบบนี้ คุณดาราใหญ่นี่ก็ปากคอเราะร้ายมากๆ พูดจาแย่จริงๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bmine ที่ 07-10-2017 23:41:47
เกลียดผู้หญิงแบบมินต์มากกก ทำแอ๊บบอบบาง อ่อนโยน สุดท้าย.....ไข่ลูกของผู้ชายคนนึงไว้ให้ผู้ชายอีกคนเลี้ยง ถึงจะอ้างว่าไม่รู้ก็เถอะ แต่มันก็คือหลักฐานความใจง่าย เละเทะอ่ะ ดีออกกก โอ๊ยยย อินนนค่าาาา 55555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-10-2017 23:58:35
ผู้หญิงบางส่วนชอบใช้ความรู้สึก มากกว่าความถูกต้อง เหมือนผู้ชายเจ้าชู้ สงสารปัน กับดล
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 08-10-2017 01:06:24
เราหวังว่าพ่อลูกจะไม่มาได้กันเอง  อยากให้ความผู้ผันพ่อลูกยังเป็น พ่อลูกแม้จะไม่ได้มีสายเลือดเกี่ยวกัน อยากให้มิติของสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นแม้เรื่องจริงจะเปิดเผย

ไม่รู้ว่าคนแต่งวางพล๊อตไว้ยังไง  ติดตามต่อไป
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 08-10-2017 11:51:14
ความรู้สึกคนเรามันเปราะบาง สงสารคุณพ่อ :hao5:
รู้สึกไม่ชอบใจไอ้ดารานั่นมากๆ ขอให้ปันเป็นลูกแท้ๆเถอะ
ถ้าปันรู้เรื่องนี้ จะเป็นไงบ้าง
อะไรที่ผ่านมาปล่อยมันไป อยู่กับปัจจุบันแล้วยอมรับมันดีกว่า
ความรู้สึกของปันสำคัญที่สุดนะ คุณพ่อ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 08-10-2017 13:38:43
อ่านละอินมากกกก สงสารคุณพ่อ ฮือออ แต่สรุปว่าใครคู่ใคร โดนัท&ปัน กับ ดล&บูม เหรอ แงงงง ใจจริงอยากให้พ่อคู่ลูก 5555555 อ้าวไม่ใช่หรอ แต่เรายังมีความหวังกับเรือผีนะ55555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 08-10-2017 15:15:27
อยากจะถามบูมจริงๆเลย ทำไมไม่บอกมิ้นต์แต่แรก ไม่ไปบอกพ่อแม่นางว่าทำลุกเขาท้อง ทำไมไม่มาดูแลมิ้นต์เองตั้งแต่แรก มาทวงสิทธิ์คนเป็นพ่อเอาทีหลัง ไม่เห็นใจคนที่ดูแลเขามาค่อนชีวิตแบบดลเลย หึ่ยๆๆ อินจัด TwT
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 08-10-2017 20:58:24
สงสารดล...คุณพ่อที่ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว แต่วันนึงทุกสิ่งกลับพังทลายลงตรงหน้า มารู้ว่าเมียที่รักสวมเขา ลูกที่ฝูมฟักไม่ใช่เลือดเนื้อตัว..อยากกอดปลอบและมอบโล่คุณพ่อดีเด่นให้เลย    ผิดกะอิตาบูมพ่อที่แท้จริง ก็รู้มานาแล้วหนิว่าเขาเป็นลูกตัวแล้วตัวทำอะไรนอกจากซ่อนตัวอย่างห่างๆแล้วมาอ้างสิทธิว่าตัวเองมีพร้อมกว่า ถถถ...
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ผ้าห่มอุ่นๆ ที่ 08-10-2017 21:54:15
สงสารดล :hao5:   :m15:ตกลงใครคู่ใคร
แต่ใจเรานั้นพ่อลูก...เรือออกมหาสมุทรไปไกลแล้ว :z6:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-10-2017 22:57:53
ปันจะรู้สึกยังไงนะที่ไม่ใช่ลูกพ่อ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 09-10-2017 00:35:01
เชียร์คุณพ่อกะนุ้งปันตั้งแต่บทแรก จนตอนนี้ที่ความลับเผยก็ยังเชียร์ต่อ งือออ <3
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 11) P.6 [7/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 14-10-2017 10:22:40

บทที่ 12



โดนัทก้าวเท้าตามป๊าเข้าไปในบ้านอย่างกล้าๆ กลัวๆ พี่สาวของเขานั่งอยู่ในโซฟาห้องรับแขกขณะที่ม๊าจัดแจงข้าวของบนโต๊ะกินข้าว ทั้งคู่หันกลับมามองเขากับป๊าในทันทีที่ก้าวเข้าสู่ตัวบ้าน

“มาแล้วเหรอไอ้นัท! ” ม๊าที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดใดๆ พูดกับเขาอย่างโกรธเกรี้ยว “นึกว่าจะไปนอนกกอยู่กับไอ้เด็กผูู้ชายคนนั้นที่สลอนเข้ามาคืนก่อนแล้ว แกคิดว่าจะปล่อยให้ใครต่อใครเข้าบ้านเราก็ได้อย่างนั้นเหรอฮะ”

โดนัทไม่พูดอะไรตอบ เขามองหญิงสาวที่ตัวเอง ‘พยายาม’ ให้ความเคารพมาตลอดหลายปีนี้ด้วยสีหน้าราบเรียบ เขาเรียนรู้แล้วว่าบางครั้งอะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต่อให้เขาจะพยายามแล้วก็ตาม

“ยังจะมาเงียบใส่ฉันอีกเหรอ! ”

“นัทคงโดนไอ้เด็กคนนั้นล้างสมองไปแล้วมั้งคะ ม๊า” คิตตี้พูดยิ้มๆ ขณะก้มลงไถหน้าจอมือถือของตัวเอง โดนัทมองตามคนที่ปูดเรื่องของเขากับปันด้วยสายตาจงเกลียดจงชัง

“วี ตี้ พอได้แล้ว” ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวพูดเสียงเรียบหากแฝงแววเย็นชา ทำเอาทั้งคู่ถึงกับรีบหุบปากฉับเพราะมีความเกรงใจสามีและป๊าอยู่มาก “เรื่องนี้ป๊าจะเคลียร์กับนัทเอง ไปเถอะลูก ขึ้นไปคุยบนห้องกัน”

โดนัทหน้าซีดลงทันทีขณะถามเสียงเบาหวิว “ป๊ารู้เรื่องนี้แล้วเหรอครับ”

ป๊าของเขาไม่ตอบ แต่ม๊าของเขาก็ช่วยตอบแทนให้

“แน่นอนสิ! คิดว่าฉันกับยัยตี้จะบอกป๊าแกเมื่อคืนยังไงล่ะที่แกไม่อยู่บ้านน่ะ โดนลักพาตัวไปเหรอ? ”

“ก็เข้าข่ายลักพาตัวได้อยู่นะ ม๊า อยู่ๆ ตานั่นก็เข้ามาแล้วก็ฉุดเอานัทไปเลย แถมยังมีท่าทีข่มขู่สุดๆ ”

“พี่ปันไม่ได้--”

“พอแล้ว ทั้งสามคนนั่นแหละ” คนเป็นพ่อสั่งเสียงเฉียบและเด็ดขาดกว่ารอบเมื่อกี้ “นัท ขึ้นมาบนบ้าน เดี๋ยวนี้เลย”

“ครับพ่อ” เขาตอบรับเสียงเบา กับแม่เลี้ยงและพี่เลี้ยงน่ะ เด็กหนุ่มไม่ค่อยแคร์หรอกว่าทั้งคู่จะรับเรื่องของเขาได้ไหม แต่ป๊าของเขาต่างออกไป… เขาอยากให้ป๊าเข้าใจเขาและยอมรับตัวตนของเขาได้จริงๆ

“ตายแน่แก” คิตตี้พูดเสียงเบาขณะที่ป๊าเดินนำขึ้นไปก่อนและโดนัทเดินเลี้ยวตรงมุมบันได หันลงมาเห็นพอดี หญิงสาวทำท่าปาดคอตัวเองประกอบไปด้วย โดนัทสงสัยจริงๆ ว่าเขาจะเกลียดใครมากกว่ายัยพี่เลี้ยงตัวแสบของตัวเองได้อีกไหม ไม่นับแม่เลี้ยงเขานะ รายนั้นเขาถือว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตนในชีวิตเขาด้วยซ้ำ

ทันทีที่ปิดประตูลง ล้มตัวนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตัวหนึ่งในห้องนอนฝั่งตรงข้ามกับทีป๊านั่ง ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีเหมือนทุกข์ร้อนอะไร

“ไหนครับ นัท เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง เล่าให้ป๊าฟังหน่อยซิ”

โดนัทเล่าเรื่องทั้งหมดแบบรวบรัด แน่นอนว่าเขาเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ม๊าโกรธจัดถึงขนาดนั้นด้วย เพราะถึงยังไงป๊าก็รู้แล้วว่ารสนิยมของเขาไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาปิดบังอะไรกันอีก

ชายหนุ่มพยักหน้าเงียบๆ หลังจากฟังลูกชายเล่าจบ เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่แม้แต่โดนัทยังแปลกใจ

“นัท… นัทชอบพี่ปันงั้นเหรอลูก ชอบแบบผูกพันลึกซึ้งถึงขนาดที่อยากจะเป็นแฟนกับเขาเหรอ? ”

โดนัทอึ้ง ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะตรงไปตรงมาขนาดนั้น เขาพยักหน้ารับอย่างจำยอม มือกำขากางเกงแน่นขึ้นอย่างหวาดกลัว

“ครับ… ป๊า ผมชอบ… ชอบพี่ปัน ชอบแบบ… แบบอยากจะคบกับพี่เขา”

“แล้วพี่เขาล่ะ เขาคิดแบบเดียวกับที่นัทคิดรึเปล่า”

“เขา… เขายังไม่เคยพูดออกมาตรงๆ หรอกครับป๊า แต่ผมก็คิดว่าเขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน”

“เห็นจากที่เขามาช่วยนัทเมื่อคืนใช่ไหม”

“ป๊า… คือเรื่องม๊ากับพี่ตี้… ผมหมายถึง ม๊าคงไม่ได้ตั้งใจ”

“ป๊าเข้าใจ แต่ป๊าว่าม๊าก็ทำลูกแรงไปหน่อย ยังเจ็บแผลอยู่ไหมครับ”

โดนัทส่ายหน้าเบาๆ ความหวาดกลัวเลือนหายไปหมดแล้วตอนนี้ เขารับรู้ได้ว่าป๊าก็ยังเป็นป๊าคนเดิมที่แสนใจดีของเขา “พี่ปันช่วยทำแผลให้แล้วครับ ผมไม่เป็นไร”

“ป๊าถามได้ไหม พี่ปันคนนี้ของลูก ใช่คนเดียวกับพี่ปันคนที่อยากให้ลูกเล่นเทควันโดรึเปล่า”

โดนัทเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้างุดๆ ใบหน้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความอาย ลงท้ายด้วยการพยักหน้ารับแผ่วเบา

“งี้นี่เอง ไม่อยากเชื่อเลยนะว่านัทจะได้เจอพี่เขาอีก บังเอิญจริงๆ ”

“ตอนแรกผมก็ไม่รู้ครับว่าเขาคือคนเดียวกัน” โดนัทยอมรับ “แต่พอไปๆ มาๆ ผมก็มั่นใจว่าใช่เขาแน่ ถึงเขาจะจำผมไม่ได้ก็เถอะ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยเรียนเทควันโดมาก่อน”

“งั้นเหรอ น่าเสียดายนะ”

เด็กหนุ่มหน้าหวานส่ายหน้ารัวๆ “ไม่หรอกครับ แค่ได้เจอเขาอีกครั้งแบบนี้ผมก็ดีใจแล้ว แถมเรายังสนิทกันมากขนาดนี้อีกต่างหาก”

โดนัทเงยหน้าขึ้นมองป๊าที่พยักหน้าเรียบๆ ให้เขาก่อนจะถามอย่างหวาดๆ

“ป๊า… ไม่โกรธผมเหรอครับ ที่ผมชอบผู้ชาย”

“อืม นั่นสินะ จะว่ายังไงดี น่าจะเรียกว่าตกใจมากกว่า แต่ป๊าไม่โกรธหรอก สมัยนี้คนเขาก็เป็นกันเยอะแยะ ที่ทำงานป๊าก็เป็นกันตั้งหลายคน”

“เอ่อ” โดนัทไหวตัวนิดหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายเลื่อนมือมาลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู

“ไม่ต้องเสียใจไปหรอกลูก ขอแค่ลูกเป็นคนดีก็พอ ส่วนเรื่องม๊ากับพี่ตี้… พ่อจะพูดให้เอง ตกลงไหมครับคนเก่ง”

“ขอบคุณครับป๊า” โดนัทถลาเข้าไปกอดอีกฝ่ายราวกับเด็กเล็กๆ เหตุผลที่เขายังทนอยู่ในบ้านบ้าๆ หลังนี้ได้ก็เพราะว่ามีป๊านี่แหละ “ขอบคุณจริงๆ ผมรักป๊านะ”

ส่วนเรื่องม๊ากับพี่ตี้… เขาไม่สนหรอกว่าสองคนนั้นจะยอมรับหรือเปล่า ก็เราไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ สักหน่อยนี่







พ่อของเขาทำตัวแปลกๆ ไปช่วงนี้ จากที่ไม่กินเหล้ามาตั้งหลายปี พักหลังนี่เห็นต้องกินตลอดก่อนนอนทุกคืน

“เฮ้ย ไอ้ปัน”

เสียงเรียกจากเพื่อนสนิทข้างตัวปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ของตัวเอง มองหน้าไอ้เบนซ์ที่ตอนนี้มีผ้าคาดหัวสีม่วงอันเป็นสัญลักษณ์สุดแสนยิ่งใหญ่ของตัวแทนแห่งสวนเพชร… เอ่อ สีม่วงของพวกเขานั่นเอง วันนี้เป็นวันที่สองที่ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมกีฬาสีประจำปีมา และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้เป็นตัวแทนของสวนเพชร (ซึ่งก็คือสีม่วงนั่นแหละ เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เรียกสีม่วงให้มันง่ายๆ ต้องมานั่งแยกสวนเพชร = สีม่วง สวนทับทิม = สีแดง สวนบุษราคัม = สีเหลือง บลาๆ ๆ ทำไม เรียกยากตายชัก) ลงแข่งในกีฬาหลากชนิดจนตัวเองยังมึนว่าต้องเตรียมไปแข่งอะไรต่อบ้าง

“มึงมัวเหม่อเชี่ยไรอยู่วะ ต่อไปวอลเล่ย์นะมึง วอร์มร่างกายพร้อมยัง”

“กูวอร์มพร้อมตั้งแต่เล่นบาสแมทช์ที่แล้วแล้ว ยังหอบไม่หายเลยสัส”

“หอบเหี้ยไร เหงื่อสักหยดกูยังไม่เห็น ว่าแต่ช่วงนี้มึงกับน้องโดนัทไปถึงไหนแล้วบ้างวะ มีอะไรคืบหน้ายัง”

“อืม…” ตอนนี้ในหัวเขานึกถึงนักกีฬาวอลเล่ย์คู่แข่งที่ตัวเองต้องเจอพร้อมกับคิดถึงเรื่องของโดนัทตามเพื่อตอบคำถามของคนข้างตัวไปด้วย “ก็เรื่อยๆ นะมึง แต่กูตั้งใจว่าจบกีฬาสีนี้กูจะสารภาพรักกับน้อง”

“เฮ้ย!? ” เพื่อนรักของเขาสะดุ้ง “ยังไม่ได้คบกันอีกเหรอ มึงนี่ช้านะไอ้สัส กูว่ากูหย่อนระเบิดไปตั้งนานแล้วนะ”

“ระเบิดเหี้ยไรของมึง”

“ไอ้ปัน! ไอ้เบนซ์! พ่อมึงเป็นหอยทากเหรอ!? รีบมาได้แล้ว! การแข่งจะเริ่มแล้วโว้ย”

นั่นแหละทั้งสองคนถึงได้วงแตก วิ่งไปสมทบเพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่ต่างห้องแต่สีเดียวกันจนได้







“เหนื่อยหน่อยนะครับ พี่ปัน” โดนัทที่มีผ้าสีแดงผูกอยู่ที่ข้อมือยื่นน้ำเย็นขวดหนึ่งส่งให้ขณะที่ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ รุ่นพี่ “ผมเห็นพี่วิ่งรอกแข่งอันนู้นเสร็จไปต่ออันนั้นมาตั้งแต่เช้าแล้ว พลังพี่จะเหลือล้นไปไหน”

“เหลือล้นอะไรล่ะ แค่นี้ก็จะลงไปหมอบกับพื้นแล้ว” ปัญญาว่าพร้อมกับรับขวดน้ำมาจากอีกฝ่าย เขามีผ้าขนหนูลายการ์ตูนโปเกม่อนที่ซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังเอามาใช้อยู่ ไอ้เบนซ์ล้อเขาเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ปันก็ไม่เห็นว่าโปเกม่อนจะหนักหัวพ่อมันตรงไหน “ขอบใจนะโด เดี๋ยวพี่จ่ายค่าน้ำคืนให้ทีหลังนะ”

“ห้าบาทเนี่ยนะ ไม่เอาหรอกครับพี่ ผมตั้งใจซื้อมาให้พี่นั่นแหละ แล้วนี่พี่ไม่เช็ดเหงื่อบ้างรึไงครับ ท่วมหน้าเชียว” พูดพร้อมกับจับผ้าลายโปเกม่อนขึ้นซับเหงื่อบนหน้าของปัญญาอย่างอ่อนโยน หน้าของเด็กหนุ่มร้อนขึ้นในทันทีแต่เขาก็ยอมปล่อยให้โดนัทเช็ดหน้าตัวเองอยู่แบบนั้น

แล้วเขาก็นึกถึงสิ่งที่พ่อเคยเตือนได้… ปัญญายกมือขึ้นจับผ้าขนหนูของตัวเองแล้วพูดอึกอัก

“โทดที โด พี่ว่าพี่เช็ดเองดีกว่า ขอบใจมากนะ แต่… เอ่อ แถวนี้คนเยอะ”

โดนัทกะพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มมีเลศนัยออกมาขณะโน้มหน้าลงไปกระซิบถามข้างหู

“งั้นถ้าเป็นที่เปลี่ยวๆ ที่มีแค่เราสองคน พี่จะโอเคใช่รึเปล่าครับ”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้หน้าแดงเถือกไปถึงไหนต่อไหน เขาหันกลับไปมองรุ่นน้องที่ส่งยิ้มหวานแบบไร้เดียงสามาให้แบบไม่อยากจะเชื่อ นี่นับวันรุ่นน้องเขาชักทำตัวร้ายขึ้นๆ หรือเป็นเขาที่ไม่พัฒนาเกมของตัวเองจนโดนอีกฝ่ายวิ่งไล่มาแบบนี้กันเนี่ย?

“ใครสั่งใครสอนให้พูดจาแบบนี้” ปัญญากระซิบเสียงเบา กัดฟันกรอดอย่างเข่นเขี้ยว โดนัทหัวเราะเสียงใสเป็นคำตอบ ก่อนบรรยากาศหวานๆ รอบตัวพวกเขาจะต้องจบลงเมื่อมีเสียงเรียกของเพื่อนหญิงคนหนึ่งของเขาตะโกนมา

“ปัน! บาสเกตบอลรอบสุดท้ายแล้ว รีบมาเตรียมตัวเร็วแก เดี๋ยวไม่ทันโดนตัดสิทธิ์”

“งั้น… พี่ไปก่อนนะ โด เดี๋ยวแข่งบาสเสร็จแล้วก็หมดวันล่ะ ออกไปหาอะไรหน้าโรงเรียนกินด้วยกันนะ”

“ตกลงครับพี่” โดนัทว่าพลางยื่นกำปั้นของตัวเองชนกับของอีกฝ่าย “สู้ๆ นะครับ ขอให้ทีมพี่ชนะนะ”

“เอ่อ แต่พี่แข่งกับสวนทับทิมนะ”

“อ้อ” โดนัทหัวเราะร่วนอีกรอบ เพราะสวนทับทิมที่ว่ามันคือสีแดงของเขานี่เอง “งั้นไม่เชียร์พี่ล่ะ อย่าลืมแพ้กลับมานะพี่”

“เดี๋ยวเถอะไอ้ตัวแสบ รอพี่แข่งจบกันนะ นายโดนดีแน่”

แต่ดูเหมือนปัญญาจะไม่ได้ทำตามที่พูด เพราะหลังจากเริ่มแข่งไปได้ครึ่งทาง เหมือนความอ่อนล้าที่สะสมมาทั้งวันเพิ่งจะสำแดงฤทธิ์ โดนัทลุกขึ้นพรวดจากริมสนามที่เอาไว้นั่งดูทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายสะดุดขาจากผู้เล่นคนอื่นในสนาม และเพราะจังหวะลงไม่ดีทำเอาปัญญาหน้าคว่ำไปจูบพื้นคอนกรีตด้วยท่าที่สวยไม่มีที่ติถ้านี่เป็นการแข่งจับกบ

“พี่ปัน! ”

“ไอ้ปัน! ตายไหมนั่น หน้าแม่งจ่อมพื้นแล้ว”

“ว้าย พี่ปันคะ เป็นอะไรมากรึเปล่า”

ปัญญาพยายามยันตัวลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับส่ายหน้าเพื่อบอกคนรอบตัวว่าไม่เป็นไร ก็พอดีกับตอนที่เลือดหยดหนึ่งที่ไหลลงมาจากหน้าผากเข้าตาเขาพอดีนั่นแหละ

“กรี๊ด!! พี่ปัน เลือดออก! ”

“เฮ้ย ไปห้องพยาบาลเถอะมึง เดี๋ยวหาคนมาลงแทน”

“เออๆ โทษทีพวก” หันไปบอกคนในทีมขณะที่เดินไปหยิบผ้าขนหนูของตัวเองขึ้นมาซับเลือด รู้สึกเหมือนขาไม่ค่อยเป็นใจ ก้มลงดูถึงได้เห็นแผลที่เขาทั้งสองข้าง เลือดกำลังซิบออกมาเลย โดนัทเข้ามาพร้อมกับรีบว่าด้วยท่าทีร้อนรน

“ผมว่าพี่รีบไปห้องพยาบาลเถอะครับ ผมพาไปนะ พี่ปันเดินไหวรึเปล่า”

“อ๊ะ อื้อ โอเค ขอบใจนะโด” เขาว่า ไม่ทันสังเกตเลยว่าโดนัทเข้ามากัน ‘สาวๆ ’ คนอื่นๆ ที่ตั้งท่าจะมาพาเขาไปห้องพยาบาลเหมือนกัน แล้วใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าทั้งสองคนนี้เป็นข่าวกันอยู่…

สงสัย… ข่าวที่ว่ามันคงไม่ใช่แค่ข่าวลือจริงๆ สินะ





“ให้ตายเถอะ พี่ ผมนี่ใจหายวาบเลยตอนพี่ร่วงไปคว่ำหน้าบนพื้นน่ะ” โดนัทว่าพร้อมกับเปิดกล่องปฐมพยาบาลที่หยิบมาด้วยตัวเอง เนื่องจากครูห้องพยาบาลมีเหตุให้ต้องลงไปดูอาการบาดเจ็บของนักเรียนอีกคนในสนามแข่ง อุบัติเหตุมักมาคู่กับวันกีฬาสีเสมอล่ะ

“โทษทีๆ สงสัยวันนี้จะฝืนไปหน่อย” ปัญญายิ้มแหยๆ เมื่อโดนอีกฝ่ายทำหน้าดุใส่ ปกติเห็นแต่โดนัทเวอร์ชันหวานๆ มาเจอเจ้าตัวดุแบบนี้ก็แปลกตาไปอีกแบบ

“ไม่หน่อยหรอกครับ พี่ปัน มากเลยล่ะ เอ้า พี่ หลับตาก่อน เดี๋ยวผมล้างแผลบนหน้าผากให้ก่อน เลือดเข้าตาหมดแล้วนั่น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่จะไม่ระวังตัวเองได้ขนาดนี้”

“ขอโทษคร้าบ” ทำไมวันนี้มันดุจังง่ะ “วันหลังจะระวังตัวให้มากกว่านี้น้า”

“ไม่ต้องเลย คราวหลังก่อนจะรับปากเพื่อนว่าจะลงแข่งอะไรก็นึกถึงกำลังตัวเองบ้าง ถึงพี่จะโคตรถึกก็เถอะ แต่คนเราก็มีขีดจำกัดกันทั้งนั้น”

“ขอโทษ” เจ้าตัวว่าเสียงอ่อยลงเมื่อรู้สึกถึงน้ำเสียงเครียดๆ ของอีกฝ่าย “นี่โกรธจริงๆ รึเปล่าเนี่ย เริ่มกลัวแล้วนะ”

“พี่ก็รู้ว่าผมเป็นห่วง” น้ำเสียงของโดนัทอ่อนลง หากปัญญาได้ยินเสียงหัวใจในอกเต้นรัวขึ้นเมื่อมืออุ่นของอีกฝ่ายแตะลงที่ผิวแก้มเขาแผ่วเบา “พี่ก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับพี่”

“...” หน้าแดงไปถึงหู

เดี๋ยวๆ ๆ ๆ ทำไมไปๆ มาๆ ถึงโยงไปเรื่องนั้น นี่มันใช่เวลามาพูดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กันเหรอ!? ในห้องพยาบาลที่โคตรไร้ซึ่งความโรแมนติกแบบนี้เนี่ยนะ?

แต่… แต่ทำไมเขาใจเต้นตามวะเนี่ย

“พี่ปัน ผมรู้ว่าพี่กำลังรอ… รออะไรบางอย่าง แต่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าพี่กำลังรออะไร”

“เออ โด… เดี๋ยว” แค่รอให้ถึงวันสุดท้ายของกีฬาสีเท่านั้นเองง่ะ

“แต่ผมไม่อยากรอแล้วครับ” ว่าพร้อมกับบีบมือของคนบนเตียงแน่น นัยน์ตาสีน้ำเข้มสะท้อนความรู้สึกที่มีจนหมดเปลือก “ถ้าพี่ไม่พูด… ผมก็จะพูดเอง”

“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนๆ ๆ มันยังไม่ถึงเว--” หากเขาพูดได้แค่นั้นเพราะโดนัทโน้มหน้าต่ำลงมา เบียดริมฝีปากเข้ามาแนบชิด ปันเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างตกตะลึง เพราะคราวนี้ไม่มีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มาทำให้สติพร่าเลือนอีกแล้ว ทุกอย่างจึงแจ่มชัดมากๆ

ไอ้… ไอ้หมอนี่เพิ่งจะ… จูบเขา?

“อะ…” ปัญญาหน้าร้อนวูบขึ้นมาขณะที่อีกฝ่ายค่อยๆ ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง โดนัทมองหน้าปันนิ่งในขณะที่อีกฝ่ายหลบตาหนีด้วยความขวยเขิน

“พี่ปัน ผมชอบพี่ คบกับผมได้ไหมครับ”

“ดะ… เดี๋ยวก่อนเซ่! ” นั่นมันคำพูดของเขาต่างหาก แล้ว… แล้วไอ้หมอนี่มาพูดอะไรในห้องพยาบาลที่ไร้ความเป็นส่วนตัวขนาดนี้ ถึงตอนนี้จะไม่มีใครอยู่ก็เถอะ

“พี่ปัน” เจ้าตัวเรียกเสียงอ่อน มือประคองใบหน้าของอคกฝ่ายให้หันกลับมามอง นัยน์ตากลมโตสั่นระริกอย่างน่าสงสาร “พี่ปันไม่ได้ชอบผมหรอกเหรอ คราวก่อน ผมพูดไปถึงขนาดนั้นแล้ว พี่ก็ยังปล่อยให้ผมรออีก”

“ก็… นั่นมัน…”

“พี่ไม่ได้ชอบผมจริงๆ ใช่ไหม”

ปัญญากระชากคอเสื้อของคนถามลงมาแล้วกดจูบลงไปอีกรอบ โดนัทลืมหายใจไปชั่วจังหวะหนึ่งก่อนจะปิดเปลือกตาแล้วจูบตอบอีกฝ่ายอย่างอ่อนหวาน มันดีขึ้นทุกครั้งที่พวกเขาจูบกัน เหมือนมันลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกได้ถึงแขนแกร่งที่โอบรอบตัวเขา และมันชวนให้ใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง

“ยังจะพูดแบบนั้นอยู่อีกไหม หืม? โดนัท” ปัญญาว่าหลังจากที่ผละจูบออก ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อไม่ต่างจากคนที่โดนขโมยจูบไปอีกรอบ

“ไม่… ไม่พูดแล้วก็ได้ครับ พี่ปัน”

“‘ก็ได้’ เหรอ? ”

“ก็พี่ไม่ทำให้มันชัดเจนสักที”

“ฉันชอบนาย”

ว้าก… อีแบบนี้ก็ชัดไป๊!

“น่ะ พอพูดแล้วก็หน้าแดง เขินจนแดงไปทั้งตัวแล้วนั่น”

“กะ… ก็ต้องเขินไหมพี่ แล้วพี่ไม่เขินหรือไง”

“...” จะเหลือเรอะ

นัยน์ตากลมโตของเจ้าตัวช้อนขึ้นมามองคนตรงหน้า ปัญญาเองก็มองตาอีกฝ่ายตอบตรงๆ เสียงเอะอะโวยวายและเสียงเฮดังมาจากด้านล่างฝั่งสนามบาส ป่านนี้การแข่งระหว่างทั้งสองสีคงรู้ผลแล้ว แต่เสียงพวกนั้นเหมือนมาจากที่ไกลๆ มากกว่า ราวกับว่ารอบตัวพวกเขามีที่ดูดซับเสียงไม่ให้ความวุ่นวายภายนอกรบกวนช่วงเวลาที่ความรู้สึกที่อยู่ในถูกกะเทาะออกมา

ปัญญาเป็นฝ่ายลูบแก้มขาวเนียนที่ติดสีชมพูระเรื่อบนใบหน้าของโดนัทแทนในรอบนี้

“พี่รู้ว่าพี่พูดช้าเอง แต่ขอให้พี่ได้เป็นคนพูดประโยคนั้นเถอะ… คบกับพี่นะ โด พี่สัญญาจะไม่ทำให้โดเสียใจ”

“ครับ” ริมฝีปากคู่สวยยกยิ้ม หัวใจฟูฟ่องเหมือนจะพาตัวเขาลอยได้อยู่แล้ว “ผมชอบพี่นะ พี่ปัน”

“ฮึ่ย แล้วคราวหลังก็ห้ามแย่งพี่พูดในสิ่งที่พี่ควรจะพูดอีกนะ รู้ไหม” พูดด้วยน้ำเสียงเข่นเขี้ยว หากโดนัทหัวเราะร่วนกับคำพูดนั้นเบาๆ

“ก็พี่ชักช้าอ้ะ”

“เขาเรียกว่ารอให้ถึงเวลาที่สมควร”

“อย่างเช่นตอนนี้? ”

“ห่างไกลจากเวลาที่สมควรไปสุดๆ ”

“นั่นสินะครับ ผมว่าผมทำแผลให้พี่ต่อดีกว่า เข่าพี่คงรอนานแล้ว”

“เออสิ ชาไปหมดทั้งแถบ” ที่จริงก็ชาไปหมดทั้งตัวด้วยความตื่นเต้นนี่แหละ โว้…

แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ปัญญาได้เรียนรู้อยู่อย่าง คือไอ้บรรยากาศเป็นใจแบบที่เขาวาดภาพไว้ใหญ่โตนั่นน่ะ บางทีมันอาจไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกของคนสองคนก็ได้







เป็นวันที่ดีสุดๆ

เด็กหนุ่มนึกครึ้มใจกับสิ่งดีๆ ที่เพิ่งพบเจอมาในวันนี้ กิจกรรมกีฬาสี สีม่วงของเขาก็ได้ขึ้นแท่นเป็นที่สอง แถมยังได้เป็นแฟนกับรุ่นน้องที่เขาตามจีบมาตั้งนานสองนาน ถึงจะผิดแผนไปหน่อยแต่ปันก็รู้สึกว่ามันวิเศษมากอยู่ดี แถมการที่โดนัทเป็นฝ่ายรุกเขา สารภาพกับเขาแบบนั้นเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอีกฝ่ายเองก็จริงจังกับเขาเช่นกัน แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาที่ชอบเด็กหนุ่มคนนั้นมาตั้งนานดีใจได้ไง?

โอ๊ย โคตรแฮปปี้ รู้สึกต้องส่งผ่านความสุขนี้ต่อให้คนในบ้านรู้

“พ่อ ผมกลับมาแล้วฮะ โทษทีที่กลับช้า พอดีผมไปกินข้าวกับโดหลังกีฬาสีเลิกน่ะ แล้วนี่พ่อกินอะไรหรือยัง”

“ปัน…” เสียงตอบรับเนือยๆ ดังมาจากคนที่นั่งหันหลังให้เขา ตรงหน้าชายหนุ่มยังมีขวดเหล้ากับกระป๋องเบียร์ตั้งไว้เรียงราย แต่คนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านไม่ทันสังเกตเพราะเอาแต่จัดการวางกระเป๋านักเรียนบนโซฟา ถอดถุงเท้า แถมยังตกอยู่ในภวังค์โลกสวยของตัวเอง

“เออ พ่อ… ผมรู้ว่าพ่ออาจจะ… แบบ ยังไม่ค่อยยอมรับเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่ เอ่อ… ผมคบกับโดแล้วนะ แบบ คบเป็นแฟนกันจริงๆ จังๆ น่ะ”

“...”

ไม่มีการตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก นั่นทำเอาปัญญาใจฝ่อลงมาหน่อยเหมือนกัน บางทีเขาอาจจะไม่ควรยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด

“งั้น… ผมว่าผมขึ้นห้องก่อนดีกว่า จะไปเคลียร์เรื่องเอกสารที่ต้อง-- พ่อ! พ่อกินเหล้าเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? นี่มันมากไปหรือเปล่า? งานมันเครียดขนาดนั้นเลยหรือไง”

“แกจะพูดมากอะไรนักหนาวะ ไอ้ปัน ฉันชักหนวกหูแล้วนะ”

ปัญญาสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายลุกพรวดขึ้นมา เสียงขาเก้าอี้ที่ครูดไปกับพื้นชวนให้เสียวฟันเหมือนที่มันเคยเป็น แต่ตอนนี้เขาชักเสียวสันหลังมากกว่า เขาไม่เคยเห็นพ่อตัวเองเดือดดาลขนาดนี้มาก่อน

พ่อคงโกรธเรื่องที่เขาคบกับโดนัท…

“พ่อ” เรียกอีกฝ่ายทั้งที่ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ จะว่ากลัวก็กลัว แต่เห็นอีกฝ่ายเซไปมาเหมือนจะล้มแหล่มิล้มแหล่แล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ “พ่อเดินไหวรึเปล่า ขึ้นไปนอนพักเถอะ มาครับ ผมช่วยนะ”

เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเพราะตั้งใจจะช่วยพยุง แต่แล้วปัญญาก็ต้องชะงักไปเมื่ออีกฝ่ายกระชากคอเสื้อเขาเสียเต็มแรง และยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากถามอะไร นพดลก็หลุดคำพูดสั้นๆ ออกมาเหมือนคนขาดสติ

“แม่งเอ๊ย”

ผัวะ!

เด็กหนุ่มเบิกตากว้างขึ้นข้นด้วยความตกใจ ใบหน้าหันไปตามแรงกระแทก จากนั้นก็ตามมาด้วยอาการชาที่บริเวณนั้น

พ่อ… ต่อยเขา?





--------------------------------------------------

Talk: ตอนแรกเราก็ว่ามันไม่ดราม่านะ... สรุปว่ามันดราม่าใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 14-10-2017 10:41:49
เอ่อ ตาดล ขาดสติแล้วจร้า
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-10-2017 11:38:09
คู่โดนัทปันนี่เหมือนจะอินแต่ไม่ยังไงไม่รู้  :m28: :m28:
สาสารดลอะ   :m17: :m17:
เกลียดอิตาบูมมาก เห็นแต่ตัว  :z6: :z6:
เราชักอยากให้ปันกับดลคู่กันเองละ 
ขอพระเอกอย่าเป็นอิตาบูมเลย   :m5: :m5:
 :3123: :3123: :pig4: :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-10-2017 12:18:38
เข้าใจว่าเสียใจนะ แต่จะกินอะไรนักหนาไอ้เหล้าเนี่ย เดี๋ยวหายเมานึกขึ้นได้ก็มาเสียใจอีก ทำตัวไม่น่ารักเลยนะดล อย่างนี้ก็ปล่อยน้องปันไปอยู่กับพ่อแท้ ๆ เขาเถอะ ถ้าเห็นหน้าปันแล้วมันชวนให้คิดถึงเมียที่เคยนอกใจอะ เอาลูกไปคืนเขาเลยไป๊
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-10-2017 12:55:27
อ้าวเฮ้ย คุณพ่อ รู้นะว่าเสียใจ ผิดหวังมากมาย แต่ลูกมันเป็นคนผิดเหรอ มันมารับรู้การกระทำอะไรด้วยไหมเนี่ย

รับไม่ได้ทำใจไม่ได้ ก็กอดขวดเหล้าไป ไล่เด็กมันออกจากบ้านไปเลย ตัดขาดไปเลยเซ่  :angry2: :m16:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: โชกุน ที่ 14-10-2017 13:30:21
ทำไมอ่านแล้วไม่อินปัญกับโดนัทเลยT_T
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-10-2017 13:50:14
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 14-10-2017 13:52:06
สงสารทั้งดล แล้วก็ปัญญา
รออ่านตอนต่อไปครับ ^^
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 14-10-2017 13:58:40
ดลลลลลล ดราม่ามาแล้วไกลไกลไกลลลลลลลลลลลลล

 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 14-10-2017 14:36:03
สงสารทั้งพ่อและลูกเลย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 14-10-2017 14:53:17
ฮืออออ เกลียดอะ เป็นเราก็ทำใจลำบากเหมือนกันนะ... แต่เด็กก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรไหมละ ดลเอ้ยยย เกลียดผู้ชายแบบบูมจริงๆ  :katai1: :katai1: :katai1: ปล. ทำไมรู้สึกไม่อินโดนัทกับปัญ 5555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 14-10-2017 17:04:45
พ่อดลอาจขะยังสับสนอยู่ ไม่รู้จะจัดการชีวิตอย่างไรดี
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 14-10-2017 17:43:48
คุนพ่ออออ สู้ๆนะ มันคือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ทำปัจจุบันกับนุ้งปันให้ดีก็พอ
อะไรร้ายๆก็ปล่อยให้มันตายไปกับคนที่จากไปเถอะ T_T
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 14-10-2017 18:56:21
ดลไม่เอา ไม่ทำแบบนี้!!!!!
ปันเขาไม่รู้เรื่องนะ หายใจเข้าลึกๆนะดล ตั้งสติๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GN_SWAG ที่ 14-10-2017 19:29:09
นี่ก็อยุ่เรือผีพ่อลูกนะ หรือจะบูมดล ก็ได้ รู้สึกไม่ค่อยอินกับปันโดเท่าไหร่อ่ะ หรือบางที่แรงอคติของเราน่าจะเยอะ555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-10-2017 19:49:24
โอยยยยยย พ่อแค่เมาเนอะ พ่อไม่ได้ตั้งใจทำร้ายปันหรอก ปันอย่าเพิ่งใจเสียนะ

ฮืออออ เอาใจช่วยทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 14-10-2017 21:20:16
ตอนต่อไปมาเร็วๆเลย ค้างมาก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-10-2017 21:30:37
ดล ทำตัวเหลวไหล ไม่ได้เรื่อง ยิ่งกว่าเด็กๆอีก
เรื่องมันผ่านมานานขนาดอายุปันแล้ว
ถึงจะเพิ่งรู้ก็เถอะ
การเลี้ยงดู ความรัก ความผูกพัน มันไม่ช่วยเลยหรือ

เอาแต่กินเหล้า ทั้งที่มันไม่ช่วยให้ดึขึ้นมีแต่แย่ลง
ที่แน่ๆลงไม้ลงมือกับปัน โดยที่ปันพูดเพราะห่วงพ่อแท้ๆ
ปันทำอะไรผิดหรือ ไม่เข้าใจ

ถ้าดล ทำตัวไม่สมกับเป็นพ่อ
ก็ตัดสินใจไปเลยจะอยู่ด้วยกันหรือไม่
เพราะยิ่งอยู่ ยิ่งแย่ ผิดหวังกับดลมากกกกกกกกกก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 14-10-2017 22:25:51
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 15-10-2017 11:20:29
บรรยากาศกำลังมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งเป็นสีชมพู
จู่ๆควันสีดำก็พุ่งโขมงเข้ามา พี่ปรับอารมณ์ไม่ทันเจงๆ
คุณพ่อนะคุณพ่อ อ่อนแอจนทำผิดพลาดครั้งใหญ่ แย่แล้ว :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 15-10-2017 21:06:37
ลูกไม่ได้ผิดไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย ไปต่อยลูกทำไมเนี่ย กรรม :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ผ้าห่มอุ่นๆ ที่ 15-10-2017 23:20:44
ขอโทษที่เข้าข้างดลเหมือนเดิม555 แต่ดลสตินะคะ. พอจะเข้าใจดลนะ
ส่วนตัวเรานั้นไม่อินกะปัญโดเลย ขออภัยนักเขียนที่เราอ่านข้ามท่อนปัญโด :z6: เพราะเรายังคงเป็นเรือผีร่วมลำกะคนอื่นด้วย :z1:  :katai5:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 16-10-2017 01:02:04
ฉากของโดปันนี่ไม่อินอ่า แต่มาชัดขนาดนี้ ฮือ แต่ยังไงก็เชียร์ ปันดลมากกว่าอ่าา ฮือออ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 16-10-2017 07:29:12
อ้าวเฮ้ย ไปต่อยลูกทำไม
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-10-2017 16:20:26
โอ๊ยยยย คุณพ่อคะ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-10-2017 08:15:06
พ่อดลลลล น้องไม่รู้เรื่อง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 18-10-2017 01:00:55
ไม่อยากให้ปันคู่กับโดอ่ะ มันแหม่งๆยังไงก็ไม่รู้ :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 19-10-2017 17:27:50
ขอสารภาพก่อนเลยว่าปกติเนี้ยเราชอบนิยายแบบที่รู้พระนาย
แล้ววิธีจีบ วิธีดำเนินเรื่องตามมาทีหลัง
ตอนแรกๆที่อ่านก็คิดว่ามันช้าไปหน่อย
เลยทำให้หยุดอ่านไปแปปนึง

พอกับมาอ่านต่อตอนนี้รู้สึกมันดีมากเลยค่ะ
มันค่อยๆพัฒนาแบบไม่เร่งรีบ ทำให้เราอินไปเรื่อยๆ
รู้สึกผิดเลยที่ไม่อ่านตั้งแต่แรก อยากกอดคนเขียนแล้วร่ำร้องว่า
..ผิดไปแล้วจ้าาาา

ดราม่าไม่แน่นไปแต่หน่วงกำลังดี ชอบมากค่ะชอบ


สงสารพ่อดลนะคะ แกโตแล้วก็จริง
แต่ที่อ่านพาร์ทแกมาหรือแกยังมีความน่ารักแบบเด็กๆอยู่
จะคิดมากและเครียดมากไปบ้าง

เป็นกำลังใจให้ทั้งพ่อดลและคนเขียนนะคะ จุ๊บ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 12) P.6 [14/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 20-10-2017 16:28:10

บทที่ 13



“อึก…” ปัญญาครางขึ้นเบาๆ ขณะยกมือแตะริมฝีปาก รับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่อยู่ด้านใน แต่ความเจ็บที่กายมันไม่ทรมานเท่าที่ใจ เขารู้สึกเหมือนก้อนเนื้อข้างซ้ายถูกมือที่มองไม่เห็นเคล้นจนระบมไปหมด

พ่อทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง… ตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่ออาจจะเคยตีเขาบ้าง แต่ไม่เคยใช้กำลังแบบนี้

“ปัน… พ่อ…” น้ำเสียงของชายหนุ่มดูอึกอักสับสน ปัญญาเงยหน้าขึ้นไปมองเขาตรงๆ ด้วยแววตาผิดหวัง ความสุขที่มีมาตลอดทั้งวันหายวับไปเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น เขารู้สึกถึงน้ำใสๆ ที่เอ่อล้นขึ้นมาที่ขอบตา

“พ่อเคยบอกว่ารักผม” เขาพูดอย่างเจ็บปวด “ความรักของพ่อมีเท่านี้เองเหรอ”

ปัญญาไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ เขาผลุนผลันไปเปิดประตูบ้านแล้ววิ่งออกไปข้างนอก ปล่อยให้ความมืดดูดกลืนเขาไปทั้งๆ อย่างนั้น นพดลมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่หายไปพร้อมกับครางออกมาอย่างเหลืออด ความชาที่เหวี่ยงกำปั้นลงบนหน้าอีกฝ่ายยังคงอยู่ แต่สิ่งที่แย่จริงๆ คือความรู้สึกผิดที่ท่วมไปทั้งใจเขา

หมอนั่นไม่ใช่ลูกของเขา…

แค่เห็นใบหน้านั่น เรื่องที่มิ้นต์ทรยศเขาก็แล่นเข้ามาในใจ เสียบจนทะลุไปถึงอีกด้าน แต่เขารู้ดีว่าต่อให้เขาต้องเจ็บเพราะเรื่องนั้นขนาดไหน เขาก็ยังรักปันเหมือนเดิมอยู่ดี





“ไอ้ห่า กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าเรื่องแบบนี้ไม่ต้องบอกพ่อ… ไม่ใช่สิ มึงต้องห้ามให้เขารู้เลยต่างหาก มึงไม่เคยดูหนังคู่รักที่แบบ ครอบครัวไม่เห็นด้วยแล้วเขาต้องคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ เหรอวะ มึงแม่งสะเออะไปบอกเขาโท่งๆ ละเป็นไงล่ะ โดนซัดหน้าหงายเลยไหมล่ะมึง บทเรียนคราวที่แล้วมีไม่เคยจำ”

“อูย ไอ้ห่าบัน มึงทำแผลเบาๆ หน่อย นี่ทำเป็นจริงรึเปล่าเนี่ย” ปันที่ตั้งใจจะหันไปด่าคนพี่ต้องกลับมาด่าคนน้องที่กดสำลีมาซะกะแบบให้ฝังเข้าไปอยู่ในหน้าเขาได้ บันขมวดคิ้วมุ่นนิดหนึ่งก่อนจะบ่นอุบอิบ

“นี่พี่ปันเป็นคนขอให้ผมทำเองนา ไม่ให้พี่เบนซ์ทำให้ล่ะงั้น”

“ไม่เอา ไอ้ห่านี่มือหนักกว่าเป็นร้อยเท่า”

“ก็บอกแล้วว่าให้รอไอ้โดนัทมันมาถึงก่อนแล้วค่อยทำ นี่มันออกจากบ้านมาแล้วเนี่ย” พอพี่ปันมาบ้านเขาด้วยสภาพตาจะปิดไปข้างหนึ่ง บันก็ทำหน้าที่พ่อสื่อที่ดีด้วยการส่งข้อความไปบอกเพื่อนอย่างรวดเร็ว

“สัส กว่ามันจะมาไอ้ปันก็ตาหายไปข้างแล้ว แล้วนี่ยังไง สรุปพ่อมึงเขาโกรธเรื่องที่มึงคบกับโดนัทขนาดนี้ มึงยังจะคบต่อไหม”

“คบสิวะ ไอ้ห่า เพิ่งจะได้คบกันวันแรก ยังไม่ทันได้ข้ามวัน”

“วันนี้นี่มันวันซวยจริงๆ เลยนะพี่” บันที่ยังคงจัดการดูแผลให้อีกฝ่ายพูดขึ้นอย่างไม่คิดอะไร “ล้มจนได้แผลที่เขา ที่หน้าผาก กลับบ้านไปยังโดนพ่อต่อยอีก โคตรจะซวย”

“ไอ้บัน เงียบปากเลย วันซวยบ้าอะไร นี่ฉันเพิ่งได้คบกับโดเองนะโว้ย ก็ต้องเป็นวันดีสิวะ”

“ดูจากสภาพพี่แล้วพูดยากนะ”

“เออ มันก็คงเป็นวันดีหรอก ถ้าแกจะไม่ติงต๊องไปบอกพ่อตัวเองเรื่องคบกับผู้ชายน่ะ”

โดนเบนซ์พูดแบบเดิมใส่เป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ ปัญญาก็ทำหน้าสลดลงนิดหนึ่ง

“มึงว่ากูไม่ควรไม่บอกพ่อจริงๆ เหรอวะ”

“เออ!/แหงสิครับ” พี่น้องประสานเสียงกันมาทีเดียว

“แต่… แต่กูไม่เคยมีความลับอะไรกับพ่อเลยนะเว้ย แล้วพ่อกู… อย่างคราวที่ ซี้ด โอ๊ย… บัน พอล่ะ กูว่าไปหาผ้าอะไรมาประคบน่าจะหายได้เร็วกว่า”

“มึงไปเอาน้ำแข็งห่อผ้ามาอะ โดนต่อยแบบนี้ต้องประคบเย็น” เบนซ์ออกคำสั่ง

“งั้นเดี๋ยวผมไปเอามาจากในครัวนะครับ”

“ขอบใจนะ” ปันว่าขณะที่อีกฝ่ายเดินออกจากห้อง หันกลับมาคุยกับเพื่อนต่อ “เออ นั่นแหละ อย่างคราวที่แล้วที่กูบอกกูเป็นเกย์ ถึงเขาจะรับไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ดูเกรี้ยวกราดอะไรเลยนะมึง”

“แต่ตอนนั้นเพราะมึงยังไม่ได้จริงจังถึงขั้นคบใครรึเปล่าวะ เขาเลยอาจจะยังไม่อะไร แต่นี่มึงคบผู้ชายจริงจังแล้ว มันก็เหมือนมึงโดดลงหลุมไปจริงๆ จังๆ เขาคงรับไม่ได้”

ปัญญาพยักหน้าเนิบนาบ สิ่งที่เพื่อนพูดก็มีเหตุผล แต่เขาแอบคิดว่าสาเหตุหลักที่พ่อพลั้งมือทำร้ายเขาน่าจะมาจากฤทธิ์เหล้ามากกว่า และช่วงหลังๆ มานี่พ่อก็ดื่มบ่อยมาก

“แต่ก็ไม่แน่ใจว่ะ เบนซ์”

“ทำไมวะ”

“คือหลังๆ มาพ่อกูดูเครียดๆ อ้ะ แล้วก็ดื่มทุกคืนเลย กูว่าอาจจะเพราะเขาเครียดเรื่องอื่นด้วย”

“ไอ้ห่า ก็รู้อยู่ว่าพ่อเครียด แล้วมึงยังเสือกไปบอกเขาเรื่องที่คบกับโดนัทอีกเนี่ยนะ?” น้ำเสียงตำหนินั่นทำเอาปัญญาตีหน้าซึมลงไปอีก เบนซ์ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อนกับความคิดน้อยของเพื่อนคนนี้

“แต่… ไม่ว่าจะยังไงก็เถอะ มึงว่าที่เขาต่อยกูนี่ไม่มากไปหน่อยรึไงวะ”

“เออ กูก็ว่าพ่อมึงทำเกินไปแหละ แต่มึงก็นะ ไปพูดเรื่องแบบนี้ตอนคนเขากำลังเครียดๆ เขาคงฟิวส์ขาด”

“ทำไมวะ แค่เพราะกูคบกับผู้ชายเนี่ยนะ กูไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเลยนะเว้ย”

“ไอ้ปัน มึงจะพูดอย่างนี้อีกสักร้อยรอบก็ได้ แล้วก็วนอยู่ในอ่างนี่แหละ แต่มึงคิดถึงมุมเขาดิ มึงเป็นลูกชายคนเดียวของเขา และการที่มึงเป็นเกย์ คบกับผู้ชาย มันก็หมายความว่าไม่มีใครสืบทอดตระกูลมึงต่อแล้วนะโว้ย”

เสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นบันกับโดนัทก็ก้าวเข้ามาในห้อง สีหน้าของผู้มาใหม่ซีดเผือด เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า บ่งบอกว่าคงรีบมาที่นี่ให้เร็วที่สุด

“โดนัทมันเพิ่งมาถึงเมื่อกี้นะครับ ผมเลยพาขึ้นมา” บันอธิบายง่ายๆ ในมือมีผ้าประคบเย็นตามที่พี่ชายสั่ง โดนัทถลาเข้ามาหาคนเจ็บทันที

“พี่ปัน ผมขอโทษที่มาช้าฮะ เจ็บมากไหม บัน กูขอผ้าหน่อย”

“ห่า แย่งซีนกูหมดเลยนะ เอ้านี่”

โดนัทเอาผ้าที่ว่ามาประคบหน้าให้ปันอย่างเบามือ สายตาที่บ่งบอกถึงความเป็นห่วงนั่นทำเอาคนที่โดนค่อนมาว่าวันนี้เป็นวันซวยยกยิ้มออกมาได้ เบนซ์หันหน้าไปทำสีหน้าแปลกๆ ให้น้องชายเป็นเชิงแขวะกับความหวานชื่นของคนทั้งคู่ เพื่อนเขานี่พอมีความรักแล้วทำตัวโคตรเลี่ยน

“กูว่ากูลงไปช่วยแม่เตรียมข้าวเย็นดีกว่า ไป ไอ้บัน เอ็งก็ต้องไปช่วยด้วย วันนี้เรามีแขกตั้งสองคน”

“ครับ” รับคำอย่างรู้ดีว่าพี่ชายอยากปล่อยสองคนนี้ไว้ตามลำพัง และเมื่อเจ้าของบ้านจากไปแล้วโดนัทก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ พี่ปัน บันเล่าให้ผมฟังว่าน้าดลต่อยหน้าพี่… นั่นเรื่องจริงเหรอ?”

“อืม ใช่”

“ให้ตายสิ น้าดลออกจะดูใจดีแท้ๆ ผมนึกภาพไม่ออกเลย”

“ฉันก็งงไปหมดเหมือนกัน พ่อไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย” แล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก

“เพราะเรื่องของเราใช่ไหมครับ” ปัญญาเม้มปากแน่นขึ้นนิดหนึ่ง “ผมคิดอยู่แล้วว่าน้าดลต้องไม่ชอบใจเรื่องของเรา แต่ถึงขั้นลงไม้ลงมือขนาดนี้…”

“ไม่เป็นไรหรอก” ปันว่าพร้อมกับบีบมืออีกฝ่ายแน่น “พ่อพี่เขา… เอ่อ เขาแค่อารมณ์ไม่ดีน่ะช่วงนี้ แล้วก็กินเหล้าเยอะไปหน่อย เดี๋ยวรอไว้อารมณ์เย็นๆ แล้วไปคุยอีกที เขาต้องเข้าใจแน่”

“พี่คิดแบบนั้นเหรอครับ” โดนัทไม่อยากมองโลกในแง่ดีนัก อย่างบ้านเขา ถึงป๊าจะรับเรื่องเขาได้ แต่ตั้งแต่ทะเลาะกันใหญ่โตคราวนั้น ม๊าไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลย ถึงปกติแล้วจะไม่ได้ญาติดีอะไรกันอยู่แล้วก็เถอะ แต่สถานะความสัมพันธ์ของพวกเขาตอนนี้คือแย่สุดๆ “ผมกลัวว่าพี่จะลำบากจังเลย”

“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า พี่ว่าจริงๆ พ่อพี่ก็เกือบจะยอมรับเรื่องเราอยู่แล้วนะ”

“...” ดูจากที่พี่เพิ่งโดนต่อยมาแล้วก็ไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไร

“คง… ต้องใช้เวลาสักหน่อยมั้ง” เด็กหนุ่มพูดอ้อมแอ้ม อันที่จริงแล้วก็ไม่แน่ใจกับสิ่งที่ตัวเองพูดเหมือนกัน แต่เขาไม่อยากให้โดนัทคิดมากไปกว่านี้อีกแล้ว

ปัญญาเก็บความหนักใจไว้กับตัว ตลอดทั้งคืนนั้นที่นอนบ้านเบนซ์ เขาเฝ้านึกถึงเรื่องของดลและสิ่งที่ตัวเองทำพลาดไป มันเป็นความรู้สึกอึดอัดและแย่อย่างบอกไม่ถูก การทะเลาะกับคนในครอบครัวเป็นสิ่งที่ชวนให้คับข้องใจเสมอ และเขาไม่แน่ใจเลยว่าคราวนี้ทุกอย่างจะจบลงอย่างสวยงามแบบที่มันเคยเป็นมา





ไอ้ปันไม่กลับบ้านมาสามวันแล้ว… ผมว่านี่คงเกินลิมิตของพวกเราสองคนมานานแล้วล่ะ

ผมลุกออกจากโต๊ะทำงานทันทีที่เสียงออดหมดเวลาดังขึ้น บอกลาเจ้านายและขอโทษลูกน้องที่ทำงานล่วงเวลาวันนี้ไม่ได้ ตรงไปขึ้นรถ หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบ กดโทรออกหาปันขณะที่เหยียบคันเร่งบึ่งรถเพื่อกลับบ้าน แล้วก็เป็นอย่างที่คาดเลย ปันไม่รับสายผม  คงโกรธที่ผมลงไม้ลงมือถึงขั้นนั้น ก็ไม่น่าแปลกหรอก ขนาดผมยังโกรธตัวเองเลย

แล้วนี่ผมควรจะทำยังไงดี ไปดักรอหมอนั่นที่โรงเรียนหรือว่ากลับบ้านก่อนดี เวลาป่านนี้แล้วหมอนั่นอาจจะไปบ้านเบนซ์แล้ว

หรือไม่… ปันอาจจะยอมกลับมาบ้าน มาเพื่อฟังคำแก้ตัวของผมแล้วก็ได้

ผมก็ได้แต่หวังว่าปันจะยอมยกโทษให้ รอบนี้ผมทำเกินไปจริงๆ

ผมกลับมาถึงบ้าน เห็นรถที่ไม่คุ้นตาจอดอยู่สองคนก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ แต่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่สวมแว่นตากันแดดที่ยืนอยู่หน้าบ้านผมสิที่ทำให้แปลกใจมากกว่า ผมเดาว่าเพื่อนบ้านที่ออกมาเมียงๆ มองๆ เจ้าตัวอาจจะพอจดจำลักษณะของชายคนนี้ได้แต่ยังไม่แน่ใจ

ก็แหงล่ะสิ ในเมื่อแถบบ้านเราไม่ได้เป็นย่านสุดหรูที่คนมีชื่อเสียงจะมาอาศัยอยู่กัน

ผมจอดรถที่หน้าบ้าน ลงไปเผชิญหน้ากับใครอีกคนที่คงจะมากดกริ่งที่หน้าบ้านผมแล้วพักใหญ่ ข้างๆ เขามีชายรูปร่างบึกบึนอีกสองคน เป็นอะไรคล้ายๆ กับบอดี้การ์ดของเขาล่ะมั้ง ก็นะ คนมีชื่อเสียงก็แบบนี้ ผมเดินเข้าไปคุยกับเขาตรงๆ

“ผมนึกว่าคุณจะให้อาจโทรมาบอกผมก่อนเสียเรื่องเวลานัดคุย”

บูมหันกลับมามองผม ดันแว่นออกนิดหนึ่งเผยให้เห็นนัยน์ตาคู่คมกริบที่กำลังมองผมอย่างเย็นชา แววตาแบบนั้น… เหมือนไอ้ปันตอนโกรธไม่มีผิด

“ผมอยากมาคุยกับคุณก่อน ไม่เกี่ยวกับอาจรอบนี้”

ผมยักไหล่ให้เขา จากนั้นไขกุญแจประตูรั้วแล้วเดินกลับไปขึ้นรถเพื่อเอารถไปไว้ในตัวบ้าน เสร็จเรียบร้อยแล้วผมถึงเชิญเขามาข้างใน เพิ่งรู้สึกยินดีที่ไอ้ปันไม่กลับบ้านมาก็วันนี้แหละ ไม่อย่างนั้นเรื่องทุกอย่างก็จะแตก เรื่องที่มันไม่ใช่ลูกผม… จากนั้นปันคงจะเลือกไปอยู่กับคนที่เข้ามานั่งเต๊ะท่าอยู่บนโซฟานั่นแหละ ในเมื่ออีกฝ่ายมีฐานะ มีชื่อเสียงเงินทองทุกอย่าง… ถ้าปันเลือกจะไปอยู่กับหมอนี่จริง ผมจะทนได้ไหมนะ

“ชาหรือกาแฟดีครับ” ผมถามไปตามมารยาท “ฝากถามอีกสองคนที่มากับคุณให้ด้วยนะ” น่ะ ผมมีน้ำใจเผื่อแผ่แค่ไหน คิดดู

“คิดว่าตัวเองเป็นแอร์โฮสเตสเหรอ นี่เราอยู่บนเครื่องบินกันรึไง”

รอบบินไปนรกไหมล่ะ ถ้าแบบนั้นล่ะใช่เลย

“นี่ คุณบูม” ผมพูดด้วยน้ำเสียงข่มอารมณ์ขณะเติมน้ำลงในกาน้ำร้อน “ผมแค่พยายามจะมีมารยาทด้วย คุณไม่คิดจะพยายามบ้างรึไงนะ ไม่เข้าใจเลย พวกดารานี่เป็นแบบนี้กันทุกคนเหรอ”

“กับคนอื่นน่ะผมมีแน่” น้ำเสียงของเขาเหี้ยมจนผมนึกหวั่นแปลกๆ “แต่ไม่ใช่กับคุณ จะเอาอะไรก็รีบๆ เอามาเถอะ จะได้เริ่มเรื่องของเราเสียที”

ผมตัดสินใจชงกาแฟสำเร็จรูปแบบทรีอินวันที่ดีที่สุดที่ในบ้านไปให้ คือถึงผมจะกระจอกยังไงผมก็ไม่อยากให้เขามาดูถูกถึงถิ่นขนาดนี้ เข้าใจไหม และผมรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนมันเริ่มต้นไม่ดี… อันที่จริงคือแย่มากๆ ถึงขั้นติดลบ

ยิ่งคิดว่าหมอนี่เคยร่วมมือกับมิ้นต์ในการหักหลังผมอย่างเจ็บแสบที่สุดแล้ว… ผมว่าตัวเองโง่มากที่ยอมให้คนที่ผมเรียกได้ว่าเป็น ‘ศัตรู’ เข้ามาในบ้าน แต่ถึงยังไง… หมอนี่ก็เป็นพ่อของปัน… พ่อของเด็กผู้ชายที่ผมรักยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง ถึงแม้ว่าผมจะเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองเป็นพ่อของปันก็ตาม

“พงศ์ คม” เขาเรียกชายร่างใหญ่อีกสองคนทันทีที่ผมวางกาแฟลงบนโต๊ะครบ แต่ผมเข้าใจผิด เพราะบูมไม่ได้เรียกทั้งคู่ให้มาดื่มกาแฟ “จับมันเอาไว้”

“เฮ้ย… เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวก่อน” ผมร้องโวยวายขณะที่อีกสองคนตรงมาล็อกแขนผมคนละข้าง ผมพยายามดิ้นตัวหนีแต่ก็สู้แรงทั้งคู่ไม่ได้ “นี่มันเรื่องอะ--”

พลั่ก!

บูมประเคนหมัดหนักๆ ลงบนช่องท้องผม มันคงกระแทกที่ไตเข้าเต็มๆ จุกไปหมดเลย ผมเปล่งเสียงสั้นๆ ออกมาเพราะความเจ็บก่อนจะหอบหายใจเบาๆ พยายามรีดความชาออกด้วยการหายใจช้าลง พยายามเงยหน้าขึ้นไปถามชายหนุ่มที่ตอนนี้ดึงแว่นสีชาออก แต่ลิ้นยังไม่ทันเคลื่อนอีกฝ่ายก็ต่อยเข้าที่หน้าผมแรงๆ อีกที หน้าผมหันไปตามแรงนั้น รู้สึกเหมือนเห็นดาวลอยวิ้งขึ้นมา ภาพทุกอย่างมันพร่าเลือนไปหมด รู้สึกได้ถึงน้ำตาที่รื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บ หมัดของไอ้หมอนี่ไม่ใช่เบาๆ เลย… เรียกได้ว่ามืออาชีพชัดๆ

“นี่… ที่แกทำกับลูกฉัน”

“อ่า…” อ้อ เขาโกรธที่ผมต่อยไอ้ปันน่ะเอง ว่าแต่ไปสืบทราบมาได้ยังไงวะเนี่ย คงไม่ได้ใช้นักสืบแบบเดียวกับที่ผมใช้ตอนไปสืบเรื่องของเขานะ

“มองหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงวะ แล้วแกกล้าดียังไงถึงทำเขาแบบนั้น!”

ผัวะ!

ลงบนหน้าอีกหมัด ไอ้ขี้กากเอ๊ย แน่จริงอย่าให้พวกมาล็อกแขนผมสิวะ สู้กันตัวๆ ดิ ถึงผมไม่ได้เก่งเรื่องการต่อสู้อะไรแต่ผมก็ไม่ยอมให้ใครมาซัดเอาๆ เฉยๆ แบบนี้แน่

ผมหอบหายใจระรัวขณะที่อีกฝ่ายยังมองผมด้วยแววตาโกรธจัด ความคิดแรกของผมคือเรื่องนี้ต้องถึงหูตำรวจแน่ จากนั้นก็สื่อมวลชน ผมจะแฉทุกอย่างให้โลกรู้ว่าไอ้ดาราคนนี้ที่เป็นขวัญใจใครต่อใครแท้จริงแล้วต่ำทรามแค่ไหน ทั้งเรื่องที่แม่งนอนกับผู้หญิงของคนอื่น เรื่องที่มันบุกมาถึงบ้านแล้วทำร้ายผมแบบนี้ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนเชิญชวนให้มันเข้ามาเองก็เถอะ…

“พอแล้ว” บูมพูดขึ้นหลังจากประเคนหมัดให้ผมทั้งหมดสามหมัดถ้วน ชายทั้งสองคนเอาผมไปนั่งที่โซฟาจากนั้นก็เดินจากไปราวกับจะดูลาดเลาอยู่ห่างๆ ผมถอนหายใจเฮือกอย่างเหนื่อยอ่อน ยังรู้สึกจุกอยู่ที่ท้อง แถมที่แก้มก็เริ่มบวมจนน่ากลัว ต้องรีบหาอะไรมาประคบ…

“พงศ์ ไปหาผ้ามาชุบน้ำประคบให้ไอ้หมอนี่ที น้ำแข็งด้วย เอาจากในครัวมันนั่นแหละ เร็วๆ ด้วยล่ะ”

เหอะ ตบหัวแล้วลูบหลังงั้นเหรอ ไอ้เลวเอ๊ย

“คิดว่าตัวเองเป็นมาเฟียรึไง” ผมถามพร้อมกับมองชายหนุ่มที่พิงหลังไปบนพนักโซฟา ยกขาข้างหนึ่งขึ้นไขว่ห้าง ความหล่อกับท่าทีมั่นอกมั่นใจนั่น… เขามีรัศมีดาราเปล่งประกายชัดเจนจริงๆ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกขยะแขยงผู้ชายคนนี้ยิ่งกว่าอะไร และที่แย่ที่สุดคือผมด้อยกว่าไอ้บ้านี่ไปเสียทุกอย่าง

เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้ม จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงติดจะเย้ยหยัน

“โดนไปขนาดนั้นยังพูดได้อีกนะ น่านับถือว่ะ”

“แกต้องการอะไร”

“ไม่ต้องทำเสียงเขียวแบบนั้น นายก็รู้ว่าฉันทำแบบนี้เพราะนายทำร้ายปันก่อน เป็นพ่อประสาอะไร หา ถึงได้ทำลูกตัวเองแบบนั้น”

คำด่าของเขาทำให้ผมสะอึกก็จริง แต่การโดนคนที่ทำผู้หญิงท้องแล้วให้ผู้ชายอีกคนคอยเลี้ยงดูมาตลอดแบบหมอนี่พูดใส่นี่มัน…

“นายทำหน้าที่พ่อที่ดีมากงั้นเลยสิ”

“ไม่ต้องมาย้อน” เขาว่าขณะยกกาแฟที่ผมชงขึ้นดื่ม “ฉันเองก็พยายามทำให้ดีที่สุดในแบบของฉัน นายไม่รู้หรอกว่ามันลำบากแค่ไหนที่ต้องคอยระวังไม่ให้นายกับปันสงสัยเรื่องนี้ ฉันอยากจะส่งเงินให้เขามากกว่านั้นเป็นสิบเท่า แต่ถ้ามากไปก็อาจจะโดนสงสัยได้ และถ้าฉันโดนจับได้ล่ะก็… ห่าเอ๊ย พวกนักข่าวที่เหมือนอีแร้งพวกนั้นคงได้รุมทึ้งตายแน่”

“แล้วตอนนี้ไม่กลัวแล้วเหรอ” ผมแสยะยิ้มให้เขา แม้จะนึกหวั่นในใจเล็กน้อยว่าเจ้าตัวอาจให้ลูกน้องมาล็อกตัวผมแล้วอัดตีนใส่อีกรอบหากไปท้าทายอำนาจเขามากๆ ก็ตาม แต่ตอนนี้ผมไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ผมมีลูกชายเพียงคนเดียว และผมก็เสียเขาครึ่งหนึ่งไปตอนที่ได้รับรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ใช่ลูกผมจริงๆ และอีกครึ่งหนึ่ง… ชายตรงหน้าก็อาจกำลังพรากเอาไป

“ฉันรู้ว่านายคิดจะทำอะไร นพดล” เขาบอกอย่างไม่เกรงกลัว ใบหน้าได้รูปกับส่วนผสมที่เหมาะเจาะไปเสียทุกอย่างทำให้ผมนึกถึงปันขึ้นมาอีกแล้ว ผมเคยคิดว่าปันเหมือนแม่มากนะ แต่จริงๆ แล้วเจ้าตัวได้รับความหล่อนั่นมาจากพ่อเต็มๆ “บอกให้ชัดๆ ตรงนี้เลยว่าฉันไม่แคร์ ไม่สนอีกต่อไปแล้ว ฉันทำทุกอย่างเพื่อเขากับมิ้นต์มาตลอดสิบเจ็ดปีนี่ เรื่องมันจะแตก ฉันจะเป็นดาราต่อไม่ได้ก็ช่างแม่ง ตราบใดที่ปันได้รู้ความจริงทั้งหมดฉันก็ไม่สนอะไรอย่างอื่นอีกต่อไปแล้ว”

“แล้วไงวะ” ผมย้อนถามอย่างท้าทายไม่แพ้กัน ถ้าเข้าใจไม่ผิด หมอนี่คงแก่กว่าผมหลายปีอยู่ แต่อย่างกับผมจะสนอย่างนั้นแหละ “นายคิดว่าพอปันรู้ความจริงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ เขาคงเคารพแล้วก็ภูมิใจในตัวนายน่าดูเลยสิที่ทำแม่เขาท้องแล้วก็ทิ้งเขาไปตั้งแต่ก่อนเขาเกิดด้วยซ้ำ”

“ฉันจะอธิบายเรื่องนั้นให้เขาฟัง” สีหน้าแววตาของเขาฉายแววสำนึกผิด แต่ผมไม่รู้สึกสงสารแม้แต่นิดเดียว “ฉันพยายามแล้วจริงๆ ตอนนั้น ขอร้องมิ้นต์… ให้เราหนีไปด้วยกัน บอกยัยนั่นแล้วว่าฉันไม่สนเรื่องชื่อเสียงหรืออะไรพวกนั้นหรอก แค่หล่อนยอมมากับฉัน… แต่มิ้นต์ก็เลือกนาย ดล เขาเชื่อจริงๆ ว่าเด็กคนนั้นคือลูกนาย ฉันบอกกับมิ้นต์แล้วว่าจะลูกใครก็ช่าง ยังไงเสียฉันก็ยอมรับได้ทั้งนั้น แต่เขาไม่ยอม เขาบอกว่าฉันควรจะมีอนาคตที่ดี”

เหี้ยเอ๊ย ฟังแล้วเจ็บสัดๆ

“จะยังไงก็ช่างเถอะ” ผมพูดพร้อมกับเบือนหน้าไปอีกทาง เป็นเวลาเดียวกับที่พงศ์กลับมาพร้อมกับผ้าที่ห่อน้ำแข็งมาอย่างดี ผมยกมันขึ้นประคบตรงที่เริ่มบวมออกมา “ผมไม่อยากรู้หรอกว่าเมียตัวเองรักกับผู้ชายอีกคนมากแค่ไหน”

“ทำไมนายยังพูดจาเหมือนประชดมิ้นต์แบบนั้นอีกวะ เขาตายไปแล้วด้วยซ้ำ!”

ผมมองอีกฝ่ายที่เริ่มมีอารมณ์อีกครั้งด้วยท่าทีเฉยชา เหมือนมันเจ็บจนด้านไปหมดแล้วก็ว่าได้ และท่าทีนิ่งๆ แบบนั้นของผมก็เรียกสติของบูมกลับมา

“แล้วนี่ปันจะกลับบ้านมาวันนี้ไหม”

“ไม่รู้สิ ผมโทรไปหาแล้วแต่เขาไม่รับ”

“ไม่เป็นห่วงบ้างเลยรึไง แล้วให้ลูกตะลอนๆ ไปนอนบ้านคนอื่นอย่างกับขอทาน…”

ถึงตรงนี้ผมก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่จริงๆ แม้ว่าการหัวเราะนั่นจะทำให้ซี่โครงผมเจ็บไปหมดก็ตาม แต่หมอนี่กล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงเนี่ย ในเมื่อเขายังปล่อยให้ลูกตัวเองมาอยู่กับผมเป็นสิบปี

“พูดได้ดีนี่ คุณบดิศร”

“อย่ามาหาเรื่องฉันอีกรอบนะ ฉันจะซัดนายให้หมอบอีกกี่รอบก็ได้”

“ทำแบบนี้ไม่กลัวติดคุกเหรอ อ้อ ใช่ ลืมไป พวกคนรวยๆ เขาใช้เงินแก้ปัญหากันนี่นะ ผมมันก็แค่คนสามัญที่ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวใช่ไหม”

“นายต่อยปันก่อน”

ผมพยักหน้ารับ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว “เอาไงก็เอาเลย”

“ฉันอยากให้ปันไปอยู่กับฉันหลังจากนี้”

คำพูดนั้นทำให้ผมชะงักกึกไปทันที ใจที่เริ่มสงบเริ่มกลับมาเต้นแรงอีกครั้งอย่างหวาดหวั่น ผมไม่อยากให้ปันจากผมไปไหนทั้งนั้น

“อย่าเข้าใจผิด คุณบูม” เพราะความกลัวแท้ๆ ถึงทำให้ผมพูดเสียงเย็นเยียบออกไปได้ “ผมจะยอมเปิดโอกาสให้คุณบอกความจริงให้ปันรู้เรื่องพ่อแท้ๆ ของเขา แต่เขาจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เขาเป็นลูกผม ผมเลี้ยงเขามากับมือ”

“ฉันว่านายไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนั้นหรอก นพดล” เขาพูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจแบบที่ผมเกลียดแสนเกลียด “ฉันจะหาทนายที่ดีที่สุดมาจัดการเรื่องนี้ จะทำให้เขาเป็นลูกชายของฉันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

“นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ สุดท้ายก็เรื่องเงินๆ ทองๆ พูดแบบนี้แปลว่านายจะไม่ฟังความต้องการของปันเลยใช่ไหม”

“แน่นอน ฉันจะเปิดโอกาสให้เขาเลือกแน่ แต่นายลองคิดดูให้ดีๆ แล้วกันว่าอยู่กับใครแล้วเขาจะสบายกว่า”

ผมรู้สึกหน้าชากับคำพูดนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยถ้าปันจะเลือกความสบายที่เห็นอยู่กันชัดๆ ว่าเขาคงได้รับมากกว่าถ้าเลือกที่จะอยู่กับคนตรงหน้า คือระดับมันต่างขนาดที่เทียบกันไม่ได้เลย

นี่ยังไม่รวม… เรื่องที่ผมเพิ่งทำร้ายไอ้หมอนั่นไปตอนที่ตัวเองขาดสติเมื่อคืนนั้นด้วยนะ

โอ๊ย…






--------------------------------------------------

Talk: วันศุกร์แล้วค่ะทุกคน ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ผ่านพ้นมาได้อีกสัปดาห์ XD ใครมีแผนไปงานหนังสือบ้างคะ? อย่าลืมเที่ยวเผื่อเราด้วยนะ รอปีหน้าก่อน เรากลับไทยไปเจอทุกคนแน่ๆ รักทุกคนนะคะ//ส่งจูบ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-10-2017 16:50:04
กดดันมากกก ปันรักพ่อดลนะ บอกความจริงลูกก่อนที่หมอนั่นจะเอาทนายมาเถอะค่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-10-2017 16:59:44
มาอีกเถอะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 20-10-2017 18:05:55
เข้มข้นเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-10-2017 18:55:11
อยากได้ลูกไปอยู่ด้วยขนาดนี้ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันเถอะ ถ้าน้องปันไม่แอนตี้คุณพ่อตัวจริง... และถ้าสองพ่อไม่ตีกันตายไปเสียก่อนน่ะนะ
รอตอนต่อไปค่ะ (อยากให้มาเร็ว ๆ จัง อยากรู้แล้วว่าจะเป็นไงต่อ)
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 20-10-2017 19:01:02
น้องปันมีพ่อพร้อมกันสองคนไม่ได้น้าาา หนูเลือกคนนึงเป็นพ่อ อีกคนเป็นเมี---แค่กๆๆๆๆๆๆ
 :hao3: :hao3: :hao3: //พายเรือผีเว่อ 5555555
ไม่ชอบอีคุณบูมเลยอะ ทำไมต้องใช้กำลังละทำตัวป๊อดต้องให้คนติดตามมาจะบตัวดลไว้ด้วย กลัวโดนต่อยคืนสินะ ไม่ใจเลยยยยย ถ้าปันมสเห็นฉากนี้ อิคุณบุมต้องโดนลูกไล่ตะเพิดแน่
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 20-10-2017 20:31:29
เรือผีด้วยค่าา ตอนแรกนึกว่าตัวเองจะแล่นอยู่คนเดียว 555555555
เรือผีแบบผี๊ผี~ อยากอ่านต่อแล้ว อยากรู้ว่าปันจะเอาไงต่อ ฮืออออ

น้องปันมีพ่อพร้อมกันสองคนไม่ได้น้าาา หนูเลือกคนนึงเป็นพ่อ อีกคนเป็นเมี---แค่กๆๆๆๆๆๆ
 :hao3: :hao3: :hao3: //พายเรือผีเว่อ 5555555
ไม่ชอบอีคุณบูมเลยอะ ทำไมต้องใช้กำลังละทำตัวป๊อดต้องให้คนติดตามมาจะบตัวดลไว้ด้วย กลัวโดนต่อยคืนสินะ ไม่ใจเลยยยยย ถ้าปันมสเห็นฉากนี้ อิคุณบุมต้องโดนลูกไล่ตะเพิดแน่
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 20-10-2017 21:40:26
สงสารดล ปัญหาประเดประดัง ทั้งเรื่องลูก ทั้งเรื่องพ่อของลูก....คิดดูยายามทุกอย่างเพื่อเลี้ยงลูกที่รักปานดวงใจให้เติบโตมาเป็นคนที่ไม่ขาดเหลืออะไร แต่วันนึงกลับมารู้ว่าทุกอย่างที่ตนทำมันแทบไม่มีความหมายเพราะมีคนที่พร้อมกว่ามอบให้ได้มากกว่า  สงสารอ่ะ ...
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 20-10-2017 21:59:11
เกลียดบูมอะ ไม่มีเหตุผลเลย การใช้กำลังไม่ใช่เรื่องที่คนมีการศึกษาเค้าทำกันนะเว้ย

เกลียดดดดดดดดดดด ตอนแรกก็อยากจะเชียร์บูมดลนะ แต่ตอนนี้แบบ ไม่อยากยุ่งด้วย วุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำมาก

ดลไม่ได้ดีมาก ตัวเองก็ไม่ได้ดีอะะะะะะะ โอ้ย อิน  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 20-10-2017 22:26:35
บูม ไม่ค่อยแมนเท่าไรเลยนะ จะเอาคืนดลทั้งทีก็ใช้วิธีมาเฟีย พาคนมาซ้อม
แล้ววันนี้ปัญจะกลับบ้านมาดูใจพ่อดลไหม ไม่อยากปล่อยให้ดลอยู่บ้านคนเดียว
ในภาวะจิตใจที่ไม่พร้อม  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 20-10-2017 23:29:58
เพิ่งได้มาอ่าน ตอนแรกคิดว่าแนวพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยงหลังจากอ่านชื่อเรื่อง แต่พ่ออ่านแล้วไม่ใช่เลย


 :katai1: :katai1: :katai1:

สงสารดลนะ  ปันเหมือนเด็กที่มีความคิดแต่จริงๆแล้วไม่ใช่   คิดแต่ด้านของตัวเองแต่ไม่เคยเห็นอกเห็นใจความคิดอีกฝ่าย(พ่อดล)  ทำก่อนแล้วค่อยคิด  เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง 

ที่พูดๆมาเนี่ย เชื้อพ่อ(บูม)ทั้งนั้นเลยนะ

ส่วนบูม  จะด่าว่าตุ๊ด   ตุ๊ดบางคนยังมีความแมนกว่าเลย 

ส่วนอีตัวปัญหา  อยากจะขุดจากหลุมมาด่าจริงๆ
คือจะเลวมากเลยนะ  อย่ามาอ้างว่านี่คือลูกของดล   ใจหล่อนมันไปอยู่กับบูมแล้ว   แต่ที่ไม่ไปเพราะกลัวจะทำให้บูมเดือดร้อน  เลยมาอยู่กับดล  ถ้าลูกในท้องเป็นของดลก็ดีไป  แต่ถ้าเป็นของบูม  ก็เท่ากับหล่อนช่วยบูมไว้ หึเห็นแก่ตัว

เราสงสารดลที่สุดเลยในเรื่อง  อยากให้บทสรุปแล้วดลได้พบสิ่งดีๆบ้าง

ปล.ตอนแรกแอบต่อเรือผี ดลบูมไว้ ตอนนี้หรอเผาแม่ง บูมแม่งเลว

อาจจะหยายคายไปนิดกราบขอโทษนักเขียนจริงๆ อินมาก !!!
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: PaePT ที่ 21-10-2017 00:40:43
เรื่องเป็นเกย์ของลูกนี้ต่อให้พ่อแม่เปิดกว้างยังไง มันก็ต้องมีสะดุดสะอึก ต้องให้เวลาในการทำใจ

แต่นี้แอบรำคาญปันนะ ที่จะเอาแต่ความรู้สึกคัวเอง แต่ไม่สนใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อเลย

คือส่วนตัว ตอนที่จะบอกที่บ้านครั้งแรกคือคิดนานมาก ไม่ใช่กลัวพ่อแม่ด่า เกลียด ไล่ออกจากบ้าน

แต่กลัวเขาเสียใจ กลัวเขาผิดหวัง คือต่อให้ชีวิตเป็นของเรายังไง เราก็ต้องคิดถึงความรู้สึกพ่อแม่

แต่ปันนี้ไม่มีโมเม้นนั้นเลย “พ่อต้องรับได้สิ” อย่างเดียวเลยเด็กคนนี้ไม่น่ารักเลยอ่ะ ไปอยู่กับพ่อแท้ๆเถอะ

#อินในอิน
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-10-2017 01:32:07
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 21-10-2017 06:35:42
สงสารดลอะ  :ling2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 21-10-2017 07:49:28
ปันไปกับบูมแน่เลยถ้ารู้ความจริง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoagx ที่ 21-10-2017 08:13:12
โอ้ยสงสารคุณพ่อ ไม่ทีมอิคุณบูมอะไรนี่ได้มั้ย
น้องปันหนูต้องเลือกแล้วนะลูกกกก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-10-2017 08:49:57
ดลเป็น อีเย็น. ซินะ. อิอิ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 21-10-2017 09:48:56
ความสัมพันธ์ของปันกับดลมันร้าวแล้วอะ มีความเป็นไปได้สูงมากที่น้องจะไปกับพ่อแท้ๆ ปล่อยๆไปเถอะดล แค้นใจไม่ใช่หรอที่มิ้นต์ท้องลูกบูมและรักบูมมากกว่า คนจริงเขาทิ้งไปนานแล้ว = = //ถ้าปัน'บังเอิญ'กลับบ้านมาเจอบูมซ้อมดล อันนี้มีโอกาสที่น้องจะไม่ไปสูงมากเช่นกัน
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-10-2017 11:54:52
เกลียดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ บูม มากกกกกกกกก   :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-10-2017 14:00:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-10-2017 14:02:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 21-10-2017 19:19:48
เชิญตัวเอี้ยเข้าบ้าน เพื่อให้มันกระทืบเล่น คิดได้ไง
เกลียดอิบูม สารเลว อ่านไปโมโหไป ฮึ่ม :z6:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ดวงตะวัน ที่ 21-10-2017 20:09:46
เพิ่งอ่าน และรู้สึกอึดอัดแทนดล ปันไม่ผิดอะไรเลย แต่บูมกำลังทำให้ทุกอย่างแย่
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-10-2017 18:19:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 23-10-2017 18:32:08
รู้สึกผิดที่มองข้ามเรื่องนี้ไปในตอนแรกเพราะชื่อเรื่อง ขออภัยด้วยนะคะ  :hao5:

นี่ตามมาจากเรื่อง sweet sanctuary เลย เดี๋ยวให้คอมเม้นท์อีกล่างๆนะคะ ขอพูดถึงเรื่องนี้ก่อน

นี่เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้เชียร์พ่อกับลูกให้คู่กันอย่าโกรธเราเน้อ

ไม่บ่อยที่เล้าจะมีนิยายที่วางพล็อตดีๆ แบบมีพล็อตหลักและ sub plot แบบเรื่องนี้ นับถือคนเขียนที่บรรยายเหตุการณ์ ใช้บทสนทนาและการดำเนินเรื่องเล่าเรื่องราวได้ดีและสมจริงมาก

เราคงผิดหวังอ่าถ้ามีการ incest เพราะมันจะเป็นนิยายประโลมโลกดาดๆไปเลย (แบบนิยายลูกกวาดทั่วๆไป เน้นวาบหวามไปวันๆ) คิดดูคนที่เลี้ยงดูอุ้มชูมา ความรักอันนี้มันสูงค่า บริสุทธิ์ และทนทานและเกินเลเวลความรักฉันท์ชู้สาวไปแล้ว เราเอาใจช่วยคู่ดล และรอดูพัฒนาการระหว่างคู่พ่อ อย่างน้อยถึงดลไม่ใช่เกย์ แต่ก็อาจมี bromance เพราะรักลูกคนเดียวกันเราก็ชื่นใจแล้ว ส่วนปัน ปล่อยไปตามทางเถอะ ปันยังเด็กอยู่เลย ควรมีเส้นทางแบบอิงความจริงอย่างนี้แหละดีแล้ว (มีแฟนเด็กๆด้วยกัน ส่วนจะมีอุปสรรคอะไรมั้ยก็เป็นเรื่องการพัฒนาพล็อตของคนเขียนซึ่งเราเชื่อมือ)

อีกเรื่องที่อยากแนะนำผู้อ่านท่านอื่นๆตามไปอ่านของนักเขียนท่านนี้คือ เรื่อง sweet sanctuary  เป็นแนวระทึกขวัญ thriller suspense พลิกไปพลิกมาจนคนอ่านทึ่ง เหมือนอ่านนิยายแปลแนวระทึกสืบสวนสอบสวนเวอร์ชั่นวายเลย ครบรสมาก ขอบคุณมากๆที่เอานิยายดีๆมาลงเล้า แล้วจะตามไปอ่านทุกเรื่องนะคะ เราชอบนิยายมีเนื้อหาอ่ะ มันดูเหมือนว่าคนเขียนมีกึ๋นดี ไม่ว่าจะเป็นแนวอะไรก็ตามอย่างน้อยก็มีพล็อต อีกหนึ่งกำลังใจจากตรงนี้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 23-10-2017 20:34:08
เราเห็นใจดลนะ เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ทุ่มเททุกอย่าง ลูกที่เลี้ยงมากลายเป็นลูกชู้ เจอแบบนี้คงรับไม่ไหว
แม่ปันนี่เห็นแก่ตัวที่สุด คงรู้ว่าเป็นลูกบูม แต่ไม่อยากทำลายอนาคตบูม เลยให้ดลรับเป็นลูกแทน
ส่วนปันคิดน้อยไป เห็นแก่ความสุขของตัวเอง คิดว่าพ่อต้องเข้าใจ แล้วตัวปันเข้าใจพ่อหรือเปล่า 
บูม นี่เลวร้ายมาก แค่ให้เงิน พยายามปิดข่าว นี่คือทำเพื่อลูกแล้วเหรอ ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น บูมต้องขอบคุณดลด้วยซ้ำที่เลี้ยงปันด้วยตัวคนเดียวมาตลอด
สุดท้ายแล้วเราคิดว่า ปันก็คงอยู่กับดล ยังไงปันก็รักดล พ่อทั้งคนเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก
อยากให้ปันรู้ความจริงเรื่องบูมเป็นพ่อ รู้ว่าบูมทำร้ายดล อยากรู้ปันจะมีปฏิกิริยายังไง
ขอบคุณนักเขียนค่ะ มาต่ออีกนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 24-10-2017 14:59:49
ตอนแรกก็คิดว่าคุณบูมคู่คุณพ่อ
แต่หยาบคายจัง ไม่มีออพระเอกเท่าไหร่555
เราเลยหนีไปลงเรือผีแล้วกัน น่ารัก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: มะม่วงแรด ที่ 24-10-2017 18:21:11
อืมมมมมม  อ่านแล้วไม่อินกับความรักของปันกับโดเลยอ่ะ  :hao4:  สงสารพ่อดล
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: To_oT ที่ 24-10-2017 22:47:09
สนุกมากครับ
แอบเชียร์ พ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยงอยู่ในใจ
แอบเดาว่า ปันหลงรักพ่อเลี้ยงตัวเองป่าวนี่ ทำไมรู้สึกงั้นไม่รู้ 555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 13) P.7 [20/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 27-10-2017 16:21:00

บทที่ 14




“เฮ้ย ไอ้ปัน มึงจะเอาไงวะ วันนี้ จะมานอนบ้านกูอีกไหม แต่แม่กูชักสงสัยแล้วนะว่าเราทำรายงานหรือทำวิทยานิพนธ์อะไร ทำไมถึงได้ใช้เวลาขนาดนี้ ถึงเขาจะไม่ว่าอะไรที่มึงจะมานอนก็เถอะ”

ปัญญาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนรักที่จัดการเก็บของยัดใส่กระเป๋าเรียบร้อย เตรียมกลับบ้านตั้งแต่ออดชั่วโมงสุดท้ายยังไม่ดังแล้วถอนหายใจเฮือก รู้ดีว่าเขาจะอยู่บ้านไอ้เบนซ์ไปตลอดไม่ได้ และเขาก็จะหนีหน้าพ่อไปตลอดก็ไม่ได้เช่นกัน

“มึง… งั้นกูว่ากูกลับบ้านดีกว่าวันนี้ รบกวนมึงกับน้าแหม่มมาเยอะล่ะ”

“จริงๆ กูกับที่บ้านกูก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้ามึงอยากจะมานอน” เบนซ์ถอนหายใจเบาๆ เห็นใจเพื่อนก็เห็นใจเพื่อนหรอก แต่… “แต่กูแค่คิดว่ายิ่งมึงหนีหน้าเขาแบบนี้มันก็ยิ่งแก้ปัญหายากเปล่าวะ แถมพ่อมึงก็โทรหาตั้งหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ มึงก็ไม่ยอมรับสาย เปิดโอกาสให้เขาได้ขอโทษ ได้อธิบายมึงบ้าง ยังไงเขาก็พ่อมึงนะ เขาคงไม่สบายใจหรอกที่ต่อยหน้าลูกตัวเองแบบนั้น แถมมึงยังหลบหน้าเขาแบบนี้”

“เออๆ กูรู้แล้วน่า ก็กำลังจะกลับบ้านแล้วนี่ไง”

“พี่ปัน” เสียงเรียกที่แสนคุ้นเคยทำให้ทั้งปันกับเบนซ์หันกลับไปมอง โดนัทวิ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้นแปลกๆ “พี่ปัน เพื่อนผมบอกว่าเห็นดารามาที่โรงเรียนล่ะ”

“ดารา?” เบนซ์กับปันประสานเสียงแทบจะพร้อมเพรียงกัน

“ศิษย์เก่ารึเปล่า” เบนซ์เลิกคิ้วขึ้นข้าง

“หรือว่าจะมารับใคร แบบ ญาติเขาไรงี้”

“แล้วดาราคนไหน”

“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แต่เห็นเพื่อนบอกน่าจะบูม บดิศร”

“บูมที่หน้าคล้ายๆ พี่น่ะนะ?” เรื่องหลงตัวเองนี่ขอให้บอก ไอ้เบนซ์เลยตบกะโหลกไอ้คนปากดีไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ “โอ๊ย เบนซ์ ตบหัวกูทำไม”

“หมั่นไส้ว่ะ อย่างเอ็งเนี่ยนะหน้าเหมือนบูม? ให้ขำตายเหอะ”

“ปัน!” เสียงเรียกคราวนี้มาจากจูน ท่าทีตื่นเต้นของเจ้าตัวมากกว่าของโดนัทตอนที่โผล่เข้ามาประมาณสามเท่าได้ “มีคน… เอ่อ ฉันหมายถึง คุณบูมเขาอยากจะพบนาย”

เท่านั้นแหละทั้งสามคนที่กำลังติดพันกันในวงสนทนาถึงกับต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง ยังไม่ทันได้หันไปมองหน้าเพื่อขอความเห็นกัน ร่างสูงของดาราใหญ่ที่นักเรียนหญิงหลายๆ คนกำลังกรี๊ดกร๊าดกันที่หน้าห้องก็ก้าวเข้ามา แว่นกันแดดสีชาไม่ได้ช่วยปกปิดตัวตนของเขาได้ก็จริง แต่ก็ช่วยทำให้ดูเหมือนดาราดี

ถ้าเปรียบความหล่อเหลาเป็นแสงเลเซอร์ตอนนี้มันคงแทงทะลุสายตาทุกคนที่อยู่ในรัศมีที่จะมองเห็นชายหนุ่มคนนี้ได้ ปัญญาเข้าใจแล้วว่าทำไมเบนซ์ถึงกล้าแขวะเขาว่าไม่อาจเทียบอีกฝ่ายได้สักนิด เพราะออร่าที่ว่านี่ยังไงล่ะ เขาเคยได้ยินคนพูดมาเหมือนกัน บางครั้งคุณอาจจะหน้าตาดี แต่ถ้าไม่มีออร่าที่ว่าก็เป็นพวกดารานักแสดงไม่ได้เหมือนกัน

แหม… แต่ก็ใช่ว่าเขาจะอยากเป็นอยู่แล้วนี่นะ

“ปัน… น้องปันใช่ไหมครับ”

“เอ่อ ครับ ใช่” ปัญญายกนิ้วชี้ตัวเองงงๆ “คุณบูมมีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ”

“พอดีนพดล… พ่อน้องปันน่ะ เขาขอให้ผมมารับคุณกลับบ้านวันนี้”

หา!?

เป็นหลายเสียงที่อยู่ในใจใครหลายคนแน่นอน แต่ปัญญาคิดว่าของเขาคงดังที่สุดแน่

“พะ… พ่อน่ะเหรอครับ? ทำไมล่ะ?”

“พอดีเขาไม่สบายนิดหน่อยน่ะ แล้วก็ไม่อยากให้ปันไปนอนบ้านเพื่อนด้วย ถ้าไม่เชื่อจะลองโทรไปถามดูก็ได้นะ เพราะถึงยังไงมันคงไม่ดีที่จะตามคนแปลกหน้ากลับบ้านใช่ไหม”

เออ ใช่ คือถ้าเขาอายุน้อยกว่านี้สักสิบปีละโดนชวนกลับบ้านแบบนี้ ปันก็คิดว่าเขาคงโดนหลอกไปขายแบบที่พ่อชอบขู่เขาตอนเด็กๆ แน่ แต่คือ… นี่เขาโตเกินกว่าจะโดนหลอกล่อด้วยอมยิ้มแล้วไง

ว่าแล้วปันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาพ่อตามที่อีกฝ่ายว่า ปลายสายรับเร็วทันใจ แม้เสียงที่ตอบกลับมาจะดูอาลัยตายอยากแบบแปลกๆ ก็ตาม

“พ่อ… เอ่อ มีคนบอกว่าพ่อฝากให้มารับผมน่ะ”

“บูม บดิศรใช่ไหม”

“เออ ครับ ใช่” นี่พ่อเขาไปรู้จักดารารุ่นบิ๊กเบิ้มขนาดนี้ตอนไหนวะ ทำไมไม่เห็นเคยบอก

“มากับเขานั่นแหละ พ่อรออยู่บ้านนะ”

“รออยู่บ้าน… พ่อไม่ได้ไปทำงานเหรอครับวันนี้?”

“อืม”

“พ่อ… พ่อเป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายเหรอ เสียงดูไม่ค่อยดีเลย”

“ไว้ค่อยมาคุยกันที่บ้านนะ” จากนั้นเจ้าตัวก็กดวางสายไป ปัญญามองโทรศัพท์ในมือ เป็นห่วงคนที่รออยู่บ้านขึ้นมาจับใจ เขาไม่รู้เลยว่าพ่อไม่สบาย อาจจะตั้งแต่วันที่เขาหนีออกมา

ปัญญาร่ำลาเพื่อนและแฟนหนุ่มของตัวเองก่อนจะขอให้อีกฝ่ายรีบพาเขามาส่งที่บ้านแม้จะยังงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

ตลอดทาง เด็กหนุ่มรู้สึกได้เลยว่าบูมพยายามชวนเขาคุยเรื่องนู่นนี่เยอะจนเกินเหตุ เรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องอาจารย์ อาหารการกิน เส้นทางที่วางไว้ในอนาคต คือแม้แต่พ่อเขายังไม่พูดเรื่องจุกจิกน่าเบื่อแบบนี้ด้วยเลย แล้วหมอนี่ต้องการอะไรจากเขากันเนี่ย แล้วทำไมพ่อเขาถึงยอมให้คนอื่นมารับเขากลับบ้านแบบนี้ล่ะ

“คุณรู้รึเปล่าว่าคนที่ให้ทุนคุณจริงๆ แล้วเป็นใคร”

คำถามนั้นทำให้ปัญญาหันหน้าขวับมามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเปลี่ยนไปทันที จากตอนแรกที่ค่อนข้างวางตัว เหินห่างแต่ว่าสุภาพ ตอนนี้เด็กหนุ่มมองชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ (เพราะเขามีคนขับรถ) บนเบาะหลังด้วยสายตาตื่นตะลึงระคนสงสัยอยู่ในที ปัญญาตอบกลับอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

“เอ่อ คือ คุณลุงอาจบอกว่ามันเป็นทุนของบริษัทพิทักษ์สุข ที่เป็นบ. เล็กๆ ด้านการเงิน”

“เหรอ อืม จะตกใจไหมถ้าผมบอกว่าบริษัทนั้นมันไม่มีอยู่จริง”

“หา?” ปัญญาอุทานอย่างงงๆ หากอีกฝ่ายยังคงยิ้มๆ ด้วยท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ “หมายความว่ายังไงครับ ก็บ. นั่นมัน…”

“ใช่ เรื่องบริษัทนั่นฉันเป็นคนกุขึ้นมาเองแหละ”

นัยน์ตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้นอย่างตกตะลึง เขารู้สึกสังหรณ์ไม่ดีอะไรขึ้นมาบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหมือนมีอะไรตงิดๆ อยู่ แต่เขายังนึกไม่ออกว่ามันคืออะไร

“คุณ… เป็นคนให้ทุนผมเหรอครับ”

รอยยิ้มของดาราใหญ่ข้างตัวเขาดูสลดลงนิดหนึ่ง “ใช่แล้ว”

เขาเงียบไปอย่างครุ่นคิด ถึงเขาจะโง่ในหลายๆ เรื่องแต่ปัญญาก็มั่นใจว่าตัวเองฉลาดในหลายๆ เรื่องเหมือนกัน

แต่ตอนนี้… เขานึกอยากให้ตัวเองโง่มากกว่าแล้ว

“แล้ว… แล้วทุนที่คุณให้… คุณได้ให้คนอื่น---”

“ไม่มีแล้ว ปัน มีแค่คุณเท่านั้น”

เขาไม่ชอบเรื่องนี้เอามากๆ เลยล่ะ





ทันทีที่รถจอดที่หน้าบ้าน ปัญญาก็แทบจะวิ่งเข้าไปด้านในด้วยความร้อนรน ใจชื้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพ่อของเขานั่งอยู่บนโซฟา แต่แล้วเจ้าตัวก็รู้สึกเหมือนใจกระตุกเมื่อเห็นสภาพที่เหมือนคนถูกซ้อมมาของอีกฝ่าย คือถ้าเขามีร่องรอยโดนต่อยที่แก้มก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกไงเพราะเขาโดนพ่อต่อย แต่การที่พ่อเขาโดนต่อยนี่มันไม่ใช่ล่ะ อย่าบอกนะว่าพ่อเขาเมาแล้วไปมีเรื่องอาละวาดกับใครที่ไหน? ไม่อะ ปัญญาไม่คิดว่ามันเรียบง่ายแบบนั้น

“พ่อ!” เขาถลาเข้าไปสำรวจบาดแผลของชายหนุ่มทันที “พ่อ ใครทำพ่อเนี่ย แล้วนี่มันเรื่องอะไร…”

“ผมเป็นคนทำเอง” บูมเดินกลับเข้ามาพร้อมกับคนขับรถของเขา ปัญญาหันกลับไปมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีเดือดดาลก่อนจะถามเสียงเหี้ยม

“คุณทำแบบนี้ทำไม!”

“ปัน” ดลรั้งแขนของอีกฝ่ายไว้เพราะกลัวใจว่าเจ้าตัวจะทำอะไรบุ่มบ่าม “ไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่เป็นไรได้ไง! ก็เขาทำพ่อ--”

“แต่เขาต่อยเธอไม่ใช่เหรอ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ!?” ปันตะโกนอย่างหัวเสีย ตอนแรกก็โกรธๆ ระคนน้อยใจพ่อเขาอยู่หรอกที่มาต่อยเขาแบบนั้น แต่พอเห็นว่ามีใครคนอื่นทำร้ายพ่อเขาแทนตัวเองเด็กหนุ่มกลับฉุนเฉียวขึ้นมา “นี่มันเรื่องในครอบครัว! เป็นแค่คนนอกก็อย่าเข้ามายุ่ง!”

บูมมองเขาด้วยสายตาอย่างหนึ่งที่ทำให้ปัญญาต้องหุบปากเงียบ เด็กหนุ่มหันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเหมือนขอตัวช่วย แต่พ่อเขาก็ยังคงนิ่งเงียบแบบชวนให้ใจสั่นเหมือนกัน เอาล่ะ เขารู้แล้วว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่เหมือนมันติดอยู่แค่ตรงปลายเท่านั้น หรือไม่บางทีเขาก็ไม่อยากให้ตัวเองรับรู้มัน

“ฉันไม่ใช่คนนอกของเธอหรอก ปัน” สุ้มเสียงของดาราหนุ่มอ่อนลง แววตาก็เจือร่องรอยอ่อนโยนมากขึ้น แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ปัญญารู้สึกกลัว เขาบีบมือนพดลแน่น

“พ่อ… นี่มันเรื่องอะไรกันครับ คุณบูมอะไรเป็นกับพวกเรากันแน่”

นพดลเม้มริมฝีปากแน่น เขาไม่อยากให้ปันรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

“พ่อ” เด็กหนุ่มเร่งเร้าอย่างร้อนรน “พ่อเคยสัญญากับผมแล้วไม่ใช่เหรอว่าเราจะไม่มีอะไรปิดบังกันน่ะ แล้วทำไมตอนนี้พ่อถึงไม่พูดอะไรเลย…”

“เขาไม่ใช่พ่อของเธอ”

ปัญญาหันขวับไปมองหน้าคนพูดด้วยสายตาไม่เป็นมิตรทันที “พูดบ้าอะไรของคุณ”

“ฉันพูดความจริง”

“พ่อ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน นี่เขากำลังพูดเรื่องอะไร”

“ปัน…” นพดลพูดเสียงเบาราวเสียงกระซิบ “เขาพูดเรื่องจริง”

ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งหมดทันที ปัญญาหน้าซีดเผือด เด็กหนุ่มขยับตัวไปล้มลงนั่งข้างๆ นพดลอย่างหมดแรง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำตอนที่บดิศรล้มตัวลงนั่งบนโซฟาเดี่ยวอีกตัวแล้วหันไปสั่งลูกน้องให้ไปซื้อน้ำจากหน้าปากซอยมาให้พวกเขา หรือก็คือขอเวลาให้พวกเขาทั้งหมดอยู่กันตามลำพังนั่นเอง

ปัญญานิ่งเงียบ ในหัวพยายามประมวลผลถึงสิ่งที่เพิ่งได้ยินมาอย่างรวดเร็ว

เขาไม่ใช่ลูกชายของดล… และก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งหาคำตอบอีกแล้วว่าตัวเองเป็นลูกของใครในเมื่อคำตอบมันแล่นมาให้เห็นอยู่ตรงหน้า

“นี่มัน… บ้าบอที่สุด” เด็กหนุ่มพูดออกมาทั้งๆ ที่ไม่รู้ตัว สายตาเหม่อมองไปที่หน้าจอ แต่เขาไม่ได้กำลังมองมันอยู่จริงๆ “นี่มันเหลวไหลชะมัด”

“ปัน” ดลพูดด้วยน้ำเสียงติดจะดุเล็กน้อย “พูดดีๆ หน่อย”

“พ่อ… เจ็บแผลมากรึเปล่า” เขาเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้หัวหันไปโฟกัสเรื่องอื่น นพดลส่ายหน้าราวกับรู้ทันความคิดอีกฝ่าย

“พ่อไม่เป็นไรหรอก ปันสิ เจ็บมากหรือเปล่าลูก” ชายหนุ่มถามพร้อมกับแตะแก้มเจ้าตัวบริเวณที่เขาต่อยเมื่อครั้งก่อน “พ่อขอโทษนะ”

ปัญญาส่ายหน้าระรัวทันที

“ผมไม่เจ็บแล้ว แต่คุณ…” เด็กหนุ่มหันกลับไปมองผู้มาใหม่ด้วยสายตาโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด “ทำเกินไปแล้ว ผมแจ้งตำรวจได้เลยนะเรื่องนี้”

“ช่างมันเถอะปัน”

“พ่อ…”

“ผมต่างหากที่เป็นพ่อแท้ๆ ของคุณ”

คำพูดขวานผ่าซากของบดิศรทำเอาคนที่สงบลงไปได้รอบหนึ่งแล้วเดือดดาลขึ้นมาอีก ปัญญามองเขาด้วยสายตาเย็นชาทิ่มแทง

“แล้วยังไงครับ เพราะว่าผมมีเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ คุณถึงจะทำอะไรกับคนที่เลี้ยงผมมาตลอด 17 ปีนี้ก็ได้งั้นเหรอ”

“ปัน…” ดลเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง เขาคิดว่าเด็กหนุ่มอาจจะโกรธ… ถึงขั้นเกลียดเขาด้วยซ้ำที่ลงไม้ลงมือไป แต่เจ้าตัวกลับช่วยพูดจาปกป้องเขาแบบนี้

“แน่นอนว่าฉันซึ้งใจมากเรื่องที่เขาดูแลเธอมา” สายตาของคนพูดดื้อดึงไม่ต่างอะไรกับลูกชายร่วมสายเลือดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย “แต่มันก็ไม่ถูกอยู่ดีที่เขาใช้กำลังกับเธอ”

“ผมอยากให้คุณขอโทษพ่อผม”

“ปัน ไม่เอาน่ะ” ดลเอ่ยเรียกเด็กหนุ่มเป็นเชิงปราม ถึงเขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ถึงยังไงอีกฝ่ายก็เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเจ้าตัว แล้วไปพูดจาแบบนั้นใส่…

“เขาทำพ่อเจ็บ เขาก็ต้องขอโทษสิฮะ” ปันว่าอย่างไม่ยอมแพ้ “ทีพ่อยังขอโทษผมแล้วเลย”

บดิศรเม้มปากขึ้นนิดหนึ่ง เงียบไปครู่ใหญ่ นพดลคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่พูดอะไรออกมาแล้วจนกระทั่งมีน้ำเสียงแผ่วหลุดออกมาจากลำคอ

“...ฉันขอโทษ”

อื้อหือ สุดยอดของการกัดฟันพูด

ปัญญาพยักหน้ารับนิดๆ เหมือนไม่พอใจ แต่ก็ไม่คิดเรียกร้องอะไรจากอีกฝ่ายต่อ เงียบกันไปอีกครู่ใหญ่ ในที่สุดบดิศรก็ถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างหมดความอดทน ไอ้บรรยากาศกดดันโดยไร้ความจำเป็นนี่มันอะไรกัน ถึงการได้รับรู้ความจริงจะเป็นเรื่องที่หนักหนา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรขนาดนั้นเสียหน่อย

“เอาล่ะ ในเมื่อปันรู้ความจริงแล้ว ฉันว่าเราน่าจะมาพูดเรื่องต่อไปกันได้”

“เรื่องต่อไปอะไรครับ” ปัญญาถามอย่างงุนงง แค่ข้อมูลที่เพิ่งได้มาก็ยังทำสมองเขาแฮงค์อยู่เลย ยังจะมาเรื่องต่อไปอะไรอีก

“ฉันอยากให้เธอไปอยู่กับฉัน แค่สักพักก็ได้”

นี่ถ้าเปรียบว่าปันกำลังเดินอยู่ดีๆ ความรู้สึกของเขาคงเหมือนตกหลุมที่ถูกอำพรางไว้พรวดลงไปจนก้นจ้ำเบ้า นี่ตั้งแต่เรื่องที่เขาเพิ่งรู้ว่านพดลไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของตัวเองแล้วนะ แล้วไอ้คำพูดเมื่อกี้เหมือนทำให้เขาตกหลุมลงไปอีกต่อ คือนี่ใจคอจะไม่ให้เขาพักหายใจกันเลยใช่ไหม

“แล้วทำไมผมต้องไปอยู่กับคุณด้วย”

บดิศรยักไหล่ทีหนึ่ง ตอบด้วยท่าทีอ้อมแอ้ม “ก็… เราจะได้คุยอะไรกันหลายๆ อย่างไง ตลอดที่ผ่านมานี่ฉันก็นึกอยากรู้จักเธอ พูดคุยกับเธอมาตลอด แต่ไม่มีโอกาสสักที”

“แล้วทำไมที่ผ่านมาคุณถึงไม่แสดงตัวล่ะครับ? หรือเพราะเป็นดาราใหญ่ที่ต้องรักษาชื่อเสียงไม่งั้นจะกลายเป็นข่าวคาวเลยไม่อยากมายุ่งเรื่องของลูกชายตัวเองมาก”

“ปัน” ดลพูดด้วยน้ำเสียงดุขึ้นมาอีกรอบ บทที่หมอนี่จะดื้อก็หัวรั้นอย่างน่าใจหาย แถมพูดอะไรไม่ค่อยคิด ถึงยังไงอีกฝ่ายก็นับได้ว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง “เลิกพูดประชดประชันแล้วคุยกันดีๆ เถอะ”

“แต่ผมพูดเรื่องจริงนี่”

“อันที่จริงนะ ถ้าไม่ใช่เพราะนพดลพยายามไปสืบหาเรื่องของฉันแล้วก็ทุนนั่น ป่านนี้เธอก็คงยังไม่รู้ความจริงเรื่องนี้หรอก”

นพดลส่ายหน้า เขาพยายามจะพาเรื่องทั้งหมดนี่ไปข้างหน้า แต่สองพ่อลูกร่วมสายเลือดนี่ก็พยายามดึงมันกลับสู่จุดเดิม

“พอได้แล้วครับ รีบๆ เข้าเรื่องเถอะ ปัน ลูกจะเอายังไง อยากจะลองไปอยู่บ้านเดียวกับคุณบูมดูไหม ถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อของลูกนะ”

“พ่ออยากให้ผมไปอยู่กับเขาเหรอ?” เด็กหนุ่มถามเสียงสูงอย่างตกใจ สำหรับเขาแล้ว ที่นี่ก็คือบ้าน และพ่อของเขาก็มีเพียงคนเดียว “ไม่เอาหรอก ผมไม่อยากไป”

“ปัน” คราวนี้คนที่เรียกเด็กหนุ่มเสียงอ่อยกลับเป็นบูมเสียเอง “พ่ออยากให้ปันเปิดใจให้พ่อสักหน่อย ถึงยังไงเราก็มีสายเลือดเดียวกัน แล้วพ่อก็คอยดูแลหนูอยู่ห่างๆ มาตลอด”

“แต่คุณเพิ่งจะทำร้ายพ่อผมไปหมาดๆ เองนะ”

“ปัน พอแล้ว” ในที่สุดดลก็พูดขึ้นมาอย่างเหลืออด น้ำเสียงเด็ดขาดนั่นทำให้ปัญญานิ่งเงียบลงไปทันที “เลิกพูดเรื่องที่เขาทำร้ายพ่อได้แล้ว และอย่าลืมว่านั่นก็พ่อของลูก… พ่อจริงๆ ที่ทำให้ปันมาอยู่ตรงนี้ และเรื่องที่เขาอยากให้ปันลองไปอยู่กับเขา พ่อ… พ่อก็คิดว่าปันควรไป”

“พ่อ!” ปัญญาลุกขึ้นจากโซฟาพรวด ใบหน้าแดงก่ำขึ้นด้วยความโกรธระคนเสียใจ “พ่ออยากให้ผมไปจริงๆ เหรอ? พ่อไม่อยากให้ผมอยู่เป็นภาระพ่อแล้วใช่ไหม!?”

“ปัน!”

“ถ้าพ่ออยากให้ผมไปนักผมก็จะไป” พูดแล้วไอ้ตัวแสบก็วิ่งพรวดขึ้นไปบนบ้านทั้งๆ อย่างนั้น “น้าบูม รอแป๊บหนึ่งนะครับ ผมจะเก็บกระเป๋า ผมเองก็ไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้วเหมือนกันนั่นแหละ!”

ทำไมไปๆ มาๆ มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้วะเนี่ย







ปัญญาออกมาจากบ้านทั้งๆ ที่ยังมึนตึงกับนพดลอยู่แบบนั้น เขาเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าอีกฝ่ายเองก็มีอะไรอยากจะพูดกับเขา แต่เหมือนไม่รู้จะพูดยังไง และเขาก็ไม่มีแก่จิตแก่ใจจะมารับฟัง

“ปัน เย็นนี้อยากกินอะไรลูก จะกินที่บ้านหรือออกไปกินนอกบ้านกันดี พ่อจะได้บอกแม่บ้านถูก”

“เอ่อ กินในบ้านก็ได้ครับ อะไรก็ได้ ผมกินได้หมดแหละ” เขาส่งยิ้มชืดๆ ให้ชายหนุ่มที่ยังยอมรับได้ไม่สนิทใจว่าอีกฝ่ายเป็นพ่อของเขา

ทันทีที่รถขับผ่านประตูรั้ว ตรงดิ่งเข้ามาในที่จอดของตัวบ้าน ปัญญาก็เริ่มรู้สึกว่าปากของเขาอ้ากว้างขึ้นเรื่อยด้วยความตื่นตะลึงและตระการตา

เขาเคยดูละครผ่านทางโทรทัศน์มาอยู่บ้าน… บ้านที่หลังใหญ่ที่สมควรจะใช้คำว่า ‘คฤหาสน์’ มากกว่า เขาเคยคิดว่าใครมันจะบ้าไปอยู่บ้านหลังใหญ่ขนาดนั้น แต่ตอนนี้คนข้างตัวแสดงให้เห็นแล้วว่ามีคนอาศัยอยู่ในบ้านที่เหมือนปราสาทขนาดย่อมแบบนั้นจริงๆ

พื้นทั้งหมดของตัวบ้านถูกปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนดูมีราคา เครื่องเรือนเข้าชุดที่น่าจะไปประดับอยู่ในฉากหนังมากกว่า คนใช้ที่ออกมาต้อนรับพ่อกับเขาด้วยท่าทีอ่อนน้อมพร้อมกับยกกระเป๋าลงมาให้ หญิงสาวคนหนึ่งถึงกับเข้ามาทักเขาว่าต้องการเครื่องดื่มอะไรไหมด้วยซ้ำ

เดี๋ยวนะ นี่เราอยู่ในโลกเดียวกันจริงๆ ใช่ไหม ไม่สิ นี่เขายังอยู่ในโลกเดิมหรือเปล่า หรือว่าหลงมิติข้ามพิภพอะไรมา อยู่ๆ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าชายขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น

“เอ้อ ปรางค์ วันนี้ผมกับปันจะกินข้าวที่บ้านนะ ยังไงฝากเตรียมไว้ให้ด้วย แล้วห้องที่ผมโทรมาบอกว่าให้จัดการน่ะ เรียบร้อยหรือยัง”

“ค่ะ คุณบูม เดี๋ยวดิฉันให้เด็กยกกระเป๋าขึ้นไปให้ แล้วนี่ข้าวของหนูปันมีแค่นี้เองเหรอคะ”

“เดี๋ยวไว้ผมพาไปซื้อวันหลัง ปัน อยากได้อะไรก็บอกป้าปรางค์ได้เลยนะ เขาคอยดูแลทุกอย่างในบ้านนี้”

“เอ่อ ครับ” ปัญญาส่งยิ้มจืดๆ ไปให้หญิงสาวร่างท้วมท่าทางใจดี อีกฝ่ายยิ้มตอบกลับให้เขาจนตาหยี จากนั้นจึงขอตัวผละไปอย่างสุภาพ

...นี่มันอะไรกัน… นี่เขายังอยู่ในโลกเดิมของตัวเองรึเปล่า

คือปกติเวลาเขาไปเที่ยวบ้านเบนซ์ เขาก็รู้สึกมาตลอดว่าบ้านหมอนั่นใหญ่ แถมยังมีพี่เลี้ยงคนหนึ่งที่คอยช่วยน้าแหม่มทำงานบ้านนู่นนี่ คือแค่นั้นเขาก็คิดว่าบ้านเบนซ์แม่งโคตรรวยจนน่าอิจฉาแล้วนะ แต่ไอ้ระดับบ้านดารานี่มันอะไรกัน… คือแม่งคนละชั้นจริงๆ

ปันขึ้นไปที่ห้องใหม่ของตัวเองแล้วก็ต้องตะลึงกับความกว้างขวางและความหรูหราแบบเรียบง่ายของมัน มันให้ความรู้สึกเหมือนเขามาอยู่ในห้องของโรงแรมระดับห้าดาวอย่างไรอย่างนั้น (ถึงจะไม่เคยไปนอนโรงแรมห้าดาวจริงๆ ก็เถอะ) มีห้องน้ำในตัว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน เตียงที่ใหญ่เกินกว่าสำหรับหนึ่งคนนอน

โอ๊ย ตาย ห้องนี้มันโคตรดีงาม คือเขาเคยใฝ่ฝันว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่เยี่ยงพระราชาแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่นึกว่าจะได้มาใช้จริงๆ ไง

“คุณปันคะ คุณผู้ชายเรียกให้ไปทานข้าวค่ะ”

แถมยังมีคนมาคอยเคาะห้องเรียกลงไปตามแบบสุภาพอ่อนน้อมแบบนี้อีกต่างหาก คือถ้าเป็นที่บ้านเขาจะเป็นไงน่ะเหรอ พ่อเขาคงเคาะประตูโครมๆ หรือไม่ก็ตะโกนขึ้นมาให้ลงไปกินข้าวนั่นแหละ

ปัญญาลงไปรับประทานอาหารกับพ่อร่วมสายเลือดของเขาสองต่อสอง แม้จะยังเกร็งๆ ในช่วงแรกไปบ้าง แต่เนื่องจากชายหนุ่มขอให้เด็กรับใช้ทุกคนปล่อยให้พวกเขาอยู่กันตามลำพัง และบูมเองก็เป็นคนที่คุยสนุกกว่าที่เขาคิดเอาไว้ บรรยากาศจึงไม่แย่เกินไปนัก อันที่จริง เขารู้สึกได้เลยว่าอีกฝ่ายรักและคิดถึงเขาตามที่พูดก่อนหน้านี้จริงๆ มันก็ให้ความรู้สึกแปลกดีที่ได้มารับรู้ว่าคนแปลกหน้าที่เหมือนอยู่คนละโลกกับเรา แท้จริงแล้วเป็นผู้ให้กำเนิดตัวจริง

หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จและเดินดูรอบบ้านตามคำชวนของเจ้าของบ้านเรียบร้อย ปัญญาก็กลับมานอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงนุ่มของตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้เขาเจอเรื่องมากมายจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยู่ตรงนี้ ใช้ชีวิตต่อไปเช่นเดียวกับที่โลกยังหมุนอยู่

เขาไถโทรศัพท์ มีข้อความในไลน์จากเบนซ์แล้วก็โดนัท เขากดเข้าไปในกล่องข้อความแชทของคนหลังก่อน จากนั้นจึงกดโทรออกอย่างไม่รีรอใดๆ

โดนัทกดรับวิดีโอคอลของปัญญาในไม่กี่วินาทีต่อมา ราวกับเด็กหนุ่มกำลังรอการติดต่อจากคนรักอยู่อย่างไรอย่างนั้น

“พี่ปัน”

“โด” เขาส่งยิ้มฝืดๆ ให้อีกฝ่าย อยู่ๆ ความอ่อนล้าทุกอย่างที่เขาพยายามกดอัดไว้ก็ทะลักออกมา เหมือนร่างกายมันหมดแรงลงดื้อๆ “คิดถึงจัง… แยกจากโดมาแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่เหมือนผ่านมาเป็นเดือนๆ เลย”

“เกิดอะไรขึ้นครับ สีหน้าพี่ดูไม่ดีเลย แล้วนี่อยู่ไหน ไม่ได้กลับบ้านแล้วเหรอ”

บ้าน…

เขานึกถึงนพดล ผู้ชายคนที่คิดว่าตัวเองเป็นพ่อมาโดยตลอด นึกถึงสภาพที่โดนซ้อมมาของชายหนุ่มคนนั้น นึกถึงตอนที่เขาขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายแล้วผละจากมาโดยไม่คิดจะฟังคำอธิบายใดๆ เขาไม่น่าจากอีกฝ่ายมาทั้งๆ แบบนั้นเลย และตอนนี้เขารู้สึกแย่มาก เขาอยากกลับไปหาพ่อของเขา จากนั้นก็บอกขอโทษที่ทำตัวแย่ๆ ใส่

แต่อีกใจหนึ่ง… เขาก็นึกกลัว กลัวว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากได้เขาเป็นลูกแล้ว

“โด… วันนี้มันมีแต่เรื่องว่ะ พี่… พี่ไม่ไหวแล้ว” จากนั้นเขาก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ต่อหน้าแฟนหมาดๆ ของตัวเองอย่างไม่อาย ร้องไห้ราวกับว่าตัวเองเป็นเด็กเล็กๆ ที่อยากให้พ่อกับแม่มาปลอบ

เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ปลายสายพูดปลอบเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และโดนัทคงไม่คิดว่าเขาน่าสมเพชเหมือนแบบที่เขาคิดว่าตัวเองเป็น

อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้มีเรื่องดีๆ ในเรื่องบ้าบอทั้งหมดที่เจอมาทั้งหมดนี่บ้างก็พอแล้ว






-----------------------------------------------

Tip1 เรื่องเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ที่ไม่ต้องรู้ก็ได้: ปกติเราไม่ค่อยเขียนนิยายที่ตลค. เป็นคนไทยค่ะ เน้นไปทางชื่อฝรั่งมากกว่า แต่พอเขียนทีก็จะพยายามใช้ชื่อคนที่รู้จักหรือเคยได้ยินผ่านหูมา

อย่างปัญญานี่ก็คนที่ชอบสมัยประถม ดลนี่จากสมัยม.ต้น (ตอนนั้นเรียกเขาดลเฉยๆ ไม่เคยรู้ชื่อจริงเขาเลย นพดลนี่งอกออกมาเอง) โดนัทนี่มาจากเพื่อนที่เป็นเกย์ (เราขอโทษนะนาย แต่เรารู้ว่านายคงไม่ได้มาอ่าน) บูมนี่มาจากแฟนของรุ่นพี่คนดังที่ม. (คือเห็นเขาหล่อดี ถถถถ)

แค่นั้นแหละค่ะ เล่าให้ัฟังเฉยๆ เผื่อว่าทุกคนจะผ่อนคลายกับเนื้อเรื่องหนักๆ นี่ได้บ้าง ช่วยไหม? ไม่เหรอ? ถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: PaePT ที่ 27-10-2017 16:38:55
Part หน้าต้องเป็นดลบรรยายแน่ๆ เดาเลยว่าต้องน้ำตาท่วมแน่ๆ อีลูก(เลี้ยง)เวร ทิ้งมาไม่ใยดีขนาดนี้ แถมยังปลื้มปริ่มกับความอลังการดาวล้านดวงของบ้านพ่อตัวเองอีก แล้วรู้สึกผิดเสียใจ แทนที่จะโทรหาพ่อเสือกโทรหาแฟนอีกกกก อีผี!! อยากเห็นปันโดนดลเทบ้าง! ไปมีลูกมีเมีย(ผัว?) ใหม่เลยดล

โอ้ยยย อินนนนน!!!!
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-10-2017 16:44:52
 :เฮ้อ:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-10-2017 16:55:19
รออีก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 27-10-2017 17:21:53
บางทีก็ อยากให้ ปันได้รับบทเรียนบ้างจริงๆนะ

โตๆกันแล้ว การพูดการจาควรจะคิดให้มากกว่านี้ ไม่ใช่จะพูดอะไรยังไงก็ได้

โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนที่รับฟัง อารมณ์เป็นใหญ่จริงๆ 

 :z6: :z6: :z6:   ตอนพูดไม่คิด มาคิดทำไมตอนพูดไปแล้ว หึ รอดูว่าจะเป็นไงต่อไปนะ 

ปล.ดลนี่อาภัพเนอะ  เมียมีชู้ ลูกก็ลูกชู้  แถมเลี้ยงมาดั๊นกลายเป็นแบบนี้อีก  นี่ว่าดลเลี้ยงไม่ผิดนะแต่ไม่รู้ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 27-10-2017 17:28:02
มอบรางวัลตัวละครสุดอาภัพให้ดล :heaven
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 27-10-2017 17:37:55
ปันนี่เด็กมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 27-10-2017 17:44:30
ปันชั้นจะเลิกสงสารแกแล้วนะ
คือ คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้างได้ไหม ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเองอ่ะ โกรธก็ประชด แล้วก็มาคิดได้แต่ก็คุยกับแฟน

อยากจะให้ดลโกรธบ้างเลย แล้วให้ปันง้อให้นานๆ เอาให้เข็ด หมั่นไส้!!!!
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bmine ที่ 27-10-2017 18:03:08
พอกันทั้งบูมทั้งปัน ทำอะไรสนใจแต่ตัวเอง ไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น สมเป็นสายเลือดเดียวกันมากๆ รำคาญญญ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-10-2017 18:13:16
สงสารดลนะ แต่คิดว่าพวกผู้ใหญ่น่าจะให้เวลาปันปรับตัวทำความเข้าใจกับสถานการณ์สักหน่อย ไม่ใช่เอาแต่บอกว่าให้ไปอยู่กับใคร อย่างน้อยให้เวลาปันทำใจสักคืนก่อนก็ยังดี นี่มันกะทันหันเกินไปสำหรับเด็กวัยรุ่น บูมก็นะ จะเปิดเผยความจริงก็ทำเร็วเกินไป แทนที่จะค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในชีวิตลูกทีละนิด ดันวางระเบิดกันเลยซะอย่างนั้น ส่วนปัน...หวังว่าจะสำนึกในความปากไว เลือดร้อน (ได้พ่อ) ของตัวเองนะ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 27-10-2017 18:34:53
จนมาถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันว่าจะเชียร์คู่พ่อลูกเหมือนเดิมค่ะ 55555 สงสารพ่อดลอ่า งื้อออ กลัวปันหลงกับความฟู่ฟ่าละลืทบ้านหลังเล็กๆ ของพ่อ โง้ย รอต่อนะคะ อยากรู้มาก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 27-10-2017 19:31:55
ฮื้อ สงสารดล  :z3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: kindBB ที่ 27-10-2017 19:43:56
อ่านยังไงๆก็ไม่ชอบคู่ปันโดเลย ดลเหมือนถูกทิ้ง รออ่านอยู่นะสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-10-2017 20:20:17
ขออนุญาติเกียจปัญได้ไหม...คือแบบเข้าใจนะว่าอยู่ในอารมณ์น้อยใจ แต่สิ่งที่ปัญทำกับดลมันเกินทน ป่านนี้ไม่ใช่ว่าน้ำตาตกในตายไปแล้วเหรอ เรื่องแรกคือเมียที่รักสวมเขาให้แบบไม่รู้ตัว คิดดูว่าผู้ชายคนนึงต้องพยายามขนาดไหนที่จะประคองครอบครัวเล็กๆมาโดยไม่มีความพร้อมใด แต่วันนึงความรักความเชื่อใจมาถูกทำลายเพราะมารู้ว่าลูกที่ฟูมฟักรักมานานไม่ใช่ลูกตัวเอง เผลอลงมือทำร้ายลูกมือมือว่าเจ็บแล้วมาเจอวาจาเชือดเฉือนที่ลูกมันทิ้งไว้นี่สิยิ่งเจ็บเสียกว่าจับมีดแทงกันเสียอีก  :katai1: :katai1: :katai1:  กับคนอื่นพูดดีทำดีแต่กับคนที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะกับทำร้ายกันอย่างเลือดเย็นนะปัญ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 27-10-2017 20:52:52
สงสารดลที่สุดในเรื่องอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-10-2017 21:46:29
โอ้ย.............มันช่างขัดใจจริงๆ  :serius2:
พูดกันไม่เข้าใจกันซะเลย
ปันพูดต่อว่าบูม
ดลก็ขัด ขัดเพราะลูกควรพูดกับพ่ออย่างมีมารยาท
จะเอามารยาทอะไรกันตอนนี้
ไอ้ที่จะพูดออกมาจากใจจริงๆเลยไม่ต้องพูดกัน
ขัดใจดลจริง จริ้ง  :z3: :z3: :z3:

คราวนี้ คงได้แต่คิดถึงกันไปสิ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-10-2017 23:07:42
ขอแบบไม่มีคู่เลยเถอะค่ะ สงสารพ่อดลจับใจ ไม่อยากให้เจออะไรทรมานใจแบบนี้แล้ว  :ling1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 27-10-2017 23:08:01
ฮืออออ สงสารดล
เราว่าดลพยายามให้ทุกอย่างออกมาดีแล้วนะ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ดลตั้งใจเลย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 28-10-2017 20:05:15
สงสารดล :hao5:  เรื่องมันจะเป็นไงต่อล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-10-2017 21:31:11
รู้สึกแย่กับบูมและผิดหวังกับปันมาก
ทำแบบนี้กับดลได้ไง
มีปัญหาทุกครั้งนี่ทำตัวแย่กับดลตลอด
ไม่คิดถึงใจดลบ้างเหรอ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 28-10-2017 22:25:38
สงสารพ่อดลมาก คงคิดว่าจะโดนลูกเกียจและทิ้งไปแน่เลย
การอยู่คนเดียวอาจจะทำให้ดลรู้สึกแย่เข้าไปอีก
อยากหาคนปลอบใจพ่อดล
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 28-10-2017 23:05:52
ดล โถๆๆ บทบาทอีเย็นชัดๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 28-10-2017 23:08:14
 :katai1:สงสารดล ปัญกับบูมคิดถึงแต่ตัวเอง  :z6:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 29-10-2017 13:19:05
สงสารดลสุดๆๆ
ช่างหัวปันมันไปเลยดล
รุ้ว่ารัก รุ้ว่าผูกพัน แต่แบบถ้าแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ
ไปมีครอบครัวของตัวเองจริงๆไปเลยดีกว่า
ปล่อยให้สองพ่อลูก แบบนั้นเค้าอยู่กันไป
โคตรเห็นแก่ตัวเลย
ยิ่งอีตัวพ่อนะ น่าตืบมาก
เป็นชู้ไม่พอรู้ว่าเปนลูกก็ทำมาอ้างโน่นนี่
แอบดูเเลหรอ ประสาท แม่งก็ห่วงแต่ตัวเองป่ะ
ให้อีลูกมันไปใช้ชีวิตหรูหร่ฟู่ฟ่ากะพ่อมันไป
ไม่ต้องทำมาเป็นเสียใจรุ้สึกผิดเลยปัน ไม่อิน...  :angry2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 29-10-2017 14:10:06
อ่านไปก็สงสารดลกับปัญไป ความจริงถ้าดลเลือกได้คงไม่อยากให้ปัญไปหรอก ปัญเองก็ไม่อยากไป หน่วงใจมากค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 14) P.8 [27/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 02-11-2017 16:42:39

บทที่ 15




ผมนอนไม่หลับมาเป็นอาทิตย์แล้วครับทุกคน…

จริงๆ มันเริ่มตั้งแต่ช่วงที่ผมรู้ว่าปันไม่ใช่ลูกผม ลากยาวมาจนถึงช่วงที่ผมกินเหล้าแบบมาราธอน แล้วก็พลั้งมือไปต่อยหน้าไอ้หมอนั่น คนที่เป็นพ่อที่แท้จริงของปันโผล่หน้ามา แล้วก็มาซัดผมคืน จากนั้นปันก็ไปอยู่กับไอ้หมอนั่น

อืม ให้ตายสิ เรื่องอีนุงตุงนังขนาดนี้ไปได้ยังไง แล้วอะไรคือการที่พวกเราสองคนยังทะเลาะกันอยู่แต่ต้องแยกไปอยู่กันแบบนี้

ไม่ไหว… ปวดหัว เครียด แดกเหล้าดีไหม แต่แค่คิดก็ปวดหัวขึ้นมาล่ะ ในเวลาแบบนี้ผมควรจะต้องทำยังไงดี

“ดล” เสียงเรียกดังขึ้นจากโต๊ะประธานทำให้ผมต้องรีบยันตัวลุกขึ้น ตรงดิ่งไปหาอีกฝ่ายจนได้

โยชิดะซังกำลังก้มลงอ่านรายงานสรุปที่ผมทำไว้นั่นเอง รู้สึกใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แฮะ หวังว่าคงจะไม่โดนด่า…

“เดือนที่แล้วทำเป้าดีเลยนี่ เดือนนี้ก็เอาให้ได้แบบนี้นะ”

อ้าว โดนชมซะงั้นแฮะ

“ขอบคุณครับ”

อีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมามองหน้าผมนิดหนึ่งก่อนจะพูดเสียงเรียบ “มีปัญหาอะไรอยู่รึเปล่า นพดล”

ผมชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม “เอ่อ ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ”

“คุณแน่ใจเหรอ”

“ครับ”

“พักนี้เหมือนคุณไม่ได้นอนเลยนะ”

ผมยิ้มฝืนๆ กลับไป “ก็… นอนไม่ค่อยหลับครับ แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ”

“เอาเถอะ อย่าให้เสียงานก็แล้วกัน”

ผมตอบรับพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ไปแล้วจึงเดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้ก้องโผล่หน้ามาที่โต๊ะเพื่อเอาเอกสารจากฝั่งเซลล์มาให้ เจ้าตัวโน้มหน้าลงถาม ถามเสียงเบาเพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของคนอื่นๆ

“ดลๆๆ ลูกสาวผมเขามาเล่าให้ฟังว่าวันก่อนมีดาราไปที่โรงเรียน”

“อ้อ งั้นเหรอครับ” ผมตอบกลับหน่ายๆ

“อื้อ บูม บดิศรไง เห็นมีคนลือกันว่าเขามาหาน้องปัน”

คนดังนี่นะ ขยับตัวนิดเดียวก็เป็นข่าวลือได้แล้วจริงๆ

“อ่าฮะ”

“ตกลงว่านั่นมันเรื่องอะไรเหรอครับ น้องปันได้เล่าให้ฟังรึเปล่า”

ผมพยักหน้ารับแกนๆ ตั้งท่าจะทำงานต่อโดยการหยิบเอกสารออกมากาง ซึ่งถือเป็นการไล่อีกฝ่ายอย่างสุภาพ

“เอาเป็นว่า… บูม บดิศรเป็นคนรู้จักของผมกับปันก็แล้วกัน โทดนะก้อง แต่ผมต้องทำงานต่อ เมื่อกี้เพิ่งโดนโยชิดะซังเร่งมา”

“อ้อ ครับๆๆ งั้นผมไม่กวนล่ะ” แล้วเจ้าตัวจึงเดินจากไปแต่โดยดี

ผมนั่งคิดเรื่องของปันกับบูมทั้งวัน คนหลังนี่เป็นคนมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศ ถึงเจ้าตัวจะดูพยายามปิดเรื่องของปันอยู่ตอนนี้ก็เถอะ แต่อีกไม่นานเรื่องคงจะแดงแน่ ไม่รู้ว่าเขามีแผนรับมือเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง และผมหวังว่าเขาคงจะเอามาปรึกษาผมก่อนจะทำอะไร เพื่อที่ว่าถ้ามีใครมาถามผมจะได้ตอบคำถามผู้คนเขาให้ถูก

ว่าแล้วก็… สงสัยต้องโทรไปนัดคุยกับพ่อดาราใหญ่นั่นอีกทีแล้วมั้ง จะได้ถือโอกาสไปเยี่ยมปันสักครั้งด้วย นี่ก็วันที่สองแล้วที่ปันไปนอนบ้านนั้น

…ผมคิดถึงมันจะแย่อยู่แล้ว



ผมแวะไปที่บ้านของบูมหลังเลิกงานในวันนั้นโดยการอาศัยจีพีเอสตามที่เจ้าตัวส่งโลเคชั่นมาให้ จะบอกว่าในชีวิตนี้ผมเองก็ไม่เคยได้ไปบ้านของดารามาก่อนเหมือนกัน แต่เดาว่าคงเหมือนในรายการทางโทรทัศน์ที่จะต้องมีอะไรยิ่งใหญ่ๆ อยู่ภายใน มีสระว่ายน้ำอยู่ในบ้าน มีสปากับฟิตเนสอยู่ในสโมสรของหมู่บ้าน แล้วไอ้สิ่งที่ผมคาดเดาไว้ก็ไม่ค่อยต่างจากของจริงเท่าไรหรอก แค่ของจริงเรียบหรูแล้วก็ดูมีรสนิยมมากกว่าแบบที่ผมคิดไว้หน่อยเท่านั้นเอง

“ไง” เจ้าของบ้านใจดีเดินลงมารับถึงหน้าประตูทันทีที่ผมจอดรถเสร็จ “อุตส่าห์แวะมาถึงนี่เลยนะ แล้วนี่มาทั้งๆ ที่ยังอยู่ในชุดทำงานเลยเนี่ยเหรอ”

“อืม ใช่” ผมตอบอย่างไม่ยี่หระ ไม่สนใจสายตาที่เหมือนไม่ชอบใจกับชุดพนักงานของผม “ปันกลับมาหรือยัง”

“มาหาลูกชายงั้นสิ เสียใจ วันนี้เขาขอกลับบ้านเย็น เห็นบอกจะไปเที่ยวกับเพื่อน… ก็เรื่องธรรมดาของเด็กวัยนี้น่ะนะ”

ให้ผมเดานะ มันคงไปเดทกับโดนัท เพราะถึงยังไงสองคนนั้นก็เพิ่งคบกัน แล้วอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าปันก็ต้องบินไปเมกาอยู่แล้ว เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันคงไม่มากเท่าไร

บูมเชิญผมให้เข้าไปในบ้าน บอกให้เด็กเตรียมน้ำเตรียมท่ามาให้ ดูจากสภาพบ้านอันใหญ่โตของอีกฝ่ายแล้วผมรู้สึกห่อเหี่ยวลงอย่างไรพิกล คือคิดในมุมของปันนะ ถ้าต้องเลือกระหว่างบ้านเดี่ยวเล็กๆ ที่เจ้าตัวอยู่ตอนนี้กับบ้านใหญ่โตมหึมาที่เต็มไปด้วยคนที่คอยอำนวยความสะดวกให้มากมายขนาดนี้ คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้วไหมว่าเขาอยากอยู่ที่ไหนมากกว่า

“บ้านสวยนะคุณ” ผมพูด พยายามให้มันฟังดูออกมาจากใจจริงที่สุด หวังว่าน้ำเสียงประชดประชันคงไม่หลุดออกไปนะ

“ขอบคุณ นี่ ฉันให้แม่บ้านเอาน้ำทับทิมมาให้ สูตรนี้อร่อยมาก ปันเองยังบอกว่าชอบเลย”

บูมกำลังทำให้ผมนึกถึงตัวเองที่เที่ยวเห่อลูกกับคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย แต่ผมกลัวว่าต่อไปผมจะเรียกปันว่าลูกไม่ได้อีกแล้วหรือเปล่า… แค่คิดแค่นั้นผมก็กลัวขึ้นมาจนตัวสั่นได้แล้ว ให้ตายสิ ผมมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นจริงๆ นะ

“อืม อร่อย” ผมว่าตามที่ใจคิด ผมกับปันมีรสนิยมการกินคล้ายๆ กันอยู่แล้ว ไม่แปลกใจเลย

“เออ นี่ เห็นปันบอกว่าวีซ่าเขาผ่านแล้วนะ เรื่องเตรียมตัวไปอเมริกาอะไรไม่ต้องกังวล แล้วฉันเองก็มีคนรู้จักอยู่ที่นั่นหลายคนเหมือนกัน ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรคงพอช่วยได้”

“อ้อ เหรอครับ เยี่ยมไปเลย”

“แล้วก็… ไหนๆ นายก็มาแล้ว ฉันว่าเรามาคุยเรื่องต่อจากนี้ให้มันรู้เรื่องรู้ราวไปเลยก็น่าจะดีเหมือนกัน”

“เราจะคุยกันเองสองคนโดยไม่สนใจปันเหรอครับ?” ผมว่านั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไร

“ก็ไม่เห็นเป็นไร เราคุยกันเองก่อน ได้ข้อสรุปแล้วค่อยให้ปันตัดสินใจอีกที”

ผมยักไหล่ จะเอายังไงก็เอาเถอะ ยังไงสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับปันอยู่แล้ว ขอแค่ไอ้หมอนี่ไม่ได้บังคับขืนใจลูกผมเป็นพอ

“ผมว่าจะให้ปันเรียนต่อที่อเมริกาไปเลยช่วงมหาลัย”

เดี๋ยวนะ เรื่องนี้ไม่อยู่ในข้อตกลงนี่

“หมายความว่ายังไง”

“ผมลองคุยกับเขา… เลียบๆ เคียงๆ ถามดูแล้ว เจ้าตัวก็บอกว่าสนใจ เขาอยากเรียนป. ตรีที่เมืองนอกอยู่แล้ว และผมว่านี่ก็เป็นโอกาสดี ไหนๆ เขาก็จะไปแลกเปลี่ยนช่วงม. 6 ก็ให้เขาหาที่เรียนต่อยาวๆ ไปเลย”

ผมอึกอัก คาดไม่ถึงว่าหมอนี่จะเสนอไอเดียนี้ ลำพังแค่ไอ้ปันจะไปเมกาแค่สิบเดือน ใจผมก็โหวงๆ แล้ว นี่จะให้ไปเพิ่มอีกตั้ง… 4 ปีเนี่ยนะ? ผมจะทนไหวเหรอ อีกอย่างเมกาก็ไม่ได้ใกล้ๆ เหมือนเดินทางไปกรุงเทพ - เชียงใหม่นะโว้ย (ถึงนั่นจะไม่ได้ใกล้ก็เถอะ แต่ก็ใกล้กว่าอเมริกาแน่ล่ะ)

“แต่… แต่ปันเองก็ยังไม่รู้ไม่ใช่เหรอว่าเขาจะไปเรียนที่นั่นแน่รึเปล่า อีกอย่าง ถ้าเขาหาทุนไม่ได้…”

“ผมส่งเขาเรียนได้ ขอแค่ให้เขาอยากเรียนเถอะ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา”

โว้ย แม่งเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันว่าสักวันจะพูดกับลูกชายมากเลย ถึงทุกวันนี้พยายามจะพูดก็เถอะ แต่ทั้งผมกับปันก็รู้ดีว่ามันเป็นปัจจัยสำคัญของบ้านเราเลยล่ะที่จะทำอะไรต้องรอบคอบ

“แต่… แต่เขาอยากจะไปอยู่ตั้ง 4-5 ปีแน่เหรอครับ ลองให้เขาไปแลกเปลี่ยนสักปีก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้มั้ง”

“อืม ก็นั่นสินะ” บูมพยักหน้ารับเหมือนเห็นด้วย “แต่ถึงยังไงเรื่องแบบนี้มันก็ควรจะเตรียมตัวกันก่อนล่วงหน้านะ เพราะถ้าถึงเวลาจริงๆ แล้วเขาเกิดอยากอยู่ต่อขึ้นมา เตรียมตัวกระชั้นชิดมันก็ลำบาก สู้ค่อยๆ ให้เขาลองหาดูไปน่าจะดีกว่า แต่นายไม่คิดว่าให้ปันไปเรียนต่อเมืองนอกดีกว่าเหรอ กลับมายังไงก็มีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ แล้วถ้าเจ้าตัวใฝ่ฝันอยากไปเมกาอยู่แล้วก็น่าจะไม่ลำบากอะไร”

“อึก…” ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาหรอกนะ แต่… ถ้าต้องห่างไอ้ปันนานขนาดนั้น… สาด แล้วอเมริกามันไม่ใช่ใกล้ๆ เลยนะโว้ย!

“อะไร นี่อย่าบอกนะกลัวคิดถึงลูก” เหมือนไอ้ดารานี่จะเข้าใจอะไรขึ้นมากะทันหัน “โธ่เอ๊ย คิดมากไปได้นาย แค่อเมริกาเอง บินไปหาแป๊บเดียวก็ถึง”

สัส ก็เอ็งมีเงินเยอะไง เอ็งก็พูดได้สิฟะ นี่ผมต้องเก็บเงินกี่ปีถึงจะได้ไป หือ?

“อ้อ… เอ่อ ส่วนเรื่องเงินค่าตั๋ว ถ้านายอยากให้ฉันช่วยออก…”

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ ผมมีเงิน” ผมพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ ไม่ต้องการเงินของไอ้หมอนี่หรอก หรือแม้แต่ความเห็นอกเห็นใจแม้แต่นิดก็ไม่อยากได้

มาคิดดูอีกที… ก็เพราะไอ้บ้านี่แหละที่ทำให้ทุกอย่างในชีวิตผมพัง ผมควรจะเกลียดเขาจับใจเลยด้วยซ้ำ ลองคิดดูนะ ไอ้บ้านี่นอนกับแฟนผมจนท้อง พอมิ้นต์ท้อง ผมก็ต้องแต่งงานเพื่อรับผิดชอบลูกในท้อง ถูกมะ แล้วพอมิ้นต์เสียก็เป็นหน้าที่ผมที่ต้องคอยดูแลปันมาตลอด แล้วยังไง หมอนี่ทำอะไรบ้างนอกจากส่งเศาเงินเล็กๆ น้อยๆ มาให้ แต่พอถึงเวลา ไอ้บ้านี่กลับจะชุบมือเปิบเอาลูกชายที่ผมอุ้มชูมาแต่เด็กไปง่ายๆ แบบนี้เรอะ

เหอะ… ถ้าไม่มีข้อเท็จจริงที่ว่าปันเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของผมล่ะก็… ถ้าไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ว่าถ้าไม่มีเขาก็คงไม่มีปันในวันนี้… ผมคงสาปแช่ง ก่นด่า แล้วก็หาทางป่าวประกาศให้โลกรู้ไปแล้วว่าไอ้หมอนี่เลวแค่ไหน แต่เพราะเห็นแก่ปันเถอะ เห็นแก่ความสุขสบายในอนาคตที่โลกผมจะได้แล้ว… ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมลงให้เขา

“เฮ้ ดล แล้วแผลที่หน้านายเป็นยังไงบ้าง”

ผมหันขวับไปมองคนถามตาเขียว แม่งเอ๊ย ยังมีหน้ามาถามนะ ก็ตัวเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนทำน่ะ

“หายดีแล้วครับ ขอบคุณ”

“แน่ใจเหรอว่าหายแล้ว”

ผมสะดุ้งตัวทันทีเมื่อคนที่ควรจะนั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวลุกมาเอื้อมมือแตะลงบนแก้มผมบริเวณที่เจ้าตัวต่อยลงไปเต็มแรงเมื่อไม่กี่วันก่อน มาตอนนี้ละทำเป็นเห็นอกเห็นใจ โธ่เอ๊ย ที่ตอนเหวี่ยงหมัดลงมาล่ะไม่คิด

“ผมไม่เป็นไร” ผมปัดแขนเขาออกพร้อมกับพูดเสียงขุ่น เกลียดจริงๆ เลยพวกตบหัวแล้วลูบหลังเนี่ย

บูมยอมถอยไปพร้อมกับยักไหล่ทีหนึ่ง เหมือนมีร่องรอยสำนึกผิดพาดผ่านเข้ามาในแววตานั่น แต่ผมอาจจะแค่คิดไปเองก็ได้ คนใหญ่คนโตอย่างหมอนี่จะสนไปทำไมว่าทำอะไรกับใครเขาไว้บ้างน่ะ

“นี่… ฉันรู้ว่ามันฟังเหมือนฉันแก้ตัว แต่ตอนนั้นฉันโกรธมากจริงๆ ที่รู้เรื่องที่ปันโดนคนต่อยน่ะ”

“ผมเข้าใจครับ” ลองให้ผมได้ยินว่าปันโดนต่อยมาบ้างสิ ผมคงอยากไปเอาเลือดออกจากหัวไอ้คนนั้นอยู่เหมือนกันนั่นแหละ

“งั้น… นายยกโทษให้ฉันใช่ไหม”

ผมขมวดคิ้ว มองหน้าเขาราวกับเจ้าตัวเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต “คุณสนใจเรื่องพวกนั้นด้วยเหรอ?”

“สนใจสิ นี่ ตอนที่ฉันบอกว่าขอโทษน่ะ ฉันสำนึกผิดจริงๆ นะ”

“ดีใจที่ได้รู้ครับ แต่โทษที ผมไม่ยกโทษให้หรอก และผมไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องที่คุณต่อยผมนะ แต่ผมหมายถึงเรื่องที่คุณแอบไปนอนกับมิ้นต์… ผมไม่มีวันยกโทษให้คุณหรือว่ามิ้นต์แน่ จำเรื่องนั้นไว้ให้ดีแล้วกัน”

“มิ้นต์ไม่ผิดนะ…” เจ้าตัวว่าเสียงอ่อย คราวนี้มาไม้ไหนอีกล่ะ

“ทำไม คุณข่มขืนหล่อนรึไง”

“เฮ้ย! บ้าเหรอ เราเต็มใจกันทั้งสองฝ่ายนะ แต่… ฉันหมายถึง สุดท้ายแล้วมิ้นต์ก็กลับไปหานาย… สุดท้ายแล้วมิ้นต์ก็เลือกนายนี่ แค่เขาพลาดไปนิดหน่อย ไม่เห็นต้องแค้นกันขนาดนั้น อีกอย่าง… ยังไงมิ้นต์ก็ไม่อยู่แล้วด้วย”

ผมเบื่อที่จะฟังเรื่องในอดีตเต็มทน ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกแค้นใจกับความโง่เขลาของตัวเอง ผมเลยเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาไถหน้าจอ ทำทีเป็นมีธุระอย่างอื่นต้องทำ เพราะแบบนั้นแหละบูมถึงยอมเงียบลงไปได้ แต่อีกครู่ต่อมาเจ้าตัวก็เปิดปากขึ้นมาอีก

“งั้น… ตกลงเรื่องปัน ที่เขาจะไปเมกาน่ะ ตกลงนะ?”

“เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับปัน” ผมตอบเรียบๆ

“งั้นก็ตามนั้น ส่วน… เอ่อ เรื่องที่ฉันบอกว่าจะจ้างทนายมาเพื่อขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเขา…” ถึงตรงนี้ผมยอมละหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ มองหน้าคนพูดตรงๆ “ฉันว่าฉันจะยกเลิกเรื่องนั้น คือ ฉันว่าเราตกลงกันเรื่องนี้ได้ ถูกไหม”

“ครับ” ผมหลุบตาต่ำลง ใจจริงน่ะไม่นึกอยากให้ปันมาอยู่กับผู้ชายคนนี้ก็จริง แต่ต่อให้ขึ้นศาล ผมว่าผมก็มีสิทธิ์ชนะยากอยู่ดี เขาเป็นทั้งพ่อจริงๆ ของปัน และฐานะการเงินแล้วก็อะไรอีกหลายๆ อย่างเหนือกว่า เพราะงั้นสู้เราประณีประนอมกันแบบนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

“นี่ อย่าทำหน้าเหมือนฉันกำลังรังแกนายแบบนั้นสิ นี่ฉันพยายามมาเจอกันครึ่งทางกับนายแล้วนะ”

ผมยิ้มเหยียดให้เขาอย่างรู้ทัน “เหรอครับ นี่คุณทำเพื่อผมเหรอเนี่ย ผมนึกว่าคุณทำเพราะชื่อเสียงกับหน้าตาในสังคมของคุณซะอีก บูม”

ชายหนุ่มเสหน้าหนีไปทางอื่น และผมรู้ว่ามันจี้ใจดำเขา จนแล้วจนรอดการบอกให้สังคมหรือคนอื่นๆ รับรู้ว่าปัญญาเป็นลูกชายที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไปอยู่ดี แต่ผมไม่โทษเขาหรอก ตรงกันข้าม ถ้าเกิดเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปแล้ว ลูกผมอาจจะลำบากก็ได้ สู้ให้มันเป็นเรื่องเงียบๆ เฉพาะพวกเราแบบนี้ก็ดีมากพอแล้ว

เอ๊ะ… แต่เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่า…

“อย่าบอกนะว่าที่คุณอยากให้ปันไปอเมริกานานๆ เพราะจะได้ปิดข่าวเรื่องนี้”

เขาหลบตาผมวูบ จากนั้นก็หันกลับมามองหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมโกรธจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

สุดท้ายไอ้บ้านี่ก็เห็นแต่กับชื่อเสียงแล้วก็ความสบายของตัวเอง…

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” เจ้าตัวรีบพูด “ฉันก็แค่เห็นว่าทำแบบนั้น ยังไงก็วินวินทั้งสองทาง ปันเองก็ได้เรียนที่ที่เขาอยากเรียน ส่วนเรื่องข่าวที่ปันเป็นลูกฉันก็จะได้ไม่แตกด้วย อีกอย่าง… นายไม่เห็นด้วยเหรอว่าถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นมา คนที่จะลำบากไม่ได้มีแค่ฉัน แต่รวมไปถึงปันด้วยนะ”

“คนเรานี่มันเห็นแก่ได้จริงนะ” ผมพูดเสียงเหยียดเต็มที่ แม่ง พอเห็นว่าผมลงให้หน่อยก็เอาซะเต็มที่เลยนะ และคนที่เจ็บใจ เสียใจ… มีแต่เสียกับเสียในเรื่องนี้คือใคร ผมก็เห็นอยู่ชัดเจนว่าเป็นผม

“ดล ฉันขอโทษ” ถ้าไม่ใช่เพราะท่าทางและน้ำเสียงจริงใจนั่น ผมสาบานว่าผมคงลุกขึ้นไปซัดหน้าเขาแล้ว “แต่ฉันลองคิดดูหลายๆ ทางแล้วนี่เป็นทางที่ดีที่สุดของพวกเราทุกคน”

ผมสะบัดหน้าหนี ตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังหรูหราที่น่าจะราคาพอๆ กับคอมพิวเตอร์สักเครื่อง

“ทำไมปันยังไม่กลับมาอีก”

“นายจะลองโทรตามไหมล่ะ”

“แล้วนี่คิดจะให้ปันอยู่นี่ไปถึงเมื่อไหร่”

“ก็จนกว่าเขาจะไม่อยากอยู่”

ผมหันไปมองคนพูดตาวาว ถ้าแม่งพูดอะไรขัดหูอีกนิดเดียวผมเปิดสงครามแน่ เอากับมันสิ นี่เพราะผมยอมอ่อนข้อให้ใช่ไหมถึงได้ทำอะไรเอาแต่ได้แบบนี้

“เออ โอเคๆ เข้าใจแล้ว งั้นอย่างน้อยขอให้เขาอยู่กับฉันจนถึงสัปดาห์หน้าได้ไหม ยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากคุยกับเขา”

“คุณบูมคะ” บทสนทนาของพวกเราขาดห้วงลงเมื่อมีหญิงสาวแม่บ้านคนหนึ่งก้าวเข้ามา “คุณปันกลับมาแล้วค่ะ”

นั่นแหละ ความขัดแย้งของพวกเราถึงได้ยุติลงชั่วคราว ปันก้าวเข้ามาในห้องรับแขก ชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นผม และนั่นทำให้ผมจำได้ว่าก่อนจะแยกกันเรายังบาดหมางกันอยู่ ไอ้ตัวแสบยกมือไหว้ผมกับบูมอย่างรู้งาน บูมเดินไปโอบบ่าเจ้าตัวพร้อมกับบอกให้ปันนั่งลงข้างๆ ผม

“เอ่อ พ่อ แผลเป็นไงบ้างครับ” ถามเหมือนไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี

“หืม ก็ดีขึ้นเยอะแล้วนะ” ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน

“งั้นเหรอครับ”

“แล้วนี่ดลจะอยู่กินข้าวกับเราไหม” บูมหันมาถาม ผมเหลือบมองปันที่ก้มหน้าลงต่ำนิดหนึ่ง เหมือนยังกระอักกระอ่วนกับผมอยู่ ผมเองก็อยากปรับความเข้าใจกับปันนะ แต่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไงที่ไหน แล้วยิ่งมาอยู่ในบ้านที่ใหญ่โตแต่ไม่คุ้นชินแบบนี้…

“ผมว่าเดี๋ยวผมคงขอตัวเลยดีกว่า” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน ปันกับบูมเลยลุกขึ้น ผมหันไปมองหน้าลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเอง “งั้นพ่อกลับก่อนนะ ปัน อาทิตย์นะลูกค่อยกลับมาบ้านเรานะลูก โอเคไหม”

“...ครับพ่อ”

อย่างน้อยเขาก็ยังเรียกผมว่าพ่อล่ะวะ!

ปันกับบูมมาส่งผมที่รถ แต่คนหลังเดินมาประชิดตัวก่อนที่ผมจะก้าวเข้าไปในที่นั่งคนขับ

“ผมอยากตกลงเรื่องที่ให้ปันมาอยู่กับผมทีหลัง”

“ว่าไงนะ” ผมขมวดคิ้วมุ่น

“ก็แบบ สมมติว่าเขาอยู่กับคุณจันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์อะไรงี้ แล้ววันที่เหลือก็มาค้างกับผม”

“นี่คุณคิดว่าเราเป็นอะไรกัน สามีภรรยาที่หย่าร้างกันเลยต้องได้สิทธิ์เลี้ยงดูกันคนละครึ่งหรือยังไง”

“เฮ้ อย่าโวยวายสินาย ปันหันมามองแล้ว” เขาว่าพร้อมกับดันผมเข้าไปในรถ ไอ้… “แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลัง ลองเก็บไปคิดดูแล้วกัน”

เหอะ หมอนี่นี่ชักจะได้ใจใหญ่แล้วนะ แต่เดาได้เลยว่าถ้าผมไม่ยอมให้ปันมาค้างที่นี่บ้าง ไอ้บูมต้องเรียกทนายมาจัดการเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูตามที่เขาเคยขู่แน่ ถึงตอนนั้นคงเป็นเรื่องใหญ่โตอีก เอาไว้ผมจะลองหาทางคิดเรื่องนี้ดูก็แล้วกัน





ปัญญาก้าวเท้าลงมาจากบันไดอย่างเงียบเชียบ เสียงแผ่วๆ จากโทรทัศน์และแสงจากไฟ LED ที่ฉายภาพยนตร์แอคชั่นเรื่องหนึ่งที่เจ้าของบ้านกำลังนั่งเอกเขนกดูอยู่บนโซฟา บูมสังเกตเห็นร่างของลูกชายที่อยู่ในชุดเตรียมนอนแล้วกำลังเดินมาหาเขา เจ้าตัวเลยเขยิบให้อีกฝ่ายเข้ามานั่งข้างๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้ทันที

“ว่าไงปัน นอนไม่หลับเหรอลูก หรือว่ามีเรื่องอะไร”

“เปล่าครับ ผมแค่อยากคุยกับพ่อน่ะ”

ชายหนุ่มกดปุ่มพอสหนังที่กำลังเล่นอยู่ทันที “ว่าไงหืม คนเก่ง มีเรื่องอะไรเหรอ”

“คือ… ผมอยากให้พ่อเล่าเรื่องแม่ให้ฟัง”

อีกฝ่ายเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ บูมวางมือลงบนบ่าของปันก่อนจะกลอกตาขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงครุ่นคิด

“อืม… ปันอยากฟังเรื่องแบบไหนล่ะ ไม่ใช่ว่าพ่อดลของปันเคยเล่าให้ฟังหมดแล้วเหรอ”

“ก็ ส่วนใหญ่พ่อก็เคยเล่าให้ฟังแล้วแหละครับ แต่ผมหมายถึง… คือ ผมไม่อยากมองแม่เป็นผู้หญิงไม่ดีหรอกนะ เพียงแต่… ผมไม่นึกมาก่อนว่าแม่จะ เอ่อ…”

“อ่า” บูมครางในลำคอเป็นเชิงเข้าใจ นั่นสินะ เท่าที่เขาคอยตามดูปันมาก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นนักเรียนประเภททำอะไรในกรอบมากกว่าจะทำตัวมุทะลุเหมือนอย่างเขาหรืออย่างนพดลสมัยเรียน เด็กหนุ่มคงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ “ฟังนะ ปัน แม่ของลูกน่ะเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก มิ้นต์น่ะ หล่อนเป็นคนอ่อนโยนแล้วก็ใจดี พูดจาน่ารัก แถมยังคอยเอาใจใส่คนรอบข้างเสมอ เรียกได้ว่าไม่มีใครเพอร์เฟคต์ไปกว่านั้นอีกแล้ว”

“พ่อรักแม่ใช่ไหมครับ”

บูมกระชับบ่าของลูกชายในอ้อมแขนขึ้นนิดหนึ่ง “รักสิ”

“แล้ว… พ่อบูมคิดว่า แม่… รักใครเหรอครับ ระหว่างพ่อบูมกับพ่อดล”

อื้อหือ… โดนถามมาแบบนี้ เขาจะตอบกลับยังไงดีล่ะเนี่ย





---------------------------------------------

Talk: เอามาลงไว้ก่อนค่ะ ไม่แน่ใจว่า ศ ส อา นี้จะมีเวลามาลงไหม >__<;; ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 02-11-2017 17:48:00
ยิ่งอ่าน ยิ่งไม่ชอบพ่อดารานั้นแฮะ ทำมาเป็นพูด   "แค่พลาดนิดหน่อย"  พูดมาได้น่าไม่อายจริงๆเลย   สงสารแต่ดลเนี่ยแหละ  หาแฟนใหม่ เก็บเกี่ยวสิ่งที่พลาดไปยังจะดีกว่าอีก  :ling1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 02-11-2017 18:02:51
ยังคงเกลียดบูมและไม่อินกับคู่โดนัทปัญค่ะ บูมนี่เห็นแก่ตัวแบบน่ารังเกียจจริงๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรังเกียจแล้วก็หมั่นไส้ ว่ามันจะเอาเปรียบดลไปถึงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่จะเลิกเห็นแก่ตัวแล้วก็รู้สึกผิดจริงๆสักที แหม่ะ ได้สิลองเมียแกมีชู้แล้วลูกที่เลี้ยงมาไม่ใช่ลูกแกบ้างจะเป็นยังไง ยังจะมาห่วงหน้าตาตัวเองอีก เหอะ

ปล.ถ้าคำแรงไปขอโทษด้วยนะคะ อิน 55555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-11-2017 18:22:43
ชักไม่แน่ใจว่าปันรักพ่อดลจริงหรือเปล่า ถ้ารักแล้วทำไมไม่ทำอะไรเลย หรือเพราะเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่ลูกแท้ ๆ
ตอนนี้สัมผัสความเป็นห่วงของปันที่มีกับพ่อดลไม่ได้จริง ๆ
ตอนออกจากบ้านมาก็เห็นอยู่ว่าพ่อถูกทำร้าย ผ่านไปหนึ่งวันก็ดูไม่ไยดีนะ
เจอกันถามแค่แผลเป็นไงบ้าง ฮ่วย อยากจะพ่นไฟ
สงสารดลที่สุดแล้ว เพราะดูท่าดลน่ะรักปันกว่าใคร เลี้ยงมาเอง รักลูก(กาเหว่าตัวนี้)มาก แล้วดูสิ่งที่ได้รับสิ
อย่างบูมนี่ก็ไม่โอเค ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดเอาแต่ปกป้องเมีย(คนอื่น) ใครว่าไม่ได้เลย
แหม (อยากจะแหมไปถึงดวงอาทิตย์) ก็ถ้านางเป็นคนดีเลิศเลอลอยฟ้าขนาดนั้นแล้วมันจะมีผลผลิตหน้าตาไม่เหมือนสามีตามนิตินัยโผล่มาไหมล่ะ หึ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-11-2017 18:24:34
ปวดใจแทนดล
ถ้าดลควบคุมอารมณ์ได้ คงไม่เป็นแบบนี้
เหมือนดล สุดโต่งนะ ทั้งด้านอารมณ์ การเลี้ยงดู

ไม่ใช่ทั้งดลทั้งบูม ประนีประนอมกัน ขัดกัน
ใกล้ชิดกัน กลายมาเป็นบูม ชอบดล นะ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 02-11-2017 19:04:10
เป็นเรื่องจริงที่คาราคาซัง หาข้อสรุปไม่ได้ของปัน รักนะเป็นกำลังใจให้พ่อดล ต้องอยู่ห่างๆ แบบห่วงๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bmine ที่ 02-11-2017 19:16:33
เกลียดทั้งมิ้นต์ บูม และปันค่ะ ควรอยู่ด้วยกันแค่3คนมากๆ ดลไม่น่าซวยมาเจอครอบครัวนี้เลยจริงๆ  :z3: อินมากกก และเกลียดมิ้นต์ที่สุดแล้ว อ่อนโยน....จ้าาาา อ่อนมาก อ่อนระทวยให้เขาไปทั่วเลยจริงๆ โอ๊ยยย ปรี๊ดค่าาา ส่วนบูมนี่เกินบรรยาย จะเอาทุกอย่างแต่ไม่ยอมเสียซักอย่าง สัน...จริงๆ กรี๊ดดด แค้นแทนดลล
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-11-2017 19:23:52
สงสารพ่อดลจังค่ะorz เกลียดบูมอะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-11-2017 19:37:06
โอโห ทำไมเรายิ่งอ่านยิ่งไม่ชอบทั้งบูมและปันเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-11-2017 20:25:56
 :เฮ้อ:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 02-11-2017 20:34:39
สงสารดล มีแต่พวกเห็นแก่ตัว
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: PaePT ที่ 02-11-2017 20:43:57
คือพออ่านตอนล่าสุดนี้มันดูคลี่คลายไปหมดเลย เหมือนคนละอารมณ์กับตอนก่อนๆหน้า ส่วนตัวก็ยังไม่ชอบ ปัน กับ บูม อยู่ดี

หวังว่าจะได้อ่านตอนที่ ดล กับ ปัน เคลียร์กันซะที
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 02-11-2017 20:51:19
คือแบบยังไงก็ไม่ชอบบูม แม่งเอ้ย
คือไหนความชัดเจน สงสารดล
บูมเป็นพระเแกก็ไม่อินนะ ขอคนมาจีบดลด่วนนนนน
สงสารดล ทำไมมิ้นต์ทำแบบนี้ เกลียดบูมมาก
ร้องไห้ตามเลยสงสาร  :ling1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 02-11-2017 22:07:32
นั่นสิ...มิ้นท์รักใครระหว่าบูมหรือดล  แต่เรื่องนี้ไม่ว่าจะผลออกมายังไงดลก็เจ็บสุด ถ้ารักทำไมนอกใจ ถ้าไม่รักคือแค่หลอกใช้กันเท่านั้นเหรอ  งื้ออออ...สงสารดลส่งคนมาปลอบใจดลทีค่ะ ไม่ไหวละ...สงสารดลดูเหมือนคนตัวคนเดียว
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 02-11-2017 22:19:53
บ้าบอมาก บูมยังคงเป็นคนเห็นแก่ตัว ทั้งอดีตและปัจจุบัน
คือแบบ ห่วงหน้าตาตัวเอง ไม่ไหวอ่ะ
ดลน่าสงสารสุดๆเลย
เมียก็ร้าย นอกใจ ยังไงมันก็ไม่ดีป่ะ
มาทำเป็นพูดว่าเป็นคนดีอย่างงั้นอย่างงี้ อ่อนโยน ประสาทป่ะ
ตรรกะอีบูม ป่วยมากกก ใครเป็นดล ก็แค้นทั้งนั้น
ส่วนปัน ลำไยมาก ไปอยุ่กะพ่อแท้ๆ ของแกไป
ขอให้ดล หลุดจากเรืาองนี้ไวๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 02-11-2017 22:46:00
สงสารดล อยากให้ออกๆมาเลย
แต่ก็ทำไม่ได้อ่ะ

ทำไมปันไม่ทำอะไรเลย พูดขอโทษดิ
ต้องรอให้ดลเปิดหรอ รออะรายยย
หงุดหงิดๆ อินมากไปหน่อย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-11-2017 22:54:42
5555 คนอ่านอินเว่อร์ เราก็อิน ถึงขั้นพาลเหม็นขี้หน้าไปโดนัทเลยอันเนื่องมาจากปัญที่ไม่คิดถึงจิตใจพ่อที่เลี้ยงดูมาเท่าไร (หรือตอนต่อๆไปอาจจะมีจุดเปลี่ยนต้องรอดู)

ไม่เกลียดบูมกะปัญเท่านางมิ้นท์

อย่าเอาความใจดีอ่อนหวานดูแลคนอื่นดีมากลบเลย ตราบใดที่ไม่โดนข่มขืน การยอมนอนกับชายอื่นทั้งที่มีสามีแล้วก็ร่านเงียบทั้งนั้น ยิ่งแอ๊บเเสนดียิ่งหมั่นไส้ กร๊ากกก อ้าขามีเพศสัมพันธ์นะ ไม่ใช่เผลอเหยียบเท้ากัน มันจะได้เผลอกันได้ง่ายๆ แก้ตัวให้นางยังไงก็ฟังไม่ขึ้นลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-11-2017 22:26:15
สงสารดลมาก ทุกสิ่งพังทลาย เหมือนเหลืออยู่ตัวคนเดียว
ปัญน่าจะรู้ใจพอดลบ้างนะอยู่กัน 2 คน มาตั้งนานน่าจะรู้ว่าพ่อรักและทำเพื่อตัวเองขนาดไหน
ก็ยังจะมาทำประชัดประชัญใส่พ่ออีก ยิ่งทำให้พ่อเจ็บเข้าไปอีก ถ้ารักพ่อดลจริง ต้องทำอะไรเพื่อพ่อดลบ้าง
ไม่ใช่มานั่งคิดแต่ว่าพ่อไม่รัก ถ้าไม่รักจะเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโตได้ไง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 04-11-2017 14:30:52
ชื่อเรื่องเหมือนน่ารักๆตลกใสๆ
คุณหลอกดาว!!  แต่มันสนุกมากเลยค่ะ
สงสารดลที่สุดล่ะอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 04-11-2017 15:01:46
ในเรื่องนี่ชอบแค่ดลคนเดียว นอกนั้นจับมัดรวมกันเป็นขยะแห้งแล้วเผาทิ้งได้เลย  :m16:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 04-11-2017 18:36:16
เรื่องนี้ดลน่าสงสารที่สุด
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-11-2017 00:03:30
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-11-2017 13:49:17
อยากถามปันว่าอยากอยู่ตรงนั้นจริงๆเหรอ ถึงเขาจะเป็นพ่อจริงๆแต่เหมือนเลี้ยงด้วยเงินมากกว่า กับพ่ออีกคนที่ถึงไม่ใช่พ่อจริงๆแต่ก็เลี้ยงปันด้วยตัวเองมาตลอด ให้ทั้งความรักความอบอุ่น คิดดีๆนะปัน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 08-11-2017 20:19:23
เห็นใจดลจังค่ะ
น้องปันก็รักพ่อนะ แต่น้องยังเด็กอะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 09-11-2017 19:27:10
เกลี้ยดดด เกลียดไอ้คนเห็นแก่ตัว สุดท้ายก็ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น
แล้วจะประกาศตัวว่าเป็นพ่อเพื่อ?  ดวก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Soda.wine ที่ 10-11-2017 10:49:25
 :z13: มาต่อไวๆนะ กำลังมัน มีสิทธิ์ลุ้นคู่พ่อมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 15) P.9 [2/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 10-11-2017 19:04:21

บทที่ 16




“อืม… พูดยากจังแฮะ” ชายหนุ่มทำท่าคิดหนักหลังจากเจอคำถามน็อกเอ๊าท์เข้าไป “ถ้าถามพ่อ พ่อก็คิดว่ามิ้นต์รักพ่อนะ เพียงแต่เขาแคร์เรื่องอาชีพการงานของพ่อมากไปนิดนึง… อ้าว ทำไมมองพ่อแบบนั้นล่ะ ก็ลูกถามพ่อ พ่อก็ต้องตอบตามที่คิดสิ”

ปันลอบถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะว่าด้วยสีหน้าหม่นลง

“ผมน่ะนะ… เชื่อมาตลอดว่าพ่อกับแม่รักกันมาก เพราะขนาดแม่เสียไปแล้ว พ่อของผมก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนอื่นเลย แถมเวลาที่พ่อมองรูปแม่ สายตาของพ่อน่ะ อ่อนโยนมาก ตอนนั้นผมก็เลยคิดว่า… ดีจังเลยนะ ความรักที่มั่นคงแล้วก็ลึกซึ้งขนาดนั้น ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากให้พ่อมีใครใหม่เลย เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าพ่อมีแม่ในใจแค่คนเดียวจริงๆ มันทำให้ผมรู้สึกดีนะ เพราะถึงผมจะไม่มีแม่แล้ว แต่ผมก็มีพ่อที่รักผมแล้วก็รักแม่ที่จากไปแล้วขนาดนั้น… เหมือนมันเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบในรูปแบบหนึ่งเลยล่ะ”

“ปัน…” บูมถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก

“แต่… พอมารู้เรื่องทุกอย่างแบบนี้ ผมเลยนึกสงสัยขึ้นมาว่าตกลงแล้วแม่รักใครกันแน่ ถ้าเขารักพ่อดล แล้วทำไมแม่ต้องไปมีความสัมพันธ์กับพ่อบูมด้วย แต่ถ้าแม่รักพ่อบูม ทำไมถึงยอมแต่งงานกับพ่อดล”

“ปัน” ชายหนุ่มส่ายหน้า “ชีวิตจริงน่ะ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกนะลูก”

“เหรอครับ แล้วมันต้องยากขนาดไหน ยากขนาดที่เราไม่สามารถเลือกคนที่เรารักได้จริงๆ เพียงคนเดียวเหรอ ยากขนาดที่เราต้องทรยศคนรักของตัวเองเพื่อความสุขของตัวเองหรือใครอีกคนงั้นเหรอ”

“...” บูมพูดไม่ออกเลย และวินาทีนั้นเขาก็ตระหนักว่าความจริงเหล่านี้กำลังสร้างบาดแผลและทำลายความศรัทธาบางอย่างในตัวเด็กหนุ่มไป

“ผมคิดถึงแม่นะ ถึงผมจะไม่เคยเจอท่านเลยก็ตาม แล้วผมก็รักแม่ด้วย แต่ผมไม่เข้าใจว่า… ท่านทำให้พ่อเจ็บปวดขนาดนั้น…” น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาจากแก้มเขา ทำเอาบูมเลิ่กลั่กขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาไม่ได้เช็ดน้ำตาให้ใครมานานมากแล้ว นับตั้งแต่คบกับแฟนคนล่าสุดและให้เข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน จากนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่ปล่อยให้ใครเข้ามาในบ้านของตัวเองอีก นอกจากคนในครอบครัวและเพื่อนที่สนิทเท่านั้น

ชายหนุ่มตัดสินใจดึงกระดาษทิชชู่จากกล่องที่วางอยู่ชั้นวางข้างยื่นให้ปันแทน ปัญญารับมันมาถือแต่ไม่ได้เช็ดน้ำตาออก

“แม่… แม่ทำให้พ่อเจ็บปวดขนาดนั้น แล้ว… แล้วก็คงทำให้พ่อบูมเจ็บปวดด้วย มันไม่ยุติธรรมเลย ทั้งๆ ที่พ่อดลก็… รัก… รักแม่คนเดียว แล้ว… พ่อบูมก็บอกว่ารักแม่เหมือนกัน”

“ปัน อย่าร้องไห้เลยลูก” เขาโอบบ่าของเด็กหนุ่มที่ถึงแม้สูงแล้วก็ตัวโย่งขนาดไหนแต่ก็ไม่ได้มากไปกว่าขนาดตัวเขาลงมาปลอบ ลึกๆ ก็ดีใจที่ปันยอมแชร์ความรู้สึกลึกซึ้งแบบนี้กับเขา แต่อีกใจหนึ่งก็คือเขาไม่อยากเห็นลูกชายต้องเจ็บปวดกับอดีตที่ผ่านไปนานมากแล้วของพวกเขา

“ผม… ฮึก ผมจะทำยังไงดี พ่อ… พ่อดล พ่อต้องเกลียดผมแน่ๆ เพราะผมแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องลำบากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ ฮึก… ทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่ลูกเขาแท้ๆ แต่ผมก็ยังเป็นภาระเขา พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าเขาโดนที่บ้านด่าหนักมากตอนที่รู้ว่าพ่อทำแม่ท้อง แล้วพอผมคลอด เขาก็ต้องมาคอยดูแลผมอีก ผมมัน… ผมมัน…”

“ปัน ชู่ ไม่เอา ไม่คิดแบบนั้น หยุดร้องไห้เถอะนะ”

แต่เด็กหนุ่มส่ายหน้าระรัว ความรู้สึก พอมันทะลักออกมาแล้วก็ไม่มีอะไรหยุดได้ เขายกหลังมือปาดน้ำตาป้อยๆ ลืมทิชชู่ในมือไปสนิท

“ผมรู้แล้วว่าทำไมพ่อถึงต่อยผมคืนนั้น เพราะว่าผมไม่ใช่ลูกของเขา เขาคงโกรธผม… โกรธที่ผมทำลายอนาคตที่ควรจะไปได้ไกลกว่านี้ของเขา พ่อต้องเกลียดผมแน่ๆ ที่ผมทำทุกอย่างในชีวิตเขาพัง แล้วผมก็ไม่ใช่ลูกชายของเขาจริงๆ ”

ปัญญาระเบิดโฮออกมาลั่นอย่างไม่อาย บูมลูบเส้นผมสีดำสนิทของอีกฝ่ายเงียบๆ อย่างนึกสะท้อนในอก แค่เสียงสะอื้นเบาๆ ของลูกชายก็ทำเอาเขาปวดหนึบในใจไปหมดแล้ว

จากที่คอยติดตามดูปันมาตลอด บูมรู้ดีว่าอีกฝ่ายเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อให้ผู้ชายคนนั้นภูมิใจในตัวเอง แน่นอนว่าเขาก็ภูมิใจในตัวปันมากจากความพยายามทั้งหมดนั่นของเจ้าตัว และมันเป็นความรู้สึกที่เอิบอิ่มมาก เขาเชื่อว่านพดลเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเขาหรอก แล้วก็ไม่มีทางที่หมอนั่นจะเกลียดเด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขนเขาคนนี้ด้วย

“ใจเย็นๆ ก่อน ลูก ลองคิดดูดีๆ สิ ปันน่ะ เป็นของขวัญที่แสนวิเศษของพ่อกับแม่ แน่นอนว่าเราสองคนผูกพันกันทางสายเลือด แต่ความสัมพันธ์ของปันกับนพดลน่ะ มันเป็นความผูกพันที่พิเศษกว่านั้น”

“พิเศษกว่ายังไงครับ” เจ้าตัวหายใจฟืดฟาด ยังไม่คล้อยตามสิ่งที่คนข้างตัวพูดเท่าไรนัก

“มันพิเศษตรงช่วงเวลาที่เขากับลูกได้ใช้ร่วมกันมาด้วยกันยังไงล่ะ ยอมรับเถอะปัน พ่อรู้ดีว่าลูกผ่านอะไรด้วยกันกับเขามาเยอะ ช่วงเวลาสิบเจ็ดปีที่ลูกอยู่ด้วยกันมากับเขา มันไม่ใช่เรื่องโกหกนะลูก มันเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และคนที่อยู่กับลูกมานานขนาดนั้นในฐานะพ่อ… มันไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ ไม่มีใครมาแทนที่ได้ เชื่อพ่อเถอะปันว่าดลเขารักปันไม่ต่างจากที่พ่อรักลูก แถมยังผูกพันมากกว่าด้วยซ้ำเพราะเขาคอยดูแลปันมาตลอด”

“พ่อคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอครับ” เจ้าตัวถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น เลิกร้องไห้ไปแล้ว ตายังแดง ปลายจมูกยังแดงๆ อยู่บ้าง “พ่อบูมคิดว่า… พ่อจะไม่เกลียดผมจริงๆ เหรอ”

“ไม่มีทางหรอก” ก็ลองมันบอกว่าเกลียดดูสิ เขาจะไปซัดมันต่ออีกสักยกสองยก

“ผม… ผมควรจะเริ่มพูดกับพ่อว่ายังไงดี” เด็กหนุ่มอึกอัก “ผมทะเลาะกับพ่อก่อนมานี่ พ่อต้องโกรธผมแน่”

“เลิกคิดว่าเขาจะโกรธปันได้แล้วน่า เชื่อสิ ต่อให้โกรธยังไงเขาก็โกรธไม่จริงหรอก ไว้กลับไปอาทิตย์หน้าลองค่อยๆ ปรับความเข้าใจกับเขาดู โอเคนะลูก? ไม่ร้องไห้แล้วนะ”

ปันพยักหน้าเบาๆ ขณะยกทิชชู่ซับมือที่ชื้นไปด้วยน้ำตาแทน “ขอบคุณนะครับพ่อ แล้วก็ขอโทษที่รบกวนตอนดูหนัง”

“รบกวนอะไรกัน ไป นี่ก็ดึกมากแล้ว ขึ้นนอนกันดีกว่า พ่อก็ว่าจะไปนอนแล้วเหมือนกัน”

“พ่อบูม เอ่อ… ตอนนี้พ่อไม่ได้กำลังคบใครอยู่ใช่ไหมครับ” ปันถามขณะที่พวกเขากำลังเดินขึ้นบันไดบ้าน อีกฝ่ายพยักหน้าทีหนึ่ง

“อืม ใช่ครับ ตอนนี้พ่อโสด อยากใช้เวลากับตัวเองมากกว่าน่ะ แล้วปันล่ะลูก มีแฟนรึยัง หรือว่าคนที่แอบชอบ? ”

ถึงตรงนี้ ปัญญาก็อดนึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน คนคนนี้ตามสืบเรื่องเขามากพอสมควรแท้ๆ แต่กลับไม่เคยเห็นเรื่องแฮชแท็กในเฟซบุ๊คเรื่องเขากับโดนัทบ้างเลยหรือ? หรือว่าเห็นแล้วแต่ไม่ได้คิดอะไร?

แต่ช่างเถอะ เขามีบทเรียนจากคราวก่อนมาแล้ว เพราะงั้นเขาคงไม่บอกเรื่องรสนิยมทางเพศให้ชายคนนี้รู้… อย่างน้อยก็ไม่ใช่เร็วๆ นี้

“ก็… เรื่อยๆ ครับ แต่ผมจะไปแลกเปลี่ยนอีกไม่กี่เดือนอยู่แล้ว แถม… เท่าที่คุยกับพ่อมาก็ตั้งใจจะไปหามหาลัยเรียนต่อที่นู่นเลยด้วย เพราะงั้นคงยังไม่มีเร็วๆ นี้หรอกมั้งครับ”

ฉิบหาย! พูดโกหกออกไปแล้วก็นึกขึ้นมาได้… เขายังไม่ได้คุยกับโดนัทเรื่องที่ตั้งใจว่าจะไปต่อป. ตรีที่เมกาเลยนี่หว่า!

“นั่นสินะ ไว้ไปอยู่นู่นแล้วค่อยหาก็ยังไม่สาย งั้นก็หลับฝันดีนะลูก พ่อไปนอนล่ะ ราตรีสวัสดิ์ครับ”

“ระ… ราตรีสวัสดิ์ครับผม”

ตายๆ ๆ งานเข้าแล้วไหมล่ะไอ้ปัน แล้วนี่เขาจะบอกโดนัทเรื่องนี้ยังไงดีล่ะเนี่ย!?







ปัญญาชวนโดนัทให้มากินข้าวกับเขาที่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในละแวกที่พวกเขาอยู่ โดนัทเป็นคนที่ชอบกินของหวานมาก เพราะงั้นหลังจากเสร็จของคาวแล้ว เจ้าตัวจะต้องอ้อนให้เขาพาไปกินน้ำแข็งไสสัญชาติเกาหลีตบท้ายทุกที แต่เขาก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะเจ้าตัวก็เปลี่ยนวนไปหลายๆ รส ก็อร่อยดี แต่วันนี้เขารู้สึกรสชาติมันฝืดคอกว่าทุกครั้งชอบกล

"เออ นี่ โด" เขาพูดเกริ่นขณะที่รุ่นน้องของเขาละเลียดเกล็ดน้ำแข็งด้วยสีหน้าชื่นมื่นวันนี้เป็นวันเสาร์เวลาบ่ายกว่าๆ ทำให้ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมาก โดนัทใส่ชุดไปรเวทที่ทำให้เจ้าตัวดูเด็กขึ้นกว่าเดิมทั้งที่แค่หน้าอย่างเดียวก็ดูเด็กมากอยู่แล้ว และปันไม่สงสัยเลยถ้าคนอื่นๆ จะมองมาที่โต๊ะเขาเพราะคนตรงหน้านี้ นี่ยังไม่รวมตัวเขาเองที่ใส่เสื้อผ้าที่บูมเป็นคนเลือกซื้อมาให้กับมือ แล้วรสนิยมอย่างดาราใหญ่คนนั้นธรรมดาเสียที่ไหน เอาเป็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีแต่ของแบรนด์เนมที่รวมๆ กันแล้วคงพอค่าขนมเขาไปได้สามเดือน

"หืม? มีอะไรเหรอครับ พี่ปัน" นัยน์ตากลมโตเหลือบขึ้นมามองเขาพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ วันนี้โดนัทสวมรองเท้าที่ปันซื้อให้เมื่อวันเกิดที่ผ่านมา แน่นอนว่าเพื่อให้ปันดูแน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะมาเที่ยวกับอีกฝ่ายล่ะก็ เขาจะไม่ใส่มันพร่ำเพรื่อเด็ดขาด ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเยินหมด ของรักเขาเขาต้องถนอมดีๆ "ว่าแต่วันนี้พี่ปันแต่งตัวดีจังเลยนะฮะ นี่น้าบูมซื้อให้เหรอ"

ตั้งแต่วันที่เขารู้ความจริงเรื่องพ่อ เขาก็เล่าให้แค่คนตรงหน้ากับเบนซ์ฟังแค่สองคนเท่านั้น แถมยังกำชับไม่ให้บอกใครอีกด้วย เพราะถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปคงเสียหายกันหลายฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นปันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะปิดเรื่องนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน แต่ถ้าเป็นไปได้เขาก็ขอให้มันเป็นความลับแบบนี้ไปก่อน

"คือ... รู้ใช่ไหมว่าอีกแป๊บเดียวพี่ก็จะไปแลกเปลี่ยนแล้ว"

"รู้สิฮะ" พูดถึงตรงนี้เจ้าตัวก็เริ่มทำหน้าหงอยลงนิดหนึ่ง มือก็ยังตักของหวานตรงหน้าเข้าปากต่อ ปันชอบมองเวลาอีกฝ่ายเคี้ยวหงุบหงับในปากแบบนั้นมาก เห็นแล้วนึกถึงกระต่ายที่เคี้ยวอะไรในปากอย่างบอกไม่ถูก "ใจจริงน่ะผมไม่อยากให้พี่ไปเลย ตั้งปีหนึ่ง แต่ผมว่ามันก็เป็นโอกาสดีของพี่เหมือนกัน แต่พี่ต้องไม่ลืมสัญญานะว่าจะคอลคุยกับผมทุกวัน"

"เรื่องนั้นน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ เอ่อ" เด็กหนุ่มกลั้นหายใจเฮือกหนึ่ง "คือ พี่กำลังคิดว่าจะไปเรียนมหาลัยที่นั่นด้วย"

โดนัทเงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยบิงซูพรวดทันที ดวงตาที่ว่าโตอยู่แล้วของเด็กหนุ่มแทบจะถลนออกมานอกเบ้าจนปันนึกเสียวแทน แต่แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าแทนที่จะห่วงเรื่องนั้น เขาควรจะห่วงตัวเองต่อจากนี้ต่างหาก

"พี่ปัน... พี่คิดอะไรของพี่อยู่ แล้วนี่ทำไมถึงเพิ่งมาบอก"

แว้ก อยู่ๆ ก็รู้สึกบรรยากาศรอบตัวหนาวยะเยือกขึ้นมาชอบกลประมาณว่าบิงซูที่ละลายอยู่ก้นถ้วยแทบจะแข็งตัวขึ้นมาใหม่ได้

"เอ่อ คือ... พ่อๆ พี่เขาคุยกัน" เออ พอมีพ่อสองคนละต้องใช้พหูพจน์มาเรียกแบบนี้แล้วก็ตลกดี "เขาเห็นว่ามันเป็นโอกาสที่ดี พี่เองก็อยากไปเรียนพวกกราฟิกอยู่แล้วด้วย ที่นั่นน่าจะมีโอกาสแล้วก็ตัวเลือกมากกว่า"

"พี่ปันอยากไปเอง..." คำพูดนั้นทำเอาอารมณ์ขุ่นมัวของโดนัทเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองทันที "แล้วทำไมพี่ไม่บอกผมก่อนหน้านี้ล่ะครับ ตอนนั้นยังบอกว่าจะเข้าจุฬาอยู่เลย"

"คือ มันก็มีอะไรหลายอย่าง" ปัญญาพูดเสียงอ่อย และโดนัทก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องการเงิน ในเมื่อตอนนี้เจ้าตัวมีคนคอยสนับสนุนเรื่องนั้นเต็มที่แล้วก็ไม่มีอะไรต้องห่วง นอกจากเรื่องของเขาเท่านั้นเอง…

"แต่พี่ก็น่าจะแย้บๆ บอกผมก่อนบ้าง" พูดพลางเริ่มสับน้ำแข็งที่ป่นอยู่แล้วให้เละไปกว่าเดิม เห็นแบบนี้แล้วไม่ต้องบอก ปันก็รู้ว่าแฟนหนุ่มของเขากำลังอารมณ์ไม่ดี "ต่อให้ไม่มีเรื่องของน้าบูมมา... ยังไงถ้าพี่อยากเรียนที่นู่นพี่ก็หาทุนเรียนได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่นี่กลับอุบกันเงียบ"

"เอ่อ เปล่านะ โด พี่พูดจริงๆ คือตอนแรกพี่ก็ไม่ได้คิดว่าจะไปเรียนมหาลัยที่เมืองนอกหรอกเพราะมันแพง นี่มันแบบ ไปๆ มาๆ มันก็กลายเป็นแบบนั้น"

โดนัทไม่พูดอะไรตอบ เจ้าตัวตักบิงซูเข้าปากเงียบๆ หานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหม่นลงอย่างเห็ได้ชัด และแม้ทั้งคู่จะก้าวเท้าออกจากร้านแล้ว บรรยากาศมาคุที่ว่าก็ยังดำเนินต่อไป ปันเหลือบมองคนข้างตัวที่มีท่าทีหงอยลงแล้วรู้สึกผิดวูบขึ้นมา เขานี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ นั่นแหละที่คิดจะทำอะไรตามใจตัวเอง

"โด"

"...อะไรครับ"

อื้อหือ เสียงเย็นมาเชียว เสียวสันหลังวูบๆ เลย

"เราออกไปเดินข้างนอกตรงที่เป็นสวนกันไหม" ห้างนี้ตกแต่งสวนเอาด้านนอก ซึ่งเวลาแบบนี้คงไม่ค่อยมีคนเพราะแดดร้อนเปรี้ยง "อยู่แต่ในห้างชักเริ่มเบื่อล่ะ ออกไปสูดอากาศกัน"

ถามแล้วไม่รอคำตอบ ปัญญาเลื่อนมือไปกุมมือของรุ่นน้องพร้อมกับก้าวเท้านำไปอย่างรวดเร็ว โดนัทที่ถึงจะยังงอนอยู่ถึงกับหน้าแดงระเรื่อขึ้นมานิดหนึ่ง ก็แฟนของเขาคนนี้ ปกติแล้วไม่จับมือเขาในที่สาธารณะนี่นา

เมื่อทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่บริเวณที่ไม่มีคน และยังพอมีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่บ้าง ปันก็หันกลับไปมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจังที่เต็มไปด้วยความจริงใจที่ชวนให้คนมองใจเต้นรัวขึ้น

"พี่รู้ว่าคงขอมากไปถ้าจะพูดว่าอยากให้โดยอมรับการตัดสินใจของพี่"

"พี่ปัน..."

"แต่ถึงอย่างนั้นพี่ก็อยากขอ... พี่คิดเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนที่เราจะคบกันแล้ว อันที่จริงที่พี่ขอคบโดช้าก็เพราะพี่ลังเลเรื่องนี้แหละ เพราะเดี๋ยวพี่ก็จไปแลกเปลี่ยน และต่อให้พี่กลับมาพี่ก็ต้องไปมหาลัย ซึ่งก็จะทำให้เราห่างๆ กันไปอยู่ดี"

"แต่อย่างน้อยถ้าพี่เรียนมหาลัยที่ไทยเราก็มาเจอกันได้ไม่ยากนี่ครับ ผมไปหาพี่ที่มหาลัยยังได้ แต่ถ้าพี่ไปเมกา..."

"พี่รู้ๆ มันคงไม่ง่ายแน่ที่เราจะได้เจอกันเมื่อถึงตอนนั้น แต่เรายังติดต่อกันด้วยวิธีอื่นได้ไหม หรือตอนปิดเทอมพี่จะบินกลับมาหา หรือโดจะมาเที่ยวก็ได้ หรือถ้าแย่ที่สุดก็คือโดรอพี่ 5 ปี"

"5 ปี!? " เจ้าตัวรีบคำนวนในใจอย่างรวดเร็ว งั้นแปลว่ากว่าเขาจะได้เจอปันอีกก็... ก็ต้องเป็นตอนที่เขาอยู่ปี 3 แล้ว โอ๊ย... ไม่นะ

"พี่รู้ๆ แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่นานขนาดนั้นหรอก บอกแล้วไงว่าปิดเทอมก็จะกลับมา สัญญาลูกผู้ชายเลยเอ้า"

"แล้ว... แล้วถ้าสมมติโอลิมปิกหน้าผมได้ไปแข่ง..." โดนัทอึกอัก ปัญญารู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะสื่ออะไร

"พี่จะบินไปเชียร์ จะเกาะติดขอบสนามเลยเอ้า"

"พี่ปันพูดจริงเหรอครับ" เจ้าตัวถามเหมือนยังไม่แน่ใจ ปัญญาบีบบ่าของอีกฝ่ายราวกับจะย้ำคำพูดตัวเอง

"แน่ใจสิ แล้วโดจะหาว่าพี่ขอมากไปไหมถ้าพี่ขอให้โดรอ"

"พี่อยากให้ผมรอเหรอ"

"ใช่สิ โดคิดว่ารอพี่ไหวไหม"

"ก็ถ้าประมาณ 5 ปี..." เด็กหนุ่มเริ่มตีหน้ามุ่ย ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ "เดี๋ยวก่อน! แล้วถ้าพี่ไปอยู่นั่นตั้ง 5 ปี เกิดพี่ติดใจอยากอยู่ที่นั่น หางานทำที่นั่นขึ้นมา แบบนี้ผมไม่ต้องรอพี่ไปตลอดชีวิตเหรอ? "

"เอ้า" คิดไปไกลกว่าเขาอีก "เอางี้ ถ้าพี่ต้องทำงานที่นู่นจริงๆ พี่จะมารับโดไปอยู่ด้วย โอเคไหม"

"พี่พูดจริงนะ"

"จริงสิ แต่ว่าก็ว่าเถอะ พี่ว่าพี่คงไม่หางานทำที่นู่นหรอก คงกลับมาอยู่ไทยนี่แหละ" เพราะถึงยังไงเขาก็ยังมีพ่ออีกสองคนรองาบหัวอยู่ถ้าเขาไม่กลับมา รวมพ่อทูนหัวตรงหน้าเข้าไปด้วยก็เป็นพ่อสามคนพอดี

โดนัทยังคงเงียบ แต่สีหน้าท่าทางอ่อนลงจากเมื่อครู่มาก ปัญญาโน้มหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายมากขึ้น มือไล้ปอยผมนุ่มของเด็กหนุ่มเล่นขณะถาม

"ว่าไงครับ คนเก่ง หายงอนพี่รึยัง เชื่อใจพี่รึเปล่า"

"ไม่หายครับ ไม่เชื่อด้วย" อ้าว เห้ย คนอุตส่าห์พูดหว่านล้อมตั้งนาน "แต่... ผมรู้ว่าพี่อยากไป ถ้ามันเป็นความตั้งใจของพี่ ผมก็จะไม่อยากจะห้ามหรอกครับ แล้ว... แล้วผมก็อยากเชียร์พี่ทำในสิ่งที่ตัวเองฝันด้วย"

นัยน์ตากลมโตช้อนขึ้นมามองหน้าเขาอย่างตรงไปตรงมาในรอบนี้ บ่งบอกให้รู้ว่าเด็กหนุ่มหมายความตามที่พูด

"เพราะงั้น... ถ้าพี่ปันอยากให้ผมรอ ผมก็จะรอครับ แต่พี่ต้องคอลหาผมทุกวันนะ ไม่งั้นผมจะบินไปกินหัวพี่"

"โห น่ากลัวจัง" พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ทำเอาโดนัทที่พูดขู่อย่างตั้งใจหน้ายู่ลงทันที

"ผมพูดจริงนะ พี่ปัน ห้ามผิดสัญญากับผม ไม่งั้นผมโกรธแน่ แล้วพี่ไม่อยากให้ผมโกรธหรอก เพราะถ้าผมโกรธผมจะ--"

ปัญญากลบเสียงนั้นด้วยการเบียดริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของอีกฝ่าย โดนัทสะดุ้งโหยงพร้อมกับหลับตาแน่นด้วยความตกใจ ใบหน้าร้อนวูบขึ้นอย่างรวดเร็ว มือหนาผลักเขาไปชิดกับต้นไม้ด้านหลังพร้อมกับกดจูบลงมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อริมฝีปากร้อนผละออก โดนัทก็ได้เห็นใบหน้าของคนที่เขาชอบสุดใจส่งยิ้มยียวนมาให้

"จะทำอะไรพี่ครับ ทุ่มพี่ลงกับพื้นงี้เหรอ"

"..." อ๊าก พี่บ้า! เดี๋ยวปั๊ดทุ่มลงเสียเลยตอนนี้…

"ว่าไงครับ พ่อคนเก่ง อ้าว หน้าแดงเถือกเลย แถมมือไม้ดูอ่อนแรงขนาดนี้ จะทุ่มพี่ไหวเหรอ ตัวพี่ไม่เบาหรอกนะ" ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังแขนที่ตอนนี้ปวกเปียกสนิทไปเขย่าไปมาเพื่อชี้ให้เห็นตามที่พูด

"...พี่ปันบ้า"

"อ้าว อย่าพูดแบบนั้นสิครับ โดคงไม่อยากคบกับคนบ้าหรอก ถูกไหม"

"อยู่ๆ มาจูบกันแบบนี้ได้ไง! " ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบ... แต่นี่มันที่สาธารณะนะ!

“อ้าว โกรธพี่ซะแล้วเหรอ” ปัญญาแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “งั้นแบบนี้โดจะจับพี่ทุ่มกับพื้นเปล่าเนี่ย”

“ผมไม่โหดขนาดนั้นหรอกครับ”

คนเป็นรุ่นพี่ยิ้มแก้มแทบปริ มือเอื้อมไปหยิกแก้มโดนัทอย่างเอ็นดู

“จริงเหรอ? ”

“ผมมีวิธีดีกว่านั้น” เจ้าตัวยิ้มร่า เลื่อนแขนไปโอบรอบคอคนตัวสูงกว่า ดึงหน้าปันลงมาพร้อมกับประทับจูบแผ่วเบาที่กลีบปากอีกฝ่าย คนหน้าหวานยิ้มอย่างมีชัยเมื่อเห็นว่าปัญญาหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา เจ้าตัวมีสีหน้าอึ้งๆ ครู่หนึ่งจากนั้นจึงส่งยิ้มกว้างมาให้

“ว่าแต่คนอื่นนะ”

“แหงสิครับ” โดนัทว่าขณะลดแขนลง ถอยห่างจากอีกฝ่ายมาหนึ่งก้าว หันหน้าหนีไปทางอื่นแก้เขิน “ผมจะว่าตัวเองทำไมล่ะ ก็ต้องว่าคนอื่นสิ”

ปัญญาหัวเราะร่วนออกมาพร้อมกับยีหัวอีกฝ่ายแรงๆ

“ไอ้ตัวแสบเอ๊ย”







บูมขอให้พงศ์ หนึ่งในลูกน้องของเขาขับรถมาส่งปันที่บ้านเดิมของเจ้าตัวเมื่อถึงวันที่เขาตกลงกับนพดลเอาไว้ว่าจะให้ปันมาค้างด้วยเนื่องจากตัวเองติดถ่ายละครเรื่องหนึ่งซึ่งกำลังออนแอร์ผ่านหน้าจอโทรทัศน์

ปัญญาหันไปยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่ายหลังจากลงจากรถ เขามีแค่กระเป๋าเป้ใบเดียวที่ไม่ได้ใส่อะไรมากมาย พงศ์จึงไม่จำเป็นต้องเดินมาส่งเขาถึงในบ้าน

หลังจากที่ก้าวเท้าผ่านรั้วบ้านเข้ามา เขาเห็นร่างที่คุ้นเคยของพ่อกำลังนั่งดูทีวีอยู่ด้านใน อันเป็นภาพเดิมๆ ที่เขาเห็นเวลาประมาณนี้อยู่แล้วทุกเสาร์อาทิตย์

แต่ไม่รู้ทำไม… ครั้งนี้มันทำให้เขาใจสั่นแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก เหมือนทั้งดีใจและปั่นป่วนไปพร้อมๆ กัน ก่อนที่เขาจะออกไปนอนค้างกับบูม เขากับพ่อทะเลาะกันมาครั้งหนึ่ง และถึงพ่อเขาจะไปเยี่ยมถึงบ้านใหญ่หลังนั้น เขาก็ยังรู้สึกถึงความกระอักกระอ่วนระหว่างพวกเขาทั้งคู่อยู่ดี

ความอึดอัดในอกนี่ไม่ค่อยดีเท่าไร มันชอบทำให้เขาหายใจขัดๆ ตลอด และเขาหวังว่ามันจะหายไปก่อนที่เขาจะต้องไปอเมริกา

“เอ่อ พ่อครับ” เด็กหนุ่มว่าหลังจากที่ก้าวผ่านประตูเข้ามาในตัวบ้าน “สวัสดีครับ” ยกมือไหว้อย่างสวยงาม แน่นอน เขาเคยมีบทเรียนเรื่องไม่ยกมือไหว้ผู้ใหญ่มาแล้ว โดนพ่อฟาดไปจนน้ำตาเล็ดเลยตอนเด็กๆ มันเลยติดเป็นนิสัย

“อือ” ชายหนุ่มรับไหว้พร้อมกับลุกขึ้นยืน “กลับมาแล้วเหรอ ปัน ไปนอนบ้านนั้นเป็นยังไงบ้าง”

“ดีครับ” ปันพูดยิ้มๆ ขณะปลดเป้ลงจากหลัง “ทุกคนก็ใจดี ถึงจะงงๆ หน่อยตอนที่พ่อบูมเล่าให้ฟังว่าผมเป็นญาติเขาก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้ดูติดใจอะไร”

“ดีแล้ว” เรื่องนี้นพดลรู้อยู่แล้วเพราะบูมเคยบอกว่ายังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องปันแม้แต่กับคนรับใช้ที่บ้าน เพราะมีโอกาสมากว่าข่าวจะหลุดรั่วไปตั้งแต่ตรงนั้น “แล้วตัวบูมเองล่ะ เขาดีกับลูกรึเปล่า”

“ดีครับ ดีขนาดให้ดีกว่านี้คงต้องปูพรมแดงให้ผมทุกที่ที่ผมจะไปแล้ว”

นพดลหัวเราะรับนิดหนึ่ง แต่ปันก็พอจะจับได้ว่ามันดูฝืดๆ

“ถ้าลูกไปอยู่นั่นแล้วสบายก็ดี”

ชายหนุ่มเลื่อนมือไปลูบหัวลูกชายสองสามทีด้วยความคิดถึง จากนั้นก็ไล้ฝ่ามือลงไปบนแก้มข้างที่เขาเคยต่อยตอนที่ขาดสติเพราะเมาเหล้าอย่างหนัก นับตั้งแต่วันนั้นมาเขาก็ไม่แตะของมึนเมาอีกเลย ราคาที่ต้องจ่ายให้มันแพงเกินไป ถ้าต้องทำร้ายลูกชายแบบนั้น เขายอมทำร้ายตัวเองเสียยังจะดีกว่า

“ผมไม่เจ็บแล้วครับพ่อ” ปันรีบพูดราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร

“งั้นเหรอ” งั้นก็ดีแล้วล่ะ

บรรยากาศของพวกเขาสองคนไม่ได้ดีขึ้นพรวดพราด หากดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ อ้อยอิ่ง เริ่มตั้งแต่ตอนที่นพดลสั่งให้ปันเอาข้าวของไปเตรียมใส่ตะกร้าซัก ถามว่าเย็นนี้อยากจะกินอะไร จากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติสุขเหมือนที่ผ่านๆ มา

พวกเขาสองคนก็ยังพูดคุยกันเป็นปกติ แต่ปันเองก็รับรู้ว่าอะไรบางอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว มีความกระอักกระอ่วนเล็กๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา

ปันคิดว่ามันอาจจะค่อยๆ จางหายเมื่อเขาตามปกติไปเรื่อยๆ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นแม้ว่าจะผ่านมาเป็นสัปดาห์ๆ แล้วก็ตาม

ปัญญาได้เข้าร่วมวงสนทนากับนพดลและบดิศรในเวลาต่อมาเรื่องวันที่ปันจะไปนอนค้างที่บ้านนั้นได้ เรื่องรถรับส่งบูมจะเป็นคนจัดการให้เอง ปันรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคุณชายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และเขาก็ไม่ขัดอะไรที่ต้องไปนอนคฤหาสน์หลังโตนั่นสัปดาห์ละสามวัน เพราะการได้ใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หรูๆ และมีคนคอยเอาใจก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่อะไร ถูกไหม

เด็กหนุ่มใช้ชีวิตอย่างปกติมาเรื่อยๆ อ่านหนังสือหนักขึ้นเมื่อใกล้ถึงช่วงสอบ ออกไปเฮฮากับเพื่อนหลังสอบเสร็จ ไปเดทกับโดนัททุกเสาร์อาทิตย์หรือวันที่พอจะหาเวลาได้ รู้ตัวอีกที อาทิตย์หน้าเขาก็ต้องเตรียมขึ้นเครื่องไปอเมริกาแล้ว

“ปัน” บูมพูดขึ้นหลังจากที่มาส่งลูกชายที่อีกบ้าน “เสาร์อาทิตย์นี้ เราไปเที่ยวกันเถอะ อีกไม่นานลูกก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว น่าจะไปเที่ยวตุนไว้หน่อย”

“เที่ยวเหรอครับ” ปัญญากะพริบตาปริบๆ วินาทีแรก เขานึกถึงโดนัทก่อนตามประสาวัยรุ่นที่ต้องนึกถึงแฟนเวลาจะไปเที่ยวที่ไกลๆ แต่วินาทีถัดมาเขาก็รู้ว่าคไม่เหมาะแน่ถ้าจะชวนโดนัทไปด้วย… หมอนั่นมีซ้อมเทควันโดเยอะมากช่วงนี้ แถม… ขืนเขาเอาโดนัทไป เรื่องที่เขาคบกันอยู่อาจแตกได้ เขายังไม่อยากให้พ่อแท้ๆ ของเขารู้เรื่องนี้เท่าไรนัก

“ใช่สิ เที่ยวค้างคืนกัน แค่เราสองคน”

“อ้าว แล้วพ่อดลล่ะครับ” นึกถึงแฟนไม่ได้ก็นึกถึงพ่ออีกคน นพดลที่นั่งอยู่ในที่นั้นขมวดคิ้วฉับด้วยไม่พอใจทันที ก็เขาตั้งใจไว้แล้วว่าเสาร์อาทิตย์สุดท้ายนี้จะใช้เวลาอยู่กับลูก

“เสียใจครับ ปันคงไปไม่ได้ ผมมีแผนจะใช้เวลาอยู่กับลูกอยู่แล้ว”

“อ้าวๆ พูดแบบนี้ได้ไงดล” คนที่มักได้รับการเอาใจมาตลอด (เพราะเป็นดารา) เริ่มโวย “ปันก็ลูกฉันเหมือนกันนะ อีกอย่าง นายถามแกยังเถอะว่าแกอยากอยู่กับนายเปล่า”

“ปัน” ดลพูดเสียงเย็นมาทีเดียว งานเข้าลูกชายอย่างเขาอีกแล้วไหมล่ะ

“เอ่อ ก็” ปันกะพริบตาปริบๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากทั้งสองฝ่าย “ไหนๆ พ่อบูมก็ชวนเที่ยวแล้ว ทำไมเราไม่ไปด้วยกันหมดสามคนเลยล่ะครับ”

อื้อหือ… มันช่างกล้าเสนอไอเดีย

“ไม่เอา” นพดลขมวดคิ้วฉับ หันหน้าหนีไปอีกทางทันที “ถ้าปันอยากไปขนาดนั้นก็ไปกับบูมแค่สองคนนั่นแหละ พ่อไม่อยากไปนอนที่อื่น”

อ้าว แล้วกัน

“แต่ผมอยากให้พ่อไปด้วยนะ”

อุก… ได้ยินคำนี้จากปากลูกนี่… เหมือนใจจะละลาย

“นะ พ่อ มาเหอะ เดี๋ยวผมก็จะไม่อยู่แล้ว ไปเที่ยวด้วยกันหน่อยจะเป็นไรไป ได้ใช่ไหมครับ พ่อบูม”

“อ่า อืม มาสิ มาเยอะๆ ก็น่าจะสนุกกว่าอยู่แล้วถูกไหม”

...ไอ้สองพ่อลูกคู่นี้นี่มัน…

จนแล้วจนรอดเขาก็ขัดใจไอ้ปันไม่ได้อยู่ดี





------------------------------------
Talk: เรื่องน่าเศร้าของนิยายเรื่องนี้ก็คือ ต่อให้คนอ่านจะไม่ฟินกับโดปัน แต่ยังไงเขาก็รักกันอยู่ดี...  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bmine ที่ 10-11-2017 19:22:24
หงุดหงิดแทนดล และยังไม่หายโกรธปัน(จนลามไปโด) บูม และ(นัง)มิ้นต์(ตัวต้นเหตุ) เลยค่ะ หงุดหงิดอยากอาละวาดแทนดลจนกำลังคิดว่าดลให้อภัยง่ายไป หรือตัวเองเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่มีเหตุผลก็ไม่รู้ 555555555 ไม่รู้ว่าควรให้อภัยมั้ย แต่จะแค้นทำไมอ่ะ นี่นิยายย  :z3: อินจนสับสนเบอร์นี้เลยค่าาา 5555555555 อยากให้กรรมซักอย่างสนองบูมกับมิ้น แต่ก็ไม่ทันแล้ว นางชิงตายไปก่อนแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-11-2017 19:26:11
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-11-2017 19:29:17
ดลเป็นพ่อที่น่ารักนะ (อารมณ์แบบคุณพ่อขี้เห่อที่แพ้ทางลูกงี้อะ)
ชอบเวลาดลกับปันอยู่ด้วยกัน เป็นพ่อลูกที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นรู้ใจมาก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 10-11-2017 20:27:51
หงุดหงิดแทนดลอยู่  เหมือนจะดีแต่ไม่ดี...เห้ออออ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 10-11-2017 21:15:20
ใช่หงุดหงิดอย่างแรง เมื่อไหร่บูมมันจะรู้สึกผิดจริงๆจังๆสักที ลูกด่าก็แล้วยังไม่ยอมรับ พ่นคำพูดที่สวยหรูอยู่ได้ เป็นชู้ก็คือชู้ นอกใจก็คือนอกใจดิ ถ้าเราเป็นดลนี่เราโกรธกว่าดลอีก รักแล้วยังไง รักแล้วจะทำกับเราแบบนี้อะนะ เลี้ยงลูกชู้มันไม่ได้สวยหรูเหมือนที่บูมมันบอกลูกหรอก หมั่นส้ายยยยย ปล. ลามไปปันด้วย หงิดหงิ๊ดดดด 5555#อินแรงมาก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-11-2017 21:34:35
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 10-11-2017 22:50:28
หงุดหงิดหัวใจจังๆๆๆๆ มีบทพูดความรู้สึกพ่อดลลูกปันบ้างมั๊ย แบบเปิดอกคุยกันไรงี้  อยากบอกว่ารักพ่อดล สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 10-11-2017 23:04:57
เกลียดบูม...
คือนี่คุณจะไม่คิดว่าตัวเองกะมิ้นผิดเลยหรอ? แค่รักก็ถือว่าถูกต้องละหรอ?
ละสรุปคือมิ้นท้องก่อนดลเลยได้แต่งงานกะมิ้นหรอที่บอกว่าครอบครัวว่าดลเรื่องทำมิ้นท้อง?
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ชั่วมากจ้า ขอด่าและขอเกลียดทั้งมิ้นและบูม
ที่อ่านๆมาไม่เคยเห็นบูมสำนึกถึฃการกระทำของตัวเองเลย เหมือนคิดว่าตัวเองทำถูกแล้วที่เป็นชู้งี้หรอ รักกันแต่จะทำให้ใครเสียใจงี้ก็ได้หรอวะ ทุเรศ เห็นแก่ตัวมากๆ อยากให้เรื่องมันแดง จะเป็นคนนึงที่สมน้ำหน้าบูมอย่างมาก คนแบบนี้ไม่ควรได้มีความสุขอะจนกว่าจะสำนึกได้จริงๆ แต่ดูแล้วก็เป็นคนที่ดูมีจิตสำนึกต่ำนะ ตั้งแต่เป็นชู้และยังให้ลูกน้องมาช่วยตอนต่อยดล กากและทุเรศมาก //ทำไมอินเบอแรง //กลัวตัวเอง55
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 10-11-2017 23:20:02
เราเฉยๆกับโดนัทแหละ ก็เข้าใจความเป็นวันรุ่นของปันนะ ปันก็แหละพ่อแหละ อยู่ด้วยกันผูกพันกันมาขนาดนี้
แต่ด้วยความเป็นวันรุ่นไง ติดเพื่อน ติดแฟนงี้
หมั่นไส้พ่อบูมมมมม มากกว่าเยอะเลย แหมมมมม่ (ส่วนคนที่ไม่อยู่แล้ว ก็พยายามไม่นึกถึงให้มาก...เฮ้ออออ)
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JAJii ที่ 11-11-2017 00:21:42
ถ้าบูมเป็นพระเอกนะ ขอให้มันเกือบตายคาตรีนดลก่อนได้ป้ะ คือเป็นคนน่ารังเกียจมากอะ ยิ่งตอนซ้อมดลนี่โคตรหน้าตัวเมีย เป็นเราเราจะไม่ทน ไม่เอาปัณแล้วด้วย อยู่ด้วยกันแล้วไม่รู้สึกว่าลูกเป็นหนามยอกอกรึไง เราว่าดลต้องคิดบ้างแหละไม่งั้นคงไม่พลั้งต่อยหน้าปัณหรอก เราไม่อินครอบครัวสุขสันต์ ไม่อินไม่อิน ว้อยยยยยยยยยยย!!!!!!! :m31: :z6:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: paintshinki ที่ 11-11-2017 01:57:18
เรื่องนี้คงเป็นนิยายที่อ่านแล้วหัวร้อนแห่งปีนี้เลยทีเดียว อ่านแล้วอินมากอินเบอร์แรง อินจนทนไม่ไหวจนต้องล็อกอินเข้ามาเม้นทั้งๆที่ไม่ได้เม้นมานาน555555 เข้าใจนักเขียนว่าคงจะทำให้นิสัยของปันเป็นธรรมชาติของเด็กม.ปลายปกติทั่วไปให้มากที่สุดแบบ เราก็คิดนะว่าถ้าเป็นเราสมัยอายุเท่าปันคงคิดประมาณนี้เหมือนกัน อยู่ๆก็มีพ่อรวยแล้วมีโอกาสได้ไปเรียนต่างประเทศที่ไม่ใช่แค่แลกเปลี่ยนแต่ได้ไปเรียนป.ตรีเลยนะเฮ้ย เป็นอะไรที่ใฝ่ฝันสมัยวัยเรียนม.ปลายมากจริงๆจนทำให้ลืมคิดไตร่ตรองความรู้สึกของคนที่เป็นพ่ออย่างดล อ่านยังไงๆก็รู้สึกว่าดลเป็นบุคคลที่น่าสงสารมากที่สุด แล้วจะรอต่อไปนะคะว่าเมื่อไรคนเ-ี้ยอย่างบูมเนี่ยจะสำนึกมากกว่านี้ซะที และปันคิดถึงความรู้สึกพ่อดลมากกว่านี้ สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ ยังติดตามผลงานเรื่อยๆ ปล.ขออภัยที่พิมพ์ซะยาว อยากระบายอารมณ์มากจริมๆ555555555555 ปล.2 ยิ่งอ่านยิ่งหัวร้อนแต่ก็ยังชอบอ่านงงใจตัวเอง55555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 11-11-2017 02:32:01
คือแบบบ บูมโคตรไร้จิตสำนึก เกลียดมากกก
จริงๆ ถ้าดลจะโกรธ หรือพาลไม่รักปันแล้วก็ไม่ผิดนะ
ที่ปันพูดมันก็ถูก อนาคตดลควรไปได้ไกลกว่านี้ป่ะ
มีแต่ยัยมิ้น กะอีพ่อบูมเนี่ย
ที่โคตรเห็นแก่ตัว แล้วบูมมีสิทธิไรจะไปทำร้ายดล
ถ้าดลจะไม่รักปันจริงๆ คือทำเลวแล้วไม่มีสำนึก
ดลนี่ก็น่าสงสาร เลี้ยงลูกคนอื่นจนรัก จนตามใจขนาดนี้
หวังว่าคนดีๆ จะได้อะไรดีๆตอบแทนบ้าง
มีความอินมากกกกก  :m31:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-11-2017 02:54:57
ทำลายชีวิตคนคนนึงเลยนะคะ ทำลายอนาคตของเด็กผู้ชายคนนึง แล้วก็เชิดหน้าบนเกียรติภูมิกับเงินที่หามาได้จากการที่ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง.. แถมเอาเรื่องนี้มาดูถูกเขาอีก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 11-11-2017 10:09:21
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 11-11-2017 15:00:56
ปล่อยไม้แก่อย่างตาลุงบูมไป ไม่ให้ราคาแล้ว
มาเชียร์โดปันแทนก็ได้ โดน่าสงสารนะ ครอบครัวก็ไม่สมบูรณ์ หลักในชีวิตอย่างปันกำลังจะจากไป แต่ก็ไม่ทำตัวงี่เง่า ต่อจากนี้ไปคงมีบทพิสูจน์ความรักของโดปันอีกไม่น้อย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-11-2017 19:11:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rikulism♡ ที่ 12-11-2017 04:35:03
หงิดมาก เกลียดบูมที่ไม่สำนึกไรเลย
คิดถึงอนาคตตัวเอง แล้วคนที่ต้องทิ้งอนาคตมาเลี้ยงลูกชู้ล่ะ
เอาแต่ได้ พูดจา ทำตัว โมโหแล้วนะ!!
นังมิ้นตัวดี ด่าไม่ได้เลยยยยย เป็นตัวเองรับได้งั้นสิ
มีคนอื่น ไม่ไปด้วยเพราะห่วงคนอื่นมากกว่าแฟน คนดีๆเค้าคงทำกัน
มองไงก็ไม่ได้รักดล แล้วยังถ่วงอนาคตเค้า เสียเวลาชีวิตคนอื่น
แค่ด่ายังน้อยไปสิ อินๆๆๆๆๆ แต่ขอโทษคนเขียนนีสส แบบว่าไม่ค่อยอินปันโดง่า
ถ้านี่แค่ปูชีวิตดลเพื่อไปพบอะไรที่ดีกว่านี้ เราว่าก็ok
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 16) P.10 [10/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 17-11-2017 16:36:17

บทที่ 17



ว่ากันตามตรง การไปเที่ยวทริปสุดท้ายไม่ได้มีเรื่องน่าตื่นเต้นหวือหวาเท่าไรถ้าถามเขา ตอนแรกปันเองก็นึกหวั่นใจว่าพ่อทั้งสองคนของเขาจะเปิดศึกอะไรกันระหว่างทางรึเปล่า แต่อันที่จริงทุกอย่างก็ผ่านไปได้เรื่อยๆ แม้ปันจะสังเกตเห็นว่านพดลยังไม่ค่อยสนิทใจกับพ่อแท้ๆ ของเขาเท่าไรนัก

...ซึ่งเขาก็ไม่โทษพ่อดลของเขาหรอก ก็อีกฝ่ายถึงกับแอบไปนอนกับแฟนของตัวเองจนมีเขาออกมาเป็นตัวเป็นตนขนาดนี้ยังไงล่ะ จะให้สนิทใจ ญาติดีกันจี๊จ๊าก็คงเป็นไปได้ยาก แต่ถึงแบบนั้นเขาก็รู้สึกว่าพ่อบูมของเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเปิดใจพ่อไม่แท้ของเขาเหมือนกัน

บางที… มันอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักนิด แม้แต่กับเขาเองก็เหมือนกัน

“ปัน เตรียมของครบรึยัง แล้วลิสต์รายการที่พ่อเคยให้แกจดไว้ไปอยู่ไหนแล้ว”

“หาแป๊บหนึ่งครับพ่อ” พูดพลางรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้าน มีเสียงถอนหายใจเฮือกดังไล่หลังมา

“จนนี่จะบินในอีกไม่กี่ชั่วโมงอยู่แล้ว ยังจะมานั่งเปิดๆ ปิดๆ กระเป๋าอยู่อีก มันใช่เรื่องไหมเนี่ย หืม”

บ่นๆ ๆ สมกับเป็นพ่อเขาจริงๆ

หลังจากที่จัดการเช็กของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปัญญาก็เริ่มเหลือบมองนาฬิกา ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าเครื่องบินจะขึ้น พ่อเขาบอกว่าพวกเขาควรจะออกจากบ้านตอนประมาณสี่ทุ่ม และเท่าที่ดู ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงในการนั่งแช่อยู่หน้าจอทีวีหรือโทรศัพท์มือถือ แน่นอนว่าเด็กยุคใหม่อย่างเขาย่อมทำทั้งสองอย่างพร้อมๆ กัน

ตอบแชทจากโดนัทไปด้วย เหลือบตาขึ้นมองดราก้อนบอลไปด้วย ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความเอนเตอร์เทน

“ปัน กินข้าวอิ่มหรือเปล่าลูก จะเอาอะไรไปติดกระเป๋าหน่อยไหม”

“ไม่ต้องหรอกครับพ่อ ผมกินอิ่มจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าตัวว่าขณะพิมพ์แชทตอบโดนัทที่เริ่มคร่ำครวญว่าไม่อยากให้เขาไป เจ้าตัวบอกว่าจะไปส่งเขาที่สนามบินเหมือนกัน เพราะงั้นถึงเวลาก็คงไปเจอกันที่นั่น ปันแทบไม่อยากเชื่อง่าป๊าของโดนัทจะยอมขับรถพาลูกชายไปที่สนามบินเพื่อไปส่ง… เอ่อ แฟนหนุ่มของลูกชาย? ดูเหมือนว่าฝั่งนั้นจะไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ เรื่องนี้

“แล้วนี่บูมได้บอกลูกรึเปล่าว่าเขาจะไปสนามบินกี่โมง”

“ก็ราวๆ ห้าทุ่ม ห้าทุ่มครึ่งนี่แหละครับ จริงๆ เราน่าจะไปด้วยกันสามคนแท้ๆ ขากลับพ่อก็ให้พ่อบูมมาส่ง จะได้ไม่ต้องไปรถหลายๆ คัน”

“ไม่เอาหรอก พ่ออยากขับไปเองมากกว่า” เมื่อเจ้าตัวว่าแบบนั้น ปันก็ไม่อยากขัดอะไร

เด็กหนุ่มยึดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงหลังจากที่โดนัทบอกว่าจะไปอาบน้ำ ตาเขายังคงมองทีวีก็จริง แต่ใจน่ะ ลอยไปถึงคนอีกคนที่นั่งดื่มชาร้อนพร้อมกับอ่านหนังสือเกี่ยวกับเครื่องจักรอะไรสักอย่างไปด้วย

ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี่… นับตั้งแต่วันที่เขารู้ความจริงเรื่องพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ปันก็ยังรู้สึกเหมือนมีกำแพงกั้นบางๆ ระหว่างเขากับดล

เขาสงสัยว่ามันเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันรึเปล่า หรือเพราะเรื่องที่เขาเป็นเกย์ที่ทำให้อีกฝ่ายห่างๆ จากเขาไป ตั้งแต่ตอนนั้นมา เขาก็ไม่เคยเปิดใจถามนพดลตรงๆ อีกเลยถึงเรื่องนี้ มันเหมือนมีเรื่องหนักหนาเกิดขึ้นพร้อมกันเยอะเกินไป ทำให้เขาไม่กล้าที่จะพูดถึงเรื่องใดๆ

อันที่จริงมันก็ไม่ต่างอะไรจากการหนีปัญหาและปล่อยให้มันผ่านไปเรื่อยๆ ราวกับไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเท่านั้นเอง

เขาใช้รีโมตกดปิดทีวี ความเงียบโรยตัวเข้ามาปกคลุมพวกเขาทั้งคู่ ปัญญาบอกกับตัวเองว่าเขามีโอกาสแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว ก่อนที่เขาจะต้องห่างจากอีกฝ่ายไปอยู่ที่อีกซีกโลก เขาต้องเปิดใจคุยกับพ่อให้รู้เรื่องวันนี้ หรือไม่ก็ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกตลอดไป

“ปัน” ปัญญาแทบจะหงายหลังเมื่อความตั้งใจของเขาถูกอีกฝ่ายชิงตัดหน้าเสียก่อน “พ่อขอโทษนะที่ทำได้แค่นี้”

ปันลุกขึ้นพรวดจากโซฟาทันที เรียกว่าเด้งดึ๊งเลยก็ได้ เขาเบิกตากว้าง มองชายหนุ่มที่เลี้ยงดูเขามากว่า 17 ปีด้วยสายตาพิศวง อีกฝ่ายยังคงยกชาร้อนขึ้นจิบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พ่อ… พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง”

ปัญญาสาวเท้าเข้าไปที่โต๊ะซึ่งพ่อเขานั่งอยู่ “พ่อขอโทษทำไม แล้วอะไรที่ทำได้แค่นี้”

นพดลเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา และมันทำให้ปันลืมหายใจไปชั่วขณะเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าขอบตาอีกฝ่ายติดจะแดงๆ ขึ้นมา

เด็กหนุ่มยืนอึ้ง เขามองร่างของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้อย่างเชื่องช้า ไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนเพื่อไม่ให้เสียงที่เปล่งออกมาสั่น

“พ่อรู้… ว่าพ่อไม่ได้ทำหน้าที่ได้ดีนัก ยิ่งตอนที่พ่อต่อย--”

“พ่อจะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีกทำไม” ปัญญาเข้าไปประชิดร่างอีกฝ่ายที่เตี้ยกว่าเขาไปเล็กน้อยอย่างร้อนรนทันที นพดลเบือนหน้าหนี ไม่สบตาเขา “มันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว… ผมแทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ… เดี๋ยวนะ พ่ออย่าบอกนะว่าตลอดเวลามานี่พ่อยังคิดมากเรื่องนี้อยู่”

“แล้วแกจะไม่ให้ฉันคิดได้ยังไง” ถึงตรงนี้อีกฝ่ายก็หันหลังให้เขาแล้ว น้ำเสียงของเขาแผ่วลง “แกรู้ไหมปัน… ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยเสียใจเรื่องไหนเท่ากับเรื่องนั้นเลย เรื่องที่ฉันทำร้ายแก…”

“พ่อ” ปันเอื้อมมือไปบีบแขนอีกฝ่ายแน่น “พ่อ… ผมไม่เคยโกรธพ่อเลยเรื่องนั้น มันก็สมควรแล้วที่พ่อทำแบบนั้นกับผม ในเมื่อผม… ก็พ่อบูมกับแม่น่ะ…”

“แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่ความผิดของแก”

อยู่ๆ น้ำตาก็ทะลักลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างของปันอย่างรวดเร็วราวกับเขื่อนแตก เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อเขายังโทษตัวเองเรื่องนี้ เขารู้ดีว่าแค่เรื่องที่แม่แอบไปมีอะไรกับคนอื่นเมื่อหลายสิบปีก่อนก็ย่ำแย่พอแล้ว ไหนจะเรื่องที่เด็กที่ตัวเองเลี้ยงมาตลอดไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตัวเองอีก…

ไม่ไหว… ไม่ไหวแล้ว แค่คิดแบบนั้นหัวใจเขาก็บีบรัดไปหมด เขาสงสัยจริงๆ ว่าพ่อผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาได้ยังไง ก้าวผ่านความทรมานพวกนั้นไปได้ยังไง

“ผม… ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพ่อ ทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อแต่พ่อก็ยัง--”

“ปัน! ” อีกฝ่ายเอ็ดขึ้นอย่างตกใจ หันหน้ากลับมาทางเขาทันที หางตาของดลยังคงแดงเรื่อๆ แต่เข้าตัวไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ปัญญากำลังทำ “อย่าพูดแบบนั้น สำหรับพ่อแล้วปันเป็น--”

“ฮึก ไม่ พ่อ ผมรู้ดีว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับพ่อเลย” พอปล่อยให้ตัวเองสะอื้นออกมาครั้งหนึ่งแล้วก็หยุดไม่อยู่ เด็กหนุ่มร้องไห้โฮพร้อมกับโผเข้าไปกอดอีกฝ่ายที่ยังยืนอึ้งอย่างงงๆ อยู่ เขารู้สึกเหมือนใจจะขาดแค่คิดว่าคนในอ้อมแขนเขาต้องเจอกับอะไรมาบ้าง และมันเลวร้ายขนาดไหนที่เขาเป็นตัวการที่ว่า “พ่อต้องเลี้ยงผม… ฮึก ต้องเลี้ยงผมมาเพราะพ่อคิดว่าผมเป็นลูกพ่อใช่ไหม พ่อต้อง… พ่อต้องแลกกับอะไรมาเยอะขนาดนั้นเพื่อมารู้ว่าผมไม่ใช่---”

“ปัน ลูกเข้าใจผิดแล้ว” คราวนี้นพดลเป็นฝ่ายกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมายังร่างกายของเขาทำให้เสียงสะอื้นของปันซาลง “ไม่ว่ายังไงปันก็คือลูกพ่อ ต่อให้ปันจะไม่ได้มีสายเลือดของพ่ออยู่ก็เถอะ แต่ปันสำคัญสำหรับพ่อมาก สำคัญมากจริงๆ และถ้าเป็นไปได้ พ่อก็อยากให้ปันยอมรับว่าพ่อคือพ่อของปัน”

“พ่อคือพ่อของปัน” เด็กหนุ่มรับพร้อมกับสะอื้นสั้นๆ กอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้นราวกับจะหาที่ยึดเหนี่ยว “พ่อให้ปันลูกพ่อได้ใช่ไหม เป็นได้ใช่ไหม…”

“แน่นอน ปันก็ต้องเป็นลูกพ่อสิ” ถึงตรงนี้ นพดลเกือบจะร้องไห้ตามลูกชายไปอีกคนแล้ว “ก็พ่อมีลูกคนเดียวนี่นา ถ้าปันไม่ยอมเป็นลูกพ่อ แล้วพ่อจะเหลือใครล่ะ”

“พ่อ ผมขอโทษ… ผมขอโทษที่ทำให้พ่อเสียใจ” แล้วเจ้าตัวก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบอย่างอัดอั้น “ขอโทษนะที่ผมเป็นเกย์ ขอโทษที่ผมไม่ใช่ลูกพ่อ ขอโทษ… ขอโทษครับ”

“ชู่ว์ ไม่เอา ไม่พูดแบบนั้น ปัน” นพดลเลื่อนมือมาวางที่แก้มทั้งสองข้างของอีกฝ่าย เกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าเจ้าตัวเบาๆ “ฟังนะปัน เราอาจจะไม่เคยพูดเรื่องนี้กันจริงจังช่วงหลังๆ มานี้ แต่พ่ออยากให้ปันรู้ว่าพ่อภูมิใจในตัวปันมาก ต่อให้ปันจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิง มันไม่สำคัญอะไรเลย ปัน พ่อรักปันในแบบที่ลูกเป็น เข้าใจไหม เพราะงั้นเลิกขอโทษหรือคิดมากเรื่องนี้ได้แล้ว ส่วนเรื่องที่ปันไม่ใช่ลูกพ่อ… พ่อบอกแล้วไงว่านั่นไม่จริง ปันเป็นลูกของพ่อนะ เป็นคนที่พ่อรักที่สุด เพราะงั้นอย่าเสียใจเลยปัน พ่อดีใจจริงๆ ที่ได้มีหนูอยู่ข้างๆ มาตลอดแบบนี้”

ปัญญาสะอื้นฮักๆ ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายก่อนจะพูดกระท่อนกระแท่น “พ่อ… ปันรักพ่อนะ รักพ่อมาก พ่ออย่าเกลียดปันเลยนะ ปันรักพ่อจริงๆ ”

นพดลจรดริมฝีปากที่ข้างแก้มลูกชายแผ่วเบาราวกับจะย้ำให้มั่นใจ

“พ่อเองก็รักปันมากเหมือนกัน”

แล้วไอ้เรื่องที่จะเกลียดเด็กผู้ชายในอ้อมแขนคนนี้น่ะ… เขาว่าคงต้องรอชาติหน้าเสียล่ะมั้ง







“พี่ปันไปถึงที่นู่นแล้วต้องส่งไลน์มาหาผมนะครับ สัญญาแล้วนะ” โดนัทพูดย้ำแบบนี้เป็นครั้งที่สามแล้วหลังจากที่เจอหน้าแฟนหนุ่มของตัวเองพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบยักษ์กับกระเป๋าสะพายอีกใบบนแผ่นหลัง พ่อของโดนัทที่ขับรถรถพาเจ้าตัวมาโยกหัวลูกชายน้อยๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะเอ็ดอย่างไม่จริงจังนัก

“หนูอย่าไปพูดย้ำพี่เขาบ่อยๆ สิลูก เดี๋ยวพี่ปันเขารำคาญขึ้นมาจะทำยังไง”

“พี่ปันไม่รำคาญผมหรอก ใช่ไหมฮะพี่ปัน”

“อืม ไม่รำคาญหรอก” ก็ลองตอบรำคาญดูสิ อาจจะก้านคอหักก่อนได้ขึ้นเครื่อง

“ว่าแต่นี่หนูปันไปรัฐไหนนะครับ”

“โอไฮโอครับ” เจ้าตัวตอบยิ้มๆ เขาได้โฮสท์แฟมิลี่ที่นั่น และก่อนหน้านี้ก็เขียนจดหมายหากันสองสามครั้ง ดูแล้วน่าจะเป็นครอบครัวที่น่ารักอยู่

“ไปอยู่นู่นก็ตั้งใจเรียน รู้ไหม ไม่ใช่เอาแต่เที่ยวเล่น” นพดลพูดสำทับอีกรอบขณะจัดคอปกเสื้อของลูกชายให้เข้าที่ ตอนนี้ปันเหลือแค่กระเป๋าเป้ใบเดียวเพราะใบใหญ่โหลดเช็คอินใต้ท้องเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว

ส่วนบูมที่ยืนอยู่ข้างๆ ดลเบ้ปาก แกล้งทำท่ากระซิบแต่ได้ยินกันครบทุกคน “อย่าไปฟังพ่อ ปัน เชื่อน้า ไปแบบนี้น่ะต้องเที่ยวให้เยอะๆ หาประสบการณ์ เต็มที่กับชีวิตวัยรุ่น แกแก่แล้วแก่เลยนะเว้ย ย้อนเวลากลับมาไม่ได้”

“คุณบูม” นพดลพูดเสียงเย็น แต่คนที่คิดจะยุลูกชายเที่ยวก็ไม่สะท้านแต่อย่างใด โธ่เอ๊ย ยังไงปันก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ให้เอนจอยชีวิตวัยรุ่นบ้างจะเป็นไรไป

ไม่มีใครมาส่งปันมากกว่านี้เพราะเจ้าตัวออกปากกับเพื่อนเองว่าไม่อยากให้มากันวุ่นวาย แม้แต่กับเพื่อนสนิทอย่างเบนซ์เขาก็บอกว่าไม่ต้องมา เพราะเขาคิดว่าแค่พ่อเขาสองคนก็น่าจะมากมายเกินพอแล้ว ส่วนโดนัท... ไม่ได้หรอก ต่อให้เจ้าตัวไม่อยากมาเขาก็ต้องขอร้องให้มาแน่ ถึงยังไงนี่ก็แฟนเขานะ จะไม่อยากให้มาส่งได้ไง

ทั้งสามคนเดินมาส่งเด็กหนุ่มจนถึงหน้าเขตที่ห้ามคนนอกเข้าไปด้านใน ปันไล่กอดทีละคน แต่คนที่เขาสวมกอดด้วยนานที่สุดคือพ่อที่เลี้ยงเขามาตลอดชีวิตของเขา เริ่มรู้สึกใจหายวูบวาบเมื่อคิดว่าต้องห่างชายหนุ่มคนนี้ไปจริงๆ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็แค่ส่งยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายและอีกสองคน ก็มันไม่ใช่การจากกันแบบตลอดกาลเสียหน่อย ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องเศร้า

"งั้น... ผมไปก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวถึงแล้วจะติดต่อไป"

"โชคดีลู-- ปัน" ดาราใหญ่ที่พยายามพรางตัวพลิกลิ้นแทบไม่ทัน นพดลเหล่มองมาทางเจ้าตัวอย่างไม่พอใจ เขารู้สึกได้เลยว่าความเป็นส่วนตัวถูกคุกคามเมื่อมีสายตาของใครหลายคนจดๆ จ้องๆ มาทางพวกเขาตั้งแต่มารวมตัวกับบูม บางคนตั้งท่าจะบุกเข้ามาถามกับเจ้าตัวหลายรอบแล้วด้วยซ้ำว่าใช่บูม บดิศรไหม แต่เหมือนอีกฝ่ายก็หาทางเอาตัวรอดแบบเนียนๆ มาได้

"อย่าลืมที่สัญญากับผมนะพี่ เดินทางปลอดภัยครับ" โดนัทว่า ตัวเขากับปันเองก็สวีทกันออกหน้าออกตาไม่ได้เพราะปันบอกว่าไม่อยากให้พ่อแท้ๆ ของตัวเองรู้ แต่เด็กหนุ่มก็คิดว่าแบบนี้ก็เหมาะสมดีแล้ว และเขาเองก็พอใจที่ได้มาส่งอีกฝ่ายถึงนี่ แม้จะรู้สึกโหวงๆ อยู่บ้างก็เถอะ

"รักษาสุขภาพด้วย" ดลพูดตบท้ายเพียงเท่านั้น และได้รับรอยยิ้มกว้างจากไอ้ตัวแสบเป็นคำตอบ





หลังจากส่งปันขึ้นเครื่องเสร็จเรียบร้อย โดนัทที่มากับพ่อก็เริ่มหันไปยกมือไหว้บอกลาผู้ใหญ่อีกสองคน

ต่อหน้าบดิศร ป๊าของโดนัทไม่ถามอะไรสักคำ แต่เมื่อลูกชายขึ้นรถมานั่ง คาดเข็มขัดเสร็จสรรพ ชายหนุ่มก็เอ่ยปากถามทันที

“สรุป… เมื่อกี้นี้ ใช่บูม บดิศรตัวจริงใช่ไหม”

“ใช่สิครับ” คนหน้าหวานว่า “ตัวจริงเสัยงจริงเลยล่ะ”

“เขาเป็นคนรู้จักของปันเหรอลูก”

โดนัทนิ่งเงียบไป เขาอยากจะบอกป๊าของตัวเองเรื่องที่จริงๆ แล้วปัญญาเป็นลูกของดาราชื่อดังคนนั้น แต่เพราะคำสัญญาที่ได้ให้ไว้… สัญญาที่บอกว่าจะไม่บอกใคร ต่อให้นี่เป็นป๊าของเขาเองก็เถอะ แต่โดนัทก็คิดว่าเขาควรจะทำตามสัญญาอยู่ดี

“เขาเป็นญาติของพี่ปันน่ะครับ” เจ้าตัวตอบยิ้มๆ

“งี้นี่เอง”

“แต่ป๊าอย่าบอกใครนะ พี่ปันไม่ค่อยอยากให้ใครรู้เท่าไร เดี๋ยวจะวุ่นวายเปล่าๆ ”

“ป๊าจะบอกใครได้ล่ะ มีใครให้บอก หือ” จากนั้นชายหนุ่มก็หัวเราะร่วนแล้วสตาร์ทรถ







ตัดมาที่อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มอีกสองคนกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน แม้ว่านี่จะเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วก็ตาม

"แล้ว... ทำไมผมจะต้องมานั่งกินข้าวกับคุณแบบนี้ด้วย"

บูมที่กำลังตักสปาเกตตีราดซอสเห็ดเข้าปากเงยหน้าขึ้นมามองคนถามนิดหนึ่ง ใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยนั่นเปล่งประกายแบบที่เรียกได้ว่ารัศมีดาราจับจริงๆ ดลคิดว่าความหล่อนั่นมันแยงตาจนเขาต้องหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างอดไม่อยู่

ลูกค้าคนอื่นๆ ที่อยู่ในร้านหันมามองที่พวกเขาสองคนเป็นระยะๆ ดลสังเกตเห็นว่าบางคนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปด้วยซ้ำ แต่คนที่โดนแอบถ่ายอยู่ก็ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร ประมาณว่าชินกับเรื่องแบบนี้เสียเหลือเกิน เห็นแล้วนึกหมั่นไส้ยังไงขึ้นมาพิกล

"ก็เพราะว่าฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็นน่ะสิ แล้วการนั่งกินข้าวคนเดียวน่ะสนุกซะที่ไหน อีกอย่าง มีนายมาเป็นตัวคอยกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาขอถ่ายรูป ขอลายเซ็นแบบนี้ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว ว่าแต่นายแน่ใจนะว่าจะกินแค่กาแฟแค่นั้น ไม่เอาแซนด์วิชหรือขนมปังสักหน่อยเหรอ"

"ผมกินอิ่มมาจากบ้านแล้ว ขอบคุณ" ดลพูดเลี่ยงพร้อมกับดูดกาแฟเย็นต่อเพื่อตัดบทสนทนาไปเสีย ใจจริงน่ะอยากจะบอกลาคนตรงหน้าแล้วลุกหนีกลับบ้านไปเลย แต่ไม่รู้ทำไมพออีกฝ่ายบอกว่าถ่ายงานมาตลอดทั้งวันจนไม่ได้กินอะไร แถมยังเร่งรีบมาที่สุวรรณภูมิเพื่อส่งปันด้วยแล้ว เขาก็นึกใจอ่อนขึ้นมา แล้วก็คิดง่ายๆ ไปว่าแค่มานั่งรอหมอนี่กินข้าวเฉยๆ คงไม่เสียเวลาเท่าไร

"นายอยากกินบราวนี่ไหม" แต่เหมือนชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่เลิกราวีง่ายๆ ดลเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม

"ตอนจะเที่ยงคืนแบบนี้น่ะเหรอ? "

“ปันชอบกินบราวนี่”

คราวนี้คิ้วของเขาเลิกสูงขึ้นไปอีก

“ฉันก็เลยคิดว่า” กลืนเส้นแป๊บ “นายก็น่าจะชอบ”

“ผมก็ชอบหรอกครับ” นพดลว่า มองหน้าอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ไอ้หมอนี่จะมาไม้ไหน “แต่นี่มันดึกมากแล้ว แถมบราวนี่ทั้งชิ้น… น้ำตาลขึ้นกันพอดี”

“พูดจาเป็นคนแก่ไปได้”

“ก็อายุไม่น้อยเท่าปันแล้วกัน” แบบนั้นน่ะจะกินอะไรก็กินไปเถอะ เขานี่อยู่ในวัยที่ต้องห่วงสุขภาพล่ะ

“งั้นสั่งมาแบ่งกันละครึ่งไหม”

“หา? ”

“ฉันอยากกิน”

“แต่ผมไม่”

“น้องครับ” เจ้าตัวไม่ฟังคำค้าน แถมยังยกมือเรียกพนักงานมาหน้าตาเฉย ไม่ได้สนใจเลยว่าคนอื่นจะมองแล้วมองอีกแค่ไหน ดลแอบสังเกตเห็นว่าพนักงานสองคนทำท่าจะปรี่เข้ามาพร้อมๆ กันด้วยซ้ำตอนที่บูมขยับตัว “ขอบราวนี่ให้ทีหนึ่งนะ”

“ผมไม่กินนะ” พูดดักคอไว้ก่อน แต่คนสั่งหัวเราะหึๆ

“เดี๋ยวก็รู้”

“...” เบื่อคนประเภทมัดมือชกแบบนี้จริงๆ

“เออ ดล ฉันว่าจะถามนายมานานล่ะ”

“อะไร” ดูดกาแฟต่อล่ะ

“นายว่าปันแม่งเป็นเกย์ปะวะ”

“...แค่ก! ” กาแฟยังไม่ทันได้ลงกระเพาะก็มีอันต้องพุ่งออกจากซะแล้ว

“เฮ้ยๆ ๆ ทำอะไรสกปรก เอ้านี่ ทิชชู่ๆ ”

“ทะ… ทำไม” นพดลอึกอัก ยกกระดาษขึ้นเช็ดที่ปาก

“อืม… คือคนในวงการส่วนใหญ่จะมีสิ่งที่เรียกว่าเกย์ด้าน่ะ เคยได้ยินไหม”

ไม่เคยว้อย

“เอาเป็นว่า… แค่รู้สึกแบบนั้นก็แล้วกัน แล้วยิ่งมาเห็นวันนี้ที่น้องผู้ชายหน้าหวานๆ อีกคนก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่ สองคนนั้นเขาชอบกันรึเปล่า”

“...” นี่อย่าบอกนะว่าพวกดารามีเซ้นส์อะไรพวกนี้ บางทีเซ้นส์ก็แรงไปนะ “ก็… ทำไมคุณไม่ลองไปถามปันเองล่ะ”

“เฮ้ย บ้าเหรอ ของแบบนี้ ถ้าลูกอยากจะบอกเขาก็บอกเองแหละ จะไปถามทำไม”

ท่าทีสบายๆ นั่นทำให้ดลรู้สึกแปลกใจ “คุณไม่ว่าอะไรเหรอครับถ้าปันเป็นเกย์จริงๆ ”

“จะไปว่าอะไรล่ะ” เขาว่าก่อนจะเงียบลงเมื่อพนักงานสาวยกของหวานมาเสิร์ฟ “อ้อ น้องครับ เดี๋ยวขอช้อนอีกคันด้วยนะ”

“ได้ค่ะ” หน้าเจ้าหล่อนแดงเถือกเป็นมะเขือเทศแล้วตอนนี้

“แปลว่าคุณรับเรื่องพวกนี้ได้? ”

“โธ่เอ๊ย พ่อเต่าล้านปี เรื่องนี้เขายอมรับกันมาตั้งนานแล้วนะ”

เออ ดูท่าไอ้หมอนี่จะพูดจริง… อะไรวะ ทีเขานะ ใช้เวลาทำใจตั้งนานกว่าจะรู้สึกแบบนี้ได้ ประสบการณ์ต่างชั้นกันจริงๆ

“เอ้า ช้อนมาแล้ว ดล กินสิ ช่วยกินหน่อย คนละครึ่งนะ”

“จริงๆ เลย” ถอนหายใจเฮือกหนึ่งเหมือนอ่อนใจแต่ก็ยอมตักบราวนี่เข้าปากอยู่ดี “ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้กับคุณด้วย จบนี่แล้วผมจะกลับบ้านจริงๆ แล้วนะ”

“นายยังโกรธฉันเรื่องมิ้นต์อยู่อีกเหรอ” คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมาสบตาบูมตรงๆ สีหน้าแววตาและน้ำเสียงของเจ้าตัวเหมือนขอความเห็นใจ “นั่นมันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะ แถมเรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว”

“ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าจะไม่มีวันยกโทษให้คุณเรื่องนั้นน่ะ”

“ต่อให้ฉันบอกว่าทำเพื่อปันงั้นเหรอ? ”

“อืม ต่อให้คุณบอกว่าทำเพื่อปันก็เถอะ ผมทำให้ไม่ได้… ยกโทษให้ไม่ได้หรอก”

“แล้วถ้าปันขอร้องล่ะ? ”

ไอ้นี่… มันเอาลูกมาอ้าง

“ถึงตอนนั้นก็ต้องขอคิดดูก่อน”

“ใจแข็งจัง”

“ผมแค่ไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่ต้องยกโทษให้คุณเรื่องนั้น และเราก็ไม่จำเป็นต้องสนิทชิดเชื้ออะไรกันมากมายด้วย ที่ผมยอมลงให้คุณขนาดนี้ก็เพราะว่าปันหรอก และผมว่าผมทำได้ดีมากแล้ว”

“ฉันเห็นด้วยนะ นายสุดยอดจริงๆ ”

นพดลเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อดูว่าอีกฝ่ายพูดประชดรึเปล่า แต่ไม่เลย ชายหนุ่มหมายความตามที่พูดจริงๆ แถมสายที่เหมือนจะชื่นชมนั่นเริ่มทำให้เขารู้สึกขัดเขินแปลกๆ

“ฉันรู้ว่าฉันทำเรื่องแย่ๆ ใส่นายมามาก ทั้งเรื่องมิ้นต์ เรื่องปัน เรื่องที่ต่อยนาย… บางทีเราคงจองเวรกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน”

“เรื่องนั้นผมไม่ขัดเลย”

“งั้นคราวหน้าเราไปทำบุญด้วยกันไหม” ข้อเสนอของเขาทำเอานพดลต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอีกแล้ว “กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กันไง เผื่อนายจะยอมยกโทษให้ฉัน”

“คุณนี่ประสาทกลับ” นพดลลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเองทั้งที่เพิ่งกินบราวนี่ตรงหน้าไปได้ไม่กี่คำ “ผมว่าผมกลับดีกว่า มื้อนี้คุณจ่ายใช่ไหม ผมไม่ออกเงินนะ”

“แน่นอนครับ นพดล” บดิศรยิ้มจนตาหยี ดลชะงักไปนิดหนึ่งเพราะรอยยิ้มนั่นเหมือนกับปันราวกับคัดลอกกันมา ...แล้วเขาก็แพ้ทางรอยยิ้มของลูกชายมาแต่ไหนแต่ไร

ทำไมไอ้หมอนี่ที่อายุเยอะกว่าเขาถึงได้ยังดูเด็กขนาดนี้ได้อยู่ฟะ

“งั้นไว้เจอกันนะ” เขาทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้นขณะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง “แล้วฉันจะไปดักรอที่บ้าน”

“งานการไม่มีให้ทำหรือไง”

“ก็ไปหาตอนว่างๆ สิ”

“อย่าเอาใครมาซ้อมผมก็พอ”

“งั้นแปลว่านายโอเคแล้ว”

อย่างกับเขาจะห้ามอีกฝ่ายได้จริงๆ งั้นแหละ

“ขอบคุณนะ ดล” ไอ้ตัวแสบ (เหมือนลูกมัน) พูดทิ้งท้าย “นายเป็นคนเข้มแข็งจริงๆ ”

เรื่องนั้นเขารู้ตัวเองดีอยู่แล้ว





----------------------------------------------
Talk: เอามาลงไว้ก่อนค่ะ พรุ่งนี้อาจจะไม่ว่าง แถมพรุ่งนี้หลายๆ คนคงไปงานตลาดฟิคกันล่ะสิ! ฝากเที่ยวเผื่อเราด้วยนะ XD
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-11-2017 17:24:04
เกลียดบูมว่ะ โครตเกลียดเลยต้องบอกว่า "รังเกียจ" เลยล่ะ คนอะไรว่ะไม่สำนึกผิดเลยใช่ไหม
ถึงมาขอให้ยกโทษกันง่ายๆ แบบนี้ เป็นตัวเองจะทำได้ไหมถึงได้พูดออกมาง่ายๆ ว่าให้ยกโทษให้
ทำไมบูมไม่คิดว่าถ้าเป็นตัวเองโดนแฟนไปมีชู้แล้วท้องกับคนอื่นแบบดลบ้าง
มันจะยอมยกโทษให้ง่ายๆ ได้เหรอไงว่ะ เราว่านะเป็นตัวบูมเองทำไม่ได้ชัวร์
แล้วยังมีหน้ามาขอให้คนอื่นยกโทษให้แบบนี้ หน้าด้านว่ะบอกเลย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-11-2017 17:47:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-11-2017 18:20:49
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 17-11-2017 18:33:51
ขอโทษจริงๆนะคับ เราไม่อินกับความรักของปันกับโดนัทเลย อาจเป็นเพราะเราชอบดลมากเกินไป ใครหรือสิ่งไหนทำดลรู้สึกแย่เราพร้อมเทหมด แม้กระทั่งปันก็ตาม เหอๆ เราคงมาโซ 55555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 17-11-2017 18:48:10
ร้องให้ตอนสองพ่อลูกเปิดใจกันเลย  :ling3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 17-11-2017 18:54:04
พ่อดลต้องเหงามากแน่เลย เพราะต้องอยู่คนเดียวควรมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อดลนะ จะได้ไม่เหงา
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-11-2017 19:26:26
โล่งๆๆๆอก หลังจากที่เรื่องราวต่างๆ ของลูกปัน ทับอกแบนๆ ของพ่อดล ได้ปลิดปลิวบางส่วน ต่อจากนี้ไปคุณบูมคงเดินหน้าจีบพ่อดลแล้วซินะ อ้ายๆ เรื่องอดีตช่างมันปัจจุบัน และอนาคตขอให้สองพ่อชื่นมื่น (คนไทยนั้นลืมง่าย อิอิ)
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 17-11-2017 19:34:25
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-11-2017 19:44:21
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-11-2017 21:45:42
การที่บูมมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ดลแบบนี้คืออะไร?

เพราะลูกหรือ? หรือยังไงอ่ะ

ทำไมเราไม่ไว้ใจเลย ไม่ชอบบูมอ่ะ นี่พยายามเปิดใจแล้วนะ แต่รู้สึกระแวงยังไงก็ไม่รู้

กอดดล
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: InYume ที่ 17-11-2017 22:37:30
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกไม่ชอบบูมเลย   คนอะไรเห็นแก่ตัวที่สุด
บอกว่าทำเพื่อปัน จริงๆแล้วทำเพื่อตัวเองมากกว่า
แค่บอกว่า ปันเป็นลูกต่อหน้าคนอื่นยังไม่กล้าเลย  ยังอยากให้ดลยกโทษให้อีก เอิ่ม....(อินจัด) :fire:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-11-2017 05:16:14
พ่อลูกเข้าใจกันก็พอแล้ว ส่วนตาลุงบ้านข้างๆนั่นปล่อยไป เกลียดด
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 18-11-2017 11:34:40
ดลอย่าใจอ่อนล่ะ

มีแววพ่อสองคนจะสปาร์กกันอย่างไงก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 18-11-2017 15:50:32
อยากเห็นพ่อบูมมีคนดูแล
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 18-11-2017 20:17:48
 :m31: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 20-11-2017 20:17:50
เอ่ออออ ถึงเค้าจะเคลียร์กันแล้วยังไงก็ไม่อินอะ
บูมนี่ไม่มีสามันสำนึกขั้นพื้นฐานเลยนะ
ลองคิดกลับกันว่าเมียมีชู้ ตั้งท้องมาแล้วสมอ้างว่าท้องกับบูม
เลี้ยงลูกมา 17 ปีคนเดียว พ่อแท้ๆ มีเหมือนไม่มี แค่โปรยเศษตังค์มาให้ใช้
เห้ย เป็นพ่อทางสายเลือดแต่ไม่ได้เลี้ยงดูอุ้มชูมาใครเค้าอินว่าแกรักวะ
ยิ่งมาทำร้ายร่างกายคนอื่น หาว่าไปต่อยลูกตัว
เอ่อออ ฮัลโหล สติค่ะ 17 ปีที่ผ่านมาไปอยู่ไหนมาคะ?
พอได้จังหวะมาชุปมือเปิปเลยนะ
คือดลน่าสงสารมากอะ เป็นฝ่ายโดนกระทำตลอด ทั้งปัน บูม
มีแต่คนมาใช้อารมณ์ตลอด ถามจริง ยางอายมีปะ

คู่โด ปัน ขอโทษไรต์นะคะ ไมเราไม่อินคู่นี้เลยอ่าาา
อาจเป็นเพราะเราสงสารดลมากก็ได้
เลยทำให้อคติคู่นี้
เพราะตอนปันทะเลาะกับดล แทนที่จะนึกได้แล้วขอโทษพ่อ
แต่แจ้นโทรไปหาแฟน


ค่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 20-11-2017 21:33:25
บูมมันไม่ง่ายไปหน่อยหรอ สรุปบูมดลใช่ไหมคะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 20-11-2017 22:20:55
เอิ่ม.. บูม ล่อแฟนเขาไปแล้วยังคิดจะจีบพ่อด้วยอีกคนรึไง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 21-11-2017 00:52:48
ไม่ค่อยชอบบูมเห็นแก่ตัวอยากได้ลูกคืนแต่คนในบ้านตัวเองก็ยังไม่รู้บอกเป็นญาติห่างๆเอ้านั่นลูกไง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทที่ 17) P.10 [17/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 25-11-2017 11:17:48

บทส่งท้าย




“นี่ พ่อ เห็นรูปโรงเรียนที่ผมไปถ่ายมาหรือยัง เป็นไง ใหญ่ไหม น่าเรียนไหมพ่อ”

“เออๆ เห็นแล้ว” ผมพูดตอบกลับลูกชายที่อยู่ในหน้าจอมือถือขณะที่ยกแปรงสีฟันขึ้นสี เตรียมตัวไปทำงาน

“เออ จริงสิ เวลานี้มันตรงข้ามกับที่ไทยเลยนี่หว่า เดี๋ยวพ่อก็ต้องเตรียมไปทำงานแล้วใช่ไหมฮะ”

“อือ ใช่”

“พ่อกินข้าวเช้าหรือยัง”

“กินแล้ว”

“ผมไม่อยู่ด้วยพ่อเหงาไหมฮะ”

“แค่กๆ ๆ ” โอย สำลักยาสีฟัน ไอ้ลูกบ้านี่คิดว่าตัวเองห้าขวบรึไงถึงได้ถามอะไรเป็นเด็กๆ

แต่… แต่พอเห็นสีหน้าอ้อนๆ แบบนั้นของมันแล้ว…

“ก็เหงา… คิดถึงด้วย ปันไปอยู่นั่นแค่อาทิตย์เดียวพ่อก็เหงาจะแย่ล่ะเนี่ย”

“เว่อร์ พ่อ ทีตอนผมไปอยู่บ้านพ่อบูมตั้งนาน พ่อไม่เห็นเหงาเลย”

“อันนั้นมันก็ยังไปหาได้ง่ายๆ ปะ”

“ผมคิดถึงพ่อจัง”

เอ้า ทีอย่างนี้กลับลำมาเล่นบอทอ้อน ตามไม่ทันโว้ย

“อดทนหน่อยปัน เพิ่งสัปดาห์แรก”

“ผมได้เพื่อนใหม่แล้วนะพ่อ ชื่อเบน หมอนั่นเพิ่งชวนผมไปเข้าชมรมฟุตบอลกับมัน”

“แล้วลูกจะเข้าชมรมนั้นไหมล่ะ”

“อืม คงลองดูก่อน ผมอยากเล่นบาสด้วย ไม่รู้ถ้าไม่เข้าชมรมจะไปเล่นได้รึเปล่า”

“ลองดูหลายๆ อย่างก็ดีลูก” แต่ผมชอบตอนไอ้ปันเล่นบาสมากเลยนะ หมอนี่ดั๊งค์ลูกสวยมาก

“นี่ไอ้เบนซ์บอกว่าจะไปเริ่มเรียนพิเศษ ติวเข้มเตรียมสอบเข้าทันตะอะไรของมันไม่รู้ ผมเองก็ต้องเริ่มเตรียมตัวบ้างแล้ว”

“ลองหาข้อมูลจากหลายๆ ที่ดู แล้วอยากให้พ่อช่วยอะไรก็บอก”

“โอเคครับพ่อ” ปัญญาส่งยิ้มกว้างมาให้ โอย… พอมันไม่อยู่ใกล้ๆ ตัวแบบนี้แล้วมันโหวงๆ ในอกจริงๆ ด้วย “งั้นเดี๋ยวผมวางก่อนนะ โฮสพี่สาวผมมาเรียกแล้ว เดี๋ยวไว้ผมจะถ่ายรูปบ้านส่งไปให้พ่อดูอีกที”

“โอเคครับ” และไม่รู้ทำไม… ผมถึงเผลอพูดต่อไปว่า “ยังไงก็อย่าลืมส่งให้พ่อบูมดูด้วยล่ะ เขาคงอยากเห็นเหมือนกัน”

“ได้เลยพ่อ งั้นไว้คุยกันฮะ” แล้วเจ้าตัวก็ตัดสายไป

ผมกลับออกมาจัดแจงชุดพนักงานของตัวเองให้เข้าที่ หยิบกุญแจรถ กระเป๋าสตางค์ยัดใส่กระเป๋าทำงานอย่างรวดเร็ว นึกถึงเหตุผลที่ผมบอกให้ปันติดต่อหาดาราคนนั้นอีกคน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมเกลียดเขาเข้าไส้ และไม่เคยนึกอยากยอมให้อีกฝ่ายเป็นพ่อของปันอีกคนเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่มาตอนนี้… อืม บางทีอาจจะเป็นเพราะผมเห็นว่าเขาแคร์ปันจริงๆ ล่ะมั้ง เพราะงั้นเขาก็ควรจะได้รับความรักของปันตอบแทนกลับไปบ้าง… แค่บ้างนะ ผมไม่ยอมยกให้ทั้งหมดหรอก เพราะยังไงปันก็ยังเป็นลูกผมอยู่ดี

ผมพลิกข้อมือเพื่อดูนาฬิกา ถึงเวลาต้องออกจากบ้านแล้วถ้าไม่อยากเผชิญรถติดอันน่าสยดสยองในชั่วโมงเร่งด่วน

เอาล่ะ ได้เวลาไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อแล้ว



- Fin -





------------------------------------------------
Talk: สวัสดีค่ะ ทุกคน ไอรินเองนะคะ ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณทุกคนที่อ่านกันมาจนถึงตรงนี้นะ^^ 

ก่อนจะตกใจ แปลกใจ หรือคอมเม้นท์ด่าอะไรเรา อยากให้อ่านทอล์คครั้งนี้ของเรากันก่อนนะ อย่าเพิ่งเกรี้ยวกราดนะคะทุกคน TvT

คือเดิมทีเรื่องนี้ เราวางพล็อตไว้ให้จบแบบนี้มาแต่แรกแล้ว คือพ่อลูกไม่ได้กันก็จริง แต่ยอมรับว่าจงใจเขียนให้จิ้นฟินๆ ได้ค่ะ

พยายามตั้งใจให้เรื่องนี้ออกมาเน้นความสัมพันธ์ของครอบครัว ซึ่งในทีนี้ก็คือปัญญากับนพดลซึ่งเป็นพ่อลูกกันนี่เอง ส่วนในความสัมพันธ์อื่นๆ จะเป็นจุดเสริมมากกว่า และเนื่องจากเป็นนิยายที่เล่นปมในที่ว่าปันเป็นเกย์ และดลเป็นพ่อที่ต้องรับเรื่องนี้ให้ได้ บวกกับเรื่องที่ปันกับดลไม่ใช่พ่อลูกแท้ๆ กัน ตอนแรกที่พยายามจะเขียนเป็นแนวคอมเมดี้เลยกลายเป็นหนักๆ หน่วงๆ ไปบ้าง แต่ก็คิดว่าเขียนออกมาได้ใกล้เคียงกับที่ตั้งใจไว้แต่แรกสุดๆ แล้วล่ะค่ะ

เรารู้ว่าหลายคนอาจจะหวังให้พ่อลูกได้กัน หรือให้สองพ่อได้กัน อันนี้เราก็คงขอจบแบบเปิดปลายกว้างเอาไว้ให้ไปจิ้นกันต่อเอาเอง (ฮา) เพราะตามความตั้งใจของเรา นิยายเรื่องนี้สิ้นสุดที่ตรงนี้จริงๆ (แต่อาจจะมีความฟิน มุ้งมิ้งๆ ในตอนพิเศษก็ได้ อันนี้ก็ยังไม่รู้ค่ะ อิอิ)

ในเรื่องของกระแสตอบรับของนิยายเรื่องนี้... ขอสารภาพว่าตัวเราเองก็ตกใจมาก (555555) เพราะเท่าที่เขียนนิยายมา ไม่เคยเจอคอมเม้นท์ที่ดูเกรี้ยวกราด รุนแรง อินจัดได้ถึงขนาดนี้ (แล้วก็เม้นท์เยอะขนาดนี้ TvT) ก็ดีใจมากๆ ค่ะที่มีคนเข้ามาอ่าน เข้ามาแสดงความคิดเห็นกัน แม้มันจะไม่ถูกใจใครหลายคนไปบ้าง ยังไงก็ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะที่แวะเวียนมา

เราอาจจะไม่ได้ตอบคอมเม้นท์ใครเลย (เพราะตอบไม่ไหว) แต่เราขอบคุณทุกคนมากจริงๆ ที่คอยคอมเม้นท์ให้กันมา เป็นแรงกำลังใจให้เราได้สุดยอดมากๆ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่ตามอ่านกันมาจนถึงบรรทัดนี้ 

ด่าได้แต่อย่าแรง เพราะเขียนมาแล้ว ที่สำคัญเลยคือใจเราบางมาก TvT ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่ส่งมาให้กัน หวังว่าจะได้เจอกับทุกคนในเรื่องต่อๆ ไปของเรานะคะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 25-11-2017 11:34:44
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 25-11-2017 11:37:57
ตัดจบแล้วววววว อยากอ่านต่อฝุดๆ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ  ขอมีตอนพิเศษๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 25-11-2017 13:18:00
ทุกอย่างดี... แต่จบแบบนี้... ไม่ดี ครับ.
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 25-11-2017 14:24:32
ยังคงไม่พอใจกับอิดาราบูมอยู่ดีแหละ รู้สึกว่ายังไม่ค่อยสำนึกอะไรเลย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 25-11-2017 14:37:15
ชอบความปันอ้อนพ่อ แหมมมมม ฮาาาา
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 25-11-2017 14:50:45
รู้สึกว่าจบห้วนไปนิดค่ะ แต่ขอบคุณสำหรับนิยายค่า
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 25-11-2017 14:57:02
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  จะรอติดตามตอนพิเศษและเรื่องต่อไปค่ะ ไว้เจอกันอีกนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-11-2017 15:01:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 25-11-2017 15:28:03
ทำไมตอนจบมันสั้นจัง แอบคิดไปไกลถึงขั้นพ่อดลไปเยี่ยมลูกปันแล้วนะนี่
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-11-2017 15:38:08
ตกลงไปจิ้นต่อกัน พ่อบูมกับพ่อดล
พ่อดล เริ่มอ่อนลงและ
ไมขึ้งเคียด เหมือนแรกๆ

จะมีตอนพิเศษไหมนะ รอนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-11-2017 18:09:41
ขอบคุณนะคร้าบที่เอาพ่อดลและลูกปันมาส่งท้าย ขอจินตนาการเองแล้วกัน สองพ่อก็คบหาดูใจกันแบบลับๆ ส่วนลูกปันก็คู่หนูโดเนอะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 25-11-2017 18:46:01
อยากเห็นพ่อดลมีแฟน แต่ไม่ได้หมายถึงบูมนะ แค่อยากเห็นใครสักคนมาดูแลดลบ้างหลังจากที่ดลต้องอยู่ตัวคนเดียวและดูแลคนอื่นมาตลอด
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 25-11-2017 20:00:21


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 25-11-2017 20:37:25
สรุปแล้วมันคือเรื่องของครอบครัว ไม่มีพระนายใช่ไหมคับ ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-11-2017 23:46:25
ขอบคุณมากเลยนะคะ จบแบบนี้ดีที่สุดสำหรับเราแล้ว ไม่ยากให้พ่อลูกมีสัมพันธ์กัน อยากให้มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์ระหว่างสองคนนี้ เป็นสายใยสัมพันธ์ที่หนักแน่นก็พอแล้วค่ะ ตกใจแอบจบไวไปหน่อย แต่ก็ถือว่าโอเคค่ะ ชอบตรงพ่อดลนึกถึงลูกก่อน มันคงดีสุดได้เท่านี้ค่ะ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นมาจนปันโตขนาดนี้แล้วคงแก้ไขอะไรไม่ได้ หวังว่าในอนาคตพ่อดลจะสำนึกอะไรบ้างสักหน่อยและยอมรับว่าปันคือลูกอย่างเปิดเผย ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ เราดีใจมากเลยที่มาอ่าน เสียน้ำตาไปเยอะเลย อยากอ่านตอนปันเด็กๆที่พ่อดลเลี้ยงคงน่ารักมากๆแน่เลยค่ะ   :mew4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-11-2017 00:46:13
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (บทส่งท้าย) P.11 [25/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 26-11-2017 07:44:48

[แถลงการณ์เล็กน้อย+ขอความเห็นจากทุกคน]



สวัสดีอีกครั้งค่ะทุกคน//โค้งสวยๆ//

หลังจากที่เราลงบทส่งท้ายไปเมื่อวานก็มีคอมเม้นท์มากมายหลั่งไหลมา ซึ่ง เอ่อ จริงๆ ก็เป็นอะไรที่เราคาดไว้อยู่แล้ว แต่พอเจอเข้าตรงๆ เราก็มานั่งคิดทบทวนพิจารณาหลายอย่างเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ที่เราเขียนไป

ก่อนอื่นต้องขอบคุณเพื่อนๆ นักอ่านทุกคนนะคะที่ใจเย็น ติชมกันมาอย่างสุภาพน่ารัก ไม่มีใครหัวร้อนหรือด่าเราหนักอย่างที่เรานึกกลัวไว้เลย ทุกคนน่ารักมาก ^^//ม้วฟ

ก็… หลังจากที่ได้อ่านคอมเม้นท์ ฟังเสียงจากทุกคนแล้ว เราก็ย้อนกลับไปอ่านนิยายของตัวเองอีกครั้ง แล้วเราก็เห็นด้วยกับทุกคนที่พูดมาเป็นเสียงเดียวกันว่า เออ มันจบเร็วไปนะ มันห้วนไปนะ หรืออะไรทำนองนั้น

เพราะงั้นเราก็เลยตัดสินใจว่า โอเค เราจะกลับมาเขียยต่อยอด เพิ่มเติมอีกสักนิด แต่เนื้อเรื่องที่จะต่อยอดก็จะยังอยู่ในคอนเซปต์ตามที่ทุกคนเห็นในบทส่งท้ายนะคะ

ซึ่งตรงนี้เรายังไม่แน่ใจว่าจะตบเรื่องราวทั้งหมดด้วยวิธีไหน เนื่องจากเราลงบทส่งท้ายไปแล้ว อาจจะมาในรูปแบบตอนพิเศษ หรือถ้าแบบ สุดๆ จริงๆ เราอาจจะลบบทส่งท้ายทิ้งแล้วเขียนเพิ่มไปเป็นตอนแบบ 18 19 เลยก็ได้

ทีนี้เราอยากฟังความเห็นจากเพื่อนๆ ค่ะ มีข้อเสนอแนะอะไรให้เราบ้าง ชอบวิธีแบบเพิ่มตอนพิเศษเสริมเอาหรือลบบทส่งท้ายทิ้งแล้วเขียนเพิ่มตอนไปเลยดี?

แล้วเราจะรอฟังความเห็นของทุกคนนะคะ ^^ ขอบคุณที่สนับสนุนกันมาตลอดน้า~
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-11-2017 10:53:58
ลงเนื้อหาเพิ่มจากบทส่งท้าย แล้วเพิ่มเป็นตอนเรื่อยๆ เอาอีก 10 ตอน นะจ๊ะ อยากให้ทุกคู่ลงเอย พลีสสสส
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 26-11-2017 12:04:13
 :call: ขอให้มีคนมาดูแลพ่อดลบ้างนะ สงสารแกอยากให้มีคู่ชีวิตดีดี
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 26-11-2017 12:42:50
เอาเป็นภาค 2 ก็ได้ค่ะ เพราะเรารู้สึกว่าจบตรงนี้มันเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรหลายๆ อย่าง คือสำหรับประเด็นเรื่องการยอมรับว่าลูกเป็นเกย์ มันจบโอเคแล้ว แต่เรื่องที่เราอยากเห็นต่อคือเรื่องหลังจากนี้อ่ะค่ะ จะมีดลปันรึป่าว(ยังแอบหวัง อิอิ) หรือ รักทางไกลระหว่างโดกับปันจะเป็นไงต่อ ประมาณนี้อ่ะค่ะ ฝากเป็นทางเลือกเน้ออออ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 26-11-2017 13:11:51
 ขอแบบพ่อดลได้กับเพื่อนต่างด้าวของปันก็โอนะ
ดลจะได้มีอะไรมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งกับเขาบ้าง
ยังไงก็ขอบคุณคนแต่งน้าาา
รู้สึกว่าตัวเองก็อินจัด  แอบเม้นด่าแรงไปนิส ต้องขออภัย
รอและตามลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 26-11-2017 13:21:28
ดลควรจะมีคนดูแล...บูมควรจะต้องได้รับผลจากการกระทำของตัวเองที่ผ่านมา และครอบครัวก็จะพาผ่านไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Choompoo reangkarn ที่ 26-11-2017 14:32:53
น่าจะต่อให้พ่อดลมีคนดูแลแต่ไม่เอาแบบผิดศีลธรรมถึงแม้ว่าไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆๆเพราะไม่ถนัดแนวนี้เลย. คู่ปันกับโดก็โอเคนะน่ารักดี  แต่เชียร์บูมกับดล :hao3: ถ้าให้จับคู่ดล-ปันเรา
มองดูแล้วไม่เหมาะสม
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 26-11-2017 16:17:44
จบแบบจับคู่ ครับ ถ้าไม่จับคู่ก็ให้ชัดไปเลยว่า ไม่มีทางลงเอย

แบบปัจจุบันเรียกว่าค้างกลางอากาศเลย.
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: kittvara ที่ 26-11-2017 16:47:58
เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เอาหมดๆๆๆๆๆๆๆๆ
จะตอนต่อไป ตอนพิเศษ หรือ ภาคต่อไป
ก็เอา...ชอบตอนเถียงกัน น่ารักดี
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 26-11-2017 17:18:54
ต่อภาค2 เลยค่ะ อาจย้อนเหตุการณ์เก่าว่ามิ้นรู้สึกยังไง ทำไมถึงทำแบบนี้  ให้บูมได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ไม่ใช่ลอยตัว ถ้าจะให้บูมเป็นพระเอกคงขัดใจหลายคน หาคนใหม่มาดูแลดลดีกว่า ส่วนคู่ลูกมีนิดหน่อยก็พอ เน้นดล
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 26-11-2017 19:03:36
อ้าว.ตัดจบเลยเรอะ  อย่างน้อยขอตอนพิเศษหน่อยสิ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-11-2017 19:50:12
ยากนะ จะให้ออกแนวว่า แม่ปันเลวคนเดียวก็ไม่ดี เพราะปันก็รักแม่ตัวเอง บูมก็เป็นพ่อที่ไม่ได้ดีมาก ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย
แต่ก็อยากให้บูมจีบดลนะ แต่อยากให้ดลเล่นตัวหนักๆ
คือไหนๆ ก็มาขั้นนี้แล้ว อยู่กันสามคนพ่อลูกน่าจะดีที่สุด ดูอบอุ่นกว่า แต่บูมควรจะเปิดเผยกว่านี้อีก กล้าๆ หน่อย

เราว่าโมเม้นท์บูมกับดลมันได้ หรือไม่ก็เป็นดลกับบูมมันเลย บูมลองเคะมั่งมั้ยล่ะ แล้วให้ดลมีคนอื่นมายุ่งบ้าง
คริๆ จะได้รู้ว่าความเจ็บมันเป็นยังไง
แต่เอาจริงๆ นะ ชอบ บูมxดล มากกว่า 555555555 หัวเราะห้าล้านตลบ

ทำภาคสองก็ดีนะ คู่โดกับปันเราเฉยๆ อ่ะ ถ้าจะต่ออยากได้คู่พ่อมากกว่า คริ
แล้วแต่คนเขียนล่ะคร้าบ ว่าจะเขียนต่อยังไง มาเถอะ อ่านได้หมด
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 27-11-2017 18:19:56
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ความรู้สึก​นึกคิดของตัวละครแต่ละตัวค่อนข้างสมจริง และการเดินเรื่องไม่อืดอาด การใช้ภาษาลื่นไหล อ่านแล้วไม่สะดุด คำผิดน้อย มีตินิดเดียว จบห้วนไปหน่อย และไม่มีช่วงที่สามพ่อลูกไปเที่ยวด้วยกันก่อนปันออกเดินทาง มันเหมือนตัดฉับเลยทีเดียว ส่วนคำถามล่าสุด อยากให้ต่อภาคสองค่ะ จะได้มีอ่านต่ออีกนานๆ 555+

เดี๋ยว​จะไปหานิยายเรื่องอื่นๆของผู้แต่งมาอ่านอีกค่ะ ขอบคุณ​ที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-11-2017 19:52:22
ชูมือเห็นด้วยกับการเขียนต่อค่ะ  คือชอบเรื่องนี้...และที่สำคัญอยากให้พ่อดลมีหวานใจด้วย แต่ไม่เอาบูมนะมันคงไม่อินถ้าคนที่เคยทำผิดต่อดลจะกลายเป็นหวานใจของดล แต่ให้พ่อบูมคอยดูแลแสกนคนที่เข้าหาพ่อดลอีกต่อคงจะน่ารักดี คงได้ฟิลพี่ชายหรือไม่พ่อดลก็คงมีพ่อคนที่สอง งื้ออออ...อยากอ่าน อยากให้พ่อดลมีความสุข
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 28-11-2017 09:56:42
 :pig4: เป็นตอนพิเศษ หรือภาคต่อก็ได้ค่ะ อยากเขียนไทม์ไลน์ของแต่ละคน
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-11-2017 12:38:00
คือก็แบบว่าเป็นเรื่องราวของตัวละครแบบที่ดำเนินต่อไปน่ะค่ะ ยังไงดี คืออาจจะมีเป็นภาคสองอะไรแบบนี้(เห็นด้วยกับคนอื่นๆ) อยากให้มีเรื่องของดลต่ออ่า ชอบดลๆ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bmine ที่ 28-11-2017 13:56:11
ขออนุญาตแสดงความเห็นนะคะ ส่วนตัวยอมรับได้กับการจบแบบไม่จับคู่ค่ะ เพราะถ้าเป็นชีวิตจริงก็คงพอจะเข้าใจได้ที่เรื่องจะเป็นแบบนี้ แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่ทำร้ายพ่อดลมากๆ ฮือ คนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย สุดท้ายจบแบบเหงาๆ อยู่คนเดียวเลี้ยงลูกคนอื่นต่อไป ในขณะที่บูมกับมิ้นต์ซึ่งเป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมดกลับไม่ได้รับผลอะไรที่ตัวเองก่อไว้เลย ถึงมันจะมีเรื่องแบบนี้ในชีวิตจริง แต่ก็...ไม่รู้ซิคะ มันเหมือนไม่มีกฎแห่งกรรมให้รู้สึกว่าทำดีได้ดี หรือทำชั่วต้องรับผลกรรม อะไรแบบนี้อ่ะค่ะ เลยอยากเสนอว่าอาจจะเป็นตอนพิเศษในรูปแบบไดอารี่หรืออะไรแบบนี้ก็ได้ค่ะ ให้เข้าใจมุมมองหรือความรู้สึกของคนผิดบ้างว่าไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้น และทำไมถึงไปทำตัวสาร...แบบนั้น 5555 เพราะจบแบบนี้เราเกลียดมิ้นต์กับบูมมากๆเลยค่าาา 555555  :ling1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: obofe ที่ 01-12-2017 22:51:55
ในที่สุด  ในที่สุดคุณพ่อก็จะได้เป็นตัวเอกของเรื่องซักที   หลังจากโดนคุณลูกแย่งบทมานานนนนน

บทปันเยอะมากจนเราสงสัยเลยว่าที่จริงชื่อเรื่องพิมพ์ผิดจาก ทำไงดีเมื่อพ่อรู้ว่าผมเป็นเกย์?

ในที่สุดหลังจากรออออ  มาาา นาานนน  เราจะได้อ่านเรื่องคุณพ่อซักที  ดีใจมากกกกเลยยยย
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 01-12-2017 23:28:16
ต้องดูว่าจะเพิ่มตอนเยอะไหม ถ้าเพิ่มไม่เยอะก็เป็นตอนพิเศษน่าจะดีกว่า
แต่ที่แน่ ๆ อยากให้มีคนที่รักและพร้อมจะดูแลพ่อดลบ้าง
พ่อดลเป็นคนดี น่าจะมีคนดีดีมาคอยดูแล
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 01-12-2017 23:34:05
อ้าวจบแล้วหรอครับ...ผมก็อ่านแต่ทำไมไม่รู้ว่าจบตกข่าว..555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: obofe ที่ 07-12-2017 16:11:40
เป็นเรื่องที่ดีมากคะ  แต่อยู่ผิดหมวด  ไม่น่าอยู่หมวดวาย  น่าจะอยู่นวนิยายแนวครอบครัว  เราแนะนำให้ลงเว็บอ่นเช่น Dek-d เพิ่ม  แต่เราดีใจนะที่ได้อ่านเป็นเรื่องที่ดี

แนะนำติชม
แก้ไขหมวดนิยายคะ  ก่อนหน้านั้นเราคอมเม้นว่าชื่อเรื่องไม่ค่อยเข้ากับเนื่อหา เพราะเราเข้าใจว่าเป็นนิยายวาย  ที่บทพนะนาย เริ่มเรื่องช้า   แต่ถ้าจบแบบนี้ควรย้ายไปอยู่หมวดนิยายครอบครัว  ชื่อเรื่องก็จะไม่มีปัญหาคะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 13-12-2017 03:46:07
เราชอบนิยายเรื่องนี้นะ สนใจตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้ว
แต่เราหยุดอานประมาณ 2 ตอน+บทสุดท้าย
เพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง ไม่ให้เดือด 5555555

พอกลับมาอ่านต่อ ก็เลยไม่ได้เกลียดบูมอะไรมากมาย แถมท้ายเรารู้สึกว่าพ่อบูมน่ารักดีตอนอยู่กับดล
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆค่ะ
ส่วนเรื่องที่ไรต์เหมือนจะแต่งเพิ่ม เราว่าทำเป็นตอนพิเศษ แต่จะมีกี่ตอนก็ไม่ว่ากัน ยังงี้ก็โอเคนะคะ

เพราะยังไงส่วนตัวเราก็ชอบตอนจบแบบปลายเปิดยังงี้เหมือนกัน
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 14-12-2017 15:36:18
ทำเป็นภาคสองก็ดีนะคะ ประมาณฟ้าหลังฝน
ประเด็นพ่อลูกก็เคลียร์แล้ว
น่าจะเพิ่มความหวานมา 555 แค่เสนอนะคะ
ถ้าทำคู่บูม ดล อยากให้ไรต์จัดให้บูมโดนทรมานทรกรรม
เคยแย่งเมียเค้ายังไง ขอให้โดนสิบเท่า เอาให้หึงหนักๆ เลย 555
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 27-04-2018 02:01:24
จิ้นคู้สองพ่ออยู่นะจ๊ะ รู้สึกว่าเคมีมันเข้ากั๊นเข้ากัน o13
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 28-04-2018 18:12:13
ตอนที่รู้ว่าปันไม่ใช่ลูกแท้ๆก็แอบเชียร์แนวลูกกินพ่อนะคะ(ฮา) แต่พออ่านจบแล้วก็คิดว่าให้เป็นพ่อลูกกันดีแล้วค่ะ เราว่าความสัมพันธ์นี่มันเป็นความรักของพ่อลูกจริงๆ จะไปแนวลูกกินพ่อคงไม่ไหว แต่เราอยากให้คุณดลมีคนมาดูแลนะคะ เค้าเจ็บมาเยอะเลยแหละค่ะ ส่วนตาพ่อดาราคนนั้นเราก็แอบโกรธนะแต่ก็ไม่ขัดอะไร ถ้ามีต่อจริงๆจะรอนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 02-07-2018 02:43:15
ชอบเรื่องนี่มากๆ แอบเชียร์คู่พ่อๆตั้งแต่รู้ว่าบูมเป็นพ่ออีกคนอ่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ (แถลงการณ์เล็กน้อยค่ะ) P.12 [26/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 15-08-2018 17:34:45
สวัสดีค่ะทุกคน

หายหน้าหายตาไปนานเลย วันนี้เรามีข่าวดีมาแจ้งให้ทราบค่ะ ^^
นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้วน้าาาาา~~
รายละเอียดตามนี้เลย

+++++++++

เรื่อง: ทำไงดีลูกผมเป็นเกย์
ปกโดย : Catdoll jin
จำนวน : 252หน้า
ราคา : 250 ฿ [ [พิเศษรอบ Pre - sale ลดเหลือ 220 ฿] ]
ตอนพิเศษในเล่ม : 6 ตอน
สั่งซื้อ : diamondystore.lnwshop.com

+++++++++

ค่าจัดส่ง : แบบลงทะเบียน 50 ฿ / EMS 70 ฿ (จัดส่งหลายเล่มที่อยู่เดียวกันเพิ่มเล่มละ 10 ฿)
วันเปิด-ปิดจอง : 15 สิงหาคม พ.ศ 2561 – 25 กันยายน พ.ศ. 2561
(จัดส่งภายในเดือนตุลาคม และมีลงงานสัปดาห์หนังสือ)

+++++++++

ในเล่มมีตอนพิเศษจุใจมากๆ เขียนเองพูดเองนี่แหละว่าฟิน (ฮาาาา)

กำลังคิดอยู่ว่าจะเอาตอนพิเศษสักตอนหนึ่งมาลงเป็นตัวอย่างให้ทุกคนลองอ่าน มีคนอยากอ่านบ้างไหมคะ? ถ้าสนใจยังไงอย่าลืมคอมเม้นท์บอกกันไว้นิดหนึ่งน้าาา

ขอฝากรวมเล่มนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมแขนด้วยค่ะ!
รักทุกคนเลย <3

Link รูปปกนะคะ: https://imgur.com/a/6QLneVM (https://imgur.com/a/6QLneVM)
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [เปิด Pre-Sale] เปิดรวมเล่มนิยาย P.13 [15/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-08-2018 18:28:01
รออ่านค่าาาาา   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [เปิด Pre-Sale] เปิดรวมเล่มนิยาย P.13 [15/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-08-2018 00:37:09
ให้อยากพ่อสองคนจับคู่กัน :-[ หรือมีภาคพ่อต่อ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [เปิด Pre-Sale] เปิดรวมเล่มนิยาย P.13 [15/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-08-2018 12:20:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [เปิด Pre-Sale] เปิดรวมเล่มนิยาย P.13 [15/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 16-08-2018 14:52:01
ขอตอนพิเศษสักตอนสองตอนหน่อยค่าา :mew1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [เปิด Pre-Sale] เปิดรวมเล่มนิยาย P.13 [15/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 16-08-2018 17:49:34
งงว่า หมวดนิยายวาย ..
หมายถึง วาย...เพราะปันเป็นเกย์
วาย เพราะปันกับโดนัท?
แต่มันไม่มีประเด็นลงเอยอะไรเลย นอกจาก "ครอบครัว"
พ่อ เลี้ยงลูกคนอื่น
พ่อ ปกปิด...แต่ยังแอบดูแลลูกตัวเอง
แล้ว ... ??

งงค่ะ
สรุปว่า ถ้าอยากรู้ว่าทำไม วาย
คือต้องซื้อหนังสือ เพื่อรู้เรื่องทั้งหมดเหรอคะ

งั้นบอกผ่านดีกว่าเนอะ
แต่ก็ขอบคุณนะคะที่เขียนมาลง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [เปิด Pre-Sale] เปิดรวมเล่มนิยาย P.13 [15/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: oyoyiy ที่ 17-08-2018 05:30:15
รอภาคสองค่าาาาาา  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [เปิด Pre-Sale] เปิดรวมเล่มนิยาย P.13 [15/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 17-08-2018 21:28:33
 :pig4:  2พ่อดูเข้ากันได้ดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [เปิด Pre-Sale] เปิดรวมเล่มนิยาย P.13 [15/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-08-2018 05:42:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [เปิด Pre-Sale] เปิดรวมเล่มนิยาย P.13 [15/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 21-08-2018 14:56:26
 :o12: :o12:อยากเข้มแข็งให้ได้แบบดลบ้างจัง... ปลายทางของความเหงา
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [เปิด Pre-Sale] เปิดรวมเล่มนิยาย P.13 [15/08/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 16-09-2018 18:49:47
ตอนพิเศษ 1





“ปัน เลิกร้องไห้ได้แล้ว จะร้องไปถึงไหนเนี่ย"

"ก็... ก็ ฮึก" เด็กชายยังคงสะอื้นไม่เลิก บาดแผลบริเวณหัวเข่าทั้งสองข้างยังมีเลือดไหลออกซิบ และสาเหตุที่ทำให้ปันตัวจิ๋วได้บาดแผลมาก็ไม่ใช่อะไร เพราะเจ้าตัวกำลังฝึกถีบจักรยานสองล้ออยู่กับผู้เป็นพ่อนั่นเอง

แต่เพราะความซ่าที่อยากขี่ได้เองเร็วๆ เลยบอกพ่อให้ปล่อยเขาถีบเองคนเดียว ผลจากการที่ยังทรงตัวไม่แข็งทำเอาเจ้าตัวเล็กล้มลงเข่ากระแทกพื้นจนได้

"พ่อ... ปันเจ็บขา" ร้องไห้แงๆ อย่างเดียวไม่พอ เจ้าตัวแสบเดินมาเกาะขากางเกงของดลที่กำลังจูงจักรยานคันเล็กของลูกชายไปตามทาง

"อดทนหน่อยสิครับ คนเก่ง เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวพ่อทำแผลให้นะ หนูจะได้หายเจ็บไง"

เด็กชายยังคงปาดน้ำตาป้อยๆ เดินขาลากไปกับพื้นตามผู้เป็นพ่อไปอย่างเชื่องช้า แต่เดินได้ไม่เท่าไร ปัญญาก็ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับเริ่มงอแงอีกครั้ง

"ปันเดินไม่ไหวแล้ว"

"อ้าว แล้วปันจะทำยังไง นั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืนเหรอ"

"พ่อ... อุ้ม" พูดพลางกางแขนออกทั้งสองข้าง ตรูว่าล่ะต้องมาไม้นี้

"พ่ออุ้มปัน... แล้วใครจะเป็นคนเข็นจักรยานกลับบ้านล่ะครับ"

เด็กน้อยเริ่มเอียงคอ คิ้วเล็กๆ ขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างคนคิดไม่ตก เห็นแล้วรู้สึกน่าหยิกอย่างไรพิกล ก่อนเจ้าตัวจะทำสีหน้าตื่นเต้นดีใจเหมือนนึกอะไรดีๆ ขึ้นได้

"ปันรู้แล้ว! พ่อให้ปันขี่หลังไง"

มันกะจะใช้แรงงานพ่อมันอย่างเดียวเลยเว้ยเฮ้ย

"ไม่เอาหรอก ปันตัวหนัก พ่อแบกเราไม่ไหวหรอก" นพดลรีบว่าทันที แต่ไอ้ตัวเล็กไม่ฟังคำปฏิเสธของเขา มันล้มตัวลงนอนกับพื้นคอนกรีตบนถนนทั้งๆ อย่างนั้น ถึงถนนตรงนี้จะไม่มีรถผ่าน แล้วก็ไม่ได้มีคนผ่านมามากมายให้ปันไปเกะกะ แต่ไปนอนคลุกฝุ่นแบบนั้นมันใช่เรื่องไหม

"ปัน ไม่เอาลูก ไม่นอนแบบนั้น" เริ่มพูดเสียงเย็นล่ะตอนนี้ "ลุกขึ้นมาดีๆ "

“ผมอยากขี่หลังพ่อ” เจ้าตัวเล็กเริ่มออกฤทธิ์เดช เขาจะแกล้งปล่อยปันไว้เฉยๆ ตรงนั้นก็ได้ แต่จนแล้วจนรอดดลก็ใจอ่อน ต้องเดินไปหาเด็กชายพร้อมกับหันหลังให้แล้วย่อตัวลง

“เอ้า จะขี่ก็ลุกขึ้นมา ไม่งั้นพ่อจะปล่อยทิ้งไว้แบบนี้จริงๆ ด้วย”

“เย้! ” เท่านั้นแหละปันก็ผลุงขึ้นมาจากพื้น ถลาเข้ามาโอบรอบคอเขาแน่น

ทีแบบนี้ล่ะมีแรงขึ้นมาเชียว

นพดลจากจักรยานคันเล็กกลับบ้าน ส่วนเจ้าของจักรยานน่ะสบายแฮเพราะได้อยู่บนหลังเขา แถมยังชวนคุยนู่นนี่เจื้อยแจ้วไปเรื่อย

“นี่ๆ พ่อ ปันได้คณิตคะแนนเต็มด้วยนะ คุณครูชมว่าปันเก่งมากเลย”

“เหรอลูก แต่พ่อว่าปันบอกพ่อไปแล้วนี่”

“พ่อฮะ ปันตัวหนักมากไหม” จากคุยเรื่องหนึ่งอยู่ เจ้าหนูก็เปลี่ยนหัวข้อได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์

“หนักสิลูก หลังพ่อจะหักแล้วเนี่ย” ก่อนหน้านี้ที่ให้มันขี่คอ จำได้ว่าตัวไม่หนักขนาดนี้นะ

“แล้วถ้าพ่อหนัก พ่อจะให้ผมขี่คอทำไมอะคับ”

น๊าน กวนประสาทนะลูกเขาคนนี้ ก็เมื่อกี้เอ็งไม่ใช่เหรอที่งอแงไม่ยอมเดินเองน่ะ!

“ก็เพราะว่าพ่อรักปันน่ะสิครับ” ปากหวานเอาใจไปก่อน รอกลับถึงบ้าน เดี๋ยวจะจัดการให้หายมันเขี้ยวเลย

“เย่! ” เด็กชายปันชูมือทั้งสองข้างอ่างลิงโลด ทำเอาดลเสียสมดุลในการทรงตัวไปเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันเอ็ด เจ้าตัวเล็กก็แอบรอบคอเขาแน่นขึ้นพร้อมกับหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ “ปันก็รักพ่อเหมือนกันครับ รักพ่อที่สุดเลย”

“...” โอ๊ย ละลายตายแป๊บ นี่ลูกเขาไปเอานิสัยขี้อ้อนแบบนี้มาจากใครเนี่ย!







นพดลเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นานตอนที่ปันอายุเท่านั้น เขาไปส่งลูกชายที่โรงเรียนทุกเช้าได้ก็จริง แต่ขากลับปันต้องนั่งรถโรงเรียนกลับมาเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของเขา ดลจำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาคอยดูแลลูกชายทุกเย็นวันจันทร์ถึงศุกร์จนกว่าชายหนุ่มจะถึงบ้านนั่นแหละ แต่ก็ดีอย่างตรงที่ดอกรักหรือป้ารักจะคอยทำข้าวเย็นไว้ให้ทั้งเขาและปันเตรียมไว้ให้ ช่วยทุ่นแรงให้เขาไปได้มากทีเดียว

“สวัสดีครับ ป้ารัก” นพดลยกมือไหว้อีกฝ่ายทันทีเมื่อกลับเข้าบ้าน “ปันเป็นยังไงบ้างครับ อ้าว ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้น”

“นี่กำลังดื้อเลยค่ะ คุณดล ไม่ยอมทำการบ้าน เจอป้าดุหน่อยก็น้ำตาคลอเลย สงสัยคงอยากโดนคุณครูทำโทษพรุ่งนี้”

“ปันไม่อยากทำการบ้าน! ” เด็กชายพูดอย่างดื้อดึง “ปันอยากเล่นเกม! อยากออกไปเตะบอลข้างนอก! ”

“ปัน ไม่เอาครับ อย่าขึ้นเสียงกับผู้ใหญ่แบบนี้สิลูก” นพดลรีบพูดทันทีด้วยความตกใจก่อนจะหันไปขอโทษหญิงสาวอีกคน “ขอโทษแทนปันด้วยนะครับ ดื้ออะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่า คุณดล ปันก็เหมือนหลานป้านั่นแหละ งั้นถ้ายังไงวันนี้คุณดลไม่มีอะไรแล้ว ป้าขอกลับก่อนนะคะ พอดีต้องไปดูแลคุณแม่หน่อย แกไม่ค่อยสบาย”

“ครับ ขอบคุณมากจริงๆ ครับ” คล้อยหลังหญิงสาวอีกคนไป นพดลก็หันกลับมาเอ็ดลูกชายต่อ “ไหน ปัน เป็นอะไรครับ หนูงอแงอะไรฮึ ทำไมไม่ยอมทำการบ้าน”

“ก็ปันเบื่อ” เด็กชายเบ้ปากขณะที่คนเป็นพ่อพลิกดูสมุดการบ้านของลูกชายที่เปิดกางอยู่บนโต๊ะ “ปันอยากเล่น ไม่อยากทำการบ้านแล้ว”

“แต่เราสัญญากันแล้วใช่ไหมครับว่าปันจะไปเล่นไม่ได้ถ้าไม่ทำการบ้านให้เสร็จ”

“แต่ผมไม่อยากทำ” พูดพลางผุดลุกจากเก้าอี้ วิ่งไปนอนคว่ำหน้าบนโซฟาเสียอย่างนั้น

ดลถอนหายใจแผ่วเบา เอื้อมมือไปลูบผมลูกชายก่อนจะเลื่อนลงไปแตะไหล่เล็ก ปันขืนตัวขึ้นมานิดหนึ่ง

“ไม่ดื้อสิครับ ปัญญา ถ้าอยากเล่นเกมก็แค่ต้องรีบทำการบ้านให้เสร็จเท่านั้นเอง ไหน ทำข้อไหนไม่ได้ มาให้พ่อช่วยดูดีกว่า”

น้ำเสียงอ่อนโยนกับท่าทีใจดีของอีกฝ่ายทำให้เด็กชายค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง และถึงจะฝืนใจอย่างไร ปัญญาก็เดินไปหยิบสมุดจากบนโต๊ะมาอย่างว่าง่าย กางตรงหน้าที่เขาทำค้างอยู่ให้อีกฝ่ายดู

นพดลดึงร่างของลูกชายขึ้นไปนั่งบนตักเพื่อจะได้ดูคำถามข้อที่ปันทำไม่ได้ไปพร้อมๆ กัน และเมื่อชายหนุ่มค่อยๆ อธิบาย พยายามถามกระตุ้นเพื่อให้เด็กชายคิดตาม ในที่สุดปัญญาก็จรดปลายดินสอไม้ลงบนหน้ากระดาษและขีดเขียนคำตอบลงในที่สุด

ล่อไปประมาณเกือบชั่วโมงกว่าเขาจะคุมลูกชายให้ทำการบ้านเสร็จ… ขอบอกเลยว่าตอนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งหิว ไม่มีแรงจะขยับตัวทั้งๆ ที่ว่างและอาหารก็รอเขาพร้อมอยู่บนโต๊ะ

“พ่อ” ไอ้ตัวแสบเริ่มปีนขึ้นมาก่ายเขาอย่างที่ชอบทำเวลาจะอ้อน “ปันไปเล่นเกมได้รึยังครับ”

“ครับ ไปเล่นได้แล้วครับ” แล้วก็ออกจากตัวเขาด้วย หนักเฟ้ย ยิ่งตอนนี้หมดแรง ต่อให้มันอ้อนก็ไม่ค่อยรู้สึกว่ามันน่ารักเท่าไรล่ะ

“งั้นผมไปเล่นเกมล่ะนะ อ้อ ผมกินข้าวแล้วนะพ่อ” แล้วเจ้าตัวก็เผ่นแน่บขึ้นบ้านไป

น่ารักเสียไม่มี

ดลลงมือกินข้าวบนโต๊ะ จากนั้นก็ตบท้ายด้วยแก้วมังกรที่อยู่ในตู้เย็น ตั้งใจจะหั่นส่วนหนึ่งไปให้ปันที่อยู่ด้านบน ไอ้หมอนี่ไม่เคยคิดจะทำกินเอง ถ้าไม่มีใครประเคนไปไว้ข้างลูกชายเขา ต่อให้มีผลไม้ล้นบ้านมันก็ไม่หยิบกิน

และเมื่อขึ้นมาถึงบนห้องลูกชาย นพดลก็วางจานที่ใส่ผลไม้ไว้บนโต๊ะข้างๆ คอมของเจ้าตัวแสบ ตามองเกมที่เด็กชายเล่น ดูๆ แล้วไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหน ทำไมพวกเด็กๆ ถึงได้ติดกันงอมแงมนัก

“ปัน เดี๋ยวสามทุ่มแล้วต้องเลิกนะลูก แล้วนี่ กินผลไม้นี่ด้วย”

“แก้วมังกร” ปัญญาหันหน้ากลับมามองพร้อมกับตีหน้ายู่ “ปันไม่ชอบแก้วมังกร”

“ไม่ชอบก็ต้องกินครับ”

“ปันกินอย่างอื่นไม่ได้เหรอฮะ กล้วยก็ได้ แต่ปันไม่อยากกินแก้วมังกร”

“อย่าดื้อ ปัน ของดีมีประโยชน์น่ะไม่ต้องไปกลัวมัน กินเข้าไป”

จนแล้วจนรอดเด็กชายก็ต้องพยักหน้ารับ จากนั้นก็หันไปเล่นเกมต่อหน้าตาเฉย

“เดี๋ยวกินครับ”

ให้มันได้แบบนี้สิ ลูกเขา





สามทุ่มตามเวลาที่รับปากกับพ่อไว้ ปันก็เลิกเล่นเกม ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ออกจากห้องไปหาดลที่อยู่ในห้องนอนใหญ่ เมื่อมาถึง เจ้าตัวเล็กก็ปีนขึ้นไปบนเตียง ขดตัวลงนอนข้างๆ ดลที่อยู่ในชุดเตรียมนอนเรียบร้อย ตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ซึ่งฉายรายการข่าวภาคค่ำ มือเลื่อนลงมาลูบหัวเด็กชายเบาๆ อย่างรักใคร่

“ไง ปัน กินแก้วมังกรหมดรึเปล่า”

“หมดแล้วครับ”

“แล้วจานล่ะ เอาไปเก็บรึยัง”

“...” เงียบแบบนี้แปลว่าจานเปล่ายังอยู่ที่เดิม เอาเถอะ พรุ่งนี้เช้าเขาค่อยจัดการก็ได้

“แปรงฟันหรือยังครับ”

“แปรงแล้วครับ” พูดพลางทำหน้าสะลึมสะลือ

“ง่วงแล้วเหรอ”

“ครับ”

“งั้นนอนกันดีกว่า” นพดลว่าพร้อมกับทาบริมฝีปากลงบนหน้าผากของลูกชาย ปัญญาส่งยิ้มซุกซนกลับมาให้

"ฝันดีครับพ่อ"

นพดลตอบคำพูดนั้นด้วยการเคลื่อนหน้าเข้าไปทาบริมฝีปากลงบนหน้าผากมนของลูกชาย

"ฝันดีครับคนเก่ง" ลูบหัวเจ้าตัวเล็กอย่างรักใคร่ ปันเขยิบเข้ามาหอมแก้มเขาคืน จากนั้นก็หลับตาพริ้มอย่างเพลียจัด ครู่ต่อมาเด็กชายก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว ดลยกยิ้มขันพร้อมกับเกลี่ยเส้นผมของปันอย่างเอ็นดู

คนที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขาเองอยู่ตรงหน้า คนที่ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย เด็กชายที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบของเขา

เขาอยากให้ปันมีความสุข... ความปรารถนาของเขามันก็ง่ายๆ แค่นั้นเอง







หากตอนนี้ลูกชายเจ้าของพวงแก้มกลมที่มักมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่เป็นนิจกำลังตีหน้าบูดอยู่บนโต๊ะอาหาร ใบหน้าใสงอง้ำขณะที่มือเริ่มใช้ช้อนเขี่ยข้าวในจานไปมา

"น้องปัน" นพดลพูดเสียงไม่สบายใจนัก จริงๆ เขาควรจะดุที่ลูกเขี่ยข้าวเล่น แต่เห็นหน้าหมองๆ นั่นแล้วดุไม่ลง "กับข้าวไม่อร่อยเหรอครับลูก"

ที่ถามแบบนั้นเพราะวันนี้นพดลทดลองทำอาหารเมนูใหม่เป็นครั้งแรกหลายอย่าง ทั้งปูผัดผงกะหรี่กับทอดมันกุ้งที่เจ้าตัวแสบเคยไปกินที่ร้านอาหารแล้วติดใจนักหนา แต่อาจจะเพราะเขาทำครั้งแรกมันเลยไม่ถูกปากเจ้าตัวเล็กก็เป็นได้ หากปันเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขาฝืนๆ

"อร่อยครับพ่อ โดยเฉพาะปูผัดผงกะหรี่ ผมชอบมาก"

"แล้วทำไมทำหน้างอแบบนั้นล่ะ หรือว่าโดนครูดุอะไรมา" ดลถาม "ไม่ใช่ว่าไปทำอะไรแสบๆ ไว้ใช่ไหมครับ"

"ฮื้อ... เปล่านะครับ ปันเป็นเด็กดีนะ" พูดพร้อมกับบิดตัวไปมาเหมือนงอนที่พ่อไม่เชื่อใจ นพดลหัวเราะออกมานิดหนึ่งกับท่าทางนั้น

"ถ้าอย่างนั้นทำไมน้องปันเด็กดีไม่ตั้งใจทานข้าวเลยครับวันนี้" พูดพร้อมกับยกมือลูบหัวทุย "เอาแต่เขี่ยไปมาแบบนั้นคนทำเสียใจหมดแล้วน้า"

เจ้าตัวเล็กทำตาโตอย่างตกใจ "คุณพ่อเสียใจเหรอครับ? "

"เสียใจสิครับ"

"งั้นปันจะตั้งใจกิน" ว่าแล้วเด็กชายก็ตักเข้าคำต่อไปเข้าปากอย่างกระตือรือร้น แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นเจ้าตัวก็ดูซึมลงไปอีก นพดลชักกังวลจริงๆ จังๆ

"ปัน มีอะไรที่โรงเรียนรึเปล่าลูก โดนเพื่อนแกล้งมาเหรอ หรือว่ากังวลเรื่องอะไร"

"เปล่าครับ ปันไม่ได้โดนเพื่อนแกล้ง" พูดพร้อมกับส่ายหน้ารัวๆ "เพียงแต่... ปันรู้สึกแปลกๆ กับอะไรนิดหน่อย"

"รู้สึกแปลกๆ เรื่องอะไรครับ? "

"ก็... พรุ่งนี้ที่โรงเรียนมีกิจกรรมวันแม่" ปันพูดออกมาในที่สุด "เพื่อนส่วนมากคุณแม่ก็ไปร่วมงานด้วย"

นพดลอึ้งไป เมื่อปีก่อนไม่เห็นปันซึมกับเรื่องอะไรแบบนี้ สงสัยจะถึงวัยที่เริ่มอ่อนไหวกับอะไรแบบนี้เสียแล้ว

"แต่ก็มีเพื่อนหลายคนนะที่แม่ไปร่วมงานไม่ได้" เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงที่ฝืนให้ดีขึ้น แต่ประโยคถัดมาก็อ่อยลงไปอีก "แต่พวกนั้นก็เล่าให้ผมฟังว่าเขาจะไปเที่ยวที่อื่นด้วยกันแทนวันหลัง พ่อครับ...ปันอยากมีแม่บ้าง"

นพดลฟังแล้วอึ้งไปเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เขาเตรียมใจมานานแล้วว่าสักวันปันต้องมีความคิดแบบนี้เขาจึงรับมือได้อย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มวางมือลงบนศีรษะของเด็กชาย สบตาใสที่ตอนนี้หม่นลงเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน

"ปันครับ เดี๋ยวปันเด็กดีของพ่อรีบกินข้าว แล้วเราไปเดินเล่นสวนหลังบ้านกันดีกว่า"

ปัญญาทำหน้างอ ไม่คล้อยตามการชักชวนที่ดูไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เขาหดหู่แม้แต่น้อย แต่นพดลก็ยังคะยั้นคะยอให้ลูกชายกินอาหารจนหมดจาน ยกจานชามสกปรกเข้าครัวแล้วเขาก็พาเจ้าตัวเล็กออกไปที่สวนตามที่ชวนไว้

สวนในบ้านของเขาไม่ใหญ่มากก็จริงแต่ก็ถูกตัดแต่งเป็นสัดส่วนและได้รับการดูแลอย่างดี นพดลจ้างคนสวนมาคอยจัดการเดือนละสองครั้ง ส่วนตัวเขาคอยรดน้ำพรวนดินแทบทุกอาทิตย์

"ดูสิ ปัน" ดลชี้ไปที่พุ่มดอกไม้พุ่มหนึ่ง "ออกดอกแล้ว สวยไหมครับ"

"สวยครับ" เด็กชายเริ่มทำตาแป๋ว มองดอกไม้อย่างสนอกสนใจ ลืมเรื่องเศร้าเมื่อครู่ง่ายๆ ตามประสาเด็ก "นี่คุณพ่อปลูกเองหมดเลยเหรอ"

"เปล่าครับ" ชายหนุ่มพูดเสียงนุ่ม "ดอกไม้พวกนี้ คุณแม่ปันเป็นคนปลูกต่างหาก"

ปัญญาเบิกตากว้างขึ้นอย่างตื่นเต้น "ว้าว" เด็กชายร้อง ก่อนหน้านี้ปัญญาแทบไม่ให้ความสนใจกับแปลงดอกไม้พวกนี้เลย มองแค่ผ่านๆ ก็คิดว่าสวยดี แต่ความคิดก็จบแค่นั้น แถมเขายังอิดออดเวลาที่นพดลชวนให้มารดน้ำต้นไม้ด้วยกันอีกต่างหาก แต่พอได้รู้ว่าดอกไม้พวกนี้มารดาของเขาเป็นคนปลูกแล้ว ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปทันที

"ไงครับ" นพดลลูบหัวเด็กชายอย่างเอ็นดู "ปันชอบไหม"

"ชอบมากครับ" หันมายิ้มแป้นทีเดียว "ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าแม่เป็นคนปลูกดอกไม้พวกนี้ นึกว่าพ่อเป็นคนปลูก"

"เปล่าครับ คุณแม่ต่างหาก" ดลว่าพร้อมกับมองไปที่ดอกไม้หลากสีด้วยสายตาอ่อนโยน แววตาที่แสดงออกถึงความคิดถึง โหยหา รักใคร่ อบอุ่น ปัญญามองเห็นและรับรู้ได้ทั้งหมด เด็กชายสัมผัสได้ว่าดลรักแม่ของเขามากเพียงใด

ปันยังไม่ทันคิดออกว่าควรจะพูดอะไรดีในสถานการณ์แบบนี้ คนเป็นพ่อก็ย่อตัวลงนั่งยองๆ เพื่อระดับสายตาไล่เลี่ยกัน ชายหนุ่มมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนมากกว่าทุกครั้งประดับอยู่บนใบหน้า มืออุ่นไล้ลงบนเส้นผมของเขาอย่างรักใคร่

"ปันครับ ถ้าพ่อพูดว่าคุณแม่ไม่เคยหายไปไหน ปันจะเชื่อไหม แม่อยู่กับปันตลอดเวลา อยู่กับพวกเราตลอด ปันไม่ต้องกลัวว่าจะน้อยหน้าเพื่อน ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงาหรอกนะครับ ปันมีแม่ที่วิเศษ มีพ่ออยู่ข้างๆ ปัน เพราะงั้นปันอย่าเสียใจเลยนะลูก พ่อเชื่อว่าแม่ก็คงอยากให้ปันมีความสุข... มีความสุขมากกว่าใครในโลก"

นพดลดึงตัวลูกชายไปกอด แขนเล็กๆ อ้ารับเขาแล้วกอดตอบแน่น ปัญญาซุกหน้าลงบนบ่าเขาขณะที่ดลอุ้มลูกชายขึ้นจากพื้น

"เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวงานโรงเรียนพรุ่งนี้พ่อไปเอง พ่อจะเป็นทั้งพ่อแล้วก็แม่ให้ปันเองนะ"

"พ่อ" เด็กชายพูดเหมือนเพ้อ ไม่เงยหน้าขึ้นมา "พ่อ..."

"ครับผม" ดลพูดเสียงกลั้วหัวเราะเล็กน้อย มือลูบหัวทุยไปพลาง

"ปันรักพ่อนะครับ"

"พ่อก็รักปัน" พูดแล้วก็พยายามแงะไอ้ตัวแสบออกจากบ่า หางตาของเด็กชายแดงก่ำและมีน้ำตาซึมออกมานิดๆ อย่างที่เขาคิดจริงๆ "ไม่ร้องสิครับ คนเก่ง"

"ผมอยากขี่คอ"

"ถ้าให้ขี่แล้วจะเลิกร้องไห้ไหม"

ปัญญาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ ดลหัวเราะพร้อมกับย่อตัวลงให้เด็กชายไปยืนบนพื้น จากนั้นจึงหันหลังแล้วนั่งยองๆ ลงไปใหม่ ปันรีบปีนขึ้นแผ่นหลังคนเป็นพ่อทันที

"โอย ปัน เบาๆ หน่อยลูก เดี๋ยวนี้ตัวไม่เบาแล้วนะเราน่ะ"

"ผมไม่หนักสักหน่อย" เจ้าตัวเล็กโวยวาย "โตแล้วแต่ไม่หนัก โตแค่ตัวเฉยๆ "

"เหรอ โตแค่ตัวเฉยๆ เหรอ" ดลถามกลับพร้อมกับหัวเราะร่วน "ถ้าปันตัวโตขึ้น ปันก็ต้องหนักขึ้นสิ"

"ม่ายจริง" พูดพร้อมกับออกแรงเขย่าตัวทำเอาคนรับน้ำหนักเซไป

"ปัน อยู่เฉยๆ ลูก ไอ้ตัวแสบนี่ เดี๋ยวก็ร่วงพื้นกันไปทั้งคู่หรอกครับ"

"ปันไม่แสบ" ว่าพร้อมกับเขย่าต่ออย่างดื้อดึง หากแววตาพราวระยับขบขัน เสียงที่พูดออกมาก็กลั้วหัวเราะอย่างน่ามันเขี้ยว "ปันเป็นเด็กดีที่สุดเลยเหอะ"

"เหรอ" น้ำเสียงไม่เชื่อเต็มที่ "ปันเด็กดีที่สุดเลยจริงอ้ะ? "

"จริง! " เสียงดังฟังชัด จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะร่วนออกมาขณะที่นพดลก้าวเท้าไปตามแผ่นหินที่ปูเอาไว้ในสวน






________________________

Talk: สวัสดีค่าาาาา เอาตอนพิเศษหนึ่งในหกตอนที่จะลงในรูปเล่มมาให้อ่านตามสัญญาแล้วนะคะ ^^
ตอนนี้ก็ยังเปิดพรีอยู่น้าาาา ใครยังไม่ได้จับจองยังพอมีเวลาอยู่จ้า

ซื้อตอนนี้ได้ลดราคาเหลือ 220 บาท จาก 250 บาทด้วยน้า
จิ้มๆ ตามลิงค์ได้เล้ยยย>>> http://diamondystore.lnwshop.com (http://diamondystore.lnwshop.com)

ขอบคุณที่สนับสนุนกันมาตลอดค่า ^__^
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-09-2018 21:09:53
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 21-09-2018 20:36:06
ขอบคุณที่แต่งนิยายน้ำดีมาให้อ่านนะคะ สัมผัสได้ถึงความรักของพ่อและลูกแถมยังฟินๆด้วย จบแบบนี้ก็ต้องมโนต่อเองเนาะ แล้วจะลองติดตามเรื่องอื่นๆของไรท์ต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-09-2018 22:10:25
ความรักพ่อ-ลูก อบอุ่นจริงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:

น่าสนความรักของพ่อๆ นะ  :o8: :-[ :impress2:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 25-09-2018 10:18:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 25-09-2018 12:06:51
 :L1:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-09-2018 09:52:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 27-09-2018 21:19:57
 :pig4: สนุกค่ะ ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 02-10-2018 12:47:19
สนุกดีครับ
แต่.........................ทำไมมันสั้นแบบนี้
อุตส่าห์ลุ้น คู่ บูม-ดล
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 19-10-2018 13:25:13
คุณดลนี่ยังอบอุ่นเหมือนเดิมเลยนะคะเนี่ย น้องปัญก็แสบแต่เด็กเลย น่าเอ็นดูจริงๆ :-[
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 21-10-2018 16:24:21
แง ดลเป็นพ่อที่ดีจริงๆ พออ่านตอนนี้แล้วโคตรสงสารดลตอนที่รู้ความจริง
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:36:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Sriwanan ที่ 24-04-2020 18:48:21
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 25-04-2020 15:14:23
เนื้อเรื่องแปลกใหม่ดีครับ อ่านแรกๆงงว่าจะเล่าเรื่องใคร มีคู่พ่อ กับลูกหรอ  อ่านเพลินดีครับ หลังๆนี้แอบลุ้นคู่พ่อ-พ่อ  ขอบคุรมากครับ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 26-04-2020 23:48:31
เรื่องนี้ถ้ามีภาค2 จะดีมากๆเลยละครับ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Themamo ที่ 02-05-2020 11:27:21
เปิดเรื่องมาชอบมากกกกชอบการบรรยายความรูสึกของพ่อดล พอเปิดตัวพ่อตัวจริงรู้สึกรับไม่ได้กับตรรกะของบูม พยายามอ่านทำความเข้าก็ไม่อิน ไม่เข้าเหตุผลที่ต้องการจะสื่อ หรือตัวปัญเองมันจะเป็นไปได้จริงๆหรอที่ไปอยู่กับใครไม่รู้ที่บอกว่าเป็นพ่อได้ไม่ถึงสองอาทิตย์แล้วเรียกเค้าว่าพ่อบูมได้เต็มปาก
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 04-05-2020 00:07:53
เป็นนิยายน้ำดีอีกเรื่องจริงๆ
ดูเรียลมากๆ เป็นนิยายครอบครัวที่ดีเลย
อยากอ่านส่วนของดลต่อเลย
จะมีภาคต่อของดลไหมนะ
หัวข้อ: Re: ทำไงดี ลูกผมเป็นเกย์ [ตอนพิเศษ 1] P.13 [16/09/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 16-06-2020 16:07:35
เป็นเรื่องที่แรกๆมาเรายอมรับว่ายังน่ารักอยู่เนื่องจากยังเป็นช่วงที่ดลยังพยายามเข้าใจลูกเรื่องที่ปันเป็นเกย์อยู่ แต่พอมาเรื่อยๆแล้วได้รู้เรื่องบูมคือมันเป็นอะไรที่อึดอัดพอตัวเลยทีเดียว แล้วก็รู้สึกอย่างที่หลายๆคนเป็นคือบูมนี่ดูเป็นคนเอาตัวเองเป็นหลักและสามัญสำนึกไม่มากพอจริงๆ รวมถึงเรื่องที่พูดอยู่ตลอดว่ามินท์ไม่ผิดนี่มันค่อนข้างที่จะขัดใจเรามาก แต่ดูจากนิสัยแล้วอันนี้คงเป็นนิสัยอันเนิ่นนานแล้วแหละเพราะขนาดสำนึกผิดยังแค่ผ่านสายตาวาบเดียว นิสัยจุดนี้ปันก็มีส่วนคล้ายตรงที่เป็นคนที่พูดไม่คิดถึงใจคนอื่นโดยเฉพาะดลที่โดนตลอดนี่แหละ แต่จากหลายๆส่วนดูเหมือนดลก็ตามใจลูกพอควรมันก็มีนิสัยนี้เกิดขึ้นได้ ส่วนโดนัทเราว่าสำหรับเราก็น่ารักดีนะ แต่อาจเป็นเพราะชอบมาอยู่ช่วงที่พ่อลูกเขาทะเลาะกันคนก็อาจจะไม่อินเท่าไร แต่ที่เราชอบก็คือ ขอบคุณมากที่ไม่ทำออกมาเป็นแนวพ่อลูกชัดเจนไปเลยหรือว่าให้บูมคู่กับดลไปเลน เพราะเรารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของดลกับปันมันเป็นความรักแบบพ่อลูกที่ผูกพันธ์กันจริงๆให้จิ้นๆก็พอ ส่วนบูมเรารู้สึกว่าถ้าจะให้คู่กับดลยังต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติและความคิดต่างๆอีกมากอาจจะต้องทำเป็นเรื่องยาวๆไปเพื่อปูความเปลี่ยนแปลงเพราะสำหรับเราบูมตอนนี้ยังเป็นคนที่ไม่สมควรได้คู่กับดลจริงๆ
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณนักเขียนมากสำหรับเรื่องนี้ ถึงจะอึดอัดใจกับตัวละครมากแต่ก็เป็นเพราะอินนะ แหะๆ ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้มากๆเลย