-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คนอ่านใจดีทำ Link สารบัญมาให้ค่ะ ขอบคุณน้อง LittlePrince และน้อง Hackz มากนะคะ ใจดีทั้งคู่เลย แถมใจตรงกันด้วยอ้ะ จิ้นนนน :laugh:
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1051119.html#msg1051119)
ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1052233.html#msg1052233)
ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1053483.html#msg1053483)
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1054845.html#msg1054845)
ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1056212.html#msg1056212)
ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1058869.html#msg1058869)
ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1061222.html#msg1061222)
ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1062738.html#msg1062738)
ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1064402.html#msg1064402)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1066170.html#msg1066170)
ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1067625.html#msg1067625)
ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1069850.html#msg1069850)
ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1070428.html#msg1070428)
ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1071766.html#msg1071766)
ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1073084.html#msg1073084)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1074856.html#msg1074856)
ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1077498.html#msg1077498)
ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1080224.html#msg1080224)
ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1082624.html#msg1082624)
ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1083384.html#msg1083384)
ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1086471.html#msg1086471)
ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1089717.html#msg1089717)
ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1092156.html#msg1092156)
ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1093806.html#msg1093806)
ตอนที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1096281.html#msg1096281)
ตอนที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1099278.html#msg1099278)
ตอนที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1102207.html#msg1102207)
ตอนที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1103699.html#msg1103699)
ตอนที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1107277.html#msg1107277)
ตอนที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1110225.html#msg1110225)
ตอนที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1113351.html#msg1113351)
ตอนที่ 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1117761.html#msg1117761)
ตอนที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1123518.html#msg1123518)
ตอนที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1128128.html#msg1128128)
ตอนที่ 35 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1133453.html#msg1133453)
ตอนที่ 36 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1138017.html#msg1138017)
ตอนที่ 37 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1143100.html#msg1143100)
ตอนที่ 38 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1152159.html#msg1152159)
ตอนที่ 39 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1156457.html#msg1156457)
ตอนที่ 40 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1161113.html#msg1161113)
ตอนที่ 41 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1163581.html#msg1163581)
ตอนที่ 42 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1168287.html#msg1168287)
ตอนที่ 42.5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1172284.html#msg1172284)
ตอนที่ 43 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1175353.html#msg1175353)
ตอนที่ 44 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1181217.html#msg1181217)
ตอนที่ 45 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1187292.html#msg1187292)
ตอนที่ 46 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1190368.html#msg1190368)
ตอนที่ 47 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1196118.html#msg1196118)
ตอนที่ 48 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1200363.html#msg1200363)
ตอนที่ 49 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1205103.html#msg1205103)
ตอนที่ 50 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1206918.html#msg1206918)
ตอนที่ 51 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1211777.html#msg1211777)
ตอนที่ 52 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1216556.html#msg1216556)
ตอนที่ 53 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1221007.html#msg1221007)
ตอนที่ 54 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1223380.html#msg1223380)
ตอนที่ 55 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1225139.html#msg1225139)
ตอนที่ 55.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1227856.html#msg1227856)
ตอนที่ 56 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1233579.html#msg1233579)
ตอนที่ 56.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1234512.html#msg1234512)
ตอนที่ 57 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1237874.html#msg1237874)
ตอนที่ 58 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1244984.html#msg1244984)
ตอนที่ 59 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1249562.html#msg1249562)
ตอนที่ 60 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1258232.html#msg1258232)
สารบัญ 61 -121 มาต่อทางนี้จ้า!!! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1743928.html#msg1743928)
ตอนที่ 1
นิวยอร์ค....มหานครที่ไม่เคยหลับใหล แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบ 3 นาฬิกา แต่ทั้งเมืองก็ยังสว่างไสวด้วยแสงไฟหลากสี เสียงยวดยานบนถนนดังจนไม่น่าจะนอนหลับลง แต่สรรพเสียงเหล่านั้นก็ลอยขึ้นมาไม่ถึงชั้น 9 ของยอดตึกสำนักงานบริษัทโบรคเกอร์ชื่อดังแห่งนี้
ร่างสูงผอมสวมเพียงกางเกงยีนส์สีซีดขาดๆตัวเดียว นั่งอยู่บนขอบระเบียงและก้มลงมองแสงไฟจากถนนเบื้องล่างอย่างน่าหวาดเสียว น้ำหนักที่ถ่วงไว้พอเหมาะพอดีทำให้ไม่ร่วงลงไป แต่แรงลมที่พัดผ่านชั้น 9 ก็แรงพอที่จะกระชากร่างนี้ลงไปทันที หากว่าเสียหลักเพียงเล็กน้อย
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดูหม่นหมอง ตาขาวแดงช้ำ เพราะความกดดันอย่างหนักจากภายใน เสียงทอดถอนใจ ลึก ยาว ราวกับเหน็ดเหนื่อยเสียเต็มประดา ทั้งที่ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นฟ้องว่าเจ้าตัวเพิ่งผ่านพ้นวัยเด็กมาเพียงไม่กี่ปี....ทั้งที่สามารถสร้างรายได้ต่อเดือนให้ตัวเองมหาศาลกว่างบประมาณทั้งปีของบางประเทศด้วยซ้ำ...แต่...
แต่...ทรัพย์สินมหาศาลเหล่านั้นจะมีค่าอะไร หากผู้เป็นเจ้าของไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
‘เบื่อ...เหนื่อย...โลกนี้ช่างว่างเปล่าและไม่น่าอยู่เอาเสียเลย แม่...ทำไมแม่ต้องห้ามไม่ให้ริวฆ่าตัวตาย ทำไมละแม่ ริวไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว แต่ริวก็ตายไม่ได้เพราะสัญญาที่ริวให้กับแม่’ คำถามดังลั่นในสมอง วนเวียนอยู่เพียงเรื่องเดียว จิตภายในดิ้นรนหาทางออกแต่ก็เหมือนพายเรือในอ่าง ไม่ว่าอย่างไรก็วนกลับมาที่เดิมซ้ำๆ
ดวงตากลมโต ทอดลอยไกลไปที่แสงไฟหลากสีจากตึกที่อยู่เบื้องหน้า แต่ภาพในสมองกลับเป็นดวงตาเรียว เป็นประกายเจิดจ้าด้วยความมุ่งมั่น ดวงตาของคนที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรเลย ใบหน้านิ่งสนิทแทบไม่มีรอยยิ้ม แม่ที่ริวจำได้คือผู้หญิงผอมบางที่เดินตัวตรงแต่ก็พร้อมจะก้มหัวให้คนอื่นๆด้วยความสุภาพอ่อนน้อม แม้คนๆนั้นจะนินทาลับหลังหยาบคายแค่ไหน แม่ก็ไม่เคยแสดงกิริยาหยาบคายตอบ
หลายครั้งที่ริววิงวอนให้แม่หยุดทำงานเพื่ออยู่กับริวสักวัน แต่คำตอบที่ได้รับมีเพียงอ้อมแขนอบอุ่นที่มักจะกอดริวไว้แน่นๆทุกครั้ง กับคำพูดที่ติดปากแม่เสมอ...
‘แม่รักริวนะลูก ที่แม่ต้องทำงานหนักก็เพื่อริว’
แม่ไม่เคยคร่ำครวญเรื่องความลำบากเหนื่อยยากของตัวเอง แต่ริวก็รู้ว่าแม่ต้องเหนื่อยมาก เพราะแม่ต้องทำงานถึงสามแห่งเพื่อเลี้ยงดูลูกเพียงลำพังในประเทศที่ค่าครองชีพสูงอย่างอเมริกา
‘มีคนบอกริวว่า ริวเกิดจากความไม่ตั้งใจ เป็นลูกที่เกิดจากความผิดพลาด...แม่ไม่ตั้งใจจะให้ริวเกิดเหรอ’
ริวถามแม่เพราะริวได้ยินแม่ของเพื่อนที่เนสเซอรี่พูดกับแม่ของเพื่อนอีกคน ที่ริวสงสัยเพราะทันทีที่เธอพูดจบ แม่ของเพื่อนๆที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างหันมามองริวพร้อมกันหมดราวกับริวเป็นตัวประหลาด ริวจึงไม่ยอมไปที่เนิสเซอรี่อีก
‘ไม่จริงเลยลูก...ตั้งแต่วินาทีที่แม่รู้ว่ามีริว แม่ก็ดีใจที่สุดในชีวิต แม่ไม่เคยมีความสุขขนาดนั้นมาก่อนเลย ตานี้...ปากนี้...แก้มกลมๆน่ารักนี่...มาจากเลือดเนื้อของแม่...ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาเป็นลูก มาจากแม่...แม่ภูมิใจเหลือเกินที่มีริว ริวทำให้แม่มีกำลังที่จะลุกขึ้นสู้ทุกๆวันนะลูก’
“แต่แม่ของปีเตอร์เขาบอกว่า...”
“ริวเชื่อไหมลูกว่าแม่รักริว ถ้าเชื่อก็อย่าไปสนใจสิ่งที่คนอื่นพูด แม่อยากให้ริวเชื่อสิ่งที่ริวรู้สึก ดีกว่า ริวรู้สึกไหมลูกว่าแม่รักลูกมากๆ รักที่สุดในโลก ต่อให้ต้องตายแทนริวแม่ก็ทำได้...ริวเชื่อไหมครับ”
“ครับ...ริวก็รักแม่ที่สุดในโลก”
แม่ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับก็เกือบตี 3 ชีวิตริวจึงมีเพียง หนังสือ โทรทัศน์ และคอมพิวเตอร์เป็นเพื่อนคลายเหงา จนกระทั่งอดีตอาจารย์ของแม่ย้ายมาพักอยู่ที่บ้านหัวถนนที่เป็นย่านของคนมีเงิน แต่หากเดินเลยมากเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ก็จะกลายเป็นที่อยู่อันแออัดของกลุ่มคนหาเช้ากินค่ำ
ปู่อัลเบิร์ตขี้เหงา และอยากให้ริวไปเล่นกับท่าน แม่ถึงพาริวไปทิ้งไว้ที่นั่นในตอนเช้า แล้วริวจะกลับมาห้องตอนเย็นพร้อมแม่เพื่อกินข้าวเย็นด้วยกันก่อนที่แม่จะไปทำงานตอนกลางคืน และอัลเบิร์ตเป็นคนแรกที่รู้ว่าริวเป็นเด็กพิเศษตั้งแต่ริวอายุได้ 3 ขวบ ริวไม่เคยคิดว่าการทำอะไรตามความคิดที่อัดแน่นในสมองของเขาจะพิเศษอย่างที่ปู่อัลเบิร์ตบอก
เพียงแต่ริวแค่จำอะไรได้มาก และเข้าใจเรื่องราวหลายๆอย่างได้มากกว่าเด็กวัยเดียวกัน อย่างเช่นเช้าวันหนึ่งที่แม่จูงริวไปฝากบ้านปู่อัลเบิร์ตเหมือนทุกๆวัน ก็พบว่าก่อนถึงบ้านปู่อัลเบิร์ต มีรถพยาบาลและรถตำรวจจอดเต็มหน้าบ้าน เสียงชาวบ้านที่มุงดูอยู่แถวนั้นพูดกันว่าลูกสาวบ้านนั้นฆ่าตัวตายเพราะทะเลาะกับคนรัก
“แม่คับ ทำไมเขาฆ่าตัวตายล่ะ”
“เพราะเขาใจดำไงลูก เขารักแต่ตัวเองเขาถึงกล้าฆ่าตัวตาย”
“ทำไมละครับแม่”
“สมมตินะครับ สมมติว่าแม่ฆ่าตัวตาย ริวจะเสียใจไหมลูก”
“เสียใจสิ ริวไม่อยากให้แม่ตาย”
ริวรู้จักคำว่าตายตอนที่หนูตะเภาของริวหายไป แล้วริวเจอมันนอนนิ่งๆตัวแข็งอยู่หน้าบ้าน แม่บอกว่ามันโดนแมวกัดตาย การตายคือการนอนตัวแข็งๆ ไม่ได้วิ่งเล่นอีก แล้วก็ถูกเอาไปฝังก่อนที่จะเหม็น
เจ้าหนูตะเภาสีขาวของริวตายไป ทำให้เจ้าตัวสีดำต้องอยู่ตัวเดียว มันไม่ยอมกินอาหาร ไม่วิ่งเล่น เอาแต่ซุกอยู่ที่มุมกรง แล้วอีก2 วันเจ้าตัวสีดำก็ตาย แม่บอกว่ามันตายเพราะมันเศร้า มันไม่เก่ง มันไม่เข้มแข็ง มันถึงทนอยู่ตัวเดียวไม่ได้
“แม่ก็เหมือนกัน แล้วริวคิดว่าแม่ของเด็กคนนั้นเขาจะเสียใจไหม”
“เขาต้องเสียใจมากแน่ๆ...คนนั้นสงสัยเป็นแม่ เขาร้องไห้ใหญ่เลย”
“แม่ถึงบอกไงคับ ว่าเด็กคนนี้ใจดำ เขาไม่คิดถึงคนที่รักเขาเลย กว่าจะเกิดมาเป็นตัวเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นร่างกายเขา สร้างมาเลือดเนื้อของแม่เขาทั้งนั้น แล้วทำไมถึงฆ่าตัวตายง่ายๆ ไม่คิดถึงคนที่เฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูเขามาจนโตป่านนี้เลยสักนิด...ริวจำไว้นะลูก คนฆ่าตัวตาย คือคนที่ใจร้ายใจดำที่สุด”
บทสนทนาวันนั้นยังแจ่มชัดในหู และตอกย้ำในใจตลอดมา ทุกครั้งที่อยากจะตายๆไปให้พ้นความว้าเหว่ที่ต้องอยู่คนเดียว คำสอนของแม่ก็จะกลับมาย้ำเตือนจนไม่กล้าทำอย่างที่ใจปรารถนาทุกครั้ง
‘แม่ครับ แต่การต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีแม่ มันก็ทรมานเหลือเกิน’
เด็กหนุ่มถอนหายใจยืดยาวก่อนจะทิ้งตัวหงายหลังวูบลง ขาที่ยังเกี่ยวราวระเบียงไว้ ทำให้ศีรษะของเขาไม่กระแทกลงบนพื้นระเบียง ดวงตาเลื่อนลอยไกลมองผ่านจอภาพทีวีขนาดยักษ์ที่กำลังฉายหนังการ์ตูน ผนังทุกด้านติดทีวีขนาดใหญ่เรียงรายกันไปจนเต็มพื้นที่ แม้แต่บนเพดาน ทุกเครื่องเปิดคนละสถานีแต่ไม่เปิดเสียง ในห้องกว้างโล่งนี้ จึงเต็มไปด้วยแสงสี แต่เงียบกริบจนได้ยินแม้เสียงลมหายใจ....
ดวงตาสีน้ำตาลมองกวาดไปตามหน้าจอเลื่อนลอย ขาที่เกี่ยวขอบระเบียงไว้คลายออก แขนผอมรองรับน้ำหนักตัวไว้แล้วร่างเพรียวก็ตีลังกาม้วนลงมายืนที่พื้นอย่างสวยงาม ก่อนขายาวๆจะเดินลิ่วไปหยุดจ้องหน้าจอ ซึ่งกำลังโฆษณาอาหารสุนัขยี่ห้อใหม่ที่โหมโปรโมทแทบทุกช่อง
เด็กหนุ่มย่นจมูกอย่างเซ็งๆก่อนจะคว้ารีโมทมากดเปลี่ยนช่องเล่นไปเรื่อยๆ ปกติเขาจะดูแต่ช่องที่เป็นสารคดีสัตว์โลกหรือการ์ตูน แต่วันนี้อยากดูอย่างอื่นบ้าง
ชั่วขณะที่ภาพเปลี่ยน สายตาคู่หนึ่งก็จับจ้องมาจากหน้าจอจนเด็กหนุ่มเผลอมองค้าง รู้สึกเหมือนหัวถูกกระแทกด้วยของแข็ง ความรู้สึกอุ่นวาบในอกก่อนที่หัวใจโลดแรงเต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...ไม่สิ ทำไมจะไม่เคย แต่มันนานมากแล้ว ความรู้สึกอุ่นในอกแบบนี้เกิดขึ้นทุกครั้งเห็นแม่กลับมาบ้าน ทุกๆวันที่เขาเฝ้ารอเสียงไขประตูของแม่ ความรู้สึกที่จากเขาไปนานเหลือเกิน...และเขาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสรู้สึกแบบนี้อีกครั้ง
แล้วภาพในจอก็เปลี่ยนไปอีกมุมกล้อง ที่เปลี่ยนเป็นบรรยากาศรวมๆภายในห้องที่มีหนุ่มสาวอยู่ในนั้นราวๆ สิบคน
คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างขัดใจเมื่อรออยู่หลายนาทีแล้วกล้องก็ยังไม่จับภาพคนที่อยากเห็น จึงกดรีโมทเปลี่ยนทุกหน้าจอให้กลายเป็นสถานีเดียวกันหมด กล้องยังจับภาพบรรยากาศรวมๆของห้องทำให้ไม่เห็นคนที่ต้องการดู เด็กหนุ่มทรุดลงนั่งกับพื้น หยิบโทรศัพท์มือถือมากดเลขเพียงตัวเดียวแล้วโทรออกโดยที่ตายังจับอยู่ที่หน้าจอเขม็ง
“อลัน...”
“ครับคุณริว” ถ้าตอบรับสุภาพแบบนี้แปลว่าข้างตัวอลันมีคนอื่นอยู่ด้วย เวลาตี 3 สำหรับคนอื่นคือเวลาพักผ่อน แต่สำหรับอลัน เขายังตื่นอยู่และกำลังดูความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในอีกซีกโลกที่เพิ่งปิดตลาด
“นายเปิดทีวีซิ ดูช่อง....เร็วๆ” น้ำเสียงเร่งเร้าบอกให้รู้ว่าต้องได้เดี๋ยวนี้ และปลายสายก็ไม่รีรอที่จะทำตามคำสั่ง
“ครับ...แล้วไง”
“รายการอะไรอลัน”
“เดี๋ยวนะครับ...เป็นรายการเรียลลิตี้ ประกวดร้องเพลงครับ” เสียงเบาๆที่ลอดเข้ามาในสาย คงเป็นเลขาของอลันที่ช่วยตอบเพราะลำพังคนทำงาน20ชั่วโมงต่อวันอย่างอลันคงไม่มีเวลาดูรายการบันเทิงอื่นใดนอกจากข่าวเศรษฐกิจ
“อะไรคือเรียลลิตี้ แล้วนั่นที่ไหน”
“เป็นการถ่ายทอดสดภาพการดำเนินชีวิตของผู้ประกวดตลอด24ชั่วโมงครับ ช่องนี้ถ่ายทอดมาจาก...ประเทศไทยครับ”
“แล้วทำไมกล้องแช่อยู่แบบนั้น ฉันจะดูคนอื่นไม่ใช่คนนั้น”
“เดี๋ยวนะครับ ผมให้เลขาหาข้อมูลให้อยู่”
ริวถอนใจเฮือกอย่างหงุดหงิด แต่ชั่วขณะที่กำลังหงุดหงิด ดวงตาก็กลับเป็นประกายวูบอย่างพอใจเมื่อกล้องโคลสภาพหนุ่มสาวเหล่านั้นทีละคน ริวกดเครื่องบันทึกอัตโนมัติทันก่อนที่กล้องจะเลื่อนมาจับใบหน้าที่เขาต้องการเห็น ริวเปิดเสียงให้ดังขึ้น แม้ไม่เข้าใจภาษาที่คนเหล่านั้นสนทนากัน แต่แววตาเป็นประกายแน่วแน่ มุ่งมั่นนั้นก็ดึงดูดเขาไว้จนไม่อาจถอนสายตาไปได้
-
เข้ามาเจิ่มเรื่อง :L1:ใหม่
-
อยากอ่านอ่าครับ
แต่คิวอ่านผมยาวมาก
แหะๆๆ
มาแปะชื่อไว้ ในหน้าแรกก่อนใคร อิอิ
-
แล้วว
หนุ่มคนนั้นจะเป็นใครน้าาา
-
ตอนที่ 2...
“โธ่โว้ย!” ริวสบถอย่างหงุดหงิดเมื่อภาพตัดไปเป็นคนอื่น เด็กหนุ่มโทรหาอลันอีกครั้ง
“อลัน...รู้รายละเอียดหรือยัง”
“ครับ ใจเย็นๆครับ ผมให้เลขาซื้อแพ็คเกตให้แล้ว แต่ต้องรออีก24ชั่วโมงนะครับ ถึงจะดูกล้องพิเศษได้”
“กล้องพิเศษเหรอ” เด็กหนุ่มทวนคำงงๆ
“ครับ สามารถเลือกดูได้ทุกห้องที่ต้องการจากกล้องพิเศษครับ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงที่กล้องหลักถ่ายห้องอื่นๆอยู่ครับ...แต่คุณริวต้องดูจากเครื่องที่ต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์ไว้นะครับ”
ริวไม่ชอบหน้าจอมอนิเตอร์ เพราะหงุดหงิดว่ามันเล็กและแคบเกินไป อลันจึงให้ต่อพ่วงเข้ากับโทรทัศน์เพื่อให้เด็กหนุ่มนั่งดูตลาดหุ้นจากมุมไหนของห้องก็ได้ตามความพอใจ
“มีทั้งหมด 30 กล้องนะครับ จะเลือกดูแบบทั้งหมดพร้อมกัน หรือเลือกโคลสอัพทีละกล้องก็ได้ครับ”
“ขอบใจนะอลัน”
“ครับ...อ้อ หลี่ถังช้อนซื้อหุ้นคืนไปก่อนตลาดปิดจริงๆครับ”
“ปล่อยมันไป...”
“เอ่อ แล้วเราจะไม่ปล่อยเหรอครับ”
“หมูถูกน้ำร้อน เดี๋ยวมันก็โดดมาให้เราเชือด ต้องขอบใจความบ้าของหลีถังที่อยากเอาชนะจนยอมขาดทุน ในเมื่อมันเขาเงินมาหว่าน เราก็เก็บไว้เป็นค่าขนมสิ”
“อีกไม่กี่ชั่วโมงตลาดจะเปิดแล้วนะครับ”
ริวเหลือบมองนาฬิกา อีกไม่นานตลาดดาวโจนส์ก็จะเปิด แล้วเขาก็จะได้เริ่มเล่นเกมอีกครั้ง เกมล่าเงินที่ต้องอาศัยไหวพริบและข้อมูลที่รวดเร็วแน่นอนเชื่อถือได้ ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่ ก็เท่ากับมีฐานแห่งความมั่นคงมากเท่านั้น
แต่นั่นแหละ หลายๆครั้งที่ริวกลับตัดข้อมูลทิ้งไปแล้วใช้สัญชาติญาณของนักล่าเป็นตัวเล่นเกม ซึ่งส่วนใหญ่สัญชาติญาณของริวก็แม่นเสียด้วย อาจเป็นเพราะเขารู้จักธรรมชาติของนักล่าเหมือนกันได้ดีก็เลยทำให้เดาทางเดาใจกันถูก
เหมือนอย่างครั้งนี้ที่เขาตัดสินใจซื้อหุ้นของหลีถังทั้งที่มีข่าวว่าบริษัทกำลังจะล้ม แต่กลับกลายเป็นว่าหลีถังเจตนาปล่อยข่าวเพื่อทำลายหุ้นส่วนอีกคนที่กำลังขาดสภาพคล่อง พอหุ้นส่วนคนอื่นแตกตื่นรีบขายหุ้น ราคาหุ้นก็ตกวูบ แต่แทนที่จะเป็นหลี่ถังที่ซื้อไว้ตามแผน กลับกลายเป็นว่าริวให้อลันช้อนซื้อไว้แทนจนหมด งานนี้ถ้าหลีถังต้องการหุ้นทั้งหมดคืน จึงต้องจ่าย “ค่าขนม” ให้ริวไม่ใช่น้อย
แต่ด้วยทิฐิหลี่ถังคงไม่ยอมปล่อยให้บริษัทตกเป็นของคนต่างชาติแน่ๆ ริวแน่ใจว่าไม่ว่ากี่เท่าหลีถังก็ต้องพยายามซื้อหุ้นทั้งหมดคืนไปให้ได้
“อืม...รอให้เป็นสองเท่า ค่อยปล่อย”
“สองเท่า!”
“น้อยไปเหรอ งั้นรอให้ได้ 3 เท่าละกัน”
“คุณริวครับ” อลันพยายามจะท้วง เพราะการทำแบบนี้เท่ากับเจตนาแกล้งกัน ซึ่งโดยมารยาทไม่ควรทำ แต่ในเมื่อริวสั่ง เขาก็ต้องทำตาม
“ตามนั้นอลัน”
ริวหมดความสนใจเพียงเท่านั้น เด็กหนุ่มนอนกลิ้งไปมาสายตาจับอยู่ที่หน้าจอตลอดเวลา และทุกครั้งที่กล้องจับภาพคนที่เขามองหา เด็กหนุ่มก็จะจ้องมองนิ่งแทบลืมหายใจ เด็กหนุ่มเฝ้าดูทุกกิจกรรมตั้งแต่การซ้อมร้องซ้อมเต้น ออกกำลังกาย ไปจนถึงการผลัดเวรกันทำอาหารในแต่ละมื้อ กระทั่งได้เวลานอน กล้องในห้องนอนจับภาพบรรยากาศโดยรวมเห็นแต่ละคนทำกิจกรรมต่างๆกันไป บางคนนั่งคุยกัน บางคนก็ซ้อมเพลงอยู่บนเตียงของตัวเอง ขณะที่บางคนนั่งหลับตานิ่งๆอยู่นาน จะว่านั่งหลับก็ไม่น่าจะใช่
ริวนั่งมองอย่างเบื่อๆ กระทั่งใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในกล้องหน้าห้องนอน ใช้ผ้าขนหนูที่คอขยี้ผมแล้วเดินไป ไดร์ทผม หน้ากระจกพลางหันไปคุยกับเพื่อนอีกคน หมอนั่นแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินไปที่เตียง เก็บอุปกรณ์สีดำชิ้นเล็กๆที่เพื่อนๆถอดวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ซึ่งริวคาดว่าคงเป็นไมค์ เพราะพอเก็บอุปกรณ์เหล่านั้นออกมา เสียงในห้องก็ลดลง
ริวจ้องมองคนที่ยืนสุดขอบจอข้างล่างจนเกือบหลุดจากกล้องเขม็ง จนกระทั่งเขาเดินผละจากหน้ากระจกเข้าไปในห้องนอน ไปนั่งที่เตียงริมสุด หยิบเนื้อเพลงบนโต๊ะหัวเตียงมาซ้อมร้อง เสียดายที่ไม่ได้ยินเสียงเพราะถอดไมค์ออกไปแล้ว
ครู่หนึ่งไฟในห้องก็ดับ เหลือเพียงโคมไฟจากหัวเตียง ทุกคนเข้านอนกันหมดยกเว้นคนที่ริวเฝ้ามอง เขาหยิบเนื้อเพลงกับเครื่องบันทึกเสียงของตัวเอง ลุกออกจากห้องไป ริวมองตามแล้วสบถด้วยความโมโหที่ไม่รู้ว่าคนคนนั้นหายไปไหนเพราะกล้องไม่ได้จับภาพตาม เด็กหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาอย่างหงุดหงิด อยากเร่งเวลาให้ครบ24ชั่วโมงเร็วๆ เพื่อจะได้ดูคนที่ต้องการได้ดังใจ
เด็กหนุ่มเดินพล่าน รอให้กล้องตัดภาพไปที่คนหายไปจากกล้อง นานจนเกือบถอดใจ จู่ๆกล้องก็ตัดภาพเป็นหลายมุมกล้องพร้อมกัน นอกจากห้องนอนทุกห้องว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย ริวเพ่งมองทุกภาพอย่างละเอียดหวังจะเห็นคนๆนั้น ในที่สุดจอภาพหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นกล้องที่ทางเดินที่ยังเปิดไฟสว่าง ใครบางคนนั่งซ้อมเพลงอยู่ตามลำพังแล้วกล้องก็โคลสภาพเข้ามาจนใกล้ ใกล้พอที่จะเห็นสีหน้ามุ่งมั่น ทั้งรูปตาทั้งแววตาที่เปล่งประกายของนักสู้นั้นช่างเหมือนกับดวงตาของแม่เขาไม่มีผิด
ใจของริวเต้นแรง ความรู้สึกอบอุ่น เต็มตื้นขึ้นมาจนน้ำตาไหลออกมาดื้อๆ และเด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะเช็ด ริวนั่งมองคนๆนั้นซ้อมเพลงต่อไปเงียบๆ ไม่เพียงแค่ซ้อมร้อง แต่เขายังจดบางอย่างลงในกระดาษที่ถือมาอยู่ตลอดเวลา จนเกือบตี 3 เขาถึงได้ลุกขึ้นเก็บของแล้วไปเข้าห้องน้ำครู่หนึ่งถึงกลับมานอน ภาพตัดกลับไปเป็นห้องนอนรวม ดูเหมือนทุกคนจะหลับกันหมดแล้ว
“ราตรีสวัสดิ์” ริวลูบใบหน้าของเขาคนนั้นผ่านทีวี ก่อนจะดึงหมอนมานอนมองอยู่ครู่ใหญ่ๆจึงผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
-
พี่ริวติด AF หรอคะ *หัวเราะ* ว่าแต่ว่าพ่อหนุ่มน้อยคนนั้นที่ถูกริวเฝ้ามองคือใครกัน หนอ ; )
-
ขอบคุณค่ะ reseen ที่มาเจิมให้ ^__^
hackz โอ้ยินดีต้อนรับค่าน้อง hackz ว่างเมื่อไหร่อย่าลืมแวะมาอ่านกันเน้อ
atom_big นั่นสิคะ เป็นใคร อยากรู้ต้องตามอ่านไปก่อน บางทีที่คิดไว้อาจะไม่ใช่ก็ได้นา
ตอบคุณ sky-cafe ริวไม่ได้ติด AF ค่ะ แต่ใกล้เคียง คนแต่งแค่ลอกรูปแบบรายการมาเท่านั้น แต่มิใช่รายการนี้เนาะ
ตอนที่ 3
ริวสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงแปลกประหลาด เด็กหนุ่มกวาดตามองรอบๆอยู่ครู่หนึ่งก็จำได้ว่าเมื่อตอนบ่ายเขาเปิดเสียงทีวีทิ้งไว้ก่อนหลับ เพื่อให้แน่ใจว่าจะตื่นทันคนๆนั้น สิ่งแรกที่ริวทำก็คือมองไปที่เตียงของคนที่เขาเฝ้ามองมาตลอด บัดนี้มันว่างเปล่าแล้ว
เด็กหนุ่มหน้าเสีย ผุดลุกขึ้นจ้องมองอย่างสงสัย แต่เพียงครู่เดียวภาพก็ตัดเป็นหลายจอ เพื่อให้เห็นกิจกรรมของทุกๆคน หลายคนตื่นแล้วและอยู่ในห้องน้ำ ขณะที่บางคนอยู่ในสระว่ายน้ำ บางคนกำลังวิ่งอยู่ที่สนาม อีกกลุ่มอยู่ในห้องครัวเพื่อทำอาหาร และคนที่ริวอยากเห็นก็อยู่ในกลุ่มนี้ ผ้าคาดเอวไม่ได้ทำให้คนๆนั้นดูขัดตาแม้แต่น้อย ท่วงท่าในการหยิบจับข้าวของ ดูคล่องแคล่วกว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยซ้ำ เมื่อเขาหย่อนปลาลงในกระทะ ผู้หญิงที่ยืนข้างๆก็ร้องกรี๊ดกระโดดออกไปซะห่างเพราะน้ำมันกระเด็น คนที่ริวเฝ้ามองก็ส่ายหน้าแต่อมยิ้มน้อยๆเป็นจังหวะที่กล้องโคลสอัพหน้าเขาพอดี
ริวผุดลุกขึ้นเดินไปยืนจนใกล้ นิ้วยาวแตะใบหน้าบนหน้าจอแผ่วเบาโดยเฉพาะดวงตาเป็นประกายกล้านั้น
“สวยจัง...ตานายเหมือนมีไฟลุกอยู่ในนี้...”
ติ๊ง!
เสียงกริ่งประตูดังขึ้นเพียงครั้งเดียว ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดเข้ามา ริวได้ยินเสียงประตูเปิดแล้วแต่ยังคงจ้องมองใบหน้าในจอทีวีเฉย
“ริว เรื่องหุ้นหลี่ถัง...”
“จัดการตามที่นายเห็นว่าเหมาะสมก็แล้วกัน”
คำตอบของริวทำเอาคนที่ร้อนรนเข้ามาถึงกับชะงัก เขาอุตส่าห์รีบเคลียร์งานให้เสร็จทันทีที่ตลาดปิดจนสองทุ่ม ถึงได้ปลีกตัวมาได้เพื่อจะมาขอร้องเรื่องหลี่ถัง เพราะอีกฝ่ายต่อสายตรงมาถึงเขาเพื่อขอให้ปล่อยหุ้นทั้งหมดคืนให้ ทำให้ อลัน หนักใจไม่น้อยว่าจะกล่อมริวยังไง
ริวไม่ใช่เด็กใจร้าย ไม่ใช่พ่อค้าหน้าเลือดอย่างที่ใครๆคิด แต่ทุกอย่างในความคิดของริวเหมือนเกม แม้เด็กหนุ่มจะอายุ 13 ย่าง14 แล้วแต่ริวกลับแทบไม่เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของคนอื่น นอกจากตัวเอง
แม้แต่ตอนนี้ริวก็ไมได้ใส่ใจเขา เพราะสายตายังสอดส่ายหาคนที่ต้องการอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เขาชื่อพสุ ศิระศาสตร์ ชื่อเล่นว่า ไผ่ เป็นลูกอดีตนักร้องชื่อดัง พรเทพ ศิระศาสตร์”
“หืม?” ริวหมุนตัวกลับมาหาทันที ดวงตาโตเป็นประกายวาววับอย่างสนใจ
“นี่ประวัติของเขา” อลันส่งซองเอกสารให้ ริวรับมาเปิดดูอย่างสนใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหาคนในจอภาพอีกครั้ง ขณะที่อลันเดินเปิดตู้เย็นดูแล้วได้แต่ส่ายหัว อาหารที่เขาเตรียมไว้ให้ริวไม่ได้เอาอะไรออกมาอุ่นกินเลยสักอย่างเดียวเหมือนเคย
ริวเป็นคนไม่สนใจกิน เด็กหนุ่มจะกินเท่าที่เขาจัดไว้ให้ แต่บางครั้งถ้ากำลังสนใจอะไรมากๆ ก็มักจะลืมกินไปเลย เหมือนอย่างครั้งนี้ อลันเอาอาหารออกมาจากตู้เย็นไปอุ่นด้วยไมโครเวฟ แล้วนำมาวางไว้ข้างๆริว เด็กหนุ่มเหลือบมามองแล้วส่ายหน้า
“ฉันจะกินแบบไผ่” ริวชี้ไปที่จอโทรทัศน์ หนุ่มสาวหลายคนในภาพ กำลังกินอาหารเช้าร่วมกันบนโต๊ะ ท่าทางวุ่นวาย
อลันยังรักษาสีหน้าให้เรียบนิ่งไว้ได้ทั้งที่รู้สึกแปลกๆที่ริวเรียกคนๆนั้นอย่างสนิทปาก
“โอเค...รอแป๊บนึง ฉันจะสั่งจากร้านอาหารไทยมาให้”
ริวพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะจ้องคนในจอเขม็งตามเดิม อลันมองตามแล้วลอบถอนใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนในโทรทัศน์นี่หรือเปล่า ที่ทำให้ริวอารมณ์ดีจนยอมปล่อยมือจากหุ้นของหลี่ถัง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การที่ริวยอมปล่อยมือง่ายๆก็ทำให้อลันโล่งใจที่ไม่ต้องสร้างศัตรูขึ้นมาอีกคน
...........................................
เมื่อสามารถใช้กล้องได้ทั้ง 30 ตัว ริวก็นั่งมองเพลินไม่ขยับไปไหนนอกจากไปห้องน้ำ อาหารก็กินเฉพาะที่อลันสั่งจากร้านอาหารไทยมาไว้ให้ ถึงจะรับรู้ว่าอลันเข้ามาในห้องแต่เด็กหนุ่มก็ยังนั่งนิ่งไม่เปลี่ยนอิริยาบถ ยกเว้นแต่ตอนที่คนในทีวีเดินไปห้องอื่น ก็จะเปลี่ยนกล้องตามไป
อลันวางแฟ้มเอกสารที่ริวต้องเซ็นลงข้างตัวเด็กหนุ่ม ก่อนจะมองตามสายตาของริวไปยังจอพลาสม่าขนาดใหญ่ตรงหน้า อดอยากรู้ไม่ได้ว่าทำไมริวถึงสนใจคนๆนี้นัก เพราะปกติ ริวจะดูแต่การ์ตูน สารคดีสัตว์โลก หรือไม่ก็ฟังเพลง นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นริว สนใจ ‘มนุษย์’
“นายต้องเซ็นชื่อในเอกสารนะ” อลันบอกเด็กหนุ่มเบาๆ หลังจากนั่งรออย่างใจเย็นจนเห็นคนที่ริวเฝ้ามองเข้าไปอาบน้ำแล้วนั่นแหละถึงบอก ริวคว้าเอกสารมาอ่านลวกๆแล้วรีบเซ็นพลางคอยชำเลืองมองหน้าจอ อลันมองตามแล้วถอนใจเฮือก ดูท่าช่วงนี้คงต้องชะลอการซื้อขายหุ้นลง เพราะริวคงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรนอกจากเฝ้าหน้าจอทั้งวัน
“อลัน”
“หืม?”
“เทขายทองคำออกทั้งหมดนะ แล้วซื้อหุ้นน้ำมันไว้แทน” ริวสั่งทั้งที่มือยังเซ็นงาน ตาก็คอยเหลือบมองทีวีเป็นระยะๆ
“ทำไมละ ทองกำลังขึ้นนะ”
“นั่นแหละ รีบปล่อยให้หมด...อีกไม่กี่วันก็ตก อาจจะตกเยอะกว่าคิดด้วยซ้ำ”
“แล้วหุ้นน้ำมัน...”
“มีปัญหาภายในแบบนี้ โอเปคลดกำลังการผลิตแน่...อีกหน่อยคนจะหันมาสะสมน้ำมันมากกว่าทองคำ”
“โอเค...จะจัดการให้”
อลันยิ้มออก ลองเป็นอย่างนี้แสดงว่าริวก็ยังไม่ได้ทิ้งงานหลักของตัวเองอย่างที่คิดก็ได้ แต่...บางทีเขาอาจคิดผิดเพราะทันทีที่คนๆนั้นโผล่เข้ามาในกล้อง ริวก็ตัดขาดจากโลกภายนอกเฝ้ามองตามคนในจอทุกอิริยาบถดังเดิม
...................................
“อลัน...เอาเขามาให้ฉันทีสิ” ริวร้องจะเอาดื้อๆ เมื่อรายการเรียลลิตี้นั้นกำลังจะจบลงในอีกไม่กี่วัน และคนที่ริวเฝ้าตามดูตลอดเกือบ 24 ชั่วโมง ก็สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้
อลันได้แต่ถอนใจยาว ริวไม่เคยถูกขัดใจ และทุกอย่างสำหรับเขาต้องได้เสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากได้ ‘คน’ ซึ่งไม่มีทางที่จะสมหวังได้ดังใจแน่นอน
“อยากได้ก็เอามาไม่ได้หรอกนะ”
“ทำไม?”
“ริว...ที่นายอยากได้น่ะ คนนะไม่ใช่ตุ๊กตา แล้วการจะอยู่กับใครสักคน นายเองก็ต้องปรับตัวอีกเยอะ ตอนนี้นายไม่พร้อมที่จะอยู่กับใครหรอกนะริว”
-
ตอนที่ 4
“ฉันพร้อม! ฉันอยากอยู่กับเขา อยากเห็นเขาตลอดเวลา...อยากฟังเสียงเขา...โอ๊ย! มันต้องวิเศษมากแน่ๆ” ริวอุทานแล้วนอนกลิ้งไปมา ดวงตากลมโตเป็นประกายเจิดจ้าสดใสที่นานๆจะได้เห็นสักครั้ง จนอลันไม่อยากทำลายความแจ่มใสนั้นเลย แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริง และเขาไม่คิดว่าควรโกหก เพราะหากปล่อยให้เนิ่นนานไป ริวจะยิ่งเจ็บปวดมากกว่านี้
“นายยังไม่พร้อมริว”
“อื้อ...ทำไมล่ะ ทำไมจะไม่พร้อม เขาอยากได้อะไรฉันก็หาให้เขาได้หมดทุกอย่างอยู่แล้ว...ฉันให้เขาแช่น้ำด้วยก็ได้ ให้เขาเปลี่ยนช่องทีวีได้ตามใจเลยด้วย...แค่ได้มองหน้าเขาทุกวันๆฉันก็พอใจแล้ว” คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างหงุดหงิดที่ถูกขัดใจ อลันไม่เคยขัดใจเขา ไม่ว่าเขาจะทำหรือไม่ทำอะไร อลันก็ไม่เคยทักท้วงหรือห้ามปราม แล้วทำไมคราวนี้กลับไม่ยอมทำตามคำสั่ง
“เด็กน้อย...นายไม่พร้อมจริงๆด้วยริว มนุษย์มีความซับซ้อนมากกว่าสัตว์เลี้ยงนะริว มากกว่ามากๆ...ถึงนายจะเนรมิตทุกอย่างให้เขาได้ด้วยเงิน ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะอยากอยู่กับนายนะริว”
“ไม่เข้าใจ...แค่อยู่ด้วยกัน ทำไมยุ่งยากนัก...นายไม่ยอมทำให้ฉันมากกว่า ไหนว่านายเป็นผู้จัดการที่เก่งที่สุดในโลกไงอลัน” เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่ง คิ้วเข้มขมวดมุ่นจนแทบชิด แก้มกลมป่องพองอย่างเด็กถูกขัดใจ
“เฮ้อ!....ริว...โลกนี้ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่นายไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินหรอกนะ แล้วต่อให้นายพร้อม เขาก็คงไม่มาหรอกนะ”
“ทำไม”
“นายเห็นไหม ตอนนี้เขาเป็นนักร้องแล้ว เขามีสัญญาอีกตั้ง 5 ปีกับทางค่าย ยังไงเขาก็ไม่มีทางร้องเพลงของนายหรอกนะริว”
“ซื้อเขามาสิ อลัน ซื้อเขามาจากที่นั่น แล้วเราก็เปิดบริษัทขึ้นมาทำเพลงให้เขา” ริวสั่งแล้วจ้องมองอลันด้วยสายตางุนงงแกมขึ้งโกรธ ไม่เข้าใจว่าเรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมถึงทำไม่ได้ ขนาดของที่ว่าหาไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเขาอยากได้ อลันยังสามารถหาซื้อมาให้จนได้ นับประสาอะไรกับคนแค่คนเดียว ทำไมอลันต้องทำเหมือนกับว่าเป็นเรื่องยากอะไรนัก
“บอกแล้วไงริว เงินใช่จะซื้อทุกอย่างได้ดังใจ ถ้าเสนอไปแบบนั้นจริงๆ เขาอาจจะยิ่งไม่มาแล้วพาลเกลียดนายก็ได้ เพราะว่านายดูถูกเขา”
“ดูถูก?”
“ใช่ดูถูก ดูหมิ่นศักดิ์ศรีเขาด้วย นายลองคิดดูสิ ถ้าเขาถูกซื้อตัวมาเพื่อให้นายปั้นเขาเป็นนักร้อง แลกกับการมาอยู่กับนาย เขาจะยอมเหรอ”
“อะไรของนาย ทำไมไม่ได้สักอย่างล่ะ โธ่โว้ย!”
“เฮ้อ!”
“งั้นฉันจะไปหาเขาเอง ฉันจะไปอยู่กับเขา”
“ในฐานะอะไรริว...เพื่อน? หรือว่าคนรัก?”
“ฐานะอะไรก็ช่าง แค่ได้อยู่กับเขา ฉันก็พอใจแล้ว” ริวบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะใบหน้าบนหน้าจอโทรทัศน์
“แต่เขาคงไม่คิดอย่างนั้นหรอก นายไม่ใช่คนในครอบครัว ไม่ใช่ญาติ จะให้เขายอมรับนายง่ายๆน่ะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ตัดใจซะเถอะริว”
“แต่ฉันอยากเจอเขา...อยากอยู่กับเขา...นายมันใจร้าย ไอ้บ้าอลัน” ปากบางเม้มแน่น น้ำตาเม็ดโตๆ หยดเผาะๆโดยปราศจากเสียงสะอื้น
อลันถอนใจเฮือกด้วยความสงสาร ริวเป็นเด็กไม่มีมารยา เมื่อรู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมาตรงๆ มันง่ายดายที่จะคาดเดาอารมณ์เด็กหนุ่ม แต่ก็อันตรายกับเจ้าตัวเหลือเกินหากต้องไปอยู่กับมนุษย์อื่นในสังคม ถึงฉลาดแค่ไหนแต่ไร้เดียงสาขนาดนี้ยังไงก็ต้องตกเป็นเหยื่อของฝูงคนหิวกระหายข้างนอก...
ความผิดเขากับพ่อสินะ ที่เลี้ยงริวให้เติบโตมาเหมือนต้นไม้ในตู้กระจก ประคบประหงมปกป้องเขาจากอันตรายทั้งปวง จนตอนนี้ ริวดำรงชีวิตแบบคนทั่วไปไม่ได้แล้ว...ทั้งที่เจ้าตัวอยากโผออกไปในโลกกว้างเพื่อไล่ตามคนที่หลงใหล
“ไม่รู้แหละ ถ้านายไม่ช่วย ฉันจะไปหาคนอื่น...ต้องมีใครสักคนช่วยฉันได้แน่ๆ”
“ฉันช่วยนายแน่ริว แต่หลังจากที่นายทำตามสัญญานี่ครบก่อนนะ ลืมแล้วเหรอ ร้อยล้านยูโรใน1ปีที่นายเคยบอกฉัน” อลันโบกสัญญาไปมาให้เด็กหนุ่มดู เขาไม่อยากใช้วิธีนี้เลย แต่ตอนนี้เขายังปล่อยริวไปโดยไม่ได้เตรียมอะไรให้เด็กหนุ่มเลยแบบนี้ไม่ได้
“ฉันให้นาย 2 ร้อยล้านต่อปีเลยก็ได้” ริวพูดสวนทันควัน เงินไม่เคยมีค่าสำหรับเขา และตอนนี้หัวใจเขาก็วิ่งไปหาคนอีกซีกโลกแล้ว
“ไม่ริว ไม่ใช่สิ นั่นมันเงินนาย ไม่ใช่เงินฉัน เงินที่ฉันควรจะได้จากหน้าที่การงาน ในฐานะผู้จัดการของนาย ไม่ใช่เงินของนายที่โอนมาให้”
ริวเถียงไม่ออก เมื่ออัลเบิร์ตตายอลันต้องวิ่งวุ่นเพื่อจัดการเรื่องของเขาทำให้ไม่มีเวลาดูแลบริษัทของตัวเอง เขาเองที่ตะโกนใส่อลันว่าเขานี่แหละจะสร้างรายได้ไม่ต่ำว่าปีละ 100 ล้านยูโรให้ เพื่อให้อลันมาดูแลเขาเต็มเวลา อลันยอมทิ้งบริษัททนายที่ทำร่วมกับเพื่อนเพื่อมาเป็นทนายและผู้จัดการผลประโยชน์ทั้งหมดให้ริว และตอนนี้อลันยังเป็นผู้ปกครองตามกฎหมายของริวอีกด้วย
“แต่ฉันอยากอยู่กับเขานี่ อยากอยู่กับเขาได้ยินไม๊...มัวแต่ช้า เขาอาจจะหายไปเลยก็ได้ ฉันอาจจะไม่ได้มีโอกาสเห็นหน้าเขาเลยก็ได้” ริวตะโกนใส่หน้าอลัน แล้วทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ เขากลัว...เขาไม่อยากสูญเสียอีกแล้ว
“ใจเย็นๆริว เอางี้นะ ฉันจะส่งคนไปจับตาดูเขาทุกฝีก้าว ถ้านายไม่แน่ใจ จะให้ฉันติดกล้องในบ้านในห้องนอนของเขาก็ยังได้นะ”
“ไม่ต้อง! ไม่เอา!” ริวตวาดกลับ แล้วก็เดินหนีไปทิ้งตัวลงนอนบนพรมนุ่มกลางห้อง อลันรู้ดีว่าอารมณ์แบบนี้ปล่อยให้อยู่คนเดียวคงไม่ได้แน่ ชายหนุ่มจึงหันไปเปิดกระเป๋า เอางานออกมาทำพลางๆ เพื่อรอ...รอให้ริวสงบและพร้อมจะมีเหตุผลมากว่านี้
หากเทียบกับคนอื่น มันสมองของริวก็ระดับศาสตราจารย์ แต่วุฒิภาวะทางอารมณ์กลับอยู่เพียงเด็ก 10 ขวบเท่านั้น ขณะที่สมองพัฒนาไปไม่หยุดยั้งแต่จิตใจและอารมณ์กลับถูกหยุดไว้เพียงตอนมารดาเสียชีวิต เด็กน้อยเลิกปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์อื่นๆอย่างสิ้นเชิงเมื่อศ.อัลเบิร์ตบิดาของอลันจากไปอีกคน
โลกที่มีแต่ทีวี คอมพิวเตอร์ และเครื่องดนตรีเต็มห้อง ดึงเด็กน้อยออกจากโลกของความเป็นจริง และเป็นสิ่งผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตบิดา ก่อนเสียชีวิตท่านถึงอ้อนวอนขอให้เขาดูแลอัจฉริยะน้อยๆที่น่าสงสารแทนท่าน จนผู้ชายวัย 35 อย่างเขา ต้องกลายมาเป็นเพื่อนกับเด็กอายุ 13 อย่างทุกวันนี้
............................
-
น่าสงสารริวจังเลย.
ชอบมากค่ะ :L2: :L2:
-
อุ๊ย อ่านแล้วชอบจังเลยอ่ะ ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีมากจริง ชอบ มากๆ
โดยเฉพาะ บรรยาย เรื่องแม่เนี่ย ชอบมากๆ ทำให้เราหวนคิดเลยจริงๆ
แต่ ว่า ริว เป็นแบบนี้ก็น่ารักดีนะ มีจุดเด่นดี :L1:
เอาใจช่วย ไรเตอร์ แต่เรื่องที่มีคุณภาพนี้ต่อไปเลื้อยๆ จร้า
จะรอติดตามต่อไปนะจ๊ะ :กอด1:
-
อ่านชื่อเรื่องแล้วชอบมากเลย o13
ริวน่าสงสารจัง :เศร้า2:
-
ตอนที่ 5
“อลัน...นายว่า ฉันต้องทำยังไง เขาถึงจะรักฉัน”
อลันเงยหน้าจากเอกสารขึ้นมามองเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วง คำว่ารักของริวไม่ต่างจากเด็กเล็กๆ สิ่งที่ริว อยากได้คือความรักความอบอุ่น ไม่มีตัณหาใดๆมาเจือสักเสี้ยว ตาโตสีน้ำตาลอ่อนใสเหมือนลูกแก้วจ้องมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ...สิ่งเดียวที่ริวแทบไม่เคยสัมผัสคือการใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์คนอื่นๆ ริวจึงไม่เข้าใจว่า 'คนทั่วไป' ใช้ชีวิตกันยังไง
“นายก็เป็นตัวนายเองนั่นแหละ”
“ไม่สิ ตัวฉันนิสัยไม่ดี ฉันเป็นไอ้เด็กนรก นายเป็นคนบอกฉันเองนี่นา แล้วเขาจะรักเด็กนรกได้ยังไง”
อลันอมยิ้มขันคำพูดของริว แปลกที่บุคลิกสุดขั้วสองด้านอยู่ในตัวอัจฉริยะคนนี้ เมื่ออยู่ในโลกไซเบอร์ ริวคือพระเจ้าแห่งการคำนวณ ทั้งตลาดหุ้นและดนตรี เขาสามารถทำให้มันเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ เพียงพลิกฝ่ามือ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เปิดปากพูดเรื่องธรรมดาสามัญในชีวิต ริวกลับกลายเป็นเพียงเด็กเล็กๆคนหนึ่ง ที่ใช้เงินยังไม่เป็นด้วยซ้ำ จะโทษใครได้ก็ในเมื่อทุกสิ่งที่ริวต้องการ เขาก็เนรมิตให้ดังใจ
“ไม่เลยริว ถ้านายไม่พยศ ไม่ดื้อรั้น นายก็เป็นเด็กน่ารักที่สุดในโลก เชื่อฉันสิ ว่าเขาจะต้องรักนายในแบบที่นายเป็นนี่แหละ”
“ฮื้อ...” คิ้วเข้มขมวดมุ่นจนหัวคิ้วย่น ขณะที่ฟันก็กัดกำปั้นตัวเองอย่างหงุดหงิด กึ่งครุ่นคิด
อลันปล่อยให้ริวคิดไปเงียบๆ ส่วนเขาก้มหน้าก้มตาจัดการกับบัญชีตรงหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทันกับกระแสเงินที่จะอัดเข้ามาอีกมหาศาลในวันถัดๆไป
“อลัน!”
“หืม?”
“ฉันจะเรียนภาษาไทย”
“อะไรนะ” อลันถามย้ำเพื่อให้แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
“ฉันจะเรียนภาษาไทย จะพูดไทยให้ได้ จะได้ฟังเพลงไทยออกก่อนที่ฉันจะไปหาเขา...ฉันจะแต่งเพลงดีๆให้เขาร้อง ถ้าเขาได้ร้องเพลงของฉัน เขาจะต้องดังแน่นอน”
อลันมองสีหน้ามุ่งมั่นของเด็กหนุ่มแล้วก็ได้แต่ถอนใจยาว ไม่ใช่เขาไม่เชื่อในความสามารถของริว แน่ใจได้เลยด้วยซ้ำว่าถ้าคนๆนั้นได้ร้องเพลงของริว หมอนั่นต้องดังเปรี้ยงแน่ จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเพลงประกอบภาพยนตร์หรือเพลงที่นักร้องดังๆร้องกันอยู่ทั้งในยุโรปและอเมริกา คนประพันธ์ทำนองคือเด็กที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่หน้าทีวีนี่เอง เพียงแต่เพลงเหล่านั้นถูกขาย และใส่ชื่อคนอื่นเป็นผู้ประพันธ์ด้วยความตั้งใจของริวเอง ที่ไม่ต้องการชื่อเสียง เด็กหนุ่มต้องการแค่เล่น และสนุกกับการได้ทำอะไรที่เหนือกว่าคนอื่นเท่านั้น
อลันขมวดคิ้วมุ่นในคราแรก แต่แสงสว่างวาบบางอย่างก็ผุดมาในหัว ชายหนุ่มจึงทำทีเป็นไม่สนใจก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ...แล้วรอคอย...
“อลั๊นนนนนน ได้ยินฉันมั๊ย” เสียงตะโกนแสบหูทำให้เขาจำต้องเงยหน้าจากกองเอกสาร แสร้งถอนใจยาวอย่างรำคาญ
“โอเค ฉันรู้แล้วว่านายจะเรียนภาษาไทยเพื่อแต่งเพลงให้เขา แค่นี้ใช่ไหม” อลันยังคงทำหน้านิ่งทั้งที่ในใจลิงโลดด้วยความยินดี นึกขอบคุณคนๆนั้นเป็นครั้งแรกที่เป็นแรงบันดาลใจให้ริวยอมออกจากโลกโดดเดี่ยว ยอมเสวนากับมนุษย์คนอื่นบ้าง
“ไม่สิ ฉันเอาจริงนะอลัน ฉันอยากพูดภาษาเดียวกับเขาให้ได้คล่องๆ จะได้คุยกับเขารู้เรื่อง ฉันอยากฟังว่าเขาร้องเพลงแบบไหน ยังไง จะได้แต่งเพลงที่เข้ากับเสียงเขามากกว่านี้”
“เอาจริงแน่เหรอ? ภาษาไทยยากกว่าที่นายคิดนะ แล้วนายไม่ได้จะเรียนแค่พูด แต่นายต้องการฟังเพลงเข้าใจด้วย นายรู้รึเปล่าว่าภาษาไทยในดนตรีมันจะแฝงความหมายอะไรไว้มากมาย แน่ใจนะว่านายจะทนเรียนไหว”
“แน่สิ ฉันจะเรียน แล้วต้องเก่งด้วย ฉันอยากได้ครูที่เก่งภาษาไทยจริงๆ แต่งเพลงได้ยิ่งดี”
“โอเค ไว้ฉันจะหาให้” อลันก้มหน้าลงเพื่อซ่อนแววยินดีในดวงตาไว้ เรียนภาษาไทยจนเก่ง ก็หมายถึงระยะเวลาที่จะเดินทางไปประเทศไทยต้องเลื่อนออกไปอย่างน้อยก็เป็นปี แต่เขาไม่กล้าประมาทความสามารถของริว
“ฉันนึกแล้วว่านายต้องจัดการให้ฉันได้” รอยยิ้มกว้างจนตาปิด เรียกรอยยิ้มตอบจากอลัน หัวใจของหนุ่มใหญ่อ่อนโยนและอิ่มเอมทุกครั้งที่ได้เห็น นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของริว...เพียงแค่ยิ้ม ริวก็ทำให้โลกดูสว่างเจิดจ้าเหลือเกิน...
“แน่นอน ลืมไปแล้วเหรอว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ อลันจัดการให้นายไม่ได้” อลันกล่าวย้ำอย่างมั่นใจ ไม่ใช่การคุยโว แต่สำหรับอลัน ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ริวต้องการ แล้วเขาจะหามาให้ไม่ได้ ขอเพียงสิ่งนั้นจะทำให้ริวมีความสุข เขาก็พร้อมจะทำทุกวิถีทางอยู่แล้ว
“นายเป็นผู้จัดการที่เก่งที่สุดในโลกเลยอลัน...ฉันจะพูดภาษาไทยให้ได้...” เสียงที่ทอดอ่อนเบาเหมือนรำพึงในตอนท้ายทำให้อลันต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกรอบ แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาปนเอ็นดู หลับไปเสียแล้ว หลับทั้งที่ยังนอนอยู่ท่ามกลางกระดาษโน้ตเป็นร้อยๆแผ่น อลันลุกขึ้นไปจัดเก็บกระดาษทุกใบเข้าแฟ้มแล้ววางไว้ให้ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ อีกสัก 3-4 ชั่วโมง ริวก็จะตื่นขึ้นมาจัดการกับมันต่อ ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดจะหาแม่บ้านมาคอยดูแลจัดเก็บห้องให้ริว แต่ริวกลับหวาดกลัวและรังเกียจจนไม่ยอมเปิดประตูรับคนนอกเข้ามา เขาก็เลยเลิกคิดที่จะจ้างใครมาอีก เลือกใช้บริการจากบริษัททำความสะอาดโดยเลือกให้มาเวลาที่เขาอยู่ด้วยเท่านั้น แต่ริวก็ไม่ใช่เด็กไร้วินัย ข้าวของของเขาแทบไม่เปลี่ยนที่ มีเพียงกระดาษโน้ตเท่านั้นที่มักจะกระจายเต็มห้อง เพราะเวลาที่เด็กหนุ่มจมลงไปในโลกของดนตรีเขาจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างไปหมด
อลันหยิบรีโมทมาไล่ปิดเสียงโทรทัศน์ทีละเครื่อง ทุกหนแห่งในเพ้นท์เฮาส์มีโทรทัศน์ประดับแทนวอลเปเปอร์ เพราะริวติดโทรทัศน์ และยิ่งติดจนแทบไม่กินไม่นอนเมื่อเริ่มตามดู “เขา”
อลันมองร่างที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเบาะนุ่มกลางห้อง แขนข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มขดงอเข้าหาตัว แปลว่ามือข้างนั้นกุมกรอบรูปของคนคนนั้นแนบไว้กับอก กรอบรูปสองด้านที่ครั้งหนึ่งเคยมีแต่แม่ ตอนนี้อีกด้านที่ว่างมีรูปของคนๆนั้นมาใส่ไว้แล้ว
‘นามิ...พ่อ...พวกคุณจะโกรธผมไหม ที่ผมตามใจริว แม้ว่าคนที่เขาหลงใหลจะเป็นผู้ชาย’ อลันถอนใจเฮือกใหญ่ เขาไม่เคยคุยกับแม่ของริว แต่เคยเห็นหน้าเพียงครั้งเดียว ผู้หญิงตัวเล็กหน้าหวาน งดงามเหมือนดอกซากุระ แต่กลับมีดวงตาเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง เธอโค้งให้เขาก่อนที่จะอุ้มลูกชายที่หลับพับพาดบ่า จากไปในวันที่เขาไปเยี่ยมบิดา นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเธอ ก่อนที่จะรู้ข่าวจากบิดาว่าเธอถูกขี้ยาฆ่าชิงทรัพย์ขณะที่ริวอาการสาหัสอยู่ในไอซียู
บิดาของเขารับริวมาเป็นบุตรบุญธรรม เพราะริวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เขาเองนี่แหละที่เป็นคนวิ่งเต้นจัดการเอกสารทุกอย่างให้ แต่เพียงสองปีโรคร้ายก็คร่าชีวิตบิดาไป แล้วภาระการดูแลอัจฉริยะน้อยๆก็ตกมาที่เขา
ร่างสูงใหญ่เดินไปหยุดยืนดูเจ้านายวัยรุ่นของเขาเงียบๆ ก่อนจะวางรีโมทลงข้างๆตัว เผื่อว่าตื่นขึ้นมาแล้วอยากดูโทรทัศน์จะได้ไม่ต้องโทรไปปลุกเขากลางดึกเพื่อถามหารีโมทอีก
“ฉันจะพูดภาษาไทย ฉันอยากคุยกับนาย...” ริวละเมอออกมาเบาๆ แล้วกอดรูปในอ้อมแขนแน่นขึ้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่นทั้งที่ยังหลับสนิท
‘อีกไม่นานหรอกริว เมื่อนายพร้อม ฉันจะเอาคนๆนั้นมาให้นายเอง ฉันสัญญาไอ้หนู ว่านายต้องได้อยู่กับเขาแน่ๆ’
อลันหยิบผ้าห่มผืนบางนุ่มเบามาคลุมให้โดยระวังไม่ให้มือสัมผัสไปถูกเด็กหนุ่มเพราะริวเกลียดการถูกแตะต้อง เขาไม่ต้องการเห็นเด็กหนุ่มขัดตัวจนถลอกอีก ทนายหนุ่มใหญ่หรี่แอร์ลงอีกนิดก่อนจะออกจากห้องไป ปล่อยให้เจ้านายหนุ่มน้อยของเขาได้ฝันถึงคนในห้วงนิทราอย่างแสนสุข
..............................
เขมชาติ วางสัญญาบนโต๊ะอย่างช้าๆ หลังจากอ่านทวนอยู่หลายรอบ ด้วยไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจผิด หรือคนร่างสัญญาพิมพ์อะไรผิด เพราะข้อความในสัญญาที่ต้องการร่วมหุ้นนั้น เอื้อประโยชน์ให้เขามหาศาล โดยที่อีกฝ่ายเรียกร้องเพียงแค่ขอเอาคนของตัวเองมาร่วมวงด้วยเท่านั้น คนหนึ่งนั้นเป็นพระเอกชื่อดังของเมืองไทยซึ่งเคยมีผลงานด้านเพลงมาบ้างแต่ไม่ดังเท่าที่ควร จึงผันตัวเองไปเป็นดารา อีกคนจะส่งตรงมาจากอเมริกา
“ถามจริงๆนะอลัน แล้วเจ้านายคุณเขาจะได้อะไรจากสัญญาฉบับนี้” หากไม่ใช่เพราะเคยเป็นเพื่อนรุ่นน้องในมหาลัยเดียวกันมา เขมชาติก็คงไม่มีโอกาสได้ต้อนรับผู้บริหารคนดังคนนี้ ในแวดวงธุรกิจไม่มีใครไม่รู้จักอลัน ฮิวส์ เขาคือผู้บริหารบริษัทโบรคเกอร์ชื่อดัง ผู้ครอบครองทั้งตลาดหุ้น อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจทำเงินอีกหลายอย่างของมหาเศรษฐีนิรนามคนหนึ่ง
“หึหึ ผมว่าเขาคงคำนวณแล้วว่าสิ่งที่เขาต้องการ คุ้มค่ากับการลงทุน” อลันตอบยิ้มๆ ก่อนจะเหยียดหลังไหล่เพื่อไล่ความเมื่อยขบ เขาเดินทางข้ามทวีปมาหาเขมชาติถึงประเทศไทยเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาต้องการ ข้อเสนอขอร่วมหุ้นกับบริษัทของเขมชาติด้วยเงินทุนก้อนโตแลกกับคำขอเล็กๆในโปรเจค ทำวงบอยแบนด์วงใหม่ของบริษัทที่เขมชาติกำลังจะเปิดตัว...
“คุ้มค่า? จากอะไร? บอกหน่อยได้ไหมอลัน” เขมชาติยังคงสงสัยไม่เลิก แม้จะรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆที่โปรเจคที่ควรจะเป็นความลับของบริษัทถูกรู้ข้ามประเทศไปไกลถึงอเมริกา
“รับรองว่าไม่มีผลเสียอะไรกับบริษัทของคุณแน่ๆ เขมชาติ”
สีหน้าแบบนี้แปลว่าต่อให้ง้างปาก อลันก็ไม่คิดจะบอกอะไรเขามากกว่านี้อีกแล้วสินะ เขมชาติจ้องตาอีกฝ่ายเขม็งก่อนจะถอนใจเฮือกอย่างยอมแพ้
“แล้วอีกคนจะมาเมื่อไหร่”
“เขาจะมาเดือนหน้านั่นแหละ”
“อืม...งั้นก็เข้าร่วมออดิชั่นซะเลย จะได้เป็นการโปรโมทไปในตัว เพราะเราคาดกันว่าคนสมัครคงจะมาก สื่อคงให้ความสนใจไม่น้อย...ว่าแต่ฝีมือพอไหวรึเปล่า ถ้าฝีมือดีพอ ผมจะได้บรีฟกรรมการให้?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ระดับนั้น ถ้าไม่สามารถผ่านมาตรฐานกรรมการของคุณได้ผมก็เหลือเชื่อแล้ว”
“หมายความว่ายังไง?”
“คนของผมจะมาออดิชั่นเอง คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น”
“อลัน...การออดิชั่นไม่ได้เลือกแต่ฝีมืออย่างเดียวนะ หน้าตารูปร่างหรือเสน่ห์ของผู้สมัครก็เป็นปัจจัยที่ถูกนำมาพิจารณา หลายๆครั้งที่คนเก่งมีฝีมือสอบตก เพราะเสน่ห์ไม่พอที่จะดึงดูดให้คนสนใจ”
“เรื่องนั้นยิ่งไม่น่าห่วง ผมรับรองได้”
“แต่...ถ้าเขาไม่ผ่านล่ะ?” เขมชาติท้วงอย่างกังวล การออดิชั่นคนนับพัน...ไม่สิ อาจจะถึงหมื่น เพื่อเลือกเพียง 3 คน โอกาสที่คนของอลันจะติดเข้ามา ดูจะเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้
“เขาต้องผ่านแน่นอน”
“ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้นก็ตามใจ” เขมชาติไหวไหล่ ทั้งที่ไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียว ในเมื่ออลันต้องการอย่างนี้ หากคนของเขาไม่ติดเข้ามา อลันก็ไม่มีสิทธิ์มาโวยวายอะไร อย่างมากก็ค่อยหาเหตุอะไรมาเพิ่มคนของอลันเข้ามาภายหลังก็แล้วกัน
“แล้วคนๆ นั้นล่ะเขมชาติ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
เขมชาติอยากเกาหัวกับสิ่งที่อลันกังวล ทีเรื่องใหญ่กับมั่นใจว่าไม่มีปัญหา แต่การเจรจากับดาราชื่อดังคนนั้น ดูเหมือนอลันจะเป็นห่วงมากกว่า อลันอาจเอามาตรฐานของนักแสดงในฮอลลีวูดมาวัดแล้วคิดว่านักแสดงไทยจะต้องเรื่องเยอะปัญหามากอย่างนั้นก็เป็นได้
“นี่แหละที่ผมลำบากใจที่สุด ตอนนี้เขากำลังรุ่งทางการแสดง เรียกว่าทำงานสัปดาห์ละ 7 วันเลยก็ว่าได้ ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะเคลียร์คิวละครได้ทันก่อนเก็บตัว”
เขมชาติก็ยังคงเป็นนักธุรกิจ ไม่มีสิ่งใดในโลกได้มาฟรีๆ และของที่ได้มาง่ายๆมักหมดคุณค่าไว เขมชาติจึงต้องให้ทุกอย่างดู “ยาก” เพื่อสิ่งนั้นมีคุณค่าที่สุดไว้ก่อน
“ไม่ว่าจะทำยังไง คุณก็ต้องดึงเขามาร่วมวงให้ได้เขมชาติ เพราะนั่นคือเงื่อนไขหลักของเรา”
“เฮ้อ!...คุณเล่นมัดมือชกผมนี่อลัน”
“เซ็นสัญญาเถอะเขมชาติ ผมเชื่อมือคุณว่าคุณทำได้ งานใหญ่กว่านี้คุณยังจัดการได้ กับแค่ค่ายละครไม่กี่ค่าย ผมมั่นใจว่ามันไม่ยากสักนิด ถ้าคุณจะลดความเกรงใจลงสักหน่อย”
เขมชาติถอนใจอีกเฮือก ก่อนจะคว้าปากกามาเซ็นลงในสัญญาทั้งสองฉบับ แล้วเลื่อนแผ่นหนึ่งคืนอลันไป อลันหัวเราะเบาๆอย่างพอใจ เก็บสัญญาฉบับนั้นลงกระเป๋าแล้วกล่าวลาพร้อมกับตบไหล่เขมชาติเบาๆ เป็นเชิงสรรพยอก
......................
-
อ่านแบบเงียบๆ แล้วก็ไป
รอจร้า รอ :L2:
-
ตอนที่ 6
พสุยังคงมีสีหน้าราบเรียบ แม้จะเห็นว่าตารางแน่นเอี๊ยดของเขาสิ้นสุดลงเพียงอีก 2 เดือนข้างหน้าเท่านั้น หากไม่นับงานอีเวนต์ที่รับไว้ในเทศกาลต่างๆแล้ว นอกนั้นค่อนข้างโล่งว่างอย่างไม่น่าเชื่อ เขมชาติทำได้อย่างที่เคยรับปากเขาไว้จริงๆ
3 สัปดาห์ก่อน เขมชาติเชิญเขามาที่บริษัทและยื่นข้อเสนอการเป็นนักร้องในวงบอยแบนด์วงใหม่ที่กำลังจะก่อตั้ง เขาเป็นหนึ่งในสองของนักร้องที่ถูกเจาะจงมาร่วมวง ส่วนอีก3คนจะมาจากการออดิชั่นทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพทั่วประเทศ
ครั้งแรกที่ได้อ่านรายละเอียดสัญญาเขาก็จำต้องปฏิเสธด้วยความเสียดาย เพราะคิวงานละครที่ผู้จัดการรับไว้ แน่นยาวไปถึงปีหน้า ไม่มีทางที่เขาจะมาร่วมเก็บตัวแรมเดือนเพื่อทำอัลบั้มอย่างแน่นอน แต่เขมชาติกลับยืนยันว่าสามารถเคลียร์งานให้เขาได้โดยไม่ให้เกิดปัญหาใดๆตามมาทั้งสิ้น ขอเพียงเขายินดีที่จะร่วมงานด้วยเท่านั้น เขาจึงรับปากว่าถ้าเขมชาติเคลียร์งานให้เขาได้โดยที่เขาไม่เสียชื่อเสียง ก็จะเซ็นสัญญาด้วยทันที
“ผมทำตามที่รับปากคุณได้แล้ว หวังว่าคุณจะเซ็นสัญญาตามที่เราตกลงกันนะครับ” เขมชาติแซวยิ้มๆ ขณะรับตารางงานคืนมาจากพระเอกคนดัง
เขาชื่นชมในความนิ่งและสุขุมของอีกฝ่าย นอกจากความหล่อเหลาที่บรรดานักข่าวสายบันเทิงจัดให้เป็นหนึ่งในสิบของผู้ชายหล่อขั้นเทพแล้ว พสุยังมีเสน่ห์ที่รอยยิ้มอ่อนโยน และบุคลิกเยือกเย็นสง่างามแบบท่านชาย ทำให้ละครที่เขาเล่นแทบทุกเรื่อง มักจะได้รับบทแนวนี้ซะส่วนใหญ่ คงเพราะหน้าตาหล่อเหลาแบบนี้จึงทำให้ความสามารถด้านดนตรีถูกมองข้ามและคิดว่าพสุมีดีที่หน้าตามากกว่า ยิ่งค่ายเพลงปิดตัวไปอย่างรวดเร็วโดยที่พสุยังไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือ ก็ยิ่งทำให้พสุถูกลืมเลือนสถานะนักร้องไปอย่างสิ้นเชิง
“คุณจัดการเรื่องงานของผมได้ยังไง?”
“อันนั้นเป็นความลับครับ แต่ถ้าคุณยังลังเล ไม่แน่ใจว่าสัญญานี้จะสะอาดโปร่งใสหรือไม่ จะให้ทนายของคุณมาดูสัญญาก่อนก็ได้นะครับ”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาครับ สัญญาของคุณก็ไม่ได้แตกต่างจากที่ผมเคยเซ็นมาหรอก เพียงแต่ผู้จัดการของผมเขาต้องรับรู้ตามสัญญาที่ผมทำไว้กับเขา”
“ไม่ต้องห่วงครับ ทันทีที่คุณเซ็นสัญญากับเรา สัญญาระหว่างคุณกับผู้จัดการส่วนตัวเป็นอันสิ้นสุดครับ”
“อะไรนะครับ!” พสุอดถามซ้ำไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อว่าคนงกและเค็มจัดอย่างพี่ลูกเจี๊ยบจะยอมปล่อยเขาจากสังกัดง่ายดายขนาดนั้น นอกจาก...พี่ลูกเจี๊ยบจะได้ “มาก” กว่าที่ได้จากเขา
“ทางบริษัทจะเป็นผู้จัดการทุกอย่างให้กับคุณเองครับ ส่วนคุณศักดิ์สิทธิ์เขาก็เซ็นยกเลิกสัญญามาให้เรียบร้อยแล้ว และมีผลทันทีที่คุณตกลงเซ็นสัญญาเป็นนักร้อง” ใบยกเลิกสัญญาที่มีลายเซ็นพี่ลูกเจี๊ยบ หรือในสัญญาระบุชื่อนายศักดิ์สิทธิ์ โพแดง ถูกวางตรงหน้าเพื่อเป็นการยืนยัน
พสุลังเลเพียงเล็กน้อย ก็เซ็นชื่อลงในสัญญา แต่ชายหนุ่มยังคงขมวดคิ้วมุ่นอย่างกังขา
แม้การได้กลับมาร้องเพลงอีกครั้งคือสุดยอดปรารถนาของเขาก็ตาม แต่ผลงานเพลงเพียงชิ้นเดียวของเขาไม่น่าโดดเด่นเสียจนสะดุดตาเขมชาติ ได้ เพราะยังมีนักร้องหน้าใหม่หน้าเก่า ที่เด่นและเก่งกว่าเขาอีกมาก แต่ทำไมเขมชาติจึงต้องเจาะจงเขา
“ถามอีกครั้งนะคุณเขมชาติ ทำไมต้องเป็นผม?”
“เพราะผมเชื่อว่าคุณเหมาะกับวงบอยแบนด์ และมีคนกระซิบบอกผมว่าคุณอยากเป็นนักร้อง ไม่ได้อยากเป็นนักแสดง ถึงคุณจะกำลังรุ่งในอาชีพนักแสดง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณอยากจะทำไม่ใช่เหรอ?”
“ใครบอกคุณ?” พสุถึงกับนิ่วหน้าเมื่อได้ยินคำตอบ เขาเป็นคนมีเพื่อนน้อยยิ่งกว่าน้อย ยิ่งถ้าประเภทที่เรียกว่าเพื่อนตายนั้นเขาไม่มีเลยด้วยซ้ำ เพื่อนคนเดียวที่สนิทจนพูดได้ว่ารู้ตัวตนของเขาค่อนข้างดีก็คือแก้วกุดัน อดีตคนรักที่กลายมาเป็นเพื่อน แต่เธอก็ไปเป็นนางแบบอยู่ต่างประเทศหลายเดือนแล้ว
“เรื่องนี้...เป็นความลับครับ” เขมชาติขยิบตาให้เขา ก่อนจะกดเรียกเลขาเข้ามารับสัญญา
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว” พสุลุกขึ้นไหว้ลาเพราะเห็นว่าหมดธุระแล้ว
“อยากเชิญคุณพสุทานมื้อเที่ยงด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่เย็นนี้ผมมีถ่ายละครต่างจังหวัด ต้องกลับไปจัดการเรื่องเสื้อผ้าก่อน”
“งั้นเหรอครับ ไว้โอกาสหน้าผมคงได้เชิญคุณทานข้าวด้วยกัน”
“ครับ”
พสุถอนใจยาว...ทั้งที่ควรจะดีใจที่ได้กลับมาร้องเพลงอีกครั้ง แต่ในอกกลับหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก การที่เกิดในครอบครัวนักร้องนักดนตรี ส่งผลให้เขาเล่นเครื่องดนตรีได้เก่งทุกชิ้น ทั้งไทยทั้งสากล แต่กลับไม่ได้มีเสียงร้องที่ไพเราะโดดเด่นเหมือนพ่อ ทำให้เขาถูกกดดันอยู่ใต้เงาของพ่อตลอดมา ทั้งที่ไม่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวดร้องเพลงเวทีไหนเลยสักแห่งแต่อาศัยใจรักทำให้เขาไม่ย่อท้อที่จะตามล่าฝัน เขาตัดสินใจสมัครเข้าประกวดร้องเพลงในรายการเรียลลิตี้รายการใหม่ ที่โหมโปรโมทจนเป็นที่จับตามองของคนทั้งประเทศ ท่ามกลางเสียงคัดค้านทั้งจากครอบครัวและเพื่อนสนิท ทำให้ทุกสัปดาห์ที่ขึ้นเวที เขาไม่เคยเห็นหน้าคนที่เขารักมาให้กำลังใจเลยแม้แต่คนเดียว
ยังไม่นับความกดดันจากกระแสวิจารณ์เรื่องพสุเป็นลูกอดีตนักร้องดังบ้าง เป็นเด็กเส้นบ้าง แถมยังถูกกระแนะกระแหนจากเพื่อนที่ร่วมประกวดตลอดเวลา แต่เขาก็พยายามผ่านปัญหาด้วยความอดทน มีหน้ากากยิ้มแย้มสุภาพและบุคลิกสงบเยือกเย็นไว้เป็นเกราะป้องกันตัวเอง เมื่อการประกวดจบลงเขาก็ได้ครองรางวัลรองชนะเลิศจากเวทีนี้ ขณะที่ตะวัน หนุ่มเลือดร้อนอารมณ์แรง ได้รับรางวัลชนะเลิศไปด้วยคะแนนท่วมท้น เพราะนอกจากเสียงทรงพลังที่สะกดคนฟังให้เคลิบเคลิ้มอย่างง่ายดาย ตะวันยังจัดเป็นหนุ่มหล่อเข้มคนหนึ่ง ถึงจะดูดุๆไปบ้างแต่ก็สร้างกระแสหล่อร้ายๆแบบแบดบอยให้กระหึ่มขึ้นมา
สำหรับคนไม่มีพรสวรรค์ทางการร้องอย่างพสุ รางวัลรองชนะเลิศก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาภาคภูมิใจได้แล้วว่าคนดูยอมรับในความสามารถของเขา แต่คำพูดเหยียดหยามของพ่อในวันที่เขาเอารางวัลไปอวด ก็ทำลายความภาคภูมินั้นไปจนหมด
พสุได้ออกเทปร่วมกับเพื่อนๆ เป็นอัลบั้มรวมของผู้เข้ารอบสุดท้ายทั้ง 5 คน แต่เพลงที่เขาร้องก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่ากับเพลงของตะวัน เขารู้ดีว่าไม่ใช่เพราะเพลงของเขาไม่ดี แต่เพราะเสียงของเขาเองที่ไม่สามารถสะกดคนฟังไว้ได้เหมือนตะวัน ยอดจำหน่ายอัลบั้มแรกของพวกเขาไม่ดีอย่างที่คิด เพราะมีเพียงเพลงของตะวันเท่านั้นที่เป็นที่นิยมขณะที่เพลงของคนอื่นๆถูกโปรโมทไม่กี่ครั้งก็เงียบสนิท ฐานะทางการเงินของบริษัทใหม่จึงค่อนข้างง่อนแง่น อาศัยความดังของตะวันช่วยให้ได้งานจากเจ้าของสินค้าหลายๆแบรนด์ประคองไว้ แต่เมื่อตะวันเกิดเรื่องฉาวขึ้นหน้าหนึ่ง งานจากอีเวนต์ต่างๆก็ถูกยกเลิก บริษัทไม่มีทุนพอก็ต้องปิดตัวลงและนักร้องก็กระจายกันออกไปสังกัดค่ายอื่นๆ
พสุคิดจะหันหลังให้วงการบันเทิงแต่มีผู้จัดละครหลายคนทาบทามเขาไปเล่นละคร เพราะหน้าตาหล่อเหลาและบุคลิกนุ่มนวลอ่อนโยนทำให้พสุดังเปรี้ยงในเวลาไม่นาน และขึ้นแท่นเป็นพระเอกแนวหน้าของประเทศ แต่ลึกๆในใจพสุก็ยังโหยหาการกลับไปเป็นนักร้องอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเขมชาติ ผู้บริหารมือทองโดดเข้ามาจับธุรกิจเพลง เสนอให้เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกวงบอยแบนด์ พสุจึงรู้สึกเหมือนได้รับโอกาสครั้งที่สอง และชายหนุ่มก็ตั้งปณิธานไว้แล้วว่าถ้าคราวนี้เขายังไม่ประสบผลสำเร็จบนถนนดนตรีอีก เขาก็จะยอมตัดใจเสียที
.......................................
พสุกดล็อครถแล้วมองไปรอบๆ แปลกใจเล็กๆกับที่จอดเฉพาะของเขาที่ยามพามาจอด จริงอยู่ความเป็นดาราดังทำให้เขามักได้รับสิทธิพิเศษในหลายๆเรื่อง แต่ไม่คิดว่าที่นี่จะให้การต้อนรับขนาดนี้
“สวัสดีครับพี่กร”
พสุยกมือไหว้ทันทีที่เปิดประตูออฟฟิศเข้าไปจ๊ะเอ๋กับกรเวช ผู้จัดการที่จะเข้ามารับหน้าที่ดูแลเขาทันทีที่เขาย้ายมาเข้าสังกัดกับค่ายดนตรีของเขมชาติ แต่ตอนนี้พสุยังอยู่ในการดูแลของผู้จัดการคนเดิมจนกว่าจะปิดกล้องละครทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
“อ้าวไผ่ มาเร็วจริง เดี๋ยวเราจะไปคุยกันที่ห้องประชุมเล็กนะ ไผ่จะได้เจอกับสมาชิกคนอื่นๆของวงซะที...ว่าแต่กินอะไรมาหรือยัง สีหน้าดูเพลียๆนะ”
“ละครปิดกล้องเกือบตี 3 ครับ กว่าจะขับรถมาถึงกรุงเทพก็เลยโทรมอย่างที่พี่เห็นนี่แหละ”
“อ้าว! ทำไมไม่นอนพักก่อนแล้วค่อยมา ขับรถมาทั้งอย่างนี้อันตรายนะรู้ไหม”
“ตอนแรกพี่ลูกเจี๊ยบเขาอาสาขับให้ครับ แต่ฉลองกับทีมงานหนักไปหน่อย ก็เลยฟุบคาโต๊ะ ผมก็เลยขับรถมาเอง ไม่อยากให้เลื่อนนัดอีกแล้ว เพราะเหลือผมคนเดียวที่ยังไม่เคยเจอกับสมาชิกในวง”
“แต่ไผ่นอนพักสักประเดี๋ยวก็ได้ เพราะพี่นัดคนอื่นๆไว้3โมง นี่เพิ่งจะ 7 โมง คงยังไม่มากันหรอก ไว้มากันครบแล้วพี่จะให้เด็กมาเรียก”
“แต่...”
“พักซะก่อนเถอะ ไผ่ไม่รู้จักคุณเขมดีพอ รายนั้นเวลาประชุมทีไร ถ้ายังไม่ได้ผลเป็นที่พอใจละลากยาวได้หลายชั่วโมงเลยเชียว”
“ครับ”
“เดี๋ยวนอนที่ห้องนี้นะ เงียบดี ไม่มีใครมากวนหรอก ได้เวลาประชุมพี่จะให้เด็กมาตามเองไม่ต้องห่วง”
“ขอบคุณครับพี่กร” หลังจากกรเวชออกไป พสุก็ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวใหญ่มุมห้อง แอร์ที่เปิดไว้เย็นกำลังดี บวกกับความอ่อนเพลียทำให้เขาผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
เสียงกรีดแหลมยาวนานของนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือปลุกพสุขึ้นมาจากความอ่อนเพลีย แม้กรเวชจะสัญญาว่าจะให้คนมาปลุก แต่เค้าก็ไม่อยากให้เป็นภาระของใครถึงได้ตั้งนาฬิกาเอาไว้ ชายหนุ่มควานมือหาโทรศัพท์ที่กรีดเสียงอยู่ไม่ไกล แต่กลับหาไม่เจอ จึงลืมตาขึ้นอย่างง่วงๆ
ดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วที่จ้องอยู่ใกล้ๆทำเอาพสุสะดุ้งสุดตัว ชายหนุ่มลุกพรวดด้วยความตกใจ
“อ๊ะ! ตกใจหมด...นี่เขา...เขาประชุมกันแล้วเหรอครับ?” พสุคาดว่าเด็กฝรั่งผอมๆที่นั่งยองๆเข่าท่วมถึงหูคนนี้คงเป็นคนที่กรเวชใช้ให้มาตามเขา แต่เด็กหนุ่มกลับนั่งจ้องเขาเฉย ไม่ตอบรับใดๆ
“คุณกรให้มาตามผมใช่ไหม?” พสุถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“เปล่า” ภาษาไทยห้วนสั้น ไม่แปร่งเพี้ยนอย่างฝรั่งพูดไทย ทำให้พสุแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ
“อ้าว! ริว มาอยู่นี่เองพี่ตามหาตั้งนาน เป็นไงไผ่ ได้หลับบ้างไหม” ความสามารถในการสนทนากับคนสองคนต่อเนื่องกันไปโดยไม่ต้องรอคำตอบของกรเวช ทำให้พสุต้องแอบอมยิ้ม
“ครับ เพิ่งตื่นนี่แหละครับ”
“งั้นก็ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วเดี๋ยวเจอกันที่ห้องประชุมเล็ก”
“ครับ”
“อ้อไผ่ นี่ริว เกรสัน เป็นหนึ่งในสมาชิกของวงที่มาจากการออดิชั่น” กรเวชวางมือแปะไว้บนไหล่พสุทั้งที่ตอนแรกก็ทำท่าเหมือนจะวางมือบนไหล่อีกคน แต่กลับหยุดค้างกลางอากาศแล้วเบนมาบนไหล่เขาแทน
“ยินดีที่จะได้ร่วมงานกันครับ” พสุหันไปส่งยิ้มให้ก่อนอย่างมีไมตรี แต่ตาโตๆกลับจ้องเขาเขม็ง แม้ไม่ดูคุกคามแต่ก็น่าอึดอัด
“ไปกันเถอะริว” กรเวชหันมาพยักพเยิดเรียก แต่เด็กหนุ่มกลับส่ายหน้า สายตายังจับจ้องอยู่แต่พสุ
“คุณกรไปก่อน ผมจะรอคุณไผ่” นั่นเป็นประโยคยาวๆประโยคแรก ตั้งแต่พสุตื่นขึ้นมาเจอเด็กหนุ่ม
“อ้าว...รู้จักกันมาก่อนเหรอไผ่?”
“เปล่าครับ...ขอตัวก่อนนะครับ” พสุชี้แจงงงๆ ก่อนจะรีบเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ
............................................................
-
:impress3: เรื่องใหม่ เกือบมองผ่านไปแล้ว ถ้าข้ามไปคงน่่าเสียดาย
เนื้อเรื่องชวนติดตามดีนะ
และชอบมากอัพเร็วไปถึงตอน 6 แล้ว
+ 1 ให้คนเขียนค่ะ รอตอนต่ออยู่นะ
-
ริว-ไผ่ บุกเล้าแล้วเหรอ เย้ดีใจ :mc4:
แวะมาเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ
-
เรื่องใหม่ :m11:
เป็นกำลังใจให้นะคะ
-
เจอกันแล้ว
ว๊่าววว ไรเตอร์ฟิตมากอ่ะ
-
ริววจะเอาแต่ใจกับไผ่แค่ไหนนะ
-
มาเป็นกำลังใจให้อีกคนหนึ่งค่ะ :กอด1: :กอด1:
-
ตอนที่ 7
เมื่อเปิดประตูออกมา ร่างผอมสูงก็ยังนั่งอยู่ในห้อง เพียงแต่เลื่อนจากพื้นขึ้นมาบนโซฟา ตาโตสีอ่อนใส จับจ้องทุกอิริยาบถจนน่าอึดอัด แต่พสุก็ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ นอกจากเดินไปหยิบมือถือกับกระเป๋าบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปชวนเด็กหนุ่มตามมารยาท เพราะถึงอย่างไรก็ต้องร่วมงานกันอีกนาน
“ไปประชุมกันเถอะ...ริว”
“ครับ” รอยยิ้มกว้างอวดฟันขาว ตาโตเป็นประกายวาววับอย่างดีใจนั้น ทำเอาพสุอึ้งไปเล็กน้อย ความรู้สึกอึดอัดแกมรำคาญแต่แรกหายไปทันที
‘ตลกดีแฮะ...ยิ้มเหมือนเด็กเล็กๆ’
พอเด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน พสุก็แทบต้องแหงนขึ้นมอง เขาจัดเป็นคนที่สูงมากคนหนึ่ง แต่ริวสูงกว่าเขาเกือบคืบ พอพสุออกเดิน เด็กหนุ่มก็เดินตามต้อยๆ
“ตะวัน!” พสุอุทานด้วยความยินดีแกมประหลาดใจ เมื่อเห็นหน้าคนที่นั่งรออยู่ในห้องประชุมเล็ก
“เป็นไงบ้าง สบายดีรึเปล่า” พสุส่งยิ้มให้ขณะนั่งตรงข้ามตะวัน เด็กหนุ่มร่างสูงก็ดึงเก้าอี้ที่อยู่ติดกันนั่งข้างๆเขา
“ฮื่อ” แม้ตะวันจะขานรับเพียงคำเดียว แต่ดวงตาคมที่เป็นประกายสดใสก็แสดงออกว่าอีกฝ่ายดีใจเช่นกันที่ได้เจอเขา นับจากมีข่าวฉาว ตะวันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่คิดว่าจะเจอกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนร่วมวง แปลว่านักร้องที่ถูกเจาะจงให้เข้าร่วมวงอีกคนคือตะวันนี่เอง
“สวัสดีครับคุณธีรดล”
พสุหันไปทักทายหนุ่มหน้ากลมอารมณ์ดีอีกคนอย่างคุ้นเคย ถึงจะไม่ได้ร้องเพลงมาหลายปี แต่เขากับธีรดลก็ได้เจอกันตามงานต่างๆพอสมควร
“สวัสดีครับคุณพสุ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ” ธีรดลลุกขึ้นยื่นมือข้ามโต๊ะมาให้จับพร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยี
“ครับ ผมก็ดีใจที่จะได้ทำงานกับกีตาร์เทพ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก พูดซะผมเก่งเวอร์”
“ว้าวๆๆ วงเรามีพระเอกสุดฮอตมาร่วมวงเหรอเนี่ย” ผู้มาใหม่ส่งเสียงทักทายนำเข้ามา ก่อนจะถลามานั่งเก้าอี้ที่ยังว่างอีกด้านของพสุ รูปร่างสูงเพรียวปราดเปรียวและสง่า สมกับตำแหน่งซุปเปอร์โมเดลระดับท้อปของประเทศ
“สวัสดีครับคุณไวยากรณ์”
“สวัสดีครับ...ไงเจ้าหนูริวยอดอัจฉริยะ” ไวยากรณ์ทักตอบพสุแล้วชะโงกทักผ่านหน้าพสุไปยังอีกด้าน
“ยอดอัจฉริยะ?” พสุเหลียวไปมองหน้าคนที่นั่งอีกข้างอย่างแปลกใจ ก็พบว่าตากลมใสนั้นจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว
“เจ้าหนูนี่พลังเสียงสุดยอดมากเลยครับ แล้วยังเล่นเครื่องดนตรีได้หมดทุกชิ้นแถมยังเก่งมากๆด้วย กรรมการงี้...อึ้งไปเลย เสียดายวันออดิชั่นคุณไม่ได้มา”
“โชคดีที่ผมได้รับคัดเลือกมาก่อน ถ้าต้องเล่นหลังเจ้าหนูนี่ สงสัยผมคงเล่นไม่ออกโดนข่มซะขนาดนั้น” ธีรดลแซวข้ามโต๊ะมาอีกคน ยืนยันสิ่งที่ไวยากรณ์พูด ทำให้พสุกับตะวันอดเหลียวไปมองริวอย่างทึ่งๆไม่ได้
ยังไม่ทันสนทนากันต่อ ประตูห้องประชุมเล็กก็เปิดอีกครั้ง เขมชาติกับกรเวชก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นส่งมาต้อนรับทุกคน
“สวัสดีครับทุกคน คิดว่าส่วนใหญ่คงรู้จักกันอยู่แล้ว จะมีก็แต่ ริว เกรสัน เท่านั้น ที่ถือว่าเป็นสมาชิกหน้าใหม่จริงๆ...แต่สำหรับฝีมือ คุณธีรดลกับคุณไวยากรณ์คงได้เห็นมาแล้วว่าเขาไม่ใช่มือสมัครเล่น” เขมชาติการันตีความสามารถของริวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจนิดๆ เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ทึ่งกับฝีมือของริวในวันออดิชั่น ยิ่งมารู้ภายหลังว่าริวคือคนที่อลันบอกไว้ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ
ฝีมือขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องมาถึงเมืองไทยเลยสักนิด ค่ายใหญ่ๆในอเมริกาคงไม่ปล่อยให้หลุดมือถ้าอลันเสนอเด็กคนนี้เข้าไป แต่ในเมื่อเขาได้ริวมาอยู่ในสังกัด ก็ถือว่าโชคหล่นทับเขาโครมใหญ่ โอกาสที่คิสมีจะกลายเป็นวงบอยแบนด์อันดับหนึ่งอยู่อีกเพียงก้าวเดียว เขมชาติจึงทุ่มทุกอย่าง เพื่อดึงนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ที่ฝีมือดีที่สุดมาร่วมงาน แม้ว่าจะต้องจ่ายมากแค่ไหนก็ตาม เพราะเขาเชื่อว่าอีกไม่กี่วันเขาจะได้คืนคุ้มยิ่งกว่าที่จ่ายออกไปหลายเท่าตัว
ไวยากรณ์พยักหน้ารับหงึกๆ ขณะที่ธีรดลหันไปยกหัวแม่มือให้เด็กหนุ่ม แต่ริวไม่ได้มองใครเลยแม้แต่เขมชาติ สายตาของเขาจับอยู่ที่ใบหน้าของพสุเหมือนจะไม่ให้คลาดสายตาสักวินาที
“ขอบอกอีกครั้งว่าผมยินดีที่จะได้ร่วมงานกับทุกคน ผมรู้ว่าพวกคุณเจ๋ง แต่ผมคาดหวังกับ KISS ME ไว้สูงมาก และผมก็แน่ใจว่าทุกคนจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง พวกคุณคงรู้จักกรเวชดีอยู่แล้ว กรเวชจะทำหน้าที่ผู้จัดการของวง และจะมีผู้ช่วยมาดูแลพวกคุณในกรณีที่ต้องแยกกันทำงาน เพราะพสุกับไวยากรณ์ยังมีงานค้างอยู่อีกหลายงาน รวมถึงต่อไปที่พวกคุณอาจต้องเดินสายโปรโมทอัลบั้ม.............”
ตลอดเวลาที่เขมชาติพูด สายตาของริวก็จับจ้องอยู่แต่ที่พสุจนทุกคนในห้องสังเกตเห็น พสุเองก็พยายามทำเฉยๆ ทั้งที่อึดอัดใจกับสายตาของเด็กหนุ่ม แต่คนที่อดรนทนไม่ได้ต้องแซวขึ้นมากลับกลายเป็นธีรดล
“จะจ้องให้ทะลุไปเลยหรือไงริว”
“นั่นสิ...จ้องซะขนาดนี้ หลงรักพสุเข้าแล้วสิท่าเจ้าหนู” ไวยากรณ์แซวอ้อมหลังพสุมา แทนที่ริวจะปฏิเสธกลับชะโงกไปดูหน้าพสุซะใกล้จนชายหนุ่มต้องผงะหนี
“มีอะไรเหรอครับ?” พสุถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แม้จะเริ่มไม่พอใจมากขึ้นทุกขณะ
“ทำไมตาเป็นแบบนั้น?”
สายตาจ้องเขม็งทำให้พสุต้องยกมือขึ้นแตะที่ดวงตา พลางเหลือบมองคนอื่นๆที่ตอนนี้หันมาจ้องหน้าเขาเป็นตาเดียว
“หืม? มันเป็นยังไงเหรอ?”
“ตรงนี้ ทำไมเป็นดำๆ มีเส้นเขียวๆข้างตาด้วย” ริวชี้ที่หางตาของตัวเองประกอบ และยังคงจ้องมองตาพสุเขม็งเหมือนเดิม
“......................”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ไวยากรณ์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเป็นคนแรก หลังจากที่ทุกคนนั่งอึ้งไปกับคำถามของริว พลอยให้พสุหลุดขำออกมาอีกคนทั้งที่ตอนแรกเขานึกเคือง
ใครบ้างจะชอบให้คนอื่นติว่าแก่ แต่ตาใสแจ๋วดูสงสัยจริงจังไม่มีร่องรอยอื่นใดเคลือบแฝง ทำให้ความโกรธกลายเป็นความขันไปอย่างง่ายดาย
“แรงได้อีกไอ้หนู...ฮ่าฮ่าฮ่า” ไวยากรณ์ยังขำไม่เลิก คำพูดของริวทำให้ความมั่นใจของเขาคืนมาเต็มร้อย ใครบ้างจะไม่เสียความมั่นใจ หากต้องร่วมงานกับพระเอกละครเบอร์หนึ่งของประเทศ แน่นอนว่าความหล่อของนายแบบอย่างเขา ดูจืดไปถนัดตาเมื่อเทียบกับนักแสดงรูปหล่อ มาดนุ่มนวลชวนละลายหัวใจอย่างพสุ
“ริว...วันหลังอย่าไปถามใครเขาแบบนี้นะ มันเสียมารยาท ดีนะว่าเป็นพสุ นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงมีเคืองกันมั่งแหละ” กรเวชติงเสียงเข้ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็หัวเราะจนหน้าแดง
ริวหันไปสบตากรเวชงงๆ ก่อนจะเหลียวไปมองหน้าคนอื่นๆรอบโต๊ะประชุมหน้าตาเหรอหรา
“ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้พสุซะสวย เล่นเอาคนโดนไหว้อึ้ง ถึงจะเป็นฝรั่งพูดไทยคล่อง แต่ไม่มีใครนึกว่าจะไหว้สวยขนาดนี้
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เองไม่ต้องขอโทษหรอก”
“เลิกหัวเราะได้แล้วไวย์ จะได้ประชุมต่อ” กรเวชหันไปสำทับเมื่อเห็นอาการขำกลิ้งไม่เลิกของไวยากรณ์
หลังจากประชุมเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ พสุเปลี่ยนมาใช้บลูธูทเพื่อให้สะดวกรับสายขณะขับรถ เปิดเครื่องไม่ถึงนาทีสายแรกจากผู้จัดการก็โทรเข้ามาทันที
“ประชุมเสร็จแล้วเหรอไผ่” เสียงปลายสายสดใสอย่างไม่น่าเชื่อว่าเมื่อคืนจะเมาจนขับรถไม่ไหว
“ครับ”
“มีงานด่วนนิดนึงอ่ะไผ่ เป็นงานเดินแบบแค่ 2 ชุด แต่จ่ายเต็มนะ”
“ไหนพี่ลูกเจี๊ยบว่าวันนี้ให้ผมพักไง”
“พี่รู้ๆ แต่งานนี้ด่วนจริงๆนะ แล้วพี่ก็รับปากคุณอ้อมไว้แล้วด้วย นะไผ่นะ แบบว่าเกรงใจคุณอ้อม พี่ไม่กล้าปฏิเสธจริงๆ”
พสุถอนหายใจเฮือกอย่างอ่อนใจ เขาเหนื่อยจนแทบไม่มีแรงขับรถกลับบ้านด้วยซ้ำ แต่กลับต้องไปเดินแบบในห้างดังกลางเมือง แน่นอนว่ารถต้องติดมหาศาลแน่ๆ
“กี่โมงครับ”
“บ่ายสองจ้ะ”
“บ่ายสอง! ผมว่าผมคงไปไม่ทันแน่ๆ จากบริษัทคุณเขมชาติไปที่ห้างพี่ก็รู้ว่ารถติดแค่ไหน”
“ไม่เป็นไรน่าไผ่ แค่รีบมาก็พอ ส่วนคิวพี่สลับไปไว้คนหลังๆก็ได้นะจ๊ะ แค่มาก็พอแล้ว”
“เอาเป็นว่าผมจะรีบไปแล้วกันนะครับ แต่ไม่แน่ใจว่าจะถึงสักกี่โมง”
“จ้า ขอบใจม๊ากไผ่น้องรัก”
พสุกดปลดล็อครถ แต่ยังไม่ทันเปิดประตูขึ้นไป เขาก็รู้สึกหน้ามืดวูบจนเซไปพิงรถ แม้แต่กุญแจรถก็ไม่มีแรงถือจนร่วงหลุดมือไป ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆเพื่อให้สมองปลอดโปร่งขึ้น พยายามสลัดศีรษะไล่อาการอ่อนเพลีย แต่พอลืมตาขึ้นกลับพบดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องอยู่ใกล้จนเขาผงะด้วยความตกใจอีกรอบ
“คุณริว! คุณทำให้ผมตกใจนะ”
“เป็นอะไรครับ ไม่สบายเหรอ?”
ดูเหมือนคำต่อว่าของพสุจะไม่ได้รับความสนใจ แต่สีหน้าเด็กหนุ่มดูห่วงใยจริงจัง จนพสุไม่กล้าหงุดหงิดใส่
“เปล่าครับ แค่มึนๆ...สงสัยจะพักผ่อนไม่พอ”
“แล้วจะขับรถได้เหรอครับ” คำถามซอกแซกอาจฟังดูน่าโมโห แต่ถ้าใครได้เห็นตาใสหน้ากังวลของริว ก็คงโมโหไม่ลง แม้แต่พสุที่อยู่ในสภาพรีบจนหงุดหงิดอยู่ตอนนี้ก็ตาม
“คง...คงไม่ไหวหรอกครับ อาจต้องทิ้งรถไว้ที่นี่ก่อน แล้วไปแท็กซี่”
“ไปไหน? ไปนอนข้างในไหม นอนพักก่อนดีกว่านะครับ”
“นอนไม่ได้ครับ ผมมีงานต้องรีบไป” พสุพยายามจะเลิกคุย แต่ก็เกรงใจเกินกว่าจะออกปากไล่อีกฝ่าย
“แต่คุณพี่ไผ่ไม่สบาย” วิธีการเรียกสรรพนามประหลาดๆของริว ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวบรรเทาลงอย่างรวดเร็ว
“เรียกพี่ไผ่เฉยๆดีกว่า ไม่ต้องมีคุณหรอก”
“พี่ไผ่ไม่สบายนี่ครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมนอนพักไปในแท็กซี่ได้ คุณริวไม่ต้องห่วง”
“ไม่ต้องคุณสิ”
“ครับ?”
“ไม่ต้องคุณไง...นี่ริว...” เด็กหนุ่มชี้นิ้วที่อกตัวเอง ก่อนจะยื่นมาแตะที่แขนเสื้อพสุเบาๆ
“นี่...พี่ไผ่”
“ได้ครับน้องริว”
ริวยิ้มหน้าบานเมื่อพสุเรียกเขาว่าน้อง ก่อนจะพรวดพราดไปโบกเรียกแท็กซี่ที่เข้ามาส่งพนักงานของบริษัท
“รถแท็กซี่มาแล้ว เร็วๆพี่ไผ่”
“แล้วกุญแจรถหล่นไปไหน?” พสุก้มมองหากุญแจที่ควรจะตกอยู่แถวนั้นแต่ไม่เห็นจนถูกยื่นมาตรงหน้า
“อยู่นี่ครับ”
“ขอบคุณครับ” พสุรับกุญแจมากดล็อครถแล้วเดินไปที่แท็กซี่ พอเขาเปิดประตูก้าวเข้าไป ริวก็เปิดอีกด้านเข้ามานั่งข้างๆ
“ริวไปด้วย”
พสุอึ้งไปนิดหนึ่งแล้วก็พยักหน้า เพราะสมองเขาล้าและตื้อจนคิดอะไรไม่ออก ทันที่บอกที่หมายเสร็จ ชายหนุ่มก็พิงพนักหลับไปทันทีราวกับร่างกายปิดสวิตซ์ พสุรู้สึกตัวเพราะเสียงหัวเราะห้าวๆข้างหู ชายหนุ่มขยับลุกขึ้นนั่งตัวตรงเมื่อรู้ว่าเขาหลับซบอยู่บนไหล่ของริว
“ตื่นทำไม ยังไม่ถึงเลย” เด็กหนุ่มหันมาถามทั้งที่ตัวเองก็นั่งตัวแข็งทื่อจนดูน่าจะเมื่อย
“โทษทีนะริวที่เผลอไปพิง เมื่อยไหม”
“ไม่เมื่อยหรอก พี่ไผ่นอนเถอะ ถึงแล้วริวจะปลุก”
“ไม่เป็นไรครับ นี่ก็ใกล้ถึงแล้ว”
“หลับได้อีกนานครับ รถติดขนาดนี้ยังไม่ถึงง่ายๆหรอก” คนขับรีบตอบอย่างอารมณ์ดี ภูมิใจที่ผู้โดยสารเป็นพระเอกชื่อดัง แถมเพื่อนที่มาด้วยนี่คงเป็นดาราเหมือนกัน ท่าทางไม่ถือตัว แถมซักโน่นถามนี่เหมือนเด็กๆ พลอยให้เขาได้คุยฟุ้งมาตลอดทาง
“นั่นสิพี่ไผ่ นอนๆ ถึงแล้วริวปลุกเอง” ริวตบๆที่ไหล่ตัวเองเหมือนจะให้พสุมาซบที่เดิม พสุเพียงแต่ยิ้มให้แล้วเอนลงพิงพนักแทน ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ถ้ามีใครเห็นเขาซบผู้ชายหลับก็อาจจะกลายเป็นเรื่องได้ แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม พสุหลับๆตื่นๆอยู่พักใหญ่ๆกว่าจะถึงที่หมาย
ชายหนุ่มยกนาฬิกาขึ้นดูก็พบว่าเขาสายไปเกือบ 20 นาที จึงรีบเดินไปยังจุดนัดหมาย โดยมีร่างสูงโย่งเดินแกมวิ่งตามมาติดๆ ทำให้ยิ่งเป็นเป้าสายตา
“พี่ไผ่คะ ขอลายเซ็นได้ไหมคะ” เด็กนักเรียนคนหนึ่งวิ่งมาดักหน้าพสุพร้อมกับยื่นกล่องดีวีดีละครเรื่องหลังสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายมาให้พสุเซ็น
“ขอโทษนะครับ พี่รีบมากเลย ต้องไปเดินแบบที่ชั้น 2 ยังไงเดี๋ยวเลิกแล้วจะเซ็นให้นะครับ” ชายหนุ่มหันไปปฏิเสธสาวน้อยอย่างเกรงใจ ก่อนจะเดินแกมวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสองเพื่อให้ทันงาน
“พี่ไผ่ รอริวด้วย พี่ไผ่!”
เสียงเรียกดังลั่นจากข้างหลังทำให้พสุอดหันไปมองไม่ได้ ชายหนุ่มถึงกับหน้าม้านด้วยความอาย ริวพยายามจะแทรกคนขึ้นมาให้ทันเขา โดยไม่ให้โดนตัวคนอื่น แต่คนค่อนข้างเยอะทำให้หลีกไม่พ้น พอเห็นท่าว่าจะไม่ทันเด็กหนุ่มก็เลยตะโกนเรียกเขาซะดังลั่น เล่นเอาคนเหลียวมองกันเป็นตาเดียว เพื่อไม่ให้ต้องอายใครเป็นรอบที่สอง พสุจึงหยุดรอจนเด็กหนุ่มตามขึ้นมาทันแล้วถึงได้เดินไปที่ส่วนแสดงแฟชั่นโชว์
ผู้จัดการของเขามายืนรออยู่แล้ว พอเห็นหน้าพสุก็ปราดมาลากแขนให้เข้าไปแต่งตัวด้านหลังเวที
“ต๊าย! ทำไมปล่อยหน้าโทรมขนาดนี้ไผ่ แล้วนี่ไม่ได้แต่งหน้ามาเลยเหรอเนี่ย”
“ผมมาจากต่างจังหวัดก็เข้าประชุม ออกจากห้องประชุมก็มานี่เลย จะให้แต่งหน้าตอนไหนละครับ”
“โทษที พี่ลืมไป แต่แหม! ไผ่เป็นดารานะ ปล่อยให้คนเห็นตอนโทรมๆได้ยังไงจ๊ะ”
พสุนิ่งเสียเพื่อให้เรื่องจบไป ทั้งที่นึกอยากจะย้อนถามอยู่เหมือนกันว่าถ้าเมื่อคืนลูกเจี๊ยบไม่เมาเสียจนต้องนอนค้างที่กองถ่าย เขาคงไม่ต้องขับรถเองจากหัวหินมากรุงเทพ เพื่อให้ทันประชุมแล้วยังต้องมาทำงานคิวแทรกด่วน แบบนี้อีก ชายหนุ่มแทบนั่งหลับกว่าช่างจะแต่งหน้าเสร็จ แต่ระหว่างที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ริวก็พรวดพราดเข้ามายืนหน้าตาตื่นอยู่ข้างเขา
.............................
-
มาม่ะ
ขอจิ้มทีนึง :z13: :z13:
เอิ้กๆๆ
โอ้วว ให้พี่ไผ่ซบไหล่ได้ด้วยยย
-
สนุกๆ
มาแนวแปลกดี น่าติดตามจัง
อยากอ่านอีกอ่า :impress2:
-
:mc4:มาต่อแล้ว อ่านไปลุ้นพี่ไผ่กะน้องริวไป
ท่าทางน้องริวนี่เอาจริงเอาจังมาก o13 ยกนิ้วให้กับการเตรียมตัวมาหาพี่ไผ่
มาต่อเร็วๆนะ :call:
-
ตอนที่ 8
“อ้าว! แล้วหมอนี่ใคร เข้ามาได้ยังไงเนี่ย” ลูกเจี๊ยบโวยวายดังลั่นเมื่อหันมาเห็นริว เข้ามายืนแอบหลังพสุ
“ริวเข้ามาที่นี่ไม่ได้นะ ที่นี่เป็นส่วนของทีมงาน” พสุรีบปราม เพราะเกรงจะถูกทีมงานตำหนิ
“แต่ริว...” เด็กหนุ่มอึกอัก แล้วเหลียวไปมองข้างหลังพสุหน้าตาตื่น
“ต๊าย!หาตั้งนาน หนีมาอยู่นี่เอง น้องไผ่ขา หนุ่มน้อยสุดหล่อคนนี้เป็นใคร” ร่างอวบหน้ากลมที่ยังผ่องใสอ่อนกว่าวัย จึงดูไม่ขัดตากับท่าทางกรี๊ดกร๊าดเหมือนสาวรุ่น
“ริวเป็นนักร้องใหม่ครับ”
“ต๊าย! หน้าฝรั๊งฝรั่ง ชื่อญี่ปุ่นเชียว น่ารักจัง...น้องไผ่ขา ขอพี่ยืมน้องเขาเดินแบบให้สักชุดสิ” พี่อ้อมประกบมือเข้าหากันแอ๊บท่าแบ้วสุดขีด พสุเหลียวไปมองเด็กโย่งที่ยืนหน้าตื่นอยู่ข้างหลังแล้วก็อดขำไม่ได้
“ต้องถามเจ้าตัวเขาสิครับ”
“ไม่เอานะพี่ไผ่ ริวไม่ชอบ” ริวปฏิเสธทันควันพร้อมกับส่ายหน้าดิก
“ต๊าย! ทำไมละคะน้องริวขา เดินแบบอ่ะ ง่ายออก แค่เดินออกไป โพสต์ท่านิดหน่อย แล้วก็ยืนให้ถ่ายรูปนิดหนึ่ง ก็กลับเข้ามาแล้ว”
“ไม่!” ริวปฎิเสธพลางถอยไปแอบอยู่หลังพสุ ท่าทางปฏิเสธแข็งขันจนน้ำอ้อมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเอง
พอพสุขึ้นไปเดินแบบ ริวก็ออกไปยืนดูปะปนกับฝูงชน แต่ความสูงและบุคลิกของเขาเด่นเกินไป เรียกสายตาคนแถวนั้นให้หันมามองเป็นตาเดียว โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวสักนิด เพราะมัวแต่จ้องนายแบบบนเวทีเขม็ง พอพสุหายไปหลังเวที ริวก็เตรียมจะเดินตามไป แต่กลับพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางวงล้อมของนักเรียนสาวๆที่พากันจ้องเขาเป็นตาเดียว
“ขอโทษครับ ขอทางหน่อยครับ” ริวรีบแหวกสาวๆเหล่านั้นเพื่อกลับไปยังหลังเวที เด็กหนุ่มรู้สึกวิงเวียนคลื่นไส้ด้วยความขยะแขยงเมื่อต้องสัมผัสถูกตัวคนรอบข้าง กว่าจะแหวกมาถึงหลังเวทีได้ เขาก็หน้าซีดจนพสุต้องลากมานั่งเพราะกลัวเด็กหนุ่มจะเป็นลม
“ทำไมหน้าซีดจังเลยริว ไม่สบายเหรอ”
“ผมอึดอัด...ผมเกลียดคนเยอะๆ รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก” ริวตอบเสียงเบา พยายามสูดหายใจลึกๆเพื่อควบคุมอาการวิงเวียน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“จะเป็นลมหรือไง” พสุมองหน้าซีดขาวนั้นด้วยความตกใจ
“ไม่รู้...อึดอัดจัง...”
“ถ้ายังไงกลับก่อนไหม”
“กลับไม่ถูก”
“อะไรนะ?”
“ริวกลับไม่ถูก ริวไม่เคยไปไหนคนเดียว”
พสุอยากโขกหัวกับโต๊ะตรงหน้าเสียจริง นี่หมายความว่า เสร็จงานนี้แทนที่จะได้พัก เขาต้องพาริวย้อนกลับไปส่งที่บริษัทเขมชาติอีกเหรอเนี่ย ให้ตายเหอะ!
“งั้นก็รอเดี๋ยวนะ พี่มีเดินแบบอีกรอบเดียว แล้วเรากลับกันได้เลย”
“ฮื่อ...เร็วนะ”
พสุคิดว่าริวอาจจะแค่เมาคน ได้นั่งพักสักครู่คงดีขึ้น แต่เมื่อกลับมาหลังเวทีอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองคิดผิด ริวหน้าซีดขาวเหมือนกระดาษ ตัวสั่นสะท้าน โดยที่คนอื่นๆยืนดูกันอยู่ห่างๆ
“ริว...เป็นไงบ้าง”
“พี่ไผ่ ริวไม่ไหว พาริวกลับนะ ริวไม่ไหวแล้ว” เด็กหนุ่มคว้าแขนเสื้อเขาไว้แน่น หน้าซีดนั้นมีแต่เหงื่อเกาะพราวทำให้พสุต้องรีบหันหาผู้จัดการของเขาที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“พี่เจี๊ยบ ขอยาดมหรือยาหม่องอะไรก็ได้”
“พี่เอาให้แล้ว แต่เข้าใกล้ได้ที่ไหน”
“อะไรนะครับ”
“ก็นายริวน่ะ เป็นบ้าอะไร ทำยังกับเนื้อเป็นทอง ถูกตัวเขาได้ที่ไหนกัน” ลูกเจี๊ยบตอบเสียงสะบัด ยังเคืองไม่หายที่ริวสะบัดหนีราวกับเขาเป็นตัวเชื้อโรค ทั้งที่หวังดีหายาดมมาให้แท้ๆ
พสุก้มมองเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะอย่างงุนงง ก่อนจะตัดสินใจประคองริวลุกขึ้น
“ริว...ลุกไหวไหม จะได้ไปหาหมอกัน”
“ไม่เอา ไม่หาหมอ...ริวอยากกลับ” เด็กหนุ่มปฎิเสธเสียงแผ่ว แต่เกร็งข้อมือที่ยึดขอบโต๊ะไว้แน่น จนพสุต้องปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่งอยู่ที่เดิม ริวล้วงโทรศัพท์เครื่องจิ๋วออกมาด้วยมือสั่นเทา กดหมายเลขเดียวแล้วโทรออก
“อลัน...ช่วยด้วย...” เด็กหนุ่มหอบหายใจแรงกว่าเดิม จนพูดโทรศัพท์ต่อไม่ได้ พสุจึงต้องคว้าโทรศัพท์ไปคุยแทน
“ริว...นายเป็นอะไร ริว...ตอนนี้อยู่ที่ไหน” เสียงปลายสายร้อนรน จนแทบฟังไม่รู้เรื่อง
“เขาเหมือนจะเป็นลมครับ แต่ไม่ยอมให้ใครช่วย ผมจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอมไป”
“นั่นใครครับ คุณ...พสุหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ”
“โอเค รบกวนหน่อยนะครับ ช่วยให้ใครไปหาผ้าร้อนหรือผ้าเย็นมาสักผืน ให้เขาเช็ดหน้าเช็ดมือ แล้วช่วยพาเขาออกให้พ้นที่ที่คนเยอะๆ ที่สำคัญพยายามอย่าแตะต้องตัวเขานะครับ”
“แต่เขาจับมือผมไม่ยอมปล่อยจะให้ทำยังไง?”
“หา!...เอ่อ...อ้อครับ ผมหมายถึงนอกจากคุณอย่าให้ใครถูกตัวเขาน่ะครับ”
“ครับ แล้วต้องพาเขาไปโรงพยาบาลไหม เขาป่วยเป็นอะไร?”
“ไม่ต้องครับไม่ต้อง แค่ให้เขาได้เช็ดหน้าเช็ดมือให้สะอาดก่อน แล้วถ้าสะดวก ให้อาบน้ำได้ยิ่งดี”
“แค่นั้นเหรอครับ”
“ครับ อีกสักครู่เขาจะดีขึ้นเอง”
พสุรับปากงงๆ ก่อนจะร้องขอผ้าเย็นจากทีมงาน ชายหนุ่มเอาผ้าเย็นเช็ดหน้าซีดๆให้ จู่ๆริวก็แย่งไปเช็ดแขน ถูแรงจนผิวแดงเป็นปื้น
“ริว พอเถอะ เดี๋ยวก็เป็นแผลหรอก” หลังจากหมดผ้าเย็นไปหลายผืน ในที่สุดริวก็หยุดเช็ด แต่ยังยึดแขนเสื้อพสุไว้แน่น
“เดินไหวไหม”
“ไหวครับ”
“งั้นกลับกันเถอะ...พี่เจี๊ยบ ช่วยพาหลบคนหน่อยสิ”
ลูกเจี๊ยบค้อนเด็กหนุ่มขวับ แต่ก็ยอมพาเดินลัดไปด้านหลังใช้ลิฟต์ส่วนของพนักงาน เพื่อหลีกเลี่ยงจากฝูงชน
เห็นอาการของริวแล้วพสุก็เลิกล้มความคิดที่จะย้อนกลับที่บริษัท แต่เลือกกลับไปที่บ้านของเขาเพราะนั่งรถแท็กซี่เพียง 20 นาทีก็ถึง
“ที่ไหนครับ?”
“บ้านพี่เอง เดี๋ยวริวนอนพักให้หายเวียนหัวก่อนแล้วค่ำๆค่อยกลับไปที่ออฟฟิศกัน ตอนนี้พี่เหนื่อยมากขอนอนพักหน่อย แล้วจะพากลับ” พสุบอกเสียงเรียบแล้วเดินนำเด็กหนุ่มเข้าไปในบ้าน
…………………………………
พสุตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะรู้สึกหนาว...ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นมองไปรอบๆ แล้วเห็นเงาตะคุ่มๆมุมห้องก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาพาเพื่อนร่วมวงคนใหม่กลับมาที่บ้านด้วย
อากาศเย็นจัดจนแม้จะอยู่ในผ้าห่มยังสะท้าน แต่คนที่กองอยู่ที่โซฟามุมห้องไม่มีผ้าห่มสักผืน อาจจะป่วยได้ง่ายๆ ชายหนุ่มลุกขึ้น ไปหยิบผ้าห่มที่หล่นไปกองที่พื้นมาห่มให้ร่างที่ขดอยู่บนโซฟา แล้วเดินหารีโมทแอร์ ในที่สุดก็เจอวางอยู่ข้างรีโมทเครื่องเสียง
“17 องศา!...บ้าแล้ว...ใครปรับไว้แบบนี้เนี่ย มิน่าถึงหนาวนัก” ชายหนุ่มสบถเบาๆ แล้วรีบเพิ่มอุณหภูมิห้องขึ้นมา ภายนอกยังมืดสนิท เหลือบไปมองนาฬิกาก็พบว่าเพิ่งจะตี 4 เท่านั้น ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนใจที่จะเข้าห้องน้ำ กลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง
อดชำเลืองไปที่โซฟามุมห้องไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพาคนแปลกหน้ามาบ้าน...ไม่สิ แม้แต่คนที่สนิทกันสักแค่ไหน เขาก็ไม่เคยพาใครกลับมาบ้านด้วย แต่เด็กคนนั้น เพิ่งเจอกันไม่ถึง 24 ชั่วโมง เค้าพาเด็กนั่นมาบ้านด้วยเฉยเลย.....
‘นายชักจะหลุดออกนอกกรอบมากไปแล้วไผ่...อย่าหาเรื่องให้ตัวเองนักเลยว้า...ที่ผ่านมามันยังปวดหัวไม่พอหรือไง’
พสุเคลิ้มจะหลับอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงหอบหายใจ ตามด้วยเสียงครางที่ค่อยๆดังขึ้นจนกลายเป็นเสียงตะโกนลั่นจนเขาต้องผวาลุกขึ้น
“ไม่...ไม่...แม่จ๋า!...แม่!...อ๊อค!!...แค๊กๆๆๆ…”
พสุวิ่งไปที่โซฟามุมห้อง ร่างที่อยู่บนโซฟาดิ้นรนไปมาอย่างทรมาน มือไม้เหวี่ยงป่ายไปมาราวต่อสู้อยู่กับใครสักคน สีหน้าทรมานนั้นทำให้พสุรีบเขย่าตัวเด็กหนุ่มด้วยความตกใจ
“ริว! ริว! นายได้ยินฉันไหม ริว! ริว!”
ฮืดดดดดด...แค็กๆๆๆ...อาการเกร็งขึ้นทั้งตัวก่อนจะสูดอากาศรุนแรงราวกับเพิ่งหายใจออก แล้วกระอักกระไอแรงจนหอบทำให้พสุต้องลูบหลังลูบไหล่ช่วย...ริวพยายามสะบัดหนีมือเขา แต่เสียงเรียกของเขาทำให้เด็กหนุ่มหยุดชะงัก มองหน้าเขาอยู่นานก่อนจะคว้าแขนเขาไว้แน่น พลางหอบหายใจจนตัวโยน
“ริว...ใจเย็นๆนะ สูดหายใจลึกๆ...หายใจออกไหม” พสุถามพลางลูบหลังให้ เหงื่อเปียกเสื้อที่เด็กหนุ่มสวมอยู่จนชุ่ม ทั้งที่เพิ่งจะหรี่แอร์ไปได้พักเดียว
“อา....อา...หะ...หายใจ...ออกแล้ว...แค็กๆ”
พสุลุกไปรินน้ำมาส่งให้ เด็กหนุ่มรับมาดื่มมือสั่น นั่งตัวสั่นอยู่นานกว่าจะสงบสติอารมณ์ได้
“...ขอโทษครับที่ทำให้ตกใจ”
“ไม่เป็นไรหรอก...ฝันร้าย...หรือป่วย?”
“ฝันร้ายครับ”
“เป็นแบบนี้บ่อยไหม” พสุบิดผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นจนหมาดแล้วเดินมาส่งให้เด็กหนุ่มเช็ดหน้า
“...บ่อย...ครับ”
“แล้ว...ไปหาหมอบ้างหรือเปล่า?” พสุพยายามเรียบเรียงคำพูดเพื่อไม่ให้กระทบใจคนฟัง เขาแน่ใจว่าอาการที่เด็กหนุ่มเป็นอยู่ควรจะหาหมอ
“...ผมเกลียดหมอ...”
“เกลียดหมอ?”
“ก็ไม่เชิง...คือ...ผมเกลียดการไปโรงพยาบาล...ผมไม่ชอบกลิ่นยา...ผม...ผมกลัวโรงพยาบาล” เด็กหนุ่มไหวไหล่ ทำกิริยาเหมือนมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ แต่เสียงอ้อมแอ้มเบาจนแทบไม่ได้ยิน แถมยังก้มหน้าหนีงุดๆ ทำให้พสุอดยิ้มไม่ได้
ชายหนุ่มลูบผมหยักยุ่งอย่างเอ็นดู แต่กลับพบปฏิกิริยาแปลกประหลาด เด็กหนุ่มทำตัวเกร็งเหมือนตกใจเมื่อเขาสัมผัสศีรษะ แต่ครู่เดียวก็ผ่อนคลาย แถมเงยหน้ามามองเขาตาแป๋ว
“โหริวนี่ตาสวยนะ ขนตายาวมาก...เอาไม้จิ้มฟันวางคงไม่หล่นแน่เลย” พสุอุทานพลางเหลียวมองหาอะไรสักอย่าง เพื่อจะลองวางบนแผงขนตาหนานั้น อย่างมันเขี้ยว
เด็กหนุ่มหลบตาลงมองพื้นทำคิ้วขมวดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบตามาจ้องหน้าเขาอีกครั้ง
“แล้วพี่ไผ่ชอบไหม?”
“ชอบ?...อ๋อ ชอบสิ อิจฉาเลยล่ะ ตาสวยๆแบบนี้นะ รับรองว่าถ้าเป็นหนุ่มเต็มตัว สาวๆกรี๊ดตายแน่”
“ไม่เอา ผมไม่ชอบให้ใครมากรี๊ด...แต่อยากให้พี่ชอบ”
“หืม?...เอ่อ...” พสุถึงกับติดอ่าง จ้องมองเด็กหนุ่มตาค้าง รู้สึกแปลกๆกับคำพูดของริว แต่ดวงตาใสที่จ้องมองเขา ดูซื่อและไร้เดียงสา จนเขากลับเป็นฝ่ายละอายแก่ใจ นี่เขาคงเข้าใจอะไรผิดไปเองแน่ๆ
“ทำไมถึงคิดว่าพี่จะไม่ชอบล่ะ...ริวก็ออกเก่ง”
“ก็...ริวทำให้พี่ลำบาก” ริวตอบแล้วก้มหน้างุด สีหน้าดูไม่สบายใจ คำตอบของริวทำให้พสุโล่งใจ แล้วเลยนึกสงสารนิดๆกับท่าทางเหมือนลูกหมาถูกดุของคนตรงหน้า
“ไม่หรอกน่า ไม่ได้ลำบากอะไร...จริงสิ ริวเป็นไงบ้าง ยังคลื่นไส้อยู่ไหม?”
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ แต่ริวอยากอาบน้ำ...มันร้อน”
“เอาสิ ห้องน้ำอยู่ทางนี้ เดี๋ยวพี่หยิบผ้าขนหนูให้” พสุลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัว เสื้อคลุมอาบน้ำและแปรงสีฟันใหม่เอี่ยมยังไม่ได้แกะกล่อง ส่งให้เด็กหนุ่ม พร้อมกับเปิดไฟกลางห้องแทนโคมไฟ แล้วจัดเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ให้ริวเปลี่ยน พอเด็กหนุ่มออกจากห้องน้ำ เขาก็ส่งเสื้อผ้าให้แล้วเข้าไปอาบน้ำบ้าง
.........................
-
:o8: น้องริวฝันร้าย อย่างนี้ต้องแก้ด้วยการไม่นอนคนเดียวน๊า
ขอพี่ไผ่นอนด้วยแล้วกัน กลางคืนฝันร้ายจะได้มีคนปลอบ
-
+1 ให้ข้างบน
ข้อหาเม้นถูกใจ
แล้ววิ่ง ไป +1 ให้ไรเตอร์ข้อหาแต่งได้น่ารัก จ๊างงง
-
ตอนที่ 9
ถ้าวันไหนตื่นเช้าพสุจะออกไปหามื้อเช้ากินเอง จะได้ไม่รบกวนแม่บ้านมากนัก แค่ต้องคอยตื่นมาเปิดประตูให้เขาแบบไม่เป็นเวลาอย่างทุกวันนี้เขาเกรงใจแย่แล้ว
มื้อเช้าของพสุมักจะเป็นอาหารง่ายๆ อย่างโจ๊กหรือข้าวแกงในตลาด วันนี้ชายหนุ่มพาริวมาลองกินด้วย แม้จะไม่แน่ใจว่าริวจะกินอาหารข้างถนนแบบนี้ได้หรือเปล่า
“กินอะไรดีริว” พสุหันไปถามเด็กหนุ่มที่เดินตามหลังเขาต้อยๆเหมือนมีเชือกล่ามอย่างขันๆ
อาการเหลียวหน้าเหลียวหลังมองรอบตัวเหมือนไม่เคยเห็นทำให้เขาอดประหลาดใจไม่ได้ ริวทำท่าเหมือนไม่เคยเห็นสถานที่แบบนี้ สงสัยจะไม่เคยเดินเที่ยวย่านไชน่าทาวน์ที่อเมริกาละมั้ง
“ริว”
“ครับ?”
“กินอะไรดี...” พสุเรียกซ้ำเมื่อถามไปสักพักแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะได้คำตอบ
“ไม่รู้ครับ” คำตอบที่มาพร้อมสีหน้าว่าไม่รู้จริงๆ ทำให้พสุอดยิ้มไม่ได้ น่าแปลกที่เขารู้สึกสนิทสนมกับริวอย่างรวดเร็วทั้งที่เพิ่งเจอกัน...คงเพราะดวงตาใสแจ๋วนี้ดูไร้เดียงสา ทำให้รู้สึกเหมือนมีน้องเล็กๆ มากกว่าจะเป็นผู้ร่วมงานกัน
“ริวเคยกินอาหารไทยไหม?”
“เคย...นิดหน่อย...แต่ไม่รู้เรียกอะไร”
“งั้น...กินต้มเลือดหมูแล้วกัน ต้มเลือดหมูเจ้านี้อร่อยมากเลยนะ...ลองกินไหม?” น้ำเสียงที่พูดกับเด็กหนุ่มอ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว
เด็กหนุ่มพยักหน้า แล้วตามพสุไปนั่งที่โต๊ะ ระหว่างที่รออาหารเด็กหนุ่มก็เหลียวมองรอบๆ ตัวอย่างสนใจ สนใจแม้กระทั่งพวงพริกน้ำส้มตรงหน้า
“ริว...อายุเท่าไหร่แล้ว?” พสุถามอย่างเห็นขัน กับกิริยาเหมือนเด็กของริว มากกว่าจะอยากได้คำตอบจริงจัง
“จะสิบแปดแล้วครับ”
“ยังไม่สิบแปด?...อ้าว! แล้วตอนนี้มหาวิทยาลัยปิดเหรอถึงมาได้” พสุถามอย่างงุนงง ถึงจะเห็นอยู่ว่าริวหน้าอ่อนใสเหมือนยังเด็ก แต่ไม่คิดว่าจะอายุน้อยขนาดนี้ แล้วถ้าริวมาทำงาน จะได้กลับไปเรียนเมื่อไหร่กัน...
“ริวเรียนจบแล้วครับ”
“จบแล้ว?...จบไฮสคูลหรือปริญญาตรี? ” พสุถามงงๆ เพราะรู้ว่าคุณสมบัติพื้นฐานของคนที่มาออดิชั่นอย่างน้อยต้องศึกษาอยู่ระดับปริญญาตรี แต่ริวอายุยังไม่สิบแปดด้วยซ้ำ
“ริวจบปริญญาเอกมาสองปีแล้ว” ริวตอบพลางตักพริกในน้ำส้มขึ้นมาดมแล้วย่นจมูก ขณะที่พสุอึ้งไปด้วยความตกใจ
“โอ้โห!...เด็กอัจฉริยะเหรอนี่...ไอคิวเท่าไหร่เนี่ย?” พสุถามอย่างทึ่งๆ
“ไม่รู้สิ ไม่ได้สนใจ...ครับ” ริวบอกปัดเสียงห้วนแล้วรีบลงครับต่อท้าย เมื่อรู้สึกว่าเขากำลังไม่สุภาพ
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองไอคิวเท่าไหร่ แต่เด็กหนุ่มไม่ชอบพูดถึงเพราะไม่ต้องการให้ตัวเอง “ประหลาด” และ “แปลกแยก” กว่าคนอื่นๆ เหมือนอย่างที่อลันเคยบอกไว้
พสุยังคงจ้องมองเด็กหนุ่มอย่างทึ่งๆ เขาเคยได้ยินเรื่องเด็กอัจฉริยะมาบ้าง ตัวเขาเองก็ได้ชื่อว่าเรียนเก่งมากคนหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นเป็นอัจฉริยะเหมือนคนตรงหน้า และพสุก็ไม่คิดว่าริวจะโกหก เพราะดูเหมือนเด็กหนุ่มจะพลั้งปากบอกเสียด้วยซ้ำ
พอต้มเลือดหมูถูกยกมาวางตรงหน้า ริวใช้ช้อนเขี่ยๆ ก้อนเลือดหมู และเครื่องใน ไปมาอย่างสนใจ ก่อนจะคอยจ้องดูว่าพสุใส่อะไรลงไปในถ้วย ก็ใส่ตาม
“เดี๋ยวๆ จะใส่พริกไปทำไม กินได้เหรอ?” พสุคว้าข้อมือเด็กหนุ่มไว้ทัน เพราะเขาสังเกตเห็นแต่แรกแล้วว่าริวทำตามเขา พอเขาวางช้อนพริกริวก็คว้าหมับทันที
“ก็พี่ยังกินได้เลยนี่ครับ” ริวตอบเสียงซื่อ ก่อนจะมองมาที่ถ้วยต้มเลือดหมูของพสุเป็นเชิงเปรียบเทียบ
“แต่มันเผ็ดนะ” พสุห้ามโดยยังยึดมือที่ถือช้อนพริกป่นของริวไว้แน่น ริวก็ปล่อยให้พสุจับมือเฉย ทั้งที่ปกติเขาจะต้องขยะแขยงจนคลื่นไส้ แต่คงเพราะมือพสุนิ่มและอุ่นไม่กระด้างเหมือนมือผู้ชายทั่วไป ทำให้เด็กหนุ่มคุ้นเคยอย่างประหลาด
“ริวเคยกินวาซาบิ มันเผ็ดเท่าวาซาบิไหม?”
“มันคนละอย่าง วาซาบิมันฉุน แต่พริกป่นมันเผ็ด...เอาอย่างนี้ ลองกินของพี่ดูก่อน” พสุตักน้ำต้มเลือดหมูในชามตัวเองส่งให้ริวชิม แทนที่เด็กหนุ่มจะรับไปกินเองกลับก้มลงกินจากช้อนที่พสุยื่นให้
ตอนแรกพสุเกือบกระตุกมือหนี แต่พอเห็นเด็กหนุ่มสะดุ้งกรอกตาไปมา หน้าแดงจัด ก่อนจะวิ่งไปบ้วนน้ำต้มเลือดหมูลงถังขยะ พสุรีบคว้าแก้วน้ำเย็นตามไปส่งให้
“บ้วนปากก่อน เดี๋ยวค่อยดื่ม”
“โอ๊ย! แสบมากๆ อ่ะ ปากริวสุกแล้ว” ริวร้องลั่น พลางโบกมือพัดใส่ปากที่อ้ากว้าง ปากที่แดงอยู่แล้วดูเหมือนจะแดงยิ่งกว่าเดิม หน้าขาวใสแดงจัด น้ำตาคลอเต็มตาโตๆ จนพสุต้องหยิบทิชชูส่งให้
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวพี่รินน้ำให้ใหม่”
ริววิ่งกลับมาที่โต๊ะ ยกน้ำขึ้นดื่มหมดแก้ว แต่ก็ยังไม่หายเผ็ด พสุเหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะเดินไปสั่งนมเย็นมาให้ริวกินแก้เผ็ด พอได้นมเย็นหวานๆเข้าไป ริวก็เลิกกินอย่างอื่น ตั้งหน้าตั้งตาดูดนมเย็นจนหมดเกลี้ยง ก่อนจะแลบลิ้นยาวออกมาดูจนตาเหล่มารวมกัน
พสุเติมเครื่องปรุงในชามต้มเลือดหมูของริวให้ ระวังไม่ให้รสจัด ตอนแรกริวก็แหยงๆ ยังลังเลที่จะกิน แต่เมื่อตักคำแรกเข้าปากอย่างกล้าๆกลัวๆเด็กหนุ่มก็ทำตาโต ไม่ช้าข้าวก็ทำท่าจะหมดจาน จนพสุต้องสั่งทั้งข้าวและต้มเลือดหมูชุดสองมาให้
หลังจัดการต้มเลือดหมูกันไปคนละ 2 ถ้วย น้ำหวานคนละแก้ว ปาท่องโก๋อีก2 จาน ริวก็ลูบพุงป้อย
“โอ๊ย! ริวแน่นท้องเลย...อิ่มที่สุดในโลก”
พสุอดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะตัดสินใจพาริวเดินดูตลาดก่อนกลับ เช้าๆ คนเยอะ แต่ละคนก็ดูเร่งรีบจนชายหนุ่มไม่คิดว่าจะมีใครทันสังเกตว่าเป็นเขา อีกอย่างใส่ทั้งหมวกใส่ทั้งแว่นตาขนาดนี้คงพรางสายตาคนไปได้
“พี่ไผ่นั่นอะไรครับ?” จู่ๆ ริวก็กระตุกชายเสื้อ จนพสุต้องเหลียวไปดู
“สายไหม...ขนมน่ะ ลองกินไหมล่ะ” พสุถามพลางอมยิ้มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตาเป็นประกาย ท่าทางเหมือนเด็กเล็กๆ นั้นทำให้พสุอดเย้าแหย่ไม่ได้ ทั้งที่ไม่คิดว่าริวจะกินจริงๆ
“กินครับ” ริวเอื้อมมือไปคว้าห่อขนมทันทีที่รับคำแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบการ์ดสีเงินส่งให้แม่ค้า
“เฮ้ย! จ่ายด้วยบัตรเครดิตไม่ได้...นี่ครับ” พสุดึงมือที่ถือการ์ดของเด็กหนุ่มกลับ แล้วรีบส่งเงินค่าสายไหมให้แม่ค้าก่อนที่จะโดนด่า แต่เงินค่าขนมดูไม่น่าสนใจเท่าคนจ่าย เพราะแม่ค้าวัยกลางคนจ้องพสุเขม็ง
“ไผ่ พสุใช่ไหมจ๊ะ”
“...ครับ”
“ต๊าย! ใช่จริงๆเหรอเนี่ย...ขอๆๆ ลายเซ็นได้ไหมค๊า ขอถ่ายรูปด้วย...แกๆ! ไผ่ พสุ ตัวจริงด้วยแก” หลังจากหันไปตะโกนเรียกเพื่อนแม่ค้าแผงข้างๆ คุณป้าเจ้าของสายไหม ก็งัดหนังสือดาราจากในกระจาดข้างตัวมาให้พสุเซ็น
“ครับ...ได้ครับ” พสุยิ้มแหย ความคิดที่จะเดินเล่นเป็นหมันทันทีที่ได้ยินเสียงกรี๊ดจากรอบสารทิศ ครู่เดียวรอบๆตัวเขาก็มีคนหลากหลายวัย ที่พยายามเบียดเสียดกันเข้ามาขอลายเซ็น ขอถ่ายรูปด้วย แสงแฟลชจากกล้องโทรศัพท์มือถือกระพริบวูบวาบรอบตัว ชายหนุ่มแจกทั้งลายเซ็นและรอยยิ้มใส่กล้องอยู่ครู่ใหญ่ๆ กว่าจะขอตัวแหวกวงล้อมกลับมาที่รถได้
พสุถึงกับถอนหายใจเฮือกเมื่อเห็นริวนั่งยองๆ อยู่ข้างรถไม่ได้เดินหลงไปไหนอย่างที่เขากังวล
“พี่ไผ่มาแล้ว!” ริวดีดตัวลุกขึ้นแล้วยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่แก้ม พลางขยับนิ้วที่เหนียวหนับเพราะสายไหมเล่น พสุเหลือบมองแล้วไขกุญแจรถหยิบขวดน้ำในรถมาส่งให้ริวล้างมือ พอล้างเสร็จเด็กหนุ่มก็เช็ดมือกับเสื้อที่สวมอยู่
“อย่าเช็ดมือกับเสื้อสิ!...เอ้านี่” พสุเผลอดุแล้วหยิบทิชชูส่งให้ เด็กหนุ่มยิ้มแหยรับไปเช็ดแล้วทิ้งลงถังขยะเรียบร้อยถึงมาขึ้นรถ
“พี่ไผ่ดังมากเลยเน้อ” ริวทักเสียงใส ลืมเรื่องที่ถูกดุไปเรียบร้อยแล้ว
“ก็เล่นละครหลายเรื่อง คนก็จำได้บ้างแหละน่า” พสุถ่อมตัวยิ้มๆ ก่อนจะหันไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด
“ไม่หรอก ริวถามใคร ก็มีแต่คนรู้จัก เขาบอกว่าพี่เป็นพระเอกเบอร์ 1 ของเมืองไทย”
“ฮะฮะฮะ พูดซะขนาดนั้น สาธุ๊! ขอให้จริง” พสุยกมือไหว้ท่วมหัวเป็นเชิงแซวเด็กหนุ่ม แล้วสตาร์ทรถขับออกจากที่จอดอย่างระมัดระวังเพราะความจอแจของยวดยานในตลาด
“จริงๆ เชื่อริวสิครับ ถามใครใครก็บอกแบบนี้ทุกคน” ริวยืนยันสีหน้าจริงจัง
“เอาน่า อีกหน่อยริวก็มีแต่คนรู้จัก ไม่แน่นะเราอาจจะเป็นบอยแบนด์ที่ดังที่สุดในประเทศก็ได้” พสุคาดหวังด้วยดวงตาเป็นประกาย ดังหรือไม่ดังมันไม่สำคัญเท่ากับว่า เขาจะได้ทำในสิ่งที่รักอีกครั้ง...หากวงดัง เขาก็จะได้ทำมันได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าไม่ นี่อาจเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายสำหรับการเดินบนถนนดนตรีอย่างที่ฝัน
“...” รอยยิ้มบนปากบางค่อยๆ จางหาย คิ้วหนาเป็นปื้นขมวดเข้าหากันอย่างกังวล
“เป็นอะไรนิ่งไปเลย”
“ริวอยากให้งานออกมาดี อยากให้คนชอบเพลงที่ริวแต่ง...แต่...ไม่อยากดัง...ริวไม่ชอบคนเยอะๆ”
“อ้าว!” พสุอุทานอย่างประหลาดใจ อดเหลือบมองหน้าครุ่นคิดของคนข้างๆ ไม่ได้ ดูเหมือนริวจะคิดอย่างนั้นจริงๆ สีหน้าและสายตาที่แสดงออกมาฉายชัดว่าเจ้าตัวกำลังลำบากใจ
“เฮ้อ!...ริวต้องทำยังไงครับพี่...” ริวหันมาจ้องหน้าพสุ ราวกับว่าพสุจะจัดการทุกอย่างให้ได้อย่างใจ
“ถ้าเอาแค่ อยากทำงานดีๆ อยากให้คนชอบเพลงที่แต่ง ริวก็ต้องทำงานเบื้องหลัง เป็นนักแต่งเพลงหรือเป็นโปรดิวเซอร์ก็ได้” พสุให้คำแนะนำ ทั้งที่นึกกังวล เขายังไม่เคยเห็นฝีมือของริว แต่เท่าที่ฟังดู เหมือนทุกคนจะยอมรับว่าริวเป็นนักร้องและนักดนตรีที่เก่งมากๆ คนหนึ่ง หากไปทำงานเบื้องหลังคงน่าเสียดายฝีมือ
“แต่ริวอยากร้องเพลงกับพี่” คำตอบเหมือนเด็กงอแง ทำให้พสุถึงกับหลุดหัวเราะ
“เอ้า!...งั้นจะเลือกได้ยังไงว่าจะดังไม่ดัง...อีกอย่างเป็นนักร้อง ยังไงริวก็ต้องเจอคนเยอะอยู่แล้ว มันเลี่ยงไม่ได้”
“นั่นสิครับ” ริวตอบแล้วย่นจมูก ก่อนจะหันมามองหน้ายิ้มๆ ของพสุแล้วเด็กหนุ่มก็ส่งยิ้มกว้างจนตาหยีให้
“ฮะฮะฮะ เอาเถอะๆ ไว้ค่อยคิดแล้วกัน” พสุบอกยิ้มๆ ทั้งที่นึกอยากจะดึงแก้มกลมๆ ของริวเล่นสักที พสุพาเด็กหนุ่มกลับมาที่บ้านเพื่อมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แม่บ้านซักรีดไว้ให้เรียบร้อย แล้วจึงพาเด็กหนุ่มไปส่งที่บริษัท
สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ของริวตอนลงจากรถทำให้พสุนึกขันอีกรอบ สงสัยเขาจะได้เด็กน้อยมาเป็นเพื่อนร่วมงานซะแล้ว
เสียงริงโทนเฉพาะเบอร์พิเศษทำให้พสุรีบกดรับทันที
“สวัสดีครับแม่” ชายหนุ่มทักปลายสายด้วยน้ำเสียงสดใส
“ขับรถอยู่หรือเปล่าลูก” เสียงนุ่มๆ อ่อนๆ ติดเกรงใจแม้แต่กับเขาที่เป็นลูกทำให้พสุต้องอมยิ้มด้วยความเอ็นดูมารดา
“จอดแล้วคร้าบ” พสุตอบพลางหมุนพวงมาลัยเข้าไปลานจอดรถของปั้มแรกที่เจอ
“แม่ได้ข่าวว่าไผ่จะได้ร้องเพลงอีกเหรอลูก ดีใจด้วยนะจ๊ะ” น้ำเสียงแห่งความยินดีนั้นปิดไม่มิด พลอยให้พสุตื้นตันใจไปด้วย ไม่มีใครรู้ใจเขาเท่าแม่ แม่รู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่ได้กลับมาร้องเพลงอีกครั้ง
“ข่าวไวจริง ใครบอกครับแม่”
“ลูกเจี๊ยบน่ะจ้ะ ท่าทางเขาตื่นเต้นกับลูกมากเลยนะจ๊ะ”
“เหรอครับ...แล้ว...แม่บอกใครเรื่องนี้หรือเปล่าครับ”
“เปล่าจ้ะ พอลูกเจี๊ยบบอกแม่ แม่ก็โทรหาไผ่เลย...แม่ดีใจมากๆ เลยนะลูก ถ้าพ่อรู้เขาต้อง...”
“ไม่จำเป็นครับแม่ ไผ่อยากให้เรื่องนี้รู้กันแต่เราแม่ลูก” พสุรีบขัด เขารู้ว่าแม่จะพูดอะไรต่อไป แม่จะพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาไปหาพ่อ ไปบอกข่าวดีแก่พ่อ ทั้งที่พสุแน่ใจว่าข่าวนี้เป็นข่าวดีเฉพาะกับแม่และตัวเขาสองคน แต่ไม่ใช่สำหรับพ่อแน่นอน
“แต่เดี๋ยวพอแถลงข่าวพ่อเขาก็ต้องรู้อยู่ดีนี่จ๊ะ” น้ำเสียงกึ่งกังวล กึ่งเกรงใจนั้น เคยทำให้พสุใจอ่อนมาแล้วเมื่อตอนเป็นเด็ก แต่เมื่อเขาตัดสินใจออกจากบ้านมา พสุก็ไม่คิดว่าเขาจะต้องแคร์อีกว่าพ่อจะคิดเรื่องของเขายังไง
“ช่างเขาสิครับ”
“แต่ว่า...”
“แม่ครับ แม่จะไม่อวยพรไผ่หน่อยเหรอ...นะครับแม่ ขอพรให้ไผ่หน่อย ไผ่จะได้มีกำลังใจ”
“แม่ขอให้ไผ่มีความสุขกับงานที่ทำทุกๆ วัน แล้วก็ขอให้เพลงของไผ่ประสบความสำเร็จ ให้คนชื่นชอบเพลงของไผ่นะลูก”
“ขอบคุณครับ โอ๊ยยยย ไผ่รู้สึกอยากจะรีบไปอัดเสียงเดี๋ยวนี้เลย”
“เกินไปจ้ะ”
เสียงหัวเราะเบาๆ นุ่มๆ ในสายทำให้พสุรู้สึกอยากเห็นหน้าแม่ขึ้นมาทันที เห็นทีเขาต้องหาทางชวนแม่ออกมากินข้าวด้วยกันสักวัน
“ฮะๆๆๆ”
“ไผ่จ๊ะ...ไม่มาทานข้าวที่บ้านเหรอลูก จะได้ฉลองกัน สักวันศุกร์นี้ก็ได้นะลูก พ่อเขาได้หยุดพักพอดีเลย”
“ไผ่ไม่ว่างครับ”
“อ้าว ไหนลูกเจี๊ยบเขาว่า...”
“ไผ่นัดคุยเรื่องงานกับพี่ที่บริษัทใหม่ครับแม่”
“เหรอจ๊ะ...น่าเสียดายนะจ๊ะ แล้วไผ่จะว่างอีกเมื่อไหร่ละลูก”
“เอาเป็นว่ามื้อเที่ยงวันไหนแม่ว่าง ก็โทรมาสิครับ ไผ่จะไปรับทานข้าวด้วยกัน”
“แม่นึกว่าไผ่จะมาทานที่บ้านบ้าง” น้ำเสียงเสียดายของแม่ทำให้พสุรู้สึกขมในคอ เขาสงสารแม่ แต่เขาไม่คิดจะกลับไปเหยียบที่นั่นอีก ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจย้ายออกมา
“แม่ครับ เราเคยคุยกันแล้ว ไผ่บอกแม่แล้วนี่ครับว่าไผ่ไม่อยากไป”
“จ้ะๆ แม่ก็แค่อยากจะให้ไผ่กับพ่อได้คุยกัน”
“แม่ครับ...ไผ่กำลังจะรีบไปงานอีกที่ ไผ่ต้องวางสายแล้วครับ” พสุจำต้องตัดสาย ทั้งที่ยังอยากคุยกับแม่ให้หายคิดถึง แต่ถ้าการคุยกันหมายถึงต้องพูดถึงพ่อ พสุก็ขมขื่นเกินกว่าที่ทนฟัง
“จ้ะ ขับรถดีๆ นะครับลูก”
“สวัสดีครับ รักแม่นะครับ”
“แม่ก็รักลูกจ้ะ”
พสุถอนใจพรู เขารู้ว่าแม่อยากให้เขากับพ่อกลับมาพูดกันอีกครั้ง แต่สำหรับพสุมันสายเกินไปแล้ว รอยร้าวระหว่างเขากับพ่อ มันยากเกินจะเยียวยา นับวันมีแต่จะแตกแยกห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะกลายเป็นความเกลียดชัง และพสุก็มั่นใจว่าพ่อเองก็เกลียดเขา
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พสุเลือกจะเดินออกจากบ้านทันทีที่เรียนจบ เขารับงานแสดงเพราะหาเงินได้มากและเร็ว ขณะเดียวกันก็สร้างเกราะกำบังที่แน่นหนาจากคนอื่นๆด้วยการไม่เปิดหัวใจรับใครมาให้เจ็บปวด
พสุไม่เชื่อในความรัก เพราะเขาเห็นตัวอย่างชั้นดีจากแม่ แม่ที่รักพ่อสุดหัวใจ แต่ตลอดชีวิตของพสุเขาเห็นแต่ความเจ็บปวดของแม่ แม่ไม่เคยมีความสุข...เขาถึงเลือกที่จะไม่รัก แม้จะเหงาไปบ้างแต่อย่างน้อย ก็ไม่ต้องเจ็บปวด
..................................
-
สนุกมากค่ะ ชอบเรื่องนี้มาก มาลงบ่อยนะค่ะ :L2: :L2: :L2: :L1: :bye2:
-
ชอบมากเลยค่ะ. :z2: :z2:
มาต่อเร็วๆนะ :L2: :L2:
-
น่ารักเลยอ่ะ ริวนะ ตอนแรกนึกว่าจะแบบตัวเล็ก แต่ตอนหลังมาบอกสูงกว่าพสุ
ชอบเนื้อเรื่องมาเลย แล้วก็ใจดีมาลงบ่อยๆน่ารักมากๆ รอตอนตอนไปนะค่ะ สู้ๆ
-
สนุกมาก ๆ เลย
รอตอนต่อไปนะคร้าบ
-
:man1: งานนี้พี่ไผ่นอกจากได้เด็กน้อยมาร่วมงานแล้ว ถ้าจะได้นักแต่งเพลงส่วนตัวอีกด้วยนะ
:z3:ถ้าทำได้นู๋ริวคงไม่อยากกลับบริษัทเลยเนอะ
-
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ :L2:
Special Thank : atom_big / justlove / didi / Shock_n2n
BOOM_LOVE / tianqin / *4_m3*/iamnan / zeazaiz / ohmpresto / / Noi / maio /ChiOln
ต่อจากตอนนี้อาจจะหายบ้างอะไรบ้างนะคะ คงจะไม่ได้มาลงทุกวันแบบตอนนี้...เพราะคนเขียนจะต้องไปอยู่แดนกันดาร ไม่มีเนตใช้ T_T :sad11:
เนื่องจากนิยายเรื่องนี้เป็นแนวที่ไม่เคยแต่งมาก่อน ออกจะเกร็งๆอยู่พอสมควร เท่าที่ดูผลจากคอมเม้นต์ก็พอจะรู้สึกเหมือนกันว่าคงไม่ใช่แนวจริงๆ เพราะดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชอบ แฮ่... :z13:
ขอดูอีกสักตอนสองตอนแล้วกันนะคะ แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะจัดการยังไง ^__^
ชอบไม่ชอบ สามารถติติงกันได้นะคะ ยินดีรับฟังคอมเม้นต์ทุกๆแบบค่า จะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
....................................
ตอนที่ 10
ปกติวันปิดกล้องละคร ดาราจะมากันเกือบครบ เพราะมักจะเป็นฉากใหญ่ที่รวมดาราในเรื่องไว้หมด ทันทีที่เสียงคัตดังขึ้น เสียงเฮ ก็ตามมาติดๆ โชคดีจริงๆที่ละครเรื่องนี้ปิดกล้องได้เร็ว คงเพราะดาราส่วนใหญ่รีบเทคิวให้ เพราะได้ข่าวเรื่องพสุกำลังจะเก็บตัวทำเพลง ละครเรื่องนี้จึงเป็นละครเรื่องสุดท้าย หลังจากนี้เขาก็เหลือแค่งานโชว์ตัวกับถ่ายโฆษณาอีก 2-3 ตัว ที่เซ็นสัญญาไว้ก่อนหน้านี้เท่านั้น
“ไผ่...เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเลยนะ” ผู้จัดคนดังบอกก่อนจะโบกไม้บอกมือให้ แล้วพากันรีบร้อนกลับไปกับผู้ช่วยสาวอีก 2 คน
“ครับพี่” พสุรับคำ แล้วหยิบถุงขนมและของเล็กๆ น้อยๆ ไปให้พี่ๆ ทีมงาน รวมทั้งช่างแต่งหน้าทำผม เพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยดูแลอำนวยความสะดวกให้เขามาจนปิดกล้อง นี่เป็นสิ่งที่พสุทำมาตลอด
ทีมงานบางคนอย่างป้าแม่ครัว มากอดพสุแล้วทำตาแดงๆจะร้องไห้ บางคนก็ขอถ่ายรูปขอลายเซ็นไปฝากแฟนฝากเพื่อน กว่าจะทั่วทุกคน ดาราคนอื่นๆ ก็กลับไปหมดแล้ว
พสุเหลียวมองทีมงานทุกคนอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปที่รถ ปกติเขาไม่เคยอาลัยอาวรณ์ทีมงานที่ทำงานด้วยกัน เพราะส่วนใหญ่ก็ยังวนเวียนมาร่วมงานกันอีก แต่คราวนี้พอคิดว่าต่อไปเขาจะไม่ได้ทำงานกับทุกคนอีกนาน ก็เลยอดใจหายไม่ได้ ถึงจะไม่รักงานแสดงเท่ากับการร้องเพลง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการแสดงคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เขายังเดินอยู่บนเส้นทางสายบันเทิง ซึ่งอาจเป็นเหตุผลให้เขาไปเตะตาเขมชาติเข้าก็ได้
ยังไม่ทันเดินถึงรถพสุก็ขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตา ยืนหมุนไปหมุนมาอยู่ข้างรถ
“โหพี่!...ทำไมออกมาช้าจัง คนอื่นไปหมดแล้ว”
“เอ่อ...พี่เอาของไปให้ทีมงานอยู่น่ะ ว่าแต่ทำไมริวมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” พสุถามอย่างงุนงง ประหลาดใจมากที่เจอริวที่นี่
“ก็มารอพี่” เด็กหนุ่มตอบพลางกระพือคอเสื้อที่เปียกเหงื่อชุ่มไปมา พสุเห็นอย่างนั้นก็รีบกดปลดล็อค เพื่อให้ริวเข้าไปหลบไอแดดในรถ
“รอพี่?”
“ครับ...มาตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วเนี่ย...หิว...” เด็กหนุ่มอุทธรณ์พลางลูบท้องป้อย แต่ไม่ได้บ่นเรื่องที่ต้องยืนคอยท่ามกลางอากาศร้อนๆ จนหน้าแดงก่ำไปหมด
“แล้วมาทำอะไรตั้งแต่เที่ยง?”
“ก็พี่บอกว่าวันนี้เลิกกองเที่ยง”
“พี่บอก?...พี่เนี่ยนะเป็นคนบอก ไม่ยักจำได้แฮะว่าพูดแบบนั้นตอนไหน”
“อ้าว...ก็ถ้าพี่ไม่บอกริวจะรู้ได้ยังไง”
พสุได้แต่อึ้ง เพราะจะว่าไป กำหนดเดิมคือประมาณเที่ยง แต่ติดที่ดาราประกอบชายคนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นตัวละครสำคัญของเรื่อง มากองสายตามปรกติ เวลาถ่ายทำก็เลยต้องเลื่อนตามจนเลิกช้าไปหลายชั่วโมง
เสียงท้องคนคอยร้องจ๊อกๆ แสดงว่าหิวจริงไม่ได้แกล้งพูดเล่น ทำให้พสุตัดสินใจพาเด็กหนุ่มกินข้าวก่อน แต่พี่จ๋าโทรมาตามก่อนถึงร้านอาหารเพียงนิดเดียว
“ไผ่จ๋า อยู่ไหน มาเร็วๆพี่ขาดคู่ร้องเกะ”
“พอดีไผ่จะพาน้องไปทานข้าวก่อนครับ”
“อ้าว! พามาที่ร้านเลยไม่ได้เหรอ” พี่จ๋าถามทั้งที่พยายามนึกอยู่ว่าพสุมีน้องตั้งแต่เมื่อไหร่
“แต่เขาไม่ใช่ทีมงาน...”
“ไม่เป็นไรน่า ของกินเพียบ พามานี่เลยนะ เร็วๆ หน่อยพี่จ๋ารอ”
“ครับ” พสุรับปากแล้วลอบถอนใจ ก่อนจะเหลือบมองเด็กหนุ่ม ยังจำได้ว่าริวไม่ชอบให้ใครสัมผัสตัว แล้วไปกินข้าวรวมกับคนเยอะๆ จะอาการกำเริบเหมือนคราวที่แล้วอีกหรือเปล่า...แต่จะไม่รีบไปก็เกรงใจพี่จ๋า
“ริวไปงานเลี้ยงปิดกล้องกับพี่ไหม?”
“ริวไปได้เหรอพี่?”
“ได้สิ...พี่จ๋าอนุญาตเอง”
พอพสุยืนยันริวก็พยักหน้ารับเหมือนไม่ต้องคิด ทำให้พสุอดกังวลไม่ได้ แต่ก็ตัดสินใจลองพาริวไปด้วย
ทันทีที่พสุโผล่เข้าไปในงาน ก็ถูกผู้หญิงร่างท้วมขาว วิ่งปราดมาลากแขน
“ไผ่เร็ว เพลงจะขึ้นแล้ว...ต๊าย! ไปพาเด็กฝรั่งที่ไหนมาหน้าตาน่าเอ็นดูเชียว” ทั้งที่เพลงโปรดกำลังขึ้นอินโทร แต่พี่จ๋ากลับหยุดเงยขึ้นจ้องริวอย่างสนใจเต็มที่
“น้องในวงครับชื่อ ริว เกรสัน” พสุแนะนำเบาๆ ริวยกไหว้พี่จ๋าอย่างนอบน้อม เล่นเอาพี่จ๋าถึงกับยิ้มกว้างอย่างถูกใจ
“เหรอจ๊ะ ต๊าย! ไหว้สวยเชียว ริวหล่อมากเลยนะเนี่ย แต่ท่าทางยังเด็กอยู่เลย อายุเท่าไหร่แล้วลูก?” ประโยคลงท้ายแสดงความเอ็นดูเต็มที่ ดูเหมือนริวจะรุ่นราวคราวเดียวกับหลานชาย พาให้พี่จ๋าเอ็นดูเด็กหนุ่มไปด้วย
“สิบแปดครับ”
“เหรอ! สนใจจะเล่นละครไหมลูก เอาไหม?”
“ผมเล่นไม่เป็น ผมกลัวกล้องครับ”
“อุ๊ย! น่ารัก...อร๊าย! นังจอย! เอาไมค์เจ๊คืนมานะยะ ไปเร็วไผ่เดี๋ยวแย่งไมค์นังจอยไม่ทัน...ริว ตามสบายนะลูก...เก๋ๆ ฝากดูน้องริวด้วย”
“ค่ะพี่...ต๊าย! รูปหล่อขนาดนี้ จะให้เลี้ยงดูเลยก็ยังไหวนะค๊า...มาค่ะๆ ทานอะไรได้บ้าง ว่าแต่พูดไทยได้ไหมคะ”
“พูดได้ครับ”
“ต๊าย! พูดชัดด้วย...กินอะไรดีคะ ข้าวผัดปู กับไก่ทอดดีไหม” เก๋ทักยิ้มแย้ม พลางลากข้อมือเด็กหนุ่มไปที่โต๊ะแล้วปราดไปตักอาหารมาให้ จึงไม่ทันเห็นว่าริวซ่อนแขนลงใต้โต๊ะแล้วพยายามใช้ชายเสื้อถูตรงที่ถูกจับ ยังไม่ทันที่ริวจะขยับไปไหน ที่นั่งอีกด้านก็มีคนปราดมานั่งประกบ
“สุดหล่อออออ...นักร้องวงเดียวกับน้องไผ่เหรอเนี่ย หล่อม๊ากกกกก มีแฟนยังคะ”
“ต๊าย!เจ๊บี ถอยเลยนะ คนนี้พี่จ๋ามอบหมายให้เก๋เลี้ยงดู เอ๊ย ดูแลแล้วย่ะ”
“อะไรยะนังชะนีอ้วน ของแบบนี้ใครดีใครได้สิยะ...ใช่ไหมค๊าสุดหล่อ”
“ถอยไปเลยเจ๊ ถอยๆ คนนี้เก๋จองแล้ว งานนี้ห้ามแย่ง ใครจะมาแย่งน้องริวเก๋สู้ตายค่ะ” สองสาวปะทะคารมกันสนุก แถมยังแย่งกันคล้องแขนริวไว้คนละด้านแล้วดึงไปกอดกันนัวเนีย เพราะเห็นเด็กหนุ่มไม่ปัดป้อง
“อ้าว! เลยนั่งเงียบเลย ตัวเย๊นเย็น...น้องริวเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผม...ผม ไม่สบาย....” ริวตอบเสียงพร่า เหงื่อแตกเต็มหน้าผากจนเก๋และบีสังเกตเห็น
“ตายจริง! เป็นอะไรไปจ๊ะน้องริว...ดูสิเจ๊ เหงื่อท่วมตัวเลย” เก๋ทักพลางคว้าทิชชู่บนโต๊ะมาเช็ดหน้าให้ ริวสะดุ้งเฮือก พลอยให้สองสาวสะดุ้งตามไปด้วย
พสุคอยมองอยู่แล้ว พอเห็นทีมงานเข้าไปหยอกริวจนเด็กหนุ่มนั่งก้มหน้าตัวสั่น เขาก็ส่งไมค์ให้คนอื่นแล้วรีบมาหาเด็กหนุ่มทันที
“พี่เก๋ขอผ้าเย็นสักผืนเถอะครับ...ริว...เป็นไง ไหวรึเปล่า?” น้ำเสียงร้อนรนของพสุ ทำให้เก๋รีบออกไปหาผ้าเย็นมาให้ ขณะที่บีก็ถอยออกมาเพราะดูเหมือนพสุจะรู้อาการริวอยู่แล้ว
“....” เด็กหนุ่มไม่ตอบแต่ก้มหน้าตัวสั่นจนพสุสงสาร พอได้ผ้าเย็นก็รีบแกะส่งให้ ริวรับผ้ามากำไว้แน่นไม่ยอมเช็ดจนพสุทนไม่ไหว ดึงเด็กหนุ่มออกไปที่ห้องน้ำ พอพ้นสายตาคนนอก ริวก็ปราดเข้าไปที่อ่างล้างหน้า อาเจียนน้ำใสๆ ออกมา พสุรีบเข้าไปช่วยลูบหลังให้
“เป็นไงบ้างริว....ไหวไหม?”
ริวเปิดน้ำบ้วนปากล้างหน้าล้างแขน ก่อนจะใช้ผ้าเย็นเช็ดแขนและลำคอจนแดงก่ำไปหมด และอาจถึงขั้นถลอกถ้าพสุไม่คว้ามือไว้ เด็กหนุ่มน้ำตาคลอ ขนลุกจนพสุยังสังเกตเห็น ใบหน้าขาวซีดจนน่ากลัวว่าจะเป็นลมไป
“เป็นไงบ้าง...แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่หลบล่ะ ปล่อยให้เขาถูกตัวทำไม?”
“ริว...กลัวพี่เดือดร้อน...กลัวคนอื่นว่าพี่เหมือนเมื่อวันนั้น”
“โธ่เอ๊ย!...ช่างเถอะน่า ริวไม่สบายใครจะมาว่าล่ะ”
“แต่วันนั้น ผู้ชายคนที่พี่คุยด้วย เขาไม่พอใจนี่นา เขา...บอกว่าริวทำให้ยุ่งยาก”
“อ๋อ! พี่ลูกเจี๊ยบน่ะเหรอ เขาอารมณ์ไม่ดีก็เลยพูดไม่ทันคิด ริวก็อย่าไปใส่ใจเลยนะ...แล้วไหวไหม กลับไปกินข้าวต่อหรือจะกลับบริษัท พี่ไปส่งให้”
“ไม่กลับ...ริว...เอ่อ...ริวหิว” ริวรีบปฏิเสธ ไม่ได้เจอพสุมาตั้งหลายวัน กว่าจะหนีกรเวช มาหาพสุได้ แล้วเรื่องอะไรจะยอมกลับง่ายๆ
“งั้นไปกินข้าว เดี๋ยวเปลี่ยนที่ไปนั่งข้างใน จะได้ไม่มีใครมาถูกตัว โอเค?”
“ครับ”
พสุพาริวกลับไปที่โต๊ะ แล้วจัดให้นั่งด้านติดผนังด้านใน แล้วชายหนุ่มก็นั่งกั้นเสียด้านนอก ทั้งเก๋และบี แวะเวียนมาถามอาการของริวกันเป็นระยะ แต่พสุชวนคุยเบนความสนใจไปเสียก่อน ริวจึงได้กินอาหารอย่างสงบ ตอนแรกพี่จ๋าก็เรียกพสุไปช่วยร้องเพลงหลายครั้ง แต่พอมีคนไปบอกว่าน้องไม่สบาย พี่จ๋าที่กำลังติดลมบนก็เลยเลิกตาม หันไปร้องเพลงต่ออย่างเมามัน
……………………….
กว่าจะออกจากงานเลี้ยงปิดกล้องก็ปาเข้าไปเกือบ 5 ทุ่ม แถมพสุยังโดนกรอกไปหลายแก้วในฐานะที่ละครเรื่องนี้จะเป็นละครเรื่องสุดท้ายก่อนที่เขาจะไปเป็นนักร้อง
แม้จะไม่เมาแต่ชายหนุ่มก็ไม่กล้าเสี่ยงขับรถเอง ตอนแรกพสุคิดจะทิ้งรถไว้ที่ร้านแล้วกลับแท็กซี่ แต่ริวอาสาขับรถให้ พสุจึงคอยบอกทางให้เด็กหนุ่มขับกลับมาจนถึงบ้าน
พี่แมวมาเปิดประตูให้เหมือนเคย พอเห็นพสุลงมาจากทางด้านผู้โดยสารก็อดชะเง้อมองตามท้ายรถที่เข้าไปในโรงจอดไม่ได้
“ใครขับรถมาให้เหรอคะคุณไผ่”
“ริวไงพี่แมว คนที่มาค้างเมื่อวันก่อนน่ะ”
“อ๋อ! ค่ะ...คุณไผ่จะเอาอะไรหรือเปล่าคะ แล้วทานข้าวมาแล้วหรือยัง?” แม้จะรู้ว่าพสุไปงานเลี้ยงปิดกล้องมา แต่หลายครั้งที่ชายหนุ่มก็หอบท้องกลับมากินข้าวที่บ้าน แมวจึงต้องอยู่ดูแลก่อนเสมอ
“ทานมาแล้วล่ะ พี่แมวไปนอนเถอะ”
“แล้วคุณคนนั้น? จะให้นอนที่ไหนคะ โซฟาเหรอ?”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“ค่ะ” พี่แมวรับคำแล้วกลับบ้านไป
“ไปริวไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพี่เอาชุดนอนให้” พสุจัดชุดนอนไปวางไว้ให้ตรงห้องแต่งตัวหน้าห้องน้ำ แต่ริวกลับสวมเพียงกางเกงนอนตัวเดียว เดินออกจากห้องน้ำมานั่งตากแอร์อย่างไม่กลัวหนาว
“อ้าว! ทำไมไม่ใส่เสื้อ เดี๋ยวไม่สบายไปนะ”
“ริวแข็งแรงครับ” เด็กหนุ่มเบ่งกล้ามอวดๆ ผิวขาวจัด อกกว้างเอวสอบ แม้จะมีกล้ามเนื้อแต่ยังค่อนข้างผอมบาง ไม่ได้มีมัดกล้ามมากนัก อาจจะเพราะยังอยู่ในวัยรุ่น รูปร่างเก้งก้างนั้นทำให้พสุอดอมยิ้มไม่ได้
“ตามใจ...งั้นพี่ขอไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”
“ครับ”
เมื่อพสุออกมาจากห้องน้ำนั้น ริวหลับสนิทอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกพสุก็รู้สึกหงุดหงิดที่ริวมานอนบนเตียงของเขา แต่ใบหน้าที่ยังขาวซีดของริวทำให้ชายหนุ่มอดสงสารไม่ได้ เพราะยังจำได้ว่าครั้งแรกที่ริวมาค้างด้วยนั้น เด็กหนุ่มนอนลำบากแค่ไหนบนโซฟาแคบๆ นั่น
หากไม่นับเรื่องที่เขาไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใคร เตียงนี้ก็นับว่ายังกว้างพอที่จะนอนสองคนได้สบาย พสุตัดสินใจขึ้นนอนแล้วปิดไฟ แอร์เย็นเยือกกว่าปกติ แสดงว่าริวต้องขี้ร้อนอย่างยิ่ง ชายหนุ่มกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น ก่อนจะผล็อยหลับไปอีกคน
สิ่งที่ปลุกพสุจากนิทราแสนสุข ไม่ใช่นาฬิกาปลุกเหมือนเคย เพราะวันนี้ไม่มีงานชายหนุ่มจึงไม่ได้ตั้งนาฬิกาไว้ เสียงเปียโนไล่เสียงเร็ว แต่พลิ้วจนทนนอนอยู่ไม่ได้ ต้องออกไปดูหน้าคนเล่น ที่พอเงยมาเห็นว่าเขาตื่น เด็กหนุ่มก็ส่งยิ้มกว้างมาให้
“พี่ฟังนะ...” ท่วงทำนองแปลกหู แต่ไพเราะจนพสุขยับมายืนข้างเปียโนอย่างเผลอตัว
“ดีไหมพี่” ริวถามหลังจากเล่นโน้ตท่อนนั้นจบ
“ดี...เพราะนะ เพราะมากเลย...แต่ไม่เคยได้ยินเลย”
“ก็ริวเพิ่งแต่งได้ตะกี้นี้ พี่จะเคยได้ยินได้ยังไง”
“ริวแต่งเหรอ?”
“ครับ” เด็กหนุ่มตอบพลางก้มหน้าก้มตาจดโน้ตที่เพิ่งแต่งเสร็จลงกระดาษโน้ต แล้วไล่นิ้วใหม่อีกรอบ พสุนั่งฟังเพลินจนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์จากในห้องนอน จึงรีบวิ่งไปรับ
“สวัสดีครับพี่กร มีอะไรหรือเปล่าครับ” พสุถามงงๆ เพราะเขาบอกกรเวชไปแล้วว่าบ่ายนี้เขาถึงจะเตรียมตัวเข้าไปอยู่บ้านใหม่ที่ทางบริษัทจัดไว้ให้ แต่ถ้ากรเวช โทรมาตั้งแต่เช้าอาจมีเรื่องด่วน
“ไผ่!...ริวอยู่ด้วยหรือเปล่า?” น้ำเสียงร้อนรนจากปลายสาย พลอยให้พสุตกใจไปด้วย
“ครับ อยู่ที่นี่”
“โอ๊ย! โล่งอก เด็กบ้าใจหายหมดเลย”
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ก็ริวนะสิ จู่ๆ ก็หายไป ติดต่อก็ไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ริวหายตั้งแต่วันก่อน...เฮ้อ! อยู่กับไผ่ก็แล้วไปเถอะ”
“อ้าว! นี่ริวมาโดยไม่ได้บอกพี่กรเหรอครับ”
“เขาจะให้พี่พาไปหาไผ่ตั้งหลายวันแล้ว แต่พี่เห็นว่าไผ่กำลังยุ่งเพราะต้องปิดกล้องละครหลายเรื่อง พี่ก็เลยไม่พาไป ไม่นึกเลยนะว่าจะหนีไปเองดื้อๆแบบนี้...เฮ้อ! รู้ว่าอยู่กับไผ่พี่ก็หมดห่วง นี่ถ้าเขาเป็นอะไรไปละคุณเขมฆ่าพี่แน่”
“เมื่อวานเขามาคอยที่กองถ่ายเลยนะครับ ผมยังนึกว่าพี่กรบอกเขาซะอีก”
“พี่เปล่านะ เออ...แล้วริวรู้ได้ไงว่าไผ่ถ่ายละครที่ไหน ริวเขาไม่ชำนาญทางสักหน่อย”
“ผมก็ไม่ทราบครับ”
“ช่างเถอะๆ อยู่กับไผ่ก็แล้วไป ไงเย็นนี้ไผ่ก็จะเข้ามาที่บริษัทแล้วใช่ไหม”
“ครับ กะว่าจะไปบ่ายๆ ครับ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่จะให้เด็กเขาไปดูความเรียบร้อยให้อีกที ถ้าอยากปรับปรุงแก้ไขอะไรก็บอกมาได้เลยนะไผ่”
“ครับ”
“อีกอย่างนะ...พี่ฝากน้องริวด้วยละกัน เขาอาจจะนิสัยเป็นเด็กไปสักหน่อย แต่เท่าที่ดูก็ซื่อๆ ไร้เดียงสาดี”
“ครับ”
พสุวางโทรศัพท์แล้วออกไปข้างนอก ริวกำลังจดโน้ตเพลง พอเงยหน้ามาเห็นพสุจ้องเขม็งก็ทำหน้าเหรอหรา
“ริว...ทำไมจะไปไหนไม่บอกพี่กรก่อน รู้ไหมเขาตามหาริวกันจ้าละหวั่น”
“ก็พี่กรไม่ว่างสักที ริวให้พามาหาพี่ตั้งหลายหนแล้วนะ” แทนที่จะสลดที่ถูกดุ ริวกลับฟ้องเขาแทน แก้มกลมๆ พองลมอย่างเด็กถูกขัดใจ
“ก็เลยหนีมางั้นเหรอ?”
“ไม่ได้หนี...ริวก็เดินออกมาเฉยๆ” คำตอบเหมือนกวน แต่สีหน้าซื่อๆนั้นทำให้พสุไม่แน่ใจ
“โดยที่ไม่บอกใครว่าไปไหน” พสุถามย้ำอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าริวรู้ตัวหรือไม่ว่าทำผิด
“ครับ”
“ริว...พี่กรเขาเป็นห่วงริวมาเลยนะ ริวยังไม่ชำนาญทางในกรุงเทพไม่ใช่เหรอ แล้วริวก็...ไม่ชอบถูกคนสัมผัส ทุกคนเขาถึงเป็นห่วงเวลาริวไปไหนมาไหนคนเดียว” พสุเตือนยืดยาวด้วยความเป็นห่วง เพราะดูเหมือนริวจะคิดว่าการไปไหนมาไหนโดยไม่บอกใครแบบนี้จะไม่ใช่เรื่องผิด ท่าทางริวคงอยู่ในครอบครัวที่ตามใจเขาไม่น้อย หรือไม่ก็เป็นความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม ริวคงโตมาในโลกเสรี จึงไม่เข้าใจความห่วงใยแบบครอบครัวไทย...
“ขอโทษครับ” ริวยกมือไหว้ขอโทษ หน้าจ๋อยสนิทเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าทำผิด
“ไปขอโทษพี่กรเถอะ ไม่ต้องมาขอโทษพี่”
“แล้วพี่โกรธริวหรือเปล่า”
“ไม่หรอก...ถ้าริวรับปากว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก”
“ครับ ริวสัญญา” หน้าจ๋อยๆ ชื่นขึ้นทันตา ท่าทางว่าง่ายของริวทำให้พสุนึกเอ็นดูเด็กหนุ่มมากขึ้น
“ขอพี่อาบน้ำก่อน แล้วเดี๋ยวไปกินข้าวกัน ป่านนี้พี่แมวคงทำกับข้าวให้แล้ว”
“วันนี้มีข้าวต้มกุ้ง กับซี่โครงหมูทอด”
“หืม? ริวรู้ได้ยังไง?”
“ริวไปดูมาแล้ว...ริวตื่นมาแล้วไม่มีอะไรทำ เลยไปเดินดูรอบบ้านพี่หมดแล้วแหละ” เด็กหนุ่มตอบแล้วยิ้มแป้น พสุมองรอยยิ้มกว้างขวางอย่างมึนๆ ไม่รู้ว่าควรจะขำหรือควรจะโกรธกันแน่ที่เด็กหนุ่มสำรวจไปซะทั่วบ้านเขาหมดแล้ว
หลังจากกินข้าวเสร็จพสุกับริวก็กลับมาเล่นดนตรีด้วยกันอีก ริวฟังพสุร้องเพลงอยู่ครู่หนึ่งก็คว้าดินสอกับกระดาษมาเขียนโน้ตเพลงลงไป หลังจากจมอยู่ในตัวโน้ตไปครู่หนึ่งพอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าพสุหลับไปแล้ว...คงเพราะต้องปิดกล้องละครติดๆกันหลายวัน พสุถึงได้เหนื่อยเป็นพิเศษ พอมานอนในห้องโล่งๆ แอร์เย็นๆ ก็เลยเผลอหลับไปง่ายๆ
ริวถอดหูฟังออก พลางจ้องมองใบหน้าคมสันที่หลับสนิทอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาดื่มด่ำ รู้สึกเหมือนฝันที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังกับพสุแบบนี้ เสียงลมหายใจ...ไออุ่นจากผิว และกลิ่นหอมอ่อนๆของพสุ เป็นสิ่งยืนยันความมีตัวตน ไม่ใช่ภาพจากโทรทัศน์ หรือความฝันอย่างที่ผ่านมา
พสุไม่รู้หรอกว่า กว่าจะได้มาหาพสุ ริวต้องเตรียมตัวนานเกือบ 5 ปี ทั้งภาษา ทั้งเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบคนอื่นๆ สำหรับคนที่ไม่สังคมกับมนุษย์มาตั้งแต่เด็กอย่างริว มันเป็นเรื่องยากเสียยิ่งกว่าการเรียนภาษาไทยเสียอีก แต่ขนาดนี้ อลันก็ยังบอกว่าเขายังทำได้ไม่ดีนัก เขายังต้องปรับตัวอีกมากหากจะใช้ชีวิตเคียงข้างพสุ
เด็กหนุ่มรู้ว่าอลันไม่ได้วางใจปล่อยเขามาลำพังอย่างที่พูดแน่ๆ หลายครั้งที่เขาเห็นคนคุ้นหน้า เดินปะปนอยู่ในฝูงชน ในทุกๆ ที่ๆ เขาไป เมื่อวานเขาถึงได้โทรหาอลันเพื่อถามข้อมูลของพสุจนรู้ว่าชายหนุ่มถ่ายละครที่ไหน...
ริวขยับเข้าไปนอนคว่ำอยู่ข้างๆ ตะแคงหน้ามาจ้องมองหน้าของพสุเพราะไม่อยากละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว เด็กหนุ่ม แตะปลายนิ้วลงบนมืออุ่นแผ่วเบา ได้ยินเสียงหายใจของพสุอยู่ใกล้ๆ ความรู้สึกอุ่นๆไหลซ่านจนเหมือนจะล้นออกมาจากอก เสียจนควบคุมมุมปากไม่ให้ยกยิ้มไมได้...ไม่หิว...ไม่หนาว...ไม่เหงา และไม่อยากให้เวลาเดินต่อไป..........
-
มาอ่านตอนดึกเหมือนกันค่ะ.
ขอร้องด้วยคนว่า อย่าลอยแพรเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ.
ยังไงก็สู้ต่อนะ :L2: :L2:
ชอบมากค่ะ เป็นกำลังใจให้ :pig4: :pig4:
-
ดีใจ มาอัพบ่อย วันนี้เปิดดูมาอัพแล้ว น้องริวน่ารักมากๆ
ขอให้แต่งให้จบนะค่ะ ชอบมากๆเลย สู้ๆ
-
ดีใจที่มาอัพบ่อยๆค่ะ ริวน่ารัก
แต่งให้จบนะค่ะ ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆค่ะ :call: :call: :call:
-
เพิ่งเข้ามาอ่านรวดเดียวยาวโลด
เขียนได้สนุก น่ารัก น่าติดตาม
อย่าเพิ่งทิ้งไปน้าาาาาาาา
ริวน่ารักจังเลย ขอสมัครเป็นแฟนคลับริวด้วยคน :really2:
-
แอบรักเขาอยู่ในใจ :L1:
-
:-[ กรี๊ดดดดดด น้องริวกะพี่ไผ่มาต่อแล้ว
โอ้...นู๋ริวเตรียมตัวนานมาก 5 ปีเชียวนะ กว่าจะได้มาเจอตัว ความรู้สึกมันคงฝั่งลึกในใจแล้ว
ไรท์เตอร์จ๋า อ่านเรื่องแนวนี้ ขอบอกว่าชอบมากกกก นานๆมาอัพทีได้ แต่ขออย่าทิ้งกันไปนะ :กอด1:
-
เป็นกำลังใจให้ครับ เขียนดีจัง
-
ชอบมากค้า :o8:
หนูริวจะเป็นนักร้องได้ไหมเนี้ย ไม่ชอบคนเยอะ ๆ อิอิ
writer สู้ๆนะคะ ขนาดไม่ใช่แนวนะเนี้ยยยยยย
-
เอาใจช่วยจร้า
ทั้ง ริว ทั้ง ไรเตอร์ เลย อิอิ :L2: :L2:
-
ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่เข้ามาให้กำลังใจ o14 ทำให้เจ๊คนเขียนแกมีแรงฮึด :a2: เราก็พลอยได้อ่านไปด้วยน่ะ กร้ากกกก
*************************************
ขอบคุณค่า atom_big /didi /maio2000 /Noi /Phantom /roseen / justlove สำหรับคอมเม้นต์นะค๊า
สัญญาว่าจะแต่งจนจบแน่นอนค่ะ เพียงแต่คิดว่าถ้าแนวนี้ไม่ค่อยมีคนอ่านก็จะเอาออกเพราะมันเปลืองเนื้อที่บอร์ดเปล่าๆ แค่นี้ก็โอเวอร์โหลดจะแย่แล้ว ส่วนคนที่ตามอ่านกันอยู่ก็จะส่งให้อ่านทางเมล์แค่นั้นเอง ไม่ได้นอยด์จะเลิกแต่งแต่อย่างใดค่ะ
.............................................................................................
อากาศเย็นและพื้นก็แข็งเกินไปแปลว่าเขาไม่ได้นอนอยู่บนเตียง ทำให้พสุรู้สึกตัวตื่น แม้จะยังนอนไม่เต็มอิ่มก็ตาม สิ่งแรกที่เห็นซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ถึงฟุตทำให้ชายหนุ่มต้องกระพริบตาถี่ๆด้วยความงุนงง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อน บางเส้นมีสีทองแซม หน้าผากขาว คิ้วเข้มดกหนา เปลือกตากว้าง แผงขนตายาวงอนหนาปลายเป็นสีอ่อน สันจมูกโด่ง ผิวเนียนละเอียดตามเชื้อสาย และปากบางแดงจัด ที่ยังมีรอยยิ้มน้อยๆค้างมุมปาก ทำให้อดอมยิ้มตามไม่ได้
‘น่ารัก’ เป็นคำนิยามที่เหมาะกับเด็กคนนี้ที่สุด ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น ริวก็ให้ความรู้สึกแบบนี้แก่ผู้พบเห็นทุกคน แม้จะมีรูปร่างสูงใหญ่ตามเชื้อสายตะวันตก แต่ผิวเนียนละเอียดใสแบบตะวันออกก็ทำให้เด็กหนุ่มดูเยาว์วัย จะว่าไปริวก็รวมเอาสิ่งที่ดีที่สุดของสองเชื้อสายมารวมกันได้อย่างลงตัว
‘อีกสัก 2-3 ปี คงกลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมให้สาวๆกรี๊ดกันทั้งประเทศแน่’ พสุอมยิ้ม ยังขำไม่หายที่เด็กหนุ่มวิ่งหนีพี่อ้อมมาแอบอยู่ข้างหลังเขา ตาแป๋วหน้าเหรอหราแบบนั้นมันชวนให้อยากแกล้งจริงๆ เสียด้วยสินะ
พสุขยับจะลุกขึ้นถึงรู้สึกถึงไออุ่นที่ปลายนิ้ว ชายหนุ่มก้มมองมือที่ถูกจับแค่ปลายนิ้วไว้แล้วนึกขัน ขนาดกับเขาที่ดูสนิทที่สุดก็ว่าได้ ริวยังจับแค่ปลายนิ้ว ได้แต่สงสัยว่าอะไรที่ทำให้ริวรังเกียจสัมผัสมนุษย์ขนาดนั้น สิ่งนั้นคงรุนแรงจนช็อกความรู้สึก แต่ในเมื่อริวไม่เล่า เขาก็ไม่คิดจะถาม เพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของริว
………………………………
กรเวชแจ้งไปว่าทางบริษัทจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อมหมดแล้ว พสุจึงเตรียมมาแต่เสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวเท่านั้น บ้านพักอยู่ลึกเข้ามาด้านใน มีการแบ่งแยกจากส่วนของสำนักงานชัดเจนและมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวด คนที่จะเข้ามาในเขตนี้ต้องแสดงบัตรก่อนถึงจะผ่านเข้ามาได้
พอเห็นบ้านพักถนัดตาพสุก็เลิกคิ้วอย่างทึ่งๆในความหรูหรา กรเวชก็เดินลิ่วมารับหน้าทันทีที่เลี้ยวรถเข้าไปจอด พนักงานอีกคนที่ตามกรเวชมา เข้ามารับกุญแจจากพสุ เพื่อเลื่อนรถเข้าไปเก็บในโรงจอด แล้วยกกระเป๋าของพสุมาให้ ถัดจากช่องจอดรถของเขา มีรถจอดอยู่อีกคัน แม้จะมีผ้าคลุมผ้ามิดชิด แต่ดูจากโครงคร่าวๆพสุเดาว่าน่าจะเป็นรถสปอร์ต
“พี่กรสวัสดีครับ” พสุยกมือไหว้กรเวชก่อนจะเหลียวไปมองรอบๆตัวอย่างสนใจ
“ยินดีต้อนรับครับไผ่...ไงริว หนีเที่ยวสนุกไหม?” ประโยคหลังกรเวชหันไปประชดอีกคน ริวเดินตามมายืนตาใส ไม่มีท่าทางว่าสำนึกผิดแต่อย่างใด
“สนุกครับ”
“ยังจะมาทำตาแป๋วอีก ไปเลยนะ พาพี่เขาไปดูห้องเลย”
“ครับ...ไปพี่ ไปดูห้องกัน”
บ้านสามชั้นหลังใหญ่ที่แม้จะอยู่ในพื้นที่เดียวกับบริษัท แต่รั้วสูงและต้นไม้หนาตกแต่งโดยรอบราวกับเป็นบ้านในสวนกินบริเวณกว้างขวาง ทำให้ดูแยกจากบริษัทเป็นเอกเทศ
ห้องนอนของพสุอยู่ชั้นสอง ทันที่เปิดประตูกระจกด้านระเบียงออกลมเย็นๆก็พัดเกรียวเข้ามาในห้องจนม่านปลิว ห้องนี้นอกจากกว้างและโปร่งสบายแล้ว ยังอยู่ตรงกับสระน้ำในสวนร่มรื่น จนรู้สึกเหมือนอยู่รีสอร์ทมากกว่าบ้านพักของบริษัท
“ห้องนี้สวยเป็นพิเศษเลยนะ ริวเลือกเองด้วย พี่ชอบไหม”
“ชอบ...แล้วริวล่ะ พักห้องไหน ชั้นสองหรือชั้นสาม”
“ริวอยู่ห้องติดกับพี่แหละ”
“เหรอ ไปดูได้ไหม พี่อยากเห็นห้องริว”
“ได้ครับ ไปสิ”
ห้องของริวแตกต่างกับห้องของพสุอย่างสิ้นเชิง ม่านหนาหนักปิดมิดชิด แอร์ที่เปิดไว้เย็นยะเยือกจนชายหนุ่มขนลุก นอกจากทีวีจอยักษ์บนผนัง กับกองหมอนและผ้าห่มบนพรมกลางห้องแล้ว ไม่มีอะไรอีกเลยแม้แต่เตียง ทั้งห้องว่างโล่งจนน่าใจหาย
“ริว...เอ่อ...ทำไมของน้อยจัง”
“ริวชอบห้องโล่งๆ”
“เหรอ”
ทั้งที่บอกว่าชอบห้องโล่งๆ แต่ริวกลับหอบหิ้วโน้ตเพลงที่เพิ่งแต่งมาอวดพสุ แล้วเลยขลุกอยู่ในห้องของพสุจนค่ำ จนกรเวช โทรตามให้ลงมากินข้าวพร้อมกัน พสุถึงได้เจอสมาชิกคนอื่นๆ รวมทั้งเขมชาติที่มากินข้าวด้วย
ตะวันเงียบกริบเหมือนเคย ในโต๊ะจึงมีแต่เสียงของเขมชาติ กรเวช ธีรดล และไวยากรณ์เป็นหลัก นานๆพสุจะตอบคำถามสักครั้ง ส่วนริว ถ้าพสุไม่พูดด้วยเด็กหนุ่มก็จะไม่พูดอะไรกับใครอีกเลย
พอกินข้าวเสร็จ ไวยากรณ์ที่คันไม้คันมือ อยากลองสตูดิโอใหม่ที่อยู่ติดกับบ้านพัก ก็ชวนทุกคนไปเล่นดนตรีกัน
ธีรดลนั้นปราดเข้าคว้ากีตาร์ก่อนใครเพื่อน ขณะที่ตะวันกลับไม่สนใจใคร ไปยกกล่องใส่โน้ตออกมาดูแล้วเลือกเพลงที่จะร้อง ไวยากรณ์หันซ้ายหันขวา แล้วเดินไปหยิบเบสมาลองเสียง พสุจึงหันมามองหน้าริว
“เล่นอะไรดีริว ระหว่างคีย์บอร์ด กับกลอง
“กลองครับ”
“งั้นพี่เล่นคีย์บอร์ดเอง”
ถึงจะไม่เคยเล่นดนตรีด้วยกันมาก่อน แต่ดนตรีเป็นภาษาสากลเสมอ เพียงไม่กี่เพลง ทั้งหมดก็เล่นเข้าขากันได้ดีราวกับเล่นด้วยกันมาหลายปี และอาจเล่นกันจนดึก ถ้าอยู่ๆตะวันผู้ทำหน้าที่ร้องนำจะไม่รวบๆโน้ตเพลงทั้งหมดใส่กล่อง ผลุนผลันลุกขึ้นแล้วบอกเพียงว่าจะไปแต่งเพลงต่อ ก่อนจะออกจากห้องไป คนอื่นๆ มองหน้ากัน แล้วก็เลยเลิกเล่นแค่นั้น ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับห้อง
พสุเข้าไปในห้องแต่พอจะดึงประตูปิด ริวก็แทรกตัวตามเข้ามาด้วย
“มีอะไรเหรอริว”
“ริวจะเอาโน้ตเพลงนี้มาให้พี่ดู”
“ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ครับ”
“เหรอ...”
“มีอะไรอีกหรือเปล่า?”
ริวส่ายหน้า พสุจึงขยับจะปิดประตู
“ริวนอนด้วย” เด็กหนุ่มขอดื้อๆ จนพสุเองยังงง ต้องหยุดคิดก่อนจะถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ
“อะไรนะครับ?”
“ริวนอนห้องพี่ได้ไหม”
“ห้องริวก็มี ทำไมไม่นอนล่ะ”
“ริวอยากนอนกับพี่ ได้ไหมครับ” น้ำเสียงออดๆแบบนี้ได้ยินแล้วพสุก็พูดไม่ออก
“...กลัวผีเหรอ?” นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่พสุคิดได้ ริวยังเด็กมาก ออกจะหวาดกลัวคนรอบๆ ตัว ความกลัวนี้อาจจะรวมถึงสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยก็ได้
“...ครับ” ริวทำท่าลังเล แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ พสุมองหน้าเด็กหนุ่มนิ่ง เห็นตาแป๋วๆ มองเขาอย่างวิงวอนก็ใจอ่อน
“งั้นก็ไปอาบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนละกัน...อ้อ! เอาที่นอนสำรองมาด้วยล่ะ”
“ครับ”
พสุปิดประตูไว้เฉยๆ ไม่ได้ล็อค เผื่อว่าริวอาบน้ำเสร็จก่อนจะได้เข้ามาได้ ชายหนุ่มอาบน้ำไปก็นึกขันตัวเองไปที่ใจอ่อนกับเจ้าเด็กโย่งตาแป๋วคนนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ดูเหมือนตั้งแต่เจอกันมา เขายังไม่เคยขัดใจริวเลยสักครั้ง
“ฮืออออออ... แม่! แม่! ช่วยด้วย!...อย่า!” เสียงร้องโหยหวนกลางดึกทำให้พสุผวาตื่น ชายหนุ่มรีบเปิดสวิตช์ไฟหัวเตียงก่อนเป็นอย่างแรก ชายหนุ่มหายงัวเงียทันที่เห็นร่างผอมข้างเตียงดิ้นทุรนทุรายไปมา
“ริว! ริว!” พสุพยายามเข้าไปแกะมือที่บีบคอตัวเองของเด็กหนุ่มออก แต่ริวกลับบีบแน่นกว่าเดิมทั้งยังดิ้นแรงจนจับไม่อยู่ พสุรีบอ้อมไปทางหัวนอน คุกเข่าลงข้างหมอนแล้วยึดข้อมือของเด็กหนุ่มไว้แน่น พลางตะโกนปลุก แต่ยิ่งเขาตะโกน ริวก็ยิ่งดิ้น พสุจึงต้องเปลี่ยนเสียงเรียกใหม่
“ริว...ชู่ววววว ได้ยินพี่ไหม ริว...ริว...” พสุพยายามใจเย็น ทำเสียงปลอบนุ่มๆ เบาๆ ดูเหมือนจะได้ผลเพราะริวคลายมือที่บีบคอตัวเอง จนพสุดึงมือเด็กหนุ่มออกจากคอได้สำเร็จ
“แม่! แม่...แม่อย่าตาย...แม่...ช่วยด้วย....ช่วยด้วย!” ริวพร่ำพูดทั้งที่ยังหลับตาส่ายหน้าไปมา
“ชู่วววว พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร พี่อยู่ตรงนี้ ริวได้ยินเสียงพี่ไหม...ลืมตาสิริว ลืมตามามอง ตอนนี้ริวปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว” พสุก้มลงเรียกจนใกล้ ไม่อยากเสียงดังให้รบกวนไปห้องอื่นๆ
เด็กหนุ่มลืมตาพรึบ! แล้วสูดอากาศเข้าปอดดังลั่น ก่อนจะไอโขลกแล้วงอตัวขดเข้าหากัน พลางร้องไห้สะอึกสะอื้น พสุลูบหลังเปียกเหงื่อชุ่มไปมาเบาๆ
“พี่ช่วยด้วย” ริวกำชายกางเกงนอนของพสุแน่น แล้วซุกหน้าบนหัวเข่าของพสุ เด็กหนุ่มสะอื้นจนตัวโยน ท่าทางขวัญเสียสุดขีดนั้นดูรุนแรงกว่าเมื่อตอนที่พสุเห็นครั้งแรก พสุค่อยๆช้อนร่างผอมบางขึ้นมากอดเอาไว้ เพื่อให้เด็กหนุ่มอุ่นใจ ชายหนุ่มลูบหลังเปียกเบาๆ ขณะโยกตัวไปมาเหมือนเห่กล่อมเด็กเล็กๆ ซึ่งดูเหมือนจะได้ผล เพราะริวค่อยๆคลายสะอื้น ยอมซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนเขาเงียบๆ เสียงหอบหายใจก็กลับเป็นปกติ มีเพียงแขนผอมๆ เท่านั้นที่ยังกอดพสุแน่นไม่คลาย
“พี่ไผ่...เลือดเต็มไปหมด เต็มผนังไปหมดเลย” ดูเหมือนริวยังติดตากับความฝันไม่หาย
“มันเป็นแค่ความฝันครับ แค่ฝันเท่านั้น ตอนนี้ริวปลอดภัยแล้ว เห็นไหม”
“แม่เลือดออกเต็มเลย...แม่ต้องเจ็บมากแน่ๆ...ฮึก...ฮือ” ริวร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกครั้ง ขณะที่พสุยังคงโยกตัวไปมาเบาๆ แม้จะรู้สึกถึงความเปียกชุ่มบนไหล่ แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่คิดจะปล่อยมือจากริว กระทั่งเสียงสะอื้นเงียบหายไป แล้วแทนที่ด้วยเสียงกรนเบาๆเหมือนแมว พสุจึงค่อยๆเอียงตัวไปดู เห็นเด็กหนุ่มหลับแล้ว จึงวางร่างผอมบางลงบนที่นอนอย่างบรรจง แม้แสงจากโคมไฟจะน้อยนิด แต่ก็เห็นใบหน้าที่อาบด้วยน้ำตาชัดเจน พสุหยิบทิชชู่มาเช็ดคราบน้ำตาอย่างเบามือ ก่อนจะลุกขึ้นไปลดแอร์ให้เย็นยะเยือกแบบที่ริวชอบ แล้วกลับมานั่งบนฟูกข้างตัวริว
“สิ่งที่เจอมันคงเลวร้ายมากเลยสินะ ถึงได้เก็บมาฝันร้ายขนาดนี้” พสุรำพึงเสียงแผ่วด้วยความสงสาร นิ้วยาวเกลี่ยปอยผมเปียกชุ่มเหงื่อออกจากหน้าผากขาวเบาๆ อดไม่ได้ที่จะลูบหัวเด็กหนุ่มด้วยความเวทนา...ยิ่งมาเห็นแบบนี้ ยิ่งรู้สึกว่าริวยังเด็กเหลือเกิน เด็กมากเสียจนพสุไม่อยากให้ริวเข้ามาในวงการนี้เลย โลกมายาสำหรับเด็กที่มีดวงตาใสเหมือนทารกคนนี้ ดูโหดร้ายและน่าหวาดกลัวแทนเสียจริงๆ
-
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ได้สองวันนั่งอ่านโต้รุ่งทั้งคืนเลย
แต่เน็ตเราเน่ามาก อีกสักสองวันช่างจะมาซ่อมเลยยังไม่ได้เมนต์เลย
เห็น คนเขียนหมดกำลังใจแล้วเราตกใจมากเลย
เพราะเรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ เราชอบมาก เพิ่งอ่านทัน คิดว่าเน็ตกลับมาดีแล้วจะเมนต์ให้ยาวๆ เลย
เรายังไปบอกเพื่อนต่อเลยว่าเรื่องนี้สนุก
ขอร้องอย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะคะ สนุกมากค่ะ ภาษาก็ดี การดำเนินลำดับเรื่องก็ยอดพล๊อตก็เก๋
เดี๋ยวเน็ตอำนวยเค้าจะมาเมนต์ใหม่นะคะ อย่าเพิ่งจากกันไปไหนน้า เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอบคุณมากนะคะที่แต่งเรื่องดีๆ อย่างนี้ให้อ่าน :L2:
-
สงสารน้องริว พี่ไผ่ดูแลน้องดีๆนะ
-
เข้ามาเป็นกำลังใจให้จ้า
สู้ๆนะ :กอด1:+1ให้เพื่อเป็นแรงใจน้า
อย่าเพิ่งทิ้งเค้าไปนะ
เค้าชอบนิยายที่ตัวเองเขียนมากเลย :m23:
น้องริวน่ารักน่าเอ็นดูมาก :m1:
พี่ไผ่ดูแลน้องริวดีๆนะ
มารออ่านตอนต่อไปจ้า :z2:
-
มาให้กำลังใจค่ะ :กอด1:
ริวน่ารักเหมือนเดิม แต่แอบสงสารริวอ่ะ
พี่ไผ่ก็น่ารัก
แต่งต่อให้จบนะค่ะเรื่องสนุกมาก :L2: :bye2:
-
ความหลังฝังใจของริว.
มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ :L2: :L2: :L2:
-
เฮ้อคิดเหมือนไผ่เลยว่าริวไร้เดียงสาจนกลัวอ่ะ ขอให้ไม่มีอะไรร้ายๆนะค่ะ
ชอบแบบน่ารักๆอ่ะไรเตอร์ ให้กำลังใจไรเตอร์สู้ๆ ติดตามอ่านอยู่นะ
แต่งให้จบด้วย
-
ริวน่าสงสารมากเลย T T
-
สงสารริวอ่ะ
-
ตามอ่านอยู่นะคะ อยากบอกว่าชอบมากๆ พึ่งตามมาทัน
โหยเป็นอะไรที่เราชอบมาก ช่วงแรกๆเหมือนแปลกๆ ว่าอิน้องริวแกโรคจิตรึเปล่า หลงคนจากTV ถึงแม้ตอนแรกๆ ไม่ค่อยหลงเสน่ห์ตัวละคร แต่ภาษาดีมากคะ อ่านไหลลื่น ชวนให้ติดตาม พออ่านมาเรื่อยๆ จากที่ไม่ค่อยปลื้มน้องริว ดันไปหลงเสน่ห์คุณน้องแกได้ แน่จริงๆ แบบนี้พี่ไผ่มีหวังหลงอิคุณน้องตามเราแน่ๆ น้องแกไร้เดียงสาจริงๆ(ปกติเราจะไม่ค่อยชอบตัวละคร ที่ดูไร้เดียงสานะเนี่ย) แต่ไรเตอร์แต่งให้เราเชื่อจริงๆ คะว่าคุณน้องริวแกใสซื่อ ต่อไปคุณน้องแกจะกลายเป็นสิงโตห่มหนังลูกแกะรึเปล่าคะเนี่ย หุๆ น่ารักน่าหยิกจริงๆน้องริว
ส่วนพี่ไผ่ ขอดูต่อๆไปก่อนนะคะ ตอนนี้ยังไม่หลง 555+ ขอหลงแต่น้องริวไปก่อน
ปล.แอบแซวตอนล่าสุด อิคุณน้องแกชอบห้องโล่งๆ นี่เจ้าคะ แล้วไหงมาค้างอ้างแรมกับพี่ไผ่ซะหละยะ >___<
-
อะไรกันที่ทำให้น้องริวที่น่ารักของเราเป็นอย่างนี้นิ
-
:กอด1: โอ๋ๆๆ ของริว ของพี่ไผ่
:pig4:
-
o13 o13 exellent x2 o13 o13
-
:sad4:มาต่อแล้ว ปลาบปลื้ม
บอกไม่ถูกว่าจะเม้นท์อะไรก่อนหลังนี้ ระหว่างสงสารนู๋ริวง่ะ ที่ฝันร้ายแบบนี้ มันเศร้ามาก เพราะจะทำให้ไม่อยากนอน
เพราะกลัวฝันร้ายที่จะมาถึง เวลาตื่น ก็ตื่นเพราะตกใจกลัว มัน :z3:
:sad11:แต่ก็ดีใจที่พี่ไผ่ไม่ใจร้าย ยอมให้นอนในห้องด้วย แต่มุกชอบห้องโล่งเนี่ย คงไม่เป็นเพราะว่ากะไม่ได้เองใช่ม๊าย
:3123: :L2: :L1: แบกความรัก แบกดอกไม้มาให้ รักนะจุ๊บๆๆๆ ริว*ไผ่
-
:o8: คือมีเพิ่มเติมตอนที่ 11 นิดนึงค่ะ สงสัยคนเขียนแกจะง่วงจัด :t3: ใส่มาไม่ครบ
ที่เพิ่มขึ้นคือย่อหน้าแรกนะคะ แฮะๆๆ :call:
-
ตอนนี้เจ๊คนเขียนกำชับ (บังคับ? o18 ) ให้ลงให้ได้ภายในวันนี้ เพราะเป็นวันมงคลของเค้า 55555 ไม่ใช่แต่งงานหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด :laugh: กะจะอู้ซะหน่อย ชริส์ :m16:
พอดีวันนี้เลขวันเป็นวันสำคัญของคนเขียน และของหลายๆ คนน่ะจ้ะ :impress2:
ว่าแล้วก็มาอ่านกันเลย
*********************************************
ตอนที่ 12
อุ่น...ความรู้สึกแรกที่ริวสัมผัสได้ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาคือความอบอุ่น อุ่นเสียจนในอกร้อนวาบด้วยความโหยหา น้ำตาคลออย่างไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกแบบนี้ หายไปนานแสนนาน นานจนเกือบจำไม่ได้แล้วว่าเขาเคยมี...ริวไม่ขยับตัวแต่กวาดตาไปรอบๆ ก็พบว่าตัวเองหนุนอยู่บนเนื้ออุ่นๆของใครสักคน มือนุ่มและอบอุ่นวางอยู่บนศีรษะ สัมผัสนี้เองที่ทำให้น้ำตาเขาแทบไหลด้วยความยินดี เหมือนเวลาที่ทำของสำคัญหายแล้วได้คืนมาอย่างไม่คาดฝัน...
ริวขยับตัวช้าๆ เบาๆเพื่อหันดูหน้าคนที่เขาหนุนตักอยู่ให้ชัดๆ พสุนั่งพิงเตียง ศีรษะวางอยู่บนท่อนแขนที่พาดไปบนที่นอน ขณะที่อีกมือวางอยู่บนหัวของริว
แผงขนตางอนแน่นแม้จะไม่ยาวเท่าริวแต่ก็สีเข้มกว่า คิ้วที่ตกแต่งไว้จนได้รูปเพราะต้องแต่งหน้าบ่อย เสริมให้วงหน้าขาวยิ่งเด่น จมูกโด่งปลายแหลมสวยเหมือนสตรี แต่รูปปากบนบางปากล่างอิ่มพอเหมาะพอดี ทำให้พสุดูหล่อเหลาสะดุดตาเสียจนน่าริษยา
ริวถอนหายใจช้าๆ และเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เด็กหนุ่มไม่อยากให้พสุตื่นขึ้นมาเลย อยากนอนหนุนตักอุ่นๆเพื่อมองหน้าของพสุแบบนี้ไปอีกนานๆ
น่าแปลกที่เขาไม่รังเกียจสัมผัสของพสุ ไม่มีความขยะแขยงจนคลื่นเหียนเหมือนที่รู้สึกกับคนอื่น แต่กลับโหยหาความอบอุ่นนี้จนไม่อยากให้พสุปล่อยมือ อ้อมกอดของพสุเมื่อคืนให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยจนริวเสียดายที่เขาเผลอหลับไป
“อืม...” พสุครางเบาๆ ก่อนจะขยับเหยียดแขนออก ริวรีบหลับตา รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวเบาๆ ของพสุ มืออุ่นๆ ที่วางอยู่บนศีรษะของเขาลูบผมแผ่วเบา ก่อนจะช้อนคอเขาวางลงบนหมอน ริวจึงพลิกตัวแกล้งทำเป็นเพิ่งตื่นบ้าง
“ไง...ตื่นแล้วเหรอ” พสุชะโงกมายิ้มให้ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ริวยังนอนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม มือลูบบนที่นอนตรงที่พสุนั่งอยู่เมื่อครู่ไปมา ไออุ่นของพสุยังอยู่ ริวจึงขยับไปนอนตรงนั้น อยากซึมซับความอบอุ่นนี้ไว้นานๆ...ความรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ ที่เพิ่งเคยรู้สึกนี้ ทำให้ริวอดคิดถึงเพลงที่ ‘ครู’ ชอบร้องให้ฟังไม่ได้...
http://www.youtube.com/watch?v=zUNaqDVEuME (http://ใส่ลิงค์ที่นี่) (กดฟังเพื่ออรรถรส)
รัก คือการค้นพบ...
เป็นจุดจบ เป็นทุกสิ่ง
เป็นความฝัน เป็นความจริง
เป็นสุขล้ำเมื่อแอบอิง แม้ยากยิ่งจะฝ่าฟัน....
ฉัน เมื่อมาพบเธอ....
ได้มาพบเจอ ความรักยิ่งใหญ่
โปรด จงเชื่อใจ
และอย่าให้ฝัน ของฉัน ต้องมลาย.........
“โห! ริว...ร้องเพลงรุ่นไหนน่ะ”
เสียงอุทานนั้นทำให้ริวชะงัก เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังร้องเพลงอยู่...ริวพลิกตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว ก็พบว่าพสุอาบน้ำเสร็จแล้ว ผิวขาวยังมีหยาดน้ำเกาะพราว ไหล่กว้างแน่นด้วยกล้ามเนื้อ ไล่เรียงเป็นลูกลงมาหาเอวสอบ ดูเหมือนสายตาของริวจะทำให้พสุรู้ตัวเช่นกัน เขาก้มมองตัวเองนิดหนึ่งก่อนจะเดินไปทางห้องแต่งตัว ครู่เดียวก็กลับออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ดูสบายๆและทำให้พสุดูอ่อนวัยลงไปอีก
“ยังง่วงอยู่เหรอครับ?” พสุเดินมาหยุดยืนเอามือไพล่หลังถามอยู่ที่ปลายเท้า
“ไม่ง่วงแล้ว...ครับ”
“งั้นก็ไปอาบน้ำสิ ไปๆ ลุกขึ้น” พสุโบกมือไล่ แต่สีหน้าและรอยยิ้มอ่อนโยน ทำให้ริวไม่อยากขัดใจ
“ครับ”
ริวลุกไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย ครู่เดียวก็กลับมาที่ห้องพสุอีกครั้งพร้อมกล่องไวโอลิน พสุเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินเพลงที่ริวกำลังเล่น...
“ริว...*เพลงคิดถึงนี่เก่ากว่าเพลงพบรักอีกนะ...ไปฟังมาจากไหนครับ” พสุถามกลั้วหัวเราะ ทั้งขำทั้งทึ่งในเวลาเดียวกันที่ริวเล่นเพลงของครูเพลงผู้ล่วงลับ แทนที่จะเป็นเพลงสมัยใหม่อย่างที่วัยรุ่นส่วนใหญ่ชอบกัน (คิดถึง=ครูเอื้อ สุนทรสนาน / เพลงพบรัก = แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์)
“ครูสอนภาษาไทยของริวเขาร้องให้ฟังครับ” ริวตอบแล้วเก็บไวโอลินลงกล่อง ก่อนจะถลามานั่งแปะที่พื้นข้างเก้าอี้ของพสุ
“แสดงว่าครูที่สอนภาษาให้ริว อายุมากแล้วสิ”
“พี่ไผ่รู้ได้ยังไงครับ?”
“ก็เพลงที่ริวร้อง ริวเล่นอยู่เนี่ย เป็นเพลงที่เด็กวัยรุ่นสมัยนี้แทบไม่เคยได้ยินกันแล้ว”
“...น่าเสียดายนะครับ เพลงออกจะเพราะ...แล้วทำไมพี่ไผ่รู้จักล่ะ?”
“ก็เพราะบ้านพี่...เอ่อ...แม่พี่ท่านชอบน่ะสิ ก็เลยเปิดฟังบ่อยๆ ได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว” พสุตอบยิ้มๆ ทั้งที่ความรู้สึกสะดุดเมื่อต้องพูดถึง “บ้าน” เพลงเหล่านี้เป็นเพลงที่บิดาเคยเปิดให้ฟังตั้งแต่เด็ก ทำให้เขารู้จักเพลงเก่าๆ มากพอๆ กับเพลงสมัยใหม่
“เหรอ...แล้วทำไมริวไปบ้านพี่ถึงไม่เห็นเจอแม่พี่ละครับ พี่แมวเขาบอกว่าเขาไม่ใช่แม่พี่นี่”
“แม่พี่ท่านก็อยู่บ้านท่านสิ บ้านที่ริวไปนั่นบ้านของพี่”
“อ้าว!...คนไทยไม่อยู่กับครอบครัวเหรอครับ ไหนครูบอกว่าคนไทยจะอยู่กับครอบครัวจนกว่าจะแต่งงานถึงจะแยกออกมา”
“ก็พี่ต้องทำงาน กลับบ้านไม่เป็นเวลา ก็เลยไม่อยากจะรบกวนที่บ้านมากนัก ถึงได้ออกมาซื้อบ้านอยู่ต่างหาก” พสุอธิบายเสียงเรียบ หากเป็นคนอื่นเขาคงนิ่งเสีย เพื่อเตือนให้อีกฝ่ายเลิกยุ่งเรื่องส่วนตัว แต่กับริว พสุรู้ดีว่าเด็กหนุ่มถามก็เพราะสงสัย ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง
“ถ้าเป็นริวนะ ริวจะอยู่กับแม่ ริวจะกอดแม่แน่นๆ ทุกวันเลย...เสียดาย... ริวคงกอดแม่ได้แต่ในความฝัน” สีหน้าสลดของเด็กหนุ่มทำให้พสุใจอ่อนยวบ เผลอยกมือขึ้นลูบหัวริวด้วยความสงสาร ก่อนจะรีบชักมือกลับเพราะเกรงว่าจะทำให้ริวรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีก
“หัวริวสกปรกเหรอ?” ริวเงยขึ้นมองพสุตาแป๋ว จนพสุต้องส่งยิ้มให้
“เปล่า...ทำไมถามอย่างนั้น?”
“ริวเห็นพี่ชักมือหนี”
“พี่กลัวว่าถูกตัวริวแล้วริวจะเครียดจนฝันร้ายอีกต่างหากล่ะ”
“ไม่เป็นไร ริวชอบมือพี่ไผ่ พี่ไผ่มืออุ่น ริวไม่รู้สึกขยะแขยงเลยนะ ริวชอบ” ไม่แค่พูดเปล่าๆ ริวยังจับมือพสุมาวางบนหัวตัวเองอีกครั้ง พสุอมยิ้มลูบหัวเด็กหนุ่มเล่นเบาๆ
“เป็นแมวหรือไงชอบให้ลูบหัว” พสุถามแล้วผลักหัวริวเบาๆ แต่เด็กหนุ่มถือโอกาสนั่นอิงหัวกับหัวเข่าของพสุ
“หมาสิชอบให้ลูบหัว แมวมันชอบให้เกาคาง ชอบมานอนบนอก เพราะแมวมันชอบนอนที่อุ่นๆ”
“เคยเลี้ยงแมวด้วยเหรอ”
“เคยครับ แต่...ไม่กี่วันหรอก ห้องริวเย็นจัด แมวมันไม่ชอบอยู่...ริวชอบอากาศเย็นๆ โดยเฉพาะเวลานอนนะ ต้องเย็นจัดๆ ถึงจะนอนได้ ถ้าร้อน...ริวจะฝันร้าย...” จู่ๆ ริวก็ลุกพรวด วิ่งออกไปจากห้อง ครู่เดียวก็กลับเข้ามาพร้อมกรอบรูปมาส่งให้พสุดู
“แม่ริว...สวยไหม” สตรีเอเชียผิวขาว รูปร่างบอบบาง วงหน้าอ่อนเยาว์มีส่วนคล้ายริวมาก ต่างกันตรงดวงตาเรียวยาวของเธอดูเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง ขณะที่ริวมีดวงตากลมโตใสซื่อเหมือนเด็ก
“สวยครับ” พสุตอบแล้วส่งกรอบรูปคืนให้ ชั่วขณะที่กรอบรูปพลิก พสุรู้สึกเหมือนข้างหลังจะมีรูปอีกรูป แต่ไม่ทันได้ถามริวก็พูดเรื่องรูปขึ้นมาซะก่อน
“นี่เป็นรูปแม่ใบเดียวที่ริวมี...แต่ไม่มีรูปแม่กับริวหรอกนะ เราไม่เคยถ่ายรูปด้วยกัน เพราะแม่ทำงานทุกวันเลย” ริวเล่าพลางจ้องรูปในมือ แล้วแตะปลายนิ้วบนใบหน้าของสตรีในรูปเบาๆ ราวกับกลัวคนในรูปจะสะดุ้งตกใจ
แม่ลูกไม่เคยถ่ายรูปด้วยกันตั้งแต่เกิดจนโตงั้นเหรอ? พสุมองหน้าเด็กหนุ่มแล้วรู้สึกใจแห้งหายอย่างประหลาด
“รูปนี้แม่ถ่ายตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็เรียนไม่จบเพราะท้องริวซะก่อน...แม่ของเพื่อนๆ ริวที่เนิร์สเซอรี่เขาพูดกันว่าริวเกิดจากความผิดพลาด ริวทำให้แม่เรียนไม่จบ”
“ไม่จริงหรอก! ไปเชื่ออะไรคนแบบนั้น” พสุหลุดปากค้านด้วยความโมโห ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงโหดร้ายนัก ริวอยู่เนิสเซอรี่ ก็น่าจะไม่เกิน 5 ขวบหรืออาจเด็กกว่านั้น กับเด็กเล็กเพียงเท่านั้นทำไมถึงทำร้ายจิตใจกันได้ลงคอ
“แม่ก็บอกว่าแม่รักริว แม่บอกว่าริวเป็นของขวัญจากพระเจ้า...แม่จะกอดริวแน่นๆ ก่อนไปทำงานทุกวัน...แม่ริวเก่งนะ แม่ทำงานตั้ง 3 ที่แน่ะ แม่บอกว่าคนมีความรู้น้อย ต้องเหนื่อยมากเป็นธรรมดา...เพราะแบบนี้ไง ริวกับแม่เลยไม่เคยถ่ายรูปด้วยกัน...ก็เราได้อยู่ด้วยกันวันละนิดเดียวเอง”
พสุเหลือบไปมองโทรศัพท์บนตัวเตียงโดยอัตโนมัติ รู้สึกอยากโทรหาแม่ขึ้นมาทันที
“เมืองที่ริวอยู่มันหนาวมากเหรอ ริวถึงต้องนอนเปิดแอร์ซะเย็นเยือกเลย” พสุพยายามชวนคุยไปเรื่องอื่น เพราะรู้สึกว่าบรรยากาศชักจะเศร้าไปแล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะผิดพลาดอย่างมหันต์ เพราะสิ้นคำถามของเขา ริวก็ชะงักนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขดตัวเข้ามากอดเข่าตัวเองแน่น ใบหน้าขาวใสเผือดซีดจนพสุใจหาย
“ไม่หรอก ที่นั่นก็ร้อน...แต่ก่อนริวก็ทนได้นะ จนกระทั่งคืนนั้น...คืนที่ริวไม่สบาย...”
ริวถอนใจยาว แล้วภาพอันเจ็บปวดที่ตามหลอกหลอนมาตลอดชีวิตก็ถูกถ่ายทอดให้พสุฟัง
ริวไม่สบายตั้งแต่ตอนเย็นและยิ่งตัวร้อนจัดขึ้น แม่เลยต้องโทรไปลางานเพื่ออยู่ดูแลริว แม่คอยเช็ดตัวให้ริวทั้งคืนจนริวผล็อยหลับไป
เสียงดิ้นรนต่อสู้ เสียงของหนักๆตกกระทบพื้นทำให้ริวสะดุ้งตื่น แสงไฟจากโคมไฟส่องให้เห็นเงาคนที่มุมห้องกำลังต่อสู้กัน
“แม่!” ริวตะโกนเรียกด้วยความตกใจเมื่อเห็นแม่ถูกคนใส่ชุดสีดำคลุมหน้าสองคนกำลังรุมทุบตี หนึ่งในสองคนที่กำลังรุมทำร้ายแม่ โผนเข้ามาหาริว มือที่มีเล็บยาวสีแดงพยายามกดปิดปากริวไว้ แต่ริวสะบัดหลุด แล้วโผเข้าไปผลักคนที่กำลังจิกกระชากผมของแม่เต็มแรงจนมันเซถลา
“แม่จ๋า แม่จ๋า” ริวเข้าไปกอดแม่ไว้แน่นด้วยความตกใจ
“ริวหนีลูก หนีไป!” แม่ดันริวให้ออกไปจากห้องแต่กลับถูกคนที่ริวผลักกระชากผมจนหน้าหงาย ริวจึงกัดมือจิกผมแม่เต็มแรง
“ปล่อยแม่นะ!...โอ๊ย!”
ริวถูกเตะจนกระเด็นออกมานอนกลิ้ง แม้พยายามจะร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็จุกจนร้องไม่ออก
“เร็วๆ สิ เดี๋ยวตำรวจก็มาหรอก” เสียงกรีดแหลมของอีกคนทำให้ริวรู้ว่ามันเป็นผู้หญิง
“แกก็จัดการไอ้เด็กเปรตนั่นสิวะ” เจ้าคนจิกผมแม่หันมาตวาด ริวพยายามยันตัวลุก แต่เพราะยังมีไข้สูงแล้วยังถูกทำร้ายเมื่อครู่ทำให้ไร้เรี่ยวแรงจนน่าโมโหตัวเอง
ผู้หญิงชุดดำหันรีหันขวางก่อนจะโผเข้ามาจับหัวริวกระแทกกับพื้นแล้วบีบคอ เล็บทาสีแดงจิกเข้าไปในเนื้ออ่อนๆ จนเลือดซึม ริวพยายามดิ้นรนเพื่อหาอากาศหายใจ ในสติที่พร่าเลือนริวได้ยินเสียงกรีดร้องของแม่ ภาพที่เห็นผ่านม่านน้ำตาคือมีดที่กระหน่ำเข้าที่อกแม่ เลือดแดงฉานกระเด็นไปถึงผนังห้อง สายตาของแม่จ้องค้างมาที่ริว...เป็นภาพสุดท้ายที่เห็น แล้วทุกอย่างรอบตัวก็ดับมืดไป…
ริวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องสว่างจ้าของโรงพยาบาลและได้ยินเสียงศาสตราจารย์อัลเบิร์ตแว่วๆ
“น่าสงสารริวมากเลยครับ เขามีกันแค่สองคนแม่ลูกเท่านั้น”
“แล้วญาติคนอื่นๆ ละครับ เด็กเพิ่ง 8 ขวบเท่านั้น ยังไงก็ต้องมีญาติรับไปดูแล”
“ไม่มีแล้วครับ”
“ตอนแรกผมนึกว่าท่านเป็นญาติของเธอซะอีก”
“ผมเป็นอาจารย์ เคยสอนนามิ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยครับ...ว่าแต่...ตอนนี้ศพของนามิอยู่ที่ไหนครับคุณหมอ”
“อยู่ห้องเก็บศพครับ เชิญทางนี้ครับเดี๋ยวผมจะให้เจ้าหน้าที่พาไป”
ริวรอจนเสียงคุยห่างออกไปจึงลงจากเตียง แอบตามอัลเบิร์ตไปจนถึงห้องเก็บศพแล้วซ่อนตัวอยู่แถวนั้น รอจนศาสตราจารย์อัลเบิร์ตออกมา และคนดูแลกลับเข้าไปแล้ว จึงปราดเข้าไปเปิดประตู แต่ดูเหมือนจะเป็นประตูที่ต้องใช้การ์ดเปิดล็อค ริวจึงซุกตัวอยู่ข้างกระถางต้นไม้มุมห้อง รอให้ใครสักคนเปิดประตูออกมา หรือมีคนเข้าไป
ครู่หนึ่งก็มีคนเข็นเตียงออกมา ก่อนที่ประตูจะทันปิดอีกครั้งริวก็แทรกตัวเข้าไปข้างในได้โดยที่คนเข็นเตียงไม่ทันเห็น ผนังทุกด้านเต็มไปด้วยตู้โลหะสีเงินเป็นชั้นลิ้นชักขนาดใหญ่เรียงราย ในห้องเย็นเฉียบและเงียบกริบ มีเพียงเสียงฝีเท้าเบาๆ ของริว บนเตียงกลางห้องใต้ไฟทรงกลมสลัว มีร่างในผ้าคลุมอยู่บนนั้น ริวเหยียบเก้าอี้ข้างเตียงปีนขึ้นไปดึงผ้าที่คลุมออก ใบหน้าที่คุ้นตามาตลอดชีวิต บัดนี้ขาวซีดราวกระดาษ....
“แม่จ๋า...” ริวเบียดซุกลงนอนข้างๆ แล้วกอดร่างเย็นเฉียบแข็งทื่อไว้
ห้องทั้งห้องเย็นเยือก แต่หัวใจของริวอบอุ่น เมื่อได้กลับมานอนข้างแม่อีกครั้ง แม้จะรู้ว่าแม่ไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้วก็ตาม.....
.....................................
-
นึกว่าวันนี้จะไม่ลงแล้วนะเนี่ย ทุกที่เห็นมาแต่เช้า ตอนเช้าไม่เห็นเลยนึกว่าไม่มาลงแล้ว
อดีตก็เริ่มโผล่ออมาแล้ว เหมือนมีเงื่อนงำที่แม่ของริวตายด้วยอ่ะ สงสารมากๆเลย
ไม่อยากให้มีเรื่องเศร้าอีกอ่ะค่ะ ขอแบบอบอุ่น น่ารักนะค่ะ สู้ๆ
-
:sad11: ...กาซิก..กาซิก น้ำตาไหลเป็นทางแล้ว
สงสารนู๋ริวเป็นที่สุด เด็กขนาดนั้นคงไม่รู้ด้วยว่าความตายคืออะไร
ได้นอนกอดแม่ที่แข็งและเย็นเฉียบ ก็ยังอบอุ่นได้...น้ำตาหยดติ๊งๆๆๆๆแล้ว
..........พลีส....มาต่อหน่อยเถอะ มันเศร้าเหลือเกิน พี่ไผ่ทำอะไรอยู่ อย่าลืมกอดปลอบนู๋ริวหน่อยนะ :m15:
-
โอ๊ย เศร้าได้อีกหนูริวน่าสงสารมาก ๆ เลย T T
-
:o12: very sad
น่าสงสารมากมาย
-
โอ๊ยยย
หนูริว น่าสงสารได้อีกกก
-
น่าสงสารน้องริว เด็ก 8 ขวบเจอเรื่องร้ายแรงที่สุดในชีวิตเลยนะ
-
เฮ้อ เด็กเล็ก กะห้องเก็บศพ :กอด1:
รูปอีกใบรูปไผ่รึเปล่าหว่า อิอิ
อ๋อ สุขสันต์ วันสำคัญของ writer ค้า
-
ตอนที่ 13
ความโกลาหลตามมาเมื่อพยาบาลพบว่าริวหายไป ขณะที่ทุกคนตามหากันวุ่น เจ้าหน้าที่ห้องชันสูตรก็ถึงกับผงะเมื่อพบริวนอนหลับอยู่กับศพ ร่างเย็นเฉียบราวกับถูกแช่แข็ง
ริวถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินทันทีเพราะนอกจากอาการไข้เดิมแล้วยังมีอาการปอดบวมแทรกซ้อน กว่าริวจะออกจากโรงพยาบาล ศพของแม่ก็ถูกฝังเรียบร้อยแล้ว ศาสตราจารย์อัลเบิร์ตรับริวมาเป็นลูกบุญธรรมเพราะริวไม่มีญาติที่ไหนอีก เขาพาริวไปอยู่บ้านในชนบทเพื่อให้ลืมความทุกข์
แต่ดูเหมือนฝันร้ายจะไม่เคยหายไป ริวไม่ยอมเปิดใจรับการบำบัด เอาแต่ซุกตัวอยู่มุมห้อง นั่งกอดตัวเอง และทุกครั้งที่เผลอหลับริวก็ต้องกรีดร้องจนผวาตื่นด้วยความหวาดกลัว เพราะฝันเห็นแต่ตอนที่แม่ถูกฆ่า
“ดิฉันคิดว่าควรส่งตัวเด็กไปบำบัดในโรงพยาบาลนะคะ” นักจิตวิทยาที่มาดูแลริวบ่นอย่างอดรนทนไม่ได้ เพราะริวไม่ยอมให้เธอแตะต้องตัว ริวยังเด็กมากเสียจนหมอไม่อยากให้ยาระงับประสาท มีเพียงอัลเบิร์ตเท่านั้นที่ริวยอมให้เข้าใกล้ แต่ริวก็ยังไม่ยอมพูดกับเขาอยู่ดี
“ผมก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง ถ้าแกเป็นเด็กธรรมดาๆ อีกไม่นานแกก็จะลืมความทุกข์ แต่แกเป็นเด็กอัจฉริยะ สมองแกจดจำได้ราวกับผู้ใหญ่ ความคิดความอ่านก็โตกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก ผมกลัวแกจะ...แย่ลงเรื่อยๆ”
ริวได้ยินสิ่งที่ทุกคนพูดกันตลอดเวลา แต่หัวใจริวเจ็บปวดเสียจนไม่อยากรับรู้ โลกที่ไม่มีแม่ ช่างว่างเปล่าเหลือเกิน ความรู้สึกเหมือนในอกกลวงว่าง และเย็นยะเยือก ทุกอย่างรอบตัวเหมือนถูกฉาบด้วยสีดำ.........ไม่ว่าจะกอดตัวเองสักแค่ไหน........ก็ไม่เคยรู้สึกอุ่นอีกเลย.....
สิ่งที่ศาสตราจารย์วัยเกษียณคิดได้คือลองหาอะไรให้ริวทำ และสิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือดนตรี ศาสตราจารย์อัลเบิร์ต เลือกเพลงที่คิดว่าริวน่าจะชอบมาลองเปิดให้ฟัง ดูเหมือนจะได้ผลเมื่อริวมีอารมณ์ร่วม ริวอ่อนไหวตามเพลง ยิ่งเป็นเพลงที่คุ้นเคย ริวก็จะเปิดฟังซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ บางครั้งก็นั่งฮัมเพลงแล้วโยกตัวไปมา ขณะที่ในสมองกลับมองเห็นแต่ภาพของแม่ที่กอดริวแน่นๆ ก่อนไปทำงานทุกวัน
ศาสตราจารย์อัลเบิร์ตซื้อเครื่องดนตรีมาให้ริวเล่น แต่ชิ้นแรกที่ริวชอบเล่นก็คือกลอง
ริวไม่ได้เล่นมั่วซั่ว แต่เล่นตามที่ได้ยิน ไม่ว่าเพลงที่ได้ฟังมาจะมีโน้ตยังไง ริวสามารถเล่นตามได้หมดทั้งที่ไม่เคยมีใครสอน แม้บางเพลงจะได้ยินเพียงครั้งเดียว แต่ริวก็เล่นตามได้ ศาสตราจารย์อัลเบิร์ตจึงลองหาเพลงบรรเลงของเครื่องดนตรีอื่นๆ มาให้ริวฟัง ริวก็ยอมเปลี่ยนไปเล่นเครื่องดนตรีชิ้นอื่นๆ ตามใจอัลเบิร์ต ริวเรียนรู้อย่างรวดเร็วแล้วซึมซับเอาบทเพลงเป็นเครื่องเยียวยาหัวใจ จนถึงขั้นหมกมุ่นอยู่กับเครื่องดนตรี ริวแต่งเพลงได้ตั้งแต่ตอน 9 ขวบเท่านั้น
อาการซึมเศร้าของริวดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะยังฝันร้ายอยู่ทุกคืนก็ตาม...แต่ถึงอย่างนั้น ริวก็ยังไม่ยอมพูดกับใครอยู่ดี กระทั่งคืนวันหนึ่งที่ ศ.อัลเบิร์ตเกิดอาการหัวใจวายกำเริบ ริวเป็นคนโทรแจ้งรถฉุกเฉินและคอยดูแลอัลเบิร์ตจนถึงโรงพยาบาล
“ริว...”
ริวลุกไปนั่งข้างเตียงทันทีที่อัลเบิร์ตเรียก
“เธอเป็นคนโทรแจ้ง 911 เหรอ...ขอบใจมากนะริว ที่ช่วยชีวิตฉัน”
ริวจ้องมองหน้าอัลเบิร์ตอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าไปจับปลายนิ้วก้อยของอัลเบิร์ตเขย่าเบาๆ
“ห้ามตายนะ”
“หืม? เธอพูดงั้นเหรอริว เธอพูดเหรอเนี่ย! พระเจ้า! ถ้ารู้ว่าฉันป่วยแล้วเธอจะยอมพูดละก็ ฉันยอมป่วยตั้งนานแล้ว”
“ไม่เอา...สัญญาสิว่าจะไม่ตาย”
“ริว....เด็กน้อยที่รักของฉัน ฉันสัญญาไม่ได้หรอก คนป่วยแบบฉันมันก็เหมือนเปลวเทียนในสายลม มันจะดับไปตอนไหนก็ไม่รู้ เธอต่างหากที่ยังมีอนาคต มีชีวิตที่สดใสรออยู่ จำได้ไหมที่แม่เธอเคยพูดว่า ร่างกายของเธอทั้งหมดมาจากแม่น่ะ อย่าลืมซะล่ะ ถ้าไม่ดูแลรักษาร่างกายน้อยๆนี่ให้ดี ก็เหมือนไม่ดูแลสิ่งสำคัญของคุณแม่นั่นแหละ เข้าใจไหม”
“ถ้าไม่มีอัลเบิร์ต แล้วผมจะอยู่กับใคร”
“มีหรือไม่มีฉันเธอก็ต้องอยู่ต่อไป โลกนี้ยังต้องการอะไรจากสมองอันปราดเปรื่องของเธอมากมาย...ที่สำคัญ เธอคือสิ่งที่แม่เธอรักและภูมิใจมากที่สุด เป็นเหมือนตัวแทนโลกหน้าของแม่เธอยังไงล่ะ ถ้าเธอเป็นเด็กดี ก็เหมือนกับแม่ของเธอได้ขึ้นสวรรค์ แต่ถ้าเธอเป็นคนไม่ดี แม่เธอก็เหมือนตกนรก เข้าใจไหมริว”
“โธ่พ่อครับ ริวยังเด็กอยู่เลยนะครับ สอนซะขนาดนั้นแกจะไปเข้าใจได้ยังไง” อลันที่คงย่องเข้ามาสักพักแล้ว เอ่ยขัดคอขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ได้
“ผิดแล้วอลัน ริวเข้าใจสิ่งที่พ่อพูดดี ใช่ไหมริว”
“ครับ...แต่...ไม่รู้แหละถ้าอัลเบิร์ตตายผมก็จะตายด้วย ไม่มีอัลเบิร์ต ผมก็ไม่รู้จะอยู่กับใครนี่”
“อย่าคิดแบบนั้นเป็นอันขาดนะริว โลกนี้ยังมีใครอีกคนรอเธออยู่นะ จริงอยู่ว่าวันนี้เธออาจจะยังไม่เจอ แต่วันหน้าเธอต้องได้เจอคนๆ นั้นแน่ๆ เชื่อฉันสิ”
อัลเบิร์ตสอนริว แต่ดวงตากลับทอดเหม่อ ริวรู้ดีว่าอัลเบิร์ตคงกำลังคิดถึงภรรยาของเขาที่ตายไปแล้ว อัลเบิร์ตรักภรรยามาก แม้เธอจะตายไปหลายสิบปีแล้ว แต่อัลเบิร์ตก็ไม่คิดจะแต่งงานใหม่ และเขามักจะบอกริวว่า เธอเกิดมาเพื่อเขา และเขาก็เกิดมาเพื่อเธอ..........................
“แต่ริวไม่รู้ว่า ริวจะทนได้แบบอัลเบิร์ตหรือเปล่า ถ้าริวต้องเสียคนที่รักไปอีกครั้ง...ริวคง...คงทนไม่ได้หรอก...แค่ครั้งเดียวนั่นก็เจ็บจนเหมือนจะตายแล้ว” ริวเงยหน้าขึ้นสบตากับพสุ แล้วเอนหัวมาอิงบนเข่าของพสุอีกครั้ง
พสุค่อยๆผ่อนลมหายใจยาวด้วยความสงสาร เขาเพิ่งเข้าใจว่าทำไมเวลานอนริวถึงชอบเปิดแอร์เย็นเยือกขนาดนั้น คงเพราะห้องเก็บศพคือสถานที่สุดท้ายที่ริวได้สัมผัสกับแม่ ริวถึงชอบนอนห้องเย็นๆ เพื่อหวนกลับไปหาความอบอุ่นใจเหมือนตอนนั้น
“พี่ไผ่...”
“ครับ?” พสุชะงักมือที่กำลังลูบผมนุ่มเหมือนขนแมว แล้วก้มลงมองหน้าเด็กหนุ่ม
“พี่ไผ่กอดริวหน่อยได้ไหม” ริวอ้อนแล้วส่งสายตาวิงวอนไปให้ สายตาที่ทำให้คนถูกมองใจอ่อนยวบได้เสมอ
“อ้อนอะไรละเนี่ย...” แม้จะบ่นอย่างนั้นแต่พสุก็ยอมกอดเด็กหนุ่มแต่โดยดี ด้วยความสงสารในสิ่งที่ริวเจอ
ริวยืนตัวแข็งเมื่อวงแขนอุ่นโอบรอบตัวเขา แผ่นอกแน่นตึงที่สัมผัสให้ความรู้สึกแปลก แปลกจนกระบอกตาร้อนผ่าว ริวสอดแขนกอดรอบตัวพสุตอบ แล้วซุกหน้าลงกับไหล่หนา
“อุ่นจัง...ไม่เคยมีใครกอดริวมาตั้งนาน...นานจนริวเกือบลืมไปแล้ว ว่าเวลาถูกกอดรู้สึกยังไง...” หางเสียงสั่นเครือจนคนฟังรู้สึกได้ ยังความรู้สึกอุ่นชื้นบนไหล่ที่ค่อยๆ แผ่วงกว้างออกไปอีก
“ริว! ร้องไห้เหรอ....ร้องไห้ทำไม?” พสุอุทานแล้วขยับจะดันตัวริวออกมาดูหน้า แต่ริวขืนตัวไว้ แขนยาวกอดพสุแน่นกว่าเดิม จนชายหนุ่มต้องปล่อยให้ริวซุกหน้าอยู่อย่างเดิม
“ริวไม่ได้ร้อง แต่มัน...ไม่รู้สิ น้ำตามันไหลเอง” ริวตอบพร้อมกับเช็ดน้ำตาบนไหล่หนา เด็กหนุ่มไม่ได้อยากร้องไห้แต่ทำไมน้ำตามันถึงไหลไม่หยุดก็ไม่รู้
“....ไม่เป็นไร อยากร้องก็ร้องไป ไม่มีใครเห็นน้ำตาริวสักหน่อย...พี่ก็ไม่เห็น” พสุปลอบพร้อมกับลูบผมนุ่มบนไหล่เบาๆ เขาเองก็ไม่คุ้นกับการกอดใครแบบนี้ เพิ่งรู้ว่าการได้ให้กำลังใจใครสักคน มันรู้สึกวิเศษอย่างนี้นี่เอง
........................................
พอเห็นทีมโปรดิวเซอร์ที่เข้ามาในห้องประชุมพร้อมเขมชาติ พสุกับตะวันก็ถึงกับหันมาสบตากัน ในวงการเพลงไม่มีใครไม่รู้จักคนเหล่านี้ การที่คนระดับนี้มารวมตัวกันได้ แสดงว่าเขมชาติต้องทุ่มทุนไปมหาศาล
ทั้งทีมโปรดิวเซอร์และนักร้องส่วนใหญ่ก็รู้จักกันและกันดีอยู่แล้ว มีก็แต่ริวเท่านั้นที่ไม่รู้จักใคร แต่ก็มีพสุคอยแนะนำว่าแต่ละคนเป็นใคร ชื่ออะไร
เขมชาติเริ่มประชุมทันทีอย่างคนใจร้อน หลังจากประชุมสรุปแนวทางการทำเพลงของวงคิสมี ซึ่งใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงจึงหาข้อยุติได้ เขมชาติก็เชิญทีมโปรดิวเซอร์ไปทานอาหารด้วยกัน
ส่วน 5 หนุ่มนั้น ประชุมเสร็จก็กลับไปที่บ้านพัก ตะวันชวนทุกคนเข้าสตูดิโอ เพราะเพิ่งแต่งเพลงรวมของวงเสร็จ จึงอยากให้ทุกคนฟังด้วย
“แบบนี้เป็นไง” ตะวันถามแล้วไล่นิ้วไปตามโน้ตที่เพิ่งแต่งเสร็จให้ฟัง ริวนั่งฟังนิ่ง พอตะวันเล่นจบเด็กหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นไปนั่งที่เปียโนแล้วเล่นเพลงของตะวันโดยไม่ต้องเรียกหาโน้ต แถมยังแก้บางคีย์ในเพลงของตะวันใหม่
“เฮ้ย! เสียงสูงขนาดนั้นใครจะไปร้องได้” ตะวันตะโกนท้วงมาจากคีย์บอร์ด
“พี่ไผ่ร้องได้ ท่อนนี้ให้พี่ไผ่ร้อง” ริวตะโกนตอบแล้วเล่นต่อ
“แต่มันจะโดดจากท่อนอื่นหรือเปล่า” ตะวันแย้งหลังจากหยุดฟังอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่โดด ท่อนถัดมานี่ต้องให้พี่ไวย์ร้อง จะประสานกับท่อนฮุคพอดี แต่แก้โน้ตตรงนี้เป็น....แล้วก็....” ริวพูดไปเล่นไป ขณะที่ตะวันก็ลองเล่นตามคีย์ที่ริวแก้
พสุฟังแล้วจดโน้ตตามไปด้วย ขณะที่ธีรดลเล่นกีตาร์คลอตามไปเรื่อยๆ เพียงแต่เขาไม่หูเทพขนาดฟังครั้งแรกแล้วจะแม่นโน้ตเปะๆเหมือนอย่างริว
ไวยากรณ์เหลือบมองพสุที ธีรดลที ก่อนจะหันไปมองตะวันกับริว แล้วนั่งหน้าบึ้ง รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ความสามารถอยู่คนเดียว ขณะที่คนอื่นๆเหมือนคุยกันด้วยดนตรี ตนเองกลับตามไม่ทันอยู่คนเดียว ยิ่งท่อนหลังๆ ตะวันกับริวไม่พูดกันแล้ว แต่ตะวันเล่นแล้วริวก็แก้ ตะวันก็เล่นใหม่ ริวก็แก้อีก ก่อนที่ตะวันจะพยักหน้าหงึกๆ แล้วเล่นตามริวซะอย่างนั้น
“ตรงนี้มัน....” ริวเอ่ยขึ้นมาลอยๆ หลังจากเล่นท่อนหนึ่งซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายเที่ยว
“อะไรริว” ตะวันหยุดเล่นเงยหน้ามาถาม
“อยากใส่อะไรลงไป แบบที่ฟังแล้วเศร้าๆ” ขณะที่ปากพูดอย่างนั้น ในหัวของริวไปไกลถึงเนื้อเพลงแล้ว
“...ใส่เสียงขลุ่ยลงไปได้ไหม จะเข้ากันหรือเปล่า” พสุที่นั่งจดโน้ตเงียบๆ เงยหน้าขึ้นแสดงความเห็น ริวหันขวับไปทันที
“มันเป็นไงเหรอครับ พี่ไผ่เล่นให้ฟังหน่อย”
“เดี๋ยวนะ” พสุลุกออกไป ครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาพร้อมขลุ่ย ชายหนุ่มลองเสียงนิดหน่อย แล้วไล่นิ้วไปตามโน้ตที่จดเอาไว้
“โหพี่ไผ่เป่าขลุ่ยเก่งนะ” ไวยากรณ์ที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่แต่แรกทำตาพอง แล้วถลามานั่งฟังใกล้ๆ
“ตรงนี้ใส่เสียงขลุ่ยเข้าไปดีกว่า” ริวเสนอทันทีที่ไผ่เป่าจบ ตะวันพยักหน้าเห็นด้วย แล้วก้มหน้าก้มตาจดโน้ต
“พี่ไผ่ๆ เป่าเพลงนั้นหน่อยสิ น้ำตาฟ้าอ่ะ” ไวยากรณ์ขอแล้วขยับเข้าไปนั่งจนเข่าแทบเกยเข่าพสุ พสุพยักหน้ารับอย่างขันๆแล้วหันไปมองตะวัน ตะวันกับธีรดลจึงเล่นนำขึ้นมาก่อนให้พสุรับด้วยเสียงขลุ่ย ไวยากรณ์หันไปหยิบไมค์มาจ่อที่ขลุ่ยให้พสุพร้อมทั้งร้องเพลงไปด้วย
ริวนิ่วหน้า รู้สึกร้อนวาบในอกอย่างบอกไม่ถูก ไม่ชอบที่เห็นไวยากรณ์มานั่งแทนที่เขาแบบนั้น ข้างตัวพสุควรต้องเป็นเขาสิไม่ใช่คนอื่น เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นตรงเข้าไปดึงไมค์ที่จ่อตรงขลุ่ยมาถือให้เอง แล้วนั่งแทรกลงไปจนไวยากรณ์ต้องถอยหนีไม่อย่างนั้นริวคงนั่งทับไปบนตัวเขา
“อะไรเนี่ยริว!” ไวยากรณ์โวยทันทีที่ร้องเพลงจบ ริวก้มหน้างุดแล้วขยับเข้าไปจับชายเสื้อพสุไว้แน่นเหมือนจะขอความช่วยเหลือ
“พอเถอะไวย์ น้องไม่ได้ตั้งใจหรอก” พสุปรามเพราะนึกสงสารที่เห็นริวหน้าจ๋อยๆ
“ไม่ได้ตั้งใจอะไรละพี่ นี่ถ้าผมไม่ถอยนี่คงนั่งตักผมเลยมั้ง จะนั่งทำไมไม่ยกเก้าอี้มา อยู่ๆ ก็มาแทรก” ไวยากรณ์โวยวายต่อ เพราะยังเคืองไม่หายที่ริวแทรกเข้ามาจนเขาเกือบหงายหลังตกเก้าอี้ แถมต้องลุกให้ริวนั่งแทน
“ขอโทษครับ” ริวหันไปไหว้ไวยากรณ์ แล้วก้มหน้างุดๆ เหมือนเดิม สีหน้าจืดจ๋อยด้วยความรู้สึกผิดของริว ทำเอาคนขี้โวยวายพูดไม่ออก แถมพอเหลือบไปมองคนอื่นๆ เห็นทุกคนมองหน้าเขากันหมดไวยากรณ์ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด
สังคมที่เขาผ่านมา มีแต่คนต้องคอยเอาอกเอาใจเพราะเขาเป็นซุปเปอร์โมเดลแถวหน้า แต่ในขณะเดียวกันคนเหล่านั้นก็เหมือนถือมีดไว้ข้างหลังพร้อมจะจ้วงแทงได้ตลอดเวลาถ้าเขาพลาด ไวยากรณ์แม้จะอายุเพียง 19 แต่เขาก็เดินแบบมานาน และรู้ดีว่าแทบจะหาความจริงใจในโลกมายาใบนี้ไม่ได้ ทุกคนล้วนแก่งแย่งแข่งขันกัน ต้องเหยียบข้ามหัวคนอื่นเสมอเพื่อพาตัวเองไปให้ถึงจุดสูงสุด
เมื่อต้องมาเจอกับปฏิกิริยาซื่อๆ ไร้เล่ห์เหลี่ยมของริว ไวยากรณ์เองก็ทำตัวไม่ถูก จะขอโทษก็กลัวจะเสียหน้า แต่จะปล่อยผ่านเลยก็รู้สึกผิดที่เผลอตวาดริวไปซะขนาดนั้น
“เสียงไวย์นี่น่าจะร้องเพลงแนวสนุกๆ ดีนะ หรือไงตะวัน” พสุเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสีย เพราะไม่อยากให้ไวยากรณ์อึดอัดใจไปมากกว่านี้
“อืม...ลองเพลงนี้สิ” ตะวันตอบรับแล้วเริ่มเล่นเพลงใหม่ขึ้นมา ไวยากรณ์จึงทำเป็นลุกไปดูโน้ตที่คีย์บอร์ดเพื่อเลี่ยงที่จะมองหน้าจ๋อยๆ ของริวให้รู้สึกผิดต่อไป พสุลูบหัวริวเบาๆแล้วดึงให้ไปนั่งที่เปียโนด้วยกัน พอเล่นดนตรีไปได้สักครู่บรรยากาศก็กลับมาสนุกสนานเหมือนเดิม...
..................................
-
สิ่งที่กลัวที่สุดตอนนี้คือ......
กลัวน้องริวจะเป็นเมะอ่ะ
ขอน้องริวเป็นเคะนะคะ ได้โปรด.......
น้องริวโชคดีมากมายที่คนที่ตัวเองถูกชะตาด้วย เป็นคนดีขนาดนี้
-
ชอบริวค่ะ ทั้งน่ารักและน่าสงสาร
ลืมตาแล้วมาเปิดคอมอ่านคนเราทำกันได้ :laugh: :laugh: :laugh: :bye2:
-
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
สงสารริว :m15:
พี่ไผ่อบอุ่น อ่อนโยนมากเลย
รักพี่ไผ่ :กอด1:
-
สงสารริวจัง
-
:monkeysad: ดีใจจัง มาต่อไม่ค้างกับความเศร้าความหลังของริวแล้ว
อยู่กันครบทีมก็ดี สนิทกันมากขึ้น แต่ท่าทางนู๋ิริวก็คงยิ่งหวงพี่ไผ่แน่ๆเลย
-
ชีวิตน้องริวตอนเด็ก น่าสงสารจริงๆ
ขวัญเอ๊ย ขวัญมา มามะพี่จะกอดปลอบ
หลังจากนี้ไปชีวิตน้องริวคงจะมีความสุข และอบอุ่นขึ้นนะคะ อิๆก็พี่ไผ่จะช่วยเป็นไออุ่นให้น้องริวเอง
ปล. ยังไงน้องริวจะต้องเมะแน่ๆ คาดว่า อิๆ ^^
-
ตอนที่ 14
วันนี้พสุมีงานเปิดตัวสินค้าในห้างใหญ่จึงออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ตอนแรกริวก็อ้อนวอนจะไปด้วย แต่พสุไม่อยากให้เด็กหนุ่มไปเจอคนมากๆ เพราะเกรงว่าอาจจะไม่สบายอีก จึงไม่ยอมให้ไปด้วยทั้งที่เกือบใจอ่อนตั้งหลายหน ดีว่ากรเวชมาตามริวไปวัดตัวกับทีมคอสตูมซะก่อน พสุจึงไม่ต้องใจร้ายกับเด็กหนุ่มจริงๆ
ทันทีที่ไปถึงงานพสุก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันทีที่เห็นใครบางคนมาร่วมงานด้วย ในฐานะแขกวีไอพี แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ พสุจึงรักษาสีหน้ารื่นเริงสดใสไว้ได้ตลอดเวลา และยังรักษาภาพลักษณ์พ่อลูกแสนสนิทใส่กล้องให้นักข่าวได้สัมภาษณ์และเก็บภาพกันอย่างเต็มที่
“เลิกงานแล้วคุยกันหน่อย” พ่อสั่งเสียงเครียดแค่พอให้ได้ยินกันสองคน ก่อนจะหันไปส่งยิ้มกว้างให้กล้อง
“ครับ” พสุรับคำเสียงเรียบทั้งที่อยากจะถอนใจแรงๆ เขาพอรู้หรอกว่าพ่อจะคุยอะไรด้วย
ทันทีที่งานเลิก พสุก็ตรงดิ่งขึ้นไปยังชั้นบนสุดของโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ ห้างที่จัดงาน เขาแสร้งทำลืมว่าพ่อเช่าห้องที่นี่ไว้เพื่อให้ใครบางคนพักมาหลายเดือนแล้ว
“แกจะฉีกหน้าฉันอีกหรือไงถึงกลับไปร้องเพลง!” เสียงตะคอกนำมาก่อนทันทีที่พสุเปิดประตูเข้าไปในห้อง เด็กสาวร่างอวบที่เดินสวนพสุออกไปยังสะดุ้ง เจ้าหล่อนรีบลนลานออกจากห้องไปแทบไม่ทัน แถมยังปิดประตูให้เรียบร้อย
“คุณเขมชาติเป็นคนเสนอให้ผมไปร้องเพลง ผมไม่ได้ไปสมัคร”
“แล้วมันต่างกันตรงไหนห๋า เสียงทุเรศๆ แบบแก ไม่ว่าจะค่ายดังขนาดไหนมันก็ไม่มีปัญญาทำให้มันฟังเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้หรอก”
พสุยังคงตีหน้าเรียบ ทั้งที่ในอกเจ็บแปลบเหมือนถูกจ้วงแทงด้วยมีดนับสิบๆ เล่ม ทั้งที่เตือนตัวเองไว้แล้วว่าต้องได้ยินคำพูดแบบนี้ แต่กลับไม่อาจทำใจไม่ให้เจ็บปวดได้
“รีบไปขอเลิกสัญญาเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้ามันเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่มาเอาที่ฉัน ฉันยอมฉิบหายดีกว่าต้องทนให้แกฉีกหน้าฉันอีกเป็นหนที่สอง”
“พ่อมีเงินถึง 100 ล้านเหรอครับ ถ้ามีผมก็จะไปถอนสัญญาวันนี้เลยก็ได้”
“เงินบ้าอะไร 100 ล้าน”
“ค่าปรับ 10 เท่าของค่าตัวครับ”
“อย่ามาโกหก นักร้องเสียงห่วยๆ อย่างแก จะมีใครมาทุ่มเงินเป็นสิบๆ ล้านจ้าง” ทั้งที่ปากว่าอย่างนั้น แต่สีหน้าตกใจนั้นบ่งบอกว่าพ่อเชื่อว่าค่าตัวของพสุถึง 10 ล้านจริงๆ
“นั่นสิครับ แต่เผอิญว่าตอนนี้มีแล้ว แถมยังคุยงานกับทีมโปรดิวเซอร์ไปแล้วด้วย ทั้งพี่เผ่า พี่ไมตรีเขาก็...”
“เดี๋ยว! เผ่าไหน? อย่าบอกนะว่าเป็นทรงเผ่า โกล์ดเรคคอร์ด”
“เผอิญว่าใช่ครับ”
“บ้าไปแล้ว ทำไมโปรดิวเซอร์ระดับนั้นต้องมาทำงานกับวงบอยแบนด์ห่วยๆ ด้วย”
สีหน้าริษยาของบิดาทำให้พสุขมขื่นจนแทบหลั่งน้ำตา พ่อโทษมาตลอดว่าเป็นเพราะมีเขา อาชีพการงานของพ่อถึงหายนะ พ่อโทษว่าเขาเกิดมาทำให้พ่อไม่มีคนจ้าง เพราะนักร้องที่มีลูกมีเมียนั้นไม่ได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงอีกต่อไป
พ่อไม่เคยโทษตัวเอง ทั้งที่สิ่งที่พสุได้รับรู้มาจากอดีตผู้จัดการวง หรือเพื่อนร่วมงานของพ่อ คือนิสัยส่วนตัวที่หลงตัวเอง และเอาแต่ใจตัวเองสุดๆของพ่อต่างหาก ที่ทำให้ไม่มีใครอยากร่วมงานด้วย ไม่ว่าพ่อจะเก่งสักแค่ไหน แต่เมื่อขาดคนสนับสนุน ไม่นานพ่อก็กลายเป็นเพียงตำนานที่ยังมีลมหายใจเท่านั้น
“นั่นสิครับทำไม คงเพราะคุณเขมชาติเขาเจ๋งพอมั้งครับ วงบอยแบนด์ห่วยๆ ก็เลยได้โปรดิวเซอร์มือทองมาทำงานให้”
“หึ! ไอ้คนพรรณนั้น มันก็ดีแต่ตามกระแสละสิ คิดว่าเอาดารามาร้องเพลงแล้วจะมีแฟนหนังแฟนละครตามไปซื้อเทปหรือไง เหอะ! ขายได้ถึงหมื่นแผ่นก็เก่งแล้ว”
“สมัยนี้เขาให้โหลดทีละซิงเกิ้ลกันหมดแล้วครับพ่อ มัวรอให้ทำอัลบั้มคงไม่ทันพวกเทปผีซีดีเถื่อนหรอก”
“อย่ามาทำยอกย้อนฉัน!”
“ครับ...แล้วไงครับ ถ้าพ่อไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัว ตอนเย็นวันนี้ผมต้องเข้าไปคุยงานด้วยสิครับ”
“ไสหัวไปเลย อยากไปไหนก็ไป แกมันไอ้ลูกทรพี ดีแต่หาเรื่องมาให้ ฉีกหน้าฉันไม่ได้เว้นแต่ละวัน”
พสุยกมือไหว้พ่อแล้วเดินออกมาเงียบๆ แม้จะได้ยินเสียงขว้างปาข้าวของแตกกระจายตามหลังมาก็ตาม
……………………………..
“พี่ไผ่...” ริวร้องเรียกมาแต่ไกลทันทีที่พสุเปิดประตูห้องเข้าไป พสุชะงักกึก ความรู้สึกหงุดหงิด อึดอัด คับแค้นที่อัดแน่นมาจากข้างนอก ถูกความไม่พอใจกระทบซ้ำจนหมดความอดทน
“นี่มันห้องส่วนตัวพี่นะ! ทำไมถือวิสาสะมาอยู่ในห้องพี่ ห้องริวไม่มีอยู่หรือไง” พสุตวาดออกไปแล้วชะงักเมื่อเห็นหน้าริวถนัด ใบหน้าขาวซีดของเด็กหนุ่ม เหมือนจะซีดยิ่งกว่าเดิม
ริวยืนตัวแข็ง ปากที่เรียกชื่อเขายังอ้าค้างน้อยๆ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะหุบปากลงพร้อมๆ กับหยาดน้ำเม็ดโตๆ ไหลพรากลงมา ริวยกมือไหว้เขาแล้วก้มหน้างุดๆ เดินออกไปจากห้อง
พสุได้สติรีบหันไปคว้าตัวเด็กหนุ่มไว้ แล้วดึงไหล่แข็งเกร็งเพราะเจ้าตัวพยายามกลั้นสะอื้นไว้กลับมา
“โทษทีริว...พี่ขอโทษ...”
“ไม่เป็นไรครับ” ทั้งที่ปากว่าไม่เป็นไร แต่ยังก้มหน้างุดๆ ไม่เงยขึ้นสบตาเหมือนเคย น้ำตายังร่วงจากปลายจมูกโด่งหยดลงบนพื้นไม่ขาดสาย พสุถอนใจเฮือก ดึงหัวกลมๆ มาซุกกับไหล่ แล้วลูบหลังเบาๆ
“พี่ขอโทษนะที่ตวาดริว พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่หงุดหงิดจากข้างนอก แต่ดันมาลงที่ริว ขอโทษนะครับ”
“ครับ...พี่ไผ่ ฮึก!” ริวสะอื้นแรงจนพสุต้องกอดกระชับ แล้วโยกตัวไปมาเพื่อปลอบ ทั้งที่คิดว่าเจอเรื่องหนักหนามาจนเกินจะรับอะไรไหว แต่พอเห็นสีหน้าขาวซีดของริวเมื่อครู่ ความทุกข์ของเขากลับเบาบางลงอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ วันนี้ริวดู...สีหน้าไม่ดีเลย”
“พี่ไผ่...ริวไม่อยากเป็นแบบนี้ ริว...พยายามจะอดทนแล้ว แต่ริวทนไม่ไหวจริงๆ นะ”
“ไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อยเร็ว”
วันนี้ทีมคอสตูมมาวัดตัวริวตามที่กรเวชนัดไว้ แต่ปัญหามาเกิดเมื่อเด็กหนุ่มทนให้วัดตัวไม่เสร็จก็อาเจียนออกมาซะก่อน ริวรู้สึกผิดที่ตัวเองอดทนไม่พอ ขณะที่กรเวชแก้ตัวให้ว่าเด็กหนุ่ม ไม่สบาย ทางทีมคอสตูมจึงจะกลับมาวัดตัวริวอีกครั้งในวันพรุ่งนี้พร้อมพสุ
“ริวรู้ว่าเขาไม่ใช่พวกนั้น แต่ริว...ริวทนไม่ไหว มันขยะแขยง มันหายใจไม่ออก...ริวจะทำไงดีครับพี่ไผ่...ริวไม่อยากเป็นโรคจิตแบบนี้เลย”
“ริวครับ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ริวแค่ฝังใจกับเรื่องร้ายมากเกินไป...ริวก็เหมือนกับคนที่ กลัวที่สูง กลัวที่แคบ กลัวความมืด อะไรแบบนั้นแหละ เพียงแต่สิ่งที่ริวกลัวคือการสัมผัสของคนอื่นเท่านั้นเอง ถ้าริวค่อยๆปรับตัวไป พี่ว่าอีกหน่อยริวก็หาย ไม่อย่างนั้นริวจะทนให้พี่กอดได้เหรอ...ริวรังเกียจพี่ไหมละครับ”
“ไม่ๆ ริวไม่รังเกียจพี่ ริวชอบให้พี่กอด เวลาพี่กอดแล้วริวอุ่นใจ”
“นั่นแหละ ถ้าริวค่อยๆ ฝึกอดทนไปเรื่อยๆ พี่ว่าอีกหน่อยริวก็จะปรับตัวได้เอง แล้วริวก็จะหายเกลียดสัมผัสได้ เชื่อพี่สิ”
“ครับ...แล้ววันนี้พี่ไผ่ไปเจอเรื่องหงุดหงิดอะไรมาเหรอ” ริวเงยหน้าขึ้นมาถาม ทั้งที่น้ำตายังค้างอยู่บนขนตายาว แต่สีหน้าห่วงใยที่ส่งมาถึงทำให้พสุอดจะลูบหัวเด็กหนุ่มไม่ได้
“หายแล้วละครับ พอเห็นริวร้องไห้ พี่ก็หายหงุดหงิดแล้วล่ะ”
“ทำไมละครับ”
“ก็พี่ต้องหายหงุดหงิดเร็วๆ เพื่อมาปลอบเด็กขี้แยนะสิ”
“ฮื้ออออ...ริวโตแล้ว”
“หึหึ...จริงนะ งั้นคืนนี้นอนคนเดียวได้แล้ว ริวโตแล้วก็ต้องไม่กลัวผีสิ”
“งั้นริวยังเป็นเด็กก็ได้” ริวรีบยอมรับแต่อย่างนั้นก็ยังทำปากยื่นแก้มพองอย่างขัดใจ พสุหัวเราะก๊าก อดดึงแก้มกลมๆ เล่นไม่ได้
หลังจากแยกย้ายกันไปอาบน้ำ พสุก็กลับมานั่งประจำที่หน้าคีย์บอร์ดเหมือนเคย ริวตามมานอนพังพาบเล่นโน๊ตบุ๊คอยู่ที่ข้างเก้าอี้ ทำให้พสุต้องคอยระวังเวลาจะลุกขึ้นเพราะกลัวจะเผลอไปเหยียบเด็กหนุ่มเข้า การที่ริวชอบอยู่ใกล้ๆเขา พสุคิดว่าเป็นเพราะเด็กหนุ่มคงขาดความอบอุ่นนั่นเอง
กระดาษใบหนึ่งปลิวหล่นจากคีย์บอร์ดของพสุลงมาข้างๆ ริวหยิบมาดูอย่างสนใจก่อนจะส่งกระดาษโน้ตคืนให้พสุ
“เพลงอะไรเหรอพี่”
“มากกว่ารัก...เคยฟังไหม?” พสุเหลือบมองโน้ตแวบเดียวก็บอกได้ เพราะเพลงนี้ก็เป็นเพลงโปรดที่เขาชอบเล่นประจำ
“พี่ร้องให้ฟังหน่อยสิ”
http://www.youtube.com/watch?v=3fgnEw0ln7A (http://www.youtube.com/watch?v=3fgnEw0ln7A) กรุณากด ฟังเรียกน้ำลาย เอ๊ย! น้ำตา
ก่อนเคยเหงา เคยรู้สึกเหว่ว้า
เคยมองหาความรักนั้นมันอยู่ที่ใด
โลกใบใหญ่เหลือเกิน มีผู้คนอยู่มากมาย
แต่หัวใจมันกลับเหงาขึ้นทุกที
ริวกระพริบตาถี่ๆ ลุกขึ้นมานั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
แต่เมื่อฉันได้พบกับเธอ
สิ่งที่เธอให้ฉันไม่รู้มันคืออะไร
โลกใบใหญ่ใบเดิม กลับไม่เคยต้องเหงาใจ
แค่ฉันนั้นยังมีเธออยู่ตรงนี้
**เธอเป็นมากกว่ารัก เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต
ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหาและรอคอยเธอมาแสนนาน
และสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่างที่เติมเต็มหัวใจ
จากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ**
ริวเงยขึ้นมองหน้าพสุค้าง รู้สึกเหมือนเนื้อเพลงนี้คือคำพูดทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ในใจ โลก...ที่เปลี่ยนไปเมื่อได้เจอพสุ
หากว่าเธอนั้นคือความรัก
ก็เป็นรักที่ดีจนไม่มีคำบรรยาย
ฉันโชคดีเหลือเกิน ที่มีเธอเดินข้างกาย
ชีวิตนั้นได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย
**เธอเป็นมากกว่ารัก เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต
ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหาและรอคอยเธอมาแสนนาน
และสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่างที่เติมเต็มหัวใจ
จากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ**
“อ้าว! ร้องไห้ทำไมริว”
เด็กหนุ่มไม่ตอบ แต่สะอื้นแรงจนพสุต้องลุกจากคีย์บอร์ดมานั่งข้างๆแล้วลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ ริวเอียงหัวซบหน้ากับไหล่พสุแล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม จนชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้เด็กหนุ่มยืมไหล่เขาเป็นที่เช็ดน้ำตา
“เพลงนี้...เพราะจัง...” ริวกระซิบเสียงยังติดสะอื้นอยู่น้อยๆ พสุถึงกับหลุดหัวเราะพรืด ตอนแรกเขาใจหายคิดว่าเด็กหนุ่มมีปัญหาอะไรที่แท้ก็อินกับเพลงแค่นั้น
“ใจหายหมด นึกว่ามีเรื่องอะไรทุกข์ใจเสียอีก”
“พี่ไผ่...อัดเสียงไว้ให้ริวทีสิครับ”
“เดี๋ยวพี่ไรท์ต้นฉบับมาให้”
“ไม่เอาอ่ะ ริวอยากได้เสียงพี่ไผ่”
“เอางั้นเหรอ” พสุถามงงๆ แต่เห็นสายตาเชื่อมั่นของริวแล้วก็อดยิ้มให้ไม่ได้
“ครับ”
“งั้นริวเล่นคีย์บอร์ดให้พี่หน่อยก็แล้วกัน” พสุบอกยิ้มๆ เขาแน่ใจว่าริวต้องเล่นเพลงนี้ได้เพราะพสุเคยทึ่งกับความสามารถนี้ของริวมาแล้ว
คืนนั้นดูเหมือนริวจะฟังเพลงที่พสุอัดเสียงไว้ให้ซ้ำไปซ้ำมาทั้งคืน เพราะพสุตื่นขึ้นมาตอนไหน ก็เห็นริวใส่หูฟังนั่งเล่น โน้ตบุ๊คอยู่บนที่นอนของตัวเอง พสุอยากจะเตือนให้เด็กหนุ่มนอน แต่เห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจขนาดนั้น คงจะเล่นเกมเพลินตามประสาเด็กติดเกม อีกอย่างวันพรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรมากกว่าวัดตัวตอนสายๆ พสุจึงปล่อยให้เด็กหนุ่มเล่นเกมต่อไป
.................................
-
ตอนที่สงสารพี่ไผ่ค่ะ น้องริวยังน่ารักเหมือนเดิม :L2: :L2:
-
o13 o13 :z2: :z2:
-
:L1:
-
ชอบเพลงนี้มาก ๆ เหมือนกัน
//พสุจะรักริวมั้งไมน่า
-
อา....... :o8:
ตกหลุมรักเรื่องนี้เข้าแล้ว :impress2:
จะเป็นไรมั้ยคือ.....
อยากให้ริวเป็นเมะหงะ
ก็ทั้งสรีระ ความรู้สึกหลงใหล ความห่วงหวง
มันชวนให้จิ้นดี
แล้วรีบมาต่อเร็วๆนะไรเตอร์ :กอด1: :L2:
-
ถึงว่าพี่ไผ่ไม่อยากกลับบ้าน เป็นเค้ามีพ่อแบบนี้ก็คงไม่อยากเจอเหมือนกันนะเนี่ย
ว่าของริวน่าสงสาร พี่ไผ่ก็น่าสงสารอ่ะ มีอดีตที่ไม่สวยงามกันทั้งคู่เลย
ชอบที่เขียนมากเลยค่ะ แล้วมาอัพทุกวันด้วย ดีใจค่ะ เข้ามาดูทุกเช้าเลย
สู้ๆ ขอแบบน่ารักๆนะค่ะ อยากให้ปัจจุบันของทั้งสองคนสนใส มีแต่ความสุข
ชดเชยกับเรื่องในอดีตค่ะ
-
:-[ ชอบเพลงนี้ มากกว่ารัก.... เนื้อหาเหมือนตัวพี่ไผ่เลย
โลกไม่เหงียบเหงาอีกต่อไปทั้งริวและไผ่นะ เพราะต่างคนหากันจนเจอแล้ว
:L1:
-
ชอบเรื่องนี้มากมายอ่ะ
ไรเตอร์เก่งมากเลย
แต่งได้สนุกสุดๆ
พยายามเข้านะ
จะติดตามจนจบเลย
เราติดเรื่องนี้งอมแงมเลย
เพราะฉะนั้นไรเตอร์ต้องแต่งให้จบนะ
ปล. รักไรเตอร์ที่สุดเลย
-
อ่านรวดเดียว 14 ตอนเลย
ชอบมากๆเนื้อเรื่องดำเนินไปไม่ติดขัดเลย
อ่านตอน 12 13 แล้วแทบจะร้องไห้ออกมาเลย
อยากอ่านต่อเร็วๆจังค่ะ
-
ชอบเรื่องนี้จริงๆอ่ะ
พสุกับริวๆ น่ารักมากๆ :m3:
รู้สึกติดใจตะหงิดๆยังไงกับไวย์ไงไม่รู้สิ :m21:
มาต่อเร็วๆน้า รออยู่คร้าบ :L2:
-
จะเป็นไงต่อน้า อิอิ :o8:
:L2:
-
:L2: :L2: :L2:
-
อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะ ติดตามตลอดแหละ
ก็เค้าอ่านในมือถือเลยเม้นไม่ได้อ่ะ
เอาใจช่วยนะคะ :กอด1:
ชอบตอนที่พี่ไผ่ลูบหัวริวอ่ะ อบอุ่นอ่อนหวานดีจัง :-[
-
ตามอ่านจนทัน สนุกน่าติดตาม
แปลกจากเรื่องอื่น
:pig4:
-
มีคนลุ้นน้องริวเป็นทั้งเมะ ทั้งเคะ เลย เจ๊คนเขียนเค้าจะเลือกข้างไหนเนี่ย :z1:
ตอนที่ 15
คงเพราะมีพสุอยู่ด้วย เช้าวันนี้ริวถึงอดทนจนวัดตัวเสร็จสิ้นไป เด็กหนุ่มพาหน้าขาวซีดขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วถึงกลับลงมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง พสุที่กำลังถูกวัดตัว เหลือบมามองหน้าซีดๆของริวอย่างเห็นใจ
“โอเคค่ะ เรียบร้อยแล้ว แล้วพอเสื้อผ้าเสร็จพี่จะเอามาให้ลองกันอีกที” พี่นกเล็กบอกแล้วส่งอุปกรณ์วัดตัวให้พนักงานที่ร้านเก็บ ปกติแค่ส่งพนักงานมาวัดก็พอ แต่งานนี้เขมชาติจ่ายให้เธอสูงลิบจนเธอต้องมาดูแลด้วยตัวเอง เพื่อให้สมบูรณ์แบบที่สุดตามที่เขมชาติต้องการ
“ทำอะไรกันอยู่คร๊าบบบบบ” ไวยากรณ์ ตะวัน และธีรดล ลงมาจากชั้นบนด้วยกัน ก่อนที่ทุกคนจะไหว้พี่นกเล็กเจ้าของห้องเสื้อดังที่มาทำหน้าที่คอสตูมให้ พี่นกเล็กหันไปคุยกับไวยากรณ์เพลินระหว่างรอลูกน้องเก็บของไปใส่รถ ขณะที่พสุ ตะวันและธีรดลนั่งดูตารางงานอยู่กับกรเวช
“ไงไอ้หนูริว!” เสียงทักดังลั่นอย่างแกล้งให้ตกใจนั้นไม่เท่ากับแขนล่ำๆ ของพี่ไมตรีที่สอดมาล็อคคอริวแล้วเหวี่ยงไปมาเล่น
ริวสะดุ้งสุดตัว ดวงตาเบิกกว้างค้าง ก่อนจะเกร็งแข็งไปทั้งร่าง
“อย่าพี่!” พสุร้องห้ามเสียงหลง แล้วรีบวิ่งเข้ามาแต่ช้าไป
“ไม่ๆๆ...แม่!” ริวแผดเสียงลั่น แล้วสะบัดตัวเต็มแรง ไมตรีเซถลาเกือบล้ม ขณะที่ทุกคนในห้องยืนตะลึงเมื่อริวทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นแล้วกุมคอตัวเองไว้แน่น ดวงตาเบิกค้างมีน้ำตาไหลพรากลงมา เด็กหนุ่มพยายามจะสูดอากาศเข้าไป แต่กลับเหมือนหายใจเข้าไปไม่ได้จนหน้าเขียว
พสุตรงเข้าไปรวบตัวริวเข้ามากอด แล้วลูบหลังให้
“ริวหายใจ! หายใจสิครับ...ไม่มีอะไรแล้วริว...พี่อยู่นี่...ได้ยินไหม” พสุทำเสียงปลอบทั้งที่ร้อนใจ เกรงว่าริวจะขาดอากาศไปซะก่อน ริวสูดหายใจแรง ก่อนจะไอโขลก หน้าขาวจนเกือบเขียวเริ่มมีสีเลือด เด็กหนุ่มคู้ตัวลงจนศีรษะเกือบติดพื้นขณะที่พสุยังคงปลอบไม่หยุด
“ไม่เป็นไร...มันผ่านไปแล้ว พี่อยู่กับริวนะ พี่อยู่ตรงนี้”
“พี่! พี่ไผ่...ช่วยด้วย!” เด็กหนุ่มสะอื้นพลางขดตัวเข้าไปในอ้อมแขน ไผ่กอดริวไว้แน่นพอเงยขึ้นมาเห็นสายตาตื่นตระหนกของทุกคน ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นปรามแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงเตือนไม่ให้ใครเข้ามาใกล้
“ไวย์ เร่งแอร์ให้พี่หน่อย เอาแบบเย็นที่สุดเลย” พสุสั่งเสียงเรียบราวกับไม่มีเรื่องราวอะไร
“ครับ” ไวยากรณ์ที่ยืนตะลึงได้สติ รีบวิ่งไปเร่งแอร์ ขณะที่ตะวันลุกไปหยิบผ้าเย็นในตู้เย็นมาส่งให้พสุ พนักงานสองคนจากร้านพี่นกเล็ก โผล่เข้ามาพอดี พอเห็นพสุกอดริวอยู่บนพื้นก็หันไปมองหน้ากันเลิกลัก พี่นกเล็กถึงได้สติ รีบไปไล่ให้คนของตัวเองออกไปรอที่รถก่อนจะขอตัวกลับไป
พสุประคองริวขึ้นไปนอนบนโซฟา ก่อนจะใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าเช็ดคอให้เด็กหนุ่มรู้สึกว่าหมดรอยสัมผัส เด็กหนุ่มขดตัวซุกหน้ากับตักของพสุขณะที่แขนกอดรัดเอวเขาไว้แน่น
กรเวชให้สัญญาณคนอื่นๆ แล้วพากันออกไปที่ห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกัน
“ริวเป็นอะไรเหรอพี่” ไวยากรณ์โพล่งออกมาทันทีที่กรเวชปิดประตูห้อง
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“อ้าว!” ทุกคนอุทานออกมาพร้อมกัน แล้วต่างหันไปสบตากันอย่างงุนงง
“พี่รู้แค่ว่า ริวเกลียดการถูกสัมผัสเพราะเคยถูกทำร้ายตอนเป็นเด็ก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นมากขนาดนี้...”
กรเวชตอบออกมาในที่สุดหลังจากนิ่งอยู่นาน เพราะไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้ควรเปิดเผยให้คนอื่นๆ รู้ดีหรือไม่ แต่ในเมื่อต้องทำงานร่วมกันอีกนาน การบอกความจริงให้ทุกคนรู้น่าจะเป็นผลดีต่อริวมากกว่า
“แล้วอย่างนี้ริวจะทำงานได้ยังไง” ทรงเผ่าเอ่ยขึ้นมาบ้างหลังจากที่นิ่งดูเหตุการณ์อยู่ตลอด เป็นนักร้อง แต่เกลียดการสัมผัส จะเป็นไปได้ยังไงที่ริวจะร้องเพลงโดยไม่ให้แฟนเพลงถูกตัวเขา หรือแค่เรื่องแต่งหน้าทำผมก็มิกลายเป็นปัญหาใหญ่อีกหรืออย่างไร
“ริวทำงานได้ครับ เพียงแค่อย่าไปเล่นกับเขาแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวแบบวันนี้เท่านั้น” พสุที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาบอกเสียงเรียบ
“โทษทีนะไผ่ แล้วริวเป็นอะไรมากไหม” ไมตรีถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เพราะยังตกใจกับอาการของริวไม่หาย
“คงตกใจครับ...แต่ได้พักสักครู่ เดี๋ยวตื่นก็ดีขึ้นเอง”
ทุกคนเหลียวมองหน้ากัน ก่อนจะถอนใจยาวพร้อมๆ กันราวกับนัด
“พี่เผ่าเข้ามาที่นี่ มีอะไรหรือเปล่าครับ” พสุหันไปถามทรงเผ่าเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้ริวถูกมองว่าเป็นตัวปัญหาแม้เขาเองจะหนักใจกับเรื่องนี้อยู่ก็ตาม
“อ้อจริง! พี่เอาเพลงแรกมาให้...ของ..ไวย์” ทรงเผ่าเว้นระยะให้ตื่นเต้นแล้วส่งซองเอกสารให้ไวยากรณ์
“เย้! ผมได้เพลงคนแรกเลยเหรอ” ไวยากรณ์รับซองเอกสารไปเปิดดูอย่างตื่นเต้น ในนั้นมีทั้งโน้ตเพลงและแผ่นที่น่าจะเป็นเดโม่เพลง
ตะวันผุดลุกขึ้น แล้วเดินดุ่มๆออกไปจากห้อง ทำให้ทรงเผ่ากับไมตรีหันมองหน้ากันอย่างไม่สบายใจนัก
“ตะวันไม่ได้โกรธพวกพี่หรอกครับ สงสัยจะไปเอาเพลงที่แต่งมาให้ดูมากกว่า” พสุรีบชี้แจงเพราะเกรงจะเข้าใจผิด สองโปรดิวเซอร์จึงมีสีหน้าโล่งใจ
“ไผ่...ริวตื่นแล้วแต่สีหน้าไม่ดีเลย”
ตะวันกลับเข้ามาพร้อมกับประโยคบอกเล่าที่ทำเอาพสุรีบออกไปแทบไม่ทัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอาโน้ตเพลงที่ถือมาส่งให้ทรงเผ่าดู
“ผมกำลังแต่งเนื้อร้อง คิดว่าคงเสร็จพรุ่งนี้”
ตะวันบอกเสียงเรียบ เป็นการบอกเล่าไม่ใช่การปรึกษาหรือขอความเห็นใดๆ ความมั่นใจเกินร้อยแบบนี้ เคยทำให้โปรดิวเซอร์บางคนหมั่นไส้ตะวันถึงขนาดไม่ยอมร่วมงานด้วยมาแล้ว...แต่ไม่ใช่ทรงเผ่า
ทรงเผ่าเป็นพวกชอบคนเก่ง เขามักมองคนที่ผลงานมากกว่าจะใส่ใจเรื่องส่วนตัวหยุมหยิม
“เพลงรวมเหรอ?”
“ครับ”
“จะเล่นสดให้พี่ฟัง หรือจะทำเป็นเดโม่มาล่ะ” ทรงเผ่าถามขณะกวาดตาไปตามตัวโน้ต
“เดี๋ยวผมทำเป็นเดโม่ดีกว่าครับ”
ทรงเผ่าพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เป็นจังหวะเดียวกับที่พสุเดินนำริวเข้ามาในห้อง
“ขอโทษครับพี่ไมตรี” ริวยกมือไหว้ขอโทษไมตรีด้วยใบหน้าที่ยังซีดเซียว
“พี่สิต้องขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ริวตกใจขนาดนั้นเลยนะ...ตอนนี้เป็นไงบ้าง หน้ายังซีดอยู่เลย” ไมตรีที่ผุดลุกขึ้นจะจับไหล่ริว รีบหดมือกลับเมื่อนึกขึ้นมาได้ จึงทำได้เพียงมองเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิดไม่หาย
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ อีกสักพักก็หาย” ริวยกมือขึ้นลูบหน้า เห็นได้ชัดว่ามือเด็กหนุ่มยังสั่นอยู่
ธีรดลสะกิดไวยากรณ์ให้เขยิบที่ให้พสุกับริวนั่ง ไวยากรณ์จึงลุกไปนั่งกับธีรดลที่เก้าอีกตัวยาว ปล่อยให้พสุกับริวนั่งด้วยกันตามลำพัง
พอเห็นว่าทุกคนมาครบ ทรงเผ่าจึงชี้แจงเรื่องเพลงที่กำลังจะทยอยออกมา เพราะครั้งนี้แม้จะมีทรงเผ่าและไมตรีเป็นโปรดิวเซอร์หลัก แต่เขมชาติก็ติดต่อนักแต่งเพลงฝีมือฉกาจไว้หลายคน จึงเลือกเพลงที่น่าจะเหมาะกับแต่ละคนไว้ให้แล้ว เหลือแต่ของพสุที่ทรงเผ่าสัญญาว่าจะทำให้เอง เพียงแต่ขอเวลาอีกสักหน่อย
ระหว่างที่ทรงเผ่ากำลังพูดถึงเพลงที่แต่งมาให้ไวยากรณ์นั้น ริวก็เหลือบไปมองพสุ เห็นชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาดูโน้ตเพลงใหม่ของไวยากรณ์อย่างสนใจ แต่ริวอดสงสัยไม่ได้ว่า พสุจะรู้สึกอย่างไร ที่เป็นหัวหน้าวงทั้งที แต่ยังไม่ได้เพลงของตัวเอง
พสุเองก็กำลังคิดเรื่องนี้ เขาไม่ได้เสียใจเรื่องยังไม่ได้เพลง แต่เสียใจที่ความสามารถด้านการร้องของเขาด้อยกว่าทุกคน ที่ทรงเผ่าต้องแต่งเพลงให้เขาเอง... คงเพราะนักแต่งเพลงคนอื่นไม่กล้าแต่งเพลงให้คนเสียงไม่ดีอย่างเขาร้องมากกว่า...
“ใครมีอะไรเสนอก็บอกมาได้เลยนะ รวมถึงเพลงนี้ด้วยนะไวย์ ถ้าไวย์หรือคนอื่นๆคิดว่าน่าจะแก้ไขอะไรก็ขอให้บอกมาเลย” ทรงเผ่าเปิดทางอย่างคนใจกว้าง เขาต้องการแต่งานที่ดีที่สุด โดยไม่สนว่างานจะออกมาจากสมองของใคร และไม่ห่วงว่าผลงานของคนอื่นจะเกินหน้าเกินตา มุมมองแบบนี้ทำให้ทรงเผ่ากลายเป็นโปรดิวเซอร์ที่ใครๆ ก็อยากทำงานด้วย หลังจากที่สรุปงานกันเสร็จ ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน
พอขึ้นมาถึงห้องริวก็ตรงไปหยิบเครื่องเล่นเพลงของตนเองมายื่นให้พสุ
“อะไรริว?”
“ริวแต่งทำนองเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งเนื้อร้องภาษาไทย...พี่ลองฟังสิ”
“หืม ทำเดโม่มาแล้วเหรอ?” พสุรับหูฟังจากริวแล้วนั่งลงฟังข้างๆ ริวจ้องเขม็งอย่างลุ้นเต็มที่ ที่ผ่านมาเขาแต่งเพลงตามความพอใจของตนเอง อยากใส่อะไรก็ใส่ แต่เพลงนี้เขาแต่งให้พสุ จึงอดลุ้นไม่ได้ว่าพสุจะชอบมันหรือเปล่า
“เป็นไงครับ...ใช้ได้ไหม?” ริวถามทันทีที่พสุถอดหูฟังออก แล้วมองโน้ตเพลงนิ่งงัน
“ใช้ได้เหรอ...ไม่ล่ะ...มันไม่ใช่แค่ใช้ได้...แต่มันดีมากๆเลยต่างหาก เพราะมากเลยริว” พสุเงยหน้าขึ้นมาจ้องริวด้วยสายตาทึ่งจัด ตอนแรกริวหน้าเสียแต่พอได้ฟังประโยคถัดมาเด็กหนุ่มยิ้มหน้าบาน
“ริวดีใจที่พี่ชอบ”
“ชอบสิ ชอบมากๆ เพราะจริงๆนะริว แล้วจะเอาไปให้พี่เผ่าเมื่อไหร่...พี่ว่าพี่เผ่าต้องชอบแน่ๆ”
“ยังครับ เอามาให้พี่ฟังก่อน ถ้าพี่ชอบถึงจะเอาไปให้พี่เผ่า”
“เอาไปเลยริว เชื่อสิว่าพี่เผ่าต้องชอบ เผลอๆ แกจะรีบแต่งเนื้อร้องให้เลยด้วยซ้ำ”
“ริวอยากให้พี่แต่งเนื้อร้อง”
“อ้าว!...ทำไมล่ะ พี่เผ่าแหละดีแล้ว แกเป็นมืออาชีพ พี่มันแค่มือสมัครเล่นเอง” พสุรีบออกตัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จริงอยู่ว่าเขามีฝีมือทั้งเล่นดนตรีและแต่งเพลง แต่พสุก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีประสบการณ์ด้านนี้มากนัก เทียบกับทรงเผ่าแล้วเขาก็แค่เด็กอนุบาลเท่านั้น
“แต่ริวแต่งเพลงนี้ให้พี่นะ”
“แต่งให้พี่?”
“ครับ จริงๆ ก็แต่งเนื้อร้องไว้แล้ว แต่ไม่รู้พี่จะชอบไหม” ริวพูดพร้อมกับส่งกระดาษโน้ตให้พสุ เนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่เขียนด้วยลายมือตัวป้อมๆ อ่านง่าย
ริวขยับเข้ามาใกล้ หยิบหูฟังข้างหนึ่งจากพสุมาใส่ แล้วเมื่อจบอินโทรท่อนแรก เสียงทุ้มกังวานก็ร้องคลอไปกับดนตรี
พสุทำตาโตมองเด็กหนุ่ม คำชมชะงักค้างอยู่ในลำคอเมื่อตาสบกัน...
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนโดนดึงหลุดเข้าไปในเพลงของริว ความหมายซึ้งๆ อ้อนๆ ของคนที่แอบหลงรักและเฝ้าละเมอหาคนที่รัก...รักจนแทบอยากจะกลืนกินไว้ในอก...อยากจะเก็บซ่อนคนที่หลงรักไว้ไม่ให้โลกเห็น แต่ในความเป็นจริงกลับทำได้เพียงแค่เฝ้ามอง และรอคอยให้อีกฝ่ายยอมมองกลับมาบ้าง สักครั้ง....
สรรพเสียงรอบตัวเหมือนเงียบหายไปหมด มีเพียงเสียงดนตรีในหูข้างซ้าย และเสียงทุ้มนุ่มจากคนตรงหน้าที่สอดประสานกันอย่างไพเราะ กับความหมายของทุกถ้อยคำที่ทำให้พสุเหมือนจะหายใจไม่ออก ขยับตัวไม่ได้ น้ำเสียงออดอ้อนวิงวอนนั้นทำให้เขาใจสั่นอย่างประหลาด....เขาเชื่อว่าไม่ว่าผู้หญิงคนไหนถ้าถูกริวขอความรักด้วยน้ำเสียงและแววตาแบบนี้ ไม่แคล้วต้องยอมใจอ่อนทุกราย
“...เอ่อ...แฮ่ม...พี่ว่าริวร้องเพราะออก ทำไมไม่ร้องเองเลยล่ะ” พสุกระแอมเบาๆ เพื่อหาเสียงที่เหมือนจะหายไปดื้อๆ กลับมา
“ก็ริวแต่งมาให้พี่ พี่ไผ่ต้องลองร้องแล้วจะรู้ว่ามันเหมาะกับเสียงพี่มากกว่าริว”
“เหรอ...เออ แล้วริวแต่งตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” พสุถามพลางพลิกกระดาษโน้ตไปมา เพื่อรวบรวมสติที่กระเจิด กระเจิงกลับมา นึกรำคาญตัวเองที่จู่ๆ ก็รู้สึกเขินริวขึ้นมาดื้อๆ จนไม่กล้าสบตาเด็กหนุ่ม
“เมื่อคืนนี้ครับ”
“อ้าว! พี่นึกว่าริวเล่นเกมเสียอีก”
ริวยิ้มไม่ได้อธิบายว่าจริงๆ เขาก็เล่นเกม แล้วเกมเมื่อคืนเขาได้กำไรมาหลายล้านเหรียญ แต่นั่นเป็นเพียงเงินขวัญถุงเล็กๆ เท่านั้น ยังมีบางเกมที่จะได้รับแบบจุใจในคืนนี้เมื่อตลาดดาวน์โจนส์เปิด
“แต่งเพลงอยู่จนดึกนี่เอง มิน่าเมื่อเช้าตาแดงเป็นกระต่ายเลย ไปนอนไป เดี๋ยวพี่จะลองเกลาเนื้อเป็นภาษาไทยให้” พสุขยี้ผมเด็กหนุ่มเบาๆ อย่างเอ็นดู ริวยิ้มจนตาหยี เขยิบเข้ามานั่งพิงเตียงเหมือนพสุ แล้วเอนหัวลงไปวางบนไหล่หนา
พสุยกมือขึ้นวางบนหัวกลม แล้วลูบผมนุ่มเล่นอย่างเผลอๆ ขณะหูฟังดนตรีตาก็กวาดตามเนื้อร้อง ยิ่งฟังก็ยิ่งทึ่งจนขนลุก ถึงจะเห็นเด็กหนุ่มเขียนโน้ตเพลงอยู่บ้างแต่ไม่คิดว่าจะเพราะขนาดนี้ พสุฟังซ้ำไปซ้ำมาพลางนึกเทียบคำเหล่านั้นกับภาษาไทย เขาอยากแปลงเนื้อเพลงนี้แบบไม่ให้ความหมายเปลี่ยน เพราะรู้สึกว่าเนื้อร้องกับทำนองมันเข้ากันได้ดีเสียจนไม่กล้าจะแก้ไข
………………………………
วันรุ่งขึ้นพสุกับริวเอาเดโม่ไปให้ทรงเผ่าฟัง ส่วนเนื้อเพลงภาษาอังกฤษนั้น ริวขอให้พสุเก็บไว้ก่อน
ทรงเผ่าก็ทึ่งกับเพลงนี้มากเช่นกัน ตอนแรกทรงเผ่าก็คิดจะให้ไมตรีไปแต่งเนื้อร้องมาให้ แต่เห็นอาการขยุกขยิกๆ ของริวก็อดจับตามองไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่า ริว ไผ่?”
“ผมว่าจะลองแต่งเนื้อเพลงภาษาไทยมาให้ครับ พอดีว่าริวแต่งเนื้อภาษาอังกฤษไว้แล้ว” พสุบอกเสียงเบาอย่างเกรงใจทรงเผ่า ทั้งยังอดกังวลไม่ได้ว่าถ้าเขาแต่งออกมาไม่ดีจะทำให้เพลงดีๆ เสียไปหรือเปล่า เพราะเขาก็ไม่ใช่มืออาชีพ แต่จะไม่ทำ ก็ไม่ได้ เพราะรับปากริวไว้แล้ว
“เออดี ลองดูๆ แล้วยังไงค่อยเอามาดูกันอีกทีก็ดี” ทรงเผ่าตอบรับทันที เขาชอบให้นักร้องมีส่วนร่วมในงานของตัวเองมากๆ เพราะมันจะแสดงความเป็นตัวตนออกมาได้ชัดกว่าที่จะให้คนอื่นเตรียมทุกอย่างไว้ให้หมดแล้วมีหน้าที่มาร้องเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทอง
“ครับ”
ทันทีที่สองหนุ่มลับตัวไป ไมตรีก็ปราดเข้ามาเปิดเดโม่ของริวอีกครั้ง
“พี่เผ่า...ผมว่าริวนี่มันไม่ธรรมดา”
“อืม... เพลงนี้ก็ไม่มีตำหนิอะไรให้แก้เลย...มันสมบูรณ์แบบจนไม่น่าเชื่อว่าไอ้หนูนี่จะเป็นมือสมัครเล่น”
“แต่ผมว่าคีย์มันสูงไปนิดนะพี่” ไมตรีนิ่วหน้าเมื่อฟังดนตรีไปเรื่อยๆ
“พี่ก็ว่าสูง...แต่ถ้าคิดถึงเสียงของไผ่ อาจจะพอดีก็ได้ ต้องรอดูก่อนว่าพอไผ่ร้องจะออกมาเป็นยังไง”
“เพลงออกจะเพราะ ทำไมเจ้าหนูริวถึงให้ไผ่ร้องไม่รู้นะพี่ น่าจะเอาไว้ร้องเอง รับรองเกิดแน่”
“ไม่ดีเหรอ เด็กๆ มันรักกันสามัคคีกันแบบนี้ ดีออก”
“ไม่ชินมั้งพี่ เคยเจอแต่ประเภทแย่งกันร้อง ชิงกันเด่น มาเจอแบบนี้แล้วรู้สึกแปลกๆ ไงไม่รู้”
“ให้มันรักมันสามัคคีกันแบบนี้ไปตลอดเถอะวะ อย่าให้ชื่อเสียงเงินทองมาทำให้แตกคอกันเหมือนวงอื่นๆ เลย”
……………………………………………………
-
อบอุ่นอ่อนหวานอ่อนไหว :m1:
ปล.แอบคิดถึงอลันอ่ะ
-
ยังไม่ทันได้อ่านเลยค่ะ.แต่มาเม้นไว้ก่อนเดี๋ยวไม่มีเน็ตให้เม้น.ขอบคุณค่ะ :กอด1: :กอด1:
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ.
สู้ๆค่ะ :L1: :L1:
-
อ๊าย.............. ชอบความหมายของเพลงจังเลยค่ะ
อ่านแล้วอายแทน เขินจัง ><
ดีใจในที่สุดพี่ไผ่ก็หวั่นไหว
แต่.............. ทำไม ตอนนี้มัน.... มัน...
โดยเฉพาะฉากที่บรรยายถึงความหมายของเพลง พี่ไผ่ถึงเคะจังเลยอ่า
เค้าไม่ยอมน้า T_T
-
คู่นี้เขา น่ารักและอบอุ่นจัง :o8: :o8:
รักน้องริวกับพี่ไผ่ :mc4: :bye2:
-
ลุ้นไปกับไรเตอร์อ่ะ ใครจะเป็นฝ่ายไหนก็ไม่รู้ แต่น่ารักมากๆ
พี่ไผ่ก็น่ารัก ยิ่งน้องริวนี้แบบอยากเข้าไปกอดแต่ก็ให้พี่ไผ่กอดแทนดีกว่า
สู้ๆนะค่ะ รออ่านทุกวันค่ะ
-
:-[ นู๋ริวทำเอาพี่ไผ่เขินซะแล้ว ร้องเพลงที่แต่งให้ฟัง มันเคลิ้มใช่ป่าว
:impress2: พี่ไผ่..น้องริว.รออ่านอยู่นะ
-
น่ารักจริงๆเลยนะคู่นี้
มาต่อไวไวนะ
สนุกสุดๆอ่ะ
-
ริวน่ารักจริงๆ :o8:
เมื่อไรไผ่มันจะรู้สึกตัวว้า
น้องมันก็แสดงออกซะแจ่มแจ้งขนาดนั้น :เฮ้อ:
-
แอบสงสารริวตอนโดนไมตรีแกล้งเล่น มันน่าทรมานน่าดู ไผ่ช่วยริวให้หายจากความทรมาณนี้ด้วยเถอะ
หลังๆอารมณ์หวานๆอุ่นๆเนาะ
-
ตอนที่ 16
หลังจากเกลาเนื้อร้องของริวเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว พสุก็เอาไปให้ทรงเผ่าดู ซึ่งทรงเผ่าเองก็ถูกใจเนื้อเพลงกับดนตรีที่ดูจะกลมกลืนกันดี หลังจากปรับแก้บางคำจนเป็นที่พอใจทรงเผ่าก็ให้พสุเข้าห้องอัด
ริวที่ตามเป็นเงา ไปยืนรออยู่ด้านนอกกับทรงเผ่าและไมตรี
พสุเลือกที่จะถ่ายทอดอารมณ์เพลง จากความรู้สึกที่เห็นสายตาของริวในวันที่ร้องเพลงนี้ให้เขาฟังครั้งแรก....แววตาที่ทำให้หัวใจเขาแทบหยุดเต้น
พออัดเสียงเสร็จเรียบร้อยทรงเผ่าก็เรียกทุกคนเข้ามาฟังทันที หลังจากเพลงของพสุจบลง ทุกคนก็พากันตบมือกราว
“สุดยอดเลยพี่ไผ่ เจ๋งอ่ะพี่ หูยยย ดูดิ ผมขนลุกเลย” ไวยากรณ์ชี้ให้พสุดูแขนของตนเอง ขณะที่ธีรดลก็พยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย
“พลังเสียงสุดยอดมากไผ่ ท่อนที่ลากเสียงสูงแล้วยาวขนาดนั้นนะ เป็นผมขอหายใจสองรอบก่อน” ธีรดลออกตัวทึ่งๆ
“เพลงนี้นี่ต้องเป็นไผ่เท่านั้นจริงๆนะถึงจะร้องได้ขนาดนี้ พี่เผ่าเก่งมากเลยครับทั้งเนื้อร้องทั้งทำนอง โดนสุดๆ” ตะวันที่ปกติจะไม่ค่อยพูดกลับเสนอความเห็นยืดยาว และชื่นชมทรงเผ่าอย่างจริงใจ
“พี่แต่งซะที่ไหน ริวกับไผ่เขาแต่งกันเองทั้งเนื้อร้องทั้งทำนองนั่นแหละ” ทรงเผ่าบอกหัวเราะๆ แต่คนอื่นๆทำตาโตหันไปจ้องริวกับพสุพร้อมกัน
“จริงดิ! โหยไอ้หนูริววววว” ตอนแรกไวยากรณ์จะเอื้อมมือไปตบหัวริวแล้ว แต่นึกขึ้นมาได้ จึงหันไปคว้ากระดาษโน้ตตรงหน้าม้วนๆแล้วเคาะหัวริวเบาๆ
ตะวันหันไปมองตาพสุ พสุก็หันไปมองริวแล้วหันกลับมาส่งยิ้มให้ตะวัน เป็นเชิงบอกใบ้ว่าริวเป็นคนแต่ง
“แล้วคุณเขมได้ฟังเพลงนี้หรือยังพี่เผ่า” กรเวชที่เพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ ถามทรงเผ่าอย่างตื่นเต้น
“ยังเลย อัดเสียงเสร็จพี่ก็โทรเรียกทุกคนมานี่แหละ กะว่าถ้าไม่มีอะไรแก้ไข ค่อยให้คุณเขมฟัง”
“ผมว่าโทรตามคุณเขมมาฟังเหอะ มาช่วยกันขนลุกอีกคน” กรเวชเสนอเสียงใส พลอยให้ทุกคนหัวเราะตาม
“ได้เพลงของไวย์แล้ว ได้เพลงของไผ่แล้ว ทีนี้ก็เหลืออีก3 หนุ่มสิ” กรเวชนับนิ้วแล้วหันไปมองทรงเผ่าอย่างมีความหวัง
“ได้เพลงรวมอีกเพลงด้วยครับ ผมแต่งเนื้อเสร็จแล้ว” ตะวันบอกแล้วยื่นโน้ตกับเดโม่ให้ทรงเผ่า ไมตรีคว้าไปเปิดทันที
“เออเจ๋ง! ไหนลองแบ่งท่อนร้องกันให้ฟังหน่อยสิ”
ตะวันแจกเนื้อเพลงให้ทุกคน แล้วช่วยร้องไกด์ให้ก่อน ซึ่งทรงเผ่าก็ช่วยเกลาเนื้อเพลงบางคำให้ เหมือนที่เกลาเนื้อเพลงของพสุ หลังจากนั้นก็ให้ทุกคนไปซ้อมร้องให้ดีเพราะจะอัดเสียงในวันรุ่งขึ้นเลย แล้วค่อยอัดเพลงของไวยากรณ์หลังสุด
วันรุ่งขึ้นเขมชาติมารอดูอัดเสียงด้วย หลังจากได้ฟังเพลงของพสุแล้ว เขมชาติก็ตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด โทรไปหาผู้กำกับคนดังที่เขาขอให้มาถ่ายเอ็มวีให้ แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายไปถ่ายภาพยนตร์อยู่ต่างประเทศ ทำให้เขมชาติเสียดายที่วันแถลงข่าวจะมีแต่เพลง ไม่มีเอ็มวีเปิดโชว์นักข่าว
กรเวชเลยเสนอให้ถ่ายภาพนิ่งและปกอัลบั้มเสียก่อน เพราะตอนนี้ ภารดี ว่างพอดี และเธอจะอยู่เมืองไทยอีกเพียงเดือนเศษๆก็ต้องบินไปถ่ายรูปที่ต่างประเทศอีก เขมชาติจึงขอให้กรเวชนัดภารดีเข้ามาคุยให้เร็วที่สุด
..........................................
นับตั้งแต่สมาชิกวงคิสมีย้ายมาอยู่รวมกัน ก็ทำให้ทุกคนสนิทสนมกันมากขึ้น กลางวันอาจจะต่างคนต่างมีงาน แต่พอตกเย็นไปจนถึงค่ำ ทุกคนก็มักจะกลับมาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ทั้งว่ายน้ำ ตีแบต หรือเล่นบาส ตกค่ำหลังจากกินข้าวเย็นแล้วก็จะไปรวมกันที่สตูดิโอเพื่อซ้อมดนตรี บ้านหลังนี้จึงเป็นเสมือนที่พักผ่อนจากปัญหาภายนอก เป็นที่ชาร์ตแบตให้มีแรงลุกขึ้นสู้ต่อในวันรุ่งขึ้น
ความสุขของริวคือการได้ใช้เวลาทั้งหมดกับพสุสองคน ไม่ว่าจะแต่งเพลง กินข้าว หรือแม้แต่เวลานอน ขอแค่ได้อยู่ข้างๆพสุเท่านั้นเองที่ริวต้องการ พสุก็สังเกตเห็นจึงคิดจะใช้ความวางใจนี้ช่วยรักษาอาการรังเกียจสัมผัสของเด็กหนุ่ม
พสุคิดว่าการพาริวออกไปเจอผู้คนบ่อยๆ น่าจะช่วยให้ริวปรับตัวได้ดีขึ้น อีกอย่างสุขภาพกายที่แข็งแรงก็น่าจะเสริมให้สุขภาพจิตดีขึ้น พสุจึงปลุกริวแต่เช้าเพื่อพาริวไปฟิตเนส ริวก็ยอมไปทั้งที่กลัวจะต้องเจอคนเยอะ
แต่เมื่อเข้าไปที่ฟิตเนสคลับ ก็พบว่าเช้าๆมีคนมาออกกำลังไม่มากนัก และแต่ละคนที่มาก็แทบไม่สนใจกันและกัน พสุสอนให้ริวใช้เครื่องออกกำลังแบบต่างๆ แม้จะดูว่าริวผอมๆ แต่เด็กหนุ่มก็แข็งแรงกว่าที่คิด ทั้งคู่ใช้เวลาที่ฟิตเนสด้วยกันถึง 3 ชั่วโมง พอขึ้นรถมาเจอแอร์เย็นๆริวก็หลับปุ๋ยมาตลอดทางจนถึงบ้านพัก พสุปลุกเด็กหนุ่มหลังจากรถจอดสักพักแล้วก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะตื่น
“พี่ไผ่...อยากกินต้มเลือดหมู” ...ริวลุกขึ้นมานั่งขยี้ตางัวเงีย....
“อะไรนะ?” ริวร้องกินดื้อๆ จนพสุงง ไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิด หรือริวยังไม่ตื่นดีกันแน่
“ริวอยากกินต้มเลือดหมู ที่พี่เคยพาไปไงครับ”
“ป่านนี้ไม่ทันแล้วล่ะ คงเก็บร้านไปแล้ว ร้านนั้นต้องไปเช้าๆหน่อย”
“โหย...อยากกินอ่ะ อยากกิน” ริวทำเสียงออดๆ แล้วเปิดประตูออกไปทรุดลงนั่งยองๆอยู่ข้างรถ พสุเดินมาขยี้หัวเด็กหนุ่มเล่น เลยโดนริวคว้าข้อมือไว้
“หมดแรงแล้วค้าบ พี่ไผ่ลากริวไปด้วยนะ” พสุหัวเราะแล้วลากเด็กหนุ่มที่เดินเซไปเซมาเหมือนปูเข้าบ้าน พอถึงหน้าประตูทั้งคู่ก็ชะงัก เพราะนอกจาก ตะวัน ไวยากรณ์ ธีรดลจะตื่นเช้ากันพร้อมหน้าแล้ว กรเวชยังมีแขกพิเศษมานั่งคุยอยู่อีกคน พอเห็นพสุ เธอก็ลุกขึ้น วิ่งปราดมาเขย่งจูบแก้มชายหนุ่มอย่างรวดเร็วทั้งที่อยู่ในชุดราตรียาวสีแดงเพลิง
“ไฮไผ่...ไม่เจอกันตั้งนาน ทำไมยังหน้าเด๊กเด็ก”
“สวัสดีครับรดี สบายดีหรือเปล่า”
พสุทักตอบด้วยสีหน้าปกติเพราะชินกับนิสัยแบบนี้ของภารดีแล้ว ผิดกับริวที่ยืนมองความสนิทสนมของทั้งคู่ด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ถึงจะมาจากวัฒนธรรมตะวันตก แต่ริวก็ไม่คุ้นชินการสัมผัส และยิ่งไม่คุ้นชินที่จะเห็นใครสัมผัส ‘พี่’ ของริว
“แหมไผ่...น่าจะทักว่าฉันสวยขึ้นนะ ไม่ใช่ถามว่าฉันสบายดีหรือ.....” ภารดีค้างคำพูดไว้ในลำคอเมื่อหันไปสบตากับริว
“ว้าวววววว! หนุ่มน้อยคนนี้เป็นใครกัน...ตาสวยจัง โอ๊ย!อยากได้เป็นแบบถ่ายรูป” ภารดีทักแล้วยื่นมือไปให้ริวเพื่อจับมือทักทาย แต่เด็กหนุ่มผงะหนีหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นเล็บต่อสีแดงเจิดจ้าของภารดี
“พี่ไผ่!” ริวร้องเสียงหลงแล้วผวาไปแอบหลังพสุ ทำให้ภารดียืนอึ้งด้วยความตกใจ
“เฮ้! หนุ่มน้อย เธอกลัวฉันเหรอ?” ภารดีถามแล้วขยับเข้าหาริว
“อย่ารดี ริวกลัว” พสุรีบห้ามพร้อมกับแทรกไปกั้นริวไว้จากภารดีที่กำลังทำตาวาวๆอย่างนึกสนุก ขณะที่คนข้างหลังเขาตัวสั่นมือเย็นเฉียบ
“อารายยยย ฉันแค่จะทักทายเองนะ ยู้ฮูหนุ่มน้อย ฉันใจดีออก ไม่เห็นจะต้องกลัวเลย” ภารดีแกล้งไขว่คว้าผ่านตัวพสุมาหา ริวไม่ได้มองหน้าเธอ แต่จ้องมองเล็บเคลือบสีแดงสดด้วยความหวาดกลัว เด็กหนุ่มถอยหนีลนลานจนรู้สึกว่าเท้าเขาสัมผัสกับความว่างเปล่า
“ว๊าย! ระวัง” ภารดีร้องเตือนแต่ไม่ทัน เด็กหนุ่มหงายหลังร่วงตูมลงไปในสระ และจมวูบลงไป
“ริว!” พสุหันไปเห็นก็โดดตามลงไปทันที ตะวันที่ยืนดูอยู่แต่แรกโดดตามลงไปอีกคน
พสุช้อนตัวริวขึ้นมาอย่างง่ายดาย เพราะริวไม่ดิ้นรนขัดขืนเหมือนคนกลัวจมน้ำ เด็กหนุ่มว่ายน้ำเป็น แต่เพราะช็อกทำให้เขาไม่มีสติพอที่จะประคองตัวให้ลอยขึ้นมา ภารดีถลาเข้าไปรับ แต่เมื่อเธอยื่นมือไปตรงหน้า ริวก็ดิ้นตูมจนหลุดจากมือพสุจมลงไปอีกครั้ง พสุรีบดำตามลงไปเอาตัวเด็กหนุ่มขึ้นมาแต่ริวดิ้นหนีตลอดเวลา ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก
“ริว...ริว พี่เองริว...” พสุช้อนตัวริวขึ้นมาจากน้ำก็กอดเอาไว้จากทางด้านหลังแล้วกระซิบเรียกตลอดเวลา
ริวกระพริบตาถี่ๆ สูดหายใจเข้าแรงเพื่อตั้งสติ ขณะที่พสุประคองเขาว่ายเข้าหาขอบสระอีกด้าน เสียงกรเวชเอ็ดให้ภารดียืนคอยอยู่ที่เดิม ก่อนจะวิ่งอ้อมสระน้ำไปช่วยดึงพสุขึ้นจากสระ เพื่อให้พสุดึงริวขึ้นมาเองอีกต่อ ริวพอขึ้นจากสระน้ำก็ซุกตัวเข้าไปกอดพสุไว้แน่น อ้อมแขนของพสุทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกปลอดภัย และเรียกสติให้กลับคืนมาเร็วขึ้น
ตะวันรอจนพสุดึงริวขึ้นไปแล้วถึงขึ้นจากสระ แล้วเดินดุ่มๆหายเข้าไปในบ้าน ก่อนจะกลับออกมาพร้อมผ้าขนหนูสองผืนส่งให้พสุ
“เล่นบ้าๆ บอกว่าน้องกลัวๆ ไม่ฟังกันบ้างเลย” กรเวชดุเสียงเขียว ขณะที่ภารดีได้แต่ยืนยิ้มแหย เธอแค่จะล้อเล่น ไม่คิดว่าริวจะกลัวขนาดนี้
“ฉันขอโทษนะ ที่ล้อเล่นเกินเลย ก็แหม...เกิดมาฉันก็เพิ่งถูกรังเกียจขนาดกระโดดหนีก็หนนี้แหละ”
“ริวไม่ได้รังเกียจคุณหรอกครับ ริวกลัวเล็บของคุณ” ริวตอบเสียงเบา โดยที่ไม่ยอมเงยขึ้นมองภารดี เพราะกลัวจะเห็นเล็บของเธออีก ภารดีก้มมองเล็บแล้วไขว้มือซ่อนหลังโดยอัตโนมัติ
“ปกติฉันก็ไม่ได้ไว้เล็บกรีดกรายแบบนี้หรอกนะ แต่พอดีเมื่อคืนไปงานการ์ล่า มาน่ะ ริว...ขอโทษนะครับหนุ่มน้อย ที่ทำให้ตกใจจนตกน้ำไปแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรครับ” ริวตอบพลางลอบชำเลืองมอง พอเห็นภารดีซ่อนมือไว้ข้างหลังจึงกล้ามองหน้าเธอเต็มตา
พสุดึงตัวริวให้ลุกขึ้นแล้วลากไปยัดใส่ห้องน้ำ ก่อนจะเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ให้ เขาไม่เคยทำให้ใครแม้แต่แม่ เพราะที่บ้านก็มีแม่บ้านคอยดูแล แต่กับริวพสุเต็มใจจะทำให้ ด้วยความเอ็นดูและสงสารที่เด็กหนุ่มเพิ่งเจอกับเรื่องที่ชวนให้ขวัญหายมาหมาดๆ
เมื่อกลับลงมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง ก็พบว่าภารดีกลับไปแล้ว เธอแวะมาหาเพื่อคุยคอนเซปต์ของวงและเจาะลึกรายละเอียดของนักร้องแต่ละคนเพื่อจะได้เตรียมถ่ายรูป แต่พอดีมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
พสุเห็นริวทำท่าซึมๆก็นึกเป็นห่วง ชายหนุ่มรอจนกลับขึ้นมาอยู่กันตามพังถึงได้ถาม
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอริว”
ริวทรุดลงนั่งพิงเตียงแล้วก้มหน้า เด็กหนุ่มเม้มปากแล้วคลาย แล้วเม้มสลับกัน ตาโตคลอด้วยหยาดน้ำใสที่พร้อมจะรินออกมาได้ตลอดเวลา
“พี่ไผ่ครับ...ริวควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว...”
“ก็มันกะทันหันเกินไป อีกอย่าง...เล็บของภารดีเขาก็ไปกระตุ้นความกลัวของริวด้วย” พสุลูบหัวทุยเบาๆเพื่อปลอบใจ
“พี่ไผ่ว่าริวควรทำไงดี...หรือริวต้อง...ไปหาจิตแพทย์”
“ริวอยากไปไหม?”
“ไม่ครับ”
“งั้นก็ไม่ต้องไป ค่อยๆปรับตัวไป ถึงมันจะยาก แต่พี่เชื่อว่าริวทำได้”
พสุแนะนำเสียงอ่อนโยน เขารู้ว่ามันอาจไม่ถูกต้องที่แนะนำริวแบบนี้ แต่เขาก็ไม่อยากให้ริวต้องฝืนใจไปหาหมอทั้งที่เกลียดและกลัวโรงพยาบาลฝังใจนับตั้งแต่แม่ตายไป พสุอยากให้ริวมีโอกาสปรับตัวอีกสักพัก ไม่แน่ว่าริวอาจจะหายจากอาการเกลียดสัมผัสก็เป็นได้...
..............................
บทเรียนจากการได้เห็นริวช็อกต่อหน้าต่อตา ทำให้ไม่มีใครกล้าแตะตัวเด็กหนุ่ม จึงมีเพียงพสุเท่านั้นที่สามารถแตะต้องตัวริวได้ แต่เมื่อเขมชาติแจ้งว่าใกล้ถึงกำหนดแถลงข่าวเปิดตัววงคิสมี รวมถึงต้องไปอัดรายการโปรโมทเพลงหลังจากนั้น ทุกคนก็เริ่มไม่สบายใจ เกรงว่าริวจะช็อกตอนที่ถูกแต่งหน้าทำผม
แต่อลันเตรียมแก้ปัญหาไว้แล้ว เขาส่งช่างแต่งหน้าชาวญี่ปุ่นซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับครูสอนภาษาไทยของริว มาทำความสนิทสนมคุ้นเคยกับริวก่อน ความที่เธอสูงวัยและแต่งกายเรียบๆไม่ฉูดฉาด ทำให้ริวยอมให้เธอแตะต้องตัวได้ในเวลาไม่นาน แม้ ริวจะยังหน้าซีดๆและเธอก็ต้องสวมถุงมือไว้ตลอดเวลาที่สัมผัสตัวริว แต่ก็นับว่าแก้ปัญหาใหญ่ของริวไปได้อีกเรื่อง
-
โห...... หนูริว
เข้าใจอ่ะ บางทีเราไ่ม่ชอบหรือกลัวอะไรมากๆ ก็มีพวกมาทำเป็นหยอก
คนกลัวยังทำเป็นเล่นอีก ไม่ชอบเลย ><
-
สงสารริวจัง. :m15: :m15:
ขอบคุณค่ะ :L2: :L2: :L2:มาต่อเร็วมากเลย.ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้อ่านวันนี้ซะแล้ว.
ชอบมากค่ะ.อ่านตอนที่ 15 หลายรอบแล้วรู้สึกอินไปกับตัวไผ่และริว.
รักคนแต่งค่ะ :L2: :L2: :L2:
-
:L2: :L2: :กอด1: :กอด1:
-
ริวเอ๊ย หายไวๆนะ
คุณรดี นะไม่น่าเลย หยอกน้องริวจนตกน้ำ
ริวคงกลัวมากจริงๆ TT สู้ๆขอให้หายไวๆ
ปลื้มพี่ไผ่ ฝากพี่ไผ่ดูแลน้องริวดีๆนะคะ ^^
-
ฮุฮุ :laugh: มาอัพทุกวันก็ จะตามเม้นมันทุกวันล่ะ
มาลงแบบนี้เรี่ยนะค่ะ ชอบคะได้ตามอ่านทุกวันเลย
น้องริวก็น่าสงสาร แต่ไง พี่ไผ่ก็ดูแลอยู่ คู่นี้น่ารักมากๆ
แล้วในวงจะมีคู่อื่นอีกไหมค่ะเนี่ย น่าลุ้นมากก สู้ :L2:
-
o13 :L2: :L2: :L1:
-
:กอด1: ริว พี่ไผ่และก็ไรเตอร์ด้วยน้าาาาา
-
เจอคนขี้เล่นแบบนี้ริวก็เลยแย่หน่อย
สู้ๆ
-
พี่ไผ่อบอุ่นมาก น่ารักขนาดนี้ อ่านแล้วอิจฉาหนูริว
-
:sad4:ตอนนี้ทั้งแอบสงสารริว และเห็นความเป็นห่วงของพี่ไผ่ ความเอาใจใส่..อืมมมม
ชอบอ้อมกอดที่อบอุ่นของพี่ไผ่จังเลย :-[
-
ขอบคุณมากค่ะ.ไรท์เตอร์น่ารักจังมาต่อเร็วมากเลย :L2: :L2:
รักไรท์เตอร์ทุกวันค่ะ. :L1: :L1: :L1:
-
ไรท์เตอร์คนน่ารักมาต่อเร็วๆค่ะอยากอ่านมาก :call: :call: :call: :call:
-
มาต่อเร็วๆน้า
ไผ่อ่อนโยนดีจัง =w=
ริวเคะเฮอะ นะๆ :L2:
-
วันนี้นอนดึกม่ายหวายย :t3: รีบเอามาแปะก่อนสลบ :a12:
ขอบคุณทุกๆคนแทนเจ๊คนเขียนนะค้าบ ดีใจจังที่มีคนชอบ
ว่าแต่คนโพสท์เชียร์ให้น้องริวเป็นเมะอ่า :o8:
ไปกดดันคนเขียนดีกว่า :laugh:
***********************************
ตอนที่ 17
งานแรกของ 5 หนุ่มคือการบันทึกภาพนิ่งเพื่อทำปกอัลบั้ม รวมถึงทำโปสเตอร์ในวันแถลงข่าว และภารดีก็เป็นตากล้องที่เขมชาติเชิญมาโดยเฉพาะ หญิงสาวสลัดคราบสาวสุดเปรี้ยวในชุดแดงเจิดจ้าเมื่อวันก่อนไปหมด กลายเป็นสาวมั่นที่ดูทะมัดทะแมงในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ เล็บมือขาวสะอาดเจียนไว้สั้นมน ทีมงานผู้ชายล้วน 5 คน มาจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆไว้พร้อมสรรพ เมื่อ 5 หนุ่มมาถึง ก็ตรงไปแต่งหน้าทำผมทันที
ทั้งที่ต้องแต่งหน้าและทำผมเพียงคนเดียวไม่มีผู้ช่วยเหมือนคนอื่น แต่คุณยูกิ ก็แต่งหน้าให้ริวเสร็จก่อน ผิวอ่อนใสเมื่อลงเครื่องสำอางแบบพอเหมาะ ก็ทำให้ริวดูเข้มขึ้น แต่ก็หล่อขึ้นจนเพื่อนๆในวงยังอดทักไม่ได้
“โหคุณยูกิครับ แต่งให้ริวซะหล่อไม่เหลือคราบไอ้หนูเอ๋อเลย” ไวยากรณ์แซวล้อๆแกมทึ่งในฝีมือคุณยูกิ
“นั่นสิคะ น้องริวล๊อหล่อ...คุณยูกิแต่งหน้าไวมากเลยค่ะ” ช่างแต่งหน้าทำผมต่างชมเป็นเสียงเดียวกัน
“ริวคุงผิวสวย แต่งหน้าง่ายมักๆค่า” คุณยูกิหันมาตอบถ่อมตัวยิ้มๆ แล้วเก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋า ความจริงฝีมือระดับคุณยูกิไม่จำเป็นต้องมาแต่งหน้าให้ใคร ส่วนใหญ่เธอจะรับสอนแต่งหน้าตามสถาบันต่างๆ แต่เมื่อข้อเสนอของอลันดีพอ เธอก็ยินดีที่จะรับงานนี้
ภารดีเดินมาดู เห็นริวแต่งหน้าเสร็จแล้วก็บอกให้ไปเปลี่ยนชุด
เสื้อเชิ้ตขาวติดกระดุมถึงคอ แถมยังติดกระดุมข้อมือ ทำให้ภารดีถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นริวแต่งแบบนั้น
“ริว ปลดกระดุมลงมาอีก 3 เม็ด แล้วกระดุมข้อมือก็อย่าติด พับแขนเสื้อขึ้นมาด้วย”
ริวปลดกระดุมลงมาเพียงสองเม็ด แล้วยังพับแขนเสื้อไม่เท่ากันอีก ภารดีเห็นอย่างนั้นก็เดินเข้าไปหา แต่ริวผงะถอยหนีทันที ทำให้เธอนึกขึ้นได้
“ริว...ดูสิ ฉันตัดเล็บสั้นแล้วก็ไม่ได้ทาเล็บ...เห็นป่ะ” ภารดีบอกพร้อมกับชูมือหันให้ดูเล็บสั้นสะอาดไร้สีของเธอ
“ครับ”
“ขอถูกตัวได้ไหม ฉันต้องจัดเสื้อผ้าให้ใหม่น่ะ”
ริวหน้าแหย ก่อนจะเหลียวไปที่ศาลากลางสวน ซึ่งใช้เป็นที่แต่งหน้าทำผม พสุยังแต่งหน้าอยู่และคอยเหลียวมามองเป็นระยะๆ
ภารดียืนคอยอย่างใจเย็นผิดวิสัย หากเป็นคนอื่นแล้วปัญหาเยอะยุ่งยากแบบนี้เธอคงโบกมือบ๊ายบายไม่ถ่ายรูปให้ แต่เพราะริวดึงดูดใจเกินไป รูปลักษณ์ของริวทำให้เธอกระหายที่จะบันทึกทุกอิริยาบถของเด็กหนุ่มเอาไว้ โดยเฉพาะดวงตาใสซื่อเหมือนทารก เมื่ออยู่บนใบหน้าคมเข้มของเด็กหนุ่ม ยิ่งทำริวดูเด่นและแตกต่างจากคนอื่นๆ
“ครับ...” ริวรับคำเสียงเบา แล้วยืนตัวแข็งทื่อเมื่อภารดียื่นมือไปหาช้าๆ ภารดีม้วนแขนเสื้อให้ริวใหม่ โดยระมัดระวังไม่ให้แตะโดนผิวของริว แม้จะรู้สึกได้ว่าริวสะดุ้งแทบทุกครั้งที่ปลายนิ้วเธอแตะไปโดนตัวผ่านเนื้อผ้า แต่การที่เด็กหนุ่มไม่ขยับหนี ก็ถือว่าดีมากแล้ว
“เอาละเสร็จแล้ว แต่ริวต้องปลดกระดุมเสื้อลงอีกเม็ดนะ”
“เอ่อ...ไม่ปลดไม่ได้เหรอครับ”
“ทำไมล่ะ มันเป็นคอนเซปต์ไง แบบให้ลุคดูเข้มๆ เซ็กซี่ๆ ก็ต้องปลดกระดุมโชว์อกนิดหน่อย”
“คือ...ริว...เอ่อ...” เด็กหนุ่มอึกอักแล้วก้มหน้างุดๆ ด้วยความไม่สบายใจ
“หืม? ว่าไง?”
“มีอะไรหรือเปล่ารดี” พสุที่นั่งดูอยู่สักพักตามมาถามด้วยความเป็นห่วง พอริวหันไปเห็นพสุก็รีบเดินไปหา
“พี่ไผ่...ริวไม่..ไม่ปลดกระดุมเสื้อได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มกระซิบถามพอให้ได้ยินกันสองคน
“ทำไมละครับ”
“ริว...อายอ่ะ...ริวไม่ได้หุ่นดีเหมือนพวกพี่ๆสักหน่อย...ให้ริวแต่งเหมือนพี่ดลก็ได้”
“ก็ดลเขาอ้วน ก็เลยต้องใส่เสื้อกล้ามพรางรูปร่าง”
“ริวก็ผอม...”
“งั้นเดี๋ยวพี่ถามรดีให้ แต่ถ้าเขาไม่ยอมริวก็ต้องไม่ดื้อนะ”
“ครับ”
พสุเดินเข้าหาภารดี ที่ยืนรออยู่อย่างกระวนกระวาย
“มีอะไรเหรอไผ่ ริวเป็นอะไร?”
“น้องอายหุ่นน่ะ บ่นว่าผอม ไม่อยากโชว์”
“อ๋อ...คิดว่าอะไร แหม น่ารักดีออก ผิวใสๆแบบนั้นถึงไม่มีกล้ามก็น่าดูอยู่ดีนะ” ภารดีแกล้งแซวตาวาวอย่างขี้เล่น
“รดีก็อย่าแกล้งนักเลยน่า”
“โอเคๆ ไม่ต้องปลดก็ได้ แต่ยอมเฉพาะน้องริวนะ คนอื่นยังไงก็ต้องโชว์ นี่ไผ่แต่งหน้าเรียบร้อยแล้วใช่เปล่า”
“ครับ เรียบร้อยแล้ว”
“งั้นไปเปลี่ยนชุดเลย เดี๋ยวจะได้มาถ่ายรูป”
เพื่อไม่ให้ริวประหม่าอีก ภารดีเลยให้เด็กหนุ่มถ่ายคู่กับพสุก่อน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกว่าคิดถูก เพราะเมื่ออยู่กับพสุ ดูริวผ่อนคลายและว่าง่าย ไม่ว่าจะให้โพสต์ท่าแบบไหน เด็กหนุ่มก็ยอมทำหมด แต่ที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นคือรอยยิ้มกว้างจนเห็นรอยบุ๋มสองข้างแก้ม และดวงตาเป็นประกายวาววับของริว ภารดีกดชัตเตอร์ถี่ยิบอย่างเผลอตัว พสุนั้นไม่มีปัญหาเรื่องการโพสต์ท่าอยู่แล้ว เพราะถึงไม่ได้มีอาชีพเป็นนายแบบ แต่ก็อยู่
หน้ากล้องเป็นประจำ จึงรู้ดีว่าควรเคลื่อนไหวยังไงให้ดูเป็นธรรมชาติและได้มุมที่ดูดี
หลังจากนั้นภารดีก็ขอเก็บภาพเดี่ยวของพสุก่อน โดยให้ริวยืนอยู่ไม่ห่างพสุนัก เพื่อให้ดูวิธีการโพสต์เป็นตัวอย่าง แต่ภาพที่ภารดีประทับใจมาก คือตอนที่พสุเอนลงไปเท้าศอกบนพื้นหญ้าแล้วเบือนหน้ามามองกล้อง ภารดีเก็บภาพนั้นไว้แล้วหันกล้องไปหาริวอย่างรวดเร็ว เพราะเด็กหนุ่มชะโงกตัวมาข้างหน้าแล้วเอียงหัวไปมองพสุด้วยสีหน้าชื่นชม...
ผิวขาวเนียน ปากบางแดงจัด และคิ้วเข้มนั้น ยังไม่สะดุดตาเท่าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใสเหมือนลูกแก้ว ที่สื่ออารมณ์ได้มากมายกว่าคำพูด ทำให้ภารดีอดใจไม่ได้ที่จะถ่ายรูปริวแบบโคลสอัพ นั่นทำให้เธอสังเกตเห็นทิศทางที่สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องเสมอ ก็คือพระเอกหนุ่มผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยน
ภารดีลดกล้องลงช้าๆ ดวงตาที่วาดไว้คมกริบตวัดมองตามสายตาของเด็กหนุ่มอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ริวนั่งเป็นแบบให้เธออยู่ตรงนี้ แต่ดวงตามองเลยไปยังอีกคนที่ถ่ายแบบเสร็จก็ไปนั่งอ่านสคริปต์อยู่ในศาลากลางน้ำ ดูเหมือนคนถูกมองจะไม่รู้ตัว เพราะใบหน้าคมสันยังคมก้มอ่านสคริปต์นิ่ง มุมปากแต้มรอยยิ้มน้อยๆ คงขำไวยากรณ์กับธีรดลที่กำลังเถียงกันหน้าดำหน้าแดงเรื่องฟุตบอล
ตากล้องสาวจับตาดูริวอยู่อีกครู่หนึ่งแล้วแต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่รู้ตัว ภารดีจึงตัดสินใจเลือกมุมกล้องใหม่ เธอไม่ใช่ ปาปารัสซี่ ไม่นิยมถ่ายภาพเพื่อตีข่าวฉาวโฉ่ แต่เธอชอบถ่ายภาพเพื่อศิลปะมากกว่า และอะไรหลายๆอย่างในดวงตาสีน้ำตาลใสของริว ทำให้เธอหลงใหลจนอยากบันทึกอารมณ์นี้เก็บไว้ หลังจากบันทึกภาพที่ต้องการจนสะใจแล้ว ภารดีถึงปล่อยช่างแต่งหน้ามาซับหน้าให้เด็กหนุ่มใหม่ แล้วถ่ายภาพริวไว้อีก 2-3 ภาพก่อนจะเปลี่ยนไปถ่ายไวยากรณ์ต่อ
ระหว่างรอเซทอุปกรณ์ประกอบฉากเพื่อให้เข้ากับไวยากรณ์ ภารดีก็เหลือบไปเห็นภาพที่ทำให้เธออมยิ้ม น่ารักจนอดยกกล้องขึ้นเก็บภาพไว้ไม่ได้ ริวนั่งยองๆ เอาคางพาดไว้บนเข่าของพสุ ขณะที่ชายหนุ่มก็ใช้ทิชชูเช็ดตาให้ อาจจะขนตาหลุดเข้าตาแล้วเจ้าหนูริวคงอ้อนให้พสุช่วยเอาออกให้ โดยมีธีรดลนั่งลุ้นอยู่ข้างๆพสุ
ดูเหมือนพสุจะเป็นคนแรกที่รู้ตัวว่าโดนถ่ายรูป สีหน้าที่มองมายังเธอดูระแวงและระวังตัวอย่างเห็นได้ชัด ภารดีไม่ต้องการให้บรรยากาศเสียไป จึงตะโกนบอกให้ตะวันแและธีรดลขยับเข้ามาใกล้พสุอีก ไวยากรณ์ที่ถูกช่างซับหน้าร้องโวยวายห้ามไม่ให้ภารดีถ่าย เพราะเขายังไม่ได้เข้ากล้อง นายแบบหนุ่ม วิ่งปรูดเดียวข้ามสะพานไปลากแขนตะวันที่นั่งฟังเพลงอยู่อีกมุมเข้ามายืนข้างหลังพสุ แล้วภาพหมู่แบบชุลมุนก็ถูกบันทึก ภารดีอมยิ้มน้อยๆตลอดเวลาที่ถ่ายรูป เธอชอบสีหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติของทั้ง 5 หนุ่ม มากกว่าสีหน้าที่ถูกปั้นอย่างนายแบบ และระหว่างถ่ายรูปหมู่ของ 5 หนุ่ม เธอก็ได้ภาพน่ารักอีกจนได้ เป็นจังหวะที่ไวยากรณ์โวยวายจะแลกที่กับธีรดลเพื่อเปลี่ยนมุมกล้อง พสุพยายามจะยกมือห้ามทัพสองหนุ่มที่ทะเลาะกันข้ามตัวเขาไปมา ขณะที่ริวแหงนหน้าขึ้นมองพสุแล้วอมยิ้ม แต่คราวนี้ดูเหมือนคนถูกมองจะรู้ตัว จึงก้มลงมายิ้มกับเด็กหนุ่มเช่นกัน
…………………………
ภารดีนั่งมองภาพถ่ายหลายร้อยภาพที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะตัวยาวกลางห้อง ทุกภาพล้วนโฟกัสอยู่ที่คนสองคน...
คนหนึ่งคอยจับจ้องทุกอิริยาบถอย่างตั้งใจ ขณะที่คนถูกมองอยู่ตลอดเวลา เหมือนไม่ค่อยรู้ตัว นานๆจึงจะหันมาสบตาด้วยสักครั้ง
“ชัดเจนเกินไป...รูปนี้ก็...ตาหวานไป เดี๋ยวเป็นข่าว...อืม รูปนี้สวยแฮะ แต่น่ารักไป ต้องให้ดูเข้มกว่านี้...รูปนี้สิเจ๋ง อื้อ ไม่ได้...” ภารดีไม่รู้ตัวเลยว่าตลอดเวลาที่เธอเลือกรูปแล้วบ่นงึมงำๆอยู่คนเดียวนั้น ใครบางคนยืนกอดอกดูมาครู่ใหญ่ๆแล้ว
“รดี...เมื่อไหร่จะเลือกรูปเสร็จ”
“อ้าวพี่กร มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“มาตั้งแต่ ชัดไป หวานไปนั่นแหละ พี่นึกว่าเธอเลือกรูปของคิสมีซะอีก”
“ก็เลือกรูปหนุ่มๆ ของพี่นั่นแหละ”
“เฮ้ย! อย่ามายกเป็นของพี่สิ เดี๋ยวพี่เผลอทึกทักว่าเป็นของพี่จริงๆ กันพอดี”
“แหม! เปิดช่องให้หน่อยละรีบฉวยโอกาสเชียว...ฉันหมายถึงพวกหนุ่มๆ ที่พี่ดูแลเขาอยู่ต่างหาก”
“แล้วไง”
“ของคนอื่นๆ น่ะเลือกไม่ยากหรอก...มายากที่ริวนั่นแหละ...พี่ดูเองเหอะ...ฉันขอไปอาบน้ำแต่งตัวแป๊บนึง เดี๋ยวมา”
กรเวชเดินมาชะโงกดูรูปบนโต๊ะ จากแค่มองผ่านๆ กลับชะงักนิ่ง แล้วค่อยๆไล่สายตาไปทีละรูป
“ให้ตายเถอะ!...งานเข้าแล้วไอ้กรเอ๊ย! เวร!...ทำไมไม่เคยสังเกตวะ”
“สบถอีกแล้วพี่ ไหนคุยว่าเลิกสบถแล้วไง”
“เฮ้ย!รดี แกห้ามเอารูปพวกนี้ลงนะโว้ย ขืนลงละเป็นเรื่อง”
“เอ้า! ทำไมล่ะ สวยดีออก ดูสิ...ออกจะน่ารัก”
“ยังจะมาเล่นอีก...ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย...ทำไมพี่ไม่เคยเห็นวะ”
“พี่ตาฟางอะดิ มัวแต่มองอะไรอยู่ถึงไม่เห็น ออกจะชัดขนาดนั้น”
“รดี...ถ้าคนถ่ายรูปไม่ใช่แก...ถ้า...” กรเวชหน้าซีดเผือด เมื่อคิดภาพตาม ใจหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“พี่จะตีตนไปก่อนไข้ทำไม อะไรมันยังไม่เกิดสักหน่อย แล้วอีกอย่าง ริวก็ยังเด็กมาก เขาอาจจะแค่ชื่นชมก็ได้”
“แกเลิกเล่นเถอะ พูดกันตรงๆ ดีกว่า”
“พี่กร เครียดไปป่ะ ริวมันดูไม่แมนตรงไหน แล้วยิ่งไผ่ยิ่งไม่ต้องพูด ยังไงก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก...แต่ถ้าจะมีอะไร พี่จะห้ามได้เหรอ เรื่องของใจมันห้ามไม่ได้หรอกพี่”
“แต่เขากำลังจะมีผลงานนะ แล้ว...โอ๊ย!ปวดหัว”
“ถามจริงๆเถอะพี่...พี่กลัวอะไร แต่ละคนมืออาชีพทั้งนั้น มีแต่น้องริวคนเดียวที่เป็นเด็กใหม่ในวงการนี้ ถ้าพี่ห่วงนักก็ประกบเจ้าหนูมันเลยก็หมดเรื่อง จะได้คอยระวังไม่ให้มีปัญหา”
“ถ้าประกบมันได้ก็ดีนะสิ ริวมันติดไผ่แจขนาดนั้น มันจะยอมให้แยกง่ายๆเหรอ”
“พี่กร...” ภารดีลากเสียงยาวอย่างอ่อนใจ
“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไว้ให้มันมีปัญหาแล้วค่อยแก้ ตอนนี้ยังไม่มีอะไร พี่ก็ปล่อยไปก่อนละกัน คิดมากผมร่วงหัวล้านไม่รู้นะ...ไปหาอะไรกระแทกปากกันดีกว่าพี่”
กรเวชได้แต่ถอนใจเฮือก ภาวนาว่าอย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย
………………………..
-
น้องริวยังน่ารักเหมือนเดิม :o8: :-[ :กอด1: :L2:
-
ชอบรดีมากเลย.
ขอบคุณค่ะ :L2: :L2: :L2:
-
o13 o13 :z2: :z2:
-
สุดยอดอ่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย
ขอบอกว่าหลงรักเรื่องนี้ซะแล้ว
คนแต่งเก่งอ่ะ แต่งได้ไหลรื่น แล้วก็ทำให้อินไปกับตัวละครได้ด้วย
หลงรักน้องริว พี่ไผ่
+1 ให้คนโพสต์กับคนแต่งจ้า
ปล.อย่าเพิ่งท้อนะ เราชอบเรื่องนี้อ่ะ
บางครั้งเรื่องใหม่ๆ มันไม่การันตีว่าคนแต่งจะมาแต่งจบรึเปล่า
เคยอ่านค้างๆไปหลายเรื่องเหมือนกัน เลยลังเลที่จะกดเรื่องใหม่ๆอ่าน
ดีนะที่ลองเข้ามาอ่านดู ปรากฎว่าชอบอ่ะ ขอติดตามเรื่องนี้อีกเรื่องนะคะ :o8:
-
กรี๊ดดด ทำไมน้องริวหวานไปคะพี่รดี
ม่ายยยยย น้องริวต้องเข้มสิคะ ลุ้นน้องริวเมะคะ ^^
อิๆ ของมันแน่นอนอยู่แล้วที่น้องริวจะมองพี่ไผ่ เค้าชอบของเค้ามาตั้งนานแระ
ยอมออกมาสู่โลกภายนอกเพราะพี่ไผ่คนเดียว พี่ไผ่ของน้องริวนี่มีอะไรพิเศษมากหนอ
ทำไมน้องริวถึงได้ชอบมากขนาดนี้ อยากรู้จังคะ>___<
-
พึ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ ชอบมาก
สมัครเป็น FC นะค่ะ
เนื้อเรื่องน่าติดตามสุด ๆ
o13
-
:man1: อ่านตอนนี้แล้ว อยากเป็นรดี อยากมองผ่านเลนส์
ชอบโมเม้นท์ที่ไม่รู้ตัวแบบนี้
:-[ พี่ไผ่...อีกนานป่าว กว่าจะรู้ตัวเนี่ย ว่ามีคนเค้าแอบชอบอยู่
-
วันนี้กว่าจะเข้ามาอาจ อยากจะกรี๊ดต้องอดใจไม่งั้นคงไม่ไปเรียนแน่ๆ
พออ่านแล้ว :-[ น่ารักที่สุด น้องริวอาการออกมากๆ
แต่ไงก็ลุ้นน้องริวเป็นเมะนะ ไงไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ก็สงสาร
พวกสตาฟที่ทำงานกับพวกพี่ไผ่ ริว เหมือนกัน แต่คนอ่านอยากให้มันเกิดนิ
ไม่งั้นมันจะไปมีเรื่องอะไรให้อ่านล่ะ ดังนั้น อย่าขัดขวางนะ บอกไว้ก่อน
รอตอนต่ไปนะค่ะ สู้ๆ :bye2:
-
เสียน้ำตาตรงตอนที่มีเพลงมากกว่ารักอ่ะ
โคตรซิ้งเลย
o18
น้องริวน่าสงสารมากมาย
ส่วนพี่ไผ่ก็อบอุ่นมากๆ
-
รดีก็คนดีเหมือนกันแฮะ
นึกว่าจะชั่วซะอีก :m21:
อัพเร็วๆนะ งับ เป็นกำลังใจ :L2:
-
มาขอเป็นแฟนคลับอีกคนจร้า
เพิ่งเข้ามาอ่าน ก้อติดใจชอบริวซะแล้ว
ไรเตอร์ไม่ต้อกังวนน้า
ยังงัยก้อต้องมีคนอ่านคนติดตามเพิ่มมากขึ้นแน่ๆ
ยังแอบลุ้นเงียบๆให้น้องริวเป็นเคะ
น่ารักน่าหยิบอย่างงี้ให้พี่สนรุกเถอะน้า
แต่อ่านๆไปแล้วก้อสงสารน้องริวอ้า
ดูริวจะทำอะไรหลายอย่างเพื่อนไผ่เหลือเกิน
แต่พี่ไผ่ของเราก้อยังไม่รุอะไรเลย
อีกอย่างไม่ให้น้องริวเป็นนักร้องแล้วไม่ได้หรอคะเนี่ย
อาการต้องกำเริบอีกแน่ๆต้องเจอคนเยอะขนาดนั้น
หนีตามกันไปเลยได้ไหมคะไรเตอร์
ฝากๆๆนะคะเนี่ยพ๊อตเนี่ย หุหุ
เป็นกำลังใจให้ทั้งไรเตอร์และคนโพสจร้า
สู้ๆๆๆน้า
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อจร้า
:L1: :L1:
-
นึกภาพตามได้เลยอ่ะ ตาของริวสื่ออารมณ์ที่มีต่อกรออกมาหมดเลยซินะ
ถ้าเป็นภาพจริงๆคงน่าเอ็นดูเนาะ
-
เพิ่งมีโอกาสอ่านครับ ปรากฏว่าไล่จนจบตลอดบ่ายเลย เรื่องสนุกและน่าติดตามมาก ขอเข้ามาเป็นFCด้วยคนนะครับ
-
ขอบคุณทุกคนแทนไร้เตอร์ด้วยค่าา :L2:
*****************************************
ตอนที่ 18
งานแถลงข่าวเปิดตัววงบอยแบนด์วงใหม่ของบริษัทเขมชาติ ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างล้นหลาม ไม่ใช่แค่สื่อมวลชนในประเทศ แต่มีสื่อมวลชนต่างประเทศจากสำนักข่าวดังๆหลายแห่งเข้ามาทำข่าวด้วย สร้างความฮือฮาให้กับสื่อมวลชนในประเทศไม่น้อย พนักงานที่ทั้งหน้าตาดีและภาษาเยี่ยม ให้การต้อนรับนักข่าวจากต่างประเทศอย่างฉับไวและทั่วถึง สร้างความประทับใจสื่อมวลชนที่มาเป็นอย่างยิ่ง
เขมชาติมองภาพนั้นด้วยความพอใจ ยอมรับว่าอลันนั้นเก่งกาจราวกับพ่อมด ไม่ว่าเรื่องไหนก็สามารถจัดการได้ดังใจราวกับมีเวทมนต์ และบรรดาสื่อมวลชนจากสำนักข่าวต่างประเทศเหล่านี้ก็เป็นฝีมือของอลัน
ทั้ง 5 หนุ่มสวมชุดสูทสีขาวเนี้ยบกริบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แน่นอนว่าในฐานะพระเอกเบอร์ 1 ของประเทศ พสุจึงได้รับการสนใจจากสื่อมวลชนมากกว่าคนอื่นๆ แต่ก็มีอีกมากมายที่ยังไม่ลืมเรื่องฉาวของตะวัน ส่วนไวยากรณ์ก็ได้ชื่อว่าเป็นนายแบบอินเตอร์ จึงได้รับความสนใจจากนักข่าวอยู่แล้ว ธีรดลนั้นก็จัดเป็นมืออาชีพในวงการดนตรีมาตลอด จึงมีเพียงริวคนเดียวเท่านั้นที่ถือว่าเป็นหน้าใหม่จริงๆ เด็กหนุ่มเดินตามพสุต้อยๆ เมื่อชายหนุ่มนั่งลงก็เข้าไปนั่งข้างๆ และแนะนำตัวเพียงสั้นๆ หนุ่มน้อยรูปหล่อหน้าฝรั่งจ๋าแต่พูดไทยชัดเจน ทำให้สื่อมวลชนหลายแห่งให้ความสนใจ
“น้องริวดูยังเด็กอยู่เลยนะคะ ไม่ทราบว่าอายุเท่าไหร่ แล้วตอนนี้ศึกษาอยู่ที่ไหนคะ”
“อายุสิบแปดครับ...แล้วก็เรียนจบแล้วครับ” ริวตอบสั้นๆ นักข่าวคนเดิมขยับจะถามต่อ แต่อีกสำนักข่าวกลับยิงคำถามใส่ตะวันเรื่องที่ดาราสาวอดีตคนเคยรู้ใจออกมาแฉว่าเขาเป็นเกย์ แล้วจู่ๆเขาก็เขาหายหน้าไปจากวงการโดยไม่มีคำแก้ต่างอะไรให้ตัวเอง
“ผมยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ครับ” ตะวันตอบเสียงเรียบ แล้วไม่ยอมปริปากใดๆถึงอดีตนางเอกคนดังที่ตอนนี้กำลังมีข่าวระหองระแหงกับสามีไฮโซ แม้ตะวันจะเลี่ยงที่จะตอบ แต่นักข่าวยิงคำถามเข้าใส่ไม่หยุดแสงแฟลชสว่างวาบๆ เข้าตาจนริวเบนหน้าหนี
“ริวเป็นอะไร? ” พสุที่อยู่ใกล้สุดเอียงหน้าไปถามเบาๆ เพราะเห็นริวยกมือขยี้ตาหลายรอบแล้ว
“ริวแสบตาครับ...” ริวกระซิบตอบพลางขยี้ตาจนแดงก่ำ พสุจึงหยิบแว่นกันแดดที่แขวนอยู่บนคอเสื้อส่งให้ริวใส่
“พี่ไม่ใส่เหรอ?”
“พี่ชินแล้ว” พสุตอบแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปตอบคำถามนักข่าว
“ไผ่คะ มาเก็บตัวเป็นนักร้องกะทันหันแบบนี้แล้วคิวละครที่ค้างอยู่ละคะ ทางผู้จัดว่ายังไงบ้างคะ”
“ครับ ก็นับว่าเป็นโชคดีของผมนะครับ ที่พี่ๆทุกท่านเมตตา ยอมยกเลิกคิวงานให้ บางท่านก็ยอมเลื่อนคิวถ่ายออกไปก่อน”
“แล้วอย่างนี้จะไม่กระทบกับนักแสดงคนอื่นๆเหรอคะ ที่ละครโดนแขวนแบบไม่มีกำหนดอย่างนี้”
“ผู้จัดแต่ละท่านก็มีละครหลายเรื่องด้วยกันนะครับ แต่ถามว่ากระทบไหม ก็ต้องตอบตรงๆว่ากระทบแน่นอน เพียงแต่ทุกคนเข้าใจ แล้วก็ให้การสนับสนุน ซึ่งผมก็ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้ง ทั้งผู้จัดและพี่ๆเพื่อนๆนักแสดงที่เข้าใจ”
“แล้วคุณพรเทพว่ายังไงคะ ดีใจหรือเปล่าที่ไผ่จะได้เดินตามรอยคุณพ่อเสียที”
“คุณพ่อก็ไม่ค่อยพูดอะไรนะครับ ท่านก็ออกแนวแซวๆ มากกว่า ว่าอย่าทำขายหน้า” พสุตอบแกมหัวเรา แต่ริวที่นั่งหัวเข่าติดกับเข่าพสุ รู้สึกได้ถึงอาการเกร็งกล้ามเนื้อของคนข้างๆ เด็กหนุ่มเหลียวไปมองใบหน้ายิ้มแย้มของพสุ ก็เห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนบริเวณลำคอของชายหนุ่มได้ชัดเจน...พสุกำลังเครียด...นั่นคือสิ่งที่ริวสัมผัสได้
“ไผ่คิดจะทิ้งการแสดงไปเลยหรือเปล่าคะ หรือจะทำสองอย่างพร้อมกัน”
“ตอนนี้ขอโฟกัสที่เพลงอย่างเดียวก่อนแล้วกันนะครับ ส่วนเรื่องละครก็ขอดูเวลาที่เหมาะสมอีกที”
แม้สื่อมวลชนเกือบทุกสำนักจะพอใจที่พสุให้ความร่วมมือ ตอบทุกคำถามแต่โดยดี แต่ขณะเดียวกันก็แทบไม่ได้อะไรจากปากตะวันเลย แต่สำหรับนักข่าว ไม่ว่าตะวันจะพูดหรือไม่พูด ก็เป็นประเด็นได้ทั้งนั้น
หลังจากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้วก็ถึงไฮไลท์ของงาน คือการเปิดตัวซิงเกิ้ลแรก ซึ่งนักข่าวต่างคาดกันว่าน่าจะเป็นเพลงของตะวัน หรือไม่ก็เพลงรวมของวง...แต่กลับเป็นเพลงของพสุ
เสียงที่ค่อนข้างสูงกว่าคนอื่น เมื่อได้คีย์ที่พอเหมาะกลับทำให้เสียงพสุฟังดูกังวานใสและเด่น หางเสียงที่ลากยาวต้องใช้พลังในการร้องมหาศาลจนยากแก่การเลียนแบบ
หลังจากค่ายเก่าปิดตัวไปและไม่ได้ร้องเพลงแล้ว แต่พสุไม่เคยหยุดพัฒนาการร้องของตัวเอง เขาทั้งว่ายน้ำและเล่นฟิตเนสเพื่อขยายปอดให้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการฝึกร้องเพลงกับครูสอนร้องเพลงเก่งๆหลายคนเพื่อหาเทคนิคใหม่ๆมาพัฒนาตัวเอง
ตั้งแต่อินโทรแรกจนเพลงจบนั้นไม่มีใครขยับตัวเลย กระทั่งเสียงโน้ตสุดท้ายจบลง เสียงปรบมือก็กระหึ่มทั้งห้อง ตามด้วยเสียงฮือฮาและแสงแฟลชกระพริบวูบวาบ ทุกคนต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไงเพลงนี้ต้องดังอย่างแน่นอน พสุยิ้มรับคำชมนั้นก่อนจะเหลียวไปสบตาริว เด็กหนุ่มยิ้มจนตาหยีตอบ ก่อนจะให้จังหวะเพลงใหม่
ทั้ง 5 หนุ่มโชว์ลีลากันสุดเหวี่ยงในเพลงเร็วของไวยากรณ์และเพลงรวม ลีลาการตีกลองของริวทำให้นักข่าวหลายคนสนใจมาก สีหน้าผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความสุข ตากลมโตเป็นประกายพราวหวานชวนละลายหัวใจ จนแม้แต่คนที่ไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มแต่แรกยังอดเบนกล้องมาจับภาพไม่ได้ แน่นอนว่าเมื่อเพลงรวมที่นำมาร้องปิดท้ายจบลงก็ได้รับเสียงปรบมือแสดงความชื่นชมจากสื่อมวลชนทุกสำนัก
เย็นวันนั้นรายการข่าวบันเทิงต่างพร้อมใจกันออกข่าวงานแถลงข่าวเปิดตัววงคิสมี และแน่นอนว่าเพลงของพสุต้องถูกเปิดแช่ให้ผู้ชมได้ฟังกันชัดๆ โดยเฉพาะท่อนที่เสียงลากยาวสูงลิบของพสุ ที่มีแต่คนชื่นชมว่ามีพลังและเพราะมาก
หลังจากข่าวบันเทิงจบไปไม่กี่นาที โทรศัพท์ของบริษัทก็เริ่มทำงานหนัก แต่เขมชาติเตรียมคนรอไว้แล้ว รายการบันเทิงต่างๆเริ่มเสนอจะเชิญวงคิสมีไปออกรายการ บางรายการนั้นถึงขนาดให้คิสมีไปอัดรายการในวันรุ่งขึ้นเพื่อออกอากาศตอน 4 ทุ่ม ลัดคิวเทปสัมภาษณ์อื่น เนื่องจากมีหลายรายการที่ขอมาพร้อมๆกัน เขมชาติจึงเลือกรายการที่มีผู้ชมมากที่สุดเป็นรายการเปิดตัว….
คิสมีปรากฏกายในชุด เชิ้ตขาว กางเกงยีนส์ ที่มีรายละเอียดแตกต่างกันไปตามสไตล์ แต่เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมได้ดังสนั่น
เขมชาติไม่มีสคริปต์ให้ เพราะเขามั่นใจในเสน่ห์และความเป็นตัวตนของนักร้องทุกคนในวง
ตะวันผู้เงียบขรึมตอบคำถามสั้นๆและปฏิเสธตรงๆว่าเขาจะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก ซึ่งพิธีกรหนุ่มใหญ่ผู้เจนเวที ก็ฉลาดพอที่จะไม่เซ้าซี้
ส่วนพสุในฐานะพระเอกละครเบอร์หนึ่ง แค่ขยับตัวก็เรียกเสียงกรี๊ดได้แล้ว และด้วยประสบการณ์ พสุสามารถตอบทุกคำถามได้อย่างพอเหมาะพอดี และน่าชื่นชม ทำให้คนดูในห้องส่งยิ่งหลงรักพระเอกคนดังมากกว่าเดิม
ไวยากรณ์แม้จะติดภาพหนุ่มนายแบบเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม แต่บุคลิกขี้เล่นแบบนี้กลับเรียกเสียงกรี๊ดได้ไม่แพ้ใคร ขณะที่หนุ่มแก้มกลมอารมณ์ดี มุกเยอะเน้นฮา แบบธีรดล ก็เอาตัวรอดจากคำถามได้ดี และยังสร้างเสียงหัวเราะได้เป็นระยะๆ
แต่สิ่งที่เขมชาติคาดไม่ถึงก็คือริว เด็กหนุ่มดูหล่อมากเมื่ออยู่ในชุดเชิ้ตขาว และยีนส์หลวมๆ ตากลมโตใสเหมือนลูกแก้วหรุบต่ำใต้แผงขนตาหนางอนสีอ่อน เด็กหนุ่มแนะนำตัวเองสั้นๆเหมือนกับตอนแถลงข่าวเปิดตัว เมื่อโดนพิธีกรถามเรื่องประวัติ เด็กหนุ่มก็ตอบเพียงว่าเขาเป็นลูกกำพร้า อาศัยอยู่กับญาติในนิวยอร์ค
พิธีกรชมว่าริวพูดภาษาไทยได้ชัดเจนแถมยังใช้คำควบกล้ำได้ดีกว่าคนไทยหลายๆคน ไวยากรณ์ทำเป็นร้อนตัว แล้วแกล้งแฉเรื่องที่ริวเป็นไอ้หนูจำไมที่ชอบถามอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะเผาเรื่องที่ริวซื้อไข่ปิ้งด้วยบัตรเครดิต ธีรดลรีบรับมุกด้วยการทำเป็นเถียงแทนว่า ริวคงคิดว่าวิทยุในกระจาดไข่ปิ้งเป็นที่รูดการ์ด ทำให้คนดูหัวเราะกันครืน
ริวทำหน้าเหรอหรา ไม่รู้ว่าคนดูขำอะไร ยิ่งสร้างเสียงหัวเราะและเพิ่มความน่าเอ็นดูให้เด็กหนุ่มมากขึ้น
“แล้วตอนนี้ใช้เงินไทยเป็นแล้วหรือยังครับ” พิธีกรถามต่อยิ้มๆ
“ริวใช้ไม่เป็น แต่ไม่เป็นไรครับ ริวใช้พี่ไวย์จ่ายแทน” ริวตอบเสียงซื่อ แต่ทุกคนในห้องฮากันครืนคิดว่าริวย้อนมุกไวยากรณ์ เห็นได้ชัดว่าริวเป็นที่สนใจของคนดูไม่แพ้เพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ
พิธีกรเท้าความถึงตอนออดิชั่น และยังเอาเทปตอนออดิชั่นมาเปิดให้ผู้ชมในห้องส่งดู ตะวันกับพสุเองก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน เทปของไวยากรณ์และธีรดลถูกเปิดก่อน ซึ่งคนดูก็ปรบมือให้ด้วยความชื่นชมในความสามารถ แต่เมื่อถึงเทปของริว ที่โชว์การเล่นเครื่องดนตรีหมดทุกชิ้นบนเวที ด้วยลีลาของมืออาชีพ และปิดท้ายด้วยการเลือกร้องเพลงเก่าๆอย่างคำมั่นสัญญาคลอไปกับเสียงเปียโน ก็ทำให้คนดูปรบมือเกรียว เพราะทึ่งที่เห็นคนต่างชาติแบบริวร้องเพลงไทยด้วยสำเนียงที่ไม่ผิดจากคนไทย หนำซ้ำยังร้องได้เพราะมาก ริวเกาท้ายทอยแก้เขิน แต่รอยริ้วแดงระเรื่อบนแก้มและใบหู ก็ทำให้ผู้ชมวัยรุ่นยิ่งกรี๊ดกร๊าดชอบใจที่เห็นเด็กหนุ่มเขินอาย
”ทำไมเลือกเพลงเก่าๆมาร้องละครับ” พิธีกรถามอย่างสนใจ เพราะเขาเองก็ทึ่งที่เห็นเด็กวัยรุ่นร้องเพลงเก่าๆได้เพราะ
“ครูสอนภาษาไทยของริวเป็นคนสอนครับ ครูบอกว่าเพลงแบบนี้จะช่วยให้ริวพูดภาษาไทยได้ชัดเจนมากขึ้น”
เขมชาติถือโอกาสนั้นพูดถึงการตั้งวงคิสมีว่าเขาต้องการจะตั้งวงบอยแบนด์เก่งๆขึ้นมาสักวง และมองตะวันกับพสุไว้ก่อนแล้ว แต่ยังหาคนที่คิดว่าบุคลิกเด่นและมีฝีมือจัดจ้านพอจะไม่ถูกสองหนุ่มนี้ข่มไม่ได้ จึงตัดสินใจเลือกการออดิชั่น เพื่อเฟ้นหาคนที่เก่งทั้งร้องและเล่นดนตรี รวมถึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากพอที่จะข่มกันไม่ลง ซึ่งเขาก็ถือว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่ได้ อีกสามหนุ่มมาร่วมวงแล้ว
หลังจากนั้นก็เป็นการโชว์เพลงของวงคิสมี ที่ปิดท้ายด้วยเพลงของพสุ ซึ่งคนดูตอบรับด้วยเสียงกรี๊ดเสียงปรบมือ ชื่นชมเสียงดังและยาวนาน………..
โทรทัศน์ถูกปิดทันทีที่รายการจบ ก่อนที่รีโมทจะถูกวางบนโต๊ะรับแขกอย่างกระแทกกระทั้น
“ที่เรียกฉันมาจะให้ดูแค่นี้เหรอ...ไร้สาระ เสียเวลานอน” พรเทพพูดจบก็กระแทกเท้าตึงๆขึ้นชั้นบนไป สุดามองตามสามีไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ถึงจะทำเป็นหงุดหงิดรำคาญแต่เธอรู้ดีว่าพรเทพภูมิใจกับลูกแค่ไหน เธอเองยังขนลุกเมื่อได้ฟังเพลงของพสุและมั่นใจว่าคราวนี้ลูกจะต้องประสบความสำเร็จในฐานะนักร้องอย่างแน่นอน สุดาเหลือบมองนาฬิกา เห็นว่าเพิ่ง5 ทุ่มกว่าๆ พสุคงยังไม่นอน จึงตัดสินใจโทรไปหา
เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของพสุดังขึ้นเบาๆ พสุเหลียวไปมองริว เห็นเด็กหนุ่มยังง่วนอยู่กับโน้ตบุ๊คจึงลุกออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง
“ครับแม่”
“ทำอะไรอยู่จ๊ะ”
“ดูโทรทัศน์อยู่กับน้องที่วงครับ”
“น้องคนไหนเหรอลูก คนที่เป็นนายแบบ หรือว่าคนที่ตาแป๋วๆ”
“คนที่ตาแป๋วๆ นั่นแหละครับแม่”
“เด็กคนนั้นน่ารักนะ ท่าทางขี้อายเชียว แม่เห็นในรายการโดนรุมแกล้งอยู่คนเดียว น่าสงสารออก”
“สงสัยแม่จะหลงรักริวอีกคนแล้วสิครับเนี่ย”
“แหม...เค้าน่าเอ็นดูดี นานๆ จะเห็นได้เห็นเด็กท่าทางซื่อๆ แม่ว่าเค้าสมวัยดีออก”
“เด็กซื่อๆ ของแม่จบปริญญาเอกแล้วนะครับแม่”
“อะไรนะจ๊ะ!”
“ริวเป็นด๊อกเตอร์เชียวนะครับ”
“อะไรจ๊ะ อย่ามาล้อแม่เล่นหน่อยเลย เขายังเด็กมากเลยนะ แค่บอกว่าจบปริญญาตรีแม่ก็ไม่เชื่อแล้ว”
“จริงๆ ครับแม่ ริวเป็นเด็กอัจฉริยะนะครับ เขาเป็นด็อกเตอร์ตั้งแต่อายุ 16 แล้วครับ”
“เก่งจริง...ไม่น่าเชื่อเลยนะจ๊ะ ดูเค้าเด็กมากเลย หน้าตาก็หล่อแล้วยังเป็นเด็กอัจฉริยะอีกเหรอเนี่ย วาสนาดีจริงพ่อคนนี้”
น้ำเสียงชื่นชมของแม่ทำให้รอยยิ้มของพสุจางลง แม่จะรู้ไหมว่าคนวาสนาดีของแม่เคยผ่านเรื่องที่โหดร้ายและเจ็บปวดขนาดไหน...
“ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปทุกอย่างหรอกครับแม่...ว่าแต่แม่โทรมาหาไผ่ เพราะมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“แม่จะโทรมายินดีกับไผ่นะลูก เมื่อกี้ได้ฟังเพลงของไผ่แล้ว เพราะมากเลยนะครับ”
“เพลงนี้ริวเป็นคนแต่งทำนองครับ ไผ่แค่ช่วยเกลาเนื้อเพลงนิดหน่อยเท่านั้น”
“จริงเหรอจ๊ะ...ฝากบอกริวด้วยนะจ๊ะว่าขอบใจที่แต่งเพลงเพราะๆ อย่างนี้ให้ลูกชายแม่”
“ได้ครับ...แล้วฝากบอกแต่ริวเหรอครับ ไผ่ละครับแม่ ไม่มีอะไรจะบอกบ้างเหรอ?” พสุทำเสียงอ้อน รอยยิ้มกว้างระบายอยู่เต็มหน้าด้วยความสุข
“มีข้อความสำคัญจะบอกจ้ะ...แม่ภูมิใจในตัวไผ่มากๆ เลยนะลูก แล้วก็คิดถึงมากด้วย”
“ไผ่ก็คิดถึงแม่ครับ ไม่ได้เจอแม่ตั้งนานแล้วเนี่ย”
“เที่ยงพรุ่งนี้ไผ่ว่างหรือเปล่าละลูก ถ้าว่างแม่อยากจะชวนไผ่กินข้าวด้วยกัน”
“ว่างครับ ไปกินที่ไหนดีครับ ร้านประจำเหรอ”
“จ้ะ พอดีน้าเอมเขาโทรมาบอกว่าเขาได้เชฟมาใหม่ เลยชวนแม่ไปลองชิมฝีมือดู”
“ได้ครับ งั้นพรุ่งนี้เจอกัน...เอ่อ...ไผ่เอาริวไปด้วยได้ไหมครับแม่”
“ได้สิจ๊ะ กินข้าวหลายๆ คนสิดี จะได้เจริญอาหาร”
“งั้นพรุ่งนี้เที่ยง เจอกันที่ร้านครับ”
“จ้ะ...รักษาสุขภาพด้วยนะลูก อย่านอนดึกนะครับ”
“ครับแม่ รักแม่มากๆ ครับ สวัสดีครับ”
แม้ริวจะไม่พร้อมที่จะรับการรักษาจากผู้เชียวชาญ แต่พสุคิดว่าการได้เจอแม่ของเขาอาจจะช่วยให้ริวรู้สึกดีขึ้น และอาจจะทำให้ริวเปิดใจกับคืนอื่นๆมากกว่านี้ก็เป็นได้
-
แหม ๆ ริวได้เป็นลูกคุณแม่อีกคนแล้ว อิอิ
รอลุ้นแหละเน๊อะว่า เมื่อไหร่จะได้เป็นมากกว่า น้านนนนนนนนนนนนน
ฮุๆ
-
ว้าวว ! พาไปเจอแม่ด้วย
-
นึกว่าไม่มาแล้ว ดีใจจังที่ลองเข้ามาเปิดดู โอ๊ยน่ารักมากๆ :-[
อ่านไปแบบเขินไปอ่ะ ไงทุกคนถึงน่ารักแบบนี้อ่ะ
ไม่ไหวแล้วนะ o13 ยกนิ้วให้ พรุ่งนี้มาอัพด้วยนะค่ะ รออ่านนะ
สู้ๆ :L1: :bye2:
-
อัพแล้วๆ วู้ๆ
คิสมีเปิดตัวแรงดีจริงๆ
ริวได้ใจคุณแม่ไปละ :laugh:
-
จะพาไปเจอแม่ด้วย
แนะนำลูกสะใภ้ป่าวเนี่ยพี่ไผ่
น้องริวน่าร๊ากกเหมือนเดิม
ขอบคุณที่มาต่อนะจ๊ะ
รอตอนต่อไปจร้า
กอดไรเตอร์และคนโพส
:กอด1: :กอด1:
-
อ๊ายยยยยยยยยยยย
จะไปเจอแม่ยาย 55555 :laugh:
-
หวังว่าความอบอุ่นของแม่ของไผ่ จะช่วยริวได้
-
:o8:เปิดตัววงแล้ว น่าจะรุ่งด้วย
หวังว่าริวจะไม่โดนแฟนคลับทำให้ตกใจกลัวไปซะก่อนนะ
น่ารักขนาดนี้ ใครๆก็อยากเข้าใกล้...พี่ไผ่อย่าลืมช่วยดูนะ
จะไปเปิดตัวกะแม่แล้ว ดีเหมือนกัน อย่างน้อยจะได้ทำความคุ้นเคยกันไว้ก่อน
:L2: :3123: :L1:
-
ริวจะไปเจอแม่ไผ่แล้ว ตื่นเต้นๆ :o8:
-
:L1: อยากบอกว่าหลงรักนู๋ริวแล้วอ่ะ มาเป็นกำลังใจให้คนแต่งนะ
ยังไงก็มาลงต่อนะรออ่านอยู่
-
นู๋ริวน่ารัก :กอด1:
พี่ไผ่ก็น่ารัก :กอด1: :L2:
-
โหยยยย
ไม่ได้เข้ามาอ่านซะนาน
ริวน่ารักได้อีกจิงๆ กริ๊ดดดดๆๆๆ
-
:กอด1: :กอด1:รอตอนต่อไป
-
เรื่องนี้ชอบมาาาาาาาาาาาาาาาก
ริวน่ารัก เอ๋อๆดี
แต่กังวลอยู่เรื่องนึง
ใครจะรุกว่ะ :z1:
-
ยังไม่ทันไรเลย คุณแม่หลงรักว่าที่สะใภ้ อย่างริวซะแล้ว คริคริ
-
เอาให้แม่สามีหลงให้ได้นะริว
-
ตามอ่านมาจนทันแระ แล้วก็เสียน้ำตาไปกับชีวิตของน้องริวซะมากมาย
ด้วยการใช้ภาษาเล่าเรื่องที่เห็นภาพชัดเจน ประหนึ่งว่าเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย และ
ใช้ภาษาบอกเล่าอารมณ์ความรู้สึก ประหนึ่งว่าเราคือตัวละครตัวนั้น
เป็นงานเขียนที่ใช้ภาษาได้เยี่ยมมากค่ะ
-
อ่านแล้ว แฮปปี้ สุดๆ
น่ารักมาก
เมื่อไรริวจะหายสักทีเนี่ย
ลุ้นๆอยู้ว่าเมื่อไรจะรักกันซักที
มาต่อไวไวนะ
-
ขอบคุณค่ะ :L2: :L2:
:pig4: :pig4:
-
อ๊าย.........
ชอบฉากที่พี่ไผ่หยิบแว่นให้น้องริวใส่จังเลยค่ะ ดูห่วงหาอาทร อบอุ่นจัง
น้องริวน่ารัก ^3^
-
รอ รอ รอ รอ :call:
-
:call: :call:
-
ยังไม่มาเลยแฮะ :call:
-
สนุกมากๆเลยค่ะ อ่านรวดเดียวเลย
หลงรักน้องริว ช่างเป็นเด็กที่น่ารักมากๆ
พี่ไผ่ก้อดูแลน้องดีๆนะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ รอตอนหน้าค่ะ
-
รอ ต่อไปค้าา :call: :call: :t3: :t3:
-
คุณน้องริวจาไปเจอว่าที่แม่ยายแล้ววววว ฮิฮิ้ววว :mc4:
************************************
ตอนที่ 19
ตอนแรกที่รู้ว่าพสุจะพาไปกินข้าวกับแม่ ริวก็ดีใจจนออกนอกหน้า แต่พอออกจากบ้านไปไม่เท่าไหร่ เด็กหนุ่มก็เริ่มหน้าเจื่อน ท่าทางกระสับกระส่ายจนพสุอดสงสัยไม่ได้
“เป็นอะไรไปริว ท่าทางกระสับกระส่ายเชียว”
“พี่...ริวไม่ไปได้ไหม”
“อะไรนะ?”
“ริวไม่ไปกินข้าวกับแม่พี่ได้ไหมครับ”
“ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไรเหรอครับ”
“ริว...ริวกลัว”
“กลัวแม่พี่เหรอ?”
“เปล่าครับ ริวกลัวว่าริวจะไปทำอะไรไม่ดีๆ อีก แม่พี่ก็อาจจะโกรธริวก็ได้”
“ไม่หรอกน่า อย่าตีตนไปก่อนไข้สิริว ยังไม่ทันเกิดอะไรก็กลัวไปก่อนแล้ว”
“พี่ไผ่ต้องช่วยริวนะ อย่าให้ริวทำอะไรไม่ดีต่อหน้าแม่พี่นะ”
พสุไม่ตอบ แต่ละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยมาวางบนไหล่ของเด็กหนุ่มแล้วบีบเบาๆ
.
.
.
.
.
ร้านอาหารบรรยากาศโปร่งสบาย ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนไผ่ และสระน้ำที่มีปลาแหวกว่ายเต็มไปหมด ที่นั่งแยกออกเป็นโซนต่างๆ เป็นยกพื้นเหนือน้ำ มีทั้งแบบมีหลังคาและแบบเปิดโล่ง พอพสุเข้าไปในร้าน พนักงานก็เข้ามาทักอย่างคุ้นเคย แล้วพาเดินไปอีกด้าน สตรีร่างผอมบางนั่งรออยู่ที่หมู่เก้าอี้ใต้กอไผ่สีเหลืองทองริมสระ พอหันมาเห็นพสุกับริวก็ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ รอยยิ้มหวานคุ้นตานั้น ทำให้ริวอดเหลียวไปมองหน้าพสุไม่ได้ แม่ลูกยิ้มได้อ่อนโยนเหมือนกันไม่มีผิด
“สวัสดีครับแม่” พสุไหว้แล้วปราดเข้าไปกอด ร่างผอมบางดูจะยิ่งบอบบางเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของลูกชาย ก่อนที่แม่ของ
พสุจะหันมาทางริวแล้วส่งยิ้มให้
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะ แหม! เป็นฝรั่งแต่ไหว้สวยเชียวนะจ๊ะ...นานๆ จะได้เห็นคนไหว้สวยๆ แบบนี้สักที เด็กเดี๋ยวนี้เขาไหว้แผล็บๆ เหมือนจะรีบไปไหน...มาจ้ะ ทานอะไรกันดีลูก ริวกินเผ็ดได้หรือเปล่า”
“อย่าดีกว่าครับแม่ ที่นี่ยิ่งทำรสจัดแบบไทยแท้ๆ อยู่ แม่สั่งอะไรมาบ้างครับ” พสุถามพลางนั่งลงแล้วส่งเมนูให้ริวดู ส่วน
เขานั้นมาบ่อยจนไม่ต้องเปิดเมนูแล้ว
“สั่งของว่างแล้วจ้ะ ก็มีวิหคนอนรัง ข้าวตัง ช่อม่วง ล่าเตียง ม้าฮ่อ พวงประทัด” สุดาพูดไม่ทันขาดคำ ของว่างในถาด
ใบใหญ่รูปดอกไม้ที่ข้างในแบ่งเป็นช่องใส่อาหารหน้าตาแปลกสำหรับริว
“ริวเคยกินไหมลูก นี่เป็นของว่างแบบไทยโบราณจ้ะ”
“ริวเคยเห็นอันนี้...ครูเคยทำให้กินครับ นอกนั้นไม่รู้จัก” ริวชี้ไปที่ข้าวตังที่อยู่ใกล้ตัวสุด แล้วกวาดตาไปตามของว่างใน
ถาดอย่างสนใจ
“สวยนะครับ” เด็กหนุ่มจ้องช่อม่วงอย่างสนใจ เพราะรู้สึกว่าเหมือนดอกไม้มากกว่าของกิน
“ลองกินสิจ๊ะ อาหารไทยไม่ได้มีดีแค่รูปนะจ๊ะ แต่ยังรสดีด้วย” สุดาบอกพร้อมกับตักของว่างอย่างละชิ้นใส่ในจานแบ่ง
ให้ริว เด็กหนุ่มไหว้ขอบคุณแล้วลองกิน ตาโตเป็นประกายวาววับเมื่อได้ลิ้มรส
ยิ่งเมื่ออาหารถูกลำเลียงมาริวก็ยิ่งตื่นตาตื่นใจ เด็กหนุ่มชอบตัวภาชนะที่สลักจากฟักทองบ้าง แฟงบ้าง มากกว่าตัว
อาหาร ริวหยิบแตงกว่าที่แกะสลักเป็นใบไม้มานั่งจ้องอยู่นานจนพสุและสุดาหันมาเห็น
“ทำไมไม่กินละจ๊ะ”
“สวยจังครับ ริวเสียดาย” สีหน้าชื่นชมของริวทำให้สุดาภูมิใจ ที่อาหารไทยๆ เป็นสิ่งน่าสนใจสำหรับคนต่างชาติ
“ถ้าชอบ วันหลังก็ให้พี่เขาพามาสิลูก ไผ่จะได้มาหาแม่บ่อยๆ”
“ริวก็อยากมาครับ แต่ไม่รู้พี่ไผ่จะว่างไหม”
“อยากมาก็บอกแล้วกัน แล้วพี่จะพามา” พสุตอบยิ้มๆ รู้สึกดีใจที่เห็นริวสนิทสนมกับแม่เขาง่ายๆ
“เย้! ริวจะได้มาหาแม่...เอ่อ ให้ริวเรียกแม่ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มขออนุญาตด้วยสีหน้าเกรงใจ
“ได้สิจ๊ะ”
“...แม่...ริวไม่ได้เรียกใครแบบนี้มาตั้งนาน” ริวพูดเสียงแผ่วลง แม่...เป็นบาดแผลใหญ่ในหัวใจที่ไม่เคยจางหาย แตะทีไรก็เจ็บปวดทีนั้น
“แม่เสียไปหลายปีหรือยังจ๊ะริว”
“ตั้งแต่ริว 8 ขวบครับ...จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 10 ปีแล้ว”
“โถ...ไม่เป็นไรนะลูก คิดเสียว่าริวเป็นลูกแม่ก็แล้วกัน เป็นลูกคนเล็กของแม่นะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ”
น้ำเสียงอ่อนโยน กับการคอยตักโน่นตักนี่ใส่จานให้ ทำให้ริวรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มคิดว่าคงเป็นเพราะสุดาหน้าเหมือนพสุ เขาก็เลยรู้สึกคุ้นเคย พอกินข้าวเสร็จ พสุกับริวก็เดินออกมาส่งสุดาที่รถ
“ว่างเมื่อไหร่ก็โทรหาแม่นะลูกนะ จะได้มากินข้าวด้วยกันอีก” สุดาพูดพร้อมกับกอดลูกชายไว้แน่น พสุหัวเราะเบาๆ กอดแม่เต็มอ้อมแขนด้วยความรัก ยิ่งได้ฟังเรื่องของริว เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองให้เวลากับแม่น้อยเหลือเกิน
“ครับแม่ ไผ่รักแม่นะ” พสุหันไปหอมแก้มแม่ซ้ายขวา สุดาก็หอมลูกชายตอบ ก่อนจะหันมาเห็นริวยืนมองตาละห้อย ก็อดสงสารไม่ได้
“มาริว มาให้แม่กอดหน่อยจ้ะ” สุดากางแขนออกกว้าง ใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน ริวชะงักไปนิดหนึ่งด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าสุดาจะเรียกเขาไปกอด แต่เพราะเป็นแม่ของพสุ ทำให้ริวไม่อยากให้เธอคิดว่าเขารังเกียจ เด็กหนุ่มขยับเข้าไปหาช้าๆ พอได้ระยะ สุดาก็เป็นฝ่ายดึงเด็กหนุ่มเข้ามากอด
วงแขนบอบบาง แต่นุ่มนวลและอบอุ่นทำให้อาการเกร็งของกล้ามเนื้อคลายตัวลง ริวลังเลแต่ก็กอดตอบ แล้วเปลี่ยนเป็นกอดไว้แน่น
...แม่... ความรู้สึกอุ่นซ่านในอกที่พลุ่งขึ้นมาจนร้อนไปหมดทั้งหน้าและกระบอกตา เหมือนเวลาที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของแม่ตอนที่เขาเป็นเด็กไม่มีผิด
เด็กหนุ่มซุกหน้ากับ ไหล่บอบบางแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาดื้อๆ แม้กลิ่นกายจะหอมกันคนละแบบ แต่ความรู้สึกที่ได้รับไม่แตกต่างกันเลยสักนิดเดียว
“..แม่...แม่ครับ...ริวคิดถึงแม่...” ริวพ้อเสียงสั่นเครือ อ้อมแขนอบอุ่นและดวงตาเด็ดเดี่ยวของแม่เหมือนภาพฉายซ้ำๆ ในหัวไม่หยุด
“ไม่ต้องร้องลูก...นี่ก็แม่เหมือนกันนะครับ” สุดาบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วลูบหัวทุยบนไหล่เบาๆ ตอนแรกเธอก็ตกใจที่จู่ๆเด็กหนุ่มก็กอดเธอแน่น แถมยังร้องไห้อีก แต่พอได้ยินว่าคิดถึงแม่ ก็ใจอ่อนยวบ เธอก็นึกเอ็นดูเด็กหนุ่มเป็นทุนเดิมอยู่แล้วตั้งแต่รู้ว่าริวแต่งเพลงเพราะๆ เพลงนั้นให้พสุ ยิ่งได้รู้ว่าริวกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก ก็ยิ่งสงสารเด็กหนุ่มมากขึ้น
“ไม่เอา...ไม่ร้องไห้นะจ๊ะ คนเก่งของแม่” สุดาลูบหลังลูบไหล่ให้เด็กหนุ่มเพื่อปลอบใจ
พสุผ่อนลมหายใจช้าๆอย่างโล่งอกแล้วเปลี่ยนเป็นดีใจเมื่อเห็นว่า นอกจากริวจะสัมผัสตัวแม่เขาได้โดยไม่มีอาการหวาดกลัวแล้ว ดูเหมือนแม่เองก็เอ็นดูริวมากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก ทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่ดูแม่เขาให้ความสนิทสนมกับริวราวกับเป็นลูกอีกคน....................................................
เมื่อเริ่มออกรายการหลายๆ รายการ ทั้งเพลงยังถูกเปิดจากทุกคลื่นวิทยุทั่วประเทศ เพราะเขมชาติสั่งโหมโปรโมท เพื่อให้ คิสมีเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ซิงเกิ้ลของพสุขึ้นชาร์ทอันดับหนึ่งแทบทุกสถานี คลิปที่คิสมีไปออกรายการถูกเรียกดูทางอินเตอร์เน็ตเยอะมาก และเริ่มมีกลุ่มคนหลากหลายวัยรวมตัวกันตั้งเป็นแฟนคลับคิสมี ที่มีคนเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกหลายร้อยคนต่อวัน ไม่นับกลุ่มที่แยกไปตั้งคลับเฉพาะให้แต่ละหนุ่ม
สำหรับพสุการที่เพลงของเขาได้รับกระแสตอบรับที่แรงมากๆ และได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวก ทำให้ชายหนุ่มมีกำลังใจในการร้องเพลงขึ้นอีกมาก เขารู้สึกขอบคุณริวเหลือเกินที่แต่งเพลงดีๆ มาให้
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ต้องร้องเพลงในรายการสด ทางรายการให้เวลาไว้ 3 เพลง แต่ติดที่ไวยากรณ์ไปถ่ายแบบต่างประเทศ เลยเหลือกัน 4 หนุ่ม ทางรายการขอให้เตรียมเพลงอะไรก็ได้ให้สักเพลง ตอนแรกกรเวชก็คิดว่าจะให้ตะวันเป็นคนร้อง แต่ริวอาสาจะร้องอีกเพลงเอง
ริวไม่ได้บอกว่าจะร้องเพลงอะไร ขอแค่เปียโนตัวเดียว เขาจะเล่นเอง ทางรายการก็คิดว่าคงเป็นเพลงสากล เพราะเห็นว่าริวเป็นคนต่างชาติ
แต่ทันทีที่อินโทรขึ้น พสุเป็นคนแรกที่รู้ว่าเด็กหนุ่มจะร้องเพลงอะไร
“ก่อนเคยเหงา...เคยรู้สึกเหว่ว้า......”
กล้องซูมเข้าไปที่ใบหน้าและจับที่ตาโตๆ ของเด็กหนุ่ม...คำว่าเหงา...เหมือนโดดออกมาจากดวงตาแสนเศร้าคู่นั้น...ทำให้คนดูแทบร้องไห้ตาม น้ำเสียงทุ้มนุ่ม...ผสานกับเสียงเปียโนได้พอเหมาะ สะกดให้ทั้งห้องส่งเงียบกริบ
“เธอเป็นมากกว่ารัก...เพราะเธอนั้นเป็นครึ่งชีวิต.......” เสียงทุ้มนุ่มหางเสียงทอดอ่อนแทบเป็นอ้อน เมื่อเด็กหนุ่มกวาดตาไปที่คนดูรอบๆ ห้องส่งแล้วหยุดลงที่เพื่อนๆ ในวง พสุส่งยิ้มให้กำลังใจเมื่อสบตากัน
“และสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่างที่เติมเต็มหัวใจ...จากนี้ทุกลมหายใจ....ฉันคือเธออออออออ” เสียงโน้ตเพลงสุดท้ายหายไปในอากาศ ในห้องส่งยังคงเงียบกริบ จนเด็กหนุ่มลุกขึ้นโค้ง เสียงกรี๊ดก็ดังถล่มทลายจนแม้แต่พิธีกรสาวยังเผลอกรี๊ดเบาๆ
“แหม!...เสียงอ้อนซะขนาดนี้ ชักอยากจะฟังเพลงของน้องริวเองซะแล้วสิคะว่าจะอ้อนขนาดไหน...มีโปรแกรมจะปล่อยซิงเกิ้ลเมื่อไหร่คะ”
“ก็ราวๆต้นเดือนหน้าครับ” ริวตอบเสียงเบาแล้วก้มหน้างุด หน้าและหูแดงก่ำด้วยความอาย
“เราจะปล่อยเพิ่มอีก 3 เพลงครับ เป็นซิงเกิ้ลของตะวัน ของริว แล้วก็ของธีรดลครับ” พสุรีบตอบแทนให้ เพราะรู้ดีว่าริวกำลังเขินที่ได้ยินคนดูตะโกนแซวว่าริวน่ารัก
“เปิดตัวรับอากาศหนาวครับ...เผื่อจะมีใครยอมให้ไออุ่น” ธีรดลตอบแล้วหันไปแซวแฟนคลับในท้ายประโยค เรียกเสียงกรี๊ด เสียงโอ๋จากแฟนคลับได้ดังสนั่น
“โอ๊ย!เวลาหมดแล้ว...รู้สึกเร็วมากๆ เลยค่ะ เสียดายที่น้องไวย์ติดงานอยู่ต่างประเทศนะคะ” พิธีกรสาวบอกด้วยสีหน้าเสียดายสุดแสน เพราะเธอออกจะปลื้มไวยากรณ์เป็นพิเศษ
“ครับ แต่รับรองครับว่าวันอาทิตย์นี้ ไวยากรณ์กลับมาทันร่วมงานอุ่นรักจากดวงใจแน่นอน ก็ขอเชิญทุกท่านเลยนะครับ นอกจากผ้าห่มแล้ว จะเป็นหนังสือหรืออุปกรณ์การเรียน รวมไปถึงข้าวสารอาหารแห้ง เราก็ยินดีรับบริจาคทั้งหมดครับ” พสุหันไปเชิญชวนผ่านกล้องไปถึงคนดูทางบ้านเพราะนี่เป็นรายการถ่ายทอดสด
“ใช่ครับถือว่าเราไปทำบุญร่วมกันนะครับ” ธีรดลเสริม ก่อนที่ทุกคนจะไหว้ลาผู้ชม…………….…………………………………………
วันอาทิตย์รถตู้มารับตั้งแต่เที่ยงกว่าๆ ทั้งที่วงคิสมีต้องขึ้นเวทีตอน 5 โมงเย็น ด้วยเหตุผลว่า ไปเตรียมตัวก่อน เนื่องจากคาดว่าการจัดงานใหญ่กลางกรุงแบบนี้รถน่าจะติดมหาศาล แล้วก็จริงดังที่คาด....รถติดมาก ยิ่งใกล้ที่จัดงานก็ยิ่งแน่นจนแทบขยับไม่ได้ ไวยากรณ์ขอขึ้นรถไฟฟ้าไปแทน เพราะเหลือระยะทางอีกเพียงสองสถานีเท่านั้น ทั้งยังเป็นการเช็คเรตติ้งไปในตัว เนื่องจากงานนี้เป็นการออกงานครั้งแรกของวงคิสมี
ตอนแรกกรเวชก็ลังเล แต่เมื่อโทรไปประสานกับทีมงานที่รอรับอยู่ที่งานก็ได้รับการรับรองว่าจะไปคอยรับที่สถานี ซึ่งเดินออกมานิดเดียวก็เข้าห้างได้เลย คาดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร อีกอย่างคิสมีเพิ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรก คงไม่ถึงกับถูกรุมมากเหมือนวงดังๆวงอื่น ทั้ง5หนุ่ม กับอีก1 ผู้จัดการส่วนตัวจึงลงจากรถตู้วิ่งขึ้นสถานีรถไฟฟ้า ตั้งแต่ซื้อตั๋วไปจนไปยืนรอรถ ทั้ง 5หนุ่มก็ถูกจ้องเขม็ง แล้วคนแรกที่ถูกจำได้ก็คือพสุ
“พี่ไผ่!” เสียงเด็กสาวคนหนึ่งอุทานขึ้นมาก่อน คราวนี้คนที่รอรถหันมามองเป็นตาเดียว พสุหันไปส่งยิ้มให้แล้วแอบโล่งใจเมื่อรถเข้ามาจอด คนลงไม่มากนัก เพราะใกล้ถึงสถานีใหญ่ที่ห้างกลางเมืองแล้ว เมื่อเข้าไปในรถไฟฟ้า ทั้ง 5 หนุ่มก็ถูกกรเวชต้อนไปยืนหลบมุม แต่ดูเหมือนจะสายเกินไป เมื่อสาวน้อยที่จำพสุได้ วิ่งนำเพื่อนๆ มาหา
“คิสมี!” หนึ่งในสาวๆที่วิ่งมากรีดเสียงใส่ เพราะเธอจำพสุกับไวยากรณ์ได้ คนอื่นๆเริ่มหันมามอง เด็กสาวกลุ่มนั้นไม่สนใจใคร ขอจับมือและขอถ่ายรูปกับ 5หนุ่ม ไปๆ มาๆ คราวนี้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นก็เริ่มจำ 5 หนุ่มได้ หลายคนที่ได้ดูรายการ ดันเข้ามาเพื่อขอถ่ายรูปกับริวด้วย
เด็กหนุ่มซ่อนตัวอยู่หลังพสุและยึดเสื้อชายหนุ่มไว้แน่นด้วยมือชื้นเหงื่อ พสุอดเหลียวไปมองด้วยความห่วงไม่ได้ คนแน่นๆ แบบนี้ หวังว่าริวจะประคองตัวลงไปจากรถไหว...
-
^
^
จิ้มก่อนอ่านค่ะ รอเธอมาตั้งนานข้างเดียว~
อ่านแล้วๆ คุณสุดาเป็นว่าที่แม่ยายจริงอ่ะ
ริวน่ารักขึ้นทุกวัน เหมือนลูกแมวเลยแฮะ ขี้อ้อน หวงเจ้าของ และไม่ชอบให้คนแปลกหน้าแตะตัว
พี่ไผ่ปกป้องริวให้ได้นะ ดูแลริวดีดีล่ะ
สู้นะคะ ทั้งไรเตอร์ทั้งคนโพสเลย :กอด1:
-
แปะ ไว้อ่านพรุ่งนี้ 555
-
ย๊ากกกก
มาแล้ว 555
อ่านต่อ หนุกหนานน +1 ให้ไรเตอร์ที่รักของเรา หุหุ
-
มาต่อแว้วววววววววว
สนุกมาก
รักไรเตอร์จัง
-
มาแล้วมาแล้ว เย้ๆ ><
ดังใหญ่เลย
แม่ไผ่น่ารักดีจังน้า
-
:-[ การทานข้าวกะแม่พี่ไผ่ น้องริวผ่านฉลุยฝากเนื้อฝากตัวไว้นะ
:impress2: อยากฟังริวเล่นเพลงมากกว่ารักด้วย เล่นกะเปียโนมันอินมากเลยนะ
:L2:ยังให้ +1 ไม่ได้ งั้นขอมอบช่อดอกไม้ให้สัก 1 ช่อก่อนแล้วกัน
-
ขอบคุณค่ะ :L2: :L2:
:pig4:
-
ฮ่า :laugh: มาอัพแล้ว พอเห็นนี้อยากจะร้องกรี๊ดให้บ้านแตก
ตอนนี้ก็น่ารัก ทั้งวงเลย ชอบมาก แต่เป็นน้องริวจังเลย
ฝากพี่ไผ่ดูแลริวด้วยนะ รอตอนต่อไปนะค่ะ สู้ๆ :bye2:
-
เฮ้อ
ริวจะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ยนะ
ไผ่ ช่วยรักษาอาการของริวให้หายด้วยเถิด
กลัวจัง กลัวว่าสักวันมันจะมีอะไรร้ายแรง
o18
-
ตายๆ ริวจะไหวไหมนั่น
-
ตอนนี้ทำให้รุสึกว่าน้องริวน่ารักน่าทะนุถนอมมาก
ทำให้เราต้องลุ้นต้องห่วงไปด้วยตลอด
แต่ไม่ว่าที่ไหนขอแค่มีพี่ไผยุด้วยก้อคงพอล่ะเนอะ
ดีใจที่มาต่อนะคะ
รอตอนต่อไปจร้า
-
ดีใจที่หนูริว เปิดใจให้คุณแม่พี่ไผ่อีกคน ><
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด กับคำว่าแม่ยาย เจ้าคะ^^ :z1:
เข้าทางแม่ไว้นะน้องริวลูก ต่อไปก็ดีเอง
แล้วงานนี้น้องริวจะรอดไหมลูกเจอคนเยอะๆแบบนี้ ลุ้นให้น้องปรับตัวได้เร็วๆ
แต่ถ้าน้องใกล้คนได้มีหวัง คนต้องแย่งน้องเยอะแน่ๆ ก็ลูกชายชั้นน่าตาดีซะขนาดนี้ โฮะๆ พี่ไผ่ต้องดูน้องไว้ดีๆนะคะ
-
ไออ่านมาราทอนเลยค่ะ จะนอนก็ไม่ได้นอนเพราะติดใจเรื่องนี้ ^^
เอาเป็นว่าเขียนได้ดีเข้าถึงอารมณ์มากค่ะ o13 ,, เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์+คนโพสนะ :กอด1: :L2:
เด๋วคราวหน้าไอจะเมนท์เยอะกว่านี้นะ ไม่ไหวแล๊ะ ขอไปนอนก่อน ง่วงเป็นบ้า (เด๋วพรุ่ง เอ๊ย วันนี้ต้องไปเรียนอีก&งานก็ยังไม่เสร็จ) บาย~ :a12:
-
:call: :call: :call:
-
วันนี้ไรท์เตอร์เค้าฟิตจริงอะไรจริง :fire:
ต้องรีบเอามาลงให้ละ เก็บไว้เดี๋ยวของเข้าตัว :sad4:
*************************************
ตอนที่ 20
รถมาจอดที่สถานีใหญ่ ไวยากรณ์เป็นคนแรกที่แหวกสาวๆวิ่งลงไปก่อน ตามด้วยตะวันที่อาศัยออร่าเย็นเยือก กั้นคนให้ยอมถอยให้เขาเดินผ่าน พสุดึงแขนริวเดินตามตะวันไปติดๆโดยกรเวชคอยกันไม่ให้คนถูกตัวริวมากนัก มีธีรดลเดินยิ้มแป้นรั้งท้ายช่วยไม่ให้ดูเหมือนหนีแฟนเพลงจนน่าเกลียดเกินไป
เด็กสาวกลุ่มนั้นยังวิ่งตามมา สร้างความสนใจให้คนที่เดินผ่านไปมา และเมื่อมีคนจำได้การถูกกรุ้มรุมก็เริ่มอีกครั้ง แต่คราวนี้มีทีมงานที่มารอรับเข้ามาช่วย 5 หนุ่มจึงเคลื่อนที่ไปช้าๆ ผ่านแฟนเพลงที่ต่างพยายามยื่นมือมาให้จับ กว่าจะเข้าไปถึงห้องพักได้เล่นเอาเหงื่อแตกพลั่กกันทุกคน
“ไงนายไวย์ เรตติ้งแรงดีไหมล่ะ” กรเวชประชดทั้งที่ยังหอบ เพราะกว่าดันฝูงชนเข้ามาในห้องที่ทางห้างจัดไว้ให้ได้ก็เล่นเอาเหนื่อย
“โห...ผมนึกว่าไม่รอดซะแล้ว” ไวยากรณ์โอดครวญแต่หน้าบานแฉ่ง พลางยกน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย ใครจะไปคิดว่ายังไม่ทันขึ้นเวที กระแสจะแรงขนาดนี้
“ริว...ไหวไหม” พสุถามเสียงเบา เมื่อสังเกตเห็นเด็กหนุ่มยังหน้าซีดเผือดอยู่ ริวพยักหน้าแต่ทิ้งตัวลงหนุนตักพสุด้วยความเหนื่อยอ่อน พสุหันไปเปิดเป้ หยิบผ้าเย็นออกมาส่งให้เด็กหนุ่มเช็ดหน้าเช็ดมือ
“ไหวไหมริว” ธีรดลเป็นอีกคนที่เข้ามาถาม แต่ไม่ได้แตะต้องตัวริว เพราะรู้ว่านอกจากพสุ เด็กหนุ่มจะไม่ค่อยชอบถูกใครสัมผัสนัก
“เดี๋ยวเราซ้อมเพลงปากเปล่ากันอีกนิดละกันนะ เพื่อเรียกเสียงแล้วก็แก้ประหม่าด้วย พี่รู้ว่าทุกคนเป็นมืออาชีพ แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ไงริวไหวไหม” กรเวชหันมาถามน้องเล็กสุดของวงด้วยความเป็นห่วง
“ครับ” ริวหน้าซีดมาก แต่เด็กหนุ่มก็พยักหน้ารับแข็งขันจนกรเวชวางใจ
ตะวันเดินกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับส่งขวดช็อกโกแลตเย็นให้ริว กรเวชมองตามอย่างแปลกใจ เพราะด้วยนิสัยเงียบขรึมและไม่ชอบยุ่งกับใคร การที่ตะวันใส่ใจริวขนาดนี้ก็แสดงว่าเอ็นดูเด็กหนุ่มไม่น้อย
“เอ้า! กินลูกอมแล้วมาซ้อมเพลงกัน” ไวยากรณ์ที่หายไปพักใหญ่ๆ กลับมาส่งลูกอมให้ริวเป็นถุงแถมยังหันไปดุธีรดล ที่เมียงมองจะเข้ามาขอชิมบ้างเพราะเขาซื้อมาให้ริว
กรเวชมองภาพนั้นอย่างปลื้มใจ อย่างน้อยๆ วงคิสมีก็แสดงถึงความรักความสามัคคีกัน เขาได้แต่หวังว่า วันข้างหน้า แม้มีชื่อเสียง มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ความรักความสามัคคีนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงไป
ในฐานะวงใหม่ คิสมีได้ร้อง 3 เพลง คือเพลงรวม เพลงเต้นสนุกของไวยกรณ์ และเพลงช้าแสนหวานของพสุ ซึ่งก็เรียกเสียงกรี๊ดได้ถล่มทลาย โดยเฉพาะเพลงของพสุนั้น คนดูร้องตามกันกระหึ่มจนชายหนุ่มเองยังอึ้งอย่างคาดไม่ถึง แสงแฟลชจากกล้องนับร้อยทำให้ตาพร่าจนแม้กลับเข้าหลังเวทีแล้ว
“ขอบใจมากนะริว” พสุหันมากอดเด็กหนุ่มแน่นด้วยความตื้นตันใจ ไม่เคยคิดว่าคนดูจะชอบขนาดนี้ ริวไม่ได้ตอบอะไร แต่อมยิ้มและกอดตอบพสุแน่นเช่นกัน แค่เห็นพสุมีความสุขเขาก็เป็นสุขยิ่งกว่า
“อะไรๆ จะกอดกันสองคนได้ไง พี่ไผ่ก็พี่ผมเหมือนกันนะ” ไวยกรณ์โวยวายก่อนจะกระโดดเข้าไปกอดพสุ ธีรดล วิ่งมากอดไวยกรณ์กับพสุแล้วพากันหัวเราะลั่น กรเวชใช้ศอกกระทุ้งแขนตะวันเบาๆเป็นเชิงสรรพยอก
“ไม่เข้าไปกอดกับเพื่อนบ้างเหรอ” ตะวันไม่ได้ตอบเพียงแต่อมยิ้มนิดๆเท่านั้น เขาเองก็ดีใจที่ก้าวแรกของวงดูจะประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง
…………………………………..
เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนถูกปลุกแต่เช้าเพื่อไปถ่ายเอ็มวีของเพลงรวมที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งมีทั้งนักศึกษาและนักเรียนจากโรงเรียนสาธิตอยู่ในรั้วเดียวกัน ทุกคนลงจากรถมานั่งรอแต่งหน้าด้วยอาการง่วงๆ งงๆ เหมือนยังไม่ตื่นดี ยกเว้นพสุที่ชินกับการนอนดึกตื่นเช้าแบบนี้ เพราะเวลาที่เขาต้องไปถ่ายละครต่างจังหวัด เขาต้องเดินทางเช้ากว่านี้ด้วยซ้ำ
“ว๊าย!ตายแล้ว ใครมาดับธูปฉันเนี่ย” เสียงกรีดร้องของผู้จัดการกองถ่าย เล่นเอา 4 หนุ่มที่กำลังแต่งตัวแต่งหน้าเพื่อเตรียมถ่ายมิวสิควีดีโอวันแรก หันขวับไปมองริวเป็นตาเดียวกัน เด็กหนุ่มแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จก่อนใครเหมือนเคยและกำลังตั้งสมาธิอยู่กับการท่องบทจนไม่ได้ใส่ใจเสียงรอบกายแม้แต่น้อย
“ริว...ริว” ไวยากรณ์เรียกซ้ำๆอยู่หลายรอบกว่าเด็กหนุ่มจะได้ยิน
“ครับ?”
“ใครไปดับธูปที่เขาจุดไว้”
“ธูป?...คืออะไรเหรอ” ริวทวนคำแล้วทำหน้าเหรอหรา
“เมื่อสักพักเนี่ย ริวเอาขวดน้ำไปทำอะไร?” พสุถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แม้ริวจะพูดไทยคล่องร้องเพลงชัด แต่ก็ใช่จะเข้าใจทุกอย่างเหมือนคนไทย
“อ๋อ...พอดีริวเห็นใครไม่รู้ จุดไฟทิ้งไว้ ริวกลัวมันไหม้อุปกรณ์ครับ เลยเอาน้ำไปดับมาแล้ว รับรองว่าดับสนิท หายห่วง” ริวตอบเสียงใสแล้วยืดอกรับท่าทางภูมิใจ
“ไฟที่นายว่านี่เขาหมายถึงไม้เล็กๆ ยาวๆ มัดเป็นกำๆ ควันเยอะๆ แล้วปักไว้ใช่ไหม?”ไวยากรณ์ทำเสียงดุใส่ แต่ริวมองกลับตาใสไม่ได้มีท่าทางกลัวเกรง
“ฮื่อ... ควันเยอะแยะเลย ดีนะที่ไม่ได้ไหม้ลามไปที่ไหน ไม่รู้เด็กอะไรมาเล่น ซนจริงๆ”
“เออ! เวรกรรม” ไวยากรณ์ตบหน้าผากตัวเองเบาๆ ขณะที่ธีรดลหัวเราะงอหาย
“ฮะๆๆ”
ตะวันที่ตีหน้าขรึมตลอดเวลายังอดอมยิ้มไม่ได้ ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ กับความซื่อของไอ้หนูจำไมประจำวง พสุพยายามกลั้นหัวเราะ สายตาที่มองริวทั้งเอ็นดูและอ่อนใจ เด็กหนุ่มทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจว่าคนอื่นขำอะไรกันแต่พอหันมาเห็นพสุยิ้มเจ้าตัวก็ยิ้มแป้นตอบ
“พี่ไผ่ขำอะไรเหรอ หรือว่าริวทำอะไรผิดอีกแล้ว?” ริวถามแล้วขยับเก้าอี้เข้ามาติดกับเก้าอี้ของพสุ
“ที่ริวเอาน้ำไปดับน่ะเขาเรียกธูป ผู้จัดการกองถ่ายเขาไปจุดเอาไว้”
“จุดทำไม เดี๋ยวก็ไฟไหม้หรอกครับ”
“เขาจุดเพื่อไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนการถ่ายทำ เพื่อขอให้การถ่ายทำสำเร็จไปได้ด้วยดี มันเป็นเรื่องของความเชื่อ และธรรมเนียมปฏิบัติ” พสุอธิบายให้เด็กหนุ่มฟัง แม้จะรู้ว่าคงลำบากที่จะให้ริวเข้าใจได้ง่ายๆ แต่เขาก็ไม่เคยท้อที่จะสอน
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย งานจะออกมาดีไม่ดีก็ต้องอยู่นักแสดง กับความพร้อมของทีมงานสิครับ”
“อย่างตอนอยู่อเมริกา ริวแขวนถุงเท้าไว้ที่ต้นคริสมาสต์ทำไม คิดว่าซานตาครอสจะมาจริงๆ เหรอ” ไวยากรณ์สวนกลับอย่างอดรนทนไม่ได้
“ตอนเด็กๆก็เชื่อแบบนั้น แต่พอโตถึงรู้ว่าอลันเอาของขวัญมาใส่ให้” ริวพูดถึงอลันด้วยความเคยชิน แต่ก็ไม่มีใครสงสัยจะถามว่าอลันคนนี้เป็นใคร ริวก็เลยปล่อยผ่าน
“นั่นแหละริว มันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ จริงๆ คือการสร้างขวัญและกำลังใจอย่างหนึ่ง อย่างที่เราไปแสดงคอนเสิร์ตเมื่อวาน ตอนที่ฝนทำท่าจะตก แล้วทีมงานเอาตะไคร้ไปปักกลับหัวไง”
“ครับ ตอนแรกริวจะเข้าไปถามแต่พี่ไผ่ไม่ให้ริวถามเขา”
“มันเป็นอะไรที่คล้ายแบบนั้น สรุปก็คือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ”
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” ริวเกาหัวแกรกๆ แถมทำหน้าเอ๋อๆ งงๆ ไวยากรณ์ได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินไปหาของกินเล่น ทั้งที่ความจริงอยากจะตบหัวไอ้หนูริวแก้โง่สักที แต่ยังจำภาพริวที่ช็อกหายใจไม่ออกจนหน้าเขียวได้ดี ก็เลยไม่กล้าเสี่ยงไปแตะต้องตัวเด็กหนุ่มตอนเผลอ
กว่าจะแต่งหน้าทำผมกันเสร็จ รอบๆ บริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยนักเรียนและนักศึกษาที่มารอดูการถ่ายทำเอ็มวี
“พี่ไผ่ขา...พี่ไผ่” เสียงเด็กสาวกลุ่มหนึ่งตะโกนเรียก พสุหันไปมองแล้วโบกมือให้ สาวๆ ก็กรี๊ดกันดังสนั่น ไวยากรณ์เห็นอย่างนั้นเลยหันไปส่งจูบบ้าง เรียกเสียงกรี๊ดได้ดังไม่แพ้กัน
ก่อนที่ไวยากรณ์จะได้โชว์ลีลาเรียกเสียงกรี๊ดต่อ ผู้กำกับก็เรียกให้ไปเตรียมถ่ายทำ นักเรียนและนักศึกษา เกือบ 20 คนที่จะมาเข้าฉากด้วยมาเตรียมพร้อมแล้ว เพลงรวมมีเนื้อหาในแนวการมุ่งไปสู่ความฝันของแต่ละคนที่แตกต่างกันถ่ายทอดผ่านกลุ่มนักเรียนนักศึกษาเหล่านี้ หลังจากถ่ายรอบแรกเสร็จได้ภาพที่ต้องการแล้ว ผู้กำกับก็ให้นักแสดงประกอบไปพักได้ ส่วนวงคิสมีนั้นให้อยู่เช็คเทปก่อน เผื่อจะมีอะไรต้องแก้ไข
คณบดีกับอาจารย์ 3−4 ท่านเดินมาหยุดยืนดู พสุเห็นก็รีบแยกตัวไปไหว้ทักทาย
“ไผ่เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสาธิตที่นี่” ตะวันหันมาบอกริว ราวกับรู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังจะถามอะไร ริวรับคำเบาๆ แล้วชะเง้อมองตามพสุตลอดเวลา แต่ดูเหมือนพสุจะคุยติดลม คนอื่นๆ เริ่มไปกินข้าวกันแล้ว แต่ริวยังไม่ไปเพราะจะรอกินข้าวพร้อมพสุ
“ริว...ไปกินข้าวไป” ธีรดลที่กินข้าวเรียบร้อยแล้ว เดินมาตามริวด้วยความเป็นห่วง
“ริวรอพี่ไผ่ครับ”
“ไผ่คงยังไม่เลิกคุยง่ายๆหรอกมั้ง นานๆ จะได้มาโรงเรียนเก่าที ริวไปกินก่อนเถอะ เดี๋ยวปวดท้องนะ”
“ริวรอดีกว่าครับ”
“งั้นก็ตามใจนะ”
ริวเหลียวไปมองอีกรอบ เห็นพสุยังคุยเพลินไม่มีท่าทางว่าจะเลิกง่ายๆ เด็กหนุ่มเหลียวไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นห้องน้ำ จะไปถามจากทีมงานก็เกรงใจเพราะเห็นกำลังกินข้าวกันอยู่ เด็กหนุ่มจึงเดินหาเองตามลำพัง ซึ่งก็อยู่ไม่ห่างจากที่ตั้งกองถ่ายนัก
พอออกจากห้องน้ำริวก็เจอกับนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่ดูเหมือนจะมาห้องน้ำเหมือนกัน
“ริว!”
“น้องริว”
นักศึกษาสาวกลุ่มนั้นเข้ามารุมล้อมรอบตัว ริวสูดลมหายใจลึกพยายามตั้งสติทั้งที่มือเย็นไปหมด เพราะแม้พวกเธอจะเข้ามารุมล้อม แต่ก็ไม่ได้แตะต้องตัวเขา ส่วนใหญ่จะงัดสมุดมาให้เขาเซ็นชื่อให้เสียมากกว่า
“น้องริวขา ทำไมมือสั่นจังเลย”
“น้องริวผิวสวยจังเลยค่ะ”
“ริวจ๋าเซ็นเล่มนี้ด้วย”
เสียงระเบ็งเซ็งแซ่รอบๆตัว ไม่เท่ากับกลิ่นน้ำหอมหลากหลายกลิ่นจากพวกเธอ ริวพยายามสะกดกลั้นอาการคลื่นไส้ไว้จนขนลุกซู่ เหงื่อเย็นๆไหลจากขมับและแผ่นหลัง ทุกครั้งที่พยายามสูดลมหายใจลึกเพื่อบรรเทาอาการวิงเวียน กลับได้กลิ่นน้ำหอมเหล่านั้นมากขึ้นไปอีก
“ริว! ทำอะไรอยู่ เร็วๆ ผู้กำกับเรียกแล้ว”
“พี่ตะวัน!” สาวๆ หันขวับไปพร้อมกัน พอเห็นคนที่มาตามริวถนัดก็กรีดเสียงใส่อย่างตื่นเต้น
“พี่ตะวันขา ขอลายเซ็นก่อนได้ไหมคะ นิดเดียวเอง”
“เดี๋ยวไปเซ็นที่กองถ่ายได้ไหมครับ ตอนนี้ทางโน้นเขารอให้ไปเข้าฉากอยู่”
“ได้ค่ะ” สาวๆ รับคำแล้วเดินตาม ขณะที่ตะวันดึงแขนเสื้อริวลากให้เดินแกมวิ่งกลับไปที่กองถ่าย
“ริวมาแล้วพี่ โน่น พี่ตะวันพามาแล้ว” ไวยากรณ์รีบบอกก่อนที่ทุกคนจะออกไปตามหาริว
พสุถึงกับถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก เขามัวคุยกับอาจารย์ หันมาอีกทีไม่เห็นริวแล้ว กำลังคิดจะออกไปตาม ก็พอดีตะวันพาริวกลับมาเสียก่อน สีหน้าขาวซีดของริวเห็นแต่ไกล พสุเห็นอย่างนั้นก็หันไปคว้ากระติกน้ำแข็ง หยิบผ้าเย็นที่เตรียมไว้ออกมาส่งให้ริว
“พี่ไผ่ขา พวกหนูพาน้องริวมาส่ง” เด็กสาวคนหนึ่งตะโกนบอกอย่างเอาหน้า ขณะที่ตะวันปรายตาเป็นเชิงให้พสุรับหน้าแทน เขาจูงริวไปจนถึงเก้าอี้ที่ทางกองถ่ายจัดไว้ให้ กรเวชก็รีบเข้ามาดูแล ก่อนจะเดินกลับไปที่เด็กสาวกลุ่มนั้นเพื่อแจกลายเซ็นตามสัญญา พอตะวันมาพสุก็รีบปลีกตัวเพื่อไปดูริว
“เป็นไงบ้าง เห็นดลบอกว่ายังไม่ได้กินข้าวเหรอ” พสุถามพลางส่งผ้าเย็นอีกผืนให้ริวเช็ดแขนเช็ดมือ
“ริวรอพี่”
“แล้วจะไปห้องน้ำทำไมไม่เรียกพี่ไปเป็นเพื่อน” กรเวชติงเสียงเรียบเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าเขาโกรธ ทั้งที่ตอนแรกเขาเองก็หน้าซีดด้วยความตกใจเหมือนกัน ที่รู้ว่าริวหายไป ทีมงานคนที่เห็นริวเดินแยกไป ถูกดุที่เห็นแล้วไม่ตามไปคอยดูแล ดีว่ายังไม่ทันออกตามตะวันก็พากลับมาเสียก่อน
“ริวเกรงใจ เห็นพี่กินข้าวอยู่”
“ริว...มันเป็นหน้าที่พี่นะ ที่ต้องคอยดูแลศิลปิน ถ้าริวไปแล้วเกิดอะไรขึ้น หรือถูกทำร้าย จะทำยังไง” คราวนี้กรเวช ขึ้นเสียงสูงด้วยความโมโห แม้จะเข้าใจดีว่าริวไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัตินี้ แต่ต้องดุไว้ก่อนเพื่อกันไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นหนที่สอง
“ริวขอโทษครับ” ริวก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิด และกลัวว่าพสุจะตำหนิ
“ถ้างั้นผมพาริวไปกินข้าวก่อนนะครับ เลยมื้อเที่ยงมาตั้งนานแล้วเดี๋ยวปวดท้อง”
“ไปเถอะ”
“ไปริว” พสุแตะไหล่ริวเป็นเชิงให้ลุกตามไปสมทบกับไวยากรณ์และตะวัน
“ดุนิดดุหน่อยละกางปีกป้องเป็นแม่ไก่เชียวนะไผ่ สปอยล์น้องขนาดนี้...เด็กมันจะไม่ติดได้ยังไง” กรเวชบ่นงึมงำแล้วมองตามทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วง
“ขอบใจนะตะวันที่พาริวกลับมา ว่าแต่นายรู้ได้ยังไงว่าริวไปห้องน้ำ” พสุลุกตามตะวันไปตักอาหารแล้วเลยถือโอกาสขอบคุณ
“เห็นตอนริวเดินออกไป ก็เลยตามไปดู นึกอยู่เหมือนกันว่าต้องโดนรุมแน่ๆ” ตะวันตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่พสุรู้ดีว่าภายใต้หน้ากากเย็นชานั้น ซ่อนความมีน้ำใจและเอื้ออาทรต่อคนรอบข้างไว้มากแค่ไหน
“โชคดีจริงๆ ที่นายเห็น ไม่งั้นริวคงแย่” พสุหันไปมองเด็กหนุ่ม เห็นหน้ายังซีดมือยังสั่นอยู่ก็นึกสงสาร อยากลูบหัวปลอบก็ติดว่ามีตาเป็นพันคู่คอยจ้องมอง
…………………………….
-
กรี๊ดดดด ตะวันเท่อ่ะ นิ่งๆขรึมๆ เอาใจไปเล้ย
ขอลุ้นคุณตะวันเพิ่มอีกคนแล้วกัน :o8:
น้องริวดูท่าจะแย่ ถ้าไม่มีพี่ไผ่ดูแลจะเป็นไงเนี่ย
-
ไรท์ฟิตจริงๆน้า
นึกว่ายังไม่มาซะอีก
ตะวันน่ารักดีแฮะ น่าเชียร์จริงๆ
ไวย์ ก็ติดใจไงไม่รู้แฮะ
ไผ่ยังอันดับ 1 อยู่คร้าบบ บบ
-
ชอบตะวันจังเลย
หาคู่ให้ตะวันบ้างดิ
:z1:
-
ดีใจค่ะ ไรเตอร์ฟิต คนอ่านก็ได้กำไรเพราะมาเร็วมาบ่อย
ตะวันเท่มากเลยอ่ะ แล้วจะมีคู่ไมเนี่ยลุ้นมาก
คนอื่นๆด้วย ไงไรเตอร์ก็ฟิตบ่อยนะค่ะ สู้ :bye2:
-
ฟิตบ่อยๆนะคะไรเตอร์
รออ่านอย่างใจจดจ่อเลย
รักหนูริวจัง :กอด1:
-
รักไรเตอร์ รักคนโพสเจ้าคะ><
วันนี้มาเร็ว อิๆแอบติดใจพี่ตะวันอีกคน คนนี้น่าจะเป็นเคะที่ดีได้? 555+
แสดงว่าวง Kiss Me น่าจะมีคนมีปมในใจกันหลายๆคน ขอให้คลี่คลายปมเหล่านี้ได้ในเร็ววันนะคะ
ส่วนน้องริวยังคงน่ารักเสมอ พี่ไผ่ก็น่าร๊ากกก แล้วก็จุ๊บๆๆ พี่ตะวันเจ้าคะ :impress2:
-
น้องริวน่ารักเหมือนเดิม เหอะ ๆ
-
อ๊าย........... ชอบตะวัน น่ารัก ><
แหม.. ถ้าไม่ติดว่าน้องริวกลัวผูั้้คนขนาดนี้ จะนอกใจเชียร์พี่ตะวัน ฮ่าๆ
-
เมื่อไรอาการนี้ของน้องริวจะหายขาดซะทีหนอ
คงต้องใช้ความรักความอบอุ่อย่างมากมายเลย เป็นโอสถในการเยียวยา
-
ตะวัน o13
ริว :o8:
ไผ่ :3123:
-
อ่านแล้วเริ่มเห็นใจตะวันนะ มีใจให้น้องเหมือนกันหรือเปล่า
-
อ๊ายยยยยยยย
:L2:
-
ขอบคุณนะ มาลงให้อ่านติด ๆ กัน 2 ตอนรวด แต่อยากให้นู๋ริว หายจากอาการที่เป็นซะทีอะ สงสารจัง
สงสัยว่า ตะวัน จะแอบชอบนู๋ริวด้วยหรือเปล่านี่
-
ขอบคุณค่ะ.มาเร็วทันใจดีจัง.
รักไรท์เตอร์นะ :L2: :L2: :L2:วันนี้ขอให้ฟิตอีกนะจะได้อ่านตอนต่อไปเร็วๆ :call: :call:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
สนุกชอบอย่างแรงส์ ซีนอารมณ์เรียกน้ำตาไปหลายปี๊บ
จะรออ่านตอนต่อ ๆ ไปนะค่ะ ด้วยดวงใจที่จรดจ่อเสมอ +1 ด้วยค่ะ
-
คะแนนตะวันตีตื้น อืม..คงไม่ได้คิดอะไรกะหนูริวใช่ป่ะ
ตอนนี้พี่ไผ่ได้แต่อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ :impress:
คนของประชาชนก็งี้แหละ
-
^
:z13:
จิ้มคุณ *4_m3* เป็นการทักทาย เจ็บจิ๊ดหนึ่งนะ
:-[
เรื่องราวน่ารักมากเลยค่ะ นั่งอ่านติดต่อกันสองชั่วโมงรวดเลย ตอนนี้อยากจะร้องกรี๊ดดังๆ จะเป็นไรไหมถ้าจะเทใจให้พี่ตะวัน อร๊ายยย ชอบผู้ชายแบบนี้ที่สุดเลย นิ่งๆ ขรึมๆ กระแทกใจอย่างแรง
ตอนแรกเลยนึกว่าริวอยู่ในวัยทำงาน น่าจะอายุประมาณ 25-28 ปี อ่านบุคคลิกคิดว่าเป็นนายเอกแน่ๆ แต่เห็นติดทีวีตอนที่ดูไผ่ก็เริ่มสงสัย ผู้ที่เข้าประกวดน่าจะอายุยี่สิบต้น ถ้างั้นนายเอกอายุมากว่าพระเอกหรือนี่ แต่พอบอกว่าตอนนั้นริวอายุแค่ 13 ย่าง 14 ยิ้มด้วยความดีใจ โดยส่วนตัวแล้วลุ้นในพระเอกมีอายุมากกว่า แล้วก็สมหวัง อิอิ
ปมในใจของริวน่าสงสารมากเลยค่ะ เป็นเหตุการณ์ที่ฝังใจน้องเค้าจนกลายเป็นโลกกลัวการสัมผัสไปเลย หวังว่าความอบอุ่นและใจเย็นของพี่ไผ่จะช่วยเยียวยารักษาริวให้หายเป็นปรกติได้
ความสัมพันธ์ของริวกับไผ่อบอุ่นจังเลย ไผ่ก็ห่วงใยดูแลริว ทั้งสายตาและการกระทำ สัมผัสได้ ในขณะที่ริวเองก็ชัดเจนในความรู้สึก ถึงแม้ว่าจะไม่ชี้ชัดว่าริวมองไผ่อย่างไหนกันแน่ รักที่มอบให้ไผ่เป็นแบบไหน แต่ก็บอกได้อย่างชัดเจนว่าริวคงไม่ยอมให้ใครจับแยกจากไผ่แน่ๆ ก็หวังว่าทั้งคู่จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้กระชับขึ้นมากว่าพี่น้องที่เป็นอยู่ ลุ้นให้ทั้งสองรักกันในเร็ววัน
ขอบคุณคนเขียนและคนโพสที่นำเรื่องน่ารักๆ มาแบ่งปันให้อ่านนะคะ
+1 และรอตอนต่อไปค่ะ
:กอด1:
-
ตามอ่านทันแล้ว เย้ๆๆ
เนื้อเรื่องสนุกมากเลยค่า
อ่านแล้วหลงรักน้องริวจัง
หวังว่าน้องริวจะปรับตัวให้คนอื่นสัมผัสได้เร็วๆน่ะค่ะ
แต่...ตอนนี้ให้พี่ไผ่ดูแลแบบใกล้ชิดไปก่อน อิอิ
-
:man1: รักไรท์เตอร์ รักคนโพสค่ะ ฟิตแบบนี้บ่อยๆถี่ๆนะ
อืมมมมม ชอบตะวัน แต่ไ่ม่อยากให้เข้ามาเป็นมือที่สาม สี่ ห้า นะ ขอเป็นเพื่อนร่วมวงที่แสนดีพอ
:m15:นู๋ริวง่ะ ที่สุดแล้ว เวลาทำอะไรผิดแปลก เป็นต้องดูพี่ไ่ผ่เป็นหลัก ว่าจะเืคือง จะโกรธม๊าย ไม่ได้สนใจใครเค้าเลย
ได้ใจพี่มากเลย
-
ตะวันแอบเท่ห์ เห็นดูแลน้องริวมาได้ซักพักแระ
แบบนี้คนอ่านปลื้มมมม
เป็นกำลังใจให้นะคะ
-
เย่ ทันแล้ว เรื่องนี้จะลงเอยไงหว่า เพราะนายเอกพระเอกเรา ดูออกไปทางพี่น้องกันมากกว่าแฮะ
ริวมีประวัติน่าสงสารจริงๆ :o12:
อ้อ ตะวันก็เท่ห์นะ หุๆ แอบเชียร์อีกคน 555
-
ตามอ่านทันแล้ว
อบอุ่นมาก
+1 เป็นกำลังใจ
-
เรื่องบางเรื่องแค่บอกก็พอนี่นา ทำไมต้องดุริวนักวะ ก็คนมันไม่รู้นี่หว่า
ไม่ชอบเลยพวกที่เอาอารมณ์ส่วนอื่นของตนเองมาลงกับคนอื่นที่ไม่รู้่เรื่องรู้ราวด้วยเนี่ย! :angry2:
-
ตะวันคู่ไผ่แล้วมีริวเป็นลูก..น่ารักมากๆๆๆ
ครอบครัวอบอุ่น..
-
ตอนแรกว่าจะเข้ามาอ่านเล่นๆ
เพราะนิยายที่ตามอ่านก็เยอะแล้ว
แต่พออ่านไปได้สักพัก ห้าๆๆๆๆ Ctrl+d อีกอันแล้วสิเนี่ย เห้อออ
ติดตามนะคร้าบบบ
-
ตะวันต้องคิดอะไรกับน้องริวแน่เลยอ่ะรึว่าแค่เอ็นดูนะ
รู้สึกว่าจะมองตามน้องริวตลอดเลย
รอตอนต่อไปจร้า
^^
-
สนุกมากเลยคับ ตื่นเต้นดีลุ้นริวแทบแย่ว่าจะรอดมั้ย
ทำไมแรกๆพี่กลัวจะไม่มีคนอ่านล่ะ เขียนดีขนาดนี้ o13
เรื่องก็สนุกมากๆๆๆๆๆ อัพบ่อยด้วย โคตรชอบนิสัยน้องริวเลยอ่ะ
ทำไปทำมาเจ้าหนูจำไมกลายเป็นขวัญใจของวงไปซะแล้ว
ใครๆก็พากันเอ็นดู :กอด1: ให้กำลังใจคนเขียนคับ
:L1:กดบวกให้คนโพสต์ด้วย :L2:
-
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากๆ
เรื่องก็แหวกแนวดี ไม่จำเจ
Plot เรื่องตอนแรกเหมือนจะเวอร์ๆ หน่อย
แต่อ่านๆ ไป รู้สึกสมจริง ค่อยๆ เผยภูมิหลังของตัวเอกทีละนิด มาอธิบายการกระทำได้อย่างมีเหตุผล
เนียนมากๆ
ขอบคุณคนแต่ง+คนโพสต์ครับ
-
เจ๊เค้าฝากมาจ้า :3123:
SPSJ ดีใจที่ชอบค่ะ คนแต่งก็พยายามจะให้แตกต่างเนาะ จะได้ไม่เบื่อกัน
warin เน้ออออ หรือเราจะให้เก็บพี่ไผ่ไว้ซะเองดี ไม่ต้องให้คู่กะน้องริว อิอิ
tsuyu ยินดีต้อนรับค่า ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะค๊า
Archi_10_00 ต้องติดตามต่อปายยย จะได้รู้ไงคะ ว่าจะเมื่อไหร่จะได้เลื่อนขั้น
Noi Noi ก็น่ารักกกกกกกก
Atom_big ขอบคุณที่มาเมนต์นาค๊า จุ๊บๆ
Harmony ชิมิ มีอ้อมแขนพี่ก็พอแระ อย่างอื่น ไว้ค่อยว่ากันเน้ออออ
เกริด้า(o-*-o)V ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่า จะบอกว่าคนเขียนก็ไม่เคยรอพี่ท่าน(คนโพสต์) ลงสักที มาตามอ่านตอนเช้าเอา อิอิ ม่ายหวาย คนเขียนว่าฟิตแล้ว คนลงขยันกว่าเยอะ
De SaiKuNee ง่า...ถึงกะจุดธูปเชิญเรยทีเดียว ยังไม่ครบ 3 วัน 7 วันกลิ่นธูปยังไม่ถึงนา อิอิ
OhJa ง่า...กลายเป็นแม่ยกตะวันไปซะละ พี่ไผ่ของเค๊าละค๊า แหมมมม อย่าเพิ่งนอกใจกันซีค๊า
Paracrtamol อร๊ายยยย ตกลงตะเองจะเชียร์คนหนายยยย ลูกชายคนเล็กเค้ามีคนเดียวนา
pedigree อืม...เรื่องคู่ครองของตะวันนี่แบบ....นะ...อืม....
maio 2000 ตะวันจะมีคู่มั๊ย? ง่า...อยากบอกม๊ากกก แต่กลัวคนตรวจนิยายให้ตืบเอา โทษฐานเผยความลับ แฮ่...ต้องรออ่านต่อเองนะค๊า
sang som จะพยายามขยันนะคะ ขอบคุณที่รักลูกคนเล็ก แล้วพี่ชายเค้าไม่รักด้วยเหรอตะเองงงง
pattyam รักคนอ่านเหมือนกันค่า อิอิ ยกพี่ตะวันให้เอาป่ะ ส่วนเรื่องปมไม่ปมอ่ะ(กระซิบๆ) ยังต้องรออ่านต่อปายยยย
cmos ริวเอ๊ยยยยต้องพยายามแอ๊บน่ารักไว้ลูก ไม่งั้นเดี๋ยวพี่ cmos เปลี่ยนใจไปรักคนอื่นนา
Kenshinkencl อ้าววววววววววววว พี่ไผ่ๆๆๆๆๆๆๆ ฟ้องงงงงงงง มีคนนอกจายยยยยยย
Yayee2 อรั๊ยยยย คิ๊เหมือนกันค่ะ ความรักเท่านั้นที่จะเยียวยาได้ โฮะๆๆๆ
Sukie_moo ขอบคุณก๊าบบบบบบ
ordrub อืมมมมมม...ต้องรอดูต่อปายชิมิคะ
monoo จุ๊บๆ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะค๊า
hahn จายเยลๆค่ะ น้องริวต้องหายสักวันแหละ...รึเปล่า? ส่วนพี่ตะวัน...เอ่อ...เอ....อิอิ
didi พยายามฟิตอยู่ค่ะ แฮ่...แต่บางทีก็มีแอบอู้บ้างไรบ้างนะคะ
PEENAT 1972 ขอบคุณนะค๊าที่เข้ามาอ่าน (ชอบรูปปลากรอบอย่างแรง เซะซี่เมิ๊กกกกก)
*4_m3* อ้าว...ให้คะแนนพี่ตะวันแปลว่าเชียร์พี่ตะวันเหรอค๊า อิอิ...ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่เขาห่างน้องได้แต่น้องห่างพี่ไม่ได้ร๊อกกก เดี๋ยวก็เนียนมาหาเอง
V_we ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะค๊า รู้สึกตะวันจะมาแรง มีแต่คนเทใจให้ อิอิ ส่วนไผ่กะริว อืม...เอ่อ...แฮ่...จุ๊บๆ
Jaaeyboy หน้าที่ดูแลน้องริวนี่ จัดเป็นหน้าที่หลักอย่างเป็นทางการของพี่ไผ่ค่ะ อิอิ
Justlove ค่า จาพยายามฟิตๆขยันๆนะค๊า แต่...ต้องไปขู่คนลงด้วยนะ คริคริ
ส่วนน้องริว อิอิยกให้ justlove เอาไปเลี้ยงแทนพี่ไผ่เอามะ...ถ้าน้องมันยอมไปนะ
Pattybluet แฟนคลับตะวันหนาแน่นจริงๆ โฮะๆๆๆ
ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับทุกคอมเม้นต์ ถ้าชื่อใครตกหล่นไปก็ขออภัยด้วยนะค๊า เพราะเปิดจากมือถือมันยะเนิบ มากจริงๆ
ของบางคนเม้นต์มาซะยาว แต่ทำไม๊อิป้าตอบซะสั้น ก็อย่าเพิ่งน้อยใจไป
แบบว่า ถ้าตอบเดี๋ยวก็เดาเนื้อเรื่องได้หมดชิมิ จำเป็นต้อง เอ่อๆ อ่าๆ อ้ำๆอึ้งๆ ไปก่อนนะค๊า น้อง V_we แฮ่...เพราะเหนือคนแต่ง ยังมีคนตรวจ ที่เข้มจริงอะไรจริง ขืนมาเฉลยหมด คนแต่งอาจโดนตืบได้
ยาวจัง ต่อข้างล่างแทนล่ะค้าบ ^^
-
ตอนที่ 21
แม้ว่าคิสมีจะได้ชื่อว่าเป็นวงบอยแบนด์ แต่เพราะเป็นวงที่เล่นดนตรีเองจึงไม่ค่อยได้เต้นมากนัก มีเพียงไวยากรณ์เท่านั้นที่มีท่าเต้นในเพลงของตัวเอง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นคิสมีก็มีครูสอนเต้นชื่อดังมาฝึกซ้อมให้ เพื่อให้เกิดความคล่องแคล่วและให้ร่างกายแข็งแรง แต่คนที่ได้ผลลัพธ์จากการซ้อมเต้นมากที่สุดคงเป็นธีรดล เพราะน้ำหนักที่เคยเกินๆ ดูเหมือนจะลดวูบ แต่กล้ามเนื้อกลับดูแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แม้จะมีชั่วโมงเต้นอาทิตย์ละ 3 วันอยู่แล้ว แต่พสุก็ยังพาริวไปฟิตเนสทุกวัน การได้เจอกับคนมากๆ เริ่มไม่ใช่ปัญหาอีก ขอเพียงแค่ไม่มีใครมาสัมผัสตัว ริวก็พร้อมที่ทำกิจกรรมต่างๆด้วยท่าทางผ่อนคลายกว่าตอนแรกๆ มาก
แต่ริวก็ยังอายรูปร่างอยู่เหมือนเดิม เด็กหนุ่มไม่เคยถอดชุดวอร์มแขนยาวขายาวออกเลยสักครั้ง รวมถึงไม่ยอมใช้ห้องน้ำของทางฟิตเนส พอออกกำลังกายเสร็จ พสุก็ต้องรีบกลับเพื่อพาริวกลับไปอาบน้ำที่บ้าน
แต่เวลาริวอยู่กับพสุตามลำพัง เด็กหนุ่มจะใส่แต่เสื้อยืดบางๆ นั่งเล่นนอนเล่นโน้ตบุคอยู่ข้างๆ เก้าอี้ ทำให้พสุสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเด็กหนุ่มได้ชัดเจน รูปร่างผอมสูงเก้งก้าง เริ่มหนาขึ้น ริวมีโครงสร้างที่สวยงามอยู่แล้วโดยธรรมชาติ เมื่อได้ออกกำลังอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อที่ขยายจึงได้รูปสวย อกนูน แน่น กล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอนเห็นชัดเจน ไล่เรียงลงมาถึงเอวสอบที่ค่อนข้างแบน ผิวเนียนละเอียดทำให้ริวดูเหมือนหุ่นโชว์มากกว่าจะผิวของมนุษย์จริงๆ
“มีอะไรเหรอครับ?” ริวเงยขึ้นมาเห็นสายตาของพสุ ก็ทำหน้าเหรอหรา
“ริว...เลิกอายเรื่องรูปร่างได้แล้วรู้ไหม ตอนนี้ริวหุ่นดีมากๆ เลยนะ”
“เหรอครับ” ริวก้มลงดูตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มแหย
“แต่ไม่เอาดีกว่า ริวไม่มั่นใจ...ขืนให้โชว์มีหวังร้องเพลงไม่ออก”
“เป็นงั้นไป”
“พี่ไผ่ดูนี่ดีกว่า...นี่ไง...เพลงใหม่ของพี่”
“อ้าว! ทำไมแต่งให้พี่ล่ะ แล้วริวไม่แต่งเพลงของตัวเองเหรอ”
“ค่อยแต่งก็ได้ เพลงนี้นะ ความหมายจะต่อกับเพลงแรกล่ะ” ริวเอาเนื้อเพลงมาให้พสุดู เด็กหนุ่มแต่งเนื้อเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเดิม แต่ความหมายของเพลงทำให้พสุอดเหลือบไปมองหน้าเด็กหนุ่มไม่ได้ เพลงแรกเป็นเพลงที่วิงวอนขอความรัก แต่สำหรับเพลงนี้ เนื้อหาเป็นการขอบคุณที่เกิดมาให้รัก เปรียบเทียบไปว่าคนรักช่างงดงามราวเทพ ริวใช้คำว่า Angel ซึ่งพสุก็ตีความว่าเด็กหนุ่มหมายถึงนางฟ้าหรือคนใจดี
เสียงกระดิ่งแก้วบวกกับเสียงคลื่นที่แทรกเข้ามาเป็นระยะๆ ทำให้เพลงชวนฝันและอบอุ่น จนพสุรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะแต่งเนื้อเป็นภาษาไทยขึ้นมาทันที
“เพลงเพราะมากริว...พี่ดีใจนะที่ริวแต่งเพลงดีๆ ให้พี่ แต่พี่อยากให้ริวเก็บเพลงดีๆ ไว้ร้องเองบ้าง ริวเอามาให้พี่หมดแล้ว ริวจะร้องอะไรละ”
“แต่เพลงนี้มันเป็นคีย์ของพี่นะ แล้วเนื้อหามันก็อบอุ่น เพลงแบบนี้ไม่เหมาะกับริวหรอก”
“แล้วริวเหมาะกับเพลงแบบไหน”
“...จริงๆ ริวก็แต่งไว้แล้ว แต่ยังมีอะไรอีกนิดหน่อยที่ยังไม่ลงตัว”
“อะไรที่ว่ายังไม่ลงตัว”
“ริวอยากได้เสียงขลุ่ยครับ อยากให้พี่ไผ่เป่าขลุ่ยให้ แต่เกรงใจพี่”
“โธ่เอ๊ยริว เรื่องแค่นี้เอง ริวแต่งเพลงให้พี่ตั้งสองเพลงนะ แล้วแค่เรื่องเป่าขลุ่ยให้แค่นี้ทำไมจะไม่ได้ละครับ”
“ที่ริวแต่งเพลงให้พี่นี่ยังเทียบไม่ได้เลยกับการที่พี่ใจดีกับริว แล้วก็คอยช่วยริวตลอดเวลาที่ริวมีปัญหา ถ้าพี่ไม่คอยช่วย ป่านนี้คุณเขมชาติเขาอาจจะปลดริวไปแล้วก็ได้ เพราะริวสร้างแต่ปัญหาให้เขา”
“ใครจะกล้าปลดเจ้าหนูอัจฉริยะแบบริวกัน ริวเป็นคนเก่งมากๆ นะ แล้วก็มีฝีมือทางดนตรีชนิดที่...ที่หาคนเทียบได้ยาก ไม่มีเจ้าของค่ายคนไหนปล่อยคนมีความสามารถแบบริวไปหรอก เชื่อพี่สิ”
“ที่ทุกคนให้โอกาสริว ก็เพราะพี่ต่างหาก เพราะมีพี่ ริวถึงทำได้”
“สรุปตอนนี้เราอยู่ช่วง อวยกันเองใช่ไหม”
“อวย?....คืออะไรครับ”
“ก็แบบ ยอกันไปยอกันมาไง” พูดไปแล้วพสุก็ยังนึกๆ อยู่ว่าริวจะรู้จักคำว่ายอไหม
“ริวพูดเรื่องจริงนะ”
“คร้าบบบ จริงครับ” พสุรับคำเสียงยานอย่างล้อๆ ชอบใจที่เห็นผิวใสๆ แดงระเรื่อด้วยความอาย
ก๊อกๆ
“ไผ่...ริว...เข้าไปได้ไหม”
“มาเลยตะวัน” ตะวันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกระดาษโน้ตอีกปึก พอมาถึงเอาโน้ตที่หอบเข้ามาส่งให้พสุกับริว
“อะไรเนี่ยตะวัน”
“เนื้อเพลงใหม่ อยากให้เลือกให้หน่อยว่าอันไหนเหมาะสุด”
“โอ้โฮ แต่งไว้เยอะขนาดนี้นี่จะใช้กี่เพลง?”
“4 เพลง” ตะวันพูดพร้อมกับโบกแผ่นเดโม่ในมือ
“แต่งไปไหนตั้ง 4 เพลง”
“ของดล ของฉัน แล้วก็เพลงรวมอีก 2 เพลง”
“งั้นไปที่สตูฯไหม จะได้เรียกดลมาฟังด้วยกัน”
“ก็ดีนะ...” รับปากปุ๊บตะวันก็รวบโน้ตทั้งหมดปั๊บแล้วเดินนำดุ่มๆ ออกไปทันที ริวเงยหน้าจากโน้ตเพลงที่ยังถือค้างในมืออีกแผ่นแล้วมองตามตะวันไปก่อนจะหันมาทำหน้างงใส่พสุ
“ตะวันเขาเป็นแบบนี้แหละ ไปกันเถอะ เดี๋ยวรอนานแล้วจะโดนเหวี่ยง” พสุพูดประโยคท้ายกลั้วหัวเราะแล้วกอดคอริวให้เดินไปด้วยกัน
ยังไม่ทันเดินถึงสตูดิโอ พสุกับริวก็ได้ยินเสียงโวยวายของธีรดล จึงหันกลับไปมอง แล้วก็เกือบหลุดหัวเราะ ธีรดลนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว หัวยังมีแต่ฟองฟอด ถูกไวยากรณ์ลากให้วิ่งตามมาติดๆ ไวยากรณ์ลากธีรดลแซงหน้าพสุกับริวแล้วไม่วายหันมาเร่งทั้งสองคน
“เร็วๆพี่ไผ่ ริว พี่ตะวันจะให้ฟังเพลงใหม่ล่ะ...พี่ดลจะดิ้นทำไมเนี่ย ตามๆ มาดิ๊”
“เฮ้ย! ก็ให้พี่อาบน้ำให้เสร็จก่อนสิวะ”
“อาบเอิบไร พี่อ่ะเข้าห้องน้ำทีนานเป็นศตวรรษ มัวรอพี่ผมก็ไม่ได้ฟังเพลงใหม่นะสิ มาเร็ว มาดูเพลงก่อนแล้วค่อยกลับไปอาบ”
พอตะวันเงยหน้ามาเห็นไวยากรณ์ลากธีรดลมาในสภาพไหนก็ส่ายหัว ก่อนจะหยิบโน้ตเพลงที่แยกไว้ส่งให้ไวยากรณ์ เพราะธีรดลมือหนึ่งเปียก อีกมือยึดปมผ้าขนหนูไว้แน่น
“นั่นเป็นเพลงของดล เดี๋ยวผมจะเปิดเดโม่ให้ฟังก่อน” ตะวันบอกพร้อมกับลุกเอาแผ่นไปใส่เครื่องเล่น แล้วเลือกเพลงที่แต่งให้ธีรดลขึ้นมาก่อน
จังหวะกลองสนุกๆ เรียกสีหน้าพึงพอใจให้ธีรดลอย่างมาก
“ดลต้องใส่กีต้าร์เองนะ จะได้ถูกใจ อีกอย่างผมก็ร้องไกด์ไว้คราวๆ เท่านั้น ถ้าดลอยากแก้เนื้อเพลงหรืออยากใส่ลูกเล่นอะไรก็แล้วแต่นะ”
“อืม...มีๆ ฟังแล้วรู้สึกอยากใส่อะไรลงไป เดี๋ยวขอไปล้างตัวก่อน เดี๋ยวมา” ธีรดลบอกพร้อมกับหันหลังได้วิ่งออกไป สวนกับกรเวชที่เหลียวมองตามตาค้าง
“เล่นพิเรนทร์อะไรของเขา”
“ผมลากพี่ดลมาเองแหละพี่กร อยากฟังเพลงใหม่พี่ดลอ่ะ แต่ถ้ารอจนพี่ดลเลิกอาบน้ำ มีหวังเที่ยงคืนก็ไม่ได้ฟัง...เฮ้ย!ริวเล่นท่อนตะกี้ใหม่ดิ๊”
ไวยากรณ์วิ่งตึงๆ ไปยืนข้างริว แล้วคว้าเนื้อเพลงของธีรดลมาร้องแทน ระหว่างที่ริวกับตะวันกำลังเล่นดนตรี
“ไวย์นี่มันใจร้อนจริงๆ...ไผ่...พี่ได้นางเอกเอ็มวีของไผ่แล้วนะ” กรเวชหันไปบอกพสุเบาๆ พอได้ยินกันสองคน
“เหรอครับ เลือกใครมาครับ”
“ให้ทาย”
“เอ่อ...นึกไม่ออกครับ”
“แก้วกุดันไง”
“แก้วรับงานเหรอครับ เขายังอยู่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ”
“เห็นว่าได้พัก 1 อาทิตย์ พอดีรดีเขาโทรคุยกัน พี่ก็เลยชวนเขามาเล่นเอ็มวีให้ไผ่...เอ่อ ไผ่ลำบากใจหรือเปล่า” กรเวชอ้ำอึ้งเล็กน้อย
ตอนแรกที่รู้ว่าทรงเผ่าเสนอชื่อแก้วกุดันมา เขาเองยังอึ้งไป เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าแก้วกุดันกับพสุ เคยเป็นคนรักที่ถึงขั้นเกือบประกาศหมั้นหมาย ทั้งคู่เป็นคู่รักกันเกือบ3 ปี แต่เมื่อจู่ๆแก้วกุดันรับเซ็นสัญญากับโมเดลลิ่งชื่อดังจากต่างประเทศ นักข่าวจึงถามถึงเรื่องแต่งงาน แล้วก็ได้คำตอบที่ทำเอาช็อกทั้งวงการ
แก้วกุดันประกาศว่าเธอกับพสุ ตกลงที่จะหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่เพื่อน เพราะต่างคนต่างมีความสุขกับการเป็นเพียงเพื่อนกันมากกว่า
‘ถึงไม่ใช่แฟน แต่เราก็จะเป็นเพื่อนคนพิเศษแบบนี้ตลอดไปค่ะ’
ประโยคนี้เป็นประโยคทองที่ขึ้นจั่วหัวหนังสือบันเทิงแทบทุกฉบับ แม้จะมีคนจับตาดูอยู่ตลอดว่าระหว่างทั้งคู่ มีใครมาเป็นมือที่สาม แต่จนแล้วจนรอดทั้งพสุ และแก้วกุดันต่างก็ไม่มีข่าวกับใครอีกเลย จนกระแสค่อยๆ ซาไปเอง
“ก็แล้วแต่พี่ครับ ได้แก้วก็ดี คุ้นเคยกันอยู่แล้วจะได้ทำงานง่าย” พสุตอบเสียงเรียบ แม้ว่าจะรู้สึกเหมือนสะดุดหลุมอากาศ
“แต่มีข้อแม้ว่าต้องรีบถ่ายนะไผ่ ผู้กำกับเขาบอกมาว่าขอคิวไผ่พรุ่งนี้ทั้งวันเลยเพราะเขาไปติดต่อสถานที่ไว้แล้ว”
“พรุ่งนี้ตอนเช้าผมมีสัมภาษณ์หนังสือนะครับ แต่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วตอนบ่ายเราต้องไปสัมภาษณ์สถานีวิทยุต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอครับ”
“อืม...งานเช้านั่นพี่พลเขารู้แล้ว แต่งานบ่ายไผ่ไม่ไปก็คงไม่เป็นไรมั้ง ให้ตะวันนำทีมแทนละกัน...เดี๋ยวคืนนี้พี่จะแจ้งไปที่สถานีก่อนว่าไผ่ติดงานด่วน คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”
“ครับ” พสุรับคำแล้วรีบไปประจำที่คีย์บอร์ด เพราะตอนนี้ธีรดลกลับเข้ามาแล้ว
ตั้งแต่บ่ายจนดึก คิสมีซ้อมเพลงกันได้หมดทั้ง 4 เพลง เพียงแต่ยังไม่ถึงกับเสร็จสมบูรณ์มากนัก ยังมีอะไรต้องแก้ไขอีกหลายอย่าง พสุกับไวยากรณ์มีงานเช้าด้วยกันทั้งคู่จึงกลับไปอาบน้ำนอนก่อน ปล่อยให้ริว ตะวัน และธีรดล แก้เพลงหัวชนกันอยู่ 3 คน
ดึกมากแล้วเมื่อพสุรู้สึกถึงเนื้อเย็นๆ ที่เบียดมานอนบนเตียงด้วย ชายหนุ่มลูบผมนุ่มเบาๆ เป็นเชิงรับรู้แล้วพลิกตัวหลับไป
……………………………………………
เมื่อพสุตื่นมาตอนเช้านั้นริวยังไม่ตื่น คาดว่าเมื่อคืนคงนอนดึก หรือไม่ก็เกือบสว่าง พสุรู้ฤทธิ์ตะวันดีว่าเวลาทำงานตะวันจะไม่เคยสนใจเวลาอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้งานอย่างใจคงไม่ยอมนอนง่ายๆ เพราะเขาหลับไปก่อน ก็เลยไม่ได้ปูที่นอนไว้ให้ ริวเลยขึ้นมานอนบนเตียงกับเขาเสียเลย ซึ่งพสุก็ขี้เกียจจะบ่น เพราะยังไงริวก็นอนไปแล้ว
ตอนแรกพสุคิดจะปลุกริวขึ้นมาบอกเรื่องที่เขาไม่ได้ไปเดินสายให้สัมภาษณ์ด้วย แต่เห็นเด็กหนุ่มหลับสบายจึงไม่อยากกวน อีกอย่างกรเวชก็คงบอกทุกคนให้เองว่าเขาติดงาน
รักเก่าจะกลับมา ทำไงล่ะน๊อไอ้หนูริว :เฮ้อ:
-
แอบเป็นห่วงน้องริวเล็กน้อย
กับพสุก้อยังไม่ก้าวหน้าเธอคนนั้นก้อกลับมา(จะนานรึป่าวอีกเรื่องนึง)
:เฮ้อ: อยากให้พสุเปิดใจให้ริวจริงๆซะทีเหมือนกันน๊าาาา
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
ข้าพเจ้าหายไปหลายวันกลับมาพี่ไผ่กับน้องริวก็ยังน่ารักเหมือนเดิมแต่ดูแล้วน่าจะมีมือที่สามมาป่วนแน่ๆ
เป็นกำลังใจให้พี่ไผ่กับน้องริว :L2: :L2:
-
ม้าย :serius2: ไงแฟนเก่ากลับมาล่ะ แล้วน้องริวจะทำไง
กลัวริวทนไม่ไหว แล้วมีปัญหากันทำไงอ่ะ
ไม่ยอมนะ รอตอนต่อไปนะค่ะ สู้ๆ
-
ไม่รู้ทำไม เเต่อยากให้ริวคู่กับตะวันมากกว่า
-
พี่ไผ่อน่าทำร้ายริวที่รักของเราน่ะ >!!!<
-
งานเข้าอีกแล้ว
เฮ้อ! น้องริว
-
อะไรกันคะ............... อ่านตอนก่อนโน้น........
เหมือนพี่ไผ่จะไม่ได้รักนางแบบคนดังแล้ว ความรู้สึกชืดๆ ไป
ไงตอนนี้มีตกหลุมอากาศล่ะ ><'
-
ไผ่ไม่บอกริวอย่างนี้เดี๋ยวริวก็ตามหาแย่หรอก. หวังว่าจะไม่มีอะไรมาทำให้ริวของเราเศร้านะค่ะ :กอด1:.
ขอบคุณคนอัพ :กอด1: :กอด1:
รักคนแต่ง :L2: :L2: :L2:
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: งานเข้า น้องริว แล้ว
-
ขัดใจไอ้กรเวชจริงโว้ย จะจับแยกล่ะสิทำเงี๊ย แถมเอาก้างตัวโตกลับมาอีก นี่ก็เชื่อได้เลยว่าต้องให้ริวไปต่างจังหวัดโดยไม่บอกแน่ๆว่าไผ่ไม่ได้ไปด้วย แม่งสนแต่งาน ไม่สนใจความรู้สึกคนเลย บางทีก็อยากให้ริวใช้อำนาจบีบบังคับซะเลยอ่ะ ขัดใจว่ะ! :fire:
คอยดูต่อไปว่าเป็นไง :m16:
-
นังแก้ว
แกคงไม่คิดจะกลับมาคบกับไผ่อีกใช่มั้ย
เพราะไผ่นะเป็นของริวคนเดียวเท่านั้น
แล้วนั่นไผ่ไปโดยที่ไม่บอกริว
จะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ
-
ถ้าริวไม่เจอพี่ไผ่ น้องเค้าจะเศร้าไหมอ่ะ
แค่คิดตามก็สงสารริวแล้ว
ยิ่งถ้ามารู้ว่าหายไปกับแฟนเก่าด้วย
กระซิกๆ
:z3:
-
สนุกมาก
ขอให้ความฝันของน้องริวสมหวังนะ
o13
-
ไปไม่บอกอย่างนี้บ้านจะแตกมั้ยเนี้ย :serius2:
-
ริวจะคว้างไหมนะ อยู่ๆไผ่มาหายไป
-
แล้วคนน้องจะเป็นยังไงเนี่ย คนพี่ไม่อยู่ อย่าดื้อนะลูก คนเราตัวติดกันตลอดเวลาไม่ได้
อดทนเอา อดทนลูก แต่เกรงว่าคนน้องไม่งอนแย่เหรอคะ พี่ติดงานไม่ไปด้วยแต่ไม่ได้บอกไว้
:z3:ตอนต่อไปนี่ลุ้นมาก กลัวน้องแย่เอา --' ให้ตายเหอะ เอาใจช่วยน้องริวเจ้าคะ
ส่วนที่จะยกพี่ตะวันให้ ยังไงๆแพทก็เอาคะ โฮะๆ ถ้าพี่ตะวันไม่มีใคร มามะมาซบเราก็ได้ พร้อมจ๊ะ
ยังไงก็รักคนแต่ง รักคนโพสเจ้าคะ :L1:
-
มานั่งรอเลยอ่ะ..
-
ไผ่ไม่ได้ไปด้วยอย่างนี้ ริวจะแย่ไหมนะ
-
:-[หลงรัก ริวแล้วอ่ะ
พี่ไผ่ก็เป็นผู้ชายอบอุ่นมากๆเลย
-
ถ้าริวไม่เจอพี่ไผ่ น้องเค้าจะเศร้าไหมอ่ะ
แค่คิดตามก็สงสารริวแล้ว
ยิ่งถ้ามารู้ว่าหายไปกับแฟนเก่าด้วย
กระซิกๆ
:z3:
พี่แก้วคิดเหมือน V_we เลยค่ะ
แต่มาคิดใหม่อีกที น้องริวยังมีพี่ตะวันอีกคนที่เข้าใจอ่ะ
พี่ตะวันคงไม่ปล่อยให้น้องริวเคว้งคว้างหรือเศร้าหรอกค่ะ
อ่ะน้องริวสู้ๆลูก หนูต้องหัดที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้วล่ะ นี่คือแบบฝึกหัดบทแรกจ้ะ
-
จะรอดูพัฒนาการทางด้าน อีคิวและ ไอคิว ของคิสมี 555
ใครจะสารภาพพออกมาก่อนกัน 555
-
มันจะมีมาม่ามะเนี้ย o22
-
ชะนีๆๆๆๆๆ อ๊ากกกกกก ก
ยัยคุณแก้วนี่จะเป็นคนยังไงว้า
คุณไผ่จะทำน้องริวเราเสียใจป่ะเนี่ย
จะถ่านไฟเก่าคุม้ายย ย ย
งามเข้าจริงๆ :เฮ้อ:
กังวลเกินป่ะเนี่ย :serius2:
-
คนแต่งครับมาอีกสักตอนสองตอนได้ไหมครับ
เพราะรักน้องริว คิดถึงน้องริว
-
:angry2: ปล่อยให้มีมารมาผจญนู๋ริวได้ไงอ่ะ แค่ที่เป็นอยู่ก็แย่แล้ว ไม่ยอมนะไรเตอร์ 5555
รออ่านอยู่นะ
-
:เฮ้อ:เข้มแข็งไว้นะริว อย่างที่คนข้างบนบอก คนเราคงไม่สามารถตัวติดกันได้ตลอดเวลา
งานนี้ต้อง :call: เชื่อว่าถ้าคบมา 3 ปีแล้วต่างคนต่างแยกทางกันไป ก็น่าจะจบแบบดีนะ
หวังว่าจะไม่มาทำให้ครอบครัวใหม่ร้าวฉานนะ :z3:
-
ลมหายจายยยยย~~~
-
เอิ่ม..พี่ไผ่ไหงมาตกหลุมอากาศอ่ะพี่ :เฮ้อ:
ยัยคุณแก้วจะไม่มาทำให้ริวรู้สึกแย่ใช่ป่ะ พี่ไผ่ก็คงจะไม่ทำแบบนั้นใช่ไหม
เชียร์พี่ตะวัน...ให้มีคู่เป็นของตัวเองน่ะค่ะ
พี่ตะวันเงียบๆ คนรักต้องเป็นคนเฮฮาแน่ๆเลย(ทฤษฏีนี้ได้ผลไหมหว่า)
รอตอนต่อไปอย่าจดจ่อ :m5:
-
2วันแล้วจะขาดใจ :sad4:
หายไปไหนคับที่รัก มาต่อเหอะ
น้องให้อภัยพี่แล้ว :z10:กลับมาเตอะ
-
ริวตื่นมาไม่เจอพี่ไผ่จะเป็นยังไงเนี่ย :sad4:
-
ไรเตอร์ โหยโหวนนนนนนน
รอฉันรอเธออยู่~~~
-
หายไปไหนอ่ะ ปูเสื่อรอมาหลายวันแล้ว
คิดถึงนู่ริวกับพี่ไผ่
อัพ อัพ :call: :call: :call:
-
ตอนที่ 22
เมื่อไปถึงกองถ่ายนั้นทีมงานทุกคนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว รวมทั้งนางเอกของพสุด้วย...เธอนั่งคุยอยู่กับผู้กำกับ พร้อมดูสคริปต์ในมือไปด้วย
ร่างเพรียวที่สูง 175 บวกกับหน้าสวยคม ผิวคล้ำแต่เนียนลออ ทำให้แก้วกุดันมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นกว่านางแบบทั่วไป เธอมักจะถูกถ่ายแบบในชุดสูทเท่ๆแบบผู้ชายมากกว่าเสื้อผ้าของผู้หญิง เป็นหนึ่งในนางแบบไม่กี่คนที่มีแฟนคลับเป็นผู้หญิงมากพอๆกับผู้ชาย
“ดีจ้า” แก้วกุดันโบกมือให้ทันทีที่หันมาเห็นพสุ ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาแล้วดึงร่างโปร่งเข้ามากอด แก้วกุดันซุกหน้ากับไหล่เขาแล้วพึมพำเสียงพร่า
“แก้วคิดถึงไผ่จังเลย”
“ผมก็คิดถึงแก้วครับ”
แก้วกุดันถอยออกจากอ้อมแขนอุ่น แต่มือยังจับกันไว้ กอดทักทายถือว่ามากสุดแล้วสำหรับเธอ แม้รูปลักษณ์จะเป็นสาวมั่น แต่แก้วกุดันไม่ชอบถือธรรมเนียมฝรั่งที่จะมาจูบทักทายกัน แม้คนๆนั้นจะเป็นอดีตคนรักก็ตาม
คนในกองถ่ายเริ่มสะกิดกันดู เมื่อเห็นพสุกับแก้วกุดันนั่งเก้าอี้ชิดกันอ่านสคริปต์ แล้วเอียงหัวไปสนทนากับ กระหนุง กระหนิง หลายคนแอบลุ้นให้คู่นี้กลับมารักกันอีก เพราะผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างพสุ ใช่หาใครเหมาะสมด้วยง่ายๆ แก้วกุดันจึงถือเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว นางแบบอินเตอร์ กับพระเอกชื่อดัง ต่างก็ภาพลักษณ์ดี ไม่มีข่าวคาวให้เสียหาย
การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วกว่าที่คิด คงเพราะพสุกับแก้วกุดันสนิทสนมกันอยู่แล้ว การทำงานด้วยกันจึงง่ายและถูกใจผู้กำกับเป็นอย่างยิ่ง พอเสร็จงานพสุจึงออกปากชวนแก้วกุดันไปกินข้าวด้วยกัน
"ขอบคุณมากนะแก้ว ผมรู้นะว่าแก้วงานยุ่งมากเลย พอกลับมาแทนที่จะได้พักก็ต้องมาถ่ายเอ็มวีให้ผมอีก”
“ไผ่ก็...พูดยังกับเราเป็นคนอื่น เพลงนี้ดังจะตาย ตอนที่รู้ว่าไผ่ให้แก้วเป็นนางเอกเอ็มวี แก้วรีบรับปากทันทีเลยนะ กะว่าถ้าไม่ได้ค่าตัวก็ยอมเล่นเลยอ่ะ”
“จริงอ่ะ งั้นค่าตัวแก้วผมขอละกัน” พสุแซว ดวงตาเป็นประกายวิบวับอย่างอารมณ์ดี
“หูยยย งก! ดูสิเกลือร่วงกราวแล้ว” แก้วกุดันโวยวายแล้วเอานิ้วจิ้มๆ แขนพสุประกอบคำพูด
“ฮะๆๆ”
“แต่เพลงเพราะมากเลยนะไผ่ ตอนแก้วได้ยินครั้งแรกนะ ขนงี้ลุกเลย...เสียงไผ่สุดยอดมากอ่ะ”
“ต้องขอบคุณริวที่แต่งเพลงดีๆ แบบนี้ให้ผม”
“จริงสิ ได้ข่าวว่าเป็นน้องใหม่ในวงการเหรอ”
“ครับ อิมพอร์ตมาจากอเมริกาเลยนะ”
“เก่งเน้อเด็กสมัยนี้” แก้วกุดันชมเสียงใส ใบหน้าคมสวยทำให้แก้วกุดันดูเป็นสาวมั่น ยกเว้นเวลายิ้มแป้นแบบนี้ที่เธอดูผ่อนคลายและสดใส แม้รูปร่างจะยังเพรียวบางไม่ต่างจากเดิมแต่ที่เปลี่ยนไปคงเป็นความกระฉับกระเฉง ดูเหมือนการไปเป็นนางแบบอยู่ต่างประเทศจะทำให้แก้วกุดันหันมาออกกำลังกายมากขึ้น เพราะแขนขาเรียวดูแน่นตึงมีกล้ามเนื้อสวย ไม่ใช่ผอมแห้งๆเหมือนนางแบบทั่วไป
“พูดเหมือนแก้วแก่”
“ก็แก่...ใครเขาจะหน้าเด็กตลอดเว- เหมือนไผ่ล่ะ” แก้วกุดันหันมาแซว พสุฟังสำนวนของเธอแล้วก็เวียนหัว แก้วกุดันชอบมีคำแปลกๆ มาให้เขาต้องแปลไทยเป็นไทยอยู่ตลอด
“ผมก็รุ่นเดียวกับแก้ว จะเด็กได้สักแค่ไหน”
“แต่รดีโทรไปเม้า เขาบอกไผ่หน้าใสกิ๊ง แก้วเลยต้องมาดูด้วยตาตัวเอง ใส๊ใสเน้อ สงสัยจะอินเลิฟ”
“จะให้อินเลิฟกับใครละแก้ว ผมทำงานทุกวัน”
“อินเลิฟกับเพลงใหม่นี่ไง...รู้ตัวไหม ไผ่ดูมีความสุขม๊ากมาก นี่ดีนะว่าเป็นเพลง ถ้าเป็นคนนะ แก้วหึงจริงๆ ด้วย”
“ว่าไปโน่น” พสุบ่นพร้อมกับส่ายหัวอย่างขันๆ แก้วกุดันมองคนตรงหน้าแล้วส่งยิ้มให้ด้วยความปลื้มใจ เห็นพสุหัวเราะอย่างร่าเริงแบบนี้แล้วเธอก็มีความสุข นานๆ สักครั้งที่จะได้เห็นในพสุในแบบสบายๆ ผ่อนคลายและสดใสจากข้างในจริงๆ แบบนี้
“เดี๋ยวนะแก้ว รอแป๊บนึง” พสุรีบเรียกแก้วกุดันไว้ ขณะเดินผ่านร้านเบเกอรี่ชื่อดัง ทางจะลงไปที่ลานจอดรถ
“หืม...ไผ่กินขนมหวานๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?”
“ริวชอบน่ะ กินได้ทีเป็นกล่องๆ ขอซอฟเค้กนมสด กับ โรลมะพร้าวอ่อน อย่างละ20 ชิ้นครับ”
“ไผ่! ซื้อไปไหนตั้ง 40 ชิ้น” แก้วกุดันอุทานด้วยความตกใจ เธอไม่เชื่อหรอกว่าใครจะกินเค้ก 40 ชิ้นหมด
“ซื้อเผื่อคนอื่นๆ ด้วยนะ ซ้อมดนตรีกันดึกๆ ทุกคืน ถ้าไม่เผื่อไปนะ มีหวังริวแย่งใครกินไม่ทันหรอก”
“พวกผู้ชายนี่น่าอิจฉา ถ้าแก้วกินขนาดนี้นะ สงสัยแปลงสัญชาติเป็นช้าง” แก้วกุดันบ่นหลังจากมองเค้กในตู้โชว์ตาละห้อย แค่กลิ่นก็แทบน้ำลายหกแล้ว
“ก็แก้วเป็นนางแบบ”
“รู้ป่ะไผ่ สิ่งนางแบบอิจฉาคนอื่นมากที่สุดก็เรื่องกินนี่แหละ อยากกินก็กินไม่ได้ ไม่รู้ชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้”
“จริงนะ บางคนกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน อย่างริวนี่ กินขนมเยอะแยะ แต่ก็ผอมตัวนิดเดียว จนมาโดนบังคับให้กินอาหารตามคอร์สของฟิตเนสนี่แหละ ถึงได้ดูมีเนื้อมีหนังหน่อย ผิดกับผม กินเยอะหน่อยละได้ไปรีดน้ำหนักกันตายเลย”
“อยากเห็นเด็กคนนี้จัง ทั้งไผ่ทั้งรดี พูดถึงซะแก้วอยากเห็นเลย รดีนะ ถึงกับเพ้อ เขาบอกว่าเป็นเด็กที่ตาไร้เดียงสาเหมือนทารก”
“รดีนี่เปรียบซะเห็นภาพเลย แต่ก็จริงนะ ตอนผมเห็นริวแรกๆ ยังนึกเป็นห่วงเลยว่าจะอยู่ในวงการนี้ได้ไหม เขาดูเป็นเด็กไร้เดียงสาจนเราอดห่วงไม่ได้"
“เขาเด็กมากเลยเหรอไผ่?”
“ยังไม่เต็มสิบแปดเลยครับ แต่อายุยังไม่เท่านิสัย ริวเขาเป็นเด็กที่...เหมือนโดนเลี้ยงมาในตู้กระจก ไม่เคยสัมผัสโลกภายนอกอะไรแบบนั้นน่ะ...ไม่รู้สินะ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไว้แก้วเห็นเขาก็จะรู้”
แก้วกุดันพยักหน้ารับ ขณะที่พสุหันไปจ่ายเงินค่าเค้กแล้วก็ลงไปที่ลานจอดรถ พสุไปส่งแก้วกุดันแล้วถึงได้กลับมาที่บริษัท แสงไฟจากห้องสตูดิโอ ทำให้พสุเปลี่ยนเป้าหมายไปที่สตูดิโอก่อนจะขึ้นบ้าน เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าทุกคนมารวมกันอยู่ในห้องซ้อมจริงๆ
“พี่ไผ่!” ริวเหมือนจะคอยจ้องอยู่แล้ว พอเขาเปิดประตูเข้าไปก็ทิ้งไม้กลองวิ่งมาหา พสุหัวเราะแล้วยื่นถุงเค้กถุงเล็กให้ข้างในมีเค้กอย่างละกล่อง
“ของริว”
“ขอบคุณครับ” ริวยกมือไหว้ ก่อนจะประคองถุงเค้กไปวางไว้ที่มุมห้อง ขณะที่พสุส่งถุงเค้กถุงใหญ่ให้กรเวชที่เดินมารับไปจัดให้
“สวัสดีครับพี่เผ่า พี่ไมตรี”พสุหันไปไหว้ทรงเผ่ากับไมตรี ดูท่าทางจะมากันได้สักพักแล้วเพราะมีร่องรอยแก้วน้ำที่ละลายเกือบหมดอยู่ 2 แก้ว
“ไงไผ่ ได้ข่าวว่าไปถ่ายเอ็มวี เรียบร้อยแล้วเหรอ”
“ครับ เสร็จตั้งแต่บ่ายๆ...เห็นพี่พลว่าไม่เกินอาทิตย์หน้าคงตัดต่อเสร็จ...ทานเค้กกันครับพี่เผ่า พี่ไมตรี” พสุหันไปชวนเมื่อกรเวชกลับเข้ามาพร้อมจานแบ่ง แม่บ้านยกน้ำผลไม้ตามเข้ามาอีก 2 เหยือกโตๆ
ทรงเผ่ากับไมตรีหันมองตากันแล้วแอบยิ้ม ความจริงทำงานกับคิสมีก็สบายใจดี ตรงที่นักร้องแต่ละคนล้วนเป็นมืออาชีพทำงานง่าย มีวินัย ที่สำคัญคือรักสุขภาพกันอย่างยิ่ง ไม่มีใครกินเหล้าสูบบุหรี่สักคน ทุกครั้งที่มาที่นี่ ก็เลยเจอแต่น้ำผลไม้สดบ้าง กาแฟบ้าง ไปตามเรื่อง เพราะที่นี่ไม่มีเหล้าเสิร์ฟนั้นเอง
“เพลงที่ตะวันเสนอมา พี่ว่าดีนะ แล้วดูเป็นตัวเองกันดีทั้งของตะวันและของธีรดล แต่ก็ยังขาดเพลงของริวอีกคน ริวจะเอาไง ให้พี่แต่งให้หรือจะแต่งเอง”
เพราะเคยเห็นฝีมือริวแต่งเพลงให้พสุมาแล้ว ทำให้ไมตรีเองก็ไม่กล้าแต่งเพลงให้เด็กหนุ่มเพราะเกรงจะขายหน้าเสียเปล่าๆ จะเหลือคนที่ฝีมือสูสีกับริวก็คงเป็นทรงเผ่า
“ริวอยากแต่งเองครับ จริงๆ ก็แต่งไว้แล้ว แต่ยังเหลือในส่วนของดนตรีอีกนิดหน่อย”
“อืมดี...ตอนแรกพี่ว่าจะเพิ่มเพลงเดี่ยวให้ไวย์อีกเพลง แต่กรบอกว่าเดือนหน้าไวย์ต้องบินไปทำงานต่างประเทศบ่อยมาก คงไม่มีเวลาทำเพลงใหม่” ทรงเผ่าบอกพลางตักเค้กคำโต ปกติเขาไม่ค่อยกินเค้กเพราะมักจะหวานจัด แต่เพราะโลโก้ร้านเค้กชื่อดังข้างกล่องทำให้อยากลอง
“ครับ ผมก็เสียดายนะพี่ แต่งานนี้มันล็อคไว้นานแล้ว” ไวยากรณ์ตอบไปกินไป หมู่นี้เขาแหกกฎตัวเองบ่อยๆ เพราะพสุขยันหาขนมมาให้ริวกิน และเผื่อแผ่มาถึงทุกๆ คนด้วย
“ไม่เป็นไรไวย์ ที่ตะวันเสนอเพลงรวมมาก็ดีนะ เพียงแต่จะไม่ได้ร้องคนละสองเพลงทุกคนนี่สิ”
“ผมว่าถ้างานโดยรวมออกมาดี ก็พอแล้วมั้งครับ ร้องเดี่ยวมันไม่ใช่ประเด็นอยู่แล้ว เพราะยังไงเราก็เป็นนักร้องวง” ธีรดลที่ปกติจะไม่ค่อยเสนอความเห็นอะไร แต่พอแสดงความคิดก็ทำให้ทุกคนคล้อยตามอย่างง่ายดาย
“ผมมีเพลงของพี่ไผ่อีกเพลง รอพี่ไผ่แต่งเนื้อเพลงอยู่ครับ”
“เหรอ! ไหนเอามาฟังซิ” ไมตรีหันไปถามอย่างกระตือรือร้น ไม่ใช่แต่ไมตรี คนอื่นๆก็ขยับตัวกันหมดอย่างสนใจ ริวลุกเดินหายไปสักครู่ก็กลับมาพร้อมเดโม่เพลงใหม่ พอได้ฟังดนตรี ไมตรีก็ถึงกับครางฮืออย่างพอใจ ขณะที่ทรงเผ่าพยักหน้าหงึกๆ เป็นการรับรองว่าผ่าน ส่วนคนอื่นๆนั้นนั่งฟังกันเพลิน ไม่มีใครค้านอะไรทั้งสิ้น
“แล้วแต่งเนื้อร้องไปถึงไหนแล้วไผ่ ถ้าติดขัดอะไรบอกพี่ได้นะ พี่อยากฟังเพลงนี้แบบเต็มๆ สักที” ไมตรีหันไปเสนอกับพสุอย่างตื่นเต้น แค่ได้ยินดนตรีเขาก็คันไม้คันมืออยากแต่งเนื้อเพลงให้ใจแทบขาด พสุเองก็ดูจะเข้าใจ จึงหยิบเนื้อเพลงในส่วนที่แต่งไว้มาให้ไมตรีดูเพื่อช่วยแก้ไข ขณะที่คนอื่นๆ ยังล้อมวงกินเค้กกันต่อ
ริวยกจานเค้กไปวางไว้ให้พสุข้างๆ ขณะที่ตัวเองหันซ้ายหันขวา ไม่เห็นเก้าอี้ว่างก็เลยนั่งแปะลงข้างเก้าอี้พสุ แล้วพิงขาพสุนั่งกินเค้กเพลิน
“อ้าวริว! ทำไมไปนั่งตรงนั้น” ไมตรีเป็นคนแรกที่หันมาเห็น พลอยให้คนอื่นๆ ชะโงกมามอง แต่ริวยังนั่งเฉย จนพสุที่ก้มลงไปดูก่อนหน้านั้น หันมายิ้มแห้งๆให้
“....หลับครับ”
“คงเพลียแหละ วันนี้ระหว่างไปตามสถานีวิทยุ มีแฟนคลับตามไปรอกันเยอะแยะ ทั้งถ่ายรูปทั้งขอลายเซ็น หลบก็ไม่ค่อยจะพ้น แถมริวยังแทบไม่กินอะไรเลย นี่ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน เพิ่งกินเค้กที่ไผ่ซื้อมานี่แหละ” กรเวชตอบแล้วมองเด็กหนุ่มอย่างเวทนา
วันนี้ทุกคนในวงพากันสงสารแกมชื่นชมที่เห็นริวอดทนกับแฟนคลับได้ขนาดนั้น บางคนแค่ถ่ายรูปไหล่ชนไหล่ก็ยังไม่เท่าไหร่ เด็กสาวๆ บางคนถึงกับเข้ามากอดแขนบ้าง พิงอกบ้าง แต่ริวก็ทนยิ้มแย้มจนผ่านมาได้ทุกที่ เพียงแต่พอขึ้นรถเด็กหนุ่มก็ใช้ผ้าเย็นถูตัวจนแทบถลอก
กรเวชแอบโทรมาเช็คที่กองถ่ายพอรู้ว่าพสุไปกินข้าวกับแก้วกุดันก็เลยไม่กล้าโทรตาม ได้แต่คอยดูแลริวและพยายามกันเด็กหนุ่มออกจากวงล้อมของแฟนคลับให้มากที่สุดเท่านั้น
“งั้นพี่เอาเดโม่อันนี้กลับไปนะไผ่ แล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยเรื่องเนื้อเพลงกันอีกที เผื่อไผ่จะมีอะไรปรับแก้” ไมตรีบอกพลางเก็บ เดโม่เพลงใหม่ใส่กระเป๋า ขณะที่ทรงเผ่าลุกขึ้นลูบพุงป้อยเพราะความอิ่ม
“ครับ” พสุรับคำแล้วก้มลงปลุกริว
เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งงงๆ จนพสุต้องดึงแขนให้ลุกขึ้นเพื่อกลับไปนอนที่บ้าน แต่อย่างนั้นริวก็ยังไม่วายห่วงกล่องเค้กที่พสุซื้อมาฝาก ชายหนุ่มก็เลยอาสาถือไปให้ ไม่อยากให้ริวทำตกกลางทางเพราะความง่วง
แต่พอกลับมาอาบน้ำอีกรอบ ริวก็ทำท่าคึกคัก นั่งเปิดโน้ตบุ๊คอยู่บนที่นอนข้างเตียงเหมือนทุกคืน พสุจึงหันไปใส่หูฟังเพื่อฟังเดโม่เพลงใหม่แล้วเกลาเนื้อเพลงไปพลางๆ อันที่ไมตรีเอาไปนั้นเป็นแผ่นก๊อปปี้ที่ริวเตรียมไว้ ชายหนุ่มเกลาเนื้อเพลงจนพอใจแล้วถึงได้บิดตัวแก้เมื่อยขบ ก่อนจะถอดหูฟังออก แต่พอหันกลับมาก็พบว่าวันนี้ริวแพ้ให้กับความอ่อนเพลียแล้ว
เด็กหนุ่มนอนหลับไปทั้งที่ยังเปิดโน้ตบุ๊คค้างไว้ พสุยกโน้ตบุ๊คออกเพื่อจะจัดให้ริวนอนใหม่ให้สบายๆ ภาพบนหน้าจอทำให้เขาได้แต่มองอย่างพิศวง เพิ่งรู้ว่าริวก็สนใจเรื่องหุ้นด้วย พสุดูผ่านๆแล้วก็ปิดเครื่องก่อนจะเร่งแอร์ให้เย็นกว่าเดิม เพราะเท่าที่ฟังจากกรเวช ริวเจอแต่เรื่องหนักๆมาทั้งวันอาจจะฝันร้ายอีกถ้าอากาศร้อน…..
......................................................
-
อ่านตอนนี้แล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ริวเข้มเข็งขึ้นเยอะเลย
แต่ก็ยังไม่ยอมกินข้าวอยู่ดี สงสารน้องจังเลย
แก้วดูเป็นคนดีเนอะ อ่านจากตอนนี้แล้วดูว่าเธอนิสัยดีอ่ะ
แต่อนาคตไม่แน่ใจ มีแต่ไรเตอร์เท่านั้นที่รู้ อะคึ อะคึ
ส่วนไผ่จะสังเกตคำพูดตัวเองบ้างไหมเนี่ย คำก็ริว สองคำก็ริว
แทบทุกประโยคคำพูดของไผ่เนี่ย มีแต่เรื่องของริวทั้งนั้นเลยน๊าาา
:m12:
+1 ขอบคุณนะคะที่ต่อมาให้
เป็นกำลังใจให้จ้า
:L2:
-
ดีใจ
ตอนแรกแอบเคืองพี่ไผ่ แหม.. จิ๊จ๊ะ หวานแหวว
แต่พอไปซื้อเค้กมาฝากน้องริว แล้วให้อภัยเลย
รน้องริวเข้ามาอยู่ในใจของพี่ไผ่เรื่อยๆล่ะ ><
-
ริวดีมาก พยายามสู้ต่อไปนะ
-
เย้ :mc4: มาอัพแล้ว อ่านตอนแรกน่ากลัวนะเนี่ย
แฟนเก่าไผ่มา :serius2:คิดไปไกลเลย แต่ก็นิสัยดีเหมือนกันนี่น่า
แต่พี่ไผ่นี่ไม่รู้ตัวเลยว่าคิดถึงน้องริวมาก
รอตอนหน้านะค่ะ ฝากไรเตอร์สู้ๆ :bye2:
-
พี่ไผ่จะรู้ตัวมั้ยนะว่าทั้งโลกของพี่ไผ่มีแต่ริว :o8:ริวอย่างโน้น ริวอย่างนี้
คุณแก้วก็ดูเหมือนจะดี แต่ก็แอบกังวลเล็กๆๆเพราะsheภาษีดีมากกกกก
กลัวรีเทิร์นอ่ะ วันนี้หนูริวเก่งมักๆๆ :mc4: แม้ไม่มีพี่ไผ่แต่ก็อยู่ได้
แต่ไมไม่กินข้าวเนี้ย :m16: อยากเห็นริวร้องเพลงตัวเองให้พี่ไผ่
เพลงต้องหวานมากแน่ๆเลย :-[
-
ไม่มีงานเข้าใครนะ
ไม่มาม่าด้วย ขอร้อง
ดีหน่อย พี่ไผ่ห่วงน้องริว
+1
-
ไผ่ดูเป็นพี่ชายที่อบอุ่นอ่อนโยนกับน้องจังเลย
-
เรื่องแก้วคงจะไม่เป็นไรนะ
:bye2:มาต่อเร็วน๊า ชอบมากอ่ะ
-
เพิ่งมาได้อ่าน อ่านรวดเดียว 22 ตอนเลย ชอบมากกกก ชอบความใส ซื่อของน้องริว ความอบอุ่นของไผ่ และความขรึมของตะวัน อีกใจก็อยากเชยร์ริวกับตะวันจัง ถ้าคู่ของตะวันมาช้าเดี๋ยวเราเชียร์ริวให้ตะวันจริงๆ นะไรเตอร์
-
โอ้ยดีใจจังที่มาต่อวันนี้ค่ะ.รอมา2วัน นี่เหมือนรอเป็นชาติเลยค่่ะ. :เฮ้อ: :เฮ้อ:บอกตรงๆนะค่ะว่าติดน้องริวกับไผ่มากเลย ริวเข้มแข็งขึ้นนะค่ะ :z2: :z2:
ยังไงก็ขอให้ไรท์เตอร์ฟิตอีกรอบนะค่ะเหมือนรอบที่แล้วจะได้มาต่อเร็วๆๆค่ะ :call: :call: :call: :call:
ขอบคุณคนอัพ.
รักคนแต่งค่ะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
พี่ไผ่ดูและเอาใจใส่น้องริวดีมากเลย อ่านแล้วอิจฉามาก
-
เราว่าน่ะ
เด๋วพี่ไผ่ต้องมีเรื่องให้น้องริวที่น่ารักของเราเสียใจแหงเลยอ่ะ
-
ไม่รุ้อะไรซะแล้วคุณพี่ไผ่
ริวเนี่ย มังกรในวงการหุ้นเลยนะ :laugh:
แก้วท่าจะเป็นคนดีแฮะ :m11:
รอต่อไป~ :z2:
-
o18 โล่งใจไปนึดนึง แก้วก็ดูดีนะ ไม่น่าจะมารีเทิร์นอะไรเนอะ
:sad11:แอบสงสารริวนิดเดียว ว่าต้องอดทนมาก แต่ดีใจที่น้องทนได้นะ
-
พี่ไผ่เป็นห่วงนู๋ริวด้วย แล้วเมื่อไหร่จะรักน้องซะที่นะ
-
+1 นะคะ
สนุกเหมือนเช่นเดิม มันมีอะไรรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพิ่มขึ้นมาทีละนิดทุกตอน
ชวนให้ติดตามตอนต่อไปอยู่เรื่อย ๆ
ขอบคุณค่ะที่มาอัพให้อ่านหลงรักริวไผ่ไปเต็มๆแล้วค่ะ 555
-
o13 ริวเยี่ยมมากลูก ทำได้ดีแล้วนะ
ส่วนไผ่จะรู้ตัวไหม ว่ามีริวทุกอนูความคิดแล้ว
-
หายงอนพสุนิดหน่อย หุหุ
ก้อนะ.. พูดถึงแต่ริวตลอด อ่านแล้วก้อชื่นใจ :impress2:
อยากรู้ว่าริวจะแต่งเพลงแบบไหนให้ตัวเองจัง
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
:call: :call: :call:
-
rep แรกคะรายงานตัวการเข้ามาอ่าน และขอเป็น FC ไผ่ กับริวอีกคน
นิยายเรื่องนี้หน้ารักมากคะดูอบอุ่นมาก ๆ และเป็นอะไรที่อ่านง่ายไปภาษาสวยเข้าใจง่าย ชอบมากคะ
:pig4: writer คะ
-
เพิ่งเข้สมาอ่านคะ เรื่องราวน่าติดตาม ขอเป็นแฟนเรื่องนี้ด้วยคนนะ
-
นั่นไง คนน้องทำได้ ลูกเอ๊ยสู้ๆต่อหนูก็จะดีขึ้นเองนะ
แต่ฉันชักแอบกลัวแทนคนพี่ซะแล้วสิ ต่อไปถ้าคนน้องปรับตัวเข้ากับรอบข้างได้
รับรองว่า ต้องมีคนเข้ามาหาคนน้องเยอะแน่ๆ โหยยยย กลัวเผื่ออนาคตแระนะเนี่ย
ตอนนี้เบาๆแอบหวานเล็กๆ ชอบภาษาของผู้เขียนจังคะ ปลื้มจริงๆ อ่านสบายๆ อมยิ้มแก้มตุ่ยด้วยเนี่ย
ปวดแก้ม จะรักษายังไงดีเนี่ย ถ้าได้แก้มพี่ตะวันมาจุ๊บสงสัยจะหายคะ :haun4: อิๆ^^
รักผู้เขียน รักคนโพส :L1:
-
ตอนที่ 23
“พี่ไผ่ๆ...ตื่นยัง พี่”
เสียงทุบประตูโครมๆทำให้พสุกับริวที่กำลังแต่งเนื้อเพลงใหม่ต้องหยุดมองหน้ากัน
“เข้ามาสิไวย์...ประตูไม่ได้ล็อคหรอก” พสุตะโกนตอบทั้งที่นึกขำ เขากับริวตื่นจนลงไปกินข้าวเช้ากันมาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าไวยากรณ์คงเพิ่งตื่น
“พี่ไผ่นี่หมายความว่าไง” ไวยากรณ์เปิดประตูได้ก็ถลาเข้ามายื่นหนังสือพิมพ์ใส่แทบชนหน้า
“หืม?” พสุรับหนังสือพิมพ์จากไวยากรณ์มาดูแล้วก็ส่ายหัวอย่างระอานิดๆ
‘รักรีเทิร์น พสุ - แก้วกุดัน ควงกันหวานจนเค้กจืด’ ในกรอบเหนือคำบรรยายเป็นภาพพสุกับแก้วกุดันตอนที่กำลังเลือกเค้กด้วยกัน
“อะไรคือส่ายหัวพี่” ไวยากรณ์ถามเสียงขุ่น สีหน้าดูเป็นเดือดเป็นร้อนจนพสุต้องหยุดมองอย่างสงสัย ริวลุกมาดึงหนังสือพิมพ์จากมือไวยากรณ์ไปอ่านแล้วจ้องหน้าพสุอีกคน
“ก็ไม่มีอะไร แค่กินข้าวด้วยกัน”
“โห...พอเขากลับจากต่างประเทศปุ๊บก็ไปกินข้าวด้วยกันปั๊บเลยนะ ไหนว่าเลิกกันแล้วไงพี่”
“ไม่ใช่แบบที่ไวย์คิดหรอก คือ...”
“แล้วแบบไหน” ไวยากรณ์ถามสวนขึ้นมาก่อนที่พสุจะอธิบายจบอย่างคนใจร้อน
“แก้วเขาเป็นนางเอกเอ็มวีให้พี่ เมื่อวานพอถ่ายเอ็มวีเสร็จก็เลยไปทานข้าวกัน” พสุแจงเสียงเรียบ
“ไม่ใช่รักรีเทิร์น?”
“ไม่อ่ะ...เอ...เดี๋ยว จะรีเทิร์นหรือไม่รีเทิร์น มัน...มีปัญหาอะไรเหรอไวย์?” พสุเลิกคิ้ว จ้องมองไวยากรณ์ ด้วยสายตาวาวๆ จนเด็กหนุ่มเริ่มร้อนตัว
“ปะ...ปล๊าววว...ก็ไม่ได้มีอะไร แค่สงสัยว่าที่บอกว่ามีธุระเนี่ย แอบไปกิ๊กสาวอยู่รึเปล่าก็แค่นั้น”
“อ๋อเหรอออออ...ควรเชื่อใช่ไหม?”
“ก็มันไม่มีอะไร” ไวยากรณ์ทำหน้าเคร่งแล้วหันหลังได้จ้ำอ้าวๆไป พสุอมยิ้มมองตามอย่างขันๆ แต่พอหันกลับมาก็ชะงักเมื่อเห็นอีกคนยืนหน้าซีดเผือด
“ริว! เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ?”
ริวไม่ตอบแต่ยกกำปั้นขึ้นกดปาก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบชิด ท่าทางกระวนกระวายจนพสุพลอยกังวลไปด้วย
“กินเค้กไหมริว เมื่อคืนเห็นกินไปชิ้นเดียวแล้วนอนไปเลย” พสุพยายามชวนคุย วันนี้ริวดูเงียบผิดปกติ ตั้งแต่ไวยากรณ์กลับไป ริวก็ใส่หูฟังแล้วก็นั่งเหม่อมองออกไปนอกระเบียง เนื้อเพลงของตัวเองที่เขียนไว้ก่อนหน้านั้นเด็กหนุ่มก็ขยำทิ้งแล้วไม่ยอมแต่งต่อ
“...ริวไม่อยากกิน”
“อ้าว! ทำไมล่ะ ร้านนี้ไม่อร่อยเหรอ?”
“พี่ไผ่...ริว...ริว...”
“เป็นอะไรไปครับ...มีอะไรไม่สบายใจเหรอ บอกพี่ได้ไหม?”
ริวก้มหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองพสุเหมือนตัดสินใจอะไรได้ แต่ยังไม่ทันพูดกัน เสียงโทรศัพท์ของพสุก็ดังขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวนะ พี่รับโทรศัพท์ก่อน....” พสุเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นชื่อโชว์ที่หน้าจอ
“สวัสดีครับแก้ว”
“ดีจ้าไผ่”
“นั่นแก้วอยู่ที่ไหน?” เสียงเคาะโครมๆ ตามด้วยเสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นทำให้พสุอดถามไม่ได้
“อยู่ที่อู่จ้ะ ตาแก่ของแก้วมันเดี้ยงสนิทอยู่บนทางด่วน นี่แก้วต้องโทรตามให้รถที่อู่ไปลากให้ แต่ตอนนี้แก้วไม่มีรถออกไปจากซอยล่ะ...แหะๆ”
“อ้าว! เหรอ เดี๋ยวผมไปรับเองแก้ว”
“จริงๆ แก้วโทรหารดีแล้วนะ แต่รดีดันปิดมือถือ โทรไปที่ห้องก็ไม่มีคนรับ สงสัยทำงานอยู่ในห้องมืด”
“อู่ไหนเหรอแก้ว”
“อู่ครูผจงนี่แหละ ถึงไม่มีรถออกจากซอยไง พอดีครูไม่อยู่ด้วย”
“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันครับ” พอวางสายหันกลับมาก็พบว่าริวไม่อยู่ในห้องแล้ว พสุคว้ากุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์แล้วรีบออกไปรับแก้วกุดัน
แก้วกุดันไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ ประเภทรอให้ผู้ชายมาดูแล การที่เธอโทรหาเขา แสดงว่าเธอคงติดต่อใครไม่ได้จริงๆ ถึงได้โทรมา
พอเลี้ยวเข้าไปที่อู่ก็เจอแก้วกุดันยืนคอยอยู่ใต้ต้นไม้ เธอรีบวิ่งออกมาขึ้นรถทันที
“ไปโลด...แต้งกิ้วนะไผ่ที่อุตส่าห์มารับแก้วอ่ะ”
พสุเหลียวมองหน้าแดง แขนแดงๆ ของแก้วกุดันก็บอกได้ทันทีว่าเธอคงออกมายืนคอยรถแท็กซี่อยู่หลายชั่วโมงแล้ว เสียงท้องร้องจ๊อกของแก้วกุดันช่วยยืนยันความคิดของเขาได้ดีกว่าเดิม
“มาอยู่ที่อู่กี่ชั่วโมงแล้วครับแก้ว”
“ก็...เอ่อ...4-5 ชั่วโมงได้มั้ง แก้วก็ไม่ทันได้ดูเวลาหรอก”
“แล้วทำไมไม่โทรหาผมตั้งแต่แรกล่ะ”
“แก้วเกรงใจ ไผ่เองก็งานยุ่ง อีกอย่าง...ไม่อยากให้ไผ่ต้องเป็นข่าวอีก” แก้วกุดันตอบด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เธอรู้สึกไม่ดีตั้งแต่เห็นข่าวหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์เมื่อเช้าแล้ว
“โธ่เอ๊ยแก้ว คนที่ควรจะห่วงคือแก้วต่างหากไม่ใช่ผม”
“ไม่หรอก แก้วน่ะเป็นนางแบบนะไม่ใช่ดารา ไม่ใช่นักร้อง แล้วงานแก้วก็อยู่แต่ต่างประเทศ แต่ไผ่น่ะเป็นคนของประชาชน แถมกำลังมีผลงานด้วย เป็นข่าวทีก็ต้องมาคอยตอบปัญหานักข่าว แก้วไม่อยากให้ไผ่เครียด”
“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง แต่ผมชินแล้วล่ะแก้ว”
“ถึงยังไงแก้วก็ไม่อยากให้มีปัญหาอะไรอยู่ดี กว่าจะได้เห็นรอยยิ้มของไผ่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะ แก้วไม่อยากให้อะไรมาทำลายความสุขของไผ่”
“แก้วครับ ผม...”พสุอึกอัก เขารู้สึกผิดต่อแก้วกุดันมากกว่าเดิม ที่ผ่านมาแก้วกุดันดีกับเขาที่สุด ยอมรับและเข้าใจเขามาตลอด แต่เขากลับไม่รักเธอ
“อ๊ะๆ อย่ามาดราม่านะ..แก้วไม่ได้พูดให้ไผ่รู้สึกผิด แต่แก้วคิดอย่างนี้จริงๆ...ไผ่รู้ไหม เวลาไผ่ยิ้มแบบที่ออกมาจากข้างในน่ะ แก้วแทบจะกรี๊ดเลย แก้วมีความสุขมากที่ได้เห็น” แก้วกุดันทำเสียงรื่นเริงเพื่อให้พสุสบายใจ
“เวอร์แล้ว” พสุบ่นแล้วหัวเราะน้อยๆ
“จริงนะ...เสียดายที่กรี๊ดไม่เป็น”
“แก้วเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกเลย รู้ตัวไหม”
“อร๊ายยยย จริงเหรอตัวเอง...อย่ามายอนะ เดี๋ยวเค้ามีฟามหวางงงง” แก้วกุดันทำเสียงล้อๆ ขณะที่พสุอมยิ้มแล้วส่ายหน้าน้อยๆกับมุกแอ๊บจนเอ๋อ แบบที่แก้วกุดันเรียก
“ไปไหนเหรอไผ่” แก้วกุดันถามทันทีที่สังเกตว่าพสุขับรถออกนอกทางที่จะไปคอนโดของเธอ
“พาแก้วไปทานข้าวนะสิ หิวแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“แต่เดี๋ยวเจอนักข่าวนะไผ่”
“ไม่เป็นไรครับ เจอก็เจอ เราบริสุทธิ์ใจซะอย่าง”
“ไผ่ก็รู้ว่าคำนั้นมันใช้ไม่ได้หรอกนะสำหรับคนในวงการ...ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง เขาก็เชื่อแต่สิ่งที่เขาอยากจะเชื่อเท่านั้นแหละ”
“แก้วรู้อย่างนี้แล้วจะเครียดแทนผมทำไมละครับ ไปเถอะ ถึงแล้ว”
แก้วกุดันมองร้านแล้วน้ำตารื้น พสุยังจำได้ว่าเธอโปรดปรานร้านนี้ ทั้งๆ ที่เคยมาที่นี่แค่สองครั้ง พสุน่ารักแบบนี้เธอถึงไม่เคยตัดใจจากเขาได้สักที
พสุกลับถึงบ้านพักก็ดึกมากแล้ว ส่งแก้วกุดันแล้วพอดีแม่โทรหา เขาก็เลยไปขลุกอยู่กับแม่ทั้งวัน พาแม่ไปซื้อต้นไม้ ดอกไม้กลับมาช่วยกันปลูกแล้วอยู่กินข้าวเย็นฝีมือแม่ วันนี้โชคดีที่พ่อจะกลับบ้านดึก พอกินข้าวเสร็จเขาเลยนั่งคุยอยู่กับแม่อีกพักใหญ่ๆ ถึงได้กลับก่อนที่จะต้องเจอกับพ่อ
เมื่อเปิดเข้าไปในห้องพสุก็ต้องแปลกใจ ห้องของเขาปิดไฟมืดและค่อนข้างร้อน แปลว่าวันนี้ริวไม่ได้ใช้ห้องนี้เลย พสุเดินไปดูห้องริวก็พบแต่ความว่างเปล่า จึงลงไปที่สตูดิโอ ห้องที่ปิดไฟมืดเกือบทำให้เขาเดินกลับแล้วถ้าไม่เพราะผลักประตูแล้วมีแอร์เย็นเฉียบลอดออกมา พสุเข้าไปในห้องมืดและเงียบอย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจเปิดไฟ
“ริว!” พสุอุทานแล้ววิ่งไปช้อนตัวเด็กหนุ่มขึ้น ริวนอนฟุบอยู่ข้างกลองชุด ตัวเปียกโชกด้วยเหงื่อ
“ริว...ริวได้ยินพี่ไหม...ริว” พสุเรียกแล้วเขย่าตัวเด็กหนุ่มเบาๆ อย่างร้อนใจ
“....” ริวลืมตาขึ้นมองพสุนิ่งแต่ไม่ทักทาย เหมือนยังไม่รู้สึกตัว
“ริว! รู้สึกตัวหรือยัง ริว!”
“...ครับ”
“เป็นอะไรไป เป็นลมเหรอ?”
“เปล่าครับ” ริวปฏิเสธแล้วลุกขึ้นนั่ง พสุยังคอยประคองเพราะยังไม่แน่ใจอาการของริว
“อ้าว! แล้วทำไมมานอนอยู่ตรงนี้”
“...ริวตีกลองจนหมดแรง เลยนอนพัก”
“เฮ้อ! ใจหายหมด แล้วมีแรงเดินไปปิดไฟ ทำไมไม่กลับห้องละครับ” พสุถามแล้วขยี้ผมเปียกเล่นจนยุ่งเหยิง
“ไฟ?”
“ใครปิดไฟในห้องให้ละ”
“ริวไม่ได้เปิด”
“ไม่ได้เปิด? แล้ว...ตีกลองทั้งมืดๆ เหรอ?”
“ก็ตีมาตั้งแต่ยังไม่มืด มันมืดตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ถึงมืดก็ตีได้ ริวชินแล้ว”
“ริวอยู่ในนี้มากี่ชั่วโมงแล้วเนี่ย...แล้วนี่กินข้าวหรือยัง”
“...ริวรอพี่”
“รอทำไมครับ พี่ออกไปธุระ”
“ริวไม่รู้...ริวนึกว่าเดี๋ยวพี่ก็มา ริวก็เลยรอ” เด็กหนุ่มตอบเสียงแผ่ว ตาใสๆ ที่มองมาทำให้พสุต้องหลบตาเพราะความรู้สึกผิด
“เมื่อเช้าพี่รีบ เพราะเพื่อนพี่เขาอยู่ที่ๆ ไม่ค่อยปลอดภัยนักคนเดียว พอไปส่งเขาเสร็จแม่ก็โทรหา ก็เลยไปอยู่กับแม่มาทั้งวัน พี่ไม่ทันนึกว่าริวจะรอ ก็เลยไม่ได้โทรบอก” ชี้แจงไปแล้วพสุก็อดสงสัยตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมเขาต้องมานั่งอธิบายเรื่องส่วนตัวให้ริวฟังด้วย...คงเพราะหน้าเศร้าๆ ตาแป๋วๆที่มองเหมือนตัดพ้อนี่ละมั้งที่ทำให้เขาสงสารจนไม่อยากทำให้เสียใจ
“อูยยย” เด็กหนุ่มครางแล้วงอตัวลงกดท้องไว้แน่น
“เป็นอะไรริว...ปวดท้องเหรอ?”
“ครับ”
“นี่แหละผลของการกินอาหารผิดเวลา...ลุกไหวไหม ไปบนบ้านกัน เดี๋ยวพี่หายาให้กิน”
“ครับ” ริวลุกตามแรงดึงอย่างว่าง่าย พสุประคองเด็กหนุ่มกลับมาที่บ้าน พอดีกับแม่บ้านออกมาเจอก็รีบวิ่งมาดูด้วยความตกใจ แต่พอรู้ว่าริวปวดท้องเพราะยังไม่ได้กินอะไรก็เลยแจ้นเข้าครัวไป
“นี่คนอื่นๆหายไปไหนกันหมด?” พสุถามพลางส่งยาแก้ปวดท้องให้ริวกินก่อนที่จะกินอาหาร ครู่หนึ่งแม่บ้านก็ยกซุปครีมเห็ดมาให้ริวแล้วก็กลับไป
เธอไม่ได้พักที่นี่ แค่เตรียมอาหารทำงานบ้านเสร็จก็กลับก่อน 2 ทุ่มทุกวัน ยกเว้นวันนี้ที่เธอเห็นว่าริวถูกทิ้งไว้คนเดียว จึงอยู่เป็นเพื่อนจนดึก พสุให้ค่ารถเธอไป 500 เพื่อตอบแทนน้ำใจที่อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนริว
“พี่ไวย์ไปต่างประเทศครับ พี่ดลกับพี่ตะวันกลับต่างจังหวัด” ริวอธิบายพลางเทซีเรียลลงในถ้วยซุป เป็นวิธีกินประหลาดๆอีกแบบของเด็กหนุ่มที่พสุได้แต่มอง แต่ไม่คิดจะชิมเด็ดขาด
“อ้าว! นี่เหลือริวคนเดียวเหรอเนี่ย?”
“ก็ริว...ริวไม่มีบ้านให้กลับ...” น้ำเสียงของริวปกติ แต่แววเหงาวูบในดวงตาทำให้พสุเสียใจที่พลั้งปากไปโดยไม่คิด
“เอ่อ...พี่ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น คือพี่แค่สงสัยว่าทำไมพี่กรเขาปล่อยริวไว้คนเดียว”
“พี่กรไปต่างจังหวัดเหมือนกันครับ ตอนแรกก็ชวนริวไปด้วย แต่ริวจะอยู่รอพี่”
“ก็เลยโดนทิ้งไว้คนเดียว”
“ไม่หรอกครับ ริวรู้ว่าเดี๋ยวพี่ก็มา”ริวเงยหน้าจากชามซุปมายิ้มจนตาปิด พสุยิ้มตอบแล้วลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ อย่างเวทนา ‘ไม่มีบ้านให้กลับ’ ฟังแล้วใจหาย แม้ครอบครัวของพสุจะมีปัญหากันเรื่อยๆ แต่ก็เป็นแค่ระหว่างเขากับพ่อ ถึงยังไง พสุก็ยังมีบ้าน...มี ‘แม่’ ที่รอการกลับไปของเขาเสมอ แต่ริวไม่มี...
“เก็บเงินไว้สิริว...พอได้สักก้อน ก็ซื้อบ้านหลังเล็กๆ ไว้เป็นของเราเอง พี่เชื่อว่าริวต้องประสบความสำเร็จในวงการนี้แน่ๆ อีกหน่อยริวก็มีเงินพอจะซื้ออะไรก็ได้ ที่ต้องการ”
“บ้านเหรอ...ริวไม่รู้จะซื้อไปทำไมครับ”
“ซื้อไว้อยู่สิ หรือถ้าริวไม่คิดจะอยู่เมืองไทยนานๆ จะขายทีหลังก็ได้นี่”
“แล้ว...ริวจะอยู่กับใคร?”
“...ก็...ครอบครัวไงริว อีกหน่อย ริวก็อาจจะเจอคนที่ริวรัก แล้วถ้าริวแต่งงาน ก็ต้องมีบ้านให้ครอบครัวของริว อยู่”
“ถ้าริวมีบ้านพี่มาอยู่กับริวไหม...นะครับ...มาอยู่ด้วยกัน แล้วเลี้ยงหมา เลี้ยงแมวด้วย ริวจะไม่เปิดแอร์เย็นจัดๆ จะได้เลี้ยงแมวได้”
“แน่ใจเหรอว่าจะให้พี่ไปอยู่ด้วย แล้วเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวเนี่ย ต้องดูแลเอาใจใส่มันมากเลยนะ พี่เคยคิดจะเลี้ยง แต่ไม่มีเวลาดูแลมัน ก็เลยต้องล้มเลิกไป” พสุท้วงขำๆ คิดว่าริวคงยังมีความคิดเป็นเด็กๆ ถึงไม่เข้าใจความหมายของคำว่าครอบครัว สำหรับริวคงหมายถึงการอยู่ร่วมกับใครสักคนที่สนิทสนมด้วย ไม่ได้หมายถึงการอยู่กับคนรักอย่างที่พสุเจตนาจะพูดถึง
“เราก็ทำบ้านให้มันไง แยกเป็นหมา 1 หลัง แมว 1 หลัง แล้วรอบๆก็ทำสระน้ำให้หมด ปลูกดอกบัวเยอะๆ ทำสะพานเดินข้ามไปบ้าน แล้วเราก็เปิดร้านจะขายเครื่องดนตรี ใครมาซื้อเครื่องดนตรีถ้าเล่นไม่เป็นริวก็จะสอนให้ด้วย หรือไม่ก็สอนเด็กๆ เด็กๆ จะได้มีความสุข” ริวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใจนึกเปรียบเทียบกับตัวเอง เขาผ่านช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานมาได้เพราะดนตรีช่วยเยียวยาเขาจากความเจ็บปวด สำหรับริวดนตรีจึงเหมือนเป็นเพื่อนที่มีไว้ระบายอารมณ์ จะสุข จะทุกข์เขาก็ปลดปล่อยมันผ่านเสียงเพลง เหมือนอย่างวันนี้ที่เขาระบายความอึดอัดเจ็บปวดในอกด้วยการตีกลองสุดเรี่ยวสุดแรงเพื่อให้หายทรมาน...
“อิ่มแล้วก็ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวจะได้นอนเสียที นี่ก็ดึกมากแล้ว” พสุบอกพร้อมกับหยิบถ้วยซุปของริวไปใส่อ่างล้างจาน แล้วเดินตามเด็กหนุ่มขึ้นไปบนห้อง ริวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเอง ครู่หนึ่งก็กลับมานั่งบนที่นอนข้างเตียงของพสุ พสุสวดมนต์ไหว้พระเสร็จก็เตรียมจะปิดไฟนอน แต่เห็นริวยังนั่งมองเขาเฉย
“เป็นอะไรไปครับ ทำไมไม่นอน”
“ริวอยากนอนข้างๆ พี่”
“ได้คืบจะเอาศอกแล้วไง...พี่บอกริวแต่แรกแล้วว่าถ้าจะนอนห้องนี้ก็ได้ แต่ไม่ได้อนุญาตให้นอนบนเตียง...แล้วเมื่อคืนวานที่ริวมานอนด้วย พี่ไม่ได้ดุเพราะเห็นว่ามันดึกมากแล้ว...แต่คืนนี้ไม่ได้อีกแล้วนะ ถ้าอยากนอนสบายๆ ริวก็ต้องกลับไปนอนห้องตัวเอง เข้าใจไหม”
“...ครับ” ริวหน้าสลด ก้มหน้างุดๆ แล้วล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย แม้จะสงสารแต่พสุก็ทำใจแข็งปิดไฟนอน แต่กลับนอนไม่หลับ แววตาเศร้าๆนั้นติดอยู่ในความรู้สึกจนทนนอนไม่ไหว จนต้องเปิดไฟอีกรอบ
“เฮ้อ!......ริว”
พอพสุเรียก เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นมาทันที
“ครับ”
พสุไม่พูดต่อ แต่ตบที่นอนข้างตัวแล้วพยักหน้าเรียก ตาโตเบิกกว้างเป็นประกายวาววับอย่างดีใจ เด็กหนุ่มรีบขึ้นมานอนบนเตียงอย่างรวดเร็ว ปากบางยิ้มกริ่มจนเห็นรอยบุ๋มสองแก้ม พสุหมั่นไส้จึงดึงจมูกริวเบาๆ แล้วหันไปปิดไฟอีกครั้ง ผมนิ่มๆ เหมือนขนแมว ซุกมาตรงต้นแขน แม้จะรำคาญนิดๆ แต่พสุก็ไม่ได้ผลักออกไป วันนี้เขาไปช่วยแม่มาทั้งวันจึงเพลียจนผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
...............................
-
^
^
^
:mc4:รออยู่พอดีเลย
อ่านแล้วเหงาๆไงไม่รู้ ทำยังไงพี่ไผ่ถึงจะเข้าใจนะ
ตอนนี้สงสาร เห็นใจ เอ็นดู ผูกพัน แล้วเมื่อไหร่จะรักนะ
:เฮ้อ:
-
สรุปว่าพี่ไผ่ไม่ได้รักแก้ว ฮ่าๆๆๆดีใจ :laugh:
น้องริวน่ารักเหมือนเดิม :-[ :-[
-
กลายเป็นแก้วยังรักพสุอยู่ซะงั้น
แต่อ่านตอนนี้แล้วสงสารน้องริวยังไงไม่รู้
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
ริวเอ๊ยยย
-
เคืองนายไผ่ :beat:
ยัยแก้วฟอร์มเยอะ :m16:
สงสารน้องริวมากเลย
-
เฮ้อออออ
-
ทำไมตอนนี้อ่านไปก็สงสารริวไปยังไงไม่รู้
น้องมันซื่อบริสุทธิ์จริงๆ นั่นแหละ
หวังว่าถ้าไผ่รู้ว่าริวคิดกับตัวเองยังไง
คงไม่ปฎิเสธน้องเค้าน๊ะ~
:L2:
-
:z2: :z2: :z2:
-
ไอ้ไผ่เเกทำตัวเป็นพระเอกเกินไปไหมวะ
โคตรหมั่นใส้
"เราบริสุทธิ์ใจ" ชิ เดี๋ยวปั๊ดตบหน้าเเหก
วันไหนไม่มีริวเเกจะรู้สึก
อยากให้ริวเปิดใจให้ตวัน อยากรู้ว่าไอ้ไผ่มันจะรู้สึงยังไง o18
-
ริวคุง
น่าสงสารมากมาย
:m15:
ไผ่หนอไผ่
ไม่รู้ตัวบ้างหรือไงว่ารักริวแล้ว
เฮ้อ :seng2ped:
-
:L1:
-
อ่านแล้วสงสารน้องริว :sad4:
เมื่อไหร่ไผ่จะรับรู้ความรู้สึกของริวบ้างนะ :เฮ้อ:
-
อ่านแล้วสงสารน้องริว และหมันไส้พี่ไผ่
-
รู้สึกเหมือนริวจะรู้ว่าที่ของตัวเองอยู่ตรงไหนเจียมตัวตลอด
ทำได้เพียงแค่ระบายออกโดยไม่บอกใคร ทั้ง ๆ ที่เศร้าใจ :monkeysad:
:pig4: writer คะ
-
:monkeysad:ริวน่ารักมาก เจียมเนื้อเจียมตัว ข้าวปลาไม่ยอมกิน ถ้าเผื่อพี่ไผ่ไม่กลับมาที่พัก ก็แย่นะสิ
แต่ก็รู้สึกนะ ว่าไผ่ก็เริ่มเห็นริวในสายตาแล้ว พูดถึงตลอด ยิ่งตอนอยู่กะแก้วด้วย ยังคิดถึงริว ชอบกินขนมอะไร
อ่ะนะ ความรู้สึกแบบนี้ของไผ่บางทีมันก็ไม่ได้รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ แต่มันเป็นน้ำที่ค่อยๆซึมลงถึงพื้นหัวใจนะ
-
สงสารริวจัง :m15:
-
อยากให้เคลียร์แล้วรับริวเป็นลูกจริงๆซักที..เห๊อะๆๆๆๆ
-
:call: :call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call:
:call: :call:
:call:
-
สงสารริวจิงๆ :เฮ้อ:
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
อ่านแล้วเครียดแทนไผ่เนอะ ถ้ารู้ว่าริวคิดยังไงกับตัว จะทำอย่างไรต่อ
-
เค้าว่าพี่ไผ่ก็แคร์น้องนะ แต่ไม่รู้ว่าถ้ารู้ว่าริวคิดไงกับตัวเองแล้วจะเป็นไง :serius2:
แต่ก็อยากให้เข้าใจอ่ะ รักทั้งสองคนมาก ไม่อยากเครียดด้วย
เห็นจากแก้วที่รักเพราะรู้สึกว่าไผ่ไม่ได้รักตัวเองใช่ไหมเนี่ย
เพราะยังมีปัญหากับที่บ้านทำให้ไม่เปิดใจรับใคร น่าสงสารมากๆ :sad11:
บอกไรเตอร์สู้ๆ อยากให้มาลงบ่อยๆ ติดตามอยู่นะค่ะ :bye2:
-
แอบ:กอด1:ริวแบบไม่ให้รู้ตัว
จะน่าสงสารไปถึงไหนลูกเอ๊ย
-
เออว่ะ
เริ่มหมั่นไส้ไผ่
แบบอยากให้มีใครเริ่มมาจีบๆริวมั่งอ่ะ ไรงี้
ไอคุณพี่ไผ่ท่านจะได้รู้่สึกตัว :z6: ส่ง 1 ป้าบ!
หมั่นไส้เคอะ!!!
-
อ่านแล้วแอบใจหวิวๆ
สงสารน้องริว
ไรเตอร์จ๋า..เรื่องนี้อย่าจบเศร้าน๊า..ขอร้องล่ะ
-
เฮ้อออ...น้องริววว หนูจะน่าสสารไปไหนลูก
หึงขนาดนั้นโมโหขนาดนั้นก้อยังเก็บเอาไว้เอง
อ่านไปก้อยิ่งเหมือนน้องไม่เหลือใครยุกับดนตรี
อิพี่ไผ่เนี่ยก้อกินกระทิงแดงซะจิงนะ
อยากให้พี่ไผ่รุความรุสึกของน้องริวซะที
ตอบกลับความรักของน้อริวบ้าง
เมื่อไหร่เค้าจะรักกันอ้าค้าไรเตอร์
ไม่ไหวแล้วๆๆ ปวดหัวใจ
รออ่านตอนต่อไปน้า
เป็นกำลัใจให้น้องริวและไรเตอร์
^^
-
เจ๊เค้าฝากมาจ้ะ :impress2:
********************
กร๊ากกกกกกกก แต่ละความเห็น...ประมาณว่าอยากฆ่าพี่ไผ่กันหมด
อย่าเพิ่งรุมเกลียดไผ่กันเลยนะคะ
เพราะพี่ไผ่เป็นผู้ชายแท้ๆคนหนึ่ง แล้วยังเป็นพวกมีปมในใจ
ไผ่เป็นคนที่ไม่ศรัทธาในความรัก จึงสร้างกำแพงไว้สุงสุดๆเพื่อปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวด
ไม่อย่างนั้นไผ่คงแต่งงานกับแก้วกุดันไปแล้ว
ในขณะที่ริวหลงรักและติดตามข่าวของไผ่มาตลอด 5 ปี
สิ่งที่ริวกับไผ่แสดงออกถึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การจะเปลี่ยนใจผู้ชายสักคนให้รักผู้ชายด้วยกันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
และยิ่งยากถ้าอยากเปลี่ยนใจคนไม่คิดจะรักใครอย่างพี่ไผ่
มาเอาใจช่วยกันดีกว่า ว่าน้องจะทำยังไง พี่ถึงจะใจอ่อน...อิอิ
*************************************
เค้าส่งตอนใหม่มาให้แล้ว แต่ตอนนี้ง่วงมาก ม่ า ย ห ว า ย แ ล ้ ว
พรุ่งนี้มาลงให้นะ จุ๊บๆ :a12:
-
:sad2: มันเหงา มันเศร้า จริงๆ เนอะ ..........
-
ขอให้พสุเห็นริวเป็นแค่น้องตลอดไปแน่นะ
อิอิ
-
ตอนที่ 24
เช้านี้พสุตื่นสายเป็นพิเศษ ดูเหมือนริวจะตื่นนานแล้วเพราะที่นอนข้างตัวเขาเย็นเฉียบ พสุลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงไปข้างล่าง
“พี่ไผ่!...ดูสิ...นี่ๆ” ริววิ่งมาหาแล้วอวดของที่อยู่ในมือ ดูเหมือนจะเป็นลูกแกว่งเสียงจักจั่น สีหน้าตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ ทำให้พสุต้องยิ้มตอบ
“เอามาจากไหนครับ”
“พี่ตะวันซื้อมาฝากริว”
พสุถึงกับหันไปมองหน้าตะวัน แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ไม่ไร้อารมณ์ รอยแดงระเรื่อบนโหนกแก้มและใบหู แสดงว่าเจ้าตัวคงเขินเหมือนกัน
“พี่จันคร้าบบบ พี่ไผ่ลงมาแล้ว” ริววิ่งไปบอกแม่บ้านในครัว พสุเลยถือโอกาสแซวตะวัน
“นึกไง ซื้อของเล่นมาให้ริว”
“ตอบแทนหน่อย...ริวช่วยแก้โน้ตให้ตั้งเยอะ ถ้าไม่ได้ริวคงต้องถึงมือพี่เผ่า” ตะวันตอบเรียบๆ แต่พสุดูออกว่าตะวันคงชื่นชมฝีมือริวไม่ต่างจากที่เคยชื่นชมฝีมือทรงเผ่า
ริวกลับมาพร้อมกับแกว่งลูกแกว่งเล่นเบาๆ อีกมือถือมะเขือเทศลูกโต เดินกัดมาตลอดทาง
“ไม่เปรี้ยวเหรอริว”
“ไม่ครับ อร่อย”
“สวัสดีทุกคน...สุดหล่อแห่งคิสมีกลับมาแล้วคร้าบ” ไวยากรณ์ตะโกนนำมาก่อนตัวก่อนจะโยนเป้โครมบนโซฟารับแขก โดยไม่สนใจว่ามันจะลื่นไถลหล่นไปกองอยู่กับพื้น เพราะเจ้าตัวเดินลิ่วมาที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งประจำที่ แม่บ้านที่เพิ่งยกข้าวต้มปลามาให้พสุ จึงรีบกลับเข้าไปตักมาให้ไวยากรณ์อีกถ้วย
“โอ๊ยเหนื่อย นี่ดีนะว่าไปแค่ญี่ปุ่น ถ้าไปปารีส ป่านนี้ยังนอนอืดอยู่บนเครื่อง...เฮ้ย! ลูกแกว่ง เอามาเล่นหน่อยสิริว”
ริวส่งให้อย่างว่าง่าย ตะวันปรายตามองตามเห็นไวยากรณ์เหวี่ยงลูกเหวี่ยงซะแรงจนเจ้าของหน้าเสียก็อดสงสารไม่ได้
“ไวย์...ของน้อง”
“โหยพี่ตะวัน งกว่ะ เล่นแค่นี้เอง...อ้าว!” ไม่ทันขาดคำ สายที่เหวี่ยงก็ขาด ลูกเหวี่ยงกระเด็นหวือไปตกอีกฟากของโซฟา ริวลุกขึ้นวิ่งตามไปเก็บขณะที่ตะวันถอนใจเฮือก
“โทษทีว่ะริว พี่เหวี่ยงแรงไปหน่อย” ไวยากรณ์เองก็หน้าเสีย ไม่คิดว่าจะพังคามือ ริวไม่ได้ว่าอะไร แต่เก็บลูกเหวี่ยงที่พังแล้วใส่กระเป๋ากางเกง แล้วกลับมานั่งแทะมะเขือเทศต่อ ทำให้ไวยากรณ์สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยแต่ตายังคอยมองไม้ เศษซากของลูกเหวี่ยงในมือเงียบๆ
“วันนี้พวกเราไม่มีคิวงานใช่ไหมไผ่” ตะวันกินเสร็จก็หันมาถามคิวงานจากพสุ
“ไม่มี...วันนี้พี่กรปล่อยฟรีอีกวัน”
“อืมดี จะได้แต่งเพลง” ตะวันบอกแค่นั้นแล้วกลับขึ้นห้องไป
“พี่ไปก่อนนะไวย์ เดี๋ยวจะพาริวไปข้างนอก”
“ครับ” ไวยากรณ์ยังก้มหน้าก้มตากินเหมือนเดิม ตอนที่พสุกับริวลุกออกมา
“เราจะไปไหนเหรอครับ”
“เดี๋ยวก็รู้ ริวมีหมวกไม่ใช่เหรอ เอามาด้วยนะ”
“ครับ” ริววิ่งไปหยิบหมวกแก๊ปจากห้องตัวเองแล้วตามพสุไปขึ้นรถโดยไม่ถามอะไรอีก พสุพาริวไปบ้านแม่ เพราะนึกสงสารทั้งเรื่องที่ริวไม่มีใคร และเรื่องของเล่นเมื่อครู่ แม้ริวจะไม่แสดงอาการว่าโกรธ แต่พสุรู้ว่าเด็กหนุ่มเสียใจ ดูเหมือนริวจะชอบเจ้าลูกแกว่งจักจั่นนั่นมาก
“บ้านแม่พี่” พสุหันไปบอกยิ้มๆ เมื่อริวลงจากรถมายืนมองซ้ายมองขวาอย่างสนใจ บ้านกลางสวนเมืองนนท์ ที่เหลือไม่มากนัก ร่มรื่นและน่าอยู่อาศัยด้วยไม้ดอกไม้ประดับ รวมทั้งผลไม้ที่ออกลูกระย้าเต็มสวน
“อ้าว! ไผ่...ริว”
“สวัสดีครับแม่” พสุกับริวไหว้แม่พร้อมกัน แล้วก็ได้รับแขนนุ่มๆ โอบกอดไว้ด้วยกัน สุดากอดรับไหว้แล้วหันไปลูบหลังริวเบาๆ เพราะถ้าจะลูบหัวคงต้องเขย่ง
“ไงจ๊ะริว สบายดีไหมลูก”
“ดีครับ”
“แม่ก็ว่าเสียงรถไผ่ แต่ไม่แน่ใจเพราะเมื่อวานก็เพิ่งมา” สุดาหันไปคุยกับลูกชาย ขณะที่ริวจ้องมองเธอเขม็ง เด็กหนุ่มชอบมองสุดา ชอบรอยยิ้มอ่อนโยนของเธอ เพราะทำให้รู้สึกอบอุ่นไปด้วยแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดกับเขาก็ตาม
“วันนี้พาเด็กน้อยมาวิ่งเล่นครับ” พสุตอบแม่ยิ้มๆ แล้วเหลือบมองผ่านมาถึงริว
“ไผ่ก็ไปว่าน้อง...แม่ทำข้าวเกรียบปากหม้อไว้ เดี๋ยวไปชิมกันดีกว่า”
“ยังไม่เข้าบ้านหรอกครับ ไผ่ว่าจะปูเสื่อนั่งกันข้างนอกนี่แหละ จะให้น้องดูสวนด้วย”
“เอาสิ...งั้นเดี๋ยวแม่ไปยกของว่างมาให้ ตามสบายนะครับริว”
“ขอบคุณครับ”
สุดาส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มแล้วกลับเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงเรียกหาแม่บ้านแว่วๆ
“ริว...อยากเก็บผลไม้จากต้นไหม เก็บแล้วกินสดๆ เลย”
“ได้เหรอครับ” ริวถามกลับ แต่ตาเป็นประกายวาวด้วยความตื่นเต้น
“ได้สิ...รอเดี๋ยวนะ” พสุเดินหายเข้าไปในบ้าน ครู่เดียวก็กลับออกมาพร้อมตะกร้าใบโต และกรรไกรตัดกิ่งคมกริบ
“ไหนหมวกเอาลงมาด้วยไหม”
“อยู่นี่ครับ”
“ใส่ซะเลย เดี๋ยวสายกว่านี้จะยิ่งร้อน ป่ะ ไปผจญภัยกัน” พสุชวนยิ้มๆ แล้วเดินนำเข้าไปในสวน ริวเดินผ่านต้นไม้ต้นไหนที่ออกลูก ก็อดเข้าไปลูบๆ คลำๆ อย่างตื่นเต้นไม่ได้ แม้จะเคยเห็นจากสารคดีแต่ของจริงมันน่ามองน่ากินกว่าเยอะ
“พี่ไผ่ ริวเก็บได้ไหม”
“เดี๋ยวค่อยเก็บ พวกนี้อยู่ใกล้บ้าน ค่อยเก็บที่หลังสุด ตามพี่มาดีกว่า ข้างในยังมีอีกเยอะ”
สวนผลไม้ของพสุค่อนข้างกว้าง มีต้นไม้หลากหลายแบบสวนโบราณแท้ๆ เกือบทุกต้นออกลูกระย้า แม้บางอย่างที่ไม่ใช่ฤดูกาล แต่สุดาก็มีฝีมือพอจะทำให้มันออกช่วงเวลานี้ได้พร้อมกันหมด ตอนแรกริวก็เดินดู ตอนหลังเด็กหนุ่มทนไม่ไหว วิ่งตื๋อไปทางโน้นทางนี้อย่างตื่นเต้น ทุกครั้งที่ขอแล้วพสุบอกให้เก็บได้ ริวก็จะเด็ดมาจนหอบไม่ไหว ตะกร้าใบโตที่พสุเตรียมมา เต็มอย่างรวดเร็ว โดยที่ยังมีผลไม้อีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้เก็บ
“ริวพี่ว่า...” พสุหันไปเจอเด็กหนุ่มแล้วคำพูดก็ค้างอยู่กลางอากาศ ริวถอดเสื้อออกมาห่อฝรั่งและชมพู่จนเต็มปูดหอบไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างกำลังเกาคะเยอด้วยความคัน ผิวขาวบางโดนยุงกัดจนลายพร้อยทั้งตัว
“ไปๆ กลับๆ ยุงกัดจนลายไปหมดแล้ว” พสุยกตะกร้าตัวเอียง ริวจึงรีบมาช่วย มือหนึ่งก็หอบเสื้อใส่ผลไม้ไว้ คราวนี้เลยโดนยุงกัดเต็มที่แบบไม่มีมือปัดป้อง พสุจึงดึงห่อเสื้อของริวมาถือไว้เสียเอง เพื่อให้เด็กหนุ่มเหลือมือที่จะไล่ยุง
“วางตรงนี้แหละ แล้วริวมาอาบน้ำเลย เร็วๆ เดี๋ยวจะได้ทายา...จะเป็นไข้เลือดออกไหมเนี่ย” ประโยคหลังพสุบ่นงึมงำแล้วลากแขนน้องเข้าไปในบ้าน สวนกับสุดาที่เหลียวมองตามอย่างตกใจ
“ตายแล้วริว ทำไมปล่อยให้ยุงกัดขนาดนั้นละลูก”
“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร เดี๋ยวป้าเอาปูนป้ายให้” แม่บ้านสูงวัยของสุดา ลุกไปหยิบกระปุกปูนแดงกินกับหมากของแกมาให้ ความจริงแม่บ้านของสุดาคนนี้อายุมากจนพสุต้องเรียกยาย แต่เพราะเขาติดเรียกป้าตามแม่ แม่บ้านคนนี้เลยกลายเป็น “ป้าใจ” ของทุกคนไป
พอริวอาบน้ำเสร็จ ก็โดนสั่งให้ถอดเสื้อ พสุเอาปูนป้ายไปตามรอยยุงกัดจนลายไปทั้งตัว
“อะไรเหรอพี่ เย็นดี” คนถูกยุงกัดไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ก้มดูรอยปูนแดงๆ อย่างสบายอารมณ์
“ปูนกินกับหมาก จะช่วยให้ไม่บวม ความเย็นของปูนจะทำให้ไม่ค่อยคันด้วย”
ริวพยักหน้ารับหงึกๆ แล้วชะโงกไปดูขนมในถาด พสุตักใส่จานแบ่งให้ก่อน เพราะรู้ว่าริวคงหิวแล้ว
“เหมือนช่อมะม่วง แต่เปลือกมันบางๆ นิ่มๆ” ริวพูดทันทีที่เคี้ยวคำแรกหมดปาก เพราะครูของเขาเคร่งครัดเรื่องมารยาทมาก ริวจึงติดจะเคี้ยวอาหารให้หมดปากก่อนพูด กิริยาแบบนี้ จึงต้องตาผู้ใหญ่ให้เอ็นดูมากกว่าเดิม
“เขาเรียกแป้ง ไม่ใช่เปลือก แล้วขนมที่ริวเคยกิน ก็เรียกช่อม่วงเฉยๆ ส่วนอันนี้เรียกข้าวเกรียบปากหม้อ”
“ครับ...อร่อยจัง อร่อยกว่าช่อม่วงที่กินวันนั้นอีก” เด็กหนุ่มบอกพลางตักใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ทำให้คนทำหน้าบาน แม่บ้านของสุดายิ้มแป้น รีบลุกไปหยิบขนมใส่จานออกมาประเคนถึงตัก
“อันนี้ก็อร่อยนะพ่อฝรั่ง เคยกินไหม ขนมใส่ไส้”
“ขนมใส่ไส้?...ไม่เคยกินครับ” ริวยกห่อขนมขึ้นทำท่าจะกัด แต่ป้าใจดึงแขนไว้
“เดี๋ยวๆ ต้องแกะใบตองออกก่อนสิพ่อคุณ กินเข้าไปแบบนี้ไม้กลัดติดคอตายพอดี”
“โอ้โห สวยจัง...เหมือนโบเลย” ริวหยิบเตี่ยวคาด (ใบมะพร้าวที่ใช้ห่อขนมใส่ไส้) ขึ้นมาดูอย่างชอบใจ ก่อนจะกินขนมไปพลางก็อุทานโอ้โฮ อู้ฮู้ ทุกอย่างดูอร่อยไปหมดสำหรับริว จนแม่บ้านของพสุยิ้มแก้มปริ่มตลอดเวลา คนทำขนมพอมีคนชมว่าขนมอร่อย แถมยังตั้งหน้าตั้งตากินแบบนี้ เห็นแล้วก็ย่อมต้องชื่นใจเป็นธรรมดา พอกินของว่างเสร็จ แม่บ้านก็ยกจานชามไปเก็บแล้วกลับมาพร้อมกระด้งใส่ใบตองพับใหญ่ เย็นนี้สุดาจะทำข้าวต้มมัด จึงบอกให้พสุอยู่รอเอาขนมกลับไปฝากเพื่อนๆด้วย
“ใบกล้วย...หอมนะครับ” ริวยกใบตองที่ฉีกแล้วมาดมเล่น
“เขาเรียกใบตองลูก” สุดาหันมาชี้แจงเสียงอ่อนโยน
“แต่มันชื่อต้นกล้วยไม่ใช่เหรอครับ?” ริวถามงงๆ ก่อนจะเหลียวไปมองกอกล้วยนอกบ้าน
“จ้ะ แต่เรียกใบว่าใบตอง อย่างสีเขียวสว่างๆ ก็เรียกเขียวตองอ่อน...นั่นไงลูก สีแบบใบอ่อนที่ยังม้วนอยู่นั่นแหละ” สุดาอธิบายอย่างคล่องแคล่ว
ริวคิดตามแล้วยิ้มกว้างอย่างชื่นชม
“ภาษาไทยนี่เพราะนะครับ”
ปกติสุดาอยู่กับแม่บ้านแค่สองคน ถ้าไม่ทำขนมก็ทำกับข้าว วันๆ แทบไม่ได้พูดกัน เพราะนานๆ พสุจะกลับบ้านสักครั้ง แต่มาไม่นานก็รีบกลับเพราะไม่อยากเจอกับพรเทพ สุดาจึงต้องเหงาอยู่ลำพัง
วันนี้มีเด็กหนุ่มตาใส มานั่งถามโน่นถามนี่ อะไรๆ ก็ดูแปลกใหม่ น่าสงสัยไปเสียทุกอย่าง สุดาจึงอธิบายเพลิน
“ส่วนนี่เรียกไม้กลัดนะพ่อฝรั่ง” ป้าใจที่อยากคุยกับเด็กหนุ่มบ้าง หยิบไม้กลัดมาส่งให้ ริวรับมาดูแล้วก็บ่นอีก
“ริวนึกว่าเป็นไม้ไผ่”
“ก็ทำมาจากไม้ไผ่ แต่ถ้าจักเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วตัดมาแบบนี้ ใช้กลัดขนม ก็เลยเรียกไม้กลัด”
“เหมือนไม้จิ้มฟัน” ริวเอาไม้กลัดไปคาบเล่น
“อย่างนั้นไม่เรียกไม้กลัด แต่เรียกกัดไม้” พสุหันไปแซว แต่หนุ่มทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจ จนสุดาและป้าใจหัวเราะกันเกรียว ริวนั่งดูป้าใจเช็ดใบตองอยู่สักประเดี๋ยวก็อาสาช่วยเช็ดบ้าง ป้าใจก็สอนให้ เด็กหนุ่มทำตามอย่างตั้งอกตั้งใจยิ่งทำให้ป้าใจเอ็นดูริวมากขึ้น
“ท่าทางป้าใจจะหลงรักริวเข้าอีกคนแล้วละครับแม่”
“นั่นสิ ก็น้องน่าเอ็นดูนี่นา เป็นฝรั่งแท้ๆ แต่กิริยามารยาทเขาไม่กระด้างเลย น่ารักจริงๆ”
พสุอมยิ้ม ทั้งแม่ทั้งแม่บ้าน ดูจะเอ็นดูริวกันหมด นี่ถ้าเขาไม่รู้มาก่อนว่าริวเป็นพวกเกลียดสัมผัส เขาคงไม่เชื่อ เพราะกิริยาที่เกาะเข่าแม่เขาถามโน่นถามนี่แจ้วๆ นั้น ดูไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ให้เห็นสักนิดเดียว
ริวมัวคุยเพลิน หันกลับมาอีกทีก็ไม่เห็นพสุแล้ว เด็กหนุ่มหน้าเสีย ชะเง้อมองหาจนสุดาและแม่บ้าน หยุดเช็ดใบตองแล้วหันมามองเด็กหนุ่ม
“เป็นอะไรไปละพ่อฝรั่ง”
“พี่ไผ่ไปไหนไม่รู้ครับ”
“เดี๋ยวก็มาลูก คงไปแถวๆนี้แหละ”
“ครับ” ริวรับคำแต่ก็ยังไม่เลิกมองหา จนเห็นพสุหอบใบไม้เข้ามาเด็กหนุ่มก็วิ่งไปช่วยถือ
“เอาใบเตยมาทำอะไรเหรอลูก”
“แม่สานปลาตะเพียน กับตะกร้อให้หน่อยสิครับ” พสุบอกพร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางริว สุดาพยักหน้ารับอย่างเต็มใจ
“หอมจัง” ริวยกใบเตยขึ้นดมแล้วดมอีกอย่างสนใจ พสุเด็ดปลายใบมาขยี้แล้วยื่นให้ริว เด็กหนุ่มชะโงกมาดมแล้วทำตาโต
“หอมกว่าตะกี้อีก...ใบอะไรเหรอครับ”
“ใบเตย เตยหอมเอาไว้ทำขนม” พสุพูดพลางเลือกใบเตยที่มีขนาดเท่าๆ กันมาเช็ดเรียงไว้ให้แม่ สุดาเช็ดมือแล้วหันมาหยิบใบเตยมาฉีกแบ่งครึ่ง แล้วใช้กรรไกรเล็มขอบให้เรียบก่อนจะสานเป็นปลาตะเพียนอย่างคล่องแคล่ว ริวนั่งมองแทบอ้าปากค้างด้วยความตื่นเต้น พอสุดาส่งปลาตะเพียนให้ เด็กหนุ่มก็ยกขึ้นดูเสียใกล้ ก่อนจะดมๆ แล้วก็เอามาพลิกดูอย่างสนใจ
“ปลา...”
“ปลาตะเพียน...คนไทยสมัยก่อนสานแล้วแขวนไว้ในเปลให้เด็กทารกเล่น สมัยนี้ใช้ของเล่นพลาสติกหมดแล้ว ไม่มีใครมานั่งสาน” พสุอธิบายแล้วหยิบปลาตะเพียนตัวเล็กที่แม่สาน มาร้อยด้วยทางมะพร้าว ก่อนจะส่งให้ริว
“สวยจัง ขอริวสักตัวได้ไหมครับ” ริวถามพลางประคองปลาตัวจิ๋วๆ ในมืออย่างทะนุถนอม
“นี่ก็สานให้ริวทั้งนั้นแหละ” พสุบอกแล้วหันไปยิ้มให้แม่ นึกขำสีหน้าตื่นเต้นของริว ขนาดป้าใจยังหยุดเช็ดใบตองแล้วหันไปหยิบทางมะพร้าวมาสานบ้าง
“อ่ะพ่อฝรั่ง...นก”
“ขอบคุณครับ” ริวไหว้แล้วรับนกสานมาดูอย่างสนใจ แต่พอสุดาส่งเจ้าตัวล่าสุดให้ริวก็อุทานลั่น
“เหมือนตั๊กแตนเลย!”
“แม่สานของเล่นเก่ง เคยทำขายให้งานการกุศลก็บ่อย” พสุอธิบายแล้วหยิบทางมะพร้าวมาหมุนๆ เล่น
“พี่ไผ่สานเป็นไหมครับ”
“หึหึ...ของพี่มีเสียงด้วยนะ”
พสุเอาใบมะพร้าวมาพับครึ่งใบ ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร ผูกสอดด้านปลายใบมะพร้าวด้านที่มาสองชายให้ติดกันเป็นหัวจักจั่น ใช้ก้านมะพร้าวส่วนโคนมาโค้งตั้งแต่หัวจักจั่นจนถึงปลายด้านที่พับครึ่งครั้งแรกแล้วเอาก้านมะพร้าวอีกด้านหนึ่งมามัดที่หัวจักจั่น ปลายด้านหนึ่งของก้านมะพร้าวนี้ส่งให้ริวแกว่งเล่น
“ริวต้องลองหมุนเป็นวงกลมรอบหัวแรงๆ มันจะมีเสียงด้วย” พสุบอกแล้วหมุนให้ดู ริวทำตาโต แล้วลองเหวี่ยงดูบ้าง แรกๆ ก็ไม่ค่อยมีเสียง พอรู้จังหวะ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ริวยิ้มหน้าบานชอบอกชอบใจกับของเล่นที่พสุทำให้
เย็นนั้นนอกจากขนมและผลไม้ที่เยอะจนต้องใส่ลังหลายใบ ริวยังได้ของเล่นหอบใหญ่ ทั้งปลาตะเพียน นก ตะกร้อ และตั๊กแตนฝีมือประณีต พอไปถึงบ้านก็ต้องช่วยกันหอบหิ้วอยู่หลายรอบกว่าจะขนของหมด ขณะที่ตะวันกับธีรดล ลงมาจากห้องพอดี จึงเข้าไปดูผลไม้และข้าวของที่พสุเอามาจากบ้านอย่างสนใจ แม่บ้านมาช่วยจัดขนมขึ้นโต๊ะ เพื่อให้ทุกคนได้กินหลังอาหารเย็น
“ริว...อ่ะ” ไวยากรณ์ที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหน ส่งลูกเหวี่ยงจักจั่นอันใหม่ให้ริว เด็กหนุ่มรับมาแล้วมองหน้าไวยากรณ์อย่างงุนงง
“มองไรล่ะ ก็...ซื้อมาคืนให้แล้วไง พี่ดลลลล เหลือไว้ให้มั่งนะ อย่ากินหมด” ไวยากรณ์เสโวยวายกับธีรดลแล้ววิ่งไปแย่งขนมกินแก้เขิน
“คุณไวย์มาถามพี่ ว่าจะไปหาซื้อลูกเหวี่ยงจักจั่นได้ที่ไหน พี่ก็เลยบอกให้ไปเกาะเกร็ด...สงสัยจะไปหาอยู่นานมั้งคะ ตากแดดซะหน้าแดงมาเลย” แม่บ้านที่ยกน้ำมาให้พสุกับริวกระซิบบอกแล้วรีบออกไปก่อนที่ไวยากรณ์จะหันมาเห็น
พสุกับริวหันมาสบตากัน แล้วยิ้ม แม้ไวยากรณ์จะใจร้อน โผงผาง ทำอะไรไม่ค่อยคิด แต่ก็ใช่จะไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น การที่ไวยากรณ์ไปหาซื้อมาคืนให้ก็แสดงถึงความใส่ใจ แม้เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม
....................................
-
ตอนนี้อ่านไปแล้วอิ่มเอมใจสุขใจ ขอบคุณค่ะ
-
กรี๊ดดดดดดดด
อ่านไปยิ้มไป
-
นับว่าริวโชคดีมากๆ ที่ได้มาอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มีความละเอียดอ่อนในหัวใจ
-
เด็กน้อย o13 :bye2: :กอด1:
-
หลังจากจด ๆจ้อง ๆ ก็ได้อ่านจนทัน ฮุ ๆๆๆ บรรยายกาศตอนแรก หม่น ๆ เหงา ๆ ไป ๆ มา ๆ ยิ่งอ่านบรรยายกาศก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ น่ารักจริง เหมือนฤดูหนาวกำลังจะเจอฤดูใบไม้ผลิ หวังว่าน่าร้อนคงยังไม่มาเร็วนักนะ ( กลัวเป็นกองเพลิง ) เพราะถึงจะอบอุ่นน่ารักแต่ มันเหมือนตะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก แน่เลย สนุกและน่ารักมาก แอบภาวนาให้ ริวเป็นฝ่านรับ แต่ ถ้ารัก จะเป็นอะไรก็ไม่สำคัญหรอก
-
ขอให้ทั้งกลุ่มรักกันแบบนี้ตลอดไปนะครับ
-
น้องริวน่ารัก ใครๆก็รักน้องริว
-
:กอด1: อยากไปเที่ยวบ้านสวนของพี่ไผ่ด้วยคน อยากไปช่วยเก็บผลไม้
แต่ที่สำคัญอยากไปตอนที่พี่ไผ่พาริวไปด้วยเท่านั้น
ตอนนี้เหมือนพี่ไผ่ช่วยหาของชดเชย ไม่ว่าจะเป็นบ้าน แม่ และของเล่นให้กับริว น่ารักที่สุดดดด
-
อยากมีบ้านสวน
นายไผ่น่ารัก ช่วยให้น้องริวมีความสุข
น้องริวก้อเหมือนช่วยให้ทุกคนปรับตัว
เข้าหากัน เข้าใจ ช่วยเหลือกันมากขึ้น
+1
-
:L2: น่ารักกันทุกคนเลยอ่ะ แคร์น้องริวเหลือหลาย
-
ดีนะ... ที่ริวเจอคนดีๆ ^^ เป็นกลุ่มที่ดีเนอะ ,, ตอนนี้อ่านแล้วก็สุขใจดี~
-
พี่ๆน้องๆ รักกันดีจังเลย
โดยเฉพาะพี่ไผ่ รู้ใจน้องริวจริงๆๆ
แต่..ถ้าให้ดี เมื่อไหร่จะเป็นคนรู้ใจจริงๆซักทีก็ไม่รู้จิ
-
น่ารักกันทุกคนเลยน้าหนุ่มๆ :กอด1:
-
ริวเป็นที่รักของทุกคนเลย ดีจัง
-
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกถึงความรักที่ทุกคนมีต่อกัน
รวมถึงริว และไผ่ที่เริ่มพัฒนาขึ้นเลื่อย ๆ ชอบมากคะ
:pig4: writer คะ
-
มีแต่คนรุมรักเจ้าหนูจำไม :L1: เค้าก็ร้ากกกกก รัก :กอด1:
-
คะแนนพี่ไผ่กระเตื้องขึ้นมาแล้ว ครอบครัวพี่ไผ่น่ารักมากเลย
ตะวัน กับไวยากรณ์น่ารักดีอ่ะ
-
อร๊ายย ไม่ไหว
น่ารักเกินไปแล้ววววว
บ้านไผ่น่าอยู่มากเลยอ่ะ
มีสวนผลไม้เต็มเลย
แม่ไผ่ก็น่ารัก
แต่น่ารักสุดนี่ยังคงเป็นริว
:impress2:
แอบชมไวด้วยนิดหนึ่งก็ได้ ไวก็น่ารักดี
รู้จักเอาใจน้องด้วย
โชคดีของริวจริงๆ นะที่คนรอบข้างให้ความอบอุ่นมากขนาดนี้
+1 ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้จ้า
:L2:
-
รักริวหมดหัวใจ อร๊ายยย :m3:
-
โอ้ น่ารัก
ชักชอบคุณตะวันกับคุณไวย์ซะแล้วสิ
55
-
พี่ไผกับน้องริวน่ารักเหมือนเดิม :L2:
-
น่ารักมากๆเลยค่ะ วงนี้เค้าน่ารักกันทุกคนเลยอ่ะ ชอบบบบบบ
:กอด1: รักกันๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
น่ารักมากกกก :o8:
-
รักคิสมีทุกคน
:กอด1:
คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ
ตอนนี้บ้านเราก็แวดล้อมไปด้วยขุนเขา
แต่เราไม่มีบ้านสวนอยากกินอะไรเข้าป่าเอา
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกชื่นใจ
ยิ่งตอนริวไล่เก็บผลไม้ในสวน
นึกถึงตัวเองตอนเด็กๆที่มักแอบหนีพ่อกับแม่ไปเที่ยวสวน(คนอื่น)บ่อยๆ
อย่าให้มีอะไรมาทำให้วงนี้แตกเลยนะ
ว่าแต่หนุ่มไวย์คิดอะไรกับไผ่ป่าวเนี่ย?
ดูเป็นเดือดเป็นร้อนจังตอนรู้ข่าวไผ่กับแฟนเก่า
ชักยังไงๆนะเนี่ย
หรือเราจิ้นไวไป :m28:
-
สนุกมากเลยค่ะ เรื่องนี้ชอบนิสัยทุกคนเลยอะ ไม่ได้เน้นแค่ความรักแบบคู่รัก แต่มันเป็นความรักความห่วงใยแบบพี่น้อง แบบเพื่อน มิตรภาพ อ่านแล้วต้องยิ้มไปกับความน่ารักของทุกตัวละคร ชอบจังเลยค่ะ ^_____^
-
พี่ตะวัน
ชอบริวใช่มั้ย
อิอิ แน่ๆเลย
:o8:
-
ตอนที่ 25
ตะวันชะงักเมื่อผลักประตูห้องสตูดิโอเข้าไปแล้วเจอกับอากาศเย็นยะเยือกกับเสียงเปียโนไล่เสียงพลิ้ว แต่ห้องกลับมืดสนิท ตอนแรกเขาคิดว่าไม่มีใครอยู่เพราะไม่เห็นแสงไฟ จนเปิดประตูเข้ามานี่แหละถึงได้รู้ว่ามีคนเล่นเปียโนอยู่ในห้องมืดๆ ทันทีที่เปิดไฟทั้งห้องก็สว่างพรึบขึ้นมา แต่คนที่อยู่ในห้องดูเหมือนจะไม่รับรู้ เสียงเปียโนยังคงบรรเลงต่อเนื่องไปเรื่อยๆเหมือนน้ำหลาก ผู้บรรเลงหลับตาพริ้มแล้วโยกตัวไปตามจังหวะเพลงขณะที่ปากก็พึมพำเนื้อเพลงเบาๆ
“เพราะมากริว เพลงของริวเหรอ?”
ริวลืมตาขึ้นมาทันที ก่อนจะหยุดเล่น ขณะที่ตะวันเดินไปยืนดูโน้ตบนเปียโน
“ครับ...พี่ตะวันมานานยัง”
“มาสักพักแล้ว แล้ว...ทำไมไม่เปิดไฟ บิ้วอารมณ์อยู่หรือไง?”
“เปล่าครับ ริวแค่ลืมเปิด”
“แล้วมาอยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? หรือตั้งแต่ส่งไผ่แล้วก็อยู่ที่นี่ตลอด”
“ครับ” ริวรับคำหงอยๆ
วันนี้พสุมีถ่ายโฆษณาต่างจังหวัด และต้องไปค้างด้วย รถตู้ของบริษัทมารับพสุไปสนามบินตั้งแต่ 4โมงเย็น ริวก็เลยเข้ามานั่งเล่นเปียโนอยู่ในสตูดิโอคนเดียว
“แล้วเพลงใหม่เป็นไง ขอดูหน่อยได้ไหม”
“ริวแต่งเนื้อภาษาไทยไม่ค่อยได้” ริวบอกพร้อมกับยื่นเนื้อเพลงให้ตะวันดู ตะวันเทียบเนื้อเพลงภาษาไทยกับภาษาอังกฤษแล้วยอมรับว่า เนื้อเพลงภาษาอังกฤษเพราะกว่ามาก ภาษาไทยนั้นแม้จะใช้ความหมายถูก แต่ห้วนๆ และขาดสัมผัส
“เดี๋ยวพี่ช่วยเกลาเนื้อไทยให้เอาไหม”
“ครับ”
ตะวันให้ริวเล่นเพลงให้ฟัง รวมทั้งร้องเนื้อภาษาอังกฤษไปด้วย ขณะที่เขาแก้ไขคำภาษาไทยให้สละสลวยกว่าเดิม
“คุณริวคะ...โทรศัพท์ค่ะ” แม่บ้านชะโงกหน้ามาบอกแล้วส่งโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายให้ริว
“...ครับ” ริวรับสายด้วยน้ำเสียงลังเล เขาไม่เคยโทรหาใครนอกจากอลัน และอลันก็ไม่เคยเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อน เพราะริวไม่พกโทรศัพท์มือถือตั้งแต่เครื่องเก่าหาย หากมีเรื่องเร่งด่วนอะไร อลันจะติดต่อผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก
“พี่เอง”
“พี่ไผ่!” ริวผุดลุกขึ้นยืน ตาโตเป็นประกายด้วยความดีใจ
“ทำอะไรอยู่”
“ริวอยู่ที่สตูดิโอครับ แต่งเนื้อเพลงใหม่อยู่” ริวพูดไปเดินวนไปรอบๆ ห้อง ท่าทางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ตะวันมองตามเด็กหนุ่มอยู่ครู่เดียวก็เลิกมอง เพราะเวียนหัวแทนที่เห็นริวเดินไม่ยอมหยุด
“พี่จะโทรมาบอกว่า ถึงกระบี่แล้วนะ พรุ่งนี้ถ่ายโฆษณาเสร็จคงกลับกรุงเทพได้เลย”
“ครับ...แล้วพี่จะกลับถึงกรุงเทพตอนไหน”
“ยังไม่แน่ใจครับ คงค่ำๆ แหละมั้ง”
“แล้ว...” ริวนึกคำพูดไม่ออก ทั้งที่ในอกมีอะไรอัดอั้นอยู่มากมาย แต่พอได้ยินเสียงพี่ กลับคิดคำพูดไม่ออก
“ว่าไงครับ?”
“...ริวคิดถึงพี่” ริวตอบเสียงเบา แต่คนปลายสายก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน
“อะไร...พี่เพิ่งมายังไม่ข้ามวันเลย” เสียงพสุตอบกลั้วหัวเราะ ริวเม้มปากแน่น รู้สึกกระบอกตาร้อนๆ
“แล้วคืนนี้ริวจะนอนกับใคร...” เด็กหนุ่มถามกึ่งตัดพ้อ ด้วยน้ำเสียงเหงาๆ
“ไปนอนห้องพี่ดลสิ” พสุแนะนำด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นึกอยู่เหมือนกันว่าริวคงเหงาและคงไม่สบายใจที่ต้องนอนคนเดียว เขาถึงโทรมาหาริวทันทีที่ถึง
“ไม่เอา...พี่ไผ่กลับเร็วๆ นะ”
“ไวสุดก็ต้องพรุ่งนี้อยู่ดีแหละครับ”
“...ครับ”
“ถ้างั้นพี่วางสายก่อนนะครับ เขามาตามไปกินข้าวแล้ว แล้วนี่ริวกินข้าวหรือยัง”
“...ครับ” ริวตอบอ้อมแอ้ม จนปลายสายแทบไม่ได้ยิน
“อะไรนะ พี่ไม่ได้ยิน”
“ยังไม่ได้กินครับ”
“งั้นก็ไปกินข้าวซะก่อน ห้ามไถลเด็ดขาด...เท่านี้นะครับ พรุ่งนี้เจอกัน”
“ครับ” ริวก้มมองโทรศัพท์คอตก ทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง
“ริวกินข้าวหรือยัง” ตะวันที่เหมือนจะเฉยชาจนไม่ได้สนใจคนรอบข้าง กลับถามขึ้นมาลอยๆ
“ยังครับ”
“ไปงั้นไปกินข้าว” พูดจบตะวันก็รวบเนื้อเพลงเก็บแล้วผุดลุกขึ้นยืนรอ
“เดี๋ยวค่อยกินได้ไหม”
“ตอนนี้เลย...เดี๋ยวก็ไถลไม่กิน ถ้าริวปวดท้อง ไผ่กลับมาก็ต้องว่าพวกพี่ที่ไม่ดูแล”ตะวันทำเสียงดุสำทับ
“ครับ”
ไม่ใช่แค่บังคับริวให้กินอย่างเดียวแต่ตะวันยังตามไปนั่งเฝ้าที่โต๊ะอาหาร ทำให้เด็กหนุ่มเกรงใจต้องกินข้าวให้เรียบร้อยก่อนแล้วถึงกลับมาแต่งเพลงกันใหม่
ริวนั่งเล่นเปียโนทั้งคืน ขณะที่ตะวันไปนอนตั้งแต่เที่ยงคืนกว่าๆ แล้ว เด็กหนุ่มไม่ได้ออนไลน์ไปหาอลันเหมือนเคย เพราะความรู้สึกในเวลานี้ไม่อยากเจอใครทั้งนั้น นอกจากพสุ...
ริวรอจน 6 โมงเช้า ถึงได้โทรไปหากรเวช เพื่อบอกว่าเขาทำเพลงเสร็จแล้ว อยากให้ทรงเผ่ากับไมตรีฟัง กรเวชรับปากว่าจะบอกให้
เกือบ 10 โมงเช้า กรเวชก็โทรกลับมาที่บ้าน แม่บ้านเอาโทรศัพท์มาให้ถึงห้อง แต่ริวอาบน้ำอยู่ ตะวันจึงรับสายแทน
“...ครับพี่กร”
“ตะวันเหรอ...ฝากบอกริวด้วยนะ ว่าพี่เผ่ากับพี่ไมตรีจะเข้ามาเย็นนี้เลย ประมาณ 6 โมงนะ”
“เข้ามาฟังเพลงใหม่เหรอครับ”
“ใช่...ตะวันรู้แล้วเหรอ” กรเวชถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจที่ตะวันก็รู้เรื่องเพลงของริว คนสันโดษแบบตะวันสนใจคนอื่นนับว่าแปลก แต่คำตอบที่ได้รับกลับน่าแปลกยิ่งกว่า
“ก็เพิ่งแต่งเนื้อเสร็จเมื่อคืนนี่ครับ”
“เมื่อเช้าริวเขาโทรไปบอกพี่ ให้พี่นัดพี่เผ่าให้”
“ครับ...ตอนนี้ริวอาบน้ำอยู่ เดี๋ยวออกมาแล้วผมจะบอกให้นะครับ”
“ขอบใจมากตะวัน...ยังไงฝากตะวันดูเรื่องอาหารการกินของริวด้วยนะ ไผ่ไม่อยู่แบบนี้เดี๋ยวเลยไม่ยอมกินอะไร”
กรเวชลองฝากดู ถ้าตะวันใส่ใจริวขนาดนี้ ระหว่างที่พสุไม่อยู่ก็น่าจะฝากให้ดูแลริวได้ เพียงแต่ที่ผ่านมาตะวันมีโลกส่วนตัวสูงจนเขาไม่กล้าไหว้วานให้ทำอะไรนอกเหนือจากเรื่องงาน
“ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” ตะวันรับปาก แล้วเดินออกไปบอกแม่บ้านให้ตั้งโต๊ะ ส่วนตัวเขาย้อนกลับมาดูริวที่ห้อง แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่ออกจากห้องน้ำ จึงตัดสินใจไปเคาะประตูเรียก
“ริวๆ”
“ครับ”
“ทำอะไรอยู่”
“อาบน้ำครับ”
ตะวันรออยู่พักใหญ่ๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าริวจะออกมา จึงกลับไปเรียกอีกครั้ง
“ริว...ทำไมนานนัก”
“ริวแช่น้ำ”
“เลิกแช่ได้แล้ว นี่พี่รอกินข้าวอยู่นะ”
“...ครับ จะออกไปแล้ว”
ตะวันไปรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ไม่ถึง 5 นาที ริวก็ตามออกไป เด็กหนุ่มตักข้าวไปไม่กี่คำก็วางช้อนแต่เห็นตะวันจ้องเขม็งก็จำต้องกินไปอีกนิด
“ริวกินน้อยเกินไปแล้ว”ตะวันอดบ่นไม่ได้ ริวอยู่ในวัยกำลังโต แต่กลับไม่ค่อยกินอะไรนอกจากขนม ถ้าพสุอยู่ก็ยังคอยบอกให้กินโน่นกินนี่ ซึ่งริวก็จะทำตาม แต่ถ้าพสุไม่อยู่ ก็ไม่มีใครบังคับริวได้สักคนเดียว
“...ไม่อยากกินเลยครับ...มัน...รู้สึกแย่ๆ” ริวไม่กล้าบอกว่าคลื่นไส้ เพราะเกรงใจตะวันที่ยังกินไม่เสร็จ
“ก็ริวอดนอนทั้งคืน นี่ถ้าพี่ไม่ไปเรียกมาอาบน้ำ ป่านนี้ก็ยังเล่นเปียโนอยู่นั่นแหละ”
“...ครับ...”
“ไม่กินก็ไปนอน...นอนนะ ห้ามไปเล่นเปียโนอีก”
“ครับ”
พอกลับมาถึงห้องริวก็วิ่งเข้าห้องน้ำแล้วอาเจียนทุกอย่างที่กินออกมาจนหมด เด็กหนุ่มโซเซกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหยิบเครื่องเล่นเพลงออกมาฟังเพลงที่พสุอัดเสียงไว้ให้จนผล็อยหลับไป
ริวมารู้สึกตัวอีกครั้ง เพราะมือเย็นๆ ลูบผมลูบหน้าเขาเบาๆ พอลืมตาขึ้นก็เห็นพสุก้มมามองและส่งยิ้มให้
“พี่...” ริวขยับเข้าไปกอดเอวพสุ ซุกหน้ากับตักอุ่น รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมือเย็นๆ ลูบหัวเขาเบาๆ
“ไม่สบายหรือเปล่าริว เสียงแห้งเชียว”
“เปล่าครับ”
“เห็นตะวันบอกว่ากินข้าวเช้าไปนิดเดียวแล้วเมื่อคืนก็ไม่ได้นอนทั้งคืนด้วย”
“...ริวซ้อมเพลงใหม่ จะได้คล่องๆ” ริวแก้ตัวเสียงอ้อมแอ้ม
พสุหัวเราะแล้วขยับขึ้นไปกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง ริวรีบถอยเว้นที่ให้พสุ รอจนพสุนอนแล้วถึงเอาหัวมาซุกกับแขนขาวๆ ริวไม่ได้คิดจะอ้อน แต่เพราะทำแบบนี้แล้วรู้สึกอบอุ่น และในอกก็จะฟูๆบานๆ
“ริวนึกว่าพี่จะกลับมาตอนเย็น”
“อืม...ตอนแรกก็ว่าจะอย่างนั้น...แต่พอดีถ่ายทำเสร็จเร็ว ได้ภาพพระอาทิตย์ขึ้นอย่างสวย...ผู้กำกับก็พอใจ ก็เลยเลิกกองเร็ว...พี่ขี้เกียจรอไฟล์ทเย็น ก็เลยบินตั้งแต่ 11โมง” พสุอธิบายแล้วเหยียดตัว ยืดหลังไล่ความเมื่อยขบ
“พี่เหนื่อยไหม” ริวถามแล้วผงกหัวขึ้นจ้องหน้าพสุตาโตด้วยความเป็นห่วง
“ไม่หรอก ชินแล้ว...ไหนเอาเนื้อเพลงใหม่มาดูหน่อยเร็ว”
“ครับ” ริวรีบลุกไปหยิบเนื้อเพลงใหม่มาส่งให้พสุ ก่อนจะกลับมานอนขดอยู่ข้างๆ เหมือนเดิม
“นี่ริวแต่งเหรอ?”
“เปล่าครับ พี่ตะวันแต่งให้”
ริวหยิบเนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่แต่งไว้ก่อนหน้านั้นมาให้อีกแผ่น พสุอ่านเทียบทั้งสองภาษาแล้วนิ่งไปนาน
“อืม...มัน...มันไม่เศร้าไปเหรอริว...อ้าว” พสุหันกลับมาพบว่าเด็กหนุ่มหลับไปแล้ว แผงขนตายาวหนาน่าลูบเล่น พสุแตะนิ้วบนขนตาของเด็กหนุ่มเบาๆ พอริวขยับเปลือกตาเหมือนจะรำคาญก็เลิก แล้วเลยลูบผมนิ่มยุ่งเหยิงให้เข้าที่
“อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้แต่งเพลงเศร้าขนาดนี้นะ... ‘ไขว่คว้าเงา...กอดความว่างเปล่า...หลับตาด้วยความเจ็บปวดแล้วลืมตาตื่นขึ้นมาคนเดียว’...คนฟังไม่ร้องไห้ตายกันหมดเหรอเนี่ย” พสุถอนใจเฮือก แล้ววางเนื้อเพลงไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะเหยียดตัวลองนอนข้างๆ ริว
เมื่อเช้าเขาถูกปลุกตั้งแต่ตี 3 เพื่อแต่งหน้าทำผม รอถ่ายทำตอนตี 5 ตั้งแต่แสงแรกจนฟ้าสว่าง ก็เก็บภาพได้อย่างที่ผู้กำกับต้องการ ทีมงานคนอื่นๆ ยังอยู่เที่ยวต่อและจะกลับตอนเย็น แต่พสุอดนึกห่วงริวไม่ได้จึงตัดสินกลับไฟล์ทแรกที่หาได้ คือตอน 11 โมง
พอกลับมาถึงบ้านตะวันก็มาดักรอ บอกให้เขามาดูริวเพราะกลัวเด็กหนุ่มจะไม่สบาย พสุก็เลยต้องขึ้นมาดูโดยที่ตอนนี้กระเป๋าก็ยังไม่ได้รื้อออกด้วยซ้ำ...พสุคิดง่วงๆ แล้วก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย....
การนอนรวดเดียว 5 ชั่วโมง ดูเหมือนจะทำให้ริวกลับมาสดใสเหมือนเดิม เด็กหนุ่มตื่นมาก็พบว่าพสุนอนขดอยู่ข้างๆ คงหนาวเพราะเขาเปิดแอร์เย็นจัด ริวจึงเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นแล้วกลับมานอนมองหน้าพสุอย่างมีความสุข กำลังมองเพลินพสุก็ขยับตัวเหมือนจะตื่น ริวจึงรีบหลับตาปี๋ แต่คงแน่นเกินไปเลยมีพิรุธ คนตื่นทีหลังหันมาเจอก็เลยบีบจมูกโด่งเล่น
“ตื่นแล้วก็ลุกไปอาบน้ำสิ จะได้ลงไปกินข้าวกัน”
“พี่อ่ะ...ริวยังอยากนอนอยู่เลย” ริวทำเสียงงอแง แต่ปากยิ้มกริ่ม
“อย่ามาลีลา ไปๆ ลุกขึ้น”
“ครับ” ริวขานรับแต่กลับเขยิบเข้ามาเอาหัวเกยตัก พสุเลยแกล้งขยี้หัวริวหนักๆ จนเด็กหนุ่มต้องยอมลุกขึ้น
“พี่น่ะ...ใจร้าย”
“พี่น่ะใจร้ายก็ช่างสิ ไม่ใช่พี่ไผ่ใจร้ายสักหน่อย” พสุตอบยิ้มๆ แล้วจับหัวริวโยกไปโยกมาเล่น
ริวทำหน้างงๆ คิดตามคำพูดพสุอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจ เด็กหนุ่มทำแก้มพอง ปากยื่น แล้วสูดหายใจแรงจนจมูกบาน เลยโดนบีบจมูกอีกรอบ
“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวอดของฝากนะ”
“ไปอาบแล้วคร้าบ” ริวกระโดดผลุงลงจากเตียงอย่างว่องไว รีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำทันที พสุมองตามยิ้มๆ แล้วไปลากกระเป๋ามารื้อของฝากสำหรับทุกๆ คน โดยเฉพาะของเด็กโข่งที่เยอะสุด ซึ่งของฝากเขาก็รวบๆ มาจากสนามบินนั่นแหละ จึงมีแต่ขนมเป็นหลัก
.................................
พี่ตะวัน อะไรยะ! ชั้นหวงนะ! :m16:
-
ปาดซ้าย ปาดขวา :laugh:ซะจายยยย
ไปอ่านก่อนล่ะ
พี่ตะวันคิดไรกะริวป่าวเนี้ย เค้าห่วงนะ
:z6: จ๊าก พี่ไผ่โดดเตะ
-
อ๊าย.......... น้อยไปค่ะ พี่ตะวัน รุกเลยสิคะ เชียร์อยู่ XD
โธ่ น้องริว ขาดพี่ไผ่เหมือนขาดใจ เมื่ิอไหร่จะปกติสักทีน้า (จะได้ลุ้นพี่ตะวัน กั๊กๆ)
-
ตะวันก็น่ารักดีนะ แต่ไม่ได้หรอก เราตามใจริว :laugh:
-
ริวเหงาไม่มีพี่ชายอยู่ข้างกาย
-
อ่ะนั้น
ริวเหมือนจะมีที่อ้่อนเพิ่ม
-
‘ไขว่คว้าเงา...กอดความว่างเปล่า...หลับตาด้วยความเจ็บปวดแล้วลืมตาตื่นขึ้นมาคนเดียว’.."
แค่ไม่กี่ประโยค แต่อ่านแล้วอยากร้องไห้อ่ะ
เพลงที่ริวแต่งเนี่ยสื่อความในใจริวที่มีต่อไผ่ เพราะริวเองก็รู้ว่าไผ่ไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของริวที่มีต่อไผ่
ขณะเดียวกัน(คิดว่านะ) ก็สื่อความในใจที่ตะวันมีต่อริวเช่นกัน ใช่ไหมคะคุณไรเตอร์ขา
ไม่อยากกินมาม่านะคะไรเตอร์
-
นู๋ริวน่าสงสารเวลาไม่มีพี่ไผ่ :sad11:
ส่วนพี่ตะวันคิดไรกับนู๋ริวป่าวอ่ะ :m16:
-
นายไผ่น่ารัก ห่วงริว รีบกลับ
ตะวันเอ็นดูน้องเฉยๆ ใช่มั๊ย
-
พี่ตะวันจ๋า ตัวอยู่ใกล้ แต่ใจห้ามยุ่งนะยะ
คนเนี้ย..จองไว้ให้พี่ไผ่เท่านั้น
ถ้าไม่อยากโดน :z6: ก็จงรักเค้าแบบน้องชายเท่านั้น
เข้าใจ๋? :m16:
-
ที่จริง... ไออยากให้ริวตอนร้องเพลงเดี่ยวอ่ะ ร้องเป็นภาษาต้นฉบับโดยไม่ต้องมาเป็นภาษาไทยนะ แล้วตอนร้องเป็นกลุ่มก็ร้องเป็นภาษาไทยไป ไม่งั้นการที่อดิชั่นแล้วมีคนต่างชาติอย่างริวมาร่วมวงแต่ทำให้เป็นคนธรรมดาก็เหมือนเป็นวงบอยแบนด์ธรรมดาไปน่ะสิ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ริวน่าจะร้องตามที่แต่งออกมาอ่ะ อย่างที่ตะวันว่านั่นแหละ คำบางคำที่แปลงออกมาเป็นคำร้องอีกภาษามันก็ไม่เข้าทำนองหรือหาคำที่ไพเราะไม่ได้เท่าต้นฉบับอ่ะนะ ถ้าอยากฟังเพราะๆก็น่าจะฟังแบบอริจินอลนี่นา~ :เฮ้อ: มันก็แล้วแต่ไรเตอร์นั่นแหละ ไอแค่ออกความเห็นเท่านั้น.....
-
เข้ามาเป็นกำลังใจให้ไรทเตอร์ค่ะเพื่อว่าไรทเตอร์ต้องการกำลังใจแล้วมาต่อเร็วๆ :call: :call:
ขอบคุณคนอัพด้วยนะค่ะ. :z2: :z2:
:L2: :L2: :L2: :L2:
-
โว้วววว หนุกมากเลยค่ะ ตามอ่านยังไม่ทันเลยเพิ่งถึงหน้า 7 แต่แอบเปิดอ่านตอนล่าสุดแล้ว
น้องริวน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :-[
พี่ไผ่อบอุ่นสุดๆอะ แสนดีชะมัด อยากได้ 555555
ตะวันน่ารักดี แต่คงเป็นมุมลึกๆเพราะเหมือนเป็นคนที่มีกำแพงหนาพอควรเลย
ลางๆว่ามันจะสามเศร้ามั้ยเนี่ย แต่น้องริวคงไม่มองใครนอกจากไผ่คนเดียวแหงๆเลย...
รออ่านต่อนะคะ สนุกมากมาย :L2:
ปล. คิดถึงอลันจังค่ะ 555
-
:L2: :L2:
-
อย่าบอกนะว่าพี่ตะวันมีใจให้น้องอ่ะ
-
ไม่ยอมนะ :serius2: น้องรอวเป็นของพี่ไผ่คนเดียว
ตะวันอย่ารักน้องนะ แค่เอ็นดูนะได้แบบพี่ชาย
แต่อย่ามาแยงน้องจากไผ่นะ ฮุฮุ :laugh: น่ารักมาก
อบอุ่นดีพี่ไผ่ก็คิดถึงน้อง โทรมาหา อ้ายไรเตอร์ไม่เอาม่าม่าเด็ดขาดนะ
ไรเตอร์สู้ๆ ฟิตทุกวันก็ดีนะค่ะ ได้อ่านทุกวัน :bye2:
-
ตะวันคิดไรกับน้องปะเนี่ย เอาใจใส่น้องเกินหน้าคนอื่นไปแล้วนะ
แต่เราไม่อยากให้เศร้าอย่ารักเลยนะตะวัน ให้ writer หาคู่ให้นะ นะ
อ่านกีตอนกี่ตอนก็อบอุ่นมากคะ
:pig4: writer คะ
-
แล้วถ้าไผ่รู้ว่าน้องคิดยังไง จะเป็นอย่างไรหนอ
เชียร์ให้ตะวันมีบทบาทกว่านี้ อย่างน้อยก็เป็นที่ปรึกษาน้องได้อีกคนนะ
-
พี่ตะวันเท่ห์จัง
หลงรักพี่ตะวันหมดหัวใจ
:o8:
แต่ก็รักริวกับไผ่นะ
-
พี่ไผ่อบอุ่นมากๆ
พี่ตะวันชักยังไงซะแล้วเนี่ย
-
น่ารักกันจริง
-
:man1:
รัก รัก ร้ากกกริวกะพี่ไผ่ไม่เปลี่ยนแปลง
:-[
-
ฮ่าๆ ตะวันๆๆๆๆ
น่าร๊ากกกกกกกก ก :m3:
-
ริวเอย ไผ่ไม่อยู่แค่ชั่วข้ามคืน กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยเหรอลูก
ไผ่รีบๆรับรู้ความรู้สึกของริวซักทีเถอะ
-
ริวจะน่ารักไปไหนนะ
คนอ่านหลงจะแย่แล้วนะ
เป็นกำลังใจให้จ้า
-
นู๋ริวแต่งเพลงเศร้าให้ตัวเอง ถ้าขนาดเนื้อร้องยังเศร้า เจอดนตรีกับเสียงร้องของริวคงจะยิ่งเศร้าแน่ๆ
ว่าแต่พี่พสุจะเข้าใจน้องมั้ยน๊า...
ตะวันน่ารักอีกแล้ว อยากเชียร์อีกคนแล้วเนี่ย
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
ริวน่ารักมากมายหลงไม่รู้จะหลงยังไงแล้ว
-
โอ้ย รักพี่เสียดายน้อง
อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
ไผ่ก็อบอุ่นอ่ะ
ตะวันก็แสนดี
ยิ่งรู้ว่าไผ่เป็นพระเอกแน่ๆ
ก็ยิ่งไม่อยากให้ตะวันผิดหวัง
:serius2:
หวังว่าตะวันคงไม่คิดอะไรกับริวน๊า
รักเหมือนน้องนุ่งน่ะดีแล้ว
ริวไม่มีพื้นที่ในหัวใจให้ใครนอกจากไผ่แล้วอ่ะ
+1 ขอบคุณและเป็นกำลังใจจ้า
:L2:
-
คอยน้องริวครับ
-
ไรท์เตอร์สั่งไว้ ให้มาลงวันนี้ ^^
9/9/10
:z13:
********************
ตอนที่ 26
ไม่ถึง 6 โมงเย็นดีนัก ทรงเผ่ากับไมตรีก็เข้ามาตามที่นัดไว้ สมาชิกทุกคนของคิสมีก็อยู่พร้อมหน้าในสตูดิโออยู่แล้ว จึงเริ่มด้วยการฟังเพลงของริว
น้ำเสียงทุ่มนุ่มที่เคยสะกดกรรมการและคนดูถ่ายทอดสดมาแล้ว เมื่อได้ร้องเพลงของตัวเองยิ่งทำให้ริวดูมีพลัง แม้แต่ทรงเผ่ายังนั่งฟังนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาเศร้าที่ทอดไกลกับน้ำเสียงที่เครือแผ่วลึกราวกับสะอื้นทำให้คนฟังนิ่งกันไปหมด
“โหย...เกือบตาย!” ไวยากรณ์โพล่งออกมาเป็นคนแรก เมื่อริวร้องเพลงจบ เพราะเขาต้องฝืนความรู้สึกไม่ให้ร้องไห้ออกมาแทบแย่ เสียงของริวเข้าไปจับในหัวใจให้หนาวยะเยือก ความรู้สึกว้าเหว่ครอบงำจนต้องตะโกนออกมาดังๆ เพื่อระบายความอัดอั้นนี้
“พี่ว่า...แรงนะ เนื้อหาเพลงมันหนักมากเลยริว...นี่ถ้าคนอกหักมาฟังไม่ฆ่าตัวตายเหรอเนี่ย” ทรงเผ่าติงทั้งที่นึกชื่นชม เพลงของริวเพราะมาก แต่ก็บาดความรู้สึกจริงๆ ฟังแล้วหัวใจเหมือนถูกบีบจนทรมาน ไม่อยากจะคิดว่าถ้าคนฟังอยู่ในอารมณ์เศร้าอยู่แล้วจะเป็นยังไงต่อไป
“อะไรมันจะโดดเดี่ยวสิ้นหวังขนาดนั้น...” ไมตรีหลุดเสียงอุทานอู้อี้หลังจากนิ่งงันอยู่นาน เขาก็เป็นนักแต่งเพลง ย่อมมีอารมณ์อ่อนไหวมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอทั้งเสียงและเนื้อหาเพลงแบบนี้จึงรู้สึกเศร้าจนน้ำตาคลอ
“มันเศร้าเกินแล้วตะวัน” พสุเองยังอดติงไม่ได้
“ฉันไม่เกี่ยว นายดูเนื้อภาษาอังกฤษสิ ฉันแค่คนถอดความเท่านั้น” ตะวันบอกพสุ แต่หันไปยื่นเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษให้ทรงเผ่าดู ทรงเผ่าดูเนื้อเพลงเทียบทั้งสองภาษาอยู่ครู่หนึ่งก็หันมาจ้องหน้าริว
“แน่ใจนะว่าอยากได้แบบนี้จริงๆ”
“ครับ”
“งั้นก็ได้...ผ่าน”
“เฮ้ย! ริว เอาเสียงขลุ่ยออกไม่ได้เหรอ พี่ฟังเสียงขลุ่ยแล้ว...มันขนลุก” ไวยากรณ์พยายามยังต่อรองพร้อมทำท่าขนลุกขนพองประกอบ แต่ริวส่ายหน้า เพราะเสียงขลุ่ยคือสิ่งเด็กหนุ่มคิดว่าเหมาะกับเพลงของเขาที่สุดแล้ว
พสุเห็นท่าทางมั่นใจของริวก็เลิกคิดจะเกลี้ยกล่อมให้ริวลดความแรงของเพลงลง เสียงขลุ่ยที่ริวขอให้เขาอัดไว้ให้ก่อนหน้านี้ ตอนนั้นพสุเพียงเป่าเทียบกับโน้ตของฟรุตตามที่ริวเขียนมาให้ ไม่คิดว่าเมื่อถูกเอามาใช้ในเพลงจะฟังแล้วเศร้าขนาดนี้
“งั้นพรุ่งนี้เข้าห้องอัดเลย ไหวไหมริว”
“ครับ”
“คนอื่นๆ ไม่มีงานอะไรใช่ไหม”
“ไม่มีครับ”
“งั้นเตรียมซ้อมเพลงไว้ให้คล่อง ถ้าเพลงริวเสร็จเร็วจะได้อัดต่อไปเลย”
“โหพี่ เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ” ธีรดลอ้าปากค้าง ปกติบันทึกเสียงมักจะใช้เวลาค่อนข้างมาก บางคนต้องอัดแล้วอัดอีกอยู่หลายรอบกว่าจะผ่าน แต่นี้ทรงเผ่าเล่นให้พวกเขาเตรียมไปอัดเสียงในวันเดียวกัน
“อืม...เท่าที่ฟังดู พี่ไม่รู้สึกว่ามีอะไรต้องแก้ไขนะ ตรีว่าไงวะ” ทรงเผ่าหันไปถามไมตรีก็ได้รับคำตอบที่หนักแน่น
“ผ่านอยู่แล้วพี่”
“งั้นพรุ่งนี้เจอกัน 10 โมงเช้านะ”
“ครับ”
.........................................
หลังซิงเกิ้ลแรกของทุกคนถูกปล่อยออกไปครบ คิสมีก็กลายเป็นบอยแบนด์อันดับหนึ่ง เพราะเสียงร้องและบุคลิกอันโดดเด่นของแต่ละคน ทำให้ตารางงานแน่นเอียดทุกวัน ขนาดคนที่เคยทำงานทุกวันอย่างพสุยังแย่ แล้วคนที่แทบไม่เคยสัมผัสผู้คนอย่างริวจะทนไหวได้ยังไง เด็กหนุ่มหน้าซีดหมดสีทุกวันที่ทำงานเสร็จ
ทันทีที่ขึ้นรถ ริวก็ซุกหน้ากับไหล่ของพสุแล้วหลับสนิท ใบหน้าซีดเผือดของเด็กหนุ่มทำให้พสุไม่ปฏิเสธที่จะยืมไหล่พักพิง
“ริวเป็นไงมั่งไผ่” กรเวชชะโงกหน้ามาจากเบาะหน้าด้วยความเป็นห่วง
“หลับไปแล้วครับ แต่หน้าซีดมากเลยพี่กร”
“วันนี้คิวแน่นตั่งแต่เช้าเลยนี่ คงเหนื่อยมากแหละ...เฮ้อ!...ท่าทางวันนี้รถติดซะด้วยสิ...ไผ่เช็ดหน้าให้น้องหน่อยนะ”
กรเวชมองน้องเล็กสุดของวงแล้วอยากจะบอกให้คนขับรถพาทุกคนกลับไปพักมากกว่าที่จะไปต่อ คิสมียังต้องไปโชว์ตัว ร้องเพลงในงานฉลองครบรอบ 20 ปีของโรงแรมชื่อดังกลางเมืองอีกงานเป็นงานสุดท้ายของวันนี้
ตอนแรกกรเวชปฏิเสธที่จะรับงานนี้ไปแล้ว แต่รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารของโรงแรมมาที่บริษัทด้วยตัวเอง เพื่อขอคิว คิสมีให้ได้ ทำให้เขมชาติเองก็พูดไม่ออก จะตัดคิวงานก่อนหน้านั้นก็ลำบาก แม้จะสงสารศิลปินแต่ในเมื่อยังต้องรักษาชื่อเสียงและยังต้องการผู้สนับสนุนอีกมาก ก็จำเป็นที่คิสมีจะต้องรับงานนี้
พสุรับผ้าเย็นมาเช็ดหน้าที่ซุกกับไหล่เบาๆ เด็กหนุ่มไหวตัวแล้วลืมตาแดงก่ำขึ้นมามองหน้าชายหนุ่มงงๆ
“โทษที พี่ทำให้ตื่นเหรอ”
“เปล่าครับ...ขอบคุณครับ” ริวกระซิบตอบเบาๆ แล้วเลื่อนตัวลงหนุนตักพสุแทน
ยังไม่ทันถึงโรงแรม สายฝนที่ตั้งเค้ามานานก็เริ่มโปรยปรายแล้วหนาเม็ดขึ้นเรื่อย จนที่ปัดฝนทำงานแทบไม่ทัน ต้นฤดูหนาวแล้วแท้ๆ แต่กลับมีฝนตกในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้ รถก็ติดกันระนาวกว่าจะฝ่าการจราจรที่เกือบเป็นจลาจลมาถึงโรงแรมได้ทุกคนก็หลับไปด้วยความเพลีย
ระหว่างที่รถเลี้ยวเข้าโรงแรม รถเก๋งอีกคันก็วิ่งส่วนออกมาค่อนข้างเร็วจนหักหลบไม่ทันจึงถูกชนจนสะเทือนยวบทั้งคัน….
เอี๊ยดดดด...ตึง!
“อะไรประเสริฐ!” กรเวชที่เผลอหลับผุดลุกขึ้นนั่งตาเหลือกด้วยความตกใจ
“รถเขาเสียหลักมาชนเราครับ”
“อะไรเนี่ย!...อีกไม่กี่ก้าวก็เข้าโรงแรมแล้วนะ..นี่ก็จวนได้เวลาเต็มทีแล้วด้วย” กรเวชอุทานอย่างหัวเสีย คนขับรีบลงไปเจรจากับคู่กรณีกลางฝนเพราะไม่อยากให้เสียเวลานานกว่านี้
“ไวย์ไม่มัวรออยู่ในนี้หรอกนะพี่ วิ่งไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว”
“เดี๋ยวไวย์! ไวย์” กรเวชห้ามเสียงหลงแต่ไม่ทัน
ไวยากรณ์เปิดประตูแล้ววิ่งฝ่าฝนเข้าไปในโรงแรมอย่างรวดเร็ว ตะวันวิ่งตามลงไปเป็นคนที่สอง ที่เหลือจึงตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนเข้าไปบ้าง เจ้าหน้าที่ต้อนรับที่มารอ พอเห็นว่าเป็นคิสมีก็ตกใจ รีบพาทุกคนเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าทำผมกันใหม่ ยังดีที่กรเวชมักจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้หลายชุดเผื่อต้องใช้ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งก็ได้ใช้จริงๆก็คราวนี้
ระหว่างเล่นคอนเสิร์ต พสุสังเกตว่าริวเสียงแปร่งๆ ไปนิดหน่อย ซึ่งถ้าไม่เพราะฟังอยู่ทุกวันคงไม่รู้สึก พอร้องเพลงเสร็จ พิธีกรก็เชิญผู้บริหารขึ้นมากล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน พสุยืนติดกับริวจึงรู้สึกได้ถึงไอร้อนจากตัวเด็กหนุ่ม
“ริวไม่สบายเหรอ?”
“ปวดหัวครับ”
“ตัวร้อนๆ นะ หน้าก็ซีดมากเลย ริวทนอีกหน่อยนะ เหลือแค่จับรางวัล ถ่ายรูปกับผู้บริหารก็เสร็จแล้ว”
“ครับ”
พอเสร็จงานช่วงแรกระหว่างจะรอถ่ายรูป พสุก็รีบไปบอกให้กรเวชรู้ กรเวชรีบมาดูอาการริว แล้วตัดสินใจไปเปิดห้องพัก
“พี่เปิดห้องให้ริวขึ้นไปนอนพักนะ ส่วนงานกลางคืนริวไม่ต้องลงมาหรอก พักผ่อนซะ พอเสร็จแล้วพี่จะโทรไปเรียก”
“ครับ”
หลังจากถ่ายรูปกับผู้บริหารเสร็จ ริวก็ถูกพาขึ้นไปนอนพักก่อน ส่วนคนอื่นๆ ยังเข้าร่วมงานเลี้ยงช่วงกลางคืนต่อ กว่าจะเลิกงานก็เกือบเที่ยงคืน คนอื่นๆ จึงรอกันอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม ขณะที่กรเวชขึ้นไปตามริวเพราะโทรขึ้นไปแล้วริวไม่รับสาย
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้อง กรเวชก็ได้ยินเสียงหอบหายใจแรงจากบนเตียงจึงรีบเข้าไปดู ก็เห็นริวดิ้นทุรนทุรายและพยายามบีบคอตัวเอง จึงเข้าไปกระชากมือริวออกแต่กลับถูกเด็กหนุ่มสลัดกระเด็นออกมา
“ริว! ริว! เป็นอะไรไป ริว!”
“อ๊อค! แม่! อ๊อคๆ” ริวดิ้นเหมือนขาดอากาศหายใจ กรเวชทำอะไรไม่ถูก แต่นึกได้ว่าพสุคงรู้จึงจึงโทรตาม
“ไผ่!”
“ครับพี่”
“ริวเป็นอะไรไม่รู้ มาดูหน่อย!”
“ครับ!” พสุลุกพรวดไปที่ลิฟต์ คนอื่นๆ ก็เลยลุกตามมาหมด เมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นริวกำลังดิ้นทุรนทุรายสองมือบีบคอตัวเอง โดยที่กรเวชทำได้เพียงพยายามจะดึงแขนริวออกเท่านั้น พสุรีบอ้อมไปที่หัวนอนดึงตัวริวขึ้นมากอดเอาไว้
“ตะวันเร่งแอร์หน่อย เปิดให้ต่ำสุดเลย” ตะวันรีบลดอุณหภูมิลงตามที่พสุบอก ขณะที่ธีรดลกับไวยากรณ์ยืนมองเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วง
“ริว...ชู่วววววววววว พี่เอง...ริวได้ยินไหม มันผ่านไปแล้วริว ตอนนี้ริวอยู่กับพี่ ได้ยินไหมริว ริว...ได้ยินพี่ไหม” พสุปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วโยกตัวไปมาเบาๆ ก่อนจะดึงมือที่บีบคอตัวเองของเด็กหนุ่มออกจนได้ ร่างในอ้อมแขนเขาร้อนจัดจนน่าตกใจ
“แค๊กๆ...อือ...พี่...ช่วยด้วย” ริวไอโขลกแล้วเรียกหาพสุทั้งที่ไม่ลืมตา
“พี่อยู่นี่ พี่กอดริวแล้ว ไม่เป็นไรนะ มันผ่านไปแล้ว” พสุลูบหลังเปียกเหงื่อชุ่มเบาๆ ขณะที่ริวยังหอบหายใจแรง ตะวันเดินไปหยิบน้ำเย็นมารดผ้าจนชุ่มแล้วเอามาส่งให้พสุเช็ดหน้าให้ริว
ผ้าเย็นๆ ดูเหมือนจะทำให้ริวได้สติ เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาเห็นพสุ ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นซุกหน้ากับไหล่เขาแล้วกอดไว้แน่น พสุเองก็คอยลูบหลังให้จนเด็กหนุ่มหลับไป
“เป็นไงบ้างไผ่”
“หลับแล้วครับ...แต่ตัวร้อนจัด สงสัยจะไข้ขึ้น”
“งั้นไผ่ก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ เดี๋ยวพี่ดูแลเอง”
“คงไม่ได้หรอกครับ ถ้าเป็นปกติริวคงยอมให้พี่ถูกตัวเขาได้ แต่ทั้งฝันร้ายทั้งป่วยแบบนี้ ท่าทางจะไม่ยอมแน่ๆ”
“แล้วจะนอนกันยังไงละนั่น”
“คงต้องนอนทั้งแบบนี้แหละครับ” พสุบอกพลางใช้ผ้าชุบน้ำเย็นที่ตะวันหามาให้เช็ดหน้าให้ริวอย่างเบามือ
กรเวชลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็โทรลงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อขอให้ทางโรงแรมส่งหมอขึ้นมาดูอาการริว ก่อนที่หมอจะมา พสุก็ปลุกให้ริวตื่นขึ้นมาก่อน เพื่อกันไม่ให้เด็กหนุ่มตกใจกลัว แต่ทันทีที่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่หมอใช้ล้างมือ ริวก็มีอาการหน้าซีด ตัวสั่นแล้วกอดพสุไว้แน่น
“ตั้งสติดีๆ นะครับ หมอแค่จะมารักษาริว ไม่มีอะไรน่ากลัว พี่อยู่นี่ พี่กอดริวไว้เห็นไหม” พสุกระซิบเตือนเบาๆ ไม่อยากให้หมอรู้ถึงอาการผิดปกติของริว เพราะเกรงว่าถ้าคนนอกรู้ ความลับของริวจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“พี่ไผ่...ริวกลัว...” ริวกระซิบตอบเสียงสั่น ไม่ใช่ไม่รู้ตัว แต่เขาเหมือนจะคุมสติตัวเองไม่ได้ ความรู้สึกสูญเสียรุนแรงเสียจนต้องกอดพสุไว้แน่นเพื่อให้แน่ใจว่าพี่จะไม่ 'หาย' ไปอีกคน
หมอถือหูฟังค้าง เพราะเห็นริวกอดพสุไว้แน่น ทำให้ไม่สามารถตรวจรักษาได้
“กลัวเข็มน่ะครับ” พสุจำต้องบอกเลี่ยงๆ แล้วดึงตัวริวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะขยับเข้าไปนั่งประกบข้างหลัง เพื่อลูบหลังริวเบาๆ ให้อุ่นใจ ส่วนอีกมือก็ปล่อยให้ริวกำไว้แน่น
ไม่ว่าหมอจะสั่งอะไรริวก็ไม่ยอมทำตาม พสุต้องคอยเตือนซ้ำทุกครั้ง ริวถึงจะยอม หลังจากการตรวจแบบทุลักทุเลผ่านไป หมอก็จัดยาแก้ไข้ไว้ให้แทนยาฉีด เพราะท่าทางคนไข้จะกลัวเข็มมาก แล้วก็ลากลับไป
พสุเอายาให้ริวกินแล้วนอนลงข้างๆ เพราะริวกอดเขาไม่ยอมปล่อย คืนนั้นกรเวช พสุ และริว เลยต้องนอนค้างที่โรงแรมส่วนคนอื่นๆกลับไปก่อน
ริวนอนละเมอและสะดุ้งตื่นตลอดคืน พลอยให้พสุและกรเวชตื่นตามไปด้วยทุกครั้ง ยังดีที่วันถัดมาคิวงานของ คิสมี ไม่มีงานช่วงเช้าเลย มีแต่งานคอนเสิร์ตตอนค่ำ กรเวชจึงปล่อยให้ริวกับพสุได้หลับเต็มที่ส่วนตัวเขารีบกลับไปที่บริษัทก่อนตั้งแต่เช้ามืด แล้วมารับสองหนุ่มอีกครั้งตอนสายๆ ซึ่งทางโรงแรมพอรู้ข่าวว่าริวป่วยก็ส่งกระเช้าและของเยี่ยมมามากมาย และยังไม่คิดค่าห้องพักอีกด้วย
กรเวชพาพสุและริวลงไปขึ้นรถด้วยลิฟต์พิเศษ ที่ไม่ต้องผ่านลอบบี้ของโรงแรม แต่ไปเปิดที่ลานจอดรถวีไอพีที่รถตู้ของบริษัทมารอรับอยู่แล้ว ตั้งแต่ขึ้นรถมาริวก็นั่งพิงพสุหลับตานิ่ง จนกรเวชใจคอไม่ค่อยดี
“ไหวไหมริว ไปหาหมออีกทีไหม”
“ไหวครับ” ริวตอบสั้นๆ แต่ไม่ยอมลืมตา กรเวชมองหน้าพสุเห็นชายหนุ่มส่งยิ้มแล้วพยักหน้ามาให้ก็เบาใจ
เมื่อไปถึงบ้าน ทุกคนก็ออกมานั่งรออยู่ที่สระว่ายน้ำหน้าบ้าน พอเห็นริวก็เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อได้รับคำตอบว่าริวดีขึ้นมากแล้ว ต่างก็เบาใจปล่อยให้เด็กหนุ่มขึ้นไปพักผ่อน ยกเว้นไวยากรณ์ ที่วิ่งเข้าวิ่งออกห้องของพสุ เพื่อเอาขนมมาให้ริวบ้าง ผลไม้บ้าง จนโดนตะวันดุนั่นแหละถึงได้ยอมหยุด
พสุมองตามน้องเกือบสุดท้องของวงที่เดินคอตกออกไปอย่างสงสาร ในวงไม่เคยมีใครป่วยมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนป่วยไวยากรณ์ก็เลยพยายามจะช่วยดูแล โดยไม่รู้ตัวว่ามากเกินความจำเป็น
………………………………..
ไวย์มันก็แอบน่ารักนะเนี่ย :o8:
-
อ๊ะ มาต่อแล้วๆ
โถ...น้องริวป่วย TT น่าสงสารมากมาย
ไม่รู้ต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนเนอะ
ไผ่รักษาน้องให้หายน้าาา ^^
ไวย์น่ารักดี ฮ่าๆ คงเพราะไม่เคยดูแลใครมั้งเนี่ย
-
อ๊าน้องไม่สบายแล้ว
ไวท์นี้ดูแลดีมากนะ
-
ริวน่าสงสาร
พี่ไผ่ดูแลน้องด้วยนะ
:z1:
อืมๆ
อีตาไวย์แอบน่ารักนะเนี่ย
ยกให้คู่กับพี่ตะวันดีกว่า กร๊ากกกกก :laugh:
-
น้องริวป่วย !!
สงสัยจะงานเยอะจิง
-
:L2: :3123: :L1: :pig4: :m4: :c5:
-
:L2: :L2: :z2: :z2:
-
อ๊าย....... มีรางว่าน้องไวย์จะคู่กับพี่ตะวัน คริๆ
-
ขอบคุณค่ะ :L2: :L2: :L2:
มาต่อเร็วๆๆๆๆได้ไหมค่ะ :call: :call: :call: :call: :call:
-
สงสารริวอ่ะ :impress:
ว่าแต่... ไวย์นี่ก็แอบน่ารักเนอะ อิอิ~ o17
ริวน่าสงสาร
พี่ไผ่ดูแลน้องด้วยนะ
อืมๆ
อีตาไวย์แอบน่ารักนะเนี่ย
ยกให้คู่กับพี่ตะวันดีกว่า กร๊ากกกกก :laugh:
คิดเหมือนกันเลย หุหุ :z1:
-
ห่วงใยกันดี น่ารักมาก
-
พี่ไวย์แอบน่ารักนะเนี่ย
-
สงสารริว
//นึกภาพไวย์ วิ่งเข้าวิ่งออกหาน้อง cute มาก
-
ยังไม่ได้อ่านเลย แต่ขอมาเม้นก่อน
ขอบคุณที่เข้ามาอัพแล้วนะค่ะ :bye2:
-
น้องไวย์ น่ารักอะออกแนวเด็ก ๆ ด้วย คู่กับตะวันก็ดีนะดูแลกันได้ (คิดไกลมากเลยเรา)
:pig4: writer คะ
-
วงนี้มันน่ารักครบวงเลย รักกันดีจนน่าอิจฉาเลยค่า ริว น้องเลือกวงถูกแล้ว
ปล.น้องริวน่าสงสาร เข้มแข็งขึ้นและหายป่วยไวๆๆนะค่า
ชอบเรื่องนี้มากค่า จะตามมาอ่านทุกวันแน่นอน ^^ :mc4:
-
โอ้ย อ่านไปตื่นเต้นไปกลัวจบตอน :m20:
หนูริวน่าสงสาร :monkeysad:
พี่ไผ่อย่าปล่อยมือน้องนะ ไม่งั้นเค้าเชียร์พี่ตะวันด้วย
ตลกไวอ่ะ :m20:
-
:man1:
-
:sad11:
ริวหายเร็วๆน๊า
:-[
ไวย์น่ารัก
-
สู้ ๆ นะครับริว มันผ่านไปแล้วครับ
-
ริวน่าสงสารจัง
ไผ่ฝากดูแลริวด้วยนะ
ไวย์นี่น่ารักเนาะ แอบเห็นเหมือนเป็นเด็กเล็กๆที่หยิ่งๆปากไม่ดี แต่ใจอ่อนๆ
-
น่ารักกันจังครับ รักกันโดยบริสุทธิ์ใจอย่างนี้ ชื่นใจครับ
-
ใช่ๆ ใช่เลย ไวย์มันมีมุมน่รักของมันอยู่น้า
ริวน่าสงสาร แต่ริวก็โชคดี ที่คนรอบข้างเป็นคนดีทุกคนเลย
-
น้องริวสู้ๆ
ริวน่าสงสารมาก ดีที่มีพี่ไผ่ดูและไม่ห่าง
-
สงสารน้องริวอ่ะ ไรเตอร์อย่าใจร้ายกับน้องนักเลย
-
55 ไวย์แอบน่ารักจริงๆนั่นแหละ
-
แอบเชียร์ไวย์กะตะวันอ่ะ คนนึงนิ่งๆคนนึงอยู่ไม่สุก เหมาะสม
-
แม้ๆ ก็น่ารักกันทุกคนแหละ
มีแอบเชียร์ไวย์กะตะวันเหมือนกันเพราะน่าจะเหมาะสมกัน :m13:
ส่วนริวกับพี่ไผ่นี้ไม่ต้องห่วงเลยตัวติดกันยังกะแฝดอินจันน่ารักมาก
-
เฮ้อ...ผ่านพ้นไปได้เปลาะหนึ่ง แต่ว่า...
เมื่อไหร่เวลาจะทำให้คนเราเติบโตขึ้นได้น้า....
เหมือนเวลาถูกหยุดไว้ไม่เคลื่อนที่สำหรับริว รอตอนต่อไปค่ะ
-
ไวย์ก็น่ารักแบบตรงไปตรงมาดีนะเนี่ย หุๆ อ๊า เลือกพระเอกไม่ถูกเลย หลายคนเกิ้นนนนนน :o8:
แต่ริวน่าสงสารจังน้า :o12:
-
เฮ้อ! ชอบเรื่องนี้่จัง
-
ริว น่าสงสารจัง
-
อ่า ริวไม่สบาย
น่าสงสารอ่ะ
:sad11:
พี่ไผ่ดูแลริวดีๆ นะ
ตอนนี้อ่านแล้วอมยิ้มนิดๆ กับไวย์
น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย
+1 ขอบคุณค่ะที่มาต่อให้
เป็นกำลังใจให้ทั้งคนโพสและคนเขียนจ้า
:pig4:
-
ฮืออออออออออออ :o12:
ริวน่าสงสารจังแงงงงงงงง
มาต่อเร็วๆนะ :pig4: :L1:
-
จะมามั้ยหว่าวันนี้ :z2:
-
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ...อ่านแล้วชอบบบบบบบ มากกกกกกกกกกก!!! :m1:
ริวน่ารักน่าสงสารสุดๆเลย :m15:
จะว่าไปทุกคนไม่เอะใจสักนิดเลยเหรอไงน้า ว่าริวมีความรู้สึกต่อไผ่ลึกซึ้งกว่าใคร :เฮ้อ:
ปล.+1 สำหรับนิยายดีๆสนุกๆค่ะ
-
ตอนที่ 27
คอนเสิร์ตใหญ่ของคิสมีได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม แม้ราคาบัตรจะสูงพอๆกับคอนเสิร์ตจากต่างประเทศแต่ก็ถูกจองหมดอย่างรวดเร็วจนมีเสียงเรียกร้องให้เพิ่มรอบ แต่เนื่องจากมีโปรแกรมจะจัดคอนเสิร์ตใหญ่ทั่วทุกภาคอยู่แล้วจึงไม่มีการเพิ่มรอบอย่างที่คิดกัน ยิ่งทำให้บัตรคอนเสิร์ตคราวนี้กลายเป็นของหายาก
คอนเสิร์ตแรกผ่านไปด้วยดี สร้างความประทับให้คนดูมากมายจนเป็นที่กล่าวขวัญถึงบนหน้าหนังสือพิมพ์และหนังสือบันเทิงทุกฉบับ แม้ระหว่างคอนเสิร์ตจะเกิดเหตุการณ์ระทึกคือมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกชนล้มแล้วถูกเหยียบจนแขนหัก ตะวันโดดลงไปอุ้มเด็กสาวคนนั้นขึ้นมา ทำให้การ์ดต้องตามลงไปช่วยกันคนออก ถึงได้ช่วยเด็กคนนั้นและตะวันออกมาจากวงล้อมได้อย่างปลอดภัย
แม้ตะวันจะหัวเสียบ่นว่าเด็กสาวคนนั้นซะมากมาย แต่ก็ดูรู้ว่าเพราะความเป็นห่วงเธอมากกว่า หลังคอนเสิร์ตเลิก ตะวันก็นั่งบ่นมาตลอดทางจนถึงบ้าน แล้วสุดท้ายเขากับกรเวชก็ออกไปเยี่ยมเด็กสาวคนนั้นกลางดึกโดยที่สมาชิกคนอื่นๆ ของวงมารู้เรื่องเอาตอนเช้า...แต่เหตุการณ์นี้ก็อยู่ในความสนใจเพียงไม่กี่วัน เพราะทุกคนต้องซ้อมการแสดงอย่างหนัก
เพื่อไม่ให้คอนเสิร์ตที่จะไปแสดงทุกภาคทั่วประเทศ มีรูปแบบซ้ำกับที่กรุงเทพ จึงมีการออกแบบคอนเสิร์ตแต่ละภาคตามแบบประเพณีท้องถิ่น มีการเพิ่มเครื่องดนตรีของแต่ละภาคเข้ามาเสริม รวมถึงการโชว์พิเศษ เล็กๆน้อยๆที่ทำให้คนดูประทับใจมาก บางที่ซึ้งจนเรียกน้ำตา แต่บางที่ก็ฮากันจนน้ำตาไหล กว่าจะทัวร์คอนเสิร์ตเสร็จ ก็กินเวลายาวนานถึง 3 เดือนกว่า จึงจบฤดูกาล แน่นอนว่านักร้องในวงได้พัก 1 อาทิตย์ จึงต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ทีมโปรดิวเซอร์กำลังวางแผนสำหรับอัลบั้มต่อไปทันที...
พสุอาศัยช่วงเวลานี้ พาแม่กับป้าใจไปพักผ่อนต่างจังหวัด แน่นอนว่าต้องมีริวไปด้วยอยู่แล้ว ทั้งหมดไปพักที่ไร่ของพสุ ซึ่งชายหนุ่มซื้อไว้นานแล้ว และมีโครงการว่าหากออกจากวงการ อาจจะมาเปิดรีสอร์ทเล็กๆ ที่นี่ บ้านพักหลังเล็กมีเพียงสองห้องนอน แม้จะไม่หรูหรานักแต่ก็ถือว่าสะดวกสบายพอสมควร
ตอนเช้าพสุพาทุกคนไปตักบาตรที่วัด เพราะที่บ้านพักอยู่ห่างจนพระเดินบิณฑบาตมาไม่ถึง ริวหยิบของใส่บาตรที่สุดากับป้าใจทำไว้อย่างประณีตมาดูแล้วยิ้มกริ่ม
“ยิ้มอะไรริว” พสุตาไวหันไปเห็นพอดีจึงถามขึ้นเสียก่อน
“พระกินไม่เก่งเหรอครับ”
“พระไม่ใช่ว่ากินนะริว เราใช้คำว่า ‘ฉัน’ ว่าแต่...ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?”
“ก็แม่ทำข้าวต้มมัดเล็กๆ ทำขนมชิ้นเล็กๆ ทั้งนั้นเลย พระ...ฉันไม่เก่งเหรอครับ”
“ไม่ใช่หรอกลูก ที่ทำเล็กๆ เนี่ย เขาเรียกว่าพอดีคำ แล้วก็สวยด้วย ริวเห็นแบบนี้นะ ทำยากกว่าชิ้นใหญ่ๆ นะลูก” สุดาหันมาอธิบาย พลางจัดดอกไม้เรียงลงถาดเพื่อให้สะดวกเวลาหยิบ
“ทำไมต้องทำให้สวยละครับ?”
“ของใส่บาตรเราต้องประณีต คนไทยไม่ได้เสพแต่รส แต่เราเสพความงามด้วย เรียกว่าทุกอย่างต้องครบหมด มองสวย กินอร่อย แล้วก็มีประโยชน์ไงลูกเพราะอาหารหลายอย่างก็เป็นยาได้ด้วย”
“เหรอครับ...”
“พระมาแล้ว ถอดรองเท้าก่อนริว” พสุหันมาบอกแล้วทำตัวอย่างให้ดู ริวก็ทำตามทุกอย่าง พสุตักบาตรให้ดูก่อน แล้วให้ริวใส่รูปต่อไปบ้าง แต่เห็นท่าทางริวแล้วเกรงขันข้าวจะคว่ำไปเสียก่อนพสุก็เลยรับหน้าที่ตักข้าว ให้ริวคอยใส่กับข้าวกับขนม ส่วนสุดากับป้าใจคอยใส่ดอกไม้และปัจจัยที่หลังสุด พอใส่ครบทุกรูป ทุกคนนั่งลงไหว้พระรับพร
ระหว่างที่พระให้พร ริวก็แอบหรี่ตามองพสุบ้าง เงยขึ้นมองพระรูปที่อยู่ตรงหน้าบ้าง จนเณรน้อยที่อยู่ท้ายแถวต้องก้มหน้าเพื่อกลั้นยิ้ม แต่ริวหันไปเห็นเลยส่งยิ้มกว้างไปให้
“ริว...ไปแกล้งเณรทำไม” พสุรอจนพระเดินไปไกลจนไม่ได้ยินเสียงแล้วถึงหันมาเอ็ดริวเบาๆ
“แกล้งอะไรเหรอครับ?”
“ก็ไปแหย่ให้เณรหัวเราะทำไม เวลาใส่บาตรเราต้องสำรวม ต้องตั้งใจสิ นี่เล่นไปแกล้งพระแกล้งเณรเสียอย่างนั้น”
ได้ยินแบบนั้นริวก็ตาโต ก็เห็นๆ อยู่ว่าพสุนั่งหลับตารับพรพระ แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขายิ้มกับเณร
“ริวไม่ได้แกล้งนะ ก็เณรยิ้ม ริวก็ยิ้มบ้าง”
“พระมาแล้วลูก อย่ามัวเถียงกัน” สุดารีบปรามเพราะเห็นพระเดินมาเป็นแถวยาว
“ห้ามเงยขึ้นมองอีกรู้ไหม” พสุขู่ไว้ก่อน ริวพยักหน้าหงึกๆ พอใส่บาตรเสร็จเด็กหนุ่มก็ก้มหน้าก้มตารับพร ไม่กล้าเงยขึ้นมองอีก เพราะกลัวจะทำอะไรให้พสุโกรธ
แต่พอถึงตอนกรวดน้ำ ริวก็สงสัยอีกว่าทำไมต้องค่อยๆ รินน้ำใส่แก้วอีกใบ ทำไมไม่เทลงพื้นไปเลยทีเดียว พสุก็ต้องมานั่งอธิบายให้ฟัง ตลอดเวลาที่ริวคอยถามโน่นถามนี่ สุดากับป้าใจก็นั่งอมยิ้มฟังพสุอธิบาย จนพสุกับริวไปเทน้ำที่กรวดด้วยกัน ป้าใจถึงเปรยขึ้นมาเบาๆ
“ท่าทางคุณไผ่จะอยากมีน้องนะคะคุณ...ดูสิคะคอยดูแลน้อง สอนน้อง...น่าเอ็นดูเชียว ป้าไม่เคยเห็นคุณไผ่อารมณ์ดี ใจดีกับใครแบบนี้มาก่อนเลย”
“จ้ะป้า...ริวก็น่ารักด้วยแหละ เด็กคนนี้ใครอยู่ด้วยแล้วไม่รักก็คงแปลก”
“ค่ะ ป้าเห็นด้วย”
“แม่ครับ...แม่ดูสิ...” ริววิ่งหน้าตั้งนำหน้าพสุมาก่อน แล้วค่อยๆ เทสิ่งที่อยู่ในมือใส่มือให้สุดา
“อ๋อ...ดอกพิกุล...ไปเก็บมาจากตรงไหนละลูก”
“ตรงโน้นครับ...พี่ไผ่บอกว่าแม่ชอบ ตอนแรกริวจะขึ้นไปเก็บบนต้น แต่พี่ไผ่บอกว่าให้เก็บที่ร่วงอยู่รอบๆ ต้น...แม่ไม่ว่าริวนะที่ริวเก็บดอกไม้ตกพื้นแล้วมาให้” ริวถามเสียงอ้อมแอ้ม ไม่แน่ใจว่าสุดาจะโกรธหรือเปล่า
“ไม่ว่าหรอกจ้ะ ดอกพิกุลเขาก็เก็บแบบนี้ทั้งนั้นแหละ...ขอบใจนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะเอาไปไว้ข้างหมอน เวลานอนที่นอนจะได้หอมๆ”
ริวยิ้มแต้ แล้วเบียดนั่งบนม้าหินอ่อนตัวเดียวกับสุดา นอกจากพสุ สุดาเป็นอีกคนที่ริวชอบสัมผัสตัวเธอ เพราะรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ
“แล้วไหนของป้าละคะคุณริว”
เด็กหนุ่มหน้าเสีย เขามัวแต่คิดจะเก็บมาฝากสุดา ไม่ทันนึกว่าจะเก็บมาเผื่อป้าใจ
“...เอ่อ...เดี๋ยวริวไปเก็บให้ใหม่นะครับ” ริวรีบผุดลุกขึ้น แต่ป้าใจคว้าแขนไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องหรอกค่า ป้าล้อเล่น”
“ไม่เอาจริงๆ เหรอครับ ริวไปเก็บให้ได้นะ แป๊บเดียวเอง”
“ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง แค่นี้ก็เยอะแยะ หอมฟุ้งไปทั้งห้องแล้ว...ป้านอนกะคุณดา คุณดาเอาไว้ข้างหมอน ป้าก็หอมด้วยเหมือนกัน”
“ครับ” ริวยิ้มแป้น ลงนั่งข้างสุดาเหมือนเดิม
“กลับกันเถอะครับ เดี๋ยวสายแล้วจะร้อน” พสุบอกพลางเก็บข้าวของ ริวรีบวิ่งมาช่วยยกของไปขึ้นรถ แล้วมายืนคอยตั้งท่าเตรียมพร้อมแบบพี่ไปไหนริวไปด้วย
“จะไปไหนต่อเหรอลูก”
“ไปน้ำตกครับ อากาศดีๆ แบบนี้ไปเล่นน้ำกันดีกว่า ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว คนคงไม่เยอะเท่าไหร่”
หลังจากเอาข้าวของไปเก็บที่บ้านเรียบร้อย ก็ยกขบวนไปเที่ยวน้ำตกซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก ใช้เวลาขับรถไปเพียง 10 นาทีก็ถึง น้ำตกไม่แรงเหมือนตอนหน้าฝน แต่ก็น้ำใสแจ๋วน่าเล่น พอรถจอดริวก็เปิดประตูวิ่งลงไปแช่อยู่ในน้ำก่อนใคร ตรงนั้นแม้จะเป็นลานกว้างแต่ก็เป็นที่น้ำตื้น จึงมีแต่เด็กเล็กๆที่พ่อแม่พามา เล่นน้ำอยู่ไม่กี่คน ริวเลยกลายเป็นเด็กโข่งไปนั่งหน้าแป้นอยู่กลางกลุ่มเด็ก
“กี่ขวบ” พสุเดินตามมายืนพยักหน้าถาม
ริวหันไปถามเด็กตัวเล็กที่แหงนมองเขาอยู่ข้างๆ ว่ากี่ขวบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบพสุ
“4 ขวบครับ”
“พี่หมายถึงริวนั่นแหละ กี่ขวบแล้ว”
“อ้าว! ทำไมละครับ”
“ไม่เห็นเหรอครับว่าแถวนี้มีแต่เด็กตัวเล็กๆ เขาเล่นน้ำกัน ถ้าริวอยากเล่นน้ำต้องเดินต่อไปอีกหน่อย”
“เหรอ...ริวนึกว่าเล่นน้ำตรงนี้ มิน่ามีแต่เด็กๆ” ริวหัวเราะเก้อๆ แล้วเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ
“รู้แล้วก็ตามมา”
“ครับ” ริวลุกขึ้นโบกมือลาเด็กๆ แล้วเดินตามพสุต้อยๆ เดินไปเดี๋ยวเดียวก็เจอสุดากับป้าใจนั่งรออยู่ที่ลานหินกว้าง กำลังรื้อข้าวของออกจากตะกร้าที่เตรียมมาจากบ้าน
“แม่ครับมีอะไรกินบ้าง” ริวถามแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างสุดา
“หิวแล้วเหรอริว นี่ไง แม่มีปอเปี๊ยะทอด ลองสิ” ปอเปี๊ยะทอดตัดแบ่งพอดีคำในปิ่นโตเถาใหญ่ ถูกเลื่อนมาตรงหน้า ริวจึงหันไปจิ้มเข้าปากเพลิน ลืมเรื่องจะเล่นน้ำเสียสนิท
“ริว...จะเล่นน้ำไหม” พสุตะโกนถามมาจากในน้ำ ตรงที่พสุลอยคออยู่เป็นแอ่งค่อนข้างกว้าง แต่ไม่มีคนอื่นเล่นน้ำอยู่เลย นานๆถึงจะมีนักท่องเที่ยวเดินผ่านบริเวณที่ปูเสื่ออยู่บ้างประปราย
“พี่ไผ่กินขนม” ริวหันไปชูปอเปี๊ยะทอดให้พสุดู
“ยังๆ กินอิ่มแล้วมาเล่นน้ำเดี๋ยวจุก” พสุปฏิเสธแล้วลอยคอห่างออกไป
“อ้าว! งั้นเดี๋ยวริวมากินใหม่นะครับแม่...พี่ไผ่มาโดดน้ำแข่งกัน” ริวตะโกนนำไปก่อน แล้วม้วนตัวลงน้ำจนน้ำกระจายเต็มหน้าพสุ ชายหนุ่มลูบน้ำออกจากหน้าแล้วส่ายหัว แต่ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้ว่าริวไม่ได้มีเจตนาจะแกล้ง
“หึ...จะโดดทั้งที มันต้องท่านี้” พสุปีนขึ้นไปบนก้อนหินแล้วโดดม้วนตัวเป็นเกลียวลงน้ำด้วยลีลานักว่ายน้ำเก่า
“โหย ริวก็ทำได้ เดี๋ยวคอยดูนะ” ริวปีนขึ้นไปตำแหน่งเดียวกับพสุ แล้วกระโดดม้วนหลัง เพียงแต่ตอนลงน้ำไม่ได้นิ่มๆ สวยๆ เหมือนพสุ ผลก็คือน้ำกระจายท่วมหัวคนที่ลอยคออยู่ข้างล่าง
“เฮ้ย! น้ำเข้าหน้าพี่สองรอบแล้วนะ”
“...ขอโทษคร้าบ” ริวยกมือไหว้แต่พสุส่ายหัวแล้วทำท่าจะว่ายน้ำหนี ริวก็ว่ายวนไปดักหน้า พอพสุหันอีกทางเด็กหนุ่มเลยกระโดดไปเกาะคอ เล่นเอาพสุแทบจมน้ำ
“เฮ้ย! หนัก” พสุโวยวายแล้วพยายามดึงแขนริวออกจากไหล่และคอ แต่เด็กหนุ่มล็อคไว้แน่น
“ริวเป็นลูกโคอาล่า...ลูกโคอาล่าเกาะหลังแม่”
“ไม่ไหวหรอก ลูกตัวยักษ์ๆ แบบนี้ หนักตายพอดี ลงไปเลย..พี่หนัก” พสุสลัดริวหล่นน้ำโครม พอเด็กหนุ่มโผล่ขึ้นมาก็ทำท่าจะโผเข้ามาหา แต่กลับมีแสงแฟลชสว่างวาบขึ้นเสียก่อน
พสุกับริวหันไปมองพร้อมกัน เจ้าของโทรศัพท์ทำหน้าตกใจ คงไม่คิดว่าสว่างๆ แบบนี้แฟลชจะทำงาน พสุกวาดตามองไปรอบๆ เห็นเด็กสาวกลุ่มนั้นพยายามซ่อนโทรศัพท์มือถือ คงจะถ่ายรูปเขากับริวไว้แล้ว ตอนแรกพสุก็หงุดหงิดที่ถูกถ่ายรูปแม้เวลาส่วนตัวแบบนี้ แต่คิดอีกทีเขาเป็นคนสาธารณะ จะหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนี้คงลำบาก จึงเลือกจะให้ความร่วมมือด้วยการหันไปชูนิ้วโพสต์ท่าใส่กล้อง ทำให้เด็กสาวกลุ่มนั้นดีใจ วิ่งถลามายืนริมน้ำแล้วกระหน่ำถ่ายรูปกันเป็นการใหญ่
“พี่ไผ่ขา พี่ริวขา ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ”
“ได้ครับ...ริว ไปถ่ายรูปกับแฟนเพลงหน่อยไป”
“ริวไม่ชอบ” ริวก้มหน้างุดๆ รู้สึกโมโหที่ถูกรบกวนเวลาส่วนตัวแบบนี้
“ไปเถอะนะ...พี่ขอร้อง” พสุเอื้อมมือไปดึงแขนริวไว้จากใต้น้ำแล้วบีบเบาๆ ริวเงยขึ้นสบตาเขาแล้วพยายามฝืนยิ้ม
“ครับ”
ริวยอมตามขึ้นไปยืนคนละด้านกับพสุ ให้เด็กสาวกลุ่มนั้นยืนกลางเพื่อถ่ายรูปกับพวกเธอ เด็กสาวกลุ่มนั้นกรี๊ดกร๊าดแย่งกันถ่ายรูป แย่งกันมาโพสต์ท่าจนหนำใจแล้วถึงได้ยอมไป ปล่อยให้พสุกับริวได้เป็นส่วนตัวอีกครั้ง
“เป็นอะไรไปริว หน้าจ๋อยๆ”
“ริวไม่ชอบเลย นี่ไม่ใช่เวลางานสักหน่อย ทำไมต้อง...” ริวพูดเพียงเท่านั้นแล้วเม้มปาก คิ้วหนาขมวดมุ่นอย่างหงุดหงิด
“ริว...เราเป็นนักร้อง ก็เหมือนคนสาธารณะ ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ไม่ใช่เวลาส่วนตัวทั้งนั้นแหละ...อ้อ! ยกเว้นตอนเข้าห้องน้ำ” พสุบอกยิ้มๆ
“ทำไมเราต้องยอมให้คนอื่นมาวุ่นวายกับเราขนาดนั้นละครับ”
“อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องอาศัยความชื่นชอบ ความรักจากผู้ชมไงริว เราทำอาชีพของเราได้ก็ต่อเมื่อคนดูยอมรับเราเท่านั้นนะ” พสุแจงเสียงอ่อนโยน สิ่งเหล่านี้มาจากประสบการณ์ตรงของเขาเองทั้งสิ้น และเขาก็หวังว่าริวจะยอมปรับตัวรับเรื่องนี้ให้ได้ เพื่อจะได้ทำงานในวงการนี้ได้อย่างราบรื่น เพราะเขามั่นใจในความสามารถของริวว่าเด็กหนุ่มต้องมีอนาคตอีกไกลในวงการนี้
“แต่มันเกินไปนะครับ เป็นส่วนตัวแค่เวลาเข้าห้องน้ำเนี่ย”
“หึหึ...ไม่แน่หรอก...พี่เคยโดนขอจับมือในห้องน้ำด้วยนะ”
พอได้ยินอย่างนั้นริวยิ่งทำหน้ามุ่ยมากกว่าเดิม พสุจับหัวเด็กหนุ่มโยกแล้วคว้าไหล่ดึงให้ไปนั่งกับแม่และป้าใจ พสุเห็นว่าตัวเองตัวเปียก ก็เลยนั่งเสียที่ลานหิน ไม่เข้าไปในเสื่อ ริวจึงนั่งแปะลงข้างๆ
“เป็นอะไรไปเหรอริว” สุดาหันมาถามแล้วเลื่อนปิ่นโตมาให้
“งอแงครับ สาวๆ มาขอถ่ายรูปกับผมมากกว่า” พสุตอบแล้วเอาศอกกระทุ้งแขนคนข้างๆ เบาๆ เป็นเชิงสรรพยอก
“ไม่ใช่สักหน่อย” ริวเถียงแล้วทำปากยื่น
“ต้องทำใจนะ สาวๆ เขาก็ต้องมาหาคนดูดีกว่าก่อนเป็นธรรมดา” พสุแซวแล้วหัวเราะชอบใจ
“ริวดูไม่ดีเลยใช่ไหม...” ริวหน้าเสีย เขาไม่เคยเปรียบเทียบรูปลักษณ์ตัวเองกับใครมาก่อน พอได้ยินแบบนี้แล้วในอกไหววูบด้วยความกังวล พสุอาจจะไม่ชอบหน้าตาของเขาก็ได้
“ล้อเล่น...” พอได้ยินเสียงอ่อยๆ หน้าแหยๆ แบบนั้น พสุก็เลิกแหย่ กลัวเด็กหนุ่มจะน้อยใจขึ้นมาจริงๆ
“ริวรู้ตัวว่าไม่หล่อ...รูปร่างก็ไม่ดี” ริวก้มลงมองตัวเองแล้วหน้าจ๋อยยิ่งกว่าเดิม
“บอกแล้วว่าล้อเล่น น่า..หล่อแล้วล่ะ ไม่เชื่อถามแม่สิ” พสุรีบหาคนสนับสนุน ปกติเขาไม่สนิทกับใครถึงขั้นเล่นหัวกันมากนัก เพิ่งจะมีริวเป็นคนแรกที่เขาสนิทด้วยขนาดนี้ ทำให้เขาไม่ทันได้ระมัดระวังคำพูด ลืมคิดไปว่าริวไม่เข้าใจภาษาไทยลึกซึ้ง แล้วยังเป็นเด็กอารมณ์อ่อนไหวกว่าคนอื่น
“หล่อจริงๆ นะคะคุณริว เชื่อป้าใจเถอะ คุณริวน่ะหล่อเหมือนพ่อเอ๊ดของป้าเปี๊ยบเลย” ป้าใจยืนยันเสียงหนักแน่น
“พ่อเอ๊ด?...พ่อเอ๊ดไหนครับแม่” พสุหันไปถามแม่เพราะคิดว่าแม่คงรู้ว่าป้าใจหมายถึงใคร
“โรเบิร์ต แพททินสัน ที่เล่นเป็นเอ็ดเวิร์ด เรื่องแวมไพร์ทไวไลท์ไงลูก คนโปรดป้าใจเขาล่ะ”
พสุหัวเราะก๊าก แต่ไม่แปลกใจ เพราะแม่เขาชอบดูภาพยนตร์ต่างประเทศ และป้าใจก็พลอยชอบไปด้วย โดยเฉพาะแนวไซไฟเหนือมนุษย์จะเป็นแนวที่ป้าใจชอบมาก ป้าใจจึงเป็นคนแก่ที่ไม่เคยตกยุค พระเอกนางเอกคนไหนดังป้าใจรู้หมด
“ริวไม่รู้จักโรเบิร์ต แพททินสัน...”
ทุกคนเหลียวไปมองหน้าริวพร้อมกันอย่างแปลกใจ คนที่มาจากอเมริกากลับไม่รู้จักพระเอกคนดังได้ยังไง
“ริวไม่เคยดูหนัง” ริวบอกเสียงอ่อย เมื่อเห็นทุกคนหันมาจ้องเขากันหมด เพราะปกติริวดูแต่การ์ตูนกับสารคดี แต่ไม่เคยดูเรื่องของมนุษย์ทั่วไป ทั้งภาพยนตร์ ละคร หรือแม้แต่ข่าว ส่วนมากริวจะตามอ่านแต่เรื่องตลาดหุ้นเท่านั้น
พสุเห็นหน้าเจื่อนๆ ของเด็กหนุ่มก็ยิ่งสงสาร เพราะริวเกลียดสัมผัส คงเป็นเรื่องยากที่จะไปดูภาพยนตร์ในโรง
“ไว้วันหลังพี่จะพาไปนะ” พสุบอกแล้วลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ ริวยิ้มแป้นพยักหน้ารับเร็วๆ ด้วยความดีใจ
ระหว่างนั้นก็มีนักท่องเที่ยวผ่านมากลุ่มใหญ่ และจำพสุกับริวได้ จึงเกิดการขอถ่ายรูปกันชุลมุนอีกรอบ พสุเห็นสีแววตาอึดอัดลำบากใจ ทั้งของริว และแม่ ก็ตัดสินใจพาทุกคนกลับบ้าน
.......................................
ไรท์เตอร์บอกว่า ตอนนี้มันสั้นไปหน่อย ขอโทษทีนะคร้า วันพรุ่งนี้จะพยายามมาต่ออีกตอนอย่างไว :call:
-
จะสั้น จะยาวไม่เป็นไรค่ะ ขอให้มาลงก็พอแล้ว :laugh:
เข้ามารออ่านทุกวันเลย น่ารักมากๆ แอบมาเที่ยวกับครอบครัวเลยนะเนี่ย :-[
มีความสุขที่สุดเลย อ่านไปแบบโอยไงมันน่ารักแบบนี้เนี่ย
รักไรเตอร์กับคนมาลงนะค่ะ มาลงทุกวันน่ารักมากๆ
สู้ๆทั้งสองคนเลยนะ แล้วจะรอตอนต่อไปพรุ่งนี้นะค่ะ :bye2: :L1:
-
ขำตอนที่ถามว่ากี่ขวบ น่าัรักจังค่ะ :-[
แต่สารภาพว่าตอนอ่านเราแอบคิดต่อไปเองว่า...
อ๊าย.. ดีจังมีฉากเล่นน้ำ หรือว่าหนูริวจะถอดเสื้อ แล้วพี่ไผ่จะปิ๊ง
ก๊ากๆ คิดไปได้เนอะ
เมื่ิอไหร่จะกิ๊กกั๊กกันคะ :o8:
-
อ่า ดูเหมือนพี่ไผ่จะเอ็นดูน้องเร็วเหมือนน้องชายมากกว่าเลย...ไม่รู้จะพัฒนามากกว่านี้ได้ตอนไหน
แต่ตอนนี้น่ารักจังค่ะ ชอบตอนถามว่าน้องริวกี่ขวบเหมือนกัน อิอิ
น้องได้ใส่บาตรด้วย อ่านไปก็ยิ้มไปกับความช่างสงสัยของน้องริว
ดีใจที่พี่ไผ่ไม่รำคาญที่จะอธิบายน้อง ^^
รออ่านต่อนะจ๊ะ :L2:
-
คนของประชาชนนี่เนอะ
เห้อๆๆๆ
-
สู้ๆระครับน้องริว...บวก1ให้ไร้ทเตอร์ครับ :L2: :3123:
-
แค่ไหนก็แค่นั้นคับ อ่านได้เสมอขอแค่มาต่อก็พอ แต่จะตายเอาถ้าพี่ไม่มา :m20:
พี่ไผ่ยังไม่เข้าใจน้องนี่เนอะว่าทุกสิ่งที่ทำมาทั้งหมดไม่ได้ต้องการอะไรเลย
ขอแค่ได้อยู่ข้างๆพี่ไผ่ก็พอ เพราะเธอคือ..ลมหายใจ :-[
เข้าใจและรักน้องเร็วๆนะพี่ไผ่ :L1:เชียร์จนจะขาดใจเเล้ว
-
สงสารน้องริวกับพี่ไผ่ไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเลย
แต่น้องริวยังน่ารักเหมือนเดิม5555 :L2: :L2:
-
น่ารักดี
-
ริวคุง
มีพี่ไผ่อยู่ข้างๆตลอดเลยนะ
น่ารักกันจริงๆ
:impress3:
-
:call:
พี่ไผ่....
จงตกหลุมรักน้องริว
จงตกหลุมรักน้องริว
จงตกหลุมรักน้องริว
-
โหยดีใจเอ๊อะ เค้าเริ่มกุ๊กกิ๊กกันบ้างแล้ว ลุ้นคู่นี้ยิ่งกว่าเชียร์มวยอีกนะเนี่ยรอวันเขากุ๊กกิ๊กกัน
ตอนนี้น่ารักมากอ่ะ น้องริวอดทนนะหนู เราเป็นคนของประชาชน ><
-
ไม่ว่าหรอกค่ะเรื่องลงสั้นหรือยาว มีแต่จะชมว่าไรเตอร์น่ะน่ารักจัง ขยันมาอัพบ่อยๆ
น้องไผ่นี่เป็นพี่ชาย(ในปัจจุบัน) ที่ดูแลน้อง
คอยสอนคอยแนะนำน้อง ด้วยใจที่รักและมีเมตตาต่อน้อง ก็เพราะมีพื้นฐานจิตใจที่ดี
เหมือนคุณแม่น่ะเอง ชอออออบบบบบบ บ้านนี้จังเลย จ้าาาาาาา
-
อึก.........น่าร๊ากกกกกกกกก :o8:
-
+1 ให้ไรเตอร์และคนโพสท์
ต้องขอบอกว่า o13 o13 o13 สุดยอดมาก (อ่านรวดเีดียวจนถึงตอนล่าุสุด)
ซีนอารมณ์เรียกน้ำตากันสุดๆ ดราม่่าได้อีก
ยิ่งอ่านตอนช่วงตอนต้นเนี่ย อ้าวไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลกันเลยทีเดียวเชียว :monkeysad:
รู้สึกมันละเมียดละไมถึงอารมณ์จริงๆ
ชอบอะ ชอบมากกกกกก
แต่แอบกลัวภาพที่แฟนคลับถ่ายตอนเล่นน้ำตกอะ
:pig4: ขอบคุณมากคร้า ที่แต่งเรื่องดีให้ได้อ่านกัน
-
:z2:
-
ดีใจที่ไผ่พยายามนำน้องมาสู่โลกภายนอกได้เกือบสำเร็จแล้ว สู้ต่อไปนะ
-
ขำริวตอนไปนั่งหน้าแป้นแล้นท่ามกลางเด็กๆ แล้วไผ่ไปถามอายุ ริวก็ดันพาซื่อถามเด็กมาให้อีก หลุดขำออกมาเลย
-
ริว ริว ริว ริว น่าร๊ากกกกกกกกก ก :m3:
-
น่ารักจังเลย!!! :m1:
แล้วตกลงใครรุกใครรับล่ะเนี่ย...เรื่องนี้ :m28:
-
ริวน่ารัก :กอด1:
-
มีพัฒนาการขึ้นอีกขั้นแล้ว
-
อิอิ อุตสาห์มีตอนหวาน ๆ ใส ๆ ให้น้องบ้าง แต่แหมแอบมีให้น้องเครียด ๆ ตอนท้ายซะนี่
-
ริวน่ารักที่สุด ดูแล้วเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ต้องมีคนดูแลและเอาใจใส่
น่าทะนุทะนอมจังเลย :m13:
-
นั่นสิ
แล้วตกลงใครรุกใครรับล่ะนี่ - -"
แอบมาส่อง :z2:
-
พี่ไผ่แอบมองน้องปะเนี่ย รู้ด้วยว่าน้องยิ้มกับเณร
:pig4:
-
ตอนที่ 28
“เฮ้อ! กลับมาก็ต้องมาอยู่กันลำพังนะคะ สู้ไปข้างนอกไม่ได้ คนโน้นมาทักคนนี้มาขอถ่ายรูป สนุกดี ป้าชอบ” ป้าใจบ่นพลางส่งลวดให้สุดา ขณะที่สุดาดัดต้นโมกถักเป็นตาข่ายอย่างบรรจง
“แต่ดาว่าอยู่บ้านเราสบายกว่านะคะป้า คนเยอะๆแบบนั้นน่าอึดอัดออก”
“ริวก็ไม่ชอบคนเยอะๆครับ” ริวบอกเสียงอ่อย แล้วทำท่าจะยกต้นไม้ลงไปในหลุมทั้งถุงชำ แต่พสุดึงมือเด็กหนุ่มกลับมากรีดเอาถุงออกก่อน แล้วถึงปล่อยให้ริวเอาต้นกล้าลงหลุมปลูก
“ขอโทษนะครับแม่ ที่ทำให้ลำบากใจ ไผ่เห็นว่าอากาศเย็นๆแบบนี้คนไม่น่าจะไปเที่ยวน้ำตกกันเยอะ คงเป็นส่วนตัวได้บ้าง เอาเข้าจริงก็เลี่ยงไม่พ้น”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ก็รู้นะว่ามีลูกเป็นนักแสดง เป็นนักร้อง ก็ต้องทำใจรับเรื่องนี้ให้ได้ แต่แม่ก็ยังอึดอัดใจอยู่ดี มันวางตัวไม่ค่อยถูกน่ะจ้ะ”
“...” ริวถอนหายใจยืดยาวด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย จนสุดาอดขันไม่ได้
“ริวก็ต้องพยายามอดทนนะลูก งานเราอยู่ตรงนี้ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ครับ”
หลังจากอาบน้ำกินข้าวเย็นเสร็จ ริวกับพสุก็ออกมานั่งเล่นกันที่ระเบียง ริวหยิบกีตาร์ติดมือมาด้วย ทันทีที่เงยขึ้นไปเห็นดาวบนฟ้า เด็กหนุ่มก็อุทานเสียงหลง
“สวยจัง!...สวยกว่าในโทรทัศน์อีก” เมื่อวานกว่าจะมาถึงก็เหนื่อยกันเสียจนกินข้าวเย็นแล้วเข้านอนกันไปเลย ริวจึงเพิ่งได้เห็นท้องฟ้ากระจ่างดาว เต็มตาเอาคืนนี้
“ยิ่งปลายฤดูหนาวแบบนี้จะยิ่งเห็นชัดเป็นพิเศษนะ” พสุมองท่าทางตื่นเต้นของคนตรงหน้าอย่างเอ็นดู
ริวหันซ้ายหันขวาแล้วทิ้งหัวลงบนตักพสุดื้อๆ ตาก็มองกวาดไปทั่วท้องฟ้า ขณะที่มือก็เริ่มเกากีตาร์เป็นโน้ตง่ายๆ วนไปวนมา พสุเอนตัวพิงลูกกรงระเบียง ขณะที่มือซึ่งวางอยู่บนศีรษะของริว ก็เผลอสอดเข้าไปในผมนุ่มแล้วลูบเล่นเพลินๆ ภาพนั้นทำให้สุดาที่เดินออกมาพร้อมจานขนมอดอมยิ้มไม่ได้ เธอแวะหยิบหมอนใบโตออกมาส่งให้พสุแล้ววางจานขนมลงข้างๆ ตัวริว
“ขนม!” ริวอุทานแล้วหันไปหยิบขนมโดยที่ยังไม่ยอมลุกจากตักของพสุ
“วางเลย...จะกินขนมก็ต้องลุกขึ้น จะนอนกินได้ยังไงเดี๋ยวติดคอตาย” พสุเอ็ดแล้วยึดข้อมือริวไว้
“ก็ตักพี่อุ่น” ริวเงยขึ้นมองพสุแล้วทำเสียงละห้อย โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังอ้อนพี่
“แต่พี่เมื่อย...เร็วลุกขึ้น”
“ไม่เอา ตักพี่อุ่นจะตาย” ริวโวยวายแล้วกลิ้งหัวไปมาเพื่อยืนยันว่าตักพี่อุ่น
“งั้นอดขนม” พสุทำเสียงแข็งและยังยุดมือริวไว้ไม่ปล่อย
“ไม่กินก็ได้...พรุ่งนี้ริวค่อยขอแม่กินใหม่ก็ได้ ป้าใจเก็บไว้ให้ริวอยู่แล้ว” ปากบอกอย่างนั้น แต่สายตาที่คอยชำเลืองมองจานขนมอย่างเสียดายทำให้พสุอดยิ้มไม่ได้
“เดี๋ยวนี้รู้จักขี้โกงนะเรา...ลุกขึ้น พี่เมื่อย”
“แล้วริวจะหนุนตักใคร” ริวครวญราวกับถ้าไม่ได้หนุนตักจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
“หนุนหมอนนี่ไง”
“ไม่เอาหมอนไม่อุ่น...แม่ค้าบ ริวหนุนตักแม่ได้ไหม” ริวถามแล้วส่งสายตาวิงวอนไปให้ สุดาอมยิ้มตบมือบนตักเบาๆ
“มาสิลูก”
ริวยิ้มแต้ กลิ้งตัวไปหนุนตักสุดา แล้วถือโอกาสหยิบขนมใส่ปาก แต่พสุคว้าข้อมือไว้แน่น
“จะกินก็ลุกขึ้นริว เดี๋ยวติดคอ”
“นิดเดียวเองนะพี่”
“นิดเดียวก็ติดคอได้ ลุกขึ้น!” พสุทำเสียงจริงจัง
ริวยอมลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วหยิบขนมมาพลิกๆ ดู
“ขนมตาลลูก แม่กับป้าใจทำไปใส่บาตรพรุ่งนี้”
“ริว...ฉัน..ก่อนพระไม่บาปเหรอครับ” ริวถามอย่างลังเล ไม่แน่ใจว่าใช้คำถูกหรือผิด
“เฮ้ย! ฉันใช้กับพระ” พสุท้วงเสียงหลง แต่สายตาจับอยู่ที่ขนมในมือริว
“แล้วต้องพูดว่ายังไงละพี่”
“ริวกินก่อนถวายพระ ไม่บาปเหรอ...ตอบให้เลยว่าไม่บาป เพราะขนมนี่แม่เค้าแบ่งไว้สำหรับใส่บาตรเรียบร้อยแล้วถึงยกมาให้เรา” พสุพูดพร้อมกับดึงขนมไปจากมือริว เพื่อแกะเอาไม้กลัดออกให้ก่อน
“เห็นไม้กลัดไหม...เวลาจะกินต้องดูให้ดีก่อน” พสุบ่นแล้วส่งขนมให้ ริวจึงไหว้ก่อนจะรับขนมมา
แม้ตอนนี้ริวจะสนิทกับพสุมากแค่ไหนแต่เด็กหนุ่มก็ยังไหว้ทุกครั้งที่พสุส่งของให้ เป็นความเคยชินที่น่ารักของริว ซึ่งเด็กหนุ่มทำแบบนี้มาตลอด
“ขอบคุณครับ...อร่อยจังครับแม่”
ริวกินเสร็จก็ลงนอนหนุนตักสุดาเหมือนเดิม ตักสุดานิ่มแล้วก็อบอุ่น แต่ก็แตกต่างกับตักของพสุ แม้หนุนแล้วจะรู้สึกอบอุ่นเหมือนกัน ริวก็ยังรู้สึกว่าหนุนตักพสุมีความสุขมากกว่าอยู่ดี
พสุหันหน้าหันหลัง เห็นริวยึดตักแม่ไปแล้วก็เลยคว้าหมอนใบโตมาหนุน หันหัวมาทางตักสุดา แต่หันเท้าไปคนละด้านกับริว ริวเหลือบไปมองพี่ แล้วขยับจากตักสุดามาหนุนหมอนใบเดียวกับพสุหน้าตาเฉย
“เฮ้ย! ให้ยืมตักแม่แล้วทำไมยังมาแย่งหมอนพี่อีก” พสุโวยวายแล้วพยายามจะดึงหมอนออก แต่ริวยึดหมอนอีกด้านไว้แน่น
“ก็เดี๋ยวแม่เมื่อย ริวหนุนพี่ไผ่แป๊บเดียวพี่ยังบ่นเมื่อยเลย” ริวเถียงแล้วอมยิ้มกริ่ม ชอบใจที่ได้แกล้งพี่
“แป๊บเดียวที่ไหน ตั้งนาน” พสุบ่นแล้วลองดันหัวริวออกเบาๆ ไม่กล้าผลักแรงเพราะกลัวน้องจะตกหมอนหัวโขกพื้น
“ไม่เห็นจะนาน”
สุดามองสองพี่น้องทะเลาะกันแล้วอดขำลูกชายไม่ได้ พสุเหมือนจะถอยวัยกลับไปเป็นหนุ่มน้อยขี้เล่น เสียงหัวเราะ...รอยยิ้มกระจ่างตาที่เธอเคยเห็นนับครั้งได้ แต่มาเที่ยวด้วยกันคราวนี้เธอได้เห็นบ่อยจนนับไม่ถ้วน ทั้งหมดทั้งมวลในความเปลี่ยนแปลงของพสุ มาจาก ‘ริว’ เธอไม่รู้ว่าอะไรในตัวริวที่ทำให้พสุเปิดใจได้มากขนาดนี้ แต่เธอขอบคุณเด็กหนุ่มที่ก้าวเข้ามาช่วยเติมช่องว่างในใจพสุให้เต็มขึ้นมาอีกครั้ง...บางที ริวอาจจะเปลี่ยนใจพสุให้เลิกตั้งกำแพงกั้นตัวเองจากคนอื่นเสียทีก็ได้
“แม่จะไปดูป้าใจ แล้วก็จะเข้านอนเลยนะจ๊ะ เราสองคนก็อย่านอนดึกนักนะลูก”
“คร้าบบบ” รับปากแล้วสองหนุ่มก็ทำสงครามแย่งหมอนกันต่อแบบไม่กลัวหมอนขาด สุดาส่ายหน้าแล้วลุกกลับเข้าไปในบ้านเพื่อไปช่วยป้าใจจัดข้าวของสำหรับใส่บาตรในวันพรุ่งนี้
“ริวไม่หนุนหมอนก็ได้” ริวผุดลุกขึ้นนั่งมองหน้า พสุสอดแขนล็อคหมอนไว้ทั้งสองด้านแล้วเหลือบมาสบตาริวยิ้มๆ แถมยังยักคิ้วให้
“ริวหนุนพี่แทน” พูดจบริวก็หนุนไปบนท้องพสุ แถมยังเอาแขนล็อคเอวพสุไว้แน่น กันไม่ให้พสุผลักออกไป พสุร้องเฮ้ย พยายามจะดันหัวริวออก แต่เห็นท่าริวไม่ยอมแน่ๆ เลยหันมายีหัวริวเล่นจนผมยุ่งเหยิง
“โอ๊ย! เจ้าหัวโต หนักชะมัด ใส่สมองมากี่กิโลเนี่ย?”
“ซิกแพ็คๆ...หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ กล้ามจะได้สวยๆ” ริวแกล้งทำเสียงเลียนแบบครูฝึกที่ฟิตเนส พสุหัวเราะก๊าก จนหัวริวสะเทือน เด็กหนุ่มอมยิ้มกริ่มแต่ใช้แขนล็อคเอวพสุไว้แน่นเหมือนเดิม
“ริว...มาหนุนหมอนด้วยกันก็ได้มา” พสุบอกพร้อมกับขยับเว้นที่ให้ริว
“ไม่เอา หนุนพี่แหละดีแล้ว ได้ยินเสียงหัวใจพี่เต้นดังตึกๆ ด้วย เพลินดี” ริวบอกตรงๆ แล้วเอียงหัวไปใกล้หน้าอกพสุมากขึ้น เขาชอบฟังเสียงหัวใจพสุเต้น ได้ยินแล้วรู้สึกใจสงบจนง่วงนอนทุกที
“มาเหอะ...หนักจนหายใจไม่ออกแล้ว”
“จริงเหรอ”
“จริง...มาหนุนหมอนแทนดีกว่ามา”
ริวลุกกลับไปนั่งที่เดิมเพื่อนหนุนหมอนใบเดียวกับพสุแต่หันเท้าไปตรงกันข้าม แม้หมอนจะลูกใหญ่แต่พอหนุนสองคน หัวก็ต้องมาเบียดอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดา
“พี่ไผ่...ริวมีความสุขจัง”
พสุมองหน้าที่อยู่กลับด้านกันแล้วอมยิ้ม
“เพราะอะไร”
“ก็ตอนนี้ริวมีแม่...มีป้าใจ มีขนมกินเยอะแยะ มีกับข้าวอร่อยๆ ได้ทำอะไรสนุกๆด้วย...แล้วที่สำคัญที่สุดนะ...ริวได้อยู่กับพี่ไผ่...ไม่น่าเชื่อเลยว่าริวจะได้อยู่กับพี่” ประโยคหลังริวทำเสียงพิศวงเสียจนพสุต้องหันไปมองหน้าเด็กหนุ่มอีกรอบ ก็พบว่าริวจ้องมองเขาอยู่แล้ว
“แปลกตรงไหน...พี่ว่า 7 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมานี่ริวก็อยู่กับพี่ตลอดเวลาอยู่แล้วนี่” พสุดีดหน้าผากริวเบาๆ อย่างหมั่นไส้ ที่เห็นริวยิ้มกริ่มจ้องหน้าเขาตาวาว ริวคว้ามือพสุไปวางไว้บนศีรษะตัวเองแล้วจับไว้ไม่ให้พสุดึงออก
“ก็เวลาส่วนใหญ่เราต้องทำงาน...หรือไม่พี่ก็ต้องไปทำงาน...แต่อยู่ที่นี่ริวได้อยู่กับพี่ตลอดเวลาเลย...ดีจัง” พูดจบริวก็ถอนใจยาวอย่างมีความสุข สุขเสียจนต้องฮัมเพลงเบาๆ พสุนอนฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ร้องคลอไปด้วย ริวผุดลุกขึ้นไปคว้ากีตาร์แล้วรีบกลับมานอนที่เดิม ก่อนจะเล่นกีตาร์คลอไปเบาๆ....
เสียงคนร้องประสานหายไปพักใหญ่ๆแล้ว ริวถึงได้เหลียวไปมอง พสุหลับแล้ว ใบหน้าที่ตะแคงมาทางเขานั้น ดูผ่อนคลาย อ่อนโยน มุมปากยังมีรอยยิ้มน้อยๆ ค้างอยู่
ริวเขยิบเข้าไปจนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นรินรดหน้า หัวใจเต้นแรงแปลกๆ ในอกเต็มแน่นด้วยความรู้สึกพองฟูจนตัวแทบลอย ใบหน้าร้อนผ่าวตลอดเวลาแต่ริวก็ไม่คิดจะถอยห่าง..................
“ริว...ริว” เสียงเรียกทำให้ริวรู้สึกตัว เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งตามแรงดึง แล้วมองไปรอบๆ อย่างงงๆ ก่อนจะนึกย้อนกลับไปได้ว่าเขานอนดูหน้าพสุจนเผลอหลับไป
“ไปนอนในบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวไม่สบาย” พสุบอกพร้อมกับก้มเก็บจานเก็บหมอน โดยไม่ได้หันมามองหน้าริวสักนิดเดียว
“อากาศดีออกพี่”
“ไปเร็วเข้าบ้าน...ไม่งั้นพี่ปล่อยให้อยู่ข้างนอกคนเดียวนะ ผีหลอกไม่รู้ด้วย”
ริวเกือบจะเถียงไปว่าริวไม่กลัวผี แต่นึกได้ว่าที่พสุยอมให้เขานอนด้วยเพราะคิดว่าเขากลัวผี เด็กหนุ่มจึงเงียบเสียแล้วลุกตามไปในห้อง พอไปถึงพสุก็เข้าห้องน้ำไปก่อน ริวเลยทิ้งตัวลงนอนคว่ำบนเตียงแล้วซุกหน้ากับหมอนนิ่งๆ ใจยังนึกเสียดายที่เผลอหลับทั้งที่ตั้งใจว่าจะนอนมองหน้าพี่ให้นานที่สุดแท้ๆ
เสียงประตูห้องน้ำเปิด และมีมือเย็นๆ มาลูบหัวเขาเบาๆ ริวจึงรีบหลับตาก่อนที่พสุจะรู้ว่าเขายังไม่หลับ ได้ยินพสุเปิดปิดตู้เสื้อผ้า ครู่เดียวไฟในห้องก็ถูกดับและเตียงก็ไหวเล็กน้อยเมื่อพสุขึ้นมานอนด้วย ต่างฝ่ายต่างนอนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งจนริวเกือบขยับตัวอยู่แล้ว ถ้าไม่เพราะมีมือนุ่มๆมาลูบหัวเขา ปลายนิ้วเย็นลูบผ่านจากขมับลงมาบนแก้ม น้ำหนักปลายนิ้วกดย้ำลงไปบนแก้มริวเบาๆ แล้วมือเย็นๆนั้นก็ผละออกไป...
พสุถอนใจเฮือกยาว นึกถึงตอนที่ตื่นขึ้นมาทีแรกยังตกใจไม่หาย ถึงจะเป็นการพลิกตัวไปโดนแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่พอคิดว่าเขากับริวใบหน้าแนบชิดจนเหมือนจูบกันแบบนั้นก็อดกระดากไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขานอนอยู่ในท่านั้นมานานแค่ไหน ยังดีที่ริวก็หลับ ไม่อย่างนั้นคงมองหน้ากันไม่ติด
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด ผมนุ่มๆ ก็เบียดซุกมาที่ไหล่ ชายหนุ่มไม่ได้ถอยหนีแต่ขยับผ้าห่มให้กระชับ อากาศเย็นเยือกจากภายนอกไหลเข้ามาในห้องที่เปิดหน้าต่างไว้ทุกด้าน อากาศเย็นแบบนี้ก็ดีตรงที่ไม่ต้องเปิดแอร์ให้ริว เพียงแต่เขาต้องห่มผ้าหนาหน่อยเท่านั้น พสุคิดโน่นคิดนี่อยู่ไม่นานก็หลับ ผิดกับคนที่พสุนึกว่าหลับ เด็กหนุ่มรอจนได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของพสุจึงสอดแขนเข้าไปในผ้าห่มเพื่อกอดเอวชายหนุ่ม แล้วซุกขยับศีรษะเกยขึ้นไปบนต้นแขนพสุ เพื่อแนบหูกับอกหนา ฟังเสียงหัวใจของพสุอย่างมีความสุข...
.........................................
พี่ไผ่จะได้น้อง ได้แฟน หรือได้ลูกชายกันแน่เนี่ยย o22
-
"พี่ไผ่จะได้น้อง ได้แฟน หรือได้ลูกชายกันแน่เนี่ยย"
ชอบประโยคนี้จัง 55555
-
โอ๊ยยยยย ตอนนี้หวานมากกกกก ไม่ไหวแล้วววววว :m11: :m3:
ริวน่ารักมากกกกกกกกกก ชอบอ้อนไผ่ ไผ่ก็ยอมให้ริวอ้อนเน้ออออ กิ๊วๆๆ :m12:
ใกล้ชิดกันเข้ามาอีกนิดละน๊าาาา ไผ่ริว ฮี่ๆๆ
คาดว่าไผ่คงเริ่มคิดอะไรกับริวขึ้นมาละใช่มั้ย:interest:
ชอบตอนนี้ที่ซู้ดดดดดดดดด :-[
มาต่อไวๆนะคะ เวลาเข้าเว็บนี้แล้วเห็นเรื่องนี้อัพทีไร รู้สึกอยากกรี๊สทุกที 555 :กอด1:
วันนี้มีความสุข :)
-
:man1:
ริวขี้อ้อนจัง
-
ได้ภรรยาค่ะ
(ใครห้ามมาขัดคอว่าได้สามีนะ เคืองวิ่งเตลิดจริงๆ ด้วย )
-
น้องริวมีโอกาสได้รับความรัก
ความอบอุ่นแบบครอบครัว
-
"พี่ไผ่จะได้น้อง ได้แฟน หรือได้ลูกชายกันแน่เนี่ยย" 3 in 1 ก็ได้คะพี่ไผ่รับได้ดดดด...... :impress2:
:pig4: writer คะ
-
อ้อนจิงๆๆเลยเนี่ยริว
สงสัยพี่ไผ่จะหมดเลยในไม่ช้า หุหุหุ :o8:
ปล ติดพี่ไผ่กับน้องริวมาเลย
-
555+
ชอบรีบนแฮะ
' ได้ภรรยา ' :laugh:
ริวยังน่ารักเหมือนเดิม
อยากให้รักกันเร็วๆจังเลยน้า
-
พี่ไผ่จะได้น้อง ได้แฟน หรือได้ลูกชายกันแน่เนี่ยย ไรเตอร์คิดได้ไงอ่ะเนี่ย
สงสัย ทรีอินวัน แน่ๆ 55555 ชอบตอนนี้จังน่ารักทุกคนเลย
-
:man1: :กอด1:กรี๊ดดดดดดด ริวเอ๋ย ไผ่เอ๋ย อะไรมันจะขนาดนี้
ใจนึงก็อยากให้รักกันเร็วๆ แต่อีกใจก็ชอบความรู้สึกรักที่ค่อยๆซึืมลึกแบบนี้
รักของริวหยดลงไปในใจของพี่ผ่วันละหยด.....อ่านแล้วอินอย่างมากมายตามไปด้วย
-
พี่ไผ่จะได้น้อง ได้แฟน หรือได้ลูกชายกันแน่เนี่ยย
เหมาหมดเลบพี่
-
:o8: เดาเอาว่าพี่ไผ่ต้องมีหวั่นไหวบ้างแหละ อิอิ ตื่นมาเจอหน้าชิดกันซะขนาดนั้นเนอะ ^^
น้องริวน่ารักมาก แม่พี่ไผ่ใจดีมากเลย ดีใจกับน้องที่มีความสุข
-
ขยับเข้ามาอีกนิด...ชิดๆเข้ามาอีกหน่อย :-[
แล้วก็รีบเป็นแฟนกันเร็วๆนะจ๊าาาาา :m1:
ปล.+1 ให้ไรเตอร์ค่ะ เขียนได้น่ารักมากกกก :กอด1:
-
พี่ไผ่ all in one สำหรับริวจริงๆ
ริวก็ยังใสซื่อเหมือนเดิม
:L2:
-
ริวคงเป็นทั้งน้อง แฟน และลูกชายในคนเดียว :laugh:
ตอนนี้ก็น่ารัก :กอด1:
-
รอลุ้นอยู่ เมื่อไรจะเปิดใจกันสักที ไม่เคยรู้ตัวกันเล้ย
-
อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขจริงๆเลยคร้าบบบบบบบบบบบ
ขอบคุณไรเตอร์มากมาย :pig4:
-
ตอบเลยว่าริวเป็นทุกตำแหน่งเลย น่ารักมากๆ :o8:
อ้ายเขินอ่ะ :-[ ชอบมากเลยขอให้น่ารักแบบนี้เรื่อยนะค่ะ
ไม่เอามาม่าเด็ดขาดนะไรเตอร์ พรุ่งนี้ก็รออ่านน่า สู้ๆ
-
3 in 1 คนเดียวครบทุกตําแหน่ง หวานและอบอุ่นตลอดๆ
-
ใกล้เข้าไปเรื่อยๆริว ยังไงมันก็ต้องมีหวั่นไหวกันมั่งอ่ะ
พี่ไผ่เริ่มเขิลน้องแล้วด้วย สัญญานสีม่วงกำลังมาล่ะ :laugh:
-
อ่านแล้วยิ้มแก้มแตก มีความสุขจังเลย :o8:
-
พี่ไผ่จะได้น้อง ได้แฟน หรือได้ลูกชายกันแน่เนี่ยย
ก็ให้ได้ทั้งสามอย่างเลยในคนเดียวกันซิจ๊ะ ดีออก
-
น่ารักเกินไปและ อีป้าแก่ ๆ ตาร้อนผ่าว ๆ 555
+1 เน้อ ขอบคุณมากค่ะ
-
:L1:
-
เอาล่ะเว้ยพี่ไผ่ เริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้วสิ
เป็นเราหน่อยไม่ได้
มีริวอยู่ข้างๆ อย่างนั้น
คงใจสั่นไปตั้งนานแล้ว
:laugh:
รอลุ้นต่อไปว่าเมื่อไหร่สองคนนี้จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้มากกว่า พี่ชาย-น้องชาย
หรือลูกับพ่อหว่า ก๊ากกกก
:L2:
+1 ขอบคุณคุนโพสและคนเขียนที่มาต่อให้นะคะ
เป็นกำลังใจให้จ้า
-
แฟนที่เป็นรุ่นน้องแถมเป็นลูกคนที่สองของแม่พสุไงคร้าบบ
-
น่ารักจัง :man1: :man1: :man1:
:L2: :L2: :L2:
-
:กอด1: :กอด1:
-
ไผ่หวั่นไหวขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมมมมมมมมมมมมมมมม
ริวเป็นได้ทุกอย่างที่ไผ่ต้องการ อิอิ
-
เหมาทุกตำแหน่งเลย :กอด1:
-
อิอิ พี่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ สนุกมากมาย ขอบพระคุณมากนะคะ จะติดตามต่อไปค่ะ แต่ก็แอบลุ้นว่าใคจะเป็น สามิ๊ ใครเป็นภริย๊า
-
+1 ให้กับความน่ารักขี้้อ้อนของน้ิองริว
-
ดันๆๆทู้
:call:
-
อยากอ่านแล้ว คิดถึงริว คิดถึงพี่ไผ่ อิอิ
-
มารอนานแล้วเด้อ อัพ อัพ :call: :call: :call: :L2:
-
พี่ไผ่จะได้น้อง ได้แฟน หรือได้ลูกชายกันแน่เนี่ยย
ได้ภรรยาค่ะ
(ใครห้ามมาขัดคอว่าได้สามีนะ เคืองวิ่งเตลิดจริงๆ ด้วย )
ก็ว่างั้น~ :laugh: ,, All in one จริงอะไรจริงเนอะ o13
-
ยางมะมาอีกเหรอออออ... :เฮ้อ:
-
ไม่มา 2วันละอ่า :a6: :z2:
-
มาต่อแล้วจ้า มัวแต่ดูวนิดา แอร๊ยยยย :o8:
***************************
ตอนที่ 29
พอส่งแม่กับป้าใจที่บ้านเรียบร้อยแล้ว พสุก็เปลี่ยนมาขับรถแทนริวเพื่อให้น้องได้พักบ้าง หลังจากต้องตีรถยาวมาจากไร่ที่เพชรบูรณ์กลับไปบริษัทเพื่อเข้าประชุม ริวถอนใจเฮือกๆ ตลอดทาง สีหน้ากลัดกลุ้มเสียจนพสุนึกขำ
“เป็นอะไรริว ถอนใจเฮือกๆเป็นคนแก่ไปได้”
“ริวไม่อยากกลับเลย อยากอยู่ที่ไร่ตลอดไปเลย”
“ก็อดตายพอดีสิ...พี่ทำไร่ไม่เป็นซะด้วยสิ”
“ไม่เห็นจะยาก ริวว่าริวทำได้นะ”
“ริว...ที่ช่วยแม่ปลูกต้นไม้น่ะ มันไม่เหมือนลงมือทำไร่ทำสวนจริงๆหรอกนะ ถ้าทำเป็นอาชีพมันเหนื่อยกว่านั้นหลายเท่า แล้วก็ต้องอาศัยความรู้ กับประสบการณ์ทางด้านเกษตรมากๆ ด้วย บอกตรงๆ ว่าพี่ไม่มีความรู้ด้านนี้เลยสักนิดเดียว"
“ก็ริวไม่อยากกลับ อยู่ที่นั่นมีความสุขออก”
“เราจะเอาแต่เที่ยวตลอดไปได้ยังไงละริว อาชีพหลักของเราก็คือการเป็นนักร้อง ยังไงเราก็ต้องกลับมาร้องเพลงอยู่ดีนั่นแหละ...เรายังดีนะ ได้พักตั้งหลายวัน ทีมโปรดิวเซอร์พวกพี่เผ่าเขาไม่ได้หยุดกันเลยด้วยซ้ำ นอกจากวางแผนสำหรับอัลบั้มใหม่แล้วยังต้องติดต่อกับบริษัทต่างประเทศ เห็นว่าจะมีการดึงวงเกาหลีหรือไม่ก็ญี่ปุ่นมาร่วมงานด้วยนะ”
“พี่ไผ่รู้ได้ไง?”
“พี่กรโทรไปบอก”
“แล้วทำไมพี่กรไม่บอกริว”
“พี่กรคงเห็นว่าริวอยู่กับพี่อยู่แล้ว บอกพี่ พี่ก็บอกริวอยู่ดี...หรือไม่พอใจที่พี่รู้ก่อน?”
“เปล่าครับ ริวแค่อยากรู้ว่าทำไมพี่กรต้องโทรไปกวนพี่ด้วย วันหยุดนะ” ริวทำเสียงสูงอย่างหงุดหงิด
“ฮื้อ...แค่โทรไปเล่าเรื่องอัลบั้มใหม่ไม่ถือว่ารบกวนหรอก อีกอย่างพี่ก็เป็นคนบอกพี่กรไว้เองว่าถ้ามีอะไรคืบหน้าให้โทรไปบอกบ้าง” พสุบอกเขินๆ จริงๆ เป็นเขาเองที่คอยโทรมาถามความคืบหน้า เพราะอยากรู้เรื่องอัลบั้มใหม่เต็มที การได้ร้องเพลงเป็นความสุขที่สุดของพสุในเวลานี้
“โหยพี่น่ะ หายใจเข้าหายใจออกเป็นงานตลอดเวลาเลย” ริวยิ้มตายิบหยีล้อพสุ เลยโดนบีบจมูกข้อหารู้ทันพี่
“ก็มันเป็นงานที่พี่รัก...หรือริวไม่รักงานนี้”
“รักสิ” ริวรับคำเสียงหนักแน่น ไม่เพราะเป็นนักร้องหรอกเหรอ ริวถึงได้อยู่กับพสุอย่างที่ฝันไว้
“งั้นก็น่าจะรู้สิว่าพี่ห่วงงานแค่ไหน”
“คร้าบ”
เมื่อไปถึงบริษัทนั้น ตะวันก็มารออยู่ในห้องประชุมเล็กแล้ว เหลือแต่ธีรดลกับไวยากรณ์ที่ยังมาไม่ถึง พอเห็นหน้าริวตะวันก็เอาโน้ตเพลงปึกใหญ่มาให้ดู ขณะที่พสุหันไปคุยกับกรเวชเรื่องละครที่ถ่ายค้างไว้เพราะทางผู้จัดโทรมาขอคิวกับกรเวชแล้ว
“ริวว่าเดี๋ยวพอประชุมเสร็จเราไปลองเล่นกันดูก็ได้ครับ” ปากคุยกับตะวันแต่หัวริวเอนไปพิงไหล่พสุแล้วเหยียดขาไถลตัวลงพร้อมกับดูโน้ตเพลงในมือไปพลางๆ พสุก็ไม่ได้ขยับหลบ ยังคงก้มหน้าก้มตาดูตารางงานที่กรเวชจัดมาให้อย่างตั้งใจ
“นี่ริว...นั่งดีๆ ได้ไหม พิงพี่เขาอยู่ได้” กรเวชรอจนตะวันลุกออกไปถึงหันไปเอ็ดริว เขาไม่ต้องการให้ความสนิทสนมของริวกับพสุเป็นที่สะดุดตาคนอื่นไปมากกว่านี้ ยังดีที่ที่นี่มีกฎห้ามคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาระหว่างประชุมงาน
“ไม่เป็นไรครับ คงเหนื่อยวันนี้ขับรถมาทั้งวันเลย” พสุแก้ตัวแทนโดยยังก้มหน้าก้มตาอยู่กับตารางงานจึงไม่เห็นสายตากังวลของกรเวช
“ใครขับ”
“ริวขับครับ” พสุเงยขึ้นมาจากตารางงานแล้วหันไปมองหัวยุ่งๆ บนไหล่ด้วยความเป็นห่วง
“เหรอ...ยังไม่ชำนาญทางไม่ใช่เหรอไผ่ ทำไมให้น้องขับล่ะ”
“แต่ริวขับรถดีมากเลยนะครับพี่กร นี่ถ้าไม่ขับรถทางไกลด้วยกันคงไม่รู้” พสุตอบยิ้มๆ แล้วหันไปยีหัวฟูๆ เล่น ริวก็ไม่ได้หลบแต่ไถลตัวเหยียดยาวลงนอนหนุนตักพสุเสียเลย พสุเองก็ขยับขาเหยียดออกไปเพื่อให้ริวหนุนได้ถนัดขึ้น ภาพนั้นทำให้กรเวชพูดไม่ออก หนักใจยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ครั้นจะพูดตรงๆ กับพสุว่าเขาไม่อยากให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมากนักเพราะกลัวภาพลักษณ์จะออกมาในทางไม่ดี ก็ดูจะเหตุผลอ่อนเกินไป กับพสุนั้นคงคุยกันไม่ยากแต่กับริวคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เผลอๆเด็กหนุ่มอาจคิดว่าเขาอคติ แล้วอาจมีผลไปถึงการทำงานร่วมกัน
“เฮ้ยริว! นอนสบายเกินไปแล้ว” ไวยากรณ์โวยวายแล้วโผนเข้ามาลากขาริวลงจากโซฟา ริวจึงรวบเอวพสุไว้กันตก
“เล่นอะไรกันคู่นี้...ไวย์เบาๆ เดี๋ยวน้องหัวฟาด” พสุพูดเหมือนเป็นกลาง แต่สุดท้ายก็อดปรามไวยากรณ์ไม่ได้ ตะวันที่กลับเข้ามาอีกครั้งเอากระดาษโน้ตในมือตีหัวไวยากรณ์เบาๆ แล้วเดินมานั่งที่โซฟาข้างริว ทำให้ไวยากรณ์ไม่กล้ากระชากขาริวแรงเหมือนตอนแรก
“โหยรุมว่ะ ใครๆ ก็รุมผม” ไวยากรณ์โวยวายแต่ไม่ยอมปล่อยขาริว ริวก็ทำได้เพียงกอดเอวพสุไว้แน่นแล้วพยายามดึงขาออกอย่างเดียวเพราะไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับไวยากรณ์ พสุคอยจับหัวริวไว้กันหัวกระแทก รู้อยู่ว่าไวยากรณ์ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
ธีรดลที่เดินเข้ามาหลังสุด โดดเข้าจี้เอวไวยากรณ์ทำให้ไวยากรณ์เผลอปล่อยขาริวเพื่อหันมาปัดป้องอย่างคนบ้าจี้ ริวรีบผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมหนีหากไวยากรณ์กลับมาแกล้งอีก แต่เขมชาติและทีมโปรดิวเซอร์เข้ามาเสียก่อนทุกอย่างจึงยุติแค่นั้น
ในการทำอัลบั้มที่สองนี้ ทางโปรดิวเซอร์ตกลงกันว่าจะให้นักร้องทุกคนมีส่วนร่วมมากที่สุด โดยเฉพาะริวที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องดนตรีร่วมกับทรงเผ่า ส่วนตะวันกับพสุนั้นต้องไปช่วยไมตรีในส่วนของเนื้อเพลง
“ที่ผมไม่ได้มอบหมายงานในส่วนนี้ให้ไวยากรณ์กับธีรดล เพราะตารางงานของไวยากรณ์ค่อนข้างแน่นมากๆอยู่แล้ว ส่วนธีรดลก็มีปัญหาส่วนตัวที่จำเป็นต้องกลับต่างจังหวัดบ่อยๆ คงไม่สะดวกนัก หวังว่าทั้งพสุ ตะวัน แล้วก็ริวคงไม่ว่ากันนะที่ผมเพิ่มงานมาให้” ทรงเผ่าหันไปถามความเห็นจากทั้งสามหนุ่ม ทุกคนก็พยักหน้ารับโดยไม่มีใครคัดค้าน พอประชุมเรื่องอัลบั้มใหม่เสร็จ ทรงเผ่ากับทีมโปรดิวเซอร์ก็กลับไปโดยมีเขมชาติตามไปส่ง ส่วน 5 หนุ่มยังต้องอยู่ประชุมต่อ
กรเวชเอาสถิติที่ทางทีมงานเก็บรวบรวมไว้ มาแจกให้ทุกคนดู เพลงของคิสมียังคงติด หนึ่งในสิบของทุกคลื่นทั่วประเทศ ทั้งที่คิสมีออกผลงานมา 3-4 เดือนแล้ว ไม่รวมยอดการโหลดเพลงของทั้งอัลบั้มที่ทำเงินได้มหาศาล
“ตอนนี้คิสมีดังที่สุดก็จริง แต่เราอยู่ระหว่างทำผลงานใหม่ ถ้าเราปล่อยให้เงียบจนไม่มีข่าวหรือหยุดรับงานละก็ รับรองได้เลยว่าต้องมีวงอื่นถูกดันขึ้นมาแทนแน่ๆ มีผู้จัดเสนอละครและภาพยนตร์ที่มีบทน่าสนใจมาให้ ทางค่ายก็อยากให้ทุกคนรับงานสักคนละชิ้นเพื่อรักษากระแสเอาไว้” กรเวชชี้แจงแล้วชี้ให้ทุกคนดูแฟ้มตรงหน้า ซึ่งของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน พสุนั้นงานละครที่ค้างอยู่อัดแน่นจนไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหนอยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงเปิดดูเพียงผ่านๆ ส่วนคนอื่นๆ ก็นิ่วหน้าไปตามๆกัน
.
.
.
ก็อกๆ
“เชิญ” กรเวชอนุญาตเสียงเรียบ หลังจากเหลือบไปมองให้แน่ใจแล้วว่าริวกับพสุไม่อยู่ในสภาพที่ชวนให้เข้าใจผิดอีก
“น้องไผ่คะ มีโทรศัพท์ค่ะ” พนักงานต้อนรับเข้ามาบอกแล้วรีบถอยออกไป พสุเหลียวมองหน้ากรเวชเป็นเชิงขออนุญาตก่อนจะลุกออกไป เพราะเวลาประชุมทุกคนจะปิดโทรศัพท์ เวลาใครจะติดต่อจึงต้องโทรเข้าที่ออฟฟิศอย่างเดียวเท่านั้น พสุหายไปครู่เดียวก็กลับเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก
“พี่กรครับ ส่วนของผมไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมครับ”
“ไม่มีแล้วไผ่...ถ้ามีธุระอะไรก็ไปเถอะ” กรเวชรีบอนุญาตเพราะเห็นสีหน้าของพสุก็พอเดาได้ว่าคงมีธุระสำคัญ
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ พอดีมีธุระด่วนจริงๆ...ริว พี่กลับก่อนนะ ริวไปเองถูกใช่ไหม” พสุให้ริวพักอยู่กับเขาระหว่างที่ยังไม่ได้กลับมาเก็บตัวที่บ้านพักของบริษัท เพราะไม่อย่างนั้นริวก็ต้องกลับไปพักโรงแรมเหมือนตอนที่มาจากอเมริกาใหม่ๆ เสร็จจากประชุมก็จะกลับบ้านด้วยกัน แต่พอดีพสุต้องออกไปก่อนจึงอดห่วงริวไม่ได้
“ครับ”
พสุพยักหน้าให้เด็กหนุ่มแล้วรีบร้อนออกไป กรเวชมองตามแล้วลอบถอนใจ ทำไมเขาจะไม่เห็นสายตาละห้อยหา ของริวที่มองตามหลังพสุ ยังดีที่ริวยังรู้จักหน้าที่ไม่รีบแจ้นตามพสุไปโดยที่ยังประชุมไม่เสร็จ
“งานเดินแบบผมก็คิวยาวเหยียด แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปรับงานอื่น” ไวยากรณ์บ่นขึ้นมาบ้างหลังจากเห็นรายการที่ขอคิวแทรกเข้ามามากมาย
“ก็รับเป็นรับเชิญก็ได้นี่ไวย์ มีหนังอยู่เรื่องหนึ่ง ถึงเป็นรับเชิญ ออกแค่ไม่กี่ฉากแต่บทก็ดีนะ”
“ขออ่านบทก่อนละกันพี่” ไวยากรณ์ตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ส่วนธีรดลนั้นไม่มีปัญหา เพราะงานที่เสนอเข้ามาส่วนใหญ่เป็นการเสนอให้ไปร่วมโชว์ในคอนเสิร์ตต่างๆมากกว่างานอื่น ซึ่งธีรดลก็ถือว่างานแบบนี้เป็นงานที่เขาถนัดอยู่แล้ว
“ผมไม่รับงานแสดง” ตะวันปฏิเสธเสียงเรียบโดยไม่ยอมแม้จะเปิดแฟ้มของตัวเองดู
“แต่...” กรเวชหน้าเสีย พยายามหาทางโน้มน้าวพ่อหนุ่มอารมณ์ศิลป์ ประจำวง
“ไม่สนใจละครเวทีสักเรื่องเลยเหรอครับตะวัน” เขมชาติถามยิ้มๆ เขาเข้ามาสักครู่หนึ่งแล้ว ได้ยินตั้งแต่ตะวันปฏิเสธเรื่องรับงานแสดงและเห็นท่าปล่อยแต่กรเวชจะไม่ได้ผลก็เลยช่วยพูดให้
“ละครเวที?” ตะวันขมวดคิ้ว เขาเป็นพวกสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ ค่ายที่ทำละครเวทียิ่งไม่น่าจะมาสนใจเขา
“มีละครเวทีอยู่เรื่องเขาเสนอมาให้ตะวันโดยเฉพาะ ผมอ่านบทดูแล้ว คิดว่าคุณอาจจะสนใจ” เขมชาติเดินเข้ามาเปิดแฟ้มของตะวันแล้วชี้ให้ดูรายละเอียดของงาน ตะวันอ่านอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้ารับดวงตาเป็นประกายอย่างสนใจ
“ก็...ลองดูก็ได้ครับ”
“ส่วนริว...” เขมชาติหันมาหาริวอย่างได้ใจ ที่โน้มน้าวตะวันได้ จึงคิดว่าริวน่าจะพูดง่ายกว่า
“ผมไม่เล่นละคร...ผมแสดงไม่เป็น” ริวปฏิเสธทันที แม้เด็กหนุ่มจะเปิดดูรายละเอียดงานเรียบร้อยแล้ว แต่เขาไม่คิดจะรับงานไหนสักงานเดียว
“แต่บทที่เสนอมานี่ดีมากเลยนะ” เขมชาติพยายามโน้มน้าว แล้วก็รู้ตัวว่าพลาดทันทีที่เห็นแววตาต่อต้านมองสวนกลับมา
“ไม่ดีกว่าครับ”
“พี่ว่าริวลองอ่านบทดูก่อนดีไหม” กรเวชพยายามจะช่วย แต่ริวคว้ากระเป๋ามาสะพายเตรียมตัวกลับ
“ผมปวดท้อง ขอกลับก่อนได้ไหมครับ” เจอคำนี้เขมชาติเองก็ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่พยักหน้ายอมให้ริวกลับไป คนอื่นๆจึงลุกขึ้นเตรียมกลับบ้าง
“ทำไงดีละครับคุณเขม” กรเวชหันมาหาตัวช่วย พอสบตากันตะวันก็ส่ายหน้า
“อย่าโยนมาให้ผมนะ ลองทำหน้าแบบนั้น ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่มีทางทำแน่ๆ” ตะวันปฏิเสธแล้วลุกหนีไปอีกคน
“ถ้างั้นส่วนของริวเราปฏิเสธไปได้ไหมครับคุณเขม” กรเวชถามเสียงอ่อยๆ เห็นสีหน้าริวก็รู้แล้วว่ายังไงคงไม่มีทางสำเร็จ อีกอย่างริวเกลียดการสัมผัส แม้จะปรับตัวได้มากจนยอมให้คนอื่นถูกเนื้อต้องตัวได้ แต่ถ้าเล่นละครยังไงก็คงหนีฉากเข้าพระเข้านางไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นริวคงไม่ยอมเล่นแน่นอน
“แต่ผู้จัดรายนี้เราเคยรับปากเขาไว้ตอนเคลียร์คิวละครให้พสุ แล้วถ้าเขาขอตัวริวไม่ได้ คงมองหน้ากันไม่ติด”
“คุณเขมหมายถึงพี่จ๋าเหรอครับ” กรเวชขมวดคิ้ว ตอนดูรายละเอียดไม่ได้ระบุไว้ว่าผู้จัดเป็นใคร บอกแค่ชื่อละครเท่านั้น
“ใช่...ทำไงดีละกร” เขมชาติหันมาหารือกรเวช เขาอาจจะเก่งเรื่องบริหาร และมั่นใจในความสามารถเรื่องการดูคน แต่เจอเด็กดื้อเงียบอย่างริวบอกตรงๆ ว่าเขาก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
“ผมขอโทรไปคุยรายละเอียดกับพี่จ๋าก่อน เผื่อจะคุยกับริวให้ได้”
“ถ้าได้จะดีมากเลยกร” เขมชาติยิ้มชื่น คิดไม่ผิดที่ดึงกรเวชมาจากค่ายอื่น ที่ผ่านมากรเวชช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้เขาได้มากมายสมค่าตัวจริงๆ
“อย่าเพิ่งตั้งความหวังครับคุณเขม ไงขอผมไปคุยกับเจ้าหนูก่อนแล้วจะมารายงานผลนะครับ” กรเวชบอกยิ้มๆ แล้วต่อสายหาพี่จ๋าเพื่อคุยรายละเอียดของงาน ก่อนจะตัดสินใจว่างานนี้ยังมีหวัง เขาเชื่อว่าถ้าริวรู้รายละเอียด ยังไงก็ต้องรับงานนี้แน่นอน
…………………..
สต๊อคที่ไรท์เตอร์ห้มาใกล้จะหมดแล้ววว :serius2:
แต่ตอนนี้ขอตัวไปดูคุณประจักษ์่อก่อนน๊าาา :-[
-
อะ อะ ต้องได้เล่นกับพี่ไผ่แน่เลยยยยยยยยยยยยยยยย
:-[
-
ริวไม่คิดอคติแต่กูคิดเว้ย! :m31: เซ็งไอ้พี่กรนี่จริงๆ มารจอมขัดขวางจริงวะ ไอ้เรื่องงานแสดงนี่ก็เหมือนกัน อย่าบังคับได้มะ เมืองนอกนะ(ชาติตะวันตก) นักแสดงก็คือนักแสดง นักร้องก็คือนักร้อง นางแบบก็นางแบบ เล่นละครเวทีก็ละครเวที เป็นสัดส่วน มีบ้างที่นักร้องมาแสดงหนัง แต่ก็น้อย แล้วนี่อะไร! รู้ทั้งรู้ว่าริวเกลียดการสัมผัสตัวคน นี่ถ้าริวแสดงท่าทางอะไรที่บ่งบอกถึงความรังเกียจออกไปไม่ยิ่งเป็นข่าวใหญ่เรอะ! อยากให้วงเป็นที่จับตามองก็ไม่เห็นต้องให้มาแสดงละครกันทุกคนเลยนี่หว่า อย่างที่ไวย์ว่านั่นแหละ งานส่วนตัวก็เยอะอยู่แล้วยังต้องมาเจียดเวลาไปแสดงอะไรบ้าๆบอๆอีก
นี่ถ้าเห็นโดนบังคับให้ริวไปแสดงจริงๆจะเคืองมากๆ! แม่งคิดแต่จะรักษาหน้า ไม่คิดถึงคนที่ถูกบังคับบ้างเลย :m16:
...อยากให้อลันเข้ามาเบรกไว้ให้จัง ช่วงนี้หายไปเลยนะ งานหลักของริวคือเล่นหุ้นนี่นา ไม่เห็นตามข่าวบ้างเลยอ่ะ o8
-
ริวจะแย่ไหมเนี่ย งานเข้าแล้ว
-
ยัยคุณจ๋านี่จะมาทำให้น้องริวชั้นเสียอารมณ์หรือเปล่าฟร่ะ
ถ้ารู้ว่าริวเป็นใคร แล้วพวกแกจะหนาววว :laugh:
-
:sad4: เค้าไม่ยอมนะ จะบังคับน้องได้ไง ไม่ๆๆๆ :serius2:
คนโพสค่าที่ไรเตอร์เขียนไว้จะหมดแล้วเหรอค่ะ งี้ต้องให้ไรเตอร์ฟิต
ดูแล บำรุงให้ไรเตอร์สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนเลย ที่เขียนกับส่งนิยายที่
น่ารักมากเรื่องนี้นะค่ะ อยากให้ทำหนังสือมากเลยค่ะ จะติดตามนะค่ะ :bye2:
-
ไม่อยากให้รับงานละครเลย กลัวน้องมีปัญหา ชิส์ เดี่ยวให้อลันมาเคลียร์ซะเลยนิ :m16:
-
พสุมีปัญหาอะไรหว่า?
แล้วอิตาเขมกะกรเวชนี่จะบังคับริวไปเพื่อ??? ถ้าน้องเป็นอะไรนะ :angry2:
-
ริวไม่คิดอคติแต่กูคิดเว้ย! :m31: เซ็งไอ้พี่กรนี่จริงๆ มารจอมขัดขวางจริงวะ ไอ้เรื่องงานแสดงนี่ก็เหมือนกัน อย่าบังคับได้มะ เมืองนอกนะ(ชาติตะวันตก) นักแสดงก็คือนักแสดง นักร้องก็คือนักร้อง นางแบบก็นางแบบ เล่นละครเวทีก็ละครเวที เป็นสัดส่วน มีบ้างที่นักร้องมาแสดงหนัง แต่ก็น้อย แล้วนี่อะไร! รู้ทั้งรู้ว่าริวเกลียดการสัมผัสตัวคน นี่ถ้าริวแสดงท่าทางอะไรที่บ่งบอกถึงความรังเกียจออกไปไม่ยิ่งเป็นข่าวใหญ่เรอะ! อยากให้วงเป็นที่จับตามองก็ไม่เห็นต้องให้มาแสดงละครกันทุกคนเลยนี่หว่า อย่างที่ไวย์ว่านั่นแหละ งานส่วนตัวก็เยอะอยู่แล้วยังต้องมาเจียดเวลาไปแสดงอะไรบ้าๆบอๆอีก
นี่ถ้าเห็นโดนบังคับให้ริวไปแสดงจริงๆจะเคืองมากๆ! แม่งคิดแต่จะรักษาหน้า ไม่คิดถึงคนที่ถูกบังคับบ้างเลย :m16:
...อยากให้อลันเข้ามาเบรกไว้ให้จัง ช่วงนี้หายไปเลยนะ งานหลักของริวคือเล่นหุ้นนี่นา ไม่เห็นตามข่าวบ้างเลยอ่ะ o8
ู^
ขอบคุณมาก ถูกใจสุดๆ
-
ฮึๆๆ o18ไม้ตายของกรคงเป็นพี่ไฝ่แน่ เพรารายนี้ต้องให้พี่ไฝ่เป็นเหยื่อ
รึพี่ไฝ่แสดงด้วยนะ
ริวไม่คิดอคติแต่กูคิดเว้ย! :m31: เซ็งไอ้พี่กรนี่จริงๆ มารจอมขัดขวางจริงวะ ไอ้เรื่องงานแสดงนี่ก็เหมือนกัน อย่าบังคับได้มะ เมืองนอกนะ(ชาติตะวันตก) นักแสดงก็คือนักแสดง นักร้องก็คือนักร้อง นางแบบก็นางแบบ เล่นละครเวทีก็ละครเวที เป็นสัดส่วน มีบ้างที่นักร้องมาแสดงหนัง แต่ก็น้อย แล้วนี่อะไร! รู้ทั้งรู้ว่าริวเกลียดการสัมผัสตัวคน นี่ถ้าริวแสดงท่าทางอะไรที่บ่งบอกถึงความรังเกียจออกไปไม่ยิ่งเป็นข่าวใหญ่เรอะ! อยากให้วงเป็นที่จับตามองก็ไม่เห็นต้องให้มาแสดงละครกันทุกคนเลยนี่หว่า อย่างที่ไวย์ว่านั่นแหละ งานส่วนตัวก็เยอะอยู่แล้วยังต้องมาเจียดเวลาไปแสดงอะไรบ้าๆบอๆอีก
นี่ถ้าเห็นโดนบังคับให้ริวไปแสดงจริงๆจะเคืองมากๆ! แม่งคิดแต่จะรักษาหน้า ไม่คิดถึงคนที่ถูกบังคับบ้างเลย :m16:
...อยากให้อลันเข้ามาเบรกไว้ให้จัง ช่วงนี้หายไปเลยนะ งานหลักของริวคือเล่นหุ้นนี่นา ไม่เห็นตามข่าวบ้างเลยอ่ะ o8
ใจจริงก็แอบคิดอย่าง คุณเกริด้า นะ แต่ว่ามันอาจมีเรื่องสนุกๆ และเป็นตัวกระตุ้นความสัมพันธ์ของริวกับพี่ไฝ่ก็ได้
-
กรตัวขัดขวางอีกแล้วแน่เลย ฮ่วยๆ
อยากอ่านต่อ~!! :serius2:
แอบเห็นด้วยกะรีบนๆ
ไม้ตายอาจจะเป็นไผ่ก็ได้เนอะ ฮึๆ o8
รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ
-
เอาไปเล่นละครกับพสุ...น้องริวยอม..อิอิ
-
อยากอ่านต่อค่ะ :serius2: :serius2: :serius2:
คนอัพบำรุงไรเตอร์ดีๆ ได้ไหมค่?จะได้อ่านต่อเร็วๆ.
ยังไม่หายคิดถึงน้องริวและไผ่เลย :z3: :z3:
:call: :call: :call: :call:
:L1:
-
:z2:
-
ริวทำยังไงดีละที่เนี๊ย
ไผ่ไปไหนนะ
ทิ้งริวไว้คนเดียว
-
ริวจ๋าาาาา
-
พี่ไผ่ไปไหนอ่ะ
รีบร้อนจัง
ทิ้งริวไว้ด้วย :fire:
-
อย่าบังคับน้องได้ปะ อะไรกันพวกนี้
:pig4: writer คะ
-
เมื่อไหร่ริวจะบอกพี่ไผ่อะจ้ะ แต่ตอนนี้ก้อน่ารักดี ดูแล้วพี่ไผ่จะคิดเกินน้องไหมน้า o13 :bye2:
-
สนุกมากเลยครับ
ลุ้นทุกตอน :L2:
-
จะอะไรยังไงก็ตามแต่ ขอแค่ให้ริวหายจากอาการบ้าๆนี่ ก็พอ
ถ้าการรับงานแสดงของริวในครั้งนี้ จะมีส่วนมาช่วยเยียวยา อาการของริว ให้ดีขึ้นอ่ะนะ
อยากให้การทำงานทุกอย่างของริว หมือนกับการฉีดยา หรือการให้ยา เพื่อเข้าไปรักษาอาการนะ
เพราะอาการของริว ถ้าเรายิ่งทำเหมือนสนับสนุนให้ริวหนีการอยู่ท่ามกลางฝูงชน หนีการถูกสัมผัส
แล้วเมื่อไรอาการนี้มันจะดีขึ้น สู้เราให้ริวค่อยๆปรับ ค่อยๆเผชิญหน้ามันจะไม่ดีกว่าหรือ แล้วบรรดาพี่ๆทั้งหลาย
คอยอยู่ข้างๆ คอยประคับประคอง คอยให้กำลังใจ คอยชี้แนะ คอยเป็นหลักพิงให้ริว
ในขณะที่ริวยังไม่แข็งแรง ยังไม่แกร่งพอ คิดว่า น่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่า รักแล้วคอยแต่จะปกป้อง
จนริวยืนหยัดด้วยตนเองไม่ได้นะ ถ้ารักและหวังดีกับริวจริงต้องคิดเผื่อวันข้างหน้าให้ริวด้วย
ริวต้องอยู่ในสังคมนะ อยากให้ริวยืนให้มั่นด้วยสองขาของตัวเอง ไดยไม่ต้องอิงพี่ไผ่ตลอดไปอ่ะ
โลกนี้มันไม่มีอะไรที่แน่นอน ถ้าเกิดวันนึงไม่มีพี่ไผ่ ริวต้องอยู่ต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและมีความสุข
พร้อมกับใช้ความสามารถขั้นอัจฉริยะหลายๆอย่างที่ริวมี สร้างสุข สร้างประโยชน์ให้กับริวเองและสังคมได้
ซีเรียสมากไปป่ะคะ เพื่อนๆรีดเดอร์ทั้งหลาย และคุณไรเตอร์ ถ้ามากไป ก็ขออภัยไว้ด้วยจ้า
-
ไม่มากไปหรอกค่ะ yayee2 คิดเหมือนกันว่าการได้เจอคนเยอะๆ จะทำให้ริวปรับตัวได้
แต่เขียนออกมาสละสลวยแบบ yayee2 มะเป็น อิอิ :-[
-
ริวเอ๊ยยยย!!! อดทนหน่อยนะ...เพื่อพี่ไผ่ๆๆๆ ท่องไว้ :call:
-
ให้ริวไปเล่นละครมันจะแย่ไปกว่าเดิมไหมละเนี่ย
-
ถ้าได้เล่นกับพี่ไผ่ก็ดีไปริวจะได้หายไว้ๆ
แต่พี่กรจะขัดขวางริวเลยนะ
น้องมันน่าสงสารมากพอแล้วน้า
-
เป็นกำลังใจให้น้องริว
-
รู้สึกเหมือนตะเริ่มมีอะไรมาแทรกระหว่างริวกับไผ่แน่ๆ เลย
-
:เฮ้อ:อดทนไว้ริว คิดจะรักกะพี่ไผ่ อยู่กะพี่ไผ่ เชื่อขนมได้เลยว่า ต้องวนเวียนอยู่ในวงการนี้แระ
สู้โว๊ยยยย
:z13: จิ้มไรท์เตอร์ ให้มาส่งต่อตอนใหม่ไวๆ เ็ห็นคนโพสบอกว่าจะหมดสต๊อคแร้ว
-
ไม่เข้าใจเลยว่าจะไปบังคับน้องมันทำไมนะ
คนอื่นๆ ในวงก็ออกทีวีกันอยู่แล้ว
มันก็น่าให้คนดูคุ้นหน้า
แล้วถ้าเป็นไผ่คือไม้ตายก็ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่
ไม่อยากให้ทั้งสองใกล้ชิดกัน
แต่ถ้าได้เล่นละครด้วยกัน
มันจะยิ่งไปเด่นชัดและตกเป็นข่าวหรือ
:m16:
ยังไงก็อยากให้อีตาเขมชาติรู้จริงๆว่าใครคือเจ้านายของอลัน
คนที่เป็นหุ้นส่วนของตัวเองจริงๆ น่ะคือใคร
คงไม่ไปจุ้นจ้านวุ่นวายกับชีวิตของน้องมันแน่
+1 ขอบคุณค่ะที่มาต่อให้
เป็นกำลังใจให้จ้า
:กอด1:
-
แล้วริวจะรอดเหรองานนี้
แต่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับตัวน้องก็ได้
-
ไม่มากไปหรอกค่ะ yayee2 คิดเหมือนกันว่าการได้เจอคนเยอะๆ จะทำให้ริวปรับตัวได้
แต่เขียนออกมาสละสลวยแบบ yayee2 มะเป็น อิอิ :-[
ดีใจจังเจอคนอ่านที่ใจตรงกัน
และขอบคุณค่ะ BP109 ที่บอกว่า YaYee2 เขียนได้สละสลวย (คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนว่าเป็นคำชม หุ หุ)
เคยเจอและเคยช่วยเด็กที่มีปัญหามาบ้างน่ะจ้ะ เลยคิดแล้วเขียนจากประสบการณ์
-
ขอบคุณจ้า
-
คราวนี้มาช้าจังเลย
:z10:
-
ติดอ่านนี้มากมายยย
ริวสู้ๆๆๆๆ นะ
จิ้ม writer มาต่อเร็วๆๆๆนะ คนอ่านจะลงแดงแล้ว หุหุ
-
:o12: ยังไม่มาอัพอ่ะ
อยากอ่านนะเข้ารอทุกวันเลย
:call: อัพที่เถอะนะ
-
มาช้าหน่อยนะกั๊บ ช่วงนี้งานเข้าเหลือเกิ๊นนนนน :o12:
*********************************
ตอนที่ 30
“สวัสดีครับพี่กร มาถึงนี่มีอะไรหรือเปล่าครับ” พสุออกมารับหน้าอย่างแปลกใจที่เห็นกรเวชมาหาถึงบ้าน เขาเองก็เพิ่งกลับมาถึงได้สักพักเช่นกัน และพบว่าริวกลับมาถึงก่อนเขาด้วยซ้ำ
“น้องละไผ่”
“นอนแช่น้ำตามเคยครับ...ท่าทางไม่ค่อยสบายใจ” ความจริงพสุก็อารมณ์ไม่ดีมาจากข้างนอกเหมือนกัน ที่เขาต้องรีบออกไปจากห้องประชุมเพราะป้าใจโทรมาบอกว่าแม่ทะเลาะกับพ่อใหญ่โต แต่ก็เหมือนเดิมที่พอเจอหน้าเขาแม่ก็บ่ายเบี่ยงที่จะเล่าความจริงให้ฟัง ซ้ำยังออกปากปกป้องพ่อเหมือนเคย จนพสุอ่อนใจ แต่พอกลับมาเจอริวนั่งหน้าหงอยแช่น้ำอยู่ในอ่างก็นึกเป็นห่วงจนลืมเรื่องเครียดๆ ของตัวเองไป
“ก็เรื่องรับงานนั่นแหละ...คุณเขมก็เลยให้พี่มาคุยให้”
“ริวไม่ยอมรับงาน?” พสุถามอย่างไม่แปลกใจเท่าไหร่
“อืม”
“แล้วจะยอมคุยเหรอครับ”
“คิดว่ายอม”
“พี่กรมีของดีอะไร” พสุถามยิ้มๆ ยังนึกภาพไม่ออกว่าริวจะเล่นละครได้ยังไง แต่ดูสีหน้ามั่นใจของกรเวชแล้วเขาก็อดนึกสนุกไม่ได้ อยากรู้เหมือนกันว่าระหว่างเด็กดื้อ กับคนช่างตื๊อ ใครจะชนะ
“รับรองว่ามี” กรเวชตอบยิ้มๆ ทั้งที่ไม่ได้มั่นใจขนาดนั้น
“ถ้าพี่มั่นใจก็ตามสบายครับ เดี๋ยวผมจะไปเรียกริวให้” พสุเดินหายเข้าไปข้างใน ครู่เดียวก็กลับมาพร้อมกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถ
“ผมเรียกให้แล้ว อีกเดี๋ยวคงออกมา...ผมจะออกไปปากซอย พี่จะเอาอะไรไหมครับ” ปากซอยที่พสุพูดถึงคือแหล่งการค้าขนาดใหญ่ มีทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรมดัง และตลาดสด แต่ซอยที่พสุอยู่นี้เป็นย่านคนมีเงิน ในซอยจึงไม่พลุกพล่านเหมือนข้างนอก
“ไม่ละขอบใจ”
“ครับ” พสุเดินควงกุญแจรถออกไป กรเวชจึงเดินดูรูปถ่ายในบ้านแล้วก็สังเกตเห็นว่า นอกจากรูปของพสุที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ตอนเป็นดาราเพียงไม่กี่รูป นอกนั้นเป็นรูปถ่ายจากเวทีคอนเสิร์ตบ้าง จากงานอีเว้นต่างๆบ้าง และแทบทุกรูปมี ริวอยู่ข้างๆพสุเสมอ
ล่าสุดคือภาพถ่ายของพสุตอนไปเที่ยวช่วงวันหยุดที่ผ่านมา รอยยิ้มกว้างของพสุแบบที่เขาไม่เคยเห็น กับคนในครอบครัวและริว แสดงถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ ทำให้กรเวชต้องถอนใจยาวด้วยความหนักใจ
“พี่กรสวัสดีครับ...แล้ว...พี่ไผ่ละครับ?”
กรเวชเกือบสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ริวก็เข้ามาทัก ใบหน้าอ่อนเยาว์ผ่องใส เส้นผมด้านหน้าชี้ปัดไปมายังเปียกชื้น สีผิวที่คล้ำลงเล็กน้อยทำให้ริวดูเข้มขึ้น จนกรเวชรู้สึกเหมือนเด็กหนุ่มโตขึ้นอย่างประหลาด
“ไผ่ไปซื้อของปากซอย...ริวคงรู้ว่าพี่มาเรื่องอะไร” กรเวชถามตรงๆ สำหรับริวการพูดตรงๆเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“ผมไม่รับงาน” ริวปฏิเสธตรงๆเช่นกันแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา กรเวชเดินตามไปนั่งฝั่งตรงข้ามเพื่อคุยกันได้ถนัดๆ
“พี่ก็ไม่อยากบังคับให้ริวรับ แต่ผู้จัดคนนี้เคยช่วยเคลียร์งานไผ่ตอนจะเก็บตัว ทั้งๆที่ไผ่มีสัญญาละครกับเขาตั้งหลายเรื่อง แต่เขาก็ไม่ได้งอแงเลยนะ ทางเราก็เลยรับปากว่าถ้าอยากได้นักร้องในสังกัดไปแสดงเมื่อไหร่ เราจะส่งไปให้” กรเวชยกเรื่องพสุขึ้นมาอ้าง ตามสายตาของเขา หากเรื่องไหนที่เกี่ยวพันกับพสุ เขาเชื่อว่าริวไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน
“แล้วเขาเลือกผม?”
“ใช่...พี่จ๋าเขาบอกว่าเขาเอ็นดูริวมาก ชอบตั้งแต่ตอนที่ริวไปงานเลี้ยงปิดกล้องกับไผ่แล้ว” กรเวชใจฟูเมื่อเห็นดวงตาโตเป็นประกายวาบอย่างจำได้ สีหน้าเคร่งเครียดของเด็กหนุ่มดูคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
“อ๋อ!... ครับ ผมจำได้แล้ว”
“อืม...แล้วบทของริวที่พี่ดูก็โอเคนะ ริวจะไม่พิจารณาดูสักหน่อยก่อนเหรอ” กรเวชวางบทที่อุตส่าห์ขับรถไปเอามาจากพี่จ๋า ให้ริวตรงหน้า ริวมองอย่างลังเล ยังไม่ยอมหยิบขึ้นมาดู
“แต่ผมไม่ชอบแสดงละคร ผมเล่นไม่ได้หรอก”
“ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเฟคนะริว ริวเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ พี่คุยกับพี่จ๋ามาให้แล้ว...อีกอย่าง พี่จ๋าเขาก็รับรู้ปัญหาเรื่องไม่ชอบให้ใครสัมผัสของริวแล้ว เขารับรองว่าบทนี้แทบจะไม่ต้องแตะตัวใครเลย แล้วแก้วกุดันที่เขาจะมาแสดงคู่กับริวนี่ก็แบบนิสัยดีมากๆนะ พี่อยากให้ริวได้ลองทำงานร่วมกับเขา” กรเวชอธิบายเจื้อยแจ้ว โดยไม่ทันสังเกตอาการสะอึกนิ่งของริวตั้งแต่ได้ยินชื่อแก้วกุดัน
“แก้วกุดัน? แฟนเก่าพี่ไผ่นะเหรอครับ?”
“ริวรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?” กรเวชถามงงๆ เขาไม่คิดว่าริวจะรู้เพราะตอนริวมาจากอเมริกา ข่าวพสุกับแก้วกุดันเงียบไปเป็นปีแล้ว
“ครับ...แล้ว...ทำไมเขาเลิกกัน”
“พี่ว่าริวเอาไว้ถามไผ่เขาเองดีกว่า แต่ถึงไม่ได้เป็นแฟนกัน เขาก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ” กรเวชบอกดักทาง เขาไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่ก็ไม่อยากเห็นริวต้องเจ็บปวดถ้าถลำตัวไปมากกว่านี้
“แค่เพื่อนเหรอครับ?” ริวถามย้ำ คำนี้เคยได้ยินจากปากพสุมาแล้ว แต่ริวไม่กล้าถามสักทีว่าสำหรับพสุแล้วแก้วกุดันเป็นแค่เพื่อนจริงๆ หรือเปล่า
“ก็เขาบอกพี่ว่าแค่เพื่อน แต่จะมากกว่านั้นไหม ริวต้องถามไผ่เอง...มาโน่นแล้ว”
“อ่ะริว...วันนี้พี่ไปทันซื้อพอดีเลย” พสุบอกแล้วส่งกล่องเค้กยี่ห้อดังมาให้ เค้กเจ้านี้มีฉายาว่าเค้กไฮโซ เพราะนอกจากจะราคาแพงลิ่วแล้ว คนทำยังทำเพียงแค่ไม่กี่ปอนด์ต่อวัน และไม่มีการทำเพิ่ม แม้จะมีลูกค้ายืนรอต่อคิวซื้ออยู่หน้าร้านก็ตาม
“เค้กมะพร้าว! ขอบคุณคร้าบ” ริวไหว้แล้วรับกล่องเค้กหน้าบาน เด็กหนุ่มอุ้มกล่องเค้กเข้าไปในบ้านเพื่อจัดใส่จานด้วยท่าทางรื่นเริงสุดขีด
“ตามใจกันเข้าไป พี่ก็ว่าปากซอยใกล้แค่นี้ทำไมหายไปนานนัก ที่แท้ไปเข้าคิวซื้อขนมเจ้านี้เนี่ยนะ?”
“ก็นานๆจะซื้อทันสักทีนี่ครับ ผมก็อยากกินขนมอร่อยๆ ให้สะใจบ้างแหละน่า” พสุตอบยิ้มๆ
แค่เห็นสีหน้าดีใจสุดๆ ของริวก็คุ้มกับที่ไปยืนขาแข็งคอยอยู่เป็นนานสองนาน คราวที่แล้วริวไปเข้าคิวอยู่นาน สุดท้ายเค้กก็หมดก่อนถึงเด็กหนุ่มเพียง 2 คน ริวถึงกับหน้าจ๋อยที่อดกิน ทำให้พสุหมายมาดไว้ในใจว่าจะต้องซื้อมาให้ริวกินให้ได้
“เอาเถอะ พี่จะพยายามเชื่อ” กรเวชเย้ายิ้มๆ อยากจะเตือนพสุถึงความสนิทสนมของทั้งคู่แต่ก็ยังไม่เหมาะ เพราะตอนนี้เรื่องอื่นสำคัญกว่า
“แล้วตกลงว่าพี่กรกล่อมริวสำเร็จไหมครับ” พสุถามแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับที่ริวลุกไป
“ยังไม่รับปากเลย”
“โห...ผู้จัดคนไหนหนอ ที่ทำให้พี่กรลงทุนมาตื้อริวด้วยตัวเองขนาดนี้” พสุถามยิ้มๆ ขณะที่ริวประคองถาดออกมา เสิร์ฟเค้กให้พสุและกรเวชด้วยตัวเอง
“ละครของพี่จ๋าน่ะ”
“อ้าว!เหรอครับ” พสุอุทานแล้วหันมองหน้าริวทันที ริวสบตาพี่แล้วก็ตัดสินใจถามความเห็นจากพสุ
“พี่ว่าริวรับดีไหม”
“งานพี่จ๋านี่รับประกันเรื่องคุณภาพเลยนะริว ก็อยู่ที่ริวแล้วล่ะว่าชอบบทหรือเปล่า”
แม้จะเกรงใจพี่จ๋า แต่พสุก็ไม่คิดจะบังคับน้อง ริวเกลียดสัมผัส เขาไม่รู้ว่าริวจะทนทำงานแบบนี้ได้หรือไม่ เพราะคราวนี้คงพาช่างแต่งหน้าไปเองเหมือนอย่างที่ผ่านมาไม่ได้ แล้วไหนจะฉากเข้าพระเข้านางที่ยังไม่รู้ว่าจะมีมากน้อยแค่ไหนอีก
“พี่ดูให้ริวหน่อยสิ ถ้าพี่ว่าดี ริวก็รับ” ริวบอกอย่างมั่นใจ เขาเชื่อว่าพสุรู้ใจเขากว่าใคร พสุจะไม่มีทางเลือกสิ่งไม่ดีให้เขาอย่างแน่นอน
“เอางั้นเหรอ?” พสุถามอย่างลังเล ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการก้าวก่ายงานของริวมากเกินไปหรือเปล่า
“ไงไผ่ก็ดูบทให้น้องก่อนก็ได้ แล้วถ้ารับไม่รับก็โทรไปบอกพี่” กรเวชบอกแกมขอร้อง เขาเชื่อว่าถ้าพสุรับปาก แปลว่าริวต้องยอมรับงานนี้อย่างแน่นอน
“ครับ” พสุรับคำแล้วเหลือบมองริวอย่างเป็นห่วงนิดๆ เห็นทีเขาคงต้องโทรหาพี่จ๋าด้วยตัวเองอีกสักครั้ง
.........................
รถจอดเรียงกันเป็นตับดูคึกคักกว่าปกติ เพราะเป็นวันบวงสรวงเปิดกล้อง นอกจากทีมนักแสดงที่จะมากันเกือบครบแล้ว ยังมีนักข่าวจากหลายสำนักมาร่วมงานด้วย
พสุดีใจที่เขาคิดถูกไม่ขับเจ้าคู่ชีพมา แต่เปลี่ยนมาใช้รถคันซีดานของริวแทน ส่วนรถสปอร์ตนั้นริวจอดทิ้งไว้ที่บริษัท ไม่ได้เอาออกมาใช้เพราะสะดุดตาคนเกินไป
ครั้งแรกที่เขารู้ว่ารถสปอร์ตที่อยู่ในโรงรถบ้านพักของบริษัทเป็นของริว พสุก็ตกใจในความร่ำรวยของเด็กหนุ่ม เขาไม่เข้าใจว่าถ้าริวรวยขนาดนั้น ทั้งยังเก่งทางดนตรีจนเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ แล้วทำไมถึงเลือกจะมาเป็นนักร้องในค่ายเล็กๆไกลถึงประเทศฝั่งตะวันออก จนได้คุยกันถึงรู้ว่าริวไม่ได้ซื้อเอง รถคันนั้นผู้ปกครองของริวซื้อมาให้ ริวไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารถคันนั้นยี่ห้ออะไร ราคาเท่าไหร่
พสุคิดว่าผู้ปกครองของริวคงเป็นมหาเศรษฐีใจบุญจึงรับอุปการะริวแล้วให้ข้าวของราคาแพงๆ แต่คงไม่มีเวลาดูแล ริวถึงได้เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวและไม่เดียงสาต่อโลกเลยแม้แต่น้อย เหมือนนกน้อยในกรงแก้ว
รถซีดานคันนี้ฟิล์มกรองแสงค่อนข้างทึบทำให้พสุสามารถเข้าไปจอดด้านในได้โดยไม่มีนักข่าวคนไหนเห็น
“พี่...ไปหาพี่จ๋ากับริวนะ” ริวหันมาชวนแล้วจ้องหน้าพสุอย่างรอคอยคำตอบ
“อย่ามาอ้อน ทำยังกับไปเรียนอนุบาลวันแรก” พสุบ่นแต่หันมาจัดปกเสื้อให้ริว แล้วกวาดตาดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็เล่นละครมาเป็นสิบๆเรื่อง แต่พอน้องจะเล่นละครบ้างพสุกลับตื่นเต้นแทน
“นะพี่ ไปกับริวหน่อย แป๊บเดียวก็ได้” ริวทำเสียงออดๆ พลางส่งสายตาวิงวอนจนพสุเกือบขยี้ผมให้แล้ว ถ้าไม่กลัวว่าผมริวจะเสียทรงที่เซตมาอย่างดี
“ไปก็ไป มาถึงนี่แล้ว ไม่เข้าไปไหว้พี่จ๋าสักหน่อยคงไม่เหมาะ”
ริวยิ้มออก ยอมลงจากรถแต่โดยดี พสุพาริวเดินเข้าประตูด้านข้างซึ่งเป็นส่วนที่พนักงานในบริษัทใช้กัน ชายหนุ่มถือกระเช้าดอกไม้ไปแสดงความยินดี พี่จ๋ายิ้มร่ามาแต่ไกลเมื่อเห็นพสุกับริว
“ยินดีด้วยครับพี่จ๋า”
“แต้งกิ้วจ้าไผ่ ริว” พี่จ๋ากอดทักทายสองหนุ่มอย่างสนิทสนม ริวแม้จะออกอาการเกร็งๆ อยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่มากนัก
“ไผ่อยู่บวงสรวงก่อนมะ หรือมีงานอื่น?” พี่จ๋าหันมาถามหลังจากส่งกระเช้าดอกไม้ให้คนเอาไปเก็บแล้ว
“อยู่ได้พักเดียวครับ เดี๋ยวคงต้องขอตัวแวบ เพราะยังต้องไปทำงานอีก ยังไงก็ขอให้ละครเรื่องนี้เรตติ้งแรงตั้งแต่เปิดกล้องเลยนะครับพี่จ๋า”
“จ้าสมพรปากเถอะ...งั้นพาน้องไปรอที่ห้องรับรองก่อนนะจ๊ะ”
“ครับ”
พสุพาริวเข้าไปห้องรับรองด้านหลัง ที่ชุมนุมของนักแสดงทั้งหมด เกือบทุกคนหันมาทักพสุด้วยความยินดี พสุเลยถือโอกาสฝากริวกับนักแสดงคนอื่นๆ โดยเฉพาะเหล่านักแสดงอาวุโส ซึ่งทุกคนก็ให้ความเอ็นดูริวเป็นอย่างดี ก่อนที่พสุจะอาศัยช่วงชุลมุนหลบออกไประหว่างที่ทุกคนออกไปให้สัมภาษณ์สื่อในลานพิธีด้านหน้าบริษัท
งานบวงสรวงผ่านพ้นได้ด้วยดี แม้นักข่าวจะค่อนข้างมาก แต่ผู้จัดคนเก่งก็ทำได้อย่างที่รับปาก เธอปล่อยให้นักข่าวสัมภาษณ์ริวไม่นานนักและอยู่ด้วยตลอดเวลา ก่อนจะให้คนส่งตัวริวกลับไปขึ้นรถได้โดยที่นักข่าวไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มกลับไปตอนไหน
“มีอะไรหรือเปล่า เห็นมองหน้าพี่มาตั้งแต่ออกจากงานแล้ว”
“เปล่าครับ” ริวตอบแล้วหลบตาวูบ เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอจ้องพสุจนถูกจับได้
“จริงอะ?...อย่าปิดพี่เลย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“วันนี้...เอ่อ...แก้วกุดันเขาไม่มา” ริวตอบอึกอักแล้วก้มหน้างุดๆ เป็นกิริยาที่เด็กหนุ่มทำทุกครั้งที่เกิดความกลัวว่าพสุจะไม่พอใจ
“หืม?...นึกยังไงถึงพูดถึงเขา” พสุถามพลางเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่ม เห็นริวหน้าซีดๆ ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“คือ...พี่กับเขา...ทำไมถึง...” ริวไม่กล้าถามต่อทั้งที่คาใจมาตลอด ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อแก้วกุดัน หัวใจเขาจะทรมานแปลกๆ เสมอ
“ทำไมถึงเลิกกันน่ะเหรอ?”
“ครับ...ขอโทษ...ที่ริวถามเรื่องส่วนตัว” ริวขอโทษปากคอสั่น กลัวว่าพสุจะโกรธ แต่ก็ใจชื้นขึ้นเมื่อพสุยังคงมีสีหน้าปกติ และยังส่งยิ้มมาให้
“ไม่เป็นไรหรอก จริงๆ ก็...ไม่เชิงเลิกหรอกนะ”
“พี่ยังคบกับแก้วกุดันอยู่เหรอ!” ริวหลุดปากถามอย่างลืมตัว ตาโตเบิกกว้างจ้องพสุเขม็ง
“ก็ยังคบอยู่...แต่ในฐานะเพื่อนนะ” พสุรีบแก้ความเข้าใจผิดทันทีที่เห็นริวหน้าซีดเมื่อเขาบอกว่ายังคบกับแก้วกุดันอยู่ นึกขำสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลาของริว
“...นึกว่ายังเป็นแฟนกันอยู่”
“เราเหมาะที่จะคบกันแบบเพื่อนมากกว่า ระหว่างพี่กับแก้วมันเหมือน...เหมือนมีช่องว่างที่มองไม่เห็น...ยิ่งคบนานช่องว่างนั้นมันก็ยิ่งกว้างจนจูนกันไม่ติด เราก็เลยตัดสินใจถอยห่างกันคนละก้าว ไปๆมาๆเราก็สบายใจกับฐานะเพื่อนมากกว่าคนรัก”
พูดไปแล้วพสุก็แปลกใจตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขากล้าพูดความรู้สึกตัวเองที่มีต่อแก้วกุดันตรงๆ แม้แต่กับแก้วกุดันเองเขายังไม่เคยพูด แต่พอหลุดปากเล่าให้ริวฟัง เขากลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกผิดที่แปลบปลาบอยู่ในใจทุกครั้งที่นึกถึงแก้วกุดันเหมือนจะลดน้อยลงไปด้วย
“โล่งใจไปที”
“ทำไม...ริจะจีบสาวรุ่นพี่หรือไงเรา คู่แข่งเยอะนะจะบอกให้” พสุแซวขันๆ ก่อนจะตีไฟเปลี่ยนเลน เพื่อขึ้นทางด่วนไปยังร้านอาหารที่นัดไว้กับแม่ วันนี้แม่เป็นเจ้ามือฉลองให้ริวที่ได้เล่นละครเรื่องแรก แต่เขายังไม่ได้บอกริว
“ริวไม่สนหรอกว่าใครจะจีบแก้วกุดัน ขอแค่พี่ไม่จีบเขาก็พอแล้ว”
“เรียกเขาพี่แก้วดีกว่ามั้ง เขาอายุไล่ๆ กับพี่นี่แหละ”
“ครับ”
พสุเหลียวมองเด็กหนุ่มเห็นนั่งอมยิ้มก็อดหัวเราะไมได้
“เป็นเอามากนะเรา นั่งยิ้มตลอดทางเชียว นี่ขนาดยังไม่เคยเจอตัวเขานะเนี่ย”
“ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดหรอกน่า” ริวปฏิเสธแล้วเดาะปากเล่นอย่างเขินๆ
“จริงเร้อออ”
“จริงสิ” ริวย้ำเสียงหนักแน่น พสุส่ายหน้าแล้วกลั้นยิ้ม อยากรู้ว่าริวจะปากแข็งไปได้อีกสักเท่าไหร่
“เอาเถอะไม่เถียงด้วยหรอก แต่จะรอดูละกัน”
“พี่...ริวหิวข้าว” พอหมดเรื่องสงสัยริวก็เริ่มหิว เด็กหนุ่มลูบท้องป้อยๆ แล้วทำหน้าละห้อยให้พสุเห็น
“อ้าว! แล้วตะกี้ในงานไม่ได้กินอะไรกับเขาเหรอ” พสุถามงงๆ ก็เห็นอยู่ว่าพี่จ๋าตั้งโต๊ะบุฟเฟ่ต์ไว้ให้ด้านในติดกับห้องรับรองที่เขาพาริวไปส่งไว้
“เขาให้กล้วยมาลูกเดียวเอง”
“อันนั้นมันของบวงสรวง”
“เขาบังคับให้กินด้วยนะพี่” ริวรีบฟ้องต่อเพราะอยากให้พสุรู้ว่าโดนบังคับให้กินของที่ไม่ชอบ
“ต้องกินสิ เป็นเคล็ดไง ว่าจะทำงานได้ง่ายๆ ไม่มีปัญหา”
“เหรอ...” เด็กหนุ่มหน้าม่อย รู้สึกว่าอะไรๆ ก็ไม่เป็นใจเลยสักอย่าง อยากให้พสุเห็นใจแต่กลายเป็นว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“คือคนไทยเขามีสำนวน ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก หมายความว่าเป็นงานที่ง่ายๆ สบายๆ” พสุอธิบายเสียงอ่อนโยน เพราะนึกสงสารริวที่นั่งหน้าจ๋อย แต่พอได้ยินคำตอบของริวเขาก็แทบจะเปลี่ยนใจจากสงสารเป็นเขกหัวเด็กหนุ่มสักโป๊กมากกว่า
“แต่กล้วยดิบปอกไม่ง่ายนะ”
“เฮ้อ! แล้วใครจะกินกล้วยดิบๆล่ะริว” พสุบ่นพร้อมกับตีไฟเลี้ยวเข้าร้านอาหาร ริวหน้าชื่นเพราะหิวข้าวเต็มที แต่พอเห็นสุดาเด็กหนุ่มก็วิ่งเข้าไปกอดแล้วยกเธอขึ้นจนตัวปลิว
“ตายแล้วริว ตัวสูงขึ้นอีกแล้วเหรอลูก” สุดาที่ยังลอยอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มตบไหล่ริวเบาๆอย่างแปลกใจ
“สูงขึ้นแค่ 3 เซนเองครับ แต่หนักขึ้นตั้ง4 กิโล” ริวยิ้มแป้น เขาไม่ได้วัดส่วนสูงมาหลายเดือนแล้ว พอไปวัดแล้วพบว่าสูงขึ้นอีก 3 เซนติเมตร แต่ที่น่าดีใจคือน้ำหนักขึ้นมาถึง 4 กิโลกรัมในเดือนเดียว และกล้ามเนื้ออกกับไหล่ชัดจนครูฝึกชมเปาะ ขนาดว่าสวมเสื้อยืดหลวมๆ ยังมองออกว่าไหล่ริวหนาขึ้น
“มิน่าตัวโต๊โต แม่ไม่เจอริวแค่ 3 อาทิตย์เองนะ”
“ตอนนี้เขากินเก่งขึ้นแล้วครับแม่ ว่าแต่วันนี้เตรียมตังค์มาพอแน่เหรอครับ ระวังจะต้องอยู่ช่วยน้าเอมทำกับข้าวนะครับ”
“เชอะ! แม่กลัวซะที่ไหน การ์ดพิเศษที่ไผ่ทำไว้ให้ยังไม่ได้ใช้เลย แม่จะรูดให้เราแหละจ่ายซะให้เข็ด”
“อ้าว! แล้วอย่างนั้นแม่จะเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองให้ริวได้ยังไงละครับ” พสุท้วงขำๆ เห็นแม่ยิ้มระรื่นแบบนี้เขาก็มีความสุขไปด้วย
“แม่เลี้ยงไง แต่ไผ่จ่าย...มาลูกริว มื้อนี้เต็มที่ พี่ไผ่จ่ายเองหมด” สุดาหันมาควงแขนริวไปนั่งที่โต๊ะประจำ
“คร้าบบบบบ” ริวกอดเอวสุดาหมับ แปรพักตร์ไปเข้าข้างแม่หน้าตาเฉย พสุจึงแกล้งชี้หน้าคาดโทษ แต่เด็กหนุ่มยิ้มกริ่มเพราะรู้ว่าพสุไม่โกรธจริง...............
..............................................................
-
รอได้ค่าา :กอด1:
ดีใจที่น้องริวไม่มีปัญหาอะไร
พี่ไผ่เข้าใจว่าน้องชอบแก้วกุดันซะงั้น 555
สองคนนี้นับวันยิ่งผูกพันเนอะ แต่เห็นน้องริวมีความสุขก็โอเค ^^
-
แล้วเมื่อไหร่จะรักกันละเนี่ย ๕๕๕๕
พี่ไผ่เข้าใจผิดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โอเค ๆ ค่อย ๆ เป็นค่อยไปก็ได้ :)
สู้ ๆ นะคะคนแต่ง
-
โดนบังคับจนได้
อลันไปไหน
กลัวงานเข้า
+1
-
:กอด1: :กอด1: :-[
-
ยังไมได้อ่านเลย อิอิ ดูโคนันก่อนเดี๋ยวเดี๋ยวแวะมาอ่าน หุหุ ดีจัยอ่ะ ได้อ่านแล้ววววววววววววว
-
น่ารักจริงๆ น้าริว
แต่พี่ไผ่จะรู้ตัวเมื่อไรน้าอยากรู้จริงๆเลย
-
คู่นี้เค้าน่ารักเนอะ
ริวก็ขี้อ้อน ไผ่ก็ตามใจ
แถมตอนท้ายมีคาดโทษด้วย
เค้าหยอกกันได้น่ารักดีอ่ะ
:o8:
แต่พี่ไผ่จ๋า ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ
ถึงจะเข้าใจผิดว่าริวชอบคุณแก้ว
แต่หวงน้องมันบ้างนิดๆ ก็ได้นะ
คนอ่านจะได้ชื่นใจว่าอย่างน้อยก็คิดอะไรกับน้องมันบ้างแล้วล่ะ
:m13:
+1 ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้
เป็นกำลังใจให้จ้า
***เมื่อกี้กลับไปกดบวก แต่เพิ่งกดไปเมื่อวาน
ยังไม่ครบวัน เลยกดไม่ได้ งั้นวันนี้เอาดอกไม้ไปแทนก่อนนะจ๊ะ***
:L2:
-
:กอด1:คนแต่งกะคนโพส อิอิ
-
เพิ่งอ่านทัน ชอบมากเลยครับ
ริวน่ารักมากกกกกกกกกกกกก
แต่พี่ไฝ่เข้าใจไปอย่างนั้นมันจะดีไหมเนี่ย
-
ไม่ชอบกรเวช..จริงๆ
อลันหายไปไหน?
ก็รู้อยู่ว่าวงการมายามันเป็นยังไง ถึงรีดเดอร์บางคนจะบอกว่าใช้วิธีนี้รักษา ยังไงไอก็ไม่เห็นด้วย วิธีรักษามีเยอะแยะ
ไม่เห็นต้องรักษาด้วยละครน้ำเน่าเลย ละครไทยยิ่งไม่ค่อยสร้างสรรค์อยู่ ไม่อยากเห็นริวเสียความไร้เดียงสาไปมากนัก
...เอาเป็นยังไงก็ไม่ชอบ ไอขี้เกียจพิมพ์แล้ว เซ็ง
-
จายเยลๆหนูไอ :กอด1:
ให้น้องริวมันเล่นละครก็ดีนา หล่อๆแบบนี้สาวๆชอบ :z1:
ไม่แน่เผื่อมีสาวมาตื๊อจริงๆ อาจทำให้พี่ไผ่หึงน้องขึ้นมาก็ได้ :laugh:
-
อ่าวพี่ไผ่เราคิดว่าริวจะจีบแก้วซะงั้น ไม่เป็นไรริวสู้ต่อไป
แต่ริวโตขึ้นทุกวัน แล้วเอ้อ...ยังจะเป็นเคะไหวไหม :z1:
:pig4: writer คะ
-
:กอด1: :L2:
-
:laugh: มาอัพแล้ว :L2: ไรเตอร์สู้
เพาเวอร์อัพ :pig4:
-
น้องน่ารักจริงวุ้ย :-[ อยากได้มาเลี้ยงที่บ้านซักคืนสองคืน
-
น่ารักในความรักของสุดากับริว แต่ยังคิดไม่ออกว่าถ้าริวเจอพ่อไผ่จะเป็นอย่างไรนะ
-
หวังว่าการรับงานแสดงคราวนี้ของริว จะเป็นวัคซีนเข็มแรกที่ไปกระตุ้น ให้เกิดภูมิต้านทานขึ้นในตัวริว ให้ริวแกร่งขึ้น
และเป็นบทเรียนบทแรกที่ริว จะได้เรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมที่แปลกแยกไปจากสังคมของตัวเอง
-
เป็นห่วงนู๋ริวจัง อย่าให้มีอะไรมาทำร้ายนู๋ริวเลยนะ
-
ริวไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไผ่แล้ว โดยที่ไผ่ไม่รู้ตัวนะเนี่ย แค่ได้ยิ้มหวานจากริวไป เหนื่อย(จากการต่อคิว)ซื้อขนมมากเท่าไหร่ก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยเนาะ
แอบขำริว ยอกย้อน เรื่องกล้วย
-
ตอนแสดงจริงจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหน้า
น่าสงสารริวจัง
-
น้องริวน่ารักเนอะ :-[
มาแสดงละครจะเป็นไงมั่งไม่รู้ แต่พี่ไผ่ก้อน่ารักเหมือนกัน ดูแลน้องดี๊ ดี
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
ริวน่ารักจังเลยง่า.... :-[ มีแววได้รุกพี่ไผ่อีกต่างหาก :z1:
ว่าแต่พี่ไผ่...เมื่อไหร่จะรู้ตัวล่ะเนี่ย :เฮ้อ:
-
ตอนหน้าริวจะได้เจอแก้วกุดั่นรึป่าวเนี่ย
พัฒนาการความก้าวหน้า พี่ไผ่เริ่มเปิดใจให้น้องริวมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
-
ริวน่ารักอ่ะ
ขี้อ้อนจัง
งุงิ :o8:
พี่ไผ่ก็ดีแสนดี
แต่เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักทีเนี่ย
เง้อ
-
อ่านแล้วน่ารัก แต่ใจหวั่นๆ อาจเพราะริวมีนิสัยที่ดูอ่อนไหวมากเลย กลัวว่าจะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับริว (ดูท่าริวแม่ยกเพียบ) ริวจะสูงไปอีกหรือนี่ พี่ไฝ่สูงเท่าไร่แล้ว :z3:
-
555+
น่ารักจริงๆ เลยน้า
รู้สึกว่าริวเริ่มปรับตัวเข้ากับคนอื่น
นอกจากแม่ของไผ่กับไผ่ได้บ้างละเนาะ เป็นสัญญานที่ดีล่ะนะ :L2:
-
ภูมิต้านทานที่ดีที่สุดก็คือความรักจากคนที่รักคะ
รักชนะทุกอย่าง (หรือแพ้เงิน อันนี้ก็ไม่รู้เนอะ 555)
อ่านเอาสนุกเอามัน อย่าคิดอะไรมากมาย เดี๋ยวคนเขียนพาลเครียดตามคนอ่านเอาเน้อ
555 รออ่าน และ แอบอ่านต่อไป +1 ค่ะ
-
:o8: ชอบตอนนี้หลายช๊อต
...ชอบพี่ไผ่ไปต่อคิวซื้อเค้ก ดีใจจังที่พี่ไผ่อุตส่าห์ทำเรื่องเล็กๆแบบนี้ให้
...ชอบพี่ไผ่ขับรถมาส่งเด็กอนุบาลริว เข้ากองถ่ายครั้งแรก มีการดูแลเสื้อผ้าหน้าผมให้ด้วย
.
กิ๊บกิ๊วน๊า...แก้วกุดั่นง่ะจิ๊บๆๆๆๆๆ อยากให้เจอริวเร็วๆเหมือนกัน จะได้รู้ว่าท่าทางเป็นยังไง
-
ริวน่ารักจัง
-
อ่านทีเดียวสามสิบตอนรวดเลย! ฮ่าฮ่า
น้องริวกับพี่ไผ่อบอุ่นมากมาก
ตอนนี้พี่ไผ่รับน้องริวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเต็มๆแล้วล่ะ กิกิ อยากให้รู้ใจกันเร็วๆจัง
วงคิสมีน่ารักกันมากมากเลย
ดีใจที่น้องริวได้เจอคนดีๆ
ชอบตะวันมาก ก.. แอบเป็นแฟนคลับพ่อหนุ่มซึนเดเระคนนี้!
น้องไวย์ก็น่ารักดูไฮเปอร์ๆดี
-
มาต่อเร็วๆๆๆๆๆๆๆได้ไหมค่ะ? :man1: :man1: :man1:
:call: :call: :call: :call: :call: :call:
-
น่ารักจริงๆ หนูริว
นี่ถ้าไผ่รู้ว่าริวรักตัวเองนี่จะเป็นยังไงต่อไปนะ
เฮ้อ :เฮ้อ:อยากให้รักกันเร็วๆจัง
-
โอ๊ะโฮ เผลอ แปลบ ๆ รวดมาตอน สามสิบ แล้ว วู้ ๆ งืม ๆ ตอนนี้ก็ยังแอบลุ้นว่าจะ ริวไผ่ หรือ ไผ่ริว ๕๕๕๕ พี่น้องแลดูรักกันโอ๋กันตลอดเลยหงะ น่ารักเอาดล่เจ้าค่ะ ฮุ ๆ แบบว่าคงจะต้องเจออีกหลายด่านหงะ อันนี้ก็รอลุ้นอยู่นะ งุงิ แบบว่า พี่ก็ใจดี น้องก็ช่างอ้อน โอ้ววววววววววววววววววววววววว อยากได้มาสักคนจริง ๆ อิอิ
อืมมมมมมมมม กระซิบรัเควส เลิฟซีน ได้มั้ย ??? ๕๕๕ หื่นมาแต่ไกลเลย ฮุ ๆ
-
มาต่อไวไวนะคับ :call: :call: :call: :L2:
-
:call: :o12:มาต่อที่เถอะค่ะ รอใจจะขาดแล้ว
อยากอ่านมากๆ
-
ขอหวานๆสักนิดได้ปะคะ พี่ไผ่จุ๊บน้องหรือหรือน้องริวจุ๊บพี่ไผ่ แอร๊ยยยยยยยยยยยยย เค้าเอาไปนอนฝันเลยทีเดียว 55555555555 อย่าลืมหาคู่ให้พี่ตะวันด้วยน๊า
มารอ อย่างใจจดใจจ่อ
-
มารอนานแล้วนะ จะหลับแล้ว :m16: :m16:
อัพด่วนคับบบบ :call: :call:
-
ตอนที่ 31
แก้วกุดันเป็นผู้หญิงที่ราวกับถอดออกมาจากมิวสิควีดีโอของพสุ นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกันริวก็บอกตัวเองได้ทันทีว่าเขากลัว...กลัวว่าจะต้องเสียพสุไปให้เธอ ผู้หญิงที่มีรอยยิ้มแจ่มใส ดวงตาเจิดจรัสเหมือนดาว และท่าทางคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงเสียจนคนรอบๆ ตัวกลายเป็นอืดอาดยืดยาด เสียงหัวเราะกังวานใสเหมือนระฆังนั้นดูจริงใจเสียจนริวไม่อาจละสายตาจากเธอได้ มิน่าเธอถึงถูกเลือกให้แสดงมิวสิควีดีโอเพลงนั้น เพลงที่เขาแต่งให้พสุแต่กลับกลายเป็นว่าเหมือนแต่งขึ้นมาเพื่อแก้วกุดันเช่นกัน นางฟ้าเดินดินของจริงอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง
“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ ริวรู้ไหมทั้งรดี ทั้งไผ่ พูดถึงแต่ริวจนพี่อยากเห็นตัวจริงเลยล่ะ”
แก้วกุดันเป็นฝ่ายทักทายเด็กหนุ่มก่อน ริวที่ใครๆ พูดถึง ตัวจริงหล่อกว่าที่เห็นในโทรทัศน์เสียจนแก้วกุดันยังทึ่ง แม้งานของเธอจะทำให้เธอเจอผู้ชายหน้าตาดีแทบทุกวัน แต่ริวมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาสะดุดตาสะดุดใจคนมองได้ตั้งแต่วินาทีแรก และยิ่งน่ามองมากขึ้นเมื่อได้คุย คงเป็นเพราะดวงตาโตใสแจ๋วเหมือนลูกแก้วที่ดูไร้เดียงสาเหมือนเด็กอย่างที่ภารดีเคยบรรยายให้เธอฟังนี่ก็เป็นได้
“ริว...ผม เคยเห็นคุณแต่ในเอ็มวีของพี่ไผ่ครับ”
“ไม่เอา แทนตัวเองว่าริวน่ารักออก อย่าพูดผมกับพี่สิ พี่ไม่ชอบ นะครับ...พี่ขอร้อง” แก้วกุดันทำเสียงอ้อนวอน เห็นผิวใสๆ แดงระเรื่อก็ยิ่งอยากแกล้ง
“ครับ”
“ไงแก้ว ริว...ได้คุยกันแล้วใช่ไหม”
“ค่ะพี่ งานนี้ต้องขอบคุณพี่จ๋ามากๆ เลยนะที่ชวนแก้วมา ดูสิให้แก้วเล่นคู่กับหนุ่มน้อยที่หล่อมากกกกกกกกก” แก้วกุดันหันไปหยอกริว ชักเข้าใจความรู้สึกหมั่นเขี้ยวของภารดีเวลาที่พูดถึงริวแล้ว ตาแป๋วๆ ท่าทางขี้อายแบบนี้มันน่ารักน่าแกล้งจริงๆ เสียด้วย
“ชีย์ อย่าดังไปแก้ว แค่นี้พระเอกเขาก็เสียเซล์ฟแย่แล้วที่หล่อสู้พระรองไม่ได้” พี่จ๋าทำเป็นบ่นแต่หน้าระรื่น ตั้งแต่วันบวงสรวงแล้วที่มีแต่คนชมว่าเธอเก่งที่คว้าริวมาเล่นละครด้วยได้ เด็กหนุ่มดูหล่อกว่าครั้งแรกที่เจอกันมากจนพี่จ๋าเองยังแปลกใจ เพราะไม่ใช่แค่ใบหน้าที่ดูคมเข้มขึ้นแต่รูปร่างได้สัดส่วนสวยของริวยิ่งทำให้เขาเด่น และที่สำคัญคือเสน่ห์ ริวเป็นคนที่มีเสน่ห์ไปทุกอิริยาบถ เป็นเสน่ห์จากความเป็นธรรมชาติของเด็กหนุ่มเอง
หากจะหาพระเอกสักคนที่เด่นพอจะไม่ให้ริวข่มได้ก็คงต้องเป็นพสุเท่านั้น เสียดายว่าคิวละครของพสุแน่นจริงๆ พี่จ๋าถึงต้องเรียกพระเอกอีกคนมารับบทนี้แทน เรียกว่างานนี้วางตัวพระรองไว้ก่อนพระเอกก็ว่าได้
“พี่จ๋าสวัสดีค่ะ” เสียงใสๆ ทักขึ้นข้างหลัง พี่จ๋าจึงรีบหันกลับไปก่อนจะรับไหว้เมื่อเห็นหน้าถนัด ดาราใหม่ที่จะมาเล่นคู่กับริวอีกคน ในวันบวงสรวงละครผู้จัดการส่วนตัวของเธอแจ้งมาว่าเธอป่วยเข้าโรงพยาบาล แต่ดั้งโด่งจนแหลมของเธอทำให้พี่จ๋าแน่ใจว่าข่าวเม้าท์เรื่องเธอหน้าไม่หายบวมจากการไปอัพดั้งที่เกาหลีคงเป็นสาเหตุของอาการป่วยมากกว่า
“สวัสดีค่ะน้องแพรพลอย มาก็ดีแล้ว มารู้จักกันไว้ก่อน นี่พี่แก้วกุดัน แพรพลอยคงรู้จักแล้ว ส่วนนี่ ริว อายุไล่ๆ กับแพรพลอยนั่นแหละ ใช่ไหมลูก” ประโยคหลังพี่จ๋าหันไปถามริว เด็กหนุ่มตอบรับเบาๆ แล้วเผลอขยับถอยหลังเมื่อแพรพลอยเข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มเหลือบมองเล็บต่อสีสดของแพรพลอยอย่างระแวงนิดๆ
“คุยกันไปก่อนนะจ๊ะ พี่จ๋าขอตัวไปดูทางโน้นก่อน”
“ค่ะพี่จ๋า”
“สวัสดีค่ะพี่แก้ว สวัสดีค่ะริว ดีใจมากๆ เลยค่ะที่ได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ ทั้งนั้น ยังไงพลอยขอฝากตัวด้วยนะคะ”
“อย่าฝากพี่เลยจ้ะ พี่เองยังเอาตัวไม่รอด ถนัดแต่เดินแบบงานนี้ไม่รู้ว่าพลอยฝากพี่หรือพี่จะต้องให้พลอยคอยสอนก็ไม่รู้นะ” แก้วกุดันออกตัวยิ้มๆ แพรพลอยจึงบิดตัวนิดๆ แล้วก้มหน้าเล็กน้อยพองามเพื่อแสดงอาการขัดเขิน เป็นท่าที่เธอฝึกจนมั่นใจว่าดูอ่อนหวานน่ารัก
“แหม...พลอยก็เรียนการแสดงมานิดๆหน่อยๆ คงไม่อาจเอื้อมขนาดไปสอนพี่หรอกค่ะ ใช่ไหมริว”
“...มั้งครับ” ริวตอบอึกๆ อักๆ แล้วขยับถอยออกอย่างลืมตัวเมื่อแพรพลอยทำท่าเหมือนจะวางมือมาบนแขน แก้วกุดันที่เห็นเหตุการณ์ตลอดจึงรีบแทรกเข้าไปจับมือที่ยกค้างของแพรพลอยไว้เพื่อไม่ให้เธอหน้าแตกไปมากกว่านี้
“ป่ะพลอย...ริว...ไปตรงโน้นกันดีกว่า จะได้ดูบทกันด้วย” แก้วกุดันดึงมือแพรพลอยให้เดินไปด้วยกัน ริวเดินตามไปเงียบๆ แล้วแยกไปนั่งเพียงลำพัง โดยไม่รู้ตัวว่าแพรพลอยคอยลอบมองเขาตลอดเวลา
แพรพลอยแทบกรี๊ดด้วยความขัดใจ นึกเกลียดขี้หน้าแก้วกุดันขึ้นมาทันทีที่เข้ามาแทรก ตอนที่รู้ว่าเธอจะได้เล่นละครประกบนักร้องดัง เธอก็ดีใจมากแล้วแม้จะเป็นบทร้ายก็ตาม แต่เมื่อได้เจอริวหัวใจเธอก็แทบกระดอนออกมา ริวหล่อกว่าที่เธอเคยเห็นทางโทรทัศน์มาก แถมยังเป็นเจ้าของรถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่ข้างนอก รถแบบนั้นในเมืองไทยมีคนขับนับนิ้วได้ แสดงว่าริวจะต้องรวยมากๆ ดัง หล่อ รวย โปรไฟล์ครบขนาดนี้ ปล่อยให้หลุดมือไปก็เสียชื่อแย่
“น้องริวขา” เสียงทักหวานแหลมปี๊ดดังมาแต่ไกล ร่างอวบอัดในชุดสีเหลืองมะนาว ปรี่เข้ามานั่งประกบริวอย่างรวดเร็ว ใครๆก็รู้ว่านางร้ายอารมณ์ดีคนนี้เพิ่งแต่งงานกับนักธุรกิจคนดัง และตอนนี้เธอก็กำลังสนุกสนานกับการทำธุรกิจสารพัด ซึ่งดูเหมือนจะค่อนข้างประสบความสำเร็จ พอๆ กับการแสดง เรียกว่ารักก็รุ่ง งานก็รุ่ง
ท่าทางที่แทบจะเข้าไปนั่งเข่าเกยคุยกับริว ทำให้หลายคนจับตามอง แม้ริวจะมีสีหน้ากระดากกระเดื่องอยู่บ้างแต่เขาก็ตอบทุกคำถามของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ คุยกันไม่กี่คำวีวี่ก็งัดโน๊ตบุ๊คตัวเล็กออกมากาง แล้วเปิดหน้าจอหันให้ริวดู เด็กหนุ่มกวาดตามองเพียงแวบแล้วก็เริ่มคุยกันใหม่ ก่อนที่พี่จ๋าจะเข้าไปเรียกให้นางร้ายคนสวยเตรียมเข้าฉาก
“คุยอะไรกันวีวี่ ริว”
“เม้าท์เรื่องหุ้นค่ะพี่จ๋า น้องริวนะคะ เก๊งเก่งค่ะ เนี่ยเก็งตลาดแม๊นแม่น วีวี่ปลื้มมมม”
ริวเจอวีวี่ครั้งแรกวันบวงสรวง ตอนนั้นเธอกำลังหงุดหงิดที่ขาดทุนจากหุ้นไปหลายหน จนอดบ่นกับนักแสดงอาวุโสไม่ได้ ริวยืนฟังอยู่ข้างๆ จึงให้คำแนะนำไป ไม่คิดว่าจะทำให้เธอติดอกติดใจเขาจนปรี่เข้ามาหาแบบนี้
“รู้เรื่องหุ้นกับเขาด้วยเหรอลูก” พี่จ๋าหันมาถามริวอย่างเอ็นดู
“ริวเคยเล่นนิดหน่อยครับ ก็รู้บ้าง” ริวตอบตามตรง เขาเล่นนิดหน่อยจริงๆ คือแค่คอยวิเคราะห์ตลาด แล้วให้ อลันเป็นคนจัดการซื้อขายให้ เขาไม่เคยทำเองสักครั้ง จึงถือว่าแค่ “รู้บ้าง” เท่านั้น
ระหว่างที่ริวคุยกับพี่จ๋า วีวี่ก็สั่งซื้อขายหุ้นของเธอไปตามเรื่อง จนได้เวลาเข้าฉากก็ทิ้งโน้ตบุ๊คเปิดค้างไว้ข้างริว
“เล่นหุ้นด้วยเหรอริว” แก้วกุดันที่ไม่รู้มาจากทางไหน เดินมาส่งแก้วน้ำแข็งให้ริว แล้วก้มดูหน้าจอโน้ตบุ๊คแวบหนึ่ง อากาศร้อนจัดจนเหงื่อท่วม แต่ริวก็ยังปักหลักคอยอย่างใจเย็น เพราะรับปากพสุมาแล้วว่าจะตั้งใจทำงาน
“ขอบคุณครับ...โน้ตบุ๊คของพี่วีวี่ครับ ไม่ใช่ของริว”
ริวยกมือไหว้แล้วรับแก้วน้ำไปดื่ม แก้วกุดันทำตาโต แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มอ่อนโยน นานๆ จะเห็นเด็กมืออ่อนแบบริวแถมยังเป็นคนต่างชาติอีก
“ในบทที่จะถ่ายกันวันนี้นะริว พี่ว่าถ้าเรา...” แก้วกุดันเอาบทที่วงไว้ด้วยปากกาสีแดง มาชี้ให้ริวดู เล็บที่ตัดไว้สั้นสะอาด ไร้สีสัน กับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆบางๆ ทำให้ริวไม่รังเกียจที่จะต้องนั่งใกล้แก้วกุดัน
“ไผ่เขาสบายดีไหมริว” ระหว่างที่พักจากการต่อบทด้วยกัน แก้วกุดันก็ถามถึงพสุด้วยน้ำเสียงเรียบเบา
“สบายดีครับ...พี่แก้วไม่ได้เจอพี่ไผ่เลยเหรอครับ”
“กลับมาเมืองไทยคราวที่แล้วได้เจอแค่ 2 ครั้ง วันที่ถ่ายเอ็มวี กับอีกวันที่รถพี่เสีย หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีก กลับมาคราวนี้ยังไม่ได้โทรหาเลย...เห็นว่าไผ่เองก็คิวละครแน่นเอียด”
“ครับ ทำงานทุกวันเลย” ริวตอบรับเสียงเรียบ จับตามองแก้วกุดันอย่างตั้งใจ
“น่าเหนื่อยออก ไผ่เขาชอบทำอะไรเกินตัว ริวก็คอยปรามๆ มั่งนะ”
“ริวเหรอครับ?” ริวชี้ตัวเองแล้วถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ เขาเป็นน้อง จะไปเตือนพี่คงไม่เหมาะ ปกติมีแต่พสุที่คอยเตือนคอยสอนเขาในทุกๆเรื่อง
“จ้ะ ดูไผ่เขาจะเอ็นดูริวมาก พี่ว่าถ้าริวเตือนเขาคงฟัง”
“พี่แก้วรู้ได้ยังไงครับว่าพี่ไผ่เอ็นดูริว”
“ก็เจอกันคราวก่อน ตอนที่กินข้าวด้วยกัน ไผ่เขาพูดถึงแต่ริว ตั้งแต่ตอนกินข้าวจนไปส่งพี่ที่บ้านนะ เล่าแต่เรื่องริวตลอดทางเลย”
ริวพยายามระงับความดีใจเอาไว้ แต่มุมปากบางก็ยังมีรอยยิ้มน้อยๆ ตลอดเวลา พสุกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ทั้งริวและแก้วกุดันเต็มใจจะเอ่ยถึง และทำให้ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันจนคนในกองสังเกตเห็น ทั้งที่เพิ่งเจอกันวันแรกแต่ริวกับแก้วกุดันหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่สองคนราวกับสนิทกันมานาน พอถึงตอนที่ต้องเข้าฉากด้วยกัน ทั้งคู่ก็เล่นได้เป็นธรรมชาติจนผู้กำกับชมเปาะ
สำหรับแก้วกุดันนั้นเคยผ่านมาแล้วทั้งละครเวทีและงานภาพยนตร์ ถึงจะไม่ใช่นางเอกแถวหน้าแต่ก็ถือว่ามีประสบการณ์ แต่ริวนั้นเป็นมือใหม่แกะกล่อง แม้จะไม่ถึงกับผ่านในเทคแรก แต่ก็สามารถทำได้อย่างที่ผู้กำกับต้องการในเทค 2 เทค 3 เท่านั้น ริวเตรียมตัวมาพร้อม ท่องบทมาอย่างดี เพราะมีพสุช่วยท่องบทและซ้อมการแสดงมาให้จนคล่องริวถึงเล่นได้ลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ
แต่พอถึงตอนที่ต้องเข้าฉากกับแพรพลอย ริวกลับทำไม่ได้อย่างเคย เด็กหนุ่มผงะหนีจนเกือบเป็นสลัดแพรพลอยออกไปเมื่อเธอโผเข้าไปกอดเขา
“ทำไมน้องพลอยต้องกระโจนเข้าไปใส่น้องริวอย่างนั้นล่ะ เก๋! พี่สั่งให้แก้บทแล้วไม่ใช่หรอ” พี่จ๋าตะโกนถามลูกน้องอย่างหัวเสีย ฉากง่ายๆ แต่กลายเป็นต้องเทคใหม่เพราะแพรพลอยเล่นนอกบท
“หนูแก้แล้วนะพี่ นี่ไง”
“ทำไมต้องแก้ละคะพี่จ๋า พลอยว่ามันก็โออยู่นะ คนรักกันเจอกัน โผเข้ากอดกันน่ะ” แพรพลอยแก้ตัวแล้วหน้าเจื่อนเมื่อเห็นสายตาที่หันมาจ้องเธอเป็นตาเดียวของพี่จ๋าและเก๋
“เพราะพี่ต้องการให้บทมันซอฟท์ลงไงคะ คุณแม่หนูเองไม่ใช่เหรอที่บอกว่าไม่อยากให้ลุคหนูดูก๋ากั่น อยากให้ดูใสๆสมวัย”
“แต่เพื่อการแสดง หนูเล่นได้ทุกบทนะคะพี่จ๋า”
“ดีจ้ะ ถ้าทำได้อย่างนั้น แต่ในบทพี่สั่งให้แก้แล้ว เอาแค่วิ่งมาหาจับมือกัน แค่นั้นพอ อย่าลืมว่าฉากนี้เป็นงานเลี้ยง แขกเหรื่อเต็มบ้าน คงไม่มีใครกระโดดกอดกันกลมให้อายแขกแน่ๆ ไม่งามค่ะคุณน้อง เข้าใจไหมคะ”
“ค่ะ” แพรพลอยรับคำทั้งที่รู้สึกหงุดหงิด เท่าที่ได้บทมา บทเข้าพระเข้านางของเธอกับริวถูกตัดออกเกือบหมด เหลือแค่ฉากกอดกันในลานจอดรถก่อนที่ริวจะถูกคนรักคนใหม่ในเรื่องของเธอรุมทำร้ายจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา แล้ววิญญาณริวก็จะไปเจอกับแก้วกุดัน ซึ่งเธอคิดว่ามันประหลาดเกินไป เพราะเธอกับริวเล่นเป็นคู่รักแบบที่อยู่ด้วยกันแล้ว น่าจะมีฉากถูกเนื้อต้องตัวกันมากกว่านี้ แถมบทของเธอที่เล่นกับตัวร้ายดูจะเยอะกว่าที่เล่นกับริวเสียอีก
หลังจากต้องเทคใหม่ถึง 5 ครั้ง ในที่สุดฉากจับมือของริวกับแพรพลอยก็ผ่านไปได้เสียที ดูเหมือนริวจะโล่งใจกว่าใคร พอถ่ายเสร็จฉากนี้เด็กหนุ่มก็ขอตัวไปห้องน้ำทันที ริวหยิบซองผ้าเย็นที่เตรียมไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาเช็ดมือ แม้ระยะหลังๆ เขาจะค่อนข้างชินกับการถูกสัมผัส แต่คงเพราะเล็บแหลมยาวสีสดของแพรพลอยทำให้เขาขนลุกด้วยความขยะแขยง เด็กหนุ่มถือโอกาสนั้นล้างเครื่องสำอางเหนียวเหนอะหนะหน้าออกไปด้วยเลย เพราะหมดฉากที่เขาต้องเล่นในวันนี้แล้ว พอออกมาข้างนอกก็เจอทุกคนกำลังเตรียมเก็บของเพื่อเลิกกอง
“ต๊าย! น้องริว หน้าใส๊ใส ดูสิ ขนาดล้างเครื่องสำอางออกหมดยังใสกิ๊ง ถามจริงๆ มีรูขุมขนไหมเนี่ย”
เสียงวีวี่เรียกสายตาทุกคู่ให้หันมามองริวกันหมด เด็กหนุ่มเกาท้ายทอยแก้เขินที่จู่ๆก็ตกเป็นเป้าสายตา หลายคนขยับเข้ามาดูหน้าเขาจนใกล้เพื่อพิสูจน์สิ่งที่วีวี่พูด แล้วพากันชมเปาะว่าริวผิวใสเหมือนผิวเด็กเล็กๆ จนริวทำอะไรไม่ถูก อยากรีบกลับแต่ก็ติดที่โดนรุมล้อมอยู่กลางวง
แก้วกุดันที่ออกไปก่อนหน้านั้น กลับมาในสภาพมอมแมม เหงื่อท่วมตัว
“อ้าว! น้องแก้ว พี่นึกว่ากลับไปแล้วเสียอีก” พี่จ๋าหันไปทักอย่างแปลกใจ วงสนทนาที่ล้อมอยู่รอบตัวริวจึงค่อยสลายตัวไป
“เจ้าแก่ของแก้วมันทำพิษอีกแล้วค่ะ”
“ก็เรานี่น๊า รักอะไรมันนักหนาไอ้รถรุ่นพระเจ้าเหาคันนี้ พี่บอกให้เปลี่ยนก็ไม่ยอมเปลี่ยน”
“แหมพี่จ๋าคะ ถึงมันจะเก่าแต่แก้วก็รักนะ สมบัติชิ้นแรกในชีวิตที่เก็บเงินซื้อได้เชียวนะคะ”
“จ้า...แล้วไง ไอ้แก่มันเดี้ยงแล้ว จะทำไงละทีนี้”
“แหะๆ ว่าจะมาถามว่าใครไปทางฝั่งธนบ้าง แก้วจะขอติดรถไปด้วย”
“พี่แก้วไปกับริวก็ได้ครับ”
“อ้าว! ริวไปทางฝั่งธนเหรอ”
ริวไม่ตอบแต่ยิ้ม แก้วกุดันคิดว่าเด็กหนุ่มพักแถวนั้น จึงอำลาพี่จ๋าและทุกๆ คนออกไปกับริว พอเห็นรถของริวแก้วกุดันถึงกับผิวปากหวือ
“เจ๋ง...รถสวยจังริว”
“พี่แก้วบอกทางนะครับ”
“ได้จ้า”
ตลอดทางที่นั่งรถไปด้วยกัน แก้วกุดันกับริวก็คุยกันแต่เรื่องของพสุเหมือนเดิม แก้วกุดันสังเกตว่า ริวขับรถเก่งมาก แม้จะขับรถเร็ว แต่กลับหลบหลีกและเปลี่ยนเลนได้นุ่มนวลไม่กระโชกกระชากเหมือนคนขับรถเร็วทั่วไป พอเข้าเขตฝั่งธน แก้วกุดันก็ต้องคอยบอกทางให้ริวจนถึงคอนโดของเธอ...
“ริวไม่ได้พักแถวฝั่งธนหรอกเหรอ?” แก้วกุดันอดถามไม่ได้ ท่าทีไม่คุ้นเส้นทางบอกได้ทันทีว่าริวไม่ได้พักอยู่แถวนี้แน่นอน
“เปล่าครับ”
“อ้าว! แล้วให้พี่ติดรถมาทำไม”
“ก็รถพี่แก้วเสีย” เด็กหนุ่มตอบแล้วหลบตาวูบเห็นแต่ใบหูแดงๆ แก้วกุดันมองแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ แม้จะไม่เข้าใจว่าริวเขินอะไร
“โอ๊ย! ขอบคุณมากจ้ะ ที่อุตส่าห์มาส่ง แล้วนี่...ริวจะกลับถูกไหม?”
“ถูกครับ พรุ่งนี้ให้ริวมารับไหมครับพี่แก้ว” คำถามกระตือรือร้นทำให้แก้วกุดันต้องยิ้มตอบในน้ำใจของเด็กหนุ่ม
“ไม่ต้องจ้ะไม่ต้อง อย่าขับรถอ้อมเมืองมาเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เรียกสารถีส่วนตัวมาเองจ้ะ”
“ใครครับ?” ริวรีบถามอย่างร้อนรน
“อ๋อ น้องชายพี่จ้ะ ช่วงนี้เขาว่างๆ ต้องหาอะไรให้ทำไม่งั้นเดี๋ยวฟุ้งซ่าน”
คำตอบของแก้วกุดันทำเอาริวถึงกับโล่งอก
“งั้นริวกลับก่อนนะครับ แต่ถ้าไม่มีรถพี่แก้วโทรตามริวนะ ริวจะมารับ” ริวบอกพร้อมกับส่งเบอร์โทรของเขาที่เขียนไว้หลังนามบัตรของกรเวชให้แก้วกุดัน โทรศัพท์เครื่องนี้กรเวชเพิ่งยัดเยียดมาให้ตอนที่ริวรับเล่นละคร และคนที่รู้เบอร์นี้ก็มีแต่กรเวชกับพสุเท่านั้น
“ขอบคุณมากๆ เลยจ้ะ ใจดีจริงๆ เลย” แก้วกุดันแซวยิ้มๆ นึกขำที่เห็นริวทำหน้าเก้อกระดาก เหมือนเด็กทำผิดแล้วพยายามปกปิด
“ริวเต็มใจมารับพี่จริงๆ นะครับ” ริวยืนยันแต่ยังไม่ยอมสบตาแก้วกุดันเหมือนเคย
“จ้า...ไว้ถ้าไม่มีรถ พี่จะโทรไปตามสารถีพิเศษมารับจ้ะ บ๊ายบายนะจ๊ะ”
“สวัสดีครับ” ริวลอบถอนใจอย่างโล่งอกที่พ้นสายตาคมๆ ของแก้วกุดันมาได้ ขอแค่แก้วกุดันโทรหาเขาแทนที่จะโทรหาพสุเขาก็พอใจแล้ว ถึงพสุและแก้วกุดันจะพูดตรงกันว่าต่างเป็นเพียงเพื่อน แต่ริวก็ไม่อยากปวดใจแปลบๆ ทุกครั้งที่รู้ว่าทั้งคู่ไปไหนด้วยกันอีกแล้ว
เมื่อริวมาถึงบ้านนั้น ก็พบว่าพสุกลับมาถึงก่อนแล้ว ชายหนุ่มกำลังล้างรถอยู่หลังบ้าน พอริวเห็นก็จอดรถพรืดแล้ววิ่งลงไปแย่งสายยาง
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ใส่ชุดนี้มาล้างรถได้ยังไง”
“ครับ” ริวรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสามส่วนและเสื้อยืดตัวหลวม แล้วรีบมาช่วยพสุล้างรถ
เสียงหัวเราะแว่วๆ ของพสุกับริวทำให้กรเวชรีบวิ่งไปดู พี่แมวไปเปิดประตูรับเขาแล้วบอกว่าพสุกับริวล้างรถอยู่ด้วยกันหลังบ้าน ในหัวของกรเวชก็วาดภาพสองหนุ่มกำลังนัวเนียหยอกล้อฉีดน้ำใส่กัน แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นพสุที่ยืนหัวเราะงอหายอยู่ข้างรถตัวเอง ขณะที่ริวนั่งแหมะอยู่ข้างรถอีกคัน ท่าทางจะลื่นล้ม พสุเดินไปช่วยหิ้วแขนริวลุกขึ้นแล้วหันมาทักทายกรเวช
“พี่กรสวัสดีครับ”
“เดี๋ยวพี่ไปรอในบ้านนะ ไผ่ ริว” กรเวชไม่กล้าสบตาสองหนุ่ม มีความรู้สึกว่าตัวเองหน้าแตก หรือบางทีเขาอาจคิดมากเกินไปเรื่องริวกับพสุ
“ครับ”
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วสองหนุ่มก็มานั่งคุยกับกรเวชที่ห้องรับแขก กรเวชเอาตารางงานใหม่มาให้ดู
“เดินแบบ?” ริวถามงงๆ เขาไม่เคยเดินแบบ และไม่คิดว่าจะทำได้ด้วยเพราะที่เคยเห็นพสุกับ ไวยากรณ์เดินแบบนั้น ถ้าเป็นชุดทำงานก็ไม่เท่าไหร่ แต่ประเภทชุดชั้นในแบบที่ไวยากรณ์ใส่เดินบ่อยๆนั้นเห็นทีริวจะต้องขอผ่าน เขาไม่มีวันยอมไปเดินแบบด้วยชุดที่ปิดอะไรแทบไม่มิดแบบนั้นแน่ๆ
“ใช่ ของไผ่จะเดินกับดลวันที่ 11 กับ14 ของริวกับไวย์เดินวันที่ 15 กับ 16 ” กรเวชชี้แจงแล้วยิ้มนำทางไว้ก่อน
“แล้วทำไมริวไม่ได้เดินกับพี่ไผ่”
กรเวชอยากตบเข่าตัวเองสักฉาด นึกแล้วว่าต้องได้ยินคำถามนี้ ทำไมซื้อหวยไม่แม่นแบบนี้บ้างหนอ
“อ้าว! เขาก็ต้องกระจายดาวเด่นออกไปสิ เอาไปเดินคู่กันวันเดียวหมด แล้วที่เหลือใครจะไปดูล่ะ” กรเวชตอบยิ้มๆ งานนี้เป็นงานใหญ่ระดับโลก วงคิสมีถูกเจาะจงให้ไปเดินแบบงานนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากผลสำรวจล่าสุดพบว่า ทั้ง 5 หนุ่มของคิสมีเป็นผู้ชายที่สาวๆ โหวตว่าน่ารัก น่ากอด และน่าหลงใหลที่สุด
“แต่ริวอยากเดินกับพี่ไผ่”
“ไม่ได้หรอกริว มันต้องเป็นไปตามคอนเซปต์ของเสื้อผ้า ชุดที่ไผ่กับดลเขาใส่เดินมันเป็นชุดทำงานแบบผู้ใหญ่ ของริวกับไวย์จะเป็นแฟชั่นวัยรุ่น มันคนละเรื่องกันเลยนะ” กรเวชชี้แจงคล่องแคล่ว เพราะเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
“งั้นริวไม่เดิน ทีพี่ตะวันยังไม่ต้องเดินเลย” คำตอบนี้ก็กรเวชก็คาดไว้แล้ว แต่ยังคิดหาวิธีบังคับริวไม่ได้
“ตะวันเขาติดละครเวที” กรเวชชี้แจงแล้วสมองหมุนจี๋ พยายามหาวิธีหลอกล่อริวไม่ให้งอแง
“แสดงเมื่อไหร่แน่ครับ เห็นเลื่อนมาสองรอบแล้ว” พสุที่นั่งฟังมาตลอดถามขึ้นบ้าง
“วันที่1 -16 นี้แหละ มีแค่วันละรอบ ตั๋วเต็มเกือบทุกรอบแล้วนะ” กรเวชรีบหันไปตอบ โล่งใจที่สามารถออกนอกเรื่องอึดอัดไปได้สักพัก
“อ้าว! ริวก็อดดูพี่ตะวันนะสิ” ริวถามแล้วขมวดคิ้วมุ่น เขาอยากไปดูตอนซ้อมด้วยซ้ำ แต่ตะวันไม่ยอมให้ไป บอกให้ไปดูตอนแสดงจริงเลยทีเดียว
“ไม่หรอก พี่จองตั๋วไว้ให้แล้ว คิสมีจะไปดูรอบสื่อมวลชน กับรอบสุดท้าย” คำตอบของกรเวชทำให้ริวถอนใจเฮือกใหญ่ รู้สึกประหลาดที่ต้องกลายมาเป็นสินค้าเพื่อขาย ทุกอย่างที่ทำจะต้องผ่านการคำนวณจากบริษัทแล้วว่าผลได้ผลเสียคุ้มค่าแค่ไหน กรเวชเห็นคิ้วเข้มขมวดมุ่นก็รีบขอตัวกลับ ปล่อยให้พสุจัดการเรื่องนี้ต่อ เพราะเขามั่นใจว่ายังไงริวก็ไม่มีทางดื้อกับพสุแน่นอน
“ไผ่...ถ้ายังไงพี่ฝากพูดกับน้องด้วยนะ คิดว่าริวคงไม่กล้าดื้อกับไผ่” กรเวชหันมาฝากอีกครั้ง เมื่อพสุเดินออกมาส่งเขาที่รถ
“ผมจะลองคุยให้แล้วกันนะครับ” พสุรับคำเบาๆ ก่อนจะกลับเข้าไปในบ้าน ริวยังนั่งหน้าตูมสนิทอยู่ที่เดิม ท่าทางหมกมุ่นครุ่นคิดเสียจนไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามา
พสุเห็นหน้ามุ่ยๆ ของริวแล้วอดขำไม่ได้ จึงแอบเอามือถือถ่ายรูปริวตอนกำลังทำหน้ามุ่ยปากยื่นไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆ
“ริว...ริว!” พสุเรียกครั้งแรกแล้วริวไม่ได้ยิน จึงแกล้งตะโกนใส่หู จนริวสะดุ้งเฮือก
“ครับ?”
“เลิกทำหน้ามุ่ยได้แล้ว ยังไงริวก็เลี่ยงงานนี้ไม่ได้อยู่ดี” พสุเตือนยิ้มๆ ริวถอนใจเฮือกยาว ก่อนจะดึงมือพสุหลบเพื่อทิ้งหัวลงบนตักของชายหนุ่ม
“ริวไม่ชอบเลยพี่ ริวอยากเป็นนักร้องนะ ไม่ได้อยากเป็นดาราเป็นนายแบบสักหน่อย” ริวบ่นแล้วดึงนิ้วพสุกางออกดูเล่น ก่อนจะวางมืออุ่นของพี่ไว้บนอก
“ทำไงได้ละริว พี่กรเขาก็บอกแล้วว่ามันเป็นการรักษากระแสไว้ ไม่อย่างนั้นเวลาเราทำงานอัลบั้มสองจะไม่มีคนดูเอานะสิ”
“จริงสิ...ริวแต่งเพลงใหม่ไว้ เดี๋ยวริวเล่นให้ฟัง” ริวผุดลุกขึ้นลากแขนพสุไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วปรี่เข้าไปนั่งที่หลังเปียโน เพื่อเล่นเพลงใหม่
พสุเดินไปทิ้งตัวลงบนกองหมอนบนพรมกลางห้อง ก็เห็นโน้ตบุ๊คของริวเปิดทิ้งไว้มีตัวพักหน้าจอเป็นลูกหมาวิ่งไปวิ่งมา พสุอมยิ้มถอดเมมโมรีการ์ดโทรศัพท์ออกมา กะจะแกล้งอัพรูปริวที่แอบถ่ายไว้เมื่อครู่นี้ขึ้นหน้าจอโน้ตบุ๊คไว้ให้ริวดูเล่น แต่เมื่อภาพพักหน้าจอหายไป ก็พบว่าริวเปิดเมล์ค้างไว้ เป็นข้อความอวยพรวันเกิดล่วงหน้าจาก “แอล.” และยังถามอีกด้วยว่า อีกสองวันจะถึงวันเกิดแล้ว ปีนี้ริวอยากได้อะไรเป็นของขวัญ...
พสุเดาว่าแอลคนนี้คงเป็นญาติที่ริวอาศัยอยู่ด้วยตอนอยู่อเมริกา ถ้าอีกสองวันจะถึงวันเกิดริว พสุก็อยากให้มีอะไรดีๆ ในวันครบรอบ 18 ปีของริว จึงเลิกความคิดที่จะแกล้งอัพรูปริวขึ้นหน้าจอ แล้วกลับออกมาโทรหากรเวชแทน
“ว่าไงไผ่ มีเรื่องด่วนอะไรเหรอ?” เสียงกรเวชตอบกลับมาและมีเสียงเพลงรอดมาแว่วๆ แสดงว่าคงยังขับรถไม่ถึงบ้าน
“พี่กรครับ...เรื่องคิวงานวันมะรืนนี้น่ะครับ...”
ริวนั่งรออยู่ครู่หนึ่งพสุก็เลิกคุยโทรศัพท์แล้วกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เด็กหนุ่มจึงเริ่มเล่นเพลงใหม่ที่แต่งตอนไปเที่ยวไร่ที่เพชรบูรณ์ให้พสุฟัง
...............................................
-
เคืองนายกร :m16:
ริวไม่อยาก ไม่ต้องทำ
มารตัวใหม่มาอีก
ขัดใจ อลันออกมาช่วยได้แล้ว
+1
-
ฮ๊า~ น่ารักๆ
มารร้ายโผล่มาอีก 1
แก้วท่าทางจะกลายเป็นพี่สาวคนใหม่ของริวซะแล้ว 55
-
พี่แก้วน่ารักจัง
ตอนแรกคิดว่าจะร้าย
แต่มาเจอนังแพรพลอย
อยากจะฆ่ามัน :angry2: :z10:
พี่ไผ่
จุ๊บๆ
-
555 น่ารักไม่เสื่อมคลายจริง ๆ ริวเอ๋ย...
-
:m16: อ่านเรื่องนี้ทีไรต้องมีเหตุให้ขัดใจทุกที ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้มันมีดีกว่าที่เห็นและเพราะริวคงเลิกติดตามไปแล๊ะ ขัดใจไอ้กรเวชด้วย นังแพรพลอยนั่นด้วย จะมาอะไรกับริวนักหนาวะ อย่างที่ริวพูดนั่นแหละ จะเป็นนักร้องนะไม่ใช่นักแสดงหรือนายแบบ ระบบเมืองไทยควรเปลี่ยนได้แล้ว! :angry2:
-
ริวเริ่มปรับตัวได้มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
สู้ต่อไปนะ
-
กัวพสุจะเข้าใจว่าริวไปชอบแก้วกุดันจังเลยอ่ะ ทั้งที่จริงทำไปเพราะจะกันทั้งคู่ออกจากกัน อิอิ
นาแพรพลอยนี่น่าตบเสียจริงแร๊ดแรดดดดดดด
-
wow วันเกิดริว o18
-
เอาใจช่วยน้องริว สู้ ๆ แต่ขอเหอะนะ ไรเตอร์ เขี่ยนังแพรพลอยออกไปเหอะ
เห็นแววร้ายมาแต่ไกล+1ให้นู๋ริว
-
เริ่มเข้มข้นขึ้นมาแล้ว :man1:
-
ไผ่ช่วยริวจากแพรพลอยด้วย
นางมารรายออกมาแล้ว
-
รำคาญยัยแพรพลอย = ="
เคืองกรเวช..
แก้วกุดันน่ารักดี แต่ๆๆๆ พี่ไผ่เป็นของน้องริวค่ะ 5555
อย่าให้มีใครจิ้นว่าน้องจะชอบแก้วเลยเน้อ...
-
สงสารริวจัง บทเรียน+บททดสอบชีวิตที่ริวจะต้องเจอ รู้สึกจะมีมากเรื่องขึ้น ซับซ้อนขึ้น
ซึ่งยากที่ริวจะปฏิเสธได้ เพราะตราบใดที่ริวอยู่ในวงการนี้ และสังคมแบบนี้ ริวก็จ้องเจอ
แต่ถ้ามองอีกมุม มันเป็นการท้าทายความแกร่ง และความสามารถในการปรับตัวของริว
ถ้าหากว่าริวสอบผ่านช่วงนี้ของชีวิตไปได้ ต่อไปในอนาคต ไม่มีอะไรจะมาสั่นคลอนริวได้
เป็นกำลังใจให้น้องริวจ้ะ
-
ผ่านไป 31 ตอนแล้วเพิ่งจะได้เข้ามาอ่านๆ รวดเดียวเลย ติดใจในความน่ารักของน้องริวมากค่ะ
และชอบความอบอุ่นสดใสในความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องมากมาย
-
น้องริวสู้ๆ น้องริวสู้ตาย :กอด1:
-
อยากเห็นริวตอนทำหน้ามุ่ยจัง
-
โอ้ย ยัยนี่จะมาวุ่นวายไรกับน้องริวชั้นเนี้ย :beat:
:b:
มีเซอร์ไพร์สแน่เลยพี่ไผ่ งี้น้องจะไปไหนรอด
-
:angry2: ไม่ยอมนะ นังแพรพลอยนี้เป็นใคร อย่ามาบังอาจ
เข้าใกล้น้องริวนะ ริวเป็นของพี่ไผ่คนเดียว
:o12: ขอตัวช่วยให้น้องริวหนีพ้นด้วยนะค่ะไรเตอร์
ให้อลันออกมาช่วย ใครหน้าไหนขวางน้องริวกับพี่ไผ่นะ เล่นจนหมดตัวเลยนะอลัน
รอตอนต่อไปนะค่ะไรเตอร์ คนลงด้วยสู้ๆ
-
^
^
^
จิ้มทะลุขึ้นไปหาminchy ชอบรูปปลากรอบของตะเองมากมาย อิอิ
มาพยักหน้าหนับหนุน lasom น้องมันจะหนีไปไหนรอด(ได้ข่าวว่าให้หนีมันก็ไม่ยอมไปมะช่ายเหรอ)
และ ได้คอมเม้นต์เป็นคนที่ 19 วู๊ๆ
-
ไผ่จะทำอะไรเซอร์ไพร์ริวน้าาาาาาาาาาาาาาาา
-
สู้นะริว...แล้วก็แฮปปี้เบิร์ธเดย์จ้ะ :กอด1: :L2:
-
ริวน่ารัก เีชียร์ริว สู้ๆ :กอด1:
-
:z6:แพรพลอย ระวังตัวให้ดี.....
.... :impress2:ลุ้นที่สุด อยากรู้ว่าพี่ไผ่รู้วันเกิดริวแล้ว จะให้อะไรเป็นของขวัญน้า
-
ขอให้ริวและไผ่ผ่านทุกอย่างด้วยดีนะค่ะ รักน้องริวและไผ่
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
:L2: :L2: :L2: :L2:
-
รอฉลองวันเกิดน้องริว
:กอด1: น่ารักเกิ้นนนน
-
พี่กร พี่นี่ก้อเยอะแยะมากมายนะ เฮ้อ
คิดถึงตะวันจังเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
-
พี่ไผ่จะมีเซอร์ไพรส์อะไรให้น้องริวบ้างจ้ะ
-
:z10: :z2: :z2:
-
พี่กรทำไมชอบบังคับริวนักนะสงสารน้องบางเถอะ
แถมยังมีมารเข้ามาผจญชีวิตริวอีกตังหาก
แต่งานนี้พี่ไผ่จะเซอร์ไพรส์อะไรให้ริวน้าอันนี้น่าลุ้น
-
ง่ะ ทำไมอ่านไปก็ยิ่งหงุดหงิดกับความเจ้ากี้เจ้าการของอิพี่กรก็ไม่รู้
จะอะไรนักหนากับริวมากเนี่ย
เฮ้ย อึกอัดแทนริวจริงๆ
:เฮ้อ:
ส่วนพลอย งักๆ
ริวไม่มีที่ว่างในหัวใจให้หรอกจ้า
ตัดใจซะเถอะ อย่าไปวุ่นวายกับริวเลย
o18
พี่ไผ่น่ารักเนอะ
มีแอบจัดการวันเกิดในริวแน่ๆ
รอสองคนนี้รักอ่ะ
+1 ขอบคุณค่ะที่มาต่อให้
เป็นกำลังใจจ้า
-
สงสารริวจัง
พี่ไผ่มาปลอบหวานๆหน่อย
:impress3:
-
ชอบริวตอนหนุนตัดไผ่จังมันดูอบอุ่นไงไม่รู้ :o8:
อยากให้รักกันเร็ว ๆ จัง คงจะหวานหน้าดูเลย
:pig4: writer คะ
-
ลองนึกภาพว่าน้องริวจะหน้าตาเป็นยังไง
ก็นึกไม่ออกสักที
กลัวจังว่าริวจะรุกพี่ไผ่
หึหึ
(http://www.benaf7.com/community/attachment/201008/2/5_1280758122t2aB.jpg)
อยากให้อิมเมจริวเป็นแบบนี้จัง
ปล. ขอบคุณรูปจาก http://www.benaf7.com
-
^
^
^
^
^
กีสสสสสสสสสสสส ฝรั่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :o8:
ว๊าย เจอฝรั่ง เกือบลืม
เจ๊ไรท์เตอร์ฝากจดหมายน้อยถึงคนอ่านจ้า
******************************************
ตามอ่านแต่ละคอมเม้นต์แล้วฮามาก ขอยกยอดมาตอบรวมๆนะคะ
“เพราะโลกนี้ ไม่ได้มีแค่เราสองคน”
เวลาที่เขียนนิยาย มักจะอิมเมจตัวละครอิงคนตัวเป็นๆ สมมติว่าพี่ไผ่อาจจะเป็นดาราที่ดังประมาณ พี่ติ๊กเจษฎา(แต่เวลาเขียนไม่ได้อิมเมจเป็นหน้าพี่ติ๊กนะคะ อิอิ)
แล้วถ้าเกิดเขาเจอน้องริว ในชีวิตจริงๆ เขาจะทำยังไง เพราะถ้าเขาเกิดรู้ตัวว่าเขารักน้องริว แล้วจะทำยังไง ก็โลกนี้ไม่ได้มีแต่พี่ไผ่กับน้องริวสองคน และสังคมบ้านเรา ชายรักชาย ก็ไม่ใช่จะเป็นที่ยอมรับสักเท่าไหร่
เหมือนที่ PEENAT บอกว่าเวลาของริวมันเหมือนหยุด เพราะ...มันไม่สามารถจะก้าวต่อได้
แต่สำหรับไผ่ ริวก็เหมือนน้ำ ที่ค่อยๆแทรกซึม หล่อเลี้ยง ไปทีละนิด กว่าจะรู้ตัวไผ่ต้นนี้ก็ขาดน้ำหล่อเลี้ยงไม่ได้ซะแล้ว(แผนการชั่วร้ายจริงๆ วะฮ่าฮ่าฮ่า)
มีคนขัดใจว่าทำไมนิยายเรื่องนี้ชะนีเยอะ...กร๊ากกกกก เยอะแต่ไม่ร้ายนะคะ (ยกเว้นบ้างบางคน)
ก็แหม ริวเป็นนักร้องนา หล่อด้วย พี่ไผ่ก็เป็นดาราสุดฮอต เป็นพระเอกเบอร์1 ไม่มีสาวๆมาวุ่นวายสิคะแปลก หรือจะเขียนให้มีหนุ่มๆมาวุ่นวายแทน? อรั๊ยยย ปวดหัวแทนกรเวช คริคริ
พี่ไผ่ ย้ำอีกรอบว่าพสุเป็นชายแท้ๆ ที่อิป้า(คนเขียน) พยายามจะให้มันกลายพันธุ์ หันมาเป็นชายรักชาย ก็เลยลำบ๊ากลำบาก ต้องหลอกล่อด้วยความน่ารักทั้งหลายทั้งปวงจากนุ้งริว ซึ่งหลายๆคนก็คงดูออกว่าตอนนี้ พี่ไผ่ เผลอ ถลำ ไถล ไถกระดืบๆ ลงมาในกับดักทีละนิดๆ หุหุ กว่าจะรู้ตัว คงปีนขึ้นไปไม่ได้แล้ว
น้องริว ลูกริวของหลายๆคนแถวนี้ อิอิ ก็นะ เด็กมันโตมาใสๆ ไม่เค๊ยไม่เคยจะสัมผัสมนุษย์มนาที่ไหน ดันมาหลงรักคนในทีวี ชีวิตมันก็เลยต้องพลิกผัน จากราชาบนยอดตึกกลางมหานคร มาย่ำต๊อกๆเป็นสินค้าให้บริษัทเพลงเล็กๆขายอย่างนี้แหละ เหมือนจะน่าสงสาร...แต่...หึหึ...หุหุ...วะฮะฮะฮะ...โปรดติดตามตอนต่อไป
กรเวช คนนี้สิ น่าจ๋งจ๋านของจริง กรั่กๆ มีแต่คนเกลียด จริงๆกรเวชก็แค่พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
และกรเวชมองว่าเด็กๆในวงทุกคนเป็นน้องเป็นลูก(อย่างริวนี่ประมาณลูกคนเล็ก) ถึงได้พยายามจะปกป้องจากทุกๆอย่าง
รวมถึงรักษาภาพลักษณ์ของทุกคนให้ออกมาดูดี
ถ้าเราเป็นกรเวช มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลศลป. แล้วเริ่มเห็นเค้าลางไม่ชอบมาพากล เราจะเฉยทำไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้เรื่องมันบานปลายได้เหรอคะ?
กรเวชไม่ได้ทำเพราะเกลียด แต่ทำเพราะรักและเป็นห่วง อีกอย่างมันคือหน้าที่นี่นา
ส่วนคนอื่นๆ อย่างพี่ตะวัน เจ้าไวย์ พี่ดล(ที่บทน๊อยน้อย น่าจ๋งจ๋าน) แก้วกุดัน คุณแม่+ป้าใจ และป๊ะป๋าของพสุ รวมไปถึงตัวละครหน้าใหม่ไฟลุกพรึบๆอย่าง แพรพลอย...
อยากให้มองว่าคนเหล่านี้เป็นสีสันของชีวิต ริวกับพี่ไผ่นะคะ
เพราะตราบใดที่ริวยังรักแต่พี่ไผ่ และใจพี่ไผ่ยังมีแต่น้อง คนอื่นก็เป็นแค่สีสันในชีวิตเท่านั้นเอง แม้ว่าบางครั้ง สีสันเหล่านี้จะทำให้ชีวิตแทบล้มคว่ำลงไป แต่...หากริวกับไผ่ยังมั่นคง ปัญหาทุกอย่างก็ย่อมผ่านไปด้วยดีนะคะ
และอีกคำถามสำคัญ ใครรุกใครรับฟระ?...ง่า...เอ...เอ่อ...อืม...แหะๆ ม่ายบอก!
อ่านๆกันไปก็น่าจะเดาได้ม้างงงงงงงง คาดว่าสักตอนที่ 60 -70 ก็น่าจะเดาได้...ง่า...ไม่ใช่แระ นานเกิ๊นนนน
****************************************
ตอนนี้วนิดาขอไปหาคุณพี่ประจักษ์ก่อนนะคร๊ะ พี่เค้าเรียกแระ :-[
-
ตอนนี้ที่อยากรู้ที่สู๊ดดดดดดดดดคือ
ใครจะรุกจะรับกลัเนี้ย
หรือว่าจะผลัดกันดี 5555555555555
-
555 ดูๆ ไปแล้ว ต้นรักกำลังเริ่มหยั่งรากลึกลงไปในหัวใจของสองคนสิเจ้าค่ะ
รอดูต่อไปค่ะว่า จะผลิดอกออกผลงอกงามขนาดไหน
-
ถ้ามีเวลามาตอบเม้น.ฝากบอกไรท์เตอร์ด้วยได้ไหมค่ะว่า. :m16: :m16: :m16:มาต่อเร็วๆๆๆๆๆๆ :serius2: :serius2: :serius2:
เดี๋ยวจะส่งเครื่องดื่มบำรุงกำลังไปให้ค่ะ.
:call: :call: :call: :call:
-
ใครจะรุกใครจะรับบางที่มันก็ไม่ได้สำคัญนะเพราะเรื่องที่สำคัยกว่า คือมันเกิดจากความรักของคนสองคน
(แต่ขอเดาว่านักเขียนคงตลบหลังคนอ่านจนหน้าหงายได้) ตอนนี้ต้องคอลุ้นว่าเมื่อไรคุณพสุจะตกหลุม(พราง)รัก
จนปีนขึ้นมาไม่ได้สักที แล้วน้องริวจะเกิดปัญหาอะไรไหม ในการถ่ายละคร(น่าเป็นห่วง) คาดโทษนังแพรพลอยไว้ก่อน
ยิยายเรื่องนี้มันวายย่ัะ ชะนีหลบไป ชิ......น่ารักใสๆอ่านแล้วยิ้มได้ แต่ก็สะเทือนใจจนน้ำตาร่วงได้เช่นกัน
ภาษาสวยงาม อ่านได้ลื่นใหล ถ้าไม่ได้คลิกเข้ามาอ่านคงเสียดายมากๆ ที่พลาดเรื่องราวดีๆเรื่องนี้
-
วู้วววววววว
รอน้องริวจ้า
เดาไม่ออกจริงๆเลยว่าใครจะรุกหรือรับเนี่ย
:m20:
-
เราเชียร์ไผ่รุกนะ!! 55 :laugh:
แต่คงจะอีกนานกว่า 2 คนนี้จะรักกันจริงๆ(ไผ่จะรักริวจริงๆแบบแฟน)
ลุ้นกันต่อไป~
-
เราคนหนึ่งล่ะไม่เคยเกลียดกรเวช
แล้วค่อนข้างเห็นใจนสถานะและบทบาทที่กรเวชกำลังเป็นอยู่ด้วยซ้ำ
แตขอชมว่าไรเตอร์ ทำได้เนียนดีมากที่พยายามปรับเปลี่ยนให้ชายแท้อย่างไผ่เปลี่ยนไป
-
คิดถึงงงงงงงงน้องริวกับพี่ไผ่แล้ววววววววววว
-
ใครจะรุกใครจะรับเค้าไม่สน เค้าสนแต่ว่ามาต่อได้แล้ว :m16: :m16:
แล้วเอา แพรพลอยไปปล่อยป่าไกลๆๆเลย :fire: :fire:
-
ตอนที่ 32
ตี 4 กว่าๆเท่านั้น พสุก็ปลุกริวให้ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้ามืด ริวยอมลุกขึ้นทั้งที่แทบลืมตาไม่ขึ้น เมื่อคืนเด็กหนุ่มถ่ายละครจนดึก ดีว่ากรเวชให้รถตู้ของบริษัทไปคอยรับ ไม่อย่างนั้นเขาคงหลับคาพวงมาลัยแน่ๆ พอขึ้นรถได้ริวก็หลับต่อทันที ไม่รับรู้ว่าพสุจะพาไปไหน
“ท่าทางน้องจะง่วงนะลูก”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างๆ ทำให้ริวที่หลับซุกอยู่กับเบาะข้างคนขับขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังลืมตาไม่ขึ้น....
“ครับ งัดออกมาจากที่นอนเลยนะครับเนี่ย” พสุตอบหัวเราะๆ ริวฝีนลืมตาขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นสุดา เด็กหนุ่มก็รีบลุกขึ้นนั่งแล้วไหว้สุดากับป้าใจ
“สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับป้าใจ”
“สวัสดีครับลูก”
“พี่ไผ่ไม่เห็นบอกเลยว่าจะมาหาแม่” ริวออกตัวเขินๆ อายที่มัวแต่นอนไม่รู้เหนือรู้ใต้ ว่ามาถึงบ้านสุดาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ก็ไม่ได้มาหาแม่ แต่จะมารับแม่กับป้าใจไปกับเราต่างหาก” พสุตอบพลางเหลือบมองกระจกส่องหลังเพื่อถอยรถ
“ไปไหนครับ?”
“เดี๋ยวถึงก็รู้...นอนไปก่อนเถอะ ใกล้ถึงแล้วพี่จะปลุก” พสุตอบยิ้มๆแล้วออกรถ พอใกล้ถึงพสุก็ปลุกริวตามสัญญา เด็กหนุ่มลุกขึ้นมานั่งงัวเงีย ก็พบว่าตอนนี้ฟ้าสางแล้ว รถเลี้ยวเข้าไปจอดที่หน้าอาคารเล็กๆ ผู้หญิงวัยกลางคนในเครื่องแต่งกายสีฟ้าอ่อนจนเกือบขาวเดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ...มาริวทางนี้ นี่ครูมะลิวัลย์ เป็นหัวหน้ามูลนิธิ ‘กอดของแม่’ ”
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ ทางมูลนิธิต้องขอบคุณน้องไผ่น้องริวมากนะคะ ที่จะมาทำบุญวันเกิดที่นี่ เชิญทางนี้เลยค่ะ ทางเรานิมนต์พระไว้ให้แล้ว”
ริวหันไปมองหน้าพสุงงๆ พสุโอบไหล่เด็กหนุ่มดึงให้เดินไปด้วยกันแล้วกระซิบเบาๆ
“วันนี้วันเกิดริว พี่กับแม่ก็เลยคิดกันว่าอยากให้ริวได้ทำบุญใหญ่ๆ สักครั้ง ริวเคยไปตักบาตรแล้ว แต่มาที่นี่ริวจะได้ทั้งทำบุญตักบาตร แล้วก็จะได้เลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าที่นี่ด้วย”
“...พี่รู้ได้ยังไงว่าวันนี้วันเกิดริว...”
“บังเอิญเห็นเมล์ของริวที่เปิดทิ้งไว้น่ะ ขอโทษนะที่พี่เสียมารยาทไปดูเมล์ของริว”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องของริวไม่มีอะไรเป็นความลับสำหรับพี่อยู่แล้ว”
“พี่ไม่รู้ว่าวันเกิดที่ผ่านมาริวทำอะไร แต่พี่คิดว่า การได้ทำบุญกับเด็ก น่าจะเป็นการฉลองวันเกิดที่ดี เป็นการเริ่มปีที่ 19 ในชีวิตด้วยความเป็นมงคล...เริ่มด้วยการเป็นผู้ให้ น่าจะดีใช่ไหมริว”
“ดีครับ...ริว...เอ่อ...” ริวพูดต่อไม่ถูก ยังไม่หายงง แต่เมื่อพสุพาเข้าไปถึงห้องข้างใน พระสงฆ์ 9 รูปที่ทางมูลนิธินิมนต์ไว้ก็เข้ามาในห้องจากประตูอีกด้าน นี่เป็นครั้งแรกที่ริวได้ทำบุญอย่างเต็มรูปแบบ
พสุนำให้เสร็จตั้งแต่อาราธนาศีล ไปจนสอนริวประเคนสำรับ ซึ่งริวก็ทำตามทุกอย่าง นอกจากอาหารที่สุดาโทรสั่งมาจากร้านประจำแล้ว ยังมีเครื่องสังฆทานที่สุดากับป้าใจจัดใส่ถาดใบย่อมๆมาอย่างงดงามให้ริวได้ถวายพระ
“พี่ไผ่ช่วยริวหน่อย” ริวหันไปกระซิบพสุเพราะไม่รู้จะทำยังไง พสุจึงเข้าไปช่วยริวถวายสังฆทานจนเสร็จแล้วจึงมาไหว้พระรับพร ซึ่งพสุอธิบายให้ริวฟังก่อนแล้วว่าการรับศีลรับพรคืออะไร ริวจึงสัญญากับตัวเองว่าวันนี้เขาจะรักษาศีลห้า ตลอดทั้งวัน
หลังจากเสร็จพิธีสงฆ์ ครูมะลิวัลย์ก็พาทุกคนไปยังโรงอาหาร ที่นั่นมีเด็กเล็กตั้งแต่ 2-5 ขวบนั่งเรียงรายกันเต็มห้อง
“ที่นี่เรามีเด็กประมาณ 30 คนนะคะ แต่มีเจ้าหน้าที่แค่ 6 คน ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละค่ะ ว่าไม่เพียงพอ แต่ยังดีที่มีอาสาสมัครประจำมาคอยช่วยอีก 5 คน...แต่จะมาตอนสายๆหน่อย”
“เด็กเล็กมากเลยนะครับครู”
“ค่ะน้องไผ่ แต่ไม่หมดแค่นี้หรอกนะคะ เรายังรับอุปการะค่านม ให้แม่ยากจนที่ไม่มีนมผงเลี้ยงลูก อีก12 คน กลุ่มนี้จะมารับนมผง ผ้าอ้อม แล้วก็พวกของใช้เด็กทุกสุดสัปดาห์ค่ะ”
“อย่างนี้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็เยอะนะสิคะครู” สุดาถามแล้วเหลียวมองเด็กๆ อย่างเวทนา แม้เสื้อผ้าของเด็กๆ จะสะอาดสะอ้าน แต่ก็ดูรู้ว่าเป็นของเก่า คงได้รับบริจาคมาอีกที
“ค่ะคุณแม่...ตกเดือนหนึ่งก็เกือบสองแสน แต่เงินบริจาคได้อย่างมากไม่เกินเดือนละ 5 หมื่น นานๆ จะมีคนมาบริจาคมากๆ สักครั้ง”
“อ้าว! แล้วอยู่ได้ยังไงครับ?”
“ก็รายได้จากการทำของขายในนามมูลนิธิน่ะค่ะ แล้วก็มีเอกชนบางแห่งบริจาคพวกนมผง กับผ้าอ้อมมาให้บ้าง หรือไม่เจ้าหน้าที่ก็ไม่รับเงินเดือนบ้าง...ก็พอช่วยๆ กันให้รอดไปแต่ละเดือน”
พวกเด็กๆ ต่างเหลียวมามองเมื่อเห็นแขกแปลกหน้าเดินตามหลังแม่ครู หลายคนที่พอรู้ความหันมายกมือไหว้ บางคนจำพสุได้เพราะเคยเห็นเขาเล่นละคร ก็ลุกจากเก้าอี้มาเงยขึ้นจ้องมองชายหนุ่มตาแป๋ว พสุจึงคุกเข่าลงไปใกล้ๆ
“สวัสดีครับ”
“อุ้ม” เด็กหญิงตัวน้อยร้องขอ พสุจึงช้อนตัวเธอขึ้น เท่านั้นเองก็โกลาหล เมื่อเด็กคนอื่นๆ อยากถูกอุ้มบ้าง พวกเด็กๆ ลุกจากเก้าอี้มากอดหลัง กอดแขนพสุ บางคนเข้ามากอดขาริว สุดา และป้าใจแล้วร้องขอให้อุ้มบ้าง ครูพี่เลี้ยงและแม่บ้านที่ดูแลรีบเข้ามาห้าม พวกเด็กๆ ถึงยอมถอยกลับไปนั่งที่เดิม
“เด็กๆเขาขาดความรัก อยากถูกกอด อยากให้คนที่มาอุ้มเขา พอเห็นคนมาเยี่ยม ก็จะมาขอให้อุ้มแบบนี้แหละค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ตกใจ” ครูมะลิวัลย์ออกตัว เพราะเกรงว่าแขกที่มาจะไม่พอใจที่เด็กๆมารุมล้อมขอให้อุ้ม
“ไม่หรอกค่ะ ไม่ตกใจ แต่สงสารมากกว่า...ที่นี่มีคนมาเยี่ยมบ่อยไหมคะ” สุดาถามพลางลูบหัวเด็กที่นั่งอยู่ใกล้เบาๆ
“ไม่บ่อยหรอกค่ะ มูลนิธิเรามีขนาดเล็ก เพิ่งตั้งได้แค่ปีเดียว ไม่มีงบประมาณจากส่วนราชการเข้ามาดูแล เราก็ทำกันเองดูแลกันเอง เจ้าหน้าที่ที่นี่ส่วนใหญ่ก็อยู่ด้วยความสงสารเด็กๆ ทั้งนั้น”
พสุพยักหน้ารับ ก่อนจะวางเด็กหญิงตัวน้อยลงบนเก้าอี้ของเธอ เด็กน้อยทำท่างอแงเหมือนไม่อยากให้เขาวาง ครูพี่เลี้ยงเข้ามาเตือนถึงได้ยอม
ริวมองเด็กเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เหมือนเห็นภาพสะท้อนของตัวเอง แต่เขายังโชคดีกว่าเด็กพวกนี้ อย่างน้อยๆครั้งหนึ่งเขาเคยมีแม่กอดและตอนนี้เขาก็มีพสุ แต่เด็กพวกนี้ถูกทอดทิ้งตั้งแต่เกิด ไม่เคยสัมผัสอ้อมแขนของแม่
ครูพี่เลี้ยงช่วยกันยกอาหารเข้ามาตักแจกเด็กๆ สุดากับป้าใจจึงเข้าไปช่วย ขณะที่พสุยังอยู่กลางวงล้อมของเด็กๆ ริวจึงเดินไปหาครูมะลิวัลย์
“ครูครับ...ริวอยากช่วยพวกเด็กๆ ริวต้องทำยังไงครับ?”
ครูมะลิวัลย์ยิ้มแย้มอย่างใจดี เธอเดินนำริวออกไปยังอาคารที่อยู่ติดกัน ซึ่งเป็นที่เก็บลังนมและข้าวของเด็กอ่อนอยู่ไม่มากนัก
“ก็ได้หลายอย่างนะคะ น้องริวก็อาจจะช่วยบริจาคเงิน เป็นค่าอาหาร ค่านม แล้วก็พวกข้าวของเครื่องใช้เด็กเล็กก็บริจาคได้ค่ะ หรือถ้าว่าง จะแวะมาเยี่ยมเขาแบบวันนี้ก็ได้” ครูมะลิวัลย์ชี้แจงด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ เธอไม่ได้เร่งรัดให้ริวบริจาคเงินมากๆ ทั้งที่พอรู้ว่าริวเป็นนักร้องดัง แต่อยากให้เด็กหนุ่มทำด้วยความเต็มใจมากกว่า
“ครูบอกว่าที่นี่มีค่าใช้จ่ายเดือนละเกือบสองแสน” ริวถามพลางเอื้อมมือไปจับเสื้อผ้าในลัง เป็นเสื้อผ้าเก่าที่มีคนบริจาคมา ซึ่งรอการซ่อมแซมแล้วค่อยคัดแยกไปซักให้เด็กๆ ใส่
“ค่ะ...ก็แยกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือค่าอาหารกับค่านมผงและข้าวของเครื่องใช้
“ถ้าริวจะขอออกส่วนตรงนี้ให้จะได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ น้องริวจะบริจาคเท่าไหร่ก็ได้”
“ไม่ใช่ครับ หมายถึง...คือริวพูดไม่ถูก...เดี๋ยวริวมานะครับ” ริวบอกพร้อมกับวิ่งไปหาพสุ ชายหนุ่มกำลังป้อนข้าวเด็กคนหนึ่งอยู่ พอเงยขึ้นมาเห็นริวก็ส่งยิ้มมาให้
“ไปซนที่ไหนมา” พสุสรรพยอกขำๆ ถ้าเป็นปกติริวคงทำหน้ามุ่ย ปากยื่นที่ถูกแซวว่าเป็นเด็กน้อย แต่ตอนนี้ริวมีสิ่งที่สนใจมากกว่ารออยู่
“พี่ไผ่เอาสมุดเช็คมาไหม”
“เอามา อยู่ในรถแน่ะ” พสุบอกพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้ ริวรับกุญแจแล้ววิ่งออกไปเอาสมุดเช็คเงินสด แล้วกรอกตัวเลขที่ต้องการลงไป ก่อนจะกลับไปหาครูมะลิวัลย์แล้วยื่นเช็คสองใบให้
ครูมะลิวัลย์รับเช็คด้วยสีหน้ายิ้มแย้มในตอนแรก ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ อย่างงุนงงเมื่อเห็นตัวเลขในเช็คทั้งสองใบ
“สองล้าน!...เอ่อ บริจาคสองล้านเลยเหรอคะ”
“ครับ...คือแยกกันเป็นค่าอาหารพวกเด็กๆ 1 ล้าน กับค่านมค่าของใช้ของเด็กอีก1 ล้าน อย่างที่ครูบอกไงครับ”
“ขอบคุณมากนะคะน้องริว...เงินก้อนนี้จะช่วยเด็กๆ ไว้ได้อีกเกือบปีเลยล่ะค่ะ แล้วจะให้ลงนามผู้ให้ทุนอาหารกลางวันกับทุนค่านมค่าข้าวของเครื่องใช้เป็นชื่อน้องริวนะคะ”
“ไม่ครับ..เอ่อ ค่าอาหารเด็กๆ ให้เป็นชื่อทุนแม่สุดาได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ แล้วอีกล้านละคะ จะให้เป็นชื่อใคร”
“ชื่อแม่นามิครับ”
“ค่ะ เดี๋ยวครูจะไปจัดการให้นะคะ”
“ครับ...เอ่อมีอีกอย่างครับ...คือ ต่อไปนี้ ถ้าทางมูลนิธิต้องใช้จ่ายอะไร ให้ติดต่อไปที่นี่ครับ...เขาจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้” ริวบอกพร้อมกับยื่นเบอร์โทรศัพท์ของอลันให้ครูมะลิวัลย์
ครูมะลิวัลย์นิ่งไปชั่วขณะ แค่เงิน 2 ล้านก็น่าตกใจแล้ว แต่ถ้าริวรับอุปการะทั้งหมด ก็หมายความว่าต่อไปพวกเด็กๆ ก็จะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่เสียที
“ขอบคุณมากนะคะน้องริว...ครูขอให้สิ่งที่น้องริวทำในวันนี้ ส่งผลให้น้องริวประสบความสำเร็จทุกๆ อย่างในชีวิตนะคะ” ครูมะลิวัลย์น้ำตาคลอด้วยความยินดี ดีใจแทนเด็กๆที่จะมีผู้มาอุปถัมภ์ ไม่ว่าริวจะรับดูแลให้ในระยะสั้นๆ หรือระยะยาว ก็ล้วนแต่มีผลดีกับเด็กๆ ทั้งนั้น
“ครับ...งั้น...ริวไปหาพี่ไผ่นะครับ” ริวตอบรับเขินๆที่เห็นครูมะลิวัลย์มองเขาด้วยสายตาชื่นชม
“ค่ะ” ครูมะลิวัลย์มองตามเด็กหนุ่มไปจนลับตาจึงตรงไปห้องทำงานยื่นเช็คทั้งสองใบให้เจ้าหน้าที่การเงิน พอเห็นเช็คสองสาวถึงกับอุทานด้วยความตกใจ และยิ่งรู้ว่าริวจะรับอุปการะมูลนิธิก็แทบโดดกอดกัน พวกเธออดทนกันมาเป็นปีก็เพราะความสงสารเด็กกำพร้าเหล่านี้ หลายครั้งที่ไม่ได้เงินเดือน หรือได้ไม่เต็มเดือน ก็ยอมทนเพราะอยากให้เด็กๆ ได้กินอิ่ม การที่ริวมาช่วยอุปถัมภ์ก็เป็นหลักประกันได้ว่าต่อไปพวกเด็กๆ ก็จะไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินซื้ออาหารซื้อนมอีก
ริวกลับไปหาพสุ ภาพที่เห็นคือพสุนั่งอยู่กลางกลุ่ม มีเด็กคนหนึ่งนั่งบนตัก ขณะที่อีกคนกอดคอแล้วซบหน้ากับหลังพสุ ส่วนที่เหลือก็รายล้อมอยู่รอบตัวเพื่อฟังนิทาน แม้จะรู้สึกดีกับภาพที่เห็น แต่อีกใจริวก็อดอิจฉาเด็กๆ ไม่ได้ อยากเป็นคนที่นั่งตักพสุ หรือไม่ แค่ได้ซบหน้าอยู่กับหลังพี่ก็ยังดี
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
“ได้ครับ/ค่ะ” พวกเด็กๆ เงยหน้าขึ้นมามองริวแล้วหลีกให้ริวเข้าไปกลางวง ริวยกตัวเด็กที่ยืนพิงหลังพสุขึ้นแล้วนั่งพิงหลังพสุแทน ก่อนจะวางเด็กชายคนนั้นลงบนตักตัวเอง เจ้าตัวทำหน้างงๆ ตอนแรก แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างจนเห็นฟันหลอด้วยความดีใจ เด็กที่เหลือทำหน้าเสียดายอยากจะให้ริวอุ้มบ้าง
“ตักพี่นั่งได้ 3 คนนะ ใครจะนั่งอีก” พอขาดคำ เด็กๆ ก็แย่งกันเข้ามานั่งตักริว แต่สุดท้ายก็แย่งมานั่งได้อีกแค่ 2 คน ที่เหลือจึงทำได้เพียงขยับเข้ามาเกาะแขนเกาะหัวเข่าริวไว้เท่านั้น
“อะไรละเนี่ย?” พสุถามแล้วเอาศอกถองแขนริวเบาๆ เด็กหนุ่มหัวเราะแล้วทิ้งน้ำหนักพิงหลังพสุเต็มที่
“เฮ้ยหนัก! พี่กำลังเล่านิทานอยู่”
“ก็เล่าไปสิ ริวจะฟัง ใช่ไหมเด็กๆ”
“ครับ/ค่ะ”
พสุเห็นเด็กๆ จ้องเขาเขม็งเพื่อรอฟังนิทาน จึงจำต้องปล่อยเลยตามเลยให้เด็กโข่งได้ใจต่อไป หลังจากเล่านิทานจบไปสองเรื่อง ครูพี่เลี้ยงก็มาตามเด็กๆ ไปเข้าห้องเรียน พสุจึงค่อยๆขยับเหยียดขาออกเพราะความเมื่อย เมื่อไม่มีเสียงเด็กๆ เซ็งแซ่อยู่รอบตัวชายหนุ่มถึงรู้ว่าเด็กโข่งที่พิงหลังเขาหลับไปซะแล้ว หลับท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจของเด็กๆ ได้หน้าตาเฉย พสุหมั่นไส้เกือบจะแกล้งลุกให้ริวหงายหลังเล่นแล้ว แต่ก็อดสงสารไม่ได้ เมื่อคืนริวกลับมาถึงบ้านตอนตี 2 แล้วเขาก็ปลุกริวตั้งแต่เช้า ริวเพิ่งได้นอนไม่กี่ชั่วโมง คงง่วงเต็มที แถมวันนี้ยังเป็นวันเกิดริว พสุจึงปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่งพิงหลับต่อไป จนแม่กับป้าใจที่ตามครูมะลิวัลย์ไปดูรอบๆ เดินย้อนกลับมา สีหน้าของแม่เหมือนมีอะไรอยากจะคุยด้วย แต่ติดที่พสุลุกไปไหนไม่ได้
“เอาหมอนไหมคะ จะได้นอนสบายๆ” ครูมะลิวัลย์เดินไปหยิบหมอนมาส่งให้พสุ ชายหนุ่มประคองหัวริวลงวางบนหมอน เด็กหนุ่มขยับตัวนิดหน่อยแต่ไม่ตื่น พสุจึงลุกไปหาแม่
“มีอะไรหรือเปล่าครับแม่”
“ครูมะลิวัลย์บอกแม่ว่าริวบริจาคเงินสองล้าน” สุดาตอบด้วยสีหน้ากังวลใจ
“ครับ?!”
“หนึ่งล้านเป็นกองทุนอาหารกลางวัน บริจาคในชื่อแม่ อีกล้านเป็นทุนค่านมผงกับของใช้เด็กอ่อน บริจาคในชื่อแม่นามิ...คงจะเป็นชื่อคุณแม่ของริว”
“ให้ทุนละล้านเลยเหรอครับ...ผมเพิ่งรู้ว่าริวมีเงินเก็บมากขนาดนั้น” พสุขมวดคิ้วมุ่น ตลอดเวลา 6 -7 เดือนที่อยู่ด้วยกัน ริวแทบไม่ใช้จ่ายอะไรเลย นอกจากของกินของใช้เล็กๆน้อยๆที่ส่วนใหญ่พสุมักจะซื้อมาให้ เด็กหนุ่มมีการ์ดแพลตทินั่มอยู่ 1ใบ แล้วก็ใช้แต่การ์ดใบนั้นเวลาที่เขาพาไปซื้อเสื้อผ้า เพราะริวซื้อของเองไม่เป็นและดูท่าทางจะไม่คิดว่าเงินมีความสำคัญ ถึงได้กล้าบริจาคมากมายขนาดนั้น
“ไม่แค่นั้นนะลูก ริวยังรับเป็นผู้อุปการะ รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของมูลนิธิด้วย”
“ริวจะไปเอาเงินเยอะขนาดนั้นมาจากไหนครับ”
“แม่ไม่ได้อยากขัดคอน้องนะลูก ถ้าริวจะทำบุญแม่ก็เห็นดีด้วย แต่เงินเยอะขนาดนี้ แม่กลัวริวจะเอาค่าตัวทั้งหมดมาเป็นเงินอุปถัมภ์มูลนิธิน่ะสิ น้องคงจะสงสารเด็กๆ... ไผ่เคยบอกแม่เองนี่ว่าน้องใช้เงินไม่เป็น แล้วต่อไปริวจะอยู่ยังไงละลูก” สุดาทำหน้าหนักใจ เธอเอาเงินของเธอกับพสุไปทำบุญกับครูมะลิวัลย์ ถึงได้รู้เรื่องทั้งหมด ครั้นจะออกปากค้านพอเห็นสีหน้าดีอกดีใจของครูกับเจ้าหน้าที่แล้วก็พูดไม่ออก จึงรีบมาปรึกษาพสุ
“เดี๋ยวไผ่จะถามริวให้ดีกว่าครับแม่”
“จ้ะ”
เมื่อพสุเดินย้อนกลับไปที่ห้อง ก็พบริวเดินสวนออกมาพอดี
“พี่ไปไหนมา” เด็กหนุ่มถามแล้วทำสีหน้าโล่งใจที่เจอกัน
“ไปดูห้องด้านโน้น มีอะไรเหรอ”
“เปล่าครับ แต่ริวตื่นมาแล้วไม่เห็นพี่ ก็เลยมาตามหา”
“ริว...พี่คุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
“ครับ”
“เดี๋ยวไผ่ตามไปนะครับแม่”
“จ้ะ” สุดาหันไปพยักหน้าเรียกป้าใจให้ตามครูมะลิวัลย์ไปดูเด็กๆ เรียนหนังสือ
พสุดึงแขนริวออกมายืนคุยกันใต้ต้นไม้ริมสนามหญ้าเล็กๆ
“ริวบริจาคเงินให้มูลนิธิ 2 ล้านเลยเหรอ?”
“ครับ”
“แล้วยังรับอุปถัมภ์มูลนิธิด้วย?”
“ครับ”
“ริว...ริวรู้หรือเปล่าว่าค่าใช้จ่ายของมูลนิธิตกเดือนละเท่าไหร่?” พสุถามด้วยสีหน้าหนักใจ เพราะเห็นตาแป๋วๆ มองเขาเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“รู้ครับ ก็ครูบอกว่าเกือบๆ สองแสน”
“ใช่ไง ปีหนึ่งก็ตก 2 ล้านกว่า เงินมากขนาดนั้นริวจะไปหาจากไหน”
“ก็เงินริวที่...” ริวชะงัก ลังเลว่าควรบอกความจริงพสุหรือไม่ว่าเขามีทรัพย์สินเท่าไหร่ แต่ก่อนที่เขาจะมาเมืองไทย อลันเคยขอให้เขาสัญญาว่าจะไม่บอกใครเรื่องสถานะทางการเงินของเขา ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของริวเอง แต่ริวไม่คิดว่าพสุจะทำอันตรายอะไรเขาอย่างแน่นอน
“ริว..เงินค่าตัวปีละ 2 ล้านเองนะ ถึงจะได้เพิ่มจากการรับงานที่นอกเหนือจากการร้องเพลงอื่นๆ อีก แต่พี่ก็ไม่คิดว่าจะมากพอให้ริวใช้จ่ายแบบนี้ได้ แล้วอีกอย่าง...เรื่องบ้านละริว ริวคิดจะซื้อบ้านไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่มีเงินเก็บเลย ริวจะซื้อบ้านได้ยังไง” พสุถามด้วยความเป็นห่วง แม้อาจจะทำให้ริวเสียหน้าไปบ้าง แต่ถ้าเขาจะเป็นคนไปขอยกเลิกเรื่องรับอุปถัมภ์มูลนิธิให้ริว คิดว่าครูมะลิวัลย์คงไม่ว่าอะไร ส่วนเงินสองล้านที่ริวบริจาคไปแล้วก็ถือว่าริวได้ทำบุญใหญ่ไป
“คือ...เรื่องอุปถัมภ์มูลนิธิ อลันเขาจะจัดการให้ครับ”
“อลัน?”
“ครับ...เขาเป็น...ผู้ปกครองของริว” ริวเกาหัวแกรก เพราะไม่รู้จะแทนสถานะของอลันว่าอะไรดี
“อ๋อ...เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป พี่นึกว่าริวจะเอาเงินค่าตัวทั้งหมดมาทุ่มกับการอุปถัมภ์ที่นี่ซะอีก พี่ไม่ได้อยากจะห้ามริวทำบุญหรอกนะ แต่ถ้าทำจนตัวเองเดือดร้อนพี่ก็ไม่เห็นด้วย” พสุถอนใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก คำตอบของริวยิ่งเป็นการยืนยันว่าผู้ปกครองของริวรวยแค่ไหน ยังดีที่ริวไม่ใช่เด็กมือเติบ ไม่อย่างนั้นรายได้เดือนละแสนกว่าๆ คงไม่พอใช้แน่นอน
“ขอบคุณครับ...ริวรู้ว่าพี่หวังดีกับริว แต่ริวไม่เคยลืมหรอกครับว่าริวฝันอะไรไว้...รับรองว่าริวต้องซื้อบ้านในฝันของเราให้ได้เลย” ริวตอบด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงตาเป็นประกายาววาม ด้วยความตื้นตันใจที่พสุห่วงใย เขารู้ว่าอลันก็ห่วงใยเขาเหมือนกัน แต่เขาไม่เคยตื้นตันและมีความสุขมากเหมือนเวลาพสุเป็นห่วง
“อะไรมาลงมาเรา บ้านของริวคนเดียวต่างหาก”
“อ้าว! พี่จะไม่อยู่กับริวเหรอ?” ริวอุทานเสียงสูง ตาโตๆเ บิกกว้างอย่างตกใจ
“หึหึ...อยู่ได้ยังไง พี่ก็ต้องอยู่กับครอบครัวพี่สิ” พสุยังแกล้งทำเมิน นึกขำที่ริวทำท่าตกใจนักหนาแค่เขาบอกว่าจะไม่อยู่ด้วย
“พี่ไผ่จะไม่อยู่กับริวจริงๆ เหรอ?”ริวถามย้ำแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“เรื่องอะไร พี่ก็อยู่กับแม่พี่สิ”
“งั้น...ริวไม่ซื้อบ้านแล้ว ริวอาศัยพี่อยู่ก็ได้” เด็กหนุ่มกระตุกชายเสื้อพสุเบาๆเป็นเชิงวอนขอ
“ได้ไง...ใจคอจะให้พี่เลี้ยงจนตายหรือไง” พสุถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ไม่กล้าทำหน้าขึงขังให้ริวใจเสียอีก เด็กหนุ่มยิ้มร่าทันทีที่เห็นพสุหัวเราะ
“ค้าบบบบบ”
“ไม่ไหวหรอก ตัวโตขนาดนี้แถมกินขนมเก่งอีกต่างหาก พี่เลี้ยงไม่ไหวแน่ๆ”
“ริวจะกินน้อยๆก็ได้” ริวทำเสียงอ่อยๆ แล้วทำหน้าจ๋อย จนพสุอดสงสารไม่ได้
“บ้าเหรอ พี่ล้อเล่น...พูดก็พูดเถอะ แล้วนี่เอาเงินค่าตัวมาบริจาคหมดเลย ทีนี้จะกินอะไรหืม?”
“ก็ให้พี่เลี้ยงไง พี่เลี้ยงริวได้อยู่แล้ว” ริวตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แล้วยิ้มจนตาหยีให้ พสุหมั่นไส้จับหัวทุยโยกไปโยกมาเล่น
“น้องไผ่น้องริวคะ เข้าไปดูเด็กๆ กันไหมคะ เดี๋ยวจะได้เวลากินนมแล้ว” เจ้าหน้าที่ออกมาตามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ครับ”
เมื่อพสุกับริวเข้าไป ครูมะลิวัลย์ก็กล่าวขอบคุณทุกคนในนามของมูลนิธิ แล้วให้เด็กๆ ขอบคุณอีกครั้ง ตอนแรกพสุก็คิดจะอยู่ต่อจนถึงเด็กๆ กินข้าวเที่ยง แต่เห็นริวทำตาปรอยๆ ก็รู้ว่าน้องคงง่วง จึงตัดสินใจพาทุกคนกลับบ้าน ตอนแรกก็วางแผนกันว่าจะอยู่กินข้าวกับแม่ก่อน แต่พอเห็นรถบิดาจอดอยู่พสุก็เปลี่ยนใจ ชายหนุ่มไม่ยอมลงจากรถด้วยซ้ำ พอสุดากับป้าใจลง เขาก็ไหว้ลาแล้วขับรถออกมาเลย
...............................
-
:a5:หล่อแล้วยังใจดีอีกตะหาก o13
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะเลิกเอ็นดูน้องแล้วเปลี่ยนมาเป็นรักซะทีน้าสสสส:m26:
-
อ่านข้อความจากคนแต่งแล้วก็เข้าใจอะไรๆมากขึ้นจ้าาา
น้องริวน่ารักเนอะ...น้องจิตใจดีแบบนี้ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามานะคะ
พี่ไผ่กับคุณพ่อเป็นอะไรที่คงประสานรอยร้าวยากแล้วสิ แย่จังเลย : (
-
ก๊าก...... ตอนแรกอยากเข้าไปตบปากพี่ไผ่ มาพูดให้น้องริวใจเสีย
โธ่.. ที่แท้ก็หยอกเอินกันเป็นเรื่องธรรมดาซซะแล้ว
ปล. ใจจริงเราก็รู้นะว่าพี่ไผ่เป็นเคะแน่นอนเลย แต่เราชอบบุคลิกแบบน้องริว อยากให้น้องริวเป็นเคะมาก.................
แต่นับวันความหวังเริ่มริบรี่ ก็พี่ไผ่อ่ะ สาวเอาๆ เจ๊ กลุ้มใจที่สุด :o12:
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มาทำบุญแล้ว คืนนี้น้องริวก็จะได้นั่งเทียน ว๊ายยยยยยยยยยย เป่าเทียนแล้วสิคะ จะมีอะไรเกิดขึ้นไหมหละน๊าสำหรับคืนวันเกิด รอต่อไป พรุ่งนี้อัพช่ายปะคะ 55555555555555555555
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[
-
:กอด1: :กอด1: :z2: :z2:
-
มาให้กำลังใจน้องริว
+1
-
เง้อ
น้องริวของพี่
ช่างเป็นคนดีจริงๆเลยนะเนี่ย
o13
พี่ไผ่จ๋า
รอวันที่พี่ไผ่จะรุกน้องริวนะ
-
HBD น้องริว แต่ว่าไม่มีแบบฉลองกันสองต่อสองเหรอครับ :impress2:
-
ริวรุกไผ่ซักทีสิ ฮ่าๆๆ
-
+1 ค่ะ พี่ไผ่น้องริวน่ารัก
-
ต้องอย่างนี้สิเจ๋ง! ทำด้วยใจไม่ใช่แบบพวกคนรวยที่เอาหน้า o13
แล้วทำไมยังปิดพี่ไผ่ล่ะริว? ที่จริงบอกไปเลยว่าเล่นหุ้นเลยมีเงินก็ได้นี่นา (แต่ไผ่คงได้ถามยาวแหง) รอดูวันนั้น ^^
ปล.ริวเป็นพุทธเหรอ? ไม่น่าจะใช่นะ - -a
-
น้องริวใจบุญจริงๆเลยลูก น่ารักมาก
พี่ไผ่ก็น่ะ เลี้ยงน้องหน่อยแล้วกัน น้องกินนิดเดียวเองล่ะ อิอิ
หวังว่าพี่ไผ่กับพ่อกับเข้าใจกันได้ไวไวน่ะค่ะ
ขอบคุณไรท์เตอร์สำหรับเรื่องดีๆเรื่องนี้น่ะค่ะ จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
น่ารักทั้งคู่ชอบตอนที่น้องอิจฉาเด็กแล้วเดินไปนั่งพิงหลังไผ่อะน่ารักดี
ห่วงตัวพี่ไผ่กระทั่งกับเด็ก ๆ อิ.อิ. อยากให้ 2 คนรักกันซักทีคงจะหน้ารักมากแน่ ๆ
:pig4: writer คะ
-
น้องริวน่ารัก แล้วยังใจดีด้วย แค่นี้จิ๊บเนอะริวเนอะ
:L2: แล้วตอนเย็นมีเซอร์ไพไรอีกไมเนี่ย วันเกิดน้องทั้งที่
:call: สาธุ พรุ่งนี้มาต่อนะค่ะ กำลังลุ้นเลย :bye2:ไรเตอร์กับคนลงด้วย :กอด1:
-
อ่านแล้วอมยิ้มทุกที มันช่างเป็นความรักที่แสนสดใสจริงๆๆ
-
รัก รัก ร้ากก ริว
:-[
-
ดีจังที่ไผ่พาริวไปทำบุญที่นี่ เพราะทำให้ริวริวเห็นคนที่ทุกข์กว่า แล้วริวก็สุขใจที่ได้เป็นผู้ให้
และตอนนี้ริวเริ่มที่จะรับสัมผัสจากคนอื่นมากขึ้นแล้ว เห็นได้จากที่ยอมให้เด็กๆนั่งตัก
ดีใจไปกับริว ภาวนาให้อาการบ้าๆนั่นของริวหายขาดซักที
อยากบอกว่าอ่านไปยิ้มไปทุกตอน เพราะรู้สึกดีที่พี่ไผ่กำลังถลำๆลงไปในเสน่หาของริวแบบมิรู้ตัว หุ หุ ชอบจัง
แต่ไผ่เองก็ต้องได้รับการเยียวยาใจเช่นกันใช่ป่ะไรเตอร์
อาการของไผ่คือ เป็นโรคโกรธพ่อ (ไม่อยากใช้ว่าเกลียด กลัวไผ่เป็นบาป)
-
อาวนึกว่าจะได้บอกเรื่องการเล่นหุ้นสะอีก
อยากอ่านต่อแล้วนะ
ตอนนี้ใครรุกหรือรับไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคือเมื่อไหร่จะรักกันฉันแฟนจ้า
-
HBD ริว ฝากไผ่จุ๊บแก้มน้องทั้ง 2 ข้างเลย
-
ได้ซบพี่ไฝ่ แล้วได้กอดเด็กๆ ประโยชน์ สองเด้งเลยนะริว
อยากรู้จังว่าถ้าริวเจอกับพ่อพี่ไฝ่จะเป็นไงบ้าง
-
ริวน่ารักเสมอ :กอด1:
-
ดีใจที่ไผ่พาริวไปทำบุญ ห่วงแต่ว่าเมื่อไผ่รู้ฐานะของริวแล้วจะมีปัญหานะสิ กลัวไผ่คิดมาก
-
น้องริวลูก นอกจากหน้าตาดี ยังจิตใจดีอีกตะหาก
พี่ไผ่จงรักจงหลงน้องริวเร็วไว ด้วยเทิดดดด ^^
-
พี่ไผ่พูดงั้นได้ไงอ่า.... :m15:
อย่าแยกจากน้องริวนะค้า...ไม่งั้นน้องริวใจสลายแน่ๆเลย :o12:
-
จิงด้วยจร้า เมื่อไหร่ น้องริวจะรุกพี่ไผ่สักทีจร้า :-[
-
มีไม่อะไรจะบอกนอกจากน้องริวน่ารักจริงๆๆๆเลย
อย่างนี้พี่ไผ่จะไม่รักได้งัย
อย่างงัยพี่ไผ่ก็เลี้ยงตลอดไปแน่นอนนนน
-
ชอบเรื่องนี้มากๆๆเลยอะค่ะ
อยากให้มาอัพต่อไวๆๆอะค่ะ
นุกมากเลยค่ะ
น้องริว พี่ไผ่น่ารักกก
-
น้องริว HBD นะจร้า :กอด1:
พี่ไผ่เอ็นดูน้องมา้กเลยนะเนี่ย
-
:o8:มุกนี้ผ่านนะริว ไม่ต้องซื้อบ้านเป็นของตัวเองหรอก
ขออยู่กะพี่ไผ่ง่ายกว่า เลี้ยงง่ายกินง่ายแบบนี้ พี่ไผ่เลี้ยงไหวอยู่แล้ว อย่างน้อยเลี้ยงดูจิตใจน้องริว ให้มีแต่ความสุขก็พอ
-
นุกนุก
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอะ
น่ารักกกกกจังเลย น้องริว
-
http://www.youtube.com/v/Zwp_fKhvvvU?fs=1&hl=en_US&color1=0x402061&color2=0x9461ca
-
อยากอ่านอีกแล้วหละสิ
-
อยากอ่านต่อออออออออออออออออ
-
รอตอนต่อไปปปปปปปปปปอยู่จ้า :call: :call: :call:
-
อยากอ่านต่อแล้วอะ
กลับไปอ่านอีกรอบก้อนุกเหมือนเดิมมม
-
คิดถึงน้องริวแล้ว
-
วันนี้สงสัยจะไม่ได้อ่านแหงๆๆ
คนแต่งหายไปหนายยยย
ห้ามป่วยนะจ๊ะ :L2:
-
น้องริวน่ารักมากๆๆๆเลยค่ะ
อ่านไปก็อมยิ้มไปทุกตอนจริงๆ
รู้สึกถึงความอบอุ่นของพี่ไผ่เลย ^ ^
-
น้องริวน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก
งื้อออ ชอบอ่ะ !!!!!
ไร้เดียงสาเป็นที่สุดค่ะ โฮะๆ
ว่าแต่ ... ตกลง ใครรุกนะ!!!!
-
ริวจ๋าไผ่จ๋า :z3: :z3:น่ารักจัง :o8: :o8: :o8:
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
-
อัพ อัพ อัพ :call: :call: :call:
-
HBD นู๋ริว เมื่อไหร่จะรักกันจริงๆ ซะที
-
อัพอัพอัพเร็วๆๆๆๆๆเน้อ
-
มารอตอนต่อไป
-
น้องริว น้องริว น้องริว
-
มารอนานแล้วน้านนนนนนนนนนน :call: :call: :call:
-
มารอตอนต่อไปแล้วววว
ง่วงนอนแล้ววววว
-
=[]=!! หมด หมดได้ไง ฮือๆ กำลังติดเลย
แง้ๆๆๆๆๆๆๆ อยากอ่านต่ออ่า
มาต่อหน่อยจิ T^T
-
พี่ไผ่ พี่ไผ่ น้องริว น้องริว
-
Happy Birthday จ้าน้องริว
น้องน่ารักอีกแล้วอะ
มีแอบอิจฉาเด็กๆ ที่ได้นั่งใกล้พี่ไผ่ด้วย
ฮ่าฮ่า เด็กน้อเด็ก
พอริวไปอยู่กับเด็กๆ แบบนั้น
เหมือนอายุจะไม่ค่อยห่างกันเลยเนอะ
:-[
ริวใจดี แถมยังไม่อยากใช้ชื่อตัวเองด้วย
ยังไงก็ขอให้สิ่งดีๆ กลับคืนมาที่ริวนะ
+1 ขอบคุณนะคะ เป็นกำลังใจให้จ้า
-
:sad4: มาอัพที่เถอะค่ะ :call: อยากอ่านมากๆ
มาอัพๆๆๆๆ รอพี่ไผ่กับน้องริวอย่างใจจดใจจ่อ คิดถึงมากๆ
-
แฮ่ะๆ :กอด1: ทุกคนที่มารอคร้าบ
ช่วงนี้งานเข้าคนโพสต์อย่างรุนแรงเหมือนน้ำเหนือไหลท่วมทุ่งข้าวสาลี....ทันใดนั้น!!! o22 บูมม!! กลายเป็น......
:z6:
อะ อ่าววว ไม่ใช่หรอ?
แฮ่ะๆ :o8:
คืนนี้มาแน่จ้า
รอหน่อยน๊า
-
จิ้มๆ มารอ น้องริวกะพี่ไผ่คับ ><
ลืมๆๆ +1
-
น้องริวหายไปไหนเนี่ย
เค้ามารอนานแล้วนะ
:z1:
-
เพิ่งเข้ามาอ่านอ่ะค่ะ
ขอฝากตัวเป็น FC ด้วยคนนะคะ
อ่านทันแล้วอ่ะ ^ ^
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ
หลงรักน้องริวขี้อ้อนมาก ๆ
เด็กอะไรไม่รู้น่ารักเป็นบ้า
ชอบพี่ไผ่ด้วย ดูเป็นคนอบอุ่นมาก ๆ
ตามใจน้องริวสุด ๆ
หยั่งงี้จะไม่ให้น้องริวติดหนืบได้ไงเนี่ย
เป็นเรื่องที่น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ
บางตอนอ่านไปยิ้มไป
ชอบตอนน้องริวอ้อนพี่ไผ่น่ารักมากกกก
แต่บางทีก็เศร้านะคะ ตอนที่น้องริวฝันร้าย
น่าสงสารที่สุดเลย
ก็หวังว่าพี่ไผ่กับน้องริวคงจะผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ ได้
น้องริวก็จะหายจากอาการแปลก ๆ ที่โดนคนสัมผัสไม่ได้
พี่ไผ่คงจะเป็นกำลังใจให้น้องริวให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้นะคะ
รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ
-
ตอนที่ 33
แม้พสุจะตีหน้าเรียบสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ริวก็รู้สึกว่าพสุอารมณ์ไม่ปกตินัก เด็กหนุ่มเหลียวมองพสุบ่อยๆ จนกระทั่งพสุแวะเติมน้ำมันที่ปั้ม ริวก็รีบร้อนลงจากรถไป พสุไม่ได้มองตามเพราะคิดว่าริวคงไปห้องน้ำ แต่ครู่เดียวริวก็กลับมาพร้อมถุงขนมใบใหญ่ แล้วมาเปิดประตูฝั่งคนขับ
“พี่...ริวขับเอง”
“...เอาสิ” พสุยอมลงจากรถโดยดี พอแลกที่กันเสร็จริวก็เอาถุงขนมมาวางบนตักพสุ
“พี่กินสิ”
“อะไร...ทำไมมีแต่ช็อกโกแลตทั้งถุงเลย” พสุถามหลังจากแหวกถุงบนตักดู
“ช็อกโกแลต กินแล้วจะทำให้เราผ่อนคลาย”
“แล้วซื้อมาให้พี่ทำไม”
“ก็...พี่ไม่สบายใจ”
พสุชะงัก เหลียวไปมองหน้าริวอย่างแปลกใจ เขาคิดว่าเขาควบคุมสีหน้าอารมณ์ตัวเองได้ดีแท้ๆ แต่ริวกลับดูออกว่าเขาไม่สบายใจ
“ริวอยากเห็นพี่มีความสุข ไม่อยากเห็นพี่เป็นทุกข์...ไม่ว่าเรื่องอะไร”
“ริว...”
“ริวไม่รู้หรอกนะว่าพี่มีปัญหาอะไร แต่อยากให้พี่รู้ว่า ริวจะอยู่กับพี่ ริวจะไม่ปล่อยให้พี่เป็นทุกข์อยู่คนเดียว แล้วถ้ามีอะไรที่ริวทำให้พี่มีความสุขได้ ริวก็จะทำทุกอย่างเลย”
พสุจ้องหน้าริวนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แล้วบีบไหล่ริวเบาๆเป็นการขอบใจ ก่อนจะหันมาแกะช็อกโกแลตกิน ปกติพสุไม่ค่อยกินขนมหวานๆโดยเฉพาะช็อกโกแลต เขาคิดว่ามันหวานจนแสบคอ แต่เมื่อเทียบกับน้ำใจคนให้ ชายหนุ่มก็เลยคิดว่าจะยอมแสบคอเพื่อคนให้สักครั้ง
เมื่อช็อกโกแลตสัมผัสลิ้น ไม่ใช่แค่ความหวานแสบคออย่างที่คิด พสุรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในอกเขามันแปลกไป กลิ่นและรสชาติของมันก็ยังคงเดิม แต่เขากลับรู้สึกว่ามันแตกต่าง พสุเหลียวกลับไปมองคนข้างๆอีกครั้ง ริวก็หันมาสบตาแล้วยิ้มกว้างจนตาหยีให้...นี่ละมั้งความแตกต่าง เขารู้แล้วว่าทำไมช็อกโกแลตกล่องนี้ถึงได้มีดีมากกว่าความหวาน เพราะมันอร่อยตรงที่ เขากินด้วยความเต็มใจ กินด้วยความตื้นตันในน้ำใจของคนให้...
ไหนๆก็นั่งว่างๆ พสุก็เลยแกะช็อกโกแลตให้คนขับรถกินด้วยซะเลย ริวอ้าปากรับแล้วเคี้ยวตุ้ยๆน่าอร่อย พสุก็เลยแกะเพลิน เผลอแป๊บเดียว ช็อกโกแลตเต็มถุงก็หมดเกลี้ยงก่อนถึงบ้านเสียอีก แน่นอนว่าเก้าสิบเปอร์เซนต์ลงไปอยู่ในท้องคนให้มากกว่าคนแกะ
“หมดแล้วริว” พสุหันไปบอกเมื่อเห็นริวอ้าปากรอเป็นลูกนก
“อ้าว...อร่อยใช่ม้า...ริวเลือกแบบไม่ค่อยหวานมาเลยนะ เพราะรู้ว่าพี่ไม่ชอบกินแบบหวานจัดๆ”
“อืม..ก็นะ...ก็อร่อยดี หึหึ” พสุหลุดขำเบาๆ ริวหันมายิ้มแต้
“เห็นมะ ริวบอกแล้วว่ากินช็อกโกแลตแล้วจะอารมณ์ดี”
“นั่นสิ” พสุรับคำยิ้มๆ ทั้งที่ในใจยังอดสงสัยไม่ได้ว่า เขาอารมณ์ดีเพราะช็อกโกแลต หรือเพราะขำเด็กโข่งที่คอยอ้าปากงับช็อกโกแลตจนป้อนไม่ทันกันแน่
เพราะกินช็อกโกแลตไปเยอะ พอกลับถึงบ้านริวก็เลยเถลไถลเรื่อยเฉื่อยเพราะไม่อยากกินข้าว จนพสุต้องเดินมาตามหลายรอบ แต่เด็กหนุ่มก็ยังเกาะเปียโนแน่นไม่ยอมลุกขึ้นสักที
“ริว...มากินข้าว”
“ริวไม่หิว”
“มาเถอะ พี่รอกินข้าวอยู่นะ แล้วตอนนี้ก็พี่หิวแล้วด้วย”
“ครับ” ริวรับคำเสียงอ่อยๆ แล้วเดินคอตกตามหลังพสุไปที่โต๊ะอาหาร
“พี่รู้มั๊ย พี่กับพี่ตะวันนะ พูดเหมือนกันเปี๊ยบเลย” ริวบ่นพร้อมกับเขี่ยข้าวไปมา นานๆจะตักใส่ปากสักคำ
“พูดว่าอะไร?”
“ก็พูดว่า พี่รอกินข้าวอยู่นะ...พูดแบบนี้ริวก็ต้องรีบมากินสิ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ริวกลัวพี่หิว...แล้วพี่ตะวันนะ เอะอะอะไรก็เอาชื่อพี่มาขู่ริวตลอดเวลาเลย” ริวฟ้องแล้วทำปากยื่นแก้มพอง
“พี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอริว” พสุเลิกคิ้วอย่างขำๆ เพิ่งรู้ว่าตอนเขาไม่อยู่ตะวันบังคับริวด้วยการเอาชื่อเขามาขู่นี่เอง
“เปล่า...พี่ไม่ได้น่ากลัว แต่ริวไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจนี่นา” คำตอบจริงจังจริงใจนั้นทำให้พสุต้องก้มหน้าลงซ่อนยิ้ม ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานให้ริว
“กินไปเด็กขี้ฟ้อง” พสุแซวขำๆ ริวทำปากยื่นหนักกว่าเดิมจนพสุอดใจไม่ไหว เอาช้อนเขี่ยปากยื่นๆเล่น ริวเลยหันมาไล่งับช้อนของชายหนุ่ม
“ตัวอะไรเนี่ยไล่งับช้อน?” พสุโวยวายแล้วยกมือหนีริวที่ตอนนี้ถือโอกาสเลิกกินข้าวมาไล่งับช้อนในมือเขาแทน
“แมว” ริวตอบแล้วฉวยโอกาสตอนพสุเผลอเหนี่ยวข้อมือพสุลงมาแล้วแย่งช้อนไปใส่ปากอมไว้หน้าตาเฉย
“แน่เร้อ...พี่นึกว่า...” พสุชะงักคำพูดไว้ แล้วอมยิ้มจนแก้มตุ่ย
“พี่นึกว่าอะไรเหรอ?” ริวถามเสียงอู้อี้ เพราะยังคาบช้อนของพสุคาอยู่ในปาก
“กระรอกมั้งไล่งับช้อนเนี่ย” พสุตอบขำๆ แล้วเลยถือโอกาสลุกจากโต๊ะอาหาร เพราะเขาเองก็ยังอิ่มช็อกโกแลตอยู่ ถึงจะกินไปไม่เยอะ แต่อาหารแคลลอรี่สูงๆแบบนั้น กินไม่กี่ชิ้นก็อิ่มแล้ว ริวลุกตามมาติดๆ พอเห็นพสุหันมามองหน้าก็นึกได้วิ่งเอาช้อนกลับไปวางที่จานแล้วตามพสุไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อช่วยกันแต่งเพลงต่อ
“พี่ไผ่ค๊าบบบ” ริวลากเสียงยาวแล้วเอาหัวมาไถตักพสุเหมือนแมวขี้อ้อน จนพสุต้องยอมวางมือจากการแต่งเนื้อเพลง
“หืม” ชายหนุ่มขานรับแล้วบิดตัวเบาๆไล่ความเมื่อยขบ เหลือบไปมองนอกบ้านถึงได้เห็นว่าแสงแดดใกล้จะหมดแล้ว แปลว่าเขากับริวอยู่ในห้องนี้มาเกือบ6 ชั่วโมง
“วันนี้วันเกิดริว...ริวขออะไรพี่สักอย่างได้ไหม”
“ขออะไร?” พสุถามแล้วลูบผมหยักยุ่งที่เกลือกอยู่บนตักเล่นเบาๆ
“พี่รับปากก่อนสิว่าจะให้น่ะ” ริวอ้อนแล้วเอาคางมาวางบนตักพสุจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาวิงวอนสุดชีวิต
“ก็ต้องดูก่อนว่าขออะไร ถ้าริวขออะไรประหลาดๆ แบบที่พี่หาให้ไม่ได้จะทำไงล่ะ” พสุแกล้งทำเสียงจริงจังทั้งที่เกือบหลุดหัวเราะ เขารู้อยู่หรอกว่าริวเป็นเด็กซื่อๆ แต่หมู่นี้ชักรู้จักขี้โกงนิดๆแล้ว เลยต้องแกล้งคืนเสียบ้าง
“รับรองว่าพี่ให้ได้ จริงๆนะ” ริวทำหน้าจริงจัง แล้วพิงไปที่ขาพสุทั้งตัว
“ไม่รับปากดีกว่า” พสุแกล้งทำเป็นเมินแล้วขยับจะหันเข้าหาเปียโนเหมือนเดิม แต่ริวไม่ยอมเด็กหนุ่มเลื่อนตัวขึ้นมากอดเอวพสุแล้วเอาหน้าไปอิงอกอุ่น
“โหย...วันเกิดริวน๊า”
“อย่ามาทำเจ้าเล่ห์” พสุทำเสียงรู้ทัน ก่อนจะดันหัวทุยออก แต่ริวกอดเอวเขาแน่นกว่าเดิม
“นะครับ น๊า...นะ...นะพี่นะ”
“บอกก่อนสิว่าจะขออะไร” พสุพูดพลางแกล้งดึงหู บีบจมูก สุดท้ายแกล้งยีหัวริวจนฟูยุ่ง แต่เจ้าขี้อ้อนก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเอวเขาสักที
“ไม่ได้ พี่ต้องรับปากก่อนสิ”
“ปล่อยได้แล้ว พี่จะทำงาน” พสุดึงแขนริวออกจากเอวจนได้ แล้วหันตัวเข้าหาเปียโน แต่ริวยังรั้งตัวเขาไว้
“นะครับพี่...ริวขอเรื่องง่ายๆ จริงๆนะ”
พสุไม่ได้ตอบแต่ยิ้มๆ แล้วหันกลับไปสนใจโน้ตเพลงแทนไม่ได้พูดอะไรอีก ริวเลยได้แต่ทำหน้าหงอยๆ จนได้เวลาเข้านอน ริวก็ยังทำหน้าจ๋อยจนพสุก็อดถามไม่ได้
“ตกลงว่าจะขออะไรจากพี่” พสุเดินเข้าไปดึงหูฟังออก จับหัวริวโยกเบาๆเป็นเชิงหยอกเล่น
“ขออยู่...เอ่อ...ขอให้พี่กอดริวทั้งคืนเลยได้ไหม” ริวทำท่าเหมือนจะพูดแล้วเปลี่ยนคำขอใหม่พร้อมกับหลบตาก้มหน้า พสุดูออกว่าเด็กหนุ่มกลัวคำตอบถึงไม่กล้าขอ
“กอด? นึกยังไงอยากให้พี่กอด” ทุกวันนี้ริวก็กอดเขาเป็นประจำอยู่แล้ว พสุแน่ใจว่าสิ่งที่ริวต้องการไม่ใช่แค่กอดแน่นอน
“ก็วันนี้...พี่กอดพวกเด็กๆที่มูลนิธิ ริวก็อยากให้พี่กอดเหมือนกันนะ”
“เด็กขี้อิจฉา” พสุแซวหัวเราะๆ แล้วยีหัวบี้แก้มนุ่มๆเล่น ริวผุดลุกจากเก้าอี้โถมเข้ามากอดซุกหน้ากับไหล่เขานิ่งๆ
“ไม่ได้อิจฉา แต่ริวก็อยากถูกกอดเหมือนกันนี่นา ริวก็ไม่มีพ่อไม่มีแม่เหมือนเด็กๆที่นั่น พี่ก็รู้”
“เจ้าเด็กขี้อิจฉาๆ” พสุแกล้งทำเสียงล้อแล้วเหวี่ยงร่างในอ้อมแขนไปมาเบาๆ เพิ่งสังเกตว่าริวนอกจากจะสูงกว่า ยังเริ่มตัวหนาเกือบเท่าเขาแล้วด้วยซ้ำ
“อยากขออะไรกันแน่...พี่รู้นะว่าริวไม่ได้จะขอให้พี่กอด” พสุถามเสียงเรียบแล้วตบหลังกว้างเบาๆ
“ริว...ริว...อยากขออยู่กับพี่ตลอดไป...ริวรู้ว่าริวขอมากไป ริวไม่...” ริวรีบละล่ำละลักแก้ตัว แต่พสุกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นทำให้เด็กหนุ่มหยุดคำพูดไว้กลางอากาศ
“ได้สิ...แค่เลี้ยงน้องตัวโย่งๆ หัวโตๆคนเดียว ทำไมจะไม่ได้...อย่ากินขนมเยอะนักแล้วกัน พี่ขี้เกียจเลี้ยงหมูยักษ์”
“จะ...จริงนะ...พี่จะให้ริวอยู่ด้วยจริงๆนะ เราจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เลยได้ไหม?” ริวถามละล่ำละลักอีกรอบ กระบอกตาร้อนๆด้วยความตื้นตัน หัวใจพองฟู ขนลุกซู่ทั้งตัวด้วยความยินดี ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เขาฝันมาตลอด บทจะได้ ก็ได้มาง่ายๆ แต่ริวจะไม่ยอมเสียไปง่ายๆเป็นอันขาด
“หึหึ...ขออะไรน่ะหัดคิดเผื่ออนาคตไว้หรือเปล่า กลัวแต่ริวนั่นแหละอีกหน่อยพอติดสาวแล้วจะไม่อยากอยู่กับพี่ซะละมากกว่า” พสุแซวขำๆ นึกเอ็นดูในความไร้เดียงสาของริว ตอนนี้ริวยังไม่มีคนรัก ก็คิดว่าได้อยู่กับเขาแล้วจะมีความสุขที่สุด แต่ต่อไปพอมีแฟนริวก็จะเป็นฝ่ายอยากไปสร้างครอบครัวของตัวเอง
ส่วนตัวเขาเองนั้นพสุยังมองไม่เห็นอนาคต เขาคิดว่าคนที่ไม่ศรัทธาในความรักแบบเขาคงจะไม่สามารถมีใครได้ อนาคตคงเป็นคุณลุงแก่ๆช่วยเลี้ยงลูกให้ริวก็เป็นได้
“ไม่มีวันนั้นหรอก...ริวอยากอยู่กับพี่คนเดียวเท่านั้น” ริวตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างมั่นใจแล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ขณะที่ดวงตาปิดพริ้มเพื่อซึมซับความอบอุ่นจากอ้อมแขนของพสุ ยิ่งกอดยิ่งไม่อยากปล่อย ไม่อยากให้ห่างไปไหน อยากอยู่ในอ้อมแขนนี้ต่อไปเรื่อยๆ ได้ฟังเสียงหัวใจพสุเต้นก็มีความสุขจนไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว
แม้จะเป็นเพียงคำขอเพื่อเสเปลี่ยนเรื่องจากความตั้งใจเดิม และพสุก็รับปากในสิ่งที่ริวต้องการจริงๆไปแล้ว แต่พสุก็ยอมกอดริวทั้งคืน คืนนี้จึงเป็นคืนที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ริวเสียแม่ไป
………………………………………………..
'พสุ-ริว ย่องเงียบทำบุญวันเกิดที่มูลนิธิ กอดของแม่ ’
‘สองหนุ่มฮอตจากวงคิสมี ย่องเงียบไปทำบุญฉลองวันเกิดให้หนุ่มริวกันตามลำพัง งานนี้ไปกันแต่คนในครอบครัวจริงๆ ไม่มีนักข่าว ไม่มีแฟนคลับ เรียกว่าทำบุญแบบไม่หวังเอาหน้า หล่อแล้วยังใจบุญแบบนี้ ผลบุญคงส่งให้อัลบั้มที่สองดังเป็นพลุอีกรอบแน่ๆ’
พสุวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วถอนหายใจยาว อุตส่าห์เลือกมูลนิธิเล็กๆ กะว่าไม่ให้เป็นข่าวริวจะได้ไม่อึดอัด แต่นักข่าวก็ยังตามกลิ่นเจอจนได้ งานนี้ไม่รู้จะโดนคนอื่นในวงเคืองหรือเปล่าที่เขาไม่บอกเรื่องวันเกิดของริว พสุคิดว่าเขากับริวเหมือนกันหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความเป็นส่วนตัว ถ้าไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากจะบอกเรื่องส่วนตัวกับคนอื่นมากนัก ริวเองก็เหมือนกัน เขาถึงพาริวไปทำบุญกันเงียบๆ
เสียงริงโทน และเบอร์ที่โชว์หราหน้าจอทำให้พสุต้องถอนใจเฮือกก่อนจะกดรับสายด้วยน้ำเสียงปกติ
“สวัสดีครับพี่กร”
“ไผ่! วันเกิดริวทำไมไม่บอกพี่” เสียงกรเวชดังแทบเป็นตะโกนมาตามสาย
“คือ...”
“นี่รู้ไหม ขนาดคุณเขมยังโทรมาถาม พี่งี้ไปไม่เป็นเลย” กรเวชบ่นต่อโดยไม่รอฟังคำแก้ตัวของพสุ
“ขอโทษครับ ผมเพียงแต่เห็นว่า...”
“ตั้งแต่เช้านี่พนักงานต้อนรับข้างล่างไม่เป็นอันทำอะไรเลย รับแต่โทรศัพท์แฟนคลับที่โทรมาต่อว่า กับมีกระเช้าดอกไม้ ของขวัญ ขนมส่งมาเต็มไปหมด จนด้านหน้าจะไม่มีที่เดินกันแล้ว”
“ครับ” พสุรับคำสั้นๆ ปล่อยให้กรเวชโวยวายต่อไปเพราะรู้ว่าอธิบายไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์
“เฮ้อ! ริวไม่อยากให้บอกใครละสิ ใช่มั๊ย จริงๆ เล๊ยเด็กคนนี้...ดูสิ! นี่ก็ให้คนขับรถเอามือถือมาคืนพี่ สงสัยกะจะหลบหน้าแน่ๆ”
“เปล่าครับพี่กร ริวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมจะพาไปทำบุญ ผมเองก็รู้โดยบังเอิญว่าเป็นวันเกิดริว ถึงได้โทรไปขอเคลียร์คิวงานให้ริวไงครับ” พสุรีบปกป้องน้อง ไม่อยากให้ริวต้องมาโดนกรเวชโกรธไปด้วยอีกคน เพราะคนต้นคิดเรื่องไปทำบุญที่มูลนิธิเป็นเขาไม่ใช่ริว
“อ๋ออออออออ นึกออกแล้ว”
“ครับ...ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครรู้เรื่องที่ไปทำบุญกัน”
“ก็เกือบจะไม่มีใครรู้ ถ้าไม่เพราะมีนักข่าวไปทำข่าวเรื่องเด็กถูกทิ้งที่จะส่งไปมูลนิธินั้นเหมือนกัน เขาขับรถสวนกับไผ่พอดี ก็เลยไปถามทางมูลนิธิว่าไผ่มาทำอะไร ทางมูลนิธิก็บอก เพราะไผ่ไม่ได้สั่งไว้ใช่ไหมว่าไม่ให้บอกใคร”
“เปล่าครับ”
“พี่นะ โทรเช็คข่าวจนมือแทบหงิก ไผ่นะไผ่มีอะไรไม่บอกกันมั่ง เป็นผู้จัดการส่วนตัวแต่ดันรู้ที่หลังนักข่าวเนี่ย พี่หน้าแตกนะจะบอกให้”
“ขอโทษอีกทีครับพี่กร”
“โอเค ไว้ต้องเลี้ยงข้าวพี่ไถ่โทษละกัน...เดี๋ยววันประชุมค่อยงับหัวเจ้าของวันเกิดซะหน่อย งั้นแค่นี้นะไผ่ พี่ไม่กวนแล้ว”
“ครับ” พสุพ่นลมหายใจพรู ขนาดเขายังโดนเป็นชุด แล้วริวจะเป็นยังไงบ้างไม่รู้ ยังดีที่กรเวชไม่รู้เรื่องที่เขาซื้อมือถือใหม่ให้ริว ไม่อย่างนั้นคงโทรไปเล่นงานริวก่อนแล้ว
....................................................
ริวมาถึงกองถ่ายแต่เช้า เจอ เธียร พระเอกของละครเรื่องนี้นั่งรอเข้าฉากอยู่พอดี เธียรหันมาส่งยิ้มให้ริวเมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้าไปไหว้
“วันเกิดทั้งทีปิดเงียบเลยนะริว”
“คุณเธียรรู้ได้ยังไงครับ?” ริวถามด้วยความแปลกใจ
“นี่ไง...” เธียรส่งหนังสือพิมพ์ให้ดู ริวรับมาอ่านแล้วหน้าเจื่อนไป
“ขอโทษนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะปิด เพียงแต่...”
“ไม่เป็นไรๆ แค่แซวเล่นเท่านั้นเอง ดีนะ ผมก็ชอบไปทำบุญแบบนั้น แต่รู้สึกมูลนิธินี้ไม่เคยได้ยินชื่อเลย”
“ครับ เห็นครูมะลิวัลย์บอกว่าเพิ่งเปิดได้ปีกว่าๆ คนยังไม่ค่อยรู้จัก”
เธียรกับริวเลยนั่งคุยกันเรื่องมูลนิธิ ก่อนที่คนอื่นๆจะตามมาสมทบ ตอนแรกเธียรเองก็ไม่ชอบหน้าริวนัก เพราะรู้สึกเหมือนโดนนักแสดงหน้าใหม่คนนี้ข่ม ถึงไม่เต็มใจแต่ชายหนุ่มก็จำต้องยอมรับว่าริวหน้าตาดีกว่าเขา
เธียรเห็นสายตาของดาราสาวๆในกองถ่ายคอยจับจ้องแต่ริว จนเขามั่นใจว่าไม่กี่วันริวคงมีข่าวกับสาวๆเหล่านั้นแน่ แต่กลับผิดคาด ริวแทบไม่คุยกับใครๆในกองเลย แม้แต่กับพี่จ๋าที่เธียรคิดว่าริวต้องไปประจบเอาใจ ริวก็กลับห่างๆ พี่จ๋าเสียอีกที่เป็นฝ่ายเรียกหาริว
ส่วนใหญ่ริวจะอยู่คนเดียว นั่งท่องบทเงียบๆ หรือไม่ก็ไปนั่งคุยกับบรรดานักแสดงอาวุโสหรือป้าแม่บ้าน
จนเธียรได้คุยกับริวมากขึ้น เขาถึงเริ่มเข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ในกองถึงเอ็นดูริวนัก เด็กหนุ่มดูใสซื่อแต่ก็ไม่โง่ เวลาเขาบอกเขาสอนอะไรริวจะไม่เถียง แต่จะตั้งใจฟังแล้วคิดตาม
“ริว...ตกลงว่าต้องไปถ่ายละครต่างจังหวัด 2 วันนะ รู้แล้วใช่ไหมลูก” พี่จ๋าเดินมานั่งเก้าอี้ข้างตัวริวระหว่างรอทีมงานเซตฉาก ส่วนเธียรลุกออกไปซ้อมคิวบู้อยู่กับนักแสดงประกอบ
“ครับ”
“เตรียมแต่ของใช้ส่วนตัวก็พอลูก นอกนั้นพี่ให้พี่เก๋เขาจัดการไว้ให้หมดแล้ว”
“ขอบคุณครับ” ริวไหว้ขอบคุณ พี่จ๋าตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ แล้วลุกไปดูมอนิเตอร์เพราะเห็นนักแสดงเข้าประจำที่กันหมดแล้ว
.................................
กองละครยกทีมไปถึงชะอำตอนบ่ายแล้ว ท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนจะตก พี่จ๋าจึงให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนแล้วจะเริ่มถ่ายทำกันในวันรุ่งขึ้นแต่เช้า
ริวนั้นถูกจัดให้พักคนเดียว ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเขาได้สิทธิ์พิเศษอะไร แต่เพราะหลายคนกลัวผีจึงเลือกนอนห้องละ 2 คนมากกว่า มีริวกับนักแสดงไม่กี่คนที่อยู่ห้องเดี่ยว
พอเข้าห้องล็อคประตูได้ริวก็รีบพุ่งไปหาโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่พสุซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด เด็กหนุ่มเหลือบมองเวลาเห็นว่าพสุคงเลิกกองแล้วจึงโทรไปหาพสุทันที...รอยยิ้มอ่อนโยนบนหน้าจอส่งมาต้อนรับทันทีที่เปิดเครื่อง...ริวอ้อนวอนอยู่ตั้งนานกว่าพสุจะยอมให้เขาถ่ายรูปนี้
“ว่าไง ถึงชะอำแล้วเหรอ” เสียงทุ้มนุ่มทักมาก่อนทำให้ริวเผลอก้มลงยิ้มกว้างกับผ้าปูที่นอน
“ครับ” ริวรับคำแล้วดึงหมอนมากอดเอาหัวซุก คิดถึงไออุ่นที่เคยซุกนอนทุกคืน
“แล้วโทรมาหาพี่ทำไม ทำไมไม่ไปเตรียมเข้าฉาก” เสียงดุแบบไม่จริงจังเจือแววเอื้อเอ็นดูจนเด็กหนุ่มได้ใจ
“วันนี้ฟ้าครึ้มๆครับ พี่จ๋าเลยให้เริ่มถ่ายพรุ่งนี้” ริวรายงานเสียงใส
“อ้าว ก็สบายเลยสิ ออกไปเที่ยวข้างนอกกับพี่ๆเขาไหม”
“ไม่ออกครับ ริวไม่อยากไป...คิดถึงพี่ อยากคุยกับพี่มากกว่า” ริวทำเสียงออดๆ เอาหัวไถหมอนเล่นแทนตักพสุ
“อย่ามาอ้อน ไปยังไม่ถึงวันจะคิดถึงได้ยังไง”
“จริงๆนะครับ...พี่รู้มั๊ย คืนนี้ริวต้องนอนคนเดียวด้วย”
“เหรอ...ก่อนนอนก็ไหว้พระสวดมนต์แบบที่พี่เคยสอนไง หนังสือสวดมนต์พี่ใส่ไปให้ในกระเป๋าแล้ว รับรองว่าสวดมนต์แล้วจะหลับสบาย” พสุทำเสียงปลอบเพราะคิดว่าริวกลัว โดยไม่รู้ว่าปลายสายนอนยิ้มกริ่มอย่างมีความสุขที่รู้ว่าพี่เป็นห่วง
“เฮ้อ! ถ้าพี่อยู่ด้วยก็ดีสิเนอะ”
“น่า...อีกสองวันก็ได้กลับแล้ว สู้ๆ”
ก็อกๆ เสียงเคาะประตูทำให้ริวชะงัก เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นฟังให้แน่ใจว่าหูไม่ได้ฝาด
“ใครมาเคาะห้องไม่รู้พี่”
“อาจจะทีมงานละมั้ง...ไปดูก่อนสิริว”
“แป๊บนึงนะครับ พี่อย่าเพิ่งวางสายนะ”
“รู้แล้วน่า ไปดูก่อนไป”
ริววิ่งไปดูโดยที่มือยังถือโทรศัพท์แนบหูไว้เพราะกลัวพสุจะวางสาย เด็กหนุ่มมองผ่านตาแมวออกไปเห็นคนข้างนอกแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ริวเปิดประตูออกไปถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ มือที่ถือโทรศัพท์ไพล่หลังไว้
“คือ...พี่ๆ เขาให้พลอยมาชวนริวไปเที่ยวด้วยกัน” แพรพลอยบอกด้วยท่าทางเขินๆ ตรงกันข้ามกับชุดสายเดี่ยวสีแดงเพลิงสุดเปรี้ยว คอเสื้อเว้าลึกจนริวต้องจำกัดสายตาอยู่แค่ใบหน้าของเธอ
“ผมคุยโทรศัพท์อยู่ คุยเสร็จก็จะเข้านอนเลย” ริวตอบด้วยสีหน้าเฉยๆ ทำไม่เห็นอาการผิดหวังของคนตรงหน้า
“แหมริว มาถึงชะอำทั้งที น่าจะออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง” แพรพลอยทำเสียงกระเง้ากระงอด แล้วขยับเข้ามาใกล้อีกนิด
“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณที่มาชวน ขอตัวนะครับ” ริวตอบแล้วปิดประตูล็อคทันที
..................................
-
มาอ่านเรียบร้อยแล้วครับบ สนุกมากๆเลย
ท่าทางหลังจากนี้จะมีเรื่องยุ่งๆเยอะนะครับ
-
อร้ายยยยยย :m3:น้องริวมาแล้ว
:m7:ย่องมาจิ้มพุงคุณspring อิอิ :z13:
จะรอดมั้ยเนี้ย ตั้ง2วันแน่ะ
:m16:วันหลังจะซื้อยันต์กันน้องนีไปฝากหนูริว
-
น้องริวอ้อนพี่ไผ่อีกแระ
ขนาดไปต่างจังหวัดยังโทรมาอ้อนได้
แพรพลอยมาเกาะแกะอะไรน้องริวเนี่ย
น้องริวปิดประตูใส่หน้าซะเลย 555
-
น้องริวระวังตัว
เสือ สิงห์ กระทิง แรด เพ่นพ่าน
-
เป็นไงละโดนน้องริวที่น่ารักของเรา
ไล่ทางอ้อมมมมมมมม
กรั่กกๆๆๆๆๆ
-
ตัวปัญหาคนต่อไป
..ยัยแพรพลอย :m16:
-
สมน้ำหน้ายัยแพรพลอย555
หวังจะมาอ่อยริวอะดิ
หุหุหุ
อ่ามาอัพนิดเด๋วเองอะ
แต่ก้อนุกดีนะค่า
มาอัพตอนต่อไปไวๆๆนาค่า
ค่อยอยู่ค่า
น้องริวพี่ไผ่ หุหุหุ น่าร๊ากกกก
-
นู๋ริวยังน่ารักเหมือนเดิม :กอด1:
พี่ไผ่เริ่มใจอ่อนแล้ว :-[
ยัยแพรพลอยจะมาทำไม :m31: :m31:
มาอัพตอนต่อไปเร็วๆนะค่ะ :bye2: :bye2:
-
ลางบอกเหตุของความวุ่นวายเริ่มก่อตัวแล้วอ่ะ อย่ามาม่ามากเกินเลยนะ เจ้กลัวปวดตับ
-
ชอบฉากชี๊อกโกแลตจังค่ะ น่ารัก พี่ไผ่เริ่มหลงน้องริวแล้วสิเนี่ยะ :-[
-
:laugh: สะใจนังแพรพลอยโดนปิดประตูใส่ แรดนัก ข้ออ้างล่ะสิทีมงานให้มาชวนน่ะ เฮอะๆๆ
เลิฟริวกะไผ่ที่สุด~! :z2:
-
+1 ให้คนลงงงง
งื้อออ น้องริว ดีมากจ้ะ หวงเนื้อหวงตัวเข้าไว้ลูก
โฮะๆๆ
ยัยแพรพลอยยยยย
คิดจะดอดเข้าห้อง ผช. รึยะ??
พี่พสุควรมาคุมนะ !!
-
o18 สะใจด้วยคนค่ะ หน้าคงแตกแล้วก็คงจะแค้นมากเลยล่ะ
ชีคงคิดจะงาบริวอะจิ ดีนะน้องริวไม่ได้ซื่อขนาดนั้น ^^
พี่ไผ่สัญญาแล้ว .. อิอิ อยู่ด้วยกันไปจนแก่เลยเน้อออ~ :m1:
-
ดีมากริวหวงตัวไว้ลูก
พลอยหน้าด้านมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
o18
-
อ่านเรื่องนี้แล้วน่ารักมากๆๆๆๆ อมยิ้มทุกตอนให้กับความน่ารักของริว
เป็นนิยายที่ทำให้เรามีความสุขมาก :)
ได้แต่ภาวนาให้ไผ่รู้ใจตัวเองสักที
ขอเดาว่าริวรุก 555
-
สวัสดีค่า ^^
เพิ่งตามอ่านตั้งแต่ตอนแรกจนตอนล่าสุด
อยากบอกว่าชอบมากกกก
สนุกมากๆเลยค่ะ
ชอบแนวรักซึมลึกแบบนี้เลยค่ะ
พี่ไผ่ก็อบอุ่นมาก น้องริวก็น่ารักค่อด >.<
เป็นกำลังใจให้นะคะ
รอติดตามตอนต่อไปค่า
ปล1. แอบคิดถึงอลัน
จะมาเยี่ยมน้องริวที่เมืองไทยบ้างมั้ยน้อ
ปล2. อย่าให้น้องริวรุกเลยนะคะพลีสสสส
แบบว่ามันไม่ใช่อ้ะกิ๊ฟฟฟฟ
T^T
-
555+....ริวไม่สนใจ
-
น้องริวมาแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
อ่านไปยิ้มไปค่ะ หวานจริงๆ มะไหร่พี่ไผ่จะรู้ใจตัวเองน๊า รอ ร้อ รอ
ขอบคุณไรเตอร์มากรุยนะคะ
-
หมั่นไส้อีชะนีแอ๊บแบ๊ว.........
-
อิอิ สมน้ำหน้ายัยพลอย
-
ริวอ้อนได้น่ารักจัง
พสุก็ตามใจน้องตลอด :m3: :m3:
-
ริวเขารักมั่นคงกะพี่ไผ่คนเดียว น่ารักๆ
+1 ค่ะ
-
ริวนี่หน้ารักขึ้นทุกวันอ้อนจนคนอ่านยังหลกเข้าให้แล้ว แล้วพี่ไผ่จะเหลือหรือ
ยัยแพรตัวร้ายจะมาสร้างปัญหาให้น้องริว แน่ ๆ :m16:
:pig4: writer คะ
-
น้องริวแร๊งงงงงงงมาก
:laugh:
นังพลอย
อย่ามายุ่งกับริวของพี่ไผ่นะเว่ย
เดี๋ยวจะโดน :beat:
ปล. เรื่องนี้อ่ะเป็นเรื่องที่อ่านตอนหนึ่งแล้วไม่อยากให้จบตอนเลย
เพราะมันติดมากๆ
-
:laugh: น้องริวไม่สน ชีพลอยก็ไม่ต้องมายุ่งเลนนะ
ไปไกลๆ :angry2: มาตามจับน้องถึงที่ห้องเลยอยาก :z6:
ดีใจมากๆที่มาอัพนะค่ะ ตอนนี้ก็น่ารักมาก แต่ตอนหน้าเหมือนปัญหาจะเข้าเปล่าเนี่ย
เชียร์น้องริวรักพี่ไผ่ที่สุดเลย :bye2:
-
โหะๆ มีคนจ้องจะกินริวซะแล้ว 555
-
น้องริวเราใช่ย่อยนะเนี่ย มีสาวมาเคาะประตูด้วย
-
คุณแพรพลอยนี่มาแบบดูก็รู้จุดประสงค์อ่ะ
สมน้ำหน้า แรดนัก
พสุริวคืบหน้าไปอีกหน่อยแล้วว ว :laugh:
ปล. แล้วตกลงใครรุกใครรับเนี่ย - -?
-
อื้อหือออออ ผญ คนนี้แร๊งแรงเนอะ
เล่นมาหาน้องหนูริวถึงห้องเลยทีเดียว
ไม่ไหวอ่ะๆๆ
-
แฮ่ๆ มาให้ท่าอ่าดิ
ริวไม่เอาหรอกเฟ้ย กลับป้ายย ยัยชะนีแดง
-
กลัวจัง กลัวยัยแพรพลอย จะมาสร้างปัญหาให้กับริว
อ่านไปก็ พยามยามตั้งความหวังว่า
ความรักที่ริวมีให้พี่ไผ่
คงค่อยๆเจริญงอกงามขึ้นในใจพี่ไผ่
แบบไม่รู้ตัวนะ แบบว่ากว่าพี่ไผ่จะรู้ตัว
พี่ไผ่เองก็มีริวอยู่เต็มหัวใจเช่นกันน่ะ
-
ยัยชะนีแพรพลอยนี่น่ากระทืบดีจริงๆนะ :fire:
-
น้องริวดีมากลูก ปฏิเสธทันทีเลย
แพรพลอยเขาจะได้รู้ตัวซักทีว่าเราไม่เล่นด้วยอ่ะ
แต่ท่าทางชีคงไม่ยอมแพ้หรอก คงตื้ออีกนาน อดทนไว้น่ะลูก
-
ช็อคโกแล็คยี่ห้อริวจู่โจมหัวใจพี่ไผ่ซะแล้ว
-
ริวน่ารัก :-[อิอิ
ทำดีมากลูก o13
-
นู๋ริวจะทำไงล่ะเนี่ย ต้องอยู่คนเดียวถึง 2 วัน แถมมีชะนีจอมแอ๊บมาวุ่นวายอีก
-
ยัยน้องพลอยนี่แรงจริงอะไรจริง ไม่ทันไรมาเคาะห้องน้องริวของพี่ไผ่ซะแล้ว
น้องริวสู้ๆนะลูก สองวันนี้ ระวังเนื้อระวังตัว ระวังยัยพลอยให้ดีนะหนู
-
น่ารัก แต่ทำม่ายยยยยยยยริวถึงสูงถึงหนาอีกละลูก :monkeysad:
-
ริว ใสซื่อน่ารักจัง พี่ไผ่เริ่มรู้สึกกับริวบ้างแล้วแหล่ะ แต่ยังไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
-
ริวได้ใจมากๆๆๆๆๆเลย :z2: :z2:ปฏิเสธซะสาวหน้าแตกไปเลย :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ขอบคุณค่ะ :L2: :L2: :L2: :L2:มาต่อเร็วๆๆๆๆๆๆนะ :call: :call: :call: :call:
-
:3125: :3125:
-
:m20: สะใจค่ะ โดนปิดประตูใส่ ขำกลิ้ง
:L2:เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ
-
ก๊ากกกก ยั่วไม่ขึ้น ริวไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย คึคึ เป็นไงล่ะหน้าแตกเลย
-
อยากอ่านต่อแล้วอะ
โอมๆๆๆๆ :3123:จงมาจงมา
จงมาจงมาอัพต่อซะดีๆๆๆ
โอมๆๆๆๆ :call:
-
555 ขำรีบน ทวงได้น่ารักมาก +1
-
>ㅅ< มาแอบนั่งรอน้องริวกับพี่ไผ่ค่า
-
น้องริวน่ารักขึ้นทุกวัน :กอด1:
กลัวยัยพลอยจะทำให้น้องริวลำบากจัง :serius2:
-
:call: :call: จงมาอัพเร็วๆๆค่ะรออ่านค่ะ :call: :call: :L2:
-
:z13:
-
คิดถึงพี่ไผ่กะน้องริวแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววว
ขอหวานๆแอบวายหน่อยได้ไหมจ๊ะ อิอิ
-
ประกาศจับพี่ไผ่กับน้องริว
ใครรู้เบาะแสแจ้งด่วนที่เล้า
มีรางวัลให้อย่างงาม
:pig4:
โอย~เค้าคิดถึงพี่ไผ่กับน้องริว
อยากอ่านแล้วอ่ะ~เง่อ
:monkeysad:
-
รอนานแล้วค่ะ ยังไม่มาอีก คิดถึงพี่ไผ่กับน้องริวแล้ว :L2: :L2:
-
หุหุ คาดว่าต้องรอให้งานเลี้ยงเสร็จก่อน เพราะได้ข่าวว่าคุณประจักษ์จะควงเธอออกงาน :laugh:
-
อ่านทันแล้วคร้าบบบบบบ!!!
นู๋ริวน่ารักมากมาย
พี่ไผ่ก็แสนดี แสนดี
+1 เป็นกำลังให้ไรเตอร์
-
ตอนที่ 34
“พี่...” ริวรีบยกโทรศัพท์แนบหูใหม่อีกครั้ง เพราะกลัวพสุจะวางสายไปแล้ว
“ว่าไงพ่อหนุ่มเนื้อหอม มีสาวมาเคาะห้องซะด้วย” พสุแซวกลั้วหัวเราะมาตามสาย
“พี่ได้ยินด้วยเหรอ?” ริวถามอย่างเขินๆ เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเดิม
“ได้ยินสิ เสียงใสเชียว ดาราหรือทีมงานล่ะ”
“ดาราครับ มีคิวถ่ายละครด้วยกันพรุ่งนี้”
“แล้วจะไม่ไปเที่ยวกับเขาเหรอ”
“ไม่ดีกว่าครับ ริวไม่ชอบ” ริวตอบเสียงหนักแน่น เพื่อยืนยันว่าตนเองไม่ต้องการออกไป
“หึหึ”
“พี่ขำอะไร”
“อ้าว...ขำก็ผิด”
“ก็พี่ทำเสียงหึหึ...” ริวโวยวาย แล้วได้ยินเสียงพสุหัวเราะลอดมาเบาๆ เด็กหนุ่มนอนกลิ้งไปมา คุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเบิกบาน ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน เจอกันทุกวัน แต่เหมือนเขายังมีอะไรที่อยากจะคุยกับพสุอีกมากมาย
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกรอบ ริวลุกไปดูที่ตาแมว พอเห็นหน้าคนเคาะ เด็กหนุ่มก็เดินกลับมานอนกลิ้งบนเตียงเหมือนเดิม อีก 2−3 นาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงเคาะอีกคราวนี้มีเสียงเรียกเบาๆด้วย แต่ริวก็ไม่คิดจะลุกไปดูจนเสียงที่หน้าห้องเงียบหายไปเอง ริวคุยโทรศัพท์กับพสุอยู่จนเกือบเที่ยงคืนถึงได้ยอมวาง เพราะพสุบอกว่าตอนเช้ามีงาน เด็กหนุ่มตั้งนาฬิกาปลุกไว้แล้วนอนมองรูปพสุบนหน้าจอจนหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้นริวก็ลงไปที่จุดนัดพบตรงเวลาเป๊ะ ทีมงานยังเซตฉากกันอยู่ พอเห็นริวก็หันมาทักทาย ริวเข้าไปแต่งหน้าทำผมคนแรก เพราะนักแสดงคนอื่นๆยังไม่มีใครมา ครู่หนึ่งนักแสดงอาวุโสก็ทยอยมาแต่งหน้าทำผมกันบ้าง
“น้องริวขา...เมื่อคืนหลับสบายไหมคะ” ช่างแต่งหน้าขาเม้าท์ประจำกอง ทักยิ้มๆ
“ครับ”
“เหรอคะ...แล้ว ไม่ได้ไปเที่ยวกับใครบ้างเลยเหรอคะ”
“เปล่าครับ” ริวตอบแล้วก็สังเกตเห็นช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมหันไปสบตากันแล้วยิ้มแปลกๆ พอทั้งคู่หันมาเห็นว่าริวมองอยู่ก็ทำหน้าเจื่อนๆ
“ไงริว...หลับสบายไหมลูก” พี่จ๋าทักเด็กหนุ่มยิ้มๆ แล้วนั่งลงข้างๆ
“ครับ”
“พี่จ๋าสวัสดีค่ะ” แก้วกุดันทักเสียงใสมาแต่ไกล ใบหน้าเกลี้ยงเกลาปราศจากเครื่องสำอางดูสดชื่นอย่างเห็นได้ชัด
“ไงแก้ว มาถึงแต่เช้าเลย” พี่จ๋าหันไปยิ้มให้ แก้วกุดันมาจากกรุงเทพ แต่มาถึงกองถ่ายก่อนนักแสดงที่พักอยู่ที่นี่เสียอีก
“วันนี้กรดมาส่งค่ะ ก็เลยสบายหน่อย” แก้วกุดันตอบแล้วหันไปมองน้องชาย ที่หิ้วกระเป๋าของเธอตามมาให้
“ไงริว มาทะเลทั้งทีได้เล่นน้ำยัง”
“ยังครับ”
“เดี๋ยวตอนเย็นถ่ายเสร็จแล้วไปเล่นน้ำกับพี่ไหม” หญิงสาวถามอย่างเอ็นดู เห็นอยู่หรอกว่าริวคอยเหลือบมองทะเลบ่อยๆ ท่าทางจะอยากเล่นน้ำ แถมวันนี้อากาศก็แจ่มใสน่าเล่นจริงๆเสียด้วย
“ครับ” ริวรับคำเขินๆ
หลังจากแก้วกุดันแต่งหน้าทำผมเสร็จ พี่จ๋าก็ให้เลื่อนมาถ่ายฉากแก้วกุดันกับริวเดินคุยกันที่บ้านริมทะเล ทั้งที่ตามคิวตอนแรกจะต้องเป็นริวต้องเข้าฉากกับแพรพลอย แต่ผู้จัดการส่วนตัวของแพรพลอยมาแจ้งว่าแพรพลอยไม่สบาย พี่จ๋าจึงให้เลื่อนมาถ่ายฉากริวกับแก้วกุดันแทน ยังดีที่เป็นฉากต่อเนื่องกัน นักแสดงจึงไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ให้เสียเวลา
วันนี้อากาศเป็นใจ แถมนักแสดงก็เตรียมตัวพร้อม การถ่ายทำจึงเสร็จสิ้นก่อนเวลาที่วางไว้เสียอีก พี่จ๋าเลยให้เลิกกองเร็ว หลายๆคนก็เลยถือโอกาสลงเล่นน้ำกันซะเลย รวมทั้งริวกับแก้วกุดันด้วย
นักข่าวบันเทิง ตามไปเก็บภาพแก้วกุดันกับริว แล้วขอสัมภาษณ์ ทั้งคู่ก็เลยขึ้นจากน้ำมาให้สัมภาษณ์ ก่อนที่แก้วกุดันจะกลับไปก่อนเพราะหมดฉากของเธอแล้ว ส่วนริวก็ขอตัวกลับไปห้องพัก สวนทางกับแพรพลอยที่ลงมากับผู้จัดการส่วนตัว
“อ้าวริว...เอ่อ เลิกกองแล้วเหรอ” แพรพลอยถามด้วยสีหน้าเก้อๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีการถ่ายทำแล้ว
“ครับ” ริวตอบแล้วเตรียมเลี่ยงขึ้นห้อง
“แล้วนั่นริวจะไปไหน?”
“ผมจะกลับห้องครับ”
“ไปกันหมด พลอยก็ไม่มีเพื่อนเล่นน้ำนะสิ ริวอยู่เล่นน้ำกับพลอยก่อนนะ” แพรพลอยทำเสียงอ้อนๆ
“คุณไม่สบายไม่ใช่เหรอ ลงมาเล่นน้ำตอนนี้จะป่วยซ้ำไปอีกนะ” ริวเตือนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่คนฟังรู้สึกเหมือนโดนตำหนิ แพรพลอยหน้าเสีย เหลือบไปสบตาผู้จัดการส่วนตัว
“เมื่อเช้าพลอยไม่สบายจริงๆ นะ แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยก็เลยอยากจะเล่นน้ำบ้าง ริวอยู่เป็นเพื่อนพลอยก่อนสิ” แพรพลอยอ้อนแล้วขยับเข้ามาเกาะแขน ริวดึงแขนออกแล้วถูตรงที่เธอจับอย่างเผลอตัว พอเห็นแพรพลอยมองเด็กหนุ่มก็แก้ตัวเสียงเรียบ
“ผมโดนแมงกะพรุน รู้สึกคันๆ ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ริวตอบแล้วเดินแกมวิ่งกลับเข้าโรงแรมไป ปล่อยให้แพรพลอยมองตามด้วยความโมโห ทีมงานหลายคนที่ยังอยู่แถวนั้น เริ่มสะกิดกันแล้วพยักพเยิดให้ดู “คนป่วย” ที่แต่งหน้าแต่งตัวเหมือนจะมาเข้าฉาก มากกว่าจะลงมาเล่นน้ำ……
………………………….
“จริงเหรอเจ๊ ที่พลอยมาเคาะห้องริวเมื่อคืนน่ะ” เสียงสนทนาที่มีชื่อเขาเข้าไปเกี่ยว ทำให้ริวชะงักเท้าที่จะก้าวออกไป เด็กหนุ่มกำลังจะลงไปกินข้าวที่ห้องอาหารข้างล่าง ไม่คิดว่าจะมาได้ยินเรื่องของตนเองตรงหน้าลิฟต์
“ชั้นได้ยินเองเต็มๆ หูเลยหล่อน แหม...ทำเป็นอ้างว่าพี่ๆ ให้มาตาม พี่ไหนมิทราบ เห็นมาสองคนกะนังชะนีปุ๊ก”
“เหรอ...แล้วริวเปิดประตูรับมั๊ยพี่”
“รอบแรกเปิดย่ะ แต่ไม่ไปด้วยนะยะ แต่รอบสองชีมาเคาะเรียกอยู่ตั้งนาน น้องริวของชั้นก็ไม่ยอมเปิดประตูรับ ชีเลยเหวี่ยงทำเป็นแกล้งป่วย...ฮึ! ป่วยจริงหรือหาเรื่องอยู่ต่อกันแน่ จริงๆ ชีมีถ่ายฉากตอนเช้าแค่ 2 ฉาก วันนี้วันเดียวก็เสร็จแล้วย่ะ แต่นี่กลายเป็นน้องแก้วถ่ายเสร็จก่อนชีเลยได้โอกาสอยู่ต่ออีกคืน คอยดูนะ คืนนี้ชีต้องมาเคาะห้องน้องริวอีกแน่ๆ เลย”
“จริงเหรอเจ๊ จะกล้าเหรอ ผู้ชายเขาไม่เล่นด้วยขนาดนั้นแล้ว” เสียงทีมงานอีกคนค้านเบาๆ
“ไม่เชื่อพวกหล่อนๆๆ คอยดูไปสิ ชั้นน่ะได้ข่าวแม่คนนี้มาหลายงานแล้ว ว่าหล่อนทำเป็นแอ้บแบ๊วหน้าซื่อไปงั้นแหละ แต่ชอบย่องเข้าหาหนุ่มๆ”
“เยอะไปป่ะเจ๊ หนูว่าพลอยคงไม่กล้าหรอก วันนี้เมื่อตอนเย็นไปชวนริวเล่นน้ำ ริวก็ชิ่งหนีไปอีกนี่ สงสัยคงรู้ตัวแล้วแหละว่าผู้ชายเขาไม่เล่นด้วย”
“มาพนันกันไหม ชั้นว่าคืนนี้ยังไงชีต้องมาเคาะห้องน้องริวแน่ๆ”
“พนันเท่าไหร่ว่ามาเลยเจ๊”
ริวถอยออกมาจากตรงนั้นก่อนที่ช่างแต่งหน้ากลุ่มนั้นจะเห็นเขา เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นอย่างหนักใจ คิดหาทางเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่สบายใจนัก
“ไงริว มาทำอะไรตรงนี้” เสียงทักจากด้านหลังทำให้ริวรีบหันกลับไปแล้วยกมือไหว้นักแสดงอาวุโสของกองถ่าย
“สวัสดีครับอาภพ เพิ่งมาถึงเหรอครับ”
“ใช่...เมื่อวานถ่ายละครเสร็จก็เย็นแล้ว ก็เลยมาเอาวันนี้ เพราะคิวถ่ายของอาอยู่พรุ่งนี้ทั้งหมด...แล้วนี่เราจะไปไหนล่ะ”
“เอ่อ...ผมกำลังจะลงไปกินข้าวครับ”
“เออ อาก็กำลังจะลงไปพอดี...ไป...ลงไปด้วยกัน....เป็นไง เมื่อคืนหลับสบายไหม เมื่อเย็นวานตอนอาถ่ายละครกับไผ่ เห็นไผ่บอกว่าเรากลัวผี ฝากให้อาดูให้...ถ้าไงคืนนี้มานอนกับอาก็ได้นะ”
“ได้เหรอครับ” ริวยิ้มร่าด้วยความดีใจ คิดหาทางออกให้ตัวเองได้แล้ว
“ได้สิ อานอนคนเดียว เตียงยังว่างอีกเตียง”
“งั้นคืนนี้ริวไปนอนห้องอาภพนะครับ”
“มาเลยไอ้หลานชาย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ย้ายกระเป๋ามาพักกับอาเลยก็ได้”
“ขอบคุณครับ” ริวยกมือไหว้ สมภพโอบไหล่เด็กหนุ่มเดินไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปที่ห้องอาหาร
ระหว่างที่กินอาหารเย็นกันอยู่ ช่างแต่งหน้าขาเม้าท์ยกกลุ่มกันเข้ามาหาสมภพ
“อาภพขา คืนนี้ตั้งวงกันนะคะอา” เจ๊คนช่างเม้าท์มาเกาะเข่าสมภพทำเสียงอ้อนๆ แล้วส่งยิ้มเผื่อแผ่มาถึงริว
“ไม่ได้หรอก คืนนี้ริวจะมานอนด้วย” สมภพตอบยิ้มๆ แล้วหันไปมองริวว่าเด็กหนุ่มรู้เรื่องหรือไม่ว่าคนอื่นๆพูดถึงเรื่องอะไร
“อ้าว...งั้นห้องน้องริวก็ว่างสิคะ” เจ้าหล่อนหันขวับมาทำตาโตใส่ริวอย่างมีความหวัง
“ครับ” ริวรับคำงงๆ เห็นสายตาทุกคู่จ้องมาที่เขากันหมด
“งั้น...จะเป็นไรไหมคะ ถ้าพวกพี่จะขอยืมห้องน้องริวสักคืน...แบบว่าอยากจะแก้มือกันให้มันเด็ดขาดไปเลยน่ะค่ะ”
“ตามสบายครับ เดี๋ยวริวจะย้ายกระเป๋ามาห้องอาภพแล้ว” แม้จะไม่รู้ว่าตั้งวงที่พวกเธอพูดถึงคืออะไร แต่ริวก็พยักหน้ารับทำให้ช่างแต่งหน้าขาเม้าท์กลุ่มนั้นหันไปส่งยิ้มให้กันอย่างยินดี
“แต้งกิ้วนะค๊าน้องริว แล้ว...น้องริวอย่าให้พี่จ๋ารู้นะคะ พี่ขอละค่ะ”
“ครับ”
เช้าวันรุ่งขึ้น การถ่ายทำก็เป็นไปอย่างรีบเร่งเพื่อให้เสร็จก่อนเย็น ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพรพลอยเลี่ยงที่จะเข้าใกล้ริวอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ริวโล่งใจ แม้จะเห็นทีมงานซุบซิบกันแล้วพากันหัวเราะคิกคักแต่ริวก็ไม่ได้สนใจ พอกลับถึงกรุงเทพริวก็รีบกลับบ้านทันทีจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
‘นางร้ายน้องใหม่ อักษรย่อ พ. บุกเคาะห้องพระรอง ร. กลางดึก ระหว่างยกกองไปถ่ายทำที่ต่างจังหวัด แต่โชคร้ายที่หนุ่ม ร. ย้ายห้องหนีไปนอนที่อื่น แล้วดันให้ทีมงานมานอนแทน งานนี้เลยโป๊ะแตก หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ แหม...คุณน้องขา จะตะกายห้องใครทั้งทีทำไมไม่ดูให้ดีซะก่อนละค๊า ว่าผู้ชายเขา “เล่นด้วย” หรือเปล่า’
ข้อความพาดหัวตัวเป้งในคอลัมน์ซุบซิบของหนังสือก๊อซซิบหลายฉบับ พร้อมๆ กับข่าวลือเรื่อง “เคาะห้องกลางดึก” แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แต่ตัวต้นเรื่องอย่างริวกลับไม่รู้อะไรเลย จนกระทั่งถูกไวยากรณ์แซว เด็กหนุ่มก็ยังทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจ
พี่จ๋าที่รู้รายละเอียดจากทีมงานผู้อยู่ในเหตุการณ์ “คืนนั้น” จึงตัดสินใจตัดไฟเสียแต่ต้นลม โดยการเรียกประชุม ให้เปลี่ยนคิวการถ่ายทำ เลือกถ่ายในส่วนของริวกับแก้วกุดันทั้งหมดก่อน โดยอ้างเหตุผลเรื่องแก้วกุดันจะต้องกลับไปทำงานที่ต่างประเทศ คนอื่นๆนั้นไม่กระทบเท่าไหร่ มีก็แต่แพรพลอยที่เธอแทบไม่ต้องเข้ามากองถ่ายเลย เนื่องจากฉากของเธอกับริวนั้น ถูกเลื่อนออกไปไว้หลังสุด แต่แพรพลอยก็มากองถ่ายทุกวัน เพื่อมาจับผิดใครบางคน…..
ภาพความสนิทสนมของริวกับแก้วกุดัน ถูกส่งขึ้นปกหนังสือบันเทิงฉบับหนึ่งจนได้ ในภาพแก้วกุดันกำลังส่งผ้าเย็นให้ริว และเด็กหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มกับเธอพอดี แค่ภาพนั้นยังไม่หนักเท่าข้อความ ที่จั่วหัวว่าแก้วกุดันชอบกินเด็กถึงได้สลัดรักพสุมาหาหนุ่มน้อยหน้าใสแทน
อีกภาพเป็นภาพจากฉากในละคร ที่แก้วกุดันนั่งพิงอกริวบนชิงช้า ก็ใช้คำแรงว่าแก้วกุดันทุ่มเกินร้อย แค่ฉากสยิวเล็กๆ แต่ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อจับริวให้อยู่หมัด
ริวเม้มปากแน่น ตาเป็นประกายวาววับด้วยความโกรธ เมื่อเช้ากรเวชมาหาแต่เช้าแล้วยัดเยียดหนังสือฉบับนี้ให้ แต่ริวไม่มีเวลาดู เพิ่งได้เห็นข่าวตอนที่มานั่งพักระหว่างรอเข้าฉากต่อไป...ทั้งภาพและคำบรรยายที่แฝงนัยหยาบคายทำให้ริวโมโหจนอยากจะฉีกหนังสือทิ้ง ยังดีที่วันนี้แก้วกุดันไม่ได้มาเข้าฉากด้วย ไม่อย่างนั้นริวคงมองหน้าเธอไม่ติด
ทันทีที่เห็นเบอร์บนหน้าจอสีหน้าบึ้งตึงของริวก็เปลี่ยนเป็นยินดี จนทำให้แพรพลอยที่เพิ่งเดินมาถึงยังอดสงสัยไม่ได้ว่าริวคุยอยู่กับใครจึงพยายามเขยิบเข้าไปฟังใกล้ๆ
“ครับพี่...ริวยังอยู่กองถ่ายครับ วันนี้มีปัญหาหลายอย่าง ยังถ่ายได้ไม่ถึงไหนเลย...เหรอ...จริงเหรอ...คนเยอะมั๊ยครับ...”
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร แต่สีหน้าหงุดหงิดของริวหายไปหมด แถมยังอมยิ้มน้อยๆ ตลอดเวลา
“...พี่ดลเป็นไงบ้างครับ...ฮะๆๆ...จริงเหรอ...แล้วพี่เดินกับใครครับ...โอ้โห! ได้เดินกับคนดังด้วย...อิจฉาสิ...”
อาการย่นจมูกแต่ปากยิ้มร่าของริว บอกถึงอารมณ์เบิกบานจนแพรพลอยอยากรู้ใจแทบขาดว่าคนปลายสายเป็นใคร
“น้องริว น้องพลอยคะ เตรียมเข้าฉากค่ะ” ทีมงานเดินมาเรียก ทำเอาแพรพลอยสะดุ้งเฮือกรีบถอยห่างออกมา กลัวริวจะรู้ว่าเธอมาแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์ แต่ดูเหมือนไม่จำเป็นเพราะริวไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเสียงเรียกจาก ทีมงานสักนิด ยังคงยิ้มหน้าบานกับพุ่มไม้ตรงหน้าและคอยแซวคนในสายกลับไปเรื่อยๆ
“น้องริว น้องพลอยคะ เข้าฉากได้แล้วค่ะ” ทีมงานคนเดิมมาเรียกซ้ำ
“เอ่อ...ริว...พี่เขาเรียกเข้าฉากแล้วนะ” แพรพลอยถือโอกาสเข้าไปเรียกริวใกล้ๆ
“ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ...พี่...ริวทำงานก่อนนะ เดี๋ยวโทรหา...ครับ...ครับ...ทราบแล้วครับ...บายครับ”
“โทรหาแฟนเหรอริว หน้าบานเชียว” แพรพลอยทำเป็นแซวขำๆ ทั้งที่หงุดหงิดกับสีหน้าแจ่มใสของริวและพาลริษยาไปถึงคนปลายสาย
“เปล่า...” ตอนได้ยินประโยคปฏิเสธแพรพลอยก็ใจฟู แต่แล้วก็ต้องแฟ่บกระทันหันกับประโยคหลังของริว
“ผมไม่ได้โทรไป เค้าโทรมา” ริวตอบแล้วเดินนำกลับเข้าไปที่สตูดิโอ
แพรพลอยเม้มปากแน่นด้วยความไม่พอใจ แสดงว่าคนที่โทรมาเป็นแฟนของริวจริงๆ และคงอายุมากกว่าเพราะได้ยินริวเรียกพี่...ซึ่งก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากแก้วกุดัน
“ริว...วันนี้พลอยขอติดรถไปหน่อยสิ นะ” แพรพลอยยังตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทำไม่เห็นอาการระวังตัวแจของริว
“อ้าว! เมื่อเช้าคุณเอารถมาไม่ใช่เหรอ” ริวชะงัก หันกลับมาถาม พลอยให้แพรพลอยหยุดเดินไปด้วย
“ก็เอามา...แต่รู้สึกมันจะมีปัญหา ดับกลางทางบ่อยๆ พลอยเรียกช่างมาเอาไปอู่แล้ว ก็เลยไม่มีรถกลับ”
“......” ริวยืนนิ่ง เม้มปากนิดๆด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“แต่ถ้าริวไม่สะดวก พลอยขอไปลงที่ถนนใหญ่ก็พอ เดี๋ยวพลอยไปแท็กซี่ก็ได้” แพรพลอยทำเสียงสั่น และคั้นน้ำตาให้ปริ่มตา ผู้ชายร้อยทั้งร้อยไม่มีใครใจแข็งกับน้ำตาผู้หญิงได้แน่นอน
“ไม่ได้หรอก ป่านนี้แล้วยังถ่ายไม่เสร็จ เหลืออีกตั้งหลายฉาก สงสัยคงดึกกว่าจะเสร็จ...ไว้ผมไปส่งให้ละกัน”
“แหม เกรงใจจัง พลอยไม่ได้อยากให้เป็นภาระริวเหมือนคนอื่นสักหน่อย” แพรพลอยออกตัว แล้วยังถือโอกาสว่ากระทบไปถึงแก้วกุดัน ทำเป็นวางมาดสาวปราดเปรียวคล่องแคล่ว แต่ก็ต้องให้ริวไปรับไปส่ง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าแก้วกุดันก็แผนสูง คิดจะใช้ไม้รถเสียจับริวละสิไม่ว่า
“ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องสุดวิสัย” ริวตอบเสียงเรียบ ไม่ได้มีท่าทางสะดุดหูกับคำกระทบของเธอ
กว่ากองจะเลิกก็ปาไปเกือบ 4 ทุ่ม แพรพลอยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินยิ้มหน้าบานมาหาริว
“กลับกันหรือยังคะริว” แพรพลอยชวนด้วยสีหน้าสดใส ทีมงานที่อยู่ตรงนั้นเหลียวมามองเป็นตาเดียว
“อ้าว!น้องพลอยกลับกับน้องริวเหรอคะ”
“ค่ะ พอดีรถพลอยเสียน่ะค่ะ ริวก็เลยจะไปส่งให้”
“เหรอจ๊ะ ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ทำไมต้องรีบอธิบายขนาดนั้น”
“เปล่านี่คะ พลอยก็แค่เล่าให้ฟัง” แพรพลอยแย้งแล้วทำหน้าเอียงอาย
“คิกๆ แล้วทำไมต้องหน้าแดงละคะน้องพลอย” ลูกคู่คนเดิมยังแซวไม่เลิก ขณะที่คนอื่นๆ หยุดเก็บของหันมาฟังอย่างสนใจ
“พี่ก็ อะไรไม่รู้ พลอยไม่ได้หน้าแดงสักหน่อย” แพรพลอยเหลือบมองหน้าริวอย่างเขินๆ แต่ดูเหมือนริวจะไม่ได้สนใจบทสนทนาของเธอกับทีมงาน เพราะเขายิ้มหวานให้โทรศัพท์อีกแล้ว
“ครับ...แล้วตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน...เหรอครับ! ดีเลย งั้น........” ริวเดินคุยโทรศัพท์หายไปยังห้องแต่งตัวชาย ครู่หนึ่งก็กลับออกมาพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียบร้อย
“กลับกันเลยดีไหมคะริว” แพรพลอยถามเสียงดัง เจตนาให้ได้ยินกันทั่วๆ ทีนี้จะได้รู้กันซะทีว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวจริงของริว
“นี่ครับ” ริวยื่นกุญแจรถให้แพรพลอย เด็กสาวรับมาถืองงๆ
“เอ่อ...อะไรคะ”
“กุญแจรถผมไง” ริวตอบแบบกำปั้นทุบดิน
“แล้ว...เอามาให้พลอยทำไม”
“ก็ให้คุณเอารถผมกลับไปไงครับ”
“แล้ว...ริวจะกลับยังไงคะ?” แพรพลอยหน้าเสีย รู้สึกผิดแผนไปหมด
“เดี๋ยวเพื่อนมารับครับ”
“แต่ว่า...” คำตอบของริวเล่นเอาแพรพลอยถึงกับใบ้กิน หาทางไปไม่เจอไปชั่วขณะ
“ยังไงพรุ่งนี้ก็มีคิวถ่ายที่นี่ต่ออยู่แล้ว คุณเอารถมาคืนพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
“แต่...”
เสียงโทรศัพท์มือถือของริวมีเสียงริงโทนมาสั้นๆ ก่อนจะดับไปโดยที่ริวไม่ทันได้รับ แต่เด็กหนุ่มหน้าชื่นด้วยความยินดี
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับทุกคน สวัสดีครับ” ริวหันไปไหว้พี่ๆ ทีมงานแล้วเดินแกมวิ่งออกไปหน้าสตูดิโอ แพรพลอยวิ่งตามไปด้วยความข้องใจ อยากจะเห็นหน้าคนที่มารับริวว่าเป็นใคร
รถแลนด์โรเวอร์สีขาวที่แล่นมาเทียบรถสปอร์ตของริวดูคุ้นตาอย่างประหลาด แพรพลอยซอยเท้าเร็วขึ้นเพื่อไปให้ทันดูหน้าคนขับ แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นเมื่อประตูฝั่งคนขับเปิดออก และผู้ที่ก้าวลงมาก็ทำให้แพรพลอยถึงกับงงงันไปวูบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อจำได้ว่าคนที่ลงมาจากรถก็คือ พสุ ศิระศาสตร์ หัวหน้าวงคิสมี
“อ้าว!...เอารถมาแล้วจะให้พี่มารับทำไมล่ะริว” พสุถามแล้วเหล่ตามองริวอย่างข้องใจ เมื่อเช้าเขาออกจากบ้านมาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าริวเอารถมาหรือกรเวชให้รถไปรับ
“อ๋อ! พอดีเพื่อนในกองถ่ายเขารถเสีย จะกลับแท็กซี่มันก็ดึกเกินไป ริวก็เลยให้เขายืมรถ”
“ขี้เกียจขับรถเลยเรียกพี่มารับมากกว่ามั้ง” พสุทำเสียงรู้ทันแล้วหรี่ตามองริวอย่างล้อๆ จนเด็กหนุ่มต้องเกาท้ายทอยแก้เขิน
“โหยพี่ ไม่ต้องรู้ทันนักก็ได้...ปายยยย กลับบ้านกันเถอะ” ริวรีบเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งรอ ขณะที่พสุเหลือบไปมองเพราะเห็นเงาคนวูบวาบอยู่ไม่ห่างนัก
“นั่นใครเดินตามมา”
“เขาคงกลับเหมือนกันละมั้ง ช่างเถอะ พี่ไผ่ค้าบ...ริวหิวววววว มีอะไรกินมั่ง” ริวตอบอย่างไม่สนใจแล้วหันหาของกินซึ่งพสุมักจะมีติดรถไว้ให้เสมอ
“ในถุงข้างหลังแน่ะ แฟนคลับเอาของกินมาให้เยอะเลย แต่พี่ยังไม่มีเวลาเปิดดูเลย...รู้สึกจะมีข้าวปั้นด้วย” พสุบอกแล้วขับรถออกจากลานจอด ยังทันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนมองตามมา
“งั้นไม่เกรงใจละคร้าบ...โอ้ย อร่อยมากกกก...พี่ลองกินสิ” ริวคีบข้าวปั้นคำเล็กขนาดพอดีคำ กลิ่นหอมฟุ้งยื่นให้ถึงปากพสุ
“หืม...อืมๆ...” พสุอ้าปากรับด้วยความเคยชิน ขนาดได้มาตั้งแต่สายๆ แล้ว แต่ก็รสชาติก็ยังดีอย่างไม่น่าเชื่อ จนสองหนุ่มกินหมดกล่องแทบไม่รู้ตัว
“อร่อยจัง...เขาซื้อมาจากร้านไหนเนี่ย” ริวยกถุงใส่กล่องข้าวปั้นขึ้นส่องหาโลโก้ร้าน
“เห็นว่าทำเองนะ คนที่ทำเค้กมาให้เมื่อวันเกิดริวไง”
“คนนั้นน่ะเหรอ! โอ๊ยทำไมเขาไม่เปิดร้านอาหาร ริวจะไปซื้อกินทุกวันเลย ฝีมือขนาดนี้ รับรองขายดีแน่ๆ”
“เขาทำมาให้แต่พวกเรากินนะ รู้สึกว่าพี่เขาจะมีพวกกิจการส่งออกกุ้งแช่แข็ง ขนาดงานยุ่งๆ ยังพยายามหาเวลามาทำของกินให้พวกเราประจำ”
“อื้อหือ! แฟนคลับเราน่ารักจริงๆ...” ริวอุทานอย่างแปลกใจ เพราะเด็กหนุ่มไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่นัก สำหรับริวสิ่งเดียวที่สนใจก็คือเรื่องของพสุ กับการคิดเพลงดีๆ แต่งเพลงเพราะๆเตรียมไว้ให้พสุเท่านั้น เรื่องอื่นๆในชีวิตประจำวันจึงเป็นหน้าที่ของพสุที่จะเก็บเล็กผสมน้อยมาคอยเล่าให้ฟัง
..........................
-
ดีใจมากได้อ่านแล้ว เกือบจะไปนอนอยู่แล้ว :bye2:
พี่ไผ่กับน้องริวน่ารักมาก
เอายายแพรพลอยไปปล่อยป่าที่
-
หุหุหุ ได้อ่านต่อแล้ววว
อ่านแล้วอยากอ่านตอนต่อไปอีกแล้ววว
อัพพพพพพอัพพพพพ
หุหุหุ นุกจังเลย
อ่านไปยิ้มไปน้องริวพี่ไผ่
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดเข้ามากรี๊ดก่อนจ้า
-
เกินไปนะยัยแพรพลอย :beat: :beat:
ใครก้อได้ช่วยเอาไปเก็บไกลๆ หน่อย
-
อ่านไปยิ้มไป อยากจะอ่านมันทุกวันเสียจริงๆ
+1เปงกำลังใจให้นะคะ
จุ๊บุจุ๊บุ
-
น้อง พ. ตามติดชีวิตน้อง ร. เหลือเกิน ฮ่าๆ ขำพาดหัวข่าว :jul3:
-
สะจายชะมัด เจอมุกนี้เข้าไปชะนีก็ชะนีเหอะ :laugh:
-
:laugh: สะใจยัยนังร้าย พ.
น้องริวได้ใจมาก ฮ่าๆ ทำยัยแพรพลอยหน้าหงายเงิบไปซะหลายรอบ ..
แต่แก้วก็ซวยไปเนอะ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็โดนลากไปเกี่ยวซะงั้น ฮ่าาา
ที่ไหนได้ พี่ ในสายดันเป็นคนที่คนอื่นไม่ทันนึกถึงอีกตะหาก ^^
-
น้องริวน่ารักชนะเลิศ,,
ชอบมากกกกกกก ดูใสอ่ะ!!!
อ้อนพี่พสุจังนะ หุหุหุ
-
:laugh: :laugh: สะใจมากกกกกกกกกก :z2: :z2:
-
ไม่อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากจนสมัครแล้วก็ประเดิมเม้นแรกด้วยเรื่องนี้เลย
แบบว่าหลงเสนห์น้องริวกับพสุไปเต็มๆอ่ะ น้องริวน่ารักสุดๆ :กอด1:
.
.
.
.
ส่วนแพรพลอย....ช่วยไปไกลๆได้มั้ยเนี้ย :angry2:
-
แบบว่าน่ารักเรื่อย...........ดีนะไม่ค่อยมีปัญหาแต่ นังแพรพลอยไปไกลๆเลย
-
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก :m20: สมน้ำหน้านางร้ายพ.จริงจรี๊งงงงงงงงงง :laugh:
ยกนิ้วให้ริวที o13 เอาตัวให้รอดจากชะนีพ.ต่อไปนะจ๊ะ
ว่าแต่ว่า..แอบสงสารแก้วเหมือนกันนะ :กอด1: (แต่อย่ามาแย่งตอนหลังนะ)
ริวxไผ่ only! :mc2:
-
ช่างกล้าเนอะ คนเค้าไม่เล่นด้วยยังจะไปยุ่งกับเค้าอีกกก
ริวสู้ๆๆๆ เดี๋ยวพี่ให้ยันต์ไว้พกกันไอ้คนพวกนี้ 5555
-
ต่อไปพลอยต้องเป็นตัวปัญหาแน่ ๆ เลย
-
ริว เดียงสา จังเนอะ
-
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะรู้สักทีว่าน้องรักขนาดนี้
-
ดีใจที่น้องริวไม่ไปหลงกล ยัย พ. คนนั้น
เหอๆๆๆๆ
-
เซ็งนังแพรพลอย จิง ๆ
-
โอมมมมม :3123: :call:จงมาจงมา
โอมจงมาจงมา
น้องริวกำลังน่าร๊ากกกกกกกเลยอะ
มาอัพตอนต่อไปไวๆๆนาค่า
อ่านไปยิ้มไปเหมือนคนบ้า
:z3:
-
เชื่อเหอะว่ายัยแพรพลอยจะไม่ยอมวางมือง่ายๆ
แต่ก็ขอเอาใจช่วยให้ริวแคล้วคลาดจากนังมารร้ายนี่ ทุกครั้งที่หล่อนปฏิบัติการล่ะกัน
แล้วเมื่อไรพี่ไผ่จะรู้สึกรักริวเกินคำว่าน้องรักล่ะเนี่ย
-
นังกากพลอยจะเห็นอะไร จนเอาไปเผยแพร่อีกไหม
นั่งนี่ เป็นชะนีที่หวานๆ มาก น่าตบด้วยเปลือกทุกเรียนจริง ๆ
-
หนูพลอยโดนสะกัดดาวรุ่ง ฮุ ๆๆๆ
-
ได้ใจมากริว อย่างพลอยต้องเจออย่างริวเลี่ยงแบบซื่อ ๆ ทำเอาคนอย่างพลอยไปไม่เป็น 555++++
:pig4: writer คะ
-
555+
สมน้ำหน้านังแพรพลอย
แผนสูงดีนัก หน้าแตกเลยล่ะสิเธอว์~ :laugh:
-
:laugh: สะใจมากๆ แต่ทำไมชีไม่ย่อมถอยอ่ะ
ตามตื้ออยู่นั้นแหละ :serius2:ออกไปซะ
ตอนนี้ก็น่ารักอีกแล้วมีสวีทกันนิดหน่อยด้วย
อ๊ากเป็นปลื้มที่สุดเลย
-
:z6: :z6: :z6:
ชะนีพลอย กลับเข้าป่าไปเถอะจ้ะ
น้องริวตูยิ่งใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ เพราะฉะนั้นยัยคุณพลอยกรุณาอย่ามาเกลือกกลั้วให้น้องตูมัวหมอง :angry2:
ไม่อย่างงั้นจะหาว่าแม่(ยก)ไม่เตือนนะเออ o18
-
พี่ไผ่ปกป้องริวด้วย
มารร้ายจริงๆเลยผู้หญิงอะไร
ด้านมาก
-
นังแพรพลอย จะทำให้เรื่องยุ่งอีกแน่ๆ เป็นนังร้ายในละครแล้ว ยังจะเป็นนังร้ายในชีวิตจริงอีก
-
แพรพลอยแรงมาก
ริวน่ารักจริง ๆ
-
พี่ไผ่
มาอยู่ข้างๆริวนะ
อย่าให้ใครมาทำอะไรริวได้
:m15:
-
น้องริว เยี่ยมมากลูก
แก้ลำยัยแพรพลอย ยื่นกุญแจรถให้ขับไปเองเลย
ยิงปืนนัดเดียวไ้ด้นกสองตัวเลย
ให้ชะนีกลับเอง ส่วนตัวน้องริวถือโอกาสให้พี่ไผ่มารับเลย แผนสูงมากลูก
-
ก็คนมันไม่มีใจที่จะรัก
-
นังแพรพลอยแรงจริง ๆ นะยะ
ทำมาเป็นสำออยรถเสีย
ชิชะ~แต่ก็ไม่ทันน้องริวของชั้น (เฮ้ย~ของพี่ไผ่) หรอก
เป็นไงหล่ะน้องริวยกรถให้ขับกลับเองเลย
อึ้งเลยดิ หุ หุ หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ
ร้าย ๆ อย่างแก ไม่ทันคนซื่อ ๆ หยั่งน้องริวหรอกย่ะ
-
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่า
เข้ามารอทุกวันเลย >< คิดถึงพี่ไผ่กับน้องริวมั่กๆ
น้องริวตอบโต้ได้ใสซื่อแต่เจ็บปวดมากก 55+
แล้วยัยแพรพลอยจะก่อเรื่องไรอีกป่าวเนี่ย -"-
พักนี้น้องริวงานยุ่ง ไม่มีเวลากับพี่ไผ่เลยอ่า แงแง
เมื่อไหร่พี่น้องเค้าจะตกลงปลงใจกันอะคะ
-
+1ให้กับไรเตอร์คนเก่งหน่อยยยยย สงสัยว่าทำไมเราไม่กดเปิดเข้ามาอ่านตั้งแต่แรกนะเนี๊ย ถ้าไม่ได้อ่านนี้คงเสียดายมากแน่ๆ เลย :z3:
แบบว่าเรื่องน่ารักมากอ่ะ หลงรักทั้งพี่ไผ่ทั้ง ริวเลย :-[ :-[
ตะวันก็น่ารัก เอาๆ จริงคือชอบทั้งวงเลยแหละ รวมคุณผู้จัดการกรด้วย รายนั้นแอบสงสารนิดนึง
ต้องมานั่งระแวงว่าพี่ไผ่กับหนูริวจะกิ๊กกัน
-
:L2:
-
พี่ไผ่ก็ยังน่ารักกะน้องริวตลอด
:-[
แอบกลัวยัย พ. จัง
-
คืดถึงพี่ไผ่กับน้องริวอีกแล้วหละซิทำไงดีหละหนอ
-
ริวทำดีมากลูก
:laugh:สมน้ำหน้า ฮ่า ๆ ๆ
-
โอยยย น่ารักแทบขาดใจ อ่านไปยิ้มไป ริวน่าร้ากกกกกก
><//ลงไปดิ้นๆ อิจฉาพี่ไผ่ๆๆๆ
ง่ะลืมๆ +1 ให้คนแต่ง
-
น่ารัก น่ารัก เอิ้ก ก ก ก
หลงรักริว
-
ยัยพลอยนี่ท่าทางจะเปนนางอิจฉาเรื่องนี้ :angry2:
-
เอายัยพลอยออกไปซะ ชอบมาวุ่นกะนู๋ริว เดี๋ยวหล่อนต้องก่อเรื่องแน่ๆ
-
เมืื่อไรพี่ไผ่จะรู้ตัวซักทีเนี่ยว่าริวรักมากขนาดนี้
-
:L1:พสุพี่ชายใจดีของน้องริว
-
:mc4: กรี๊ดดดดดดดดดดดดดเก่งมากริว ลูกรัก เข้าใจหาวิธีเนอะ เป็นทั้งสุภาพบุรุษ และได้อยู่กะพี่ที่รักด้วย
-
แว๊บมาดู จึ๊กนึง :m7:
-
อัพ อัพ อัพ :call: :call: :call:
-
:monkeysad:แงแงแง
ยังไม่มาอัพต่ออีกแล้วอะ :serius2:
เค้าจะอ่าน เค้าจะอ่าน
:sad11:แงแงแงแง
-
แวะมา+1ให้กับน้องริวที่แสนขี้อ้อนและพี่ไผ่ที่แสนดีเจ้าค่ะ
-
น้องริววว
มายังงงง
><
-
:m22: ย่องมาส่องน้องริว
ยังไม่มาอีกหรอ :m17: คิดถึงแล้วนะคะ :m13:
ตอนนี้กำลังอินเลิฟเรื่องนี้อย่างแรงค่ะ :m3:
:กอด1:คนแต่ง&คนโพสต์ไฟท์ติ้งจ้า~ :จุ๊บๆ:
-
ยายแพรจะมีแผนการอะไรอีกนะ
-
รอจนใจจะขาดอยู่แล้ว อิอิ คิดถึงริวจริงๆ
-
ต่อเถอะคร้า
-
มาเห็นตอนฉากหวาน งานจะเข้าริวไหมเนี่ย
-
มาแล้วจ้า
แต่ขอไปอาบน้ำแปร๊บส์
เดี่ยวมาลง
//เล่นตัวววว
.
.
.
.
.
.
มาลงต่อแล้วคร้าบบ
**********************
ตอนที่ 35
“แวะหาอะไรกินก่อนหรือจะกลับบ้านเลย” พสุถามขณะเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนที่คุ้นเคย ก่อนจะขยับตัวหลบเล็กน้อยเมื่อริวแทรกมาระหว่างเบาะจนไหล่กว้างเลยมาเบียดเพื่อควานหาของกินจากเบาะหลัง ดูเหมือนริวจะตัวใหญ่ขึ้นจนพสุเองก็รู้สึกได้
“แวะซื้อกวยจั๊บ ปากซอยก่อนได้ไหมพี่ ริวอยากกิน”
“เอาสิ พี่ก็อยากกินผัดไทเหมือนกัน”
ริวฮัมเพลงหงุงหงิงอยู่คนเดียวขณะที่มือก็รื้อหาของกินในถุงไปด้วย
“เพลงที่ฮัมอยู่นี่แต่งใหม่เหรอ”
“ครับ...แต่งเสร็จเมื่อบ่ายนี้ ตอนพี่โทรมาได้ยินเสียงเพลงจากในงาน ก็เลยได้ไอเดีย”
“ต้องมานั่งแปลงเนื้อเป็นภาษาไทยกันอีกไหม”
“ไม่ต้องหรอก....” ริวบอกแล้วแกะปลาเส้นอบกรอบออกจากถุงยื่นถึงปากพสุ
“ก็ดีแล้ว” พสุชมเสียงเรียบๆ ทั้งที่ใจแกว่งแปลกๆ ปกติเขาเคยต้องเป็นคนตามแก้เพลงให้ริวเกือบทุกเพลง พอริวบอกไม่ต้องทำก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ เหมือน...ความสำคัญของเขาค่อยๆ ลดลง
“ดีอยู่แล้ว เพราะริวกะว่าจะให้พี่แต่งเนื้อร้องให้เลยล่ะ”
“เฮ้ย! พี่ไม่ว่างขนาดนั้นหรอกมั้ง” พสุค้านเสียงดัง ความรู้สึกแกว่งๆ โหวงๆ ในอกหายไปอย่างรวดเร็ว
“โหยพี่อย่าพูดแบบนั้นสิครับ...ได้ทำนองมาแล้ว เหลือแต่คำเพราะๆ ก็ต้องเป็นพี่อยู่แล้วที่แต่งได้”
“ตะวันล่ะ ไม่ลองเอาเดโม่ไปให้ตะวันฟังดูก่อน”
“ไม่ไหวหรอก ตอนนี้ในหัวพี่ตะวัน มีแต่เรื่องละครเวที”
“ก็คนเขาตกอยู่ในห้วงภวังค์รัก…ตกหลุมรักละครเวทีไปเต็มเปาแล้ว”
“ห้วง...อะไรนะ?”
“เอาเป็นว่ากำลังอินเลิฟกับงานก็แล้วกัน...เมื่อวันแสดงรอบสื่อมวลชนนะ ตะวันงี้หน้าบานเชียว ท่าทางจะมีความสุขมาก” พสุบอกยิ้มๆ วันแสดงรอบสื่อมวลชน ริวไม่ได้ไปดูเพราะติดถ่ายละครอยู่ต่างจังหวัดพอดี
“แล้วพี่ล่ะ...ตกอยู่ในพะวงรักกับใครบ้างไหม”
“ภวังค์ ไม่ใช่พะวง คนละความหมายแล้ว” พสุท้วงขำๆ แต่ริวไม่ขำด้วย เด็กหนุ่มหันมาจ้องหน้าพสุนิ่งอย่างรอคอยคำตอบ
“พี่ตอบก่อนสิ อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง”
ริวคาดคั้นจนพสุแปลกใจ แต่ก็ตอบไปตามตรง
“แล้วจะให้ไปรักใครล่ะ ตอนนี้ก็ทำงานทุกวัน แทบไม่ได้หายใจหายคอ...แถมต้องคอยดูแลเด็กโข่งขี้อ้อนแถวนี้อีก จะเอาเวลาที่ไหนไปจีบสาว”
“.....” ริวใจพองด้วยความสุข พยายามกลั้นยิ้มแต่ไม่สำเร็จจึงรีบเบือนหน้าออกไปมองข้างนอก แต่พสุก็ยังสังเกตเห็น
“ยิ้มอะไร?”
“เปล่าครับ”
“เปล่าแล้วทำไมยิ้มซะขนาดนั้น”
“ก็...แค่...ขำคนไม่มีแฟน” ริวตอบอุบอิบแล้วหัวเราะเขินๆ
“อ๋อ...จะเยาะเย้ยกันใช่ไหม ใครจะเหมือนริวล่ะพ่อเนื้อหอม สาวๆ รุมตอมกันหึ่ง”
“ริวไม่ใช่ขี้” ริวโวยวายแล้วหันมาทำหน้ามุ่ย
“ฮ่าๆ รู้ได้ไงเนี่ย ใครบอก” พสุหลุดขำอย่างลืมตัว แซวแล้วริวไม่เข้าใจมุขก็ว่าขำแล้ว...แต่แซวแล้วริวเข้าใจกลับขำกว่าเสียอีก
“ริวเคยโดนพี่ไวย์ว่ามาแล้ว” ริวเฉลยแล้วย่นจมูกนิดๆ อย่างขัดใจ
“อ้อเหรอ..หึหึ” พสุยังขำไม่เลิก
“ริวไม่ได้เยาะเย้ยพี่นะ แค่...” ริวยั้งคำพูดไว้ แล้วกัดปาก เบือนหน้าไปมองนอกรถด้วยท่าทางเขินๆ อีกรอบ
“แค่อะไร”
“เปล่าครับ...”
“อะไรเปล่า ไหนเคยบ่นว่าคนไทยทำไมเอะอะอะไรก็เปล่าไว้ก่อน แล้วทำไมวันนี้ใช้คำนี้บ่อยจริง”
“ก็...” ประโยคหลังๆงึมงำอยู่ในลำคอจนฟังไม่ออกว่าเด็กหนุ่มพูดอะไร พสุจึงหันไปขยี้ผมที่เซตไว้อย่างดีซะจนยุ่งเหยิง ริวคว้ามือที่กำลังขยี้ผมตนเองแล้วยึดไว้แน่น แม้พสุจะพยายามดึงออกแต่ก็ไม่สำเร็จ
“เลิกแกล้งแล้วน่า ปล่อยได้แล้ว พี่ขับรถไม่ถนัด” พสุบอกเสียงเรียบๆ ริวก็ยอมปล่อยแต่โดยดีแล้วหันไปสนใจถุงขนมต่อ
“พี่กินอะไรอีกมั๊ย”
“ไว้ก่อนดีกว่า จะเก็บท้องไว้กินผัดไทก่อน”
ทันทีที่รถจอด ริวก็โดดลงไปอย่างว่องไว ปราดเข้าไปสั่งผัดไทให้พสุก่อนแล้วถึงเดินไปสั่งอย่างอื่น พสุจอดรถเสร็จก็เดินตามไป พอไปถึงริวก็หันมายิ้มเขินๆ ให้
“พี่จ่ายเงินทีนะ ริวลืมกระเป๋าไว้ในรถ”
“นึกแล้ว...เท่าไหร่ล่ะ”
“ไม่รู้สิครับ ริวสั่งผัดไทไป 4 ห่อ กวยจั๊บ 2 ถุง”
“สั่งไปไหนตั้งเยอะ”
“ก็เผื่อพี่แมวด้วย แกคงรอเปิดประตูให้เรา”
พสุเพียงแต่ยิ้ม ทั้งที่ในใจก็นึกชื่นชมริว ถึงจะมีนิสัยเป็นเด็กแต่ริวก็รู้จักเอื้อเฟื้อกับคนอื่นเสมอ
……………………………………
“น้องริวขา น้องแพรขา เห็นข่าวนี้หรือยังคะเนี่ย...ต๊าย! แร๊งแรงค่ะ” ผู้จัดการส่วนตัวของแพรพลอยถลามากลางวง ขณะที่ช่างกำลังแต่งหน้าให้ริว แพรพลอยนั้นแต่งเสร็จนานแล้วแต่ยังไม่ยอมลุกออกไป นั่งชวนช่างแต่งหน้าคุยเรื่องสัพเพเหระมาครู่ใหญ่ๆ แล้ว
‘แพรพลอยขับรถสปอร์ตสุดหรูกลับบ้านกลางดึก’
‘ยังปากแข็งว่าเป็นแค่เพื่อนกัน แต่เมื่อวานเหยี่ยวข่าวตาไวของเรา เหลือบไปเห็นแพรพลอย นางร้ายน้องใหม่หน้าใสกิ๊งจากละครดังขับรถสปอร์ตราคาหลายสิบล้านกลับบ้านกลางดึก พอไปสอบถามเจ้าตัวก็อึกๆ อักๆ แล้วบอกว่ารถเสีย เพื่อนที่กองถ่ายเลยให้ยืมมา แหม...เพื่อนใจดีนะค๊าคุณน้อง ให้ยืมรถราคาหลายสิบล้านเนี่ย ทำไม๊ทำไมเพื่อนเจ๊มันไม่ใจดีแบบเพื่อนหนูบ้าง ว่าแต่...ขับรถ “เพื่อนสนิท” กลับบ้านแบบนี้ไม่กลัวเจ้าแม่แถวนั้นองค์ลงเหรอค๊าคุณน้องขา’
“ตายจริง! ทำไมเขียนข่าวแบบนี้เนี่ย พลอยไม่รู้เรื่องเลยนะริว ก็เจอพี่นักข่าวเขาที่เซเว่นปากซอย เขาก็มาทักว่าทำไมกลับบ้านดึก พลอยก็บอกไปว่าเพิ่งเลิกกอง แล้วเขาก็ทักว่าซื้อรถตั้งแต่เมื่อไหร่ พลอยก็บอกไปว่าเพื่อนให้ยืมมาเพราะรถพลอยเสีย พลอยพูดแค่นั้นจริงๆ นะ”
ริวอ่านข่าวเสร็จแล้วก็ทำหน้านิ่งๆ จนคนเอาหนังสือมาให้ดูถึงกับหน้าม้าน เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรถึงข่าวนั้นเลยสักคำเดียว พอช่างแต่งหน้าเสร็จ ริวก็ไหว้ขอบคุณแล้วลุกออกไปนั่งข้างนักแสดงอาวุโสท่านหนึ่งเพื่อรอเข้าฉาก
แพรพลอยเหลือบไปสบตากับผู้จัดการส่วนตัวแอบเม้มปาก เธอคิดว่าริวจะโวยวาย หรือไม่ก็ต้องปลอบใจเธอที่ตกเป็นข่าวกับเขา แต่ริวกลับทำเฉยๆ เหมือนข่าวที่อ่านไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
“เอาไงดีพลอย”
“สงสัยริวจะไม่เข้าใจหรือเปล่าพี่ว่าข่าวซุบซิบนี่หมายถึงตัวเอง” แพรพลอยกระซิบตอบเสียงเครียด เธอหมดเงินกับข่าวนี้ไปไม่น้อย เพราะเมื่อวานตอนโทรตามให้นักข่าวคนนี้มาเก็บภาพเธอกับรถสปอร์ตของริวก็ดึกมากจนโดนเรียกค่าเสียเวลาไปซะกระเป๋าแฟ่บ
“ไม่แน่นะคะ เป็นไปได้ค่ะ”
“งั้นต้องเป็นหน้าที่พี่แล้วล่ะค่ะ ที่จะไปทำให้ริวเขาเข้าใจว่าข่าวเนี่ย พลอยเสียหาย แล้วคนที่เป็นข่าวด้วยแบบริวก็ควรจะแสดงความรับผิดชอบบ้าง”
“ได้ค่ะ เรื่องแบบนี้พี่ถนัด เดี๋ยวจัดให้” ผู้จัดการส่วนตัวของแพรพลอยพยักพเยิดแล้วรีบเดินไปหาริว เด็กหนุ่มคุยอยู่กับสมภพ นักแสดงอาวุโสที่กำลังจะเข้าฉากต่อไปด้วยกัน พอผู้จัดการส่วนตัวของแพรพลอยเข้าไปใกล้ทั้งริวและสมภพก็หันมามองเกือบจะพร้อมกัน
“น้องริวคะ พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย”
“ครับ?”
“หมายถึงคุยส่วนตัวน่ะค่ะ” ปุ๊กตอบเน้นๆ อย่างไม่เกรงใจสมภพที่นั่งอยู่ด้วย สมภพถึงกับเหลือบมองหน้าผู้จัดการดาราร่างอ้วนกลมด้วยสายตาสมเพชในความไร้มารยาทของเธอ
“ผมกำลังรอเข้าฉาก...” ริวตอบกึ่งปฏิเสธเพื่อเตือนให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเขากำลังทำงาน ไม่สะดวกที่จะคุยด้วย
“แป๊บเดียวเท่านั้นเองค่ะ นะคะ”
“ครับ” ริวลุกแยกมาจากตรงนั้น ผู้จัดการส่วนตัวของแพรพลอยทำท่าจะคว้าแขนเขาลากไปอีกทาง แต่ริวหดมือหนีทันก่อนที่อีกฝ่ายจะแตะตัว
“มีอะไรก็คุยมาเลยครับ ผมไม่อยากไปไกลเดี๋ยวผู้กำกับเรียกแล้วไม่ได้ยิน”
“ก็ได้ค่ะ คืองี้นะคะ เรื่องข่าวที่หนังสือลงน่ะ น้องพลอยเขากลุ้มใจมากเลยนะคะ”
“เหรอครับ” ริวขมวดคิ้วอย่างสงสัย ว่าการที่แพรพลอยกลุ้มใจมันเกี่ยวอะไรกับเขา
“ค่ะ...ดูสิคะ น้องเขาไม่เคยเป็นข่าวเสียหายเลยนะคะ ตั้งแต่มาถ่ายละครเรื่องนี้นี่มีเรื่องลงหนังสือไม่เว้นแต่ละวัน ขนาดเรื่องขับรถน้องริวกลับบ้าน ยังโดนเอาไปเขียนให้เสียหายเลย น่าสงสารจริงๆ”
“ครับ” ริวรับคำ สีหน้านิ่งสนิท แต่ดวงตาเป็นประกายวาววับ
“น้องริวคะ ใจคอจะพูดแค่คำนี้เหรอคะ?”
“แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมไม่ได้เป็นคนเขียนข่าว”
“แต่น้องริวก็น่าจะแสดงความรับผิดชอบบ้างนะคะ”
“รับผิดชอบ?”
“ค่ะรับผิดชอบ น้องริวเป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว แต่คนเสียหายคือน้องพลอยนะคะ น้องริวน่าจะให้สัมภาษณ์บ้างว่าน้องริวเป็นคนเสนอให้น้องพลอยยืมรถไปเองจริงๆ ไม่ใช่น้องพลอยไปแย่ง...เอ่อ หมายถึงไปขอยืมรถน้องริวเองน่ะค่ะ นักข่าวจะได้ไม่ลากน้องพลอยไปเกี่ยวข้องกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ให้เป็นข่าวคาวๆ เหมือนนักแสดงคนอื่นในกอง”
ริวไม่พูดอะไรอีกตามเคย แต่สายตารู้ทันที่จ้องมองเขม็งทำให้คนกำลังเจรจาจ้อยๆ เงียบเสียงไปเอง บรรยากาศตรงนั้นคุกรุ่นด้วยความไม่พอใจของริวจนอีกฝ่ายรู้สึกได้
“น้องริวคะ น้องริว ผู้กำกับบอกให้เตรียมเข้าฉากได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับพี่เก๋” ริวเหลือบมองหน้าผู้จัดการของแพรพลอยอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามเก๋ไปเข้าฉาก
“ไหนว่าเป็นเด็กซื่อๆ ไง ตางี้...ดุยังกะตาเสือ ท่าทางแผนงาบไอ้รูปหล่อหน้าซื่อนี่จะไม่ง่ายซะแล้วล่ะน้องพลอย” ปุ๊กบ่นงึมงำแล้วรีบไปรายงานผลกับแพรพลอย
ริวถ่ายละครเสร็จก็กลับบ้านทันที ตลอดทั้งวันเด็กหนุ่มไม่พูดอะไรกับแพรพลอยเลยแม้แต่คำเดียว ไม่แม้แต่จะเดินเฉียดใกล้บริเวณที่เธอนั่งอยู่
พอไปถึงบ้านก็พบว่าพสุยังไม่กลับ ริวจึงเข้าไปอาบน้ำแล้วลงแช่น้ำในอ่างเพื่อให้คลายความโมโห แม้จะเข้าวงการมาไม่ถึงปี แต่สารพัดรูปแบบมนุษย์ที่ริวได้เรียนรู้ทั้งจากประสบการณ์ตรง และจากคำบอกเล่าของพสุ ทำให้เด็กหนุ่มรู้ดีว่า คนในวงการนี้ หลายคนน่ากลัวและน่าเกลียดได้อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากจะกล้าพูดโกหกกันหน้าตาเฉย ยังกล้าจะทำร้ายคนอื่นได้ทุกรูปแบบ ขอเพียงให้ได้ผลประโยชน์ตามที่ต้องการเท่านั้น
ริวลุกออกไปหยิบโทรศัพท์ทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่า แล้วกลับลงไปแช่น้ำอีกครั้ง ก่อนจะกดตัวเลขที่คุ้นเคยอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมอง
“อลัน...เช็คให้หน่อยสิ ว่าใครเขียนข่าวแก้วกุดันกับฉัน”
“ได้...นายรีบหรือเปล่าล่ะ” อลันถามกลับ ได้ยินเสียงเปิดกระดาษกรอบแกรบลอดมา แสดงว่ายังทำงานอยู่
“ขอเร็วที่สุด” ริวตอบเสียงห้วนอย่างหงุดหงิด ไม่ได้หงุดหงิดอลัน แต่หงุดหงิดกับข่าวแย่ๆ ที่ไม่มีมูลความจริงใดๆ
“ตกลง”
ริวถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้ววางโทรศัพท์พิงศีรษะกับขอบอ่าง
......................................
วันเดินแบบกรเวชส่งรถบริษัทมารับริวตั้งแต่ยังไม่เที่ยง เพื่อซ้อมก่อนเดินจริงในรอบค่ำ เพราะงานนี้เป็นงานใหญ่ นายแบบและนางแบบจึงมากเป็นพิเศษ ริวซ้อมเดินเพียง 2 รอบก็เกือบค่ำแล้ว พอซ้อมเสร็จเด็กหนุ่มก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมารอแต่งหน้าทำผม ไวยากรณ์ซึ่งมาทีหลังผิวปากหวือเมื่อเห็นรูปร่างริวถนัดตา
“เฮ้ย! ริว มีกล้ามตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ไวยากรณ์โวยดังลั่นเมื่อริวถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามเหมือนทุกๆ คน เด็กหนุ่มหน้าแดงรีบห่อไหล่อย่างเขินๆ พยายามจะหลบแต่กลับโดนไวยากรณ์ลากมากลางวงแล้วพยายามจะดึงชายเสื้อขึ้น
“ปล่อยนะพี่ไวย์ ผมไม่เล่น”
“อะไรๆ กล้าหือเหรอ...อย่ามาทำเหนียม ขอดูซิกแพคหน่อยว่ามีไหม”
“ไม่เอา” ริวพยายามหนี แต่ไวยากรณ์ก็ตามติดอย่างไม่ลดละ แม้ไวยากรณ์จะรูปร่างหนากว่าเล็กน้อย แต่เพราะริวสูงกว่า เรื่องพละกำลังจึงไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกันมากนัก นายแบบนางแบบคนอื่นๆ ต่างยืนมองไวยากรณ์กับริวเล่นกันอย่างแปลกใจ ปกติไวยากรณ์เป็นพวกนายแบบจอมหยิ่ง ไม่ค่อยจะเสวนากับใครนัก แต่คราวนี้กลับเล่นหัวกับริวอย่างสนุกสนาน ท่าทางเอ็นดูที่ไวยากรณ์มีให้ริวทำให้หลายคนจับตามองริวอย่างสนใจ
พี่อ้อมเข้ามาดูทุกคนเตรียมตัวพร้อมก่อนเดินอีกครั้งอย่างพึงพอใจ โดยเฉพาะริวที่แต่งชุดของพี่อ้อมได้ขึ้นมาก เด่นจนแทบข่มไวยากรณ์ที่เดินในชุดฟินาเล่ของคืนนี้
เพราะไปถ่ายละครอยู่ต่างจังหวัดซะเป็นส่วนใหญ่ และบ้านที่ใช้ถ่ายละครก็เป็นเขตบ้านพักส่วนตัว แฟนคลับแฟนเพลงของริวจึงไม่มีโอกาสได้เจอริวเลย ครั้งนี้จึงเป็นการออกงานครั้งแรกหลังจากเก็บตัวเงียบมานานหลายเดือน
พอริวปรากฏกายเสียงกรี๊ดก็ดังจนสต๊าฟที่อยู่ข้างหลังต่างวิ่งออกมาดู ไม่ใช่แค่กรี๊ดบางคนกระทืบเท้าตบมือต้อนรับดังมากจนคนเดินอยู่ห่างออกไปจากบริเวณนั้นได้ยินเสียงแล้ววิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ริววววว หล่อมากกกกกกกกก “ เสียงแฟนคลับตะโกนพร้อมกันราวกับนัด ริวเพียงแต่หันไปยิ้มแล้วกระพริบตาถี่ๆ รับแสงแฟลชที่สว่างวาบๆ เข้าตาจนตาพร่า เสียงกรี๊ดของผู้ชมดังจนไม่ได้ยินเสียงเพลงที่เปิดให้จังหวะ แต่ริวก็พยายามเดินให้เหมือนตอนที่ซ้อม ทุกครั้งที่หยุดโพสต์ท่าเสียงกรี๊ดก็จะดังเป็นพิเศษ ชั้นบนๆ ของห้างรอบลานจัดงานเต็มไปด้วยไทยมุงที่ต่างตามเสียงกรี๊ดมาดู หลายคนเพิ่งเห็นริวชัดๆ จึงโบกไม้โบกมือให้อย่างตื่นเต้น
“หล่อมากอ่ะ”
“ตัวจริงหล่อม๊าก”
คนเพิ่งเคยเห็นริวต่างอุทานกันเซ็งแซ่ โดยไม่รู้ว่าแฟนคลับของริวที่ติดตามผลงานของเด็กหนุ่มมาตลอดก็เพิ่งอุทานแบบเดียวกัน ชั่วระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ไม่ได้เห็น รูปลักษณ์ของริวเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด จากเด็กหนุ่มตัวผอมตาแป๋วที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักในความน่าเอ็นดู กลายเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ละลายหัวใจคนดูได้ง่ายๆ
ทั้งที่ริวเป็นนายแบบรับเชิญที่เดินเพียงชุดเดียว แต่เมื่อเดินออกมาอีกครั้งพร้อมๆกับนายแบบคนอื่นๆ ริวกลับได้ควงแขนพี่อ้อมออกมาส่งให้ไวยากรณ์ที่เดินชุดฟินาเล่ข้างหน้า และถูกพี่อ้อมดึงแขนไว้ เรียกเสียงกรี๊ดจากคนดูอีกรอบ
“ริว..ยิ้มหวานๆให้คนดูเร็ว อย่าให้เสียชื่อนะ” ไวยากรณ์กระซิบขู่น้องขำๆ เพราะรู้ว่าตอนนี้ริวอายแค่ไหน ริวหันมามองทำหน้าตกใจ
“อะไรนะครับ”
“หันไปยิ้มหวานๆ เร็วๆ”
ริวรีบหันไปแจกยิ้มหวานไปรอบๆ ตามที่ไวยากรณ์สั่ง เท่านั้นเองเสียงกรี๊ดปานห้างจะถล่มก็ดังอีกระลอก
“คิสมีๆๆๆ”
เสียงแฟนคลับตะโกนเรียกริวกับไวย์ดังสนั่น เล่นเอานายแบบนางแบบคนอื่นๆ ถึงกับชะโงกมามองริวกับไวยากรณ์
ไวยากรณ์หันไปส่งจูบแล้วหันไปกระซิบพี่อ้อม พี่อ้อมพยักหน้าแล้วควงแขนริวกับไวยากรณ์เดินออกไปชิดริมเวทีด้านหน้า ก่อนจะโน้มคอไวยากรณ์มาจูบแก้ม แล้วหันไปดึงริวมาทำท่าเหมือนจะจูบบ้าง
เสียงแฟนคลับร้องว้าย แสดงอาการไม่พอใจ ขณะที่ริวทำหน้าเหรอหรา พี่อ้อมก็เลยเอานิ้วแตะปากแล้วไปแตะแก้มริวแทน ริวเขินจนหน้าแดง เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ถูกเลยเกาท้ายทอยแก้เขิน ขณะที่ผู้ชมต่างปรบมือกรีดร้องด้วยความถูกใจที่พี่อ้อมไม่จูบริวของพวกเธอจริงๆ
“ยินดีด้วยจ้า นายแบบใหม่” น้ำเสียงสดใสทักนำมาก่อนทันทีที่ริวเข้าไปหลังเวที
แก้วกุดันยื่นช่อดอกไม้ที่ทำจากช็อกโกแลตแทนดอกไม้มาให้ริว แล้วตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ อย่างสรรพยอก ริวไหว้ขอบคุณแล้วยิ้มกว้างด้วยความยินดี
“พี่แก้ว! สวัสดีครับ ริวนึกว่าพี่แก้วขึ้นเครื่องแล้วซะอีก”
“ไปไฟล์ท 4 ทุ่มจ้ะ เลยแวบๆ มาดูนายแบบใหม่ซะหน่อย โอ๊ย! เสียงกรี๊ดเหมือนห้างจะถล่ม” แก้วกุดันแซวแกมชื่นชม แม้ริวจะไม่ใช่นายแบบมืออาชีพ แต่ท่าเดินบนเวทีก็สง่า หากเด็กหนุ่มจะเอาดีทางนี้แก้วกุดันคิดว่าริวต้องกลายเป็นนายแบบแถวหน้าได้แน่นอน
“โอ้โห! ริว เจ๋งว่ะ มีนางแบบอินเตอร์มาเชียร์ถึงหลังเวทีเชียวนะ” ไวยากรณ์ตะโกนทักมาแต่ไกล เรียกสายตาทุกคู่ให้หันมามองริวกับแก้วกุดันกันหมด
ริวขยับตัวอย่างอึดอัด ในขณะที่แก้วกุดันยังคงตีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ได้ยินที่ไวยากรณ์พูด
“ไงเจ๊ มาทำอะไรไม่ทราบ หลังเวทีนี่เขาให้อยู่แต่สต๊าฟกับนายแบบนางแบบที่เดินแฟชั่นวันนี้ไม่ใช่เหรอ?” ไวยากรณ์ยังตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องหญิงสาวต่อไป แต่แก้วกุดันก็ไม่สนใจ
“ยังไงพี่ต้องไปขึ้นเครื่องก่อนนะริว ไว้ถึงที่โน่นแล้วจะโทรหา” แก้วกุดันยังคงคุยยิ้มแย้มกับริวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอโทษด้วยนะครับที่ริวไม่ได้ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ขนาดน้องๆ พี่ พี่ยังไม่ให้ไปส่งเลย พี่ไม่ชอบดราม่า ไปส่งกันเยอะๆ เดี๋ยวบ่อน้ำตาแตกกันพอดี...ริวก็รักษาสุขภาพด้วยล่ะ รู้ไหม” แก้วกุดันตอบยิ้มๆ
“ขอบคุณครับพี่แก้ว...” ริวยกมือไหว้ ขณะที่แก้วกุดันแตะแก้มริวเบาๆ อย่างเอ็นดูแล้วกลับออกไปโดยไม่เหลียวไปมองไวยากรณ์แม้แต่นิดเดียว ราวกับไวยากรณ์เป็นเพียงอากาศธาตุ
ไวยากรณ์เม้มปาก ตาแดงก่ำด้วยความโกรธแกมน้อยใจ ไม่ว่าจะพูดดีหรือท้าท้าย แก้วกุดันก็ไม่เคยเห็นเขาในสายตาสักครั้ง แต่กับริวทำไมแก้วกุดันถึงอาทรนัก เพราะแม้แต่พสุที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตคนรัก แก้วกุดันก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดเอาดอกไม้มาแสดงความยินดี...หรือข่าวเรื่องความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของแก้วกุดันกับริวจะเป็นเรื่องจริง
“พี่ไวย์ครับ ผมกลับก่อนนะครับ” ริวที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ออกมาลาไวยากรณ์เพื่อกลับบ้าน เขามีเรื่องตื่นเต้นอยากเล่าให้พสุฟังมากมาย
“กลับไม่ได้ ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนพี่ก่อน” ไวยากรณ์ชวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ดวงตาดุจนริวสังเกตเห็น
“แต่...ผมไม่กินเหล้า”
“ไม่กินก็ไปนั่งเป็นเพื่อนได้”
“ผมอายุยังไม่ถึงนะครับ คงไปต่อกับพี่ไม่ได้หรอก”
“ที่พี่ไปมันเป็นเมมเบอร์คลับ ที่นั่นไม่มีใครกล้าไปตรวจบัตรนายหรอกน่า มาเร็ว”
“แต่ผม...”
“มานี่” ไวยากรณ์ตรงเข้าไปลากริวให้ตามไป เด็กหนุ่มหน้าเสีย แต่ก็จำต้องเดินตามแรงลากไปด้วยความเกรงใจไวยากรณ์ ทั้งที่ตอนนี้เด็กหนุ่มอยากกลับไปหาพสุใจแทบขาดแล้ว
.....................................
-
^
^
จิ้มคนลงไว้ก่อนเลย!!
อ่าาาาา
น้องริววววววว
มาดแมนขึ้นแล้วใช่ม้ายยยยยย :-[
ถูกใจเจ้ ฮ่าๆๆ
ยัยแพรพลอยยยยยยย
เล่นเองชงเองนะคะ ชิส์
พี่แก้วน่ารักจัง ^^
ไวย์ ชอบพี่แก้ว ??? จะคู่กันมั้ยยยย
:L2: :L2: ให้ทั้งคนลง แล้วก็คนแต่งเลยจ้ะ
-
โอ๊วว ไวย์ชอบแก้วเหรอเนี่ย? ดีแล้วๆ 555 ให้น้องริวช่วยจิ อิอิ
ยัยแพรพลอย ชีต้องการอะไร? ริวเซ็งแบบนี้เด๋วก็เจอดีหรอก = ="
-
ไอ้คุณไวจะก่อเรื่องหรือเปล่าฟระ :m16:
-
น้องริวเริ่มหล่อขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ ป้าเริ่มหวั่นใจ :z3:
ส่วนแพรพลอย จัดการไปเลยลูกไปต้องยั้ง :z6:
.
.
.
แต่แอบกังวลเล็กน้อย ไวย์จะพาน้องริวไปเกิดเรื่องมั้ยเนี้ย :เฮ้อ:
-
555 สะใจนังแพรพลอย เสียทั้งเงิน เสียทั้งหน้า
พี่ไผ่ชักจะขาดริวไม่ได้แล้วใช่ไหม อยากเป็นคนสำคัญของริวตลอดแล้วใช่ไหม อิอิ รีบๆรักริวเร็วๆนะ
ว่าแล้วเชียวนายไวย์ต้องชอบแก้วแน่ๆ
-
เข้ามากรี๊ดน้องริวอีกคนค่ะ ท่าทางน้องจะล่ำแซงหน้าพี่ไผ่ซะแล้ว หุหุ
แล้วคุณพี่ไวย์จะก่อเรื่องไรอีกรึป่าวคะเนี่ย รอลุ้นตอนหน้านะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
พี่ไวยากรณ์ หลงรักแก้วกุดั่นรึป่าวหว่า
ถ้าใช่ เชียร์คนแรกนะจ๊ะ
-
ไวท์หาเรื่องให้ริวอีกแล้ว
ทั้งที่อยู่วงการมาก่อนน่าจะรู้ว่าควรว่างตัวยังไง
พี่ไผ่ช่วยริวด้วย
:serius2:
-
:laugh: สะใจ~ คนแบบนั้นก็ต้องโดนริวมองแบบนี้แหละ หวังว่าอลันสืบรู้มาแล้ว นังแพรพลอยจะหล่นหายไปเลยนะ โฮะๆๆๆ :laugh3:
นี่~ ไวย์ทำให้ริวลำบากใจอีกแล้วนะ อย่าเผลอไปทำไรริวอ่ะ กลัวใจไวย์ว่ะ ไม่รู้จะเผลอทำไรเพราะหึงแก้วรึเปล่า~~ :serius2:
-
ยัยแพรพลอยจอมวางแผนเอ้ย
สมน้ำหน้าจริง ๆ เลย
อุตส่าห์ลงทุนสร้างข่าวขึ้นมา
ก็ไม่ทำให้ริวสนใจได้
น้องริวจากเด็กตาแป๋ว
เป็นชายหนุ่มเนื้อหอมซะแล้ว
แต่ก็ยังเป็นเด็กขี้อ้อนของพี่ไผ่เสมอ
พี่ไวย์มีอาการแปลก ๆ กับแก้วกุดั่น
ชอบเค้ารึเปล่า พอเค้าไม่สนใจก็โกรธ
อ่ะ ๆ แล้วนั่นลากน้องริวไปกินเหล้าทำไมเนี่ย
น้องริวเค้าอยากกลับบ้านไปหาพี่ไผ่ใจจะขาดแล้ว
จะทำเรื่องอะไรรึป่าวน๊า พี่ไวย์เนี่ย ชักไม่ไว้ใจแล้วดิ
ขอบคุณนะคะที่มาอัพเพิ่มแล้ว
ขอบอกว่าชอบมาก ๆ เลยเรื่องนี้
อ่านแล้วติดมาก ถ้าไม่ได้อ่านจะครั่นเนื้อครั่นตัว
จะลงแดงให้ได้ อิอิ
-
ขี้พาลหว่ะพี่ไว ถ้าน้องริวเกิดเป็นไรขึ้นมานะ :m16:
-
น้องริวท่าจะหล่อขั้นเทพ :impress2:
เอ่อไวย์ท่าจะหึงนะนั่น
-
จะเป็นอะไรไหมหละหนอเนี้ย กลัวจะเกิดเรื่องให้เครียดเลยจริ๊งจริงงงงงง
-
น่ารักมากๆๆ เห็นไมน้องริวของเราก็ทันคนนะ ตอนแรกแอบกลัวอ่ะ
แต่ตอนนี้ไม่ห่วงแล้ว เพราะพี่ๆสอนมาดีเนอะ
แต่พี่ไวย์ดิ ชวนน้องไปแบบนี้ได้ไง โทรหาพี่ไผ่ด่วนนะริว
ไรเตอร์สู้ๆ มาอัพบ่อยน่า คนลงด้วยสู้ๆ :bye2:
-
เข้ามาเป็นแฟนคลับ ช่วยกรีดร้อง ส่งเสียงเชียร์
ริว กับ พสุ แต่ว่าริวตัวใหญ่กว่าพสุแล้วอะ
งั้นที่คิดไว้ ก็ผิดข้าไปแล้วหรือเปล่านะ :serius2:
-
ค้างงงงงงงงงงงงงง :serius2: :sad4:
-
กรี๊ดดด!!น้องริวมาแล้ววว!! :oni1:กระโดดกอดน้องริวของเค้าาาา~
ทำไมน่ารักได้ตลอดเลยล่ะค่ะ ทำพี่สาวจิตใจหวั่นไหวได้ทุกตอนเลยค่ะน้องริว :o8:
น่ารักขนาดนี้ไงคะ ชะนีพลอยเลยมาเกาะเป็นปลิง :angry2:
:z6:กระโดดสกายคิกส์ยัยพลอยออกไปนอกโลกด่วนค่ะ หมั่นไส้มันนนน!!!!! :m31:
:กอด1: กอดคนแต่ง&คนโพสต์ จุ๊บแถมอีกม๊วฟนึง :จุ๊บๆ:
มาต่อเร็วๆนะคะ เค้าคิดถึง :m13:
-
ขัดใจ
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :a5: :a5:
-
อ๊าย............. น้องไวย์
นึกว่าจะคู่กับพี่ตะวัน ก๊าก ๆ
ที่ไหนได้ไปแอบหลงรักสาวรุ่นพี่ :impress3:
-
เอาอีกครับ
-
พี่ไวย์นิสัยไม่ดีับังคับน้องอ่ะ แบร่
-
อ่า
เดี๋ยวพอริวไป
ริวก็จะแอบกินเหล้าด้วย
แล้วริวก็เมา
แล้วพสุก็มารับริว
แล้วริวก็ข่มขืนพสุ
หรือพสุข่มขืนริวฟระ
แต่น่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า
แล้วเค้าก็จะรักกัน :z1:
-
ปมใหม่มาแล้ว
-
จะมีเรื่องอะไรป่าวน้าา
-
ไวย์โมโหหึง
-
น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน o8
หึหึ นับประสาอะไรกับพี่ไผ่ที่ถูกริวผู้แสนน่ารักอ้อนทุกวี่ทุกวัน
มันก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างแหละน้าาาาา :laugh: :laugh:
ส่วนตาไวย์ชอบเจ๊แก้วหรอ สารภาพว่าทีแรกนึกว่าแอบชอบพี่ไผ่ซะอีก ตอนที่เหวี่ยงตอนมีข่าเจ๊กับพี่ไผ่อ่า :try2:
:z6: อันนี้คืออีโมที่อยากฝากไปถึงนังแพรกับยัยผู้จัดการ
แล้วพวกหล่อนจะรู้ว่ากำลังเล่นกับใครอยู่ :laugh:
-
อร๊ากก จบแบบค้างคามากกกกกก
คิดถึงน้องริวจริงๆๆๆค่ะ ^ ^
-
จบแบบค้างๆๆอะ
เค้าอยากอ่านตอนต่อไปแล้วอะ
กำลังนุกเลยอะ
โอมมมมอัพพพ :call: โอมจงมาอัพต่อ โอมมมมมมมอัพพพ :call:
-
แหมกำลังจะโล่งใจว่า อลันคงจะเก็บกวาดขยะที่ชื่อพลอยให้สะอาดหมดจด
จนไม่มารกตารกใจน้องริว แล้วคงหมดตัวปัญหาไปซะ
แต่มาตอนท้าย ปัญหาจะเกิดเพราะน้องริวไปกับไวย์หรือเปล่า
ชัวร์ ไวย์รักแก้วกุดั่นแน่
-
ไวย์ชอบแก้วแหงเลย
เดี๋ยวก็พาริวเสียชื่ออีกอ่ะ โห่~
รอไรท์มาต่อคร้าบ :L2:
-
พี่ไวหึงหรอเนี่ย ว่าแต่หึงใครหว้า หุหุหุ
ยัยพลอยเอ้ย เขาไม่สนยังจะไปวุ่นวายอีกเนอะ
-
ไวย์อย่าไปทำอะไรน้องนะ เดี๋ยวน้องเสียขวัญ
-
ค้าง :z3: :z3: :z3: :z3: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
:call: :call: :call: :call: :call:
:L1: :L1: :L1:
-
มาต่อแล้วไปอ่านก่อนนะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด น้องริวด้วยคน
-
พี่ไวเปนรายของแกเนี่ย o22
หมั่นไส้ชะนีพลอยจิงๆ :fire:
-
น้องริวแมนขึ้นอีกแล้ว :monkeysad:
-
เหอๆๆๆ แอบชอบเค้าก็พูดกะเค้าดีๆเซ่ :m16:
พูดหาเรื่องแบบนั้นผู้หญิงเค้าไม่ชอบ!
-
อ้าวยังไงกันละเนี้ยแต่ไวย์อะ
เปล่าริวกลับไปหาพี่ไผ่เถอะคิดถึงใจจะขาดแล้วมังนั้นอะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดด
กร๊าดดดดดดดดดดดดดดด
พระเจ้าช่วย กล้วยทอด ปรอทระเบิด
ข้าพเจ้าชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ๆๆๆๆๆ ไม่แค่ชอบแล้ว แต่รักกกกกกกก เลยล่ะ
อ่านทีเดียวรวด 35 ตอน ไม่ไหวๆ มีหลายฉากที่แอบน้ำตาซึมนะเนี่ย
ขอบคุณคนแต่งและคนโพสนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆ แบบนี้ เป็นกำลังใจให้นะคะ
แล้วก็ รอๆๆๆๆๆ รอตอนต่อไปว่านู๋ริวจะเป็นอย่างไร ทำไมอ่ะ พี่ไวย์จะทำอารายยยน้องริวของฉ๊านนน
-
ไวย์หึงริว
-
แย่แน่นู๋ริว
-
กลับไปอ่านใหม่อีกรอบ ก้ออ่านไปยิ้มไปเหมือนเดิม
น้องริวน่าร๊ากกกกกที่สุด โฮ่ๆๆๆๆ
คอยตอนต่อไปอยู่นะจ้า
อยากอ่านต่อจิงๆๆๆๆ
มาอัพต่อเยอะๆๆเน้อ
สู้สู้ๆๆๆ น้องริวววพี่ไผ่น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
-
โอ้วววว พี่ไวย์จะหึงโหดน้องริวหรอ ㅇㅅㅇ''
พาน้องริวกลับบ้านไปหาพี่ไผ่เห้อออ
ปล. น้องริวหยุดโตได้แร้นนะคะ อย่าบึกไปกว่าะไผ่เลย..ขอร้องงง
ปล2. รอติดตามตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ
-
คอย คอย คอย
น้องริวอย่าบึกมากไปกว่านี้เลยนะ
เด๋วพี่ไผ่กดไม่ได้อะ
-
:call: ลุ้นๆๆๆๆๆ ไวย์จะพาริวไปไหน อย่าทำริวเสียเด็กน๊า ปล่อยตัวกลับไปหาพี่ไผ่เหอะ ขอร้อง
-
อัพด่วนจ้าๆๆๆๆๆ :call: :call: :call:
-
เข้ามารอ
><
-
เข้ามารอเช่นกัน ไม่ไหวๆ ค้างมากมายยยยยยยยยยย
เมื่อคืนแอบฝันถึงน้องริว มีการจินตนาการรูปร่างหน้าตาน้องริวด้วยแหละ
คริๆ คิดแล้วมีความสุขอยู่คนเดียว 555+
-
คอยๆๆๆๆๆ
รอๆๆๆๆๆ
ง่วงแล้วเน้อ
-
มาเร็วๆๆๆๆได้ไหมค่ะ คิดถึงริวกับไผ่ อ่านเรื่องนี้คอยวันละหลายรอบแล้วค่ะ ยังนั่งซึ้งเหมือนเดิม :a5: :a5:
เดี๊ยวจะส่งเครื่องดื่มบำรุงกำลังไปให้จะได้มาอัพต่อยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2: :serius2: :serius2:
:call: :call: :call: :call: :call: :call:
-
ม่ายมาซักที
ส่งกะสัยเราคงต่อไปนอนก่อ
คอยๆๆๆๆๆ
-
จะเกิดไรขึ้นปะอะไวย์อย่าทำให้น้องลำบากใจสิ
ชอบแก้วก้ไปบอกแก้วนู่นมาทำให้น้องเสียคนละหน้าดู
:pig4: writer คะ
-
รอคอยยยเทอออมาหลายคืนนน
หลับบบไม่ลงงมาหลายคืนนน
เทอช่างจัยร้ายเหลือทนนน
ไม่เห็นจัยยคนรอออเลยยย
-
อัพๆๆๆๆๆ
มาอัพๆๆๆ
อัพพพๆๆๆๆ
มาอัพซักทีนะคนจัยยร้ายยย
:o12:
-
งอนแล้วว :a5: :jul1:
ชิชิชิ
-
36 36 36 ไผ่ริว ไผ่ริว ไผ่ริว
ปล.พี่ตะวันมีคู่มะอะคะเรื่องนี้
-
รู้สึกว่าพี่ไผ่จะมีใจให้ริวหน่อยนึงนะเนี่ย
รอลุ้นต่อปายยยยยยย :t4:
-
งานจ :a5:ะเข้าไหมอ่า
-
โอ๋ๆๆ อย่าเพิ่งโกรธเค้าน๊า มาแล้วๆ
แต่ตอนนี้มันหมดสต๊อกแล้วเง้ :m31:
ช่วยกดดันไรท์เตอร์ด้วยนะ หึๆๆๆๆๆ :pig4:
:z2:
***********************
ตอนที่ 36
สีหน้าของไวยากรณ์ดูบึ้งตึงผิดเคยจนริวไม่กล้าเปิดปากถามว่าไวยากรณ์จะพาไปไหน ได้แต่นั่งไปเงียบๆ จนรถเลี้ยวเข้าโรงแรมหรู ไวยากรณ์ขับเลยไปจอดด้านข้าง เบลล์บอยในชุดฟอร์มสีแดงดำวิ่งออกมาเปิดประตูให้ทันที ไวยากรณ์โยนกุญแจรถให้อย่างคุ้นเคยแล้วเดินนำลิ่วเข้าไปด้านใน
ริวเพิ่งรู้ว่าชั้นบนสุดของโรงแรมหรูแห่งนี้มีผับขนาดใหญ่อยู่ด้วย การ์ดร่างใหญ่สองคนรีบเปิดประตูให้ทันทีที่เห็นหน้าไวยากรณ์โดยไม่ได้เรียกตรวจบัตร แปลว่าไวยากรณ์คงมาที่นี่บ่อยๆ แม้จะเป็นผับแต่เสียงเพลงก็ไม่ได้อึกทึก บรรยากาศหรูหรา แสงไฟหรี่สลัว ทำให้ริวต้องเดินอย่างระมัดระวัง หลบหลีกผู้คนตามหลังไวยากรณ์ไปติดๆ ชายวัยกลางคนในชุดสูทเนี้ยบปราดมาโค้งให้ไวยากรณ์แล้วเดินนำไปอีกด้าน ซึ่งเป็นชั้นลอย บนนั้นมีเพียงไม่กี่โต๊ะและไวยากรณ์ก็เลือกโต๊ะด้านในสุด เครื่องดื่มถูกยกมาเสิร์ฟทันทีที่นั่งลง
“เคยมาเที่ยวแบบนี้ไหมริว” ไวยากรณ์ถามแล้วเหยียดแขนขาไปตามความกว้างของโซฟาหนานุ่ม ขณะที่ริว กวาดตามองรอบๆ
“ไม่เคยครับ”
“พี่ไผ่ หรือ...คนอื่น ไม่เคยพามาเหรอ” น้ำเสียงไวยากรณ์ คล้ายสะดุดไปเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึง “คนอื่น”
“ไม่ครับ ผมอายุยังไม่ถึงนะครับพี่ไวย์”
“พี่ก็อายุยังไม่ถึง ยังเป็นสมาชิกที่นี่ได้เลย ถ้าชอบพี่สมัครให้ได้นะ เอาไหม”
“ไม่เอาดีกว่าครับ พี่ไผ่คงไม่ชอบให้ผมมาเที่ยวที่แบบนี้”
“แต่ที่นี่ พวกนางแบบเขาชอบมากันนะ...มาทำบัตรสมาชิกไว้ เผื่อวันหลังจะควงสาวไหนมา” ไวยากรณ์เน้นคำว่า พวกนางแบบเป็นพิเศษจนริวสะดุดหู
“ไม่ดีกว่าครับ ไว้ถ้าอยากมา พี่ไผ่คงพาผมมาเอง”
“พี่ไม่ได้หมายถึงพี่ไผ่”
“แล้วหมายถึงใครเหรอครับ”
“ก็...ไม่รู้สิ จะไปรู้ใจนายได้ยังไงว่าจะอยากพาใครมา” ไวยากรณ์ตอบเสียงขึ้นจมูกนิดๆ ดูเหมือนริวจะสนิทสนมกับแก้วกุดันมากทั้งๆที่เพิ่งเจอกันไม่นาน ถึงขนาดปล่อยให้แก้วกุดันแตะแก้มตบไหล่ได้ นั่นแปลว่าแก้วกุดันเอง ก็ต้อง “พิเศษ” สำหรับริวเช่นกัน
“ขอบคุณนะครับพี่ไวย์ที่หวังดี แต่ผมคงไม่สมัครหรอกครับ”
“ก็ตามใจนะ” ไวยากรณ์ตอบเสียงห้วนแล้วชะงักไป เมื่อเห็นตาใสแจ๋วจ้องเขาอย่างแปลกใจ
“โทษทีริว วันนี้...มูดดี้ นิดหน่อย” ไวยากรณ์ลูบหน้าแล้วตบต้นคอตัวเองเบาๆ เพื่อควบคุมอารมณ์หงุดหงิดที่เอ่อท้นเอาไว้
“...เพราะ...เพราะผมเหรอ?” ริวถามอย่างข้องใจ
“บ้าน่า ใช่ที่ไหนล่ะ” ไวยากรณ์รีบโบกมือปฏิเสธ รู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตาใสๆที่จ้องเขาเขม็ง เสไปคว้าเครื่องดื่มบนโต๊ะมาดื่มดับอารมณ์กรุ่นโกรธแกมน้อยใจ เขารู้ดีว่า เรื่องที่เขารู้สึกแย่อยู่ตอนนี้ ริวไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วย จะว่าไปก็ไม่ใช่ความผิดของริวที่จะมี “ใคร” มาสนใจ แต่อย่างนั้นเขาก็ยังอดน้อยใจไม่ได้ ไวยากรณ์ผู้โดดเด่นเป็นที่หนึ่งเสมอ กลับโดนเด็กตาใสคนนี้แย่งผู้หญิงที่หลงรักมานานไปง่ายๆ
“ไฮ! ไวยากรณ์” เสียงทักดังมาจากด้านหลัง ริวยังไม่ทันขยับตัวด้วยซ้ำร่างสูงระหงแต่ผอมบางก็ถลาผ่านเขาไปนั่งแหมะบนตักกว้างแล้วแนบประกบปากสีสดกับไวยากรณ์
ไวยากรณ์ไม่ได้ขยับหนี แต่กลับรวบเอวคอดไว้แล้วแลกลิ้นกับเธอต่อหน้าต่อตาริวที่นั่งมองอึ้งๆ ไม่แค่ปากลิ้นที่พัวพันกันแบบไม่อายใคร มือของไวยากรณ์และผู้หญิงคนนั้นยังลูบไล้กันและกันชนิดที่ริวต้องเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความกระดาก
“มาถึงเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่นิกกี้” ไวยากรณ์ทักเจ้าหล่อนไป มือก็ยังคลึงอยู่บนสะโพกผายไปด้วย นอกจากรูปร่างผอมสูงแบบนางแบบ ใบหน้าเจ้าหล่อนก็ดูคุ้นตา ริวเดาว่าหล่อนคนเพื่อนนางแบบของไวยากรณ์
“เมื่อตอนบ่าย ไอนึกแล้วว่ายูต้องมาที่นี่ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพียงแต่แปลกใจที่คราวนี้ยูควง...หนุ่มหล่อมาแทนสาวสวย” นิกกี้ปรายตาไปทางริวล้อๆ
“บ้าน่า ไปอยู่ไหนมาไม่รู้จักริว...นี่ ริว เกรสัน นักร้องวงเดียวกับไอไง”
“ว้าว! ตัวจริงหล่อมาก เคยเห็นทางทีวี เหมือนยังเด็กๆอยู่เลย แต่ตัวจริงนี่...เซ็กซ์ซี่ชะมัด”
“หึหึ...เสียใจด้วยนะ น้องไอเขามีคนจองอยู่แล้ว เป็นนางแบบชื่อดังระดับท็อปเชียวนะ”
“เฮอะ! คิดว่าไอสนเหรอ ของแบบนี้มันอยู่ที่ว่าเราจะใจตรงกันหรือเปล่า...จริงไหมเกรสัน”
ริวไม่ได้ตอบ แต่ถอนใจยาวอย่างไม่ปิดบัง เด็กหนุ่มหันไปเรียกบริกรมาสั่งน้ำอัดลมหน้าตาเฉย แม้จะฟังดูประหลาดที่คนมาเที่ยวผับดื่มน้ำอัดลม แต่อีกฝ่ายก็รับคำสั่งด้วยสีหน้าปกติ นางแบบสาวคนนั้นมองริวดื่มน้ำอัดลมแล้วหัวเราะคิกๆ หันไปกระซิบกระซาบกับไวยากรณ์สลับกับแลกจูบกันนัวเนีย
ริวทิ้งตัวจมลงในความหนานุ่มของโซฟา แล้ววนนิ้วบนขอบแก้วเล่นอย่างเบื่อๆ ตรงกันข้ามกับไวยากรณ์ที่ยัง“หยอกเย้า” กับนิกกี้เพลินและกระดกเหล้าเข้าปากถี่ยิบ
“นี่ไวยากรณ์ ถ้ายูยังกินเหล้าเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้ ไอกลับก่อนนะ” นิกกี้บ่นอย่างหงุดหงิด ก็ไวยากรณ์เล่นปลุกอารมณ์เธอซะขนาดนี้แล้ว แต่เขายังไม่มีทีท่าว่าจะชวนเธอไปต่อสักที ปล่อยให้เธอรอมาเป็นชั่วโมงๆแล้ว
“อยากกลับก็กลับไปเซ่ะ...ไอจะกินเหล้า รินมาอีกดิ๊ ริว” ไวยากรณ์ตอบแล้วไหวไหล่อย่างไม่มีเยื่อใย ทำเอานิกกี้เดือดโมโหลุกพรวดออกไปจากโต๊ะ
“พอเถอะพี่ เมาขนาดนี้แล้ว” ริวเลื่อนขวดเหล้าหนีมือไวยากรณ์แทนที่จะรินให้เหมือนอย่างนิกกี้
“รินมา! พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ไม่งั้นจะกระดกมันทั้งขวดไปเลย...เอิ๊ก!” ไวยากรณ์สั่งเสียงขุ่น แล้วคว้าขวดเหล้าไปรินเอง ริวก็ได้แต่มองด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่กล้าห้ามอีก
ไม่ถึงเที่ยงคืนไวยากรณ์ก็แทบครองสติไม่อยู่ ริวจึงตัดสินใจเรียกเก็บเงินเพื่อพากลับไปส่ง แต่คนที่เอาบัตรเครดิตกับสลิปมาให้ริวเซ็นกลับเป็นผู้จัดการร้านมาด้วยตัวเอง แถมยังเรียกการ์ดมาช่วยประคองไวยากรณ์ไปส่งถึงรถ
“ถ้าท่านต้องการจะใช้บริการ สามารถนำการ์ดใบนี้มายื่นที่โรงแรมได้เลยนะครับ ทางเรายินดีจะเปิดเมมเบอร์ให้ท่านเป็นกรณีพิเศษเลย” ผู้จัดการคลับบอกริวพร้อมกับยื่นการ์ดสีเงินอีกใบให้ก่อนที่เด็กหนุ่มจะขึ้นรถ ริวรับมายัดใส่กระเป๋าโดยไม่ได้ดูแล้วรีบพาไวยากรณ์กลับไปส่งที่คอนโด
“ทำไมผู้จัดการต้องเสนอเปิดเมมเบอร์ให้เด็กคนนั้นเป็นพิเศษละครับ ดูอายุยังน้อยอยู่เลย”
“หึหึ รู้ไหม การ์ดที่มิสเตอร์เกรสันใช้น่ะ ทั่วโลกมีไม่ถึง 50 ใบ ตั้งแต่ทำงานที่นี่มา นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ฉันได้เห็นการ์ดแบบนี้...แล้วนายคิดว่าเราไม่ควรรีบตะครุบคนพิเศษแบบนี้มาเป็นสมาชิกหรือไง”
“เด็กคนนั้นน่ะเหรอครับ?”
“อืม...ท่าทาง วงคิสมีนี่จะไม่ธรรมดาซะแล้ว” ผู้จัดการร้านกับพนักงานกลับเข้าไปข้างใน โดยไม่ทันสังเกตร่างผอมบางที่ยืนซุ่มฟังอยู่ข้างรถ นิกกี้เม้มปากนิดๆ ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆด้วยความพอใจ เห็นที...เธอคงปล่อยมือจากไวยากรณ์ตอนนี้ไม่ได้ซะแล้ว ไหนๆก็ไหนๆแล้ว หากจะลองตีสนิทกับไวยากรณ์เพื่อเข้าหาเด็กคนนั้น ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร
พอออกมาถึงหน้าโรงแรมริวก็ตัดสินใจโทรหากรเวชแทนที่จะโทรหาพสุ เพราะรู้สึกว่ามันดึกมากแล้ว พสุอาจจะนอนไปแล้วจึงไม่อยากรบกวน
“พี่กรครับ ริวเอง”
“อ้าวริว...ทำไมใช้โทรศัพท์ของไวย์ได้ล่ะ?”
“คือพี่ไวย์เมามากครับ ริวจะพาไปส่งคอนโด แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน พี่พอจะบอกทางให้ริวได้ไหมครับ” ริวเลี่ยงที่จะตอบคำถาม เด็กหนุ่มไม่คิดจะใช้โทรศัพท์ที่พสุซื้อให้โทรหาใครเพราะไม่ต้องการให้ใครรู้เบอร์ใหม่ของเขา
“ตอนนี้ริวอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่คลับประจำของพี่ไวย์ครับ”
“โอเค...จากที่นั่นขึ้นทางด่วนนะ แล้วไปลงที่......”กรเวชอธิบายเส้นทางอย่างละเอียด
“เออริว แถวนั้นไม่มีแท็กซี่นะ ถ้ายังไงก็ขับรถไวย์มาก่อน พรุ่งนี้พี่ค่อยให้คนขับรถไปรับไวย์เอง”
“ครับพี่กร”
ริวเปิด GPS ช่วยเพื่อหาเส้นทางตามที่กรเวชบอก ไม่นานก็มาถึงคอนโดของไวยากรณ์
“สวัสดีครับ ขอบัตรด้วยครับ” ยามรักษาการณ์ไม่เปิดให้ริวเข้าไปทันทีแม้จะเห็นว่าริวขับรถของไวยากรณ์มา แต่ระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างเข้มงวด ทำให้ริวต้องแลกบัตรก่อนจะเข้าไป
“คุณไปจอดที่ด้านหน้าได้เลยครับ ผมจะวิทยุแจ้งให้เจ้าหน้าที่ข้างในออกมาช่วยพาคุณไวยากรณ์ขึ้นไปบนห้อง”
“ขอบคุณครับ” ริวถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก ลำพังเขาคงต้องติดต่ออีกนานกว่าจะรู้ว่าไวยากรณ์พักห้องไหน เด็กหนุ่มจอดรถที่หน้าบันไดทางขึ้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งมาช่วยประคองไวยากรณ์ อีกคนมารับกุญแจเพื่อเอารถไปเก็บให้
พอเข้าไปในห้องได้ ไวยากรณ์ที่อยู่นิ่งๆมาตลอด ก็อาเจียนพรวดออกมา เลอะทั้งตัวเองและที่นอน เจ้าหน้าที่จึงต้องโทรลงไปตามแม่บ้านให้ขึ้นมาช่วยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ ขณะที่ริวจับไวยากรณ์ถอดเสื้อออกเพื่อเช็ดตัวให้
แม่บ้านและเจ้าหน้าที่ต้องเดินเข้าเดินออกกันอยู่หลายรอบ กว่าจะจัดให้ไวยากรณ์เข้านอนได้เรียบร้อย เพราะลำพังริวเองก็ไม่เคยดูแลคนเมามาก่อน เด็กหนุ่มถึงกับปาดเหงื่อเมื่อพาร่างเกือบเปลือยของไวยากรณ์ไปนอนได้เรียบร้อย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้ริวต้องรีบไปเปิดเพราะคิดว่าแม่บ้านหรือไม่ก็เจ้าหน้าที่ลืมของไว้ แต่กลับพบว่าคนหน้าประตูไม่ใช่แม่บ้านอย่างที่คิด
“ไฮ! ริว เจอกันอีกแล้วนะ” นิกกี้ยกมือขึ้นโบกนิ้วทักทายริว พร้อมกับส่งตาหวานเยิ้มมาให้
“มีธุระอะไรครับ?”
“ธุระ?...ช่ายยยย ระหว่างชั้นกับไวยากรณ์ เรามีธุระกันเป็นประจำนั่นแหละ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่า...คืนนี้ชั้นจะค้างที่นี่ไง...แล้วถ้าเธอสนใจ...จะค้างกับเราก็ได้นะ” เล็บยาวๆเคลือบสีสดลูบมาบนแผงอก ทำให้ริวเผลอปัดทิ้งอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายชะงักเม้มปากแน่นด้วยความไม่พอใจ
“พี่ไวย์เมาหลับไปแล้ว ผมว่าคุณ...”
“นิกกี้...” เสียงอ้อแอ้ที่หน้าประตูห้องนอนทำให้ริวกับนิกกี้หันไปมองพร้อมกัน ไวยากรณ์ที่สวมเพียงกางเกงยีนส์ตัวเดียว ยืนพิงกรอบประตูห้องนอนด้วยสภาพเอียงกระเท่เร่เหมือนจะล้มไม่ล้มแหล่ นิกกี้เป็นฝ่ายถลาไปซุกในอ้อมแขนของไวยากรณ์ ก่อนที่ทั้งคู่จะแลกลิ้นกันดุเดือดแล้วประคองกันเข้าห้อง
ริวถอนใจเฮือก แล้วตัดสินใจกลับบ้าน เพราะดูท่าทางไวยากรณ์กับนิกกี้จะสนิทสนมกันจริงอย่างที่เจ้าหล่อนอ้าง แต่เมื่อมาติดต่อเจ้าหน้าที่ข้างล่างก็ได้คำตอบว่าเอากุญแจรถไปวางไว้ให้ในห้องรับแขกแล้ว ริวจึงจำต้องกลับขึ้นไปอีกรอบ โดยใช้การ์ดสำรองของทางคอนโดเปิดเข้าไปในห้อง
กุญแจวางเด่นอยู่บนโต๊ะรับแขกจริงๆ ริวถอนใจเฮือกในความเลินเล่อของตัวเองที่ไม่ดูให้ดีๆเสียก่อน แต่เมื่อเด็กหนุ่มเดินไปหยิบกุญแจก็ได้ยินเสียงร้องเหมือนเจ็บปวดของผู้หญิงดังลอดออกมาจากห้องนอนที่ไม่ได้ปิดประตู ทำให้ริวอดเดินไปดูด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
เสียงที่ได้ยินยังไม่เท่ากับภาพที่เห็น ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนของนิกกี้ขยับอยู่บนตัวของไวยากรณ์ เสียงเนื้อกระทบกันผสานกับเสียงครวญครางราวกับเจ็บปวดทรมาน แต่สีหน้าของไวยากรณ์ดูเคลิบเคลิ้มและเขาก็ส่งเสียงครางต่ำๆ อยู่ตลอดเวลา
ริวไม่รู้ตัวว่ายืนจ้องภาพนั้นอยู่นานแค่ไหน หากไม่เพราะโทรศัพท์มือถือที่เขาตั้งสั่นไว้ มีสายเรียกเข้ามา เขาคงยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นอีกนาน เด็กหนุ่มถอยกรูด แล้วผลุนผลันออกมาจากคอนโด จนเกือบลืมคืนการ์ดสำรอง ถ้าเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ไม่เรียกไว้เสียก่อน
ริวเข้าไปตั้งสติอยู่ในรถ เนื้อตัวเขาร้อนวูบวาบด้วยความรู้สึกประหลาด ภาพที่เห็นมันน่าขยะแขยง แต่ก็ทำให้เขาหัวใจเต้นแรง รู้สึกมือไม้อ่อนราวกับออกแรงวิ่งมาหนักๆ โทรศัพท์มือถือของเขายังสั่นไม่หยุด ทำให้ริวต้องตัดสินใจรับสาย
“คะ...ครับ..”
“ริว...ริว....ริว! พี่เองนะ ริวเป็นอะไรหรือเปล่า ริว!” น้ำเสียงสดใสในตอนแรก เปลี่ยนเป็นร้อนรนเมื่อเรียกหลายครั้งแล้วริวไม่ตอบ
“คะ...ครับพี่ ริวไม่เป็นอะไร” ริวตอบเสียงสั่น ยังหายใจแรงจนคนปลายสายก็รู้สึกได้
“ไม่เป็นอะไรแล้วทำไมเสียงแปลกๆ”
“ริว...ริวแค่...เอ่อ...เห็นอะไรบางอย่าง...แล้ว...” ริวชะงักคำพูดแล้วสูดหายใจลึกเพื่อไล่อาการสั่นไปทั้งตัว
“ริว...ตั้งสติดีๆ หายใจลึกๆ ไม่มีอะไรหรอก เชื่อพี่ ตอนนี้ขับรถอยู่หรือเปล่า” น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบประโลมช่วยให้สติริวกลับคืนมาเร็วกว่าเดิม เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆหลายครั้ง จนสามารถหยุดอาการตัวสั่นได้สำเร็จ
“เปล่าครับ ริวกำลังจะออกจากคอนโดพี่ไวย์” ริวตอบด้วยน้ำเสียงเป็นปกติกว่าเดิม
“ขับไหวไหม ให้พี่ไปรับไหม”น้ำเสียงของพสุเจือแววห่วงใยไว้จนริวรู้สึกอุ่นในอก
“ริวขับไหวครับ”
“แน่เหรอ...เมื่อกี้เสียงไม่ดีเลยนะ” พสุถามด้วยความเป็นห่วง กรเวชโทรมาบอกเขาว่าริวไปส่งไวยากรณ์ เขาถึงได้โทรหาเพราะเห็นว่าดึกแล้วแต่ริวยังไม่ถึงบ้านสักที
“ริวแค่ตกใจนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วครับ” ริวยืนยันเสียงหนักแน่นเพื่อให้พสุคลายกังวล
“โอเค ค่อยๆขับมานะ ไม่ต้องเร็วนะรู้ไหม แล้วถ้าไม่ไหวก็โทรมา เดี๋ยวพี่ไปรับ”
“ริวขับได้ครับ...เดี๋ยวเจอกันครับพี่”
ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน ริวแทบไม่มีสมาธิเลย ทั้งภาพและเสียงที่ได้เห็นในห้องของไวยากรณ์ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกๆ จนกระทั่งรถไปจอดที่หน้าบ้านแล้วพบว่าคนมาเปิดประตูรั้วให้เขาเป็นพสุแทนที่จะเป็นพี่แมว พอลงจากรถริวก็โถมเข้าหาอ้อมแขนพสุทันที มืออุ่นลูบหลังลูบไหล่เขาแผ่วเบา อ้อมแขนที่โอบกระชับทำให้ความรู้สึกประหลาดหายไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรแล้ว กลับมาถึงบ้านเราแล้วนะ...ไป...เข้าบ้านกัน” คำปลอบโยนของพสุทำให้ริวแปลกใจ ว่าพสุรู้ได้อย่างไรว่าเขาไปเห็นอะไรมา
“พี่...ริวเห็น...”
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
“ครับ”
เมื่อริวออกจากห้องน้ำก็พบว่าพสุยังนั่งรออยู่ ชายหนุ่มตบที่นอนข้างตัวให้ริวนั่งลงแล้วเปิดกล่องหัวเตียงหยิบสร้อยพระออกมาไหว้จรดศีรษะ ก่อนจะสวมหัวให้ริว
“สร้อยเส้นนี้แม่ให้พี่นานแล้ว แต่ช่วงหลังๆพี่ไม่ได้ใส่เพราะเวลาถ่ายละครต้องคอยถอดออก กลัวจะหายก็เลยถอดเก็บไว้บ้าน พี่ให้ริวนะ...ใส่ไว้จะได้อุ่นใจ แล้วจะได้ไม่ต้องเจออะไรน่ากลัวๆอีก”
“พี่...ริวไม่...” ริวอ้ำอึ้ง พยายามจะอธิบายว่าเขาไม่ได้เจอผีอย่างที่พสุเข้าใจ แต่จะให้อธิบายว่าเห็นอะไรมาเด็กหนุ่มก็พูดไม่ถูก จึงได้แต่อึกอักหน้าแดงซ่านด้วยความอาย
“ผู้ใหญ่ให้ของต้องทำไง?” พสุทำเสียงดุ แต่ดวงตาเป็นประกายอ่อนโยน จนริวไม่กล้าปฏิเสธ เด็กหนุ่มรู้สึกตื้นตันในความเอื้ออาทรของพสุจนเหมือนน้ำตาจะไหล
“ขอบคุณครับ” ริวยกมือไหว้แล้วพูดต่อไม่ออก แม้ความเข้าใจของพสุจะเป็นคนละเรื่องกับที่เขาเจอมา แต่ความห่วงใยของพสุก็กำจัดความรู้สึกๆแย่ๆไปได้หมดสิ้น
“ดีมาก”
“แต่พี่ไผ่ครับ...ริว...”ริวกุมองค์พระที่คอแล้วรู้สึกผิดกับพสุ อยากบอกความจริงว่าเขาไม่เคยกลัวผี แต่ก็ไม่กล้า
พสุเห็นเด็กหนุ่มแตะพระแล้วทำท่าอึกอักก็นึกว่าริวอายที่ต้องห้อยพระ เหมือนที่เด็กวัยรุ่นยุคใหม่ไม่ค่อยกล้าใส่สร้อยพระเพราะอายกลัวจะโดนคนล้อว่างมงาย
“ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะ อย่าคิดว่าใส่แล้วจะเหมือนคนงมงาย ให้คิดเสียว่าเป็นของขวัญจากพี่ก็แล้วกัน ดีไหม”
“ครับ...ริวรักพี่จัง” ริวโผเข้าไปกอดพสุไว้แน่น พสุกอดตอบแล้วลูบหลังเขาเบาๆ
“อย่ามาอ้อน...ตอนนี้หายกลัวแล้วหรือยัง” พสุถามเสียงเรียบๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพื่อไม่ให้ริวนึกกลัวขึ้นมาอีก
“ครับ”
“งั้นเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ ว่าไปเห็นอะไรมา ถึงกลัวจนเสียงสั่นขนาดนั้น”
“ริว...ริว...จำไม่ได้แล้ว” ริวตอบอู้อี้เพราะซุกหน้ากับบ่าของพสุแน่นกว่าเดิมเพื่อซ่อนอาการร้อนผ่าวของหน้าไว้ไม่ให้พสุเห็น ความรู้สึกประหลาดๆ เหมือนจะฟุ้งขึ้นมาอีกแต่เด็กหนุ่มก็พยายามเลิกนึกถึง
“อ้าว...อืมๆ ไม่เป็นไร ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร ไว้เมื่อไหร่อยากเล่าให้พี่ฟัง พี่ก็พร้อมจะรับฟังริวเสมอนะ”
“พี่ไผ่ใจดีที่สุดในโลกเลยครับ”
“ไม่ต้องมายอ นอนได้แล้ว” พสุหัวเราะเบาๆ แล้วขยี้ผมริวเล่น ก่อนจะดันเด็กหนุ่มออกเพื่อปิดไฟนอน
ริวนอนเบียดพสุแล้วกอดเอวสอบไว้แน่น แนบหน้ากับไหล่หนาเพื่อหาความอุ่นใจ ซึ่งถ้าเป็นปกติพสุคงบ่น แต่คืนนี้ดูพสุใจดีเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะไม่ว่าที่ริวกอดซะแน่นยังหันมาลูบหัวริวเบาๆ เหมือนจะปลอบประโลมให้หายตกใจ
................................................................
*******************************
สงสัยไวย์จะโดนผีอำอะดิ๊ :haun4:
-
จิ้มก่อน จุ๊บๆๆๆ :z13:
พี่ไวย์บ้าที่สุด ว่าแต่ริวจะยอมเล่าให้พี่ไผ่ฟังจริงหรอว่าเจอผี(หื่น)
-
ริวก็บอกพี่ไผ่ไปเลย
ว่าเห็นผีผ้าห่ม หุหุ
-
โถริว ถึงกับช๊อคเลยหรือ มันยิ่งกว่าเห็นผีอีกนะเนี้ย
-
ทำไมสั้นจังอ่า
อยากได้ยาวๆๆๆๆๆ :เฮ้อ:
-
ไม่รู้ว่าพระที่พี่ไผ่คนดีให้นี้
มันช่วยกันผีผ้าห่มด้วยรึเปล่าค่ะพี่ไผ่ :m20: :m20:
นอกจากนังแพรนี้ยังจะมียัยนิกกี้โผล่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตริวอีกหรอค่ะ :serius2:
-
น้องริวไร้เดียงสามากกกกกกกกกก น่ารักจัง
-
น้องริวพัฒนาถึงขั้นเช็ดตัวให้คนอื่นได้แล้ว เย้ๆ
แหม.. น่าจะบอกออกไป เรื่องเริ่มเข้าสู้เรื่องรักใคร่แล้วซิ :o8:
-
555 ผีราคะจริต ร่านสุดฤทธิ์ หลอกหลอนจน ตกใจกล้วแทบจะขับรถไม่ไหว 555
-
ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูกริว
เฮ้อ ยัยนางแบบจอมร่านคนนี้ จะนำพาความยุ่งยากมาให้น้องริวหรือเปล่า
-
แพรพลอย แก้วกุดัน นิกกี้ เอาออกไปไม่ได้เหรอ มาเป็นแพคแบบนี้ ริวก็แย่ซิ
-
ริวโตขึ้นเรื่อยๆแล้วนะเนี่ย...จะเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วสินะ :เฮ้อ:
-
ง่ะ ดูเหมือนริวจะค่อยๆโตตามโลกแล้วล่ะ
นิกกี้อะไรนี่อีก คงจะเข้ามาป่วนอีกตามเคย
มีลางว่าชีวิตจะไม่สงบสุขแล้วอะ
-
เตรียม :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:นังนิกกี้
แรดจริงๆ
-
มีแพรพลอยยังไม่พอ
นี่ยังมียัยนิกกี้มาอีกคน
ดูท่าคนนี้จะมาแรงแซงโค้งซะด้วย
ออกจะกล้า ร่าน และด้าน ขนาดนี้
ออกไปไกล ๆ น้องริวเลยนะ
น้องริวบอกพี่ไผ่ไปดิว่าเห็นไรมา
น่ากลัวกว่าเห็นผีอีกเนอะ
ท่าทางพระก็คงช่วยไม่ได้ คริ คริ
-
พี่ไวย์ที่รัก+เธอๆๆ เหล่านั้น คงจะนำพาเรื่องวุ่นๆมาให้น้องริวอีกแน่ๆ
แถมยังมาสร้างภาพหลอนให้น้องริวอีก อย่างนี้พระที่พี่ไผ่ให้ จะได้ผลมั้ยหนอ???
คิดถึงอลันจังเลยค่ะ
จากที่เคยคิดว่าน้องริวน่าจะถูกกอด ไปๆมาๆพี่ไผ่น่าจะเป็นฝ่ายถูกกอดซะละมั้งเนี่ย พี่ไผ่น่ารักเกิ๊นนน
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
ชักเซ็งไอ้พี่ไวย์นี่จังหลายทีแล๊ะๆ เด๋วอีนังนางแบบนั่นก็มายุ่งกับริวอีก ตรูล่ะเซ็ง - -"
แล้วนี่..ปากบอกว่ารัก แต่ยังมั่วอยู่แบบนี้เขาคงสนใจหรอก
แล้วถ้านั่นเรียกว่าจีบ...ชาตินี้ก็ไม่มีวันได้เป็นคนรักของแก้วหร๊อก ไอ้โง่!
:m16:
อิอิ :z1: พี่ไผ่ก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ยยยยย ที่จริงน่าจะคิดได้นะ ริวที่เคยไปนอนกลับแม่ในห้อง....
ริวที่ชอบอากาศเย็นจัดๆเพื่อจะได้นึกถึงช่วงเวลาสุดท้ายนั้น ก็ไม่น่าจะกลัวผีหรอก :laugh: ทำเอาริวเขินไม่กล้าบอกเลยว่าไปเจออะไรมา หุหุ~
-
หุๆๆๆ เด็กใสๆช็อคเลย รอบนี้ พี่ไฝ่ก็ไม่ฟังริวเลย :o8:
-
เอาจริงๆ งานนี้พระก็ไม่ช่วยนะคะ พี่พสุ
ฮ่าๆๆๆๆๆ
น้องริวน่ารักอ้ะ งื้ออออ
ยัยนิกกี้ มันรู้แล้วอ่ะว่าริวรวยยยย
โฮๆๆๆ ลางร้ายเริ่มปรากฏ !!
-
น้องริวเอ้ย เจอผีผ้าห่มเข้าไป ถึงกับช็อคเลยเหรอลูก
อย่างนี้ต้องให้พี่ไผ่นอนกอดปลอบใจเยอะๆแล้วล่ะ อิอิ
-
ไวท์หารเื่องให้น้องแล้วไม่ละ
-
พี่ไวท์ ทำไมเป็นแบบนี้ :angry2:
-
:เฮ้อ: ขวัญเอ๋ยขวัญมานะริว มาให้พี่ไผ่รับขวัญ จะได้ไม่กระเจิง :z2:
-
:angry2:
ไวย์แกทำให้ริวของช้านได้รับรู้ด้านมืดของ........เลยอ่ะ
ขอ :beat:ทีนึงพอเพราะรู้ว่าช้ำใจจากแก้วตาดวงใจชิมิ
-
GPRS --> GPS ครับ
-
น้องริวนี่เสน่ห์แรงจริงๆ หน้าตาหล่อก็ว่าดึงดูดเยอะแล้วนะ นี่ยิ่งรู้กันว่ารวย ชะนียิ่งตอมกันใหญ่เชียว :เฮ้อ:
อยากรู้ว่าน้องริวจะจัดการพลอยยังไง ที่โทรหาอลันยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องข่าวยัยพลอยเลย
เคลียร์ชะนีเก่าก่อน แล้วค่อยมาเคลียร์ยัยนิกกี้อีกคน :laugh:
-
บอกพี่ไผ่ไปเลย ว่าเจอผีผ้าห่มหลอกมา
พระป้องกันไม่ไหวต้องนอนกอดกันใว้ทุกคืน :o8: :o8:
-
พี่ไผ่กับริวนี้น่ารักจริงเข้าใจไปคนละอย่างเลยจริงๆ :-[
แต่ไวย์เพราะทำอย่างนี้ไงสาวที่สนใจเค้าถึงไม่สนใจตัว
แถมพานางมารร้ายเข้ามาในชิวิตริวอีกตั้งหากน่านัก
-
GPRS --> GPS ครับ
แก้แล้วคับ ขอบคุณมาก ^^
กดจะแก้ไขแล้วมันเออเร่อร์ เลยลืมไปเลย
-
แพรพลอย แก้วกุดัน นิกกี้ เอาออกไปไม่ได้เหรอ มาเป็นแพคแบบนี้ ริวก็แย่ซิ
^
เห็นด้วย
พี่ไผ่ช่วยน้องด้วย
-
ถ้าถามความรู้สึกเรา อย่างแรกที่อ่านเรื่องนี้
ก็คือ ความสุข ความตื้นตันใจ ต่อความรักของริว
ที่มีต่อไผ่
ในตอนแรก เราแอบคิดไปว่า อลันจะเป็นพระเอก
แล้วคนที่อยู่ในชีวิตจะร้าย
แต่ไม่ใช่เลย ไผ่เป็นคนดีมาก เป็นพระเอกในอุดมคติเลย
ขอเอาใจช่วยไปกับความรักของริวน่ะค่ะ
-
เหนื่อยกับเรื่องวุ่นวายที่กำลังจะเกิด.......เจ้เริ่มเซง และอยากเหวี่ยง :m16:
-
ริวเมะชัวร์!!!!
นอกจากยัยพลอยอะไรนั่นแล้ว ริวยังต้องมาเจอนยัยนิกกี้อีกหรอเนี่ย
= =;;;
-
ชักเซ็งไอ้พี่ไวย์นี่จังหลายทีแล๊ะๆ เด๋วอีนังนางแบบนั่นก็มายุ่งกับริวอีก ตรูล่ะเซ็ง - -"
แล้วนี่..ปากบอกว่ารัก แต่ยังมั่วอยู่แบบนี้เขาคงสนใจหรอก
แล้วถ้านั่นเรียกว่าจีบ...ชาตินี้ก็ไม่มีวันได้เป็นคนรักของแก้วหร๊อก ไอ้โง่!
:m16:
อิอิ :z1: พี่ไผ่ก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ยยยยย ที่จริงน่าจะคิดได้นะ ริวที่เคยไปนอนกลับแม่ในห้อง....
ริวที่ชอบอากาศเย็นจัดๆเพื่อจะได้นึกถึงช่วงเวลาสุดท้ายนั้น ก็ไม่น่าจะกลัวผีหรอก :laugh: ทำเอาริวเขินไม่กล้าบอกเลยว่าไปเจออะไรมา หุหุ~
ใช่ๆเห็นด้วยๆ เอ็นดูริวจังน้า
-
ผีอันนี้ พระไล่ได้ด้วยหรอคะพี่ไผ่ ? o18 o18
-
เรื่องมันจะยุ่งเหยิ่ง อีกมากมัยนี้ งานจะเข้าริวอีกป่าว
สงสารริวจังเลยยยยยยยยยยยย :impress3: :impress3:
-
พึ่งได้อ่านแนวนี้ค่ะ ชอบมากกค่ะ o13
จะติดตามต่อไปนะค่ะ ^^
-
ทำเป็นกลุ้มเรื่องรักคนอื่น
เเต่เจือกมั่ว ผู้หญิงเค้าคงเอาเเกอยู่หรอกไอ้ไวย์
-
พี่ไวย์แกทำอะไรอ่า :angry2:
ริว
คงจะไม่เคยสิท่า
อิอิ :haun4:
-
:z1: ริวเจอผีชีกอ 2 ตัวพร้อมกันทำเอาไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว :m20:
อย่างงี้ถ้าเล่าให้พี่ไผ่ฟังพี่ไผ่จะช่วยยังไงละเนี่ย เลยไม่กล้าเล่าเลย :z1:
:pig4: writer คะ
-
แว๊กกกกกก
น้องริวเจอผีหื่น
:laugh:
-
ริว แรกๆๆเหมือนเคะ มาตอนหลังจิ้นได้เป็นเมะสะงั้น หึๆๆๆๆๆๆๆ
-
น้องริว เสียเด็ก หมดเลยยยยยย
ก๊ากกกกกกกกก
-
:serius2:ไม่ยอมอ่ะ พี่ไวย์หาเรื่องมาให้น้องริวเย ไปเจอชีนิกกี้อีก
:z3: เอานางๆแต่ละคนออกไปได้ไหม อย่ามายุ่งกับริวนะ :fire:
น่าสงสารริว ให้พี่ไผ่ปลอบซะนะไปเห็นอะไรเนี่ย
พี่ไวย์อ่ะ น้องยังเด็กนะ :-[
-
นิกกี้ ตัวแสบอีกแล้ว
น้องริวเสียเด็กหมด ตกใจหมดเลยเห็นไม
-
ไวย์หางานเข้าให้ริวซะแล้ว :z3: :z3: :z3:
มาอัพเร็วๆๆๆๆๆๆ :call: :call: :call: :call:
-
:z2: :z2: :z2:
แวะมารอน้องริวค่ะ คิดถึงน้องริวใจจะขาดแว้ววววว :dont2:
-
มาต่อเลยเร้ว ดีจังที่ริวเป็นเมะ แต่เป็นเมะขี้อ้อนน่ารักดี
-
น้องไร้เดียงสายิ่งกว่าที่คาดไว้เจ้าค่ะ อิอิ
น่ารัก น่ากิน อิอิ เจอพระเอกใสซื่อก็คราวนี้แหละเจ้าค่ะ
ปกติ นิยมแบบร้อนแรง ๆ
-
โถ่ เกรสัน
ทำไมมีแต่คนเลวๆเข้ามา
+1ให้ริวผู้น่ารัก ให้ไผ่ที่อบอุ่น ให้แก้วที่สดใส ให้ไวย์ที่สอนให้น้องรู้ว่า .... ผีอำไม่น่ากลัว แต่ เสียวห้าๆ
-
มารอน้องริวววว
><
-
สวัสดีค่ะ
สมัครไว้นานแล้วแต่เพิ่งจะมีเวลาอ่านเรื่องนี้เนี่ยแหละ (จริงๆก็คือ เอาแต่ทำงาน 55)
อยากบอกว่าอ่านครั้งแรกก็ถูกใจแล้วค่ะ เลยอ่านยาวรวดเดียวจนถึงตี4 เลย - -;;
ถ้าไม่ได้อ่านเรื่องนี้ต้องเสียใจแน่ๆเพราะสนุกโคตรๆ !!
แอบกรี๊ดกร้าดนิดนึงตรงคาแร็คเตอร์น้องริวในเรื่องให้ความรู้สึกเหมือน L เดทโน้ตหน่อยๆเลยค่ะ (แถม L มีชื่อเล่นว่า 'ริว' ซากิด้วย 55) ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอาจจะเป็นที่ริวเป็น อัจฉริยะ รวย แล้วก็ใสซื่อเหมือน L ด้วยล่ะมั้ง อารมณ์และบรรยากาศของน้องนี่แหละแบบว่าใช่เลย พี่ชอบแอลเดทโน้ตมากๆ ดังนั้นอย่างกับตกหลุมรัก 2 รอบเลยแน่ะ //v//
ประทับใจน้องริวมากเป็นพิเศษเป็นลำเอียงเห็นๆ 55
พี่คิดมาตั้งแต่อ่านตอนที่หนึ่งแล้วว่าน้องริวนี่ 'เมะ' แหงๆ แบบว่าใช่เลย !!
บุคลิกของน้องเป็นคนใสซื่อ น่ารัก นอบน้อม ใครๆก็เอ็นดู (โดยเฉพาะป้าแก่คนนี้) เลยอยากจะเห็นมุมดาร์กของน้องบ้างจัง เพราะน้องน่าจะมีความเด็ดขาด เย็นชา และเจ้าเลห์บ้างละนะจากธุรกิจที่เคยทำ โถ่ ไม่งั้นจะเป็นเสือในแวดวงการเงินได้ยังไงล่ะเนอะ !!
สุดท้ายแล้วอยากบอกว่าเหมือนเนื้อเรื่องจะดำเนินไปแบบเรื่อยๆ พสุและริว จะใกล้ชิดกันมากขึ้น รักกันมากขั้นไปแบบเีนียนๆ แต่ก็ยังไม่เห็นฝั่งเท่าไรนัก พี่เองก็อยากเห็นการพัฒนาของหนูและพสุเลยอดเสียดายหน่อยๆไม่ได้ 55+ ถึงอย่างนั้นตอนนี้พี่เห็นการพัฒนาน้องริวขึ้นมาบ้างแล้ว (เป็นหนุ่มแล้วซิเรา~) จะเชียร์น้องต่อไป คิดว่าไม่ช้าก็เร็วน้องริวจะเป็นผู้ชายเต็มตัว (พูดอะไรออกไป!) แต่คงความน่ารักไว้ ให้พสุรู้ใจตัวเอง แล้วก็เป็นแฟนกันซะเล้ย ! <<รวบรัดซะงั้น 55
ปล. ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ที่เขียนเรื่องน่ารักๆมาให้อ่านกัน จะเข้ามาดูทุกวันเลย ! >< เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ
ปลล. เกรสันคุงมีแต่ชะนีเข้ามา = = ชิ้วๆ
-
^
^
^
+1 แวะมาจิ้มไข่ 555
-
แวะมารอน้องริว
:z3: :z3: :z3:
มาต่อเร็วๆนะคะ คิดถึงค่าาาา!!!! :sad4:
:กอด1:คนแต่ง&คนโพสต์
-
มะไหร่พี่ไผ่จะเสร็จน้องริวเสียที 5555555555 แต่จากที่ริวไปเห็นตัวเองคงไม่อยากทำแบบนิกกี้เอง
-
ริว ไร้เดียงสาซะจริง :เฮ้อ:
พวกเจ๊ๆนี่ก็นะ ทำไมพยายามเข้ามาหาริวซะเหลือเกิน
คนที่รักก็ไม่รู้ตัวซะที
พี่ไผ่นี่ล่ะก็ สายตาน้องก็บอกอยู่ว่า รัก รัก รัก :กอด1: :กอด1:
ทำไมไม่เห็นอ่าาาาาา
:seng2ped: :seng2ped:
-
แวะมารอน้องริว :sad11:
มาต่อเร็วๆนะคะ คิดถึงค่า
มาต่อเลยเร้ว :z3:
-
เขี่ยชะนีทิ้งไปจ้า น้องริวสู้ๆๆ
สนใจพี่ไผ่คนเดียวพอ ชะนีนางไหนอย่าได้แคร์
น้องริวคงเปงเมะช่ายม่ะ หุ่นฟิสซะไม่เคะแล้วล่ะ
คิสมีโกอินเตอร์จะมีไหมน๊า
-
37 37 37 37
สุ้ๆ สู้ๆ สู้ๆ
ริว ริว ริว
ไผ่ ไผ่ ไผ่
555+บร้าไปแล้วเรา
-
แวะมารอน้องริว
มาต่อเร็วๆนะคะ คิดถึงค่า
คิดถึงค่า
-
แวะมารอพี่ไผ่กับน้องริวค่ะ
มาอัพไวไวนะค่ะคิดถึง :call: :call:
ปล เอาพวกชะนีไปปล่อยป่าที่เถอะค่ะ :angry2: :angry2: :m31:
ปลล อยากให้พี่ไผ่กับน้องริวรักกันไวไว แค่สงสัยว่าใครเป็นเมะ ใครเป็นเคะ :z1: :z1:
-
แวะมารอพี่ไผ่กับน้องริวค่ะ
มาอัพไวไวนะค่ะคิดถึง :call: :call:
ปล เอาพวกชะนีไปปล่อยป่าที่เถอะค่ะ :angry2: :angry2: :m31:
ปลล อยากให้พี่ไผ่กับน้องริวรักกันไวไว แค่สงสัยว่าใครเป็นเมะ ใครเป็นเคะ :z1: :z1:
มาถึงตอนนี้ เค้าว่าริวเมะนะ
เอ๊ะ
หรือจะเคะ
อืมมม
ตอนหน้า อาจจะมีผีอำอีกก็ได้นะ คริ๊ๆ
-
มาต่อเถอะนะ ใจจะขาดแล้ว คิดถึงพี่ไผ่ กับน้องริว
-
ตอนที่ 37
ริวรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เด็กหนุ่มขยับจะลุกขึ้นแต่กลับขยับตัวไม่ได้ เพราะมีใครบางคนนั่งทับอยู่บนหน้าท้องของเขา ร่างเปลือยขาวโพลนแม้ในความมืดสลัว ริวรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เสียววูบวาบไปหมดทั้งช่องท้อง
“ริว...อา...ริว” เสียงครางเบาๆนั้นคุ้นหูเหลือเกิน ริวเผลอจ้องมองใบหน้าที่มีผมยาวปิดไว้ จู่ๆ ร่างนั้นก็ก้มหน้าลงมาหา ใบหน้าแดงซ่าน ดวงตาปรือปรอย แบบเดียวกับไวยากรณ์ไม่มีผิดนั้น แต่...เป็นใบหน้าของพสุ!
“พี่ไผ่!” ริวตะโกนสุดเสียงจนสะดุ้งตื่น เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งเนื้อตัวสั่นสะท้าน แอร์ที่เปิดไว้เย็นจัดไม่ได้ช่วยเขาได้เหมือนเคย
“ริว...เป็นอะไร...ฝันร้ายเหรอ?” พสุถามพลางลูบหลังแข็งเกร็งของเด็กหนุ่มเบามือ เขาตื่นตั้งแต่ริวนอนกระสับกระส่ายมาสักพักแล้ว ชายหนุ่มรอดูอาการด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าริวจะกลับไปฝันร้ายอีก หลังจากไม่มีอาการมาหลายเดือน
“ริว...ริวไม่...” ริวผวาเยือก ใบหน้าแดงซ่านของพสุในความฝันยังติดตา พอมืออุ่นมาลูบหลังให้ เขาก็ขนลุกซู่ ร้อนวาบไปหมดทั้งตัว เด็กหนุ่มโดดลงจากเตียง วิ่งไปคว้าผ้าขนหนูแล้วเผ่นเข้าห้องน้ำ
“ริว! ริวเป็นอะไรหรือเปล่า...ตอบพี่หน่อยริว” พสุตามไปตบประตูห้องน้ำถามด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นอาการลุกลี้ลุกลนแปลกประหลาดของริวก็ยิ่งไม่สบายใจ
“ริวไม่เป็นไร...ริวร้อน อยากอาบน้ำเฉยๆ ครับ”
“ไม่เป็นอะไรแน่นะ” น้ำเสียงร้อนรนจนแทบเป็นละล่ำละลักของริวฟังยังไงก็ผิดปกติชัดๆ แต่พสุก็ยังไม่เร่งรัดให้เด็กหนุ่มเสียขวัญไปมากกว่านี้
“ครับ...พี่นอนเถอะ”
ริวก้มลงดูตัวเองแล้วหน้าแดงซ่านด้วยความอาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปัสสาวะรดที่นอน ยังดีที่กางเกงตัวนี้เนื้อผ้าหนาทำให้ไม่เปียกลงไปถึงที่นอน แต่เป้าเปียกแฉะอย่างน่าอาย แถมยังมีกลิ่นแปลกๆ ริวรีบถอดเสื้อผ้าออกแล้วอาบน้ำขัดเนื้อตัวจนแทบถลอก จู่ๆ ภาพในความฝันก็กลับมาอีก ทุกสิ่งทุกอย่างดูลางเลือนไปหมด ยกเว้นใบหน้าแดงซ่านตาปรือปรอยของพสุ ที่ทำให้ริวต้องเปิดน้ำแรงๆ รดหัวเพื่อให้หายอาการร้อนวูบวาบ นึกโมโหตัวเองที่เอาพสุไปเกี่ยวข้องกับภาพประหลาดๆแบบนั้น
“เป็นไงบ้าง...แล้วทำไมสระผมกลางดึก เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
ริวเกือบสะดุ้งเมื่อเปิดประตูออกมาเจอพสุยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ เด็กหนุ่มเผลอกำปมผ้าขนหนูแน่น ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความขัดเขิน กลัวว่าพสุจะรู้ว่าเขาต้องรีบมาอาบน้ำเพราะปัสสาวะรดที่นอน
พอเห็นหัวเขาเปียกพสุก็เดินไปในห้องแต่งตัวคว้าผ้าขนหนูกลับมาเช็ดผมให้
“ก้มมาหน่อยสิ พี่เช็ดไม่ถนัด”
ริวก้มตัวลงเพื่อให้พสุเช็ดผมได้ถนัด ใบหน้าของพสุอยู่ใกล้มากจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น พาใจริวโลดแรง เด็กหนุ่มยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวกลับมาอีกครั้ง
“ผมเกือบแห้งแล้ว แต่แต่งตัวให้อุ่นๆ หน่อยแล้วกัน เดี๋ยวจะไม่สบายไป” พสุเตือนแล้วไปหยิบชุดนอนชุดใหม่มายัดใส่มือให้ริวเพราะเห็นเด็กหนุ่มยังยืนนิ่งอยู่ในท่าเดิม
“ครับ” ริวรับคำเสียงเบา แต่ยังไม่กล้าหันไปสบตาพี่แม้แต่นิดเดียว
พอแต่งตัวเสร็จริวก็กลับเข้าไปในห้องนอน พร้อมๆกับที่พสุเปิดประตูเข้ามา ในมือมีแก้วโอวัลตินส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกล
“ดื่มซะ จะได้หลับสบาย” พสุส่งแก้วโอวัลตินอุ่นๆ ให้ แล้วจับปลายผมของริวเบาๆ เพื่อดูว่าผมแห้งแล้วหรือยัง
“ขอบคุณครับ” ริวยกมือไหว้แล้วรับไปดื่มรวดเดียวหมด โอวัลตินเพิ่งชงใหม่ๆ คงร้อนลวกลิ้นถ้าพสุไม่เติมน้ำแข็งมาเล็กน้อยเพื่อให้คลายความร้อนเพราะรู้ดีว่าริวกินอาหารร้อนจัดไม่ค่อยได้
พสุกลับขึ้นไปบนเตียง แต่คว้าหนังสือมาอ่านเพราะตาสว่างแล้ว ริวตามขึ้นไปซุกหน้ากับตักของพสุ รู้สึกสบายกับมือนุ่มๆ ที่ลูบหัวลูบหลังให้เขาเบาๆ ทำให้ริวนึกถึงเจ้าจัมโบ้ สุนัขของอัลเบิร์ต มันคงรู้สึกดีแบบนี้เหมือนกันเวลาที่เจ้าของลูบหัวมัน เพียงแต่มันไม่มีโอกาสได้กอดตอบเจ้าของเหมือนอย่างที่ริวได้กอดตอบพี่ ริวกระชับวงแขนที่โอบรอบเอวพสุแน่นกว่าเดิม สุขจนล้นหัวใจทำให้ความรู้สึกอึดอัดแปลกๆ หายไปหมด................................................................
“เป็นอะไรไป จ้องหน้าพี่มาตั้งนานแล้วนะ” พสุอดถามไม่ได้เพราะรู้สึกว่าวันนี้ริวจ้องหน้าเขามาตลอดตั้งแต่ตอนตื่นนอนแล้ว พอทักเด็กหนุ่มก็หลบตาวูบ ท่าทางมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่พสุไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุ
“เปล่าครับ” ริวปฏิเสธแล้วรีบตักข้าวต้มเข้าปาก เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอจ้องพสุอยู่นาน ทั้งที่เขาคิดว่าแค่แอบมองเดี๋ยวเดียวเท่านั้น...ทั้งที่เห็นหน้ากันทุกวัน แต่ริวรู้สึกว่าพสุนั้นดูดีจนหน้าทึ่ง ปลายจมูกโด่งจนแหลมนั้น ดูสวยไม่ขัดตา ยิ่งรับกับปากอิ่มเต็มยิ่งทำให้น่ามอง โดยเฉพาะเวลายิ้ม พสุยิ้มได้อ่อนโยนและอบอุ่นจนหัวใจแทบละลายทุกครั้ง...
“ไหนบอกเปล่าไง...แล้วนี่จะจ้องพี่ทำไมนักหนาฮะ”
ริวกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะก้มหน้างุด เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอไปจ้องหน้าพี่อีกแล้ว เด็กหนุ่มพยายามจะตีหน้านิ่ง ทั้งที่พยายามกัดปากไว้แล้ว แต่มุมปากก็ยังคอยจะยกขึ้นสูงราวกับควบคุมไม่ได้
“ยิ้มอารายยยยยย” พสุลากเสียงยาวแล้วเอื้อมมือมาดึงแก้มยุ้ยยืดออกไป
“โอ๊ยพี่ เจ็บน๊า...” ริวตะครุบมือพสุไว้ แต่ไม่ดึงออก ปล่อยให้พสุดึงแก้มเล่น
“ก็เราแอบขำอะไร จ้องหน้าแล้วก็แอบยิ้มอยู่คนเดียวแบบนี้ บอกมาเลยนะ” พสุเปลี่ยนจากดึงแก้มนุ่มๆ มาเป็นจับใบหน้าริวไม่ให้หลบตาอีก รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่พุ่งพรวดขึ้นของผิวใต้ฝ่ามือ และแก้มขาวๆ ก็ซับสีแดงระเรื่ออย่างรวดเร็ว
“เปล่านะครับ ริวไม่ได้ขำพี่สักหน่อย” ริวแก้ตัวแต่ดวงตาหรุบต่ำไม่ยอมสบตาด้วย
“แล้วยิ้มอะไร” พสุถามแล้วลูบปลายนิ้วที่รอยแดงบนแก้มที่ถูกเขาดึงเมื่อครู่ แต่เมื่อเห็นว่าไม่ถึงกับช้ำก็ปล่อยมือ
“ริว...ริวก็ภูมิใจที่มีพี่ชายหน้าตาดี แค่นั้นเอง”
“อย่ามากะล่อน ตั้งแต่สนิทกับไวย์นี่ชักกะล่อนใหญ่แล้วนะเรา”
“ริวเปล่า” ริวกลั้นยิ้มจนแก้มบุ๋ม ดวงตาโตเป็นประกายวิบวับ
เสียงริงโทนมือถือของพสุดังขึ้นเสียก่อน พสุชี้หน้าริวเป็นเชิงคาดโทษยิ้มๆ ก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีครับพี่กร...ครับ...ได้ครับ”
“พี่กรว่าไงครับ” ริวถามทันที่เห็นพสุวางสาย
“พี่กรเขาให้ริวขับรถไวย์ไปให้ที่โรงละครเลย แล้วก็สั่งให้เราไปเร็วขึ้นอีกชั่วโมง เพราะวันนี้เป็นรอบสุดท้าย คาดว่าสื่อจะไปกันมากไม่แพ้รอบแรก”
“ริวไม่รู้ทางนะพี่”
“ไม่เป็นไร ขับตามพี่ไปละกัน เดี๋ยวเราออกกันเร็วหน่อย จะได้ไม่ต้องรีบ อีกอย่าง...พี่ขี้เกียจไปรถติดอยู่แถวหน้าโรงละครด้วย”
วันนี้นอกจากพสุจะเลือกเสื้อผ้าให้ริวใส่เหมือนเคย ยังช่วยเซตผมให้ด้วย เพราะต้องออกไปเจอกับสื่อมวลชนจึงจำเป็นต้องให้ดูดีหัวจรดเท้า
เมื่อพสุกับริวไปถึงโรงละครนั้น ยังมีคนมาเพียงประปราย หลายคนที่จำพสุกับริวได้ ก็เพียงโบกไม้โบกมือให้ไม่กล้าเข้าไปขอลายเซ็น คงเพราะเห็นพสุกับริวหอบดอกไม้มาช่อใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่พอเห็นพสุก็เปิดทางให้เขาเข้าไปหลังเวทีได้โดยไม่ต้องใช้บัตรสต๊าฟ
“ไงตะวัน” พสุทักก่อน ส่วนริวเพียงแต่เดินตามเข้าไปยกมือไหว้แล้วยื่นช่อดอกไม้ให้ตะวัน แต่พสุดึงแขนไว้
“เดี๋ยวๆ ดอกไม้ต้องให้ตอนแสดงเสร็จแล้วนะริว”
“ให้ตรงนี้ไม่ได้เหรอครับ”
“ให้หน้าเวทีเหมาะกว่า ขืนมาให้ตรงนี้พี่กรรู้มีหวังบ่นเราตาย”
“ไงริว...เดินแบบเมื่อวานเป็นไงบ้าง” ตะวันหันมาถามริวยิ้มๆ เด็กหนุ่มนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วความรู้สึกแปลกๆ ก็พลุ่งวาบขึ้นมาจนใบหน้าร้อนผ่าว
“ก็...เอ่อ...ดีครับ” ริวอึกอักแล้วหน้าแดง ก้มหน้างุดๆ จนตะวันกับพสุเหลือบไปสบตากันอย่างแปลกใจ
“ตื่นเต้นไหม?” ตะวันยังถามต่อ แต่จับตาดูปฏิกิริยาของริวอย่างตั้งใจ
“ตื่นเต้นมากครับ ตอนแรกสั่นจนเกือบเดินไม่ได้...พี่ตะวันละครับ เล่นละครเวทีตื่นเต้นมั๊ย”
“ก็ตื่นเต้นนะ...แล้วละครเวทีมันมีความสดในตัว ไม่ว่าจะเล่นกี่รอบก็เหมือนเล่นใหม่ทุกครั้ง ก็นะ...ตื่นเต้นมันทุกรอบแหละ เพียงแต่รอบหลังก็ควบคุมอารมณ์ได้เร็วกว่ารอบแรกๆ”
“พี่ตะวันนนนนน ยินดีด้วยครับ มาถึงรอบสุดท้ายแล้ว” ไวยากรณ์ตะโกนทักมาแต่ไกลก่อนจะแถเข้ามากระแซะไหล่ตะวัน
“ไงไวย์ ดล...มาถึงกันนานยัง” ตะวันทักตอบพลางหันไปดีดหูไวยากรณ์เบาๆ
“มาถึงปุ๊บก็โดนเจ้าไวย์ลากมานี่ปั๊บเลย” ธีรดลตอบยิ้มๆ ขณะที่ไวยากรณ์โดดหลบไปยืนข้างริวแล้วตบไหล่ป๊าบๆ
“ขอบใจมากนะริวที่เมื่อคืนช่วยลากพี่ไปส่ง เห็นแม่บ้านบอกว่าพี่อ้วกเลอะเทอะจนริวต้องเช็ดตัวให้เหรอ แต้งกิ้วนะน้อง”
“มะ...ไม่เป็นไรครับ” ริวตอบแล้วขยับถอยไปแอบหลังพสุ ทำเอาไวยากรณ์งงที่เห็นริวทำเหมือนกลัวเขาสัมผัสตัว ทั้งที่อาการเกลียดสัมผัสของริวก็แทบไม่มีให้เห็นมานานมากแล้ว...หรือว่าเมื่อคืนเขาจะทำอะไรให้ริวไม่สบายใจไปบ้างหรือเปล่า...
“ริว...เมื่อคืนพี่ทำอะไรไม่ดีไปรึเปล่า” ไวยากรณ์ถามทันทีเพราะเขาไม่ชอบให้มีอะไรคาใจ ริวส่ายหน้าแต่ไม่ยอมสบตาด้วยเหมือนเคยจนไวยากรณ์เริ่มหงุดหงิด
“ทำไมถามอย่างนั้นละไวย์?” ตะวันรอจนพสุพาริวไปทักทายผู้กำกับละครเวที เหลือแต่ไวยากรณ์กับธีรดลถึงได้ถาม เพราะเขาเองก็สังเกตว่าวันนี้ริวมีท่าทางแปลกๆ
“ก็พี่ตะวันดูสิ ริวมันทำยังกะกลัวผมจะโดนตัวมันงั้นแหละ” ไวยากรณ์ตอบด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก
“แล้วเราไปทำอะไรไม่ดีไว้หรือเปล่าล่ะ”
“เปล่านะ...เอ...หรือมีวะ ก็ผมเมาอ่ะ จะไปจำได้ไงล่ะว่าทำอะไรบ้าง” ไวยากรณ์ตอบแล้วถอนใจเฮือก หัวคิ้วขมวดจนแทบชิด พยายามทบทวนว่าเมื่อคืนเขาทำอะไรให้ริวโกรธไปบ้างหรือเปล่า
“ไงเด็กๆ มาถึงกันเร็วจริง” กรเวชที่เพิ่งมาถึงทักทายทุกคน พร้อมหอบข้าวของเข้ามาพะรุงพะรัง
“พี่กรสวัสดีครับ” ทุกคนหันไปไหว้กรเวชพร้อมกัน กรเวชก็ได้แต่พยักหน้าให้เพราะของเต็มมือทั้งสองข้าง
“กินอะไรกันมาหรือยัง พอดีพี่เจอแฟนคลับ เขาฝากของกินมาเพียบเลย”
ไวยากรณ์กับธีรดลปราดเข้าไปรับถุงของฝากจากมือกรเวชอย่างสนใจ ปกติริวก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ชอบกินของฝาก แต่วันนี้เด็กหนุ่มกลับยืนเหม่ออยู่ข้างพสุ เหมือนไม่ได้สนใจว่าคนรอบตัวทำอะไรกัน พสุกับตะวันต่างจ้องมองริว อย่างแปลกใจ ตะวันเหลือบสบตาพสุเป็นเชิงถาม แต่พสุก็ทำได้เพียงส่ายหน้า เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าริวเป็นอะไร
“ริว...ริว...ริว!” กรเวชทักเสียงดังเพราะเรียกหลายรอบแล้วริวก็ไม่ได้ยินสักที
“ครับ?”
“เป็นอะไร พี่เรียกตั้งหลายหนแล้วนะ” กรเวชถามด้วยความเป็นห่วง แต่เหลือบไปมองเห็นพสุยังมีสีหน้าปกติก็เลยคิดว่าริวคงไม่เป็นอะไร
“ขอโทษครับ พอดีริวคิดอะไรเพลิน” ริวตอบอ้อมแอ้ม แล้วขยับเข้าไปชิดตัวพสุเพื่อความอุ่นใจ
“ไวย์ ดล กินเสร็จหรือยัง กินเสร็จก็ออกไปนั่งที่กันเถอะ ป่านนี้คนเต็มแล้ว”
“ครับ”
พอคิสมีปรากฏกาย แสงแฟลชก็กระพริบวูบวาบ ได้ยินเสียงฮือฮาจากผู้ชมที่กำลังเข้าคิวเพื่อเตรียมเข้าไปในโรงละคร ทั้ง 4 หนุ่มต่างไหว้พี่ๆสื่อมวลชนที่มาทำข่าวไปตลอดทางจนถึงที่นั่ง
ละครเวทีเรื่อง “หน้ากาก” นี้ ตะวันรับบทเป็นหนุ่มพิการที่กล้ามเนื้อใบหน้า ทำให้พูดไม่ได้ รวมทั้งไม่สามารถแสดงสีหน้าอารมณ์ใดๆได้ ทั้งสุข เศร้า จะต้องแสดงสีหน้านิ่งๆแบบเดิม แต่เขากลับสื่ออารมณ์และความรู้สึกผ่านการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ทำให้คนดูรับรู้ถึงอารมณ์ของเขาจนหัวเราะและร้องไห้ตามไปด้วยได้ เรื่องราวจบที่โศกนาฏกรรม เมื่อตะวันตัดสินใจฆ่าตัวตายในตอนจบ แต่สีหน้าและแววตาสงบนิ่งของตะวันที่ทอดมายังผู้ชม ราวกับจะบอกทุกคนว่าเขากำลังมีความสุขที่ได้ตายตามคนที่รัก ดีกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยวในโลกใบนี้
“ริว...ปล่อยมือพี่ได้แล้ว แล้วก็เช็ดน้ำตาเสียด้วย” พสุแซวขำๆ ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าให้ ตลอดเวลาที่ดูละครริวจับมือเขาไว้แน่น ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครจนพลอยเศร้าตามไปด้วย
“ครับ” ริวรับคำทั้งที่ยังสะอื้นน้อยๆ เด็กหนุ่มเอาผ้าเช็ดหน้าที่พสุให้ปิดหน้าไว้ ขณะที่ไฟในโรงละครสว่างขึ้นมา เพื่อให้นักแสดงออกมาขอบคุณคนดูและถ่ายรูปร่วมกัน
“พี่ไผ่...พี่ห้ามตายก่อนริวนะ ริวทนไม่ได้หรอกถ้าไม่มีพี่” ริวหันไปบอกพสุขณะที่เดินตามกันออกจากโรงละคร
“ไม่เอาน่าริว...แค่ละครนะ” พสุหันกลับไปโอบไหล่เด็กหนุ่มไว้ เพราะดูเหมือนริวจะยังสะเทือนใจไม่หาย
“ครับ...แต่มันเศร้าจริงๆ นะ เป็นริว...ริวก็ยอมตาย ดีกว่าต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว...คนเราถ้าไม่มีหัวใจแล้วจะอยู่ต่อไปได้ยังไง” ริวยืนยันเสียงหนักแน่น แล้วเม้มปาก จมูกกับตายังแดงก่ำเป็นผลมาจากการร้องไห้เมื่อครู่นี้
“อะโหย ไอ้หนูริวใช้คำซะหรูเลยว่ะ...อินอะไรนักหนาฮะ ถึงกับร้องห่มร้องไห้” ไวยากรณ์ตามมาผลักหัวริวเบาๆ อย่างหยอกล้อ
“ก็ใครเขาจะนั่งหลับตั้งแต่ต้นจนจบอย่างไวย์ได้ล่ะ” ธีรดลหันมาแขวะ
“หลับไม่หลับเปล่า กรนด้วย...น่าเกลียดชะมัด” กรเวชหันไปดุเสียงเขียวอีกคน ไวยากรณ์ทำหน้ากะเรี่ยกะราด แล้วขยับแว่นกันแดดสีเข้มปิดดวงตาแดงก่ำอีกรอบ เพราะถึงหน้าประตูก็เจอกับกองทัพนักข่าวที่รออยู่แล้ว
ริวตอบคำถามนักข่าวอย่างเขินๆ ที่โดนแซวเรื่องร้องไห้ เด็กหนุ่มยอมรับว่าสะเทือนใจไปกับบทบาทของตะวันจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เมื่อตะวันออกมา คิสมีก็ถ่ายรูปร่วมกันอีกครั้ง ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ
“ริวไปกับพี่ไหม” ไวยากรณ์หันมาถามอย่างหวังดี แต่ริวกลับอึกอัก แล้วหลบตาไวยากรณ์จนพสุต้องออกรับแทนว่าจะไปส่งริวเอง ไวยากรณ์ยังมองริวอย่างสงสัย แต่เพราะยังไม่หายปวดหัว จึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก กรเวชเลยอาสาขับรถของไวยากรณ์ไปให้
“ริว...เมื่อคืนทะเลาะกับไวย์เหรอ” พสุอดถามไม่ได้ เขาไม่สบายใจเลยที่เห็นริวเอาแต่หลบหน้าไวยากรณ์ขณะที่ไวยากรณ์เองก็ดูมีท่าทางหงุดหงิด
“เปล่าครับ”
“เปล่าอีกแล้ว แต่วันนี้ริวแปลกๆไปนะ ขนาดไวย์แฮ้งค์ๆ อยู่ยังรู้เลยว่าริวหลบหน้าหลบตาเขา ถามจริงๆ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น” พสุเหลือบมองเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองกระจกส่องหลังเพื่อเปลี่ยนเลนเข้าสู่ทางลงที่จะไปยังห้างใหญ่ซึ่งริวจะต้องไปเดินแบบในคืนนี้
“ไม่มีอะไรจริงๆครับ”
“ริว...ถ้ามีปัญหาอะไรกัน พี่แนะนำว่าให้รีบเคลียร์ให้จบนะ เพราะริวกับไวย์ยังต้องร่วมงานกันอีกนาน อย่าให้ความเข้าใจผิดมาทำลายมิตรภาพดีๆ ของเราสองคนได้ล่ะ รู้ไหม” พสุเตือนแล้วตบไหล่ริวเบาๆ เด็กหนุ่มกุมมือเขาไว้แน่นแต่ไม่ยอมสบตาเหมือนทุกครั้ง
“ครับ”
พสุถอนใจเฮือกอย่างอ่อนใจ ดูท่าทางคงง้างปากริวไม่ได้แน่ๆ ก็เหลือแต่ไวยากรณ์ที่น่าตอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อไปถึงที่จัดงานนั้นก็พบว่าไวยากรณ์กับกรเวชมาถึงก่อนแล้ว ไวยากรณ์กำลังแต่งหน้า ขณะที่ริวต้องแยกไปซ้อมเดินเพิ่ม เพราะเขายังไม่คล่องนักและวันนี้ก็ต้องเดินถึง 3 ชุดด้วยกัน
“ไวย์...พี่คุยอะไรด้วยหน่อยสิ” พสุรอจนไวยากรณ์แต่งหน้าเสร็จจึงเข้าไปคุยด้วย
“ครับ?”
“เมื่อคืนไวย์ทะเลาะกับน้องหรือเปล่า”
“เปล่านะพี่ ไม่มีอะไรเลย...เอ่อ...จริงๆ ก็มีนะ...คือเมื่อคืนผมเจออะไรไม่ดีนิดหน่อย แล้วก็เผลอไปตึงๆ ใส่ริวมัน” ไวยากรณ์สารภาพหน้าเจื่อน เพราะเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อคืนตอนเดินแบบเสร็จเขาทำหน้ามึนตึงใส่จนริวเองยังรู้ตัวว่าเขาหงุดหงิด
“อ้าว...”
“แต่ผมก็ขอโทษไปแล้วนะพี่...สงสัยริวมันยังโกรธผมอยู่แน่ๆ”
“ถ้าไวย์ขอโทษแล้วก็แล้วไปเถอะ ริวไม่ใช่เด็กเจ้าคิดเจ้าแค้น เดี๋ยวก็ลืม แต่ตอนนี้คงจะยังน้อยใจอยู่ ก็เลยหลบหน้าหลบตาไวย์ไปบ้าง”
“ว้า! ผมไปขอโทษริวอีกทีดีไหมพี่ ไม่อยากให้ตึงๆกันแบบนี้เลย” ไวยากรณ์เกาหัวแกรกแล้วนิ่วหน้าอย่างไม่สบายใจ ที่ผ่านมาถึงเขาจะแกล้งริวบ่อยๆ แต่ริวก็ไม่เคยหลบเลี่ยงเขาแบบวันนี้ ท่าทางริวจะโกรธเขามากจริงๆ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่คุยให้ ตั้งใจทำงานเถอะ ว่าแต่ไหวแน่นะ ตาแดงก่ำเชียว” พสุถามยิ้มๆ พอรู้สาเหตุแบบนี้ก็ค่อยสบายใจขึ้น
“ไหวครับ...งั้นผมขอไปเตรียมตัวก่อนนะพี่ไผ่”
“ไปเถอะ”
...........................................
-
:L2: :3123:
-
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
สรุปพี่ไผ่เป็น หญ้าแก่หรอ
-
น้องใสมากกกกกกกกกกกกกกกกกก :-[
:laugh:เข้าใจเลือกบทให้พี่ตะวัน เหมาะมากๆๆๆ
-
:z2: :z2: :L2: :L2:
-
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
:z2: :z2: :z2:
-
น้องริว อันนั้นไม่เรียกฉี่รดที่นอนแล้วลู๊ก ก!
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1: กอดคนโพสต์ แอนด์ คนแต่งค่ะ จุ๊บุๆ
แง่ม เหมือนตอนนี้จะสั้นรึป่าวหว่า :m31: :m31:
น้องริวของพี่จ๋าาาาาา~ :impress2: จะอินโนเซนท์ไปไหนลูก น่ารักจนพี่จะคลั่งตายแล้วค่ะ :o8:
แหม่ แต่ก็นะ เรื่องอย่างนี้ๆ คุณพ่อ(?)อลันก็ไม่คิดจะสอนลูกริวมั่งเลยเนอะ ปล่อยให้น้องโตเป็นหนุ่มหล่อซะขนาดนี้แต่ไม่รู้เรื่องแบบนั้นๆเลย :m21:
แต่ก็ดีอย่างนะคะ ถ้าเกิดมีชะนีมาคาบไปกิน น้องริวของพี่ๆก็มีสิทธิ์ปลอดภัยมากขึ้นเนอะ :m12:
รอให้พี่ไผ่สอนตัว-ตัวให้แล้วกันนะคะน้องริว o18 คงอีกไม่นานเนอะ ถ้าคนแต่งไม่ใจร้ายเกินไป อิอิ :m20:
ปล.รอว่าเมื่อไหร่กรมป่าไม้จะส่งหน่วยงานมาทำการ"ส่งชะนีคืนสู่ป่า"ซะทีค่ะ 555+
-
ตั้งแต่ไปเห็นผีผ้าห่ม
น้องริวก็มีอาการแปลก ๆ ไป
กลับมาฝันร้ายอีกแล้วอ่ะ
แต่ว่าไอ้ที่น้องริวฉี่รดที่นอนเนี่ย ใช่เร้อ
มันเป็นอย่างอื่นรึป่าว น้องริวเข้าใจผิดป่าวเนี่ย
ปรึกษาพี่ไผ่ดูดิ คงได้คำตอบแหละ ^ ^
-
:L2: :L2: :กอด1:
ช๊อบ ชอบ :-[
-
โฮะๆๆๆๆๆๆ รอวันที่ริวเป้นหนุ่มมานานสมใจอยากซะที น้องริวน่ารักอ่ะ
รอตอนต่อไป เอิกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13 :L2:
-
ดีใจจัง ขอบคุณมากค่าที่มาอัพให้ :กอด1:
น้องริวน่ารักอ่ะ น่ารักมากกกกกกก ปัสสาวะหรือค่ะ? คงต้องศึกษาเรื่องนี้กับพี่ไผ่กันแบบตัวต่อตัวแล้วล่ะค่ะ อ่ะหึ หึ หึ :-[
สรุปว่าพี่ไวยไม่รู้ใช่ไหมว่าทำอะไรลงปายยยยยย :fire: เอาผีผ้าห่มมาแกล้งน้องซะได้ (แต่ก็ขอบคุณในหลายๆความหมายนะเคอะ -.,- )
นั่งลุ้น น้องริว x พี่ไผ่ต่อไป o18
-
กรี๊ดดดดดดดด ... น้องริวฝันเปียกครั้ืงแรก น่ารักได้อีก :-[
-
อ๊าย........... ช่างไร้เดียงสาได้น่าเอ็นดู
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะสอนน้องสักทีคะว่าไม่ใช่ฉี่รดที่นอนอ่า ~~ :-[
-
น้องจะกล้าบอกมั้ยล่ะว่าหลบหน้าเรื่องอะไร
งื้อออออออ
เขินแทนน้องริวนะ !!!!!
คิสมี ,, อ่านยังไงก็เขิน!!!
-
ริวน่ารักอ่าาาาาาาาาาาาาาา
โถ่ๆๆๆ ริวขา คิดได้เนอะ ไร้เดียงสาจริงๆ เลย
อย่างนี้คงต้องให้พี่ไผ่สอนแล้วแหละเนอะ :laugh: :laugh:
-
:o8: น้องริวเริ่มโตเป็นหนุ่มแล้วสินะคะ อิอิ
-
อ่านู่ริวฝันไรคะเนี่ย
นู่ริวอินโนเซ็นอิอิ
พี่ใผ่สอนหน่อยเร็ว
-
กลิ้งๆๆๆ
ชอบน้องริว เริ่มรู้ล่ะว่าใครจะเคะ
:oo1:>< น้องริว พี่ไผ่ๆๆๆๆ
-
55555555555555555
ริวเค้าเรียกฝันเปียกนะคะ ไม่ใช่ฉี่รดที่นอนค่ะหนู๋
5555555555555555555555555555555555555
แต่รู้สึกเหมือนสั้นๆง่ะตอนนี้ อ่านเท่าไหร่ไม่เคยพอ หุหุ
+1เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
-
น้องริว
ไร้เดียงสาจริงๆ
อย่างนี้จะกดพี่ไผ่ได้เหรอ
:z1:
-
พี่ไผ่ช่วยน้องริวด้วย
+1
-
555 ริวน่ารักอ่ะ
ว่าแต่ 18 เพิ่งจะฝันเปียกครั้งแรกหรือ
คึคึ เป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วใช่ไหมเนี่ย
แถมยังฝันว่าพี่ไผ่ออนท็อปอีก
แว๊กกกกกกก
ใครกดใครเนี่ย
:z1:
-
ฉี่รด ฮ่าๆๆ
-
น้องริวไม่ใช่ฉี่รดที่นอนแล้ววว
ฝันเปียกกกก!! 555+
-
แน่ใจหรอน้องริว ว่าหนูฉี่รดที่นอน???
เขิลลลลลลล >////< แทนอ่ะค่ะ
-
ว๊ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น้องริว
คิดว่าฉี่รดที่นอนเหรอลูก
ถึงได้อายไม่กล้าบอกพี่ไผ่
แล้วอย่างนี้ใครจะบอกน้องริวได้ล่ะเนี่ย ว่ามานไม่ใช่ๆๆ
-
น้องริวววววว
อะไรจะน่ารักขนาดนั้น
นึกว่าฉี่รดที่นอน เหอๆ
:-[ :-[
-
บทมันเหมาะกับตะวันจริงๆ่อ่ะนะ
แล้วน้องมันจะกล้าบอกมั้ยล่ะนั่นว่าเรื่องอะไรเลยหลบหน้าอ่ัะ
ริวใสน่าดูเลย ดูจากการฉี่ีรดที่นอน(หรอ?) 55 :laugh:
อะไรจะน่ารักแบบนี้น้าาาาา า~ :-[
ตอบ น้องริวไง!!! 55
-
ริวไร้เดียนสาที่สุดอะขนาดอายุ 18 นะเนี้ย :-[
-
เข้ามานั่งรอ ฮ่าฮ่า
แถมพี่ไผ่ออนท็อปด้วยนะ ! ท่าเดียวกับยัยชะนีกับพี่ไวยเลย - -
ริวโตเป็นหนุ่มแล้วซินา~ เชียร์ให้จับพี่ไผ่กดได้เร็วๆนะคะ o18
เข้ามารอ ตอนต่อไปค่ะ แบบว่า อยากอ่านอีกเยอะ รอ ร๊อ รอ :กอด1:
งืม รู้สึกตอนนี้สั้นๆ แล้วเราก็รอต่อไป :z10:
-
ริวมันไม่ใช่ฉี่นะลูก แต่แหมช่างฝันเนาะแทนที่จะเป็นหน้านายไวย์ หรือชะนีนั่น ดันเป็นหน้าพี่ไผ่ซะงั้น
-
บอกพี่ไผ่ไปเลย ว่าเจอผีผ้าห่ม
-
โธ่ริว มันใช่ฉี่รดที่นอน ที่ไหนกันล่ะ
ต้องถามพี่เขาซะน่ะว่ามันคืออะไร
-
โถ...น้องริว พ่อหนูน้อยที่แสนบริสุทธิ์
พี่ๆ คนไหนจะเป็นคุณครูสอนทักษะชีวิตในเรื่องนี้ให้น้องล่ะเนี่ย
-
โอ๊ย .... แค่ฉี่ราดเหรอ 555
ดีไม่เปียกเพราะฝัน 555
-
โธ่.... :กอด1: คุณน้องริว :o8:
เค้าเรียกว่าฝันเปียกจ้ะ
ฮ่าๆๆๆ :m20: ตอนนี้พี่ไผ่ออร่าฝ่ายรับเรืองรองมากกกกกกก :laugh:
-
พลิกล็อคซะงั้น อุตส่าห์ลุ้นตั้งแต่ตอนแรกว่าริวเป็นรับแน่ๆ แต่ไหงยิ่งอ่านริวยิ่งดูเป็นรุกล่ะเนี่ย :z3:
-
ตอนนี้ริวไร้เดียงสา แต่ในอนาคตอันใกล้จะเปลี่ยนเป็นร้ายเดียงสากะพี่ไผ่ หุหุ
มาต่อเร็วๆนะ เป็นกำลังใจให้จร้า
-
o22 เอาละเหวย ริวเพิ่งรู้จักความรู้สึกทางเพศเป็นครั้งแรก ต่อไปนี้ประเด็นหลักที่จะต้องถูกขบคิดตีให้แตก
:z13: ใครจะรุก ใครจะรับเนี่ย มันเดายากส์์์มากกกกกก
-
อร๊ายยยย น้องริว น่ารักอะไรอย่างนี้เนี่ย
ฝันถึงพี่ไผ่แล้วแบบว่า... :-[
อลันจ๋า รีบๆมาเทรนน้องริวหน่อยเร็ว น้องต้องการที่ปรึกษาด่วนที่สุด!!
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
สงสารน้องหงะ ใส กิ้ง ๆ จริง ๆ เจ้าค่ะ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ทำไมไวย์ถึงทำน้องอย่างนั้น ให้น้องเห็นขนาดนั้น น้องเขาใจแตกไม่กล้าดดนตัวนายก็นับว่าสมควรแล้ว โว้ว ๆ
-
นอ้งริวของเจ้ อ๊างงงงงง
ต้องให้ภรรยาเคลีย
อ๊าง พี่ไผ่เป็นแม่บ้านเข้าไปทุกที่ สงสัยยังไม่รู้ตัว
อีตาไวยก้อนะเรื่องอย่างว่ายังไม่สำนึก
เมื่อไหร่จะมีฉากซัมติงรอง อ๊าย เค้ารออยู่นะตัว
-
น้องริวโตเป็นหนุ่มน้อยอินโนเซนต์ :กอด1:
-
น้องริว พี่ไผ่
เมื่อไหร่จะมีฉากซัมติงรอง อ๊าย เค้ารออยู่นะตัว
-
ริวจะกล้าบอกพี่ไผ่ไหมลูกว่าเจออะไรมา
-
คอยๆๆๆฉันคอยเทอออยู่
แต่ไม่รู้ว่าเทออยู่ไหนนน
-
มีคน อยากเห็น ฉากซัมติงรองกันเยอะจริงๆ
ไรเตอร์จัดมาหน่อยสิคะ แบบสักนิด สะดุดล้มปากจุบุจุ๊บุไรเงี้ย 55555555+
-
แวะมารอน้องริวค่ะ :L2:
มาต่อเร็วๆนะคะคนแต่งจ๋า คนอ่านคิดเถิงงงงง :-[
-
:man1: :man1:
มารอน้องริววว
^^
-
ฝ่ายนึงก็เมา...อีกฝ่ายนึงก็เดียงสา...
คนอื่นคงจะรู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น....
ฮาาา
-
พี่ไผ่ น้องริว พี่ไผ่ น้องริว
-
มารอพี่ไผ่กับน้องริวค่ะ :L2: :L2: :L2:
-
มาไหมน๊า วันนี้
ปูเสื่อรอก่อ
-
โอ่ย รีพลายยากอย่างเว่อร์อะ :เฮ้อ:
ขอเวลาอีกสองวันน๊าค้า
ช่วงนี้งานเข้า ขอโทษษษษ
วันพุธดึกๆ เจอกันเน่อ
:L2:
-
จ้า............................
-
โอเคค่า
เจอกันวันพุธค่ะ
:pig4:
-
โอ่ย รีพลายยากอย่างเว่อร์อะ :เฮ้อ:
ขอเวลาอีกสองวันน๊าค้า
ช่วงนี้งานเข้า ขอโทษษษษ
วันพุธดึกๆ เจอกันเน่อ
:L2:
ค่า ไม่ว่ากัน รอได้ตลอดจ้ะ :o8:
ส่วนรีพลายยาก เพราะช่วงนี้ปิดเทอมคนเข้าเยอะกว่าปกติค่ะ มันเลยชอบขึ้น Connection Problems ประจำอ่ะค่ะ :เฮ้อ:
เป็นกำลังใจให้เน้อ :กอด1:
จุ๊บๆ :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
-
รับทราบบบบบ :bye2: :bye2: :bye2:
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยนึกว่าเราเป็นคนเดียว Connection Problems ขึ้นบ่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เข้ามารอนะคะ อยากให้ถึงวันพุธดึกๆเร็วๆจังเลยง่ะ
-
โอ่ย รีพลายยากอย่างเว่อร์อะ :เฮ้อ:
ขอเวลาอีกสองวันน๊าค้า
ช่วงนี้งานเข้า ขอโทษษษษ
วันพุธดึกๆ เจอกันเน่อ
:L2:
รอออออ
><
-
เป็นนิยายอีกเรื่องที่ประทับใจมากอ่ะคับ แบบว่า มันมีทุกรสชาด ทั้ง หวาน หอม ละมุน บางครั้งก็เผ็ด ร้อน สนุกมาก ลุ้นทั้งเรื่องเลยครับ
เป็นกำลังใจให้พี่คนแต่งด้วยอ่ะครับ รออ่านต่อนะคาฟฟ :o8:
-
เมื่อไหร่จะถึงคืนพรุ่งนี้สักทีน๊า
-
คืนนี้แล้วสินะ จะได้อ่านแล้ว ดีใจกว่าถูกหวยอีก
-
กิ้วๆๆๆ
ริวอ่ะฝันไรเนี้ย อิอิ
:o8:
-
:z10:
แวะมาดันกระทู้รอค่ะ
:L1: :L2: :กอด1:
-
ได้กลับเร็วกว่าที่คิด ฮิฮิ้ววว วว ววว วว ว ว :z2:
มาต่อกันเล้ยยย
**************************
ตอนที่ 38
ระหว่างที่ซ้อมเดินรอบสุดท้าย ไวยากรณ์เป็นฝ่ายเข้าไปแซวไปเล่นกับริวก่อนเหมือนเคย ไม่นานนักอาการขัดเขินของริวก็หายไป เด็กหนุ่มกลับมาหัวเราะพูดคุยกับไวยากรณ์ได้เหมือนเดิม เพียงแต่ริวเหมือนจะไม่อยากให้ไวยากรณ์ถูกตัวเขามากนัก ซึ่งไวยากรณ์เองก็ดูจะรู้ จึงเลี่ยงที่จะแตะต้องตัวริวเช่นกัน
พสุรออยู่จนใกล้เวลาเดินแบบจึงออกมาที่ที่นั่ง ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าตะวันกับธีรดลนั่งอยู่กับกรเวชด้วย ธีรดลมาดูแฟชั่นนั้นก็ว่าน่าแปลกแล้ว แต่ตะวันผู้เกลียดงานสังคมเป็นอย่างยิ่ง กลับมาดูเดินแบบดูจะเป็นเรื่องน่าตกใจมากกว่า
“มีอะไรหรือเปล่าตะวัน ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นชอบดูเดินแบบ” พสุถามยิ้มๆแล้วนั่งลงข้างๆ
“อืม...วันนี้ดูริวแปลกๆ ก็เลยอดมาดูไม่ได้” ตะวันตอบเสียงเรียบโดยสายตายังจับอยู่บนเวทีว่างๆ ตลอดเวลา
“อ้อ” พสุรับคำแล้วต่างคนต่างก็เงียบ เพราะงานบนเวทีได้เริ่มขึ้นแล้ว ดูเหมือนคืนนี้คนจะเยอะกว่าเมื่อวาน และมีหลายคนที่สังเกตเห็นพสุ ตะวัน และธีรดล จึงมีคนตะโกนเรียกคิสมีอยู่เป็นระยะๆ ทันทีที่ริวปรากฏกาย เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นหวั่นไหวยิ่งกว่าเมื่อวาน แสงแฟลชดูเหมือนจะมากกว่าเดิมหลายเท่า จนรอบที่สองริวต้องใส่แว่นกันแดดออกมาเดิน เพราะสู้กับแสงแฟลชไม่ไหว แน่นอนว่าไวยากรณ์ในชุดฟิน่าเล่ย่อมได้รับเสียงปรบมือถล่มทลายไม่แพ้กัน
หลังการเดินแบบเสร็จสิ้นลง คิสมีก็ถูกเชิญไปด้านหลังเวทีเพื่อไปแสดงความยินดีกับพี่อ้อม ก่อนที่ทั้ง 3 หนุ่มจะแหวกคนไปหานายแบบหน้าใหม่ที่กำลังพยายามเช็ดเครื่องสำอางออกจากหน้าอย่างร้อนรนเพราะกลัวพสุรอนาน
“ไงริว”
“พี่ตะวัน!” ริววิ่งหน้าตั้งมาหา เด็กหนุ่มยิ้มหน้าบานแม้จะแปลกใจที่เห็นตะวันมาร่วมงาน
“เก่งนะเรา เหมือนนายแบบมืออาชีพเลย”
“ขอบคุณครับ” ริวไหว้ขอบคุณตะวัน แล้วหันไปมองหน้าพสุ พสุก็พยักหน้าให้ด้วยสีหน้านิ่งๆ
“โหยพี่ตะวัน ลำเอียงว่ะพี่ ลำเอียง ทีผมเดินแบบตั้งหลายหนไม่เคยมาดูเลย พอริวเดินละแห่มากันหมดวงเลย” ไวยากรณ์ที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จตรงเข้ามาแซวตะวันก่อนใครเพื่อน แล้วหันไปแยกเขี้ยวใส่ธีรดลอีกคน
“ก็ริวไม่ใช่นายแบบมืออาชีพแบบไวย์”
“นั่นแหละ ลำเอียงชัดๆ”
“ดีนะที่ริวไม่ได้เดินแบบเป็นอาชีพหลัก ไม่งั้นตำแหน่งท็อปเท็นของไวย์ต้องโดนริวชิงไปแหงๆ” ธีรดลเยาะเย้ยแล้วตบไหล่ไวยากรณ์ปุๆ ราวกับเห็นใจหนักหนา
“โหยปากเหรอพี่ดล...ชริ! รุมว่ะ รุม!” ไวยากรณ์ชี้หน้าธีรดล
“พี่ตะวัน...ริวดูประหลาดๆ ไหม” ริวหันไปถามตะวันเพื่อความมั่นใจ เพราะตะวันเป็นคนตรง ดีก็ว่าดี ไม่ดีก็ติตรงๆ ไม่ไว้หน้า แต่พสุนั้นสนิทกันมากซะจนริวไม่คิดจะถาม เพราะด้วยนิสัยของพสุทุกคำพูดจึงถนอมน้ำใจคนรอบข้างเสมอ
“ไม่หรอก ริวเดินดีออก ถ้าไม่รู้มาก่อนนึกว่าเป็นมืออาชีพเลยนะ”
“เหรอครับ...ริวงี้ขาสั่นแทบเดินไม่ออกเลย ยิ่งตอนได้ยินเสียงคนดูกรี๊ดนะ ใจหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม” ริวเล่าอย่างตื่นเต้นไม่หาย ทำให้เด็กหนุ่มพูดเยอะกว่าปกติ ตะวันอมยิ้มแล้วตบไหล่ริวเบาๆเป็นเชิงสรรพยอก
“ริว...จะกลับหรือยัง” พสุที่ยืนเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆเ ย็นๆ จนตะวันยังอดมองหน้าไม่ได้
“อ้าว! พี่ไผ่รีบกลับเหรอครับ นึกว่าจะไปหาอะไรกินด้วยกัน” ไวยากรณ์หันไปถามอย่างสงสัย เพราะปกติถ้าเขามาเดินแบบกับพสุ เลิกงานแล้วพสุมักจะชวนไปหาซื้อของกินไปฝากริวด้วยเสมอ คราวนี้มากันพร้อมหน้าก็นึกว่าจะได้ไปกินข้าวด้วยกันเสียอีก
“พี่มีงานค้างอยู่นิดหน่อย อยากรีบกลับไปทำให้เสร็จ...ถ้าริวจะไปกินข้าวกับพี่ๆ เขาก็ได้นะ แต่พี่ขอกลับก่อนละกัน”
“ไม่เอา ริวจะกลับพร้อมพี่...พี่รอแป๊บนะริวไปเอากระเป๋าก่อน” ริววิ่งไปคว้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวพสุจะทิ้ง พสุหันหลังกลับไปจ๊ะเอ๋กับกรเวชที่เพิ่งเดินเข้ามาพอดี
“อ้าวไผ่จะกลับแล้วเหรอ?”
“ครับพี่กร พอดีมีงานค้างอยู่นิดหน่อย”
“เหรอ...งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆ พี่เข้าไปคุยงานอีกทีนะ” กรเวชรีบนัดเวลา เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ทั้งพสุและริวไม่มีงานด้วยกันทั้งคู่ อาจจะชวนกันออกไปไหน
“ครับ...ผมกลับก่อนนะครับพี่กร ไปนะทุกคน” พสุหันไปลาเพื่อนร่วมวงเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อครู่เขาจะกลับโดยไม่ล่ำลา
“พี่กร พี่ตะวัน พี่ดล พี่ไวย์ สวัสดีครับ” ริวหันไปไหว้ลาทุกคนแล้ววิ่งตามพสุไปติดๆ
“อะไรของพี่ไผ่เขา มาดูอยู่หลังเวทีตั้งนาน บทจะกลับก็รีบกลับดื้อๆ ซะงั้น” ไวยากรณ์บ่นอย่างไม่จริงจังนัก แล้วก็หันไปอำลาเพื่อนนายแบบนางแบบเพื่อเตรียมกลับเช่นกัน
ตะวันมองตามพสุกับริวไปจนลับตา แม้ใบหน้าจะเรียบเฉย แต่ดวงตาคมเป็นประกายไหววูบ...
“พี่ตะวัน! เป็นไรยืนตาลอยเชียว” ไวยากรณ์ทักเสียงดังแล้วโบกมือตรงหน้าตะวันไปมา
“เปล่า...”
“เหรอ...เห็นพี่สะบัดหัว นึกว่าไม่สบาย”
“ก็...แค่รู้สึกว่าหมู่นี้ชักฟุ้งซ่าน” ตะวันบอกเสียงเรียบแล้วหันไปลาทุกคน เหลือแต่กรเวช ไวยากรณ์และธีรดลไปกินข้าวต่อกันสามคน
……………………………………………
“พี่...มีเรื่องไม่สบายใจเหรอครับ” ริวถามด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่ออกจากงานมาพสุก็นั่งเงียบมาตลอด ทั้งที่ริวหวังว่าพสุจะติชมเรื่องการเดินแบบของเขาบ้าง แต่ดูเหมือนพสุมีเรื่องอื่นให้กังวลใจมากกว่า
“...อืม...นิดหน่อยนะ” พสุตอบแล้วถอนหายใจเบาๆ
“เรื่องงานเหรอครับ?”
“ไม่ใช่หรอก”
“แล้ว...เรื่องอะไรเหรอครับ”
“พี่แค่...ผิดหวังกับตัวเองนิดหน่อย” คราวนี้ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกยาวอย่างไม่ปิดบัง
“ผิดหวังกับตัวเอง?”
“ใช่...ผิดหวังที่...”พสุหยุดคำพูดไว้แค่นั้น เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกไม่พอใจตะวันเสียจนไม่อยากมองหน้า พสุเฝ้าแต่ครุ่นคิดหาสาเหตุจนเริ่มหงุดหงิดตัวเองที่วันนี้เขาทำตัวไร้สาระไปได้ขนาดนั้น
“ช่างเถอะ ริวหิวหรือเปล่า พี่รีบกลับมาทั้งๆ ที่ริวยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ” พสุถามเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วง เห็นหน้าจ๋อยๆ ของริวก็ยิ่งสงสาร
“หิวครับ...แต่ริวคงกินอะไรไม่ลง” ริวตอบเสียงเบา ตายังจับนิ่งอยู่ที่พี่ด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมล่ะ? ไม่สบายเหรอ”
“เปล่าครับ ริวเป็นห่วงพี่ต่างหาก พี่นั่งนิ่งๆ ไม่พูดแบบนี้ริวไม่สบายใจเลย”
“ฮื้อ...พี่แค่คิดอะไรไร้สาระไปตามเรื่องน่ะ ตอนนี้พี่ก็คุยกับริวแล้วไง”
“แต่พี่ก็ยังไม่สบายใจ...ริวอยากช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของพี่จังเลย...”
พสุหันไปมองหน้าริวอย่างแปลกใจ ดวงตาใสที่มองมาดูกระวนกระวายและห่วงใยเสียจนพสุรู้สึกได้ทันทีที่เห็น ทำให้ชายหนุ่มอดตื้นตันใจไม่ได้ อะไรๆ ที่ขุ่นมัวอยู่ในใจจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณครับ ริวใจดีมากเลยรู้ตัวไหม” พสุส่งยิ้มอ่อนๆ ให้ริว แล้วเอื้อมมือไปขยี้ผมที่เซตไว้เบาๆ ริวเห็นพสุมีสีหน้าสบายใจก็ยิ้มออก จับมือพสุมากุมไว้แน่น
“พี่ยิ้มออกแล้ว!”
“ช่ายยยย...แล้วก็รู้ด้วยว่าริวหิวมากๆ แล้ว”
“ฮื้อออ พี่รู้ได้ไง” ริวถามอายๆ นึกเขินที่พี่จับได้ว่าเขาหิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว
“ก็ท้องร้องดังซะขนาดนี้ แวะกินข้าวต้มที่ตลาดโต้รุ่งกันดีกว่า” พสุเย้ายิ้มๆ บีบมือที่กุมมือเขาหนักๆ เป็นการขอบคุณอีกครั้ง แล้วดึงมือกลับมาเพื่อบังคับพวงมาลัยให้เลี้ยวไปยังจุดหมายที่ต้องการ
.............................................
“ริว...อืม...ริว...” เสียงกระซิบพร่าพรายอยู่ข้างหู ใบหน้าของพสุแดงซ่าน ดวงตาที่เคยเป็นประกายอ่อนโยนบัดนี้ฉ่ำเยิ้มพราวจนหัวใจริวเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น ผิวของพสุทั้งอบอุ่นและนุ่มนวลเหมือนผ้าไหม กลิ่นหอมอ่อนๆ พาให้ร่างกายยิ่งร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“ริวรู้ไหม...ว่าริวใจดีมากเลย พี่รักริวมากเลยนะ” พสุก้มลงมากระซิบจนใกล้ แล้วแนบปากลงมาหา....
“พี่...” ริวหลุดเสียงเรียกออกมาเบาๆ แล้วสะดุ้งตื่น
ใบหน้าที่เห็นเกือบติดหน้าเขายังหลับสนิท แขนขาเขายังก่ายเกยอยู่บนตัวพสุทำให้เขารีบดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว พอขยับตัวริวก็รู้สึกถึงความอุ่นชื้นที่กางเกง เด็กหนุ่มถอยกรูดแล้วรีบลงจากเตียงแทบไม่ทัน
“อีกแล้วเหรอเนี่ย..บ้าจริง” ริวก่นด่าตัวเองเบาๆ แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ก่อนจะตัดสินใจเอาเสื้อผ้าที่เลอะคราบน่าอายทั้งของเมื่อวานและวันนี้ลงไปซักก่อนที่พี่แมวจะมาเจอเข้า
“คุณริว! นึกยังไงคะตื่นมาซักผ้าตั้งแต่ป่านนี้”
ริวสะดุ้งสุดตัว เขาอุตส่าห์รีบเอาผ้าเปื้อนลงมาซักทั้งที่คิดว่าจะไม่มีใครเห็น แต่พี่แมวกลับตื่นเช้ากว่าที่เขาคิด
“จะรีบใส่ชุดนี้ก็บอกพี่สิคะ พี่ซักให้ได้ ซักแล้วอบแป๊บเดียวก็แห้งแล้วค่ะ...มาค่ะพี่แมวทำเอง”
“ไม่เป็นไรครับ เสื้อผ้าไม่กี่ตัว ริวซักเองได้” ริวตอบอ้อมแอ้ม ไม่กล้าสบตาพี่แมว
“ได้ยังไงละคะ นี่มันหน้าที่พี่แมว...ไหนว่าผ้าไม่กี่ชิ้นไงคะ ทำไมใส่น้ำซะเต็มเครื่องเลย” พี่แมวเดินมาชะโงกดูเครื่องซักผ้าเห็นน้ำอยู่ระดับสูงสุด ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างขันๆ
“ก็ริวอยากให้มันสะอาดเร็วๆ” ริวตอบเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด เขาอุตส่าห์อ่านข้างกล่องผงซักฟอกอย่างละเอียดแล้วแท้ๆ แต่ก็ทำผิดอีกจนได้
“คิกๆ พี่ว่าพี่ซักเองดีกว่าค่ะ คุณริวไปนอนเถอะ นี่อีกตั้งนานกว่าจะสว่าง”
“แต่ริวอยากจะซักให้เสร็จ”
“ไม่ได้ค่ะไม่ได้ มาค่ะพี่ซักเอง เดี๋ยวพี่จะรีดขึ้นไปให้บนห้องเลยค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ”
“ขอบคุณครับ” ริวจำต้องปล่อยให้พี่แมวซักผ้าแทน เด็กหนุ่มเหลือบมองผ้าในถังซักอย่างหวาดๆ กลัวว่าจะยังเหลือคราบสกปรกให้พี่แมวรู้ว่ามันเปื้อนอะไรมา
“ไปไหนมาริว” เสียงถามพร้อมกับไฟทางเดินที่สว่างพรึบขึ้นมาทำให้ริวสะดุ้งเฮือกอีกรอบ เขากำลังจะไปเอาโทรศัพท์ที่ชาร์จทิ้งไว้ในห้องนั่งเล่น ไม่นึกว่าพสุจะออกมาตาม
“ริว...ไป..เอ่อ...ไปหานมกินครับ” ริวแก้ตัวปากคอสั่น ไม่รู้จะอ้างอะไรดี
“หิวเหรอ...หรือปวดท้อง” พสุถามพร้อมกับเดินมาแตะหน้าแตะตัวเด็กหนุ่มเพื่อวัดไข้
“เอ่อ...ปะ..ปวดท้องนิดหน่อยครับ”
“แล้วกินยาหรือยัง?”
“ยังครับ”
“เดี๋ยวพี่หายาให้ รอเดี๋ยวนะ” พสุหมุนตัวกลับทำท่าเหมือนจะไปที่ตู้ยา ริวจึงรีบคว้าแขนชายหนุ่มไว้
“ไม่...ไม่ต้องก็ได้ครับ ริวหายปวดแล้ว”
“หายแล้ว?”
“ครับ”
พสุมองริวนิ่งๆ เพราะแน่ใจว่าเด็กหนุ่มไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด แต่คิดว่าริวคงมีเรื่องลำบากใจถึงไม่ยอมบอก ซึ่งเขาก็จะรอจนกว่าริวจะพร้อมบอกเขาเอง
“ถ้าริวไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นพี่ไปนอนก่อนนะ...นี่เพิ่งตี 4 กว่าๆ เอง” พสุหาวแล้วกลับเข้าห้องไป
ริวรอจนแน่ใจว่าพสุเข้านอนไปแล้ว จึงไปหยิบโทรศัพท์จากห้องนั่งเล่นออกไปที่สนามหน้าบ้านเพื่อโทรหาอลัน
“อลัน!”
“ครับท่าน” ถ้าแทนสรรพนามแบบนี้แปลว่าตอนนี้อลันอยู่ระหว่างการประชุม เพราะถ้าอยู่กับเลขาส่วนตัวจะเรียกคุณริวเฉยๆ แต่ริวก็ใจร้อนเกินกว่าจะรอให้อลันประชุมเสร็จ
“ฉันป่วย!”
“อะไรนะ!...เอ่อ...สักครู่ครับ” อลันอุทานด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะขอตัวออกจากห้องประชุมกลับไปที่ห้องทำงาน
“ว่าไงริว เกิดอะไรขึ้น”
“ฉันป่วย”
“นายป่วย? เป็นอะไร?”อลันถามเสียงเรียบ หลังจากตั้งสติได้ ท่าทางเจ้านายน้อยๆ ของเขาจะมีปัญหาอะไรแก้ไม่ตกอีกแล้ว
“ฉัน...ฉัน...เอ่อ...ฉันฝันประหลาดๆ แล้ว...แล้วก็ฉี่รดที่นอนทุกเช้าเลย” ริวบอกเสียงอ้อมแอ้ม ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย เรื่องน่าอายแบบนี้ ถ้าไม่ใช่อลันเขาคงไม่กล้าเล่าให้ฟัง กับพสุยิ่งไม่กล้าเล่า เพราะถ้าพสุรู้ว่าเขาโตป่านนี้แล้วยังปัสสาวะรดที่นอน อาจจะไม่ยอมให้เขานอนด้วยก็ได้
“หา! นายเนี่ยนะฉี่รดที่นอน พูดเล่นพูดจริง?” อลันอุทานลั่น ประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยินจนควบคุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ได้
“พูดจริงสิ เรื่องน่าอายแบบนี้นายคิดว่าฉันอยากเอามาพูดเล่นหรือไง” ริวตอบเสียงขุ่น นึกโมโหที่อลันเห็นเรื่องกลุ้มใจของเขาเป็นเรื่องตลก
“เดี๋ยวๆริว เอาใหม่ เล่ามาให้หมด ทำไมถึงเกิดอาการแบบนี้ นึกให้ดีๆ เล่ามาให้ละเอียด”
ริวเม้มปากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเล่าตั้งแต่คืนที่เขาไปส่งไวยากรณ์ ไปเห็นภาพชวนขนลุก จนเก็บมาฝันร้ายทุกคืน รวมถึงภาพในฝันที่เปลี่ยนจากผู้หญิงของไวยากรณ์มาเป็นหน้าพสุด้วย
ริวคิดว่าอลันจะหัวเราะเยาะ แต่อลันกลับนิ่งไปนาน แล้วถอนหายใจยาว
“นายไม่ได้ป่วยหรอกริว...มันเป็นเรื่องของธรรมชาติเท่านั้น เพียงแต่นายไม่รู้จัก ก็เลยเข้าใจผิด”
“หมายความว่ายังไง”
“นายแค่มีอารมณ์ทางเพศ”
“อะไรนะ?”
“นายอยากมีเซ็กซ์ แค่นั้นเอง...วัยของนายจริงๆ ก็ควรจะเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาตั้งนานแล้ว เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะส่งข้อมูลไปให้”
“ไม่เห็นจะเข้าใจ แค่ฉันอยากมีเซ็กซ์ทำไมต้องฝันประหลาดๆ แบบนั้น แถมยังฝันเห็น...พี่ไผ่”
“เฮ้อ! เอาเป็นว่าฉันจะส่งข้อมูลที่นายควรจะเรียนรู้ไปให้ก็แล้วกัน ส่วนที่ว่าทำไมนายถึงต้องฝันเห็นหน้าพสุ ฉันคิดว่าสักวันนายคงได้คำตอบเอง”
“อะไรของนาย ฉันกลุ้มใจแทบตาย นายบอกได้แค่นี้เหรออลัน” ริวถามกลับอย่างฉุนๆ อุตส่าห์รอฟังคำตอบ แต่อลันกลับไม่ให้ความกระจ่างอะไรเลย
อลันลอบถอนใจยาว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าริวเป็นอะไร แต่เขาไม่ต้องการให้คำพูดของเขาไปชี้นำอะไรริวทั้งสิ้น อยากให้ริวเรียนรู้แล้วตัดสินใจเลือกทางเดินด้วยตัวเอง ไม่ว่าทางที่ริวเลือกจะถูกหรือผิด เขาก็พร้อมที่จะยอมรับและรับใช้ริวตลอดไป จนกว่าริวจะเป็นฝ่ายไม่ต้องการ “ผู้ปกครอง” คนนี้อีก
“ใจเย็นๆ ริว เดี๋ยวพอได้ศึกษาข้อมูลที่ฉันส่งไปนายก็จะเข้าใจเอง...แต่ตอนนี้ไปนอนได้แล้วล่ะ”
“รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาสั่งได้มั๊ย” ริวสวนกลับด้วยความหงุดหงิด ถึงคำตอบของอลันจะแทบไม่ให้ความกระจ่างใดๆ แต่การได้ระบายให้ใครสักคนฟังก็ทำให้เด็กหนุ่มคลายความอึดอัดคับข้องใจไปพอสมควร
“ริว... ริว...ทำไมไปเดินมืดๆ เดี๋ยวยุงกัด” เสียงเรียกดังมาจากในบ้าน ริวหันกลับไปดูเห็นเงาพสุวอบแวบที่หน้าต่างก็รีบขานรับ
“คร้าบบบบบบบบบ...ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ...แค่นี้นะ พี่ไผ่เรียกแล้ว” ประโยคหลังริวกระซิบบอกอลันแล้วรีบวิ่งไปหาพสุ
อลันยังไม่วางสาย เขาได้ยินเสียงวิ่งตึกๆ ก่อนที่ริวจะเป็นฝ่ายตัดสายไปเอง อลันลดโทรศัพท์ลงแล้วจ้องมองเหมือนของประหลาด ถึงเขาจะไม่เก่งภาษาไทยเท่าริว แต่ก็พอฟังออก ไอ้หนูเจ้าอารมณ์ดื้อรั้นเอาแต่ใจ กลายเป็นลูกแมวแสนเชื่องสำหรับพสุไปแล้ว...
“ออกไปเดินที่สนามมืดๆ ทำไมริว เดี๋ยวยุงก็กัดหรอก” พสุถามด้วยความเป็นห่วง ความจริงเขาเข้านอนไปแล้ว แต่เพราะไม่เห็นริวตามไปนอน ถึงได้ลุกออกมาดู แล้วก็เห็นริวเดินท่อมๆ อยู่ในสนามมืดๆ จึงเรียกเข้าบ้านก่อนที่จะโดนยุงหามไปซะก่อน
“ริวคุยโทรศัพท์ครับ กลัวเสียงจะรบกวนพี่ ก็เลยออกไปโทรข้างนอก”
“ก็ไปโทรในห้องนั่งเล่นสิ...ตอนนี้ไข้เลือดออกยิ่งกำลังระบาดอยู่...แล้วนี่คุยเสร็จแล้วเหรอ”
“ครับ”
“แล้วไง จะกลับไปนอนไหม หรือว่าไม่ง่วงแล้ว ตาใสเชียว”
“ไม่ง่วงแล้วครับ”
“พี่ก็ไม่ง่วง...งั้นไปตักบาตรกันดีกว่า ไหนๆ ก็ตื่นเช้าทั้งที”
“ครับ” ริวรับคำเสียงใส รีบวิ่งไปอาบน้ำอีกรอบ พออลันรับปากว่าจะจัดการทุกอย่างให้ ริวก็รู้สึกสบายใจขึ้น เด็กหนุ่มกลับไปร่าเริงสดใสได้อย่างเดิมจนพสุเองก็สังเกตเห็น พลอยให้ชายหนุ่มรู้สึกสบายใจไปด้วย
...............................................
**************************************
น้องริวฝันXXX ถึงพี่ไผ่...แต่ทำไมอิชั้นได้กลิ่นดราม่า... :เฮ้อ:
-
:z13: :z13:
ป๊าดดดด จิ้มต่อเลยทีเดียว
คุณพ่อ(?)อลันก็นะ น้องโตขนาดนี้แล้วเพิ่งสอนนะคะ อิอิ
ระวังพี่ไผ่เค้าจะแย่งไปสอนเองล่ะ -..-
ปล.จ ะมาม่าหรอคะคนแต่งงงงง ไม่น๊าาาาา!! เค้าอยากกิน"ไวไว" มากกว่าอ่ะค่ะ :laugh:
-
อ้ายยยยย ไรเตอร์กะละต้มมาม่า
:serius2:
-
น้องริวฝันเปียกอีกแล้วววว
-
ตะวันรักริวเหรอปล่าวหว้า
อย่าเลยนะ
แค่เรื่องพี่ไผ่ก็ทำให้ริวแย่แล้วอ่ะ
อย่าดาม่าน้า สุดสวย
:call:
-
ตะวันคงคิดอะไรกับน้องริวใช่ปะ แล้วไผ่เองคงพอจะจับความรู้สึกของตะวันได้
แล้วไผ่ก็เกิดอาการหึงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
อ๊ะ อ๊ะ เรื่องราวชักจะขมวดปมกระชั้นขยันมัดเกลียวเข้าแล้วซิ
ริว ลูก ไร้เดียงสาเสียจริงลูกเอ๊ย อลันคงช่วยให้หนูเข้าใจอะไรๆได้มากขึ้นนะลูก
-
ง่ะ ไรเตอร์คนดี๊ คนดี ไม่เอามาม่านะค่ะ
ช่วงนี้ที่เล้า ชอบแจกมาม่ากันจัง เว้นเรื่องนี้ได้มั๊ยอ่าาาาาาา :monkeysad: :monkeysad:
ส่วนเรื่อง ที่หนูริวป่วยนี้ จะว่าฮาหรือน่ารักดีหล่ะ บอกไม่ถูกอ่ะ
สงสัยคงต้องพึงคุณพ่ออลันแล้วแหละ :laugh: :laugh:
-
ริวน่ารักอีกแล้ว ให้ตายเหอะจะมีไหไมริวไม่น่ารักเนี่ย
ทำไมผู้เขียนถึงพูดเป็นลางอย่างนี้ล่ะครับ ใจไม่ดีเลยนะครับ
-
ไร้เดียงสาจริงๆเด็กน้อย
-
นั่นนนนนน
ไรเตอร์เผยมาแล้วว่าได้กลิ่นดราม่า
แต่หนู่ไม่อยากกินมาม่่าอ่ะไรเตอร์ :serius2:
-
ริว เป็นหนุ่มแล้วววว :impress2:
-
จะมีต้มมาม่าที่ไหนง่ั
เค้าไม่เอานะเค้าไม่ชอบมาม่า
เอาหวานเลิฟ ๆ ได้ไหม
ฮิ้ว...ใสส่บาตรร่วมขัน ชาติหน้าเกิดเป็นปั๋วเมียกานอีกสักที
อ๊างงงง
-
คิดเหมือนกันเลยคุณspringเหมือนได้กินมาม่า กลัวน้องสับสนจัง :เฮ้อ:
-
Writer อะไรๆ drama อารายยยย
-
คุณพี่เริ่มหวงน้องแล้ว ชิมิ เจ้าค่ะ ฮุ ๆ
เดี๋ยวจะรักจะหลงน้องจนหนีไปไหนไม่รอด โฮะ ๆ
-
ตอนนี้เข้าข่ายเป็น nc นะ Writer ใส่ Warning ด้วย
-
น้องริวฝันXXX ถึงพี่ไผ่...แต่ทำไมอิชั้นได้กลิ่นดราม่า... เฮ้อ
โอเค ซึ้งตรงนี้แหละ
-
writer อย่าได้กลิ่น เลยน้า :m17:
เค้าใจไม่ดี
-
ริวเริ่มโตแล้ว555
-
เออ....
ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่า
รู้สึกน้องริวมีแนวโน้มจะปล้ำพี่พสุในอนาคต
ถ้าจริง
ขอให้เป็นไปด้วยความยินยอม
แต่ไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็มีเปอร์เซนจะเป็นม่าม่าต้มยำทั้งนั้นเลยแฮะ
แงงงงงงงงงงง
ขอเป็นเย็นตาโฟแทนได้ป่าว
เค้าไม่ชอบม่าม่าหงะไรเตอร์
-
ริวเริ่มโตแล้วสินะ
-
เมื่อไหร่จะไม่ใช่แค่ฝันซะทีล่ะ
-
ในที่สุดน้องริวจะได้รู้ภาคทฤษฏีล่ะ เหลือแต่รอเวลา.... :-[
พี่ไผ่หึงน้องริว ด้วย กรี๊ดๆ พี่ตะวันก็มีซัมติงรอง โอ้ว.....
ปล. แอบเซ็ง พี่ไผ่เคะแน่ๆ แล้วสิเนี่ยะ :serius2:
-
อย่าดราม่า คนอ่านจะขาดใจแทน TT
-
จะน่ารักไปไหนริวต้องอย่างนี้สิพีไผ่ถึงจะไปไหนไม่รอดมีแอบหึงด้วย
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาไม่อยากกินมาม่าอย่าพึ่งเอามาตอนนี้น้ายังไม่หิว
-
พี่ไผ่เริ่มหวงน้องริวโดยไม่รู้ตัวแระเริ่มมีแนวโน้มทีดี :-[
น้องริวฝันXXX ถึงพี่ไผ่...แต่ทำไมอิชั้นได้กลิ่นดราม่า.. :เฮ้อ:
อาหารยอดฮิตเมื่อไรท์เตอร์แจกเค้าก็ต้องรับมาด้วยความเต็มใจ :laugh:
-
โถหนูริว ช่างไร้เดียงสาเสียจริง ว่าแต่เมื่อรู้แล้ว ริวจะเป็นอย่างไรหนอ
-
ดราม่าไรอี๊ก
-
พี่ไผ่ดูเหมืนจะหึงนะเนี่ย
ริวคุยสนิทสนมกับตะวันเข้าหน่อย
พี่ไผ่รู้สึกน้อยใจเลยนะ
ว่าแต่ตะวันคงไม่ได้ชอบริวหรอกนะ
แต่ดูจะเอาใจใส่ริวมากไปป่าวเนี่ย
น่าสงสัยแฮะ
น้องริวฝันเปียกอีกแล้วอ่ะ
เดี๋ยวอลันส่งข้อมูลมาก็คงจะเข้าใจเนอะ
เอิ่ม~ดราม่าอะไรเหรอค่ะ
ตอนต่อไปจะดราม่าเหรอ
-
ตะวันคงคิดอะไรกับน้องริวใช่ปะ แล้วไผ่เองคงพอจะจับความรู้สึกของตะวันได้
แล้วไผ่ก็เกิดอาการหึงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
อ๊ะ อ๊ะ เรื่องราวชักจะขมวดปมกระชั้นขยันมัดเกลียวเข้าแล้วซิ
ริว ลูก ไร้เดียงสาเสียจริงลูกเอ๊ย อลันคงช่วยให้หนูเข้าใจอะไรๆได้มากขึ้นนะลูก
ใช่ๆพี่ไผ่หึงอะดิเนี่ย
-
55
น้องนี่ไร้เดียงสาจริงๆอ่ะ
-
:z2: :z2: :z2:ขอบคุณคนอัพค่ะ :pig4: :pig4: พร้อมกับส่งเครื่องดื่มบำรุงกำลังให้คนแต่งค่ะจะได้มาต่อเร็วๆ :z1: :z1: :z1:
:call: :call: :call: :call:
-
น้องริวววววว
ไร้เดียวสามาก ยังสติลคิดว่าฉี่หรือคะ??
เอานะ สู้ๆนะหนู
....
..
กลิ่นดราม่าที่ว่า กลิ่นใคร??
ฮ่าๆๆๆ
พี่ตะวัน คิดอะไรกะนู๋ริว รึปล่าวอ้ะ??
ทำไม เรายังสติล คิดว่า น้องริวรุกนะ!!
55555 :laugh:
-
หุพี่ใผ่ได้เวลาสอนน้องริวยังเนี่ย
ว่าน้องริวเป็นอะไรกันเเน่
-
ไม่ชอบกินมาม่า
ขอร้องเรื่องนี้คงไม่นะ
มาม่าเต็มเล้าแล้ว
-
:z1: :z1:
-
พี่ไผ่หึงแล้ว ๆ
-
น้องริวฝันXXX ถึงพี่ไผ่...แต่ทำไมอิชั้นได้กลิ่นดราม่า..<<ไม่จริงง่ะ ไรเตอร์กำลังกินมาม่าเหมือนกับที่คนอื่นพูดแน่ๆ
ไม่อาววววว เค้าไม่เอามาม่า ไม่เอาๆๆ (ถึงตอนนี้จะหิวมาม่าก็เหอะ)
เง้อ แต่ไม่ยอมอ่ะ
55+ พี่ไผ่หวงริว หวงแล้วๆๆ กร๊ากกๆ เริ่มรักริวแล้วอ่ะดี้ อุว๊ะ ฮ่ะ ฮ่าๆๆ มีความสุข<<เปลี่ยนอารมณ์ได้ไวมาก เมื่อกี้ยังไม่ยอมเอามาม่าอยู่เลย =..= ขอให้ไรเตอร์ละเมอที่เถ้อออ เพี้ยง! กินมาม่าอยู่ล่ะซี่ ชิมิๆ (แม่นแล้ว) เอานั่น ตอบเองก็ได้ง่ะ
-
พี่ไผ่ไม่ได้กลิ่นไฮเตอร์บ้างหรอคะ
-
ริวไร้เดียงสา ยังคิดว่าตัวเองฉี่รดที่นอนอีกหรือจ๊ะ
พี่ไผ่ก็ไร้เดียงสา อาการนั่นเขาเรียกว่าหวงจ้า อีกไม่นานก็คงจะเป็นหึง
:z1:
-
บรรยากาศของเรื่องเริ่มชวนมาอึดอัดแล้ว จะแจกมาม่าแล้วหรือน้ำยังไม่ท่วมเลย
-
พี่ตะวัน กับพี่ไผ่?? ต่อไปจะเป็นยังไงต่อละเนี่ยสองคนนี้ เฮ้อ...
เริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้วสิ เค้าไม่ชอบกินอาหารญี่ปุ่นน๊า ยิ่งมาม่ายิ่งไม่อยากกินคะ ไรเตอร์ขา
ขอเป็นข้าวอบพี่ไผ่ ห่อน้องริว>///<
-
อยากรู้ว่าถ้าหนูริวรู้ว่าที่ตัวเอง "ฉี่" รดที่นอนเกิดจากอะไร จะเกิดอะไรขึ้น
หุหุ (คาดหวังแบบหื่นๆ) :oo1:
ส่วนเรื่องของตะวันนี่ชักยังไงๆ ไม่ใช่หลงรักหนูริวอีกคนน้า
พี่ไผ่ก็ เริ่มออกอาการเห็นความน่ารักของหนูริวแล้ว เย่ๆ
ถ้าเห็นว่าน่ารัก ก็รักซะทีนะพี่ไผ่ ลุ้นจนตัวโก่งแร้วววววววววว :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
น้องเป็นแบบนี้ เราใครเป็นคนสอนขั้นต่อไปหล่ะเนี่ย ทำไงถึงไม่ต้องฝันมาซักผ้าอีก ฮุๆๆๆ พี่ไผ่สอนน้องด้วยนะ
ไม่อยากให้ดราม่าเลยอ่ะ เง้อๆๆๆ มาอ่านรวดเดียวเมื่อคืน สนุกมากๆๆๆๆเลยจ้า ชอบอ่ะ ไรเตอร์เก่งมากเลย
-
:laugh: อยากหัวเราะกับความไร้เดียงสาของริว สรุปว่าพี่ไผ่ทำริวเสียเด็ก ไปเห็นคนเค้าจุกจิกกัน ภาพมันติดตาฝังใจฃะจนเอาพี่ไผ่ไปฝันกันทีเดียว
:m31:ขอร้องอย่าต้มมาม่าเยอะเลยน๊า เค้ากลัวท้องอืด ไม่ย่อยขอเป็นน้ำแข็งใสหวานเย็นแทนได้ป่ะ
-
เรื่องนี้สนุกมากครับ นึกเสียดายจริงๆที่มาอ่านเรื่องนี้ช้าไป
ภาษาที่ใช้ก็หาที่ผิดแทบไม่มี
ยอมรับว่าฝีมือจริงๆครับ :L2:
-
พี่ไผ่เริ่มตะหงิดๆในใจเล็กๆแล้วใช่ไหม?
เอานาพี่ จะหวงน้องบ้างก็คงไม่แปลก
อย่าเพิ่งตื่นตูมพาลไม่อยากเข้าใกล้ หรือ ผลักไสน้องไปไหนนะ
พี่ตะวัน...ก็คงได้กลิ่นอะไรแล้วใช่ไหม?
คนนี้เค้าเหนือเมฆอยู่แล้วนี่
แต่ขอร้องว่าอย่าทำตัวเหมือนกรเวชนะ
ไม่ชอบอิตาผู้จัดการนี่อ่ะ
รู้สึกเหมือนต่อไปจะเป็นก้างชิ้นเท่าบ้านไหงก็ไม่รุ
-*-
รอวันที่น้องจะได้โอบกอดพี่ไผ่ไว้เต็มอ้อมแขน
:m18:
-
ถึงริวตัวใหญ่กว่าพสุ แต่นิสัยน่ารัก
จะให้เป็นรับหรือรุกอ่ะ
คนอ่านคิดไปโน่นแล้วเนี่ย
-
"น้องริวฝันXXX ถึงพี่ไผ่...แต่ทำไมอิชั้นได้กลิ่นดราม่า. "
writer พูดมาซะแบบนี้ทำเอาคนอ่านใจเสีย อย่าให้เรื่องเกิดเพราะตะวันเลย
:pig4: writer คะ
-
แวะมาเต้นรอน้องริว :z2:
มาช่วยดันทู้ด้วยค่ะ :z10:
คนแต่ง&คนโพสต์สู้ๆนะคะ :L2: :กอด1: จุ๊บๆ :จุ๊บๆ:
-
ไรเตอร์!!! :serius2: อย่าทำร้ายจิตใจกันน้าาาาาาา :m15:
-
ไม่ได้อ่านนานมาก พัฒนาความสัมพันธ์ดีขึ้นเป็นลำดับ
ยัยพลอยกะผู้จัดการนี่มันน่า...จริงๆ
ว่าแล้วเชียวพี่ไวย ตะหงิดๆตั้งแต่ตอนถามพี่ไผ่เรื่องรีเทิร์นรึป่าวแล้ว
ฝันของริว อยากให้เป็นจริงเร็วๆจัง :-[
พี่ตะวันอย่ามายุ่งกะริวของน้องนะ :serius2:(ง่า...ได้ข่าวว่าของพี่ไผ่)
ไม่ชอบอาหารผงชูรสเยอะน้าา กินปลาแต่ไม่เอาก้างด้วย
แอบมีเสียงอลันมาให้หายคิดถึงแล้ว ฮ่าๆ
ส่งอลันมาปราบพี่กรก็ดีนะคะไรเตอร์ หุหุ
-
แวะมาเต้นรอน้องริว :z2:
ฝันของริว อยากให้เป็นจริงเร็วๆจัง :o8:
-
:a12: : 222222: o21
หลับรอออ เต้นรอ แล้ว หนาวรออ :z2: :z2:
:fire: :fire:
-
ขอหวานๆ น่ารักๆตลอดนะค่ะ ไม่เอามาม่านะค่ะ o18 o18
ปล นอนรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ :t3: :t3:
-
เข้ามาแอบดูว่าวันนี้ริวฝันเปียกอีกหรอป่าว 5555555555
-
ตอนที่ 39
กลับจากตักบาตรทั้งคู่ก็ไปขลุกอยู่ในห้องนั่งเล่นเพื่อช่วยกันแต่งเพลง แม้แต่อาหารเที่ยงพี่แมวก็ยกเข้าไปให้กินในห้องนั่งเล่น เมื่อกรเวชมาถึงในตอนเย็นนั้น ก็พบว่าพสุยกคีย์บอร์ดตัวเล็กไปวางบนโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องระหว่างที่เขียนเนื้อเพลง ส่วนริวนั่งพิงหลังพสุหลับสนิท
“นั่นทำงานถนัดเหรอไผ่” กรเวชถามเสียงนิ่งๆ ทั้งที่อยากเดินเข้าไปเขกหัวริวสักทีมากกว่า
“อ้าวพี่กร สวัสดีครับ” พสุทักกรเวชโดยที่พยายามขยับตัวให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้คนที่อาศัยพิงหลังเขากลิ้งลงไปกับพื้น กรเวชเดินไปหยิบหมอนมาส่งให้พสุ ชายหนุ่มถึงได้หันไปดันริวลงนอนหนุนหมอน แล้วลุกมาหากรเวช
“ไผ่ตามใจน้องมากไปนะ”
“ปกติก็ไม่ได้ตามใจหรอกครับ แต่ช่วงนี้ดูริวเครียด ผมก็เลยไม่อยากจะบ่นอะไรเขามาก”
“ริวมีปัญหาอะไร?” กรเวชทำหน้าเครียดทันที พอได้ฟังปัญหาใหม่ เรื่องที่คิดมาตลอดทางว่าจะปรามๆ พสุกับริวก็ถูกพักไว้ก่อน
“ไม่ทราบครับ อาจจะเป็นเรื่องญาติเขาที่อเมริกาก็ได้ เมื่อเช้าเห็นคุยโทรศัพท์แล้วรู้สึกสีหน้าดีขึ้นเยอะ”
“ไผ่...พี่ว่า...เอ่อ...” กรเวชลังเล เขาไม่รู้ว่าควรจะเตือนดีหรือไม่ ในเมื่อพสุดูไม่มีทีท่าว่าจะคิดอะไรกับริวมากไปกว่าเอ็นดูเด็กหนุ่มแบบน้อง
“พี่กรสวัสดีครับ” ริวที่เพิ่งตื่นงัวเงียลุกขึ้นมาไหว้กรเวช กรเวชก็เลยเลิกล้มความคิดที่จะพูดเรื่องความสนิทสนมของพสุกับริวอีก
“พี่ไปเช็คตารางงานล่าสุดมาให้แล้วนะ...ไผ่รู้แล้วใช่ไหมว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ต้องกลับเข้าไปพักที่บริษัทเหมือนเดิม”
“ครับ...แล้วพี่เผ่าบอกไหมครับว่าจะเริ่มทำเพลงเมื่อไหร่”
“เห็นพี่เผ่าบอกว่าจะเริ่มทันทีที่พวกเราพร้อมนั่นแหละ...ไม่แน่พรุ่งนี้ค่ำๆ ก็อาจจะเข้าไปที่บ้านพัก”
พสุยิ้มร่าด้วยความดีใจ รู้สึกคันไม้คันมืออยากอวดเพลงใหม่ที่เพิ่งแต่งเนื้อเสร็จให้ทรงเผ่ากับไมตรีดูเต็มที่แล้ว
...............................................................
เช้าวันรุ่งขึ้นพสุกับริวเข้าบ้านพักบริษัทตั้งแต่เช้า ริวแซวตลอดทางว่าพสุเห่ออยากทำเพลงใหม่ แต่เมื่อไปถึงบ้านพักก็พบว่ามีคนเห่อกว่า ตะวันนั้นมาถึงก่อนใครและดูเหมือนจะจัดข้าวของเรียบร้อยแล้วด้วย
“พี่ตะวันสวัสดีครับ” ริวไหว้ตะวันแล้วยิ้มแป้น ขณะที่ตะวันทักกลับเขินๆ
“ไงริว..ไผ่...มาถึงเช้าเหมือนกันนี่”
“ผมว่าพี่ไผ่เห่อแล้วนะ พี่ตะวันยัง...เอ่อ...” ริวขยับจะแซวแล้วหยุดกลางคัน เพราะกลัวจะเป็นการล่วงเกินตะวัน กับพสุเขากล้าล้อกล้าแซวเพราะรู้ใจกันดีว่าพสุเอ็นดูเขาแค่ไหน แต่กับตะวันเขาไม่สนิทด้วยขนาดนั้น
“พี่อะไร?” น้ำเสียงของตะวันราบเรียบจนริวกลัว
“เปล่าครับ” เด็กหนุ่มถอยไปแอบหลังพสุ ขณะที่พสุยืนอมยิ้มเพราะถึงตะวันจะทำหน้าเฉย แต่กลับมีแววขำขันในดวงตา
“ไปแกล้งน้อง” พสุบ่นแล้วส่ายหน้า อดเหลียวไปดูคนถูกแกล้งที่แอบอยู่ข้างหลังไม่ได้
“ก็มันน่าแกล้ง...เดี๋ยวเจอกันที่สตู” พูดจบตะวันก็เดินดุ่มไปที่สตูดิโอทันที ขณะที่ริวยังทำหน้าเหรอหรา เพราะยังงงบทสนทนาของพสุกับตะวันไม่หาย
“ตกลงว่าพี่ตะวันแกล้งริวเหรอครับ”
“ใช่...เห็นขรึมๆ แบบนั้น แต่ตะวันเป็นพวกตลกหน้าตายนะ เมื่อก่อนตอนประกวดร้องเพลงด้วยกัน ตะวันน่ะตัวแสบ...อำเก่งที่สุด เพราะหน้านิ่งๆ นี่แหละ”
“โหย...หลอกกันสนิทเลย”
“เอาของไปเก็บดีกว่า ปล่อยให้รอนานๆ อาจจะเจอโกรธของจริงก็ได้”
“ครับ”
และพอสายๆไวยากรณ์ก็ขนของเข้ามาเช่นกัน แต่แทนที่จะเอาของไปเก็บก่อน ไวยากรณ์กลับทิ้งข้าวของไว้ในห้องรับแขกแล้วไปที่สตูดิโอก่อน ยิ่งได้เห็นเพลงใหม่ ก็ยิ่งคันไม้คันมืออยากเล่น ตอนแรกพสุก็จะให้รอธีรดลก่อนแต่ไวยากรณ์ไม่ยอม ตะวันจึงต้องไปเล่นกีตาร์แทนธีรดล เพื่อให้ไวยากรณ์ได้เล่นเพลงใหม่สมใจ
ตอนค่ำทรงเผ่ากับไมตรีก็เข้ามาจริงๆ ทั้งคู่ชอบอกชอบใจกับเพลงใหม่ของพสุและตะวันมาก แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นฝีมือแต่งเพลงของริว แต่ทุกครั้งที่ได้ฟัง ทรงเผ่าและไมตรีก็อดทึ่งไม่ได้ ทรงเผ่าตัดสินใจใช้ทุกเพลงที่ริวแต่งมาในอัลบั้มใหม่ โดยมอบหมายให้พสุกับตะวันเป็นคนแต่งเนื้อร้องมีไมตรีคอยช่วยอีกที
เช้าวันรุ่งขึ้นธีรดลก็มาถึงบ้านพักแต่เช้า แต่สีหน้าหมองๆ ของหนุ่มอารมณ์ดีทำให้ทุกคนอดเป็นห่วงไม่ได้
“พี่ได้ข่าวว่าทางโน้นเขามีหลักฐานแน่นหนาเลยเหรอดล” กรเวชถามด้วยความเป็นห่วง
“ครับ...เขาจะพิสูจน์ดีเอ็นเอ ว่าผมไม่ใช่พ่อน้องเดือน...นี่ถ้าไม่เพราะจู่ๆ น้องเดือนก็ได้รับมรดกจากทางคุณตา พวกนั้นคงไม่ดิ้นรนมาฟ้องร้องแย่งแกหรอก ทั้งๆ ที่ตอนขวัญท้อง พวกเขาเป็นคนบังคับให้ขวัญไปทำแท้งแท้ๆ” ธีรดลเล่าด้วยน้ำเสียงขมขื่น
ขวัญดาวภรรยาของเขาเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาดูดำดูดีลูกสาวตัวน้อยของเขาเลย ธีรดลต้องหอบลูกไปเล่นดนตรีตามผับ หนูเดือนก็ช่างเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไม่ว่าเสียงดนตรีในผับจะดังแค่ไหน ก็ไม่เคยร้องอ้อนโยเยเลยสักครั้ง
จนธีรดลได้เซ็นสัญญาเข้ามาเป็นสมาชิกคิสมี เขาก็มีเงินมากพอที่จะผ่อนบ้านให้แม่กับน้องๆอยู่ และช่วยเลี้ยงลูกสาวให้...กระทั่งพ่อตาของเขาเสียชีวิตลง ได้ยกทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านให้ลูกสาวที่ถูกตัดขาดจากตระกูล เมื่อขวัญดาวเสียชีวิตไปแล้ว ทรัพย์สินจึงตกมาสู่น้องเดือนเป็นธรรมดา
แต่ที่วุ่นวายเพราะญาติข้างบิดาแท้ๆ ของน้องเดือน เกิดอยากได้หลานหรือพูดง่ายๆ คืออยากได้มรดกทั้งหมดของน้องเดือน จึงยื่นฟ้องต่อศาลว่าธีรดลไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของน้องเดือน แต่เป็นลูกชายที่ป่วยตายไปแล้วของพวกเขา
“ดล...มีอะไรที่พวกเราพอจะช่วยได้ก็บอกนะ”
“ขอบใจนะไผ่ แต่ผมยังโอเค” ธีรดลตอบเสียงแห้ง แล้วลูบหน้าเพื่อไล่ความเครียด ริวนิ่งฟังอยู่นานจึงลุกออกไปโทรหาอลัน สั่งให้อลันหาทางช่วยธีรดลให้ได้
ช่วงบ่ายทุกคนก็เข้าไปประชุมที่บริษัท ทีมโปรดิวเซอร์คราวนี้มีคนหน้าใหม่ๆ มาเพิ่มอีกหลายคน มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นทีมเทคนิค
“อย่างที่เคยเกริ่นๆ ให้ฟังไว้แล้ว ว่าเราจะมีการร่วมงานกับทางเกาหลี ทางโน้นได้จัดวงเกิร์ลกรุ๊ปไว้ให้เรา ซึ่งรายละเอียดก็อยู่ในเอกสารที่แจกให้ทุกคนนั่นแหละ พอเพลงเสร็จ เราก็จะไปถ่ายทำเอ็มวีกันที่เกาหลี พี่อยากให้ริวใส่กลิ่นอายความเป็นเกาหลีลงไปในเพลงด้วย จะได้ไหม?” ทรงเผ่าหันไปถามริว เด็กหนุ่มก็พยักหน้ารับ
“ครับ”
“หมายความว่าพออัดเพลงเสร็จเราก็จะไปเกาหลีกันเลยเหรอครับ?” ไวยากรณ์ถามทะลุกลางปล้องขึ้นมา แต่ทรงเผ่าก็ไม่ได้ถือสา
“ไม่ๆ เราจะถ่ายทำเอ็มวีเพลงของพสุกับตะวันก่อน แล้วค่อยไปถ่ายที่โน่นแค่ 2-3 เพลง”
“ทำไมไม่ถ่ายทำที่โน่นทั้งหมดละครับ” ไวยากรณ์ยังสงสัยไม่เลิก ถ้าไปถ่ายทำที่เกาหลีทั้งหมดก็ต้องไปอยู่หลายเดือน เขาจะได้เที่ยวเกาหลีให้ชุ่มปอด
“ค่าใช้จ่ายมันสูงเกินไปน่ะสิไวย์ อีกอย่างเราต้องการปล่อยเพลงออกไปสัก 2 ซิงเกิ้ลก่อน โชคดีที่เพลงของพสุ กับตะวันดูลงตัวแล้ว คิดว่าน่าจะอัดเสียงได้ในวันสองวันนี้ แล้วจะได้รีบไปถ่ายเอ็มวีกัน”
หลังจากประชุมงานเสร็จ ทุกคนก็เตรียมแยกย้ายกันกลับ
“ดลๆ คุณเขมให้เข้าไปพบแน่ะ” กรเวชมาเรียกธีรดลด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขมชาติเพิ่งเข้ามาที่ออฟฟิศ พอมาถึงก็สั่งให้เขามาตามธีรดลทันทีที่ประชุมเสร็จ
“คุณเขมเรียกพี่ดลไปทำไมเหรอพี่กร”
“พี่ก็ไม่รู้ไวย์”
“ว้า...พี่กรนี่ไม่ได้เรื่องเลย” ไวยากรณ์บ่นกรเวชแล้วทำท่าส่ายหน้าประกอบ
“เดี๋ยวเถอะไวย์ ลามปาม” กรเวชดุด้วยสีหน้าไม่จริงจังนัก ไวยากรณ์ทำคอหดแลบลิ้นยาว ขณะที่พสุมองประตูห้องที่ปิดสนิทด้วยความเป็นห่วง
“พี่ดลต้องได้รับข่าวดีแน่ๆ เชื่อริวสิพี่”
“พี่ก็หวังอย่างนั้นริว ไม่อยากให้เกิดปัญหาอะไรกับดลอีก”
ริวขยับไปยืนข้างพสุแล้วบีบแขนพี่เบาๆ เป็นเชิงปลอบ ขณะที่ตะวันสะดุดหูกับคำปลอบที่ดูมั่นใจราวกับริวรู้ว่าเขมชาติเรียกธีรดลเข้าไปคุยเรื่องอะไร
ธีรดลเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าสดใส จนทุกคนที่ยืนลุ้นอยู่หน้าห้องถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก
“คุณเขมว่าไงดล” กรเวชถามเสียงใส เห็นสีหน้าธีรดลก็เดาได้ว่าต้องเป็นข่าวดี
“คุณเขมบอกให้ผมอยู่เฉยๆ แค่เตรียมหลักฐานทั้งหมดไว้ให้ดี คุณเขมจะหาทนายเก่งๆ มาจัดการให้” ธีรดลยิ้มชื่นเป็นครั้งแรกของวันแล้วกวาดตามองเพื่อนๆ อย่างขอบคุณที่ทุกคนเป็นห่วง
“หมดเรื่องแล้วอย่างนี้เราก็ไปซ้อมกันดีกว่าเน้อออออ” ไวยากรณ์โดดมาล็อคคอธีรดล แล้วลากให้เดินแกมวิ่งไปขึ้นรถตู้เพื่อกลับไปบ้านพัก แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้านก็พบว่ากลางห้องรับแขกมีของขวัญกล่องหนึ่งวางรออยู่แล้ว
“คุณไผ่คะ มีของขวัญมาถึงคุณไผ่น่ะค่ะ” แม่บ้านออกมาบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอเพิ่งยกกระเป๋าของไวยากรณ์ขึ้นไปเก็บก่อนที่พนักงานจากออฟฟิศจะเอาของขวัญของพสุมาให้
“ขอบคุณครับพี่จัน”
“Happy Birthday my Dear...ฮั่นแน่พี่ไผ่ ใครส่งของขวัญมาให้น่ะ” ไวยากรณ์ชะโงกไปอ่านข้อความในการ์ดแล้วแซวเสียงใส เพราะไม่เห็นมีชื่อคนส่ง
“อ๋อ...ของแก้วน่ะ” ถึงจะไม่ลงชื่อแต่พสุก็จำลายมือแก้วกุดันได้ ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆ กับของขวัญ รู้สึกสบายใจที่แก้วกุดันยังคงให้ความเป็นเพื่อนได้เหนียวแน่นเหมือนเดิม แก้วกุดันไม่เคยให้ของขวัญเขาตรงวันเกิด เธอมักจะให้ก่อนล่วงหน้า วันหรือสองวันเสมอ เพิ่งมีคราวนี้ที่ให้ล่วงหน้าเกือบสัปดาห์
“ยังไม่ถึงวันเกิดนายนี่” ตะวันถามเสียงเรียบ แต่สายตาจับอยู่ที่หน้าเผือดสีของไวยากรณ์และริว อย่างสงสัย
“อืม...คงส่งมาให้ก่อนละมั้ง” พสุตอบแบบไม่ใส่ใจในเหตุผลนัก เพราะสำหรับเขาตัวของขวัญไม่สำคัญเท่ากับน้ำใจที่อีกฝ่ายมอบให้
“คุยอะไรกันอยู่ ไปห้องซ้อมได้แล้ว เดี๋ยวพี่เผ่าจะเข้ามาดูนะ เห็นว่าถ้าผ่านพรุ่งนี้จะให้อัดเสียงเลย”
กรเวชที่หยุดยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอกตามเข้ามาโวยวายที่เห็นทุกคนยังมัวยืนคุยกันไม่ได้ไปที่สตูดิโออย่างที่คิด
“ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ...ฝากพี่จันเก็บที่ห้องผมด้วยนะครับ” พสุหันไปส่งกล่องของขวัญให้แม่บ้านแล้วลากไหล่ริวให้ไปห้องซ้อมด้วยกัน
การซ้อมวันนี้ค่อนข้างจะขลุกขลัก เพราะไวยากรณ์เหม่อจนเล่นผิดโน้ตตลอดทั้งเพลง แต่เมื่อทรงเผ่ากับไมตรีเข้ามา ไวยากรณ์ก็ดูตั้งใจเล่นมากขึ้น จนแทบไม่ผิดพลาดเลย ทำให้ทรงเผ่าตัดสินใจว่าสามารถเริ่มอัดเสียงได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ แล้วจะรีบถ่ายเอ็มวีทันทีเพื่อให้เหลือเวลาพอที่จะทำเพลงทั้งหมดให้เสร็จก่อนคริสต์มาส
“พี่ว่าเพลงของริวคราวนี้ นอกจากจะมีลูกเล่นแปลกหูเข้ามาเสริมแล้ว ยังรู้สึกว่ามันสดใสนะ ฟังแล้วเพลินๆ อิ่มๆ สบายหูดีจัง พี่ชอบทุกเพลงเลย” ทรงเผ่าชมหลังจากฟังเดโม่เพลงทั้งหมดซ้ำอีกรอบ
“พี่ชอบเสียงกระดิ่งลม โรแมนติกดี ยังกับคนอินเลิฟเลย” ไมตรีเสริมอย่างเห็นด้วย
“นั่นสิ...หมู่นี้ยิ่งมีข่าวกับสาวๆ บ่อยอยู่ด้วย” ทรงเผ่าแซวสำทับมาอีก พลอยให้ทุกคนหัวเราะไปด้วย
กรเวชที่กำลังจดบันทึกการประชุมชะงักกึก เงยหน้าขึ้นมองริว เห็นเด็กหนุ่มยิ้มเขินๆ งงๆ แต่ไวยากรณ์กลับทำท่าเม้มปากก้มหน้า เห็นแต่ใบหูแดงก่ำ ทำให้กรเวชอดจับตามองไม่ได้
พอคุยเรื่องงานเสร็จทรงเผ่าก็ขอตัวกลับ ธีรดลออกไปพร้อมทรงเผ่าเพราะต้องรีบกลับต่างจังหวัดเพื่อไปเอาเอกสารมาให้ทนาย พอทรงเผ่าออกไปไวยากรณ์ก็ลุกพรวด
“ไปห้องน้ำ เดี๋ยวมา” ไวยากรณ์บอกเสียงห้วนแล้วเดินลิ่วๆ ออกไป ขณะที่คนอื่นเหลียวมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“เดี๋ยวพี่ไปดูเอง” กรเวชบอกเสียงเรียบแล้วลุกตามไวยากรณ์ออกไปอีกคน
“พี่ไวย์เป็นอะไรเหรอครับ” ริวหันมาถามพสุ ชายหนุ่มก็ได้แต่ส่ายหน้า
“ไม่รู้สิริว เดี๋ยวพี่กรมาคงรู้แหละ” ทั้งที่ตอบแบบนั้นแต่พสุกลับคิดว่าเขารู้สาเหตุ เพียงแต่ยังไม่แน่ใจนัก ชายหนุ่มเหลือบไปสบตาตะวันแล้วลอบถอนใจ
“พี่กลับก่อนนะทุกคน พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องอัดนะ” กรเวชที่หายไปสักครู่กลับเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ท่าทางโมโหสุดขีดจนทุกคนรู้สึกได้
“เดี๋ยวสิครับพี่กร เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
“พี่ว่าไผ่ไปถามไวย์เอาเองดีกว่า พี่ไม่อยากยุ่ง ขี้เกียจให้เด็กมาถอนหงอกเอาอีก” กรเวชตอบด้วยสีหน้าบึ้งตึง คว้ากระเป๋ากับแฟ้มได้ก็จ้ำพรวดๆ ออกไป พสุรีบเดินตามไปติดๆ เพื่อคุยกับกรเวชให้รู้เรื่อง
“พี่กรครับ เกิดอะไรขึ้น” พสุตามไปดึงกรเวชไว้ด้วยความเป็นห่วง กรเวชหันกลับมามองหน้าพสุแล้วถอนใจเฮือกยาว อย่างพยายามควบคุมอารมณ์
“เด็กบ้านั่นด่าพี่...พี่เป็นห่วง เห็นหงุดหงิดออกมาจากห้อง อีกอย่างมันมีข่าวเรื่องนางแบบที่ไวย์เขาเคยควงๆ กันอยู่ ออกมาให้ข่าวประมาณว่าเขาอาจจะท้องกับไวย์ พี่ก็เลยเตือนให้เขาระวังตัวมากกว่านี้ แต่กลับโดนตวาดว่าจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัว เป็นแค่ผู้จัดการไม่ใช่แม่สักหน่อย...ดีนะมันไม่ด่ามาตรงๆ ว่าพี่เสือกเรื่องของมัน”
“ขอโทษแทนไวย์ด้วยนะครับพี่กร ไวย์ยังเด็กมาก เขาคงไม่ได้ตั้งใจจะว่าพี่กรแรงๆ แบบนั้น แต่พอโมโหก็พูดโพล่งๆ ไปไม่คิด พี่กรอย่าโกรธไวย์เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับเขาให้เอง”
“เฮ้อ! ไม่ใช่พี่ไม่รู้นะไผ่ว่าไวย์เป็นคนมุทะลุเลือดร้อนแค่ไหน แต่บอกตรงๆ ว่าเจอแบบนี้พี่ก็เฟลเหมือนกัน ขอกลับไปตั้งหลักสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า ขืนอยู่พี่คงด่าไวย์แรงๆ แน่” กรเวชตอบด้วยสีหน้าเซ็งๆ ก่อนจะตบไหล่พสุเบาๆ แล้วกลับไป
พสุเตรียมจะขึ้นไปคุยกับไวยากรณ์บนห้อง แต่เด็กหนุ่มเดินสวนลงมาเสียก่อน ดูจากเครื่องแต่งกายเหมือนไวยากรณ์เองก็เตรียมจะออกไปข้างนอกเช่นกัน
“ไวย์...ขอพี่คุยด้วยสักครู่สิ” พสุชวนให้ไวยากรณ์หยุดคุยกลางบันได เพราะรู้ดีว่าขืนปล่อยไวยากรณ์ออกไปคงไม่ได้คุยกันแน่ๆ แล้วเรื่องอาจจะบานปลายไปกันใหญ่
“เอาไว้คุยวันหลังได้มั๊ย วันนี้ผมรีบ นัดเพื่อนไว้” ไวยากรณ์ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา มองเมินไปทางอื่นไม่ยอมสบตาพสุ
“ไม่ได้ไวย์ ยังไงก็ต้องคุยกันวันนี้ เรื่องที่ไวย์พูดกับพี่กรน่ะ...” พสุยังไม่ทันพูดจบไวยากรณ์ก็ร้องเฮ้อ! แล้วทำหน้าเยาะๆ ใส่
“พี่กรมาฟ้องพี่หรือไง เหอะ! พวกกระเทยนี่สตอเบอรี่จริงๆ”
“ไวย์! ทำไมพูดถึงพี่กรแบบนั้น นอกจากเขาจะเป็นผู้จัดการของพวกเราแล้ว เขายังอายุมากกว่าไวย์ด้วย” พสุเตือนเสียงเข้ม แต่ระมัดระวังคำพูดไม่ให้เป็นการดุด่า เพราะนิสัยไวยากรณ์ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ต้องคุยอย่างใจเย็นที่สุดเท่านั้น แต่ไวยากรณ์ที่ทั้งโกรธและน้อยใจพสุอยู่แล้ว พอได้ยินพสุพูดแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนพสุกำลังด่าตนเอง
“แล้วไง มันก็เรื่องของผมกับพี่กร ผมจะพูดยังไงมันก็ปากผม ต่อให้ผมโดนไล่ออกก็ไม่เกี่ยวกับพี่อยู่ดีนั่นแหละ อย่ามาทำเป็นสั่งสอนผมนะ พี่ไม่ใช่พ่อผม” ไวยากรณ์ตวาดพสุแล้วทำท่าจะเดินหนี พสุจึงคว้าแขนเขาไว้
ไวยากรณ์สลัดแขนออกเต็มแรงจนแทบกลายเป็นออกหมัด ทำให้พสุเสียหลักหงายหลังตกบันได โชคดีที่ริวกับตะวันตามมายืนฟังอยู่ข้างล่าง ริวจึงโผนเข้ารับตัวพสุไว้ได้ทัน แม้จะเพียงไม่กี่ขั้นแต่ยังไงพสุก็ต้องเจ็บตัวแน่ถ้าตกลงมาในท่านั้น พสุพยายามจะยันตัวลุกขึ้นยืน แต่กลับเสียวแปลบที่ข้อเท้าจนต้องทรุดลงไปนั่งบนขั้นบันได
ไวยากรณ์ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ แต่พอเห็นว่าพสุไม่เป็นอะไรมากก็โล่งอก แล้วเกิดความละอายจนมองหน้าใครไม่ติด จึงคิดจะออกไปให้พ้นๆ แต่ตะวันตามไปกระชากแขนไวยากรณ์ไว้
“เดี๋ยวไวย์!”
“ทำไม! จะด่าอะไรผมอีกคนหรือไงพี่ตะวัน ปกติพี่ก็เกลียดขี้หน้าผมอยู่แล้วนี่ อย่างว่าแหละ ผมมันไม่ใช่น้องสุดที่รักเหมือนริวนี่ ระวังจะเป็นข่าวอีกรอบนะพี่”
“ไวย์! หยุดนะ!...อย่าพูดในสิ่งที่ต้องเสียใจที่หลังแบบนี้อีก อย่าให้ความโกรธมันทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนที่เขาเป็นห่วงเรา เป็นเพื่อนเรา” พสุตวาดเสียงดัง ทำให้ไวยากรณ์ได้สติ เด็กหนุ่มหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา
“...พี่ตะวัน...ผม...”
“นายคิดแบบนี้มาตลอดเลยเหรอไวย์” ตะวันถามเสียงเรียบ แต่ประกายไหววูบในดวงตา ทำให้ไวยากรณ์ยิ่งรู้สึกผิด เด็กหนุ่มคว้าแขนตะวันไว้เมื่อตะวันทำท่าจะเดินหนี
“พี่ตะวันผมขอโทษ...ผมไม่ได้ตั้งใจ...ผม...”
“ค่อยคุยกัน” ตะวันบอกเสียงเนือยๆ แล้วกระตุกแขนออกจากมือไวยากรณ์ก่อนจะเดินหนีขึ้นห้องไป
................................................
-
น้องไวย์อ่ะ ใจร้อน แล้วยังพูดไม่คิดอีก
สงสารตะวัน กับพี่ไผ่จัง
-
ขอกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดก่อนอ่านค่ะ
-
ชักจะไม่ชอบขี้หน้าไอ้นายแบบนี้แล้วซี่
-
:m15: เฮ้อ เข้าใจผิดกันไปหมด
-
เป็นเรื่องจนได้ ไม่อยากให้เกิดเรื่องเลย :monkeysad:
:pig4: writer คะ
-
เห้อ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน เดี๋ยวลงแตกนะนั้นอะ่ :serius2:
-
กรี๊ดดดด พี่ตะวันมีปมอะไรอ่ะคะ หรือข่าวเกย์เมื่อก่อนมันจะมีอะไรมากกว่านั้นอ่า อยากรู้ๆๆๆ :serius2:
ส่วนอิตาไวย์ เกิดริอยากเป็นวัยสะรุ่นใจร้อนขึ้นมารึไงหาาา :angry2:
ไปขอโทษพี่ๆเค้าซะเถอะพี่ไวย์จ๋าาาา :เฮ้อ:
รักน้องริวจัง :-[
:กอด1:กอดคนแต่ง&คนโพสต์จ้า :กอด1:
-
ไวย์ใจร้อน แต่อยากให้ไวย์คู่กะพี่ตะวันจัง
-
เด็กมีปมอีกคนแล้วรึ
-
อืมมมมม เป็นอีกจุดที่เรียกอารมณ์ แง่ม ๆ แต่ก็ดี น้องริวจะได้มีเวลาดูแลพี่ไผ่ โฮะ ๆ ว้าววววววววววววววววววววว เอาแบบน่ารัก ๆ ได้มั้ย??? ชอบบบบบบบ เจ้าค่ะ ฮุ ๆ
แต่สงสารตะวันหงะ ไม่มีใครปลอบ ของไผ่เนี้ยแทบจะอุ้มแล้วมั้งน้องริวเนี้ย น่ารักจริง ๆ พระเอกของช้อน (ตั้งแต่เมื่อไหร่???) ๕๕๕
ขอบคุณเจ้าค่ะ รีบมาต่อนะ ตัวเอง จร๊วบ ๆ
-
สงสารพี่ตะวันคำพูดของไวย์คงจะกระทบใจพี่ตะวันอย่างแรง :m15:
อย่างนี้ต้องตบไวย์สั่งสอนให้หายนิสัยวู่วามจนทำให้เกิดเรื่อง :beat:
-
ขออย่าให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตเลยเนอะ :เฮ้อ:
-
ตะวันคู่กับไวย์อ่าเปล่าเนี่ย
เหมือนไวย์แอบชอบตะวันนะ ตะวันก้อเหมือนเอ็นดูริว หรือว่าชอบไผ่ เอ๊ะยังไง
ตะวันคู่ไวย์เน้อ อิอิอิ ไม่ค่อยชอบความรักแบบหลาย ๆ ต่อ ดูยุ่ง ๆ เจ็บๆ
สาธุ...ไม่เอามาม่าละนะ
ริวเคลียเรื่องของทุกคน เก๋ามาก
หนูริวของเจ้ พี่ไผ่ของเจ้ พี่ตะวันก้อของเจ้ น้องไวย์อยู่ใต้เท้าเจ้(ตอนนี้ไม่ปลื้มน้องไวย์เท่าไหร่) พี่ดลก็ของเจ้ น้องเดือนก็หลานเจ้ สุดท้าย เจ้ร๊ากคุณพี่อลัน
-
พี่ตะวันนนนนน โฮๆๆๆ
สงสารอ้ะ ,, ไวย์ ใจร้ายมากเลยนะ
เอาเรื่องเก่ามาพูดแบบนั้น
โฮๆๆ ทำไมตอนนี้ทุกคนดราม่ามาก ????
งื้ออออ ริวก็บอกไปดิว่าไม่ได้ชอบพี่แก้วอ้ะ
ไวย์บ้า บ้า บ้าที่สุดดดดดด
-
เมื่อไหร่จะพูดเรื่องจริงกันนะ ความเข้าใจผิดจะได้ไม่เกิด
-
เฮ้อ..เมื่ออยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ มันก็ต้องมีเรื่องยุ่งๆวุ่นวายๆบ้างเป็นธรรมดา
แต่เชื่อว่าเรื่องยุ่งๆ จะต้องเรียบร้อยลงและเป็นไปในทางที่ดีแน่ๆ
เพราะแต่ละคนที่อยู่ร่วมกันที่นี่ แม้จะมาจากคนละครอบครัว คนละสังคม
แต่เท่าที่สังเกต สิ่งที่ทุกคนมีให้กันคือ ความรักความจริงใจต่อกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน
ดูแล ห่วงใยกัน เตือนกันด้วยหวังดีจริงๆ ไม่อิจฉาริษยากัน
และขอชื่นชมคุณกรเวชผู้จัดการด้วย ดูเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมากคนหนึ่งทีเดียว
เพราะดูแล้วเค้าใส่ใจศิลปินในสังกัดทุกคนด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจริงๆนะ
แล้วคุณกรเค้าฉลาด ช่างสังเกต และค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนด้วย
เห็นใจคุณกรนะตัวเอง ต้องรับผิดชอบอะไรๆเยอะเชียว เหนื่อยแทนอ่ะ
-
พี่ตะวัน เกิดอะไรขึ้น
-
:sad4: เริ่มเค้าความเครียดมาแหละ
ไวย์อารมณ์รุนแรงจริงจัง :เฮ้อ:
-
ไวย์ใจร้อนแล้วก็ใจน้อยด้วยดิ ขอให้เข้าใจกันไวๆน้ะจ๊ะ แต่ที่แน่ๆ ฮุๆๆ น้องริวต้องพยาบาลพี่ไผ่แล้วมั้ง น่าจะเจ็บนะนั่น คริ คริ :z2:
-
ไวย์เอ้ยยยย
-
=[]= พี่ไผ่!!! เป็นไรป่าวอ่า
ไวย์เองก็ใจร้อนเกินเหตุ
-
ขอ :beat:ไวย์
ได้มั้ยอ่ะ
-
เด็กน้อยขี้อิฉา :z6:ขอสักทีทำพี่ไผ่ตกบันได
-
เด็กมีปัญหา หา..........จัดการด่วน
-
รอบนี้งานเข้าทุกคนเลยอ่ะ
-
เฮ้อ ปัญหาจะลุกลามไปขนาดไหนนะ
รอตอนต่อไปค่ะ :เฮ้อ:
-
เป็นเรื่องละสิงานนี้
ตัวเองหึงแล้วพาลคนอื่นไปหมดเลย
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ:เฮ้อรู้สึกสงสารทุกคนเลย หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมค่ะ :man1: :man1:
รอตอนต่อไปค่ะ
สู้ๆๆๆค่ะ :z3: :z3: :z3:
-
ไวย์อารมณ์ร้อนจริง ๆ
ใจเย็น ๆ หน่อยสิจ๊ะ
มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกันนะ
เคลียร์กันให้เรียบร้อย
จะได้ไม่มีอะไรคาใจกันเนอะ
ว่าแต่ตะวันเคยมีเรื่องไรเหรอ
-
:เฮ้อ:
-
โห...แค่แก้วกุดั่นเค้าเอาของขวัญวันเกิดให้พี่ไผ่ก็หึงขนาดนี้เชียว :m16:
เป็นเอามากนะเนี่ยไวย์เอ๊ยยยย... :เฮ้อ:
ส่วนตะวันก็ดูแปลกๆกะนายไวย์จัง
จะเป็นอีกคู่อ๊ะป่าวน้อออ o18
-
ไวย์ใจเย็น
-
คนประเภทไวย์ต้องใช้เหตุผลหนักๆ และคนที่มีความอดทนมากๆเข้าข่มถึงจะเอาอยู่
คนประเภทนี้คิดอะไรไม่ชอบอะไรก็แสดงออกมาทางกริยาอาการ มีความซื่อในตัว
แต่มีข้อเสียอย่างหนึ่งคืออาจถูกชักจูงจากคนอื่นได้ง่ายๆ
และอาจหลงเชื่อและทำร้ายคนอื่นได้ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
ส่วนเรื่องไวย์ที่ชอบแก้วกุดัน ก็คงจะไม่แปลกที่แก้วกุดันจะเมินและไม่สนใจ
เมื่อไวย์ยังคงทำตัวเป็นเพลย์บอยมีอะไรกับคนอื่นอยู่เหมือนทุกวันนี้
ไม่แสดงความมั่นใจและความจริงใจที่มีให้แก้วกุดันได้รู้สึก
มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เค้าหันมาสนใจในตัวเองได้
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายเรื่องนี้ครับ :L2:
-
ไอ่คุณไวย์ทำตัวงี้ แก้วไม่ต้องมาชอบมันนะ
-
ไม่อยากให้วงที่น่ารักๆแบบนี้ต้องมาผิดใจกันเลย :sad4:
ไวย์ก็เพลาๆเรื่องอารมณ์ลงมาหน่อย รู้ว่ากำลังโกรธ แต่อย่าให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลสิ ทำตัวไม่น่ารัก เดี๋ยวแก้วก็ไม่รักหรอก
สงสารไผ่กะตะวันที่ต้องมารองรับอารมณ์ง่ะ :sad11:
-
เฮ้อ~ สงสารไวย์
ก็อย่างว่าแหละ คนมีความรักก็แบบนี้แหละเนอะ ยิ่งไวย์เป็นคนอารมณ์ร้อนอีก
อยากรู้ข่าวเรื่องตะวันจังเลยยยย
ใจเย็นๆกันเน้อ~
ไวย์นี่ก็นะ ดูไม่ออกหรือยังไง ว่าริวไม่ได้ชอบแก้วซะหน่อย
แต่ริวรักพี่ไผ่!! ว๊ากกกๆๆ 55+ :m20:
-
:m31: อ่านแรกๆยังชิลๆ แต่อ่านไปจนจบมาม่าเริ่มมาเป็นชาม เริ่มที่ไวย์กะตะวัน หวังว่าจะไม่ลามมาถึงพี่ไผ่กะริวนะ
-
เบื่อ .....
พสุกับริวนั่นแหละ
ผูกปมเรื่องยัยแก้ว
งานเลยเข้าทุกคน
-
ไวย์เอ้ย เด็กมากๆเลย
ฟังพี่ๆ เค้าบ้างน่ะ
-
เฮ้อออออ...เรื่องมันดูวุ่นวายละนะ
แต่จริงๆมันก็วุ่นวายกว่านี้เยอะนี่เนอะ...
-
แบบว่า คือว่า
โอ้ยยยยยยยยยยยย
เอาเข้าไป
ฉันละกลุ้มแทน ปวดตับ ดับอนาถ
-
ตอนที่ 40
“พี่...เจ็บมากไหม...ไปหาหมอนะ” ริวถามขณะประคองเท้าพสุไว้ เห็นข้อเท้าพสุบวมต่อหน้าต่อตาแล้วเด็กหนุ่มก็ใจเสีย
“พี่ไผ่เป็นไงบ้าง” ไวยากรณ์เอื้อมมือมาแตะขาพสุ แต่ริวปัดมือเขาออก แล้วยังผลักไหล่ไวยากรณ์ซ้ำ
“ริว! ไม่เอาน่า อย่าทำแบบนี้” พสุห้ามแล้วยึดไหล่ริวไว้แน่น เด็กหนุ่มเม้มปากตาวาววับด้วยความโกรธ
“ไวย์...วันนี้อย่าออกไปข้างนอกเลยนะ ไวย์อารมณ์แบบนี้พี่ไม่อยากให้ขับรถ” พสุเตือนเสียงเรียบ ไม่อยากให้ไวยากรณ์รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม
“แต่ผม...” ไวยากรณ์อึกอัก สถานการณ์คุกรุ่นน่าอึดอัดใจแบบนี้เขาอยากหนีไปให้พ้นๆ มากกว่า
“คิดเสียว่าพี่ขอร้อง ได้ไหมไวย์” พสุถามซ้ำ ขณะที่ริวประคองเขาลุกขึ้น
“...ครับ” ไวยากรณ์รับคำหงอยๆ แล้วกลับขึ้นไปบนห้อง
“ให้ริวอุ้มพี่นะ หรือพี่จะขี่หลังริวไปที่รถ”
“ไม่ต้องริวไม่ต้อง พี่ยังเดินไหว”
“แต่ขาพี่...บวมมากเลยนะ” ริวเสียงสั่น เขาไม่เคยเห็นพสุเจ็บตัวมาก่อน พอมาเห็นแบบนี้แล้วน้ำตาจะไหล
“พี่ไม่เป็นไรหรอกริว คงแค่เคล็ดเท่านั้นแหละ...ช่วยประคองไปก็พอนะ” พสุลูบหัวริวเบาๆ ก่อนจะคล้องแขนข้างเดียวกับขาที่เจ็บเข้าที่คอของริว เพื่อให้เด็กหนุ่มช่วยประคอง ริวสอดแขนเข้าไปยกเอวพสุขึ้นจนเท้าแทบไม่แตะพื้น แล้วพาพสุไปขึ้นรถ
พสุให้ริวพาไปโรงพยาบาลเอกชนเพื่อไม่ให้เป็นข่าว หลังจากเอ็กซเรย์ก็พบว่าพสุเพียงแค่กล้ามเนื้อข้อเท้าอักเสบเท่านั้น ไม่มีอันตรายถึงกระดูก แต่ก็ต้องพักเท้านิ่งๆไม่เคลื่อนไหว 3 - 4 วัน
กลับมาจากโรงพยาบาลริวไม่ยอมให้พสุคัดค้าน แต่อุ้มเขาลงมาจากรถเลย พสุเพิ่งรู้ว่าริวแข็งแรงกว่าที่คิดมาก ทั้งที่ขนาดตัวของพวกเขาก็ไล่เลี่ยกันแต่ริวกลับอุ้มเขาขึ้นมาชั้นสองได้สบายๆ
“ริว...ยังโกรธไวย์อยู่อีกเหรอ” พสุถามเบาๆ ขณะที่ริวประคองเขานั่งลงบนที่นอน เด็กหนุ่มทรุดลงนั่งที่พื้นข้างเตียงยกเท้าที่พันผ้าไว้ของพสุขึ้นมาวางบนตัก แล้วลูบนิ้วเท้าเขาเบาๆ เหมือนกลัวจะเจ็บถ้าแตะแรงกว่านั้น
“ก็เขาทำให้พี่เจ็บตัว” ริวตอบเสียงเบาแล้วเม้มปาก ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตา จนพสุต้องจับหน้าริวให้เงยขึ้นมอง
ดวงตาโตแดงก่ำ น้ำตาไม่ไหลแต่ก็คลอครองเต็มสองตา สีหน้าของริวดูเจ็บปวดจนพสุใจหาย มิน่าตอนริวออกไปรับยาให้ คุณหมอที่สนิทกับพสุ ถึงได้แซวว่าญาติท่าทางจะเจ็บหนักกว่าคนป่วย
“ทั้งตะวัน ไวย์ ดล ริวแล้วก็พี่ พวกเราเป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันนะ ทำงานด้วยกัน นอนบ้านเดียวกัน หนักนิดเบาหน่อย เราก็ควรอภัยให้กันไม่ใช่เหรอ” พสุถามเสียงนุ่ม ริวไม่ตอบแต่ซุกหน้าลงบนตักพสุ สองแขนกอดรัดรอบเอวชายหนุ่มไว้แน่น
“ริวก็รู้ว่าไวย์ใจร้อนขี้โมโหแค่ไหน แล้วพอโกรธก็ขาดสติ คิดแต่จะพูดให้อีกฝ่ายเจ็บปวดมากๆ จนไม่ทันคิดถึงผลที่จะตามมา...พี่ว่าป่านนี้ไวย์เองคงเจ็บปวดกับคำพูดไร้สติของตัวเองเหมือนกัน....” พสุลูบผมนุ่มเบาๆ เพื่อปลอบขวัญและเพื่อให้ริวใจเย็นลง
“แต่...”
“ริวครับ...พี่อยากให้ริวรู้จักให้อภัย...อยากให้ริวมองในอีกมุมว่า ถ้าเป็นตัวริว เผอิญทำเรื่องผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วไม่มีใครยอมให้อภัยเลย ทุกคนโกรธเกลียดริวกันหมด ทั้งๆ ที่ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นเพื่อนสนิทกัน ริวจะเสียใจไหม”
“...เสียใจครับ” ริวตอบหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“อภัยให้ไวย์เถอะนะริว...คราวนี้ไวย์คงได้บทเรียนจากการพูดไม่คิดไปเยอะเลยล่ะ เพราะไวย์เขาสนิทกับตะวันมากกว่าใครเพื่อน ตะวันน่ะเป็นเหมือนไอด้อลของไวย์เขาด้วยซ้ำ แต่ความที่เขิน ไวย์ก็เลยไม่กล้าบอกใคร”
“จริงเหรอครับ” ริวเงยหน้าขึ้นจ้องพสุตาโต เพิ่งรู้ว่าไวยากรณ์ปลื้มตะวัน เขานึกว่าไวยากรณ์สนิทกับธีรดลหรือพสุมากกว่าเสียอีก
“จริงสิ”
“...เฮ้อ...”
“เป็นอะไรไป ถอนหายใจซะยืดยาวเชียว”
“พี่ไผ่ครับ...ริวขอไปดูพี่ตะวันก่อนนะ”
“แค่ไปดูนะ...ตะวันเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง ตอนนี้คงไม่อยากให้ใครไปพูดอะไรด้วย คงอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ มากกว่า”
“ครับ” ริวคว้าถุงขนมที่ซื้อมาจากร้านดังในโรงพยาบาลออกไปด้วย พอเปิดประตูออกไปก็เจอไวยากรณ์ยืนอยู่หน้าห้อง แต่ริววิ่งผ่านขึ้นไปชั้นบนเหมือนไม่เห็นไวยากรณ์ยืนอยู่ตรงนั้น
ก๊อกๆ
“ริวเองครับพี่ตะวัน” ริวบอกแล้วนิ่งรอ ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าตะวันจะยอมเปิดประตูรับเขาหรือเปล่า
แกร๊ก...เสียงลูกบิดลั่นเบาๆ แล้วประตูก็เปิดออก ตะวันยืนหน้านิ่งอยู่หลังประตู ดวงตาที่มองริวว่างเปล่าจนเด็กหนุ่มใจหาย
“ขนมเจ้านี้อร่อย ริวซื้อมาฝาก” ริวยื่นถุงขนมไปให้แล้วถอยออกมา ปล่อยให้ตะวันอยู่คนเดียวแบบที่พสุบอก เมื่อลงมาชั้นล่างก็เจอไวยากรณ์ยืนอยู่ที่เดิม แม้จะทำใจว่าจะให้อภัยแล้ว แต่เด็กหนุ่มก็ยังรู้สึกโกรธกรุ่นขึ้นมาอีกเมื่อเห็นหน้าไวยากรณ์ จึงคิดจะเลี่ยงเข้าห้องเสีย
“นี่นายก็โกรธพี่เหรอ”ไวยากรณ์เป็นฝ่ายทนไม่ไหวตามมาดึงแขนริวไว้
“โกรธ” ริวตอบเสียงเรียบๆ แล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับไวยากรณ์ เห็นไวยากรณ์หน้าซีดก็สงสาร แต่ก็ยังโกรธไม่หาย
“...โกรธที่พี่ทำให้พี่ไผ่เจ็บขา...โกรธที่พี่พูดให้พี่ตะวันเสียใจ...แล้วก็โกรธที่พี่ทำร้ายตัวเอง”
ไวยากรณ์มองหน้าริวอย่างงุนงงไม่เข้าใจว่าประโยคสุดท้ายเด็กหนุ่มหมายความว่ายังไง ริวเอื้อมมือไปแตะที่กลางอกของไวยากรณ์แล้วเคาะเบาๆด้วยปลายนิ้ว
“ในนี้...มันเจ็บใช่มั๊ย ทำร้ายคนที่เรารัก มันเจ็บหรือเปล่าพี่...ถ้าเป็นริว ในนี้คงเจ็บที่สุด”
“เฮอะ! ....” ไวยากรณ์อ้าปากพ่นลมหายใจแรงๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ไม่มีคำพูดหลุดออกมา ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ขณะที่ใบหน้าเงยขึ้นสูงเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“คนที่พี่ควรจะไปคุยด้วยตอนนี้ เป็นใครพี่ก็รู้ใช่ไหม” ริวถามแล้วยืนมองหน้าไวยากรณ์นิ่งๆ เห็นอีกฝ่ายเอาแต่เมินมองไปทางอื่นด้วยใบหน้าแดงก่ำก็ได้แต่ถอนใจแล้วกลับเข้าห้อง
พสุเงยหน้าขึ้นจากโน้ตเพลงเมื่อริวเดินไปทิ้งตัวลงที่พื้นข้างเตียงแล้วเอียงหัวไปวางบนตัก
“...ปล่อยให้ตะวันเขาได้พักสักหน่อย เดี๋ยวเขาก็ดีขึ้น”
“พี่...แล้วพี่ไวย์ละครับ ริวต้องทำยังไง” ริวแหงนหน้าขึ้นมองพสุ เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองขมวดคิ้วตอนที่พสุแตะปลายนิ้วลงมาลูบหัวคิ้วให้คลายออก
“ริวก็แค่อย่าโกรธไวย์อีกคนก็พอ...ส่วนเรื่องระหว่างตะวันกับไวย์ เขาคงต้องคุยกันเอง”
ริวถอนหายใจยาวจนพสุขำ ชายหนุ่มรู้ดีว่าริวเป็นห่วงตะวันกับไวยากรณ์มาก แต่เรื่องบางเรื่อง ก็ต้องปล่อยให้เจ้าตัวจัดการเอง พวกเขาคงทำได้เพียงเอาใจช่วยเท่านั้น.......
.....................................
พสุตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะรู้สึกว่าร้อนกว่าเคย คงเพราะเขาชักชินกับการนอนเปิดแอร์เย็นจัดๆ แล้วก็ได้ ชายหนุ่มขยับตัวถึงรู้สึกว่ามือเขาถูกกุมไว้แน่น แต่ที่นอนข้างตัวว่างเปล่า พสุเอื้อมไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง ก็พบว่าริวลงไปนอนอยู่ข้างเตียง แต่ยังยื่นมือขึ้นมากุมมือเขาไว้แน่น ซึ่งดูยังไงก็ไม่น่าจะนอนสบาย พสุจึงดึงมือออก แต่ริวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเสียก่อน
“พี่จะเอาอะไรครับ” ริวผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ปกติริวไม่ใช่คนนอนตื่นไว
“ทำไมลงไปนอนข้างล่างล่ะริว?”
“ริวกลัวเผลอไปทับโดนขาพี่เข้า”
พสุเหลือบมองขาตัวเองที่หนุนไว้ด้วยหมอนจนสูง คงเป็นริวที่หนุนไว้ให้เพื่อกันไม่ให้ขาเขาบวม
“แล้วทำไมต้องจับมือพี่ไว้ตลอดล่ะ กลัวเหรอ?”
“ริวกลัวพี่ตื่นจะเข้าห้องน้ำแล้วไม่รู้...ก็เลยจับมือพี่ไว้ก่อน”
“อย่างนี้พอพี่ขยับตัวทีริวก็ตื่นทีสิ จะได้หลับเหรอ พรุ่งนี้ต้องอัดเสียงนะอย่าลืม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ริวแค่ร้องท่อนฮุคนิดเดียว ส่วนใหญ่เป็นพี่กับพี่ตะวันมากกว่า”
คำตอบของริวทำให้พสุอดชื่นชมไม่ได้ เท่าที่ฟังจากริวเล่า เด็กหนุ่มเหมือนเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวนับตั้งแต่เสียแม่ไป แต่การที่ริวกลับรู้จักเอาใจใส่คนรอบๆ ข้าง ก็แปลว่าเด็กหนุ่มเคยถูกอบรมเลี้ยงดูมาแบบนั้น แม่ ‘นามิ’ ของริวจะต้องเป็นผู้หญิงที่วิเศษที่สุด ถึงได้เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กดีมีน้ำใจได้ขนาดนี้
“นอนไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่” พสุบอกเสียงอ่อน แล้วขยับผ้าห่มขึ้นจะนอน แต่ริวกลับคว้ามือเขาไปกุมไว้แน่น
“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวพี่จะเข้าห้องน้ำแล้วริวไม่รู้”
“เฮ้อ! งั้นก็ขึ้นมานอนบนนี้” พสุตบที่นอนข้างตัวเบาๆ ริวเหลือบไปมองขาข้างเจ็บของพสุแล้วทำหน้ากังวล
“...แต่ขาพี่เจ็บอยู่”
“เกี่ยวอะไรล่ะ ริวนอนคนละฝั่งกับขาที่เจ็บอยู่แล้วนี่”
“ครับ” ริวรับคำหน้าชื่น รีบขึ้นมานอนข้างๆ พสุ แล้วขยับผ้าขึ้นห่มให้พสุถึงคอ พสุเหลือบไปมองแอร์เป็นเชิงถามแต่ริวส่ายหน้า
“เย็นจัดๆ เดี๋ยวพี่ปวดขาอีก”
“ไม่เป็นไร เปิดไปเถอะ เดี๋ยวริวนอนไม่หลับเปล่าๆ”
ริวยังลังเล พสุก็เลยหยิบรีโมทแอร์มาลดอุณหภูมิให้เอง ริวขยับเข้ามาซุกหน้ากับไหล่ของพสุแล้วเอาแต่จ้องมองหน้าเขาจนพสุอดขำไม่ได้
“มีอะไรอีก มาจ้องพี่ตาแป๋วแบบนี้”
“พี่ไผ่ใจดีจัง...เข้าใจใครต่อใครไปหมดทุกคน...ริวยังไม่เคยเห็นพี่โกรธใครเลย...พี่เคยโกรธใครไหมครับ?”
“เคยสิ...หึหึ...พี่ก็เป็นคนธรรมดาๆ นะ ก็ต้องมีอารมณ์โกรธเกลียดเป็นธรรมดา เพียงแต่พี่ต้องฝึกที่จะควบคุมตัวเอง ยิ่งเราเป็นคนสาธารณะ เรายิ่งต้องระวังทุกอย่าง ทั้งคำพูดแล้วก็การกระทำ...เพราะถ้าเราทำอะไรผิดพลาดไปสักอย่าง แม้จะแค่ครั้งเดียว แต่คนจะพูดถึงไม่รู้จบ จนเหมือนเราทำผิดซ้ำๆ ไปๆมาๆกลายเป็นว่าเราเป็นพวกไร้มารยาท ชอบวีนใส่คนอื่น หรือไม่ก็เป็นอันธพาลชอบหาเรื่องไปเลยก็มี” พสุอธิบายยิ้มๆ จะว่าไปเขาก็เคยดุริวหลายครั้ง แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะจำไม่ได้
“ทำไมเงียบไปเลย...หรือว่าง่วงแล้ว?” พสุถามพลางก้มมองศีรษะที่ซุกอยู่กับไหล่ ก็พบว่าริวยังนอนมองผนังห้องตาแป๋ว ไม่มีท่าทางว่าจะง่วงสักนิด เด็กหนุ่มเงยขึ้นมาสบตาแล้วจ้องเขาเขม็งด้วยสายตาครุ่นคิด
“ริวกำลังคิด...ถ้าวงการนี้มันไม่มีอะไรดีสักอย่าง แล้วพี่จะทนอยู่ทำไม?”
“ไม่ใช่วงการนี้ไม่มีสิ่งดีๆ นะริว ไม่ว่าวงการไหนๆ มันก็มีดีมีเลวทั้งนั้น เพียงแต่คนที่ต้องออกสื่อเป็นประจำแบบเราก็เหมือนคนที่ยืนอยู่กลางที่โล่งแจ้ง ทุกคนเห็นเราหมด ไม่ว่าเราจะขยับทำอะไร เราถึงต้องระวังตัวอย่างไรล่ะ...แล้วอีกอย่างการร้องเพลงก็เป็นสิ่งที่พี่รักที่สุดด้วย เพื่อให้ได้ร้องเพลงไม่ว่าจะมีปัญหาเล็กใหญ่แค่ไหน พี่ก็จะพยายามฝ่าฟันไปให้ได้ พี่จะไม่ทิ้งการร้องเพลงไปเป็นอันขาด จนกว่าจะถึงวันที่คนฟังเขาไม่ต้องการพี่อีก” พสุอธิบายเสียงเรียบๆ แต่แววตาเป็นประกายวาววับด้วยความมุ่งมั่น การได้ร้องเพลงเป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด นับตั้งแต่ออกอัลบั้มกับคิสมี ความรู้สึกที่ต้องอยู่ใต้เงาปีกของพ่อค่อยๆ จางหายไป เขากำลังก้าวไปข้างหน้าด้วยขาของเขาเอง ไม่ใช่ในฐานะลูกของอดีตนักร้องดัง
“ริวก็สัญญาว่าริวจะทำทุกอย่าง ให้พี่ได้ร้องเพลงไปจนกว่าพี่จะไม่อยากร้องอีก” ริวยืนยันเสียงหนักแน่น ดวงตาที่จับจ้องพสุเต็มไปด้วยความมั่นใจจนพสุอดยิ้มให้ไม่ได้
ชายหนุ่มรู้ว่าริวพูดจริง และที่เขาได้กลับมาเป็นนักร้องอย่างเต็มภาคภูมิก็เพราะเพลงของริว น้ำใจที่ริวมีให้ทำให้เขาตื้นตันใจเสมอ พสุรู้สึกว่าเขาช่างโชคดีที่มีน้องชายคนนี้เข้ามาในชีวิต โลกที่เคยเงียบเหงา ไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป
“ขอบคุณนะครับ” พสุตอบเสียงเบาแล้วขยับผ้าห่มขึ้นถึงคอ ขณะที่ริวเอื้อมไปปิดโคมไฟ
..............................................
วันนี้กรเวชให้คนขับรถตู้มารอรับที่บ้านพักเหมือนทุกครั้งก็จริง แต่ไวยากรณ์ไม่ได้นั่งรถมาด้วย เขาขับรถมาเอง ดูจากเครื่องแต่งกายคาดว่าพออัดเสียงเสร็จอาจจะออกไปข้างนอก
“ไผ่เป็นอะไรไป ขาเจ็บเหรอ” ทรงเผ่าทักทันทีที่เห็นริวประคองพสุเข้าไปในห้องอัดเสียง
“ครับ...ผมตกบันไดเมื่อวาน”
“เอ้า! ไผ่เนี่ยนะตกบันได? ทำไมถึงตกลงมาได้ล่ะ” ไมตรีถามพลางเดินมาดูจนใกล้
“เสียศูนย์นิดหน่อยครับ แต่พักแค่ 2-3 วันก็คงหาย นี่ก็ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้ว” พสุตอบยิ้มๆ ไม่แสดงสีหน้าอาการใดๆที่เป็นการตำหนิคนที่ทำให้เขาเจ็บ กระนั้นไวยากรณ์ก็ยังหน้าม้านด้วยความรู้สึกผิด เด็กหนุ่มเดินเลี่ยงเข้าไปดูผู้ช่วยของไมตรีที่ทำหน้าที่บันทึกเสียงอยู่ในห้องอัด
วันนี้เป็นวันอัดเสียงที่เงียบที่สุด ปกติตะวันก็เป็นคนขรึมๆอยู่แล้ว มาวันนี้ยิ่งเงียบจนแทบไม่ได้ยินคำพูดใดๆ หลุดจากปากเขาเลย นอกจากตอนร้องเพลง ส่วนไวยากรณ์ที่เคยเจื้อยแจ้วเจรจา ก็กลับเงียบกริบ ตั้งหน้าตั้งตาร้องเพลงโดยไม่ยอมสบตาใคร จนธีรดลยังผิดสังเกต คอยเหลียวมองไวยากรณ์บ่อยๆด้วยความเป็นห่วง
ดีว่าวันนี้เป็นเพลงของพสุ ซึ่งคนอื่นๆ ในวงมีช่วยร้องท่อนฮุคนิดเดียวเท่านั้น การอัดเสียงวันนี้จึงผ่านไปอย่างเรียบร้อย แต่กว่าจะถูกใจทรงเผ่าก็ปาเข้าไปเกือบ 5 โมงเย็น ทรงเผ่าจึงนัดทุกคนมาอัดเพลงของตะวันในวันพรุ่งนี้
“พี่ตะวัน...ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมพี่” ไวยากรณ์ถามเสียงสั่นเบา ด้วยท่าทางไม่มั่นใจผิดเคย ธีรดลอ้าปากจะถามแต่พสุแตะศอกเขาเป็นเชิงให้เงียบก่อน
ตะวันมองหน้าไวยากรณ์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า แล้วตามไวยากรณ์ออกไปขึ้นรถขับออกไปข้างนอกด้วยกัน นี่คือเหตุผลที่ไวยากรณ์ขับรถมาเอง ไม่ใช่เพราะจะหลบหน้าตะวัน แต่เพราะต้องการพาตะวันออกไปคุยกันที่อื่น
“เกิดอะไรขึ้นเหรอไผ่?”
“เด็กๆ ทะเลาะกัน” พสุบอกยิ้มๆ ธีรดลทำตาโต แล้วก็หัวเราะลั่น คำว่าเด็กๆ ทะเลาะกัน น่าจะเป็นไวยากรณ์กับริวมากกว่า แต่พอมาใช้กับตะวัน...ฟังดูไม่เข้ากันจนน่าขัน
ตะวันกับไวยากรณ์หายไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็กลับมาพร้อมหอบข้าวของพะรุงพะรัง โดยที่ตะวันเดินตัวปลิวไม่ช่วย ปล่อยให้ไวยากรณ์บ่นออดแอดมาตลอดทาง
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะครับ” ริวถามขณะเข้าไปช่วยไวยากรณ์หิ้วของเข้าบ้าน
“พี่ตะวันสิ จะกินสุกี้หม้อไฟ...เนี่ยให้พี่หอบของคนเดียวเลย ดีนะว่าพาไปร้านประจำของพี่ไผ่ เขาจัดเป็นชุดมาให้เรียบร้อย ถ้าไปเดินซื้อเองทีละอย่างสงสัยได้กินชาติหน้าโน่นแหละ”
“บ่นอะไรไวย์”
“ป่าวบ่นค๊าบบบบบ” ไวยากรณ์ทำคอหดแลบลิ้นยาว ไม่นึกว่าตะวันจะหูดีขนาดนี้ ริวอมยิ้มช่วยไวยากรณ์หิ้วของเข้าไปวางที่โต๊ะเตรียมอาหาร พอแม่บ้านรู้ว่าจะทำอะไรก็ไปเตรียมอุปกรณ์ออกมาจัดให้บนโต๊ะ เนื่องจากซื้อแบบสำเร็จรูปจากร้าน เพียงแค่ต้มน้ำซุปให้เดือด ก็ลงมือกินกันได้เลย
แม้ตะวันจะยังคงมีสีหน้านิ่งสนิท แต่ดวงตาก็เป็นประกายสดใสจนพสุโล่งใจ ส่วนไวยากรณ์นั้นไม่ต้องพูดถึง พอรู้ว่าตะวันยกโทษให้ก็กลับมาโหวกเหวกโวยวายได้เหมือนเดิม
ยังไม่ทันที่น้ำจะเดือด กรเวชก็เข้ามา ไวยากรณ์ปราดไปรับหน้า แล้วไหว้ขอโทษกรเวช แม้ทุกคนจะไม่ได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกัน แต่สีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งของกรเวชก็ทำให้ทุกคนโล่งใจ โดยเฉพาะเมื่อกรเวชเขกหัวไวยากรณ์เบาๆ แล้วปล่อยให้ไวยากรณ์รุนมานั่งที่โต๊ะ
ดูเหมือนคนที่ดีใจที่สุดไม่ใช่ไวยากรณ์ พสุเหลือบมองริวแล้วอดขำไม่ได้ เด็กหนุ่มเหลียวมองคนโน้นคนนี้ แล้วก็ก้มลงยิ้มกับชามสุกี้ที่มีแต่ผักของตัวเอง เพราะคีบเนื้อมาลวกไม่ทันไรก็โดนไวยากรณ์แย่งไปจากตะเกียบทุกที จนพสุอดรนทนไม่ได้ ต้องลวกให้เสียเองนั่นแหละริวถึงจะได้กิน
พอกลับเข้าห้องนอน ริวก็มากอดเอวซุกหน้ากับหลังพสุแน่น
“เป็นอะไรไป”
“ริวดีใจครับ เพราะพี่ไผ่เลยนะ ทุกอย่างถึงได้กลับมาเหมือนเดิม...พี่ไผ่เหมือนเป็นแองเจิ้ลของวงเราเลย”
“ขนาดนั้น?...ฮะๆๆ ไม่ไหวมั๊ย” พสุหัวเราะแล้วเอื้อมมือข้ามไหล่ไปขยี้ผมริว เด็กหนุ่มก็เลยเอาหัวโขกไหล่พสุเบาๆเป็นเชิงหยอกกลับ เสียงริงโทนเฉพาะเบอร์พิเศษของพสุดังขึ้นมาพสุจึงหันไปรับสาย ขณะที่ริวเลี่ยงไปเปิดโน้ตบุ๊ค แต่หูก็เผลอตะแคงฟังบทสนทนาอย่างไม่ตั้งใจ
“ครับแม่...อาทิตย์นี้ไผ่ทำงานทุกวันเลยครับ พรุ่งนี้อัดเพลงของตะวัน มะรืนก็ต้องไปอัดรายการให้เสร็จ เพราะต้องรีบไปถ่ายเอ็มวีที่อัมพวาครับ...คิดว่าคงหลายวันครับ...ถ้ายังไงกลับมาจากถ่ายเอ็มวี ไผ่จะไปรับแม่ทานข้าวด้วยกันนะครับ...บ้านใครนะครับ...อ๋อ...ครับนึกออกแล้ว ตอนไผ่เด็กๆคุณตาชอบให้ไปจัดงานวันเกิดให้คุณยายที่นั่น...ไม่ลืมครับ ถ้าไผ่ทำงานเสร็จจะแวะไปเยี่ยมน้าสายให้นะครับ...ครับแม่ สวัสดีครับ”
“ริว...แม่ฝากบอกว่าคิดถึง กลับจากอัมพวาให้พี่พาริวไปหาให้ได้”
“ริวก็คิดถึงแม่...อยากไปหาเร็วๆ จัง”
“ทำไงได้ล่ะ คิวงานแน่นเอี๊ยดทุกวัน...เสร็จจากอัดเสียงพี่ต้องรีบอัดรายการให้เสร็จภายในวันเดียว ไม่รู้ทางทีมงานเขาจะโวยไหม...แต่ไม่เร่งก็ไม่ได้ เพราะต้องรีบไปอัมพวาต่ออีก”
“เราจะไปสมุทรสงครามไม่ใช่เหรอครับ?”
“ก็ที่เดียวกันแหละริว แต่ที่เราจะไปถ่ายทำน่ะ เขาเรียกอัมพวา...พูดถึงอัมพวา บ้านญาติพี่อยู่ที่นั่นเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วตั้งแต่คุณตาคุณยายเสีย มีแต่แม่ที่ไปบ่อยๆ ตอนพี่เด็กๆนะ คุณตาชอบไปจัดงานวันเกิดให้คุณยายที่อัมพวา แล้วตอนกลางคืนนะคุณตาก็พายเรือพาคุณยายไปดูหิ่งห้อยเหมือนตอนที่จีบกันใหม่ๆ...จำได้ว่าพี่ชอบตามไปด้วย นอนดูหิงห้อยจนหลับคาเรือต้องให้คุณตาแบกขึ้นบ้านทุกครั้ง...คุณตาพี่โรแมนติกไหมล่ะ” พสุหันไปยักคิ้วให้ริว เด็กหนุ่มนั่งฟังตาแป๋ว พอพสุถามก็พยักหน้ารับหงึกๆ อย่างเห็นด้วย
“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวจะได้มานอน...พรุ่งนี้พี่เผ่านัดตั้งแต่เช้า เพราะเห็นว่าตอนเย็นทีมคอสตูมจะเอาเสื้อผ้าเข้ามาให้ลอง...ดีนะที่ริวหายเกลียดสัมผัสแล้ว ไม่อย่างนั้นต้องโทรตามคุณยูกิกลับมาแต่งหน้าให้อีกแน่ๆเลย...เอ้า! ยืนตาลอยแล้ว ง่วงก็รีบไปอาบน้ำไป” พสุเย้ายิ้มๆ ก่อนจะยัดผ้าเช็ดตัวใส่มือริวเพราะเห็นเด็กหนุ่มเหม่อๆ ริวทำหน้าเหรอหรารีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป
............................................................
-
จิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมไว้ก่อน
ชอบความใสซื่อของน้องริวจัง
พี่ไผ่ ดูไปดูมา ยังกะคุณพ่อเลยนะคะ คอยสอนลูกริวตลอด อิอิ :laugh:
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นะคะ :L2: :L1:
:กอด1:กอดคนโพสต์&คนแต่งจ้ะ :กอด1:
-
ชอบๆ เข้าใจกันซะทีเนอะ แต่ว่าน้องริวเป็นรุกเหรอ เง้อๆๆๆ เค้าอยากให้น้องริวรับมากกว่านี่นา ฮุๆๆๆ
-
เข้าใจกันได้
สบายใจนิดนึง
-
ริว
ที่เหรอหรานะ
แอบจิ้นไรป่าว
-
ชอบมุมมองความคิดและคำพูดกับความรู้สึกของทุกคนในเรื่องนี้ครับเป็นธรรมชาติมากๆๆ :L2: :L2: :L2:ขอบคุณผู้แต่งครับ
-
ถึงริวจะตัวใหญ่ตัวสูง แต่ถ้าเป็นรับได้ก็คงจะดีไม่น้อย
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ครับ :L2:
-
:L2: :L2: :L2: +1
-
น้องริวมาแบบใสๆน่ารักอีกแล้ว เรื่องนี้ประทับใจเจ้ทั้งหมดเลย
รักแบบผุกพัน ไม่มาม่าให้ปวดตับ สดใสเรื่อยๆ อ่านแล้วยิ้มได้เสมอ
แต่เจ้ขอได้ไหม อย่าเลยนะ อย่าเป้นแบบที่คิด แบบที่ลุ้นกันเลย
อาจตัดออกไปเลยก็ได้ เพราะอาจจะมีการตะขิดตะขวงใจถ้าใครสักคนเป้น "รับ" หรอเป้น"รุก"
ริวแม้จะสูง แต่ความน่ารักให้รุกก็แบบว่านะ หรอไผ่ หล่อแมน แฮนซั่ม เจนเทอแมนสุดๆเป็นรับเจ้ก็ว่าแปลก
เห้อลุ้นแบบจริงจังนะเนี่ย ห้าๆๆๆๆๆๆๆแอบเครียด
-
ในที่สุดก็เข้าใจกันได้หมดห่วงไปหน่อย
ริวก็น่ารักจริงเหมือนเดิม
แต่ระหว่างพี่ไผ่กับริวใครจะรับใครจะรุกสงสัยที่สุด
-
ฮืออออออ ฮืออๆ หนูริวของชั้นโตขึ้นจนถึงกับอุ้มพี่ไผ่ไหวแล้วหรอเนี่ย
แงงงงงงงงงงง แงๆๆ ริวต้องกลายเป็นฝ่ายรุกพี่ไผ่แน่เลย
ทั้งๆที่ชั้นอยากให้พี่ไผ่รุกแท้ๆ นุ้งริวมีแววกลายเป็นฝ่ายรุก แต่ไม่เป็นไรค่ะ จะรุกหรือรับ
พี่ไผ่กับริวก็ต้องคู่กัน :pigha2:
ส่วนพี่ตะวันกับไวย์สงสัยจะได้มี something wrong กันแน่ๆ โฮะๆๆๆๆ
ริวน่ารักตลอดเลย มามะ มาให้กระโดดกอดแน่นๆพร้อมกับหอมแก้มหลายๆฟอดซิ จ๊วฟฟ! ฮ้า ชื่นจายยยย(บ้ารึป่าววะตู)
-
:-[ :-[แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยน่าร๊ากกกกกกกกกกกก
-
พี่ไผ่เป็นผู้ชายที่อบอุ่นจริงๆ เลย
:-[
-
พี่ไผ่เหมือน angel จริงๆแหละ
ร้ากพี่ไผ่จัง
จะทำให้น้องริวหลงรักไปถึงขนาดไหนคะพี่ไผ่
:กอด1:
-
:o8: :o8: :o8:
-
ปั้มไว้ก่อนนะ (ตอนที่ 38 , p.31)
-
โฮะ ๆ น้องให้ไผ่เป็นแองเจิ้ลของน้องคนเดียว ชิมิ??? ฮุ ๆ น่ารักมาก ๆ
-
ทำไมพี่ไผ่ถึงเป็นคนเพอร์เฟคแบบนี้อ่ะ
หล่อ ใจดี แล้วยังเป็นคนมีเหตุผลด้วยอ่ะ เข้าใจทุกๆคนมากเลย
ชักจะอิจฉาน้องริวแล้วน่ะเนี่ย ได้ใกล้ชิดพี่ไผ่ขนาดนี้อ่ะ
-
ไผ่ใจเย็นมาก ๆ เลย เหมือนพี่ใหญ่ ของน้อง ๆ 555+
-
ฝันไปถึงไหนแล้วเจ้าหนูริว คงคิดว่าจะได้พายเรือนอนดูหิ่งห้อยกับพี่ไผ่2คนล่ะซิ
อิอิ แต่อย่าพายหลงไปตรงคลองผีหลอกนะเดี่ยวจากหวานจะกลายเป็นฮาไปซะก่อน
ง้อพี่ตะวันอีท่าไหนน้าส ถึงได้ยิ้มหน้าบานกลับมานี่ถ้าไม่ติดว่าชอบคุณแก้วอยู่นะ
จะจิ้นให้คู่กันเสียให้รู้แล้วรู้รอด คริคริ
-
เรื่องจบลงด้วยดี เพราะพี่ไผ่แท้ๆ
ริวคงรู้สึกดีที่ครอบครัว คิสมี กลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม
-
ดีใจที่เรื่องไม่ใหญ่โตมากเข้าใจกันเร็ว
ลุ้นตะวันกับไวย์ได้ไหมเนี่ย
:pig4: writer คะ
-
คนในครอบครัว...
สามัคคีกัน รักกัน ดีกว่าทะเลาะเบาะแวงกัน จริง ๆ
-
อ่านมาอ่านไป ทำไมเราเริ่มรู้ถึงความเมะ ของริวได้หว่า
อ้ากกกกกกก พี่พสุของชั้นนนนนนนนน
-
พี่ไผ่
เคะขึ้นทุกทีๆ
:laugh:
อยากรู้ตอนที่พี่ตะวันกับไวย์คุยกันจัง
-
อ่าพสุเริ่มเเล้ว
เเต่ฉากที่ริวอุ้มพสุนี่ยังไงยังไงอยู่นะ
ละใครจะเป็นอะไรหว่า
รอรอ ให้รู้ใจตัวเองอิอิ
-
ริวรู้แล้วยัง
ว่าตัวเองป่วยเป็นไรอะ :-[
-
ริวจะแมนไปไหน
-
ริวเพิ่มความเมะขึ้นเรื่อยๆเลยนะเนี่ย
-
ว้าว ดีกันแล้ว ตกลงไวย์ชอบแก้วใช่ไหมเนี่ย แต่ปลื้มพี่ตะวัน
แล้วเมื่อไรอลันจะส่งของมาสอนน้องริวซักทีเนี่ย
พี่ไผก็น่ารักดีจริงคู่เนี่ย รอลุ้นให้น้องริวศึกษานะเนี่ย
-
รู้สึกดีจังที่ไม่ดราม่า
อย่าดราม่าไปมากกว่านี้เลย
แค่นี้ก็พอแล้ว
ริวน่ารักจัง
-
น้องริวน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
จะได้แอบลุ้นอีกคู่หรอเปล่าหน้อ~
ตะวัน - ไวยากรณ์ หรือ ไวยากรณ์ - ตะวัน
-
ดีจังไม่มีอะไรร้าย ๆ แต่คราวหน้าหวังว่าคงไม่มีอีกนะ
-
หึๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
o8
-
หวาดเสียว
:sad4:
-
อยากรู้จักค่ะว่าไวย์ง้อตะวันยังไง :z3:
ขอบคุณค่ะ มาต่อยาวได้ใจจริงๆค่ะ อ่านมันไปเลย :a5: :a5:
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
ในที่สุดก็เข้าใจกัน
อยู่บ้านเดียวกันก็งี้แหละ
มีกระทบกระทั่งกันบ้าง
แต่ก็ต้องมีใครซักคนที่เป็นคนไกล่เกลี่ย
ใช่มั้ยจ๊ะพี่ไผ่ แองเจิ้ลของน้องริว
น้องริวโกรธแทนพี่ไผ่ขนาดนี้
พี่ไผ่ไม่รักน้องริวไม่ได้แล้วน๊า :กอด1:
-
น้องริวน่ารักอะ ยิ่งตอนมองคนโน้นที คนนี้ทีตอนกินสุกี้ แหมน่ารักจริงจัง :กอด1:
-
:o8: :-[ โอ้...ในที่สุดก็อ่านทันจนได้ เยี่ยมมาก ๆ เลยจ๊ะ o13
:serius2: ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย อ่านแบบ non-stop ข้ามวันข้ามคืน แล้วก็สงสัยตนเองว่าปล่อยผ่านเรื่องสนุก ๆ แบบนี้ไปได้ไง
:กอด1:อบอุ่น นุ่มนวลดีจัง หากไม่รักกันสิแปลก :L2:
:กอด1: ขอบคุณนะจ๊ะที่แต่งเรื่องดีดีแบบนี้ให้ได้อ่าน
-
หนึ่งคืนที่ตามอ่านจนทัน เล่นเอาสว่างเลย
รู้สึกอบอุ่นจนร้อนเลย ประทับใจครับสนุกมากๆ
ริวน่ารักมาก พี่ไฝ่ก็ใจดีมากมาย
ขอบคุณไรเตอร์มากที่แต่งเรื่องน่ารักแบบนี้มาให้อ่าน
เป็นกำลังใจให้แล้วก็รอตอนต่อไปนะครับ :L2:
-
ถ้าริวรู้จักการใช้กำลังรับรองไวย์โดนต่อยๆแน่
โทษฐานทำพี่ไผ่เจ็บ และทำร้ายพี่ตะวันด้วยคำพูด
ตอนริวผลักไหล่ไวย์อ่ะ บอกตรงๆแอบสะใจค่ะ
เพราะไวย์มันทำตัวเองทั้งนั้น
ดีได้เท่าเศษเสี้ยวของพี่ไผ่แก้วกุดันอาจจะแลบ้าง
แต่นี้...ปากหมา อารมณ์ร้อน หนักสุดก็เรื่อง มั่ว!
ใครดีๆที่ไหนเค้าจะอยากได้เป็นแฟนตัวกันหล่ะ
ระวังเหอะ นางแบบคนนั้นจะโยนมาว่าตัวเองท้องกับไวย์
(เห็นแว่บๆว่ามีข่าวออกมาแล้วด้วยใช่ไหม? ถ้าจำไม่ผิด)
ปล1,อยากรู้ข่าวในอดีตของพี่ตะวัน จะมีเฉลยไหมคะ?
ปล2,แอบคิดเหมือนหลายคนค่ะว่า ไวย์+ตะวัน
แล้วไวย์กับริวเนี้ยก็จูงมือกันเข้าชมรม 'เกียมัว'กันได้เลย
:laugh:
-
เอ่อออออ
บรรยากาศเหมือนน้องริวจะเป็นฝ่ายกดพี่ไผ่หรือเปล่า
อุ้มกันได้ตัวปลิวขนาดนั้นน่ะ
-
พี่ไผ่ ช่างเป็นคนดีเหลือเกิน
ริวก็น่ะ น่ารัก ช่างอ้อนชะมัด
-
ตอนที่ 41
บรรยากาศในการอัดเสียงวันนี้แตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง เพราะไวยากรณ์เที่ยวแกล้งคนโน้น แซวคนนี้ตลอดเวลา ขณะที่ธีรดลก็ขยันยิงมุกให้ได้ฮากันตลอด จะมีคนที่แปลกไปก็คือริว เด็กหนุ่มมักจะนั่งเหม่อบ่อยๆ จนกรเวชต้องคอยเตือน หลังจากอัดเสียงเสร็จ พสุก็เห็นริวไปยืนคุยกับธีรดลด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแม้แต่ธีรดลก็ทำหน้าเครียดตามไปด้วย
“ไปๆ เสร็จแล้วก็รีบกลับ ทีมคอสตูมเขามารออยู่ที่บ้านแล้ว” กรเวชเร่งให้ทุกคนขึ้นรถกลับไปบ้านพัก เมื่อไปถึงทีมคอสตูมก็รออยู่แล้วจริงๆ คนอื่นๆนั้นไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ยกเว้นธีรดลที่ผอมลงจนต้องร่นเอวกางเกงเข้าทุกตัว ขณะที่ริวกลับไหล่หนากว่าเดิมมากเสียจนต้องขยายไซส์เสื้อผ้าออกไปอีก
“โอ๊ย! สมกับเป็นวัยกำลังโต ทั้งไหล่ทั้งอกขยายพรวดๆอย่างนี้สงสัยอีกหน่อยต้องให้ริวใส่เสื้อแขนกุดแล้วหล่ะ” พี่นกเล็กบอกยิ้มๆ แล้วอดจิ้มกล้ามแข็งๆ บนต้นแขนของเด็กหนุ่มไม่ได้ บทเรียนจากการวัดตัววงคิสมีครั้งแรกทำให้เธอเตรียมเก้าอี้เล็กมาด้วย เพราะนักร้องวงนี้สูงกันทุกคน ยิ่งไวยากรณ์กับริวนั้น สูงจนช่างชะเง้อยังไม่ถึงไหล่ ต้องปีนเก้าอี้วัด
“ผมไม่ชอบใส่เสื้อแขนกุด” ริวค้านเสียงอ่อยๆ หน้าจ๋อยๆ แต่ทุกคนหัวเราะกันครืน เด็กหนุ่มเลยหันหาที่พึ่งหนึ่งเดียว
“พี่นกเล็กเขาล้อเล่น...แต่ความจริงริวใส่แขนกุดได้นะ ไหล่สวยโชว์ได้สบาย” พสุปลอบขำๆ แต่ริวส่ายหน้าเดียะ พอวัดตัวเสร็จ ริวก็รีบไปหาธีรดล แยกไปคุยกันสองคนจนเห็นพสุจะขึ้นชั้นบนนั่นแหละถึงได้วิ่งตามไป
เช้านี้พสุต้องออกมาทำงานข้างนอก แม้ข้อเท้าที่เจ็บจะดีขึ้นมากแล้วแต่ชายหนุ่มก็พยายามไม่เคลื่อนไหวมากนัก เพราะไม่อยากให้เกิดอักเสบขึ้นมาอีกจนเป็นอุปสรรคในการไปถ่ายทำมิวสิควีดีโอในวันพรุ่งนี้
พสุถูกเชิญมาร่วมรายการทำอาหาร ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 เทปด้วยกัน ก็ต้องแยกถ่าย 4 ฉาก ระหว่างที่กำลังรอให้ทีมงานเซตฉากที่สอง โทรศัพท์ที่เขาตั้งสั่นไว้ก็มีสายเรียกเข้า พสุดูเบอร์บนหน้าจออย่างแปลกใจ ร้อยวันพันปีไวยากรณ์ไม่เคยโทรหา วันนี้เกิดอะไรขึ้นถึงได้โทรมาหาเขาได้
“ว่าไงไวย์?”
“พี่ไผ่....ริวไปกับพี่เหรอ” ไวยากรณ์ถามทันทีอย่างคนใจร้อนโดยไม่มีการทักทายใดๆ ทั้งสิ้น
“พี่มากับรถตู้บริษัท”
“อ้าว! แล้วริวไปไหน”
“ไวย์มีอะไรกับริวเหรอ เผื่อริวโทรมาพี่จะบอกให้”
“ไม่มีอะไรครับ ว่าจะถามอะไรริวสักหน่อย...ถ้างั้นแค่นี้นะครับพี่ไผ่ ผมไม่กวนพี่ทำงานแล้ว”
พสุเองก็สงสัยว่าริวไปไหน ในเมื่อเขารู้ตารางงานของริวดีว่าวันนี้ริวไม่มีงาน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจโทรหาริว ปกติถ้าเขาโทรหา เสียงเรียกเข้าดังแค่ครั้งสองครั้งริวก็จะรับสายแล้ว แต่วันนี้พสุรอจนสายตัดริวก็ไม่รับโทรศัพท์ ชายหนุ่มจึงโทรไปอีกหลายรอบ แต่ริวก็ไม่รับสายอยู่ดี
พสุแทบไม่มีสมาธิทำงาน กังวลไปสารพัดว่าริวจะเป็นอะไรหรือเปล่า แต่พอกลับมาถึงบ้านพัก ก็ไม่เจอใครอยู่บ้านเลยสักคน พสุเดินหาไปทั่วบ้านด้วยความกังวลใจ จนได้ยินเสียงเปียโนแว่วๆ จึงขึ้นไปหาตะวันที่ห้อง
ก๊อกๆ
“เชิญ”
“ตะวัน! ริวอยู่กับนายหรือเปล่า”
“เปล่า” ตะวันตอบพลางก้มเขียนโน้ตเพลง
“แล้วหายไปไหนของเขา...” พสุรำพึงอย่างแปลกใจแกมเป็นห่วง น้ำเสียงนั้นทำให้ตะวันถึงกับหยุดทำงานเงยหน้าขึ้นมามอง
“ทำไม...มีอะไรเหรอ?”
“เปล่า...ขอบใจนะตะวัน”
“อืม...” ตะวันพยักหน้าแล้วก็จมกับโลกส่วนตัวต่อไป พสุกลับลงมาที่ห้องด้วยความกังวล ริวไปอยู่ที่ไหนกันแน่ แล้วทำไมริวถึงไม่รับโทรศัพท์ เบอร์นี้เป็นเบอร์ที่เขารู้เพียงคนเดียว ริวไม่เคยให้โทรศัพท์เครื่องนี้ห่างตัว นอกจาก...โทรศัพท์จะหาย
“นี่เอาโทรศัพท์ไปทิ้งไว้ไหนอีกนะริว...ไหนสัญญาว่าจะเก็บรักษาอย่างดีไง...เฮ้อ!”
จนถึงเวลาอาหารค่ำริวก็ยังไม่กลับมา พสุเริ่มนั่งไม่ติด แต่ชายหนุ่มก็ยังรักษาสีหน้านิ่งๆ ไว้ตอนที่ตะวันลงมากินข้าวด้วย จนเกือบเที่ยงคืนไวยากรณ์ก็กลับจากงานเดินแบบ ส่วนธีรดลนั้นรู้ๆ กันว่าวันนี้เขาต้องไปหาลูกที่ต่างจังหวัด จึงเหลือเพียงริวคนเดียวที่ยังไม่กลับบ้าน พสุลองโทรหาริวอีกครั้ง...
เสียงเพลงรอสายซึ่งก็เป็นเพลงของพสุ ดังอยู่นานจนสายถูกตัดไป แต่เมื่อต่อสายอีกครั้งคราวนี้กลายเป็นบริการฝากข้อความ...หมายความริวไม่ต้องการรับสายเขาถึงกับปิดเครื่องหนีอย่างนั้นเหรอ? พสุหรี่ตา จ้องมองโทรศัพท์นิ่ง ก่อนจะตัดสินใจโทรหากรเวช
“ว่าไงไผ่...”
“ขอโทษนะครับพี่กรที่โทรมารบกวนเวลาพักผ่อน”
“พี่ยังไม่นอนหรอกไผ่ มีอะไรหรือเปล่า”
“ริวยังไม่กลับบ้านเลยครับ พี่กรพอจะรู้ไหมครับว่าริวไปไหน”
“อ้าว! ริวไม่ได้บอกเหรอว่าไปต่างจังหวัดกับดล” คำตอบของกรเวชเล่นเอาพสุงง แล้วเปลี่ยนเป็นโมโห ปกติริวไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกเขา แต่คราวนี้นอกจากไม่บอก ยังปิดเครื่องหนีอีกต่างหาก
“เปล่าครับ”
“เอ้า! พี่ก็นึกว่าไผ่รู้แล้วเสียอีก”
“ผมไม่รู้อะไรเลยครับพี่กร...ถ้าผมรู้ว่าเขาไปเที่ยวผมคงไม่โทรมารบกวนพี่กรเด็ดขาดเลยครับ”
พสุยังคงควบคุมน้ำเสียงให้ราบเรียบ ทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ ด้วยความโมโห เขาเป็นห่วงริวจนแทบทำงานทำการไม่ได้ กังวลไปสารพัดว่าเด็กหนุ่มจะเป็นอะไรไป แต่ริวไปเที่ยวโดยไม่คิดจะบอกเขาสักคำแถมยังปิดเครื่องใส่เหมือนไม่อยากให้เขาโทรไปวุ่นวาย
“เอ่อไผ่...ริวอาจจะ...” กรเวชพยายามหาข้อแก้ตัวให้ริว แต่พสุพูดตัดบทเสียก่อน
“ไม่เป็นไรครับ เขาสบายดีก็โอเคแล้ว ผมแค่แปลกใจที่เห็นเขาหายไปเท่านั้นเอง ขอโทษที่รบกวนนะครับพี่กร สวัสดีครับ” พสุวางสายแล้วเม้มปากนิ่ง ดวงตาเป็นประกายไหววูบด้วยความโกรธแกมน้อยใจ
“ในเมื่อไม่อยากให้พี่ยุ่ง พี่ก็จะไม่ยุ่งกับนายอีก”
พสุเฝ้าวนเวียนคิดทั้งคืน หรือที่ผ่านมาเขาวุ่นวายกับริวมากเกินไป บางทีริวอาจอยากเป็นตัวของตัวเอง มากกว่าให้เขาไปคอยสั่งสอนก็ได้ ที่ริวว่าง่ายก็เพราะเด็กหนุ่มเกรงใจ ถึงได้ยอมทำตามที่เขาบอก....เพราะมัวคิดเรื่องนี้ทำให้พสุเครียดจนนอนไม่หลับ มาผล็อยหลับไปตอนประมาณตี 5
.
.
.
.
.
พอ 6 โมงเช้า พสุก็แทบจะลุกจากเตียงไม่ไหว หากไม่เพราะตั้งนาฬิกาปลุกไว้เขาคงไม่ตื่นแน่ๆ ชายหนุ่มลงมารอขึ้นรถตู้ด้วยอาการเบลอๆ ลอยๆ แถมยังปวดหัวหนึบๆ จนแทบไม่อยากทักทายใคร ทั้งที่เช้านี้บรรยากาศสดใส ทีมงานทักกันลั่นด้วยความกระตือรือร้นที่จะได้ออกต่างจังหวัด
“ไงไผ่ สีหน้าไม่ดีเลย”
“ง่วงสุดๆ เลยครับพี่กร...นี่รถมายังครับ ขอขึ้นไปนอนรอบนรถดีกว่า ตอนนี้ผมง่วงแทบจะลงนอนตรงนี้แล้ว”
“มาโน่นแล้ว ขึ้นไปบนรถเลยไป ของๆ เรามีแค่กระเป๋าสองใบนี่เหรอ”
“ครับ” พสุตอบรับเรียบๆ
ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งกับริว แต่สุดท้ายเขาก็จัดกระเป๋ามาให้เด็กหนุ่มจนได้...พสุให้เหตุผลกับตัวเองว่าเขาจัดให้ริวเพราะไม่ต้องการให้ทีมงานมาเสียเวลารอริวกลับมาจัดกระเป๋าอีก ถือเสียว่าเป็นการจุ้นจ้านครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน
“ไปๆ ขึ้นไปนอน เดี๋ยวกระเป๋าพี่ให้คนอื่นเอาขึ้นรถให้”
“ขอบคุณครับพี่กร” พสุยกมือไหว้ แล้วขึ้นไปนอนเบาะคู่หลัง เพื่อไม่ให้ใครรบกวน ถึงจะง่วงจะเพลียแค่ไหน แต่ก็ยังได้ยินเสียงทีมงานแว่วๆ เสียงทักทาย เสียงเปิดประตูรถเข้ามา ตามด้วยเสียงจัดข้าวของที่ท้ายรถ ที่เยอะขนาดต้องพับเบาะหลังสุดเก็บ เพื่อให้วางสัมภาระได้หมด
“พี่กร...พี่ไผ่ละครับ” พสุนอนนิ่งทันทีที่ได้ยินเสียงริวทักกรเวช
“อยู่บนรถแน่ะ”
เสียงเปิดประตูรถ ตามด้วยเบาะข้างตัวที่ไหวยวบ แต่พสุก็ยังหลับตานิ่งทำเหมือนไม่รับรู้
“พี่...ทำไมมานั่งตรงนี้ละครับ ไปนั่งที่เบาะด้านหน้าสิ ริวไม่ชอบนั่งข้างหลัง...พี่ไผ่...พี่ไผ่ครับ ไปนั่งเบาะหน้ากัน” ริวอ้อนเสียงใสแถมยังเขย่าแขนพสุเบาๆ ทำให้ความหงุดหงิดที่ชายหนุ่มพยายามระงับไว้ขุ่นขึ้นมาอีก
“อย่ายุ่งได้ไหม” พสุยังหลับตานิ่ง แต่น้ำเสียงราบเรียบเย็นชา ทำเอาทุกคนในรถอึ้งไปกันหมด แม้แต่ริว
“แต่ริวไม่ชอบนั่งเบาะหลังสุดนี่ครับ ไปนั่งเบาะหน้ากันนะพี่” ริวเริ่มเสียงอ่อยลง ใจเสียที่เห็นพสุลืมตาขึ้นมามองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วลงจากรถไปเปิดประตูหน้าข้างคนขับ ขึ้นไปนั่งแล้วปิดล็อค ท่ามกลางสีหน้าตะลึงพรึงเพริดของคนทั้งรถ
“เอ่อ...ริว ปล่อยพี่เขานอนดีกว่านะ อย่าไปกวนเลย พี่ไผ่เขาไม่ค่อยสบายน่ะ” กรเวชกระซิบปรามหน้าเจื่อนๆ
“เหรอครับ...” ริวหน้าเผือด จ้องมองคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับตาละห้อย สีหน้าเหมือนจวนเจียนจะร้องไห้ของเด็กหนุ่มทำให้ทุกคนสงสาร แต่นาทีนี้ไม่มีใครกล้าไปวุ่นวายกับพสุแน่นอน ไม่เคยมีใครเห็นพสุโกรธมาก่อน และเป็นครั้งแรกของริวที่เจอพสุทำสีหน้าเย็นชาใส่ สีหน้าแบบนี้น่ากลัวยิ่งกว่าเวลาพี่โมโหหลายเท่า
บรรยากาศในรถเงียบกริบ ริวนั่งชิดในสุด ของเบาะหลังคนขับ เพื่อจะมองหน้าคนที่นั่งคู่กับคนขับไปตลอดทาง เด็กหนุ่มชะเง้อชะแง้ คอยมอง แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะปลุกพสุเข้าห้องน้ำเมื่อรถแวะจอดปั้ม
ทันทีที่ถึงที่หมาย ทุกคนก็ทยอยลงจากรถ ช่วยกันขนข้าวของ พสุลงจากรถไล่ๆ กับคนขับ สีหน้ายังดูเพลียๆ แต่ชายหนุ่มไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธเมื่อถูกจัดให้พักห้องเดียวกับริว แม้แต่ตอนที่ริวแย่งกระเป๋าของเขาไปลากให้ พสุก็ปล่อยให้เด็กหนุ่มลากไป ไม่ได้สนับสนุนหรือคัดค้าน พอเข้าไปในลิฟต์ พสุก็กอดอกพิงผนังลิฟต์เฉย ตาจ้องมองแต่ไฟบอกชั้นนิ่ง จนกระทั่งถึงชั้นที่พัก พอประตูลิฟต์เปิด เขาก็ก้าวออกไปเป็นคนแรก ริวลากกระเป๋าสองใบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว พอพสุไขประตูเข้าไป เด็กหนุ่มก็ตามติดชนิดก้าวต่อก้าว
“พี่ไผ่หิวมั๊ย ริวสั่งข้าวให้นะครับ”
“ไม่ต้อง ขอบคุณ” น้ำเสียงราบเรียบ แต่เย็นชาจนริวหน้าเสีย เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่กลางห้องขณะที่พสุเข้าไปอาบน้ำ พออาบเสร็จพสุก็รีบแต่งตัว โดยไม่เหลือบมองหน้าริวสักนิดเดียว ริวได้แต่ยืนเก้ๆกังๆ ทำอะไรไม่ถูก อยากให้พสุพูดด้วยสักคำก็ยังดี
“พี่ไผ่...ริว...” ริวยังไม่ทันได้พูด เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นมาเสียก่อน
RRRRRRRRRRRRRR
“ครับพี่กร...จะลงไปเดี๋ยวนี้แหละครับ...พี่กรบอกให้รีบลงไป ทีมงานรออยู่” พสุหันไปบอกริวแล้วออกจากห้องไปทันที ริวทำได้เพียงรีบเดินตามพสุออกมา เมื่อไปทันที่หน้าลิฟต์ก็พบว่าตะวัน ไวยากรณ์ และธีรดลก็ยืนรอลิฟต์อยู่เหมือนกัน
“พี่ไผ่อาบน้ำแล้วเหรอ” ไวยากรณ์หันมาทักเพราะเห็นเครื่องแต่งกายของพสุดูแปลกไป
“อืม”
“แต่หน้ายังซีดๆ อยู่เลยนะพี่ ไหวเหรอ?”
“ไหว...เดี๋ยวแต่งหน้าก็มองไม่รู้แล้ว” พสุตอบเสียงเรียบแล้ว เดินนำเข้าไปทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด ริวตามไปยืนประกบหลัง แต่พสุก็เฉย ไม่เหลียวมามองสักนิด เด็กหนุ่มจึงทำได้เพียงก้มหน้าแล้วแอบมองพสุเป็นระยะๆ
พอลงไปถึงก็พบว่าทีมงานตั้งกองกันที่สวนหน้าโรงแรมนั่นเอง หลังจากเก็บภาพนิ่งกันสักพัก พี่พลก็สั่งให้ยกกองไปถ่ายที่ทะเล สร้างความงุนงงให้ทุกคนมาก ขนาดทีมงานยังหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะตามคิวจะต้องปักหลักถ่ายเอ็มวีของพสุต่อที่นี่ ส่วนคิวที่ทะเล เป็นของตะวันในวันพรุ่งนี้
“ทำไมยกไปถ่ายทะเลก่อนละพี่?”
“แกรึฉันเป็นผู้กำกับไอ้จิ้ม...เรื่องมากเดี๋ยวปั๊ดลดตำแหน่งลงไปยกไฟเลย”
“ค๊าบ ไม่ถามแล้วค๊าบ” ผู้ช่วยผู้กำกับยกมือไหว้พี่พลขำๆ ก่อนจะช่วยกันจัดของเตรียมไปลงเรือ พสุมองตามหลังผู้กำกับมือทองไปปะทะกับสายตาของกรเวชที่มองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว พอกรเวชเห็นเขามองก็หลบตาอย่างมีพิรุธ
“พี่พลครับ...ที่เราต้องยกกองไปถ่ายเอ็มวีของตะวันก่อนนี่เป็นเพราะผมหรือเปล่าครับ” พสุอาศัยระหว่างที่ทุกคนกำลังชุลมุนขนของลงเรือตัดสินใจเข้าไปถามพี่พลตรงๆ
“...อือ...ใช่” พี่พลก็ตอบตรงๆ เหมือนกัน
แม้จะคิดอยู่แล้วว่าสาเหตุมาจากเขา แต่พอได้ฟังคำตอบพสุก็ใจแป้วด้วยความรู้สึกผิดหวัง...ผิดหวังในตัวเองที่ไม่เป็นมืออาชีพพอ
“ผมทำอะไรผิดพลาดเหรอครับ ถ้าพี่บอกผมจะรีบแก้ไขทันทีเลย”
“ไผ่...นี่ไม่ใช่ละครนะ แต่เรากำลังจะถ่ายเอ็มวี เพลงของไผ่...ตัวตนของไผ่...แล้วเนื้อหาของเพลงมันคือความรักที่อบอุ่นนะ เข้าใจไหมว่าตอนนี้สีหน้าไผ่มันไม่อยู่ในอารมณ์นั้นเลย มันคนละฟิวกัน สีหน้าไผ่เหมาะกับเอ็มวีรักแบบเศร้าๆของตะวันมากกว่า...ดูสิทั้งไผ่ทั้งริว ทำหน้าเหมือนเคี้ยวบอระเพ็ด ขืนถ่ายไปก็ต้องถ่ายใหม่อยู่ดี”
“ขอโทษครับพี่พล” พสุไหว้พี่พล สีหน้าจืดเจื่อนจนพี่พลสังเกตเห็น
“ไม่เป็นไร พี่รู้ว่าเรื่องบางอย่างมันก็อยู่เหนือการควบคุม เพราะถึงไผ่จะเป็นดารา ก็ยังเป็นคน ไม่ใช่หุ่นยนต์ จะให้ยิ้มได้ตลอดเวลาตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ได้ยังไง...ไม่ต้องรู้สึกผิดล่ะ ไปเตรียมตัวเข้าฉากได้แล้ว”
“ครับ” พสุรับคำแล้วเดินคอตกไปลงเรือ
เอ็มวีของตะวันเพลงนี้ เป็นรูปแบบการอกหักของแต่ละคนที่จะแตกต่างกัน ทุกคนจะมีบทพูดสั้นๆ เพื่อแสดงอารมณ์ แล้วหลังจากนั้นจะมานั่งรวมกันเพื่อฟังตะวันร้องเพลงเล่นกีตาร์บนเรือที่ลอยลำอยู่กลางทะเล
โดยเริ่มจากไวยากรณ์ เป็นรักแบบวัยรุ่นใจร้อน ทะเลาะกับแฟนด้วยเรื่องไร้เหตุผลบ่อยๆ จนทำให้ต้องเลิกกัน
ธีรดล เป็นความรักแบบคนมีครอบครัว ที่ทะเลาะกันเพราะปัญหาชีวิตรุมเร้าจนต้องแยกกันไปคนละทาง
พสุ เป็นรักแบบห่างไกล คนรักส่งแหวนหมั้นคืนมาเพราะเธอกำลังจะแต่งงานกับคนใหม่
ริวเป็นรักแบบแอบรักแฟนคนอื่น และเธอไม่ต้องการจะสานสัมพันธ์ต่อไปอีกจึงบอกเลิกทางโทรศัพท์
และตะวันเป็นความรักที่คนรักเพิ่งตายจากไป จนรู้สึกเหมือนไม่อยากมีชีวิตอยู่
หลังจากถ่ายฉากของไวยากรณ์ ธีรดล และพสุเสร็จแล้ว ก็ถึงคราวของริว เด็กหนุ่มมีบทสนทนากับคนรักผ่านโทรศัพท์สั้นๆ
“นี่ริวเองนะครับ...ฮัลโหล...ฮัลโหล...”
ผู้กำกับยิ้มร่ากำลังจะสั่งคัตก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะริวเริ่มพูดต่อไปอีกทั้งที่ไม่มีในบท
“พี่จะไม่พูดกับริวสักคำเลยเหรอ...ริวรู้ว่าริวผิด...แต่อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ...ริวขอร้อง...”
ปลายเสียงของเด็กหนุ่มสั่นสะท้าน ริวก้มหน้างุด เห็นแต่หยาดน้ำที่หยดลงจากปลายจมูก
“ซูมเข้าไปเลย ตอนนี้แหละ” พี่พลเร่งตากล้องพลางจับตามองมอนิเตอร์เขม็ง
“บอกให้ริวเงยหน้าหน่อยสิพี่ ผมเห็นแต่ปลายจมูก” ตากล้องบอกพี่พลเสียงเบาเพราะกลัวเสียงจะหลุดเข้าไป
“ปลายจมูกก็ได้ ถ่ายตอนน้ำตาหยดไว้ทันหรือเปล่า”
“ทันครับ....”
“คัต! ริวเจ๋งมาก” พี่พลตะโกนบอก ก่อนจะรีบเช็คภาพอย่างเร่งด่วน ขณะที่ช่างแต่งหน้ารีบเอาทิชชูเข้าไปส่งให้ริว
พสุอึ้ง...ไม่คิดว่าริวจะกล้าเล่นนอกบท ตอนแรกชายหนุ่มเกือบจะเข้าไปดุริวแล้ว แต่กลับได้ยินพี่พลกับผู้ช่วยกำลังปรึกษากันเรื่องมุมกล้อง ด้วยความพอใจ เขาก็เลยนิ่งไว้ หลายคนเข้าไปชมริวว่าเล่นได้ดี ซึ่งเด็กหนุ่มก็เพียงพยักหน้ารับแล้วยิ้มแหยเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา พสุเมินหน้าไปทางอื่นแม้จะรู้ว่าริวคอยมองมาที่เขาตลอดเวลา
กว่าจะถ่ายทำเสร็จก็ค่ำ เมื่อเรือกลับมาถึงโรงแรมก็ปาไปเกือบ3 ทุ่มแล้ว ทุกคนรีบกินข้าวแล้วแยกย้ายกันเข้าห้อง เพราะตอนเช้าต้องตื่นแต่เช้าเพื่อให้ทันแสงแรกของพระอาทิตย์
พสุมาถึงห้องก็ตรงเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อจะอาบน้ำแล้วรีบเข้านอน แต่ริวไม่ยอม เด็กหนุ่มตามเข้ามาขวางหน้าพสุไว้
“พี่โกรธริวเหรอครับ...” ริวถามเสียงสั่น ตาแดงก่ำ น้ำตาคลอจวนเจียนจะหยดจนพสุไม่อยากสบตาด้วย
“เปล่านี่” พสุตอบแล้วพยายามจะหลีกริวไปห้องน้ำ
“ไม่ได้โกรธแล้วทำไมพี่ไม่พูดกับริวเลยล่ะ...ถ้าริวทำให้พี่โกรธ พี่จะดุจะด่ายังไงก็ได้ ริวยอมทุกอย่าง แต่อย่าเย็นชากับริวแบบนี้เลยนะ ริวทรมานมากเลย...” น้ำตาเม็ดโตๆ ไหลอาบแก้ม ริวพูดไปร้องไห้ไปเหมือนเด็กๆ จนพสุไม่รู้จะทำยังไง
“เรื่องแค่นี้ทำไมต้องร้องไห้” พสุถามเสียงขุ่น แม้จะกำลังโมโห แต่น้ำตาของริวก็ทำให้เขายั้งคำพูดไว้โดยไม่รู้ตัว
“ก็พี่ไม่พูดกับริว...”
“พี่ควรพูดอะไรเหรอ...ริวจะฟังในสิ่งที่พี่พูดหรือไง?”
“ฟังสิครับ...ไม่ว่าพี่ไผ่พูดอะไรริวก็เชื่อฟังพี่ทุกอย่างอยู่แล้ว”
“เหรอ?...แล้ววันนี้ตอนถ่ายเอ็มวีมันอะไร? ริวทำอย่างนั้นทำไม รู้ไหมว่าถ้าพี่พลเขาไม่พอใจขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น งานมันจะเสียกันไปหมดเพราะริวทำอะไรไม่คิดนี่แหละ!!”
“ริวขอโทษครับ...แต่ตอนนั้นริวทนไม่ไหวจริงๆ...พี่ไผ่ยกโทษให้ริวเถอะนะ อย่าเย็นชากับริวแบบนี้อีกเลยนะครับ”
“ค่อยคุยกันทีหลังเถอะ ตอนนี้พี่เหนื่อยมาก อยากพักผ่อน เข้าใจไหมริว!” พสุเตือนเสียงหนัก แล้วแหวกริวให้หลีกไปให้พ้นทางที่จะเข้าห้องน้ำ
“ไม่เข้าใจ...พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะครับ มีอะไรเราก็คุยกันได้ทุกเรื่องไม่ใช่เหรอ...พี่อย่าหนีหน้าริวเลยนะ” ริวตามไปยื้อศอกพสุไว้ไม่ให้เข้าห้องน้ำ พสุกระตุกแขนหนีการเกาะกุมของเด็กหนุ่ม พลางถอนใจเฮือกอย่างหงุดหงิด ชายหนุ่มเดินกลับมาที่โทรศัพท์แล้วต่อสายลงไปที่เคาน์เตอร์
“ผมขอเปิดบ้านพักส่วนตัว 1 หลังครับ...ใช่ครับผมเอง...ได้ครับ ผมไม่เกี่ยงราคา...ผมต้องการตอนนี้เลยไม่ทราบจะสะดวกไหมครับ...ครับ...ขอบคุณครับ” พสุหันไปแต่งตัว แล้วลากกระเป๋าออกมา เก็บของใช้ที่วางไว้หน้ากระจกใส่กระเป๋า
“พี่จะไปไหน?”
“ไปพักที่อื่น! ถ้าอยู่ที่นี่แล้วนอนไม่ได้ ก็จะไปนอนที่อื่น!” พสุตอบพลางรูดซิปกระเป๋า แล้วลากออกไปจากห้อง
......................................................
************************************
:oni1:
-
+ 1 มาม่าอร่อยกำลังดี
แต่ไหง อ่านไปเหมือน ผัวเมียงอนกันหว่า อิ ๆ
แสดงความเห็น ถูกใจ เมื่อ ได้อ่านแล้ว วินาที
-
อ้ายยยยยยยยยย มาม่าอ่ะ
ไผ่จ๋า น้องเค้ามีเหตุผลนะ ฟังหน่อยยยยยยยยยยยย :sad4:
-
น้องริวไปไหนทำไมไม่บอกพี่ไผ่
เห็นมั้ยพี่ไผ่เค้าโกรธแล้วนะ
เวลาไผ่โกรธเนี่ยน่ากลัวเหมือนกันเนอะ
น้องริวเข้าหน้าไม่ติดเลย
ขนาดร้องไห้ก็แล้วไผ่ก็ยังไม่หายโกรธ
ถึงกับย้ายที่พักหนีน้องริวกันเลยทีเดียว
แล้วคราวนี้ริวจะทำไงเนี่ย
จะง้อยังไงให้พี่ไผ่หายโกรธน๊า
-
น้ำตาร่วงตามริว
สงสารริวมากเลย
พี่ไผ่ฟังน้องหน่อยสิ T T
-
โอยยยยยยๆๆๆๆ
สงสารริวอ่ะ :m15:
พี่ไผ่ก็ค่อยๆคุยดีๆได้มะ งอนอยู่นั่น น้องมันจะรู้มั้ยเนี่ย
กรูว่างานนี้ฝีมือไอ้กรเวชแน่ๆ
ขอนะ ขอตะโกนดังๆว่า "ไม่เอาดราม่าได้ม๊ายยยย!!!" :serius2:
-
อ๊ากกกกกกกกก
พี่ไผ่งอนน้องริวววว
อย่ามาม่าาาเยอะนะ คนอ่านอยากได้แบบหวานๆๆๆ
-
โอ้มาม่า :serius2:
-
ร้องไห้เรยอ่า
วันหลังไม่เอาแบบนี้แร้วน้า
เค้าเคียด
-
จะเรียกว่ามันเป็นมาม่าดีมั๊ยเนี๊ย
เพราะเท่าๆ ที่อ่านมาเหมือนพี่ไผ่งอนริวที่ไปไหนไม่บอก เลยเก็บเอามาน้อยใจ
แอบเห็นด้วยที่ว่า "เหมือนผัวเมียงอนกัน" :m20: :m20:
แต่นานๆ จะเห็นพี่ไผ่สาวแตกแบบนี้แหะ งอนที่น่ากลัวเชียว เป็นเราริวมาทำหน้าอ้อนใกล้ๆ นี้ หุหุ :-[ คงยกโทษให้ไปแล้ว
ยังไงก็สู้ๆ นะค่ะริว ง้อพี่ไผ้ให้ได้นะคะ เราว่าริวต้องไปหาลูกพี่ดลแน่เลยอ่า ^^
-
พี่ไผ่ เวลาโกรธ น่ากลัวสุดๆ ไม่ฟังอะไรเลย
จัดมาม่าไปแล้ว ขอต่อเลยอย่าให้ค้างได้ป่ะ
-
กินมาม่าอิ่มแทนข้าวกันเลยทีเดียว :serius2:
-
โห..แบบนี้มันสุดยอดเลย
ความรู้สึกของคนที่โดนปฏิเสธน่ะ เจ็บมากเลย
-
สงสารริวจัง :m15: :m15:
-
ดราม่าซะงั้น จะงอนนานไหมเนี่ย แต่ ริวไปทำอะไรมาเอ่ย
-
:m15:ตอนนี้ซินะ มาม่าที่เคยเกริ่นไว้ ที่ผ่านมาเรื่องของไวย์ เหมือนน้ำจิ้มไปเลย
:monkeysad:สงสารริวจัง ตอนนี้พี่ไผ่โกรธ ดูหน้ากลัว แอบกลัวอีกด้านเหมือนกัน ตอนที่ริวโกรธ มันจะเป็นยังไง :sad11:
-
โหยๆ พี่ไผ่ผู้แสนดี
ถึงกับออกอาการ เพราะแค่คิดว่าริวไม่ให้ความสำคัญกับตัวเองก่อนคนอื่นเนี่ยนะ
นับว่าเป็นข่าวดีได้มั้ยว่าพี่ไผ่เริ่มจะรู้สึกอะไรๆกับน้องริวแล้ว
แต่ว่า..พี่ไผ่อย่าใจร้ายกับน้องริวนักเลย สงสารน้องริว :sad4:
-
สงสารริวจัง :m15: :monkeysad:
พี่ไผ่งอนน้องริวววว
ขอต่อเลยอย่าให้ค้างได้ป่ะ
-
พี่ไผ่งอนหนักจัง
น้องริวง้อขนาดนี้แล้ว :เฮ้อ:
-
:เฮ้อ:
เง้ออออ .. แล้วริวหายไปไหนมา รีบๆเคลียร์น้า ยังไงไผ่ก็ฟังน้องหน่อยเหอะนะ
-
อ๊าย.....พี่ไผ่
ทำกับน้องริวได้ ฮือๆ :z3:
-
อู๊ย อิ่มกลางคืนกับมาม่า
-
อืม.......เดี๋ยวมาเม้นให้นะเม้นไม่ออก
-
สงสารน้องริวจัง
พี่ไฝ่ ไม่ฟังเลย :m15:
-
มาม่ามาเต็มๆๆเลย :o12:พี่ไผ่อ่ะคิดไปเองว่าตัวเองไม่ใช่คนสำคัญของริวแล้ว ไมไม่ฟังน้องก่อนเล่า
ถ้าตอนหน้ายังไม่ดีกันจะหนีไปเชียร์พี่ตะวันแทนด้วย :m16:
-
ริวเอ๋ย จับมันกดเลยลูก
-
เเง่ๆๆพี่ไผ่ใจร้ายกะน้องริว
ละริวไปไหนอะมะบอกพี่เค้าพี่เค้าโกดรุย
เเต่ๆๆเเสดงว่าเค้าเริ่มจิรู้ใจกันเเ้ล้ว
รอรอรอ น้องริวน่าสงสารอ่า
-
ดราม่าอยากเลยแรงงงงง
เฮ้อ สงสารทั้งริวทั้งพี่ไผ่
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย รีบๆปรับความเข้าใจกันนะคะ
ส่วนพี่ไผ่อย่าพึ่งคิดมากเลยค่ะ ฟังที่ริวพูดหน่อยเถอะ
ตอนนี้เศร้าจิต :sad4:
อิชั้นไม่ต้องการมาม่าค่ะ!! มันทรมาณเน้อออ สงสาร แงงงงงงงงงงงง :o12:
-
ดีใจที่พี่ไผ่โกรธน้องริวขนาดนี้
ไม่ใช่อยากเห็นน้องริวเศร้าน้า
แต่ที่พี่ไผ่มีอารมณ์ร่วมไปกับสิ่งที่ริวทำขนาดนี้
แสดงว่าริวมีความสำคัญกับพี่ไผ่มากเลยน้า อิอิ
แล้วน้องจะนอนคนเดียวได้ไงนิ
รีบให้อภัยน้องเต๊อะ ><
-
กรีดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
-
อัพ อัพ อัพ :m31:อัพ อัพ
เค้าจะอ่านต่อ เค้าจะอ่านต่อ :impress3: มันค้างงงง
มาม่าไม่เอาเเล้ววว สงสารรรรร :o12:
อัพ อัพ อัพพพพพ
-
โอ้ว เรื่องเก่าไป เรื่องใหม่มาทันที เค้าไม่อยากกินมาม่าน้า อย่างอนนานล่ะพี่ไผ่ น้องริวซึมหมดแล้ววว
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: มาม่า
-
ไม่ชอบมาม่าเลย
-
ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ละเนี่ย
:serius2:
สงสารริว แต่ก็อยากรู้ว่าริวมีเหตุผลอะไรที่ไม่ติดต่อไผ่
ไม่รับโทรศัทพ์ด้วย ถ้าไปกับดลก็บอกได้นี่
จะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกของดลที่ริวให้ทนายช่วยก็ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้
ถ้ามันเป็นความลับ แต่แค่บอกว่าจะไปไหนกับใครมันก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรือ
ทั้งๆ ที่รักไผ่ก็น่าจะคิดถึงความรู้สึกไผ่บ้างนะ หายไปทั้งคืนเลย
แต่พอเจอไผ่โกรธ ก็อดสงสารริวไม่ได้
รีบๆ เคลียร์กันเถอะนะ ไม่อยากกินมาม่าอ่ะ
:monkeysad:
-
ปกติพี่ไผ่มีเหตุผลกว่านี้นี่นา...
สงสัยนี่จะงอนจริงอะไรจริง...
เฮ้ออออ
-
อ้ามันยังไงกันละเนี้ย :a5:
ก็เข้าใจว่าโกรธว่างอนแต่ง้อขนาดนี้ไม่สงสารไม่เห็นใจริวหน่อยหลอพี่ไผ่
ถึงกับไม่อยากมองหน้าไม่อยู่รวมห้องอย่างนี้มีหวังริวร้องไห้น้ำท่วมแน่ๆ
-
เออ!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ฝีมืออีกร!!!!แน่เลย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ริวต้องบอกนังกรเวชเวชฝากให้บอกพี่ไผ่แล้วแน่เลย แต่อินี่ไม่ยอมบอกแผนมีงไช่ม้ายย !!! อิสารเลว!!!!!!!!!
สงสารน้องริวที่ซู้ดด!!!
-
:sad4: พี่ไผ่อ่ะ...ใจเย็น ๆ ก่อน
:กอด1:ค่อยพูดค่อยจากันก่อนนะพี่ไผ่จ๋าาาาาา
-
ยังไม่ทันจะได้เสียเป็นเมียผัวก็ต่อมงอลแตกเสียแล้วนะจ๊ะพี่ไผ่ 55555555555
-
รสต้มยำ สะท้านอกมากมาย ใส่พริกไปอีกสิ ตัวเธอ....
-
งอนกันอย่างโจ่งแจ้งมากคะพี่ไผ่ แต่พี่ไผ่จะไม่รู้ตัวนะเนี่ย
น้องริวง้อไปร้องไห้ไปยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอพี่ไผ่ สงสารน้องเถอะน้าาาาา
-
มันมีกลิ่นแปลก ๆ นะ ที่ริวไปไหนไม่บอกเนี่ย
อีตาผู้จัดการทำไรหรือเปล่ามีหลบตาด้วย
อย่าให้รู้นะว่าทำให้เค้า 2 คนมีปัญหากัน จะไปปาระเบิดที่บ้านคอยดู :3125:
:pig4: writer คะ มาต่อเร็ว ๆ นะคะแบบว่ามันค้าง ๆ อยู่อะคะ (ตำตาวิ้ง ๆ อ่อน writer สุด ๆ)
-
:sad4:
อ๊ายยยยย พี่ไผ่ อย่าโกรธน้องริวสิ
สงสารน้อง
น้องคงมีเรื่องต้องไปช่วยพี่ดลแน่ๆถึงได้ตามไปด้วยแบบนั้น
ได้โปรดฟังน้องก่อนนนนนน
:dont2:
-
พั่ไผ่ออกอาการขนาดนี้ แสดงว่าใจไปอยู่กับน้องจนหมดแล้วแน่เลย
เอาเถอะ คิดได้ แล้วก็รีบๆแน่ใจในความรู้สึกของตนเองเร็วๆก็ดีนะจ๊ะไผ่ ป้าสงสารน้องมันอ่ะ
แล้วไผ่อย่างอนน้องมันมากนัก ป้าไม่อยากกินมาม่าบ่อยๆหรอกนะ
น้องริว พยายามง้อพี่เค้าเข้านะลูก แล้วมีอะไรก็เล่าให้พี่เค้าฟังด้วย อย่าปิดเลย
-
ไผ่นี่โกรธแล้วน่ากลัวอ่ะ
:sad4:
ริวน่าสงสาร
ว่าแต่...ริวไปทำอะไรกับดลย์อ่ะ
-
นั่นสิ มันเรื่องอารายกันหว่า
ทำไมไม่รีบเคลียๆๆกันอะ
-
:sad4: ไผ่อย่าทำอย่างนี้เลยน่ะ
ทำไมไม่ถามริวล่ะ ถามมาเลยซิว่าริวไปกับดลทำไม
หวังว่า จะปรับความเข้าใจกันได้น่ะค่ะ
-
พี่ไผ่อ่า อย่าทำร้ายน้องแบบนั้นสิคะ
ฟังน้องบ้างอะไรบ้าง :sad2:
-
พี่ไผ่งอนหนักมากกกกกกกกกก
แอบสงสารริวที่จนป่านนี้ก้ไม่รู้ว่าโดนงอนเรื่องอะไร!!!!
ง้อให้ได้นะริว ^^
-
อูย ทำไมมันรันทดอย่างนี้นะ
-
ตามอ่านน้องริวกับพี่ไผ่ฮับ...
น่ารักมากมายอะ... น้องinnocent น่ารักอะ...
แต่ว่านะ.. ตอนสุดท้ายนี่สงสารน้องอะ....
ทำไมพี่ไผ่แอบโหดขนาดนี้อะเนี้ย...................... น้องจะร้องไห้ตาบวมแน่ๆๆเลยอะ...
น้องริวจะได้นอนไหมเนี้ย.. พี่ไผ่ไปนอนที่อื่นอย่างนี้เนี้ย...
รีบๆๆมาต่อเร็วๆๆนะฮํบ writer
ps. ทำไมน้องริวตัวใหญ่ๆๆๆขึ้นจังอะฮับบ... รู้สึกว่าจะตัวใหญ่กว่าพี่ไผ่แย้วนะ...
อย่างงี้พี่ไผ่หรือน้องไผ่ใครกอดใครเนี้ยยยยยยยยยยยยย ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
ว๊ากกกกกกกกก
สนุกหลายๆๆครับ
ชอบอ่าเนอะแต่ว่าใครรุกใครรับนิ
ใบ้ๆๆนิดนึงได้ปะไรเตอร์
สนุกเนอะมีคุ่เดียวหรือมากว่า1คู่เนี่ย
มาต่อไวไวน้ารออ่านริวจะง้อพี่ไผ่ยังไงบ้าง
-
ชอบไผ่ตอนนี้จััง :laugh: :laugh: :laugh: หวังว่าริวจะทำอะไรก็ต้องบอกไผ่ก่อน.จะได้ไม่ทำให้ไผ่งอนเหมือนตอนนีี้อีก.
รอตอนต่อไปค่ะ
ขอบคุณค่ะ :z2: :z2:
:L2: :L2: :L2:
-
กำลังค้างเลย งึงึ
แบบว่าริว ! พี่ไผ่ !
เป็นซะแบบนี้กันแล้วเมื่อไหร่จะบอกรักกันละเนี่ย!???
-
อัพ ด่วน ค้างอยากแรงอ่ะ
อยากรู้ว่าริว จะง้อพี่ไฝ่อย่างไรอ่ะ
-
:monkeysad:
-
อัพด่วนๆๆๆๆๆๆๆๆๆค้างอ่ะ :monkeysad: :monkeysad:
:sad4: :sad4:
-
มาต่อเถอะค่ะ >< ขอร้องงง
-
ริว พี่ไผ่งอนแบบนี้สงสัยต้องง้อแบบ
ตบจูบ ตบจูบ ><
-
ยังไม่มาอีกหรอคะ
นานแล้วนะคะ มันค้างงง จนจะอืดอยู่แล้วง่ะ(อิชั้นนี่แหละจะอืด)
รอพี่ไผ่หายโกรธหนูริวอยู่นะคะ ถ้าพี่ไผ่ไม่หายโกรธ
ก็ต้องใช้ไม้ตายเด็ด จับพี่ไผ่กดเล๊ยย!! :jul3:
-
รอๆๆๆครับ ดันๆๆ
-
เค้าไม่ชอบกินมาม่า เค้าชอบกินหวานกินอ่ะ
มานอนรอนานแล้วน้าน :t3: อัพด่วนจ้า :call:
-
ตอนที่ 42
“ริวขอโทษครับ พี่อย่าไปเลยนะ ริวจะไม่กวนพี่แล้ว พี่ไผ่ๆ” ริววิ่งตามมาติดๆ ไม่สนใจจะปิดห้องด้วยซ้ำ พสุกดลิฟต์ลงไปชั้นล่าง ริวก็ตามเข้าไปในลิฟต์ด้วย
“พี่อย่าไปนอนที่อื่นเลยนะ”
ริวพยายามอ้อนวอน แต่พสุเมินมองไปทางอื่น ไม่มองหน้าเด็กหนุ่ม พอประตูลิฟต์เปิดพสุก็ตรงดิ่งไปที่เคาน์เตอร์ แต่กลับเจอกรเวชเดินสวนมาเสียก่อน
“อ้าวไผ่! นั่นจะไปไหน...” กรเวชทักแล้วชะงักเมื่อมองเลยพสุไปเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของริวที่เดินแกมวิ่งตามมาติดๆ
“ผมขอไปนอนบ้านพักส่วนตัวแล้วกันนะครับ ตอนเช้าจะรีบมาทำงานแต่เช้า ไม่ต้องให้ใครไปตามหรอก”
“พี่ไผ่...พี่อย่าไปเลยนะ ริวขอร้อง ริวสัญญาว่าริวจะไม่กวนพี่ ริวจะอยู่เงียบๆ แต่พี่อย่าไปเลยนะ” ริวอ้อนวอนแล้วคว้ากระเป๋าอีกด้านไว้แน่น
“ไผ่...พี่ว่าอย่าไปพักคนเดียวเลยนะ” กรเวชอดห้ามไม่ได้ ถึงจะอยากให้พสุกับริวแยกห่างกัน แต่ถ้าต้องแยกเพราะทะเลาะกันแบบนี้เขาก็ไม่สบายใจ
“ที่ผมต้องไปก็เพราะผมรำคาญนี่แหละ” พสุตอบแล้วนิ่วหน้าเมื่อพยายามดึงกระเป๋าจากมือริวแต่ดึงไม่ออก
“อย่าไปเลยนะพี่ อยู่กับริวเถอะ” ริวร้องไห้สะอึกสะอื้น มือข้างหนึ่งยังยื้อกระเป๋าไว้ไม่ยอมปล่อย พสุเหลียวไปมองรอบๆ อย่างหงุดหงิด ยังดีที่ตอนนี้แขกที่มาพักเข้าห้องพักไปกันหมดแล้ว เขาจึงไม่เป็นจุดสนใจนัก
“ปล่อย!” พสุกระชากกระเป๋าเต็มแรงด้วยความโมโหแกมอายที่ริวมายื้อกระเป๋าเขาไว้เหมือนเด็กๆ ริวเซถลาเพราะไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะล้มลงไปทับกระเป๋าของพสุจนกระเป๋าหลุดมือ
“บ้าจริง! ทำอะไร...” พสุตะคอกด้วยความโมโห แต่เมื่อก้มลงไปเห็นเลือดที่แขนริวชายหนุ่มก็อึ้งไปด้วยความตกใจ
“คุณพสุคะ...กุญแจค่ะ...ตายจริง!เลือดออกนี่คะ เชิญมาทำแผลด้านนี้เลยค่ะ” พนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์ เอากุญแจบ้านพักมาให้พสุเพราะรออยู่สักพักแล้วไม่เห็นพสุไปเอาสักที แต่พอมาเห็นริวได้รับบาดเจ็บก็รีบเข้าไปดูด้วยความตกใจ
พสุเองก็ตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าริวมีคนดูแลก็ทำใจแข็งเดินแยกไป แต่แขนกลับถูกรั้งไว้แน่น
“ริวไปด้วย” ริวใช้มืออีกข้างยึดแขนพสุไว้ แต่ข้างที่มีแผลนั้นตกห้อยอยู่ข้างตัว เลือดจากแผลหยดลงไปที่พื้นหินอ่อนตลอดเวลา
“ไปทำแผลเถอะ” พสุเผลอเสียงอ่อนลงเล็กน้อย เพราะความเป็นห่วง
“ไม่...ถ้าพี่ไป ริวไปด้วย”
พสุพูดไม่ออกเมื่อเห็นสีหน้าแววตาของเด็กหนุ่ม ทั้งๆ ที่เลือดยังไหลไม่หยุด แต่ดูเหมือนริว จะไม่สนใจเอาเสียเลย
“มาทำแผล!...” พสุทำเสียงดุเข้าใส่ แล้ววางกระเป๋าลง ลากแขนเด็กหนุ่มไปนั่งที่โซฟารับแขก พนักงานตอนรับสาวยกกระเป๋ายาตามมาติดๆ แต่พอเอื้อมมือไปจะจับแขนของริว เด็กหนุ่มก็ถอยหนี
“ส่งมาให้ผมก็ได้ครับ”
“ค่ะ”
กระเป๋ายาถูกยกมาวางไว้ให้บนโต๊ะก่อนที่พนักงานสาวจะถอยกลับไปประจำเคาน์เตอร์ กรเวชตามมานั่งดูพสุทำแผลให้ริวอย่างเป็นห่วง
“โหยริว แผลยาวขนาดนี้ต้องเย็บหรือเปล่าเนี่ย?” กรเวชท้วงด้วยสีหน้ากังวล
“คงไม่ต้องเย็บหรอกพี่...แผลไม่ลึก” พสุตอบหลังจากที่ล้างเลือดออกจนมองเห็นแผลชัดเจน รอยบาดครูดเป็นแนวยาวตลอดท้องแขนนั้นแม้จะไม่ลึกจนต้องเย็บ แต่ก็ดูน่าเป็นห่วง ชายหนุ่มรีบใส่ยาแล้วพันผ้ากอซให้อย่างเบามือ ตลอดเวลาริวนั่งนิ่งไม่ไหวติง ไม่มองแผลตัวเองด้วยซ้ำ เอาแต่จ้องหน้าพสุนิ่ง แต่พอพสุขยับจะลุกขึ้น เด็กหนุ่มก็ผวาลุกขึ้นตาม
“พี่จะไปไหน?” ริวถามพลางยึดแขนเสื้อพสุไว้แน่น
“จะเอากระเป๋ายาไปคืนนะสิ” พสุตอบเสียงเรียบ แล้วดึงแขนออกจากการเกาะกุม
“ริวไปด้วย”
“ริว! พี่ไปแค่ตรงเคาน์เตอร์นี่เองนะ” พสุหันมาเอ็ดเสียงเบา เพราะเกรงว่าพนักงานที่เคาน์เตอร์จะได้ยิน
“ริวไปด้วย”
พสุถอนหายใจเฮือก แต่ก็ยอมให้ริวเดินยึดชายเสื้อเขาตามต้อยๆ ไปที่เคาน์เตอร์
“เอากระเป๋ายามาคืนครับ” พสุพูดกับพนักงานแล้วยื่นกระเป๋ายาคืนให้
“ขอบคุณครับ” ริวยกมื้อไหว้สาวๆที่เคาน์เตอร์ จนพวกเธอรีบรับไหว้แทบไม่ทัน พอพสุกับริวหันหลังกลับก็ได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ ตามด้วยประโยคชินหู
“น่ารักจังเลย”
หากเป็นคนอื่นคงไม่แคล้วหมั่นไส้ว่าริวสร้างภาพ แต่พสุรู้ดีว่านี่เป็นธรรมชาติของริว เด็กหนุ่มตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตัวเองจนบางครั้งก็ทำอะไรไปโดยไม่คิดว่าเป็นนักร้องดัง ควรต้องมีมาดบ้าง
“ไผ่...ตกลงว่าคืนนี้จะไปพักที่รีสอร์ทเหรอ?” กรเวชถามเสียงเรียบ ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์เคร่งเครียด แต่ก็อดขันแม่เป็ดลูกเป็ดที่เดินตามกันต้อยๆ ไม่ได้
“ครับ”
“ริวไปด้วยนะพี่”
พสุถอนใจเฮือก แต่ไม่ได้ปฏิเสธเมื่อเด็กหนุ่มเดินตามไป กรเวชมองตามก่อนจะขึ้นไปบนห้องพักของพสุและริวเพื่อหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของริวที่ยังไม่ได้รื้อข้าวของออกมาตามเอาไปให้ที่บ้านพัก เมื่อไปถึงก็ได้เห็นภาพชินตา คือพสุเดินไปทางไหนก็จะมีเด็กโข่งเดินตามหลังต้อยๆ ตลอดเวลา
พอได้กระเป๋าเสื้อผ้ามา พสุก็ไล่ให้ริวไปอาบน้ำ เด็กหนุ่มเปิดกระเป๋าแล้วชะงัก ทุกอย่างในกระเป๋าถูกจัดวางเป็นระเบียบ พสุจัดข้าวของมาให้ครบถ้วนเหมือนตอนที่ไปทัวร์คอนเสิร์ตอัลบั้มแรกด้วยกัน ริวเงยหน้าขึ้นมองไปที่เตียงตรงข้าม เห็นพสุกำลังอ่านหนังสือก็เลยไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ลุกเข้าไปอาบน้ำเงียบๆ โดยไม่รู้ว่าพสุวางหนังสือทันทีที่เด็กหนุ่มเข้าห้องน้ำไป
พสุขยี้หัวคิ้วแรงๆ อย่างหงุดหงิด วันนี้เขาเป็นอะไรไป...เรื่องเล็กๆ แค่ริวหนีเที่ยวแล้วไม่บอก กับเรื่องปิดโทรศัพท์ไม่ให้เขาโทรตามก็เก็บเอามาเป็นอารมณ์จนเสียงาน ทั้งที่ปกติเขาไม่เคยจะใส่ใจด้วยซ้ำว่าคนรอบๆ ตัวเขาจะไปไหน ทำอะไร ขนาดกับแก้วกุดัน เธอไม่ติดต่อ ไม่โทรหาเขาเป็นเดือนๆ พสุก็ไม่เคยโทรตาม และไม่เคยเก็บมาเป็นกังวล...
คงเพราะเขารู้สึกเหมือนริวเป็นคนในครอบครัว...ทำให้เผลอคิดไปว่าเขามีสิทธิ์จะรับรู้ทุกๆอย่างของริว แล้วพาลโกรธที่ริวมีความลับกับเขา
‘เฮ้อ! พาลชัดๆ เป็นเอามากนะเรา’ พสุสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป แล้วลุกไปปิดไฟกลางห้อง เหลือแต่โคมไฟไว้ให้ริว แล้วกลับมานอนมองเพดานนิ่งๆ ครู่เดียวริวก็ออกมาจากห้องน้ำ แต่แทนที่จะกลับไปเตียงตัวเอง เด็กหนุ่มกลับมาทรุดตัวลงที่ปลายเตียงของพสุ แล้วนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง..
“เมื่อวานริวปิดเสียงโทรศัพท์ไว้เพราะลูกพี่ดลเขาไม่ค่อยสบาย...แล้วก็ลืมว่าตั้งปิดเสียงไว้เลยไม่ได้รับโทรศัพท์พี่ มาดูอีกทีถึงรู้ว่าแบตหมด ตอนโทรกลับพี่ก็ปิดเครื่องไปแล้ว ริวนอนไม่หลับเลยจนพี่ดลพากลับกรุงเทพ”
ริวขยับจากปลายเตียงมานั่งคุกเข่าข้างเตียง พสุมองตามแล้วจึงสบตาเด็กหนุ่มนิ่ง ริวส่งสายตาวิงวอนมาหาพสุ โดยที่ไม่กล้าเตะต้องตัวชายหนุ่มเหมือนเคย
“...ริวขอโทษนะครับที่ไปไหนไม่บอก...พี่ยกโทษให้ริวได้ไหม...ริวสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก” ริวสัญญาเสียงหนักแน่น แต่หยาดน้ำคลอเต็มตาโตร่วงเป็นสาย พสุถอนใจเฮือกเอื้อมมือไปปัดน้ำตาออกจากแก้มของริวแล้วจับหัวทุยโยกเบาๆ
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว ไปนอนซะ พรุ่งนี้เราต้องทำงานแต่เช้านะ เดี๋ยวถ้าตาบวมละโดนช่างแต่งหน้าบ่นอานแน่ๆ คอนเซปต์พรุ่งนี้เป็นเพลงรักอบอุ่นนะ ไม่ใช่เพลงเศร้าเคล้าน้ำตา”
“พี่ไผ่ยกโทษให้ริวแล้วใช่ไหมครับ” ริวถามละล่ำละลักด้วยความดีใจ
“ยัง...ขอคิดดูก่อนว่าจะยกโทษให้เมื่อไหร่ ตอนนี้ไปนอนซะ ไม่งั้นพี่จะโกรธ” พสุทำเสียงขู่แต่มุมปากมีรอยยิ้มน้อยๆ
“ครับๆ ไปนอนแล้วครับ” ริวรีบลนลานกลับไปเตียงตัวเอง แต่สีหน้าของเด็กหนุ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ปิดไฟด้วย พี่แสบตา”
“ครับ” ริวรับคำแล้วห้องก็ตกอยู่ในความมืด
“พี่ไผ่...ขอบคุณครับ” เสียงริวดังกว่ากระซิบหน่อยเดียว แต่พสุก็ได้ยินชัด ชายหนุ่มเผลอยิ้มในความมืด
‘แค่ลดทิฐิแล้วยอมอภัย ก็ทำให้มีความสุขได้ขนาดนี้เชียวเหรอ’ พสุคิดง่วงๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
...................................................................
:a12:
-
นอนรอจนได้อ่น :jul3: :jul3:
แต่สั้นไปนิ๊ดอ่ะ
-
สั้นไปนิดนะครับ
-
:impress3: อืมม์...ค่อยยังชั่ว
เมื่อไรพี่เขาจะรู้ตัวเนี่ยว่า...... เหอ เหอ :o8:
:a1: :a12: ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ด้วย :bye2:
-
มาให้กำลังใจน้องริว เหมือนเด็กน้อยกลัวโดนทิ้งมากๆ อะ
พี่ไผ่อารมณ์เหวี่ยงแรงน่ากลัวจริงๆ รู้ตัวซะทีเถอะค่ะว่ารู้สึกยังไงกับน้องริว สงสารน้อง :m15:
-
สั้นไป :z10: :z10:
-
สั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนแต่ก้ดีจัยที่ไม่โกรธแล้วววววว
-
สั้นไปมั๊ย
-
กรี๊ดดดดด น่าร๊ากกกกกก
คุ้มที่รอจริงๆค่ะ
ชอบประโยคนี้อ่ะ แค่ลดทิฐิแล้วยอมอภัย ก็ทำให้มีความสุขได้ขนาดนี้เชียวเหรอ
พี่ไผ่ขา~ รู้ตัวได้แล้วล่ะค่ะ ว่าหลงรักนุ้งริวไปเต็มๆแล้ว
อุว๊ะ ฮ่ะ ฮ่า ฮ่าๆๆๆ กร๊ากกกกก ถูกใจจริงๆ
ริวน่ารักมากกกกกก พี่ไผ่ก็นะ น้อยใจริวหรอตะเอง
เห็นริวเลือดไหลแล้วอยากไปเลียดูดกินเลือดริว เลือดคนน่ารักคงจะอร่อยสุดๆ นึกแล้วน้ำลายไหล<<โรคจิตว่ะตู =..=
-
น่ารักมาก
‘แค่ลดทิฐิแล้วยอมอภัย ก็ทำให้มีความสุขได้ขนาดนี้เชียวเหรอ’ ชอบมาก
-
ริวเป็นรุกหรอเนี่ย
:m26:
พี่ไผ่เหวี่ี่ยงได้ใจมากอ้ะ 5555555
-
อ๋า สั้นจังเลย
แต่ดีใจจังที่คืนดีกันแล้ว
รอตอนต่อไปอยู่หน่า
:mc4:
-
สั้นไปนิด แต่พี่ไผ่กับน้องริวเคลียร์กันได้ เค้าก้อโอเค
เฮ้อ รู้สึกโล่งไปกับทั้งคู่จริงๆๆ ไม่เอาดราม่าแบบนีั้น่ะค่ะ เค้าสงสารน้องริวอ่ะ
-
พี่ไผ่ทำแบบนี้ก็สงสารริวเหมือนกันนะ แบบว่าพี่ไผ่ไม่ถามเหตุผลอะ
:pig4: writer คะ
-
หวาน...อย่างแรง
แต่แม่เป็ดกับลูกเป็ดเนี่ย
จะเลิฟๆๆกานเมื่อไหร่ง่ะ
-
:mc4: ดีใจจัง ดีใจจัง ดีใจจัง (พร้อมเต้นสามรอบ 555)
ไผ่ยอมฟังซะที
แต่ไผ่จ๋า รู้ไหมจ้ะ อาการแบบนี้ มันเริ่มออกอาการงอนนิดๆแล้ว
ขำตัวเอง อ่านตอนต้น คิดว่าริวเป็นนายเอก
จนโหวตให้ริวด้วย แต่ที่ไหนได้นายเอก คือ ไผ่
รออ่านตอนต่อไปน่ะค่ะ
-
โล่งอกไปที อ่านไปกลั้นหายใจไป อยากจะกรี๊ดดังๆๆ พี่ไผ่งอนโว้ยยยยยยยย
ก็คนธรรมดานิเนอะ น้องหูตกหางตกเป็นหมาหง่อยเลย :freeze:
-
ดีใจจังที่พี่ไฝ่หายโกรธ น้องริวแล้ว :กอด1:
-
ดีจังที่คืนดีกันแล้ว น่ารักอ่ะ แม่เป็ดกับลูกเป็ด คึคึ
แต่มองอีกมุมพี่ไผ่น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย
ริวทำตัวดีๆ นะ อย่าทำให้พี่ไผ่โกรธอีก
:กอด1:
-
เหอะๆ เปรียบซะน่ารักเชียวแม่เป็ดกะลูกเป็ด
เห็นภาพเลย :กอด1:
-
ถูกค่ะ ทิฐิไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก
-
สงสัยพี่ไผ่แอบหึงอ่ะดิ
-
o18 ดีใจอย่างน้อย ก็เข้าใจเบื้องต้นแล้ว พี่ไผ่ยอมซับน้ำตาให้ริวด้วย น่ารักมากมาย
ส่วนตัวคิดว่า คู่นี้เค้าผลัดกันรุก กะผลัดกันรับนะ เพราะดูๆแล้ว ต่างคนต่างเป็นอีกขั้วใหักันและกัน ยามเสียศูนย์
-
‘แค่ลดทิฐิแล้วยอมอภัย ก็ทำให้มีความสุขได้ขนาดนี้เชียวเหรอ’ พสุคิดง่วงๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
ใช่แล้วจ้ะไผ่ ทิฐิมีแต่จะทำให้เจ็บปวด
ดีใจจังไผ่เลิกโกรธและเลิกทิฐิกับน้องริวแล้ว
แต่....ไผ่ยังมีทิฐิกับคนสำคัญอีกคนนะ ปล่อยวางแล้วไผ่จะมีความสุข คุณแม่ก็จะสุขด้วย
-
:monkeysad: ลุ้นซะ ดีกันซะที
-
ในทีสุดก๊ดีกันเฮ้อ :เฮ้อ:
-
พี่ไผ่ทำน้องเสียใจอ่า
ไม่ยอมๆ เรื่องแค่นี้ต้องงอนด้วย เข้าวัยทองเปล่าเนี่ยะ
-
โหยพี่ไผ่
-
ดีกันแล้ววววว!!
น้องริวน่ารัก
ดีจังที่พี่ไผ่ไม่ดื้อมาก 555
เมื่อไรจะ ....... :haun4:<
><
-
เฮ้อ น่าสงสาร น้องริวบอกความรู้สึกไปเลย o13
เอางั้นละ ดีสุด คิคิ อยากให้เปนแฟนกานเร็วๆๆ :กอด1:
พี่ไผ่คงขี้หึง สุดๆๆ :L2:
-
ถึงคราวนี้จะมาสั้นไปหน่อยแต่ให้อภัย
น้องริว TT เจ็บไหม น่าสงสารอ่ะ
-
เกือบจะดีกันแล้วเนอะ
-
อ่านจบตอนแล้วสรุปว่า...พี่ไผ่รับแหงๆ งอนซะขนาดนี้
ริวก็นะ ง้อซะหัวซุกหัวซุน
-
เข้าใจกันแล้วๆ เย้เย เอาอีกๆๆ ไรเตอร์ รีดเดอร์เป็นคนโลภอ่ะ
ตอนหน้าขอน่ารัก หวานๆๆๆ เลยนะจ๊ะ
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
ดีกันแล้วไผ่ไม่เอานะไม่งอลน้อง
น้องน่าสงสาร
หายโกรธไวๆๆๆนะ
-
อ้ายยยยย "ลดทิฐิแล้วยอมอภัย "
ดีกันแล้ววววววว
-
ยังไม่หายคิดถึงไผ่ริวเลยค่ะ :z3: :z3: :z3: :z3:
:L2: :L2: :L2:
-
ดีใจจังเล้ย
พี่ไผ่กับน้องริวดีกันแล้ว
แค่ลดทิฐิแล้วให้อภัยกัน
ง่าย ๆ แค่นี้ก็มีความสุขแล้วหล่ะ
ว่าแต่น้องริวทีหลังอย่ามีความลับกับพี่ไผ่อีกนะ
พี่เค้าเป็นห่วง แล้วเค้าก็ขี้งอนม๊ากมาก
ไม่งั้นน้องริวต้องง้อจนเหนื่อยแล้วเจ็บจนได้เลือดแบบนี้อีกนะ
-
เห้ออออ ดีกันนะ สงสารริว
-
555แม่เป็ดกับลูกเป็ด
-
แม่เป็ดกับลูกเป็น :o8: น่าร้ากกก
"แค่ลดทิฐิแล้วยอมอภัย ก็ทำให้มีความสุขได้ขนาดนี้เชียวเหรอ" นำไปใช้ได้กับชีิวิตจริงๆ
แต่.......สั้นอะ
-
สั้นไปหน่อยแต่ริวก็ยังน่ารัก
แม่เป็ดกะลูกเป็ดเหรอคะ เห็นภาพเลยอ่ะ
พรุ่งนี้เป็นตีมเพลงรักอบอุ่น หวังว่าคงจะมีอะไรหวานบ้างน้าาา
พี่ไผ่ก็อย่าใจร้ายกะริวนักเลย รักๆกันไว้ :กอด1:
-
ไผ่จ๋าาาาาาาาาาา
-
เผลอร้องไห้ไปนิดนึงเลย สงสารนู๋ริวอ่าาาาา :monkeysad:
พี่ไผ่ อย่าใจร้ายนักเลย ยกโทษให้น้องนะ
น้องให้ทั้งใจขนาดนี้แล้ว
-
เย้ๆๆ ดีใจด้วย คืนดีกันแล้ว
-
มุขลูกเป็ด น่ารักกกกกกกมากเลยค่ะ :m1:
ดีใจที่พี่ไผ่ยอมใจอ่อนให้น้องริวแล้ว
ถึงจะยังดูมึนๆตึงๆก็ยังดีกว่าไม่สนใจเลยซะทีเดียว
ว่าแต่...ตกดึกไม่ใช่ว่าริวขึ้นไปนอนเบียดเตียงเดียวกับพี่ไผ่นะ
:m20:
-
เข้ามารอตอนที่ 43 คืนนี้โชคดีอาจจะได้อ่าน หวังเช่นนั้น อิอิ
คิดถึงน้องริวแล้วอยากอ่านๆๆ
-
พี่ไผ่ว่าหึงและงอนริวขนาดหนักแต่คงยังไม่รู้ตัวละสิน้า
แต่ดีใจที่คืนดีกันได้แต่กว่าจะดีได้ริวเสียน้ำตาไปหลายปีป
-
ริวสู้ๆ
-
อิอิ แอบแวะมาดุอีกรอบก่อนนอน
-
:เฮ้อ:
-
เพิ่งเข้ามาจ้า มานั่งอ่านรวดเดียวเลยเนี่ยะ
ฮ่าๆ ชอบมากๆเลย หนูริวทำไมน่ารักงี้
ตอนอ่านตอนทะเลาะกันใจหายหมด
พี่ไผ่ใจแข็งเกินไปแล้ว สงสารริวง่ะ T[]T
แต่ในที่สุดก็ดีกันซะที เห้อออ อ่านไปอ่านมา
ขี้น้อยใจจังน้าคุณพี่ไผ่ ก็นะ ก็หนูริวน่ารักขนาดนั้นนี่เนอะ
รอตอนต่อไปอยู่น้า สู้ๆจ้า
:L2: :L2:
-
โกรธเรื่องอารายอะ
-
ตอนที่ 42.5
การทำงานวันนี้สมกับคอนเซปต์รักอบอุ่น เพราะสีหน้าแววตาของพสุดูอ่อนโยนอบอุ่น จนสาวแท้สาวเทียมในกองถ่ายแอบจิกกันเอง แม้แต่พนักงานของทางโรงแรมที่แอบแวะเวียนมาดูการถ่ายทำ ก็กรี๊ดกร๊าดกันไม่หยุด ขนาดผู้กำกับยังยิ้มร่าด้วยความชอบใจ เพราะได้ภาพออกมาสวยยิ่งกว่าที่คิดไว้
หลังจากเสร็จงาน ก็เป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้พสุ ระหว่างที่กำลังดื่มกินอย่างสนุก จู่ๆ ไฟก็ดับพรึบ ทีมงานทุกคนร่วมกันร้องเพลงอวยพรวันเกิด แล้วไวยากรณ์ก็เป็นคนถือเค้กจุดเทียนเรียบร้อยแล้วเดินตรงมาหาพสุ ธีรดลกับตะวันที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันลุกขึ้นยกจานอาหารบนโต๊ะออก เพื่อให้ไวยากรณ์วางเค้กวันเกิดก้อนใหญ่ลงบนโต๊ะ พอดีกับที่ริวซึ่งหายไปก่อนหน้านี้ วิ่งกลับมารวมกลุ่ม พอร้องเพลงจบ พสุก็เป่าเทียน แล้วรอบตัวก็ตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงสลัวๆจากดาวบนฟ้า ไม่มีใครไปเปิดไฟอย่างที่พสุคาดไว้แต่แรก
“พี่ไผ่ ดูนะ...สุขสันต์วันเกิดครับ!” ริวตะโกนบอกแล้ววิ่งวนไปรอบๆ ลานที่จัดงาน เพื่อไล่เปิดขวดที่คลุมผ้าไว้ แสงไฟดวงเล็กๆ สว่างเรืองแล้วลอยขึ้นไปในอากาศ
“โห...หิ่งห้อยนี่!” เสียงทีมงานอุทานกันเกรียวกราว ไวยากรณ์กับธีรดล วิ่งไปช่วยริวปล่อยหิ่งห้อยอีกแรง แสงไฟเล็กๆ กระพริบพราวไปทั่วบริเวณเป็นภาพที่ทำให้พสุอึ้งไปชั่วขณะ...นี่สินะ เหตุผลที่ริวไปกับธีรดลโดยไม่ยอมบอกเขา ก็เพื่อสิ่งนี้สินะ!
เด็กหนุ่มวิ่งย้อนกลับมาหาพสุ เพื่อส่งยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันขาวแม้ในแสงสลัว พสุดึงไหล่ริวเข้ามา แล้วกอดคอเอาไว้ ขณะแหงนขึ้นมองหิ่งห้อยด้วยกัน
ไม่นานหิ่งห้อยเหล่านั้นก็บินไปหมด ไฟจึงถูกเปิดสว่างอีกครั้งเพื่อให้ทุกคนได้สนุกกันต่อ แต่วันพรุ่งนี้คิสมีต้องไปอัดรายการตอน11โมง บรรดาศิลปินจึงต้องขอกลับไปพักผ่อนกันก่อน
“ขอบใจนะริว” ทันทีที่เข้าไปในบ้านพัก พสุก็หันมากอดริวไว้แน่น ในอกยังตื้นตันไม่หาย
แม้ที่ผ่านมาริวจะแสดงให้เห็นเสมอว่าทุกสิ่งที่เขาพูดเด็กหนุ่มจะเอาใจใส่ แต่ไม่คิดว่าเรื่องเล็กๆน้อยที่เขาเล่าให้ฟัง ริวก็ใส่ใจจดจำแล้วเก็บมาเป็นของขวัญสุดพิเศษให้เขาในวันนี้ คนอื่นอาจจะมองว่าเขาตามใจริว แต่พสุกลับรู้สึกว่า ริวต่างหากที่คอยเอาใจและใส่ใจในทุกๆ อย่างที่เป็นเรื่องของเขา ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ริวก็ไม่เคยลืม
“ริวดีใจที่พี่ชอบครับ”เด็กหนุ่มค้อมตัวลงซุกหน้ากับไหล่ของพสุ
“พี่ชอบมาก...แต่ห้ามทำแบบนี้อีกนะริว รู้ไหมว่าพี่ไม่มีสมาธิทำงานเลยที่ติดต่อริวไม่ได้ ห่วงไปสารพัดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับริวหรือเปล่า ตามหาริวไปทั่วแล้วมารู้ว่าริวไปเที่ยวแถมปิดมือถือใส่เนี่ย มันน่าโมโหมั๊ย พี่ไม่คิดจะบังคับริวไม่ให้ไปไหนหรอกนะ ขอแค่บอกให้รู้บ้าง จะได้ไม่ต้องห่วงแบบนั้นอีก”
“ริวก็เข็ดแล้วครับ...ถูกพี่โกรธเนี่ย น่ากลัวที่สุด” ริวตอบแล้วกระชับอ้อมแขนแน่นกว่าเดิม นึกถึงตอนที่ถูกพสุเย็นชาใส่แล้วยังกลัวไม่หาย ตอนนั้นเด็กหนุ่มเกือบสารภาพความจริงกับพสุไปหมดแล้ว ดีว่าพสุยอมยกโทษให้ก่อน ไม่งั้นเซอร์ไพรส์วันนี้คงล้มไม่เป็นท่า
“ดี...จะได้จำ พี่ตามใจริวมากไปเหมือนที่พี่กรบ่นจริงๆนะเนี่ย” ประโยคหลังพสุลดเสียงลงเหมือนบ่นกับตัวเอง
“ฮื้อ...ริวก็ไม่ได้ดื้อกับพี่สักหน่อย”
“พี่รู้ว่าริวไม่ดื้อกับพี่ แต่ก็หัดไม่ดื้อกับคนอื่นด้วยสิ จะได้มีแต่คนเอ็นดู”
“ริวไม่ได้ดื้อนะครับ แค่ริวไม่อยากฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่ชอบเท่านั้นเอง”
“เหลี่ยมเยอะจริงนะเดี๋ยวนี้” พสุบ่นแล้วขยี้หัวที่ซุกอยู่บนไหล่เล่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลูบเบาๆ
“ริว...ขอบคุณอีกครั้งสำหรับของขวัญวันเกิด เป็นของขวัญที่พิเศษจริงๆ...แต่พี่จะบอกอะไรให้นะ ความจริงพี่ได้รับของขวัญที่พิเศษยิ่งกว่านั้นมาก่อนแล้วล่ะ”
“อะไรเหรอครับ” ริวถามเสียงแผ่ว ใจที่ฟูฟ่องฟุบแฟ่บลงทันทีที่ได้ยิน ของขวัญพิเศษที่พสุบอกอาจจะเป็นของขวัญที่แก้วกุดันส่งมาให้ก็ได้...
“ริวไง”
“ครับ?” ริวดันตัวเองออกมาเล็กน้อยเพื่อมองหน้าพสุให้ถนัด เพราะชักไม่แน่ใจว่าหูฝาดหรือไม่
“ของขวัญที่พิเศษที่สุดในชีวิตพี่ ก็คือริวยังไงล่ะ...พี่ไม่เคยคิดเลยนะ ว่าชีวิตนี้จะได้มีน้องที่น่ารักที่สุดอย่างริว”พสุตอบเสียงอ่อนโยนแล้วดึงริวเข้าไปกอดไว้แน่นๆ อีกครั้ง ริวก็ซบหน้าลงกับไหล่พสุด้วยความดีใจ ในอกพองฟูจนคับแน่นด้วยความปรีติ
“ระ...ริวน่ะเหรอครับ”
“ใช่ครับ...ริวนั่นแหละ นอกจากแม่ พี่ถือว่าริวเป็นคนสำคัญที่สุดของพี่เลยนะ”
“พี่ไผ่ก็เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตริวครับ...ริวรักพี่ที่สุดในโลก” ริวตอบแล้วกอดพสุแน่นกว่าเดิม พสุหัวเราะแล้วดันตัวเด็กหนุ่มออก
“ไปอาบน้ำเถอะ จะได้พักผ่อนซะที...วันนี้เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”
“ครับ”
พออาบน้ำเสร็จพสุก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน แม้กายจะล้า แต่หัวใจยังชุ่มชื่น อิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก นี่เป็นวันเกิดที่จะประทับเขาไปอีกนานแสนนาน
“พี่ไผ่” เสียงริวเรียกเบาๆมาจากอีกเตียงทำให้พสุต้องผงกหัวขึ้นมอง เขานึกว่าริวหลับไปแล้วเสียอีก
“หืม”
“ง่วงแล้วเหรอครับ”
“อืม”
“เหรอ...” ริวขานรับเสียงอ่อยๆ แล้วนอนเงียบไปอีก
“นอนไม่หลับเหรอ”
“ครับ”
“เป็นอะไร” พสุอดถามไม่ได้ ทั้งที่ตอนแรกเขาเองนั้นตาแทบปิดแล้ว
“...ริว...ไปนอนเตียงเดียวกับพี่ได้ไหม” ริวถามด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ จนพสุต้องถอนใจยาวด้วยความขันปนอ่อนใจ
“ริว...โตแล้วนะ แล้วเตียงแคบแค่นี้ จะนอนสองคนได้ยังไง”
“...ขอโทษครับ...” เสียงหงอยๆ แบบนี้ ให้ยังไงพสุก็ใจแข็งไม่ลงอีกตามเคย
“...เฮ้อ! จะนอนก็มา” พสุบอกกลั้วหัวเราะ แล้วขยับไปชิดอีกฟากของเตียง
“ครับ” พอพสุอนุญาต ริวก็วิ่งปรู๊ดมาสอดตัวเข้าในผ้าห่มเดียวกับพสุ
“ทำไมไม่เอาผ้าห่มมาด้วยละริว”
“ห่มผืนเดียวกันก็ได้ มันจะได้ไม่เกะกะเตียงไงครับ...อีกอย่าง ริวก็ไม่ค่อยชอบห่มผ้าอยู่แล้ว”
“โอเค...ตามใจ”
พสุลืมตาตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกเมื่อยไปหมดทั้งตัว เตียงขนาด 5x6 ฟุตอาจจะกว้างแต่เมื่อมีผู้ชายตัวสูงใหญ่สองคนมานอนก็ต้องเบียดกันเป็นธรรมดา แถมริวยังกอดเขาไว้ทั้งคืนทำให้ขยับตัวแทบไม่ได้ ชายหนุ่มยื่นมือออกไปนอกผ้าห่มแล้วก็ถอนใจเฮือก ริวปรับแอร์ไว้เย็นเฉียบอีกตามเคย พสุเหลียวมองผมสีน้ำตาลทองที่วางอยู่บนไหล่ ก่อนจะขยับศีรษะของเด็กหนุ่มออก
“อูยยย” ชายหนุ่มครางเบาๆ ไหล่เจ็บแปลบเพราะโดนหนุนจนชาแล้วชาอีกมาตลอดทั้งคืน พสุลุกขึ้นยืดกล้ามเนื้อทีละส่วน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่ารับกับงานหนักในวันนี้ หลังจากออกกำลังกายอยู่นานกว่าเหงื่อจะออกเพราะอุณหภูมิห้องที่เย็นจัด พสุก็คว้าผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ทันทีที่ออกจากห้องน้ำชายหนุ่มก็รีบคว้ารีโมทมาเพิ่มอุณหภูมิแทบไม่ทัน
ยังแต่งตัวไม่ทันเสร็จริวที่นอนกระสับกระส่ายมาครู่หนึ่งก็ตื่นขึ้นมานั่งหัวยุ่ง เหงื่อท่วมตัว
“พี่ตื่นนานยังครับ”
“พี่อาบน้ำแล้วด้วยซ้ำ ริวไปอาบน้ำได้แล้วไป”
“ครับ” ริวรับปากแต่กลับล้มตัวลงนอนต่อ พสุเหลียวไปมองแล้วถอนใจเฮือกก่อนจะไปดึงแขนเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้น
“ไปอาบน้ำ...อย่าลืมว่าต้องกลับไปทำงาน 11 โมงนะ เร็วลุกขึ้น”
“ครับ” ริวรับคำแล้วเดินหัวซุนเข้าห้องน้ำด้วยอาการยังไม่ลืมตาเต็มที่ด้วยซ้ำ แต่พอออกจากห้องน้ำมา ริวก็พบว่าพสุวางเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ให้บนเตียง เพราะข้าวของๆ ริวทั้งหมดถูกเก็บใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณครับ” ริวแต่งตัวเสร็จก็เข้าไปกอดเอว ซุกหน้ากับหลังพสุ เพื่อขอบคุณที่พสุดูแลเขาทุกอย่าง ทั้งๆ ที่เขาสร้างปัญหาปวดหัวให้สารพัด พสุเอี้ยวหน้ามามองก่อนจะเอื้อมมือข้ามไหล่มาขยี้ผมริวเบาๆ
“ไม่ใช่เวลามาซึ้งมั๊ย ลากกระเป๋าไปเลยทั้งสองใบแหละ พี่จะเดินสบายๆ เข้าใจมะ” พสุสั่งแล้วสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนออกจากห้อง
“ได้เลยครับผม” ริวรับคำแล้ววิ่งไปลากกระเป๋า 2 ใบตามหลังพสุออกไปรวมกับคนอื่นๆที่โรงแรมเพื่อเตรียมกลับกรุงเทพฯ
............................................................
*********************************
กว่าจะโพสต์ได้ ยากมากกกกกกกกกกกกกกกกก :เฮ้อ:
-
จิ้มๆ
อ่า......................เป็นของขวัญที่สุดยอดมาก ประทับใจสุดๆเลย
น้องริวรักพี่ไผ่โคดดดดดดดด ซึ้งมากเลย แต่แบบหวานวันลพนิดจิตใจคนอ่านก็ชื่นจายยย
แค่ "น้อง" เรอะ!!! นี่มันดับไฟในใจแม่ยกกันชัดๆ
-
“ของขวัญที่พิเศษที่สุดในชีวิตพี่ ก็คือริวยังไงล่ะ...พี่ไม่เคยคิดเลยนะ ว่าชีวิตนี้จะได้มีน้องที่น่ารักที่สุดอย่างริว”
อ๊าย..................................... ประโยคแรกแทบสลบ
แต่ประโยคท้ายดับฝันแม่ยก อยากถูกเธอเรียกว่าแฟน อยากควงแขนเธอเหมือนใคร อ่า................
เข้าใจไหมคะ :z3:
-
ที่แท้ก็แอบไปทำเซอร์ไพร์นี่เอง
-
คู่นี้มาหวานอบอุ่นสม่ำเสมอจริงๆ :impress2:
-
นายไผ่ทำน้องริวเกือบแย่
ซึ้งเลย
+1
-
:L2:
เมื่อไหร่พวกเค้าจะรักกันในแบบที่เราอยากให้เค้ารักกันซักกะทีล่ะ
สองคนนี่ความรู้สึกช้าจัง
คนอ่านก็ใจร้อนจัง
ลุ้นนนนนนนต่อไป :z10:
-
หวานมว้ากกกกกก เขิล >///<
เมื่อไหร่จะข้ามสเต็ปน้องรักอ้ะๆ
ริวน่าหม่ำ!!
-
อ๊าย หวีดหวานอย่างแรง
ใกล้จะถึงตอนนั้นแล้วอ่าจิ
เมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองกันน๊า
-
พี่ไผ่น้องริวดีกันแล้ว เราก็พลอยดีใจไปด้วย อ่านไปมีความสุขไป
-
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะรู้ตัว ว่ากับริวไม่ใช่แค่น้อง
-
ช่วงนี้พี่ไผ่ดูสาวขึ้น
สงสัยเตรียมตัวเป็นว่าที่ภรรยาที่ดีแน่ๆแอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :-[ :-[
-
+1 ให้กับความน่ารักของพี่ไผ่กับริว
โอยยย ชอบตอนนี้จัง เค้ารักกันๆ
เมื่อไรจะแบบ รักแบบรู้ตัวกันซะที
ถึงขั้น ขาดกันไม่ได้แล้วนะ สอง คนนี้
เขินอ้ะ ,, สงสารพี่ไผ่นิดๆ น้องริวตัวโต ยังมานอนทับอีก
เอานะ น่ารักดีค่ะ หุหุ
-
พี่ไฝ่ ฝึกไว้จะได้ชิน อีกหน่อยต้องกอดกันทุกวันนะ :กอด1:
-
5555+ กร๊ากกกกก น่ารักจริงวุ้ย
พี่ไผ่ขา ตอนนี้นุ้งริวยังเป็นแค่"น้อง" แต่อีกหน่อยนี่คงเป็น"สามี"สินะคะ ว๊ากกกกๆ ชอบๆ
ริวนี่น่ารักจังเลย แอบไปเก็บหิ่งห้อยมาเซอร์ไพรซ์ นึกแล้วชั้นอยากเป็นหิ่งห้อยพวกนั้นจัง >..<
ชั้นจะบินไปใกล้ๆหนูริวกับพี่ไผ่ ขอไปหอมแก้มทั้งสองคนให้ชื่นใจหลายๆทีเถ๊ออ<<ว่าแต่หิ่งห้อยหอมแก้มเป็นด้วย??
ฮ่า ฮ่า ถูกใจจริงๆ พี่ไผ่นี่ไม่รู้ตัวเลยเนอะ ว่าถูกหนูริวสารภาพรักไปเต็มๆ
“พี่ไผ่ก็เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตริวครับ...ริวรักพี่ที่สุดในโลก” กริ๊วๆๆ(หรือตูคิดไปเองหว่า)
อยากเป็นผ้าห่มผืนนั้น จะได้คอยให้ความอบอุ่นแก่พี่ไผ่และหนูริว แม้หนูริวจะไม่ต้องการ-..-เพราะร้อน
(รู้สึกว่าตูจะเพ้อเจ้อไปมากกก อยากเป็นนั่นเป็นนู่นอยู่นั่นแหละ เคียกๆ)
สุดท้ายอยากบอกว่ารักริวกับพี่ไผ่ที่ซู๊ดดด เมื่อไหร่จะมีฉากกริ๊บกริ๊วคะเนี่ย :haun5:
-
:กอด1: :z2: :z2:
-
ไม่รู้จะบอกอะไรอีกแล้วนอกจาก
"น่ารัก"
-
พสุได้ของขวัญที่น่ารักจากริวแล้ว
แล้วริวเมื่อไหร่จะได้ของขวัญจากพสุบ้าง :z1: :laugh:
-
ริวน่ารักมากกก
5555 เห็นด้วยกับหลายๆรีค่ะ ^^
อีกหน่อยคงเข้าใจแหละว่า "น้อง" คนนี้สำคัญจนขาดไม่ได้เลย :กอด1:
-
หวานกัน และ ผูกพันธ์
แต่จะหวานกว่านี้ถ้าพี่ไผ่กับริวรู้ใจตัวเองมากกว่านี้
พี่ไผ่ หน้าที่เก็บของต่างๆๆ อะมันหน้าที่ ภรรยา ไม่ช่ายหรอพี่ 55555
-
น่ารักจริง ๆ พี่น้องคู่นี้ ^^
-
อู้ย ดีกันเหมือนเดิมล่ะ :mc4:หวานแบบเบาๆ
-
ว้าวๆ คืนดีกันแล้ว นอนเตียงเดียวกันเหมือนเดิมด้วย
มีความสุขจัง
:m3:
-
อ่านแล้วรู้สึกว่าทั้งคู่หวานกัน จนน้ำตาลเรียกพี่
พอดีกันแล้ว รู้สึกว่าจะแสดงออกมากกว่าเก่าอีก
-
น่ารักม๊ากมาก หนูริวของพี่ไผ่
-
อ่านแล้ว อยากให้น้องชายเป็นแบบริวจัง(แต่อย่าเอาเก็บไปฝันแบบริวนะ)
คงน่ารักน่าดู
-
คืนดีกันแล้ว
เข้าใจกันแล้ว
:z2:
-
เมื่อไหร่จะมากกว่าน้อง
-
แบบว่าพูดไม่ถูกอ่ะ
น่ารักมากเลย
พักหลังๆ มานี่ไผ่กับริวกอดกันปล่อยมาก
บรรยากาศมันเหมือนคู่รักมากเลยนะ
อยากเห็นวันที่ไผ่ขาดริวไม่ได้เร็วๆ จัง
:impress2:
-
คุณคนพี่เนี้ย ท่าทางจะหวันไหวมากมายแอบไม่รู้ตัวนะ
ชอบซีนที่น้องนอกบทมากกกกกก น่ารักไปไหนจร้า กรู้
ขอบคุณเจ้าค่ะ
-
น่ารักจังเลย. :man1: :man1: :man1:
:L2: :L2: :L2:
-
โห~โรแมนติกสุด ๆ ริวเตรียมหิ่งห้อยเป็นของขวัญวันเกิดพี่ไผ่
ที่แท้ที่หายไปเพราะงี้เอง ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงจริ๊งน้องริว
แต่ว่าน้องริวเป็นของขวัญที่พิเศษที่สุดในชีวิตของพี่ไผ่เลยนะ
โอ้ว้าว~อยากจะกรีดร้อง ถูกใจจริง ๆ อ่ะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
น่ารักจริง ๆ เล้ย พี่ไผ่กับน้องริวเนี่ย
-
ริวนี้ทำทุกสิ่งอย่าเพื่อๆไผ่จริงๆๆๆๆ
ดีแล้วที่ดีกันจะร้องตามริวอยู่่และตอนไผ่โกรธน่ากลัว
-
ริวน่ารักม้ากกกกกกก :m3:
ริวรักไผ่มากๆจริงๆเลยเนอะ ! เฮ้ออ
ค่อยๆรักกันเบาๆ
:give2: :give2:
-
อ้ายดีกันแล้วและก็กลับมารักออดอ้อนกันเหมือนเดิมเลย
พี่ไผ่ไม่รักริวให้รู้ไปก็น่ารักเอาอกเอาใจขนาดนี้แล้ว
-
หวาน
-
แล้วเมื่อไหร่จะเปิดใจกันฐานะคู่รักซักทีนะ
-
:-[ ริวกลายเป็นของขวัญืที่ฟ้าประทานให้พี่ไผ่ซะแล้ว คนได้รับถูกใตแก้มบาน หลังจากหน้าหุบไม่เหลือสักนิ้ว
ชอบความหวานแบบนี้ แต่็ก็อยากเห็นขั้นต่อไปของคู่นี้นะ ว่าจะไปถึงตรงนั้นได้ยังไง
-
มานอนรอครึ่งหลังอยู่ค้า :t3: :t3: :L2:
-
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านน๊าค๊า :กอด1:
ป้าคนเขียนบอกว่าตอนเมื่อกี๊มันสั้น ให้รีบเข้ามาอัพซะดีดี :z13:
แต่ตอนนี้ง่วงแล้ว ลมหนาวก็พัดมาแล้ว รีบอัพรีบนอนกันเหอะเรา
***************************************
ตอนที่ 43
แสงแดดส่องลอดรอยแหวกของม่านที่ปิดมิดชิดเข้ามาโดนหน้าพอดี ริวขยับหนีแล้วควานมือไปข้างตัวก็พบแต่ที่นอนเย็นเฉียบ เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นเหลียวมองไปรอบๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเซ็งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้พสุมีถ่ายละครแต่เช้า
ริวนอนกลิ้งไปมาอย่างเบื่อๆ อยากจะนอนต่อแต่กลับไม่ง่วงเสียแล้ว คงเพราะปกติเขาต้องไปฟิตเนสกับพสุเวลานี้ ก็เลยไม่ง่วงไปโดยอัตโนมัติ
เด็กหนุ่มลุกไปอาบน้ำแล้วกลับมาเปิดโน้ตบุ๊คนอนเล่นบนเตียง มีอีเมล์จากอลันถึงเขา 10 ฉบับ ริวไล่เปิดทีละฉบับแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น
ข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเรียงเป็นหมวดหมู่ให้เลือกเข้าไปดู มีตั้งแต่เนื้อหาพื้นฐานอย่างเรื่อง “เพศศึกษา” ไปจนถึงเรื่องจิตวิทยาวัยรุ่น นอกจากนี้ยังมีลิงค์ของเวบไซต์ต่างๆ
แม้ริวจะไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของอลันที่ส่งเรื่องพวกนี้มาให้อ่าน แต่เด็กหนุ่มก็เชื่อในประสิทธิภาพของผู้จัดการที่เก่งที่สุดในโลกของเขา อลันจะไม่มีวันส่งเรื่องไร้สาระมากวนใจเขาเด็ดขาด ริวจึงศึกษาข้อมูลทั้งหมดที่อลันส่งมาให้อย่างตั้งใจ เด็กหนุ่มเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่เข้าใจมาตลอดหลายวันไม่ใช่การปัสสาวะรดที่นอน แต่มันเป็นเรื่องของปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายเมื่อเขามีความปรารถนา....
“เฮ้ย!...” ริวผวาสุดตัวจนเกือบปัดโน้ตบุ๊คตก เมื่อจู่ๆ เสียงริงโทนก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกๆ เพื่อตั้งสติแล้วกดรับสาย
“ครับพี่”
“หลับอยู่เหรอ?...พี่โทรมากวนหรือเปล่า” เสียงพสุที่ส่งมาตามสายดูกังวลนิดๆ คงเพราะโทรศัพท์ดังอยู่หลายครั้งกว่าริวจะรับสาย
“เปล่าครับ”
“เย็นนี้ว่างใช่ไหม” พสุถามแล้วได้ยินเสียงลอดเข้ามาในสาย ริวเดาว่าพสุคงอยู่ระหว่างรอเข้าฉาก
“ว่างครับ”
“งั้นสัก4 โมงอาบน้ำแต่งตัวไว้นะ พี่จะไปรับ...เราจะรับแม่ไปกินข้าวกัน” น้ำเสียงของพสุฟังดูสดชื่นจนริวอดยิ้มกับโทรศัพท์ไม่ได้ เด็กหนุ่มดีใจอย่างบอกไม่ถูกเพียงแค่รู้ว่าพี่กำลังมีความสุข...
“ครับ”
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ พี่ต้องไปทำงานแล้ว เย็นๆ เจอกัน”
“ครับพี่” ริวนอนจ้องรูปพสุบนหน้าจอมือถือด้วยสายตาเป็นกายวิบวับ เย็นนี้เขาได้ไปกินข้าวกับพี่กับแม่อีกแล้ว แค่คิดก็ “เห่อ” จนต้องลุกจากเตียงไปหาเสื้อผ้าที่จะใส่ไปตอนเย็นทั้งที่ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด
................................................
ก่อนถึง 4 โมงเย็นเล็กน้อยพสุก็มาถึง ริวรีบออกไปขึ้นรถทันทีเพราะไม่อยากให้พสุรอนาน รถออกจากบ้านมาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงริงโทนเฉพาะเบอร์พิเศษของพสุก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรับสายได้ทันทีเพราะเขาใส่บลูธูทอยู่แล้ว
“ครับแม่ อีกสักเดี๋ยวไผ่ก็ถึงบ้านแล้วครับ” พสุขานรับเสียงสดใส แต่แล้วรอยยิ้มก็จางหายไปจากใบหน้าอย่างรวดเร็วจนริวต้องจับตามองด้วยความไม่สบายใจ
“ไผ่ไม่ต้องมารับแล้วนะลูก เผอิญแม่ติดธุระ คงออกไปไม่ได้” น้ำเสียงอู้อี้ ติดจะสั่นเครือทำให้พสุรู้ทันทีว่าแม่กำลังร้องไห้
“นั่นแม่ร้องไห้เหรอครับ? เกิดอะไรขึ้นครับแม่”
“เปล่าจ้ะไม่มีอะไร...ไผ่กลับไปก่อนนะลูก วันหลังค่อยนัดกันอีกที” ถ้าลองปฏิเสธร้อนรนแบบนี้ พสุก็พอจะเดาสาเหตุที่ทำให้แม่เสียน้ำตาได้แล้ว...คนๆ เดียวที่แม่รักที่สุดและทำให้แม่ร้องไห้ได้ทุกวัน
พสุเม้มปาก ดวงตาเป็นประกายกร้าว
“...ครับ” ชายหนุ่มวางสายแต่ยังคงขับรถต่อไป ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเลี้ยวรถกลับ ริวเหลียวมองหน้าเครียดๆ ของพสุแล้วก็ได้แต่ปิดปากเงียบ
พสุจอดรถไว้หน้าบ้านแล้วเดินตรงลิ่วเข้าไปข้างในโดยมีริวเดินแกมวิ่งตามหลังไปติดๆ แต่พอเห็นหน้าสุดา ริวก็ชะงักแล้วถอยออกมานั่งที่เก้าอี้หวายหน้าบ้าน รู้สึกได้ทันทีว่าสถานการณ์ตอนนี้เขาไม่ควรเข้าไป
สุดานั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องรับแขก พอหันมาเห็นพสุ หน้าที่แดงเพราะร้องไห้ก็พลันเผือดสีด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับแม่” พสุถามเสียงนิ่งๆ แล้วนั่งลงข้างๆ พลางดึงทิชชูบนโต๊ะมาเช็ดน้ำตาให้แม่
“ไผ่มาทำไมลูก...กลับไปก่อนเถอะนะ วันหลังค่อยมารับแม่” สุดาเช็ดน้ำตาร้อนรน แล้วพยายามฝืนยิ้มให้
“ทำไมต้องกลับครับ นี่ก็บ้านไผ่ไม่ใช่เหรอ ไผ่ไม่มีสิทธ์มาแล้วเหรอครับ?” พสุถามเสียงเรียบๆ แต่แววตารู้ทันของเขาทำให้ผู้เป็นแม่ยิ่งไม่สบายใจ
“ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้นลูก คือว่า...”
“มีปัญหาอะไรครับ แม่ถึงได้ร้องไห้” พสุถามเสียงอ่อนโยนแล้วลูบแขนเรียวแผ่วเบา แม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่ก็พยายามกลั้นไว้
“ไม่มีอะไรจ้ะ”
“แม่ครับ”
“แม่แก้ปัญหาเองได้ลูก ไผ่ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ”
พสุนิ่งงันไป แม่ไม่ยอมบอกเขาง่ายๆ แน่ว่ามีปัญหาอะไร ชายหนุ่มเกือบจะคาดคั้นแล้วถ้าไม่เพราะหันไปเห็นป้าใจยืนชะเง้อชะแง้อยู่หน้าห้องครัว
“แม่ทานอะไรหรือยังครับ” พอเห็นว่าพสุยอมเปลี่ยนเรื่อง สุดาก็มีสีหน้าโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
“...แม่ยังไม่หิวเลยจ้ะ”
“แต่ก็ควรทานอะไรบ้างนะครับ...เดี๋ยวไผ่หาอะไรให้แม่รองท้องหน่อยดีกว่า” พสุบอกเสียงอ่อนโยนแล้วรีบเข้าไปในครัว
ป้าใจคว้าข้อมือพสุดึงให้เดินออกไปหลังบ้านเพื่อกันไม่ให้สุดาได้ยิน
“เกิดอะไรขึ้นครับป้าใจ แม่ร้องไห้ทำไม” พสุถามทันทีอย่างร้อนใจ แม้จะพอรู้ต้นเหตุ แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ...คราวนี้มันมีสาเหตุมาจากอะไร
“คุณเทพสิคะคุณ จะเอาบ้านสวนไปจำนอง” ป้าใจตอบกระแทกเสียงอย่างโกรธๆ นางอยู่มานานจนกลายเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง จึงถือเสมือนว่าเรื่องในบ้านทุกเรื่องก็เป็นเรื่องของนางด้วย
“อะไรนะ!”พสุอุทานด้วยความตกใจแล้วกลายเป็นโกรธจนหัวหมุน บ้านหลังนี้เป็นสิ่งที่พสุไม่เคยคิดว่าบิดาจะกล้าแตะต้อง เพราะต่างก็รู้กันดีว่าบ้านหลังนี้สำคัญขนาดไหน
“นี่ก็ทะเลาะกันยกใหญ่ คุณดาถึงได้ร้องไห้จนหูตาแดง ข้าวปลาไม่ยอมกินมาตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะ”
“แต่พ่อไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับบ้านสวนนะครับ เงินทองเขาก็มีตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ ทั้งร้านอาหารทั้งผับ แล้วทำไมต้องมาวุ่นวายกับบ้าน” พสุถามเสียงเย็นด้วยความโกรธ บิดาได้...ได้...และได้ จากสมบัติของคุณตาคุณยายเขาไปไม่รู้สักเท่าไหร่ ถ้าจะพูดว่าพรเทพเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้เพราะสมบัติของคุณตาคุณยายก็ไม่แปลก
“ก็หุ้นส่วนคุณเทพมันหอบเงินไปต่างประเทศแล้วสิคะคุณ ทิ้งแต่หนี้ไว้ให้ นี่ถ้าไม่มีไปใช้มีหวังธนาคารฟ้องล้มละลายแน่ๆ” ป้าใจกระแทกเสียงแล้วค้อนลมค้อนแล้งเหมือนจะส่งไปให้ถึงตัวต้นเหตุที่กำลังพูดถึง
พสุกัดฟันกรอด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อหมดเงินไปกับเรื่องพวกนี้ ร้านอาหารก็ทำแล้วเจ๊งมาไม่รู้กี่สิบรอบ ผับ บาร์ หรือแม้แต่รีสอร์ท แม้จะได้แต่ชื่อว่าเป็นหุ้นส่วน แต่พรเทพลงทุนแล้วไม่เคยไปดูแลกิจการ มีแต่พาพรรคพวกเพื่อนฝูงไปเที่ยว กินฟรี อยู่ฟรี ไม่ว่าจะจับทำธุรกิจตัวไหนถึงพังไม่เป็นท่า แล้วพรเทพก็เป็นคนหน้าใหญ่ ร้านเล็กๆ เขาทำไม่เป็น จะทำทั้งทีต้องให้ใหญ่กว่าเดิม เรื่องเงินส่วนตัวของพรเทพนั้นหมดไปนานแสนนานแล้ว ทุกวันนี้เงินที่เอาไปลงทุนทั้งหมดมาจากเงินมรดกของสุดาทั้งสิ้น คงเพราะเหตุนี้สุดาถึงตัดสินใจโอนบ้านสวนเป็นชื่อของพสุโดยที่พรเทพไม่รู้
“ไอ้ไผ่มันมาใช่มั๊ย ฉันเห็นรถมันจอดอยู่หน้าบ้าน แล้วนี่ตัวมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน”
เสียงเอะอะดังขึ้นจากห้องรับแขก พสุรีบออกไปรับหน้าทันทีเพราะไม่อยากให้แม่ต้องเจ็บปวดกับคำพูดร้ายๆ ของพ่ออีก พรเทพหันขวับมาทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องครัว
“มาก็ดีแล้ว เซ็นชื่อมาเลย” พรเทพบอกพร้อมกับกระแทกปากกาและใบมอบฉันทะลงบนโต๊ะรับแขกตรงหน้าสุดา พสุมองตามแล้วทำหน้าเฉยๆ ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่มองไปที่มารดาเด็ดขาด เพราะเขารู้ดีว่าจะต้องเจอสายตาวิงวอนให้ยอมอ่อนข้อให้บิดาเหมือนเคย
“ทำไมผมต้องเซ็นละครับ” พสุถามเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจเจ็บปวด ผิดหวังและน้อยเนื้อต่ำใจ
“แกจะไม่เซ็นได้ยังไง! ฉันจะต้องใช้เงิน” พรเทพตะคอกกลับราวกับว่าพสุเป็นฝ่ายกำลังขอเงิน ไม่ใช่จะขอให้พสุช่วยเหลือ
“แล้วยังไงครับ” พสุยังคงถามต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย เจตนากวนอารมณ์คนตรงหน้า
“ยังจะมีหน้ามาย้อนอีก ถ้าไม่มีเงินไปให้ ธนาคารมันฟ้องล้มละลายฉันแน่ แกไม่รู้หรือแกล้งโง่หา!” พรเทพตะคอกกลับหน้าตาแดงก่ำด้วยความโมโห
คนอย่างเขาไม่เคยต้องของ้อใครมาก่อน แต่คราวนี้กลับต้องให้ลูกช่วย ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจพ่อตาที่ดันระบุไว้ในพินัยกรรมว่าต้องยกบ้านหลังนี้ให้พสุ ทำให้เขาต้องมาของ้อลูกตัวเอง เสียศักดิ์ศรีที่สุด
“ล้มละลายก็ล้มละลายสิครับ...ทุกวันนี้พ่อก็ไม่มีอะไรเลยอยู่แล้วนี่” พสุตอบเรียบๆ คำตอบของเขาเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ
พรเทพตาลุกวาบ โกรธจนสั่นไปหมดทั้งตัวที่พสุด่าว่าเขามีแต่ตัว ถึงจะเป็นความจริงแต่ก็เป็นสิ่งที่พรเทพปฏิเสธจะรับรู้มาตลอด 26 ปี
“ไอ้ไผ่!”
ฉาด!
พสุหน้าหันตามแรงตบ ใบหน้าชาไปทั้งซีกแล้วความเจ็บแปลบปลาบก็ลามไปทั้งใบหน้า แต่ยังไม่เท่ากับความเจ็บที่หัวใจ ในปากเค็มคาวด้วยรสเลือด แต่ชายหนุ่มก็ยังตีหน้าเฉยสนิทเมื่อหันกลับมาสบตาบิดา
“ไผ่! โธ่ลูก!...คุณเทพ คุณบ้าไปแล้วเหรอ คุณตบลูกทำไม” สุดาร้องไห้โฮ โผเข้ามากอดพสุไว้แน่นเพราะกลัวพรเทพจะเข้าไปร้ายลูกซ้ำอีก
“เธอก็ฟังที่ลูกเธอพูดกับฉันสิ มันด่าฉันเธอไม่ได้ยินหรือไง เธอเลี้ยงลูกภาษาอะไรมันถึงได้เลวขนาดนี้ ไอ้ลูกอกตัญญู สร้างแต่ปัญหา หาแต่เรื่องอับอายขายหน้ามาให้ แล้วมันกล้ามาด่าฉันอีก” พรเทพชี้หน้าด่าพสุปากคอสั่น โกรธจนหน้ามืด แต่ทิฐิทำให้ยังยืนอยู่ไหว ในอกเจ็บแปลบๆ แต่เขาก็ฝืนทนไว้ ไม่ต้องการให้พสุเห็นว่าเขาแพ้
“ไผ่...เจ็บไหมลูก เจ็บมากไหม”
“ไม่เป็นไรครับแม่” พสุตอบหลังจากกลืนเลือดในปากลงไป แค่เขาถูกตบแม่ก็ร้องไห้จนเนื้อตัวสั่นไปหมดแล้ว ถ้ารู้ว่าถึงขนาดเลือดตกยางออกแม่จะยิ่งเสียใจกว่านี้
“โอ๋มันเข้าไป ไอ้คนเนรคุณพรรค์นี้ ฉันจะรอดูว่ากรรมมันจะตามสนองแกเมื่อไหร่” พรเทพตะคอกแล้วสูดหายใจลึกเพื่อไล่อาการเจ็บหน่วงๆ ในอก
“ขอบคุณครับ” พสุตอบเสียงเรียบ แล้วมองหน้าบิดาด้วยสายตาว่างเปล่า จนคนถูกมองสั่นไปทั้งตัวด้วยความโมโหอีกรอบ
พรเทพปึงปังออกไปจากบ้าน ขณะที่สุดาลูบแก้มที่แดงเห่อเป็นรอยนิ้วมือแผ่วเบา เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วกอดพสุแน่น พสุกอดร่างบอบบางในอ้อมแขนตอบ แล้วลูบหลังแม่แผ่วเบาเพื่อปลอบโยน
ริวยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตู มือสองข้างกำเกร็งแน่นจนเหงื่อชื้น หากไม่พยายามควบคุมอารมณ์ไว้ เขาคงโผนเข้าไปทำร้ายพรเทพตั้งแต่ตบหน้าพสุแล้ว เด็กหนุ่มกระพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาแห่งความโกรธแค้นลงไป เจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้เลย แต่นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของพสุ แล้วคนที่ทำร้ายพสุก็เป็นพ่อ ริวไม่รู้ความรู้สึกที่พสุมีต่อพ่อ แต่ที่แน่ๆ เขาเกลียดผู้ชายคนนั้น
“แม่ครับ...ขึ้นไปอาบน้ำ แล้วก็นอนพักดีกว่านะครับ...เรื่องของใครก็ให้คนๆ นั้นจัดการกันเอง แม่ไม่ต้องไปรับรู้อะไรแล้วนะครับ ไม่ว่าเขาจะว่ายังไง ไผ่ก็ไม่เซ็นโอนบ้านให้เด็ดขาด...บ้านนี้เป็นบ้านของคุณตาคุณยาย ท่านรักบ้านนี้มาก ถ้าท่านรู้ว่ามันต้องหมดไปเพราะไปละลายกับธุรกิจหน้าใหญ่ของ...เขา คุณตาท่านคงเสียใจ”
“แม่รู้นะลูก แต่จะให้แม่เฉยๆ ไม่ดูดำดูดี ปล่อยคุณพ่อถูกฟ้องแม่ก็ทนไม่ได้”
“ทนไม่ได้ก็ต้องทนครับ เพราะเราไม่มีอะไรให้เขาเอาไปละลายอีกแล้ว”
“...ไผ่เจ็บมากไหมลูก” สุดาถามแล้วน้ำตาก็ไหลพรากอีกครั้ง ตั้งแต่เล็กจนโตพสุไม่เคยถูกตีสักแปะ พอมาเห็นลูกถูกตบจนหน้าหันสุดาก็เจ็บเหมือนใจแทบขาด
“นิดหน่อยเท่านั้นครับ ไผ่ไม่เป็นอะไรหรอกครับแม่” เพราะรักและสงสารแม่ พสุถึงได้พยายามปั้นสีหน้านิ่งเฉยเหมือนเขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการกระทำของบิดา
“แม่ขอโทษแทนคุณพ่อด้วยนะลูก เขากำลังเครียด ไม่ได้ตั้งใจจะตบหน้าไผ่หรอกลูก”
“ช่างเถอะครับ...ไผ่ว่าตอนนี้แม่ขึ้นไปอาบน้ำ แล้วก็นอนพักดีกว่า...ไปครับ เดี๋ยวไผ่พาแม่ขึ้นข้างบนเอง”
พสุประคองมารดาขึ้นไปบนห้อง จัดให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ป้าใจก็ยกข้าวต้มปลาตามขึ้นไปให้ ซึ่งสุดาก็กินเพราะเกรงใจพสุไปไม่กี่คำก็วางช้อน พสุจึงจัดยานอนหลับอย่างอ่อนของสุดาที่หมอเคยให้มา ให้สุดากิน เพื่อให้เธอได้พักผ่อนเต็มที่ ด้วยฤทธิ์ยาไม่นานสุดาก็ผล็อยหลับไป พสุถึงได้กลับลงมาข้างล่าง
“ผมให้แม่กินยานอนหลับ จะได้พักผ่อนได้เต็มที่...แต่พรุ่งนี้ผมมีงานแต่เช้า คงอยู่ดูแลแม่ไม่ได้ ถ้ายังไงคืนนี้ป้าใจไปนอนเป็นเพื่อนแม่นะครับ”
พสุบอกเสียงเรียบ ทำไม่เห็นสายตาป้าใจที่จับจ้องรอยแดงบนหน้าเขา
“ค่ะ ป้าก็ตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้ว”
"ขอบคุณมากครับป้าใจ...ไปริว เรากลับกันเถอะ” พสุไหว้ลาป้าใจ แล้วเดินนำริวกลับมาที่รถอย่างรวดเร็ว นาทีนี้เขาต้องการอยู่คนเดียวให้เร็วที่สุด พสุชะงักเมื่อรู้สึกถึงมืออุ่นๆ ที่ยึดข้อศอกเขาเอาไว้ พร้อมกับกุญแจรถถูกดึงไปจากมือ
“ริวขับให้นะครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนทำให้พสุอดหันไปสบตาไม่ได้ ริวไม่ได้มองเขาด้วยสายตา สมเพชหรือสงสาร แต่เป็นสายตาของความเป็นห่วงและเจ็บปวด...
“เอาสิ”
พสุนั่งเหม่อมาตลอดทาง พอถึงบ้านพักชายหนุ่มก็ตรงดิ่งขึ้นห้องไป ริววิ่งไปขอให้แม่บ้านทำอาหารให้ เขาไม่ได้หิว แต่ห่วงกลัวพี่จะหิวหรือปวดท้องถ้ากินอาหารผิดเวลา เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้น ก็พบว่าห้องนอนว่างเปล่า แต่ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำที่ประตูเปิดทิ้งไว้ริวจึงเดินไปดู
พสุกำลังใช้ผ้าขนหนู ชุบน้ำร้อนประคบหน้า ริวตรงเข้าไปแย่งผ้ามาประคบตรงรอยช้ำให้
“พรุ่งนี้มีงาน ไม่ประคบคงมีรอย” พสุออกตัวด้วยสีหน้าเก้อกระดาก แต่ริวกลับรู้สึกเหมือนจะร้องไห้
“พี่...เจ็บมากไหม” ริวถามเสียงเบา แล้ววางผ้าอุ่นจัดๆ ลงบนรอยแดงช้ำอย่างเบามือ
“เจ็บตัวน่ะไม่เท่าไหร่หรอกริว...แต่มันเจ็บที่หัวใจมากกว่า...” พสุพูดแค่นั้นแล้วนิ่งไป ก่อนจะจับมือริวไว้
“พอแล้วริว...ขอบคุณนะครับ”
“พี่...พี่มีริวนะ” ริวสวมกอดพสุไว้แน่น เด็กหนุ่มสัมผัสได้ว่าตอนนี้พสุเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่ไม่รู้จะปลอบยังไง จึงทำได้เพียงกอดพี่ไว้แน่นๆเท่านั้น
ตอนแรกพสุก็ชะงักยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกอดตอบเด็กหนุ่ม ความเจ็บปวด ความน้อยเนื้อต่ำใจ ดูเหมือนจะบรรเทาลงอย่างประหลาด เพียงเพราะรู้สึกว่ามีใครอีกคนที่เข้าใจและพร้อมจะอยู่เคียงข้างในเวลาที่เขาเป็นทุกข์แบบนี้
แม้จะพยายามตอกย้ำกับตัวเองว่าเขาทนได้ แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปเองเหมือนทุกๆ ครั้ง แต่สุดท้ายพสุก็นอนไม่หลับ ชายหนุ่มลอบถอนใจยาวเพื่อระบายความอัดอั้นภายในอกอย่างระมัดระวัง เพราะไม่ต้องการให้คนที่นอนซุกไหล่เขาต้องพลอยตื่นมารับรู้ความทุกข์นี้ไปด้วย
..............................................
-
:z13: :z13:
-
ผสุ โธ่ๆๆๆๆๆ
ริวจ๋า จัดการอะไรสักอย่างที
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :o12: :o12: :o12: :o12:
-
โถๆ พี่ไผ่ ..
น้องริวแมนมากเลยหนูจ๋า อยู่ข้างๆพี่ไผ่ตลอดไปน้า
-
ตอนนี้มันเครียด
-
:sad11: :sad11: :sad11:
-
:m15:
-
โฮๆๆๆ พี่ไผ่ ,,
น่าสงสารอ้ะ ทำไมคุณพ่อใจร้ายจังวะคะ
ตบหน้าด้วย อะไรด้วย หลายเรื่องเลยนะ
น้องริวต้องอยู่ข้างๆพี่ไผ่นะ !!!
><
-
พี่ไผ่สู้ๆ
-
น้ำตาคลอ
-
ชิส์ใจร้ายจิงนายพรเทพ ริวอย่าให้อลันช่วยปลดหนี้ให้อีกนะ
-
สงสารพี่ไผ่อ่ะ น้องริวจ๋า หาทางช่วยพี่ไผ่หน่อยน่ะ
เกลียดคุณพ่อพี่ไผ่จัง ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้น่ะ
-
:fire: ไงพ่อไผ่เลวแบบนี้อ่ะ มีไรไมดีก็โทษคนอื่น เห็นแก่ตัวมาก
อยาก :beat: :z6: ออกนอกโลก ให้ริวทำไรสักอย่างที
สงสารพี่ไผ่ ให้ริวปลอบใจพี่ไผ่ทีนะ สู้ๆๆ
-
พี่ไผ่น่าสงสารจังที่มีพ่อที่ใจร้ายขนาดนี้
-
คุณพ่อพี่ไผ่อย่ามาเดินผ่านหน้าบ้านเค้านะ :angry2:
ริวก็กลุ้มพี่ไผ่ก็กลุ้ม คนอ่านเลยกลุ้มตาม :serius2:
-
แล้วมันก็จะผ่านไป
-
พี่ไผ่ :a2: นะจ๊ะ
-
คุณพ่อ :monkeysad:
อ่านตอนนี้แล้วสงสารพี่ไผ่จังเลย พี่ไผ่สู้ๆ :กอด1:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
ถ้าพ่อโดนฟ้องล้มละลายจะกระทบ
อะไรกับชื่อเสียงของพี่ไฝ่หรือเปล่า
พ่อไม่ว่าไงก็ยังเป็นพ่อน่ะนะ
คิดว่าไม่พี่ไฝ่ หรือริวคงต้องหาทางช่วย
-
น้องไผ่อดทนนะ โกรธได้ แค่อย่าแค้น เพราะจะเป็นบาป ยังไงๆก็พ่อ การจะแก้นิสัยเห็นแก่ตัวรักแต่ตัวเองของคุณเทพเค้า
คงแก้ไม่ได้หรอกเพราะ เค้าเป็นไม้ผุแล้ว "ดัดก็หักแหลกแล้ ห่อนรื้อโดยตาม" ดังในโคลงโลกนิติแหละ
คงต้องปล่อยให้นิสัยนี้ตายไปพร้อมกับตัวเขาแหละ ปัญหาทุกปัญหามันต้องมีทางออกนะ
-
เศร้าจัง
-
ริวดูแลพี่ไผ่ดีๆนะ
-
น้องไผ่อดทนนะ โกรธได้ แค่อย่าแค้น เพราะจะเป็นบาป ยังไงๆก็พ่อ การจะแก้นิสัยเห็นแก่ตัวรักแต่ตัวเองของคุณเทพเค้า
คงแก้ไม่ได้หรอกเพราะ เค้าเป็นไม้ผุแล้ว "ดัดก็หักแหลกแล้ ห่อนรื้อโดยตาม" ดังในโคลงโลกนิติแหละ
คงต้องปล่อยให้นิสัยนี้ตายไปพร้อมกับตัวเขาแหละ ปัญหาทุกปัญหามันต้องมีทางออกนะ
+1
-
TT~ โฮ..พี่ไผ่เจ็บไหมๆๆ
ทำไมถึงทำแบบนั่น
-
กรีดร้อง อย่างสงสาร เฮ้อ .....แม่น่าสงสารอะ :o11: ซึน....
-
อ่านแล้วอึ้ง คนไร้ความคิดยังไงมันก็ไร้ความคิด
-
:m15: :m15: :m15:
-
น้อง yayee2 คะ o13
ช่างคอมเม้นต์ได้โดนใจจริงจริ๊งงงงง :3123:
-
สงสารพี่ไผ่จัง
ทำไมคุณพ่อร้ายขนาดนี้อ่ะ
นิสัยไม่ดีมาก ๆ ว่าพี่ไผ่ต่าง ๆ นานา
แถมตบหน้าพี่ไผ่อีก แย่มาก
น้องริวเจ็บแทนพี่ไผ่สินะ
แค่มีน้องริวอยู่ใกล้ ๆ
คอยกอดคอยให้กำลังใจ
พี่ไผ่ก็รู้สึกดีขึ้นแล้วหล่ะ
ใช่มั้ยจ๊ะพี่ไผ่ อิ อิ
-
จุก
-
:m15:อ่านแล้วสงสารพี่ไผ่มาก แต่โชคดีนะทีตอนนี้มีริวอยู่ข้างๆ ดูแลพี่เค้าดีๆนะ
-
เศร้าใจที่สุดอ่ะ
-
:monkeysad:
-
" ถักทอใยรักแน่นเหนียว เป็นเกลียวร้อยรัดหัวใจ
อบอุ่นอ่อนหวานละมุนละไม ผูกใจเราสองไม่ห่างกัน
สายใยรักถักทอใจทั้งคู่ ให้อยู่ด้วยกันไม่ห่าง
โอบล้อมจิตใจไม่จืดจาง เป็นดังลมหายใจแห่งรักเอย "
:L1: (ไม่ค่อยเป็นกลอนแปด เท่าไหร่แต่พออ่านจบแล้ว มันขึ้นมาในหัวค่ะ)
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ ตามทันแล้ว ชอบความรักของพี่ไผ่กับน้องริวจังเลยค่ะ น้องริวผู้ไร้เดียงสาเรื่องความรัก กับพี่ไผ่ที่ยังไม่เข้าใจว่าความรักที่มีให้
น้องริวเป็นแบบไหน อ่านเรื่องนี้ในบรรยากาศหนาวๆแล้วรู้สึกอบอุ่นดีจังเลยค่ะ
ขอบคุณ คุณ Anonymus และคุณ spring คนโพสต์ค่ะ สำหรับเรื่องนี้
+ ค่าความอบอุ่นค่ะ
ป.ล.
ตอนล่าสุด พ่อไผ่เลวจัง ทำอะไรไม่ดูตัวเองโทษคนอื่นตลอด สงสารพี่ไผ่จังเลย แต่ไม่เป็นไรยังไงข้างกายพี่ไผ่ก็มีน้องริวเคียงข้างคอยร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่
-
:monkeysad: :monkeysad:น่าสงสารจัง
-
มารอ ริวไผ่ อิอิ
-
:m31:
:sad4:
-
เศร้าใจ
:เฮ้อ:
สงสารพี่ไผ่จังเลย
แต่นับวัน
พี่ไผ่ยิ่งเคะขึ้นทุกที :z1:
-
สงสารพี่ไผ่ :sad4:
ดูท่า่พ่อพี่ไผ่กรรมจะตามสนองแล้ว ที่ทำร้ายลูกเมีย
ที่บอกว่าเจ็บในอก ไม่รู้ว่าเจ็บเพราะทำร้ายลูกหรือเป็นโรคอะไร
แต่หวังว่า พ่อพี่ไผ่จะกลับตัวเป็นพ่อที่ดีและสามีที่ดีได้นะคะ
สงสารพี่ไผ่มากกก เข้าใจความรู้สึกพี่ไผ่ดีเลยค่ะ
เพราะเราก็ไม่ถูกกับพ่อ =..=
หนูริวอยู่เคียงข้างและดูแลพี่ไผ่ให้ดีๆนะ ค่อยๆคิด มันต้องมีทางออกจ้ะ หุหุ
-
เพิ่งตามอ่านทันคับ บวก1ให้นะคับ
ชอบเรื่องนี้มากจริงๆ :L2:
รออ่านตอนต่อไปนะคับ ^^
-
ทำไมคนเป็นพ่อถึงทำร้ายลูกอย่างนี้
ไม่ชอบพ่อของไผ่เลยเฮ้ออ :เฮ้อ:
พี่ไผ่ยังมีริวนะ แล้วก็ยังมีนักอ่านทุกคนด้วย
คุณแม่พี่ไผ่ก็สู้ๆนะคะ :กอด1:
-
:monkeysad:
-
มารอตอนต่อไปอยู่ค่ะ
เป็นกำลังใจให้พี่ไผ่นะค่ะ พี่ไผ่ยังน้องริวนะค่ะเป็นต้องน้อยใจ :sad4:
-
โธ่....พี่ไผ่ :m15: สู้ๆนะค้าาาาาาา
เกลียดคุณพ่อจังเลย! :m31:
-
ไผ่ริว ไผ่ริว ไผ่ริว อิอิ
-
มานอนรอตอนต่อไปอยู่จ้า :t3: :t3:
-
พ่อใจร้ายอ่าาาา ทำไมต้องรุนแรงกะพี่ไผ่ด้วย
ไม่เป็นไรเนอะ ยังไงซะพี่ไผ่ก็ยังมีนู๋ริวที่ร้ากกกกกอยู่นะ
-
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
พี่ไผ่ อย่าร้องไห้คนเดียวเลยค่ะ
อย่าลืมสิคะ ว่ายังมีอกของน้องริวให้พี่ไผ่ได้โผไปซบได้ทุกเมื่อนะคะ o18
:กอด1:กอดคนแต่งกับคนโพสต์จ้ะ :กอด1:
-
มารอพี่ไผ่กับน้องริวค่ะ เมื่อไหร่จะมาหนอ
-
ตอนที่ 44
“พี่ไผ่!” พสุชะงักเมื่อหันไปเจอคนที่มารับเขา มิน่าสาวๆ ในกองถ่ายถึงเดินเข้าเดินออกกันให้พล่าน เพราะคนมารับเขาคือริวนี่เอง แถมยังเอารถสปอร์ตคันหรูที่ปกติริวก็ไม่ค่อยขับ มารับเขา ไม่สะดุดตาก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
“ทำไมริวมารับพี่ได้ล่ะ” พสุถามพร้อมกับส่งกระเป๋าสะพายให้เมื่อริววิ่งมาดึงไปถือเอง ริวจะเป็นอย่างนี้เสมอ ถ้าเห็นเขาถือของติดมือมา ไม่ว่าจะเล็กใหญ่แค่ไหนก็จะแย่งเอาไปถือเอง ทั้งที่บางครั้งก็ไม่ได้หนักอะไร จนพสุเองก็ชักจะชินกับการมีริวคอยติดหน้าตามหลังแบบนี้เหมือนกัน
“ริวขอพี่กรมาเองแหละ” ริวบอกแล้วยิ้มแป้นเมื่อพสุเปิดประตูเข้าไปนั่ง เด็กหนุ่มเอากระเป๋าสะพายวางคืนไว้บนตักพสุ แล้ววิ่งอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ พสุเหลือบมองระยะห่างของรถฝั่งคนขับแล้วนึกขำ นี่ดีนะว่าประตูรถคันนี้เป็นแบบยกขึ้นข้างบน ถ้าเปิดออกไปด้านข้างเหมือนรถเก๋งทั่วไป ริวคงต้องตะแคงขึ้นรถ
SSC Ultimate Aero คันนี้เท่าที่พสุรู้มาราคาของมันไม่ใช่น้อยๆ น่าจะอยู่ราวๆ 6 - 7 แสนเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ถ้าตีเป็นเงินไทยก็น่าจะราวๆ 20 กว่าล้าน ไม่รวมภาษีนำเข้า
“ริวมีงานไม่ใช่เหรอ?” พสุอดถามไม่ได้ เพราะเขาจำตารางงานริวได้ ว่าวันนี้ริวมีถ่ายละคร
“ไม่มีแล้วครับ” ริวเสียงใส เขาเป็นคนโทรไปขอลาหยุดกับพี่จ๋าเอง บอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรีบไปจัดการ พี่จ๋าก็อนุญาตง่ายๆ เพราะวันนี้ริวมีคิวถ่ายแค่ฉากเดียวเท่านั้น ริวหยุดก็ไม่กระทบนักแสดงคนอื่นนอกจากแพรพลอย
“อ้าว...เลื่อนถ่ายไปหรือไง”
“ครับ” ริวตอบแล้วยิ้มแป้น ไร้รอยพิรุธ เพราะเป็นการเลื่อนไปถ่ายวันพรุ่งนี้แทนจริงๆ
พสุพยักหน้าแล้วไม่ติดใจอะไร เขาแน่ใจว่าริวพูดจริง เพราะเด็กหนุ่มโกหกไม่เป็น ทุกครั้งที่จะต้องโกหกจึงมักจะอึกอัก หลบตาให้จับได้ทุกครั้ง
“อืม” พสุรับคำแล้วนั่งนิ่ง คิดอะไรไปเรื่อย จนสังเกตว่ารถวิ่งออกนอกเมืองโดยที่ริวยังไม่มีท่าทีว่าจะแวะที่ไหน
“แล้วนี่จะพาพี่ไปไหน”
“ไปเที่ยว” ริวหันมาตอบแล้วยิ้มจนตาหยี พสุก็อดยิ้มตอบไม่ได้ ใจหนึ่งก็อยากถามเหมือนกันว่าริวจะพาเขาไปไหน แต่ริวไม่เคยไปไหนไกลๆเองสักที ส่วนใหญ่ก็มีแต่เขาเท่านั้นที่เป็นคนขับรถพาริวไปนอกเมือง ชายหนุ่มเองก็อยากรู้ว่าริวจะพาเขาไปไหนถูก จึงปล่อยให้เด็กหนุ่มขับรถไปตามสบาย
พอออกพ้นเขตสมุทรสาคร ถนนก็โล่ง ริวจึงใช้ความเร็วได้สมสมรรถนะของรถ พสุเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่เลื่อนผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกรู้สา เพราะสมองเขายังคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเสร็จงานคืนนี้จะไปหาแม่ แต่แม่โทรมาบอกว่าจะไปค้างที่วัด 15 วัน เพื่อปฏิบัติธรรม พสุถึงค่อยคลายความกังวล ตอนนี้ก็เหลือแต่ปัญหาระหว่างเขากับพ่อ...
พสุหลับตาลงเมื่อนึกถึงพรเทพ ชายหนุ่มพยายามนึกย้อนกลับไปว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ของเขากับบิดาเลวร้ายลง จนแทบจะกลายเป็นศัตรูกันอย่างทุกวันนี้ ชายหนุ่มคิดวนเวียนจนเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่ารถจอดนิ่งๆแล้วและตรงหน้าเขาคือทะเล
พสุเหลียวกลับมามองคนข้างๆ ก็เห็นริวจ้องมองเขาอยู่แล้ว พอสบตากันเด็กหนุ่มก็ส่งยิ้มกว้างมาให้
“ที่ไหนริว?”
“ริวก็ไม่รู้ครับ” ริวตอบตามตรง เด็กหนุ่มจอดรถอยู่ตรงนี้พักใหญ่แล้ว แต่เห็นพสุหลับสบายก็เลยนั่งมองหน้าพี่เพลินจนพี่ตื่นขึ้นมาเอง
“อ้าว!” พสุอุทานแล้วเหลียวไปมองรอบๆ
บ่ายมากแล้ว แม้จะยังมีแสงแดด แต่ก็อ่อนจนไม่ร้อนแสบผิว ลมทะเลพัดกรูเกรียวเข้ามาทักทายทันทีที่เปิดประตูรถ
“ขับรถมาเรื่อยๆ เห็นมันเงียบๆ ไม่มีคน ก็เลี้ยวเข้ามาเลย”
“เอ้า!...ที่ใครเขาก็ไม่รู้ จะโดนข้อหาบุกรุกไหมเนี่ย” ทั้งที่บ่นอย่างนั้น แต่พสุก็ก้าวลงไป ผักบุ้งทะเลสูงระใต้ท้องรถ แสดงว่าตรงนี้คงเป็นสถานที่ส่วนบุคคลจริงๆ เพราะต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่น ไม่มีบ้านเรือนอยู่แถวนี้ให้เห็นสักหลัง
ชายหาดแคบๆ ทอดยาวไปสุดที่กองหินระเกะระกะเชิงเขา พสุเดาว่าตรงนี้คงเป็นแถวๆ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงส่วนไหน แต่ที่แน่ๆ เขานั่งหลับมานานขนาดนี้เชียวหรือ....
พสุถอดรองเท้าออกเมื่อลงไปถึงหาดทราย ส่วนริวนั้นไม่ต้องพูดถึง เด็กหนุ่มม้วนขากางเกงขึ้นสูง แล้วเดินลงไปลุยน้ำเล่นแล้ว
คลื่นลูกแล้วลูกเล่าทยอยม้วนตัวเข้าหาฝั่ง ร่างสูงใหญ่ วิ่งวนไล่จับปูลมดูน่าขัน ริววิ่งเล่นไปเรื่อยๆ ก่อนจะไปหยุดลงนั่งยองๆ ดูกองวุ้นขาวๆ บนพื้นทราย...
“พี่ไผ่...ริวคัน” พสุสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อริวมายืนหน้าแหยอยู่ตรงหน้า ปลายนิ้วของเด็กหนุ่มแดงก่ำจนพสุต้องคว้ามาดู
“ไปจับแมงกะพรุนมาหรือไง? อย่าเกานะ เดี๋ยวพิษจะยิ่งกระจาย”
“ก็ตัวสีขาวๆพิษมันน้อย ริวก็อยากเห็นว่าเข็มพิษของจริงมันเป็นยังไง” ริวบอกเสียงใส ไม่มีทีท่าจะรู้ตัวสักนิดว่าสิ่งที่ทำมันถูกหรือผิด
“แล้วได้เห็นหรือยัง” พสุถามเสียงประชดพลางลากข้อมือริวลงไปล้างน้ำทะเลเพื่อให้พิษจางลง
“เห็นแล้วครับ...แต่มันคันเน้อ” ริวตอบเสียงอ่อยลง เพราะเห็นสีหน้าพี่ก็รู้แล้วว่าเขาทำผิดแน่ๆ
“ไม่ต้องมาเน้อเลย...ซนเป็นเด็กน้อยไปได้ริว โตแล้วนะ” พสุบ่นพลางเหลียวไปมองรอบๆ ก่อนจะขึ้นไปเด็ดผักบุ้งทะเลมาล้างจนสะอาดขยี้พอกมือให้ริว
“พี่ไผ่...เล่นน้ำกันมั๊ยครับ”
“เล่นได้ยังไง ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาสัก...เฮ้ย! ริวไม่เล่น” พสุร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ก็โดนริวล็อคคอแล้วลากลงน้ำไปด้วยกัน เพราะไม่ทันตั้งตัว เขาจึงถูกริวโถมเข้าใส่จนล้มลงในน้ำที่สูงเพียงเอว
“เปียกหมด! แล้วทีนี้จะกลับบ้านยังไง เสื้อผ้าก็ไม่ได้เอามาเปลี่ยน” พสุเอ็ดตะโรแล้วลุกขึ้นสลัดน้ำออกจากผม
“ไหนๆ ก็เปียกแล้ว เล่นน้ำกันเถอะครับ นะๆ พี่นะ” ริวลุกขึ้นได้ก็ลากแขนพสุลงไปน้ำที่ลึกกว่าเดิม
“อยากเล่นน้ำดีนักใช่ไหม มานี่เลย” พอพสุทำเสียงหมั่นเขี้ยวเข้าใส่ริวก็ตาเหลือก รีบลุยน้ำหนีแต่ไม่ทัน
“พี่ผะ...แค๊ก!” ริวสำลักน้ำไปเต็มๆเมื่อโดนพสุกดน้ำ พอโผล่ขึ้นมาได้ พสุก็ว่ายออกไปห่างแล้ว เด็กหนุ่มรีบว่ายน้ำตามไป แต่ไม่ทันสักที เพราะพสุนั้นเป็นอดีตนักว่ายน้ำระดับแชมป์
“พี่ไผ่...กลับมาเหอะ ริวเหนื่อย” ริวตะโกนบอกแล้วลอยตัวอยู่นิ่งๆ เพื่อหยุดหอบหายใจ
“แน่จริงก็ตามมาสิ” พสุหันไปท้า แล้วตีน้ำตรงหน้าเป็นเชิงท้าทาย แต่ริวส่ายหน้าเดียะ
“ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยจริงๆนะพี่...เนี่ยริวปวดขาจี๊ดๆ แล้ว”
ตอนแรกพสุก็คิดว่าริวแกล้ง แต่ริวไม่ได้ว่ายน้ำตามมา กลับพยายามลอยตัวอยู่นิ่งๆ พสุจึงรีบว่ายกลับมาหาเพราะนึกได้ว่าริวขับรถมาเป็นร้อยกิโล แล้วมาลงน้ำกะทันหัน อาจจะเป็นตะคริวได้
“เป็นไงบ้าง จะเป็นตะคริวเหรอ” พสุถามพลางจับแขนริวไว้เผื่อว่าเด็กหนุ่มเป็นตะคริวจะได้ช่วยทัน
“ไม่เป็นครับ แต่ริวอยากเล่นกับพี่อ่ะ พี่ว่ายไปไกลริวจะเล่นกับใคร” ริวบอกหลังจากโถมเข้าไปกอดหลังพสุไว้แน่น กันพสุจับเขากดน้ำอีก
“โหยหลอกกันนี่นา...” พสุบ่นเบาๆ จริงๆ ก็หมั่นไส้เด็กเจ้าเล่ห์อยู่หรอก แต่เห็นท่าว่ายน้ำเหมือนไม่ค่อยแข็งแล้วก็เลยไม่อยากจะแกล้งอะไรมากนัก
“แหะๆ” ริวหัวเราะเก้อๆ แล้วแนบหน้ากับต้นคอพสุ ทุกครั้งที่ได้กอดพสุเด็กหนุ่มจะรู้สึกอุ่นใจสบายใจ แต่ตอนนี้มีอีกความรู้สึกเพิ่มเข้ามา คืออาการใจสั่นนิดๆ แต่มีความสุขมากมายที่ทำให้เขาเผลอยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“จะเล่นอะไร” พสุถามพลางแกะแขนที่กอดคอเขาออก แต่ริวก็ยังไม่ยอมปล่อย
“เล่นเป็นแม่โคอาล่ากะลูก” ริวตอบพลางเอาคางวางเกยมาบนไหล่พสุ
ตอนแรกพสุก็ว่าจะศอกกลับให้จุกสักทีเพราะริวล็อคคอเขาไม่ปล่อย แต่เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าที่ริวชอบสัมผัสตัวเขาเพราะโหยหาความอบอุ่น และเขาก็เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนที่ริวกอดได้อย่างสนิทใจ พสุถึงไม่เคยปฏิเสธเมื่อริวขอให้กอดหรือเป็นฝ่ายมากอดเขา
“ไม่เอาแล้ว...เล่นแบบนี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่เป็นฐานให้ริวโดด” พสุบอกพลางว่ายน้ำกลับมาตรงที่น้ำลึกระดับอก เพื่อเล่นเกม
“ยังไงครับ?”
“แบบนี้ไง ประสานมือไว้แบบนี้...แล้วคนโดดก็เหยียบขึ้นไป อาศัยจังหวะโดดกับส่งให้พร้อมๆ กัน ไม่งั้นจะโดดได้ไม่สูง”
ริวดูท่าพสุแล้วนึกไม่ออก เลยอาสาเป็นฐานให้ก่อน พสุจับไหล่ริวไว้เพื่อประคองตัวแล้วนับ 1-2-3 ก็ออกแรงโดด อาศัยจังหวะที่ริวดันเท้า พุ่งขึ้นจากน้ำแล้วม้วนตัวลงมา
ริวหัวเราะลั่น เด็กหนุ่มไม่เคยเล่นแบบนี้มาก่อน พอเห็นพสุทำก็ตื่นเต้น หลังจากเป็นฐานให้พสุโดดให้ดู 3-4 รอบ ริวก็ลองโดดดูบ้าง รอบแรกไม่สำเร็จ เพราะริวตัวหนักกว่าพสุ และเด็กหนุ่มก็ไม่โดดในจังหวะที่พสุให้สัญญาณ เลยล้มคลุกคลานกันไปทั้งสองคน แต่พอได้ลองหลายๆ รอบ ริวก็รู้ว่าควรโดดตอนไหน เด็กหนุ่มลอยตัวขึ้นในอากาศแล้วทิ้งตัวขากางแขนกางจนน้ำกระจาย เรียกว่าได้แต่สนุกอย่างเดียว ส่วนท่าดูไม่จืด พสุหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง
ความจริงเขาไม่ได้เล่นแบบนี้มานานมากแล้ว จำได้ว่าครั้งสุดท้ายตั้งแต่ตอนอยู่ ม.ต้น ที่เล่นสนุกแบบนี้ และได้หัวเราะเต็มเสียงอย่างวันนี้
ปัญหาครอบครัวและหน้าที่การงาน พรากเอาความสดใสและเสียงหัวเราะไปจากชีวิตจนหมด ความสุขดูเหมือนจะกลับมาเมื่อมีริวเข้ามาในชีวิต
ริวโผล่ขึ้นจากน้ำ สะบัดหัวไล่น้ำออกไป ตาสองข้างแดงก่ำเพราะน้ำทะเลเข้าตา แต่ใบหน้ายังเปื้อนยิ้มร่าด้วยความสนุก
“โอ๊ย! พี่ สนุก...” ริวบอกไปหอบไป ขณะลุยน้ำโซซัดโซเซเข้ามาหาพสุ พสุหัวเราะแล้วหงายหน้าลอยตัวในน้ำใช้แค่ปลายเท้าบังคับทิศทางไปรอบๆ ตัวริว
“เหมือนตัวนากเลย!” ริวอุทานลั่นแล้วหมุนตัวตามดูพสุอย่างสนใจ
“ทำได้ไหม”
“ไม่เป็นครับ...แม่ไม่เคยสอน”
คำตอบนั้นทำให้พสุชะงัก นั่นสินะริวเสียแม่ไปตั้งแต่ 8 ขวบ แล้วเด็กที่โตมาในเมืองใหญ่อย่างริว คงต้องอาศัยว่ายน้ำจากสระน้ำเท่านั้น ผิดกับเด็กที่โตมากับแม่น้ำอย่างเขา ซึ่งเรียกว่าพอวิ่งเก่งก็ว่ายน้ำได้กันหมดแล้ว
“มันก็อาศัยการลอยตัว เหมือนๆ กับที่ริวหัดว่ายน้ำนั่นแหละ ไม่ยากหรอก มาสิเดี๋ยวพี่ช่วย” พสุแตะเอวริวไว้ ขณะสอนให้เด็กหนุ่มลอยตัว แรกๆ ริวก็ทำตัวเกร็ง แต่พอเข้าใจวิธีลอยตัวก็ไม่ยากอย่างที่คิด ครู่เดียวเด็กหนุ่มก็ลอยตัวได้เหมือนพสุ แต่ยังบังคับทิศทางได้ไม่ดีเท่า
“ริว...ขึ้นกันซะทีดีไหม จะมืดแล้ว” พสุชวนกลับเมื่อสังเกตว่าแสงแดดอ่อนเต็มที
“ม่ายไหวแล้วอ่า ริวไม่มีแรงว่ายน้ำแล้ว...เหนื่อยอะค้าบ” ริวทำเสียงอ้อนๆแล้วลอยตัวไปข้างหลังพสุ กอดคอเอาหัวซบกับหลังพสุดื้อๆอ้อมแขนที่โอบกระชับทำให้พสุรู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้นระรัวของริว แสดงว่าริวคงจะเหนื่อยจริงๆอย่างที่บอก พสุจึงปล่อยให้ริวอาศัยเกาะคอเขาไว้ ขณะที่ชายหนุ่มว่ายพาเข้าหาฝั่ง
“โหพี่ดูสิ อาทิตย์อัสดงสวยจัง”
พสุอมยิ้มกับคำที่ริวใช้ ปกติคำแบบนี้มักจะใช้เวลาเขียนเพลง หรือไม่ก็บทกวี แต่ริวเล่นใช้เป็นภาษาปากไปเสียอย่างนั้น พสุจูงริวที่เดินโซซัดโซเซกลับไปที่รถ แต่ริวฉุดมือเขาไว้
“ดูตะวันลับฟ้ากันก่อนนะพี่ สวยดี ริวชอบ”
ชายหนุ่มชะงักเมื่อริวขึ้นไปนั่งบนกระโปรงหน้ารถ แล้วดึงให้เขานั่งด้วย
“ลงมาริวเดี๋ยวรถบุบหรอก” พสุเตือนแล้วดึงแขนริวลงมาแต่เด็กหนุ่มขืนไว้แล้วพยายามดึงให้เขานั่งข้างๆ
“ไม่บุบหรอกครับ ขึ้นมาเถอะ”
พสุนิ่งไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่ารถยุโรปไม่บอบบางเหมือนรถญี่ปุ่น
“แต่มันจะเค็มสิ ตัวเราเปียกน้ำทะเลแบบนี้ กัดสีรถหมดสวยไม่รู้นะ”
“ช่างเถอะ มานั่งเถอะพี่ มาๆ” ริวตบๆ ฝากระโปรงข้างๆ ตัวเชิญชวนให้พสุนั่ง
“ตามใจ อย่ามาบ่นที่หลังละกัน” พสุบอกขำๆแล้วจึงขึ้นไปนั่งบนกระโปรงหน้า คู่กับริว ดูลูกไฟดวงโตที่ค่อยๆจมหายลงในน้ำช้าๆ ท้องฟ้ายามเย็นเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีทองแล้วก็กลายเป็นส้มเข้มขึ้นเรื่อยๆ แสงแดดสุดท้ายอาบท้องฟ้าเป็นสีส้มเกือบแดง ก่อนที่สีดำจะคลี่ม่านเข้าครอบคลุมช้าๆ
ลมทะเลพัดแรงจนเสื้อสะบัดทำให้เสื้อผ้าที่เปียกชื้น หมาดแห้งอย่างรวดเร็ว แต่ก็เหนียวตัวหนับด้วยเหมือนกัน
“ยังปวดแสบปวดร้อนอยู่ไหม” พสุเห็นริวลูบๆนิ้วที่โดนพิษแมงกะพรุนก็อดถามไม่ได้
“ไม่ปวดแล้วครับ” ริวตอบแล้วหันมายิ้มเห็นฟันขาวเป็นเงาๆ
“ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวกลับไปถึงกรุงเทพเอาน้ำร้อนประคบอีกที จะได้หายเร็วๆ” พสุบอกแล้วขยับจะลงจากหน้ารถ แต่ริวคว้าศอกเขาไว้
“แล้วพี่ล่ะครับ”
“หืม?” พสุหันไปมองหน้าริวงงๆ
“พี่...หายเจ็บหรือยัง” ดวงตากลมโตที่เห็นในแสงสลัวเป็นประกายวาววับ
“พี่ไม่ได้...” พสุชะงักคำพูดไว้ เมื่อนึกออกว่าริวหมายถึงเรื่องที่เขาทะเลาะกับพ่อเมื่อวาน
“พี่คงไม่หายเจ็บง่ายๆ หรอกนะริว...แต่มันก็ไม่ถึงกับทนไม่ได้ เพราะพี่คงคุ้นกับความรู้สึกนี้แล้วล่ะ.............ที่พาพี่มาถึงที่นี่ เพราะอยากให้พี่สบายใจเหรอ?” พสุถามแล้วลูบหัวยุ่งๆ ที่ตอนนี้ผมแห้งกระด้างมือ
“ครับ...เมื่อคืนริวเห็นพี่นอนกระสับกระส่ายทั้งคืน”
“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง พี่ไม่เป็นไรริว พี่ยังไหว”
“พี่จะพิงไหล่ริวมั่งก็ได้นะ...คือ...” ริวหยุดเกาหัว เพราะไม่รู้จะใช้คำพูดยังไงดี ริวแค่อยากบอกว่าเขาพร้อมจะให้พสุพึ่งพิงในยามอ่อนแอแต่ก็กลัวพสุจะเข้าใจผิดคิดว่าดูถูก แต่พสุรู้ดีว่าเด็กหนุ่มจะบอกอะไร ชายหนุ่มจึงขยี้ผมเหนียวๆของริวเบาๆเป็นเชิงขอบใจแล้วโดดลงจากหน้ารถ
“กลับกันเถอะริว...เดี๋ยวจะถึงกรุงเทพดึกเปล่าๆ”
“ครับ”
...........................................
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยน่ารักหวานกันจริงๆริวนี้ใส่ใจความรู้สึกพี่ไผ่มากๆเลยเนอะ นึกคอนอึบๆไม่ออกเลยว่ามันจะดูหวานดูนุ่มนวลขนาดไหน อิอิ
+1จร้า
-
ขอบจัง :L2:
-
เปิดใจกันซักทีเถอะ ขอร้อง ไม่งั้นก็ได้แต่เป็นพี่น้องกันอย่างนี้
-
:กอด1:
-
:man1: น้องริวน่ารักขึ้นทุกวั้นทุกวัน
-
ริวน่ารัก....
เฮ้อออออ....อย่ามาม่ามากเลยนะ สงสารทั้งคู่เลย
-
ถือเป็นฉากสวีทของพี่น้องคู่นี้ได้มั้ย :m1:
น่ารักมากๆเลยค่ะ ดูแบบละมุนๆดีจัง
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
กรี๊ซซซซซซซ :m3: น่ารักน่าชังจริงๆเลยคู่นี้
แต่ว่า เมื่อไหร่จะเปลี่ยนสถานะกันสักทีหว่า :m21:
-
ตอนนี้หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :z1:
หนูริวน่ารักขึ้นทุกวันจริงๆ เลยค่ะ
ว่าแต่เมื่อไหร่จะได้ข้ามขั้นพี่น้องเนี่ย :impress3:
-
:-[
หุหุหุ
-
นู๋ริวน่ารักจริง ๆ เป็นห่วงพี่ไผ่น่าดู
-
:man1 :man1: :man1: :man1:
-
ถึงน้อยไปนิดแต่อ่านแล้วสุขใจมากเลย
ริวเด็กดีมากเลย :กอด1:
-
ชอบๆ ตอนนี้น่ารักจัง :กอด1:
-
สั้นไปหน่อย แตน่ารักมากๆ :กอด1: ริวปลอบใจพี่ไผ่ไดน่ารักสุดๆ ชอบมาก
เริ่มหวานกันแบบไม่รู้ตัว :L2:
-
อุ่นๆ
-
"มีไหล่เอาไว้ให้ซบ มีมุมให้เธอได้พัก
มีตักให้เธอหนุนนอนเมื่อเธอเหน็ดเหนื่อยใจ
ถึงไม่ได้รักตัวฉัน ขอแค่ให้เธอไว้ใจ
ผู้ชายคนนี้หวังดีกับเธอเสมอ"
ท่อนนี้มันแว้ปขึ้นมาในหัวพอดี น้องริวหวังดีกับพี่ไผ่เสมอ :L1:
-
ติดตามอ่านอยู่ค่ะ ชอบเรื่องนี้มาก รู้สึกอบอุ่นดี เดาไม่ออกเลยว่าจะลงเอยกันได้ยังไง o13
-
หวานจังเลยยยยยยย อ่านไปก็รู้สึกอบอุ่นกับ
ความรักของริวกับพี่ไผ่จริงๆๆ งื้อออออ
-
ฮืออออออออออ :sad4:
ริวน่ารักจังเลยยยยยยยยยยยยยย!!!
พี่ไผ่เข้มแข็งน้าาาาาาา ริวจะได้สบายใจ :bye2:
-
อุ่นๆหัวใจตามพี่ไผ่เลยริว
-
ริวน่ารักอ่ะ
o13 o13 o13 เป็นเด็กดีจริงๆๆๆๆๆ ทำให้พีสบายใจ
-
น่ารักจริงๆ เลยริวเป็นเด็กดีที่สุด
-
ซุ่มอ่านมานาน ขอรายงานตัวค๊า
รักพี่ไผ่ม๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
-
ริวน่ารักจริง ๆ พาพี่ไผ่ไปเที่ยวให้สบายใจ ^^
-
ริว
อยากได้ริว
อยากได้มั่ง
จะเอาอ่า
จะเอาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
:sad4:
-
โรแมนติกสุด ๆ เลยน๊า
นั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน
ตอนนี้หวานกันมากเลยค่ะ
น้ำทะเลยังหวานเลยอ่ะ
-
อร๊ายยยย น่าร๊ากกก
พี่ไผ่สู้ๆนะ ปัญหามันต้องมีทางแก้สิ
หนูริว น่ารักอ่ะ รู้ตัวป่ะเนี่ย หุหุ
พี่ไผ่ เคะขึ้นทุกวันจริงๆนะเนี่ย :m1:
-
ริว น่ารักมากกก แต่แมงกะพรุนไม่ใช่ของเล่นนะลูกกกก เกิดแพ้ขึ้นมาละยุ่ง :sad4:
-
ริวน่ารักมาอ่ะ ขอรีดเดอร์คนนี้ เป็น "เรา สอง สาม คน" ได้ป่ะ เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆ
-
ให้ร้อยคะแนนบวกๆๆๆๆ :L2:
-
เป็นกะลังใจ
-
:-[ น่ารักได้อีกคู่นี้
:pig4: writer คะ
-
พี่น้องที่น่า"รัก"จัง
-
บรรยายกาศพาซึมลึกไปเรื่อยๆ
-
น่ารักกกกก
โฮยยยย ตอนนี้สวีทมากนะ!!
ริวก็ดีจริง ไม่อยากให้พี่ไผ่เศร้า....
>.<
-
:impress2: ชอบจัง
-
ไม่มีคำบรรยาย...น่ารักมากๆๆ :L2: :3123:
-
หวานกันให้คนอ่านน้ำตาลในเลือดสูงกันอีกแล้ว
ไม่เชียร์นี่ไม่ได้แล้วนะ ต้องเชียร์สุดใจ
-
:-[ อ๊ากกกก อ่านไปอมยิ้มแก้มตุ่ยไป ไม่ไหวจะเคลียจริงๆ
ริวน่ารักสุดใจ ขึ้อ้อน เกาะเป็นหมีโคอาล่าไปเลย อ่านแล้ว อยากไปเป็นปาปาเห็นเหตุการณ์นี้จัง
-
รอตอนต่อไป :L2: :L2:
-
น่าร้ากกกกกก
ริวเป็นเด็กดี อยากทำให้พี่สบายใจ
อบอุ่นจังเลยค่ะตอนนี้
+1 และเป็นกำลังใจให้ทั้งคนเขียนและคนโพสจ้า
ปล. ถ้าวีจำไม่ผิดนะคะ คิดว่าShelby เป็นรถสปอร์ตของอเมริกาค่ะ ไม่น่าจะใช่ยุโรป ถ้าของยุโรปที่เป็นรุ่นใกล้เคียงกันก็Ferrari อ่ะค่ะ
-
สุดยอดม๊ากกกกกกกกกกกกกก
อดหลับอดนอนตามอ่านมา 2 วันเต็มๆ ในที่สุดก็ครบตอนแล้ว
คลั่งไคล้นุ้งริว หลงรักพี่ไผ่ และแอบปันใจให้พี่ตะวัน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มาต่อนะคะ ติดม๊ากกกกก
-
ดันหน่อย ๆๆๆ ว่าแต่นี้ก็ผ่านมานานเนินแล้ว มะไหร่พี่ไผ่จะรู้ใจน้องริวเสียทีว่าน้องริวเค้ายังไงด้วย แอร๊ยยยยยยช่างเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเสียนี่กระไร
-
ชอบมาก ใส่ใจกับความรู้สึกของคนข้างๆ
+1
-
+1 เป็นกำลังใจให้นายไผ่
-
น่ารักอ่า
นับวันยิ่งรักนู๋ริวกะพี่ไผ่มากขึ้นๆ :impress2:
-
:pig4: :L1: :pig4:
-
...เป็นเรื่องที่การดำเนินเรื่องไม่รีบร้อน แต่ค่อยๆซึมเข้าไปในใจที่ละนิด
ให้ความรู้สึกโรแมนติคดีค่า :impress3:
เป็นสมาชิกมาได้สักพัก แต่เพิ่ง reply เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก :o8:
คืออยากให้กำลังใจผู้แต่งน่ะค่ะ เพราะเราตามเรื่องนี้ตลอดเลย
ยังไงก็สู้ๆนะคะ o13
-
เมื่อไหร่ ริวจะบอกความรู้สึกให้พี่ไผ่รู้ล่ะ
อยากรู้อ่า ลุ้นๆๆๆๆ o13
-
คุณสปริงขา หายไปไหนกันหมดทั้งคนเขียนคนโพสต์
คนแถวนี้แอดมิดแล้วนะ :sad2: ต้องส่งไอซียูเพราะลงแดงคิดถึงน้องริวกะพี่ไผ่
-
เมื่อไหร่จะมาต่อคร๊าาาาาาาาาาาาาา :dont2:
คิดถึงแล้วค่ะ :o12:
มาต่อเร็วๆนะคะ :L2: :กอด1:
-
มานอนหนาวรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ :t3: :L2:
-
มาต่อหน่อยค๊า คิดถึงพี่ไผ่จะแย่แล้ว ฮือออออ
-
ตอนนี้อากาศเริ่มหนาว คิดถึงความอบอุ่นของพี่ไผ่กับน้องริวจังค่ะ
-
:call: เมื่อไหร่จะมาน๊า??
-
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกก
-
รอเหตุการณ์ที่จะทำให้ริวกับไผ่รู้ใจตัวเองสักที... :เฮ้อ:
รัก writer จ้า...จุ๊บๆ
-
มาแล้วนะฮ๊าฟฟฟฟฟฟ :give2:
ขอบคุณทุกคนที่ช่วยดันให้อยู่หน้าแรกน๊าา จุ๊บุ จุ๊บุ ^^
********************************
ตอนที่ 45
ริวถอยรถขึ้นมาบนถนนลูกรังเล็กๆ แล้วขับขึ้นไปบนถนนสายหลักที่อยู่ไม่ไกลนัก เบาะที่ปรับจนอยู่ในท่าเอน มือหนึ่งแตะอยู่บนพวงมาลัย อีกมือกุมอยู่ที่กระปุกเกียร์ กับลีลาการบังคับรถให้โยกแซงอย่างคล่องแคล่วของริวทำให้พสุทึ่ง
“ท่าขับยังกับนักแข่ง...เคยขับรถแข่งไหมริว”
“เคยขับฟอร์มูล่าวันครับ” ริวตอบยิ้มๆ แต่ตายังจับอยู่ที่ถนนเพราะตอนนี้รถบรรทุกเริ่มหนาตา
“หา! เคยขับอะไรนะ” พสุหันขวับไปมองหน้าริวด้วยความตกใจ
“ฟอร์มูล่าวันครับ ตอนนั้นอลันพาไปเรียนขับรถ”
พสุอยากจะกุมหัว ผู้ปกครองของริวพาเด็กหนุ่มไปหัดขับรถด้วยรถที่เร็วที่สุดในโลกเนี่ยนะ...ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ ท่าทางผู้ปกครองของริวคนนี้คงเป็นเศรษฐีเพี้ยนๆ แน่ ถึงทำอะไรประหลาดๆ แบบนี้
ยังไม่ถึงชะอำก็สองทุ่มกว่าแล้ว แม้จะมีแอร์เย็นๆ แต่ก็เหนียวตัว พสุจึงเริ่มมองหาร้านขายเสื้อผ้า จนเจอร้านค้าเล็กๆ ริมถนน ซึ่งมองเห็นได้จากตรงที่รถจอดติดไฟแดงอยู่ จึงชี้ให้ริวไปจอดรถที่หน้าร้าน
รถสีดำในยามค่ำไม่น่าจะสะดุดตามาก แต่ความที่เป็นรถสปอร์ต ก็ต้องมีคนเหลียวมามองเป็นธรรมดา พสุตรงเข้าไปเลือกเสื้อผ้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อยืดสีสันสดใส หรือไม่ก็เป็นพวกเสื้อกีฬาไปเลย โชคดีว่าแถวนี้มีชาวต่างชาติแวะเวียนมาเสมอ จึงมีเสื้อผ้าไซด์ใหญ่พอที่ ริว จะใส่ได้สบาย มาติดปัญหาที่กางเกง หลังจากหาอยู่พักใหญ่พสุก็ตัดสินใจซื้อกางเกงทหารลายพรางตัวใหญ่ๆ มาได้ 4 ตัว เจ้าของร้านยิ้มแป้นที่พสุไม่ต่อรองราคาสักคำ
“แหมพ่อหนุ่มนี่หล่อนะ หน้าตาคุ๊นคุ้น...หยั่งกะเคยเห็นที่ไหน” สำเนียงเหน่อแบบชาวเพชรบุรีทำให้พสุอดอมยิ้มไม่ได้ เขาชอบฟังคนพูดภาษาถิ่น เพราะรู้สึกว่าน่ารักและดูจริงใจดี
“ผมหน้าโหลครับ มีคนทักว่าคล้ายคนโน้นคนนี้บ่อยไป”
“เหรอ...เออ แต่ป้าว่าเอ็งนี่...หน้ามั๊นคุ่นนน...มีญาติอยู่แถวนี้มั่ยเหลี่ย?”
“ไม่มีหรอกครับ...ทั้งหมดเท่าไหร่ครับป้า”
“เสื้อ 4 ตัว กางเกง 4 ตัว คิดเอ็งพันห้า แล้วกันไอ้หนู”
พสุจ่ายเงินเสร็จก็ยืนรอเงินทอน ระหว่างนั้นริวก็ทนไม่ไหว ตามลงมาจากรถ
“พี่...ริวหิว” ริวบอกแล้วลูบท้องป้อย ได้ยินเสียงท้องร้องจนพสุอดยิ้มไม่ได้ พอป้าเจ้าของร้านเอาเงินทอนมาให้ชายหนุ่มก็ถามหาร้านขายอาหาร
“ป้าครับ แถวนี้มีร้านขายอาหารไหมครับ”
“ร้านมันเหลือม่าย(ไม่เหลือ)...ปิดหมดแล้วละป่านนี้...เออ มีงานที่วัด เอ็งไปแวะที่งานสิ ของกินเหยอะไป” ป้าเจ้าของร้านตอบแล้วเหลือบมองหน้าริวอย่างสนใจ คงคิดว่าเป็นลูกค้าอีกคน แต่พอเห็นเด็กหนุ่มยืนเฉยไม่มีท่าทีว่าจะซื้อของก็เลิกสนใจ
“วัดอยู่ไกลไหมครับ”
“ไกลม่าย(ไม่ไกล) ถัดจากนี้ไปสองโล”
“ขอบคุณครับป้า” พสุกับริวไหว้ลาป้าเจ้าของร้านแล้วออกมาขึ้นรถ ได้ยินเสียงแกเรียกลูกสาวให้มาช่วยปิดร้าน
“เดี๋ยวสิแม่ หนูดูคิสมีอีกหน่อยก่อน”
“จะคิดมีคิดมากอะไรก็ค่อยดู มาช่วยกันเก็บของก่อนสิอีหนู” เสียงป้าเจ้าของร้านบ่นลูกสาวลั่นๆ พสุจึงบอกให้ริวออกรถ จังหวะที่รถเคลื่อนออกมา ลูกสาวของป้าเจ้าของร้านก็วิ่งออกมามองซ้ายมองขวา ก่อนจะร้องกรี๊ดแล้วชี้ตามท้ายรถพร้อมกับกระโดดเหยงๆ ขณะที่ร้านข้างเคียงต่างออกมาดูเจ้าหล่อนกันเป็นแถว
“อะไรเหรอพี่?”
“หึหึ เกือบมีคนจำได้นะสิ” พสุตอบขันๆ ขณะกดปิดกระจกขึ้นเพราะลมเริ่มแรง วิ่งมาประมาณ 2 กิโลเมตรอย่างที่ป้าเจ้าของร้านบอก ก็เห็นแสงไฟสีแดง สีฟ้า สีเหลือง สว่างไสวแต่ไกล พสุจึงให้ริวชะลอรถ แล้วมองหาที่จอด คนถือไฟฉายมาคอยโบกเรียกให้รถเข้าลานจอดของตัวกันเป็นแถว พสุเลือกจุดที่จอดไม่ห่างจากถนนมาก และค่อนข้างเข้าออกสะดวก ก่อนจะส่งเสื้อที่เพิ่งซื้อให้ริวเปลี่ยน ส่วนกางเกงคงต้องใส่ของเดิมไปก่อน
พอลงมาจากรถ ก็เห็นเด็กที่รับฝากรถ ยืนจ้องรถตาเป็นมัน พอหันมาเห็นพสุ ก็ขมวดคิ้วแล้วจ้องมองเขม็ง
“ค่าฝากรถเท่าไหร่ครับ”
“คันละ 30 เพ่”
“อืม...เอางี้ ดูแลให้ดี รถพี่ไม่มีรอยขูดขีด กลับมาพี่ให้ร้อยนึง สนไหม”
“ได้เรยเพ่ สบายมาก...ว่าแต่เพ่นี่หล่อนะ หน้าคุ้นๆอ่ะ เหมือนเคยเห็น”
“ทำไมวันนี้มีแต่คนทักว่าหน้าคุ้นๆ สงสัยจะหน้าโหลมั้ง” พสุทำเป็นบ่น แล้วแตะแว่นใสคล้ายแว่นสายตาให้เข้าที่ มืดป่านนี้แล้วถ้าจะใส่แว่นดำคงกลายเป็นสะดุดตามากกว่าพรางสายตา
“โฮ้ย หล่อขนาดเบียดๆกับผมเนี่ย ไม่โหลแล้ว...จะบอกให้” เด็กหนุ่มคนนั้นตอบอย่างมั่นใจในความหล่อของตัวเองสุดขีด
“อ้อ” พสุรับคำแล้วหัวเราะ ริวที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อเสร็จตามลงมายืนฟังตาแป๋ว เด็กหนุ่มขยับจะพูดแต่พสุส่ายหน้าปราม แล้วรับบัตรจอดรถเดินนำริวเข้าไปข้างในงาน
ริวเหลียวมองรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ ของกินมากมายสารพัดที่ริวไม่เคยเห็น เล่นเอาเด็กหนุ่มถึงกับท้องร้อง ลูกชิ้นปิ้ง หมูย่าง ปลาหมึกย่าง น้ำแข็งไส กล้วยทอด น้ำอ้อยคั้น ริวซื้อทุกอย่างที่เห็น จนพสุต้องคอยห้าม กว่าจะพาริวไปถึงย่านที่เป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ริวก็หอบของกินพะรุงพะรังเต็มสองมือ พสุเลือกเข้าร้านที่ดูสะอาดสะอ้านเพราะกลัวว่าริว จะท้องเสีย
และสมกับเป็นเพชรบุรี รสชาติของอาหารนั้นดีเทียบภัตตาคารได้สบายๆเลยทีเดียว ริวชอบข้าวผัดปูที่พสุสั่งเนื้อปูพิเศษมาให้มาก เด็กหนุ่มกินไปถึง 2 จาน ก่อนจะหันมาจัดการกับของสารพัดอย่างที่ซื้อมา
พอท้องอิ่ม ริวก็เริ่มสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ขณะที่พสุมองไปในวัดอย่างสนใจ ก่อนจะตัดสินใจชวนริวเข้าไปทำบุญด้วยกัน คนล้นหลามจนแทบไม่มีที่แทรก ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ทำให้ไม่มีใครสนใจใคร พสุพาริวแทรกคนเข้าไปซื้อดอกไม้ธูปเทียน แล้วพาไปกราบพระ ปิดทอง ก่อนจะพากันออกมาเติมน้ำมันตะเกียง ปิดท้ายด้วยการทำบุญกระเบื้อง
“พี่...ทำไมเขาต้องชักรอกตุ๊กตาขึ้นไป?” ริวถามพลางชี้ไปที่หลังคาโบสถ์
“เขาเรียกนางฟ้า คนไทยมีความเชื่อว่าสร้างโบสถ์สร้างวิหารเป็นการสร้างบุญใหญ่ เขาก็เลยใช้ตุ๊กตานางฟ้าลงมารับกระเบื้อง เป็นเหมือนสัญลักษณ์ไงว่าทำบุญแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ เป็น กุศโลบายที่จะให้คนทำบุญ” พสุอธิบายแล้วแปลคำว่ากุศโลบายซ้ำอีกทีเพื่อไม่ให้ริวงง
หลังจากยืนดูตุ๊กตานางฟ้าถูกรอกขึ้นหลังคาโบสถ์หลายรอบ พสุก็ชวนริวเดินเที่ยวงานวัดต่อ เสียงประกาศจากสารพัดร้านค้าทำให้ริวต้องเหลียวหน้าเหลียวหลังด้วยความงุนงง เพราะต่างคนต่างประกาศ ต่างร้านต่างก็เปิดเพลงจนแซดไปหมดไม่รู้ร้านไหนเป็นร้านไหน พสุเหลียวมองเด็กโข่งข้างหลังแล้วอดขำไม่ได้ เคยได้ยินแต่สำนวนบ้านนอกเข้ากรุง แต่นี่พาคนจากมหานครมาบ้านนอก ดูเหมือนจะเด๋อด๋าน่าขำกว่าเสียอีก
“พี่...นั่นอะไร” ริวถามพร้อมกับดึงมือพสุไว้ ชี้ให้ดูร้านยิงปืนที่ตั้งเรียงรายเป็นแถว
“อ๋อ! ร้านยิงปืน อยากลองไหม?” พสุถามแล้วไม่รอให้ริวตอบแต่เดินนำลิ่วไปร้านยิงปืน ซึ่งตั้งเรียงรายเป็นแถว แม้จะมีหลายร้านแต่ก็มีลูกค้าหนาแน่นแทบทุกร้าน กติกาในการแจกรางวัลของแต่ละร้านก็ต่างกันออกไป บางร้านพอยิงโดนตุ๊กตาก็จะเคลื่อนไหว ตามลานที่ตั้งไว้ บางร้านก็จะเป็นว่าถ้ายิงโดนจะให้ตุ๊กตาตัวนั้น
“พี่ดูลิงตัวนั่นสิครับ ตลกดี...อ้าว! หยุดตีซะแล้ว” ริวชี้ให้พสุดูลิงตีฉาบที่ส่ายหัวส่ายตัวเข้ากับเสียงเพลง
“ริวก็ต้องยิงให้โดนเป้าสิ เดี๋ยวลานมันก็หมุนอีก”
“เหรอ...พี่แล้วรถไฟละครับ มันจะเป็นยังไง?”
“อยากรู้ก็ต้องลองยิงให้โดนถึงจะรู้...มาแข่งกันเอาไหม” พสุท้าแล้วหันไปยักคิ้วให้ริว ก่อนจะจ่ายเงินค่าปืนและลูกกระสุนยางสองชุด มาให้ริวยิงแข่งกัน
“โอ้โห! พี่ไผ่เก่งจัง” ริวอุทานเสียงดังอย่างตื่นเต้น เมื่อพสุยิงรวดเดียวสามนัดแล้ว เข้าเป้าทั้งสามนัด ลิงตีฉาบ รถไฟวิ่งวนไปตามรางสั้นๆ และตุ๊กตาผู้หญิงเต้นรำเป็นวงกลมแบบกล่องดนตรี
หลังจากนั้นริวก็โชว์ฝีมือบ้าง ซึ่งนอกจากเสียค่ายิงไปเกือบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มก็มีโอกาสยิงแค่เฉียดๆเพียงหนเดียวเท่านั้น ริวหน้ามุ่ยทำปากยื่นขณะที่พสุหัวเราะจนตัวงอ เด็กหนุ่มเดินหนีด้วยความน้อยใจที่ทำไม่ได้เหมือนพี่
“ไปดูมอเตอร์ไซค์ไต่ถังกันดีกว่าน่า” พสุล็อคคอเด็กหนุ่มลากไปยังลานกว้างอีกด้านที่กำลังมีมอเตอร์ไซค์วิ่งวนโชว์ลีลาอยู่รอบสิ่งก่อสร้างทรงกระบอกขนาดใหญ่ รอบนอกเป็นโครงเหล็กข้างในแปะด้วยไม้กระดาน มีบันไดให้คนที่ซื้อตั๋วเดินขึ้นไปยืนดูรอบๆขอบถัง
ตอนที่พสุพาริวขึ้นไปนั้น มีรถมอเตอร์ไซค์วิบากขนาดเล็กวิ่งวนอยู่ข้างล่าง คนขับตัวเล็กนิดเดียว น่าจะไม่เกิน10 ขวบ กำลังโชว์ลีลาขับวนไปเรื่อยๆ ก่อนจะมีรถมอเตอร์ไซค์วิบากอีกคันวิ่งเข้ามา แล้วรถคันเล็กก็ขับออกไปทางประตูด้านล่าง
หลังจากคันแรกโชว์ลีลาวิ่งวนขึ้นมาจนเอื้อมมือมารับรางวัลจากคนดูบนถังได้ ข้างล่างก็มีมอเตอร์ไซค์อีกคันเข้ามา แล้วการไต่แบบ 2 คันสวนกันอย่างน่าหวาดเสียวก็เริ่มขึ้น และยิ่งเพิ่มความน่ากลัวด้วยการเพิ่มรถเข้ามาอีก เป็น 4 คัน วิ่งวนตามกันบ้าง สวนทางกันบ้าง ริวนั้นตื่นเต้นมาก ท่าทางจะชอบความเร็วและหวาดเสียวอย่างที่พสุคิดไว้จริงๆ ตอนแรกชายหนุ่มก็อมยิ้มดูด้วยความสบายใจ แต่พอรอบสุดท้าย ทางคณะมีการประกาศเชิญชวนให้คนดูลงไปร่วมสนุกด้วยการนั่งซ้อนท้าย ริวก็หันขวับมามองหน้าพสุทันที
“พี่ริวอยากซ้อนท้าย”
“ไม่!” พสุปฏิเสธสวนทันควันจนเด็กหนุ่มอึ้ง แล้วเปลี่ยนเป็นหน้าจ๋อย
“มันอันตรายมากนะ ที่ริวเห็นนี่เขาใช้เวลาฝึกเป็นสิบๆ ปีถึงทำได้แบบนี้ แต่ก็ยังไม่วายเกิดอุบัติเหตุ”
“แต่...ถ้าเขาให้คนดูลองได้ก็น่าจะปลอดภัย” ริวแก้ตัวเสียงอ่อยๆ พสุถอนใจเฮือกแล้วเดินลงบันไดมาข้างล่าง ริวก็วิ่งตามมา
“พี่...พี่ไผ่...พี่โกรธริวเหรอ” ริวตามมาคว้าแขนพสุจนถุงขนมร่วงหลุดมือ พสุส่ายหน้าแล้วก้มลงเก็บส่งคืนให้
“ไม่ได้โกรธหรอก แต่ถ้าพี่ยืนเถียงอยู่กับริวบนนั้น ริวก็ต่อรองไม่ยอมกลับง่ายๆ จริงไหม”
“พี่ไม่โกรธริวแน่นะ”
“ไม่ได้โกรธครับ พี่รู้ว่าริวอยากลอง อยากสนุก แต่มันอันตรายเกินไป พี่ไม่อนุญาตเข้าใจไหม”
“ครับ”
“งั้นก็กลับกันซะทีดีไหม กว่าจะถึงกรุงเทพคงดึก”
“ครับ” ริวรับคำแล้วเดินตามพสุต้อยๆ ระหว่างนั้นก็ผ่านร้านตักไข่ ร้านขายสัตว์เลี้ยงพวกกระต่ายแคระ หนูแฮมสเตอร์ ริวก็หยุดยืนมองตาละห้อย
“เราเลี้ยงไม่ได้หรอกนะริว...งานยุ่งขนาดนี้ถ้าเอาไปก็เป็นภาระให้คนอื่นเปล่าๆ”
“ครับ” ริวรับคำแล้วเหลือบมองเจ้ากระต่ายแคระอีกรอบก่อนจะเดินตามพสุมา
พสุเห็นอาการเหลียวหน้าเหลียวหลังของริวแล้วอดสงสารไม่ได้ ท่าทางริวยังอยากเที่ยว แต่เพราะเขากลัวจะดึกถึงได้รีบพากลับ ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นร้านปาลูกดอกจึงตัดสินใจให้ริวเล่นเกมอีกสักเกมก่อนกลับ
“ริว...ปาลูกดอกกันไหม”
“เอาครับ” ริวรับปากทันทีทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพสุหมายถึงอะไร พสุเดินนำเข้าไปในร้านปาลูกดอกแล้วสอนวิธีเล่นด้วยการปาให้ริวดูก่อน เด็กหนุ่มก็ทำตาม ตอนแรกริวก็ขว้างสะเปะสะปะ แต่พอรู้วิธี ไม่กี่ลูกริวก็ปาถูกลูกโป่งแตก เจ้าของร้านหยิบใบสลากในลูกโป่งที่แตกมาใส่แก้วไว้ให้ เพราะริวยังซื้อลูกดอกปาอีกอย่างสนุกสนาน ดูท่าทางริวไม่ได้อยากได้รางวัล แต่ชอบปาให้ถูกลูกโป่งแตกมากกว่า
“ริว...พอเถอะ ดูสิรางวัลจะเต็มแก้วแล้ว”
“ขออีก 10 ลูกนะพี่”
“10ลูกแล้วหยุดทันทีนะ”
“ครับ” ริวรับปากแล้วขว้างต่อไปอีก เจ้าของร้านยิ้มหน้าบาน เพราะแค่พสุกับริวสองคนก็ได้ไปสามพันบาทแล้ว เพราะริวเลือกแบบ 2 ลูก 100 บาท ซึ่งของรางวัลก็ราคาสูงตาม แต่ริวเรียกลูกดอกมาทีละ 10 ลูก แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตา ท่าทางสนุกเต็มที่
ปกติพสุไม่ใช่คนใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับเรื่องไร้สาระ แต่พอเห็นริวหัวเราะร่า ตาเป็นประกายสดใสแบบนี้ เขาก็ขัดใจไม่ลงจริงๆ
พอเลิกเล่น เจ้าของร้านก็เอาสลากในลูกโป่งมาแกะเพื่อแลกรางวัล ทั้งตุ๊กตา นาฬิกา หมอน แม้ริวจะไม่ได้ปาถูกทั้ง 60 ลูก แต่ของรางวัลก็มากจนเจ้าของร้านต้องไปเอาถุงใบใหญ่มาให้ใส่รางวัลถึง 2 ใบ แล้วไหนจะบรรดาถุงขนมของริวอีก
“ริว...อยากได้ของพวกนี้ไหม”
“อยากได้ครับ” ริวตอบทันที ตาใสแป๋วเหมือนเด็กทำให้พสุอดยิ้มไม่ได้
“แต่มันเยอะเน้อ บางอันก็ซ้ำๆ กันด้วย” ริวบ่นหลังจากก้มดูรางวัลในถุงที่ซ้ำๆกันหลายชิ้น
“นั่นสิ อันไหนที่ซ้ำกัน เราเอาให้คนอื่นดีไหม” พสุถามแล้วแยกของบางชิ้นอย่างนาฬิกาติดผนังรูปการ์ตูนสีสดใสและตุ๊กตาออกมาก่อน
“ให้ใครเหรอพี่?”
“แจกเด็กๆ แถวนี้”
“เอาสิครับ แล้วจะแจกใครดี”
พสุยิ้ม แล้วหันไปรอบๆ เห็นมีเด็กๆหลายคนที่พ่อแม่พามาเที่ยวงาน ยืนจ้องตุ๊กตาบนชั้นเขม็ง แต่พ่อแม่ก็ปฏิเสธที่จะเสียเงินไปกับค่าลูกดอกโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้ตุ๊กตาตัวนั้นหรือเปล่า
“ริวเอาตุ๊กตาตัวนี้ไปให้เด็กคนนั้นสิ” พสุส่งตุ๊กตาตัวที่เหมือนกับที่แม่หนูอยากได้ให้ริว เด็กหนุ่มรับแล้วเดินงงๆ ไปส่งให้ตุ๊กตาให้เด็ก ตอนแรกพ่อแม่เด็กก็หันมามองอย่างระแวง แต่พอหันมาเห็นถุงใบใหญ่ที่ใส่รางวัลเต็มถุงก็ยิ้มออกแล้วหันมาขอบคุณริว ขณะที่แม่หนูน้อยหน้าบาน ไหว้ริวกระชดกระช้อยน่ารัก จนคนถูกไหว้ก็หน้าบานไปด้วย
“เด็กคนนั้นน่ารักจัง...พี่...ริวไม่เอารางวัลแล้ว เราเอาไปแจกเด็กๆกัน”
พสุอดหัวเราะไม่ได้ ดีใจที่ริวคิดแบบนี้ อารมณ์ของผู้ให้นั้นปรีติอิ่มเอมเสมอ และเขาคิดว่าริวก็คงจะรู้สึกเช่นกัน ตอนแรกริวก็ทำท่าจะแจกดะ แต่พสุปรามไว้ก่อน แล้วบอกให้ริวเลือกให้แต่คนที่เขาอยากได้ ริวก็เลยทำตัวเป็นซานตาคลอส หิ้วถุงใส่ของมือหนึ่งอีกมือก็หยิบของในถุง แจกเด็กๆ ที่พ่อแม่พามาเล่นปาเป้าแล้วไม่ได้รางวัลกลับไป
“กลับกันดีกว่าริว” พสุเตือนเมื่อเห็นว่าชักดึกแล้ว ริวก้มมองของในถุงยังเหลืออีกหลายอย่าง แต่ตอนนี้ก็ไม่มีเด็กๆมาเล่นปาเป้าแล้ว มีแต่ผู้ใหญ่สองสามคน ริวจึงหอบถุงของกลับไปที่รถ
พอไปถึงพสุก็อดอมยิ้มไม่ได้ เด็กหนุ่มที่รับฝากรถ เอาเชือกฟางมากั้นรอบรถริวถึงสองชั้น แล้วให้เด็กตัวเล็กสองคนยืนเฝ้าอยู่ พอพสุกับริวมา เด็กสองคนนั้นก็จ้องหน้าพวกเขาเขม็ง
“พี่เป็นเจ้าของรถเหรอ”
“ใช่ครับ”
“รอเดี๋ยว ผมถามพี่เบิ้มก่อน ถ้าพี่เบิ้มบอกใช่พี่ถึงจะเอารถไปได้ รู้ป่ะ”
“ได้ครับ” พสุรับคำยิ้มๆ เด็กตัวเล็กกว่าวิ่งปรู๊ดหายไป ครู่เดียวเด็กหนุ่มที่รับฝากรถก็วิ่งตามมา
“อ้าวเพ่นั่นเอง เอ้ามึงถอยมาดิ พี่เขาจะได้เอารถไป”
พสุส่งเงินให้เด็กหนุ่มที่ชื่อเบิ้มตามสัญญา แต่ยังเผื่อแผ่ไปให้อีกสองหนุ่มน้อยคนละ 100 เหมือนกัน เล่นเอาสองหนุ่มน้อยหน้าบานแฉ่ง
พสุหยิบหมอนโดเรม่อนไว้สองใบ แล้วส่งถุงใส่ของรางวัลที่เหลือให้เบิ้ม
“อันนี้แถม”
“ขอบคุณคับเพ่ แหมใจดีจัง”
พสุหันไปเห็นริวยืนหาวหวอดแล้วหมุนไหล่อย่างเมื่อยๆ ก็อดขำไม่ได้ ก็เล่นปาไปตั้ง ห้าสิบกว่าลูกคนเดียว จะไม่เมื่อยได้ยังไง
“เอากุญแจมาให้พี่ริว เดี๋ยวพี่ขับเอง”
ริวส่งกุญแจให้อย่างว่าง่าย พอขึ้นรถพสุก็ยื่นหมอนที่เพิ่งได้มาส่งให้ริวทั้งสองใบ เด็กหนุ่มแกะถุงพลาสติกออกแล้วเอาใบหนึ่งหนุน อีกใบกอดไว้ ก่อนจะคาดเข็มขัดนิรภัย
ขณะที่พสุขับรถออกจากลานจอด ชายหนุ่มก็เห็นเบิ้มกำลังยื่นตุ๊กตาให้เด็กช่วยเฝ้ารถสองคนนั่น ขณะที่เด็กสองคนนั้นก็ยื่นเงินที่เขาให้ ให้เบิ้มด้วยท่าทางเสียดาย
“พี่จอดก่อน” ริวร้องบอกพร้อมกับลุกนั่งตัวตรง แล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก
“จะทำไมเหรอริว” พสุถามแต่ไม่ได้จอดรถตามที่ริวบอก
“ก็เด็กคนนั้นขี้โกง ทำไมต้องแย่งเงินเด็กเล็กๆ ด้วย พี่จอดรถก่อนริวจะลงไปดู” ริวชะเง้อมองกระจกส่องหลังอย่างร้อนใจ
“ริว...อย่าไปยุ่งเลย”
“ทำไมละครับ ก็เขาทำผิด” ริวหันมาถามพสุด้วยสีหน้าพิศวงสุดขีด เด็กหนุ่มคิดว่าพสุไม่ทันเห็น ถึงไม่ได้ลงไปช่วยเด็กสองคนนั้น
“ริวรู้ไหม เด็กพวกนี้เขามักจะโตมาด้วยกัน อยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นแก๊งค์ บางทีก็เป็นญาติกัน เด็กสองคนนั้น ยังต้องอาศัยกิน อาศัยอยู่กับนายคนขี้โกงที่ริวว่าไปอีกนาน ถ้าริวลงไปเอะอะ แน่ล่ะว่าเขาก็อาจจะยอมคืนเงินให้ แล้วพอริวมาแล้วล่ะ เด็กสองคนนั่นจะทำยังไง ไม่ใช่ว่าเด็กสองคนนั้นจะไม่ได้เงินนะริว เพียงแต่อาจจะได้ตามสัดส่วนที่เขาจะแบ่งให้ การที่เขาให้ตุ๊กตา ก็แปลว่าเขายังมีน้ำใจ เยอะไปที่ไม่ให้อะไรเลยนอกจากอาหารสามมื้อ”
พสุอธิบายอย่างคนมีประสบการณ์ เขาเป็นเด็กบ้านสวน เที่ยวงานวัดมาตั้งแต่เด็กๆ สมัยเขาเป็นเด็กเขามีเพื่อนเป็นเด็กรับฝากรถและเด็กตามคณะเร่ขายของที่จะไปขายของตามงานวัดต่างๆ จากที่ไปอีกที่ จากจังหวัดไปอีกจังหวัด ทำให้เขาได้รู้เรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เป็นเด็ก
“ทำไมโลกนี้ไม่ยุติธรรมเลย” ริวบ่นพึมพำหลังจากนั่งเงียบไปครู่ใหญ่ๆ พสุเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ
“ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ริวต้องเรียนรู้ ไม่มีสิ่งไหนในโลกหรอกนะที่มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย ทุกอย่างล้วนมีสองด้านเสมอนั่นแหละ อยู่ที่เราจะมองเห็นด้านไหนเท่านั้นเอง” พสุปลอบเสียงอ่อนโยน เพราะเขารู้ว่าริวสะเทือนใจ
ริวมองโลกด้วยสายตาของเด็ก ที่เห็นแค่สีขาวกับดำ ขณะที่เขามองโลกนี้เป็นสีเทา ไม่มีสิ่งใดที่บริสุทธิ์ผุดผ่องจนเป็นสีขาว และไม่มีสิ่งใดที่สกปรกจนดำสนิทได้ ทุกอย่างล้วนมีสองสีผสมกัน อยู่ที่สีขาวหรือสีดำจะมากกว่ากันเท่านั้น
เสียงกรนเบาๆ ของริวทำให้พสุต้องหันไปมองอีกรอบ แม้จะหลับไปแล้ว แต่หลายครั้งที่ริวก็เกาไปตามคอตามแขน คงเพราะเหนียวตัว พสุเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเกือบเที่ยงคืนแล้ว จริงอยู่ว่าเขาได้นอนบ้างแล้วตอนขามา แต่วันนี้เขาทำงานทั้งวันแถมยังมาเล่นน้ำกับริวอีก ก็อดเพลียไม่ได้ หากต้องขับรถกลับกรุงเทพในสภาพนี้ ไม่รู้ว่าจะทนง่วงไหวหรือเปล่า ชายหนุ่มจึงตัดสินใจหาที่พักค้างคืน....
...........................
-
ู^
^
^
^
แว้กกกๆ
จิ้มๆ
ริวกับพี่ไผ่น่าร๊ากกกก หุหุ
อยากได้ตุ๊กตามั่งจัง >..<
-
น่าร๊ากกกก :-[
ริวจ๋าเรื่องอื่นใสซื่อได้
แต่เรื่องพี่ไผ่รุกเร็วหน่อยก็ดีนะจ๊ะ
ว่าแล้วก็ปูเสื่อรอต่อไป :เฮ้อ:
-
พี่ไผ่
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ
:o8:
น่าร๊ากกกก :-[
ริวจ๋าเรื่องอื่นใสซื่อได้
แต่เรื่องพี่ไผ่รุกเร็วหน่อยก็ดีนะจ๊ะ
ว่าแล้วก็ปูเสื่อรอต่อไป :เฮ้อ:
พี่ไผ่รับนะ
อิอิ :z1:
-
หนีมาสวีทกัน 2 คน แต่ ตอนหาที่พักเนี่ย จะต้องกลับไปเป็นข่าวหรือเปล่า เป็นห่วงจัง
-
พี่ไผ่
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ
:o8:
น่าร๊ากกกก :-[
ริวจ๋าเรื่องอื่นใสซื่อได้
แต่เรื่องพี่ไผ่รุกเร็วหน่อยก็ดีนะจ๊ะ
ว่าแล้วก็ปูเสื่อรอต่อไป :เฮ้อ:
พี่ไผ่รับนะ
อิอิ :z1:
ขำสองรีนี้อะค่ะ 5555
ริวน่ารักเนอะ ^^ :o8:
-
แง๊....น่ารักอ่าาาาาาาาาาาาาา :-[
แต่- -ไรเตอร์ เร่งหน่อยเถ้ออออออออออออออออ!!!
เมื่อไหร่จะรู้ใจกันล่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!! :m31:
-
มาหวานกันที่งานวันนี่เอง ฮิ้ววววว o18
-
โดอ้ยอะไรมันจะน่ารักขนาดนั้น
คนอ่านใจละลาย
อยากเห็นอิมเมจของไผ่กับริวมากๆ
คงน่ารักมากเลย
:-[
-
อ๊ากกกกกก
ที่พักค้างคื๊นนนนนนนนนนนนนนนนน :impress2: :impress2:
-
:-[ :-[ :-[ :-[ ค้างคืน ค้างคืน ค้างคืน
-
คู่นี้น่ารักจังเลย :man1: :man1:
:L2: :L2: :L2:
-
กร๊ีดดดดด
น่าลั๊ค มากมาย รักริวมากมาย ไม่มีหน่วยวัดได้หลอกความรักนี่ อิอิ
-
เที่ยวงานวัดหนุกหนานกันใหญ่
น้องริวตื่นตาตื่นใจหละสิ
อ๊ะ อ๊ะ พี่ไผ่แวะค้างคืนเหรอจ๊ะ
จะมีอะไรเกิดขึ้นมั้ยเนี่ย อิอิ
-
หวีดหวาน
-
:impress2:อู๊ํวววว ริวเคยหัดหับรถแข่งมาแล้วเหรอ เก่งจัง เท่ห์ด้วย มีอะไรที่ยังไม่เคยลองอีกมั่ง
.............ถามเองก็ตอบเองว่า พี่ไผ่ :o8:
อยากไปเที่ยวงานวัดบ้าง อยากแอบเป็นปาปาตามสองคนนี้ไปด้วยจัง
แอบตื่นแต้นนะเนี่ย กำลังหาที่พักใช่ป่ะ จะมีลุ้นง่ะป่าว :call:
-
น้องริวกิ้วก๊าวววววววว พี่ไผ่ยังไม่ทันกล่อมก็หลับซะล่ะ
ค้างคืนดูดาวกะพี่ไผ่ ฮิ้วววว :m1:
-
อิช้านก็มาลุ้นตอนหาที่พักนิแหละ :impress2:
-
ริวโชคดีมากเนอะ ถ้าสองคนนี้ตกลงเป็น...กันเมื่อไร
ริวจะได้ทั้ง...ทั้งพี่ ทั้งครูสอนทักษะชีวิต
อ่านไปก็ลุ้นไป ไวไวด้วยค่ะ
-
:z13:
คุณนายแก้ว
น่ารักเสมอเลยนะหนูริว 555 +1
-
ปัญหาที่ว่า ใครจะเป็นรุก ใครจะเป็นรับ ยังเป็นปริศนาสำหรับเรื่องนี้
ใจนึงอยากให้ไผ่รุก เพราะริวเค้าใสซื่อ กลัวจะทำไม่เป็น :laugh:
แต่ไปๆมาๆ ดูเหมือนพี่ไผ่แกไม่คิดจะรุกสักกะที คนอ่านรอกันจนจะแก่แล้ว :sad4:
เลยไม่แน่ใจ ใครรุก ใครรับกันแน่หว่า
ปริศนานี้ ลึกลับยิ่งกว่า ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ซะอีกค่ะ :laugh:
กอดคนโพสต์กับคนแต่งจ้ะ :กอด1:
อัพบ่อยนะคะ รักเรื่องนี้มากมาย :o8: :L1:
-
รู้สึกจะเป็นปัญหาเสียแล้วเพราะคาใจเกือบทุกคนว่า ใครรับ ใครลุกกันแน่ :z1:
:pig4: writer คะ
-
น่ารักตลอดๆอ่ะคู่นี้ :-[
เล่นน้ำทะเล เที่ยวงานวัด และหาที่พักค้างคืน อร๊ายยยย เหมือนเดทกันเลยนะเนี่ย :o8:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
ขอค้างด้วยยยยยย
-
น่ารักๆๆๆ :-[
-
:laugh: พี่ไผ่ขับรถไม่ไหว จะหาที่พัก
จะมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย มีไม่มีก็น่ารักทั้งสองคนเลย
อยากจับมา :กอด1: แน่นๆ รักพี่ไผ่กับน้องริว
-
เดทในงานวัด กับ อ้างแรมข้างทาง อุ กรี๊ดดดด :o8:
-
ผมไม่รู้นะครับว่าแถวๆ ประจวบมีเอกลักษณ์ทางภาษาโดยเฉพาะไหม แต่ว่าถ้าเป็นภาษาใต้นี่ผมว่ามันแปร่งๆ นะครับ
-
เรื่อยๆแบบเบาๆสำหรับน้องริวกับน้องไผ่ น้องช่างเป็นเด็กดีที่น่ารักจริงๆ ชอบจังที่เรื่องนี่มาแบบ"รักกันเบาๆ"
-
หนูริวน่ารักจัง แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องโลกภายนอกจริงๆ นั่นแหละ
-
น่าร้ากกกกกก
ริวเป็นเด็กดี อยากทำให้พี่สบายใจ
อบอุ่นจังเลยค่ะตอนนี้
+1 และเป็นกำลังใจให้ทั้งคนเขียนและคนโพสจ้า
ปล. ถ้าวีจำไม่ผิดนะคะ คิดว่าShelby เป็นรถสปอร์ตของอเมริกาค่ะ ไม่น่าจะใช่ยุโรป ถ้าของยุโรปที่เป็นรุ่นใกล้เคียงกันก็Ferrari อ่ะค่ะ
แง่บบบ อันนี้ก็ไม่แน่ใจนะคับ แต่ส่งคอมเม้นท์ให้ปร้าคนแต่งแย้ว รอหน่อยน๊า ขอบคุณนะค๊า ^^
-
ผมไม่รู้นะครับว่าแถวๆ ประจวบมีเอกลักษณ์ทางภาษาโดยเฉพาะไหม แต่ว่าถ้าเป็นภาษาใต้นี่ผมว่ามันแปร่งๆ นะครับ
เท่าที่อ่านดูพี่ไผ่กะน้องริวไปเที่ยวทะเลแถวๆ เพชรบุรีค่ะ แต่สำเนียงแถวนั้นเป็นยังไงคนโพสท์ก็ไม่รู้เหมือนกัน
รอคนแต่งมาตอบละกันจ้า ^^
ปล.เวลา quote ข้อความหลายๆ คนในไว้ในรีพลายเดียวกันมันทำยังไงหว่า - -a
-
ริวโชคดีมากเนอะ ถ้าสองคนนี้ตกลงเป็น...กันเมื่อไร
ริวจะได้ทั้ง...ทั้งพี่ ทั้งครูสอนทักษะชีวิต
อ่านไปก็ลุ้นไป ไวไวด้วยค่ะ
^เห็นด้วย
+1 ให้สองหนุ่ม+งานวัดที่คนอ่านอยากไป
-
น่ารักทั้งคู่เลยอ่ะ
หน้าตาดีแถมมีน้ำใจอีก ถ้ามีคนแบบนี้จิงนะ รักตายเลย
:impress2:
-
มาอ่านด้วยคนค่ะ
ตามอ่านจนทันแล้วค่ะ :L2:
-
:L2:
-
ปร้าไรท์เตอร์ฝากมาตอบจ้า
*********************
Quote from: V_we on 04 November, 2010, 07:57:08 AM
ปล. ถ้าวีจำไม่ผิดนะคะ คิดว่าShelby เป็นรถสปอร์ตของอเมริกาค่ะ ไม่น่าจะใช่ยุโรป ถ้าของยุโรปที่เป็นรุ่นใกล้เคียงกันก็Ferrari อ่ะค่ะ
SSC Ultimate Aero รถสปอร์ทที่ผลิตขึ้นในประเทศสหรัฐ ด้วยเครื่องยนต์ ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ 6.2 ลิตร V8 กำลัง 787 แรงม้า ทะยานตัวด้วยความเร็ว 0-60 ไมล์ใช้เวลาเพียง 2.9 วินาที และเป็นรถยนต์ที่มีสถิติความเร็วสูงถึง 400 Km/h
ประโยคนี้ของน้อง V_we มาจากตอนที่พสุคิดว่า “รถยุโรปไม่บอบบางเหมือนรถญี่ปุ่น” จริงๆคือเป็นความเคยชินของคนแต่งที่จะเปรียบเทียบ รถทางตะวันตกกับรถญี่ปุ่น โดยเรียกรวมไปเลยว่าเป็นรถยุโรปค่ะ
แต่ตอนนี้ในต้นฉบับก็แก้ไขเรียบร้อยแล้วนะคะ ในบอร์ดนี่ไม่ได้ส่งข้อความไปให้ spring แก้ เพราะเกรงใจว่าคนโพสต์ก็งานยุ่งพอสมควร
Quote from: gnetophyta on 07 November, 2010, 02:45:12 AM
ผมไม่รู้นะครับว่าแถวๆ ประจวบมีเอกลักษณ์ทางภาษาโดยเฉพาะไหม แต่ว่าถ้าเป็นภาษาใต้นี่ผมว่ามันแปร่งๆ นะครับ
สำเนียงคนเพชรบุรีค่ะ ถ้าใครเคยขับรถจากใต้ขึ้นมาจะทราบว่า จากจังหวัดประจวบฯ ขึ้นมาจะเข้าเขตรอยต่อประมาณ หัวหิน(จ.ประจวบฯ) ชะอำ(เพชรบุรี) ช่วงนี้สำเนียงคนแถบนี้มักจะเป็นแบบคนเพชรบุรีค่ะ
มีม่ะ / มีม่าย / มีไม่ = ไม่มี
ไกลม่าย / ไกลไม่ = ไม่ไกล
ม่ายเหลี่ย = ใช่ไหม
หน้ามั๊นคุ่นนน = หน้ามันคุ้น
ออกเสียงประมาณนี้นะคะไม่เป๊ะ ต้องให้คนเพชรบุรีมาบอก เพราะคนเพชรบุรีเอง แต่ละอำเภอก็มีวิธีการออกเสียงที่แตกต่างกัน
-
ชอบคำสอนที่ไผ่สอนริว มันเป็นความจริงของโลกครับ
-
เรื่อยๆแบบเบาๆสำหรับน้องริวกับน้องไผ่ น้องช่างเป็นเด็กดีที่น่ารักจริงๆ ชอบจังที่เรื่องนี่มาแบบ"รักกันเบาๆ"
ชอบเม้นท์นี้ ขอกดบวก like ให้ 1 ทีแรงๆค่า
คิดเหมือนกันเลย ชอบความสดใสของริวที่ผสานเข้ากับความอ่อนโยนของพี่ไผ่
-
น่ารักทั้งคู่เลย
ริวก็ช่างอ้อนพี่ไผ่ช่างตามใจ
-
:a5: :a5:
-
พี่ไผ่
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ
:o8:
น่าร๊ากกกก :-[
ริวจ๋าเรื่องอื่นใสซื่อได้
แต่เรื่องพี่ไผ่รุกเร็วหน่อยก็ดีนะจ๊ะ
ว่าแล้วก็ปูเสื่อรอต่อไป :เฮ้อ:
พี่ไผ่รับนะ
อิอิ :z1:
ขำสองรีนี้อะค่ะ 5555
ริวน่ารักเนอะ ^^ :o8:
ขำเพิ่มอีกรี สามคนนี้ ทำไปได้
-
:mc4:
รอตอนต่อไป
-
อยากไปเที่ยวงานวัดมั่งจัง
แอบดีใจแทนเด็กที่ได้ของจากริว เสมือนไปได้กับเค้าด้วย 555
-
รอตอนต่อไปค่ะ :mc4: :mc4:
ปอลอ อยากให้ทำเป็นหนังสือค่ะ :bye2: :L2:
-
เราคิดว่าอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เพราะปกติเค้าก็นอนด้วยกันทุกคืนอยู่แล้วง่ะ
ต้องรอตอนต่อไป
ลุ้นๆ :o8:
-
คืนนี้จะมีอะไรมั้ยน๊าาา
:laugh3:
-
Greeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeed
ขอเหอะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
บวกให้สุดใจ มาต่อหน่อยยยยยยยยยย
-
ปัญหาที่ว่า ใครจะเป็นรุก ใครจะเป็นรับ ยังเป็นปริศนาสำหรับเรื่องนี้
ใจนึงอยากให้ไผ่รุก เพราะริวเค้าใสซื่อ กลัวจะทำไม่เป็น :laugh:
แต่ไปๆมาๆ ดูเหมือนพี่ไผ่แกไม่คิดจะรุกสักกะที คนอ่านรอกันจนจะแก่แล้ว :sad4:
เลยไม่แน่ใจ ใครรุก ใครรับกันแน่หว่า
ปริศนานี้ ลึกลับยิ่งกว่า ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ซะอีกค่ะ :laugh:
กอดคนโพสต์กับคนแต่งจ้ะ :กอด1:
อัพบ่อยนะคะ รักเรื่องนี้มากมาย :o8: :L1:
5 5 5 โอ๊ย..แบบว่าขำจังค่ะ อ่านมาถึงรีนี้ ตรงบรรทัดที่สองน่ะค่ะ
หูย..คุณZakuPz เป็นห่วงน้องริวจริงจริ๊ง กลัวน้องจะทำไม่เป็น
เออ..แต่ก็น่าเป็นห่วงเนอะ ขนาดฝัน...น้องริวเค้ายังคิดว่าตัวเองฉี่เลยอ่ะ 555
ตอนนี้น้องคงพอเข้าใจอะไรๆมั่งแล้วเน้อ อลันคงสอนเรื่องเพศศึกษาไปบ้างแล้วมั้ง
-
ตอนที่ 46
พสุเลี้ยวรถเข้าไปในรีสอร์ทขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ริมถนน เป็นรีสอร์ทที่มีบ้านพักเป็นหลังเล็กๆอยู่กระจายกัน ไม่ห่างนัก ยามสูงวัยเดินมาดูพวกเขาแล้วส่งยิ้มกว้างมาให้
“ลุงครับ ยังมีบ้านว่างไหมครับ”
“มีเยอะไปครับ มีฝรั่งมาพักแค่ 2 หลังเองคุณ”
“แล้ว...ผมจะจอดรถตรงไหนครับเนี่ย?” พสุถามหลังจากกวาดตาดูตามบ้านพักแล้วไม่เห็นมีที่จอด
“จอดตรงโน้นครับ ตามผมมาเลย”
ในโรงจอดรถรวม มีรถจอดอยู่แล้ว2 คัน พสุจึงเลื่อนไปจอดบริเวณที่ไฟสว่าง แต่ก็ห่างจากอีกสองคันพอสมควร
“ลุงครับ แถวนี้มีคาร์แคร์ไหมครับ”
“มี...แต่ป่านนี้มันปิดหมดแล้วล่ะคุณ”
“ผมก็พอทราบครับ คิดว่าจะเอาไปล้างพรุ่งนี้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุงล้างให้ก็ได้”
“เอ่อ...อย่าเลยครับ ผมเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจ ลุงเต็มใจล้างให้”
“ขอบคุณครับ” พสุขอบคุณอย่างไม่สบายใจนักเพราะเกรงใจ
“ริว...ริว...ป่ะไปข้างในกัน เดี๋ยวพี่ไปเช็คอินก่อน” พสุหันไปเขย่าปลุกเด็กหนุ่ม ริวลุกขึ้นนั่งงัวเงียแล้วเหลียวมองรอบๆอย่างแปลกใจ
“ที่ไหนครับ?”
“รีสอร์ท” พสุตอบพลางหันไปหยิบกระเป๋าขึ้นสะพาย
“อ้าว...ริวนึกว่าพี่จะกลับกรุงเทพ ริวขับเองก็ได้ครับ” ริวรีบอาสาเพราะนึกได้ว่าพสุทำงานมาทั้งวันคงเหนื่อย แล้วเขาดันมาหลับให้พี่ขับรถให้เสียอีก
“ไม่ได้หรอก นี่มันดึกมากแล้ว เราพักค้างสักคืนค่อยเดินทางตอนเช้าจะดีกว่า พรุ่งนี้ริวไม่มีงานเช้าไม่ใช่เหรอ”
“ครับ”
หลังจากเปิดบ้านพักเสร็จพสุก็ย้อนกลับไปหอบเสื้อผ้าจากในรถเพื่อใช้ผลัดเปลี่ยน แม้จะเป็นรีสอร์ทเล็กๆ ราคาย่อมเยา แต่ก็สะอาดและมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน พสุให้ริวเข้าไปอาบน้ำก่อน ขณะที่เขาอดออกไปดูลุงยามล้างรถไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงนะคุณ ผมจะล้างให้สะอาดเรี่ยมเลยล่ะ”
“ขอบคุณครับลุง ขอโทษด้วยนะครับที่มาเพิ่มภาระให้”
“ไม่เป็นไรๆ ลุงชอบรถ เรื่องดูแลรถนี่ลุงถนัด”
พสุยืนดูลุงยามล้างรถอยู่ครู่หนึ่ง ริวก็ตามออกมาทั้งที่สวมเพียงเสื้อคลุมตัวเดียว ผมเปียกลู่คงเพราะสระผมแล้วไม่ยอมเช็ดให้แห้งอีกตามเคย
“อ้าว! ริว...ออกมาทำไม?”
“ก็พี่ไม่อยู่ในห้อง”
“พี่ออกมาดูลุงเขาล้างรถให้ เข้าไปข้างในกันเถอะเดี๋ยวยุงกัด” พสุเดินนำกลับเข้าไปในบ้าน แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาวางไว้ให้ริว ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำสระผมบ้าง
แต่เมื่อกลับออกมาก็พบว่าริวนอนเล่นอยู่บนเตียงโดยที่ยังคงสวมเสื้อคลุมอยู่เหมือนเดิม
“อ้าว!ทำไมไม่แต่งตัวล่ะ...แล้วผมน่ะ เช็ดแห้งแล้วหรือยัง?”
“ก็เราเหลือเสื้อตัวเดียวไม่ใช่เหรอครับ ริวเลยว่าจะเอาไว้ใส่กลับพรุ่งนี้”
พสุชะงัก ความจริงเสื้อคลุมที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ก็ตัวใหญ่ใส่สบาย แถมเนื้อผ้าก็หนานุ่มไม่ระคายตัวเหมือนเสื้อคลุมราคาถูกทั่วไป ใส่นอนก็คงไม่มีปัญหา จึงเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงอีกเตียง แต่ริวกลับผุดลุกขึ้นโวยวาย
“ทำไมพี่ไปนอนเตียงนั้นล่ะ”
“อ้าว...ริวจะนอนเตียงนี้เหรอ”
“ริวจะนอนกับพี่”
“ริว...เตียงแค่นี้จะนอนสองคนได้ยังไง”
“แต่ริวอยากนอนกับพี่...เอาเตียงมาชิดกันก็ได้” ริวพูดจบก็โดดลงไปลากเตียง ตอนแรกพสุก็ขำเพราะโดยทั่วไปเตียงตามรีสอร์ทและโรงแรมจะยึดติดกับที่ แต่พอริวลากเตียงมาได้พสุก็ยืนงง
ริวลากเตียงมาชิดกันเสร็จ ก็กระโดดขึ้นไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนเดิม พสุส่ายหน้าแล้วปิดไฟนอน
วันนี้เขาถ่ายละครมาทั้งวัน แถมยังมีเรื่องให้เครียดจนเมื่อคืนนอนไม่หลับจึงรู้สึกล้า ครู่เดียวก็ผล็อยหลับไป ขณะที่คนได้นอนพักมาในรถ นอนตาใสแจ๋ว ริวยังตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่ที่ได้เจอในวันนี้ ทั้งเล่นน้ำ ทั้งงานวัด และของเล่นสนุก แปลกหู แปลกตา แปลกลิ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด เด็กหนุ่มมีความสุขที่ได้ทำทุกอย่างร่วมกับพสุ
ริวขยับเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นสบู่หอมโชยกรุ่นจากตัวพสุ เด็กหนุ่มสอดแขนเข้าไปในผ้าห่มเพื่อกอดพสุเหมือนทุกคืน แต่มือที่สอดเข้าไปกลับกระทบกับผิวอุ่นเปล่าเปลือยแทนเนื้อผ้า ริวชะงัก ลูบมือไปบนเสื้อคลุม ก็พบว่าสาบเสื้อที่พสุคงทบกันไว้หลวมๆแยกออกจากกันจนถึงเชือกคาดเอว ริวดึงสาบเสื้อกลับมาซ้อนกันไว้ แล้วกอดเอวซุกหน้ากับไหล่อุ่น
หอม...ริวชะงักแล้วอดดมไหล่พสุซ้ำไม่ได้ สบู่ที่ใช้ก็ก้อนเดียวกับเขา แต่ทำไมตัวพี่หอมกว่า หรือจะเพราะกลิ่นหอมจากเสื้อคลุม
ริวเลื่อนจมูกขึ้นสูงอีกนิดก็กระทบเข้ากับผิวอุ่นที่หอมยิ่งกว่า เด็กหนุ่มหน้าร้อนวาบเมื่อรู้ตัวว่าเผลอหอมพสุเข้าไปเต็มที่
ริวรีบซุกหน้าลงกับไหล่พสุแล้วหลับตาปี๋ด้วยความเขินและกลัวว่าพสุจะรู้สึกตัว แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าพสุจะรู้ตัว เด็กหนุ่มก็แอบถอนใจอย่างโล่งอก
แต่อาการใจเต้นแรงแถมรู้สึกหวานๆ หวามๆ กลับไม่ยอมหายไปด้วย ยิ่งเผลอสูดกลิ่นหอมของพสุเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงมากเท่านั้น
ริวรู้สึกถึงความชื้นของมือที่วางอยู่บนเอวพสุ เด็กหนุ่มดึงมือกลับมาเช็ดเหงื่อกับเสื้อคลุมตัวเองแล้วสอดกลับเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง แล้วก็เหมือนครั้งแรกคือมือเขาสอดเข้าไปในรอยแยกของสาบเสื้อพอดี เพียงแต่...คราวนี้ริวไม่ได้ชักมือออก เด็กหนุ่มวางมือลงบนผิวอุ่นตึงแล้วกอดไว้กระชับ ขณะที่ใบหน้าก็แนบซุกกับไหล่หนาแน่นกว่าเดิม
ผิวอุ่นตึงให้ความรู้สึกแปลกประหลาด ยามลากปลายนิ้วผ่าน ทั้งอบอุ่นและรุ่มร้อนในอกจนเหงื่อซึมแผ่นหลัง แต่กลับยิ่งปรารถนาจะสัมผัสมากกว่านี้
ริวลูบไล้ทั่วแผ่นอกอุ่นด้วยปลายนิ้วแผ่วเบา และแนบจมูกลงบนต้นคอของพสุอย่างระมัดระวังไม่ให้เลยเนื้อผ้าเข้าไปโดนตัวพสุเด็ดขาด ทุกครั้งที่พสุขยับตัว ริวก็จะรีบชักมือออกจากผิวเปล่าเปลือย แต่เมื่อพสุยังหลับอยู่ ริวก็วางมือไว้บนผิวเนื้ออุ่นๆอีก
แม้จะอยากสูดกลิ่นหอมจากผิวเนื้อแท้ๆ มากกว่า แต่ริวก็ไม่กล้า ถึงไม่มีประสบการณ์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่ริวก็พอจะเข้าใจว่าการสัมผัสถึงขั้นหอมหรือจูบนั้น เป็นการแสดงออกของคนรัก ไม่ใช่พี่น้อง ถ้าพี่ตื่นขึ้นมารู้ตัวว่าเขาแอบหอมอาจจะโกรธเขาจนไม่ยอมให้นอนร่วมเตียงเหมือนอย่างทุกวันนี้ก็ได้
รสสัมผัสแปลกใหม่ทำให้ริวตาสว่างทั้งคืน มาเผลอหลับไปตอนที่แสงทองระเรื่อจับที่อิฐแก้วเหนือหน้าต่างแล้ว
“ริว...ริว...ลุกขึ้นเถอะ สายแล้ว ไปอาบน้ำได้แล้ว” พสุเขย่าตัวเด็กหนุ่มเบาๆ หลังจากเรียกมาหลายรอบแล้วริวก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
“...อือ...เดี๋ยวได้ป่ะค้าบ ริวง่วง” ริวพลิกตัวไปอีกทางแต่จับมือพสุไว้แน่น
“ไม่ได้ สายแล้วนะ กว่าจะถึงกรุงเทพคงเกือบเที่ยง...ริว...ริว เย็นนี้มีถ่ายละครไม่ใช่เหรอ พี่กรโทรมาบอกพี่...ไปลุกไปอาบน้ำ” พสุดึงเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นนั่ง แต่ริวก็ทำท่าคอพับคออ่อนพร้อมจะทิ้งตัวลงบนที่นอนได้ทุกเวลา
“...ริวง่วง...” เด็กหนุ่มเอียงหัวมาซุกกับท้องของพสุเพราะเขายืนชิดเตียง พสุจึงจับตัวริวตั้งให้ตรงแล้วขยี้ผมเด็กหนุ่มเบาๆ
“เดี๋ยวไปนอนต่อในรถก็ได้...ลุกขึ้นเร็ว”
“...ค้าบ...” ริวลุกจากเตียงด้วยอาการโซซัดโซเซเต็มที่ เด็กหนุ่มง่วงจนไม่กล้าลงแช่น้ำในอ่างเพราะกลัวเผลอหลับคาอ่าง รีบอาบน้ำแล้วออกมาแต่งตัว
“ตาแดงเชียว...เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ?”
“...ครับ...เมื่อวานมีแต่เรื่องตื่นเต้น...เลยนอนไม่หลับ”
“ชอบงานวัดเหรอ...ไว้วันหลัง ถ้าเราว่างค่อยมาเที่ยวกันอีกก็ได้ งานวัดแต่ละที่ก็แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมท้องถิ่นนะ ไว้ถ้าไปทัวร์คอนเสิร์ตทางอีสานพี่จะพาไปเที่ยว รับรองว่าสนุกไม่แพ้งานวัดทางภาคกลางหรอก” พสุอธิบายไป ตาก็กวาดมองรอบๆ เพื่อตรวจดูว่าเก็บข้าวของไปครบแล้ว ถึงได้ออกจากห้องเพื่อเอาของไปเก็บที่รถก่อนจะไปเช็คเอาท์ พอเห็นรถพสุก็ถึงกับชะงักไปอย่างคาดไม่ถึง ไม่เพียงล้างจนสะอาด แต่ยังขัดเงาไว้สวยเหมือนเวลาส่งเข้าไปล้างตามคาร์แคร์
พอเช็คเอาท์เสร็จ พสุก็ขอซองที่เคาน์เตอร์มาใส่เงินไว้เป็นสินน้ำใจให้ลุงยามหนึ่งพันบาท แล้วฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะกลับออกมาที่รถ จังหวะที่ถอยรถออกลุงยามก็ปั่นจักรยานเข้ามาพอดี
“จะกลับแล้วเหรอครับคุณ”
“ครับ...ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยล้างรถให้ ผมฝากสินน้ำใจไว้ให้ลุงที่เคาน์เตอร์นะครับ”
“ขอบคุณคร้าบ เดินทางปลอดภัยนะครับคุณพสุ ผมรอดูละครคุณอยู่นะ” ชายหนุ่มงันไปชั่ววูบก่อนจะส่งยิ้มให้
“...ครับ...สวัสดีครับ” พสุกับริวไหว้ลาลุงยาม แล้วออกรถมา ริวยังเหลียวกลับไปมองจนลับตาถึงหันมายิ้มกับพี่
“ลุงเขาเป็นแฟนละครพี่ด้วย”
“นั่นสิ...คิดว่าไม่มีใครจำได้ซะอีก”
........................................................
-
:-[ :L2:
-
เย้ๆๆๆ ไรท์เตอร์มาแล้ววว :mc4: 55
ไม่เสียแรงที่เฝ้ารอ ไม่หลับไม่นอน ฮี่ๆๆ :laugh:
หนูริวจ๋าาาา เริ่มชอบสัมผัสเนื้อตัวพี่แล้วเหรอจ๊ะ 55 :o8:
ชอบเรื่องนี้มากมาย ความสัมพันธ์พัฒนาเป็นขั้นเป็นตอน ผูกพันกันขึ้นเรื่อย ๆ
พี่ไผ่ขาา เริ่มรู้สึกตัวได้แล้วน๊าาา หนูิริวเค้านำไปก่อนแล้ว
ขอบคุณไรท์เตอร์มากๆ ค่ะ ที่แต่งเรื่องน่ารักๆ อย่างนี้มาให้อ่าน :L2:
จะติดตามต่อไปค่ะ
o13
:bye2:
-
ไอ้ฉันก็อ่านไปลุ้นไปกลัวริวอดใจไม่ไหวจะปล้ำไผ่เอา 555
-
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยอกอีแป้นแทบแตกอ่านไปลุ้นจนเกร็งไปทั้งตัวว่าริวจะล้วงลับจับไข่ ว๊ายยยยยย ล้วงลึกไปถึงไหนหรือป่าว อ่านไปหน้าร้อนไป วาบๆๆรุยยยยยยยย
-
อยากอ่านต่อ
ไอ้ฉันก็อ่านไปลุ้นไปกลัวริวอดใจไม่ไหวจะปล้ำไผ่เอา 555
^
คิดเหมือนกัน :laugh:
-
สั้นจัง คิดไปเองหรือเปล่า :m21:
ริวเริ่มเข้าใจเรื่องรักๆแล้วสิ
ลุ้นต่อไป
-
:z2: :z2: :z2: :L2:
-
คุณลุงน่ารักจังเลยคะ...55+
ที่อาสาล้างรถให้นี่เพราะเป็นแฟนละครรึป่าวเนี่ย
หนูริว....เอ่อ....แต๊ะอั๋งพี่เค้าไม่ดีน้า....55+
แต่คิดว่าถึงพี่ไผ่ตื่นอยู่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกเนอะ....ยอมให้อ้อนมาขนาดนี้แล้ว...^^
-
:L2:
-
อ่านไปลุ้นไปเหมือนกัน กลัวพี่ไฝ่ตื่น
-
ริวอย่าเพิ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ทำเองเดี๋ยวมั่วขั้นตอน ต้องรอพี่ไผ่สอนเด่ะเด็กดี อิอิ
บวกๆๆๆๆๆ แต่มันสั้นจังเลยอ่า อยากอ่านอี๊กกกกก
-
อ่านตอนแรกก็คิดว่าริวจะงงตัวเองไหม?
แล้วก็มาคิดได้ว่าริวเคยได้อ่านเรื่องพวกนี้มาบ้างคงไม่งงหรอกเนอะ
แต่....ริวจะเข้าใจตัวเองได้ไหมล่ะ?
-
ลุ้นอ่ะ
ลุ้นว่า ริวจะทำเป็นรึป่าว 555+
บอกตามตรง กลัวริวทำไม่เป็นจริงๆตอนนี้อ่ะ เพราะดูท่าแล้ว ริวน่ารุกล่ะเนี่ย เอิ้กๆ
-
อ้ายยย หนูริวเริ่มอดใจไม่ไหวแล้วใช่ม้า
ก็เล่นได้นอนร่วมเตียงกับคนที่ชอบนี่เนอะ
เอาใจช่วยคู่นี้มากๆเลย เมื่อไหร่พี่ไผ่จะรู้ตัวซักทีน้า
:impress2: :impress2:
-
ว้าย...วาย.. :o8: :-[ ใกล้เข้าไปอีกนิดนึงแล้ว
:กอด1: รักเริ่มบ่มเพาะ ใกล้ผลิบานออกจากเมล็ดแล้วทีละนิด :L1:
-
อ่านไป...หัวใจจะวายตาย..
เค้านึกว่า หนูริวจะลักหลับพี่พสุซะอีก..
กร๊ากกกกกกก >///<
-
จิ้นตั้งใส่เสื้อคลุมนอนละ :z1: เสียวแทน :laugh:
:pig4: writer คะ
-
ลุงเค้าเป็นแฟรละครคร แล้วเมื่อไหร่หนูริวจะได้เป็นแฟนพี่ไผ่น้าส
+1 สำหรับNCเตรียมอนุบาล คริคริ
-
ริวกับพี่ไผ่รักกันแบบพี่น้องแต่คนอ่านอยากให้เป็นคนรักกันเผลอลุ้นมากไปหน่อย :m23:
เมื่อไหร่ความปรารถนาของคนอ่านจะเป็นจริงน้า :laugh:
-
เรื่อยๆแบบเบาๆสำหรับน้องริวกับน้องไผ่ น้องช่างเป็นเด็กดีที่น่ารักจริงๆ ชอบจังที่เรื่องนี่มาแบบ"รักกันเบาๆ"
ชอบเม้นท์นี้ ขอกดบวก like ให้ 1 ทีแรงๆค่า
คิดเหมือนกันเลย ชอบความสดใสของริวที่ผสานเข้ากับความอ่อนโยนของพี่ไผ่
:pig4:ขอบคุณนะจ๊ะที่ชอบเม้นของเจ้ เพราะเจ้ก็รักทั้งคู่แบบ"เบาๆ"เหมือนกัน เจ้เป็นปลื้มค่ะ :กอด1:
มาอีกตอนที่น่ารักๆ อบอุ่นเหมือนแดดยามเช้า :o8: อ่านเรื่องนี้ทีไรยิ้มได้เสมอเหมือนมาเติมพลังเลย ชอบน้องริวกับไผ่จัง :impress2:
อ่านแล้วรู้สึกว่ามันมากกว่าความรู้สึกรักที่มีให้กัน มันมีทั้งผูกพัน ค่อยๆประสานกันจนเหนียวแน่น เนี่ยและค่ะรักที่จะยั่งยืนเพราะมัน"มากกว่ารัก" :L1:
-
ไอ้ฉันก็อ่านไปลุ้นไปกลัวริวอดใจไม่ไหวจะปล้ำไผ่เอา 555
แล้วใจจริงจริ๊ง ใจจริงๆคุณนายอยากให้ปล้ำรึเปล่าล่ะเจ้าคะ คริ คริ
ดิฉันล่ะใจจริงก็อยากให้รู้แล้วรูรอดไปซะที คืออ่านไปก็ลุ้นไป ทุกตอน เฮ้อ.......
ก็ไม่รู้ว่าจะอีกนานไหมที่พี่ไผ่จะรู้สึกว่า ไม่ได้รักริวแบบน้อง แต่รักแบบคนรักน่ะ
-
รอคอยให้รักกันอย่างมีความหวัง
น้องริวจะได้เรียนรู้เรื่องแบบว่า.. :oo1:
จากพี่ไผ่ มากขึ้นเรื่อยๆ
-
พี่ไผ่อ่ะ น้องริวไม่ได้ตื่นเต้นเรื่องงานวัดจั๊กหน่อย
'ผิวหอมๆ' ต่างหากล่ะที่ทำให้น้องใจสั่นจนนอนไม่หลับ
:o8:
-
:-[ อ่านแล้วเขิลลลลลล :-[
รอต่อไปคร้าบบบบ o13
-
ลุ้นไปกับริว ยังกะไปแอบหอมพี่ไผ่ด้วยเลยเนี่ย เกร็งซะขาแกบเป็นตะคริว
-
อ่านๆไปกลัวแทนพี่ไผ่แล้ว สงสัยน้องจะเล่นบทตัวพระซะแล้ว
-
อิอิ น้องนิวแอบเนียนล่วงเกินพี่ไผ่ไปเล็ก ๆ น้อย นะเนี่ย
-
ลุ้นแทนน้องริวแล้วนะเนี่ย อ่านไปแอบกลัวพี่ไผ่ตืน
รอตอนหน้านะค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพี่ไผ่รู้ว่าริวรักจะเป็นไง
เชียร์ทั้งคู่เลยสู้ๆ
-
เกือบได้ลักหลับแล้วไง :interest:
-
อ๊ายยย พี่ไผ่ใกล้เสียตัวแย้ว อิอิ
-
พี่ไผ่อ่ะขี้เซาจัง
ถูกน้องริวลวนลามยังไม่รู้สึกตัวอีก
ทั้งหอม ทั้งกอด ทั้งลูบไล้
ดีนะน้องริวไม่ลักหลับ
ไม่งั้นพี่ไผ่สูญเสียพรหมจรรย์แน่ ๆ อิอิ
อ่า~นึกว่าคืนนี้พี่ไผ่จะไม่รอดซะแล้ว
น้องริวเมื่อไหร่จะรุกซักทีอ่ะ
อยากรู้ว่าพี่ไผ่จะทำยังไงตอนโดนรุก คริ คริ
-
อรั้ยยยยยยยย ไม่อาวววววนะ ไม่ยอม
พี่ไผ่รุกไม่ใช่หรอค๊าาาาาาาาไร้ท์เตอร์
ริวอย่ามาลูบๆ คลำๆ นั่นมันหน้าที่พี่ไผ่
-
แหม่
นี่ถ้าริวปล้ำไผ่
แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นนะ
:z1:
-
ไอ้ฉันก็อ่านไปลุ้นไปกลัวริวอดใจไม่ไหวจะปล้ำไผ่เอา 555
แล้วใจจริงจริ๊ง ใจจริงๆคุณนายอยากให้ปล้ำรึเปล่าล่ะเจ้าคะ คริ คริ
ดิฉันล่ะใจจริงก็อยากให้รู้แล้วรูรอดไปซะที คืออ่านไปก็ลุ้นไป ทุกตอน เฮ้อ.......
ก็ไม่รู้ว่าจะอีกนานไหมที่พี่ไผ่จะรู้สึกว่า ไม่ได้รักริวแบบน้อง แต่รักแบบคนรักน่ะ
ใจจริงอยากให้ไผ่โดนริวจับปล้ำให้รู้แล้วรู้แรดไปเลย 555 หื่น ๆ ดี กร๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก
แหม่
นี่ถ้าริวปล้ำไผ่
แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นนะ
:z1:
มีรายการได้เสียเป็นเมียปั๊วไงละค่ะสาวน้อย 555
ไผ่เสียตัว
ริวได้ตัว :pigha2:
-
“ริวจะนอนกับพี่”
ใจมันสั่นๆ ลุ้นกับน้องริวว่าจะทำงัยต่อ แอร้ยยบยยย :-[
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด :impress2:
น่ารักอ่าาาาาา
พี่ไผ่โดนลักหลับ หึหึ o3
ริวน่าร๊ากกกก ชอบอ่า
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
อัพเร็วๆนะ o18
-
o22
ให้อารมณ์เหมือนลักหลับ
:o8:
-
:m20: ริว เ้ข้าใจเขยิบเข้ามาทีละนิดเนอะ แรกเริ่มก็นอนข้างเตียง
ต่อมาแอบขึ้นมานอนเป็นครั้งคราว
วันเกิดก็ขอกอดนอนซะเลย
มาจนถึงตอนนี้คาดว่าริวมันคงนอนกอดพี่ไผ่ทุกคืนแล้วสิ
พอมาค้างข้างนอก ยังไงก็ต้องนอนด้วยกัน มันเป็นความเคยชินแล้วเนอะ
-
ตามมาอ่านแล้ววว
ริว แก่แดดแก่ลม
อิอิ
-
ยังยืนยันคำเดิมว่าริวน่ารักมาก
แถมยังก้าวหน้าไปหลายก้าว
จากที่คิดว่านอนฉี่รดที่นอน
เป็นแอบลูบ หอม พี่ตอนหลับ
ริว สู้โว้ย
-
แหม ทำไมไม่ลักหลับไห้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะ ริว :z1:
-
ดันๆๆๆๆ คืนนี้มาต่อมั้ยค๊า ฉลองทะลุ 28000 วิวน๊า :mc4:
-
เข้ามารอด้วยค่า ^^ ริวนำไป 3 สเต็ปแล้ว! พี่ไผ่รีบไล่กวดเร็ววววว
-
:impress2: เข้ามาดันทู้อย่างมีฟาร์มสุข :man1:
-
มะไหร่จะแนบชิด กันกว่านี้น๊าา น้องริว รุกเลยๆ :กอด1:
-
ง่า เพิ่งได้มาอ่าน สงสารพสุจัง พ่ิอพสุนี่มัน :z6:
-
ริวเริ่มรู้ตัวแระ ถ้าพี่ไผ่รู้ตัวช้า คงโดนจับกดแหงๆ :laugh:
-
:z13: จะลงมะคืนนี้?
-
มาแล้วก๊าบบบ ลงวันเลขสวยยย
12-11-10
*********************
ตอนที่ 47
กว่าจะถึงกรุงเทพฯก็เกือบเที่ยงแล้วเพราะต้องเจอรถติดตลอดทางเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันถึงสองจุด ริวนั้นหลับมาตลอดทาง ขณะที่พสุได้นอนเต็มที่เมื่อคืน จึงยังคงสดชื่นอยู่แม้จะเจอกับรถติดเป็นชั่วโมง พอถึงบ้านพักบริษัทก็เจอกรเวชมารออยู่ในห้องรับแขกแล้ว
“ไผ่...ริว ทำไมแต่งตัวแบบนั้น?” กรเวชกวาดตามองเสื้อผ้าของทั้งคู่แล้วทำตาค้าง เมื่อเห็นพสุกับริวใส่เสื้อยืดเนื้อผ้าหยาบๆ ลายหัวกะโหลกกับกางเกงลายพรางทหาร
“ไปเล่นน้ำแล้วไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าไปสิครับ เลยต้องไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ที่โน่น” พสุตอบยิ้มๆ ขณะที่ริวเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วทำท่าจะหลับต่อ
“แล้วไปถึงไหนกันมา?”
“แถวๆ ประจวบครับ...ริวไปอาบน้ำไป อย่ามานอนตรงนี้” พสุตรงเข้าไปดึงแขนเด็กหนุ่ม ริวยันตัวลุกขึ้นทำหน้าง่วงๆ
“ครับ”
“ง่วงมากเหรอริว งั้นเย็นนี้พี่ให้รถตู้มารับนะ” กรเวชรีบอาสาเพราะไม่แน่ใจว่าถ้าพูดช้ากว่านี้ พสุอาจจะไปรับไปส่งริวเองหรือเปล่า
“ครับ...ขอบคุณครับพี่กร” ริวยกมือไหว้กรเวชแล้วเดินหัวซุนขึ้นบันไดไป
“ทำไมริวหมดสภาพขนาดนั้นล่ะไผ่”
“เมื่อวานไปเที่ยวงานวัดมาครับ สนุกใหญ่ เลยนอนไม่หลับ...สภาพเลยเป็นงั้น” พสุตอบพลางทิ้งตัวลงบนโซฟา เขาเองก็เมื่อยขามากเพราะต้องติดอยู่บนถนนเป็นนานสองนาน
“ไผ่น่ะตาม...” กรเวชพูดไม่ทันจบพสุก็ดักคอด้วยสีหน้าขำขัน
“ผมเปล่าตามใจน้องนะ ผมเองหัวถึงหมอนก็สลบเหมือด...แล้วนี่พี่กรมีอะไรหรือเปล่าครับวันนี้”
“มีเรื่องงานของไวย์เขาน่ะ แล้วก็มาเตือนริวเรื่องคิวละครวันนี้ด้วย ไม่ได้ถ่ายละครตั้งหลายวัน กลัวลืมคิว”
“อ๋อครับ” พสุรับคำแล้วเหยียดตัวอย่างเมื่อยขบ
“ไผ่จะไปพักก็ไปเถอะ พี่จะรอไวย์เขาอยู่นี่แหละ”
“งั้นผมขอตัวนะครับ เมื่อยมาก ขอไปแช่น้ำอุ่นๆ ให้สบายก่อน”
พสุขึ้นมาถึงห้องนอนก็พบว่าริวไม่ได้อยู่ในห้อง เด็กหนุ่มคงกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเอง พสุจึงเข้าไปอาบน้ำบ้าง พอออกจากห้องน้ำก็มาเจอริวนอนหลับอยู่บนเตียงแล้ว พสุได้แต่ส่ายหัว พอแต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็นอนพักเช่นกัน กะว่าจะนอนเล่นๆ สักครู่ เดี๋ยวจะลุกขึ้นแต่งเพลงต่อ แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายให้ความง่วง เผลอหลับไปเช่นกัน….
ริวตั้งนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ไว้ตั้งแต่ก่อนนอน แต่ปรากฏว่าเขาตื่นก่อนนาฬิกาจะปลุก สิ่งแรกที่ลืมตาขึ้นมาเห็นทำเอาเด็กหนุ่มหายง่วง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาเปิดแอร์เย็นไปหรือพสุลืมห่มผ้ากันแน่ พสุถึงได้มานอนเบียดกับริวได้เพียงแต่ใบหน้าเอียงไปอีกด้าน
แม้จะไม่ถึงกับหนุนหมอนใบเดียวกัน แต่ใบหน้าที่ห่างเพียงนิดเดียวทำให้ริวอดใจไม่ไหว เด็กหนุ่มเลื่อนศีรษะไปหนุนหมอนใบเดียวกับพี่ แอบแตะจมูกบนผิวเนียนละเอียด แล้วสูดกลิ่นหอมจากแก้มพสุช้าๆ และแผ่วเบา เพราะกลัวพสุจะตื่น
แต่จู่ๆ พสุกลับพลิกตัวมาหา ทำให้ไม่เพียงแค่แก้มที่สัมผัสกับจมูกเขาเต็มๆ แต่ยังรวมถึงจมูกโด่งและ...ปากอิ่มนุ่มที่สัมผัสกันเต็มที่
ริวได้แต่นอนตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ แม้จะเพียงแค่ชั่วแวบเดียวที่พสุพลิกตัว แต่รสสัมผัสนุ่มนวลนั้นก็ติดตรึงในความรู้สึกจนทำให้เขาหัวใจแทบกระดอนออกมานอกอกด้วยความตื่นเต้น กลิ่นแก้ม กลิ่นลมหายใจหอมๆ และปากนุ่มๆของพสุ ทำให้ริวเกือบเป็นลมเพราะกลั้นหายใจอยู่นาน
เด็กหนุ่มแทบกระโดดเมื่อจู่ๆ นาฬิกาปลุกก็เตือนขึ้นมา ยังดีที่เป็นการเตือนแบบสั่นไม่ใช่เสียงกริ่ง ไม่อย่างนั้นคงปลุกพสุให้ตื่นขึ้นมาด้วย ริวรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว แม้จะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แต่เด็กหนุ่มก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่ปล่อยให้มันหายไปเอง พอแต่งตัวเสร็จริวก็ย่องมานั่งคุกเข่าข้างเตียงเพื่อมองหน้าพี่ให้ชัดๆเต็มตาก่อนไปทำงาน
“นับ 1 ถึง 3 ถ้าไม่ตื่นริวจะหอมพี่แล้วนะ...1...2...3...” ริวกระซิบบอกเบาๆ แล้วแอบหอมแก้มพสุฟอดใหญ่ แต่พสุก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะตื่น ทำให้เด็กหนุ่มได้ใจ ริวจึงก้มหน้าลงไปใหม่ แต่จู่ๆพสุก็ลืมตาขึ้นมา!
ริวผงะด้วยความตกใจ จนหงายหลังก้นจ้ำเบ้า ดีว่านั่งคุกเข่าอยู่ ไม่อย่างนั้นคงเจ็บตัวกันบ้าง พสุลืมตามามองเขานิ่ง...นาน...ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ ไล่ความง่วงแล้วถึงส่งยิ้มมาให้ริวเหมือนเพิ่งรู้ตัว
“จะไปแล้วเหรอ...โชคดีนะ ตั้งใจทำงานล่ะ เย็นนี้เจอกัน” พสุบอกด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ก่อนจะพลิกกลับไปอีกทางแล้วหลับต่อ
ริวนั่งเอามือกุมอกอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะหายตกใจ เกือบไปแล้ว ถ้าพสุรู้ว่าเขาแอบหอมตอนหลับ ต้องโกรธเขาแน่นอน....
………………………………………
ริวมากองถ่ายด้วยรถตู้ของบริษัทและคนขับจะรอรับเขากลับเลย เพราะวันนี้ริวมีถ่ายแค่ฉากเดียวเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นคิวของพระเอกนางเอก
“คุณริวครับ...คุณริวครับ” เสียงพี่ประเสริฐคนขับเรียก ทำให้ริวเกือบสะดุ้งเพราะมัวแต่ใจลอยคิดถึงพสุ
“ครับ?”
“ถึงแล้วครับ จะไม่ลงเหรอครับ?”
“ลงครับ...ขอโทษทีครับพี่ประเสริฐ ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ริวตอบเขินๆ แล้วรีบหันไปหยิบเป้กับมือถือที่กรเวชเพิ่งยัดเยียดให้มาอีกรอบ
ส่วนเครื่องที่พสุให้นั้นริวปิดเครื่องแล้วคล้องคอไว้กับตัวเหมือนใส่พระ พอถ่ายละครเสร็จถึงจะเปิดเครื่องใหม่ เผื่อว่าพสุจะโทรหา
“สงสัยจะเป็นเรื่องดีๆ หรือเปล่าครับ เห็นคุณริวอมยิ้มมาตลอดทางเลย” ประเสริฐอดแซวไม่ได้ ความจริงเขาพูดไม่หมด จะให้หมดต้องบอกว่า อมยิ้มแล้วก็หน้าแดงมาตลอดทางถึงจะถูก
ริวเขินจนหน้าแดง เขาไหว้ประเสริฐแล้วรีบลงจากรถแทบไม่ทัน ไม่นึกว่าจะเผลอคิดเพลินจนแสดงออกทางสีหน้าชัดขนาดนี้
‘เพราะพี่คนเดียวเลยนะ ทำให้ริวโดนล้อเนี่ย...ไว้คืนนี้เถอะ’ ริวมาดหมายไว้ในใจ แต่ใบหน้าแดงซ่าน....
....................................
-
จิ้มบวกกกกกกกกกกกก
อรั้ยยยยย ริวเก่งเกินไปแล้วนะ แต่พอได้แล้วเหอะ
ขั้น Advance กว่านี้ต้องให้พี่เขาสอน รู้ไหม >.<
ปล...แต่ทำไมตอนใหม่ สั้นลงๆๆๆ ค๊า คนอ่านจะลงแดงแง้วววว :z3:
-
ก้าวหน้าน้า ริววววว เนี่ย
เมื่อไรพี่ไผ่จะรู้ตัวสักที
-
:serius2: :serius2: :serius2:
คืนนี้ริวจะทำอะไรพี่ไผ่คะเนี้ยยยยยยยย :z1: :z1:
-
น้องริวไปเร็วกว่าที่คิด
-
:-[
-
คืนนี้ ... จะทำอะไรพี่ไผ่คะน้องริว
เหยยยยยยยยยยยยยยย
เขินนะเนี่ย !!!!
-
:o8:เอ่อ ทำไมอ่านตอนนี้ สงสัยจัง เมื่อกี้พี่ไผ่เค้ายังไม่ตื่นแน่เหรอ หรือคิดว่าฝันไป เท่านั้นเอง โดนริวมันจูบเลยเอ๋อป่าว
-
สั้นจัง อยากอ่านอีกกกกก o18 o18 o18
-
เนะ ช่างเอาใหญ่ล่ะเดี่ยวนี้เจ้าหนูริวแอบลักหลับพี่ไผ่ด้วย :o8:
-
น้องริวเริ่มเป็นหนุ่มแล้วววว :o8:
-
คืนนี้อะไร
ริวกลับมาเคลียร์กันให้รู้เรื่องนะ
:serius2:
-
+1 เป็นกำลังใจให้กับตอนน่ารัก
-
ฮั่นแน่~น้องริวแอบหอมพี่ไผ่อีกแระ
แหม~ปลื้มจนนั่งอมยิ้มหน้าแดงตลอดทางเลยน๊า
อ๊ะ อ๊ะ คืนนี้จะทำไรพี่ไผ่เหรอจ๊ะน้องริว
หมายมาดขนาดนั้น อย่าช้าน้อง อย่าช้า อิ อิ
-
:L2:
-
ริวเก็บๆไว้บ้างลูกความอยากรู้อยากเห็น
เดี๋ยวพี่ไผ่รับไม่ทัน
-
คิดข้อแก้ตัวเวลาพี่ไฝ่รู้สึกตัวไว้บ้างก็แล้วกันนะริว
-
ไว้คืนนี้............ :o8:
-
พออยากให้รุก ริวก็รุกทันที
ทำเอาตั้งตัวไม่ทันเลยค่ะ :-[
-
จบแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ทำไมมันสั้นจังเลยหว่า :z3:
-
เขินแทนริว :-[
แต่ทำมายทำไมมาสั้นจังอะ
-
เดี๋ยวนี้ริวฉวยโอกาสบ่อยจังคะ...555+
คู่นี้น่ารักจังคะ...ขอฉากหวานๆอย่างนี้อีกได้ไหมเนี่ย...>.<
-
เอร้ยยยย ตามอ่านวันเดียว47ตอนรวดดดดดด ริวกะพสุน่ารักหม๊วกกกกกกกก :oo1:
เมื่อไหร่พสุจารุ้ตัวเองซักที่เนี่ย :serius2:
-
ง่าาาา สั้นเลย อยากให้จูจุ๊บ อ่าา รุกเลย ริว ลุยเลย
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
อร๊ายยยยย เดี๋ยวนี้หนูริวชักจะเอาใหญ่แล้วนะเนี่ย :z1:
น้องโตเป็นหนุ่มแล้วนะครับพี่ไผ่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า o18
-
เย้ย :o
สั้นมว๊ากกกกกกกก :a5:
คืนนี้จะทำอะไรพี่ไผ่อ่ะหนูริว :impress2:
ว่าแต่ว่า.......ทำเป็นรึป่าวเหอะ เจ้าริวเอ๊ย! :m20:
-
ไว้คืนนี้ริวจะแอบหอบแก้มพี่ไผ่อีกใช้ไหม :laugh:
-
รำคาญพี่กร เอะอะอะไรก็จ้องแต่จะว่า...
แต่น้องริวน่ารักกกกกก หอมแก้มพี่ไผ่เน้นๆไปแล้วนะ ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
'คืนนี้'ของน้องริวว เป็นอะไรที่น่ารอคอยเป็นที่สุด อ๊างงงง :m11:
-
น้องริวจ๋า โตเป็นหนุ่มแล้วดิ
เริ่มคิดจะแต๊ะอั๋งพี่ไผ่ซะแล้ว
ว่าแต่ คืนนี้คิดจะทำอะไรพี่ไผ่เหรอจ๊ะ ริว อิอิ
-
กรี๊ดดดดดดดดดด
มีการคาดโทษไว้ด้วย ริวน่าร๊ากกกอ่าาาา
ว่าแต่....คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย :haun4:
-
น้องริวเนี่ยชักจะได้คืบจะเอาศอกแล้วนะ :กอด1:
ระวังพี่ไผ่รู้ตัวหละ
-
ริวรุกเองเลยเหรอ
-
คืนนี้จะทำอะไรพี่ไผ่จ้ะหนูริว อิอิ :z1:
-
ฮิ้ววววววว กะจะทำอะไรพี่ไผ่เอ่ย ว่าแต่ว่าน้องริวทำเป็นแน่ใช่มั้ยคะ
-
น้องริวน่ารักเกินไปแล้วคับ
แต่พี่ไผน่ารักกว่า >3<
-
คึคึ จุ๊บกันแล้วๆๆๆ ><
หนูริวจ๊ะ ที่บอกว่า แม้จะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
เปลี่ยนแปลงยังไงหยอ?? ริวน้อยแข็งอ๊ะป่าว กร๊ากกกก :haun4:
พี่ไผ่นี่ ซักวันคงจะโดนริวปล้ำเอาแน่ๆ หุหุ รีบๆสมยอมนะจ๊ะ จะได้ไม่เรียกว่าโดนปล้ำ
แต่สมยอมแทน กรี๊ดๆๆ >///<
ตอนนี้พี่ไผ่ก็โดนหนูริวลักหลับบ่อยๆแล้วนี่หว่า หอมแก้มๆๆๆ
สนุกๆๆ รอตอนต่อไปนะคะ
-
ริวอ่ะ
:-[
ค้างมากคร่า
:serius2:
-
เพิ่งอ่านมาถึงตอนล่าสุดเมื่อคืนนี้เอง
อ่านไปแค่ไม่กี่ตอน (น่าจะ 8-9 ตอน) ก็รู้สึกแล้วว่า ทำไมถึงไม่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่แรกนะ
เกือบพลาดอะไรดีๆ ไปอีกแล้ว ชอบพัฒนาการของริวกับพสุนะ ยิ่งอ่านยิ่งตกหลุมรัก
พสุรู้สึกว่ามีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น น่ารักมากขึ้น ริวน่ะเป็นเด็กใสซื่อดูธรรมชาติอยู่แล้ว
แต่การเห็นพสุที่รู้เรื่องโลกภายนอกเยอะกว่า แล้วมาเป็นคนอ่อนโยนขึ้น
น่ารักขึ้น โดยเฉพาะเรื่องตามใจริวเนี่ย
ทำให้พสุกลายเป็นคนน่ารักมากโดยที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัวเองเลยล่ะ
ชอบเรื่องนี้มากๆ จะคอยติดตามตอนต่อไปนะ
-
แว็กกกก.... ทำไมน้องริวสั้นจัง
ไม่เป็นไรสั้นขยันมาก็ยอม....
อยากให้พสุรู้สึกเดียวกันกับริว ๆ จัง :o8:
:pig4: writer
-
คืนนี้นะตะเอง :-[
-
อ๊ายยยยยยยยยย
เดี๋ยวนี้รู้จักคาดโทษด้วยนะจ๊ะ หนูริว
ว่าแต่จะไปทำอะไรพี่ไผ่เค้าล่ะ ลุ้นสุดๆ อิอิ
:impress2:
-
ริววววววววววววววววว
จะทำตัวน่ารักไปไหน
-
หนูริวเป็นหนุ่มแล้ว น่ารักจังเลย
พสุก็ช่างดูแล ทั้งจัดเสื้อผ้าให้ทั้งดูแลเรื่องอาหารการกิน
แถมนอนเตียงเดียวกันทุกวันอีก เหมือนภรรยาดูแลฝาละมีเลย อิอิอิ
-
พึ่งเคยอ่านเรื่ืองนี้ครั้งแรกครับ ตอนอ่านไปตอนแรกๆ ที่บอกว่าจะัไม่โพสแล้วก็ตกใจ :a5: :a5: :a5:
แต่ในที่สุดก็ยังอยู่มาจนทุกวันนี้(ดีใจนะเนี่ย) ชอบริวมากเลยคือมีความรู้สึกว่าริวเหมือนน้ำเปล่า ใส คือไม่ขาวนะ ไม่ได้ซื่้ออะไรขนาดนั้น แต่เหมือนน้ำที่ใสๆ ตรงๆ
ลุ้นๆ ขอให้สมหวังกันเร็วๆ นี้น่ะครับ
ปอลิง แนะนำตัว ชื่อเบลล์ครับ ฝากตัวด้วยน่ะเป็นน้องใหม่ในบอร์ดครับ
ปอลิง 2 ทำไมมันสั้นจัง :sad4:
-
ริ๊วววววววว....
เริ่มเจ้าเล่ห์(แบบเด็กๆ)ใหญ่ละนะ
-
โอ้ววววววววววววววววว พี่ไผ่ทำหนูริวเสียเด็กซะแล้ว ๕๕๕
-
อ่านแต่ละคอมเม้นท์แล้วเครียด
พี่ไผ่ของเค้ามาดแมนเป็นรุกต่างหากน๊า จริงมั้ยคะพี่ไร้ท์เตอร์ขา
-
ตอนที่ 48
“ริว! มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ มาแต่งหน้าสิลูก” พี่จ๋าหันมาทักอย่างแปลกใจเพราะไม่เห็นรถของริว
“สวัสดีครับพี่จ๋า”
“สวัสดีครับ ดีจังที่ริวมาก่อนเวลา พี่จะเอาสคริปต์มาให้ดูพอดี เพราะมันมีฉากงอนง้อกันของ ‘มาร์คกับยี่หวา’ กับเพิ่มคิวบู้อีกนิดหน่อยนะลูก” พี่จ๋าหมายถึงตัวละครที่ริวกับแพรพลอยเล่น ก่อนจะส่งบทที่เพิ่มเติมมาให้ริวดู
“ครับ” ริวรับคำแล้วอ่านบทอย่างตั้งใจขณะที่ช่างแต่งหน้าทำผมให้
“ไงริว...ไม่สบายหายแล้วเหรอ?” เสียงทักกระฟัดกระเฟียดดังอยู่ไม่ห่าง
“ครับ” ริวรับคำส่งๆ ไม่ได้หันไปดูด้วยซ้ำว่าใครพูดด้วย เพราะมัวแต่ตั้งใจอ่านบท
แพรพลอยกระแทกตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ ริว แต่ยังไม่มีช่างหน้าช่างผมคนไหนว่างมาทำให้เธอ เธอจึงได้แต่นั่งกอดอกหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจ เมื่อวานพี่จ๋าบอกว่าริวขอลาหยุดเพราะไม่สบาย ทำให้ช็อตเด็ดที่เธออุตส่าห์เตรียมสร้างซีนและเตี๊ยมกับนักข่าวบันเทิงฉบับหนึ่งไว้ล่มไม่เป็นท่า จนเธอโดนด่าว่าทำให้เขาเสียเวลา แต่ใบหน้าริววันนี้ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนป่วยสักนิดเดียว
“นี่ริว! พลอยพูดกับริวอยู่นะ” แพรพลอยพยายามเรียกร้องความสนใจแต่ดูเหมือนริวจะไม่ได้ฟังสักนิด
“น้องพลอยขา ค่อยคุยไม่ได้เหรอคะ เห็นมั๊ยคะว่าเจ๊กะลังจะทาปากให้น้องริวอยู่ มัวแต่ชวนคุยแบบนี้จะยิ่งช้า ถ้าเจ๊แต่งหน้าน้องพลอยลวกๆเพราะกลัวไม่ทันเข้าฉากนี่ห้ามโวยนะคะ” เจ๊บีช่างแต่งหน้าขาเม้าท์หันไปตำหนิแพรพลอย แล้วถึงหันมาแต่งหน้าให้ริวต่อ
แพรพลอยสูดลมหายใจแรงด้วยความโกรธ แต่พยายามระงับไว้เพราะเจ๊บีนั้นแต่งหน้าเก่งที่สุดแล้ว เป็นนักแสดงแต่ถ้าทำตัวมีปัญหากับช่างแต่งหน้ากองถ่ายมีหวังได้หน้าเยินๆ เข้าฉากแน่นอน
ชั่วขณะที่แพรพลอยหันรีหันขวางด้วยความโกรธ สายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของริววางทิ้งไว้บนโต๊ะคู่กับเป้ เด็กสาวกวาดตามองรอบๆ ไม่เห็นว่าจะมีใครสนใจมองมาที่เธอ จึงลุกเดินเตร่ไปที่โต๊ะซึ่งใช้เป็นที่วางกระเป๋าและข้าวของๆ บรรดานักแสดง ที่อยู่ห่างจากบริเวณที่แต่งหน้าพอสมควร ตามปกติจะมีทีมงานบางคนคอยดูแลให้ แต่วันนี้ยังมีนักแสดงมาเพียงไม่กี่คนจึงมีข้าวของไม่มากนัก ก็เลยไม่มีทีมงานไปคอยดูแลเหมือนเคย
แพรพลอยกวาดตามองรอบๆ อีกครั้ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของริวกดโทรเข้าเบอร์ของเธอ แล้วลบเบอร์โทรออกเรียบร้อยจึงวางคืนไว้ที่เดิม เด็กสาวเดินลิ่วไปหาผู้จัดการส่วนตัว โดยคิดว่าไม่มีใครเห็น แต่ก็ยังอุตส่าห์มีคนเห็นจนได้
เธียรที่เพิ่งกลับจากห้องน้ำเห็นการกระทำทั้งหมดของแพรพลอย ชายหนุ่มเหยียดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะส่ายหัวอย่างสมเพช แล้วเตือนตัวเองให้อยู่ห่างจากดาราสาวหน้าใหม่คนนี้ให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นหวยอาจจะมาออกที่เขาบ้างก็ได้ใครจะรู้
“น้องริวคะ โทรศัพท์ของน้องริวรึเปล่าคะเครื่องที่อยู่บนเป้น่ะ” เก๋เดินเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าริวซ้อมคิวบู้เสร็จแล้ว อีกสักครู่ถึงจะเริ่มถ่ายทำ
“ครับของผม” ริวหันมารับคำงงๆ
“พี่เห็นไฟมันกระพริบสั่นๆ มาสักพักแล้วนะคะ” เก๋บอกแล้วยิ้มกว้างที่ริวยกมือไหว้ขอบคุณ
“เหรอครับ ขอบคุณมากครับพี่เก๋”
ริวเดินไปหยิบโทรศัพท์มาดูแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์หรา ปกติอลันจะไม่โทรหาเขา แม้เครื่องนี้จะเป็นเครื่องของบริษัทที่กรเวชบังคับให้เขาพกไว้ก็ตาม
“ว่าไงอลัน”
“เรื่องที่นายให้ฉันสืบน่ะ...”
ริวนิ่งฟังรายละเอียดจากอลันแล้วเม้มปากแน่น ดวงตาเป็นประกายกร้าวขึ้นเรื่อยๆ
“เมื่อวานถ้านายมาทำงาน รับรองว่านายได้มีรูปขึ้นคอนโดเขาบนหน้าหนึ่งวันนี้แน่ๆ...ผู้หญิงคนนี้กะจับนายเต็มที่นะริว” อลันเตือนปิดท้ายหลังจากเล่าเรื่องที่สืบมาได้ทั้งหมดให้ริวฟังเรียบร้อยแล้ว
“สกปรก...หน้าตาก็ดีทำไมจิตใจถึงได้ชั่วร้ายนัก...”
“นายใจเย็นๆ นะ ฉันว่า...” ริวกดตัดสายก่อนอลันจะพูดจบ แล้วเดินลิ่วไปหาแพรพลอยที่กำลังคุยหัวเราะต่อกระซิกอยู่กับผู้จัดการส่วนตัว
“ขอผมคุยด้วยสักครู่ได้ไหม”
แพรพลอยหันมายิ้มหวาน แต่พอสบตากันรอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็นแหยเฝื่อน
“มีอะไรก็ว่ามาสิ พลอยกับพี่ปุ๊กไม่มีความลับต่อกันอยู่แล้ว”
“แสดงว่าเขารู้เรื่องคุณทุกเรื่องสินะ” ริวถามเสียงเรียบ แต่ดวงตาเป็นประกายวาววับด้วยความโกรธ
“แน่นอน ก็พี่ปุ๊กเขาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของพลอยนี่”
“ก็ดี งั้นผมจะเตือนพวกคุณสองคนพร้อมกันเลยว่าอย่ามายุ่งกับผมอีก เพราะถ้าคราวหน้าคุณยังเอาเรื่องโกหกไปบอกนักข่าวเพื่อสร้างข่าวระหว่างคุณกับผม หรือเพื่อทำลายพี่แก้วอีก ผมจะยื่นฟ้องคุณแน่นอน”
“อะ...อะไร สร้างร่งสร้างเรื่องอะไรกัน ฉันไม่รู้เรื่อง” แพรพลอยแก้ตัวปากคอสั่นด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครรู้เรื่องนี้
“นี่อย่ามากล่าวหากันลอยๆ นะริว ฉันฟ้องคุณได้นะ” ผู้จัดการส่วนตัวของแพรพลอยตวาดเสียงดังเพื่อให้เป็นจุดสนใจ เธอมั่นใจว่าถ้ามีคนอื่นรู้เห็น ริวจะไม่กล้าทะเลาะกับผู้หญิงให้เสียภาพพจน์แน่ๆ
“ผมให้คนเช็คข้อมูลมาละเอียดแล้ว ผมไม่ได้กล่าวหาคุณลอยๆแน่แพรพลอย ผมมีทั้งพยาน แล้วก็หลักฐานที่จะเอาเรื่องคุณได้” ริวยังพยายามสะกดน้ำเสียงให้ราบเรียบทั้งที่ในใจเขาเดือดพล่านด้วยความโกรธ เด็กหนุ่มจึงไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้คนในกองถ่ายต่างหันมาสนใจพวกเขาเป็นตาเดียวแล้ว หลายคนขยับเข้ามาฟังใกล้ๆ เพราะกลัวจะพลาดช็อตเด็ด
แพรพลอยหน้าชาเมื่อริวไม่มีทีท่าว่าจะยอมลงให้เธอแม้แต่นิดเดียว แถมทีมงานบางคนยังแอบหันไปกระซิบกระซาบกันแล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาสะใจ ทำให้เด็กสาวโกรธจนควันแทบออกหูที่ริวกล้าฉีกหน้าเธอ
“อย่ามาขู่กันนะ ฉันไม่กลัวคุณหรอก อ๋ออออออ...นี่คงทนไม่ได้สินะที่สุดที่รักโดนหนังสือพิมพ์ด่าโครมๆ ทุกวัน ถึงได้มาหาเรื่องฉัน จะบอกอะไรให้หายโง่นะริว ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าไอ้อาชีพนางแบบน่ะ แก้วกุดันเขามีไว้บังหน้า แต่จริงๆ ไปทำอาชีพอะไรกันแน่ถึงได้รวยเอ๊ารวยเอาขนาดนั้น”
“หยุดนะแพรพลอย!” ริวตวาดเสียงดังอย่างลืมตัว เขาไม่คิดว่าแพรพลอยจะเลวร้ายได้ขนาดนี้
“ฉันไม่หยุด ฉันพูดเรื่องจริง...ใครๆ เขาก็รู้ มีแต่คุณนั่นแหละที่โง่ไม่รู้อยู่คนเดียว”
ริวเม้มปาก กำมือแน่นเพื่อระงับความโกรธ ดวงตาคมเป็นประกายวาววับถ้าเป็นไฟก็คงเผาแพรพลอยเป็นจุณไปแล้ว เขารู้สึกรังเกียจแพรพลอยขึ้นมาจนไม่อยากอยู่ใกล้แม้สักวินาทีเดียว
เก๋เห็นท่าไม่ดีรีบโทรตามพี่จ๋าที่เพิ่งออกไปธุระให้รีบกลับมา เสร็จแล้วก็ปรี่เข้าไปจับแขนริวเอาไว้ก่อน
“น้องริวคะ ไปเตรียมเข้าฉากได้แล้วค่ะ พวกพี่ๆ สตั๊นท์แมนเขารออยู่”
“ครับ” ริวสูดหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์ ก่อนจะยอมเดินตามเก๋ไป
แต่แพรพลอยกลับปรี่ไปขวางหน้า ไม่เคยมีใครทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนแบบนี้มาก่อน นอกจากริวจะทำให้เธอต้องหน้าแตกซ้ำซากมาไม่รู้กี่รอบแล้ว เขายังทำเหมือนจะปกป้องแม่นางแบบรุ่นป้านั่นอีก นี่เป็นสิ่งที่แพรพลอยยอมไม่ได้ เธอมีอะไรสู้แก้วกุดันไม่ได้ ทั้งสวยกว่า เด็กกว่า แต่ริวกลับทำเหมือนรังเกียจเธอ
“นี่หยุดนะริว จะมาเดินหนีกันง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะ มาด่าฉันปาวๆ แล้วก็สะบัดหน้าไปแบบนี้ฉันเสียหาย คุณต้องขอโทษฉันเดี๋ยวนี้” แพรพลอยวิ่งไปดักหน้าริว แล้วเชิดหน้าใส่อย่างมั่นใจ
“ไปให้พ้น” ริวสั่งเสียงเย็น แล้วขยับถอยหนีแพรพลอย
“อะ...อะไรนะ” ไม่ใช่ไม่ได้ยิน แต่แพรพลอยไม่เข้าใจว่าทำไมริวถึงพูดอย่างนี้
“ไปให้พ้น อย่ามายุ่งผมอีก” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของริวเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดจนแพรพลอยหน้าชาวาบด้วยความโกรธและอาย
“กล้าดียังไงมาไล่ฉัน” เด็กสาวขยับเข้าหา แต่ริวเบี่ยงตัวออกห่าง แถมยังทำหน้าขยะแขยง
“อย่ามาแตะตัวผม”
“ทำไมยะ เนื้อเป็นทองหรือไงถึงห้ามแตะ” แพรพลอยกรีดเสียงใส่ด้วยความโกรธ
“เพราะผมขยะแขยงคุณน่ะสิ ผู้หญิงแบบคุณ ทำตัวสกปรกแล้วก็มีแต่ความคิดสกปรกในสมอง”
แพรพลอยอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะโดนริวด่าเจ็บแสบแบบนี้ อย่าว่าแต่แพรพลอยเลย แม้แต่ทีมงานที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ตะลึงตาค้างกันหมด ใครจะไปคิดว่าคนที่ไม่เคยแม้จะบ่นหรือว่าใครสักคำอย่างริว บทโกรธขึ้นมาจะแรงได้ขนาดนี้
กรี๊ดดดดดดดด!!!
เสียงกรีดร้องไล่หลังพร้อมกับที่เจ้าตัวพยายามจะโผตามไปทำร้ายริว แต่ทีมงานลากแขนเธอไปอีกทางเสียก่อน ริวเดินลิ่วๆ ออกมาขึ้นรถ พอประเสริฐเห็นสีหน้าริว ก็ไม่พูดไม่ถามอะไรทั้งสิ้น ขับรถกลับบริษัททันที
ริวถอนหายใจเฮือกใหญ่ แน่ใจได้เลยว่าวันนี้ยังไงก็ต้องพักกองแน่นอน ยังไงเขาก็ร่วมงานกับแพรพลอยไม่ได้แน่ๆ
เด็กหนุ่มตัดสินใจโทรหาพี่จ๋า หลังรถออกจากกองถ่ายได้สักครู่ เขาจะทิ้งงานโดยไม่รับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด อย่างน้อยๆ ก็ต้องบอกให้พี่จ๋าหาคนอื่นมาแทน
“พี่จ๋าครับ”
“น้องริว! อยู่ไหนคะเนี่ย พี่ตามหาซะทั่ว” เสียงพี่จ๋าร้อนรนจนริวรู้สึกเกรงใจเธอมากขึ้น
“ขอโทษครับพี่จ๋าที่ผมทำให้วุ่นวาย พี่จ๋าเอาคนอื่นเล่นแทนผมเถอะครับ”
“ต๊าย! ทำงั้นได้ไงคะ เปลี่ยนไม่ได้เด็ดขาดเลยค่ะน้องริว”
“พี่จ๋าคงทราบแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมขอโทษนะครับ แต่ผมทนทำงานกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้จริงๆ” ริวตอบตรงไปตรงมา แค่เห็นหน้าแพรพลอยเขาก็ขนลุกไปหมดแล้ว รังเกียจในความคิดสกปรกของเธอจนทนมองหน้าเธอไม่ได้แน่
“พี่จ๋าก็ยอมให้น้องริวเลิกเล่นไม่ได้เหมือนกันนะคะ เพราะน้องริวเป็นตัวหลักของเรื่อง บทน้องกับบทพระเอกน่ะเท่ากันเลยนะค๊า”
“แต่ผม...” ริวอึกอัก จะให้เขาทนเข้าฉากกับแพรพลอย เขาก็แน่ใจเลยว่าทำไม่ได้
“เอางี้ค่ะ พี่ถามน้องริวคำเดียวว่า ถ้าไม่ใช่แพรพลอย แต่เป็นดาราคนอื่น น้องริวจะยอมเล่นไหมคะ”
“ครับ พี่จะเปลี่ยนบทผมยังไงก็ได้ ขอแค่ไม่ต้องร่วมงานกับผู้หญิงคนนั้น ผมก็พอใจแล้ว” ริวตอบอย่างยอมจำนน เพียงแค่ไม่ต้องเล่นกับแพรพลอย จะแก้บทเขาให้เป็นยังไงเขาก็จะยอมรับทุกอย่าง
“ได้ค่ะน้องริว งั้นพรุ่งนี้มาถ่ายตามคิว โอเคไหมคะ”
“ครับ”
.........................................
-
^
กรี๊ดดดด ริว สะใจมากมาย ด่ามันเลยยัยแพรพลอยหน้าด้านม๊ากกก เปลี่ยนตัวไปเลย สมๆๆ
ว่าแต่ทำไมสั้นอีกแล้วค๊า ฟ้ายังไม่มืดอีกเหรอ >//< รอค่ำอยู่นะ อิอิ
-
พี่จ๋าเลิศค่ะ ฮุๆๆๆ ปลดไปเลย ยายคนนี้นี่นะ หาเรื่องเสือหลับซะแล้ว
แต่แพรเค้าต้องมีล้างแค้นริวคืนแน่อ่ะ ริวสู้ๆๆ
-
ริวแรงได้อีกนะ สมแล้วที่ชะนีนางนั้นจะโดน
-
น้องริวววววววววว สะใจคุณพี่มากเลย
โอย ทำไมได้ดั่งใจแบบนี้น่ะ
นานๆจะเจอพระเอกไม่โง่ซะทีอ่ะ
รักน้องริวจังเลย :กอด1: :-[
-
หุหุ สะจายยยยย
ชอบจังเลย พระเอกแบบนี้ มีอำนาจ(มั๊ง?)อยู่ในมือพอที่จะทำอะไรได้ตั้งเยอะ เนอะๆๆ
-
ยัยแพรพลอยโดนปลดกลางอากาศแน่
โถ ! น่าสงสารพวกที่ไม่รู้จักว่าน้องริวคือใครน่ะ
-
ริวสุดยอด ที่สุดของที่สุด
เก่งมากเลยคับ
-
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :laugh:
สมน้ำหน้านังชะนีแพรพลอยอ่ะ :z6:
เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับริวคุงเจ้าพ่อโบรกเกอร์ :a14:
-
โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หัวเราะอย่างสะจายยยย เจอน้องริวเอาจิง ชะนีพลอยไปไม่เป็นกันเลยทีเดียวเชียว
-
สะใจมากมายครับ o13
-
แอร๊ยยยยยย....
ปลื้มริวมากกกก
ชอบจริงอะไรจริง...
-
โหยๆ น้องริวแรงอ่ะ สะใจ
แต่ว่า...กลัวๆจังเลย กัผู้หญิงร้ายกาจแบบนั้น น้องริวจะทันเล่ห์เหลี่ยมมั้ยอ่ะ :serius2:
-
น้องริวชนะเลิศ
ยัยแพรพลอย โดนของจริงๆผซักทีจะได้รู้สึก
เหอะ!!!!
อลันยังสติลทำงานเยี่ยมมมม
-
น้องริว สุดยอด o13
-
เริ่ดที่สุด
ว่าแต่มันสั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
-
สะใจจจจจจจจ เจ้มากจะนู๋ริว
แบบนี้พี่ชอบบ :laugh:
-
สะใจอะ
-
คนแบบนี้ต้องเจอคนจริง!!!! สะใจ
-
เชอะ สมน้ำหน้า :laugh:ถ้าไม่ใช่พี่ไผ่แมวน้อยที่เห็นมันก็เสือร้ายดีๆนี่ล่ะ
รู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร นังชะนีแก่แอ๊บแบ๊ว
-
สะใจ แต่ระวังที่ยัยพลอยแอบกดโทรหาตัวเองด้วย
ต้องเอาไปใช้หาประโยชน์อีกแน่นอน
+1
-
ได้ใจแม่เรยค่ะ ริวขาาาาา :3123:
ดีไม่สั่งอลันไปเก็บก้อบุญหัวแล้วชะนี ชิชิ :m16: :m16:
-
น้องริวได้ใจพี่มากคะมาขอกอดที :กอด1:
:pig4: writer คะ
-
ฮิ้วววววววว สมน้ำหน้าแพรพลอยจริงๆๆ :m20:
-
:laugh: :laugh: :laugh:สะใจนังแพรพลอย
เจออิธิฤทธิ์น้องริวชั้น กร๊ากก หน้าหงายไปเลย o18 o18
-
ทำไมไม่มีใครสงสารแพรพลอยเลยล่ะ? o22
ออกจะน่า...สงสาร เน้ออออออ :z10:
-
สะใจมากก :laugh: :laugh:
แต่สั้นไปค่ะ :a5:
-
เห็นด้วยครับ สั้นไปหน่อย แต่สะใจมากมาย
-
ริว บทได้ใจมาก
-
:L2:
-
o13 ริวมาดนี้เพิ่งออกโรง ที่ผ่านมาเจอแต่เด็กน้อยริว ขี้อ้อนนิด ขี้กลัวหน่อย
แต่นี่เป็นตัวจริงละซิ ถ้าไม่ใช่พี่ไผ่ อย่าหวังเลยว่าริวจะสนใจ... :z2:
-
o13 มากริว
จัดไปหนักๆๆๆ
นางคงตกงานแน่งานนี้
-
สะใจจังเลย
ยัยแพรพลอยตัวร้ายต้องเจอแบบนี้
เจ๋งมากเลยน้องริว
ต้องตอบโต้แบบนี้แหละยัยแพรพลอยถึงจะรู้สึก
หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยแหละ
อายเค้ามั้ยหล่ะยัยแพรพลอยเอ้ย
แถมยังถูกเปลี่ยนตัวจากละครด้วย หึ หึ
-
o13 o13 น้องริวววววววววว สะใจ
:z2: :z2:
-
สะใจมากกกแต่ริวระวังนะ
ไม่รู้แพรพลอยจะกลับมาหาเรื่องอีกหรือเปล่า
-
ริวอย่างนี่เอารางวัลชนะเลิศไปเลยสะใจยัยจอมหน้าด้านนั้นจริงๆ 555
หน้าแตกหมอไม่รับเย็บแถมหน้าจะตกงานละครคงไม่ได้เล่นแล้วแหละ
-
แร๊งงงงงงงมากน้องริว
สุดยอดเลย
เอาใจไปเลยเต็มๆ
:o8: o13
-
ไม่รู้จะพูดอะไรดีนอกจาก
o13 สะใจมากๆเลยน้องริว!!!
ไรเตอร์ค่ะ.... สั้นจัง = =
-
:laugh: สะใจมากๆๆ น้องริว o13 แต่ก็กลัว ชีไม่ยอมหยุดนะ
น่าจัดการให้รู้ว่าน้องริวถึงอำนาจของน้องริวไปเลย
ให้อลันจัดการเลยก็ดี ฮุฮุแอบอยากให้ริวร้ายอ่ะ
แต่กลับบ้านไปอ้อนพี่ไผ่เลยนะน้องริว ให้พี่ไผ่ทำให้น้องใจเย็นขึ้น
สู้ๆๆ รอนะ :bye2:
-
สะใจมากกกก น้องริวเยี่ยมจริง ๆ
-
o13 สุดยอด
ร้าย ๆ แบบนี้ต้องโดน :z6: เหอเหอ
-
ดีมากริว :laugh:สะจายเจงๆ
สั้น สั้นๆๆๆๆๆๆ :serius2:
-
สะใจ
-
งานนี้แพรพลอยโดนเปลี่ยนตัวออกจากละครแน่ o18
-
ให้รู้สักบ้างนะยะ
ริวน่ะเด็กโอ๋ของพี่จ๋า คนอื่นอย่ามาใส่เกือก
ชีวิตไม่โพล่แน่ 555+
-
แหม ยัยแพรพลอยมาเล่นกับหนูริว
เอาให้เข็ดเลย ริว :m31: :m16:
-
ฉลองทะลุสามหมื่นวิว เย่เย่
คิดถึงพี่ไผ่สุดหัวใจ
-
:mc4: :mc4:
-
พี่ไผ่มาเป็นกำลังใจให้น้องริวหน่อยน๊า :L2:
-
โอ๊ะ...น้องริว เลิศ!!!!
-
สู้ๆนะริว
ตกลงริวเป็นนายเอกหรือพระเอกงง
สรุปริวเป็นพระเอก?
55555555555555
-
อยากอ่านต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอพี่ให้ไผ่เป็นพระเอกไม่ได้เหรอ ให้สิทธิ์พี่ไผ่ก่อนเหอะ อย่างเจ้าริวจะทำเป็นได้ไง พี่ไผ่ของนู๋ตายพอดี :sad5:
-
น้องริว แรงได้ใจ อิอิ
เอาให้แพรพลอยไม่มีหน้าไปพบใครได้เลยยิ่งดี
อ้ากก ชอบนู๋ริวที่ซู๊ดดดดดดดดดด
-
มารอตอนต่อไปค่ะ :mc4: :mc4:
-
สะใจแฮะ ต้องให้ได้อย่างนี้สิริว
-
คืนนี้จะมาต่อมั้ยค๊า
พี่พสุคนดี หายไปหลายตอนแล้วน๊า
-
เข้ามารอตอนต่อไปค่ะ :really2:
-
:call: :call: :call:
:call: :call:
:call:
-
o13
ชอบเรื่องนี้จังค่ะ
:กอด1:
-
o13 o13
-
ตอนที่ 49
แล้วค่ำวันนั้นริวก็ได้รับเสียงกรีดร้องด่าทอมาในโทรศัพท์จนเขาต้องปิดเครื่องหนี ถึงจะเป็นเบอร์ที่กรเวชให้ไว้ไม่ใช่เบอร์ส่วนตัวแต่เขาก็แน่ใจว่าเขาไม่เคยให้เบอร์แพรพลอยหรือคนอื่นๆ ในกอง ไม่รู้ว่าแพรพลอยไปเอาเบอร์นี้มาจากไหน เสียงทอดถอนใจของเด็กหนุ่ม ทำให้คนที่เพิ่งออกจากห้องน้ำอดเดินเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ” พสุถามแล้วมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ขณะที่ริวยังนั่งอยู่บนพื้นข้างเตียงเหมือนเดิม
“...ครับ”
“มีเรื่องอะไร เล่าให้พี่ฟังได้ไหม”
“ก็ผู้หญิงคนที่เล่นละครกับผมนะสิ...เฮ้อ!” ริวถอนใจเฮือกใหญ่แล้วยัดมือถือใส่ไว้ในกระเป๋า กะว่าพรุ่งนี้คงต้องไปขอกรเวชเปลี่ยนเบอร์ใหม่ เพราะไม่ต้องการรับสายแพรพลอยหรือใครๆ อีก เพราะถ้าแพรพลอยมีเบอร์นี้ได้ คนอื่นๆ ก็มีได้เช่นกัน
“แพรพลอยน่ะเหรอ เขาทำอะไรให้ริวไม่พอใจเหรอ?” พสุถามพลางเช็ดน้ำออกจากผม
“เขาเป็นคนปล่อยข่าวว่าผมกับเขาเป็นแฟนกัน แต่เอาพี่แก้วไปนินทาเสียๆ หายๆ แล้วยังให้เพื่อนเขาที่เป็นนักข่าวเขียนข่าวด่าพี่แก้วด้วย”
“อืม...พี่เห็นข่าวแล้ว ตกลงว่าเป็นฝีมือแพรพลอยเหรอ...ริวรู้ได้ยังไง?”
“ผมก็เพิ่งรู้จาก...เอ่อ...เพื่อน วันนี้ ก็เลยไปเตือนให้เขาเลิกทำอย่างนั้น แต่นอกจากเขาจะไม่ยอมรับผิดแล้วยังอาละวาดด่าผม แล้วด่าลามปามไปถึงพี่แก้วด้วย”
“แล้วก็เลยทะเลาะกัน?” พสุถามก่อนจะหยุดเช็ดผมเมื่อริวเอียงหัวลงมาวางบนตักเขา
“ครับ...ริวเลยออกมาจากกองถ่ายก่อน แล้วพอริวโทรขอลาออกกับพี่จ๋า พี่จ๋าก็ไม่ยอม บอกให้ริวไปถ่ายละครตามปกติ แต่รับปากว่าริวจะไม่ต้องเล่นกับแพรพลอยอีก” ริวเล่าตรงๆ ไม่คิดว่าจะปิดบังอะไรพสุ
“แล้วไง” พสุถามซ้ำ พลางลูบผมริวเล่น ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนอาการหนักๆ ในอกจะคลายลงอย่างรวดเร็ว
“แล้วแพรพลอยก็โทรมาด่าริว ว่าริวทำให้เขาโดนปลดจากละคร” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาพสุอย่างไม่สบายใจนัก
“ริวอาจจะโกรธเขา แต่ริวไม่เคยคิดว่าจะทำให้เขาโดนปลดจากละครเลยนะครับ”
“พี่รู้...พี่เข้าใจนะว่าริวโกรธที่แพรพลอยทำแบบนี้ แต่ในชีวิตริวยังต้องเจอคนแบบแพรพลอยอีกมาก อาจจะเลวร้ายกว่านี้ด้วยซ้ำ ริวต้องใจเย็นๆแล้วพยายามรับมือให้ได้...โชคดีที่แพรพลอยเป็นแค่นักแสดงหน้าใหม่ บทน้อย ถึงสับเปลี่ยนตัวเอาคนอื่นมาเล่นแทนได้ง่ายๆ แต่ถ้าแพรพลอยเป็นนักแสดงหลักของเรื่องล่ะ...แน่นอนว่าผู้จัดเขาไม่สามารถจะเปลี่ยนตัวได้แบบนี้แน่ๆ เพราะเท่ากับว่าต้องถ่ายละครใหม่ทั้งหมด ริวอาจจะยื่นคำขาดหรือขอลาออกได้ แต่ผลที่ตามมามันไม่ใช่แค่เสียเงิน เสียเวลา แต่มันเสียไปถึงนักแสดงคนอื่นๆ ด้วย เขาจะรู้สึกยังไงที่ต้องเล่นละครใหม่อีกรอบ เพราะต้องเปลี่ยนตัวนักแสดงที่ทะเลาะกันเอง?”
ริวนิ่งฟังแล้วพยักหน้ารับ
“ถ้าริวต้องเจอสถานการณ์แบบนี้อีก พี่อยากให้ริวนิ่งไว้ก่อน ปรึกษาผู้ใหญ่ก่อนแล้วค่อยทำอะไรลงไป...เพื่อนริวอาจจะหวังดี ไม่อยากให้ริวตกเป็นเหยื่อผู้หญิงแบบแพรพลอย แต่ในเมื่อริวรู้ตัวแบบนี้ ก็เลี่ยงผู้หญิงคนนี้ซะดีกว่าจะไปปะทะกันตรงๆ แบบนี้ เพราะคำพูดของคนเรา ถ้าหลุดจากปากไปแล้วมันเอาคืนไม่ได้ ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด แต่เมื่อพูดออกไปคำพูดเป็นนายเรานะริว”
ริวขยับตัวขึ้นมานั่งบนเตียง ซบหน้ากับไหล่พสุแล้วสอดแขนเข้าไปกอดเอวเขาไว้แน่น พสุก็ทำได้เพียงลูบผมเด็กหนุ่มเบาๆ เท่านั้น
“ริวทำผิดมากไหมพี่” ริวถามเสียงแผ่ว เด็กหนุ่มไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะมองเขายังไง สิ่งเดียวที่กลัวคือ พสุจะไม่ชอบเด็กนิสัยไม่ดีหรือเปล่า พี่จะรังเกียจเขาหรือเปล่าที่เขาทำให้แพรพลอยโดนปลดจากละครเรื่องนี้
“ถ้าจะหาว่าใครผิด ก็คงผิดด้วยกันทั้งคู่ ต่างคนต่างก็ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล แต่เรื่องมันผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ริวก็ไม่ต้องไปคิดถึงมันจนเก็บเอามากลุ้มใจ แต่ให้เก็บไว้เป็นบทเรียนจะได้ไม่ก้าวพลาดซ้ำอีก”
“ครับ” ริวรับคำแล้วแอบโล่งใจ คำพูดของพี่แสดงว่าพี่ไม่ได้โกรธ แต่ยังคงเป็นห่วงเขาไม่เปลี่ยน แค่นี้ริวก็พอใจแล้ว
“นอนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” พสุบอกเสียงอ่อนโยนแล้วขยับจะถอยห่างแต่ริวตามติดไปซุกตัวลงในอ้อมแขนจนพสุอดดึงแก้มกลมๆ เล่นไม่ได้ แก้มกลมๆ เริ่มไม่ค่อยมีเนื้อให้ดึงเล่นเหมือนแต่ก่อนแล้ว
“อ้อนอะไรอีกครับ”
“ริวกอดพี่นอนนะ...ได้ไหม” ริวทำเสียงออดๆ แล้วส่งสายตาวิงวอนไปมองหน้าพี่
“ไม่ร้อนเหรอ?”
“ไม่หรอก ริวชอบกอดพี่”
“ก็ตามใจ ปิดไฟด้วยล่ะ” พสุขยี้ผมเด็กหนุ่มเล่น ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงคาง
“ครับ” ริวหันไปปิดไฟ แล้วเบียดเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับพสุเพื่อจะได้หนุนต้นแขนพสุได้ถนัด
........................................
ริวกลับไปถ่ายละครต่อในวันรุ่งขึ้น ก็ได้เจอกับนักแสดงสาวหน้าใหม่ แม้จะไม่สวยเท่าแพรพลอย แต่ฝีมือทางการแสดงของเธอเหนือกว่าแพรพลอยมากและที่สำคัญเธอไม่ตอแยกับริวนอกบท ริวเองก็ตั้งใจทำงานมากเพื่อเป็นการขอโทษพี่จ๋าที่เขาทำให้เสียเวลา เด็กหนุ่มเทคิวทั้งหมดให้ละคร จนสามารถปิดกล้องได้ในเวลาอันรวดเร็ว พี่จ๋าถึงกับโล่งใจที่การถ่ายทำไม่ยืดเยื้ออย่างที่คิด แถมยังเสร็จเร็วกว่ากำหนดเดิมด้วยซ้ำ เหลือแต่คิวออกอากาศ ที่ปกติต้องรอไม่ต่ำกว่า 3−4 เดือน
ละครปิดกล้องเป็นช่วงเดียวกับที่สองซิงเกิ้ลของตะวันและพสุเพิ่งถูกปล่อยออกไป ปลุกกระแสคิสมีให้กลับมากระหึ่มอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ดูจะดังกว่าอัลบั้มแรกเสียอีก รวมทั้งกระแสข่าวเรื่องคิสมีจะร่วมกับทางค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในเกาหลี ทำเพลงร่วมกัน ยิ่งทำให้ผู้ชมรอดูละครเรื่องนี้กันมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
บอร์ดบริหารของทางสถานีตัดสินใจร่นเวลาออกอากาศของละครเรื่องนี้เข้ามาต่อจากละครเรื่องที่กำลังฉายอยู่ทันที โดยให้คิวเวลาทองคือ ศุกร์เสาร์อาทิตย์ แน่นอนว่าย่อมต้องมีคนไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีใครต้านความแรงของกระแสคิสมี ตอนนี้ได้
ยิ่งเอ็มวีเพลงของตะวันถูกปล่อยออกมา คำพูดไม่กี่ประโยคของริวในเอ็มวี ก็ทำให้ข่าวของเด็กหนุ่มกับแก้วกุดันถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้ง หลายคนออกมาฟันธงว่า “พี่” ที่ริวพูดถึงในเอ็มวีคือผู้หญิงที่คบกันอยู่ และคนๆ นั้นน่าจะเป็นแก้วกุดัน ริวปิดปากเงียบไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ แต่ภาพความสนิทสนมของริวกับพสุ ก็ทำให้หลายคนยังลังเลที่จะเชื่อว่าริวคบกับแก้วกุดันจริง...........
............................
-
ชักเข้มขน หวาน?มันส์เข้าไปทุกที หุหุ แต่นานเนอะกว่าพี่ไผ่จะรู้ใจตัวเองเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :z3:
-
เหมือนจะลาง ว่างานจะเข้าคู่นี้นะ สงสัยจะดราม่า
-
นายพสุน่ารักเช่นเคย สงสารน้องริว
writer ไม่ชอบกินมาม่านะ
+1 เป็นกำลังใจ
-
ลั้ลลาลั้ลลา
พี่แก้วขาเป็นฉากให้ชาวบ้านเค้างสงสัยกานไปก่อนนะ
ให้เค้าเลิฟ ๆ กานเมื่อไหร่ เจ๊ค่อยไปมีสามี
แต่จะว่าไป ไม่ช่ายพี่แก้วแก่เป็นสาววายยุคบุกเบิกหรอกนะ 555+ เจ๊แก้วจัดให้หนัก ๆ เลย
-
คนแต่งจ๋าสงสารคนอ่านหน่อยสิ
ทำไมสั้นจัง คนอ่านยังไม่หายคิดถึงเลยนะ
ริวน่ารักมากเลย พี่ไผ่ยอมริวมากขึ้นนะนั้น
จากไม่ยอมให้ใครเข้าไปในโลกส่วนตัว
แต่ยอมให้ริว ยอมให้กอดได้แล้วด้วย
รอลุ้นต่อไปจ้า
:กอด1:
-
เอร้ย ยังสั้นอยู่เลย
ขอหวานๆ ยาวๆ ฉ่ำหัวใจสักตอนได้ไหมคะ
แต่อย่าเพิ่งมาม่าเลยนะ ท้อแท้อ่า
-
อยู่ที่ไผ่ล่ะ
-
ริวกำลังรุ่งกำลังดัง
กลัวอย่างเดียวว่า นักข่าวจะขุดคุ้ยประวัติริวอ่ะดิ :เฮ้อ:
ถ้าเกิดทุกคนรู้ความจริงขึ้นมา พลิกแน่ดราม่านอนมาเลยค่ะ :sad4:
อ่านแล้วก็รู้สึกนะว่า ริวจะสุขแบบนี้ได้อีกนานสักเท่าไรเชียว เฮ้อ :เฮ้อ:
-
สั้นอ่ะ เอาอีกได้มั้ย pleaseeeeee
-
พี่ไผ่ก็ค่อยๆสอนน้องไปเรื่อยๆล่ะกัน สอนทุกเรื่องแล้วอย่าลืมเรื่อง(รับ)รักน้องด้วยนะ
ลุ้น ลุ้น ลุ้น :กอด1:
-
:L2:
-
:กอด1: ริว
:กอด1:ไผ่
:L2: คนแต่ง แถม :กอด1: อีกทีด้วย
-
ไม่รู้ว่าจะเกิดไรขึ้นรึป่าว แต่เอาใจช่วยพี่ไผ่น้องริวให้อยู่รอดปลอดภัยตลอดๆน๊า ^^
เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยค่ะ
-
เหยยยย
ริวกับพสุ ,, จะทำให้ประเด็นข่าวเปลี่ยน เพราะอะไร?
เพราะ คนคิดว่า อิ๊อ๊ะ กัน รึว่าเพราะ คิดว่า ริว คงไม่เป็นแฟนกะ แฟนเก่าพี่ ??
กำลังจะ ดราม่า ???
งื้ออออ น้องริวสู้ๆ !!
-
ต้มน้ำร้อนรอ :t4:
-
น้องริวสบายใจแล้วสินะเรื่องของแพรพลอยอ่ะ
แต่เรื่องของพี่แก้วจะทำไงดี
ใคร ๆ ก็คิดว่าน้องริวคบกับพี่แก้ว
แต่ก็มีบางคนเห็นพี่ไผ่กับน้องริวสนิทกัน
จะมีใครคิดมั่งมั้ยน๊าว่าสองคนนี้ชอบกัน
ที่แน่ ๆ เมื่อไหร่พี่ไผ่จะรู้ตัวว่าชอบน้องริว
อยากให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ จัง
-
สั้นไปมั๊ย :a5:
-
สั้นอะ
:fire: :fire:
-
ต้มน้ำร้อนรอ :t4:
^
^
^
เผื่อด้วยนะ
-
ต้มน้ำร้อนรอ :t4:
^
^
^
เผื่อด้วยนะ
ไม่เอาอ่ะ
อย่าต้มเลย
:seng2ped:
-
ยายแพรพลอยคงแค้นริวน่าดูเลย :laugh3:
ระวังตัวไว้นะจ๊ะสองหนุ่ม
:teach:
-
:กอด1: ริวกับพี่ไผ่
เป็นกำลังใจให้ค่ะ :L1:
-
ต้มน้ำร้อนรอ :t4:
^
^
^
เผื่อด้วยนะ
ไม่เอาอ่ะ
อย่าต้มเลย
:seng2ped:
ไม่เอาเหมือนกันอย่าต้มเลยเดี๋ยวเหนื่อยเป็นห่วง
มาเดี๋ยวพาไปกินอย่างอื่นนะ
:pig4: คะ
-
ไผ่สอนน้องได้ดี ว่าแต่ ไหงสั้นจัง
-
"แต่ภาพความสนิทสนมของริวกับพสุ ก็ทำให้หลายคนยังลังเลที่จะเชื่อว่าริวคบกับแก้วกุดันจริง........"กลัวนักข่าวจับประเด็นเล่นข่าวนี้จัง ได้กินมาม่าแน่
-
เป็นลางสังหรณ์ :z3:
-
รอตอนต่อไปค่ะ
-
รอกินมาม่า ดีกว่า :z1:
-
วันนี้วันดีเลขสวย อยากอ่านอีกจังค่า ปิ๊งๆ
-
นอ้งริวไม่ฟิดนะคะ นังแพรพลอยตะหาก สมน้ำหน้ามันแล้วคะ :laugh: o18 o18
-
วันนี้วันดีเลขสวย อยากอ่านอีกจังค่า ปิ๊งๆ
Panny ถูกใจให้กี๊ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ o13
-
อยากตบนางแพรพลอยจริงๆ
-
สั้นไปมั้ยอ่ะ
-
อิอิ เลขวันสวยหรอ ถ้าได้อ่านอีกสักตอนก็ดีเรยยย
-
สั้นตรงไหน???
:z2:
-
ลั้ลลาลั้ลลา
พี่แก้วขาเป็นฉากให้ชาวบ้านเค้างสงสัยกานไปก่อนนะ
ให้เค้าเลิฟ ๆ กานเมื่อไหร่ เจ๊ค่อยไปมีสามี
แต่จะว่าไป ไม่ช่ายพี่แก้วแก่เป็นสาววายยุคบุกเบิกหรอกนะ 555+ เจ๊แก้วจัดให้หนัก ๆ เลย
ลอกหน่อยนะคะ 555 ตามนี้โลดค่าา
-
หลังจากที่ไม่ได้อ่านซะนาน มาราทอนเลยวันนี้ ไอขอรวบยอดเมนท์เลยละกัน :yeb:
ตอนที่พี่ไผ่กับริวไปเที่ยวงานวัดดูกุ๊กกิ๊กน่ารักดีจัง (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/01/mushroom-emo-1-071.gif)
สะใจมาก! ตอนที่ริวบอก "ขยะแขยง" "ไปให้พ้น" กับนังแพรพลอยอะไรนั่น :laugh: เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับริว
ขัดใจนิดหน่อยตอนที่พี่ไผ่เตือน จะสุภาพบุรุษไปไหน ถึงมันจะจริงก็เหอะ แต่มันสุดจะทนกับการกระทำของนังนั่นเลยนี่หว่า :a14:
แล้วเรื่องพ่อของพี่ไผ่ล่ะว่าไง คนไม่มีอะไรแล้วยังไม่ยอมจมลงนี่ร้ายนะ กลัวพี่ไผ่จะเสียน่ะสิ แล้วถ้าลามไปถึงริวด้วยจะทำไง :m16:
ตกลงเรื่องไวย์กับพี่แก้วไปถึงไหนแล้วอ่ะ? เด๋วนี้ไม่เห็นไวย์ออกมาโวยวายลากใครให้เดือดร้อนเลยนี่นะ ...ก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เงียบๆแบบนี้ไม่ใช่คลื่นใต้น้ำนะ ยิ่งตอนนี้มีข่าวริวกับแก้วอีก แต่ไปถ่ายMVด้วยกันก็น่าจะรู้นะว่าริวหมายถึงใคร นอกจากความหึงมันจะเข้าตาจนโง่เกินทน - -"
-
กับแก้วมันไม่จิงคับ ฟันธง!!!
มันต้องกับพี่ไผ่เท่านั่น!!!
-
รออออออออออออออ :undecided:
-
เค้าชอบของหวานน้าาาาาาาาาาา เพราะงั้นอย่าเพิ่งมาม่าเลยนะค่ะ :กอด1: :กอด1:
-
ตอนที่ 50
งานโชว์ตัวต่างๆ หลั่งไหลเข้ามาจนคิวงานชนกันหลายสิบคิว ขนาดที่กรเวชคนเดียวตามดูแลทั้ง 5 หนุ่มไม่ไหวจนต้องเปิดรับผู้ดูแลศิลปินเพิ่ม อีก3 คนเพื่อดูแลคนอื่นๆ ส่วนพสุกับริวนั้นกรเวชรับหน้าที่ดูแลเองเพราะคิวงานเยอะแต่พสุเท่านั้น ส่วนริวไม่รับงานโชว์ตัวใดๆ นอกจากงานที่ต้องไปกันทั้งวง ซึ่งวันนี้ก็เป็นอีกวันที่คิสมีต้องมาโชว์ตัวและร้องเพลงในงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ที่ปกติจะมีแต่แขกรับเชิญเป็นกลุ่มไฮโซ แต่วันนี้กลับมาประชาชนทั่วไปเข้ามารอชมกันล้นหลาม
ทางผู้จัดเซอร์ไพรส์คนดูโดยให้คิสมีปรากฏตัวด้วยการขับรถเข้ามาในลานจัดงานทีละคัน 3 คันแรกนั้นเป็นตะวัน ไวยากรณ์ และธีรดล ส่วนคันสุดท้ายนั้นเป็นรถแบบกึ่งสปอร์ต ที่ขับเข้ามาเร็วมากและจอดในช่องจอดขนาดพอดีกับรถด้วยวิธีการดริฟท์ (การเหยียบเบรกกระทันหันเพื่อบังคับให้ท้ายรถหมุนในทิศทางที่ต้องการ)
คนดูตบมือกันเกรียวให้กับความสามารถของคนขับ แต่เมื่อประตูรถเปิดแล้วพบว่าคนที่ลงมาจากรถคือพสุกับริว เสียงกรี๊ดก็ดังราวกับห้างจะถล่ม
มีเสียงเรียกร้องให้โชว์อีกครั้ง และเพื่อให้แน่ใจว่าคนขับคือริวจริงๆ ไม่ใช่สแตนด์อิน ทางผู้จัดจึงให้ริวขับอีกคันที่กระจกไม่ได้ติดฟิล์มกรองแสง ริวขับวนไปรอบลานก่อนจะพุ่งเข้าหาช่องว่างระหว่างรถของตะวันกับไวยากรณ์ แล้วดริฟท์เข้าจอดตรงกลางพอดี เรียกเสียงกรี๊ดได้ถล่มทลายอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่แต่คนดูที่ตื่นเต้น ขนาดผู้จัดงานยังตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ เพราะถ้าริวพลาดหมายถึงรถต้องพังอย่างน้อย 2 คัน
นักข่าวเตรียมจะเข้ามาสัมภาษณ์ แต่ผู้จัดงานที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วได้กันนักข่าวเอาไว้เพื่อให้ริวหลบเข้าหลังเวที เตรียมตัวขึ้นร้องเพลง ขณะที่บนเวทีก็อาศัยช่วงนี้โปรโมทคุณภาพของรถ
“เจ๋งว่ะริว...ยังกะมืออาชีพเลย เฮ้ย! วันหลังสอนพี่มั่ง” ไวยากรณ์ปราดเข้ามาตบไหล่ริวป้าบๆ ท่าทางยังตื่นเต้นไม่หาย ทั้งที่ความจริงเขาได้เห็นริวดริฟท์ให้ทีมงานดูที่ลานจอดรถตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาโชว์จริงก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี
ริวไม่ได้ตอบแต่ขมวดคิ้วมุ่นยิ่งกว่าเดิม พอกรเวชเข้ามาหลังเวทีเด็กหนุ่มก็ปราดเข้าไปหาอย่างใจร้อน
“ตกลงว่าใครบอกลูกค้าครับพี่กร”
“คุณเขมเป็นคนบอกน่ะ” กรเวชตอบหน้าเจื่อนๆ
เขาเองก็แปลกใจตั้งแต่ตอนที่โดนสั่งให้พาวงคิสมาเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนเวลาห้างเปิดแล้ว ตอนแรกเขาคิดว่าเพราะกลัวรถติด แต่เมื่อมาถึงทางทีมงานกลับพามาลานจอดรถชั้นบนสุด เพื่อให้ริวทดลองโชว์การดริฟท์ให้ดูและทางผู้จัดงานก็ขอให้ริวเปิดตัวรถด้วยวิธีนี้ แม้ริวจะยอมรับปากเพราะพสุขอร้อง แต่เด็กหนุ่มก็ขอให้กรเวชตรวจสอบให้ว่าใครเป็นคนบอกผู้จัดงานเรื่องเขาเคยขับรถแข่งมาก่อน ซึ่งคนที่กรเวชโทรไปหาก็คือเขมชาติและก็ได้คำตอบว่าเขาเป็นคนบอกลูกค้าเอง เพื่อเพิ่มกระแสของคิสมีก่อนที่จะบินไปร่วมงานกับวงเกาหลี
“คุณเขมบอก?...อลัน!” ริวทวนคำงงๆ ในตอนแรก แต่แล้วก็กลับตาลุกวาบด้วยความไม่พอใจ เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นแล้วทำท่าจะเดินออกไปแต่พสุคว้าแขนไว้เสียก่อน
“จะไปไหนริว”
“ริวจะออกไปโทรศัพท์ครับ”
“เรากำลังเตรียมตัวขึ้นเวทีกัน...อีกอย่างถ้าออกไปตอนนี้ ต้องโดนสื่อรุมสัมภาษณ์แน่ๆ”
“แต่...”
“ตอนนี้เราทำหน้าที่อะไรอยู่ริว...” พสุถามเสียงเรียบ เขารู้ว่าริวโมโห แต่ขืนปล่อยให้ออกไปตอนนี้คงโดนรุมจนกลับเข้ามาไม่ได้
“ขอโทษครับ” ริวหน้าจ๋อยหายโมโหทันทีเพราะกลัวพสุโกรธมากกว่า
“มาเตรียมตัวดีกว่า เดี๋ยวเราจะขึ้นเวทีกันแล้ว” พสุใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง เพราะไม่อยากให้ริวรู้สึกเหมือนถูกดุ ซึ่งก็จริงดังคาด เด็กหนุ่มกลับมายิ้มหน้าชื่นอีกครั้ง
“ครับ” ริวรับคำแล้วตามไปรวมกลุ่มกับทุกคนเพื่อเตรียมตัวพร้อมก่อนขึ้นแสดง
เสียงคนดูร้องเพลงตามได้กระหึ่มทั้งที่เพลงเพิ่งเปิดตัวไปไม่ถึงเดือน ก็เป็นเครื่องการันตีได้ว่าเพลงของคิสมีแรงขนาดไหน หลังจากแสดงเสร็จ นักข่าวก็เข้ามารุมล้อมทันที ดูเหมือนริวจะเป็นเป้าหมายหลัก ทั้งเรื่องโชว์การดริฟท์รถที่เพิ่งแสดงตอนเปิดงาน ทั้งข่าวเรื่องความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มกับแก้วกุดัน
“เรื่องโชว์ทางผู้จัดให้สต๊าฟมาฝึกให้ครับ ส่วนเรื่องผมกับพี่แก้ว ไม่มีอะไรเลยครับ พี่แก้วเขาเห็นผมเป็นน้อง และผมก็นับถือพี่เขาเป็นพี่จริงๆ”
“แล้วข่าวเรื่องริวกับแพรพลอยละคะ ได้ข่าวว่าที่แพรพลอยโดนปลดจากละครเพราะทะเลาะกับริวเรื่องหึงหวงกัน”
“ไม่จริงหรอกครับ ผมกับแพรพลอยเป็นแค่ผู้ร่วมงานกัน ไม่ได้สนิทถึงขั้นจะมามีเรื่องหึงหวงกันได้”
“แต่น้องริวก็เคยให้แพรพลอยยืมรถไปขับไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็เขารถเสีย ไม่มีรถจะกลับแล้ววันนั้นก็ดึกมาก ผมก็เลยให้ยืมรถขับกลับไป”
“น้องริวจะบอกว่าไม่เคยจีบแพรพลอย”
“ไม่เคยเลยสักครั้งครับ” ริวตอบเสียงหนักแน่น
กรเวชแทรกเข้ามาขอตัวริวจากสื่อมวลชนเนื่องจากคิสมีจะต้องรีบกลับไปอัดรายการ เด็กหนุ่มไหว้ลาพี่ๆ นักข่าวแล้วรีบแหวกคนไปหาพสุทันที ทำให้นักข่าวหลายคนรีบตามไปประกบ
“ไผ่คะ ขอถามนิดนึง...เรื่องข่าวที่ว่าไผ่กับริวทะเลาะกันเพราะแก้วกุดันนี่เป็นความจริงหรือเปล่าคะ”
พสุชะงักหันกลับมายิ้ม ขณะที่ริวหันมามองคนถามอย่างประหลาดใจ ส่วนไวยากรณ์นั้นถึงกับหัวเราะก๊าก
“โหย ไอ้หนูริวน่ะแค่พี่ไผ่เสียงแข็งก็น้ำตาคลอแล้ว อย่าว่าแต่จะมีปัญญาทะเลาะกับพี่ไผ่เลย” ไวยากรณ์ตอบแทนพร้อมกับผลักหัวริวเบาๆเป็นเชิงสรรพยอก
“พี่ไวย์...” ริวท้วงไวยากรณ์เสียงอ่อยๆ ขณะที่คนอื่นๆ พากันอมยิ้ม
“ไม่เคยทะเลาะกันครับ เคยแต่ดุบ้างเวลาเขาทำผิด...แต่ก็ไม่บ่อยหรอกนะครับ เพราะริวไม่ดื้อเหมือนไวย์” พสุตอบยิ้มๆ ขณะที่ริวขยับเข้าไปยืนจนชิดไหล่พสุ
“อ้าว! หวยมาออกที่ผมซะงั้น” ไวยากรณ์ท้วงเสียงหลง เรียกเสียงหัวเราะจากนักข่าวและเพื่อนร่วมวงได้พร้อมเพรียง พอเห็นอาการหยอกล้อกันแบบสนิทสนมของสมาชิกวงคิสมี นักข่าวก็หมดข้อกังขา กรเวชจึงรีบถือโอกาสนั้นขอตัวกลับเพราะเกรงจะเลยเวลานัด
แต่หลุดจากกองทัพนักข่าวมาได้ ก็ต้องมาฝ่าฝูงชนทั้งแฟนเพลงและแฟนคลับที่ตามมาขอถ่ายรูปขอจับมือ โดยเฉพาะกลุ่มแฟนคลับนั้นนอกจากตามไปส่งจนถึงรถตู้แล้ว บางส่วนยังตามไปที่สตูดิโอของรายการที่คิสมีจะต้องไปอัดเทปสัมภาษณ์ จนพื้นที่ในห้องส่งไม่เพียงพอให้เข้า แต่ก็ไม่มีใครถอย ต่างปักหลักคอยกันอยู่หน้าสตูดิโอเพื่อรอส่งคิสมีกลับตอนอัดรายการเสร็จอีกครั้ง
“เฮ้อ!” พอรถออกจากสตูดิโอมาได้ ทุกคนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกันราวกับนัด ต่างเหลียวมองหน้ากันแล้วหัวเราะก๊ากที่ดันใจตรงกันอย่างพร้อมเพรียง
“วันนี้เราหมดงานแล้วนี่....ไปเที่ยวกันไหมพี่ ไปต่างจังหวัดกัน” ไวยากรณ์เสนอขึ้นมา ซึ่งธีรดลก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
“ไม่ได้ไวย์ ลืมไปแล้วเหรอว่าพรุ่งนี้อัดเสียงเช้า” กรเวชท้วงทันที เพราะถ้าออกต่างจังหวัด โอกาสไถลจนกลับมาทำงานไม่ทันมีสูงมาก โดยเฉพาะไวยากรณ์
“โหยพี่กร ไปใกล้ๆ ก็ได้เพ่ อย่าง...พัทยาก็ได้อ่ะ”
“เบื่อว่ะ...ไปที่อื่นเห้อออ” ธีรดลขัดคอทันที เพราะพวกเขามีคิวโชว์ตัวไปรอบเมือง พัทยานั้นไปมาไม่รู้กี่รอบแล้ว
“แล้วจะไปไหนได้ล่ะ ใกล้ๆ แล้วแปลกๆ อ่ะ” ไวยากรณ์กระแทกตัวลงนั่งหน้ามุ่ยที่ถูกขัดใจ
“ไปบ้านสวนของแม่พี่กันไหม” พสุชวนยิ้มๆ ไวยากรณ์ลุกผึงมาเกาะเบาะ ตาเรียวๆเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น
“ไปๆ ผมอยากไปตั้งแต่ตอนพี่เอาผลไม้มาฝากแล้ว ตอนนี้มันยังมีให้เก็บอยู่ไหมพี่”
“มีสิ...ช่วงนี้ผลไม้ตามฤดูกาลออกพอดี” พสุตอบแล้วหันมายิ้มกับริว เด็กหนุ่มก็ยิ้มตอบจนตาหยีด้วยความดีใจ
“ไปๆๆ อยากกินทุเรียนเมืองนนท์” ธีรดลรับคำอย่างตื่นเต้นตาม
“พี่กรว่าไง” ไวยากรณ์หันไปถามกรเวชที่นั่งเงียบ
“ไปอยู่แล้ว อยากไปเก็บมังคุดจากต้น” กรเวชตอบแล้วยิ้มเรี่ยราด ความจริงเขาก็เหนื่อย อยากพักเหมือนคนอื่นๆ แต่เพราะหน้าที่รับผิดชอบบังคับให้ต้องใจแข็งกับพวกเด็กๆ
“เยส! พี่กรเจ๋งมาก...พี่ตะวันว่าไงเพ่”
“ตามเสียงข้างมาก” ตะวันตอบเสียงเรียบมาจากเบาะหลังสุด
..........................
-
เย้ๆ ฝันดีแล้วได้อ่านอีกตอน
นักข่าวถามมาด้าย คนเค้ารักกันขนาดน้านดูไม่ออกหรอยะ
รักพี่ไผ่น๊า รักริวด้วยแต่อิจฉามากกว่า >.<
-
รู้สึกเหมือนถูกคนแต่งแกล้งจัง
เรื่องมันสั้นลงหรือเปล่าหว่า
หรือเราคิดไปเอง
แต่ไผ่กับริวยังน่ารักมากเลย
แต่เรื่องท่ริวเคยแข่งรถนะ
อลันไม่น่าจะเป็นคนบอกนะ
เข้มคงสืบเอาเองมั้ง
รออ่านตอนต่อไป
ลุ้นเรื่อยๆ
-
ดีจัยที่ได้อ่านอีกตินค่อยๆกระดึ๊บไปเรื่อยๆ พี่ไผ่ก็ยังมิรู้ใจตัวเองเสียที หรือว่าจะต้องมีเหตุอะไรก่อนหนอ แบบว่าดูจากเนื่อเรื่องแล้วไม่น่าจะวกพาสองคนนี้มา ปะ ฉะ ดะ กันได้รุยอ่าส์
-
สั้นนนนนนนนนนนค่ะ :z3:
น้องริวเมพขริงๆเลยนะคะ
เก่งได้อีกที่รักของแม่ :man1: :man1: อ๊ายยยยยยยย :m3: :m3:
-
ได้กลับมาสักทีหลังจากที่ป้าหายไปนาน :-[
น้องริวกับพี่ไผ่ยังน่ารักเหมือนเดิม
แต่หลังจากนั่งไล่อ่านมาตอนหลังๆนี้แอบสั้นนะเนี้ย o18
แต่แค่มาต่อบ่อยๆแบบนี้ก็ไม่บ่นแระนะ
ps.มานั่งเฝ้าปนอ้อนวอนให้มาม่าน้อยๆเข้าไว้จร้า :กอด1:
-
น้องริวตอบคำถามนักข่าวได้ชัดเจนจริงๆ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ตอนนี้น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ :m1:
ริวดริฟท์ได้เจ๋งไปเลย o13 (นึกภาพเอาเอง ฮ่าๆๆ)
นี่ท่าทางจะลืมเรื่องอลันบอกเรื่องรถกับเขมไปเลยนะ อิอิ ไม่ลองโทรไปถามล่ะ เผื่อมีอะไรจะได้รู้ไว้ หรือถ้าไม่มีแล้วเขมก้าวก่ายเองจะได้เบรกไว้หน่อย ^^
-
พี่ไวย์พูดถูกอย่างริวเหรอจะกล้ามีปากเสียงกับพี่ไผ่ 555+ :laugh: :laugh:
-
สั้นน๊า :เฮ้อ:
หรือเราตะกละอยากอ่านเยอะๆๆๆๆๆ
-
รออ่านตอนต่อไป :z2: :z2:
-
น่ารักทุกคน.. ชัดเจนดีน้องริว
สั้นนะ writer มาต่ออีกตอนเถอะ
-
เข้ามารออ่านทุกวันจ๊ะ ไหงสั้นลงเรื่อย ๆ ไม่จุใจเลย :laugh:
แต่ไม่เป็นไรจ้า น้องมาบ่อย
ชอบเรื่องนี้มากนะ..น่าติดตามทุกตอน
เมื่อไหร่...ไผ่จะรู้ใจน้องริวหนอ
อยากรู้อีกอ่ะนะ...เมื่อไหร่..ทุกคนในวงคิสมีจะรู้ว่า ริวคือเจ้าพ่อค้าเงินของโลก
โดยเฉพาะไผ่จะเป็นยังไง แต่เรื่องนี้ดูท่าว่า...ยังอีกไกล เอาให้ไผ่รักกับริวก่อนละกัน
โอ๊ยย..อยากให้มาทุกวันจริงๆนะเนี่ย...
+1 ละน้า
-
เวลาหนูริวถูกดุทีไรจะนึกภาพน้องหมานั่งจ๋อยหางตกเลยอะคะ...
แล้วพอพี่ไผ่โอ๋ก็จะกระดิกหางด้อกแด้กยิ้มหน้าบานนน.....เหมื้อนเหมือนอะ....55+
พี่ไวก็พูดความจริงให้พี่นักข่าวฟังทำไมคะ.....อย่างงี้แฟนคลับก็รู้หมดอะจิ...55+
คราวนี้อลันรอดตัวเพราะพี่ไผ่เลยนะเนี่ย....^ ^
-
สงสัยอลันจะงานเข้า หุหุ
กับคนอื่นนี่น้องริวโหดตลอด แต่กับพี่ไผ่เนี่ยก้อยอมตลอดๆๆ เหมือนกัน ^^
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
ริวจ๋า
พี่ไผ่จ๋า
เมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองสักที
:เฮ้อ:
-
ไผ่กับริว นี่เรื่อยๆมาเรียงๆจัง เหมือนจะไม่พัฒนาไปไหน แต่น่ารักทุกตอนเลย :-[
ขอบคุณคุณ spring ค่ะ สำหรับความน่ารักของพี่ไผ่กับน้องริว
-
น้องริวเป็นเด็กดีของพี่ไผ่ตลอดละ :myeye:
-
ไปเที่ยวบ้านสวน ต้องมีฉากสวีท(แบบไม่รู้ตัว)อีกแน่ๆ เลย
รักพี่พสุ จุ๊บๆ
-
ทำเป็นเสนอนะพี่ไผ่ สุดท้ายก็เพื่อน้องริวทั้งนั้นแหล่ะ
อิอิ รักซึมลึก :-[
-
น้องริวหน้ารักไม่เปลี่ยน ไปบ้านส่วนจะมีไรดี ๆ เกิดขึ้นไหมเนี่ยลุ้น ๆ
:pig4: writer คะ
-
ขอบคุณที่มาต่อครับ แต่ริวอย่าไปโกรธอลันเลยนะ
-
เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันซะทีนะ พี่ไผ่กะน้องริว เรื่อย ๆ เนียน ๆ ไปอีกเมืี่อไหร่
-
:L2:
-
ไผ่กับริว นี่เรื่อยๆมาเรียงๆจัง เหมือนจะไม่พัฒนาไปไหน แต่น่ารักทุกตอนเลย
ขอบคุณคุณ spring ค่ะ สำหรับความน่ารักของพี่ไผ่กับน้องริว
เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันซะทีนะ พี่ไผ่กะน้องริว เรื่อย ๆ เนียน ๆ ไปอีกเมืี่อไหร่
ใจเย็นๆก๊าบ...เพราะ.......................
อีกน๊านนนน....ฟิ้วววววววววววววววววววว (วิ่งหนีสุดชีวิต)
-
อิอิ ไร้ท์เตอร์มาตอบเองใช่ม๊าย
ดีใจๆ ต่อไปจะได้ทวงตรงตัวเลย 55
ต่อช้าไม่ว่าแต่อย่ามาม่าเลยนะคะ
บวกเจาะไข่ให้ค๊า
-
น่าร๊ากกกก
-
เมื่อไรจะเป็นแฟนกันซะทีนา เฮ้อ :เฮ้อ:
-
สั้นลงๆเนาะ แต่ไม่เป็นไรมาบ่อยๆก็ชื่นใจ
:กอด1:
-
ริวเท่มาก อร๊ายยยยยย
:o8:
ไปด้วย
:laugh:
-
น้องริวสุดโค้ยยย
><
-
อ่านไปยิ้่มไป แต่แอบระแวงมาม่า ... o22
-
สั้นอะ :z3:
-
น้องริวขับรถเก่งจังเลย
ตอนนี้เหมือนน้องริวจะตอบคำถามนักข่าวเก่งขึ้นน๊า
โชะ โชะ ไปเลย ไม่มีการอ้ำอึ้งแล้ว
แต่น้องริวก็ยังเกรงใจพี่ไผ่อยู่ดี
กลัวพี่ไผ่ไม่รักใช่ม๊า
-
นึกภาพน้องริวดริฟฟ์
งื้อออ คงจะเท่มากกกกกกก
อยากเห็นอ้ะ
ไปบ้านพี่ไผ่ๆๆๆๆๆๆ
-
น้องริวนี่มีมุมเท่ห์ๆ กับเขาเยอะเหมือนกันนะ
แต่เวลาอยู่กับพี่ไผ่นี่เป็นเด็กน่ารักตลอดเลย
o13
-
ริวเริ่มแมนเรื่อยๆๆๆๆๆ
-
มารอในวันลอยกระทง :call: :call:
-
ไผ่กับริว นี่เรื่อยๆมาเรียงๆจัง เหมือนจะไม่พัฒนาไปไหน แต่น่ารักทุกตอนเลย
เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันซะทีนะ พี่ไผ่กะน้องริว เรื่อย ๆ เนียน ๆ ไปอีกเมืี่อไหร่
ใจเย็นๆก๊าบ...เพราะ.......................
อีกน๊านนนน....ฟิ้วววววววววววววววววววว (วิ่งหนีสุดชีวิต)
o22 อีกน๊านนนนนานนนนนนนนนนนนแค่ไหนคะ :serius2:
นี่ผ่านมา 50 ตอน ... ดูเหมือนว่าท่าทางความสัมพันธ์ระหว่างไผ่กับริวจะไม่มีทางจะเป็นไปมากกว่าคำว่า"พี่ชาย-น้องชาย"เลย
ริวตอนนี้ก็เหมือนเด็กไร้เดียงสาอ่ะ เกิดอารมณ์กับไผ่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร อะไรๆก็ร้องไห้ ไม่รู้สิ ไอรู้เหมือนริวคือเด็กน้อยที่ต้องการอ้อนพี่เท่านั้น
ไผ่นี่ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่มีท่าทางจะคิดอะไรกับริวได้ไปมากกว่าคือพี่ที่ติดน้องน่ารักๆขี้อ้อนคนหนึ่งเหมือนกัน
สองคนนี้มองยังไงก็ไม่มีท่าทีจะมากไปได้กว่านั้น ทั้งๆที่นี่ก็ผ่านมา 50 ตอนแล้วนะคะ
ไอทายว่า..กว่าไผ่จะรู้สึกใจเต้นแปลกๆกับริวขึ้นมาบ้างคงต้องคูณสองของตอนนี้เลยล่ะมั้ง(ซึ่งไม่ได้แปลว่ารักกันแล้วด้วยนะ)
:เฮ้อ: ก็รออยู่นะคะ ^^ แค่รู้สึกว่าคงไม่มีทางพัฒนามากไปกว่านี้ได้แล้วน่ะ ก็เลยอยากเห็นตอนสองคนนี้พัฒนาไปบ้างแล้วอ่ะ
-
มาตอบน้องไอ และหลายๆคนที่ข้องใจว่าอิคู่นี้เมื่อไหร่มันจะรักกัน หรือเมื่อไหร่จะได้อ่านเลิฟซีน(วะ)
อย่างคู่ริวกับไผ่ ต้องใช้คำว่ารักซึมลึก มันยากที่จะเปลี่ยนผู้ชายแท้ๆสักคนให้รักผู้ชายด้วยกัน แต่มันต้องมีสิ่งที่เรียกว่า "สถานการณ์+ความผูกพัน= จุดเปลี่ยน"
นิยายเรื่องนี้เดินเรื่องเรื่อยๆมาเรียงๆมาก ด้วยเหตุที่ความรักของคู่นี้จะต้องเป็นรักแบบ "เธอคือลมหายใจ" เพราะงั้นมันคงไม่ใช่แบบเจอหน้ากัน ปิ๊งกัน จีบไปสักวันสองวันแล้วขึ้นเตียงกัน แล้วจะบอกว่า รักจนอีกคนเป็นเหมือนลมหายใจที่ขาดไม่ได้
โลกนี้ไม่ได้มีแค่ไผ่กับริวสองคน ทั้งสองคนอยู่ในฐานะคนของประชาชน ไผ่จึงคิดมากและระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาเพราะริวไม่คิด ไม่แคร์ และไม่สนใจอะไรเลย :เฮ้อ:
ความรักของไผ่มันแฝงอยู่ในการกระทำค่ะ ไม่ใช่คำพูด ความห่วงหา ความเอาใจใส่ เอื้ออาทร รวมไปถึงอารมณ์หึงหวง ไผ่จะไม่มีวันแสดงออกมาตรงๆอย่างแน่นอน แต่หลายๆคนในนี้ก็คงจับอาการได้ว่าไผ่เองก็หวงน้อง ไผ่เค้าแสดงความรักในแบบไผ่เองนะคะ
ส่วนริวที่มีพื้นฐานมาจากศูนย์กลางจักรวาลในโลกของตัวเองมาตลอด ริวยอมลงให้ไผ่เพราะอยากให้พี่รัก นั่นคือเหตุผลที่ริวเป็นเด็กดี ริวยังมีพื้นฐานความเป็นเด็กในตัวสูงมากจึงแสดงความรู้สึกตรงๆได้ตลอดเวลา ริวจะงอแง จะอ้อน ก็เฉพาะกับพี่ไผ่ กับคนอื่นริวก็ไม่ได้ทำ เพราะนั่นคือการแสดงความรักในแบบของริวเหมือนกัน
คนร้องไห้ไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ เพียงแต่ไม่เคยมีใครสอนริวว่า เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้...
แต่บางที “น้ำตา” ก็ทำให้ได้ “อะไรๆ” ในแบบที่ต้องการ โดยที่คนให้เองก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกบังคับให้ยอม ใช่มั๊ยคะ o18
-
^
^
^
:z13: คนแต่ง
ดีใจที่คุณ Anonymus เข้ามาตอบคำถามค่ะ ได้อ่านแล้วรู้สึกเคลียร์กับหลายๆข้อ คิดว่าความรักของไผ่กับริว เป็นแบบรักซึมลึกเหมือนกันค่ะ ถึงบอกว่าคู่นี้เค้าเรื่อยๆมาเรียงๆ ชอบที่คุณAnonymus บรรยายการแสดงออก การกระทำ คำพูด ของทั้งคู่ค่ะ อ่านแล้วอบอุ่นดี คำพูดของพี่ไผ่ที่สอนน้องก็ให้ข้อคิดได้ด้วย รอ "สถานการณ์+ความผูกพัน= จุดเปลี่ยน" ที่จะมาถึงค่ะ
:L1: คนแต่ง+คนโพสต์ค่ะ
-
สถานการณ์ที่ว่านั่นมาถึงในตอนต่อไปที่จะมาต่อคืนนี้เลยได้ไหมคะ
เอิ๊กๆ แอบกดดันทั้งคนแต่งและคนโพส
-
เห็นด้วยกับAnonymusมากๆค่ะ คู่น้องริวกับน้องไผ่ต้องเป็นไปแบบค่อยๆ"ซึมลึก"ค่ะ
เพราะรักมันจะค่อยๆขยายจากความผูกพันกันจนกลายเป็นลมหายใจของอีกฝ่าย
ชอบตรงความน่ารัก ความผูกพันที่ทั้งคูมีให้กันเสมอ รอๆๆๆ อยู่น้าาาา
-
อืม~เห็นด้วยค่ะ
ความรักของน้องริวกับพี่ไผ่ต้องค่อยเป็นค่อยไป
การจะเปลี่ยนผู้ชายซักคนที่ไม่เคยชอบผู้ชายด้วยกัน
ให้หันมามีความรู้สึกชอบ รัก ผู้ชายด้วยกัน มันยากมาก
ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง มันก็คงต้องใช้เวลาเนอะ
พี่ไผ่ก็เป็นห่วงน้องริวมาก ๆ
อนาคตก็คงจะพัฒนาเป็นความรัก
ยิ่งเวลาน้องริวอ้อน พี่ไผ่ก็ยอมทุกอย่างเลย
รอวันที่น้องริวกับพี่ไผ่ถึงจุดเปลี่ยนนะคะ
เมื่อถึงตอนนั้นความรักความผูกพันของทั้งสองคน
คงจะเป็นลมหายใจของกันและกัน
ที่ไม่อาจจะขาดห้วงไปซักวินาทีนะคะ
-
ยิ่งอ่านเรื่องนี้ยิ่งหลงรักพี่ไผ่ ค่อยๆ รักซึมลึก อิอิ :L2:
แต่เห็นไร้ท์เตอร์พูดเรื่องสถานการณ์แล้วกังวล
ไม่เอามาม่าชามโตนะคะ เข้าใจว่าต้องมีนิดหน่อยแหละ แต่เยอะนักไม่ไหว ใจจะขาด
-
รัก Tr เสมอ เท่าที่เธอพยายามปั่นสุดฤทธิ์ กว่าจะหมดลมหายใจ ขอเป็นกำลังใจอยู่ข้าง คร้าบบบบบบบบบบบบ
เขินจัง ... เวลาตังไม่มี 5555+
-
อืมมมมม.... รักซึมลึกสินะ
ไอพอมองเห็นนะว่าไผ่มีหงุดหงิดเหมือนกันตอนริวทำอะไรไม่บอก
แต่ตอนนี้ไอก็มองเห็นแค่ไผ่กังวลและเป็นห่วงในฐานะพี่ที่ไม่เห็นน้องอยู่ในสายตาเท่านั้นเอง
เพราะไผ่ไร้เดียงสามาก ไอมองยังไงตอนนี้ทั้งสองคนก็ยังไม่สามารถก้าวไปถึง"รักแบบแฟน"ได้
แต่พี่บอกว่า "รักซึมลึก" "สถานการณ์+ความผูกพัน = จุดเปลี่ยน" ก็พอเข้าใจ.... o8
เฝ้ารอดูสองคนนี้ต่อไป~ :oni1:
-
:man1:
-
ตอนที่ 51
ก่อนถึงบ้านพสุให้รถจอดที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อโลชั่นทากันยุงให้ริว ไวยากรณ์หัวเราะก๊ากเมื่อเห็นริวทาโลชั่นกันยุงของเด็กแล้วแซวไปตลอดทางว่าริวผิวบาง...แต่ก็ต้องเลิกแซวเพราะตะวันก็เอายากันยุงไปทาเหมือนกัน
“แม่สวัสดีครับ...ป้าใจสวัสดีครับ” ริววิ่งตื๋อเข้าไปกอดสุดาเป็นคนแรก
“สวัสดีครับลูก...ริวตัวโตขึ้นอีกแล้วนะเนี่ย” สุดาทักยิ้มๆ พร้อมลูบแก้มลูบหน้าริวอย่างคิดถึงก่อนจะหันไปกางแขนรับพสุเข้ามากอดแล้วหอมแก้มซ้ายขวา
“แม่ครับ พี่กรครับ ผู้จัดการวง ส่วนนั่นก็ตะวัน ธีรดล แล้วก็ไวยากรณ์ครับ” ทุกคนเข้ามาไหว้สุดากับป้าใจกันเป็นทิวแถว
“สวัสดีจ้ะ ตามสบายนะลูก ไผ่พาพี่เขากับเพื่อนๆ ไปเที่ยวในสวนก่อนนะลูก ทุเรียนต้นริมคลองจัดแล้ว แม่ให้คนงานเขาไปตัดให้อยู่ เดี๋ยวคงขนเข้ามาให้”
“ครับแม่” พสุเดินนำทุกคนเข้าไปในสวน แต่ละคนตื่นตาตื่นใจกับสวนผลไม้ที่ออกลูกระย้าแทบทุกต้น ขนาดริวที่เคยมาเห็นแล้วก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้
แรกๆทุกคนก็มัวสนใจแต่ผลไม้ แต่ครู่เดียวไวยากรณ์ก็เริ่มเกาจนแขนแดงไปหมดเพราะโดนยุงกัด พอเหลียวไปดูพสุกับริวก็เห็นเดินคุยหัวเราะกันแบบสบายๆ เพราะทายากันยุงมาก่อนจึงไม่โดนกัด
“โอ๊ย! กัดอะไรนักหนาเนี่ย”
“พี่ไวย์เอายากันยุงไหม” ริวถามแล้วส่งขวดยากันยุงให้ เพราะเห็นแขนไวยากรณ์มีแต่รอยยุงกัดแดงไปหมด
“โหยได้ทีนะไอ้หนูริว” ไวยากรณ์หน้าง้ำ เพราะเมื่อครู่เพิ่งแซวริวเรื่องผิวบางมาหมาดๆ แต่สุดท้ายตัวเองก็ต้องมาขอพึ่งยากันยุงของริว
“น้องหวังดียังจะไปว่าน้อง ตกลงไม่เอาใช่มั๊ย งั้นเอามานี่” ธีรดลเดินมาดึงขวดยากันยุงไปจากมือไวยากรณ์แล้วเอาไปแบ่งกันทากับกรเวชหน้าตาเฉย ไวยากรณ์โวยวายตามไปแย่งเพราะกลัวหมด
“พี่...ริวช่วย” ริวตามไปช่วยพสุตัดผลไม้ลงกระจาด พสุก็คอยบอกว่าลูกไหนแก่ตัดได้ ลูกไหนยังอ่อนเกินไป เพราะผลไม้บางชนิด ก็มองออกว่าแก่แล้ว แต่บางชนิดต้องอาศัยความชำนาญถึงจะแยกออกว่าแก่หรืออ่อน
“ที่นี่ร่มรื่นดี...น่ามานอนแต่งเพลง” ตะวันแหงนขึ้นมองต้นไม้รอบๆตัวแล้วสูดอากาศลึกอย่างพอใจ
“เอาสิ...อยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลย ถ้าไม่รำคาญเรื่องยุงเยอะนะ ที่นี่ก็สงบดี” พสุชวนแล้วหยิบฝรั่งในกระจาดโยนให้
“อืม...วันหลังจะมา” ตะวันพยักหน้ารับ แล้วแทะฝรั่งที่พสุให้พลางเดินดูรอบๆ อย่างสนใจ
พอเดินกันไปถึงดงทุเรียน ก็เจอคนงานชาย 3-4 คนกำลังตัดทุเรียนลงมาวางเรียงไว้เพื่อเตรียมขนกลับไปที่บ้าน ธีรดลนั้นอยากกินเลย แต่ยังกินไม่ได้ เนื่องจากเป็นทุเรียนดิบต้องเอาไปบ่มไว้ก่อน
“พี่ไผ่...ใบมะพร้าว” ริวสะกิดพสุให้ดูต้นมะพร้าวน้ำหอมที่เตี้ยจนทลายแทบถึงพื้น เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจลูกมะพร้าว แต่สนใจใบของมันมากกว่า เพราะนกสาน ตั๊กแตนสานที่ได้ไปนั่นแห้งจนกลายเป็นสีน้ำตาลดำๆ หมดแล้ว
“วันนี้แม่คงไม่มีเวลาสานให้หรอกริว วันหลังเราค่อยมากันดีกว่า” พสุบอกเบาๆ พอได้ยินกันสองคน แล้วจับหัวเด็กหนุ่มโยกเล่น ริวก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“ครับ”
“มะพร้าวอะไรต้นเตี้ยนิดเดียวมีลูก” ไวยากรณ์ที่เพิ่งตามมาทันโวยวายแล้วปรี่เข้าไปดูจนใกล้
“มะพร้าวน้ำหอมไงท่านเซ่อ” ธีรดลตอบแล้วหันไปยักคิ้วให้กวนๆ
“เฮ้ย! อยากกิน พี่ดลปอกให้หน่อย”
“อะไรวะ ใช้กันง่ายๆ” ปากบ่นแต่ธีรดลก็ไปขอยืมมีดจากคนงานมาตัดมะพร้าวทั้งทลายลากมากองไว้ตรงกลางลานโล่งข้างร่องสวน
“เลือกเอามาแต่ลูกที่กินได้สิพี่ดล เอามาทำไมหมด” ไวยากรณ์ยังไม่วายเจ้าปัญหา แต่ก็ตามมานั่งยองๆ ดูธีรดลปอกมะพร้าวให้ตาเขม็ง
“มะพร้าวมันอ่อนแก่พร้อมกันทั้งทลายเฟ้ย ไม่รู้ยังจะมาเจ๋ออีก” ธีรดลตอบแล้วตัดบริเวณจุกออกให้เสมอพอตั้งได้ แล้วปาดเปลือกด้านบนออก เฉาะเป็นช่องพอให้สามารถตักเนื้อกินได้แล้วส่งให้ไวยากรณ์ก่อน
“โห น้ำหวานมากเลย...เสียดายไม่มีช้อนว่ะพี่ดล”
“โธ่ท่านเซ่อ ช้อนธรรมชาติไงฟระ”
“เอามือควักเหรอ”
“บ้าเหรอ...เปลือกที่ปาดออกนี่ไง ใช้แทนช้อน...เอ้า!” ธีรดลหยิบเปลือกที่ปาดไว้แล้วยังไม่เปื้อนส่งให้ ไวยากรณ์ยกขึ้นกินน้ำจนหมดแล้วถึงได้เริ่มขูดเนื้อกิน
พสุเข้าไปช่วยปอกให้คนอื่นๆ เพราะไวยากรณ์กินเร็วมาก ธีรดลยังไม่ทันปอกลูกที่สองเสร็จไวยากรณ์ก็ถือช้อนเปลือกมะพร้าวรอแล้ว พสุปอกลูกแรกส่งให้ริวแล้วถึงได้ปอกให้ตะวันกับกรเวช แต่พอหันกลับมาริวก็ยังถือลูกแรกเฉย
“ทำไมไม่กินล่ะริว”
“ริวรอพี่”
“อ๊ะไม่กินก็ไม่บอกเดี๋ยวพี่กินแทนให้” ไวยากรณ์ทำท่าจะเอื้อมมือมาคว้าแต่ธีรดลเอาเปลือกมะพร้าวเคาะมือให้ซะก่อน
“ตลกบริโภคแระ ใครเขาจะตั้งหน้าตั้งตากินไม่รอคนอื่นเหมือนแกวะเจ้าไวย์”
“ก็พี่ดลเฉาะช้า ดูพี่ไผ่ดิ๊ เฉาะส่งๆ แปร๊บเดียวได้กินทุกคน”
“มาหาว่าพี่ช้า แกกินไปกี่ลูกแล้วล่ะ” ธีรดลหันไปว๊าก แล้วสงครามน้ำลายก็เริ่มต้นโดยมีกรเวชเป็นกรรมการห้ามมวย
ริวรอจนพสุเฉาะเสร็จอีก 3 ลูกถึงได้มากินด้วยกัน ริวยกลูกมะพร้าวขึ้นกินน้ำเหมือนๆ ที่เห็นคนอื่นทำ แต่เพราะกะแรงไม่ถูก น้ำมะพร้าวก็เลยหกรดเปียกไปหมดทั้งหน้าทั้งคอ แถมยังสำลักอีก พาให้ทุกคนหัวเราะกันเกรียวกราว
“เฮ้ย! เอาน้ำมะพร้าวล้างหน้าเลยเหรอวะริว” ไวยากรณ์แซวแล้วขำก๊าก
“ดีหน้าจะได้ใสๆ เขาบอกว่าน้ำมะพร้าวทำให้ผิวสวย สังเกตไหมสาวๆ แถวนี้สวยๆ ทั้งนั้น” ธีรดลรีบแก้ต่างให้ริว
“ริวน่ะไม่ล้างด้วยน้ำมะพร้าวหน้ามันก็ใส แต่พี่ดลล้างจนมะพร้าวหมดสวนก็ใสไม่ทันแระ” ไวยากรณ์แซวแล้วรีบวางมะพร้าวในมือลง
“ไอ้ไวย์” ธีรดลลุกขึ้นไล่เตะไวยากรณ์ แต่ไวยากรณ์โดดหนีข้ามไปยืนแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกอยู่ท้องร่องฝั่งตรงข้าม ธีรดลชี้หน้าคาดโทษ ไวยากรณ์ก็ยิ่งหัวเราะชอบใจ แล้วขยับจะโดดกลับมาแต่ลื่นตกลงไปในท้องร่อง ขี้โคลนท่วมถึงหัว คราวนี้ทุกคนหัวเราะกันจนท้องคัดท้องแข็ง มีแต่ไวยากรณ์คนเดียวที่ขำไม่ออก
“ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า” ธีรดลเยาะเย้ยอย่างสะใจ
“กรรมติดจรวดนะไวย์” ตะวันบอกยิ้มๆ แล้วเข้าไปช่วยลากไวยากรณ์ขึ้นจากโคลน
“ไปๆ กลับไปอาบน้ำกัน” พสุบอกขำๆ แล้วเดินนำกลับบ้าน ทุกคนช่วยกันขนผลไม้ที่ตัดไว้เต็มสองตะกร้ากลับไปด้วย ปล่อยให้ไวยากรณ์เดินเหม็นโคลนหึ่งตามหลัง พอไปถึงบ้านไวยากรณ์ก็โดนป้าใจกับคนงานขำกันอีกรอบ
“ไวย์อาบน้ำที่ห้องน้ำข้างล่างนี่แล้วกัน เดี๋ยวพี่เอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน”
“ครับ” ไวยากรณ์รีบเผ่นเข้าห้องน้ำเพราะแขยงโคลนเต็มที่แล้ว
“ไปริว ไปอาบห้องข้างบน” พสุหันมาเรียกริว เพราะน้ำมะพร้าวที่เปียกเลอะเทอะ พอแห้งก็เหนียวเหนอะหนะเหมือนกัน ริวตามพสุขึ้นไปอาบน้ำ ขณะที่ป้าใจมาตามกรเวช ตะวัน และธีรดลไปรอที่โต๊ะอาหารก่อน
ถึงจะเคยมาบ้านสวนเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ริวได้ขึ้นมาชั้นบน พสุเดินนำเด็กหนุ่มไปที่ห้องด้านในสุด ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าห้องริมบันได พอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าห้องนั้นเปิดหน้าต่างไว้โดยรอบทำให้โล่งโปร่ง
“ห้องใครครับ” ริวถามแล้วสูดกลิ่นหอมๆ ในห้องอย่างสดชื่น บนโต๊ะข้างหน้าต่างมีแจกันปักดอกเข็มเขียวหรือบุหงารำไป กลีบดอกสดใหม่แสดงว่าดอกไม้ถูกเปลี่ยนทุกวัน
“ห้องพี่เอง เมื่อก่อนตอนอยู่ที่นี่พี่นอนห้องนี้...อาบเสร็จแล้วก็ตามลงไปนะ” พสุบอกพร้อมกับส่งผ้าขนหนูและเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ริว ขณะที่ถืออีกชุดลงไปให้ไวยากรณ์ข้างล่าง
ริวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เอาผ้าขนหนูออกไปตากไว้ที่ระเบียง แต่ก่อนจะออกจากห้องก็สะดุดตากรอบรูปที่วางคว่ำหน้าไว้ จึงเดินไปหยิบตั้งขึ้น ในภาพเป็นชายหนุ่มในชุดสูทสีขาว อุ้มเด็กชายตัวน้อยแก้มยุ้ยที่กำลังหัวเราะร่าจนเห็นฟันหลอ เคียงข้างด้วยสตรีหน้าหวานที่มองเพียงปราดเดียวริวก็จำได้ เด็กหนุ่มจึงมองย้อนกลับมายังเด็กชายตัวน้อยในรูปอีกครั้ง
“อ้าว! ก็อาบเสร็จแล้วนี่ ทำไมไม่ลงไปล่ะริว พี่ๆเขารอกินข้าวกันอยู่” พสุย้อนขึ้นมาตามริวเพราะทุกคนพร้อมอยู่ที่โต๊ะอาหารหมดแล้ว
“ครับ” ริวรีบวางกรอบรูปลง พสุมองตามแล้วชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาหยิบกรอบรูปคว่ำลงอย่างเดิม แล้วหันหลังกลับ แต่ริวคว้าแขนพสุไว้
“ขอโทษนะครับ ริวไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท”
“พี่ไม่ได้โกรธริวหรอกนะ...เพียงแต่...บางอย่าง มันก็เปล่าประโยชน์ที่จะนึกถึง” พสุตอบแล้วมองกรอบรูปที่คว่ำหน้า ด้วยสายตาเจ็บปวด
ริวตรงเข้าไปสวมกอดพสุไว้ วางคางลงบนไหล่ของชายหนุ่มแล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกนิด
“พี่อย่าลืมนะว่าพี่มีริว”
พสุตบไหล่เด็กหนุ่มกลับเบาๆ เป็นเชิงขอบใจ แล้วดันไหล่ริวออก
“ไปกินข้าวกันเถอะ ดลบ่นหิวจนจะแทะจานแทนข้าวแล้ว”
“ไปครับ”ริวตอบหัวเราะๆ แล้วตามพสุลงไปข้างล่าง แต่ปรากฏว่าทุกคนลงมือกินข้าวกันไปแล้ว
“ขอโทษครับที่ช้า”
“ไม่ต้องขอโทษเพราะพี่กินก่อนแล้ว กับข้าวฝีมือคุณแม่ อาหย่อยที่ซู๊ดดดดดดดดด” ธีรดลลากเสียงยาว สีหน้าปลาบปลื้มจัดจนทุกคนพากันหัวเราะ
“อร่อยก็กินเยอะๆนะจ๊ะ ริว...ทอดมันหน่อกะลาไงลูก อยากกินไม่ใช่เหรอ เมื่อเช้าตอนซื้อมายังคิดถึงริวอยู่เลย ไม่นึกว่าจะได้ทำให้กินวันนี้” สุดาหันมาบอกริวเสียงอ่อนโยน
“ขอบคุณครับแม่” ริวไหว้สุดาแล้วลงนั่งที่ว่างข้างพสุ
“โหยยยย...ตกลงริวเป็นลูกแม่หรือพี่ไผ่เป็นลูกแม่กันแน่ครับเนี่ย อะไรๆ ก็ริวตลอดเลย ผมอิจฉานะเนี่ย” ไวยากรณ์ทำเป็นโวยวาย แต่ดูก็รู้ว่าแกล้งแซวริวเล่นที่เห็นเด็กหนุ่มสนิทสนมกับครอบครัวพสุเหมือนเป็นลูกอีกคน
“แหม...ก็ลูกทั้งสองคนนั่นแหละ แต่ริวเป็นคนเล็กนี่นา ก็ต้องตามใจหน่อยสิจ๊ะ” สุดาตอบยิ้มๆ แล้วเหลือบไปมองริวอย่างเอ็นดู สำหรับเธอตอนนี้ริวก็เหมือนเป็นลูกคนเล็กจริงๆ
การที่พสุทะเลาะกับพรเทพแรงขนาดนั้นไปไม่นาน แต่กลับมาสดใสร่าเริงได้อย่างเดิม ในเวลาอันสั้นแบบนี้ สุดาแน่ใจว่าเป็นเพราะมีริวอยู่กับพสุ เพราะที่ผ่านมา ถ้าพสุทะเลาะกับพรเทพ เขาจะไม่มาบ้านอีกนาน อย่างน้อยก็เป็นเดือนๆ นอกจากมีเรื่องจำเป็นจริงๆ ผิดกับคราวนี้ที่หายไปไม่นานก็พาเพื่อนๆมาเที่ยวบ้านสนุกสนานกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณริวคะ ต้มยำกุ้งแบบไม่เผ็ดอยู่นี่ค่ะ” ป้าใจที่หายเข้าไปในครัวตั้งแต่เห็นริวกับพสุลงมา ยกถ้วยต้มยำกุ้งมาวางตรงหน้าริว กุ้งตัวโตเต็มถ้วย ทำเอาไวยากรณ์กับธีรดลต่างชะโงกมาดูแล้วอุทานพร้อมกัน
“โหยยย อิจฉา!”
“อิจฉาอะไรค๊า ในถ้วยใหญ่นี่ยังไม่เห็นจะพร่องเลย ที่ต้องแยกถ้วยเป็นเนี่ยเพราะคุณริวกินเผ็ดไม่ได้หรอกค่า” ป้าใจชี้แจงแล้วหัวเราะชอบใจ
“อิจฉาตรงที่พิเศษๆนี่แหละครับ ทีผมไม่เห็นจะมีใครรู้เลยว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร” ไวยากรณ์โวยวายแล้วทำหน้ามุ่ย ท่าทางอิจฉาริวจริงจังจนคนอื่นๆพากันหัวเราะ
“อยากให้มีคนรู้ใจว่าชอบไม่ชอบอะไร ก็ต้องมาเที่ยวบ่อยๆสิจ๊ะ รับรองว่าคราวหน้าได้กินของโปรดแน่ๆ” สุดาบอกเสียงอ่อนโยน แล้วตักกุ้งผัดรวมใส่จานให้ตะวัน ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ขอบคุณครับ” ตะวันขอบคุณเบาๆ แต่ใบหูแดงระเรื่อ ชายหนุ่มไม่ชินกับการที่มีใครมาใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ จึงอดเขินไม่ได้
“กลับจากเกาหลีเรามากันอีกดีกว่า ได้ไหมครับแม่” ไวยากรณ์ถามความเห็นทุกคนแล้วไม่รอคำตอบแต่ถือโอกาสขออนุญาตสุดาแทนทุกคนไปเลย
“ยินดีต้อนรับเลยจ้ะ ขอให้มาจริงๆ เถอะ”
“มาแน่ๆ เลยครับ รับรองว่ามากันยกวงแน่นอนเลย” ไวยากรณ์ยืนยันหนักแน่น เพราะเขาชักติดใจบ้านสวนที่สงบร่มรื่น แถมอาหารก็อร่อยกว่าภัตตาคารด้วยฝีมือแม่ที่แสนใจดีของพสุ
พอกินข้าวเสร็จ กรเวชก็ขอตัวพาทุกคนกลับ เพราะวันพรุ่งนี้ทุกคนต้องทำงานแต่เช้า สุดาจึงให้คนงานช่วยกันยกทุเรียนและผลไม้ขึ้นรถ ส่วนป้าใจนั้นมีขนมตะกร้าใหญ่แถมมาให้อีก
“แม่ครับ...ริวกลับแล้วนะครับ” ริวเข้าไปกราบสุดาที่อกแล้วกอดเอวเธอแน่นๆ สุดาก็กอดตอบ ก่อนที่ริวจะถอยให้พสุได้เข้าไปกอดลาแม่บ้าง
“อีกสองวันไผ่ต้องไปเกาหลีแล้วนะครับ คงไปหลายวันเหมือนกัน แม่ดูแลตัวเองดีๆนะครับ อย่าคิดมาก เสร็จงานแล้วไผ่จะมาหาแม่อีกนะครับ”
พสุกอดแม่แน่นด้วยความอาลัยอาวรณ์ เพราะคงอีกหลายสัปดาห์กว่าจะได้กลับมาหาแม่อีก
“จ้า แม่จะรอนะลูก ไผ่ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยเหมือนกันนะลูก...ริว...แม่ฝากริวดูพี่ด้วยนะลูก” สุดาหันไปพูดกับริวเบาๆ เพราะเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ
“ครับแม่ ริวจะดูแลพี่ไผ่อย่างดีเลยครับ” ริวรับคำเสียงหนักแน่น เขาไม่ได้เพียงแค่รับปาก แต่ตั้งใจไว้อย่างนั้นจริงๆ
“ฝากผิดคนแล้วครับแม่ แม่ต้องฝากไผ่ดูน้องต่างหาก” พสุแกล้งโวยวายแต่ยังกอดแม่ไว้แน่นเหมือนเดิม
“ฝากน้องแหละถูกแล้ว ไผ่น่ะผอมเอ๊าผอมเอา ตอนนี้ริวตัวโตกว่าแล้วนะ” สุดาอดกระเซ้าไม่ได้ เธอรู้ว่าพสุไม่ได้ผอมลง แต่เพราะริวตัวโตขึ้นมากจริงๆ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของคนทางตะวันตก
“นั่นสิคะ คุณไผ่ตัวเล็กกว่าคุณริวแล้วจริงๆ นั่นแหละ” ป้าใจนั้นตัดสินจากสายตา ให้กี่ปีๆ นางก็ยังมองพสุเป็นเด็กอยู่เหมือนเดิม
“ไม่จริงเลยนะครับ ไผ่น้ำหนักขึ้นด้วยซ้ำ แต่ริวน่ะโตเร็วต่างหาก ไผ่เลยดูตัวเล็กกว่า”
“ไม่รู้แหละจ้ะ กลับมาจากเกาหลีไผ่ต้องอ้วนกว่าตอนนี้ก็แล้วกัน” สุดาคาดคั้นแล้วหอมแก้มพสุซ้ายขวา พสุก็หอมแม่ตอบ
“จะพยายามครับ ไผ่กลับแล้วนะครับ เสร็จงานแล้วจะรีบมาทันทีเลย”
“จ้า เดินทางปลอดภัยนะลูก เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะทุกคน” สุดาหันไปอวยพรคนอื่นๆ ที่มาไหว้ลา แล้วยืนรอส่งทุกคน ริวรอจนแสงไฟจากบ้านลับตาจึงหันมาเอียงหัวซุกไหล่พสุ
“เพิ่งออกจากบ้านแท้ๆ แต่ริวคิดถึงแม่แล้วล่ะพี่” ริวกระซิบบอกพสุเบาๆ ชายหนุ่มก็เองก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน
“พี่ก็เหมือนกัน กลับจากเกาหลีเรามารับแม่ไปกินข้าวกันดีกว่า”
“ครับ”
.............................................................
-
อ๊ากกกกกก ไอ้จิ้มคนแรกแล้ว ^_^
-
อ่านแล้วก็คิดถึงบ้าน ไม่ได้กลับบ้านซะนาน ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ...... ว่าไปก็อิจฉาริวนะเนี่ย ได้อยู่ใกล้ๆ กับคนที่เรารัก ทำไม๊ทำไมไม่มีโอกาสอย่างนี้บ้างนะ ..... เฮ้อ
-
คิสมีลุยสวน :z1:
-
ยังน่ารักเหมือนเคย ><
น้องริวพี่ไผ่ๆๆๆ
-
รู้สึกเศร้า ๆ Sad ยังไงก็ไม่รู้อ่ะ :o11:
หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณแม่หรอกนะคะ :serius2:
รอตอนต่อไปค่ะ o13
-
จะมีอะไรเกิดขึ้นที่เกาหลีรึป่าวหว่า :m28:
-
คิดถึงบ้านเลยค่ะ
น้องริวน่ารักจริงๆ
วงคิสมี ก็น่ารักทั้งวงเลย
ชอบมิตรภาพแบบนี้จัง ^^
ไปเกาหลีจะเป็นไงมั่งน้อออออ
-
มาแล้ว ชอบริวกับพสุจัง -///-
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
ตอนนี้น่ารักอีกแระ ให้บรรยากาศคิดถึงบ้านจัง :-[
แต่ทำไมเหมือนรู้สึกว่ามีกลิ่นมาม่าโชยมานิดๆแฮะ แอบกลัวว่าจะมีมาม่าที่เกาหลีรออยู่หรือเปล่า o18
-
:กอด1: :กอด1:
รอตอนต่อไป
-
คราวนี้บุกบ้านสวนทั้งวงเลยสินะ แถมผู้จัดการอีกหนึ่งคน เหอะๆๆ :oni2:
ขำไวย์จริงๆ ล้อคนอื่นเขาดีนัก โดนซะ..กรรมติดจรวด :laugh:
-
บรรยากาศก้อดี
แต่อ่านแล้วทำไมเหมือนได้กลิ่นมาม่า
+1
-
อ่านตอนนี้แล้ว
รู้สึกว่าพี่ไผ่เคะลงทุกที ทุกที
:laugh:
ไปเกาหลีกันอ่ะ
ฝากไปดู 'คิเฮ' หน่อยได้มั้ย
คิดถึงคิเฮจัง
-
+1 ด้วยค่า
อิตาไวย์ตกสวน 555 สมน้ำหน้า
ขอให้ริวช่วยบำบัดอาการแอนตี้พ่อของพี่ไผ่ได้ไวๆ น๊า
-
หนูริวขี้อ้อนนนนน....น่ารักอะ...>.<
เลยกลายเป็นเด็กติดแม่ทั้งสองคนเลย...55+
หนูริวโตเร็วเพราะพี่ไผ่เลี้ยงดีเลยนะเนี่ย....
จริงๆแล้วต้องชมคนเลี้ยงถึงจะถูก....ไหงพี่ไผ่โดนแซวว่าตัวเล็กลงซะงั้น....55+
-
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
-
แม่ยังรู้เลยว่าต้องเป็นริวดูแลไผ่ อย่างงี้ไม่ต้องเดาแล้งมั้งว่าใครเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่า :laugh:
:pig4: writer คะ
-
ริวอบอุ่นจังเลยยยยย
น่ารักจริง ๆๆ เลย เมื่อไร พี่ไผ่จะรู้ตัวสักทีนะ
:o8: :-[
-
อยากกินต้มยำกุ้ง
-
บ้านไผ่นี่ดูอบอุ่นมากเลย ถ้าไม่มีพ่อแบบนั้นต้องเพอร์เฟกเกินร้อยแน่
ริว..ต่อไปต้องได้เป็นฝ่ายปกป้องดูแลพี่ไผ่แน่ๆเลย ตอนนี้อ้อนไว้ก่อนให้เยอะๆเลย
แล้ว...คำพูดเชิงฝากฝังไผ่ที่แม่พูดกับริวนี่ คงไม่ใช่ลางสังหรณ์อะไรนะ
ถ้าใช่ ก็ขอให้เป็นไปในทางที่ดีล่ะกัน
เอ..ดิชั้นชักได้กลิ่นแปลกๆจากดลกับไวย์ จะใช่คู่ที่สองเปล่านะ
-
อ่านจบ อยากไปเที่ยวสวนจังเลย
-
บรรยากาศดีจัง ทั้งวงมีแต่เรื่องดี ๆ อยากให้เป็นแบบนี้ตลอด
-
ดูเรื่อยๆ เหมือนไม่มีอะไร
แต่อ่านแล้ว อบอุ่น มีความสุขมากเลยค่ะ
:L2:
-
จองตั๋วไปเกาหลี
:laugh:
-
จบตอนเหมือนจะเป็นลางยังไงไม่รู้
แต่ไม่หรอกเนอะ...คิดมากไปเองเรา
นับวันน้องริวจะแมนขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนพี่ไผ่ก็เหมือนจะสาวขึ้นรึเปล่าค่ะ
:-[
-
ความสัมพันธ์ พี่ไผ่ น้อง ริว เป็นแบบ ยะเนิบๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ซึมซับกันแระกัน โอยยยอ่านแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ :กอด1:
-
ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเรา(แต่ต้องไม่มีพ่อพี่ไผ่นะ ขานั้นทำวงแตกตลอด)
ในที่สุดปมก็คลี่คลาย เรารู้แล้วว่าใครเป็นเมะใครเป็นเคะ :laugh:
-
บ้านคือวิมานของเรา เนอะ :กอด1:
-
อยากได้น้องขี้อ้อนแบบริว
อยากได้พี่ชายที่เอาใจใส่แบบพี่ไผ่
อ้ายยยย ทำไมต้องเกิดเป็นลูกคนเดียวด้วยเนี่ยยยยย
-
เดี๋ยวจะเกาะเครื่องบินตามไปถึงเกาหลีเลยล่ะ :laugh:
-
ขอเม้นท์ย้อนหลังไปถึงเรื่องที่ริวปะทะยัยพลอยก่อนนะคะ เป็นอะไรที่ปลาบปลื้มมากที่เห็นเซเมะไม่ยอมอ่อนข้อให้ชะนี สะใจสุดๆ ทำตัวมากมายแบบนั้นก็สมควรแล้วหล่ะที่จะโดนสั่งสอนบ้าง จ๋มน้ำหน้างานก็ไม่ได้เล่นแถมยังต้องเจ็บใจเพราะผู้ชายด่าอีก :laugh:
แต่ตอนล่าสุดเนี้ยอ่านแล้ววูบโหวงในท้อง กลัวจริงๆว่าระหว่างที่พสุไปเกาหลี จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับแม่สุดา เพราะแต่ละอย่างมีลางสังหรณ์ทั้งนั้น ทั้งที่แม่ฝากริวให้ดูพี่ไผ่ และที่ริวคิดถึงแม่..............ไม่อยากให้เกิดเรื่องเศร้าขึ้นเลยค่ะ :m17:
-
:impress2:
โผล่มาแล้ว หลังจากแอบอยู่นาน อ่านตั้งแต่ตอนแรก
ชอบมากๆเลย น้องริวดูเป็นเด็กไร้เดียงสา ที่แอบเจ้าเล่ห์
โดยส่วนตัวชอบอลัน เพราะเหมือนเทพมากๆ ริวอยากได้อะไร
อลันหาให้ได้ทุกอย่าง คนอื่นๆก็ชอบ มีบุคลิคแตกต่างกัน
พี่ตะวัน น่ารักมากกกกกก สู้ๆ นะค่ะ
อัพ บ่อยๆ นะค่ะ รออ่านตลอดเลย
-
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวสวนบ้างคงสนุกดี
-
จบตอนเหมือนจะเป็นลางยังไงไม่รู้
แต่ไม่หรอกเนอะ...คิดมากไปเองเรา
นับวันน้องริวจะแมนขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนพี่ไผ่ก็เหมือนจะสาวขึ้นรึเปล่าค่ะ
:-[
เห็นด้วยๆ เหมือนริวกะพี่ไผ่จะมีลางสังหรณ์แน่ๆ
-
บรรยากาศบ้านสวนอบอุ่นดีจัง
แม่ฝากน้องริวให้ดูแลพี่ไผ่ด้วย
เอ~แปลก ๆ แฮะ จะมีไรป่าวเนี่ย
ไปเกาหลีจะเป็นไงน๊า
-
:impress2: น่ารักอบอุ่นมาก ริวเหมือนคนในครอบครัวจริงๆ
ไปเกาหลีแอบตื่นเต้นนะเนี่ย จะเป็นยังไง ต้องไปทำงานร่วมกับคนอื่นด้วย จะมีมือที่สอง สาม สี่รึเปล่า
-
น้องแอบคิดคล้ายๆหลายๆคนนะคะ ขอให้คิดมากไปเองแล้วกันเนอะ
ฮาพี่ไวย์อ่า กรรมติดจรวดเลยไหมพี่ โคลนพอกหน้าเขาก็ว่าหน้าใสไม่แพ้น้ำมะพร้าวเลยน้าา:m20:
ริวก็ยังน่ารักเหมือนเดิม อยากให้พี่ไผ่ปลอกมะพร้าวให้มั่งจัง :กอด1:
-
อ่านแล้ว"เธอคืดลมหายใจ"กันจริง สายใยผูกพันถักทอร้อยเรียงจนกลายเป็น รัก ในที่สุด
-
น้องริวน่ารักอ่าาา
ปล.พี่ไผ่เป็นเคะใช่ม้ายยยยยยยย :z1: :z1:
-
กี๊ดดดด ทุกคนคิดว่าพี่ไผ่เป็นเคะกันหมดแล้ว ไม่ใช่นะๆๆๆๆ
ไร้ท์เตอร์เคลียร์ด่วนค่ะ สายพี่แบบนู๋ยอมไม่ด้ายยยยยยยยย
o9 :dont2:
-
น้องริวอายุ18พี่ไผ่อายุเท่าไหร่แล้วอ่ะ555+
วัวอ่อนเคี้ยวหญ้าแก่
-
ไปเกาหลีคราวนี้จะมาม่ามั๊ย?......แฮ่...โปรดติดตามตอนต่อไป
กี๊ดดดด ทุกคนคิดว่าพี่ไผ่เป็นเคะกันหมดแล้ว ไม่ใช่นะๆๆๆๆ
ไร้ท์เตอร์เคลียร์ด่วนค่ะ สายพี่แบบนู๋ยอมไม่ด้ายยยยยยยยย
......... :really2:.............
ริว 18 พี่ไผ่เพิ่ง 26 เองค้าบ ยังเคี้ยวกรุบกรอบอยู่นา ไม่ใช่หญ้าแก่ :monkeysad:
ในวงนี้ ธีรดลแก่สุด 30 แต่ทำตัววัยรุ่นเท่าไวย์ หุหุ :laugh:
-
ู
ริว 18 พี่ไผ่เพิ่ง 26 เองค้าบ ยังเคี้ยวกรุบกรอบอยู่นา ไม่ใช่หญ้าแก่ :monkeysad:
ในวงนี้ ธีรดลแก่สุด 30 แต่ทำตัววัยรุ่นเท่าไวย์ หุหุ :laugh:
ฟันธง น้องริวรุกชัวร์ :laugh:
-
เด็กใหม่ค่า.... อ่านแล้วสนุกมากเลย
ริวจะน่ารักไม่ไหนก็ไม่รู้ :-[
รีบมาต่อไว้ๆ นะค่า รออ่านใจจะขาด
-
ริวน่ารักจังอ่ะ
ขอร่วมด้วยช่วยฟันธง ริวรุกชัวร์
-
กี๊ดดดด ทุกคนคิดว่าพี่ไผ่เป็นเคะกันหมดแล้ว ไม่ใช่นะๆๆๆๆ
ไร้ท์เตอร์เคลียร์ด่วนค่ะ สายพี่แบบนู๋ยอมไม่ด้ายยยยยยยยย
......... :really2:.............
ทำหน้าแบบนี้แปลว่าอะไรค๊า ฮืออออออออออออ :m5:
ว่าแต่มาต่อคืนนี้เลยมั้ยอ่า
-
o2 มึนด้วยคน......
ตอนต่อไป...?
-
เพิ่งได้มาอ่านจ้า...ชอบน้องริว..ยังไปไม่ถึงไหนเลย...ขอรีบไปอ่านต่อก่อนน๊า จัรีบตามอ่านให้ทันจ้า o13
-
คิดถึงพี่ไผกะริว
ไม่อยากให้ไปเกาหลีเล้ยยย :serius2:
-
ู
ริว 18 พี่ไผ่เพิ่ง 26 เองค้าบ ยังเคี้ยวกรุบกรอบอยู่นา ไม่ใช่หญ้าแก่ :monkeysad:
ในวงนี้ ธีรดลแก่สุด 30 แต่ทำตัววัยรุ่นเท่าไวย์ หุหุ :laugh:
ฟันธง น้องริวรุกชัวร์ :laugh:
น้องริวรุกชัวร์ๆ ฮ่าๆๆ :laugh:
งานนี้มีแต่คนสังหรณ์ใจกับแม่สุดาจริงๆ
ไม่ใช่ไอ้เทพฆ่าเมียเอาสมบัตินา ทำจริงตายแน่มรึง :angry2:
แล้วก็แอบลุ้นคู่ตะวันกับไวย์ล่ะ :-[ รู้สึกว่าสองคนชักจะยังไงๆแล้วนา
(โดยเฉพาะตอนไวย์ง้อตะวัน กะตอนที่ตะวันช่วยฉุดไวย์จากท้องร่อง อิอิอิ)
-
บินไปเกาหลีกันเล๊ยยยยยย
:m2:
*****************
ตอนที่ 52
ทันทีที่เขมชาติและทีมงานทุกคนลงจากเครื่องก็ได้รับการต้อนรับจากทีมงานของ JKG ค่ายเพลงที่จะมาร่วมงานกัน ทีมงานพาทุกคนไปยังบ้านพักรับรองแทนที่จะเป็นโรงแรมเหมือนอย่างที่อื่น หลังจากเก็บข้าวของเข้าห้องพักเรียบร้อย ทั้งหมดก็ถูกเชิญเข้าไปที่บริษัท
JKG สมกับเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่เป็นบริษัทร่วมทุนของญี่ปุ่นและเกาหลี แม้สำนักงานใหญ่จะอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่สาขาเกาหลีก็ใหญ่โตโอ่อ่าไม่แพ้กัน เขมชาติและทีมงานถูกเชิญขึ้นไปยังห้องรับรองพิเศษ และได้พบกับผู้บริหารของ JKG ที่มาต้อนรับด้วยตัวเอง ซึ่งเขมชาติก็รู้ดีว่า ลำพังเขานั้นไม่สามารถทำให้มิสเตอร์ปาร์คแทอุง สนใจขนาดมาต้อนรับด้วยตัวเองได้แน่ๆ แต่อยู่ที่คน “หนุนหลัง” บริษัทเพลงเล็กๆ ของเขามากกว่า ที่ทำให้ได้รับการต้อนรับดีขนาดนี้
หลังการทักทายต้อนรับของผู้บริหาร JKG แล้ว ทั้งหมดเข้าร่วมประชุมกับทีมงานจากทางเกาหลีในห้องประชุมใหญ่ ทีมโปรดิวเซอร์ของเขมชาติถูกแยกไปนั่งกับทีมโปรดิวเซอร์ของทางเกาหลี เช่นเดียวกับทั้ง 5 หนุ่ม Kiss me ก็ถูกเชิญไปนั่งกับ 5 สาว วง MG เพื่อให้ทำความรู้จักกัน
พสุ ไวยากรณ์ และธีรดลนั้น ทักทายทั้ง 5 สาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยเฉพาะไวยากรณ์นั้นออกจะติดหูตาแพรวพราวจนสาวๆ แอบสบตากันแล้วหัวเราะคิกคัก แต่ตะวันกับริวทักทั้ง 5 สาวเพียงสั้นๆ แล้วนั่งอ่านเอกสารในมือเงียบๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหันกลับไปสนใจใครอีก ผิดกับกลุ่มสาวๆที่ดูจะสนใจทั้ง 5 หนุ่มจนแอบชำเลืองมองมาเป็นระยะๆ
หลังการประชุมเพื่อแนะนำตัวทีมงานทุกๆ คนที่จะทำงานร่วมกันเสร็จ ทางทีมงานเกาหลีก็เชิญทุกคนไปเที่ยวกันต่อ โดยที่ 5 สาว MG จะเป็นคนพาเที่ยว
“ผมไม่ไปนะ...ขอตัวไปพักก่อนครับ” ตะวันบอกเสียงเรียบแล้วแยกตัวไปทันที
“ริวก็ไม่ไปนะครับ” ริวบอกกรเวชแล้วหันมามองหน้าพสุ
“แต่ไผ่ต้องไปนะ ยังไงไผ่ก็เป็นหัวหน้าวง เป็นตัวแทนของวง” กรเวชดักทางไว้ก่อน ทำให้พสุต้องตอบรับหน้าเจื่อน ชายหนุ่มเหลียวมามองริว แต่ยังไม่ทันชวน 5 สาวก็มาสมทบ หัวหน้าวง MG ก็เข้ามาทักทายแนะนำตัวกับพสุ
“สวัสดีค่ะ ดิฉันโคเยจีเป็นหัวหน้าวง ส่วนนี่ก็ ชีอีซิล อิมนาบี ฮามีโซ แล้วก็มุนยูรีค่ะ เป็นน้องเล็กสุดของวงเรา”
“สวัสดีครับ พสุครับ...ส่วนนี่ก็ธีรดล ไวยากรณ์ แล้วก็ ริวเป็นน้องเล็กสุดของวงเราเหมือนกัน ส่วนอีกคนที่เจอกันในห้องประชุมชื่อตะวันครับ แต่เขาติดธุระก็เลยไม่ได้ไปเที่ยวกับเรา”
พอรู้ว่าตะวันไม่ไป สาวๆ ก็ทำหน้าเสียดาย ยูรีปราดเข้าไปยืนชิดริวแล้วส่งยิ้มหวานๆ มาให้ก่อน
“ยูรีค่ะ”
“ครับ” ริวตอบรับเสียงเรียบ แต่ตาลอบชำเลืองไปทางพสุ เห็นกำลังคุยยิ้มแย้มกับ หัวหน้าวง MG ก็อดหงุดหงิดไม่ได้ รถตู้ของบริษัทเลี้ยวเข้ามาจอด ทีมโปรดิวเซอร์ก็ขึ้นไปก่อน ส่วนหนุ่มสาวสองวงนั้นรอไปอีกคันหนึ่ง
“พวกเราตื่นเต้นมากๆ เลยที่จะได้ไปเที่ยว จริงๆ นะ” นาบีหันมาบอกพสุเสียงใสระหว่างรอรถ
“ทำไมละครับ” พสุหันไปถามอย่างแปลกใจ พวกเธอเป็นคนเกาหลีแต่ตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวชมรอบกรุงโซลฟังดูประหลาด
“ก็ตั้งแต่มีชื่อเสียง พวกเราก็เดินถนนไม่ได้เลยนะสิคะ จะไปไหนทำอะไร เราต้องทำตามโปรแกรมที่ทางผู้จัดการเตรียมไว้ให้ทุกอย่าง นี่ถ้าไม่เพราะพวกคุณมา พวกเราไม่มีโอกาสได้เที่ยวแบบนี้แน่ๆ เลยค่ะ” เยจีบอกแล้วแอบย่นจมูกนิดๆ ก่อนจะยิ้มตาพราวให้พสุ ซึ่งชายหนุ่มก็ยิ้มตอบ
“เหรอครับ...คงเพราะพวกคุณมีชื่อเสียงมาก ก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ”
“แต่เท่าที่ดิฉันทราบ วงคิสมีก็เป็นบอยแบนด์อันดับหนึ่งของเมืองไทยนี่คะ แล้วคุณไม่ลำบากเหรอเวลาไปไหนมาไหน” เยจีถามขณะที่นาบีกับอีซิล ก็ขยับเข้ามาฟังใกล้ๆ อย่างสนใจ จะมีก็แต่มีโซคนเดียวที่มัวคุยกับไวยากรณ์อย่างออกรส ขณะที่สาวน้อยยูรี ก็พยายามชวนริวสนทนาโดยที่ริวยืนฟังเงียบไม่ได้ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น
“ก็มีบ้างครับ เพียงแต่เมืองไทยดาราเยอะครับ แล้วอีกอย่าง การวางตัวก็ไม่เคร่งครัดเท่าไหร่ เราก็เลยยังไปไหนๆ ได้ตามใจ แต่ก็ต้องปลอมตัวนิดหน่อย จะได้ไม่มีคนจำได้” พสุตอบแล้วอมยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงอุปกรณ์ปลอมตัวของเขา ที่มีแว่นใสๆ คล้ายแว่นสายตาอันเดียว เขาก็พร้อมจะเดินถนนได้แล้ว ขนาดตอนไปเดินงานวัดที่เพชรบุรีกับริว ยังไม่มีใครจำเขาได้สักคน
“บุคลิกเด่นๆ แบบคุณ ปลอมตัวแล้วมีคนจำไม่ได้ด้วยเหรอคะ” อีซิลทำตาโต แล้วแตะแก้มตัวเองอย่างแปลกใจ
“มีเยอะไปครับ” พสุหัวเราะแล้วอดหันกลับไปทางริวไม่ได้ ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นริวยืนมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ แล้วเด็กหนุ่มก็หันหลังเดินลิ่วๆไป ทิ้งให้ยูรีที่พยายามชวนเขาคุยยืนหน้าเก้ออยู่คนเดียว
“ริวเขาไม่ไปกับเราเหรอคะ” ยูรีหันมาถามพสุด้วยท่าทางเสียดายอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ...ไม่ไปครับ คือเขาไม่สบายนิดหน่อยนะครับ ก็เลยขอตัวพักผ่อน” พสุรีบแก้ตัวให้ริว พลางมองตามเด็กหนุ่มด้วยความกังวลใจ ท่าทางริวคงน้อยใจที่เขาไม่พูดไม่ชวนไปด้วยกัน ชายหนุ่มคิดจะเรียกริวไว้ แต่กรเวชขึงตาห้ามไว้ ขณะที่สาวๆทั้งกลุ่มก็จ้องเขาเป็นตาเดียว
“ถ้าพร้อมแล้วเราก็ไปกันเลยดีไหมคะ” โคเยจีหันไปชวนทุกคนเมื่อรถตู้ของบริษัทเลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้า
“ไปๆ รถมาแล้ว ไผ่ขึ้นรถสิ” กรเวชหันมาเร่งสำทับเพราะทุกคนขึ้นรถกันหมดแล้ว
“เดี๋ยวผมมานะพี่ ไปตามริวก่อน” พสุตัดสินใจจะไปตามริวเพราะเขารู้ว่าน้องต้องกำลังน้อยใจแน่ๆ
“ได้ไงไผ่ น่าเกลียดตาย ไผ่บอกสาวๆ เขาไปแล้วนี่ว่าริวไม่สบาย ก็เลยตามเลยแล้วกัน ไผ่น่ะอย่าตามใจริวให้มากนักเลย น้องจะเสียคนก็เพราะไผ่สปอยล์นี่แหละ แล้วอีกอย่างตะวันก็อยู่ ไม่ต้องกลัวริวเหงาหรอก เผลอๆ เดี๋ยวก็เขียนเพลงหัวชนกันเพลิน เรากลับมาจะรู้ตัวหรือเปล่าหรอก” กรเวชเตือนเสียงแข็ง แต่พยายามหรี่เสียงให้ได้ยินกันสองคนเพราะไม่ต้องการให้สาวๆวง MG รู้สึกว่าพวกเขากำลังโต้เถียงกัน
เหตุผลของกรเวชทำให้พสุเถียงไม่ออก ชายหนุ่มเหลียวไปมองทางบ้านพักอีกครั้งก็เห็นริวเดินไปห่างพอสมควรจึงตัดสินใจขึ้นรถ ช่วงที่รถออกพสุอดเหลือบไปมองอีกครั้งไม่ได้ ก็เห็นริวหยุดยืนมองอยู่ไกลๆ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก จนต้องลอบผ่อนลมหายใจเพื่อไม่ให้ผู้ร่วมทางผิดสังเกต
ริวยืนมองรถตู้ไปจนลับตา เด็กหนุ่มรู้สึกน้อยใจจนแทบร้องไห้ ตอนแรกที่รู้ว่าพสุต้องไปเที่ยวกับสาวๆ กลุ่มนั้น ริวก็คิดจะไปด้วย แต่พสุกลับไม่ได้สนใจจะถามเขาสักคำ แล้วยังท่าทางสนิทสนมของพสุกับผู้หญิงคนนั้น ก็ทำให้ริวยิ่งน้อยใจจนตัดใจเดินจากมา
“ริว...ทำไมไม่ไปกับไผ่ล่ะ” ตะวันกำลังไล่โน้ตอยู่ที่เปียโนกลางห้องรับรองของบ้านพัก เงยขึ้นมาเห็นริวก็ทักอย่างแปลกใจ
“ผมเหนื่อย อยากนอนพัก ขอตัวก่อนนะครับ” ริวตอบเสียงห้วนแล้วกลับขึ้นไปบนห้อง เด็กหนุ่มทุ่มตัวลงบนที่นอนแล้วหลับตานิ่ง ทั้งที่ข้างในปั่นป่วนราวกับเกิดพายุย่อมๆ ในอกและช่องท้อง
“ปัดโธ่โว้ย!” ริวฟาดมือกับที่นอนเต็มแรง แล้วผุดลุกขึ้น คว้ากระเป๋าสตางค์แล้วเดินลิ่วๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว จนตะวันที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำก็เห็นเพียงด้านหลังของเด็กหนุ่มไวๆ เท่านั้น
แม้หิมะจะยังไม่ตกแต่อากาศก็เย็นเยือกจนหน้าชา ริวสอดมือไว้ในเสื้อคลุมแล้วเดินไปเรื่อยๆ หงุดหงิดจนไม่คิดจะชมร้านรวงสองข้างทาง เด็กหนุ่มเดินจนเหนื่อยถึงได้หยุดยืนเหลียวมองไปรอบๆ ลานกว้างที่เต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่ บนตึกมีจอขนาดยักษ์ ฉายภาพเอ็มวีของวงดนตรีของเกาหลีสลับด้วยโฆษณาสินค้า
ริวมองไปรอบๆ ตัวเพื่อหาตึกสำนักงานของ JKG แต่ก็มองไม่เห็น เด็กหนุ่มจึงสรุปให้ตัวเองได้ทันทีว่าเขาหลงทาง แต่ริวก็ไม่คิดจะเรียกแท็กซี่กลับไปตอนนี้ เด็กหนุ่มเดินไปตามฟุตบาท ดูร้านรวงที่ขายของแปลกตาสำหรับเขา ใจกลางมหานครเกาหลีก็เหมือนมหานครอื่นๆ ที่รวมวัฒนธรรมตะวันตกและวัฒนธรรมเกาหลีไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
หนุ่มสาวแต่งกายแปลกตา เดินสวนไปมาไม่ขาดสาย สาวๆ บางคนหันมาสบตาริวอย่างสนใจ แต่เด็กหนุ่มก็มองผ่านเลย แม้จะเดินอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าบนถนนที่ไม่รู้จัก แต่ในใจริวกลับมีแต่ภาพของพสุวนเวียนให้คิดถึงจนอกเดือดพล่าน
“ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มรีบขอโทษเมื่อเขาเกือบชนเด็กสาวคนหนึ่ง แต่พอเขาขยับหลบเธอก็ขยับตาม ตอนแรกริวคิดว่าเธอกับเขาเผอิญเดินไปทางเดียวกัน แต่เมื่อมองหน้าเธอเขาก็รู้ว่าเธอจงใจ
“ไฮ...มาคนเดียวเหรอ” สาวร่างอวบในชุดกระโปรงสั้นและกางเกงผ้ายืดเนื้อบางขายาว กับเสื้อโค้ตสีสันสดใสที่ช่วยเน้นผิวขาวเนียนละเอียดตามแบบคนเกาหลีให้ยิ่งโดดเด่น เธอแต่งหน้าเพียงเล็กน้อยก็จริงแต่เล็บต่อสีสดเหมือนเสื้อที่สวมทำให้ริวรู้สึกขนลุกด้วยความขยะแขยง
“ครับ”
“ไปเที่ยวไหม ชั้นพาไปได้นะ ได้ทุกที่ด้วย” เจ้าหล่อนเสนอและส่งสายตาหยาดเยิ้มเชิญชวนมาให้ และริวก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนดูไม่ออกว่าเธอเชิญและชวนเขาเรื่องอะไร
“ไม่ครับ ขอบคุณ” ริวตอบเสียงเรียบ แล้วพยายามจะเดินหนี แต่เจ้าหล่อนดักหน้าไว้
“ทำไมล่ะ...อ๋อ อย่าเข้าใจผิดนะ ชั้นไม่ใช่ผู้หญิงขายบริการหรอกนะจะบอกให้” หญิงสาวคนนั้นทำเสียงขึ้นจมูกนิดๆ อย่างไม่พอใจ
“ครับ”
“แล้วไง ไปเที่ยวกันไหม” เธอยังชวนไม่เลิก แต่ริวไม่มีอารมณ์จะคุยต่ออีกแล้ว
“ไม่ครับ ขอบคุณ ผมอยากเดินคนเดียวมากกว่า” ริวตอบสุภาพแล้วเดินจากมา แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่ได้เดินคนเดียวสมใจ เพราะเขาผละจากผู้หญิงคนนั้นมายังไม่ถึง 5 นาที จู่ๆ แขนเขาก็ถูกรั้งไว้ จนต้องหันกลับไปมอง
“สวัสดี ผมชินกีนะ...คุณชื่ออะไรเหรอ”
“...” ริวมองคนตรงหน้านิ่งๆ ใบหน้าขาวเนียนนั้นดูแปลกๆ ดวงตาเขียนด้วยอายไลน์เนอร์จนเป็นกรอบสีดำ เส้นผมย้อมสีน้ำตาลทองนั้นไม่แปลกเท่าที่เขาทาปากสีดำ เล็บสีดำ และใบหูมีแต่หมุดเหล็กพราว รวมถึงบนจมูกโด่งแหลมนั้นด้วย ริวกระตุกแขนออกจากเกาะกุมของชายแปลกหน้าแล้วพยายามจะเดินหนี...นี่ใจคอเขาจะอยู่คนเดียวสักพักไม่ได้หรือไง
“โอ้โฮ หยิ่งซะด้วย...คนหน้าตาดีๆ นี่เขาหยิ่งแบบนี้ทุกคนหรือไง...เป็นดาราหรือเปล่า...ไม่น่าจะใช่นะ ผมดูหนังตะวันตกเยอะ แต่ไม่เคยเห็นคุณเล่นหนังนี่...”
“ขอตัวนะครับ” ริวตอบสุภาพแล้วจะเดินหนี แต่หมอนั่นกลับวิ่งตามมาเดินตีคู่
“เฮ้! อย่าเพิ่งหนีหน้ากันสิ คุณไม่ชอบผู้หญิงคนเมื่อกี้เหรอ อยากได้สวยๆกว่านี้ไหมล่ะ ผมหาให้ได้นะ”
“ไม่ครับ ขอบคุณ”
“นี่ๆ ผมล้อเล่น ผมไม่ใช่นายหน้าขายสาวบริการสักหน่อย...นี่คุณ หยุดคุยกันก่อนสิ...ขาก็ยาวแล้วยังเดินเร็วชะมัด”
ริวจำต้องหยุดเดินเพราะผู้ชายคนนั้นยึดโอเวอร์โค้ตเขาไว้แน่น
“ผมชื่อชินกี...ลีชินกี...คุณจะไม่บอกชื่อผมหน่อยเหรอ”
“...ผม...จะเรียกแท็กซี่ได้ตรงไหน”
“โธ่เอ๊ย...อุตส่าห์คุยตั้งนาน แต่คุณดันถามหาแท็กซี่ซะงั้น...ถ้าคุณไม่บอกชื่อผม ผมก็ไม่บอกว่าจะหาแท็กซี่ได้ที่ไหน”
“ขอบคุณ” ริวตอบแล้วหันหลังกลับทันที หมอนั่นร้องเฮ้ย แล้ววิ่งตามริวมาอีก ริวเดินทะลุแยกนั้นมา ก็เจอรถแท็กซี่จอดส่งผู้โดยสารพอดี
“ไปบริษัท JKG ครับ”
“ผมไปด้วย” หมอนั่นวิ่งตามเข้ามานั่งในแท็กซี่หน้าตาเฉย ริวชะงัก เหลียวไปมองแล้วไม่ได้พูดอะไร ขณะที่คนขับแท็กซี่เหลือบมองหมอนั่นสลับกับริว แล้วก็ออกรถเพื่อพาทั้งคู่ไปยังจุดหมายปลายทาง
......................
-
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนครับ
-
กีส อาไรอ่า หมอนี่เป็นโรคจิตป่าวเนี่ย ชอบตามคนหล่อรึป่าว
พี่ไผ่ช่วยนุ้งริวด้วย ... ว่าแต่นุ้งริวเลิกงอนพี่ไผ่ได้แล้วนะ เด๋ยวเคะนะอิอิ
-
เหอะๆ ตัวมาป่วนใหม่?
ริวยิ่งนอยด์ๆอยู่ด้วย ตามมายุ่งวุ่นวายผิดเวลาแล้วมั้งคะเนี่ย?
-
อ่านแล้วทำไมเครียด
-
เหอๆๆ จะใช่ตัวสร้างเรื่องคนต่อไปหรือเปล่าเนี้ย o22
แต่หวังให้เป็นคนดีๆเข้ามามากกว่านะ :เฮ้อ:
ps. สั้นได้อีก o18 แต่มาต่อบ่อยๆก็โอเคจร้า :กอด1:
-
อารายเนี้ยความวุ่นวายมาอีกล่ะ :เฮ้อ:
-
ตามมาทำไมหละเนี้ย
-
กำลังสนุกเลย จบตอนซะแล้ว เวรกรรม :z3:
-
หน้าด้านเนอะคนเราอยากรู้แล้วว่านายชินกีเนี่ยจะมาสร้างปัญหาอารายหรอเปล่า
เก็บมันเร่งด่วนเจ้รำคาญ
-
:L2:
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :z10:
-
ใครวะ ??
เป็นดารารึปล่าวอ้ะ
ตามริวมาทำไม ???
โฮๆๆ ยัยห้าสาว ทำพี่ไผ่กะริว งอนกันเลยเห็นมั้ย !!
-
ริวเอ้ยยยยยยย
ควงหนุ่มเกาหลีเย้ยพี่ไผ่เลยดีมั้ย
พี่ไผ่จะได้รู้ใจตัวเองสักที
:sad4:
-
หนูริวเสน่ห์แรง อิอิ
แป็บเดียวก็มีคนตามซะแล้ว
-
:serius2: ตัวปัญหามาอีกแล้วเหรอ มาช่วยกระตุ้นพี่ไผ่ใช่ไหมเนี่ย
แต่อย่าปัญหาเยอะนะ :fire: เดี๋ยวก็ให้อลันจัการใ้ห้หมดเลย
อย่ามาขวางน้องริวกับพี่ไผ่นะ
-
เหอะๆ อะไรจะเกิดอีกน่ะ
-
ไอ้นั้นเป็นใครอะ จะมาสร้างปัญหาเพ่มใช่ไหมเนี่ย
พี่ไผ่กลับมาเครียกับน้อง และมาช่วยน้องเลยนะ
:pig4: writer คะ
-
อ่านไปอ่านมา กินมาม่าเริ่มโชยยยย
คนเขียน คนอ่านไม่อยากได้มาม่าเลยน้าาาา
อย่างอนกันเยอะน้าาาาา
-
ค้างอีกแล้ว จบตอนแล้วหรอเนี่ย :serius2:
-
น้องริว เก็บอาการหน่อย555
สงสัยอีตากีนี่จะเป็นผงชูรสของเรื่องแฮะ
-
ว้าว หนุ่มเกาหลีตามจีบน้องริวหรือนี่
-
พี่ไผ่กลับมาง้อหนูริวด่วน
ดูซิงอนใหญ่แล้ว :m12:
-
แอบเคืองพสุนิดหน่อย ชิ
:seng2ped:
-
น้องริว อย่าให้ความหึงบดบังสตินะลูก ท่องไว้ ไปคราวนี้คืองานๆๆ
เรื่องไปเที่ยวก็คืองานๆๆ อย่าไปน้อยใจพี่เค้านักเลย เฮ้อ...ก็ริวยังเด็กนี่นอะ
นายชินกี หวังว่านายคงไม่นำความยุ่งยากมาให้ริวนะ
-
เยส !!! ในที่สุดก็อ่านทันแล้ว :a2:
ไม่ทราบว่าคุณชินกีจะมาตามน้องริวทำไมยะ.. :m16: เดี๋ยวเถอะ
แต่สงสารน้องอ่ะที่กำลังน้อยใจพี่ไผ่อยู่ เชื่อเหอะ พี่ไผ่ก็คงเที่ยวไม่สนุกเหมือนกัน..
รออ่านต่อจ้า o13
-
โอ้ววววว ชินกีนั่น ด้านแต๊น๊อออออ
รู้จักแปป ยังกล้าเจือกตามเขาขึ้นแท็กซี่ซะงั้น :angry2:
อารมณ์เฝีย น้องริวงอนแล้วนะพี่ไผ่ขาาาาาาาาาาาาา :sad4:
เดี๋ยวน้องริวมีคนใหม่แล้วจะรู้สึกเหอะพี่ไผ่ จิ๊ๆ :m16:
-
หนูริว :เฮ้อ: :เฮ้อ:
งอลไผ่ เหอะบังอาจเมินหนูริวเหรอ :z6:
-
:z3: :serius2:พี่ไผ่ทำน้องน้อยใจแล้วนะ
ชินกีๆๆๆ ตามมาไมอะ กะลังสนุกเลย มาต่อไวๆ้าาาา :กอด1: :กอด1:
-
หนูริวเจอมนุษย์ประหลาดอีกแล้ว :bye2:
-
สงสัยตอนต่อไปต้่องเตรียมกินมาม่าแล้ว :laugh:
-
สั้นเนาะ...
เป็นคนหน้าตา ก็ต้องทำใจนิดนึงอ่ะริว
-
กรูเกลียดเกาหลี!!!! :m31:
ไอ้ชินแก่....มรึงรีบไสหัวไปห่างๆน้องริวนะเฟ้ย!!! :angry2:
-
:z3: ทำไมจบตอนสั้นจัง มาต่อเร็วนะคับ อิ อิ :z2:
-
นั่นดิ
ตามมาทำไมล่ะนิ
-
ตามมาทำไมเนี่ย จะทำให้ครอบครัวเขาร้าวฉานกันหรือไง ฮึ่มๆ :angry2:
-
ชายคนนี้จะเป็นเหตุของสถานการณ์กระตุ้นความสัมพันธ์พี่ไผ่กับนุ้งริวใช่ไหมคะ
งั้นมาเลย มาหลายๆ คนเลยก็ได้ กระตุ้นให้เต็มที่ แล้วหลีกไปพ้นๆ ทางเลยนะ
-
:z2: ชินกี... อะไร ทำไม ยังไง แล้ว..เป็นไผนิ o18
รอตอนต่อไปจ้า
:pig4: :pig4:
-
มารอตอนต่อไป
:man1: :man1:
-
สั้นเจงๆ
-
ถึงเกาหลีกันแล้ว
โอว~ร่วมงานกับสาวสวยซะด้วย
พี่ไผ่อ่ะมัวแต่เกรงใจคนอื่น
ไม่สนใจน้องริวเลยน๊า ดูดิน้องริวงอนแล้ว
ออกจากบ้านไปคนเดียวหลงทางด้วยอ่ะ
แถมยังมีทั้งผู้หญิงผู้ชายมาเกาะแกะ
ถึงขนาดนายชินกีตามน้องริวขึ้นรถมาด้วย
จะตามน้องริวทำไมเนี่ย ไว้ใจได้ป่าวก็ไม่รู้
ท่าทางน่ากลัวแฮะ พี่ไผ่มาช่วยน้องริวด่วนเลย
-
ต่อน้าาาา
-
ใครล่ะนั่น ชอบน้องริวใช่ไหม
เดวพี่ไผ่ได้มีหึงให้แม่ยกได้ลุ้นกันอีกแน่ๆ
แต่ไม่เอาพี่ไผ่หึงแบบคราวที่แล้วนะ
คราวที่แล้วพี่ไผ่หึงซะแม่ยกบางคนน้ำตก
-
อีนี่..หน้าด้านจริงโว้ย! คนเขารำคาญขนาดนั้นยังตามขึ้นรถมาอีก :m31:
ปล.สั้นจัง :z3:
-
:z3:แอบเครียดตั้งแต่มาถึงเกาหลี
พี่ไผ่ก็รายล้อมด้วยสาวๆ ส่วนริว ดูท่าจะดึงดูดหนุ่มเกาหลีด้วย
:z13:กดดันเล็กๆอยากอ่านต่อเร็วๆค่ะ
-
มาจุดธูปด้วยคน :call: โอมจงลงๆ :call: :call:
-
มาจุดธูปด้วยคน :call: โอมจงลงๆ :call: :call:
แหงะ >.<
ไร้ท์เตอร์ไม่ลงเองเลยละค๊าาาาาาาาาาาา
พากันกลับเมืองไทยไวๆ เหอะ กลัวใจ
-
แหงะ >.<
ไร้ท์เตอร์ไม่ลงเองเลยละค๊าาาาาาาาาาาา
พากันกลับเมืองไทยไวๆ เหอะ กลัวใจ
ป้ามีหน้าที่เขียน ไม่ได้มีหน้าที่ลง...แฮ่ ไม่ได้กวนนะ :sad4:
แต่ถ้าลงเอง เกรงว่าอาจจะได้อ่านนิยายเดือนละตอน หรือไม่ก็3-4 เดือน/ตอน
เพราะชาติที่แล้วคงเกิดเป็นรถส่งของ ชาตินี้เลยต้องวิ่งรอกซะทั่ว ไม่เคยอยู่ติดบ้าน
เลยต้องบังคับ ขู่เข็ญ บีบคอ และแบล็คเมล์กันมากมาย...
กว่าจะได้คนหลวมตัวมาลงนิยายให้สักคน
แล้ว...ไปเกาหลีทั้งที จะให้รีบกลับไปหนายยยย...เกาหลีมันก็ต้องมีไรดีมั่งแหละน่า ชิมิ :z1:
อย่างน้อยๆ ก็ 5 สาวMG ไง :laugh: ....... :z6:
-
แล้ว...ไปเกาหลีทั้งที จะให้รีบกลับไปหนายยยย...เกาหลีมันก็ต้องมีไรดีมั่งแหละน่า ชิมิ :z1:
อย่างน้อยๆ ก็ 5 สาวMG ไง
ม๊ายยยยยยยยยยยยยนะค๊า :dont2: o6
แต่ถ้าสาวๆ จะทำให้พี่ไผ่เบื่อปู้ญิ๋งแล้วหันชอบนุ้งริวแทนเนี่ย รบกวนจัดเพิ่มมาอีกสักสองสาม Girl Group เลยก็ดีค่ะ จะได้เร่งปฏิกิริยาไวๆ
-
เอ่อ รีข้างบนค่ะ คาดว่าถ้าสาวๆมาป้วนเปี้ยนพี่ไผ่เยอะๆ
ดูท่าแล้ว อาจทำให้ริวตบะแตก เกิดศึกชิงนายขึ้นมานะเนี่ย
-
เหอะๆๆๆๆ ปร้าคนแต่งเข้ามาทวงเองงี้
:z10:
ก็คงต้องมาต่อ...มั้ง
:impress2:
-
^
^
^
:z13: จิ้มคนข้างบน เบา เบา
เลขโพสต์อ่ะ งามเนาะ :z1:
-
ทั้งคนเขียน ทั้งคนลงมาแล้ว.....แล้วตอนต่อไปจะมามั้ย o18
มานั่งรอตอไปจร้า :กอด1:
-
จิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
-
มารอริวกับพี่ไฝ่ครับ
-
มารอริวกับพี่ไผ่ด้วยคนค่ะ :mc4:
-
ตอนที่ 53
ชินกีลอบมองหนุ่มตะวันตกหน้าหล่อเหลาข้างๆอย่างพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ หรือบุคลิกก็ล้วนถูกใจเขาไปหมด ความจริงชินกีเห็นริวตั้งแต่ตอนที่ทีมงานจากเมืองไทยถูกเชิญตัวขึ้นไปพบมิสเตอร์ปาร์คแทอุงแล้ว หนุ่มผมทองคนเดียวท่ามกลางทีมงานผมดำย่อมสะดุดตาเป็นธรรมดา
แต่สิ่งที่ทำให้ชินกีสนใจริวไม่ใช่เพราะริวเป็นฝรั่งคนเดียวในกลุ่มคนไทย แต่เป็นเพราะสายตาของเด็กหนุ่มที่ทอดมองใครอีกคนในกลุ่มต่างหาก สายตานั้นสะดุดตาชินกีจนเขาเผลอเดินตามเด็กหนุ่มกับคณะที่เดินออกจากห้องประชุมลงไปรอรถข้างล่าง สีหน้าผิดหวังแกมตัดพ้อของริวที่ส่งไปให้คนๆ นั้นสะดุดความรู้สึกอย่างแรง
ตอนแรกชินกีก็รู้สึกผิดหวังที่ริวเดินหายเข้าไปในเขตบ้านพักทำให้เขาตามเข้าไปทำความรู้จักไม่ได้ เขาจึงออกจากบริษัทมาเตร่อยู่ข้างนอกเพื่อหารถกลับคอนโด ไม่คิดว่าจู่ๆ ริวจะออกมาจากบริษัทแล้วเดินลิ่วๆไม่มองหน้ามองหลัง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาวิ่งตามมาติดๆ จนเกือบคลาดกันที่มยองดง ยังดีที่ผู้หญิงคนนั้นยื้อริวไว้ ทำให้เขาตามทัน และชินกีก็ไม่พลาดที่จะพยายามเข้าไปทำความรู้จัก
ริวจ่ายค่าแท็กซี่ด้วยแบงค์ดอลล่าร์ คนขับแท็กซี่หน้าเสียแล้วบอกว่าไม่มีเงินทอน
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องทอน” ริวบอกแล้วลงจากรถ ยังไม่ทันที่แท็กซี่คนนั้นจะขอบคุณ ชินกีก็คว้าแบงค์ดอลล่าร์ของริวจากมือคนขับแล้วยัดเงินวอนจำนวนเท่าค่าโดยสารให้แทน
“ขอบัตรผ่านด้วยครับ”
ริวนึกได้ว่าเขายังไม่ได้รับบัตรผ่านจากกรเวช
“ผมไม่มีบัตรผ่านครับ ผมมากับบริษัทจากประเทศไทย ช่วยแจ้งมิสเตอร์เขมชาติให้เขาออกมารับผมจะได้ไหมครับ”
“เสียใจครับ ถ้าคุณไม่มีบัตรก็เข้าไปไม่ได้” ยามรักษาการณ์ปฏิเสธเสียงห้วน เขาเจอมาเยอะแล้วพวกที่มาแอบอ้างเพื่อขอเข้าไปหาศิลปินที่ชื่นชอบ ยังไม่นับพวกมิจฉาชีพที่แฝงมาในคราบนักธุรกิจทั้งหลาย แม้หนุ่มน้อยต่างชาติตรงหน้าจะดูไม่เหมือนคนแบบนั้น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าปล่อยให้เข้าไปเด็ดขาด
ริวยืนนิ่ง สถานการณ์แบบนี้เขาน่าจะเครียดหรือวิตกกังวล แต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกเฉยชา ต่อให้เข้าไปได้แล้วยังไง เข้าไปได้เขาก็ต้องไปอยู่คนเดียวอยู่ดี เพราะป่านนี้พสุคงอยู่ระหว่างเที่ยวชมเมืองกับ “เพื่อนร่วมงาน” สาวๆ กลุ่มนั้น ริวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันหลังกลับ เดินดุ่มไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถูกชินกีวิ่งมาดักหน้าไว้
“เฮ้ๆ! นี่คุณน่ะ รวยนักเหรอ เงินตั้งเยอะถึงไปไล่แจกแท็กซี่ ถ้าเหลือกินเหลือใช้นักเอามาให้ผมนี่” ชินกีเจตนายึดเงินริวมาจากแท็กซี่ เพื่อให้มีเรื่องคุยกับริวต่อ
ริวมองหน้าชินกีด้วยสายตาว่างเปลา แล้วเดินผละจากไปดื้อๆ แต่ชินกีก็ไล่กวดตามมาติดๆ
“เดี๋ยวสิ มาถึงแล้วทำไมไม่เข้าไปล่ะ” ชินกีลองหยั่งเชิงทั้งที่เขารู้อยู่แล้วว่าริวเข้าไปไม่ได้
“เขาไม่ให้เข้า”
“อ้าว!...อ๋ออออ จะมาสมัครเป็นนักร้องหรือไง ไม่มีเส้นน่ะเป็นไม่ได้หรอกนะ ต่อให้หล่อแค่ไหนก็เถอะ” ชินกียังเจื้อยแจ้วเจรจาต่อไปขณะที่ริวเดินเฉย จนชินกีต้องคว้าแขนเขาไว้
“จะไปไหน” ชายหนุ่มถามยิ้มๆ ก่อนที่รอยยิ้มจะเจื่อนลงเมื่อริวกระตุกแขน ออกจากมือเขาอีกครั้ง ท่าทางเด็กหนุ่มจะหวงเนื้อหวงตัวเสียจนชินกีนึกหมั่นไส้ปนอยากเอาชนะ
“ไม่รู้สิ...ไปไหนดีล่ะ” ริวถามเสียงเนือยๆ
“โฮ่ ถามถูกคนแล้ว คุณอยากเที่ยวแบบไหนล่ะ ผมพาไปได้ทุกที่แหละ” ชินกีตอบด้วยรอยยิ้มพราย แต่ริวกลับไม่มองหน้าเขาสักนิด เด็กหนุ่มแหงนมองกิ่งไม้โกร๋นบนหัวเขานิ่งราวกับมันน่าสนใจกว่าสิ่งใดๆในโลก
“งั้น...ไปสวนสัตว์” ริวตอบแล้วเดินดุ่มๆ ไปยืนริมถนนเพื่อรอแท็กซี่
“หา! ไปไหนนะ”
“ไปสวนสัตว์ ไปไม่ถูกเหรอ?”
“ไปถูก แต่จะไปทำไม”
“ก็ไปดูสัตว์ไง” ริวตอบแบบกำปั้นทุบดิน จนคนฟังมึน
“ง่า...เอา ไปก็ไป” ชินกีเกาหัวแกรก แล้วโบกเรียกแท็กซี่ ก่อนจะบอกที่หมาย ริวนั่งมองสองข้างทางด้วยสายตาเลื่อนลอย สีหน้าเหมือนเด็กหลงทางนั้นทำให้ชินกีอยากกุมมือเด็กหนุ่มไว้ แต่ก็ไม่อยากเสียความรู้สึกเวลาริว กระชากมือหนีอีก หิมะค่อยๆ โปรยลงมาช้าๆ กว่าจะถึงสวนสัตว์ก็จวนจะค่ำแล้ว หิมะยังคงโปรยปรายลงมาเรื่อยๆ แม้จะไม่มากแต่พื้นก็เริ่มแฉะและลื่น
“มันปิดแล้วล่ะ เสียใจด้วยนะ” ชินกีบอกได้ทันทีที่เห็นประตูทางเข้าล็อคกุญแจเรียบร้อย
“งั้นจะไปไหน” ริวถามแล้วยืนมองประตู้รั้วเหล็กตาลอย...วันนี้ไม่มีอะไรสมหวังเลยสักอย่างเดียว....
“ไปเที่ยวกันดีกว่า แต่คุณต้องยื่นพาสปอร์ตด้วยนะ” ชินกีชวนตาเป็นประกาย ถ้าสวนสัตว์ปิด ก็เหลือแต่สถานที่เที่ยวกลางคืนเท่านั้น ซึ่งก็มีมากมายหลายแห่งให้เลือก ก็น่าจะมีสักที่ ที่ถูกใจริว
“...ไม่ได้เอามา” ริวตอบด้วยสีหน้าเฉยเมย จนคนฟังนึกว่าหูฝาด
“อะไรนะ?”
“ไม่ได้เอามา ลืมไว้ที่บ้านพัก” ริวตอบย้ำอีกรอบ แล้วเหลียวไปมองรอบตัวเหมือนหมดเรื่องที่จะต้องคุยกับชินกีแค่นั้น
“เฮ้ย! ได้ยังไง คุณเป็นคนต่างชาติ ลืมพกพาสปอร์ตมาก็เป็นเรื่องใหญ่สิ” ชินกีอุทานลั่น จริงอยู่ว่ากฎหมายท่องเที่ยวของเกาหลีนั้นค่อนข้างเอื้อต่อนักท่องเที่ยวชนิดที่ไม่ต้องขอวีซ่าก็ยังเข้ามาเที่ยวได้ แต่ถ้าไม่มีพาสปอร์ตนี่สิเรื่องใหญ่
“ทำไมล่ะ”
“เดี๋ยวก็โดนจับหรอก ไปเร็ว กลับไปเอาพาสปอร์ตกันก่อน คุณพักโรงแรมไหน” ชินกีถามพร้อมกับมองหาแท็กซี่ แต่คำตอบของริวทำให้ชายหนุ่มชะงัก ต้องหันกลับมามองหน้าริวอีกรอบ
“พักที่บริษัท JKG”
“จะบ้าเหรอ พักที่นั่นได้ยังไง ที่นั่นมีแต่พวกนักร้องกับทีมงานสำคัญๆ หรอกนะถึงจะเข้าพักได้” ชินกีหลุดปากค้านอย่างแปลกใจ ปกติ JKG ค่อนข้างจะถือว่าตนเองเป็นบริษัทใหญ่ ไม่จำเป็นต้องง้อศิลปินจากต่างประเทศนัก ถ้าไม่ใช่ระดับวีไอพีจริงๆ มักไม่รับรองด้วยบ้านพักของบริษัท แม้ว่าตอนแรกเขาจะเห็นริวไปทางบ้านพัก แต่ไม่คิดว่าจะได้พักที่นั่นจริงๆ
“ก็ไม่รู้ เขาจัดให้พักที่นั่น” ริวตอบเสียงเบื่อๆ แล้วทำหน้าเฉยเหมือนไม่ได้พูดเรื่องตัวเอง
“เอางี้...คุณมีเบอร์โทรใครข้างในไหม แบบที่จะโทรตามให้เขาออกมารับคุณได้น่ะ”
“ไม่มีหรอก”
ริวตอบแล้วเหลียวไปมองรอบๆ เพื่อมองหาแท็กซี่เช่นกัน เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อเห็นรถตู้บริษัท JKG จอดอยู่ข้างหน้า เด็กหนุ่มวิ่งไปถึงรถตู้ก็ดึงประตูเปิด
“พี่ไผ่...เอ่อ..”
ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกันอยู่ในรถ พอจู่ๆ ประตูรถถูกเปิดก็โวยวายกันลั่นด้วยความตกใจ แล้วขว้างรองเท้าออกมา โชคดีที่ชินกีวิ่งตามมาดึงเด็กหนุ่มให้ถอยออกมาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นริวคงโดนรองเท้าเข้าเต็มอกแน่ๆ
ริวหน้าเสีย เขาคิดว่าเป็นรถคันเดียวกับที่พสุขึ้นมา แต่กลับไม่ใช่ เด็กหนุ่มปล่อยให้ ชายแปลกหน้าลากแขนเสื้อเขาวิ่งหนีคนในรถตู้ออกมาตั้งหลักที่หน้าสวนสัตว์อีกครั้ง
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ แล้วจะเอาไงต่อละทีนี้”
“ผมจะกลับไปที่บริษัท” ริวตอบแล้วเดินไปที่ถนนเพื่อหาแท็กซี่ แต่ชินกีก็ตามมายื้อแขนเสื้อเขาไว้
“จะกลับไปทำไม กลับไปคุณก็เข้าไปไม่ได้” ชินกีพยายามหว่านล้อม เรื่องอะไรเขาจะปล่อยริวไปง่ายๆ ตอนนี้เด็กหนุ่มไม่มีที่ไป เพราะไปไหนไม่ถูก แถมยังไม่ได้พกพาสปอร์ตมา ยังไงริวก็ต้องพึ่งเขาเท่านั้น
“ต้องได้สิ” ริวตอบหน้าตาเฉย แล้วขยับจะเดินไปเรียกแท็กซี่แต่ชินกีคว้าศอกเด็กหนุ่มไว้อีกรอบ
“นี่คุณไม่รู้อะไรเลยเหรอ บริษัทนั้นไม่ใช่โรงแรมนะ จะได้เดินเข้าเดินออกตามใจชอบ”
“ปล่อยผม” ริวกระชากแขนออกจากการเกาะกุมของชินกี แล้วชะเง้อมองหาแท็กซี่อย่างตั้งใจ ขณะที่ชินกีก็พยายามจะดึงเด็กหนุ่มออกมาให้พ้นถนน เพราะเกรงว่าริวจะผละหนีไปดื้อๆเหมือนเมื่อตอนเย็นอีก
“เฮ้ย! พูดกันให้รู้เรื่องก่อนสิ”
“นี่หยุดนะ จะขายบริการก็ไปที่อื่นไม่ใช่ตรงนี้” เสียงยามหน้าสวนสัตว์เดินมาไล่ เพราะเห็นริวกับชินกียื้อยุดกันอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า ก็คิดว่าชินกีเป็นเด็กขายบริการ เพราะช่วงหัวค่ำแบบนี้ มักจะมีเด็กวัยรุ่นชอบเตร่หาลูกค้าแถวนี้
“ไม่ใช่โว้ย ไอ้แก่ตาต่ำ ดูยังไงเห็นฉันเป็นเด็กขายบริการวะ”
“ก็เห็นอยู่เต็มสองตา แกพยายามจะตกไอ้ฝรั่งนั่นอยู่ละสิ” ยามคนนั้นย้อนกลับมาทันควัน แถมมองชินกีหัวจรดเท้าด้วยสายตาดูแคลน
“ไอ้ปากเสีย เอาสมองส่วนไหนคิด ฉันดูเหมือนไอ้ตัวตรงไหนวะ” ชินกีตะโกนด่ากลับ ริวยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินหนีไปเพราะรำคาญ เขาฟังไม่ออกหรอกว่าชินกีกับยามพูดอะไรกัน แต่ดูจากกิริยาก็รู้ว่ากำลังทะเลาะกัน ชินกีเห็นอย่างนั้นก็เลิกทะเลาะกับยามแล้ววิ่งตามริวมาติดๆ แต่เขาก็ยังไม่วายหันไปตะโกนด่ากับยามคนนั้นเป็นระยะๆ จนริวหยุดเดิน ชินกีถึงได้ยืนหอบหายใจด้วยความโมโห
“ซวยจริงๆ ไอ้บ้านั่นมันหาว่าฉันเป็นเด็กขายบริการ” ชินกีบ่นให้ริวฟังเพราะคิดได้ว่าริวคงฟังไม่ออกว่าเขามีเรื่องอะไรกับยาม
“ก็บอกเขาไปสิว่าไม่ใช่” ริวเตือนอย่างรำคาญ เขาเกลียดคนขี้โวยวาย แล้วชินกีก็โวยวายได้ตลอดเวลาเสียด้วย
“แค่บอกเหรอ! แค่บอกมันไม่พอ มันต้องเอาเลือดหัวออกซะบ้างต่างหาก ตาต่ำที่สุด เห็นฉันเป็นเด็กขายได้ยังไงวะ”
ริวยืนมองชินกีเฉย สลับกับคอยมองหาแท็กซี่ ขณะที่ชินกีก็โวยวายด่ายามคนนั้นไม่เลิก รถตำรวจวิ่งผ่านแล้วชะลอความเร็ว ก่อนจะถอยกลับมาจอดที่ฟุตบาท ข้างที่ริวกับชินกียืนอยู่ นายตำรวจสองคนลงมาจากรถ คนหนึ่งตรงรี่เข้าไปหาชินกีแล้วเรียกขอดูบัตรประชาชนแล้วทุ่มเถียงกัน ส่วนอีกคนเข้ามาทักริวอย่างสุภาพ แล้วขอดูบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งริวก็ยื่นกระเป๋าสตางค์ให้ทั้งกระเป๋า
“ขอดูพาสปอร์ตด้วยครับ”
“ผมไม่ได้เอามา ลืมไว้ที่บ้านพัก” ริวตอบแล้วก็นิ่งฟังว่าตำรวจจะจัดการกับเขายังไง ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลอะไร ก็มีความผิดอยู่ดีที่เขาไปไหนมาไหนโดยไม่พกพาสปอร์ต
“งั้นคงต้องเชิญคุณไปสถานีตำรวจแล้วล่ะ” นายตำรวจคนนั้นถอนใจเฮือก แต่ก็ไม่ได้ทำท่าคุกคามราวกับริวเป็นอาชญากร คงเพราะเห็นอายุของริวยังน้อย และคนต่างชาติที่เที่ยวเดินร่อนไปมาแต่ไม่พกพาสปอร์ตคงมีเยอะพอสมควร
“ครับ” ริวรับคำง่ายๆ ก่อนจะเหลือบไปมองชินกี เห็นหมอนั่นกำลังเถียงกับตำรวจหน้าดำหน้าแดง ก่อนที่ชินกีจะถูกยัดเข้ามาในรถอีกคน
.....................................
-
สั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :z3:
พี่ไผ่จะตามหาริวเจอไหมเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
-
พี่ไผ่ไม่มาดูแลน้องริวเลยนะ
มัวแต่เที่ยวอยู่กับสาวๆๆ ชิชิ
-
แล้วไงต่อล่ะคะ
แง ๆ ตำรวจจับริวแล้วพี่ไผ่ช่วยทีจิ
-
ทำไมวุ่นวายไปหมด
-
เฮ้อ :เฮ้อ: วุ่นวายไปหมด
พี่ไผ่ :angry2: มารับริวเดี๋ยวนี้นะ
-
:L2:
-
แค่เนี่ยะ!
-
สั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :sad4: :sad4: :sad4:
-
ผ่านไปอีกตอน ก็ยังไม่พ้นชินกีเลย เพิ่งรู้ว่ายามที่ JKG พูดอังกฤษได้ด้วย นึกว่าริวจะพูดเกาหลีได้ซะอีก เห็นคุยกะต่างชาติซะคล่องปล๋อ แล้วก็แอบงงตอนแรกนึกว่า ชินกีนี่เป็นนักร้องในสังกัด JKG ซะอีก เห็นว่าจ้องริวตั้งแต่แรก :serius2:
-
รำคาญไอ้เด็กนี่จัง - -" ตามอยู่ได้ ก็น่าจะรู้ว่าริวไม่เล่นด้วยนะ เหอะๆ
พี่ไผ่ทำน้องน้อยใจจนต้องไปนอนโรงพักแล้วมั้ยล่ะ :เฮ้อ:
-
ทำไมมันสั้นลงทุกวั๊นทุกวัน :z3:
-
ชินกี....อย่ามาวุ่นวายกับน้องริวได้มั้ยเนี้ย :serius2:
แต่ว่าแกเป็นใครนี้ชินกี ตอนแรกคิดว่านักร้องแต่ตอนหลังกลับไม่ใช่
ส่วนกรเวช เป็นไงล่ะ อยากแยกน้องริวกับพี่ไผ่ น้อยใจกันจนริวต้องไปโรงพักเนี้ย :sad4:
.
.
.
ตอนนี้ทั้งสั้นทั้งเศร้า :o12: :เฮ้อ:
-
+1 ให้ความพยายามของชินกี
แต่ไม่ได้เชียร์หรอกนะ
ยังไงพี่ไผ่ก็มาวินอยู่แล้ว ,,
แต่ว่า ... พี่ไผ่หายไปไหนเนี่ยยย
รู้มั้ยว่าริวถูกจับบบบ
โฮๆๆๆ มาดูแลน้องเร้ววววววววว
น้องริวน่ารักมากนะ เจอใครก็ไม่หวั่นไหว ฮ่าๆๆๆ
รอดูหน้าพี่ไผ่ตอนหน้า โฮะๆ ^^
-
ชินกีเห็นริวมองพี่ไผ่ แปลว่าทำงานที่นั่นด้วยเหรอ ไม่งั้นเข้าไปได้ไง หรือเห็นจากไหนทำไมไม่เชื่อว่าริวอยู่ในนั้น งง อ๊าค สั้น พี่ไผ่ช้านโดนสาวรุมอยู่แถวไหนอ่า ฮือ
-
อารมณ์เสีย!!!!!!!!!!! :m31: ไปไกลๆเลยนังชินกี!!!
ริวโดนจับแล้ว! เป็นความผิดของไอ้กรเวชคนเดียวที่รั้งพี่ไผ่เอาไว้ไม่ให้มาดูริว! :angry2:
ปล.อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกมันแปลกๆอ่ะ ชินกีบอกว่าเคยเห็นริวกับคนอื่นๆจากไทย แต่ไม่รู้ว่าริวเป็นนักร้อง? ก่อนหน้านั้นริวก็เดินเข้าออกที่พักอยู่ก็น่าจะเดาได้ แล้วถ้าเป็นคนในอยู่แล้วด้วยทำไมถึงไม่รู้ว่าจะมีนักร้องจากไทยมา ทั้งๆที่ริวออกจะสะดุดตาขนาดนั้น และการปฏบัติตัวกับนักร้องย่อมแตกต่างจากทีมงานทั่วไปด้วยนิ ทำไมถึงไม่รู้? :m28: ช่วยบอกที เผื่อไออ่านตรงไหนตกไปแล้วไม่มีทางไม่เข้าใจได้??
-
แค่เนี่ยะ! :t3: :t3: :เฮ้อ:
-
วุ๊ยยยยยยยย
พี่ไผ่ไปไหนนิ
:seng2ped:
-
น่าสงสารริวอ่ะ อ่านตอนนี้ดูหมดอาลัยตายอยากในชีวิตยังไงไม่รู้ :a5: :serius2: o22
-
พี่ไผ่จ๋า ตามไปดูแลน้องริวเร้ว
-
ใครจะมาแก้ปัญหาให้ริวละเนี่ย :serius2:
-
น้องโดนจับเลยอะทำไงดีละทีนี้ :เฮ้อ:
คงต้องให้อลันช่วยก่อนละทีนี้เพราะพี่ไผ่ไม่รู้อยู่ไหนอะดิ
:pig4: writer คะ
-
ริว งอนพี่ไผ่จนได้เรื่องเลยนะเนี่ย
-
สงสารหนูริวจริงๆ
โดนพี่ไผ่ทิ้ง
แล้วยังมาเจอนายชินกีตื้อได้น่ารำคาญมาก
:เฮ้อ:
-
เง้ออออออออออออ :serius2:ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ
-
พี่ไผ่อะไม่น่าทิ้งริวเลยเห็นไมละเกิดเรื่องแล้ว
ชินกีมัน็น่าหมั่นไส้เกินนิสัยอย่างนั้นน่าแตะส่งจริงๆ
-
อารมณ์น้องริว แบบ เหงาๆ เศร้า..เนือยๆ เลยอ่า...
เฮ้อ ...แต่ไปรอที่สถานีตำรวจยังไงก็ปลอดภัยกว่าเดินเตร็ดเตร่ล่ะน่า
-
หนูริว เอ้ย
ที่จริงริวก็เด็กทั้งอายุ
และยังเดียงสากับโลกนี้มาก
คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือพี่ไผ่
จงอยู่กับริวซะ24ชม.เลย
-
ยังไงเนี่ย
-
มันค้างค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :z3: :z3: :z3:
อย่าให้ค้างหลายคืนนะคะ มาต่อเร็วๆจ้ะ :bye2:
-
พึ่งมาถึงก็ขึ้นโรงพักเรยเหรอ
-
โดนตำรวจเรียกไป น้ิองริวจะเป็นเรื่องอีกไมเนี้ย
-
จะเป็นไรป่าวเนี่ย
:m16: :m16:
-
ตามอ่านจนทันแล้ว :mc4:
ริวน่ารักมาก ทั้งใส ทั้งซื่อ จนอยากได้มาเป็นน้องเลย
แต่เรื่องในอดีตของริวน่าสงสารมากๆยังดีที่หลังๆมา
อาการดีขึั้นเยอะเลยแถมยังมีพี่ๆที่เข้าใจโดยเฉพาะพี่ไผ่
พี่ไผ่ใจดี เข้าใจจิตใจคนอื่น ดูแลริวดีสุดเลยแต่อ่านแล้ว
อยากเป็นพี่ไผ่มากๆ นอกจากนั้นริวยังเป็นคนที่เด็ดขาดด้วย
ชอบมาก หวังว่าการมาเกาหลีครั้งคงจะไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไร
เกิดขึ้นกับแม่พี่ไผ่หรือกับริวเองด้วย :กอด1: :L2:
-
อ่านมาสองตอนแล้ว เอ้อ...ให้อารมณ์การท่องเที่ยวเกาหลียังไงไม่รู้555
-
:z3:ปวดหัวแทนริว
-
โอ้ย.......มาฆ่าเจ้กันเลยดีกว่าค่ะ แล้วเจ้ว่าตอนนี้น้ำเต็มหม้อเลยค่ะเนื้อไปไหนหมดค่ะ อ่านแล้วก็ยังสรุปที่มาของ
นายชินกีไม่ได้อยู่ดี ตอนหน้าเจ้ขอเอาให้มันหน้าแหกไปเลยนะวุ่นวายจริงๆ คนเกาหลีเขาเ็นแบบนี้หรอ หน้าด้าน
-
สั้นลงสั้นลงนะคนเรา :m16:
ชินกีน่ารำคาญ :angry2:
-
:serius2: :serius2:
อย่ามา เกาะแกะ น้องริวของนู๋หน้า
หน้าด้านมากๆ ตามติดไม่เลิกเลยอ่า :angry2:
ส่วนพี่ยามใจร้ายมาก :sad4: ทำกับน้องริวได้ไงกัน :o12:
ps.ไรเตอร์รีบๆ มาต่อไว ๆ นะค่า นุกมากเลยอิอิ
-
ชินกีตามน้องริวไม่เลิกเลย
เป็นปลิงป่ะเนี่ยเกาะไม่ปล่อยเลยอ่ะ
อ้าว~น้องริวถูกตำรวจพาไปโรงพักซะละ
จะเป็นไรรึป่าว พี่ไผ่อยู่ไหนช่วยน้องริวด้วย
-
:m16: อยากอ่านต่อค่า
ขัดใจๆๆๆๆ พี่ไผ่ทำอะไรให้ไวหน่อย เที่ยวกับสาวอยู่ได้ น้องไปโรงพักแล้ว กรรมแท้ๆ :เฮ้อ:
-
ทำไมยิ่งอ่านเนื้อเรื่องยิ่งสั้นค่ะ อ่านแล้วมันเหมือนขาดตอนค่ะ
แต่อยากทำอย่างนี้ :z6:กับคุณผู้จัดการจะขัดอะไรหนักหนาค่ะ
ส่วนตอนนี้ชินกีจะตามริวทำไมในเมื่อริวเค้าไม่สนใจ :m16: :m16: ขัดใจค่ะ
-
ใจร้ายจัง ค้างอย่างแรงงงงงงง :z3: :z3: :z3:
-
ต่อสิ!! ไอกำลังระทึกใจไปกับริวที่เผชิญโลกภายนอกอยู่นะ o9
-
พี่ไผ่ กลับมาเร็วๆสิ ช่วยน้องริวด้วยยย :z3:
-
ตอนที่ 54
ตั้งแต่มาถึงสถานีตำรวจ ชินกีก็โวยวายลั่น ริวฟังไม่ออกเพราะชินกีพูดภาษาเกาหลีไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เด็กหนุ่มนั่งมองทุกอย่างนิ่งๆ ไม่แสดงท่าทางวิตกกังวลใดๆ จนเจ้าหน้าที่เรียกเขาไปที่โต๊ะเพื่อสอบประวัติ
“ขอทราบชื่อ นามสกุลของคุณด้วย”
“ผมขอโทรศัพท์ได้ไหมครับ” ริวถามเสียงเรียบๆ ท่าทางไม่วิตกกังวลเหมือนคนทำความผิดทั่วไปทำให้นายตำรวจคนนั้นจับตามองเด็กหนุ่มอย่างสนใจ
“...ได้ เอาสิ” ตำรวจคนนั้นบอกแล้วเลื่อนโทรศัพท์มาตรงหน้าริว
“โทรข้ามทวีป กดรหัสอะไรก่อนครับ”
นายตำรวจคนนั้นชะงักอีกรอบ ก่อนจะบอกเบอร์โทรออกให้ ริวกดรหัสแล้วตามด้วยเบอร์ที่เขาจำได้ขึ้นใจ
“ครับ”
“อลัน...ฉันลืมพกพาสปอร์ตออกมา ตอนนี้ฉันอยู่ที่สถานีตำรวจ...ขอโทษครับที่นี่สถานีอะไรครับ” ริวหันไปถาม นายตำรวจท่านนั้นก็บอกชื่อมาให้ ริวก็บอกอลันอีกทีแล้ววางสาย
หลังจากสอบประวัติแล้ว นายตำรวจก็ให้ริวนั่งรอที่เก้าอี้ข้างๆ แต่ยังไม่ส่งริวเข้าห้องขัง เพราะเด็กหนุ่มอายุยังน้อย และความผิดที่มีก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรนัก
“เป็นไงบ้าง” ชินกีเดินมาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร อีกสักครู่เพื่อนผมจะเอาเอกสารมาให้ แล้วคุณละ” ริวตอบเสียงเรียบเรื่อย
“เรียบร้อยแล้ว เพราะไอ้ยามบ้านั่นทีเดียว ฉันถึงซวยแบบนี้” ชินกีสบถอย่างหงุดหงิด ขณะที่ริวนิ่งฟังเฉยๆ
“เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเพื่อนนายจะมาก็ได้...หิวมะ” ชินกีหันไปถามเสียงเบาแล้วทำท่าจะแตะไหล่ แต่ริวขยับถอยห่างไม่ยอมให้เขาแตะตัว
“ไม่ครับ”
“เหรอ...นายเนี่ยพูดน้อยนะ” ชินกีท้วงอย่างหมั่นไส้ ที่เห็นริวทำหน้าเฉยกับเขาตลอดเวลา ซึ่งเด็กหนุ่มก็เพียงเหลือบมองหน้าเขานิดเดียวแล้วก็กลับเข้าโหมดเฉยสนิทตามเดิม
ราวๆ หนึ่งชั่วโมงหลังจากริวโทรศัพท์ ชายหนุ่มผมทอง รูปร่างผอมสูงในชุดสูทเนี้ยบกริบก็เข้ามาติดต่อเจ้าหน้าที่อย่างรีบร้อน พอเจ้าหน้าที่ชี้มาทางริวเขาก็รีบเดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับมิสเตอร์เกรสัน” ผู้มาใหม่ยื่นมือให้จับ ริวเหลือบมองมือที่ยังสวมถุงมือไว้แล้วถึงยอมสัมผัสมือด้วย
“สวัสดีครับ” ริวทักตอบด้วยสีหน้าเฉยๆ จนคนมาใหม่ร้อนใจเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจที่เขามาช้า
“ผมแมททิว คอร์เนอร์นะครับ เป็นเลขาของท่านทูต ท่านทูตติดธุระอยู่ต่างประเทศผมก็เลยมาแทน”
“ครับ” ริวตอบรับแล้วยังคงทำหน้านิ่งๆ เหมือนเดิม จนอีกฝ่ายเริ่มหันรีหันขวาง
“เดี๋ยวผมจะจัดการทุกอย่างให้ รอสักครู่นะครับ”
“ครับ” ริวรับคำแล้วทรุดลงนั่งอย่างเดิม ขณะที่อีกฝ่ายรีบไปคุยกับเจ้าหน้าที่แล้วเอาเอกสารที่ติดตัวมายื่นให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดู
ชินกีหรี่ตาพลางจ้องมองริวด้วยสีหน้าครุ่นคิด เมื่อเห็นอาการนอบน้อมของเลขาทูตที่มีต่อริว
“ตกลงนายเป็นใครกันแน่ เป็นดาราฮอลลีวู้ด หรือเป็นลูกคนใหญ่คนโตที่ไหน”
“ผมเป็นนักร้องธรรมดาๆ คนหนึ่ง” ริวตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เบื่อที่จะต้องนั่งรอทั้งที่หัวใจเขาโบยบินกลับไปบ้านพักแล้ว ป่านนี้พสุน่าจะกลับมาแล้ว พี่จะรู้หรือยังว่าเขาหายไป...พี่จะโกรธเขาหรือเปล่าที่ไปไหนไม่บอกใคร...แล้วพี่จะห่วงเขาบ้างหรือเปล่า...
“ไม่เชื่อเด็ดขาด ไม่งั้นระดับเลขาทูตคงไม่ตาลีตาเหลือกมาประกันนายหรอก”
“จริงๆ” ริวยืนยันแล้วถอนใจอย่างรำคาญความช่างพูดของชินกี ก่อนที่เลขาทูตจะกลับมาที่เขาอีกครั้ง
“เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปส่งที่บริษัทนะครับ”
“ขอบคุณครับ...ขอบคุณนะคุณลี ที่อยู่เป็นเพื่อน” ริวผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มหันไปลาชินกี แล้วเดินตามเลขาทูตไปที่รถ สัญลักษณ์สถานทูตอเมริกัน ทำให้ชินกีที่วิ่งตามลงมามองตามจนลับตา
รถของสถานทูตจะพาริวไปส่งถึงบ้านพัก แต่ริวขอลงที่หน้าบริษัท เพียงแค่แจ้งชื่อยามรักษาการณ์ก็เปิดให้ริวเข้าไปง่ายๆ ผิดกับครั้งแรก แสดงว่าคงมีใครรู้แล้วว่าเขาไม่อยู่บ้านถึงได้แจ้งยามรักษาการณ์ไว้
หิมะหยุดตกไปแล้วทิ้งไว้แต่แอ่งน้ำเจิ่งนองลื่นปราดตามทางเดิน ริวเดินอย่างระมัดระวังไปจนถึงบ้านพัก ก็พบว่าบ้านเปิดไฟสว่าง และทุกคนยืนรวมกันอยู่ในห้องโถงด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“ริว!” พสุวิ่งออกมาถึงตัวริวเป็นคนแรก ชายหนุ่มคว้าร่างเย็นเฉียบเข้าไปกอดไว้แน่น
“หายไปไหนมา...ไปไหนมาริว!”พสุถามเสียงสั่น กระชับอ้อมแขนรอบตัวเด็กหนุ่มแน่นยิ่งกว่าเดิม อาการร้อนรนจนหัวหมุน ใจคอวูบหาย เป็นระยะก่อนหน้านี้ดูจะบรรเทาลงเมื่อได้เห็นริวกลับมาอย่างปลอดภัย
“ขอโทษครับ” ริวซุกหน้าลงกับไหล่พสุแล้วถอนใจยาว ความรู้สึกเหนื่อย หนัก เหน็บหนาวในหัวใจ ค่อยๆ คลายลงทีละน้อย เพียงแค่มีอ้อมแขนคู่นี้โอบกอดเขาไว้....
“ริว...เป็นไงบ้าง แล้วนี่ไปไหนมาวะ” ไวยากรณ์ตามมาตบหลังเด็กหนุ่มเบาๆด้วยความเป็นห่วง
“พวกพี่ตกใจหมด” ธีรดลตามมาถามแล้วถอนใจเฮือกเมื่อสำรวจทั่วตัวริวแล้วไม่เห็นความผิดปกติใดๆ
พอพสุคลายอ้อมแขนกรเวชก็ปราดเข้ามายืนขึงตาใส่ริวทันที
“พี่บอกแล้วใช่ไหม จะไปไหนต้องบอกให้คนอื่นรู้ก่อน นี่ไม่ใช่เมืองไทยนะ เกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง” กรเวชโวยลั่น แต่น้ำตาคลอด้วยความโมโหและเป็นห่วง
ตอนที่ตะวันโทรไปตามว่าริวหายไป พวกเขาก็รีบกลับมาที่บริษัท ยิ่งพอสอบถามไปที่ยามหน้าบริษัทได้ความว่า ริวมาติดต่อ ขอเข้ามาข้างใน แต่ยามไม่ให้เข้า แล้วริวก็ถูกชายเกาหลีคนหนึ่งพาขึ้นแท็กซี่ไป ทุกคนก็ยิ่งเป็นห่วงจนนั่งกันไม่ติด พากันขึ้นรถของบริษัทแยกย้ายกันออกไปตามหา แต่เขมชาติโทรไปบอกว่า ริวปลอดภัยและกำลังกลับมา ทุกคนก็รีบกลับมารอที่บ้านพัก ก่อนหน้าที่ริวจะมาถึงเพียงครู่เดียว
“ไม่ใช่ความผิดริวที่ยามหน้าบริษัทไม่ให้เข้า เพราะถ้าไม่มีบัตรผ่านของบริษัทริวก็เข้าไม่ได้อยู่ดี” ตะวันเอ่ยเสียงเย็น ทำให้กรเวชชะงัก ใช่ พวกเขาเพิ่งมาถึงก็จริง แต่ทางบริษัทก็มอบบัตรผ่านไว้ให้แล้ว แต่เขายังไม่ได้ให้ริวกับตะวันเพราะเห็นว่าสองคนนี้ยังไม่ได้ออกไปไหน ไม่ทันคิดว่าริวจะออกไปข้างนอกคนเดียว
“แต่...” กรเวชทำท่าจะค้านแต่นึกคำพูดไม่ออก และตะวันก็ไม่ได้ใส่ใจจะพูดกับเขาอีก
“นายพาริวขึ้นไปพักเถอะ ท่าทางจะเหนื่อยมาก” ตะวันหันไปเตือนพสุ เพราะเห็นโอเวอร์โค้ตของริวเปียก คงเจอหิมะที่ตกเมื่อตอนเย็น
“ขอตัวก่อนนะครับ ไปริว” พสุโอบไหล่ริวขึ้นไปชั้นบนด้วยกัน ขณะที่คนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนบ้าง
“เดี๋ยวตะวัน คุยกับพี่ก่อน” กรเวชเรียกตะวันไว้ ซึ่งชายหนุ่มก็หยุดคอย
ธีรดลกับไวยากรณ์มองหน้ากันแล้วต่างก็รีบแยกย้ายกลับขึ้นห้อง เพราะดูสีหน้าของกรเวชกับตะวันแล้วท่าทางจะ “คุยกันยาว”
“มีอะไรครับ” ตะวันถามเสียงเรียบหน้านิ่งตามสไตล์
“ตะวันคิดว่าพี่แกล้งริวหรือไง” กรเวชรอจนทุกคนขึ้นห้องไปหมดถึงได้เปิดปาก
“ผมรู้ว่าพี่กรไม่ได้เจตนาจะแกล้งริว เพราะการที่ริวออกไปข้างนอกก็อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนอยู่แล้ว”
“แล้วตะวันไม่พอใจอะไร พี่รู้นะว่าตะวันโกรธพี่”
“ถามตัวพี่เองสิ ว่าพี่เจตนาอะไร ถึงไม่ชวนริวไปด้วย” ตะวันย้อนกรเวชทันควัน ดวงตาที่จับจ้องกรเวชดูอ่อนใจ หนักใจ มากกว่าจะเป็นความโกรธอย่างที่กรเวชคิด
กรเวชถึงกับสะอึกพูดไม่ออก ไม่คิดว่าตะวันจะมองทะลุไปถึงไหนๆ
“คิดจะทำอะไร พี่ชั่งน้ำหนักให้ดีๆ ก็แล้วกัน เพราะถ้ามันเกิด ‘เรื่องไม่คาดฝัน’ แบบวันนี้อีก พี่จะรับผิดชอบไหวมั๊ย” ตะวันย้ำอีกครั้งเพื่อเตือนสติกรเวช แต่ดูเหมือนกรเวชกลับมีความเห็นไปอีกทาง
“มันเป็นหน้าที่ของพี่นะตะวัน”
“ถ้าพี่จะยืนยันอย่างนั้นก็ตามใจ” ตะวันตอบเสียงเย็นแล้วเดินหนีขึ้นห้องไป กรเวชกัดปากแน่น แต่ใบหน้ายังขาวซีด หรือบางที...เขาอาจจะทำเกินกว่าเหตุไปก็ได้...
.......................................
เรื่องตาชินกี ติดตามกันต่อไปว่าเป็นใครมาจากไหน
อิชั้นคนโพสท์รู้แล้ว เพราะแอบอ่านแล้ว คนอ่านก็สงสัยกันไปก่อนนะเคอะ :z2:
-
สั้นมากๆๆ 555 ขอบคุณครับ
-
ว้ายยๆๆๆๆชินกีเป็นใคร
รู้แล้วไม่ยอมบอกกันนะ
-
รอตอนต่อไปค่ะ :L2:
-
ตะวันน่าจะเป็นอีกคนที่ชอบริว แต่แบบว่าหวังดีมากกว่า..
พี่กรทำเกินไปนะเคอะ เดี๊ยนรับไม่ได้..
น้องริวจะยอมเปิดปากบอกพี่ไผ่มั้ยนะว่าน้อยใจอะไร
-
สั้นอ่ะ แต่ละตอนดำเนินเรื่องไปที่ละติ๊ดๆๆ มันไม่ทันใจคนอ่านรุย อิอิ แต่ก้ดีนะจะได้นานๆจบแต่มันค้างคามั๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
อุตส่าห์ดีใจว่าไม่ต้องมีอิตาชินกีมาตามรังควานแล้ว คุณคนโพสต์ยังมีแอบมาติ่งอีกว่ามันจะมาอีก :serius2:
+1 สำหรับที่มาโพสต์เร็วค่ะ :3123:
-
สั้นไปนิดแต่ดีใจมากกว่าที่มาต่อ
อ่านไปสงสารริวรำคาญชินกีมาก
ตื้อริวจนได้เรื่องเลยไม่อยากให้มายุ่งเลย
ส่วนพี่กรจากที่ดฉยๆกับพี่แกตอนเริ่มเกลียดขี้หน้าอย่างแรง
เป็นไงหล่ะทำเกินกว่าหน้าเลยได้เรื่อง ส่วนตะวันดีน่ะที่เห็น
ริวออกไปไม่งั้นคงไม่มีใครรู้เรื่ิอง ตะวันเหมือนเป็นห่วงริว
แบบน้องมากกว่า ใช่มั้ยหว่า
:กอด1: :L2:
-
เห้อ!! อย่างน้อยพสุก็ไม่ได้โกรธ หรือโมโหใส่ริว
พี่ตะวันสุดยอดมาก มองได้ทะลุเลย หุหุ +1 ให้พี่ตะวัน
-
สั้นไปนะ
-
ขอบคุณจ้า!!! เจ๊กร !! พี่ตะวันเค้าอุตส่าห์แล้วนะเนี่ย !!!
-
ยิ่งอ่านยิ่งสั้นอ่ะ :serius2: :serius2:
ส่วนพี่กร :z6: :z6:
-
เป็นปลื้มมากพี่ไผ่
วิ่งออกมากอดน้องซะแน่น
:sad4:
พี่ตะวัน เท่ห์สุดๆ
o18
-
เกลียดไอ้ชินแก่ + รำคาญพี่กร อย่างแร๊งงงงงงง!!!! :fire:
-
นายชินกีหน้าด้านหน้าทนเนี่ยจะมีบทบาทอีกไหม กรุณาเก็บมันด่วนค่ะเจ้รำคาญมันมากเลยอ่ะ
ส่วนนายพี่กรถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่จะบอกใหุ้คุณเขมชาติย้ายไปทำอย่างอื่นแทนค่ะ จบ
-
อิชั้นคนโพสท์รู้แล้ว เพราะแอบอ่านแล้ว
ยั่วกันนี่นา :serius2: มาลงต่อเลยนะ :angry2:
เซ็งไอ้คุณพี่กรมานานแล๊ะ มันทำเกินกว่าเหตุมานานแล๊ะ ถามหน่อยเหอะ ถึงจะเป็นคนของประชาชนแต่ต้องแคร์สายตาคนอื่นขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วถ้าตัวเราไม่มีความสุขจะทำไปทำไม - -" จะบอกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องแคร์สายตาคนอื่นก่อน แล้วคนที่เราทำงานด้วยล่ะ ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้นงั้นเหรอ คนนะ ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ป้อนคำสั่งอะไรก็ต้องทำตาม ถ้าคิดแบบนั้นคุณก็ยังไม่สมกับเป็น"ผู้จัดการส่วนตัว"หรอกนะ รู้ไว้ซะด้วย!
แล้วที่ตะวันพูดก็ถูกแล๊ะ ไม่ต้องคิดจะเถียงเลย ไม่ให้เขาไป แล้วทำไมถึงต้องคิดว่าเขาจะไม่ไปไหนอีกล่ะ เขามีสิทธิที่จะไปไหนก็ได้!
คุณไม่มีความรับผิดชอบเอง คุณกีดกันเขาเอง และคุณก็ยังไม่ได้ให้บัตรเขาอีก ไม่ต้องมาอ้างอะไรทั้งนั้นเลย ทุเรศที่สุด!
:fire:
เซ็งไอ้ชินกีนั่นด้วย โวยวายโวกเวกหน้าด้านอะไรกันนักกันหนา ก็ทำตัวเองเหมือนอีตัวจริงๆนั่นแหละ เฮอะ! :a14:
>> ตะวัน..นายเจ๋งมาก! o13
-
เพิ่งรู้หรอค่ะว่าทำเกินกว่าเหตุ :angry2:
ปล.ริวนิใหญ่เนอะ(อย่าคิดลึก หมายถึงมีอำนาจอ่ะ)
ปล2.เมื่อไหร่ทุกคนจะรู้ความจริงเรื่องริว
ปล3.รู้สึกเหมือนอ่านแปปๆ แต่ปาเข้าไปตอนที่54ซะแล้ว
-
สั้นลงทุกตอน -*-
-
ตามนั้นที่เค้าเม้นๆกันเลยค่ะ อยากอ่านต่อแล้วล่ะ 55
เห็นด้วยกับพี่ตะวัน .. กรเวชน่ะ บางทีก็คิดอะไรแค่มุมมองของตัวเองฝ่ายเดียว
จากตอนก่อนๆก็เข้าใจอะนะว่าคงหวังดี แต่บางทีมันเหมือนขัดขวางแล้วก็ทำให้อะไรๆมันอาจจะแย่ลงก็ได้
ชีวิตคนอื่นยังไงก็คือคนอื่นแหละ เค้าก็โตๆกันแล้ว บางทีปล่อยให้มันเป็นอย่างที่ควรจะเป็นคงดีกว่ามั้ย?
อ่อ อีกอย่างนะ เราไม่ชอบเลยที่พอริวมาถึง แทนที่จะถามสารทุกข์สุขดิบแบบไผ่ ก็ดันตั้งท่าจะว่าริวอย่างเดียว
ทั้งที่ส่วนนึงมันก็เป็นความผิดของตัวเองด้วยน่ะ น่าโกรธมากกว่ามั้ย -*-
ชินกีคือใครเด๋วคงรู้ .. อาจจะเป็นคนดี?
แต่ก็ไม่อยากให้เข้ามายุ่งกับชีวิตของริวอยู่ดีน่ะแหละ ..
ขอบคุณมากค่ะ :L2:
-
น้องริวววววววววววววววววว :o8: :o8:
เท่มากๆๆ ดีแล้วๆ แสดงให้ชินขี้...มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร :laugh: :laugh:
ps. ไรเตอร์ที่รัก...คุณอัพน้อยไปแล้วนะ ฉันจะขาดใจ :m15:
ps2. เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคร้า มาต่อตอนใหม่ไวๆ นะค่ะ
-
:impress2:กรี๊ดดดด การผจญภัยของริวนอกรั้วบริษัทจบซะที กลับมาอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นของพี่ไผ่แล้ว ปลอดภัุยไร้กังวล
-
ริวโกธรพี่ไผ่แน่ ๆ
-
ไม่มีอาราย แค่จะแวะมาบอกว่า…
ที่ลงให้อ่านกันไปแล้วเนี่ย นอกจากตอนอดีตของริว ยังไม่ได้เขียนมาม่าเรยสักตอน เพราะเขียนฉากมาม่าไม่เป็น
มาม่าของจริง คือตอนที่กำลังเขียน แน่นอนว่าไม่ใช่ตอนที่กำลังจะลงหรือ ‘ว่าที่’ ตอนต่อๆไปในช่วงเน๊
เพราะงั้นใครที่กลัวมาม่า สบายใจได้ค่ะ ยังอีกนาน.... o18
ส่วนที่มันสั้น...เพราะเคยลงยาวๆ แล้วหาโฟกัสในแต่ละตอนไม่เจอ...ก็เลยตัดตอนใหม่ มันเลยสั้นไปนิ๊สสสสส
ถ้าไม่จุใจ...ไปขู่คนลงเองนะ ป้าไม่เกี่ยว ฟิ้ววววววว :o12:
-
:L2:
-
:z3: :z3:สั้นได้อีกกกกกกกกกก
รอตอนต่อไปค่ะ :z2: :z2:
-
สั้นอีกเเล้วววอะ
ค้างๆๆในใจจจจ
มาอัพต่อไวๆๆๆเน้อ
อัพพพพพพพ อัพพพพพพ จงมาอัพพพพพพ
อัพพพพพ ถ้ามาอัพช้า :m31: :m16: :fire:จิงๆๆๆๆ
-
:z2: รอดูพี่ไผ่จะทำยังไงกับน้องริว จะหวานมั้ยนะ :z2:
:pig4: :pig4:
-
พี่ไผ่ห่วงน้องมากเลย น้องก็ขวัญมาทันทีที่ได้อ้อมกอดจากพี่
แต่ว่าเมื่อไรจะรู้ว่ารักกันซะที
จะรอตอนต่อไป
-
+คะแนนที่9 ให้คุณAnonymus
สั้นเนาะตอนนี้
มาม่าชามเล็กๆก็พอนะค่ะ
-
แล้วน้องริวก็กลับบ้านอย่างปลอดภัย
พี่ไผ่จะปลอบขวัญน้องริวยังงัยน๊า
เออ~แล้วชินกีเป็นใคร มาเกี่ยวไรด้วย
ติดตามตอนต่อไป
-
ง่า ขอแบบสองตอนรวมได้ไหมค๊า น่าจะกำลังอิ่มพอดีๆ
พี่ไผ่ปลอบนู๋ เอ้ยปลอบริวหน่อยน๊า
ปล...พี่กรสำนึกเหอะ เอาเวลาที่จะกีดกัน มาช่วยเป็นใจแทนมั้ย อิอิ
-
จริงๆไม่ได้สงสัยเลยนะ
ว่ามาจากไหน ชินกีอ้ะ แต่เพิ่งสงสัยตอนคนลงพูดเนี่ยแหละ
อ่าาาา มีที่มาด้วยรึ ???
ริวยิ่งใหญ่ตลอด ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ตะวันพูดตรง ,, เราเห็นด้วย !!
-
อ่านไม่เต็มยังไงไม่รู้ อย่าตัดตอนสั้นเลยนะคะ ติดตามมาตลอดค่ะ
-
สั้นจัง~
ว้ายๆๆพี่ไผ่กอดริวก่อน หายากนะนี่
รู้สึกว่าพี่ตะวันเท่ห์แฮะ
คุณเขมชาติรู้อลันโทรไปบอกเหรอ
รอเฉลยค่ะ
-
นับวันยิ่งสั้นลงทุกวัน :เฮ้อ:
แต่ถึงสั้นก็จะรออ่านค่ะ o13
-
สั้นกว่าตอนมะกี๊อีก
ลงยาวๆเถอะครับ กราบแทบเท้างามๆ o1
-
เข้าใจที่กรเวชทำไปนะ
เหอะๆ ริวใหญ่มาก :laugh: :laugh: มีท่านทูตมารับ 55+
-
ตลอดอ่ะ...ริวน่ารัก
-
:เฮ้อ:สั้นมากๆๆ
-
เรื่องนี้อ่านแล้วอบอุ่นจัง ชอบมากค่ะ
มาต่อเร็วๆนะ
ปล.ขอแอบเป็นแฟนคลับด้วยคน
-
พี่กรคะ รู้ว่ามันหน้าที่ของพี่ แต่เรื่องบางเรื่องที่พี่ทำมันก็เกินหน้าที่ไปหน่อยนะคะ :เฮ้อ:
บางอย่างไม่จำเป็นและไม่ได้ขอ แต่ดันไปยื่นมือแทรก เขาไม่เรียกหน้าที่นะคะ เขาเรียกว่า เสื..ก ค่ะ!! :angry2:
(แอบแรงไปมั๊ยเนี่ยตู :m29:)
-
ก็เข้าใจนะว่ากรเวชทำเพราะหน้าที่ แต่บางทีมันก็มากเกินนะ o18
ตอนนี้ตะวันน่ารักมาก เชื่อว่าตะวันก็เป็นอีกคนที่อยากให้สิิ่งดีๆกับริว :-[
ส่วนอลันก็ยังทำงานได้ชัดเจน ว่องไวเหมือนเดิม :impress2:
แต่พี่ไผ่ค่ะ น้องริวยอมลงมาจากตึกสูงๆในเมืองใหญ่เพื่อมาหาพี่ไผ่นะค่ะ รักและเอ็นดูน้องไปเยอะๆเลยค่ะ อย่าไปกลัว เอาใจช่วยอยู่น้า
ส่วนชินกี....อืม...นายคนนี้ยังคงไม่เครียร์ว่าเป็นใคร :เฮ้อ:
..
..
..ตอนนี้สั้นอีกแล้ว :z3:
-
ริวววววววววววววววววววว
-
ตะวันสุดยอมมาก o13เตือนให้รู้บ้างว่าอย่าไปยุ่งกับคู่นี้อีก
:pig4: คะ
-
ริวกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะ
พี่ไผ่ต้องดูแลน้องให้ดีกว่านี้อีกน่ะ
กรเวช ก็กีดกันริวจริงๆนะแหละ
-
เข้าข้างตะวัน
:laugh:
-
น้องริวเส้นก๋วยจั๊บม้ากกกก ดีแล้วที่ปลอดภัย :กอด1:
รอดูต่อไปว่าชินกีคนนี้เป็นใคร
-
เป็นปลื้ม ตะวัน o13
-
เพิ่งอ่านครั้งแรกครับ กว่าจะตามทัน
สนุกมากเลยครับ มาต่อบ่อยๆ นะครับ
ไม่ชอบเขมชาติเลย หาแต่ผลประโยชน์
รักพี่ไผ่กับน้องริวที่สุดเลยครับ
-
อิจฉาคนโพสที่รู้ก่อน แง่มๆ
-
อยากอ่านตอนต่อไปที่ซู๊ดดดด ขอซีนพี่ไผ่เคลียร์กับนุ้งริวในห้องนะค๊า (ว่าแต่เค้าได้นอนห้องเดียวกันเหมือนที่ไทยรึเปล่าเนี่ย)
-
ตะวันนี่เป็นพวกคมในฝักจริงๆ
-
ช่ายยยคะ...พี่ตะวันเก่งมั่กๆอะ...
ต้องโทษคุณผู้จัดการคนเดียวเลย....รู้สึกผิดกะเค้ามั่งไหมเนี่ย...=*=
อลันน่ารักที่ซู้ดดดด....ส่งคนมาช่วยเร็วมากๆเลยคะ...^ ^
แต่เดี๋ยวจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวกันทั้งวงไหมคะ...T^T
อยากอ่านตอนพี่ไผ่โอ๋หนูริวแล้วอ่า....หวังว่าจะไม่โดนดุน้า....>__<
-
:angry2: ต้องบอกว่าเกินกว่าเหตุมากๆๆๆๆๆๆน่าจะถูกกว่านะ
-
กรี๊ดดดด แม่ยกหนูริวข้างบนๆ น่ากลัวววว :monkeysad:
วันนี้รีบมาต่ออย่างไว เพราะต้องไปทำงานต่างจังหวัดอาทิตย์นึงจ้า ไม่รู้ว่าจะมีเนตมั้ย เลยมาต่อไว้ก่อน
ส่วนเรื่องสั้นหรือยาว (อะไร!?!) ขอเชิญรุม :angry2: ป้าคนแต่งเองนะเคอะ เค้าแบ่งมาแบบเน้ๆ
:z2:
*****************************
ตอนที่ 55
พอเข้าไปถึงห้องพัก พสุก็ช่วยริวถอดโค้ตเปียกๆ ออก ปลายมือปลายเท้าของริวขาวจนแทบเขียวเพราะความเย็นของอากาศ
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วๆ เดี๋ยวพี่จะไปเปิดน้ำอุ่นให้” พสุสั่งแล้วก็รีบเข้าไปเปิดน้ำอุ่นลงในอ่างเพื่อให้ริวแช่ตัว ครู่เดียวเด็กหนุ่มในชุดเสื้อคลุมก็ตามเข้ามานั่งบนขอบอ่างข้างๆ พสุ
“พี่...พี่โกรธริวเหรอ” ริวถามพลางขยับเข้าไปใกล้จนเข่าชนเข่า เด็กหนุ่มใจเสียที่เห็นพสุเอาแต่ก้มหน้ามองน้ำในอ่างด้วยสีหน้าครุ่นคิดจนดูเครียดขรึม
“พี่ไม่ได้โกรธริว...” พสุหันกลับมาลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ เส้นผมเปียกชื้นนั้นเย็นเฉียบจนพสุต้องนิ่วหน้าด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าริวจะเป็นหวัด
“แต่พี่ไม่ยิ้มเลย พี่ทำหน้าเหมือนโกรธ” ริวกุมมือที่จับผมเขามาแนบแก้มอย่างออดอ้อน เด็กหนุ่มค่อยคลายใจเมื่อพสุไม่ได้ชักมือหนีแต่กลับพลิกมือจับมือเขาไว้แทน
“...พี่โกรธตัวเองต่างหาก โกรธที่ปากหนัก ถ้าพี่ไม่มัวลังเล เรียกริวให้ไปด้วยกันตั้งแต่แรกก็คงไม่เกิดเรื่องวุ่นๆ แบบนี้” พสุตอบเสียงอ่อน แต่ใบหน้ากลับดูเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม
“พี่ไม่ผิดสักหน่อย ริวต่างหากที่ผิด ถ้าริวไม่ออกไปก็คงไม่เกิดเรื่อง” ริวท้วงพร้อมกับเขย่ามือพสุเบาๆ เป็นเชิงยืนยัน
“แล้วริวออกไปทำไมครับ...อยากไปเที่ยวหรืออยากซื้อของ”
“ริวแค่อยากให้หัวมันเย็นลง...อยู่ที่ไหนที่ไม่มีพี่แล้วมันอึดอัด...เหมือน...หายใจไม่ออก” ริวตอบแล้วขยับเข้ามาเอาหัวอิงไหล่พสุ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ขยับหนี แต่ลูบผมเปียกชื้นแผ่วเบา
“แล้วไปถึงไหนมา”
“ริวก็ไม่รู้ครับ เดินไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ตรงลานกว้างๆ มีร้านมีคนเดินเที่ยวเยอะแยะ แล้วริวก็เรียกแท็กซี่กลับมา แต่ยามไม่ให้เข้า”
“แล้วคนที่ริวไปกับเขาล่ะ เห็นยามบอกว่าริวไปกับคนเกาหลี” พสุอดถามไม่ได้ ตอนแรกก็ไม่คิดจะถามเพราะกะว่าเดี๋ยวริวคงเล่าเอง แต่ดูเหมือนริวจะไม่อยากเล่ารายละเอียดอะไรมากนัก
“ริวก็ไม่รู้หรอกครับ เขามาทักริวตอนที่ริวหลงทาง แล้วพอริวเรียกแท็กซี่เขาก็ขึ้นมาด้วย ตามมาจนถึงบริษัท พอยามไม่ให้เข้าริวก็เลยขอให้เขาพาไปสวนสัตว์ แต่ริวเข้าไม่ได้เพราะมันปิดแล้ว...แล้วตำรวจก็ผ่านมา ขอดูพาสปอร์ตของริว พอไม่มีก็เลยโดนตำรวจจับ”
“อะไรนะ!” พสุดันไหล่ริวออก ก่อนจะจ้องมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยสายตาตื่นตระหนก
“ริวก็เลยโทรไปบอกอลัน แล้วเพื่อนอลันก็มาประกันตัวให้”
พสุหน้าซีดเผือด เม้มปากแน่น จ้องมองเด็กหนุ่มเขม็ง จนริวต้องหลบตาชายหนุ่มก้มลงมองน้ำในอ่าง
“พี่...น้ำจะล้นแล้วครับ”
พสุหันกลับไปปิดน้ำ แล้วยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อตั้งสติ ก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่
“ริวอาบน้ำเสียก่อน เดี๋ยวพี่จะลงไปหาอะไรให้กิน”
“ครับ”
พสุลงมาชั้นล่างเพื่อหยิบข้าวกล่องที่ซื้อมาให้ริวตอนที่ออกไปเที่ยวข้างนอกแล้วเอาเข้าไมโครเวฟอุ่นให้ริว ขณะที่รออาหารชายหนุ่มก็ถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความรู้สึกผิด ชั่วระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เหยียบแผ่นดินเกาหลี ริวเจอแต่เรื่องแย่ๆ มากมาย และถ้าจะหาต้นเหตุ ก็คงมาจากเขาเอง หากชั่ววูบนั้นเขาไม่ลังเลที่จะเรียกน้องไปด้วยกัน เรื่องแย่ๆ เหล่านี้ก็คงไม่เกิดกับริว....
“นายอุ่นอะไร” เสียงถามดังขึ้นข้างหลังทำให้พสุได้สติ รีบเปิดไมโครเวฟแล้วยกกล่องอาหารออกมาวางบนถาด
“ข้าวกล่องของริวน่ะ นายได้แล้วใช่ไหม” พสุก้มหน้าก้มตาจัดช้อนส้อมลงถาด
“ได้แล้ว ไวย์เอามาให้...นายเป็นอะไร” ตะวันถามแล้วจ้องมองสีหน้าเผือดสีของพสุนิ่ง
“ตะวัน...รู้รึเปล่าว่าริวถูกจับ” พสุถามแล้วยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้ว
“อะไรนะ” ตะวันชะงักมือที่จะเอื้อมไปจับประตูตู้เย็น หันกลับมาจ้องหน้าพสุตาค้าง
“วันนี้ ริวถูกจับ...เพราะไม่มีพาสปอร์ต ดีว่าเพื่อนของญาติริวไปประกันตัวออกมาให้” พสุเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเบา
“...พี่กรรู้เรื่องนี้หรือยัง?” ตะวันถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยดุจเดิมเมื่อควบคุมสติได้อีกครั้ง
“คิดว่ายัง...แต่คุณเขมคงรู้ ถึงได้โทรตามพวกเรากลับมา” พสุตอบแล้วกอดอกพิงเคาน์เตอร์ด้วยท่าทางอ่อนแรง
“อืม...แล้วนายเป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“ถ้าฉันไม่ปากหนัก เรียกริวไปด้วยกันซะตั้งแต่แรก เรื่องวุ่นๆ พวกนี้คงไม่เกิด”
“โทษตัวเองอีกแล้วนะไผ่ นายจะแบกรับเรื่องคนอื่นไปถึงไหน...เลิกคิดมากแล้วก็ขึ้นไปข้างบนเถอะ อาหารจะเย็นเสียหมด”
พสุพยักหน้ารับแล้วกลับขึ้นไปชั้นบน ตะวันมองตามจนลับตาก่อนจะถอนใจยาว แล้วเปลี่ยนใจที่จะเล่นเปียโนแต่ขึ้นไปหากรเวชที่ห้องแทน
เมื่อพสุเปิดประตูเข้าไปนั้น ริวอาบน้ำสระผมเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มนั่งเช็ดผมอยู่บนที่นอน พอเห็นพสุวางถาดอาหารบนโต๊ะเด็กหนุ่มก็ลุกเข้ามากอดเขาแล้วซุกหน้ากับไหล่พสุแน่น
“กลัวเหรอริว...ตอนที่ถูกจับกลัวมากใช่มั๊ย” พสุกอดร่างในอ้อมแขนแน่น ใจหายเมื่อคิดว่าริวต้องเจอกับอะไรบ้าง เขาไม่รู้กฎหมายของเกาหลีว่าถ้าถูกจับเพราะไม่มีพาสปอร์ตจะร้ายแรงแค่ไหน ถ้าหากริวติดต่อญาติไม่ได้แล้วใครจะประกันเด็กหนุ่มออกมา ป่านนี้ริวอาจจะต้องติดคุก...แค่คิดพสุก็ปากคอแห้งผากด้วยความเป็นห่วง
“พี่...พี่อย่าทิ้งริวอีกนะ ต่อไปนี้พี่ไปไหน พี่ต้องเอาริวไปด้วยนะ...ไม่มีพี่แล้วริวทรมานใจมากเลย”
“ครับ...พี่สัญญา...พี่จะไม่ทิ้งริวไว้คนเดียวอีกแล้ว” พสุรับปากและสัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่ทิ้งน้องไว้คนเดียวอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เรื่องงานหรือมีเหตุสุดวิสัย เขาจะไม่ยอมให้ริวแยกไปตามลำพังเด็ดขาด
“ตอนนี้ริวกินข้าวก่อนนะ พี่อุ่นมาให้แล้ว” พสุดันไหล่ของริวออกเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าน้องคงหิว เพราะด้วยนิสัยของริว เด็กหนุ่มจะไม่ค่อยกินอะไร ถ้าไม่มีเขาคอยบังคับให้กิน
“ครับ” ริวรับคำแล้วยกถาดมานั่งกินที่พื้นข้างเตียง พสุจึงถือโอกาสนั้นเอาผ้าขนหนูเช็ดผมให้ริวจนแห้ง แล้วไปหยิบยาแก้แพ้อากาศมาให้ริวกินหลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเพียงสองครั้ง เป็นเชิงบอกให้รู้ แล้วตะวันก็เปิดประตูเข้ามา ชายหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทางไม่พอใจต่อกลิ่นอาหารที่ยังโชยกรุ่นอยู่ในห้อง แต่พสุรีบลุกไปเปิดเครื่องฟอกอากาศแล้วยกถาดอาหารลงไปเก็บข้างล่าง
“กินยาแก้ไข้แล้วหรือยัง” ตะวันหันมาถามเมื่อเห็นริวแปรงฟันเสร็จแล้วและทำท่าจะเข้านอน
“กินแล้วครับ พี่ไผ่เอายาอะไรไม่รู้ให้กินแล้ว...เม็ดเล็กๆ ขาวๆ”
“คงจะยาแก้แพ้อากาศ...งั้นก็นอนพักซะแล้วกัน พี่นอนละ” ตะวันบอกเสียงเรียบแล้วคว้าหูฟังยัดใส่หูก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เตียงของตัวเอง พวกเขาถูกจัดให้พักกันห้องละ 3 คน และตะวันเลือกมานอนกับพสุและริวเพราะรำคาญความไฮเปอร์ของไวยากรณ์ ยกหน้าที่ปวดประสาทนี้ให้กรเวชกับธีรดลรับไป
พสุเข้ามาในห้องเห็นตะวันนอนใส่หูฟังไปแล้ว ส่วนริวก็ขึ้นนอนอีกเตียง เหลือแต่เตียงกลางของเขา ชายหนุ่มปิดไฟกลางห้องเหลือแต่โคมไฟหัวเตียงของแต่ละคนแล้วเตรียมจะนอน แต่ริวกลับลุกมาหยิบหมอนไปวางคู่กับหมอนบนเตียงของตัวเอง พสุตามไปหยิบหมอนคืนแล้วก้มลงลูบหัวริวเบาๆ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มมองหน้าเขาด้วยสายตาสงสัย
“ไม่ได้หรอกนะริว...เตียงมันไม่ได้แคบนักก็จริง แต่มันไม่เหมาะ พี่ตะวันเขาจะหัวเราะเยาะเอานะ ที่ริวเป็นเด็กน้อยไม่รู้จักโต...ต่างคนต่างนอน เข้าใจไหมครับ” พสุบอกเสียงเบา แม้จะรู้ว่าตะวันใส่หูฟังแต่ก็ไม่อยากให้ตะวันได้ยิน ชายหนุ่มหอบหมอนกลับมานอนบนเตียงตัวเอง พอสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ริวก็ถือหมอนมายืนมองอยู่ข้างเตียงเขาแต่พสุส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
ริวเม้มปากแล้วก้มหน้ามองพื้นหินอ่อน ก่อนจะวางหมอนลงบนพื้นข้างเตียงพสุแล้วล้มตัวลงนอน แล้วเอื้อมมือขึ้นไปจับมือพสุไว้ พสุชะโงกมองการกระทำของริวแล้วส่ายหน้า ชายหนุ่มดึงมือออกจากการเกาะกุมของริวแล้วหันหลังให้ ชักผ้าห่มขึ้นคลุมถึงศีรษะเพื่อจะได้ไม่ต้องมองเห็นให้ใจอ่อนอีก.....
เนื้อเย็นๆ ที่เบียดเข้ามาในผ้าห่มทำให้พสุต้องหันกลับไปมอง
“ริวนอนด้วย” ริวยืนยันแล้วสอดแขนเข้ามากอดเอวเขาไว้แน่น พสุเหลียวไปมองตะวันแล้วหันกลับมามองหน้าเด็กหนุ่มเป็นเชิงปราม
“ริว...พี่ตะวันเขาจะคิดยังไง ถ้ารู้ว่าริวกับพี่นอนเตียงเดียวกัน มันไม่เหมาะริวรู้ไหม”
“ไม่รู้...แต่ริวอยากนอนกอดพี่ ทำไมริวจะนอนกับพี่ไม่ได้” ตากลมโตมีหยาดน้ำคลอๆ แต่แววตาดื้อดึงจนพสุอ่อนใจ
“แต่...”
“ริวจะนอนกับพี่” ริวตอบแล้วซุกหน้ากับหลังเขาแน่น พสุถอนใจเฮือกแล้วหันไปปิดโคมไฟหัวเตียง เหลือเพียงโคมไฟหัวเตียงตะวันเท่านั้นที่ยังเปิดอยู่ ชายหนุ่มเหลือบมองไปทางตะวันอย่างกังวลใจเล็กน้อย แล้วก็พยายามปัดความกังวลออกจากสมอง ชายหนุ่มพลิกตัวนอนหงาย แม้จะรู้สึกว่าริวเอาหัวมาวางบนไหล่แล้วกอดเขาแน่นกว่าเดิมแต่พสุก็ไม่ได้ผลักออก กลับวางมือบนผมนุ่มเพื่อลูบเล่นด้วยความเคยชินจนผล็อยหลับไป
ตะวันดึงหูฟังออก แล้วผุดลุกขึ้นเพื่อจะลงไปหยิบขวดน้ำ เขาติดนิสัยต้องดื่มน้ำกลางดึก สายตาเหลือบไปทางเตียงพสุอย่างไม่ตั้งใจและสะดุดตากับภาพที่เห็น
................................
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด พี่ตะวันจะไปคิดยังไงงงงงง ก็อิจฉานะสิพี่ไผ่ 555 ล้อเล่นๆๆ พี่ตะวันเป็นตัวช่วยที่ดี รักนะ จุ๊บๆๆ
ริวอ้อนเข้าไป กอดเข้าไป ให้สิทธิวันนึงนะ ถือว่าโดนจับมาขวัญเสียนะเนี่ย เชอะ >.<
ปล...ไร้ท์เตอร์ไม่อยู่อาทิตย์นึงเลยเหรอคะ ตายๆๆๆๆ อัพครั้งหน้าเตรียมแหวกกระทู้เข้ามาได้เลยค่ะ ลงแดงตายกันเป็นเบือแน่ๆ :m8: o9
-
ตะวันเห็นแล้ว....เฮ้อ แล้วอย่างนี้คนอื่นจะรู้มั๊ยเนี่ย
-
:-[กรี๊ดดดดดดดดด อยากเห็นภาพที่ตะวันเห็นจัง
ริว นายแน่มากกกกก อยากนอนกอดพี่ไผ่ ต้องได้กอด o13
ตะวันคงอึิงไปสิบตลบแน่ๆ รอต่อคร๊าบ
-
ตะวันเห็นรัยหว่า.......คงไม่ใช่18+นะ555+
นั่งกดF5ที้งวันลุ้นกว่าหวยออกอีก
พรุ่งนี้มาต่ออีกนะจ๊ะ+1ให้และจะบวกให้อีกถ้าพรุ่งนี้มาต่อ
-
เชื่อว่าตะวันต้องเข้าใจน้อง
-
เง้อ....สั้นจริงอะไรจริงนะเคอะ....
คาดว่่าพี่ตะวันคงตกใจอ่ะ..อาจจะพอเดาๆอะไรได้ลางๆ แต่ไม่คิดว่าจะนอนกอดกันแน่นหนึบหนับ...
อยากอ่านต่อจริงอะไรจริง :z3:
-
อ๊าย ตอนล่าสุดเริ่ดค่าาาาาาา
อ่านเรื่องนี้อยู่ดีๆก็นึกถึงเพลง รักไม่ต้องการเวลาของเคลียร์ คลิกเลยยยยยยย
ปล.ตะวันจะทำไรไหมน๊อออออ
-
ตายหละมีคนแอบเห็นแล้ว อิอิ แต่อย่างตะวันคงไม่เป็นอะไรยังไงคนที่รักก็คงต้องหวังดีต่อกันอยู่แล้ว :L2:
-
เห็นก็ดีแล้วพี่ตะวันจะได้รู้ว่าริวเป็นของใคร
p.sเจอเรื่องบั่นทอนจิตใจมาอย่างน้อยก็ยังมีน้องริวช่วยให้ดีขึ้นหน่อย :pig4:
-
เชื่อว่าพี่ตะวันเป็นคนดี
และจะคอยช่วยเหลือน้องริวกับพี่ไผ่ ๕๕๕๕
-
ตะวันอึ้ง..
คุณเขมสมควรจะจัดการกับนายกรได้แล้ว
+1
-
:L2:
-
ตะวันเห็นแล้ววววว
เห็นอะไร?.....
แต่เห็นอะไรก็เห็นไปเหอะ
บางทีมาเกาหลีคราวนี้อาจจะทำให้ตะวัน
มีท่าทีที่ชัดเจนขึ้นกับทั้งไผ่ทั้งริว
แต่ไรเตอร์ไม่อยู่ตั้งอาทิตย์หนึ่ง :sad4:
-
ตะวันเห็นแล้วรีบโดดเข้าคลุกวงในทันที :jul3:
-
พี่ตะวันเห็นแล้ว กรี๊ดๆๆๆ พี่ตะวันจะว่าไงบ้างหนอ
แต่พี่คงจะรู้ๆกันอยู่อ่ะนะ อิอิ
ไม่อยู่ตั้งอาทิตย์นึงคงคิดถึงริวแย่เลย
ปล.อัพไวจริงค่ะตอนนี้ :กอด1:
-
ริวอ้อนน่ารักมากเลย พี่ไผ่ใจแข็งได้ก้อแปลกแระ
:กอด1: พี่ตะวัน
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
อร๊ายยยยยยยย
น้องริวขี้อ้อนนอนกอดพี่ไผ่อีกแระ
แต่คราวนี้มีบุคคลที่ 3 อยู่ด้วยน๊า
น้องริวไม่สนใจอะไรเล้ย
ก็อยากนอนกะพี่ไผ่มีไรป่าวฟะ
พี่ไผ่ก็ใจอ่อนยอมน้องริวตลอดแหละ
อ๊ะ อ๊ะ ตะวันเห็นภาพนี้เข้าไป
จะอึ้ง ทึ่ง เสียว มั้ยหว่า
รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ
-
น้องริวอ้อนได้น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :z1: :z1: :z1: :z1:
ส่วนพี่ตะวัน เรารู้ว่าคุณเข้าใจ คริ คริ :laugh: :laugh: :laugh:
-
:o8: :-[
-
:laugh: อยู่ๆก็รู้สึกอยากหัวเราะ :kikkik: ตะวันเห็นแล้วสินะ แต่ที่จริงก็น่าจะรู้ๆมานานแล้วล่ะ คนฉลาดๆแบบตะวันจะไม่รู้ได้ไง แต่คราวนี้ดูชัดเจนขึ้นมาหน่อยดี หวังว่าตะวันคงไม่มาเป็นคนขัดขวางทางรักของสองคนนี้ซะเองนะ ไม่งั้นยุ่งแหงๆ คนนิ่งๆคมในฝักแบบตะวันถ้าคิดจะทำอะไรได้เรื่องแน่~!
อยากรู้จริงว่ากรเวชจะทำยังไงกับสองคนนี้ต่อไป เฮอะ! o16
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด พี่ตะวันจะไปคิดยังไงงงงงง ก็อิจฉานะสิพี่ไผ่ 555 ล้อเล่นๆๆ พี่ตะวันเป็นตัวช่วยที่ดี รักนะ จุ๊บๆๆ
ริวอ้อนเข้าไป กอดเข้าไป ให้สิทธิวันนึงนะ ถือว่าโดนจับมาขวัญเสียนะเนี่ย เชอะ >.<
ปล...ไร้ท์เตอร์ไม่อยู่อาทิตย์นึงเลยเหรอคะ ตายๆๆๆๆ อัพครั้งหน้าเตรียมแหวกกระทู้เข้ามาได้เลยค่ะ ลงแดงตายกันเป็นเบือแน่ๆ :m8: o9
5555 เม้นตรงใจเรามากๆเลยค่ะ บวกให้น้าาา : )
-
อยากเห็นสีหน้าพี่ตะวันตอนเห็นจัง :laugh:
ตอนนี้น้องริวอ้อนพี่ไผ่มากมายไปเลยลูก ให้สมกับที่หนูต้องถูกจับกับถูกชินกีตามรังควาน :-[
ps.ไม่อยู่อาทิตย์หนึ่งเลยเหรอ ลงแดงตายแน่เลยอ่ะ :o12:
-
o22 o22
-
อยากจะกรี๊ดดังๆ สักที่ พี่ตะวันคงช็อคปนสงสัยเลยนะนั้น
ริวดีมากเอาแต่ใจเขาไว้ยังไงพี่ไผ่ก็ปฎิเสษไม่ลงหรอก
-
5555 เม้นตรงใจเรามากๆเลยค่ะ บวกให้น้าาา : )
บวกคืนให้นะจ๊ะ ^^
ยังทำใจไม่น๊ากับการไม่ได้อ่าน 1 อาทิตย์ โหดร้ายส่งท้ายปีเกินไปนะค๊ะ โพสเตอร์และไร้ท์เตอร์
-
คนเขียนไม่อยู่ตั้งอาทิตย์นึง อิชั้นคงลงแดงแน่ๆ
-
สั้นเกิ๊ล ...
แต่รอลุ้นอยู่ว่าตะวันจะว่ายังไง
-
ตัดฉับได้ทรมานตับอ่อนมากเจ้าค่ะ อัพไวจริงอะไรจริง แต้เลย ๕๕๕ เผือไม่สบายไปแปลบเดียวเท่านั้น วิ่งโล่มาเกือบ ๖๐ ตอนแล้ว เร็วเวอร์มาก ช่วงนี้คงแต่งกับคนอัพขยันน่าดู ปลื้ม ๆ
ทั้งริว ทั้งไผ่
รักนะแต่ไม่แสดงออกรึเปล่า??? คู่นี้ แง่ม ๆ
-
อร๊ากกก ค้างอย่างแรงค่ะ >////<
หนูริว อ้อนพี่พสุจริงอะไรจริง งื้อออ
เมื่อไหร่จะใจตรงกันสักทีเนี่ยยยยย
ลุ้นจนตัวเกร็งหมดแล้ววว ^^
-
แล้วจะอย่างไรต่อไปเนอะ
-
พี่ไผ่กังวลแบบนี้ แปลว่าพี่ไผ่ก็เริ่มคิด แบ่บว่า 1+1=2 อะไรงั้นงี้แล้วสิ โหะๆๆ :z1:
ไม่ได้คิดแค่พี่กอดน้อง น้องกอดพี่รึเปล่า ถึงกังวล พี่ไผ่เริ่มเยอะแล้วน๊า
ว่าแต่มือโพสไม่อยู่ แต่ไร้ท์เตอร์อยู่ใช่ไหมคะ
ไร้ท์เตอร์แวะมาโพสเองสักตอนสองตอนระหว่างอาทิตย์ได้ไหมอ่า
ไม่งั้นตายจริงอะไรจริง มันกำลังค้างคาด้วย งือออออออออออ
-
อ๊าก............................
ขำพี่ไผ่ มันไม่เหมาะ ไม่เหมาะตรงไหนคะ อิ..อิ
-
อ้ายยยยยยยยยยยยยย :-[
ถึงมันจะค้างไปหน่อยแต่ดีใจมากที่มาต่อ
พี่ไผ่ทำเป็นอายไม่ต้องอายพี่ตะวันไม่บอกใครหรอก
น้องริวน่ารักเวลาอ้อนน่ารักที่สุดเลยแต่ก็ยังสงสารริวอยู่ดี
:กอด1: :pig4:
-
ยังดีที่เป็นตะวันเห็นค่ะ ตะวันไม่ใช่คนปากมาก
ไม่ใช่ไว กรือกรเวช ไม่งั้นคนอื่นรู้ทั้งประเทศแน่ - - ก็อิสองคนนี้เก็บเรื่องอะไรไม่ค่อยอยู่อยู่แล้วอ่ะนะ :เฮ้อ:
แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ทำไมตัดฉับไปเยี่ยงนี้ค๊าาาาาาาาาาาาาาา :sad4:
-
ตะวันมิใช่คนพูดมาก คงไม่เป็นไร ว่าแต่ถ้าเลื่อนเตียงมาชิดกันแล้วให้ริวนอนกลาง อืม :z1:
รีบมาไวไปไวนะคะ คนรอทางนี้จะลงแดงเอา
-
เอาเหอะ น้องกำลังเสียใจ
-
ยังไงๆ พี่ไผ่ก็ต้องใจอ่อน เมื่อเจอเด็กดื้อขนาดนี้ 555+
-
ดีนะที่เป็นตะวัน เพราะตะวันพุดน้อยสุขุม และไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น
ถ้าเป็นกรเวช หรือเจ้าไวย์ละก็งานนี้มีเฮ
:pig4: คะ
-
พี่ไผ่น่ารักมากกกกกก
ชอบมากนะ!!!
ริวก็อ้อนตลอดดดดด
พี่ตะวันจะว่าไงเนี่ย??!!
-
อ๊างงงงงงงงงงง :o8:
เขินแทนนนนนน :-[
ตะวันจะว่ายังไงน้า :-[
รอไรเตอร์ค่ะ :กอด1:
-
:-[ :-[ สงสัยต้องหาคนแก้หนาวให้ตะวันสักคนแล้วม๊างงงงง..เนี่ย
-
พี่ตะวันหลังจากรู้สึกแปลกใจแล้ว คงเข้าใจอะไรๆขึ้นมา ตามประสาคนมีซิกส์เซ้นส์เนอะ
แล้วนอกจากจะไม่เป็นตัวปัญหาแล้ว คาดว่าจะเป็นตัวช่วยชั้นหนึ่งอีกด้วย ใช่ไหมคะ
-
ตะวันเห็นคงไม่เป็นไรมั่ง แต่ถ้าพี่กรเห็นละ :z3: :z3:
-
ตะวันน่าจะรู้เรื่องบ้างอยู่แล้ว น่าจะไม่แปลกใจเท่าไรคงแค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้น
คงไม่เป็นไร แต่อย่างไรเจ้ก็อยากรู้ว่าจะเป้นอย่างไรจังต่อไวๆน้าาาาาา เจ้ปลื้ม
-
ตะวันน่าจะพอเดาไรได้มากอยู่แหละ แต่คงอึ้งๆ ไปซัก 3 วิ เอาน่าน้องเค้าเสียขวัญอยู่ทำหลับหูหลับตาไม่เห็นซะเนอะ ให้เวลาเค้าหวานกันมั่งไรมั่งเหอะ ลุ้นทุกวัน เมื่อไหร่พี่ไผ่จะรู้ตัวซักทีว่ารักน้องมันซะแล้ว เฮ่อ เจ็บหัวใจจี๊ดๆ เหลือเกิน :เฮ้อ:
-
:o8:
ตะวันจะคิดไงเนี่ย 555+
ปล.อยากเป็นตะวันจริงๆ ((เราแอบอยู่ใต้เตียงนะ อิอิ))
-
ริวดื้อเงียบนะเนี่ยเนาะ 555
พี่ไผ่โทษตัวเองอีกแหละ
-
ค้าง อย่างหาที่สุดมิได้ 55+
ตะวัน เป็นพี่ชายที่แสนดีก็พอเนอะ
เห็นภาพแล้วก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับ
พี่ไผ่กะน้องริว ในฐานะผู้มีประสบการณ์
ก็แล้วกันนะคับ :z2:
-
:impress2: :impress2:
-
อ๊างงงงงง
เห็นภาพอะไร แต่ตะวันก็รู้อยู่แล้วนี่นา
คราวนี้เลยได้คำยืนยัน ไม่ใช่ซิต้องเป็นภาพยืนยันซิ อิอิอิ
แล้วจะเป็นยังไงต่อไปนะ
-
อ๊ายยยยยยยยยยยยย
ตะวันจะคิดไปถึงไหนเนี่ยยยยยที่เห็นภาพของริวกะพี่ไผ่
-
ตะวันได้เป็นผู้เห็นเหตุการณ์คนแรก!
-
ริวเริ่มแมนขึ้นทุกวัน :เฮ้อ: แตทุกคนในวงและพี่ไผ่ยังไม่รู้สึกมั้ง :กอด1:
-
สงสัยจะเห็นว่านอนกอดกันกลมดิ๊ก...55+
หนูริวคงไม่ได้กลัวที่โดนตำรวจจับนะคะ...แต่กลัวโดนพี่ไผ่ทิ้ง กับไม่ให้นอนกอดมากกว่า....
ตอนหนูริวอ้อนน่าร้ากกกกกกกกกก....^///^
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ตามทันแล้ววววววววววววววววววววววว
น่ารักอ่ะ
ริวน่ารักมากมายยยยยยยยยย
-
พี่ตะวันเห็นอะไร >< อยากเห็นด้วยย
-
อยากเห็นด้วยจัง :z1:
พี่ตะวันเห็นแล้วจะคิดยังไงกันน้า~
จะตกใจ หรือว่าสงสัยหรือว่ารู้อยู่แล้วกันนะ
-
ส่วนเรื่องสั้นหรือยาว(อะไร!?!)ขอเชิญรุม :angry2: ป้าคนแต่งเองนะเคอะ เค้าแบ่งมาแบบเน้ๆ
จะ...ใจร้าย :monkeysad: ขอเค้าโบ้ยหน่อยก็ไม่ได้
-
อิช้านกลับสู่โลกไซเบอร์ได้แล้ววว ดีใจจจ :sad4:
มาต่อกัน
*********************
ตอนที่ 55.2
ริวนอนมองมาที่เขานิ่งแล้วส่งยิ้มมาให้ ดวงตากลมโตเป็นประกายวาวๆ ในแสงสลัว แม้ผ้าห่มจะหนาแต่ตะวันก็ดูออกว่าภายใต้ผ้าห่มนั้นริวกอดพสุอยู่ และมือของพสุข้างเดียวกับไหล่ที่ริวหนุนก็วางอยู่บนหัวของเด็กหนุ่ม
ตะวันลงไปหยิบน้ำดื่มด้วยอาการมึนๆ ถึงจะดูออกว่าริวกับพสุสนิทสนมกันแค่ไหน แต่ที่ไม่รู้ก็คือทั้งคู่รู้ตัวหรือเปล่าว่าคิดต่อกันแบบไหน...
“ลงมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้คุณตะวัน” น้ำเสียงสุภาพแต่ยังติดอ้อแอ้เล็กน้อย ทำให้ตะวันรู้ว่าเขมชาติคงเมาไม่น้อย ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นคว้าตัวเขมชาติไว้ได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะล้มลงไปวัดพื้น ท่าทางเขมชาติคงเพิ่งกลับจากไปเที่ยวกับทีมงานเกาหลีมา เพราะเท่าที่เขารู้พวกทรงเผ่าเข้านอนแต่หัวค่ำไปหมดแล้ว
ตะวันกึ่งประคองกึ่งลากเขมชาติไปหย่อนไว้ที่โซฟาแล้วรินน้ำเย็นมาส่งให้
“ขอบจายย...คุณเนี่ยเป็นคนดีจริงๆนะ ทำไมใครๆ ถึงมองไม่ออกก็ไม่รู้สิ”
“เขาคงไม่มีตาเอ็กซ์เรย์แบบคุณละมั้ง”
“ตาหลก...ตลกตลอดเวลาเลยคุณน่ะ...อืม...ร้องเพลงเพราะ...หล่อ...จิตใจดี...อารมณ์ขัน แม้จาอยู่ลึกไปนิสสสสสสสส นึงก็เหอะ...ผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างคุณ ทำไมต้องทนจมกับอดีต...ผมไม่อยากจะว่าคุณหรอกนะ แต่ผู้หญิงแย่ๆ แบบนั้น...ไม่ควรค่าให้คุณจดจำด้วยซ้ำนะตะวัน”
“...ผมโง่มั้ง...”
“ปล่าวเลย ไม่ใช่สักนิสสสสส ผมว่านะ...คุณกลัวตะหาก กลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ กลัวที่จะเจ็บอีก...แล้วก็กลัวความไม่มั่นคงของมนุษย์...ผู้หญิงใจคอคับแคบที่เห็นแต่ตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลแบบดุจดาวน่ะ ไม่ควรค่าให้ใครรักหรอก...ผมว่าคุณลองเปิดใจให้ใครสักคนเถอะ คนใกล้ตัวที่เขาเป็นห่วงคุณ เข้าใจคุณก็ได้...เชื่อผมดิ๊”
“โอเคผมซึ้ง...ว่าแต่เจ้านายผู้แสนดี จะเดินขึ้นบันไดเองไหวมั๊ยเนี่ย?”
“น่าจา.......เออนั่นสิ ไหวมั๊ยหว่า...ฮ่าๆๆๆ ถ้าไม่มีไรทำ ไปนอนกับผมมะ...เอ๊า! พูดซะหวาดเสียว เอาใหม่...ถ้าเบื่อๆ เซ็งๆ ไม่มีไรจาทำ ไปนอนที่ห้องผมก็ได้นะ ห้องผมเป็นห้องคู่...ยางเหลือห้องว่างอีกห้อง เพราะเขาให้ผมพักคนเดียว...สิทธิพิเศษของผู้บริหารอ่ะ...เครื่องเสียงงี้คอดแจ่ม สมกะเป็นเกาหลี...เอิ๊ก...แต่คุณต้องรำคาญไอ้ขี้เมาหน่อย เพราะผมเมาแล้วพูดมากกกก”
“ผมเชื่อ...ไปเถอะ...เดี๋ยวผมจะพาคุณขึ้นไปนอน”
“อะเคร...ไม่ต้องห่วง ผมไม่ปล้ำคุณแน่นอน เพราะผมก็ชอบแต่ผู้หญิงเหมือนคุณ เพลย์เซฟ...เอ...แต่เจ้ากรไม่แน่นา...อิอิ...ผมละหวาดๆ มันอยู่เหมือนกัน กลัวมันเห็นผมหล่อขึ้นมาจายุ่ง...แต่กับพวกคุณรับรองได้ กรมันไม่แตะศิลปินที่มันดูแลหรอก มันรักทุกคนเป็นลูกมันหมด...เออ คุณว่าผมหล่อมะ...หรือเกือบหล่อก็ได้อ่ะ...ฮ่าๆๆๆ อึ้งๆ อึ้งไปเรย...”
ตะวันส่ายหัวขณะช่วยประคองผู้บริหารขี้เมาช่างเจรจาขึ้นไปบนห้องพักชั้น 3 แล้วทิ้งเขมชาติไว้บนเตียง ขณะจะออกมาจากห้องชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเขมชาติพูดบางอย่างสะดุดหูขึ้นมา
“อลัน...คุณหาเรื่องมาให้ผมจริงๆ...ปวดหัวชะมัด...ให้ผมตามใจริว แล้วคนอื่นๆ ล่ะจะคิดยังไง” เขมชาติละเมอพึมพำแล้วเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะมีเสียงกรนเบาๆ ดังขึ้นแทน
ตะวันกลับลงไปที่ห้องนอน เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ชะงัก ห้องเย็นเยือกราวกับเปิดเข้ามาในห้องแช่แข็งทำให้เขาอดเหลียวไปมองผู้ร่วมห้องไม่ได้ ดูเหมือนริวจะหลับไปแล้ว เรือนร่างสูงใหญ่ที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังพสุนั้นโอบรัดพสุไว้ในอ้อมแขนแน่นหนา พสุเองก็ดูเหมือนจะชินกับการหลับอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มเช่นกัน
ตะวันเอนตัวพิงประตู จ้องมองภาพนั้นด้วยสายตาเหม่อลอย ก่อนจะกอดตัวเองไว้...คำถามของเขมชาติกลับมาวนเวียนอยู่ในสมองอีกครั้ง
ทำไมเขาถึงยังไม่ยอมมีคนอื่น?
ทำไมยังจดจำผู้หญิงที่เห็นความรักของเขาเป็นบันไดไต่ขึ้นสู่ความเป็นดารา?....
คงเพราะตลอดชีวิตเขาโหยหาความรัก โหยหาอ้อมกอดของใครสักคน เขาเติบโตมาอย่างปากกัดตีนถีบในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตั้งแต่เล็กจนโตจึงแสวงหาใครสักคนที่รักและให้ความอบอุ่นกับหัวใจที่หนาวเหน็บและโดดเดี่ยวได้
เมื่อเขาเจอดุจดาว เธอเป็นคนแรกที่เข้ามาในชีวิตในฐานะคนรัก คนที่เขาจะกอดและปกป้อง คนที่จะเป็นสมบัติของเขาเพียงคนเดียว...เขาเชื่อว่าดุจดาวรักเขาเหมือนที่เขารักเธอ เชื่อมาตลอดจนกระทั่งวันที่เธอให้สัมภาษณ์สื่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแกมเลศนัย เมื่อพูดถึงเขาในฐานะ “เพื่อนสาว” เพื่อปกปิดอดีตที่เคยอยู่กินกันฉันท์คนรัก เธอเลือกที่จะป้ายคำว่า “เกย์” ใส่เขาเพื่อให้ตัวเองพ้นมลทิน....สิ่งที่ดุจดาวทำ ทำให้เขาชังมนุษย์จนต้องหนีออกไปจากสังคมที่เคยอยู่ เลิกศรัทธาความรู้สึกที่เรียกว่า “ความรัก” ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา....
ตะวันขยับไปยืนจ้องมองพสุกับริวนิ่งนาน...ยอมรับว่าภาพที่เห็นตรงหน้า ทั้งงดงามและน่าริษยา...
.
.
.
.
.
.
“แล้วถ้าวันหนึ่ง...สังคมบังคับให้พวกนายเลือกล่ะ...พวกนายจะทำยังไง...จะเลือกความรัก...หรือจะเลือกชื่อเสียงและเกียรติยศ...ฉันอยากรู้ว่าถ้าถึงวันนั้น...อ้อมแขนของพวกนายจะกอดกันและกัน หรือจะกอดแต่ตัวเอง” ตะวันถามเสียงแผ่ว แล้วจ้องมองพสุกับริวนิ่งนาน ก่อนจะยิ้มหยันให้กับตัวเองแล้วถอยกลับไปทิ้งตัวบนเตียงอย่างเดิม....
................................
อ๊ะ...คนแต่งมาพอดี...ใครค้างคาอะไรเชิญลงที่คนแต่งเลยค่า :laugh:
-
^
^
^
จิ้มมมมมม :z13: :z13: :z13:ให้พรุนทั้งคนแต่งคนโพสต์เลยค่ะ
อ๊ากกกกกก สั้นได้อีกกกกกกกก :z3:
แต่แอบเชียร์ตะวัน-ไวย นะคะ
อยากให้พี่ตะวันเริ่มใหม่ได้ไวๆ อย่าไปจมอยู่กับอดีตเลยค่ะ
ถ้าไม่รู้จะเริ่มใหม่กับใคร หันมาหาเค้าก็ได้นะ อกเค้ายังว่างให้ซบ :laugh:
-
^
^
^
จิ้มๆ ฮ่าๆ :laugh:
มาต่อไวไวเด้อ เดี๋ยวจะลงแดงเพราะทนคิดถึงหนูริวกับพี่ไผ่ไม่ไหว o18
-
ได้รู้อดีตของตะวันซะที :เฮ้อ:
แต่ ตอนนี้สั้นจัง :sad4:
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
-
กรี๊ดดดดดดด มาต่อแล้ว สั้นม๊ากกกกกกกก (คำฮิตติดทุกโพสค่ะ 555)
สรุปพี่ตะวันของเค้าแมน 109% เลยหรอเนี่ย โอ้วววว เซอร์ไพรส์อ่า
พี่ตะวันช่วยพี่ไผ่กะนู๋ริวหน่อยน๊า ถือว่าทำบุญบ้างเคราะห์ที่เจอผญ.เลวๆ
เดาว่าต่อไปพี่ตะวันต้องได้รู้ความจริงของริวก่อนใครแน่เลย >.<
ปอลอ...บอกแล้วว่าพี่ตะวันต้องอิจฉาาาาาาาาา เอิ๊กๆๆ :o8:
-
สั้นอีกแร้วอ่า
ยังอ่านไม่จุใจเรย :m16:
-
คนแต่งเคยแต่งเรื่องอื่นไหมอ่ะ แต่งดีจังอยากอ่านเรื่องอื่นด้วย^^
-
พี่ตะวัน .. :กอด1:
ปล. เขมชาติ .. เมาแล้วแอบรั่วนะคะ - -"
-
อลันน่าร้ากกกกกกกก....55+
ตะวันอิจฉาหรอเนี่ย....^ ^......
เดี๋ยวตื่นขึ้นมาพี่ไผ่อาจจะไม่ให้นอนกอดอีกเพราะเขินแล้วนะคะ...
-
จิ้มๆๆสะกิดๆคนแต่งกะคนโพสต์ อยากบอกว่าคุณเขมชาติเมาแล้วรั่วได้ใจจริงๆๆ อิอิ
-
เฮ้อสงสารตะวัน :เฮ้อ: :เฮ้อ:หวังว่าตะวันจะไม่อิจฉาคู่นี้น้าาาา :pig4: :pig4:
-
:กอด1: ยังไงริวก็จะกอดพี่ไผ่ :-[
:pig4: :pig4:
-
งานนี้อาจได้ลุ้นหลายคู่แฮะ
-
สงสารตะวันจัง มีอดีตไม่ค่อยน่าจำซะด้วย ฝากคนเขียนหาคู่ให้ตะวันซักคนนะ ...
เอาเจ้าหนุ่มเกาหลีที่ตามริวก็น่าจะดีนะ
-
เห็นใจตะวันแต่ก็นะชะนีก็งี้ล่ะ คบปู้จายดีกว่า อิอิ
-
:กอด1:ตะวันแน่นๆอีกซักที
แอบใจหายกับประโยคสุดท้ายของตะวันนิดหน่อย
แต่นะ.. หวังว่าตะวันจะยังเป็นตะวันคนเดิมที่เอ็นดูนู๋ริวนะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
โถๆๆ กอดปลอบตะวันหน่อย :กอด1: ชีวิตหนอชีวิต....
แอบฮาคุณเจ้านายผู้แสนดีอย่างเขมจริงๆ :laugh:
-
อดีตของพี่ตะวันนี่แบบสุดเหมือนกัน
ผู้หญิงแบบนั้นลืมไปเถอะเดี๋ยวกอดให้อุ่นเลยตะวัน :กอด1:
ขอให้ตะวันคอยเอาใจช่วยคู่พี่ไผ่น้องริวนะ่ตะวัน
คุณเขมเมาแล้วรั่วแถมพูดมากจริงๆแต่น่ารักดีเหมือนกัน
:L2: :pig4:
-
อะไร ๆๆๆๆๆๆ :m28: อย่าวางเหยื่อไว้แค่นี้ดิ :z3:
-
พะ...พี่ตะวัน ผมกอดให้เอาไหม รับรองว่าปลอดภัย - -v
ทำไมอดีตของพี่มัน...เศร้าแบบนี้ล่ะ
-
สงสารตะวัน
...สั้นอีกแล้วนะ
-
บระเจ้า!!!!!! :a5:
สั้นได้อีก.. :fire:
แต่ถึงสั้นก็จะรอตอนต่อไปค่ะ สู้ ๆ o13
-
สั้นจริง สั้นจัง สั้นกะละมัง
จะเอาอีกกกกกกกกกกกกก o9
-
สงสารตะวัน....
เฮ้อออออ
-
เหยยยยย
พี่ตะวัน ไม่ได้เป็นเกย์ ,,
ยัยนั่นเป็นใครอ้ะ
ทำไมมาทำกับพี่ตะวันแบบนี้ล่ะ โฮๆๆๆๆ
สงสารนะ
แต่ริว กับพี่ไผ่ จะเป็นยังไง ก็ต้องลุ่นกันอีกที!!!
-
ตะวัน ก็ กับคุญเขมชาติ ดีมั้ยเคอะ? อิชั้นเชียร์สุดใจ อิอิ ถึงตอนนี้ไม่ใช่แต่มันพัฒนากันได้
พี่ไผ่กับน้องริว กอดๆๆ :กอด1:
-
ตะวันน่าสงสารง่ะ :monkeysad:
-
:impress2: กรี๊ดดดดดดดดดสั้นง่ะ แต่ชอบที่จบด้วยการนอนหลับอย่างเป็นสุข
ริว สุดยอดไม่ปิดบัง ไม่ซ่อนเ้ร้น แถมดูท่าว่าอยากให้คนทั้งโลกรับรู้ว่าพี่ไผ่ของใคร
ส่วนไผ่นะ จวนแล้ว นอนจนเคยชินใช่ม๊าย กับอ้อมอกของริว
-
ให้น้องไวย์มาดามอกดีกว่า อิอิอิ
ยังงัยพี่ตะวันก็เป็นไอดอลในดวงใจของน้องไวย์
-
:pig4: :L1:
-
คนเขียนอ่ะ รีบหาคู่ให้ตะวันเลย
ไม่อยากเห็นตะวันเศร้าแหละ
ส่วนคู่น้องริว พี่ไผ่ มะไรจะตกลงปลงใจกันได้ซะทีจ๊ะ
-
:z6:นังดุจดาวซักที
แอร้ย แอบเชียร์ตะวัน-เขมชาติ ก๊ากกกก :laugh: :laugh:
-
พลิกล็อคพี่ตะวัน เศร้าแทนเลยอ่า
ไม่มีใครให้กอดมากอดน้องก็ได้นะคะ อ้าแขนรอเลย
คุณเขมรั่วดีแท้ เอว่าแต่ที่พูดถึงพี่กรนี่ยังไงอยู่นา?
ตอนนี้ก็ยังคง...สั้นได้อีก :o11:
-
สร้างได้หลายอารมณ์ในตอนเดียว.....แอบฮาคุณเขมนะเนี่ย!!
-
พี่ตะวันมีอดีตที่น่าเศร้าแบบนี้นี้เอง :sad4: งั้นต้องจัดใครสักคนให้ไปอยู่ข้างกาย ให้ความอบอุ่นซะแล้ว :o8:
แต่ท่าทางคนที่จะได้รู้ว่าริวเป็นใครคนแรกนี้น่าจะเป็นพี่ตะวันนี้แระนะ
ส่วนคุณเขมเมาแล้วพูดทุกอย่างเลยนะเนี้ย
ตอนนี้ก็สั้นได้ใจสมกับที่เป็น .2จิงๆ :เฮ้อ: :impress2:
-
^^
-
+1 ให้ค่ะ
:กอด1:
-
:L2:
-
ตะวันอย่าคิดมากเลย
หาแฟนใหม่ดีกว่า
แอบเชียร์ตะวัน-ไวย์ :กอด1:
-
พี่ตะวัน
:m15:
ลองเปิดใจให้คนอื่นๆบ้างนะ
อย่างหนูไวย์ไง
แสนซน น่ารัก น่ากอด
-
ตะวัน :m15:
ดุจดาว :angry2:
-
อ้าว ตะวันไม่ใช่เกย์หรือ เข้าใจผิดมานาน เอาน่า อย่าไปอิจฉาคู่นั้นเขาเลย หาของเราเองก็ได้นี่
-
ชอบคุณเขม :m20: พี่แกฮามากๆ อ่านแล้วขำสุดๆ
-
เขมชาติเนี่ย เมาแล้วรั่วได้อีกเนอะ :laugh:
พี่ตะวันก็สู้ๆนะ ... ถ้าถึงวันที่สังคมบีบให้เลือก
ชื่อเสียงละเกียรติยศ ไม่มีทางทำให้พี่ไผ่กับน้องริว
ปล่อยมือจากกันแน่นอน อิอิ :กอด1:
-
สงสารตาวานนอ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
-
ซักวันตะวันมีคนให้กอด :กอด1:
-
ดันอ่า ดันๆๆๆๆๆ
คิดถึงพี่ไผ่ค่ะ >.< พี่ไผ่จะตื่นกลางดึกมั่งไหม เผื่อจะรู้ตัวรู้ใจมั่งอะไรมั่ง
-
รอตอนต่อไปครับผม
ค้างๆ คาๆ เจ็บนะครับเนี่ย อิอิ
-
มารอตอนต่อไปอยู่ค่ะ :mc4:
-
ตามอ่านอยู่สองวันจนจบ อ่านแล้วหยุดไม่ได้
หลงรักน้องริวเข้าเต็มหัวใจ น้องน่ารักจริงๆ
แต่น้องเริ่มแมนขึ้นเรื่อยๆ :laugh:จะสลับตำแหน่งกับ
พี่ไผ่แล้วใช่มั้ย :serius2:
-
สั้นจังงงงงง
คุณเขมชาติ เมาแล้วพูดมากจิง เหอๆ
ส่วนตะวัน ก็น่าสงสาร เจอผู้หญิงแย่ๆ
แต่อย่าเพิ่งตัดสินพี่ไผ่กะนู๋ริวสิ ทั้งสองต้องผ่านไปด้วยกันได้แน่
-
เพิ่งรู้ว่าอดีตของตะวันเป็นยังไง
สิ่งที่เห็นไม่ต้องสนับสนุน แต่อย่าขัดขวางเลยนะ
:pig4: คะ
-
สั้นได้ใจ แต่ก็เปิดปมใหม่ๆ ให้เห็นกันอีกแล้ว ว่าแต่ว่า มะไหร่จะรู้น๊าาาว่ารักกันเนี่ย กระซิกๆ
-
สงสารตะวันจัง
อดีตทำไมมันช่างรันทดนัก
ถูกหาว่าเป็นเกย์ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่~เฮ้อ
สำหรับพี่ไผ่กับน้องริว
ถ้าถึงวันที่สังคมบังคับให้เลือก
เราก็เชื่อว่าทั้งสองคนจะไม่ทิ้งกัน
และจะโอบกอดกันไว้ไม่ปล่อยมือจากกันแ่น่นอน
-
อ่านไปอ่านมา ร้องไห้เฉยเลย T^T
สงสารตะวันมาก แต่ตะวันจ๊ะ อย่าเอาหนูริวกับพี่ไผ่ ไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงชั้นต่ำแบบนั้นนะจ๊ะ
ตะวันต้องคอยดูต่อไป รับรองว่าถ้าตะวันได้เห็นความรักของหนูริวกับพี่ไผ่
ตะวันจะต้องกลับมาศรัทธาในความรักอีกแน่นอน
ตะวัน สู้ๆจ้าาาาา [อย่าบอกนะว่าตะวันจะได้คู่กับพี่กร กร๊ากกกก]
-
มานอนรอตอนต่อไป :t3: :t3:
-
มีคนแนะนำให้อ่านเรื่องนี้ วันเดียว 55.2 ตอน รวดเลย 55+ เพราะว่า แต่งได้ดีแล้วก็สนุกมากๆเลยครับ
ค้างมากมายครับ เรื่องนี้มีหลายอารมณ์จริงๆ คุณเขมชาติ เมาแล้วรั่วๆเยอะไปแล้วนะครับ
อ่านแรกๆก็ แบบว่า เอิ่ม เหมือนๆที่หลายๆท่านเคยเสนอความเห้นไป
น้องริวช่างเป้นเด็กดีจริงๆเลยนะครับ ภาวนาขอให้พสุคิดได้ไวๆเถอะ น้องริวจงเจริญ
ส่วนพี่ตะวันก็ลืมอดีตไปเถอะนะครับ อิอิ ผมเป้นกำลังใจ
ปล. ไรท์เตอร์ กับท่านที่ลง มาอัพด่วน ไวๆๆ ค้างมากมายกับ 55.2 ครับ
ขอบคุณมากๆเลยครับ ที่มีเรื่องดีๆให้อ่านกัน
-
ตอนนี้ spring ติดงานอยู่ต่างจังหวัดก๊าบ
คิดว่าคงจะมาลงตอนต่อไปให้เร็วๆนี้
ส่วนคนเขียนตอนนี้อยู่ช่วงเฟล ขอเวลาทำใจสักพัก
แต่นิยายมีตอนสำรองไว้ที่spring แร้วนาก๊าบ
....................................................
:n1:
-
เข้าใจในเรื่องที่เฟลค่า (เฟลด้วย)
ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป ได้แต่เก็บสิ่งดีไว้ในใจนะคะ
-
ให้กำลังใจทุกคนที่กำลังเศร้าเสียใจอยู่ตอนนี้นะคะ
จดจำเรื่องราวและภาพที่สวยงามของเมื่อวาน
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อย่างน้อยก็ทำเรื่องดีดีแทนคนที่จากไป
:กอด1: ทุกคนนะคะ ( :กอด1: ป้าไรท์เตอร์ด้วย)
******************
ตอนที่ 56
พสุตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็พบว่าริวไม่อยู่ในห้องแล้ว ห้องอุ่นจนเขาหลับสบายแสดงว่าริวลุกมาเปิดเครื่องทำความร้อนไว้ให้ก่อนออกไป ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาแล้วลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอย่างประหลาดใจนิดๆ เพิ่งจะ 7 โมงกว่าๆเท่านั้น ถ้าเป็นเมืองไทยก็ราวๆ ตี 5 แต่ริวหายไปไหน ปกติถ้าเขาไม่ลากลงจากเตียงริวแทบลุกไม่ขึ้นด้วยซ้ำ ระหว่างที่พสุเดินเช็ดผมกลับมาที่เตียงตะวันก็ผงกหัวขึ้นมองเขาแล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างเดิม
“จะรีบไปไหนแต่เช้า” ตะวันถามเสียงอู้อี้
“ไม่ได้รีบหรอก ตื่นเวลานี้จนชิน...ริวสิ หายไปไหนไม่รู้แต่เช้า...อ้อ! ไปห้องอัด” พสุเพิ่งเห็นข้อความที่เด็กหนุ่มเขียนวางไว้ข้างโคมไฟ
‘ริวไปห้องอัดนะครับ’ พสุอ่านแล้ววางไว้ที่เดิม ก่อนจะเก็บของใช้ที่กองๆ ไว้บนโต๊ะข้างเตียงใส่กระเป๋าสะพายแล้วลงไปข้างล่าง ปล่อยให้ตะวันหลับต่อไป
เมื่อพสุไปถึงห้องอัด ก็พบว่าริวกำลังบันทึกเสียงดนตรีเพลงของตัวเองใหม่ มีเจ้าหน้าที่สองคนยืนฟังอยู่ข้างๆ พอเห็นพสุหนึ่งในนั้นก็เปิดประตูออกมารับ
“อรุณสวัสดิ์ พวกคุณตื่นเช้ากันจัง” เจ้าหน้าที่คนนั้นทักพสุแล้วหาวหวอด
“อรุณสวัสดิ์ครับ พวกคุณก็ตื่นเช้าเหมือนกัน” พสุทักทายตอบอย่างสุภาพ
“เปล่า พวกผมยังไม่ได้นอนต่างหาก พวกผมเป็นกะดึกน่ะ”
“อ้าว!...ต้องขอโทษด้วยนะครับที่น้องผมมารบกวน” พสุพูดไปแล้วก็นึกขำ เพราะริวหน้าเป็นฝรั่งจ๋า ส่วนเขาก็หน้าเอเชียสุดชีวิต แต่ดันบอกว่าริวเป็นน้อง แต่ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ที่นี่จะไม่แปลกใจอย่างที่พสุคาด
“ไม่หรอก พวกผมชินแล้ว ทำงานกับศิลปิน ก็ต้องปรับตัวให้ชิน เพราะงานแบบนี้มันล็อคเวลาแน่นอนไม่ได้...บทเขาอยากจะทำงานขึ้นมา จะตอนไหนก็ต้องเตรียมพร้อม ว่าแต่น้องชายคุณเป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์ที่ฝีมือดีมากๆ ผมเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้ซาวด์เอ็นจิเนียร์ที่เมืองไทยมีคนเก่งขนาดนี้หลายคน”
“เอ่อ...เขาไม่ได้เป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์หรอกครับ เขาเป็นนักร้อง”
“หา? นักร้อง?...แต่ว่าเขา...โอ้! ผมรู้แล้วว่าทำไมบอสถึงให้ความสำคัญกับพวกคุณนัก พวกคุณเก่งขนาดนี้นี่เอง”
พสุเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีจึงทำได้แค่ยิ้มๆ เท่านั้น ดูเหมือนริวจะบันทึกเสียงเสร็จพอดี เด็กหนุ่มถอดหูฟังออกแล้วหันมาเจอพสุก็ยิ้มร่า วิ่งออกมาหาพสุข้างนอกทันที
“พี่มานานยัง?”
“สักครู่แล้ว” พสุตอบด้วยภาษาอังกฤษ เพื่อไม่ให้เสียมารยาทกับคนที่ยืนอยู่ด้วย
“พี่มาฟังเพลงใหม่ของริวสิ ริวเพิ่มเติมหลายอย่างเข้าไป...” ริวลากแขนพสุเข้าไปแล้วกดให้เขานั่งลงแทนที่ ก่อนจะสวมหูฟังให้ นอกจากดนตรีที่ริวเคยเปิดให้เขาฟังก่อนจะมาเกาหลีด้วยกัน พสุก็รู้สึกถึงเสียงเครื่องดนตรีแปลกๆ ที่เพิ่มเข้ามา แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเครื่องดนตรีชนิดไหนแต่ก็ได้กลิ่นอายของเกาหลีผสมผสานกับทำนองเดิมได้อย่างลงตัว
“พี่ว่าใช้ได้มะ”
“พี่ว่าดีนะ...ใช่ไหมครับ” พสุหันไปถามเจ้าหน้าที่ห้องบันทึกเสียงทั้งสอง ซึ่งทั้งสองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย คนหนึ่งนั้นไม่แค่พยักหน้า แต่ยังยกหัวแม่มือให้ริวเป็นเชิงชื่นชม
“งั้นเดี๋ยวริวเอาไปให้พี่เผ่าฟังนะ...พี่กินข้าวยัง ริวหิวแล้วเนี่ย”
“งั้นกลับไปกินข้าวกัน...ขอตัวกลับก่อนนะครับ” พสุหันไปอำลาเจ้าหน้าที่ห้องบันทึกเสียงทั้งคู่ ริวหันไปโค้งให้ แล้วหยิบเดโม่ออกมาใส่กระเป๋าสะพายของพสุ ก่อนจะพากันเดินกลับไปที่บ้านพัก
ทุกคนตื่นแล้ว และรวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร พอเห็นพสุกับริวก็กวักมือเรียกให้เข้าไปร่วมวง
“ไปไหนกันมาแต่เช้า” ทรงเผ่าทักแล้วตบเก้าอี้ข้างตัวให้พสุนั่ง ริวก็ตามมานั่งข้างๆ พสุด้วยอีกคน
“ริวไปทำเดโม่ใหม่ครับ ส่วนผมไปดู”
“เหรอ?...เสร็จแล้วยังริว” ไมตรีหันมาถามด้วยความตื่นเต้น เพราะเดโม่แรกที่ริวทำมาเขาก็คิดว่าเพราะแล้ว แต่ริวบอกว่ายังไม่เสร็จ ก็คิดอยู่ว่าวันนี้จะชวนเข้าไปทำ แต่ช้ากว่าริวอยู่ดี
“เสร็จแล้วครับ” ริวตอบพร้อมกับยื่นเดโม่เพลงให้ทรงเผ่า
พสุเดินไปตักอาหารมาให้ริวก่อนแล้วถึงได้ตักของตัวเอง กรเวชมองตามการกระทำของพสุแล้วถอนใจเฮือกด้วยความไม่สบายใจ แต่เมื่อเหลือบไปมองผู้ร่วมงานคนอื่นๆ กลับไม่เห็นสายตาผิดปกติของใครสักคน...หรือจะเป็นเขาที่คิดมากอยู่คนเดียว
ทรงเผ่าฟังดนตรีที่ริวบันทึกเสียงใหม่ด้วยความพอใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ริวเคยเอาเดโม่เพลงนี้มาให้ฟังแล้ว แต่ไม่คิดว่าพอใส่ลูกเล่นเพิ่มเข้าไปจะสะดุดหูยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งมีกลิ่นอายแบบเกาหลีอย่างที่เขาต้องการด้วย
“เออเจ๋งสุดแล้วริว...งั้นพี่นัดสาวๆ MG เข้ามาบันทึกเสียงได้เลยสิ” ทรงเผ่าถามพลางพลิกเนื้อเพลงดูอย่างพอใจ เนื้อเพลงภาษาอังกฤษของริวสละสลวยจนเขาไม่ต้องแก้ไขอยู่แล้ว เพราะซิงเกิ้ลที่ทำร่วมกับทางเกาหลีจะใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมดเพื่อให้ขายได้ทั้งที่เกาหลีและที่ไทย
“คือ...ริวอยากอัดเสียงก่อน...แล้วค่อยให้ MG เขามาอัดเสียงทีหลังได้ไหมครับ”
“อ้าว! ทำไมล่ะ...อ๋ออออออ อายสาวๆ ว่างั้นเหอะ” ทรงเผ่าแซวขำๆ ขณะที่ทีมงานพากันหัวเราะ ริวเกาหัวแกรก ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างจึงจำต้องพยักหน้ารับส่งๆ ไป จะพูดออกไปได้ยังไงว่าเขาไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นมาเจอพสุอีก ถึงรู้ว่ายังไงก็เลี่ยงไม่พ้นเพราะพวกเขาต้องร่วมงานกับสาวๆ วงนี้ แต่ริวก็ขอยืดเวลาเจอกันออกไปให้นานที่สุดจะดีกว่า
ริวตั้งใจกับเพลงนี้มากเพราะอยากให้ผ่านโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็อัดเสียงเพียง 3 รอบ ทรงเผ่าก็พยักหน้ารับอย่างพอใจ แล้วหันไปคุยกับไมตรีเรื่องเพลงของไวยากรณ์ที่จะอัดเสียงในตอนบ่าย
“พี่...กลับที่พักกัน” ริวเข้าไปชวนพสุเสียงออดๆ จนพสุต้องหันมามองหน้าอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่า พี่ว่าจะอยู่รอดูไวย์อัดเสียง”
“คือ...ริว...อยากจะชวนพี่ไปธุระด้วยกัน...แต่ถ้าพี่ไม่ว่างงั้นค่อยไปวันหลังก็ได้ครับ” ริวตอบเสียงเบาแล้วทำหน้าจ๋อยจนพสุสงสาร อีกใจก็นึกกลัวเด็กหนุ่มจะออกไปคนเดียวอีกจึงตัดสินใจออกไปเป็นเพื่อนเสียเอง
“จะไปข้างนอกเหรอ? งั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่บอกพี่เผ่าก่อนนะ” พอพสุรับคำริวก็ยิ้มหน้าชื่นจนชายหนุ่มอดขำไม่ได้
พสุเดินไปบอกทรงเผ่าเรื่องขอตัวออกไปธุระ แล้วกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านพักเพื่อออกไปข้างนอกกับริว คราวนี้สองหนุ่มเตรียมไปพร้อม ทั้งบัตรผ่านและพาสปอร์ต
“ริวจะไปไหน” พสุถามระหว่างที่รอรถแท็กซี่ ริวนิ่งไปชั่วขณะ นั่นสิจะไปไหนดี...
“ริวอยากไปที่...ที่แบบว่า...เอ่อ...คือ...” ริวอึกอัก พูดต่อไม่ถูก เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจหาข้อมูลของเกาหลีเลยสักนิดนอกจากเรื่องเพลงเสียเป็นส่วนใหญ่ พอคิดว่าจะออกไปข้างนอก ก็นึกไม่ออกว่าควรไปไหนดี
“อ้าว! ไหนบอกว่ามีธุระ ตกลงไม่ได้คิดไว้ก่อนหรอกเหรอว่าจะไปไหน” พสุหันมาถามอย่างแปลกใจ แต่ริวหลบตาวูบ
“เอ่อ...ริวยังไม่ได้คิดว่าจะไปไหน แค่อยากจะไปดูบรรยากาศรอบๆ เมือง...คือว่า...”
“ไหนว่าจะไปธุระ ตกลงว่าอยากไปเที่ยว?” พสุถามยิ้มๆ แต่ริวไม่ได้สบตาเขากลับก้มหน้าแล้วเกาหัวแกรก
“คือริวอยากเห็นวัฒนธรรมเขา จะได้เอามาใส่ในเพลง” ริวตอบพสุอ้อมแอ้ม ก้มหน้างุดๆ เห็นแต่ใบหูแดงก่ำเหมือนทุกครั้งเวลาที่พยายามจะปกปิดอะไรจากเขา
“ไหลไปเรื่อยนะเรา” พสุหัวเราะแล้วหันไปโบกเรียกแท็กซี่ ริวลอบถอนใจอย่างโล่งอกที่พสุไม่เปลี่ยนใจกลับไปทำงาน แม้จะรู้ว่าเขาอยากไปเที่ยวไม่ใช่ไปธุระอย่างที่อ้างไว้แต่แรก เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าพสุเองก็อยากพาเขาไปเที่ยวเพื่อปลอบใจเรื่องที่ขวัญหายเมื่อวานถึงไม่ได้คัดค้านอะไร
“ไปไหนก่อนดี...ไปพระราชวังคยองบกกุง กันไหม อยู่ใกล้ๆนี่เอง” พสุถามพร้อมกับเปิดแผ่นโบรชัวร์โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยงของเกาหลีที่เขาใส่ติดกระเป๋าไว้ตั้งแต่เมืองไทย เพราะคิดว่าจะหาเวลาชวนทุกๆ คนไปเที่ยวใกล้ๆ จะได้ไม่รบกวนเวลาทำงาน
“ไปครับ” ริวยิ้มแต้ ขอแค่ได้ไปกับพี่ แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
..........................
-
:กอด1:
-
ไม่ได้เม้นหลายตอนละ มา :กอด1:พี่ไผ่ น้องริวดีกว่า
ไงชีวิตตะวันน่าสงสารงี่อ่ะ :fire: เจ้ผู้หญิงคนนั้นมากๆๆ
ตอนนี้ก็กลับมาน่ารักเหมือนเดิม รอตอนต่อไปนะ
-
น้องริวร้ายใช่ย่อยน๊า
ไม่อยากให้สาว ๆ ใน MG มาเจอพี่ไผ่
พยายามยื้อเวลาสุดตัวเลย
หวงหรือหึงพี่ไผ่กันแน่เนี่ย อิอิ
น้องริวอ้อนพี่ไผ่ให้พาเที่ยวอีกแระ
จะไปไหนก็ได้ขอแค่มีพี่ไผ่ไปด้วยก็พอแล้ว~ใช่ม๊า
-
สั้นง่าส์ แต่ริวน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
-
"ขอแค่ได้ไปกับพี่ แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว"
อ๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงส์ :-[
น่าร้ากกกกกกกกกก :haun4:
มาให้ป้ากอดทีมะหนูริว :กอด1:
รอตอนต่อไปเช่นเคยค่ะ o13
กอดไรเตอร์ 1 ที :กอด1:
-
ว้าวววววววว เดทแรกที่เกาหลี เมืองนี้เค้าโรแมนติกนะริวเอ้ยสู้ๆๆบรรยากาศเป็นใจแบบนี้
บ้าจะคอยเชียร์ :-[
-
สั้นจังอะ
:กอด1: :กอด1:
-
เหมือนไปเดทกันสองเรา
-
น้องริวไม่มีธุระที่ไหนหรอก
แต่อยากเที่ยวกับพี่ไผ่แค่สองคนน่ะ
-
ริวพสุสู้ตาย!!!!!!
-
มีทั้งแอบร้ายกีดกันสาวๆ กับแอบอ้อนให้พาเที่ยว :m4:
น่ารักจริงๆ หนูริวของพี่ไผ่!!!!!! :m3:
-
ออกเดทอะสิ 555
-
อิอิ ^^ ริวแอบร้ายนะเนี่ยยยย~ :laugh3:
-
ขอบคุณคนโพสค่ะ >.<
-
น้องริว หนูมีแอบกีดกันเล็กน้อย o13
ถึงแม้ว่าริวยังมีแอบงงกับความรู้สึก แต่ก็คือไม่อยากให้พี่ไผ่ไปยุ่งเกี่ยวกับใครใช่มั้ย ให้เกี่ยวกับริว ยุ่งกับริวคนเดียวช่ายมั้ยจร้า :-[
-
ริวน่านักอ่ะมีกีดกันด้วย
ดีแล้วสู้ๆน่ะเอาใจช่วย
แถมไปข้างกันสองคน
เหมือนไปเดทเลยขออย่าให้มีมารผจญก็พอ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
อ้อนเข้าไปหนูริว
ตอนนี้ให้ไปไหนหรือทำอะไรพี่ไผ่ก็ยอมจ๊ะ
:m1:
-
บรรยากาศเกาหลีหน้าหนาวนะเป็นอะไรที่เหมาะกับคู่รักเอามาก ๆ :o8:
:pig4: คะ
-
แอบหนีไปเดทกัน 2 คน พี่ไผ่ดูแลน้องดี ๆ ล่ะ
-
ริวน่ารักเหมือนเดิม
-
ในที่ดก็มีโอกาศหนีไปเที่ยวกันสองคน แม้น้องริวจะตั้งใจไว้ก็เหอะ.พี่ไผ่เห็นริวสำคัญเสมอ..
(ถึงแม้จะคิดคนละประเด็นก้อตาม อิอิ) น่ารักเนอะ
-
เดท
-
ริวน่ารักเวอร์ :-[ :-[ :-[ :-[
-
น้องริวเก่งจังเลย
น่ารักด้วยตอนนี้ มีหวงพี่ไผ่ (จริงๆก็หวงตลอดนะ)
ฮ่าๆๆๆ
ชอบๆ
+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
-
ไปเดทกันสองต่อสองที่เกาหลี อิอิ
-
เจ้าแผนการเหมือนกันนะน้องริว
กรเวชยังไม่เลิกวุ่นวายนะ
-
ริวจ๋าาาาาาาาาาาา
บวก1 ให้น้องริวจอมขยัน
-
:monkeysad:
ลืมชะนีซะเถอะตะวัน
-
:L2: ริวสู้ๆ
-
สั้นจริงวุ้ย....
ริวเจ้าเล่ห์แบบไร้เดียงสาจริงๆ
-
:o8: ขอแค่ไปกับพี่...... :-[ ช่างเป็นริวจริง ๆ
:pig4: :pig4:
-
พี่ไผ่ อย่ามาทำให้น้องเสียใจทีหลังนะ ต้องเสมอต้นเสมอปลายนะ
-
:z3: สั้นอะ ค้างงงงงงงงง
รอตอนต่อไปค่ะ น้องริวน่ารักจิงๆ :-[
-
ถึงผู้แต่งนะครับ.....
.......อย่าโกรธนะครับ ถ้าจะบอกว่าตอนหลังๆพอแบ่งตอนๆแบบนี้เหมือนยังไม่ได้อ่านเท่าไหร่ครับ พอเริ่มอ่านอารมณ์กำลังพาไปสะดุดไม่ว่าจบซะงั้นเลย คืออ่านนิยายมันค่อนข้างใช้จินตนาการและความรู้สึกร่วม พอดีคุณผู้แต่งทำได้ดีมากทั้งภาษา การลำดับเรื่องราว การเล่าเรื่อง ผมชอบมากเลยครับ แต่ตอนหลังๆนี่อดไม่ได้จริงๆ มั้นสั้นไปครับ มันเหมือนโดราเอม่อนที่จบเป็นตอนๆ ไปซะอย่างนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเค้าจบเป็นตอนๆไม่คาใจ แต่น้องริว น่ารักก็น่ารัก การผจญภัยในแต่ละตอนก็มาแบบขาดๆตอนๆ สั้นบางยาวนิดนึงคนอ่านอย่างผมแบบว่า โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย...ปวดจิต อยากให้แต่พอรู้ว่าต้องติดตามอย่างไรต่อดีแบบนั้นน่าจะดีนะครับ แบบว่าตอนหลังที่ติดตามมันเหมือน 180 วินาทีข่าวเลยครับ สั้น กระชับ ได้ใจความ แต่จิตนาการที่จะเพริดเพลินไปกับตัวหนังสือมันสะดุดอย่างรุนแรงครับ อย่าทำร้ายคนอ่านและตัวละครอีกเลยนะครับ ถ้าไม่พร้อมก็เว้นไว้ก่อนก็ได้ครับ ผมรออ่านได้ครับ เพราะถ้าอัพปุ๊บ..ผมก็อดคลิกเข้ามาอ่านไม่ได้..แบบว่าน้องริวกับพี่ไผ่น่ารักเกิ๊นนนนนนนนนน...ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ...ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังติดตามต่อไปนะครับ ขอบคุณมากครับ
ปล.รักน้องริวครับ มีมิติมากๆๆ :L2: :pig4:
-
:man1: :pig4: :pig4:
-
ขอบคุณค่า รออ่านต่อค่ะ
-
ร้ายขึ้นนะเราน่ะ มีกีกงกีกันสาวๆไม่ให้เข้าใกล้พี่ไผ่ซะด้วย
-
ชริส์ เค้าโดนป้าคนแต่งเร่งให้มาต่อไวๆ
ชริส์ๆๆ
:z10:
*********************
ตอนที่ 56.2
พสุพาเด็กหนุ่มทัวร์พระราชวังอันงดงามของเกาหลีติดต่อกันรวดเดียวถึง 5 แห่งซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก โดยเฉพาะที่พระราชวังชางด๊อกกุงที่ริวติดใจมากเป็นพิเศษและที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
หน้าที่หลักของพสุคือต้องเป็นดาราหน้ากล้องให้ริวเก็บภาพตลอดเวลา เพราะเด็กหนุ่มจะคอยเรียกให้เขาหันมาแล้วถ่ายรูปเอาไว้ ริวไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปมาจึงถ่ายภาพเขาด้วยกล้องจากโทรศัพท์มือถือที่พสุซื้อให้ตั้งแต่วันเกิด ซึ่งพสุเห็นรูปแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะดูริวจะไม่ค่อยมีฝีมือทางถ่ายภาพเอาเสียเลย แทบทุกภาพจะติดแต่หน้าเขามากกว่าจะเห็นสถานที่ข้างหลัง
มีบ้างที่บางรูปได้อาศัยคนที่มาเที่ยวช่วยถ่ายให้ก็จะกลายเป็นภาพคู่ไปโดยปริยาย แต่ก็ยังดีที่พอคนอื่นถ่ายให้ยังได้เห็นบรรยากาศข้างหลังบ้าง
พอออกจากพระราชวังก็พากันไปเดินเที่ยว ถนนศิลปะอินซาดง ที่แท็กซี่แอบเตือนว่า เที่ยวได้แต่อย่าซื้อของเลยเพราะที่นี่ของแพงมาก ซึ่งก็แพงจริงๆ เสียด้วย เพียงแต่บรรยากาศของถนนเส้นนี้ให้ความรู้สึกโบราณเหมือนย้อนกลับไปในอดีต
ออกจากถนนศิลปะอินซาดง พสุก็ชวนริวไปไหว้พระที่วัดบงอึนซา เพราะเป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่มากๆ แต่ระหว่างทางก่อนถึงวัดริวก็ชี้ให้พสุดูย่านที่เขาเคยมาหลงทาง
“เหมือนสยามบ้านเราเลยแฮะ...จะลงไปเดินเที่ยวไหม” พสุชวนยิ้มๆ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าริวไม่ชอบคนเยอะๆ แน่นๆ แบบนี้
“ไม่เอาครับ ไปวัดดีกว่า” ริวส่ายหน้าวืดเมื่อนึกว่าถ้าเป็นพสุไปเดินแล้วจะต้องมีสาวๆมาชวนคุยเหมือนอย่างที่เขาเจอแน่ๆ เพราะพสุหน้าตาดีขนาดนี้ ยังไงก็สะดุดตาคน เผลอๆ อาจจะโดนรุมล้อมจนขยับไปไหนไม่ได้เหมือนตอนอยู่เมืองไทยด้วยซ้ำ ริวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ โดยที่เด็กหนุ่มลืมไปว่า ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย...
หลังจากไหว้พระขอพรกันเรียบร้อยแล้ว พสุก็พาริวขึ้นไปโซลทาวเวอร์เพื่อชมกรุงโซลรอบๆเป็นการเที่ยวปิดท้ายในวันนี้
“คิสมี?” เสียงทักอย่างลังเลจากด้านหลังทำให้พสุกับริวต้องหันไปดู เด็กสาวกลุ่มหนึ่งยืนจ้องพวกเขาตาแป๋ว พอเห็นหน้าพวกเขาถนัด เด็กสาวกลุ่มนั้นก็ร้องกรี๊ดแล้ววิ่งเข้ามาหา
“พี่ไผ่! พี่ริว!”
พสุหันมองหน้าริวเห็นเด็กหนุ่มแอบถอนใจแล้วอดหัวเราะไม่ได้ มาจนถึงเกาหลีแต่ก็มาเจอนักเรียนไทยออนทัวร์ถึงบนโซลทาวเวอร์ พวกเธอขอถ่ายรูปกับพสุและริว ก่อนที่เด็กสาวท่าทางขี้อายคนหนึ่งจะเปิดกระเป๋าหยิบกล่องซีดีเพลงอัลบั้มแรกของคิสมีออกมาให้พวกเขาเซ็น ปกกล่องที่ยังใหม่ไร้รอยขีดข่วนทั้งที่พกติดตัวตลอดเวลาแสดงถึงความทะนุถนอมของเจ้าของ ทำให้พสุอดเขียนข้อความยาวๆ เพื่อเป็นการขอบคุณไม่ได้ ซึ่งก็ทำเอาเจ้าของซีดีแอบน้ำตาซึมด้วยความปลื้ม ส่วนริวนั้นเขียนแค่ขอบคุณแล้วเซ็นชื่อ
ระหว่างที่พสุกำลังถ่ายรูปคู่กับสาวน้อยเจ้าของซีดี ริวที่ปกติจะไม่ค่อยสนทนากับแฟนเพลงนักกลับแยกตัวไปถามอะไรบางอย่างจากเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูจะคล่องแคล่วกว่าคนอื่นๆ ในกลุ่ม ครู่เดียวริวก็กลับมาหาพสุแล้วทั้งคู่ก็ล่ำลาแฟนเพลงสาวน้อยกลุ่มนั้น
“พี่ๆ ไปเที่ยวแม่น้ำฮันกัน” ริวชวนทันทีที่ลงมาถึงข้างล่าง
“หืม?” พสุหันไปมองหน้าเด็กหนุ่มงงๆ เพิ่งเข้าใจว่าที่ริวไปคุยกับแฟนเพลงคงเพราะไปถามเรื่องนี้มา
“ริวอยากดูไฟ” ริวบอกแล้วยิ้มแป้น ก่อนจะลากพสุไปเที่ยวชมแม่น้ำฮันยามพลบค่ำจนได้ แสงไฟหลากสีงดงามที่ประดับตกแต่งสะพานข้ามแม่น้ำฮัน กับลมพัดแรงจากแม่น้ำทำให้พสุอดคิดถึงแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้ เพียงแต่เป็นเจ้าพระยาแบบบรรยากาศช่องแช่แข็ง
“เหมือนเจ้าพระยานั่นแหละ จะมาดูอะไร หนาวจะตาย” พสุบ่นแล้วห่อตัวด้วยความหนาว แม้จะใส่โอเวอร์โค้ตมาแล้วแต่อากาศก็ยังเย็นยะเยือกจนเขาต้องห่อไหล่
“ถ่ายรูปกันพี่” ริวบอกพร้อมกับดึงไหล่พสุเข้ามากอดแล้วเอียงหน้าเข้ามาจนแก้มชนกันเพื่อถ่ายรูป
“1...2...3” ริวนับแล้วกดชัตเตอร์ทันที พสุจึงทำได้แค่ยิ้ม ไม่ทันได้ทักท้วงถึงการใกล้ชิดเกินเหตุ ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เห็นมีหนุ่มสาวเดินดูแม่น้ำกันประปราย แน่ล่ะอากาศเย็นเยือกแบบนี้คงไม่มีใครบ้าพลังมาเที่ยวแบบพวกเขาสองคนสักเท่าไหร่
“หิมะตกแล้วพี่” ริวบอกเสียงใส พสุเงยหน้าขึ้นมองแล้วแบมือออกรับเกล็ดขาวๆ ที่ปลิวลงมาจากท้องฟ้า ก่อนจะชะงักเมื่อผ้าพันคออุ่นๆ ถูกพันทบลงมาบนคอของเขา
“อ้าว! เอามาให้พี่ทำไม เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกริว” พสุท้วงแล้วขยับจะดึงออกคืน แต่ริวจับมือเขาไว้ไม่ให้ถอดออก
“พี่ก็รู้ว่าริวชอบอากาศเย็นๆ พี่นั่นแหละใส่ไว้ จะได้ไม่เป็นหวัด” ริวพูดพร้อมกับดึงถุงมือออกใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วเอามืออุ่นๆ มาแนบแก้มพสุหน้าตาเฉย
“หน้าพี่เย็นเจี๊ยบเลย”
“ทะลึ่งแล้ว” พสุหัวเราะพร้อมกับตบหัวริวเบาๆ
“โอ๊ย! หัวแตกแล้ว พี่ใจร้ายแกล้งน้อง” เด็กหนุ่มแกล้งร้องโอดโอยแล้วยกมือกุมหัวเหมือนเจ็บใจจะขาด พสุหัวเราะแล้วได้แต่ส่ายหน้า
“ชักจะทะเล้นเหมือนไวย์เข้าไปทุกทีแล้วเรา...กลับกันเถอะ”
“เพิ่งมาเองนะ...ยังไม่อยากกลับเลย” ริวบ่นออดๆ แต่เห็นพสุห่อตัวแล้วกระโดดๆ เพื่อไล่ความหนาวก็ยอมกลับแต่โดยดี
...................................
-
อ่านตอนหนาวๆแล้วได้บรรยากาศมกาๆๆเลยค่ะ
คู่นี้น่ารักจริงๆ แต่ว่าดูท่าคงอีกยาวไกลว่าจะได้รู้ใจกันซะหละมั้งเนี้ย :z2: :z2: :z2:
-
สั้นกระชับได้ใจความสุดๆๆ 555+
แต่ไม่เป็นเพื่อความน่ารักของน้อง
:z2:
ให้อภัยด๊ายยยยยยยยย
-
หิมะตก แล้วหนาวๆๆ น้องริวให้ไออุ่นพี่ไผ่ เยอะๆนะคร๊าบ 55+ ^^^
นึดถึงซีรี่เกาหลีหลายๆเรื่องเลยแฮะๆ โรแมนติก 555 (บ้าไปคนเดียว)
มาต่อเร็วๆนะคร๊าบบ ขอบคุณครับ
-
:z2: :z2: ริวน่ารัก ขี้อ้อนจิงๆๆ
-
โถ...โถ...พี่ไผ่ ไม่รู้เลยเหรอว่า
ทำไมน้องริวถ่ายรูปพี่ไผ่แล้วไม่เห็นวิวข้างหลัง
ก็เพราะน้องริวอยากจะเก็บแต่รูปพี่ไผ่งัยหล่ะ ^ ^
เป็นดาราหน้ากล้องไปซะแล้วพี่ไผ่ของเรา อิอิ
เอิ่ม~ตอนนี้สั้นมาก ๆ เลยอ่ะ
แต่อัพบ่อย ๆ ก็โอค่า ^ ^
ที่สำคัญน้องริวน่ารักได้ใจมาก ๆ
ทำให้มองข้ามความสั้นไปได้ค่ะ คริ คริ
-
นาทีแฟ่งความสุขของน้องริวกับพี่ไผ่..
แต่พี่ไผ่ไม่รู้สึกสะกิดใจอะไรเลยเร้ออ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด :m3: :m3: :m3: :m3:
ริวจ๋า มาให้พี่กอดสักหมับนึงเต๊อะ :กอด1:
น่ารักน่าชังดีแท้หนูริว :o8:
-
ริว ระวังรูปหลุดนะครับ
-
ไม่ทันตั้งตัวก็จบตอนซะละ
ได้บรรยากาศหนาวๆเลย
ไผ่ไม่รู้เลยนะว่าริวโฟกัสอะไร.....
-
:-[ :impress2:
:pig4: :pig4:
-
ริวน่ารักจังเลย....
หวานกันได้อีกกกกกกกกกกกก... ชอบๆๆๆฮับบบบ...
ตอนนี้พี่ไผ่กลายเป็ฯตัวเล็กกว่าริวไปซะแย้วววมั้งเนี้ยยยยย ฮาๆๆๆ
-
เหอ ๆ หลัง ๆ มาต่อไวจริง ๆ หงะ ช้อนตามอ่านไม่ค่อยทัน หลัง ๆ ประมาณ ๓ วันเข้ามาเช็คที บางทีจะเข้ามาดูก็โดนชาวบ้านเรียกไปซะอย่างนั้น แงบ ๆ โฮกกกกก อ่านตอนนี้ โอ้วแม่เจ้า น้องริว กับ พี่ไผ่ ไปไกลขนาดนี้แล้วหรือ ว้าก ๆ
รอรวมเล่มเจ้าค่ะ อยากได้มาก ๆ หงะ อิอิ
-
โหตะวันคำถามแบบนี้ตอบแทนริวได้ปะ
เลือกอย่างเดี่ยวอยู่แล้วคนๆๆนี้เลือกไฝ่
-
จะสั้นจะยาวไม่เป็นปัญหา
ขอให้โพสต่อก็พอแล้ว
จริงๆก็แอบขุ่นตอนมันสั้นๆเหมือนกัน
รู้สึกไม่อิ่มเพราะเคยชินกับการอ่านเรื่องแบบยาวๆ
ถ้าเป็นนิยายก็เอาแบบรวดเดียวจบ
จะกี่เล่มกูก็จะเอาให้จบวันเนี่ย!
แล้วปรกติก็ไม่ค่อยชอบอ่านเรื่องที่ยังไม่จบเท่าไหร่ มันค้างงงงงงง
แต่มาปรับตัวก็กับที่เล้าเป็ดนี่แหละ
เพราะไรเตอร์หลายคนก็ชอบแบบสั้นๆบางทีเป็นต่อนๆไม่เป็นตัวซะที
คิดว่ามันอยู่ที่วิธีการเขียนของไรเตอร์แต่ล่ะคนมากกว่า
ยังไงก็รอได้จ้า :L2:
-
โฮยยยย
น่ารักกกกกก รูปคู่อะไรเทือกนี้ งื้อออ
อย่สให้มือถือหายนะ
ไม่งั้นภาพหลุดแน่ !!!
><
-
ถึงผู้แต่งนะครับ.....
.......อย่าโกรธนะครับ ถ้าจะบอกว่าตอนหลังๆพอแบ่งตอนๆแบบนี้เหมือนยังไม่ได้อ่านเท่าไหร่ครับ พอเริ่มอ่านอารมณ์กำลังพาไปสะดุดไม่ว่าจบซะงั้นเลย คืออ่านนิยายมันค่อนข้างใช้จินตนาการและความรู้สึกร่วม พอดีคุณผู้แต่งทำได้ดีมากทั้งภาษา การลำดับเรื่องราว การเล่าเรื่อง ผมชอบมากเลยครับ แต่ตอนหลังๆนี่อดไม่ได้จริงๆ มั้นสั้นไปครับ มันเหมือนโดราเอม่อนที่จบเป็นตอนๆ ไปซะอย่างนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเค้าจบเป็นตอนๆไม่คาใจ แต่น้องริว น่ารักก็น่ารัก การผจญภัยในแต่ละตอนก็มาแบบขาดๆตอนๆ สั้นบางยาวนิดนึงคนอ่านอย่างผมแบบว่า โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย...ปวดจิต อยากให้แต่พอรู้ว่าต้องติดตามอย่างไรต่อดีแบบนั้นน่าจะดีนะครับ แบบว่าตอนหลังที่ติดตามมันเหมือน 180 วินาทีข่าวเลยครับ สั้น กระชับ ได้ใจความ แต่จิตนาการที่จะเพริดเพลินไปกับตัวหนังสือมันสะดุดอย่างรุนแรงครับ อย่าทำร้ายคนอ่านและตัวละครอีกเลยนะครับ ถ้าไม่พร้อมก็เว้นไว้ก่อนก็ได้ครับ ผมรออ่านได้ครับ เพราะถ้าอัพปุ๊บ..ผมก็อดคลิกเข้ามาอ่านไม่ได้..แบบว่าน้องริวกับพี่ไผ่น่ารักเกิ๊นนนนนนนนนน...ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ...ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังติดตามต่อไปนะครับ ขอบคุณมากครับ
ปล.รักน้องริวครับ มีมิติมากๆๆ :L2: :pig4:
^
ขอบคุณ ตรงใจเหมือนกัน
ชอบมาก ..180 วินาทีข่าว..
+1 +1
-
อืม ....
สั้น
แต่บ่อยก็ OK
ท่าจะอีกยาวกว่าจะลงเอย
-
เชอะะะะะ ริว ทำเป็นแมนอ่า พี่ไผ่อย่าไปเคลิ้มนะ ตีหัวไปอีกๆ 555
พี่กรเห็นรูปมือถือจะขาดใจตายมั้ย >,<
-
น้องริวมีแอบสวีทด้วยแต่เสียดายที่พี่ไผ่ไม่รู้เรื่อง
-
:o8: อ่านแล้วเขินแทนพี่ไผ่จริงๆ
นี่เป็นการออกเดทกันชัดๆ เพียงแต่พี่ไผ่ไม่รู้อยู่คนเดียว
เราแอบรู้สึกตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า บุคลิกของริว กับ ไผ่
เหมือนกับคนที่มีอยู่จริง
อ่านถึงตอนนี้แล้ว ถ้าเปลี่ยนชื่อของทั้งคู่ก็
น่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย
ขอบคุณสำหรับเรื่องใหม่น่ะค่ะ
-
สั้นจิงอะไรจิง แต่ไม่เปนไรเพื่อริวกับไผ่
เราอภัยได้
-
จะสั้นจะยาวไม่ว่าขอแค่มาต่อก็ดีใจแล้ว
น้องริวน่ารักจริงพี่ไผ่ก็น่ารักเหมือนมาเดทกันเลย
:กอด1: :L2:
-
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะรู้นะ ว่าน้องริวอ่ะรักพี่ไผ่มากแค่ไหน
-
:man1:
คลายความหนาว อิอิ
-
น้องริว(จิ) อิอิ น่ารักได้ตลอดจริงๆ
มารอตอนต่อไปครับ
-
บรรยากาศเป็นใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก :-[
-
แว๊บเข้ามาอ่านคอมเมนต์ แล้วจะมาบอกว่า ได้เอานิยายทั้งหมดจาก spring กลับไปตัดใหม่แล้วนะค้าบ
หวังว่าตอนต่อไปคงยาวถูกใจพอสมควร(ไม่กล้ามั่นใจว่ายาวสะใจคนอ่าน 5555 )
ตอนนี้กำลังแต่งตอนมาม่าอยู่ เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะแต่งช๊อตมาม่าไม่เป็น :z3:
ใช้เวลาเขียนตั้งแต่วันที่7 พฤศจิกา จนตอนนี้ก็เลยเดือนแล้ว ยังไม่เสร็จเรียบร้อยเลย :m15:
เส้นประสาทตึงเปรี๊ยะๆ จนรู้สึกเหมือนหัวระบม :z10:
ไม่รู้เพราะเราแก่แล้ว หรือเพราะมันเครียดจริงอะไรจริง แต่คนตรวจยืนยันว่า “ชั้นอ่านแล้วไม่เศร้าเลยว่ะ” ...ง่าฝีมือช้านก็ได้แค่นี้แหละ :monkeysad:
แต่ที่ยากกว่ามาม่า คือ NC+18 ฮ่วย! จะยากไปไหน :a5:
แบบเคยเขียนแต่หื่นๆ แต่งานนี้ NC ต้องนุ่มๆห้ามหื่น เลยไปต่อไม่เป็นซะละ :really2:(แต่ก็เขียนไปแล้ว...แฮ่...)
-
อิจฉาจังไปสวีทกันสองคน
:o8:
-
ตอนนี้น่ารักจัง :-[ อ่านแล้วคิดถึงซีรีย์เกาหลีไปเลยแห๊ะ ฮ่าๆๆๆ
แต่พอมาอ่านคอมเมนท์นักเขียนแล้วแอบกลัว.. อย่ามาม่ามากนักนะ ไม่อยากปวดตาเพราะน้ำที่มันไหลออกมา :sad4:
ว่าแต่..NC18+ นี่ใครกับใครและเมื่อไหร่คะ? :interest:
อืมมม... o8 ไอก็แอบคิดว่าหลังๆมานี้แต่ละตอนมันสั้นกระชับไปเหมือนคุณkubkamsodaว่าไว้เหมือนกัน บางทีถ้ามาต่อตอนสั้นที่ตัดฟิลลิ่งเกินไปแบบนี้ ไอยอมรอต่ออีกหน่อยเพื่อให้ได้อ่านแบบไม่ตัดอารมณ์เกินไปดีกว่าจริงๆ (ต้องมาต่อนะ!) มันเป็นอารมณ์ในการอ่านนั่นแหละค่ะ พอเข้าใจนะคะว่าพอเข้าถึงอารมณ์แล๊ะ แต่โดนตัดเอาดื้อๆมันเสียอารมณ์แค่ไหน ใช่นะที่มันลุ้นอยากอ่านต่อ แต่มันก็เสียอารมณ์ไปด้วยเหมือนกัน แล้วพอได้มาอ่านตอนต่อมา ยังไงก็ไม่ได้ฟิลลิ่งเท่ากับตอนที่อ่านพร้อมกันกับตอนก่อนแล้ว เหมือนมันเสียอรถรสไปส่วนหนึ่งแล้วไง (พอเข้าใจใช่ไหมคะ?) และบางครั้งถ้ามันตัดเกินไปก็เสียอารมณ์จนไม่อยากอ่านต่อก็มีเหมือนกัน (นี่ไอหมายถึงนิยายเรื่องอื่นๆที่เป็นแบบนี้ด้วยนะคะ ไม่ได้ว่าหมายถึงเรื่องนี้เรื่องเดียวนะ)
-
พี่ไผ่ น้องริว หวานกันอย่างเป็นธรรมชาติมาก น่ารักจังเลย
ไม่อยากจะคิดถึงตอนมาม่าเลยจริงๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
มาแบบสั้น ๆ แต่ถึงเนือถึงตัว
ริวเริ่มถึงเนือถึงตัวพี่ไผ่มากขึ้นนะเนี่ย
ถ้าเป็นคนอื่นนะจะว่าหาโอกาศ แต่สำหรับริว เอาเยอะ ๆ เลยลูก
:pig4: คะ
-
Greeddddddd!!! :z1:
NC แต่งไปแล้วหรอ นู๋รออ่านค่า จะมาตอนสองตอนหน้าเลยมั้ย
-
อืมมม... o8 ไอก็แอบคิดว่าหลังๆมานี้แต่ละตอนมันสั้นกระชับไปเหมือนคุณkubkamsodaว่าไว้เหมือนกัน บางทีถ้ามาต่อตอนสั้นที่ตัดฟิลลิ่งเกินไปแบบนี้ ไอยอมรอต่ออีกหน่อยเพื่อให้ได้อ่านแบบไม่ตัดอารมณ์เกินไปดีกว่าจริงๆ (ต้องมาต่อนะ!) มันเป็นอารมณ์ในการอ่านนั่นแหละค่ะ พอเข้าใจนะคะว่าพอเข้าถึงอารมณ์แล๊ะ แต่โดนตัดเอาดื้อๆมันเสียอารมณ์แค่ไหน ใช่นะที่มันลุ้นอยากอ่านต่อ แต่มันก็เสียอารมณ์ไปด้วยเหมือนกัน แล้วพอได้มาอ่านตอนต่อมา ยังไงก็ไม่ได้ฟิลลิ่งเท่ากับตอนที่อ่านพร้อมกันกับตอนก่อนแล้ว เหมือนมันเสียอรถรสไปส่วนหนึ่งแล้วไง (พอเข้าใจใช่ไหมคะ?) และบางครั้งถ้ามันตัดเกินไปก็เสียอารมณ์จนไม่อยากอ่านต่อก็มีเหมือนกัน (นี่ไอหมายถึงนิยายเรื่องอื่นๆที่เป็นแบบนี้ด้วยนะคะ ไม่ได้ว่าหมายถึงเรื่องนี้เรื่องเดียวนะ)
เหมือนรีนี้ทุกประการครับ :L2:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดด 18+ จะมาแว้ววววหรอคะ
จะรอคอยอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ >///<
ปล.มาม่าไม่มีก็ได้นะคะ ไม่อยากได้อ่ะ T________T
-
ค้างจังเลย
มาดักรอไรเตอร์
:L2: :L2:
-
แต่ที่ยากกว่ามาม่า คือ NC+18 ฮ่วย! จะยากไปไหน :a5:
แบบเคยเขียนแต่หื่นๆ แต่งานนี้ NC ต้องนุ่มๆห้ามหื่น เลยไปต่อไม่เป็นซะละ :really2:(แต่ก็เขียนไปแล้ว...แฮ่...)
:a5:
แค่อ่านเมนท์ก็คิดไปไกล :m25:
อยากอ่านต่อเร็ว ๆ จังเลยค่ะ :impress2:
:jul1: เป็นลมรอ
-
หนาวเนื้อห่มเนื้อซิจ๊ะ อิอิน้องริว
-
สวีทหวานยามค่ำคืน ท่ามกลางบรรยากาศของริมน้ำและแสงไฟ
ลมหนาวพัดโชย และความอบอุ่นของหัวใจสองดวง
อ๊ายยยยยยย ร้ากพี่ไผ่ นู๋ริว
-
:3123: กรี๊ดดดดด ปกติไม่ค่อยติดหนังเกาหลี แต่อ่านริวไผ่แล้ว นึกถึงซีรีย์หนังที่เพื่อนชวนดูได้หลายเรื่องเลย
อยากอ่าน NC ที่แต่งแล้ว แล้วจะบอกให้ว่าหื่นหรืออ่อนนุ่ม
-
ริวน่าร๊ากกกกกกกกกกก :m3:
-
อ่านทีไรก็ยิ้มทุกทีสิน่าาาาาาาาาา>w<
-
เห็นมาต่อก็ดีใจนะ แต่มาเป็นตอนยาวๆดีกว่ามาเป็น.2อ่ะ เพราะว่าแล้วมันเหมือนค้างๆไงไม่รู้อ่ะ มาช้าหน่อยเราก็รอได้จร้า :เฮ้อ:
แล้วก็รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อคร้า o13 เพราะว่าน้องริวกับพี่ไผ่น่ารักเกินจะทนได้ :o8:
:กอด1: ไรเตอร์แน่นๆอีกสักที
-
น่ารักจริงๆขอแบบนี้สักคนได้ไหมเนี่ย อิอิ :-[
-
สั้นจัง
เส้นทางหของพี่ไผ่กับริวดูท่ายังอีกยาวไกล
-
ถึงจะสั้น แต่มันหวานกลางหิมะให้อภัยๆ
-
ลืมน้องริวกับพี่ไผ่กันรึยัง?
ตกไปหน้าสองเลย O_o!!
:o12:
*********
ตอนที่ 57
เมื่อกลับไปถึงบ้านพักนั้น พสุกับริวก็พบว่าบ้านดูคึกคักผิดปกติ นอกจากทีมงานคนไทยทั้งหมดจะรวมกันอยู่ในห้องโถงกลางของบ้านแล้ว ยังมีทีมงานของเกาหลีนั่งสนทนาอยู่ด้วย
พอริวกับพสุเข้าไปทุกคนก็หันมาทักทาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้วเพราะเคยเจอกันตั้งแต่วันที่มาถึง มีคนที่ไม่คุ้นหน้าเพียงสองคนเท่านั้น และหนึ่งในสองคนนั้นก็จ้องมองริวเขม็งจนพสุอดเหลือบมองริวไม่ได้ แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยเพราะริวมัวแต่ทักทายทีมงานเกาหลีคนอื่นๆ ขณะเดียวกันก็คอยเอามือแตะๆ ที่อกซึ่งเด็กหนุ่มห้อยโทรศัพท์มือถือไว้
“ไผ่...มานี่แน่ะ” ทรงเผ่ากวักมือเรียกพสุ ทำให้ชายหนุ่มต้องลุกไปหา ริวขยับจะลุกตามแต่โดนดักหน้าไว้
“เจอกันอีกแล้วนะริว เกรสัน”
คำทักทายอย่างคนคุ้นเคยทำให้ริวชะงัก เด็กหนุ่มมองชายร่างเล็กตรงหน้าอย่างแปลกใจ ใบหน้าขาวใสนั้นเนียนลออจนยากจะคาดเดาอายุ แต่สีหน้าแววตาที่มองเขาราวกับคนคุ้นเคยทำให้เด็กหนุ่มต้องขมวดคิ้วเพราะแน่ใจว่าเขาไม่เคยรู้จักคนๆ นี้มาก่อน
“จำผมไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้ครับ” ริวตอบเสียงเรียบแล้วเหลียวไปมองหาพสุ เห็นชายหนุ่มกำลังคุยกับทีมงานคนหนึ่งของเกาหลี
“ผมลีไง ลีชินกี...จำผมได้หรือยัง” ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางทำให้ริวต้องเขม่นมองซ้ำแล้วพยักหน้ารับเมื่อนึกออก
“อ๋อ...คุณนั้นเอง...เอ่อ ผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ” ริวหันไปมองพสุอีกรอบ เห็นชายหนุ่มกำลังจะขึ้นไปชั้นบนก็ลุกพรวดแล้วเดินแกมวิ่งตามพสุไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ชินกีมองตามตาค้าง เพราะไม่คิดว่าริวจะไปดื้อๆแบบนี้
“หึหึ...ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนเมินมิสเตอร์ลีด้วยหรือนี่” ชายในชุดสูทเพียงคนเดียวของทีมงาน ยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างเงียบๆ อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเข้ามานั่งเบียดกับชินกีอย่างจงใจ
“ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะสอดจมูกเข้ามายุ่ง” ชินกีตอบเสียงห้วนแล้วลุกพรวด เดินลิ่วๆ ออกไปจากห้องโถง โดยมีอีกคนเดินตามติด
“นี่คุณ มีมารยาทหน่อยผมจะเข้าห้องนะ...อุ๊บ!” ชินกีถูกผลักเข้าไปในห้องน้ำ แล้วร่างสูงนั้นก็ตามติดเข้าไปก่อนจะปิดล็อคประตู……………..
“รีบๆ อาบน้ำเลยริว...เดี๋ยวจะไม่สบายไป” พสุหันมาบอกทันทีที่เห็นริวเดินตามเข้าไปในห้องพัก ชายหนุ่มแขวนโอเวอร์โค้ตไว้ที่เสาแขวนเสื้อผ้ามุมห้อง ริวตามมาแขวนเสื้อของตัวเองแล้วคว้าตัวพสุเข้าไปกอด
“เฮ้ย! มากอดพี่ทำไม รีบไปอาบน้ำไป” พสุท้วงแต่ไม่ได้ผลักไสที่เด็กหนุ่มเข้ามากอดดื้อๆแบบนี้
“พี่แหละอาบก่อน ตัวพี่เย็นเฉียบเลย” ริวตอบเสียงอู้อี้ ฝังจมูกลงกับไหล่พสุ สูดกลิ่นหอมๆ อุ่นๆ เข้าไปเต็มปอด
“จะให้พี่อาบก็ปล่อยสิครับ จะกอดทำไม”
“กอดพี่แล้วอุ่นนี่ครับ ริวก็อยากกอดสิ...กอดแล้วอุ่นไปถึงหัวใจ” ริวกอดพสุแน่นกว่าเดิมแถมยังโยกตัวไปมาเบาๆ แล้วเอาหัวไถๆ กับไหล่พสุ พสุหัวเราะเบาๆ ขันท่าทางขี้อ้อนเหมือนแมวของเด็กหนุ่มแล้วดันตัวริวออกพอให้มองหน้ากันถนัด
“เลิกอ้อนได้แล้ว พี่จะไปอาบน้ำก่อนละ วันนี้ไถลไม่ได้นะ เราต้องลงไปกินข้าวกับทีมงานเกาหลี”
“ว้า...มาทำไมกัน” ริวบ่นแล้วทำหน้ายู่ แต่ยังไม่คลายอ้อมแขนออกจากตัวพสุ
“บ่นอารายยยย” พสุลากเสียงยาวแล้วจับสองแก้มของเด็กหนุ่มดึงยืดอย่างมันเขี้ยว
“ก็น่าเบื่ออ่ะ ริวว่าจะเอารูปที่ถ่ายวันนี้มาดูซะหน่อย” ริวทำเสียงงอแง แล้วซุกหน้าลงบนซอกคอพสุ มีความสุขที่ได้กอดรัดพี่ไว้แบบนี้
“ฮื้อ ไม่เอาน่า รูปน่ะค่อยดูเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ที่เรามาที่นี่ก็เพราะเรื่องงานนะ เข้าใจไหมครับ” พสุขยี้ผมริวเบาๆ แล้วผละออกไปคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป
ริวเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดูรูปแล้วอมยิ้ม มือถือที่พสุซื้อให้นั้น กล้องถ่ายรูปมีความละเอียดสูงมากจริงๆ เห็นหน้าพสุชัดแจ๋วทุกรูป เด็กหนุ่มไม่ได้อยากบันทึกภาพสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นสักเท่าไหร่หรอก แต่ที่อยากได้คือใบหน้าสดใสของพสุต่างหากที่เขาอยากเก็บไว้ชื่นชม
ริวดูภาพเพลินจนไม่รู้ตัวว่าพสุออกจากห้องน้ำมาตอนไหน
“เอามานี่ แล้วไปอาบน้ำ ไม่งั้นพี่ไม่คืนให้”
พสุแย่งโทรศัพท์ไปถือไว้แล้วไล่ให้ริวไปอาบน้ำ พอริววิ่งเข้าห้องน้ำไปชายหนุ่มก็วางมือถือไว้บนหมอนของริวขณะที่เขาแต่งตัว ครู่เดียวริวก็ออกจากห้องน้ำมา แต่แทนที่จะรีบแต่งตัวเด็กหนุ่มกลับเดินมาหาเขาก่อน
“ไปแต่งตัวสิริว” พสุหันไปเตือนซ้ำเมื่อเห็นริวสวมผ้าขนหนูผืนเดียว เดินวนไปรอบตัวเขาเหมือนจะหาอะไรสักอย่าง
“มือถือริวละครับพี่”
“บนหมอนไง...รีบไปแต่งตัวก่อน เดี๋ยวค่อยเล่น”
“คร้าบบบบ” ริวรับคำแต่คว้าโทรศัพท์มือถือไปคล้องคอแล้วถึงได้ไปใส่เสื้อผ้า พสุได้แต่ส่ายหัวในความติดโทรศัพท์ของริว นอกจากสร้อยพระที่เขาให้ มือถือเครื่องนี้เป็นอีกอย่างที่ริวแทบไม่เคยเอาไว้ห่างตัว นอกจากเวลาอาบน้ำกับตอนนอนเท่านั้น
เมื่อลงมาข้างล่างอีกครั้งก็พบว่าทุกคนเข้าไปจับจองที่นั่งที่โต๊ะอาหารกันหมดแล้ว พสุกับริวถูกจัดให้นั่งแยกกันคนละฝั่ง พสุนั่งกับชายในชุดสูทเนี้ยบแต่คางแดงช้ำจนเกือบม่วงคนนั้น ขณะที่ริวต้องนั่งคู่กับลีชินกี
“สวัสดีครับมิสเตอร์พสุ ศิระศาสตร์ ผมปาร์ควังซอง ครับ” วังซองแนะนำตัวแล้วพยายามเอาคางหลบๆ สายตาพสุเหมือนไม่อยากให้เห็นรอยช้ำชัดนัก
“สวัสดีครับคุณปาร์ค” พสุก้มศีรษะให้อย่างสุภาพ แล้วจับมือทักทายกับอีกฝ่ายตามมารยาท
“เรียกผมวังซองดีกว่าครับ”
“ครับ..ถ้าอย่างนั้นเรียกผมพสุก็ได้ครับ” พสุตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ ขณะกวาดตาไปรอบโต๊ะอาหาร
“ผมทราบมาว่าคุณพสุเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่เมืองไทย...แล้วคุณก็เป็นผู้ชายที่หล่อมากจริงๆ นะครับ”
คำชมแปลกหูทำให้พสุต้องหันกลับมามองคนข้างๆ ก่อนจะยิ้มให้นิดๆ ตามมารยาท
“ขอบคุณครับ”
“อาชีพนักแสดงก็รุ่งโรจน์ขนาดนั้น แล้วทำไมถึงมาร้องเพลงละครับ”
“เป็นความฝันตั้งแต่เด็กละมั้งครับ” พสุตอบแล้วลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า ปากไม่ว่างซะจะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามแปร่งๆ แปลกๆ ของอีกฝ่าย
“อ๋อ...ไล่ตามความฝันสินะครับ หึหึ” ปาร์ควังซองพูดพร้อมกับยกผ้าขึ้นซับปากอย่างสำอาง พลางขยับเข้ามาใกล้พสุอีกนิด
“ครับ”
“ผมว่าคุณต้องทำได้ดีทั้งงานแสดง และร้องเพลงแน่ๆ ครับ เพราะคุณมีรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดใจขนาดนี้ สาวๆ จะต้องรุมกรี๊ดคุณแน่ๆ”
แม้ความสูงจะไล่เลี่ยกัน แต่ปาร์ควังซองก็ผอมบางกว่ามาก ขณะที่พสุอกกว้างไหล่ตึง แม้จะสวมสเวตเตอร์หนาแต่ก็ยังมองออก ทำให้สายตาของปาร์ควังซองคอยโลมเลียกวาดไล่ตั้งแต่ใบหน้าคมสันไปจนถึงช่วงไหล่และปลายนิ้วเรียวอย่างสนอกสนใจ ยอมรับว่านักร้องจากประเทศไทยวงนี้ ดูดีมากทุกคน
“ขอบคุณครับ” พสุรับคำแล้วอยากจะถอนใจดังๆ เริ่มอึดอัดกับคำเยินยอของอีกฝ่าย ดูเหมือนนายปาร์ควังซองคนนี้จะพูดถึงแต่รูปร่างหน้าตาของเขาอยู่ตลอดเวลา แล้วยังสายตาโลมเลียเปิดเผยนั่นอีก พสุรู้ดีว่ารูปลักษณ์ของตนเองดึงดูดคนแค่ไหน นายปาร์คคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่พยายามจะจีบเขา ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เกย์ กะเทย พสุโดนจีบมาแล้วทุกรูปแบบ เขาถึงยังรักษากิริยาให้สุภาพไว้ได้ แม้ในใจจะรำคาญสักแค่ไหนก็ตาม
“ใจคอจะไม่คุยกันสักนิดเลยเหรอริว” ชินกีถามขึ้นมาลอยๆ อย่างอดรนทนไม่ได้ ริวมานั่งข้างเขาพักใหญ่ๆ แล้ว แต่สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามตลอดเวลา ไม่แม้แต่จะเหลือบแลมายังผู้ร่วมวงข้างๆ อีกด้านหนึ่งของริวเป็นทีมงานที่กำลังคุยติดพันอยู่กับทีมงานจากเมืองไทย จึงเหลือชินกีที่ริวไม่คิดจะหันมาทักทายเขาเลยสักนิด จนชินกีนึกโมโหในความไร้มารยาทของริว
“ผมว่าผมทักคุณแล้วนะมิสเตอร์ลี” ริวหันมาตอบเสียงเรียบ แล้วหันกลับไปมองคนนั่งตรงข้ามอีกครั้ง
“นั่นน่ะ ปาร์ควังซอง เป็นลูกชายคนกลางของมิสเตอร์ปาร์คแทอุง ผู้บริหาร JKG ที่คุณเคยเจอแล้วไง”
“ครับ”
“ท่าทาง...วังซองจะสนใจเพื่อนคุณซะแล้วล่ะ”
“แล้วยังไง” ริวหันไปถามเสียงเย็น สีหน้าของเด็กหนุ่มทำให้ชินกีชะงักไปชั่วครู่ ไม่คิดว่าสายตาของริวจะน่ากลัวได้ขนาดนี้
“ผมก็แค่บอกให้รู้ เห็นคุณนั่งจ้องเขม็งซะขนาดนั้น”
“ขอบคุณที่บอก” ริวตอบเสียงเรียบแล้วรวบช้อนส้อม หันไปหยิบน้ำมาจิบ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตามองคนฝั่งตรงข้ามนิ่งจนอีกฝ่ายรู้ตัวหันกลับมามองตอบ
วังซองรู้สึกถึงสายตาไม่เป็นมิตรที่ส่งมาอย่างชัดเจน ชายหนุ่มส่งยิ้มให้อย่างยั่วเย้า แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามจะไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย กิริยากอดอกจ้องหน้าเขาเขม็งนั้นดูไม่แยแสว่าคนอื่นๆ จะหันมาเห็นเข้า และแน่นอนว่าเริ่มมีหลายคนเห็นสีหน้าและแววตาของริวเข้าให้แล้ว
พสุพยายามส่งสายตาปรามไปที่ริว แต่เด็กหนุ่มไม่ได้มองมาที่เขา เอาแต่จ้องหน้าปาร์ควังซองเขม็ง สีหน้าประกาศความเป็นศัตรูชัดเจนของริวทำให้ทีมงานหันมองตากันอย่างไม่สบายใจ จะมีก็แต่ทรงเผ่าที่ยังคงกินไปคุยไปกับซาวน์เอ็นจีเนียร์ของเกาหลีเพลินเหมือนไม่เห็นสถานการณ์อึดอัดตรงหน้า จนไมตรีต้องเอาศอกกระทุ้งแขนเตือน
“เดี๋ยวใครจะไปอาบน้ำอะไรก็จัดการกันซะนะ แล้วอย่าลืมมาประชุมล่ะ ตอน 3 ทุ่มตรงเจอกัน ห้ามเลทนะเฟ้ย” ทรงเผ่าบอกเสียงดัง
“ครับพี่เผ่า” ไวยากรณ์รับมุกทันควันแล้วผุดลุกขึ้นเดินไปตบไหล่ริว
“ริวอิ่มยัง ไปข้างบนกับพี่ป่ะ” ไวยากรณ์ชวนริวออกไปเพื่อให้สถานการณ์คุกรุ่นบรรเทาลง แต่ดูเหมือนริวจะไม่ให้ความร่วมมือ
“ไม่ครับ ผมอาบน้ำแล้ว” ริวตอบแล้วจ้องปาร์ควังซองนิ่ง แม้อีกฝ่ายจะหลบตาเสหันไปคุยกับทีมงานไทยที่นั่งข้างแทน แต่เด็กหนุ่มก็ยังนั่งมองนิ่ง
“อ้อเหรอ” ไวยากรณ์เกาหัวแกรก ไม่รู้จะทำไง ได้แต่ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่คนอื่นๆเริ่มทยอยลุกจากโต๊ะอาหาร
ริวถือโอกาสนั้นลุกเดินอ้อมโต๊ะไปหาพสุ แล้วจับไหล่ชายหนุ่มไว้
“พี่...ริวอยากคุยด้วย” เด็กหนุ่มชวนเสียงเรียบๆ พสุก็พยักหน้ารับ
“เอาสิ...ขอตัวนะครับคุณปาร์ควังซอง”
“ครับ” ปาร์ควังซองหันมายิ้มให้พสุแล้วเลิกคิ้วกวนๆ ให้ริว เด็กหนุ่มมองสบตาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเฉยเมยแล้วเดินตามพสุออกมาตรงระเบียงด้านข้าง
พอเดินออกมาพ้นสายตาคนอื่น พสุก็หันกลับไปดุริวก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้เอ่ยปากใดๆ ออกมา
“ทำอะไรน่ะ ไปจ้องหน้าเขาอย่างนั้นทำไม ทำยังกับจะหาเรื่องเขา” ชายหนุ่มดุเสียงเบา แล้วดึงประตูระเบียงปิดเพราะไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยิน แม้อากาศข้างนอกจะเย็นเยือก แต่อาศัยว่าทั้งเขาและริวใส่สเวตเตอร์ตัวหนาจึงไม่ค่อยมีปัญหากับการออกมายืนที่ระเบียงเย็นๆ มากนัก
“ก็ไอ้หมอนั่นมัน...” ริวไม่รู้จะใช้คำพูดว่ายังไงดี แต่สีหน้าเกรี้ยวกราดของเด็กหนุ่มเป็นสิ่งแปลกสำหรับพสุจนชายหนุ่มเกือบตกใจ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา ริวไม่เคยทำท่าโกรธเกรี้ยวแบบนี้ แม้ครั้งหนึ่งเด็กหนุ่มจะเคยแสดงว่าโกรธตอนที่ไวยากรณ์ทำเขาตกบันได แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้รุนแรงหรือแสดงความเป็นศัตรูเปิดเผยขนาดนี้...เขารู้ว่าริวยังเด็กและเก็บความรู้สึกไม่เป็น แต่คนอื่นๆ คงไม่เข้าใจริวอย่างเขาแน่ๆ
“ริว...โกรธอะไรครับ เรื่องแค่นี้เอง” พสุทำเสียงปลอบแล้วลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ ริวขยับเข้ามายืนจนชิด แต่ไม่กล้ากอดพสุเพราะรู้ว่าพี่ไม่ชอบให้เขากอดนัวเนียเวลาอยู่ในสถานที่เปิดแบบนี้
“ก็มันมองพี่แบบนั้น...เห็นแล้วมัน...มัน...มันทำตาน่ารังเกียจ”
“ก็ช่างเขาสิ...อยากมองก็ให้มองไป เขาไม่มีปัญญาทำอะไรได้มากกว่ามองหรอกนะ”
“ริวก็แค่มองมันเหมือนกัน” ริวทำเสียงแข็ง เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มเถียงเขา ดวงตาโตเป็นประกายวาววับอย่างดื้อดึง จนพสุแน่ใจแล้วว่าใช้ไม้แข็งกับริวไม่ได้แน่ๆ
“ริวครับ...ริวรังเกียจสายตาที่เขามองพี่ใช่ไหม...แล้วริวคิดหรือเปล่า ว่าทีมงานเกาหลีเขาจะรู้สึกยังไงกับสายตาที่ริวมองนายปาร์คนั่น ยังไงเขาก็ทีมงานเดียวกัน แล้วเราก็ยังต้องทำงานร่วมกันกับเขา...ถ้าเริ่มจากความไม่พอใจกันซะแล้ว แล้วงานมันจะออกมาเป็นยังไง ริวคิดบ้างหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ เขาเน้นคำพูดช้าๆ ชัดๆ เพื่อให้ริวได้สติ และลดความโกรธเกรี้ยวของเด็กหนุ่มลง
“...ริวขอโทษครับ” เด็กหนุ่มหน้าสลด ด้วยความรู้สึกผิด จนพสุอดใจอ่อนไม่ได้
“สัญญากับพี่นะ ว่าต่อไปนี้ริวจะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ น้ำขุ่นไว้ในน้ำใสไว้นอก ท่องไว้นะครับ จะได้ไม่พลาดอีก ต้องหัดควบคุมสีหน้าอารมณ์เอาไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นคนอื่นก็รู้หมดสิครับว่าเราคิดยังไง การที่เราเป็นคนอ่านง่ายดูง่าย ก็เป็นจุดอ่อนให้คนอื่นเขาเอามาใช้หาผลประโยชน์จากเราได้นะ”
“ครับ...ต่อไปริวจะพยายามไม่ให้คนอื่นรู้ว่าริวคิดยังไง”
“ดีมาก...กลับเข้าไปข้างในกันเถอะ เดี๋ยวอีกสักพัก พี่เผ่าคงเริ่มประชุม”
“ริวไม่อยากเข้าไปเลย เกลียดไอ้หมอนั่นชะมัด”
“ริวครับ...ไม่เอาน่า อย่างอแง”
“ครับ” ริวรับคำเสียงอ่อยๆ แล้วเดินตามพสุกลับเข้าไปข้างใน
...............................
-
มีตัวเร่งปฏิกิริยามาเพิ่มอีก 1 คนแล้ว โหะๆ
เอาให้เปิดใจกันไปช้างนึงสักทีเถอะ
-
:3123: :3123: :L1:
-
เป็นชั้นจะโทรไปฟ้องอลันให้สั่งเก็บเลยกวนตีน
-
โถ...หนูริวหวงพี่ไผ่น่าดูเลยนะเนี่ย..
มองเยอะหน่อยก็ไม่ได้อะ...55+
เดี๋ยวนี้อ้อนเก่งขึ้น...ไม่ค่อยโดนพี่ไผ่ดุแถมยังคอยโอ๋อีกตะหาก...
ไผ่เลี้ยงหนูริวได้เป็นลูกแมวเชื่องสุดๆอะ..น่าร้ากกกกกก....>_<
แต่เห็นด้วยกับรีบนสุดๆคะ....ฟ้องอลันซะดีไหมนี่...= =
-
..........
-
นั่นๆ ราดน้ำมันใส่ไฟลุกพรึบเลย สงสัยต้องมีนองเลือดงานนี้ มือที่3 มือที่4 โผล่มาเต็มไปหมด
-
เหอๆๆ ตัวเร่งมันเริ่มมาเรื่อยๆเลยแฮะ :serius2:
เห็นด้วยกับรีข้างบนที่ว่า เอาอลันมาจัดการเถอะ ยังไงคอนเซ็บอลันก็คือทำได้ทุกอย่างเพื่อริว o13
-
สั่งเก็บมันเลย :angry2:
-
มาอีกแล้วพวกตัวกวนความหวานของน้องริวกับพี่ไผ่
-
ได้ข่าวว่าริวมันแค่เก็งตลาดหุ้นแม่น กับเก่งเรื่องดนตรีแค่นั้นเองม๊ายยยยยย :monkeysad:
เป็นแค่เด็กหนุ่มวัย 18 ย่าง19 ขวบเท่าน้านนนนน นู๋ริวของเค้าไม่ใช่มาเฟียน๊า :try2:
จะได้เอะอะ ฆ่ามัน ตืบมัน :ซูโม่: เชือดมัน...แอร๊ยยยยยย แม่ยกนู๋ริวดุเกิ๊น :sad4:
-
catalyst มาอีกแล้ว
พี่ไผ่จะรู้มั้ยว่าริวคิดอะไร
:sad4:
-
:m16:
นายปาร์คเนี่ยวอนซะแล้ว
-
:pig4:
-
โทรฟ้องอลันให้จัดการเล๊ย^^
-
เฮ้อ ตัวมารโผล่มาอีกแล้ว
แค่พี่กรคนเดียวก็เบื่อจะแย่แล้ว
แต่นี่มาเพิ่มอีกสองอ่านแล้วอยากเข้าไปจัดการให้จริงๆเลย
รำคาญชินกีแล้วยังไม่เท่าปาร์ควังซองอยากเตะให้กระเด็นมากๆ
ยิ่งคนเขียนมาบอกว่ามีมาม่ายิ่งเครียดเลยทีเดียวนอกจากนั้นมี
nc 18ด้วย มาทำให้อยากอ่านอีกแล้วนะเนี้ย
:กอด1: :L2: :pig4:
-
เอามันเข้าไป นายกี มานซองอารายนี่อีกชักจะวุ่นวายกันมากขึ้นแล้วเนี่ยอ่านไปอ่านมาจากนั่งยิ้ม
เริ่มหน้าบึ่ง :m16:มาโกรธ :angry2:โมโห :m31:แทนและ ซิ......... :z6:กำจัดจุดอ่อนซะ :beat:
-
ตัวแร๊งส์...มาแล้ว หึหึ
-
น้องริวน่ารักมากกก
ใช้สายตาปกป้องพี่ไผ่ (??) ฮ่าๆๆ
ชอบอ่ะ ,, ดีดี มีคนเข้ามาเยอะๆ
จะได้รู้ตัวกันซักที ^^
-
อ่านแล้วก็รู้สึกว่า
มันช่างน้อยยยยยยจริงๆ
อยากอ่านต่ออีกสัก 10 หน้า
-
ริวนี่นับวันจะเป็นจงอางหวงไข่ขึ้นทุกวัน
ก็เข้าใจน้องริวนะ แบบรักมากหวงมากน่ะ
แล้วก็ไม่มีใครเหมาะกับริวเท่าพี่ไผ่อีกแล้ว
เพราะพี่เค้าเข้าใจริวมากๆลย และดูเหมือนจะเป็นคนเดียว
ที่จะปรามริวได้ ปรามแบบนิ่มๆด้วยนะ ขอแอบชอบพี่ไผ่ของริวด้วยคนนะริว
-
ฟ้องอลันเรยริว :m16:
-
พี่ไผ่อย่าดุริวน๊า
-
ยังงัยกันแน่นะ
:serius2:
มาต่อเร็วๆน๊า งง???
-
ให้อลันจัดการเก็บซะ
-
อ่าาา มันจะเริ่มมาม่าเพราะน้องริวแกหวงพี่ไผ่ออกนอกหน้านี่แหละ
อ่านแล้วแอบเป็นห่วง แต่ตอนน้องริวอ้อนพี่ไผ่นี่น่ารักเนอะ อ่านเมื่อไหร่ได้ยิ้มเมื่อนั้นเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
ริวหวงไผ่มากๆเลยนะเนี่ย
-
หมั่นไส้หมอนั้นจริงๆ ริวจัดการเลยจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร
และของไหนยุ่งได้ของไหนห้ามแตะ
-
ดูท่าจะงานหินนะเนี้ย
-
อยากกระทืบไอ้มือที่3 มือที่4ให้จมดินเลยจริงๆ ถ้ามันรู้ว่าริวเป็นใครแล้วยังจะกล้าหืออยู่รึเปล่า โอ๊ย เซ็ง ฮึ่มๆ :m16:
-
ยิ่งนับวันน้องริวก็ยิ่งแดสงความรู้สึกออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ว่าแต่เจ้าตัวเค้ารู้ไหมนั่นนะว่าที่ทำๆอยู่น่ะ
มันโจ่งแจ้งสุดๆ พวกพี่ไผ่ก็.... ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย จริงๆ
จริงๆพวกมือที่ 2 3 4 ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่หรอกนะ แต่ถ้ามีแล้วทำให้คู่นี้เค้ารู้ตัวกันไวๆ
ก็พออนุโลมให้ได้อยู่เหมือนกันนะ อยากให้รู้ตัวกันเร็วๆ
-
ไผ่เอ้ย น้องมันหึงออกนอกหน้าซะขนาดนั้น ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ
-
อ๊ะ อ๊ะ มีตัวป่วนเพิ่มมาอีกคนแล้ววุ้ย
แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้เห็นอาการหึงของน้องริว
พี่ไผ่จะรู้มั้ยน๊าว่าน้องริวหึงอ่ะ
มีตัวป่วนเยอะ ๆ ก็ดีนะ
น้องริวกับพี่ไผ่จะได้เปิดเผยความในใจกันซักที
เมื่อไหร่จะถึงวันนั้นน๊า
-
เป็นชั้นจะโทรไปฟ้องอลันให้สั่งเก็บเลยกวนตีน
โอ้! ชอบความเห็นของท่านนี้มากมาย >.< เห็นด้วยสุดปลายไส้ติ่งค่า!
จะว่าไป ริวแสดงออกขนาดนี้แล้ว ไผ่มันเข้าใจอะไรบ้าง รู้สึกอะไรบ้าง ไหมเนี่ย?
-
:z3: โดนนู๋ชินกีล่อไปซะคางม่วงแล้วยังไม่เข้ดอีก ตาวังซอง เดี้ยะๆๆ ถ้ามาทำให้บ้านริวแตกนะ :beat: :m16:
-
อ๊างงงงงงงงงงงงงค์
:-[
น่าร้ากกกกก เข้ามาอ่านกี่ทีก็น่าร้ากกกกกก
:-[
เริ่มจะมีผู้ก่อกวนเข้ามาสร้างสีสัน
ว่าแต่...NC อีกนานป่ะคะ
:impress2:
-
ขี้หึงงงงงงงงงงงงง
-
โทรตามพ่อ(?)อลันมาเก็บมันด่วนเลยลูกริววววว!!!!
-
ริวถ้าจะหึงโหดแฮะ แต่ก็ว่าแหละไอ้คุณปาคอะไรนั่นดูจะหื่น ๆ แบบไม่ปิดบัง
เพราะงั้นริวเลยต้องขู่ไว้ก่อนถ้าล้ำเส้นเมื่อไหร่สั่งอลันเก็นเลยริว o18
:pig4: คะ
-
สถานการณ์ใกล้วิกฤติรึเปล่า
-
:z2: ไปเกาหลีทั้งทีสัญญาณไม่ค่อยดีซะงั้น
เริ่มรู้สึกว่าจะมีคลื่นแทรกตลอดเลยนะ.. ริว สั่งเก็บดิ :laugh:
:pig4: :pig4:
-
แย้กกกก รับไม่ได้!! พวกแกจะมาขัดขวางความสุขของหนูริวกับพี่ไผ่ทำไมยะ
เกลียดมัน!ๆๆๆ
เห็นด้วยกับหลายๆรี ที่บอกให้อลันสั่งเก็บซะ
ฮึ่ยๆ สงสารหนูริว มีการมายักคิ้วกวนตีน เป็นอะไรยะ ไม่ทราบว่าคิ้วพิการรึไง!!
เดี๊ยะๆ เดี๋ยวจะเจอหนูริวเสยคางเข้าให้
นี่ๆ หนูริว ลับหลังพี่ไผ่ ค่อยจัดการไอ่ปาร์ควังซองนั่น โอเคมั๊ยจ๊ะ ฮ่า ฮ่า
พี่ไผ่ก็น่าจะรู้ตัวได้แล้วม๊างงงง ว่าหนูริวคิดไรอยู่ จะซื่อไปไหนเพ่่~
-
สมน้ำหน้า เจอริวตาขวางใส่ ชริ ชอบชินกีแล้วมายุ่งกับพสุทำไม :z6: :z6:
หนูริวไม่ต้องน้อยใจไปนะยังไงพสุก็ต้องเป็นของริวคนเดียว :กอด1:
-
กลับมาจากภูกระดึงเหนื่อยๆ
ได้อ่านแล้วมีความสุขดี
แต่น่าจะยาวๆ กว่านี้ก็ดีนะครับ อิอิ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ
-
ริวคะ ริวยังน่ารักเหมือนเดิม แถมเดี๋ยวนี้กล้าแต๊ะอั๋งกันซึ่งหน้า
เรื่องตัวมารหนูโทรไปบอกอลันให้เทคโอเวอร์บริษัทมันเลยดีมั้ยลูก :laugh:
ปล. มาม่าที่ว่าคงไม่ใช่พี่ไผ่รู้ว่าริวคิดยังไง แล้วถอยห่างนะ
ส่วน NC อิช้านหล่ะงง ว่าหนูริวจะเป็นคนกดพี่ไผ่ยังไงในเมื่อหนูอิโนเซ้นท์ซะขนาดนั้น ส่วนจะให้คุณพี่ไผ่มากดอืมถึงตอนนี้พี่แกก็ยังไม่รู้ตัวแล้วมันจะเป็นไปได้มั้ย :เฮ้อ:
+1 ให้น้องคนโพสต์และน้องคนแต่งค่ะ
-
โอ๊ยยยย เซ็ง มีตัวป่วนความรักเพิ่มขึ้นมาอีกคน
แต่ริวก็ทำตามที่พี่ไผ่บอกนะ ไม่ชอบก็เก็บไว้ในใจ แล้วค่อยแทงข้างหลังตอนมันเผลอ คนอื่นจะได้ไม่รู้ด้วย อิอิ
แต่แหม หนูริวออกจะใสซื่อขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อเนอะ
ลุ้นๆ เชียร์นู๋ริวกะพี่ไผ่ให้ร้ากกกกกกันไวๆ
ส่วนนายปาร์คไรนั่นก็...นี่ของขวัญ... :z6: :z6: :z6:
-
อลันอยู่ไหนจัดไปสักดอกจิ น้องริวจะไม่ไหวล่ะนะ :z6:
-
อ๊ายยย คนเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ มันส์แน่ๆค่ะ
-
เข้ามาทวงตอนต่อไป o18
-
:z10: :z10: :z10:
-
:call: :call: :call:
รอนะ
:L2:
-
พี่ไผ่ ยังคงน่ารักกับน้องเสมอ :กอด1:
-
เรื่องนี้..............................อาจไม่ต้องถึงมืออลัน !!!!!!!
น้องริวก็สามารถทำได้ !! อิอิ อย่าลืมว่าน้องริวสามารถปั่นป่วนหุ้นให้ตลาดหุ้นโลกได้ !!
เรื่องแค่นี้จิ๊บ ๆ !! ริวจัดการเลยลูก !!! เคี๊ยกๆๆ
-
หนูริว......จัดหนักกับค่ายเพลงเกาหลีเลยลูก....โทษฐานลุกชายบริษัทริอาจใช้สายตาโลมเลียพี่ไผ่ของหนูริว
-
มารอ ....
วันนี้จะมามั้ยนะ
^^
-
แวะมาเปน fc,,Kiss Me
ด้วยคนนะค่ะ
ปล.ต่อไว ๆนะ แบบว่าอ่านรวดเดียว ค้างอ่ะค่ะ ^^
-
เข้ามานอนรอตอนต่อไป :t3:
-
คิดถึงน้องริวกะพี่ไผ่แล้วน้า! ^^
-
เมื่อไหร่จาอัพอ่า~
รอนานแร้วน้า
-
รออยุ่นะครับบบบบบ :seng2ped:
-
ริว สู้ๆ เอาน่าไม่กี่อาทิตย์ก็กลับไทยแล้ว
-
เข้ามายุให้ริวจัดการด้วยอีกคน
เอาให้หนักเลยริว
โทษฐานมองพี่ไผ่ด้วยสายตาหน้าเกลียด
:m16:
-
กลับไปอ่านตั้งแต่ตอนแรกใหม่ ริวน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกมาก แถมอ่านแล้วไม่สะดุดด้วย ยาวสะจัย
แต่ก็อ่านจนถึงตอนปัจจุบันจนได้ เฮ้อออออออออออออออสะดุดเลย
-
ตอนที่ 58
ทีมงานเกาหลีหลายคนนั่งคุยกันอยู่บนพรมกลางห้อง เพราะคนจำนวนมากหากจะนั่งให้พอดีก็ต้องใช้โต๊ะอาหาร แต่ทรงเผ่าอยากได้บรรยากาศแบบสบายๆ มากกว่าจึงเลือกที่จะนั่งคุยกันบนพรมในห้องโถง พสุพาริวไปนั่งข้างๆ ทรงเผ่า ไมตรีเหลือบมองหน้าริวแล้วเอาศอกกระทุ้งให้ทรงเผ่าดู ทรงเผ่าเหลือบมาสบตากับริวแล้วอมยิ้ม ถึงริวจะทำท่าจ๋อยๆ ซึมๆ อยู่ข้างพสุ แต่ดวงตาที่มองมายังเขายังเป็นประกายดื้อดึงอย่างเห็นได้ชัด จนทรงเผ่าชักแน่ใจว่าถ้างานนี้ไม่มีพสุมาด้วยก็คงไม่มีใครควบคุมเด็กหนุ่มได้แน่ๆ
ซาวด์เอ็นจิเนียร์ที่เคยคุยอยู่กับทรงเผ่าเดินมานั่งข้างริวแล้วก็คุยกันเรื่องดนตรีจนพสุชักมึน ถึงเขาจะมีความรู้เรื่องดนตรีพอสมควรแต่ก็ไม่ลึกซึ้งเท่าริว ทั้งสองคนคุยไปได้สักครู่ทรงเผ่าก็ชะโงกไปคุยด้วย พสุเลยต้องแอบลุกย้ายไปนั่งข้างไมตรีแทน พอดีกับที่ไมตรีเอาเนื้อเพลงใหม่ของไวยากรณ์มาให้พสุช่วยดู ทรงเผ่าจึงขยับเข้าไปนั่งประกบริวเพื่อคุยกันสามคนได้ถนัดๆ ริวนั้นแม้จะโดนประกบอยู่ระหว่างซาวน์เอ็นจีเนียร์ของเกาหลีและโปรดิวเซอร์มือทองของไทย แต่เด็กหนุ่มก็ยังคอยชำเลืองมองมาเป็นระยะๆ พอเห็นว่าพสุยังนั่งดูเนื้อเพลงอยู่กับไมตรีเด็กหนุ่มถึงได้มีสีหน้าวางใจ
หลังจากทุกคนมารวมกันครบทรงเผ่าก็แจ้งตารางงานคร่าวๆ โดยเริ่มจากการอัดเพลงที่เหลือให้เสร็จแล้วจะเร่งถ่ายทำเอ็มวีทันทีเพื่อให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย
“ถ้าประชุมเสร็จแล้ว เราออกไปสังสรรค์กันดีไหมครับ” ปาร์ควังซองชวนทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พสุสังเกตเห็นทีมงานเกาหลีบางคนหันไปสบตากันแล้วทำหน้าเยาะๆ ขณะที่ทีมงานไทยตอบรับอย่างเต็มใจ
“แต่พวกเราบางคนต้องขอตัวนะครับ เพราะมีบางคนอายุยังไม่ถึง” กรเวชออกตัว แล้วปรายตามาทางไวยากรณ์กับริวเป็นเชิงเตือนว่าไม่ให้ไปด้วย
“โอ้ ไม่มีปัญหาครับ ที่ๆ เราจะไปกันเป็นสถานที่เฉพาะของเมมเบอร์ รับรองว่าไม่มีปัญหาเรื่องตรวจบัตรอย่างแน่นอนครับ เวลาเราเลี้ยงนักร้องในสังกัด เราก็พากันไปฉลองที่นี่ครับ” ปาร์ควังซองรับรองแล้วส่งยิ้มมาให้พสุ ซึ่งชายหนุ่มก็แสร้งทำไม่เห็นเสีย สุดท้ายไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ ทุกคนก็ต้องไปตามคำเชิญของปาร์ควังซองอยู่ดี
สมกับเป็นเมมเบอร์คลับชั้นสูงเพราะเมื่อปาร์ควังซองพาทีมงานเข้าไปก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ทุกคนถูกเชิญขึ้นไปยังชั้นลอยที่แยกเป็นสัดส่วนมีแต่พวกเขาล้วนๆ ไม่มีคนอื่นมาปะปนและยังสามารถมองลงมาเห็นเวทีได้ถนัดตา
วังซองมีเพื่อนมาสมทบอีกสองคน แม้จะหน้าตาดีแต่บุคลิกหลุกหลิกและสายตาไม่น่าไว้ใจก็ทำให้พสุอดจับตาดูคนของวังซองไม่ได้ คนของวังซองไม่พูดพร่ำทำเพลง มาถึงก็ชงเหล้าแจกทุกคนทันที แต่พอจะส่งมาให้ พสุก็ขอชงเหล้าเอง ชายหนุ่มเลือกชงเหล้าบางๆ เพราะไม่ต้องการให้ทุกคนเมากันไปเสียก่อน ริวทำหน้าที่เป็นเด็กเสิร์ฟอย่างขมีขมัน เด็กหนุ่มรับแก้วเหล้าที่ชงแล้วยกไปแจกจ่ายกับทุกคนอย่างทั่วถึง ยกเว้นชินกี วังซองและเพื่อนอีกสองคนของวังซองเท่านั้น
“ใจร้ายจังเลยนะริว ทำไมไม่เสิร์ฟเหล้าให้ผมบ้าง”ชินกีกระแซะเข้าไปถามซะใกล้ พอไม่ได้อยู่ในช่วงทำงาน ชายหนุ่มก็แสดงออกอย่างเต็มที่ว่าเขาสนใจริว เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วเดินหนีชินกีดื้อๆ ไม่สนใจจะรักษามารยาทใดๆ ทั้งสิ้น แต่ชินกีไม่ยอมแพ้ ริวเดินหนีเขาก็เดินตาม พอริวนั่งลงข้างพสุ ชินกีก็ตามไปนั่งที่เก้าอี้ตัวข้างๆ แล้วยื่นแก้วเหล้ามาตรงหน้าพสุเหมือนเห็นเขาเป็นเด็กชงเหล้า
พสุรับแก้วมาชงเหล้าให้อย่างไม่เกี่ยงงอน แม้จะรู้ว่ามีสายตาหยันๆ ของชินกีคอยจ้องมองเขาตลอดเวลาก็ตาม
“แต้งกิ้วนะพสุ ถ้าวันหลังไม่ร้องเพลงจะเอาดีทางชงเหล้าก็เข้าท่านะ ท่าทางคุณคล่องดี”
พสุเพียงแต่ยิ้ม สีหน้านิ่งๆ ไม่แสดงท่าทีอะไรของเขายิ่งกระตุ้นให้ชินกีหงุดหงิดมากขึ้น เพราะรู้สึกเหมือนเขาเป็นแค่อากาศธาตุในสายตาของพสุ ขณะที่ริวหน้าเรียบเป็นกระดาษแต่ตาวาววับด้วยความไม่พอใจในคำพูดและกิริยาของชินกี เพียงแต่เขารับปากพสุไว้แล้วว่าจะอดทนเด็กหนุ่มจึงทำได้เพียงขยับเข้าไปใกล้พสุจนไหล่กระทบกัน พอพสุหันมามองริวก็ส่งยิ้มให้ ซึ่งพสุก็ยิ้มตอบเป็นเชิงรู้กัน
พอเห็นว่าพสุต้องชงเหล้าเอง วังซองก็เรียกเด็กเสิร์ฟขึ้นมาชงเหล้าให้ เพราะเดาได้ว่าพสุคงไม่ค่อยไว้ใจเพื่อนเขา และดูเหมือนเพื่อนๆ ของวังซองก็รู้ตัว พวกเขานั่งดื่มเฉยๆ ไม่วอแววุ่นวายกับใครอีก ทำให้บรรยากาศเริ่มสบายๆ มากขึ้น ทุกคนดื่มกินกันอย่างสนุก หลายคนเริ่มออกไปยืดเส้นยืดสายเพราะอดใจไม่ไหวกับเพลงจังหวะเร้าใจ ไวยากรณ์ก็ลากธีรดลลงไปเต้นที่หน้าเวทีเพราะตอนนี้บนเวทีมีนักร้องสาวเซ็กซี่ขึ้นโชว์ลีลาทั้งร้องทั้งเต้นอุณหภูมิบนเวทีแทบเดือดด้วยความร้อนแรงของเธอและทีมแดนเซอร์สาว
ริวถอนหายใจเฮือกอย่างเบื่อๆ แล้วยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นจิบ พสุกระซิบขอไว้ไม่ให้เขากินเหล้า แต่ถึงพสุไม่ขอริวก็ไม่เคยคิดจะกิน เด็กหนุ่มไม่ชอบมาสถานที่อึกทึกวุ่นวายแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากใช้เวลาอยู่กับพสุสองคนมากกว่า หากจะมองหาข้อดีสักข้อของการมาที่นี่คือการที่เขาได้มาคอยดูแลพสุไม่ให้วังซองมาวุ่นวายกับพี่ ริววางแขนไปตามพนักโซฟาทำให้เหมือนโอบพสุอยู่กลายๆ เด็กหนุ่มขยับเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อฟังบทสนทนาของพสุกับทรงเผ่าที่นั่งถัดจากพสุไป กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวพสุทำให้ริวเผลอขยับเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิมเพื่อสูดกลิ่นให้ถนัดๆ ยอมรับว่าน้ำหอมกลิ่นนี้ก็ให้ความรู้สึกสดชื่นดี แต่เขาชอบกลิ่นเดิมที่พสุใช้มากกว่า
“พี่...เปลี่ยนน้ำหอมเหรอครับ”
“หืม? อืม วันนี้ลองใช้น้ำหอมที่พี่แก้วเขาซื้อมาให้”
“ของขวัญวันเกิดของพี่นะเหรอ?”
“ใช่...หอมไหมริว”
“ก็หอมครับ แต่ริวชอบกลิ่นเดิมมากกว่า” ริวตอบแล้วถอยออกมานิดหนึ่ง แค่รู้ว่าน้ำหอมที่พสุใช้เป็นของใครในอกก็ยอกแสยงแปลบปลาบ ริวคว้าแก้วขึ้นดื่มแล้วสำลักพรวด!
รสชาติขมขื่นบาดคอจนเขาสำลักทำให้เด็กหนุ่มแสบร้อนไปทั้งโพรงจมูกและในอก ริวไอโขลก รู้สึกได้ถึงอาการร้อนวาบไปหมดทั้งใบหน้าและในท้อง สิ่งที่ตามมาติดๆ คืออาการมึนหัวจนหมุนติ้ว ตาลายไปหมดจนทรงตัวไม่อยู่
“ริว! เป็นอะไร...นี่กินเหล้าเหรอ?” พสุถามพร้อมกับลูบหลังให้
“ริวไม่รู้ครับ ริวกินแต่น้ำอัดลม แต่ไม่รู้แก้วนี้มาได้ยังไง”
“โทษที ผมเผลอวางเองแหละ ไม่คิดว่าริวจะหยิบไปกิน” ชินกีตอบยิ้มๆ แล้วขยับเข้ามาช่วยลูบหลังให้ริวที่ยังไอโขลกเพราะสำลักเหล้า
เพี๊ยะ!
ชินกีสะดุ้งเมื่อริวปัดมือเขาออกแรงจนเจ็บ สีหน้ารังเกียจไม่ปิดบังของเด็กหนุ่มทำให้ชินกีหน้าชาด้วยความอายแล้วแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ
“ผมแค่จะช่วยลูบหลังให้เพราะเห็นว่าคุณสำลักหรอกนะริว!”
“ไม่ต้อง อย่าแตะตัวผม” ริวตอบเสียงห้วนแต่ไม่ดังนัก และขยับถอยหนีจนเบียดชิดกับพสุ
“ก็ตามใจ! ผมก็แค่อยากจะช่วย ไม่คิดว่าจะรังเกียจกันขนาดนี้” ชินกีต่อว่าแล้วลุกพรวดขึ้นยืน ชายหนุ่มเดินลิ่วๆ ไปห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ ไม่เคยมีใครปฏิเสธลีชินกีมาก่อน เขาคือฟันเฟืองสำคัญในทีมโปรดิวเซอร์ของ JKG และได้ชื่อว่าเป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์ที่อายุน้อยที่สุดในวงการนี้ด้วย แม้แต่ปาร์คแทอุงผู้บริหารของ JKG ยังยอมรับในความสามารถของเขาและคอยเอาอกเอาใจเขาไว้ไม่ยอมให้เขาลาออกแม้เขาจะยื่นใบลาออกมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง นับตั้งแต่มีปัญหากับปาร์ควังซอง
“เดี๋ยวช่วยเอาน้ำอัดลมมาให้มิสเตอร์เกรสันใหม่นะ” วังซองหันไปสั่งพนักงานเสิร์ฟสองคนที่ทำหน้าที่ชงเหล้า หนึ่งในสองลุกออกไปครู่เดียวก็กลับมาพร้อมขวดน้ำอัดลมใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้เปิดและแก้วน้ำแข็งใบใหม่ พสุเหลือบมองนิดหนึ่ง เห็นพนักงานเสิร์ฟรินแต่น้ำอัดลมล้วนๆ ให้ริวก็โล่งใจ ครั้นเหลือบไปเห็นเพื่อนของปาร์ควังซองขยับไปนั่งใกล้ตะวัน ชายหนุ่มก็ยื่นเท้าไปเตะขาตะวันเบาๆ พอตะวันเหลือบมองมาพสุก็ยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาเคาะเบาๆ เป็นสัญลักษณ์ที่รู้กันว่าให้ตะวันระวังแก้วเครื่องดื่มให้ดีๆ
“ริว...เป็นไงบ้าง” อาการนั่งกุมหัวและยังคงมีเสียงกระแอมกระไอของริว ทำให้พสุต้องหันมาลูบหลังให้เด็กหนุ่ม
“แสบคอครับ ตาร้อนหน้าร้อนไปหมด” ริวตอบแล้วสลัดศีรษะแรงๆ เพราะความมึนงงในฤทธิ์เหล้า ถึงไร้เดียงสาแค่ไหนเด็กหนุ่มก็รู้ว่าชินกีแกล้งเขา เหล้าล้วนๆ เพียวๆ แรงจนแทบทรงตัวไว้ไม่ได้
“กินน้ำเข้าไปเยอะๆ ริว เดี๋ยวได้เข้าห้องน้ำสักรอบสองรอบก็ดีขึ้น” พสุกระซิบบอกเบาๆ หวังว่าถ้าดื่มน้ำเข้าไปมากๆ จะช่วยขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายริวได้บ้าง
ริวยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่มรวดเดียวหมดติดๆ กันหลายแก้วอย่างที่พสุแนะนำ แม้จะรู้สึกถึงรสหวานเลี่ยนแปลกๆ ของน้ำอัดลมก็ยังฝืนกินเข้าไป แต่ยิ่งกิน คอก็ยิ่งแห้ง อาการร้อนวูบวาบด้วยฤทธิ์เหล้าเริ่มแปลกไปเล็กน้อย น้ำอัดลมเย็นๆ ไม่ได้ทำให้เขาเย็นขึ้นแต่กลับร้อนจนแสบไปหมดทั้งตัว เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกจนต้องสูดหายใจแรงๆ ริวรู้สึกถึงอาการไหวโคลงของทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายจนนั่งไม่อยู่ต้องเอนตัวไปพิงพสุไว้
“พี่...ริวเป็นอะไรไม่รู้ ริวร้อนมากเลย” ริวกระซิบบอกพสุเสียงสั่น พร้อมกับขยับเข้ามาเบียดจนพสุต้องหันกลับมาแตะตัวริว เด็กหนุ่มตัวร้อนผ่าว ดวงตาฉ่ำเยิ้มเหมือนคนเมาหนัก ทั้งที่ตั้งแต่สำลักเหล้าริวก็ไม่ได้แตะเหล้าอีกเลย พสุก็เห็นอยู่ว่าริวกินแต่น้ำอัดลมแต่ทำไมอาการริวกลับยิ่งแย่กว่าเดิม
“ไหวมั๊ยริว เวียนหัวมากเลยเหรอ?”
“...พี่...ริว...รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ริวร้อนจัง” ริวกระซิบแล้วบีบมือเขาแน่นพร้อมกับซุกหน้ามาที่ไหล่ ลมหายใจที่รินรดต้นคอร้อนจนพสุสะดุ้ง
ชายหนุ่มหันไปหาตะวันแล้วเหยียดเท้าไปเตะขาอีกฝ่ายอีกรอบ ตะวันหันมามอง พอเห็นริวซุกหน้าอยู่กับไหล่พสุก็ชะงักรีบลุกมาหา
“น้องเป็นอะไรไผ่?”
“อาการแปลกๆ ฉันจะพาริวกลับ นายบอกพี่เผ่าให้ด้วยแล้วกัน” ทรงเผ่ากับไมตรีลุกออกไปยืนคุยอยู่กับโปรดิวเซอร์ของ JKG ที่เพิ่งตามมาสมทบอยู่อีกด้าน ส่วนกรเวชนั้นลงไปตามประกบไวยากรณ์กับธีรดลข้างล่าง
“ไปด้วยกันนี่แหละ เดี๋ยวฉันมา”
“เร็วๆนะ” พสุเร่งแล้วหันมาลูบหัวเปียกเหงื่อของริวเบาๆ เป็นเชิงปลอบ เสียงหายใจของริวดูเร็วกว่าเดิม มือที่บีบมือพสุก็เกร็งแน่นจนเจ็บ
“พี่...พี่ริวร้อน”
“อดทนไว้นะริว เดี๋ยวเราจะกลับกันแล้ว”
“อ้าว! มิสเตอร์เกรสันเป็นอะไรไปเหรอครับ เมาเหรอ?” สีหน้าเยาะๆ ของปาร์ควังซองทำให้พสุจ้องมองอีกฝ่ายอย่างระแวง ชายหนุ่มเหลียวมองหาอีกคนที่น่าจะอยู่ด้วยแล้วก็พบว่าลีชินกีนั้นดูเหมือนจะเมาจนไม่ได้สติ ชายหนุ่มเต้นโงนเงนอยู่ระหว่างเพื่อนสองคนของปาร์ควังซองที่กำลังลูบไล้เนื้อตัวชินกีอย่างน่าเกลียด แม้ว่าชินกีจะพยายามปัดป้องแต่ก็ดูอ่อนแรงเต็มที
“ไม่ได้เมาหรอกครับ แค่ไม่สบาย ผมก็เลยจะพากลับไปพักผ่อน” พสุตอบเสียงเรียบๆ แล้วขยับลูบหลังเปียกเหงื่อของริวเบาๆ แต่เด็กหนุ่มกลับสะท้านเฮือกทั้งตัวจนชายหนุ่มต้องหยุดลูบ
“งั้นให้ผมช่วยนะ” ปาร์ควังซองขยับจะเข้ามาหาริวแต่กลับถูกปัดมือออกอย่างรวดเร็วจนเขาชะงัก ปาร์ควังซองหันไปมองหน้าคนที่ปัดมือเขาออกอย่างไม่พอใจในตอนแรก แล้วก็เปลี่ยนเป็นยักไหล่ยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าคนที่ปัดมือเขาคือตะวัน
“ไม่จำเป็น ขอบคุณที่มีน้ำใจ เราดูแลกันเองได้” ตะวันบอกเสียงห้วนแล้วยืนขวางหน้าปาร์ควังซองเอาไว้ จนวังซองต้องถอยห่างอย่างยอมแพ้
“งั้นเหรอ...ก็...ตามสบายครับ” สีหน้าสะใจแกมหยันๆ ที่วังซองทิ้งทวนไว้ทำให้ตะวันกัดกรามกรอดด้วยความไม่พอใจ ชายหนุ่มหันกลับมาก็พบว่าพสุกำลังพยายามจะประคองริวลุกขึ้น
“ริว...ลุกไหวไหม กลับบ้านกัน”
“ไหวครับ ไหว...” ริวตอบเสียงแผ่วแต่ไม่ยอมขยับตัว จนกระทั่งตะวันเอื้อมมือไปถูกตัว เด็กหนุ่มก็หดตัวหนี
“ไม่!” ริวตัวสั่น ผิวไวสัมผัสอย่างประหลาดจนรู้สึกเหมือนมือของตะวันทั้งร้อนและระคายจนไม่อยากให้แตะต้อง เด็กหนุ่มซุกตัวลงกับอ้อมแขนของพสุเพื่อสัมผัสผิวเย็นๆ ของพี่ที่ดูจะช่วยให้อาการขนลุกขนพองด้วยความรู้สึกประหลาดบรรเทาลง
“ริว...นี่พี่เอง พี่จะช่วยพาไปขึ้นรถ” ตะวันบอกเสียงเรียบๆ แล้วหันไปหยิบผ้าเย็นมาฉีก ชายหนุ่มใช้ผ้าเย็นรองมือก่อนจะจับต้นแขนของริวยกขึ้น ขณะที่พสุรีบสอดตัวเข้าไปอีกด้านเพื่อพยุงริวขึ้นยืน เด็กหนุ่มทิ้งน้ำหนักลงไปบนตัวพสุ แม้ตะวันจะมีผ้ารองมืออีกชั้นแต่สัมผัสร้อนๆ ดูจะซึมผ่านจากผ้าลงมาที่ผิวจนริวกระสับกระส่ายด้วยความขยะแขยง พสุรีบพาริวเดินออกจากที่นั่นโดยเร็วพลางกระซิบบอกให้ริวเร่งฝีเท้าเพื่อออกไปให้เร็วที่สุด
พอออกมาข้างนอกตะวันก็โบกเรียกแท็กซี่ที่จอดเรียงรายอยู่หน้าผับ ซึ่งก็แล่นมาจอดเทียบทันทีเหมือนกัน พอเข้าไปนั่งในรถได้ริวก็พยายามดึงแขนออกจากการเกาะกุมของตะวัน
“พี่ตะวันปล่อย...ริวไม่ไหว...” ริวกระซิบหน้าซีดเผือดเป็นสัญญาณที่คุ้นกันดี ตะวันรีบปล่อยแขนเด็กหนุ่ม ขณะที่ริวซุกหน้ากับไหล่พสุแน่นเพื่อสะกดกลั้นอาการคลื่นเหียนและอาการแปลกประหลาดในช่องท้อง...
“ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย!” ตะวันถึงกับสะดุ้งเมื่อหันกลับมาพบว่าชินกีโถมเข้ามากอดเขาเอาไว้ ถ้าเขารับไว้ไม่ทันชินกีคงล้มคว่ำลงกับพื้น ชายหนุ่มมองไปด้านหลังชินกีก็เห็นชายสองคนที่มากับปาร์ควังซองวิ่งตามชินกีออกมาด้วยสีหน้าเหี้ยนกระหือรือ สัญชาตญาณบอกกับตะวันว่าชินกีเองก็เจอปัญหาให้แล้ว ชายหนุ่มเหลียวไปมองคนในรถแล้วตัดสินใจปิดประตูแท็กซี่
“เอาน้องไปบ้านก่อนไผ่ เดี๋ยวฉันตามไป” ตะวันสั่งแล้วหันไปโบกเรียกแท็กซี่อีกคัน ตราบใดที่เขายังอยู่คนพวกนั้นก็ยังไม่กล้าแตะต้องชินกีแน่ๆ
................................................
-
อุ๊ยพี่ตะวันไม่อยู่แบบนี้ก็ทางปลอดโปร่งสิคะเนี้ย
:oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
ว่าแต่พวกนี่เลวจริงๆอ่านแล้วอยากจะพุ่งเอาส้นทรีนเหยียบหน้าพวกมันนัก :z6: :z6: :z6: :z6:
-
โอ๊ยยยยยยค้าง
ริวโดนวางยาใช่ป่ะเนี่ย
-
ชินกีโดนวางยาแน่ๆเลย แล้วก้อพอดีกับริวที่ซัดโฮกเหล้าแก้วนั้นไปเลยโดนด้วย
โชคดีที่มีพสุกับตะวัน ยังไงคืนนี้ก้อคงรอดแหละ
อ่านแล้วลุ้นมากๆเลยค่ะตอนนี้ รอตอนหน้านะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
:serius2: ริวโดนวางยาแน่นอนอ่ะ
หรือว่านี้จะเป็นที่มาของNC o22 แต่แบบนี้ไม่เอาได้มั้ยอ่ะ มันดูมาม่าไงไม่รู้อ่ะ :sad4:
อลันนนน :o12: รีบมาจัดการคนที่มาแกล้งริวเร็วเข้า :z6:
-
อรั้ย หวาดเสียววววว ริวโดนยา แล้วพี่ไผ่จะช่วย.....ยังไงค๊า >//<
-
ริวโดยยาปลุกเหรอเนี่ย
เฮือก
:pighaun:
พี่ไผ่จะรอดหรือเปล่าเนี่ย
-
อิสามตัวนี้ใส่ยาในแก้วชินกีแน่เลย มันมีเรื่องกันอยู่แล้วนี่เนอะ
แล้วชินกีมันก็เอาแก้วตัวเองมาแกล้งริวอีก
จะกลายเป็นสองคู่มั๊ยหว่้า ตะวัน-ชินกี อีกคู่ อิอิ ตะวันจะได้มีคู่กะเขาสักที
ชินกีก็ดีนะ ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะจีบริว อย่างน้อยเขาก็จีบตรงๆไม่มากเล่ห์เหมือนไอ้ซองผ้าป่านั่น
-
อี......วังสอง ช่างเดรัจฉานสันดานเยี่ยงนี้ !!!!!!!! IQ มีต่ำกว่าพวกเหลือบไรอสูรนรกสันดานชั่วรึ !!!
กูขอสาปแช่ง!! ให้ไอ้อีวังซอง ......................>NL?GFULTDCBVCJ<HFGUYHJCV P(*)(^*%&^$^#WU%Q
น้องริว!! ตื่นมาได้สติจัดการมันเลย ฟ้องศาล USA เลย !!!!!!!! บอกบลันส่งคนมาจัดการมัน !!!!!!!!!!!!!!!! :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
-
ชินกี จะมาคู่กะพี่ตะวันหรือเปล่านะ :z2:
-
ปาร์ค
เมิงๆๆๆๆๆ
-
อ่านแล้วอยากจะไปกระทืบปาร์ควังซองจริงๆเลย
ริงเราโดนยาหรือเปล่าเนี้ยอาการน่าสงสัยอยู่นะ
ส่วนชินกีตอนแรกก็หมั่นไส้อยู่หรอกแต่ตอนนี้ก็
สงสารนิดหน่อยแฮะเหมือนว่าชินกีน่าจะโดนยาด้วยเหมือนกัน
และอาจจะไม่ใช่ครั้งแรกด้วย ตะวันช่วยหย่อยแล้วกันนะ
หรือไม่แน่อาจจะมาคู่กับตะวันหรือเปล่าน้า
:กอด1: :L2: :pig4:
-
คู่ของพี่ตะวันจะใช้ชินกีหรือเปล่าน้า :L2:
-
อลัน มาช่วยริวด้วยยยย
ริวโดนปาร์ควางยา :serius2: :serius2:
สงสารริวอ่ะ ถ้าต้องกดพสุเพราะยาละก็..(แต่จะว่าไปถ้าไม่โดนยาแล้วหนูริวจะกล้ากดพสุเหรอขนาดฝันเปียกยังพึ่งเคยเป็นเลย :เฮ้อ:)
-
อร๊าย ไม่อยากจะคิด แต่คงไม่มีอะไร รึเปล่า 555
ริวโดนวางยา โหดร้ายทำอย่างนี้ได้ไง
คนพวกนี้ก็น่ากลัว แล้วตะวันล่ะ...
-
ไอ้พวกนี้ทำงานเป็นทีม :m16:เลวจริงๆๆ
น้องโดนยารึป่าวเนี้ย เง้อทำไงดี
-
ไม่มีรายจะคอมเม้น เพียงแต่อยากะถามว่าทำไปเพื่ออะไร เพื่อหวังในตัวของริวเท่านั้นหรอ
เหรอเพราะเสียหน้าที่เขาไม่สนใจ หรอแค่ความสะใจ ถ้าการทำงานที่เกาหลีมันมีปัญหาทำไมต้องไปทำค่ะ
ยกเลิกไปได้เลย บอกตามตรงว่าไม่เข้าใจ มันเป็นแรงกระตุ้นที่ไม่เวิร์คอ่ะเจ้ว่า มันดูไม่ใช่ เธอคือลมหายใจ
แตก็ต้องรอให้มาเฉลยข้อสงสัยที่เกิดขึ้นต่อไป คิดซะว่า ขำๆแล้วกัน.........
-
ริวโดนวางยาแน่ ๆ พี่ไผ่จะช่วยน้องได้หรือเปล่าเนี่ย
ฟื้นเมื่อไหร่..ริวให้อลันปิดค่ายเพลงเกาหลีบ้าบอไปโลด
-
โดนยารึเปล่า
แล้วช่วงท้าย อย่าบอกนะว่าเป็นแผนอิพวกชั่วเกาหลีนั่นน่ะ
-
อ่านไปลุ้นไป..หวังว่าตะวันจะปลอดภัย
น้องริวรีบหาย กลับมาจัดการให้สำนึกเลย
+1
-
น้องริวโดนวางยารึป่าวเนี่ย
อาการดูรุนแรงกว่าเมาเหล้านะ
ใครวางยาน้องริวป่ะเนี่ย
ต้องเป็นปาร์ควังซองแน่ ๆ เลย
เพราะชินกีก็เหมือนจะโดนวางยาเหมือนกัน
ตะวันไปช่วยเค้าก็ระวังตัวด้วยนะ
อ๊ะ ๆ พี่ไผ่กับน้องริวกลับกันแค่สองคน
แล้วน้องริวเมาขนาดนี้จะเผลอไผลปล้ำพี่ไผ่มั้ยน๊า
แล้วพี่ไผ่จะสู้แรงคนเมาได้มั้ยเนี่ย
-
รอออออออออออออ :undecided:
-
วงการเกาหลีเชื่อว่าจริงๆก็คงไม่ไกลห่างจากแบบนี้เท่าไหร่-*-
สู่ต่อไปนะริว เพื่อรักของเรา
ปล.อยากให้เจ้าปาร์คงี่เง่าโดนเอาคืนจัง ริวจ๋า เอาอำนาจมืดซัดซักรอบได้ไหม หมั่นไส้ง่ะ555
ปล.ดีใจจังเรื่องโปรดเรามาตาอแล้ว เย้ๆ
-
ริวโดนยาแน่ๆเลย แล้วชินกิโดนด้วยหรือเปล่าอ่ะ
แต่ที่แน่ๆหลังจากจบคืนนี้ปารค์โดนแน่แต่นะโดนอะไรนะ :interest:
จากนี้จะเป็นตะวันชินกิหรือเปล่านะ :haun5:
แล้วคู่ไผ่กับริวใครจะรุกใครนะ :confuse:
อยากให้ริวรุกอ่ะ
ขอสนับสนุนริวรุกอย่างเป็นทางการ
-
NC แบบเมาๆ ผสมยานี่ไม่ประทับใจเจ้เลยอ่ะ :z3: มันเหมือนตกกระไดพลอยโจนยังไงไม่รู้
แหมก็เราลุ้นให้รักกันมาตลอดเรื่อง :เฮ้อ:
เป็นกำลังใจให้คนแต่งหวังว่าจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด :กอด1:
แล้วคู่ไผ่กับริวใครจะรุกใครนะ :confuse:
อยากให้ริวรุกอ่ะ
ขอสนับสนุนริวรุกอย่างเป็นทางการ
แต่เราอยากให้ไผ่รุกอ่ะ งั้นอิเจ้จเป็นผู้สนับสนุนไผ่รุกอย่างเป็นทางการ :z2:
-
หวังว่าการที่ตะวันช่วยชินกีครั้งนี้
คงจะสำนึกได้แล้วไม่สร้างปัญหานะ
ฆ่ามันคนที่ทำกับริว
-
อ๊าก............. โดนวางยา
แอบกรี๊ด... พี่ตะวันจะมีคู่ กั๊กๆ
-
เลวจริงๆ คงไม่ใช่ว่าริวจะทำไรพสุเพราะยานะ :serius2: :serius2:
-
ดูแล้ว..ชินกีต้องคู่ตะวันแน่เลย :o8:
จริง ๆ แล้วเราก็ชอบชินกีนะ เราว่าน่ารักดี :-[
:fire: ใครบังอาจวางยานู๋ริวของป้า!!!
ป้าจะ...กราบขอบพระคุณอย่างงาม o18
หวังว่าฉากหน้าจะเป็นฉาก..
:oo1:
เค้าจะรออ่านนะ มาอัพเร็ว ๆ นะตัวเอง
:กอด1:
-
ต้องใส่ยาอะไรลงไปแน่ ๆ เล๊ยยยยย !!!
-
:impress2: มาละ บทพิสูจน์ ของพี่ไผ่ กะ น้องริว :-[
พี่ตะวันด้วย มั้ย ?
:pig4: :pig4:
-
:fire:
มันเกิดอะไรขึ่นเนี่ย :angry2: ไอพวกเวน
ตอนนี้จัด nc เลยค่าไรเตอร์ แต่มันแบบไม่ดี ๆๆๆ อยากให้ nc แบบมีสติทั้งคู่ โอ่ะ
ไม่ไหว ๆๆ
น้องริวต้องจัดการให้พวกเวนนั้นให้เดี้ยงไปเลยนะ อย่ามาแหยมได้ไง
โอ๊ยย อยากอ่านต่อ ไม่ไหวแล้ว
-
:m31: :m31: :m31:
-
o22 อืมมมม จริงๆตอนนี้มันเครียดมาก แต่คนอ่านลุ้นมากกว่าว่าจะมีอะไรในกอไผ่กะริวจัง
-
:impress2: :impress2: ลุ้นๆๆๆ...อย่างตื่นเต้น
-
ไผ่จะรู้มั้ยว่าน้องโดน...หึหึหึ
-
แต่งดีมักๆๆๆ....ชอบๆๆๆๆ
-
เห็นแววว่าจะมี สองคู่
อร๊ายยยย อะไรยังไงรึ เปล่า พี่ตะวันเนี่ย
^^
พี่ไผ่ดูแลน้องดีดีนะ
ดูแลแบบ ,, ประชิดตัวเลยก็จะยิ่งดีนะ ^^
-
ริวเราโดนวางยาซะแล้วแล้วนี้จะเป็นยังไงต่อละเนี้ยลุ้นอยู่ว่าพี่ไผ่จะช่วยริวยังไง
แต่จะว่าไปพี่ตะวันงานนี้ซวยเห็นๆ งานนี้จะออกหัวออกก้อยก็ไม่รู้
-
แต่เราอยากให้ไผ่รุกอ่ะ งั้นอิเจ้จเป็นผู้สนับสนุนไผ่รุกอย่างเป็นทางการ :z2:
สนับสนุนให้พี่ไผ่รุกด้วยยยยยยยยยยยย เป็นฝ่ายเริ่มก็ยังดีกว่า
-
พี่ตะวันเท่มากเล้ยยยยยยยย....>O<
อยากให้พี่ช่วยชกวังซองไปซักหมัดคะ...คนอ่านหมั่นไส้สุดๆเลยนี่...=*=
กลับจากผับคราวนี้คนป่วยเยอะแยะไปหมดแน่เลย...ไม่รู้พี่ตะวันจะช่วยใครก่อนดี...55+
หนูริวใจเย็นๆเน้อ...กอดพี่ไผ่ไว้เดี๋ยวดีเอง...55+...ว่าแต่ทำไมตัวพี่ไผ่ถึงเย็นพอให้กอดได้อยู่คนเดียวละนี่...เวนกำ..
-
:-[
-
ตะวันจะเป็นไงบ้าง
แล้วริวล่ะถ้าโดนยาพี่ไผ่จะดูน้องยังไง
ลุ้นๆๆๆๆ :-[
-
ง่ะ มีอะไรในน้ำอัดลมหรือเปล่าเนี่ย
-
รอยู่นะครับบบบบบบบบบบบบบบ :seng2ped:
-
ลุ้นจังเลย >_<
น้องริวโดนยาซะละมั้งนี่ ชินกิแน่ๆเลย
พี่ตะวันเท่มากๆ อยากรู้ว่าพี่ตะวันจะมีคู่มั้ยคะ แล้วจะได้คู่กับใคร
ตอนนี้มานี่ลุ้นตอนหน้ากระจาย :serius2:
-
(http://upic.me/i/ji/images111.jpg)
อ่า...ไม่รู้ว่าจะเป็นการไปบล็อคจินตนาการใครอะป่าวนะ
แต่เวลาเขียนคิดถึงคนนี้เรย แชนนี่ ทาทั่มจากสเตปอัพ1
กับอีกคน คนนี้เป็นคนที่รู้สึกว่า ใช่ อีกคน แต่เวอร์ชั่นตอนริวโตแล้ว คิดว่าหลายคนคงรู้จัก
(http://upic.me/i/6v/dennis1.jpg)
-
อ๊าก โดนวางยาแน่ๆเลย ให้อลันจัดการให้อยู่ไม่ได้เลยนะ :fire:
โกรธมากๆ มาทำงี้ได้ไง ต้องสั่งสอนบางแล้วมั้ง ว่าพี่ไผ่กับรอวอ่ะ
แตะต้องไม่ได้ รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วมาเร็วๆนะ ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง :angry2:
-
:z3: ริว แอนด์ เดอะ แก้งส์ งานเข้าาาาาาาาาาาาา
ปล.พี่ตะวันช่วยชินกีหรอ แม้นแมนอะ :-[
-
ส่งมันเข้าคุก USA อเมริกา ให้มันรู้จักสิทธิมนุึษยชนของ USA มั่งว่าร้ายกาจขนาดไหน!!!!!!!!!!!!!!!
-
อร๊ากกกก หนูริว!! กดพี่ไผ่เลยลูก ได้โอกาสแย้วววว~ เอร๊ยย ล้อเล่นๆ
เกลียดอีพวกปาร์ควังซองจริงๆ :m16:
ส่วนพี่ตะวัน ชินกีคือเนื้อคู่พี่รึป่าว? คึคึ
รอตอนต่อไปค่ะ เอาใจช่วยให้หนูริวกดพี่ไผ่ ว๊ายๆ ไม่ดีๆ เดี๋ยวจะเกิดมาม่า
พี่ไผ่ ดูแลหนูริวด้วยนะคะ
อย่าไปเผลอกดหนูริวเข้าล่ะ เพราะหนูริวเป็นฝ่ายรุกพี่นะ!!~ :pigha2:
-
รอตอนต่อไปครับ มาเร็วๆ หน่อยนะครับ อิอิ
เลวจริงๆ เลยพวกนี้
-
เง้อออ...น้องโดนยาแหงๆๆ.
ตาแก่จอมหื่นพวกนี้น่ากลัวอ่ะ
-
หนูริวโดนวางยารึป่าวอ่ะ ดูแลดีๆนะพี่ไผ่ (ลุ้นไปในทางไม่ดี อิอิ)
ท่าทางจะมีคู่ใหม่ ลุ้นพี่ตะวันกะชินกี
-
ตอนหน้า พี่ไผ่(อาจ)เสียตัวแน่ หุหุ (ลุ้นๆ)>///<
-
มันค้างมากมายยยย
น้องริวเราอย่ายอมมมรับน้าาาา 555
-
มันเลวกันจริงๆ แอบวางยาน้อง อย่างนี้ต้องเล่นกลับให้ล้มละลายไปเลย ว่าแต่คืนนี้พี่ไผ่จะรอดหรือเปล่านะ
-
:beat: :beat: :beat: :beat:
-
ริวจะเป็นอะไรมากไหมนี่
ไอ้พวกบ้านั้น :z6:
อาจให้จบๆงานแล้วรีบกลับไทยกันเลย
-
เอ่อ อ่า คือ... คือมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ?
-
จะแปะรูปน้องริว แต่...แปะไม่ได้ อ่า ใครพอจะแนะนำได้ม่างค้าบ
กดที่เมนูอันที่ 3 แถวที่ 2 ที่หน้าตาแบบนี้อ่ะค่ะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/Themes/default/images/bbc/img.gif) แล้วเอา url ของรูปใส่ลงไปตรงกลางค่า
ป้าไร้ท์เตอร์ ลองทำๆๆๆ เขาอยากเห็นนุ้งริว และพี่ไผ่โด้ยน๊า วันนี้วันดี โพสให้ด้ายๆๆ
-
เชียร์ๆค่ะ
และรอตอนต่อปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
-
แต้งกิ้วจ้า JJHJJH อ่ะ แปะให้แล้วนะคะสำหรับน้องริว ไม่รู้จะผิดหวังกันม๊ายยยยย
ส่วนพี่ไผ่ อิอิ วันหลังค่อยมาแปะแน๊ๆ :m23:
-
ว้ายยยย.....เค้าคิดไปไกลแล้วงานนี้
ทั้งตะวัน ทั้งพี่ไผ่ ต้องช่วยคนโดนยา :z1:
โอ้ยอยากให้ UP เร็ว ๆ จัง :haun4:
:pig4: คะ
-
ใจจะขาดแล้วค่ะ
-
จะหื่นมากไหมเนี่ยถ้าอยากรู้ว่าพี่ไผ่จะช่วยริวยังไง
:-[
-
อรั้ยๆๆๆๆ จิ้นถึงเดนนิสโอเหมือนกันเลยค๊า บรรเจิดม๊ากกกกกกก >//<
-
มาได้แล้วเน้อ
-
แวบๆมาแปะรูปพี่ไผ่ตามคำสัญญา
เวลาจิ้นหน้าตาบุคลิกท่านชายอ่า นึกถึงคนเน๊เรย
(http://upic.me/i/4i/pasu2.jpg)
แต่ เวลาแต่งจริงๆดันนึกแต่หน้าคนเน๊ (อุ๊ยหลายใจเนาะป้าคนแต่งเนี่ย)
(http://upic.me/i/uz/pasu1.jpg)
-
อุ๊ย พี่เคนจะถูกกด หุหุ
-
รออยู่ หลายวันแล้วครับ อยากอ่านต่อไวๆเยอะๆ จัง อิอิ :call:
-
:call: :call:
-
แอบแวะมาดูอีกที หุหุ
-
พี่ติ๊ก/พี่เคนจะกดเดนนิสโอต่างหาก
(จะไหวไหมฮืออออ)
-
:fire:มาคอยทุกวัน อิอิอื :L1:
-
ว๊ายย มาแย้วววว
ป้าไรท์เตอร์คระ พี่เคนโดนป๋าเดนนิสกดอิชั้นรับไม่ได้ :sad4:
แต่ถ้าครูกุ๊กโดนคุณประจักษ์กดก็โออยู่ววว :o8:
**************
ตอนที่ 59
พสุหันไปเร่งแท็กซี่ให้ขับเร็วๆ ซึ่งคนขับเองพอเห็นอาการริวแปลกๆ ก็รีบเหยียบคันเร่งแทบมิด เพราะไม่อยากให้ริวมาคายของเก่าบนรถเขาเช่นกัน โชคดีที่ผับกับบริษัทอยู่ไม่ไกลกันนัก พอรถชะลอตรงป้อมยามรักษาการณ์ พสุยื่นบัตรผ่านออกไปแล้วชี้ให้ดูว่าพวกเขามีคนป่วยมาด้วยจำเป็นต้องให้แท็กซี่เข้าไปส่งข้างใน ยามรักษาการณ์จึงปล่อยให้ผ่านเข้าไปโดยดี
พอรถจอดพสุก็ประคองริวลงจากรถ เด็กหนุ่มกอดรัดพสุแน่นจนแทบเดินไม่ได้เพราะตอนนี้ไม่มีตะวันช่วยประคองอีกด้านแล้ว กว่าพสุจะพาริวไปถึงห้องได้ ก็ทุลักทุเลแทบแย่ แต่พอถึงเตียงริวกลับไม่ยอมปล่อยพสุ เด็กหนุ่มกอดแน่นจนล้มกลิ้งไปด้วยกัน พสุต้องพยายามเรียกอยู่หลายครั้งเพื่อให้ริวได้สติ
“ริว...ริว...ถึงบ้านแล้ว ปล่อยพี่ได้แล้ว”
“พี่...ริวร้อน ร้อนมากเลย” ริวตอบเสียงพร่าแล้วไถใบหน้าไปบนอกและไหล่ของพสุ ขณะที่วงแขนก็กอดรัดพสุแน่นจนเจ็บ พสุจำต้องอยู่นิ่งๆ เพื่อให้ริวสงบลงบ้าง แต่เด็กหนุ่มยิ่งทุรนทุราย ริวตัวสั่นเหงื่อเปียกโชกไปทั้งแผ่นหลังขณะที่กล้ามเนื้อเกร็งเขม็งทั้งตัว
“ริวช่วยตัวเองสิ จะได้หายทรมาน” พสุบอกอย่างกระดากนิดๆ แต่ก็น่าจะดีกว่าปล่อยไว้แบบนี้
“ช่วย...?”ริวมองเขาตาลอย สีหน้างุนงง เหมือนเขาพูดภาษาที่ฟังไม่เข้าใจ ทำให้พสุต้องพูดย้ำอีกครั้ง
“ก็...ก็ทำ masturbate ไง”
“ริวไม่รู้ ริวร้อน...ร้อนจังเลยพี่...อึดอัด...” เด็กหนุ่มพลิกหน้ากระสับกระส่าย ใบหน้าแดงก่ำด้วยความทรมาน
“ริวไม่เคยช่วยตัวเองเลยเหรอ?” พสุถามด้วยความงุนงง จริงอยู่ว่าริวดูไร้เดียงสามาก แต่ริวโตมาในสังคมอเมริกันไม่น่าจะไม่รู้อะไรเลยขนาดนี้ เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบ ได้แต่ส่ายหน้าไปมาแล้วเบียดซุกเข้ามาหาพสุอีก
ชายหนุ่มปวดหัวหนึบ เขาจะช่วยริวยังไงดี เด็กหนุ่มโดนยาไปขนาดนี้แต่กลับไร้เดียงสาขนาดไม่เคยช่วยตัวเอง แม้จะเคยได้ยินมาว่าน้ำเย็นๆ จะช่วยให้อาการดีขึ้น แต่พสุก็ไม่กล้าใช้น้ำเย็นกับริวในอุณหภูมิติดลบขนาดนี้แน่ๆ
“ริว...พี่จะช่วยให้ริวหายนะ ริวปล่อยพี่ก่อน”
“...ครับ...” ริวกระซิบตอบเสียงแผ่ว แต่ยอมคลายอ้อมแขนออก เหมือนเด็กหนุ่มยังพอรับรู้แต่ควบคุมสติตัวเองไม่ได้
พอหลุดจากอ้อมแขนริวได้พสุก็รีบวิ่งเข้าไปเปิดน้ำใส่อ่าง ก่อนจะออกมาเปิดเครื่องทำความร้อน แต่เมื่อไปถึงเตียงก็พบว่าริวกำลังพยายามถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก เด็กหนุ่มกระชากเสื้อออกแรงจนกระดุมสเวตเตอร์ขาดกระเด็น พสุรีบเข้าไปประคองเด็กหนุ่มลุกขึ้น แต่ริวก็ยังคงดึงเสื้อผ้าออกจากตัวจนหมด ผิวขาวกลายเป็นสีแดงจัดไปทั้งตัว กล้ามเนื้อต้นแขน อก และ หน้าท้อง เกร็งจนขึ้นเป็นมัดชัดเจน เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด ขดตัวงอเข้าหากันด้วยความทรมานขณะที่พสุพยายามประคองริวลุกขึ้นอีกครั้ง
“ลุกไหวไหมริว...ริว...”
“พี่ช่วยด้วย” ริวเพ้อแล้วกอดพสุแน่น ชายหนุ่มประคองริวลุกขึ้นได้สำเร็จก็ค่อยๆดึงแกมลากเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องน้ำจนได้
“ริวลงไปในอ่าง น้ำจะช่วยให้ริวดีขึ้น” พสุบอกหอบๆ ริวตัวโตกว่าเขามากจริงๆ เด็กหนุ่มยอมลงไปในอ่างน้ำตามที่พสุสั่ง น้ำอุ่นๆ ในอ่างช่วยให้ความทรมานลดลง แต่ก็เพียงครู่เดียวอาการร้อนรุ่มทุรนทุรายก็กลับมาอีก ผิวหนังเห่อร้อนไวต่อสัมผัส จนไม่ว่าจะแตะที่ไหนก็แสบร้อนไปหมด ริวดิ้นทุรนทุรายจนจมวูบลงไปในอ่าง
พสุตกใจรีบตามลงไปช้อนตัวเด็กหนุ่มขึ้นมา จนตัวเขาเองก็เปียกโชกไปทั้งตัว ริวสำลักน้ำจนไอโขลกแล้วกอดเขาไว้แน่นอีกครั้ง เด็กหนุ่มลืมตาแดงก่ำขึ้นมามองพสุด้วยสายตาวิงวอนแกมตกใจกลัวทำให้พสุใจอ่อนยวบด้วยความสงสาร ชายหนุ่มตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะทำมาก่อนในชีวิต พสุดึงเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นแล้วประคองออกจากอ่างน้ำ เขาไม่แน่ใจว่าถ้าอยู่ในน้ำจะประคองริวไว้ไม่ให้จมน้ำลงไปอีกได้หรือเปล่าจึงพาริวกลับมาที่เตียงแทน ชายหนุ่มวางร่างเปียกโชกไว้บนเตียงแล้วไปล็อคประตูกันไม่ให้ใครเข้ามา ก่อนจะถอดเสื้อผ้าเปียกๆ ของตัวเองออก แล้วสวมเสื้อคลุมไว้ลวกๆ เพราะต้องรีบกลับไปดูริว เด็กหนุ่มขดร่างเปลือยเปล่าเป็นวงกลมเหมือนทารก มือทั้งสองข้างกำผ้าปูที่นอนบิดแน่นจนแทบขาดคามือด้วยความทรมาน เสียงหอบหายใจแรงจนพสุกลัวว่าริวจะช็อกเพราะหายใจไม่ทัน
“ริว...เป็นไงบ้าง” พสุถามพลางลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าแผ่วเบา
“พี่ช่วยด้วย...ริวไม่ไหวแล้ว...ช่วย...” เด็กหนุ่มผวาเข้ามากอดพสุไว้จนชายหนุ่มหงายหลังลงไปบนที่นอน มีร่างเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มทาบทับ พสุลูบไล้ไปบนกล้ามเนื้อเกร็งแข็งของเด็กหนุ่มเพื่อปลอบประโลม ริวตัวสั่นแต่วงแขนที่กอดรัดเขาก็แน่นยิ่งกว่าเดิม
พสุรู้สึกแปลกๆ ทั้งเขินทั้งกระดาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขาต้องช่วยให้ริวหายทรมานให้ได้ ชายหนุ่มค่อยๆ ดันตัวริวให้นอนตะแคงไปด้านข้างเพื่อที่เขาจะได้แตะต้องริวได้สะดวก พสุลูบมือไปบนสะโพกและต้นขา รู้สึกได้ถึงอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อและลมหายใจที่รินรดอยู่บนต้นคอเขาก็สะดุดเป็นห้วง เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือเขาสัมผัสส่วนร้อนจัด มือที่กอดรัดอยู่บนแผ่นหลังพสุบีบแน่นจนเจ็บทุกครั้งที่เขาขยับมือ เพียงสัมผัสไม่นานริวก็เกร็งไปทั้งตัว คงเพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้เด็กหนุ่มพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม
“...พี่...อือ...” ริวซุกหน้ามาบนต้นคอของพสุ เด็กหนุ่มหอบหายใจแรง จนชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจเต้นระรัวของริว เด็กหนุ่มเกร็งเขม็งขึ้นทั้งตัว ก่อนหยาดอุ่นร้อนจัดจะพรั่งพรมลงบนมือของพสุ เด็กหนุ่มเกร็งตัวนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่งก็ทิ้งตัวอ่อนยวบลงบนที่นอน เสียงหายใจหอบกระเส่า กล้ามเนื้อแขนและแผ่นหลังยังสั่นระริก
“ขอโทษครับ...ขอโทษ...” ริวกระซิบบอกเสียงพร่า หยาดน้ำอุ่นๆ เปียกมาถึงซอกคอทำให้พสุต้องลูบหลังแข็งเกร็งของริวเบาๆ เพื่อปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรริว ช่างมัน ปล่อยมันไปนะ มันเป็นแค่ฤทธิ์ยาเท่านั้นเอง ไม่ต้องร้องไห้”
ขณะเดียวกันส่วนที่เขาสัมผัสอยู่ยังคงร้อนจัดและเขม็งตึงทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยไปหมาดๆ คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้ริวยังมีความต้องการอยู่ เด็กหนุ่มนอนนิ่งๆ อยู่ครู่เดียวลมหายใจก็เริ่มกระชั้นและขยับตัวเข้ามาเสียดสีกับพสุ แม้จะรู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาแต่พสุก็อดกระดากไม่ได้ ชายหนุ่มขยับจะลุกขึ้นเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่ริวขยับวงแขนกอดรัดแน่นกว่าเดิม ทำให้เขาถลำเข้าไปในอ้อมแขนของริว เด็กหนุ่มซุกหน้ามาแนบกับใบหน้าของเขา ปากและจมูกร้อนๆเบียดไถลไปกับแก้มและริมฝีปากของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
พสุตัวชา เขารู้ว่าริวทำไปเพราะฤทธิ์ยา แต่ความรู้สึกหวามๆ อุ่นๆ ที่พลุ่งขึ้นมาในอกมันคืออะไรชายหนุ่มก็ตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ เขาตกใจกับความรู้สึกนั้นจนต้องผลักริวออก เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง จ้องมองเขาด้วยสายตางุนงงในทีแรกก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียใจ
“พี่ไม่ได้ตั้งใจริว พี่ตกใจ” พสุบอกเสียงพร่า ริวพยักหน้ารับแล้วพลิกหันหลังให้ เด็กหนุ่มขดตัวเป็นวงเหมือนเดิมแล้วกอดตัวเองไว้แน่น เล็บตัดสั้นจิกเข้าไปในต้นแขนของตัวเองเพื่อระงับความพลุ่งพล่านไว้
พสุมองอย่างลังเล ใจหนึ่งก็เป็นห่วงริว อีกใจก็ชังความรู้สึกประหลาดของตัวเอง แต่ความเป็นห่วงก็มีชัยชนะจนได้ ชายหนุ่มช้อนตัวริวกลับเข้ามากอด เด็กหนุ่มผวาเข้ามาซุกหน้ากับไหล่พสุอ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดรอบเอวเขาแน่น
“พี่ครับ...พี่อย่าเกลียดริว...ริวขอโทษ...ฮืก!”
“ชู่ววววว...พี่ไม่ได้เกลียดริวนะครับ ไม่ต้องร้องไห้นะ...เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป พี่จะช่วยให้ริวหายทรมาน...”
“พี่...ริวเป็นอีกแล้ว...มัน...” ริวครางเสียงสั่นกอดรัดพสุแน่นกว่าเดิม
พสุปล่อยให้เด็กหนุ่มเบียดเสียดร่างกายเข้าหา จนรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อที่สัมผัสกัน ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อพบว่าเสื้อคลุมของเขาแหวกออกไปจนร่างเปลือยเปล่าของเขากับริวแนบกันสนิท ผิวอุ่นร้อนจัดพาให้เขาร้อนไปด้วย เสียงลมหายใจหอบกระเส่าดังอยู่ข้างหู ขณะที่ขาของริวแทรกเข้ามาระหว่างขาของพสุ ผิวร้อนจัดเสียดสีจนสัมผัสได้ทุกอณูเนื้อของกันและกัน ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้านี้ทำให้เลือดในกายพสุระอุร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มพยายามข่มกลั้นไว้ แต่ร่างกายกลับทรยศ ถึงไม่เห็นพสุก็รู้ว่าตนเอง “รู้สึก” ไปกับสัมผัสร้อนๆ นี่แค่ไหน
“พี่...พี่ไผ่ครับ...พี่” เสียงริวกระซิบข้างหูหอบๆ พสุสะดุ้งเมื่อปากนิ่มๆ เบียดไถลมาบนแก้มและปากของเขาอีกครั้ง ริวพยายามจะจูบเขาทั้งๆ ที่จูบไม่เป็น เด็กหนุ่มฝากรอยปากเปะปะไปตามแก้มและซอกคอของพสุ ชายหนุ่มพยายามจะห้าม แต่ปากนิ่มๆนั่นเลื่อนมาปิดปากเขาเสียก่อน ริวเบียดปากลงมาบนปากของพสุ แล้วจรดแช่ไว้จนชายหนุ่มรู้สึกถึงความอุ่นร้อนของลมหายใจ เด็กหนุ่มแนบประกบชิดเหมือนทำอะไรไม่ถูกแต่ไม่ยอมถอยออกไป แม้พสุจะพยายามเบนหน้าหนีแต่ปากบางๆก็ตามติดพัวพันไม่เลิก สัมผัสเปะปะไร้เดียงสาทำให้ความผิดชอบชั่วดีในสมองของพสุปลิวหาย
ชายหนุ่มไม่แค่เลิกเบี่ยงหน้าหนีแต่กลับหันมาประกบปากบางไว้แนบแน่น และไม่แค่บดปากรับปากของเด็กหนุ่ม แต่พสุยังสอดลิ้นเข้าไปทักทายในโพรงปากร้อนผ่าวของริวด้วย กลิ่นเหล้าจางๆ ในปากนุ่มหวานเพราะความไม่เดียงสากระตุ้นให้พสุมัวเมาไปกับการชิมรสแปลกใหม่ เด็กหนุ่มตัวแข็งค้าง แล้วสั่นสะท้านทุกครั้งที่พสุพลิกลิ้นเข้ากอดเกี่ยว ขณะที่มือของเขาขยับลูบไล้เร่งเร้าจนริวผวาเข้ากอดเขาไว้แน่น
พสุไม่เคยมีเซ็กซ์กับผู้ชาย แต่ระหว่างเขากับริวมันเป็นเหมือนสัญชาตญาณมากกว่าว่าเขาควรทำยังไงให้ริวไปถึงจุดหมาย เด็กหนุ่มผวาเยือกสูดลมหายใจจากปากของพสุเฮือกใหญ่ ขณะที่ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง เสียงครางในลำคอของริวสะเทือนมาถึงพสุจนเขาสะดุ้ง ชายหนุ่มใจหายวาบรีบปล่อยปากนุ่มที่บวมเจ่อเป็นอิสระ
“พี่จ๋า ริวรักพี่...ริวรักพี่นะ” ริวกระซิบคำรักกระท่อนกระแทนด้วยแรงหอบหายใจ เด็กหนุ่มขยับเข้ามาจูบแก้มพสุแล้วซุกหน้าไว้ที่ซอกคอเขา เสียงหอบหายใจแรงจนตัวโยน ค่อยๆ ลดระดับลงช้าๆ ไม่นานก็อยู่ในสภาวะปกติ
แม้เวลาจะผ่านไปครู่ใหญ่ๆ แต่พสุก็ยังนอนลืมตานิ่งอยู่ในท่าเดิม ชายหนุ่มกำลังตกใจกับความไร้สติของตัวเอง
นี่เขาทำอะไรลงไป เขาจูบริว...แน่นอนว่าการใช้มือช่วยริวนับเป็นเรื่องจำเป็นในสถานการณ์แบบนี้ แต่การที่เขาจูบริวมันคนละเรื่องกัน เขาจูบผู้ชายด้วยกัน แถมคนๆ นั้นยังเป็นคนที่เขาคิดเสมอว่ารักเด็กหนุ่มเหมือนน้องแท้ๆ แต่เขากลับจูบริว ไม่ใช่การกอดหรือหอมด้วยความเอ็นดู แต่เป็นการจูบแลกลิ้นด้วยอารมณ์พิศวาส!
พสุค่อยๆ พลิกตัวริว ลงจากเตียงนอนแล้วรวบเสื้อคลุมมาสวมให้เรียบร้อยก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำ ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำออกมาเช็ดเนื้อตัวริวจนสะอาด แล้วสวมเสื้อคลุมตัวใหม่ให้ริวก่อนจะกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง
“บ้าที่สุด! แกเป็นบ้าหรือไงวะไผ่ ทุเรศจริงๆ แกจูบผู้ชายเนี่ยนะ!” พสุตะคอกตัวเองในกระจกแล้วพุ่งตัวเข้าไปใต้ฝักบัว เปิดน้ำล้างคราบไคลของริวบนเนื้อตัวเขา เอวและแขนของเขามีแต่รอยเขียวช้ำ คงเพราะริวกอดรัดเขาแน่นจนทิ้งรอยไว้ ชายหนุ่มมองสำรวจร่องรอยไปทั่วก่อนจะเหลือบมองความอัปยศของตัวเองแล้วสบถลั่น ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเกิดอารมณ์กับริว
พสุพยายามตั้งสติ ตอกย้ำกับตนเองว่าเพราะเหล้าส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคงเกิดจากการสัมผัสเสียดสีกันระหว่างที่เขาช่วยริว ผู้ชายแค่แตะต้องนิดหน่อยก็เกิดอารมณ์ง่ายๆ แล้ว พสุพยายามไม่คิดหาเหตุผลว่าแล้วทำไมเขาต้องมาเกิดอารมณ์เอากับริวด้วย ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ากำลังช่วยริวให้หายจากฤทธิ์ยาแท้ๆ ความรีบร้อนจนกลายเป็นลนลานทำให้พสุปิดประตูห้องน้ำไม่สนิท ชายหนุ่มไม่รู้ว่าคนที่เขาคิดว่าหลับไปแล้วนั้นนอนลืมตาฟังทุกคำพูดของเขาเต็มสองหู ริวเม้มปากแน่นน้ำตาไหลด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อพี่รับไม่ได้ที่จูบเขา เขาก็จะลืมเรื่องนี้ให้หมด จะไม่ให้พี่รู้ว่าเขาจดจำอะไรได้แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะได้กลับไปเหมือนเดิม พี่ก็จะยังยอมให้เขากอดและกอดเขาอย่างสนิทใจเหมือนเดิม เด็กหนุ่มนอนนิ่งจนได้ยินเสียงเปิดประตูริวก็หลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอเหมือนเขาหลับสนิท
พสุมองที่นอนที่มีคราบเปรอะเปื้อนไม่มากนักแล้วถอนใจเฮือก คงเพราะคราบเลอะเทอะส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวเขาและเสื้อคลุมก็เลยทิ้งร่องรอยไว้บนที่นอนไม่มากอย่างที่คิด ชายหนุ่มกระดากเกินกว่าที่จะให้ริวไปนอนเตียงเดียวกับเขาเหมือนเมื่อคืน จึงทำเพียงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ริว ก่อนที่เขาจะหันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน
ชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จก็อดกลับมานั่งมองหน้าริวไม่ได้ ความรู้สึกแปลกๆ ถาโถมเข้ามาจนพสุต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ได้แต่ภาวนาให้ฤทธิ์ยาทำให้ริวจดจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ริวบอกรักเขา เพราะเด็กหนุ่มชอบพูดว่ารักเขาเสมอเวลาที่มีความสุข แต่คำรักในวันนี้กลับทำให้หัวใจเขาสะท้านสะเทือนอย่างบอกไม่ถูก ยังดีที่ริวไร้เดียงสาจนทำอะไรไม่เป็นนอกจากกอดเขาเอาไว้แน่นๆ ถ้าหากริวเคยมีเซ็กซ์มาบ้าง พสุคิดว่าเขาคงช่วยอะไรเด็กหนุ่มลำบาก เผลอๆ อาจต้องหาผู้หญิงมาให้ริวแทน ซึ่งก็น่าจะทำให้เขาลำบากใจน้อยกว่านี้
เสียงเคาะประตูทำให้พสุได้สติ ชายหนุ่มรีบวิ่งไปเปิดประตูให้ ตะวันก็แทรกตัวเข้ามาทันที พอตะวันถอดเสื้อโค้ตออกพสุก็ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นรอยถลอกเป็นแนวบริเวณหน้าอกของตะวัน และกระดุมเสื้อที่ขาดแล่งของเชิ้ตตัวใน ตะวันก้มมองตัวเองแล้วสบถเบาๆ ก่อนจะถอดเสื้อที่กลายสภาพเป็นผ้าขี้ริ้วโยนลงตะกร้า
“บ้าชิบ รู้อย่างนี้ไม่ช่วยก็ดี นายชินกีนี่ยังกับหมาบ้า ฟัดมาได้เสื้อผ้าขาดหมด”
“เอ่อ...ตกลงว่าชินกี...”
“โดนเหมือนริวแหละ แต่คงแรงกว่ามาก...ริวหลับแล้วใช่มั๊ย” ตะวันถามแล้วชะโงกไปดู เห็นริวขดตัวหลับเงียบก็ถอนใจอย่างโล่งอก เขาคิดว่าริวคงโดนยาไม่แรงเท่าชินกี ถึงหลับไปง่ายๆ เพราะชินกีนั้นอาละวาดจนจับแทบไม่อยู่
“อืมหลับแล้ว...แล้ว นายจัดการกับชินกียังไง” พสุถามอย่างกระดาก แต่ก็อยากรู้ว่าตะวันรับมือกับคนที่ทั้งเมาเหล้าแล้วยังโดนยาขนาดนั้นได้ยังไง
“ก็พอมาฟัดฉันมากๆ ฉันก็น็อคโครมเข้าให้ สลบเหมือด แล้วก็จับมัดไว้ คิดว่าคงฟื้นตอนเช้าโน่นแหละ”
“อ้าว! แล้วตอนเช้าใครจะแก้มัดให้เขา”
“ก็สั่งแม่บ้านที่คอนโดเขาไว้แล้วว่าตอนเช้าให้เข้าไปปลุกด้วย...ก็คงแก้มัดกันเองแหละมั้ง” ตะวันตอบอย่างไม่ใส่ใจ แล้วคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป พสุเหลือบมองริวอีกครั้ง แล้วถามตัวเองว่าทำไมเขาไม่ทำอย่างตะวัน แล้วชายหนุ่มก็ให้คำตอบตัวเองได้ทันทีว่าเพราะริวตัวโตกว่าเขา การจะน็อคเด็กหนุ่มได้ในหมัดเดียวคงไม่ใช่เรื่องง่าย และอีกอย่าง เขาไม่เคยคิดว่าจะใจแข็งพอจะทำให้น้องเจ็บได้
................................
-
:monkeysad: สงสารน้องริว ><
-
^
^
^
^
จิ้มพี่ไผ่
พี่ไผ่ใจรายอ่าาาาาหนูริวเสียใจเลยดูดิ :m16:
มาต่อด่วนนนนนน :serius2:
ปล.ชอบตอนนี้อ่ะ :z1:
ปล2.ดูไม่ออกอยู่ดีว่าใครเมะใครเคะ
-
อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ริวน่าสงสารที่สุดเลยทรมานน่าดู
ดีที่พี่ไผ่ช่วยอย่างน้่อยก็พี่ไผ่ทำ
เพราะริวทำไม่เป็น แต่พี่ไผ่ก็ทำริวเสียใจน่ะ
พี่ตะวันก็โดนหนักเหมือนกันน่ะ
ดูสิทำเอาหน้าอกกับเสื้อขาดเลย
การจัดการของตะวันเด็ดขาดจริงๆ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง คริๆ
-
พี่ไผ่ใจร้าย :m15: :m15:
กดริวหรือให้ริวกด(ริว;ผมทำไม่เป็น) กดหมดเรื่องไปแล้ว...(ล้อเล่น)
เริ่มหวั่นไหวและไหวหวั่นกันแล้วตอนนี้ สงสารหนูริวมากเลย :เฮ้อ:
-
ป้าไรท์เตอร์คระ พี่เคนโดนป๋าเดนนิสกดอิชั้นรับไม่ได้ :sad4:
แต่ถ้าครูกุ๊กโดนคุณประจักษ์กดก็โออยู่ววว :o8:
แล้วทำไมไม่คิดว่าเป็นคุณประจักษ์ โดนเดนนิสกดมั่งอ่ะตัวเอง :haun4:
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อีกนิดเท่านั้น
อีกนิด ที่พสุ จะเสร็จริว
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เชียร์ตะวันกับชินกีเหมือนกันนะเนี่ย
ฮิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สมหวังๆกันทุกคนน้าาาาาาาาา
-
อ่อยยยยยยยยยยยยย
พี่ไผ่อย่าโทษตัวเองซี่ ... น้องได้ยินเลยอ่ะ
โฮๆๆๆ น้องคงคิดว่าพี่ไผ่รังเกียจมาก
ฮืออออ น่องริวไม่เป็นไรนะ คราวหน้าเอาใหม่ (???)
พี่ตะวันเจ๋งชะมัดเลย ฮ่าๆๆ ซัดซะน็อกเลยจ้ะ
^^
หวั่นไหวกันต่อไปนะ เราชอบบบบ
-
พี่ไผ่เริ่มมีใจกับริวแล้ว :mc4:
-
สงสารริวอ่าาาาาาาาา อย่างว่าแหละ...
พี่ไผ่เค้ายังแมนอยู่นี่นะ ;_________;
เอาใจช่วยริวๆๆๆ
-
เข้ามาอ่านครั้งแรก ใช้เวลาในออฟฟิศเกือบทั้งวัน (เืพื่ออู้งานมาอ่านนิยาย 555+)
ริวใสซื่อน่ารักมากมาย :m3:
-
ริวน่าสงสารอ่ะ พี่ไผ่มาสับสนอะไรเอาตอนนี้นะ
-
สงสารทั้งคู่.... ไม่อยากคิดวันต่อไป
เคืองไผ่มากกว่า ไม่ระวังความคิด คำพูด น้องริวเสียใจเลย
-
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ
นะๆ
ไรท์เตอร์ที่น่ารัก
หมวยอยากอ่านต่อแล้วอ่ะ
แงงงงงงง
จะเอาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
-
ไม่เอา....กลิ่นมาม่ามาแล้ว
-
ว๊าาา นึกว่าจะเรียบร้อยกันซะแล้ว แค่เฉี่ยวๆ ให้รู้สึกเองอ่า โหยๆ :serius2:
-
พี่ตะวันเจ๋งมาก น่าจะซัดแรงๆเอาแบบให้สุดๆไปเลย
-
ไม่จริงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
สงสารริวอ่ะไม่น่าได้ยินที่พี่ไผ่พูดเลย ฮื่ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
-
:undecided:
หื่น...ไม่ออก o22
เห็นแววมาม่ามารำไร o18
สงสารหนูริว :sad4:
รอต่อไปค่ะ... o13
ต้มมาม่ารอ... :o12:
-
อ๊ายยยยยยย
จิตใจนู๋ริวบอบช้ำอีกแล้ววววว
ไม่อยากกินมาม่าอ่ะ
ชอบขนมหวาน ฮื้อ ๆๆๆ :serius2:
-
ไอด้อนท์นีด มาม่า าาาาาาาาาาาาาา :o12:
อิ่มแล้วค่ะ ไม่ต้องต้มมาม่าเผื่อนะคะ :monkeysad:
-
น้องริวได้ยินเลยอ่ะไผ่ ริวเสียใจนะเนี่ย
ไม่อยากคิดว่าจะมาม่ารึเปล่า
แต่ขอหวานๆนะคะ
-
ตะวันแมนสุดๆเลย ถึงขนาดน็อคเลยโหดนะคะ
แต่คู่ริว ไผ่นี่ใครเมะอ่ะ :serius2:
ไผ่ก็มีประสบการณ์ในขณะที่ริว ไม่เค๊ยไม่เคย
แต่ริวตัวโตกว่าเห็นถ้าเทียบกันที่รูปร่าง
ตอนแรกนึกว่าจะต้องมีฉาก :-[ ซะอีก ก็มีตั้ง 2 คู่นี่นาถ้าปิ๋ว 1 ก็ยังเหลืออีก 1
แต่ผิดคาด เป็นคนดีกันจัง สุภาพบุรุษที่สุดในโลก
ไผ่ตอนนี้เริ่มรู้ใจตัวเองแล้วนะว่าคิดยังไงกับริวถึงจะยังรับไม่ได้ก็เถอะแต่ไม่น่าพูดให้ริวได้ยินเลยอ่ะ
-
ขอบคุณจ้า
:L2:
-
สงสารริวไม่ค่อยรู้เรื่องรอบตัวอะไรนักรักก็บอกว่ารักแต่อุปสักมันเยอะ
พี่ไผ่สงสรริวหน่อยน้องเจ็บหนักเลยครั้งนี้ :m15:
-
:serius2: สงสารริวที่สุดดดอ่ะ
อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆจัง :z10:
-
เค้าแวะมาอ่านอีกรอบ หุหุ
เฮ่อออออออออออออออออออออออออออออออพี่ไผ่อ่ะไม่น่าพูดเลย ทำริวเสียใจเลยเห็นไหมแบบนี้นี้จะกลับไปเป้นเหมือนเดิมได้ไงยังไงเสียในใจลึกๆริวก็ต้องกลัวว่าพี่ไผ่จะเกลียดตัวเอง
-
อ๊ายยยยยยย ตอนต่อมาแล้ว อะฮั้นดีใจมากมาย
น้องริวน่าสงสารจัง แต่ในอีกทางเหตุการณ์นี้ก็เป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกพสุได้ดีนะเนี่ย อิๆ
ว่าแต่เมื่อไหร่พสุจะรู้ใจตัวเองน้ออออ อยากอ่านตอนต่อไปจังงงงงงงงงงง
-
อ๊าย....... น้องริวเสียใจอีกแ้ล้ว
พี่ไผ่นี่ไม่ได้ดั่งใจเล๊ย.........
โธ่.. นึว่าตะวันจะช่วยชินกีแบบ... พี่ตะวัน โหดมาก....... อิ..อิ
-
ริวต้องคิดมากอีกแน่ๆเลย
แต่พี่ไผ่เริ่มหวั่นไหวแล้ว แสดงว่าเริ่มมีใจ :o8:
-
ไอ้ไผ่..ไอ้โง่
โง้ววววว..โง่
เชียร์จนเหนื่อยแล้วนะ
สงสารริว :sad11:
-
:z3: :z3: :z3: สงสารริวอะะะะะะะะะ
พี่ไผ่น่ารู้ตัวเองซักทีนะ เปงอย่างงี้สงสารน้องมันตายเลย เฮ้อออออออ :เฮ้อ:
-
พี่ไผ่ชักเริ่มหวั่นไหวแล้วดิ
เผลอจูบน้องริวไปด้วย
ริวพยายามไปเรื่อย ๆ นะ
เดี๋ยวพี่ไผ่ก็ใจอ่อนเอง
แต่พี่ไผ่ทำน้องริวเสียใจนะเนี่ย รู้ตัวมั้ย
สงสารริวอ่ะ
-
สงสารริวจัง พรุ่งนี้เช้าจะเป็นยังงัยกันเนี่ย
-
พี่ไผ่ของนู๋แมนจะตาย เค้าคนรักน้องงงงงงงงงงงงงง
จะมาก่งมากด ธ่อ แค่ทำเองยังทำไม่เป็นเลย ต้องให้พี่เค้าสอนนะลูกริว
-
:z3: แทนที่จะหวานแหวว..หวานแหวว..........กลับน่ากลุ้มใจกว่าเดิม
-
สงสารน้องอ่า...พี่ไผ่...T^T
แต่อย่าเลียนแบบพี่ตะวันหนะดีแล้ว...โหดเกิ้นนนนน...
ตอนหน้าหนูริวคงจ๋อยไปอีกเยอะ....น่าสงสารจัง....
-
สงสารน้องริวอ่าาาา
แต่ก็เข้าใจพี่ไผ่นะ คงอยู่ในช่วงสับสน
อยากให้ทั้งสองร้ากกันไวๆ
อย่าทำตัวเปลี่ยนไปนะพี่ไผ่ กลัวน้องรับไม่ได้
-
:L2:
-
โถ่ๆๆๆๆนู๋ริววว
แต่ก็ดีนะครับ
เหมือนอะไรๆมันกระเตื้องขึ้น
-
พี่ไผ่ขา ระหว่างที่น้องยังกดพี่ไม่เป็น พี่ไผ่ควรอย่างยิ่งที่จะฉวยโอกาสทองนี้กดน้องนะคะขอบอก :oo1:
มิเช่นนั้นวี่แววเคะจะมาหาพี่แล้ว
สู้ๆ ยังไงเราก็เชียร์พี่ไผ่เมะ :z2:
-
หวั่นไหวหรือไหวหวั่นค่ะพี่ไผ่ :เฮ้อ:แต่ให้ดีตอนนี้น้องเสียใจมากมายไปล่ะ
-
อย่าดราม่าให้มากนะสิ
มีความสุขเยอะนะดีแล้ว
คนอ่านห่อเหี่ยวตาม
หวังว่าถ้าริวทำเป็นลืมไปแล้ว
พี่ไผ่ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม
-
สงสารริว :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาจะไหล ริวรักพี่ไผ่มากเลยเนอะ
ขนาดควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้นะเนี่ย
เกิดเหตุการณ์นี้ พี่ไผ่คงต้องมาทบทวนตัวเองมั่งละมั้ง
เป็นกำลังใจให้นะคะ แล้วก้อบวกให้กับความใสของน้องริวด้วย
-
:กอด1: :L2:
-
สงสารน้องริวจัง :monkeysad:
แต่ก็เข้าใจพี่ไผ่เค้านะ
เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา
-
สงสารหนูริวจริง ๆ
-
เข้ามาอ่านอีกรอบ อยากบอกไรเตอร์ว่าชอบใจตอนนี้มากที่ไม่ได้เป็นอย่างที่จิ้นไว้หลังจากอ่านตอนที่แล้วจบ และได้รู้ว่า ตัวละครมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นมาอีกคนละนิด พี่ไผ่ก็เริ่วไหวหวั่น ส่วนน้องก็เริ่มเรียนรู้เรื่องเพศมากขึ้น
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ค่ะ :กอด1:
ปล. เค้าไม่อยากกินมาม่านะ เดี๋ยวท้องอึด
-
ชอบตอนนี้มากเลยนะครับ ตอนแรกคิดว่าตอนนี้จะออกมาแนวโฉ่งฉ่างซะแล้ว แต่ผิดคาดแหะ มันออกมากลมกล่อมกำลังดี o13
ตอนนี้เริ่มเห็นความคืบหน้าแล้ว สงสารน้องริวมากเลย แต่ก้อเข้าใจไผ่ด้วย อยากให้ไผ่รู้ว่าริวรักไผ่ขนาดไหน
อ่านแล้วนอนเพ้อทั้งคืน เชียร์น้องริวสุดใจ :L2:
-
เกลียดทั้งสองคน เกลียดคนแต่ง เมื่อรายจะรักกันสักที
เกลียดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เกลียดตัวเองที่อินเกินไป
ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
แอร๊ยยยยยยยยส์ ไผ่ทำไรน้อง :m25:
น้องริว โอ๋ ๆ ๆ :impress3:
-
อ่านแล้วว กลิ่นมาม่าโชยมาแล้วว
พี่ไผ่อย่าไปคิดมากกก ชอบก็ชอบ
สงสารน้องริววว
-
ทำไมอ่านแล้วกลับไม่รู้สึกดีที่สองคนใกล้ชิดกันละ
แต่กลับรู้สึกสงสารริว น้องไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปแสดงออกแบบไหนดี
และก็คงไม่เข้าใจด้วยว่ารักแบบนี้ต้องอดทน และพยายามแค่ไหน :monkeysad:
:pig4: คะ
-
อิหนูริวเอ้ยย..จะตื่นขึ้นมาทำม๊ายยย.....นอนไปซะแต่แรกก็ไม่ได้ยินแล้ว
-
โฮๆ เสียใจอ่ะ ริวน่าสงสารจริงๆ เข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว
-
สงสารริวอ่า
พี่ไผ่ก็รีบๆ รู้สึกตัวสักทีเน้อ
คนอ่านลุ้นอยู่ อิอิ
-
:call:รออ่านต่อนะครับบบ :call:
-
อ่านไปใจระทึกไป และในที่สุดก็สำเร็จ :pighaun:
แต่ว่า พี่ไผ่ :o12: ริวได้ยินน่ะที่พี่พูด
ริวน่าสงสารมากเลยน่ะ พี่ช่วยดีกับริว
และรักริวเร็วๆเถอะ
-
รู้ใจตัวเองกันเร็วๆน๊า น้องริวกับพี่ไผ่ :กอด1:
-
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกสงสารนู๋ริวยังไงไม่รู้
เอ่อ ชินกีกับตะวันจะมีซัมติงกันหรือเปล่าอ่ะ ไรเตอร์ :z13:
-
:-[
-
โอ้โนววววววววววววว
ไม่เอามาม่านะคะ แงๆๆๆ T^T
สงสารหนูริวอ่ะ พี่ไผ่อย่าทำแบบนี้ซี่ สงสารหนูริวจริงๆ
....
พี่ไผ่เริ่มคิดอะไรกับริวแล้ว 555+
-
อยากอ่านอีก อยากอ่านอีกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
-
(http://earth911.com/wp-content/uploads/2008/11/christmas-tree.jpg)
Merry Christmas
-
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวดีดี \\(^^)// (>/////<)
-
เข้ามารอพี่ไผ่ ,,,,
ไปคริสมาสต์ที่ไหนหนอ
^^
-
ลมหายใจเริ่มชะงักและ มาต่อได้แล้วเด้อ
-
ดันๆๆๆๆๆ
:z13: :z13:
-
เข้ามาทวง o18
-
อยากอ่านต่อแล้วครับ ขอยาวๆเยอะๆ นะครับ ขอบคุณครับบบบ :call: :seng2ped::call:
-
ตอนที่ 60
พสุตื่นเข้าด้วยอาการปวดหัวนิดๆ แม้จะเคยดื่มอยู่บ้างแต่พสุก็ไม่ถึงกับชินเสียจนไม่มีอาการในตอนเช้า ชายหนุ่มเกือบสะดุ้งเมื่อพบว่าริวมานอนซุกหลังเขาเหมือนทุกคืน ไม่รู้ว่าริวย้ายมานอนด้วยตอนไหน
“เป็นไงบ้าง ปวดหัวป่ะไผ่?” เสียงตะวันทำให้พสุต้องรีบหันกลับไปมอง ก็พบว่าตะวันเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ท่าทางคงอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว สีหน้าเฉยๆ ไม่มีทางทางประหลาดใจที่เห็นริวนอนเตียงเดียวกับเขาทำให้พสุรู้สึกโล่งใจ
“อืม...นิดหน่อย”
“ก็เมื่อคืนนายดื่มไปเยอะเหมือนกันนี่...ริวเป็นไงบ้าง”
“ตัวไม่ร้อน คงไม่เป็นอะไรมากมั้ง ต้องรอดูตอนตื่นอีกที” พสุตอบเรียบๆ แล้วลุกจากเตียง พยายามระวังไม่ให้ผ้าห่มเลื่อนลงมาเพราะไม่รู้ว่าริวนอนเรียบร้อยแค่ไหน ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่เขาก็รู้ว่านอกจากเขาริวไม่ค่อยชอบเปิดเผยเนื้อตัวให้ใครเห็นนัก
เมื่อพสุออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าริวตื่นพอดี เด็กหนุ่มลุกขึ้นมานั่งตาลอยเหมือนยังเบลอๆง่วงๆ
“เป็นไงบ้างริว”
“...พี่...ริวปวดหัว” ไม่แค่บ่นออดๆ แต่ริวยังเอียงหัวมาซุกเอวพสุทันทีที่เขาเดินเข้าไปใกล้
“ปวดมากไหม แล้วมีอาการอื่นอีกหรือเปล่า” พสุถามแล้วแตะหน้าผากเด็กหนุ่มด้วยหลังมือเพื่อวัดไข้
“เจ็บคอด้วย...”
“เมาค้างมั้ง” ตะวันบ่นพร้อมกับเดินเข้ามาดูริวใกล้ๆ
“ลุกไหวไหมริว จะได้ไปอาบน้ำ”
“ไหวครับ...” ริวตอบแล้วลุกขึ้นช้าๆ มีพสุกับตะวันยืนลุ้นอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มเดินเซนิดๆ แต่ไม่กี่ก้าวก็เดินได้ปกติ พสุคว้าผ้าขนหนูตามไปส่งให้ก่อนริวจะเข้าห้องน้ำ
พออาบน้ำเสร็จริวก็อาการดีขึ้นมาก เด็กหนุ่มออกมานั่งตาแดงหัวเปียกซก จนพสุต้องคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดให้ด้วยความเคยชิน ตะวันมองภาพนั้นนิ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร รอจนพสุเช็ดผมริวแห้งแล้วถึงได้ชวนกันลงไปข้างล่าง
พสุเหลือบมองริวเป็นระยะ อยากรู้ว่าริวจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้แค่ไหน แต่ริวก็ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อคืนสักคำนอกจากบ่นออดๆ ว่าเจ็บคอ
หลังจาก พสุ ริวและตะวันกินอาหารเช้ากันไปได้สักครู่ คนอื่นๆ ก็ทยอยลงมากินอาหาร ตะวันลุกไปหากรเวชทันทีแล้วดึงกรเวชออกไปคุยกันข้างนอก ครู่เดียวก็กลับเข้ามา ใบหน้าของกรเวชขาวซีด แต่ดวงตาเป็นประกายกร้าวด้วยความโกรธ
“ริว...ยังปวดหัวอยู่ไหม” กรเวชเข้ามาเกาะเก้าอี้ริวแล้วถามเบาๆ สงสารเด็กหนุ่มที่ต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ยังดีที่พสุกับตะวันไหวทันพาริวกลับมาก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจที่เขามัวแต่ห่วงว่าไวยากรณ์จะก่อเรื่อง ไม่ทันได้ระวังว่าปาร์ควังซองจะคิดไม่ซื่อขนาดเอายาใส่ให้ริวกิน ถึงจะไม่มีหลักฐานเอาผิดแต่กรเวชก็สัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่ยอมให้ปาร์ควังซองแตะต้องพวกเด็กๆ เป็นอันขาด ถ้ากล้าเข้ามาแตะต้องวงคิสมีอีกทีเขาจะไม่เกรงใจอีกฝ่ายอีกต่อไป อยากรู้เหมือนกันว่าปาร์คแทอุงจะว่ายังไงกับเรื่องเลวๆ ที่ลูกชายของตัวเองทำ
“ไม่ค่อยปวดแล้วครับ”
“ไหวแน่นะ ถ้าไม่ไหวพี่จะโทรไปเลื่อนทางทีมเกาหลีเขาก่อน”
“ไหวครับ” ริวรับคำหนักแน่น กรเวชก็ยิ้มบางๆ ให้แล้วตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ ก่อนจะไปตักอาหารบ้าง พสุเหลือบมองตาตะวันเป็นเชิงถามเพราะเห็นสีหน้ากรเวชก็พอเดาได้ว่าคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้ว ตะวันก็พยักหน้ารับแล้วกินอาหารต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจัดการมื้อเช้าเรียบร้อย ริวก็เข้าไปคุยกับทรงเผ่าเรื่องเพลงของเขาอีกเพลง เด็กหนุ่มต้องการร้องคู่กับพสุ ตอนแรกทรงเผ่าก็ไม่เห็นด้วยเพราะคีย์เสียงของพสุกับริวค่อนข้างต่างกัน แต่พอได้ฟังสองหนุ่มร้องไกด์ให้ฟังเขาก็ได้แต่ทึ่ง แม้จะรู้สึกว่าเสียงของพสุดูจะเด่นกว่าริว จนเหมือนริวเป็นคนร้องประสาน แต่ท่วงทำนองแปลกหูและเนื้อเพลงอบอุ่นโดนใจ ก็น่าสนใจมากพอจะให้ทรงเผ่าเห็นด้วยกับริว เด็กหนุ่มจึงขอเวลาทำดนตรีมาให้ลองฟังกันก่อนแล้วค่อยปรับแก้เนื้อเพลงกันอีกครั้ง ทรงเผ่าจึงนัดทำดนตรีกันคืนนี้หลังกลับมาจากถ่ายเอ็มวี
เกือบ 11 นาฬิกา รถตู้ของบริษัทถึงได้มารับวงคิสมีเพื่อไปถ่ายเอ็มวีของริว โดยเลือกไปถ่ายที่บ้านพักตากอากาศของปาร์คแทอุง ซึ่งทีมงานเกาหลีตื่นเต้นกันมาก เพราะปาร์คแทอุงไม่เคยเปิดบ้านให้ใครเข้าไป แต่งานนี้คิสมีได้โอกาสขนาดเข้าไปถ่ายทำเอ็มวีถึงบ้านพักส่วนตัว
พสุโล่งใจที่ปาร์ควังซองไม่เข้ามาดูการถ่ายทำ มีเพียงเลขาคนสนิทของปาร์คแทอุงที่มาให้การต้อนรับทีมงานทุกคน เลขาของปาร์คแทอุงจัดให้ทีมงานใช้ห้องรับรองด้านข้างเป็นที่แต่งหน้าแต่งตัวรวมถึงพักผ่อนเพราะห้องนี้ค่อนข้างกว้าง ส่วนห้องโถงกลางไปจนถึงระเบียงด้านหลังจะใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ
5 สาว MG มาถึงไล่ๆ กับทีมงานจากไทย พวกเธอทักทายทีมงานทุกคนอย่างเป็นกันเองและดูจะเป็นกันเองมากเป็นพิเศษกับไวยากรณ์และพสุ เพราะได้ไปเที่ยวรอบเมืองด้วยกันมาแล้ว
“ไฮริว...เป็นไงบ้างคะ สบายดีหรือเปล่า”
“สวัสดีครับ” ริวทักตอบแต่ไม่ได้เอ่ยชื่อเธอ เด็กหนุ่มจำไม่ได้ว่าคนตรงหน้าชื่ออะไร เพราะเมื่อคราวที่แล้วที่เธอแนะนำตัวนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจ
“ฉันได้ฟังเพลงของคุณแล้ว คุณเสียงเพราะมากๆ”
“ครับ” ริวรับคำเบาๆ แต่ตายังจ้องไปที่พสุเขม็ง
“เอ่อ...หนาวมั๊ยคะ” ยูรีเริ่มหน้าเจื่อนเมื่อเห็นว่าริวแทบไม่สนใจเธอเลย เด็กหนุ่มเอาแต่มองไปทางกลุ่มที่คุยกันอยู่ ยูรีมองตามแล้วเผลอชักสีหน้าเมื่อเห็นว่าริวมองใคร เยจีกำลังคุยกับพสุสนุกสนาน...ไม่คิดว่าผู้หญิงมาดมั่นสุดโต่งอย่างเยจีจะสะดุดตาริวขนาดนี้
พอยูรีหยุดพูด ริวก็ถือว่าเขาหมดเรื่องสนทนากับเธอแค่นั้น เด็กหนุ่มเดินเข้าไปยืนจนชิดหลังพสุแล้วก้มศีรษะทักทายผู้หญิงที่คุยอยู่กับพสุเล็กน้อย
“สวัสดีค่ะเกรสัน ตื่นเต้นมั๊ยคะ เดี๋ยวจะเริ่มถ่ายทำกันแล้ว” เยจีทักเสียงใส ทำไมเธอจะไม่เห็นว่าเมื่อครู่ริวจ้องมาที่เธอตลอดเวลา แถมยูรียังทำหน้าตึงๆแบบนั้นอีก
“ไม่ตื่นเต้นครับ...พี่...ริวปวดหัว” เด็กหนุ่มลดเสียงลงเมื่อพูดประโยคหลังกับพสุ ชายหนุ่มหันกลับมาทันทีที่ได้ยินสีหน้าดูกังวลเล็กน้อย
“ปวดมากไหม” พสุถามด้วยความกังวล ตอนเช้าที่กรเวชถามริวบอกว่าไม่เป็นไร แต่ตอนนี้อาจจะไข้ขึ้นมาอีกก็ได้ถึงได้กลับมาปวดหัวอีกรอบ
“ครับ...เจ็บคอด้วย” ริวบ่นเสียงเบาๆ พสุขยับมือเกือบจะแตะหน้าผากริวแล้วแต่นึกได้ว่าอยู่ท่ามกลางคนมากมาย จึงทำได้เพียงหันไปขอตัวจากโคเยจีแล้วพยักหน้าชวนริวกลับมาที่กรเวชเพราะกระเป๋าเขาอยู่ที่นั่น
“มีอะไรไผ่ ริว?”
“ริวปวดหัวครับพี่...ผมเลยมาเอายาให้ริวกินก่อน” พสุตอบแล้วเปิดกระเป๋าหยิบตลับยาที่เตรียมมา หายาแก้ปวดลดไข้และยาแก้คออักเสบให้ริวกิน
“เป็นมากหรือเปล่าริว”
“ไม่มากนักหรอกครับ...แต่เจ็บคอด้วย” ปากริวตอบกรเวช แต่ตาคอยชำเลืองมองพสุแล้วแอบดีใจที่เห็นพสุมัวห่วงอาการเขาจนไม่ได้สนใจสาวๆ วง MG อีก
“วันนี้อากาศหนาวมากด้วยสิ ถึงไม่มีหิมะก็เถอะ...ทนไหวไหมริว” กรเวชถามด้วยความเป็นห่วง
“ผมจะพยายามให้เทคเดียวผ่านครับ” ริวตอบเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปรับขวดน้ำและยาจากพสุมากิน
“อันนี้ยาอม...ช่วยบรรเทาอาการระคายคอได้ดีเหมือนกัน” พสุรอจนริวกินยาเสร็จก็ส่งยาอมให้อีกแผง
“ครับ” ริวรับยามาอมอย่างว่าง่าย แล้วนั่งลงซุกตัวอยู่ที่โซฟา พสุเห็นท่าทางริวจะไม่ค่อยสบายจึงไม่กล้าทิ้งไปไหน จึงนั่งลงข้างๆ เพื่ออยู่เป็นเพื่อนริว
“เดี๋ยวพี่ไปถามผู้กำกับให้ว่าเขาจะเริ่มตอนไหน ริวแต่งหน้าทำผมไปก่อนแล้วกัน” กรเวชบอกแล้วออกไปคุยกับผู้กำกับ
“พี่อยู่กับริวก่อนนะ” เด็กหนุ่มหันไปอ้อน พสุก็พยักหน้ารับทันทีเพราะถึงริวไม่ขอเขาก็ต้องอยู่ดูอาการริวอยู่แล้ว
ก่อนแต่งหน้า ริวถูกตัดผมจนสั้นผิดลุคเกาหลีอย่างสิ้นเชิง แต่ผมด้านข้างเกรียนๆ และด้านบนเซตไว้ชี้ๆ กลับช่วยเน้นใบหน้าและดวงตาของริวให้ยิ่งโดดเด่น พอเด็กหนุ่มออกไปรอเข้าฉากทีมงานทุกคนก็หันมามองเป็นตาเดียวจนเด็กหนุ่มเขิน
“แหม...เสียดายนะ นี่ถ้ามีไรหนวดเขียวๆ หน่อยละ...โอ๊ย! จะต้องเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่มากๆ เลย...ไม่เห็นกันไม่กี่วัน ดูริวเป็นผู้ใหญ่เร็วจังพี่กร” ช่างแต่งหน้าที่กรเวชขอหอบหิ้วมาจากเมืองไทยเพราะติดใจฝีมือทั้งแต่งหน้าและทำผมยกมือทาบสองแก้มด้วยท่าทางเคลิบเคลิ้มเหมือนสาวน้อยตกหลุมรักจนกรเวชขำ แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าริวดูแปลกตาไปมากจริงๆ หากเทียบกับวันแรกที่เขาเจอ ริวในวันนี้ไม่เหลือเค้าเด็กฝรั่งผอมสูง ตาโต ที่มักจะมองคนรอบข้างด้วยสายตาหวาดระแวงตลอดเวลาอีกแล้ว แต่กลายเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่ที่เปี่ยมเสน่ห์ไปทั้งเนื้อทั้งตัว
ผู้กำกับชาวเกาหลีเรียกริวเข้าไปซักซ้อมความเข้าใจอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มการถ่ายทำที่ระเบียงบ้านริมทะเลสาบ พัดลมตัวใหญ่ที่เตรียมมาไม่ต้องใช้งาน เพราะแรงลมธรรมชาติพัดจนม่านสีขาวปลิวไสวทันทีที่ริวเปิดประตูกระจกออกมา เด็กหนุ่มก้มมองของชิ้นเล็กๆ ในมือนิ่งนานแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเดินออกมาที่เปียโนแล้ววางของสิ่งนั้นลงบนฝาเปียโน ก่อนจะเริ่มไล่นิ้วไปตามคีย์ แล้วเพลงรักของริวก็เริ่มบรรเลง ผู้กำกับสั่งกล้องให้ค่อยๆซูมเข้าไปที่หน้าริว เด็กหนุ่มร้องเพลงด้วยสีหน้าอ่อนโยน เคลิ้มฝัน ราวกับตกอยู่ในห้วงรักจริงๆ แม้จะเป็นการถ่ายทำที่ต้องการเพียงภาพ แต่เสียงเพลงของริวก็สะกดคนฟังให้เคลิ้มตามง่ายๆ จนผู้กำกับเองยังเกือบลืมสั่งคัตเมื่อริวเล่นจบเพลง
“...คัต!...โอเคริว เดี๋ยวต่อจากตรงนี้จะเป็นซีนของสาวๆนะ คุณแค่หลับตานิ่งๆ แล้วพอมีใครมาสัมผัสตัวคุณ คุณก็อมยิ้มเหมือนฝันดี เข้าใจใช่ไหม”
“ครับ” ริวรับคำ แล้วหันไปให้ช่างแต่งหน้า ซับหน้า และเติมแป้งให้อีกเล็กน้อย เพราะแสงไฟที่ใช้ในการถ่ายทำแรงมากจริงๆ ขนาดว่าอากาศหนาวจัดตอนนี้ยังอุ่นขึ้นมาได้
เยจีที่ยืนฟังผู้กำกับบรีฟงานอีกครั้งก่อนการถ่ายทำ เหลือบมองของที่ริวถือเข้าฉากด้วยเมื่อครู่ แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเก็บไปแล้ว เธอเองก็อดอยากรู้ไม่ได้ว่าริวถืออะไรออกมา
การถ่ายทำเริ่มที่ฉากเสมือนในภาพฝันของริว เป็นฉากที่ริวนั่งพิงเปียโนแล้วหลับไป จากนั้น 5 สาวก็จะเข้ามา อิมนาบีจะเข้ามากระซิบที่ข้างหูแล้วผละจากไปโดยที่ผมยาวของเธอพาดผ่านไหล่ของริวช้าๆ ชั่วขณะที่ริวคล้ายจะคว้าจับผมของเธอ ฮามีโซก็เข้ามาจากอีกด้านแล้วลูบไล้ใบหน้าของริวด้วยปลายนิ้ว พอริวขยับจะลุกขึ้นก็ติดที่ชีอีซิล มานั่งพิงแผ่นหลังของเด็กหนุ่มแล้วจับมือเขาไว้ แต่เมื่อริวพลิกตัวหันกลับมาก็กลายเป็นมุนยูรีที่โผเข้ามากอดริวโดยที่กล้องจะไม่ให้เห็นหน้าเธอแล้วเธอก็ผละหนีไปให้ริวไล่ตาม แล้วปิดท้ายด้วยโคเยจีจะเป็นคนที่เข้ามาปิดตาริวไว้จากด้านหลัง แล้วก้มลงกระซิบที่หูริว…
ผู้กำกับสั่งคัต แล้วนักแสดงทุกคนก็รีบเข้ามาเช็คเทป เพื่อดูว่ามีข้อผิดพลาดใดๆ หรือไม่
“เยี่ยมมากเกรสัน เยี่ยมมากสาวๆ” ผู้กำกับคนดังลุกขึ้นปรบมือให้ริวและสาวๆ วง MG เพราะภาพที่ออกมาสวยถูกใจ เหลือเพียงขั้นตอนการตัดต่อเท่านั้น
ทีมงานปรบมือกันเกรียวเมื่อผู้กำกับสั่งพักกองได้เลย ริวหันไปจับมือขอบคุณกับสาวๆวง MG แล้วรีบไปหาพสุ แต่ดูเหมือนพสุจะไม่อยู่
“น่าอิจฉาว่ะริว...โอ๊ยสาวๆ รุมลูบกันซะขนาดนั้น...ไม่หวิวมั่งไง” ไวยากรณ์หรี่เสียงประโยคท้ายลง ก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งแขนริวแล้วหลิ่วตาล้อๆ ริวกลอกตาแล้วถอนใจเฮือก ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“หวิวอะไรละพี่ เครียดจะตาย ต้องท่องไว้ว่าฉากต่อไปใครจะเข้ามาด้านไหน กลัวผิดจะแย่”
“เอ้า! ผิดก็เทคใหม่สิ ไม่เห็นจะยาก ดีเสียอีกให้สาวๆ ลูบหลายๆ รอบ นี่เล่นเทคเดียวผ่านแบบนี้ขาดทุนแย่”
“ใครเขาจะหื่นเหมือนแกวะไวย์ เวลาทำงานนะเฟ้ย ไม่ใช่เวลาหลีสาว”
“อะโด่...พูดแบบนี้อิจฉาผมดิพี่ดล เดี๋ยวผมก็จะได้ถ่ายกับสาวๆ สวยๆ เซ็กซี่ๆทั้ง 5 คนแล้ว”
“เอออิจฉา” ธีรดลรับคำหน้าตาเฉย พลอยให้ริวต้องหัวเราะไปด้วย
“แล้วพี่ไผ่ละครับพี่ดล”
“ไผ่เหรอ...ตะกี้ยังเห็นอยู่แถวนี้อยู่เลย”
“ริวคะ”
“ครับ” ริวหันกลับไปก็พบ มุนยูรีส่งยิ้มหวานมาให้
“คือ...วันนี้พวกเรามีสังสรรค์กันนิดหน่อยค่ะ เพราะว่าเราคงอยู่ฉลองวันพรุ่งนี้ไม่ได้”
“อ้าวทำไมละครับ” ไวยากรณ์ชะโงกเข้ามาถาม ใกล้จนยูรีเขิน
“คือพวกเราต้องรีบไปขึ้นโชว์งานประกาศรางวัลนักร้องยอดเยี่ยมแห่งปีที่ญี่ปุ่นน่ะค่ะ...ริว ว่างไหม คืนนี้ไปเที่ยวกับพวกเรานะ”
“เอ่อ...ผม...”
“ไปอยู่แล้วครับ รับรองว่าผมจะลากริวไปกับเราให้ได้เลย” ไวยากรณ์รับคำตาพราว
“ดีจัง...งั้นยูรีจะไปบอกเพื่อนๆก่อน คืนนี้เจอกันที่ร้านนะคะริว...ไวยากรณ์”
“...ครับ” ริวพูดไม่ออก พอมุนยูรีเดินห่างออกไปเด็กหนุ่มก็หันมามองหน้าไวยากรณ์ตาเขม็ง
“อะไร? ทำตาแบบนี้ทำไม อย่าบอกนะว่าไม่อยากไป” ไวยากรณ์ทำเสียงกวนๆ กึ่งล้อเลียน แต่รอยยิ้มก็ค่อยๆ จางลงเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของริว
“ไม่อยากไป...พี่รับปากแทนผมได้ยังไง คืนนี้ผมนัดพี่เผ่าเรื่องเพลงใหม่เอาไว้” ริวตอบเสียงห้วนขึ้นเล็กน้อย แต่คนฟังหน้าเจื่อนสนิททันที
“อ้าว...เฮ้ย! ไม่เป็นไรหรอก พี่เผ่าเขาเข้าใจ” ไวยากรณ์พยายามทำเสียงร่าเริงอย่างฝืนๆ
“ผมไม่ได้นัดแต่พี่เผ่านะ ทีมงานของทางเกาหลีด้วย”
“จริงดิ...แล้วทำไมพี่ไม่เห็นรู้วะ...แล้วจะเอาไงล่ะ ถ้าริวไม่ไปยัยยูรีโกรธแน่ๆ เลย” ไวยากรณ์ถามพลางเกาท้ายทอยอย่างอึดอัดใจ เพิ่งรู้ว่าความปากไวของตัวเองก่อให้เกิดปัญหาแค่ไหน
“มีอะไรกัน?” พสุที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำถามขึ้นมาเบาๆ แต่เล่นเอาไวยากรณ์สะดุ้ง เพราะไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ข้างหลัง
“พี่ไผ่...เอ่อ...ไม่มีไรครับ แหะๆ ผมไปละ”
“ไวย์เป็นอะไร? ลุกลี้ลุกลนชอบกล”
“พี่...คือริว...”
“มัวคุยอะไรกันอยู่ ไผ่ ริว ไปเตรียมเข้าฉากสิ” กรเวชตามมาเรียกเพราะเหลือพสุกับริวสองคนที่ยังไม่ได้ไปรวมกลุ่ม ริวเม้มปากแน่นด้วยความไม่สบายใจ เขาอยากเล่าเรื่องอึดอัดใจนี้ให้พสุฟังก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่มีเวลาเอาเสียเลย
พสุกับริวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมเข้าฉากในเอ็มวีของไวยากรณ์ แต่ยังไม่ทันลงมือถ่ายทำหิมะก็โปรยปรายลงมาเสียก่อน แถมยังทำท่าจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องเลิกกองไปโดยปริยาย
ขณะที่ทุกคนไปรอขึ้นรถกลับบริษัท ริวก็ขอยืมโทรศัพท์จากกรเวชแล้วแยกตัวไปโทรอยู่คนเดียว กลุ่มสาวๆ MG นั้นรถมารับก่อน จึงหันมาโบกไม้โบกมือลา
“พวกเราจะไปคอยที่ร้านนะคะคิสมี บายค่า” ยูรีชะโงกมาโบกมือให้ริว ก่อนขึ้นรถออกไป
พสุขมวดคิ้วแล้วหันมามองไวยากรณ์ แต่ไวยากรณ์ไม่ยอมสบตาด้วยแถมยังชิ่งหนีไปอีกทาง พอหันไปทางริวก็เห็นเด็กหนุ่มกำลังคุยโทรศัพท์ พสุจึงยังไม่ถามอะไร รอจนขึ้นรถตู้มาด้วยกันถึงได้เปิดปากถาม
“เรามีนัดกับวง MG เหรอ?”
“ครับ” ริวรับคำเสียงเบาแล้วหลบตาพสุ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ก็เมื่อตอนถ่ายเอ็มวีเสร็จ คนที่ตัวเล็กๆ เขามานัด” ริวตอบเสียงเก้อๆ เหมือนเด็กทำผิด
“เขาชื่อมุนยูรี...อะไร ทำงานด้วยกันแท้ๆ ดันจำชื่อเขาไม่ได้” ไวยากรณ์ตะโกนแทรกมาจากเบาะหลัง
“ครับ มุนยูรีเขามานัดไปสังสรรค์กันเย็นนี้” ริวตอบเสียงเบาลง แล้วทำหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
“แต่เย็นนี้ริวนัดพี่เผ่าเรื่องเพลงใหม่ไม่ใช่เหรอ” พสุอดถามไม่ได้ เพราะเมื่อเช้าตอนที่ไปคุยกับทรงเผ่า ดูเหมือนทรงเผ่าจะสนใจเพลงนี้มากถึงได้นัดให้คุยกันต่อคืนนี้
“ครับ...”
“แต่ผมรับปากไปแล้วนะพี่ไผ่ แล้วดูพวกสาวๆ เขาก็อยากคุยกับริว ถ้างานนี้ริวไม่ไปต้องมีเคืองกันแน่ๆ” ไวยากรณ์บ่นออดๆ
“เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เองสิ” ตะวันที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดพูดสวนขึ้นมาจนทุกคนหันไปมองพร้อมกัน
“เฮ้ย! ได้ไงอ่ะพี่ตะวัน พี่ต้องไปด้วยกันนา”
“ไม่ไป...พี่จะทำงาน” ตะวันปฏิเสธทันทีอย่างไม่มีเยื่อใย
“โหยพี่...” ไวยากรณ์โวยวายแล้วลุกไปนั่งเบาะหลังกับตะวัน เพื่อขอร้องให้ตะวันไปด้วยกัน พสุมองหน้าริวนิ่ง สีหน้าเด็กหนุ่มดูกังวลจนคิ้วขมวด
“ริวก็ไปเถอะ เดี๋ยวพี่คุยกับพี่เผ่าให้เอง”
“ได้เหรอครับ”
“ได้สิ...ถ้าริวยังยืนยันจะให้พี่ร้องเพลงนี้ด้วย พี่คุยกับพี่เผ่าแทนให้ก็ได้”
“ขอบคุณครับ” ริวยิ้มหน้าชื่น แต่พสุกลับรู้สึกแปลกๆ ทำไมเขาต้องรู้สึกกระวนกระวายอย่างนี้ด้วย ชายหนุ่มคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเขาห่วงริว เมื่อคืนก็เพิ่งมีเรื่องมาหมาดๆ จึงอดกังวลไม่ได้
“ตกลงว่าไผ่กับตะวันไม่ไปเหรอ?” กรเวชชะโงกมาถามจากเบาะหน้าคู่คนขับ
“ครับ”
“แต่ผมไปนะ...ได้ควงสาวเกาหลีทั้งที พลาดได้ไง” ธีรดลบอกยิ้มๆ อยู่เมืองไทยเขาไม่ค่อยได้เที่ยวแบบสบายใจอย่างนี้ ไหนๆ ก็มาถึงนี่ก็ขอเที่ยวให้เต็มที่ก่อนจะกลับไปเผชิญกับปัญหาอีกมากมายที่รอเขาอยู่
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปดูแลเอง...ไม่ต้องห่วงน้องนะไผ่” กรเวชบอกยิ้มๆ เพื่อให้พสุสบายใจ เพราะเขาเองก็คงไม่ยอมปล่อยให้พวกเด็กๆ คลาดสายตาอีกแล้ว โดยเฉพาะริวกับไวยากรณ์
“ครับ” พสุรับคำแล้วหันมามองริว เห็นเด็กหนุ่มหันมายิ้มจนตาหยีก็อดยิ้มตอบไม่ได้ ยิ้ม...ทั้งที่ความรู้สึกกระวนกระวายยังรบกวนใจไม่หาย...
...................................................
-
ยังคงสงสารริวอยู่น่ะ
ถึงริวจะทำเป็นจำไม่ได้ก็เถอะ
แต่ไวย์ปากไวไปมั้ยไม่ถามริวก่อนเลย
อย่างที่ตะวันพูดเลยไม่ใช่ไม่ชอบไวย์น่ะ
แต่ไวย์ชอบสร้างเรื่องอยู่เรื่อยเลย
พี่ไผ่เริ่มรู้สึกแปลกๆกับริวแล้วด้วย
รู้สึกเยอะๆเลยน่ะพี่ไผ่
:กอด1: :L2: :pig4:
-
ดีใจจัง ไผ่เริ่มหึงริวบ้างแล้ว เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :-[ :impress2:
-
ไวย์นี่นะตลอดอ่ะแล้วรู้ใหมเนี่ยว่าเมื่อคืน
ริวเจออะไรมา ชวนน้องเที่ยวอีกแล้ว
-
เค้าเรียก "หึง"ค่ะพี่ไผ่ เป็นอาการขั้นกว่าของการกระวนกระวายใจ :o8:
-
พี่ไผ่หวงน้องเพิ่มมาอีกหนึ่งเลเวลแล้ว เย้เย ดีใจจัง ริวอ่ะ ทำไมคิดเรื่องเมื่อคืนไม่ออก หรือคิดออกแต่ต้องไปปรึกษาก่นหรือป่าว รีบๆมาง้อพี่ไผ่ให้ไวเลย
รอตอนหน้านะจ๊ะ ไรเตอร์เก่งมากๆ สู้ๆๆจ้า o13
-
:laugh: :laugh: ไผ่...หึงเยอะๆๆๆๆๆๆๆเข้าไว้..
-
เหล้ายาปลาปิ้งมันไม่ดี ของพวกนี้ทำไมถึงชอบกันจังแล้วจะไปเที่ยวกันอีกเดี๋ยวก้เกิดเรื่องอีกจนได้ เบื่อผู้ชายแบบไวมากๆเป็นคที่ไม่ค่อยจะมีหัวคิดเลยอ่ะ ถ้าเราเป็นตะวันจะโบกให้สมองไหลเลยนิสัยเสียมากๆ
แล้วก็พวกชะนีนี้แรดฝังกระดุกดำจริงๆ เบื้อเบื่อชะนีแรดๆเนี้ย เป็นเหมือนกันทั่วโลกไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มี น่ารำคาญ :z6: :z6: :z6: :z6:
-
หงุดหงิดแทน ไม่เห็นต้องไปเลย มาทำงานนะ
นายไวทำตัววุ่นวายเกิน :beat:
-
ยังไงกันเนี่ย
แถมริวไม่ตอบโต้เรื่องโดนวางยา
เอ๋,,ยังไง
ขอเขกหัวนายไวซักที ไวจิงจังเชียว เรื่องแบบนี้
-
ประทับใจการดำเนินเรื่องของนิยายเรื่องนี้มากๆ ได้เห็นเด็กเอาแต่ใจพัฒนาตัวเองขึ้นมาก เหมือนเห็นเด็กโตภายใน 70 หน้า
อีกอย่างก็คือ 70 เข้าไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าใครรุกใครรับ มีแค่ฝันเปียกเบาๆเท่านั้นเอง มันทำให้รู้สึกว่า ไผ่และริวรักกันที่ตัวตน ไม่ใช่ที่เซ็กส์
เริ่มอ่านตั้งแต่สี่ทุ่ม ไล่มาจนตีสี่ถึงตามทัน อดนอนไปเลยคืนนี้
-
ไม่เข้าใจค่ะ
ไม่อยากไปแล้วจะไปทำไม
ในเมื่อริวไม่เคยทำอะไรฝืนความรู้สุขตัวเองมาก่อน แต่คราวนี้ไปทำไม
นิสัยเปลี่ยนแบบฉับพลันมากค่ะ งง
-
ริวมันหวงแต่พี่มันแหละ 555
-
อยากให้พี่ไผ่หึงจนอกแตกตายไปเ๊ลย
-
:m15:มาอัพแล้ว เห็นไม่มานานอ่ะ
เข้ามาดูไม่ลงเลย ดีใจมากๆๆ เห็นแล้วอยากกรี๊ด
สงสัยจังน้องริวกำลังทำไรเนี่ย พี่ไผก็ยังไม่รู่ตัวอีกสงสารน้องบ้างเถอะ
รอฉากหวานๆอยู่นะค่ะ สู้ :bye2:
-
พี่ไผ่หวงริวแล้วระสิ รักซึมลึกแบบนี้มันคงนักแล :impress2:
:pig4: คะ
-
ไวย์ ทำเรื่องอีกละ :beat:
อิ อิ แต่ก็ดี พี่ไผ่จะได้รู้ใจตัวเองเร็วขึ้น :z1:
-
ตั้งแต่อ่านมาไม่ชอบนายไวย์เลยค่ะ :fire:
สร้างเรื่องได้ตลอดเลย เป็นคนที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง :angry2:
อ่าน ๆ พอมาถึงที่ไวย์พูดแล้วก็เซ็งในอารมณ์ :a5:
สงสารก็แต่พี่ไผ่กับนู๋ริว :o12:
ตอนนี้แอบแบ่งใจไปให้พี่ตะวันเกือบครึ่งละ อิอิ :-[
เอ..ว่าแต่ชินกีหายไปไหนเนี่ย กอดไรเตอร์ค่ะ :กอด1:
-
ไอ้ความกระวนกระวายใจที่ว่าของพี่ไผ่นี่ เป็นเพราะหึงนู๋ริวรึป่าววว
:impress2:
-
ดีใจจัง ดีใจจัง ได้อ่านอีกตอนแล้ว
ริวคงต้องให้อลันจัดการแล้วล่ะ ถึงขั้นวางยากัน
ไวย์ ก็ทะอะไรตามใจตัวเองอีกแล้ว
-
ริวยอมไปตามนัดครั้งนี้ เพราะมีจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งแอบแฝงรึเปล่า
เอาละซี พี่ไผ่เริ่มมีใจให้น้อง(แบบคนรัก) โดยไม่รู้ตัว มีแอบหวงน้องด้วยล่ะ
-
ไวย์วุ่นวาย :laugh: ตั้งฉายาซะเรย
-
ดีใจ ในที่สุดพี่ไผ่ก็หึงน้องแล้ว เปิดใจเร็วๆนะพี่
-
ริวต้องมีแผนแหงเลย :teach:
-
ดำเนินเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไปเหมือนเิดิม
..... หนูอยากได้ฉากหวานบ้างอะไรบ้างอ่า :serius2:
-
ค่อยๆรักกัน เบา เบา
-
ท่าทางทางฝั่งสาวๆ จะเอาจริงแฮะ คืนนี้ริวจะเสียหนุ่มมิเนี่ย :เฮ้อ: :เฮ้อ:
พี่ไผ่ เริ่มหึงละ หนูริวมีท่าว่าจะมีโอกาศสมหวังอีกเยอะ :กอด1:
-
ไผ่เริ่มมีความรู้สึกหวงริวแล้ว :z2: :z2:
มีคำถามค่ะ อยากทราบว่าเรื่องนี้มีกำหนดจะจบเมื่อไหร่ค่ะ? เพราะว่าเราจะไปต่างประเทศ ไม่มีเนตให้ใช้ กว่าจะกลับก็เดือน มิถุนาค่ะ ก็เลยอยากรู้คำตอบคะ หรือถ้าจบแล้วก็ขอลบกวนอย่าเพิ่งลบได้ไหมค่ะ. ขอให้แฟนคลับคนนี้ได้อ่านก่อนนะคะ
:L1: :L1:
-
มีคำถามค่ะ อยากทราบว่าเรื่องนี้มีกำหนดจะจบเมื่อไหร่ค่ะ? เพราะว่าเราจะไปต่างประเทศ ไม่มีเนตให้ใช้ กว่าจะกลับก็เดือน มิถุนาค่ะ ก็เลยอยากรู้คำตอบคะ หรือถ้าจบแล้วก็ขอลบกวนอย่าเพิ่งลบได้ไหมค่ะ. ขอให้แฟนคลับคนนี้ได้อ่านก่อนนะคะ
มีคำตอบส่งไปทาง pm นะคะ
-
:z3: :z3: :z3: พี่ไผ่หึงละเส่ :z2: :z2:
-
พี่ไผ่จ๋าไอ้ความรู้สึกกระวนกระวาย
ที่รู้ว่าน้องริวจะไปเที่ยวกับสาว ๆ คืนนี้
มันคือความเป็นห่วงหรือหึงกันแน่จ๊ะ
แต่ว่าอาการแบบนี้ต้องหึงแน่ ๆ เลย
ส่วนน้องริวก็ขี้อ้อนจังเลย
เวลาอ้อนพี่ไผ่อ่ะน่ารักมาก ๆ
อ้อนเข้าไปเยอะ ๆ น๊า
พี่ไผ่จะได้รู้ใจตัวเองซักที
ว่าแต่น้องริวไปเที่ยวโดยไม่มีพี่ไผ่
จะเกิดอะไรอีกมั้ยน๊า รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ ^^
-
หวิดจะเศร้า ริวน่ารัก
-
แปลกจังทำไมริวยอมไปเที่ยวโดยไม่มีพสุนะ ต้องมีแผนอะไรแน่เลย
-
ริวจ๋าาาาาาาา
คิดถึงงงงง
-
ไผ่เริ่มมีความรู้สึกหวงแล้ว ดีใจจัง เย้ๆๆๆ
ปล.หวังว่าคงรู้ตัวเร็วๆนะ
-
ตอนนี้ไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของริวเลยอ่ะ
รอตอนหน้า จะมาก่อนปีใหม่หรือป่าวน้า รอค่ะรอ :กอด1:
-
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ริวเสมอ อิอิ
ไม่ชอบไวย์เลย เบื่อๆๆ
-
ริวมีแผนอะไรน๊า...อยากรู้ๆๆ :z2:
-
เริ่มหวงน้องริวแล้วซินะพี่ไผ่ :m12:
-
ไปเที่ยวกับสาวๆ หวังว่าคงไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้นแล้วนะ....
-
อยากอ่านอีก มันรู้สึกกังวลยังไงไม่รู้อ่ะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
-
อ่านทันแล้ว :a2:
ชอบจังอ่ะ :-[
น่ารักทั้งน้องริว และพี่ไผ่
มาต่อไวๆน้าาาาาาาาาาา
-
แว้กกกก พี่ไผ่หึงริว!!!
กรี๊ดดดดดดดดดด ดีใจ ดีใจสุดๆ ว๊ายยยๆ
มีความสุขค่าาาา
ส่วนหนูริวขาาา จะไปกับพวกชะนี 5 ตัวพวกนั้นทำไมคะ??
กลับไปหาพี่ไผ่สิคะ จะได้สวีท วิ้ดวิ้วกัน หุหุ
-
ไม่เข้าใจริวอะตอนล่าสุึด เหมือนเล่นละครแล้วหลุดคาแรคเตอร์ไงไม่รู้ เหอะๆ เพราะปกติริวไม่ยอมใครอยู่แล้ว แล้วก็ติดไผ่จะตาย ถ้าตามธรรมดา ก็น่าจะไม่ยอมไป หรือไม่ก็อ้อนให้ไผ่ไปด้วยให้ได้ นี่เหมือนแบบ เออ พี่ไผ่ไม่ว่าแระ ดีใจจัง ลันล้า เหอะๆ ตกลงจริงๆอยากไปอะ อ่านแล้่วงงๆกับตัวละครแท้ๆ :z2:
-
ขอตอนส่งท้ายปีด้วยนะคะ :call:
-
oh yes ตามอ่านทันแล้วค่า
รอลุ้นว่าริวไปเที่ยวโดยไม่มีพี่ไผ่ แล้วจะเป็นยังไง
สนุกมากๆเลยค่ะ
-
ขอบคุณจ้า
-
วันสุดท้ายของปีแล้วน๊า เอาตอนใหม่มาลงให้
ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่จ๊ะ
:L1:
เที่ยวปีใหม่กันให้สนุกนะคร๊า ทุกคน เจอกันปีหน้านะ อิอิ
:mc2: :mc3:นะ
******************************
ตอนที่ 61
พสุนั่งเล่นเปียโนพลางเหลือบมองนาฬิกาไปด้วย เมื่อเช้าเขาก็ปากหนักลืมถามทรงเผ่าว่าจะมาคุยเรื่องเพลงตอนกี่โมง นี่ 3 ทุ่มกว่าแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าทรงเผ่าจะเข้ามา
“คุณน่าจะเล่นเปียโนได้ไพเราะกว่านี้นะ ถ้าไม่มัวกังวล...” เสียงทักทำให้พสุต้องเงยหน้าขึ้นมอง แม้จะสวมโอเวอร์โค้ตแล้วยังใส่หมวก แถมมีผ้าคาดปาก แต่สีผมแปลกตาของอีกฝ่ายก็ทำให้พสุจำคนตรงหน้าได้ในทันที
“สวัสดีครับคุณลีชินกี”
“ริวล่ะ?” ชินกีถามหาริวทันที เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจริวขนาดนี้ อยากรู้เหมือนกันว่าพสุจะว่าอย่างไร
“ออกไปข้างนอกครับ” พสุตอบเสียงเรียบ แล้วหันไปเก็บโน้ตเพลง
“อะไร! ออกไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นคนนัดว่าจะทำงานคืนนี้ไม่ใช่เหรอ?”
พสุขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่าริวนัดกับทรงเผ่าไม่ใช่ลีชินกี แล้วทำไมลีชินกีถึงรู้เรื่องนี้
“ครับ...แต่ผมคิดว่าผมก็คุยกับพี่ทรงเผ่าแทนริวได้ ไม่ต้องรอให้ริวกลับมาหรอกครับ”
“คุณควรโทรตามให้เขากลับมาทำงานให้เรียบร้อยซะก่อนที่จะออกไปเที่ยว หรือผมอาจจะไม่รู้ธรรมเนียมการทำงานของคนไทยก็ได้”
“ริวไม่เคยเหลวไหลครับ แต่ครั้งนี้ผมเห็นว่าเพลงก็ค่อนข้างลงตัวอยู่แล้ว เหลือแต่ในส่วนของดนตรีอีกนิดหน่อย จึงคิดว่าผมก็คุยกับพี่เผ่าแทนริวได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณตัดสินใจแทนเขาได้ทุกเรื่อง”
“ก็ไม่ทุกเรื่องหรอกครับ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนั้น” พสุตอบเรียบๆ เขาไม่ได้คิดจะยอกย้อนลีชินกี แค่พูดไปตามความจริง แต่ชินกีกลับรู้สึกเหมือนพสุกำลังอวดว่าตนเองสำคัญกับริวแค่ไหน
“ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อน” ชินกีบอกเสียงห้วนแล้วเดินลิ่วๆ ออกไปจากห้อง ขณะที่ทรงเผ่าก็กลับมาจากข้างนอกพอดี
“ไงไผ่...น้องยังไม่มาเหรอ” ทรงเผ่าถามพร้อมกับถอดเสื้อโค้ตออกแขวน
“ยังครับ เอ่อคือริวเขา...” พสุอึกอัก กำลังจะหาข้อแก้ตัวให้ริว แต่ทรงเผ่ากลับโบกมือว่อน
“ไม่เป็นไร ริวมันโทรบอกพี่แล้วว่าจะมาถึงสักสี่ทุ่ม เราก็คุยกันไปก่อน เดี๋ยวริวมาค่อยลงรายละเอียดอีกทีก็ได้...สวัสดีครับคุณลี” ประโยคหลังทรงเผ่าหันไปทักชินกีที่ออกมาจากห้องน้ำ
“สวัสดีครับคุณทรงเผ่า”
“งั้นเดี๋ยวเชิญที่โต๊ะอาหารดีกว่าครับ ที่นั่นกว้างแล้วก็อุ่นดี เหมาะจะนั่งประชุมกัน คุณลีคงไม่ถือใช่ไหมครับ”
“ไม่ครับ...ว่าแต่เราจะประชุมกันแค่ 3 คนนี่เหรอครับ”
“ไมตรีผู้ช่วยผมเขาไม่สบายครับ ก็เลยไม่ได้มาประชุมด้วย ส่วนอีกคนเดี๋ยวคงมา” ทรงเผ่าตอบยิ้มๆ แล้วเดินนำเข้าไปในห้องอาหาร ชายหนุ่มนั่งลงที่หัวโต๊ะ ขณะที่พสุเดินอ้อมไปนั่งอีกด้าน เพื่อเว้นที่ฝั่งนี้ไว้ให้ลีชินกี
“คุณลีคงได้ฟังเดโม่ต้นฉบับแล้ว”
“ครับ ได้ฟังแล้ว...ก็เพราะดีอยู่แล้วนี่ครับ จะแก้ทำไม”
“คือ...” ทรงเผ่ายังไม่ทันชี้แจง ร่างสูงก็เดินลิ่วเข้ามาในห้องประชุม
“ขอโทษครับพี่เผ่าที่ช้า”
“นิดหน่อยน่า...มาก็ดีแล้วจะได้คุยกันพร้อมหน้า”
ริวเดินอ้อมโต๊ะมาทรุดตัวลงนั่งข้างพสุทั้งที่เก้าอี้อีกฝั่งก็ว่าง เด็กหนุ่มหันมายิ้มให้พสุแล้วหยิบกระดาษที่เขาเขียนโน้ตเพลงเอาไว้ระหว่างนั่งฟังเพลงในผับให้พสุดู
“ทำไมกลับเร็วจัง...แล้วคนอื่นๆ ล่ะ?” พสุชะโงกไปถามเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาซ้ำอีกครั้ง ริวออกไปไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวริวเล่าให้ฟังครับ...ว่าแต่...ทำไมหมอนี่มาประชุมด้วยล่ะพี่?” ริวถามเป็นภาษาไทยเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน
“เขาเป็นตัวแทนจากทางเกาหลี” พสุตอบเสียงเรียบ แล้วหันไปมองทรงเผ่าเพราะเห็นทรงเผ่าขยับตัวเหมือนมีเรื่องจะพูด
“ลีชินกีจะมาช่วยดูในส่วนของดนตรีนะ เขาเป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์ของ JKG” ทรงเผ่าแนะนำ ขณะที่ลีชินกีจ้องหน้าริวเขม็ง เด็กหนุ่มเพียงมองหน้าอีกฝ่ายแล้วพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“ผมได้ฟังเดโม่เพลงต้นฉบับแล้ว แต่ทราบว่าคุณจะแก้ไขใหม่ เพราะจะเปลี่ยนเป็นร้องสองคน?” ลีชินกีถามตรงๆ เขาไม่พอใจตั้งแต่รู้ว่าริวคิดจะให้พสุเข้ามาร้องคู่แล้วจะปรับแก้หมดทั้งเนื้อเพลงและทำนอง ทั้งที่เดิมเพลงนี้ก็เพราะอยู่แล้ว
“ครับ”
“ของเดิมก็ดีอยู่แล้วนี่ แน่ใจเหรอว่าทำใหม่แล้วจะดีกว่า?” ชินกีถามเสียงเรียบ แต่แววตาเยาะหยันส่งไปถึงพสุเป็นเชิงบอกให้รู้นัยของความหมาย ว่าเขากำลังเสียดสีพสุ
ริวขมวดคิ้วแล้วจ้องหน้าชินกีนิ่ง จนชินกีเผลอหลบตา
“อคติ...” ริวเอ่ยขึ้นมาลอยๆ แต่เล่นเอาทุกคนหันไปมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยความงุนงง
“อะไรนะ”
“คุณยังไม่ทันฟังเพลงใหม่เลย ก็กล้าตัดสินแล้วเหรอว่าของใหม่จะแย่กว่าของเก่า?” ริวสวนกลับอย่างไม่เกรงใจ ลีชินกีถึงกับงันไปชั่วขณะ ก่อนที่ใบหน้าขาวๆ จะแดงซ่านด้วยความโกรธ
ทรงเผ่าถึงกับส่ายหัวที่เห็นริวแผลงฤทธิ์ใส่อีกฝ่ายแบบไม่กลัวศักดิ์ศรี แม้จะรู้สึกว่าริวพูดแรงเกินไป แต่เขาก็เห็นด้วยว่าลีชินกีมีอคติจริงๆ ยังไม่ทันฟังเพลงใหม่ของริว กลับติก่อนแล้วว่าจะไม่ดี
“ผมไม่ได้อคติกับเพลงใหม่ของคุณ เพียงแต่ผมได้ฟังเดโม่ต้นฉบับแล้วรู้สึกว่ามันลงตัวดีอยู่แล้ว อีกอย่างทางเราก็ต้องการให้อัลบั้มนี้เสร็จให้เร็วที่สุด เพราะถ้าต้องยืดเวลาออกไปอีก ตารางทัวร์คอนเสิร์ตของวง MG ที่จะต้องไปแสดงกับพวกคุณก็อาจจะไปชนกับตารางทัวร์คอนเสิร์ตของทางญี่ปุ่น ผมไม่ต้องการให้เกิดปัญหาขึ้นก็เท่านั้น”
“ผมแน่ใจว่าเพลงใหม่ของผมจะเสร็จก่อนผมกลับเมืองไทยแน่ๆ คุณไม่ต้องกังวลแทนไปหรอก”
“ถ้าคุณมั่นใจขนาดนั้นก็ลองดู” ลีชินกีตอบอย่างโมโหๆ แล้วลุกพรวดออกไป ทรงเผ่าเหลือบไปสบตากับพสุ แล้วอดยิ้มไม่ได้ นึกขันที่ริวทำหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่พสุกลับเป็นฝ่ายหน้าจืดเจื่อนด้วยความไม่สบายใจ
‘นี่ถ้าเจ้าตรีมาด้วย คงมีคนช่วยไผ่ทำหน้ากลุ้มใจอีกคนแน่ๆ’ ทรงเผ่านึกขำจนหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“พี่เผ่าครับ...ไม่ขำเลย...”พสุหันไปท้วงทรงเผ่าเบาๆ แต่สีหน้าจริงจังจนทรงเผ่าต้องกลั้นหัวเราะ
“ริว...ทำไมพูดกับเขาแรงขนาดนั้น...เฮ้อ! ยังไม่ทันเริ่มงาน ก็ทะเลาะกันซะแล้ว” ชายหนุ่มหันมาเอ็ดริวเบาๆ ไม่อยากจะดุน้องหรอก แต่ถ้าเขาเป็นลีชินกี เขาก็คงโมโหเหมือนกันที่ริวพูดแรงขนาดนี้
“ทะเลาะเรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวสักหน่อยนี่ครับ อีกอย่างพี่ก็เห็นว่าเขามีอคติจริงๆ ยังไม่ทันได้ฟังเพลงเลย ติซะแล้ว” ริวทำเสียงออดๆ ไม่เหลือร่องรอยความเกรี้ยวกราดดุดันแบบเมื่อครู่สักนิดจนทรงเผ่าอยากจะหัวเราะดังๆ
“พี่เห็นด้วยกับริวนะไผ่...งานนี้ริวไม่ผิด...แต่...ต้องทำเพลงออกมาให้เจ๋งจนหมอนี่อ้าปากค้างให้ได้นะริว ไม่งั้นโดนทับถมตายแน่ไอ้หนู”
“แน่นอนครับ พี่เผ่ารอดูได้เลย รับรองว่าจะไม่มีใครมาทับถมเราได้เด็ดขาด”
“ถ้ามั่นใจขนาดนั้นก็ลุยเลย”
“ผมจะเริ่มทำตั้งแต่คืนนี้เลยครับ...คิดว่าพรุ่งนี้คงเสร็จ”
“เอางั้นเลยเหรอ...พักผ่อนไม่พอระวังสุขภาพเสียงนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ”
ทรงเผ่าลุกไปตบไหล่ริวเบาๆ เป็นเชิงสรรพยอก แล้วขึ้นไปพักผ่อนขณะที่ริวกับพสุ แยกไปห้องอัดเพื่อทำเพลงใหม่อีกครั้ง
“ทำไมถึงกลับมาเร็วนัก นี่ไปยังไม่ถึง2 ชั่วโมงเลย” พสุรอจนเจ้าหน้าที่ที่ดูแลห้องอัดเสียงออกไปข้างนอกแล้วถึงได้ถาม เพราะไม่อยากเสียมารยาทพูดภาษาไทยต่อหน้าพวกเขา
“ริวขอกลับก่อน...” ริวตอบแล้วยิ้มแป้นเหมือนจะอวดว่าตัวเองเก่ง
“เฮ้ย! ทำงั้นได้ไง เสียมารยาทตายเลย” พสุอุทานแล้วมองเด็กหนุ่มตาค้าง ไม่คิดว่าริวจะทำอย่างนี้
“ริวก็บอกไปตรงๆ แหละว่า นัดทีมโปรดิวเซอร์จะคุยเรื่องเพลงใหม่...นี่ถ้าพี่ไปด้วย พี่คงไม่ยอมให้กลับแน่ๆ ริวถึงไม่อยากให้พี่ไป ตอนที่พี่บอกว่าจะอยู่คุยกับพี่เผ่าแทนนะ ริวงี้ถึงกับโล่งอก” ริวทำหน้าสบายใจเสียจนพสุหมั่นไส้
“เจ้าเล่ห์นะเรา หลอกให้พี่อยู่ทำงานแทนเหรอ” พสุม้วนโน้ตเพลงแล้วเคาะหัวริวเบาๆ ทั้งที่อยากจับแก้มริวดึงซะให้เข็ดมากกว่า แต่เพราะไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ประจำห้องนี้จะเข้ามาตอนไหน จึงไม่อยากทำอะไรให้คนอื่นเห็นแล้วเข้าใจผิด
“เปล่าสักหน่อย” ริวแก้ตัวแต่หลบตาพสุอย่างมีพิรุธ
“อย่ามาแก้ตัว แล้วแทนที่จะบอกให้พี่รู้ ดูสิพี่เลยอดเที่ยว แถมยังต้องมาแขวนรอพี่เผ่าซะอย่างนั้น” พสุบ่นขำๆ จริงๆ เขาก็ไม่ได้อยากเที่ยว แต่นึกเป็นห่วงริวมากกว่า ยังดีที่มีกรเวชตามไปดูแลเขาถึงได้วางใจ
“...พี่อยากไปเที่ยวกับ...สาวๆ พวกนั้นเหรอ” ริวถามด้วยน้ำเสียงพร่าเบาเหมือนผิดหวังอย่างแรงจนพสุต้องหันไปมองหน้า
“ทำไมทำเสียงอย่างนั้นล่ะ”
“พี่ชอบเขาเหรอ...หัวหน้าวง MG คนนั้นน่ะ” เด็กหนุ่มถามเสียงสั่นหน้าซีดเผือดจนพสุตกใจ
“เฮ้ย! คิดไปได้ยังไง แค่เจอกันไม่กี่วันเนี่ยนะ”
“แล้วพี่ชอบเขาหรือเปล่า” หน้าซีดๆ ของริวดูจะมีสีสันขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินพสุพูดคล้ายจะปฏิเสธ
“เปล่า...พี่ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าเห็นเขาเป็นผู้ร่วมงานคนหนึ่งหรอกน่า”
“จริงๆนะ พี่ไม่ได้ชอบสาวๆ วงนี้จริงๆ นะ” ริวยังคาดคั้นให้พสุตอบให้ชัดๆ
“ก็จริงนะสิ เอ้า! จะมาคาดคั้นพี่ทำไมเนี่ย หรือกลัวพี่แย่งจีบ?”
“ริวหวงพี่ต่างหาก ริวไม่อยากให้พี่ไปชอบผู้หญิงวงนี้ เขาไม่เห็นจะเหมาะกับพี่”
คำตอบของริวทำเอาพสุใจเต้นอย่างประหลาด ชายหนุ่มพยายามข่มความรู้สึกแปลกๆ ของตัวเองลงไป แล้วย้ำกับตัวเองว่าริวหวงเขาเพราะเป็นนิสัยของเด็กติดพี่เท่านั้น ไม่ได้มีเหตุผลอื่น
“ทำเป็นเด็กๆ ไปได้ริว หวงกลัวคนอื่นแย่งพี่เนี่ยนะ”
“ก็ริวรักพี่ ริวไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับพี่ เดี๋ยวพี่รักคนอื่นมากกว่าริว” ริวตอบแล้วขยับเข้ามาหา แต่พสุถอยออกพร้อมกับเหลียวไปมองประตูห้องอัดเสียงอย่างระแวง ทำให้ริวรู้ตัวจึงหยุดอยู่แค่นั้น ไม่ได้เข้าไปกอดพี่อย่างที่คิด
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย...โตแล้วนะเราน่ะ ทำเป็นเด็กๆ ไปได้” พสุบ่นแล้วทำสีหน้าระอาอย่างไม่ปิดบัง
“พี่อย่ารักคนอื่นมากกว่าริวนะ” ริวคาดคั้นด้วยสีหน้าจริงจังจนพสุต้องเสหัวเราะแล้วมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตาด้วย
“หึหึ...ไม่รู้สิ ไม่รับปาก”
“พี่อ่ะ”
“อารายยยยย...ทำงานสิ ทำงาน ไหนโม้กับพี่เผ่าว่าจะให้เสร็จคืนนี้ไง พี่ง่วงแล้วนะเนี่ย” พสุแซวแล้วแกล้งหาว เพื่อให้ริวเลิกคาดคั้นเขาเสียที
“พี่ไผ่คร้าบ...สัญญากับริวก่อนสิ ว่าพี่จะไม่รักใครมากกว่าริวอ่ะ” ริวอ้อนวอนทั้งเสียงและสายตาจนพสุไม่รู้จะเลี่ยงยังไง
“ไหงงั้น?”
“นะพี่นะ”
“อย่างน้อยๆ พี่ก็ต้องรักแม่มากกว่าริวก็แล้วกันแหละ” พสุเฉไฉถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ เพื่อทบทวนในสิ่งที่จะพูดว่ามันสมควรหรือไม่
“ยกเว้นแม่ไง...นะครับ สัญญาก่อน”
“เอา สัญญาก็สัญญา แล้วนี่จะเริ่มทำงานได้หรือยัง”
เด็กหนุ่มยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ จนพสุอดรู้สึกไม่ได้ว่า คำตอบของเขามันจะเหมาะสมหรือไม่ก็ไม่สำคัญเท่ากับคำสัญญานี้จะทำให้น้องมีความสุข แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
“ได้เลยครับ คอยดูฝีมือริวนะพี่”
“ครับ...จะคอยดูครับพ่อคนขี้โม้ เกือบชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นได้เริ่มเลย”
ริวยิ้มตาหยี แล้วหันไปหยิบหูฟังมาสวม พสุก็หยิบหูฟังมาใส่ด้วยเช่นกัน......
******************************
-
^
^
^ :z13: จิ้มคนข้างบน อิอิ
น้อง didi คะ ส่งข้อความไปทาง pm นะคะ ^__^
-
HNY ไร้ท์เตอร์ คนโพส และพี่ไผ่ค่า ริวด้วยก็ได้ เชอะ (อิจฉาๆ คนขี้อ้อนพี่ไผ่)
-
มีตอนส่งท้ายปีเก่าแล้ว อยากอ่านตอนต้อนรับปีใหม่ด้วยอ่า :m17:
ริวแอบเจ้าเล่ห์น๊าตอนนี้ แต่ชอบๆๆๆ :z2:
-
หัดเจ้าเล่ห์นะเนี่ยนู๋ริว
-
พี่ไผ่เริ่มจะรู้สึกแล้วว่าหวั่นไหวกับริว....
สวัสดีปีใหม่จ้า
(http://www.rd1677.com/backoffice/PicUpdate/76103.jpg)
-
ง่ะสั้นจังอ่ะ
อยากอ่านต่อ
อยากอ่านต่อ
อยากอ่านต่ออ่ะ
:z3: :z3:
-
สั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
อยากอ่านต่อด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
-
สวัสดีปีใหม่ครับ มีความสุขมาก ๆ นะครับ o18
-
กลับมาเข้าใจกันเหมือนเดิม :mc4:
:L2: Happy New Year 2011 :L2:
-
พี่ไผ่น่ารักเป็นบ้าเลย
งิงิ
:sad4:
-
:L1: :pig4: :mc4:
-
เดี๋ยวนี้ ริวเจ้าเล่ห์ใหญ่เลยน้าาา
ชอบๆๆ
Happy new year :)
-
:serius2: :beat: เคือง เคือง นายชิน
น้องริวทำดี สุดยอด o13
พี่ไผ่แคร์สังคมมากกว่าความรู้สึกตัวเอง จะไม่มีความสุขนะ
... :mc4: Happy New Year 2011.... :L2: :L1:
+1
-
ขอบคุณค้า ที่พาน้องริวกับพี่ไผ่มาส่งความสุขให้ในวันส่งท้ายปีเก่า
ดีใจค่ะ ดูเหมือนความสัมพันธ์ของสองคนนี้เริ่มขยับเข้าไปใกล้กันอีกแระ
ไม่รู้ว่าอิฉันจะขอมากไปไหมคะ ถ้าจะขอว่า ปีหน้านี้ขอให้พี่ไผ่รู้ใจตัวเองเสียที
ว่าไม่ได้รักริวแบบน้อง แต่รักแบบคนรัก และให้เปลี่ยนสถานะของสองคนนี้
จากพี่น้องเป็นคนรักน่ะค่ะ
ฝากพรปีใหม่มาให้คนเขียนและคนโพสเช่นกันค่ะ
ความสดชื่นรื่นเริงเถลิงศก
ความอิ่มอกอิ่มใจที่ใฝ่หา
ความสำเร็จสมหวังดังอุรา
ประมวลมาสวัสดีปีใหม่เอย
ขอให้มีความสุขมากๆนะจ๊ะ
-
หนูริวกับพี่ไผ่น่ารักที่สุดเลย ชอบๆๆๆๆ ขออีกตอนได้ป้ะ เป็นของขวัญใหม่อ่ะจ้า
หวัดดีปีใหม่จ้า ขอให้ไรเตอร์มีความสุขมากๆๆๆ รวมถึงเพื่อนที่อ่านด้วยกันนะคะ
-
สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ ขอให้มีความสุขทุกๆคนเลยนะค่ะ
แต่อย่าลืมมาอัพให้ด้วยนะ ชอบน้องริวพี่ไผ่มากๆๆ :L2:
-
ถือว่าเป็นของขวัญวันปีใหม่ที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองที่สุดลยค่า จ๊วบๆๆๆ
-
:z13:
-
อ๊ายยยย
น่ารัก ๆๆๆๆ
รุกเลยริวจัง
-
ริวกันท่าไว้คร้าบบ สาว ๆ ไว้ใจไม่ได้
-
ริวน่ารัก พี่ไผ่ก็น่ารัก คนแต่งก็น่ารัก คนโพสก็น่ารัก
และจะน่ารักมากๆๆๆๆๆๆถ้ามีตอนฉลองก่อนและหลังปีใหม่ด้วยนะคะ :impress2:
-
Happy new year
มีความสุขมากๆนะ
และขอให้แต่งผลงานดีๆแบบนี้ออกมาเยอะๆจ้า
ไอเดียบรรรเจิดสุดๆ
รออ่านตอนต่อไป
-
:-[
happy new year na krab ...
-
happy new year !! มีความสุขมากๆนะคะไรเตอร์ทั้งพี่ไผ่แล้วก้น้องริวด้วยน้า
ติดตามเสมอนะคะ ^^
-
น้องริวก็ขี้อ้อนเหมือนเดิม
บอกรักพี่ไผ่อยู่บ่อย ๆ
พี่ไผ่เริ่มรู้สึกแปลก ๆ แล้วใช่มั้ย
Happy New Year ค่าทุกคน
มีความสุขมาก ๆ นะคะ
คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกอย่างค่า
ไม่เจ็บ ไม่จน รวย ๆ ทุกคนนะคะ
:L2: :L1: :L2:
-
โยสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส ว้าก ๆ
มาตามอ่านในนี้กับเขาบ้าง โฮะ ๆ ทวงได้มั้ยเนี้ย แง่ม ๆ
-
Happy Hew Year ค่ะ
ดีใจได้อ่านตอนใหม่ฉลองส่งท้ายปี
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดปีและตลอดไปนะคะ
-
รักกันเร็วๆทีเถอะนะ
Happy new year ล่วงหน้านะคะ ไรเตอร์
:L2:
-
:L2: Happy New Year 2011 ทั้งพี่ไผ่ น้องริว ไรท์เตอร์ คนโพส และคนอ่านฟิคเรื่องนี้ทุกคน
มีความสุขกันหลายๆเด้อ
-
Happy New Year 2011 มีความสุขมาก ๆ ตลอดปีตลอดไปคะ :L2:
-
happy new year ค่า
ริวกับพี่ไผ่จะร้องเพลงคู่กัน ตื่นเต้นมาก อยากจะดูซิว่าจะดีขนาดไหน
-
สวัสดีปีใหม่ค่ะคนแต่ง คนอ่านคนนี้มีความสุขกับตอนล่าสุดของนิยายคุณมากเลยอ่ะ
ในที่สุดพี่ไผ่ก็ไม่ทำให้ริวเจ็บปวดซ้ำสอง อา ขอให้รักกันไปนานๆ รักกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ปีใหม่แล้ว ขอให้คนแต่งมีความสุขมากๆในปีใหม่นี้ คิดสิ่งใดหวังสิ่งใด ให้สมหวังทุกประการ
สุขภาพร่างกายและจิตใจแข็งแรง และที่สุด ขอบคคุณที่แต่งนิยายน่ารักๆมาให้เราอ่านกันนะค่ะ
อยู่ด้วยกันไปนานๆนะ อยู่แต่งนิยายให้เราชาวเล้าเป็ดอ่านไปนานๆ
ขอบคุณค่ะ ด้วยรักและ :กอด1:
(http://glitter.kapook.com/?sid=8194d966fbce30368e98b564d772a9f2)
-
สวัสดีปีใหม่ค่ะ :mc3:
พี่ริวสัญญากับน้องก็ทำตามสัญญาด้วยนะคะ
-
:L1: :L1: HNY ค่ะ
ริวยังน่ารักเหมือนเดิน พี่ไผ่ก้อรุ้ตัวเองซักทีนะ
-
ว้าวววววว แอบมีสัญญารักกันด้วย :-[
รวมเล่มเหอะขอร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
-
อยากฟังเพลงของริวกะพี่อ่ะ
:o8:
-
อ่านมาจนจบตอนนี้
อยากบอกว่า หลงรักริวจริงๆ เด็กอะไรน่ารักมากกกกกก
ตอนแรกไม่ชอบอ่านเรื่องที่ยังไม่จบ
แต่เห็นชื่อแล้วน่าอ่าน พออ่านติดเลย
อยากอ่านความน่ารักของริวทุกวันเลย
อยากบอกว่าคนแต่ง แต่งเรื่องนี้ได้น่าอ่านมาก
น่ารักน่าหลงน้องริว กับ พี่ไผ่ มาก
อยากให้ไผ่รับรู้ความรู้สึกของริวเร็วๆจัง
จะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
อย่าให้ใครมาขัดขวางหรือทำให้พี่น้องเขาผิดใจกันนะ
-
สวัสดีปีใหม่คะ พบเจอแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตและไม่เจ็บไม่ป่วยตลอดไปนะค่ะ :กอด1:
ชอบพี่ตะวันมากรู้สึกว่าพี่ตะวันจะเข้าใจอะไรๆในชีวิตและเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัวได้มากกว่าคนอื่น :-[
-
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไม่ไข้นะคะ
-
สวัสดีปีใหม่ค่า ขอให้ร่ำ ขอให้รวย ขอให้หน้าตาดี ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะค่ะ :mc3:
-
:mc4: :mc4: Happy New Year จ้า :กอด1:
-
หุหุ..มีคำสัญญามัดตัวแล้วนะพี่ไผ่
สวัสดีปีใหม่จ้า ขอใหม่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง รวยๆๆๆๆ
(http://2.bp.blogspot.com/_uIczAwG7xyw/TRlQwA6SG9I/AAAAAAAAEH4/no57keRAULk/s1600/happy-new-year-2011-ct-m.jpg)
-
happy New year 11 จ้า..
ขอให้น้องริวกับพี่ไผ่มีความสุขมากๆๆนะจ๊ะ...
-
Happy New Year' 2010
Starting,,,
good healthy
good richful and
lucky in game lunck in love ^^
-
ริวมันน่ารักอ่าาาา
-
กรี๊ดดดดดด พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ยย
ชอบมากเลยค่ะ :impress2:
คุณAnonymus นี่ ใช่ที่เคยอยู่บอร์ดoneringsรีเปล่าเอ่ย
ชื่อคู๊นคุ้น :man1:
-
น่ารักอ่าาาาา :m1:
อัพเร็วๆนะค่ะ :ped149:
-
Happy New Year ทั้งพี่ไผ่ กับ น้องริว
-
สวัสดีปีใหม่ครับ ปีใหม่ปุปก็อ่านเรื่องนี้เรื่องแรกปัป สุขใจจริงๆ
-
สวัสดีปีใหม่
-
พี่ไผ่รับปากแล้วน่ะ
ว่าจะไม่รักใครมากกว่า(แม่)ริว
ริวชักจะเจ้าเล่ห์ขึ้นเรื่อยๆแล้วซิ
Happy new year ค่ะ
-
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกสงสารไผ่จัง :sad4:
happy new year ค่ะ :L1:
ขอให้สุขภาพแข็งแรง มั่งมีเงินทองค่ะ :กอด1:
-
พี่ไผ่ สัญญาแล้วนะ
ว่าจะไม่รักใครมากกว่านู๋ริว อิอิ
ถ้าใครมาเจอลูกอ้อนของริว คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ น่ารักขนาดนั้นอ่า
-
long weekend ผ่านไปแล้ว มาต่อเร็วๆนะคะ
คิดเถิงพี่ไผ่กับน้องริวแล้วค่ะ >..<
-
มารอพี่ไผ่กับน้องริวด้วยคน
หลงรักน้องริวมากเลยตอนนี้
เฝ้าแต่รอ รอ รอ รอ น้องริวคนดี
-
มาได้แล้วเน้อ คิดถึงริวกับพี่ไผ่แล้วค่ะ
-
ปีใหม่แล้วนะจ๊ะ
มาอัพได้แย้วววว
คิดถึงพี่ไผ่กับหนูริวใจจะขาดแล้ววววว ><
HAPPY NEW YEAR 2011 ย้อนหลังค่า~
-
:call: :call:
-
สวัสดีปีกระต่ายน้อยจ้า :กอด1: ทุกโคนนนนน
*********************
ตอนที่ 62
“พี่...พี่ไผ่ครับ...กลับกันเถอะ”
พสุลุกขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่รู้สึกว่ามีคนมาแตะตัว ชายหนุ่มเพิ่งรู้ว่าเขาเผลอหลับไป เมื่อหันไปดูนาฬิกาก็พบว่าเกือบ ตี 3 แล้ว
“เสร็จแล้วเหรอริว” พสุถามพลางก้มลงมองก็พบว่าเสื้อสเวตเตอร์ของริวเลื่อนลงไปกองอยู่บนตัก ริวคงถอดมาห่มให้เขาตอนเขาหลับ ชายหนุ่มรู้สึกหน้าร้อนๆ นึกอายเจ้าหน้าที่ที่ดูแลห้องนี้ ไม่รู้ว่าจะมีใครเห็นบ้างหรือเปล่า
“เสร็จแล้วครับ...แต่มันยังขาดๆ อะไรสักอย่าง ริวเลยว่าจะไว้คิดต่อพรุ่งนี้”
“อืม...พี่เลยเอาเปรียบริว นอนหลับไปเฉยเลย” ชายหนุ่มบิดตัวไล่ความเมื่อยขบ เขานั่งฟังริวทำดนตรีอยู่พักใหญ่ๆ จนรู้สึกล้าถึงได้ลุกมานั่งพักที่โซฟา กะว่าจะพักให้หายเมื่อยแล้วจะกลับไปฟังริวอัดเสียงต่อแต่ดันเผลอหลับไปเสียก่อน
“พี่เอาเปรียบริวที่ไหน ริวต่างหากไปลากพี่มาอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่พี่ควรจะได้พักผ่อน...กลับไปนอนกันดีกว่าครับ”
“ไปสิ...อะไรเนี่ย?” พสุถามงงๆ เมื่อริวคุกเข่าแล้วหันหลังให้เขา
“พี่ขี่หลังริวไปไหม ริวจะแบกพี่ไปแบบในหนังเกาหลีไง”
“ทะลึ่งแล้ว เยอะไปเยอะ” พสุขยี้ผมเด็กหนุ่มแรงๆ แล้วหยิบเสื้อบนตักคืนให้ริว เด็กหนุ่มรับไปสวมแล้วเดินตามพสุออกไป เจ้าหน้าที่ดูแลห้องอัดเสียงกำลังนั่งกินกาแฟและดูทีวีอยู่ข้างนอก พอเห็นพสุกับริวออกมาก็หันมายิ้มให้
“เสร็จแล้วเหรอครับ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มาทำต่อครับ...ต้องขอโทษด้วยนะครับที่มารบกวนจนดึกแบบนี้” พสุออกตัวแล้วก้มศีรษะให้อีกฝ่ายเป็นการขออภัย
“ไม่เป็นไรครับ ยินดีต้อนรับเสมอ”
เมื่อพสุกับริวกลับไปถึงห้องพักนั้นก็พบว่าตะวันหลับไปแล้ว ทั้งคู่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบเข้านอน เพราะเช้าต้องถ่ายเอ็มวีของไวยากรณ์กับเอ็มวีเพลงรวมให้เสร็จทันก่อนสาวๆ MG จะไปญี่ปุ่น
พสุอาบน้ำก่อน พอขึ้นเตียงได้เขาก็ง่วงจนเกือบหลับในทันที แต่กลับต้องลืมตาโพลงเมื่อริวเบียดซุกเข้ามากอดเขาไว้แน่น ทั้งที่ริวก็กอดเขาแบบนี้เป็นประจำ แล้วทำไมคืนนี้เขาถึงรู้สึกแปลกๆ
พสุพยายามข่มตาหลับ แต่ลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดซอกคอทำให้เขาต้องขยับออกห่างอีกนิด ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องผิดพลาด เพราะพอเขาขยับออกห่าง ริวก็กลับเบียดเข้าหามากกว่าเดิม แถมยังย้ายมาหนุนหมอนใบเดียวกันเสียอีก พสุหันไปมองเพื่อเอ็ดให้ริวถอยห่างไปหน่อย แต่กลับพบว่าเด็กหนุ่มหลับสนิทไปแล้ว...ที่ริวกอดเขาแน่นขนาดนี้คงเป็นความเคยชินมากกว่า
ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจช้าๆ พยายามเรียกสติตัวเองกลับมา เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนแท้ๆ ทำให้เขารู้สึกขัดเขินกับการสัมผัสของริว ยังดีที่ฤทธิ์เหล้าและยาทำให้ริวจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงมองหน้าน้องไม่ติด พสุคิดโน่นคิดนี่อยู่ครู่ใหญ่ถึงได้ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จึงไม่รู้ว่าแก้มและใบหูของเขาถูกจูบเบาๆ จากคนที่เขาคิดว่าหลับ....
.
.
.
.
.
.
.
พสุขยับตัวอย่างอึดอัด สิ่งแรกที่ลืมตามาเห็นคือเสื้อนอนลายตารางเล็กๆ กับกระดุมสีขาว...ชายหนุ่มหน้าร้อนวูบเมื่อรู้ตัวว่าเขาซุกหลับอยู่ในอ้อมแขนของริว แต่เมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาหัวเตียงชายหนุ่มก็สะดุ้งโหยง
“ริว! ริว! ตื่นเร็ว สายมากแล้ว” พสุผุดลุกขึ้นแล้วหันไปเขย่าตัวริว
“อือ...ริวง่วง...” ริวทำเสียงงอแง แล้วพยายามจะชักผ้าห่มขึ้นคลุมหัว แต่พสุรั้งไว้
“นอนไม่ได้แล้วริว สายมากแล้ว...โอ๊ยทำไมไม่มีใครปลุกเราเนี่ย” พสุสบถเบาๆ แล้วพยายามจะเขย่าปลุกริว เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องนอนเปิดเข้ามา
“ไง...ตื่นแล้วเหรอ”
“ตะวัน...อ้าว!...ทำไมยังอยู่นี่ละ ยังไม่ไปกองถ่ายเหรอ?”
“ยัง...พอดีทางผู้กำกับ เขาขอแก้เอ็มวีของไวย์ ให้ไวย์ถ่ายกับสาวๆ 5 คน ส่วนพวกเราเขาขอตัดออก เพราะอยากให้ซีนไวย์ชัดๆ เหมือนของริว” ตะวันตอบเรียบๆ แล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงของตัวเอง
พสุถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก มิน่าถึงไม่มีใครมาปลุกพวกเขา ที่แท้มีการแก้ไขเพลงนี่เอง
“แต่ถ้าเพลงไวย์ถ่ายเสร็จเขาก็จะต้องถ่ายเอ็มวีเพลงรวมของพวกเราทุกคนไม่ใช่เหรอ?”
“เขาเลื่อนเป็นพรุ่งนี้แล้ว...เห็นว่าพวกสาวๆ เขาขอถ่ายพรุ่งนี้ เพราะวันนี้เขาต้องรีบไปตั้งแต่บ่าย”
“ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะนอนตื่นสายจนเสียงานซะแล้ว”
“เมื่อคืนงานเสร็จไหม?”
“เห็นริวว่ายังขาดอะไรสักอย่าง วันนี้เลยว่าจะทำใหม่”
“อืม...มีอะไรให้ช่วยก็บอกละกัน”
“ริว...ริว...ตื่นเถอะ ไหนว่าจะคิดงานต่อไง”
“ขออีกครึ่งชั่วโมงครับ” ริวตอบเสียงอู้อี้ แล้วยกหัวขึ้นมาพาดบนตักของพสุ ขณะที่วงแขนก็โอบรัดรอบเอวของชายหนุ่มเหมือนอย่างที่เคยทำ พสุหันไปมองตะวันด้วยความตกใจ เกรงว่าตะวันจะเข้าใจผิด แต่พบว่าตะวันนอนหลับตาใส่หูฟังไปก่อนแล้ว ชายหนุ่มจึงแกะมือริวที่โอบรอบเอวออก
“ริวปล่อยพี่...พี่จะไปอาบน้ำ”
“ไม่เอา...ตักพี่อุ่นจะตาย” ริวทำเสียงงอแงแล้วไถหัวไปมาเหมือนแมว ซึ่งพสุเคยมองว่าเป็นเรื่องน่าเอ็นดู แต่วันนี้เขากลับรู้สึกเขินๆ กับกิริยาแบบนี้ของริว
“ปล่อยเร็ว ไม่งั้นพี่โกรธนะ”
“พี่อ่ะ...ไมอะค้าบบบบบ”
“ไม่ต้องมาอ้อน พี่จะไปอาบน้ำแล้ว” พสุพูดพร้อมกับยกหัวริวออกจากตักแล้วรีบร้อนเข้าห้องน้ำไป ริวลุกขึ้นนั่งทำหน้าเง้า พอเหลือบไปเห็นตะวันมองมา เด็กหนุ่มก็ส่งยิ้มจนตาหยีให้ ตะวันมองหน้าแจ่มใสไร้รอยกังวลของริวแล้วก็แอบถอนใจ ริวรู้สึกกับพสุอย่างไรเห็นทีจะไม่ต้องเดาอีกแล้ว เหลือก็แต่พสุ ที่เขายังไม่แน่ใจว่าพสุ “รู้สึก” กับน้องแค่ไหน
หลังจากจัดการกับอาหารมื้อสายโด่งเสร็จ พสุกับริวก็กลับไปห้องอัดอีกครั้ง ดนตรีที่ริวเพิ่งทำเสร็จเมื่อคืนฟังดูแปลกหูและโดดเด่นจนพสุทึ่ง แม้จะแทบไม่เหลือเค้าของเพลงเดิมเลย แต่กลับฟังดูลงตัวกว่าเพลงเดิมเสียอีก ริวชวนพสุลองอัดเสียงกันดูก่อน ซึ่งแม้จะฟังว่าเพราะแต่พสุก็รู้สึกแบบเดียวกับริวว่าเหมือนยังขาดอะไรไปสักอย่าง
“ไง...เพลงไปถึงไหนแล้ว” ตะวันโผล่เข้ามาเกือบบ่ายสองโมงแล้ว พร้อมกับขนมและกาแฟสองกระป๋องที่ติดมือมาฝาก ระหว่างที่พสุกับริวจัดการกับมื้อบ่าย ตะวันก็เดินไปหยิบเนื้อเพลงมาดู แล้วใส่หูฟังเพื่อฟังเพลงที่อัดไว้แล้ว
“ก็ดีนี่นา...แล้วทำไมยังหน้านิ่วคิ้วขมวดกันอยู่ล่ะ” ตะวันถามพลางถอดหูฟังออก แล้วหันมามองหน้าริวกับพสุ
“มัน...เหมือนยังขาดอะไรไปสักอย่าง...I need nobody else except you…” พสุตอบแล้วฮัมเพลงท่อนฮุคซ้ำๆ
“ขาดอะไร...ท่อนนี้เหรอ...ฉันไม่ต้องการใครอื่นอีกแล้วนอกจากเธอ?...ขาดอะไร?”
ริวกับพสุหันขวับมามองหน้าตะวัน แล้วหันมาสบตากัน
“พี่ตะวัน / ตะวัน!” ทั้งคู่หัวเราะก๊าก เพราะพูดเป็นเสียงเดียวกัน ขณะที่ตะวันก็มองหน้าทั้งคู่ด้วยสีหน้างุนงง
“อะไร?”
“ไลน์ประสานไง เสียงนายน่าจะเหมาะ”
“นั่นสิ...ให้พี่ตะวันร้องตรงนี้ กับตรงนี้...แล้วเพิ่มเนื้อเพลงในท่อนฮุค” ริวคว้าโน้ตเพลงมาวงๆ แล้วชี้ให้พสุกับตะวันดู แล้วหันไปปรับแต่งดนตรีเพิ่มเติม ก่อนจะลากตะวันเข้าห้องอัดไปด้วย ทั้งสามคนขลุกอยู่ในห้องอัดจนมืด เพลงใหม่ก็เสร็จสมบูรณ์อย่างที่ตั้งใจไว้ ริวเดินอมยิ้มไปตลอดทางอย่างมีความสุข ที่เพลงออกมาถูกใจ ขณะที่พสุก็ตื่นเต้นอยากให้ทรงเผ่าได้ฟัง ส่วนตะวันยังคงสีหน้าเฉยเมยไม่เปลี่ยน นอกจากแววตาเป็นประกายวาววับอย่างมีความสุข
แต่ดูเหมือนคนรอฟังจะไม่ได้มีแต่ทรงเผ่า เมื่อสามหนุ่มกลับไปถึงบ้านพักก็พบว่านอกจากทีมงานที่นั่งอยู่พร้อมหน้าที่โต๊ะอาหารแล้วยังมีทีมโปรดิวเซอร์ของเกาหลีอีกทั้งทีม พอเห็นริวกับพสุพวกเขาก็โบกมือทักทาย ริวกับตะวันหยุดคุยกับทีมเกาหลีขณะที่พสุรีบแยกไปหาทรงเผ่าที่ยืนคุยอยู่กับไมตรีตรงระเบียงด้านข้าง
“อะไรกันครับพี่เผ่า?” พสุถามพลางกวาดตาดูทีมโปรดิวเซอร์ของ JKG อย่างงุนงง
“เขามารอฟังเพลงของไผ่กับริวนั่นแหละ”
“มารอฟังเพลงของพวกผม? ทำไมละครับ เพลงนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางทีมเกาหลีนี่”
“คงเป็นฝีมือนายลี...ท่าทางจะรอทับถมเต็มที่ถ้าเพลงออกมาไม่ดีอย่างที่คิด” ทรงเผ่าตอบยิ้มๆ พสุเหลือบตามองเพดานแล้วแอบถอนใจอย่างระอา ดูเหมือนลีชินกีจะจ้องหาเรื่องพวกเขา...ไม่สิ จ้องจะหาเรื่องเขากับริวมากกว่า
“แล้วเสร็จไหมไผ่?” ไมตรีถามแทรกอย่างร้อนใจ เมื่อคืนเขาไม่สบายจึงไม่ได้เข้าประชุมด้วย พอรู้ว่าริวงัดข้อกับลีชินกีกลางวงก็ได้แต่ปวดหัว แล้ววันนี้ลีชินกีก็ยังพาทีมโปรดิวเซอร์ของ JKG มาอีก ก็เท่ากับเป็นการประกาศกันโต้งๆ ว่าจะต้องเอาคืนริวให้ได้
“เสร็จแล้วครับ...พี่เผ่ากับพี่ตรีเอาไปฟังก่อนนะครับ เผื่ออยากจะปรับแก้อะไร”
“เออเก่งว่ะ ไอ้หนูริวมันเจ๋งดีจริงๆ”
พสุเอาแผ่นที่อัดเสียงแล้วส่งให้ทรงเผ่า ซึ่งทรงเผ่าก็รับไปยื่นให้ไมตรีเก็บไว้
“ไม่ทราบว่าเพลงเสร็จแล้วหรือยังครับมิสเตอร์เกรสัน” เสียงลีชินกีทำให้พสุ ทรงเผ่า และไมตรี ต้องรีบเข้าไปในห้องอาหารอีกครั้ง
“เกือบเสร็จแล้วครับ” ริวตอบเสียงเรียบๆ ก่อนจะหันมายิ้มแป้นให้พสุ แล้วขยับเว้นที่ตรงกลางระหว่างเก้าอี้ของเขากับเก้าอี้ของตะวันไว้ให้พสุนั่ง
“ถ้าพวกเราจะขอฟัง คงไม่ขัดข้องใช่ไหมครับ?” ลีชินกีถามแล้วส่งยิ้มท้าทายมาให้ แต่ริวยังคงทำหน้าเฉยๆ
“ไม่ทราบ คุณต้องถามโปรดิวเซอร์ไม่ใช่มาถามผม” ริวตอบแล้วทำหน้านิ่งด้วยความไม่พอใจ
แม้ริวจะทำเพลงเสร็จแล้ว แต่ปกติพวกเขาจะให้ทรงเผ่าตรวจแก้อีกครั้งก่อนเพื่อความสมบูรณ์ของเพลง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติที่ทำกันมาตลอด
“ถ้ามิสเตอร์ลีอยากฟัง ก็ยินดีครับ เชิญทุกคนที่ห้องโถงเลย” ทรงเผ่าตอบยิ้มๆ แล้วหันไปพยักหน้าให้ไมตรีเปิดเพลงของริวให้ทีมงานเกาหลีฟัง ไมตรีนิ่งไปนิดหนึ่งอย่างคาดไม่ถึงว่าทรงเผ่าจะให้ทีมโปรดิวเซอร์ของ JKG ฟังเพลงของริวโดยที่ทรงเผ่ายังไม่ได้ปรับแก้ใดๆ แต่เขาก็เหมือนทรงเผ่าที่เชื่อในฝีมือของริว จึงมั่นใจว่าริวจะไม่ทำให้พวกเขาหน้าแตกแน่นอน
นับตั้งแต่อินโทรท่อนแรกดังขึ้นทุกคนก็นั่งฟังกันเงียบ ขณะที่ไมตรีหันไปยิ้มกับทรงเผ่า ริวไม่ใช่แค่ทำได้ แต่ทำได้ดีจนน่าขนลุก เสียงค่อนข้างสูงของพสุ เมื่อมีเสียงริวกับตะวันช่วยประสานยิ่งทำให้โดดเด่น แม้จะเป็นเพลงที่ร้องคู่กับริวแต่ไลน์ประสานของตะวันที่แทรกเข้ามาอย่างพอเหมาะ ทำให้ทุกอย่างลงตัวและพอดีแบบที่หาข้อตำหนิไม่ได้
“โอ้! เพลงเพราะมากๆ ผมแน่ใจว่าเพลงนี้ต้องดังแน่นอน” โปรดิวเซอร์ของ JKG ชมแล้วเอื้อมมือไปตบเข่าลีชินกีที่นั่งหน้าซีดเผือดเบาๆ เป็นเชิงให้สงบสติอารมณ์ไว้
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าลีชินกีไปหว่านล้อมให้พวกเขามาฟังเพลงของคิสมีทำไม ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับทาง JKG เพราะชินกีต้องการให้ทุกคนเห็นข้อผิดพลาดของเพลงเพื่ออาสาเข้ามาจัดการเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชินกีใช้ความผิดพลาดของคนอื่นเป็นเครื่องมือให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ เพียงแต่คราวนี้ทุกอย่างผิดความคาดหมายไปเมื่อชินกีมาเจอคนที่เหนือกว่า นอกจากจะกดดันทีมโปรดิวเซอร์ของไทยไม่ได้แล้ว ตัวชินกีเองยังโดนข่มจนราบคาบ
“ขอบคุณครับ” ทรงเผ่ารับคำแล้วหันไปยักคิ้วให้ริว เด็กหนุ่มก็อมยิ้มน้อยๆ ตอบก่อนจะหันไปมองหน้าพสุ ซึ่งชายหนุ่มก็หันมาสบตาแล้วยิ้มให้ ทำให้ริวหน้าบานยิ่งกว่าเดิม แค่สายตาชมเชยของพสุก็เป็นรางวัลที่ดีที่สุดแล้วสำหรับริว
ชินกีลุกพรวดแล้วเดินดุ่มๆ ออกไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ไม่สนใจแม้แต่ทีมโปรดิวเซอร์ที่ตัวเองชวนมา
“ช่างเป็นคนที่เอาแต่ใจจริงๆ” โปรดิวเซอร์ของ JKG เอ่ยเบาๆอย่างอ่อนใจ ก่อนจะขอตัวกลับเช่นกัน
พสุหันไปมองรอบๆ ก็พบแต่ทีมงาน ไม่เห็นวี่แววของ กรเวช ไวยากรณ์และ ธีรดล
“พี่กรไปไหนครับ?”
“เห็นชวนไวย์กับดลไปซื้อของให้สาวๆ MG กับทีมงานของ JKG “
“อ้าว! ก็เห็นพี่กรเตรียมมาจากเมืองไทยแล้ว?”
“เห็นว่าไม่พอนะ...ไผ่กับริวไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า ไม่ได้กินตั้งแต่เที่ยงแล้วนี่”
“ตะวันเอาขนมกับกาแฟไปให้รองท้องแล้วครับ”
“เออ แล้วไงตะวันถึงไปร้องไลน์ประสานได้ล่ะ?...แต่ฟังดูดีมากเลย พี่เพิ่งรู้นะว่าเสียงริวกับไผ่เข้ากันได้ดีมาก”
“พี่เผ่าชอบใช่ไหมครับ”
“โดนมากๆ เลยล่ะไผ่...ไอ้หนูริวมันเจ๋งนะ”
“ครับ ริวเก่งจริงๆ”
“หึหึ...งานนี้เล่นเอานายลีหน้าแตก...เอ้า! พี่ก็มัวชวนคุย ไปกินข้าวเถอะไผ่ ไอ้หนูริวมันเมียงมองมาหลายรอบแล้ว คงรอกินข้าวอยู่”
“ครับ”
...............................................................
-
^
^
^
จิ้มจึ้ก :z13:
รอวัน พี่ไผ่ รู้ใจตัวเอง :เฮ้อ: :กอด1:
-
เล่นกับใครไม่เล่นเป็นไงหละคะคุณลี! หน้าแหกกลับไปเลย 55+
-
เพิ่งเคยเห็นหนุ่ม?เกาหลีหน้าแตกแบบหมอไม่รับทำศัลยกรรมก็วันนี้ :jul3:
ใครเป็นใครให้มันรู้ซะมั่ง นุ้งริวซูดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
-
พี่ไผ่เริ่มหวั่นไหวแล้ว พยายามเข้าหนูริว ความหวังอยู่ไม่ไกลแล้วนะ สู้ๆๆๆ
:mc4: :mc4: :mc4:
-
:laugh: :laugh: :laugh:สมน้ำหน้านังชินกี ก๊ากกกกกกก
ปล.พี่ไผ่เขินแล้วๆๆๆๆๆ ริวพยามเข้าใกล้แล้วๆๆๆหวั่นไหวซะที :o8: :o8:
-
เสร็จไปหนึ่ง..เหลืออีกฝูง....
ขอบคุณครับ ผู้แต่ง :L2:
-
กลับมาแระ หลังจากที่ห่างหายหน้าไปหลายตอน :impress2:
กลับมาพร้อมกับความสะใจที่ริวชนะอย่างที่ชินกีหาอะไรมาชี้ว่าบกพร่องได้เลย o13
สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังน้าคร้าไรเตอร์ :mc4: ขอให้เป็นปีที่มีแต่ความสุขตลอกปีเลยน้าคร้า
และขอให้เรื่องนี้ปลอดมาม่าไปนานๆ พร้อมกับที่น้องริวน่ารักแบบนี้กับพี่ไผ่(กับคนแม่ยกน้องริว)ไปตลอด :กอด1:
พี่ไผ่ก็ขอให้รู้ตัวเร็วๆ ส่วนพี่ตะวัน :interest: พี่จะพยายามอ้อนไรเตอร์ให้พี่มีคู่กับเค้านะ จะได้มีคนให้ไออุ่น หรือไม่ก็ให้ไออุ่นคนอื่น หุๆๆ :impress:
-
เลวจริงคนเรา...สะใจมาก
+1
-
:laugh: หัวเราะด้วยความสะใจ ยังนารักกันเหมือนเดิม
แต่พี่ไผ่ดิจะซื่อบื่อไปถึงไหน ยังไม่รู้ใจตัวเองอีก
ตอนหน้าขอยาวๆได่ไมค่ะ แบบอ่านไม่ทันจุใจจบแล้วอ่ะ
สู้ๆนะค่ะ :bye2:
-
อร๊ายยยยยย
พี่ไผ่เขินน้องริว
แต่รู้ตัวมั้ยว่าโดนจูบตอนหลับอ่ะ
น้องริวช่วงนี้รุกเข้าไปเลยน๊า
เดี๋ยวพี่ไผ่ก็ใจอ่อนเองหล่ะ
สมน้ำหน้าลีชินกี
หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ อิอิ
-
แจ่มไปเลยน้องริว 5555
-
+1 ให้อะ
สะใจนิดๆ
o13 o13
-
I need nobody else except you
อ่านเนื้อเพลงแล้วแอบฮากร๊ากเพราะดันไปนึกถึงเพลงโนบอดี้ 5555
ps.แอบสะใจที่ริวได้เย้ยนายลีชินกี^^
-
สม :laugh:
-
สะจายยยยยย เหลือแค่ตามซัดไอ้ตัววางยาอีกอย่างเดียวนะ
-
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ตอนแรกเขาจินตนาการพี่ไผ่เป็นรุกมาดแมนแฮนซั่ม น้องริวเป็นรับที่เหมาะเจาะเข้าคู่กันอย่างสวยงาม
ตะหงิดมาหลายตอนแต่ก็คิดเอาเองว่าไม่เป็นไร อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าคิดผิด!!!
ทำไมพี่ไผ่สาวขึ้นเล็กน้อยละ รับไม่ได้!!!
ปล.แต่ก็ยังสนุกเหมือนเดิมและมากขึ้นไปด้วย ขอตัวไปทำใจกับพี่ไผ่ก่อนค่ะ ToT
-
ชอบตอนนี้จังเลย :impress2:
นู๋ริวของป้าน่ารักมากกกกก :o8:
พี่ไผ่ก็น่ารัก ตะวันก็น่ารัก :-[
ไรเตอร์ก็น่ารักค่ะ :กอด1:
รอตอนต่อไปนะคะ o13
-
:3123: สวัสดีรับปีกระต่าย
วันนี้ได้อ่านพี่ไผ่กะริว น่ารักแบบเบาๆ ชอบตอนเข้านอนมาก
ไม่รู้ว่าใครเป็นหมอนข้างของใครนะเนี่ย
ยกมือขอสนับสนุนความน่ารักแบบนี้ไปนานๆค่ะ
-
ริวเก่งมากเลย ทำให้ลีชินกีหน้าแตก
สะใจมากหมั่นไส้ชอบมาขัดน้องริว
พี่ไผ่เมื่อไรจะรับรู้ความรู้สึกน้องริวสักที
ตอนนี้สั้นไปหน่อยนะ ยังไม่หายคิดถึงเลย
ตอนหน้าขอยาวๆหน่อยนะค่ะ
ขอก็อปเก็บไว้อ่านนะ ชอบมากเลยเรื่องนี้
หลงรักริวตั้งแต่อ่านตอนแรก 2 วันอ่านไป2 รอบเลย
-
บวกๆๆๆๆ ค๊า ^^
-
เป็นกำลังใจให้ริวค่ะ
-
:laugh:
ขอหัวเราะให้กับความสะใจก่อน
สมน้ำหน้าชินกีมากๆเลยอ่ะเป็นไง
เจอริวของเราเข้าไปถึงกับไปไม่ถูกเลย
พี่ไผ่อย่าไปคิดมากอะไรเลยรักริวให้มากๆก็พอ
HNY ย้อนหลังด้วยน้า
:กอด1: :L2:
-
:laugh5: :laugh5: :laugh5: สะใจ
-
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกรักริวจัง น่ารักมากกกกกกกกกก ปีใหม่แล้วก็ขอตอนยาวๆเหมือนตอนต้นๆด้วยนะคะ :call:
-
ริวอ้อนพี่ไผ่บ่อย ๆ นะ กำลังหวั่นไหวพอดี
-
ปีใหม่แล้ว พี่ไผ่กะน้องริว รักกันเร็วๆน๊า :กอด1:
-
เรื่องนายลงนายลีอะไรนั่น อิฉันไม่สนล่ะ
ขอให้ความสัมพันธ์ของน้องริวกับพี่ไผ่คืบหน้า
แล้วพี่ไผ่รู้ใจตัวเอง อิฉันก็พอใจแระ
เอ่อแล้วพี่ตะวันนี่จะมีการเปิดตัวอะไรกับใครไหมหนอ
-
เศษหน้าที่แตกยับเยิน หล่นอยู่เกลื่อนพื้นเลยล่ะเธอเอ๊ย! :m20:
-
ริวน่ารักมากเลย
แต่เก็บอาการต่อหน้าคนอื่นหน่อยนะ
ปีกระต่ายแล้ว
เลยอยากขอคนแต่มาอย่ามาม่าน่า
เดี๋ยวคนอ่านเสียน้ำตา
-
:laugh: :laugh: :laugh:
สมน้ำหน้ามันอย่างแรง..ไอ้ลี
คิดจะมาสบประมาณน้องริวของชั้นรึ
-
น่ารักน่าชัง
อยากบอกไรเตอร์ว่าแต่งได้ดีจนแอบนึกไปว่าถ้าได้ฟังเพลงบ้างจะเป็นไงนะ
-
สงสัยตะวันต้องคอยกระตุ้นรึปล่าวเนี่ยพี่ไผ่ถึงจะรู้ใจตัวเอง อิอิ
-
ว๊าววว บักลีหน้าเสียไปเลย หุหุ
.
.
อ่านเรื่องนี้เแล้ว เราคิดว่าคุณAnonymusฉลาดมาก ที่ให้หนูริวมาเจอกับพสุ
ขณะที่ริวยังรูปร่างเป็นเด็กน้อย ดูยังโตไม่เต็มที่
ทำให้พสุไม่ระแวงและต่อต้านรุนแรง หนูริวที่ดูอ่อนแอกระตุ้นความเป็นแม่(?)ของพสุ
ให้พสุเอ็นดู เลี้ยงดู เหมือนพวกเลี้ยงน้องหมาบำบัดจิตใจ เปิดใจ
พอหนูริวมาเจอกันทุกวัน พอเริ่มตัวโตก็จะไม่ดูขัดตา และชินไปแล้ว
อีกอย่าง เป็นพวกชอบการที่คู่รักเป็นที่พึ่งทางจิตใจให้กันด้วย
การที่ริวกับพสุอยู่ด้วยกันทำให้ทั้งคู่มีสมดุลย์ที่ดี ชอบ คิดว่าดีแล้วที่เป็นคนนี้ ประมาณนี้
ตอนหลังๆ พี่ไผ่เริ่มรู้สึกว่าน้องริวเป็น"ผู้ชาย"เต็มตัวแล้ว อาจจะขัดๆเขินๆบ้าง
แต่เชื่อมั่นนะ ว่าพี่ไผ่จะไม่ทำร้ายความรู้สึกริว
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :man1:
-
หุหุ หน้าแตกเลย
แบบนี้แหละ อยากมางัดข้อกะหนูริวเอง
-
ริว เจ๋งอะ ทำให้ลีชินกีหน้าแหกแบบหมอไม่รับเย็บ เชอะ
-
น่าสมเพชลี
อิๆ
-
พี่ไผ่เมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองน๊า
สงสารหนูริวอ่ะ อิอิ
คนแต่งก็สู้ๆ นะครับ
ปีใหม่นี้ก็ขอให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ และมีความสุขนะครับ
-
:z10:
กระดืบ..กระดืบ..
คนใจร้อนอยากจะตายซะให้ได้
เมื่อไหร่มันจะรักก๊านนนนน..รักกันซักกะที๊
เมื่อไหร่มันจะรู้ตัวแล้วสวีทให้เราปลื้มซักกาที๊
-
น่ารักกกกก
ขาดเสียงพี่ตะวันน่ะเอง ฮ่าๆๆ
อ่านแล้ว นึกอยากฟังเองเลยอ่ะ
^^
พี่ตะวันต้องเอาใจช่วยคู่นี้นะ !!!!
อ่าาา พี่ไผ่ ชักมีอาการ
-
พี่ไผ่
o13
น่ารักขึ้นทุกวันๆ
มีอาการเอียงอาย หัวใจเต้นแรงด้วย
-
สะใจนายลีชินกิจริงๆโดนตบหน้าฉาดใหญ่กันเลย
-
ริวสู้ๆๆๆ พี่ไผ่เริ่มเขินหล่ะ
ไม่รู้จะดีใจหรือว่ายังไงดีที่ริวโดนวางยา ไม่งั้นพี่ไผ่คงเอ็นดูริวอย่างเดียวเหมือนแต่ก่อนชัวร์ ไม่มีการมาขงมาเขินตอนน้องมันอ้อนหรอกมั๊ง :laugh: :laugh:
-
โสน้าหน้า
:laugh:
-
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะรู้ใจตัวเองจริงๆ ซะทีนะ
-
สมน้ำหน้านังลีชินกีที่สุดเลย
ริวเจ๋งมา สวดยอดเลย
-
รอวันที่พี่ไผ่จะรู้ว่าตัวเองเริ่มรักริวมากกว่าน้อง
และรอวันที่ริวจะรู้ว่ารักที่มีให้พี่ควรต้องทยังไง
:pig4: คะ
-
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่น่ะค่ะ
ริวยังคงน่ารักเหมือนเดิม
อยากให้พี่ไผ่รู้ใจตัวเองเร็วๆจัง
-
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ตอนแรกเขาจินตนาการพี่ไผ่เป็นรุกมาดแมนแฮนซั่ม น้องริวเป็นรับที่เหมาะเจาะเข้าคู่กันอย่างสวยงาม
ตะหงิดมาหลายตอนแต่ก็คิดเอาเองว่าไม่เป็นไร อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าคิดผิด!!!
ทำไมพี่ไผ่สาวขึ้นเล็กน้อยละ รับไม่ได้!!!
ปล.แต่ก็ยังสนุกเหมือนเดิมและมากขึ้นไปด้วย ขอตัวไปทำใจกับพี่ไผ่ก่อนค่ะ ToT
เค้าก็ไม่ยอมเหมือนกันน้าาาาาาาาาาาาา
เค้าอยากให้พี่ไผ่รุกอ่ะ ToT
-
ริวสู้ๆ
-
ริวคุง เมพจิง ๆๆ
สะใจเจ้าลี จิงจิ๊งงง
-
ริวสุดยอด~ o13
-
เป็นไงล่ะเจ้าลี :m14:
ริวเยี่ยมมากเลยยยยย :m11: o13
รอออออออวันที่พี่ไผ่จะรู้ตัว :a1:
-
ไผ่..
รับจริงๆอ่ะ ? o22
หนูริวสุดยอด ตอกหน้าไอเกาเหลาลีหงายไปเลย :m20: :jul3:
รอตอนต่อไป~
-
เข้ามารอน้องริวด้วยความคิดถึง
^^
-
เข้ามารอน้องริวคนดี :call:
-
o13 เก่งจริงๆนะ เจ้าริว :L2:
:pig4: :pig4:
-
สมน้ำหน้า
ให้มันรู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผ
o13
-
มาต่อนะครับ รอๆๆๆๆ :call:
-
ไผ่เริ่มมีหวั่นไหวแล้ว แต่ให้เร็วกว่านี้อีกนิดสิ ลุ้นจะขาดใจแล้วนะเนี่ย
-
เมื่อไหร่ที่พสุจะรู้ใจตัวเองซักที
-
กรี๊ดดดด กรี๊ดดด~ พี่ไผ่ขา
อย่าทำเขินอายอยู่เลยค่าาาา รีบรุก เอ๊ย! รัก หนูริวเร็วๆที่เถอะค่ะ
คนอ่านลุ้นจะแย่แล้ว ตื่นเต้นๆ ใกล้พบสวรรค์แล้ว วิ้ว~
ส่วนบักลี กร๊ากกกกก สมน้ำหน้า สะใจอย่างแรง :m18:
จะรีบออกจากห้องไปไหนยะ กลับมาเก็บเศษหน้าที่มันหล่นกระจายเต็มพื้นห้องด้วย
เดี๋ยวหนูริวเหยียบใส่แล้วเป็นแผลขึ้นมา
แม่จะตามไปตบปาก(เบาๆ)ให้เดี้ยง <<[ยังไงบักลีก็ยังหล่อ ไม่กล้าทำอะไรคนหล่อแรงๆ โฮะๆ]
-
น่ารักจริงๆ พี่ไผ่กับริว ตะวันด้่วย :กอด1:
สมน้ำหน้าชินกี :laugh:
-
มารอน้องริว คิดถึงจังเลย :m15:
-
ตอนที่ 63
วันนี้เป็นการถ่ายทำในสตูดิโอเนื่องจากข้างนอกหิมะตกหนัก พอเข้าไปถึงครูสอนเต้นของเกาหลีก็มาสอนท่าเต้นแบบง่ายๆ ไม่กี่ท่าให้วงคิสมี แม้ในเอ็มวีส่วนใหญ่จะเน้นการเต้นของ 5 สาว แต่พวกหนุ่มๆ เองก็มีท่าที่ต้องช่วยยกตัว จับเอว หรือไม่ก็หมุนตัวตามสาวๆ
ถึงวงคิสมีจะไม่เน้นเต้นแต่พวกเขาก็มีครูมาสอนอย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว พอครูสอนเต้นชาวเกาหลีสอนสเตปง่ายๆ มา พวกเขาก็เต้นตามได้ทันที ทำเอาครูสอนเต้นชาวเกาหลีชมเปาะว่าคิสมีหัวไว
พอซ้อมเต้นได้คล่องอย่างที่ต้องการแล้ว ทั้ง 5 หนุ่มก็ถูกเรียกไปแต่งหน้าทำผม แล้วเปลี่ยนไปใส่เชิ้ตขาว กางเกงยีนส์เหมือนๆ กันหมดทุกคน ขณะที่ 5 สาว MG ใส่ชุดสีดำ ที่อาจจะแตกต่างกันบ้างในรายละเอียดของเสื้อผ้า แต่โดยรวมแล้วดูเหมือนผู้กำกับต้องการโทนสีที่ตัดกัน
ผู้กำกับเข้ามาบรีฟงาน คอนเซปต์เพลงนี้ก็เน้นท่าเต้นที่ดูเซ็กซี่ ตอนซ้อมก็ดูเป็นการเต้นแบบธรรมดาๆ แต่พอถึงเวลาถ่ายจริงน้ำก็ถูกฉีดเป็นฝอยมาจากรอบทิศ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมอยู่จึงปิดอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว แม้จะไม่พอใจแต่เพราะเป็นระหว่างการถ่ายทำ ริวจึงยังคงเต้นไปตามสเตปที่ครูชาวเกาหลีสอนไว้ ก่อนที่ 5 สาวจะเข้ามาในฉาก น้ำถูกฉีดเพิ่มขึ้นมาอีก และลีลาท่าเต้นที่ดูเหมือนธรรมดาในตอนแรกก็ไม่ธรรมดาอีกเมื่อมีสาวๆ เปียกปอนมาอยู่ใต้สายน้ำด้วย เสื้อผ้าสีดำของ 5 สาวพอเปียกน้ำก็เน้นรูปร่างจนไม่ต้องคำนวณส่วนเว้าส่วนโค้งให้เสียเวลา
เยจีอมยิ้มนิดๆ เมื่อเธอเข้าไปพิงหลังริวแล้วหมุนตัวเข้าไปเกาะไหล่เขาเต้น ใบหูแดงๆ ของเด็กหนุ่มทำให้เธอกระหยิ่มในใจ ท่าทางริวคงเขินเธอ เยจีเริ่มเล่นนอกบทด้วยการปลดกระดุมเสื้อของริว แน่นอนว่านอกจากผู้กำกับไม่มีใครรู้ว่าเธอเล่นนอกบท ระหว่างที่เต้นอ้อมตัวริว เธอก็เหลือบไปสบตากับยูรีที่เต้นคู่กับธีรดลอยู่ด้านข้าง สายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อของอีกฝ่ายทำให้เยจียิ่งสนุก เมื่อหมุนตัวกลับเข้ามาหาริวอีกครั้งเยจีก็พลิกตัวเข้ากอดเกี่ยวกับริว แล้วแนบจูบลากตั้งแต่จอนผมไล่ลงมาตามสันกราม ขณะที่อีกมือก็ลูบไล้ใบหน้าอีกด้านของริวแล้วลูบเลยลงไปตามสาบเสื้อที่แหวกจนเกือบถึงหน้าท้อง การกระทำทั้งหมดของเยจีเป็นเพียงชั่วระยะสั้นๆ ริวทำท่าคล้ายชะงัก กล้ามเนื้อที่เธอลูบไล้เกร็งเขม็งขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มดันตัวเธอออกเป็นจังหวะที่เพลงจบพอดี ทำให้เยจีเพียงแต่เซออกมานิดเดียวเท่านั้น
“คัต!” เสียงผู้กำกับสั่งคัต พร้อมๆ กับสายน้ำที่ถูกปิด เจ้าหน้าที่ต่างคว้าผ้าขนหนูเข้ามาส่งให้นักร้องทุกคน เพื่อเช็ดหน้าเช็ดผม
หลังจากต้องเต้นกลางสายน้ำอยู่ 3 รอบ ผู้กำกับก็พอใจเพราะได้ภาพอย่างที่ต้องการ ทั้งคิสมีและ MG ต่างก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกมาดูเทปอีกครั้ง
ริวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมายืนเม้มปากนิ่งทั้งที่หน้ายังแดงก่ำ เด็กหนุ่มไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางยั่วยวนของโคเยจี แต่อายที่เสื้อของเขาถูกแหวกออกไปถึงไหนๆ ยิ่งพอดูมอนิเตอร์ก็พบว่าในรอบสุดท้ายมีแต่เขาคนเดียวที่ถูกปลดกระดุมเสื้อแล้วยังถูกจูบ เด็กหนุ่มก็ยิ่งอายปนโกรธจนไม่อยากมองหน้าโคเยจีอีก
“ริว...ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องปลดกระดุมเสื้อ คือผู้กำกับเขาสั่งมาว่าอยากให้ลุคมันออกมาเซ็กซี่ๆ น่ะ...คุณโกรธฉันหรือเปล่า”เยจีถามด้วยสีหน้าใสซื่อ
“มันเป็นงาน ผมเข้าใจครับ” ริวนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับอย่างยอมจำนนในเหตุผล
“งั้น...ขอตัวก่อนนะคะ” เยจีผละไปนั่งรวมกับเพื่อนๆ ในวงทันที เธอไม่อยู่อ้อยอิ่งนานเพราะสังเกตดูว่าริวไม่ชอบผู้หญิงช่างตื้อ เธอจึงกะยั่วให้หัวหมุนแล้วผละหนี เชื่อเถอะว่าทำแบบนี้ริวจะยิ่งสนใจในตัวเธอ
พสุมองภาพในจอมอนิเตอร์ด้วยความรู้สึกประหลาด ยอมรับว่าหนุ่มน้อยตาใสสีหน้าเขินอายเข้ากันได้ดีกับผู้หญิงที่ดูเซ็กซี่ไปทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างโคเยจี ท่าเต้นของเธอดูทั้งยั่วยวนและร้อนแรงราวกับจะทำให้อุณหภูมิรอบตัวลุกเป็นไฟตามไปด้วย ชายหนุ่มชะงักเมื่อถึงท่าจบ โคเยจีจูบริวจริงๆ จูบลากตั้งแต่จอนผมลงมาจนถึงคางขณะที่มือก็ลูบไล้ลงมาตามรอยแหวกของเนื้อผ้าจนเกือบถึงหน้าท้องแล้วค้างไว้ตรงนั้น ท่ามกลางเสียงกรี๊ดและเสียงเฮของทีมงาน
แม้จะรู้ว่านี่คืองาน แต่พสุก็อดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ ความจริงท่าเต้นอาจจะดูเซ็กซี่ แต่การที่โคเยจีปลดกระดุมเสื้อริวลงมาแถมยังจูบจริงนั้นมันดูมากเกินไป ชายหนุ่มเหลือบไปมองริวก็เห็นเด็กหนุ่มนั่งก้มหน้าขมวดคิ้วนิ่ง
พสุลอบถอนใจ ก่อนจะปลีกตัวไปห้องน้ำล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจัดๆ ความเย็นของน้ำเหมือนจะช่วยบรรเทาความรู้สึกขุ่นข้องในใจลงเล็กน้อย
เสียงทีมงานคนไทยที่พูดกันอยู่หน้าห้องทำให้พสุชะงักเท้ายืนรอให้ทุกคนผ่านไปก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เพราะรู้สึกเหมือนจะปักหลักคุยกันอยู่ที่หน้าห้องมากกว่า
“เขาทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอพี่...เล่าเร็วๆ สิ” เสียงทีมงานผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวของคณะถามลอดเข้ามา พสุส่ายหน้าเกือบจะเดินออกไปแล้วถ้าไม่ได้ยินประโยคถัดมา
“ยูรีน่ะ ไปต่อว่าเยจี ว่ามายั่วริวว่ะ” เสียงห้าวๆ แปร่งๆ นี้คุ้นหูเป็นอย่างดี ทีมงานคนนี้เป็นหนึ่งในคนที่เก่งภาษาเกาหลี จึงถูกดึงให้ตามมาช่วยประสานงานด้วย
“เฮ้ย! จริงดิ งั้นที่พูดๆ กันเรื่องเยจีกับริวชอบกันก็จริงนะสิ” เสียงทีมงานอีกคนที่พสุจำได้ว่าอยู่ในกลุ่มของไมตรีถามแทรกขึ้นมา
“ไม่รู้สิวะ แต่ที่แน่ๆ เยจีมีท้ากลับนะ บอกให้ยูรีทำให้ริวสนใจให้ได้ซะก่อนเถอะ เพราะเห็นริวหลบตลอดตั้งแต่คืนที่ไปเที่ยวกันแล้ว...เค้าไปเที่ยวกันตอนไหนวะ ทำไมพี่ไม่รู้เรื่อง”
“ก็คืนวานซืนไง ตอนที่ถ่ายเอ็มวีของริวเสร็จอ่ะ หนูเห็นยูรีมาชวนริวเที่ยว ตอนแรกก็นึกว่าคิสมีจะไปทั้งวง ที่ไหนได้ ไปกัน 3 คน มีริว ไวย์แล้วก็ดล...เห็นพี่กรตามไปคุมด้วยนะพี่” เสียงทีมงานผู้หญิงหนึ่งเดียวที่มากับคณะครั้งนี้ จ้ออย่างออกรส
“มิน่า วันนี้เยจีถึงนัวเนียริวนัก พี่ได้ยินผู้กำกับเอ็ดเยจีด้วยว่านอกบท ทั้งปลดกระดุม ทั้งจูบจริง มันมีซะที่ไหน เยจีใส่เองหมด” ล่ามขาเม้าท์ทำเสียงเหมือนสะใจขณะที่ลูกคู่อีกสองคนก็รับคำฮือฮา
“โหยช่างกล้า”
“แต่ภาพมันออกมาสวยไง ผู้กำกับเลยไม่ว่าอะไร เยจีนี่ทุ่มเกินร้อยจริงๆ ว่ะ ไปอ้อนผู้กำกับเปลี่ยนคู่จนได้มาคู่ริวแล้วยังกล้านัวเนียกับริวต่อหน้าต่อตาทีมงานอีก เจ๋งจริง”
“อ้าว! มีการเปลี่ยนตัวเหรอพี่”
“ก็ใช่สิ ตอนแรกผู้กำกับวางเยจีคู่ไผ่นะ แล้วยูรีน่ะคู่ริว แต่เยจีไปพูดอีท่าไหนไม่รู้ ผู้กำกับเลยเปลี่ยนตัว ให้เยจีคู่ริวยังไม่พอ ยังยอมให้อีซิลคู่กับไผ่สมใจด้วย พวกแกเห็นป่ะล่ะว่าอีซิลงี้ดีใจจนเต้นแทบไม่ออกทั้งที่ปกติอีซิลเต้นเก่งที่สุดในวงเลยนะ”
พสุเม้มปากนิ่ง เขาไม่ต้องการฟังอะไรอีก จึงเดินไปกดชักโครก เพื่อให้มีเสียงลอดออกไปเตือนทีมงานว่ามีคนอยู่ในนี้ ก่อนจะเดินมาเปิดน้ำล้างมือที่อ่าง เมื่อเขาออกไปจึงไม่พบใครอยู่หน้าห้องน้ำแม้แต่คนเดียว
“พสุ...ชั้นหาคุณตั้งนาน” เสียงทักใสๆ ดังขึ้นข้างหลังระหว่างที่พสุกำลังจะไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่ยังเช็คเทปกันอยู่
“มีอะไรครับ” พสุหันไปยิ้มให้โคเยจีแล้วอดมองหน้าเธอไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ทีมงานเอาไปนินทากัน แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ทันทีคือสายตาไม่เป็นมิตรของมุนยูรีที่จ้องเขม็งมาทางโคเยจี
“คืองี้ค่ะ ไหนๆ ตอนคอนเสิร์ตพวกเราก็จะต้องไปเมืองไทยกัน ชั้นก็เลยอยากจะถามเรื่องที่เที่ยวน่ะค่ะ เพราะเรามีเวลาไปแค่อาทิตย์เดียว ชั้นอยากไปเที่ยวแบบ...ที่มีขายของในเรืออะไรแบบนี้น่ะค่ะ”
“อ๋อ ตลาดน้ำ...ถ้าอย่างนั้นผมว่าคุณต้อง...” พสุกำลังจะอธิบายแต่กลับถูกแทรก
“พี่...เราถ่ายเสร็จแล้วใช่มั๊ย แล้วจะกลับกันกี่โมง” ร่างสูงตามมาเบียดชิดหลังเขาแล้วชะโงกเข้ามาถามพสุด้วยภาษาไทยทั้งโดยมารยาทแล้วไม่ควรทำอย่างนี้เพราะโคเยจีก็ยืนร่วมวงสนทนาอยู่ด้วย
“ริวต้องไปถามพี่กรนะ...ผมว่าคุณต้องไปติดต่อบริษัททัวร์แล้วซื้อทัวร์แบบแพ็คเกตดีกว่าครับ เพราะนอกจากจะเที่ยวทั่วแล้ว ยังเสียค่าใช้จ่ายไม่มากด้วย” พสุตอบเด็กหนุ่มเป็นภาษาอังกฤษเพื่อไม่ให้เสียมารยาทกับโคเยจี ก่อนจะหันไปอธิบายเรื่องที่เธอถามอีกครั้ง
“คุณโคจะไปเที่ยวที่ไหนเหรอครับ” ริวหันไปถามเยจีราวกับเพิ่งเห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้
“ชั้นจะไปเที่ยว...เอ...เรียกอะไรนะคะพสุ” โคเยจีหันมาถามพสุด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ตลาดน้ำครับ”
“ค่ะ ชั้นจะไปเที่ยวตลาดน้ำ ก็เลยให้พสุแนะนำน่ะค่ะ”
“ผมก็ยังไม่เคยไป......พี่...กลับไปเราไปเที่ยวกันนะ” ริวหันมาพูดประโยคหลังกับพสุเป็นภาษาไทย
“ถ้าไม่เคยไป ไว้เราไปเที่ยวด้วยกันนะคะ” โคเยจีชวนเสียงใส แม้จะไม่เข้าใจว่าประโยคหลังริวพูดอะไร แต่เธอก็ถือว่าคำตอบของริวตอนแรกเหมือนเป็นการบอกให้รู้ว่าเขาอยากไปเที่ยวกับเธอ
พสุเหลือบมองโคเยจีและริวสลับกันไปมาก่อนจะหรุบเปลือกตาลงต่ำ ทำไมเขาเพิ่งสังเกตนะว่าทุกครั้งที่โคเยจีคุยกับเขา ริวจะแทรกเข้ามาเสมอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันก็ว่าได้...ก็แปลว่าริวสนใจโคเยจีตั้งแต่แรกแล้ว มีแต่เขานี่เองที่ไม่ได้สังเกตความผิดปกติของเด็กหนุ่ม
“ตายจริง! ชั้นต้องรีบไปแล้วละค่ะ เอ่อ...นี่เป็นเบอร์โทรของชั้น ถ้ามีอะไรก็ติดต่อมาได้นะคะ” โคเยจียื่นเบอร์มาตรงกลางระหว่างริวและพสุ แล้วก็เป็นไปตามคาดที่ริวรับเบอร์โทรของเธอไปอย่างรวดเร็วก่อนที่พสุจะได้ขยับด้วยซ้ำ โคเยจีส่งยิ้มหวานให้สองหนุ่มเป็นเชิงอำลา หมากของเธอพร้อมแล้ว ก็เหลือแค่รอให้ริวโทรมาหา ซึ่งเธอแน่ใจว่าคงไม่เกินคืนนี้ หรืออาจจะเร็วกว่านั้น
พอถ่ายทำเอ็มวีเสร็จ ทั้ง 5 สาวก็ต้องรีบขึ้นเครื่องกลับไปญี่ปุ่นอีกรอบเพื่อไปตระเวนขอบคุณสื่อมวลชนจากรางวัลที่เพิ่งได้รับมาเมื่อคืน ขณะที่คิสมีเองก็เสร็จงานเช่นกัน แม้จะเหลือในส่วนตัดต่อเอ็มวีแต่ก็จะเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนอยู่ทำงานร่วมกับทางเกาหลี
เขมชาติจึงถือโอกาสนี้พาทีมงานทุกคนเข้าไปลานายปาร์คแทอุง แต่นายปาร์คแทอุงไม่อยู่เหลือแต่เลขาคอยต้อนรับแทน เขมชาติจึงฝากลาแล้วพาทีมงานไปขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปเกาะเชจูเพราะจากโซลใช้เวลาเดินทางชั่วโมงเดียวเท่านั้น แล้วเกาะนี้ก็ได้ชื่อว่าสวยงามจนมีนักท่องเที่ยวแห่ไปเที่ยวไม่ขาดสาย ทั้งยังเป็นที่นิยมในการถ่ายทำภาพยนตร์และละครมากที่สุดแห่งหนึ่ง
เนื่องจากเชจูอากาศอบอุ่นกว่าในโซลและช่วงนี้เป็นฤดูท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจึงแห่มาที่นี่กันมาก โรงแรมและรีสอร์ทส่วนใหญ่จะเต็ม เขมชาติจึงจองเกสต์เฮ้าส์แห่งหนึ่งไว้ เป็นบ้านพัก 3 หลัง หลังละ 3 ห้องนอน มีทั้งแบบเตียงคู่และเตียงเดี่ยว แม้จะไม่กว้างขวางนักแต่บรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเองของเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ก็ทำให้ทุกคนพึงพอใจกับบรรยากาศที่นี่มาก
พสุชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อพบว่าเขากับริวต้องนอนห้องพักเตียงคู่ แต่จะเกี่ยงให้คนอื่นนอนก็ใช่ที่ เพราะถึงได้ห้องนอนแบบ 2 เตียง ริวก็ต้องมาเบียดนอนเตียงเดียวกับเขาอยู่ดี
“พี่...พี่เป็นอะไรรึเปล่า” ริวตามมานั่งข้างๆ ระหว่างที่พสุกำลังรื้อเสื้อผ้าที่จะใส่ในวันพรุ่งนี้ออกแขวน เด็กหนุ่มรอจนได้อยู่ลำพังถึงได้ถามทั้งที่ความจริงเขาสังเกตเห็นว่าพสุเงียบผิดปกติตั้งแต่ตอนที่ถ่ายเอ็มวีกันแล้ว
“เปล่านี่” พสุตอบเสียงเรียบๆ แต่ไม่ได้หันไปมองหน้าริว
“แล้วทำไมพี่ดูเงียบจัง...พี่มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ” ริวถามแล้วขยับเข้ามากอดเอวพสุไว้ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่พอพสุลุกขึ้นแขวนเสื้อผ้าริวก็จำต้องปล่อยมืออยู่ดี
“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก” พสุตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆดุจเดิมก่อนจะหันกลับมาสบตากับริวด้วยสีหน้าปกติ
“พี่มีริวนะ” ริวย้ำเสียงหนักแน่น เด็กหนุ่มอยากให้พสุรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พสุจะยังมีเขาเคียงข้าง ซึ่งพสุก็พยักหน้าแล้วยิ้มน้อยๆ ให้ เพียงแต่รอยยิ้มนั้นไม่สดใสเหมือนเคย
“พี่รู้ริว...ขอบใจนะ”
“ครับ” ริวยังจ้องหน้าพสุนิ่ง เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าพสุเป็นอะไร แต่ต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง พี่ถึงไม่ร่าเริงสดใสเหมือนเคย
“ริวไปจัดเสื้อผ้าที่จะใส่พรุ่งนี้ขึ้นแขวนไป ตอนเช้าจะได้ไม่ต้องรื้อให้เสียเวลา”
“ครับ”
ยังไม่ทันที่ริวจะรื้อเสื้อผ้าออกแขวน ไวยากรณ์ก็โผล่พรวดเข้ามาในห้องพัก
“พี่ไผ่ ริว เสร็จยัง” ไวย์ยากรณ์ชวนด้วยสีหน้ากระตือรือร้น เด็กหนุ่มพักกับตะวันที่ห้องกลาง ส่วนอีกห้องกรเวชพักกับธีรดล ซึ่งทุกห้องเป็นเตียงเดี่ยว สองเตียงหมด มีห้องที่พสุกับริวพักเท่านั้นที่เป็นเตียงคู่
“ริวยังไม่ได้รื้อกระเป๋าเลยไวย์”
“ค่อยรื้อก็ได้ริว ไปเร็ว พวกพี่เผ่าเขาคอยอยู่”
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“เขาจะเซอร์ไพรส์วันเกิดพี่กรกัน” ไวยากรณ์หรี่เสียงลงเป็นกระซิบกระซาบ
“อ้าว! เหรอ” พสุอุทานอย่างแปลกใจ ก่อนจะนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดกรเวชจริงๆ ความที่งานยุ่งๆ และมีเรื่องให้ต้องคิดหลายอย่างทำให้เขาเองก็ลืมวันเกิดของกรเวชไปเหมือนกัน โชคดีที่เขาเตรียมของขวัญมาให้ล่วงหน้าแล้วก็เลยถือโอกาสให้ในนามของเขากับริวก็คงไม่น่าเกลียด
“ไปเร็วพี่” ไวยากรณ์ปรี่เข้ามาลากแขนพสุ แต่ริวตรงเข้ามายื้อมือพสุคืนไป
“พี่ไวย์เบาๆ เดี๋ยวพี่ไผ่ล้ม”
“หวงนักใช่มะ มานี่เลย” ไวยากรณ์หมั่นไส้เพราะรู้ว่าริวเป็นเด็กหวงพี่จึงหันมาล็อคคอริวลากไปแทน
.............................................
-
คิดมากอะไรมากเกินไปไหมไผ่
คิดน้อยบ้างก็ไม่มีใครเขาว่าหรอกย่ะ :angry2:
แม่ยกหนูริวเริ่มรำคาญตาไผ่ละ ริวเขาแสดงออกชัดขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก เชอะ :a14:
-
อ่านแล้วอินเกลียดชะนีเกาหลีเลย 555 พุดไปงั้นชะนีแรดๆมันอยู่ที่ไหนเป็นชะนีประเทศไหนก็แรดเหมือนกัน
เบื่อชะนีอ่ะ มะไหร่จะกลับไทยเสียที :z3:
-
พี่ไผ่เริ่มหึงแล้วก็คิดโน่นนี่แล้วสิ
-
เฮ้อ มะไหร่จะเคลียร์ใจกันได้น้า :z2:
-
:เฮ้อ:
+1
-
คิดกันคนละทางตลอดเลย :เฮ้อ:
-
อร๊ากกกกก พี่ไผ่ พี่เข้าใจผิดข้ามทะเลออกนอกเกาหลีมาถึงไทยแล้วพี่
กร๊าซ~ :m31: อารมณ์เสีย อิโคเยจี อิวอกนี่ก็สลิดจริง..จริ๊ง
อยากจะรู้นักว่าถ้าอิวอกนี่รู้ว่าหนูริวไม่ได้คิดอะไรกับมันเลย มันจะทำหน้ายังไง ฮึ่ย หมั่นไส้
หนูริวรีบบอกให้พี่ไผ่รู้ตัวสิ ว่าที่ทำทั้งหมดไม่ได้ชอบอิโคกระบือแต่ทำไปเพราะไม่อยากให้พี่ใกล้ชิดกับม๊านนนน~
บอกไปซี่่ ลุ้นจนตัวโก่งแล้ว แค้นๆๆ แค้นจริงๆ
นี่ถ้าอยู่ใกล้มันนะ กรี๊ดดดด จะกระทืบมันพร้อมด้วยเหยียบหน้ามันซะ เกลียดมันๆๆ
ว้ากกกกก อินสุดๆค่าาา รอตอนต่อไปค่ะ
พี่ไผ่ขา ได้โปรดจงฉลาดขึ้นโดยเร็วด้วยเถ๊ออ เพี้ยง!! <<ไม่ได้ว่าพี่ไผ่โง่นะ ข้าน้อยไม่กล้าหรอกค่า เดี๋ยวหนูริวจะเตะก้านคอเข้าให้ แอ้ก!
-
ริวทิ้งเบอณืให้เห็นจะๆไปเลยสิ
ไม่งั้นก็บอกพี่ไผ่ไปตรงๆเลย
ว่าไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น
พี่ไผ่ไม่ว่าหรอก
อ้อนหน่อยพี่ไผ่ก็ใจอ่อนแล้ว
-
โถ หนูริว เค้าไม่เข้าใจหนูกันเน๊อะ
พี่ไผ่กับยัยเกานั่นดันคิดว่าหนูริวไปสนใจยัยเกาซะได้
หนูริวต้องคุยกับพี่ไผ่ดีๆนะคะ
แต่อีกแป๊บค่อยเคลียร์ก็ได้ ให้พี่ไผ่ร้อนรนหน่อย จะได้เข้าใจความรู้สึกตัวเองซะที หึหึ :-[
-
อ่านแล้วอินเกลียดชะนีเกาหลีเลย 555 พุดไปงั้นชะนีแรดๆมันอยู่ที่ไหนเป็นชะนีประเทศไหนก็แรดเหมือนกัน
เบื่อชะนีอ่ะ มะไหร่จะกลับไทยเสียที :z3:
o13
-
:z3: :beat: :angry2: เบื่อชะนี เซ็งๆๆๆ มีแต่ตัวแม่แรงๆกันทั้งนั้น
ปล.เมื่อไหร่พี่ไผ่จะอัพ เลเวลซะที รู้ใจตัวเองไวๆเหอะ สงสารน้องริวอะ
-
+๑ ให้พี่ไผ่ ที่ในที่สุดก็หึงซักที !!!
น่ารักมากกกก
ริวก็ไม่อยากให้พี่ได้เบอร์ สาว
พี่ไผ่ก็คิดว่าน้องอยากได้
โฮยยยยยยย
จะเป็นไงต่อไปเนี่ยยยยยย
-
ต่างคนต่างคิดไปคนละทาง ทั้งๆที่ใจ (เริ่มจะ)ตรงกันแล้ว
นู๋ริวนี่น่ารักจริงๆ มีหวง มีกันท่าพี่ไผ่ตลอด
แต่คนอื่นก็ช่างคิดไปคนละทางดีจริงๆเลย
ไม่ประกาศไปเลยริว "ผมไ่ม่พิศวาทผู้หญิงครับ" อิอิ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด พี่ไผ่เริ่มมีหึง มีงอน น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :z1: :z1: :z1:
อีกไม่นานพี่ไผ่ต้องรู้ใจตัวเองแน่นอนนนนนนนนนนนนนน สู้ๆๆๆ นะ หนูริว
-
เกลียดพวกแรดจัง....... - -"
ไผ่หนอไผ่ ฉลาดหน่อยเถอะเรื่องแบบเนี๊ย บางคนเขารู้ไปถึงไหนๆแล๊ะ ริวก็ไม่ได้ปกปิดเลย แสดงออกว่าเลิฟและใส่ใจไผ่ปานจะกลืนกิน ฮ่าๆๆ :laugh:
-
พี่ไผ่คิดมากจัง...หวงน้องหรือเปล่าคะเนี่ย...55+
ที่หนูริวรีบรับเบอร์โทรมานี่.ไม่ได้กลัวว่าพี่ไผ่จะแย่งนะ...
แต่หนูริวจะเอาไปทิ้งเอ้งง.มากกว่า...555+
....สองคนนี้หวงกันน่ารักจริงๆเลยคะ..ชอบๆๆๆๆ....^O^
-
ไผ่เริ่มมีใจกับน้องแล้ว
แต่แล้วเมื่อไหร่ที่สองคน
จะเปิดใจกันซักที :z3:
-
ความรัก ทำให้คนตาบอด
-
:sad4: อยากร้องไห้แทนริวจริงๆเลยอ่ะ
พี่ไผ่คิดไปได้ขนาดนั้น ไม่รู้ใจน้องบ้างเลย
เลิกคิดมากได้แล้วน้องก็บอกอยู่ทุกวันว่ารัก
รู้ตัวซักทีเถอะ
-
คาดว่าพี่ไผ่น่าจะหวงน้องริวแน่ๆ
แต่เมื่อไหร่จะรักน้องริวมากกว่าน้องน่ะ
อ่านไปก็ลุ้นไปตลอดว่าเมื่อไหร่สองคนนี้
จะรักกันจริงๆสักที อยากให้เปิดใจพูดกันจริงๆ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
อะ..ตอนนี้กลายเป็นว่า พี่ไผ่ผู้ดูเป็นผู้ใหญ่สุขุมมาตลอด
ลุแก่อารมณ์หึงซะงั้น(ไม่ใช่อารมณ์หวงน้องแน่)
ไผ่เอ๊ย..คิดเอง เออเอง สรุปเอง น้อยใจเอง หุ หุ หุ รักน้องเข้าแล้ว รู้ตัวเองมั่งดิ
-
หากไม่มีอุปสรรค รักแท้ย่อมไม่เกิด ริวสู้ๆ พี่ไผ่สู้ๆ
-
ทำไมพี่ไผ่ ไม่คิดบ้างว่าที่ริวมาแทรกเพราะหึงหวงพี่ไผ่ค่ะ อารมณืเสีย
-
เรื่องไผ่เข้าใจริวผิด ชักจะไปกันใหญ่แล้ว
หวังว่ายัยเกาหลีทั้งหลาย คงจะไม่มายุ่งวุ่นวายไปกว่านี้น่ะ
ยัยบ้า มาปลดกระดุมริวแถมหอมริวอีก :z6:
แต่ก็ยังดี ที่พี่ไผ่รู้สึกหึงแล้ว
-
:jul3: สงสัยจะได้เจอ ไผ่ และ ริว เวอร์ชั่นใหม่ :impress2:
:pig4: :pig4:
-
พี่ไผ่คิดเองเออเองแล้ว
-
:sad4:ไผ่อะ ช่างคิดจริง
-
พี่ไผ่หึงริวนั่นดิ่ :m12:
-
ริว รีบเคลียไผ่โดยไว เดี๋ยวนายเอกงอนนะ
-
ไผ่คิดมากไปได้ น้องริวไม่สนหญิงหรอก
แต่ยัยเยจีนี่น่าตบนะ
มาจูบน้องริวได้ไง
-
ไผ่นี่ไม่คิดเข้าข้างตัวเองบ้างเลย
ยังชอบริวนะครับ น่ารักเสมอ ถึงจะบึกไปแล้ว
-
เมื่อไหร่ไผ่จะรู้ใจริวซะทีน๊อออ
-
พี่ไผ่เริมหึงแล้ว หุหุ
-
ดีจังมีบรรดาสาวมาเป็นตัวกระตุ้นให้พี่ไผ่รู้ใจตัวเองสักที
-
ไผ่หวั่นไหวแล้วโว้ยยยยย
:mc4:
รีบรู้ตัวเร็วๆก็ล่ะกันทั้งชนีทั้งก้านกล้วยรองาบริวอยู่นะไผ่
-
พี่ไผ่หึงล่ะสิ คิดมากไปได้ ริวรึจะสนใจแม่นั่นแค่ไม่อยากให้มายุ่งกับพี่ไผ่ต่างหากล่ะ
อีกนิดให้พี่ไผ่เข้าใจความรู้สึกตัวเองซะก่อน 555
ตื่นเต้นๆลุ้นๆ ตอนหน้าขอไวๆนะคะ อิอิ
-
พี่ไผ่ ความรู้สึกนั้นเค้าเรียกมันว่า หึง นะจ๊ะ รู้เอาไว้ซะด้วย
จะได้รู้ใจตัวเองสักที ว่าตัวเองน่ะรักน้องริวเข้าให้แล้ว
รอตอนต่อไป
ว่าจะเป็นยังไงต่อ
ปล. เมื่อไหร่ไวย์จะมีคู่สักทีอ่ะ
-
ไผ่ก็ยังไม่เข้าใจว่าริวน่ะรักตัวเองแบบนั้น แต่ยังดีที่มีวิวัฒนาการคือหึงเป็นนะ โอ๊ย!ขัดใจจริงๆ
-
เมื่อไรจะรู้ใจตัวเองล่ะเนี่ยพี่ไผ่
แล้วก็เลิกมากเถอะนะค่ะ นู๋ริวไม่มีอะไรในก่อไผ่กับโคเยจีหลอก
ที่เขามาตอนที่พี่ไผ่อยู่กับโคเยจีเพราะนู๋ริวเขาหวงตัวเองอ่ะแหละนะรู้มั้งสิ ฮุฮุ
-
พี่ไผ่คิดไปเอง...เอ๊ะ...แต่แบบนี้ก็หึงน้องริวอ่ะดิ
-
เมื่อไร จะเข้าใจ
เมื่อไร จะรักกัน
หากนู๋ริวกะพี่ไผ่ไม่ยอมเปิดใจ ให้คำว่ารักเดินทางมาเจอกัน
ธีมเพลงนี่เลยอ๊าาา
-
ยัยโคเยจี!!!
ชั้นเกลียดแก :fire:
อาการแบบนี้ของพี่ไผ่เค้าเรียกว่าหึงอ่ะ
อ๊ะ ๆ พี่ไผ่กับน้องริวได้นอนเตียงคู่ด้วย อิอิ
-
เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วพี่ไผ่ :serius2:
น้องริวเขาแค่กันท่าไม่ให้ผู้หญิงเข้าใกล้พี่ไผ่สองต่อสองต่างหาก
-
น่ารัก
น่าติดตาม
มากๆๆ
:call:เมื่อไหร่พี่ไผ่จะรู้ใจตัวเองเนี้ย :call:
ริวรอพี่ไผ่อยู่นะ
-
ไผ่ทำไมเข้าใจอะไรผิดไปไกลมากกกกกขนาดนั้นเนี่ย
-
:pig4: :pig4:
-
พี่ไผ่เริ่มหึงน้องริวแล้ว
-
คิดกันไปคนละด้าน
-
ใกล้ระ อิอิ
-
พี่ไผ่อย่าเข้าใจหนูริวผิดสิ
เมื่อไหร่น๊าจะได้รักกันสักที อิอิ
-
ลุ้นๆ :z1:
-
กลัวตกขอบ
-
พี่ไผ่เริ่มรู้สึกหวั่นไหวแบบแปลกๆแล้ว รุกอีกนิดนะริว
-
เรื่องทุกอย่างมันลงตัวที่จะสามารถทำให้ทั้ง 2 คน เข้าใจไปกันคนละทาง :เฮ้อ:
แต่ก็ดีสถานะการณ์แบบนี้อาจทำให้ไผ่เข้าใจตัวเองมาขึ้นว่าคิดยังไงกับน้อง
:pig4: คะ
-
ไผ่เริ่มหึงแล้ว อิอิ
:-[
-
อิอิ ริวมันเด็กขี้หวง ๕๕๕
-
:impress2: มารอเด็กขี้หวงอย่างน้องริว
-
ขอบคุณครับ มารอตอนต่อไปแล้วนะครับ :call: :seng2ped: :call:
-
รอตอนต่อปายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
คิดถึงริวกับพี่ไผ่แล้วเน้ออออออ
-
มารอน้องริวทุกวัน :call:
-
คิดถึงหนูริวกับพี่ไผ่~
-
มารอน้องริววววว
พี่ไผ่ตามน้องมาให้หน่อยนะคะ !!
><
-
ว่าจะอัพวันนี้
แต่ปร้าไรท์เตอร์บังคับข่มขู่ทุบตีไว้ว่ายังไม่ให้ลง
คงโพสต์สุดจะต้านทานปร้าเค้าได้
รอก่อนนะคระทุกท่าน
พรุ่งนี้เจอกันน
:o12:
-
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ชอบนิยายเรื่องนี้อย่างแรง~!!!
ชอบตรงที่นิยายเรื่องนี้ไม่เหมือนนิยายทั่วๆไปที่มักเป็นแนวโรงเรียน ใช้ภาษามึงกูดาดดื่น
แต่เรื่องนี้นักเขียนสื่ออารมณ์ตัวละครออกมาได้ดีมาก เขียนได้ดีจริงๆค่ะ ขอชื่นชม
ริวน่ารักมากกกกก จะหาคนน่ารักแบบหนูริวนี้ได้ที่ไหนอีก
ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก
จนรู้สึกสงสาร อยากให้พี่ไผ่รู้ใจตัวเองเร็วๆซะที
เพราะนักอ่านอยากอ่านฉากเลิฟซีนหวานๆของสองคนนี้มากๆ แหะๆ :-[
แต่ ณ ตอนนี้. .. . ..
หนูอยากอ่านต่อจะแย่แล้วค่า คุณนักเขียน T[]T!!
เข้ามาดูทุกวันเลยนะเนี่ย :monkeysad:
ร้องไห้จากไป~ :o12:
-
รอ อยู่นะครับ อิอิ :call: :seng2ped: :call:
-
ทำมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :m15:ไม่ลงวันนี้
-
เข้ามารอน้องริวค่ะ
เห็นไรท์เตอร์บอกจะลงพรุ่งนี้
จะรอนะค่ะ ขอบคุณไรท์เตอร์มากเลย
ที่แต่งเรื่องนี้ได้ดีมากเลย อ่านตอนแรกก็ติดใจน้องริวทันที
ใช้ภาษาก็สวยไม่ค่อยมีคำหยาบ ชอบมากเลยค่ะ
พรุ่งนี้กลับมาจะมานั่งรอนะ
-
ป๋มถูกใส่ร้ายยยยยยยยยยยยยย :sad4:
-
^
^
โอ๋ๆ เดี๋ยวให้น้องริวให้ปลอบนะคะ :o8:
รอได้ตลอดค่ะ ช้าเร็วไม่ว่ากัน ขอแค่ได้อ่านพอ อิอิ :laugh:
-
อิอิอิ มารออีกแล้วครับ อิอิ สนุกดีครับเรื่องนี้ ตาม อ่านมาตลอดอ่ะ :call: :seng2ped: :call:
-
มารอน้องริวค่ะ คิดถึงเด็กขี้หวงแต่น่ารัก
-
มารอด้วยโคนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
-
ตอนที่ 64
กรเวชเองก็ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเมื่อโผล่เข้าไปในบ้านพักหลังกลางแล้วเจอกับพลุกระดาษสีเข้าเต็มตัว
“สุขสันต์วันเกิดกร!”
“สุขสันต์วันเกิดครับพี่กร!”
กรเวชถึงกับน้ำตารื้นด้วยความตื้นตัน ความจริงเขาเองก็เกือบลืมวันเกิดตัวเองเหมือนกันเพราะวันนี้งานยุ่งตั้งแต่เช้า พอนึกได้ก็ได้แต่ปล่อยผ่าน อีกทั้งยังอยู่ต่างแดนก็ไม่สะดวกที่จะไปทำบุญตักบาตรเหมือนทุกปีและไม่คิดว่าจะมีใครจำวันเกิดเขาได้
“ที่คุณเขมพาพวกเรามาเชจูก็เพื่อฉลองวันเกิดให้กรเลยนะเนี่ย” ไมตรีบอกยิ้มๆ ขณะที่เขมชาติก็ได้แต่ยิ้มกว้างให้เมื่อกรเวชเข้าไปกอดขอบคุณ
“ขอบคุณครับคุณเขม”
“ไม่เป็นไรน่า ผมต่างหากต้องขอบคุณกรที่ช่วยงานผมไว้ตั้งมากมาย ถ้าไม่ได้กรนะผมแย่แน่ๆ”
“ในฐานะเจ้าของวันเกิด คืนนี้ ไม่คลานไม่เลิก เอ้าเฮ้!” ผู้ช่วยของทรงเผ่าอีกคนซึ่งถือว่าอาวุโสที่สุดคว้าแก้วเหล้ามาจ่อถึงปากกรเวช
กรเวชถูกลากไปกลางวง แล้ววงร่ำสุราก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เหล้าและอาหารถูกจัดไว้พรั่งพร้อม แสดงว่าเขมชาติได้โทรมาบอกเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
“เอ้าโชนนนนน” ไวยากรณ์วิ่งไปชนแก้วกับคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะกรเวชนั้น โดนกรอกบ่อยที่สุด ในฐานะเจ้าของวันเกิด
“เฮ้ย! ริว กินน้ำอัดลมได้ไงวะ วันเกิดพี่กรทั้งที มานี่เลยมาๆ ไม่กินไม่ใช่น้องพี่” ไวยากรณ์โวยวายเมื่อหันมาเห็นริวกินน้ำอัดลมอยู่คนเดียว แล้วพยายามจะเอาแก้วเหล้าของตัวเองมาจ่อปากริว
“หยุดเลยไวย์! เดี๋ยวน้องเมา” ตะวันเอ็ดเสียงเขียว ทำให้ไวยากรณ์ชะงักกึก
“อารายง่าพี่ตะวัน ผมจะให้น้องกินนิดๆหน่อยๆเอง” ไวยากรณ์หันไปทำปากยื่นใส่ตะวัน ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เขาไม่กลัวตะวันเหมือนเคย แต่กล้าเถียงเพราะรู้ดีอยู่ว่าตะวันเองก็ค่อนข้างตามใจเขาไม่น้อย ถึงจะไม่เท่าที่ตามใจริว แต่ไวยากรณ์ก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นน้องรักสุดของตะวัน
“ลืมไปหรือเปล่าว่าน้องไม่สบายอยู่ ถ้าน้องเป็นมากขึ้นมากลางดึก รับผิดชอบได้มั๊ย” ตะวันเอ็ดเสียงเขียว แล้วเท้าความไปถึงโรคเกลียดสัมผัสของริว จริงอยู่ว่าริวไม่มีอาการมานาน แต่ก็ไม่มีใครกล้ารับรองว่าจะไม่เป็นขึ้นมาอีก
“โหย...ไรอ่ะ...งั้นพี่ไผ่ละกัน น้องเลิฟกินไม่ได้พี่ไผ่กินแทน”
“เอ้า! เกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะ” พสุค้านเสียงอ่อย เพราะรู้ดีว่าถ้าเขาไม่ยอมกิน ยังไงไวยากรณ์คงต้องหาทางบังคับให้ริวกินจนได้
“ไม่รู้แหละ พี่ต้องกินแทนริวนะ ไม่งั้นผมกรอกริวจริงๆ ด้วย” ไวยากรณ์ปรี่เข้าไปล็อคคอริวเอาเหล้าจ่อปากเหมือนจับริวเป็นตัวประกันจนคนอื่นๆ พากันหัวเราะขำ
“เมาแล้วไวย์” ตะวันส่ายหน้าอย่างระอาแล้วพยายามจะลากไวยากรณ์ออกมาให้พ้นริว แต่ไวยากรณ์ก็หันไปหาพสุแทน
“ไม่เมา พี่กินเลยกินเลย” ไวยากรณ์จ่อแก้วถึงปาก พสุได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็ยอมกินเพื่อตัดปัญหา
“อุ๊บ! แค๊ก! ทำไมชงเข้มขนาดนี้ไวย์ เดี๋ยวก็เมาตายพอดี” พสุถึงกับสำลัก ไม่นึกว่าไวยากรณ์จะชงเหล้าเข้มขนาดนี้ มิน่าเด็กหนุ่มถึงเมาเร็วเหลือเกิน
“นิดหน่อยน่าพี่ ทำเป็นคอแป๊บไปได้...ระดับพี่แล้วผมไม่เชื่อหรอกว่าแป๊บเดียวจอดอ่ะ...เน้อพี่ตะวันเน้อ” ไวยากรณ์หันไปอ้อนตะวันเลยโดนดีดหน้าผากร้องอู้กลับมา
“อารายยย ครายคอแป้บบบบบ...ไผ่เหรอคอแป๊บอ่ะ” เสียงอ้อแอ้จนลิ้นพันกันนำมาก่อน แล้วกรเวชก็ลุกมายืนโงนเงนหน้าแดงก่ำอยู่ตรงหน้าพสุ
“โหพี่กร ยืนแทบไม่อยู่แล้วพี่” พสุอุทานแล้วขยับจะประคองแต่กรเวชถอยหลังหลบแบบเซๆ
“เฮ้ย! พูดเง้ดูถูกกานนี่หว่า มาเลยไผ่ มาเลย ชนกันสักแก้วแบบเพียวๆ ให้รู้กานไปว่าครายมันคออ่อน”
“ผมไม่ไหวแล้วพี่” พสุรีบปฏิเสธ แค่แก้วของไวยากรณ์เมื่อครู่ก็ทำให้เขาหัวหมุนไปหมดแล้ว แม้จะเคยดื่มอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ดื่มบ่อยและหนักอย่างนี้ จึงเริ่มรู้ตัวว่าเขาเองก็ชักเมาแล้ว
“ไม่ไหวม่ายด้าย วันนี้วานเกิดครายรุป่ะ” กรเวชตบอกตัวเองปุๆ ท่าทางนักเลงจนคนอื่นๆ ฮา
“วันเกิดพี่กรครับ” พสุตอบเสียงอ่อยๆ เริ่มเห็นแววแพ้รำไร
“ช่ายๆ แล้วจากล้าขัดจายเจ้าของวานเกิดม๊าย”
“แต่...”
“จัดมาไวย์ อย่าได้ช้า”
“จัดไปเพ่” ไวยากรณ์รินเหล้ามาเกือบเต็มแก้วโดยไม่ผสมอะไรเลยนอกจากน้ำแข็ง แล้วส่งให้พสุกับกรเวชคนละแก้ว พสุทำท่าจะค้านแต่ติดที่กรเวชทำหน้ามู่ทู่อยู่ตรงหน้า ก็จำต้องชนแก้วกับกรเวช
“รวดเดียวหมดปายเลย...หมดแก้วๆๆ” กรเวชร้องเชียร์ มีไวยากรณ์เป็นลูกคู่ ทำให้พสุจำต้องดื่มลงไปจนหมดแก้ว สร้างความพอใจให้เจ้าของวันเกิดอย่างมาก
“เจ๋งๆ อย่างเน้เจอกานหน่อย” กรเวชปักหลักชนแก้วกับพสุ ขณะที่ไวยากรณ์ก็มีหน้าที่ชงเหล้าส่งซ้ายขวา
ริวจ้องมองพสุเขม็งด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นพสุยังคงมีสีหน้ายิ้มๆ ขณะชนแก้วกับกรเวชและทีมงานคนอื่นๆ ก็เลยไม่กล้าห้ามปราม ได้แต่คอยมอง
“ริว...สักแก้วน้องสักแก้ว” พี่เหิมผู้อาวุโสสูงสุดของทริปนี้ ปราดมายื่นแก้วถึงตรงหน้า ริวได้แต่ส่ายหน้าไม่ยอมรับแก้ว
“เอ้ยยยย เพ่เหิม น้องริวมานเกนล้าวม่ายด้ายยยย จาห้ายกินต้องห้ายเพ่ผ่ายเกนนน” ไวยากรณ์บอกเสียงอ้อแอ้ลิ้นพันกันจนริวงงเพราะฟังไม่รู้เรื่อง แต่พี่เหิมดันเข้าใจเพราะพี่เหิมหันไปส่งแก้วให้พสุแทน
“กินแทนน้องมันหน่อยดิ๊ไผ่”
พสุไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มตาเยิ้ม หน้าแดงก่ำ ชายหนุ่มรับแก้วไปจิบแต่กลับโดนพี่เหิมดันก้นแก้วจนต้องดื่มรวดเดียวหมด ไม่อย่างนั้นเหล้าคงหกรดตัว
“เจ๋งคอดว่ะไผ่ เจ๋งสุดๆ...อีกสักแก้ว คราวนี้เพื่อพี่เหิมโดยเฉพาะ” เหล้าสีอำพันเข้มข้นถูกยื่นมาจ่อถึงปากพสุอีกที ริวหน้าเสีย อยากห้ามแต่เกรงใจพี่เหิม หันไปหาตัวช่วยก็เห็นนั่งเอียงกระเท่เร่กันหมด พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าแก้วใบนั้นเหลือแต่น้ำแข็งแล้ว
“แต้งกิ้วน้องรัก ให้มันได้อย่างนี้สิ ไว้วันหลังเราไปกรึ๊บๆ กันนะเว้ยไผ่ คอแข็งแบบนี้พี่ชอบ”
พสุไม่ตอบ แต่ยิ้มให้เหมือนเดิม ขณะที่พี่เหิมเดินถือแก้วเปล่ากลับไปที่โต๊ะตัวเอง
เพราะเล่นชงเหล้าหนักมือกันตั้งแต่หัวค่ำ ยังไม่ทัน 4 ทุ่ม ก็มีคนฟุบไปหลายราย หนึ่งในนั้นก็คือกรเวช ส่วนไวยากรณ์นั้นแม้ไม่ถึงกับฟุบแต่ก็เมาจนพูดไม่เป็นคำแล้ว
“อ้าว! เมากลิ้งกันหมดแล้ว” เขมชาติทักยิ้มๆ โต๊ะของเขมชาติกับทรงเผ่านั้น จัดเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ ทำให้ไม่มีใครกล้าไปวุ่นวายด้วย พวกเขาดื่มไปคุยกันไปแบบสบายๆ พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าหลายคนนอนฟุบกับโต๊ะไปแล้ว
“งั้นก็พอแค่นี้ดีกว่ามั๊ย พี่ว่าเราแยกย้ายกันไปพักผ่อนดีกว่า” ทรงเผ่าบอกแล้วลุกขึ้นเข้าห้องนอนโดยไม่มีแม้แต่อาการเซ เหมือนๆ กับไมตรีและเขมชาติ ส่วนคนอื่นๆ ทั้งเมามากเมาน้อย ต่างก็หอบหิ้วเพื่อนกลับไปบ้านพักของตัวเอง
ธีรดลช่วยหิ้วปีกกรเวช ส่วนไวยากรณ์นั้นยังพยายามจะกินต่อทั้งที่เดินไม่ตรงทางจนเดือดร้อนตะวันต้องลากไป
“พี่ไผ่...เรากลับกันเถอะครับ” ริวหันไปชวนเพราะเห็นคนอื่นๆเริ่มทยอยกลับแล้วแต่พสุยังนั่งเฉย
“อืม...” พสุรับคำแล้วยันตัวลุกขึ้น แต่กลับเอียงทรุดจนเกือบล้มคว่ำลงไป ดีว่าริวคว้าตัวเขาไว้ทัน
“พี่! เป็นอะไรครับ” ริวอุทานด้วยความตกใจ แล้วกอดพสุไว้แน่น จนชายหนุ่มยันตัวเองให้ยืนตรงได้อีกครั้ง
“สงสัย...จาเมา” พสุตอบเสียงอ้อแอ้เล็กน้อย แล้วหัวเราะเบาๆ อย่างไม่มีเหตุผล
ริวมองหน้าแดงซ่าน ตาฉ่ำเยิ้มของพสุแล้วถึงกับอึ้ง พสุดูนิ่งๆ เหมือนไม่มีความผิดปกติใดๆ นอกจากหน้าแดงๆ เท่านั้น ไม่คิดว่าจะเมาขนาดทรงตัวไม่อยู่ เด็กหนุ่มประคองพสุกลับบ้านพัก ทั้งที่ใจจริงอยากอุ้มกลับไปมากกว่า แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เกรงว่าพสุจะโกรธ ยังดีที่บ้านพักอยู่ห่างกันไม่มากนัก เมื่อไปถึงนั้นทั้งห้องของตะวันและธีรดลก็พากันปิดห้องนอนไปหมดแล้ว
ริวค่อยๆผ่อนตัวพสุลงบนเตียงแล้วเข้าไปหาถังน้ำใบเล็กๆ มาใส่น้ำเช็ดหน้าให้พสุ
“อื้อ...ร้อน...จาอาบน้ำ” พสุบ่นแล้วพยายามกระชากเสื้อที่สวมอยู่ออก แต่ริวแย่งปลดกระดุมให้เสียก่อน พสุถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่กางเกงชั้นใน แล้วพยายามจะลุกไปห้องน้ำแต่ไปไม่ไหว ริวจึงต้องเป็นฝ่ายประคองชายหนุ่มไปส่งถึงอ่างอาบน้ำ
พอลงไปในอ่างอาบน้ำอุ่นๆ ได้ พสุก็ทำท่าเหมือนจะหลับคาอ่าง จนริวต้องเข้ามาปลุก
“พี่ๆ...ไปนอนในที่นอนเถอะครับ” ริวเขย่าไหล่เปลือยเปล่าของชายหนุ่ม พสุปัดมือออกแล้วตอบงึมงำอยู่ในลำคอ
“ฮื้อ...พี่จาอาบน้ำ”
“ก็อาบสิครับ พี่จะหลับแล้วเนี่ย” ริวบอกแล้วดึงตัวพสุให้ลุกขึ้นนั่ง
“อืม...” พสุรับคำแต่นั่งคอพับคออ่อนอย่างไม่มีสติ
“พี่ไผ่...พี่ครับ” ริวตัดสินใจอาบน้ำให้พสุ เด็กหนุ่มลูบสบู่เหลวไปตามเนื้อตัวของพสุแล้วขัดเบาๆ ด้วยฟองน้ำ ก่อนจะปล่อยน้ำออกจากอ่างแล้วประคองพสุลุกขึ้นยืนเพื่อล้างตัวใต้ฝักบัว
“...พี่อาบเองด้ายยยย” พสุลากเสียงยาวแล้วพยายามจะดันตัวริวออก
“พี่ยืนไม่อยู่แล้วนะครับ ให้ริวช่วยเถอะ เดี๋ยวล้ม”
“ม่ายต้อง...ฮื้อออ” พสุพยายามจะปัดมือริวออกไป แต่ตัวเองกลับทรงตัวไม่อยู่ ริวรีบคว้าตัวพสุไว้ แต่น้ำหนักของพสุที่โถมทับลงมาทำให้เขาทรงตัวไม่อยู่ จนลื่นล้มลงไปในอ่างด้วยกันโดยริวเอาตัวรองรับไว้เพราะกลัวพสุเจ็บ
ปึ้ก!
“โอ๊ย!”ริวอุทานด้วยความเจ็บ พสุล้มกระแทกลงมายังไม่เท่ากับที่ศอกเขากระแทกกับขอบอ่าง พสุชะงักค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะพยายามยันตัวลุกขึ้น
“ริววว...เปนราย...เจ็บหรอ...หัวโขกหรอ” พสุถามพลางดึงศีรษะริวมาแหวกๆ ผมดูจนเด็กหนุ่มต้องยึดข้อมือชายหนุ่มไว้
“ไม่ใช่หัวครับ ศอกกระแทก”
“หรอ...เจ็บมากมั๊ย...ฮื้อออ แย่จริง เจ็บตัวพ้อพี่แท้ๆ” พสุบ่นเสียงอ้อแอ้แล้วดึงริวเข้ามากอดไว้ จนใบหน้าของเด็กหนุ่มแนบอยู่กับอกเปล่าเปลือย ริวเผลอสูดกลิ่นสบู่หอมๆ เข้าไปเต็มปอด เนื้อตัวเกือบเปลือยที่เขากอดอยู่ลื่นปราดด้วยฟองสบู่ ริวรีบเปิดฝักบัวให้ไล่ฟองออกไปจากพื้นอ่างน้ำ เพื่อให้หายลื่น
“พี่ยืนดีๆนะครับ ล้างสบู่ออกให้หมดก่อน” ริวลุกขึ้นช้าๆ แขนเขาปวดหนึบๆ แต่เท่าที่ลองเคลื่อนไหวดูก็คงไม่ถึงกับกระดูกหักเพราะยังขยับได้ เพียงแต่เจ็บจนร้าวไปทั้งแขนเท่านั้น
พสุยืนนิ่งยอมให้ริวล้างคราบสบู่ออกจากตัวจนหมด แล้วนั่งบนขอบอ่างพิงข้างฝารอให้ริวสวมเสื้อคลุมให้แต่โดยดี ไม่ขัดขืนแม้แต่ตอนที่ริวสอดมือเข้าไปในชุดคลุมเพื่อดึงกางเกงในเปียกๆ ออกจากตัวของเขา
ริวก้มดูเสื้อผ้าเปียกโชกของตัวเองแล้วก็ถอนใจ เขาออกไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้แน่ๆ เพราะพื้นข้างนอกเป็นพื้นอุ่น เด็กหนุ่มเหลียวไปมองพสุอีกรอบ บริเวณที่พสุนั่งรอเป็นส่วนที่กว้างที่สุดของอ่าง แถมยังนั่งพิงฝาจึงไม่ต้องกังวลว่าพสุจะล้มกลิ้งลงไป อีกอย่างก็ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะกระเด็นไปโดนด้วย
ริวรีบถอดเสื้อผ้าออกอาบน้ำอย่างรวดเร็ว แม้จะเขินอายที่ต้องเปลือยกายในขณะที่มีใครอีกคนอยู่ในห้องน้ำด้วย แต่เพราะเป็นห่วงพสุเกินกว่าจะปล่อยให้เดินออกไปเอง เด็กหนุ่มจึงจำต้องข่มความอายไว้
พสุนั่งพิงผนังเย็นเฉียบแล้วหลับตาเพราะรู้สึกว่ารอบตัวไหวโคลงไปหมดจนไม่กล้าลืมตาขึ้นมามอง จนกระทั่งรู้สึกถึงอ้อมแขนที่ประคองเขาลุกขึ้นอีกครั้ง ริวประคองพสุไปวางบนเตียงแล้วห่มผ้าให้เรียบร้อย คืนนี้คงต้องปล่อยให้พสุนอนทั้งที่สวมแต่เสื้อคลุมนี่แหละ เพราะคงไม่เหมาะที่จะปลุกพสุให้ตื่นขึ้นมาอีกรอบเพื่อมาใส่เสื้อผ้า เด็กหนุ่มล็อคประตูแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม พสุก็พลิกตัวกลับมาหาทันที ริวก้มมองใบหน้าที่ซุกกับอกเขาด้วยความรู้สึกวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก
แม้จะอาบน้ำแล้ว แต่ใบหน้าของพสุก็ยังแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ปากอิ่มแดงจัดดูชุ่มชื้นจนริวเผลอจ้องมองนิ่งงัน นึกถึงสัมผัสร้อนรุ่มที่พสุมอบให้ในคืนที่เขาโดนวางยาแล้วหัวใจก็เต้นรัว แม้คืนนั้นเขาจะควบคุมร่างกายไม่ได้ แต่ก็จำทุกสัมผัสได้ชัดเจน
เด็กหนุ่มก้มหน้าลงไปช้าๆ แม้จะกลัวว่าพสุจะตื่นขึ้นมา แต่รสหอมหวานที่ยังซ่านในอกก็ทำให้เขาหมดความยับยั้งชั่งใจ ปากของพสุนุ่มและอุ่น ริวแนบปากประกบชิดเบียดคลึงด้วยริมฝีปากแผ่วเบาแล้วผละออก แต่พสุก็ยังคงนอนนิ่งลมหายใจสม่ำเสมอ ริวใจเต้นแรงเมื่อค่อยๆ แนบปากลงไปอีกครั้ง คราวนี้เด็กหนุ่มค่อยๆ ดันริมฝีปากของพสุให้เผยอออก ลมหายใจร้อนๆ ที่พุ่งออกมาทำให้ริวตัวสั่น แต่เด็กหนุ่มกลับสอดลิ้นเข้าไปในปากของพสุ ทันทีที่ปลายลิ้นแตะโดนพสุก็หดลิ้นหนีแล้วเบี่ยงหน้าหลบ แต่ริวประคองหน้าของชายหนุ่มไว้แล้วแนบปากลงไปอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากแต่ส่งลิ้นเข้าไปควานหาลิ้นของพสุ ทันทีที่ปลายลิ้นกอดเกี่ยวกัน ความรู้สึกเสียววาบจากปลายลิ้นจนถึงช่องท้องพาให้เด็กหนุ่มชะงัก สัมผัสแปลกใหม่ไม่เพียงทำให้เนื้อตัวเขาร้อนวูบแต่ยังทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอก
ริวกอดเกี่ยวลิ้นของพสุไว้อย่างเงอะงะ แม้จะจำรสสัมผัสได้แต่เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อจู่ๆ มืออุ่นก็ยกขึ้นกดท้ายทอยเขา แล้วปลายลิ้นของพสุก็กลับเป็นฝ่ายกอดเกี่ยวตอบสนอง
“อืม...” เสียงพสุครางเบาๆ ขณะที่ปากร้อนตามประกบติด ไม่เพียงแค่รุกไล่ลิ้นของเด็กหนุ่ม พสุยังกวาดลิ้นลูบไล้ไปทั่วโพรงปากของริว สำรวจทุกซอกทุกมุมอ้อยอิ่งเนิบช้า จนริวรู้สึกเหมือนจะขาดใจเพราะพสุไม่ยอมถอนปากออกสักทีจนเขาไม่มีอากาศหายใจ
ทันทีที่พสุถอนปากออก ริวก็หอบหายใจตัวโยน ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ อยู่ข้างหู
“หึหึ...หายใจด้วยจมูกสิเด็กน้อย” พสุกระซิบบอกตาปรือ แล้วดึงริวลงมาจูบใหม่ บทเรียนสดๆ ร้อนๆ ที่ได้รับทำให้ริวรู้จักที่จะตอบสนอง เมื่อพสุกอดเกี่ยวลิ้นริวก็กอดเกี่ยวตอบ ไม่ว่าพสุจะขยับลิ้นไปทางไหนริวก็ตามติด เสนอและสนองจนพสุเป็นฝ่ายครางเบาๆ
“เก่งใหญ่แล้วนะเรา...” เสียงพสุบ่นพึมพำเบาๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะพลิกตัวขึ้นทาบทับอยู่บนตัวริว เด็กหนุ่มนอนตัวแข็งเมื่อปากอุ่นๆ พรมจูบไปตามสันกราม ใบหู แล้วลากลงมาตามลำคอช้าๆ ริวตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกนอกจากกอดพสุไว้ ขณะที่ชายหนุ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอขาว ผิวเนียนละเอียดแม้จะไม่นุ่มนวลเหมือนสตรี แต่ความเนียนของผิวทำให้พสุแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง ชายหนุ่มลากจุมพิตจากซอกคอขาวลงไปหาแผ่นอกแน่นตึง แม้เนินเนื้อนูนแบนแข็งไม่อวบหยุ่นเหมือนสตรีแต่พสุก็ยังลูบไล้นวดเฟ้นแผ่วเบา ก่อนจะไล้เลียยอดสีสดเบาๆ เหมือนจะชิมรสชาติ
ริวสะดุ้งเฮือก แผ่นหลังเดาะลอยขึ้นตามปากของพสุ เด็กหนุ่มรู้สึกหัวหมุนใจโลดแรงเหมือนตอนที่เขาเมาเหล้า เพียงแต่ร่างกายเขากำลังเมารสสัมผัสของพสุ เสียงครางเบาๆ และร่างกายสั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนกของริวเหมือนจะไปกระตุ้นให้พสุยิ่งฮึกเหิม ชายหนุ่มลูบมือลงไปตามหน้าท้องเนียนแน่น แล้วลูบผ่านหน้าท้องลงไปยังหน้าขา ขณะที่มือลูบไล้ สะโพกของพสุก็บดเบียดกับริวจนเด็กหนุ่มต้องครางเบาๆ ด้วยความเสียวซ่าน เสื้อคลุมที่พันทบไว้หลวมๆ เปิดแยกออกไปนานแล้ว ทุกสัดส่วนที่สัมผัสกันจึงมีแต่เนื้อแท้ๆ
ความเมาทำให้พสุสานต่อไม่ไหว ชายหนุ่มฟุบหน้าลงบนอกกว้างนิ่งขณะที่ฝ่ามือยังลูบวนอยู่บนหน้าขาของริว ริวหอบหายใจแรง เขาหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้อีกแล้ว
เด็กหนุ่มดันร่างของพสุให้พลิกนอนหงายแล้วเป็นฝ่ายขึ้นทาบทับ ปากบางแนบจูบไปบนผิวขาวแบบเดียวกับที่พสุทำ ตั้งแต่ซอกคอ ใบหู จนถึงเนินอกนูนเด่น พสุเป็นคนที่มีกล้ามอกสวย ยอดอกเม็ดเล็กสีสดชูชันเหมือนรอคอยให้สัมผัส ริวแนบจูบเบาๆ ก่อนจะลองอมไว้ในปากแล้วขบเม้มดูดกลืน ยิ่งได้ยินเสียงพสุครางเด็กหนุ่มก็ยิ่งเตลิด ริวบดปากและลิ้นฟอนเฟ้นยอดอกจนพสุต้องแอ่นตัวขึ้นหา ขณะที่มือก็ดึงศีรษะของริวให้แนบชิดยิ่งขึ้น ริวลูบไล้กล้ามเนื้อตึงแน่นของพสุจากหน้าอกลงไปหาหน้าท้อง แล้วลูบไล้ไปบนเนื้อร้อนจัดที่บดเบียดอยู่กับหน้าท้องของเขา
สะโพกของพสุกระตุกเมื่อริวลูบมือผ่านส่วนร้อนจัดของเขา เด็กหนุ่มใจเต้นแรงขณะนึกทบทวนถึงสิ่งที่พสุทำกับเขาในคืนนั้น
พสุขยับตัวกระสับกระส่าย ฝ่ามือนุ่มๆ ของริวลูบไล้แผ่วเบาอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนกลายเป็นความทรมาน ชายหนุ่มป่ายมือลงกุมมือริวแล้วขยับแบบที่ใจต้องการทั้งที่เปลือกตายังปิดพริ้ม...
“อืม...อา...” พสุหลุดเสียงครางกระเส่า ก่อนจะเกร็งกระตุกขึ้นทั้งตัวเมื่อได้ปลดปล่อยออกมา ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วดิ่งลงสู่ห้วงนิทราด้วยฤทธิ์กดประสาทของแอลกอฮอล์
ริวเบิกตากว้าง สายตาจับจ้องทุกอิริยาบถของพสุแทบไม่กระพริบตา ทั้งใบหน้าแดงซ่าน ดวงตาหลับพริ้ม เสียงครางกระเส่า และกล้ามเนื้อที่เกร็งจนเป็นระรอกไปทั้งตัวก่อนที่พสุจะปลดปล่อยออกมาเปียกชุ่มเต็มฝ่ามือเขา
ภาพและเสียง รวมถึงสัมผัสร้อนซ่าน พาเด็กหนุ่มยิ่งเตลิด ริวแนบตัวลงบนตัวเปียกเหงื่อชุ่มของพสุ ไม่สนใจคราบเปรอะเปื้อนบนมือและหน้าท้องของพสุ ไม่สนใจแม้แต่ความปวดร้าวกึ่งกลางกายของตนเอง
เด็กหนุ่มจ้องมองวงหน้าแดงระเรื่อของพสุนิ่ง แล้วค่อยๆ แนบจุมพิตแผ่วเบา ตั้งแต่หน้าผาก คิ้วเข้ม ลงมาบนเปลือกตาแล้วแตะจูบเบาๆ บนขนตายาวเป็นแผง จมูกโด่งเป็นสัน และบนสองแก้มอุ่น ก่อนจะแนบประกบปากลงบนปากนุ่มบดเคล้าเบียดชิมรสหวานซ่านในอกอีกครั้ง แม้ครั้งนี้พสุจะไม่ได้สนองตอบเหมือนครั้งแรก แต่ริวก็บดเคล้าจูบคลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างหลงใหล
“พี่จ๋า...ริวรักพี่ ริวรักพี่นะ” ริวกระซิบชิดปากแดงจัด แล้วบดจูบซ้ำ
“อืม...” พสุครางเบาๆ ราวกับรับรู้สิ่งที่ริวพูด ท่อนแขนแข็งแรงตวัดตัวริวเข้าไปกอดแล้วซบหน้ากับผมนุ่มของเด็กหนุ่มหลับไปอีก ริวกอดรอบเอวเปล่าเปลือย เบียดตัวเองเข้ากับผิวอุ่นซ่านของพสุ ขณะจูบเบาๆ บนแผ่นอกที่เขาซุกซบอยู่ ทุกครั้งที่เขาขยับตัว สัมผัสเสียดสีจะสร้างความเสียวซ่านจนอยากจะปลดปล่อยตัวเองให้ถึงที่หมาย แต่อีกใจกลับเพลิดเพลินในรสสัมผัสวาบหวามที่แสนทรมานนี้ ริวจึงเลือกที่จะกอดจูบและบดเบียดเนื้อตัวกับพสุไปเรื่อยๆ แทนที่จะพาตัวเองไปให้ถึงความต้องการให้เร็วที่สุด......
......................................
-
จิ้มๆ ตนแต่ง อิอิ
มาต่อด่วนๆ เลยนะครับ ค้างๆๆ
จะเป็นยังไงต่อไปน๊า อยากรู้ๆๆ
-
:pighaun: กรี๊ดดดดดดดดดดยามดึก พี่ไผ่ผผผผ ริวววววว
อ๊ากกกกก ตัดตอนนี้มันค้างงงงงงงนะ :impress2:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
กร๊าสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
โอวววววววววว โนวววววววววววววว
เอามีดมาแทงกันให้ตายดีมั้ยยยย
ตัดกันลงคอ T^T
-
:m25:
สุดยอดดดดดดดดดดดดดดด
หนูริวเริ่มมีพัฒนาการแล้วววว ฮิ้ววววววววววววววว :-[
แต่จะไม่ทำความสะอาดตัวหน่อยเหรอจ๊าาาา
เดี๋ยวพี่ไผ่ตื่นมาแล้วจะยุ่งนาาา ไปแอบทำพี่เค้าตอนกำลังเมา
แอบอยากให้พี่ไผ่จำคืนนี้ของสองเราได้นะเนี่ยยยย
หนูริวสู้ๆ o13
:bye2:
:pig4:
-
กลับมาต่อก่อนได้มั้ยยยยยย
มันค้างมากมายเลยอ่ะ :m31:
ไม่อยากจะคิดเลยว่าไผ่ตื่นมาแล้วจะเป็นยังไง
น้องริวดูมีพัฒนาการขึ้นเยอะเลยน้าเนี้ย
แต่อยากให้ริวรับแต่เอาเถอะแล้วแต่คนเขียน
:กอด1: :L2:
-
พี่ไผ่เมาอย่างนี้เดี๋ยวก็เสร็จน้องริวสิ
-
ค้างงงงงงงมากมายยยยยย แต่ก็นะ
น้องริวยังไม่เป็น ยังไงพี่ไผ่ ก็ต้องสอนก่อนมั้ง :z1:
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่มีอะไรจะเม้นต์ พูดไม่ออก อิอิ
เขินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
พี่ไผ่ตื่นมาต้องตกใจแน่ๆๆน้องริวว
งานเข้าอีกแล้วริวจ๋า
-
ลุ้นจนแทบหยุดหายใจ ว่าจะไปไกลกันขนาดไหน
น้องริวช่างไร้เดียงสาเสียจริงๆ
-
:o8: :-[
-
จะมีปัญหาหนักหรือเปล่าเนี๊ย
เรื่องเก่ายังไม่เคลียเลย
เกิดเรื่องใหม่อีกแล้ว
-
น้องริวเก่งขึ้นนะเนี่ย
พี่ไ่ผ่ตื่นมาจะจำได้มั้ยเนี่ยว่าเกิดไรขึ้น
ว่าแต่ค้างอ่ะ กระชากอารมณ์สุด ๆ
มาต่อไวไวน๊า
-
บรรทัดสุดท้าย >>> ริวเป็นมาโซ :a5:
-
จะหาใครได้อย่างน้องริวเนี่ย
โดนที่สุด
รักริวอ่าาาาาาาาาา
-
อ่านไปอ่านมา แทนที่จะดีใจที่เค้าเกือบจะได้อะซาเดเฮกันแล้ว
แต่ทำไมเรา เศร้าใจแทนริวอ่ะ T_T :monkeysad:
จะบอกว่ารักก็บอกเค้าไม่ได้ ในเมื่อคำว่า"พี่น้อง" มันค้ำคออยู่อย่างนี้ :m15:
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงๆๆๆๆๆๆ :o12: :o12: :o12:
-
อร้ายยยยย :z1:เริ่มมีการพัฒนาความสัมพันธ์แบบก้าวกระโดด แล้ว... เอ่อ.. :เฮ้อ:.พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะเป็นไงอะ
-
ครั้งแรกตอนตื่นก็แย่ล่ะ ครั้งนี้จะเป็นยังไงน้าสสสสสสสส
คุณสปริงขุกเข่าเขย่าขาคนแต่งให้หน่อย อยากอ่านตอนต่อไปแว้วววววว
-
หายไปตั้งนาน
มาต่อซะเสียวเลยแฮะ
คริๆ
-
ไผ่ ริว :-[
รอบที่แล้วริวเมาแล้วเกือบเสียตัว
รอบนี้ไผ่เมาเลยเกือบเสียตัว
สงสัยรอบหน้าต้องให้เมาทั้งคู่จะได้เสียตัว :laugh: :laugh:
-
อ๊ากกกกกกกก เลือดกระฉูด นัวเนียๆ :pighaun:
-
.. :m25:
:serius2:
-
พี่ไผ่เมาแล้วจะปล้ำน้อง โหะๆๆ เวลาตื่นให้มันแมนแบบนี้บ้างงงงงงงงงงงง อย่าไปเกรงใจน้องงงงงงงงงง
-
:really2: เมาได้ใจจริงเลยพี่ไผ่ ตื่นมาก็กล้าทำแบบนี้บางซิ
คนอ่านจะลงแดงได้แล้ว โิอ๊ยอยากอ่านต่อหน้าเร็วๆ :call:
-
หึหึ ถ้าพี่ไผ่ตื่นจะเป็นยังไงเนี่ย
-
:o8: :-[
:serius2: อยากอ่านต่อไวไวอ่า
-
ฉวับ ... เสียงดังมาก ขอบอก
-
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ค้างอย่างแรง
นู๋ริวโตเป็นหนุ่มแล้วอ่ะ :impress2:
-
:m25:
..ป้าขอหายาดมก่อน o2
แบบนี้ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า ตัดดังฉับเลยอ่ะ :o12:
นู๋ริวของป้าโตเป็นหนุ่มแล้ววว :haun4:
รอตอนต่อไปค่ะ :jul1:
-
พี่ไผ่ตื่นมาแล้วจะเป็นงัยเนี่ย
-
จะทรมานคนอ่านเหรอค่ะ
คราวหน้าขอแบบจัดเต็มนะค่ะ
อยากรู้ว่าใครรุก ใครรับ
-
ค้างอย่างแรงงงงงงงงงง อ๊ายยยยยยยยยย แล้วตอนตื่นมาจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ยยยยย พสุจะจำได้ม๊ายยยยยย สงสารริวล่วงหน้าT^T
-
:serius2: ค้างงงงงง
ตายละหว่า พี่ไผ่ตื่นมาจะรุ้ตัวมั้ยว่าทำไรลงไปเนี่ย :z3: :z3:
-
รู้ตัวเปล่าเนี่ยไผ่?
ทำน้องเสียเด็กแล้วรับผิดชอบด้วยค่ะ
-
ตื่นขึ้น ซ่างเมาแล้วจะมองหน้ากันติดไหม
พี่ไผ่จะทำร้ายจิตใจริวไหมเนี่ย
-
กริ๊ดดดดดดดดดดดดด ฉากเฉียดอีกแล้วเจ้าค่าเอ๋ย ตามลุ้นเจ้าค่า
-
อ๊ายยยยยยยย :o8:
เป็นการพัฒนาที่ตื่นตามากๆๆเล่นเอาที่ง่วงๆอยู่ตาลุกขึ้นมาทันที
ไม่รู้จะเชียร์ใครให้เป็นฝ่ายรุก
แต่ใจอยากให้น้องริวเผด็จศึกพี่ไผ่มากกว่านะ
เพราะดูตอนที่ริวเฝ้าดูแลพี่ไผ่แล้วน่าเอ็ดดู๊เอ็นดู
-
กีสสสสสสสสสสสสสสสสส
ลุ้นมากมายว่าใครจะรุกใคร
แต่ก็นะ นู๋ริวได้ขนาดนี้ก็เจ๋งแล้ว อิอิ
อีกเรื่องที่อยากลุ้นต่อไปคือ เมื่อพี่ไผ่ตื่นขึ้นมานี่สิ จะีท่าทียังไง เหอๆ หลักฐานเต็มตาเต็มเตียงขนาดนั้น หวังว่าจะไม่โกรธนู่ริวน้าาาาา
-
...No Comment...
:o8:
-
กรี๊ด xxx กันแล้วววววววววว
เลือดหมดตัวแล้ว ต้องการเลือดด่วนนนน :jul1:
-
โอยยย... ลุ้นอ่ะค่ะ ยิ่งสถานการณ์แบบนี้กลัวจะได้กินมาม่าจังเลย
แอบซุ่มใต้เตียงน้องริวต่อไป :interest:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
:pig4:
-
ลุ้นจังค่ะ แต่หนูริวจะนอนทั้งอย่างนี้เลยเหรอ เดี๋ยวพี่ไผ่ตื่นมาจะยุ่งนา
-
ริวจะรอดไหมลูก ให้พี่ไผ่จัดการดีกว่าไหม o18
-
:o8: หนูริว จัดการตอนนอนหลับ นี้แหละสะดวกสุด :z1:
-
โอ้จอร์จ!!! บทจะเรียนรู้ก็เรียนกันเร็วมาก
พี่ไผ่ตื่นขึ้นมาจะจำได้มั้ยเนี่ย :serius2:
ถ้าจำได้จะทำใจได้มั้ยเนี่ย :serius2:
-
แบบว่า...นะ :-[
แต่ถ้าพี่ไผ่ตื่นมาคงเป็นเรื่อง เฮ้อ~
-
:-[ :pighaun:
:pig4: :pig4:
-
เหอะๆ อ่านไปก็ลุ้นปายยยย ว่าจะลงเอยยังงายยย แต่อ่านแล้วงงๆ ตกลงคู่นี้ใครจะรับจะรุกเนี่ย
แอบสงสารน้่องริวนิดๆ ดูงงๆอะ :กอด1:
-
:o8: มาต่อด้วยเจ้าค่ะ
อย่าปล่อยให้เขินนานนัก
-
โถ..พี่ไผ่..สบายอยู่คนเดียวเลย น้องริวกับคนอ่านเค้าค้างเน้อ:o8:
-
:monkeysad:ไม่ได้มาอ่านนาน แวบมาให้กำลังใจค่ะ :กอด1:
-
เหยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
พี่ไผ่เอาแล้วววว
เมาแล้วก็ได้เรื่องเลยมั้ยล่ะ ???
ยังไงล่ะเนี่ย จะโกรธน้องริวมากมั้ยยยย
แต่ตัวเองเมาแล้วยั่วเองนะ !!!
อร๊ายยยยยย
อยากอ่านต่อมากค่ะ !
-
:haun4:
-
:call:อยากอ่านต่อจ้า please
-
หนูริวเริ่มเรียนรู้แล้ว กรี๊ดดดดดด :pighaun:
ค้างค่าาาา มาต่อไวๆนะคะ
-
กำลังอย่าเพลินๆ จบไปอีกตอนแล้ว
ไม่อยากให้จบเลย อยากอ่านไปอีกซักชั่วโมง
:o8: ริวกำลังเรียนรู้อยู่
แต่กลัวไผ่จะโกรธน้อง เมื่อตื่นขึ้นมา
ไม่เอามาม่านะคะ
-
เข้ามารอน้องริว
แต่ไผ่ตื่นมาจะทำอะไรริวหรือเปล่า
รอนะค่ะ
-
มารอน้าาาาา
อยากรู้จัง พี่ไผ่ตื่นมาจะทำอย่างงัยย เดี๋ยวนี้ริวเค้าพัฒนาแล้ว
-
อยากรู้ต่อแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
-
อ๊ากกกกกกกกกซ์!!!!! :m25:
ค้างอย่างแรงส์ :z3: :z3:
-
อยากให้หนูริวรุก เพราะอิมเมจหนูริวในจินตนาการของเค้าคือ เจ้าหนูเซเมะนุ่มนิ่มขี้อ้อน จอมติดพี่ อร๊ายยยย คิคิ :m1:
ตอนต่อไป.... .. .
สงสัยรอประมาณ1อาทิตย์ :sad2:
อัพต่อเร็วๆหน่อยก็ดีนะคะ เค้าชอบเรื่องนี้มากๆเลยอ่ะ :m17:
-
พี่ไผ่
ตื่นมาแล้วจะโกรธน้องไหมเนี่ย
ไม่เอานะ
อย่ามามาม่าแถวนี้
-
:haun4: จิ้นต่อๆ
-
ขอยาดมหน่อย จะเป็นลม 55555
-
โอ้ยอยากให้เมาบ่อย ๆ อะ แต่เมาน้อยกว่านี้หน่อยได้ปะจะได้ต่อให้จบ :haun4:
:pig4: คะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :กอด1:
-
มารอพี่ไผ่ของน้องริว
มารอทุกวันเลยนะ
-
:z2:
มารอน้องริว กับพี่ไผ่
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 'ไมตัดตอนค้างกันแบบเนี๊ย!!! กำลังเตลิดเลย..... :serius2:
-
มารอจ้า :call:
-
ตอนที่ 65
ปวดหัว...คอแห้งผากแสบร้อนเหมือนกลืนทรายเข้าไป...และโลกหมุนคว้างจนพสุต้องหลับตานิ่งๆ ไม่สามารถลุกขึ้นได้ทันทีทันใดอย่างที่ใจคิด...อาการแบบนี้ ไม่ต้องหาหมอก็บอกได้ทันทีว่าเขาเมาค้างเข้าให้แล้ว
เมื่อคืนเขาเมาขนาดไหน?...วันเกิดกรเวชเขาโดนกรอกไปหลายแก้ว เหล้าเพียวๆ ทำเอาเขาสติหลุด...จน...
“เฮ้ย!...โอ๊ย!” พสุทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งแล้วหัวทิ่มลงไปกับหมอนในท่าสโลว์ ปวดหัวจี๊ดเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ท้องไส้ปั่นป่วนจนเกือบคายของเก่า ต้องค่อยๆ ฟุบลงไปนอนนิ่งๆ
“พี่...เป็นไงบ้างครับ ปวดหัวเหรอ...เดี๋ยวนะ” เสียงทุ้มๆ ร้อนรนดังอยู่ข้างหู ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะย่ำออกไป แล้วครู่เดียวประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาอีก ผ้าชุบน้ำเย็นๆ ถูกเช็ดจนทั่วหน้า ก่อนที่คอเขาจะถูกช้อนขึ้นแล้วบางอย่างเย็นๆ ก็แตะแนบลงมาบนริมฝีปาก
“กินนิดนะครับ พี่ตะวันบอกว่าแก้เมาค้าง”
“อืม...” พสุรับคำเบาๆ แล้วหลับหูหลับตาดื่มน้ำจากขวดที่จ่อปากเข้าไปรวดเดียวหมด มือที่ช้อนหัวเขาถึงได้วางศีรษะเขาลงบนหมอน ผ้าเย็นๆ ถูกวางลงบนหน้าผากอีกครั้ง
พสุฝืนลืมตาขึ้นมอง ไม่ว่าจะปวดหัวแค่ไหน แต่เขาก็อยากเห็นหน้าริว ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองเขาในระยะใกล้จนพสุหน้าร้อนวาบอย่างไม่มีสาเหตุ
“ปวดหัวมากมั๊ยครับ...กินยาแก้ปวดเอาไหมพี่”
“ไม่เป็นไรริว อีกสักเดี๋ยวคงดีขึ้น” พสุเค้นเสียงตอบเบาๆ แค่ตอบริวเขาก็กระเทือนไปทั้งหัวแล้ว ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วรีบลืมตาขึ้นมองหน้าริวอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมเขาถึงพรวดพราดลุกขึ้นจนปวดหัวจี๊ดในตอนแรก
“ริว...เมื่อคืน...เอ่อ...พี่...” พสุอึกอัก ละอายเกินกว่าจะกล้าถาม
“ครับ?” สีหน้างุนงงของริวทำให้พสุพูดต่อไม่ออก เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าฝันหรือจริง แต่ถ้าเป็นความฝันก็เป็นฝันที่น่าละอาย เขาฝันว่าเขาจูบริว ไม่แค่จูบ แต่ยังเกือบจะ...ปล้ำริวด้วยซ้ำ...ในความฝันเขาแน่ใจว่าเขาปลดปล่อยออกมา ความสุขสมเสียวซ่านยังติดอยู่ในความรู้สึก แต่กลับจำรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้...
“มีอะไรเหรอครับ?” ริวถามเสียงซื่อตาใส จนพสุรู้สึกเหมือนอาการอึดอัดในอกค่อยคลายลง
ริวเป็นเด็กโกหกไม่เป็น เวลาคิดอะไรทุกอย่างจะแสดงออกทางสีหน้าแววตาหมด ในเมื่อเด็กหนุ่มยังคงมีสีหน้าแจ่มใสไร้วี่แววผิดปกติอย่างนี้ ก็แปลว่าทุกสิ่งที่เขากลัวเป็นเพียงความฝันเพ้อเจ้อของเขาคนเดียว
“ช่างเถอะ...พี่นึกไม่ออกแล้วว่าจะถามอะไร” พสุบอกแล้วแอบถอนใจอย่างโล่งอก
“ครับ...พี่หิวไหม ริวไปยกอาหารเช้ามาให้เอาไหมครับ” ริวถามแล้วแตะมือมาบนหน้าผากและสองแก้มเหมือนจะวัดไข้ พสุเกือบสะดุ้งดีว่าคุมตัวเองทัน ชายหนุ่มพยายามข่มความรู้สึกเขินอายลงไปอย่างยากเย็น ริวแตะต้องตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติแท้ๆ แต่ทำไมวันนี้เขาต้องเขินด้วย...คงเพราะฝันบ้าๆ เมื่อคืนทำให้เขาเกิดกระดากอายกับแค่สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ของริว
“ไม่ต้องหรอกริว ขอบคุณนะครับ...ริวล่ะ กินหรือยัง?”
“ยังครับ ริวรอพี่” ดวงตาใสแจ๋วเป็นประกายอ่อนโยนที่จับจ้องอยู่ใกล้ๆ ทำให้พสุวางหน้าไม่ถูก จึงเลี่ยงด้วยการแสร้งทำเป็นกุมหัวแล้วหลับตา
“ริวไปกินก่อนนะ...พี่คงยังกินอะไรตอนนี้ไม่ได้หรอก มีหวังออกหมดแน่”
“ริวจะรอกินพร้อมพี่” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ้อน แล้วขยับเข้ามากอดเอว วางหน้าลงบนอกของพสุทั้งที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นข้างเตียง
“ริวไปกินข้าวเถอะครับ นะ...เด็กดี เชื่อพี่นะ...ตอนนี้พี่ลืมตาไม่ไหวจริงๆ แต่พี่ไม่อยากให้ริวปวดท้อง เข้าใจไหม” พสุดุเสียงอ่อนเบา จนฟังดูไม่น่ากลัวสักนิดแม้แต่ในความรู้สึกของคนดุเอง ชายหนุ่มได้แต่โทษว่าเป็นเพราะเขายังเมาค้างทำให้ไม่มีแรงจะทำเสียงเข้มใส่ริว
“ครับ...งั้นเดี๋ยวริวมานะ” ริวรับคำง่ายๆ แล้วยกหัวออกจากอกของชายหนุ่ม
“ครับผม” พสุตอบแล้วยิ้มทั้งที่ยังหลับตา รู้สึกถึงน้ำหนักบนฟูกข้างตัวที่หายไป ก่อนเสียงเปิดประตูดังขึ้นเบาๆ ชายหนุ่มหลับตานิ่งๆอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“เป็นไง ยังแย่อยู่เหรอไผ่” ตะวันถามพร้อมกับทรุดลงนั่งบนที่นอนข้างตัวพสุ
“อืม...เมื่อคืนฉันทำอะไรไปบ้างตะวัน” พสุถามทั้งๆ ที่หลับตานิ่ง เขาไม่เคยเมาจนขาดสติเหมือนเมื่อคืน ยิ่งคิดก็ยิ่งละอายจนไม่กล้ามองหน้าตะวัน เพราะกลัวจะเจอสายตาเวทนาในสภาพน่าสังเวชของเขาเมื่อคืน
“ไม่นะ ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่านายเมา...ฉันเองก็มารู้เอาตอนเช้า ริวไปขอยาแก้เมาค้างถึงได้รู้”
“เหรอ...เมื่อคืนเมาจนไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ทำอะไรบ้าๆ ไปบ้างหรือเปล่า” ประโยคหลังพสุบ่นพึมพำเสียงแผ่วจนตะวันเองก็ฟังไม่รู้เรื่อง
“อะไรนะ”
“เปล่า...ไม่ได้ทำอะไรประหลาดๆ ให้ขายหน้าก็ดีแล้ว”
“นายน่ะเป็นคนเมาที่สงบเสงี่ยมที่สุดแล้ว เมื่อคืนพี่กรเมาหลับก่อนใครเพื่อนจนดลต้องแบกกลับมา แล้วลุกมาอ้วกให้ดลเช็ดซะสองรอบ ส่วนเจ้าไวย์ อาละวาดฟาดงวงฟาดงาซะน่าเหยียบให้จมดิน นี่ก็นอนครางอ๋อยๆ ปวดหัวจนลุกไม่ไหวเหมือนกัน”
“อืม” พสุตอบแล้วกดคลึงขมับเบาๆ เหมือนยังปวดหัวอยู่ทั้งที่ความจริงถ้าจะลุกขึ้นเขาก็คิดว่าคงลุกไหวแล้ว
“งั้นฉันไม่กวนแล้ว นายหลับต่อละกัน” ตะวันบอกแล้วลุกขึ้นจนที่นอนไหวยวบ
“แต้งกิ้วตะวัน” พสุลอบถอนใจยาวเมื่อตะวันออกจากห้องไป ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน เพราะถ้าเขาทำอะไรริวไปจริงๆ เขาคงละอายแก่ใจจนไม่กล้ามองหน้าน้องอีกเลย
พสุกำลังจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ชายหนุ่มจึงแกล้งนอนเฉยแต่แอบหรี่ตาดู เห็นริวเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วถอดสเวตเตอร์ออกเหลือแต่เสื้อยืดแขนสั้นข้างใน รอยช้ำสีแดงปนเขียวขนาดใหญ่ตรงท้องแขนด้านหลังทำให้พสุเบิกตากว้าง ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากที่นอนไปจับแขนเด็กหนุ่มไว้อย่างลืมตัว
“โอ๊ะ! “ ริวหลุดปากอุทานพร้อมกับสะดุ้งทั้งที่พสุแค่จับแขน ยังไม่ได้สัมผัสโดนตรงรอยเขียวช้ำด้วยซ้ำ
“เป็นอะไรริว?”
“...ริวล้มครับ...นี่พี่ลุกมาทำไม ยังปวดหัวอยู่ไม่ใช่เหรอครับ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมพี่ไม่รู้?” พสุไม่สนใจในสิ่งที่ริวถาม แต่สนใจกับรอยช้ำที่เห็นได้ชัดว่ากล้ามเนื้อบริเวณนั้นบวมปูด
“เอ่อ...ตั้งแต่...เมื่อคืนนี้ครับ” ริวตอบอึกอัก แล้วหลบตาวูบเมื่อพสุมองหน้า
“ตอนไหน...แล้วล้มที่ไหน”
“ล้มในอ่างน้ำครับ”
“ริวไม่ใช่คนซุ่มซ่ามนี่...แล้วเมื่อคืนริวก็ไม่ได้กินเหล้าไม่ใช่เหรอ” พสุถามย้ำขณะนึกทบทวนว่าริวจะล้มตอนไหนได้ ในเมื่อก่อนไปร่วมงานวันเกิดกรเวช ริวก็อยู่กับเขาตลอดเวลา
“เปล่าครับ”
“แล้วทำไม...” พสุชะงัก ภาพเบลอๆ ลอยๆ ในหัว เหมือนผุดไล่เรียงขึ้นมา...เขาพยายามจะอาบน้ำเอง...เขาปัดมือริวตอนที่เด็กหนุ่มประคอง...แต่ตัวเองกลับยืนไม่อยู่...แล้วเขาก็ล้มคว่ำลงไปโดยที่ไร้รอยขูดขีดแม้แต่นิดเดียว....
“พี่เหรอ? เพราะพี่สินะที่ทำให้ริวเจ็บตัวขนาดนี้” พสุถามเสียงแผ่วด้วยความเสียใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะไร้สติจนพลอยให้ริวต้องเจ็บตัวไปด้วย
“เอ่อ...”
“ขอโทษนะครับ พี่ไม่น่าเมาขนาดนั้นเลย” พสุเอ่ยขอโทษเสียงพร่า รู้สึกแย่กับพฤติกรรมของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ริวเจ็บ ท่าทางจะเจ็บมากด้วย...แล้วเป็นเขาเองที่ทำให้น้องเจ็บตัว
“ช่างมันเถอะพี่ นิดเดียวเอง”
“นิดเดียวที่ไหน ที่ตาแดงๆ ตัวรุมๆ นี่ไม่ใช่เพราะแขนอักเสบหรอกนะ?” พสุถามพลางแตะหลังมือไปบนหน้าผากและซอกคอของริว ผิวสัมผัสอุ่นจัดกว่าปกติยืนยันได้ทันทีว่าริวมีไข้
“ไม่หรอกครับ...คือ...ก็...นิดนึง” คงเพราะสายตาคาดคั้นของพสุทำให้ริวไม่กล้าโกหก เด็กหนุ่มก้มหน้างุดๆ เมื่อยอมรับออกมา
“เฮ้อ! สงสัยพี่กับเหล้านี่ต้องลากันขาด เมาแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วยนี่แย่มากๆ”
“ริวไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย พี่อย่าพูดอย่างนี้สิ” ริวทำเสียงงอแง แล้วกอดเอวซุกหน้ากับบ่าของพสุ อุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงกว่าปกติ ทำให้พสุกอดตอบเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วง
“พี่หมายความว่า พี่เมาแล้วขาดสติน่ะ เฮ้อ! ขอโทษจริงๆนะครับ เจ็บมากไหม” พสุถามแล้วลูบผมนิ่มบนไหล่เบาๆ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวอาบน้ำซะหน่อยก็หายไข้แล้ว”
“งั้นไปอาบน้ำ น้ำอุ่นนะครับ ห้ามอาบน้ำเย็นนะรู้ไหม”
“ครับ” ริวถอนตัวจากอ้อมแขนของพสุอย่างอ้อยอิ่ง อยากกอดไว้ให้นานกว่านี้แต่เวลานัดก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว จึงทำได้เพียงยอมเข้าไปอาบน้ำตามที่พสุบอก
พสุหันไปเปิดกระเป๋า จัดเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาวางให้ริว แล้วหันไปเก็บข้าวของที่วางกองๆ ไว้บนโต๊ะเพื่อใส่กระเป๋า สายตาก็เหลือบไปกระดาษสีชมพูสดใสในถังขยะที่ว่างเปล่า ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วเก็บขึ้นมาดูให้แน่ใจอีกครั้ง
นามบัตรของโคเยจีที่เธอยื่นให้เมื่อวาน? จะว่าริวทิ้งโดยไม่ดู ก็ไม่น่าใช่ เพราะนิสัยริวไม่ใช่คนกระด้างขนาดนั้น แม้ไม่ถึงกับละเอียดรอบคอบมากมาย แต่ริวก็ไม่ใช่คนสะเพร่า
“เสร็จแล้วครับ ตาพี่อาบ....เอ่อ...” ริวชะงัก คำพูดค้างอยู่กลางประโยคแล้วจ้องมองกระดาษในมือพสุด้วยสีหน้าคล้ายตกใจ ก่อนจะหลบตาวูบ
“ริวทิ้งเหรอ?” พสุถามพลางโบกนามบัตรของโคเยจีไปมา
“...ครับ”
“อ้าว! ถ้าไม่อยากได้แล้วไปรับมาทำไมละ”
“...ก็...ก็ริวกลัวพี่รับ” ริวเงียบไปครู่หนึ่งก็สารภาพเสียงอ่อยๆ คำตอบแบบไม่คาดฝันทำเอาพสุงงไปชั่วขณะ
“หืม?....หมายความว่ายังไง”
“ก็โคเยจี เค้าชอบมาวุ่นวายกับพี่...ริวกลัวพี่จะชอบเค้า” ริวตอบแล้วทำแก้มพอง ปากยื่นเหมือนเวลาที่ถูกขัดใจ แต่พสุหน้าร้อนวาบ หัวใจกระตุกวูบแล้วเต้นระรัวอย่างไม่มีสาเหตุ
“ริว...โตแล้วนะครับ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ ริวต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันให้ได้รู้ไหม” พสุทำเสียงดุหลังจากที่นิ่งไปนาน กว่าจะข่มอาการใจเต้นหน้าร้อนวูบๆ ของตัวเองลงได้
“...ครับ...”ริวรับคำเสียงเบาเหมือนรู้สึกผิด จนพสุอดสงสารไม่ได้
“...พี่นึกว่าริวชอบเขาเสียอีก” หลุดปากไปแล้วพสุก็แทบจะกัดลิ้นตัวเอง นี่เขาพูดอะไรออกไป
“หา?” ริวเงยหน้าขึ้นมามองพสุแล้วทำตาโต
“ก็เห็นเขาเข้ามาคุยกับพี่ทีไร ริวก็เข้ามาแทรกทุกที นึกว่ากลัวพี่แย่งจีบเสียอีก” ชายหนุ่มพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆ ของตัวเอง ด้วยการแกล้งแซวริวแทน
“เปล่าสักหน่อย ริวไม่ได้สนใจเขาสักหน่อย” ริวตอบแล้วทำหน้าตาตื่น เหมือนตกใจที่พสุเข้าใจผิด
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำไมต้องโวยวายล่ะ...หึหึ”
“พี่ไผ่...อย่าหัวเราะสิ” ริวทำเสียงงอแงแล้วปราดเข้ามากอดเอวพสุ เอาหัวไถๆ กับไหล่เขาจนชายหนุ่มหลุดขำออกมา
“หัวเราะก็ผิดอีก...เฮ้ย! ตัวอะไรเนี่ยมาไล่งับพี่...” พสุท้วงขำๆ ไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้ทำไมถึงทำให้เขาขำมากมายนัก ชายหนุ่มไม่ได้ต่อต้านแม้จะโดนริวงับไหล่เขาเบาๆ
“พี่ล้อริวนี่...กัดซะเลย...งั่มๆ...” ริวทำเสียงขู่แล้วงับไปตามไหล่และแขนของพสุ ชายหนุ่มก็ได้แต่หัวเราะ แปลกที่อาการหนักๆ ในอกหายไปดื้อๆ สมองโล่งโปร่งทั้งที่เขาเพิ่งหายเมาค้าง
“เฮ้ย! พอแล้ว...เป็นหมาเหรอมากัดพี่อยู่ได้...ริ้วววว” พสุท้วงแล้วหัวเราะเหมือนคนบ้าจี้ ขำริวที่ฟัดแขนเขาไม่เลิกเหมือนลูกหมาฟัดตุ๊กตา พอชายหนุ่มดันหน้าผากริวออกจากไหล่ เด็กหนุ่มก็เปลี่ยนเป้าหมาย หันมาไล่งับมือที่ดันหน้าผากแทน พสุหดมือหนี เป็นจังหวะเดียวกับที่ริวก้มหน้าตามมาพอดี ปากของเด็กหนุ่มหยุดก่อนถึงปากของพสุแค่นิดเดียวก่อนที่จะไถลไปบนแก้มและใบหูของเขา
ชายหนุ่มสะดุ้ง ยืนตัวแข็งโดยอัตโนมัติ หัวใจกระตุกเมื่อนึกถึงคืนที่ริวจูบเขาเปะปะด้วยฤทธิ์ยา
“เฮ้ย! สกปรก” พสุร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ริวเลียแก้มเขาแผล็บ เด็กหนุ่มเลียหน้าเขาจริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่หลายครั้งจนน้ำลายเปียกแก้ม
“อี๋! แหวะ สกปรกว่ะ” พสุทำเสียงขยะแขยง แล้วแสร้งทำเป็นเช็ดน้ำลายของริวออกแรงๆ เพื่อกลบเกลื่อนอาการร้อนวูบวาบบนใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะเขกหัวริวเบาๆ
“พี่ง่ะ เขกหัวริวทำไม” ริวโวยวายแล้วหน้ามุ่ย แต่ตาโตเป็นประกายวาววับ
“ก็ใครใช้ให้มาเลียหน้าพี่ เดี๋ยวสิวขึ้นกันพอดี”
“ก็ริวเป็นลูกหมา ลูกหมาเลียเจ้าของ” ริวตอบหน้าตาเฉยแล้วทำท่าจะเลียหน้าเขาอีก แต่ชายหนุ่มดันคางริวไว้
“ห้ามเลีย...ไหนว่าจะเป็นโคอาล่า ตอนนี้เปลี่ยนสัญชาติเป็นหมาซะงั้น มันคนละสกุลกันเลยนะ” พสุพูดพร้อมกับจับแก้มริวดึงยืดจนเจ้าตัวร้องอู้ แต่ไม่ถอยหนี
“พี่ไผ่อ่า...เจ็บน๊า” ริวโอดโอย สองแก้มแดงเป็นรอยจนพสุต้องลูบเบาๆ เพราะรู้สึกผิดนิดหน่อยที่แกล้งหนักมือไป
“สมน้ำหน้า ปล่อยพี่ได้แล้ว พี่จะไปอาบน้ำ”
“ม่ายเอา พี่ยังไม่โอ๋ริวเลย ดึงแก้มริวเจ็บอ่า” ริวทำเสียงงอแง แล้วกอดพสุแน่น ซุกหน้ากับซอกคออุ่นเพื่อสูดกลิ่นหอมจากตัวพสุ
พสุยืนหลับตานิ่ง ซึมซับความอบอุ่นของวงแขนที่กอดรัดเขาไว้ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด อุ่นใจ...สุขใจ...และสบายใจ จนเผลอกอดตอบเด็กหนุ่มแนบแน่น
ทุกครั้งที่เขากอดริว ชายหนุ่มมักจะรู้สึกว่าเขากำลังปลอบโยนเด็กหนุ่มเสมอ แต่วันนี้พสุกลับรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นเขาที่ถูกปลอบ
ตึ๊ดๆๆๆๆๆๆๆ เสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือที่พสุตั้งปลุกไว้ เรียกสติของชายหนุ่มกลับมา พสุคลายอ้อมแขนออกแล้วดันตัวริวออกเบาๆ ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยอมให้เขาดันออกไปแต่โดยดี
“พี่จะไปอาบน้ำแล้ว ริวตรวจดูข้าวของให้ครบนะ อย่าเผลอวางอะไรทิ้งไว้ล่ะ”
“ครับ”
พสุถอดเสื้อคลุมออก แล้วกวาดตาไปตามร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง ก่อนจะถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก ความมั่นใจกลับคืนมาเกือบเต็มที่เมื่อชักแน่ใจว่าความรู้สึกวาบหวิวเมื่อคืนเป็นเพียงความฝันของเขาเท่านั้น ชายหนุ่มพยายามสลัดเรื่องน่าอายออกจากสมองแล้วรีบอาบน้ำเพื่อให้ทันเวลาออกเดินทาง
เมื่อพสุออกมาแต่งตัว ก็พบว่าริวจัดของเสร็จแล้วแต่ยังใส่แต่เสื้อยืดตัวเดียว เสื้อสเวตเตอร์ที่พสุจัดไว้ให้ยังวางอยู่บนเตียง เด็กหนุ่มนั่งมองเขาแต่งตัวเงียบๆ พอพสุแต่งตัวเสร็จริวก็เข้ามากอดเอวแล้ววางคางไว้บนไหล่ของพสุเพื่อมองสบตากันในกระจก
“พี่...พี่ใช้น้ำหอมกลิ่นเดิมนะ”
“ทำไมล่ะ กลิ่นใหม่นี่ก็หอมดีนี่”
“ริวชอบกลิ่นเดิมอ่ะ กลิ่นนี้ก็หอม...แต่ริวได้กลิ่นแล้วนอนไม่หลับอ่ะ” ริวทำเสียงออดๆ แล้วทำจมูกฟุดฟิดจนพสุอดหัวเราะไม่ได้
“เอ้า! ไหงงั้น ตกลงว่าพี่ใส่น้ำหอม หรือริวใส่น้ำหอม”
“พี่ใส่ไง แต่ริวเป็นคนดมนี่นา นะๆ...ใช้กลิ่นเดิมนะพี่นะ” ทั้งๆที่คำพูดของริวก็เหมือนไม่มีอะไร แต่พสุรู้สึกหน้าร้อนวาบๆ จนเขารำคาญตัวเอง ว่าเขาเป็นอะไรนักหนา หน้าถึงได้ขยันร้อนเหลือเกิน...สงสัยกลับไปต้องหาหมอเช็คประสาทบ้างแล้ว
“ก็ได้ ปล่อยพี่ก่อนสิ น้ำหอมขวดเดิมอยู่ในกระเป๋าแน่ะ พี่เอาของใส่กระเป๋าไปหมดแล้ว”
“ริวหยิบมาให้แล้ว นี่ไง” ริวล้วงขวดน้ำหอมของพสุออกมาวางบนโต๊ะ ชายหนุ่มสบตาใสแจ๋วบนกระจกแล้วเป็นฝ่ายหลบตา พอเขาฉีดน้ำหอมลงบนคอ ริวก็ชะโงกมาดมแล้วพยักหน้าหงึกๆ
“ผ่านๆ กลิ่นนี้ผ่านตลอด”
“ทะลึ่งแล้ว...ไปๆ ไปรวมกับคนอื่นได้แล้ว...เอ๊ะ! เจ็บเหรอริว” พสุอุทานด้วยความตกใจ เขาตบไหล่ริวหนักๆ ลืมไปว่าไหล่ข้างนี้เป็นข้างเดียวกับแขนที่เจ็บ
ริวยิ้มแหยๆ ให้พสุแล้วถอยออกห่างแต่พสุหันไปดึงเด็กหนุ่มกลับมาดูแขน รอยช้ำนอกจากจะเข้มขึ้นจนเกือบเป็นสีม่วง ยังดูเหมือนไม่ยุบบวมลงด้วยซ้ำ
“กินยาแก้อักเสบหรือยังริว...เดี๋ยวพี่เอายาให้นะ” พสุหันไปคว้ากระเป๋าเดินทางมาเปิด แต่ริวตามมานั่งข้างๆ
“ไม่เป็นไรพี่”
“ไม่เป็นไรได้ยังไง แค่พี่แตะแขนยังสะดุ้งขนาดนี้...ไปหาหมอกันไหม?” ชายหนุ่มถามแล้วส่งยาแก้อักเสบให้
“ไม่ต้องหรอกครับ คืนนี้เราก็กลับกันแล้ว ไว้ไปหาหมอที่เมืองไทยดีกว่า” ริวรับยาไปกินอย่างว่าง่าย แต่ดื้อเรื่องที่จะไปหาหมอ
"แต่ถ้าอักเสบ...”
“เดี๋ยวเขาจะไปเที่ยวกันแล้ว เราไปขึ้นรถกันดีกว่าครับ”
พสุถอนใจเฮือก ดูท่าริวคงไม่ยอมไปหาหมอง่ายๆ แน่ พอออกมาจากห้อง ก็พบว่ากระเป๋าของตะวันกับธีรดลมาวางรออยู่ในห้องรับแขกแล้ว เหลือแต่ของกรเวชและไวยากรณ์ที่ตะวันกับธีรดลแทบต้องลากออกมาจากห้องทั้งคนทั้งกระเป๋าเพราะต่างยังเมาค้างจนลุกไม่ขึ้น
เมื่อลากกันออกมาข้างนอกบ้านได้ ก็พบว่ารถตู้มารออยู่ก่อนแล้ว ตะวันกับธีรดลช่วยกันยกกระเป๋าของทุกคนขึ้นรถ ขณะที่พสุคอยต้อนคนเมาค้างและคนเจ็บแขนขึ้นไปนั่งบนรถเช่นกัน
เสียงไวยากรณ์บ่นออดๆ ว่าปวดหัวจนไม่อยากเที่ยวไหนแล้ว แต่มติของส่วนรวมที่จะเที่ยวปิดท้ายทริปก่อนขึ้นเครื่องกลับไปโซลทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้าโวยวาย
แม้การมาเที่ยวครั้งนี้จะได้เที่ยวเพียงน้อยนิด แค่ได้ดูวิวทะเลสวยๆ ตอนที่รถแล่นไปตามถนนเลียบทะเล และสองข้างทางที่มีแต่ดอกไม้สีเหลืองสดใสจากสนามบินมายังรีสอร์ท แต่ก็นับว่าคุ้มค่าหากเทียบกับเวลาเพียงวันเดียวที่พวกเขามี ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ว่าตารางงานของคิสมีแน่นแค่ไหน หยุดงาน 1 วัน บริษัทต้องสูญเสียรายได้ไปหลายแสนบาท แล้วยังค่าใช้จ่ายที่มาถึงเกาหลีนี่อีก แต่เขมชาติก็ยังอุตส่าห์พาพวกเขาเที่ยวในฤดูทำงานแบบนี้ ต้องยอมรับในความมีน้ำใจของเขมชาติจริงๆ
พวกเขาแวะเรื่อยรายทาง ตั้งแต่ Mount Songak ที่หาดทรายเป็นสีดำเพราะเกิดจากหินลาวาภูเขาไฟ ที่นี่มีเรือให้บริการดูปะการังด้วยแต่พวกเขาไม่มีเวลามากพอ รถจึงจอดเพียงครู่เดียวก็เดินทางต่อ ก่อนจะได้หยุดแวะชมทุ่ง Repe Seed สีเหลืองกระจ่างกว้างสุดสายตา ทั้งคณะที่มีผู้หญิงมาคนเดียว จึงเพียงแค่ชะลอรถ ขับชมทุ่งสีทองนั้นไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดจะแวะลงไปถ่ายรูปกับทุ่งดอกไม้ แล้วมุ่งตรงไปที่จุดหมายก็คือที่หน้าผาหินลาวาภูเขาไฟ Jusangjeolli เป็นลักษณะลาวาที่ไหลลงทะเลแล้วแข็งตัวกลายเป็นแท่งหิน น้ำในทะเลเป็นสีเขียวมรกตใส
“พี่ไผ่ค้าบ” พสุหันไปตามเสียงเรียกแล้วยิ้มทันทีโดยอัตโนมัติ ริวถ่ายรูปเขาไว้แทบทุกอิริยาบถ ก่อนที่พสุจะถ่ายรูปให้เด็กหนุ่มบ้าง ริวหันซ้ายหันขวา แล้ววิ่งเอามือถือไปยื่นให้ธีรดล ก่อนจะวิ่งกลับมากอดไหล่พสุเพื่อแอ็คท่าถ่ายคู่กัน
ก่อนขึ้นรถ ทุกคนถูกเรียกให้มาถ่ายรูปหมู่ด้วยกัน รวมทั้งไวยากรณ์และกรเวชที่โซเซมาเข้ากล้องด้วยสภาพเหมือนภาพถ่ายติดวิญญาณไม่มีผิด เรียกเสียงฮาให้ทุกคนยกเว้นเจ้าตัว
ออกจาก Jusangjeolli ก็ไปยังน้ำตก Jeongbang Waterfall เป็นน้ำตกที่ตกลงสู่ทะเลโดยตรง นับเป็น 1 ใน 10 วิวที่สวยที่สุดของเกาะเชจู โดยเฉพาะถ้ามองมาจากทะเล
หลังจากหยุดชมความงามของน้ำตกและแอ็คท่าถ่ายรูปกันสนุกสนาน ก็เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้าย นั่นก็คือถนนซากุระ ซึ่งกำลังมีการจัดงานเฉลิมฉลองกัน แต่เนื่องจากหลายคนบ่นเบื่อรถเยอะ คนเยอะ ก็เลยแวะพักกันที่ Stadium Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะ มีรถนักท่องเที่ยวจอดอยู่หลายคัน ทั้งสองฝั่งถนนและในสวนเต็มไปด้วยต้นซากุระที่กำลังออกดอกสะพรั่ง แน่นอนว่าคราวนี้ก็ไปแอ็คท่าถ่ายรูปกับต้นซากุระกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ทรงเผ่าหรือเขมชาติ
ไวยากรณ์กับกรเวชที่เพิ่งฟื้นจากอาการเมาค้าง จึงได้มีภาพถ่ายที่หน้าตาดูคล้ายๆ มนุษย์ไว้เป็นที่ระลึกการมาเที่ยวเชจูในครั้งนี้บ้าง ก่อนที่จะโบกมืออำลาเกาะเชจูไปสนามบิน Jeju เพื่อขึ้นเครื่องไปโซล ซึ่งกว่าจะถึงโซลก็ราว 2 ทุ่มกว่าๆ แล้ว เขมชาติเช็คไฟล์ทแล้วก็ให้ทุกคนพักผ่อนตามสบายเพื่อรอเวลาเดินทางกลับกรุงเทพ
..................................
-
:z13:จึ้ก
พี่ไผ่น้องริว จะได้กลับไปกินมาม่าที่ไทยแระ เอิ้กๆ :laugh:
-
พี่ไผ่คิดแค่ฝัน
แต่หนูริวรับกำไรไปเต็มๆ
เชียร์ริวรีบศึกษาวิธีกดพี่ไผ่ให้ได้เร็วๆ
ฮิ้ววววววววววววว :mc4:
-
เนียนมาก.......ทำไมไม่เปิดเผยความในใจกันซักทีน๊าาาาาา
-
...ไม่ทันใจคนอ่าน ลุ้นเหนื่อย :serius2:
+1
-
อ่อยยยย น้องริว งื๊ออออ
-
น้องริวได้แต่เก็บความจริงที่เกิดขึ้นไว้ในใจ
-
:sad4: พี่ไผ่จำไม่ได้ แต่งี้ก็ดีเหมือนกันกลัวพี่ไผ่จะเข้าหน้าน้องไม่ติด
แค่นี้ก็หน้าร้อนหลายรอบแล้ว แต่ไงพี่ซื่อบื่้องี้เนีย
เชียร์น้องริวหาวิธีจับกดพี่ให้ได้เลย ริวสู้ๆ
-
หึหึ
เมาค้างกันใหญ่ๆๆ
ริวเนียนได้อีก... เนียนแล้วได้กำไรก็คุ้มนะเออ :impress2:
-
ริวเนียนมาก ดูซื่อๆ แต่แอบร้ายนะเนี่ย
พี่ไผ่ดูไม่ออกเลย :jul3: :jul3:
-
จะกลับเมืองไทยกันแล้ววววววววววววววววววววววววววว
-
"แต่วันนี้พสุกลับรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นเขาที่ถูกปลอบ"
ประโยคนี้ทำให้คิดได้ว่า พี่ไผ่น่าจะเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่า "รับ" ฮ่าๆๆๆๆ
น้องริวทำตัวปกติได้น่าหมั่นไส้มาก!!!!
พี่ไผ่จับไม่ได้เลยนะว่าเมื่อคืนน่ะของจริง
งื้อออ กลับไทยจะมีอะไรมาเซอไพร์ส ป่ะเนี่ย
พี่ไผ่กับน้องริวกำลังน่ารักเลยอ้ะ
><
-
เนียนเนอะริว :laugh:
ไผ่รีบพาริวไปตรวจเร็วๆนะ เห็นแล้วเจ็บแทนอ่ะ ริวต้องปวดมากแน่ๆ :serius2:
-
พี่ไผ่จ๋า
มันคือความจริงเน้อ ไม่ใช่ความฝัน
ริว
ไปหาหมอเถอะนะ
ให้หมอดูแขนหน่อย
เค้ากลัว
:sad4:
-
โรแมนติกขนาดเลียหน้ากันเลย คิดดู๊ อิอิ
พี่ไผ่ ไม่ว่องไวเลย เดี๋ยวไม่ทันริวมันน๊า
-
ริวเก่งจัง ทำลายหลักฐานซะเกลี้ยง ทำเอาพี่ไผ่คิดว่าฝันไป 5555
-
ความรู้สึกค่อย ๆ ซึม เข้ามาทีละนิด
-
น้องริวเนียนซะไม่มีสงสัยนับวันรอกดพี่ไผ่แน่ๆ
-
มีความสุขจังเลยรักกันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :กอด1:
-
เดี๋ยวนี้ริวชักเจ้าเล่ห์นะ
พี่ไผ่ระวังตามน้องไม่ทันนะ
-
บางขณะที่วิญญาณวัยรุ่นเข้าสิง อิฉันก็รู้สึกหงุดหงิด
ที่พี่ไผ่กับน้องริวไปไม่ถึงไหนกันซะที ช้าาาาาาจั๊ง
แต่พอวิญญาณวัยรุ่นออกจากร่างก็ให้คิดได้ว่า อืม..ดีเหมือนกัน
ค่อยๆซึมทีละนิดๆ ความรักความรู้สึกนี้จะได้แนบแน่นติดตรึงถาวร ไม่คลอนแคลน
(เอิ่ม.. แต่ก็อยากเห็นอยากรับรู้ คู่นี้รักกันแบบคนรักไวไวเจ้าค่ะ)
-
พี่ไผ่ ไม่ต้องไปหาหมอหรอก ถามริวซิว่าพี่เป็นอะไร 555
-
:mc4: ดีใจจัง ไม่มีมาม่า
พี่ไผ่ดันคิดว่าฝันไป แถมยังรู้เรื่องที่คิดไปเองว่าริวชอบยัยนักร้องนั่น
ริวรุกเยอะๆเลยน่ะ เดี๋ยวพี่ก็รู้ใจตัวเองแล้วล่ะ
ดีจังได้กลับมาไทยซะที
กลับมาหวานกันที่ไทยต่อน่ะ
ปล. อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึง พี่ น้อง คู่หนึ่ง
เราว่ามีกลิ่นอายของทั้งคู่อยู่
-
เข้ามาหากำลังใจ......ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นาค้าบ :pig4:
กะลังปั่นตอนจบ(มั๊ง??)...หลังจาก เพิ่งเขียน NC เสร็จไปหมาดๆ :เฮ้อ:ฟู่วววว เล่นเอาปาดเหงื่อ
การเขียน NC เป็นอะไรที่เปลืองพลัง(หื่น)มากมาย
พอมาย้อนดูเนื้อเรื่องทั้งหมด...จ๊ากกกกก :a5: เขียนยาวเยี่ยงนี้เชียวหรือ
เพิ่งเคยเขียนนิยายยาวๆขนาดนี้เป็นครั้งแรก 555
อย่างที่เคยบอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าแนวนี้ไม่เคยเขียนมาก่อน
หากมันอืดๆ เอื่อยๆ เรื่อยๆมาเรียงๆมากไป ก็ขออำภัยนะค้าบ
ส่วนโครงการเรื่องต่อไป...อืม.....ถามคนอ่านดีกว่าเนาะ
ถ้าเป็นแนว เหนือธรรมชาติ จะอ่านกันมะค้าบ
เข้ามาถามความเห็นดู เพราะยังไงก็จะเขียน(แล้วจะถามเพื่อ? :z6:) แหะๆ ล้อเล่นนนนน
อยากอ่านแนวไหน ลองนำเหนอกันดูนะค้าบ เผื่อพล๊อตที่คิดไว้จะตรงใจคนอ่านบ้าง
-
เป็นกำลังใจให้ปั่นต่อค่ะ
-
มัวแต่กลัวจะมองหน้ากันไม่ติด
แล้วเมื่อไหร่จะได้รักกันซะทีคะ?
พี่ไผ่ หนูริว
-
หนูริวชักเจ้าเล่ใหญ่แล้วนะลูกอย่างงี้พี่ไผ่จะไปไหนรอด :z1:
:pig4: คะ
-
พี่เป็นคนใส่...น้องเป็นคนดมอิอิ
:impress2:
-
ใจนึงก็โล่งอก..อีกใจนึงก็เสียดายที่พี่ไผ่จำไม่ได้ o6
แต่ตอนนี้หวานมากค่ะ :-[
ขอให้ได้กดพี่ไผ่เร็ว ๆ นะนู๋ริว ป้าเอาใจช่วย อิอิ o3
เลิฟ ๆ ไรเตอร์ :give2:
-
เขียน เอ็นซีจบแล้วววววว :z1:
แล้วจะมาลงเมื่อไรนะ ,, อยากอ่าน!!!
นึกอยากให้เรื่องไปเรื่อยๆ ไม่ต้อบจบ
น้องริวกับพี่ไผ่อยู่อย่างงี้ น่ารักมาก
อ่านแล้วมีความสุขค่ะ :L2:
^^
-
ไผ่รุกเลย
รอริวไม่ได้น้องกลัวไผ่โกรธ
-
แนวเหนือธรรมชาติก็อ่านค่ะ ยิ่งอยากอ่านเลย มะค่อยมี :o8:
เคยอ่านของคุณสาเกปะหว่า ที่พระเอกเปนหมอผีอะค่ะ พี่ขรรค์ เท่มากกกกกกกกก :-[
ว่าแต่มะไหร่จะเปิดใจกันซะทีน้าคู่นี้ ลุ้นจนเหนื่อยแระ :laugh:
-
อ่านตอนนี้แล้วอยากเป็นวัยรุ่นจริงๆ
พี่ไผ่น้องริวช้ากันไปไหนไม่ทันใจคนอ่านเลย
แต่น้องริวเริ่มรู้จักอาการเนียนแล้วน่ะ
แหมทำเป็นไม่รู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องจริงๆหว่า
:กอด1: :L2: :pig4:
-
กลับมาสักที ไปอยู่โน้นานๆๆ คิดถึง คิดตึงงงงง
-
ชอบน้องริวกะพี่ไผ่จังอ่ะ :impress2: :impress2:
-
ใกล้จะรู้ความรู้สึกของหัวใจตัวเองแล้ว .. (หรือเปล่าหว่า//? อิอิ) :กอด1:
-
ตอนนี้น่ารักมาก ริวอ้อนพี่ไผ่ทำเนียนเดี๋ยวกอด เดี๋ยวกอด
แหม ขนาดเลียหน้าอย่างนี้ ริวนี่รักพี่ไผ่มากเลย
ชอบจังตอนริวโดนไผ่หยิกแก้ม พี่ยังไม่โอ๋ริวเลย
น้องริวน่ารักที่สุดเลย
-
:กอด1: อยากจะบอกว่ากำลังตามอ่านทางมือถืออยู่ :monkeysad:
ชอบมากๆๆๆเลย ริวน่ารักตลอดเลยล่ะ :-[
อยากได้น้องชายอย่างนี้จัง :o8:
-
หนูริวจ๋า~ จะน่ารักไปถึงไหนคะเนี่ย
กรี๊ดดดดด น้องหมาริว มีเลียหน้าเจ้าของด้วย คึคึ
ส่วนพี่ไผ่ เย้! ในที่สุดก็หายเข้าใจผิดซะที ดีใจสุดๆ ฮิ้วๆ
จะกลับไทยแล้ว ฮ่า ฮ่า กลับไปหวานกันต่อที่ไทยนะคะ
หวังว่าคงไม่มีมารผจญมาขัดขวางทั้งคู่อีกนะ
เมื่อไหร่ พี่ไผ่จะรู้ตัวคะ ว่าหลงรักหนูริวไปแล้ว วู้ววววว~
-
อ่า~พี่ไผ่ยังคิดว่าเป็นความฝันอยู่อีก
แล้วเมื่อไหร่จะรู้ใจกันซักทีน๊า
แต่พี่ไผ่เริ่มมีความรู้สึกแปลก ๆ แล้วนะ
รู้สึกใจเต้นแรง เขินเวลาริวมาใกล้ ๆ
พี่ไผ่รีบ ๆ รู้ใจตัวเองซักทีน๊า
-
เสพติดเรื่องนี้ อยากอ่านอีก ๆๆๆๆๆ พี่ไผ่ๆๆๆๆ น้องริว ๆๆๆๆ :call:
-
พี่ไผ่...หวั่นไหวแล้วสินะ ริวสู้ๆ
ปล.อ่านไปอ่านมาชักงง ตกลงใคร'รุก'กันแน่
-
อ่านหมดค่ะ มีเท่าไรก็อ่าน ไม่มียั่นจ้ะ :laugh:
แต่ก่อนอื่นเลย อยากบอกว่า อยากอ่านเรื่องของไวยกรณ์อ่ะค่ะ
เพราะถ้ามีเรื่องของพี่ไวนี่ ท่าทางจะน่าสนุกนะคะ -..- คงทั้งฮาทั้งมาม่าน่าดู :laugh:
-
เข้ามาหากำลังใจ......ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นาค้าบ
กะลังปั่นตอนจบ(มั๊ง??)...หลังจาก เพิ่งเขียน NC เสร็จไปหมาดๆ เฮ้อฟู่วววว เล่นเอาปาดเหงื่อ
การเขียน NC เป็นอะไรที่เปลืองพลัง(หื่น)มากมาย
พอมาย้อนดูเนื้อเรื่องทั้งหมด...จ๊ากกกกก เขียนยาวเยี่ยงนี้เชียวหรือ
เพิ่งเคยเขียนนิยายยาวๆขนาดนี้เป็นครั้งแรก 555
อย่างที่เคยบอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าแนวนี้ไม่เคยเขียนมาก่อน
หากมันอืดๆ เอื่อยๆ เรื่อยๆมาเรียงๆมากไป ก็ขออำภัยนะค้าบ
ส่วนโครงการเรื่องต่อไป...อืม.....ถามคนอ่านดีกว่าเนาะ
ถ้าเป็นแนว เหนือธรรมชาติ จะอ่านกันมะค้าบ
เข้ามาถามความเห็นดู เพราะยังไงก็จะเขียน(แล้วจะถามเพื่อ? ) แหะๆ ล้อเล่นนนนน
อยากอ่านแนวไหน ลองนำเหนอกันดูนะค้าบ เผื่อพล๊อตที่คิดไว้จะตรงใจคนอ่านบ้าง
แสดงว่าเขียนตอนจบใกล้เสร็จแล้วใช่มั้ยคะ แต่เห็นลงอาทิตย์ละตอนเอง
แถมตอนล่าสุดเนื้อเรื่องยังไม่ไปไหนเลย(พี่ไผ่ยังไม่รู้ใจตัวเอง)
ลงถี่ๆหน่อยก็ดีนะคะ ให้รอเกือบ1อาทิตย์หนูจะขาดใจ :monkeysad: //โดนนักเขียนตบกบาลโทษฐานเรื่องมาก - -"
แนวเหนือธรรมชาติเหรอ อืม..ทำไมเค้านึกถึงละครเรื่องเหนือมนุษย์ของช่อง7หว่า ที่แน่ๆรู้แต่ว่าละครแม่ง...ห่วย (แฟนคลับละครเรื่องนี้อย่าตบเค้านะ)
หรือว่าแนวเหนือธรรมชาติที่ว่าตัวเอกจะเป็นแวมไพร์? พระเอกเป็นฝรั่งเหมือนหนูริวและหน้าคล้ายเอ็ดเวิร์ดสุดหล่อ ชิมิ (เดาเอานะ)
แต่อยากอ่านแนวน้องจับกดพี่อีก 555+
แบบว่าเป็นหนุ่มรุ่นน้องผู้เงียบขรึมมาดนิ่งๆ รักแรงหวงแรง และเจ้าเล่ห์หน้าตาย
คอยหว่านล้อมกับดักสารพัดจนหนุ่มรุ่นพี่ไม่รอด ตกบ่วงรักและเสร็จเจ้าหนูนี่ไปเต็มๆ (ตรูหื่นได้ีอีก -.,-) 5555+
ก็แล้วแต่คนเขียนแหละค้าบบบ เขียนแนวไหนมาก็ได้ ถ้าสนุกก็อ่าน ^^ แต่อย่าเหมือนละครเหนือมนุษย์นะ ="=
จากไปและรอตอนหน้าอีก1อาทิตย์ :z3:
-
ใครว่าริวโกหกไม่เป็นบางนะ เห็นหน้านิ่งๆ พิรุธไม่เปิดเผยหากไม่จำเป็นละมากกว่า
-
:o8: แบบว่า จิ้นพี่ไผ่กะน้องริวไปแล้วอ่ะ :-[
:pig4: :pig4:
-
:-[กีสสสสสสส พี่ไผ่ของนู๋ริว โดนเลียหน้าไป สิวคงไม่ขึ้นเนอะ
เรื่องนี้ถ้ามีการให้เโหวตซีนซึ้งในดวงใจนี่ คงยากมาก เพราะชอบตอนริวไผ่อยู่ด้วยกันเยอะตอนเกิน
ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ว่าจะจบแล้วเหรอ ถ้าจบไปจริงๆ เค้าคงคิดถึงริวไผ่อย่างมากเลย
-
น้องริวดูเป็นคนมากขึ้นก็เพราะพี่ไผ่คนเดียวเลยนะเนี่ยนะ
รอชมตอนต่อไปและเป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
-
ริวโกหกเนียนจริงๆ :laugh3:
-
พี่ไผ่จำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ :เฮ้อ:โล่งใจ หรือ :serius2:เสียดาย ดีหล่ะริว
-
จะเขียนแนวแฟนตาซีเหรอคะ
จะแนวไหนก็จะรออ่านค่าาา
แต่เรื่องนี้ขอหวานนานๆหน่อยได้มั้ยคะ
ถ้าแบบ NC ปุ๊บแล้วจบปั๊บไม่เอาน๊า
ผูกเรื่องไว้ตั้งเยอะ..จบง่ายไปเราจะมาเม้นท์บ่นล่ะคะ
-
ชอบๆ
นู๋ริวเนียนอ่ะ เหอๆ กลายเป็นพี่ไผ่คิดว่าฝันซะงั้น
แต่ไม่เป็นไร อภัยค่ะ เพราะพี่ไผ่หวั่นไหวกะนู๋ริวอย่างแรงงงงงงงงงง
-
นู๋ริวเนียนได้อีกอ่ะ นู๋ยิ่งโตยิ่งแอบเจ้าเล่ส์นะเนี้ย
ยังเฝ้ารอวันที่พี่ไผ่กับน้องริวรักกันแบบคู่ชีวิตต่อไป :-[
-
เรื่องไม่ยาวหรอกค่ะ คนอ่านยังรู้สึกว่าไม่พอเลย อย่ารีบจบนะคะ นู๋ริวยังเตาะแตะอยู่เลย
ขนาดกลับไปอ่านแต่ต้นใหม่ระหว่างรอ ยิ่งอยากให้ต่อมากกว่านี้เลยค่ะ มายาวๆเน้อออ
-
ริวสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13
-
มารอออออทู๊กวัน
แต่ความรักของน้องริวก็คืบหน้าไปทีละ 1 มิลลิเมตร
ไม่ทันใจแม่ยกเล้ยยยย :t3:
-
รอค่าาาาาา
-
:mc4: :mc4: พี่ไผ่เขินน่ารักอ่าาาาาาาาาาาา
ริวรุกเลยๆๆสู้ๆๆๆๆ :กอด1: :กอด1:
-
ส่งกำลังใจให้ป้าไร้ท์เตอร์ค่า
เรื่องต่อไปแนวไหนก็อยากอ่านทั้งนั้นค่ะ ขอแค่ตัวเอกเป็นแนวเดิมนี้ได้ไหม แบ่บว่าๆ คนมันอินอ่ะ แหะๆ :กอด1:
-
เมื่อไหร่พี่ไผ่กับน้องริวจะได้กัน แบบรู้ตัวจริงกันสักทีน๊า
ชอบๆ เรื่องนี้น้องริวๆ น่ารักที่สุดเลย
-
ถ้าพี่ไผ่รู้ว่าของจริง.ไม่ใช่ฝันคงจะเหวอไปเลยคะ...55+
เดี๋ยวนี้หนูริวเค้าปั๊ดตะนาแล้ว...แค่แอ๊บแบ๊วนิดๆหน่อยๆเอง..ไม่ได้โกหกซักหน่อยเนอะ...55+
มาที่เกาหลีแล้วได้เรื่องเยอะมากกกกก....จนคนอ่านหัวหมุนไปหมด...กลับบ้านไปหาคุณแม่ดีที่ซู้ดดดด...^O^
-
เพิ่งตามอ่านทันคร่า~ o13
ใช้เวลาไปสองวันเต็ม ๆ ริวน่ารักมาก ๆ เลยค่ะแทบอยากจะกลับไปอ่านช่วงแรก ๆ ใหม่อีกรอบ(แต่ตาเจ็บแล้ว...จ้องนานไปไม่ดี) :really2:
จะรอตอนหน้านะคะ... :กอด1:ไรเตอร์
-
ปล. อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึง พี่ น้อง คู่หนึ่ง
เราว่ามีกลิ่นอายของทั้งคู่อยู่
คิดถึงพี่น้องคู่นึงเหมือนกัน ไม่รู้คู่เดียวกันป่ะ อิอิ
-
เมื่อไรจะรักกันสักทีล่ะเนี่ย :เฮ้อ:
-
มาเฝ้ารอน้องริว อยากบอกว่าคิดถึงมาก
อ่านแล้วอยากอ่านอีก หลงรักน้องริวมากเลย
เมื่อไหร่จะให้พี่ไผ่รับรู้ความรู้สึกของน้องริวและตัวเองสักที
รอลุ้นอยู่นะ
-
น้องริวอยู่หนายยยยยยยย
เมื่อไหร่จะให้มาชื่นจายจ๊ะ
-
:monkeysad:
มาเถอะนะน้องริวววว
:กอด1:
-
ปล. อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึง พี่ น้อง คู่หนึ่ง
เราว่ามีกลิ่นอายของทั้งคู่อยู่
คิดถึงพี่น้องคู่นึงเหมือนกัน ไม่รู้คู่เดียวกันป่ะ อิอิ
เรื่องไรอ่ะคะ?...เผื่อจะตามไปอ่าน
เข้ามารอน้องริวกับพี่ไผ่นะคะ...ยังรออ่านอยู่(ได้แต่เปิดเข้ามาทุกชั่วโมง) :t3:
-
อยากอ่านแล้ว อยากอ่านแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
มาเฝ้าน้องริวค่ะ :call:
-
เข้ามารอหนูริว(จอมหื่น)จับพี่ไผ่กดคร่าาาา >,.<
-
โอม... :call: จงลงๆๆๆๆ :amen:
-
^
^
^
555555555555555555+
-
โอม... :call: จงลงๆๆๆๆ :amen:
:call::call:
-
อัพเหอะคร่า~ o1
-
:call: :call: :oni3:
-
ก็อกๆๆๆ คนแปะขาาาาา
คนอ่านกำลังจะลงแดงแล้วน้าา
คิดถึงพี่ไผ่ น้องริว
-
มาแย๊ววววววววววววววว
แหมมมปร้าไรท์เตอร์ถึงกะจุดธูปเรียกเลยหร๋าา
ดีใจจัง
:o8:
ตอนที่ 66
กลับมายังไม่ทันได้พักให้หายเหนื่อยทุกคนก็เข้าประชุมกันต่อทันทีเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดคอนเสิร์ต เนื่องจากคิวของสาวๆ MG นั้นบังคับเวลาเอาไว้ จึงเหลือเวลาเตรียมการสำหรับคอนเสิร์ตไม่ถึงสองเดือน ซึ่งถือว่าน้อยมาก เพราะเอ็มวีที่ไปถ่ายกับ 5 สาวยังตัดต่อไม่เสร็จ แล้วยังงานในส่วนอื่นๆอีกทุกฝ่ายจึงเร่งลุยงานในส่วนของตัวเองอย่างเต็มที่
เอ็มวีของพสุกับตะวันที่ออกอากาศไปก่อนที่คิสมีจะเดินทางไปเกาหลี ปลุกกระแสคิสมีให้กลับมากระหึ่มอีกครั้งและด้วยละครของริวที่ออกอากาศตามมาติดๆ ทำให้กระแสของคิสมียังคงแรงต่อเนื่อง
ผู้จัดละครหลายคนพยายามติดต่อให้ริวไปเล่นละคร แต่เด็กหนุ่มปฏิเสธทั้งหมดโดยไม่ดูบท ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาต้องทำงานเพลงให้ทันกับคอนเสิร์ตใหญ่ แม้จะไม่พอใจ แต่เหตุผลที่ริวยกมาอ้างก็มีน้ำหนักพอจะทำให้คนไม่พอใจไม่กล้าโวยวายอะไรมากนัก
วันนี้เป็นการประชุมใหญ่ประจำสัปดาห์เพื่อสรุปงานของแต่ละแผนก รวมถึงทั้ง 5 หนุ่มก็ต้องเข้าร่วมประชุมด้วย
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป พสุก็รู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรที่พุ่งตรงมาหา ชายหนุ่มกวาดตาไปรอบห้องประชุมแล้วชะงักเมื่อพบว่านอกจากทีมงานทุกแผนกแล้ว ยังมีทีมงานจากเกาหลีเข้าร่วมประชุมด้วยรวมถึงเจ้าของสายตาไม่เป็นมิตร...ลี ชินกี...
“หมอนี่มาทำไม...” ไวยากรณ์ที่เดินนำหน้าสุดบ่นเบาๆ แค่ก็พอให้คนที่เดินตามมาได้ยิน ริวที่เดินตามหลังพสุมาติดๆก็พลอยชะงักไปด้วยเมื่อเห็น ลี ชินกี เด็กหนุ่มมองผ่านแวบเดียวแล้วก็เลิกสนใจ เข้านั่งประจำที่ข้างๆ พสุ
“ขอต้อนรับทีมงานจากเกาหลีทุกท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ ทางเรายินดีมาก....................” เขมชาติลุกขึ้นกล่าวต้อนรับทีมงานจากเกาหลี รวมถึงชี้แจงเรื่องที่ทีมงานจากเกาหลีจะเข้ามาช่วยในส่วนของการจัดคอนเสิร์ตที่กำลังจะมาถึง
ตลอดเวลาที่เขมชาติทักทายทีมงานเกาหลีทุกคน ลี ชินกี ก็เอาแต่จ้องมองริวตาเขม็ง จนทุกคนเหลือบมองหน้ากันอย่างอึดอัดใจ ยกเว้นเจ้าตัว เพราะริวไม่ได้ใส่ใจใครทั้งสิ้น เด็กหนุ่มอ่านตารางงานแล้วหันไปถามพสุเบาๆ เวลาที่มีข้อข้องใจ พสุก็อธิบายเพียงสั้นๆ เพื่อไม่ให้เสียมารยาทกับเขมชาติ
หลังจากนั้นก็เป็นการแนะนำตัวของทีมงานเกาหลี ว่าใครจะมาทำหน้าที่อะไรซึ่งทางทีมงานไทยก็แนะนำตัวบุคคลที่จะประสานงานด้วยทันที
“แล้วมิสเตอร์ลีล่ะ มาทำหน้าที่อะไรไม่ทราบ” ไวยากรณ์ถามโพล่งขึ้นมา เล่นเอาห้องประชุมเงียบกริบไปชั่วขณะ ธีรดลหันไปสบตาตะวันแล้วทำปากขมุบขมิบเป็นเชิงให้ตะวันห้ามไวยากรณ์ แต่ตะวันกลับนั่งมองเฉย
“...ผมมาเที่ยว และเยี่ยมชมบริษัทของคุณเขมชาติ...ไม่ได้เหรอ?” ลี ชินกีตอบแล้วไหวไหล่ด้วยสีหน้ากวนๆ
“ผมเพิ่งรู้แค่คนมาเที่ยวก็ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องประชุมได้ด้วย กติกาห้ามคนไม่เกี่ยวข้องเข้าห้องประชุมยกเลิกไปตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับคุณเขม ทำไมผมไม่เห็นรู้ ถ้ารู้จะได้ขน อากง อาม่า ปาป๊า มาม๊า เข้ามาเยี่ยมชมบริษัทคุณเขมมั่ง”
“ไวย์/นายไวย์” พสุกับกรเวชปรามไวยากรณ์ออกมาเกือบจะพร้อมๆกัน
“ผมพูดไรผิด?” ไวยากรณ์หันไปถามทุกคนเสียงซื่อ แต่แววตาวาววับจับจ้องลีชินกีอย่างไม่เป็นมิตรเห็นได้ชัดเจน
“เอ่อ...ยังไงมิสเตอร์ลี ก็เคยเข้ามาดูแลโปรเจคนี้ตอนที่เราไปทำงานที่เกาหลี ผมก็เลยให้เข้ามาฟังด้วยกัน” เขมชาติตอบอย่างประนีประนอม
“แต่ตอนนี้เขาไม่เกี่ยวข้องแล้วนี่ครับ” ไวยากรณ์ยังไม่เลิกข้องใจ ลี ชินกี เหยียดยิ้ม แล้วผุดลุกขึ้น
“ถูกของเขา ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร งั้นก็ขอตัวไปเยี่ยมชมบริษัทก็แล้วกันนะครับคุณเขมชาติ ว่าแต่จะเป็นอะไรไหมถ้าอยากจะขอให้เกรสันช่วยพาผมชมรอบๆ บริษัทสักหน่อย”
ริวที่นั่งฟังเงียบๆ มาตลอดเหลือบสายตาไปมองหน้าลี ชินกีเป็นครั้งแรก แล้วก็หันกลับมาอ่านเอกสารในมือต่อเพราะหมดความสนใจเพียงแค่นั้น ส่วนพสุก็เพียงหันไปมองชินกีนิ่งๆ และอีกฝ่ายก็ส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาอย่างเต็มที่
“ถ้ามิสเตอร์ลีอยากได้คนพาเยี่ยมชมบริษัท ผมขอเชิญทางนี้เลยครับ แผนกต้อนรับคงให้ข้อมูลได้ดีกว่าริว” กรเวชรับหน้าแทนก่อนที่ริวจะลุกขึ้นมาเหวี่ยงอีกคน เพราะลำพังไวยากรณ์นี่เขาก็ปวดหัวแล้ว
ลี ชินกี ละสายตาจากพสุเหลือบไปมองหน้าริวเล็กน้อย ก่อนจะยอมออกไปจากห้องเงียบๆ โดยมีกรเวชเดินตามออกไปเรียกหัวหน้าแผนกต้อนรับข้างนอกให้ตามไปดูแลชินกี
พอชินกีออกไปจากห้องประชุม บรรยากาศเครียดๆ ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว เมื่อทีมงานเกาหลีหันมาคุยกับทีมงานของไทยจ้อ รวมถึงซาวด์เอ็นจิเนียร์ของเกาหลีที่เคยทำงานกับทรงเผ่ามาแล้ว ทั้งคู่จึงสนทนากันติดพันโดยที่แทบไม่ได้สนใจบรรยากาศชวนเครียดก่อนหน้านั้น ทางทีมงานเกาหลีนำเอ็มวีเพลงที่ตัดต่อเรียบร้อยแล้วมาเปิดให้ชมกันเป็นเพลงรวมของสองวง
“ริว...ทำหน้าดีๆ หน่อย” พสุอดกระซิบเตือนไม่ได้เมื่อเห็นริวทำหน้าเรียบติดจะบึ้งขณะจ้องมองดูเอ็มวีเพลงรวมที่มีฉากเต้นสุดเซ็กซี่ของโคเยจี
“...ขอโทษครับ” ริวสูดหายใจลึก ทำเป็นไม่เห็นสายตาล้อเลียนของผู้ร่วมงานที่ต่างชำเลืองมองมาที่เขาเมื่อโคเยจีลูบมือลึกลงไปในเสื้อของริวและจบด้วยฉากที่เธอจูบแก้มเขา
เอ็มวีเพลงของไวยากรณ์ถูกเปิดออกมาเป็นเพลงที่สอง ริวนั้นถึงกับโล่งอกเมื่อเห็นว่าเพลงรวมที่มีฉากเต้นสุดเซ็กซี่ของโคเยจีนั้นเทียบไม่ได้เลยกับเพลงที่ 5 สาวเล่นกับไวยากรณ์ด้วยลีลาที่เรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นฉากเลิฟซีน ทำให้เด็กหนุ่มคลายความหงุดหงิดไปได้บ้าง
และเมื่อถึงเพลงเดี่ยวของริว ก็พบว่าผู้กำกับเน้นถ่ายแต่ริวเป็นหลัก โดยที่ทั้ง 5 สาวนั้นถูกเลือกถ่ายแต่มุมของมือ ตา ปาก หรือปลายจมูกเท่านั้น เพื่อให้ภาพออกมาเป็นกึ่งความฝัน
พสุชะงักเมื่อเห็นของที่ริววางไว้บนฝาเปียโน แม้จะเห็นเพียงแวบเดียวชั่วขณะที่มุมกล้องถ่ายผ่านไป แต่มีหรือที่เขาจะจำไม่ได้ ในเมื่อครั้งหนึ่งเขาเคยใส่ของสิ่งนี้ติดตัวอยู่ตลอด
“ริว...เอาพระไปเข้าฉากด้วยทำไม?” พสุกระซิบถามริวทันที เพราะทนเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ที่เห็นริวถอดพระองค์เล็กจากสร้อยที่เขาเคยให้เด็กหนุ่มไว้ เอาไปเข้าฉากในเอ็มวีด้วย
“ก็ผู้กำกับเขาบอกให้ริวนึกถึงคนที่รัก หรือสิ่งที่รักนี่นา” ริวชะโงกมากระซิบข้างๆ หูพสุ แล้วถอยออกห่างทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้คนฟังนั่งนิ่งงันไปชั่วขณะ
หลังจากเอ็มวีเพลงเดี่ยวของริวจบลง ทีมงานทุกคนก็ปรบมือกันเกรียวให้กับฝีมือการทำเอ็มวีของทีมเกาหลี ทั้ง 3 เพลงแต่งเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้สะดวกในการโปรโมททั้งที่เมืองไทยและที่เกาหลี
เขมชาติจึงให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ปล่อยเอ็มวีทั้งสามเพลงในคืนวันนี้ รวมถึงตัดเป็นคลิปสั้นๆ แทรกโปรโมทในรายการบันเทิงช่วงกลางวันควบคู่ไปกับการเปิดให้จองบัตรคอนเสิร์ตของคิสมีโดยมีแขกรับเชิญคือวง MG จากเกาหลี
หลังการประชุม เขมชาติก็เชิญทีมงานเกาหลีไปทานข้าวด้วยกัน ขณะที่ 5 หนุ่มต้องเตรียมไปอัดรายการต่อ
“ไปเร็ว เดี๋ยวจะเลยเวลานัด” กรเวชหันมาเร่งทั้ง 5 หนุ่มให้รีบขึ้นรถเพราะการประชุมกินเวลามากกว่าที่คิด ความจริงเขาก็โทรไปขอเลื่อนเวลากับทางรายการไว้แล้ว
“ขอผมไปดูเขาอัดรายการด้วยคน”
ไม่เพียงกรเวชที่หันไปมอง ทุกคนในวงคิสมีก็หันไปมองเจ้าของคำขอที่ดูเหมือนจะไม่รอคำตอบ ลี ชินกี เบียดแทรกกรเวชขึ้นไปนั่งเบาะข้างประตู แถวเดียวกับริวและพสุเพียงแต่คนละฝั่งเท่านั้น
กรเวชเม้มปากด้วยความไม่พอใจ แต่ก็เกรงใจที่อีกฝ่ายมาในนามของทีมงานเกาหลี อีกอย่างเรื่องที่ไวยากรณ์ฉีกหน้าชินกีกลางห้องประชุมแล้วชินกีก็ยอมถอยให้ยังค้ำคออยู่ จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งข้างคนขับเพื่อไปให้ทันเวลาอัดรายการ
“พี่ๆฟังเพลงนี้...” ริวบอกพสุเบาๆ พลางยัดหูฟังข้างหนึ่งใส่หูพสุ แต่แทนที่จะใส่ให้พสุด้านที่ติดกับตนเอง ริวกลับไปใส่หูของพสุอีกด้าน ทำให้ต้องเอียงศีรษะเข้าไปจนเกือบชิดกับศีรษะของพสุ
กรเวชเหลือบมองกิริยาของเด็กหนุ่มแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ พสุเสียอีกที่เป็นฝ่ายอึดอัดเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาของ กรเวชและ ลี ชินกี
“ฟังแล้วสะดุดๆ ไงไม่รู้พี่” ริวบ่นงึมงำ ตอนแรกพสุก็จะดึงหูฟังออกเปลี่ยนมาใส่อีกด้านเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างเขากับริวอีกสักนิด แต่ริวพูดเรื่องเพลงขึ้นมาเสียก่อน ชายหนุ่มก็เลยมัวแต่ตั้งใจฟัง
“ริวสะดุดตรงไหน” ถามย้ำ ขณะที่พยายามจับเสียงดนตรีในเพลงว่าริวสะดุดหูท่อนไหนเป็นพิเศษ
“ท่อนฮุคเพลงนี้มันคุ้นๆ นะพี่”
“อ๋อ...เขาเอามาจากเพลงไทยเดิม...มาดัดแปลงเป็นท่อนฮุค...ก็เพราะดีนะ พี่ว่าเข้ากับเนื้อเพลงที่แต่งใหม่ด้วย”
“ถ้าริวเอาเพลงไทยมาใส่ในเพลงของเราบ้างก็ได้นะสิ” ริวค่อนข้างจะหลงใหลในเครื่องดนตรีไทยมากเป็นพิเศษ แต่เพิ่งรู้ว่าสามารถเอาทำนองเพลงไทยแบบนี้มาใส่ในงานของตัวเองได้
“ได้สิ...ถ้าเป็นทำนองเพลงเก่านะ แต่ถ้าเป็นเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ ก็ต้องดูเรื่องลิขสิทธิ์กันอีกที”
พสุตอบแล้วดึงหูฟังออกคืนให้ริว แต่เด็กหนุ่มไม่ได้ถอยกลับไปพิงพนักของตนเอง แต่อาศัยพิงไหล่พสุแล้วไถตัวเอนลงเหยียดขากึ่งนั่งกึ่งนอน พสุตีหน้านิ่งแม้จะรู้สึกถึงสายตาจับจ้องเขม็งของคนที่นั่งเบาะถัดไป
ลีชินกีจ้องมองภาพความสนิทสนมของคนทั้งคู่ด้วยความไม่พอใจ ชายหนุ่มเหลียวไปมองทุกคนในรถ ก็ไม่เห็นมีใครสนใจ เหมือนเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนชินกันไปแล้ว เขาเสียอีกที่ถูกมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก
พอไปถึงสถานที่อัดรายการ ชินกีก็ถูกทิ้งไว้คนเดียว ขณะที่ทั้ง 5 หนุ่มถูกต้อนไปแต่งหน้าทำผม ผู้ชมในห้องส่งเป็นนักศึกษาจากสถาบันแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะคลั่งไคล้ คิสมีมาก เพราะเสียงกรี๊ดดังจนแทบกลบเสียงพิธีกรตลอดการอัดรายการ เห็นได้ชัดว่าพสุเป็นจุดศูนย์กลางของวง ทุกๆ คนต่างพุ่งความสนใจไปที่เขา แม้แต่ตอนโชว์ร้องเพลงพสุก็ดูโดดเด่นที่สุดบนเวที
จบจากรายการแรก ทุกคนก็รีบขึ้นรถเพื่อไปรายการที่สอง และเหมือนเคย คือริวกับพสุใส่หูฟังนั่งฟังเพลงด้วยกันไปตลอดทาง
รายการนี้เป็นรายการสด ที่คิสมีจะต้องโชว์เพลงใหม่บนเวที และปิดท้ายด้วยเพลงคู่ของพสุกับริว มีตะวันช่วยร้องประสาน
ลี ชินกี ขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย ทั้งที่เพลงนี้เป็นเพลงของริว แล้วเด็กหนุ่มก็เป็นคนแต่งเนื้อร้องและทำนองเอง แต่ดูเหมือนริวจะลดความสำคัญในส่วนของตัวเองลง แล้วร้องประสานให้พสุเสียเป็นส่วนใหญ่ จนพสุโดดเด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ทำไมริวต้องเอาใจพสุขนาดนี้ด้วย...เพื่อคนที่รัก...ริวยอมทำทุกอย่างให้พสุขนาดนี้เชียวหรือ...คงเพราะพสุต้องการแบบนี้ ริวก็เลยต้องยอมทำตาม ยอม...ให้พสุหลอกใช้
ลี ชินกี จ้องมองพสุด้วยสายตารู้เท่าทัน ตลอดชีวิตของเขา ชินกีพบเจอแต่คนแบบนี้ คนที่หลอกใช้คนอื่นเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ใช้ทุกอย่างแม้แต่ความรัก ฉกฉวยหาผลประโยชน์ให้ตนเอง และเขาก็มั่นใจว่าพสุเองก็เป็นเช่นนั้น
พอกลับมาถึงออฟฟิศ ลี ชินกีลงจากรถไปเป็นคนแรก ตามด้วยกรเวช แล้วรถก็เคลื่อนออกไป
“เอ๊ะ! พวกเขาไม่เข้าออฟฟิศกันเหรอ?” ชินกีหันไปถามกรเวชด้วยความสงสัยแกมผิดหวัง เขาคิดว่าริวจะลงมาจะได้หาทางสานสัมพันธ์ต่อ ชินกีตั้งใจจะชวนริวออกไปเที่ยวด้วยกัน เพราะโดยมารยาทแล้วริวต้องไม่กล้าปฏิเสธเขาแน่นอน
“ก็เสร็จงานแล้ว เขาก็ต้องกลับไปพักผ่อนกันสิครับ” กรเวชตอบยิ้มๆ แล้วเดินเข้าไปในออฟฟิศ ชินกีเม้มปากแน่นก่อนจะเดินตามกรเวชเข้าไป
“พวกเขาพักที่ไหน” ชินกีถามเสียงแข็งอย่างคนที่อยู่เหนือกว่า เพราะแค่ผู้ดูแลศิลปิน ถ้าเทียบกับซาวด์เอ็นจิเนียร์อย่างเขามันคนละระดับ แต่ชินกีลืมคิดไปว่าที่นี่เมืองไทย และกรเวชก็ไม่ใช่คนของบริษัท JKG ที่จะต้องยำเกรงกับตำแหน่งของชินกี
“บ้าน” กรเวชตอบเสียงห้วนคืน แล้วเดินหนีแต่ลี ชินกีเดินมาดักหน้า
“นั่นแหละที่ไหน...ผมมีเรื่องอยากคุยกับริว” ประโยคหลังชินกีลดระดับความกระด้างของเสียงลง เพราะเพิ่งสำนึกว่ากรเวชไม่ใช่ลูกน้องบริษัทเดียวกัน
“ไม่ใช่หน้าที่ที่ผมควรจะตอบ” กรเวชตอบเสียงเรียบ แต่สีหน้าเอือมระอาอย่างเห็นได้ชัดจนชินกีโมโห
“ผมจะคุยกับเขาเรื่องงาน คุณมันก็แค่ผู้จัดการไม่มีสิทธิ์มาขัดขวางไม่ให้ผมคุยกับเขา” ชินกีตะคอกกรเวชเสียงดังจนพนักงานที่อยู่ห้องข้างๆ ชะโงกออกมามอง แต่คนอย่างชินกีไม่สนสายตาใครอยู่แล้ว กรเวชเสียอีกที่หน้าชาด้วยความอายและโกรธ ขนาดเขมชาติยังไม่เคยตะคอกเขาแล้วหมอนี่เป็นใครถึงมาตะคอกใส่เหมือนเขาเป็นข้ารองมือรองเท้า
“...งั้นก็ได้ครับ” กรเวชตอบแล้วทำท่าค้นๆ ในกระเป๋าหยิบมือถือออกมากดๆ หาบางอย่าง ลี ชินกียิ้มหยันมุมปากเพราะคิดว่ากรเวชกำลังหาเบอร์ของริวให้เขา
“อืม...พรุ่งนี้ริวจะเข้าออฟฟิศบ่ายโมง เพื่อเช็คงานกับคุณทรงเผ่า ถ้าอยากคุยเรื่องงานเชิญได้เลยนะครับ”
“ผมต้องการคุยตอนนี้!” ชินกีตะคอกซ้ำอย่างเกรี้ยวโกรธ เพียงแต่คราวนี้เสียงเขาไม่ได้เรียกให้คนสนใจเหมือนครั้งแรก
กรเวชเก็บมือถือแล้วยิ้มกว้างด้วยสีหน้าจริงใจสุดๆ
“เวลานี้...เป็นเวลาพักผ่อนไม่ใช่เวลางาน แล้วผมก็เป็นแค่ผู้จัดการอย่างที่คุณว่า ไม่ใช่พ่อแม่เขาจะได้เรียกให้เขาออกมาหานอกเวลางาน...ถ้าอยากคุยเรื่องงาน ก็เชิญพบเวลางานนะครับ” กรเวชยักคิ้วให้ ลีชินกีแล้วจะเดินหนี แต่อีกฝ่ายขยับไปขวางหน้าแล้วหรี่ตามองนิ่งๆ
“ถ้าผมมีค่าเสียเวลาให้คุณล่ะ พอจะเรียกเขาออกมาได้ไหม”
“โอ้ ลงทุนจริงๆ...ถ้าเงินคุณเยอะจนกินใช้ไม่หมด ผมแนะนำให้ไปทำบุญนะครับ เมืองไทยมีวัดเป็นหมื่น โบสถ์ก็เยอะ มัสยิดก็มาก เลือกเอาสักศาสนาก็น่าจะดี หรือถ้าเข้าวัดแล้วร้อน จะไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์แก้เซ็งก็ได้นะ”
ลี ชินกีเม้มปากแน่น เขาไม่เข้าใจหรอกว่า เข้าวัดแล้วร้อนหมายความว่ายังไง แต่ที่แน่ๆ ความหมายมันคงไม่ใช่ในทางที่ดีแน่ๆ
“อย่าคิดว่าจะขวางผมได้นะ”
“เหรอครับ! ว่าแต่ขวางเรื่องอะไรเหรอ?” กรเวชถามหน้าซื่อเหมือนไม่รู้อะไร
“ฮึ! พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ ยังไงริวก็ต้องคุยกับผมอยู่แล้ว ผมมาในฐานะตัวแทนของ JKG ถ้าเขาจะไม่คุยกับผมก็ให้รู้ไป”ลีชินกีตอกหน้ากรเวชแล้วเดินหนีไป
กรเวชหยุดยิ้ม ดวงตาเป็นประกายขุ่นด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะต่อสายหาคนขับรถตู้ของคิสมี
“ประเสริฐเหรอ...ส่งพวกเด็กๆ หรือยัง?...อืม...สั่งยามที่ดูแลบ้านพักด้วย นอกจากพี่เผ่าห้ามปล่อยให้ใครเข้าไปในเขตบ้านพักเด็ดขาด ใครสาระแนปล่อยให้คนอื่นเข้าไปฉันจะไล่มันออกทั้งชุด...จะคนนอกคนในก็ห้ามขาด...ดี...แล้วแกนะประเสริฐ ถ้าใครมาถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องเด็กๆ ห้ามหลุดปากอะไรไป ถามอะไรให้ตอบไม่รู้ไม่เห็น โดยเฉพาะเรื่องคิวงาน ไม่ต้องพูดไปเด็ดขาด ไม่งั้นฉันไม่เอาแกไว้แน่...เออ รู้ก็ดีแล้ว ระวังๆ ด้วยล่ะ หมอนี่มันเอาจริงแน่ๆ...ขอบใจนะ”
กรเวชสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะตัดสินใจขึ้นไปห้องทำงานของเขมชาติ
สั่งแต่ลูกน้องคงไม่ปลอดภัยเท่าขอความร่วมมือกับเขมชาติ อีกคน ให้รู้ไปว่าเขาจะกันลี ชินกี ออกจากริวไม่ได้
............................................................
-
เจิมคนแรกครับ :กอด1: :กอด1:
-
โว้ว!! คุณกร ได้ใจมาก กันไว้ให้ดีนะคะ อย่าให้มารังควานกับน้องริวได้
-
เลิศจ๊ะ พี่กรไฟท่วมตัวแล้ว :fire: มีคนมาช่วยริวกับพี่ไผ่ แต่ยังไงหมอนี่คงไม่ธรรมดาแน่ๆ
ขอบคุณไรเตอร์จ้า มาต่อแล้ว ดีใจอ่ะ จุ๊บๆ
-
พี่กรจัดไป น่ารำคาญจริงเค้าไม่มองแล้วยังมายุ่งอยู่ได้
-
ต๊ายอีลีนี้แค้นฝังหุ่นมาก จะต้องเอาให้ได้ใช่มั้ยคะ คนเข้าไม่เล่นด้วยแล้วยังไม่สำเหนียกตัวเองอีก
-
เหมือนจะหาความสงบไม่ได้ซักที
น้องริวจัดการสั่งสอนบ้างเถอะ
ปล่อยคนเลวลอยนวล..รำคาญ
+1
-
ก็ต้องสู้กันต่อไป แต่อยากจะบอกว่า ริวสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13
-
โอ้วว ลี ยังตามมาหลอนได้อีก :serius2: :serius2:
ปล. ค.เดิมตอนที่แล้ว น้องปวดแขนเป็นไข้ ไม่สบายรึป่าว แอบเก็บอาการไว้แน่ๆเลย
-
ไอ้เกาหลีคนนี้น่าจะคันมาก :fire: อยากให้ริวเกาด้วยหมัดซักสองสามดอก :z6:เผื่อจะหายคันบ้าง
พี่กรช่างดูแลรอบครอบ o13ชนะเลิศเลยค่ะ
-
ไอ้นายลีนี่มันใหญ่มาจากไหนวะ
ทำไมน้องริวต้องสนใจแกห๊ะ!!!
ชิส์ อยากกระโดดถีบขาคู่ .. ตอนโผล่มาแรกๆ คิดว่าจะน่ารัก
ทุกคนชินกับอาการของพี่ไผ่และริว ฮ่าๆๆๆ
น่ารักกกก
><
-
ไอ้คุณลีชาติก่อนเป็นปลิงหรอไงฟ่ะ :m16:หน้ารึซีเมนต์เนี้ย
-
:m16: มันจะมากไปแล้วนะ คนเขาไม่ชอบก็ไปตามรังควานเขาอยู่ได้ น่ารำคาญที่สุด ขอสักทีเหอะ :z6:
-
นัง ลิงชินเกิบ นี่ยิ่งกว่าปลิงอีกนะคะ :angry2:
เกาะไม่ปล่อยแบบนี้ ถ้าทั้งไบกอนดีดีทีเอาไม่อยู่ พี่กรก็ต้องจัดการมันให้อยู่นะคะ o18
-
กัดไม่ปล่อยจริงๆ สงสัยถ้ากรเอาไม่อยู่
คงต้องถึงมืออลัน เกาะแน่น เกาะติดยิ่งกว่าปลิงอีก
ตะวันไม่น่าช่วยมันเลย ปล่อยมันโดนรุมไปซ่ะให้หมดเรื่อง :m16: :m16:
-
พี่กรสุดยอด น่ารักสุดๆ ไวย์ตอกกลับได้กวน...มาก
ลีชินกิก็น่าสงสารนะ ดูเป็นคนมีปมในใจเพราะไม่เคยได้รับความรักที่แท้จริง เลยมองโลก
ในแง่ร้ายว่าพสุจะหลอกใช้ริว ริวเต็มใจทำให้เองหรอก
-
ดีมากกร o13
ชั้นเพิ่งมาชอบแกก็ตอนนี้แหละ
-
ลี ชินกี นี่ชักเยอะนะ
ดูจะน่าตาก็ดี ความสามารถก็สูง ทำไมมาวิ่งไล่จับริวอยู่ได้ :angry2:
เค้ารำคาญอิตานี่จังอ่ะ ไรเตอร์ :เฮ้อ:
กลับมามีฉากหวานแค่ใส่หูฟังกะเรื่องสร้อยพระ :กอด1: รอตอนต่อไปอยู่นะ
-
ตัวยุ่งมาแล้ว 1 แล้วจะมีตามมาอีกไหมเนี่ย
-
แค่เรื่องริวกับพสุก็ปวดหัวจะแย่แล้ว...คุณกรคงไม่คิดจะพ่วงชินกีมาเพิ่มอีกคนหรอก :laugh:
แต่พี่ไผ่โดนเข้าใจผิดว่าหลอกใช้ริวอย่างนี้...ริวจะแก้ตัวให้พี่ยังไงจ๊ะ :-[
-
เห้อ ลีนี้แรงจริง ๆ
-
:laugh: สะใจมากพี่กรเจ๋งสุดๆ
จัดการลีเลยค่ะ เอาให้เข้าหน้าไม่ติด ลากลับประเทศไปเลย
น้องริวก็สู้ๆนะจัดการพี่ไผ่ให้ได้ เอาใจช่วย
-
น้องริวผู้ช่วยเพียบ หายห่วง :laugh:
:pig4:คะ
-
ชินกี!!!!!!!!!!!! :angry2:
ชั้นหลงเชียร์แกกับพี่ตะวันได้ไงเนี่ย :serius2:
ไม่เอาแล้ว ๆ :z3:
เมื่อไหร่จะมีฉากหวาน ๆ ของพี่ไผ่กับนู๋ริวอีกจ๊ะ :-[
รอ สู้ ๆจ้า :กอด1:
:z2:
-
พี่กรหนูรักพี่กรจริงๆน่ะจัดไปหนักไปเลยพี่
รำคาญมานานแล้วตื้ออยู่นั้นแหละพ่อคุณ
ดูไม่ออกเหรอว่าริวไม่ชอบแถมยังเข้าใจ
ไผ่ผิดอีก แต่สะใจสุดก็ต้องไวย์อ่ะพูดได้ใจมาก
:กอด1: :L2: :pig4:
-
ว้าว อ่านมาตั้งนาน เพิ่งชอบกรเวชก็ตอนนี้ล่ะ หุๆ
ถึงจะไม่ได้ถึงกับเกลียดชินกีอะไรมากมาย เพราะคิดว่าพี่แกไม่ใช่คนไม่ดีหรอก แค่หลงตัวเองและเอาแต่ใจ แต่เราดั๊นเกลียดคนประเภทหลงตัวเองและเอาแต่ใจซะด้วยสิ เหอะๆ เลยออกจะหมั่นไส้พี่แกมาก โดนตอกซะหน้าหงายเงิบ สมน้ำหน้า :laugh:
ชอบตอนไวย์ตอกหน้าด้วย 555 สะใจ :laugh:
-
ด้วยเหตุนี้แหละ จึงทำให้ดิฉันชอบกรเวชมาตลอด(เห็นหลายๆคนว่าแกยุ่ง ยุ่มย่ามไป)
เพราะเค้าไม่ได้ทำงานแค่ตามหน้าที่ในตำแหน่งเท่านั้น
แต่ทำด้วยใจ ด้วยความเข้าใจ และเอาใจใส่ในตัวศิลปินที่เค้าดูแล เหมือนคนในครอบครัว
อีชินกีไปตายเลยไป นี่มันเมืองไทยนะจ๊ะ ขออย่ามาแสดงความเหิมเกริมก้าวร้าว
-
:z6: ลีชินกิ ตอนนี้ขยับอันดับมาเป็น ศัตรูหมายเลขหนึ่งของทั้งคู่แล้ว
อย่ามาขวางทางซะให้ยาก แค่พูด ริวก็ไม่สนใจฟังแล้ว
คิดว่า พสุจะหลอกใช้ริวเหรอ หนอย พี่ไผ่ไม่มีความคิดต่ำๆแบบนั้นหรอก
พี่ไผ่ เห็นแล้วใช่ไหมว่าริวเอาอะไรเข้าฉาก
เข้าใจริวเร็วๆน่ะพี่
พี่กรเวชเยี่ยมมากพี่ :L2:
***************
ปล. อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึง พี่ น้อง คู่หนึ่ง
เราว่ามีกลิ่นอายของทั้งคู่อยู่
คิดถึงพี่น้องคู่นึงเหมือนกัน ไม่รู้คู่เดียวกันป่ะ อิอิ
เรื่องไรอ่ะคะ?...เผื่อจะตามไปอ่าน
เข้ามารอน้องริวกับพี่ไผ่นะคะ...ยังรออ่านอยู่(ได้แต่เปิดเข้ามาทุกชั่วโมง) :t3:
พี่น้อง คู่ที่ว่า ไม่ใช่อยู่ในนิยายเรื่องไหนค่ะ
แต่เป็นในชิวิตจริง ที่ 1ใน2บอกว่า ไม่เคยเป็นแฟนกันซักวินาที
ในขณะที่เราอยากให้เป็นแฟนกันทุกวินาที
-
รักริวอ่ะ
-
ลี ชินกี นี่ คงเจอเรื่องแย่ๆมาเยอะเนอะ
-
เจ๋งไปเลยพี่กร
o13
-
ไอ้ตัวสร้างเรื่องวุ่นวาย ลี ชินกีมาทำไมเนี๊ย
จะมาสร้างเรื่องให้ริวกับพี่ไผ่เข้าใจผิดแน่เลย
เดี่นวไม่นานก็มามาร 5 สาวอีก
สู้ๆ ริว ไผ่ เราต้องชนะมาร
-
ตาลี นี่ตามติดจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าริวไม่สนใจตัวเอง
แต่ก็ยังหาแพะว่าคนอื่นทำให้ริวไม่มีเวลาสนใจตัวเองอยู่ได้
ทั้งๆที่ริวก็แสดงออกชัดเจนขนาดนี้
ไวสุดยอดวุ้ย กล้าวีนในห้องประชุมด้วย 555
-
หลงรักน้องริวตรงนี้แหละ ตรงที่ไม่แคร์ใคร นอกจากพี่ไผ่ ^^
-
o13สู้ดดดดดยอดพี่กร
-
:z6: ลีชินกิ ตอนนี้ขยับอันดับมาเป็น ศัตรูหมายเลขหนึ่งของทั้งคู่แล้ว
อย่ามาขวางทางซะให้ยาก แค่พูด ริวก็ไม่สนใจฟังแล้ว
คิดว่า พสุจะหลอกใช้ริวเหรอ หนอย พี่ไผ่ไม่มีความคิดต่ำๆแบบนั้นหรอก
พี่ไผ่ เห็นแล้วใช่ไหมว่าริวเอาอะไรเข้าฉาก
เข้าใจริวเร็วๆน่ะพี่
พี่กรเวชเยี่ยมมากพี่ :L2:
***************
ปล. อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึง พี่ น้อง คู่หนึ่ง
เราว่ามีกลิ่นอายของทั้งคู่อยู่
คิดถึงพี่น้องคู่นึงเหมือนกัน ไม่รู้คู่เดียวกันป่ะ อิอิ
เรื่องไรอ่ะคะ?...เผื่อจะตามไปอ่าน
เข้ามารอน้องริวกับพี่ไผ่นะคะ...ยังรออ่านอยู่(ได้แต่เปิดเข้ามาทุกชั่วโมง) :t3:
พี่น้อง คู่ที่ว่า ไม่ใช่อยู่ในนิยายเรื่องไหนค่ะ
แต่เป็นในชิวิตจริง ที่ 1ใน2บอกว่า ไม่เคยเป็นแฟนกันซักวินาที
ในขณะที่เราอยากให้เป็นแฟนกันทุกวินาที
ขอบคุณที่ช่วยตอบให้หายข้องใจค่ะ...เราก็ไม่ใช่แฟนคลับพี่น้องคู่นั้นอ่ะนะ แต่มีพี่ที่เคยเจอเขาคอนเฟิร์มมานะว่าเป็นอ่ะ (อันนี้ก็อยู่ที่ว่าใช่พี่น้องคู่เดียวกันรึเปล่านี่สิ) o18
-
ขออีกชุดได้มั๊ย
หมั่นไส้มานานแระ
แต่อยากให้ริวเปนคนจัดอ่ะ
เอาให้หนักเรยน๊ะ o18
-
ไอ้ลีนี่มันอะไรนะ ทำตัวน่ารำคาญมาก เดี๋ยวเจอดักตีกบาลหรอก
-
เขาเรียกหน้าด้าน Import ค่า อิอิ
-
:z6:+ :beat: ชินกี
ไม่รู้อารายก็อย่าไปยุ่งจะได้มั้ย
คุณผู้จัดการทำดีมาก สะจายยยย :laugh:
+1ให้เรย
-
ชินกีนี่มันตื้อไม่เลิกจริง ๆ
ตามมาถึงเมืองไทยเลย
หน้าด้านหน้าทนจริง ๆ
พี่กรเจ๋งมากเลย
กันชินกีออกไปได้
สุดยอดมาก ๆ ค่ะพี่
-
ชินกีถ้าจะำกัดไม่ปล่อยนะเนีย
-
ชินกีตามริวมาเลยเหรอ
จะมาทำไมไม่มีใครเขาอยากให้มาหรอก
ริวไม่สนใจเลย สมน้ำหน้า
ตอนนี้ชอบกรเวชจังกันดีๆ นะ
-
พี่กรจัดการมันเลยค่ะ :m31: ชินกีแรงนะยะ เด๋วเจอตบเกรียน :beat:
-
ลีชินกีแม่งงงงงงง
อุ๊ย ขอโทษค่ะ แอบหยาบคาย ลืมตัวไปนิดส์ อิๆ
สนุกเหมือนเดิมเลย
ส่วนตอนนี้ พสุก็ยัง งง งเง็ง งวย บื้อเหมือนเคย เฮ้ออออ
-
กด Like ให้คุณกรสิบครั้งเลย....
-
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย
ชอบมากค่ะ
ชอบน้องริวสุดๆๆๆๆ ปลื้มมากค่ะ ขอบอก
อัฉริยะจริงๆๆๆๆๆๆแบบนี้ยิ่งปลื้ม
น้องไผ่ก็เริ่ดค่ะ
มาอัพอีกเร็วๆๆๆน่ะ จะอดใจรอไหวไหมเนี้ย
จะติดตามผลงานต่อไปน่ะค่ะ
+1 คิสมี
-
มาแว้วววววววววววววว
:sad4: :sad4:
-
ทำไมไม่รู้ แต่ไม่เกลียดลีนะ
เราว่าออกแนวเด็กน่าสงสาร มองในมุมของลีแล้วคงคิดว่าพสุหลอกใช้ริว
ส่วนนึงก็เพราะอคติด้วย แต่ก็คงไม่ทำอะไรเลวร้ายหรอกม๊างง
ดีออก มีตัวกระตุ้นพสุจะได้รู้ตัวซะที o13
-
เก๋มากค่ะคุณกร คะแนนที่เคยติดลบช่วงต้นๆ มาติดบวกก็ตอนนี้ละค่ะ
กันนังลีออกไปให้พ้นประเทศไทยเลยค่ะ
-
ความจริงก็ยังเชียร์ชินกีให้คู่กับตะวันนะ
เด็กเอาแต่ใจต้องเจอเฮียตะวันกำหราบ :laugh:
มาอัพเร็ว ๆ นะคะ :กอด1:
-
ตอนนี้ให้ตำแหน่งผู้จัดการยอดเยี่ยมไปเลยคะ...55+
น่าจะให้พี่ตะวันจับคุณลีมัดอีกทีแล้วส่งตรงกลับเกาหลีเลยนะเนี่ย...
ไม่รู้จะตามมาถึงนี่ทำไมน่อ....= =
-
ขอให้กันสำเร็จนะพี่กรสุดเลิฟ :impress:
-
จิ๊.....ชินกินี่จะอะไรนัก..เตะโด่งส่งกลับเกาหลีเลยนี่ :laugh:
+1 จ้า o13
-
ปล. อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึง พี่ น้อง คู่หนึ่ง
เราว่ามีกลิ่นอายของทั้งคู่อยู่
คิดถึงพี่น้องคู่นึงเหมือนกัน ไม่รู้คู่เดียวกันป่ะ อิอิ
เรื่องไรอ่ะคะ?...เผื่อจะตามไปอ่าน
เข้ามารอน้องริวกับพี่ไผ่นะคะ...ยังรออ่านอยู่(ได้แต่เปิดเข้ามาทุกชั่วโมง) :t3:
พี่น้อง คู่ที่ว่า ไม่ใช่อยู่ในนิยายเรื่องไหนค่ะ
แต่เป็นในชิวิตจริง ที่ 1ใน2บอกว่า ไม่เคยเป็นแฟนกันซักวินาที
ในขณะที่เราอยากให้เป็นแฟนกันทุกวินาที
แหมๆ งั้นก็คู่เดียวกันสิคะ เราก็อยากให้เป็นอย่างงั้นเหมือนกัน
-
writer come back!! o9
-
ลี ชินกิ <---------- :beat: :beat: :beat:
ง่า
ไรเตอร์ <--------- :L2: :L2: :L2:
-
น่ารำคาญนายลีนี่จริงๆ :m16:
แถมยังมาใส่ร้ายพี่ไผ่ด้วย :m31: :angry2:
แก๊ กล้าดียังไง ห๊าาาา :m31:
-
เข้ามารอน่ะค่ะ
สู้ๆๆๆๆ
-
โหวววววๆๆ
ไอ้เจ้าลีชินกีนี่มันรุกหนัก เกาะติดหนึบอย่างกับตุ๊กแกจริงวุ้ย
อย่าไปยอมนะพี่ไผ่ นู๋ริว จัดหนักไปเลย
-
อ่านอตอนนี้แล้วเกลียด ลี ชินกี มากมาย
มาว่าพี่ไผ่เสียๆ หายๆ ได้ไง ไม่รู้อะไรก็เอามาพูด
รมเสียกับ ลี ชินกี จริงๆ เล้ย อิอิ
-
โหหห เกาะหนึบยิ่งกว่าปลิงอีก :beat:
-
เพิ่งอ่านจบ....เลิฟเรื่องนี้เหลือเกิ๊น!!!
-
ตอนที่ 67
“ครับพี่กร” พสุกำลังจะออกจากบ้านพักเมื่อกรเวชโทรเข้ามา วันนี้เขาต้องไปร้องเพลงงานเปิดตัวนาฬิกายี่ห้อหรูคอลเลคชั่นใหม่
“ไผ่ออกจากบ้านหรือยัง”
“ยังครับ กำลังจะออก” พสุตอบพลางตรวจดูกระเป๋าอีกครั้งให้แน่ใจว่าเตรียมทุกอย่างไปครบ ชายหนุ่มใส่บลูทูธอยู่จึงสะดวกที่จะจัดข้าวของไปคุยโทรศัพท์กับกรเวชไปโดยไม่เสียเวลา
“ดีเลย งั้นไปรับริวที่ห้องอัดเสียงด้วยนะ”
“เอ๊ะ! รับริวไปไหนครับ” พสุถามงงๆ เพราะงานวันนี้เป็นงานของเขาคนเดียว
“รับไปงานกับไผ่ด้วย พอดีคุณนุชเขาบอกว่าถ้าได้ริวด้วยเขาก็ยินดี อยากให้ไผ่กับริวไปโชว์เพลงใหม่ที่งานเขา”
“เหรอครับ...แล้วนี่ริวรู้หรือยังครับพี่”
“ยังหรอก พอดีพี่เพิ่งคุยกับคุณนุช” กรเวชตอบเสียงอ้อมแอ้มเล็กน้อยทำให้พสุอดยิ้มขันไม่ได้ เดาว่าที่กรเวชโทรมาบอกเขาก่อนริวคงเพราะอยากให้เขาไปกล่อมริวให้ไปงานโดยไม่งอแงสินะ
“งั้นผมจะได้เตรียมเสื้อผ้าไปให้ริวด้วย ธีมงานเหมือนเดิมใช่ไหมครับ” พสุถามพลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของริว แล้วเลือกชุดที่เหมาะกับงานนี้ออกมาดูสองสามชุด
“ใช่ๆ ฝากน้องด้วยนะไผ่...แล้วถ้าเลิกงาน วันนี้พี่ปล่อยฟรี จะพักผ่อนก่อนก็ได้...พอดีพี่ได้ตั๋วหนังรอบพิเศษมา เดี๋ยวประเสริฐจะเอาไปให้ แค่นี้ก่อนนะ พี่ขับรถอยู่”
“ครับ...ขอบคุณนะครับพี่กร” พสุวางสายแบบงงๆ วันนี้เกิดอะไรขึ้นกรเวชถึงใจดีเป็นพิเศษ หรือเพราะคิวงานแทรกแบบกะทันหันอย่างนี้ กรเวชก็เลยอยากเอาใจริว แต่ความจริงก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาเองก็เคยรับปากริวว่าจะพาน้องไปดูหนังนานแล้วแต่ยังไม่ได้ไปดูด้วยกันสักที ถือโอกาสนี้พาริวไปดูหนังด้วยกันเสียเลย
“สวัสดีครับพี่เผ่า พี่ไมตรี...สวัสดีครับมิสเตอร์ลี มิสเตอร์โฮ” ประโยคหลังพสุหันไปทักทายเป็นภาษาอังกฤษเพราะเพิ่งเห็นลี ชินกี กับซาวด์เอ็นจิเนียร์ของ JKG อยู่ในห้องด้วย
“พี่!” พอเห็นหน้าพสุ ริวก็ยิ้มร่า วิ่งมาหาทันที
“ไงไผ่ เข้ามาถึงนี่มีอะไรเหรอ?” ทรงเผ่าหันมาทัก
“มารับริวครับ พอดีมีคิวแทรกเข้ามากะทันหัน” พสุบอกทรงเผ่าแล้วหันมามองหน้าริวเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าเป็นงานเร่งจริงๆ ซึ่งริวก็ไม่ได้มีท่าทางไม่พอใจแต่อย่างใด
“เออๆ เมื่อกี้กรก็โทรบอก แต่พี่ลืมบอกว่ะริว ไปเถอะๆ เดี๋ยวไม่ทัน” ไมตรีหันมาบอกแล้วโบกมือไล่กลายๆ
“งั้นริวไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ” ริวยิ้มแป้น วิ่งไปคว้ากระเป๋าแล้วเดินตามพสุออกมาจากห้อง ลี ชินกี ขมวดคิ้วลุกตามพสุกับริวออกมา
“คุณจะพาริวไปไหน” ชินกีถามพสุเสียงห้วน เพราะพสุกับทรงเผ่าคุยกันเป็นภาษาไทยเขาเลยไม่รู้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน แต่จู่ๆ ริวก็คว้ากระเป๋าออกมา สร้างความไม่พอใจให้ชินกีเป็นอย่างมาก
“ไปทำงานสิครับ” พสุหันไปตอบด้วยสีหน้าเฉยๆ ขณะที่ริวขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจในความจุ้นจ้านของชินกี
“ก็ริวทำงานอยู่กับผม”
“ครับ แต่ที่จะไปนี่ก็เรื่องงาน ขอตัวนะครับเดี๋ยวไม่ทัน” พสุตอบเสียงเรียบแล้วเดินนำออกไปที่รถ ลี ชินกีเดินตามไปติดๆ เห็นริวขึ้นรถไปกับพสุก็กำหมัดแน่นด้วยความโมโห ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาแล้วโบกเรียกแท็กซี่ที่เข้ามาส่งพนักงานในบริษัทก่อนจะชี้ให้ขับตามรถพสุไป
ห้างใหญ่กลางเมืองผู้คนล้นหลาม ชินกีได้เปรียบตรงที่มาแท็กซี่จึงไม่ต้องพะวงหาที่จอดรถ พอเห็นพสุกับริวเข้าไปจอดในที่ที่ทางห้างเตรียมไว้ให้ เขาก็รีบลงจากแท็กซี่แล้วเดินตามทั้งคู่เข้าไป แต่พสุกลับไปที่ลิฟต์เฉพาะพนักงาน พอลีชินกีจะตามเข้าไปก็โดนยามกั้นไว้
“ห้ามเข้าครับมิสเตอร์ ที่นี่เขาให้เข้าได้แต่พนักงาน”
“ผมมากับพวกเขา” ชินกีตอบเสียงห้วนด้วยความไม่พอใจเพราะเขากำลังรีบ เกรงจะคลาดกับพสุและริว
“เหรอครับ” ยามคนนั้นขานรับยิ้มๆ แล้วทำหน้าไม่เชื่อถืออย่างสิ้นเชิง ลี ชินกี สบถ แล้วจำต้องไปเข้าอีกทาง
แอร์เย็นฉ่ำในห้างไม่ได้ช่วยให้ลีชินกีอารมณ์ดีขึ้นเลย ชายหนุ่มวนเวียนหาอยู่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าสองคนนั้นหายไปไหน จนนึกขึ้นได้ว่าพสุและริวเป็นนักร้องดัง ถ้ามาร่วมงานที่นี่ ประชาสัมพันธ์ก็น่าจะรู้ข้อมูล
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ” ประชาสัมพันธ์สาวสวยถามเสียงสุภาพอย่างผู้ให้บริการที่ดี
“ผมอยากรู้ว่าริว เกรสันมาร่วมงานอะไร” ภาษาอังกฤษห้วนแทบเป็นกระชากของอีกฝ่ายทำให้รอยยิ้มของเธอจางลงนิดเดียวเท่านั้น ก่อนจะส่งยิ้มหวานกลับตามแบบฉบับของมืออาชีพ
“สักครู่นะคะ ริว เกรสัน? เอ่อ...ไม่มีคิวน้องริวนะคะ” ประชาสัมพันธ์สาวตอบหลังจากตรวจดูจากคอมพิวเตอร์ตรงหน้า
“แต่เขามีงานที่นี่” ชินกีกระชากเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิด เกลียดความไร้ประสิทธิภาพแบบนี้ที่สุด ริวมางานที่นี่แท้ๆ แต่ประชาสัมพันธ์กลับไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไง
“สักครู่นะคะ...อ้อ...อาจจะงานนี้ก็ได้ค่ะ มีคิวของคุณพสุ ตอนสี่โมงเย็น ที่ชั้น1 นะคะ เป็นงานเปิดตัวสินค้าของบริษัท....” ประชาสัมพันธ์สาวอธิบายอย่างใจเย็น งานแบบเธอเจอคนมาร้อยพ่อพันแม่ แม้คนมารยาททรามแบบชินกีก็เคยเจอมาแล้ว ถึงจะไม่มากนักก็ตาม
“ขอบคุณ” ชินกี ขอบคุณเสียงห้วนแล้วเดินลิ่วๆ ไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่าง พอออกจากลิฟต์มาได้ไม่เท่าไหร่ก็เจอพรมแดงและการตกแต่งอย่างหรูหราของบริษัทนาฬิกายี่ห้อดัง ซึ่งคาดว่าจะจัดให้มีแฟชั่นโชว์นาฬิการอบๆ เวทีขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางและบนเวทีมีรูปของพสุโชว์หรา แต่ขณะนี้พนักงานกำลังติดรูปริวไว้คู่กัน เพราะอีกด้านเป็นตัวหนังสือและรูปสินค้า
รอบๆ ลานที่จัดงานถูกจับจองจนแน่นขนัดด้วยผู้หญิงหลากหลายวัย ทั้งที่อีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่ประชาสัมพันธ์บอกเขาไว้ ชินกีทนความแออัดไม่ไหวจึงตัดสินใจขึ้นไปยืนดูบริเวณระเบียงชั้นสองเพื่อให้มองหาริวได้สะดวก
จนเกือบสี่โมงเย็นแขกผู้มีเกียรติในเครื่องแต่งกายหรูหราเริ่มทยอยเข้ามาจับจองเก้าอี้รอบๆ เวที จนได้เวลาพิธีกรสาวสวยก็ขึ้นมาทักทายคนดูก่อนที่การเดินแฟชั่นนาฬิกาจะเริ่มขึ้น
ชินกี กวาดตาจนรอบแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าริวจะออกมา ขณะที่นายแบบนางแบบยังคงชักแถวออกมาเดินโชว์นาฬิกาให้แขกที่เข้าร่วมงานชมอย่างใกล้ชิด
เสียงกรี๊ดของคนดูที่ยืนอยู่รอบๆลานทำให้ชินกีรีบหันไปมองตาม พสุกับริวในชุดสูทเนี้ยบหัวจรดเท้า ออกมาจากลิฟต์ฝั่งตรงข้ามกับที่เขายืน มีการ์ด 4 คนตามประกบมาส่งที่เวที ตลอดทางมีแฟนๆ เข้าไปขอจับมือและตามถ่ายรูปกันจนแฟลชสว่างวูบวาบตลอดเวลา เรียกว่าแย่งจุดสนใจจากนายแบบนางแบบที่กำลังเดินโชว์นาฬิกาไปจนหมด
พสุแจกยิ้มนุ่มนวลซ้ายขวา ขณะที่ริวกะพริบตาถี่ๆ หลบแสงแฟลชพลางเดินตามหลังพสุติดๆ จนทั้งคู่ไปถึงที่นั่งที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้ ริวถึงได้หันไปโบกมือทักทายคนรอบๆ แล้วนั่งลง
พอริวกับพสุออกมา บรรยากาศของงานก็คึกคักยิ่งกว่าเดิม รอบๆ ตัวสองหนุ่มมีแต่แสงแฟลชสว่างวูบวาบตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่ประธานขึ้นมาเปิดงาน ทั้งสองหนุ่มก็ยังได้รับความสนใจมากกว่าบนเวที จนกระทั่งพิธีกรเชิญสองหนุ่มและแขกอีกหลายคนขึ้นไปบนเวที เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นจนชินกี ต้องอุดหูด้วยความรำคาญ
ชินกีเหลือบมองหาที่ว่างรอบๆ เวทีแล้วก็ได้แต่ถอนใจอย่างหงุดหงิด เพราะตอนนี้ไม่มีที่ว่างข้างล่างอีกแล้ว คนแน่นจนแม้แต่บริเวณระเบียงที่เขายืนอยู่ก็มีแต่ผู้หญิงเต็มไปหมด ถ้าเพียงเขาขยับออกไปจะมีอีกหลายคนแทรกเข้ามายืนแทนแน่นอน
หลังจากกิจกรรมบนเวทีเสร็จสิ้นลง พสุก็ขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งเพื่อร้องเพลง มีการฉายเอ็มวีของเขาประกอบไปด้วย เสียงแฟนๆ ข้างล่างกรี๊ดรับดังสนั่น แต่เพราะเป็นเพลงภาษาไทยชินกีจึงฟังไม่ออก รู้แต่ว่าบรรยากาศของเพลงดูอบอุ่นอ่อนโยน แม้แต่บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็พลอยร้องเพลงของพสุคลอตามไปด้วย เป็นการการันตีว่าเพลงของพสุกำลังเป็นที่นิยมขนาดไหน
พอพสุร้องจบริวก็ขึ้นไปบ้าง เด็กหนุ่มส่งยิ้มเขินๆ ไปรอบๆเวที แล้วร้องเพลงใหม่ของตัวเอง และฉายเอ็มวีเพลงที่ไปถ่ายทำที่เกาหลีด้วยเรียกเสียงกรี๊ดจากคนดูได้ไม่แพ้เพลงของพสุ พอเด็กหนุ่มร้องจบพสุก็ขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งเพื่อร้องเพลงคู่กัน ซึ่งเพลงคู่เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่เนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ เหมือนกับเพลงเดี่ยวของริว
เพลง...ที่ทำให้ ชินกีเคยได้แต่นั่งฟังด้วยความเจ็บใจ และวันนี้เขาก็ทำได้เพียงยืนดูทั้งคู่ร้องเพลงร่วมกันอีกครั้ง ดวงตาอ่อนเชื่อมของริวยามทอดมองพสุในท่อนที่มีความหมายว่า “ฉันไม่ต้องการใครอีกแล้ว นอกจากเธอ” ทำให้ชินกีเผลอบีบราวระเบียงแน่นด้วยความเจ็บปวด เขาไม่เข้าใจว่าพสุมีอะไรดีถึงทำให้ริวรักได้มากขนาดนี้...
เสียงปรบมือที่ดังกระหึ่ม เสียงกรีดร้องด้วยความชื่นชมที่ชินกีฟังไม่ออกนอกจากคำว่า คิสมี แสดงถึงความคลั่งไคล้ในตัวสองหนุ่มของบรรดาแฟนเพลง พอร้องเพลงเสร็จ พสุกับริวก็มีการ์ดหลายคนเข้ามาช่วยกันเข้าไปที่ลิฟต์ตัวเดิมอย่างยากลำบาก เพราะบรรดาแฟนเพลงที่อยู่รอบๆ ต่างยื้อแย่งกันเข้าไปขอจับมือขอถ่ายรูปกับสองหนุ่ม ชินกีเห็นคนแน่นขนาดนั้นจึงตัดสินใจไปดักรอที่รถของพสุแทน
ทันทีที่หลุดเข้ามาในห้องพักได้ พสุกับริวก็ถึงกับถอนหายใจเฮือก ก่อนจะหันไปไหว้ขอบคุณการ์ดที่ช่วยพาพวกเขามาส่งถึงในห้องพักได้อย่างปลอดภัย ริวเดินไปทรุดลงนั่งพักอย่างเหนื่อยอ่อน ถึงจะชินกับคนมากๆ แต่ทุกครั้งที่ตกอยู่กลางวงล้อมแบบนี้ก็อดรู้สึกเครียดไม่ได้ ขณะที่พสุถอดเสื้อสูทออกแขวนแล้วเดินกลับมาเปิดกระเป๋า
“ริว...อยากดูหนังเรื่องนี้ไหม” พสุถามแล้วยื่นตั๋วหนังให้ดู ริวชะโงกมามองแล้วยิ้มร่าขณะถอดเสื้อสูทออกพาดกับเก้าอี้แล้วรูดเนคไทออกอย่างรวดเร็วด้วยความอึดอัด
“อยากดูครับ”
“อืม...เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วค่อยไปดูกัน” พสุบอกพลางหยิบเสื้อสูทที่เด็กหนุ่มถอดมาใส่ไม้แขวนแล้วใส่ลงในถุงสูทอีกชั้น เป็นความเคยชินไปแล้วที่พสุจะเก็บข้าวของให้ริว
“จะทันเหรอครับ” ริวถามพลางเปลี่ยนกลับไปใส่ชุดที่ใส่มาจากบริษัทอย่างเดิม ขณะที่พสุเพียงแต่ถอดเนคไทแล้วพับแขนเสื้อขึ้นเท่านั้นก็พร้อมที่จะไปเที่ยวต่อได้แล้ว
“ทันสิ นี่มันตั๋วรอบสุดท้าย กว่าจะฉายก็ตั้ง 3-4 ทุ่ม ทันอยู่แล้วล่ะ”
“ดีจัง ริวหิวจะแย่อยู่แล้ว ข้าวเที่ยงยังไม่ได้กินเลย” ริวทำเสียงออดๆ แล้วเดินมากอดเอวพสุ วางคางลงบนไหล่แล้วสบตากับพสุในกระจก
“อ้าว! แล้วทำไมไม่บอก พี่จะได้พาแวะกินข้าวก่อน” พสุถามพลางปลดแขนริวออกจากเอว จริงอยู่ว่าตอนนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามา เพราะนี่เป็นห้องส่วนตัวที่จัดไว้ให้พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากให้ริวใกล้ชิดนัวเนียมากนัก แม้ไม่มีสายตาคนนอกแต่เขาก็กระดากเกินกว่าจะปล่อยให้ริวกอดอยู่อย่างนี้
“ก็ริวดีใจที่พี่ไปรับ ก็เลยลืมบอก” ริวตอบแล้วยิ้มแป้น แต่คนฟังหน้าร้อนวาบขึ้นมาเฉยๆ
“บ๊องแล้วเรา ดีใจอะไรกับเรื่องแค่นี้...ไปกินข้าวที่ร้านเปิดใหม่ของคุณนุชละกัน” พสุบอกพร้อมกับยกถุงใส่เสื้อสูทของเขาและริวออกไปส่งให้เจ้าหน้าที่ที่คุณนุชส่งมาช่วยอำนวยความสะดวก เอาไปเก็บให้ที่รถก่อนจะพาริวไปกินข้าว จนได้เวลาหนังฉายถึงได้พาริวไปที่โรงหนัง
เพราะเป็นรอบดึกจึงมีคนไม่มากนัก พอหนังเริ่มฉายตัวอย่างคนก็เข้าโรงหมด พสุจึงพาริวเข้าไปแบบสบายๆ แต่ริวกลับไม่สบายด้วย เด็กหนุ่มมองไม่เห็นทางเพราะเดินจากที่สว่างดีๆ ก็เข้ามาในโรงหนังมืดๆ เด็กหนุ่มเดินสะดุดบันไดจนเซไปชนพสุ
“เป็นไงบ้าง เจ็บหรือเปล่า” พสุหยุดเดินจับไหล่ริวให้ยืนนิ่งๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับความมืดในโรงภาพยนตร์
“พี่...ทำไมเขาปิดไฟมืดเลย”
“อ๋อ...ก็นะ หนังฉายไปแล้วนี่ มานี่มา” พสุจับมือเด็กหนุ่มจูงให้เดินตามไปช้าๆ ริวยึดมือพสุไว้แน่นพลางกะพริบตาถี่ๆ แสงจากจอภาพยนตร์ส่องให้เห็นทุกอย่างชัดขึ้น แต่เด็กหนุ่มกลับไม่คิดจะปล่อยมืออุ่นนุ่มที่จับจูงเขาไว้
ตั๋วที่กรเวชได้มาเป็นเก้าอี้ วีไอพี คืนนี้มีคนเพียงคู่เดียวนั่งอยู่ริมสุดอีกด้าน ตลอดแถวจึงว่างโล่งมีพสุกับริวนั่งตรงกลางแถวกันอยู่สองคน
“พี่...เรานั่งถูกที่หรือเปล่า มืดๆ อย่างนี้พี่เห็นที่นั่งได้ยังไง” ริวชะโงกไปกระซิบถามจนชิดใบหูพสุ ชายหนุ่มเผลอเบี่ยงหน้าหลบเพราะรู้สึกเหมือนจมูกปากของริวจะโดนแก้มเขา แต่คิดว่าเด็กหนุ่มคงไม่ได้เจตนา ริวไม่เคยเข้าโรงหนังมาก่อนคงตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกมากกว่า
“ถูกสิ ตรงที่เบอร์เก้าอี้มันมีไฟนั่นไง” พสุหันไปชี้เก้าอี้ข้างๆ ให้ดู ริวหันมองตามก่อนจะหันกลับมายิ้มกว้างให้พสุเห็นฟันขาวเป็นเงาในแสงสลัวๆ
“เก้าอี้เรากว้างนะ นั่งสองคนได้ เก้าอี้ข้างหน้านั่นทำไมตัวเล็กๆ หมด”
“อืม...แบบที่เรานั่งมันเป็นเก้าอี้...เอ่อ...แบบนั่งสองคนไง” พสุไม่อยากบอกว่าเป็นเก้าอี้แบบคู่รัก คุณนุชให้ตั๋วกรเวชมาคงกะว่ากรเวชจะไปดูกับแฟน กรเวชเองก็คงไม่เห็นตั๋วเหมือนกัน เพราะคุณนุชฝากไว้กับประเสริฐ
“เป็นอะไร ตกใจเหรอ” พสุถามขำๆ เมื่อจู่ๆ ริวก็สะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงเอฟเฟคในภาพยนตร์ตัวอย่างดังสนั่น เด็กหนุ่มขยับเข้ามาเบียดจนแทบซ้อนหลังพสุแล้วจับมือเขาไว้แน่น
“ทำไมเสียงเหมือนอยู่ข้างหลังเราเลย” ริวบ่นอุบอิบ แล้วขยับเบียดๆ เข้าหาพสุอีกนิด
ริวมองภาพบนจอ สลับกับหันมามองหน้าพี่เป็นระยะๆ ในเรื่องเป็นภาพยนตร์ต่างประเทศแนวบู๊ล้างผลาญแต่แฝงด้วยการชิงไหวชิงพริบกันของตัวเอก และเช่นเคยคือต้องมีฉากเลิฟซีนสุดหวิว พสุขมวดคิ้วรู้สึกแปลกๆ ปกติเขาก็เคยมาดูภาพยนตร์กับเพื่อนหรือแม้แต่กับแก้วกุดัน แต่ก็ไม่เคยรู้สึกอะไรเวลาที่มีฉากเลิฟซีนแรงๆแบบนี้ แต่พอมากับริวเขากลับรู้สึกกระดาก คงเพราะเขาคิดว่าริวยังเด็กจึงไม่อยากให้เห็นฉากแบบนี้ก็เป็นได้ ดีว่าในเรื่องมีฉากนี้ไม่นานนักแล้วก็กลายเป็นฉากระเบิดสุดโหดแทน
กว่าจะออกจากโรงหนังก็ปาไปเกือบๆตี 1 พสุกับริวออกมาเป็นคู่สุดท้าย
“ริวจะเข้าห้องน้ำก่อนไหม” พสุหันไปถามเพราะเห็นริวเดินตามเขาเงียบ ไม่ชวนคุยแจ้วๆ เหมือนเคย
“ไม่ครับ” ริวตอบรับเบาๆ คิ้วเข้มยังขมวดมุ่นเหมือนกำลังใช้ความคิด
“งั้นเรากลับกันเลยละกัน ดึกแล้ว”
“ครับ”
ริวดูเงียบจนพสุไม่ค่อยสบายใจนัก เมื่อกลับไปถึงบ้านพักริวก็แยกไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง แล้วกลับมาไล่ๆ กับพสุออกจากห้องน้ำมาเช่นกัน
“ริว...มีอะไรหรือเปล่า ดูริวเงียบๆ ตั้งแต่กลับจากดูหนังแล้ว ไม่สนุกเหรอ?” พสุถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นริวนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดมาพักใหญ่แล้ว
“เปล่าครับ แต่ริว...ริวสงสัย”
“สงสัยอะไร?”
“นางเอกกับตัวร้ายในเรื่องเขารักกันเหรอ?”
“ไม่นี่”
“แล้ว...ทำไมนางเอกถึงยอมให้ตัวร้าย...เอ่อ...มีเพศสัมพันธ์ด้วย” พสุเกือบหลุดขำกับคำที่ริวใช้ แต่คิดดูอีกทีริวก็ใช้คำถูก เพียงแต่ฟังดูเป็นทางการไม่ใช่ภาษาพูด
“ก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ไง”
“ริวไม่เข้าใจ ถ้าไม่ได้รัก ทำไมยอมให้อีกคนถูกเนื้อต้องตัวได้ เขาไม่ขยะแขยงบ้างหรือไง”
“อืม...จะว่าไงดี พื้นฐานสังคมของคนไม่เหมือนกันมั้งริว บางคนเขาก็ไม่ถือสากับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ แบบว่าไม่จำเป็นต้องมีความรักก็มีเพศสัมพันธ์กันได้”
“เขาไม่ขยะแขยงเหรอครับ” ริวถามเสียงซื่อ ตาใสจ้องมองคาดคั้นจนพสุเผลอหลบตา
“ไม่หรอก มันก็เป็นแค่การปลดปล่อยความอัดอั้นอะไรแบบนั้น” พสุอธิบายด้วยน้ำเสียงเก้อกระดาก รู้สึกเหมือนกำลังสอนสิ่งผิดๆ ให้น้อง
“...ถ้าเป็นพี่ พี่จะยอมไหม?”
“หมายถึงถ้าเป็นผู้ร้ายเหรอ ยอมดิ นางเอกสวยออก หึหึ” พสุตอบแล้วหัวเราะเบาๆ
“แต่ถ้าเป็นริว ให้สวยแค่ไหน ถ้าไม่รักริวก็จะไม่แตะต้องเขาเด็ดขาด” ริวยืนยันเสียงหนักแน่นแล้วทิ้งศีรษะลงบนตักของพสุ พลางสอดแขนเข้ามากอดเอวชายหนุ่มไว้แน่น
“ดีแล้วที่คิดแบบนี้...เป็นความคิดที่วิเศษ แต่ผู้ชายน้อยคนจะทำได้นะริว” พสุบอกเสียงอ่อนโยน แล้วลูบผมนุ่มเบาๆ
“ทำไมละครับ” ริวแหงนหน้าขึ้นมองพสุเขม็ง
“เพราะสังคมหล่อหลอมให้ผู้ชายรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายได้ละมั้ง ส่วนผู้หญิงก็ถูกมองว่าเป็นฝ่ายเสีย เสียหาย เสียใจ เสียตัว...ถ้าผู้ชายทุกคนคิดแบบริว คงไม่มีเมียน้อยกันให้เกลื่อนเป็นปัญหาครอบครัวอย่างทุกวันนี้หรอก”
“แล้ว...พี่เคย เอ่อ...มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ไม่รักบ้างไหม” ริวถามเสียงเบาๆ เหมือนเกรงใจ จนพสุนึกขำ
“หึหึ...เคย ตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่น อยากรู้อยากลอง ก็นะ...เขาเสนอ เราก็สนอง แต่พอโตขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้นก็ไม่กล้าทำแบบเดิมอีก อีกอย่าง พอเข้าวงการ โอกาสที่จะทำแบบนั้นมันจะน้อยลง ไม่ใช่คนเข้ามาหาน้อยลง แต่เพราะเยอะขึ้นจนเราต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ ว่าหากเรารักสนุกชั่วครู่ชั่วยาม แล้วผลที่ตามมามันไม่ได้สนุกอย่างที่คิดจะเป็นยังไง อย่างที่พี่เคยบอก เราก็เหมือนคนอยู่ในที่สว่าง ทุกคนเห็นเราหมดไม่ว่าจะขยับทำอะไร หากมีข้อผิดพลาดสักนิดเดียวก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้”
“...” ริวทำท่าจะถามแล้วกลับชะงัก เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางเหมือนกำลังคิดหนัก
“มีอะไรจะถามอีกไหม ถ้าไม่มีก็นอนได้แล้ว ตี 2 กว่าแล้วนะ”
“ครับ” ริวรับคำแล้วยกศีรษะขึ้นจากตักของพสุ เลื่อนตัวขึ้นไปนอนประจำที่
พสุหันไปดับโคมไฟ แล้วล้มตัวลงนอน มีผมนิ่มๆ มาซุกที่ต้นแขนเขาเหมือนเคย ระหว่างที่กำลังเคลิ้มหลับ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนได้ยินริวพูดบางอย่างพึมพำ ซึ่งเขาฟังรู้เรื่องแค่บางคำเท่านั้น
“....ริวรักพี่นะ...ถ้าไม่รักริวคงไม่...” นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่พสุจำได้ก่อนจะผล็อยหลับไป
..............................................................................
-
:z13: :z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
ตัดฉับได้ใจมาก ค้างคา ทำไมพี่ไผ่รีบหลับล่า อดรู้เลยว่ารู้พูดว่าไร :z2:
-
ลี ชินกี ตามมาที่รถพี่ไผ่ แล้วหายไปไหนแล้วอ่ะ
พี่ไผ่ ทำไมสอนน้องแบบนั้นล่ะ น่าสงสารริวจัง
-
ใสได้อีก น้องริว เฮ้อ อะไรจะขนาดนั้น เจ้าเล่ห์กว่านี้ก็ดีนะหนูเอ๊ย หึหึหึ
ว่าแต่อีตาชินกีไปไหน? หลุดวงโคจรไปแล้ว?
-
ง่ะ ค้างง
:เฮ้อ: :เฮ้อ:
แล้ว ชินกิ หายไปไหนอ่า
:L2: :L2: :L2:
-
ชินกีจะตามให้เกิดเรื่องเลยใช้ม่ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พี่ไผ่เริ่มคิดอะไรกับน้องแล้วสิ
ยอมรับใจตัวเองด้วยนะ
น้องได้ไม่เจ็บและคอยป้องกันริวด้วย
-
ตัดกันแบบ อร้ายส์......เจ้ค้างในอารมณ์ :pigha2:
-
อร๊ายๆๆ ขอสักนิด พสุงี่เง่า T T ความรู้สึกช้าโคตร :z6: :z6: :z6:
-
ริวน่ารัก น่าสงสารจัง :monkeysad: พี่ไผ่ไม่รู้อะไรซะบ้างเลย!!! ปล่อยให้น้องเสียใจได้ไงตั้งหลายที
-
ขอบคุณที่มาลงอย่างรวดเร็วค่ะ ตอนนี้ใจร้อน อยากให้เรื่องดำเนิ๊นดำเนินไป อิอิ
-
น้องริวทั้งใสและซื่อมากในเรื่องนี้
พี่ไผ่ยิ่งไปพูดไปนั้นริวก็ยิ่งคิดมากไปอีก
แต่มิสเตอร์ชินกีหายไปไหนหว่า
:กอด1: :L2: :pig4:
-
น้องริวสมควรให้อลันจัดการนายลีได้แล้ว :serius2:
สงสัยคงคิดแบบ ด้านได้ อายอด :beat:
+1
-
:กอด1: :กอด1:
-
จะรีบหลับไปไหน :t3:
-
แล้วยังงี้ไผ่จะรับรู้ความรู้สึกน้องริวได้สักที
-
ลี ชินกี ยังไม่ยอมเลิกอีก :z6:
-
ไอ้ลีเกาหลีบ้า ตามริวอยู่ได้น่าหงุดหงิดจริงๆ ต้องขอบคุณพี่กรที่หาทางให้พี่ไผ่พาริวชิ่งออกมาดูหนังกันสองคนได้
-
พี่ไผ่อดรู้เลยอ่ะว่าน้องริวพูดอะไร
งื้ออออออ
ขอถามคนแต่งอีกครั้ง ว่า เมื่อไหร่ ????
อะไรเมื่อไหร่ ฮ่าๆๆ แบบ จะรักกันรึยัง
ตอนนี้เริ่มๆแล้วล่ะพี่ไผ่อ่ะ แต่ยังไม่รู้ตัว
ชินกี ดูเป็นตัวปัญหามากนะ !!!
-
ตัดได้ค้างมาก :z3:
แต่อ่านตอนนี้แล้วรู้อยู่อย่างเีดียว ไปตายซ่ะชินกี ตะวันไม่น่าไปช่วยมันเลย
แต่รักหนูริวแฮะ เริ่มจะมีเดีึยงสาเข้ามาในชีวิตละ อิอิ ต้องขอบคุณพี่ไผ่จริงๆ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งและโพสนะครับ ขอบคุณมากมายที่นำเรื่องดีๆ มาให้อ่าน :กอด1: พร้อมกับมีอารมณ์ร่วมโกรธชินกี :laugh: :laugh:
-
แง๊ว ค้างสนิท...แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะเผยความในใจกันสำเร็จซักทีนี่ ว๊า
-
ชินเกิบนี่มันด้านจริงๆว่ะ
รู้ว่าเขาระอาก็เกาะหนึบเขาอยู่นั่น :m16:
-
เข้ามาย้ำอีกรอบ ว่าพสุเป็น “ผู้ชาย” และในสายตาพสุ ริวก็เป็น “ผู้ชาย”
การจะให้ผู้ชายแมนๆสักคน ยอมรับว่าเริ่มมีใจให้ผู้ชายด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องง่าย
แล้วริวก็ไม่ได้มาแบบ ตรงเข้ามาจีบ แต่มาใกล้ชิดแบบเพื่อนร่วมงาน น้องร่วมวง
จะให้พสุเปิดใจทันทีว่า “โอ้ว มันมาจีบกรู” :z3: ก็คงไม่ใช่
เคยมั๊ยคะ สำหรับบางอย่าง ที่ลึกๆในใจ “เราอาจมีคำตอบ” แต่เพราะเป็นคำตอบที่เราไม่ต้องการ
เราก็เลยเลือกจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งโง่ซะอย่างงั้น
ถึงจะกลายเป็น “หลอกตัวเอง” ไปวันๆ แต่มันคงสบายใจกว่าที่จะยอมรับความจริง ไม่ใช่เหรอ?
แต่รักหนูริวแฮะ เริ่มจะมีเดีึยงสาเข้ามาในชีวิตละ อิอิ ต้องขอบคุณพี่ไผ่จริงๆ
หึหึ...แน่ใจเร้อ ว่าอินู๋ริวมันไร้เดียงสา
ชินเกิบนี่มันด้านจริงๆว่ะรู้ว่าเขาระอาก็เกาะหนึบเขาอยู่นั่น
ไม่ต้องไปซีเรียสกับตัวปลากรอบทั้งหลายนะคะ ถ้าพสุกับริวมั่นคง ใครก็ทำอะไรไม่ได้ จริงมะ
:pig4:รักนะรักนะฉึกๆ
-
น่าสงสารชินกีหน่อย ๆ นะ...ไปรอที่รถตั้งแต่กี่โมงล่ะนั่น (พสุกับริวออกจากโรงหนังตี 1) :laugh:
อยากรู้ว่าริวพูดว่าอะไรอ่ะค่ะ...แล้วเมื่อไหร่พี่ไผ่จะยอมน้องซักที o18
-
คู่นี่แค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ทุกวันก็มีความสุขมากแล้ว ใช่ไหมหนูริว :impress2:
:pig4: คะ
-
:impress2: :z3: ริวน่าร้ากกกกกกกกกกก อย่างมีแบบนี้มั่งจัง อิจฉาพี่ไผ่ๆ
ปล.เมื่อไหร่นังชินกีจาหายไปจากเรื่องนี้ :m16:
-
ตามอ่านมา 3 วัน ทันจนได้
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าติดตามมากกกกกกกกกกกกกก
ได้เห็นถึงพัฒนาการทางด้านอารมณ์และความรู้สึกของริวและพี่ไผ่
สรุป เรื่องนี้สุดยอดค่ะ o13
-
ริว ดีมาก หยอดไผ่มันไปทุกวัน ถ้ายังซื่อบื่อต่อได้ก็ให้มันรู้ไป
-
ชินกีจะตามไรนักหนานะ แต่น้องริวน่ารักมากๆ
พี่ไผ่หวั่นไหวบ่อยแล้วนะเนี่ย ลุยต่อไปนะ :bye2:
-
เมื่อกี๊ลืม :bye2: :กอด1:
+1
-
น่าสงสารชินกีหน่อย ๆ นะ...ไปรอที่รถตั้งแต่กี่โมงล่ะนั่น (พสุกับริวออกจากโรงหนังตี 1) :laugh:
อยากรู้ว่าริวพูดว่าอะไรอ่ะค่ะ...แล้วเมื่อไหร่พี่ไผ่จะยอมน้องซักที o18
เห็นด้วยค่า รอจนห้างปิดก็ยังไม่มาที่รถ คงจะต้องมีถอดใจกันบ้างอ่ะนะ
แต่เรื่องที่ให้พี่ไผ่ยอมน้องอ่ะ ไม่ได้นะ เพราะเราเชียร์ให้น้องมันยอมพี่ อิอิ :z2:
-
:-[ :-[ :-[
-
:กอด1:พี่ไผ่น้องริว น่ารักตลอดอ่ะ ชอบจังเลยค่ะ
-
:z13:
-
คิดเหมือนกันเลย ชินกิ หายไปไหนหว่า ไหนบอกมารอ สงสัย รอไหมไหว หรือแอบสุ่ม(เพื่อจะไปที่บ้าน) อยู่กันแน่นะ
-
ชินกีมันรอไม่ไหวหนีกลับไปก่อนใช่ป่ะ
แล้วพี่ไผ่จะเริ่มรู้มั่งหรือยังว่าโดนริวทำไรไปบ้าง 555
ปล.ให้อลันมาจัดการเอาชินกีไปเก็บเหอะ
-
สมนำ้หน้าชินกี :m14: :laugh:
ริวคงไม่......อะไรเหยอน้องริ๊วววววพสุอย่าพึ่งหลับดิ :o8:
-
ชินกีเป็นอะไรมากปะเนี่ย ชักเยอะเกินไปนะหล่อน :beat:
น้องริวพูดดังๆ ให้พี่ไผ่ได้ยินด้วย :-[
-
ไผ่..อย่าพึ่งหลับ ฟังน้องริวพูด แล้วคิดตามก่อน จะได้เป็นบทนำเรื่อง ก่อนเจอเนื้อเรื่อง
เฮ้อ..เมื่อไรสองคนนี้จะได้โอกาสพูดบอกความในใจ
และความรู้สึกต่อกันต่อกันซะทีน้อ ลุ้น ๆ ๆ ลุ้นจนเหนื่อยแล้วนะจ๊ะ
เอ่อ แล้วอิลีชินกีที่ตามสองคนนี้ไปจนถึงาน แล้วไปไหนต่ออ่ะ
ไม่เห็นกล่าวถึง รึว่า จะมาปรากฎเอาก็ตอนจะมาทำให้เกิดเรื่องไม่ดีกับไผ่ กับน้องริวล่ะ
รีบเอาอิชินกีไปเก็บไวๆเน้อ
-
หวานกันจัง
-
เออ นั่นสิ หายไปไหน โดนใครลากไปแระป่าวนิ หุๆ
-
รู้สึกว่าลีชินกีจะเหมือนนางร้ายละครน้ำเน่าเกินไปหน่อยนะ
การที่ลีชินกีจะรู้สึกว่าพสุหลอกใช้ริวเป็นสะพานไปสู่ความสำเร็จนั้น จะคิดอย่างนั้นมันก็ไม่แปลกหรอก
เพราะวงการมายามันหลอกลวงกันทั้งนั้น ถ้าไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องของริวกับพสุจริงๆแล้ว หลายคนก็อาจจะคิดเช่นนั้น
เราเองลึกๆยังรู้สึกเลยว่าเหมือนริวโดนพสุหาผลประโยชน์เลย(ทั้งๆที่มันไม่ใช่เพราะฝ่ายริวต่างหากที่ทำทุกอย่างให้พสุด้วยความเต็มใจ)
ส่วนไผ่ถ้ารู้ความจริงทั้งหมดว่าที่ตนเองได้กลับมาร้องเพลงตามความฝันอีกครั้ง
ความสำเร็จ ความโด่งดังที่ได้รับอยู่ ณ ปัจจุบันนั้นสาเหตุหลักมาจากริวที่ยอมทุ่มเททุกอย่าง ทั้งอำนาจ ทั้งเงิน
พี่ไผ่จะรู้สึกยังไงนะ? จะปลามปลื้ม ซึ้งใจ ดีใจว่าน้องรักตนเองถึงขนาดนี้
หรือว่าจะโกรธเพราะเหมือนโดนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีกันน้า อืม..... . . (-_-')
“แล้ว...พี่เคย เอ่อ...มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ไม่รักบ้างไหม” ริวถามเสียงเบาๆ เหมือนเกรงใจ จนพสุนึกขำ
“หึหึ...เคย ตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่น อยากรู้อยากลอง ก็นะ...เขาเสนอ เราก็สนอง แต่พอโตขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้นก็ไม่กล้าทำแบบเดิมอีก อีกอย่าง พอเข้าวงการ โอกาสที่จะทำแบบนั้นมันจะน้อยลง ไม่ใช่คนเข้ามาหาน้อยลง แต่เพราะเยอะขึ้นจนเราต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ ว่าหากเรารักสนุกชั่วครู่ชั่วยาม แล้วผลที่ตามมามันไม่ได้สนุกอย่างที่คิดจะเป็นยังไง อย่างที่พี่เคยบอก เราก็เหมือนคนอยู่ในที่สว่าง ทุกคนเห็นเราหมดไม่ว่าจะขยับทำอะไร หากมีข้อผิดพลาดสักนิดเดียวก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้”
^
^
อ่านท่อนนี้แล้วจุกอกทันที ทำให้พลันนึกไปเลยว่าพี่ไผ่ที่สุภาพแสนดีก็เคยมั่ว เอ่อ..เคยเป็นเหมือนไวย์มาก่อนเช่นกัน T_T
เหตุการณ์ตอนที่ไวย์มีอะไรกับนางแบบคนนั้นแล้วริวไปเห็นเข้า โผล่แว้บขึ้นมาทันทีเลยอ่ะ
เลยทำให้ความไม่ค่อยชอบไวย์ที่มันอยากให้แก้วกุดันรัก แต่ทำตัวเละเทะ มั่วซั่ว เจ้าชู้ ความรู้สึกไม่ชอบไวย์นั้นมันหายไปเลยอ่ะ (อืม เพราะเป็นธรรมชาติของผู้ชายสินะ)
แต่ตอนนี้พสุไม่เป็นอย่างนั้นแล้วก็ดีแล้วอ่ะเนอะ เพราะเดี๋ยวภาพลักษณ์เสียหมด พี่ไผ่เป็นพระเอกอันดับ1ด้วยสิ
นั่งพิมพ์ด้วยความง่วง คุณนักเขียนอ่านแล้วจะงงๆเปล่าไมู่้รู้ แหะๆ
---------------------------------------------------------------------------------
ตอบนักอ่านท่านอื่นๆ
เราว่าลีชินกีที่ไปดักรอที่รถไม่ได้หายไปไหนหรอก แต่คงกลับที่พักไปแล้วแหละ เพราะพสุกับริวกว่าจะกลับก็ปาเข้าไปตี1แล้ว ลีชินกีคงไม่อยู่รอนานขนาดนั้นหรอกจ้า (คาดว่านะ อาจจะไม่ใช่ิอย่างที่เราคิดก็เป็นได้ ฮะๆ)
-
E ชินกี!!!!!!!!!!
:fire:
ไปไกล ๆ เลยนะ อย่าได้เข้ามาใกล้ :angry2:
ตอนแรกนึกว่านะดีนะ :z3:
รอตอนต่อไปค่ะ สู้ ๆ :กอด1:
-
เมื่อไหร่มันจะกลับเกาหลี
เราไปส่งเอาไหม (พอดี..อยากไปเกาหลีอยู่เหมือนกัน)
ว่าแต่
พี่ไผ่จะรีบหลับไปไหน
เราอยากรู้ว่าริวพูดอะไร
:เฮ้อ: :seng2ped:
-
จะเข้ามาไซโคทุกเช้า-กลางวัน-เย็น-ก่อนนอน :oni1:
-
ลุ้นมากกก เมื่อไหร่คู่นี้จะคืบหน้า หวังมากเลยค่ะ
ที่สำคัญ ตอนแรกว่าจะเชียร์ชินกีกะตะวันซักหน่อย แต่ตอนนี้ชักไม่ปลื้มแระ น่ารำคาญจริง
-
กร๊ากกกกกกกก ลีชินกิต้องรอจนเหงือแห้งแน่ๆ สะใจ!
-
ชินกีรออยู่ที่รถถึงกี่โมงจ๊ะ
พี่น้องเค้าไปกินข้าวแล้วดูหนังต่อ
เกือบตีหนึ่งเลยนะนั่น รอไหวก็บ้าแล้วหล่ะ~สมน้ำหน้า
พี่ไผ่อ่ะฟังน้องริวไม่จบเลยหลับซะแระ
เลยไม่รู้เลยว่าน้องริวพูดอะไร~เฮ้อ
-
ริวคร้าบบบบ
น่ารักมากกกกกกกกกก
-
หวัดดีคะ
เพิ่งเข้ามาอ่านเลยมาทักทายก่อน
จะรีบตามอ่านให้ทันนะคะ
ปล.เรื่องคงไม่เศร้านะสงสารริว
:pig4:
-
หวัดดีตอนสาย ๆ ค่ะ...มานั่งรอ :m22:
-
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่น่ะค่ะ
แล้วชินกิ ก็จะได้รู้ว่าพี่ไผ่มีอะไรดี
ทำไมริวถึงได้ทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้
-
ถ้าไม่รักคงไม่ยอมใช่ไหมหนูริวววววววววว อิอิอิ
-
คงไม่ทน....ได้นานขนาดนี้
ฮ๋า ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ยอม ๆๆ ไปเถอะพี่ไผ่ ไหน ๆ ก้อไหน ๆแล้ว
รักได้ไรได้บ้างเถอะ รีทเดอร์ลุ้นจะแย่ิแล้วววว
-
เม้นท์บ่อยชักเกรงใจ...เป็นกำลังใจให้นะคะ :catrun:
:กอด1:
+1
-
ค้างคามากมายยย....
แต่แบบนี้มันอึดอัดเหมือนกันเน้อ....
รออ่านต่อจ้า...+1 o13
-
มาแว๊วววววววววววววว
ตอนที่ 68
อืม...รสจูบหวานๆ ทำให้พสุเลือกจะควานปากตามติด ปากนุ่มๆ
เผยอรับทันทีที่เขาแนบจูบซ้ำ นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้จูบกับใคร...ไม่สิ ไม่นานเลย เขาจูบกับริวเมื่อตอนที่ไปเกาหลีนี่เอง...เขาจูบกับริว!!
พสุสะดุ้งสุดตัวหายงัวเงียเป็นปลิดทิ้งเมื่อพบว่าเขากำลังทำอะไร แม้ในห้องจะแทบไม่มีแสงสว่างใดๆ แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ คุ้นจมูกและเรือนร่างตึงแน่นที่เขากอดจูบอยู่นี้ก็คุ้นเคยจนเขาจำได้ในทันที พสุผวาลุกขึ้นแล้วได้แต่นั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นไปชั่วขณะ
“...ริว...” เสียงที่หลุดจากปากเขา ทั้งแหบและเบาด้วยความหวั่นกลัว
“...ริว...” พสุลองเรียกซ้ำ แต่ก็ยังไร้ปฏิกิริยาจากริว ชายหนุ่มตัดสินใจเอื้อมมือสั่นๆ ไปเปิดไฟ ห้องที่มืดสนิทสว่างพรึบขึ้นทันที ใบหน้าอ่อนเยาว์ตะแคงไปด้านหนึ่ง ลมหายใจสม่ำเสมอเหมือนเด็กหนุ่มยังหลับสนิท แต่พสุก็อดเรียกซ้ำไม่ได้
“ริว...ริวครับ” คราวนี้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ริวขยับตัวแล้วซุกหน้าเข้าไปในผ้าห่มเหมือนจะหลบแสงจากโคมไฟที่ส่องโดนหน้า
“ริวครับ”
“...ครับ...” ริวขานรับงัวเงีย แล้วพยายามลืมตาขึ้นมา
“ไม่มีอะไร นอนเถอะ” พอแน่ใจว่าเมื่อครู่ริวไม่รู้ตัวว่าโดนเขาจูบ พสุก็รีบปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนอย่างเดิม ริวขยับเข้ามากอดเขาไว้แน่น แล้วซบหน้าลงบนซอกคอ พสุถึงกับชะงักตัวแข็งไปชั่วขณะ หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นมาอีกจนต้องพยายามสงบสติอารมณ์ ชายหนุ่มแกะมือริวออก แต่กลายเป็นว่าเด็กหนุ่มยิ่งกอดเขาแน่นขึ้น
“ริวรักพี่นะ...” เสียงงึมงำเหมือนละเมอของริวทำให้พสุนอนนิ่ง ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมครั้งนี้เขาถึงขัดเขิน เนื้อตัวร้อนวูบวาบกับคำพูดของริวด้วย...
.
.
.
.
.
.
ริวลอบผ่อนลมหายใจช้าๆ ไม่คิดว่าพสุจะตื่นขึ้นมา ตอนแรกเด็กหนุ่มเพียงแค่อยากหอมแก้มนุ่มๆ ของพสุ แต่ไม่รู้ว่าเผลอจูบปากนิ่มๆ อุ่นๆตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไม่ทันที่เขาจะถอนปากออกพสุกลับเป็นฝ่ายพลิกตัวขึ้นทาบทับบนตัวเขาแล้วมอบจูบดูดดื่มจนเด็กหนุ่มทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หลอมละลายไปกับรสจูบหวานๆ จากปากนุ่มๆ หอมๆ ของพสุ
แต่จู่ๆ พสุก็หยุดแล้วเรียกเขาเสียงสั่น เด็กหนุ่มจึงแกล้งหลับเพราะเขารู้สึกว่าพสุต้องรับไม่ได้ถ้ารู้ว่าเขารู้สึกตัวเหมือนตอนที่พสุจูบเขาที่เกาหลีวันที่เขาโดนวางยา
พสุนอนลืมตาโพลงทั้งคืน ก่นด่าตัวเองที่เผลอสติไปกอดจูบริวสองครั้งแล้ว ไม่สิ...หากว่าคืนนั้น คืนที่เขาเมามากจนไม่มีสติ หากเขาจูบริวล่ะ?...เพราะเขาจำอะไรไม่ได้จริงๆ ความรู้สึกหวานๆ หวามๆ ที่ยังหลงเหลือตกค้างอยู่นั้นเป็นความฝันหรือความจริงกันแน่...
เช้านี้พสุก็ยังคงต้องปลุกริวเหมือนทุกวัน เด็กหนุ่มเดินงัวเงียเข้าห้องน้ำ พอออกมาก็กลับมาร่าเริงตาใสแป๋ว วิ่งกอดหน้ากอดหลังอ้อนให้ชายหนุ่มเช็ดผมให้เหมือนทุกเช้า พสุพยายามเก็บอาการมือสั่นใจสั่นของตัวเองไว้ขณะที่ทำทุกอย่างเหมือนปกติ เคยตามใจริวอย่างไรก็ทำอย่างนั้น...
“...พี่ไมตรีเขาฝากมาถามพี่ ว่าจะทำเอ็มวีเพลงคู่ไหม...พี่..พี่ไผ่ครับ” ริวเรียกเสียงดังจนพสุสะดุ้ง เพิ่งรู้ตัวว่าเขากำลังเหม่อ ทั้งที่กำลังท่องบทละครอยู่ ส่วนริวนั้นก็นอนกลิ้งเล่นโน้ตบุ๊คอยู่ข้างๆ เขาเหมือนเคย
“ครับ? ว่าไง”
“พี่ไม่ฟังริวเลย...ริวงอน” เด็กหนุ่มบ่นแล้วย้ายตัวเองมาทิ้งตัวลงหนุนตักพสุ แนบหน้ากับหน้าท้องชายหนุ่ม จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารด พสุสะดุ้งเผลอผลักริวออกเต็มแรงจนศีรษะเด็กหนุ่มตกจากตักไปกระแทกพื้นดังกึก
“โอ๊ย!”
“ริว! เป็นไงบ้างพี่ขอโทษ” พสุอุทานแล้วดึงศีรษะริวขึ้นมาดู เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่ง เม้มปาก น้ำตาคลอ มือข้างหนึ่งยังกุมศีรษะบริเวณที่กระแทกไว้แต่ไม่ยอมให้พสุดู
“พี่...พี่เกลียดริวแล้วเหรอ...” เด็กหนุ่มถามเสียงสั่น สายตาที่จ้องมองพสุเต็มไปด้วยความตกใจแกมน้อยใจ
“พี่เปล่า พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ แค่ตกใจน่ะก็เลยเผลอผลักไป” พสุตอบร้อนรน แล้วดึงมือริวออก บริเวณที่กระแทกแดงก่ำและเริ่มบวมปูดออกมาเป็นลูกเล็กๆ
“ขอโทษนะครับ เจ็บมากไหม” พสุยืนเข่าขึ้นเพื่อให้สูงพอจะดูศีรษะของริวได้ถนัด ชายหนุ่มขยับจะลุกไปหยิบยามาทาให้ แต่ริวกลับสอดแขนเข้ามากอดเอวแล้วซุกหน้ากับอกเขา
“ปล่อยพี่ก่อนริว” พสุบอกเสียงเรียบทั้งที่ใจเขากำลังเต้นแรงด้วยความรู้สึกแปลกๆ
“พี่จะไปไหน”
“พี่จะไปหายามาทาให้ หัวบวมปูดเป็นลูกมะนาวเลย...ขอโทษนะครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับ เจ็บแค่นี้เอง แต่ถ้าพี่ผลักริวเพราะพี่เกลียดริวสิ ริวคงเจ็บมากๆ” ริวเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนพสุนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
“...ริว...พี่ไม่เคยเกลียดริวนะ ไม่เคยสักครั้ง” พสุยืนยันเสียงหนักแน่น เขาไม่เคยคิดว่าจะเกลียดเด็กหนุ่มได้ลงคอ เพียงแต่ไอ้อาการเก้อกระดากประหลาดๆ นี่ต่างหากที่ทำให้เขาเผลอผลักไสจนริวเจ็บตัว
“แล้วรักริวไหม...พี่รักริวเหมือนที่ริวรักพี่ไหม?” ริวถามแล้วเงยหน้ามาจ้องตาเขาเขม็งจนพสุต้องเป็นฝ่ายหลบไม่กล้าสบตาด้วย
“ระ...รักสิ...ก็ริวเป็นน้องชายคนเดียวของพี่นี่นา” พสุตอบด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด คำพูดเขาเบาหวิวไม่หนักแน่นสักนิด ขณะที่ใจก็เต้นแรง...นี่เขาเป็นอะไรถึงแปลกไปทุกทีๆ แล้ว
“พี่รักริวเพราะริวเป็นน้องชาย...แต่ริวรักพี่ เพราะพี่เป็นทุกอย่างในชีวิตริวเลย เป็นมากกว่ารัก เป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตเพราะพี่เป็นชีวิตของริว” ประโยคหลังริวถอดคำพูดออกมาจากเพลง เพียงแต่แก้คำสุดท้ายเสียใหม่ หากเป็นเวลาปกติพสุคงล้อเด็กหนุ่มแล้ว
แต่วันนี้มันไม่ใช่ ทุกคำพูดของริวก้องสะท้อนกลับไปกลับมาในหัว พสุนั่งตัวแข็ง ได้แต่จ้องดวงตาใสเป็นประกายวาววับด้วยความรู้สึกตื่นตะลึง ตัวชาไปหมด หัวใจเขาเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมานอกอก สมองสั่งให้เขาถอยห่าง หรือพูดอะไรสักอย่างแต่เขาทำไม่ได้...ริวบอกรักเขา...ริวรักเขาอย่างนั้นหรือ?
“ริวรักพี่ที่สุดในโลก” ริวบอกซ้ำแล้วกอดเอวซุกหน้ากับอกเขาอีกครั้ง พสุกะพริบตาถี่ๆ เขาเพิ่งได้สติ ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดตอบโดยอัตโนมัติ เสียงหัวใจเต้นระรัวค่อยๆ ลดระดับลง พสุผ่อนลมหายใจยาวแล้วค่อยๆ ดันตัวริวออก
“เดี๋ยวพี่ไปหายามาทาให้ก่อน...” พสุพยายามข่มเสียงให้ราบเรียบ แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าปลายหางเสียงเขาสั่น
“ครับ” ริวตอบรับแล้วทิ้งตัวลงนอนคว่ำบนพื้น หยิบตุ๊กตาทวิตตี้สีเหลืองสดมารองใต้อกต่างหมอนแล้วลากโน้ตบุ๊คมากางตรงหน้าเหมือนปกติ พสุผุดลุกขึ้น ชายหนุ่มรู้สึกว่าขาเขาสั่น ก่อนจะออกไปจากห้องชายหนุ่มอดเหลียวกลับไปมองคนที่นอนคว่ำอยู่กลางห้องไม่ได้ ทั้งๆ ที่เพิ่งบอกรักเขาไปหยกๆ แต่ริวก็กลับไปเล่นโน้ตบุ๊คด้วยท่าทางเฉยๆ หรือเขาจะคิดมากไปเอง คำว่ารักของริวอาจจะไม่ได้หมายความลึกซึ้งใดๆ เป็นเขาเองที่ตีความหมายไปผิดๆ แล้วเก็บมาคิดมากจนตกอกตกใจ
พสุถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก ก่อนจะพยายามฝืนยิ้มขันตนเอง แม้จะบอกตัวเองว่าเขาคงคิดมากไป แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกวูบถึงรู้สึกเจ็บหน่วงในอกจนรู้สึกเหมือนเสียงหัวใจมันเต้นผิดจังหวะไปด้วยความผิดหวัง
“มาริวมาทายาก่อน” พสุกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมตลับยาหม่อง ริวผุดลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง พสุจึงต้องนั่งบนส้นเท้าเพื่อให้สูงพอจะทายาได้
“โอ๊ย! เจ็บอ่ะ” ริวร้องลั่นเมื่อพสุป้ายยาหม่องบนรอยปูดแล้วนวดเบาๆ เพื่อให้หายบวม
“เจ็บมากเลยเหรอ?” พสุถามเสียงเบาด้วยความเสียใจ เขาไม่ได้เจตนาจะผลักริวแรงขนาดนั้น แต่ตอนนั้นเขาเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้จนพลั้งมือทำให้ริวเจ็บตัว
“เจ็บ...” ริวตอบแล้วเงยหน้ามามอง เห็นหยาดน้ำคลอๆ เปียกขนตางอนยาว จนพสุเผลอยกมือขึ้นเช็ดให้
“โอ๊ย!แสบตา” ริวร้องเสียงหลงแล้วยกมือขึ้นขยี้ตา
“โทษๆ พี่ลืมไปว่ามือเลอะยาหม่อง” พสุอุทานแล้วพยายามจะดึงหน้าริวให้เงยขึ้นเพื่อเช็ดตาให้ นี่เขาเหม่ออะไรนักหนาถึงได้เผลอเอามือที่เลอะยาหม่องไปเช็ดน้ำตาให้ริว
“พี่แกล้งริวนี่” ริวต่อว่าเสียงอู้อี้อยู่กับอกของชายหนุ่ม
“พี่ไม่ได้แกล้ง” พสุอธิบายร้อนรน แล้วพยายามดึงหน้าริวให้เงยขึ้นแต่ริวยังคงซุกหน้ากับอกเขาแน่น
“แสบตา...ริวตาจะบอดมั๊ยเนี่ย” ริวทำเสียงออดๆ อย่างเด็กงอแง
“เว่อร์แล้ว แค่ยาหม่อง” พสุบ่นงึมงำแล้วพยายามเช็ดมือที่เลอะยาหม่องกับทิชชู ขณะที่ริวไถๆ เช็ดหน้ากับอกเขาจนรู้สึกได้ถึงความชื้นของน้ำตา
“ขอพี่ดูหน่อย” พสุช้อนหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นมา เห็นตาแดงก่ำมีน้ำตาเต็มตาก็ใจเสีย เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ริวเจ็บซ้ำอีกหน
“แสบตาอ่ะ” ริวอุทธรณ์ ขณะที่น้ำตายังไหลไม่หยุด พสุจึงใช้ทิชชูซับให้อย่างเบามือ
“เพี้ยงหาย!” พสุเป่าลมไปที่ดวงตาของเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วทำเสียงปลอบเหมือนปลอบเด็ก แต่ริวกลับหยุดชะงักแล้วยึดข้อมือเขาไว้แน่น
“อะไร?” พสุถามงงๆ เมื่อจู่ๆ ริวก็ยื่นหน้ามาหาจนใกล้
“แป๊บนึง....” ริวยื่นหน้าขึ้นมาจนจมูกโด่งแตะบนปากของเขาแล้วสูดลมหายใจเข้าแรงๆ พสุสะดุ้งเฮือก ใบหน้าร้อนวาบด้วยความตกใจ
“ปากพี่หอมเน้อ...พี่หน้าแดงด้วย หน้าแดงทำไม?” ริวถามแล้วจ้องหน้าพสุตาแป๋ว แต่ชายหนุ่มกลับไม่กล้าสบตา
“หน้าแดงที่ไหนเล่า” พสุหน้าร้อนด้วยความอาย กระชากแขนออกจากการเกาะกุมของเด็กหนุ่มแล้วลุกหนีแต่ริวลุกตามมาคว้าเอวเขากอดจากด้านหลัง
“พี่หน้าแดงจริงๆนะ...แก้มแดงแจ๊ดเลย น่ารัก” ริวล้อแล้วชะโงกหน้ามามองหน้าชายหนุ่มที่พยายามหลบไปอีกทาง
“ทะลึ่งแระ” พสุพยายามทำเสียงดุ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันฟังอ่อนๆ เบาๆ ชอบกล นอกจากริวจะไม่กลัวแล้วยังจะได้ใจมากกว่าเดิม
“ฮะๆ พี่หน้าแดงจริงๆ ด้วย แก้มก็แดง หูก็แดง” ริวทำเสียงล้อแล้วกอดเอวพสุแน่นไม่ยอมปล่อย เด็กหนุ่มตัวสูงกว่าจึงวางคางบนไหล่พสุได้สบายๆ
“ทะลึ่งแระๆ ปล่อยพี่เลย” พสุทำเสียงดุพยายามดึงแขนริวออก แต่ริวกลับกอดแน่นกว่าเดิม
“ไม่ปล่อย...ปล่อยทำไมตัวพี่อุ๊นอุ่น ห๊อมหอม” ริวตอบแล้วกระชับอ้อมแขนที่รัดรอบเอวพสุแน่นขึ้น พร้อมกับแนบจมูกปากไปบนต้นคอและกกหูของพสุแล้วสูดกลิ่นหอมจากผิวของชายหนุ่มแรงๆ
พสุสะดุ้ง ขนลุกซู่ ใบหน้าร้อนวาบ แข้งขาพาลอ่อนแรงดื้อๆ เมื่อลมหายใจร้อนๆ เป่ารดที่ซอกคอและใบหู
“เลิกเล่นได้แล้ว ปล่อยพี่ก่อน” พสุเอ็ดริวเสียงสั่นแล้วพยายามจะปลดแขนที่รัดรอบเอวออกอีกครั้ง
“ทำไมต้องปล่อยล่ะ ก็ริวชอบกอดพี่” ริวถามเสียงซื่ออยู่ชิดใบหูจนพสุขนลุกไปหมด หน้าร้อนวาบๆ ตลอดเวลา
“ริว...ผู้ชายน่ะเขาไม่กอดกันพร่ำเพรื่อหรอกนะ” ชายหนุ่มเอ็ดเสียงแข็งทั้งที่ใจเขาเต้นแรงจนแทบหลุดมานอกอก
“ทำไมล่ะ ริวรักพี่ ริวอยากกอดพี่นี่” ริวถามเสียงใสแต่คนฟังสะดุ้งเฮือกตัวชาวาบ
“...ริว” พสุหลุดเสียงครางเบาหวิว ขณะที่ริวหมุนตัวเขากลับไปหา ดวงตาใสจ้องมองเขาอย่างงุนงง
“ทำไมทีแม่ยังไม่เห็นว่าเลย เวลาริวกอดแม่ แม่ก็ให้กอด พี่ก็เคยให้ริวกอด ทำไมวันนี้ถึงไม่ให้กอด”
“คือ...มัน...” พสุหาคำอธิบายไม่เจอ นั่นสิทำไม...ที่ผ่านมาเขาไม่เคยห้ามปรามเวลาริวกอด เพราะเขารู้ดีว่าริวขาดความอบอุ่นและยังเป็นโรคเกลียดสัมผัส เมื่อเขาเป็นคนที่เด็กหนุ่มถูกต้องเนื้อตัวได้โดยไม่มีอาการขยะแขยงริวถึงชอบกอดรัดเขาตลอดเวลา
“ทำไมละพี่ ริวกอดพี่ไม่ได้แล้วเหรอ? ริวทำอะไรผิด?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น คือ...” พสุได้แต่อ้ำอึ้ง แล้วพยายามถอยห่างจากริวเพื่อตั้งหลัก
“ไม่รู้แหละ ริวเคยกอดพี่นี่นา ทำไมต้องห้ามด้วย พี่ก็เคยกอดริวตอนนอนบ่อยไป ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” ริวทำเสียงเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ขณะที่พสุก็พยายามคิดหาข้อแก้ตัวจนหัวหมุน
“ก็นั่นเราอยู่กันสองคน” พูดออกไปแล้วพสุก็ปวดหัวจี๊ด เพราะรู้สึกว่าเขาพูดอะไรไม่เข้าท่าเลยสักนิด
“...อยู่กันสองคนถึงจะกอดได้เหรอ” ริวถามแล้วทำตาโตอย่างมีความหวัง
“...เอ่อ...”พสุสะอึก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจนแต้ม
“งั้นต่อไปนี้ริวจะไม่กอดพี่ต่อหน้าคนอื่นนะ แต่ถ้าอยู่กันสองคนพี่ก็อย่าห้ามริวกอดพี่นะ” ริวสรุปแล้วยิ้มร่าขณะที่พสุรู้สึกเหมือนเขาได้ยินเสียงประตูปิดปังในหัว...นี่เขาจนแต้มตัวเองหรือริวไล่ต้อนจนเขาหาทางไปไม่เจอกันแน่
“กะ...ก็ได้”
“เย่...ริวนึกว่าพี่จะห้ามริวกอดซะแล้ว ริวต้องกลุ้มใจตายแน่ๆ เลยถ้าพี่ไม่ให้กอด” ริวทำเสียงออดๆ ตาเป็นประกายสดใสจนพสุไม่กล้าสบตา
“เว่อร์” ชายหนุ่มเอ็ดเสียงเบาแล้วเสก้มมองหาฝาตลับยาหม่องที่ไม่รู้ไปวางทิ้งไว้ตรงไหน
“จริงๆ นะ” ริวบอกพร้อมกับกอดพสุแน่นเพื่อยืนยันคำพูด พสุเองก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ปล่อยให้เด็กหนุ่มกอดแล้วซุกหน้ากับไหล่เขาอยู่อย่างนั้น...
.........................................................
-
จิ้มเบาๆ :o8:
-
มะุไหร่จะได้เปิดเผยความในใจกันน้าาาาาาา :กอด1:
-
อูย ไอ้หนูริวนี่มันร้ายขึ้นทุกวันแฮะ พี่ไผ่เลิกมึนได้แล้ว
-
นายพสุจะสับสนอีกนานไหม จะกลายเป็นเสียเรื่อง งานจะเข้า
สงสารน้องริว...ลุ้นกันต่อไป... :เฮ้อ:
+1
-
ไผ่รีบสำรวจใจตัวเองให้แน่ ว่ารักริวแบบน้องจริงๆเหรอ
น้องเค้าเปิดใจกับไผ่แล้วนะ
-
:z13: :z13:
-
หนูริวเรา เนียนไดัใจมาก
พี่ไผ่เลิกมึนเถอะน้าาา
-
พี่ไผ่ช้านสติแตกไปแล่ว >.< จะไหวม๊ายยยย
บวกให้ป้าไร้ท์เตอร์ และ พี่คนโพสค่า
-
อ๊าย!!! สองหนุ่มจู๋จึ๋
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะรุ้น๊า ว่าริวรักจิงจัง เฮ้อ ลุ้นจนเหนื่อยทุกตอน
-
สั้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พี่ไผ่ริวบอกรักซักขนาดนั้นแล้วนะ
ยอมรับสักที่สิ ความเก้อเขินจะได้หายสักที่นะ
ริวนะเจ้าเลห์จริง
-
หวานปนขม :เฮ้อ:
พี่ไผ่ เลิกคิดมากได้แล้ว :m16:
นู๋ริว ร้ายขึ้นทุกวันนะเรา :m10:
รอตอนต่อไปค่ะ :m11:
-
ในที่สุดพี่ไผ่ก็ไม่รอด รอNCนู๋ริวรุกนะคะ :m4:
-
พี่ไผ่แพ้ทางน้องริวซะแล้ว
ริวสู้ๆๆ o13
-
:sad4:พี่ไผ่ก็ยังซื่อบื่อได้อีก
ทำไมรู้ตัวช้าจังเลยค่ะ น้องริวรุกต่อไป
แต่แค่นี้พี่ไผ่ก็ไม่รู้จะเขินไงแล้ว
-
กดบวก เบาๆ
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
น้องริวน่ารักมากกกก
ต้อนจนพี่ไผ่จนมุมเลยนะ หุหุ
อยากเห็นสองคนนี้รักกันแบบจริงจังแล้วอ่ะ
><
รออยู่นะคะ
-
สั้นอ่ะ
แต่ก็น่ารักเหมือนเดิมมมมมมมมม :-[ :-[
-
อึดอัดอ่า
เมื่อไหร่จะรู้ตัวกันน้า
-
ริวมันน่าร้ากกกกกกจิงๆ
-
:z1: :z3: อินู๋ริวชักจะปีกกล้าขาแข็งขึ้นทุกวันๆ พี่ไผ่ยังต้องยอมแแพเลยอะ :m20:
น่าร้ากกกกกกกกกก ตอนนี้หวานมากๆๆๆ :-[ :กอด1:
-
ริวรุกพี่ไผ่หนักเลย o13 ริวเอ้ย รู้แล้วแกล้งทำ หรือ แกล้งทำไม่รู้ :o8:แต่ที่รู้ๆ พี่ไผ่หวั่นไหวมากมาย
-
โอย...ตอนนี้น่ารักไม่ไหวแล้ว เขินแทนพี่ไผ่วุ้ยยยยยยยยยยย :o8:
-
อืมมมมม....แล้วพี่ไผ่ก็หลงกลริว...55+
นึกภาพตอนพี่ไผ่แก้ตัวว่าไม่ได้แกล้งน้องแล้วอย่างฮา....^ ^
หนูริวก็ขอกอดแบบซื่อๆตาใสๆได้อีก.....อะเหอออ...
โชคดีนะคะพี่ไผ่...ริวขี้อ้อนขนาดนี้.ถ้าพี่ไม่หลงรักสิน่าแปลก...55+
-
พี่ไผ่รีบๆรู้ใจตัวเองทีเถอะคนอ่านลุ้น
น้องริวเหมือนจะเจ้าเล่ห์ขึ้นยังไงไม่รู้
ไม่ต้องพี่ไผ่ที่จะใจอ่อนและมึนคนอ่าน
ถ้าเจอตาใสๆอ้อนๆเข้าไปก็ใจอ่อนเหมือนกัน
:กอด1: :L2: :pig4:
-
น้องริวเจ้าเล่ห์อ่ะ (น้องขั้นกว่าขึ้นทุกวัน) พี่ไผ่ไปไม่ถูกกันเลยทีเดียว เหอๆ
รอตอนหน้าจ้า
-
ริวนี่ รู้สึกว่าจะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันๆ
แต่แอบมาในรูปแบบแบ๊วๆ นะเนี่ย :กอด1: :กอด1:
-
ตอนนี้จะหวานกันไปไหนเนี่ย อิจฉาๆๆ
อยากมีมั่งจังเลยอ่ะ อิอิ
-
เอาล่ะค่ะ หนูริวมันอัพเกรด เพิ่มดีกรีความเนียน ขั้นเทพ 55555+
พี่ไผ่ ถึงขั้นหวั่นไหว ชอบตอนนี้มากๆเลย ฮ่าๆๆๆ
แบบนี้ต้องรุกเรื่อยๆ ห้ามหยุด อิอิ
-
ใกล้แล้วใกล้แล้ว
พสุขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ 555+ ริวได้กำไรไปเต็มๆ
โอ๊ย ยิ่งอ่านเรื่องนี้ยิ่งชอบ ยิ่งอ่านยิ่งหลงรัก ไ่ม่รู้จะทำไงกับตัวเองแล้วเนี่ย :serius2: :serius2:
ตั้งใจรอวันอัพอย่างจดจ่อนะครับ :กอด1:
-
น้องริวบอกรักพี่ไผ่ ^^
พี่ไผ่รู้สึกเขิน ๆ แระ
น้องริวลุยเข้าไปเรื่อย ๆ เลยนะ
ซักวันพี่ไผ่ต้องรู้ใจตัวเอง
นี่ก็เริ่ม ๆ มีใจสั่นมั่งละ
อีกไม่นานหรอกเนอะ
รอวันพี่ไผ่ยอมรับความรู้สึกที่มีต่อน้องริว
-
ง่า...น้องริวเค้าเผยใจแล้ว แต่พี่ไผ่นี่ดูท่าเหมือนจะยังไม่รู้นะนี่ว่าน้องรักตัวเองแบบไหน อะไรจะซื่อปานนั้นพ่อคุ๊ณณณ :เฮ้อ:
-
:เฮ้อ: สงสารริว ไผ่ยังไม่รู้ตัวสักที
-
เพิ่งเข้ามาอ่าน เนื้อเรื่องน่าติดตามมากเลยค่ะ
ต้องตามอ่านอย่างเร่งด่วน
อ่านทันแล้วจะมาเม้นอีกทีนะจ๊ะ
-
:impress2:อ๊ากกกกก พี่ไผ่คงเริ่มมองริวใหม่แล้วนะ
ริวเค้าไม่ใช่พี่น้อง เค้ามีจูบ มีบอกรัก เตรียมตัวเตรียมเปลี่ยนความคิดได้แล้ว
รอวันพี่ไผ่รู้ใจนะ
-
:-[ :-[ :-[
ขออย่าให้มีมาม่าเลย ...สาธุ!!! :call:
-
ซัดพี่ไผ่ซักที จะรู้ตัวมั๊ยเนี่ย
-
55555 พี่ไผ่ เสร็จริวทีละนิดแล้วววว
-
เอ่อ ขนาดริวบอกว่ารัก เป็นมากกว่าครึ่งชีวิต นี่พี่ไผ่ยังไม่เข้าใจตรงไหนไม่ทราบ
-
พี่ไผ่จะสับสนไปไหนเนี่ย ริวแสดงออกขนาดนี้แล้ว
-
สุดๆอ่ะหนูริว ยิ่งโตหนูยิ่งเนียนได้ใจมากอ่ะ
แต่ว่าเริ่มคิดถึงอลันขึ้นมาซะงั้น หายเงียบไปเลย
-
ไหลลื่นได้อย่างไม่มีที่ติค่ะ! น้องริวเราเนียนได้อีก
อันที่จริงอยากจะบอกว่าถ้าพี่ไผ่เค้าไม่ให้กอดมากอดเราก็ได้นะ ฮ่ะๆ
-
พี่ไผ่มันทึ่ม กว่าจะรู้ตัวคงยาก
เพราะงั้นเอาเล้ยหนูริว เต็มที่ให้สุดๆ
มารยาสาไถแกมีเท่าไหร่ ใส่มาให้หมด!!!
:laugh3: :laugh3: :laugh3:
-
:-[น่าร๊ากกก เมื่อไหร่ไผ่จะรู้ตัวซักทีเนี่ยยย ลุ้นๆๆๆ :z3:
-
ค่อย ๆ รุก...เดี๋ยวพี่ไผ่จะเตลิด :z1:
ตอนนี้น้องริวทำพี่ไผ่หวั่นไหวได้แล้ว...คราวหน้าอย่าปล่อยให้ดิ้นหลุดนะ o18
-
เดี๋ยวนี้น้องริวรุกหนักขึ้นทุกวันๆ :haun4: :haun4: :haun4:
แต่ทำไมพี่ไผ่ไม่รู้ใจตัวเองเสียทีละเนี่ย :z3: :z3: :z3:
-
ซะงั้น
แล้วเมื่อไหร่คู่นี้เค้าคืบหน้ามากกว่าความเป็นพี่น้องล่ะ
:เฮ้อ:
-
ไผ่ เริ่มรักๆๆๆ ริวแล้ว อิอิ
-
แอร๊ยยยยยยส์ :-[เขิลลลลลล
อยูกันสองคนค่อยกอดเนอะ อิอิ
-
ริวจากเด็กใสซื่อกลายร่างเป็นเจ้าเล่ห์ตาใสได้ไงเนี่ย
พี่ไผ่มัวแต่สั่นอยู่ สู้น้องสิคะ อย่าปล่อยให้น้องรุกอยู่ฝ่ายเดียว
-
:o8: :-[
-
พสุก็สับสน ริวก็ไม่สารภาพจริงจัง จะไปรอดไหมเนี่ยยยยยยย
ปล.อลันหายไปเลยแฮะ แอบคิดถึง
-
อ๊ายยยยยยย เขินนน :o8:
น่ารักมากมายอ่าาา :-[
-
เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าริวจะหื่นขึ้นนะเนี่ย พี่ไผ่เมื่อไรจะรู้ตัวเนี่ย เฮ้อ :เฮ้อ:
-
ริวน่ารัก ทำไมพี่ไผ่ไม่รับรักริวเสียที อิอิ สงสารน้องนา
-
พี่ไผ่ยังไม่รู้ต้วว่าโดนน้องริวที่น่ารักแอบจูบตอนหลับ
น้องริวชักจะเจ้าเล่ห์ขึ้นมาแล้ว
แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี
-
น่ารักมากอ่ะ....
อ่านไปลุ้นไป จนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโรคจิตเลย...ลุ้นแบบว่าเมื่อไหร่จะได้กันจริงๆซักที :laugh:
+1 o13
-
เข้ามารอ... :t3:
:call: :call:
-
เข้ามารอด้วยคน ขอให้อัพ :call:
:onion_asleep: :onion_asleep:
-
น้องริวน่รักจัง
-
พี่งตามอ่านทัน
ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของริวนี่น่ารักจริงๆ :o8:
-
คึคึ เริ่มมีใจกับน้องแล้ว :-[
-
อิอิ พี่ไผ่ใจสั่น หวั่นไหว :-[
-
อยากอ่านอีกจัง
-
ริวจ๋า ริวบอกรักพี่ได้ชนะเลิศมาก
พี่ไผ่ค่ะ ริวบอกว่ารักพี่ พี่เป็นชิวิตขิงริว
พี่เป็นทุกอย่างของริว เป็นเพื่อน พ่อ พี่
และเป็นคู่ชีวิต
อยากให้พี่เข้าใจความรู้สึกที่ริวตั้งใจจะบอก
เข้าใจเร็วๆน่ะพี่
-
หลังๆมานี่ ริวเนียนบ่อยน้าาาา
เริ่มรู้สึกสงสารพี่ไผ่ เหมือนโดนริวแกล้งเลยอ่าาา
แต่ชอบนะ พี่ไผ่เขินน่าร้ากกก
-
ประตู?
ริวช่างอ้อนจริงๆ :impress3: แต่ว่านับวันยิ่งเจ้าเลห์ขึ้นทุกวัน หน้าซื่อๆ ตาใสๆ นี้ร้ายไม่เบา :laugh:
-
ไม่รู้พี่หรือน้องซื่อกว่ากัน...รอเฉลยจากไรเตอร์ :laugh3:
-
ริวเจ้าเล่ขึ่นนะเนี่ยพี่ไผ่ตามกันไม่ทันเลย o18
รู้สึกเหมือนว่า 2 คนกำลังจะยอมรับความรู้สึกตัวเองแล้วยังไงไม่รู้ :impress2:
:pig4:คะ
-
อยู่กันสองคนสงสัยจะโดนมากกว่ากอดแน่ๆ
-
ตอนที่ 69
หากเป็นวงบอยแบนด์ทั่วไป เวลาจะจ้างงานก็สามารถจ่ายค่าตัวแบบยกวงซึ่งส่วนใหญ่จะไม่สูงมากนัก แต่ไม่ใช่คิสมี เพราะ 5 หนุ่มของคิสมี “ขายแยก” ได้สบายๆ ฉะนั้นถ้าผู้จัดรายไหนอยากได้คิสมี ค่าตัวจึงเท่ากับจ้างศิลปินดังๆคราวละ 5 คน แม้จะมีค่าตัวสูงลิบลิ่วขนาดนั้น แต่คิวงานของคิสมีก็แน่นเสียจนหลายๆ งานต้องถูกปฏิเสธหรือขอเลื่อนออกไป
ในบรรดา 5 หนุ่มของคิสมี มีเพียงตะวันกับริวเท่านั้นที่ไม่รับงานเดี่ยว สำหรับริวนั้นมีข้อยกเว้นในกรณีที่งานไหนจ้าง “คู่” ก็คือมีพสุไปด้วย ริวถึงจะรับงาน กอปรกับช่วงนี้เพลงคู่ของพสุกับริวกำลังมาแรงมาก ทำให้งานคู่ค่อนข้างถี่ และละครของริวที่กำลังออกอากาศก็สร้างแฟนเพลงจากกลุ่มคนดูละครได้อีกมหาศาล
แต่ตะวันยังคงไม่รับงานเดี่ยวอยู่เช่นเดิม ชายหนุ่มจะรับงานก็ต่อเมื่อไปยกวง และอีกข้อแม้คือ เขาไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องส่วนตัวในทุกกรณี แม้จะโดนสื่อมวลชนด่าแค่ไหน ตะวันก็ยังคงยึดมั่นกับข้อแม้ของตัวเองอย่างเหนียวแน่นชนิดที่ใครก็บังคับเขาไม่ได้
วันนี้เป็นวันที่คิสมีออกงานร่วมกันทั้งวง กรเวชจึงทำหน้าที่ดูแลศิลปินเพียงคนเดียว เนื่องจากเป็นงานเปิดตัวเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ทางผู้จัดอยากให้ 5 หนุ่มช่วยโปรโมทสินค้าด้วยการเล่นเกมกับคนดู ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกมง่ายๆ แต่เปลืองเนื้อเปลืองตัวสักหน่อย เพราะรางวัลนั้นเป็นการทำตามคำขอของผู้ชนะ อาจจะโดนขอให้กอดหรือหอมแก้ม กรเวชจึงจำเป็นต้องไปคุยให้ “เคลียร์” ในกติกาเสียก่อน ทั้ง 5 หนุ่มจึงถูกปล่อยให้พักผ่อนในห้องรับรอง
“เป็นอะไรไป สีหน้าไม่ดีเลย” ตะวันถามเสียงเรียบ หลังจากสังเกตเห็นอาการเหม่อลอยของพสุมาได้สักพัก
“ไม่มีอะไรหรอก” พสุตอบปฏิเสธด้วยสีหน้าปกติ แต่ประกายไหววูบในดวงตาฟ้องว่าเจ้าตัวกำลังมีปัญหา และลำบากใจที่จะพูดให้ใครฟัง
“อืม...ถ้าอยากเล่าเมื่อไหร่ ฉันก็พร้อมจะฟังนายนะ”
“แต๊งตะวัน...” พสุตอบรับหน้าเจื่อนๆ และไม่ยอมสบตาเขาเหมือนเคย
“อืม”
“พี่ไผ่...” เสียงเรียกนำมาก่อน ที่ร่างสูงๆ จะวิ่งปรูดมายืนชิดหลังพสุ
“นี่ๆ พี่ฟังนี่สิครับ” ริวพูดอย่างตื่นเต้นแล้วยื่นหูฟังข้างหนึ่งมาให้ พสุรับไปฟังแล้วเลิกคิ้ว สีหน้าที่ดูไม่สบายใจเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความยินดีก่อนที่พสุจะหันมายิ้มกว้างให้ตะวัน
“วงเราได้รับคะแนนโหวตเป็นศิลปินสุดฮอตแห่งปี และได้รางวัลเพลงยอดเยี่ยมด้วย...เราได้สองรางวัลเลยตะวัน” พสุบอกด้วยน้ำเสียงสดใส รางวัลอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดแต่ก็เป็นยาชูใจของคนทำเพลงทุกคนที่รู้ว่าผู้ฟังให้การยอมรับผลงานของตนเองมากแค่ไหน
“เจ๋ง” ตะวันตอบแล้วชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นของโทรศัพท์มือถือ ชายหนุ่มล้วงออกมากดรับโดยไม่ต้องมองหน้าจอ เพราะคนรู้เบอร์ของเขามีแค่เพื่อนๆ ในวง กรเวช และ...ผู้จัดการคนใหม่ของเขาเท่านั้น
“ตะวัน! คิสมีได้สองรางวัลเลยรู้หรือยัง” น้ำเสียงตื่นเต้นที่ลอดมาในสายทำให้มุมปากบางยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“รู้แล้ว...โทรมาเรื่องแค่นี้อะนะ” ชายหนุ่มทำเสียงเรียบๆ ติดจะรำคาญด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายก็ยังตื่นเต้นดีใจไม่เลิก
“อะไรเรื่องแค่นี้ นี่เรื่องใหญ่เลยนะ ต้องฉลองรู้ป่ะ”
“เออน่า...” ตะวันตอบแล้วชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นสายตาสงสัยของพสุกับริว ชายหนุ่มรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาดื้อๆ จึงเผลอพูดเสียงห้วนไปกับปลายสาย
“แค่นี้นะจะทำงาน”
“...เอ่อ...ขอโทษนะ ไม่รู้ว่าทำงานอยู่...งั้นแค่นี้นะ บาย” น้ำเสียงหงอยๆ ของคนปลายสายทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ แต่ตะวันก็ยังคงเก็บความรู้สึกนั้นไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย
“ริว...พี่อยากกินน้ำกีวี ริวไปซื้อให้พี่หน่อยสิ ตู้ขายน้ำอยู่ข้างๆ ห้องนี่แหละ”
“ครับ” ริวรับคำแล้วลุกออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทีหลังเวลาเขิน นิ่งเสียบ้างก็ได้นะ” พสุบอกยิ้มๆ ตาเป็นประกายวาววับล้อเลียน
“อะไร...” ตะวันถามเสียงห้วนแทบเป็นกระชาก หากเป็นคนอื่นคงไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่ไม่ใช่กับพสุ
“ก็ไม่อะไร...แต่จะไม่โทรไปหาสักหน่อยเหรอ ป่านนี้น้อยใจแล้วมั้ง”
“ไม่ใช่เรื่อง...” ตะวันทำเสียงขุ่น หน้าบึ้ง แต่โหนกแก้มเป็นสีระเรื่อ ชายหนุ่มลุกพรวดแล้วเดินออกไปจากห้องสวนกับริวที่เดินถือกระป๋องน้ำหน้าเหรอหรามาให้พสุ
“พี่ตะวันโกรธอะไรเหรอครับ”
“พี่ไปกระตุกหนวดเสือเข้าน่ะ” พสุตอบยิ้มๆ แล้วรับน้ำผลไม้ทั้งสองกระป๋องมาเปิดยื่นให้ริวก่อนด้วยความเคยชิน
“ยังไงครับ?” ริวจิบน้ำไปจ้องหน้าพสุไปด้วยความสงสัย
“ก็....ไม่มีอะไร” พสุตอบยิ้มๆ แล้วยกน้ำผลไม้ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ริวแม้จะยังข้องใจ แต่เมื่อพสุไม่พูดเด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะซักถามเพราะนี่เป็นเรื่องของตะวัน ไม่ใช่เรื่องของพสุ เด็กหนุ่มจึงเลิกใส่ใจเพียงเท่านั้น
“พี่...ค่ำนี้ริวต้องเข้าออฟฟิศ พี่ไปกับริวนะ”
“เพลงยังไม่เรียบร้อยเหรอ?”
“อีกนิดหน่อยครับ พี่เผ่าอยากให้มันสมบูรณ์แบบกว่านี้”
“ก็เอาสิ”
“ขอบคุณครับ” ริวตอบแล้วขยับเข้ามาใกล้จนพสุชะงัก นึกว่าเด็กหนุ่มจะเข้ามากอด แต่ริวเพียงแค่เอาหูฟังมาใส่ให้เขาอีกข้าง เพื่อให้ฟังเพลงใหม่ที่เพิ่งแต่งทำนองเสร็จเท่านั้น แม้ริวจะไม่ได้กอดเขาตามที่เคยรับปากไว้ แต่เด็กหนุ่มก็ป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ตัวไม่ยอมห่าง
...................................................................
พอกลับมาถึงบ้านพัก ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน พสุสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงอ้อมแขนที่โอบรัดรอบตัวเขาแน่นทันทีที่ประตูห้องนอนปิดลง
“อะ...อะไรริว” พสุถามเสียงพร่า ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าพออยู่กันตามลำพังริวต้องเข้ามากอดเขาแน่ๆ
“ริวอยากกอดพี่ใจจะขาด” ริวบอกเสียงเบา แล้วซุกหน้าไว้กับต้นคอเขา ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดซอกคอทำให้พสุร้อนวาบไปทั้งตัว ชายหนุ่มพยายามจะดึงแขนที่โอบรอบเอวออกแต่ริวไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“ปล่อยเถอะ พี่อึดอัด อยากอาบน้ำ” พสุปรามเสียงเรียบทั้งที่ในใจปั่นป่วนราวกับมีพายุ
“ไม่เอา” ริวปฏิเสธทันควันแล้วกอดรัดชายหนุ่มแน่นกว่าเดิม
“เดี๋ยวจะต้องเข้าออฟฟิศไม่ใช่เหรอ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า” ชายหนุ่มรีบยกเรื่องงานขึ้นมาอ้าง เพราะดูจะเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดในเวลานี้
“เดี๋ยวก่อนได้ไหม ริวยังได้กอดพี่นิดเดียวเอง” ริวทำเสียงอ้อนแบบที่เคยใช้ได้ผลมาตลอด แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้...
“ไม่ได้ ไปเร็วๆ ไปอาบน้ำ” พสุทำเสียงดุแกมเอ็นดู ก่อนจะปลดแขนริวออกจากเอวได้สำเร็จแล้วดันหลังให้เด็กหนุ่มกลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง
“ก็ได้...อาบน้ำแล้วริวกอดพี่ใหม่ได้ไหม?”
“ไปอาบน้ำ”
ริวยังไม่วายต่อรอง แต่โดนดุสำทับจึงได้แต่หน้าจ๋อย
“ครับ”
พอไล่เด็กหนุ่มกลับไปอาบน้ำห้องตัวเองได้พสุก็รีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน ทั้งที่เขาคิดว่าใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำน้อยกว่าปกติแล้วแท้ๆ แต่เมื่อออกจากห้องน้ำก็พบว่าริวมานอนรออยู่บนเตียงแล้ว พอเห็นหน้าเขา เด็กหนุ่มก็ลุกปราดเข้ามากอดเขาไว้แน่น
“ริว! จะกอดพี่ทำไมนักหนา” พสุทำเสียงแข็งแล้วปลดแขนริวออกพร้อมกับเดินหนีแต่ริวตามมายึดแขนเขาไว้แน่น
“ทำไมล่ะ ริวกอดพี่ไม่ได้เหรอ?”
“ก็พี่อึดอัด” พสุตอบแล้วไม่กล้ามองหน้าริว กลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนอีก
“แต่พี่สัญญากับริวเองนะ ว่าถ้าอยู่กันลำพังสองคน พี่จะไม่ห้ามไม่ให้ริวกอดพี่”
“แต่...”พสุอึกอัก เพราะเขารับปากริวไปอย่างนั้นจริงๆ
“ไม่รู้แหละ ริวจะกอด” ไม่แค่เถียงแต่ริวยังโถมเข้ากอดแรงจนพสุหงายหลังล้มลงไปบนที่นอน ชายหนุ่มขยับจะลุกขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ริวก้มหน้าตามลงมา ใบหน้าของทั้งคู่จึงหยุดอยู่ห่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้น พสุขยับจะถอยแต่ริวกลับแนบปากจมูกตามติดมาบนแก้มเขา!
“ริวทำอะไร!” พสุเอ็ดแกมอุทานด้วยความตกใจ แม้ริวจะทำอาการเหมือนยื่นหน้ามาชนแก้มเขาแล้วถอยห่างก็ตาม แต่พสุก็ไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเป็นเรื่องปกติธรรมดาอีกต่อไป
“ทำไมล่ะ...ทีพี่ยังจูบริวได้เลย” คำตอบเสียงซื่อตาใสของคนตรงหน้า ทำให้พสุนอนตะลึง ตัวชาวาบด้วยความตกใจ
“ริวรักพี่นะ ทำไมริวจะจูบพี่ไม่ได้” ริวถามซ้ำแล้วแนบใบหน้าลงบนอกของพสุหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
พสุดันไหล่เด็กหนุ่มออกห่างแล้วรีบลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับริวด้วยสีหน้าซีดเผือด
“ตะ...ตั้งแต่เมื่อไหร่” ชายหนุ่มถามละล่ำละลัก ขณะที่คนฟังจ้องเขาตาแป๋วอย่างงุนงง
“อะไรครับ”
“พี่ไป..จะ...จูบริวตั้งแต่เมื่อไหร่?” พสุถามเสียงพร่ารู้สึกถึงเหงื่อเย็นๆไหลตามแผ่นหลัง
“ก็...ตอนที่ไปเกาหลี พี่ก็จูบริว แล้วเมื่อคืนพี่ก็จูบริวนะ ถึงริวจะหลับๆ ตื่นๆ แต่ริวก็รู้สึก” ริวอธิบายแล้วส่งยิ้มให้พสุ พลางขยับเข้ามาหาขณะที่พสุนั่งตัวแข็งค้าง หมายความว่าที่ผ่านมาริวรู้ตัวมาตลอดว่าโดนเขาจูบ...
“ริวรู้!”
“ครับ...ริวชอบ เวลาพี่จูบริวอุ่นดีออก ริวชอบ ริวมีความสุขมากๆ เลย”
ริวตอบแล้วยิ้มแป้น ดวงตากลมโตไร้เดียงสาเป็นประกายวาววับด้วยความสุข ราวกับกำลังพูดเรื่องขนมของโปรด หรืออะไรสักอย่าง ไม่ใช่เรื่องช็อกความรู้สึกจนพสุพูดไม่ออกอย่างตอนนี้
“ทำไมพี่ทำหน้าอย่างนั้นล่ะ พี่โกรธริวเหรอ?” ริวถามแล้วจ้องหน้าพสุด้วยสายตางุนงงแกมเป็นกังวล
“ริว...มันไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ...มัน...คือตอนนั้น...เอ่อ...พี่...”พสุพูดไม่ออก ความรู้สึกผิดและละอายถาโถมเข้ามาจนเหมือนในลำคอจุกแน่นไปหมด เขาจะบอกกับริวว่ายังไงดี...
“ไม่ดีตรงไหน ก็ริวรักพี่ พี่ก็รักริว”
“แบบน้อง!” พสุตอบสวนทันควันดังแทบเป็นตะโกน จนเด็กหนุ่มสะดุ้ง หน้าตาเหรอหราด้วยความตกใจ
“ฮื่อ...ก็แล้วทำไมพี่จะจูบริวไม่ได้ล่ะ”
“ริว ผู้ชายน่ะเขาไม่...” พสุพูดไม่ออก ถ้าเขาบอกริวว่าผู้ชายกับผู้ชายจูบกันมันไม่ใช่เรื่องปกติวิสัย แล้วริวจะคิดกับเขายังไง เพราะเขาเองที่เป็นคนไปจูบเด็กหนุ่ม เขาประมาทเกินไปที่คิดว่าริวจำไม่ได้ น้องจำได้ แต่เพราะความไร้เดียงสาทำให้ริวไม่รู้สึกว่านั่นคือสิ่งผิดแปลกแต่อย่างใด พสุมัวแต่หาเหตุผลมาอธิบายกับริว จึงไม่ทันระวังเมื่อเด็กหนุ่มจู่โจมจูบเขาอีกครั้ง
“ริว!” พสุอุทานแล้วรีบดันใบหน้าของเด็กหนุ่มออก เมื่อรู้ตัวว่าโดนริวจูบ ถึงจะแค่เอาปากมาชนปากเขาก็ตาม
“ทำไมล่ะ พี่ยังจูบริวได้เลย ริวก็อยากจูบพี่เหมือนกัน” ริวถามด้วยสีหน้างุนงง เหมือนไม่เข้าใจว่าพสุผลักเขาออกห่างทำไม
“ก็ตอนนั้นพี่เมา” พสุแก้ตัวเสียงสั่น พยายามถอยหนีแต่ริวก็ขยับตัวตามติด
“แต่เมื่อคืนพี่ไม่ได้เมา”
“พี่ก็แค่ละเมอ” พสุเถียงเสียงห้วนขึ้นเรื่อยๆ จนริวชะงัก นั่งมองหน้าเขานิ่ง
“แล้วถ้าไม่เมา ไม่ละเมอพี่จะไม่จูบริวเหรอ?”
สีหน้าไร้เดียงสานั้นทำให้พสุยิ่งรู้สึกละอายแกมโมโหตัวเอง จนเผลอโพล่งออกมาเสียงดัง
“ถ้ามีสติใครจะไปทำบ้าๆ แบบนั้น!”
ริวหน้าเสีย เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าพสุด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“ริวไม่เข้าใจ ทำไมพี่จูบริวได้ แต่ริวจูบพี่ถึงกลายเป็นว่าริวทำเรื่องบ้าๆ” ริวถามเสียงสั่น แต่กลับยิ่งเป็นการตอกย้ำความผิดพลาดให้พสุยิ่งรู้สึกรังเกียจตัวเองจนกลายเป็นความโกรธ
“มันไม่ใช่แค่นั้นริว ผู้ชายกับผู้ชายเขาไม่จูบกันหรอก มันผิดปกติ!...มันเป็นเรื่องน่ารังเกียจ น่าอาย ริวเข้าใจไหม!” เผลอตวาดออกไปแล้วพสุก็อยากจะกัดลิ้นตัวเอง เมื่อเห็นหยาดน้ำใสๆ ร่วงผล็อยจากตาโต สายตาที่มองเขาทั้งตัดพ้อ น้อยใจ และเสียใจจนพสุทำอะไรไม่ถูก
“ริว...คือพี่...”
“ริวไม่รู้ว่าพี่รังเกียจริว...ขอโทษครับ” ริวผุดลุกขึ้นแล้วผลุนผลันออกไปจากห้อง
พสุลุกจะตามไปแต่ขากลับก้าวไม่ออกดื้อๆ เขาจะบอกกับริวว่ายังไง จะอธิบายอะไรกับน้องดี ทุกอย่างไม่ใช่ความผิดริว แต่เป็นความผิดของเขาเอง เขาเป็นคนเริ่ม เป็นคนไปจูบน้อง ริวไร้เดียงสาขนาดนั้นย่อมไม่เข้าใจเป็นธรรมดาว่านั่นเป็นเรื่องผิดปกติ เขาเป็นคนทำให้ริวเข้าใจผิดแล้วเขาก็ยังเป็นคนทำร้ายความรู้สึกริวซ้ำอีก
พสุตัดสินใจตามไปหาริวที่ห้อง ยังไงเสียคืนนี้เขาก็ต้องอธิบายทุกอย่างให้ริวเข้าใจ แม้ว่าต่อไปเขากับริวจะมองหน้ากันไม่สนิทเหมือนเดิม แต่พสุก็เชื่อว่าความผูกพันที่พวกเขามีให้กันมาตลอด จะทำให้ริวยอมรับฟังเหตุผลเขาได้บ้าง
“ริว...ริว...เปิดประตูหน่อย พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” พสุเคาะห้องอยู่ครู่ใหญ่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา ชายหนุ่มจึงลองหมุนลูกบิดก็พบว่าห้องไม่ได้ล็อค
“ริว...” พสุเรียกซ้ำแล้วหันไปเปิดไฟเพราะเห็นว่าไม่มีคนตอบ ก็พบว่าริวไม่ได้อยู่ในห้อง ชายหนุ่มเดินไปดูในห้องน้ำก็ไม่พบจึงปิดไฟแล้วเดินออกมายืนคว้างอยู่หน้าห้อง
มืดค่ำป่านนี้แล้วริวจะไปไหนได้...พอคิดว่าริวจะหายไป พสุก็สะดุ้งใจหายวาบด้วยความตกใจ คราวที่แล้วเพราะน้อยใจเขา ริวก็ออกไปเดินคนเดียวทั้งที่ไม่รู้จักถนนหนทางในเกาหลีจนไปถูกตำรวจจับ แม้ตอนนี้จะอยู่เมืองไทย แต่เขาก็ไม่รู้ว่าริวจะเตลิดไปถึงไหน
พสุวิ่งกลับไปที่ห้อง หยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถ ขณะที่เดินลงไปที่รถก็โทรหาริวไปด้วย แต่เด็กหนุ่มไม่รับสาย
“รับสิริว...รับสิ ปัดโธ่ริว!” พสุสบถเบาๆ ด้วยความร้อนใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่ตะวันเดินขึ้นบันไดสวนมาพอดี
“มีอะไรไผ่”
“นายเห็นริวบ้างไหมตะวัน”
“เห็น...ก็ทำงานอยู่กับพี่เผ่า” ตะวันตอบรับด้วยสีหน้างุนงง
“อะไรนะ...บ้าจริง! ลืมไปได้ไงเนี่ย” พสุอุทานแล้วถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก เขาลืมไปเลยว่าทรงเผ่านัดริวเข้าไปห้องอัด ชายหนุ่มทรุดลงนั่งบนขั้นบันไดแล้วลูบหน้าที่มีแต่เหงื่อพลางถอนใจยาวซ้ำอีกที
“ทะเลาะกันเหรอไผ่” ตะวันหยุดยืนมองกิริยานั้นแล้วถามคำถามที่ทำเอาพสุเกือบสะดุ้ง
“ทำไมนายถามแบบนั้น” พสุถามเสียงแผ่ว แต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับตะวัน
“สีหน้าริวไม่ดีเลย ดูท่าทางเหม่อๆ ด้วย ถามอะไรก็ไม่พูด”
“...........................” คำตอบของตะวันยิ่งทำให้พสุรู้สึกแย่กว่าเดิมจนพูดอะไรไม่ออก เพราะรู้ดีแก่ใจว่าใครทำให้ริวเป็นแบบนั้น
“ฉันว่านายรีบคุยกันให้เคลียร์ดีกว่า บอกตรงๆ ว่าเห็นสีหน้าริวแล้วฉันไม่สบายใจ”
“อืม...” พสุรับคำแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกลับเข้าห้อง ชายหนุ่มลังเลที่จะตามริวไปที่ออฟฟิศ เขาเกรงว่าถ้าเห็นหน้าเขาริวอาจจะไม่มีสมาธิทำงาน หรือไม่ถ้าริวเกิดงอแงขึ้นมาก็อาจจะกลายเป็นว่าไปทะเลาะกันให้คนอื่นรู้เห็นเปล่าๆ...ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับริว มันน่าละอายเกินกว่าที่จะให้ใครมารับรู้ เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง และต้องรีบแก้ให้เร็วที่สุดด้วย
เกือบตี 2 ทรงเผ่าถึงได้ขับรถพาริวมาส่ง พสุนอนไม่หลับจึงลงไปเปิดประตูรับทันทีที่ได้ยินเสียงบีบแตรเรียก
พอเห็นว่าคนมาเปิดประตูเป็นเขา ริวก็ชะงักแล้วเดินเลี่ยงเข้าบ้านไปโดยไม่มองหน้าพสุสักนิดเดียว ยิ่งทำให้พสุใจหาย ริวไม่เคยเมินเขา ไม่ว่าเขาจะดุแรงสักแค่ไหน อย่างมากเด็กหนุ่มก็ร้องไห้ และพยายามจะพูดคุยกับเขาให้ได้ แต่คราวนี้ริวกลับหลบเขา แม้แต่หน้าก็ไม่ยอมมอง ทำให้ยิ่งร้อนใจอยากตามไปคุยให้รู้เรื่อง แต่ชายหนุ่มก็ต้องหยุดสนทนากับทรงเผ่าที่อุตส่าห์พาริวมาส่งถึงบ้าน
“ขอบคุณมากครับพี่เผ่าที่พาริวมาส่ง” พสุยกมือไหว้ทรงเผ่า พยายามควบคุมกิริยาให้สงบทั้งที่ใจแล่นตามริวขึ้นไปนานแล้ว
“ไผ่ดูน้องหน่อยนะ สงสัยจะไม่สบาย” ทรงเผ่าบอกเสียงเรียบแต่สายตาที่มองเข้าไปในบ้านดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ริวเป็นอะไรครับ?” พสุถามเสียงร้อนรนด้วยความเป็นห่วง
“ก็เมื่อกี้ กำลังทำงานอยู่ก็วิ่งไปอาเจียน ให้กลับมาพักก็ไม่ยอมมา จนอาเจียนอีกรอบ พี่ก็เลยลากกลับมานี่แหละ...ถ้ายังอาเจียนอีกพี่ว่าต้องไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ อาจจะอาหารเป็นพิษก็ได้”
“ขอบคุณครับพี่เผ่า งั้นเดี๋ยวผมไปดูริวก่อน” พสุยอมเสียมารยาทด้วยการไม่เชิญอีกฝ่ายเข้าบ้านด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาเป็นห่วงริวจนแทบจะทิ้งทรงเผ่าไว้คนเดียวแล้ว
“ไปเถอะ” ทรงเผ่าตอบรับอย่างเข้าใจก่อนจะหันกลับไปที่รถ พสุปิดประตูแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที
“ริว...ริว...เปิดประตูให้พี่หน่อย”พสุเคาะประตูเรียกอยู่หลายรอบ แต่ริวก็ไม่ขานรับ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจพรวดด้วยความร้อนใจ หากไม่ติดว่าตอนนี้ดึกมากแล้วเขาคงโทรไปถามหากุญแจสำรองจากแม่บ้าน พสุหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจโทรหาริว ตอนแรกเขาคิดว่าริวจะไม่รับสาย แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็รับโทรศัพท์จนได้
“ครับ” น้ำเสียงเบาๆ ที่ลอดมาตามสายทำให้พสุใจชื้นขึ้นมาทันที อย่างน้อยริวก็ยังไม่เป็นอะไร
“ริวครับ เปิดประตูให้พี่หน่อย” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อยากให้ริวรู้ว่าเขาอยากคุยด้วยจริงๆ
“ริวจะนอนแล้ว” เสียงสั่นเครือที่มาตามสายทำให้พสุใจหายวูบ น้องอาจจะ...ร้องไห้...
“ริว พี่ว่า...” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะยกเหตุผลมาอ้างให้ริวเปิดประตู เด็กหนุ่มก็พูดตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
“ริวเหนื่อย”
น้ำเสียงเศร้าๆ นั้น ทั้งอ่อนล้าและน้อยใจจนพสุยังรู้สึกได้ ชายหนุ่มยืนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ไม่รู้จะทำยังไงให้ริวยอมเปิดประตูให้เขาเข้าไป
“เอ่อ...พี่เผ่าบอกพี่ว่าริวไม่สบาย ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม” พสุถามซ้ำด้วยความเป็นห่วง เขาไม่รู้ว่าทำไมริวถึงอาเจียน อาจจะเจ็บป่วยหรืออาจจะเพราะ...เขา ไม่ว่าจะสาเหตุไหน ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆอยู่ดี
“...ครับ” ริวรับคำเบาๆ หลังจากเงียบไปนานจนพสุเกือบถอดใจ
“งั้นก็นอนพักเถอะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ หรือไม่ก็มาเรียกพี่ก็ได้นะ” พสุปลอบด้วยน้ำเสียงนุ่มเบา รู้สึกได้ว่าตอนนี้ริวคงไม่ยอมให้เขาเข้าไปแน่ๆ
“ครับ” ริวรับคำแค่นั้นแล้วตัดสายไปดื้อๆ
พสุจ้องมองประตูห้องของเด็กหนุ่มด้วยความกังวล ไม่ว่าจะด้วยความน้อยใจหรืออะไร แต่เขาก็ไม่ต้องการกดดันให้ริวยิ่งเครียดไปมากกว่านี้ จึงยอมถอยแต่โดยดี
……………………………………………
-
:monkeysad:
-
:o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
พี่ไผ่ใจร้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :sad4: :sad4: :sad4:
-
โอ้ยยยยยยยยยสงสารหนูริวอ่าาาาาาาาา ;__________;
-
สงสารริวจัง :sad4:ป่านนี้คงกำลังร้องไห้อยู่ พี่ไผ่หาทางคุยกับน้องเร็วๆนะคะ
-
:sad4:
สงสารนู๋ริว ช็อคขนาดไหนเนี่ย
-
:sad4: :sad4:
-
ทำไมอ่านตอนนี้แล้ว...น้ำตาคลอเลยอ่ะ
โอ๊ยยยย ปวดใจ T_T
ปล. เลขตอนสวยนะคะ ^-^
-
ไม่เอา!!!!! ไม่เอาแค่นี้T____T หลับไม่ลงเลยทีเดียววว
สงสารน้องไม่ไหวแล้ว
-
น้ำตาไหล ง่า
แปลกที่ไม่ได้ไหลตอนริวผละออกไปเพราะเสียใจ
แต่มันไหลตอน ที่ไผ่กำลังวิ่งวุ่นตามหาริว อ่า
ซึ้งง่า :m15: :m15:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดด พี่ไผ่!!!!!! ไม่ได้ใจเลยค่ะตอนนี้ๆๆๆๆๆ
เคืองงงงงงงงงงง :m31:
-
ริวเป็นแบบนี้เพราะคำว่าเกียจคำเดียวนะพี่ไผ่
เคลียร์ให้ได้เร็วๆนะ
เดี๋ยวลีชินกี จะมาแทรกแซงอีก
สงสารน้องจัง พี่ไผ่ยอมรับตัวเองหน่อยสิ
อยากรู้ตะวันคุยกับใครนะ
แฟน คนที่ชอบ คนที่มีใจ
แล้วผู้หญิงหรือชายนะ
พูดกันเหมือนชายเลยนะ
ไวน์เหรอเปล่า เดาไปนะ
อยากอ่านตอนต่อไปแลวนะ
-
จู่ๆ ก็ดราม่า !!!!!!!
น้องริวไม่ผิดอะไรเลยอ่ะ
พี่ไผ่รู้ตัวช่ะ? ว่าตัวเองผิดน่ะ
โฮๆๆ สงสารน้อง คงเครียดมากที่พี่ไผ่รังเกียจ
T^T แง๊ๆๆๆๆๆ จะโกรธกันนานมั้ยยยย
แล้วคนที่โทรหาตะวันน่ะใครกัน??
><
-
เคืองนายไผ่
-
สงสารริวมากเลย ไผ่ใจร้ายมาก
ริวเมินไผ่ให้เข็ดเลยนะจะได้รู้ว่าริวไม่ใช่หมูในอวย ชิชิ
อยากพูดอะไรอยากทำอะไรกับริวก็ได้ไม่รักษาน้ำใจกันเลย :angry2: :angry2: :angry2:
-
ทำไมพี่ไผ่มาถอยหล่ะคะ รุกสิคะ
มัวแต่ถอย น้องเสียใจรู้มั้ย
-
แง๊ สงสารน้องอ่าพี่ไผ่ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย น้องแสดงออกซะชัดขนาดนี้มัวแต่ยึกยัก น้องเสียใจเห็นไม๊ใจร้ายจริงๆ
-
น้องริว อย่าเป็นอะไรน้า :serius2:
-
ทำไมต้องเป็นแบบนี้หงา
สงสารริว :m15:
-
ม่ายยยยยยยยยยยย ไม่เอาแค่นี้อ่ะ :o12:
-
อ่า..สงสารน้องอ่ะ พี่ไผ่ใจร้าย!!
อยากบอกไผ่จังว่า ปัจจุบันริว ไม่ใช่ผ้าขาวที่พับเก็บไว้ในตู้อีกต่อไปแล้ว แต่ริวตอนนี้เป็นผ้าขาวที่ถูกนำมาใช้งานแล้ว และผ้าผืนนี้กำลังถูกเติมสีต่างลงไปบนผืนผ้า และคนที่เติมสีลงไป มันเป็นตัวของไผ่เอง และพอคุณไม่ชอบสีที่ระบายลงไป แล้วจะทาทับมันด้วยสีขาว ผ้าผืนนั้นมันไม่อาจเป็นสีเดิมของมันได้หรอก... ...จบ...
-
สงสารไผ่ มีแต่คนเข้าใจผิด โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ :o12:
เริ่มหมั่นไส้อินู๋ริว แม่ยกเยอะดีนัก ไผ่จับกดมันไปเลยลูก :interest:
-
:o12: สงสารริว แต่ก็รู้ว่าไผ่ได้ตั้งใจ
-
เอาล่ะเฟ้ย....ใกล้เข้าไปอีกนิดแล้ว
ขอเป็นมาม่าชามน้อย ๆ นะจ๊ะ :กอด1:
-
:monkeysad:
-
ตามอ่านไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว
อยากเม้นใจจะขาดแต่หัวตื้อไปหมด(อ่านรู้เรื่องได้ไงยังงง)
ขอตัวไปนอนก่อนละกันตอนหน้าค่อยมาเม้นใหม่ (พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้าอีก) :z3:
-
:angry2:ทำไมถึงทำกันแบบนี้
ค้างอ่ะ ค้่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
:z3: :z3: :z3: :z3:
-
ยังงงอยู่ว่าพี่ไผ่จะแก้ปัญหายังไง...
หวังว่าคงจะไม่ทำให้น้องน้อยใจจนหนีกลับบ้านนะคะ....
ตั้งแต่อ่านมานี่เพึ่งจะเคยเห็นโหมดพี่ไผ่ง้อนะเนี่ย....จะง้อได้ไหมน่อ..
-
งืมมมม เกิดเหตุอีกละ อิอิ พี่ไผ่สู้ๆ นะ (เข้าข้างสุดฤทธิ์ 555)
-
น้องริวเรา เห็นแล้วน่าสงสารอะ
พี่ไผ่ใจร้ายอะ ตัวเองเมื่อไรจะรู้ใจตัวเองนะ
-
:fire: โกรธไผ่ที่สุด!!
-
สงสารน้องริวจัง
-
โอ๊ยยยยยยย อึดอัด :sad4:
-
ริวน่าสงสาร :sad4:
-
เข้าใจไผ่นะ...แต่ก็อดสงสารริวไม่ได้ :o12:
แล้วก็เริ่มจะรู้สึกเกลียดคำว่า "หาเหตุผล" ของไผ่แล้วสิ :serius2:
-
ไผ่ก็ตกใจกับความรู้สึกตัวเองทำไรไม่ถูก
ริวก็ตกใจที่พี่ไผ่เป็นแบบนี้
สรุปคนอ่านเศร้า :monkeysad:
:pig4: คะ มาต่อเร็ว ๆ นะคะ
-
พี่ไผ่อ่ะ..รีบหาทางคืนดีกับน้องเลย.. :z3:
ตกใจอะไร ยังงงกับความรู้สึกตัวเองแค่ไหนก็อย่าทำกับน้องแบบนี้สิ...(อินจัดเลยตรู)
น้องเสียใจนะ :monkeysad:
ชิชิ เมินพี่ไผ่แล้ว...
ถ้าได้อ่านคู่พี่ตะวันด้วยก็ดีน๊า...คริคริ
+1 จ้า
-
เห้อ
สงสารริวอ่าาาาา
-
กาซิกๆ โถๆๆน้องริว
:impress3:
-
โอย อัดแน่นในหน้าอก
-
สงสัยริวช็อคจนอ๊วก ไผ่เอ้ย :เฮ้อ:
-
แงงงงงงงงงงงงง
พี่ไผ่ทำร้ายจิตใจน้องริว :sad12:
เดี๋ยวน้องริวเสียใจมาก จนตรอมใจตายจะทำไง :o12:
:sad2: << ตอนนี้น้องริวคงนอนร้องไห้มีสภาพแบบนี้แล้วมั้งเนี่ย!
-
ไผ่นี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ!!!!!!!
โกรธแล้วเฟ้ย
-
อ่านแล้วเครียดเบาๆแต่ก็ชอบนะ หวังว่าจะลงเอยด้วยดี ขอบคุณค่ะ
-
สงสารริว แต่ก็เข้าใจไผ่นะ ไผ่ยังสับสน เลยยังไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
คงต้องหาตัวช่วยแล้วมั้ง ตะวันน่าจะเป็นตัวช่วยได้(รึเปล่า)
เพราะดูเหมือนตะวันจะอ่านคนทั้งสองออก และค่อนข้างจะเข้าใจทั้งสองคนด้วย
ผู้เขียนคะ ได้โปรดอย่าให้มีบรรยากาศอึมครึมปนความเศร้าแบบนี้อยู่นานนักนะคะ
ผู้อ่านใจรอนๆอย่างไรไม่ทราบตะ
-
“เจ๋ง” ตะวันตอบแล้วชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นของโทรศัพท์มือถือ ชายหนุ่มล้วงออกมากดรับโดยไม่ต้องมองหน้าจอ เพราะคนรู้เบอร์ของเขามีแค่เพื่อนๆ ในวง กรเวช และ...ผู้จัดการคนใหม่ของเขาเท่านั้น
กลับไปอ่านใหม่อีกรอบ
เฮ้ย! ตะวันพบรักกับผู้จัดการคนใหม่เหรอเนี่ย ว้าวๆๆๆๆ \(*0*)/
อยากอ่านต่อจัง มาโพสต่อเร็วๆเน้อ~
-
สงสารริวอ่ะ พสุใจร้ายจริงๆ เลย
ถ้ารับไม่ได้ขนาดนั้นจะไปจูบริวทำไม
เป็นกำลังใจให้ริวนะครับ สู้ๆๆ อิอิ
-
:o12: :o12: :o12:
สงสารริว :monkeysad:
-
ผู้จัดการคนใหม่? ใครอ่ะ? :impress2: แถมคนที่พี่ตะวันเขินเนี่ย เขาเป็นใครกันหนอ?
ส่วนพี่ไผ่ น้องริว เหมือนจะเริ่มดราม่านิดหน่อยซะแล้วล่ะ แอบดีใจนะเนี่ยที่สองคนนี้เค้าดราม่ากันได้ เพราะทุกทีเห็นหวานใส่ตลอด
-
ไงเข้ามาอ่านก็อยากร้องไห้แล้ว พี่ไผ่ทำงี่ได้ไง
คุยกับน้องเลยนะ เข้าใจตัวเองสักทีเหอะ
แล้วพี่ตะวันอีกเขาต้องอะไรไปเนียใครอ่ะโทรมาอยากรู้
-
ไผ่ใจร้ายยยย
สงสารริวอ่า :monkeysad:
-
พี่ไผ่!!!! :angry2:
ไปตวาดน้องได้ยังไง :serius2:
รู้ว่าสับสน แต่ก็ไม่น่าจะพูดรุนแรงอย่างนั้นนิ
นู๋ริว :dont2:
อย่าร้องไห้ อย่าทำแบบนี้
อย่าไปยอมพี่ไผ่ ตบ จูบ แล้วกดเลย o18
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ สู้ ๆ :กอด1:
-
เครียดลงกระเพาะแล้วเจ้าริวเอ๋ย
ความเจ็บปวดของไผ่ ที่โดนน้องเมิน
ไม่ได้ครึ่งที่ริวโดนว่า โดนการแสดงออกว่ารังเกียจของไผ่
ซึ่งเป็นคนที่รักมากที่สุดหรอก
-
สงสารไผ่ มีแต่คนเข้าใจผิด โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ :o12:
เริ่มหมั่นไส้อินู๋ริว แม่ยกเยอะดีนัก ไผ่จับกดมันไปเลยลูก :interest:
555 แอบมายกไผ่หรือเนี่ย คุณ Anonymus
-
:เฮ้อ:ถึงริวจะฉลาด เก่ง แอบเจ้าเลห์มาบ้าง แต่โลกของริวก็ยังเป็นสีขาว มีแต่พี่ไผ่
-
สงสารริวอ่ะ
พี่ไผ่ไม่น่าพูดทำร้ายจิตใจน้องหยั่งนั้นเลย
น้องริวกำลังมีความสุข สลดทันทีเลย~เฮ้อ
เออ~แล้วใครโทรหาตะวันอ่ะ
ตะวันมีใครแอบซ่อนอยู่รึป่าว
ลักษณะการพูดจามันดูแปลก ๆ น๊า
-
สงสารริวมากกกก เกือบร้องไห้เพราะสงสารริว
ไผ่ทำไมใจร้ายพูดจาทำร้ายจิตใจของน้องริว
น้องริวไม่สบายเลย
สงสารริววววววววววววววววว
-
:angry2:โอ๊ย กำลังเข้มข้น ยอมรับใจตัวเองซะไผ่ ขอร้อง
สงสารริวอะ :call: :call: :call:
-
:z3: :serius2: พี่ไผ่พูดไม่คิดเลยยยยยยย
ทำน้องเสียใจเลย เปงไงละ ง้อด่วนๆๆเลยนะ :z3:
สงสารริวอ่าาาาา :m15:
-
ไผ่แค่ลองเปิดใจสักหน่อยอาจจะรู้ก็ได้ว่า จริงๆ ในใจมีริวอยู่ตั้งนานแล้ว
-
พี่ไผ่พูออะไรออกไปปปปปป
สงสารริวสุดๆดูสิคิดมากจนเครียด
เครียดมากๆเลยอาเจียนเลยเห็นมั้ย
รีบๆปลอบริวให้เป็นเหมือนเดิมเลย
:กอด1: :L2: :pig4:
-
โอยๆๆๆ ดราม่า เกลียด พสุ ละ โป้งๆๆๆ มาทำ ริวจัง ร้องไห้ ริวไปรักกับ อลันเถ้อๆๆๆๆ
-
สงสารริว :impress3:
-
สงสารริวววววววววววววว :monkeysad:
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะรู้สักทีว่าน้องรักตัวเองแบบใหนนนน
ทั้งที่ก็รูสึกเหมือนกันแล้ว แค่เปิดใจเท่านั้นเอง :เฮ้อ:
สงสารเด็กน้อยยย จะเป็นงัยบ้างก็ไม่รู้ มาต่อเร็วๆนะค๊า :L2:
-
ทำไมไผ่เขินรุนแรงจังเลย เอาซะดราม่าเชียว :110011:
-
ตอนนี้เลขสวยจัง 69 ว่าแต่เลขไหนเป็นริว เลขไหนเป็นพี่ไผ่หละเนี้ยยยยยยยยยยยยย
-
สวัสดีตอนเกือบเช้า(มันสายแล้วอ่ะ) :laugh:
เข้ามานั่งรอ...พี่ไผ่รีบเคลียร์ตัวเอง :กอด1:
-
:a5:
ระ ร้ายกาจ!!!
ริวทำแบบนี้นี่บีบพี่ไผ่ซะพี่ไผ่กลายเป็นคนผิดเลย
ริวไม่ผิดก็จริง แต่พี่ไผ่ก็ไม่ผิดนะ แต่รูปการแบบนี้เหมือนพี่ไผ่ทำให้ริวหลงซะงั้น
มองจากมุมมองปัจจุบันเหมือนพี่ไผ่ใจร้าย แต่จริงๆริวเป็นคนมีใจแต่แรก พี่ไผ่ไม่ได้หลอกซักหน่อย
ริวล่อลวงพี่ไผ่ให้เข้าใกล้เรื่อยๆนะเนี่ย
แบบนี้พี่ไผ่ไปไหนไม่รอดแหงแซะ :z2:
-
สงสารนู๋ริวอ่าาาา
แต่ก็เข้าใจไผ่นะ ยิ่งอยู่ในช่วงกำลังสับสนแบบนี้
-
สงสารนู๋ริวอ :o12:าาาา
มานั่งรอ..รอ..รอ...รอ
-
:z2: พี่ไผ่จะแพ้ความไร้เดียงสาของริวจริงๆซะแล้วละมั้งเนี่ย :impress2:
:pig4: :pig4:
-
สงสารนู๋ริว :monkeysad:
-
สงสารไผ่ มีแต่คนเข้าใจผิด โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ :o12:
เริ่มหมั่นไส้อินู๋ริว แม่ยกเยอะดีนัก ไผ่จับกดมันไปเลยลูก :interest:
น่านสิ คุณป้าไร้ท์เตอร์ต้องจัดให้มั่งนะ
ฮืออออ พี่ไผ่ผู้น่าสงสารของเจ โอ๋ว์ๆๆๆ
-
สงสารนู๋ริวอาา:impress3:
:sad11:มานั่งรอ..รอ..รอ...รอ..รอ..รอ...รอ..รอ..รอ...รอ :m15: :monkeysad:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
กด+ดัน :z13:
-
มานั่งรอ..รอ..รอ...รอ..รอ..รอ...รอ..รอ..รอ...รอ :monkeysad:
-
โอมมมมม จงมาอัพ จงมา จงมา :call: :call: :call:
-
อยากให้สองคนรักกันเร็วๆๆจังเลย..
เป็นห่วงกันไปเป็นห่วงกันมาแต่ไม่มีใครบอกความในใจกันสักทีอะ..
เพี้ยงงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จงรักกัน ๆๆๆ
-
เพิ่งตามอ่านเรื่องนี้ค่ะ
น้องริวน่ารักมากเลยยย
พี่ไผ่ก็ซื่อบื้อได้อีกกกกกก
บื้อจนตอนนี้น้องเจ้าเล่ห์กว่าแล้วน๊า
ปล.แอบชอบพี่ตะวันนน~
5555555555555
ปล.ฝากไรทเตอเตะคุณลี ทีนะคะ
ฮ่าๆๆๆๆๆ
-
สงสานนนนน ริวมากกก!!!!!
-
:monkeysad:
ปวดตับจี๊ดดๆๆๆๆๆๆ
-
"สั่งอาหารด้วยค่ะ...ขอพี่ไผ่เสิร์ฟคู่น้องริว เน้นหวาน ๆ ที่นึงนะคะ" o11
-
โอมมมมม โอมมมมมมมมม จงมา จงมา จงมา จงมาอัพพพพพ :call:
เมื่อไรจะรักกกันนซักที :o12:
-
รักกัน รักกัน พี่ไผ่ยอมน้องริวเร็วๆ แต่ว่า สงสัยเรื่องนี้เมื่อถึงตอนนั้นพี่ไผ่ต้องออนทอปเองแน่เลยอ่ะ ต้องสอนก่อนริวยังมะเคย หุหุ
-
ตอนที่ 70
ชายหนุ่มกลับมาเดินวนเวียนอยู่ในห้องด้วยความไม่สบายใจ เขาไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดี เขาผิดเต็มประตู เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากเขาเองทั้งสิ้น หากไม่เพราะเขาไร้สติขาดความยับยั้งชั่งใจปัญหาทั้งหมดก็คงไม่เกิด
พสุทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วถอนหายใจเฮือกยาว มือลูบไปบนที่นอนเย็นเฉียบข้างตัวแล้วยิ่งรู้สึกผิด...เขามีสิทธิ์อะไรไปแสดงความเกรี้ยวกราดใส่ริว ในเมื่อคนที่เป็นฝ่ายผิดก็คือเขา เขาเองที่เป็นคนไปจูบริว เขาเองที่เป็นฝ่ายกอดริวก่อน...จำได้ว่าเขาเองที่เป็นฝ่ายไปหลับซบไหล่ริวบนรถแท็กซี่ทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก
ชายหนุ่มพลิกตัวไปมองหมอนใบโตที่วางอยู่ข้างๆแล้วถอนหายใจเฮือก น่าแปลกที่เขารู้สึกว่าเตียงมันกว้างเกินไป กว้าง...จนรู้สึกเหงา เงียบ...จนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองดังชัดเจน และอากาศก็เย็นจนหนาวยะเยือก
พสุลุกขึ้นเพิ่มอุณหภูมิ คงเพราะทุกคืนเขามีริวนอนอยู่ข้างๆ เด็กโข่งที่พยายามจะเบียดเข้ามาห่มผ้าผืนเดียวกับเขาทั้งที่ขี้ร้อนจนต้องเปิดแอร์เย็นเฉียบทุกคืน...
พสุนอนลืมตาโพลงอยู่จนสว่าง เสียงปลุกจากมือถือเตือนให้เขาต้องลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปทำงานแต่เช้า ทั้งที่อยากจะรอคุยกับริวก่อน แต่เขาก็ไม่สามารถทอดทิ้งความรับผิดชอบในหน้าที่ได้ ชายหนุ่มทำได้เพียงโทรไปปลุกตะวันเพื่อฝากให้ดูแลริว ก่อนจะออกไปทำงานทั้งที่ในใจยังหนักอึ้งด้วยความกังวลและเป็นห่วง
ระหว่างที่กำลังอัดรายการ พสุสังเกตเห็นกรเวชรับโทรศัพท์แล้วมีสีหน้าผิดปกติ แต่เพราะอยู่ในระหว่างทำงานพสุจึงไม่สามารถปลีกตัวไปคุยได้ จนอัดรายการเสร็จกรเวชก็ตรงเข้ามาหาทันที
“เสร็จแล้วใช่ไหมครับ” กรเวชหันไปถามโปรดิวเซอร์รายการอย่างร้อนใจ
“ครับ...เดี๋ยวขอเชิญคุณพสุถ่ายรูป...” โปรดิวเซอร์ของรายการยังไม่ทันพูดจบกรเวชก็ยกมือไหว้อีกฝ่ายทันที
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีมีเรื่องด่วนที่บริษัท ต้องรีบพาพสุกลับไปด่วนเลยครับ”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ”
สีหน้าวิตกกังวลของกรเวชทำให้อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะทั้งพสุและกรเวชนั้นเป็นคนที่ได้ชื่อว่ารับผิดชอบเรื่องงานสูงมาก หากไม่ใช่เรื่องด่วนจริงๆ กรเวชคงไม่กล้าเสียมารยาทมาขอตัวพสุกลับไปทั้งที่ยังไม่ได้ถ่ายรูปกับทีมงานของทางรายการแบบนี้แน่ๆ
“ไปเร็วไผ่” กรเวชหันไปเร่งพสุที่กำลังถอดเทปและไมค์คืนให้เจ้าหน้าที่ของทางรายการ พร้อมกับคว้ากระเป๋าของพสุมาถือให้ พสุไหว้ลาโปรดิวเซอร์และทีมงานทุกคนก่อนจะเดินแกมวิ่งตามกรเวชออกมาที่ลิฟต์
“มีอะไรพี่” พสุถามทันทีที่อยู่ลำพัง วูบแรกชายหนุ่มนึกไปถึงริวก่อนด้วยความกังวล
“ตะวันโทรมาบอกว่าริวไม่ยอมออกจากห้อง เรียกก็ไม่ขาน ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า” กรเวชตอบหน้าเครียดๆ เขาเองก็ใจแทบลุกเป็นไฟตั้งแต่รู้เรื่อง แต่ยังอุ่นใจที่ตะวันอยู่ที่นั่นทั้งคน ตะวันคงไม่ปล่อยให้ริวเป็นอะไรไปแน่ๆ
“อะไรนะครับ” พสุอุทานแล้วหันไปมองหน้ากรเวชด้วยความตกใจ พร้อมๆ กับที่ประตูลิฟต์เปิดออก กรเวชรีบเดินนำออกมาที่หน้าตึกแต่ไม่เห็นรถตู้ของบริษัทจอดอยู่แถวนั้น
“ไผ่รอแป๊บนะ พี่จะโทรให้เขาเอารถมารับ”
พอกรเวชโทรศัพท์ พสุก็เดินแยกออกมาโทรหาริวเช่นกัน เสียงเพลงรอสายดังจนตัดไปหลายรอบ แต่ริวก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ จนชายหนุ่มร้อนใจยิ่งกว่าเดิม
“ไปเร็วไผ่รถมาแล้ว” กรเวชหันมาบอกแล้วเป็นฝ่ายวิ่งตามเพราะพสุวิ่งไปถึงรถก่อนแล้ว
ทั้งที่จากสตูดิโอที่อัดรายการมาถึงออฟฟิศใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมง แต่สำหรับพสุกลับรู้สึกเหมือนนานชั่วกัปชั่วกัลป์ พอรถจอดชายหนุ่มก็วิ่งเข้าไปในบ้าน สวนกับคนงานสองคนที่ถือกล่องเครื่องมือลงมา
“ตะวันเกิดอะไรขึ้น!” ชายหนุ่มถามแทบเป็นตะโกนเมื่อตะวันเดินแกมวิ่งลงบันไดมา
“ฉันจะไปโทรตามหมอ นายไปดูน้องก่อน ริวอยู่ที่ห้องนายนั่นแหละ” ตะวันบอกเสียงห้วน สีหน้ากังวลของอีกฝ่ายทำให้พสุใจหายวูบ
ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปในห้อง เห็นธีรดลกับไวยากรณ์ยืนอยู่ข้างเตียง ขณะที่ริวนั่งห่มผ้าอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีด ปากเขียวคล้ำ ยังไม่น่าตกใจเท่ากับที่เด็กหนุ่มนั่งตาลอยเหมือนไม่รับรู้อะไร
“ริว...ริวครับ...” พสุทำอะไรไม่ถูก ชายหนุ่มค่อยๆ ทรุดลงนั่งข้างๆ ขณะที่พยายามเรียกริว แต่เด็กหนุ่มกลับนั่งเหม่อเหมือนไม่รับรู้ว่าเขาเข้ามา
“ไวย์ ดล น้องเป็นอะไร” พสุหันไปถามไวยากรณ์กับธีรดลเสียงสั่น ริวห่มผ้ามิดชิดจนดูไม่ออกว่าเด็กหนุ่มได้รับบาดเจ็บอะไรหรือไม่ แต่สีหน้าเลื่อนลอยแบบนี้ก็ทำให้กังวลจนทำอะไรไม่ถูก
“ผมก็ไม่รู้ เมื่อเช้าพี่เผ่าโทรมาถามว่าริวหายป่วยหรือยัง ผมก็เลยมาดู แต่เรียกเท่าไหร่ริวมันก็ไม่ยอมเปิดประตู ผมเลยไปตามพี่จันมาไขประตูให้ พอเข้ามาก็ไม่เจอริว...แต่ห้องเปิดแอร์จนเย็นเฉียบแถมห้องน้ำก็ล็อค เรียกเท่าไหร่ริวก็ไม่ขาน พี่จันก็ไม่มีกุญแจห้องน้ำ พี่ตะวันก็เลยโทรตามช่างมางัดประตูให้ ก็เจอริวนั่งแช่อยู่ในอ่างน้ำทั้งเสื้อผ้า แล้วก็อาการเป็นอย่างที่พี่เห็นนี่แหละ...” ไวยากรณ์รายงานรวดเดียวจบแล้วจ้องมองริวเขม็งด้วยความเป็นห่วง
พสุรู้สึกเหมือนใจหล่นวูบลงไปอยู่ที่เท้า ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกเพื่อตั้งสติ แล้วค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ริวอีกนิด
“พี่ตะวันให้ริวมานอนที่ห้องพี่ไปก่อน เพราะพรมที่ห้องริวมันเปียกแฉะไปหมด ยังดีนะพี่ที่ริวมันยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าง่ายๆ ไม่รู้มันแช่น้ำอยู่นานแค่ไหนแล้วเนี่ย” ไวยากรณ์บ่นงึมงำแล้วหยุดพูดเมื่อธีรดลกระทุ้งศอกบุ้ยใบ้ให้มองหน้าเผือดซีดของพสุ
“ริวครับ...ริว...” พสุเรียกเด็กหนุ่มซ้ำๆ แล้วขยับจะเข้าไปลูบหัว
“...อย่า...” ริวเบี่ยงตัวหนี แล้วซุกหน้าลงกับหัวเข่า
“ริวครับ พูดกับพี่หน่อย...ริวเป็นอะไรไป” พสุทำเสียงปลอบประโลมทั้งที่ใจร้อนเหมือนไฟเผา อยากดึงเด็กหนุ่มมากอดปลอบ แต่ก็ติดที่มีไวยากรณ์และธีรดลอยู่ในห้องด้วย
“พี่รังเกียจริว...พี่เกลียดริว” คำตอบแผ่วเบา กลับทำให้พสุหัวใจกระตุกวูบ นี่เขาทำอะไรลงไป!
“ดล...ไวย์ ออกไปก่อนได้ไหม ขอพี่คุยกับริวตามลำพัง” พสุขอร้องโดยที่สายตายังจ้องแน่วแน่อยู่ที่ริว
“แต่...” ไวยากรณ์อ้าปากจะโวยเพราะเขาเองก็ห่วงริวเหมือนกัน แต่โดนธีรดลปิดปากไว้ไม่ให้พูด
“ได้สิ ไปเถอะไวย์” ธีรดลล็อคคอไวยากรณ์แล้วลากออกไปจากห้อง แถมยังกดล็อคประตูให้
พสุเอื้อมมือไปลูบหัวริว แต่เด็กหนุ่มขยับหนีโดยที่ยังไม่ยอมเงยขึ้นมาจากเข่า
“ริวครับ...พี่เคยบอกริวแล้วว่าพี่ไม่เคยเกลียดริว ไม่เคยคิดเลยสักครั้ง” พสุยืนยันเสียงหนักแน่น พร้อมกับจับแขนริวไว้แน่น กันเด็กหนุ่มถอยหนีจนตกเตียงลงไป
“พี่เกลียด! พี่บอกริวเองว่าพี่รังเกียจริว” ริวค้านเสียงอู้อี้โดยยังก้มหน้าซุกหัวเข่านิ่งเหมือนเดิม
“พี่ไม่ได้รังเกียจริว” พอได้ยินพสุย้ำคำเดิม เด็กหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาคลอด้วยหยาดน้ำใสๆ จวนเจียนจะหยด
“แต่พี่ว่า ผู้ชายกับผู้ชายเขาไม่จูบกันหรอก มันผิดปกติ มันเป็นเรื่องน่ารังเกียจ น่าอาย...”
พสุพูดไม่ออกเมื่อริวทวนคำพูดเขาตามที่เขาเคยพูดไว้ไม่มีผิดสักคำ ชายหนุ่มได้แต่สบตาแดงช้ำด้วยความเสียใจ
“ริว...พี่...พี่ไม่รู้จะพูดยังไงดี...พี่ขอโทษ เป็นความผิดพี่เอง...พี่...”
“พี่เกลียดริวเหรอ”สายตาที่มองพสุทั้งน้อยใจและเสียใจจนพสุรู้สึกจุกแน่นในอก
“ไม่ริว พี่ไม่ได้เกลียดริว” พสุยืนยันซ้ำแล้วนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของริว
“แล้วรักริวไหม”
“พี่...เอ่อ...” พสุไม่กล้าตอบ เขาไม่รู้จะบอกถึงความแตกต่างของคำว่า “รัก” ให้ริวเข้าใจได้ยังไง
“ไผ่...ไผ่ หมอมาแล้ว” เสียงกรเวชเรียกดังลอดเข้ามาแว่วๆ พสุคิดจะลุกไปเปิดประตู แต่สายตาแน่วแน่ของเด็กหนุ่มทำให้เขาขยับตัวไม่ได้
“พี่รักริวไหม?” ริวถามซ้ำ ไม่สนใจว่าข้างนอกห้องจะมีใครรอพวกเขาอยู่บ้าง
“คือพี่...” พสุอึกอัก เพียงแค่เขาลุกไปเปิดประตู เขาก็จะพ้นจากสถานการณ์ชวนอึดอัดนี้ แต่เขาไม่กล้า...ไม่กล้าทำร้ายริวไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ไผ่เปิดประตูหน่อย” เสียงเรียกซ้ำดังกว่าเดิม พ่วงด้วยเสียงเคาะประตูรัวๆ ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจได้เด็ดขาด
“ริวครับ...ให้หมอตรวจก่อนนะ แล้วเราค่อยคุยกัน ได้ไหม”
ริวมองพสุด้วยสายตาตัดพ้อ แต่ก็ยอมพยักหน้าช้าๆ แล้วซุกหน้าลงกับเข่าอย่างเดิม พสุลุกไปเปิดประตูให้หมอ กับทุกคนเข้ามาในห้อง
หมอเข้ามาตรวจดูอาการริวแล้วบอกว่าเด็กหนุ่มไม่เป็นอะไรมาก แค่อ่อนเพลียเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอและให้เฝ้าดูอาการ หากมีไข้สูงให้รีบพาไปโรงพยาบาล
กรเวชออกไปส่งหมอ พสุ ตะวัน ไวยากรณ์ และธีรดล จึงนั่งลงรอบๆ ตัวริว แล้วพากันถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก
“เป็นอะไรไปริว ถึงลงไปแช่น้ำเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่ได้?” ไวยากรณ์ถามแล้วจับหัวริวโยก แต่เด็กหนุ่มปัดมือไวยากรณ์ออก แล้วซุกตัวลงนอนพร้อมกับดึงผ้าขึ้นคลุมหัว
“เฮ้ย! ไรวะ แค่นี้ต้องโกรธด้วย” ไวยากรณ์แกล้งดึงๆ ผ้าห่มออกแบบไม่จริงจังนัก เพราะต้องการหยอกให้ริวหายซึมเศร้าเท่านั้น ให้ริวแสดงความโกรธออกมาก็ยังดีกว่านั่งนิ่งๆ ตาลอยๆ เหมือนตอนแรกที่เห็น
“ไวย์อย่ายั่วน้องน่า...พวกเราออกไปกันเถอะ ให้ริวได้พักผ่อน” ตะวันดุไวยากรณ์แล้วหันไปชวนทุกคนออกจากห้อง ดูจากกิริยาของริวก็รู้ว่าเด็กหนุ่มไม่ต้องการให้ใครวุ่นวายด้วย
“พี่...” เสียงเรียกอู้อี้จากในผ้าห่ม ทำให้ทุกคนชะงัก ริวโผล่หน้ามาจากผ้าห่มแค่ดวงตา แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มจ้องมองพสุเขม็ง คนอื่นๆมองหน้ากันแล้วก็ตัดสินใจออกไปจากห้อง ทิ้งพสุให้อยู่ดูแลริวตามลำพัง ตะวันยังหันมากดล็อคประตูให้ก่อนออกไป
พสุกลับไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ริวเอื้อมมือออกมาเหมือนจะจับมือเขา แต่ก็กลับชะงัก แล้วค่อยๆ หดมือกลับไป ส่งเพียงสายตาตัดพ้อแกมน้อยใจมาให้ พสุคว้ามือของเด็กหนุ่มไว้ แล้วตัดสินใจดึงตัวริวเข้ามากอด
“...พี่รังเกียจริวไม่ใช่เหรอ” เสียงพ้อเจือสะอื้นด้วยความน้อยใจทำให้พสุรู้สึกเกลียดตัวเองยิ่งกว่าเดิม ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำร้ายจิตใจน้องมากขนาดนี้
“พี่ขอโทษนะริว เป็นความผิดพี่เอง พี่ผิดเอง...อย่าทำแบบนี้อีกนะ พี่ขอร้อง” พสุกระซิบบอกเสียงเบาที่หูริวแล้วกอดเด็กหนุ่มไว้แน่น เห็นน้องเจ็บหัวใจเขาก็เหมือนถูกบีบด้วยความทรมาน
“พี่รังเกียจริวหรือเปล่า” ริวถามเสียงเครือแล้วเช็ดน้ำตากับไหล่พสุจนรู้สึกได้ถึงความชื้น พสุลูบผมนุ่มที่ซุกบนไหล่เบาๆ ด้วยความปวดใจ
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่เคยเกลียดริว ไม่เคยรังเกียจริวด้วย ไม่เคยแม้แต่จะคิดอย่างนั้น”
ริวดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของพสุแล้วจ้องมองหน้าชายหนุ่มเขม็งเหมือนต้องการคำยืนยัน
“งั้นก็แปลว่าพี่ก็รักริวใช่ไหม” ทั้งสายตาและสีหน้าจริงจังของริวทำให้พสุไม่กล้าบ่ายเบี่ยงอีกต่อไป
“...ใช่...”
“งั้น ริวก็จูบพี่ได้ใช่ไหม” ริวถามด้วยดวงตาเป็นประกายสดใส ราวกับเมื่อครู่ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรสักนิด พสุกะพริบตาปริบๆ อ้าปากค้างไปชั่วขณะเพราะกำลังสับสนว่าตกลงเรื่องที่เขากับริวคิดนี่เป็นเรื่องเดียวกันหรือเปล่า
“เดี๋ยวๆ ริว เรื่องรักกับเรื่อง...เอ่อ...จูบ เนี่ย มันคนละเรื่องกันนะ”
“ทำไมล่ะ ไหนพี่ว่าไม่ได้รังเกียจริว” ริวถามแล้วทำหน้าแหยเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
“แต่ว่า...” พสุชะงักเมื่อริวลุกขึ้นแนบปากลงมาบนปากเขา
วูบแรกชายหนุ่มเกือบผลักริวออกด้วยความตกใจ แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าเขาผลักริวอีกครั้ง คราวนี้น้องอาจไม่แค่ลงไปแช่น้ำ แต่อาจจะทำร้ายตัวเองมากกว่านั้น เขาก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ ยอมให้ริวจูบทั้งๆ ที่เด็กหนุ่มจูบไม่เป็น ริวแค่เอาปากมาแตะปากเขานิ่งๆ แล้วก็ถอยออก ก่อนจะส่งยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าด้วยความดีใจ จนพสุอดรู้สึกพิศวงไม่ได้ว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงหายจากอาการน้อยเนื้อต่ำใจเร็วนัก
“พี่ไม่เกลียดริวจริงๆด้วย ริวนึกว่าพี่จะเกลียดริวซะแล้ว” ริวพูดแล้วก็โถมเข้ามากอดรัดพสุไว้แน่น ชายหนุ่มกอดตอบด้วยอาการมึนงง เรื่องของริวทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืน แล้วยังต้องมาเผชิญกับความตกใจ ความเครียด และรู้สึกผิดที่ทำให้ริวเสียใจ ทำให้สมองเขาล้าจนคิดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มไม่ได้ขัดขืนเมื่อริวดึงเขาลงนอน แล้วซุกตัวเข้ามากอด ชายหนุ่มลูบผมนุ่มเบาๆ ขณะที่สมองยังคิดวนเวียนแต่เรื่องระหว่างเขากับริว เขาควรจะทำยังไงดี ในเมื่อไม่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ให้ริวเข้าใจได้ หากเขาปฏิเสธ ริวก็ต้องเข้าใจผิดอีกแต่จะปล่อยไปแบบนี้ เขาก็กลัว...กลัวว่าระหว่างเขากับริว จะก้าวล่วงความสัมพันธ์แบบพี่น้องไปเป็นอย่างอื่น...และที่น่ากลัวที่สุด ก็คือหัวใจเขาเอง!
.
.
.
.
.
.
ริวค่อยๆ ยกศีรษะขึ้นจากอกของพสุ เมื่อรอจนแน่ใจว่าพี่หลับแล้ว เด็กหนุ่มเท้าแขนคร่อมตัวพสุไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าขาวที่ดูซีดเซียวด้วยความเป็นห่วง พสุไม่เคยนอนไปทั้งที่ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออก แต่คราวนี้คงเพราะรีบร้อนกลับมา บวกกับความอ่อนเพลีย ดูจากรอยคล้ำใต้ตาแสดงว่าเมื่อคืนพสุเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน
“ริวรักพี่นะ” ริวกระซิบบอกซ้ำอีกรอบ แล้วเกลี่ยปอยผมที่ตกระใบหน้าออกจากหน้าผากของพสุ ก่อนจะซุกตัวลงนอนซบกับอกอุ่น ปากหยักบางคลี่ยิ้มด้วยความสุขและอิ่มเอมในหัวใจ เมื่อพสุกอดตอบโดยอัตโนมัติทั้งที่ยังหลับอยู่
‘ขอโทษนะครับที่ริวทำแบบนี้...แต่ริวไม่อยากเสียพี่ไป’
เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าระยะหลังๆพสุระวังตัวกับเขามากขึ้น หลายครั้งที่พสุทำอาการคล้ายจะสะบัดเขาออกเวลาที่เขาเข้าไปกอดรัด เมื่อวานเขาถึงได้ลองจูบพสุ เพียงแค่ปากแตะปากพสุยังโกรธเกรี้ยวขนาดนั้น หากเขายอมถอยเชื่อได้เลยว่าหลังจากนี้ แม้แต่กอดพสุก็จะไม่ยอมให้เขาทำอีก
ริวคิดแต่เรื่องของพสุจนปวดมวนในท้องไปหมด แต่เด็กหนุ่มก็ฝืนไปทำงานเพราะไม่อยากให้พสุมองว่าเขาไม่รับผิดชอบ ยิ่งต้องทนเห็นลี ชินกี มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ เขายิ่งคิดถึงพสุ จนสุดท้ายก็ทนปวดท้องไม่ไหวอาเจียนออกมา ทรงเผ่าถึงได้ลากเขากลับมาส่งบ้าน
ริวยอมรับว่าดีใจที่เห็นพสุวิ่งลงมาเปิดประตูรับ แต่เพราะยังน้อยใจที่โดนพสุตวาดเด็กหนุ่มจึงหนีขึ้นห้องมาก่อน แล้วก็ต้องรออยู่นานกว่าพสุจะตามมาเคาะประตูเรียก...ริวไม่ยอมเปิดประตูรับเพราะกลัว...กลัวว่าพสุจะดุเรื่องที่เขาจูบพสุอีก...หากไม่เพราะกลัวพี่โกรธ ริวคงไม่ยอมรับโทรศัพท์แล้ว เสียงอ่อนโยนนุ่มนวลที่เจือแววห่วงใยทำให้หัวใจที่แห้งแล้งผิดหวัง ค่อยชุ่มชื้นอีกครั้ง แต่ริวก็ยังไม่พร้อมจะคุยกับพสุถึงได้ตัดสายไป
เด็กหนุ่มนอนคิดตลอดทั้งคืนว่าจะทำยังไงดี แต่ที่แน่ๆ ริวรู้ดีว่าพสุรักและเป็นห่วงเขาแค่ไหน...เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจลองวัดใจกับพสุดู ถ้าพี่รักเขาพี่ต้องยอม...ระหว่างที่เขากำลังนั่งแช่น้ำคิดหาวิธีให้พสุใจอ่อนยอมให้เขาสัมผัสเหมือนแต่ก่อน จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็โดนไขเข้ามา ทุกคนทำท่าตกใจที่เจอเขาแช่น้ำทั้งเสื้อผ้า แล้วไวยากรณ์ก็เอะอะโวยวายจนริวทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยอมให้ทุกคนลากเขาขึ้นจากน้ำ หากไม่เพราะไวยากรณ์พยายามจะถอดเสื้อผ้าเขา ริวคงยังไม่หายงง เด็กหนุ่มเกือบบอกไปแล้วว่าเขาไม่เป็นอะไร แต่ได้ยินตะวันโทรไปถามกรเวชว่าพสุทำงานเสร็จหรือยังแล้วเล่าอาการของเขาให้ฟัง นาทีนั้นริวก็ตัดสินใจที่จะนิ่งเงียบ แล้วรอ...เขาไม่จำเป็นต้องหาเหตุงอนง้อพี่อีกแล้ว เพราะทุกคนกำลังช่วยเขาบังคับพสุให้กลับมาคุยกับเขาทางอ้อมอยู่แล้ว
“พี่เป็นของริวแล้ว” ริวกระซิบแล้วจูบบนปลายจมูกและแก้มของพสุแผ่วเบา ก่อนจะซุกหน้าลงบนซอกคออุ่น มุมปากบางยกยิ้มด้วยความสุขแม้ยามเข้าสู่ห้วงนิทรา
...................................................................
-
:mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
ต่อไปก้รอพี่ไผ่ ยอมรับริวจริงๆเสียที จะกลัวไปทำไมหัวใจตัวเอง
-
เด็กมันร้ายยยยยย 555
ถูกใจจริงๆ
-
แอร๊ยยยยย มาแล้วว
น้องริวนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ
บอกแล้ว พี่ไผ่ตามน้องไม่ทันแล้วววว
ฮ่าาาาาาาาาาา
เอาเลยริว รวบหัวรวบหางพี่ไผ่ไปเลย
=]]
-
เจ้าเล่ห์นักนะ
แล้วพี่ไผ่จะทำยังไงกะเด็กเจ้าเล่ห์ดีหล่ะเนี่ย :impress2:
-
o22 น้องริว ..
แอบร้ายเดียงสานะคะเนี่ย
:กอด1:
-
นู๋ริวแรงได้อีก :laugh: :laugh:
-
แหม..ริว
ร้ายใช่เล่นเรยนะ
พี่ไผ่หนีไม่รอดแล้วววว o18
-
ชั้นไม่น่าไปสงสารเลยให้ตายสิ.......คนน่าสงสารจริงๆน่ะตาไผ่ตะหาก....โธ่ ต้องมานั่งคิดมากไปอยู่คนเดียวซะงั้น :laugh:
-
ริวร้ายเหมือนกันนะเนี่ย :laugh:
-
สมกับเป็นเด็กอัจฉริยะจริงๆ o13
งานนี้ถ้าพสุไม่ได้รักริวแบบนั้นก้อจะน่าสงสารมาก เพราะริวคงไม่ยอมแน่ๆเลย
:เฮ้อ:ถึงจะกลัวใจริว แต่ก้อชอบเห็นพี่น้องเค้าดูแลกันอยู่ดี
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
ริวเจ้าเล่ห์ไปไหนเนี้ย
เลยกลายเป็นต้องสงสารไผ่แทนแล้วมั้งเรา
แต่ก็อยากให้ไผ่ค่อยปรับตัวแล้วยอมรับน่ะ
เรื่องของความรู้สึกมันต้องค่อยเป็นค่อยไป
:กอด1: :L2: :pig4:
-
โธ่ริวจ๋าาาาาา
สู้ๆน้าาาา
งัดใจไผ่มาให้ได้
-
ไผ่เป็นห่วงน้องริวจริงๆ
ริวชักจะร้ายขึ้นแล้ว แต่ยังน่ารักเหมือนเดิม
ให้ไผ่รักริวสักทีเถอะ
-
o18ร้ายนะยะริว เอาแล้วไง สงสารไผ่แทนแล้วเนี่ย
-
อ่านตอนนี้จบ....ช๊อค ไอ้หนูริวที่ใสซื่อไปไหน!!!!!
นี่มันแพนด้าที่รอกินไผ่นี่หน่า!!!!(เกี่ยวไหมเนี้ย)
-
หึหึ ตอนแรกสงสารน้องริว พออ่านจบเปลี่ยนมาสงสารพี่ไผ่แทนแล้ว อีกหรอบนี้พี่ไผ่คงตามน้องไม่ทันแน่ๆ
-
ถึงริวจะร้าย
แต่ก็ ร้าย เพราะ รัก
ปล.เป็นห่วงริวอยู่ดีไผ่เป็นคนที่แคร์สายตาคนอื่นมากไป ดูไม่ค่อยจะเปิดใจเรื่องแบบนี้เลยอ่ะ 5555+
-
สงสารริว พี่ไผ่จะใจแข็งไปไหนเนี่ย
รีบๆ รักกันสักทีเถอะ อยากอ่านฉาก NC อิอิ
-
โห ริวเจ้าเล่ห์มากกกกกกกกกกกกกก
-
อ่านมาถึงตอนนี้แล้วจะสงสารใครดี ระหว่างริวกับพสุ
ริวก็มีปมในใจ พสุก็ถูกน้องเรียกร้องเหลือเกิน
-
สงสารพี่ไผ่ของช้านนนนนนนนนนนนน
หยุดนะเจ้าเด็กริว ฮือออออออออออออ
-
:z3: ริวร้ายใช่เล่นนะเนี่ย o185555 พี่ไผ่เสียรู้น้องอีกแล้ว :laugh:
-
เจ้าเลห์สุดๆๆๆเลยริว :o8:
-
:z3: นู๋ริว เดียงสา แตกซะละ :z13:
:pig4: :pig4:
-
น้องริวร้ายใช่ย่อยนะเนี่ย
แหม~เนียนเลยน๊า
เราก็คิดว่าเสียใจมากจนทำร้ายตัวเอง
ที่ไหนได้แค่ลงไปแช่น้ำเฉย ๆ
แต่พวกพี่ ๆ ตื่นตูมกันไปเอง
เลยลงล๊อคเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ หุ หุ
งานนี้พี่ไผ่หลงกลเจ้าเด็กน้อยริวอีกแระ
ต้องยอมให้กอดให้จูบอีก อิอิ
พี่ไผ่เอ้ยไม่พ้นมือเด็กน้อยร้อยเล่มเกวียนแน่ ๆ ~ฟันธง
-
เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เด๋วนี้นู๋ริวพัฒนา 555+
-
น้องริวเจ้าเล่ห์อ่ะ
-
เจ้าเล่ห์.. o13
แต่ถูกใจแม่ยกจ๊า
+1 จัดไป
อยากให้น้องริวมาทุกๆๆๆวันเลย :impress2:
-
เหอๆๆๆ พี่ไผ่เสร็จแน่เจ้าหนูริวมันร้ายขึ้นทุกวัน :laugh:
-
ริว...ร้ายอ่ะ แต่เห็นว่าน่ารักจะเข้าใจ :กอด1:
พสุต้องรีบเคลียร์ตัวเองด่วน...ทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ อย่างนี้ไม่แค่จะทำร้ายริวหรอก...มันจะเป็นการทำร้ายตัวเองทางอ้อมด้วย
คิดถึงอลัน :L2:
-
ริวร้ายเดียงสากับพี่ไผ่นะเนี๊ย
พี่ไผ่ยอมน้องหน่อยนะ
อะไรจะได้ดีขึ้น
-
ไผ่เอ้ย น้องไม่ยอมปล่อยไผ่ไปหรอก
ยิ่งเดี๋ยวนี้ริวเจ้าเล่ห์ขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นยอมรับใจตัวเองได้แล้ว
รักน้องแล้วก็อย่าคิดมากเลย รักต้องสู้เคยได้ยินป่าว
-
ถูกใจ :laugh3:
-
ตลกพี่ไผ่ที่มึนจนเอ๋อไปแล้ว...55555555+
ชอบประโยคสุดท้ายมากเลยคะ....ริวแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่อะ...
แต่แค่จูบแบบเด็กๆเอ้งง...พี่ไผ่ยอมหน่อยน้า...หรือวันหลังต่อรองให้หลือแค่กอดริวก็น่าจะโอเคนะคะ...^^
-
น้องริวได้ใจมากคะ o13
:pig4: คะ
-
ชิชะ ว่าแล้ว
ร้ายจริงริว o13
-
ตายแล้วน้องริวหัดเจ้าเล่ห์ด้วย
เจ๋งมากๆ พี่ไผ่จะได้หนีไม่รอด
ลุ้นมากเลยตั้งแต่ตอนที่แล้ว ฮุฮุสมใจน้องแล้ว
-
:serius2: :serius2:
-
จะบอกว่าเด็กมันร้าย หลอกชาวบ้านก็ไม่ได้นะ
ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือทั้งนั้นเลย ริวสบายไป 555
-
เจ้าเล่ห์จริงๆ น้องริว
-
แหม..เราว่าน้องริวไม่ได้เจ้าเล่ห์แผนสูงซะหน่ิอย แค่ใช้สถานการณ์เป็นตัวช่วยให้ได้คุยกับพี่เท่านั้นเอง
เพราะว่าริวเวลาสนใจในเรื่องอะไรแล้ว จะไม่สนใจตัวเองและสภาวะรอบข้างอีก
ริวแค่กำลังคิดหาทางจะทำยังไงให้ความสัมพันธ์ของริวกับพี่ไผ่กลับเป็นเหมือนเดิมระหว่างอาบน้ำ
จนไม่ได้สนใจแม้แต่จะถอดเสื้อผ้าก่อนแช่น้ำ แล้วก็คิดเรื่องพี่ไผ่จนลืมเวลาไปเลย เลยกลายเป็นริวแช่น้ำทั้งคืน
พอตะวันมาเรียก ริวเลยไม่ได้ยิน แถมคนอื่นก็คิดไปเองทั้งนั้นว่าริวกำลังทำร้ายตัวเองเพราะเสียใจ
ริวเลยถือโอกาสนี้เป็นหนทางในการคืนดีกับพี่ไผ่ เลยเลือกที่จะอยู่เฉยๆแทน แล้วก็เพียงแค่รอพี่ไผ่เป็นฝ่ายเข้ามาหาเอง อิอิ :m4:
ก็ได้แต่หวังให้พี่ไผ่อย่าหนีใจตัวเอง ลุยมันตรงๆ จะรักก็รักไปเลย ไม่ต้องกลัวสังคมรอบข้างเค้าจะคิดยังไง(เพราะหนูริวเลี้ยงพี่ไผ่ได้สบายอยู่แล้ว 555) :laugh3:
-
อร้ายยยยย ไอ้เด็กร้ายกาจ :fire: ทำเป็นซึมเพื่อให้พี่ไผ่ยอมรับว่ารัก อยากจะกัดให้จมเขี้ยว ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ :z6:อุตส่าห์เป็นห่วงแทบแย่
-
อ่า... ดีใจด้วยนะ ริว ^^"
แอบเจ้าเล่ห์นะเนี่ย
o13
-
เลื่อนมาเห็น ประโยคสุดท้ายก่อนเพื่อนเลย
ตกใจ!! คิดว่ามีได้เสีย (หัวเราะ)
ย้อนกลับไปอ่านแต่แรก จึงถึงบางอ้อ ฮ่าๆๆๆ
น้องริวเจ้าเล่มาก !!!!
อย่างงี้สิ เจ้ชอบ!!!
-
555 อย่างยี้เรียกว่าเจ้าเล่ห์ตาใสซื่อได้ไหมเจ้าหนูริว ทำตกอกตกใจคิดว่าอาการกำเริบซะอีก ไผ่เอ๋ยหนีริวไม่พ้นแล้ว
-
น้องริวเจ้าแผนการนะ
+1
-
เอ่อ ตอนทีแล้วสงสารริว แต่มาตอนนี้ ชักสงสารพี่ไผ่จับใจ
ไปใหนไม่รอดแล้วพี่ไอ้นู๋ริวมันร้ายมากๆๆ555
ที่สำคัญพี่ไผ่เป็นของริวอันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่ง o13
-
เอาละสิ ทีนี้จะกอดจะจูบจะลูบจะคลำอะไรพี่ก็ไม่กล้าโวยวายแล้ว เสร็จแน่ๆพี่ไผ่ ไอ้น้องริวรุกแน่ๆ
-
ริวร้ายจริงๆๆ อิอิ
ไผ่ก็ขี้กลัวไม่เข้าท่า รักก็คือรักยอมรับไปเลย
ริวสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
o18
ชิชะ ร้ายนักนะนู๋ริว
ใครก็ได้ไปสอนริวหน่อยซิ :angry2:
แค่จูบมันไม่พอนะ คราหลังจับกดเลย o13
พี่ไผ่รีบ ๆ เข้าใจตัวเองซักทีนะคะ :o8:
หน้าที่ 99 ละ เมื่อไหร่จะได้อ่าน nc ซะกะที :-[
รอต่อไปค่ะ สู้ ๆ :กอด1:
-
ริวเจ้าเล่ห์ได้อีกอ่ะ
พสุหนีไม่รอดแน่ :laugh: :laugh:
-
เหตุการณ์มันพาไปอ่ะเนาะ
-
ริว
:laugh:
พี่ไผ่ระวังตัวดีๆนะ
เดี๋ยวจะโดนเด็กงาบ
-
เจ้าเล่ห์มากกกกก
-
:a9: ร้ายจริงนะริว เอาใจพี่ไผ่มาให้ได้เร็วๆนะ :z2:
-
ร้ายนะจ๊ะหนูริว
-
ริวเจ้าเล่ห์อ่ะ :laugh:
-
น้องริวลายออกแล้ว o22
เจ้าเล่ห์มาก
-
หึหึ..เด็กอัจฉริยะของแท้ :laugh:
สงสัยต้องหาตัวช่วยมากระทุ้งให้พี่ไผ่รู้ใจตัวเอง...
+1 o13
-
o22 ริวทำให้พี่ไผ่ดูน่าสงสารไปเลย o18 ร้ายนะจ๊ะหนูริว
-
o13 สุดยอดอะ ไอ้เราก้อลุ้น อยู่ว่าน้องริวเป็นไง ที่ไหนได้เจ้าเล่ห์มากกกกกก
ริวสู้ๆๆ ใกล้ได้พี่ไผ่ในกำมือแล้ว :mc4:
-
โอ๊ยโหยย ร้ายมากนะริว เล่นเอาตอนแรกตกใจเลย
ยังไงก็สู้ๆหัวใจพี่ไผ่อยู่เพียงเอื้อมมือ :laugh:
-
กลายเป็นว่าเพราะความบังเอิญดันไปเข้าทางเจ้าหนูริวซะงั้น....
-
เข้ามาส่อง... :m22:
-
แอบร้ายนะยะ..อีตาริว !!! :m16:
สงสารพี่ไผ่จะโดนเด็กจับกินซะงั้น :oo1:
-
เด็กมันร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย
นาทีนี้พี่ไผ่ไม่รอดแน่แล้ว o18
-
หน้าที่ 100 แล้วนะนี่มารอน้องริวเป็นเจ้าของพี่ไผ่จริงๆ ลุยเลยน้องริวกำลังเป็นต่อเห็นๆพี่ไผ่ใจอ่อนอยู่ด้วยตอนนี้ :oo1:
-
มารอคอยกว่าเด็กจะกินผู้ใหญ่
หรือเด็กจะยั่วจนผู้ใหญ่เผลอตัวกินเด็ก
เอื๊อก มันจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลังหนอ
-
ริวก็ร้ายเหมือนกันนะ o13
งานนี้จะเป็นริวไผ่ หรือไผ่ริวนะ :z1:
-
เหอๆ ริวนี่ร้ายเดียงสาจริงๆนะ
เจ้าเลห์ไม่มีใครเกินอ่ะ
ความเป็นเมะแสดงออกมาแล้ว อิอิ
-
ไม่อัพ ฉลองร้อยหน้า สักตอน สองตอนหรือจ๊ะ อิอิอิ
-
ต๊ายตาย คุณน้องริวขา เจ้าเล่ห์จริงจริ๊ง
-
มาแล้วจ้า~
มาฉลองหน้า 100 ก๊านนนนนนนนนนนน
:a2:
***********************
ตอนที่ 71
วันนี้ริวมีงานที่ห้องอัด ส่วนพสุเองก็ต้องเป็นตัวแทนวงไปอวยพรครบรอบ 3 ปีนิตยสารฉบับหนึ่ง แต่เป็นงานช่วงสั้นๆ และมีดารานักร้องไปร่วมงานมากมาย พสุไปครู่เดียวก็กลับมาพักผ่อนได้
พสุกลับมาถึงบ้านพักยังไม่ทันได้ถอดรองเท้าด้วยซ้ำ ไมตรีก็โทรมาหา
“ครับพี่ตรี”
“ไผ่ว่างไหม...เข้ามาที่ออฟฟิศหน่อยสิ”
“ได้ครับ...ว่าแต่...มีอะไรหรือเปล่าครับพี่” น้ำเสียงเหมือนลังเลของไมตรีทำให้พสุเริ่มไม่สบายใจ ริวจะเป็นอะไรหรือเปล่า แต่เมื่อเช้าตอนที่ออกไปเขาก็เห็นริวยังปกติดี
“อืม...มาดูน้องหน่อย รีบๆ มาก็ดีนะ” ไมตรีพูดแค่นั้นแล้วตัดสายไปเฉยๆ พสุตกใจ รีบขับรถกลับไปที่ออฟฟิศอย่างร้อนใจ
ในห้องอัดนอกจากทรงเผ่ากับไมตรี ก็มีซาวด์เอ็นจิเนียร์ของเกาหลีอีกคน แต่ริวไม่ได้อยู่ในห้อง
“อ้าวไผ่ มาทำอะไร?” ทรงเผ่าหันมาทักยิ้มๆ พสุเหลือบไปมองไมตรีเห็นอีกฝ่ายทำปากพะงาบๆ ว่าไม่ให้เขาบอกเรื่องที่โทรตาม จึงเพียงแค่ยิ้มให้ทรงเผ่า
“ริวละครับพี่เผ่า?”
“ออกไปห้องน้ำน่ะ”
“อ๋อครับ” พสุรับคำแล้วเหลียวหาเก้าอี้ว่างเพื่อนั่งรอ
“เอ่อ...ไผ่ไปตามริวมาหน่อยสิ พี่มีเรื่องจะถาม” สีหน้าและคำพูดแปลกๆ ของไมตรี ทำให้พสุรีบไปตามริวที่ห้องน้ำ
................................................
ริวชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากอ่างล้างหน้าแล้วเห็นเงาของ ลี ชินกี สะท้อนอยู่ในกระจก เด็กหนุ่มปิดก๊อกน้ำแล้วเดินหนีแต่ลีชินกีก็ตามมาขวางหน้า
“หลีกไป” ริวสั่งเสียงเนือยๆ ด้วยความรำคาญ
“ไม่หลีก...ใจคอคุณจะหลบผมไปถึงเมื่อไหร่” ชินกีทำเสียงตัดพ้ออย่างน้อยใจ เขามาตั้งหลายวันแล้วแต่ไม่ได้คุยกับริวตามลำพังเลยสักครั้ง เมื่อวันที่ริวไปร้องเพลงที่ห้าง เขาก็ออกมารอที่รถจนได้เวลาห้างปิดแต่ริวกับพสุก็ยังไม่ออกมา เขารอจนยามตามมาดูด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แถมยามคนนั้นยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ สุดท้ายชินกีก็ต้องกลับก่อนที่ริวจะกลับมาที่รถ ครั้นจะหาโอกาสคุยด้วยริวก็หลบเลี่ยงไปได้ตลอดถึงต้องหาทางมาดักในห้องน้ำแบบนี้
“ทำไมต้องวุ่นวายกับผมนัก” ริวถามแล้วขมวดคิ้วใส่อย่างหงุดหงิด
“ก็เพราะผมชอบคุณน่ะสิ ผมลงทุนตามคุณมาถึงเมืองไทย ก็เพราะผมอยากเจอคุณอีก” ชินกีสารภาพออกไปตรงๆ อยากรู้ว่าริวจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้ารู้ว่าเขาลงทุนตามมาถึงเมืองไทยก็เพราะสนใจริว แต่ริวกลับไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจ ตื่นเต้น สงสัย หรืออะไรสักอย่างแบบที่ชินกีต้องการ เด็กหนุ่มทำหน้าเหมือนชินกีเป็นแท็กซี่หน้าสนามบินที่พยายามตื๊อผู้โดยสารขึ้นรถ
“แต่ผมไม่ได้ชอบคุณ แล้วก็ไม่ได้อยากจะเจอคุณด้วย” ริวตอบแล้วพยายามจะเดินหนี แต่ชินกีก็ขวางไว้
“ผมมีอะไรสู้พสุไม่ได้เหรอริว ผมดูด้อยกว่าเขาตรงไหน” ชินกีถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“ไม่รู้สิ...ผมไม่เคยเปรียบเทียบ”
“ก็ลองเปรียบเทียบดูสิ ผมกับเขา ต่างกันตรงไหน?”
ชินกีถามอย่างเจ็บปวด เจ็บ...ที่ริวทำเหมือนความรู้สึกของเขาเป็นเรื่องไร้สาระ เหมือนเขาเป็นพ่อค้าขายของเร่ที่พยายามเสนอสินค้าเลวๆ ให้ ไม่แยแสไม่เห็นค่า ราวกับเขาไร้ตัวตนในสายตาของริว
“ต่างตรงที่คุณไม่ใช่พี่ไผ่”
“คุณจะยึดติดไปไหน ถ้าคุณเอาแต่ปิดกั้นไม่มองผม คุณจะรู้ได้ยังไงว่าผมมีดีแค่ไหน คุณจะไม่...”
“ไม่สำคัญหรอก ไม่ว่าคุณจะมีดีแค่ไหนก็ไม่สำคัญสำหรับผม”
“ริว”
“อย่ายุ่งกับผมอีก ผมไม่ชอบ” คำตอบตรงไปตรงมา และสายตาว่างเปล่าของริวทำให้ชินกีเสียใจมากขึ้น แต่ยิ่งเจ็บก็ยิ่งอยากเอาชนะ
“ไม่มีทาง ผมจะไม่มีวันปล่อยมือจากคุณง่ายๆหรอก”
“...คุณนี่น่ารำคาญ...เหมือน...หมากฝรั่งติดรองเท้า” สีหน้าริวดูรังเกียจ เย็นชา จนคนฟังแทบสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธและอับอาย
“เฮอะ! คิดว่าพูดแบบนี้แล้วผมจะถอดใจง่ายๆเหรอ”
“เสียเวลาที่จะคุยกับคุณ” ริวพูดพร้อมกับผลักชินกีให้พ้นทางแล้วออกจากห้องน้ำ ชินกีเซถลาเพราะไม่คิดว่าริว จะกล้าผลักเขา พอตั้งหลักได้ก็วิ่งตามเด็กหนุ่มออกมาแล้วอ้อมไปดักหน้าริวเอาไว้
“หลีกไป!” ริวตวาดเสียงขุ่น คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างหงุดหงิด
“ไม่!”
“บอกให้หลีกไง!” คราวนี้ริวขึ้นเสียงดังกว่าเดิม ทำให้ชินกีดีใจที่ทำให้ริวโกรธขึ้นมาได้ ไม่ใช่ทำเหมือนเขาเป็นตัวอะไรสักอย่างที่มองผ่านอย่างไร้ค่า
“ริว! ทำไมพูดจาแบบนั้น” เสียงเอ็ดเบาๆ ทำให้ทั้งริวและชินกีต่างชะงัก แล้วหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน
“มาห้องน้ำทำไมนานนัก พี่เผ่ารอทำงานอยู่นะริว” พสุดุริวแล้วยืนรออยู่ที่เดิม ริวยิ้มกว้างด้วยท่าทางดีใจที่เห็นพสุ เด็กหนุ่มเดินรี่เข้าไปหาทันทีแล้วทำท่าจะเดินตามกลับไป ทำให้ชินกีต้องรีบเข้าไปขวาง
“คุณจะพาริวไปไหนอีก อย่าอ้างนะว่าเรื่องงาน!” ชินกีตวาดใส่พสุทันที ความสูงของพสุทำให้ชินกีไม่เข้าไปยืนประจันหน้าด้วย เพราะรู้สึกเหมือนโดนข่มไปทุกทาง
“ก็เรื่องงานครับ พี่ทรงเผ่าอยากคุยกับริวเรื่องเพลง ก็เลยให้ผมมาตาม” พสุตอบเสียงเรียบ ไร้ร่องรอยขุ่นเคืองใดๆ
“แต่ผมคุยกับริวอยู่ คุณไร้มารยาทมากที่เข้ามาแทรก” ชินกีเน้นเสียงและแสดงสีหน้าเหยียดหยามเข้าใส่ ขณะที่พสุกลับมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า สายตาที่ชินกีเกลียดจนอยากจะฆ่าคนที่มองเขาแบบนั้น สายตาที่เหมือนเขาเป็นอากาศธาตุไร้ตัวตน
“เหรอครับ ยังคุยกันไม่จบเหรอครับ” พสุถามแล้วเหลียวมองหน้าริวสลับกับชินกี
“ยัง...”
“จบแล้ว ริวไม่มีอะไรจะคุยกับเขาแล้ว” ริวตอบสวนทันควันก่อนที่ชินกีจะทันได้พูดจบ
“แต่ผมยังคุยไม่จบ” ลี ชินกีแย้งก่อนที่ริวจะผละหนีไป
“ก็เรื่องของคุณ ไปเถอะพี่” ริวเป็นฝ่ายหันไปดึงแขนพสุ ลากไปห้องอัดเสียง แต่ชินกีปราดเข้าไปกระชากแขนพสุไว้เสียก่อน
“คุณมาก็ดีแล้ว สงสัยผมคงต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่องเสียก่อน”
“อย่ายุ่งกับพี่ไผ่!” ริวแทรกเข้ามาขวาง ตาลุกวาบด้วยความเกรี้ยวกราด ผิดกับตอนที่คุยกับชินกีในห้องน้ำ
“ริว...พี่เผ่ารออยู่นะ ไปเถอะ พี่จะคุยกับมิสเตอร์ลีเอง” พสุเตือนเสียงเรียบ
“แต่...” ริวหันมองชายหนุ่มด้วยความไม่สบายใจ
“ไม่เป็นไร คุยกับมิสเตอร์ลีเสร็จพี่จะไปหา” พสุบอกเสียงเรียบ สีหน้าปกติไร้วี่แววขัดเคืองทำให้ริวคลายความกังวลลง
“ริวไม่อยากให้พี่คุยกับเขา” ริวเปลี่ยนมาพูดภาษาไทยเพราะไม่อยากให้ชินกีฟังออก ทำให้พสุต้องตอบเป็นภาษาไทยเช่นกัน
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เขาทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก...ไปเถอะ ไปทำงานก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” ชายหนุ่มบอกเสียงอ่อนโยน ทำให้สีหน้าของเด็กหนุ่มดีขึ้นเล็กน้อย
“...ครับ” ริวรับคำเบาๆ แล้วยอมเข้าไปในห้องอัดโดยดี แต่ก็ยังไม่วายเหลียวมามองพสุซ้ำอีกครั้งจนชายหนุ่มต้องส่งยิ้มมั่นใจไปให้ ริวถึงยอมเข้าไป
“ช่างว่าง่ายเสียเหลือเกินนะ สำหรับคุณแล้วริวพร้อมจะกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ เสมอสินะ” ชินกีทำเสียงหยันๆ แต่สายตาริษยาอย่างเห็นได้ชัด
“ริวเป็นน้องผม ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง” พสุชี้แจงเสียงเรียบๆ เขาไม่ชอบต่อล้อต่อเถียงกับใคร หากหลีกเลี่ยงได้ เขาจะหลีกเลี่ยงเสมอ แต่คราวนี้ดูจากสีหน้าของชินกีอาจจะไม่ยอมให้เขาเลี่ยง อีกอย่างเขาก็ไม่ต้องการให้ชินกีวุ่นวายกับริวไปมากกว่านี้ จึงยอมคุยด้วยเพื่อให้เรื่องจบๆไปเสียที
“เป็นแค่น้องเหรอ ผมว่าไม่มั้ง...ดูก็รู้ว่าคุณกับริวสนิทกันแค่ไหน” ชินกีทำเสียงหยัน จนพสุนึกขำปนฉิว ผู้ชายคนนี้ทั้งน่ารำคาญและน่าสงสาร เขาไม่เข้าใจว่าชินกีจะมาคาดคั้นเขาให้ได้อะไรขึ้นมา
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด...เรื่องที่จะพูดกับผมมีแค่นี้เหรอ?”
“ผมต้องการริว และจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาขวางด้วย” ชินกีประกาศเจตนารมณ์เสียงกร้าว ขณะที่พสุมองเขานิ่งๆ แม้จะประหลาดใจที่ชินกีกล้าเอาเรื่องส่วนตัวมาพูดราวกับเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ดีงาม แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงอากัปกิริยาใดๆ
“แล้ว?”
“ถ้าคุณอ้างว่าคุณเห็นเขาเป็นน้อง ก็อย่ามากันท่าเขาเพราะความหึงหวงสิ” ชินกีพูดแล้วก็จ้องมองพสุด้วยสายตากร้าว พสุได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“อ้าว...หึหึ เป็นงั้นไป”
“อย่ามาหัวเราะเยาะผม คุณมันก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่นๆ หรอก คิดจะใช้ความรักของเขาเป็นบันไดไต่ขึ้นไปสู่ความสำเร็จละสิ อย่าคิดว่าผมรู้ไม่ทันนะ” ชินกีทำเสียงเยาะอย่างรู้ทัน ขณะที่พสุได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างสมเพช
“เฮ้อ! คุณนี่ชอบเอาความคิดตัวเองมายัดเยียดใส่คนอื่นแบบนี้เสมอเหรอ...ผมจะบอกอะไรให้นะมิสเตอร์ลี ระหว่างผมกับริวเราจะเป็นยังไงก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกผม ส่วนคุณจะคิดยังไงกับริวก็เป็นเรื่องของคุณ ผมไม่สนใจหรอกนะ แต่เลิกตอแยกับพวกผมเสียที เพราะมันน่ารำคาญ”
“ไม่มีวัน ผมจะไม่ยอมปล่อยให้ริวหลุดมือไปหรอก ผมจะแย่งเขามาจากคุณให้ได้” พูดจบชินกีก็เดินกระแทกไหล่พสุกลับเข้าไปในห้องอัด
พสุมองตามด้วยสายตาเวทนา ลี ชินกี มองทุกอย่างด้วยอคติ ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลจนปฏิเสธที่จะยอมรับความจริงว่าริวรังเกียจเขาแค่ไหน
พสุลังเลที่จะกลับเข้าไปข้างใน เขาไม่อยากกลายเป็นตัวกระตุ้นให้ชินกีวุ่นวายกับริวมากกว่านี้ ชายหนุ่มคิดจะกลับบ้านพักแต่จู่ๆ ริวก็เปิดประตูออกมา
“พี่...เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ริวถามแล้วปราดเข้ามาจับแขนพสุไว้ ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วเหลือบมองไปข้างหลังริว เห็นชินกีตามมายืนมองอยู่ที่ประตูก็รู้สึกระอา
“ริวทำงานเสร็จแล้วเหรอถึงออกมา” พสุถามเสียงเรียบ ริวเพิ่งเข้าไปครู่เดียวแท้ๆ แต่กลับรีบออกมาแบบนี้ไม่รู้ว่าทรงเผ่าจะว่าอะไรหรือเปล่า
“ยังอีกนิดหน่อย” ริวตอบเสียงอ่อย กลัวพี่จะโกรธที่เขาทิ้งงานออกมาตามเพราะกลัวพี่จะหนีกลับก่อน
“แล้วออกมาทำไมละครับ” พสุทำเสียงดุ แต่สายตายังอ่อนโยนทำให้เด็กหนุ่มโล่งใจที่ยังไม่โดนพี่โกรธ
“ก็พี่ไม่เข้าไปสักทีนี่นา” ริวทำเสียงอ้อน แล้วส่งสายตาวิงวอนไปให้
“โอเค ไปๆ เข้าไปทำงานต่อ” พอพสุพยักหน้าริวก็ยิ้มแต้ รุนหลังชายหนุ่มไปที่ประตู แต่พอเห็นชินกียืนอยู่ เด็กหนุ่มก็ชะงัก พสุจึงเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปในห้องอัดแทน คนที่อยู่ในห้องหันมามองเหมือนรออยู่แล้ว พอพสุเข้าไปไมตรีก็หันไปหัวเราะกับทรงเผ่า
“ผมว่าคราวนี้งานคงเสร็จซะที คุณครูมาแล้ว นักเรียนคงไม่เกเร เดี๋ยวแวบๆ อีก”
“ไผ่มานั่งนี่เลย คนแถวนี้จะได้มีกำลังใจทำงานซะที เบื่อมันเดินเข้าเดินออกหลายรอบแล้ว” ทรงเผ่าแซวขำๆ พอเห็นริวหน้าระรื่นเข้ามาแบบนี้ก็โล่งใจ และแน่ใจว่าคราวนี้งานคงคืบหน้าเสียที ก่อนหน้านี้เพราะมีชินกีมาคอยวุ่นวายทำให้ริวหงุดหงิดจนไม่ยอมทำงานดื้อๆ เขาถึงแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ตอนที่ไมตรีออกไปโทรศัพท์แล้วครู่เดียวพสุก็มา เป็นอันรู้กันว่าเวลาริวงอแงไม่ยอมทำงาน คนเดียวที่เอาริวอยู่ก็คือพสุ
“ขอโทษแทนน้องด้วยนะครับพี่เผ่า ไปทำงานเลยริว” พสุทำเสียงดุแต่คนโดนดุหน้าระรื่นจนทรงเผ่ากับไมตรีขำ
“คร้าบ” ริวเข้าไปทำงานต่อ ขณะที่พสุเองก็หันไปสนทนากับไมตรีเบาๆ ระหว่างรอ
“พี่...ฟังสิ...” ริวเรียกก่อนจะไสเก้าอี้ของตัวเองเข้ามาหาพสุ แล้วถอดหูฟังที่สวมอยู่มาสวมให้ เด็กหนุ่มเอียงตัวเข้ามาใกล้เพื่อจ้องหน้าพสุเขม็งเหมือนจะลุ้นรอผล พสุพยายามรวบรวมสมาธิไม่สนใจต่อลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดใบหน้า
“อืม...โอเคนะ...ฟังหนักแน่นกว่าเดิมนะ”
“พี่ว่าผ่านไหม”
“เฮ้ย! ต้องถามพี่เผ่าสิ มาถามอะไรพี่” พสุเอ็ดแล้วเหลือบมองทรงเผ่าอย่างเกรงใจ
“พี่ว่าผ่าน” ทรงเผ่าตอบยิ้มๆ ขณะที่ริวจ้องหน้าพสุเขม็ง พอชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มให้ เด็กหนุ่มก็ยิ้มตอบจนตาหยี
ซาวด์เอ็นจิเนียร์ของ JKG เองก็ดูจะพอใจเช่นกัน พสุถอดหูฟังคืนให้ริวแล้วหันมาเจอสายตาของ ชินกีที่จ้องมองเขาเขม็งด้วยความไม่พอใจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจ
“งานเสร็จแล้วงั้นริวกลับแล้วนะครับ”
“ตามสบายน้อง” ทรงเผ่าตอบยิ้มๆ ขณะนั่งลงแทนที่ริวเพื่อทำงานต่อ
“หวัดดีคับพี่เผ่าพี่ไมตรี ผมกลับแล้วมิสเตอร์โฮ ขอบคุณที่มาช่วยนะครับ” ริวหันไปก้มศีรษะให้ซาวด์เอ็นจิเนียร์จากเกาหลีเป็นเชิงขอบคุณ ขณะที่อีกฝ่ายก็ก้มศีรษะตอบกลับมาเช่นกัน
“ยินดีครับ”
พสุหันไปไหว้ลาทรงเผ่ากับไมตรี และกล่าวลามิสเตอร์โฮเช่นกัน พอเขาหันไปจะลาชินกี ริวก็ปราดมายืนขวางหน้าแล้วรุนไหล่พสุออกจากห้องอัด
“ริวหิวจะแย่แล้ว วันนี้ที่บ้านมีอะไรกินมั่งอ่ะพี่”
“ไม่รู้สิ พี่ก็เพิ่งมาถึง พอพี่ตรีโทรตามก็รีบมาเลย” พสุตอบทั้งที่รู้ว่าริวพยายามชวนคุยเพื่อไม่ให้เขามีโอกาสได้ลาชินกี กิริยาเด็กๆ ของริวทำให้พสุนึกขันปนเอ็นดู อย่างน้อยริวก็รู้จักที่จะควบคุมตัวเองมากขึ้น ไม่แสดงความไม่พอใจต่อหน้าคนอื่นๆ
“พี่ไมตรีโทรตามพี่เหรอ” ริวถามแล้วชะงักไปเล็กน้อย เพิ่งรู้ว่าไมตรีเป็นคนโทรตามพสุมา
“ใช่...ตามพี่มาดุเด็กดื้อไม่ยอมทำงาน” พสุบ่นแล้วเหล่ตามามองเหมือนย้ำให้รู้ว่าริวทำตัวเกเรแค่ไหน
“ก็ริวหงุดหงิด ริวไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายเวลาริวทำงาน” ริวแก้ตัวเสียงอ่อย ถึงรู้ว่าพี่ไม่โกรธ แต่ก็ไม่อยากให้พี่ตำหนิเขาได้ว่าไม่มีความรับผิดชอบ แยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก
“ทนอีกหน่อยนะริว เสร็จงานนี้เขาก็มาวุ่นวายกับเราไม่ได้แล้ว” พสุทำเสียงปลอบแล้วตบไหล่ริวเบาๆ
“ริวเกลียดหมอนี่ ทำตัวเหมือนหมากฝรั่งติดรองเท้า” ริวตอบแล้วเม้มปากแน่น ท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“ริวครับ ไม่เอาน่า อย่าไปใส่ใจเลย เอาเวลาหงุดหงิดมาสนใจงานของเราดีกว่านะ”
“เมื่อกี้เขาคุยอะไรกับพี่มั่ง” ริวถามแล้วจ้องเขม็งอย่างคาดคั้น
“ก็ไม่มีอะไร” พสุพยายามตัดบท ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บให้ริวอารมณ์เสีย
“พี่...ทำไมต้องปิดริวด้วย” ริวถามแล้วหยุดเดินดื้อๆ จนพสุต้องพลอยหยุดเดินไปด้วย
“ถ้าเล่าแล้วริวหงุดหงิด ริวว่าพี่ควรเล่าไหมล่ะ” พสุทำเสียงปลอบ เพราะรู้ว่าริวกำลังหงุดหงิดเต็มที่แล้ว
“ริวจะพยายามไม่หงุดหงิด”
“เขาก็แค่ประกาศว่าเขาชอบริว สนใจริว ก็แค่นั้น” พสุพูดรวบรัด ไม่อยากลงรายละเอียดให้ริวอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
“ริวเกลียดหมอนี่จัง”
“ช่างเถอะ เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก อย่าไปใส่ใจก็หมดเรื่อง...พี่ซื้อเค้กมาฝากริวด้วยนะ” พสุเตือนแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้ริวอารมณ์ดีขึ้น
“ขอบคุณครับ พี่ไผ่ใจดีที่สุดในโลก” ริวยิ้มร่าแล้วโผเข้ามากอด พสุรีบดันไหล่เด็กหนุ่มออกห่าง แต่ระวังไม่ให้แรงจนกลายเป็นผลักเพราะไม่อยากให้ริวเข้าใจผิดว่าเขารังเกียจอีก
“ริว...อย่ากอด เดี๋ยวคนอื่นจะมองในทางไม่ดี”
“ครับ” เด็กหนุ่มยอมถอยห่างอย่างว่าง่าย
“ไปบ้านกันเถอะ พี่ง่วงแล้ว ขอนอนสักตื่นก่อนค่อยซ้อมเพลง”
“ริวขับให้นะ” ริวอาสาเสียงระรื่น ทำให้พสุโล่งใจที่เด็กหนุ่มเลิกหงุดหงิดเรื่องชินกี
“เอาสิ” พสุส่งกุญแจรถให้ริว แม้จะขึ้นด้านคนโดยสารแต่เมื่อปิดประตู เงาสะท้อนจากกระจกส่องหลังก็เห็นลีชินกียืนกอดอกมองมาแต่ไกล ชายหนุ่มเหลือบมองแล้วก็ละความสนใจไว้แค่นั้น แม้จะรู้สึกรำคาญ แต่เขาก็ไม่คิดว่า ลี ชิน กีจะทำอะไรได้ เพราะที่นี่เป็นเมืองไทย ไม่ใช่ถิ่นของชินกีอยู่แล้ว
…………………………………………
-
จิ้ม :z13:
เย้ๆ :m4: 100หน้าแว้วววววว จุดประทัดฉลองงงง :mc4: :mc4: :mc4:
ปลิงชินกี นี่เกาะไม่ปล่อยจริงๆเว้ย :angry2:
คุณพ่ออลันคะ มาช่วยลูกริวแงะหมากฝรั่งออกจากรองเท้าทีค่ะ :pigangry2:
-
ตาลีชินกิเนี่ยไม่เลิกกันสักทีนะ บ้าจัง
-
:o12: ยังไม่โดนจับใส่กล่องส่งกลับเกาอีกเหรอเนี่ย
จะมายุ่งไปถึงไหน น้องริวจัดการเลย เดี๋ยวพี่ไผ่ก็รำคาญเหรอ
เชียร์น้องริวกับพี่ไผ่ต่อไป
-
:o12:
-
เหมือนจะวุ่นวายมากกว่าเดิมนะ
ริวจัดการเด็ดขาดได้แล้ว
+1
-
:mc4:เย้ ครบ 100 หน้าแย้วววว
-
หน้า100 แล้ว เย่ๆๆ น่าจะฉลองด้วยการมาลงอีกสักรอบนะคะ หุๆๆๆ
-
+1ฉลอง อิอิ
อีนางชินกี อะไรนี้กลับไปเกาหลีได้แล้วค่ะ
-
พี่ไผ่..ช่วยเอาไม้เขี่ยหมากฝรั่งที่ติดรองเท้าริวโยนทิ้งถังขยะซักทีซิ!! ฮึ๊ยยยย:z3:
-
ถอดรองเท้าทิ้งเลยน้องริว อย่าไปเสียเวลาแงะมันน่ารำคาญ เอาเวลาไปหาทางเผด็จศึกพี่ไผ่ดีกว่าเน้อ :z1:
-
ตามอ่านมาสองวันละค่ะ
แต่ไม่ทันซักที
เลยมาแปะไว้ก่อน
:z2: :z2:
-
100หน้า เย้ๆ :mc4:
หมากฝรั่งติดรองเท้า ฮ่ะๆๆ จะว่าไปมันก็น่ารำคาญนะ อีตาชินกีเนี่ย
-
พี่ไผ่
รีบจัดการไอ้หมากฝรั่งติดรองเท้านั่นเร็ว
:z6:
-
น่ารังเกียจจริงแหละ!!
-
ชินกี เค้าเริ่มมาแรงแล้วนะ
พี่ไผ่อย่าคิดว่าไม่มีอะไร
เพราะถิ่นเราละ
สู้โว้ย
-
ดีใจด้วยขึ้น 100 หน้า
หมั่นไส้ลีชินกีตามมายุ่งกับน้องริว
ตอนนี้ชอบไมตรีจัง รู้จักโทรตามพี่ไผ่ให้น้องริว
หมากฝรั่งติดรองเท้า ชินกีแกน่าจะำำำกลับไปได้แล้ว
ยังมาว่าไผ่อีก นิสัยไม่ดีเลย
-
ใครก็ได้ช่วยมาเอาชินกีไปเก็บที
น่ารำคาญไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
เหมือนเห็บหมามากกว่าหมากฝรั่งนะ 555
เห็บที่ทำให้หมาอยู่ไม่สุขต้องเกาต้องไล่งับแก้คันแก้เจ็บ สงสารหมา
-
อืม..ใช่เลย ชินกีเป็นคนน่ารำคาญ น่าสงสาร น่าเวทนา
ไผ่เมื่อไรจะคิดกับริวมากกว่าน้องซะที ลุ้นจนตัวจะหักแล้วคร้าบ
-
โอ๊ย!!!รำคาญอีตาชินกีเมื่อไหร่จะไปซะทีอ่ะ
ให้อลันมาเก็บไปเลยนะ
-
กลัวไอ้คุณกีมันจะเอาเรื่องมาให้ยังไงไม่รู้ แบบว่าบ้า ๆ แล้วกัดไม่เลือกอะไรงี้
:pig4: คะ
-
:mc2:
ฉลองหน้าที่ ๑๐๐
ชินกี ชั้นคิดว่านายจะจบแล้วนะ
อร๊ายยยยย
อย่ามายุ่งกับพี่ไผ่ และน้องริวของเค้าน้าาา
งื้อ !!!!! ไม่ยอมอ่ะ
-
รีพลายที่ 3000 เค้าขอนะทุกคน
:mc4:
ฉลอง 3000 รีพลาย
ต้องมีตอนพิเศษให้พี่ไผ่โดนกดอีกสักรอบ
:haun4:
-
เปรียบได้สุดยอดไปเลยอะ หมากฝรั่งติดรองเท้า 555555555555555
-
ชินกี กวนประสาทอ่า
รู้สึกรำคาญสุดๆเลย
หนืดยิ่งกว่าหมากฝรั่งอีก
-
เข้ามาฉลองเกินร้อยด้วยอีกคน :mc4:
ตอนนี้น้องริวเปรียบเทียบชินกีซะเห็นภาพเลย จะว่าน่าสงสารก้อน่าสงสาร แต่ก้อน่ารำคาญจริงๆนั่นแหละ
รอตอนหน้านะคะ
-
"ลีชินกี"
ใครก็ได้ช่วยเอาไอ้นี่ไปเก็บหน่อยยยยยยยยยยยย
-
ชินกีเธอกลับเกาหลีไปกินกิมจิได้แล้ว
พี่ไผ่เมื่อไหร่จะยอมๆน้องริวซะที
-
โอ้วววว หมากฝรั่งติดรองเท้า แกะออกยากเน่ออออ
ต้องหาอะไรมาเขี่ยสุดฤทธิ์ ถึงจะหลุด
ชอบๆ เข้าใจเปรียบจริงๆ
เลิฟหนูริว ชักเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน หุหุ
-
:laugh:อ๊ากกกก คิดๆไปก็ชอบชินกินะ ช่วยทำให้พี่ไผ่ได้ดูแลริวแบบใกล้ๆๆๆๆกันมากขึ้น
-
อืม... หมากฝรั่งติดรองเท้าจริงๆ เห็นภาพเลย
:z6:
-
มันไม่ใช่หมากฝรั่ง มันเป็นหมากเกาหลี 555
เขี่ยๆ มันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็หลุดออก อิอิ
รักพี่ไผ่ จุ๊บๆ
-
อยากบอกว่าลืมชินกีนี่ไปแล้ว ยังโผล่ออกมาอีกเหรอ :เฮ้อ:
เรื่องของเราสองคนยังไม่ไปไหน จะมีมือที่สามสี่มาก็เท่านั้น :laugh:
มาต่ออีกตอนได้มั้ยคะ :กอด1:
-
เป็นอันว่ารู้กันว่า พสุเป็นคนเดียวที่เอาริวอยู่ หึ หึ
------------------------------
บวกคะแนนที่ 260 ให้นะคะสำหรับความขยัน ช่วงนี้มาต่อเกือบทุกวันเลย น่ารักจริงๆ
-
เย้ๆ อ่านทันแล้ว :mc4: แต่มัวแต่อ่านไม่ทันหน้า100เลย
ชอบเรื่องแนวนี้จังอ่ะ เพราะว่าไม่เคยเห็นเลยค่ะ คือแบบว่าเราไม่ชอบไอ้ประเภทเคะยิ่งกว่าผู้หญิงอะไรงี้ เราชอบแบบมานั่งลุ้น ใครกดใครว้า :oo1:
แต่ประเด็นหลักไม่ได้อยู่ตรงนั้นค่ะ แต่มันเป็นเรื่องของตัวละครที่แต่งออกมาดีมากๆ อย่างริวนี่อ่านแรกๆนี่โคตรจะสงสารเลยอ่ะ :o12: ชอบความไร้เดียงสาแบบเด็กถึงตอนหลังๆจะกลายเป็นร้ายเดียงสาก็เหอะ :z1: ไม่คิดว่าจะมีใครแต่งตัวละครออกมาเป็นแบบนี้ได้ค่ะ อย่าว่าใครๆก็อดเอ็นดูไม่ได้เลย เรายังหลงรักริวตาโตๆซื่อๆเลย :o8:
ส่วนพี่ไผ่น่ะ กรี๊ด!!! พระเอก หล่อ อบอุ่น นุ่มนวล สุขุม ใจดี รักริวมากๆนะค่ะ รีบรู้ใจตัวเองไวๆนะ ไม่อยากให้มาม่าเลยค่ะ :monkeysad: แล้วก็แต่งได้ดูสมจริงดีค่ะ เรื่องวงการเรื่องโลกมายา เรื่องจิตใจคนงี้ มันดูมีเหตุมีผล ดูเป็นอะไรที่มันมีอยู่จริงๆอ่ะค่ะ o13 เค้าแอบเป็นFCพี่ตะวันนะ หาคู่ให้พี่แกสักคนสิค่ะ หรือว่ามีอยู่แล้วน้อ? แล้วใครก็ได้งัดเอาหมากฝรั่งติดรองเท้าริวไปทิ้งที :z6:
:pig4:ทั้งคนแต่งคนโพสท์
-
สงสารชินกินะ..ความหลงทำร้ายตัวเอง :seng2ped: :seng2ped:
-
นายลีน่าสงสาร :เฮ้อ:
-
ริวเปรียบซะเห็นภาพเลย "เหมือนหมากฝรั่งติดรองเท้า"
แบบนี้ต้องให้อลันจัดการซะละมั้งเนี้ย ช่วงนี้เห็นหายไปเลยนะอลัน
-
:z2: :z2: :z2:
ตามอ่านจนทันแล้ว
ไชชชชชชชชโยยยยยยยยยย
-
ชินกี ท่าทางจะเป็นเอามากนะ...ตื้อเหลือเกิน น้องริวก็บอกมาขนาดนั้น
ลุ้นด้วยๆๆๆ เมื่อไหร่ ไผ่จะรู้ตัวเองน้ออ
ปล.ยินดีด้วยจ้า ทะลุ 100 หน้าแล้ววว :mc4:
-
นี่แค่ติดรองเท้านะยังหงุดหงิดได้ขนาดนี้
ถ้าติดกางเกงเนี่ย
คงสั่งฆ่าไปเลย
หงุดหงิดจัด
ฮ่า ๆๆ
-
ชินกีก็น่าเห็นใจอยู่หรอกนะ แต่ว่ามันไม่ใช่ยังไงก็ไม่ใช่อ่ะ
รักริวจริงๆ หรือแค่ต้องการเอาชนะกันแน่เนี่ย
มันมองไม่ค่อยเห็นความรักที่แสดงออกมาเท่าไหร่เลย
-
อือ...น่าสงสารจริง ๆ อย่างที่ไผ่บอกน่ะแหละ
ถึงจะไม่ค่อยชอบ...แต่ก็ไม่อยากให้เกิดอะไรร้ายแรงขึ้นหรอกนะ
ถ้าชินกีไม่หยุด...กลัวริวจะน็อตหลุดซะก่อนน่ะสิ อย่างริวทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว...ทั้งหน้าที่การงาน และหน้าตาทางสังคม คงพังหมด :เฮ้อ:
-
ชินกี เหมือนหมากฝรั่งติดรองเท้าจริง ๆ
แบบว่าบทก็ไม่เสริม ตัวพระตัวนางก็ไม่ส่ง
ยังมาตามตื้ออยู่ได้
-
ชินกิที่ทั้งน่ารำคาญทั้งน่าสงสารเลย มันกวนริวไม่หยุดก็จริง แต่โดนคนที่ชอบรังเกียจแบบนี้ก็น่าสงสารนะ
-
:m16:ใครก็ได้ช่วยเอา ชินกีไปเก็บที ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ :m31:
-
เกลียดจัง
ตื้อมาก พี่ไผ่อย่ามัวแต่คิดแบบนั้นนะ หมามันจนตรอกมันทำได้ทุกอย่างแหละ :z2:
ปอลิง รู้สึกเหมือนเรื่องมันจะยุ่งๆ ดาราสาว(ไม่)น้อย นังพลอยเนี่ย กลัวจะมายุ่งเรื่องนี้จัง
ปอลิง 2 อลันอยู่ไหนมาช่วยริวด้วย :m31:
-
อีตาชินกีนี่ตื๊อจริงๆ แต่มองอีกที ก็น่าสงสารเหมือนกันน้าาาาาาาา มาฝังใจอะไรกับหนูริวของเรา
ชอบตอนที่แล้วมากเลย ริวเจ้าเล่ห์ได้โล่ :laugh:
-
ความมั่นใจของชินกีสูงดี
-
เกลียดลีชินกี จริงๆ เลย ชิๆๆ
-
ริวเปรียบชินกีซะเห็นภาพเลย
ว่าหนูรังเกียจ รำคาญใจขนาดไหน
-
ทำไมยิ่งอ่านยิ่งสงสารชินกิก็ไม่รู้
มีใครมาปราบพร้อมให้ความรักชินกิบ้างก็คงจะดี
:L2:
-
:z13: :z13: :z13:
V_we 555
น่าจะเป็นตะวันนะที่จะพอปราบได้บ้าง
คู่นี้จะว่าไปก็น่าเชียร์ดีเหมือนกัน 555
แต่เราคงได้แต่จิ้นไปเองคนเดียว กร๊าาาาาาาาาาาก
-
เอางั้นเหรอคุณนาย เปลี่ยนเป้าหมายให้ชินกีไปที่ตะวันเหรอ
เอ..แต่ดูเหมือนตะวันจะคู่ใครซักคนในวง หรือในบริษัทนี่เอง ไม่ใช่เหรอ เอ๊ะ..หรือดิฉันจะเข้าใจผิด
-
ทำตัวน่ารำคาญจิงๆนั่นแหละ :m16:
-
ว่าแต่ชินกีมันจะหึงจนหน้ามืด แล้วแอบทำอะไรบ้าๆหรือเปล่านะ
คนแบบนี้น่ากลัว
-
เข้ามาตบ อี ชิน กี ประจำวัน อิอิ
-
เกลียด อิ ชีนกี ดันทุรังจริงๆ
-
เราว่านะไอ้ชินกีก็เป็นคนที่น่าสงสารเหมือนกัน
ชินกีมันคงจะไม่เคยเจอคนแบบริว คนที่จะรักใครได้จากใจจริงโดยไม่หวังอะไร
ชีวิตชินกีมันคงจะแบบว่า พบเจอแต่คนเหี้ยๆ เลยเหี้ยตาม??
เพราะมันก็แค่รักริวเลยทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ริวมา
เพียงแต่ว่า " ชินกีแกฟังไว้นะว่า หนูริวมีเจ้าของแล้วโว้ยยย!! เลิกทำแบบนี้ซักที
แล้วไปตามหาคนที่รักตัวเองได้แล้ว รำคาญแล้วนะโว้ยยยย!!!!! ฮึ่ยๆๆๆ "
แต่คิดไปคิดมา ไอ่ชินกีนี่มันอาจจะกลายมาเป็นกามเทพของหนูริวกับพี่ไผ่ก็ได้นะ
แบบว่าทำให้พี่ไผ่หึงหวงริว และยอมรับหัวใจตัวเองเร็วๆซักที อะไรแบบนี้ กรี๊ดๆๆ ><
รอตอนต่อไปค่า~
ปอลอลิง : เมื่อไหร่อลันจะมีบทบาทกับเค้าซักทีเนี่ย หรือไม่ก็มาต้อนรับลูกสะไภ้ไผ่หน่อยซี่ คึคึ
-
ชินกิน่ากลัว รักเขาชอบเขาไม่เป็นไร มันเรื่องของใครของมันส์ แต่ตามกันจนออกอาการคล้ายสโตกเกอร์แบบนี้มันน่าสยองใช่น้อยนะเนี่ย=_=ll
-
Mr.Lee ...ใครก็ได้ช่วยมาเอาไปที...55555555555
-
:z2: ไม่เลิกนะคุณลี :z2:
:pig4: :pig4:
-
มาส่งน้องริวขึ้นหน้า 1 อิอิ
-
น่าจะหาคู่ให้ชินกิซักคน จะได้เลิกๆ ไปกวนน้องซักที :m16:
-
ชินกีฮับ.. อยากกวนน้องริวกับพี่ไผ่มากได้ป่าว..
ให้สองคนนี้เค้าหวานกันบ้างไรบ้าง...
ปล่อยเค้าไปเถอนะ....ฮาๆๆ รักน้องริวและพี่ไผ่
-
มาละจ้ะ
สำหรับใครที่กังวลเรื่องลี ชินกี
ไม่ต้องห่วง...
มันยังอยู่กะเราไปอีกซักพัก
ใครอรส. ไปจัดการปร้าไรท์เตอร์ได้ตามสบาย
คริคริคริ
:a11:
*****************
ตอนที่ 72
พอไปถึงบ้าน พสุก็เข้าห้องไปอาบน้ำก่อน ปล่อยให้ริวจัดการกับเค้ก แต่พอออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าริวเอาเค้กใส่จานมารอแต่ยังไม่กิน
“ริวรอพี่” เด็กหนุ่มพูดนำมาก่อนที่พสุจะทันได้ถาม
“ริวกินเถอะ พี่ยังไม่หิวเลย อยากนอนมากกว่า” พสุตอบแล้วเอาผ้าขนหนูไปตากแต่พอกลับเข้ามาในห้องนอน ก็พบว่าริวก็ยังรอไม่ยอมกินเค้กก่อนเขา
“คำเดียว...นะครับ น๊า”
“พี่ง่วง” พสุแกล้งตัดบทแล้วไปทิ้งตัวบนเตียง ถึงจะรับปากให้ริวกอดเขาได้ แต่ถ้าเลี่ยงได้ เขาก็ต้องหาทางเลี่ยง...เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน การที่ริวมานัวเนียกอดรัดมากๆ เข้า โดยที่เขาไม่กล้าปฏิเสธ ทำให้ชายหนุ่มเริ่มกลัว...กลัวว่าเขาจะเป็นฝ่ายไขว้เขวเสียเอง เพราะแค่เขาไม่รังเกียจสัมผัสแนบชิดของริวก็นับว่าน่าตกใจมากพอแล้ว
“พี่...คำเดียว” เสียงเรียกใกล้ๆทำให้พสุต้องลืมตาขึ้นมอง ก็พบว่าเค้กถูกตักมาจ่อถึงปาก ชายหนุ่มเหลือบไปมองเจ้าของเค้ก เห็นสายตาวิงวอนแป๋วๆ แล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ จึงอ้าปากรับเค้กที่ป้อนถึงปาก แต่ริวกลับคว้าแขนเขาดึงให้ลุกขึ้น
“อื้อ?” พสุขมวดคิ้วใส่เป็นเชิงถามว่าริวดึงเขาลุกขึ้นมาทำไมแต่เพราะเค้กเต็มปากจึงไม่ได้พูดออกมา
“จะกินขนมก็ต้องลุกขึ้น จะนอนกินได้ยังไงเดี๋ยวติดคอตาย” ริวทำเสียงดุเลียนแบบที่พสุเคยเอ็ดเขา พสุหมั่นไส้จับแก้มของเด็กหนุ่มดึงยืดจนเจ้าตัวร้องโอดโอย
“ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ รู้จักเอาคำพี่มาย้อนเหรอ” พสุทำเสียงขู่หลังจากกลืนเค้กลงไปแล้ว
“...พี่อ่ะ เจ็บน๊า” ริวทำเสียงงอแง แล้วลูบแก้มที่ถูกดึงจนแดงป้อยๆ
“สมน้ำหน้า” พสุทำเสียงเยาะๆ แต่รอยยิ้มยังติดบนริมฝีปากทำให้ริวได้ใจ
“ก็พี่อย่าเพิ่งนอนสิค้าบ กินเค้กกับริวก่อน” ริวอ้อนแล้วดึงแขนพสุไว้ไม่ยอมให้นอน ขณะที่พสุส่ายหน้าแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง
“ก็พี่ง่วง”
“ริวป้อนก็ได้” เด็กหนุ่มบอกแล้วเขย่าแขนพสุเบาๆ ขณะที่พสุเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมลืมตา
“ไม่เอา...พี่จะนอนแล้ว”
“พี่น่ะ...กินเค้กกับริวก่อนสิครับ นะน๊า”
“ไหนบอกคำเดียวไง” พสุปรามเสียงดุๆ ทั้งที่ยังหลับตา
“งั้นอีกคำเดียว” ริวต่อรองด้วยน้ำเสียงออดอ้อนจนพสุชักใจอ่อน
“แล้วจะไม่งอแงต่อรองให้กินอีก?” พสุถามแล้วหรี่ตาขึ้นมามองริวข้างเดียว
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำหน้าชื่นทันที
“เอามา”
ริวตักเค้กป้อนถึงปาก พสุก็ยอมกินแต่โดยดี สร้างความพอใจให้เด็กหนุ่มจนยอมผละกลับไปนั่งกินเค้กตามเดิม พสุนอนมองริวกินเค้กอยู่ครู่เดียวก็ผล็อยหลับไป
เสียงโทรศัพท์ปลุกให้พสุสะดุ้งตื่น ชายหนุ่มควานมือไปหาแล้วกดรับสายทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา
“...ครับ”
“พี่ไผ่...เจอกันที่ห้องซ้อมนะพี่” เสียงร่าเริงที่พูดกับตะโกนแทบไม่ต่างกันทำให้พสุอดยิ้มไม่ได้
“อือๆ...อีก10 นาทีพี่ไป”
“คร้าบ”
พสุวางสายแล้วถึงได้ลืมตาขึ้นมาเจอกับตาใสแจ๋ว ที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ได้เวลาซ้อมแล้วทำไมไม่ปลุกพี่ละริว นั่งจ้องอยู่ได้” พสุทำเสียงดุทั้งที่รู้สึกว่าใบหน้าร้อนวาบ ไม่รู้ตัวสักนิดว่าริวมานั่งจ้องอยู่นานแค่ไหนแล้ว
“ก็...เวลาพี่หลับ พี่น่ารักออก”
“ทะลึ่งแระ ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวจะได้ไปซ้อมกัน ไวย์โทรมาตามแล้ว” พสุรีบลุกจากเตียง เสทำเป็นเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำเพื่อหนีบรรยากาศชวนอึดอัดขัดเขินนี้ ทั้งที่เขาเพิ่งอาบไปเมื่อก่อนนอนนี่เอง
“ริวอาบแล้ว” คำตอบของริวทำให้พสุต้องหันกลับไปมอง เห็นเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มเป็นคนละชุดกับตอนที่ไปรับมาจากห้องอัดก็พยักหน้าให้
“อ้าวเหรอ งั้นขอพี่อาบน้ำก่อนละกัน ริวจะไปก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ ริวอยากรอพี่...เดี๋ยวริวหาเสื้อผ้าไว้ให้นะ”
“อืม แต๊งกิ้ว”
พสุอาบน้ำเสร็จก็ออกมาสวมเสื้อผ้าที่ริวเตรียมไว้ให้ แล้วรีบไปที่สตูดิโอเพื่อซ้อมดนตรี
“โหยกว่าจะมาได้นะคู่แฝด ปล่อยให้รอตั้งนาน”
คำทักของไวยากรณ์ทำให้พสุต้องก้มมองตัวเอง แล้วหันไปมองริว ชายหนุ่มหน้าร้อนวูบเมื่อพบว่าเสื้อผ้าเขากับริวเหมือนกันเปี๊ยบ ต่างกันแค่ลายสกรีนบนเสื้อเท่านั้น ชายหนุ่มข่มความรู้สึกเก้อกระดากไว้ แล้วรีบเข้าประจำที่เพื่อซ้อมเพลงที่จะขึ้นแสดงในคอนเสิร์ต ระหว่างที่กำลังซ้อม กรเวชพาทรงเผ่ากับไมตรีเข้ามาดู ถึงแม้พอใจกับความพร้อมของทั้ง 5 หนุ่มแล้ว แต่ทรงเผ่าก็ยังอยากให้ซ้อมบนเวทีจริงมากกว่า
กรเวชจึงโทรไปประสานกับฝ่ายสถานที่เพราะทราบกันดีว่าช่วงนี้ยังมีการใช้พื้นที่จัดงานอื่นอยู่ ก็ได้รับคำตอบรับว่าอีก 2 วันจะสามารถเข้าซ้อมได้
“เพลงของพวกเราผมไม่ห่วงหรอก แต่ที่ห่วงคือเพลงที่ต้องฟิตเจอร์ริงกับทางโน้นมากกว่า เพราะสาวๆเขามีเวลามาซ้อมแค่สองวันก็ต้องขึ้นแสดงจริง” ไมตรีบ่นอย่างกังวล เพราะคอนเสิร์ตครั้งนี้นับเป็นคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งของคิสมี เขาจึงไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น
“ไม่เป็นไรน่าตรี พี่ว่าสาวๆ MG เขาก็มืออาชีพพอตัว คงไม่มีปัญหา” ทรงเผ่าตอบยิ้มๆ เขารู้ว่าไมตรีผ่านการจัดงานใหญ่มาเยอะ แต่การที่ไมตรีกังวลขนาดนี้ คงเพราะเอาใจไปผูกกับคิสมีจนแทบกลายเป็นส่วนหนึ่งของวงไปแล้ว ถึงได้พลอยกังวลแทนไปหมดทุกอย่าง
“ผมก็หวังว่า...ใครโทรมา?” ไมตรีชะงักเมื่อโทรศัพท์ที่ตั้งสั่นไว้มีสายเข้า ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อกดรับสาย
“พี่เผ่าครับ...มิสเตอร์ลี เขาจะขอเข้ามาดูการซ้อม” ไมตรีรายงานแล้วเหลือบไปมองริวทันที ทรงเผ่ามองตามแล้วดึงโทรศัพท์ไปจากไมตรี
“ทรงเผ่าพูดครับ...มีอะไรครับมิสเตอร์ลี...อ๋อ...ครับ...อืม ผมว่าคุณรอดูวันซ้อมที่สถานที่จริงเลยดีกว่าครับ ตอนนี้คงไม่สะดวกให้เข้ามาครับ...บายครับ” ทรงเผ่าตัดบทง่ายๆ เขาเป็นคนตรง และแยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ดีพอที่จะไม่ถือเอาเรื่องส่วนตัวระหว่างชินกี กับริว มาคิดให้รกสมอง แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นเหยื่อที่ชินกีจะใช้หาผลประโยชน์เช่นกัน
“ผมนึกว่าพี่จะปล่อยให้นายลีเข้ามาซะอีก” ไมตรีพูดพลางถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งใจ ทำให้ทรงเผ่าอดขำไม่ได้
“ขืนปล่อยให้เข้ามาคงไม่ได้ซ้อมกันแน่”
“นายคนนี้ก็พิลึก ริวมันแสดงออกชัดว่ามันไม่ชอบ ยังตามตื๊อจนน่าเกลียด” ความรักแบบชายรักชายไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับไมตรี เพราะคนในวงการนี้ก็มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย เพียงแต่คนส่วนใหญ่ที่เขารู้จัก มักจะรู้ว่าควรวางตัวแค่ไหน เพิ่งจะเจอคนที่แสดงตัวจนน่าเกลียดแบบชินกีเป็นครั้งแรก
“พวกชอบเอาชนะน่ะ” ทรงเผ่าบอกเสียงเรียบ
“อยากให้ริวหันมาชอบตัวเองเนี่ยนะครับ ผมว่ามันบ้า...น่าสงสารไอ้หนูริว ต้องมาเจอคนโรคจิตแบบนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก ไผ่มันคอยดูๆ อยู่ คงไม่มีอะไรหรอก” ทรงเผ่าตอบอย่างมั่นใจ
“ริวมันยังเด็กแถมยังเป็นโรคเกลียดสัมผัส ผมละกลัวใจ กลัวมันทนไม่ไหวฟิวส์ขาดลุกขึ้นชกหน้านายลี มีหวังได้เป็นข่าวแน่ๆ เลย” ไมตรียังบ่นอย่างกังวลใจ เขายังเข็ดไม่หายกับอาการเกลียดสัมผัสของริว พอชินกีมาวุ่นวายกับริวก็พาให้รู้สึกเป็นห่วงเด็กหนุ่มมากขึ้น
“หึหึ พี่กลัวใจเจ้าไวย์มากกว่า ยิ่งขี้โมโหอยู่ด้วย” ทรงเผ่าตอบยิ้มๆ แล้วบุ้ยใบ้ให้ดูคนใจร้อนที่ตอนนี้วิ่งไปรื้อหาโน้ตเพลงในกล่องจนกระจัดกระจายคนละทางทำให้กรเวชต้องตามเก็บไปบ่นไป
“นั่นสิครับ...เฮ้อ! ขอให้งานคราวนี้ผ่านไปโดยไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไรด้วยเถิด” ไมตรีทำเสียงสูงอย่างน่าขัน ยังดีที่ไม่ยกมือไหว้ประกอบคำพูด
“เอาน่า เราก็ป้องกันเท่าที่เราจะทำได้แล้ว ถ้ามันมีอะไรนอกเหนือจากที่เราคาดไว้ ก็ค่อยแก้กันไปก็แล้วกัน” ทรงเผ่าตอบยิ้มๆ แล้วหันไปสนใจกับการซ้อมของทั้ง 5 หนุ่มอีกครั้ง
...........................................
วันซ้อมคอนเสิร์ตที่ฮอล กรเวชให้รถตู้มารับทั้ง 5 หนุ่มตั้งแต่สายๆ หลังจากเซตเครื่องดนตรีเสร็จก็เริ่มซ้อมทันที เพื่อให้ทีมงานในส่วนแสง เสียง เซตระบบ
แม้จะมีทีมงานเกาหลีเข้ามาดูอยู่ด้วย แต่ก็ไม่มีวี่แววของลี ชินกี จะเข้ามาวุ่นวาย ทำให้กรเวชถึงกับโล่งอก
“พอไม่เห็นนายลีละโล่งเชียวนะพี่กร” ชายหนุ่มร่างเล็กที่มาทำหน้าที่ล่ามเอ่ยแซวยิ้มๆ เขาได้ยินทีมงานเกาหลีคุยกันว่าลีจะตามมาทีหลัง แต่จนบ่ายคล้อยแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววจึงกล้าเข้ามาแซวกรเวช
“เออ...หรือแกอยากให้หมอนั่นมาล่ะ” กรเวชหันมาทำเสียงประชด
“ใครจะไปอยากพี่ ขืนเข้ามา มีหวังไวย์อาละวาดตาย”
“ใช่มะ...ฝากทางนี้ด้วยนะจ๊อบ เดี๋ยวพี่ไปดูหลังเวทีก่อน” กรเวชรีบบอกเพราะสังเกตเห็นไวยากรณ์เดินเข้าเดินออกหลายรอบแล้ว แสดงว่าต้องหาอะไรไม่เจอสักอย่าง
“ครับ”
“ดูเหมือนใครๆ จะไม่ชอบชินกีกันนะ” เสียงทักทายจากด้านหลังทำให้จ๊อบต้องหันไปสนทนาด้วย
“ก็ไม่เชิงหรอกครับมิสเตอร์โฮ...แต่อย่างที่คุณเห็น เวลามิสเตอร์ลีอยู่ด้วย บรรยากาศมันก็..เอ่อ...” หนุ่มร่างเล็กชักอึดอัดที่จะหาคำอธิบาย แบบไม่ให้คนฟังขุ่นเคือง
“ผมเข้าใจ เพียงแต่แปลกใจที่ทุกคนดูปกป้องเกรสันกันเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เรื่องก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร” มิสเตอร์โฮตอบพลางจับตามองริวอย่างข้องใจ
“ก็ริวเขาเป็นน้องเล็กในวงนี่ครับ แถมยังมีนิสัยเป็นเด็กมากๆ มิสเตอร์โฮคงไม่รู้ว่าริวน่ะไร้เดียงสามากแล้วก็ขี้อายด้วย ใครๆ ถึงได้ทะนุถนอมเขานัก” จ๊อบตอบยิ้มๆ
ถึงเขาจะเพิ่งเข้ามาร่วมงานกับคิสมีแบบเต็มตัวในอัลบั้มที่สอง แต่เมื่อก่อนก็เคยช่วยงานในอัลบั้มแรกมาบ้าง จึงได้รู้เรื่องเกี่ยวกับสมาชิกทุกคนในวงคิสมีมาพอสมควร เขาจึงไม่แปลกใจที่ทุกคนพยายามปกป้องริวจากลี ชินกี คงไม่มีใครยอมให้เด็กหนุ่มใสซื่อเหมือนผ้าขาวคนนี้ต้องแปดเปื้อนเพราะลี ชินกี
“ผมว่าเขาทำงานเก่งออก เรียกว่าอัจฉริยะเลยล่ะ” มิสเตอร์โฮยังติดใจฝีมือการทำงานของริวไม่หาย เสียดายที่ริวเป็นนักร้อง หากเป็นคนทำงานเบื้องหลังด้วยกัน เขาต้องเสนอให้มิสเตอร์ปาร์คแย่งตัวเด็กคนนี้ไปจากบริษัทของเขมชาติอย่างแน่นอน
“ก็เก่งแต่เรื่องงานแหละครับ แต่เรื่องอื่นน่ะไม่เดียงสาหรอก ตอนมาใหม่ๆ นะครับ ใช้เงินยังใช้ไม่เป็นเลย จะไปไหนก็ต้องมีคนคอยดูแล พี่กรนี่ดูแลเหมือนเป็นลูกเลยครับ ตามประกบแจ”
“อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง”
“ถ้าการที่พวกเราปกป้องริวมากจนทำให้ทาง JKG ไม่พอใจก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรๆ ผมเข้าใจ จริงๆ ถ้าเป็นนักร้องของทาง JKG เอง เราก็มีผู้จัดการคอยดูแลใกล้ชิดเหมือนกัน ปกติผมก็ไม่ค่อยจะไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับนักร้องมากนัก ส่วนใหญ่ผมจะทำแต่ดนตรีมากกว่า เพิ่งจะเคยร่วมงานกับวงบอยแบนด์ที่ทำเพลงเองแบบนี้เป็นครั้งแรก จนบางทีผมก็ลืมๆ ไปว่าเขาเป็นศิลปิน เผลอคิดไปว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานด้วยทุกที”
จ๊อบยิ้มออก เขาเองก็กังวลว่าทีมงานของ JKG จะเคืองที่ทางทีมไทยทำเหมือนรังเกียจ ลี ชินกี แต่เท่าที่เขาสังเกตก็พบว่า ลี ชินกี เองก็ไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้ร่วมงานชาติเดียวกันสักเท่าไหร่ เขาถึงได้กล้าพูดตรงๆ กับมิสเตอร์โฮ ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนทีมงานของทางเกาหลี ถ้ามิสเตอร์โฮเข้าใจ ทีมงานของ JKG ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนลีชินกีจะคิดยังไงนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไป
ลี ชินกียืนนิ่ง เขาเข้ามาได้สักพักแล้วแต่หลบอยู่แถวๆ สวนด้านนอก รอจนทีมงานส่วนใหญ่เริ่มทำงานถึงได้ตามเข้ามาเงียบๆ แล้วก็ได้ยินบทสนทนาของล่ามคนนั้นกับมิสเตอร์โฮโดยบังเอิญ เขาเพิ่งรู้ว่าไม่แค่คนในวงคิสมีที่ไม่ชอบเขา แม้แต่ทีมงานทั้งหมดก็ไม่พอใจที่เขาแสดงออกว่าสนใจริว
ชินกีไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เรื่องทีมงานไม่พอใจไม่ใช่เรื่องที่เขาแยแสสักนิดแต่เรื่องที่ริวไร้เดียงสาจนใครๆ ต้องคอยกันเขาต่างหากที่น่าสนใจมาก
ถ้าริวเป็นเด็กไร้เดียงสาขนาดนั้น ก็แปลว่าเด็กหนุ่มไม่เคยมีคนรักมาก่อนเผลอๆ อาจจะไม่เคยมีเซ็กส์ด้วยซ้ำ แล้วถ้าริวหลงรักพสุจริงอย่างที่เขาคิด โอกาสที่เขาจะทำให้ริวเป็นของเขาก็ยิ่งมีมากขึ้นเพราะถ้าริวสนใจในเพศเดียวกันอยู่แล้วหากจะเปลี่ยนจากพสุมาเป็นเขาก็คงไม่ใช่เรื่องยาก เขาไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำให้ริวหลงใหลในตัวเขาไม่ได้ ขอเพียงโอกาสที่จะได้อยู่ตามลำพังกับริวโดยไม่มีคนอื่นขัดขวาง เขาจะทำให้ริวกลายเป็นลูกแมวแสนเชื่องยิ่งกว่าที่ริวเคยเป็นกับพสุให้ได้..............
...................................................................
-
ค้างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อยากอ่านตอนต่อไป ๆ แล้วน้า
ทุกคนต้องปกป้องริวให้ได้น้า
สู้ๆ
พี่ไผ่อย่าคิดมากสิ ทำตามใจตัวเองบ้าง
-
ไม่เอานะน้องริวต้องเป็นของพี่ไผ่คนเดียว
ชินกีถอยไปเลย :angry2:
-
นิสัยเสียจริงๆ นายลีเนี้ย!!!
-
ส่งอลันมาช่วยริวด่วน
ปล.ถึงคนเขียน อย่าเก็บอิตาชินกีไว้นานเลย ไม่ชอบอ่ะ 555 :serius2:
-
เมื่อไหร่ นังชินกี จะไปผุดไปเกิดซะทีเนี่ย :z6: :z6: :z6:
-
ชินกีรับรองได้เลยว่าถ้าทำมิดีมิร้ายกับริวเมื่อไหร่
คนในเล้ารุมตายแน่นอน ส่วนพี่ไผ่คงไม่ปล่อย
น้องริวไว้คนเดียวหรอก พี่กรก็ด้วย เอาเป็นว่า
เอาใจช่วยน้องริวให้อยู่รอดปลอดภัยจากชินกี
:กอด1: :L2: :pig4:
-
อยากจะบอกทุกคนว่า ฝากน้องริวด้วยน้าาาา
โฮๆๆๆ ทำไมนายชินกีถึงมุ่งมั่นขนาดนี้วะ
โฮววววววๆๆๆๆ
พี่ไผ่ต้องดูแลน้องตลอดนะ
อย่าให้ชินกีได้น้องไป หุหุ
-
ชินกี มันคิดเลวๆอีกแล้ว สงสัยต้องยุให้ริวเป็นคนอัดมันเองซะแล้ว
เอาเลยน้อง สู้ๆ
-
ลี ชินกี อย่าคิดว่าริวไร้เดียงสานะ
ถ้าได้อยู่ตามลำพังกับริวจริงล่ะก็
กลัวว่าริวจะจับโยนออกไปไม่ทันนะสิ
-
ตาลีเนี่ยยิ่งมายิ่งร้าย แต่ก็ทำให้เรื่องมีสีสันดี
-
นางชินกีนี้ก็ยังฝันลมๆแล้งๆอยู่อีกนะคะ หน้าด้านจริงๆ
-
แบบว่าชินกีนี้ออกแนวมั่นใจมากมายไม่ถามคนอื่นเลยนะว่าเค้าเป็นไงอ่ะ
เมื่อไรอลันจะมาจัดการให้ชินกี่หายๆไปซักที
-
:z3:
รำคาญอย่างแรง
-
เฮ้อ เหนื่อยใจกับนายลีจิง ๆ
-
อ่านะ คิดถึงแค่ว่าทีมงานไม่พอใจ แต่ลืมนึกไปป่าวว่าริวเองก็ไม่พอใจเน้อ เจ้าหมากฝรั่งติดรองเท้านี่ :z6:
-
ไม่ได้น่ะ
ริวต้องเสณ็จพี่ไผ่คนเดียว
เพราะ
ริวน่ารักมากกกกกกกกก จึงอยากให้โดนกดมากกว่า
รูปร่างไม่เป็นสิ่งขัดขวาง
-
อ๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ :fire:
ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยาก ตบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนายลี มากๆๆๆๆๆๆๆๆ :beat:
-
ไม่ได้อ่านหลายตอนเลย
ผ่านช่วงดราม่า และเฉลยว่าที่จริงแล้ว
หนูริว ก็สามารถร้ายได้ o13
พอหมดปัญหา การกอดของริว
ซึ่งรอจนพี่ไผ่ ค้นหาความรู้สึกของตัวเองได้เท่านั้น
ก็มาเจอที่ร้ายกว่า สำหรับชินกิ
ตอนแรก ก็รำคาญ ที่มาตามตื้อริวอยู่ได้
ต่อมาก็สงสาร ที่ชินกิ มีความคิดว่าพี่ไผ่หลอกใช้ริว
คงเป็นเพราะชินกิเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
คงไม่มีใครจริงใจกับตัวเองเลย
มาตอนนี้จะใช้แผนรวบหัวรวบหาง
ก็เกลียดเลย ถ้าทำถึงขนาดนั้นก็น่าเกลียดมาก
-
อีตาลีชินกีเนี่ย ทำตัวได้น่ารังเกียจดีแท้ :z6:
-
:o12: ขอร้องล่ะ ไม่เอามาม่านะ
ไปบอกคนเขียนว่าเก็บชินกีได้แล้วไม่เอาแล้ว :fire:
หมดเวลาไม่จ่ายค่าตัวแล้วที่เถอะ แค่นี้ก็เครียดแล้วอ่ะ
พี่ไผ่พยายามทำตัวห่างน้องริวอ่ะ
-
ไม่ใช่ชอบ ไม่ใช่รักละ โรคจิต เยอะ ๆ เลยอ่ะ
-
:เฮ้อ: อีหนูลีเอ๋ย.....
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย :z2:
-
หรือว่า!..ริวจะรุกเป็นก็เพราะนายลีชินกีคนนี้กัน o22
แบบลีวางยาริว แล้วปลุกปล้ำจนริวทนฤทธิ์ยาไม่ไหว เป็นผลให้ริวรู้ว่าการมีเซ็กส์ต้องทำยังไง
ถ้าเป็นแบบนั้น.....ก็เหมือนคนเขียนทำร้ายความรู้สึกกัน :z3:
หนูจะเลิกอ่าน!!!
-
อยากให้ชินกีได้เห็นริวโหมดน็อตหลุด...ยังรีเควสอลันเหมือนเดิมนะคะ ไม่เห็นหน้าขอแค่ให้ได้ยินเสียงก็ยังดี
ขอใ้ห้ไผ่ยอมรับความรู้สึกตัวเองได้เร็ว ๆ ด้วย...น้องริวรออยู่นะ :impress2:
-
ใครก็ได้โทรเรียกอลันมาลากนังชินกีไปที :angry2:
ใจนึงก็สงสาร แต่ความเกลียดมันมากกว่า :serius2:
รอฉากสวีตของพี่ไผ่กับน้องริวค่ะ :-[
-
มิสเตอร์ลี เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าคะ
-
เฮ้ออออ.....มั่นใจจริงจริ๊ง คนเรา..
เค้าแสดงออกมาขนาดนั้นแล้วอ่ะนะ...
สงสัยต้องกินลาบเลือดซักทีถึงจะได้สติ ตาสว่างซักที...
ปล....น่าจะไล่ชินกีออกได้แล้ว..วันๆไม่เห็นทำงานทำการนอกจากตามไปทุกที่ที่มีริว และคอยตามตื๊อ...เซ็ง!
-
อย่าดึงมาก writer อ่านแล้วอึดอัด
-
อิชินกียังไม่ไปผุดไปเกิดอีกเรอะ :angry2:
เอามันไปเก็บทีก่อนที่มันจะทำอะไรริว :z6:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
จนป่านนี้ก็ยังสงสารลีนะ เข้าใจเรื่องราวผิดไปเยอะเลยเชียว :เฮ้อ:
อยากให้น้องริวค่อยพูดค่อยจากับริวบ้าง สงสารอะ
-
ลีเอ้ย กลับประเทศไปเหอะนะ....
วุ่นวายจริงๆเชียว...
-
ชินกีนี่สุดยอดตื้อจริง ๆ เลย
สมควรแล้วที่น้องริวเปรียบเหมือนหมากฝรั่งติดรองเท้า
ตามมาดูเค้าซ้อมกันอีก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีใครชอบ
ยังไม่สนใจอีก คนอะไรดื้อด้านจริง ๆ
น้องริวจัดการนังชินกีให้สาสมเลยนะ
-
กรี๊ดกร๊าดดดด~~~~~~~!!!!
ชอบเรื่องนี้มากเรย
กว่าจะอ่านถึงตอนนี้นี่ กรี๊ดไป ร้อยแปดตลบ
แระแร้วในที่สุด พี่ไผ่ ก้อค่อยกระดึ๊บ ลงหลุมที่ริวขุดไว้ทีละนิด
อีกไม่นานเสดแน่ พี่ไผ่ 555+
ส่วนนาย จุนกิ เออ......
มันใจมากไปไหมค่ะ คุณเธอ = =
มีละอายใจ หรือ กังวลบ้างก้อดีนะเธอ
เด๋วหน้าแตกยับ จะหาว่าไม่เตือน
-
ฝาก :fcuk: คุณลีชินกิ
-
ลีชินกีชอบเอาชนะจริงๆเนอะ
แต่ขอให้เป็นอย่างที่ทรงเผ่าพูดอีกเรื่องละกันว่าคงไม่มีอะไรมากหรอกนิ
-
เห้ยๆๆๆๆ......มันจะมากไปล้วนะ!!!!
รำคาญอ่ะ โหย คนอะไรนี่.......
ตอนแรกก็สงสารอยู่หนอกนะ แต่ทำตัวอย่างนี้นี่มัน อารมณ์เสีย!!!!!
-
ยังอีกนะ หมากฝรั่งติดรองเท้าเนี่ย
ยังเขี่ยออกไม่ได้อีกแน่ะ
คราวนี้น่าจะมีใครซักคน จัดการได้หมดจด ซะทีนะ รำคาญจัง
-
ข้อมูลของชินกี ไม่อัพเดทแล้ว เดี๋ยวนีหนูริว เจ้าเล่ห์จะตาย
-
ชินกี เนี่ย คิดอะไรตื้นๆจัง
:z2: :z2: :z2:
-
ตอนแรกก็น่าสงสารอยู่หรอก
แต่พอเจอความคิดของชินกีตอนนี้เข้าไป
ขอบอกว่า ไปตายซะไอ้นรก
เหอะๆ ริวไร้เดียงสา แต่ไม่ได้แปลว่าโง่นะเฟ้ย
มั่นใจเกินไปป่าว เดี๋ยวปั๊ดให้ริวจัดชุดใหญ่ให้เลยนิ
ริวรำคาญมากๆ ก็สั่งอลันจัดชุดใหญ่สักทีก็ดีนะ
-
โปรดทราบ!!
กรุณากำจัดชินกีด่วน
อิชั้นไม่ไหวกับไอ้เวงนี่แล้วค่ะ
-
ไม่ได้น่ะ
ริวต้องเสณ็จพี่ไผ่คนเดียว
เพราะ
ริวน่ารักมากกกกกกกกก จึงอยากให้โดนกดมากกว่า
รูปร่างไม่เป็นสิ่งขัดขวาง
ชอบความคิดนี้จัง :oo1:
-
ไอ้ๆๆๆๆๆๆ :m16:ไอ้...คุณลี ชีวิตเจอแต่คนเลวร้ายหลอกลวงมาตลอดก็เข้าใจ
แต่ถ้าไม่รู้อะไรจริงๆก็อย่าเหมารวมซิเฟ้ย :angry2:
-
:fire: :fire:
-
อีปลิงชีนกี!!! :angry2: :z6:
-
Mr.Lee นี่ไม่ยอมรามือจริงๆ สักวันคงได้โดนใครสักคนต่อยปากแน่ๆ เอ จะเป็นไวย ริวหรือพี่ไผ่ดีน้า
-
..ชินกี มันยังอยู่กะเราไปอีกซักพัก.. :a5:
โอ้ว พระเจ้า ส่งมันไปที่ชอบๆได้แล้ว ขอร้อง T^T
-
:m31:อึ๊ยยยยย
-
ริวไร้เดียงสา แต่ไม่ได้โง่นะค่ะชินกี
-
:beat: :beat: :beat:
:z6: :z6: :z6:
:m31:ชินกี :fire:
-
:angry2:อย่างงี้เขาเรียกว่าหน้าด้านหรือเปล่าเนี่ย :m31: :z6: :beat:
-
ชินกีเอ๊ย
ทำยังไงน้องริวก็ไม่เหลือบแลนายหรอก
ใจเขามีแต่พี่ไผ่เต็มไปหมดแล้ว
-
น้องริวต้องเป็นของพี่ไผ่เท่านั้น นังลีไปไกลๆ เลย :m16:
-
สงสัยเจ้ากีนี่ต้องเจอไม้หนักหน่อยละไม่งั้นไม่เลิกซักทีบ้าอยู่ได้คนเดียว :3125:
:pig4: คะ
-
มันบ้าไปแล้ว อิตาลี ชินกีเนี่ย บ้าสุดๆ เมื่อไรจะหยุดบ้าสักทีฟระฮะ?
-
ชินกีนี่ดื้อจริงๆ ไม่สำนึกเลย :เฮ้อ:
สำหรับชินกี "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่นแระ"
มันไม่สำเร็จหรอก หนูริวต้องคู่กับไผ่เท่านั้น
-
อีตาชินกีนี่ นอกจากดื้อแล้วยังด้านอีก :z6:
-
พี่ไผ่ใกล้จะใจอ่อนให้นู๋ริวจอมเจ้าเล่ห์แล้ว(รึยัง)
-
น่าเกลียดที่สุดเลย
ใครก็ได้ลากนายลีไปทิ้งที
-
ไอ้คุณลี แกนี่หลงตัวเองจริงๆๆๆ
-
ชินกี .. :z6:
พี่ไผ่ รีบรับรักนู๋ริวนะ :กอด1:
-
ตอนที่ 73
พอกลับมาถึงบ้านพัก ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน พสุลองโทรหามารดาอีกครั้ง หลังจากที่วันนี้เขาโทรหาหลายครั้งแล้วแต่สุดาปิดเครื่องอยู่ตลอด
“สวัสดีครับป้าใจ...แม่ละครับ” ชายหนุ่มถามทันทีที่ได้ยินเสียงคนปลายสาย
“ไปถือศีลที่วัดค่ะ คุณไผ่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ ไผ่แค่จะโทรมาบอกว่ากลับมาจากเกาหลีแล้ว ซื้อของมาฝากแม่กับป้าใจด้วย แต่ยังไม่มีเวลาเข้าไปหาเลยครับ เพราะทั้งถ่ายละครแล้วก็ต้องรีบซ้อมเพลงให้ทันคอนเสิร์ต” พสุตอบเสียงอ่อนโยน นึกถึงสีหน้าของแม่กับป้าใจตอนเห็นของฝากแล้วอดยิ้มไม่ได้
“เหรอคะ เดี๋ยวป้าบอกคุณดาให้นะคะ” ป้าใจตอบเสียงใสอย่างกระตือรือร้น
“ขอบคุณครับป้า”
“แล้วคุณริวสบายดีหรือเปล่าคะคุณไผ่”
“สบายดีครับ ตัวโตกว่าเดิมด้วย...ถามหาแต่ริว ไม่เห็นป้าถามไผ่สักคำว่าสบายดีหรือเปล่า”
“แหม ก็เสียงคุณไผ่สดใสขนาดนี้ก็ต้องสบายดีสิค๊า” ป้าใจทำเสียงกระเง้ากระงอดราวกับสาวๆ จนพสุอดหัวเราะไม่ได้
“ไผ่ล้อเล่นน่ะครับ ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะครับป้า แล้วถ้ามีเวลาไผ่จะไปหา”
“ค่ะ”
“โทรหาแม่เหรอครับ” ริวเปิดประตูเข้ามาในเครื่องแต่งกายที่พร้อมจะนอนแล้ว เด็กหนุ่มกลับไปอาบน้ำที่ห้องของตัวเองแล้วกลับมานอนกับพสุเหมือนทุกคืน
“อืม...แต่แม่ไม่อยู่หรอก ไปถือศีลอยู่ที่วัด” พสุตอบแล้วเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียง ริวก็ตามขึ้นมานอนข้างๆ
“ริวคิดถึงแม่ อยากไปหาจัง” ริวบ่นเบาๆ แล้วกลิ้งหัวไปหนุนไหล่พสุ
“พี่ก็อยากไป แต่คิวงานแน่นขนาดนี้ ไม่รู้จะปลีกตัวตอนไหนจริงๆ” พสุถอนใจก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวริวด้วยความเคยชิน
“พี่ต้องไปถ่ายละครด้วยนี่นา” ริวพูดอย่างเห็นใจ พสุทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ทันปิดกล้องก่อนฤดูกาลทัวร์คอนเสิร์ตจะมาถึง ยังไม่รวมงานโชว์ตัว และคิวแทรกอื่นๆ
“อืม อีกอาทิตย์เดียวก็ปิดกล้องแล้วล่ะ แต่มาติดที่ต้องซ้อมคอนเสิร์ตอีก หวังว่าหลังคอนเสิร์ตคงมีเวลาไปหาแม่บ้าง”
“อีกสองอาทิตย์กว่าๆ ก็จะถึงคอนเสิร์ตแล้ว...พี่ตื่นเต้นไหม”
“ตื่นเต้น...ริวล่ะ”
“ครับ...อีกไม่ถึงเดือนแล้ว...”
“นั่นสิ...ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่ปีกว่าๆ เราจะมีอัลบั้มที่ 2 กันแล้ว” พสุพึมพำแล้วยิ้มกว้างด้วยความสุข ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกไม่ถึงเดือน เขาจะได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตอีกครั้ง คอนเสิร์ตอัลบั้มที่สองที่เขามีส่วนร่วมในการทำเกือบทุกเพลง แค่คิดถึงวันที่จะได้เล่นคอนเสิร์ตให้คนนับหมื่นคนดูเขาก็มีความสุขจนเหมือนหัวใจพองคับอกไปหมด
ริวมองใบหน้าเปี่ยมสุขของพสุแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ แค่เห็นพี่ตาเป็นประกายด้วยความสุขแบบนี้ หัวใจของเด็กหนุ่มก็พลอยเต็มตื้นไปด้วย สำหรับเขาแล้ว ขอแค่ได้เห็นพี่มีความสุขแบบนี้ทุกๆ วัน ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรเขาก็ยินดี
“ริวดีใจที่เห็นพี่มีความสุข”
พสุก้มมองใบหน้าที่หนุนอยู่บนไหล่แล้วชะงัก ชายหนุ่มหน้าร้อนวาบเมื่อรู้ตัวว่าใบหน้าของริวอยู่ใกล้เขานิดเดียว พสุเผลอสะดุ้งเมื่อริวขยับตัวเพราะคิดว่าริวจะจูบเขา แต่ริวกลับทำเพียงซุกหน้ากับไหล่พสุ แล้วขยับวงแขนที่กอดรอบเอวแน่นกว่าเดิมเล็กน้อยก่อนจะฮัมเพลงเบาๆ ชายหนุ่มจึงแอบถอนใจอย่างโล่งอก
ริวรับรู้ได้ถึงอาการลอบถอนใจของพสุ ตอนแรกเด็กหนุ่มก็ตั้งใจจะจูบพสุจริงๆ แต่เมื่อเห็นประกายไหวระแวงในดวงตาของพี่ ริวก็เปลี่ยนใจ ถึงจะไร้เดียงสายังไง แต่เขาอยู่กับพสุมาเป็นปี มีหรือจะดูไม่ออกว่าพสุอยู่ในอารมณ์แบบไหน เด็กหนุ่มไม่ต้องการให้พสุอึดอัดใจจนกลายเป็นความเกลียดจึงเลือกที่จะทำแต่สิ่งที่พสุสบายใจ และเขาก็ยังได้อยู่ใกล้ชิดพสุต่อไป
………………………………………………………………
ชินกีสบถอย่างเดือดดาล ตลอดทั้งวันเขาพยายามเข้าใกล้ริวมาตลอดแต่กลับไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียว ริวไม่เคยอยู่ตามลำพัง ถ้าไม่อยู่กับพสุก็จะมีเพื่อนในวงอยู่ด้วย แม้แต่เวลาเข้าห้องน้ำกรเวชก็ตามไปเฝ้า นอกจากเพื่อนในวงและผู้จัดการตัวแสบจะคอยตามติดแล้ว แม้แต่ทีมงานคนไทยทั้งหมด ก็เหมือนคอยจับตาดูเขาตลอดเวลา จนชินกีต้องเดินออกมายืนระบายอารมณ์ด้วยความเดือดดาลอยู่ข้างนอก
อุปสรรคแค่นี้ไม่ทำให้เขาท้อใจได้หรอก เมื่อเข้าไปหาริวตรงๆ ไม่ได้เขาก็ต้องบีบให้ริวเป็นฝ่ายออกมาหาเขาเอง ชินกียิ้มมาดหมายก่อนจะต่อสายกลับไปที่เกาหลี......
……………………………………………………
เขมชาติเดินลิ่วๆ เข้ามาหาทรงเผ่ากับไมตรีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่กรเวชซึ่งยืนดูคิสมีซ้อมอยู่อีกด้านก็เดินมาหาเขมชาติเช่นกัน
“พี่เผ่าครับ ถ้าเราจะต้องเลื่อนเวลาจัดคอนเสิร์ตเข้ามาจะได้ไหมครับ”
“หืม? เกิดอะไรขึ้นคุณเขม” ทรงเผ่าหันไปถามอย่างแปลกใจ
“ทางเกาหลีติดต่อมาบอกว่า MG มีงานแทรกด่วนเป็นงานใหญ่ ทางเขาก็เลยจะเลื่อนคิวคอนเสิร์ตเข้ามา ไม่อย่างนั้นเราจะต้องรอต่อไปอีก 2 หรือ 3 เดือน ถึงจะได้คิวของ MG ใหม่อีกครั้ง”
“เฮ้ย! ทำงั้นได้ไง ก็เราขายบัตรไปแล้ว” ทรงเผ่าอุทานแล้วขมวดคิ้วมุ่น
“เขามีทางเลือกให้เราแค่สองทาง คือเลื่อนเข้ามาหรือเลื่อนเวลาออกไป”
“เลื่อนเข้ามาน่ะแค่ไหน”
“อีก 3 วันครับ” เขมชาติตอบแล้วถอนใจเฮือกด้วยความกังวล
“จะบ้าเหรอ! จะเป็นไปได้ยังไง ตามกำหนดมันอีกตั้งครึ่งเดือนเราถึงจะได้คิวแสดง แล้วเราจะเตรียมงานได้ยังไงทัน แล้ววง MG ก็ยังไม่ได้เริ่มซ้อมกับคิสมีเลยสักนิดเดียว ถึงบินมาคืนนี้ก็ไม่ใช่จะทัน แล้วยังจะเรื่องอาคารสถานที่อีกล่ะ” ทรงเผ่าบ่นอย่างหัวเสีย ขณะที่ไมตรีก็หน้าเครียดไม่แพ้กัน
“เรื่องสำคัญอีกอย่างคือคนดูนะคุณเขม จริงอยู่ว่าบัตรขายหมดแล้ว แต่ถ้ากำหนดการแสดงเลื่อนเข้ามามากขนาดนี้ เชื่อเถอะว่าคนดูบางส่วนต้องคืนบัตร เพราะอย่างที่รู้ๆ ว่าเราไม่ได้มีแฟนเพลงแค่ในกรุงเทพ นอกจากคนต่างจังหวัดแล้ว แฟนเพลงที่อยู่ต่างประเทศก็แห่ซื้อบัตรกันมาไม่น้อย ถ้าเลื่อนเข้ามาขนาดนี้คนดูด่ากระจายแน่”
“แต่การแสดงครั้งนี้เราจะไม่มีวง MG ก็ไม่ได้นะครับ เพราะนอกจากจะทำเพลงด้วยกันแล้ว จุดขายของคอนครั้งนี้เราชูวง MG โปรโมทคู่กับคิสมี” เขมชาติท้วงเสียงอ่อยๆ วิธีเดียวที่จะให้การจัดคอนเสิร์ตเป็นไปตามกำหนดเดิมคือต้องตัดวง MG ออกจากการแสดงครั้งนี้ แต่ก็เป็นปัญหาใหญ่ไม่แพ้กัน
“ผมก็ไม่เข้าใจทำไมจู่ๆ ทางโน้นถึงดัดหลังเราดื้อๆ แบบนี้ ผมติดต่อมิสเตอร์ปาร์คไม่ได้เพราะเขาไปประชุมต่างประเทศ แล้วเลขาของเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้แต่เขาก็รับปากว่าจะติดต่อมิสเตอร์ปาร์คให้ครับ” เขมชาติบ่นต่ออย่างหงุดหงิด ที่พอเกิดปัญหาขึ้นกลับติดต่อผู้มีอำนาจสูงสุดของ JKG ไม่ได้
“นี่เขาทำงานกันยังไง ไม่เป็นมืออาชีพเลย...ทำแบบนี้ทางเราเสียหายนะคุณเขม” ทรงเผ่าตำหนิด้วยน้ำเสียงเรียบก็จริง แต่สายตาบ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างมากเช่นกัน กับการทำงานเหมือนเด็กเล่นขายของของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง JKG
“ครับ...ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง บางทีผมอาจจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะครับ” เขมชาติตอบรับด้วยสีหน้าจริงจัง บางทีเขาคงต้องลุกขึ้นมาสะกิดเตือนให้ปาร์คแทอุงรู้ว่า บริษัทเล็กๆ ของเขาไม่ใช่หัวหลักหัวตอให้ใครเดินข้ามกันง่ายๆ
“คุยอะไรกันอยู่ครับ ท่าทางซีเรียสเชียว” เสียงทักทายระรื่นเกินเหตุนั้น ทำให้ทุกคนขยับตัวอย่างระมัดระวัง ยกเว้นเขมชาติที่ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มต้อนรับได้เนียนสนิท ตามวิสัยนักธุรกิจที่ดี
“สวัสดีครับมิสเตอร์ลี”
“สวัสดีครับมิสเตอร์เขมชาติ ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่วันประชุม”
“พอดีช่วงนี้ยุ่งๆ ครับ ก็เลยไม่ค่อยได้เข้าออฟฟิศ”
“มิน่าละครับ ดูเคร่งเครียดเชียว...แต่การเตรียมงานคอนเสิร์ตก็เป็นไปด้วยดีนี่ครับ ค่อนข้างพร้อมทีเดียว กว่าจะถึงวันแสดงคงสมบูรณ์แบบ”
“ครับ...ถ้าได้แสดงตามกำหนดก็คงสมบูรณ์แบบอย่างที่คุณว่า”
“หมายความว่ายังไงครับ พูดยังกับจะไม่แสดงตามกำหนด”
“ก็ทาง JKG เป็นฝ่ายโทรมาขอเลื่อนการแสดงเองนี่ครับ ผมคิดว่าคุณทราบแล้วเสียอีก”
“เอ๊ะ! ผมไม่เห็นทราบ อ้อ! คงเพราะผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโปรเจคนี้ละมั้งครับทางโน้นก็เลยไม่ได้บอกอะไรผม...ว่าแต่มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ ถึงผมจะไม่ได้รับผิดชอบโปรเจคนี้แต่ก็อาจจะช่วยอะไรได้บ้างเล็กๆ น้อยๆน ะครับ”
“ก็...ทาง JKG แจ้งมาให้ผมเลื่อนเวลาคอนเสิร์ตเข้ามาหรือไม่ก็ต้องเลื่อนออกไปอีกอย่างน้อย 2 ถึง 3 เดือน เพราะไม่มีคิวของวง MG ให้” เขมชาติชี้แจงยิ้มๆ ไร้รอยประชดประชันหรือโกรธเกรี้ยว
“เอ๊ะ! เข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่าครับ”
“ผมไม่ทราบ แต่ถ้าต้องเลื่อนเวลาจัดคอนเสิร์ตจริงๆ ทางผมต้องเสียหายและเสียชื่อด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคิดว่าคงต้องให้ฝ่ายกฎหมายไปคุยแทนเสียแล้วล่ะ” เขมชาติยังคงยิ้ม แต่คนฟังรู้สึกได้ทันทีว่านี่คือการขู่แบบนิ่มๆ ของเขา
“โอ้! ใจเย็นๆ ครับ เอาอย่างนี้ ขอผมคุยกับทางโน้นก่อน อาจจะไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่คิดก็ได้”
“ก็ดีครับ ขอบคุณมาก”
ลี ชินกี ก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอตัว แล้วเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ครู่ใหญ่ๆ ก็กลับเข้ามาด้วยสีหน้าแจ่มใส
“ผมบอกแล้วว่าเป็นการเข้าใจผิดกันเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
“หมายความว่าผมไม่ต้องเลื่อนเวลาจัดคอนเสิร์ตออกไปแล้วใช่ไหมครับ” เขมชาติถามยิ้มด้วยสีหน้าปกติเหมือนคาดเดาอยู่แล้วว่าเรื่องจะต้องเป็นเช่นนี้ จนลี ชิกีเผลอยิ้มเจื่อนอย่างลืมตัว
“แน่นอนครับ คอนเสิร์ตของคิสมีและ MG ต้องได้แสดงตามกำหนดเดิมอย่างแน่นอน ไม่มีปัญหา”
“ขอบคุณมากครับมิสเตอร์ลี ที่ช่วยจัดการให้”
“โอ้แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง ผมยินดีด้วยซ้ำที่ได้ทำตัวให้มีประโยชน์กับพวกคุณบ้าง มาเตร็ดเตร่อยู่ในบริษัทคุณตั้งหลายวันแต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแบบนี้ดูมัน...ไม่ค่อยมีค่ายังไงไม่รู้” ชินกีกล่าวถ่อมตัว แต่เน้นย้ำให้รู้สึกถึงความสำคัญของเขาที่มีต่อ JKG อย่างตั้งใจ
“แต่ก็ต้องขอบคุณๆ มากจริงๆ ครับที่ช่วยให้ปัญหาคลี่คลายไปได้เร็วแบบนี้”
“ยินดีครับ” ชินกีตอบยิ้มๆ ขณะที่กรเวชหรี่ตามองอย่างระแวง ดูอะไรๆ มันง่ายดายเหลือเกินเมื่อชินกีจัดการให้ ลี ชินกีเหลือบมามองกรเวชแล้วเลิกคิ้วนิดๆ เหมือนจะท้าทาย ขณะที่กรเวชทำได้เพียงแค่เดินหนีไป
“จริงสิ ผมมาเมืองไทยตั้งหลายวันแล้ว วันนี้อยากจะไปยืดเส้นยืดสายสักนิด ไม่ทราบว่าถ้าจะเชิญทุกๆ คนไปเที่ยวด้วยกันคืนนี้จะสะดวกไหมครับ เชิญทุกคนนะครับ ทีมงานทั้งหมดนี่ด้วย”
“ทางผมสิครับต้องเลี้ยงขอบคุณที่มิสเตอร์ลีช่วยเหลือไว้ ไม่ใช่ให้คุณมาเลี้ยงพวกผม”
“โอ้ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ มันคนละเรื่องกันเลย อันนี้ผมชวนเพราะอยากสนุกจริงๆ ผมชอบไปเที่ยวกับคนเยอะๆ นอกจากจะได้เพื่อนไปสนุกด้วยกันแล้ว เรายังจะได้คุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน”
“ยินดีครับ แต่ขอผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงมิสเตอร์ลี กับทีมงานจาก JKG ทั้งหมดจะดีกว่าครับ”
“แต่...”
“เอาเป็นว่าคืนนี้เจอกันนะครับ ผมจะให้คนเอารถไปรับที่โรงแรม”
“ยินดีครับ”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีตอนบ่ายผมนัดคุยกับลูกค้าไว้”
“ครับ เชิญครับ”
เขมชาติยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม จนกระทั่งออกมาถึงรถ ชายหนุ่มถึงต่อสายไปต่างประเทศอีกครั้ง
“ไม่ทราบว่าติดต่อมิสเตอร์ปาร์คแทอุงได้หรือยังครับ...ได้แล้วเหรอครับ...ครับ...ขอบคุณมากครับ....สวัสดีครับมิสเตอร์ปาร์ค...”
....................................................................
ไวยากรณ์ถึงกับหน้าหงิกเมื่อรู้ตัวว่าซ้อมดนตรีเสร็จแล้วจะต้องออกไปเที่ยวกับทีมงานเกาหลี แม้จะชอบเที่ยวกลางคืน แต่หากต้องไปกับคนที่ไม่ชอบหน้าอย่าง ลี ชินกี สู้นอนอยู่บ้านยังดีเสียกว่า
“ผมไม่อยากไป เรื่องอะไรจะต้องไปผจญมลพิษทางสายตา” ไวยากรณ์โวยวายเสียงดังจนกรเวชสะดุ้ง เหลียวไปมองรอบห้องเห็นไม่มีคนอื่นนอกจาก 5 หนุ่มก็โล่งอก
“ไวย์...อย่างอแงน่า แล้วคิดว่าคนอื่นๆ อยากไปหรือไง แต่งานนี้มันเป็นมารยาท ทางทีมงาน JKG เขามาทำงานกับเราตั้งหลายวันแล้ว ยังไม่ได้พาเขาไปไหนเลยมันก็ออกจะน่าเกลียดอยู่” กรเวชเกลี้ยกล่อมทั้งตัวเองก็ไม่อยากไปสักนิด ยังดีที่เขาไม่บอกตามตรงว่างานนี้เขมชาติจะเลี้ยงขอบคุณที่ ลี ชินกี ช่วยเคลียร์เรื่องงานให้ ไม่อย่างนั้นไวยากรณ์คงต่อต้านแรงกว่านี้
“กับทีมงานของ JKG น่ะผมไม่เกี่ยงหรอก แต่นี่ต้องไปเจอไอ้ตุ๊ดจอมตื๊อนั่น ผมไม่อยากไป แค่ต้องเห็นหน้ามันไปป้วนเปี้ยนตอนซ้อมก็แทบอ้วกแล้ว” ไวยากรณ์ทำหน้าสะอิดสะเอียนแล้วห่อไหล่เหมือนขยะแขยงคนที่พูดถึงจนแทบทนไม่ได้
“อย่าเรื่องมากน่าไวย์ เขาให้ไปก็ไปเถอะ” ตะวันหันมาปรามไวยากรณ์ด้วยน้ำเสียงเรียบ
“พี่ตะวันพูดยังกับจะไปด้วยงั้นแหละ” ไวยากรณ์หันกลับมาทำหน้างอใส่ตะวัน
“ไปสิ ถ้าไม่ไป จะปล่อยให้ริวไปกับทีมงานเกาหลีตามลำพังหรือไง” ตะวันตอบเสียงเรียบๆ แต่ไวยากรณ์ถึงกับตาลุก วาบด้วยความตกใจ
“เฮ้ยไม่ได้! ขืนทำแบบนั้นก็เข้าทางมันสิ ริวก็ไม่ต้องไปนะ รู้ไหม” ไวยากรณ์หันมาสั่งริวสำทับอีกครั้ง
“ทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ ลองคุณเขมสั่งมาเองแบบนี้ ยังไงก็ต้องไปกันหมดอยู่แล้วล่ะ ไวย์ไปเถอะนะ ไปช่วยกันดูน้องไง” กรเวชพยายามตะล่อมเพราะงานนี้ถ้าคิสมีไม่ไปคงเสียมารยาทกับทีมงานคนอื่นๆ ของ JKG ซึ่งยังต้องร่วมงานกันอีกนานกว่าจะถึงวันคอนเสิร์ต
“ก็ได้...คอยดูนะ ถ้ามันแหลมเข้ามาใกล้ริวนะ ผมจะเหยียบมันให้ติดพื้นเลย ตัวเท่าลูกหมาแต่ซ่านัก” ไวยากรณ์พูดพร้อมกับหักนิ้วกร๊อบๆ ด้วยท่าทางเหี้ยนกระหือรือ
“ปากดีจริ๊งงงง จะรอดูว่าถึงเวลาจะได้เห็นเจ้าไวย์มันเหยียบหมอนั่น หรือต้องคอยหามเจ้าไวย์กลับกันแน่” ธีรดลเยาะเย้ยแล้วทำหน้าล้อเลียน ทำให้บรรยากาศเคร่งเครียดเมื่อครู่คลายลง
“พูดงี้มาต่อยกันก่อนเลยดีกว่าพี่ดล” ไวยากรณ์หันไปแยกเขี้ยวใส่
“เอาดิ๊ กลัวเหรอ”
“ไม่เอาน่าไวย์ ดล เล่นกันอยู่ได้ ไปซ้อมเพลงกันดีกว่า เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว” พสุเตือนขำๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้น ขณะที่คนอื่นๆ ก็รีบกระวีกระวาดลุกตาม
“คร้าบบบ” ไวยากรณ์หันมารับคำก่อนจะวิ่งไล่กวดธีรดลออกไปติดๆ
ตลอดเวลาที่คนอื่นๆ คุยกัน ริวเอาแต่นั่งเงียบตลอดเวลา จนกระทั่งพสุดึงมือริวให้ลุกขึ้นเด็กหนุ่มถึงได้รู้สึกตัว
“ไม่สบายใจเหรอริว”
“...เปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรนะ” พสุถามแล้วบีบมือเด็กหนุ่มเบาๆ หลังจากมองจนแน่ใจว่าเพื่อนร่วมวงออกไปหมดแล้ว”
“ครับ...ตราบใดที่มีพี่ ริวไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแหละ”
“งั้นก็ไปซ้อมเพลงกัน” พสุเลื่อนมือมาโอบไหล่เด็กหนุ่มให้เดินไปด้วยกัน พสุพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมมากที่สุด แม้ในใจลึกๆ จะบอกตัวเองว่า ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้วก็ตาม....
………………………………………….
-
จิ้ม ๆ ^^
-
เค้่่าอยากอ่านอีกนะ
ริวแต่รู้อะไรบ้างแน่เลย
จักการมันเลย
เอาให้ตายกันไปเลย
-
ค้างคาใจ :a5:
อยากอ่านต่อ
-
:serius2: คนเขียนอ่า มาลงเพิ่มเถอะนะ
มันค้างตาใจมากๆ ไม่รู้อีตาชินกีจะมาไม้ไหนอีก
ให้ทุคน :beat: :z6: กลับเกาที่เถอะ
-
ชินกีมันบ้าบอ ไม่มีปัญญาทำอะไรหรอก แต่พี่ไผ่นี่สิ มีปัญญาแต่ไม่ยอมทำ โว้วววว เค้าลุ้นกันแย่แล้วววว >.<
-
อะไรหละจ๊ะที่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพี่ไผ่ อิอิ
-
โห~ชินกีช่างร้ายนัก
เรื่องเลื่อนคอนเสิร์ตเป็นฝีมือของแกหล่ะสิ
หนอย~ไอ้คนช่างตื้อเมื่อไหร่จะกลับไปซักที
แล้วคืนนี้ไปเที่ยวกันชินกีจะแผลงฤทธิ์ไรมั้ยเนี่ย
-
:เฮ้อ:บักลีเอ๋ยยยยยยย
ช่างยุ่งจริงๆเล้ยยยยยยยยยยย
-
อร๊ายยยยยยยยยยยย
ยังไม่เลิกนะ ชินกี
มันน่า :beat:
อยาก :z6: :z6: ด้วยอ่ะ T^T
พี่ไผ่ใจเต้นตึกตัก ตลอดดด
-
คุณเขมชาติ ติดต่อมิสเตอร์ปาร์คแทอุงได้แล้ว
คงจะได้รู้คราวนี้ล่ะว่า ลีชินกี จัดฉาก
โดนเฉดหัวกลับเกาหลีแน่ ดีไม่ดีจะโดน
ทาง JKG เกลียดขี้หน้าเอาด้วย
-
ค้างอย่างแรงอะ
:m31: :m31:
-
ใครก็ได้ เอานังชินกีกลับหลุมที :angry2: :angry2: :angry2:
-
ย๊ากกกกกกกกกก อยากอ่านต่ออ่ะ :serius2:
-
ไอ้หมากฝรั่งติดรองเท้านี่มันไม่ยอมรามือจริงๆ :beat:คืนนี้ขอให้โดนซักเปรี้ยงเถอะ :z6:
-
.... :serius2:
-
พี่ไผ่เริ่มรู้สึกอะไรๆกับริวแล้วสิ..อิอิ
ไอ่คุณลี...แผนเด็กมากเหอะ....ทำตัวเหมือนฮีโร่มาช่วย เหอเหอ พลาดอ่ะแบบว่าคุณเขมเค้ารู้ทัน
-
น้องริวสุ้ๆๆๆๆ
-
ตัวเร่งปฎิกิริยาจริงๆ ชินกี ถ้าทำไรริวมีเหรอพี่ไผ่จะอยู่เฉยๆจะได้ยอมรับซักทีว่ารักน้องเนี่ย
-
นังลีเดี๋ยวเธอจะไม่ตายดี!!
-
ชินกีเส้นใหญ่แฮะุ...แล้วคุณเขมจะรับมือยังไงล่ะ ท่าทางไม่น่าจะยอมให้ตัวเองโดนปั่นหัวอยู่ฝ่ายเดียวด้วย
ริวก็ระวังตัวด้วยน้า~
-
เหมือนเขมชาติจะต้องทำไรบางอย่าง o18
คราวนี้ชินกีน่าจะโดนไรบ้างแน่ๆ
หรือว่าริวจะถึงจุดที่ทนไม่ไหวจนต้องให้อลันมาช่วยจัดการกันนะ
-
เบื่อเหลือเกินกับไอ้หมากฝรั่งติดรองเท้าเนี่ย
ริวจ๋าช่วยระมัดระวังตัวด้วยนะ
ทุกคนในวงด้วยช่วยดูแลน้องเล็กกันหน่อย
ถ้าริวเป็นอะไรไปอ่ะ จะเสียใจมากเลย แงๆๆ
-
:a5:
:angry2:เอามานไปเก็บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ :serius2:
o12 :beat: :z6: :o211: :pigangry2:
ปล. พี่ไผ่อย่ากลัวใจตัวเองเลย ยอมรับซะเถอะ น้องมันจะได้ไม่ต้องมาคอยแอบหรอยเนียนเอาเนียนเอา :laugh:
-
o18ชินกีอีกแล้วนะ เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย :beat:
-
:a5:
สั้น!!!
-
o12 ไอ้คุณลี
:z6:
-
น้องริวคิดอะไรอยู่หว่า อยากรู้จริง เรารู้สึกว่าน้องเขาไร้เดียงสาเฉพาะเรื่องรักเท่านั้นแหละ เรื่องอื่นนี่เราว่าน้องฉลาดมากๆ นะ
-
กลับไปซ่ะ เอามันออกไปเลย
ตื้อมากไรมากมาย โหยหน้าฉาบปูนกี่ชั้นเนี่ย
-
ช่ายแล้วพี่ไผ่ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว :z1:
-
แผนสูงนะ ลีชินกิ
-
พี่ไผ่เมื่อไหร่จะยอมรับความจริงว่ารักน้องริวซะทีนะ
-
เฮ้อ!!!!!!! จะว่าไปชินกีก็น่าสงสารนะ วิ่งไล่ล่าความรักจากริวทั้งที่ไม่มีเส้นชัยของริวรออยู่ แต่ก็ยังวิ่งไปเรื่อยๆ
แล้วความรักของริวล่ะ พี่ไผ่มีเส้นชัยให้ริวไหม หวังว่าคงมีเนาะ
-
:เฮ้อ: ชินกี นะชินกี ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งแสดงความโงให้คนอื่นดูนะเนี่ย
:pig4: คะ
-
(พสุพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมมากที่สุด แม้ในใจลึกๆ จะบอกตัวเองว่า ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้วก็ตาม....)
หมายถึงอะไรคะ ไม่เข้าใจ มันเปลี่ยนไปในทางดีหรือป่าว
แล้วอิตาชินกี นี่สามารถสั่งเลื่อนเข้าเลื่อนออกวันได้เองเลยหรอ เก่งจังนะ
เรื่องเข้มข้นขึ้นทุกที มาต่อตอนไวๆ นะคะ
-
เอาแร้วงายยยยยย
อ่ะ เจ๊ชินกิ เริ่มเดินหน้า รุกน้องริวของพี่ไผ่ซะแร้วว
ตอนหน้า ริว จาวีนไหมเนี่ย = =
ไม่ว่า นายชินกิ จะทำอะไรในตอนหน้า
เชื่อว่า นายซวยแน่ -_-^^^
-
อย่ายอม ริวๆๆๆๆ โทรไปหาอลันให้ จัดการ เดี่ยวนี้เลยๆๆๆ
-
ได้อ่านแล้วแต่ยังอยากจะอ่านต่อไปอีก
คงสัยเราคงจะโลภมากไป
ถ้าคุณเขมลงมาเล่นเองแบบนี้
สงสัยชินกิจะได้กระเด็นออกนอกประเทศ
แบบไม่ทันตั้งตัวแน่
ตอนนี้ริวกับไผ่ออกมาพูดกันคนละประโยค
แล้วกลับเข้าฉากไป
แต่ไม่เป็นไรตอนหน้าทั้งคู่ต้องรับบทเต็มตัวแน่นอน
-
"ไอ้ตุ๊ดจอมตื้อ" :laugh:นานไวย์จะพูดถูกใจสักที
พี่ไผ่ค่ะอย่าไปกลัวการเปลี่ยนแปลงเลยค่ะ ปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ
อย่าฝืนใจในเรื่องความรัก :กอด1:
-
อยากรู้ว่าเขมชาติจะจัดการยังงัย
เอ๊ะๆประโยคสุดท้ายพสุคิดว่าอะไรไม่เหมือนเดิมนะ
:-[
-
อลัน คัมแบ๊คคคคคคคค :dont2:
มาลากนังนี่ไปไกล ๆ นู๋ริวที :serius2:
o18
-
เมื่อไหร่มันจะกลับเกาหลีว่ะ
:seng2ped:
-
ตอนนี้มันสั้นไปหน่อยน้า
แต่เหนืออื่นใดคือมั้นค้างคาในอารมณ์
ตอนนี้ทุกคนช่วยกัน กันท่าชินกีกันสุดๆ
ขนาดไวย์ที่เข้ากับคนง่ายยังไม่ชอบเลย
แต่ที่แน่ๆคืออยากจะเตะชินกีออกนอกโลกไปเลยจริงๆ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
:z2: บอกอีกรอบว่า ริว! สั่งเก็บดิ :laugh:
:pig4: :pig4:
-
ตอนที่ 74
ผับดังย่านแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีแห่งนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยทำงานมากกว่าวัยรุ่น บรรยากาศจึงค่อนข้างหรูหรากว่าผับทั่วไป แน่นอนว่าราคาก็ต้องสมกับสถานที่ด้วย แต่เขมชาติก็ไม่ได้ครั่นคร้าม นอกจากทีมงานจาก JKG เกือบ 20 คน ยังทีมงานจากเมืองไทยเกือบๆ 50 คน ฟลอร์บริเวณชั้นสองจึงกลายเป็นสถานที่ของทีมงานจากสองบริษัทโดยไม่มีคนอื่นขึ้นมาแทรกแม้แต่คนเดียว
“อะไรเนี่ย? จะไปเที่ยวที่เกาหลีหรือที่นี่ก็ต้องมาอยู่ชั้นสองกันหมด แล้วจะเจอสาวๆ ได้ไง” ไวยากรณ์โวยวายหลังจากกวาดตาไปรอบๆ แล้วพบว่ามีแต่คนจากบริษัทและทีมงานจาก JKG ไม่มีคนอื่นๆ เข้ามาปะปนสักคนเดียว
“อยากเจอสาวๆ ก็ลงไปข้างล่างสิ ว่าแต่ถ้าโดนตรวจบัตรไม่ต้องโวยนะไวย์”
“พี่กรอ่ะ”
“ไม่ต้องมาอะมาแอ๊ะ ช่วยนั่งกินแบบสงบๆ กับชาวบ้านเขาบ้างจะได้มะ”
“ก็ได้” ไวยากรณ์กระแทกตัวนั่งลงข้างธีรดล แล้วหันไปแย่งแก้วเหล้าจากมือธีรดลมาดื่มรวดเดียวหมด ธีรดลหันมาเขกหัวเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วถึงชงเหล้าแก้วใหม่ให้ตัวเอง
ริวนั่งอยู่ข้างพสุและดื่มน้ำอัดลมเหมือนอย่างเคย พสุเองก็ดื่มตามมารยาทเช่นกัน ช่วงนี้เขาต้องรักษาเสียงจึงไม่คิดจะดื่มหนักให้บั่นทอนสุขภาพของตัวเอง
แรงสั่นจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงทำให้พสุรีบหยิบออกมาดู พอเห็นเบอร์ที่โชว์ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเพื่อออกไปรับสายข้างนอก
“พี่จะไปไหน?” ริวถามแล้วคว้าแขนพสุไว้ ขณะที่ชายหนุ่มหันหน้าจอให้ริวดูว่าใครโทรเข้ามา พลางตอบพอให้ได้ยินกันสองคน
“พี่ออกไปรับโทรศัพท์ก่อนนะริว เดี๋ยวมา”
“ครับ”
“ครับแม่...” พสุกดรับสายทันทีที่ออกมาพ้นเสียงอึกทึกวุ่นวายในผับ
“เห็นป้าใจบอกว่าไผ่โทรหาแม่เหรอลูก” น้ำเสียงนุ่มๆ ตามสายทำให้พสุรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
“ครับ...กลับมาจากเกาหลีหลายวันแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสไปหาแม่เลย”
“แม่ไปถือศีลอยู่ที่วัด ก็เลยไม่ได้โทรหาไผ่เหมือนกัน...ไผ่กับริวสบายดีไหมลูก”
“สบายดีครับ แต่ตอนนี้ไผ่ถ่ายละครทุกวันเลย แล้วก็ต้องซ้อมเพลงด้วย อีกอาทิตย์กว่าๆ ก็จะขึ้นคอนเสิร์ตแล้วครับ” พสุเปลี่ยนน้ำเสียงจากอ้อนๆ เป็นจริงจังขึ้นในตอนท้ายเมื่อพูดถึงคอนเสิร์ตที่กำลังจะมาถึง
“จ้ะ เร็วจริงๆ นะ”
“ครับ พอดีคิวของวงทางเกาหลีเขามีเวลาจำกัดครับ...ไผ่เลยยังไม่ได้เอาของฝากไปให้แม่เลย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยววันคอนเสิร์ตแม่จะไปดูอยู่แล้ว”
“จริงเหรอครับ แม่จะมาดูคอนเสิร์ตเหรอ” พสุถามด้วยความยินดี ตอนคอนเสิร์ตอัลบั้มแรกนั้นแม่ไม่ได้มาดูเพราะพ่อไม่สบาย พอครั้งนี้แม่รับปากว่าจะมาก็ทำให้พสุอดตื่นเต้นยินดีไม่ได้
“จ้า...คุณเขมชาติเขาให้คนเอาบัตรคอนเสิร์ตมาให้แม่ถึงที่บ้านเลย...นี่ป้าใจไปตัดชุดใหม่สำหรับใส่ไปคอนเสิร์ตไว้ด้วยนะ” สุดาตอบเสียงใส ได้ยินเสียงป้าใจโวยวายว่าสุดาบอกพสุก่อนแบบนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์กันพอดี
“ฮะๆๆ ฝากบอกป้าใจนะครับแม่ ว่าต้องใส่สายเดี่ยวนะ ไม่ใช่คอกระเช้า”
“คิกๆ...จ้ะ เดี๋ยวแม่จะบอกให้นะ” ได้ยินแม่หัวเราะเสียงใส พสุก็อดยิ้มไม่ได้ แสดงว่าแม่เลิกทุกข์เรื่องปัญหาของพ่อได้แล้วถึงคุยไปหัวเราะไปอย่างนี้
“แม่หัวเราะได้แบบนี้ไผ่ก็โล่งใจ...แม่สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”
“จ้ะ...แม่หาทางออกให้ตัวเองได้แล้ว ไผ่ไม่ต้องเป็นห่วงนะลูก” น้ำเสียงนุ่มนวลนั้นฟังมีความสุขจนพสุพลอยเป็นสุขไปด้วย
“ครับ”
“แล้วน้องละลูกเป็นไงบ้าง”
“ริวสบายดีครับแม่ ร่ำๆ จะไปหาแม่อยู่ทุกวัน...เอาอย่างนี้ได้ไหมครับ คืนวันคอนเสิร์ตพอเสร็จงานแล้วเราไปกินข้าวกันต่อ ดีไหมครับ”
“แล้วไผ่ไม่ต้องไปฉลองกับทีมงานเหรอลูก”
“ไม่ครับ คุณเขมนัดเลี้ยงฉลองกันวันถัดไป เพราะคืนวันคอนเสิร์ตกว่าทีมงานจะเคลียร์งานเสร็จคงดึกครับ”
“งั้นก็แล้วแต่ไผ่เถอะลูก แม่ยังไงก็ได้”
“ครับแม่ งั้นวันคอนเสิร์ตเจอกันครับ”
“จ้ะ...ฝากบอกน้องด้วย ว่าแม่คิดถึง”
“ครับแม่”
พสุมองโทรศัพท์แล้วอมยิ้ม ชายหนุ่มกลับมาที่โต๊ะก็พบว่าริวไม่ได้อยู่ที่โต๊ะแต่เมื่อกวาดตาไปรอบๆ ก็พบว่ากรเวชก็ไม่อยู่เช่นกัน ชายหนุ่มเดาว่าริวคงไปกับกรเวช จึงลงนั่งดื่มต่ออย่างสบายใจ แต่เมื่อกรเวชกลับขึ้นมาโดยไม่มีริวชายหนุ่มก็ชะงัก
“ริวละครับพี่กร”
“อ้าว! ริวไม่ได้ไปกับไผ่เหรอ?”
“เปล่าครับ”
“เอ๊ะ! แล้วนี่ไปไหน” กรเวชอุทานแล้วหันขวับไปทางโต๊ะของเขมชาติและทีมงานเกาหลีก็พบว่า ลี ชินกี ก็ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะเช่นกัน
“อาจจะไปห้องน้ำ เดี๋ยวผมไปดูเองครับ” พสุมองตามสายตาของกรเวชแล้วรีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
……………………………
“ขอผมคุยกับคุณได้ไหม”
ริวเหลือบมองใบหน้าแดงก่ำที่ยืนเอียงจนต้องพิงผนังแล้วถอนใจเฮือกอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินผ่านอีกฝ่ายไปเฉยๆ
“ผมคุยกับพสุมาแล้ว เขายืนยันว่าเขาเห็นคุณเป็นแค่น้อง”
เสียงเย้ยหยันอ้อแอ้แสดงถึงความเมามายของอีกฝ่ายจนริวคิดจะหลบเลี่ยงด้วยความรำคาญ แต่เมื่อคำพูดของชินกีพาดพิงถึงพสุ เด็กหนุ่มก็หยุดชะงักหันกลับมามองหน้าชินกีด้วยความไม่พอใจ
“ผมเตือนคุณแล้วนะว่าอย่ายุ่งกับพี่ไผ่”
“รักเขาคุณก็ไม่มีวันสมหวังหรอก พสุเขาไม่ใช่เกย์ เขาไม่มีวันจะสนใจผู้ชายด้วยกันหรอกนะ”
“นั่นเป็นเรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะสอดจมูกเข้ามาวุ่นวาย” ริวสวนกลับทันควันแล้วมองหน้าชินกีด้วยความไม่พอใจ
“ผมว่าคุณกำลังหนีความจริงต่างหาก คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าพสุเขาไม่มีวันจะสนใจคุณแบบคนรัก ยิ่งพอมีผมเข้ามา คุณก็กลัวใช่ไหมล่ะถึงได้เอาแต่หนีผม”
“กลัว?” ริวกอดอกมองหน้าชินกีนิ่ง
“ใช่กลัว กลัวจะยอมรับว่าคุณก็ชอบผมเหมือนกัน...ใช่ไหม” ชินกีทำใจกล้าเอื้อมมือไปแตะต้นแขนริว แต่เด็กหนุ่มปัดมือเขาออกทันควัน
“จะบอกอะไรให้นะชินกี ผมไม่ได้กลัวคุณแต่ผม...เกลียด”
“แน่ใจเหรอว่าเกลียด คุณเกลียดผมเพราะคุณไม่รู้ต่างหากริว ใครๆ ก ็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าคุณมันไร้เดียงสา แฟนก็ไม่เคยมีไม่ใช่เหรอ แล้วเซ็กส์ล่ะ เคยมีแล้วหรือยัง หรือว่ายังไม่เคยเลย...ถ้าอ่อนประสบการณ์ขนาดนั้นละก็คุณไม่มีวันผูกใจพสุไว้ได้หรอกจะบอกให้” ชินกีพูดข่มพร้อมกับจับจ้องทุกอิริยาบถของเด็กหนุ่มอย่างจับผิด เห็นได้ชัดว่าริวมีอาการคล้ายชะงักแล้วยืนนิ่ง แปลว่าสิ่งที่เขาพูดต้องมีส่วนจริงอยู่มาก
“ลองให้ผมสัมผัสคุณดูไหมริว จะได้แน่ใจไงว่าสิ่งที่คุณรู้สึกกับผมมันคือความเกลียดจริงๆ หรือว่าคุณกำลังมีอารมณ์กับผมกันแน่” ชินกีอาศัยช่วงที่ริวกำลังครุ่นคิดขยับเข้าไปประชิดตัวอย่างรวดเร็วแล้วลูบไล้ไปบนอกกว้าง ริวสะดุ้งผงะถอยห่างแล้วผลักชินกีออกจนเซ
“อย่ามาถูกตัวผม ผมขยะแขยง”
“ผมไม่เชื่อ! คุณจะบอกผมว่าคุณไม่ใช่เกย์หรือไง แล้วสิ่งที่คุณแสดงออกกับพสุล่ะ คุณจะเรียกว่าอะไร” ชินกีตะโกนใส่ริวด้วยความแค้นเคืองปนอับอาย ทั้งสีหน้าและแววตาของริวเต็มไปด้วยความชิงชังรังเกียจอย่างโจ่งแจ้งจนเขาแทบทนไม่ได้
“ผมว่าคุณเมาจนพูดไม่รู้เรื่องแล้ว... ถอยไป!” ริวพยายามจะเดินหลีก แต่ชินกีกลับเดินมาดักหน้าไว้
“ไม่”
ชินกีปรี่เข้าไปกอดริว เด็กหนุ่มพยายามผลักไสอีกฝ่ายออกไป แต่ลีกลับพยายามจะชะเง้อขึ้นจูบเขา ริวเบี่ยงหน้าหนี เมื่อจูบไม่ได้ลีก็เลื่อนมาจูบไซร้ไปตามหน้าอก ขณะที่อีกมือก็ลูบลงไปบนเป้ากางเกงของริวและพยายามจะรูดซิปลง
ริวผลักอีกฝ่ายออกเต็มแรง ลี ชินกี ถึงกับหงายหลังล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นห้องน้ำ ริวรูดซิปกางเกงขึ้นแล้วติดกระดุมเสื้อลวกๆ ก่อนจะเดินหนี
“ริว...อย่าเพิ่งไป” ชินกีลุกตามมากอดรัดแล้วพยายามจะจูบริวอีกครั้ง
“ปล่อย!...บอกให้ปล่อย!” ริวพยายามสะบัด แต่ชินกีก็ยึดสาบเสื้อของเด็กหนุ่มไว้แน่น จนได้ยินเสียงขาดของกระดุมเมื่อริวเหวี่ยงชินกีเต็มแรงจนเซถลาไปกระแทกกับประตูห้องน้ำแล้วล้มกลิ้งลงไปกองอยู่กับพื้นอีกครั้ง
“เลิกยุ่งกับผมซะ! ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมร้ายกับคุณก็แล้วกัน” ริวตะคอกแล้วเดินหนีออกมาจากห้องน้ำด้วยความโกรธแกมขยะแขยง
เด็กหนุ่มพรวดพราดออกมาชนกับคนที่สวนเข้ามาจนเซ ดีว่าอีกฝ่ายจับแขนเขาไว้ ริวกระชากแขนหนีเต็มแรง แล้วชะงักเมื่อเห็นคนตรงหน้าถนัด
“พี่!”
“ริว...หนีอะไรมา...แล้วทำไม...” พสุพูดไม่ออกเมื่อเห็นเสื้อของริวยับย่นและกระดุมขาดไปหลายเม็ด บางเม็ดยังห้อยอยู่บนสาบเสื้อ
“เกิดอะไรขึ้น?” พสุอุทานแล้วจ้องมองกระดุมเสื้อที่ขาดแล่งสลับกับเงยขึ้นมองหน้าริว
“พี่...ริวอยากจะอ้วก” ริวเข้ามากอดพสุแล้วซุกหน้ากับบ่าเขา ตอนแรกชายหนุ่มเกือบผลักออกไปเพราะเกรงว่าคนอื่นจะมาเห็นแล้วเข้าใจผิด แต่พอได้ยินสิ่งที่ริวพูดและเด็กหนุ่มก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว พสุจึงเผลอกอดตอบด้วยความตกใจ
“ใจเย็นๆ ริว เกิดอะไรขึ้น เล่าให้พี่ฟังได้ไหม”
“พี่พาริวกลับบ้านนะ ได้ไหมพี่...นะ ริวอยากกลับบ้านแล้ว”
“ได้สิ” พสุพาเด็กหนุ่มออกมาที่รถแล้วโทรบอกกรเวชให้รู้ตัวว่า ริวไม่สบาย เขาขอพาริวกลับก่อน ริวนั่งพิงเบาะหน้าซีด มือข้างหนึ่งยังเกาะกุมมือของพสุไว้แน่น แต่พอไปถึงบ้านพัก ริวก็เปิดประตูรถออกมาแล้ววิ่งไปอาเจียนที่ถังขยะ พสุตามมาลูบหลังให้ แต่เด็กหนุ่มกลับหันมากอดเขาแทน
“ริว...เข้าบ้านก่อนนะ...เดินไหวไหม” พสุบอกพลางเหลือบไปมองความมืดรอบตัวอย่างระแวง เกรงว่าจะมีใครมาเห็นเข้า
“...ครับ” ริวรับคำเบาๆ แล้วเดินตามแรงจูงไปช้าๆ พอเข้าไปในห้องเด็กหนุ่มก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ แล้วเปิดน้ำรดตัวทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้า ริวเทสบู่เหลวใส่ตัวแล้วพยายามถูไปตามเนื้อตัวครั้งแล้วครั้งเล่า จนลำคอและผิวที่พ้นเนื้อผ้าแดงก่ำไปหมด
“...พอแล้วริว พอแล้ว!...เกิดอะไรขึ้นกับริว บอกพี่สิ” พสุตามมาดึงริวออกจากสายน้ำ จนพลอยเปียกปอนไปทั้งตัว ริวหันกลับมากอดแล้วซุกหน้ากับไหล่พสุไว้แน่น
“บอกพี่ได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น...อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้สิ พี่เป็นห่วงนะ”
“ริวขยะแขยง ริวจะอ้วก ริวเกลียดหมอนั่น เกลียด!”
“ริว..”
“พี่จ๋า กอดริวหน่อย กอดหน่อย”
พสุกอดรัดร่างสั่นสะท้านไว้ ริวซุกหน้าอยู่กับไหล่เขาสองแขนกอดรัดแน่นจนเจ็บแต่พสุก็ไม่ได้ปราม เขารู้ว่าริวกำลังรู้สึกแย่ แต่ยังไม่รู้สาเหตุ
ชายหนุ่มรอคอยอย่างอดทน ทั้งที่ใจร้อนเหมือนไฟ แต่ในเมื่อริวยังไม่พร้อมเขาก็ไม่คิดจะเร่งรัด พสุรอจนเด็กหนุ่มหยุดตัวสั่น แล้วถึงได้ดันร่างของริวออก
“ริวถอดเสื้อผ้าเปียกๆ ออกซะนะเดี๋ยวพี่ไปเอาเสื้อคลุมมาให้”
พสุออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อคลุมกลับมาให้ริว เมื่อเข้ามาถึงในห้องน้ำอีกครั้งก็พบว่าริวถอดเสื้อผ้าออกแล้วมีแต่ผ้าขนหนูพันเอวไว้ผืนเดียว รอยแดงเป็นจ้ำและรอยถลอกเป็นทางบนแผ่นอกขาวทำให้ชายหนุ่มชะงักมองนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ส่งเสื้อคลุมให้ริวสวมทับ แล้วจะเดินออกจากห้องแต่ริวคว้าแขนเขาไว้แน่น
“พี่จะไปไหน” น้ำเสียงตื่นกลัวทำให้พสุใจอ่อนยวบด้วยความสงสาร ชายหนุ่มตบบนหลังมือที่ยึดเขาไว้เบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ
“พี่จะลงไปหยิบยามาให้ ริวถูจนเนื้อตัวถลอกหมดแล้ว”
เมื่อพสุกลับขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าริวมานั่งรออยู่บนเตียงแล้ว พอเขาส่งยาให้ ริวก็รับไปถือไว้เฉยๆ ดวงตามองเหม่อเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา จนชายหนุ่มทนไม่ไหวตัดสินใจหยิบยามาทาให้เสียเอง พสุแต้มยาไปตามรอยช้ำบนอก ชายหนุ่มเม้มปากเมื่อพบว่ารอยแดงบนผิวขาวๆ ไม่ใช่รอยถลอกจากการขัดถูตัวเองของริว แต่เป็นรอยจ้ำช้ำเล็กๆ กับรอยเล็บจิกครูดเป็นแนว ริวไม่ได้ไว้เล็บ ก็แปลว่าคนที่ทำให้เกิดรอยพวกนี้ จะต้องเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เสื้อกระดุมขาดแทบหมดแถว
“เล่าให้พี่ฟังได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น”
“..........................”
“นายลีเป็นคนทำใช่ไหม...เขาทำอะไรริว” พสุแกล้งดักคอ แล้วก็ได้คำตอบทันทีที่เห็นอาการชะงักค้าง ก่อนที่ริว จะเม้มปากแน่นพร้อมกับสูดหายใจลึกแรง
“ริวเกลียดหมอนั่น เกลียด!” ริวเค้นเสียงจนเกือบเหมือนคำราม แล้วเข้ามากอดซุกหน้าลงกับไหล่ของพสุ
“เขาทำอะไรเหรอริว” พสุถามเสียงเรียบทั้งที่ใจหายวูบด้วยความตกใจ
“หมอนั่น...กอดริวแล้วก็...พยายามจะจูบ...จะถอดกางเกงริวด้วย” ริวเล่าเสียงตะกุกตะกัก พลางสยิวกายเหมือนขยะแขยงเต็มที่
“อะไรนะ!”
“ริวผลักเขาล้ม แต่หมอนั่นก็ตามมากระชากเสื้อริวจนขาด” ริวเล่าเสียงแผ่วลงทุกทีจนพสุแทบต้องตะแคงหูฟัง ขณะที่เด็กหนุ่มกลับกอดรัดเขาแน่นขึ้น
“เขาทำอะไรอีกหรือเปล่า” พสุถามย้ำด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะถอนใจเฮือกด้วยความโล่งอกเมื่อริวส่ายหน้าอยู่กับอกเขา พอเด็กหนุ่มเบียดซุกตัวเข้าหาพสุก็กอดตอบแต่โดยดี หากเป็นคนอื่นเรื่องเพียงเท่านี้ก็ถือว่าเล็กน้อยเท่านั้น แต่ริวยังเด็กมากและเด็กหนุ่มก็ยังเป็นโรคเกลียดสัมผัส สิ่งที่เด็กหนุ่มรู้สึกคงรุนแรงกว่าปกติ
“แล้วทำไมริวไปห้องน้ำคนเดียวละครับ น่าจะให้ใครไปเป็นเพื่อน”
“ก็ตอนนั้นพี่ไวย์กับพี่กรลงไปข้างล่างริวก็เลยไม่อยากเบียดคนเข้าไปตามพี่กร ส่วนพี่ดลกับพี่ตะวันก็คุยอยู่กับพี่เผ่า ริวเห็นว่าพี่ก็อยู่ข้างล่าง ก็เลยกะว่าจะไปห้องน้ำแค่แป๊บเดียวแล้วจะไปหาพี่”
พอได้ยินแบบนี้พสุก็พูดไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห็นทีต่อไปนี้เขาคงไม่กล้าปล่อยริวไว้ตามลำพังอีกแล้ว ทุกครั้งที่เกิดเรื่องกับริวมักจะเป็นตอนที่เขาประมาทคิดว่าริวอยู่ในที่ปลอดภัย แต่สุดท้ายก็ไม่เคยปลอดภัยจริงๆ เสียที โชคยังดีที่คราวนี้เป็นแค่การลวนลาม ไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น
เสียงโทรศัพท์มือถือของพสุสั่นเตือนว่ามีสายเข้า ชายหนุ่มจึงหันไปรับสาย
“ไผ่...ริวเป็นไงบ้าง ไม่สบายมากหรือเปล่า” เสียงกรเวชร้อนรนมาตามสาย
“ไม่มากครับ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
“เหรอ...เมื่อตอนเย็นก็ยังเห็นดีๆ อยู่ แล้วไง จะไปหาหมอมั๊ย”
“ไม่ต้องหรอกครับ”
“ถ้าริวไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะไผ่”
“ครับ”
พสุวางสายแล้วเหลียวมามองริว เด็กหนุ่มนั่งมองเขาอยู่ก่อนแล้ว พอพสุวางสายก็ขยับเข้ามากอดเอวซบหน้ากับอกของพสุ
“พี่กรโทรมาถามว่าริวเป็นอะไรหรือเปล่า...พี่ก็เลยบอกไปแค่ว่าริวไม่เป็นอะไรมาก...ริวอยากบอกพี่กรไหมว่า...เอ่อ...เกิดอะไรขึ้น?”
“ริวไม่อยากให้ใครรู้ แต่ริวก็ไม่อยากให้หมอนั่นมายุ่งกับริวอีก”
“พี่ก็ไม่แน่ใจว่านายลีจะมาวุ่นวายกับริวอีกหรือเปล่า ในเมื่อริวไม่อยากให้พี่บอกพี่กร พี่ก็จะไม่บอก แต่ต่อไปนี้ริวคงต้องระวังตัวมากขึ้นนะรู้ไหม”
“ครับ...แล้ว...พี่จะอยู่กับริวใช่ไหม...” ริวถามด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ แล้วจ้องมองพสุนิ่งอย่างรอคอย
“อยู่สิ พี่จะไม่ปล่อยให้ริวต้องเผชิญกับเรื่องแย่ๆ นี่ตามลำพังหรอกนะ”
“ขอบคุณครับ พี่ใจดีที่สุดเลย” ริวกอดซบหน้ากับอกอุ่นแล้วกอดรัดเอวพสุแน่นกว่าเดิม โดยที่ชายหนุ่มก็ไม่มีท่าทีว่าจะไม่พอใจ
แม้เด็กหนุ่มจะขยะแขยงสัมผัสของชินกี แต่ริวไม่ได้กลัวเหมือนตอนที่ไมตรีล็อคคอเขา หรือตอนที่เห็นเล็บแดงเจิดจ้าของภารดี เด็กหนุ่มแค่รังเกียจจนรู้สึกคลื่นไส้เท่านั้น แต่เมื่อเห็นว่าพสุเข้าใจผิดแล้วคอยปลอบโยนดูแล เด็กหนุ่มก็เลือกจะไม่บอกความจริง เพราะเขามีความสุขที่จะกอดพี่ได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะระวังตัวแจแล้วพาลถอยห่างเขาอีก
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ ริวนอนก่อนก็ได้”
“ครับ” ริวรับคำแล้วคลายอ้อมแขน ปล่อยให้พสุไปอาบน้ำ เด็กหนุ่มยกโน้ตบุ๊คมาเปิดเพื่อเช็คความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น หมู่นี้เขาไม่ค่อยว่างดูมากนัก แต่ยังดีที่อลันคอยส่งข้อมูลมาให้ ช่วงที่ยังไม่มีหุ้นตัวใดน่าสนใจริวก็มักจะปล่อยผ่านไป
พสุออกมาจากห้องน้ำพอเห็นริวอยู่หน้าโน้ตบุ๊คก็พยักหน้าให้แล้วขึ้นเตียงไปก่อน ริวยังคงเช็คข้อมูลต่อไปอีกครู่หนึ่งเมื่อไม่เห็นว่ามีหุ้นตัวใดน่าสนใจก็ไล่ปิดไปทีละหน้าจอ จนมาถึงเมล์ที่อลันส่งมาให้...
‘ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าคุณมันไร้เดียงสา แฟนก็ไม่เคยมีไม่ใช่เหรอ แล้วเซ็กส์ล่ะ เคยมีแล้วหรือยัง หรือว่ายังไม่เคยเลย...ถ้าอ่อนประสบการณ์ขนาดนั้นละก็คุณไม่มีวันผูกใจพสุไว้ได้หรอกจะบอกให้’
ริวเม้มปากนิ่ง ก่อนจะเปิดเข้าไปในอีเมล์ของอลันอีกครั้ง ข้อมูลส่วนใหญ่เขาอ่านหมดแล้ว แต่บรรดาลิงค์ของเวบไซด์ต่างๆ นั้นเขายังไม่เคยเปิดเข้าไปดู เด็กหนุ่มชะงักเมื่อพบว่ามีไฟล์เล็กๆ ให้โหลดมากมาย ข้อความที่โปรยไว้ดูแปลกๆ แต่ริวก็ลองโหลดเข้ามาดู...
เด็กหนุ่มรีบกดปิดแทบไม่ทันเมื่อเห็นถนัดตาว่าคนในคลิปกำลังทำอะไรกัน ตาโตตวัดไปมองคนบนเตียงด้วยความตกใจ ก่อนจะแอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าพสุหลับไปแล้ว เด็กหนุ่มเม้มปากนิ่ง...ใจหนึ่งก็ขยะแขยงภาพที่เห็น แต่อีกใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชายสองคนในคลิปกำลังทำอะไร ริวกดเปิดๆ ปิดๆ สลับกันเพราะทนดูตลอดไม่ได้
เด็กหนุ่มลุกไปอาเจียนด้วยความขยะแขยงเมื่อเห็นคนในคลิปกินน้ำขาวข้นจากอีกคน ริวเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจกแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่า พสุจะรู้สึกขยะแขยงเขาแบบนี้หรือไม่เวลาที่โดนเขากอด........
.....................................................
-
^
^
^
^
:z13:
จิ้มจึกๆๆ ด้วยรัก ..ไปอ่านก่อนเดี๋ยวมาใหม่ อิอิ
---------------------------------------edit
เริ่มไปใหญ่โตละ...ชินกีแกกล้ามากเลยนะมาลวนลามน้องริวเนี่ย น่าจะบอกกับทางนู้นไปเลย ท่าทางจะไม่จบง่ายๆ
น้องริวเริ่มไปรู้อะไรเอง คิดเองแล้ว...แล้วนี่ยังสงสัยอีกว่าพี่ไผ่จะรังเกียจมั้ย... :z3:
-
โอ้ววว พึ่งรู้ว่าริวยังไม่เคยดูคลิปที่อลันส่งมา
ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าริวเรียนรู้ถึงขั้นไหนแล้ว
ต่อไปภาคปฏิบัติจะเป็่นยังไงน้ออ
-
เป็นประเด็น :z2:
เหมือนไขปริศนาลับ(ไล้) นักสืบริว ๆ ตอน ปริศนาชาย :oo1: 5555+ไปกันใหญ่ :jul3:
-
พ่ออลันสอนลูกแต่ทฤษฎี
หนูต้องหัดภาคปฏิบัติกับพี่ไผ่เองนะริวเอ๊ย :laugh:
-
ชินกี มาทำให้ริวก้าวสั้นๆ ไปอีกก้าวนึงแล้ว
แต่พี่ว่า หนูริวหนุรอพี่เค้ามาสอนดีมั้ยจ๊ะ :oo1:
-
:serius2: ก็รู้ว่าอีตาชินกีมีประโยชน์นะ ทำให้
กระตุ้นทั้งริวกับพี่ไผ่ แต่มันมาลวนลามน้องอ่ะ
อดไม่ได้ น้องริวไม่ต้องคิดมากเหรอ พี่ไผ่แค่ไม่รู้ใจตัวเอง
อย่าทำไรใจร้อนนะ รอพี่ไผ่สอนก็ได้
-
ชินกีแรงขนาดนี้ก้อไม่ไหวนะ สงสารนู๋ริวเลย
แต่จะว่าไป น่าจะมีคนเปิดคอร์สติวเรื่องความรักให้นู๋ริวมั่งนะคะ
แอบกลัวใจ.. กลัวความไร้เดียงสาของน้องจะทำร้ายตัวเองจัง
:L2:กับบวกเป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
เพิ่งรู้ว่าริวยังรู้แค่ภาคทฤษฏีจากอลัน :a5:
สนใจอยากเข้าชมภาคปฏิบัติของริวจิงๆ :o8: แต่ต้องกับพี่ไผ่เท่านั้นนะ
-
:o8:สะกิดๆคนข้างๆมาช่วยสอนสิริว
-
โถ่หนูริว คนเราก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น
ไม่เคยก็เคยได้หนูจ้า
ส่วนชินกี :beat: :z6:
-
พี่ี่ไผ่อาจจะชอบก็ได้นะจ๊ะน้องริว หุหุ
-
น้องริวเริ่มศึกษางาน
ฮ่าๆๆๆ ,,
ลองดูสิ ว่าพี่ไผ่จะยังไง แต่เค้าว่าคงไม่หรอกมั้ง??
อ่อยยยยย จะดราม่ามั้ย
ช่วยโทรบอกอลัน ให้จัดการกับชินกีได้มั้ยเนี่ยยยยย
><
ดีใจจังเลยค่ะ มาลงติดกันเลยช่วงนี้
ขอบคุณมากนะคะ
-
ไม่รู้จะปล่อยไว้ทำไม คนเลวๆ แบบนี้
ไม่จัดการซะที ... อึดอัดแทน
-
ตอนนี้ต้องแอบขอบคุณตาลีหน่อยๆนะ ถ้าลีไม่กระตุ้น จนน้องริวอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
ก็คงไม่ได้ดูคลิปหรอก ตอนหน้าริวจะได้จัดเต็มที่กับพี่ไผ่สักที อิอิ
-
ริวพัฒนาไปอีกขั้นแล้วน่ะเนี้ย
:-[
-
อ่านไปตอนแรกนี่จะกระทืบอีชินกีละ :z6:
แต่ตอนท้ายนี่แบบว่า.. :a5:
อีชินกีมาเป็นตัวจุดประกายให้ริวซะแล้ว :haun4:
ลดโทษให้ติ้ดดดดหนึ่งละกัน :beat:
-
รู้สึกว่าคนตื้อจะเล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ...
อย่างนี้น่าจะให้พี่ตะวันซัดไปซักหมัดนะเนี่ย..= =
ช่วงนี้พี่ไผ่ควรจะเฝ้าน้องไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมง...เผลอไม่ได้เล้ย...T_T
-
:จุ๊บๆ:คนแต่ง
:z6:คุณลีอีกครั้ง
-
o18โดนว่าว่าไม่มีประสบการณ์ทำให้หนูริวเริ่มศึกษาหาข้อมูลซะแล้ว
และ:beat: :beat: :beat:ลี ชินกี ที่บังอาจมาลวนลามหนูริว
-
บอกแล้วไงสงสัยอะไรต้องถามพี่ไผ่ หึหึ
-
:sad4: :sad4:
-
แล้วคุณอลันก็โผล่มา
โผล่มาแบบไม่ธรรมดาซะด้วย 555 มาเป็นคลิปเลย
-
อลันออกมาแล้ว ออกมาแบบเบาๆ ให้หายคิดถึง :z2:
โอ๊ย ชินกีนายมันสุดยอดมาก หน้าด้านมากเลยอ่ะ ตื้อขนาดนี้เข้าขั้ินโรคจิตเลยนะ :z6:
-
ขนาดดูคลิปน้องยังอ๊อก แล้วจะทำจริงได้ไงหว่า พี่ไผ่หาวิธีด่วน
-
น้องริวอย่าคิดเองเออเองนะลูก :กอด1:
-
ค่อยเป็นค่อยไปหนูริว
-
อลันทำงานดีมาก
น้องริวพร้อมรบแล้ว
กร๊ากกกกกกก :haun4: :z1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เอาแล้ว น้องริวของเราเริ่มศึกษาข้อมูลเชิงลึกแล้วครับท่าน
พสุต้องระวังหน่อยแล้วงานนี้ :z1:
:pig4: คะ
-
ริวเริ่มสับสนอีกแล้ว กล้า ๆ กลัว ๆ
พี่ไผ่ก็อึมครึมกับความรู้สึกตัวเอง
อิชินกีก็วุ่นวายไม่เลิก
ปล.ส่งอลันมาจัดการได้แล้ว
-
โถๆริวดูคลิปแล้วขยะแขยงอย่างนี้ อย่าไปดูลูก
ต้องลงมือปฏิบัติเอง ให้พี่ไผ่สอนนะลูกนะ :really2:
-
โว้ววววววว
แร้วมาจุดชนวนกันแบบนี้ = =
เด๋วริว มันไม่ไร้เดียงสาขึ้นมาล่ะก้อ
สงสัยจะได้ดูฉากเด็ด
-
อลัน จะเป็นครูให้ริวหรอ
-
น้องริว ช่างไร้เดียงสาจริงๆ
อย่างนี้ต้องให้พี่ไผ่ช่วยสอนให้
-
พี่ไผ่ออกแนวเป็นห่วง มากกว่าง่ะ :sad4:
อยากให้ออกแนวหวง :กอด1:
ทั้งหวงทั้งห่วง น่ารักจะตายย กิ๊วๆๆๆ
-
ขยะแขยงแทนริว
((อิอิ ริวดูไรอ่ะ :z1:))
-
นังชินกี :beat: มาลวนลามริวได้ไงฟะ
กลัวจัง กลัวริวดูคลิปแล้วจะถอยหลังลงคลองอ่ะดิ
กลัวจะคิดว่าไผ่จะขยะแขยงเหมือนตัวเอง
แล้วไม่กล้ารุกอ่ะดิ :เฮ้อ:
-
น้ำขาวข้น!!! อึ๋ยยย
เดี๋ยวพอจึ๋ยๆกับพี่ไผ่น้องริวก็จะชอบเองนะจ๊ะ
แม่ยกก็ร๊ออออ..รอ ฉากนั้นเหมือนกัลลลล :z1:
อิอิ
-
ใครจะเป็นพระเอกขี้ม้าขาวมาช่วย
คลีคลายเรื่องนี้น้า
ยิ่งอ่านยิ่งอึมคลึมขึ้นทุกทีเลย
แล้วเมื่อไหรมันจะมีแต่ความสดใส และอบอุ่นละ
รอตอนแบบนี้อยู่นะ
-
หลังจากอลันหายไปนาน ตอนนี้มีแอบโผล่มา555+
ลีแย่ง่ะ แค้นๆๆๆๆ
-
อยากให้ริวแปลงความเกลียดและความขยะแขยง อย่างสุดๆ ที่ริวมีให้กับชินกี
มาเป็นความเข้มแข็งและกล้าแกร่งอย่างที่สุด
แล้วลุกมาจัดการกำจัดขยะลีชินกีอันเน่าเหม็นน่ารำคาญ
ให้พ้นไปจาทางเดินของริวกับพี่ไผ่ให้สะอาดหมดจดไปเลย
น้องริวจ๋า ป้าเป็นกำลังใจนะ
-
น้องริวศึกษาภาคทฤษฎีแล้ว ต่อไปก็ต้องลองภาคปฎิบัติละสินี่ แล้วเมื่อไหร่จะได้ลองน้อพี่ไผ่ก็ใจแข็งซะเหลือเกินสงสัยตั้งมีตัวกระตุ้นเพิ่มอีกละมั้งนี่
-
o18
เจ้าเล่ห์ขึ้นทุกทีนะนู๋ริว
ศึกษาเชิงทฤษฎีอย่างเดียวมันไม่รู้เรื่องหรอกนะจ๊ะ :o8:
ต้องมีการปฏิบัติด้วย :-[
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง ก็ต้องลองดู :o8:
แต่ว่าต้องจับกดอย่างเดียวนะ ไม่งั้นไม่ได้กินพี่ไผ่แน่ อ๊ายยยยยยยย :-[
-
ชินกีลดฐานะจากหมากฝรั่งติดรองเท้าไปเป็นอุนจิติดรองเท้าซะเลยดีกว่า
ตื๊อจนน่าเกลียด :beat:
-
ชินกิเอ๋ย ริวทั้งพูดทั้งกระทำให้เห็นว่าเกลียดก็ยัง
พยายามอยู่ได้ ตอนนี้มีประโยชน์อยู่ตรงที่
เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาริวกับไผ่
หนูริวเริ่มก้าวหน้าอีกแล้ว
อย่ามัวแต่ศึกษาภาคทฤษฎี เอาปฏิบัติไปเลย
-
:z2: เหอะๆ แล้วเจ้าริวจะรอดมั้ยเนี่ย เป็นแบบเนี๊ยะ :z2:
:pig4: :pig4:
-
เรื่องเริ่มเข้ม.ข้น ขื้นเรื่อยๆ อยากรู้ว่าริวจะเริ่มกะพี่ไผ่ยังไง อีกนานมั้ยค่ะไรเตอร์
-
เม้นท์รวมกันเลยนะ
ตอนนี้เกลียดลีชินกีมากกกกก
บังอาจมาปล้ำน้องริวของฉัน
ยังมาทำร้ายน้องริว น่าให้ริวตื้บสักที
ไผ่ชอบทิ้งน้องริวเรื่อย อย่างนี้ต้องให้ตัวติดกัน
ไปไหนไปกันเลย จะได้ไม่มีใครมาทำอย่างนี้
ให้ลีชินกีไปซะทีเถอะ ไม่งั้นอยากฆ่ามัีน
-
หนูริวเริ่มเรียนรู้แล้ว 55+
อย่าไปมัวสงสัยอยู่เลยหนูริว รีบปฏิบัติเหอะ จะได้รู้ว่าพี่ไผ่รู้สึกยังไง คึคึ :haun4:
ส่วนบักลี เมื่อไหร่แกจะไสตูดไปให้พ้นๆจากหนูริวซักทีเนี่ย
ฮึ่ยๆๆ บังอาจมาก ที่กล้ามาแตะต้องหนูริวของชั้น
ชั้นยังไม่มีปัญญาจะแตะหนูริวเล๊ย แกบังอาจตัดหน้าชั้น!<<เย้ย เริ่มออกนอกเรื่องละ โฮะๆ
เมื่อไหร่หนูริวจะเริ่มปฏิสนธิ เอ้ย! ปฏิบัติกามกับพี่ไผ่ซักทีเคอะ ลุ้นจนปวดตูดแล้วนา~??
-
อืมม รอติดตามตอนต่อไป
ชินกีก็ยังตามรังควาญไม่เลิกรา :laugh:
-
ถึงจะเกลียดชินกีมากๆๆๆแต่อย่างน้อยๆ
ก็ยังมีประโยชน์บ้างน่ะทำให้ริวอยากรู้
ภาคปฏิบัติคงต้องให้พี่ไผ่สอนเอาน่ะริว
:กอด1: :L2: :pig4:
-
โผล่แค่ชื่อก็ดีใจแล้วอ่ะนะ...อลันคัมแบ็ค :m19:
ชินกีแรงมากอ่ะ...แต่ก็โดนริวผลักซะกระเด็นเลย ท่าจะเจ็บนะนั่นน่ะ
ริวดูคลิปเกย์อ่ะ :o8:
แต่ดูแล้ววิ่งไปอ้วกนี่สิ...จะรอดมั้ยหนูริว :laugh:
-
ชินกีจุดประกายซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ น้องริวสู้ๆๆ o18
-
แวะมาตบอีินกีเจ้าค่ะ หน้าด้านจริงๆ
-
เกลียดชินกี เมื่อไหร่จะโดนอลันเก็บซะที
เอาให้หายไปจากโลกนี้เลย
ชิ้ว ๆ ๆ ๆ
-
เฮ้อ :เฮ้อ:
เซ็งเป็ด :seng2ped:
-
55555
นู๋ริวเริ่มเรียนรู้ อิอิ
-
ใจเย็นนะริวน้อย
-
ดันกระทู้รอพี่ไผ่
><
-
นุ้งริวเอ้ย!! ของแบบนี้ดูไปมันก็เท่านั้นมันต้องลองเอง :o8:
-
วันนี้ริวจะลองทำแบบนั้นกับพี่ไผ่มั้ยหนอ อิอิ
-
มารอออออ
วันนี้น้องริวจะมาไหมหนอ ??
><
-
แว๊!!!
ลงตอนผิด ข้ามไปตอนนึง
ทำไมไม่มีใครงงเลยหรอ 55555
/หัวเราะกลบเกลื่อน
เอาใหม่นะ ทุกคนหลับตา หายใจลึกๆ ทำเหมือนไม่เคยอ่านอะไรมาก่อน
ซู้ดด ฮ่าาาา
ตอนที่ 75
พสุเหลือบมองริวซ้ำอีกครั้งด้วยความไม่สบายใจ ตั้งแต่เช้ามาแล้วที่เขาสังเกตเห็นอาการเหม่อลอยของริว ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง คิ้วเข้มขมวดมุ่นตลอดเวลา บางครั้งก็ถอนใจเฮือกยาวแล้วทำหน้าเศร้าๆ
“ริว...เป็นอะไรไป มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ?”
“เปล่าครับ”
“ริว...มีอะไรก็บอกพี่ได้นะ พี่ยินดีรับฟังทุกเรื่อง” พสุเน้นคำเพื่อให้เด็กหนุ่มมั่นใจในตัวเขา ริวหันกลับมามองหน้าพสุนิ่งงัน
“พี่...พี่เอ่อ...ขยะแขยงริวบ้างไหม”
“หืม?...อะไรนะ!”
พสุชะลอรถ แม้ว่าอีกไม่ไกลนักก็จะถึงออฟฟิศแล้วแต่พอได้ยินคำถามของริวชายหนุ่มก็จำเป็นต้องหยุดเพื่อคุยกันให้รู้เรื่องก่อนจะเข้าไปที่บริษัท เพราะที่นั่นคงพลุกพล่านเกินกว่าจะคุยเรื่องส่วนตัวและเขาก็ไม่ต้องการให้ระหว่างเขากับริวมีปัญหาคาใจกันอีก
“ทำไมริวถามแบบนั้น เราเคยคุยกันแล้วนี่ ว่าพี่ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักครั้ง พี่ไม่เคยเกลียดริว ไม่เคยขยะแขยงอะไรทั้งนั้น แล้วทำไมถึงถามพี่แบบนี้อีก?”
“ริว...ริวเกลียดนายลี ริวขยะแขยงที่เขาแตะต้องตัวริว...ริวก็เลยกลัวว่าพี่อาจจะเกลียดริว แบบที่ริวเกลียดนายลี”
“ทำไมต้องเอาตัวเองไปเปรียบกับนายลีละครับ มันคนละกรณีกันนะ ไม่เอาอย่าคิดมาก พี่ยืนยันคำเดิมนะ ว่าพี่ไม่เคยเกลียดริว และจะไม่มีวันเกลียดด้วย”
“ขอบคุณครับ ริวรักพี่จัง” ริวขยับตัวแล้วหยุดชะงัก เพราะเขาเคยสัญญากับพสุไว้แล้วว่าจะไม่แตะต้องกอดรัดพสุหากอยู่นอกสถานที่รโหฐาน แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในรถกันตามลำพังก็ตาม
พสุลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ แล้ววนรถเข้าไปจอดลานจอดรถของบริษัท วันนี้ริวต้องเข้ามาทำงานกับทรงเผ่า เขาจึงตามมาเป็นเพื่อน เพราะไม่อยากปล่อยให้ริวไปไหนตามลำพัง
ริวชะงักเมื่อลงจากรถไปเจอ ลี ชินกี ยืนอยู่ที่หน้าออฟฟิศพอดี ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้หันหลังกลับมืออุ่นก็วางมาบนไหล่แล้วบีบเบาๆ ริวหันกลับไปพบรอยยิ้มปลอบประโลมส่งกลับมา
“ไปข้างในกันเถอะ”
“ครับ”
พสุเป็นฝ่ายโอบไหล่ริวเดินผ่านหน้าชินกี เข้าไปในออฟฟิศ
“เดี๋ยวริว ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” ชินกีท้วงแล้วพยายามเดินตามมา ริวหันขวับกลับไปด้วยสีหน้าชิงชังรังเกียจ จนชินกียังชะงักไปชั่วขณะ
“คือ...เรื่องเมื่อคืนนี้ผม..” ชินกีชะงักไปอีกรอบเมื่อพสุแทรกเข้ามากั้นระหว่างเขากับริว
“ขอร้องล่ะมิสเตอร์ลี กรุณาอย่ายุ่งกับริวอีกเลย” แม้พสุจะใช้คำว่าขอร้อง แต่สีหน้าและแววตาไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังวิงวอนชินกีสักนิด แต่กลับดูจริงจังจนชินกีรู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคามมากกว่า
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ!”
“ต้องใช่สิ ในเมื่อริวเป็นสมาชิกคนหนึ่งของคิสมี ผมไม่คิดว่าแฟนเพลงจะยอมรับได้หรอกนะถ้ามีข่าวว่าเขามีผู้ชายพยายามจะตามตื๊อแบบนี้ คุณอาจไม่แคร์ใครเพราะคุณไม่ได้เป็นคนที่ต้องยืนอยู่ท่ามกลางสื่อ แต่ริวไม่ใช่...ถ้าคุณยังไม่เลิกวุ่นวาย ผมคิดว่าทางเราคงต้องให้ฝ่ายกฎหมายจัดการกับคุณ” แม้พสุจะใช้คำสุภาพ แต่ชินกีกลับรู้สึกเหมือนถูกพสุดูหมิ่นว่าเขาเป็นเพียงคนไร้ความสำคัญคนหนึ่งขณะที่ริวเป็นคนมีชื่อเสียง
“คิดจะขู่ผมหรือไง” ชินกีเค้นเสียงถามด้วยความโกรธ
“คุณคิดว่าผมแค่ขู่เหรอมิสเตอร์ลี”พสุถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สีหน้าและแววตากลับนิ่งจนติดจะเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด
“ฮึ! เฮอะ! ทำเป็นวางมาด ที่แท้คุณก็หึงริวใช่ไหมล่ะ”
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด ไม่ว่าจะคิดยังไง แค่คุณเลิกยุ่งกับริวก็พอ”
คำตอบของพสุทำเอาคนที่ยืนฟังเงียบๆ มาตลอดเกือบเผลอหลุดยิ้มออกมาต่อหน้าลีชินกี ไม่เพียงไม่ปฏิเสธ แต่พสุยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องปกป้องเขาให้ได้
ริวขยับเข้าไปยืนซ้อนหลังพสุจนชิดราวกับกำลังต้องการการปกป้องดูแล ทำให้พสุต้องพลิกมือกลับไปกุมมือเด็กหนุ่มไว้เพื่อเป็นการปลอบโยนขณะส่งสายตาแข็งกร้าวไปยังชินกี แต่ชินกีกลับจ้องมองภาพนั้นด้วยความริษยาและเคียดแค้น
สีหน้าและแววตาของริวที่ส่งมาให้เขานั้น นอกจากความชิงชังรังเกียจ ยังเจือแววท้าทายและเย้ยหยันไว้อย่างเห็นได้ชัด สำหรับชินกี ริวไม่ใช่เด็กน้อยไร้เดียงสาที่ใครๆพากันหลงรักและคอยปกป้อง แต่เด็กหนุ่มคือราชสีห์ในคราบของลูกแกะต่างหาก
“คิดว่าขู่แล้วผมจะกลัวหรือไง” แม้ชินกีจะพูดเหมือนตอบโต้กับพสุ แต่สายตาที่ตวัดวาบไปยังริว เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าเขาพูดทั้งกับพสุและริวไปด้วยกัน
“ก็ลองกันดูมิสเตอร์ ลี ชินกี ” พสุย้อนด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่สีหน้าและแววตาเย็นชานั้นดูรู้ว่า “เอาจริง” จนชินกีอึ้งไป ด้วยไม่คิดว่าพสุจะกล้าลุกขึ้นมางัดข้อกับเขา ที่ผ่านมาพสุในสายตาชินกี ดูเป็นคนนิ่งๆไม่ค่อยยุ่งกับใคร แต่เขาเพิ่งรู้ว่าบทเอาจริงขึ้นมา พสุก็ดูน่ากลัวกว่าที่คิด
พสุเห็นชินกีชะงักไม่ตอแยอีก ก็ดึงริวให้ตามขึ้นไปที่ห้องทำงานของทรงเผ่าด้วยกัน
“สวัสดีครับพี่เผ่า พี่ตรี”
“ไงไผ่ ริว เข้ามานั่งก่อนสิ ริวมานี่มา มาดูงานกัน”
“ครับ”
“เอ่อ พี่ตรีครับ ผมฝากริวไว้สักเดี๋ยวได้ไหมครับ” พสุรอจนริวใส่หูฟังแล้วถึงได้ปลีกตัวออกมาหาไมตรี
“ไผ่จะไปไหนเหรอ”
“ขอตัวไปทำธุระสักแป๊บครับ”
“เอาสิ เดี๋ยวพี่ดูให้”
“ขอบคุณครับ” พอฝากริวไว้กับไมตรีแล้วพสุก็ตรงดิ่งขึ้นไปชั้นบนสุด เป้าหมายคือห้องทำงานของเขมชาติ
“มีอะไรเหรอไผ่” เขมชาติทักทันทีที่พสุเปิดประตูเข้าไป หลังจากที่เลขาโทรเข้ามาแจ้งว่าพสุขอพบ
“ผมอยากขอให้คุณเขมช่วยเรื่องริว”
“เรื่องริว?”
“เมื่อคืน ลี ชินกี พยายามจะ...เอ่อ...ล่วงเกินริว ที่ห้องน้ำ”
“อะไรนะ?”
“ผมทราบว่าคุณเขมคงลำบากใจเรื่องมิสเตอร์ลี แต่ผมก็ไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้ริวอีก ยังดีที่เมื่อคืนมันไม่ถึงกับมีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น แต่มันก็ทำให้ริวเครียดจนอาเจียน คุณเขมก็ทราบว่าริวเป็นโรคเกลียดสัมผัส ถึงเขาจะปรับตัวได้มากแค่ไหน แต่การต้องถูกสัมผัส...เอ่อ...แบบนั้นอีก ผมกลัวว่าริวจะทนไม่ได้ แล้วมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”
“มีใครรู้เรื่องนี้อีกไหม?”
“ไม่ครับ ผมยังไม่ได้บอกใคร แม้แต่พี่กร”
“...โอเค...ผมจะเตือนลีให้เขาอยู่ห่างๆ ริว ยังไงก็ฝากคุณดูแลริวด้วยนะไผ่ ถ้ามีคุณอยู่ด้วยผมคิดว่าลีคงไม่กล้าทำอะไร”
“แน่นอนครับ ผมไม่ปล่อยให้ริวคลาดสายตาอีกแล้ว”
“ขอบคุณมากนะไผ่ คุณเป็นหัวหน้าที่ดีมากๆ เลย”
“ผมไม่ได้ทำเพราะหน้าที่หรอกครับ ยังไงริวก็เป็นน้อง ผมต้องปกป้องเขาจนสุดความสามารถอยู่แล้ว”
“ผมจะจัดการเรื่องลีให้เรียบร้อย ไม่ให้เขาไปวุ่นวายกับริวอีก”
“ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวนะครับคุณเขม”
พสุกลับเข้าไปในห้องทำงานของทรงเผ่าอีกครั้ง ก็พบว่าริวยังทำงานอยู่กับทรงเผ่าและไมตรี ชายหนุ่มจึงนั่งรอเงียบๆ จนริวทำงานเสร็จ ก็ไปซ้อมเพลงคอนเสิร์ตกันต่อ
ริวถึงกับหันมองหน้าพสุอย่างแปลกใจที่จู่ๆ พสุก็เป็นฝ่ายเข้ามาโอบไหล่ ชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ก่อนจะชวนคุยด้วยสีหน้าปกติ แต่ริวรู้สึกได้ว่าต้องมีอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มกวาดตาไปรอบๆ แล้วก็ได้คำตอบเมื่อเห็นลี ชินกี ยืนอยู่ด้านข้างเวทีด้วยสีหน้าบึ้งตึง ริวหันมาสบตาพสุแล้วบีบมือที่พาดอยู่บนไหล่เขาเบาๆ ซึ่งพสุก็บีบมือตอบโดยไม่มีท่าทางจะดึงมือกลับแต่อย่างใด
ตลอดทั้งวันพสุไม่เคยถอยห่างจากเขา ยิ่งชินกีเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้เท่าไหร่ พสุก็ยิ่งตามประกบเขาแจเท่านั้น ทำให้ริวอดรู้สึกไม่ได้ว่าคนน่ารังเกียจอย่างชินกีบางครั้งก็มีประโยชน์เช่นกัน
“มิสเตอร์ลีครับ คุณเขมชาติให้ผมมาเชิญมิสเตอร์ลีไปพบที่บริษัทครับ”
ชินกีชะงัก แม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่เพราะเกรงใจเขมชาติ ชายหนุ่มถึงได้ยอมตามคนของเขมชาติไป
“สวัสดีครับมิสเตอร์ลี” เขมชาติทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสไตล์นักธุรกิจ
“ให้คนไปตามผมมาทำไม” ลีถามเสียงห้วนๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“อืม...ตรงๆ เลยแล้วกันนะครับ ผมอยากให้คุณกลับเกาหลีวันนี้เลย......”
…………………………………………………..
สัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงวันคอนเสิร์ต ถูกเน้นหนักไปที่การซ้อมเต้น 5 หนุ่มจากคิสมีจึงต้องซ้อมกันเต็มที่เพื่อไม่ให้น้อยหน้าบรรดาสาวๆ MG โดยอาศัยสาวๆแดนเซอร์ของบริษัทมาเต้นแทน MG ไปก่อน
“พรุ่งนี้สาวๆจะมากันแล้วไม่ใช่เหรอพี่กร”
“อืม...เห็นคุณเขมให้ล่ามกับทีมงานไปเตรียมต้อนรับแล้ว”
“ดีจัง!จะได้ซ้อมกับตัวจริงเสียที” ไวยากรณ์อุทานหน้าชื่น ตาเจ้าชู้เป็นประกายระยับ ท่าทางรื่นเริงจนน่าหมั่นไส้
“อ้าว! พูดแบบนี้สาวๆ ของพี่ก็น้อยใจแย่สิ” พี่ยุทธ ครูสอนเต้นมือหนึ่งของเมืองไทยหันมาต่อว่าแล้วค้อนควักไวยากรณ์อย่างมีจริต ไวยากรณ์รีบโดดเข้าไปเกาะแขนพี่ยุทธเป็นเชิงออดอ้อน เพื่อไถ่โทษที่พูดจาไม่ระวัง
“โหยไม่ใช่อะไรหรอกครับ คือผมตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นคอนเสิร์ตต่างหาก”
“เฮอะ ปากดีไปเถอะ เกิดสาวๆ แดนเซอร์เขางอนไม่มาซ้อมเต้นด้วย แกนั่นแหละจะหงอยคนแรก หรือพี่ยุทธเปลี่ยนตัวเอาแดนเซอร์ผู้ชายมาเต้นกับไวย์แทนสาวๆ ดีพี่” ธีรดลหันมาเยาะเย้ย แล้วยักคิ้วให้ไวยากรณ์ ขณะที่พี่ยุทธพยักหน้าหงึกๆ เหมือนจะเห็นด้วย เล่นเอาไวยากรณ์ตาเหลือกด้วยความตกใจ
“อ๊าก! อย่านะพี่ยุทธ แค่นาย ลี ชินกี คนเดียวผมก็จะอ้วกแล้ว อย่าให้ถึงกับต้องเต้นสวีทกับแดนเซอร์ผู้ชายเลย รับไม่ได้” ไวยากรณ์โวยวายพร้อมกับทำท่าขนลุกขนพองประกอบ เพราะท่าเต้นที่ยุทธสอนนั้นแทบจะเป็นเนื้อแนบเนื้อ แล้วถ้าต้องซ้อมเต้นกับแดนเซอร์ผู้ชาย ไวยากรณ์คงอ้วกแตกไปเสียก่อน
“พูดถึงนายลี หายหัวไปเลยนะ” ยุทธหันไปถามกรเวชหลังจากที่ธีรดลลากไวยากรณ์กลับไปซ้อมเต้นกันอีกครั้ง
“เห็นว่าทางต้นสังกัดเรียกตัวกลับด่วนมั้งครับ” กรเวชตอบเลี่ยงๆ เขารู้มาจากเลขาของเขมชาติว่า ลี ชินกี ถูกเรียกเข้าพบเขมชาติ ก่อนที่จะบินกลับด่วนแบบสายฟ้าแลบชนิดที่ทีมงานของ JKG เองก็ไม่รู้เรื่อง
“เหรอ พี่ก็นึกว่าถอดใจเพราะริวไม่สนซะอีก แต่ก็ดีแล้วล่ะ ริวมันจะได้มีสมาธิทำงาน คนอาไร้ ตื๊อเหลือทน เสียสถาบันเกย์หมด...เฮ้ย! ไวย์ ระวังหน่อยสิ” ยุทธบ่นอุบอิบแล้วผละไปว๊ากไวยากรณ์ที่เล่นมากเกินจนเกือบทำแดนเซอร์สาวหลุดมือระหว่างที่กำลังเต้น
“พี่กรครับ” พสุเข้ามาหากรเวชระหว่างที่ได้พัก 10 นาที
“ว่าไงไผ่”
“คือ...งานเลี้ยงต้อนรับ MG พรุ่งนี้น่ะครับ”
“มีอะไรเหรอ?”
“ผมต้องไปงานปิดกล้องละคร คงไม่ได้ไปงานด้วยนะครับ”
“อ๋อ! พี่รู้แล้วล่ะ จริงๆคุณเขมก็จัดทีมงานไว้คอยเทคแคร์พวกสาวๆ อยู่แล้วล่ะ ไผ่ไม่ต้องกังวลหรอก”
“ครับ”
ริวยืนหลบมุมนิ่ง เด็กหนุ่มตั้งใจจะมาตามพสุไปซ้อม ไม่คิดว่าจะได้ยินบทสนทนาของพสุกับกรเวชเต็มสองหู
‘พรุ่งนี้พี่ไม่อยู่ร่วมงานเลี้ยงงั้นเหรอ...งั้นเราไม่อยู่ก็คงไม่เป็นไรสินะ’ ริวลอบถอนใจอย่างโล่งอก ที่พสุจะได้ไม่ต้องใกล้ชิดกับสาวๆ กลุ่มนั้น เด็กหนุ่มยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ต่อสายไปหาพี่จ๋า
“ริวเองครับพี่จ๋า...ยินดีด้วยนะครับที่ละครปิดกล้องแล้ว”
“ขอบใจจ้ะ...ริวรู้จากไผ่เหรอลูก”
“ครับ เห็นพี่ไผ่ว่าพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงปิดกล้อง ริวเลยโทรมาแสดงความยินดี”
“ริวว่างไหมลูก ถ้าว่างมากินข้าวกันนะ”
“แต่ริวไม่ได้แสดงเรื่องนี้...” ริวทำเสียงลังเลทั้งที่มุมปากบางยกสูงด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรๆ นักแสดงกับทีมงานส่วนใหญ่ริวก็เคยเจอแล้วทั้งนั้นแหละลูก มานะ พี่จ๋าคิดถึง”
“ครับ...ขอบคุณครับพี่จ๋า” ริวรับคำแล้ววางสายด้วยรอยยิ้มน้อยๆ มุมปาก
..............................................................................
-
เห็นว่าจะมีอีกคู่หรือเปล่เนี่ย ตะวัน กับ ไวย์
-
:z2: ตะวัน กะ ผู้จัดการ รึเปล่า :z2:
:เฮ้อ: พี่ไผ่คิดไรอยู่อีกอ่ะ จะตัดขาดริวได้รึ
:pig4: :pig4:
-
โพสท์ตอนขาดเพิ่ม อีกตอนก้อไม่ต้องตัดออก ...ขอบคุณเลยได้อ่าน 2 ตอน :L2:
สะใจนายชิน โดนเตะกลับ ...
สงสารน้องริว อยากให้นายไผ่รู้ถึงความพยายามของน้อง กว่าจะมาถึงวันนี้ได้
ตะวันแอบชอบใคร?? ... อยากรู้ :serius2:
+1
-
...เพราะหากริวเกิดคิดกับเขาเกินเลยไปกว่านี้ เขาคงต้องเลิกคบกับริว...
แย่แล้ว พี่ไผ่เริ่มระแวงแล้ว :sad4:
พี่ไผ่ใจร้ายไปป่าว ส่วนริวก็หึงมั่วไปแล้ว หึงไม่เลือก ให้ตายเถอะ นั่นพี่ตะวันน๊ะน้องริว !!!
ปล.ตะวัน กับ ...... ใครหว่าๆๆๆๆๆๆ
-
เง้อน้อยจังเลย
แต่อย่าที่ตะวันว่าไว้
ถ้าพี่ไผ่ไม่ยอมรับตัวเองแล้วริวจะเป็นยังไไงนะ
-
ไม่นะคะพี่ไผ่ อย่าคิดแบบนั้น น้องริวเสียใจแย่เลย
-
น่ารักอ่ะ
แต่ว่าทำไมมันเหมือนเรื่องจะใหญ่โตน่าหนักใจจะตามมาอีกเยอะเลยล่ะ
โอ้ยไผ่ ยอมรับใจตัวเองสักทีริวไม่ได้ใส่ซื่อขนาดนั้น
ยุให้ไผ่หึงแล้วจับริวกด
:กอด1: :L2:
-
แป๋ว ไปเลยค่ะ ที่ถ้าพสุรู้ว่าน้องคิดกะตัวเองยังไงแล้ว จะไม่คบน้องต่อ
แล้วจะเป็นไงต่อไปเนี่ย เราไม่อยากเห็นจุดแตก แล้วค่อยๆ เก็บเศษมาสานต่อกันใหม่เลยอ่ะ
หวังว่าจะไม่มีมาม่านะคะ
-
พี่ตะวัน กับ .... ใคร??????
อยากรู้ไปหมด !!!
กลัวความคิดพี่ไผ่จัง ที่ว่าถ้าริวเกินเลย คงต้องห่างอ่ะ
โฮๆๆ ไม่เอานะ แบบนั้นน้องริวก็แย่สิ !!
-
พี่ไผ่อย่าคิดแบบนั้นนะ ไม่เอาาา :z3: :z3:
แล้วตะวันคู่กับใครน้อ??
-
ตอนนี้มาแบบแบาๆนะ สงสัยตอนหน้าจะต้องมีเรื่องให้ลุ้นให้ตื่นเต้นแน่ๆ รอชมค่า
-
ตอนนี้เรื่องของตะวันทำให้อยากรู้มากๆ
ว่าตะวันชอบใครอยู่ ส่วนเรื่องพี่ไผ่กับริว
ก็ลุ้นได้อีกไม่อยากให้พี่ไผ่คิดแบบนั้นเลย
สงสารริวก็สงสาร แต่ก็สงสารพี่ไผ่เหมือนกัน
:กอด1: :L2: :pig4:
-
:angry2:เฮียไผ่ทำไมคิดงี้ล่ะ เดี๋ยวริวก็เสียใจอีก.. แล้วที่จริงตัวเองคิดยังไงกับน้องมันนะ รู้บ้างมั้ยยย
-
เง้อ
ขอสงสารริวล่วงหน้าค่ะ T^T
-
วันนี้ทำไมสั้นจัง อ่านยังไม่หนำใจเลย
ริวชักจะแสดงความหวงไผ่มากขึ้นทุกที
จนตะวันจับความรู้สึกได้แล้ว
ถ้าไผ่รู้จะทำยังไง
-
แอบเก็บไว้ก่อน เพราะกลัวค้างเวลาคนแต่งยำมาม่าให้ทาน
อีกสักสองตอนค่อยอ่านทีเดียว
:sad11: :sad11:
-
ดีแล้วที่ริวมันไหวตัวทัน...ไม่งั้นไผ่ได้ชิ่งหนีแน่ ๆ :เฮ้อ:
เอาใจช่วยตะวัน...ถึงจะยังไม่รู้ว่าแอบไปปิ๊งใครก็เถอะ(แอบเชียร์คุณกร) :กอด1:
-
ขอโทดดดดดคร๊าบบบบบบ
คนโพสต์ลงข้ามไปตอนนึง แก้ไขแล้วไว้ในคห.เดิมน๊าาา
แล้วพรุ่งนี้เช้าจะลงอีกตอน (ที่ลงไปแล้ว ฮ่าๆๆ) แถมให้เป็นการไถ่โทษ
-/\-
-
มาได้อ่านตอนที่ถูกพอดี
ริวเจ้าเลห์นิดๆเนาะ 55
-
o18 ริวร้ายจิงๆเลย 555
-
:serius2: น้องริวแอบน่ากลัว
-
ซะใจนายชินกี โดนเตะกลับประเทศ :laugh3:
พี่ไผ่ เจ๋งมาก o13 หนูริว สู้ ๆ นะลูก เชียร์จนเหนือยละเมื่อไหร่จะได้กดพี่ไผ่ซักทีล่ะเนี่ย :-[
-
:oni1: :oni1: :oni1:
ฮ่าๆๆ แอบฮา อิอิ ลงข้ามตอนซะงั้น
ตอนแรกที่อ่านก็งงค่ะ เพราะโผล่มาถึงก็เป็นวันที่ซ้อมกันเลย
แต่ก็นึกว่าคนเขียนตัดฉึบๆๆๆๆ 5555+
-
ลี ชินกี กลับซะทีวุ่นวายอยู่นานเชียว
แต่ชอบตอนที่ บอกว่าริวเหมือนราชสีห์ในคราบของลูกแกะ
มันโดนใจ ทำให้ไม่อยากให้ลี ชินกี กลับไปเลย
รู้สึกอยากให้อยู่ต่อให้พี่ใผ่ ปกป้องริวอีกนิดอ่ะ
-
:laugh:
-
:z2: เหอ เหอ...เมื่อไรลูกแกะน้อยจะกลายร่างล่ะจ๊ะ :impress2:
-
เดาว่าตะวันกะจ๊อบนะ
ส่วนริว พี่มองริวผิดไปจริงๆ
แต่มุมมองใหม่ ไฉไล น่าสนใจ น่ารัก กว่าเดิม
-
:laugh: :laugh:ที่แท้ไอ้หนูเจ้าเล่ห์เริ่มออกลายแล้ว...ชอบๆๆๆๆ
-
รอวันน้องได้หม่ำพี่ไผ่ ค่อยๆคืบเข้าไปใกล้เรื่อยๆแระ แหม๋มะไหร่น๊า
-
ตอนนี้พี่ไผ่เท่มากกกกกกกกกกกกกกก....
น่าเสียดายที่คุณลีกลับไปแล้ว...หนูริวเลยอดได้อยู่ใกล้ๆพี่ไผ่ทั้งวันเลย..^ ^
กะลังรอดูว่าเมื่อไหร่ราชสีห์จะถอดชุดลูกแกะออก..
นายลีนี่พูดซะเห็นภาพ...55+
แต่ถึงจะถอดออกพี่ไผ่ก็ไม่กลัวหรอกเนอะ...ราชสีห์หงอซะขนาดนั้น..= =
-
หนูริวเริ่มออกลายแล้วนะเนี่ย
:z1:
ร้ายไม่ใช่เล่น
-
555 มีแผนอ่ะนะ
-
o18หนูริวนี่เจ้าเล่ห์เนอะ
-
ถึงจะขาดตอนไปแต่ไม่งงจ้า...
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเหมือนชินกีเลยว่าหนูริวนี่มันราชสีห์ในคาบลูกแกะน้อยเลยอ่ะ
แต่ก็ยังรักหนูริวเน้อออ :กอด1:
-
มาลงแก้ตัวแล้วจ้าา :laugh:
ตอนที่ 76
ทันทีที่วง MG เดินทางมาถึง งานแถลงข่าวก็เริ่มขึ้น แสงแฟลชจากกองทัพนักข่าวสว่างวูบวาบตลอดเวลาจนทั้ง 5 สาว MG และหนุ่มๆ จากคิสมีต้องหรี่ตาหลบแสง หลังการแถลงข่าวก็เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์ทั้ง 5 สาวเล็กน้อยก่อนที่ สาวๆ จากMG จะได้ไปพักผ่อนที่โรงแรมและจะเริ่มซ้อมกับคิสมีในตอนเย็น
หลังจากทักทายทั้ง 5 สาวพอเป็นพิธีแล้ว ก็เริ่มซ้อมร้องซ้อมเต้นกันทันที
“ทำไมคุณไม่โทรหาฉันเลยละคะริว” โคเยจีถามเบาๆ ขณะที่เต้นอยู่ด้วยกัน แต่ริวไม่ตอบ เด็กหนุ่มตั้งอกตั้งใจซ้อมเสียจนโคเยจีอดหงุดหงิดไม่ได้ แต่เพราะอยู่ท่ามกลางสายตาของทีมงานเกือบร้อยคน เธอจึงได้แต่ปั้นหน้ายิ้มแย้มไว้ตลอดเวลา
“โอเค พัก 15 นาที” ครูสอนเต้นอนุญาตให้พัก ทุกคนก็ลงจากเวทีมายังเก้าอี้ที่ทีมงานจัดเตรียมน้ำไว้ให้
“ริว คือ...” โคเยจีตั้งท่าจะถามเรื่องที่ข้องใจแต่กลับต้องชะงักเพราะร่างเล็กปราดเปรียวแทรกเข้ามากอดแขนริวไว้เสียก่อน
“ริว...คืนนี้คุณจะพาฉันเที่ยวดูแสงสีของกรุงเทพบ้างได้ไหม?”
“คืนนี้ผมมีงาน ขอตัวก่อนนะ” ริวตอบเสียงเรียบๆ แล้วดึงแขนออกจากการเกาะกุมของยูรี เดินลิ่วๆ ไปหาพสุ
“พี่...คืนนี้พี่ไปงานเลี้ยงปิดกล้องละครพี่จ๋าเหรอครับ” ริวถามพลางทรุดตัวลงนั่งข้างพสุแล้วหยิบขวดน้ำของพสุไปดื่มต่อหน้าตาเฉย พสุทำท่าจะท้วงแล้วก็ปล่อยผ่าน เพราะข้องใจเรื่องอื่นมากกว่า
“อืม..เอ๊ะ! ริวรู้ได้ยังไงว่าละครของพี่จ๋า”
“ก็พี่จ๋าโทรชวนริวไปงานด้วย งั้นริวไปกับพี่นะ” ริวตอบแล้วยิ้มตาใส ขณะที่พสุมองเลยไปเห็นสายตาของยูรี และโคเยจี จับจ้องมาที่ริวเขม็ง แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่รู้ตัว
“...ไม่รู้พี่กรจะว่าหรือเปล่า คืนนี้เรามีงานเลี้ยงต้อนรับ MG นะ” พสุตอบแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะเกรงว่าริวจะโดนกรเวชตำหนิ แต่อีกใจเขาก็ไม่อยากปล่อยน้องไว้คนเดียว บทเรียนจากการทิ้งริวไว้สองครั้งสองคราทำให้พสุไม่สบายใจที่จะต้องปล่อยริวทิ้งไว้ตามลำพัง
“พี่กรจะว่าได้ไงครับ พี่จ๋าโทรมาชวน ริวไม่ไปได้ไง”
“...งั้นเดี๋ยวพี่บอกพี่กรให้ละกัน”
“ครับ” ริวยิ้มหน้าบาน นอกจากพี่จะยอมให้ไปด้วย ยังไปขออนุญาตกรเวชให้อีก แน่นอนว่ากรเวชต้องยอมให้เขาไปเพราะเกรงใจพี่จ๋า
กรเวชแม้จะไม่ค่อยอยากให้ริวไปกับพสุ แต่ตัวเขาเองก็ยุ่งเกินกว่าจะมัวมาหาเหตุผลห้ามริว จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย พอซ้อมเต้นเสร็จ พสุกับริวก็ขอตัวกลับก่อน เพื่อรีบไปให้ทันงาน.................
............................................
“งานเลี้ยงสนุกมากนักหรือไง นั่งยิ้มตลอดเวลาเลย” พสุเย้าขันๆ เพราะเห็นริวดูอารมณ์ดีตลอดเวลาตั้งแต่ในงานเลี้ยงจนถึงตอนนี้ที่นั่งรถกลับบ้านมาด้วยกัน
“ก็ริวมีความสุข” ริวตอบอมยิ้มกริ่ม
“เรื่อง?”
“ที่พี่ไม่ต้องไปกับวง MG ไงครับ”
“อ้าว!...นี่พี่รู้สึกผิดอยู่นะที่ไม่ได้เทคแคร์พวกเขา ทั้งๆ ที่ตอนเราไปเกาหลี เขาก็คอยเทคแคร์พวกเราอย่างดี”
“ก็ริวหวงพี่ ริวไม่ชอบให้พี่ใกล้ชิดกับพวกเขา” ริวตอบแล้วทำหน้ามุ่ย ขณะที่พสุเสหัวเราะทั้งที่ใจเต้นระรัวด้วยความตกใจ สีหน้าและแววตาจริงจังของเด็กหนุ่มทำให้เขายิ่งกลัว...กลัวความรู้สึกของริวที่มีต่อเขา…
“อะไร โตป่านนี้แล้วยังหวงพี่เป็นเด็กๆ ไปได้” พสุบ่นกลั้วหัวเราะ บอกกับตัวเองว่าเขาคิดมากไปเอง ริวไม่มีทางคิดอะไรแบบนั้น ดูได้จากที่ริวเกลียด ลี ชินกี ก็รู้แล้ว สิ่งที่ริวแสดงออกทั้งหมดเป็นเพียงความคิดของเด็กที่ติดพี่เท่านั้น
พสุพยายามปัดความคิดน่ากลัวออกจากสมอง สั่งตัวเองให้เชื่อมั่นว่าริวจะยังคงเป็นเพียงเด็กน้อยไร้เดียงสาไปอีกนาน เพราะหากริวเกิดคิดกับเขาเกินเลยไปกว่านี้ เขาคงต้องเลิกคบกับริว แม้จะเป็นเพียงความคิดวูบหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในสมอง แต่พสุก็รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว อ้างว้าง และเจ็บปวดเพียงแค่คิดว่าเขาจะไม่มีริวอยู่ด้วยอีกต่อไป
เมื่อกลับมาถึงบ้านพักก็พบว่ายังไม่มีใครกลับมา พสุเหลือบมองหน้าริวอย่างไม่สบายใจนัก ที่ต้องอยู่กันตามลำพัง
“ริว...เอ่อ...พี่ว่าจะไปซ้อมต่ออีกหน่อย” พสุลอบถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นริวพยักหน้ายอมรับง่ายๆ ไม่มีท่าทางระแวงว่าเขาชวนไปซ้อมเพลงเพราะไม่อยากอยู่กันตามลำพังมากนัก
พสุเข้าไปประจำหลังคีย์บอร์ด ความจริงหากจะใช้เครื่องบันทึกเสียงก็ได้ แต่ชายหนุ่มไม่อยากให้ตัวเองว่างมากนักเพราะเกรงว่าถ้าว่างเขาจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ ริวตามมายืนเกาะคีย์บอร์ดและทำท่าเหมือนจะปักหลักอยู่ตรงนั้น
“อ้าว! ริวไม่ซ้อมเหรอ?”
“คีย์บอร์ดตัวเดียวก็พอแล้วครับ ยังไงก็ไม่ครบวงอยู่ดี...พี่จะซ้อมเพลงรวมก่อน หรือจะซ้อมเพลงเราก่อน”
“เอาเป็นเพลงรวมก่อนก็ได้” แรกๆ พสุก็อดเกร็งๆ ไม่ได้ที่ริวมายืนอยู่ข้างๆ แต่พอเล่นดนตรีไปสักครู่ ความรู้สึกหวั่นระแวงก็หายไป เหลือแต่ความสุขความสนุกที่ได้เล่นดนตรีจนไม่ได้ดูว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน
“โหยยยย ขี้โกง หนีมาซ้อมเพลงกันสองคน” ประตูห้องซ้อมเปิดผลัวะเข้ามา ไวยากรณ์วิ่งนำหน้ามาคนแรกแล้วเข้าประจำที่ ตามด้วยธีรดลและตะวัน ริวเห็นทุกคนเข้ามาในห้องจึงผละไปประจำที่หลังกลองชุดเช่นกัน
หลังจากซ้อมไปได้ครู่ใหญ่ๆ ไวยากรณ์ก็เป็นคนแรกอีกเช่นกันที่เอะอะเรื่องเวลาขึ้นมา
“โอ๊ย! ไปนอนกันเหอะ ผมง่วง”
“อะไรของแกวะไวย์ แกเป็นคนลากพวกพี่มาซ้อมเองนะ” ธีรดลบ่นเบาๆ เพราะยังสนุกเกินกว่าจะง่วง
“แต่นี่มันตี 3 แล้วนะ นอนดึกเดี๋ยวเวลาขึ้นคอนเสิร์ตหน้าไม่ใส”
“สายไปแล้วมะ แกก็บอกเองว่านี่มันตี 3 แล้ว”
“ไปนอนเห้อพี่ดล ผมไม่ไหวแระ บายคับทุกคนนน” ไวยากรณ์ไหว้ลารอบวงแล้วผละไปดื้อๆ คนอื่นๆ ก็เลยต้องพลอยเก็บเครื่องดนตรี เลิกซ้อมกันแค่นั้น
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจเบาๆ จากคนที่เดินตามหลังทำให้พสุอดเหลียวไปมองไม่ได้ ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อพบว่าเป็นตะวัน ตะวันเองก็ชะงักแล้วทำท่าไม่รู้ไม่ชี้
พสุมองหน้าตะวันนิ่งจนตะวันเป็นฝ่ายหลบตา ทำให้ชายหนุ่มเริ่มแน่ใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง ระหว่างที่ซ้อมเพลงเขาเห็นตะวันเหม่อๆ และเล่นผิดคีย์อยู่บ่อยๆ แต่ก็คิดว่าเพราะง่วงนอน กระทั่งได้ยินเสียงถอนใจเมื่อครู่
“ตะวัน...ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
“……….....” ตะวันชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง วูบแรกพสุเห็นแววดื้อดึงในดวงตาคมดุ แต่ครู่เดียวก็กลับหม่นแสงลง ตะวันพยักหน้าแล้วเดินนำไปยังสวนข้างสระน้ำ
“มีเรื่องไม่สบายใจใช่ไหม”
“...นิดหน่อย”
“ถ้าทำให้นายเครียดขนาดนี้คงไม่นิดหน่อยหรอก”
“ก็เรื่องไม่เป็นเรื่องของคนไร้สาระ...”
“ตะวัน...นายกำลังเปรียบเทียบอะไรอยู่หรือเปล่า”
“หมายความว่ายังไง”
“นายกำลังทำร้ายอีกคนเพราะเอาเขาไปเปรียบกับคนในอดีตอยู่หรือเปล่า”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย” ตะวันทำเสียงเย็นเยือกเข้าใส่ สีหน้าและแววตาเริ่มเย็นชานั้นบอกให้รู้ว่าเขาเริ่มโกรธจริงๆแล้ว
“ไม่ใช่เรื่องของฉันจริงๆ นั่นแหละตะวัน แต่เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ ฉันไม่อยากเห็นนายเจ็บซ้ำอีก” พสุตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แม้ตรงนี้จะไม่ได้สว่างมากนัก แต่ก็มากพอที่จะมองเห็นกันถนัด สีหน้าแววตาห่วงใยของพสุดูเหมือนจะส่งไปถึงตะวัน เพราะแววเย็นชาห่างเหินจางหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงรอยขมขื่นที่ฉายชัดในดวงตา
“นายจะบอกว่าฉันหาเรื่องใส่ตัวอีกใช่ไหม นั่นสินะ เจ็บแล้วไม่จำ”
“ไม่ใช่เลยตะวัน แต่ฉันกลัวว่านายจะเจ็บเพราะทำร้ายหัวใจตัวเองด้วยความไม่ตั้งใจต่างหาก...ตะวัน...อย่าปล่อยให้อคติทำให้ตานายมัวไปนะ...นายเป็นคนฉลาด ฉันแน่ใจว่านายน่าจะดูออกว่าเพชรกับกรวดมันต่างกันแค่ไหน”
ตะวันชะงัก นิ่งอึ้งอยู่นาน ปากบางเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ดวงตาเป็นประกายไหววูบหลากหลายอารมณ์ มีเพียงพสุเท่านั้นที่รู้ดีว่าหากจะจับความรู้สึกของตะวันต้องดูที่ดวงตา เพราะชายหนุ่มเป็นพวกเก็บสีหน้าอาการไว้ภายใต้หน้ากากเย็นชาได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
“...อย่าเอาสำนวนพระเอกละครมาใช้กับฉันน่า”
พสุถึงกับแอบถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินน้ำเสียงประชดประชันของตะวัน ลองถ้าทำเสียงแบบนี้แปลว่านอกจากตะวันจะไม่โกรธที่เขาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ตะวันยังคิดแก้ปัญหาตกแล้วอีกด้วยถึงได้อารมณ์ดีพอจะมาพูดประชดเขาอย่างนี้
“หึ...นายก็ชอบเฉไฉ ไอ้ปากไม่ตรงกับใจเอ๊ย” พสุเย้าแล้วคว้าไหล่ตะวันไว้
“เฮอะ ว่าแต่คนอื่น...ระวังจะเข้าตัว” ประโยคหลังตะวันหรี่เสียงลงจนพสุได้ยินไม่ถนัด
“อะไรนะ”
“เปล๊า!”
“เสียงสูงแปลว่าโกหก...บอกมาเมื่อกี้ว่าอะไร”
“เสียใจ ของดีมีรอบเดียว” ตะวันยักไหล่แล้วเดินหนีเข้าบ้าน พสุวิ่งกวดตามมาเกาะไหล่ ตะวันจึงหันไปโอบไหล่พสุแล้วบีบเบาๆ
“...ขอบใจนะไผ่”
“น่า...ก็เราเพื่อนกัน”
“พี่!” ริวพรวดพราดมาจากทางไหนตะวันก็ไม่ทันเห็น มารู้ตัวเอาตอนที่ได้ยินเสียงและริวก็แทรกเข้ามาจนมือของเขาหลุดจากไหล่ของพสุ
“พี่...ไปไหนกันมา ริวตามหาตั้งนาน” ริวทำเสียงออดๆ เด็กหนุ่มเอียงตัวเข้าหาพสุพลางดันหลังชายหนุ่มให้เดินไปด้วยกัน ทิ้งตะวันไว้ข้างหลัง
“พี่คุยกับตะวันอยู่...อ้าว! ตะวัน ไม่ขึ้นนอนเหรอ” พสุชะงักเมื่อหันไปคุยแล้วไม่เจอตะวันจึงกลับมามองข้างหลังอย่างแปลกใจที่เห็นตะวันยังยืนอยู่ที่เดิม
“เดี๋ยวไป” ตะวันตอบเสียงเรียบๆ พสุจึงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วหันไปคุยกับริวต่อ
“ตามหาพี่ทำไม...เดี๋ยวพี่ก็ขึ้นไปแล้ว...” พสุกับริวเดินขึ้นไปชั้นบนแล้วสนทนากันเบาๆ จนจับใจความไม่ได้ว่าคุยกันเรื่องอะไร
ตะวันยืนมองตามคนทั้งคู่ขึ้นไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ วูบหนึ่งตอนที่ริวแทรกเข้ามาระหว่างเขากับพสุ ชายหนุ่มรู้สึกถึงความโกรธเกรี้ยวและไม่พอใจ แต่พอเห็นหน้าซื่อตาใส และได้ยินเสียงออดๆ ของริว เขากลับไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนั้นเขาคิดไปเองหรือริวรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ตะวันเดินมาทรุดตัวลงนั่งในห้องรับแขก คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความสับสนวุ่นวายใจ ชายหนุ่มรู้ว่าริวติดพสุแค่ไหนและพอจะรู้ความรู้สึกของริวที่มีต่อพสุ แต่เขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าริวจะหวงพสุจนถึงกับโกรธเขา เพียงแค่เขากอดไหล่พสุ
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวด้วยความกังวลและเป็นห่วง สังคมปัจจุบันความรักระหว่างเพศเดียวกันอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก ถ้าคนๆ นั้นไม่ได้เป็นคนของประชาชนอย่างพสุและริว ที่สำคัญ...ตะวันไม่รู้ว่าพสุจะยอมรับความรักแบบนี้ได้หรือไม่ แล้วถ้าพสุยอมรับไม่ได้...ริวจะเป็นยังไง!
...
การซ้อมใหญ่ในวันสุดท้ายเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งเวที ระบบแสง เสียง นักร้องทั้งสองวง และทีมงานทุกคน ต่างเตรียมพร้อมสำหรับคอนเสิร์ตใหญ่ที่น่าจะเป็นคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดในรอบปี เพราะที่นั่งกว่าหมื่นที่ ถูกขายจนหมดตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ ที่เปิดขายบัตร
“โอเค! ดี ดีมากๆ เยี่ยมที่สุด...ขอบคุณมากสาวๆ พวกคุณเจ๋งสุดๆ” พี่ยุทธครูสอนเต้นมือหนึ่งปรบมือให้และโค้งให้ทั้ง 5 สาวจาก MG ด้วยความทึ่ง ทั้งที่เพิ่งร่วมงานกันเพียง 2 วันเท่านั้น แต่พวกเธอทุกคนเต้นเก่งมาก และยังมีวิญญาณของนักแสดงอย่างเต็มเปี่ยม สามารถเต้นเข้ากันกับทั้ง 5 หนุ่มจากคิสมีได้อย่างรวดเร็ว ราวกับซ้อมด้วยกันมาตลอด
“ขอบคุณค่ะ” ทั้ง 5 สาวเข้าไปกอดขอบคุณพี่ยุทธ แล้วแผนกต้อนรับของบริษัทก็มาเชิญทั้ง 5 สาวกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงแรมเพื่อจะได้พาพวกเธอไปเที่ยวต่อตามแผน
ส่วนทั้ง 5 หนุ่มแห่งคิสมียังต้องซ้อมเพลงกันต่อไปเพื่อให้การซ้อมใหญ่ในครั้งนี้สมบูรณ์แบบที่สุด เกือบเที่ยงคืนการซ้อมถึงได้เสร็จสิ้นลง
“โอ๊ยยยย เหนื่อยโคตรๆ อยากอาบน้ำใจจะขาดแล้ว ดีนะผมไม่แก่เหมือนพี่ดล ไม่งั้นเต้นขนาดนี้มีหวังตะคริวกินไปแระ...โอ๊ย! ตบหัวผมทำไมเนี่ย ทำร้ายร่างกายกันนี่หว่า” ไวยากรณ์หันมาโวยแล้วรีบถอยหนีแทบไม่ทันเมื่อธีรดลเงื้อมืออีกรอบ
“ชั้นเพิ่ง 30 ยังไม่แก่โว๊ย!”
“นั่นแหละ แก่! ฮ่าๆๆ” ไวยากรณ์พูดคำว่าแก่ใส่หน้าธีรดล แล้ววิ่งหนีไปหัวเราะไป ขณะที่ธีรดลวิ่งตามไปไล่เตะ
“เฮ้อ!” ตะวันถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วบิดตัวไล่ความเมื่อยล้า
“ดีนะที่ไวย์วิ่งนำหน้าไปโน่น ไม่งั้นนายจะโดนว่า แก่!” พสุแซวแล้วรีบเดินหนี ตะวันหันไปแยกเขี้ยวใส่พสุแล้วเลยไปถึงริว เพราะเด็กหนุ่มทำหน้าเหรอหราเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรด้วยแต่มุมปากบางยกสูง พยายามกลั้นยิ้ม
………………………………………………………..
-
o13
-
เมื่อคืนอ่านไปแล้ว ยังงงๆ
วันนี้มาอ่านอีกรอบ เพิ่งถึงบางอ้อ หายไปตอนนึงนี่เอง
ขอบคุณมากนะครับ ยังไงก็อย่ามาม่าเยอะนะครับ พักนี้ชีวิตต้องการขนมหวาน
-
วันนี้เข้ามาแล้วได้อ่านตั้งสองตอนดีใจจัง :กอด1:
ดูเหมือนชินกิจะโดนอำนาจมืด ต้องกลับเกาหลีแบบสายฟ้าแลบ
สงสารก็สงสารแต่ดีใจมากกว่าที่ตัวเกะกะกายไปหนึ่ง
ตอนนี้ก็สองสาว แต่คงไม่สาสารถปล้ำริวได้หรอก
ริว พยายามต่อไปน่ะ
ตะวันคงกลุ้มเรื่องคนรักแน่เลย
-
อยากรู้เรื่องพี่ตะวันจังเลย
:เฮ้อ:
-
ตะวัน - รักครั้งเก่า - ไวย์ = สับสน
??????
: 222222:
-
โอ๊ววว รวดเร็วมากเลยยย
เด๋วอ่านน๊าา ~
=]]
-
มาเ็วมากๆๆๆ
o13
-
o18หนูริวชักจะร้ายขึ้นทุกวันแล้ว
-
เช้ามาเปิดมาเจอ เอ๊ะ มาลงแล้วเร็วจัง
แต่ที่แท้ลงข้าม ไม่เป็นไรได้อ่านตั้ง 2 ตอน
สมน้ำหน้าชินกีไปเลยดี
แม้พี่ไผ่ตอนนี้เท่ห์มากกกก ปกป้องริว
ไม่รู้ซะแล้วว่า น้องริวตอนนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์มาก
-
นุ้งริวมันแสบขึ้นทุกวันจริงๆๆ
-
ตะวัน in love อ่า
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะ in love บ้าง
-
ตกลงคุณเขมพูดอะไรกับชินกีเนี่ย...เผ่นแน่บเลย :laugh:
ตอนแรกก็แปลกใจอ่ะค่ะ ทำไมหน้า 109 มันเป็นตอนเดิม...เปิดกลับมาอีกหน้าค่อยถึงบางอ้อ ทีแท้ลงข้ามบทนี่เอง
แต่ชินกีฉลาดเนอะ...รู้จักริวไม่นาน...ดูออกด้วยว่ามันน่ะหุ้มหนังแกะ ไม่ได้เป็นแกะโดยกำเนิดซักหน่อย o18
:กอด1:
-
อยากรู้จัง ว่าตะวันคู่กะใครอ่ะ???
-
:m20: พูดตรงๆนะครับ จริงๆด้วยแหละ บอกให้กลับเฉยเลย
:laugh:ไอ้หนูริวหางโผล่อีกแล้ว
-
เครียดเรื่องริวกับพี่ไผ่ตามเลย เฮ้อ!!
-
อ่อเป็นอย่างนี้นี่เอง อิอิ แล้วริวจะกินพี่ไผ่มะไหร่อะคะ
-
เฮ้อ...เมื่อไรริวกับพี่ไผ่จะคลิกความรู้สึกได้ตรงกันพอดีเสียที
-
ตะวันเป็นอะไรรร :sad4:
ส่วนเรื่องของริวกับไผ่แบบว่า ไผ่ท่าจะกังวลมากเลยอะ
รับไม่ได้ขนาดนั้นเชียวหรอ ถ้าน้องรู้สึกกับเราจริงๆ
:เฮ้อ: รอตอนต่อไปคะ
-
สงสารริวล่วงหน้าก่อนแล้วค่ะ
-
น้องริวเรามันร้ายจริงๆ
ฮ่าๆๆๆๆ
คนอื่นอยู่มานานดูไม่ออกนะ แต่ชินกี นี่มองทะลุ
เหอะๆ ดีแล้วล่ะที่กลับไป ไม่งั้นน้องจะโดนแฉ!!!
><
-
หนูริวหึงโหด :o
อย่าไปหึงโหดใส่พี่ตะวันนะ เดี๋ยวพี่เค้าไม่ช่วยเรื่องพี่ไผ่แล้วจะยุ่ง :-[
ตอนนี้มาอย่างรวดเร็ว ถ้าตอนหน้ามาแบบนี้รักตายเลยค่ะ สู้ ๆ o13
-
พี่ตะวันคู่ใครอ่ะ อยากรู้มากเลย
:m17:
-
ดีใจ เลยได้อ่านสองตอน
ว่าแต่ตะวันชอบใครหว่า
แอบหนักใจ ถ้าพี่ไผ่ยอมรับตัวเองไม่ได้จริงๆ แล้วริวจะอยู่ได้อย่างไร
-
กลัวริวรักไม่เป็นแล้วทำอะไรที่มากเกินไป
เพราะขนาดกับตะวันยังทำแบบนี้เลย ต่อไปคงไม่มีใครเข้าใกล้พี่ไผ่ได้
หวังว่าพี่ไผ่คงจะช่วยให้น้องเข้าใจในความรักนี้ได้นะ
:pig4: คะ
-
ดีใจสุดท้ายอีตาชินกีก็ไปสักที น้องริวแอบหึงโหด
เรื่องเข้มข้นขึ้นทุกทีแต่กลัวใจี่ไผ่จังเลยอ่ะ
-
น้องริวหึงโหดจริงไรจริง
เหอะๆ ก็นะ ของเค้าหวง พี่ไผ่รู้ตัวได้แล้วว่าเป็นของน้องริวไปแล้วนะ :laugh: :laugh:
-
พี่ไผ่คิดเข้าข้างตัวเองบ้างก็ได้
ริวเจ้าเล่ห์มากกกกแอร๊ยยยยส์ :-[
-
:z3: พี่ไผ่เมื่อไหร่จะรุ้ตัวซักทีเนี่ย
ตะวัน อิน เลิฟกะคัยอ่าาาาา อยากรุ้ๆๆๆ :o8:
-
หึงโหดไม่มียกเว้นเลยนะนู๋ริว
แต่เรื่องเริ่มเข้มข้นเข้ามาทุกที ๆ แล้วซิเนี่ย :เฮ้อ:
-
สะจายยยยยยยยยยยยยเขมชาติถีบชินกีขึ้นเครื่องกลับด่วน
แต่ว่าเห็นแววน้องริวจะเสียใจในเร็ววัน
หวังว่าถึงเวลานั้นน้องริวคงไม่หนีกลับเมกานะ
เอ๊ะ!! หรือจะหนีกลับแล้วค่อยให้ไผ่ไปตามง้อ หึหึ
ไผ่เอ้ยคิดดีๆ นะว่าสามารถแยกห่างจากริวได้จริงรึปล่าว
-
ก็ว่านะมันตัดๆชอบกลแต่เรื่องกูต่อดีไม่นึกว่าจะเป็นอย่างเนี่ย
สะใจที่สุดที่นายชินกีโดนส่งกลับประเทศ บอกตม.ให้ขึ้นแบลคลิสไม่ให้เข้าไทยเลยได้มะ?
-
:-[
-
นู๋ริววววว
ขี้หึงที่สุดในโลก~~~!!!
ใจเย็นนู๋ รุกเร้วไป
เด๋ว พี่ไผ่ เอ๊ย ไก่ตื่น
-
เอ่อ..ทำไมเราอ่านแล้วไม่รู้สึกตัวเลยว่ามันข้ามตอนมา :z3:
แต่ถ้าพลาดตอนนี้ก็คงไม่รู้ว่าริวเริ่มจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายใต้หนังแกะนั่น o18
แล้วยังได้สะใจอีชินกีด้วย ปลิวกลับไปแล้ว :mc4:
-
ไม่ได้เข้ามาอ่านตั้งหลายวัน
ยังอึมครึมอยู่เหมือนดิม
รีบๆ รักกันสักทีนะครับ
ลุ้นจนเหนื่อยแล้ว อิอิ
-
ขอโทดดดดดคร๊าบบบบบบ
คนโพสต์ลงข้ามไปตอนนึง แก้ไขแล้วไว้ในคห.เดิมน๊าาา
แล้วพรุ่งนี้เช้าจะลงอีกตอน (ที่ลงไปแล้ว ฮ่าๆๆ) แถมให้เป็นการไถ่โทษ
-/\-
แหม เราก็นึกว่าอ่านข้ามไป ได้อ่านแล้วค่ะ
คิดเหมือนชินกี เลยนะ ว่าริวหน่ะ เป็นหมาป่าในคราบลูกแกะ
แล้วพี่ไผ่ของเราจะตามทันมั้ยนะ
-
:impress2:นู๋ริว น่ารัก น่าโหดจัง แต่แอบน่ากลัวเป็นครั้งคราวนะเนี่ย
อยากรู้เหมือนกัน จะมีผู้หญิงคนไหนเข้ามาเกี่ยวข้องกะไผ่ ทำให้ริวฟิวขาดบ้างป่ะ
หวังใจว่าจะไม่เห็นศึกชิงไผ่กัน
-
อยากสอดเรื่องตะวันนนนนน
-
อ๊ายเรื่องตะวันก็อยากรู้
เรื่องน้องริวก็น่าสน
ตามลุ้นทั้งสองคู่เลย o13
-
ทีมเกาหลีนี่จะอะไรมากมายกับน้องริวเนี่ย....ทั้งหนุ่มทั้งสาว
ลุ้นคู่ตะวันด้วย อิอิ
-
เก็บอาการหน่อยนู๋ริว
พี่ตะวันสงสัยใหญ่แล้วววววว
-
และแล้วชินกีก็ถูกกำจัด
ถูกเนรเทศกลับเกาหลี~สม
น้องริวอ่ะร้ายน๊า เจ้าแผนการที่สุด
อยากไปงานเลี้ยงปิดกล้องกับพี่ไผ่
ทำฟอร์มโทรหาพี่จ๋าให้เค้าชวน
แล้วก็สำเร็จแต่ยังทำหน้าซื่อตาใส
บอกพี่ไผ่ว่าพี่จ๋าชวน
เจ้าเล่ห์นักน๊าเจ้าเด็กน้อย ^^
โอ๊ะโอ~เพิ่งเห็นเจ้าเด็กน้อยริว
หึงโหดก็คราวนี้ หึงไม่เว้นแม้แต่ตะวัน
เอาหล่ะสิ ตะวันเริ่มคิดเรื่องพี่ไผ่กับน้องริวแล้วนะ
ว่าแต่ตะวันมีใครแอบซ่อนอยู่เหรอ
แล้วตะวันจะคู่กับใครกันน๊า
ขอเม้นสามตอนรวดเลยนะคะ อิอิ
-
(http://i210.photobucket.com/albums/bb40/glitterfy_com-2/graphics/34/happy_valentines_day-purple.gif)
-
วันนี้ได้อ่านสองตอนรวด ดีใจจริงๆ :L2:
-
พี่ไผ่จะผลักไสริวลงเหรอ
-
คู่ของตะวันใครน๊อ ไม่แพล่มออกมาสักที!
-
กลับไปอยู่หน้า 1 นะลูกนะ
อยากอ่านต่อ
อิอิ
-
เราว่าเด็กอย่างริวมัน ลึก กว่าที่เห็นมากมายนัก ดูซิคิดแต่ละอย่าง เป็นขั้นเป็นตอนแบบช้าๆนุ่มนวล แต่ผลที่ได้มีแต่รุกและรุก กว่าพี่ไผ่จะรู้ตัว ก้อคงขาดไอ้เด็กเจ้าเล่ห์นี่ไม่ได้ซะแล้ว
-
ย่องๆเข้ามาอ่านคอมเม้นต์ เห็นมีแต่คนถามถึงเรื่องพี่ตะวัน....
แฮ่...จะบอกว่าตอนแรกเขียนเรื่องพี่ตะวันก่อน แต่ไม่รอด
เลยจับมวยคู่รองอย่างพี่ไผ่กะน้องริวมาเขียน
ไปๆมาๆ คู่นี้เลยกลายเป็นคู่เอกไปซะงั้น
เรื่องของพี่ไผ่เลยมีปม มีองค์ให้มึนงงกันเรื่อยๆ
อย่าไปคิ๊ไรมากนาค้าบ คิ๊เสียว่ามันเป็นแค่ "น้ำจิ้ม" ก็พอเน้อ
เอาเวลาไปลุ้นให้พี่ไผ่มันกดน้องริวดีกว่า... :z1:
-
ย่องๆเข้ามาอ่านคอมเม้นต์ เห็นมีแต่คนถามถึงเรื่องพี่ตะวัน....
แฮ่...จะบอกว่าตอนแรกเขียนเรื่องพี่ตะวันก่อน แต่ไม่รอด
เลยจับมวยคู่รองอย่างพี่ไผ่กะน้องริวมาเขียน
ไปๆมาๆ คู่นี้เลยกลายเป็นคู่เอกไปซะงั้น
เรื่องของพี่ไผ่เลยมีปม มีองค์ให้มึนงงกันเรื่อยๆ
อย่าไปคิ๊ไรมากนาค้าบ คิ๊เสียว่ามันเป็นแค่ "น้ำจิ้ม" ก็พอเน้อ
เอาเวลาไปลุ้นให้พี่ไผ่มันกดน้องริวดีกว่า... :z1:
เอ่อ ที่ไม่ได้ถามเรื่องพี่ตะวัน เพราะคิดเอาเองว่า พี่ตะวันคงไม่ได้มีโอกาส Y
แต่เรื่องพี่ไผ่ ถือเป็นคำสัญญานะคะ ว่าพี่ไผ่จะกดหนูริวอ่ะ
แต่ถ้าพี่อยากกด น้องมันก็คงไม่กล้าขัดใจหรอก :impress2:
-
อ๊าย ตกลงไผ่จะกดน้องริว หรือน้องริวจะกดพี่ไผ่
ให้เวลาอีกสามวัน ถ้าพี่ไผ่ไม่กดน้องริว
น้องริวจะกดพี่ไผ่เน้อ
ตกลงตามนี้เนอะ
-
มารอน้องริวค่ะ
เห็นบอกจะให้พี่ไผ่กดน้องริวเหรอ
แต่เราอยากให้น้องริวเป็นคนกดน้า
ก็เห็นบอกหุ่นน้องริวใหญ่กว่าพี่ไผ่นิ
-
เข้ามารอพี่ไผ่กับน้องริวจ้า :L2:
-
อยากอ่านอีกจังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
-
อยากให้ทั้งสองคนคืบหน้ากว่านี้อ่ะ...รอ :กอด1:
-
ตอนที่ 77
เมื่อกลับมาถึงบ้านพักต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ริวเองก็แยกไปอาบน้ำที่ห้องเช่นกัน เสียงริงโทนเฉพาะเบอร์คนพิเศษทำให้พสุรีบวิ่งออกมารับสายทั้งที่ยังสวมเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว
“ครับแม่”
“แม่โทรมารบกวนเวลาพักหรือเปล่าลูก”
“ไม่เลยครับ ตอนเปิดเครื่องไผ่เห็นมิสคอลของแม่นะครับ แต่เห็นว่าดึกแล้วก็เลยไม่ได้โทรหา...ทำไมวันนี้นอนดึกจังครับ” พสุถามแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูอีกผืนมาเช็ดน้ำออกจากผม
“แม่ทำสมาธิเพิ่งเสร็จ กำลังจะนอนแล้วล่ะ แต่อยากจะโทรมาคุยกับไผ่ก่อน...นี่เพิ่งเลิกซ้อมเหรอลูก”
“ครับ กลับมาถึงพออาบน้ำเสร็จแม่ก็โทรมาพอดีเลย” พสุตอบเสียงสดใส พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงและเช็ดผมไปพลางๆ
“นอนดึกๆ แบบนี้รักษาสุขภาพด้วยนะลูก ไผ่น่ะพอเครียดแล้วไม่ค่อยทานอะไร ระวังจะปวดท้องนะครับ”
“ครับแม่...แต่คราวนี้ไผ่ไม่เครียดนะครับ ไผ่มีความสุขมากกกกกก” พสุลากเสียงยาวเพื่อยืนยันว่าเขามีความสุขแค่ไหน
“จ้า...ตื่นเต้นไหมลูกพรุ่งนี้แล้ว”
“ตื่นเต้นครับ กลัวคืนนี้จะนอนไม่หลับด้วยซ้ำ”
“คืนนี้นอนไม่หลับ พรุ่งนี้ขึ้นเวทีหน้าไม่เด้งไม่รู้ด้วยนะ” เสียงแม่ล้อกลั้วหัวเราะมาตามสาย
“ฮะๆ แม่พูดเหมือนไวย์เปี๊ยบเลยครับ...” พสุตอบแล้วเหลือบไปมองเมื่อริวเปิดประตูเข้ามา เด็กหนุ่มทำตาโตเหมือนจะถามว่าคนในสายใช่สุดาหรือไม่พร้อมกับปรี่เข้ามานั่งจนชิดตัว พสุขยับตัวอย่างกระดากเล็กน้อยเพราะริวแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว แต่พสุยังใส่เพียงผ้าขนหนูผืนเดียว
“เหรอจ๊ะ....ริวอยู่ไหมลูก แม่คิดถึงอยากคุยด้วย”
“อยู่ครับ...ริว แม่จะคุยด้วย” พสุหันมาส่งโทรศัพท์ให้ริวแล้วรีบไปแต่งตัว เมื่อออกมาก็เห็นริวนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับโทรศัพท์ พอเด็กหนุ่มหันมาเห็นเขาก็รีบส่งโทรศัพท์ให้
“ครับแม่” พสุรับโทรศัพท์มาคุยต่อแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง
“แม่อยากจะอวยพรลูกๆน่ะจ้ะ”
“ครับแม่ ไผ่เปิดสปีคโฟนนะครับ...จะได้ๆ ยินพร้อมๆ กันเลย” พสุเปิดลำโพงแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนหมอน ริวตามมานอนท้าวคางฟังอยู่ข้างๆ พี่
“งั้นแม่ก็จะอวยพรไผ่กับริวไปด้วยกันเลยนะลูก ขอให้งานในพรุ่งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ขอให้ลูกทั้งสองคนเป็นที่รักใคร่ชื่นชมของคนดู แล้วก็ขอให้อัลบั้มนี้และอัลบั้มต่อๆ ไปประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปนะลูกนะ”
“ขอบคุณครับแม่” ทั้งคู่ไหว้โทรศัพท์รับคำอวยพรจากสุดาราวกับคนพูดนั่งอยู่ตรงหน้า ก่อนจะหันมาหัวเราะขำกันเอง
“เอาละ ไปนอนได้แล้วทั้งสองคนเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ขึ้นคอนเสิร์ตแล้วหน้าไม่ใส ไม่หล่อละก็ แม่อายชาวบ้านเขาตายเลย ไผ่น่ะอย่าลืมกินยาไว้ก่อนนะลูก ตื่นเต้นมากๆ เดี๋ยวปวดท้องอีก”
“โธ่แม่ครับ เตือนยังกับไผ่เป็นเด็กเลย ไผ่ไม่ใช่ริวสักหน่อย” พสุท้วงเสียงอ่อย ขณะที่ ‘เด็ก’ ข้างๆ ทำปากยื่นแก้มพองที่โดนพาดพิง
“พูดงี้อีกแล้ว ดีเลย งั้นริวครับ แม่ฝากพี่ไผ่ด้วยนะลูก ฝากบังคับให้พี่ไผ่กินยาด้วย ไม่งั้นได้ปวดท้องไปเล่นคอนเสิร์ตไปแน่ๆ ยืนร้องเพลงหน้าแหยๆ นี่คงหล่อตายล่ะ”
“แม่อ่ะ...ยิ้มอะไรไอ้ตัวแสบ ยิ้มเยาะพี่หรือไง” พสุหันมาโวยเมื่อเห็นริวพยายามซ่อนยิ้มทั้งที่มุมปากยกสูง ดวงตาโตเป็นประกายวิบวับด้วยความขบขัน ชายหนุ่มหันไปล็อคคอริวแล้วขยี้ศีรษะของริวด้วยสันหมัดแรงๆ
“โอ๊ย! ริวไม่ได้ยิ้มเยาะพี่สักหน่อย แม่ค้าบพี่ไผ่แกล้งริว” ริวโวยวายแล้วพยายามดันแขนที่ล็อคคอออก อีกมือก็ยื้อข้อมือของพสุที่ขยี้บนศีรษะไม่เลิก ได้ยินเสียงสุดาหัวเราะเบาๆ มาตามสาย
“ไปพาลน้อง...แล้วอย่างนี้แม่จะฝากดูแลน้องได้ไงเนี่ย”
“โหยแม่ครับ ใครจะไปอยากดูแลเด็กโข่ง กินก็จุ เปลืองตายเลย” พสุบ่นแล้วแกล้งล็อคคอริวเข้าหาตัว แทนที่เด็กหนุ่มจะดิ้นหนี ริวกลับทิ้งตัวตามไปจนกลายเป็นว่าเด็กหนุ่มนอนทับไปบนพสุทั้งตัว
“แม่ค้าบพี่ไผ่จะไม่เลี้ยงริวแล้ว” ปากก็ฟ้องสุดา แต่ตัวกลับพลิกเข้าหาพสุแล้วกอดชายหนุ่มไว้ จนพสุต้องเป็นฝ่ายผลักริวออกเพื่อหาทางล็อคคอริวใหม่ เลยกลายเป็นคุยโทรศัพท์ไปกอดปล้ำกันไปจนเสียงหัวเราะลอดไปถึงคนปลายสาย
“เยอะแล้วเยอะ...อ้อนเกินไปมะ นี่แม่ใครกันแน่ฮะ” พสุโวยวายพลางล็อคคอเด็กหนุ่มไว้แล้วบีบจมูกจนริวต้องอ้าปากหายใจ
“แม่พี่ แต่ริวเป็นลูกคนเล็กน๊า...ใช่ป่ะค้าบแม่” ริวทำเสียงอ้อนแล้วสูดหายใจแรง เพราะเพิ่งดิ้นหลุดจากการถูกล็อคคอมาได้
“ใช่ครับ แล้วถ้าพี่ไผ่แกล้งอะไรนะ พรุ่งนี้บอกแม่ เดี๋ยวแม่จัดการให้”
“เย้!” ริวเฮแล้วทำตาวิบวับใส่พสุ เหมือนจะอวดว่าตัวเองมีแม่เข้าข้าง
พสุหมั่นไส้จึงคว้าผ้าห่มคลุมหัวริวแล้วโถมขึ้นทับไว้ทั้งตัว ริวดิ้นหนีจนตกลงไปบนพรมข้างเตียงทั้งคนทั้งผ้าห่ม พสุหัวเราะก๊ากที่จัดการริวได้ แล้วหันมาคุยโทรศัพท์กับแม่ต่อ
“โหยเข้าข้างกันเข้าไป ไผ่กลายเป็นพระเอกหัวเน่าสิ ก็ตอนนี้ลูกชายคนเล็กดังกว่าไผ่แล้วนี่” พสุทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนเด็กแสนงอนเพื่ออ้อนแม่ ขณะที่ริวปีนกลับขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง พร้อมกับลากผ้าห่มขึ้นมาด้วย
“แน่น๊อนนน...ไม่เอาแล้ว เล่นกันอยู่ได้ ไปนอนได้แล้วลูก พรุ่งนี้เช้าจะได้สดชื่นสดใส รับวันดีๆ”
“ครับแม่ ราตรีสวัสดิ์ครับ” พอพสุกดวางสาย ริวก็ขยับเข้าไปกอดเอวซุกหน้ากับอกอุ่นอย่างออดอ้อน
“พี่ค้าบ...ริวไม่ได้ดังกว่าพี่สักหน่อย”
“อะไรเด็กขี้โกง ยึดแม่พี่ไปแล้วจะมาอ้อนเอาอะไรอีก”
“ริวเปล่ายึดแม่พี่สักหน่อย”
“ชริ! ไม่ได้ยึดอะไร...ริวเป็นลูกคนเล็กน๊า ใช่ป่ะค้าบแม่....อ้อนซะขนาดนั้น” พสุทำเสียงเลียนแบบแล้วผลักหัวริว ออกจากอกเบาๆ เลยกลายเป็นว่าริวยิ่งกอดเขาแน่นกว่าเดิม
“ก็ริวรักแม่นี่นา ริวยึดแม่ไปตรงไหนครับ”
“นั่นแหละยึด ใช้ความขี้อ้อนนี่แหละ ยึดแม่พี่ไปเฉยเลย”
“งั้นสู้ริวอ้อนพี่แล้วยึดพี่ไว้ดีกว่า เพราะแม่รักพี่ยังไงก็ต้องก็รักริวด้วยอยู่แล้ว”
“โหยขี้โกง เจ้าเล่ห์นักนะเราน่ะ” พสุคำรามแล้วจับแก้มของริวดึงยืดเล่นอย่างหมั่นไส้
“เจ็บอ่า” ริวโอดครวญแต่ไม่ได้ปัดป้อง ปล่อยให้พสุดึงแก้มตัวเองเล่นอยู่อย่างนั้น
“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแก้มกลมๆ ให้ดึงเล่นซะแล้ว เอาเนื้อไปไว้ไหนหมดเนี่ย กินขนมออกเก่ง”
“กล้ามๆ...เป็นกล้ามหมดแล้วค้าบ” ริวตบท้องแบนราบของตัวเอง พสุมองตามแล้วหัวเราะก๊าก
“ไหนกล้าม อย่างนี้เรียกก้าง” พสุพูดพร้อมกับจิ้มเอวของเด็กหนุ่ม ริวสะดุ้งแล้วดิ้นหนีทำให้พสุชะงักตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์
“บ้าจี้เหรอเนี่ย” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มกว้าง แล้วกระโจนเข้าหาริว
“ริวเปล่า...พี๊!” ริวร้องเสียงหลงเมื่อพสุตั้งหน้าตั้งตาจี้เอว เด็กหนุ่มดิ้นหนีไปหัวเราะไป ขณะที่พสุเองก็ไล่ตามจี้เอวอย่างเมามัน
ริวดิ้นพราดด้วยความจักจี้ ความจริงแรงเขามากกว่า แต่ไม่กล้าทำอะไรพสุแรงๆ จึงทำได้เพียงปัดป้องไม่ให้พสุจี้เอวได้ถนัด เมื่อหนีไม่ทัน ริวจึงหันกลับมายึดข้อมือของพสุไว้แล้วใช้แรงที่มากกว่ากระชากจนพสุเสียหลักล้มมานอนทับอยู่บนตัว
พสุพยายามจะยันตัวลุกขึ้น แต่ริวดึงแขนของพสุออกไปจนสุดแขนแล้วยึดไว้แน่นกันไม่ให้พสุลุกขึ้นได้ ก่อนจะพลิกตัวขึ้นเป็นฝ่ายคร่อมทับพสุไว้แทน
“แค่นี้พี่ก็จี้ริวไม่ได้แล้ว” เด็กหนุ่มหัวเราะร่าอย่างมีชัย ขณะที่พสุได้แต่คำรามเบาๆ อย่างเจ็บใจที่ทำอะไรริวไม่ได้
“เฮ้ย! หนัก เอาจริงใช่มะ...อย่าว่าพี่ใจร้ายนะ” พสุขู่แล้วพยายามดิ้นให้หลุด แต่ริวล็อคตัวเขาไว้แน่นจนแทบขยับไม่ได้
“พี่ไผ่ค้าบ ริวไม่สู้นะ พี่อ่ะ...” ริวทำเสียงอ้อนแต่ไม่ยอมผ่อนแรงที่ล็อคตัวพสุไว้ เด็กหนุ่มสูดหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยแล้วชะงักเมื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าไปเต็มที่เพราะใบหน้าอยู่ใกล้กันนิดเดียว
พสุชะงักตัวแข็งค้างเมื่อจู่ๆ ริวก็ก้มลงมาแนบจมูกลงบนซอกคอแล้วสูดหายใจลึกแรง เด็กหนุ่มไม่ได้หยุดเพียงแค่สูดกลิ่นจากตัวเขา แต่ปลายจมูกโด่งยังลากไล้ขึ้นมาจนสัมผัสแก้มและกกหูเขาจนขนลุกซู่ ใบหน้าร้อนผ่าว
ริวซุกหน้าไว้บนซอกคอเขา จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารด อกแนบอกจนสัมผัสถึงแรงเต้นระรัวของหัวใจกันและกัน เด็กหนุ่มหัวเราะแล้วกระซิบข้างหูพสุด้วยน้ำเสียงพร่า...เบา...
“ตัวพี่....หอมจัง”
พสุพยายามจะถอยห่างเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแนบชิดกันของร่างกาย แต่ริวไม่ยอมปล่อยข้อมือเขา เด็กหนุ่มรั้งไว้เต็มที่ พสุยิ่งดิ้นก็ยิ่งเพิ่มแรงเสียดสีของร่างกายจนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเด็กหนุ่ม ไอร้อนที่ผ่านเนื้อผ้าออกมาสัมผัสกับต้นขาของเขาถนัดถนี่ทำให้ชายหนุ่มใจหายวาบ
“ปล่อยพี่” พสุทำเสียงขู่แล้วพยายามดิ้นอีกครั้ง ก่อนจะรู้สึกเสียใจที่เขาเลือกวิธีผิด นอกจากริวจะไม่ยอมปล่อยแล้ว การดิ้นรนแบบนี้ยิ่งทำให้ร่างกายเบียดเสียดกันมากขึ้น...และตอนนี้ไม่เพียงแค่ริวหรอกที่มีความเปลี่ยนแปลง พสุหน้าร้อนวาบเมื่อ “รู้สึก” ถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองเช่นกัน
“ไม่เอา เดี๋ยวพี่จี้เอวริวอีก” ริวทำเสียงงอแง แล้วยกศีรษะขึ้นมาจนมองหน้ากันได้ถนัด ใบหน้าที่ห่างกันเพียงลัดนิ้วมือ และปาก...ที่ห่างกันเพียงแค่ขยับตัว....
“ไม่จี้แล้ว ปล่อยเถอะ” พสุรีบบอกละล่ำละลัก เพราะเริ่มรู้สึกถึงอันตรายของความใกล้ชิดระหว่างเขากับริว
“จริงนะ” ริวทำท่าลังเลแต่ก็ยอมปล่อยข้อมือพสุ แล้วกอดชายหนุ่มไว้แทน ทำให้พสุถอยหนีไม่ได้อย่างที่ใจคิด
ริวสบตาเขาแล้วปากบางก็ค่อยๆ คลี่ยิ้ม...ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววาม อ่อนเชื่อม เว้าวอนจนพาให้หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม
“...ริว...พี่หนัก...” พสุชะงักนิ่งงันเมื่อจู่ๆ ริวก็ก้มลงแตะปากบางมาบนปากเขาเบาๆ แม้จะเป็นเพียงการปัดผ่านแต่ก็พาให้ใจกระตุกวูบ
“ริว!” ชายหนุ่มผลักใบหน้าริวออกห่างแล้วชะงักค้างเมื่อเห็นสายตางุนงงของเด็กหนุ่ม
“ทำไมละครับ...พี่อนุญาตให้ริวจูบพี่ได้นี่...ทำไมต้องผลักริวด้วย?” ริวถามแล้วทำหน้านิ่วเหมือนไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด พสุนิ่งอึ้ง พูดไม่ออก จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้รับปากว่าจะยอมให้ริวจูบ แต่การไม่ปฏิเสธเมื่อเด็กหนุ่มขอ ก็เท่ากับเป็นการอนุญาตอยู่ดี....
มือที่ดันคางเขียวด้วยไรหนวดจางๆ ตกลงข้างตัวอย่างหมดแรง ไม่ทันจะตั้งตัว ปากบางก็แนบลงมาแตะบนปากเขา แต่คราวนี้ไม่ได้ปัดผ่านเหมือนครั้งแรก แต่เป็นการแตะแช่ทิ้งไว้เนิ่นนาน แล้วจึงถอนออก ดวงตากลมโตเป็นประกายวิบวับด้วยความสุขจนพสุเผลอหลบตาวูบ เพราะหัวใจเขาเต้นแรงเนื้อตัวร้อนวูบวาบด้วยความรู้สึกประหลาด
ไม่ใช่จูบแบบเด็กอนุบาลของริวหรอกที่ทำให้หัวใจเขาโลดแรงจนแทบกระดอนออกจากอก แต่เป็นรอยยิ้มหวานระยับทั้งปากและตาของเด็กหนุ่มต่างหาก ที่ทำให้เขาไม่กล้าสบตา เพราะรู้สึกเหมือนจะละลาย หากยังเผลอจ้องตากับเด็กหนุ่มนานกว่านี้
“นอนเถอะ ดึกแล้ว” พสุพยายามทำเสียงเรียบๆ ทั้งที่เหงื่อยังชื้นมือทั้งสองข้างและหัวใจเขายังเต้นระรัวไม่เลิก ริวรับคำเสียงเบา แล้วพลิกตัวลงนอนข้างๆ สอดแขนเข้ามากอดรอบเอวพร้อมๆ กับซุกหัวแนบมาบนอกเขา แม้จะเป็นท่านอนที่เด็กหนุ่มปฏิบัติอยู่ทุกคืน แต่คืนนี้มันก็รบกวนใจพสุอยู่นาน กว่าเขาจะข่มกลั้นอาการใจเต้นเนื้อตัวร้อนผ่าวของตัวเองให้สงบพอที่จะหลับลงได้
...............................................................................
-
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนครับ :กอด1: :กอด1:
-
เหอ เหอ น้องชายตื่นกันซะแล้ว
-
ริว ทำดีมาก ค่อยๆบีบ ลูกไก่ในกำมือจะไปไหนเสีย
-
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :o8: :o8: :o8:
พี่ไผ่เริ่มยอมรับ ไม่ปฏิเสธสัมผัสจากริวแล้วววววว
กรี๊สสสสสสสสส :laugh: :laugh:
อ่านตอนนี้แล้วหุบยิ้มไม่ลง น้ำตาลในเลือดพุ่งกระฉูด 55
ชอบเรื่องนี้ที่ซู้ดดดดดดดดดดด
o13
รอพี่ไผ่กับน้องริวตอนต่อไปคร่าาาา
:pig4:
-
ฉลอง 111 วู้วๆๆๆ เขินตามพี่ไผ่เลย อร๊ายยย :-[
-
ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดๆเข้าไปอีกหน่อย
น้องริวร้ายเดียงสามากกกกก
แต่ชอบบบบบบบบ
พี่ไผ่จะเอาตัวรอดเหรอ
แพ้เด็ก :oo1:
-
โอ๊ย หนูริวไปเรียนภาคทฤษฏีกับเวปที่อลันส่งมาให้ก่อนนะ
พอรอบหน้ากดพสุ จะได้ทำเป็น :laugh: :laugh:
คาดว่าคงไม่นานนี้แล้วด้วยเห็นผสุหวั่นไหวและไหวหวั่นขนาดนี้
รอดไม่รอด รอดไม่รอด เดาว่า ไม่รอด ...
-
เมื่อไหร่คู่นี้เค้าจะเปิดใจกันซะทีนะ
-
ริวสู้ๆ :ped149: พยายามอัพเลเวลจากอนุบาลไปเป็นมหาลัย เี๋ดี๋ยวสักวันพี่เค้าก็เก็ท
-
แหม ตอนนี้ลุ้นครับลุ้น นึกว่าจะได้แล้วเชียว
พี่ไผ่เล่นกับริวจนอิจฉาแล้วนะ
เมื่อไหร่น้องริวจะได้กอดพี่ไผ่แบบเต็มๆสักที
น้องริวจะน่ารักไปไหน ชอบจังเล่นกับไผ่แล้วอ้อนแม่เค้า
-
เจ๋งมากจ้าน้องริว ค่อย ๆรุกคืบไปเรื่อย ๆ อีกไม่นานพี่ไผ่อยู่ในกำมือแน่ ๆ
-
ไม่คืบหน้าไปไหนเล้ยย
ขัดใจแม่ยกชะมัด :serius2:
-
เปลี่ยนยุทธการจาก รุก...อย่างเนียนๆ มาเป็นรุก... อย่างนุ่มนวล
โอ้วว อิหนู ๆๆๆ รุกไว้ๆๆ อย่าเว้นๆๆ
เว้นแล้วเดี๋ยวอิพี่ไผ่มันคิดมาก คิดโน่นคิดนี่ แคร์สื่อตลอด
55555555555+ :impress2:
-
อ่านแล้วได้แต่ปลอบใจ....
ไผ่เอ้ยยยยย....พยายามทำใจยอมรับให้ได้เถอะ....หนีเจ้าหนูริวไม่พ้นหรอก
-
ชอบตอนไผ่กับริวหยอกกันน่ารักดี :-[
-
อิ อิ น้องชายตื่นทั้งคู่แล้ว แล้วเมื่อไรจะทั้งตื่นทั้งเต้นไปตามจังหวะของหัวใจ และความรู้สึกว่ารักล่ะจ๊ะ
-
ริวน่ารักอ่ะ เขินแทนพี่ไผ่ :o8:
-
Good Job!! o13
-
ลางพี่ไผ่แพ้ลอยมาเห็นๆ
ฮ่าาาาาาาาา
-
:z2: จะใจแข็งได้อีกนานมั้ยนี่ พี่ไผ่ :z2:
:pig4: :pig4:
-
พี่ไผ่ที่โดนน้องรุกหนักขนาดนี้ จะเซย์เยสหรือเซย์โนกันนะ
แอบกลัวว่าหลังๆมันจะดราม่า :o12:
น้องริวนี่หมาป่าหุ้มหนังกระต่ายของแท้ แอ๊บเนียนมั่กๆ
รอตอนหน้าค้าบ
ข้องใจคู่พี่ตะวันมากมาย ผู้จัดการคนใหม่นั้นคือใคร
-
ริวน่ารักจังเลย
ไผ่นี่ก็ใจแข็งจิงๆ
-
อะฮิ้ว น้องริวรุกแบบเนียนๆ แบบเนี้ย แล้วพี่ไผ่จะไปไหนเสีย
-
อ้ายยยยยยยยยยยยยย
น้องริวทำดีมากค่อยๆเนียนๆไปก่ิอนน่ะ
ดูสิพี่ไผ่จะใจแข็งไปได้สักแค่ไหนกันน้า
:กอด1: :L2: :pig4:
-
น้องริวรุกแล้ว พี่ไผ่จะรับมือน้องยังไงน๊าาาาา
-
รุก กัน แน่น ๆ
รัก กัน เบา เบา
เอิ๊ก ๆๆ
-
พี่ไผ่เปิดใจซักนิด..สงสารน้องริว
หวังว่าน้องริวจะรอดจากสาวๆ หลังคอนเสิร์ท
+1
-
นี่ขนาดแค่จูบอนุบาลน้า
แล้วถ้า? :impress2: จะเป็นไง อิอิ
-
บอกได้คำเดียวว่า
พี่ไผ่ไม่รอดมือน้องริวหรอก
-
น้องริวรุกพี่ไผ่อีกแระ
คราวนี้มีอาการตอบสนอง
ทั้งสองคนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
อา~น้องชายตื่นทั้งคู่ อิอิ
น้องริวรุกเข้าไปเรื่อย ๆ นะ
พี่ไผ่ไม่รอดมือน้องริวแน่นอน
พี่ไผ่มองตาน้องริวคราวนี้
เห็นแววตาและรอยยิ้มหวานของน้องริว
ถึงกับใจละลายเลยเหรอ
อ่า~เขิน เขิน
-
ริวรุกอีกเยอะๆเลย
พี่ไผ่เริ่มหวั่นไหวแล้ว :impress2:
-
ต๊ายๆๆแล้วริวซนะเริ่ดค่ะ ใกล้แล้วๆๆๆๆๆ
-
:impress2:หนูริวขี้อ้อนจริงๆ ทำเอาพี่ไผ่หวั่นไหว
-
ยังคงสงสัยปัญหาเดิม แล้วใครจะรุกละเนี่ย :o8:
-
พี่ไผ่ตกหลุมเด็กแล้ว
-
ริวใจเย็นๆ ต้อนพี่ไผ่จนหมดทางหนี ทำดีแล้วริว คราวหน้ารุกฆาต
-
อลัน มาสอนหนูริวแบบฟลูออฟชั่นหน่อยซิ :fire:
กดเลยจ๊ะกด ปากเวลาจูบไม่ได้เอาไว้แตะเฉย ๆ นะจ๊ะ ลิ้นอะเอาไรทำอะไร o9
ลุ้นให้หนูริวกดพี่ไผ่อยู่ทุกตอน อ่านตอนนี้แล้วก็เขิน มีพัฒนาการขึ้นมาติ๊ดนึง o18
สู้ ๆ ค่ะ รอต่อไป o13 :กอด1:
-
น้องริวเริ่มรุกแล้ว
พี่ไผ้ระวังตัวไว้น้า อิอิอิอิ
-
:laugh: เริ่มใกล้เข้าไปอีกนิดแล้ว
-
พี่ไผ่แย่แล้วววววววว หนีออกจากบ้านเลยมั้ยมาอยู่กับนู๋แทน ^//^
-
ฝึกบ่อยๆนะริว เดี๋ยวก็เก่งง :laugh:
-
กรี๊ด น้องริวเริ่มรุกพี่ไผ่แล้ว :z2:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
อ่านไป ก็รู้สึกเขิลหนูริวแทนพี่ไผ่จริงๆ ฮ่าาาาาาา
ค่อยๆหยอดไปทีละนิดนะหนูริว เดี๋ยวพี่ไผ่เค้าก็ใจอ่อนเอง
สู้ๆๆๆ ^ ^b
-
เหมือนจะใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทุกทีแล้ว
:pig4: คะ
-
เมื่อไหร่พสุจะยอมรับใจตัวเองน๊อ อิชั้นล่ะกลัวเรื่องนี้มาม่าซะจริ๊ง
-
แอบขำพี่ไผ่...ว่าอะไรน้องไม่ได้เลย...55+
ริวบอกไม่สู้แต่ไม่ยอมปล่อยมือเลยอะ...จะเชื่อดีไหมเนี่ย..
ริวยิ้มหวานเน้อ...ถ้ายิ้มให้พี่ไผ่แบบนั้นทุกวัน.พี่ไผ่จะใจอ่อนละป่าวคะ...^O^
-
ไผ่ยิ่งหนีน้องยิ่งทำให้น้องเจ็บนะ
-
วุ้ยๆๆๆ เขิลลลลลล
:o8:
-
พี่ไผ่ งานนี้แย่แน่
ตกหลุมเด็กทานเเบบนี้
หนีไม่รอดแน่น๊อน~~~~!!!
แต่ริว เราสนับสนุน
555+
-
ไม่รอดแล้วพี่ไผ่ :-[
-
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
น้องริวมาแนวเจ้าเล่ห์นะ
แอ๊บ จนได้จูบน่ะ
แต่จูบเบบี๋ไปนะคะหนู ^^
พี่ไผ่อย่างตั้งแง่เซ่!!
ไม่เคยฟังเพลง พี่ครัว วงฟิว เหรอ ที่บอกว่า ปล่อยไปตามหัวใจจจจจ
ฮ่าๆๆๆ อยากอ่านเรื่องนี้ทุกวันเลยค่ะ
><
-
ขนาดริวรุกแบบ "อนุบาล"
พี่ไผ่ยังอ่อนปวกเปียกขนาดนี้
แต่อย่าลืมว่าเด็กสมัยนี้โตเร็ว
แป๊บเดียวก็ระดับมหาลัยแล้ว
พี่ไฝ่ท่าจะรอดยาก อิอิ
-
อยากอีกแล้ว อยากอ่านนนนนนนนนนนนนนนนนนน กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
^
^
^
กรี๊ดจนต้องตื่นมาลงเรยยย
:z10:
ประกาศ! ประกาศ! ขณะนี้ต้นฉบับหมดสต๊อกที่ปร้าไรท์เตอร์ให้ไว้แล้ว เชิญกดและดันปร้ากันตามสบายนะเคอะ
ตอนที่ 78
คอนเสิร์ตเริ่มด้วยความสนุกสนาน วงที่มาเล่นเปิดเป็นวงสมัครเล่นที่ฝีมือไม่สมัครเล่นแม้แต่น้อย รวมถึงนักร้องสาวน้อยแรกรุ่นเกือบ 10 คนที่มาสร้างสีสันและความสนุกสนานให้คนดู
ขณะที่หน้าเวทีกำลังสนุกกันสุดเหวี่ยง หลังเวทีก็กำลังชุลมุนวุ่นวายไปหมด ยกเว้นทั้ง 5 หนุ่มของคิสมี ที่แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและนั่งนิ่งๆ เพื่อทำสมาธิอยู่ในห้อง
“เอาละ พร้อมกันหรือยัง” ทรงเผ่าถามทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ทั้ง 5 หนุ่มจึงผุดลุกขึ้นแล้วจับมือกันและกันไว้
“ครับ...ไปลุยกันเลย!” ทั้ง 5 หนุ่มตะโกนพร้อมกัน แล้ววิ่งออกไปหาเสียงกรี๊ดที่ดังต้อนรับลั่นฮอลเมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น.......
เสียงกรีดร้องด้วยความสุขและความสนุกของคนดูยังดังกระหึ่มระหว่างที่ 5 หนุ่มลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้าและนั่งพักเพื่อรอขึ้นเวทีอีกครั้งหลังพักเบรก ช่างแต่งหน้าทำผม รีบเข้ามาเช็คหน้าเช็คผมของ 5 หนุ่มเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะยังคงหล่อใสเมื่อขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง
เขมชาติออกไปส่งสาวๆ MG ที่รถตู้เพราะหมดคิวของแขกรับเชิญสาวกลุ่มนี้แล้ว พวกเธอจะต้องกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อนจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ เขมชาติกลับเข้ามาหลังเวทีอีกครั้งด้วยใบหน้าซีดเผือด เขาเดินลิ่วๆ ไปหาทรงเผ่ากับไมตรีที่คุยอยู่กับฝ่ายเวทีอีกด้าน
ตะวันมองอากัปกิริยาของเขมชาติและโปรดิวเซอร์ทั้งสองแล้วขมวดคิ้วมุ่น เมื่อสังเกตเห็นว่าทุกคนเหลียวมามองทางพวกเขา แล้วพอเห็นเขามองก็หลบตากันวูบอย่างมีพิรุธ
“มีอะไรหรือเปล่าตะวัน?” พสุถามเบาๆ เมื่อช่างแต่งหน้าที่มาซับหน้าให้เขาถอยออกไป ชายหนุ่มไม่ทันเห็นกิริยาแปลกๆของเขมชาติ แต่จับสังเกตได้จากอาการคิ้วขมวดของตะวัน
“ไม่รู้เหมือนกัน แค่รู้สึก...แปลกๆ” ตะวันตอบแล้วขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นเขมชาติ ทรงเผ่าและไมตรีเดินออกไปข้างนอกกันหมด
“แปลกยังไง?” พสุมองตามสายตาของตะวัน แต่ก็เห็นเพียงแผ่นหลังของเขมชาติและโปรดิวเซอร์ทั้งสองที่กำลังออกไปข้างนอกเท่านั้น
“ช่างเถอะ...เตรียมขึ้นเวทีกันดีกว่า” ตะวันตัดบท แล้วหันไปหยิบขวดน้ำของตัวเองมาดื่ม
หลังพักเบรก ความสุขและสนุกก็ยังไม่ลดน้อยลง มีแต่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่เพลงเพิ่งปล่อยไปไม่นานนัก แต่เสียงกระหึ่มของคนดูที่สามารถร้องตามได้ทุกเพลงก็ทำให้ทั้ง 5 หนุ่มยิ่งปลาบปลื้มที่เพลงของพวกเขาถูกใจผู้ฟังขนาดนี้
คอนเสิร์ตจบลงด้วยความสุขและรอยยิ้มเต็มหน้าของคนดูและนักร้องทุกคน ทั้ง 5 หนุ่มวิ่งเข้ามาหลังเวทีด้วยรอยยิ้ม หลังจากต้องรับช่อดอกไม้และของขวัญกันจนเหนื่อย
เสียงปรบมือต้อนรับของทีมงานข้างหลังฟังดูดังกว่าเคย ทุกคนมีแต่รอยยิ้มแห่งความสุขเต็มหน้ายกเว้น เขมชาติ ทรงเผ่า และไมตรี ที่รอยยิ้มดูจะจืดจางกว่าคนอื่น
“ขอบคุณครับคุณเขม ขอบคุณครับพี่เผ่า ขอบคุณครับพี่ตรี” ทั้ง 5 หนุ่มเข้าไปไหว้ขอบคุณเขมชาติ และโปรดิวเซอร์ทั้งสอง
“เอ่อ ไผ่ ผม...” เขมชาติทำท่าจะพูดแล้วกลับอึกอัก ชายหนุ่มเหลียวไปมองทรงเผ่ากับไมตรีเหมือนจะขอความช่วยเหลือ แต่สองโปรดิวเซอร์กลับหลบตาแล้วเมินมองไปทางอื่น
“เป็นอะไรไปครับคุณเขม ทำหน้ายังกะปวดห้องน้ำ” ไวยากรณ์แซวยิ้มๆ ด้วยความสุขความตื่นเต้นยังไม่จางหาย เด็กหนุ่มจึงยังกล้าพูดกล้าแหย่กระทั่งบอสใหญ่ของตนเอง
“ไวย์! ลามแระ ลามปามเกิ๊น” ธีรดลเข้ามาตบหัวไวยากรณ์แล้วลากเด็กหนุ่มให้ถอยห่าง เพราะสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของเขมชาติ
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณเขม?” พสุถามแล้วชะงัก สีหน้าและแววตาของเขมชาติทำให้เขาหนาวเยือกไปตลอดไขสันหลัง
“...ทางโรงพยาบาล โทรมาแจ้งว่า ...แม่คุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์”
พสุยืนนิ่งขึง ตัวชาวาบด้วยความตกใจ!!
“...แล้ว...แม่...เป็นยังไงบ้างครับ” พสุถามเสียงสั่นเล็กน้อย แต่ใบหน้าซีดขาวด้วยความเป็นห่วงมารดา
“ผมก็ไม่ทราบ แต่ผมให้เขาเตรียมรถไว้แล้ว รีบไปโรงพยาบาลเถอะ”
“ครับ”
“ริวไปด้วย” ริวตามมาคว้ามือเย็นเฉียบของพสุไว้ ชายหนุ่มพยักหน้ารับขณะที่คนอื่นๆ ก็ตามไปขึ้นรถกันหมด ท่ามกลางสีหน้าวิตกกังวลของทีมงาน ที่เพิ่งรับรู้ข่าวนี้เช่นกัน
ตลอดทางทุกคนนั่งเงียบกันหมด แม้แต่ไวยากรณ์ก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ชะเง้อมองพสุที่นั่งอยู่เบาะหน้าคู่กับริว มือของพสุกับริวจับกันไว้แน่น พสุแม้ใบหน้าจะซีดเผือดแต่ก็ยังคงรักษาอาการสงบนิ่งไว้ได้ พอไปถึงโรงพยาบาลทุกคนก็เดินแกมวิ่งตามพสุไปติดๆ
พยาบาลที่ประจำเคาน์เตอร์หน้าห้องฉุกเฉินรีบออกมารับหน้าเมื่อเห็นทุกคนไปยืนละล้าละลังอยู่หน้าห้อง
“ผมเป็นญาติของ สุดา ศิระศาสตร์ครับ ไม่ทราบว่าคุณแม่ผมเป็นยังไงบ้าง?”
พยาบาลสาวก้มลงดูที่จอคอมพิวเตอร์ก่อนจะผายมือไปทางเก้าอี้ยาวหน้าห้องฉุกเฉิน
“เดี๋ยวดิฉันจะเชิญคุณหมอเจ้าของไข้มาคุยด้วย รอสักครู่นะคะ”
พสุถอยไปยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ครู่เดียวหมอวัยกลางคนก็เดินลิ่วๆ ตรงมาหา แล้วยกมือรับไหว้ทุกคน
“ญาติของคุณสุดา ศิระศาสตร์ใช่ไหมครับ” คุณหมอหันมาถามย้ำทั้งที่พอจะรู้จักพสุในฐานะดาราดัง
“ครับคุณหมอ แม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ” พสุถามอย่างร้อนใจ ขณะที่ริวจับมือเขาไว้แน่นด้วยความกังวล
“หมอต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ทางเราได้ทำเต็มที่แล้ว...แต่คุณสุดาเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุครับ...”
คำว่า ‘คุณสุดา เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ’ เหมือนจะสะท้อนก้องไปมาในหัว พสุยืนตัวชา หูอื้อไปหมด เขาเห็นปากหมอขยับ แต่ไม่เข้าใจว่าพูดอะไรและคนรอบข้างพูดอะไร...
แม่ตายแล้ว?...ไม่จริงหรอก เมื่อคืนแม่ยังโทรมาอวยพรเขากับริว แล้วยังนัดกันกินข้าวคืนนี้...อาจจะเป็นการเข้าใจผิดกัน...แม่เขายังมีชีวิตอยู่...แม่คงมีเรื่องไม่สบายใจก็เลยไปถือศีลอยู่ที่วัดถึงไม่ได้มาดูคอนเสิร์ต...ต้องเป็นการเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน...ในสมองเขามีแต่หน้าของแม่ รอยยิ้มของแม่วนเวียนเหมือนภาพฉายซ้ำไปซ้ำมา
“...พี่!...พี่พูดกับริวหน่อย พี่...พี่...พี่อย่าเป็นอย่างนี้สิ...พี่!...” เสียงเรียกละล่ำละลักพร้อมๆ กับแรงกอดรัดแน่นจนเจ็บดึงสติของพสุกลับมา
ชายหนุ่มกะพริบตาอย่างงุนงง ก่อนจะพบว่าเขาอยู่ตรงกลางวงล้อมของเพื่อนๆ มือของตะวันกับธีรดลจับมือเขาไว้แน่น ขณะที่ริวและไวยากรณ์กอดเขาไว้จนขยับตัวไม่ได้
‘...แม่...’ พสุขยับตัว ทำให้ทุกคนยอมปล่อยเขาเป็นอิสระยกเว้นริว
“พี่...แม่ตายแล้วจริงๆเหรอ...แม่ไม่อยู่แล้วจริงๆ เหรอ...ริวไม่เอาแบบนี้นะพี่...ไม่เอา...” เด็กหนุ่มถามละล่ำละลักแล้วกอดซุกหน้าร้องไห้อยู่กับไหล่เขาจนรู้สึกได้ถึงความร้อนชื้นบนไหล่
“...ริว...” พสุหลุดเรียกชื่อเด็กหนุ่มออกมาเพียงคำเดียวแล้วรู้สึกจุกแน่นในอก เขาพูดอะไรออกมาอีกไม่ได้ ความรู้สึกเจ็บปวดพลุ่งวาบเข้ามาแทนที่อาการชาแต่แรก...เจ็บจนเหมือนหัวใจถูกบีบคั้นให้หดเล็กจนแทบไม่มีแรงเต้นต่อ
สองมือชื้นเหงื่อกำแน่นไว้ข้างตัว ขณะที่ริวกอดเขาร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ชายหนุ่มกลับไม่มีน้ำตาสักหยด เพราะภายในใจของเขามันกลวงว่าง มันเจ็บจนบอกไม่ได้ว่าเจ็บที่ไหน รู้แต่เพียงว่าเจ็บเสียจนไม่อยากหายใจอีกต่อไป....ชายหนุ่มมองผ่านไหล่ริวไปเห็นเขมชาติผละจากคุณหมอตรงมาหาเขา แล้วทำหน้าลำบากใจ
“ไผ่...ไผ่ต้องเข้าไป...เอ่อ...ไปยืนยันว่าเป็นคุณแม่ ทางโรงพยาบาลเขาถึงจะออกใบมรณะบัตรให้ได้”
“ไม่ต้องตอนนี้ได้มั๊ยคุณเขม! อะไรนักหนา” กรเวชที่ยืนเกาะประตูห้องฉุกเฉินร้องไห้ หันมาเสียงเขียวใส่เขมชาติอย่างไม่เกรงกลัวความเป็นเจ้านาย จนเขมชาติหน้าจืดไปทันที
“...ผม...อยากเห็นแม่ครับ...” พสุเค้นเสียงตอบออกไปจนได้
“ริวไปด้วยนะพี่” ริวเงยหน้าแดงก่ำขึ้นมาจากไหล่ของเขา พสุพยักหน้ารับแล้วพยายามรวบรวมสติเดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน
ร่างที่คลุมผ้าขาวมิดชิดบนเตียงคนไข้ทำให้พสุเดินต่อไปไม่ได้ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเฉยๆ หากไม่มีอ้อมแขนของริวคอยประคองไว้เขาคงทรุดลงนั่งเพียงหน้าประตูเท่านั้น เจ้าหน้าที่ที่นำมาออกไปรออยู่นอกห้อง ปล่อยให้พสุกับริวเข้าไปหาร่างบนเตียง พสุยกมือสั่นๆ ขึ้นจับชายผ้า...วูบหนึ่งเขาแอบหวังว่าใบหน้าใต้ผ้าขาวจะไม่ใช่ใบหน้าที่คุ้นเคย อาจเป็นการเข้าใจผิด และแม่ยังมีชีวิตอยู่...
เส้นผมยาวสยายเป็นสิ่งแรกที่เห็นขณะที่ผ้าเลื่อนลงมาช้าๆ หน้าผากขาวไล่ลงมาถึงคิ้วเรียวโก่ง เปลือกตาปิดสนิท และจมูกโด่งแหลมที่ถ่ายทอดมาถึงลูกชาย ปากอิ่มซีดขาว...แม้ใบหน้านั้นจะซีดไปเล็กน้อย แต่ก็ไร้ร่องรอยความเจ็บปวด ดูสงบนิ่งจนเหมือนกำลังหลับสนิทมากกว่าจะไร้ชีวิต...
“...แม่...แม่ครับ...ไผ่มาแล้วนะแม่...แม่ลืมตามามองไผ่สักนิดไม่ได้เหรอครับ...” พสุก้มลงพูดจนชิดแล้วจูบบนแก้มเย็นเยือกเบาๆ หยาดน้ำร่วงลงบนแก้มเย็นๆ พสุรีบเช็ดออกอย่างรวดเร็วก่อนจะฟุบหน้าลงกับอกแม่...แม้ร่างนี้จะเย็นเยือก และไร้สรรพเสียงแห่งชีวิต แต่เขาก็ยังอยากกอด....เขาเข้าใจแล้ว ว่าทำไมริวถึงนอนกอดศพของแม่…แม้จะไม่เหลือความอบอุ่นทางกายให้สัมผัส แต่เพียงได้กอด...ความอบอุ่นในใจก็ยังคงอยู่...
พสุกอดร่างเย็นเฉียบไว้แน่น ชายหนุ่มลูบมือไปบนท่อนแขนเย็นจนถึงปลายนิ้วช้าๆ ผิวสัมผัสยังคงนุ่มนวล หากเพียงจะยังมีเสียงหัวใจเต้น แม่ก็เพียงแค่หลับไปเท่านั้น...
พสุกัดกรามแน่นแล้วหลับตาลงด้วยความปวดร้าวและโกรธแค้น โกรธตัวเองที่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า แค้นใจที่เขาเอาแต่ทุ่มเทกับงานจนไม่ได้ไปหาแม่ หากเขารู้ว่าจะต้องเสียแม่ไป เขาคงเลือกจะใช้ทุกวินาทีอยู่กับแม่ให้นานที่สุด ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างสายเกินไปอย่างนี้...ทั้งหมดนี้เป็นความผิดเขาเอง เขามัวแต่รอให้ว่าง สุดท้ายก็ไม่มีโอกาสได้เจอแม่อีกเลย...
พสุจมอยู่กับความเจ็บปวดเนิ่นนาน จนสัมผัสได้ถึงหยาดน้ำอุ่นๆ บนต้นคอและแรงกอดรัดแน่นหนารอบตัว เขาถึงรู้สึกตัวว่ายังมีคนอยู่ข้างๆ เขาอีกคน
เสียงสะอื้นจากข้างตัวทำให้พสุต้องหันกลับไปมอง พอเขาขยับตัว ริวก็เงยหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นแล้วคลายอ้อมแขนออก เด็กหนุ่มก้มลงกราบบนอกแม่ข้างๆ เขา
“แม่ครับ...ริวจะดูแลพี่ไผ่แทนแม่นะ...ริวสัญญา” ริวจูบมือของสุดาแล้วยกขึ้นวางบนศีรษะนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วถึงวางมือของสุดาลงเตียงอย่างเดิม
ดวงตากลมโตหันกลับมาสบตาเขา แววตาแห่งความสูญเสียที่มีเพียงเขาและริวเท่านั้นที่เข้าใจ...
“...ริว...” พสุดึงเด็กหนุ่มเข้ามากอดไว้แน่น ปล่อยให้น้ำตาหยดลงบนผมนิ่มที่ซุกอยู่กับบ่า
“พี่มีริวนะ ริวจะอยู่กับพี่ ริวจะไม่ไปไหน” ริวกระซิบบอกเสียงหนักแน่น พสุพยักหน้ารับแล้วกระชับอ้อมแขนรอบตัวเด็กหนุ่มแน่นขึ้นเช่นเดียวกับที่ริวกอดเขา เหมือนจะให้สัมผัสนี้ช่วยคลายความเจ็บปวดและหนาวเหน็บในหัวใจของกันและกัน
“เอ่อ...ไม่ทราบว่า...” เสียงถามอึกอักไม่คุ้นหูทำให้พสุกับริวหันกลับไปมอง เจ้าหน้าที่ที่นำเข้ามาเมื่อครู่มายืนทำหน้าลำบากใจ และเห็นใจจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
“...ผม...จะพาแม่กลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับ...”
“พรุ่งนี้เตรียมเอกสารมานะครับ ทางโรงพยาบาลจะออกใบ...เอ่อ จะทำเอกสารไว้ให้ แล้วสายๆ ก็คงรับ...คงพาคุณแม่คุณกลับได้”
“ครับ” พสุรับคำเสียงเบาแล้วหันกลับไปมองหน้าแม่อีกครั้ง ชายหนุ่มก้มลงจูบหน้าผาก แก้ม ก่อนจะยกมือเย็นเฉียบขึ้นมาจูบแล้ววางไว้ในท่าที่แม่เคยนอน ชายหนุ่มลูบมือไปตามร่างเย็นเฉียบช้าๆ ลงมาจนถึงปลายเท้า พสุก้มลงจูบหลังเท้าเย็นเยือกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะคลุมผ้าไว้ให้อย่างเดิม
“แม่ครับ...ไผ่กลับก่อนนะครับ...พรุ่งนี้...ไผ่จะมารับแม่นะ...” พสุกระซิบบอกแม่เสียงแผ่ว แล้วหยิบผ้าขึ้นคลุมหน้า ชายหนุ่มคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอีกนาน ถ้าริวไม่ดึงเขาออกจากห้องเพื่อให้เจ้าหน้าที่จัดการกับศพของสุดา
พอออกมาถึงหน้าตึก นักข่าวจากหลายสำนักก็วิ่งกรูเกรียวเข้ามาหา ตามด้วยแสงแฟลชสว่างวาบจนตาพร่า พสุเดินไปตามแรงดึงของริวโดยไม่รับรู้ถึงแสงแฟลชและเสียงนักข่าวรอบด้าน ขณะที่เขมชาติและกรเวชไหว้นักข่าวขอร้องไม่ให้สัมภาษณ์พสุในตอนนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยินยอมเพราะเห็นสภาพเหม่อลอย ใบหน้าขาวซีดของพสุ ก็เข้าใจว่าชายหนุ่มอยู่ในสภาวะช็อกเกินกว่าจะตอบคำถามมีเพียงบางคนเท่านั้นที่พยายามจะตั้งคำถามให้ได้ กรเวชจึงเข้าไปรับหน้าแทน
พสุถูกพากลับมาที่บ้านพักบริษัท เพราะสภาพจิตใจเขายังย่ำแย่เกินกว่าที่เขมชาติจะกล้าปล่อยให้พสุอยู่คนเดียว ชายหนุ่มเดินตามแรงจูงเหมือนไร้จิตใจ พอเข้าห้องริวก็คว้าตัวพสุไปกอดแน่น ชายหนุ่มก็ยืนเฉยให้กอด ดวงตาเหม่อมองไร้จุดหมาย แต่ภายในกลับปั่นป่วนด้วยความทุกข์ทรมาน
“พี่...อาบน้ำนะครับ เดี๋ยวจะได้นอนพัก...” ริวกล้ำกลืนคำพูดปลอบโยนเอาไว้เมื่อพบว่านาทีนี้ไม่มีคำพูดใดมีประโยชน์อีกต่อไป พสุไม่พร้อมที่จะพูดคุยอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะให้ทำอะไร พสุก็ทำตามเหมือนเป็นไปตามความเคยชินมากกว่าความรู้สึก
ริวรอจนพสุออกมาจากห้องน้ำ แล้วหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมไว้มาให้ ชายหนุ่มรับไปสวมแล้วเดินตามแรงจูงไปที่เตียง ยินยอมนอนง่ายๆ ตามที่ริวต้องการ
ทุกอย่างที่ทำ ทำไปโดยอัตโนมัติเหมือนหุ่นยนต์ เพียงแต่เป็นหุ่นยนต์ที่ดวงตาแห้งผากด้วยความทุกข์ ริวปิดไฟแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับพสุเหมือนทุกคืน แต่ถึงจะหนุนหมอนใบเดียวกัน ผ้าห่มผืนเดียวกัน แต่ริวรู้สึกราวกับเขาและพสุนอนกันคนละห้อง พสุปิดกั้นใจจากเขาจนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกว่างเปล่า ห่างเหิน เสียจนเด็กหนุ่มต้องกอดพสุไว้แน่น เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้นอนอยู่เพียงคนเดียว
พสุรู้สึกเหมือนในหัวมีพายุลูกใหญ่พัดวน ทุกอย่างสบสนวุ่นวาย พร่ามัว ในอกเหมือนถูกฉีกทึ้งด้วยกรงเล็บที่มองไม่เห็น เจ็บจนต้องนอนอยู่นิ่งๆ เพียงเพื่อรับรู้ว่าเขายังเหลือลมหายใจอยู่ ความอ่อนเพลียของร่างกายไม่อาจเอาชนะความทุกข์ทรมานได้ ชายหนุ่มนอนเงียบกริบในความมืด ได้ยินเสียงถอนใจหนักๆ อยู่ข้างตัว ไม่ใช่แต่เขาที่นอนไม่หลับ ริวเองก็เช่นกัน
จู่ๆ ไฟหัวเตียงก็สว่างพรึบ ริวหันกลับมาหาพสุแล้วสอดตัวเข้ามาในผ้าห่มอีกครั้ง แต่คราวนี้เด็กหนุ่มดึงพสุเข้าไปกอดซุกอยู่กับอกเขา แทนที่จะเป็นฝ่ายซุกอกพสุเหมือนทุกครั้ง
“พี่มีริวนะ...พี่ยังเหลือริวอีกคน...” ริวบอกเสียงแผ่ว ฝ่ามืออุ่นลูบแผ่นหลังของพสุเบาๆ เพื่อปลอบประโลม
เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ในอกอุ่นกว้างที่ซุกซบกลับทำให้น้ำตาของพสุไหลออกมา เมื่อใจประหวัดไปถึงอกเย็นและเงียบสนิทที่เขาซบร้องไห้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน....
“...ถ้าพี่ไม่มัวผัดผ่อน...ถ้าพี่ไปหาแม่ตั้งแต่แรก พี่ก็คงจะได้เจอแม่...อย่างน้อยพี่ก็ยังจะได้เห็นหน้าแม่อีกสักครั้ง ได้กอดแม่อีกสักครั้ง...พี่ไม่ควรผลัดไปก่อน พี่ผิดเอง...” พสุเปิดปากพูดเป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล น้ำเสียงแหบพร่า...สั่นสะท้านจนแทบฟังไม่เป็นคำ...
“พี่อย่าพูดอย่างนี้ มันไม่จริงเลย ตารางงานของเราแน่นขนาดนั้น พี่จะปลีกตัวไปไหนได้ครับ...แล้วยังคิวละครอีก...พี่ได้นอนวันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเองนะ มันไม่ใช่ความผิดพี่หรอก เชื่อริวนะพี่ มันเป็นอุบัติเหตุ” ริวปลอบละล่ำละลัก แล้วกระชับอ้อมแขนรอบตัวพสุแน่น
“พี่จะห่วงงานทำไม ทำไมพี่ไม่คิดว่าแม่ต่างหากที่พี่ควรห่วงที่สุด แม่ต่างหากที่สำคัญที่สุด...พี่มัวแต่ห่วงอย่างอื่น พี่ไม่สนใจคนที่พี่รักเลยสักนิด...มันสายเกินไปแล้วที่จะมาเสียใจ มันสายเกินไปแล้ว”
“พี่...ทำไมพูดแบบนี้...ไม่มีใครรู้นี่ครับว่าอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น...” ริวกระซิบปลอบ พลางลูบน้ำตาออกจากแก้มของพสุแล้วกดจูบบนแก้มเย็น โดยที่พสุไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านใดๆ
“พี่มันลูกอกตัญญูเหมือนที่พ่อพูดไม่มีผิด...พี่รักแต่ตัวเอง พี่ไม่ได้ใส่ใจแม่เลย...พี่มันคนเห็นแก่ตัว...สมน้ำหน้าแล้วที่ต้องเสียแม่ไป...” หางเสียงเยาะหยัน พยายามจะเค้นหัวเราะ แต่กลับติดสะอื้นแทน ริวประคองใบหน้าของพสุไว้ด้วยสองมือ แล้วใช้หัวแม่มือปาดน้ำตาออก แต่น้ำตากลับยิ่งไหลปรี่ลงมามากกว่าเดิม
“พี่ไผ่...หยุดเถอะพี่...หยุดเถอะครับ อย่าโทษตัวเองอีกเลย พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยครับ มันเป็นอุบัติเหตุนะ...พี่ไม่ใช่พระเจ้า...พี่ไม่รู้ล่วงหน้าว่าอะไรมันจะเกิดนี่ครับ...พี่ไผ่ครับ...พี่โทษตัวเองแบบนี้ ถ้าแม่รู้ แม่จะต้องเสียใจที่พี่เป็นทุกข์...เชื่อริวนะครับ” ริวปลอบแล้วพรมจูบไปบนใบหน้าเปียกน้ำตาเบาๆ ขณะที่ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของพสุเพื่อปลอบประโลม เด็กหนุ่มยกมือเย็นเฉียบของพสุขึ้นมาจูบแล้ววางไว้ระหว่างอกเพื่อให้อบอุ่นขณะที่เขากอดพสุแน่นขึ้น
พสุหลับตานิ่ง ปล่อยให้ริวกอดจูบไปทั่วโดยไม่ปัดป้องขัดขืนใดๆ หวังเพียงให้ความอบอุ่นจากอ้อมแขนที่โอบกระชับอยู่รอบตัวจะช่วยให้เขาผ่านคืนอันเจ็บปวดและทรมานนี้ไปได้
........................................................
-
สงสารพี่ไผ่ :monkeysad:
-
เอ้ยยยยยยย ทำไมมันเป็นเยี่ยงนี้
ตอนแรกๆก็มีความสุขสนุกสนานกันดี
แล้วก็มาตัดอารมณ์กันด้วยเรื่องพี่ไผ่
สงสารพี่ไผ่ที่สุดเลยอ่ะคงช็อคน่าดูเลย
เพราะงั้นริวต้องดูแลพี่ไผ่ดีน่ะริว
:กอด1: :L2: :pig4:
-
ว๊ากกกกก เศร้า น้ำตาไหลนอง
ตอนรับเช้าวันหยุด ToT
-
;____________; สงสารพี่ไผ่มากกกกกกกกกค่ะ
ฮือออออ คุณแม่ไม่น่ารีบด่วนจากไปเลยจริงๆนะเนี่ย
หนูริว...ต้องดูแลพี่ไผ่ให้ดีดีนะ
-
สงสารพี่ไผ่อ่ะ
-
ค้างงงงงงงงงงงง
น่าสงสารพสุจัง
คนเรามักมองเห็นความสำคัญของอะไรอย่างหนึ่งเมื่อเสียไปแล้วเสมอ
เสียแม่ไปแล้ว พสุอย่าทำผิดแล้วเสียริวไปอีกคนนะคะ
ปล.กรี๊ดดดดดดด หมดสต๊อกแล้วเหรอคะ แง๊ ยังไม่เห็นทีท่าว่าจะจบเลยง่ะ มาต่อเร็วๆน๊าT^T
หนูจะรอ
-
สงสารพี่ไผ่จัง
-
น่าสงสารพี่ไผ่ น้องริวต้องคอยดูแลพี่ไผ่ดีๆ ล่ะ
-
:monkeysad:สงสารพี่ไผ่
หนูริวดูแลพี่ไผ่ดีๆน่ะ
-
เศร้าอ่ะ เสียใจไปกับพี่ใผ่
ริวดูแลพี่เค้าดีๆนะ
-
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล แม่เค้าก็เสียไปแล้วเหมือนกัน T^T แม่จ๋า
-
ทำไมต้องเขียนให้เศร้าขนาดนี้ :monkeysad: :monkeysad:
-
:m15: :monkeysad: :sad11: :o12:
เม้มไม่ออก
ตอนนี้มีแต่เสียน้ำตา
ความสำเร็จมาพร้อมกับความสูญเสียแบบนี้ไม่ดีเลย
-
:m15: :m15:
:pig4: :pig4:
-
พูดไม่ออก...
ตุณเสียแล้วจริงๆหรอเนี่ยะ ? :m15:
-
พี่ไผ่ต้องผ่านไปให้ได้นะ
อย่ายอมแพ้เพราะยังไงก็ยังมีริวอยู่
สู้ๆ หน่า :m15:
-
สงสารพี่ไผ่อ่ะ
น้องริวต้องดูแลพี่ไผ่ดีๆ นะ
-
โฮยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หมดสต็อกแล้วววว :sad5:
:m15:
พี่ไผ่ ร้องไห้กับอกน้องริวให้พอนะคะ
น้องริวต้องดูแลพี่ไผ่ดีดีนะ สัญญากับแม่ไว้แล้วนี่!!
-
ร้องไห้ตามพี่ไผ่ไปด้วยเลย
ค้างงงงงงงงงงงง
น่าสงสารพสุจัง
คนเรามักมองเห็นความสำคัญของอะไรอย่างหนึ่งเมื่อเสียไปแล้วเสมอ
เสียแม่ไปแล้ว พสุอย่าทำผิดแล้วเสียริวไปอีกคนนะคะ
ปล.กรี๊ดดดดดดด หมดสต๊อกแล้วเหรอคะ แง๊ ยังไม่เห็นทีท่าว่าจะจบเลยง่ะ มาต่อเร็วๆน๊าT^T
หนูจะรอ
ใช่ค่ะพี่ไผ่ อย่าปิดใจตัวเองจนต้องเวียริวไปอีกคนเลยนะ
-
พลิกอารมณ์เรื่องแบบตามไม่ทันเลยอะ กำลังสุขอยู่ดีๆ มาอึ้งและเศร้าเฉยเลย
ทำไมคุณแม่ต้องตายด้วยอะ :sad11: :sad11: :sad11:
-
:m15:
-
:m15:เหลือกันอยู่ 2 คน..ดูแลกันดีๆน้าาาา
-
สงสารพี่ไผ่
-
เหมือนฝันไปเลยอะคะ...อยากให้เป็นแค่ฝันไป...T^T
-
ความสูญเสียครั้งนี้อาจเป็นจุดพลิกผันของความรู้สึกของไผ่ก็ได้นะ
แต่เศร้าจังเลยอ่ะ...ริวต้องดูแลพี่ไผ่ดี ๆ นะ :o12:
:กอด1:
-
:sad11:พสุ พยายามหักใจ และลุกขึ้นมาทำอะไรๆให้แม่เป็นครั้งสุดท้ายเถอะ
แค่นี้คนอ่านก็น้ำตาเป็นเผาเต่าแล้ว :monkeysad:
-
:o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่จริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
เศร้า จัง...
แอบกระซิกๆๆๆ
-
แง้ มาม่าเข้า :monkeysad:
-
มาม่าอืดเลยง่ะ
:sad4: :sad4:
-
แง๊ เสียน้ำตาซะเยอะเลยสงสารพี่ไผ่ สงสารน้องด้วยพี่ไผ่เจ็บน้องคงเจ็บมากกว่าพี่ไผ่อีก
-
ขอวิ่งหนีไปร้องไห้ก่อนค่ะ :o12:
-
:m15: คุณแม่..................ฮือ.....ร้องไห้เลยอ่ะ
ดีที่พี่ไผ่ยังมีริวอยู่ข้างๆนะ
ไม่อยากเห็นไผ่เจ็บปวดอย่างนี้เลยค่ะ....เพราะฉะนั้น รีบแต่งต่อด่วนนนนนนน :serius2:
-
ไม่จริง ใช่มั๊ยยยยย
พี่ไผ่ไม่เหลือใครแล้วว
:sad4: :sad4: :sad4:
-
:m15:
-
:o12:
-
พี่ไผ่คะ พี่ไผ่ต้องผ่านมันไปได้ค่ะ
พี่ยังมีหนูริวอยู่นะคะ ช่วยกันฝ่าความทุกข์ทรมานนี้ไปให้ได้นะคะ
แล้วพี่จะได้รู้จักคำว่าฟ้าหลังฝนค่ะ มันต้องสดใสมากแน่ๆค่ะ
ฮืออออ เศร้าอ่ะ สงสารมากกก
ทำไมต้องแต่งให้คุณแม่ตายด้วยคะเนี่ย แงๆๆๆ
หนูริวดูแลพี่ไผ่ดีๆนะ คอยซับน้ำตา คอยกอดปลอบ คอยอยู่เคียงข้างพี่ไผ่นะ T^T
พี่ไผ่สู้ๆๆๆค่ะ T_T
-
น้ำตาท่วมใจ
-
กินมาม่าจนท้องอืด :sad4:
-
:impress3:
-
อย่าโทษตัวเองเลยนะไผ่....
เฮ้อออออ
-
:m15: :m15: :m15:
-
:z3: :m15: พี่ไผ่สู้ๆ ยังไงก้อยังมีน้องริวอยู่ข้างๆนะ :L2:
-
อ่านตอนนี้แล้วจุกเลยค่ะ สงสารไผ่จังเลย :monkeysad:
-
เข้มแข็งไว้นะไผ่...
-
น้ำตาท่วมจอ เศร้าง่า :monkeysad:
-
เศร้าอ่ะ คนแต่งมาลงเพิ่มเดี๋ยวนี้นะ :sad4:
-
เริ่มแล้ว พายุมาม่า >.< ฮือออ
-
:m15: :m15:
-
o22 อ่า......เริ่มจะดราม่า :เฮ้อ:
ริวรีบรุกเลย ตอนนี้แหละ :fire: ลุยๆ (รวบหัวรวบหางไปเล้ยยยย)
(เลวมากตรู....เขาเศร้า....เราเจือกเชียร์ริวรุกเฉย :sad4:)
แต่อ่านแล้วน้ำตาไหลของจริง เมื่อคืนนอนไม่หลับเลยค่ะ ตอนต่อไปมาเร็วๆ นะคะ
-
เรียนเจ๊คนโพสต์...
อิป้าคนแต่งส่งนิยายไปให้แล้วนาเคิ้บ...เชิ้บๆ :z2:
เรียนท่านผู้อ่าน....
"อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อในเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ
ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ"
ไม่มีใครสุขตลอด และทุกข์ตลอด ชีวิตมันต้องมีทั้งสุขและทุกข์ (สาธุ๊...ป่ะไปบวชกัน)
โอ๋ๆ...อย่าได้แซดกันไป จามาบอกว่า ไม่เศร้ามันเก๊าะไม่มี NC อ่าดิ :haun5: อุ๊บ!
แฮ่...ย้อเย้นอะค้าบ ใจร่มๆกันเน้อ ขณะที่คนอ่านมาม่า อิป้าคนแต่งกะลังเบาหวานขึ้นอก...น้ำตาลขึ้นตา...มดมาเต็มบ้าน...หวาน(หื่น)กระจาย... :haun4:
แวบมาหยอดแก้มาม่า เอ๊ยไม่ใช่...แวบมาส่งข่าวเจ๋ยๆ แล้วก็จะรีบไปปั่นต่อ จวนปิดต้นฉบับแร้ว เย้ๆ ม๊วบๆ รักคนอ่านทุกคนค้าบ
-
:z13:
คุณคนแต่ง พูดอะไร
รอ nc ดีกว่า
-
:sad11:ใจสลาย :sad11:
-
เรียนท่านผู้อ่าน....
"อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อในเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ
ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ"
ไม่มีใครสุขตลอด และทุกข์ตลอด ชีวิตมันต้องมีทั้งสุขและทุกข์ (สาธุ๊...ป่ะไปบวชกัน)
โอ๋ๆ...อย่าได้แซดกันไป จามาบอกว่า ไม่เศร้ามันเก๊าะไม่มี NC อ่าดิ หื่น อุ๊บ!
แฮ่...ย้อ เย้นอะค้าบ ใจร่มๆกันเน้อ ขณะที่คนอ่านมาม่า อิป้าคนแต่งกะลังเบาหวานขึ้นอก...น้ำตาลขึ้นตา...มดมาเต็มบ้าน...หวาน(หื่น )กระจาย... หื่น4
แวบมาหยอดแก้มาม่า เอ๊ยไม่ใช่...แวบมาส่งข่าวเจ๋ยๆ แล้วก็จะรีบไปปั่นต่อ จวนปิดต้นฉบับแร้ว เย้ๆ ม๊วบๆ รักคนอ่านทุกคนค้าบ
กรี๊ดดดด!! มาแล้ว >__< รอคนโพสต์ ฮิๆๆๆ อย่าหลอกกันนะค้า เอามาม่าออกปายยยย
ขอโพสต์เพลง แก้เพลงข้างบนด้วยเพลงนี้
"จะทรมานกันไปถึงไหน รักมีแต่กร่อนใจ ให้ชีวิตสั้น เมื่อหมดรัก หมดห่วง อย่างมาลวงกัน อย่าทรมานต่อไปอีกเลย " แทแด่บ แทแด่บ แทแด่บ...
-
ฮือๆ ซิกๆเป็นงี้ไปได้ไงเนี่ย
:o12:
-
กรี๊ดดดด!! มาแล้ว >__< รอคนโพสต์ ฮิๆๆๆ อย่าหลอกกันนะค้า เอามาม่าออกปายยยย
มะ...ไม่ได้หลอก... :m29: แต่จาบอกว่า....
แฮ่...ย้อเย้นอะค้าบ ใจร่มๆกันเน้อ ขณะที่คนอ่านมาม่า อิป้าคนแต่งกะลังเบาหวานขึ้นอก...น้ำตาลขึ้นตา...มดมาเต็มบ้าน...หวาน(หื่น)กระจาย...
^
^
อันนี้หมายถึงตอนที่กะลังเขียนอยู่นี่นะค้าบ :m23: แฮ่...ปายจริงๆแระ ฟิ้ววววว :o12:(แล้วจะแวะมาเพื่อ?)
-
ทำไมต้องเกิดเรื่องด้วยน้าาา
บอกตามตรงว่าไม่ค่อยชอบอ่านเรื่องแบบนี้เลย เพราะกลับมาคิดถึงตัวเอง
ว่ามาเรียนที่ห่างไกลบ้าน ปีนึงได้กลับบ้าน สองครั้ง ครั้งนึงไม่เกิน 5 วัน
เคยคิดเหมือนกัน ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ใกล้ครอบครัว
ถ้าเกิดอะไรขึ้น คงต้องเสียใจไปชั่วชีวิตแน่ๆ
อ่านแล้วอยากกลับบ้าน ไปกราบเท้าแม่ และ ยาย จัง
-
อันนี้หมายถึงตอนที่กะลังเขียนอยู่นี่นะค้าบ :m23: แฮ่...ปายจริงๆแระ ฟิ้ววววว :o12: (แล้วจะแวะมาเพื่อ?)
^
^
^
^
o22
-
กระอักเลย
เศร้าเกินไปอ่าาาา
-
เหตุการณ์นี้อาจทำให้ไผ่
รู้และเห็นความสำคัญต่อคัยมากขึ้นนนะ
ไม่รู้ซิ
หวังว่างั้นอ่ะ
-
ความสูญเสียครั้งนี้อาจเป็นจุดพลิกผันของความรู้สึกของไผ่ก็ได้นะ
แต่เศร้าจังเลยอ่ะ...ริวต้องดูแลพี่ไผ่ดี ๆ นะ :o12:
:กอด1:
เห็นด้วยกับสุ
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาไหลเลย ปรับอารมณ์ไม่ทันกันเลยทีเดียว
เหมือนดิ่งวูบเลย
มาต่ออีกนะครับ
-
แวะมากดดันป้าให่ปั่นๆๆมาต่ออีก อิอิ แต่สงสารพี่ไผ่อาส์ กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
มีลางสงหรณ์ ตั้งแต่ก่อนไปเกาหลี แต่ไม่คิดจะเป็นคุณแม่พี่ไผ่ :o12:
-
น้ำตาไหลอ่ะ :m15:
ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นแม่ของไผ่...
-
เศร้าเลยตอนนี้ ตะหงิดตั้งแต่ที่แม่สุดาอวยพรซะเยอะแยะ แถมยังมีฝากฝังไผ่กับริวด้วย
สงสารไผ่สุดๆ เลย แต่มีริวคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ คงจะหายปวดใจเร็วขึ้นนะ
-
ตอนนี้เศร้ามาก ๆ เลยอ่ะ
สงสารพี่ไผ่จังเลย~เฮ้อ
-
เรียนเจ๊คนโพสต์...
อิป้าคนแต่งส่งนิยายไปให้แล้วนาเคิ้บ...เชิ้บๆ :z2:
เรียนท่านผู้อ่าน....
"อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อในเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ
ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ"
ไม่มีใครสุขตลอด และทุกข์ตลอด ชีวิตมันต้องมีทั้งสุขและทุกข์ (สาธุ๊...ป่ะไปบวชกัน)
โอ๋ๆ...อย่าได้แซดกันไป จามาบอกว่า ไม่เศร้ามันเก๊าะไม่มี NC อ่าดิ :haun5: อุ๊บ!
แฮ่...ย้อเย้นอะค้าบ ใจร่มๆกันเน้อ ขณะที่คนอ่านมาม่า อิป้าคนแต่งกะลังเบาหวานขึ้นอก...น้ำตาลขึ้นตา...มดมาเต็มบ้าน...หวาน(หื่น)กระจาย... :haun4:
แวบมาหยอดแก้มาม่า เอ๊ยไม่ใช่...แวบมาส่งข่าวเจ๋ยๆ แล้วก็จะรีบไปปั่นต่อ จวนปิดต้นฉบับแร้ว เย้ๆ ม๊วบๆ รักคนอ่านทุกคนค้าบ
กรี๊ดดดดด ป้าคนแต่งมาแถลงการเรื่องมาม่าเองเล๊ยยย อย่างนี้ค่อยโล่งใจ
ว่าแต่ NC อ่ะคึ อ่ะคึ :haun5: อย่าโม้นะคะ รอฉากNCโดยเฉพาะนะเนี่ย >,.<
หนูริว จู่โจม!!
ตอนนี้มาม่าอืดเต็มท้องรอถ่ายออกไปอยู่ค่าา ฮ้าาา รอเวลาปลดทุกข์ -_-v
-
ค้าง อย่างแร๊ง อ่ะ มาต่อไวๆๆ นะครับ :call: :seng2ped: :call:
-
กระทันหันมาก อ่านมาถึงตอนแม่พี่ไผ่ละช๊อคเลย
แต่เรื่องนี้อาจจะทำให้พี่ไผ่ชัดเจนมากขึ้น หรือเปล่าหว่า
-
รอ ร๊อ รอ :call:
แว่ว ๆ เหมือนจะมีข่าวดี...หุหุ :z1:
-
ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ :monkeysad:
-
คนเขียนคะ มาปล่อยระเบิดทิ้งไว้ให้คนอ่านจะคลั่งตาย มาต่อเร็ว ๆ น้า รอ NC เด็กน้อย (ที่จะได้กินน้ำขาวข้นหวานมัน 555) :haun4:
ปล.ว่าแต่ป้าแม่บ้านหายไปไหนคะ ถ้ามาก็น่าจะมาพร้อมแม่นี่คะ เพราะเห็นว่าตัดชุดใหม่แล้วนี่นา ^^''
-
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
:call: :call:
-
:laugh:
-
:m15: คุณแม่ ไม่น่าเลย
เศร้ากับเรื่องคุณแม่มากมาย สงสารพี่ไผ่ :o12:
แต่ความเศร้าก็หายไปเมื่อได้ข่าวว่าจะมี NC :-[
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ o18
-
(http://www.bloggang.com/data/praewkwun/picture/1182438340.gif)
-
:L3: :L1:
-
:o12: :o12: :o12:
เม้นท์แทบไม่ออก ไม่นะแม่
สงสารพี่ไผ่กับน้องริวมาก วิ่งไปทำใจก่อน
-
:call: :call:
-
เรียนเจ๊คนโพสต์...
อิป้าคนแต่งส่งนิยายไปให้แล้วนาเคิ้บ...เชิ้บๆ :z2:
เรียนท่านผู้อ่าน....
"อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อในเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ
ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ"
ไม่มีใครสุขตลอด และทุกข์ตลอด ชีวิตมันต้องมีทั้งสุขและทุกข์ (สาธุ๊...ป่ะไปบวชกัน)
โอ๋ๆ...อย่าได้แซดกันไป จามาบอกว่า ไม่เศร้ามันเก๊าะไม่มี NC อ่าดิ :haun5: อุ๊บ!
แฮ่...ย้อเย้นอะค้าบ ใจร่มๆกันเน้อ ขณะที่คนอ่านมาม่า อิป้าคนแต่งกะลังเบาหวานขึ้นอก...น้ำตาลขึ้นตา...มดมาเต็มบ้าน...หวาน(หื่น)กระจาย... :haun4:
แวบมาหยอดแก้มาม่า เอ๊ยไม่ใช่...แวบมาส่งข่าวเจ๋ยๆ แล้วก็จะรีบไปปั่นต่อ จวนปิดต้นฉบับแร้ว เย้ๆ ม๊วบๆ รักคนอ่านทุกคนค้าบ
คุณป้าคะ แล้วน้องจะกดพี่หรือว่าพี่จะกดน้องหล่ะคะ
แต่เราสัญญากันไว้แล้วนะ ว่าป้าจะให้พี่กดอ่ะ (ไปสัญญากันตอนไหน?) ไม่รู้หนูอุ๊บอิ๊บ :impress2:
-
ตอนที่ 79
“คุณไผ่!....ฮือออ” ป้าใจร้องไห้โฮเมื่อลงจากรถกรเวชมาเห็นหน้าพสุ ชายหนุ่มตรงเข้าไปสวมกอดป้าใจไว้แน่นขณะที่ริวตามไปยืนซ้อนข้างหลังเพื่อคอยประคองพสุไว้ เพราะพสุไม่ได้นอนทั้งคืนหนำซ้ำยังไม่ยอมกินอะไรเลย พอสว่างชายหนุ่มก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วมาที่โรงพยาบาลแต่เช้าเพื่อรับศพมารดาโดยมีริวขับรถมาให้
“ไผ่กินอะไรบ้างหรือยัง” กรเวชที่ยังตาแดงก่ำ เดินเข้ามาแตะไหล่พสุเบาๆ เขาคิดว่าควรมีผู้ใหญ่อยู่กับพสุให้อุ่นใจสักคน แต่ติดต่อพรเทพไม่ได้จึงไปรับป้าใจมาจากบ้านสวนแล้วพามาสมทบกับพสุที่โรงพยาบาล
“ยังไม่ได้กินอะไรเลยครับพี่กร ยังไม่ได้นอนเลยด้วย” ริวตอบแทนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ริวล่ะ กินอะไรบ้างหรือยัง?” กรเวชหันมาถามริวบ้าง เด็กหนุ่มส่ายหน้าโดยไม่ได้หันกลับมาเพราะมัวแต่มองพสุ สายตาห่วงใยแกมกังวลที่คอยจับจ้องพสุตลอดเวลาไม่ได้ทำให้กรเวชขัดหูขัดตาเหมือนเคย เพราะนาทีนี้ไม่ว่าใครก็อดเห็นใจพสุไม่ได้
“รู้อย่างนี้ป้าไปกับคุณดาด้วยก็ดีหรอก ไม่น่าปล่อยให้คุณดาไปคนเดียวเลย...ฮือออออ” ป้าใจรำพันด้วยใบหน้าขาวซีด พสุจึงประคองให้ป้าใจนั่งลงที่เก้าอี้ใต้ร่มไม้เพราะเกรงป้าใจจะเป็นลมไปเสียก่อน
“แม่ไปไหนครับป้า?” พสุถามเสียงแผ่ว เขารู้แต่ว่าสุดาเกิดอุบัติเหตุแต่ยังไม่รู้รายละเอียดใดๆทั้งสิ้น
“จะไปไหนละคะ ก็ไปวิ่งเต้นขายที่ที่สระบุรีนะสิคะ พวกเจ้าหนี้กับธนาคารน่ะ มันส่งจดหมายมาขู่ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ คุณเทพถึงหายหัวไม่กล้ากลับบ้าน...ฮึ! เพราะคุณเทพแท้ๆ คุณดาของป้าถึงต้องมาตาย ทำไมเคราะห์ร้ายต้องมาตกที่คุณดาของป้าด้วย...ฮืออออ คุณดาของป้า”
พสุนั่งนิ่งขึง ตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวดแล้วเปลี่ยนเป็นความโกรธ เพราะพ่อ...แม่ถึงต้องมาตาย ทำไมพ่อถึงทำร้ายแม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใจคอพ่อจะไม่รักแม่บ้างเลยหรืออย่างไร ทั้งๆ ที่แม่ทำได้ทุกอย่างเพื่อพ่อ แต่พ่อกลับไม่เคยเห็นคุณค่าของแม่สักนิด จนป่านนี้ยังไม่มีใครติดต่อพ่อได้เลยสักคนเดียว พ่อจะรู้หรือยังว่าแม่ตายแล้ว...ตายเพราะวิ่งเต้นหาเงินใช้หนี้ให้พ่อ....
ริวมองอาการนิ่งงันของพสุแล้วยิ่งไม่สบายใจ เด็กหนุ่มอยากจะปรามไม่ให้ป้าใจพูด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้เพียงขยับไปนั่งซ้อนหลังพสุแล้วลูบหลังมือที่กำแน่นเบาๆ
รถตู้ของบริษัทแล่นเข้ามาจอดไม่ห่างนัก ก่อนที่ไวยากรณ์จะเปิดประตูลงมาเป็นคนแรก พอเห็นพสุเด็กหนุ่มก็วิ่งรี่เข้ามาหา
“โหยพี่ไผ่ มาไม่รอผมมั่งเลย” ไวยากรณ์ต่อว่าทันทีที่มาถึง ตะวัน ธีรดลและพระภิกษุชรารูปหนึ่งเดินตามหลังมาไม่ห่างนัก ธีรดลรับอาสาไปนิมนต์พระมาให้ ตะวันกับไวยากรณ์ก็ขอตามไปด้วย จึงตามมาที่โรงพยาบาลพร้อมกัน
“กินอะไรกันมาหรือยัง ตะวัน ดล ไวย์” กรเวชรีบถามคนอื่นๆ เพื่อเปลี่ยนเรื่อง เพราะสังเกตเห็นอาการนิ่งขึงของพสุ
“เรียบร้อยแล้วครับ” ตะวันตอบแล้วเหลือบมองพสุเช่นกัน กรเวชจึงหันไปคุยกับพสุแทน
“งั้นไผ่ก็ไปกินข้าวก่อนดีมั๊ย เดี๋ยวจะปวดท้องไป”
“ผมไม่หิว” พสุตอบเสียงเรียบ กรเวชจึงเหลือบไปมองป้าใจเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ ป้าใจเห็นสายตาของริวและกรเวชที่มองพสุด้วยความเป็นห่วงก็เข้าใจ เพราะเลี้ยงกันมาแต่เล็กแต่น้อยมีหรือป้าใจจะไม่รู้นิสัยพสุ ว่าชายหนุ่มเป็นพวกห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง
“แต่ป้าหิวค่ะ รู้สึกเหมือนจะเป็นลมด้วย” พสุขยับตัวทันทีที่ได้ยินป้าใจพูดอย่างนั้น
“ป้าหิวเหรอครับ งั้นไปทานข้าวกันก่อนก็ได้ครับ” น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนลงทันทีด้วยความเป็นห่วงป้าใจ
“ข้างโรงพยาบาลมีแคนทีนอยู่นะไผ่ พาป้าใจไปกินที่นั่นละกัน” กรเวชรีบแนะนำทันที โล่งใจที่เห็นพสุพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำแล้วเขากับริวก็ประคองป้าใจไปที่ร้านอาหารของโรงพยาบาล
พสุฝืนกินอาหารไปไม่กี่คำก็วางช้อน ส่วนป้าใจเองนั้นก็กินไม่ลงอยู่แล้ว ที่มาก็เพียงเพราะอยากให้พสุกินอะไรไปบ้างเท่านั้น ริวจึงหันไปซื้อขนมปังจากร้านเบเกอรี่ติดไปด้วย เผื่อว่าจะคะยั้นคะยอให้พสุกินได้ภายหลัง...
พระภิกษุที่ธีรดลไปนิมนต์มา เดินถือสายสิญจน์นำร่างบนเตียงที่คลุมผ้ามิดชิดไปขึ้นรถตู้จากบริษัทจัดงานศพที่ เขมชาติไปติดต่อไว้ พอรถตู้ออกไป พสุกับเพื่อนร่วมวงก็ถูกพาออกไปขึ้นรถเก๋งที่จอดรออยู่ด้านนอก แสงแฟลชสว่างวูบวาบ คำถามเซ็งแซ่จากนักข่าวที่ถามถึงบิดาและคู่กรณีของมารดา กลับยิ่งทิ่มแทงตอกย้ำจนพสุไม่กล้าตอบคำถามสื่อมวลชน เพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ไว้ได้หรือไม่ แฟนคลับที่จับกลุ่มยืนร้องไห้อยู่อีกด้าน ตะโกนเรียกเพื่อให้กำลังใจเขา ชายหนุ่มจึงหันไปไหว้ขอบคุณแล้วรีบขึ้นรถไป
ภาพพสุที่เดินหน้าขาวซีดไปขึ้นรถ สร้างความสงสารและห่วงใยให้กับคนที่ดูข่าว ยังไม่นับรูปพาดหัวจากหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ความจริงวันนี้ต้องเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองที่คอนเสิร์ตใหญ่ของคิสมีประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่กลายเป็นวันแห่งความเศร้าเพราะข่าวการจากไปอย่างกะทันหันของสุดา หนังสือพิมพ์ทุกเล่มลงข่าวเหมือนๆ กันคือพสุยังช็อกที่ต้องสูญเสียคุณแม่ไปกะทันหันจนไม่สามารถให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนได้
ที่วัดแม้เขมชาติจะสั่งให้เตรียมงานทุกอย่างไว้พรักพร้อม แต่ก็ยังต้องปวดหัวกับบรรดานักข่าวและแฟนคลับของคิสมีที่มารออยู่จนเต็มหน้าศาลา ยังดีที่บริเวณที่ตั้งให้รดน้ำศพนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำม่านขนาดใหญ่มาขึงไว้จนรอบ และอนุญาตให้แขกผู้ใหญ่เข้าไปรดน้ำศพ ส่วนสื่อมวลชนและบรรดาแฟนคลับก็ได้แต่รออยู่ด้านนอก พสุกับริวเข้าไปกราบเท้าแม่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างของสุดาจะถูกยกไปใส่ในโลง
หลังงานรดน้ำศพเสร็จลง แขกผู้ใหญ่ก็ทยอยกลับไป เจ้าหน้าที่จากบริษัทรีบเข้าเคลียร์พื้นที่เพื่อให้สะดวกในการเตรียมสวดพระอภิธรรมในคืนนี้ พสุเดินไปทรุดตัวลงนั่งอยู่ตรงหน้ารูปของแม่ โดยมีริวตามประกบไม่ห่าง
“พี่...ไปกินข้าวกันนะ...นิดเดียวก็ยังดี” ริวกระซิบเตือนเสียงแผ่ว ยิ่งเห็นพสุนั่งหน้าซีดเผือดโดยที่ไม่ยอมแตะต้องแม้แต่น้ำแบบนี้ก็ยิ่งเป็นห่วง
“พี่ไม่หิว ริวไปกินเถอะ” พสุตอบเสียงแผ่ว ดวงตาแห้งผากจับอยู่ที่รูปของมารดานิ่งงัน
“แต่พี่แทบไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าแล้วนะ เมื่อคืนก็ไม่นอนด้วย...ไปกินข้าวกันเถอะนะพี่”
“ไม่ละ...ริวไปกินเถอะ”
“พี่ไม่กินริวก็ไม่กิน”
พสุถอนหายใจ แล้วนั่งเฉย สายตาจับจ้องอยู่แต่รูปถ่ายของสุดา....
‘แม่ครับ ทำไมแม่ต้องทำทุกอย่างเพื่อพ่อขนาดนี้...แม่ไม่นึกถึงไผ่บ้างเลย...ไม่มีแม่ แล้วไผ่จะอยู่กับใคร...’ พสุตัดพ้อมารดาอยู่ในใจ ยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเมื่อไม่มีแม่แล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร...
“อูยยยย...” เสียงครางเบาๆของคนข้างตัวทำให้พสุต้องหันกลับมามอง ก็พบว่าริวนั่งตัวงออยู่ข้างๆ
“เป็นอะไรไปริว”
“ปวดท้อง...คลื่นไส้ด้วยครับ”
“อดข้าวน่ะสิถึงเป็นแบบนี้ ไปกินข้าวไปแล้วหายากินเสียด้วย” ถึงจะกำลังทุกข์แสนทุกข์ แต่พอรู้ว่าริวไม่สบายพสุก็แทบลืมความทุกข์ของตัวเองไปชั่วขณะ เพราะใจมัวพะวงด้วยความเป็นห่วงริว
“ไม่เอา พี่ไม่กินริวก็ไม่กิน...ทีพี่ยังทนได้เลย” สีหน้าดื้อดึงของเด็กหนุ่มทำให้พสุอ่อนใจ
“มันไม่ใช่เรื่องของทนไม่ทนนะริว ไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย”
“ริวจะรอกินพร้อมพี่” เด็กหนุ่มยืนกรานด้วยน้ำเสียงดื้อดึง แต่อาการขดงอตัวลงก็ทำให้พสุต้องถอนใจยาวอย่างยอมแพ้
“...งั้นก็ไปกินข้าวกัน”
“ครับ”
…………………………………………….
งานสวดพระอภิธรรมคืนแรกไม่วุ่นวายอย่างที่คิดเพราะเขมชาติทุ่มคนเข้ามาช่วยอย่างเต็มที่รวมถึงเพื่อนรวมวงทุกคนด้วย แขกผู้ใหญ่ที่มาส่วนใหญ่จะเป็นแขกของพสุ ยกเว้นอดีตนายพลท่านหนึ่งที่พสุจำได้ว่าเป็นเพื่อนของคุณตา หลังจากที่คุณตาเสียชีวิตไปแล้วเขาก็ไม่เคยไปหาท่านอีก พอท่านปรากฏตัวแขกผู้ใหญ่หลายๆคนก็รีบเข้าไปต้อนรับท่าน ท่าทางกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วและยังคงความสง่างามสมกับเป็นชายชาติทหารทั้งที่ท่านอายุเกือบ 70 ปีแล้ว
“สวัสดีครับท่าน”
“ทำไมเรียกอย่างนั้นล่ะไผ่ ตาบอกแล้วว่าให้เรียกคุณตาน้อย”
“ครับคุณตาน้อย...ขอบพระคุณมากครับที่มางาน”
“เฮ้อ! หัวหงอกต้องมาเผาหัวดำ...คิดแล้วก็ใจหาย เมื่อสงกรานต์แม่ดาเขายังไปหาตาอยู่เลย...ยังล้อกันอยู่ว่าเจอกันอีกทีสงสัยแม่ดาต้องไปเคาะโลงเรียกตา...ที่ไหนได้...เฮ้อ!”
มือเหี่ยวย่นลูบหัวเขาอย่างเมตตายิ่งทำให้กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีก พสุกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาให้กลับเข้าไปข้างใน
“ทำใจนะลูกนะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างน้อย ไผ่ก็ได้ทำหน้าที่ลูกที่ดี แม่ดาเขาภูมิใจในตัวไผ่มากนะลูก ไปทางไหนก็มีแต่คนชื่นชมว่าเขาเลี้ยงลูกได้ดี มีลูกเป็นอภิชาตบุตร ไม่เคยเหลวไหลเกเรให้พ่อแม่ต้องเสียใจ แล้วยังรู้จักสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง ไม่งอมืองอเท้าหวังพึ่งแต่มรดกพ่อแม่...ไผ่ทำหน้าที่ของลูกได้ครบถ้วนแล้วนะลูก”
“...ครับ...”
“แล้วนี่...ติดต่อพ่อเราไม่ได้สินะ”
“ครับ”
“ไม่เป็นไร ตาให้คนโทรไปบอกแล้ว พรุ่งนี้หรืออย่างช้ามะรืนคงมา”
“คุณตาน้อยรู้เหรอครับว่าพ่ออยู่ที่ไหน”
“มันหนีเจ้าหนี้ไปกบดานอยู่ที่เกาะกง...เห็นว่ามีเพื่อนเก่าอยู่ที่นั่น เออ! หัดใช้ประโยชน์จากคนอื่นซะมั่งเหอะ หมดเงินหมดทองไปกับเพื่อนไม่รู้กี่สิบล้านแล้ว ได้พึ่งยามเดือดร้อนมั่งก็ยังดี”
พสุนั่งนิ่งพูดไม่ออก พ่อเขาต้องหนีก็แปลว่าหนี้สินคงมากเกินกว่าจะชดใช้ แน่นอนว่าถ้าทวงเงินจากพ่อไม่ได้ เจ้าหนี้เหล่านั้นต้องตามมาทวงจากแม่แน่นอน ยิ่งคิดชายหนุ่มก็ยิ่งแค้นใจที่พ่อปล่อยให้แม่ต้องเผชิญอยู่กับปัญหาที่ไม่ได้ก่อตามลำพัง
หลังไหว้ลาแขกที่มาร่วมงานเรียบร้อยแล้ว ริวก็เป็นคนขับรถพาพสุกับป้าใจกลับบ้าน เพราะใกล้วัดกว่าจะไปพักที่บ้านพักของบริษัท อีกอย่างมีป้าใจมาพักอยู่ด้วยยังไงก็คงไม่สะดวกเท่าพักที่บ้านของพสุเอง
พี่แมวออกมาเปิดประตูรับด้วยน้ำตา ก่อนจะพาป้าใจไปพักที่บ้านของตัวเองเพราะสะดวกกว่าพักกับพสุที่มีห้องนอนเพียงห้องเดียว
พอเข้าไปในบ้านพสุก็ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วนอนลืมตามองเพดานนิ่ง ดวงตาแห้งผากด้วยความทุกข์ภายในใจ ริวยืนมองพสุอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเข้าไปถอดถุงเท้า ถอดเสื้อสูทให้ แล้วดึงพสุให้ขึ้นไปนอนบนเตียงให้เรียบร้อย เด็กหนุ่มนั่งมองอยู่ครู่ใหญ่ก็ตัดสินใจออกจากห้องนอนไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วเริ่มไล่นิ้วไปตามคีย์
ตอนแรกริวเล่น Gloomy Sunday ไปท่อนหนึ่งแล้วก็หยุดชะงัก เปลี่ยนไปเล่นเพลงอื่นแทน เด็กหนุ่มเล่นวนเวียนไปตามความรู้สึกจากข้างในจนย้อนกลับมาเล่น Gloomy Sunday อีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว พอนึกได้ก็รีบหยุดแล้วเล่นเพลงอื่น
“ทำไมไม่เล่น Gloomy Sunday* ล่ะ กลัวพี่ฆ่าตัวตายหรือไง”
ริวหันกลับไปก็พบว่าพสุยืนพิงประตูห้องนั่งเล่นอยู่ก่อนแล้ว เด็กหนุ่มขยับจะลุกไปหาแต่พสุเป็นฝ่ายเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกันแล้วเอนตัวมาพิงไหล่ริวเต็มที่
“เกะกะไหม เล่นถนัดหรือเปล่า?”
“ถนัดครับ...พี่จะฟังเพลงอะไรเดี๋ยวริวเล่นให้ฟัง”
“พี่อยากฟัง The Entertainer เล่นได้ไหม”
“ครับ” ริวรับคำแล้วพรมนิ้วไปบนคีย์ พสุฮัมเพลงในลำคอตามเบาๆ ปากคลี่ยิ้มแต่กลับมีหยาดน้ำจากหางตาหยดลงบนเก้าอี้ ริวเหลือบมองแต่ไม่ได้หยุดเล่น กระทั่งพสุลุกขึ้นแล้วหันตัวกลับมานั่งคู่กับริวเพื่อเล่นเพลงนี้ด้วยกัน
“ปกติเด็กๆเวลาหัดเล่นเปียโน มักจะเล่นเพลง Mary had a little lamb** แต่พี่รู้สึกว่ามันเป็นเพลงของเด็กผู้หญิง มันไม่เท่ พี่ก็เลยไม่ยอมเล่น แล้วก็เล่นเปียโนไม่เป็นสักที จนแม่สอนให้เล่น The Entertainer พี่ถึงได้เล่นเปียโนเป็น...พี่คงลืมเพลงนี้ไปแล้ว...ถ้าไม่เสียแม่ไป...ทำไมคนเราต้องรอให้สูญเสีย ถึงจะรู้คุณค่าของคนที่เรารัก...” พสุพึมพำแล้วยิ้มหยันให้ตนเอง น้ำตาร่วงลงบนคีย์เปียโนโดยที่ชายหนุ่มไม่คิดจะเช็ด ริวหยุดเล่นหันกลับมาดึงตัวพสุเข้าไปกอดไว้แน่น
“เลิกโทษตัวเองเถอะครับ...พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ”
“ถ้าพี่ยอมเซ็นให้...เขา...เอาที่บ้านสวนไปจำนองตั้งแต่แรก...พี่คงไม่ต้องเสียแม่ไป...”
“พี่ก็บอกเองว่านั่นเป็นสมบัติของคุณตา ยังไงพี่ก็ปล่อยให้เอาไปจำนองไม่ได้”
“...แต่ถ้าเทียบกับชีวิตแม่...พี่เชื่อว่าคุณตาก็คงยอมให้เขาเอาไปจำนองเสียดีกว่า...พี่โง่เองที่เห็นของนอกกายสำคัญจนไปยึดติดกับมัน...ทั้งที่ค่ามันเทียบกับชีวิตแม่ไม่ได้เลย...ทำไมพี่ถึงโง่แบบนี้”
“มันไม่ใช่ความผิดพี่หรอก เชื่อริวเถอะครับ เชื่อริวนะพี่” ริวกอดพสุไว้แน่น รู้สึกได้ถึงน้ำตาอุ่นชื้นบนไหล่ เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึก พยายามข่มน้ำตาไว้ เขาจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว เขาต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้พสุ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะปกป้องพสุจากความเจ็บปวดทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้
(*Gloomy Sunday บทเพลง Gloomy Sunday "วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า" ประพันธ์โดยนักกวีชาวฮังการีผู้หนึ่ง เพลงนี้ได้ชื่อว่าเป็นบทเพลงแห่งความตาย เพราะเมื่อเพลงนี้เผยแพร่ออกไป กลายเป็นสาเหตุให้คนฆ่าตัวตายหลังจากได้ฟังเพลงนี้ถึง 200 คน
(ขอบคุณข้อมูลจาก http://writer.dekd.com/Miss_killer/writer/view.php?id=232885 และ http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=5922 )
(**Mary had a little lamb เพลงหนูมาลีมีลูกแมวเหมียว)
…………………………………………………..
-
คิดถึงแม่ อ่า...
เป็นกำลังใจให้พี่ไผ่ นา..
ให้คนแต่งด้วย ค่ะ
:L2: :L2: :L2:
-
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา
และก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ยากจะยอมรับได้
สุ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
เศร้าจัง เป็นกำลังใจให้พี่ไผ่ครับ
-
ถูกต้องน้องริว ต่อไปนี้ตัวเองต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วนะ
เป็นกำลังใจให้พี่ไผ่กลับมาเข้มแข็งได้เหมือนเดิมค่ะ
ปล. พูดถึงดราม่า ดราม่าก็มา :กอด1:
-
อิ่มม มาม่ารสต้มโคล้ง
สงสารพี่ไผ่
:o12: :o12: :o12:
-
:monkeysad: :monkeysad:
+1
-
:o12: :o12:
-
พี่ไผ่สู้ๆๆๆๆ อย่าคิดมากนะคะ แฟนคลับเป็นห่วง ^ ^
-
:monkeysad:เข้าใจคนที่รักและผูกพันใกล้ชิดกับแม่มากๆเช่นไผ่อ่ะ
:กอด1:ปลอบไผ่
-
สงสารพี่ไผ่จังเลย
น้องริวดูแลพี่ไผ่ดี ๆ นะ
ช่วงนี้พี่ไผ่กำลังต้องการกำลังใจอย่างมาก
ถ้ามีน้องริวอยู่ข้าง ๆ
พี่ไผ่ต้องผ่านความทุกข์นี้ไปได้แน่นอน
-
โอยย
สงสารพี่ไผ่จังเลยอ่ะ
น้องริวต้องดูพี่ไผ่ดี ๆ นะ
ช่วงนี้เปนช่วงเปราะบาง
-
เศร้าจัง สงสารไผ่มากเลย
ริวคอยดูแลไผ่ตลอดเวลา
อยากตื้บพ่อไผ่มาก
-
พี่ไผ่ต้องเข้มแข็งไว้นะ
ริวสู้ๆ เป็นหลักให้พี่ไผ่ให้ได้
ปล.นอกเรื่องนิด แค่อยากจารึกว่ามาpost พี่ไผ่ กะริว เป็น post ที่ 1234 เลขงามแท้ๆ
-
ยังคงเศร้าอย่างต่อเนื่อง :o12:
และเกลียดพ่อของพสุมาก :angry2:
-
:monkeysad: อย่างแรงเลยอ่ะ
:pig4: :pig4:
-
:o12: :o12: สงสานพี่ไผ่สุดๆอ่ะ
-
:sad11:มันเป็นมาม่า ขมซ่อนหวานปะแล่ม
ในคืนวันอันโหดร้าย อย่างน้อยพี่ไผ่มีริวอยู่ข้างๆนะ
-
เหตุการณ์ร้ายๆที่ผ่านเข้ามาจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น
แม่อยู่กับไผ่เสมอในเวลาที่ไผ่คิดถึง
ถึงแม้มองไม่เห็นแต่ยังอบอุ่นเมื่อได้คิดถึง
เข้มแข็งเร็วๆนะไผ่
-
:sad11:แล้วมันก้อจะผ่านไปเนาะ
-
สู้นะไผ่
ยังไงเราก็หนีจากการสูญเสียไปไม่ได้หรอก
ไม่จากเป็นก็จากตายแหละนะ
ให้คิดซะว่าแม่ไปรอเราอยู่อีกที่หนึ่งเมื่อถึงเวลาเราก็ต้องตามแม่ไปอยู่ด้วยกันอยู่ดีนะไผ่เอ้ย :sad4: :o12:
-
ในตอนนี้ในขณะที่พี่ไผ่อ่อนแอก็คงต้องให้ริวเป็นหลักก่อนละนะ
พลังและความเข้มแข็งจากริว จะช่วยปลอบโยนให้พี่ไผ่คลายความเศร้าได้บ้าง
-
ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เศร้าอ่ะ อ่านไปน้ำตาไหลไป
-
“มันไม่ใช่ความผิดพี่หรอก เชื่อริวเถอะครับ เชื่อริวนะพี่” ริวกอดพสุไว้แน่น รู้สึกได้ถึงน้ำตาอุ่นชื้นบนไหล่ เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึก พยายามข่มน้ำตาไว้ เขาจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว เขาต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้พสุ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะปกป้องพสุจากความเจ็บปวดทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้
:กอด1:
คราวนี้ก็เปลี่ยนตำแหน่งคนดูแลกันแล้วล่ะสินะ
:เฮ้อ:อ่านแล้วเศร้า...... ยังมีเรื่องคุณพ่ออีกนี่เนอะ
-
ไผ่ต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้เป็นระดับๆนะครับ
ริวดูแลไผ่ด้วยยยน้าาาาา
-
สงสารพสุอ่ะ เฮ้อๆๆ
-
:เฮ้อ: :monkeysad:
-
ริวต้องอยู่ข้างๆ พี่ไผ่นะ
ช่วยปลอบใจพี่เขาที
สงสารพี่ไผ่อ่ะ
:monkeysad:
-
อย่างน้อยตอนนี้ไผ่ก็เปิดใจมากขึ้น...ริวก็ดูแลดี ๆ นะ ไม่รู้ถ้าพ่อของไผ่กลับมาไผ่จะมีปฏิกิริยายังไง :sad4:
เรื่องคราวนี้ริวอาจได้ออกโรงเองก็ได้ o18
-
เราก็เคยฟังเพลง Gloomy Sunday แต่รู้สึกเฉย ๆ นะ (จริง ๆ เพราะแปลไม่ออก 555)
ปล.อุตส่าห์คิดว่าจะได้โจ๊ะแล้วเชียว ยังคงรอ NC อยู่เน้อ อิอิอิ สงสัยน้องจะได้กดพี่แน่เลย (แม้ว่าเราจะหวังให้พี่กดน้องก็เหอะ ^^'')
-
ริวดูแลพี่ไผ่ดีๆนะเธอ กลัวใจพี่ไผ่จะทำอะไรรุนแรงจัง
-
สงสารพี่ไผ่สุด ๆ น้องริวต้องดูแลพี่ไผ่ดีๆ นะ
หวังว่าจะมีฟ้าหลังฝนที่จะทำให้พี่ไผ่กับน้องริวรักกันซะทีนะ
-
พี่ไผ่อย่าท้อแท้ สู้ต่อไปค่ะ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
:monkeysad: บอกได้คำเดียวว่าเศร้า และสงสารไผ่มาก
:pig4: คะ
-
:กอด1: กอดพี่ไผ่
อ่านตอนนี้แล้วคิดถึงแม่จัง :m15:
หวังว่าพายุร้ายนี้จะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
รอคอยตอนต่อไปค่ะ สู้ ๆ o13
-
ยังเศร้าต่อไป ไผ่ต้องอยู่ต่อไปเพื่อริวเน้อ
-
สงสารพี่ไผ่อ่ะ อย่าโทษตัวเองเลยนะ
-
:กอด1:
-
:sad4:
:o12:
-
พี่ไผ่ช่างน่าสงสารจริง
พ่อพี่ไผ่ก็น่ะ น่าเกลียดมากเลย
-
:m15:
-
พูดได้คำเดียวว่าเศร้าๆ ฮือออ
:impress3:
-
เทศกาลมาม่า :o12:
-
โอ๊ยเศร้าอ่า :m15:
-
T^T
โฮๆ สงสารพี่ไผ่มากๆเลยนะ ,,
ไม่อยากให้พี่ไผ่โทษตัวเองเลย
ฮือๆๆๆๆ
ตอนหน้าจะหายเศร้าหรือยัง
เป็นห่วงพี่ไผ่จัง!!
-
เศร้าใจไปกับไผ่อีกคน
แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป
น้องริวก็ช่วยกันประคองพี่ไผ่ไปแล้วกัน
-
เมื่อไหร่พ่อไผ่จะโดนกรรมตามสนองซะที รอๆๆๆๆ
-
ขนาดทำใจไว้แล้วก่อนอ่าน ก็ยังไม่ไหว ขอเวลาสักพัก หายมาม่าแล้วจะมาใหม่ได้ไหมคะ >.<
-
ครั้งก่อนสงสารริว
มาครั้งนี้พี่ไผ่ ทั้งน่าสงสาร น่าเวทนา
ฮือ ฮือ ..
เป็นกำลังให้พี่ไผ่ สู้ สู้
-
ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่คงอยู่ไปตลอดกาลหรอกนะคะไผ่
อย่าคิดโทษตัวเอง
แม่ดาคงเสียใจถ้ารู้ว่าไผ่ยังคงคิดว่าตัวเองผิดอย่างนี้
แม่ดารักไผ่มาก
ขอให้ไผ่หายในเร็ววันนะคะ :กอด1:
-
เศร้า :impress3:
สงสารพี่ไผ่
-
น้ำตาท่วมใจ ขอบคุณค่ะ
บวก 1 ให้กับเรื่องราวที่แสนจะประทับใจค่ะ
-
:m15: :m15: :m15:
-
มาม่าคราวนี้ไม่ได้มาเป็นชามค่ะ
มาเป็นโอ่งเลย :o12: :o12: :o12:
-
ช่วงนี้เป็นอะไรกันนะ
มาม่าเต็มชามเลย
แวะมารอตอนต่อไปครับ
-
:เศร้า2:
เศร้าที่สุดเรยอ่า....
ทำไมมันถึงได้พลิกผันขนาดนี้หนอ
พี่ไผ่คร้า ใจเย็นน้า
เวลาจะช่วยพี่ได้ ริวสู้ๆ เอาพี่ไผ่คนเดิมกลับมาให้ได้นะ
-
มาม่าคราวนี้ไม่ได้มาเป็นชามค่ะ
มาเป็นโอ่งเลย :o12: :o12: :o12:
ง่า...มันก็มีบ้างอะไรบ้าง เพราะทั้งเรื่องก็มีมาม่าอยู่เซตเดียวนี่แหละค่า ก็เลยออกจะเซตใหญ่สักหน่อย อย่าเพิ่งนอยกันหมดน๊า
ส่วนใครที่รอฉาก NC ขอยืนยันว่ามีแน่นอนค่ะ มาช้าแต่มาทีมาแบบซึนามิ(ไม่นับรวมNC อนุบาลนะคะ)
แนะนำว่าหลังกินมาม่าให้รีบหาธาตุเหล็กมาเสริมด่วน
-
หลังเหตุการณ์นี้ทั้งสองคนคงยิ่งผูกพันธ์กันมากขึ้น
-
สงสารพี่ไผ่นะ
แต่สงสารริวมากกว่า เสียแม่ไปคนนึงแล้ว
ยังต้องเสียแม่อีกคนนึงไป
แถมคนที่ตัวเองรักยังจมอยู่กับความทุกข์อีก เฮ้อออ :เฮ้อ:
ปล.เมื่อไหร่ทุกคนจะรู้ความจริงเรื่องริว อยากรู้ๆ :m13:
-
ยกโพสแรกให้เรื่องนี้เลย :impress2:
ปกติเราเป็นพวกไม่อ่านนิยายที่ยังแต่งไม่จบ
แต่เรื่องนี้ไม่ไหวจริงๆ เผลออ่านไปพาร์ทแรก ก็หยุดไม่อยู่เลย
แล้วก็เกิดออาการลงแดง ต้องเข้าบอร์ดทุกวัน เข้ากระทู้มาดูว่าอัพเดทไหม
พอได้อ่านก็เหมือนได้เสพย์ยา ลันล้า โลกนี้เป็นสีชมพู
ขอบอกว่าชอบเรื่องนี้มาก มาก มากกกกกกก *ยกขึ้นหิ้งบูชา แล้วอ่านวันละหลายรอบ*
ทั้งคาแรคเตอร์ตัวละคร เนื้อเรื่องที่ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน แต่ว่าอินในทุกบรรทัด ทุกตัวอักษร ร้องไห้น้ำตาซึมตลอดแต่บทจะยิ้มได้ก็ปากถึงฉีกถึงหูเลย
ทั้งหัวเราะ ทั้งร้อง ทั้งลุ้นทั้งเขิลไปพร้อมกับตัวละคร
ได้รู้จักริว มีความรู้สึกดีๆให้ ได้สัมผัสความรักความสึกของริวที่มีให้พี่ไผ่ มันงดงามมากๆเลย
จนลูกสึกรักริวเหมือน้องชายเห็นพี่ไผ่เป็นพี่ชาย *ขอกริ๊ดดด ให้คนแต่งที่ให้กำเนิดริวที่ขี้อ้อน พี่ไผ่ที่น่ารักและทุกๆคน ยกเว้น+ อีตาชินกิ!!* :-[
ปล.ยังรอตอนต่อไปนะค่ะ และร้องไห้รอไว้ก่อนเลยยยย :o12: :m15:
รักคนเขียนมากกกกกกกกก :o8:
-
ไผ่น่าสงสารและคงกดดันมาก เพราะยิ่งเป็นคนที่ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองนี่
ก็คงจะยิ่งเจ็บปวด ที่ไม่ได้ไปดูแลแม่ของตัวเองเพราะมัวแต่ทำงาน
และยิ่งโกรธพ่อตัวเองเข้าไปอีกเพราะเป็นสาเหตุให้แม่ต้องตาย
เฮ้อ...เศร้าใจ
-
"....ทำไมคนเราต้องรอให้สูญเสีย ถึงจะรู้คุณค่าของคนที่เรารัก.."
-
พี่ไผ่น่าสงสารมาก :monkeysad: :monkeysad:
-
รออย่ด้วยอีกคน อิอิ
-
เข้ามารอน้องริว
><
-
มาม่าคราวนี้ไม่ได้มาเป็นชามค่ะ
มาเป็นโอ่งเลย :o12: :o12: :o12:
ง่า...มันก็มีบ้างอะไรบ้าง เพราะทั้งเรื่องก็มีมาม่าอยู่เซตเดียวนี่แหละค่า ก็เลยออกจะเซตใหญ่สักหน่อย อย่าเพิ่งนอยกันหมดน๊า
ส่วนใครที่รอฉาก NC ขอยืนยันว่ามีแน่นอนค่ะ มาช้าแต่มาทีมาแบบซึนามิ(ไม่นับรวมNC อนุบาลนะคะ)
แนะนำว่าหลังกินมาม่าให้รีบหาธาตุเหล็กมาเสริมด่วน
กรี๊ด!!! รอ :-[
-
:call: :seng2ped: :call:
-
NC น่าจะมาเป็นโอ่งแบบ มาม่าบ้างเนอะ อิอิ
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอยากอ่านอีกเยอะๆ อยากอ่านบ่อยๆ 5555
-
เวลาแห่งความเศร้ามันยาวนานเสมอ
:กอด1:พี่ไผ่น้องริว
-
สงสัยปร้าแกเห็นเป็นช่วงปลายเดือน เลยส่งพายุมาม่าตะร๊อดๆๆๆ
:laugh:
ตอนที่ 80
กรเวชเดินลิ่วเข้าไปในศาลาเมื่อเจ้าหน้าของวัดมาบอกว่ามีผู้หญิงมาดักรอพสุ เมื่อไปถึงกรเวชก็เห็นเด็กสาวร่างอวบสวมเสื้อยืดสีส้มแจ๊ดเหมือนไม่รู้จักกาลเทศะนั่งพิงเสาหน้าซีดเซียวอยู่เพียงลำพัง
“เอ่อคุณครับ ขอโทษนะครับเรายังไม่เปิดให้แฟนคลับเข้ามานะครับ ขอความกรุณาช่วยออกไปรอด้านหน้าก่อนนะครับ” กรเวชยังคงรักษาน้ำเสียงให้สุภาพ แม้จะไม่ค่อยพอใจนัก
“หนูไม่ใช่แฟนคลับหรอกค่ะ หนูมีเรื่องด่วนจะต้องคุยกับคุณพสุ”
“ขอโทษนะครับ ตอนนี้พสุคงไม่สะดวกที่จะคุย” กรเวชยืนยันด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น แล้วหันไปบุ้ยใบ้ให้พนักงานของบริษัทที่เขมชาติส่งมาคอยช่วยงาน พาเด็กสาวคนนี้ออกไป แต่เธอปราดมายึดแขนกรเวชไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวค่ะคุณ หนูเป็น..เอ่อ..เป็นคนของคุณพรเทพค่ะ” เด็กสาวตอบอึกอักจนกรเวชลังเลใจ แต่ถ้าเธอเป็นแฟนคลับที่คิดจะมาหาพสุจริง ก็ไม่น่าจะยกชื่อพรเทพมาอ้าง
“คุณพรเทพมาเหรอ อยู่ตรงไหน?” กรเวชถามแล้วกวาดตามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นวี่แววบิดาของพสุ
“คุณพรเทพมาไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้คุณพรเทพอยู่ในห้องไอซียู ท่านหัวใจวายตั้งแต่เมื่อคืน”
“อะไรนะ!”
“หนูไม่มีเบอร์ของคุณพสุ ติดต่อไปที่บริษัทที่บริษัทก็ไม่ยอมให้เบอร์ ก็เลยต้องมาบอกด้วยตัวเอง”
“คุณพูดจริงๆ เหรอเนี่ย” กรเวชถามย้ำ แต่เห็นหน้าซื่อๆ ตาใสๆ ของคนตรงหน้าแล้วชักไม่แน่ใจว่าหน้าตาซื่อๆ นี้จะโกหก
“จริงสิคะ เรื่องใหญ่แบบนี้หนูไม่กล้าล้อเล่นหรอกค่ะ”
“คุณตามผมมาทางนี้” กรเวชตัดสินใจเดินนำเด็กสาวไปที่อาคารอีกด้าน ที่จัดให้พสุและทีมงานได้อาศัยพักผ่อนที่นี่ ขณะรอเตรียมงานในตอนเย็น พสุกับริว นั่งสนทนาอยู่กับป้าใจเบาๆ ส่วนเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ นั้นกลับไปที่บริษัทหมดแล้ว และจะมาอีกครั้งในตอนเย็น
“ไผ่...มีเอ่อ...มีคนของคุณพรเทพมาขอพบน่ะ”
“...ครับ?...” พสุรับคำงงๆ แล้วลุกมาหา ริวกับป้าใจจึงลุกตามมาติดๆ เด็กสาวยกมือไหว้ แล้วรีบพูดละล่ำละลักที่เห็นพสุทำท่าชะงักเมื่อจำเธอได้
“คุณเทพไม่สบายมากค่ะ เมื่อคืนท่านมาไหว้ศพคุณนายแล้วก็ล้มฟุบไป ตอนนี้ยังอยู่ในไอซียูค่ะ”
“อะไรนะ!...ทำไม?...เมื่อคืนพ่อมาตอนไหน ทำไมผมไม่เห็น” พสุผงะ หน้าขาวซีดด้วยความตกใจ ก่อนจะหลุดคำพูดออกมาราวกับละเมอ
“มีคนโทรไปบอกข่าวคุณเทพเรื่องคุณนายค่ะ พอท่านรู้ก็เป็นลมล้มฟุบไป พอรู้สึกตัวก็จะมาที่วัดให้ได้ หนูก็เลยขับรถมาให้ แต่ตอนที่มาถึงมันดึกมากแล้ว ศาลาก็ปิดไปแล้ว ยังดีที่คนเฝ้าจำคุณเทพได้ก็เลยเปิดให้เข้าไป...หนูรออยู่ข้างนอกค่ะ รออยู่นานแต่ไม่เห็นคุณเทพออกมาก็เลยเข้าไปตาม ก็เจอท่านฟุบหมดสติอยู่หน้ารูปคุณนาย หมอบอกว่าคุณเทพหัวใจวายเฉียบพลัน”
“โธ่เอ๊ยคุณเทพ....” ป้าใจยกมือทาบอกด้วยความตกใจ ขณะที่พสุยืนนิ่งขึง...
“ไผ่จะไปเยี่ยมพ่อก็ไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้พี่ดูให้” กรเวชบอกอย่างร้อนใจ ใจจริงอยากไปกับพสุด้วย แต่ติดที่ทางนี้จะไม่มีใครรับแขก ทั้งแขกของพสุและแขกของบริษัท
“เดี๋ยวริวขับรถให้พี่” ริวบอกเสียงเบาแล้วจับมือเย็นเฉียบของพสุไว้แน่น
“ขับระวังๆ นะริว...ป้าใจจะไปกับไผ่ก็ได้นะครับ” กรเวชรีบอนุญาต เพราะเห็นสีหน้าซีดเผือดของพสุแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แม่ตายเพิ่งตั้งศพได้คืนเดียว พ่อก็มาป่วยหนักจนต้องเข้าไอซียู ทำไมเรื่องร้ายๆ ถึงรุมเข้ามาหาพสุหนักหนาสาหัสขนาดนี้
“ป้าไม่ไปดีกว่าค่ะ...ใจคอไม่ค่อยดี กลัวไปเป็นลมเป็นแล้งให้เป็นภาระคุณไผ่เปล่าๆ...คุณริวคะ ฝากคุณไผ่ด้วยนะคะ” ป้าใจบอกเสียงสั่น พยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่ เพราะไม่อยากให้พสุไม่สบายใจไปมากกว่านี้
“ครับ” ริวรับคำแล้วดึงมือพสุให้ลุกตามไปที่รถ ขับตามรถเด็กสาวคนนั้นไปติดๆ พสุนั่งเงียบกริบใบหน้าขาวซีด ไปตลอดทาง ริวได้แต่ลอบมองด้วยความกังวล พอเลี้ยวรถเข้าไปในโรงพยาบาล เด็กสาวคนนั้นก็มายืนรออยู่ก่อนแล้ว ริวจับมือเย็นเฉียบของพสุไว้ตลอดเวลาจึงรู้สึกได้ถึงอาการสั่นสะท้านของชายหนุ่ม ยิ่งเดินใกล้ถึงห้องไอซียู พสุก็ยิ่งเดินช้าลงจนแทบเป็นลากเท้า ใบหน้าที่ค่อนข้างซีดอยู่แล้วบัดนี้ขาวเหมือนกระดาษ
อาการของพรเทพยังไม่ปลอดภัยพอที่จะให้เข้าเยี่ยมได้ แพทย์อนุญาตให้เพียงยืนดูอยู่ข้างนอก
‘คุณพรเทพมีอาการหัวใจวายเฉียบพลันครับ เท่าที่ดูจากสภาพร่างกาย คุณพรเทพคงป่วยมานานแล้ว แต่ไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง แล้วยังมาเจอเรื่องสะเทือนใจจนเกิดอาการเครียดอย่างหนัก อาการของคุณพรเทพ ควรรับการผ่าตัดให้เร็วที่สุด แต่สภาพร่างกายของเขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะรับการผ่าตัดในตอนนี้ แล้วคุณพรเทพยังมีอาการเส้นเลือดในสมองซีกขวาแตก ทำให้ร่างกายซีกซ้ายเป็นอัมพาตและไม่สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้....ตอนนี้เราทำได้แค่ให้ยาบรรเทาอาการ ต้องรอให้ร่างกายคุณพรเทพแข็งแรงขึ้นกว่านี้ก่อนนะครับ ถึงจะผ่าตัดได้’
ชายหนุ่มมองผ่านกระจกไปยังใบหน้าตอบซูบของบิดาด้วยความสะเทือนใจ สายระโยงระยางและเครื่องมือทางการแพทย์รอบตัวบิดาทำให้ชายหนุ่มใจหาย เขาเสียแม่ไปแล้ว ตอนนี้เขายังไม่พร้อมจะสูญเสียใครอีก
“...พ่อ...” พสุกระซิบเรียกบิดาผ่านกระจก ตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ชายหนุ่มเกาะกระจกจ้องมองเข้าไปข้างในนิ่ง...นาน...สายตาจับจ้องร่างบนเตียงแทบไม่กะพริบตา
ริวจ้องมองพสุด้วยความห่วงใย แต่ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่าเข้าไปยืนซ้อนหลังพสุแล้วกุมมือของชายหนุ่มไว้ จนรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในกระเป๋า ริวจึงเดินเลี่ยงออกมารับสายให้พ้นเขตห้ามใช้โทรศัพท์......
“พี่...เราต้องกลับไปที่วัดแล้ว พี่กรโทรมาตาม...มีแขกของแม่พี่มากันมาก...พวกสื่อมวลชนด้วย ตอนนี้คุณเขมกับพี่กรรับหน้าแทนอยู่” ริวกลับไปบอกพสุเบาๆ แม้จะเข้าใจว่าพสุอยากอยู่กับพรเทพให้นานที่สุด แต่งานที่วัดพสุก็ต้องกลับไปต้อนรับแขกอยู่ดี
พสุเม้มปากนิ่งอย่างลำบากใจแล้วเหลียวมองบิดาด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง
“คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูจะเฝ้าคุณเทพเอง ถ้ามีอะไรคืบหน้าหนูจะโทรไปบอก” เด็กสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องเอ่ยอาสาขึ้นมา ทำให้พสุเพิ่งตระหนักว่าเธอก็นั่งอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่สายๆ แล้ว เด็กสาววัยไม่เกิน 18 ปีคนนี้เป็นเมียน้อยของบิดา ซึ่งดูท่าทางบิดาของเขาจะรักเธอมากถึงขนาดหนีเจ้าหนี้ยังหอบหิ้วเอาเด็กคนนี้ไปด้วย แม้จะยอกแสยงใจในเรื่องนี้แต่พสุก็อดนึกขอบคุณไม่ได้ที่เธออยู่ด้วยตอนที่บิดาของเขาหมดสติ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครพาท่านมาส่งโรงพยาบาล
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงคุณเทพก็มีบุญคุณกับหนู”
พสุพยักหน้ารับ แล้วเหลียวมองบิดาอย่างอาลัยอาวรณ์ เสียงท้องร้องทำให้เขาต้องหันกลับไปมอง ผู้หญิงของบิดาส่งยิ้มแหยด้วยความกระดากอาย
“ยังไม่ได้กินอะไรใช่มั๊ย”
“ค่ะ...หนูมัวแต่ตกใจ ตั้งแต่เมื่อวานกินขนมปังไปถุงเดียว” เด็กสาวตอบเสียงซื่อ ไม่ได้มีท่าทางว่าจะพูดเพื่อเรียกคะแนนสงสารแต่อย่างใด แต่ก็ทำให้พสุใจอ่อนยวบด้วยความเวทนา
“งั้นไปกินข้าวก่อน แล้วค่อยมาเฝ้า...มีเงินหรือเปล่า?”
“...มีค่ะ...”
พสุเห็นอาการอึกอักของเด็กสาวก็พอเดาได้ว่าเธอคงไม่มีเงิน เพราะระยะหลังๆ ฐานะการเงินของบิดาไม่ค่อยดีนัก คงไม่ค่อยมีเงินให้เธอใช้เหมือนแต่ก่อน การที่เธอไม่ทิ้งไปทั้งๆ ที่พ่อของเขาไม่มีเงินให้ ก็แสดงถึงน้ำใจของเด็กสาวตรงหน้า
“เอาเก็บไว้ใช้ก่อนนะ แล้วถ้าขาดเหลืออะไรก็บอก” พสุหยิบธนบัตรใบละพันบาทหลายใบส่งให้ แต่เด็กสาวกลับส่ายหน้าแล้วถอยหนี ไม่ยอมรับเงินที่พสุให้
“หนูรับไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าคุณเทพรู้ว่าหนูรับเงินจากคุณ คุณเทพฆ่าหนูแน่เลย”
“เอาไปเถอะ เธอต้องกินต้องใช้ อีกอย่าง ช่วงนี้ฉันคงดูแลพ่อไม่ได้เต็มที่ ก็ต้องพึ่งให้เธอช่วยดูแลให้ด้วย ถือซะว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากฉันก็แล้วกัน”
“...แต่...ถ้าคุณเทพรู้...” เด็กสาวลังเล เหลียวไปมองพรเทพในห้องไอซียูอย่างหวาดๆ
“พ่อไม่รู้หรอกถ้าเธอไม่บอก...รับไปเถอะ แล้วถ้าขาดเหลืออะไรก็บอก ฉันจะโอนเข้าบัญชีให้”
“ขอบคุณค่ะ...งั้นหนูฝากคุณเทพแป๊บนึงนะคะ หนูขอไปซื้อข้าวเดี๋ยวเดียว”
“ไปกินให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาก็ได้”
“ค่ะ”
พสุยังยืนมองบิดานิ่ง ชายหนุ่มไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียวจนกระทั่งเมียเด็กของพรเทพกลับมา ถุงที่มีแต่ขนมของเธอทำให้พสุสะท้อนใจ ผู้หญิงของบิดาเขายังเด็กเหลือเกิน เธอควรอยู่ในวัยเรียน ไม่ใช่ต้องมาเป็นเมียเก็บเมียน้อยของใครแบบนี้
เมื่อกลับไปถึงที่วัดก็พบกับกองทัพนักข่าวและแขกเหรื่อที่มารอเต็มศาลาแล้ว พสุถูกยิงคำถามเข้าใส่ตั้งแต่วินาทีแรกที่นักข่าวเห็นหน้า
“ตกลงคุณพรเทพป่วยเป็นอะไรครับ”
“จริงหรือเปล่าคะที่ว่าคุณพ่อช็อกเพราะเรื่องคุณแม่ ใช่มั๊ยคะน้องไผ่”
“ตอนนี้อาการคุณพรเทพเป็นยังไงบ้างครับ”
“แล้วคุณพ่อจะมาร่วมงานไหวหรือเปล่าคะ”
“ขอโทษนะครับทุกคน ขอให้ไผ่พักสักครู่ก่อนได้มั๊ยครับ” กรเวชเข้าไปแทรกเมื่อเห็นนักข่าวรุมล้อมจนพสุขยับไปไหนไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับพี่กร...” พสุหันไปบอกกรเวชแล้วสูดลมหายใจลึกเมื่อหันกลับมาหานักข่าว ใบหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษของเขา ทำให้นักข่าวหยุดยิงคำถามเข้าใส่ แล้วรอให้พสุเป็นฝ่ายตอบเอง
“...คุณพ่อมีอาการหัวใจวายเฉียบพลันครับ ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู คุณหมอยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมครับ”
นักข่าวพากันส่งเสียงฮือฮาด้วยความตกใจแกมสงสาร เมื่อรู้ว่าอาการของพรเทพหนักกว่าที่คิด ไม่ใช่ไม่มีใครโทรไปเช็คอาการพรเทพที่โรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลปิดปากเงียบไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ รวมถึงห้ามเข้าเยี่ยม จึงไม่มีใครรู้ว่าอาการของพรเทพหนักหนาแค่ไหน
“คุณพ่อป่วยแบบนี้ไผ่จะทำยังไงคะ ต้องวิ่งไปวิ่งมาระหว่างโรงพยาบาลกับวัดหรือเปล่า”
“ครับ...คงต้องเป็นแบบนั้น” เสียงนักข่าวถามเซ็งแซ่ แต่พสุก็ยังคงรักษาอาการให้สงบนิ่งไว้ได้
“คุณหมอบอกหรือเปล่าคะว่าจะเข้าเยี่ยมได้เมื่อไหร่”
“ยังไม่ทราบครับ ต้องรอดูอาการก่อน ถ้าเข้าเยี่ยมได้ทางโรงพยาบาลจะโทรมาบอกครับ”
“ตอนนี้ไผ่รู้สึกยังไงบ้างคะ ที่คุณพ่อมาป่วยไปอีกคนแบบนี้”
“...ผมก็ได้แต่หวังว่าอาการคุณพ่อจะดีขึ้นเร็วๆ...อยากให้ท่านหายทัน...วันเผาคุณแม่” พสุตอบเสียงพร่า เบา เพราะเริ่มสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหว ริวจับต้นแขนของพสุเพื่อประคองไว้กันชายหนุ่มล้ม กรเวชเห็นอย่างนั้นก็รีบแทรกเข้าไปกันพสุออกมาให้พ้นนักข่าว
“เอ่อ ขอให้ไผ่ได้พักก่อนนะครับ อีกอย่างตอนนี้แขกผู้ใหญ่ก็มากันหลายท่านแล้ว ขอให้น้องไปต้อนรับแขกก่อนนะครับ” แม้จะมีหลายคนทำท่าไม่พอใจ แต่ส่วนใหญ่ก็เห็นใจพสุ จึงยอมถอยแต่โดยดี พสุถูกพาเข้ามาในศาลา ป้าใจที่รออยู่แล้วรีบปราดเข้าไปหาอย่างร้อนใจ
“คุณไผ่ขา คุณเทพเป็นไงมั่งคะ”
“หัวใจวายเฉียบพลัน กับเส้นเลือดในสมองแตกครับ...” พสุตอบเสียงแผ่วแล้วลูบแขนป้าใจเบาๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อเห็นป้าใจน้ำตาร่วงทันทีที่ได้รับรู้
“โธ่เอ๊ยคุณเทพ...แล้วอย่างนี้ก็คงมางานคุณดาไม่ได้สินะคะ” ป้าใจถามแล้วเช็ดน้ำตาป้อย
“พ่อยังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำครับ...หมอยังไม่ให้เยี่ยม...ตอนนี้หมอให้ยาบรรเทาอาการไปก่อน ต้องรอจนกว่าจะแข็งแรงกว่านี้ถึงจะผ่าตัดได้” พสุตอบเสียงแห้ง หน้าซีดเผือดด้วยความเป็นห่วงบิดา
“พี่...ไปนั่งพักก่อนมั๊ย พี่หน้าซีดมากเลยนะ” ริวถามขณะประคองต้นแขนพสุไว้แน่น เพราะกลัวพสุจะล้มลงไป
“ไม่เป็นไรริว พี่ยังไหว” พสุตอบพร้อมกับตบหลังมือที่ประคองบนต้นแขนเขาเบาๆ
“ไปพักก่อนดีกว่าไผ่ พี่รู้สึกเหมือนไผ่จะทรุดอยู่แล้ว” กรเวชเตือนซ้ำด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับพี่กร ผมขอไปไหว้แขกผู้ใหญ่ก่อน”
พสุเข้าไปไหว้ขอบคุณแขกผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ซักถามถึงอาการของพรเทพ พอรู้ว่าพรเทพอาการหนักถึงขนาดยังห้ามเยี่ยมก็พากันตกใจและปลอบใจพสุไม่ให้วิตกกังวล เพราะเชื่อว่าอีกไม่นานอาการของพรเทพก็น่าจะดีขึ้น...............
…………………………………………………..
เช้าวันนี้ริวขับรถพาพสุไปเยี่ยมบิดาที่โรงพยาบาลแต่เช้า ส่วนป้าใจกับพี่แมวนั้นกรเวชจะให้รถตู้มารับไปที่วัดตอนสาย
ทันทีที่เดินเข้าไปในตึกผู้ป่วยหนัก ผู้หญิงของพรเทพวิ่งมาดึงแขนพสุลากให้ไปอีกทาง
“ไปเร็วค่ะคุณ อย่าเพิ่งเข้าไปหาคุณเทพตอนนี้เลยค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น?” ริวขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเมื่อเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของเธอ
“นั่นพสุนี่...ลูกชายนายพรเทพมาแล้ว” เสียงแหวแปร๋นดังมาแต่ไกล แล้วคนที่ยืนอออยู่หน้าห้องไอซียูก็ตรงรี่เข้ามาหาพสุอย่างรวดเร็ว
“นี่มันอะไรกัน?” พสุถามด้วยความงุนงงเมื่อเห็นคนกลุ่มนั้นดาหน้าเข้ามาหาเขา
“เจ้าหนี้ค่ะ เจ้าหนี้คุณเทพ...หนีเถอะค่ะ เร็วๆ เข้า” เด็กสาวบอกด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่พสุเพียงแค่ชะงักไปชั่วขณะ แล้วหยุดยืนรอคนกลุ่มนั้น
“นั่นจะไปไหน คิดจะหนีหนี้กันหรือไงห๋า!...พวกเราเร็วๆ เข้า” ผู้หญิงร่างอ้วนกลมที่วิ่งนำหน้าโวยวายดังลั่นก่อนจะปรี่เข้ามาถึงตัวพสุอย่างว่องไวผิดกับรูปร่าง
“คุณมาก็ดีแล้ว พ่อคุณน่ะเป็นหนี้ผมตั้งหลายสิบล้าน คุณต้องรับผิดชอบนะ”
“ของผมก็เป็นสิบๆ ล้าน ผมมีสัญญาเงินกู้ด้วย ถ้าไม่ใช้ละก็ ผมจะฟ้องให้หมดตัวเลย อยากขึ้นหน้าหนึ่งก็เอา”
“ของผมน่ะผัดผ่อนมาหลายหนแล้ว ผมก็อุตส่าห์ยืดเวลาให้ คราวนี้ไม่มีผ่อนผันแล้วนะ ถ้าไม่จ่ายผมทั้งต้นทั้งดอกในเดือนนี้ละก็ ผมฟ้องคุณแน่”
“ชั้นก็ไม่ยอมผ่อนผันเหมือนกัน แล้วอย่าคิดนะว่าจะหนีชั้นพ้น เป็นหนี้ก็ต้องใช้สิ ไม่ใช่จะมาหนีกันหน้าด้านๆ”
“หยุด! หยุดตะโกนใส่พี่ไผ่ซะทีได้มั๊ย” ริวแทรกเข้าไปกั้นระหว่างพสุกับเจ้าหนี้เหล่านั้น แล้วตวาดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด จนทุกคนชะงัก
“แล้วเธอมาเกี่ยวอะไรด้วย” ผู้ชายคนหนึ่งถามกลับมาด้วยความไม่พอใจ หลังจากหายตกใจแล้ว
“ผมเกี่ยวอะไรมันไม่สำคัญหรอก แต่พี่เขาไปเป็นหนี้พวกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงมาโวยวายใส่เขาแบบนี้” ริวตอบโต้ด้วยสีหน้าเอาจริง เสียจนคนฟังบางคนเริ่มขยับถอยหลังด้วยอาการหวาดๆ
“...ริว...พอเถอะ...” พสุแตะไหล่เด็กหนุ่มแล้วแทรกเข้าไปประจันหน้ากับบรรดาเจ้าหนี้ของพรเทพแทน
“พ่อคุณเป็นหนี้พวกเรา เงินไม่ใช่น้อยๆ นะ เป็นสิบๆ ล้าน แล้วคุณจะทำเฉยไม่รับไม่รู้หรือไง” พอเห็นพสุยอมคุยหลายคนก็เริ่มแสดงอาการฮึดฮัดเพื่อแก้หน้าที่เผลอแสดงความเกรงกลัวริวเมื่อสักครู่
“ขอผมไปเยี่ยมพ่อก่อนได้ไหมครับ...แล้วค่อยคุยกันเรื่องหนี้สินของพ่อ...” พสุตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว
“ได้ไงกัน! เงินไม่ใช่น้อยๆ จะมาโยกโย้ผัดผ่อนไปเรื่อยได้ยังไง ไม่รู้แหละ ถ้าไม่คุยตอนนี้ก็ไม่ต้องไปย่งไปเยี่ยมกันหรอก” สตรีร่างอ้วนตวาดแหว ราวกับโกรธแค้นกับพสุมาสัก 10 ชาติ
“งั้นพี่ไม่ต้องคุย ริวจะโทรตามทนายมาคุยแทน” ริวสวนกลับด้วยความโกรธ แต่คนฟังอึ้งไปตามๆ กัน หลายคนเริ่มมองหน้ากันแล้วถอยไปซุบซิบกันเบาๆ ทำให้ริวรู้ทันทีว่าเขาเป็นต่อแล้ว ดูเหมือนคนกลุ่มนี้จะไม่ค่อยอยากให้ทนาย เข้ามาเกี่ยวข้อง แม้เด็กหนุ่มจะไม่รู้รายละเอียดในข้อกฎหมาย แต่ทุกครั้งที่มีปัญหาแล้วให้ทนายจัดการ เรื่องมักจะเรียบร้อยเสมอ
“เอ่อ...คุณไปเยี่ยมพ่อคุณก่อนก็ได้ พวกเราจะรออยู่แถวนี้ละกัน” ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มเป็นฝ่ายประนีประนอมขึ้นมาก่อน พสุหันไปขอบคุณแล้วรีบไปหาบิดาที่ห้องไอซียู ปล่อยให้บรรดาเจ้าหนี้ของบิดาถกเถียงกันเองอยู่ตรงนั้น
“คุณหมอ...สวัสดีครับ” พสุทักทันทีที่เห็นนายแพทย์เจ้าของไข้ ออกมาจากห้องของบิดา
“สวัสดีครับ คุณมาพอดี ทางเรากำลังโทรไปตามเลยครับ คุณพรเทพฟื้นแล้ว...คุณเข้าไปเยี่ยมได้นะครับ แต่อย่าเพิ่งชวนพูดคุยมากนัก เพราะคุณพรเทพยังอ่อนแออยู่มาก”
“ขอบคุณครับหมอ” พสุไหว้ขอบคุณหมอแล้วหันไปยิ้มกับริวด้วยความดีใจ ความหวังที่พ่อจะหายในเร็ววันเรืองรองขึ้นมาอีกครั้ง
“พ่อ...” พสุตรงเข้าไปกุมมือคนบนเตียง ความผ่ายผอมของมือที่เขาจับทำให้ชายหนุ่มใจหาย ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน พรเทพยังค่อนข้างท้วม แต่ตอนนี้กลับผอมลงราวกับคนละคน แสดงว่าช่วงที่ผ่านมาพรเทพคงลำบากมากหรือไม่ก็ต้องมีอาการป่วยอยู่แล้วถึงได้ผอมขนาดนี้
ดวงตาในเบ้าตาลึกกระตุกถี่ๆ ก่อนจะลืมขึ้นมามองเพดานห้องนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ถึงเหลือบมามองพสุนิ่ง นาน กว่าจะกะพริบถี่อีกครั้ง แววตาเป็นประกายกล้าแทนความเลื่อนลอยแต่แรก แสดงให้รู้ว่าพรเทพเองก็จำพสุได้
“พ่อครับ...ไผ่มาแล้วนะครับ...”
“...” พรเทพพยายามจะเปล่งเสียง แต่ปากกระตุกเบี้ยวไปข้างเพราะไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้ ท่อยางของเครื่องช่วยหายใจที่คาอยู่ในปากทำให้พูดไม่ได้ แต่พรเทพก็พยายามจะฝืนพูดจนพสุต้องรีบห้าม
“อย่าเพิ่งพูดครับพ่อ...หมออยากให้พ่อพักมากๆ...”
พรเทพกะพริบตา แล้วพยายามจะเปล่งเสียงอีกครั้ง แต่ก็ไร้ผล
“ให้เขียนหนังสือได้นะคะ แขนข้างขวายังพอมีแรง” พยาบาลสาวเดินเข้ามาหยิบไวท์บอร์ดและปากกาส่งให้พสุ ชายหนุ่มรับอุปกรณ์มาแล้วมองหน้าบิดาเพราะไม่แน่ใจว่าพรเทพจะเขียนไหว แต่สายตาของพรเทพที่เหลือบมองปากแล้วมองหน้าพสุ ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจสอดปากกาเข้าไปในมือขวาให้พรเทพ แล้วถือไวท์บอร์ดไว้ให้ใกล้มือบิดา มือสั่นเทิ้มกระตุกเป็นระยะๆ พยายามจะเขียนตัวหนังสือลงบนไวท์บอร์ด แต่กลับเขียน ข. ไข่ อ.อ่าง โย้เย้ กับสระโอ ได้แค่สามตัวแล้วหมดแรงจะเขียนต่อได้แต่นอนหอบหายใจแรง
แม้ตัวหนังสือของพรเทพจะลากยึกยือแทบไม่เป็นตัว แต่พสุกลับเข้าใจสิ่งที่พรเทพพยายามจะบอก
“ขอ...ขอโทษ...ขอโทษเหรอครับพ่อ?” พสุถามบิดาด้วยความงุนงง พรเทพพยายามพยักหน้าแล้วหอบหายใจ สายตาที่มองพสุเป็นประกายเศร้าโศกจนชายหนุ่มแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
“ขอโทษทำไมครับ ไผ่ต่างหากที่ต้องขอโทษพ่อ...ที่ผ่านมา ไผ่พูดไม่ดีกับพ่อไว้เยอะแยะ...ไผ่ขอโทษนะครับ พ่อยกโทษให้ลูกอกตัญญูคนนี้ได้มั๊ยครับ”
พสุก้มกราบบนต้นแขนบิดาเพื่อขออภัยในสิ่งที่เคยทำก่อนจะกุมมือผอมไว้ พรเทพถอนใจยาว หลับตาแล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มือที่พสุกุมไว้บีบตอบเบาๆ ชายหนุ่มจึงยกมือของบิดาขึ้นวางบนศีรษะ นิ้วผอม จับผมนิ่มเบาๆ เท่าที่เรี่ยวแรงจะมี ขณะที่น้ำตาไหลลงมาเป็นทาง
“พ่อครับ...อย่าร้องไห้...พ่อร้องไห้ไผ่ยิ่งบาปนะครับ...” พสุพยายามฝืนทำเสียงร่าเริงเพื่อให้บิดาสบายใจ พรเทพจ้องมองหน้าลูกอยู่ครู่หนึ่งก็เหลือบมองปากกา พสุจึงหยิบมาใส่มือให้บิดาอีกครั้ง
ตัวหนังสือยึกยือ ดูรู้ว่าพรเทพพยายามจะเขียนคำว่า รั......ล.... แล้วหมดแรงเพียงเท่านั้น แต่พสุก็เข้าใจ ชายหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจที่รู้ว่าพ่อจะบอกอะไร
“ไผ่ก็รักพ่อครับ...พ่อรู้ใช่มั๊ยว่าพ่อเป็นไอด้อลของไผ่...ที่ไผ่พยายามประกวดร้องเพลง หัดเล่นดนตรี ก็เพราะอยากเก่งเหมือนพ่อ ไผ่เคยฝัน...ว่าสักวัน เราพ่อลูกจะได้ยืนบนเวทีเดียวกัน ร้องเพลงด้วยกัน...พ่อหายเร็วๆ นะครับ เราจะได้ร้องเพลงด้วยกันอีก”
พรเทพส่ายหน้าขณะที่น้ำตายังไหลไม่หยุด สายตาที่จ้องมองพสุ เต็มไปด้วยคำพูดมากมาย ที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ แม้จะยังมีเรื่องที่อยากบอกลูก แต่ด้วยสภาพร่างกาย ทำให้พรเทพทนฝืนลืมตาอยู่ไม่นานก็ผล็อยหลับไปอีก พสุนั่งกุมมือพ่อไว้แน่น ขณะที่ริวก็ยืนรอนิ่งๆ อยู่ข้างหลังโดยไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ในห้องจึงมีเพียงเสียงเครื่องปั๊มของเครื่องช่วยหายใจ กับเสียงสัญญาณชีพจรที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กระทั่งมีเสียงเคาะประตูเบาๆ พสุหันกลับไปมอง ก็เห็นพยาบาลมายืนคอยอยู่หน้าห้องกระจกแล้ว
“พี่...เขาคงให้เราเยี่ยมได้แค่นี้...”
“พ่อครับ...หมอให้เยี่ยมแค่นี้ แต่ไผ่จะอยู่ที่หน้าห้องนะครับ...พ่อหายเร็วๆ นะ...ตอนนี้ไผ่ไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากพ่อคนเดียว พ่ออย่าทิ้งไผ่ไปนะครับ” พสุกระซิบบอกบิดาเบาๆ ก่อนจะจูบบนหลังมือผอมแล้ววางไว้ข้างตัวอย่างเดิม
พยาบาลในชุดปลอดเชื้อเช่นเดียวกับพสุและริว เข้ามาตรวจดูน้ำเกลือ พสุกับริวจึงจำต้องออกไปยืนดูอยู่หน้าห้อง จนกระทั่งได้เวลาต้องกลับไปที่วัด
…………………………………………………………………….
-
แง๊ สงสารพี่ไผ่ไม่หมดเคราะห์ซะที ช่วงนี้เรื่องออกแนวเค็มๆเพราะน้ำตาท่วมเลย :monkeysad:
-
อยู่ช่วงเบญจเพศอ๊ะป่าวเนี่ย
น่าสงสารพี่ไผ่
เรื่องเจ้่าหนี้ขอให้ริวใช้อำนาจที่มีจัดการให้สิ้นซากไปเลยเฮอะ
-
สงสารไผ่จัง เสียแม่แล้วพ่อยังมาป่วยอีก แถมมีเจ้าหนี้มาทวงเงินอีก
แต่พ่อไผ่คงสำนึกผิดแล้ว ขนาดไม่สบายยังเขียนขอโทษไผ่เลย
ตอนนี้มีแต่มาม่า ไม่ไหว
ริวเดี๋ยวนี้คอยปกป้องไผ่ตลอด ดีมากเลย
ยิ่งช่วงนี้มีแต่เศร้าต้องคอยอยู่ข้าง ๆ นะ
-
สงสัยปร้าแกเห็นเป็นช่วงปลายเดือน เลยส่งพายุมาม่าตะร๊อดๆๆๆ
:laugh:
ต๊ายไม่จริงเคอะ เดี๊ยนบริโภคมาม่าเป็นอาหารหลักอยู่แร้วตะหาก
ตอนนี้ต้องปั่นหวานหรอก ถึงปิดต้นฉบับไม่ได้ซักที
จริ! เดี๋ยวส่งไปอย่ามาโวยว่าน้ำตาลขึ้นนะเค๊อะ :a14:
-
:monkeysad: :sad11:
:pig4: :pig4:
-
จะมาม่าอีกนานไหมสงสารพี่ไผ่จะแย่อยู่แล้ว....
-
สงสารพี่ไผ่ที่สุดเลยอ่า
พวกเจ้าหนี้ก็หน้าเลือดเกิ๊น
มารอตอนต่อไปครับ
-
สงสารพี่ไผ่จัง :m15: :m15: :m15 ทำเราร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร จนคนข้างตัวถามว่า อะไรเนี่ยอ่านนิยายแล้วร้องไห้ มองหน้าเราประมาณว่า บ้าป่ะ
ก็คนเคา้าสงสารพี่ไผ่นี่เนอะ แต่จริงๆ ก็ยังมีข้อดีนะ เพราะถ้าพ่อไม่เป็นอะไร พี่ไผ่ต้องโกรธพ่อมาก แล้วพ่อลูกก็ต้องทะเลาะกันอีก
-
เศร้ามากมาย กินมาม่ากันต่อเนื่องต่อไป
กว่าจะได้ซึนามิ มานี่ เสียน้ำตาไปหลายโอ่งแน่ๆเลย
-
มรสุมนี้จะผ่านไป
-
โอยยยยยยยยยย :serius2: :serius2:
:m15: :monkeysad: :sad11:
เม้นไม่ออกมาสามตอนแล้ว
เข้ามาเพื่อเสียน้ำตาโดยเฉพาะ
งือ...ไม่รู้จะพูดยังไง
ขอไปซับน้ำตาทำใจตามไผ่ก่อนล่ะกัน
:o12:
-
ให้ทนายมาจัดการเลย ริว จบๆเลยคราวนี้
-
:sad4:สงสารไผ่มากมายอ่ะค่ะ
-
อ่านไปน้ำตาจะก็ไหลไปด้วย
สงสารพี่ไผ่ที่สุดของที่สุดเลยตอนนี้
แม่ตายไม่พอพ่อมาป่วยหนักอีก
ขอให้เรื่องร้ายๆมันผ่านไปเร็วด้วยเถอะ
น้องริวอยู่ข้างๆคอยเป็นกำลังใจให้พี่ไผ่ด้วยน่ะ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
เจ้าหนี้นี่มารุมกันซะเหมือนแร้งลงเลย
คนจะเจ็บจะตายไม่สนเลยวุ๊ย
เศร้าใจๆ
-
:monkeysad: กระอึก กระอึก จุก อืดไปหมด
แต่ยังยืนยัน นอนยัน ดีใจที่มีริวอยู่ข้างๆพี่ไผ่ มิฉะนั้นไผ่อาจจะรับไม่ไหวก็ได้ :m15:
-
:monkeysad:
-
ริวรวย จัดการเจ้าหนี้โลด อย่าให้มากวนใจสุดที่รักได้อีก !
-
:z3: :o12: :o12: สงสารไผ่จัง ฉากเรียกน้ำตาของสองพ่อลูกสุดยอดจิงๆ
-
ส่งสารพี่ไผ่ กระซิกๆ พี่ไผ่เจ้าหนี้เยอะจังง่า
ถ้ายังไง ริวช่วยเทคโอเวอร์เป็นเจ้าหนี้รายเดียวพอได้มั๊ย
ไว้ค่อยคิดดอกเบี้ยทบต้นทุน คืนละสองสามดอก พอ :-[ :-[ :-[
-
:m15:
ตอนที่อ่านตอนนี้กำลังกินข้าวต้มอยู่ ได้ฟิลประหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในงานศพแม่พี่ไผ่ :o12:
โถ พี่ไผ่ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริง ๆ แต่ก็ดีแล้วนะคะ ที่พี่ไผ่กับคุณพ่อเข้าใจกันซักที :sad4:
หวังว่าฉากมาม่าของนิยายเรื่องนี้คงใกล้ถึงจุดจบแล้วนะคะ น้ำหมดตัวแล้ววววว (น้ำตานะ อิอิ)
หวังว่าพอพายุผ่านพ้นไปแล้ว คงจะได้ยินข่าวดี (NC) ซะที :impress2:
รักไรเตอร์ค่ะ :กอด1:
-
อ่านไปน้ำตาจะไหลไปจริงๆค่ะ สงสารพี่ไผ่มากกกกกกกกกก
-
:sad4:สงสารพี่ไผ่ มาม่าท่วมเล้าเป็ดแน่ๆ
-
อยากให้เรื่องร้าย ๆ ผ่านไปเร็ว ๆ :กอด1:
-
ก็ดีประดังประเดมาทีเดียว เสียใจครั้งเดียวแล้วก็จบเก๋ๆ
-
สงสารไผ่ :sad4:
-
ขอให้พ่อไผ่หายวันหายคืนไปทันเผาแม่ด้วยเถอะแล้วก็ขอให้ปรับความเข้าใจกันซะ
ไผ่จะได้หายเศร้าซะที
ริวดูแลไผ่ดีดีนะ
ช่วงนี้เป็นไรกันหว่าน้ำตาท่วมจอเลย
-
ไรเตอร์ขา มิ้นรับประทานมาม่า จนจะเป็นโรคขาดสารอาหารอยู่แล้วนะคะ
แอบดีใจนิดนึงที่ คุณพ่อกะพี่ไผ่ เข้าจะกันซะที
ปล.ฝากไปบอกพี่ไผ่ด้วยว่า เรื่องเจ้าหนี้ ควรให้ทนายไปคุยนะคะ อย่าได้คุยเองเลยเชียว
ปล.2 หวังว่าริวจะไม่ออกตังใช้หนี้ให้คุณพ่อพี่ไผ่นะคะ
-
อ่า~อะไรกันนี่
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
กระหน่ำเข้าใส่พี่ไผ่
น่าสงสารที่สุดเลย
แม่เพิ่งจากไป แล้วนี่อะไร
พ่อก็มาป่วยหนักอีก
เท่านั้นไม่พอ เจ้าหนี้มารุมทึ้งอีก
เฮ้อ~จะไหวมั้ยเนี่ยพี่ไผ่
ขอให้ผ่านมรสุมช่วงนี้ไปให้ได้นะ
แล้วหลังจากนั้นขอให้ชีวิตสดใสน๊า
น้องริวเป็นกำลังใจให้พี่ไผ่ด้วยนะ
-
พี่ไผ่ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ซะจริง ริวดูแลไผ่ดีๆนะ
-
:o12: :o12: เมื่อไรพายุมาม่าจะผ่านไปอ่ะะะะะะะะ
-
ถึงคราวเคราะห์
เราก็เส้าตามนะ เคยเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ อย่างนี้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่พ่อแม่เหมือนพี่ไผ่ ไผ่คงเส้ามากแน่
หนูริวช่วยแก้ปัญหาและปลอบพี่ไผ่ด้วยนะ
-
:monkeysad:
โฮๆๆ ประดังประเด อ่ะพี่ไผ่
เรื่องร้ายผ่านไปเร็วๆน้าาาา
><
-
มาม่ามาเป็นสึนามิจริงๆ
ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
เราร้องไห้ เพราะคิดถึงพ่อตัวเองขึ้นมา ท่านก็เคยอยู่ในICUในสภาพแบบนี้ก่อนที่จะจากเราไป
สู้ๆนะค่ะ
-
:m15: สงสารพี่ไผ่จังเลย
หวังว่าเรื่องต่างๆจะผ่านไปด้วยดี หนูริวดูแลพี่ไผ่ดีๆนะ
-
ตอนนี้พ่อลูกก็ปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ก็หวังว่าคุณพ่อจะหายป่วยไวๆ..
-
:sad4:
น้ำตาท่วมจอคอม
-
เกลียดไอพวกเจ้าหนี้นัก
จะเป็นจะตาย ทำได้ลงคอ
มันน่านักนะ
นู๋ริว จัดการด่วนนน
-
สงสารไผ่มาก ไม่รู้เคราะห์กรรมอะไรจะประเดประดังเข้ามาขนาดนี้ ริวดูแลพี่ดีๆนะ
-
อ่านไปน้ำตาไหลพรากๆเลย..
บรรยาความรู้สึกออกมาได้กินใจชัดเจนมากๆๆ
ส่งกำลังใจไปให้ไผ่นะครับ
น้องริวดูแลพี่ไผ่ดีๆนะ
-
:o12:
เรื่องมันเศร้า
สงสารพี่ไผ่
-
น้ำตาไหลโฮ หนูไผ่เจอมรสุมอะไรเยี่ยงนี้ :sad4: :sad4: :sad4:
-
อ๋อยย!! เศร้า สงสารไผ่ มีเรื่องเจ้าหนี้ตามมาอีกแล้ว T T
-
:o12: :o12: :o12:
-
หนูริวให้เฮียอลันจัดการโลด หนูริวเล่นหุ้นครึ่งวันใช้หนนี้แทนพี่เค้าได้แล้ว ลุยยยยย :fire:
-
:m15:น้ำตาไหลพราก.......อ่านแล้วแทงใจดำ
-
:m15: :m15: :m15:
เศร้ามากมาย~~~~!!!!!!!
เศร้าไปไหนเนี่ย เกือบร้องไห้เรยอ่า
-
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
:monkeysad: บอกไม่ถูกทำไมไผ่ถึงเจอแต่เรื่องร้าย ๆ อยากให้ผ่านไปเร็ว ๆ จังจะได้ Happy สักที
:pig4: คะ
-
:m15: ชีวิตพี่ไผ่ช่างรัดทดจริงๆ
-
อย่างน้อยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
พี่ไผ่ก็ได้ปรับความเข้าใจกับคุณพ่อแล้วนะ :monkeysad:
-
เมื่อไรความเศร้าจะหายไปนะ
สงสารพี่ไผ่กับริวจังเลย
ริวคงช่วยพี่ไผ่ได้แน่เลยเรื่องเงินนะ
แต่ชินกี คงไม่เป็นตัวสร้างเรื่องต่อนะ
-
มาม่าอืด ๆ อร่อยดีอ่ะ อิ่มท้องมากมาย
จ่ายค่ามาม่า ไป 1 แต้มจ้ะ
-
เหอะๆ ไผ่จะไหวมั้ยนั่น เรื่องหนี้ให้ริวคุยดีกว่ามั้ง หุๆ ต้องโหดๆแบบริวถึงจะเอาอยู่นะ :laugh:
-
มันทำไมเป็นแบบนี้นะ ทั้งเคราะห์ซ้ำ กรรมซัด แล้วยังวิบัติซ้ำอีก
หวังว่าหลังพายุจะมีแต่ความสดใสนะ
-
:impress3:
สงสารพี่ไผ่ ไม่ว่าเรื่องไหนๆ
ทำไมช่วงนี้ถึงมีแต่มาม่านะ
-
ความจริงพ่อก็รักไผ่แหละเนอะ
อาจจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ต้องทำตัวร้ายๆในตอนแรกรึป่าว?
สงสารไผ่อ่ะ เรื่องประดังประเดเข้ามาไม่หยุดหย่อนเลย
เดี๋ยวแม่เสีย พ่อหัวใจวาย แถมมีเรื่องเจ้าหนี้อีก เฮ้อ
นี่ดีนะที่มีนู๋ริว ทุกอย่างริวจัดการได้ ใช่ม้าาาาาาา
-
ตามกฏหมายแล้วนะ หนี้ของพ่อแม่ไม่เกี่ยวกับ ลูกนิๆๆๆ
-
สงสารพี่ไผ่เคราะห์กรรมยังไม่หมดอีก
-
แม่พี่ไผ่เสีย พ่อโคม่า พี่ไผ่เสียใจ ริวก็ไม่ต่าง
แต่อ่านแถวนี้เป็นยิ่งกว่านั้นค้า เหมือนตกนรกกันเลยที่เดียว :sad4: :sad4:
มาต่อไวไวเถอะนะค่ะ ไม่เอามาม่าแล้ว (มุกแป๊ก)
อยากกระโดดกัดพวกเจ้าหนี้จริงๆ หมั่นไส้ น้องริวขาจัดการเอาเงินอุดปากมันเลยค่ะ :m31:
ปล.บีบคั้นหัวใจโคตร
-
:m15: :monkeysad: :sad11: :impress3:
ตอนก่อนๆหน้านี้ ก็โกรธคุณพรเทพแทนคุณสุดาและไผ่เหมือนกันแหละ
แต่ตอนนี้เห็นสภาพแล้วโกรธแกไม่ลงแระ มีแต่ความสังเวชแทน
ขอปลอบใจน้องไผ่และบรรดาFCของน้องไผ่ รวมทั้งตัวดิฉันเอง
ด้วยคำประพันธ์นี้ (จำได้ว่าเคยใช้ปลอบคนในบอร์ดนี้ไปแล้วด้วย ขอเอาของเก่ามาเล่าใหม่ละกัน)
ชวนคิดชวนไตร่ตรอง นราผอง ณ ยามตรม
ตกอับทุกข์ทับถม บ่ ฝังจมเสมอไป
ย่อมมีวันเสื่อมหาย ประดุจสายพิรุณใส
จากทุกข์กลับสุขใจ สว่างจิตเสมอสูรย์
มีมืดจึ่งมีแจ้ง สว่างแสงและจำรูญ
มีทุกข์มีอาดูร ก็ย่อมมีสุขานันท์
ความหวังดังแสงทอง ประภาผ่องนะพรายพรรณ
คราเมฆฝนแปรผัน จะโชติหล้าประดุจเดิม
หลังพายุผ่านพ้น ท้องฟ้าย่อมสดใสสวยงาม
ป.ล. "สังเวช" แปลว่า รู้สึกเศร้าสลดหดหู่ต่อผู้ที่ได้รับทุกขเวทนา
ที่ต้องแปลให้ด้วย ดิฉันกลัวบางท่านจะคิดความหมายคำนี้ไปทางลบเจ้าค่ะ
-
ชวนคิดชวนไตร่ตรอง นราผอง ณ ยามตรม
ตกอับทุกข์ทับถม บ่ ฝังจมเสมอไป
ย่อมมีวันเสื่อมหาย ประดุจสายพิรุณใส
จากทุกข์กลับสุขใจ สว่างจิตเสมอสูรย์
มีมืดจึ่งมีแจ้ง สว่างแสงและจำรูญ
มีทุกข์มีอาดูร ก็ย่อมมีสุขานันท์
ความหวังดังแสงทอง ประภาผ่องนะพรายพรรณ
คราเมฆฝนแปรผัน จะโชติหล้าประดุจเดิม
ขออนุญาตเก็บไว้อ่านนะคะ เพราะมากๆค่ะ :pig4: ถ้าไม่ติดว่าแต่งไปแล้วจะเอาไปใส่ในเนื้อเรื่อง แหะๆ
:กอด1:
-
อ่านทั้งวันเลย ตามทันแล้วครับ สนุกมากๆ รีบมาต่อไวๆนะครับ ^^
-
เรื่องนี้ต้องอ่านเวลาหิวข้าวค่ะ o13
อ่านแล้วอืดเลยทีเดียว มาม่าเต็มท้อง :laugh: :o12:
-
มาม่าสุดๆ
-
คิดว่าตอนที่แล้วบีบหัวใจแล้วนะ
แต่ตอนนี้มันยิ่งกว่าอีก :sad4:
-
มาม่าอืดขึ้นนคอเลยค่ะ :sad4:
พี่ไผ่ :o12:
-
ไผ่น่าสงสารง่ะ เริ่มจะดราม่าเข้าขั้นแล้วสิ (เข้าขั้นอ่านไปน้ำตาร่วงไปง่ะ :o12:)
ตอนต่อไป ตอนต่อไป มาเร็วๆ น้า คิดถึงค่ะ :monkeysad:
-
เสียน้ำตามาเยอะ อยากจะเสียเลือดบ้างอะไรบ้างอ่ะค่ะป้าฃา อิอิ
-
นานๆโผล่มาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ :bye2:
-
ตอนที่ 81
คืนนี้จะเป็นการสวดพระอภิธรรมคืนสุดท้ายและจะเผาในวันพรุ่งนี้ พสุจึงจำต้องกลับไปเร็วกว่าปกติเพราะคาดว่าคืนสุดท้ายคนคงมากันมากกว่าทุกคืน
ทันทีที่ลงจากรถก็เจอกับกองทัพนักข่าวที่ดูเหมือนจะมากกว่าเดิมเกือบเท่าตัวจนพสุแปลกใจ และชายหนุ่มก็ได้คำตอบทันทีที่นักข่าวคนแรกปรี่มาถึงตัว
“จริงหรือเปล่าคะน้องไผ่ที่ว่าคุณพ่อไปติดหนี้ไว้เป็นร้อยล้านจนจะโดนฟ้องล้มละลายน่ะค่ะ”
“อะไรนะครับ หนี้อะไรนะ?” พสุถามด้วยความงุนงงกับข้อมูลของนักข่าว เขาไม่คิดว่าบิดาจะมีหนี้สินมากมายขนาดนั้น
“มีคนให้ข่าวค่ะ ว่าคุณพรเทพไปสร้างหนี้สินไว้ เกือบๆ สามร้อยล้านแน่ะคะ ตอนนี้เขากำลังจะฟ้องล้มละลาย จากคุณพรเทพนะคะ”
พสุสะอึก นี่เองเขาถึงไม่เจอบรรดาเจ้าหนี้ของบิดาที่บอกไว้ว่าจะมาตกลงเรื่องหนี้สินด้วย แสดงว่าคนเหล่านี้วิ่งโร่มาฟ้องนักข่าวแทนที่จะรอเคลียร์หนี้สินกับเขาอย่างที่คุยกันไว้
“ไผ่คะ...ตกลงว่าเป็นความจริงใช่มั๊ยคะ แล้วอย่างนี้จะทำยังไงละคะ ถ้าเกิดทางโน้นเขาฟ้องร้องขึ้นมา?”
สีหน้าของพสุนั้นจืดเจื่อนด้วยความสับสนและอับอาย แต่ริวนั้นตาเป็นประกายวาววับด้วยความโกรธ เด็กหนุ่มแทรกตัวเองเข้าไปบังหน้าพสุไว้เป็นจังหวะเดียวกับที่กรเวชแหวกนักข่าวเข้ามาถึงตัวพสุพอดี
“ขอโทษนะครับ ผมว่าเรื่องนี้เป็นแค่ข่าวโคมลอยแล้วล่ะ เอาอย่างนี้ดีกว่านะครับ ขอให้เสร็จจากงานคุณแม่น้องไผ่ก่อน แล้วทางบริษัทจะให้น้องไผ่เปิดแถลงข่าวเรื่องคุณพ่อ แต่ตอนนี้แขกผู้ใหญ่มาเต็มงานแล้ว ขออนุญาตให้น้องไปต้อนรับแขกก่อนนะครับ...ไปเร็วไผ่ เราเป็นเจ้าภาพ ให้ผู้ใหญ่รอมันไม่เหมาะ” กรเวชหันไปบอกพสุแล้วพยักหน้าเรียกคนของบริษัทที่เขมชาติส่งมาช่วยงาน ให้เข้ามาช่วยกันนักข่าวออกไป
“เดี๋ยวสิครับไผ่ แล้วอาการป่วยของคุณพรเทพละครับ...”
“แล้วน้องไผ่จะแถลงข่าววันไหนละคะ”
นักข่าวยังตามเซ้าซี้ไม่เลิก เพราะข่าวเสียหายแบบนี้น่าสนใจเสียยิ่งกว่าข่าวเจ็บป่วยของบิดาพสุ กรเวชดึงพสุออกมาจากวงล้อมนักข่าว โดยไม่สนใจสายตาแห่งความไม่พอใจ เขาเหลือทนแล้วกับสภาพที่พสุต้องเจออยู่ในตอนนี้
ริวเดินตามหลังพสุไปติดๆ เด็กหนุ่มเหลือบมองสีหน้าเหี้ยนกระหือรืออยากได้ข่าวของบรรดาสื่อมวลชนที่ตาม หลังพสุมาแล้วก็ได้แต่เม้มปากด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อกรเวชพาพสุเข้าไปในศาลาที่ตั้งศพ บรรดานักข่าวก็ไม่ได้ตามเข้าไปรุมล้อมอีก เพราะภายในงานมีแขกผู้ใหญ่ค่อนข้างมาก การรักษาความปลอดภัยจึงเข้มงวด สื่อมวลชนส่วนใหญ่จำต้องรออยู่ด้านนอก หากจะเข้าไปในศาลา ต้องไม่นำอุปกรณ์ถ่ายภาพรวมถึงเทปบันทึกเสียงเข้าไป เพื่อไม่ให้รบกวนแขกที่มาร่วมงาน พอเข้าไปในศาลา เพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ ที่รออยู่ในศาลาก็ลุกมาตบบ่าตบไหล่ให้กำลังใจพสุ
กรเวชเดินนำพสุ ไปไหว้แขกผู้ใหญ่ที่มานั่งรอฟังสวดพระอภิธรรม ริวกับเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ ก็เดินตามหลังพสุไปติดๆ เพราะแขกที่มาร่วมงานมีทั้งแขกของครอบครัวพสุและแขกของบริษัท
“จะไปไหน?” พสุคว้าแขนริวไว้ทันทีที่เด็กหนุ่มทำท่าจะเดินออกไป แทนที่จะอยู่ข้างๆ เขาเหมือนปกติ
“ไปห้องน้ำครับ” พสุพยักหน้าแล้วปล่อยแขนเด็กหนุ่ม
“รีบไปรีบมานะ...แล้วก็เลี่ยงๆ นักข่าวหน่อยละกัน” พสุเตือนเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง เขารู้ว่าริวโกรธนักข่าวแทนเขา แต่ถ้าไม่ปรามไว้ริวอาจจะเผลอทำอะไรให้นักข่าวจับไปเป็นประเด็นตำหนิได้
“ครับ” ริวรับคำเบาๆ แล้ว เหลือบไปมองนักข่าวก่อนจะหันกลับมามองพสุอย่างห่วงใย แต่เมื่อเห็นว่ากรเวชและเพื่อนๆ รายล้อมรอบตัวพสุ เด็กหนุ่มก็มั่นใจว่าคงไม่มีใครปล่อยให้นักข่าวเข้ามากวนใจพสุได้อีก
ทันทีที่เข้าไปในห้องน้ำ ริวก็ต่อสายข้ามทวีปเพื่อจัดการกับปัญหาเร่งด่วนที่กวนใจเขามาทั้งวัน
“อลัน...ฉันอยากได้ทนายมือหนึ่งสักคน”
“จะให้จัดการเรื่องหนี้สินของพ่อพสุเหรอ”
คำถามที่ย้อนกลับมา แสดงถึงประสิทธิภาพคนของอลันที่ถูกส่งมาตามดูแลเขา ไม่ว่าริวจะขยับทำอะไร เรื่องทั้งหมดคงถูกส่งตรงถึงอลันชนิดละเอียดยิบในทันที อลันถึงรู้เรื่องรวดเร็วขนาดนี้ ริวเหลือบตาขึ้นมองเพดานแล้วถอนใจเฮือกอย่างเซ็งๆ แต่คิดอีกทีก็ดีที่อลันรู้เรื่องหมดแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องอธิบายให้มากความ
“ใช่...เร็วที่สุดด้วยนะ ฉันไม่อยากให้เจ้าหนี้กับนักข่าวมาวุ่นวายกับพี่ไผ่อีก”
“ได้...พรุ่งนี้จะให้ทนายเข้าไปพบพสุ...”
“ไม่ต้อง! ให้ไปเคลียร์กับบรรดาเจ้าหนี้เลย จัดการให้เรียบร้อยก็พอ ไม่จำเป็นต้องให้พี่ไผ่มาปวดหัวกับปัญหานี้อีก”
“นายจะจ่ายหนี้แทนพสุหรือไง” อลันย้อนถามเสียงเรียบ เพราะแน่ใจอยู่แล้วว่าริวจะตอบว่าอะไร
“ใช่ คนของนายทำได้ใช่มั๊ยอลัน”
“แน่นอน...พรุ่งนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย ส่วนเรื่องนักข่าว...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขมชาติออกโรงไป นายไม่ต้องกังวลอะไรอีก”
“ขอบใจ”
“ริว...มีอีกเรื่อง...มีคนมาตามหานาย ชั้นเช็คประวัติแล้ว...เขาเป็นญาติของคุณนามิ”
“ไม่จำเป็น ชั้นไม่ต้องการญาติหลังจากที่เสียแม่ไปแล้ว ชั้นมีพี่ไผ่คนเดียวก็พอ”
“...นายจะไม่คิดดูอีกทีเหรอ?” อลันถามเสียงอ่อนลง ถึงอย่างไรเขาก็ยังอยากให้ริวได้ติดต่อกับญาติพี่น้องบ้าง
“ไม่! แค่นี้นะ”
“ฉันแค่ห่วง...”
ริวกดตัดสายแล้วเม้มปากนิ่ง ญาติงั้นเหรอ? นึกยังไงถึงเพิ่งมาตามหาเขาเอาป่านนี้ แม่ออกจากญี่ปุ่นมาเกือบ 20 ปีแล้ว เพิ่งนึกอยากจะนับญาติกับเขาขึ้นมาหรืออย่างไร? เด็กหนุ่มไหวไหล่ แล้วกลับไปหาพสุ ลืมเรื่องญาติไปจากสมองอย่างรวดเร็ว
ริวตั้งใจจะเดินผ่านนักข่าวเข้าไปเงียบๆ แต่กลับโดนรุมล้อมจนเดินหนีไม่ได้
“น้องริวคะ น้องไผ่เขาเล่าเรื่องคุณพ่อให้ฟังบ้างหรือเปล่าคะ”
“จริงหรือเปล่าคะน้องริวที่คุณพ่อน้องไผ่เขาเป็นหนี้เกือบสามร้อยล้าน”
“แล้วน้องริวสนิทกับไผ่นี่คะ น้องริวพอจะทราบมั๊ยคะว่า...”
“ผมคงตอบแทนพี่ไผ่ไม่ได้หรอกครับ อยากรู้อะไร รอถามพี่ไผ่วันแถลงข่าวดีกว่าครับ ขอตัวนะครับ” ริวตอบเสียงเรียบๆ แล้วเดินลิ่วๆ ไปยืนข้างพสุที่ตอนนี้ออกไปยืนรอรับแขกอยู่หน้าศาลา ชายหนุ่มหันกลับมามองอย่างเป็นห่วง แต่กรเวชเป็นคนถามขึ้นมาเสียก่อน
“มีอะไรหรือเปล่าริว”
“แค่พยายามถามเรื่องพี่ไผ่ครับ ริวก็ตอบว่าให้รอถามพี่ไผ่วันแถลงข่าว”
“อืม ดีแล้วล่ะ...” กรเวชพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะหันไปไหว้แขกผู้ใหญ่อีกท่านที่เพิ่งมาถึง
“เฮ้อ! ตามจิกตามกัดไม่ปล่อยจริงๆ ไอ้พวกนี้” ไวยากรณ์บ่นพึมพำหลังจากที่รอจนแขกเดินคล้อยหลังไปแล้ว
“อย่าพูดอย่างนั้นไวย์ มันคือหน้าที่เขา เขาเป็นสื่อก็ต้องหาข่าวให้ได้...ส่วนจะบอกแค่ไหน ก็เป็นสิทธิ์ของเราที่จะเปิดพื้นที่ส่วนตัวให้เขาแค่ไหน...การไปเหวี่ยงใส่สื่อไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่เป็นการสร้างปัญหา เข้าใจมั๊ย” กรเวชดุเสียงเขียว เพราะวันนี้มีสื่อมาถามไวยากรณ์เรื่องบิดาของพสุ ผลก็คือโดนไวยากรณ์ย้อนกลับด้วยคำพูดทำนองที่ว่าเขาไม่เคยสอดจมูกไปยุ่งเรื่องส่วนตัวพสุ เลยโดนนักข่าวเขียนข่าวด่ายับ
“สาธุ๊...พี่ดลขอยืมยี่สิบดิ๊ จะติดกัณฑ์เทศน์ซะหน่อย” พูดจบไวยากรณ์ก็เผ่นไปยืนเสียห่างพ้นระยะมือของกรเวช
“เดี๋ยวเถอะ ทะลึ่งนักนะ...” กรเวชพึมพำด่าเบาๆ เพราะแขกอีกกลุ่มกำลังเดินเข้ามา
........................................
ห้องนั่งเล่นกลายเป็นห้องนอนอีกคืน เมื่อกลับจากวัดพสุก็เลือกจะนั่งกอดหมอนนิ่งๆ อยู่บนพรมกลางห้อง ขณะที่ริวประจำอยู่หน้าเปียโน เพลงแล้วเพลงเล่าที่ผ่านปลายนิ้วส่งท่วงทำนองอ่อนโยนแทนคำปลอบประโลมจนพสุฟุบหลับไปกับกองหมอนเพราะพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนเพลีย
ริวหยุดเล่นเมื่อสังเกตเห็นอาการหายใจสม่ำเสมอของพสุมาครู่ใหญ่ๆ เด็กหนุ่มลุกเข้าไปหยิบผ้านวมผืนใหญ่ออกมาห่มให้พสุแล้วลดอุณหภูมิลงอีก ก่อนจะกลับมาสอดตัวลงในผ้าห่มผืนเดียวกัน ริวดึงตัวพสุเข้ามากอดซ้อนไว้ข้างหน้า ให้ศีรษะของพสุหนุนอยู่บนไหล่พอดี แล้วโอบแขนไว้รอบเอวพสุแน่น จมูกโด่งจรดบนผมนิ่มสูดกลิ่นหอมอบอุ่นไว้ในอก แล้วกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
“พี่รู้ใช่มั๊ยว่าพี่มีริว...ริวรักพี่นะ” เด็กหนุ่มกระซิบเบาๆ แล้วหลับตาลงแต่กลับต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วเรียวที่สอดเข้ามาประสานกับมือของเขากระชับทั้งที่ยังหลับสนิท ริวยิ้มกับความมืดแล้วขยับวงแขนที่ซ้อนกันให้แน่นยิ่งขึ้น เสมือนจะยืนยันว่าอ้อมแขนของเขาจะกอดพสุไว้แบบนี้ตลอดไป
........................................................................................
กลุ่มควันสีดำบนยอดปล่องค่อยๆ จางลงทีละน้อย เช่นเดียวกับความเริงร้อนของตะวันยามบ่ายที่ค่อยๆ ลดลงจนเหลือเพียงลำแสงสีเหลืองอบอุ่นสาดส่องทุกสรรพสิ่งให้ทอดเงายืดยาวไปบนลานคอนกรีต
พสุถอนใจยาวเมื่อรู้สึกถึงมืออุ่นๆ ที่มาโอบไหล่เขาไปกอดไว้แน่น...
“กลับบ้านกันนะพี่”
“อืม...แม่ครับ กลับบ้านกันนะครับ” พสุเงยหน้าขึ้นกระซิบบอกกับสายลม แล้วประคองกระถางธูป ไปขึ้นรถตู้ และต้องคอยต่อธูปไปตลอดทางจนถึงบ้านสวน พสุยกกระถางธูปเดินนำริวขึ้นไปห้องพระชั้นบน ส่วนริวถือรูปของสุดาเดินตามขึ้นไปติดๆ เมื่อเข้าไปในห้องพระ พสุนำกระถางธูปไปวางบนถาดรองหน้าโต๊ะ ขณะที่ริววางกรอบรูปสุดาลงบนโต๊ะเล็กห่างจากโต๊ะหมู่บูชาไม่มากนัก พสุยังนั่งมองรูปมารดานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงหันมากราบพระ
“หลวงพ่อครับ ไผ่ฝากแม่ด้วยนะครับ” พสุอธิษฐานเบาๆ หลังจากกราบพระเสร็จ แล้วถึงขยับมายังรูปของมารดา
“...แม่ครับ ไผ่อยากพาแม่ไปอยู่บ้านไผ่ แต่คิดว่าแม่คงอยากอยู่ที่นี่มากกว่า ส่วนเรื่องที่แม่เคยคุยกับไผ่ ไผ่ไม่ลืมนะครับ พรุ่งนี้ไผ่จะจัดการให้เรียบร้อย แต่ตอนนี้ไผ่ต้องไปหาพ่อที่โรงพยาบาลก่อนจะหมดเวลาเยี่ยม...แม่ช่วยคุ้มครองพ่อ ให้พ่อหายเร็วๆ ด้วยนะครับ” พสุกระซิบบอกมารดา แล้วก้มลงกราบดุจเดียวกับที่เคยกราบลงบนตักของแม่ หยาดน้ำที่หยดลงบนกระดานขัดเป็นเงา แสดงความอ่อนแอของเขาอีกครั้ง
ริวกราบพระและกราบรูปของสุดาแล้วนั่งรอพสุเงียบๆ ทั้งที่อยากจะกอดปลอบพสุใจแทบขาด แต่เด็กหนุ่มก็ยั้งตัวเองไว้ เพราะรู้ดีว่าไม่เหมาะไม่ควรกับสถานที่
พอทั้งคู่ลงมาชั้นล่าง ก็เจอป้าใจมานั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวก่อนแล้ว
“คุณไผ่คะ...พรุ่งนี้ป้าจะไปบวชนะคะ...” ป้าใจบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทั้งที่ดวงตายังแดงก่ำ
“ไปไหนนะครับป้า?”
“ป้าจะไปบวชชีอยู่ที่วัดค่ะ...ตอนนี้ป้าไม่มีอะไรให้ห่วงแล้ว ไม่มีคุณดาซะคนป้าก็อยู่บ้านนี้ไม่ได้...ป้าขอไปอยู่ที่วัดดีกว่าค่ะ...จะได้ปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตาย”
“ป้าจะไปบวชวัดไหนครับ”
“วัดที่เคยไปปฏิบัติธรรมกันประจำนั่นแหละค่ะ เดี๋ยวป้าให้พวกเด็กๆ มันพาไปส่ง...ส่วนบ้านนี้ ไอ้จิตมันอาสาจะดูแลให้”
“แต่จิตต้องทำงานประจำนี่ครับป้าใจ แล้วเมียเขาจะไม่ว่าอะไรเหรอ” พสุถามด้วยความไม่สบายใจนัก เกรงว่าเรื่องดูแลบ้านสวนจะกลายเป็นปัญหาให้หลานชายป้าใจ
“มันจะมาอยู่ที่บ้านคนงานกันทั้งผัวทั้งเมียแหละค่ะ คุณดาอุตส่าห์ส่งเสียให้มันเรียนหนังสือจนจบเกษตร จะว่าไปมันก็เหมือนเด็กในบ้าน ถ้าคุณไผ่จะให้ทำอะไรก็สั่งมันได้นะคะไม่ต้องเกรงใจ”
“ป้าใจครับ เรื่องไปวัดไม่ต้องให้ใครไปส่งนะครับ พรุ่งนี้ไผ่จะมารับ...เพราะแม่เคยสั่งไผ่ไว้ ว่าถ้าแม่...ไม่อยู่แล้ว ไม่ให้เอาแม่ไปลอยอังคาร แต่ให้เอาเถ้าถ่านไปโปรยที่วัด...แม่บอกว่า แม่ขอเจ้าอาวาสไว้แล้ว ท่านอนุญาต...แม่อยากอยู่ที่นั่นมากกว่า...”
ป้าใจนั่งนิ่งอั้นน้ำตาไหลพรากอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้พยักหน้า
“ค่ะ...คุณดาก็เคยสั่งป้าไว้ แต่ป้าไม่กล้าบอกคุณไผ่...ก็ดีค่ะ ป้าจะได้ไปอยู่ข้างๆ คุณดา...เผื่อวันที่ป้าตาย คุณดาเธออาจจะมารับ...”
“ป้าอย่าพูดอย่างนั้นสิครับ...ตอนนี้นอกจากพ่อ ไผ่ก็เหลือป้าใจคนเดียวนะครับที่เป็นญาติผู้ใหญ่...เป็นตัวแทนของแม่...ป้าใจต้องอยู่กับไผ่ไปอีกนานๆ นะครับ” พสุขอร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเบา แค่คิดว่าจะต้องเสียใครไปอีกเขาก็ใจวูบหายไปหมดแล้ว ป้าใจพยายามฝืนยิ้ม มืออูมลูบหัวพสุเบาๆ อย่างรักใคร่และสงสาร
“พ่อคุณของป้า...ป้าไม่รู้อนาคตนี่คะคุณไผ่...ถ้าเลือกได้ ป้าก็อยากจะอยู่กับคุณไผ่นานๆ...แต่ป้าแก่มากแล้ว ป้าไม่กล้าสัญญาหรอกค่ะ...คุณไผ่ต้องเข้มแข็งนะคะ...คุณไผ่ยังมีคุณเทพที่ต้องคอยดูแลท่านอีกคน...ตายจริงป้าก็มัวชวนคุย คุณไผ่จะรีบไปหาคุณเทพไม่ใช่เหรอคะ รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวตื่นมาไม่เจอใครท่านจะว้าเหว่”
“ครับ...พรุ่งนี้ไผ่จะมารับแต่เช้านะครับ” พสุรับคำแล้วบีบมือป้าใจเบาๆ ก่อนจะไหว้ลา
“ค่ะ...เดินทางปลอดภัยนะคะ คุณริวอย่าขับรถเร็วนักนะคะ ฝากคุณไผ่ของป้าด้วย”
“ครับ” ริวรับคำแล้วไหว้ลาป้าใจ ก่อนจะขับรถพาพสุกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง.........
พสุยกมือผอมขึ้นมากุมไว้ พรเทพยังหลับสนิท และพยาบาลที่เฝ้าก็ยืนยันว่าวันนี้เขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลย แต่อาการยังทรงตัวอยู่ พสุนั่งเฝ้าจนพยาบาลเข้ามาเตือนเพราะหมดเวลาเยี่ยม
“พ่อครับ...พรุ่งนี้ไผ่จะมาหาพ่ออีกนะครับ...แต่คงต้องเป็นตอนบ่าย เพราะตอนเช้าไผ่ต้องไปหาแม่ก่อน...พ่อหายเร็วๆ นะครับ...ไผ่รอพ่ออยู่นะ” พสุวางมือของพรเทพลงแล้วคลี่ผ้าออกห่มให้อย่างเบามือ ก่อนจะเดินตามริวออกมาจากห้อง……………
พสุเหลือบมองความวุ่นวายของการจราจรนอกรถ ก่อนจะถอนใจยาวอย่างล้าๆ ชายหนุ่มเกือบสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ก็มีผ้าเย็นๆ มาแตะที่ใบหน้า
“เช็ดหน้าหน่อยนะครับ” ริวยื่นผ้าขนหนูแช่เย็นมาให้ ปกติพสุจะมีผ้าขนหนูติดรถไว้เสมอ เพื่อให้ริวเช็ดมือเช็ดหน้าเวลาที่ต้องเจอกับคนมากๆ เพราะแม้ริวจะปรับตัวเรื่องเกลียดสัมผัสได้แล้ว แต่การได้เช็ดมือเช็ดหน้าจะช่วยให้ริวรู้สึกดีขึ้น...ไม่คิดว่าวันนี้คนที่ต้องพึ่งผ้าขนหนูแช่เย็นจะเป็นเขาเสียเอง
“ริว...”
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำแล้วหันกลับมามองหน้าเขาด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยจนพสุรู้สึกตื้นในอก
“เหนื่อยมั๊ย...เบื่อหรือเปล่าที่ต้องมาเป็นเพื่อนพี่แบบนี้ทุกวัน...ถ้ายังไงริวไม่ต้อง...” พสุพูดไม่ทันจบริวก็ตอบสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ราวกับรู้อยู่แล้วว่าพสุจะพูดอะไรต่อไป
“ไม่เหนื่อยแล้วก็ไม่เบื่อครับ ริวอยากอยู่กับพี่ ไม่ว่าจะที่ไหนริวก็อยากอยู่ด้วย”
“แต่พี่เกรงใจ...ริวขับรถพาพี่ตระเวนไปโน่นไปนี่ทุกวัน แล้วยังต้องมานั่งเงียบๆ ในห้องคนป่วยเป็นเพื่อนพี่อีก”
“พี่ไผ่ได้อยู่กับพ่อแล้วมีความสุขมั๊ย?” แทนที่จะตอบคำถามริวกลับเป็นฝ่ายถามพสุแทน
“มีสิ...พี่กับพ่อ...เราแทบไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้เลยนะ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เราได้อยู่ด้วยกันนานๆ ตอนนั้นพี่ยังเด็กๆอยู่เลย พ่อเขางานยุ่งตลอดเวลา...ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน...ริวถามทำไม”
“ริวอยากบอกว่า ถ้าพี่มีความสุขที่ได้อยู่กับพ่อ ริวก็มีความสุขที่ได้อยู่กับพี่...ถึงจะนั่งเงียบๆ ไม่ต้องพูดอะไรกัน ริวก็มีความสุข”
พสุพูดไม่ออก แต่หัวใจแห้งแล้งด้วยความทุกข์ดูเหมือนจะค่อยชื่นขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยๆ ก็อุ่นใจว่ายังมีริวอยู่ข้างๆ อีกคน……………..
……………………………………………………….
-
มาม่าจากเรื่องพี่ไผ่ แล้วก็จะมาต่อเรื่องของหนูริวหรอคะ :sad4:
แล้วเมื่อไหร่จะได้อ่าน NC หล่ะเนี่ย :o12:
หวังว่าญาติของแม่หนูริวคงจะไม่ทำความเดือนร้อนให้นะ (ถึงแนวโน้มมันจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ) o18
ตอนนี้แอบดีใจที่อลันโผล่มา ถึงจะแวบ ๆ :o8:
ตามติดต่อไปค่ะ สู้ ๆ o13
-
จิ้มไม่เคยทันอ่ะ :sad4:
แต่ว่า...ญาติริวจะโผล่อย่างนี้จะไม่เป็นปัญหาหรอคะ? ไม่รู้จะมาดีหรือหวังผลอะไรรึเปล่าสิ
แล้วริวก็ต้องระวังมาก ๆ เรื่องใช้หนี้ให้ไผ่ด้วยนะ...พี่เขารู้ขึ้นมาเดี๋ยวจะกลายเป็นการทำอะไรโดยพลการแล้วจะพาลคิดว่าดูถูกกันไปนี่สิ
กรี๊ดดด!!!!!! อลันกลับมามีบทอีกครั้ง :m3:
รอ nc :z1:
-
มาม่าน้ำข้นรสเข้มสุดๆเลยนะคะเนี่ย
-
ยังไงพี่ไผ่ก็ยังมีริวอยู่นะ :monkeysad:
พอได้ยินชื่ออลันรู้สึกว่าไม่ว่าปัญหาอะไรก็จะแก้ได้หมด :call:
-
เริ่มหวานนนน
หลังจากขมขื่นกะมาม่ามากนาน
แต่เค้าโครงญาตินู๋ริวโผล่มาโน่นน
อืมมม ไม่ค่อยน่าไวใจ
ดูกันต่อไปอ่ะเน๊อะ
-
หวังว่ามาม่าจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว :o12:
แต่ดีใจสุดที่อลันกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง :o8:
-
เมื่อก่อนอาจจะบอกได้ว่าพี่ไผ่เป็นลมหายใจของริว แต่วันนี้ริวเป็นลมหายใจของพี่ไผ่นะ
แค่ขอให้มีกันและกันอยู่ข้างๆ ทางเดินข้างหน้าจะเป็นอย่างไร :n1:ขอแค่มีอีกมือหนึ่งเป็นที่ยึดเอาไว้แค่นั้นก้อพอแล้ว
-
สงสารพี่ไผ่
หลังจากนี้คงไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหมค่ะ ไรทเตอ
แต่วี่แววมาม่าลอยมาแต่ไกลเชียวค่ะ
ฮ่าาาาาๆๆๆ
-
น้องริว แลดูจะมีดราม่านะ
ญาติมาจากไหนล่ะน้ออออออ
แต่ว่าน้อง น้องริวรวยจริงๆ จ่ายหนี้แทนพี่ไผ่ไปแค่ไม่กี่ร้อยล้าน โฮะๆ
ยังไงต่อ ,, รออยู่นะคะ
-
เฮ้อ....... เครียดแทนไผ่
เรื่องไผ่ยังไม่ทันจบ เรื่องริวคามมาอีกแล้ว
จะเป็นญาติแบบไหนน้า อยากรู้ๆๆ :a5:
-
พอได้ยินชื่ออลันรู้สึกว่าไม่ว่าปัญหาอะไรก็จะแก้ได้หมด :call:
เน๊ออ คิดเหมือนกัน
ของเค้าขลังจริงๆ
-
และแล้วน้องริวก็ช่วยพี่ไผ่ใช้หนี้
แต่ไม่บอกพี่ไผ่ก่อนถ้ารู้ทีหลังพี่ไผ่จะโกรธมั้ยเนี่ย
แล้วญาติของน้องริวคือใครกัน
จะมาทำไมเนี่ยก็ไม่เคยติดต่อน้องริวเลยนี่นา
หลังจากนี้จะเลิกเศร้าแล้วใช่มั้ยคะ
สงสารพี่ไผ่จังเลย
-
:sad4: :o12:
-
เมื่อไหร่พายุจะผ่านไปซะทีนะนี่ พี่กับน้องจะได้หนุงหนิงๆกันซักที :เฮ้อ:
-
:monkeysad:
-
เริ่มค่อยๆหวานทีละนิดๆ อยากรู้จังค่ะว่าคุณอลันจะจัดการยังไง ^w^
-
วันหนึ่งนอนได้ 3 ชั่วโมง ติดต่อกัน 3 คืน
แถมได้เสียนำ้ตาตั้งแต่วันแรกที่อ่านจนถึงคืนนี้
หมดกระดาษซับนำ้ตาแล้วครับ
เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ
คืนนี้ได้แต่ขอบคุณ คนแต่งและคนโพส ไว้ก่อน
เพราะไม่ไหวแล้วครับตอนนี้ ดวงตากลายเป็นหมีแพนด้า
ไปเรียบร้อยแล้วคร่้บ
-
:monkeysad:
+1
-
เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วหรือเปล่า
หรือจะมีของน้องริวอีก ไม่อยากกินมาม่าแล้วนะอืดแล้ว
-
พอได้ยินชื่ออลันรู้สึกว่าไม่ว่าปัญหาอะไรก็จะแก้ได้หมด :call:
เน๊ออ คิดเหมือนกัน
ของเค้าขลังจริงๆ
แก้ปัญหาได้
และก็มีปัญหาใหม่ด้วย
ไม่รู้ญาติริวจะโผล่มาทำไม
-
:monkeysad:
-
พี่ไผ่ขี้อ้อนขึ้นนิดนึงหรือเปล่าคะนี่...^ ^
แต่ก็เหลือน้องอยู่คนเดียวแล้วนี่เนอะ..
พี่ไผ่เหมือนได้คุณพ่อคืนมาเลยคะ...ไว้รอคุณพ่อหายก่อน.พี่ไผ่น่าจะดีขึ้นนะคะ...^O^
ว่าแต่หนูริวจะไม่ปรึกษาพี่ไผ่เรื่องจ่ายแทนหน่อยหรือ..เดี๋ยวจะโดนงอนทีหลังไหมน่อ..
เห็นหนูริวสั่งอลันจังเลย..แต่กับพี่ไผ่นี่หงอเชียว..55+
-
แทบจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงทุกข์ที่สุดของไผ่เลยเนอะ..
ขอให้ไผ่ผ่านพ้นไปอย่างเข้มแข็ง และเชื่อว่าต่อจากนี้ริวจะกระชับมือแน่นกว่าเดิมเพื่ออยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้พี่ไผ่ต่อไป
----น้ำตาซึม---- :m15:
-
ไม่ได้อ่านซะนานเลย
กลับมาเจอเรื่องร้าย ขอเวลาทำใจหน่อยนะ
เรื่องมันเศร้า
-
ความทุกข์กำลังจะผ่านละเหลืออีกนิดเดียว (หวังว่าไม่ได้คิดไปเอง)
ต่อไปจะได้มีความสุขสักที :call:
:pig4: คะ
-
โอ๊ยดูท่าเร่องมันจะยุ่งขึ้นนะเนีียะ
ทั้งเรื่องไผ่ ทั้งเรื่อนญาติของริว
ตายๆๆหวังว่าคงไม่เข้ามาป่วนหรอกนะ
มาม่ามีเยอะแล้วอืดกันพอดี :o12:
-
ใกล้แล้วยัง ใกล้แล้วหรือยัง ใกล้หมดมมาม่าแล้วหรือยางงงงงงงงงงงงงงงงงง อิอิ
-
ไครมาตามหาริวเนี่ยๆ
-
มาม่าอืดแล้วจ้า มาหม่ำกันเร็ว ๆ จะได้หมดไว ๆ
ตามฟอร์ม น้ำตาท่วมใจ
-
:sad4: ญาติริวจะโผล่มาทำไม มาแล้วจะดีหรือร้ายก็ไม่รู้
แค่นี้น้องริวก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องมาก็ได้ ไม่อยากกินมาม่าแล้ว
นะค่ะคนเขียน อลันนี้จัดการได้ทุกอย่างจริงๆ
-
น้ำหยดลงหิน หินมันยังกร่อน
นี่น้ำใจหยดลงใจทุกนาที มันจะไม่ซึมซับเลย คงไม่ได้
:กอด1:
-
สงสารพี่ไผ่ :impress3: จบงานนี้แล้วก็ไม่รู้จะเจอมรสุมอะไรอีกรึเปล่า :impress3:
-
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ไผ่ช่วงนี้
ดูเหมือนจะทำให้ความสัมพันธ์ของคู่นี้ยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ นะคะ
-
มีความสุขเหมือนกันค่ะ ที่มีเรื่องของนู๋ริวกะพี่ไผ่มาให้ติดตามได้ชื่นใจ
(ปนเปไปกับความอิจฉา ตามประสาคนไร้คู่ ToT)
อัพต่อค่ะ รักเรื่องนี้อย่างแรง
-
ตามมาเป็นกำลังใจให้ไผ่กับริว
หวังว่ามาม่าจะหมดชามในเร็ววันนะ
-
กรี๊ดดดดด อลันโผล่มาแล้ว คิดถึงงงงงงงง555
หาคู่ให้อลันสักคนเห๊อะ ชอบอ่ะ เก่งดี อิๆ ปลื้มมมม
-
:monkeysad:มาม่าอืดหมดแล้ว
หวานในขมยังมี
แต่ขมไปก็ไม่ไหวน๊า จะแย่แย้ว :o12:
-
ไม่มีคำบรรยาย...ชอบมากครับกับความรักที่ริวมีให้ไผ่
หวังว่าคงไม่มีอะไรให้ไผ่ต้องเสียใจไปกว่านี้อีกนะ...มันยากเกินที่จะรับพร้อมกันหลายๆเรื่องแบบนี้ได้
-
พอได้ยินชื่ออลันรู้สึกว่าไม่ว่าปัญหาอะไรก็จะแก้ได้หมด :call:
เน๊ออ คิดเหมือนกัน
ของเค้าขลังจริงๆ
จริงด้วยค่ะ ต้องขอมาบูชาสักองค์
-
อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด
ที่สำคัญที่สุดคือไผ่ ริว อยู่เคียงข้างกันนะ
-
ชวนคิดชวนไตร่ตรอง นราผอง ณ ยามตรม
ตกอับทุกข์ทับถม บ่ ฝังจมเสมอไป
ย่อมมีวันเสื่อมหาย ประดุจสายพิรุณใส
จากทุกข์กลับสุขใจ สว่างจิตเสมอสูรย์
มีมืดจึ่งมีแจ้ง สว่างแสงและจำรูญ
มีทุกข์มีอาดูร ก็ย่อมมีสุขานันท์
ความหวังดังแสงทอง ประภาผ่องนะพรายพรรณ
คราเมฆฝนแปรผัน จะโชติหล้าประดุจเดิม
ขออนุญาตเก็บไว้อ่านนะคะ เพราะมากๆค่ะ :pig4: ถ้าไม่ติดว่าแต่งไปแล้วจะเอาไปใส่ในเนื้อเรื่อง แหะๆ
:กอด1:
ด้วยความยินดีค่ะ :กอด1:ตอบค่ะ
นี่พี่แก้วตัดมาเฉพาะสี่บทสุดท้ายนะคะ จากเรื่อง "แสงทองหลังสายฝน"ค่ะ
เคยเป็นบทเรียนของชั้นม.4 หลักสูตรเก่าน่ะค่ะ.
-
น้องริวน่ารักจริง ๆ ไผ่สู้ ๆ คับ
-
ชวนคิดชวนไตร่ตรอง นราผอง ณ ยามตรม
ตกอับทุกข์ทับถม บ่ ฝังจมเสมอไป
ย่อมมีวันเสื่อมหาย ประดุจสายพิรุณใส
จากทุกข์กลับสุขใจ สว่างจิตเสมอสูรย์
มีมืดจึ่งมีแจ้ง สว่างแสงและจำรูญ
มีทุกข์มีอาดูร ก็ย่อมมีสุขานันท์
ความหวังดังแสงทอง ประภาผ่องนะพรายพรรณ
คราเมฆฝนแปรผัน จะโชติหล้าประดุจเดิม
ขออนุญาตเก็บไว้อ่านนะคะ เพราะมากๆค่ะ :pig4: ถ้าไม่ติดว่าแต่งไปแล้วจะเอาไปใส่ในเนื้อเรื่อง แหะๆ
:กอด1:
ด้วยความยินดีค่ะ :กอด1:ตอบค่ะ
นี่พี่แก้วตัดมาเฉพาะสี่บทสุดท้ายนะคะ จากเรื่อง "แสงทองหลังสายฝน"ค่ะ
เคยเป็นบทเรียนของชั้นม.4 หลักสูตรเก่าน่ะค่ะ.
อลันได้ออกโรงอีกแล้ว ดิฉันขอยกให้อลันเป็นยอดมนุษย์เลยจ้ะ
"ปัญหาของริวหนักเบาทั้งหลาย คลี่คลายได้โดยอลัน"
และขอภาวนาให้ญาติที่ตามหาริวน่ะ ตามมาด้วยสำนึกได้ ตามมาหาโดยนำสิ่งดีๆมาให้ด้วบเถอะ
อย่าตามมาแล้วเอาอะไรที่เป็นปัญหา เป็นทุกข์มาให้ริวเชียว
ตอนนี้ขอริวกับไผ่ ได้ปลอบใจกันด้วยความรักอันอบอุ่นหวานๆซึ้งๆเถอะ
-
มันคงมาม่าไปอีกนานละซิเนี๊ย
สงสัยตนแต่งคงอยากมาม่าให้หมดที่เดียวแล้วค่อยความสุข
มีเรื่องของริวอีกแล้ว สงสัยญาติอยากได้เงิน
แล้วเดี๋ยวถ้าชินกี รู้เรื่องริวจ่ายเงินให้ไผ่ละก็เป็นเรื่องอีกละ
เมื่อไหรมาม่าจะหมดไปจากเรื่องนี่นะ
ชิ งอนคนแต่งจริง :serius2:
-
อ่านแล้วน้ำตาซึม :monkeysad:
ทำไรไม่ได้นอกจากเอาใจช่วยให้พี่ไผ่หายเศร้าเร็วๆ
-
+1 โอ๊ยมันช่างเศร้าเคล้าน้ำตา
พอมีเรื่องเข้ามานี่เข้ามาเหมือนซึนามิเลยอ่ะ :m15: :m15:
-
คิดถึงอลัน :o8:
-
อืมม ขอให้พี่ไผ่ (และพวกเรา) ผ่านพ้นมาม่าไปไวๆ :o8:
-
ในที่สุดก็ตามทัน ชอบน้องริวพี่ไผ่มากๆ อ่านแล้วติดจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร
กลัวไผ่จะโกรธน้องจังถ้ารู้ว่าน้องเคลียร์หนี้ให้ อยากให้ไผ่รู้ใจตัวเองสักทีเพราะสงสารน้องริว
ช่วงแรกที่อ่านก็งงว่าใครเคะใครเมะ แต่ตอนนี้ดูเหมือนอะไรๆมันเริ่มจะชัดเจนละ
-
สงสัยว่า ฟ้าหลังฝน คงจะอีกนานใช่ไหมเนี่ย :เฮ้อ:
-
อ่านมาครึ่งเรื่องแล้ว ความเห็นส่วนตัว..รู้สึกเหมือนอ่านนิยายรักหญิง-ชาย เข้าใจว่าคนแต่งเป็นผู้หญิง สำนวนคุ้นๆเหมือนคุณนิ้วไขว้นะ..
-
เกลียดพวกนักข่าวจริง ถามอยู่ได้น่ารำคาญ
ริวโทรหาอลันแล้วให้ช่วยไผ่เรื่องเจ้าหนี้
แต่ถ้าไผ่รู้จะโกรธริวหรือเปล่านะ
ส่วนริวตอนนี้มีญาติมาตามหา
จะมาสร้างปัญหาให้หรือเปล่า
อย่าให้มีเลย จะได้มีหวานกับไผ่บ้าง
เศร้ามาหลายตอนแล้วนะ
-
และยังคงเศร้าอยู่ หวังว่าเรื่องเลวร้ายจะผ่านไปโดยเร็ว
-
ถ้าความจริงเปิดเผยขึ้นมา ริวกับไผ่จะเป็นอย่างไรกันนะ
-
มีญาติมาก้อไม่กลัวปัญหา..ไม่เคยมาดูแล..ถ้ามากวนใจต้องเจอ :beat: :z6:และก้อ :beat:อีกครั้ง
-
:กอด1: :L2: ให้ริว กะ พี่ไผ่
:pig4: :pig4:
-
เพิ่งอ่านเมื่อคืน...อยากอ่านอีกแล้วอ่ะ :กอด1:
-
มาช่วยจุดธูป :call: โอมจงลงๆ :call:
-
ยังคงความเศร้าอยู่น่ะตอนนี้
สงสารก็แต่พี่ไผ่อยากให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
แต่ญาติน้องริวที่มาถามหาจะเอาปัญหาอะไรมาด้วยมั้ย
เป็นกำลังใจพี่ไผ่กับน้องริว
:กอด1: :pig4: :L2:
-
ขอให้เรื่องร้ายๆผ่านไปเร็วๆ
-
สนุกครับ ต่อไวๆนะครับ กำลังใจสู้ๆ
-
ยังคงมีมาม่าให้เราเสพอีกตอน แง :o12:
-
โหหหหหหหหหหหหหห
นายริวคร้า~~~~~~~!!!!
ถ้าจะรวยจนจ่ายหนี้แทนได้ เปนร้อยล้านขนาดนี้
ขอพี่ไผ่แต่งงานไปเรยคร้า
555+
-
มาม่าอีกเช่นเคย :sad4:
ว่าแต่ญาติริวนี่ใครอ่า :m28:
-
หวังว่าญาติหนูริวคงจะมาดีนะคะ แบบว่า สำนึกผิดแย้ว อะไรแบบนี้
เพราะคนแต่งบอกเองนี่คะ ว่าใกล้จะผ่านมาม่าไปแล้ว(บอกตอนไหนหว่า?? 55+)
พี่ไผ่คงไม่โกรธหนูริวนะคะ ถ้ารู้เรื่องจ่ายหนี้ ต้องเข้าใจกันไว้นะคะ
ขอให้นิยายเรื่องนี้ไม่เหมือนนิยายเรื่องอื่นๆเหอะ สาธุ :call:
รักกันไว้นะคะ ชอบหนูริวอ่ะ น่ารักจริงๆ ดูแลพี่ไผ่ดีๆเน้อ~
-
:sad11: :sad11:
-
ซับน้ำตา แงๆๆๆๆๆ :m15:
-
ตอนที่ 82
เมื่อกลับไปถึงบ้านพสุก็พบว่ามีแขกมารออยู่แล้ว ชายวัยกลางคนแต่งกายเรียบๆ แต่ดูมีราศีคนนี้ คุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก แต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน กระนั้นพสุก็ยังยกมือไหว้โดยอัตโนมัติ ริวที่เดินตามมาก็ไหว้ตามเช่นกัน
“ไผ่คงจำอาไม่ได้ อาภมร ลูกครูภิรมย์ไง นึกออกไหม?” ไม่ใช่คำแนะนำตัวอย่างเดียวที่ทำให้พสุนึกออก รอยยิ้มอ่อนโยนที่คุ้นตานี้ก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้พสุจำได้ว่าคนตรงหน้าคือใคร
“...คุณอา! ขอโทษนะครับ ตอนแรกผมจำไม่ได้จริงๆ”
“จำได้ก็เก่งเกินแล้ว ตอนอาไปต่างประเทศ เรายังเพิ่ง 4-5 ขวบเท่านั้นเอง”
“เชิญนั่งครับคุณอา กลับมาถึงเมืองไทยนานหรือยังครับ?”
“อาเพิ่งลงจากเครื่องเมื่อคืน กว่าจะตื่นก็ปาไปบ่ายเย็นแล้ว ก็เลยเพิ่งมาหาไผ่...อามานี่เพราะรู้ข่าวเรื่องพี่เทพ”
“...ตอนนี้พ่อยังอยู่โรงพยาบาลครับ”
“อาไปเยี่ยมมาแล้ว แต่หมอยังห้ามเยี่ยม ก็เลยกลับมาดักรอไผ่ที่บ้าน...คุณพ่อท่านฝากให้อาเอาของมาให้พี่เทพ...เพลงที่ท่านแต่งไว้ เคยจะให้พี่เทพร้อง แต่เพราะพี่เทพกับอาทะเลาะกันจนทำงานร่วมกันไม่ได้อีก คุณพ่อก็เลยไม่ได้ให้เพลงพวกนี้กับพี่เทพ...ท่านฝากให้บอกพี่เทพด้วยว่าท่านคิดถึง ถ้าแข็งแรงดีเมื่อไหร่ให้ไปเยี่ยมท่านบ้าง เพราะท่านเองน่ะไม่แข็งแรงพอที่จะเดินทางได้แล้ว”
“ขอบคุณมากครับ...ผมยังจำพ่อครูได้...ชอบเวลาท่านยิ้ม หน้าตาท่านใจดีเหลือเกิน เห็นแล้วอุ่นใจ”
“ไว้พี่เทพแข็งแรงแล้ว ไปหาคุณพ่อบ้างละกันนะ ส่วนอาต้องขอตัวกลับก่อน เพราะมะรืนนี้มีประชุมด่วนทางโน้น เลี่ยงไม่ได้จริงๆ ใจจริงอยากอยู่รอจนพี่เทพอาการดีจนเข้าเยี่ยมได้ซะก่อน แต่เลขาก็โทรตามไม่หยุด เลยต้องเดินทางกลับคืนนี้...ไว้เสร็จเรื่องยุ่งๆ อาจะมาเยี่ยมอีกที ฝากบอกพี่เทพด้วยว่าอาคิดถึงมาก แล้วจะมากราบด้วยตัวเองอีกครั้ง”
“ครับคุณอา...ขอบคุณมากครับ ฝากกราบขอบพระคุณพ่อครูด้วยนะครับ พรุ่งนี้ผมจะเอาเพลงของพ่อครูไปเปิดให้พ่อฟังที่โรงพยาบาล ท่านคงดีใจ”
“อืม...งั้นอาไปละ”
“สวัสดีครับ”
พสุเดินออกไปส่งคุณภมร ลูกชายของครูภิรมย์ ผู้เคยให้การอุปการะเด็กกำพร้าอย่างพรเทพไว้ และเป็นคนปั้นให้พรเทพกลายเป็นนักร้องประจำวง แต่เพราะพรเทพ กับภมรลูกชายแท้ๆ ของครูภิรมย์มีปัญหาทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน พรเทพจึงแยกตัวออกมาและมาโด่งดังในฐานะนักร้องเดี่ยว ส่วนภมรก็ไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ และแต่งงานกับสตรีชาวต่างชาติ จึงพาครูภิรมย์ไปอยู่ด้วย
“พี่...ยุงจะกัดเอานะครับ ไปอาบน้ำเถอะ” ริวตามมาเตือนเบาๆ เพราะเห็นพสุยืนเหม่ออยู่หน้าบ้านมาครู่หนึ่งแล้ว
“ริวไปอาบก่อนเถอะ พี่ขอดูอะไรนิดนึงก่อน” พสุบอกแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นข้างเตียง พลางแกะซองที่ครูภิรมย์ฝากมาให้บิดา นอกจากแผ่นซีดี ก็มีเอกสารเซ็นมอบสิทธิในเพลงทั้งหมดให้แก่พรเทพหรือทายาท นามบัตร และจดหมาย อีก 1 ฉบับ
พสุมองลายมือตวัดหางยาวบนซองจดหมายที่จ่าหน้าถึงพ่อของครูภิรมย์แล้วรู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าวด้วยความตื้นตันใจ เขารู้ว่าพ่อรักครูภิรมย์แค่ไหน แต่เพราะน้อยใจที่ครูเข้าข้างลูกแท้ๆ แทนที่จะเข้าข้างลูกบุญธรรมอย่างพ่อ พ่อถึงได้ออกจากวงของครูมา วันที่ได้ข่าวว่าครูภิรมย์ไปอยู่ต่างประเทศกับลูกชาย พ่อก็นั่งซึมอยู่หลายวัน ถ้าพ่อรู้ว่าครูคิดถึงพ่ออยู่ตลอดเวลา แล้วยังแต่งเพลงมาให้ พ่อคงดีใจมาก...และอาจช่วยกระตุ้นให้พ่อหายเร็วขึ้นก็เป็นได้
พสุหยิบซีดีเพลงขึ้นมาดูอย่างหมายมาด เท่าที่เขารู้ ครูภิรมย์ถนัดเล่นไวโอลิน เพลงทั้งหมดในซีดีแผ่นนี้ก็คงเป็นเพลงบรรเลงด้วยไวโอลินแน่ๆ ชายหนุ่มตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้พอเสร็จธุระเรื่องแม่แล้วจะเอาแผ่นไปเปิดให้พ่อฟังที่โรงพยาบาล ส่วนเนื้อเพลง กับโน้ตที่แนบมาพสุคิดว่าจะรอให้พ่ออาการดีขึ้นเสียก่อนแล้วค่อยเอาไปให้ดูภายหลัง
“พี่...ริวเปิดน้ำไว้ให้แล้วนะครับ...”
“ขอบใจนะริว” พสุขอบใจแล้วชะงักเมื่อจู่ๆ ริวก็คุกเข่าลงตรงหน้าแล้วจ้องหน้าเขานิ่ง ทั้งที่ยังสวมแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว
“มีอะไร....” พสุชะงักเมื่อริวคว้าตัวเขาไปกอดไว้แน่น ผิวเปล่าเปลือยเย็นเฉียบจนเกือบสะดุ้ง แต่พสุก็ทำเพียงกอดตอบอย่างแปลกใจ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ...พี่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้...นี่ริวช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลยเหรอเนี่ย?” ริวถามเสียงพร่าด้วยความกังวล พสุหลับตาแนบหน้ากับไหล่เปล่าเปลือยของเด็กหนุ่มก่อนจะกระชับอ้อมแขนตอบแล้วตบหลังริวเบาๆ
“ไม่มีอะไร ขอบใจนะริวที่เป็นห่วง...พี่แค่ตื้นตันใจที่ครูภิรมย์ท่านยังคิดถึงพ่ออยู่เท่านั้นเอง” พสุบอกแล้วคลายอ้อมแขนออก แต่ริวกลับกอดไว้แน่น
“พี่ไม่เป็นไรแน่นะ” ริวถามแล้วกระชับอ้อมแขนเหมือนจะให้แน่ใจ
“แน่สิ...ปล่อยพี่เถอะ แล้วไปแต่งตัวซะ...พี่ก็จะไปอาบน้ำเหมือนกัน” พสุตบหลังและไหล่ริวเบาๆ เพื่อขอบใจแล้วดันตัวออกจากอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม
ริวยอมปล่อย แต่ยังจ้องหน้าพสุด้วยความเป็นห่วง ชายหนุ่มจึงอดลูบหัวริวไม่ได้
“พี่ยังไหว...” พสุย้ำอีกครั้งเพื่อให้เด็กหนุ่มสบายใจ แล้วโยกหัวริวไปมาเบาๆ แม้จะไม่มีรอยยิ้ม แต่แววตาเป็นประกายมั่นคงของพสุก็ทำให้ริวรู้สึกโล่งอก เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วลุกไปแต่งตัวแต่โดยดี
..........................................................
“โยมสุดาเคยขออาตมาไว้แล้วว่าอยากให้โปรยเถ้าไว้ตามต้นไม้บนสวนข้างบนโน่น โยมก็ไปจัดการได้เลยนะ” ท่านเจ้าอาวาสบอกด้วยน้ำเสียงเมตตา หลังจากที่พสุอุ้มโถกระเบื้องเคลือบใส่เถ้าของมารดาเข้ามานมัสการท่าน และแจ้งจุดประสงค์ที่มาให้ทราบ
“ขอรับ” พสุก้มกราบท่านเจ้าอาวาสแล้วหันมาสบตากับริวและป้าใจ ท่านเจ้าอาวาสเห็นกิริยาเหมือนลังเลของชายหนุ่ม ท่านก็ลุกนำขึ้นไปบนเนินสูงที่จัดเป็นสวนร่มรื่น ไว้สำหรับคนที่จะมาเดินจงกรม ตรงกลางสวนเป็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ มีพระพุทธรูปปางสมาธิประดิษฐานอยู่ที่นั่น ล้อมรอบด้วยแปลงไม้ดอกไม้ใบที่จัดแต่งอย่างงดงามไล่เรียงลงมาเป็นชั้นตามเนินดิน
“โยมสุดาเขาเก่งเรื่องต้นไม้ดอกไม้ สวนสวยๆ ที่เห็นนี่ก็ฝีมือเขาทั้งนั้น...เขาบอกอาตมาว่าพ่อแม่มีใจศรัทธามอบที่ดินให้สร้างวัด ส่วนเขาก็ขอเป็นผู้ทำนุบำรุงรักษาให้รุ่งเรืองในฐานะอุบาสิกา...โยมก็โปรยเถ้าไว้ที่ใต้ต้นโพธิ์ก็ได้”
โถกระเบื้องสีขาวบรรจุเถ้าของแม่ถูกประคองอย่างทะนุถนอม ขณะที่ท่านเจ้าอาวาส ป้าใจ และริวยืนรออยู่เบื้องหลัง หลายวันที่ผ่านมามีเรื่องของพ่อเข้ามาให้ห่วงจนพสุต้องข่มความเศร้าโศกไว้ แต่เมื่อมาถึงวันนี้เข้าจริงชายหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนเขากลายเป็นคนอ่อนแอ จนควบคุมตัวเองแทบไม่ได้อีกครั้ง ชายหนุ่มกัดปากแน่น นัยน์ตาพร่ามัวด้วยหยาดน้ำ ไม่อาจตัดใจโปรยเถ้าถ่านที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นร่างกายของแม่ลงที่โคนต้นไม้ได้...
“...ริว...มาช่วยพี่หน่อย” พสุหันไปเรียกด้วยเสียงพร่าจนแทบเป็นสะอื้น ริวรีบเดินเข้ามาหา แล้วถือโถอัฐิไว้ให้ พสุเปิดฝาแล้วมือสั่นขึ้นมาดื้อๆ กว่าจะตัดใจหยิบเถ้าในโถออกมาโปรยลงบนรากของต้นโพธิ์
“แม่ครับ...ไผ่...พาแม่ มาที่นี่...ตามที่เคยสัญญากับแม่ไว้แล้วนะครับ...แม่...แม่หลับให้สบายนะ”
เสียงป้าใจสะอื้นดังมาจากข้างหลัง แต่แทนที่จะร้องไห้คร่ำครวญ ป้าใจกลับสวดมนต์เบาๆ พสุไม่เหลียวกลับไปมอง แต่เร่งมือโปรยเถ้าถ่านในโถไปตามโคนไม้ใหญ่รอบๆ สวนจนทั่ว รวมถึงแปลงไม้ดอกสีขาวกลิ่นหอม ทั้งมะลิและต้นแก้วที่แม่รักหนักหนาเหล่านั้น
ทันทีที่เถ้าถ่านกำสุดท้ายปลิวหายจากมือ พสุก็ทรุดตัวลงกราบพระพุทธรูปใต้ต้นโพธิ์ ริวตามมากราบข้างๆ แล้วจับมือเย็นเฉียบของพสุไว้
“พี่...เดี๋ยวป้าใจจะไปบวชแล้ว พี่จะไปดูมั๊ยหรือจะไปโรงพยาบาลเลย” พอริวบอกอย่างนั้น พสุถึงได้สังเกตว่าไม่มีป้าใจอยู่ในบริเวณนั้นด้วยอีกแล้ว
“อืม...ไปอนุโมทนากับป้าใจก่อน แล้วค่อยไปหาพ่อเถอะ”
“ครับ”
หลังจากอนุโมทนาบุญกับป้าใจเรียบร้อยแล้ว พสุกับริวก็รีบไปโรงพยาบาลได้ทันที เพราะป้าใจขอโกศใส่กระดูกของสุดาไว้บูชาก่อน พสุจึงไม่ต้องย้อนไปย้อนมาเอาโกศกลับไปเก็บที่บ้าน
พสุประคองกระเป๋าบนตักไว้อย่างทะนุถนอม ซีดีของครูภิรมย์ทำให้ชายหนุ่มอดหวังไม่ได้ว่าวันนี้ขอให้พ่อตื่นนานๆ เขาจะได้เปิดเพลงของครูให้พ่อฟัง ชายหนุ่มมั่นใจว่าถ้าพ่อได้ฟัง อาการของพ่อต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
“พี่...หิวหรือเปล่าครับ”
“พี่ไม่หิวหรอก ริวหิวหรือเปล่า?”
“ไม่ครับ งั้นไปถึงโรงพยาบาลแล้วริวค่อยไปซื้ออะไรมาให้กินนะครับ”
“ขอบใจนะ...ใครโทรมา...” พสุชะงัก รีบล้วงโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของทางโรงพยาบาล จึงรีบรับสาย
“พสุพูดครับ”
“คุณพสุคะ คุณพรเทพอาการทรุดลง กรุณามาที่โรงพยาบาลด่วนค่ะ”
“ครับ...ผมกำลังไปครับ อีกสักครู่ก็จะถึงแล้ว” พสุตอบกลับด้วยน้ำเสียงร้อนรนจนริวต้องเหลียวมามองด้วยความเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่”
“ริวขับเร็วๆ พ่ออาการทรุดลง...” พสุบอกเสียงสั่นด้วยความหวาดหวั่น
“ครับ” ริวเร่งความเร็วของรถเพื่อไปให้ถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ทันทีที่รถจอดพสุก็แทบกระโจนออกมาจากรถ ชายหนุ่มวิ่งสุดฝีเท้าไปยังห้องไอซียูโดยมีริววิ่งตามไปติดๆ
“พ่อผมเป็นยังไงบ้างครับ?” ชายหนุ่มปราดเข้าไปถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์ด้วยความร้อนใจ
“ใจเย็นๆ นะคะ คุณหมอกำลังช่วยท่านอย่างสุดความสามารถอยู่แล้วค่ะ...นั่งรอก่อนนะคะ”
พสุถอยจากเคาน์เตอร์มาเดินวนอยู่หน้าห้อง ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดหัวคิ้วแรงๆ ด้วยความเครียด ขณะที่อีกมือก็กำสายสะพายกระเป๋าไว้แน่น สีหน้าเหมือนจวนเจียนจะร้องไห้ ทำให้ริวใจหายด้วยความเป็นห่วง เด็กหนุ่มตรงเข้าไปดึงมือพสุมากุมไว้ด้วยมือหนึ่ง อีกมือก็บีบไหล่พสุเบาๆ
“ใจเย็นๆ พี่ หมอต้องช่วยพ่อพี่ได้อยู่แล้ว”
“...พี่กลัว...พี่ไม่อยากเสียพ่อไปอีกคน...พี่ไม่เหลือใครแล้วนะริว...” พสุพูดเพียงเท่านั้นก็สะอึกอึ้ง พูดต่อไม่ได้ ลำคอปวดร้าวตีบตันด้วยความกลัว ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งกุมขมับแต่ครู่เดียวก็ผุดลุกขึ้นเดินวนเวียน แล้วก็กลับมานั่งใหม่ กระวนกระวายใจจนนั่งไม่ได้ ยืนไม่ได้ ทรมานใจที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากรอ...
ประตูห้องไอซียูเปิดออก ทันทีที่เห็นหน้าหมอ พสุก็ปราดเข้าไปหาอย่างร้อนใจ
“หมอครับ พ่อผมเป็นไงบ้าง”
“หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ คุณพรเทพเสียชีวิตแล้ว...เราได้พยายามยื้อไว้จนสุดความสามารถแล้ว แต่ร่างกายของคุณพรเทพอ่อนแอเกินไป...”
พสุรู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปดื้อๆ ชายหนุ่มทรุดลงเข่ากระแทกกับพื้น แต่เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ ได้ยินเสียงริวเรียก แต่เขาไร้เรี่ยวแรงจะขานตอบ รู้ว่าถูกประคองลุกขึ้นและถูกจับจูงให้เดินเข้าไปในห้อง...ห้องที่เขาเคยเข้ามาเฝ้าพ่อตลอด 3 วันที่ผ่านมา.......
พสุเคยคิดว่าการเสียแม่ไปคือความเจ็บปวดจนไม่อาจทานทน แต่ครั้งนี้ เขาเสียพ่อไปพร้อมๆ กับความรู้สึกทั้งหมด.....ไม่เจ็บปวด....ไม่รู้สึกใดๆ ทั้งนั้น นอกจากอาการชา...ว่างเปล่า....
ใบหน้าขาวซีดของคนบนเตียงนั้นคือใครกันหนอ...เครื่องมือระโยงระยางรอบตัว เสียงเครื่องปั๊มของเครื่องช่วยหายใจยังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ท่อยางยังคาอยู่ที่ปากเขียวคล้ำ...
พสุลูบมือไปบนผิวเนื้อที่ยังอุ่น แต่กลับรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่า...ที่นอนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่พ่อ...แต่เป็นเปลือกกลวงๆ ที่พ่อเคยอยู่...ความรู้สึกว่างกลวงจนหัวใจหนาวยะเยือก หนาวจนฟันกระทบกันกึก...แล้วพ่อไปอยู่ที่ไหน...ถ้าตรงนี้ไม่ใช่พ่อ แล้วพ่อของเขาอยู่ที่ไหนกัน...................
…………………………………………………….
-
วันนี้ได้จิ้ม :laugh:
แว่บไปอ่านก่อนนะคะ :กอด1:
...
เมื่อไหร่มาม่าหม้อนี้จะหมดอ่ะ...(เรียกเป็นชามไม่ได้ เยอะขนาดนี้) :o12:
-
พี่ไผ่น่าสงสาร
ริวเอ๋ยดูแลให้ดีๆนะ
-
นั่นไง เคราะห์ซ้ำจิรง ๆน๊า ริวต้องเปงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแล้วล่ะ
ไม่งั้นได้หนีไปบวชไม่ศึกพอดี
-
เศร้าสุด ๆ multiple hit เลยนะเนี่ย :m15:
-
เหลือริวคนเดียวจริงๆแล้วนะพี่ไผ่
ชีวิตพี่นี่มันดราม่าสุดๆเลย :o12:
แต่สถานการณ์นี้อาจทำให้พี่ไผ่ยอม....???ก็ได้
-
Rest in peace na krub.
-
:m15:
้เอาละเว้ยเห้ย
ขำไม่ออกละงานนี้
ขมขื่นสุดพลัง ๆ
-
:o12:
-
:o12: :sad4: :sad4:
พี่ไผ่ ชีวิตรันทดมาก โอ๊ย มาม่าไซร์ใหญ่บิกบึ้มจริงๆ
-
+1 พร้อมกับน้ำตาซึม เพราะสงสารพี่ไผ่ :m15:
-
:o12: :o12:
-
:sad4:รู้สึกไม่ไหวแล้วกินมาม่าจนท้องอืด
:o12:
-
ยิ่งอ่านก็ยิ่งเศร้างสงสารพี่ไผ่มากมาย
ยังไงน้องริวก็อยู่ข้างๆ พี่ไผ่ คอยดูแลให้ดีๆ ด้วยนะ
มาม่าถ้วยนี้จะจบลงแบบไหน กินจนอิ่มแล้วนะครับ อิอิ
-
:sad4: :monkeysad: :m15:
-
:m15: :monkeysad: :o12: ไม่ไหว เศร้าเหลือเกิน
-
ง่า เศร้าอ่ะ ไผ่ยังมีริวนะ
-
ไผ่เอ้ย เมื่อไหร่เคราะห์กรรมจะหมดซะที ริวดูแลพี่ดีๆนะ
-
สึนะมิมาเป็นระลอกๆ
-
พี่ไผ่ T^T :m15:
ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาอ่ะ
โฮๆ สงสารมากนะ ,,
พ่อเสียแล้วอ่ะ
น้องริวต้องดูแลพี่ไผ่ดีดีนะ
ฮือออออ
ดราม่าสุดๆบอกเลย !!
-
อยากตะโกนว่า
เมื่อไรมาม่าจหมดไปจากโลก
สงสารพี่ไผ่
:monkeysad: :monkeysad:
-
+1
-
สงสารพี่ไผ่ U__U
น้องริวต้องดูแลพี่ไผ่ดีๆนะ รู้มั้ย
-
:o12: :o12:
-
แง!!! :angry2:เรื่องนี้ไม่มีตังซื้อข้าวกินแล้วเหรอง้ายยยยยยย!!!
:m15:....ว่าแล้วเชียว ตั้งแต่มอบให้พรเทพหรือทายาทละ.....ไหนจะอาการกระตือรือร้นจะเอาไปให้คุณพ่อฟังอีก มันต้องมีอะไรแน่ๆ....และมัน...
เป็นอย่างที่คิด !! o22
สงสารพี่ไผ่!!!!!
-
:o12: :o12: มาม่ายังคงมาไม่หยุดยั้ง
-
เศร้าอย่างต่อเนื่อง
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มีมาม่าเท่าไหร่ ใส่มาให้หมดค่ะ
จะได้อิ่มอืดกันไปเลยทีเดียว
:monkeysad:
และหวังว่าหลังจากมาม่าหมดกะละมังไป
เราจะได้ทานของหวานกันเสียที :L2:
-
จัดมาครับยังเศร้าได้อีก
-
:sad4:อ๊ากกก~เศร้าสุดๆ สงสารพี่ไผ่
พี่ไผ่ยังมีหนูริวนะ :m15:
-
หวังว่ามาม่าคงจะหมดเพียงเท่านี้นะคะ :o12:
หมดเวรหมดกรรมซักทีนะพี่ไผ่ :sad4:
หนูริวเฝ้าพี่ไผ่ไว้ดี ๆ นะ เดี๋ยวพี่ไผ่หนีไปบวชแล้วจะยุ่ง :serius2:
รออ่านตอนต่อไปค่ะ o13
-
เมื่อไหร่มหกรรมมาม่านี้จะจบหนอ :m15:
-
ในที่สุดก็อ่านทันแล้ว
แต่ก็เสียน้ำตาไปเป็นปี๊บแล้วอ่า ไรเตอร์
......../(TTOTT)\.........
-
ตอนนี้พี่ไผ่ก็เหลือแต่น้องริวคนเดียวแล้วที่เป็นหลักให้ยึด น่าสงสารจัง
-
อย่างน้อยก่อนจากก็ยังเข้าใจกันนะครับ
-
น้ำตาท่วมใจ
-
:impress3:
-
กินมาม่าจนจุกแล้วววววววว
-
เฮ้ออออออออออออออออออ :sad12:
-
มาม่าอืดเต็มชามแล้ว -_-'' กระหน่ำดราม่ากันเข้าไป
ปล.แต่ตอนหวาน ขอหวานน้ำตาลเชื่อมเลยนะจ๊ะ
-
:serius2: :m15: :z3:
-
:a5: :o12:
-
เอิ่มมมม เค้าน้ำตาซึมอีกตอนแล้วอ่า
อีกนานมั้ยกว่าฝนจะหยุดตก ฟ้าจะได้สดใส อือออออออ
-
แว๊กกกกก อะไรจะเศร้าขนาดนี้ สงสารผสุหน่อย
TToTT"
-
พี่ไผ่เพิ่งเสียแม่
ตอนยังเสียพ่ออีกน่าสงสารมาก :o12:
-
พี่ไผ่เพิ่งเสียแม่ตอนยังเสียพ่ออีกน่าสงสารมาก :o12:
-
:m15: พี่ไผ่ ถึงพี่ไผ่จะทนได้
แต่เราทนไม่ได้แล้วน่ะ ขอให้เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายสุดท้าย
ที่พี่ไผ่ต้องเจอ
-
รู้สึกได้เลยว่าไผ่ไม่ไหวแล้วอ่ะ... :m15:
-
พี่ไผ่ สงสารพี่ไผ่ที่สุดเลยเรื่องเข้ามาตลอด
แล้วนี่ดูสิแม่เพิ่งเสียไม่กี่วันต่อมาก็พ่ออีก
หลังจากนี้จะเป็นยังไงไม่อยากจะคิดเลย
ขอให้เรื่องเศร้ามันผ่านไปเร็วด้วยเถอะ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
ทำไมโชคชะตา
ช่างทำรุ่นแรงกับไผ่จัง
น้องริวดูพี่เขาให้ดีๆนะ
:monkeysad:
-
อะไรเนี่ย น้ำตาหมดตัวแล้วนะ
เฮ้อ....
-
:m15:
-
แน่นที่อก ปวดกระบอกตา แอบร้องไห้ไปกับพี่ไผ่
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆเลยเชียว :monkeysad:
-
พี่ไผ่...น่าสงสารจัง
เดี๋ยวต้องโทษตัวเองอีกแน่ๆที่ไม่ทันได้เปิดเพลงของครูให้พ่อฟัง
เหลือแต่ริวแล้วสิเนี่ยT^T
-
พี่ไผ่...น่าสงสารจัง
เดี๋ยวต้องโทษตัวเองอีกแน่ๆที่ไม่ทันได้เปิดเพลงของครูให้พ่อฟัง
เหลือแต่ริวแล้วสิเนี่ยT^T
-
ง่า มีแต่เรื่องไม่ดีมารุมเร้าพี่ไผ่จัง
น่าสงสารอ่า
:m15: :m15:
-
:monkeysad:หวังว่าจะเป็นคลื่นแห่งความทุกข์ก้อนสุดท้าย ที่จะกระแทกไผ่จนล้มไม่เป็นท่าน่ะ
แต่มือน้องริวจะฉุดพี่ไผ่ให้ลุกยืนได้อีกครั้ง และเป็นหลักประคองกายพี่ไผ่ให้ยืนอย่างมั่นคง
เพื่อก้าวไปข้างหน้าได้อย่าเข้มแข็งแน่
-
:monkeysad: หวังว่าริวคงทำให้พี่ไผ่ดีขึ้นได้
-
สงสารพี่ไผ่จัง
มาไม่ทันดูใจพ่อ :o12:
-
จุกสุดๆๆๆ..จุกมาก..ไม่มีคำบรรยาย..ไม่รู้..คิดไม่ออก :serius2: :m15: :m15: :m15:
-
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
:o12:
ทำไมชีีวิตพี่ไผ่ถึงชีช้ำขนาดนี้ล่ะคะ
เล่นมากันเป็นระรอกอย่างนี้ พี่เค้าจะรับไหวเหรอ?
หนูริวเอ๋ย.. เตรียมรับบทหนักเลยนะลูก
งานนี้พี่ไผ่เปรีบเหมือนเศษแก้วที่แตก แต่โดนกระหน่ำซ้ำให้ละเอียดกว่าเดิมอีก :m15:
-
ตอนที่ 83
‘สูญเสียซ้ำสอง พสุช็อก พ่อเสียชีวิตอีกคน’
‘เผาศพแม่ได้วันเดียว พสุต้องจัดงานศพพ่ออีกคน’
‘มรสุมกระหน่ำ พสุเสียพ่อซ้ำ แถมด้วยหนี้สินอีกเป็นร้อยล้าน’
หนังสือพิมพ์ทุกฉบับพาดหัวข่าวหน้า 1 ด้วยข้อความคล้ายๆ กันทุกฉบับ มีบ้างที่เอ่ยอ้างถึงแหล่งข่าวพาดพิงเรื่องหนี้สินหลายร้อยล้านของพรเทพ แต่เมื่อพสุไม่ยอมออกมาให้สัมภาษณ์ใดๆ ก็ไม่มีหนังสือฉบับใดกล้าออกมายืนยันเรื่องนี้ เพราะแหล่งข่าวที่เคยให้ข่าวเรื่องนี้ต่างพากันปิดปากเงียบ รวมถึงบรรดา “เจ้าหนี้” ที่เคยมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็หายเงียบไปหมด ไม่มีใครยอมเปิดปากพูดเรื่องหนี้สินของพรเทพอีก
งานศพตลอด 3 วันของพรเทพมีแขกผู้ใหญ่มาร่วมงานมากมาย ทั้งในวงการดนตรี และบรรดาแวดวงบันเทิง ทำให้นักข่าวที่ตามติดหวังจะหาข้อมูลขุดคุ้ยเรื่องพรเทพ ไม่กล้าเข้าไปสัมภาษณ์แขกผู้ใหญ่เหล่านั้น ทำได้เพียงรอให้พสุเปิดแถลงข่าวเองอย่างที่กรเวชเคยแจ้งไว้แต่แรก
ริวขยับไปยืนซ้อนหลังพสุด้วยความเป็นห่วง แม้พสุจะต้อนรับแขกที่มาร่วมงานเผาศพบิดาด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ท่าทางสงบนิ่งนั้น พสุแทบจะทรุดลงได้ทุกวินาทีอยู่แล้ว นับตั้งแต่งานศพของสุดามาจนวันนี้ พสุแทบจะไม่แตะต้องอาหารเลยถ้าไม่คะยั้นคะยอกันจริงๆ ผิวพรรณที่เคยสดใสหม่นหมองซีดเซียว
ระยะเวลาไม่ถึง 10 วันพสุดูซูบลงไปจนเห็นได้ชัด แต่ที่มากกว่านั้น พสุไม่เคยหลับสนิทเลยสักคืน แม้ชายหนุ่มจะยอมขดตัวอยู่นิ่งๆ ในอ้อมแขนของเขา แต่อาการสะดุ้งผวาตื่นเป็นระยะๆ และน้ำตาอุ่นๆ ที่ไหลรินเงียบๆ โดยปราศจากเสียงสะอื้น ทำให้ริวรู้สึกเหมือนพสุเปราะบางจนพร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลาถ้ามีอะไรแรงๆ มากระทบความรู้สึกในตอนนี้ เด็กหนุ่มจึงเฝ้าระแวดระวังและตามติดดุจเงา
“พี่...กินน้ำสักนิดนะ พี่ไม่กินอะไรเลยแบบนี้เดี๋ยวปวดท้อง”
“อืม...” พสุรับน้ำผลไม้ไปดื่มแล้วชะงัก รีบส่งกล่องคืนให้ริวขณะที่ใบหน้าซีดเผือดลำตัวงอโค้งลงด้วยความเจ็บปวด
“พี่ปวดท้องเหรอครับ?...ทนไหวมั๊ยพี่ เดี๋ยวริวไปเอายามาให้”
“ไม่เป็นไรริว...ขอพี่นั่งพักสักแป๊บนึงคงดีขึ้น...” พสุพยายามฝืนยิ้มให้ แต่เหงื่อซึมบนหน้าผาก บ่งบอกถึงความเจ็บปวดได้ชัดเจน ริวประคองพสุมานั่ง กรเวชที่ยืนรับแขกอยู่อีกด้านรีบปรี่เข้ามาหา
“ไผ่...เป็นอะไรไป?”
“พี่ไผ่ปวดท้องครับ พี่กรดูพี่ไผ่ไว้แป๊บนะ ริวจะไปเอายาแก้ปวดท้องก่อน”
“ได้ๆ รีบไปเร็วๆ”
“ครับ” ริวรีบวิ่งไปที่รถเพื่อหยิบยาในกล่องยาท้ายรถ เด็กหนุ่มยกกล่องยามารื้อหายาแก้ปวดท้อง ตัวหนังสือเป็นระเบียบที่เขียนข้อความกำกับบนซองยาทำให้ริวชะงัก กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
‘ยาอมแก้เจ็บคอ...อันนี้เป็นอย่างดีนะลูก...พกติดตัวไว้’
‘ยาแก้ปวดลดไข้...ก่อนกินต้องกินข้าวก่อนนะลูก...รักนะจุ๊บๆ’
‘ยาแก้ปวดท้อง...ต้องกินติดต่อกันจนกว่าจะครบนะครับลูก...พ่อคนขี้เกียจกินยา’
ริวหยิบซองเปล่าออกมาใส่ยาแก้ปวดท้อง เพราะไม่อยากให้พสุสะเทือนใจซ้ำอีกถ้าเห็นลายมือของแม่ เด็กหนุ่มเก็บยาที่เหลือไว้อย่างเดิมแล้วรีบกลับไปหาพสุ แต่ยังไม่ทันถึงก็ชะงักเมื่อเห็นร่างโปร่งระหงในชุดดำเรียบสนิท ที่เดินเร็วๆแหวกนักข่าวเข้าไปหาพสุ...ริวก้มมองซองยาในมือแล้วตัดสินใจเดินเข้าไปหา แม้ไม่แน่ใจว่าจะต้องเห็นภาพบาดตาบาดใจหรือไม่ แต่เขาก็พร้อมจะแลกความเจ็บปวดของตนเองกับสุขภาพของพสุ
“ไผ่...แก้วเสียใจด้วยนะ” แก้วกุดันตรงเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง อดีตคนรักของเธอผุดลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยใบหน้าซีดขาว แต่กลับดูสงบเยือกเย็น
“ขอบคุณครับแก้วที่มา”
“แก้วต้องขอโทษด้วยที่เพิ่งมา แก้วเพิ่งลาได้เมื่อวานนี้เอง” แก้วกุดันรีบบอกด้วยความไม่สบายใจ พอเธอรู้ข่าวเรื่องมารดาของพสุก็พยายามติดต่อนางแบบคนอื่นมาเดินแบบแทน แต่ช่วงนี้งานเดินแฟชั่นเยอะจนนางแบบต้องวิ่งรอกกันสายตัวแทบขาด กว่าเธอจะหาคนมาแทนได้ ก็กลายเป็นว่าเธอมาทันเพียงงานเผาศพบิดาของพสุเท่านั้น
“ไม่เป็นไรครับ...ที่อุตส่าห์มาก็ขอบคุณมากแล้ว...”
คำพูดสุภาพแต่ห่างเหินจนแก้วกุดันใจหายวูบ แล้วยังแววตาว่างเปล่านั่นอีก แม้พสุจะไม่เคยรักเธอ แต่ดวงตาที่มองเธอก็อบอุ่น เอื้ออาทรเสมอ ไม่ใช่แววตาที่ใช้มองคนแปลกหน้าแบบนี้...
“ไผ่...แก้ว...แก้วพร้อมจะอยู่ข้างๆ ไผ่เสมอนะ...ถ้ามีอะไรที่แก้วพอจะทำได้ ไผ่บอกนะ” แก้วกุดันพูดเพียงเท่านั้นแล้วพูดต่อไม่ออก ความห่วงใยของเธอดูเหมือนส่งไปไม่ถึงพสุเลยแม้แต่น้อย พสุปิดกั้นใจไว้ด้วยความเย็นชา ว่างเปล่า...ความสูญเสียทำร้ายพสุถึงเพียงนี้เชียวหรือ...
“ขอบคุณครับ...พี่จ๋า...ขอบคุณที่มาครับ” พสุรับคำเสียงเรียบ แล้วหันไปไหว้พี่จ๋า ที่เดินลิ่วๆ เข้ามาหา แก้วกุดันจึงต้องหันกลับไหว้พี่จ๋าด้วยอีกคน
“จ้ะ...ไงแก้ว เพิ่งมาถึงเหรอจ๊ะ”
“ค่ะพี่จ๋า” แก้วกุดันรับคำแล้วหันไปเห็นริวเดินเข้ามาพอดี เด็กหนุ่มยกมือไหว้พี่จ๋าและแก้วกุดัน ก่อนจะเดินอ้อมไปยืนข้างหลังพสุแล้วส่งซองยากับแก้วน้ำให้...ประกายเย็นชา นิ่ง ในดวงตาของพสุไหววูบ แก้วกุดันรู้สึกได้ทันทีว่าพสุรับรู้การมีตัวตนของริว...และริวก็ดูจะเข้าใจพสุลึกซึ้งกว่าที่เธอจะสัมผัสได้
“แก้วไปนั่งกับพี่เถอะ ใกล้เวลาพระสวดแล้ว” พี่จ๋าหันมาชวนเพราะเหลือบไปเห็นพระสงฆ์กำลังเดินมาทางศาลา
แก้วกุดันเดินตามพี่จ๋าเข้าไปในศาลา แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมามองพสุอีกครั้ง เขายังคงไหว้แขกที่เข้างานมา...ราวกับหุ่นยนต์ โดยมีริวยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง เสมือนจะเป็นหลักให้
ถึงจะรู้สึกน้อยใจที่พสุเห็นเธอเป็นคนอื่น...แต่อย่างน้อยแก้วกุดันก็ยังอุ่นใจที่พสุยังไม่ถึงกับปิดใจตัวเองเสียทีเดียว เธอได้แต่ฝากความหวังว่า ริวจะช่วยให้พสุกลับมาเป็นคนเดิมได้อีกครั้ง………..
พสุชะงักเมื่อเผชิญหน้ากับชายร่างท้วมตรงหน้า ถึงจะเจอกันแค่ครั้งเดียวที่โรงพยาบาล แต่พสุก็จำได้แม่นยำ ว่าคนๆ นี้คือเจ้าหนี้รายใหญ่ของบิดาเขา
“ขอบคุณที่มางานครับ” พสุไหว้ขอบคุณแล้วอดเหลือบมองไปข้างหลังไม่ได้ ยังดีที่ริวมัวไปหาข้าวให้เขากิน จึง
เหลือเพียงเขากับเจ้าหนี้ของบิดาตามลำพัง
“เสียใจด้วยนะเรื่องพ่อ ไม่คิดว่าพรเทพจะไปเร็วขนาดนี้เลย...ก็ เข้มแข็งไว้ละกันนะ”
“ขอบคุณครับ...ส่วนเรื่อง...เอ่อ...เรื่องคุณพ่อน่ะครับ ผมอยากจะขอ...” พสุเอ่ยปากก่อนอย่างเกรงใจ แม้จะรู้ว่า
สถานการณ์ไม่เหมาะสมที่จะพูดเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาเพิกเฉยเรื่องหนี้สินบิดา
“ทนายความของคุณนี่เคี่ยวน่าดูเลย...”
“ครับ?”
“แต่เอาเหอะ ยังไงมันก็ไม่ใช่ความผิดพรเทพ ส่วนที่จ่ายมานี่ก็ถือว่าคุณรับผิดชอบเยอะแล้ว...ก็ต้องขอบคุณนะที่คุณเคลียร์เรื่องเงินได้รวดเร็วทันใจจริงๆ...ไหนๆพรเทพก็เสียไปแล้ว ผมไม่อยากจะพูดอะไรมาก แต่อยากจะเตือนไว้นะหลานชาย เพื่อนก๊กนี้ของพรเทพน่ะ หาดีไม่ได้สักคน ถ้ามันมาขอความช่วยเหลือ หรือมาขอลงทุนลงหุ้นอะไรด้วยก็อย่าไปหลงเชื่อเด็ดขาด พวกนี้มันไว้ใจไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะเสียทั้งเงินเสียทั้งชื่อเหมือนพรเทพ...ยังดีหรอกที่คุณยังกู้ชื่อไว้ให้พรเทพได้น่ะ”
“...ครับ...” พสุรับคำด้วยอาการงุนงง หมายความว่ายังไงเรื่องทนายของเขา ไปเคลียร์หนี้ให้บิดาแล้ว ในเมื่อเขามัวยุ่งอยู่กับการจัดงานศพจนหัวปั่นไปหมด แล้วจะเอาเวลาตอนไหนไปติดต่อทนาย...จะว่าไป เขาเองก็แปลกใจตั้งแต่ไม่มีใครมาตามทวงหนี้แล้ว ทั้งที่มีบางคนให้ข่าวกับสื่อมวลชนเพื่อบีบเขา แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีใครติดต่อกลับมาเลยสักรายเดียว รวมถึงสื่อมวลชนก็เลิกเล่นข่าวหนี้สินของพ่อ...คนเดียวที่จะจัดการเรื่องนี้ให้เขาได้ ต้องเป็นเขมชาติอย่างแน่นอน...
“ไผ่...เดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนนะ พอดีต้องไปธุระ” เขมชาติเข้ามากล่าวลา หลังจากที่แขกส่วนใหญ่ทยอยเดินทางกลับไปเกือบหมดหลังวางดอกไม้จันทน์ พสุเหลียวไปมองริว เห็นเด็กหนุ่มกำลังช่วยกรเวชส่งแขกอยู่อีกทาง ก็รีบคุยเรื่องทนายกับเขมชาติ
“คุณเขมครับ ขอบคุณมากนะครับที่จัดการเรื่องทนายให้”
“ทนาย?...ทนายอะไร?” เขมชาติทำหน้างงจนพสุได้แต่กะพริบตาปริบๆ
“ก็...คุณเขม...ไม่ได้ให้ทนายมาเคลียร์เรื่องหนี้สินของคุณพ่อเหรอครับ?”
“อ๋อ...คุณขอบคุณผิดคนแล้วล่ะไผ่ ผมไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องนั้นหรอก” เขมชาติทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเสหัวเราะแล้วหันไปทางอื่นไม่ยอมสบตาพสุ
“อ้าว แล้วใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้ละครับ?”
“ผมว่าคุณคุยกับทนายเองดีกว่า เขามาโน่นแล้ว...ผมขอตัวกลับก่อนนะ” เขมชาติบอกลาแล้วเดินลิ่วๆ ไปทันที ไม่ทันให้พสุได้ทักท้วงใดๆ ทั้งสิ้น
พสุอึ้งไปทันทีเมื่อเห็นหน้าคนที่ตรงดิ่งมาหาเขา สุจริตเป็นทนายความชื่อดัง ที่ปกติจะจัดการแต่คดีความสำคัญๆ หรือคอยดูแลผลประโยชน์ให้นักการเมืองและนักธุรกิจระดับประเทศเท่านั้น เขาไม่น่าจะรับงาน ‘เล็กๆ น้อยๆ’ อย่างเคลียร์หนี้สินของพรเทพให้พสุได้เลย แล้วที่สำคัญ ถ้าเขมชาติไม่ได้เป็นคนจัดการแล้ว “ใคร” เป็นคนว่าจ้างทนายสุจริต
“สวัสดีครับคุณพสุ”
“เอ่อ สวัสดีครับคุณสุจริต” พสุรีบไหว้แทบไม่ทันเมื่อทนายสุจริตเป็นฝ่ายทักเขาก่อน ทั้งที่เขาคิดว่าจะรอให้ทนายสุจริตเดินมาใกล้เสียก่อน เพื่อจะได้ไม่เสียมารยาท
“ผมต้องขอแสดงความเสียใจเรื่องคุณพ่อด้วยนะครับ” สีหน้าจริงจังนั้นดูไม่เหมือนคนที่พูดไปตามมารยาท ทำให้พสุต้องไหว้ขอบคุณอีกรอบ
“ครับ ขอบคุณมากนะครับที่กรุณามาร่วมงาน”
“ครับผม”
“เอ่อ...ไม่ทราบว่าคุณสุจริตพอจะมีเวลาให้ผมสักครู่มั๊ยครับ” พสุตัดสินใจคุยให้หายคาใจ เพราะตอนนี้ก็เหลือเพียงรอเวลาเผาจริงเท่านั้น แขกเหรื่อส่วนใหญ่ก็ทยอยกลับกันจวนหมดแล้ว
“ได้เลยครับ ผมไม่ได้รีบร้อนไปไหน”
“งั้น...เชิญทางด้านนี้ดีกว่าครับ พี่กรครับ ฝากรับแขกแทนสักครู่นะครับ...ริว อยู่ช่วยพี่กรรับแขกแทนพี่ทีนะ”
“ครับพี่”
“ได้ไผ่ ไปเถอะ” กรเวชหันมารับปากแล้วดึงแขนริวให้ตามไปไหว้ลาแขกอีกกลุ่มที่กำลังจะกลับ
ริวหันมามองตามหลังพสุกับชายวัยกลางคนๆ นั้นไป ก่อนจะหันมาหากรเวช
“ใครครับพี่กร”
“ทนายสุจริต เป็นทนายความชื่อดังน่ะ...เออริว เดี๋ยวพอส่งแขกหมด พี่ต้องพาพวกพี่ๆ เขากลับก่อนนะ เพราะวันนี้มีคิวออกรายการสด แต่พี่แจ้งทางโน้นไปแล้วว่าไผ่กับริวคงไปร่วมรายการไม่ได้”
“ครับ”
“ฝากไผ่ด้วยนะริว คะยั้นคะยอให้พี่เขากินข้าวบ้าง ผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้ว”
“ครับ” ริวรับปากกรเวชแล้วลอบมองไปทางพสุกับทนายความอย่างไม่สบายใจนัก แต่ในเมื่อพสุไม่เรียก เขาก็ไม่กล้าตามไป
“เชิญนั่งก่อนครับ” พสุเดินนำทนายสุจริตมาที่เก้าอี้ใต้ร่มพิกุลใหญ่ รอจนทนายสุจริตนั่งเรียบร้อยจึงตัดสินใจถามสิ่งที่คาใจทันที
“ผมอยากทราบว่า ใครเป็นคนติดต่อคุณสุจริตให้มาช่วยจัดการเรื่องหนี้สินของคุณพ่อเหรอครับ”
“อ๋อ...ผมได้รับการติดต่อจาก R.Corporation ครับ ให้อำนาจเต็มในการจัดการกับเรื่องนี้...คุณพสุไม่ทราบเรื่องเหรอครับ?”
“ไม่ทราบเลยครับ...ผมมัวแต่ยุ่งๆ เรื่องจัดงาน...ถ้าผมอยากจะขอดูรายละเอียดจะได้มั๊ยครับ”
“ได้แน่นอนครับ ถ้าคุณพสุสะดวก พรุ่งนี้ก็สามารถเข้าไปดูที่บริษัทได้เลยครับ ผมจะเตรียมเอกสารไว้ให้”
“ขอบคุณนะครับ”
พสุไหว้ลาทนายสุจริตแล้วกลับไปที่เมรุ เพื่อรอการเผาจริงที่กำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่นาที
เสียงสัญญาณเผา กรีดโหยหวนในความรู้สึก พสุยืนมองโลงที่ค่อยๆ มอดไหม้ก่อนที่ประตูเตาเผาจะถูกปิด ด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจเรียบเรียงในสมอง เมื่อครั้งแม่ เขารู้สึกเหมือนใจสลายยามเห็นโลงศพไหม้ไปทีละน้อย แต่มาถึงคราวของพ่อ หัวใจเขาเหมือนถูกควักออกไปจนหมดแล้ว ไม่เหลือความรู้สึกอื่นใดนอกจากความเจ็บที่ไม่อาจประมาณ
ชายหนุ่มรู้สึกว่าตาเขาพร่าไปวูบหนึ่ง ก่อนที่จะมีคนคว้าตัวเขาไว้แล้วโอบประคองให้ยังยืนอยู่ได้ พสุทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดบนลงบนแผ่นอกอุ่นข้างหลัง เพราะไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนด้วยตัวเองอีกต่อไป
เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นของเด็กสาวที่ได้ชื่อว่า เป็น “เมีย” อีกคนของบิดา ทำให้พสุอดเหลือบมองด้วยความเวทนาไม่ได้ ชายหนุ่มเงยขึ้นมองเจ้าของอกอุ่นที่เขาอิงก็เห็นสายตาห่วงใยส่งกลับมา...อย่างน้อย เขาก็ยังมีริว..........
“จะทำยังไงต่อไป” พสุถามเสียงแผ่ว หลังจากที่กลุ่มควันบนยอดปล่องจางหายไปหมดแล้ว เมียเด็กของบิดายังแหงนมองยอดปล่องด้วยสายตาเลื่อนลอย พอได้ยินคำถามเธอถึงหันกลับมามองพสุ
“หนู...หนูคงต้องหางานทำ...หรือไม่ก็หาคนอุปการะใหม่...”
พสุชะงักกับคำตอบที่ได้ยิน วูบแรกเขานึกโมโหที่เด็กสาวตรงหน้าคิดหาทางออกชีวิตแบบนี้ เลือกที่จะเป็นเมียน้อยเมียเก็บต่อไปทั้งที่ยังมีหนทางทำมาหากินอีกมากมาย
“คุณอาจจะคิดว่าหนูมักง่าย อยากสบายจนยอมขายตัว...ไม่มีใครอยากทำอย่างนั้นหรอกค่ะ ถ้าเหลือทางเลือกในชีวิต...หนูมีความรู้แค่ ป.6 ถึงตอนนี้จะเรียน กศน. อยู่ แต่ก็ยังไม่จบ...หนูยังมีแม่กับหลานเล็กๆ อีก3 คนที่ต้องเลี้ยง แล้วแม่หนูก็ต้องฟอกไตเป็นประจำ...หนูไม่รู้ว่าความรู้แค่นี้จะหาอาชีพอะไรทำให้ได้เงินมากพอที่จะรักษาแม่หนูได้...ถ้ายังเหลือหนทางอื่น นอกจากขายตัวกับขายยา หนูก็ยินดีทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนหนูก็ไม่กลัว...”
พสุสะอึกกับคำพูดของเด็กสาวตรงหน้า นึกละอายใจที่ตัดสินเด็กสาวด้วยบรรทัดฐานของตัวเอง ทั้งที่เขาไม่มีสิทธิ์จะไปตีค่าชีวิตของคนอื่นแบบนี้ เด็กสาวยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา แล้วส่งยิ้มแหยเฝื่อนให้พสุ
“ที่หนูมาเป็นเมียเก็บคุณเทพ เพราะคุณเทพมีบุญคุณกับหนู มากเสียจนหนูไม่รู้จะตอบแทนยังไง...คุณเทพไม่เคยเรียกร้องให้หนูเป็นเมียน้อย เพราะคุณเทพไม่เคยรักหนู ทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านให้ เพราะความเวทนาเท่านั้น ผู้หญิงคนเดียวที่คุณเทพรักก็คือคุณนาย...ที่ไปเกาะกงคราวนี้ คุณเทพจะพาหนูไปฝากเป็นพนักงานที่บ่อน เพราะคุณเทพแน่ใจว่ายังไงก็ต้องติดคุกแน่ๆ ท่านไม่มีเงินจะไปจ่ายหนี้สินทั้งหมด ท่านบอกว่าคุณนายมีคุณพสุดูแลแล้ว คงไม่ลำบากนัก เหลือแต่หนูที่ท่านต้องหาทางให้มีงานทำเสียก่อนครอบครัวจะได้ไม่ลำบากมาก...คุณพสุอย่าโกรธคุณเทพเลยนะคะ...คุณเทพรักคุณที่สุด...เวลาที่อยู่กับหนู ท่านจะพูดถึงแต่คุณ...ท่านบอกว่าในชีวิตท่านล้มเหลวหมดทุกอย่างจนไม่เหลือความภูมิใจในตัวเอง...คุณพสุเป็นความภูมิใจเพียงอย่างเดียวในชีวิตท่านนะคะ...”
เขานะหรือคือความภูมิใจของพ่อ...พสุนิ่งอึ้งไปนานกับเรื่องราวที่ได้ยิน...พ่อ...ถ้าเพียงพ่อจะบอกเขาบ้าง ว่ามีปัญหาอะไร วันที่ต้องสูญเสียแบบนี้อาจยังมาไม่ถึง...แต่จะโทษแต่พ่อก็คงไม่ได้ เพราะเขาเองก็ผิด ที่ทิฐิจนไม่เคยคิดจะถามว่าพ่อมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไรหรือไม่...มาสำนึกเอาวันที่พ่อเหลือเพียงเถ้าถ่านอยู่ในเมรุ...แล้วจะมีประโยชน์อะไร...พสุผ่อนลมหายใจปวดร้าวออกจากอก รู้สึกล้าจนแม้เพียงหายใจก็ยังทรมาน...หากไม่เพราะมีมืออุ่นมาลูบหลังเขาเบาๆ ชายหนุ่มคงยังจมอยู่กับภวังค์ทุกข์อีกนาน...
“ขอบใจนะที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง...พ่อก็เป็นความภูมิใจที่สุดของฉันเหมือนกัน...” พสุบอกเสียงพร่า แล้วสูดหายใจลึกเพื่อเรียกความเข้มแข็งให้ตัวเอง
“งั้นหนูคืนบัตรเอทีเอ็มกับกุญแจรถไว้ให้คุณเลยนะคะ...เดี๋ยวหนูต้องไปเก็บเสื้อผ้า แล้วก็จะไปขึ้นรถที่เอกมัย หนูจะไปทำงานที่บ่อนเกาะกงค่ะ” เด็กสาวบอกพร้อมกับยื่นสมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม และกุญแจรถให้พสุ
“นี่รถของเธอไม่ใช่เหรอ? เอากุญแจมาให้ฉันทำไม”
“หนูจะโอนรถคืนให้คุณนะคะ...เพราะลำพังแค่เงินที่คุณเทพให้หนูทุกเดือน หนูก็เกรงใจท่านจะแย่แล้ว”
“ไม่ต้องหรอก...ทั้งเงินแล้วก็รถนี่คุณพ่อคงตั้งใจจะให้เธอ...เธอก็รับไว้ก็แล้วกัน ถ้าไม่สะดวกที่จะเอารถไปด้วยก็ขายแล้วเก็บเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายระหว่างที่ยังไม่ได้งานทำเถอะนะ เพราะค่าฟอกไต เดือนๆ หนึ่งก็ไม่ใช่น้อยๆ ถ้าใช้ระมัดระวังสักหน่อย คงพอเป็นเงินรองรังไปได้สักพัก”
“แต่เงินในบัญชีเหลือตั้งแสนกว่านะคะ” เด็กสาวท้วงเสียงหลงด้วยสีหน้าตกใจ ดวงตาคู่นี้ซื่อเกินกว่าจะคิดว่าเธอทำไปเพราะหวังเรียกคะแนนสงสาร
พสุพยักหน้ารับรู้ แล้วเหลียวกลับไปมองที่ประตูเตาเผาอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเด็กสาว
“เดินทางปลอดภัยนะ...แล้วถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมา”
“ค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ”
พสุรับไหว้เด็กสาว แล้วหันไปพยักหน้าให้ริว ริวก็รีบเดินตามกลับไปที่รถด้วยกัน ชายหนุ่มเงยขึ้นมองยอดเมรุเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับขึ้นรถ
…………………………………………………
-
โอ้...ได้จิ้มอีกแล้ว :กอด1:
...
แต่งานจะเข้าริวมั้ยนะ พี่ไผ่จะเข้าไปคุยกับทนายแล้วอย่างนี้เรื่องจะไม่แตกหรอ :serius2:
-
เศร้าจับจิต เฮ้อออ รอตอนต่อไปครับ ^^
-
ทั้งสั้นและเศร้า ตอนต่อ ไปก้อน่าจะเศร้าอีก
ขอให้พี่ไผ่ไม่โกรธน้องริวนะ น้องเค้าหวังดี
อยากได้ตอนหวานๆ แบบไหนก้อได้ ไม่เอาแล้วเศร้าต่อเนื่อง
-
อดจิ้มเลย
วันนี้บอร์ดเข้ายากมากกกกกกกกก :m31:
-
เรื่องเศร้าๆผ่านไปแล้วเอาใจช่วยพี่ไผ่ต่อไป
แต่ถ้ารู้ว่าใครช่วยหวังว่าพี่ไผ่จะไม่โกรธน้องน่ะ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
ความโศกเศร้าที่สุดผ่านไปแล้ว หวังว่าต่อจากนี้ ไผ่จะรีบกลับมาเป็นไผ่คนที่อบอุ่นอีกครั้ง...
ปล...รอตอนหวานๆๆๆบ้างเน้อ o13
-
โอ้ เศร้าไปกะพี่ไผ่แล้วยังต้องมาลุ้นอีกว่าความจะแตกมั้ยนะ
-
น่าจะหมดแล้วเนอะมาม่าเนี้ยอ่านไปน้ำตาซึมตลอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
เริ่มเห็นรุ้งกินน้ำแล้วนะครับ
-
อีกนิดนะ..ขอให้ละทิฐิด้วยนะ :m15: :m15:
-
:m15: :m15:
-
โอ้ย มาถึงกลางเรื่อง หรือเปล่า พึ่งรู้สึกว่าพสุนี่ก้อเคะนะเทอ
รู้สึกว่าริวแข็งแกร่งมากมาย อยากซบ ไซร้ ซุก พอเหอะ
ริวสู้ๆๆ พสุจะรู้เรื่องของริวแร้ว หรือเปล่า เราว่าไม่แน่เลยง่ะ
เพราะริวเป็นประธานตัวจริงที่อยู่ในเงามืด หรืออาจจะรู้ :z2:
ลุ้นมากมายเรยเนี่ย ต่ออีกสักตอนนะเค้ออะ ยังจะขอ..5555+ :impress2:
-
:monkeysad:
-
หมดทุกข์หมดโศกซะทีนะพี่ไผ่
ต่อไปนี้คงจะเจอแต่สิ่งดี ๆ
ว่าแต่จะเคลียร์กับน้องริวยังไง
ถ้ารู้ว่าน้องริวใช้หนี้แทนอ่ะ
ยังไงก็อย่าโกรธน้องริวเลยนะ
ที่น้องริวทำแบบนี้ก็เพราะรักแหละ
-
พี่ไผ่บอกว่ายังไหว...แต่คนอ่านไม่ไหวแล้วค่า...TT_TT
พาดหัวข่าวได้ปวดใจสุดๆ...อย่าให้พี่ไผ่ได้อ่านเชียว..
พี่ไผ่เสียใจขนาดนี้ก็ยังใจดี...หนูริวอย่าทิ้งพี่ไผ่ไปไหนนะ...^ ^
-
อ่านแล้วก้อสะเทือนใจ :monkeysad:
นี่ก้อยังลุ้นๆอยู่ว่าน้องริวจะได้บอกความจริงพี่ไผ่ รึว่าจะมีอะไรอีก โอยยยยยย ชักจะเริ่มกลัวความดราม่า :z3:
-
ขอให้พี่่ไผ่เข้าใจริวนะ คุยกันดีล่ะ
ไม่เอามม่าแล้วนะ กินจนท้องอืดหมดแล้ว
ขอของหวานมาได้แล้วค่ะ
-
เศร้าทุกตอน กินมาม่าทุกตอน จนท้องอืดแล้ว
ตอนหน้าคาดว่าจะไม่เเศร้าอีกนะครับ
-
ความจริงกำลังจะเผย ว่าแต่ริวจะทำอย่างไรให้ไผ่ยอมรับ
-
มาม่าหมดลังยังครับ
ถ้ายังก็เอามาให้หมด
สงสารพี่ไผ่จะแย่แล้ว
-
เรื่องร้ายๆผ่านไปแล้ว หวังว่าฟ้าหลังฝนของไผ่จะสดใสโดยเร็วนะคะ
-
น้ำตาไหลพราก พสุพอผ่านช่วงชีวิตเหมือนริวไปแล้ว
หวังว่าจะเข้าใจริวและรับรักหนูริวซักทีนะ
-
ทนายมาแล้ว
เหอะ น้องริวคงไม่อยากให้รู้ซักเท่าไรอ่ะนะ
ทำยังไล่ะทีนี้
งื้ออออออ
เป็นกำลังใจให้พี่ไผ่นะ ><
-
มหกรรมแจกน้ำตาจากซองมาม่า T^T
-
อยากให้พี่ไผ่เอะใจสักนิด
ใครกัน ที่ช่วยพี่ไผ่มาตลอด
ไม่เคยเห็นเลยใช่มั๊ย ...เห้ออ :L2: :L2:
-
ขอให้ฟ้าหลังฝนจงสดใส :monkeysad:
ดูเหมือนพี่ไผ่ใกล้จะรู้ความจริงเรื่องของริวแล้วรึป่าว? ถ้ารู้แล้วจะเป็นยังไง ไม่อยากคิด :sad4:
-
ตั้งแต่วันพฤหัสเป็นต้นไปจะไม่ได้อ่านแล้ว :sad4:
เพราะว่าต้องย้ายกลับไปอยู่บ้าน แล้วบ้านก็ไม่มีเน็ต :o12:
หวังว่าจะมีโอกาสได้เข้ามาอ่านพี่ไผ่กับหนูริวอีก :z3:
ปล. หนูริว งานจะเข้ารึเปล่านะ :o8:
-
:m15:จะเศร้าไปถึงไหน...สงสารไผ่
-
และตอนนี้ก็ทำให้น้ำตาหนดอีกรอบ
(TT-TT)\
เมื่อไหร่ฉากเศร้าจะผ่านไปสักทีอ่ะค่ะ
-
:serius2:แล้วงานจะเข้าริวไหมล่ะคะทีเนี้ย
:เฮ้อ:ก็ได้แต่หวังว่าไผ่คงจะเข้าใจว่าริวทำไปด้วยความหวังดีนะคะ
-
พอเห็นคุณทนาย ก็เหมือนๆ จะเห็นมาม่าอีกชาม
-
เค้าไม่อยากได้มาม่าแล้วอ่า เมื่อไหร่จะหมดเรื่องหมดราวซักทีละนี่ น้ำตาท่วมแล้ว
-
แล้วริวไม่บอกความจริงกับไผ่เองล่ะ
-
เศร้าพอแล้ว
-
พี่ไผ่ทุกข์ก็สุขแบบแสนสาหัส พอถึงตอนสุขก็ขอแบบสุขจนสำลักก็แล้วกันนะค่ะ :impress2:
-
:monkeysad:
ตอนต่อไปพี่ไผ่คงอะไรมากขึ้น
อย่าทะเลาะเข้าใจผิดกันอีกนะ
:3123:
-
น้ำตาซึมกะพี่ไผ่ กับความรักที่พ่อ มีให้ให้กับครอบครัว
แต่การแสดงออกของพ่อนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้ไผ่รู้สึกไม่ดีต่อพ่อ
หวังว่าเรื่องราวของพ่อ และเมียเด็กของพ่อ จะทำให้ไผ่ยั้งคิดและพิจารณาถึงเจตนาอันแืท้จริงที่ ในสิ่งริวทำให้ทั้งหมด ว่าเกิดจากความรักและหวังดี อย่าโกรธเคืองน้องเลย
-
เมื่อไหร่จะมีความสุขสักทีละพี่ไผ่
-
กรี๊ดดดดดดดด ไม่ได้อ่านมา3ตอนแทบช๊อค อะไรจะเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้
แต่ในทุกความเสียใจของพี่ไผ่ก็ทำให้รู้ว่านู๋ริวของเราสำคัญแค่ไหน่
-
:L2:
“ทนายความของคุณนี่เคี่ยวน่าดูเลย...”
"เคี่ยว" ขับเคี่ยว, เคี่ยวเข็ญ
ใช้ "เขี้ยว" น่าจะถูกกว่า (เช่น เขี้ยวลากดิน, เขี้ยวเล็บ)
-
อะไรเนี่ยเมื่อไรจะผ่านพ้นช่วงนี้ไปสักที
:o12:
-
ทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน
แต่เมื่อพี่ไผ่รู้ความจริง
คงไม่มีมาม่า ชามที่ห้าที่หกอีกน่ะค่ะ
-
ขอให้ตอนต่อไปไม่มาม่านะค่ะ
สงสารพี่ไผ่จะแย่แล้ว เหลือเพียงน้องริวอยู่คนเดียวแล้ว :m15:
ถ้ารู้ความจริง หวังว่าพี่ไผ่จะไม่โกรธน้า น้องริวเขาทำไปเพราะรัก
ปล.อลันเป็นทุกอย่างจริงๆ คนอะไรยังกับซุปเปอร์แมน
-
"เคี่ยว" ขับเคี่ยว, เคี่ยวเข็ญ
ใช้ "เขี้ยว" น่าจะถูกกว่า (เช่น เขี้ยวลากดิน, เขี้ยวเล็บ)
ขอบคุณค้าบ จริงๆคนตรวจก็ท้วงมาแล้ว แต่อิป้าคนแต่งดื้อ จะใช้คำนี้
แหะๆ สงสัยจะเข้าใจความหมายผิดจริงๆ เดี๋ยวจะรีบไปแก้ค้าบ
-
ขอให้เรื่องไม่ดีหมดไปซักที
ต่อไปเจอแต่เรื่องดี ๆ นะไผ่
:pig4: คะ
-
อลันสุดยอดจริงๆ ไวมั่ก o13
-
ป้าคนแต่งคะ จะให้พี่ไผ่ผอมไปไหน จะเหลือแต่กระดูกแล้วนะ
แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปกดน้องริวอ่ะ
-
ป้าคนแต่งคะ จะให้พี่ไผ่ผอมไปไหน จะเหลือแต่กระดูกแล้วนะ
แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปกดน้องริวอ่ะ
ก็ผอมให้น้องริวกดสิ >///<
-
หวังว่าเมื่อไผ่ได้รู้ความจริงจากทนายแล้วว่า ใครดำเนินการเรื่องหนี้สินของพ่อ
ไผ่คงไม่เอาแต่อารมณ์เป็นที่ตั้ง แล้วก็มัวแต่มีทิฐิและความหยิ่งในศักดิ์ศรี จนโกรธริวนะ
อยากให้ไผ่มองความรักอันยิ่งใหญ่ที่ริวมีให้ไผ่มากกว่าน่ะ
-
เฮ้อ หมดทุกข์หมดโศกซะทีนะพี่ไผ่
-
รอตอนต่อไปฮับ ^^
-
รออ่านตอนต่อไปนะครับ :m15: :m15: :call:
-
แก้วยังมองออกเลย แล้วเมื่อไรพี่ริวจะมองไผ่ออกละเนี่ย ตามลุ้นต่อไปจ้า
-
ยังไม่ได้อ่านซักตอนเลยค่ะ แต่มาเม้นไว้ก่อน :z2:
ลืมส่งทางเมลล์ให้เราหรือเปล่าคะ? :m16: :m16:
-
ตอนที่ 84
วันรุ่งขึ้นหลังจากเก็บกระดูกบิดาแล้วนำเถ้าถ่านไปโปรยไว้ที่วัดที่เดียวกับมารดาเรียบร้อยแล้ว พสุก็ตัดสินใจไปหาทนายสุจริตที่บริษัท โดยมีริวขับรถไปให้เหมือนเคย แต่เด็กหนุ่มนั่งรออยู่ข้างนอกตอนที่พสุเข้าไปคุยกับทนายสุจริตในห้องทำงาน
“นี่เป็นเอกสารข้อมูลทั้งหมดที่ผมได้รับมอบหมายมา...แล้วก็ในซองนี้...เป็นหนังสือสัญญาของคุณพรเทพกับคู่กรณีทั้งหมดที่เคลียร์ไปเรียบร้อยหมดแล้ว”
พสุเปิดดูเอกสารต่างๆ และฟังทนายสุจริตพูดถึงข้อเสียเปรียบมากมายที่บิดาของเขาโดนเอารัดเอาเปรียบจากบรรดาเจ้าหนี้ และเพื่อนร่วมหุ้นทุกคน ชายหนุ่มเห็นตัวเลขของแต่ละสัญญาแล้วหนาวยะเยือก ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีใครให้คนอื่นกู้ยืมโดยไร้ทรัพย์สินค้ำประกันด้วยวงเงินที่สูงขนาดนี้ได้ นับว่าบิดาของเขาเป็นคนที่มีเครดิตดีอย่างเหลือเชื่อ มิน่าถึงได้มีหนี้สินนับร้อยล้านทั้งยังกลายเป็นผู้เซ็นค้ำประกันให้ใครต่อใครจนหนี้พอกพูนไว้ขนาดนี้
“คุณสุจริตครับ...แล้ว...คนที่เคลียร์หนี้สินทั้งหมดนี่ให้ผมละครับ...เขาเป็นใคร?”
ทนายสุจริตมองหน้าพสุนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะหยิบเอกสารอีกชุดยื่นให้พสุดู ชายหนุ่มกวาดตาดูเอกสารการโอนเงินเข้าบัญชีทนายสุจริตแล้วสะดุดนิ่งจนแทบลืมหายใจเมื่อเห็นชื่อเจ้าของบัญชี “ริว เกรสัน”
“เป็นไปไม่ได้...” พสุหลุดเสียงครางออกมาด้วยความตกใจ ชายหนุ่มนั่งนิ่งอึ้งด้วยความงุนงง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมริวถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ ริวไปเอาเงินพวกนี้มาจากไหน...
“เอ่อ...คุณสุจริตพอจะสรุปยอดรวมได้มั๊ยครับ ว่าจริงๆแล้วผมเป็นหนี้ เอ่อ...อยู่เท่าไหร่” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่ยังพร่านิดๆ หลังจากรวบรวมสติได้
“ครับ...เฉพาะเงินสดที่ชำระเรียบร้อยแล้ว 178 ล้าน 6 แสนบาทครับ แต่ในส่วนของธนาคารที่คุณพรเทพทำการกู้ร่วมกับเพื่อนๆ นั้น คดียังอยู่ในชั้นศาล คงต้องรอให้ศาลตัดสินก่อนนะครับ ซึ่งดูจากรูปคดีแล้วก็คาดว่าคงต้องชำระอีกประมาณ 15 ล้านบาท เฉพาะในส่วนของคุณพรเทพครับ”
พสุยกมือเย็นเฉียบขึ้นลูบหน้า...เขามีหนี้สิน 178 ล้านกว่าๆ ยังไม่นับส่วนที่ยังไม่ได้ชำระอีกประมาณ 15 ล้าน นี่เขาจะไปหาเงินจำนวนมหาศาลนี้มาจากไหน?
“ขอบคุณมากครับคุณสุจริต...แล้ว..ผมจะขอสำเนาเอกสารพวกนี้กลับไปได้มั๊ยครับ”
“ได้ครับ สักครู่นะครับ” ทนายสุจริตเรียกเลขาเข้ามารับเอกสารออกไป ครู่เดียวพสุก็ได้สำเนาของเอกสารทั้งหมด รวมถึงใบโอนเงินจากบัญชีริวด้วย ชายหนุ่มลาทนายสุจริตออกมาข้างนอกแล้วชะงักเมื่อเห็นหน้าริว
“พี่...เป็นไงบ้าง...มีอะไรหรือเปล่า?” ริวเข้ามาถามทันทีอย่างร้อนใจเพราะเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของพสุ
พสุเม้มปากนิ่ง วูบแรกที่เห็นดวงตาใสแจ๋วคือความโกรธ...โกรธที่ริวทำเหมือนเขาเป็นหัวหลักหัวตอ อยากรู้ว่าริว จะบอกความจริงเขาเมื่อไหร่เรื่องหนี้สินที่ริวออกรับหน้าแทนทั้งหมดนี้...
“เดี๋ยวไปคุยกันในรถ” พสุบอกเสียงเรียบแล้วเดินนำลิ่วออกมาขึ้นรถ ริววิ่งตามมาติดๆ เด็กหนุ่มคอยเหลือบมองหน้าพสุมาตลอดทางแต่พสุไม่มีอารมณ์จะพูดด้วย เพราะเกรงว่าหากเขาพูดอะไรไปตอนนี้ จะต้องกลายเป็นการทะเลาะกันอย่างแน่นอน
“พี่ครับ...ถึงบ้านแล้ว...พี่มีเรื่องอะไรเหรอ บอกริวได้มั๊ย?”
“พี่ขออยู่คนเดียวสักพักนะริว...” พสุไม่ตอบคำถามแต่เลือกจะหลบไปใช้เวลาคิดคนเดียวเงียบๆ
“แต่...”
“พี่ขออยู่คนเดียว!” พสุตวาดแล้วชะงักเมื่อเห็นเด็กหนุ่มสะดุ้ง สีหน้างุนงง ค่อยๆกลายเป็นซีดสลดเหมือนลูกหมาหงอยทำให้พสุได้สติ ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกแล้วเดินหนีเข้าห้อง ก่อนที่เขาจะพูดจารุนแรงไปมากกว่านี้
ชายหนุ่มอ่านเอกสารทุกแผ่นอย่างละเอียด ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายเที่ยว ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกเครียดจนปวดมวนในท้องไปหมด ชายหนุ่มหยุดสายตาไว้ที่ชื่อเจ้าของบัญชีที่โอนเงินมาเคลียร์หนี้สินให้เขา ก่อนจะสอดเอกสารทั้งหมดลงในซอง แล้วทิ้งตัวลงนอนมองเพดานด้วยความสับสน...
เขาไม่คิดว่าเด็กแบบริวจะรู้เรื่องธุรกิจ และยิ่งแน่ใจว่าริวไม่รู้จักทนายสุจริต ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ใครคือคนที่จัดการติดต่อทนายสุจริตแทนริว...พสุนึกทบทวนไปถึงบริษัทที่ทนายสุจริตอ้างว่าเป็นผู้ติดต่อมา....R.Corporation เป็นใคร? เกี่ยวข้องอะไรกับริว ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดจนต้องลุกวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ ชายหนุ่มอาเจียนออกมาเป็นน้ำใสๆ เพียงเล็กน้อย แต่อาการปวดจุกในท้องรุนแรงจนต้องกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงครู่หนึ่งถึงลุกไหว
พสุเพิ่งสำนึกว่าวันนี้เขาแทบไม่ได้กินอะไรเลยตลอดทั้งวัน แล้วถ้าเขาไม่ได้กิน ริวก็คงไม่ได้กินเช่นกัน เพราะเด็กหนุ่มคอยอยู่ดูแลเขาตลอดเวลา ป่านนี้ริวอาจจะปวดท้องเหมือนเขาอยู่ก็ได้
พสุตัดสินใจออกมาจากห้อง เสียงเปียโนจากห้องนั่งเล่นทำให้พสุรู้ได้ทันทีว่าริวอยู่ที่ไหน เด็กหนุ่มนั่งเหม่ออยู่ที่เปียโน เสียงไล่โน้ตถี่บ้างห่างบ้าง ฟังยังไงก็ไม่เป็นเพลง เหมือนริวแค่เอาเสียงเป็นเพื่อนมากกว่าจะเล่นจริงจัง
“ริว...กินข้าวหรือยัง”
พอหันมาเห็นพสุเด็กหนุ่มก็วิ่งเข้ามาหา แล้วทำท่าจะกอด แต่พสุกลับดันไหล่กว้างไว้
“กินข้าวแล้วหรือยัง?” พสุถามซ้ำ ทำไม่เห็นใบหน้าซีดสลดของเด็กหนุ่ม
“ยังครับ ริวรอพี่” ริวตอบแล้วมองพสุตาละห้อย อยากรู้ว่าทำไมพสุถึงทำหมางเมินด้วย
“งั้นไปกินข้าวกัน ป่านนี้พี่แมวคงตั้งโต๊ะไว้ให้แล้ว”
“พี่...พี่โกรธอะไรริวเหรอ ริวทำอะไรผิดอีกแล้วใช่มั๊ย?” น้ำเสียงสั่นสะท้าน และหยาดน้ำเอ่อคลอเต็มตาโตๆ ทำให้พสุใจไหวยวบด้วยความเสียใจ ชายหนุ่มละมือจากไหล่กว้างเอื้อมจะไปลูบหัวเด็กหนุ่ม แต่กลับหยุดชะงักแล้วลดมือลงข้างตัวแทน ริวมองตามมือพสุแล้วใจหายวูบ แน่ใจว่าพสุคงโกรธเขามากจริงๆ
“ไปกินข้าวก่อน ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“...ครับ” ริวรับคำหงอยๆ แล้วเดินตามเขาไปที่โต๊ะอาหารแต่โดยดี
แม้ร่างกายจะต้องการอาหารแค่ไหนก็ตาม แต่เอาเข้าจริงๆ ทั้งพสุและริวต่างก็กินไม่ลงทั้งคู่ ริวเขี่ยข้าวไปมาแล้วคอยชำเลืองมองพสุตลอดเวลา พอเห็นพสุวางช้อนเด็กหนุ่มก็หยุดกินทันที
พสุลุกกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อหยิบเอกสาร แต่ริวเดินตามเข้ามาติดๆ ชายหนุ่มจึงยื่นเอกสารการโอนเงินให้ริว เด็กหนุ่มรับไปดูแล้วชะงัก หน้าเสีย ก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าพสุด้วยสายตาหวาดหวั่น
“พี่...ริว...ริวเอ่อ...”
“จะบอกพี่เมื่อไหร่ริว...พี่ควรรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่?” พสุถามเสียงเรียบ แต่ดวงตาไหวระริกด้วยความผิดหวัง
“เอ่อ...ริว...ริวแค่ไม่อยากเห็นพี่เป็นทุกข์”
“ริวก็เลยมาใช้หนี้ให้พี่เสียเอง...ริวเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน...จากญาติที่อเมริกาใช่มั๊ย?” พสุคาดคั้นด้วยน้ำเสียงขมขื่น ลำพังแค่ริวเขาก็เจ็บใจจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว นี่กลายเป็นว่าญาติของริวก็พลอยมารับรู้ไปด้วยว่าเขามีหนี้สินมากมายและไม่มีปัญญาจะชดใช้ด้วยตัวเอง
“เปล่านะ นั่นเงินริวเอง...ริวไม่ได้เอาของใครมา ทั้งหมดนั่นเป็นเงินที่ริวหามาได้เอง ไม่ใช่เงินคนอื่น”
“...พี่เพิ่งรู้ว่าริวมีเงินส่วนตัวมากขนาดนั้น...” พสุทำเสียงเย็น ไม่ใช่ไม่เชื่อริวแต่เขากำลังหยันตัวเอง
“พี่ไผ่ครับ...เงินริวก็เหมือนเงินพี่ ทำไมพี่ต้องคิดมากด้วย” ริวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเบา แล้วเอื้อมมือมาหาจับแขนพสุ
“ไม่เหมือนหรอกริว เงินนั่นเป็นเงินของริว ไม่ใช่ของพี่...แล้วหนี้สินพวกนี้ก็เป็นเรื่องของพี่กับพ่อพี่ ไม่ใช่เรื่องที่ริวควรจะก้าวก่าย” น้ำเสียงเย็นชาของพสุทำให้มือที่แตะอยู่บนแขนเขาหลุดผล็อย ริวทอดสายตาผิดหวัง เสียใจ มองพสุนิ่งงันอยู่นานกว่าจะตั้งคำถามเสียงแผ่ว
“...พี่เคยบอกว่าริวเป็นน้องคนสำคัญไม่ใช่เหรอ...แล้วพ่อพี่ไม่ใช่พ่อริวเหรอ...ริวไม่ใช่คนในครอบครัวอีกแล้วเหรอครับ...ริวก็แค่อยากเห็นพี่มีความสุข...ไม่อยากเห็นพี่ต้องเสียใจอีก...ริวไม่รู้ว่าทำแบบนี้แล้วก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพี่...ริวขอโทษนะครับ”
พสุสะอึกกับคำพูดของริว แววตาตัดพ้อน้อยใจของน้องทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเองอย่างบอกไม่ถูก...เพียงเพราะเขาไม่มีปัญญาใช้หนี้ให้บิดา พอริวก้าวเข้ามาแก้ปัญหานี้ให้ ความรู้สึกที่เหมือนตัวเองด้อยคุณค่าทำให้เขาพาลใส่ริว อย่างไร้เหตุผลที่สุด...
ความรู้สึกละอายแก่ใจทำให้พสุมองหน้าริวไม่ได้อีก ชายหนุ่มหันรีหันขวาง ก่อนจะเดินเร็วไปคว้ากุญแจรถกับกระเป๋าสะพายแล้วรีบร้อนออกจากบ้านไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกของริว...นาทีนี้ เขาขอเวลาอยู่คนเดียวเงียบๆ เพื่อให้หัวเย็นลงกว่านี้อีกสักหน่อย...พสุขับรถไปเรื่อยๆ ในหัววนเวียนอยู่แต่เรื่องแม่ เรื่องพ่อ เรื่องหนี้สิน และเรื่องของริว......
เอี๊ยดดดดดดดด...
พสุเหยียบเบรกเต็มแรงเมื่อจู่ๆรถแท็กซี่คันหนึ่งก็เลี้ยวพรวดออกมาจากซอย ชายหนุ่มได้ยินเสียงเบรกลั่นถนนจากด้านหลัง พอเหลือบไปมองก็เห็นแท็กซี่อีกคันจ่ออยู่ที่ท้ายรถ และคนขับชะโงกออกมาด่าเขา จึงเปิดประตูออกไปยกมือไหว้เพื่อขอโทษ ทำให้แท็กซี่อารมณ์ร้อนคนนั้นคลายความโมโห ชายหนุ่มกำลังจะกลับเข้ารถเมื่อเหลือบไปเห็นรถของริว เขาไม่รู้ว่าริวตามเขามาด้วย แต่เขายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับริวในเวลานี้
ชายหนุ่มกลับขึ้นรถแล้วขับหนีริว แต่ไม่ว่าจะลัดเลาะเข้าซอยโน้นออกซอยนี้ ริวก็ยังขับตามเขามาอย่างกระชั้นชิด พสุคิดหาหนทางจนสมองหมุนจี๋ ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปในผับชื่อดังของถนนบันเทิงเส้นนี้...ผับชั้นสูง ราคาแพงลิบลิ่วแน่นอนว่าย่อมมีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นยอดและ...ไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้า
ริวจอดรถแล้วรีบวิ่งตามพสุเข้าไป แต่กลับถูกการ์ดหน้าประตูกั้นไว้
“ขอดูบัตรประชาชนด้วยครับ...อายุไม่ถึง20ปี เข้าไม่ได้นะครับ”
“ผมไม่ได้มาเที่ยว ผมแค่มาตามพี่...ผมตามพี่พสุมาครับ”
“ผมทราบครับว่าคุณเป็นใคร แต่ที่นี่เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีห้ามเข้า...ขออภัยนะครับ”
ริวหน้าเสีย ได้แต่ยืนละล้าละลัง ไม่รู้จะทำยังไง
“ริวนี่! ริว คิสมีใช่มั๊ยจ๊ะ” เสียงทักจากด้านหลังทำให้ริวต้องหันกลับไปมอง ผู้หญิงสามคนแต่งกายด้วยชุดที่เปิดมากกว่าปิดทั้งบนและล่าง จ้องเขาตาโต แล้วพากันกรี๊ดเบาๆ เมื่อจำเขาได้
“...ครับ”
“ต๊าย! ตัวจริงหล่อจัง...ว่าแต่มาทำอะไรที่นี่จ๊ะหนุ่มน้อย อายุยังไม่ถึงไม่ใช่เหรอ”
“ที่นี่ไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 เข้านะจ๊ะ”
“แล้วนี่มากับใครเหรอ...หรือว่าคิสมีมาเที่ยวที่นี่!”
ริวชะงักเมื่อเห็นพวกเธอหันไปสบตากันด้วยท่าทางดีอกดีใจ เด็กหนุ่มเม้มปากนิ่งก่อนจะเดินเร็วๆ กลับมาที่รถ พสุกำลังโกรธ ไม่แน่ว่าอาจจะกินเหล้าก็ได้ พสุไม่ใช่นักดื่มอาจจะเมาง่ายๆ แล้วผับนี้มีแต่ผู้หญิงสวยๆ เข้าออกเป็นว่าเล่น...ริวนิ่วหน้าด้วยความร้อนใจ ก่อนจะตัดสินใจโทรขอความช่วยเหลือ...
พสุถอนใจเฮือกยาว ตอนแรกเขาอาจจะโกรธที่ริวทำอะไรไปโดยพลการ แต่เมื่อมีเวลาได้คิดทบทวน เขาก็ยิ่งละอายแก่ใจ ที่ผ่านมาริวแสดงให้รู้อยู่ตลอดเวลาว่าให้ความสำคัญกับเขาขนาดไหน ไม่ว่าเขาจะมีปัญหาอะไรเด็กหนุ่มก็พร้อมจะเคียงข้างและเผชิญหน้าทุกอย่างแทนถ้าทำได้ เขาน่าจะรู้อยู่แล้วว่าถ้าเขาเจอกับปัญหารุมเร้าขนาดนี้ มีหรือที่ริว จะทนอยู่เฉยๆ ได้ ซึ่งถ้าเดาไม่ผิด คนที่ช่วยติดต่อทนายสุจริตให้น่าจะเป็นผู้ปกครองของริว เด็กหนุ่มคงโทรไปขอความช่วยเหลือ แล้วทางโน้นก็ติดต่อทนายให้... แม้ริวจะยืนยันว่านั่นเป็นเงินของตัวเอง แต่ผู้ปกครองของริวจะมองเขายังไง อาจคิดว่าเขาหลอกใช้ความสนิทสนมของริวหาผลประโยชน์ให้ตัวเองหรือเปล่า...
จู่ๆ เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก็มีคนทรุดลงนั่ง พสุเงยขึ้นสบตาคนนั่งตรงข้ามแล้วชะงักไปอย่างคาดไม่ถึง
“นายมาทำอะไรที่นี่ตะวัน?”
“ริวโทรตามฉันให้มาดูนาย...น้องห่วงนายมากนะไผ่”
พสุเม้มปาก แล้วหลบตาตะวัน ก่อนจะกระดกยกเหล้าขึ้นดื่มติดๆ กันหลายแก้ว จนตะวันต้องคว้าข้อมือเขาไว้
“นายเป็นอะไรไป...มีเรื่องหนักหนาจนบอกใครไม่ได้เลยเชียวเหรอไผ่?” น้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนจะเย็นชา แต่พสุรู้ดีว่าตะวันห่วงเขาแค่ไหน ไม่อย่างนั้นตะวันคงไม่มาหาเขาถึงที่นี่
“...บางเรื่อง มันก็ยากเกินกว่าจะบอกใครได้นะตะวัน”
“เหล้าไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย นายก็รู้”
“ฉันรู้...แต่ฉันหมดแรงแล้ว...ขอฉันลืมปัญหาทุกอย่างไปสักคืนก็ยังดี...แค่ตอนนี้เท่านั้น...”
ตะวันปล่อยข้อมือที่เขาจับไว้ แล้วทิ้งตัวลงในความหนานุ่มของโซฟา เพื่อจับตาดูพสุกระดกเหล้าเข้าปากติดๆ กันอีกหลายแก้วต่อไปเงียบๆ จนพสุเอนตัวพับไปกับเก้าอี้นวมตอนเกือบเที่ยงคืน ตะวันถึงตัดสินใจโทรหาริว สัญญาณรอสายดังเพียงครั้งเดียวริวก็กดรับทันที แปลว่าเด็กหนุ่มคงรอเขาอย่างใจจดใจจ่อแล้ว
“พี่กำลังจะพาไผ่กลับไปส่งแล้วนะ”
“ผมยังรออยู่ครับ เดี๋ยวผมพาพี่ไผ่กลับเอง”
“อ้าว! งั้นรอสักครู่ เดี๋ยวพี่ออกไป” ตะวันหันไปเรียกบริกรมาเก็บเงิน แล้วประคองพสุเดินโซเซออกไปข้างนอก ริวปราดเข้ามาช่วยประคองพสุไปขึ้นรถ แล้วส่งกุญแจรถของตัวเองให้ตะวัน
“พี่ขับรถริวกลับละกันครับ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่กลับแท็กซี่ก็ได้”
“ไม่ได้หรอกครับ ริวโทรตามพี่มา จะให้พี่กลับแท็กซี่ได้ยังไง พี่เอารถริวไปนะครับ แล้วทิ้งไว้ที่บริษัทก็ได้ ริวค่อยไปเอาวันหลัง” พอริวยืนยันแบบนั้นตะวันก็จำต้องรับกุญแจรถไว้เพราะไม่อยากอ้อยอิ่งอยู่หน้าผับนานนัก ริวยังอายุไม่ถึง 20 ถ้ามีนักข่าวมาเห็นอาจกลายเป็นข่าวได้ ยังดีหรอกที่ริวเอารถคันซีดานมาแทนที่จะเป็นคันสปอร์ต ไม่อย่างนั้นคงสะดุดตาคนมากกว่านี้
“อืม...ก็ได้ งั้นเดี๋ยวพี่จะเอารถไว้ที่บ้านพักละกัน ริวก็ไปเอากุญแจที่พี่จันนะ”
“ครับ” ริวรับคำแล้วขับรถพาพสุกลับบ้าน ขณะที่ตะวันเองก็ขับรถของริวกลับไปออฟฟิศ
“...ขอโทษนะริว...พี่ขอโทษ...ขอโทษ...” น้ำเสียงแผ่วๆ ของพสุทำให้ริวหันกลับไปมองเพราะฟังไม่ถนัดว่าชายหนุ่มพูดอะไร พสุนอนตาปรือปรอยอยู่บนเบาะที่ปรับเอนจนแทบเป็นนอนราบ แต่ขยับตัวไม่ได้มากนักเพราะติดเข็มขัดนิรภัย
“ขอโทษทำไมครับ” ริวถามเพื่อขอคำยืนยันจากพสุ ทั้งที่พอจะคาดเดาได้ว่าพสุหมายถึงเรื่องอะไร
“ขอโทษที่พี่ตวาดริว...ทั้งที่ริวหวังดีกับพี่แท้ๆ...ขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ” พสุพึมพำขอโทษแล้วหลับตาลงเพราะมึนหัว แต่มือป่ายเปะปะหาที่ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย
“อย่าขอโทษเลยครับ พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ริววุ่นวายมากไปจริงๆ”
“วุ่นวายเหรอ...ถ้าทั้งหมดที่ริวทำให้พี่ คือความวุ่นวาย...แล้วสิ่งที่พี่ทำกับริวจะเรียกว่าอะไรดี...หึหึ...นั่นสิ...เรียกว่าอาราย...” พสุถามเสียงแผ่วแล้วหัวเราะเบาๆ หยันตัวเองทั้งที่ยังไม่ลืมตา
เสียงหัวเราะขมขื่นของพสุทำให้ริวตัดสินใจชะลอรถแล้วจอดชิดไหล่ทาง ก่อนจะชะโงกเข้าไปมองใบหน้าในเงาสลัวรางให้ถนัด จนได้กลิ่นแอลกอฮอล์กรุ่นจากลมหายใจของพสุ
“พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดกับริว ริวรักพี่ ริวยินดีแล้วก็เต็มใจจะทำทุกอย่างให้พี่...แค่ได้อยู่ข้างๆ พี่ ริวก็พอใจแล้ว”
พสุลืมตาขึ้นมองริวแล้วพยายามจะยันตัวเองลุกขึ้นแต่ติดเข็มขัดนิรภัย ทำให้ต้องทรุดจมลงในเบาะอย่างเดิมเพราะเมาเกินกว่าจะปลดเข็มขัดเองได้
“...พี่เป็นพี่ที่แย่ที่สุด...ช่ายไผ่ แกมันแย่!..แย่!” พสุตะโกนแล้วตบบนเบาะข้างตัวแรงๆ แต่ริวคว้าข้อมือชายหนุ่มไว้เสียก่อน
“หึหึ...อันธพาล! งี่เง่า...พี่มันงี่เง่าทำตัวเป็นเด็กขี้อิจฉา...เรื่องพ่อตัวเองแท้ๆ แต่กลับไม่มีปัญญาจัดการกับหนี้สินของพ่อด้วยตัวเอง พอริวมาแก้ปัญหาทุกอย่างให้ แทนที่จะสำนึก...พี่กลับพาลโกรธริวเพราะเสียหน้า...เพราะอาย...ช่างเป็นคนที่น่าสมเพชจริงๆ...ไอ้คนน่าสมเพช!” พสุด่าตัวเองด้วยน้ำเสียงติดจะอ้อแอ้เพราะความเมา
ริวรวบมือของพสุมากุมไว้กับอกด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างก็ลูบเหงื่อออกจากใบหน้าของชายหนุ่ม แล้วเสยผมเปียกชื้นไปข้างหลังก่อนจะก้มลงจูบบนหน้าผากร้อนที่เปียกเหงื่อชื้นแผ่วเบา เด็กหนุ่มไล้ริมฝีปากจากหน้าผากลงมาบนแก้มอุ่นระอุแล้วกระซิบข้างหูพสุด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พี่อย่าว่าตัวเองแบบนี้อีกนะครับ...ริวมีความสุขที่ได้ทำอะไรให้พี่บ้าง ริวอยากดูแลพี่ อยากเห็นพี่มีความสุข ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ริวอยากให้พี่รู้ว่าพี่ยังมีริวนะครับ...ริวรักพี่นะ...ริวรักพี่ที่สุดในโลก พี่เป็นทุกอย่างในชีวิตของริวนะครับ”
พสุถอนหายใจยาวจนแทบเป็นสะอื้น ในสมองที่มึนงงสับสนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์พยายามจะคิดตามที่ริวพูด แต่สิ่งเดียวที่ยังหลงเหลือในสติพร่าเลือนคือคำว่า ‘รัก’
เพราะ ‘รัก’ สินะ ริวถึงทุ่มเททุกอย่าง คอยอยู่ข้างๆเขาตลอดเวลา ในยามที่ต้องสูญเสียแม่และพ่อไป เขาเคยคิดว่าตัวเองคงแตกสลายไปแล้วด้วยความเจ็บปวดหากไม่เพราะมีอ้อมแขนอบอุ่นคอยประคองไว้
พสุสะท้านด้วยรู้สึกหนาวเยือกเมื่ออ้อมแขนที่โอบรอบตัวเขาหายไป ชายหนุ่มพยายามจะไขว่คว้าไว้ แต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็พรากเอาสติสัมปชัญญะไปเสียก่อน...............
................................................................................
-
เอาใจช่วยทั้งไผ่และริวนะครับ....
-
ไผ่รู้ริวช่วยจ่ายหนี้แทนให้ แต่ยังไม่รู้ความจริงทั้งหมด
ทำไมต้องว่าริวใหน้องเสียใจด้วย
ไผ่ยังไงก็ช่วยทำใจยอมรับความรู้สึกของริวสักที
ว่าริวทั้งรักทั้งห่วงไผ่มากที่สุด
อยากให้อลันมาหาริวนจริงๆ
-
เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์พรากเอาสติสัมปชัญญะของพสุไปแต่ แต่...
แต่คนเขียนเนี่ยพรากเอาหัวใจของเดี๊ยนไปแล้วค่ะ มันใกล้แล้วใช่มั้ยค่ะ
วันที่เดี๊ยนรอคอย แล้วกว่าจะเข้าเล้าได้เนี่ย มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิ๊น
วันที่น้องริวจะได้ฟีเจอริ่งกับพี่ไผ่ตัวตัว
-
เฮ้อ มีตังค์เยอะ ก็ทุกข์
-
พายุเริ่มจะสงบแล้ว
วันสดใสรอพี่ไผ่กับริวอยู่ :กอด1:
ปล. เข้าเล้าได้แล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ :laugh: :laugh:
-
เมื่อไหร่จะสิ้นสุดเรื่องวุ่นวายซะทีนะ สงสารทั้งคู่จัง
-
:fire: :fire:
-
พี่ไผ่อย่าโกรธหนูริวเลยนะ..... อยากเห็นสองคนนี้ใจตรงกันมากๆๆค่ะ
-
กว่าจะเข้ามาในเล้าได้ ยากเย็นจริงๆ
ดูเหมือนความสัมพันธ์คงใกล้จะคืบหน้ากว่าเดิมแล้วใช่มะ :o8:
-
บรรยากาศเหมือนจะเริ่มดี
+1
-
ตึงเครียด :sad2:
แต่อย่างน้อยพี่ไผ่็รู้ความจริงแล้วก็ดีกว่าแหละนะ
-
ยังไม่ได้อ่านซักตอนเลยค่ะ แต่มาเม้นไว้ก่อน
ลืมส่งทางเมลล์ให้เราหรือเปล่าคะ?
ไม่ลืมหรอกค่ะ แต่นิยายมันอยู่ในคอมอีกตัว ตอนนี้ใช้โน้ตบุ๊คอยู่ ก็เลยยังไม่ได้ส่งให้สักที
เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์พรากเอาสติสัมปชัญญะของพสุไปแต่ แต่...
แต่คนเขียนเนี่ยพรากเอาหัวใจของเดี๊ยนไปแล้วค่ะ มันใกล้แล้วใช่มั้ยค่ะ
วันที่เดี๊ยนรอคอย แล้วกว่าจะเข้าเล้าได้เนี่ย มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิ๊น
วันที่น้องริวจะได้ฟีเจอริ่งกับพี่ไผ่ตัวตัว
อิอิ อุ๊อุ๊ :z2: ลั๊ลลา ลั๊ลลา
-
เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์พรากเอาสติสัมปชัญญะของพสุไปแต่ แต่...
แต่คนเขียนเนี่ยพรากเอาหัวใจของเดี๊ยนไปแล้วค่ะ มันใกล้แล้วใช่มั้ยค่ะ
วันที่เดี๊ยนรอคอย แล้วกว่าจะเข้าเล้าได้เนี่ย มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิ๊น
วันที่น้องริวจะได้ฟีเจอริ่งกับพี่ไผ่ตัวตัว
กดบวกให้ดังๆๆ
-
อย่าเพิ่งปล่อยมือซี่ น้องริว กำลังได้มู้ดเชียว เห็นป่ะ พี่ไผ่คว้าแห้วเลย
เกือบเกิดปัญหาใหญ่ซะแล้ว แต่ทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดี เพราะการหันหน้าคุยกัน
อย่าลืมกลับไปนอนกอดพี่ไผ่แน่นๆล่ะ ชดเชย "อ้อมกอด" ของวันนี้ :กอด1:
-
คุยกันตอนเมาเนี่ยตื่นมาจะจำได้หรือป่าวอ่ะ
อยากโกรธกันให้ขมเลยนะ หันมาหวานกันไว้ดีกว่า :monkeysad:
-
ตามลุ้นน้องอย่างใกล้ชิดค่ะ รอวันนั้นอยู่นะค่ะ
-
เอ่อ
อ่านไปแล้วเครียด
รวยไปก็ใช่ว่าจะดีนะ
แล้วนี่ยังเหลือเรื่องญาติริวอีก o13
-
ยังไม่ได้อ่านเลยครับ
.
.
.
เข้ามาเม้นก่อนแล้วค่ิอยไปอ่านตั้งแต่ต้น...อิอิ
-
พี่ไผ่เข้าใจน่ะว่าโกรธริวแต่ใจเย็นๆได้มั้ย
เข้าใจความรู้สึกริวว่าอยากช่วยไผ่น่ะ
อีกอย่างริวน่ะรักไผ่ยอมไผ่ทุกอย่างเลยมั้ง
เพราะฉะนั้นก็ขอเรื่องนี้มันผ่านไปเร็วทีเถอะ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
มารอตอนต่อไปครับ
มาต่อด่วนๆ เลยนะครับ
คนแต่งก็สู้ๆ ครับผม
-
ตกลงพี่ไผ่รุ้แล้วใช่มั๊ยค๊ะ ว่าริวรักแบบไหน
-
พี่ไผ่ก็ยังเหมือนเดิม :serius2:
:pig4: :pig4:
-
รอฉากหวานๆ
o13
-
ตัดตอนได้ทำร้ายจิตใจคนอ่านมากๆ
:call: มาต่อด่วนเลยนะค่ะ
จะเป็นไงต่อเนี่ย ดีกันไวๆนะ
คนแต่งก็สู้ๆ
-
:o12:
-
ไผ่ก็เข้าใจน้องแ้ล้วกลับมาเข้มแข็งได้แล้ว
-
+1 กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากอ่านต่อ อร๊างงงงงงงงงงงงง
-
ริวร้องไห้เพราะพี่ไผ่ไปกี่รอบแล้วเนี่ย :เฮ้อ:
อ่านตอนนี้แล้วแวบนึงเผลอคิดไปว่า ไผ่ก็มีส่วนที่เหมือนพ่อตัวเองเหมือนกันนะ ส่วนริวเหมือนแม่สุดาเลย ฮะๆ
หนูริวทำทุกอย่างเพื่อพี่ไผ่ ทั้งช่วยให้ไผ่ได้กลับมาร้องเพลงตามความฝันอีกครั้ง ตอนพ่อแม่ไผ่เสีย ริวก็คอยอยู่เคียงข้างตลอด
เรื่องหนี้สินริวก็ช่วยแบ่งเบาให้ เพราะไม่อยากให้พี่ทุกข์มากไปกว่านี้
ถ้าเราเป็นไผ่ เราให้ใจเราไปทั้งดวงเลยค่ะ :L1:
:pig4:นักเขียน คนโพส
-
:z3: :a5: ค้างงะ ว้ายๆๆลุ้นมาก ตอนหน้าจะเปงเช่นใดละเนีย่ :L1: :L1:
-
เข้าใจพี่ไผ่เสมอน๊าาาาาาาาาาา ฮือออออ
-
เหอะ ๆ ไผ่จะจัดการยังไง
ริวจะจัดการยังไงเนี่ย คิด ๆ นึก ๆ
ว้าวววววววววววววว
-
:call:จบตอนแบบนี้ มีทางเลือกอยู่ สองอย่าง
หนึ่ง ตัดฉับไปตอนเช้า ไม่มีอะไรในกอไผ่เหมือนเดิม
สอง เพราะแอลกอฮอล์ ทำให้ไม่มีสติ จะมีภาคต่อในห้องนอนรึเปล่าเนี่ย
ลุ้นสุดตัวเลยนะ ตอนใหม่จะเป็นแบบไหนเนี่ย
-
ไม่ได้อ่านหลายตอนเลย เศร้าไปกะพี่ไผ่จริงๆ
น้องริวสู้ๆนะคับ
บวก 1 จ้า :L1:
-
กดบวกแรง ๆ
พายุใกล้สงบเต็มที ฟ้าจะกลับมาใสอีกแล้ว
-
ดิฉันรออย่างเดียวค่ะ รอให้สองคนนั่นเข้าใจกัน ยอมเปิดหัวใจรับรู้ความรู้สึกของกันและกันเท่านั้นพอ
-
พี่ไผ่อ่ะที่น้องริวใช้หนี้แทนให้
ก็เพราะรักพี่ไผ่อ่ะนะ
พี่ไผ่เข้าใจน้องริวแล้วใช่มั้ย
เอิ่ม~ตอนนี้พี่ไผ่เมามากแล้วรู้สึกหนาวเยือก
เมื่ออ้อมแขนของน้องริวที่โอบรอบตัวหายไป
ท่าทางพี่ไผ่จะโหยหาอ้อมกอดอุ่น ๆ ของน้องริวนะเนี่ย
ฮั่นแน่~หมายความว่าถ้ากลับไปบ้าน
พี่ไผ่จะได้อยู่ในอ้อมกอดของน้องริวอีกใช่มั้ย
กอดกันเฉย ๆ หรือจะมีอะไรมากกว่านั้น อิอิ
แหม~ตอนนี้พี่ไผ่ยิ่งเมาๆ อยู่ด้วย
รุกเข้าไปเลยน้องริว สำเร็จแน่ คริ คริ
-
เอาใจช่วยให้เรื่องคลี่คลายไปในทางที่ดีละกันเนอะ...
เฮ้ออออ
-
:a5:มาม่าเต็มท้องแล้ว เมื่อไหร่จะเสริฟของหวานอ่า :z3:
-
ทั้งสองคนต้องอย่าท้อนะ
งื้ออออ
เหมือนกำลังจะรู้ใจตัวเองแล้วนะพี่ไผ่
แต่ยังไง ????
ลุ้นมากๆเลยตอนนี้อ่ะ
โฮววววว นี่ขนาดรู้ไม่ทั้งหมดพี่ไผ่ยังโกรธเลย .. เฮ้ออ
-
เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์พรากเอาสติสัมปชัญญะของพสุไปแต่ แต่...
แต่คนเขียนเนี่ยพรากเอาหัวใจของเดี๊ยนไปแล้วค่ะ มันใกล้แล้วใช่มั้ยค่ะ
วันที่เดี๊ยนรอคอย แล้วกว่าจะเข้าเล้าได้เนี่ย มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิ๊น
วันที่น้องริวจะได้ฟีเจอริ่งกับพี่ไผ่ตัวตัว
คิดเหมือนกันเลย 5555+
-
หวังว่าพอไผ่หายเมา จะคิดได้ และพูดคุยกันเสียให้เข้าใจซะ สงสารริวเน้อ
-
อ๊ายพี่ริวหายโกรธน้องริวเสียที
คนอ่านใจหายใจคว่ำหมดแล้วนา
-
อ่านเท่าไรก็ไม่จุใจ อยากอ่านอีกเรื่อยๆ เปิดใจซะไผ่ แล้วจะเข้าใจเหตุผลของริว
-
เข้าใจว่าพี่ไผ่คงรู้สึกแย่มากๆที่เป็นพี่แท้แต่แก้ปัญหาตัวเองไม่ได้..
เฮ้อ..ปัญหาบางอย่างเราก็แก้เองไม่ได้เน้อ...
ขอให้พี่ไผ่เข้าใจถึงเจตนาที่น้องริวทำให้จริงๆนะ....อยากเห็นสองคนนี้หวานกันจริงๆ o13
-
เอ๊ะ เหมือนเบลล์จำได้ลางๆ ว่าโพสแรกๆ มีแซวว่าเรื่องนี้ซัก 60 ตอนค่อยกดกัน
แล้วคนแต่งบอกล้อเล่้น นั่นสินะ เพราะตอนนี้จะ 80 ละ ยังไม่ได้กดเลย :m15:
สงสารพี่ไผ่ ถ้ารู้ว่าน้องริวรวยขนาดไหนจะไม่ปลีกตัวออกมาหรอกเหรอเนี่ย
-
กรี๊ด!!พี่ไผ่อย่าโกรธริวเลยนะ ริวทำเพราะรักพี่ไผ่มาก แล้วก็อย่าโทษตัวเองเลย พี่เจ็บริวก็ยิ่งเจ็บนะ :monkeysad:
ว่าแต่ อาฮุๆ พี่ไผ่เมาอย่างนี้ จะมีอะไรให้ตื่นเต้นมั้ยน้อ :z1:
-
เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์พรากเอาสติสัมปชัญญะของพสุไปแต่ แต่...
แต่คนเขียนเนี่ยพรากเอาหัวใจของเดี๊ยนไปแล้วค่ะ มันใกล้แล้วใช่มั้ยค่ะ
วันที่เดี๊ยนรอคอย แล้วกว่าจะเข้าเล้าได้เนี่ย มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิ๊น
วันที่น้องริวจะได้ฟีเจอริ่งกับพี่ไผ่ตัวตัว
คิดเหมือนกันเลย 5555+
เหมือนกันด้วยอีกคนค่ะ :laugh:
-
เอาใจช่วยน้องริวพี่ไผ่ :กอด1:
-
อืมมมม จะว่าไป.. น้องริวเค้าก้อรักพี่ไผ่มานานมากกกกกกก เลยนะเนี่ย o13
:L2:เป็นกำลังใจให้น้องริวกับพี่ไผ่ต่อไป
-
+1 กับการที่ต้องเสียนำ้ตาอีกรอบในคืนนี้
มันจุกอยู่ที่อก พูดออกมาไม่ถูกเลย
คนหนึ่งเศร้าพลอยทำให้คนรอบตัว(รวมทั้งคนอ่าน)เศร้าตามไปด้วย
:m15:
-
อยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆจนทึงตอนต่อไป อิอิ
-
เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์พรากเอาสติสัมปชัญญะของพสุไปแต่ แต่...
แต่คนเขียนเนี่ยพรากเอาหัวใจของเดี๊ยนไปแล้วค่ะ มันใกล้แล้วใช่มั้ยค่ะ
วันที่เดี๊ยนรอคอย แล้วกว่าจะเข้าเล้าได้เนี่ย มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิ๊น
วันที่น้องริวจะได้ฟีเจอริ่งกับพี่ไผ่ตัวตัว
คิดเหมือนกันเลย 5555+
เหมือนกันด้วยอีกคนค่ะ :laugh:
ยกมือเห็นด้วยอีกคนจังครับ
อีกอย่างอยากได้เก็บไว้เป็นหนังสือจังเลย
-
เมาแบบนี้.... :-[
:call:
-
พี่ไผ่รู้เรื่องที่ริวใช้หนี้ให้แบบไม่ถูกที่ถูกเวลาเลย แต่ยังดีที่พูดตรงๆกับริวว่าพี่ไผ่รู้สึกยังไง แล้วเดี๋ยวก้อหวังว่าจะเข้าใจกันนะคะ
-
ตอนต่อไป ตอนต่อไป ตอนต่อไป
v
v
v
v
v
v
v
ตอนต่อไป
v
v
v
v
v
v
v
v
ริว ............................
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ปล้ำเลย :m10:
-
เห็นหลายคนลุ้น เลยแอบลุ้นไปด้วย :-[
-
หลายๆคนลุ้นตอนต่อไปกัน
เชียร์ริวกันใหญ่
แต่ว่า......
ไม่ถามริวหน่อยหรอว่า
ริวอ่ะทำเป็นแล้วหรือยัง
อิอิ o18
-
เอ่อ เมื่อไหร่จะเข้าใจน้องนะนี่แบไพ่ให้เห็นกันจะๆแล้ว ไม่ยอมรับซักที
-
หลายๆคนลุ้นตอนต่อไปกัน
เชียร์ริวกันใหญ่
แต่ว่า......
ไม่ถามริวหน่อยหรอว่า
ริวอ่ะทำเป็นแล้วหรือยัง
อิอิ o18
นั่นสิเนอะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าน้องเขาจะทำเป็นหรือยัง
-
ริวสู้ ๆ พี่ไผ่อ่อนลงมากแล้วอย่างนี้ไม่นานก็สมหวัง :-[
-
ฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอค่ะ :กอด1:
-
ลุ้น ๆ หวังว่าตอนต่อไป จะได้ฟีทเจอริ่งกันแล้ว
เหลือแต่ ริวกดไผ่ หรือ ไผ่กดริวเนี่ยสิ :-[
-
ลุ้นตอนต่อไปเหมือนกัน
ปกติคู่นี้เมาแล้วได้เรื่องทุกที :z1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
หนูริวบอกรักแต่พี่ไผ่หลับไปแล้วววววววว....
อ้ากกกก...ได้ยินแค่นิดเดียวเองอะคะ...T_T
น้องอุส่าช่วยอะ...พี่ไผ่หนีน้องไปเข้าผับได้ไง...เคืองนะเนี่ย...
แต่หนูริวฉลาดจริงๆคะ...ยังมีพี่ตะวันอยู่นี่นา...55+
-
+1 ให้ค่ะ
อีกนิดนึงริว ใจพี่ไผ่เริ่มเอียงมาทางหนูแล้ว
-
กรี๊ดดดดดดด ค้างอีกแล้ว อยากอ่านอีก
พี่ไผ่รู้ความจริงแล้วโกรธจริงๆด้วย
แต่อย่าโกรธนานน่ะพี่ พอหายเมาแล้ว
ดีกันต่อ
-
ริวร้องไห้เพราะพี่ไผ่ไปกี่รอบแล้วเนี่ย :เฮ้อ:
อ่านตอนนี้แล้วแวบนึงเผลอคิดไปว่า ไผ่ก็มีส่วนที่เหมือนพ่อตัวเองเหมือนกันนะ ส่วนริวเหมือนแม่สุดาเลย ฮะๆ
หนูริวทำทุกอย่างเพื่อพี่ไผ่ ทั้งช่วยให้ไผ่ได้กลับมาร้องเพลงตามความฝันอีกครั้ง ตอนพ่อแม่ไผ่เสีย ริวก็คอยอยู่เคียงข้างตลอด
เรื่องหนี้สินริวก็ช่วยแบ่งเบาให้ เพราะไม่อยากให้พี่ทุกข์มากไปกว่านี้
ถ้าเราเป็นไผ่ เราให้ใจเราไปทั้งดวงเลยค่ะ :L1:
:pig4:นักเขียน คนโพส
+ 1 ให้เลยครับ โดนสุดๆ
-
บอกไม่ถูกเข้าใจไผ่นะ อะไร ๆ มันเข้ามาในเวลาเดียวกัน แค่ยังควบคุมสติได้กเก่งแล้ว
อาจมีหงุดหงิดบ้างคงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ก็ดีใจนะริวเข้าใจ สู้ ๆ แล้วกัน รอความหวานจากทั้งคู่อยู่
:pig4: คะ
-
ค้างมากค่า :serius2:
ดีจังที่อย่างน้อยพี่ไผ่ก็เข้าใจความหวังดีของหนูริว(ละมั้ง)
ลุ้นๆหนูริวสู้ๆ
-
:L1:
-
:L2:
เป็นกำลังใจให้ไผ่กะริว อิอิ
-
อยากอ่านทกวัน อิอิ ต่อจากนี้ฃอหวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆบ้างนะจ๊ะ
-
ให้บวก
ร้ากกกกกกคู่นี้จัง
เอาใจช่วยมากๆเลยค่ะ
-
ซึ้งกับตอนนี้มากๆ เลยค่ะ :monkeysad:
-
ตอนที่ 85
พอถึงบ้านริวก็พยายามจะประคองร่างง่อนแง่นลงจากรถ ถ้าพูดถึงน้ำหนักตัวในตอนนี้เขาอุ้มพสุได้สบายมาก แต่ที่ยากคืออาการดิ้นรนปัดป่ายมือไปมานี่ต่างหากทำให้เขาพาพสุไปเร็วไม่ได้ดังใจ
ทันทีที่ได้ทิ้งตัวลงบนเตียงพสุก็เหยียดแขนเหยียดขากางออกไปซะเต็มที่นอนก่อนจะเริ่มดึงทึ้งเสื้อผ้าตัวเอง เพียงแต่คราวนี้ริวมีบทเรียนแล้ว เด็กหนุ่มรีบเข้าไปช่วยปลดกระดุมแล้วดึงเสื้อเชิ้ตสีดำออกจากตัวพสุอย่างรวดเร็วก่อนที่พสุจะกระชากจนกระดุมขาด ตามด้วยกางเกงผ้าเนื้อนิ่มและเข็มขัด ปล่อยให้ร่างที่เหลือแต่กางเกงชั้นในตัวเดียวกลิ้งตัวไปมาอยู่บนเตียงขณะที่เขาเข้าไปยกกะละมังน้ำอุ่นกับผ้าขนหนูในห้องน้ำ
โครม! เสียงของล้มดังมาจากในห้องนอนทำให้ริวทิ้งทุกอย่างในมือวิ่งออกไป
“พี่! จะเอาอะไรครับ บอกริวสิริวหยิบให้” ริววิ่งเข้าไปช้อนตัวพสุขึ้น เพราะชายหนุ่มลงไปนอนกองอยู่ที่มุมห้อง ชั้นวางซีดีล้มจนแผ่นที่เรียงไว้เทลงมากระจายเต็มพื้น
“เปิดเพลงสิ เปิดเพลงหน่อย...”
“ครับๆ เดี๋ยวริวทำให้ พี่จะฟังเพลงอะไรครับ”
“อันที่ปกเป็นรูปเปียโนไง...ฮื้อ...เปิดสิ ทำไมไม่เปิด” น้ำเสียงพสุเริ่มห้วนอย่างหงุดหงิด
“ริวหาอยู่ครับ พี่ไม่ต้องลุกมา! เจอแล้วครับ เจอแล้ว” ริวรีบตะโกนบอกเมื่อเห็นพสุพยายามยันตัวลุกขึ้นแล้วหัวทิ่มลงไปบนพรมข้างเตียง เด็กหนุ่มยัดแผ่นใส่เครื่องเล่นแล้วรีบเข้าไปอุ้มพสุขึ้นบนเตียงอีกรอบ
“แต๊งกิ้ว...น้องรัก...ริวนี่น่ารักที่สุด...” พสุตาหวานเยิ้ม ตบไหล่ริวเบาๆ อย่างชมเชย
“ถูกพี่ชมตอนเมาเนี่ย ริวไม่ได้ดีใจเล๊ย...ไว้หายเมาแล้วค่อยชมนะครับ นอนก่อนนะ ริวเปิดเพลงให้แล้ว เดี๋ยวริว จะไปเอาน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้พี่...นอนนะครับอย่าลุกมาอีก”
“โอเค...นอนแระ...ม่ายลุกแระ...”
ทั้งที่รับปากไว้อย่างนั้น แต่เมื่อริวออกมาจากห้องน้ำก็ไม่พบพสุบนเตียง เด็กหนุ่มรีบวางกะละมังน้ำอุ่นลง ถึงหันไปเห็นพสุนอนขดอยู่บนพรมที่พื้น อาการกอดตัวเองขดตัวกลมเหมือนเด็ก แล้วฮัมเพลงเบาๆ ตลอดเวลาทำให้ริวรู้สึกจุกในอกเหมือนจะร้องไห้ เด็กหนุ่มทรุดลงนั่งข้างๆ แล้วเช็ดน้ำตาออกจากหางตาของพสุแผ่วเบา แต่ยิ่งเช็ดน้ำตาก็ยิ่งไหล ริวจึงช้อนตัวพสุขึ้นมากอดไว้แทน
“...จากพื้นดินชนเพดานนั้นมีความหวาน อยู่...เพราะรู้ ว่าฉัน มีเธอ...คอยเป็นที่พัก...ใจ” พสุร้องเพลงคลอเสียงเปียโนจากเครื่องเล่นเบาๆ ดวงตาเหม่อลอยเหมือนกำลังนึกถึงบางอย่างที่อยู่แสนไกล
“...จะรอคอยฉันจริงจริง....เป็นหลัก พึ่งพิง สุดท้าย...จะล้ม ตัวลง เอนกายที่บ้าน.....ของฉัน....” พสุหยุดร้องเพลง แล้วถอนสะอื้นยาว
“...ไม่มีแล้ว...ไม่มีบ้านอีกแล้ว...”
“พี่มีริวไงครับ พี่ยังมีริว” ริวกระซิบบอกแล้วจูบซับน้ำตา พสุเพียงเหลือบมองหน้าเขานิ่ง ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน ริวช้อนตัวพสุขึ้นวางบนเตียงแล้วเช็ดตัวให้ พสุยังคงนอนนิ่งๆ ตาลอยคว้างมองเพดาน...แต่เมื่อเพลงเปลี่ยนทำนอง พสุก็มีอาการคล้ายสะอึกแล้วพลิกตัวเข้ามากอดริวไว้แน่น
“พี่...ริวอยู่นี่แล้ว...อย่าร้องไห้นะครับ ริวจะอยู่กับพี่ จะไม่ไปไหน” ริวกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น รู้สึกได้ถึงน้ำตาร้อนๆ แทรกซึมผ่านเนื้อผ้าลงไปบนหน้าท้อง ริววางผ้าขนหนูลงในอ่างน้ำแล้วจ้องมองอาการสะอึกสะอื้นของพสุอย่างเจ็บปวดที่เขาไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลย เสียงเปียโนจากเครื่องเล่นแผ่วโหย บาดความรู้สึกจนทรมาน
“เปลี่ยนแผ่นนะพี่ ยิ่งฟังเพลงเศร้า พี่ยิ่งเศร้า”
“ไม่เปลี่ยน...อย่าเปลี่ยนเลย แผ่นนี้...พ่อ...กับ...แม่...ชอบฟัง...พี่อยากฟัง...” ทั้งที่บอกว่าอยากฟัง แต่ริวกลับรู้สึกเหมือนพสุกำลังทรมานมากกว่ามีความสุข แต่เด็กหนุ่มก็ไม่อยากขัดใจ จึงทำได้เพียงกอดพสุไว้แน่นๆ หวังว่ากอดของเขาจะช่วยให้พสุทรมานน้อยลง
“...ริว...ห้ามตายก่อนพี่นะ...พี่ไม่เหลือใครแล้ว...หมดแล้ว...ห้ามริวตายก่อนพี่เข้าใจมั๊ย!” พสุเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาคาดคั้น น้ำตายังไหลไม่หยุด
“ครับ...ริวสัญญา...ริวรักพี่นะ ริวจะไม่ทิ้งพี่ไปไหนเด็ดขาด” ริวรับปากก้มลงไปจูบซับน้ำตาบนแก้มพสุเบาๆ แต่ไม่ทันเงยหน้าขึ้นพสุก็หยุดเขาไว้ด้วยการลูบไล้ใบหน้าเขาด้วยปลายนิ้ว ดวงตาที่จ้องมองริวดูหลากหลายอารมณ์ ทั้งว้าเหว่ หวาดกลัว และทุกข์ทรมาน
“สัญญานะ...ริวต้องไม่หายไปอีกคนนะ” พสุกระซิบถามเสียงแผ่ว ความหวาดกลัวเต้นระริกอยู่ในดวงตาอย่างเห็นได้ชัด เพียงแค่คิดว่าริวจะทิ้งเขาไปอีกคน...เขาจะต้องเหลือเพียงคนเดียวในโลกว่างเปล่าและมืดมิด...
“ครับ...สัญญา...สาบาน...” ริวกระซิบตอบแล้วจูบบนเปลือกตาทั้งสองข้างของพสุ ก่อนจะเลื่อนปากลงมาตามขมับ แก้ม ไล้ริมฝีปากลงมาจนแนบชิดกับปากแห้งผากของพสุแล้วผละห่าง
แต่พสุกลับเป็นฝ่ายยกศีรษะตามเพื่อไม่ให้ปากแยกจากกัน มือที่แตะบนแก้มริวเลื่อนไปบนท้ายทอยของเด็กหนุ่มแล้วดึงให้แนบลงมาหา
ริวไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงไปทับพสุทั้งตัว ผิวเย็นๆ และเนื้อตัวสั่นระริกของพสุทำให้เด็กหนุ่มรวบเข้ากอดโดยอัตโนมัติ ปากที่แนบกันชิดบดเบียดเข้าหากันจนได้รสปร่าของเลือด ริวเลียปากแห้งผากของพสุจนชุ่มชื้นก่อนจะแนบจูบอีกครั้ง ลิ้มรสขมของเหล้าที่ยังติดอยู่ในปาก แต่หวานจัดที่ปลายลิ้นยามดูดกลืนกอดเกี่ยวลิ้นเข้ากับลิ้นของพสุ
พสุไม่ได้ถอยหนีกลับเผยอปากรับอย่างเต็มใจ จูบแบบเด็กอนุบาลที่เขาเคยล้อเลียนริวอยู่ในใจ กลับกลายเป็นจูบร้อนผ่าวที่ฉุดคร่าสติของเขาให้ยิ่งลางเลือน มีเพียงคำถามเดียวที่ผุดขึ้นมาในตอนนั้นก็คือ ริวรู้ได้ยังไงว่าควรกอดเขายังไง...ในเมื่อเด็กหนุ่มไม่เคยมีเซ็กส์......
ริวแตะต้องพสุด้วยมือที่สั่นเทา อารมณ์ที่ต้องการปลอบโยนถูกครอบงำด้วยม่านสีดำมืดในใจ ผิวเนื้อขาวตึงแน่นใต้ฝ่ามือเขาร้อนผ่าวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์จนซับสีแดงจางๆ เด็กหนุ่มลากปากจมูกฟอนเฟ้นไปทั่วร่างเปลือยเปล่าตามที่เคยเห็นในคลิป
ตอนแรกเด็กหนุ่มทำเพียงเลียนแบบเพราะไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นยังไง แต่เมื่อได้สัมผัส ได้สูดกลิ่นไอเนื้อร้อนจัดที่หอมกรุ่นติดจมูก ทฤษฎีที่เคยอ่าน เคยดู หายไปจากสมอง สัญชาตญาณดิบก็เป็นตัวสอนริวว่าควรทำอย่างไร เด็กหนุ่มยันตัวขึ้นเพื่อถอดเสื้อผ้า แต่พสุกลับเป็นฝ่ายไขว่คว้าตัวเขาไว้
“ไม่เอา อย่าไป...อย่าทิ้งไปอีกคน...” พสุเพรียกหาละล่ำละลัก เมื่อพบว่าอ้อมแขนที่โอบกอดเขาหายไป
“ริวไม่ได้ไปไหนครับ” ริวกระซิบตอบแล้วกระชากเสื้อออกจากตัวเร็วๆ เพื่อให้ทันกับความต้องการ เด็กหนุ่มแนบร่างเปลือยของตัวเองลงสัมผัสกับร่างเปล่าเปลือยของพสุพร้อมๆ กับที่กางเกงถูกถีบออกจากปลายเท้า...เพียงร่างกายที่เสียดสีกันก็กระตุ้นความทรงจำเดิมๆ ให้หวนกลับมา
ริวเคยลิ้มรสความสุขแกมทรมานจากพสุมาแล้วถึงสองครั้ง แม้ครั้งหลังพสุจะเมามายเกินกว่าจะช่วยปลดปล่อยให้เขาได้ แต่เด็กหนุ่มก็รู้แล้วว่าเขาควรทำอย่างไรถึงจะพาตัวเองและพสุไปให้ถึงจุดหมาย รอยจ้ำแดงจางๆปรากฏบนผิวขาวยามปากหยักบางลากผ่าน แผ่นอกขาวเดาะลอยขึ้นเมื่อยอดอกแดงจัดถูกขบดูดด้วยปากและฟันเบาๆ เสียงครางเบาๆ กับอาการบิดตัวรับสัมผัสของพสุทำให้ริวยิ่งร้อนรุ่มจนปวดร้าวไปทั้งหน้าท้องและต้นขา เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกเพื่อข่มความรู้สึกพลุ่งพล่านเอาไว้ ริวเลิกจูบไซ้ไปตามผิวขาวทั้งที่ปรารถนาจะชิมรสชาติของพสุทั้งตัว เด็กหนุ่มเลื่อนปากลงมาบนหน้าท้องของพสุอย่างลังเล เขาไม่ได้รังเกียจ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรจึงเริ่มสัมผัสพสุด้วยมือก่อนเพียงเบาๆ....
พสุครางฮือ...ความรู้สึกร้อนทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ...ชายหนุ่มสะดุ้งสะโพกกระตุกเมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้น ตวัดผ่านจนเสียววาบไปทั้งตัว...บางอย่างที่อุ่นและร้อนผ่าวครอบครองเขาไว้ แล้วมอบสัมผัสเสียวซ่านบางครั้งก็เจ็บปวดปะปนกัน...แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ทุกอย่างก็เร่งให้ความรู้สึกทั้งหมดของเขามาจดจ่ออยู่เพียงที่เดียว...หน้าท้องและต้นขาของเขาเกร็งจนปวดหนึบ ชายหนุ่มเผลอยกสะโพกตามแต่กลับไม่อาจเคลื่อนไหวได้ดังใจเพราะถูกกดตรึงไว้แน่น...จึงทำได้เพียงจิกทึ้งที่นอนระบายความรู้สึกร้อนรุ่ม เสียวซ่าน ที่ทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว
พสุจิกปลายเท้าลงกับที่นอน ขณะที่ยกสะโพกขึ้น เกร็งกระตุกไปทั้งหน้าท้องและแผ่นหลังยามได้ปลดปล่อยออกไป...ได้ยินเสียงตัวเองหอบหายใจรุนแรงราวกับวิ่งแข่งมาเป็นระยะทางไกลๆ...ชายหนุ่มจูบตอบเมื่อปากถูกสัมผัสอีกครั้ง ปลายลิ้นที่ลูบไล้เงอะงะให้คราแรก ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวกอดเกี่ยวได้คล่องแคล่วกว่าเดิม แม้พสุจะมีประสบการณ์ทางเพศไม่มากนัก แต่ก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้เมื่อพบว่าริวไปเร็วเกินกว่าที่เขาคิดไว้
ชายหนุ่มนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกถึงการรุกรานเข้ามาในร่างกาย แม้จะเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่สัมผัสนั้นกลับก่อให้เกิดความรำคาญและรบกวนใจแปลกๆ จนเขาต้องดิ้นหนี....
“พี่จ๋า ให้ริวเถอะ นะ...นะ” เสียงกระซิบวิงวอนดังแว่วๆ ในสติลางเลือนพสุแน่ใจว่าเขาพยักหน้า และอดทนกับสิ่งแปลกปลอมที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกาย ความรู้สึกเจ็บแปลบๆค่อยกลายเป็นชาเมื่อสิ่งนั้นเคลื่อนไหวตลอดเวลา และไม่ได้ถอยหนีแม้จะรู้ว่ามันเพิ่มขนาดขึ้นจนอึดอัด ชายหนุ่มถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าสิ่งแปลกปลอมที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายถูกถอนออกไป แต่โล่งใจได้ไม่นานบางอย่างที่ร้อนจัดพยายามแทรกเข้ามา ขนาดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทำให้พสุเจ็บจนทนไม่ไหว
“ไม่ๆ...เจ็บ!...เอาออกไป...เจ็บ...”
“ครับ...ขอโทษครับ...” เสียงริวละล่ำละลักขอโทษ แล้วความร้อนจัดนั้นก็ถูกถอนออกไป...จากไปพร้อมกับอ้อมแขนที่กอดรัดอยู่รอบตัว!
“ไม่เอา...อย่าปล่อย ไม่ให้ไป...” พสุผวาตาม ไขว่คว้าแล้วเหนี่ยวรั้งไว้แน่นอย่างตื่นตระหนก
“ริวต้องไปห้องน้ำ...แป๊บเดียว...เดียวริวมานะ...”
“ไม่เอา...อย่าไปไหน...”
“พี่...ปล่อยริวเถอะ...ริวทนไม่ไหวแล้วจริงๆ...” พสุยกเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมอง สีหน้าทรมานของริวทำให้เขายิ่งไม่อาจปล่อยให้เด็กหนุ่มถอยห่างไป ถ้าเขาปล่อยแล้วริวหนีไปจากเขาล่ะ ถ้าริวไม่กลับมาแล้วเขาจะอยู่กับใคร?
“...เข้ามาเถอะ...จะทำอะไรก็ได้ แต่อย่าไปไหน...”
“แต่พี่เจ็บ...”
“ช่างมัน เข้ามาเถอะ...” พสุเหนี่ยวตัวริวกลับเข้ามากอดไว้แน่น รู้สึกถึงสัมผัสร้อนจัดที่ดุนดันอยู่บนหน้าท้อง ก่อนที่สะโพกของเขาจะถูกยกลอยขึ้นอีกครั้ง ความร้อนจัดดุนดันจนเบียดแทรกเข้ามาในตัวของเขาทีละน้อย เจ็บจนเหมือนร่างกายจะถูกฉีกออกจากกันทำให้ชายหนุ่มยิ่งเกร็งตัวเพื่อไม่ให้สิ่งนั้นแทรกเข้ามาลึกกว่าเดิม
เสียงครางด้วยความทรมานของริวทำให้พสุสับสน เขาไม่รู้ว่าต้องทำยังไง รู้แค่ว่าริวเจ็บ และเขาเองก็เจ็บ...ร่างกายบีบรัดอย่างรุนแรงเพื่อต่อต้านความเจ็บปวดที่ได้รับ
“โอ๊ย!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังประสานกัน เมื่อริวเลือกที่จะดันตัวเองเข้ามาเต็มแรง พสุสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บปวด ร่างกายฉีกขาดและเต็มแน่นจนจุก รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ก่อนที่ไอร้อนจัดจะฉีดพลุ่งอยู่ภายในตัวเขา มากมายเอ่อท้นจนไหลซึมออกไปข้างนอก อ้อมแขนที่กอดรอบตัวเขารัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก กล้ามเนื้อร้อนๆ ที่เบียดกระชับบนตัวเกร็งกระตุกรู้สึกได้ชัดเจนเพราะภายในยังสอดประสานกันแน่น เสียงครางกระเส่าและลมหายใจหอบกระชั้นริมหูทำให้พสุรู้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว...แม้จะทั้งเจ็บและอึดอัด แต่พสุก็ไม่คิดจะผลักไสริวออกไป ชายหนุ่มกอดร่างสั่นเทาเอาไว้แล้วลูบแผ่นหลังเปียกเหงื่อชุ่มเบาๆ จนสติของเขาเริ่มเลือนราง…
“อื๊อ...เจ็บ...” พสุหลุดเสียงครางด้วยความเจ็บปวด ตอนแรกที่ริวถอนตัวออกไป เขาคิดว่าทุกอย่างจบแล้ว แต่ริว กลับดันตัวเข้ามาใหม่ แม้เด็กหนุ่มจะพยายามให้เนิบช้าแค่ไหน แต่ขนาดที่เบียดแทรกเข้ามาก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย พสุยังคงเจ็บจนจุกอยู่เหมือนเดิม นาน...ช้า...กว่าที่ความเจ็บปวดจะเปลี่ยนเป็นชาแล้วค่อยกลายเป็นความเสียวแปลบปลาบไปตามกระดูกสันหลัง หน้าท้อง สะโพก และต้นขา...เสียงครางกระเส่า เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดและแรงกระแทกจนตัวเขาโยกไหวไปตามแรงขับเคลื่อนของริวจนแทบปลิวลอยทำให้พสุต้องเกาะกอดร่างที่โถมทับไว้แน่น
“พี่...พี่ไผ่ครับ ริวรักพี่...ริวรักพี่นะ...อา...” เสียงครางกระเส่าริมหู ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดแรงก่อนที่ไอร้อนจัดจะพลุ่งเข้ามาในตัวอีกครั้ง พร้อมๆ อาการเสียวแปลบปลาบในช่องท้องของพสุก็ถึงขีดสุดเช่นกัน ชายหนุ่มปลดปล่อยความร้อนรุ่มและสติไปพร้อมกัน ทุกอย่างหายวับไป เหลือเพียงม่านดำ มืด ราวกับถูกราดด้วยหมึกข้นเหนียวสีดำสนิท....
.....................................................
เสียงริงโทนเบอร์พิเศษ ทำให้อลันต้องผละออกจากห้องประชุม รองประธานทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแทนอย่างรู้งาน
“ว่าไง”
“อลั๊น! ชั้นต้องการหมอเดี๋ยวนี้!” เสียงละล่ำละลักจากปลายสายทำให้อลันพลอยตกใจไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น! นายเป็นอะไร”
“ชั้นไม่ได้เป็น พี่ไผ่เป็น” ริวตะโกนกลับมาอย่างร้อนใจ
“พสุเป็นอะไร เกิดอุบัติเหตุเหรอ?” อลันถามกลับเพราะเริ่มตั้งสติได้ แค่รู้ว่าคนต้องการหมอไม่ใช่ริวเขาก็โล่งใจแล้ว
“ไม่ใช่ ชั้นทำเอง พี่ไผ่เจ็บมาก เลือดออกด้วย จะทำยังไงดี” น้ำเสียงที่แทบติดสะอื้นบ่งบอกว่าริวกังวลขนาดไหน แต่ข้อมูลที่ได้รับยิ่งทำให้อลันสับสน ไม่อยากจะเชื่อว่าริวจะกล้าทำร้ายพสุ
“เดี๋ยวริว ตั้งสติก่อน...พูดใหม่...พสุเป็นอะไร นายทำอะไรเขา”
“ชะ...ชั้น...ชั้นร่วมรักกับเขา แล้วเขาก็บาดเจ็บ ตอนนี้ตัวร้อนมาก เขาไม่รู้สึกตัวเลย แต่ฉันไม่กล้าพาไปโรงพยาบาล ฉันกลัวนักข่าวรู้ พี่ไผ่จะต้องโกรธแน่ๆ ถ้าหากนักข่าวรู้เรื่องนี้เข้า”
“นายไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ เดี๋ยวชั้นจะตามหมอมาให้” อลันสะกดเสียงให้ราบเรียบลงมา ยิ่งเขาเต้นตามริวก็จะยิ่งลนลาน การที่ริวคิดรอบคอบขนาดนึกไปถึงนักข่าว ก็แปลว่าเด็กหนุ่มยังควบคุมสติได้อยู่มาก
“แต่ถ้านักข่าวรู้...”
“ไม่ต้องห่วง หมอคนนี้เป็นคนของเรา นายวางใจได้...นายพอจะเรียกแม่บ้านมาเช็ดตัวให้พสุก่อนได้มั๊ย”
“ชั้นเช็ดตัวให้แล้ว ถึงได้เห็นว่า...เอ่อ...ตรงนั้นมันเลือดออก”
“...งั้นก็รอสักครู่ เดี๋ยวจะส่งหมอไปให้ อย่าเปิดแอร์จนเย็นเกินไปล่ะ” อลันอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าริวรู้จักดูแลปรนนิบัติคนอื่น นับว่าเป็นอีกความเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาดใจ แต่เมื่อคิดในมุมกลับที่ว่าคนที่ริวดูแลคือพสุ เขาก็ไม่ควรแปลกใจอะไรอีก เพื่อพสุแล้ว ต่อให้ศิโรราบลงแทบเท้าริวก็คงยอม
“ขอบใจ...”
อลันต่อสายไปหาคนของเขาให้ตามหมอไปให้ริวด่วน ก่อนจะทิ้งตัวลงกับพนักแล้วนวดขมับด้วยความกังวล
พสุไม่ใช่เกย์ เขาแน่ใจ ทางเดียวที่ริวจะมีความสัมพันธ์กับพสุได้ ก็คือข่มขืน!
เขาไม่ได้แคร์ว่าพสุจะรู้สึกยังไง แต่ที่เขากลัวก็คือ ถ้าพสุรู้สึกตัวแล้ว จะทำยังไงต่อไป แน่นอนว่าพสุไม่กล้าแจ้งความแน่ๆ เพราะพสุคงไม่ยอมเสียชื่อเสียงด้วยเรื่องน่าอายแบบนี้เด็ดขาด แต่ที่น่ากลัวกว่าการดำเนินคดีตามกฎหมายคือ พสุอาจจะตัดขาดกับริว
เขารู้ว่าริวรักพสุแค่ไหน ที่เด็กหนุ่มข่มขืนพสุคงเพราะทนข่มกลั้นไม่ไหว แล้วถ้าพสุตัดขาด ริวจะเป็นอย่างไร... ริวต้องทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าถูกพสุทิ้ง เด็กหนุ่มรับการสูญเสียไม่ไหวอีกแล้ว...ริวทนมีชีวิตอยู่โดยไม่มีพสุไม่ได้...ทางเลือกเดียวของเด็กหนุ่มที่เขามองเห็นทำให้อลันสะท้านเยือกด้วยความกลัว...ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาต้องรีบไปเมืองไทย ไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไป....
“คุณอลันคะ...มิสเตอร์รอสฟินี่ ขอพบค่ะ”
“เอ๊ะ! ไม่ได้นัดไว้นี่”
“ผมมีเรื่องด่วนที่ต้องคุยกับคุณ” เสียงห้าวทุ้มลอดเข้ามาในสาย แปลว่า รูฟิโด รอสฟินี่ คงยืนอยู่หน้าโต๊ะของเลขาเขา
“งั้นก็เชิญเข้ามาเลยมิสเตอร์รอสฟินี่” อลันกล่าวเชิญแล้วต่อโทรศัพท์หาคนของเขา เพื่อกำชับให้จับตาดูริวไว้ทุกฝีก้าว ก่อนจะลุกขึ้นต้อนรับมาเฟียใหญ่แห่งอิตาลีที่เปิดประตูเข้ามาเพียงลำพัง ทิ้งชายชุดดำทั้งหมดที่ตามมาไว้ข้างนอก
“เชิญนั่งครับ”
“ผมไม่ชอบอ้อมค้อม...อยากจะเชิญคุณให้ไปอิตาลีด้วยกัน คุณจะสะดวกมั๊ย...”
อลันสบตากับอีกฝ่ายแล้วหรี่ตาลง เห็นทีเขาคงต้องจัดการเรื่องของรอสฟินี่ให้เรียบร้อยก่อน หวังว่าพสุจะป่วยอยู่นานพอให้เขาเคลียร์ปัญหาจบ...
.............................................................................
แสงแดดอ่อนบางเบา จนรอบตัวเหมือนอาบด้วยสีทอง เหมือนเป็นเวลาเย็น แต่พสุกลับรู้สึกร้อนจนเหงื่อซึมไปทั้งตัว ปวดหัวเหมือนหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่แต่ที่ชิงช้า ซึ่งกำลังแกว่งไปมาช้าๆ ตามแรงไกว สตรีในชุดขาวผมยาว หันกลับมาแล้วโบกมือให้
“มานี่มาลูก มานั่งตักแม่” พสุหัวเราะร่าเลิกสนใจอาการปวดหัวของตัวเอง วิ่งเข้าไปหาอ้อมแขนอบอุ่นด้วยความยินดี เขาถูกช้อนขึ้นนั่งซ้อนบนตัก แล้วชิงช้าก็เริ่มแกว่งไกวอีกครั้ง
“เอาสูงๆ มั๊ยลูก เอามั๊ย” พ่อถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่เขาไม่เคยเห็นมานาน...พสุยิ้มตอบด้วยความยินดีที่พ่อยิ้มกับเขา
“สูงๆ เอาสูงๆ” พสุตอบแล้วหัวเราะคิกคักชอบใจเมื่อชิงช้าสูงขึ้นตามแรงเหวี่ยงของพ่อ
“เบาๆ เทพ เดี๋ยวลูกตก...ไผ่เอ๊ย! มาหาตาดีกว่ามา ตามีท๊อฟฟี่มาฝากด้วยนะ” เสียงตาตะโกนเรียกมาจากในบ้าน ก่อนจะเดินหายเข้าไปข้างใน
“พ่อค้าบ ไผ่จะลงแล้ว ไผ่จะไปหาตา ไผ่จะเอาท๊อฟฟี่” พสุพยายามจะลงจากชิงช้าที่กำลังแกว่ง แต่ก็กลัวตก
“ชั้นอุตส่าห์แกว่งชิงช้าให้ แกยังเรื่องมากไม่เอานั่นไม่เอานี่อีก เออ งั้นก็ไปหาตาแกเลยไป๊”
“พ่อ! พ่อครับ ไผ่ขอโทษ กลับมาก่อน ไผ่ไม่เอาท๊อฟฟี่แล้ว พ่อครับ พ่อ!” พสุร้องไห้โฮ มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินหายไปจนลับตา
“เพราะไผ่ขี้แยแบบนี้ พ่อเขาถึงไม่รักเรา...” เสียงแม่บ่นพึมพำอยู่ข้างหู ก่อนที่ตัวเขาจะถูกวางลงบนชิงช้าที่ยังแกว่งไกว แล้วแม่ก็โดดลงจากชิงช้าเดินหนีเข้าบ้านไป
“แม่ครับ แม่! เอาไผ่ลงจากชิงช้าก่อน..ไผ่กลัว แม่ครับ” พสุร้องไห้จนน้ำตากลบตา แสงแดดสุดท้ายกำลังเลือนหายไป รอบๆ ตัวเขามืดมิดไปหมดทำให้พสุตัดสินใจโดดลงจากชิงช้า
ตัวเขาตกลงกระแทกพื้น แต่กลับรู้สึกเจ็บแปลบที่แขน...พอก้มลงดูก็เห็นเลือดไหลตรงใต้ข้อพับเป็นทางยาว ทำให้พสุใจเสียจนร้องไห้โฮออกมา
“พี่จ๋า...อย่าร้องไห้ ริวอยู่กับพี่นะ...ริวอยู่กับพี่...” เสียงปลอบประโลมดังอยู่ข้างๆ เด็กชายตัวน้อยตากลมโตแก้มยุ้ยแดงจัด พยายามลูบหลังปลอบเขา...พสุเหลียวมองไปรอบๆ อย่างงุนงง ไม่มีชิงช้า ไม่มีบ้านอีกต่อไป...เขาอยู่ที่ไหน...
“จะหาแม่...แม่ค้าบ พ่อค้าบ อยู่ที่ไหน ทำไมทิ้งไผ่ไว้คนเดียว”
“โอ๋ๆ อย่าร้องสิคับ พี่มีริวนะ ริวรักพี่นะ” เด็กชายตัวน้อยพยายามจะกอดปลอบ แต่พสุกลับรู้สึกหงุดหงิดที่เด็กตัวเล็กเท่านี้พยายามมาปลอบเขาจึงผลักอีกฝ่ายออกเต็มแรง ร่างเล็กกระเด็นออกไปล้มกระแทกพื้น ใบหน้ากลมป้อมเงยขึ้นจ้องมองพสุด้วยสายตางุนงง ก่อนที่ปากหยักบางจะแบะออก น้ำตาเม็ดโตๆ ไหลอาบแก้มกลมใส
“ริวเจ็บ...ฮือ...ริวรักพี่นะ...ทำไมพี่ต้องทำริวเจ็บด้วย...ฮือ...ริวแค่อยากกอดพี่เท่านั้นเอง...”
“แกทำอะไรลูกชั้น!” เสียงห้าวๆ ตะคอกเขาก่อนที่พสุจะถูกผลักจนล้ม ร่างสูงใหญ่ที่เห็นเพียงด้านหลังว่าเป็นชายชาวต่างชาติ ก้มลงช้อนตัวริวขึ้นอุ้ม แล้วเดินหนีไป แม้ริวจะพยายามยื่นมือมาหาเขาก็ตาม
“พี่ไผ่...ริวจะอยู่กับพี่...พี่ไผ่คับ...ริวอยากอยู่กับพี่...”
“ริว! ริว!” พสุลุกขึ้นวิ่งตาม พยายามจะไขว่คว้ามือเล็กๆ ที่ยื่นมาหา แต่ยิ่งวิ่งดูเหมือนริวจะยิ่งห่างไกลออกไป...
พสุหยุดหอบหายใจแล้วร้องไห้เมื่อแน่ใจว่าตามริวไม่ทันแล้ว น้องคงถูกพ่อเขาเอาตัวกลับไปแล้ว ต่อไปนี้เขาจะอยู่กับใคร แต่เมื่อพสุเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าตายายพ่อและแม่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“คุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่...ไผ่ตกใจหมดเลย นึกว่าทิ้งไผ่ไปกันหมดแล้ว” พสุวิ่งเข้าไปหา แต่ทุกคนกลับถอยหนีเขาด้วยสีหน้ารังเกียจ
“ทำไมละครับ ไผ่คิดถึงทุกคนนะ?”
“น่ารังเกียจ ลูกหลานชั้นไม่มีใครวิปริตแบบนี้” คุณตาพูดเสียงขึ้นจมูก แล้วหันหลังเดินหนีไป
“แกมันไอ้ลูกอกตัญญู สร้างแต่เรื่องให้ชั้นอับอายขายหน้า ฉันเกลียดแกจริงๆ”
“พ่อครับ ไผ่ขอโทษ พ่อครับ!” พสุพยายามร้องเรียกแต่พรเทพก็ไม่เหลียวกลับมา เหลือเพียงแม่ที่ยืนมองหน้าเขาด้วยน้ำตาเต็มหน้า
“ไผ่ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูก...เสียแรงที่แม่ฝากให้ดูแลน้อง...แม่ผิดหวังในตัวไผ่จริงๆ” แม่ต่อว่าทั้งน้ำตาก่อนจะเดินหนีไปอีกคน พสุพยายามวิ่งตามแต่ก็ไม่ทัน ทุกอย่างรอบตัวเขามืดมิดไปหมด มืดจนมองอะไรไม่เห็น...หนาวจนฟันกระทบกันกึก...แต่ทุกอย่างเพราะเขาทำตัวเขาเอง เขาทำให้ทุกคนผิดหวัง..............
แสงสว่างจ้าทำให้พสุต้องหลับตาลงใหม่ ก่อนจะพยายามลืมตาขึ้นอีกครั้ง ลำคอและโพรงจมูกของเขาแสบร้อน ในหัวยังปวดระบมแทบไม่อยากเคลื่อนไหว...แต่ร่างกายบอกว่าเขาต้องการเข้าห้องน้ำจนแทบกลั้นไม่อยู่ เพียงขยับตัว อาการเจ็บแปลบที่สะโพกก็หยุดการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน...ความทรงจำไหลพรวดกลับมาเหมือนน้ำป่า ดุดันเกรี้ยวกราดและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ชายหนุ่มกัดฟันลุกจากเตียงแล้วรีบเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำจากฝักบัวแรงสุดเหมือนจะให้น้ำชำระคราบไคลอัปยศออกจากตัว...แต่น้ำก็ล้างได้เพียงภายนอกเท่านั้น ความสกปรกมันอยู่ภายในใจเขาต่างหาก...พสุหัวเราะเบาๆอย่างขมขื่นใจ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าเปียกโชกออกจากตัวจนหมด ชายหนุ่มคว้าผ้าขนหนูที่ราวมาเช็ดน้ำออกจากตัวลวกๆ แล้วเข้าไปในห้องแต่งตัวหยิบเสื้อผ้าชุดแรกที่เห็นมาสวมทันที
กุญแจรถของเขายังวางอยู่บนโต๊ะ ขณะที่กุญแจรถซีดานของริวหายไป...ชายหนุ่มจึงเดินดุ่มออกจากห้องมุ่งไปหารถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว...แม้ไม่รู้ว่าจะไปไหน แต่เขาทนอยู่เจอหน้าริวไม่ได้แน่นอน เขาไม่มีหน้าไปมองหน้าน้องอีกแล้ว........
..................................................
-
อุ๋ย อุ๋ย จิ้ม จิ้ม
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
เอิ่ม
จะคิดมากอะไรตลอดเวขนาดนี้นะพี่ไผ่
คิดน้อยบ้างก็ได้ ไม่มีใครเขาว่าหรอกค่ะ
-
ริวนี่น่ารักๆๆๆๆ ขึ้นเรื่อยๆเลย
-
อลันกับมาเฟียคนนั้น...คาใจจังเลย 5555
-
เฮ้อออออออออ
สงสารพี่ไผ่ สงสารน้องริวว
สงสารหมดเลยยยยยย
-
:sad4: อย่าทำแบบนี้ค่ะ คนแต่ง
มาลงอีกเถอะพลีส แล้วมาเฟียนี้อย่าบอกนะว่าญาติริว
โอ๊ยพี่ไผ่ค่า ไมไม่รอฟังน้องล่ะ อย่าหนีไปนะ
-
พี่ไผ่จะไปไหนอ่ะ ถ้าริวกลับมาไม่เจอพี่ไผ่ ริวต้องคลั่งแน่ๆ
คุยกันก่อนดีไหม ก่อนตัดสินใจจะทำอะไร :monkeysad:
-
มาเฟีย แฟนอลันอ๊ะป่าวเนี่ย>///<
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่นะคะพี่ไผ่
-
:o12: :o12: ยังคงมาม่าไม่ลดลงเท่าไรเลย :sad4:
-
ในที่สุดก็มีวันนี้ ต้องหุงข้าวแดงฉลอง
พี่ไผ่คิดมากจนเก็บไปฝันเลย แต่ตอนนั้นถึงเมาแต่พี่ก็มีสตินะ
เรื่องความรัก ความรู้สึกมาก่อนเหตุผลเสมอ อย่าคิดเยอะ สู้ๆ o13
-
:o12: :o12: มาม่าไม่ลดลงเท่าไรเลยอ่ะ :sad4:
-
อ๊ากกกกกกกกกก :serius2:
เป็นตอนที่อ่านแล้วอารมณ์วึ่นวือสับสนที่สุด
ขึ้นๆลงๆจนจัดอาการตัวเองไม่ถูกแล้ว :serius2:
ทั้งที่ไม่มีใครผิดแต่มันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นเอาตอนนี้เลย
ตอนที่ความรู้สึกของไผ่ยังสับสนบอบช้ำ
แบบนี้ต่อให้เอาเหตุผลอะไรมาอ้าง
จะเพราะอารมณ์ ความรัก หรือสถานการณ์พาไป
ก็ทำให้ไผ่รู้สึกผิดได้ทั้งนั้น
พี่ไผ่กลับมาก่อน
เตลิดเปิดเปิงไปแบบนี้ริวคลั่งแน่
:serius2: :serius2:
-
รีบๆ เคลียร์กันสักทีนะครับ
คนอ่านลุ้นมากมาย
เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ
-
:z2: รอ รอ รอวันที่พี่ไผ่ กะ น้องริว :oo1: ด้วยใจที่ตรงกันซักที :z2:
:pig4: :pig4:
-
เฮ้อ ใจตรงกัน (รึเปล่า?) แต่ต่างไม่กล้าพูดกันตรงๆ :เฮ้อ:
-
...
-
พี่ไผ่กลับมาก่อนนนนนนน ออกไปอย่างนี้คนอ่านใจไม่ดี :dont2:
น้องริวสู้ๆ น๊าาา
-
เฮ่ออออออออออ
-
ทำไมถึงรู้สึกเสียใจกับ NC ที่รอคอย
รู้เหมือนย้อนไปตอนที่ไผ่เมาแล้วจูบกับริวครั้งแรกเลย
มันไม่อิ่มไม่สุขและกะวนกะวายใจ :serius2:
-
ไปกันใหญ่แล้วพี่ไผ่ :a5:
-
ทำไมถึงรู้สึกเสียใจกับ NC ที่รอคอย
รู้เหมือนย้อนไปตอนที่ไผ่เมาแล้วจูบกับริวครั้งแรกเลย
มันไม่อิ่มไม่สุขและกะวนกะวายใจ :serius2
-
:เฮ้อ:
-
ohhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhooooooooooooooooooooooooooooohhhhhhhh
-
ริวไปไหน
-
คุณพี่พสุ จะทำให้เกิดดราม่าแล้วนะคะเนี่ย เหอออออออออ
-
จุดพลุฉลองหน่อยละงานนี้ ในที่สุดก็สมรักกันสักทีนะคู่นี้
ตามลุ้นว่าจะลงเอยกันอย่างไรนะค่า
-
:เฮ้อ:
พี่ไผ่หนีไปเสียอย่างนี้
แล้วน้องริวจะทำยังงั ยเนี้ย
อย่าไม่เข้าใจกันนานนะ
คนอ่านทรมานแทน
:z10:
-
พี่ไผ่คิดมากเกินไปมั้ยนั้น
อย่าเพิ่งไปไหนเลยอยู่รอคุยกับริวก่ิอน
แล้วคุณมาเฟียเป็นใครอีกเนี้ยคงไม่ใช่
คนที่เป็นญาติกับริวหรอกใช่มั้ย
:กอด1: :L2: :pig4:
-
:serius2:เครียด สงสารพี่ไผ่
เรื่องต่างๆเข้าหาพี่ไผ่มากเกินไป
พี่ไผ่โทษตัวเองมากเกินไปอ่า ทั้งเรื่องพ่อแม่ ทั้งเรื่องหนูริว
กลับมาปรับความเข้าใจกับริวไวๆเถอะ กลัวมาม่าจับใจ :o12:
-
พี่ไผ่ ทำไมเป็นงี้อีกแล้วอ่าาาา
นี่คงไม่ได้คิดไปเองว่าตัวเองยั่วน้องอะไรเทือกนั้นหรอกใช่มั้ย
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก :serius2:
-
มาต่อเดี๋ยวนี้เลยนะ :angry2:
-
โอ๊ยย สงสารทั้งคู่เลย จะเป็นไงต่อไปเนี้ย
-
กรี๊ด เป็นฉากที่รอคอย
แต่เต็มไปด้วยความไม่รุ้สติ ของพี่ไผ่
โฮๆๆๆๆ
ยังไงล่ะทีนี้ มันไม่หวานน่าจดจำ
พี่ไผ่ก็คิดมากมากๆๆ
สงสารน้องริวมากนะ ,, พี่ไผ่ลองคุยกับน้องก่อนมั้ยยยยย
-
อย่าเครียดกานนนนนนนนน มาม่าหมดไปตั้งแต่เรื่องพ่อแม่แล้วค่ะ หลังจากนี้จะมีแค่น้ำจิ้มเล็กๆน้อยๆ พอเป็นรสชาติของชีวิต
และ ฉากนี้ไม่ใช่ฉากNC ที่รอคอยกันอยู่นะคะ แหะๆ ใจเยลๆ
ปล.ผู้ตรวจฝากมาบอกว่า เจ๊คนโพสต์ขยันมาก บวก+ ด้วยใจมาให้ละกันเนาะ
-
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย ปวดหัวแทนพี่ไผ่แล้วเนี่ย :z3:
ทำไมไม่อยู่คุยกันให้รู้เรื่องก่อน
จะบ้าตาย
อลั๊นนนน จะทำไรก็รีบทำเร็วเข้าาาา
ว่าแต่ คุณมาเฟียนี่คงไม่ใช่ปัญหาปมต่อไปใช่มั้ยเนี่ย :serius2:
-
กำเริ่มต้มมาม่าอีกแล้ว
ความฝันของไผ่นี่เป็นฝันบอกเหตุรึป่าวเนีีย
ริวมีอะไรเกี่ยวข้องกับมาเฟียรึป่าวนั่น
ดูท่าคงต้องต้มมาม่าอีกสักลังสองลังเผื่อซะแล้วมั้งครับนี่
เฮ้อกะว่าหลังNCแล้วจะได้เห็นฉากหวานๆ
-
วันนี้ที่รอคอยยยยยยยย :เหอะ1:
พี่ไผ่จะหนีไปไหน กลับมานะ
ริวรุกจนได้ซินะลูก :เฮ้อ:
-
วันนี้ที่รอคอยยยยยยยย :เหอะ1:
พี่ไผ่จะหนีไปไหน กลับมานะ
ริวรุกจนได้ซินะลูก :เฮ้อ:
-
พี่ไผ่ใจเย็นๆนะ รอคุยกับน้องริวก่อน
-
อ่านช่วงแรกก็อยากจะร้องเยสแล้วกรี๊ดดัง ๆ อยู่หรอก แต่ไหงท้ายตอนได้กลิ่นมาม่าอีกแล้วล่ะ :sad4:
อลันก็เกือบจะได้มาประเทศไทยแล้วเชียว เป็นมาเฟียแล้วใหญ่มาจากไหนฟะ... :angry2:
-
มาต่อเร็วนะ :m16: :m16:
-
มาต่อเร็วนะ :m16: :m16:
-
:serius2: อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆอ่า ลุ้นซะปวดตับไปหมดแย้ววว :z3:
-
กำลังดีใจที่น้องมันกดไผ่สำเร็จ
มาถึงตอนท้ายเศร้าอีกแระ o6
พี่ไผ่ยังบอกอยู่เลยว่าอย่าทิ้งตนไป เพราะไผ่ไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากริว
แล้วนี่พี่ไผ่กลับหนี ทิ้งริวไปซะงั้น น้องมันก็ไม่เหลือใครแล้วเหมือนกันนะพี่ไผ่ :L3:
:pig4: คนโพสต์ที่มาต่อรวดเร็ว และท่านนักเขียน(เอ่อ..คนอ่านขาดน้ำตาล ขอหวานบ้างจิคะ นะนะ :impress:)
-
เป็นอีก nc ที่บีบหัวใจจริง :sad4:
หื่นไม่ออกเลย
-
พี่ไผ่จะหนีน้องริวไปไหน
ทำแบบนี้น้องริวเสียใจแย่เลย
-
เป็น NC ที่อ่านแล้วไม่ได้อารมณ์หื่นเลย
:laugh:
เพราะตอนอ่านนี่น้ำตาไหลนองเต็มหน้าหมดแล้ว
ทั้งกลัวทั้งกังวลไปสารพัด
ไม่รู้จะสงสารใครดี---->กรูสงสารตัวเองดีกว่า
-
:z3:
สงสารตัวเองด้วยคน เพราะไม่รู้จะสงสารใครดีเหมือนกันค่ะ
-
อ่านไปเจ็บไปมันดูไม่มีความสุขเอาซะเลย ผลที่ออกมาก็ดูแย่กว่าเดิม หนีกันไปตามกันมากินแต่มาม่าท้องอืดแล้ว แง๊
-
แตกหัก ถึงขั้นแตกหักล่ะงานนี้ แย่ล่ะสิ
ยุ่งแล้ว มาม่าถถ้วยกลัวยังไม่หายเผ็ดเลย ซี๊ดซ้าดน้ำตาไหล
นี่มาม่าถ้วยที่สอง เดี๋ยวมีได้ให้น้ำเกลือกันบ้างล่ะงานนี้
-
โอ้ อืม โอ้
ไม่คิดว่าจะแชแดแด๊บกันในสถานะการณ์แบบนี้
สงสารไผ่ สงสารน้อง :sad4: :sad4:
-
......... :เฮ้อ:
-
พี่ไผ่จะหนีน้องไปไหน...T^T
พี่ไผ่ยังกลัวว่าน้องจะไม่อยู่ด้วยเลยนี่นา...ตัวเองหนีไปก่อนซะแล้ว..
หนีแบบนี้เดี๋ยวกลับมาไม่เจอหนูริวหงะ..=O=
-
แง :o12:ไม่เอาแบบนี้ พี่ไผ่จะหนีไปไหน อยู่คุยกับริวก่อน :serius2:
-
เป็น NC ที่อ่านแล้วไม่ได้อารมณ์หื่นเลย
:laugh:
เพราะตอนอ่านนี่น้ำตาไหลนองเต็มหน้าหมดแล้ว
ทั้งกลัวทั้งกังวลไปสารพัด
ไม่รู้จะสงสารใครดี---->กรูสงสารตัวเองดีกว่า
ช่ายรู้สึกอย่างนี้เดี้ยเลย
-
เฮ้อ เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าการขาดอากาศหายใจเป็นไง
อ่านไปกั้นหายใจกันไป :laugh:
-
:sad4: โอ๊ยยยย.........พี่ไผ่จะหนีไปไหน
:z3: ท่าทางจะยุ่งไปกันใหญ่
-
ในที่สุด ก็เสร็จน้องริวจนได้ เย้ๆๆ
-
:o12: :o12:มาม่าไม่ได้ลดลงเท่าไรเลย :sad4:
-
มีเอ็นซีบวกกับมาม่าชามเบ้อเริ่มเทิ่ม
-
พี่ไผ่คิดมากจะหนีน้องอีกแล้ว :เฮ้อ:
-
สะเทือนใจต่อไป..
พี่ไผ่น้อ...หนีไปแบบนี้คนที่คลั่งจะเป็นน้องริวอ่ะสิ... :m31:
-
อ่านตอนนี้แล้วมีหลากหลายอารมณ์มากเลย
อย่างแรกเลยดีใจจนแทบจะจุดพลุฉลอง
ที่ริวกล้ามาก ทั้งที่เป็นครั้งแรก
ไม่แปลกหรอกที่พี่ไผ่ จะป่วยขนาดนั้น
ไว้คราวหน้าเอาใหม่น่ะริวน่ะ
อย่างสอง เศร้าอีกแล้ว พี่ไผ่เลือกที่จะหนี
โธ่ พี่ไผ่ บางครั้งไม่ต้องคิดเยอะแค่ทำตามหัวใจก็พอ
-
พี่ไผ่หนีน้องริวไปแบบนี้ น้องไม่เศร้าใจแย่เลยหรือ
เห็นใจทั้งสองคนจริงๆยิ่งได้ฟังเพลง ขอร้อง ของแดน วรเวช
นำ้ตากรูไหลอีกแล้ว.....
"เหมือนหัวใจ ไม่เหลือใจ พูดคำเดียวคือเธอจะไป..เท่านั้น
เหมือนง่ายดาย เหมือนหัวใจ ไม่เคยใช้คำว่ารักด้วยกัน
ฉันทำผิดที่ใด ได้แต่ถามตัวเองอย่างนั้น
ไม่เคยจะไม่รักเธอ..สักวัน แต่...กำลังจะต้องร้องไห้
อย่าทิ้งกันไปได้ไหม เธอรู้ฉันอยู่ไม่ไหว
โลกคงแตกสลาย นาทีที่ไม่เหลือเธอ
คนที่รักที่สุด คนที่รักเสมอ หมดชีวิตที่เห็น..ยังไงก็เป็นของเธอ
อย่าไปจากตรงนี้ อย่าไปจากคนนี้ ฉันกลัว ฉันกลัว พรุ่งนี้..จะไม่มีแรงหายใจ
เพราะหัวใจ ไม่เหลือใคร เพราะฉันมีเพียงเธอคนเดียว..เท่านั้น
ขอร้องเธอ...ขอร้องเธอ สงสารฉันเถอะอย่าไป..จากฉัน
ฉันทำผิดที่ใด ได้แต่ถามตัวเองอย่างนั้น ไม่เคยจะไม่รักเธอ..สักวัน
แต่กำลังจะต้องร้องไห้ อย่าทิ้งกันไปได้ไหม เธอรู้ฉันอยู่ไม่ไหว
โลกคงแตกสลายนาทีที่ไม่เหลือเธอ คนที่รักที่สุด คนที่รักเสมอ
หมดชีวิตที่เห็น...ก็มีแค่เธอ อย่าไปจากตรงนี้ อย่าไปจากคนนี้
ฉันกลัว ฉันกลัว พรุ่งนี้...จะไม่มีแรง หายใจ
อย่าทิ้งฉันไป...ได้ไหม :sad4:
-
พี่ไผ่จะหนีไปไหนเนี่ย ริวแย่แน่ ๆ
-
แง แง ไหงตอนท้ายมันเป็นแบบนี้ล่ะ พี่ไผ่เล่นหนีไปแบบนี้ ริวกลับมาไม่เจอ แล้ว ๆ ๆ.......
-
ตอนนี้ทั้งดีใจ ทั้งทุกข์ใจจริงๆ หวังว่าทุกเรื่องจะคลี่คลายโดยเร็ว
ป.ล. ว่าแล้วหนูริวเป็นอัจฉริยะ เรียนรู้อะไรได้เร็ว เพียงแค่ดูตำราก็เข้าใจแล้วทำตามได้อย่างรวดเร็ว 555+
-
เดือนนี้กินมาม่ากันทั้งเดือนเลย :m15:
พี่ไผ่อย่าเพิ่งคิดมากสิ จะหนีไปไหนค้า
ตอนนี้ซุปเปอร์อลันแมนก็ไปติดภารกิจอื่นซะด้วย
มาช่วยน้องริวกะพี่ไผ่ก็ไม่ได้ด้วยสิ
ขอบอกว่าชอบฉากมากเลย เขียนดีมากเลยค่ะ
มันให้อารมณ์ 'ทำรัก' มากกว่า 'มีเซ็กส์' รู้สึกถึงความรัก ห่วงหา :-[ :o8:
โดนใจโคตรๆ ทั้งริวทั้งพี่ไผ่จะทำให้รักกันไปถึงไหน แค่นี้ก็ซินก็หลงทั้งคู่จนโงหัวไม่ขึ้นแล้วว
ปล.คนแต่ง เคยแต่งฟิคของลอร์ด ออฟ เดอะ ริง หรือเปล่าค่ะ
ชื่อคุ้นๆ
-
พี่ไผ่คัมแบ็ค...เดี๋ยวน้องริวก็ร้องไห้หรอก
อลันก็เดาแม่นจริง ๆ หวังว่าจะเข้าใจกันก่อนที่ใครจะเป็นอะไรไปซะก่อนนะ :o12:
-
มาม่าชามนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดเลยอ่ะ :z3:
-
เง้อ nc เรื่องนี้มันเครียดแท้ๆ ไผ่หนีไปอีก :z3:
-
อย่าเครียดกานนนนนนนนน มาม่าหมดไปตั้งแต่เรื่องพ่อแม่แล้วค่ะ หลังจากนี้จะมีแค่น้ำจิ้มเล็กๆน้อยๆ พอเป็นรสชาติของชีวิต
และ ฉากนี้ไม่ใช่ฉากNC ที่รอคอยกันอยู่นะคะ แหะๆ ใจเยลๆ
ปล.ผู้ตรวจฝากมาบอกว่า เจ๊คนโพสต์ขยันมาก บวก+ ด้วยใจมาให้ละกันเนาะ
หวังว่าน้ำจิ้มคงจะไม่เผ็ดร้อนจนน้ำตาไหลมากเกินไปนะค้า~
ส่วนNC แง้ๆๆๆ มันไม่ใช่ๆๆๆ ม่ายช่ายยยยย โฮฮฮฮฮฮฮฮ รอNCที่ดีกว่านี้นะคะ >,.<
แล้วมาเฟียอิตาลี่นี่(คิดถึงเรื่องการ์ตูนรีบอร์นเลย 55+) สงสัยจะเป็นญาติหนูริวแน่ๆ
ก็หนูริวเล่นเป็นอัจฉริยะตั้งแต่กำเนิดแบบนี้ คงต้องมีสายเลือดเว่อร์ๆ อย่างพวกมาเฟียอยู่แน่ๆ
ว๊ายๆๆๆ ชอบๆๆ ว่าแต่คุณอลันจะมีคู่กับเค้ามั๊ยเนี่ย กรี๊ดดดดด
ปอลอกุงเกงลิงเป็นรู : พี่ไผ่อย่าทำกับหนูริวแบบนี้ ม่ายยยยยย :dont2:
เชื่อมั่นในความรักของหนูริวสิคะพี่!!! อ๊ากกกก อยากจะบ้าตาย
ทำไมน้ำจิ้มเล็กๆน้อยๆที่ป้าคนแต่งบอก มันถึงได้รสชาติแย่ขนาดนี้ 55+
หวังว่าคงจะเล็กๆน้อยๆจริงๆนะคะ รอเจ๊คนโพสต์เจ้าค่า~
-
เพราะเธอเจ้าของใจ
ต้องให้เธอเลือกทาง
กับวันที่เหลือฉันเองจะขอทำดี
แต่ต่อชีวิตรักเราให้นานเนิ่นไป
แม้เพียงแค่อีกวัน
หรืออีกสักลมหายใจก็ยังดี
:L1: :L1: :L1:
:L1: :L1:
:L1:
-
และแล้วก็มีวันนี้จนได้
แต่มันเกิดจากความรักของน้องริวคนเดียว
ส่วนพี่ไผ่อ่ะเมาผสมกับความรู้สึกของการสูญเสีย
ก็เลยยอมให้น้องริวทำทุกอย่างลงไป
อยากให้สองคนใจตรงกันซักทีเน้อ
เอ้า~แล้วพี่ไผ่ออกไปไหนอีกเนี่ย
หนีหน้าน้องริวเหรอจ๊ะ
มาเคลียร์กันเหอะนะ อยากให้รักกัน ๆ
-
หลังจากที่ไม่ได้เข้ามานาน ตามอ่านหัวฟู
น้ำตาไหลเป็นโอ่ง แม้แต่ NC ยังปวดใจ :เฮ้อ:
พี่ไผ่จะหนีไปไหน กลับมาก่อนนนนนนนนน
แล้วริวจะตามเจอไหมนั่น อลันรีบมานะ ก่อนริวจะบ้าตาย
-
อัพแล้วจะหายมั้ยหว่า -*-
แต่ก็ลงละกันเนอะ
ตอนที่ 86
ริวจอดรถในโรงจอดแล้วหอบถุงผลไม้ลงจากรถ ความจริงเขาไม่คิดจะออกจากบ้านไปไหนเพราะห่วงอาการไข้ของพสุ แต่กรเวชโทรมาตามให้ไปรับตารางงาน เด็กหนุ่มเลยถือโอกาสแวะไปเอารถมาด้วยเลย
หลังงานศพพ่อของพสุ คิสมีได้รับอนุญาตให้หยุดอีก 1 สัปดาห์ก็จริง แต่นี่ก็ล่วงเข้าวันที่ 3 แล้ว นับตั้งแต่เขากับพสุมีความสัมพันธ์กันจนพสุป่วย อีกไม่กี่วันทั้งเขาและพสุก็ต้องกลับไปทำงานอีกครั้ง แม้จะไม่แน่ใจว่าสภาพจิตใจของพสุในตอนนี้จะเข้มแข็งพอหรือไม่ แต่คิวงานแน่นเอี๊ยดก็ไม่สามารถให้วันหยุดได้มากว่านี้อีกแล้ว
เด็กหนุ่มส่งถุงผลไม้ให้พี่แมวแล้วมองอาการลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ
“มีอะไรเหรอครับพี่แมว”
“คุณไผ่ค่ะ...” พี่แมวพูดไม่ทันจบริวก็วิ่งพรวดเข้าไปในห้องนอน แต่กลับพบกับความว่างเปล่าจนเขายืนงง
“พี่ไผ่ไปไหนพี่แมว!”
“พี่ก็ไม่รู้ค่ะ พี่กำลังต้มข้าวต้ม ได้ยินเสียงรถก็เลยวิ่งออกมาดู เห็นคุณไผ่ขับรถออกไปพอดี”
“ไปไหน?...พี่ไผ่จะไปไหนได้ พี่ไผ่ไม่สบายอยู่นะ”
“พี่ขอโทษค่ะคุณริว พี่ก็ไม่คิดว่าคุณไผ่จะลุกไหว...”
ริวไม่รอให้พี่แมวพูดจบ เด็กหนุ่มวิ่งไปที่รถแล้วรีบขับออกจากบ้านแต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตูชายคนหนึ่งก็มาขวางประตูไว้
“หลบไป!” ริวตวาดด้วยความโกรธ แต่อีกฝ่ายกลับยื่นโทรศัพท์ให้เขาอย่างใจเย็น
“เดี๋ยวครับคุณริว...คุณอลันจะคุยด้วย”
“ชั้นไม่คุย ชั้นจะรีบไป!” ริวตวาดอย่างฉุนเฉียว เวลานี้เขาห่วงพสุจนไม่มีอารมณ์จะมาฟังคำสั่งสอนใดๆ ของ อลัน อีกแล้ว
“คุณอลันทราบว่าคุณพสุอยู่ที่ไหนนะครับ”
ชื่อของพสุหยุดริวไว้ได้ เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกเพื่อระงับความตื่นตระหนก แล้วยอมรับสายของอลัน
“พี่ไผ่ไปไหน!” ริวพยายามสะกดน้ำเสียงให้ราบเรียบลง ทั้งที่ใจแทบลุกเป็นไฟด้วยความเป็นห่วงพสุ
“ไปวัด...วัดที่เอาเถ้าถ่านของแม่พ่อเขาไปโปรยไว้นั่นแหละ...เขาเพิ่งไปถึงเดี๋ยวนี้เอง...” อลันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเนิบๆ
“แค่นี้นะชั้นจะตามพี่ไผ่ไป”
“อย่าไปนะริว” อลันปรามเสียงเรียบ แต่คนฟังโมโหจี๊ดขึ้นมาทันที
“ทำไม นายมีสิทธิ์อะไรมาห้าม!” ริวตวาดกลับด้วยความโกรธ นาทีนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามเขาไม่ได้ทั้งนั้น
“ชั้นไม่มีสิทธิ์ห้ามนายหรอก...แต่อยากให้นายให้เวลาพสุบ้าง”
“นายต้องการจะบอกอะไรอลัน”
“ตอนนี้พสุกำลังเจ็บปวด เขาควรได้มีเวลาคิดบ้าง...หากนายไป จะยิ่งบีบให้เขาเตลิดไปใหญ่...ไม่ต้องห่วงหรอกนะ คนของชั้นตามดูแลเขาอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว”
“แต่...”
“ถ้าไม่อยากเสียพสุไป นายต้องรู้จักรอบ้างนะริว”
“ปัดโธ่โว้ย!” ริวกดตัดสายแล้วเกือบขว้างโทรศัพท์ทิ้ง ถ้าไม่เหลือบไปเห็นพี่แมวกำลังชะเง้อชะแง้มาจากในบ้าน เด็กหนุ่มพยายามสะกดกลั้นความโกรธลง แล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้คนของอลัน
“ตามไปดูแลพี่ไผ่เถอะ ไม่ต้องมาเฝ้าชั้น”
“ไม่ได้หรอกครับ หน้าที่ผมคือคอยดูแลคุณ ส่วนคุณพสุมีอีกทีมคอยดูแลอยู่แล้ว”
ริวพยักหน้ารับ ก่อนจะถอยรถกลับไปเก็บ
“คุณริวคะ ไม่ต้องตามคุณไผ่แล้วเหรอคะ” พี่แมวถามงงๆ ก่อนจะมองตามคนที่มาคุยกับริวไปจนลับตาอย่างระแวงๆ
“พี่ไผ่ไปวัดน่ะ...เดี๋ยวคงกลับ...พี่แมวไปทำงานเถอะ” ริวพยายามสะกดน้ำเสียงให้ราบเรียบ เหมือนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งที่ภายในใจเขามันเดือดพล่านด้วยความกังวล
“ค่ะ...เฮ้อ! พี่ละใจหายหมด รู้ว่าไปวัดก็คงไม่ต้องห่วงแบบนี้หรอก” พี่แมวทำหน้าโล่งใจแล้วหันหลังกลับเข้าครัว
ริวเม้มปากแน่นด้วยความกังวล...แม้ใจอยากจะดื้อแพ่งตามพสุไป แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไร อีกอย่าง อลันรู้ดีเสมอว่าควรจัดการกับปัญหาเร่งด่วนอย่างไร เขาต้องเชื่อในตัวอลันเหมือนอย่างที่เคยเชื่อมาตลอด...แม้ว่าจะทรมานใจแค่ไหนก็ตาม
...........................................................................
พสุวางคางไว้บนเข่าขณะลูบมือไปตามรากต้นไทร แม้จะไม่เหลือร่องรอยเถ้าอัฐิของพ่อแม่อีกแล้ว แต่ความรู้สึกอุ่นในใจเมื่อได้สัมผัสก็ทำให้ชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงนี้เนิ่นนาน
ในสมองยังสับสนวุ่นวาย ความรู้สึกต่างๆ ถาโถมเข้ามาจนน้ำตาซึมด้วยความเครียด ทั้งโกรธ เกลียด ขยะแขยงและละอายแก่ใจในสิ่งที่ตัวเองทำ
“แม่ครับ...ไผ่ทำเรื่องอัปยศไปแล้ว แม่เกลียดไผ่หรือเปล่าครับ...ไผ่ปล่อยให้ความอ่อนแอทำร้ายตัวเอง ทำร้ายน้อง...ไผ่เลวคนเดียวยังไม่พอ ยังดึงน้องให้ลงเหวมาด้วยกัน...ต่อไปไผ่จะมองหน้าน้องได้ยังไง...เสียแรงที่แม่ฝากน้องไว้กับไผ่...แล้วยังหนี้สินอีก ไผ่เป็นหนี้น้องเกือบสองร้อยล้าน ถ้าผู้ปกครองริวรู้ว่าไผ่กับริวมีอะไรกัน เขาอาจจะคิดว่าไผ่เอาตัวเข้าแลกเพื่อจะไม่ยอมใช้หนี้น้องหรือเปล่า...ไผ่ควรทำยังไงดีครับแม่...ไผ่ขอโทษที่ยังหน้าด้านมาปรึกษาแม่...แต่ไผ่ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้วจริงๆ...” พสุกระซิบผ่านสายลมไปหามารดาด้วยความปวดร้าวใจ เขาไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึงบิดาด้วยละอายใจเกินกว่าจะกล้าพูดกับท่าน ความรู้สึกแรกที่ออกจากบ้านมาคือคิดจะหนีหน้าริว แต่พอรู้สึกตัวอีกทีเขาก็ขับรถมาจอดที่วัดนี้แล้ว
ลมพัดเอื่อยๆ เหมือนมืออ่อนโยนที่มองไม่เห็นกำลังลูบไล้ใบหน้าเปื้อนน้ำตาแผ่วเบา ได้ยินเสียงระฆังแก้วดังกรุ๋งกริ๋ง เสียงนกและแมลงกรีดปีกเบาๆ พาให้หัวใจที่ร้อนรุ่มค่อยสงบลงทีละน้อย
“คุณไผ่คะ” เสียงทักจากเบื้องหลังทำให้พสุสะดุ้งด้วยความตกใจ ชายหนุ่มหันกลับไปมองแล้วรีบยกมือไหว้เมื่อเห็นคนทักถนัดตา
“ป้าใจ! เอ่อ...แม่ชี สวัสดีครับ”
“ไหว้พระเถอะค่ะแล้วก็ไม่ต้องเรียกแม่ชงแม่ชีหรอก เรียกป้าใจเหมือนที่เคยเรียกนั่นแหละค่า...”
“ครับ”
“คุณไผ่มานานหรือยังคะ...อ้าวร้องไห้ด้วย...คิดถึงคุณแม่คุณพ่อละสิท่า...ท่านไปสบายแล้ว เหลือแต่คนข้างหลังนี่แหละค่ะ ที่ยังต้องดิ้นรนกันต่อไป...แล้วนี่คุณไผ่มาคนเดียวหรือคะ คุณริวไม่ได้มาด้วยเหรอ?”
“มาคนเดียวครับ ไผ่...อยากมาหาแม่ ก็ขับรถมาเลย ไม่ได้ชวนริวมาด้วย”
“โถ! ป่านนี้คงตามหาให้วุ่นแล้วล่ะค่ะ คุณริวยิ่งติดคุณไผ่อยู่ ถ้าจู่ๆ หายมาโดยไม่บอกคงตกใจแย่”
“ไผ่กะว่าจะมาหาแม่แป๊บเดียว ก็จะกลับแล้วครับ”
“ถ้าจะอยู่นานๆ ก็โทรบอกน้องซะหน่อยนะคะ จะได้ไม่ห่วง...คุณไผ่ขา...จะไปไหนมาไหน ก็บอกคนอื่นไว้สักนิดเถอะค่ะ...เผื่อว่าเจ็บไข้ไม่สบาย หรือรถราไปเสียที่ไหนจะได้ตามกันถูก...ป้าน่ะ เหลือคุณไผ่คนเดียวแล้วนะคะ”
“...ครับ” พสุรู้ดีว่าป้าใจกลัวอะไร ไม่ใช่กลัวเขาเจ็บป่วยหรือรถเสียอย่างที่ว่า แต่คงกลัวเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเขาเหมือนที่เกิดกับแม่มากกว่า
“สีหน้าคุณไผ่เหมือนไม่สบาย...กินข้าวมาหรือยังคะ...หิวมั๊ย ในโรงครัวมีผลไม้เยอะเลย คุณไผ่จะกินมั๊ยคะ”
“ไผ่ยังตื้อๆ อยู่เลยครับ...แต่ป้าใจไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวไผ่กลับไปกินที่บ้านดีกว่า...ริวคงรออยู่” พสุพูดประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงแหบเบา ใจไหววูบเมื่อนึกถึงคนที่ ‘รอ’ อยู่ที่บ้าน ถ้ารู้ว่าเขาหายไปจะร้อนรนกระวนกระวายแค่ไหน...
“ค่ะ...ได้ฟังแบบนี้ป้าก็วางใจ...ป้ามันแก่แล้ว เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง จะไปวันไหนก็ไม่รู้ ห่วงก็แต่คุณไผ่...แค่รู้ว่าคุณไผ่มีคนดูแลแบบนี้ ป้าก็จะได้เลิกห่วง...ตายก็ตายตาหลับเสียที”
“ป้าใจอย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ป้าก็รู้ว่าไผ่ไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากป้าคนเดียว”
“...ป้าน่ะรักคุณไผ่มากนะคะ เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยจนรู้สึกเหมือนคุณไผ่เป็นลูกเป็นหลานจริงๆ ยิ่งรู้ว่าคุณไผ่ไม่มีใครป้าก็ยิ่งห่วงใจแทบขาด ยังดีที่ตอนนี้มีคุณริวมาอยู่เป็นเพื่อนคุณไผ่ ป้าถึงโล่งใจว่าอย่างน้อยก็คงมีคนคอยห่วงใย คอยดูแลคุณไผ่อีกคน...เพราะนอกจากคุณไผ่ คุณริวแกก็ไม่มีใครอีกแล้วนี่คะ...ยังไงก็เมตตาน้องบ้างนะคะคุณไผ่”
พสุนิ่งงันไปนาน ชายหนุ่มเม้มปากแน่นอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบป้าใจเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“บางที...คนที่ควรจะขอความเมตตาอาจเป็นไผ่ก็ได้ครับป้าใจ”
“ทำไมพูดแบบนั้นละคะ...มีอะไรหรือเปล่า...ทะเลาะกันเหรอคะ?”
“เปล่าครับ ไผ่ก็พูดไปเรื่อยเปื่อย...ก็แค่แหย่ป้าใจเล่นเท่านั้นเอง”
“โถพ่อคุณ...มาล้อคนแก่...ไม่เอาละ ป้าไปกวาดลานวัดให้เสร็จก่อนจะเย็นดีกว่า...คุณไผ่ก็อย่านั่งเพลินจนลืมกลับไปกินข้าวนะคะ...ป่านนี่คุณริวกับแมวมันคงชะเง้อหาคอยาวแล้ว”
“สวัสดีครับป้าใจ”
“ค่า”
พสุมองตามหลังป้าใจไปจนลับตา ก่อนจะล้วงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วชะงัก นึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือติดตัวมา...ไม่สิ เขาไม่ได้หยิบอะไรมาเลยสักอย่าง แม้แต่กระเป๋าสตางค์...ชายหนุ่มเหลียวมองรอบตัวอีกครั้งก่อนจะผุดลุกขึ้น...คงได้เวลาที่เขาจะกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงเสียที..........
พสุจอดรถแล้วสูดลมหายใจลึก มือเขาทั้งเย็นและสั่น แต่ชายหนุ่มก็พยายามควบคุมตัวเองสุดความสามารถ ชายหนุ่มเตรียมคิดคำพูดไว้มากมาย เพราะรู้ดีว่าริวต้องทั้งต่อว่าและอาละวาดที่เขาหายไปครึ่งค่อนวันแบบนี้ แต่เมื่อลงไปจากรถกลับพบว่าบ้านเงียบกริบ
ริวนั่งอยู่กลางห้องนั่งเล่น ใส่หูฟังอยู่ทั้งสองข้างถึงไม่ได้ยินเสียงรถ ปากบางเม้มแน่นจนเห็นรอยบุ๋มที่ลักยิ้มสองข้าง เด็กหนุ่มสูดหายใจแล้วปาดน้ำตาแรงๆ ขณะที่มือก็เรียงรูปที่เพิ่งสั่งพิมพ์ออกมาจากคอมพิวเตอร์ไปเรื่อยๆ ประตูกระจกของห้องนั่งเล่นด้านติดกับสวนเปิดค้างไว้ พอมีลมพัดผ่านก็พัดพาเอารูปที่ริวเรียงไว้ปลิวกระจาย เด็กหนุ่มหยุดชะงักแล้วกำรูปในมือแน่นขณะฟุบหน้าลงกับเข่า
พสุยืนมองภาพนั้นทั้งน้ำตา...เขาทำน้องเจ็บ...อีกคนแล้วที่ต้องเสียใจเพราะเขา
ชายหนุ่มลังเลที่จะเข้าไปหาริวตอนนี้ ไม่รู้จะพูดยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น รูปถ่ายใบหนึ่งปลิวมาติดข้างประตูที่เขายืนอยู่ ชายหนุ่มจึงก้มลงเก็บแล้วนิ่งงันไป...
มันเป็นรูปถ่ายของเขากับริวที่ริมแม่น้ำฮัน ในภาพริวยิ้มร่ากอดไหล่เขาไว้แล้วเอียงหัวมาจนแก้มชนกัน...ใบหน้าไร้เดียงสาที่ยิ้มร่าด้วยความสุข บัดนี้เปียกเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะเขา...เขาทำให้น้องก้าวข้ามวัยเยาว์เข้าสู่ความมืดดำสกปรกของตัณหา เพราะความอ่อนแอของตัวเอง...
“ริวขอโทษครับ...” เสียงของริวทำให้พสุสะดุ้ง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเพราะนึกว่าริวพูดด้วย แต่เด็กหนุ่มกลับก้มหน้าก้มตาคลี่รูปถ่ายที่ถูกขยำยับในมือพลางพูดขอโทษรูปใบนั้นซ้ำๆ พสุสูดลมหายใจลึกแล้วเดินเข้าไปใกล้ วางรูปถ่ายที่เก็บมาจากหน้าประตูลงแล้วทรุดลงนั่งข้างๆ ริวหันขวับมาพอเห็นหน้าเขาเด็กหนุ่มก็โผเข้ามากอดไว้แน่น
“พี่หายไปไหนมาครับ...ริวกลัวแทบตาย...พี่อย่าทำอย่างนี้อีกนะ...ไหนพี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทิ้งริวไง”
พสุตัวแข็งทื่อ วูบแรกเขาเกือบสะบัดหนี แต่น้ำตาร้อนๆ บนไหล่ทำให้เขายั้งตัวเองไว้ได้ทัน...ไม่ใช่ความผิดของริว ถ้าจะหาคนผิดก็คือเขาเอง เพราะงั้นเขาไม่มีสิทธิ์ไปแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์ใดๆ เพราะคนน่ารังเกียจคือเขา ไม่ใช่ริว
“พี่ไปหาแม่มา...ลืมหยิบโทรศัพท์ไปด้วยก็เลยไม่ได้โทรบอก โทษทีนะ” พสุพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พยายามข่มความละอาย ขัดเขิน ความรู้สึก วูบวาบหวั่นไหวเอาไว้ เพียรท่องอยู่ในใจตลอดเวลาว่าต้องทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะดันตัวเด็กหนุ่มออก แล้วทำทีเป็นช่วยเก็บรูปที่กระจายไปทั่วห้องด้วยแรงลม
“ริวนึกว่าพี่จะเกลียดริว จนหนีริวไปแล้วซะอีก” ริวเดินตามมาติดๆ เอ่ยขึ้นมาเบาๆ คำพูดของริวทำให้พสุชะงักค้าง ทั้งที่ใจอยากจะปิดปากริวให้เลิกพูดถึง “เรื่องแย่ๆ” เรื่องนั้นเสียที
“พี่เคยบอกริวไปแล้ว ว่าพี่ไม่เคยเกลียดริว” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบแล้วทำทีเป็นสาละวนอยู่กับรูป เพื่อจะซ่อนสีหน้าและแววตาหวั่นไหวไม่ให้ริวเห็น
“แล้วพี่โกรธริวมั๊ย ที่ริว...ทำให้พี่ไม่สบาย” พอเจอคำถามนี้พสุก็ไม่รู้จะตอบว่ายังไง ตอบว่าไม่โกรธ ก็เท่ากับยอมรับว่าเขาพึงพอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถ้าจะบอกว่าโกรธ ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของริว ชายหนุ่มเม้มปากนิ่ง ก่อนจะวางรูปทั้งหมดลงบนโต๊ะแล้วผละหนีเข้าห้องนอน ริวตามมาติดๆ จนพสุต้องปรามไว้
“...อย่าเพิ่งตามเข้ามา พี่จะอาบน้ำ” ชายหนุ่มบอกแล้วปิดประตู กดล็อคแล้วเอนตัวพิงประตูอย่างอ่อนล้าทั้งกายและใจ ถึงจะพยายามแค่ไหนเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะคุยกับริว “เรื่องนั้น” อยู่ดี
ชายหนุ่มชะงักเมื่อกวาดตาไปเห็นข้าวของในห้อง ตอนที่ตื่นขึ้นมา เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นข้าวของเหล่านี้ อ่างน้ำกับผ้าขนหนูที่ยังวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง โดยที่โคมไฟถูกอัปเปหิ ลงไปตั้งที่พื้น กระจาดใบเล็กที่มีแต่ซองยาของคลินิกแห่งหนึ่งเรียงรายอยู่ในนั้น
ในความฝันอันเลือนรางพสุยังจำความรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อพับแขนได้ ชายหนุ่มก้มมองโดยอัตโนมัติก็สังเกตเห็นรอยเขียวช้ำเล็กๆ บนแขน แสดงว่าตอนที่เขาป่วยริวโทรตามหมอมาฉีดยาให้ เพราะเด็กหนุ่มคงไม่กล้าพาเขาไปโรงพยาบาลด้วยสภาพร่างกายแบบนั้น...พสุยกมือเย็นเฉียบขึ้นลูบหน้าแล้วสลัดศีรษะแรงๆ เพื่อไล่ความคิดน่าละอายออกไปจากสมอง
พอพสุออกจากห้องนอน พี่แมวก็มาตามให้ไปกินข้าว ขณะที่ตัวพี่แมวเองนั้นเข้าไปจัดห้องนอนให้ใหม่ ตลอดเวลาที่กินอาหารเย็นด้วยกัน ทั้งพสุและริวต่างก็เงียบจนอึดอัด ริวนั้นกินไปก็ชำเลืองมองพสุไปตลอดเวลา ขณะที่พสุก็ไม่ยอมสบตาเด็กหนุ่ม แม้แต่ตอนที่มานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน ชายหนุ่มก็ไม่ยอมมองริวเลยสักนิดเดียว กระทั่งริวเอาตารางงานและซองใส่ซีดีมาให้
“ตารางงาน...ริวไปรับมาวันนี้ครับ...ส่วนนี่...พี่ทำตกไว้”
พสุมองซองใส่แผ่นของครูภิรมย์นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบแผ่นออกมาใส่เครื่องเล่น...เสียงไวโอลินหวาน อ้อยสร้อยจนรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก พสุนั่งฟังนิ่งๆ ขณะที่ริวทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ทั้งที่มีเรื่องอยากคุยกับพสุมากมาย แต่สีหน้าและแววตาของพสุที่จมลึกลงในเสียงเพลงทำให้ริวไม่กล้าเอ่ยคำใดๆ ออกมา
“คุณริวคะ พี่หาผ้าปูที่นอนผืนสีครีมไม่เจอนะคะ” พี่แมวหยุดแวะบอกริว หลังจากหอบตะกร้าผ้าออกมาจากห้องนอน
“เอ่อ...ริวเพิ่งนึกได้ว่าริวทำขาดแล้วก็เลยทิ้งไปแล้วผืนนึง สงสัยจะเป็นผืนที่พี่แมวพูดถึง”
“อ้าว! เหรอคะ...อ๋อ! มิน่าถึงซื้อผืนใหม่มา พี่เอาไปซักให้แล้วนะคะ”
“ครับ”
พสุเหลียวมองหน้าริวอย่างสะดุดหู หากริวไม่อึกอักเขาคงไม่สนใจแค่เรื่องผ้าปูที่นอน แต่อาการหลบตาเห็นแต่ใบหูแดงก่ำของเด็กหนุ่มทำให้เขาเอะใจ...จู่ๆ เลือดก็แข่งกันพุ่งขึ้นสู่ใบหน้าจนร้อนผ่าวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทำไมริวต้องทิ้งผ้าปูที่นอนผืนนั้น...พสุรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ก่อนจะเสหยิบตารางงานขึ้นมาดู...ยิ่งพอพี่แมวขอตัวกลับบ้านไป ในห้องก็ยิ่งเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ
“...พี่...ริวอยากจะคุย...” พสุเกือบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงริวใกล้ๆ ตัว ชายหนุ่มทำทีเป็นจับจ้องแต่ตารางงานในมือแทนที่จะมองหน้าเด็กหนุ่ม
“เออริว...ตารางงานมีเท่านี้เหรอ ปกติพี่กรจะให้ล่วงหน้ามาเยอะกว่านี้นี่” พสุถามพลางพลิกตารางงานดูแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับคิวงานอัดแน่นในแต่ละวัน แต่พิมพ์วันที่ไว้เพียงไม่กี่วัน
“...ก็นี่จะสิ้นเดือนอยู่แล้วนี่ครับ”
“เอ่อ..นะ...พี่ก็ลืมไป” พสุตอบแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านตารางงาน ราวกับจะท่องจำทั้งหมดให้ได้เดี๋ยวนี้
“พี่ไผ่ครับ ริวมี..” ยังไม่ทันที่ริวจะพูดอะไรต่อพสุก็รีบชี้ไปที่ใบแทรกในแฟ้มงาน
“แล้วนี่อะไร...พี่เผ่าให้แต่งเพลงเพิ่มเหรอ?”
“ครับ...พี่เผ่าอยากได้เพลงสำหรับวาเลนไทน์สักเพลง”
“อืม...แล้วริวจะแต่งทันเหรอ...นี่ก็เหลือไม่กี่วันแล้ว” พสุชวนคุยพลางเค้นสมองคิดหาสิ่งที่จะคุยกับริวต่อเพื่อกันไม่ให้ริวมีโอกาสพูดเรื่องที่น่าละอายในคืนนั้น
“คิดว่าทันครับ” ริวรับคำเสียงเบา
“ก็ดีนะ...ยังไงก็ให้ตะวันช่วยเกลาเนื้อเพลงให้ละกัน” พสุรีบบอกปัด เพราะไม่อยากให้ตัวเองต้องใกล้ชิดกับริวไปมากกว่านี้
“พี่จะไม่ช่วยริวแต่งเหรอ?” น้ำเสียงหงอยๆ ของคนถามทำให้พสุรู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างมาติดในลำคอ จนต้องกระแอมเรียกเสียงเบาๆ
“มะ...ไม่รู้สิ ขอฟังดนตรีก่อนแล้วกัน สมองมันตื้อๆ กลัวจะคิดเพลงออกมาไม่เพราะ”
“ครับ”
“เอ่อ...งั้นพี่ขอไปนอนก่อนละกัน...รู้สึกปวดๆ หัว” พสุรีบผุดลุกขึ้นทำทีเป็นเดินอ่านตารางงานเข้าไปในห้อง
“พี่กินยาก่อนไหมครับ...เดี๋ยวริวหยิบยาให้” น้ำเสียงห่วงใยนั้นยิ่งทำให้พสุหน้าร้อนผ่าวด้วยความละอายใจ
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่จัดการเอง ริวก็ไปอาบน้ำเถอะ” พสุตัดบทแล้วเข้าห้องนอนไปก่อน ที่ริวจะทันได้พูดอะไร...เขายังไม่พร้อมที่จะรับฟังอะไรทั้งนั้น...
…………………………………………………….
-
อึมครึมมากมายมะไหร่จะสดใสหวานแหววแต๋วจ๋าเสียทีน๊า อิอิ
-
พสุจะทำให้น้องทำตัวไม่ถูกนะเนี้ย
ทำแบบนี้หัวใจน้องมันจะเจ็บแปล๊บ ๆ
-
:กอด1:เป็นกำลังใจให้น้องริวก่อน
น้องริวใจเย็นๆเน้อ....
-
พี่ไผ่อ่ะ ไม่ยอมฟังน้องบ้างเลย
ปรับความเข้าใจกันซะนะค่ะ เป็นห่วงทั้งสองคนเลยนะ
ขอบคุณทั้งคนแต่ง กับคนอัพเลย
มาเร็วทันใจ มาบ่อยก็ดีค่ะ เรื่องราวกำลัง
คาค้างใจ เมื่อไรจะหวานกันสักทีละ รออยู่นะ
-
แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะรู้เรื่องกันสักที
ริวจะคุย ไผ่ไม่ยอมคุยด้วย ปวดหัวแทน
ให้เขาคุยให้รู้เรื่องแล้วจะได้หวานมั่ง
เศร้าแล้วมาเครียดนี่ จะไม่ไหวน้า
-
:เฮ้อ:สงสารน้องริว
-
ทำไมไม่คุยกันให้รู้เรื่องน๊า
เฮ้อออออออออออออออ
-
....
-
เฮ้อ ลุ้นจนจะหมดแรงแล้ว เมื่อไหร่จะหวานซะที
-
เรื่องนี้ต้องการความหวานด่วน!
ชอบเพลงนี้ของพี่บอยเหมือนเราเลย อร๊างงงงง โรแมนติกเนอะๆ
รู้สึกว่าไผ่ยังยึดติดกับความถูกต้องอยู่แฮะ เลยยอมรับตัวเองไม่ได้ น่าสงสารง่ะ ทั้งริวและไผ่เลย
ปล.คุณAnonymusลงเรื่องนี้ไว้ที่อื่นบ้างไหมคะ เผื่อแบบว่าบอร์ดหายหรือแอคซิเดนขึ้นมา จะได้ตามไปอ่านถูก แบบว่า เค้าติดเรื่องนี้จริงจังง่ะ!
-
หวังว่าพี่ไผ่คงต้องการเวลาเตรียมใจที่คุยเรื่องนี้กับน้องไม่นานหรอกนะ ไ
หรือพี่ไผ่จะต้องรอให้เสียน้องไปก่อนถึงจะยอมพูด :เฮ้อ:
-
:m15: :m15: อึดอัดอ่ะ
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: แล้วจะลงเอยด้วยดีใช่ไหม
-
เหนื่อยกายและเหนื่อยใจ อ่านไปใจหดหู่
น้ำตาไหลร่วงพรู อยากให้พสุรู้...ว่ากรูจะบ้าตาย
-
อึดอัดๆ โอ๊ย!!!
:serius2:
-
:serius2: ไผ่จะหนีความจริงได้นานเท่าไร
-
คงต้องให้เวลากันอีกสักพักเนอะ
-
พี่ไผ่!! นี่ยังไงนะ
ทำน้องริวเครียดคนเดียวยังไม่พอ
ยังทำคนอ่านพลอยเครียดไปด้วยอีกคน
นำ้ตามันซึมลึกเข้าไปในหัวอกข้างซ้ายทุกที ทุกที
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีความหวานเข้ามาเติม...ให้หัวใจ
กระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง :)
-
ขาดน้ำตาลอย่างแรง แง๊อย่าใจร้ายกับน้องสิพี่ไผ่ฟังน้องก่อน
-
ขะ... ขอ... ขอ... น้ำ...ตาล...หน่อย :dont2:
(http://www.cheewajit.com/images/magazine/135/135health1.jpg)
-
มืด :o12:
-
:undecided:
บรรยากาศวังเวงมาก :sad2:
-
พี่ไผ่จะหนีความจริงไปไหน :z3:
-
ไม่ชอบบรยากาศแบบอึมๆ ครึมๆ เลยคะคุณAnonymus
ได้โปรดสร้างเหตุการณ์ หรือสถานการณ์อะไรก็ได้ ให้ไผ่ทำใจได้ไวไวเหอะ
สงสารทั้งไผ่ทั้งริวแระ
กินมาม่าอิ่มแล้ว ขอเป็นผลไม้หวานๆ สดชื่นๆ หรือของหวานๆมาล้างปากหน่อยเหอะ
-
:เฮ้อ:
สงสารทั้งไผ่ สงสารทั้งริวเลย
-
เอิ่ม
ยังไงก็ยังไม่หายอึมครึมอยู่ดี :เฮ้อ:
-
:sad4: :sad4: อึมครึมไม่เปลี่ยนแปลงงงงงงงงงงงงงง :serius2:
-
ต้องให้เวลาพี่ไผ่หน่อยละนะ หนูริวสู้ๆ
โอ้ย อึมครึมสิ้นดี :serius2:
-
มาม่าจัง :monkeysad:
-
สงสารน้องอ่ะ พี่ไผ่รังแกน้องงงงงง :serius2:
-
อึมครึมมากเลย...
สงสารทั้งคู่นะเนี่ย อึดอัดแทน
-
พี่ไผ่คงจะสับสนใช่ม๊า
รู้สึกอายที่ต้องเผชิญหน้ากับน้องริว
แต่จริง ๆ แล้วพี่ไผ่น่าจะรู้ใจตัวเองเนอะ
ว่ารู้สึกยังไงกับริว ลองค่อย ๆ คิดแล้วตัดสินใจ
อยากให้พีไผ่ใช้หัวใจมากกว่าสมองนะ
ถ้าหัวใจบอกว่าน้องริวคือคนที่ใช่
ทำตามหัวใจไปเล้ย ไม่ต้องคิดมาก
น้องริวก็ใจเย็น ๆ นะ ให้เวลาพี่ไผ่เค้าหน่อย
ถ้าเค้าคิดได้เมื่อไหร่คงมีเฮ
แต่ว่าจะเมื่อไหร่กันหว่า
-
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะเลิกคิดมากซะทีน้า ว่าแต่เพิ่งนึกได้ สุดท้ายริวก็เปนรุก หุๆ
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
สงสารทั้งริวทั้งไผ่เลย
-
ปวดใจ สงสารทั้งสองคนเลย
-
ไผ่ก็หลบอยู่ได้ ไปๆมาๆชักสาวขึ้นทุกวันแหะ
-
พี่ไผ่ก็ยังไม่คุยยยยย
โฮๆๆๆ
เอายังไงล่ะทีนี้ ฮึกกกก
น้องริวคงหงอยอ่ะ
-
เป็นกำลังในให้น้องริวจ้ะ
เอาไป 1 แต้มก่อนดีม้ายยยยย อิอิ
-
อุตส่าห์ตกร่องปล่องชิ้นกันแล้ว :haun4:
แต่ทำไมมันอึมครึมอย่างนี้ :z3:
คุยกันดีๆนะค่ะ อย่าหนีปัญหาเลย :monkeysad:
-
อ่านแล้วใจกระตุกยิ๊กๆเลย
อึมครึมจริงอะไรจริง o13
-
อลัน = ยอดมนุษย์, Super Man :กอด1:
ดีแล้วที่ริวเชื่ออลัน...ให้เวลาไผ่นิดหน่อย ถ้านานเกินค่อยจับมัดมือมัดเท้ามานั่งคุยจะได้หนีไม่ได้อีก ยังรอคอยให้อลันมาประเทศไทยนะคะ ไผ่จะได้รู้ซักทีว่าอะไรที่ว่ายากเมื่ออยู่ในมืออลันแล้วจะกลายเป็นง่ายทันที :laugh:
-
ให้ริวแต่งเพลงตอนนี้ เดี๋ยวเพลงวาเลนไทน์จะกลายเป็นเพลงอกหักซะเปล่า
ไผ่คิดเยอะไปแล้ว ที่ทำไปไม่ผิดศีลซักกะข้อ กลัวอะไรอยู่กันแน่
การวิ่งหนีปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดีค่ะ มันจะเจ็บทั้งคู่
รีบเคลียร์ซะนะ น้องมันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มี "ลมหายใจ" :L1:
-
พี่ไผ่อ่ะ คุยกะน้องหน่อยสิคะ นะๆๆๆ
-
ทำไมอ่านแล้วรู้สึกแย่จัง T^T
พี่ไผ่คะ จะคิดอะไรก็หัดถามหนูริวบ้างนะคะ
คิดเองเออเองแบบนี้ ไม่ใช่แค่พี่จะเจ็บคนเดียวนะคะ หนูริวก็พลอยเจ็บไปด้วย
ทำไมพี่ไม่สังเกตล่ะ ว่าหนูริวรู้สึกยังไงกับพี่
อย่าเอาแต่หนีเลยค่ะ เวลามันไม่เคยรอใครนะคะ
เหมือนกับที่พี่เสียทั้งแม่และพ่อไปอย่างรวดเร็วแบบนี้
พี่ยังอยากจะให้เกิดเหตุการณ์ร้ายๆขึ้นอีกหรอคะ
พี่คงไม่อยากเสียคนที่พี่รักและรักพี่มากที่สุดไปหรอกใช่มั๊ย??
คุยกับหนูริวเถอะค่ะ คอยเป็นลมหายใจให้แก่กันและกัน
โอ๊ยยย ปวดตับ แต่งเหมือนเป็นเรื่องจริงเลยนะคะ คุณ Anonymus
เพลาๆเรื่องแย่ๆลงบ้างเถอะค่ะ อยากบอกว่า เครียดมากกกกกกก
อยากได้น้ำตาลมาเติมในเลือดซะหน่อย รู้สึกเลือดจะจางลง 55+
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
สงสารน้องริว
-
น่าสงสารกันทั้งสองคนเลย :m15:
รอฟ้าใสหลังฝน..นะจ๊ะ
-
บรรยากาศชวนอึดอัดสุดๆ
ไผ่เอ้ย ใช้หัวใจคิดสิ อย่าใช้สมองให้มันมากนัก
เอ้าริว สู้ๆ รอวันสดใสนะ
-
พี่ไผ่ใช้เวลาทำใจเร็วๆนะ :เฮ้อ:น้องริวรออยู่่
-
เฮ้อ.....ก็ยังไม่คืบหน้าเอาซะเลยริว จ้า
สู้ๆ นะคะ คนเก่ง ริวเก่งอยู่แล้ว เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
ตอนนี้เป็นเรื่องน่าอึดอัดมากๆสำหรับทั้งคู่
เพราะต่างฝ่ายต่างรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เชียร์สุดๆค่ะ
อยากให้เข้าใจกัน แบว่าคู่นี้เค้าน่ารักสุด ไม่อยากให้โกรธกันเลย
-
:เฮ้อ:ริวก็ต้องให้เวลาไผ่ทำใจสักพักนะ
-
สงสารทั้งสองคนเลยอ่ะ
ทั้งริว ทั้งไผ่
แบบว่าก็เข้าใจไผ่นะ
ยังไงริวก็ให้เวลาพี่ไผ่เขาหน่อยนะ
รู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตพี่ไผ่จะขาดริวไม่ได้เช่นกันแล้วล่ะ
:impress2:
-
เป็นการฟีจเจอริ่งกันที่ดราม่ามากมาย
-
:เฮ้อ: :z3: :serius2:
-
เฮ้อ!!! ขอให้เข้าใจกันเร็วๆซักที
พี่ไผ่อย่าเมินน้องมาก ริวมันใจจะขาดแล้ว
อลันมาจัดการซิ
-
:a5: ก็เข้าใจ.. ว่าพี่ไผ่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ต้องมีเรื่องเหตุและผล รวมทั้งความเหมาะสมต่างๆ ให้คิดมากกว่าน้องริว
แต่.. ยังไงก็น่าสงสารน้องริวอ่ะ โถ.... ป่านนี้จ๋อยจนไม่รู้จะว่าไงแล้ว เฮ้อ... :เฮ้อ:
แต่ยังไงก็ต้องยกนิ้วให้ "อลัน" o13 เป็นสุดยอดผู้ปกครองโดยแท้
คิดอะไรไม่ออกบอกอลัน มีปัญหาแก้ไม่ตกเรียกหาอลัน อลันเซอร์วิส 24 ชั่วโมง 555
ชักอยากมีอย่างคุณอลันซักคนแล้วสิ โฮะๆๆ
:L2: ฝากเป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ ^^
-
รู้สึกปลื้มคุณอลันจังเลยอ่ะ โอ๊ยยย Perfect man จริงๆ พี่แกจัดให้ได้ทุกอย่าง แจ๋วจริงๆ ฮึฮึ
บางทีสิ่งที่ทำให้ริวเจ็บมันความที่ไผ่เป็นคนที่คิดมากเกินไป = ="
-
ตอนที่ 87
เขมชาติจัดแถลงข่าวเรื่องหนี้สินของบิดาพสุว่าเป็นเพียงการเข้าใจผิดกัน พรเทพนั้นไม่ได้เป็นหนี้สินเอง เพียงแต่เป็นผู้ค้ำประกันให้เท่านั้น และตอนนี้ทางทนายของพสุได้จัดการเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้นักข่าวส่วนใหญ่จะยังคลางแคลงใจ แต่เมื่อมีการสอบถามไปยังบรรดาผู้ที่เคยออกมาให้ข่าวว่าพรเทพเป็นหนี้ ต่างก็พากันยืนยันเป็นเสียงเดียวว่าพรเทพไม่มีหนี้สินใดๆ แล้ว และสามารถตกลงกันได้ในส่วนที่พรเทพเซ็นค้ำประกันไว้ให้
แต่ทั้งหมดนี้เป็นการจัดแถลงข่าวของเขมชาติ และจากการสัมภาษณ์บรรดาอดีตเจ้าหนี้ของพรเทพ ส่วนตัวพสุเองนั้นทางบริษัทยืนยันว่าพสุยังไม่พร้อมจะให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้นักข่าวได้แต่รอเวลาที่คิสมีเริ่มออกงานพร้อมกันทั้งวงอีกครั้ง
งานแรกของคิสมีดูเหมือนบริษัทจะเจตนาไม่ให้พสุเครียดมากนัก เป็นกิจกรรมเลี้ยงอาหารเด็กที่มูลนิธิเด็กพิการซ้ำซ้อนของบริษัทรถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง แม้จะมีนักข่าวตามมาทำข่าวจำนวนมาก แต่ด้วยกำหนดการของกิจกรรมทำให้ทั้ง 5 หนุ่มแห่งคิสมีไม่มีเวลาให้สัมภาษณ์ แม้จะรู้ว่าเป็นวิธีกันนักข่าวออกจากศิลปินของเขมชาติแต่นักข่าวก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่ารอ เพราะจะให้เข้าไปแย่งพสุมาจากบรรดาเด็กๆ ที่รุมล้อมรอบตัวเขาตลอดเวลาคงเป็นเรื่องน่าเกลียดเกินไป
ทันทีที่ถ่ายรูปกับเจ้าภาพเสร็จ ทั้ง 5 หนุ่มก็ต้องรีบขึ้นรถเพื่อไปร้องเพลงในงานของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งซึ่งเป็นงานภายใน สื่อมวลชนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ทำให้นักข่าวพลาดการสัมภาษณ์พสุอีกครั้ง ซึ่งก็ช่วยยืดระยะเวลาให้พสุสามารถหาคำพูดที่เหมาะสมไว้ตอบคำถามนักข่าวได้
รถตู้ของบริษัทไปส่งพสุกับริวที่บ้านก่อนจะพาอีกสามหนุ่มกลับบริษัท ทันทีที่ลงจากรถพสุก็เดินลิ่วๆ เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนริว เมื่อริวออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าชายหนุ่มหลับไปแล้ว
ริวถอนใจยาวขณะจ้องมองหน้าพสุนิ่ง...ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพสุเจตนาหลบหน้าเขาเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะคุยด้วย แม้จะอึดอัดใจ น้อยใจแค่ไหน แต่ริวก็ไม่กล้าจะหักหาญน้ำใจพสุ จึงทำได้เพียงอยู่ข้างๆ และรอให้พสุพร้อมที่จะคุยด้วย
เด็กหนุ่มปิดไฟค่อยๆขยับเข้าไปหนุนหมอนใบเดียวกับพสุแล้วสอดแขนเข้าไปดึงตัวพสุเข้ามากอด ริวถอนหายใจยาวอีกหลายหนกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้
ทันทีที่ลมหายใจของเด็กหนุ่มทอดยาวสม่ำเสมอ คนที่เหมือนจะหลับสนิทกลับลืมตาขึ้น พสุจ้องมองใบหน้าที่เห็นเพียงเงาดำๆ ในความมืดแล้วถอนใจยาวแทบเป็นสะอื้น
‘พี่ขอโทษนะริว...ขอโทษ...’ ชายหนุ่มอยากถอยห่างจากอ้อมแขนของริว แต่ก็เกรงจะทำให้เด็กหนุ่มตื่น จึงทำได้เพียงนอนนิ่งๆ ทั้งที่ในใจปั่นป่วนวุ่นวาย สิ่งแรกที่นึกออกคือเขาต้องจัดการเรื่องหนี้สินให้เร็วที่สุด อย่างน้อยๆ จะได้เลิกรู้สึกผิดกับพ่อ และเลิกละอายแก่ใจทุกครั้งที่เห็นหน้าริวเสียที...
...........................................................................
วันนี้เป็นวันหยุดแรกในรอบสองสัปดาห์ นับตั้งแต่คิสมีเริ่มกลับมารับงานอีกครั้ง พสุรีบออกจากบ้านแต่เช้ามืดเพื่อจัดการกับธุระของเขาให้เสร็จ ชายหนุ่มนั่งรออยู่ในรถจนได้เวลาธนาคารเปิดทำการจึงเข้าไป เพราะยังเช้ามากจึงมีผู้มาใช้บริการไม่มากนัก พนักงานของธนาคารหันมายิ้มต้อนรับทันทีที่เห็นพสุเข้าไปยืนเก้กัง
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยมั๊ยคะ”
“สวัสดีครับ...เอ่อ...ผมมาติดต่อเรื่องขอ...เอ่อ...ขอสินเชื่อครับ” พสุบอกพนักงานธนาคารด้วยความกระดากอาย สำหรับคนไม่เคยทำธุรกรรมอื่นใดนอกจากฝากเงินกับทำบัตรเครดิตอย่างพสุ การขอสินเชื่อดูจะเป็นเรื่องน่าละอายจนแทบไม่กล้าเอ่ยออกมา
“เชิญด้านนี้เลยค่ะ” พนักงานสาวเดินนำไปอีกด้าน ผู้จัดการแผนกสินเชื่อออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
“สวัสดีครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ”
“คือ...ผมจะมาขอสินเชื่อครับ...เอ่อ...” พสุหยิบโฉนดที่ดินบ้านของตนเองขึ้นมายื่นให้ผู้จัดการแผนก
“อ๋อครับ...ตอนนี้นะครับเราก็มี......” ผู้จัดการแผนกสินเชื่ออธิบายถึงสินเชื่อแต่ละโครงการให้ฟังอย่างละเอียด แต่กลับไม่มีสินเชื่ออันไหนให้วงเงินที่สูงพอที่พสุต้องการได้ เพราะสินเชื่อที่ให้วงเงินสูงๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นสินเพื่อเชื่อธุรกิจ ซึ่งไม่ตรงกับคุณสมบัติของพสุ
ชายหนุ่มออกจากธนาคารด้วยความผิดหวัง ก่อนจะตัดสินใจโทรหาอดีตผู้จัดการส่วนตัว เพื่อให้ช่วยเช็คราคาบ้านและที่ดินของเขา รวมถึงที่ดินที่สระบุรีที่มารดาไปวิ่งเต้นขายจนประสบอุบัติ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับปากจะจัดการให้
พอวางสายจากพี่ลูกเจี๊ยบ พสุก็ไม่รู้จะไปไหนดี จึงทำได้เพียงขับรถไปเรื่อยๆ แล้วไปหยุดที่สวนสาธารณะเล็กๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ชายหนุ่มยืนเหม่อมองสายน้ำขุ่นข้นเบื้องหน้าแล้วถอนใจยาว รู้สึกล้าจนแทบหมดแรง อยากจะหลบไปไหนไกลๆ คนเดียวสักพัก แต่ก็รู้ดีแก่ใจว่าเวลานี้แม้แต่ตายเขายังไม่ว่างตาย เพราะเขามีหนี้สินมูลค่ามหาศาลที่ต้องสะสางให้เรียบร้อย แรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกงบอกให้รู้ว่ามีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบออกมาดูเบอร์หน้าจอแล้วเม้มปากนิ่ง ก่อนจะตัดสินใจรับสาย
“ครับ...”
“พี่! พี่อยู่ที่ไหน ริวโทรหาพี่ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว พี่อยู่ไหนครับ?” น้ำเสียงร้อนรนของริวทำให้หัวใจของพสุไหววูบ ทั้งที่เขาทำท่าห่างเหินเย็นชากับเด็กหนุ่มมาตลอดสองสัปดาห์ โดยใช้ข้ออ้างว่าเหนื่อยกันริวออกห่าง จนพูดกันแทบนับคำได้ แม้ริวจะไม่ได้รุกเร้าเขาแต่เด็กหนุ่มก็ไม่เคยอยู่ห่างกาย ริวคอยดูแลใส่ใจเขาทุกเรื่องเหมือนปกติ ทำให้พสุยิ่งทรมานใจที่ต้องเสแสร้งทำเป็นเย็นชาใส่น้องแบบนี้
“พี่ออกมาธุระ” ชายหนุ่มทอดเสียงอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว
“แล้วทำไมพี่ไม่เรียกริวละครับ ริวจะได้ขับรถไปให้”
“ไม่เป็นไรริว พี่มาคุยงานน่ะ” เพื่อไม่ให้น้องเป็นห่วงมากนัก พสุจึงเลี่ยงด้วยการโกหก ซึ่งดูเหมือนริวก็เชื่อ เพราะช่วงนี้เขารับงานแทบทุกงานที่ติดต่อเข้ามา ทั้งละคร ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา รวมไปถึงงานโชว์ตัวทั้งงานเล็กงานใหญ่ ซึ่งทางบริษัทก็ไม่ได้ห้ามปราม ขอเพียงคิวไม่ตรงกับคิวงานของบริษัท พสุก็สามารถรับงานได้ทุกที่ โดยมีกรเวชคอยจัดการเรื่องคิวให้
“พี่อยู่ที่บริษัทเหรอครับ งั้นเดี๋ยวริวไปหานะ”
“เปล่าๆ พี่ไม่ได้อยู่ที่บริษัท พอดี...ออกมาคุยกับผู้จัดเรื่องละครใหม่น่ะ”
“เหรอครับ...แล้ว...แล้วตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน ริวไปหาได้มั๊ย”
“ไม่ต้องมาหรอก พี่กำลังจะกลับแล้ว...เดี๋ยวเจอกันที่บ้านก็ได้”
“พี่รีบๆ กลับนะ ริวมีเรื่องจะปรึกษา” น้ำเสียงสดใสของเด็กหนุ่มกลับทำให้พสุใจหายวูบ รู้สึกปวดมวนในท้องขึ้นมาดื้อๆ เมื่อได้ยินคำว่า ‘มีเรื่องจะปรึกษา’
“อืม...เดี๋ยวเจอกัน”
พสุรับปากทั้งที่ไม่สบายใจนัก ได้แต่ย้ำกับตัวเองว่าเขาหนีไม่ได้อีกแล้ว ถ้าริวพูดเรื่องความสัมพันธ์ในคืนนั้น เขาก็จะพูดให้เด็ดขาดกันไปเลยว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก นั่นจะเป็นความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวและเขาจะไม่ยอมผิดซ้ำรอยเดิมเป็นอันขาด
แม้จะย้ำกับตัวเองมาอย่างนั้นตลอดทาง แต่พอมาถึงบ้าน พสุก็อดรู้สึกตื่นเต้นจนมือไม้เย็นเฉียบไม่ได้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
“พี่” เสียงเรียกใกล้ๆ พร้อมๆ กับประตูรถถูกเปิดออกดื้อๆ ทำให้พสุถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“อุ๊บ! ริว...พี่ตกใจหมด”
“ก็...ริวเห็นพี่จอดรถสักพักแล้วไม่ลง ริวก็เลยเป็นห่วง พี่หน้าซีดจังเลย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ริวถามแล้วยังคงชะโงกเข้ามามองหน้าพสุใกล้ๆ จนชายหนุ่มต้องเสหันไปปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อจะไม่ต้องสบตากับริว
“ไม่หรอก ไม่เป็นไร แค่เหนื่อยๆ น่ะ วันนี้ไป...ธุระมาหลายที่” พสุอ้างแล้วหยิบกระเป๋ามาจะสะพาย แต่ริวเอื้อมมือมาคว้าไปถือให้ พร้อมกับถอยออกห่างเพื่อให้พสุลงจากรถได้
“เหรอครับ...งั้นพี่จะพักก่อนมั๊ย ไว้ค่อยคุยกันก็ได้”
“ไม่เป็นไร คุยกันไปเลยดีกว่า” พสุปฏิเสธเพราะไม่ต้องการให้อะไรๆ ยืดเยื้อไปกว่านี้แล้ว ชายหนุ่มสัญญากับตัวเองว่าเขาต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียที จะไม่ปล่อยให้คาราคาซังอีกต่อไป
“แน่ใจนะครับว่าพี่ไหว” ริวยังถามย้ำ ยิ่งทำให้พสุรู้สึกหวั่นใจมากกว่าเดิม
“พี่ไหว...ไปเถอะ คุยให้จบๆ กันไปก็ดี” ประโยคหลังชายหนุ่มลดเสียงลงจนแทบเป็นเสียงกระซิบ ริวจึงหันกลับมามองหน้าเขาอย่างสงสัย
“ครับ?”
“เปล่า...ว่าแต่จะคุยที่ไหนล่ะ”
“อ๋อ! มานี่เลยครับ” ริวหันมาคว้าข้อมือเขาแล้วลากให้เดินแกมวิ่งตามไปในห้องนั่งเล่น พสุขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายวิ่งไปประจำหลังเปียโน
“พี่ฟังนะ...” เสียงเปียโนผ่านปลายนิ้วเป็นนุ่มนวล หวาน แต่คุ้นหูอย่างประหลาด พสุขมวดคิ้วฟังนิ่งงันจนริวหยุดเล่น
“ริวแต่งใหม่เหรอ?”
“เปล่าครับ ริวจำมาจากทำนองเพลงของพ่อครูที่พี่เปิดคืนนั้นไง แต่ปรับแก้โน้ตนิดหน่อย ริวคิดว่าน่าจะเหมาะกับเพลงรักวาเลนไทน์ที่พี่เผ่าให้เราแต่ง อีกอย่าง...จะได้ใช้เพลงนี้เป็นตัวแทนของพ่อพี่ กับครูภิรมย์ไงครับ”
พสุนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินคำตอบของริว เขาหลงเครียด คิดไปใหญ่โตว่าริวจะพูดเรื่องน่าละอายในคืนนั้น แต่เด็กหนุ่มกลับคิดเอาเพลงของครูภิรมย์มาเป็นเพลงใหม่ที่จะใช้ตอนวาเลนไทน์เพื่อระลึกถึงพ่อของเขา...ช่างน่าละอายที่ในหัวเขากลับคิดได้แต่เรื่องของตัวเอง ขณะที่ริวคิดเผื่อแผ่ไปถึงบิดาผู้ล่วงลับของเขา
“...ริวเล่นใหม่ได้ไหม ตั้งแต่ต้นเลยนะ”
“ครับ” ริวรับคำแล้วเริ่มเล่นดนตรีอีกครั้ง ขณะที่พสุบันทึกเสียงเอาไว้ แล้วส่งไฟล์ไปในเมล์ของทรงเผ่า ก่อนจะโทรหาทรงเผ่าเปิดฟังแล้วพอใจกับเพลงนี้มาก และให้พสุโทรไปขออนุญาตครูภิรมย์ใช้เพลงนี้ ซึ่งพสุก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะโทรไปขออนุญาตครูภิรมย์ก่อน แม้ว่าครูจะเซ็นมอบเพลงนี้ให้พ่อเขาหรือทายาท ซึ่งก็คือตัวเขาเองมาแล้วก็ตาม
“ครูว่าไงครับพี่” ริวถามทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำ เพราะถูกพสุไล่ให้ไปอาบน้ำก่อน พอออกมาก็เห็นพสุกำลังนั่งมองโทรศัพท์นิ่งอยู่บนเตียง
“ครูยินดีให้เราใช้เพลงของครู...ครูบอกว่า อยากให้เพลงนี้เป็นเพลงของพ่อพี่ และอนุญาตให้แก้ไขได้เต็มที่...ครูบอกว่า ครูขอบใจที่เราเห็นคุณค่าเพลงของครู”
“ว้าว! ดีจัง งั้นเราก็ได้เพลงสำหรับวาเลนไทน์แล้ว ทีนี้ก็เหลือหน้าที่พี่แต่งเนื้อเพลงล่ะ”
“อืม...พี่จะพยายามให้สุดฝีมือเลย...ถ้าพ่อรู้...พ่อต้องภูมิใจแน่ๆ” พสุตอบแล้วเหลียวไปมองรูปบิดามารดาบนโต๊ะหัวเตียงข้างโคมไฟโดยอัตโนมัติ ก่อนจะหันกลับมายิ้มกับริว เด็กหนุ่มชะงักมองเขานิ่งงันจนพสุต้องลุกไปแตะไหล่ริวเขย่าเบาๆ
“ริว...เป็นอะไรไป?”
ริวไม่ได้ตอบในทันที แต่เด็กหนุ่มก้มลงมองมือที่แตะอยู่บนไหล่แล้วคว้าไปกุมไว้แน่น พสุพยายามจะชักมือกลับแต่เด็กหนุ่มกลับยกมือเขาขึ้นวางทาบบนอกแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาด้วยดวงตาเป็นประกายหวานระยับจนคนถูกมองรู้สึกหายใจสะดุด
“ในที่สุด...ริวก็ได้เห็นรอยยิ้มของพี่อีกครั้ง...ริวคิดว่าพี่จะไม่ให้อภัยริวเสียแล้ว...ริวรักพี่นะครับ พี่รู้ใช่มั๊ย”
พสุชะงักรอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จางหายไป ชายหนุ่มบอกตัวเองให้ถอยแต่ช้าเกินไปเมื่อปากหยักบางประกบแนบเข้ามา เพียงแค่กลีบปากบางๆ นุ่มๆ คลอเคลียบดเคล้าไปบนริมฝีปากเขาสติก็ปลิวหาย พสุเผยอปากขึ้นรับปลายลิ้นที่เลาะเล็มบนรอยแยกของริมฝีปาก และเมื่อริวสอดลิ้นเข้ามาเขาก็สอดลิ้นเกี่ยวรับ
ความชุ่มชื้นในปากทำให้ผิวสัมผัสลื่นไถลจนต้องเกาะเกี่ยวปลายลิ้นเข้าด้วยกัน ความรู้สึกเสียวแปลบปลาบไม่ใช่เพียงแค่ในปาก แต่ยังรู้สึกไปถึงในช่องท้องจนต้องกอดรัดอีกฝ่ายไว้ เสียงริวครางเบาๆ ในลำคอ สะเทือนผ่านปลายลิ้นมาถึงพสุ และยิ่งกระตุ้นให้เขาเร่งบดเคล้าปากเข้ากับเด็กหนุ่มมากขึ้น
แผ่นอกที่เบียดอยู่กับอกเขากระเพื่อมไหวแรง เสียงหัวใจของเด็กหนุ่มเต้นระรัว พลอยให้หัวใจเขาเต้นแรงตามไปด้วย ปากแนบปาก อกแนบอก และสะโพกที่บดเบียดกันแน่นแบบนี้มีหรือพสุจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของริวและตัวเอง
“พอแล้วริว...ไม่ๆ พอแล้ว” พสุกระซิบกระหืดกระหอบ พยายามจะถอยหนีแต่ปากบางตามติดไม่ลดละ พอสัมผัสปากเขาไม่ได้ ริวก็จูบไซ้ไปตามซอกคอและแก้มเขาแทน ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดซอกคอและใบหูทำให้พสุขนลุกซู่ ขณะที่สะโพกแข็งก็บดเบียดจนส่วนร้อนผ่าวเสียดสีไปมากับหน้าท้องเขา พสุพยายามเบี่ยงตัวหนีเพราะไม่ต้องการให้ริวรู้ว่าเขาเองก็ “รู้สึก” ไม่ต่างอะไรกับริว
“ทำไมพี่ต้องถอยหนี ทำไมไม่ยอมให้ริวจูบ” ริวถามเสียงขึ้นจมูก แสดงอาการหงุดหงิดงอแงเต็มที่ที่โดนขัดใจ
“ก็ริวพยายามจะทำมากกว่าจูบ” พสุข่มความอาย พยายามทำเสียงนิ่งๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์
“แล้วไม่ได้เหรอ ก็เราเคย...”
“จะต้องไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก” พสุปรามเสียงเครียดทันทีที่ริวเอ่ยเท้าความถึงเรื่องน่าละอายในอดีต
“แต่...”
“ไม่มีแต่ริว...พี่ยอมให้ริวจูบ เพราะพี่รับปากริวไปแล้ว แต่มากกว่านั้นไม่ได้” พสุทำเสียงแข็งแล้วพยายามจะดันไหล่ริวออกห่างแต่เด็กหนุ่มกลับทิ้งตัวลงมาใกล้กว่าเดิม
“ทำไมล่ะ?...ริวไม่เข้าใจ”
“...พี่ยังไม่อยากอธิบายตอนนี้ เอาเป็นว่ามากกว่าจูบไม่ได้” พสุปฏิเสธแล้วผุดลุกขึ้นยืน พร้อมกับผลักไหล่ริว ออกห่าง
“งั้นริวแค่จูบก็ได้” ริวพูดสวนแล้วโถมตัวเข้าหาแรงจนพสุเซ
น่องของชายหนุ่มสะดุดเข้ากับเตียงแล้วเลยเสียหลักหงายลงไปด้วยกัน หากไม่เพราะริวยันตัวไว้ทันคงได้หัวโขกกันเองบ้าง แต่พอหลังสัมผัสที่นอนพสุก็รีบผวาลุกขึ้นเพราะรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ชอบมาพากล แต่ไม่ทัน ริวแนบปากตามติด อ้อมแขนแข็งแรงรวบกอดรัดแน่นจนเขากระดิกตัวไม่ได้
“อืม...ริว...อืม...เดี๋ยวก่อน...ฟังพี่ก่อน” พสุพูดไม่เป็นคำ ทั้งที่พยายามเบี่ยงปากให้พ้นเพื่อพูดกับริว แต่เด็กหนุ่มก็แนบปากตามติดไม่ลดละ ปลายลิ้นลื่นคลุกเคล้ากวาดควานทั่วโพรงปากของพสุอย่างกระหาย จนพสุรู้สึกเหมือนริวกำลังพยายามจะกลืนลิ้นเขาลงไป ลิ้นซุกซนลากสัมผัสไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่เพดานปาก ไรฟันด้านใน รวมไปถึงซอกซอนเข้าไปใต้ลิ้นจนพสุขนลุกไปหมด ทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดเกี่ยวลิ้นตอบสนอง
ชายหนุ่มสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงมือของริวที่พยายามบีบเคล้นอยู่บนสะโพกของเขา พสุคว้ามือเด็กหนุ่มเอาไว้ แต่ริวก็ใช้อีกมือสอดลูบเข้าไปในเสื้อ พสุก็รีบคว้าเอาไว้อีกมือแล้วยึดไว้แน่น ทั้งที่ปากยังพัวพันกันไม่เลิก แม้มือจะถูกพสุยึดไว้หมดแล้วแต่ริวดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ เด็กหนุ่มอาศัยแรงที่มากกว่า กดตรึงสะโพกของพสุไว้ด้วยสะโพกของตนเองแล้วขยับเบียดถูไถจนพสุสะท้านทั้งตัว
“อืม...” ชายหนุ่มเผลอครางออกมาเบาๆ แต่ปากของเขากับริวผนึกติดกันแนบแน่น มีหรือเด็กหนุ่มจะไม่รู้ พอรู้ว่าเขารู้สึก ริวก็ยิ่งเบียดกระแซะแรงขึ้น ไม่ว่าพสุจะเบี่ยงหนีไปทางไหน ริวก็ตามติด
พสุครางแล้วสะดุ้งอีกคำรบ เพราะพอผละปากจากปากเขา ริวก็เลื่อนปากไถลลงไปตามซอกคอเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้มลงดูดหน้าอกเขาผ่านเสื้อเชิ้ตที่เขาสวม พสุพยายามจะห้ามแต่ปัดป้องไม่ได้เพราะมือเขายึดข้อมือของริวไว้ทั้งสองมือ
“ไม่! พอแล้วริว...อา...ให้ตายเถอะ” พสุเผลอสบถแล้วหลุดเสียงครางอย่างลืมตัว ก็เล่นโดนโจมตีทั้งสะโพกและหน้าอกแบบนี้เขาก็หัวหมุนไปหมดเช่นกัน ริวเรียนรู้เร็วจนน่าตกใจ และหากปล่อยไว้แบบนี้ เขาเองนี่แหละที่จะเพลี่ยงพล้ำ
“พอแล้วริว...เดี๋ยว...พอก่อน....” พสุกัดฟันผลักร่างของริวออก จนริวหลุดจากตัวเขาหงายลงไปนอนข้างๆ เด็กหนุ่มยันตัวขึ้นมองหน้าเขาด้วยสายตาตัดพ้อจนพสุต้องหลบตาวูบ
“พี่ก็รู้สึกเหมือนริว ทำไมถึงไม่ยอมให้..”
“เดี๋ยวพี่ทำให้ โอเค๊...พี่ทำเอง...นะ” พสุรีบบอกก่อนที่เด็กหนุ่มจะน้อยใจไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มดันอกหนาให้นอนลงไปแล้วก้มลงไปแนบปากประกบขณะที่ไล้ฝ่ามือไปตามแผ่นอกกว้าง ได้ยินเสียงริวครางเบาๆ อย่างพึงพอใจ ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดของริวแล้วดึงรั้งชายเสื้อขึ้นมาช้าๆ แต่ไม่ทันใจริว เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นแล้วถอดเสื้อเหวี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับมาคว้าต้นคอเขาเข้าไปแนบจูบอย่างกระหาย
พสุลูบหลังกว้างเบาๆ เพื่อปลอบประโลม เพียงเขาไม่บ่ายเบี่ยงถอยหนี ริวก็พร้อมจะยอมเป็นลูกแมวน้อยเชื่องๆ ให้เขาลูบเล่นอย่างเคลิบเคลิ้ม พสุลากปากลงมาบนลำคอแข็งแรงลงไปหาแผ่นอก ผิวขาวละเอียดเนียนจนลื่นมือทำให้เขาเผลอบีบเคล้นหน้าอกแข็งเบาๆ พึงพอใจกับอาการสั่นสะท้านของเด็กหนุ่มยามเขาตวัดลิ้นถูไถเบาๆ บนป้านอกสีแดงเข้ม ที่หดตัวเข้าหากันทันทีที่เขาสัมผัส ผิวอ่อนบางรอบๆ หน้าอกหดเกร็งเป็นตุ่มไตด้วยความเสียวซ่าน
พสุเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าขาวใสที่เริ่มซับสีแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกภาคภูมิเปี่ยมด้วยอำนาจอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มแนบปากลงบนยอดอกแข็งตึง เพียงเขาขบไว้ในปากแล้วลูบไล้ด้วยลิ้น ริวก็สะดุ้งเฮือก แผ่นอกขาวเดาะลอยขณะที่มือจิกกำหมอนที่หนุนอยู่แน่น เมื่อพสุดูดกลืนยอดอกของเด็กหนุ่มหนักๆ สลับกับกัดครูดป้านรอบนอกด้วยฟันเบาๆ ก็ได้ยินเสียงริวหอบหนักๆ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทิ้งหลังลงบนที่นอนอย่างหมดเรี่ยวแรงเมื่อเขาถอนปากออก
พสุเลื่อนตัวกลับขึ้นไปจูบริวเบาๆ เพื่อปลอบโยน แต่ริวกลับเป็นฝ่ายรั้งต้นคอเขาไว้ แล้วสอดลิ้นกอดเกี่ยวตอบโต้หนักหน่วง จนพสุต้องพยายามตั้งสติเพื่อคุมเกมอีกครั้ง ชายหนุ่มปล่อยให้ริวรุกไล่อย่างเต็มที่ในโพรงปากขณะที่มือก็ลูบจากหน้าอกลงไปหาหน้าท้องของริวช้าๆ แล้วสอดมือเข้าไปในขอบกางเกงนอนเนื้อนิ่ม เนื้อร้อนๆ ที่สัมผัสได้ทันทีที่สอดมือเข้าไปทำให้พสุนึกขันเมื่อได้ยินเสียงริวอุทานเบาๆ
ชายหนุ่มลูบไล้แล้วขยี้ส่วนปลายเล่นเบาๆ จนรู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนในโพรงปากเมื่อริวหลุดเสียงครางอย่างห้ามไม่อยู่ จึงค่อยขยับมือช้าๆ อ้อมแขนที่โอบรัดรอบตัวเขาบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงอารมณ์ที่ถูกชักพาจนสูงลิบ ลมหายใจหอบสะท้านของริวแทรกผ่านปากของเขาเข้ามาจนเขาพลอยร้อนไปด้วย เด็กหนุ่มไม่ยอมถอนปากออกไปทั้งที่ตอนนี้สะโพกแข็งขยับตามมือของเขาอย่างห้ามไม่อยู่
“ริวรักพี่...ริวรัก...อื้อ...พี่ไผ่...” ริวครางเสียงกระเส่าขณะเนื้อตัวเกร็งกระตุกแล้วหยาดร้อนจัดก็ฉีดซ่านเต็มมือ แต่พสุก็ยังคงช่วยให้เด็กหนุ่มปลดปล่อยจนหมด
“ริวรักพี่...” ริวกระซิบบอกแล้วหันมาแนบจูบกับพสุเนิ่นนาน จนชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายผละออก เพราะเขาเองก็ทนไม่ไหวเช่นกัน
“พี่จะไปไหน?”
“พี่ไปล้างมือ เดี๋ยวมา” พสุบอกเสียงสั่นนิดๆ ก่อนจะรีบผลุนผลันเข้าไปในห้องน้ำ ชายหนุ่มกดล็อคประตูแล้วปรี่เข้าไปหาฝักบัว เปิดน้ำจนแรงสุดเพื่อให้น้ำเย็นๆ ช่วยบรรเทาอาการร้อนรุ่มในตัวเขาแต่ไม่สำเร็จ
พสุหอบหายใจแรง มือเขาเร่งเร้าตัวเองโดยอัตโนมัติ ในหัวมีแต่ภาพใบหน้าแดงก่ำที่เหยเกด้วยความเสียวซ่าน ดวงตาโตที่ฉ่ำหวานด้วยหยาดน้ำยามอารมณ์ถูกเคี่ยวจนสูงลิบ ปากหยักบางแดงจัดที่กระซิบเรียกบอกรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน เสียงครางที่สะเทือนผ่านปลายลิ้นของริวมาถึงเขา ลมหายใจร้อนระอุที่เขาเผลอสูดเข้าไป...
พสุตัวเกร็งกระตุกเมื่อปลดปล่อยให้ตัวเองได้สำเร็จ ชื่อของริวยังค้างอยู่ในลำคอ ยามหอบหายใจหนักหน่วง
พอความปรารถนาถูกปลดปล่อยออกไปจนหมด ความละอายก็พลุ่งวาบจนหน้าชา ชายหนุ่มก้มมองสภาพของตัวเองแล้วสบถเบาๆ ด้วยความโมโห ก่อนจะถอดเสื้อผ้าเปียกๆ ออกจากตัวอย่างรวดเร็วแล้วขัดถูตัวเองเต็มแรง เพื่อให้ความรู้สึกร้อนวูบวาบที่น่ารังเกียจหมดไปจากตัว
พสุอาบน้ำอยู่นานกว่าจะยอมเลิก ชายหนุ่มปาดไอน้ำที่เกาะกระจกจนฝ้าออก เพื่อจ้องมองใบหน้าที่ยังแดงก่ำของตนเองอย่างละอายใจ รอยแดงเล็กๆ บนลำคอ และรอยช้ำจางๆ บนต้นแขน คงมาจากตอนที่ริวกอดเขาเต็มแรงนั่นเอง พสุค่อยๆ สำรวจตัวเองลงไปช้าๆ จนถึงรอยแดงเป็นจ้ำที่เอว ริวแทบไม่ได้ยั้งมือเลยตอนที่ถึงขีดสุด เด็กหนุ่มกอดรัดเขาแรงจนทิ้งรอยช้ำแดงๆ ไว้ทั่วทั้งตัว...
พสุถอนใจเฮือก แล้วคว้าผ้าขนหนูมานุ่งก่อนจะออกไปแต่งตัว เมื่อกลับมาที่เตียงอีกครั้งก็พบว่าริวหลับไปแล้ว...หลับทั้งๆ ที่บนหน้าท้องยังเหลือคราบเปรอะเปื้อน พสุหน้าร้อนวูบเมื่อเห็นคราบนั้น พยายามบอกตัวเองว่าดีแล้วที่ทุกอย่างจบเพียงเท่านี้ หากเขาไม่ใช้วิธีนี้ไม่แน่ว่าสุดท้ายมันอาจไปจบลงที่ความสัมพันธ์แบบที่เขาไม่ต้องการอีกครั้งก็ได้
ชายหนุ่มกลับเข้าไปหยิบผ้าขนหนู แล้วเปิดน้ำใส่อ่างใบเล็ก ออกมาเช็ดตัวให้ริว ใบหน้าคมสันยังแดงระเรื่อ เด็กหนุ่มปรือตาฉ่ำเยิ้มขึ้นมองเขาแล้วซุกหน้ามาที่หัวเข่าพลางตวัดแขนรัดเอวเขาไว้ จนพสุต้องปลดออกแล้วดันริวให้นอนหงายเพราะเช็ดตัวไม่ถนัด
รอยสีแดงเป็นจ้ำเล็กๆ บนหน้าอกของเด็กหนุ่มทำให้พสุสะดุ้ง เขาเผลอทิ้งรอยจูบไว้บนตัวริวจนได้ ไม่ใช่รอยเดียว แต่รอยจ้ำแดงเล็กๆ นั้นกระจายไปทั่วทั้งลำคอและหน้าอกขาว คงเพราะริวผิวขาวจัดและค่อนข้างเนียนละเอียดจึงเกิดรอยได้ง่าย...
พสุสะบัดหน้าไล่ความฟุ้งซ่านออกจากหัว รีบเช็ดเหงื่อและคราบไคลน่าละอายออกจากตัวริว ต้องเปลี่ยนน้ำอยู่หลายรอบถึงเช็ดตัวริวสะอาด ตลอดเวลาที่เช็ดตัวจนจับเด็กหนุ่มใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยริวไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยด้วยซ้ำ
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในผ้าห่มโดยที่ยังมีรอยยิ้มจางๆ ค้างบนริมฝีปาก พสุไล้ข้อมือไปบนผิวแก้มอ่อนใสด้วยความรู้สึกละอายและเสียใจอย่างท่วมท้น ทั้งที่อยากรักษารอยยิ้มเหมือนเทวดาน้อยๆ ของริวเอาไว้ แต่สิ่งที่เขากำลังคิดจะทำต่อจากนี้ มันคงทำลายรอยยิ้มของริวไปจนหมด แม้จะฝืนใจแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอีกต่อไป หากไม่ตัดใจให้ได้ ริวจะต้องถูกฉุดลากให้ลงมาในนรกด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย เขาจะไม่มีวันทนเห็นริวตกอยู่ในสภาพอัปยศแบบนั้นเด็ดขาด ไม่ว่ายังไง เขาต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไป ชายหนุ่มลุกไปหยิบโทรศัพท์ แล้วเปิดประตูระเบียงออกไป
“พี่กรครับ...ผมมีเรื่องจะขอร้อง...”
................................................................
-
เคือง
-
แง๊~ ไหงงั้นล่ะค๊าา
ได้กลิ่นน้ำตาลอยมายังไงชอบกล :serius2:
-
โอ๊ยยยย ไผ่คิดมากเกินไปแล้ว :z3:
-
:monkeysad: :monkeysad:
-
ฮือออออ มาม่ามีแจกคนทั้งเล้า ไม่หมดง่ายๆ เค๊าสงสารพี่ไผ่ ฮือออออ
บวกให้ค่า
-
พี่ไผ่อ่ะคิดมากไปป่ะเนี่ย
คิดเองเออเองอยู่คนเดียว
เดี๋ยวก็เครียดตายหรอก
ไม่เหนื่อยมั่งเหรอไง
ทำไปตามความรู้สึกเหอะ
มัวแต่เก็บกดแบบนี้ไม่ดีน๊า
แล้วไอ้เรื่องตัดไฟแต่ต้นลมเนี่ยคือไรอ่ะ
ถึงขนาดต้องขอร้องให้พี่กรช่วยนี่
เรื่องใหญ่อ่ะป่าว อย่าทำให้น้องริวเสียใจหล่ะ
-
มีแววจะได้ซดม่าม่าน้ำข้น :m15:
แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของไผ่
อยากให้หาทางออกที่ดีที่สุดให้ได้เร็วๆ
-
ที่ว่าตัดไฟ อย่าบอกนะว่าไผ่จะขอลาออก !!!
-
เง้อ คุณเลขาของริว รีบกลับมาจัดการให้ริวเดี่ยวนี้เลยน้า
อย่าให้พสุทิ้งริวจริงๆ ล่ะ ไม่งั้นริวตายแน่ :monkeysad:
-
อ่านแล้วเครี่ยดเลยตอนนี้
ไผ่คิดมากจังเลย คิดแทนริวอีกต่างหาก
ไม่รู้เลยเหรอว่าริวรักตัวเองขนาดไหน
-
โอเค๊ พี่ทำเอง อะไรกันค๊ะ นึกว่าพี่ไผ่จะออนท็อปซะอีก ก็เล่นยั่วซะ
น้องริวก็เคลิ้มซะเป็นลูกแมวเชียวนะไอ้เสือ
ทิ้งปริศนาธรรมไว้ รอพรุ่งนี้มาไขคดีค่า
:กอด1:
-
ได้เตรียมนำ้ตาสำรองเอาไว้แล้ว :monkeysad:
พี่ไผ่อยากจะทำร้ายจิตใจน้อรัวอย่างไรก็ว่ามาเลยครับ
คนอ่านพร้อม...
+1 เป็นกำลังใจ เอาให้สุดๆไปเลย :sad5:
-
พี่ไผ่คิดเองเออเองอีกแล้ว เมื่อไหร่จะฟังคนอื่นบ้างนะ
-
โถพี่ไผ่คิดไปไกลซะแล้ว จะทำอะไรก้อคิดให้ดีๆน๊า สงสารริวจะแย่ :เฮ้อ:
-
ขัดใจพี่ไผ่เบาๆ แต่ก็นะผู้ชายเพิ่งรู้ตัว จะให้มายอมรับกันไวๆก็คงจะแปลกไปหน่อย
น้องริวสู้ต่อไปนะ
-
อารมณ์เฝียกับพี่ไผ่แล้วอ่ะ - -
-
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
พี่ไผ่จะหนีไปอีกนานแค่ไหนน้อ....
เข้าใจว่าพี่ไผ่รู้สึกแย่ แต่ถ้าเปิดอกคุยกับริวตรงๆไม่ดีกว่าเหรอ...
เชื่อว่าสิ่งที่ริวทำลงไปไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่า เพราะรักหรอก :m15:
-
:o12:
มาหมดเลย
ทั้งน้ำข้นน้ำใส
หมูสับต้มยำก็มา :o12:
-
ไม่น๊าาาาาาาาาาาาาาาาา
ไผ่จะทำไรอ่าาา
สงสารริวมากมาย....ตั้งแต่ต้นเรื่อง T^T
ไผ่ตัดสินใจเองอีกแล้ว
วี่แววความเศร้ามาแต่ไกล
-
ทำไมพี่ไผ่ต้องหนีตัวเอง มีอะไรทำไมไม่พูดกับริวละ
ถ้าพี่ไผ่หนีไป ริวจะอยู่ยังไง :z3:
ตอนนี้กินมาม่าหมดเป็นลังแล้วนะ เมื่อไรจะหวานๆซักที :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
:a5: พี่ไผ่จะทำอะไรอีกกกกกกกกกกกก
อลั๊นนนนนน รีบมาช่วยจัดการพี่ไผ่เร็วเข้าาาาาาาา :serius2:
จับมัดแล้วพากลับบ้านเลยดีมั้ย? วงเวิงอะไรก็ขนกันไปตั้งบริษัทใหม่ที่โน่นให้หมดเลย เอาให้พี่ไผ่เตลิดไปไหนไม่ได้อีก
:teach:
-
พี่ไผ่ ขอตัวช่วยเป็นพี่กร น้องริวขอตัวช่วยเป็นอลันได้เปล่า (อลันมาสักทีเซ่ไหนบอกจะมาช่วยน้องไง)
-
พี่ไผ่รู้ตัวมั้ย พี่ทำร้ายริวเต็มๆเพราะความคิดมากลัวตัวเองจะทำร้ายริวนี่แหละ
ถามริวบ้างอะไรบ้างดิ จะทำอะไรก็นะ
-
ไผ่กำลังจะทำร้ายน้องใช่ไหม
-
:m15: :monkeysad: :sad11: นึกว่ามีอะไรกันแล้ว อาจจะหวานชื่นขึ้นมาบ้าง
แต่แบบนี้มันนนนนนน เป็นบ่อเกิดของมาม่านี่นา :fire:
-
พี่ไผ่ริวทำอะไรหลายๆอย่างให้พี่ตั้งหลายปีนะ
อย่าทำให้ริวเสียใจ ริวทนการสูญเสียไม่ไหวแล้วจริงๆ
ปล.อยากให้อลันมาคุยกับไผ่
ปล2.ชอบอลันอ่าาาา :m1: คิดถึงเรื่องของริวเสมอเลย
-
ทำไม พี่ไผ่ไม่ยอมฟังน้องเลยอ่ะ
อย่าคิดเองทำเองซิ พลีสให้อลันจัดการเคลียร์ได้ไม่เนี่ย
น้องริวก็ไม่กล้า พี่ไผ่ก็คิดไปเอง :z3:
ดีใจมากๆที่มาอัพทุกวัน ไม่งั้นคาใจสุดๆ
ชอบตัดตอนได้ แบบคนอ่านอยากร้องไห้ :sad11:
-
แวว เศร้ามาแต่ไกล ไม่เอาอะ อยากได้หวานๆ
:call: :call: :call:รักกันรักกัน
-
เครียดกับพี่ไผ่ ทำไมไม่คุยตรงๆน๊าาาา
น้องริวสู้เค้าลูก o7
-
:เฮ้อ: ไผ่เอ้ย คิดถึงริวบ้างสิ
กลัวใจริวจังเลย คงทนรับความเจ็บปวดไม่ไหวแล้วหล่ะ
ริวเจอเรื่องราวมาเยอะมากกว่าจะมีความสุขแบบนี้
ไผ่กำลังจะทำร้ายริวอีกแล้ว
-
พี่ไผ่กำลังคิดจะทำอะไรอ่ะ
อย่านะ!!!! สงสารน้องริว
-
นี่จะต้มมาม่ามากินให้กันอีกแล้วหรอ ของเก่ายังไม่ย่อยเลย :a5:
-
:monkeysad:
พี่ไม้คิดทำอะไร
อย่าคิดเองเออเองนะ
ถามน้องริวบ้างก็ดีนะ
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
อย่าน๊าพี่ไผ่ ไม่ว่าจะคิดอะไรอยู่ ก็อย่าทำเลยนะ :sad4:
-
ปั๊ดโธ่!!! พี่ไผ่จะทำอะไรค่ะ :z3:
แต่จะว่าก็ว่าเถอะ ยังไม่ทันจะคุยอะไรกันรู้เรื่องเลย ก็....กันอีกซะแล้ว :haun4:
-
หวานอยู่ดี ๆ ...จากยิ้ม ๆ ทำให้เครียดอีกแล้วอ่ะ :เฮ้อ:
อลันรีบบินมาเร็ว ๆ ไผ่จะทำเรื่องบ้า ๆ แล้วนะ...เป็นห่วงริว :serius2:
:กอด1:
-
กลิ่นดราม่าลอยมา
T^T
ทำไมต้องเป็นแบบนี้ โฮๆๆๆๆ
สงสารน้องริวอ่ะ !!
-
มาม่ามันไม่ยอมหมดไป
ฮือๆๆๆๆๆๆๆ
ไผ่จะทำอะไรให้คิดถึงริวก่อนนะ
-
คุณอลัน..จัดการด่วนค่า
สั่งให้พี่กรเป็นพ่อสื่อไปเลย
ไผ่คิดมาก..น่าตี
-
พี่ไผ่คิดจะทำอะไร อะไรคือ "ตัดไฟเสียแต่ต้นลม" :o12:ก้อไฟมันลุกโหมแรงขนาดนี้ ต่อให้ใช้น้ำตาของริวทั้งชีวิตมันก้อตัดไม่ขาดหรอก :sad4:
-
:m15: :m15: พี่ไผ่...ทำไมอ่ะ
:z3: :z3: :z3: :z3: ทรมานจังเลย:z3: :z3: :z3: :z3:
:z10: :z10: :z10: ทำไมมันอึดอัดอย่างนี้ :z10: :z10: :z10: :z10:
:กอด1:ขอให้ลงเอยกันด้วยดี :call:
-
ในโลกนี้มี 3 อย่างที่เราไม่สามารถโกหกได้ นั่นคือ ไอ ความยากจน แล้วก็ความรัก
เพราะยิ่งปกปิดเท่าไหร่ เราก็ยิ่งจะเห็นได้ง่ายเท่านั้น
ไผ่จะหนีไปไหนก้อไม่พ้นหรอก :เฮ้อ:
ปล. +1 จ้า
-
อย่าคิดไปเองนะไผ่....สงสารน้องและตัวเองบ้าง
โอ๊ยยยย ลุ้นนนนน
-
อลันนนนนนนน จัดการด่วนนนน
:z3: :z3: :z3:
-
อ่านตอนนี้แล้วคิดถึงอลันจังเลยคะ...T^T
....คุณซุปเปอร์แมนอลัน....คนอ่านรู้ว่างานยุ่งมากมายเลย..
แต่มาหาริวก่อนได้ไหมหงะ...สงสารหนูริวเน้อ...
พี่ไผ่จะหนีอีกแล้ว..กลุ้มใจจริงๆๆๆๆๆ... :serius2:
-
ง่ะ :sad4:นี่ไผ่คิดจะทำอะไรคะ
-
คุณพ่ออลันมาช่วยหนูริวคุยกับพี่ไผ่ทีเถอะ :o11:
โอมขอให้พรุ่งนี้จงลง :amen:
ไม่งั้นมันจะรู้สึกอึดอัดนาน :sad2:
-
เตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้เช็ดน้ำตาแล้ว...งานนี้มีเจ็บกันอีกแน่ๆ
-
ท่าทางจะต้องมีมาม่ากันชามใหญ่ซะละมั้ง
-
:angry2:พี่ไผ่ขา คิดน้อยๆหน่อยเถอะค่ะ คนอ่านซัดมาม่าจุกแอ้กกันหมดแล้ว
-
ไม่อยากกินเลยมาม่า
เพิ่งจะต้นเดือนเองนะครับ
-
:serius2: :z3: :m16:
-
พี่ไผ่จะขอร้องอะไรพี่กรอ่ะ
:serius2:
-
สิ่งที่ไผ่จะทำต่อไป นอกจากจะรักษารอยยิ้มของริวเอาไว้ไม่ได้ ไผ่จะทำให้น้องเจ็บปวดและกลับไปเป็นคนไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม
แล้วไผ่จะมีความสุขไหมที่ทำสิ่งเหล่านั้นลงไป :เฮ้อ:
-
ตัดไฟแต่ต้นลม..... :sad4: :sad4:
พี่ไผ่อย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลสิ ปรึกษาใครก่อนก็ได้....พี่ตะวัน อลัน พี่กร บลาๆๆๆ
อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรไปเอง
คนที่เสียใจน่ะ มันทั้งริวและพี่ไผ่นะ :m15:
ปล.เราแทบจะเข้าบอร์ดทุกชม.เลย
อยากอ่านมากมาย แทบจะลงแดง :z3: มาต่อไวๆนะค่ะ
-
พี่ไผ่ คงจะไม่คิดย้ายหนีน้องริวไปนะ
-
พี่ไผ่ ไม่ต้องคิดเยอะอะไรขนาดนั้น
ถามน้องหน่อยได้ไหม ว่าน้องต้องการอะไร
โอ้ย ทำไม พี่เป็นคนดีแบบนี้
-
พี่ไผ่กำลังจะทำอะไร :serius2:
-
พี่ไผ่จะทำอะไรอ่า
อย่าบอกนะว่าจะหนีไป ไม่ยอม :serius2: :serius2:
-
ความจริงก็อยากเห็นริวพยายามฆ่าตัวตายอีกซักรอบนะ...เอาให้ไผ่รู้สึกเข็ด ไม่กล้าไปไหนอีกเลย o18
-
พึ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้
สงสารริวไม่ไหวแล้ว :m15:
-
ยิ่งใกล้ยิ่งชิด ยิ่งคิดจะใกล้ กว่าใครทุกคน
ยิ่งห่วงกังวล คิดถึงทันที ที่เธอลับตา
เพิ่งรู้วันนี้ว่าฉันมีหนึ่งคนล่ำค่า ผ่านเข้ามาให้ฉันได้รักได้รอ
เฝ้าสบในตามองหาความจริงจากใจของเธอ เผื่อว่าจะเจอความหมายดีๆที่ใจฉันรอ
อย่างน้อยสักนิด ให้ฉันมีสิทธิ์จะฝันต่อ แค่นั้นก็พอ ก็พอแล้วสำหรับฉัน
ผิดถูกไม่รู้ รู้เพียงว่าฉันรักเธอ สิ่งเดียวที่หัวใจฉันต้องทำ
ผิดถูกก็รัก แม้ว่าสักวันต้องซ้ำ จะเก็บความทรงจำแสนดีไว้ชั่วชีวิต
เฝ้าสบในตามองหาความจริงจากใจเธอ เผื่อว่าจะจอความหมายดีๆที่ใจฉันรอ
อย่างน้อยสักนิด ให้ฉันมีสิทธิ์จะฝันต่อ แค่นั้นก็พอ ก็พอแล้วสำหรับฉัน
ผิดถูกไม่รู้ รู้เพียงว่าฉันรักเธอ สิ่งเดียวที่หัวใจฉันต้องทำ
ผิดถูกก็รัก แม้ว่าสักวันต้องซ้ำ จะเก็บความทรงจำแสนดีไว้ชั่วชีวิต
ไม่เคยมีใครเหมือนเธอ ต่อไปก็จะไม่มี และนี่คือเหตุผลเดียวที่ฉันรักเธอ
ผิดถูกไม่รู้ รู้เพียงว่าฉันรักเธอ สิ่งเดียวที่หัวใจฉันต้องทำ
ผิดถูกก็รัก แม้ว่าสักวันต้องซ้ำ จะเก็บความทรงจำแสนดีไว้ชั่วชีวิต
ไม่มีใครจะมาพรากเธอไปจากใจฉัน
:L2: :L2:
-
มาม่า....อาหร่อยยย
:z2:
*******************
ตอนที่ 88
ริวถูกโทรตามให้เข้าบริษัทแต่เช้า เด็กหนุ่มจำต้องมาทั้งที่ยังอยากอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงกับพสุมากกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มฟูฟ่องด้วยความอิ่มเอม คาดหวัง แม้พสุยินยอมเพียงให้เขาแตะต้องได้แต่ภายนอก แต่เด็กหนุ่มก็มั่นใจว่าอีกไม่นานความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพสุจะต้องก้าวหน้าไปมากกว่านี้
“สวัสดีครับพี่กร...” ริวไหว้ทักทายกรเวชแล้วเหลือบมองรอบๆ ห้องอย่างแปลกใจ เขานึกว่ากรเวชเรียกคนอื่นๆ ในวงเข้าออฟฟิศด้วยเสียอีก แต่กลับไม่เจอใครสักคนเดียว
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ริวต้องย้ายกลับเข้ามาพักในบริษัทเหมือนเดิมแล้วนะ” กรเวชบอกหน้าตาเฉย แล้วทำทีเป็นวุ่นวายอยู่กับตารางงาน 5 หนุ่ม
“เอ๊ะ! ทำไมละครับ?”
“ทำไมอะไร...ก็หมดวันหยุดแล้ว ก็ต้องกลับเข้ามาพักที่บริษัทสิ” กรเวชตอบแล้วนิ่วหน้าเหมือนริวถามเรื่องไร้สาระ
“แล้วพี่ไผ่ละครับ?” ริวถามแล้วเม้มปากนิ่ง เด็กหนุ่มจำตารางงานพสุได้แม่นยำ เท่าที่เห็น ตารางงานของพสุแน่นเสียจนเขาแทบไม่มีเวลาอยู่กับพสุเลยนอกจากเวลานอน
“เกี่ยวอะไรกันกับริวล่ะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้รีบเข้ามาแต่เช้าล่ะ เพราะสายๆ ต้องไปงานแล้ว ตารางงานพี่ก็ให้ไปแล้ว คงไม่ได้ไปลืมไว้ที่ไหนหรอกนะ”
“ผมไม่กลับ! ผมจะอยู่กับพี่ไผ่” ริวตวัดเสียงห้วนเข้าใส่ แล้วทำท่าจะเดินหนี แต่กรเวชวิ่งมาขวางหน้าเขาไว้
“ไม่ได้ริว...ยังไงริวก็ต้องกลับมานอนที่บ้านพักของบริษัท” กรเวชบังคับเสียงแข็งให้รู้ว่าเขาเอาจริง
“แล้วทำไมพี่ไผ่ไม่ต้องกลับมาล่ะ”
“ไผ่น่ะทางบริษัทอนุโลมให้ เพราะเขาเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มา อีกอย่างเขาก็ต้องวิ่งเต้นจัดการทั้งเรื่องพ่อเรื่องแม่เขาแล้วยังเรื่องอื่นๆ อีก” กรเวชชี้แจงอย่างเป็นต่อเพราะนึกอยู่แล้วว่าริวต้องถามแบบนี้
“ผมจะอยู่ช่วยพี่ไผ่” ริวตอบเสียงเย็นแล้วขยับจะเดินหลบ แต่กรเวชขยับไปขวางหน้าไว้
“เราจะช่วยได้ยังไง ในเมื่อไผ่เขาต้องจัดการด้วยตัวเอง”
“ผมไม่กลับ” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มเริ่มห้วน จนกรเวชหน้าตึงที่เห็นริวดื้อกว่าที่คิด
“ไม่ได้นะ ไม่งั้นริวโดนปรับอานแน่”
“ก็ปรับไปเลย เท่าไหร่ก็ปรับไปเลย จะหักเงินค่าตัวให้หมดก็เอาไป” ริวตอบสวนทันทีอย่างไม่ยอมแพ้ ทำเอากรเวชสะอึกไม่รู้จะยกอะไรมาขู่เด็กหนุ่ม นอกจากใช้เสียงดังเข้าขู่
“ริว! อย่ามางอแงนะ ยังไงริวก็ต้องกลับมานอนที่บริษัท”
“ไม่! พี่กรบังคับผมไม่ได้ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น พี่ไผ่อยู่ที่ไหนผมก็จะอยู่ที่นั่น”
“เอ๊ะ! ริวนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
“ผม ไม่ กลับ!...อย่าคิดว่าจะบังคับกันได้นะ” ริวตอบเน้นเสียงหนักทีละคำ ดวงตาเป็นประกายแข็งกร้าวจน กรเวชยังผงะ ผู้จัดการคนเก่งอึ้งไปด้วยความตกใจ เขาไม่เคยเห็นริวแบบนี้ สัญชาตญาณบอกเขาให้หุบปาก ความรู้สึกหนาวยะเยือกตามไขสันหลังทำให้กรเวชหาเสียงตัวเองไม่เจอไปชั่วคราว เปิดโอกาสให้ริวเดินหลีกเขาออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วจนห้ามไม่ทัน กรเวชยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะก่อนจะรีบต่อสายไปหาพสุ
“ไผ่...”
“ว่าไงครับพี่กร”
“ไม่สำเร็จ ริวไม่ฟังพี่เลย ไม่ว่าจะขู่ยังไงก็ไม่ยอมทั้งนั้น...ไผ่...ริวไม่แค่ดื้อนะ แต่เขา...เขาดูดุดันจนพี่นึกกลัว...ริวน่ากลัวมากเลยนะไผ่ พี่นึกว่าพี่จะหยุดหายใจไปซะแล้ว...” กรเวชบ่นพร้อมกับตบอกตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกขวัญ เขาไม่ใช่คนขวัญอ่อน แต่สายตาของริวเมื่อครู่ ทำให้เขารู้สึก ‘กลัว’ ในความเปลี่ยนแปลงของเด็กหนุ่ม
“ขอโทษนะครับพี่กรที่ทำให้ยุ่งยาก...ผมไม่ควรหาเรื่องให้พี่เลย”
“พี่ว่า...เราอาจต้องหาวิธีอื่นแล้วล่ะ เพราะต่อให้ใช้กำลังจับลากเขากลับ เขาก็ต้องหาทางกลับไปหาไผ่อีกจนได้นั่นแหละ” กรเวชแนะนำเสียงอ่อน แม้จะข้องใจที่พสุเป็นฝ่ายอยากให้ริวแยกตัวออกมา แต่เขาก็ไม่คิดจะถามเหตุผลเพราะไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเรื่องระหว่างพสุกับริวมากจนเกินพอดี ตราบใดที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังอยู่ในภาพที่เหมาะสม เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรมากกว่านี้
“ไม่เป็นไรครับพี่กร ผมจะลองคุยกับเขาเอง”
“ไผ่แน่ใจเหรอว่าจะรับมือริวไหว โมโหสุดขีดออกไปแบบนี้ ไม่รู้จะยอมฟังหรือเปล่า”
“ก็ต้องลองดูก่อนครับ...ขอบคุณมากนะครับพี่กรที่ช่วย แล้วก็...ขอโทษอีกครั้งนะครับ ที่ทำให้ต้องมาเดือดร้อนเพราะผม”
“ไม่เป็นไรหรอก...พี่เต็มใจช่วย...ยังไงก็พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบก่อนนะไผ่”
“ครับ”
ริวเม้มปากแน่น เด็กหนุ่มได้ยินบทสนทนาของกรเวชเต็มสองหู เขาออกไปแล้วแต่นึกได้ว่าลืมกระเป๋าสะพายไว้ จึงย้อนกลับมา ไม่คิดว่าจะได้ยินกรเวชคุยกับพสุเข้าพอดี
เรื่องเรียกตัวเขากลับบริษัทไม่ใช่คำสั่งของเขมชาติ แต่เป็นความต้องการของพสุเอง...ทำไม? ริวถามตัวเองอย่างขมขื่น ไม่เข้าใจว่าทำไมพสุถึงอยากผลักไสเขาออกห่างนัก
เด็กหนุ่มผลุนผลันออกไปขึ้นรถ ยังไงเขาต้องถามพสุให้รู้เรื่อง...ริวขับรถด้วยความเร็วสูง ในสมองอื้ออึงด้วยความโกรธและน้อยใจ
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด เด็กหนุ่มเบรกเต็มแรงจนรถลื่นไถลเกือบเสียหลักหมุนกลางถนน ดีที่เขามีสติพอจะประคองรถไว้ได้ มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับปาดหน้าเขาแล้วยังลากเลื้อยนำหน้าอย่างกวนอวัยวะเบื้องล่างสุดชีวิต
ริวตบพวงมาลัยเต็มแรงด้วยความโมโห วูบหนึ่งเขานึกจะขับตามไปบี้มอเตอร์ไซค์คันนั้นให้แหลกเป็นผุยผง แต่ความคิดนั้นก็ถูกปัดทิ้งจากสมองอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับตอนที่เกิด ไม่มีประโยชน์ที่จะทำเรื่องโง่เง่าอย่างนั้น เขายังมีปัญหาคาใจที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อน
เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนพนักแรงๆ แล้วยกมือขึ้นนวดหัวคิ้วด้วยความหงุดหงิด อีกมือเอื้อมไปสัมผัสกับเครื่องเล่นเพลงในรถโดยอัตโนมัติ
“ก่อนเคยเหงา เคยรู้สึกเหว่ว้า...” เสียงนุ่มๆ ของพสุที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาก่อนที่ดนตรีจะบรรเลงตามทำให้ริวชะงักแล้วหยุดสูดหายใจลึก เพลงแรกที่พสุร้องและอัดเสียงไว้ให้เขา เด็กหนุ่มพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเสมอ
“...แต่เมื่อฉันได้พบกับเธอ...สิ่งที่เธอให้ฉันไม่รู้มันคืออะไร...โลกใบใหญ่ใบเดิม กลับไม่เคยต้องเหงาใจ เมื่อฉันนั้นยังมีเธออยู่ตรงนี้...”
ริวยกมือขึ้นลูบโทรศัพท์ที่เขาห้อยคออยู่โดยอัตโนมัติ...ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่ทำให้เขารู้สึกเสมอว่าเขาเป็นคนสำคัญแค่ไหน พสุไม่เคยมองเขาเป็นคนอื่น ไม่เคยมีท่าทางรำคาญเวลาที่เขาเข้าไปกอดรัดเคลียคลอ ยิ่งต้องเสียพ่อแม่ไป พสุก็ยิ่งแสดงออกชัดว่าอยากให้เขาอยู่ด้วยตลอดเวลา ทุกคืนคนที่เบียดแทรกเข้ามาหา มาหนุนหมอนใบเดียวกัน มาดึงเขาไปกอดไว้แน่นๆ ก็เป็นพสุเริ่มก่อนทั้งนั้น
แต่หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น คืนที่เขามีความสุขที่สุดที่พี่ยอมให้เขา ‘กอด’ พสุกลับเปลี่ยนไป ค่อยๆ ห่างเหิน เย็นชาและถอยห่างจากเขาไปทุกทีจนเด็กหนุ่มต้องคิดหาวิธีดึงพสุกลับมา
ทั้งที่เมื่อคืนพสุเป็นคนยอมให้เขากอดและเป็นฝ่ายแตะต้องสัมผัสเขา ทำให้ริวหลงดีใจว่าพสุใจอ่อน ยอมรับรักเขาแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าพสุอยากให้เขาอยู่ห่างๆ ขนาดที่ไม่ยอมให้เขาอยู่ร่วมบ้านด้วยซ้ำ...
‘หรือว่าพี่จะเกลียดเราแล้วจริงๆ’ ริวรู้สึกเหมือนจะร้องไห้เมื่อคิดแบบนี้ แต่พอคิดถึงสายตาอ่อนโยนที่พสุใช้มองเขาเสมอ แม้แต่เมื่อเช้าก่อนที่เขาจะออกจากบ้านมาสายตานั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนไป พอคิดแบบนี้อาการเจ็บปวดทุรนทุรายในใจก็ค่อยๆ บรรเทาลง กลับกลายเป็นความสับสนงุนงงอีกครั้ง
ริวถอนหายใจยาว เขาไม่สันทัดกับความรู้สึกของมนุษย์นัก มนุษย์เพียงคนเดียวที่เขาใกล้ชิดก็คือพสุ ถ้าเขาต้องการคำตอบเขาต้องถามจากคนที่รู้จักมนุษย์ดีกว่าใครเท่านั้น
“ว่าไง...มีอะไรให้รับใช้ครับเจ้านาย” น้ำเสียงหยอกเย้าสดใสจากปลายสาย แปลว่าอลันคงเพิ่งตื่นนอน
“อลัน...พี่ไผ่อยากไล่ฉันออกไปจากชีวิต...ฉันต้องทำไง” ริวถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วหยุดฟังทุกคำอธิบายของผู้จัดการที่เก่งที่สุดในโลกสำหรับเขาอย่างตั้งใจ
......................
“ริวไปไหนมา” พสุถามอย่างร้อนใจ กรเวชตามเอากระเป๋ามาคืน แต่ริวกลับยังไม่ถึงบ้านทั้งที่ออกมาก่อนตั้งนานแล้ว ชายหนุ่มมองหน้าหมองๆ ของน้องด้วยความเป็นห่วง
“...พี่...พี่อยากให้ริวไปให้พ้นเหรอ...พี่ไม่อยากให้ริวอยู่ด้วยอีกแล้วใช่มั๊ย”
พสุผงะ หน้าขาวซีดด้วยความตกใจ ชายหนุ่มนิ่งอึ้งพูดไม่ออกไปชั่วคราว
“คะ...คือ..คือพี่...”
“...บ้านนี้ไม่ต้อนรับริวอีกแล้วสินะ...พี่เกลียดริวจริงๆ แล้วใช่มั๊ย?” น้ำเสียงสั่นพร่า แต่ดวงตาแน่วแน่ ทำให้พสุต้องหลบตาวูบ
“เปล่านะ พี่ไม่ได้เกลียดริว...แล้วบ้านนี้ก็ยินดีต้อนรับริวตลอดเวลาด้วย”
“แล้วทำไมละครับ?...ทำไมริวต้องไปอยู่ที่อื่น?”
แต่ละคำถามบาดลึกในหัวใจจนพสุคิดอะไรไม่ออก ทั้งที่เคยคิดว่าหากริวงอแงไม่ยอมกลับไปอยู่ที่บ้านพักบริษัท เขาจะใช้คำพูดแบบไหนเกลี้ยกล่อมริว แต่เอาเข้าจริง สมองกลับว่างเปล่าขาวโพลน เพราะสายตาตัดพ้อของริวเพียงแค่เห็นใจเขาก็วูบหายด้วยความเจ็บปวด
“เอ่อ...พี่...พี่แค่อยากจะขอเวลา...ขอให้พี่อยู่คนเดียวสักพักจะได้ไหมริว”
“...ครับ...ถ้าพี่ต้องการอย่างนั้น”
“ริว...คือไม่ใช่ว่าพี่...” พสุพยายามอธิบายอย่างร้อนรน แต่ริวกลับพูดแซงขึ้นมาก่อนที่เขาจะทันได้พูด
“ไม่ต้องอธิบายหรอกครับ...ถ้าพี่อยากให้ริวไปนอนที่บริษัท ริวก็จะไป...แต่ริวขออะไรพี่สักอย่างจะได้มั๊ยครับ”
“...ขออะไร...ถ้าพี่ให้ได้ พี่จะให้ทุกอย่าง”
“ริวขอมาที่นี่ทุกวัน...ได้มั๊ยครับ ขอแค่มาที่นี่ มาใช้เวลาด้วยกันเหมือนแต่ก่อน มาแต่งเพลง มากินข้าวกับพี่...ถ้าวันไหนที่พี่ติดงานต้องกินข้าวข้างนอกก็ไม่เป็นไร...ริวขอแค่เห็นหน้าพี่สักนิดเดียว แล้วริวก็จะกลับ...ริวขอแค่นี้...พี่ให้ริวได้มั๊ย” น้ำเสียงเศร้าสร้อย แววตาเว้าวอน ตัดพ้อ ทำให้พสุรู้สึกเหมือนลำคอตีบตัน กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ
“ได้สิ”
“งั้นริวจะกลับไปนอนที่บริษัทตั้งแต่คืนนี้เลย...แต่ริวขออยู่กับพี่จนกว่าจะหมดเวลาที่พี่ให้อยู่...ริวสัญญาว่าจะไม่ดื้อขอนอนที่นี่...ขอแค่ได้อยู่กับพี่ เท่าที่พี่จะให้เวลาริวได้...แค่นั้น” ท่าทางเงื่องหงอย เหมือนเด็กโดนทิ้งบาดความรู้สึกจนพสุเป็นฝ่ายทนไม่ได้เสียเอง
“ริว...” พสุเป็นฝ่ายดึงตัวเด็กหนุ่มเข้ามากอด เขาพูดอะไรไม่ออก จุกแน่นในอกด้วยความรู้สึกเกลียดตัวเองจนแทบร้องไห้ออกมา ทำไมเขาถึงโหดร้ายกับน้องได้ขนาดนี้ ริวไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด สิ่งเดียวที่ริวผิดก็คือ ผิดที่เลือกรักเขา
“พี่ขอโทษ...พี่ขอโทษนะ” พสุพูดได้แค่คำขอโทษ ไม่อาจอธิบายอะไรได้มากกว่านั้น แต่ริวกลับยอมเข้าใจเขาง่ายๆ เด็กหนุ่มกอดตอบแล้วโยกตัวไปมาเบาๆ เหมือนพยายามจะปลอบโยนเขา
“อย่าขอโทษเลยครับ พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด...พี่ต้องการเวลาอยู่คนเดียวบ้าง...ริวเข้าใจ...แต่จะไม่ให้ริวเห็นหน้าพี่เลย ริวทนไม่ได้”
น้ำเสียงละห้อยหา ทำให้พสุตัวสั่น อยากตะโกนออกไปดังๆ ว่าเขาเองก็แทบทนไม่ไหวอยู่แล้วที่ต้องให้ริวไป แต่ทำได้เพียงแค่คิด...
“ครับ...พี่เข้าใจ...พี่...”
“...ริวรักพี่นะ...รักพี่ที่สุดในโลก...พี่มีริวเสมอนะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่มีริวนะ”
“พี่รู้ พี่ขอโทษนะริว ขอโทษ” พสุยังกอดริวอยู่นาน จนน้ำตาเหือดแห้งไปหมด ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธเมื่อริวจูบเขาเบาๆ ก่อนจะผละออกไปนั่งที่เปียโน เสียงทุ้มนุ่มที่ไปกับเสียงเปียโนทำให้พสุสะอึกนิ่ง ในความหมายของเพลง
Take me to your heart ในแบบฉบับของริวถูกแปลงเนื้อหลายท่อนเพื่อให้เหมาะกับเขา เด็กหนุ่มจ้องมองพสุตลอดเวลาด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความรัก แต่ก็แฝงรอยเจ็บปวดจนพสุต้องเป็นฝ่ายหลบตาจนจบเพลง.......
เพียงประโยคแรกของเพลงใหม่ ก็เรียกให้พสุต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับริว สิ่งที่เขาเห็นคือสายตาแห่งความรักและเทิดทูน นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรได้รับเลยสักนิด
….Alone in the dark but now…
….You've come along…
น้ำเสียงทุ้ม..พร่า...เบา เหมือนจะยืนยันว่าเด็กหนุ่มว้าเหว่แค่ไหน ทำให้พสุไม่กล้าสบตาริวอีกต่อไป จึงเลือกจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แต่ริวกลับหยุดเล่นเปียโน แล้วเดินมาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้า แล้วประคองใบหน้าของพสุให้หันกลับมาหา..
“It can't be wrong…When it feels so right…” เด็กหนุ่มแนบหน้าผากลงบนหน้าผากของพสุ แต่ดวงตากลับจ้องเขม็งทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้
“Cause You...” ริวเน้นประโยคนี้อย่างจงใจ แล้วเว้นระยะหายใจไปชั่วขณะก่อนจะร้องประโยคสุดท้าย ทอดยาวอ้อยอิ่ง สั่นสะเทือนหัวใจคนฟังให้ไหววูบ เจ็บหนึบราวกับถูกบีบเค้นด้วยน้ำเสียงของเด็กหนุ่ม
“...ถ้าไม่มีพี่ โลกนี้ก็มืดสนิทสำหรับริวนะครับ”
พสุพยักหน้าแล้วทิ้งหน้าผากลงบนไหล่ของริว...เขาแพ้แล้ว...แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น...ชายหนุ่มขยับปากจะบอกยกเลิกเรื่องให้ริวออกไปอยู่ที่อื่น แต่เด็กหนุ่มกลับเป็นฝ่ายผละออกห่าง
“ริวจะไปเก็บเสื้อผ้า...พี่ไม่ต้องช่วยนะ...ริวจะได้สมมุติว่าตัวเองกำลังหนีเที่ยว ไม่ใช่เพราะต้องไปนอนที่อื่น” ริวทำเสียงสนุก และฝืนยิ้มให้เขาด้วยใบหน้าจืดเจื่อน
“...ริว...พี่....” พสุขยับจะค้านแต่ก็กดลิ้นตัวเองไว้ทัน ชายหนุ่มมองตามร่างสูงที่เดินหายไปในห้องนอน ครู่หนึ่งริวก็กลับออกมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก
“พรุ่งนี้ริวจะกลับมาหาพี่แต่เช้าได้มั๊ยครับ...เราไปกินต้มเลือดหมูเจ้านั้นกันนะ”
“...ครับ...พี่จะพาไป” พสุพูดไม่ทันจบ ริวก็ถลันเข้ามากอดซุกหน้ากับไหล่เขาแน่น
“งั้น...ริวไปแล้วครับ พรุ่งนี้จะรีบมา...ริวรักพี่นะ” เด็กหนุ่มกระซิบบอกแล้วผละออกจากอ้อมแขนของพสุ หันหลังเดินดุ่ม ออกไปอย่างรวดเร็ว
พสุตัวสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงสตาร์ทรถ พร่ำบอกตัวเองว่านี่คือหนทางที่ดีที่สุดแล้วสำหรับริว
“นี่ดีที่สุดแล้ว...อย่าใจอ่อน...อย่าฉุดน้องลงต่ำเพราะแกนะไผ่” ชายหนุ่มกอดอกแน่นท่องประโยคนั้นดังๆ ซ้ำไปซ้ำมา ไม่อย่างนั้นเขาคงออกไปห้ามไม่ให้ริวไปอย่างแน่นอน...เสียงรถห่างออกไปจนเหลือเพียงความเงียบ...เสียงแมลงกลางคืนเริ่มกรีดปีกเมื่อพสุทิ้งตัวลงนอนบนพรมกลางห้อง หยิบเจ้าตุ๊กตาทวิตตี้สีเหลืองแปร๋นที่ริวชอบหนุนมันนอนกลิ้งเกลือกกับพื้นเวลาแต่งเพลงมากอด ซุกหน้าไปกับผ้านิ่มเพื่อให้หยาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอซึมหายไปในนั้น ไม่ไหลออกมาประจานให้ต้องอดสูใจไปมากกว่านี้.........................
ริวขับรถออกจากบ้านมาได้ไม่ไกลก็หยุด เด็กหนุ่มเปิดประตูออกไปยืนมองหลังคาบ้านที่โผล่พ้นยอดไม้มาเพียงเล็กน้อย แล้วเม้มปากแน่น ดวงตาฉ่ำรื้นด้วยหยาดน้ำ แต่แววตาวาววับเป็นประกายเด็ดเดี่ยว ริวยืนมองบ้านนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนใจยาวก่อนจะกลับขึ้นรถแล้วขับไปที่บริษัท
สีหน้ากรเวชเหมือนเจอผีเมื่อจู่ๆ ก็เห็นริวเลี้ยวรถเข้าไปในโรงจอดรถ พนักงานที่ดูแลบ้านพัก วิ่งออกมาช่วยริวขนของ แต่เด็กหนุ่มมีสัมภาระเพียงโน้ตบุ๊ค 1 ตัวและเป้ใส่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดเท่านั้น จึงปฏิเสธความช่วยเหลือ แล้วหิ้วของเข้าบ้านเอง
“ทำไม...เอ่อ...เออ...พอดีเขากำลังทำความสะอาดห้องริวอยู่ เดี๋ยวค่อยขึ้นไปละกันนะ” กรเวชบอกอึกอักเพราะยังไม่หายงงที่เห็นริว ทั้งที่แน่ใจว่ายังไงซะริวคงไม่ยอมย้ายกลับมาอยู่บ้านพักง่ายๆ
“ห้องพี่ไผ่ทำหรือยังครับ”
“ทำแล้ว ตอนนี้กำลังทำห้องของริว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมนอนห้องพี่ไผ่”
“เอ่อ...ก็นะ แล้วแต่ละกัน พี่ไผ่เขาจะว่าเรามั๊ยล่ะ”
“ไม่ว่าครับ เคยขอไว้แล้ว”
“อืมๆ งั้นก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ...พรุ่งนี้มีงานเช้าใช่มั๊ย เห็นพี่เผ่าบอกจะเข้ามาคุยเรื่องเพลงพิเศษ”
“ครับ”
“แล้วพี่เผ่านัดไว้กี่โมง พี่จะได้ให้พี่จันเขาไปปลุก” กรเวชอดห่วงไมได้ เพราะปกติ พสุจะรับหน้าที่ดูแลริวโดยปริยายอยู่แล้ว พอริวต้องแยกอยู่คนละที่กับพสุแบบนี้ กรเวชจึงต้องเอาใจใส่เด็กหนุ่มมากกว่าเดิม
“พี่เผ่านัดไว้ 10 โมงครับ แต่ไม่ต้องไปปลุกหรอกครับ”
“เอางั้นนะ...แต่อย่าลืมนะว่าตอน บ่ายสามมีร้องเพลงงานเปิดตัวสินค้า”
“ครับ”
“งั้นพี่ไม่กวนแล้ว ไปพักเถอะ” กรเวชรีบออกปาก เพราะสังเกตเห็นอาการถามคำตอบคำของริวก็พอจะรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่อยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะคุยกับใคร
“ครับ”
ริวเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วชะงักเมื่อได้กลิ่นสเปรย์ปรับอากาศกลิ่นคุ้นจมูก เด็กหนุ่มวางกระเป๋าโน้ตบุ๊คลงบนโต๊ะทำงานของพสุ แล้วโยนเป้ลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวตามไปนอนมองเพดานนิ่งๆ นึกย้อนไปถึงตอนที่โทรหาอลัน...
‘นายต้องเปิดโอกาสให้พสุได้คิดบ้าง ยิ่งนายรุกเร้าเขามาก พสุจะยิ่งปฏิเสธนาย นายก็รู้ว่าพสุไม่ใช่เกย์ มันยากที่จะให้ผู้ชายยอมรับว่ามีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน...แต่ถ้าพสุยังยอมให้นายอยู่ใกล้ทั้งๆที่เคยมีอะไรๆกันมาแล้ว ก็แปลว่าเขาเองก็ต้องมีใจให้นาย ไม่งั้นเขาคงซัดนายน่วมไปตั้งแต่ตอนที่รู้สึกตัวแล้ว’
‘แล้วจะให้ฉันทำไง?’
‘นายต้องยอมถอย ถ้าพสุอยากให้นายกลับไปนอนที่บ้านของบริษัทนายก็ต้องไป’
‘ไม่! ฉันทนไม่ได้หรอกถ้าต้องอยู่ห่างพี่ไผ่’
‘นายอาจจะทรมานใจบ้างที่ต้องแยกกันอยู่กับพสุ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พสุรู้ใจตัวเอง เขาก็จะยอมให้นายกลับเข้าไปในชีวิตอีกครั้ง หรือนายจะดันทุรังอยู่ต่อ กดดันให้พสุกังวล เครียด กลัว จนกลายเป็นความเกลียดก็เลือกเอานะ’
‘ทำไมฉันต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย’
‘นี่คือรสชาติของการรอคอยยังไงล่ะ เชื่อฉันเถอะ มันอาจจะขมขื่น แต่ผลของมันหวานชื่น คุ้มค่าแก่การอดทนแน่นอน นายก็รู้ว่าฉันต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้นายเสมอ’
ริวถอนใจเฮือกยาว แล้วผุดลุกขึ้น เด็กหนุ่มชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นปลาตะเพียนสาน ตั๊กแตนสานที่เขาตั้งไว้บนชั้นมุมห้อง เด็กหนุ่มลุกไปหยิบมาดูแล้วไล้นิ้วไปบนตัวปลาตะเพียนสีน้ำตาลแห้งที่ยังคงรูปสวยเหมือนตอนได้มาใหม่ๆ เพียงแต่สีสันเท่านั้นที่เปลี่ยนไป...
‘แม่ครับ ริวเคยรับปากแม่ไว้แล้วว่าริวจะดูแลพี่ไผ่ ริวจะทำให้ดีที่สุดครับแม่ ริวจะไม่ยอมให้พี่ไผ่ต้องเสียใจอีกแล้ว ริวสัญญา’
ริวหยิบโทรศัพท์ที่ห้อยคอออกมาแล้วกำไว้แน่น ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจไม่โทรหาพสุ เขาควรให้เวลาพสุบ้าง อย่างที่ อลันแนะนำ เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อลงไปว่ายน้ำที่สระหน้าบ้าน ไม่ต้องเกรงสายตาใครเพราะเกือบ 2 ทุ่มแล้ว อีกสักครู่พี่จันก็จะกลับบ้าน เหลือเพียงเขาอยู่คนเดียวในบ้านเงียบเหงาหลังนี้
แต่ขณะที่เดินลงมาถึงชานพักบันได ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ พี่จันวิ่งออกจากครัวมารับสาย
“คุณไผ่เหรอคะ...ค่ะ...พี่สบายดีค่ะ...ค่ะ...คุณริวมาถึงสักพักแล้วค่ะ...ตอนนี้อยู่ข้างบนค่ะ เดี๋ยวพี่เอาโทรศัพท์ขึ้นไปให้นะคะ...อ้าว ไม่ต้องเหรอคะ...ค่ะ...ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะปลุกให้ค่ะ...สวัสดีค่ะ”
ริวยืนหลบมุมบันไดเงียบๆ จนพี่จันกลับเข้าไปในครัวถึงเดินลงไปชั้นล่าง เด็กหนุ่มหยุดยืนมองโทรศัพท์นิ่ง รอยยิ้มจางๆแต้มที่มุมปากบาง...ถึงจะไม่ได้คุยกับพสุ แต่เด็กหนุ่มก็ใจชื้นที่รู้ว่าพสุห่วงเขาจนต้องโทรมาถามพี่จัน...ถ้าพสุห่วงเขาแบบนี้ โอกาสที่เขาจะได้กลับไปหาพสุอีกครั้งก็ไม่น่าจะนานอย่างที่คิด
………………………………………….
-
พี่ไผ่อ่ะ ไม่ยอมเปิดใจคุยกันสักที หงุดหงิดๆๆๆๆ-*-
ทำริวเสียใจอีกแหงมๆ
ปล.กรี๊ดดดดดด ตอนใหม่มาแล้ว จิ้มๆ
อ๊ายยยยยยย อลันเหมือนคิวปิดเลยอ่ะ ขอคู่น่ารักๆให้อลันด้วยเท้อออออออ
-
เราก้อจะอดทนไปพร้อมๆกับริวด้วย o7
ริวสู้!!!! คนอ่านสู้ !!!!
-
พี่ไผ่ใจแข็งจัง
-
เห็นไม สุดท้ายก็ต้องให้อลันจัดการ
โฮ :o12: อยากให้ถึงตอนหวานๆแล้วอ่ะ
อึดอันกับบรรยากาศดาร์กมากๆ
-
น่าเอ็นดูจัง ชอบที่ริวบอกว่าจะไดคิดว่าริวหนีเที่ยว :L1:
-
มาม่าหมดไปหลายลังแล้วนะ
เมื่อไหรจะหวานซักที :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ผิดถูกที่ฉันทำทำลงไป สายตาใครยังไง
ฉันไม่มอง ไม่เห็น ไม่รับรู้อะไร
รู้เพียงว่าทำเพราะรัก ทำเพราะเธอที่รักก็พอ
เธอคือรักแท้คือใจดวงเดียวที่รอ ไม่อาจยอมเสียเธอไป
แม้รู้ว่าทำเพราะรัก สิ่งที่ทำจะร้ายหรือผิดแค่ไหน
ฉันอยู่โดยขาดรักไม่ได้ ให้ทำผิดเท่าไร ฉันคงต้องยอม :กอด1:
-
อลัน ผู้จัดการสาระพัดประโยชน์จริงๆ
รอตอนต่อไป
อ่านแล้วบีบคั้นหัวใจดีจริงๆ
-
ตอนนี้สงสารน้องริวจัง
พี่ไผ่อ่ะจริง ๆ ก็รักน้องริวใช่ม๊า
ทำไมไม่ยอมรับความจริงซักที
ดูสิเลยเจ็บกันไปหมดเลย
แต่แยกกันอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
พี่ไผ่จะได้รู้ใจตัวเองและยอมรับความจริงซักที
ว่าการที่ไม่มีน้องริวอยู่ข้าง ๆ จะเหงาแค่ไหน
ทึ่งอลันมาก ๆ เป็นที่ปรึกษาที่ดีจริง ๆ
ปรึกษาได้ทุกเรื่องเลยนะ
-
:z2: อดทนไว้เจ้าริว เดี๋ยวก็ดีเอง :z13:
:pig4: :pig4:
-
อลันสมกับเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ของริวจริงๆ
สงสารริวแต่ก็เห็นใจพี่ไผ่
อยากให้ยอมรับหัวใจตัวเองเร็วๆ
ขออย่าให้มีอะไรโผล่มาขัดเป็นตัวแปรอีกนะ
ไผ่ยิ่งคิดมากอยู่
ถ้ามีมือที่สามสี่ห้าเข้ามาเกี่ยวด้วยอีก
:serius2: :serius2: :serius2:
ขนาดเราแค่อ่านยังคิดไปสารพัดแล้ว
แล้วไผ่จะขนาดไหนเนี่ย
:เฮ้อ:
อืดท้องไปหมดแล้ว ซดม่าม่ามาหลายมื้อ
ขออลันมาเป็นอีโนหน่อยได้มั้ยไรเตอร์
-
ว้าว มาเร็วแต่เสี่ยว มาม่า
-
เชื่ออลันนะน้องริว แล้วจะดีเอง o13
-
อลันนี่ยิ่งกว่า Bug อีก ถามอะไร ตอบได้หมด o13
ช่วงนี้เป็นช่วงอดทนรอสินะ :เฮ้อ:
-
รู้สึกรักอลันขึ้นมามากมาย
ริวทำได้ดีมาก....พสุจะใจอ่อนแล้ว!!!! :impress2:
เฮ้ออออ....จะได้แฮปปี้กันสักทีนะ
แต่รู้สกทางอลันจะมีเรื่องวุ่นวาย ไม่เกี่ยวกับริวใช่มั้ยเนี่ยยยย
ไม่เอาน๊า.....น้องน่าสงสารพอแล้ว :o12:
-
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่ไผ่รีบๆ ทำตัวหัวใจตัวเองเสียทีซิคะ
-
อลันสุดยอดด o13
ดีจริงๆที่ริวมีอลันเป็นที่ปรึกษา ริวสู้ๆ
-
o18เหมือนจะแอบร้ายกาจ
ปล.ทำเอาน้ำตาร่วงไปหน่อยนึง o13 แต่พอโทรหาอลันแล้วค่อลโล่งอกหน่อย
-
สงสารริว.. หงุดหงิดแทน :serius2:
อลันจับเครื่องมาอย่างด่วนเลย
-
โอียไม่ไหวนะครับ
อ่านไปน้ำตาหยดแหมะเลย
ริวสู้ๆนะทำให้ไผ่คิดถึงจนอยู่ห่างไม่ได้เลย
อดทนนะริวแล้วจะได้เชยชมไผ่แบบหวานๆ
ไปนานๆอิอิ o13 :o12: :o12:
-
:เฮ้อ:
เริ่มเซ็งพี่ไผ่ ที่คิดมากเกินไปตลอดเวอ่ะ
เดี๋ยวก็เชียร์ให้ริวกับอลันกินกันเองซะเลยนี่ :laugh:
-
:เฮ้อ:
ขอแบบดราม่าปานกลางพอนะ
น้องริวสู้ สู้
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ไผ่รู้ใจตัวเองเร็ว ๆ นะ
สงสารน้อง
-
อีกไม่นานไผ่จะรู้ใจตัวเองแล้ว อิอิ
-
พระเอกเรื่องนี้คือ อลัน ใช่ไหมเนี่ยยยย
นายเป็นใครกันอลัน ทำให้ทุกเรื่องคลี่คลายได้เสมอ สุดยอด!! o13
พี่ไผ่ทำเอาแม่ยกเครียด แต่ก็แอบเข้าใจ...
พี่ไผ่ไม่ได้รู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นเกย์ แต่รู้ผิดที่พาน้องริวเป็นเกย์ใช่ไหม
งั้นก็คุยกับน้องริวไวไวเลย จะได้รู้ว่าน้องอ่ะ รักพี่ไผ่มากก่อน ไม่ใช่เพราะพี่ไผ่ชัดนำ
น้องริวนี่ได้แต่รอ ร๊อ รอ ตลอดเลย
น้องรอมา 5 ปีตอนเรียนภาษาไทย ไหนจะมารอตอนนี้อีก
น้องริวเขามั่นใจในรักมานานแล้วพี่ไผ่ :serius2:
ปล.ยิ่งอ่าน ยิ่งติด ไม่ได้อ่านแล้วทำเอานอนไม่หลับ
-
ตอนนี้ชักอยากเห็นคู่ของอลันบางสินะ
-
:กอด1:ริวอดทนอีกนิดนะพี่ไผ่ใกล้ใจอ่อนแล้ว
-
มาม่าเรื่องนี้อร่อยจริงๆ
ยิ่งเสพยิ่งติด... :กอด1:
+1 สำหรับตอนนี้ นำ้ตาซึมเล็กๆ
-
ทุกปัญหาแก้ได้ด้วย "อลัน" น้องต้องใจเย็นๆรอคอยซะแล้ว ดูซิพี่ไผ่จะทนได้แค่ไหน
-
ริวเข้มแข็งไว้
ริวสู้ๆ :a9:
-
ีรอเวลาให้ไผ่รู้ใจตัวเอง สักที... :กอด1:
-
อดทนนิดนึงนะริว อีกนิดเดียวก็จะมีความสุขแล้ว
ตอนนี้ก็แค่รอให้ไผ่เป็นฝ่ายคิดได้และเข้าหาริวบ้างล่ะ
-
ชักจะเซ็งพี่ไผ่ :z3:
-
:o12:ริวแอบเจ้าเลห์อีกแล้ว
ดูใสๆ แต่ร้าย กร้าวแต่บริสุทธ์
-
รู้ใจตัวเองเร็วๆนะพี่ไผ่ :เฮ้อ:
-
น้องริวสู้ๆ
-
สงสารหนูริว...โถ....T_T
พี่ไผ่ทำอย่างนี้ได้ไง....ไล่น้องแบบนี้ได้ไงอะ..
ริวรักพี่ไผ่มากหรอกถึงยอมให้ขนาดนี้...(แต่แอบฮาพี่กรคะ...55+)
คนอ่านงอนพี่ไผ่จริงๆนะเนี่ย.... :m16:
เดี๋ยวเชียร์ให้อลันแอบมารับหนูริวกลับชั่วคราวซะเล้ยยยย...>.<
-
สักพักพี่ไผ่คงรู้ตัวแหละนะริว....
ให้เวลาพี่ไผ่บ้าง...
-
ทุกอย่สงต้องผ่านไปด้วยดีสิน่าาา
><
เอาใจช่วยทั้งพี่ไผ่และน้องริว
แอบสงสารพี่กร ที่ต้องมารับรู้ด้านมืดเล็กๆ ของน้องริว
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
ไฟท์ติ้งงงง
-
รสชาติของการรอคอย,,,
มันจะมีรสชาติยังไง
ก้อต้องขึ้นอยู่กับพี่ไผ่แล้วล่ะ :เฮ้อ:
-
อลัยเจ้าเล่ห์น้าาาาา
-
นี่คือรสชาติของการรอคอยยังไงล่ะ เชื่อฉันเถอะ มันอาจจะขมขื่น แต่ผลของมันหวานชื่น คุ้มค่าแก่การอดทนแน่นอน นายก็รู้ว่าฉันต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้นายเสมอ’
แล้วเมื่อไหร่มันจะเลิกขมขื่นล่ะเนี่ย อยากได้หวานๆอ่ะครับ
-
อีกนิดเดียว..
ริวรออีกนิดเดียวนะ...เชื่อว่าตอนนี้พี่ไผ่ก็รู้ใจตัวเองแล้วแหล่ะ แต่ยังพยายามที่จะปฏิเสธอยู่...
รออ่านต่อจ้า...+1 ให้จ้ะ o13
-
อลันเป็นซูเปอร์แมนหรือไร ไม่มีอะไรที่อลันทำไม่ได้ และทำได้ดีด้วยอ่ะ o13
ริวก็ต้องอดทนนะ รออีกนิด อีกนิดเดียวนะ(ใช่มั้ยค่ะทั้งคุณผู้โพสและคุณผู้แต่ง o18 )
พี่ไผ่ก็รีบๆรู้ใจตัวเองเน้อ :z3:
-
อ๊ายยยยยยย อ่านแล้วน้ำตาซึม ปวดตับ ไต ไส้ พุงทะลุไปถึงเซียงจี๊เลยทีเดียว สงสารนู๋ริวมากกกก :serius2: :z3: :m8:
-
ริวสู้ๆ ดีแล้วล่ะที่เชื่อฟังคุณเลขา
ส่วนไผ่ก็รีบรู้ใจตัวเองหน่อยนะ สงสารน้องริว หุหุ
-
o13 ให้อลันเลยได้ดั่งใจทุกอย่างจริง ๆ
อยากให้ไผ่รู้ใจตัวเอง และยอมรับเร็ว ๆ จังสงสารน้อง
:pig4: คะ
-
มาม่าชามนี้เหลือแค่น้ำชิมิ o18
-
เฮ้อ~ (อ่านแล้วถอนหายใจ)
คนนึงก็คิดอย่างนึง อีกคนก็คิดอีกอย่าง แต่ทั้งสองคนคิดว่าเป็นทางที่ดีที่สุดของอีกฝ่าย...แต่ดูๆไปแล้ว เหมือนยืนอยู่คนละฝั่งเลยนะนี่ เมื่อไรจะกลับมาตรงกลางเน้อ รอติดตามค่ะ :เฮ้อ:
-
หุหุหุ เจ้าหนูริว
:z1:
-
:serius2: อ๊ากกกส์ ใกล้จะหาย มาม่า แล้วใช่ม้ายยยยยยย
ทุรนทุรายไม่แพ้น้องริว :o12:
-
อ่านไปอึดอัดไป เห้อ ดีกันเร็วๆนะ
:sad4: :sad4:
-
ริวยอมได้ทุกอย่างเพื่อพี่ไผ่จริงๆ
รออีกนิดใกล้แล้วนะหนูริว
-
เมื่อไหร่จะหวานซะทีอ่ะ
สงสารริวจะแย่แล้วน๊า
-
ริว อดทนนะ ต้องใจแข็ง
ตอนนี้ลูกบอลถูกโยนกลับไปที่ไผ่แล้ว ไผ่เท่านั้นต้องเป็นคนตัดสินใจ
-
เฮ้อ พี่ไผ่ช่างคิดมากแท้ๆ :เฮ้อ: มาม่าอร่อยมั้ย ม่ายยยยยยยยย :serius2:
-
อิ่มมาม่า จนท้องอืดหมดแล้ว
แต่คงอีกไม่นาน เราต้องคอยเหมือนริวใช่ไหม
ไม่นาน ทุกอย่างก็จะหวานชื่น
เราว่า ริว โชคดีมาก ที่มีอลัน
-
คนเขียนเก่งมากๆ ภาษาก็สวย เนื้อเรื่องก็ดี น่าติดตาม ชอบมากๆเลยค่ะ กลับมาต่อไวๆนะคะ o13
-
สงสารริวจังเลย ไผ่ให้น้องไปอยู่ที่อื่น
โชคดีนะที่ริวปรึกษาอลันว่าต้องให้เวลาไผ่บ้าง
อยากให้อลันมาหาริวที่นี่จังเลย
จะได้ช่วยพูดให้ไผ่เข้าใจริวสักที
-
มีปัญหา ปรึกษา อลัน
ริวใจเย็นๆ อย่างที่อลันว่า ให้เวลาพี่ไผ่บ้าง
-
ตอนที่ 89
“คุณไผ่คะ...คุณไผ่”
“...ครับ” พสุขานรับทั้งที่ยังนอนมองออกไปนอกระเบียง ไม่ได้หันกลับไปหาพี่แมว
“พี่ตั้งโต๊ะไว้แล้วนะคะ...คุณไผ่จะรอคุณริวหรือจะทานเลยคะ”
“เดี๋ยวไผ่ไปทานครับ...ริวกลับไปนอนที่บริษัทแล้ว...” พสุตอบเสียงเรียบแต่แววตาหม่นมัวด้วยความทรมานใจ
“อ้าว! ทำไมไปปุ๊บปั๊บนักละคะ...ชุดเก่งที่ให้พี่ซักยังไม่ได้รีดมาให้เลย...”
“...พรุ่งนี้...คงมาเอามั้งครับ” ปากตอบพี่แมวแต่ใจลอยไปถึงคนที่อยู่อีกฟากของเมือง...พรุ่งนี้สินะถึงจะได้เจอกัน
“ค่ะ งั้นพี่จะไปแขวนไว้ให้ในห้องเสื้อผ้าละกัน คุณไผ่อย่าลืมทานยาแก้ปวดท้องนะคะ เห็นคุณริววางไว้ให้บนโต๊ะอาหาร”
“ครับ” พสุยังคงนอนอยู่ในท่านั้นอีกนาน กระทั่งพี่แมวกลับเข้ามาอีกครั้ง
“คุณไผ่คะ พี่อุ่นกับข้าวให้อีกรอบแล้วนะคะ อย่าลืมทานยาด้วยนะคะ”
“ขอบคุณครับพี่แมว”
“ค่ะ...งั้นพี่กลับบ้านก่อนนะคะ...คุณไผ่...ไม่เป็นไรนะคะ?” พี่แมวถามย้ำอย่างไม่สบายใจ เป็นแม่บ้านให้พสุมาก็หลายปี แต่พสุไม่เคยหันหลังคุยกับเธอแบบนี้มาก่อน ถึงน้ำเสียงของพสุจะไม่มีอะไรผิดปกติพี่แมวก็อดห่วงไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ...แค่ตื้อๆ เท่านั้นเอง พี่แมวกลับเถอะครับ”
“ค่ะ”
พสุยังนอนนิ่งๆ อยู่อีกครู่ใหญ่กว่าจะลุกขึ้น ชายหนุ่มเดินไปหยุดยืนดูอาหารบนโต๊ะแล้วใจรอนๆ เมื่อเห็นจานจัดไว้ที่เดียว ที่ข้างๆ เขาไม่มีคนนั่งด้วยอีกแล้ว...ชายหนุ่มสลัดศีรษะแล้วรีบเข้าไปประจำที่ ตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็วเพียงเพื่อให้มีอาหารอยู่ในท้องโดยไม่คำนึงถึงรสชาติ พสุฝืนกินข้าวไปได้ไม่กี่คำก็เลิก ชายหนุ่มเกือบจะลุกกลับเข้าห้องแล้วถ้าไม่เหลือบไปเห็นถ้วยใบน้อยใส่ยาที่วางไว้ให้ข้างแก้วน้ำ และโพสต์อิทสีแสบตาแปะไว้ที่แก้ว
‘อย่าลืมกินยานะครับ’ พสุกินยาแล้วหยิบโพสต์อิทใบเล็กกลับเข้าห้องไปด้วย
ชายหนุ่มเปิดไฟ เปิดแอร์ เปิดเพลงทิ้งไว้ ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ พสุชะงักเมื่อพบว่าไม่มีน้ำอุ่นเต็มอ่างเหมือนทุกๆ วัน...ชายหนุ่มยิ้มบิดเบ้อย่างขมขื่นใจ...เขาสบายจนเคยตัว ทุกๆวันจะมีคนเปิดน้ำอุ่นๆ ไว้ให้ เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เขาเปลี่ยน เล่นเปียโนเพราะๆ ให้ฟังจนกว่าเขาจะหลับ เขาเสพติดความสุขสบายอันอบอุ่นนี้ จนแทบแดดิ้นเมื่อจู่ๆ ต้องขาดไป
ชายหนุ่มหย่อนตัวลงในอ่าง ขณะที่ยกโพสต์อิทใบเล็กขึ้นดู อ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมา ราวกับมันเป็นลายแทงสมบัติ
‘ต้องหลอกตัวเองไปนานแค่ไหน....ว่าตัวฉันไม่มีใจให้เธอ...ว่าตัวฉันไม่เป็นไร ไม่เสียใจ...’ พสุสะดุ้งเหมือนถูกเข็มแทงเมื่อได้ยินเพลงที่ลอดเข้ามาในห้องน้ำได้ถนัด
“ริวปิดเพลงให้พี่...” หางเสียงของชายหนุ่มแผ่วหายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขา ‘อยู่คนเดียว’ พสุผุดลุกขึ้น เลิกแช่น้ำอุ่นเพียงแค่นั้น เขาสวมเสื้อคลุมลวกๆ เพื่อออกไปปิดเพลงแล้วสวมชุดนอนกลับมาทิ้งตัวลงบนเตียง ที่นอนเย็นเฉียบจนต้องคว้าผ้านวมขึ้นมาคลุมจนมิดถึงคอ
เพิ่งรู้สึกว่าเตียงเขากว้างเกินไป ห้องนี้ก็กว้างจนเหมือนไม่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก...
ชายหนุ่มเกือบสะดุ้งเมื่อเสียงริงโทนเบอร์พิเศษดังขึ้น พสุเหลียวไปมองโทรศัพท์นิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งถึงตัดสินใจรับสาย
“ครับ...” แทนที่จะได้ยินริวตอบกลับมา กลายเป็นเสียงเปียโนแทน เสียงสะท้อนของเครื่องดนตรีแปลว่าริวเล่นอยู่ในห้องนอนไม่ใช่ในห้องซ้อม
http://www.youtube.com/watch?v=GLje3XgE6XU (เนื้อเพลงถูกแก้ไขให้เหมาะกับริว)
รู้ไหมว่าใจมันหวิว...เมื่อตอนที่เธอบอกลา
รู้ไหมว่าฉันโหยหา…เมื่อตอนที่ต้องห่างไป
รู้ไหมว่าฉันคิดถึง…รู้ไหมว่าฉันห่วงใย
รู้ไหมรักมากแค่ไหน…หัวใจฉันมีแต่เธอ
พสุสะอึก รู้สึกเหมือนมีก้อนสะอื้นมาจุกที่คอ กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ อยากวางสายแต่เสียงเบาสั่นพร่าของริวทำให้เขาวางไม่ได้ ทำได้เพียงหลับตาอย่างขมขื่นใจ
รู้ไหมว่าคนคนนี้….มันเฝ้าแต่พร่ำแต่เพ้อ
จะกินก็เห็นแต่หน้าเธอ…จะนอนก็นอนไม่ได้
รู้ไหมเมื่อเราใกล้ชิด…ชีวิตไม่ต้องการสิ่งใด
แต่ตอนนี้เธอห่างไป…ใจเธอคงสับสน
.......เหมือนๆกัน….
เสียงปลายสายเริ่มขาดเป็นห้วงเพราะแรงสะอื้น พสุกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้เสียงเขาเล็ดลอดไปให้อีกฝ่ายได้ยิน
...ไม่รู้จะหนาวหรือร้อน…ไม่รู้จะอ้อนกับใคร…
จะคิดถึงฉันบ้างไหม…เมื่อใจเปลี่ยวเหงา...
...ไม่รู้เลย..........
เสียงปลายสายหยุดเพียงแค่นั้น แม้แต่เสียงดนตรีก็เงียบหายไปด้วย พสุสูดลมหายใจลึกเพื่อปรับน้ำเสียงไม่ให้แหบพร่า
“...ริวครับ...นอนนะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้ริวมีงานแต่เช้านี่” พสุพยายามพูดให้เสียงสั่นน้อยที่สุด
“...พี่ไผ่ครับ...พรุ่งนี้เช้า...เราไปกินต้มเลือดหมูร้านนั้นกันนะ...” เสียงของริวยังสั่นเครือและติดจะอู้อี้เล็กน้อย
“...ถ้าจะไปก็รีบนอนนะ...ไม่งั้นเช้าตื่นไม่ไหว พี่ไม่รอนะครับ” พสุปรับเสียงให้ร่าเริงเพื่อไม่ให้ริวรู้ว่าเขาเองก็ร้องไห้ไปกับริวด้วย...จะให้ริวรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขาคิดถึงริวแค่ไหน
“...ริวจะพยายามครับ...ริวรักพี่นะ...” ริวบอกรักทิ้งท้ายแล้ววางสายไป พสุถอนใจยาว ทิ้งศีรษะลงบนหมอน นอนลืมตาโพลงในความมืด เสียงของริวยังดังวนเวียนในหูซ้ำๆ เพลงเก่าของศิลปินชื่อดังที่เขาเคยฟัง เคยร้องสมัยเป็นเด็ก เพิ่งรู้สึกว่าเนื้อหามันเศร้าและสะเทือนความรู้สึกได้ถึงเพียงนี้…..
ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามข่มตาให้หลับอีกต่อไป...พสุลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ 4 นาฬิกา แล้วเข้าไปเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อนเพื่อชงกาแฟ ปกติเขาไม่ค่อยกินกาแฟสักเท่าไหร่ แต่เมื่อนอนไม่หลับทั้งคืนแบบนี้ก็จำเป็นต้องใช้ฤทธิ์คาเฟอีนช่วยกระตุ้นสมองให้สดชื่นขึ้น
“อ้าว! มีถ่ายละครต่างจังหวัดเหรอคะคุณไผ่” พี่แมวทักอย่างแปลกใจที่เห็นพสุตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดขนาดนี้เพราะปกติถ้าพสุมีถ่ายละครต่างจังหวัดจะบอกพี่แมวไว้ล่วงหน้า
“เปล่าหรอก...ผมนัดริวออกไปข้างนอกน่ะ”
“อ๋อ...งั้นเดี๋ยวพี่ไปรอเปิดประตูให้คุณริวนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเปิดเอง พี่ไปทำงานเถอะ”
“ค่ะ”
พสุยกถ้วยกาแฟออกมาจิบที่ห้องนั่งเล่น พลางอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย ทั้งที่รับหนังสือพิมพ์ทุกวันแต่นานๆ ครั้งที่จะมีเวลาได้นั่งอ่านแบบนี้
เสียงรถคุ้นหูแล่นมาจอดหน้าบ้าน พสุเหลือบมองนาฬิกาบนผนังแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูหน้าบ้าน ริวไขกุญแจรั้วเข้ามาพอดี เด็กหนุ่มชะงักเมื่อหันมาเห็นเขาก่อนจะก้าวยาวๆ เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“พี่...”
พสุพยายามจะส่งยิ้มให้แต่ริวกลับก้าวสวนเข้ามาในบ้านแล้วกอดเขาไว้แน่น เพียงแค่อ้อมแขนอบอุ่นที่โอบรัดรอบตัว ความรู้สึกเหน็บหนาวเยือกเย็นในหัวใจก็หายไปอย่างรวดเร็ว พสุยืนนิ่งอยู่ในท่านั้นนานจนรู้สึกตัวว่าการมากอดกันอยู่แบบนี้อาจจะมีคนมาเห็นเข้า จึงได้แต่ตบไหล่ริวเบาๆ แล้วดันร่างของเด็กหนุ่มออก
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย”
“ครับ”
ร้านต้มเลือดหมูร้านเดิม แต่ปริมาณคนค่อนข้างมากกว่าวันก่อนเพราะยังเช้าอยู่ ทำให้ทั้งคู่ไม่ค่อยได้พูดคุยกันนัก กอปรกับสายตาหลายๆ คู่ที่จ้องมองมาที่พวกเขาคล้ายกับว่าจำได้ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาทัก คงเพราะส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่ และวัยทำงาน ไม่ใช่เด็กวัยรุ่น
ริวเลื่อนถ้วยต้มเลือดหมูของตัวเองมาตรงหน้าพสุ พอชายหนุ่มเงยขึ้นสบตา เด็กหนุ่มก็ส่งยิ้มกว้างแต่ดวงตาหมองจนพสุใจหาย
“ปรุงให้ริวหน่อยได้มั๊ยครับ”
พสุตักเครื่องปรุงใส่ แล้วชิมรสให้แน่ใจว่ากลมกล่อม จึงเลื่อนชามคืนให้ริว เห็นเด็กหนุ่มตักกินเอาๆ ก็พลอยให้รู้สึกหิวตามไปด้วย นับตั้งแต่เสียพ่อแม่ไป นี่ดูจะเป็นอาหารมื้อแรกที่พสุกินด้วยความรู้สึกว่า “อร่อย”
พอกินต้มเลือดหมูเสร็จ พสุก็เดินนำริวกลับมาที่รถ ผ่านร้านขายน้ำตาลสายไหมร้านเดิมที่ป้าคนขายกำลังก้มหน้าก้มตากับหนังสือดาราในมือ พสุนึกถึงวันที่ริวพยายามจะจ่ายค่าน้ำตาลสายไหมด้วยบัตรเครดิตก็อดอมยิ้มไม่ได้…
“ป้าครับ น้ำตาลสายไหม 2 ถุง...พี่จ่ายตังค์ให้ริวหน่อยนะครับ ริวไม่ได้เอาตังค์มา” พสุพยักหน้ารับ จ่ายเงินแล้วรีบเดินนำออกมาก่อนที่ป้าเจ้าของร้านจะเงยหน้าจากหนังสือมาเห็นเขา
“อ่ะของพี่สีส้ม ของริวสีขาว”
“ทำไมต้องให้สีส้มพี่ล่ะ พี่จะเอาสีขาว”
“อ้าว! ก็ริวนึกว่าพี่จะชอบสีนี้...ริวกัดไปแล้วนี่ พี่คงต้องกินสีส้มแล้วล่ะครับ”
พสุแกล้งทำหน้าหงิกแต่ก็ยอมรับถุงน้ำตาลสายไหมสีสดมาถือแต่โดยดี ขณะที่ริวหัวเราะคิกคักชอบใจที่แกล้งเขาได้ ก่อนจะไปหยุดที่ร้านขายกล้วยปิ้ง แล้วหันมาทำตาละห้อยใส่พสุอีกครั้ง
พสุส่ายหน้า แต่ก็ยอมหยิบเงินส่งให้โดยดี ริวยิ้มร่าสั่งกล้วยปิ้งราดกะทิมาถุงใหญ่ๆ แล้วรับเงินทอนส่งให้พสุ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ ซึ่งริวเป็นสารถีทั้งขามาและขากลับ ผิดกับครั้งแรกที่พสุต้องเป็นฝ่ายขับให้เด็กหนุ่มนั่ง
“พี่...ริวจะกินกล้วยปิ้ง”
“เดี๋ยวถึงบ้านค่อยกินสิ”
“พี่ป้อนให้หน่อยนะครับ...น๊า...”
พสุถอนใจเฮือกเหมือนรำคาญ แต่รอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากทำให้คนที่ลอบมองตลอดเวลาอมยิ้มด้วยความดีใจ และครู่เดียวกล้วยปิ้งอุ่นๆ หอมๆ ขนาดพอดีคำ ก็ถูกป้อนให้ถึงปาก
พสุเผลอถอนใจเมื่อเห็นประตูหน้าบ้านเลื่อนออกช้าๆ...เป็นครั้งแรกที่การกลับถึงบ้านไม่น่ายินดีอย่างทุกครั้ง ริวขับรถเข้าไปจอดในโรงรถแล้วเดินตามพสุเข้าไปในบ้าน เด็กหนุ่มเดินเลยเข้าไปในห้อง เปิดแอร์แล้วกลับมาดึงมือพสุให้ตามเข้าไปในห้องนอน
“มีอะไรเหรอริว?”
“พี่นอนนะครับ...เหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลางาน...ริวรู้ว่าพี่นอนไม่ค่อยหลับ...ริวหมายถึงพี่นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว...ตอนนี้ยังมีเวลา นอนนะครับ พักเสียบ้าง...แล้วไม่ต้องพะวงเรื่องเวลา ริวจะโทรมาปลุกพี่เอง...นะครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลและสายตาห่วงใยของเด็กหนุ่มทำให้พสุกลืนคำปฏิเสธลงไป
“โอเค...ริวกลับเถอะ เดี๋ยวพี่จะนอนแล้ว”
“พี่นอนสิ ริวจะอยู่จนกว่าพี่จะหลับ” ริวพูดพร้อมกับดึงมือพสุให้นั่งลงบนเตียงด้วยกัน พสุยังลังเลเพราะไม่อยากใกล้ชิดกับริวในสภาพล่อแหลมแบบนี้...ไม่ได้กลัวริว...แต่กลัวใจตัวเองมากกว่า...
“แต่...ริวมีงานนี่”
“ยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย...พี่รีบหลับสิครับ ริวจะได้ไม่ไปทำงานสายนะ...นอนนะครับ”
“...อืม...แต๊งกิ้วนะริว..” พสุรับปากเสียงแผ่ว ยอมนอนลงแต่โดยดี ริวยิ้มกว้างแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้พสุจนถึงคอ ก่อนจะก้มลงกอดชายหนุ่มไว้ทั้งผ้าห่มอยู่ครู่หนึ่งแล้วลุกไปเปิดเพลงเบาๆ
เด็กหนุ่มกลับมาทิ้งตัวลงบนเตียงข้างพสุอีกครั้ง ดึงมือของพสุไปจูบแล้ววางแนบไว้บนอก ขณะที่ดวงตาจับจ้องพสุด้วยประกายหวานฉ่ำจนชายหนุ่มหน้าร้อนวาบด้วยความเขิน พสุหันหลังแล้วรีบหลับตาเสียให้พ้น ได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะแผ่วๆ พร้อมกับรอยอุ่นบนขมับ วงแขนแข็งแรงโอบรัดรอบตัว ลมหายใจอบอุ่นเป่ารดต้นคอบอกให้รู้ว่าริวอยู่ใกล้เขาแค่ไหน
พสุลูบมือไปบนแขนที่กอดรัดอยู่รอบตัว...อีกครั้งที่อ้อมแขนนี้ช่วยประคับประคองเขาไว้.........ในวันที่เขาสูญเสียแม่และพ่อไป มีเพียงคนๆ เดียวที่เจ็บด้วย ร้องไห้ไปพร้อมกับเขาและกอดเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาแตกสลายไปเพราะความเจ็บปวด คนเพียงคนเดียวที่ไม่เคยปล่อยมือไม่ว่าจะทุกข์จะสุขแค่ไหนริวก็อยู่เคียงข้างเขามาตลอด
‘พี่ยังมีริวนะ ริวจะไม่ทิ้งพี่ไปไหน...ริวรักพี่นะ...’
แม้จะพยายามหลอกตัวเองมาตลอดว่าริวคิดกับเขาแค่พี่ชาย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจหนีความจริง...ความจริงที่ว่าริวรักเขาเกินเลยกว่าพี่น้องไปแล้ว ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม...แล้วเขาเองเล่า...เขารักริวแบบไหนกันแน่...ชายหนุ่มไม่กล้าคิดต่อ เพราะกลัวว่าจะไม่อาจยอมรับ “ความจริง” ได้.........
เสียงริงโทนเบอร์พิเศษปลุกพสุขึ้นมาจากความหลับใหล ชายหนุ่มป่ายมือไปหาโทรศัพท์แล้วกดรับสายทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“...ครับ...”
“ตื่นเถอะครับ อีกครึ่งชั่วโมงรถจะไปรับนะครับ” เสียงนุ่มๆ อ้อนๆ ในสายทำให้พสุตาสว่าง ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาแล้วรีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อืม...พี่ฝากบอกพี่กรด้วยนะ ว่าเดี๋ยวพี่ขับรถไปเอง...พี่มีงานต่อน่ะ แล้วต้องไปถ่ายละครเย็นนี้ด้วย”
“ครับ” ริวรับคำแล้วเงียบ จู่ๆ พสุก็รู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจจนไม่อยากให้ริววางสายตอนนี้จึงหาเรื่องคุยด้วย
“เอ่อ...ริว...”
“ครับ?”
“คือ...พี่จะถามว่า...เมื่อเช้ากลับไปทันทำงานหรือเปล่า” พสุอึกอักแล้วถามในสิ่งแรกที่นึกออก
“ทันครับ มาก่อนเวลานัดด้วยซ้ำ”
“เหรอ...แล้ว...เอ่อ...งาน...พี่หมายถึงเพลงน่ะ พี่เผ่าว่าไงบ้าง” ชายหนุ่มยังเป็นฝ่ายชวนคุยไม่เลิกทั้งที่ไม่รู้จะคุยอะไรอีกแล้ว ความจริงเรื่องเหล่านี้ถ้าจะรอไปคุยกันที่งานก็ได้ แต่...เขาอยากได้ยินเสียงริว...
“ยังไม่ได้เริ่มอัดครับ ยังปรับแต่งดนตรีกันอยู่”
“อืม...งั้น...ริวไปเตรียมตัวเถอะ พี่ก็จะไปอาบน้ำแต่งตัวเหมือนกัน เดี๋ยวเจอกันที่งานนะ”
“ครับ...พี่ไผ่ครับ...ริวรักพี่นะ”
พสุชะงักอาการหวิวๆ ในอกดูจะบรรเทาลงทันที ยังไม่ทันพูดอะไรริวก็ชิงวางสายไปเสียก่อน ชายหนุ่มยังจ้องมือถืออยู่นานจนนึกขึ้นได้ว่าเขามีเวลาเตรียมตัวไม่มากนัก เพราะกว่าจะฝ่าการจราจรไปถึงห้างใหญ่กลางเมืองคงต้องผจญกับรถติดมหาศาล…………..
……………………………………………
-
โอ๊ยยยยย.....
ได้อ่านแล้วปานจะขาดใจรอนๆ
พี่ไผ่...อย่าให้ริวรอนานน้า
ตอนนี้ก็แอบมีหวานๆ ซึ้งๆกันแล้ว
ยอมรับแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันเถอะ
-
:monkeysad:
:z3:
:call:
-
พี่ไผ่หวั่นไหวขนาดนี้แล้ว น้องริวก็แสร้งปล่อยไปแบบนี้ละครับ รับรองไม่นานเกินรอพี่ไผ่ตกหลุมสวาทของตัวเองแน่ๆ
-
ใกล้แล้ว พี่ไผ่รู้ใจตัวเองสักทีเหอะ
รอฉาำกหวานๆๆ :call:
-
ลุ้นมากๆเลยล่ะ :impress2:
-
ไผ่แค่นี้ก็น่าจะรู้ใจตัวเองได้แล้ว
ว่ารักริวเหมือนกัน ไม่ใช่น้องรักตัวเองคนเดียว
ริวเคยอยู่ด้วยกันตลอด ห่างกันแค่นี้ก็เหงาแล้ว
คิดให้ไวนะไผ่
-
อืม อลันวางแผนมาให้เป็นสเต็ปๆแหงเลย ริวถึงใจเย็นได้ขนาดนี้ :eiei1:
-
โอ๊ยยยยยยยยย
ริวเริ่มแล้วสินะแผนของอลันรึป่าวนี่
แต่ไผ่คงรู้ใจตัวเองเร็วๆนี้แล้วสินะ
แแหมรู้แล้วว่าริวรู้สึกยังไง
รีบๆยอมรับซะนะอยากอ่านตอนหวานๆ
มาม่ามันอืดเต็มท้องแล้วครับ
มันไม่ดีต่อสุขภาพนะมาม่าอ่ะ
มาต่ออีกนะครับ o13
-
ก็ยอมรับไปสิว่ารักริวเหมือนกัน
ไม่เห็นต้องแคร์คนอื่นเลย :m16:
-
...
-
ริวอดทนไว้ๆ ทำขนาดนี้พี่ไผ่ไม่ใจอ่อนก้อให้มันรู้ไป
:a2:
-
ขอหวานๆ น้ำตาลขาดแคลนสินะ นิยายในเล้าถึงมีแต่มาม่า รอให้พี่ไผ่ยอมรับความจริง
ขอจุ๊บคนเขียนหนึ่งทีเพราะอัพเร็วทันใจมากๆ ^^
-
เผลอไปแป๊บๆ คนเขียนยอดขยัน นำไปสามตอนแระ วันนี้เลยอ่านตามเสียชุ่มใจ แต่ว่าอะไรๆก็ยังไม่ลงตัวอยู่ดี
ไผ่จ๋า..อย่าคิดมากไปนักเลย รู้ไหมว่าการคิดมากเกินไปของไผ่อ่ะ ทำให้ทั้งไผ่และน้องทุกข์ใจนะ
-
เซ็งไผ่ละ
ถ้าริวไม่สนจริงๆ ระวังน้ำตานองหน้าเหอะพี่ไผ่
-
โอ๊ยยยยยยยยยยยย
เหมือนจะหวานนะ
แต่พี่ไผ่ก็ยังไม่ยอมรับอะรไๆ เท่าไร
แต่น้องริวน่ารักชนะเลิศ !!!
><
ชอบมากจริงๆ
ชอบเวลาสองคนนี้ ร้องเพลงให้กัน
-
เห็นด้วยกับ DarKLasT ว่ามาม่าอืดเต็มท้องแล้ว :monkeysad:
-
กินมาม่าจนอิ่มแล้วค๊า ขอรสอื่นไวๆนะค๊าคนแต่งงงงงงงง^^
-
พี่ไผ่รู้ใจตัวเองสักทีซิ
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
หนูริวขยันอ้อนมากเลยอะคะ...55+
พี่ไผ่ใจแข็งจังหงะ...>///<
-
ตอนริวร้องเพลงนี่เป็นอะไรที่เศร้ามากเลยอ่ะ
อยากจะร้องไห้เพราะความคิดถึงจริง (อินมากไป)
อีกนิดริว อีกนิดเดียว ทนอีกนิดนะ
-
o13ดีมากริว พี่ไผ่เริ่มยอมรับแล้วนะ
-
เฮ่่่้อ เหนื่อยจัง
-
อ้อนๆ ไว้นะน้องริว ใกล้แล้วๆ o13
-
หมั่นไส้พี่ไผ่
ริวเขารู้ตัวตั้งแต่เมื่อ5ปีที่แล้วแล้วล่ะค่ะ
:seng2ped:
ปล.ตกลงแม้แต่พี่ไผ่ก็ไม่สงสัยว่าทำไมริวมีเงินเยอะ เมื่อไหร่ความจริงจะเปิดเผย
ปล2.รักอลัน :m1:
-
พี่ไผ่รีบๆถามใจตัวเอง แล้วยอมรับมันซะทีเถอะนะ :z3:
สงสารริวอ่ะ รอพี่ไผ่นานแล้วนะ :monkeysad:
-
เปิดเพลงคลอไปด้วย จะตายซะให้ได้ทรมานแทนพี่ไผ่ ก็แค่ก้าวขาออกมาจากกรอบที่ตัวเองขีดไว้ก็จะเจอความสุขแล้วมัวแต่กลัวไม่เลิกเลยเจ็บกันทุกฝ่ายซะงั้นแหละ
-
ใกล้แล้วใช่ไหม ตอนหวานๆที่รอคอย
มาม่าอืดเต็มท้องแล้วค่ะ ต้องการความหวานบ้างไรบ้าง
ริวเอ้ยอดทนไว้ อ้อนเข้าไปเยอะๆ พี่ไผ่ใกล้ยอมรับใจตัวเองแร้ว
-
อร๊างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หยดคำว่ารัก และการกระทำลงไปทุกวันหัวใจหินๆมันก็ละลายได้เหมือนกันนะคะ อิอิ
-
:o12: คนแต่งจะทรมานคนอ่านไปถึงไหน
พี่ไผ่ก็คิดมากเหลือเกิน พอสักทีเถอะ ไม่ต้องคิดไรแล้ว
อยากทำไรก็ทำเลยค่ะพี่ไผ่ น้องริวรออยู่
-
พี่ไผ่จะใจแข็งไปไหนค๊า
สงสารริวอ่า
-
น้องริวทำได้ลึกซึ้งมาก
ยิ่งได้ร้องเพลง"รู้ไหมว่าฉันคิดถึง"
ได้อารมณ์เข้าไปใหญ่
"รู้ไหมว่าคนคนนี้….มันเฝ้าแต่พร่ำแต่เพ้อ
จะกินก็เห็นแต่หน้าเธอ…จะนอนก็นอนไม่ได้
รู้ไหมเมื่อเราใกล้ชิด…ชีวิตไม่ต้องการสิ่งใด
แต่ตอนนี้เธอห่างไป…ใจเธอคงสับสน
.......เหมือนๆกัน…."
ยิ่งอ่าน ยิ่งฟัง โอ้ยยย สุดๆ
มันอัดอั้นอยู่ในอก กระดาษแผ่นเดียวซับนำ้ตาไม่พอเถอะ
อาการมันไม่ได้เศร้านะ แต่มันซาบซึ้งไปกับการกระทำของ
น้องริวกับพี่ไผ่มากกว่า>3<
+1สำหรับตอนนี้ นอนหลับพร้อมคราบนำ้ตาจริงๆ
ขอบคุณครับ^^
-
ค่อย ๆ เริ่มเข้าใจที่ละนิดก็ได้ไผ่
แต่อย่าพยายามไม่เข้าใจก็พอ สงสารน้อง
-
น้องริวสู้ๆ พี่ไผ่เริ่มใจอ่อนแล้ว
-
พี่ไผ่อ่ะทั้ง ๆ ที่รักน้องริว
ทำไมไม่ยอมรับซักที
พอไม่มีน้องริวอยู่ด้วย
ก็รู้สึกเหงาแล้วก็คิดถึง
แล้วจะแยกกันทำไมเนี่ย
เพลงนี้เหมาะกับน้องริวตอนนี้ที่สุด
เศร้ามาก ๆ เลยอ่ะ สงสารน้องริวจัง
-
พี่ไผ่ก็ไ่ม่ยอมเปิดใจคุยกับริวตรง ๆ เนอะ...จะได้รู้ซักทีว่าริวมันไม่ได้อ่อนต่อโลกแต่อย่างใด o18
-
ตอบตัวเองให้ได้นะพี่ไผ่ ว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร เพราะว่ารักใช่หรือเปล่า
-
น้องริวบอกรักเข้าไปลูก...ให้ซึมลึกลงไปในใจพี่ไผ่ให้ได้มากที่สุด...
คำบอกรักของริวใกล้เป็นผลแล้วสิ :กอด1:
-
สงสารใครดีเนี่ย
ตัวเองดีไหม
-
เจ้าเล่ห์จริงๆทั้งริว ทั้งผู้ปกครอง
ใช้แผนจากไป แต่ทิ้งร่องรอยไว้ให้คิดถึง
อย่างงี้พี่ไผ่จะไปไหนพ้น
-
เพลงกระแทกทรวงดีจัง o13
อิ่มมาม่าจิง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ลองให้ริวหายหน้าไปซักอาทิดซิ
กระอักมั้ยเนี่ยพี่ไผ่
เอาเวลามาีรักกันดีกว่า
-
เพลงกระแทกทรวงดีจัง o13
อิ่มมาม่าจิง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ลองให้ริวหายหน้าไปซักอาทิดซิ
กระอักมั้ยเนี่ยพี่ไผ่
เอาเวลามาีรักกันดีกว่า
เห็นด้วยที่สุดค่ะ
-
o13
-
:z3: :m15: :serius2: เมื่อไหร่จะหวานเนี่ยยย จุกมาม่าไปหมดแล้วววว
-
รอวันที่ฟ้าสดใส
-
คิดได้ไหมว่ามันหวานแล้วอะ :-[
ครั้งต่อไปต้องหวานจนมดร่วมตัวแน่เลยใช่ปะ :impress2:
:pig4: คะ
-
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะยอมรัีบความจริงน้าาาา :z2:
-
เป็นกำลังใจให้พี่ไผ่กะริว
:L2:
-
ริวเนี่ยอัจฉริยะไปทุกเรื่องเลยป่าวเนี่ย
-
สาธุอย่าให้มีข่าวแย่ๆออกมาเล้ยยย เดี๋ยวพสุหนีไปอีก-*- ยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่
-
รอวันที่พี่ไผ่เปิดใจกับน้องริวเสียที
จะได้อยู่ดูแลกันตลอดไป
-
:o12: พี่ไผ่ ถ้าพี่ไผ่ยังทำร้ายตัวเอง
กับทำร้ายริวแบบนี้ เราจะงอนพี่แล้วน่ะ
-
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ :เฮ้อ:
-
โอ๊ยยๆๆๆ อ่านแล้วน้ำตาจะไหล สงสารทั้งพี่ไผ่ สงสารทั้งริว
คนแต่งใจร้ายอ่ะ ฮือๆ
-
แล้วพี่ไผ่จะร้ว่าอยู่ห่างกันมันทรมานแค่ไหน
ริวโกยคะแนนสงสารได้ทั้งกระบุง
ซุปเปอร์อลันสุดยอด
-
รู้สึกว่าความหวังของริวใกล้ความจริงขึ้นมากทุกทีๆแล้ว
:call:
-
ริวค่อยซึมไปอยู่ในชีวิตไผ่ จนขาดไม่ได้
-
เจอริวเวอร์ชั่นนี้เข้าไปไผ่จะละลายอยู่แล้ว
พี่ไผ่คง"รู้สึก"แล้วว่าเวลาสูญเสียครึ่งชีวิตไปมันเป็นยังไง
หลอกคนอื่นได้แต่หลอกใจตัวเองไม่ได้ แค่"ยอมรับ"มันให้ได้เท่านั้น ความสุขก็อยู่แค่เอื้อมถึง
-
อ่า...ชักจะใสขึ้นมาอีกนิด รึเปล่าน้อ
ริวดูใจเย็นกว่าเดิมเยอะนะคะเนี่ย
-
เข้ามาเก็บสามตอนรวด
อ่านแล้วกระชากอารมณ์สุดๆ น้ำตาไหลพราก
(พี่ชายเปิดประตูเข้ามา ทำหน้างงๆว่าน้องตูร้องทำไมหน้าจอคอม 555+ )
รอวันทีพี่ไผ่รู้ใจตัวเอง ถึงวันนั้น พี่ไผ่จะต้องเดินเข้ามาหาน้องบ้าง
อย่าให้น้องเดินตามอย่างเดียวรู้มั๊ย ธรรมเนียมไทยเค้าถือ กร๊ากๆๆๆๆๆ
+ 1 จ้า :L2: :L2:
-
+ 1 จ้า
คอยอยู่นะจ้า
-
คอยอยู่นะจ้า
-
รอๆๆๆๆๆ รออ่าน
วันนี้อัพมั้ยเอ่ย?
-
รอๆๆๆๆๆ รอ
วันนี้อัพมั้ยจ้า
-
เห็นมั้ยริว พอห่างกันสักนิด มีช่องว่างระหว่างกันสักหน่อย พี่ไผ่ก้อได้รู้ว่า ขาดริวไม่ได้แล้ว
-
ตอนที่ 90
พสุลงจากรถด้วยอาการหมดเรี่ยวแรง วันนี้หลังจากงานเปิดตัวสินค้ากลางห้างดังกับเพื่อนๆ ในวงแล้ว เขายังต้องไปโชว์ตัวเดี่ยวในงานเปิดแคมเปญใหม่ของบริษัทนำเที่ยวต่างประเทศ เสร็จแล้วก็รีบบึ่งไปอยุธยาเพื่อถ่ายละคร กว่าจะเสร็จก็เกือบ 4 ทุ่ม พอถึงบ้านพสุจึงรู้สึกเพลียจนแทบเดินไม่ไหว
“พี่...เหนื่อยมากมั๊ยครับ...กินข้าวมาแล้วหรือยัง?” น้ำเสียงสดใสทักนำมาก่อนแล้วริวก็เข้ามาคว้ากระเป๋าไปจากมือเขา พสุส่งยิ้มให้...ความเหน็ดเหนื่อยเหมือนจะลดลงเมื่อได้เห็นแววตาห่วงใยของริว
“ยังเลย...ริวล่ะ”
“ริวรอพี่”
“...อืม...งั้นขอพี่ล้างหน้าล้างตาหน่อยแล้วกินข้าวกัน” ความจริงพสุเหนื่อยจนคิดว่าจะไม่กินข้าวแล้ว กะว่าอาบน้ำเสร็จก็จะนอนทันที แต่พอรู้ว่าริวหิ้วท้องรอกินข้าว เขาก็ไม่กล้าปล่อยริวกินข้าวคนเดียว
“พี่อาบน้ำก่อนก็ได้ครับ กินข้าวเสร็จจะได้เข้านอน”
“แล้วริวไม่หิวเหรอ?”
“ไม่ครับ...พี่ไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
พอเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปก็พบน้ำอุ่นเต็มอ่างรออยู่แล้ว พสุถอดเสื้อผ้าแล้วก้าวลงอ่างทันที น้ำอุ่นๆ ช่วยให้เขาคลายความเหนื่อยล้า แต่ก็แทบหลับคาอ่างเพราะความเพลีย ถ้าไม่เพราะริวมาเคาะประตูเรียก
“พี่ไผ่...พี่ไผ่ครับ”
“อืมๆ จะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“ริวไปรอที่โต๊ะอาหารนะครับ”
“เดี๋ยวพี่ตามไป” พสุคว้าผ้าขนหนูมาพันกาย แล้วหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับ แต่เมื่อเปิดประตูออกไป ก็พบว่ามีเสื้อผ้าชุดใหม่วางไว้ให้ที่โต๊ะเล็กหน้าห้องน้ำแล้ว
‘เฮ้อ!...ริวกำลังทำให้พี่เคยตัวนะรู้ไหม...แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่พี่จะชินกับการอยู่คนเดียวได้ล่ะ...’ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะคว้าเสื้อผ้าไปสวมอย่างรวดเร็ว
หลังจากอาหารเย็นตอนดึกผ่านไป ริวก็เข้าประจำที่หลังเปียโนเหมือนเคย พสุนั่งอยู่ในกองหมอน แผ่นหลังเหยียดตรง สายตาเพ่งนิ่งที่กระดาษว่างเปล่าตรงหน้า พลางหมุนดินสอเป็นวงกลมขณะเค้นสมองแต่งเนื้อเพลงใหม่
หลับตาลงยังรู้สึก...
ท่ามกลางความอ้างว้าง...ในหัวใจ
ค่ำคืนยาวนาน กับความเดียวดาย และลมหายใจ...ที่ว่างเปล่า
แกร๊ก! ดินสอร่วงจากมือของพสุ ชายหนุ่มเม้มปากก่อนจะเก็บดินสอมาถือไว้นิ่งๆ เพราะใจเผลอไปจดจ่อฟังเพลงของริวแทนที่จะตั้งสมาธิอยู่กับงาน
อยากให้เธอได้สัมผัส...
กับความห่วงใยที่มีให้เธอ ได้ยินเสียงของพระจันทร์ที่กล่อมเธอฝันดี ให้เธอได้รู้ตลอดไป
ว่า...ทุกเวลา...
ที่เราห่างกันแสนไกล...
ยังมีอีกคำในหัวใจ ที่จะบอกเธอ
ให้เธอได้รู้และเข้าใจ
ว่า...คิดถึงเธอ....
พสุเงยหน้าขึ้นสบตากับริว แล้วรู้สึกเสียใจที่ทำแบบนี้ เพราะเขาไม่อาจถอนสายตาจากดวงตาอ่อนโยนและน้ำเสียงนุ่มนวลของเด็กหนุ่มได้อีก
เมื่อเราห่างกันแสนไกล...
มีคำหนึ่งคำจะพูดไป…
ให้เธอได้รู้ จะแทนความหมายความห่วงใย
...ฉันคิดถึงเธอ...
ริวหยุดเว้นระยะเล็กน้อย แต่ดวงตายังจ้องตากับพสุแน่วแน่เมื่อร้องประโยคสุดท้าย...
...ก็ฉันมีเพียงเธอ...
พสุผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เพิ่งรู้ว่าเขากลั้นหายใจอยู่นานแค่ไหน ชายหนุ่มหลบตาลงมองเพียงขนพรมหนานุ่มตรงหน้า ปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง พยายามขู่ตัวเองด้วยเหตุผลร้อยแปด เพื่อหักห้ามใจไม่ให้เผลอออกปากชวนริว กลับมาอยู่ด้วยกัน
แม้เสียงเพลงของริวจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่ถูกวางลงบนเตียง แวบแรกชายหนุ่มรู้สึกโมโหตัวเองที่เผลอหลับให้ริวอุ้มมาส่งถึงที่นอน แต่พอปากนุ่มหยุ่นสัมผัสลงบนหน้าผาก ชายหนุ่มก็จำต้องแกล้งทำเป็นหลับต่อไป ผ้าห่มเย็นนุ่ม คลี่ขึ้นคลุมให้ถึงคอและเสียงกระซิบบอกรักเหมือนอย่างทุกๆ คืน ก่อนที่ไออุ่นจะหายไป
พสุยังนอนนิ่งอยู่อีกครู่ใหญ่ ก่อนจะยอมแพ้ ลืมตาแล้วผุดลุกขึ้นนั่ง...เขานอนไม่หลับ...ทั้งที่วันนี้ทำงานเหนื่อยจนแทบไม่มีแรงเดิน แต่กลับนอนไม่หลับเมื่อต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง...
‘นี่เรากลายเป็นคนขี้เหงาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...ก่อนที่จะเจอริว เราก็นอนคนเดียวมาตลอดนี่นา...’ พสุพลิกตัวกระสับกระส่ายทั้งคืน กว่าค่ำคืนที่ยาวนานจะผ่านไป................
...............................................................
ทรงเผ่ากับไมตรีหันมาสบตากันเมื่อริวเข้ามาหาที่ออฟฟิศแต่เช้าเพื่อขอให้ช่วยแต่งเนื้อร้องเพลงใหม่ให้
“แต่เพลงพิเศษเพลงนี้ไผ่อาสาแต่งเนื้อนี่?”
“แต่ตอนนี้พี่ไผ่คิวงานอัดแน่นมากเลยครับ...อีกอย่าง พี่ไผ่ก็เพิ่งผ่านเรื่องเศร้าๆ มา ริวไม่อยากให้พี่ไผ่ต้องมากดดันตัวเองอีกถ้าต้องแต่งเพลงรักหวานๆ” ทั้งที่เหตุผลก็ฟังขึ้น แต่ริวกลับไม่กล้าสบตาทรงเผ่ากับไมตรี
“เพลงมันก็ไม่จำเป็นต้องหวานก็ได้นะริว...แล้วเรามีไอเดียบ้างไหมล่ะ” ทรงเผ่าถามยิ้มๆ นึกขันไมตรีที่เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวด ท่าทางจะขยาดฝีมือริวจนไม่กล้าแต่งเพลงให้
“มีครับ...ริวแต่งไว้บ้างแล้ว” ริวส่งเนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่แต่งเสร็จแล้วให้ทรงเผ่าดู
“โอ้! ขนาดนี้เลย...อ่ะตรี...ดูดิ...”
ทรงเผ่าส่งเนื้อเพลงไปให้ไมตรีดู แล้วจ้องมองริวนิ่ง ขณะที่ไมตรีอ่านเนื้อเพลงกลับไปกลับมาอยู่นาน
“ริวลองเล่นให้ฟังซิ”
“ครับ” ริวเข้าไปประจำหลังเปียโนแล้วเล่นเพลงที่เพิ่งแต่งเสร็จให้ทรงเผ่ากับไมตรีฟัง พอเล่นจบทรงเผ่าก็พยักหน้าหงึกๆ ขณะที่ไมตรียังมีสีหน้าครุ่นคิด
“อยากได้เนื้อหาแบบนี้เลยหรือเปล่าริว”
“ครับ”
“มันไม่เศร้าไปเหรอพี่เผ่า...”
“พี่ว่าเนื้อหามันโอเคนะ เพียงแต่เสียงริวแหละ มันเศร้า...ทำไม อกหักหรือไงเรา” ทรงเผ่าหันมาแซวยิ้มๆ ขณะที่ริวยิ้มตอบเจื่อนจาง แล้วก้มหน้า เล่นเอาทรงเผ่ากับไมตรีหันไปสบตากันโดยอัตโนมัติ
“คีย์มันไม่สูงไปเหรอริว” ไมตรีเปลี่ยนเรื่องคุยเสีย เพื่อให้ริวสบายใจขึ้น
“ไม่สูงนะครับ ปกติพี่ไผ่ก็ร้องคีย์นี้”
“อ้าว! พี่นึกว่าริวจะร้อง?”
“เปล่าครับ ก็เพลงนี้เราจะให้เป็นเพลงของครูภิรมย์กับพ่อพี่ไผ่”
“อืม...งั้นก็ตามนั้น...เดี๋ยวพี่ดูเรื่องเนื้อเพลงให้ละกัน” ทรงเผ่าตอบยิ้มๆ ขณะที่ไมตรียังมองเด็กหนุ่มอย่างพินิจพิเคราะห์
“ขอบคุณครับพี่เผ่า”
“ทำเป็นสองเวอร์ชั่นดีมะ เนื้อภาษาอังกฤษของเราพี่ว่ามันก็โดนดีนะ” ไมตรีเสนอขึ้นมาบ้าง เพราะยังติดใจใน ความหมายเนื้อเพลงภาษาอังกฤษของริว
“ริวอยากได้แบบไทยๆ มากกว่าครับ เพราะจะได้เข้ากับเพลงของครูภิรมย์ด้วย” ริวยืนยัน ไมตรีก็พยักหน้ารับแต่ก็ยังมองเนื้อเพลงอย่างเสียดาย
“ริว...ลองแต่งเนื้อภาษาไทยมาสิ แล้วพี่จะช่วยเกลาคำให้” ทรงเผ่าแนะนำเสียงเรียบ จนไมตรีกับริวหันมามองหน้าเขาอย่างแปลกใจ
“แต่ริวไม่เก่ง” ริวค้านเสียงเบา แต่ลึกๆ ในใจก็เกิดอาการ “อยากลอง” ขึ้นมาเหมือนกัน
“ไม่เป็นไร อยากจะบอกเล่าอะไรก็ใส่มา แล้วพี่จะเกลาคำให้เอง ดีมั๊ย”
“ครับ...ลองดูก็ได้ครับ” ริวรับปากแล้วคว้าสมุดโน้ตหายเข้าไปในห้องอัดเสียง
“จะดีเหรอพี่?” ไมตรีท้วงอย่างแปลกใจนิดๆ ที่ทรงเผ่าพยายามให้ริวแต่งเพลงเองทั้งหมด
“พี่ก็อยากรู้ว่าริวมันจะถ่ายทอดอะไรออกมา...ริวมันเก่งกว่าที่เราคิดไว้เยอะนะตรี พี่ไม่อยากปิดกั้นความสามารถเด็ก อยากให้มันใช้ฝีมือให้เต็มที่...ไม่แน่หรอก ในอนาคต เราอาจได้ร่วมงานกับริวในฐานะคนเบื้องหลังเหมือนกันก็ได้” ทรงเผ่าบอกยิ้มๆ แล้วตบไหล่ไมตรีเบาๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่อยู่ในห้องอัดเพียงลำพังด้วยสายตาคาดหวัง....
...........................................
“สวัสดีครับพี่เผ่า พี่ตรี” พสุไหว้ทรงเผ่าและไมตรีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้จะยังงงๆ อยู่บ้างที่จู่ๆ กรเวชไปเคลียร์คิวงานออกถึง 3 วัน เพื่อให้เขาเข้าห้องอัด
“มาเลยไผ่...รออยู่พอดีเลย...อ่ะ นี่เนื้อเพลง ทำนองเราคงได้ยินต้นฉบับมาแล้ว แต่มีการปรับแก้นิดหน่อยนะ”
“ครับ?...เพลงวาเลนไทน์ตกลงให้ผมร้องเหรอครับ?” พสุถามอย่างแปลกใจ ตอนแรกเขาคิดว่าเขาถูกเรียกมาเพื่อร้องประสานหรือร้องร่วมกันทั้งวง แต่กลายเป็นว่าเขาต้องร้องเดี่ยว
“ใช่...อ้าว! ริวไม่ได้บอกเหรอ?” ไมตรีถามงงๆ เพราะคิดว่าพสุรู้เรื่องจากริวแล้ว ปกติริวกับพสุก็ตัวติดกันเหมือนคู่แฝด ไปไหน ทำอะไร ก็ทำด้วยกันตลอด จึงกลายเป็นความแปลกใจที่พสุไม่รู้เรื่องนี้
“เปล่าครับ” พสุตอบแล้วหลบตาวูบ ชายหนุ่มเสทำเป็นสนใจเนื้อเพลงเพื่อจะไม่ต้องสบตาไมตรี
“อืม...ลองดูเนื้อก่อน ริวร้องไกด์ไว้แล้วล่ะ แต่เป็นภาษาอังกฤษ พี่อยากให้ไผ่ดีไซน์เสียงเองมากกว่า” ทรงเผ่าบอกเสียงเรียบๆ ก่อนจะเปิดดนตรีให้พสุฟังไปด้วย
...แม้วันนี้เธออาจไม่เห็น...
...แต่ฉันจะรออยู่ตรงนี้...เสมอ...
...และรักของฉันจะอยู่เพื่อรอเธอ...ตลอดไป
พสุสะอึกเมื่อเห็นเนื้อเพลงท่อนสุดท้าย ชายหนุ่มเม้มปากนิ่งขณะกวาดตามองเนื้อเพลงกลับไปกลับมาหลายรอบ
“มัน...ไม่เศร้าไปเหรอครับ เพลงวาเลนไทน์ทั้งที เนื้อหาเหมือนเพลงรักเขาข้างเดียวแบบนี้”
“ไม่นะ...พี่ว่ามันมองได้หลายมุม ในมุมหนึ่งก็อาจจะเหมือนที่ไผ่ว่า แต่อีกมุม ถ้าคิดว่ารักแบบไม่ต้องการอะไรตอบแทน เหมือนความรักของพ่อแม่ที่มีให้ลูกก็ได้นะ”
คำพูดของไมตรีทำให้พสุต้องกลับไปอ่านเนื้อเพลงแล้วคิดตาม เนื้อหาของเพลงบอกเล่ามุมมองความรักในแบบที่รักโดยไม่เคยคาดหวังอะไรจากอีกฝ่าย นอกจากมีแต่ความปรารถนาดีให้ แม้คนที่รักจะไม่เห็นค่าก็จะไม่เสียใจและยินดีที่จะรักตลอดไป
“จะว่าไป มุมมองความรักของริวมันก็โตขึ้นนะพี่เผ่า” ไมตรีฟังพสุร้องอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปคุยกับทรงเผ่า
“อืม...คิดถูกแล้วที่ให้ริวแต่งเนื้อภาษาไทยเอง ภาษามันฟังง่ายแต่งามนะ”
“นี่ริวแต่งเองทั้งหมดเหรอครับ” พสุเงยหน้าจากเนื้อเพลงขึ้นมองทรงเผ่ากับไมตรีอย่างแปลกใจ
“ใช่ เห็นมั๊ยว่าใช้คำได้ดีด้วย นี่พี่แค่เกลาสัมผัสให้นิดหน่อยเท่านั้นนะ” ทรงเผ่าตอบยิ้มๆ ขณะที่พสุกวาดตาดูเนื้อเพลงด้วยความประหลาดใจแล้วกลายเป็นความทึ่ง ที่ริวสามารถเรียบเรียงคำได้ขนาดนี้
“เออ...แล้วพี่อยากให้ไผ่เล่นไวโอลินเพลงนี้ด้วยนะ...จุดเด่นของเพลงนี้อยู่ที่เสียงไวโอลิน” ทรงเผ่าบอกแล้วส่งยิ้มให้เมื่อเห็นพสุทำหน้าอึ้งๆ สายตาที่บ่งบอกถึงความมั่นใจของโปรดิวเซอร์มือหนึ่งทำให้พสุต้องรับปาก แม้จะไม่ได้เล่นไวโอลินมานาน แต่พสุเชื่อว่าถ้าเขาได้ฝึกเต็มที่ ก็ไม่น่าจะทำตัวเองขายหน้า
หลังจากอัดเสียงอยู่ 2 วันเต็มๆ เพลงพิเศษในวันวาเลนไทน์ก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมจะเปิดตัวครั้งแรกในงานเทศกาลแห่งความรักของห้างใหญ่กลางเมือง ก่อนถึงวันงานคิสมีถูกเรียกเข้าไปดูเอ็มวีที่พวกเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำเสร็จแล้ว
พสุและเพื่อนร่วมวงทุกคนชะงักเมื่อได้เห็นภาพบนหน้าจอ เป็นรูปที่พสุถ่ายกับพ่อและแม่ ตอนนั้นเขาเพิ่ง 2 ขวบกว่าๆ เท่านั้น ส่วนอีกภาพเป็นตอนที่โตขึ้นมาหน่อย ภาพนี้ถ่ายร่วมกันทั้งบ้าน ทั้งตา ยาย พ่อ แม่ และตัวเขาเอง ในวัย 5 ขวบ...พสุใจไหววูบเมื่อสำนึกว่าตอนนี้คนในภาพ เหลือเพียงเขาคนเดียวแล้ว ทั้งคุณตา คุณยาย พ่อ แม่...ไม่มีใครอยู่กับเขาอีกแล้ว ภาพถ่ายสองภาพนี้อยู่ที่บ้านสวน เขาไม่รู้ว่าทีมงานทำยังไงถึงได้ภาพนี้มา
ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนเป็นภาพของเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ สมัยเป็นเด็กเช่นกัน
ภาพของธีรดลกับพ่อแม่และน้องๆ และอีกภาพไม่มีพ่อแล้ว เหลือเพียงแม่กับน้องๆ ถึงเสื้อผ้าจะเก่าปอน แต่รอยยิ้มบนหน้าของทุกคนก็ยังดูสดใส
ภาพของไวยากรณ์กับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่ทุกคนต่างแสดงสีหน้าภูมิใจและรักใคร่ในตัวอาตี๋น้อยคนเดียวในภาพ
ภาพของตะวันกับแม่ครูในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในงานวันปีใหม่ และงานวันแม่
แต่พอถึงภาพของริว กลับเป็นภาพตอนที่ไปเที่ยวไร่เพชรบูรณ์ด้วยกัน พสุกับริวกอดเอวแม่คนละข้าง และอีกภาพเป็นภาพของริวกับเพื่อนๆทุกคนในวงตอนคอนเสิร์ตแรก...
พสุสะอึกเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ริวไม่เคยมีรูปถ่ายตัวเองกับแม่...ตอนนี้ริวเหลือเพียงเขา กับเพื่อนๆ ในวงคิสมีเท่านั้น ที่เป็น ‘ครอบครัว’ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับมือริวใต้โต๊ะ เด็กหนุ่มหันกลับมายิ้มให้แล้วบีบมือเขาตอบ
หลังจากนั้นก็เป็นภาพของบรรดาแฟนคลับถ่ายกับพ่อแม่ คนรัก หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง และภาพสุดท้ายคือการเอาทุกภาพมาเรียงกันเป็นรูปหัวใจ
“โหยซึ้งน้ำตาแทบไหล คิดได้ไงเนี่ย? ว่าแต่พวกพี่ไปเอารูปนี้มาจากไหน ทำไมไม่เลือกรูปที่ผมหล่อๆ ล่ะ” ไวยากรณ์โวยวายลั่นด้วยความอาย เพราะรูปตอนเด็ก ไวยากรณ์อ้วนจนเห็นตาเป็นขีดเล็กๆ 2 ขีดกับคิ้วหนาๆ ไม่น่าเชื่อว่าโตขึ้นมาจะเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้
“รูปพวกผมยังไม่เท่าไหร่นะครับ รูปแฟนคลับกับครอบครัวสิครับไปเอามาจากไหนเยอะขนาดนี้ เพลงเพิ่งเสร็จไม่ถึงอาทิตย์นี่นา?” ธีรดลคนอารมณ์ดีเสมอ ยังลุกขึ้นมาเป็นไอ้หนูจำไมตามไวยากรณ์ไปอีกคน
“พวกพี่ๆ ทีมงาน เขาไปขอความร่วมมือจากแฟนคลับของคิสมีทุกคลับ ก็เลยได้รูปน่ารักๆ ของแฟนคลับกับครอบครัวมาชั่วข้ามคืนเลยนะ” ไมตรีตอบยิ้มๆ ขณะที่พี่ทีมงานลุกขึ้นขอโทษขอโพยที่เอารูปส่วนตัวของศิลปินทุกคนมาโดยไม่บอก เพราะอยากสร้างความประหลาดใจและประทับใจให้ทุกคน ซึ่งทุกคนก็ยอมรับว่าประทับใจจริงๆ
“ผมกะว่าหลังเปิดตัวเพลงนี้ที่งาน ก็จะให้ฉายเอ็มวีโปรโมทเพลงคืนนั้นเลย ทุกคนว่าไงครับ” ประโยคหลังเขม ชาติหันไปถามฝ่ายประชาสัมพันธ์ของค่าย ซึ่งหัวหน้าแผนกคนสวยก็รับปากทันควัน
…………………………………………………..
-
:z13: spring
ทั้ง ๆ ที่ น่าจะเป็นเรื่องยินดีและซาบซึ้ง
แต่ทำไม อ่านไป ๆ น้ำตาร่วง หยดแหมะ ๆ ไปได้หว่า
ทำไมวันนี้ อีป้าแก่ ๆ บ่อน้ำตาตื้นดีจริง ๆ :sad11:
+1 ค่ะ
-
อยากอ่านต่ออะ
กำลังซึ้งงงงง
-
:sad11:อ่านแล้วรู้สึกถึงความละเอียดอ่อนในความรู้สึกของริวมากเลย ใช้ความอ่อนโยน สยบความดื้อ
-
อ่านแล้วจะร้องไห้อีกแล้ว สงสารน้องอ่ะ น้องไม่เหลือใครแล้วนะพี่ไผ่ ใจอ่อนซะทีสิ ผ้าเช็ดหน้าเค้าหมดแล้วนะนี่ขอน้ำตาลมาแก้เค็มจากน้ำตาหน่อยได้ไม๊อ่า :sad4:
-
ง่ะ ลุ้น งื๊ออ เอาใจช่วยริว
-
ซึ้งอ่ะ
เมื่อไหร่พี่ไผ่จะใจอ่อนสักทีน๊า
-
ริวโตขึ้นจริง ๆ
-
:z13: spring
ทั้ง ๆ ที่ น่าจะเป็นเรื่องยินดีและซาบซึ้ง
แต่ทำไม อ่านไป ๆ น้ำตาร่วง หยดแหมะ ๆ ไปได้หว่า
ทำไมวันนี้ อีป้าแก่ ๆ บ่อน้ำตาตื้นดีจริง ๆ :sad11:
+1 ค่ะ
^
คุณณัฐ รุ่นเราก็แบบนี้ละ
sensitive ซาบซึ้งเกิน
+1
-
:monkeysad:ซึ้งอ่ะค่ะ
-
โห...ซึ้งอ่ะ น่าเสียดายไม่มีรูปริวตอนเด็กเลย(ถ้าเป็นอลันจะมีบ้างมั้ยนะ)
พี่ไผ่ใกล้แล้ว...ทนอีกนิดเดียวนะริว :กอด1:
-
ซึ้ง :กอด1:
ตอนแรกนึกว่าจะมีภาพริวกับอลันซะแล้ว
(*อลันกลายเป็นตัวละครโปรดในช่วงหลังๆ เพราะเป็นสุดยอดตัวช่วย 555+)
อยากอ่านต่อ~ :monkeysad:
-
โถริวลูก
น่าสงสารจริงๆเลย :m15:
-
ยิ่งอ่านยิ่งซึ้งค่ะ :monkeysad:
รู้สึกว่าริวโตขึ้นเยอะเหมือนกัน อืมมมม ว่าแล้วก้อคิดถึงอลัน...
-
พสุสะอึกเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ริวไม่เคยมีรูปถ่ายตัวเองกับแม่...ตอนนี้ริวเหลือเพียงเขา กับเพื่อนๆ ในวงคิสมีเท่านั้น ที่เป็น ‘ครอบครัว’
อ่านท่อนนี้แล้วบ่อน้ำตาแตกเลย สงสารหนูริว~ :sad2:
ริวแสนดีขนาดนี้ เค้ายกใจให้ไปทั้งดวงเลย :impress3: :L1:
-
บรรยายไม่ถูกเลย รู้แต่น้ำตาหยดแหมะ
ร้องไห้แทนริวก็ได้ฟะ อดทนอีกนิดนะริว :monkeysad:
-
ริวพัฒนาขึ้น คราวนี้แต่งเพลงรักเวอร์ชั่นไทยให้พี่ไผ่เองด้วย
คนฟัง ซึ้งน้ำตาจะไหล
โตและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในช่วงไม่กี่วัน กลายเป็นเสาหลักให้พี่ไผ่ได้แล้วนะ
-
อีกแล้ว โฮ T T
-
เหมือนไรจะพ้นมาม่าชามนี้เนี่ย นานเกินแล้วนะ อยากเห็นริวไผ่กลับมาหวานเหมือนเดิม
-
ซึ้งมาก TT
พี่ไผ่ น้องริวหวานชื่นซะทีเต๊อะ !
อืดมาม่าเกินไปแล้ว * กินบ่อยๆมันไม่ดี
-
ยังคงมาม่าต่อไป :เฮ้อ:
-
อ่านแล้วน้ำตาซึม
มันซึ้งจริงๆค่ะ
T^T
-
คงความซึ้งได้ไม่แปรเปลี่ยน :impress3:
สิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ริวทำให้พี่ไผ่ตลอดเวลา
คงจะสามารถทลายกำแพงหัวใจที่พี่ไผ่สร้างขึ้นมาได้
ในเวลาอีกไม่นาน...
คนอ่านรออย่างมีความหวัง
(+1 ให้แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้กดบวกได้แล้วหรือยัง)
-
.... พี่ไผ่ใจอ่อนแล้ว ตอนหน้าหวานแน่นอน (หรือเปล่า)
รักคนแต่ง ปลื้มคนโพส ช่วงนี้ขยันจังมาทุกวันเลย
ไอ้เราก็บ้า เข้ามาดูทุกวันเหมือนกันว่าพี่ไผ่กับน้องริวจะมาหรือเปล่า
ดีใจนะที่มาทุกวัน เป็นกำลังใจให้นะครับ ทั้งคนแต่งคนโพสเลย
:L1: :L1:
-
ซึ้งนำตาแทบไหลเลย
-
หลับตาลงยังรู้สึก
คนอ่านก็รู้สึกคร้าบบ
-
บทนี้หวานๆซึ้งๆ
ความรักของทั้งคู่เริ่มแตกยอด (ยังไม่ผลิบาน) หุหุ
น่ารักมาก ริวเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ
-
เฮ้อ ใจอ่อนเร็วๆ เถอะ โดนริวหยอดทุกวันยังไม่ละลายซักที
ริวก็ขยันร้องเพลงหยอดให้ไผ่สะอึกซะจริง
เกือบแล้วริว เกือบแล้ว หยอดเข้าไปๆๆ o13
-
ใช่แล้วพี่ไผ่ ริวเองก็ไม่เหลือใครนอกจากพี่ :monkeysad:
พี่เองก็ยังมีริวอยู่เคียงข้างเสมอ
เปิดใจ ยอมรับความรู้สึกตัวเองแบบเต็มที่นะค่ะ
ริวและคนอ่านรออยู่ :o12:
-
:เฮ้อ: แล้วมันจะผ่านไปได้ด้วยดี..........ใช่ไหม :กอด1:
-
เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ มากมาย
-
อยากได้แบบหวานๆแล้วอ่ะ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เมื่อไหร่เขาจะหวานจริงๆไม่ปนขมเนี่ย
-
หลังจากโปรโมท MV ไป น้องริวจะโดนขุดคุ้ยประวัติไหมนะ ที่ไม่มีภาพตอนเด็กน่ะ :เฮ้อ:
-
สงสารน้องริวจังเลยยยย
มาม่าหมดห่อยังค่ะ ไรทเตอร์
ฮืออออ
-
เมื่อไหร่อลันจะบินมาไทยอ่ะ...อย่าเพิ่งเบื่อคำถามซ้ำ ๆ นะคะ :o12:
-
อ่านไปเรื่อยๆ น้ำตาคลอออกมาโดยไม่รู้ตัว
-
ขอบคุณที่พี่ไผ่ยังนึกถึงริวว่าตอนนี้ริวมีเพียงพี่ไผ่กับคิสมีเป็นครอบครัว
-
พี่ไผ่เลิกหลอกตัวเอง แล้วรับรักริวเร็วๆซะทีซิิ
-
+1 ให้หนูริวค่ะ
ทำขนาดนี้พี่ไผ่ยังใจแข็งได้อีกก็ให้มันรู้ไป
-
ความรักของริวยิ่งใหญ่จนคาดไม่ถึงเลย
:pig4: คะ
-
แล้วพี่ไผ่ยังกล้าใจแข็งกับน้องลงอีกเหรอ
-
:sad11: :monkeysad: จะทำร้ายใจกันอีกนานถึงไหน..........หรือคนอ่านเสียใจไม่เป็น
ปล.มาม่าไม่พอยังเอาความซึ้งเข้ามาอีก........น้ำตาจะไหล
น้องริวไม่มีภาพพ่อแม่ครอบครัวเนี่ยจะโดนแฉอะไรหรือเปล่า
-
อยากดูMVตัวนี้อ่ะ
:L1:
-
ยิ่งอ่านยิ่งอึดอัด สงสารรัวจังเลยอ่ะ
มาต่อบ่อยๆ นะครับ
-
อ่านไปน้ำตาคลอไปพอมาถึงเอ็มวี น้ำตาหยดแหมะเลย :sad4:
ริวพยายามเข้านะไผ่กำลังจะรู้ใจตัวเองแล้ว
ทำให้ไผ่ขาดริวไม่ได้ไปเลยเอาใจช่วยสุดแรง
แล้วเมื่อนั้นมาถึงเราก็จะได้NCที่ไฝ่หากันสักที :z1: :z1:
อิอิ
-
เมื่อไหร่อลันจะบินมาไทยอ่ะ...อย่าเพิ่งเบื่อคำถามซ้ำ ๆ นะคะ :o12:
สุกำลังรออะไรอยู่รึป่าวนี่........อิอิ
-
อ๋า พี่ไผ่จ๋าน้องริวไม่เหลือใครแล้วนา ใจอ่อนซักที่เถอะ อิฉันลุ้นนนนนน
-
ทั้งพี่ไผ่ กับ ริว ก็เหลือ แค่กันและกันแล้วนะ ลองหันดูดีๆ สิ ถ้าต่างคนต่างอยู่แบบนี้ ต่างคนก็จะไม่เหลือใครนะ ฮื่อๆๆๆๆ
ทำไมตอนหลังๆ ทำเราเจ็บใจลึกๆ และร้องไห้เสมอ เมื่อไหร่จะมีฟ้าหลังฝนนะ
-
อ่านมาสองวันเต็มๆๆ สนุกมากๆครับ
-
การที่ไม่ได้อยู่กับคนที่รักเนี่ยเศร้าเนอะ
แล้วจะแยกกับน้องริวทำไมอ่ะพี่ไผ่
อยู่คนเดียวเหงาใช่มั้ยละ
ทำตามหัวใจตัวเองดีกว่าเน้อ
อ่านแล้วก็เศร้าเมื่อไหร่จะหวานกันน๊า
-
:z13: spring
ทั้ง ๆ ที่ น่าจะเป็นเรื่องยินดีและซาบซึ้ง
แต่ทำไม อ่านไป ๆ น้ำตาร่วง หยดแหมะ ๆ ไปได้หว่า
ทำไมวันนี้ อีป้าแก่ ๆ บ่อน้ำตาตื้นดีจริง ๆ :sad11:
+1 ค่ะ
ใช่ค่ะคุณนาย :monkeysad: :sad11: ดิฉันก็อยู่ในอารมณ์นี้เลย นึกว่าเป็นอยู่คนเดียว
ยิ่งอีตอนอ่านมาถึงตรงนี้..จุกแน่นที่คอเลยค่ะ
"..พสุสะอึกเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ริวไม่เคยมีรูปถ่ายตัวเองกับแม่...ตอนนี้ริวเหลือเพียงเขา กับเพื่อนๆ ในวงคิสมีเท่านั้น ที่เป็น ‘ครอบครัว’ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับมือริวใต้โต๊ะ เด็กหนุ่มหันกลับมายิ้มให้แล้วบีบมือเขาตอบ.."
ไผ่..หยุดทำร้ายหัวใจตัวเองกับหัวใจน้องได้แล้ว
-
ไผ่จะรู้ได้หรือยังถึงความรุ้สึกของริว ห่างกันอย่างนี้
แต่ริวก็ยังคอยเป็นห่วงมาดูแลเหมือนเดิม
เมื่อไหร่จะยอมรับริวเสียที
อ่านแล้วขอบอกว่ารับรู้ความรักของริวที่มีต่อไผ่มันมากเหลือเกิน
ซึ้งในความรักของริวจริงๆ ไม่อยากให้ริวรอนานกว่านี้แล้ว
-
สุกำลังรออะไรอยู่รึป่าวนี่........อิอิ
รอความสนุกค่ะที :haun5:
อลันเปิดตัวทั้งที...คาดหวังความไม่ธรรมดา :oni1:
-
รอนะ รอ รอ รอ เมื่อไหร่พี่ไผ่จะมา และ พี่ไผ่จะหายดีสักที
-
รอนะ รอ รอ รอ
รอนะ รอ รอ รอ
-
แง๊ อึดอัด กดดัน
ถึงจะน้อยลงก็เหอะ...แต่แบบนี้มันก็นะ
เมื่อไรฟ้าจะใสสักทีเน้อ~
-
ในที่สุดก้อทันเสียที ปวดตามากกกกกกกกกกกกกกก
สนุกน่าติดตามทุกตอนค่ะ
ทั้งหัวเราะ สนุก ซึ้งและเศร้าจนน้ำตาไหลเลย
o13
บวกหนึ่งให้ คนโพสกะคนแต่งคะ
ปล.หาคนแต่งไม่เจออ่ะ จะกดบวกให้
-
มาลงต่อแล้วค่ะ
วันนี้ดูข่าวแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่นแล้วรู้สึกหดหู่มากๆ
ขอให้ผู้ประสบภัยทุกคนได้รับการช่วยเหลือโดยเร็ว
และขอให้ทุกคนที่จากไปได้พบกันในที่ๆ สงบสุขบนสวรรค์นะคะ
:L1:
************************
ตอนที่ 91
บรรยากาศของเทศกาลวาเลนไทน์ดูจะคึกคักมากเป็นพิเศษ หนุ่มสาวจับมือเดินกันเป็นคู่ๆ และอีกมากมายที่มากับครอบครัว มากับกลุ่มเพื่อน แม้ทางห้างจะเลือกใช้ลานกว้างหน้าห้างเป็นสถานที่จัดงาน แต่เอาเข้าจริงลานแห่งนี้ก็ไม่เพียงพอต่อการต้อนรับฝูงชนที่มาซื้อของ เดินเที่ยวและมารอดูคอนเสิร์ต
พอคิสมีปรากฏกายขึ้นบนเวทีเสียงกรี๊ดก็ดังถล่มทลาย เพราะ 5 หนุ่มเล่นใส่สูทเนี้ยบกริบทุกคน และแทนที่จะประจำหลังเครื่องดนตรีเหมือนเคยกลับยืนเรียงกันเป็นครึ่งวงกลมหลังขาตั้งไมค์เพื่อร้องเพลงในเวอร์ชั่นประสานเสียงแทนการเล่นดนตรี ซึ่งนอกจากจะได้โชว์เนื้อเสียงของแต่ละคนแล้วยังสร้างความแปลกใหม่ให้คนดูและเรียกเสียงกรี๊ดได้ถล่มทลายทุกครั้งที่จบเพลง
“วันนี้นอกจากเราจะมาร้องเพลงแบบ acappella แล้วนะครับ เรายังมีเพลงพิเศษที่แต่งขึ้นสำหรับวันนี้โดยเฉพาะ เพลงนี้เราได้รับเกียรติจากครูภิรมย์ ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นครูเพลงในตำนานเป็นผู้ประพันธ์ทำนองให้ เพื่อมอบเพลงนี้เป็นที่ระลึกแก่คุณพรเทพศิษย์เอกผู้ล่วงลับของครู...เพียงเพราะรัก...” ธีรดลแนะนำเพลง แล้วผายมือไปด้านหลังที่ม่านค่อยๆ ถูกยกขึ้น เสียงเปียโนดังนำขึ้นมาก่อน พอม่านยกขึ้นสูงจนเห็นริวนั่งอยู่หลังเปียโนเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นทันที ยิ่งพอพสุปรากฏตัวขึ้นพร้อมไวโอลิน เสียงกรีดร้องจากทุกสารทิศก็ดังจนแทบกลบเสียงบนเวที
ทั้งที่น่าจะชินกับเสียงกรี๊ดของคนดูได้แล้ว แต่คราวนี้พสุรู้สึกตื่นเต้นจนมือเย็น เพราะนอกจากจะต้องร้องเพลงใหม่สดๆ เป็นครั้งแรกแล้ว เขายังต้องเล่นไวโอลินโชว์อีกด้วย แต่ความเจนเวทีทำให้พสุสะกดความตื่นเต้นไว้ได้ น้ำเสียงนุ่มๆ สูงๆ เข้ากันได้ดีกับเปียโน และเมื่อเขาเริ่มบรรเลงไวโอลิน ลานกว้างที่มีผู้คนนับพันก็กลับเงียบกริบเพราะทุกคนมัวใจจดใจจ่ออยู่กับเสียงเพลงของเขา......
ทันทีที่เพลงจบลง เสียงกรี๊ดรอบลานกว้างก็ดังถล่มทลายอีกครั้ง ทั้ง 5 หนุ่มขึ้นมาขอบคุณคนดูพร้อมหน้า แสงแฟลชสว่างวูบวาบไปทั่ว แน่นอนว่างานใหญ่แบบนี้นักข่าวจากทุกสื่อบันเทิงย่อมไม่พลาดที่จะเก็บภาพของคิสมีไว้ แม้จะมีวงดนตรีอีกวงขึ้นร้องต่อจากคิสมี แต่ความสนใจของสื่อมวลชนทั้งหมดต่างพุ่งตรงไปที่ 5 หนุ่ม พอลงจากเวทีนักข่าวก็เข้าไปรุมล้อมจนขยับไปไหนไม่ได้
“น้องริวเป็นคนแต่งเนื้อเพลงนี้ใช่มั๊ยคะ”
“เนื้อเพลงมันดูเศร้าไปหรือเปล่าคะ หรือว่าน้องริวแต่งเพลงนี้ให้คนพิเศษ”
“เพลงนี้แต่งเพื่อให้เป็นที่ระลึกแก่คุณพรเทพครับ” ริวตอบเสียงเรียบก่อนจะหันไปมองด้านหลัง เห็นพสุโดนนักข่าวรุมสัมภาษณ์อยู่เช่นกัน
“แต่มีข่าวนี่คะว่าริวแต่งเพลงให้แก้วกุดัน”
“เพลงนี้เป็นของครูภิรมย์นะครับ ส่วนผมก็แค่ช่วยแต่งเนื้อร้องเท่านั้น”
“มีคนวงในยืนยันมาว่าน้องริวแต่งเพลงนี้เพราะอกหักจากแก้วกุดันนะคะ” นักข่าวคนเดิมยังเซ้าซี้ไม่เลิก ขณะที่ริวก็เพียงแค่ยิ้มทั้งที่ในใจเริ่มรำคาญ ถ้าไม่เพราะเกรงจะเกิดปัญหากับพสุเขาคงบอกไปตรงๆ แล้วว่าเพลงนี้เขาแต่งให้พสุ ไม่ใช่แก้วกุดันหรือใครๆ ทั้งนั้น
“ผมไม่ได้คบกับพี่แก้วครับ แล้วก็ไม่ได้อกหักด้วย ผมกับพี่แก้วเรานับถือกันแบบพี่น้องจริงๆ ครับ”
“ตกลงว่าน้องริวกับแก้วกุดันเป็นอะไรกันคะ”
“แก้วกุดันคบอยู่กับผม...ชัดมะ” ไวยากรณ์แทรกมาด้านหลังของริวแล้วโพล่งขึ้นมาดื้อๆ เล่นเอานักข่าวและเพื่อนร่วมวงต่างหันไปมองหน้าเขาตาค้าง หลังจากอึ้งตะลึงกันไปชั่วขณะ แสงแฟลชก็สว่างวูบวาบยิ่งกว่าเดิม นักข่าวต่างแย่งกันถามจนฟังไม่รู้เรื่องว่าใครพูดอะไร ไวยากรณ์ส่ายหัวแล้วยกมือห้าม
“ทีละคนเพ่ ผมจะตอบยังไงหมดเนี่ย?” พอไวยากรณ์ท้วงจบ นักข่าวสาวที่อยู่หน้าสุดก็ยิงคำถามเข้าใส่
“น้องไวย์คบกับแก้วกุดันได้ยังไงคะ ก็แก้วกุดันเดินแบบอยู่ต่างประเทศตลอดนี่คะ”
“ผมบินตามไป”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ก็ช่วงที่คิสมีได้หยุด 1 สัปดาห์”
“แล้วตอนนี้ความสัมพันธ์คืบหน้าพอจะเรียกว่าคนรักได้หรือยังคะ”
“ก็...เพิ่งเริ่มคบกันครับ”เด็กหนุ่มตอบชัดถ้อยชัดคำทุกคำถาม กว่ากรเวชจะแทรกเข้ามาลากตัวไวยากรณ์ออกไปได้ นักข่าวก็ได้ข่าวจากไวยากรณ์ไปเต็มที่แล้ว
“ไวย์! ไอ้เด็กบ้า ไปบอกนักข่าวอย่างนั้นได้ยังไงห๊า!” กรเวชว๊ากเข้าใส่ทันทีที่ลากไวยากรณ์มาขึ้นรถตู้ได้สำเร็จ ขณะที่เพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ จ้องมองไวยากรณ์อย่างแปลกใจแกมขันที่เห็นไอ้ตัวร้ายของวงรู้จักเขินอาย
“ก็ทำไมล่ะ มันเรื่องจริงนี่ ไม่เห็นต้องปิด” ไวยากรณ์ตอบเสียงทะเล้นแต่ใบหน้ายังแดงระเรื่อ
“ปากดีนักนะ ได้ข่าวว่าแก้วเขายังไม่ยอมรับรักเราเลยไม่ใช่เหรอ ห๊า!” กรเวชดุเสียงเขียวแต่ไวยากรณ์ไม่สะทกสะท้าน
“อย่างนี้แหละดีพี่ จัดหนักแบบนี้ ข่าวได้ขึ้นหน้าหนึ่งแน่ๆ แล้วเจ๊เขาจะไม่ยอมรับได้ไง”
“นี่!...โอ๊ย! จะบ้าตาย” กรเวชแทบทึ้งหัวตัวเองด้วยความโมโห
“เอาน่าพี่กร ช่วยผมนะ นะพี่นะ ถ้าไม่ทำแบบนี้ เจ๊เขาก็ไม่ยอมใจอ่อนสักที ใจคอพี่จะทนเห็นผมอกหักเสียผู้เสียคนได้เหรอ” ไวยากรณ์ทำเสียงออดอ้อน ขณะที่คนอื่นๆ พากันอมยิ้มรอดูปฏิกิริยาของกรเวช
“ทีงี้ละมาอ้อน ทีตอนจะปากโป้งไปบอกนักข่าวทำไมไม่ปรึกษาพี่ก่อน”
“สรุปว่าที่ไวย์ไปต่างประเทศนี่ไม่ได้ไปทำงานเหรอ?” ธีรดลถามยิ้มๆ
“ก็ไปแหละพี่ แต่...”ไวยากรณ์จะตอบแล้ว แต่พอเหลือบไปเห็นพสุเด็กหนุ่มก็เผลอหลบตาวูบ ถึงอย่างไรแก้วกุดันก็ได้ชื่อว่าเคยเป็นอดีตคนรักของพสุ
“เจ้าตัวร้ายมันไปเฝ้าแก้วถึงโน่น ไปทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา หวงก้างไปทั่ว จนทีมงานที่โน่นนึกว่าไวย์เป็นคู่หมั้นแก้วจริงๆ นะสิ” กรเวชบ่นแล้วขึงตาใส่ไวยากรณ์ เพราะเขาติดงานก็เลยส่งผู้ช่วยอีกคนบินไปกับไวยากรณ์ กว่าจะเคลียร์งานเสร็จบินตามไปก็เจอแจ็คพ็อต ไวยากรณ์ไปตามเฝ้าแก้วกุดันจนไม่ยอมกลับทั้งที่ทำงานเสร็จตั้งแต่สองวันแรกที่ไปถึง เด็กหนุ่มแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและออกอาการหึงแรงจนสต๊าฟโมเดลลิ่งที่แก้วกุดันสังกัดอยู่ปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด ยังดีที่เจ้าของโมเดลลิ่งถูกใจไวยากรณ์มากขนาดที่อยากได้เข้าสังกัดเรื่องถึงได้จบลงด้วยดี
“ก็ไอ้พวกฝรั่งหน้าหื่นพวกนั้นน่ะ มันไว้ใจได้ที่ไหน ทำมาชวนเจ๊กินข้าวทุกวัน อะโด่! ผมดูออกหรอกว่ามันเล็งเจ๊ไว้” ไวยากรณ์แสยะปาก ตาวาววับเหมือนคนที่ไม่พอใจยืนอยู่ตรงหน้า จนกรเวชต้องหันไปเอ็ดเสียงเขียว
“พี่ไม่เห็นจะมีใครทำหน้าหื่นเลย นอกจากเรานั่นแหละ ชอบเขาแทนที่จะจีบเขาดีๆ ไปหาเรื่องชวนทะเลาะอยู่ได้ตั้งหลายวัน”
“แต่สามวันสุดท้ายก่อนกลับผมกับเจ๊ก็ดีกันแล้วไง ไม่เห็นเหรอว่าเราหวานกันจะตาย”
“เห็นแต่เราแหละหวานอยู่คนเดียว แก้วน่ะทำหน้ายังกะโดนบังคับให้กินยาถ่าย” กรเวชสวนทันควัน จนคนอื่นๆ หัวร่อกันครืน ขณะที่ไวยากรณ์หน้ามุ่ยอย่างขัดใจ
“เกินไปเพ่ เกินปาย...พี่ไผ่! พี่ต้องช่วยผมนะ” เด็กหนุ่มชะโงกมาดึงแขนพสุเขย่า จนชายหนุ่มตกใจ
“ห๋า! พี่? ช่วยยังไง?” พสุชี้ตัวเองแล้วถามแบบงงๆ เขามัวแต่ฟังไวยากรณ์กับกรเวชเถียงกันเพลิน ไม่คิดว่าจู่ๆ จะงานเข้าแบบนี้
“ก็...แบบ...เจ๊เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไรแบบเนี้ยะ พี่ก็บอกให้ผมรู้ไง จะได้เอาใจเจ๊เขาถูก”
“อ้อ...อืม...งั้นอันดับแรกนะ...แก้วเกลียดผู้ชายเจ้าชู้” พสุแนะนำยิ้มๆ
“ผมเลิกแล้ว...จริงจริ๊งงงง” ไวยากรณ์ทำเสียงสูงลิบ เพราะทุกคนหันมามองหน้าเขาเป็นตาเดียว
“หึหึ...” ธีรดลทำเสียงเยาะแบบไม่เชื่อถือ แต่ไวยากรณ์ทำหูทวนลม
“มีอีกมั๊ยพี่...ริวด้วย นึกอะไรได้บอกมาให้หมด ว่าเจ๊เขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร” ไวยากรณ์หันไปขู่ริว ทั้งขอความช่วยเหลือและต้องการกันริวออกจากแก้วกุดัน ถึงริวจะยืนยันว่าไม่เคยคิดอะไร แต่เขาเคยเห็นกับตามาแล้วว่าแก้วกุดันเอ็นดูริวมากแค่ไหน เขาถึงต้องประกาศให้ชัดๆ ไปเลยว่าเขาจองแก้วกุดันแล้ว คนอื่นๆ จะได้ไม่กล้ายุ่งกับเธอ
“ริวไม่รู้หรอกครับว่าพี่แก้วชอบอะไร รู้แต่พี่แก้วเคยบอกว่าพี่แก้วไม่ชอบ...เอ่อ...” ริวทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแล้วกลับอึกอักไม่กล้าพูดต่อ ขณะที่คนอื่นๆ พากันอมยิ้มรอฟัง
“ไม่ชอบอะไร” ไวยากรณ์ถามแล้วขมวดคิ้วฉับ
“บอกแล้วพี่จะโกรธมั๊ย” ริวถามเสียงเบาอย่างไม่สบายใจนัก
“บอกมาเหอะน่า ไม่บอกสิโกรธ”
“ครับ...พี่แก้วเขาบอกว่า เขาไม่ชอบผู้ชายอายุน้อยกว่า ไม่ชอบผู้ชายขี้โมโห ขี้วีน เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ชอบผู้ชายอีโก้สูงแตะไม่ได้ ไม่ชอบผู้ชายปากเสียแบบ...เอ่อ...ประมาณนี้อ่ะครับ”
“ก็บอกไวย์มันไปดิ๊ ว่าที่พูดมาทั้งหมดแก้วเขาหมายถึงมันนั่นแหละ” ธีรดลโพล่งขึ้นมาแล้วหัวเราะเยาะดังลั่น
“พี่ดล! พูดงี้มาต่อยกันเลยดีกว่า” ไวยากรณ์หันไปทำเสียงเขียว ขณะที่ธีรดลก็การ์ดมวยตั้งท่ารับอยู่ที่เบาะอีกฟากของรถ
“มาดิ๊! คิดว่ากลัวเหรอ”
“โอ๊ย! พอๆ ทั้งสองคนเลย อีกคนก็ขี้โมโหอยู่ปลายจมูก อีกคนก็ขี้แกล้ง แน่จริงต่อยๆ กันให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปสักทีซิ พี่เห็นแง่งๆ ใส่กันแบบนี้มาเป็นปีแล้ว ไม่เห็นจะเอาจริงเลย”
“อู๊ยยย พี่กร แร๊งงง” ธีรดลลูบต้นคอตัวเองแล้วหัวเราะแหะๆ ขณะที่ไวยากรณ์หันมาทำหน้างอใส่กรเวช
“พี่กรต้องห้ามดิ ไม่ใช่ยุให้น้องตีกัน เป็นพี่ภาษาไรเนี่ย?” ไวยากรณ์บ่นแล้วก็โดนตะวันเอื้อมมือจากเบาะหลังมาผลักหัวข้อหาลามปาม ซึ่งเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ตอบโต้แต่ทำปากยื่นอย่างไม่พอใจแทน
ริวลอบสังเกตสีหน้าพสุ แต่ก็เห็นเพียงรอยยิ้มสดใสเท่านั้น ไม่มีร่องรอยความอาลัยอาวรณ์หรือขุ่นเคืองใจที่ไวยากรณ์กับแก้วกุดันคบกัน ทำให้เด็กหนุ่มแอบถอนใจอย่างโล่งอก
..................................................
เบอร์โทรศัพท์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ แต่ก็รับสาย
“สวัสดีครับพี่จ๋า”
“สบายดีมั๊ยจ๊ะริว”
“สบายดีครับ พี่จ๋าละครับสบายดีหรือเปล่า” ริวถามไปด้วยความสนใจจริงๆไม่ใช่ถามตามมารยาท เพราะสำหรับริวพี่จ๋าเป็นผู้ใหญ่ที่เด็กหนุ่มเคารพมากคนหนึ่ง
“พี่จ๋าจะสบายหรือไม่สบาย ก็ขึ้นอยู่กับริวแล้วล่ะลูก” น้ำเสียงทีเล่นทีจริงของอีกฝ่ายทำให้ริวยิ่งรู้สึกแปลกใจ
“ครับ?”
“คือ...พี่จ๋าอยากชวนริวมาเล่นละครเรื่องใหม่ของพี่จ๋า”
“เอ่อ...ริวไม่ถนัดงานแสดงจริงๆ ครับพี่จ๋า” ริวปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม เรื่องที่แล้วเขายอมรับเพราะเป็นคำสั่งบริษัท อีกอย่างเพราะเห็นว่าพี่จ๋ามีบุญคุณกับพสุถึงยอมรับละคร
“พี่จ๋าก็รู้นะจ๊ะ แต่แหม...มันเป็นความฝันของพี่จ๋าเลยนะ ที่อยากได้ริวกับไผ่เล่นละครเรื่องเดียวกันเนี่ย...พี่อุตส่าห์ได้คิวไผ่แล้ว เหลือแต่ริวเนี่ยแหละ...ริวค้าบ เล่นละครให้พี่จ๋าอีกสักเรื่องไม่ได้เหรอลูก...น่านะ”
“พี่ไผ่รับเล่นแล้วเหรอครับ”
“จ้ะ...แล้วละครเรื่องนี้นะ มีฉากต้องไปถ่ายต่างประเทศด้วยนะจ๊ะ...เผื่อริวจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านด้วยไงลูก”
“แต่ริวเล่น...เอ่อ...เลิฟซีนไม่ได้นะครับพี่จ๋า” ริวรีบบอกกันไว้ก่อน จริงอยู่ว่าเขาหายจากอาการเกลียดสัมผัสแล้วแต่ก็ไม่ค่อยชอบสัมผัสตัวใครนัก ยิ่งถ้าต้องเล่นบทถึงเนื้อถึงตัวกับคนอื่นยิ่งแย่ไปใหญ่
“ไม่ต้องกังวลเลยจ้ะ เรื่องนี้มันเป็นละครแบบหักเหลี่ยมเฉือนคมทางธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเป็นฉากปะทะอารมณ์กับไผ่มากกว่า...ก็...อาจจะมีฉากรักกับนางเอกนิดๆ หน่อยๆ รับรองว่าไม่มากจ้ะ เพราะฉากรักหวานๆ มันไปอยู่ที่พระเอกนางเอกมากกว่า แต่บทของริวเด่นมากเลยนะจ๊ะ รับรองว่าเด่นไม่แพ้พระเอกเลยล่ะ”
“ถ้าพี่จ๋าไม่กลัวริวจะเล่นแข็งทื่อจนเสียชื่อ ริวก็ยินดีครับ”
“ต๊าย! เสียชื่ออะไรกันจ๊ะ คราวที่แล้วมีแต่คนชมว่าริวเล่นดีมาก...ถ้าริวโอเค พี่จะไปคุยคิวกับกรที่ออฟฟิศพรุ่งนี้เลย...ขอบใจนะจ๊ะริว”
“ครับ...ขอบคุณพี่จ๋าครับที่ให้โอกาสริว”
“พี่สิจ๊ะต้องขอบใจ ที่ริวยอมเล่นให้”
“โห...อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ เพราะละครพี่จ๋าต่างหากที่ทำให้คนรู้จักริว”
“อุ๊ยปากหวาน...เอาเป็นว่ายินดีที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งนะจ๊ะ...ไว้พี่จะโทรไปนัดมาฟิตติ้งอีกทีนะลูก”
“ครับ”
พอวางสายจากพี่จ๋าริวก็ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ดีใจที่ได้เล่นละครเรื่องเดียวกับพสุ เขาจะได้มีเวลาอยู่กับพสุมากขึ้น ไม่ต้องรอเจอแต่เฉพาะเวลาพี่เลิกงานอีกแล้ว
................................................
วันบวงสรวงเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ของพี่จ๋าเต็มไปด้วยสื่อมวลชนจากหนังสือพิมพ์และหนังสือบันเทิงทุกฉบับ เพราะพี่จ๋าเล่นได้นักร้องคิวทองของคิสมีมาทั้งสองคน โดยเฉพาะริวที่เคยลั่นปากไว้ว่าจะไม่รับเล่นละคร อีกทั้งยังได้ชเนตตี นางเอกอันดับ 1 ในขณะนี้ ลงทุนข้ามช่องมาเล่นเรื่องนี้ให้โดยเฉพาะ สร้างความฮือฮาให้กับละครเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แค่ภาพพสุและริวยืนขนาบนางเอกสาวให้สื่อมวลชนเก็บภาพกับให้สัมภาษณ์ก็เสียเวลาไปเกือบชั่วโมงแล้ว แต่นักแสดงคนอื่นๆก็โดนสัมภาษณ์ไม่มีใครยืนว่างสักคนเช่นกัน
“ขอบคุณค่ะพี่ไผ่” ชเนตตีขอบคุณเสียงหวานเมื่อพสุหันไปรับน้ำจากทีมงานแล้วส่งให้เธอก่อน ริวเหลือบมองขวดน้ำในมือชเนตตีแล้วหันไปรับน้ำจากทีมงานอีกคนก่อนที่พสุจะทันได้ส่งให้ ทำให้ชายหนุ่มต้องหันไปคืนขวดน้ำให้ทีมงานเพราะหยิบมาเกิน
“ตอนที่รู้ว่าจะได้เล่นเรื่องนี้กับพี่ไผ่ เนตื่นเต้นมากเลยนะคะ” ชเนตตีชวนคุยด้วยสีหน้าสดใส และคอยหันไปยิ้มหวานใส่กล้องเป็นระยะๆ แน่ล่ะ นาทีนี้สาวๆ ทั่วประเทศคงได้แต่ริษยาเธอตาร้อนผ่าวๆ ที่ถูกขนาบด้วยนักร้องหนุ่มชื่อดังทั้งสองข้าง
“เหรอครับ พี่เองก็แปลกใจมากครับที่รู้ว่าน้องเนรับเล่นละครพี่จ๋า”
“แหม ถึงส่วนใหญ่เนจะเล่นละครให้ช่องโน้น แต่เนไม่ได้เซ็นสัญญากับช่องไหนนี่คะ เนฟรีค่ะ ไม่อยากจำกัดอิสระตัวเองเพียงเพื่อให้มีงานเยอะๆ เนอยากได้งานคุณภาพมากกว่าปริมาณค่ะ ได้เงินเยอะแต่ผลงานห่วยๆ ก็ไม่มีความหมายอะไร” ชเนตตีตอบยิ้มๆ เธอมั่นใจในฝีมือการแสดงของตัวเองมากเสียยิ่งกว่ารูปร่างหน้าตาที่งดงาม แค่หน้าสวยๆ สมัยนี้หาได้กลาดเกลื่อน แต่ฝีมือการแสดงระดับเธอนั้นมีสักกี่คนที่จะทัดเทียม เธอจึงกล้าที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองโดยไม่ต้องคอยเกรงใจบรรดาผู้จัดละคร มีแต่คนอื่นต้องคอยเอาอกเอาใจเพื่อให้ได้ตัวเธอไปเล่นละครด้วย
“ครับ” พสุตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ชเนตตีเป็นดาราที่เขาชื่นชมฝีมือการแสดงของเธอมากคนหนึ่ง
ริวลอบมองพสุกับชเนตตีสนทนากันอย่างสนิทสนมแล้วในอกก็ร้อนวูบวาบด้วยความไม่พอใจ หวง...เขาหวงพสุ อยากจะเข้าไปแทรกไปกั้นกลางระหว่างคนทั้งคู่ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีทั้งนักข่าวและทีมงานคอยเก็บภาพพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
“แล้วน้องริวละคะ นั่งเงียบเชียว” ชเนตตีหันมาสนทนากับดารานำอีกคน เด็กหนุ่มลูกครึ่งรูปหล่อที่เอาแต่นั่งเงียบ แม้จะเคยเห็นผลงานแสดงของเขามาบ้าง แต่ชเนตตีไม่คิดว่าตัวจริงริวจะดูดีขนาดนี้ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนนั้นใสราวกับทารกจนนางเอกสาวถึงกับมองค้างเมื่อได้สบตากับริวครั้งแรก
“ครับ?” ขนตาหนางอนยาวเป็นแผงที่แม้แต่ชเนตตีเองก็อดอิจฉาไม่ได้กะพริบถี่อย่างงุนงง ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะใจลอยจนไม่ได้ยินว่าเธอถามอะไร
“ตอนแรกได้ข่าวว่าน้องริวจะไม่รับงานละครเหรอคะ”
“ครับ...ผมไม่ถนัดงานแสดง”
“เหรอ...แต่บุคลิกน้องริวเด่นนะ แล้วละครเรื่องที่แล้วก็เรตติ้งดีมากเลยนี่คะ”
“แต่ถ้าเลือกได้ ผมก็อยากร้องเพลงมากกว่าครับ”
พสุมองผ่านชเนตตีไปที่ริวด้วยความเป็นห่วง แม้ริวจะยิ้มแย้มทุกครั้งที่มีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์และถ่ายรูป แต่เขาก็จับอาการได้ว่าริวดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจ เพียงแต่เวลานี้ยังไม่เหมาะที่จะซักถามอะไร พสุจึงนิ่งเสีย จนกระทั่งขึ้นรถกลับบ้านมาด้วยกัน
“ริว...มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า?”
“...เปล่าครับ” ริวตอบหลังจากนิ่งไปนานจนพสุไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มได้ยินที่เขาถามหรือเปล่า
“ไม่อยากรับละครเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอกครับ...ริวแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย” ริวตอบแต่ไม่ยอมหันมามองหน้าพสุ ตั้งสมาธิกับการขับรถแน่วแน่เกินไปจนผิดสังเกต พสุจ้องมองอากัปกิริยาของเด็กหนุ่มแล้วก็จำต้องหยุดถาม...ในเมื่อเขาเองยังมีเรื่องที่บอกริวไม่ได้ ริวเองก็คงมีเรื่องที่ไม่อยากบอกเขาเหมือนกัน............................
..................................................
ปล.อยากกดบวกให้คนอ่านอะ เค้ากดกันตรงไหนอ่า แงงงงงงงงง หรือเลเวลเราไม่พอ o22
-
ไม่ชอบมาม่า..งานจะเข้าอีกแล้วใช่มั๊ย :serius2:
ต้องโพสท์ถึง 250 ครั้ง ก่อน
ปุ่มโหวต +- จะปรากฏเอง ใต้รูป display
-
^
^
จิ้มต่ออีกที...ไม่ทันจนได้อ่ะ
..................................
ทำไมรู้สึกว่าสั้นอ่ะ...หรือเราอ่านเพลินจนลืมว่าอ่านไปเยอะแล้ว :laugh:
อิจฉาเจ๊เนอ่ะได้ประกบทั้งริวทั้งไผ่เลย(ถึงจะแค่ในละครก็เถอะ) อย่างนี้ถ้าถึงเวลาต้องเล่นเลิฟซีนริวกับไผ่จะไม่หึงกันเองหรอเนี่ย :m20:
-
ก็บอกพี่ไผ่ไปซี๊
ว่าหวงอ่ะ :-[
-
เอา เอาเข้าไป เรื่องเก่ายังไม่เคลียจะมีเรื่องอื่นมาแทรกอีกมั้ยเนี่ยพี่ไผ่น้องริว :serius2:
-
เหมือนจะมีปัญหาอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย
อย่าเอาผู้หญิงเข้ามาได้ไหม พลีส แค่นี้ก็
ลุ้นแทบตายอยู่แล้ว คิดถึงอลันให้อลันมาเคลียร์ได้ไหมเนี่ย
พี่ไผ่ก็ใจอ่อนสักทีเถอะ สงสารน้อง
-
พอเริ่มจะคลี่คลาย ก็ดันมีตัวละครใหม่(ที่ไม่รุ้ว่าร้ายรึป่าว)เพิ่มมาอีกละ เครียดๆ
-
หนูริวกำลังหึงพี่ไผ่ อิอิอิ หวังว่า งานคงไม่เข้าอีกนะคะ ^^
-
ริวคร้าบบบ
สงบจิตสงบใจไว้น้าาา
เดี๋ยวไผ่จะว่าเราเด็กได้
-
ชอบจัง อัพทุกวัน แล้วก้อมีแน้วโน้มว่าจะหวานทุกตอน
o13 o13 o13
รักพี่ไผ่ รักน้องริว
-
กด F5 บ่อยมากเลยวันนี้ ในที่สุดก็มา :man1:
:z10:ตอนนี้ไม่ค่อยมีบทให้ชื่นฉ่ำใจเลยอ่ะ
แต่ก็ถือว่าเอาไว้เดินเรื่อง จะได้รออ่านตอนเล่นละครด้วยกัน :impress2:
หักเหลี่ยมเฉือนคมทางธุรกิจ..!! ของมันเคยๆอยู่แล้ว ฮี่ๆ อยากเห็นริวมาดนิ่งๆโหดๆ กระชากใจอ่ะ55
-
รักกันได้แล้วนะ ผมจะทนดราม่าไม่ไหวแล้วววว T-T น้ำตาร่วงเป็นสายๆๆ
-
สังหรณ์ว่าจะได้กินมาม่าผสมน้ำตาลช่วงถ่ายละคร
-
ไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้ริวใจเย็นๆน่ะริว
แต่ที่แน่ๆไม่อยากให้มีมาม่าเลยจริงๆ
เจอคราวที่แล้วเข้าไปผ้าเช็ดหน้าได้ใช้ไปหลายผืนเลย
หวังว่าคราวนี้ผู้หญิงจะไม่มาทำให้เป็นเรื่องอีกน่ะ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
เมื่อไหร่พี่ไผ่กับน้องริวจะได้กินน้ำต้มผักกันซะที เผื่อมาม่าแล้วนะ
-
นึกว่าได้หวานกันแล้ว แต่ไม่มี
คราวนี้มีผู้หญิงมาใกล้ไผ่อีกแล้ว
น้องริวของพี่จะทำใจได้ไหมเนี่ย ยิ่งเป็นคนขี้หวงด้วย
-
ริวจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านเหรอ :impress:
-
:) อ่านตอนนี้แล้วไม่เสียนำ้ตา
แต่ทำให้อยากอ่านตอนต่อไปอย่างแรง
รอลุ้นเดินทางไปต่างประเทศคงได้เจอกับอลัน
คงจะทำให้เรื่องทุกอย่างมีความกระจ่างมากขึ้น
รอพี่ไผ่กับน้องริวคุยกันแบบเปิดอกจริงๆจังๆกันเสียที
รอ...รอ..รอ. อย่างมีความหวัง :L1:
(+1 ให้ในวันพรุ่งนี้นะครับ)
ขอบคุณคนแต่งกับคนโพสมากๆครับ
ที่นำมาลงให้อ่านอย่างต่อเนื่อง..กอดแรงๆ :กอด1:ทั้งสองคน
-
:man1:รักคนแต่ง รักคนโพส
:monkeysad:แต่น้ำตาร่วงกะริว ไผ่ เค้าอืดมาม่าด้วย อยากกินขนมหวานแล้ว พลีสสสสส :m15:
-
อึนมาก คู่นี้ เซ็งจริง :เฮ้อ:
-
^
^
จิ้มต่ออีกที...ไม่ทันจนได้อ่ะ
..................................
ทำไมรู้สึกว่าสั้นอ่ะ...หรือเราอ่านเพลินจนลืมว่าอ่านไปเยอะแล้ว :laugh:
อิจฉาเจ๊เนอ่ะได้ประกบทั้งริวทั้งไผ่เลย(ถึงจะแค่ในละครก็เถอะ) อย่างนี้ถ้าถึงเวลาต้องเล่นเลิฟซีนริวกับไผ่จะไม่หึงกันเองหรอเนี่ย :m20:
คิดเหมือนสุเลย
พอถึงฉากนั้นคงมีเฮกันแน่เลย
หรืออาจจะเสียน้ำตาให้มาม่าชามโตก็ได้นะ
เฮ้อ...สงสารริว :เฮ้อ: :m31:
-
พี่ไผ่กับน้องริวได้เล่นละครด้วยกัน
ดูเหมือนจะดีแต่มีผู้หญิงเข้ามาอีกแระ
น้องริวก็หึงอีกแล้ว~เฮ้อ
เมื่อไหร่จะหวานซักทีน๊า
-
ลุ้นหวานไม่ขึ้นเลย :z3:
-
ยัยชเนตีนี่จะมาเป็นนางมารร้ายอีกคนไหมเนี่ย-*- :fire:
ปล.ชื่อชเนตีแปลกดีค่ะ แต่ก็นะ ถ้าดาราชื่อไม่แปลกก็ไม่ดัง เนอะ^^
ปล.บางครั้งเราก็กดบวกไม่ได้เหมือนกัน ไม่รู้ทำไม555
-
มันจะอึมครีมไปอีกนานมั้ยเนี่ยยยย :z3:
-
ใจร่ม ๆ ไว้นะริว
-
ใจจริงก็กลัวจะมีมาม่ามาอีก
แต่เราจำได้คนแต่งบอกไว้ว่ามาม่าหมดไปตั้งแต่ตอนพ่อกับแม่ไผ่เสีย
เพราะงั้นคิดว่าเรื่องราวครั้งนี้คงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืบหน้ามากกว่า
อาจจะไปหวานๆ กันที่เมืองนอกก็ได้นา นางเอกคนนี้อาจจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาก็ได้
ฉะนั้นต้องรออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
-
ชะนีมาอีกแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึป่าว..
เหมือนไรท์เตอร์กำลังจะเสิร์ฟมาม่าชามโตอีกแล้วอ่ะ
อยากกินของหวานแล้วนะ *
-
กองละครกองนี้ จะทำให้พี่ไผ่กะน้องริวป่วนมั้ยเนี่ย :serius2:
-
ริวไม่สบายใจเพราะพี่ น่ะพี่ไผ่
แอบชอบตอนที่ริวหยิบน้ำกินเองตัดหน้าพี่ไผ่โคตรๆ สะใจดี ที่ริวรุจักปฏิเสธบ้าง ถึงแม้จริงๆจะเพราะน้อยใจก็ตาม
ขอให้พี่ไผ่รู้ตัวสักนิดเหอะน้องมันง้อ+ยอมมานานเกินไปแล้ว
-
อยากจะร้องไห้ให้น้ำตาท่วมโลก
เพื่อบอกให้ทุกคนได้รับรู้
ว่าเรื่องนี้มาม่ามากแค่ไหน :m15:
-
:เฮ้อ:ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกซะอย่างงั้น
ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึป่าว..
เหมือนไรท์เตอร์กำลังจะเสิร์ฟมาม่าชามโตอีกแล้วอ่ะ
อยากกินของหวานแล้วนะ *
o18รู้สึกเหมือนกันค่ะว่าจะได้กินมาม่าอีกแล้ว
-
ไม่ชอบมาม่า..งานจะเข้าอีกแล้วใช่มั๊ย :serius2:
ต้องโพสท์ถึง 250 ครั้ง ก่อน
ปุ่มโหวต +- จะปรากฏเอง ใต้รูป display
โอววววว จะถึงมั้ยหนอ
ขอบคุณมากค่าาา
ยังไงถึงยังกดบวกให้ไม่ได้ก็กด (?) ทางใจไปก่อนน๊า
โฮ๊ะๆๆๆ :impress2:
-
+1 ให้กับการที่ทั้งคู่ได้เล่นละครคู่กัน
อร๊ายยยยยยยยยย
>< คงจะเฉือนคมกันสนุกไปเลย ^^
น้องริวในบทนักธุรกิจคงเท่มากกกก
ฮึกกกกกก ชอบมากจริงๆ ....
เอาเรื่องในกองถ่ายมาเล่าเยอะๆนะคะ
เหมือนน้องริวกับพี่ไผ่ ใกล้กันมากขึ้นอีกๆๆ
-
เหมือนมาม่าชามเก่าจะหมดแล้วนะ คนเขียนชงซองใหม่ไวจริงๆ
ตามลุ้นให้เข้าใจกันไวๆครับ
-
เหรียญมีสองด้านฉันใด พี่ไผ่ก้อต้องมีชะนีมาเกาะแกะบ้างฉันนั้น
เอาน่าริว ยังไงก้อได้ทำงานกับพี่ไผ่ มีเวลาเจอกันมากขึ้น คิดบวกไว้ แล้วก้ออดทนไว้มากๆ พี่ไผ่เอนเกือบจะโน้มลงมาแล้ว
-
กำลังตามอ่านเรื่องนี้อยู่ค่า
-
พ่ีไผ่ น้องหึงยังดูไม่ออกหรือ
ไว นายแน่มาก
ขอแสดงความเสียใจกับผู้ประสพภัยอย่างย่ิงครับ
-
เอิ่มมม...เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์ เตรียมรบกะชะนีตัวใหม่อีก :เฮ้อ:
สู้นะจ้ะนู๋ริวกะพี่ไผ่ :กอด1:
รอเติมน้ำตาลลงเส้นเลือดอยู่บ้าง :sad4:
เป็นกำลังใจให้คนแต่ง :L2:
-
เอาชะนีออกป๊ายยยยยยยยยย :m31:
-
:m31: :m16:
-
เอาเข้าไป...เมื่อไหร่จะหายมึนตึงซะที
-
ได้กลิ่นหึงหวง อิิอิ
-
นางมารโผล่มาอีกหรือเปล่าเนี่ย
ปล.มาม่าอืดเต็มที่แล้ว
-
ฟ้าฝนอึมคลึมตั้งเค้ามาแต่ไกลอีกแล้ว :serius2:
-
ชเนตตีจะทำให้เกิดเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า
-
ตอนนี้เจ้าไวย์มันน่ารักน่าตบชะมัด
เจ๊หวังว่าน้องเนจะมาเล่นละครอย่างเดียวนะคะ ไม่ใช่มาสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวคนอื่น
พี่ไผ่คงเจื่อนเล็กๆที่น้องหันไปรับน้ำจากทีมงานแทน ไผ่ทำโดยไม่ได้คิดอะไร แค่ติดนิสัยเลดี้เฟิร์ส แต่อีกสองคนข้างๆท่าจะไม่ใช่
-
จะยังอึมครึมกันไปอีกนานมั้ยเนี่ย...
อยากให้พี่ไผ่กับน้องหันมาคุยกันตรงๆเร็วๆจัง ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าตอนนี้ ความสัมพันธ์ขอทั้งคู่มันดูห่างๆทั้งๆที่ยังรักกัน
+1แต้มจ้า
-
ก็คนมันขี้หึง นิดหนึ่งก็คิดไกล
-
นั่งรอ ตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ o13
:really2:
-
เอาเข้าไป...
เรื่องเดิมยังตกลงกันไม่ค่อยจะได้ มีเรื่องใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว
-
มีคนถามว่าไม่เอาชะนีได้มั๊ย คำตอบคือ ไม่ได้ หุหุ :laugh:
เพราะไผ่กับริวไม่ใช่เกย์ ไม่สาวแตก เขาเป็นนักร้องดังนะค้าบ
แถมรูปหล่อ ผู้หญิงไม่มีมาวอแวสิแปลก ชิมิๆ
ใครเตรียมเหวี่ยงชะนี ขอบอกว่า ผิดหวังอย่างแรง
เพราะเรื่องนี้ชะนีเป็นแค่ "สีสัน" ไม่ใช่ตัวอิจฉานะค้าบ
ส่วนมาม่า หุหุ อย่างที่เคยบอก มาม่ามีตอนเดียว
คือตอนที่พ่อแม่ไผ่เสียชีวิต นอกนั้นไม่ใช่มาม่าค้าบ
แค่...บทพิสูจน์กับอุปสรรคเล็กๆในชีวิต แค่นั้นเอง
แนะนำให้ "เชิดใส่" :a14: แล้วอ่านเล่นสบายๆดีกว่าเนาะ
รักนะม๊วบๆ :จุ๊บๆ:
-
มะไหร่พี่ไผ่กับริว จะอะจึ๊กๆ กับแบบหวานๆคะ อิอิ
-
o13เตรียมเชิ่ดใส่ อิอิ o18มีตัวช่วยมาเพิ่มความใกล้ชิดก็ดีนะ
-
แง่ะ ผู้หญิงอีกแล้ว หวังว่าคนนี้จะมาดีนะคะ
เห็นพูดซะดี คงไม่คิดจะเข้ามายุ่งกับพี่ไผ่กับหนูริวนะ
ละครเรื่องนี้ ขอให้ทั้งหนูริวและพี่ไผ่หวานๆกันเถ๊ออ
คงจะไม่มีมาม่าอีกแล้วนะคะ เพราะช่วงนี้รู้สึกว่าจะกินมาม่าเยอะเกิ๊นนน
ขอของหวาน หวาน..หว๊าน หวานๆ ซักหม้อใหญ่ๆๆ เน้นปริมาณเยอะๆนะคะ 55+
-
อุปสรรคเยอะจริง
เรื่องเก่ายังไม่ทันซา ดันมีมารตัวใหม่ขึ้นมาขวางทางรักอีกแระ
เฮ้อ หวังว่ายัยเนจะ "ดี" นะ
-
มีคนถามว่าไม่เอาชะนีได้มั๊ย คำตอบคือ ไม่ได้ หุหุ :laugh:
เพราะไผ่กับริวไม่ใช่เกย์ ไม่สาวแตก เขาเป็นนักร้องดังนะค้าบ
แถมรูปหล่อ ผู้หญิงไม่มีมาวอแวสิแปลก ชิมิๆ
ใครเตรียมเหวี่ยงชะนี ขอบอกว่า ผิดหวังอย่างแรง
เพราะเรื่องนี้ชะนีเป็นแค่ "สีสัน" ไม่ใช่ตัวอิจฉานะค้าบ
ส่วนมาม่า หุหุ อย่างที่เคยบอก มาม่ามีตอนเดียว
คือตอนที่พ่อแม่ไผ่เสียชีวิต นอกนั้นไม่ใช่มาม่าค้าบ
แค่...บทพิสูจน์กับอุปสรรคเล็กๆในชีวิต แค่นั้นเอง
แนะนำให้ "เชิดใส่" :a14: แล้วอ่านเล่นสบายๆดีกว่าเนาะ
รักนะม๊วบๆ :จุ๊บๆ:
พูดง่ายทำยากนะคร้าบเชิดใส่เนี่ย
จริงหรือที่ชะนีเป็นแค่สีสัน ผมอยากได้ชะนีเป็นตัวเร่งอ่ะดิครับ
อยากอ่านตอนหวานๆมั่งอ่ะ
วันนี้มาไหมหว่า
-
สงสารทั้งพี่ไผ่ แล้วก็ริว :m15: :m15: :m15:
-
มารโผล่มาอีกแล้ว พี่ไผ่ไม่ทันหายเศร้าเลย
-
มานั่งรอคืนนี้ค่ะ (เปล่ากดดันน้า~) :laugh:
-
มาปูเสื่อรอด้วยคน
ไม่ได้กดดันเหมือนกันนะอิอิ
-
วันนี้จะมามั้ยนะ
มาแอบดู !!
-
อลันไม่ต้องมาหาแล้วใช่ไหมคะ...เดี๋ยวหนูริวจะได้ไปเยี่ยมบ้านแล้ว...^O^
ดีใจที่ริวจะได้เล่นละครกับพี่ไผ่...พี่จ๋าน่ารักที่ซู้ดดด...
-
มานอนรอ
:a12:
-
^
^
รอใครอ่าพี่ขา //ตาปริบๆ
-
มานอนรอตอนต่อไปจ้า :t3:
-
มานอนรอ
:a12:
เย้ยมานอนรออารายอ่ะคร้าบ
-
ยังไม่มาอีกหรอ :t3:
-
o22นอนจริงเหรอนั่น :jul3:
-
ไม่อัพตอนต่อไป เราไม่นอน o9
อย่างงี้ก็ต้องมีหึงกันบ้างแล้วสินะ >w</
บทพิสูจน์รัก....
อ่านวันละตอนนี้แทบไม่พอ
ตอนนึ่งก็ยาวนะค่ะ แต่เหมือนมันไม่จุใจเลย ย้อนกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่แรกรอแล้วเนี่ย :-[
-
ไม่อัพตอนต่อไป เราไม่นอน o9
o13
-
เห็นใครใครก็มารอ เราก็อยากมารอด้วยอ่า~
:o8:
ตอนที่ 92
ริวถอนใจยาวขณะเหลือบมองแสงไฟจากบ้านพสุที่ค่อยๆ หายลับไปกับความมืด เมื่อรถเคลื่อนไกลออกมา เขาต้องอดทนไปอีกนานเท่าไหร่ ถึงได้กอดพสุไว้ในอ้อมแขนยามหลับ ได้ซุกตัวในผ้าห่มผืนเดียวกัน ได้สูดกลิ่นหอมอบอุ่นที่หอมไปถึงหัวใจ อีกนานเท่าไหร่กว่าจะถึงวันที่พสุใจอ่อน...
เกือบสองสัปดาห์แล้วที่เขาต้องนอนคนเดียว ห้องที่ไม่มีพสุอยู่ด้วยมันไม่น่านอนสักนิดเดียว เขากลับไปหลับวันละ 3 − 4 ชั่วโมงเหมือนอย่างตอนที่อยู่นิวยอร์คอีกครั้ง แน่นอนว่ามันส่งผลถึงรอยคล้ำใต้ตาและผิวพรรณที่ไม่สดใสอย่างเคย กรเวชเองยังบ่นอุบ แต่ก็ไม่กล้าบังคับให้เขากินยานอนหลับ และเป็นความตั้งใจของริวที่จะพาใบหน้าซีดเซียวไปให้พสุเห็นในทุกๆ วัน เพราะหวังว่าจะช่วยเร่งให้พสุใจอ่อนยอมให้เขากลับไปอยู่ร่วมบ้านเร็วๆ
ใช่แต่เขาที่ทรมานกับการนอนคนเดียวจนกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ เท่าที่เขาสังเกตพสุเองก็นอนไม่หลับเช่นกัน รอยคล้ำใต้ตาที่ชายหนุ่มพยายามปกปิดด้วยรองพื้นเมื่อมองใกล้ๆก็ยังพอสังเกตเห็นได้ ทั้งที่เป็นอย่างนี้ ยังไม่มีวี่แววว่าพสุจะออกปากอนุญาตให้เขากลับไปอยู่ด้วยสักนิด
ริวได้แต่หวังว่าการได้เล่นละครกับพสุ จะทำให้เขากับพสุได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าเดิม แล้วเขาก็จะได้ “กลับบ้าน” เสียที
......................................................
พสุชะงักเมื่อได้ยินเสียงชเนตตีหัวเราะเสียงใส ชายหนุ่มร้อนวูบในอกเมื่อเห็นว่าเธอหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับใคร รอยยิ้มเก้อกระดากของเด็กหนุ่มดูเหมือนจะทำให้ใครต่อใครยิ่งเอ็นดู โดยเฉพาะชเนตตี อากัปกิริยาที่แตะแขนแตะไหล่เด็กหนุ่มอยู่ตลอดเวลาบ่งบอกถึงความสนิทสนมและ ‘เอื้อเอ็นดู’ เป็นพิเศษ จนคนทั้งกองถ่ายจับตามอง
“ริวเนี่ยน่ารักนะคะพี่ไผ่ ดูสิคะ พวกพี่ๆ แม่ครัวรักกันใหญ่ เอะอะอะไรก็เรียกหาแต่น้องริวตลอดเลย” ชเนตตี พูดยิ้มๆ สายตาจับอยู่ที่ริวกับบรรดาแม่ครัวประจำกองถ่ายระหว่างที่เธอกับพสุกำลังรอจะเข้าฉากต่อไปด้วยกัน
“ครับ”
“เนละอิจฉ๊าอิจฉาพี่ไผ่”
“อิจฉาผมทำไมครับ?”
“แหม...ก็ริวน่ะติดพี่ไผ่จะตายค่ะ เอะอะอะไรก็วิ่งมาหาพี่ไผ่ก่อนตลอดเลย ดูน้องเขาใส่ใจพี่ไผ่มากเลยนะคะ แล้วยังใช้ง่าย ว่าง่ายเชียว ทำไมน้องชายเนไม่น่ารักเหมือนริวบ้างก็ไม่รู้”
“ริวเขาก็เป็นแบบนี้กับพี่ๆ ทุกคนในวงนั่นแหละครับ” พสุรีบออกตัวอย่างไม่สบายใจนัก ไม่อยากให้ใครๆ จับตามองว่าเขากับริวสนิทสนมกันเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน
“เหรอคะ...น่ารักจัง...นอกจากหน้าตาหล่อแล้วยังนิสัยน่ารักอีก แบบนี้สาวๆ คงแย่งกันตายแน่...น้องเขามีแฟนหรือยังคะพี่ไผ่”
“ยังครับ” พสุตอบสั้นๆ รู้สึกยอกแสยงในใจอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่น่าเชื่อ...ดูดีขนาดนี้ทำไมยังไม่มีแฟนละคะ...สงสัยจะเลือกมากละสิ หล่อเลือกได้ก็แบบนี้แหละค่ะ”
“ไม่มีเวลาหาแฟนมากกว่าครับ เราทำงานกันทุกวัน บางวันก็หลายงาน อย่าว่าแต่จะหาแฟนเลยครับ แค่เวลาได้นอนตื่นสายสบายๆ ก็หายากแล้ว” ทั้งที่เขาไม่อยากคุยเรื่องริวกับชเนตตีอีก แต่พอได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงเด็กหนุ่มเหมือนคนเจ้าชู้ก็อดแก้ตัวแทนให้ไม่ได้
“ตายจริง น่าสงสารจัง...แหม คนกำลังดังนี่คะ คิสมีน่ะเป็นบอยแบนด์อันดับ 1 เชียวนะคะ งานชุกขนาดนี้ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ....ว่าแต่น้องริว แล้วพี่ไผ่ละคะ มีคนคอยดูแลแล้วหรือยัง” ชเนตตีแซวพสุด้วยรอยยิ้มแพรวพราย ขณะที่พสุกลับตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ยังไม่คิดจะดึงใครมาเหนื่อยด้วยหรอกครับ...ตอนนี้แค่งานอย่างเดียวก็หมดเวลาแล้ว”
ชเนตตียังอมยิ้มเฉยเพราะไม่เชื่อว่าพสุยังไม่มีใครจริงๆ ยังไม่ทันคุยอะไรกันต่อริวก็เข้ามาวางจานผลไม้ลงตรงหน้าทั้งคู่
“พี่ๆเขาให้เอาผลไม้มาให้ครับ...เอ่อ...ริวนั่งด้วยได้มั๊ยครับ”
“ได้สิจ๊ะ พี่กำลังนินทาริวอยู่พอดีเลยล่ะ” ชเนตตีหันไปแซวแล้วหัวเราะคิกที่เห็นริวทำหน้าเหรอหรา
“ไผ่จ๊ะ...พี่พายเรียกไปซ้อมคิวบู๊จ้ะ”
พสุรีบลุกขึ้นทันทีที่รู้ว่าผู้กำกับเรียกหา ริวขยับจะลุกตามแต่ชเนตตีเรียกเด็กหนุ่มไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิริว อยู่คุยกับพี่แป๊บสิ”
“เอ่อ...ริวจะไปซ้อมคิวบู๊ครับ” ริวรีบอ้าง เพราะปกติพสุกับริวจะต้องเข้าฉากบู๊ด้วยกันบ่อยๆ
“พี่เก๋คะ พี่พายเขาเรียกริวด้วยหรือเปล่าคะ?”
“ยังค่ะ ของน้องริวเดี๋ยวค่อยไปก็ได้”
“งั้นริวนั่งลงก่อนค่ะ พี่ขอถามอะไรหน่อย”
พสุเดินตามพี่เก๋ไปหาพี่ๆ สตั๊นท์แมน แต่ทุกครั้งที่มีช่วงจังหวะพัก ชายหนุ่มก็อดเหลือบมองไปทางริวกับชเนตตีไม่ได้ นอกจากริวจะปักหลักนั่งคุยกับชเนตตีไม่เลิกแล้วดูเหมือนชเนตตีเองก็มีเรื่องสำคัญปรึกษาริว เพราะเธอชะโงกไปกระซิบข้างหูริวบ่อยๆ โดยที่ริวก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลบเลี่ยงแต่อย่างใด…ท่าทาง ริวก็คง “ชอบ” คุยกับชเนตตีเป็นพิเศษเช่นกัน
“ริว..” พสุรอจนอยู่กับริวตามลำพัง ขณะที่คนอื่นๆ ยังกินข้าวกันไม่เสร็จ
“ครับ” ริวเงยหน้าขึ้นจากบทที่กำลังจะถ่ายในตอนบ่าย
“รู้รึเปล่าว่า...เอ่อ...เนน่ะ เขามีคนที่คบๆ กันอยู่นะ” พสุพยายามเลือกคำให้เบาที่สุดเพราะไม่อยากช็อกความรู้สึกริวให้มากนัก
“ครับ ทราบแล้ว” ริวตอบด้วยสีหน้าเฉยๆ แล้วก้มลงอ่านบทต่อ
“อยู่วงการนี้ ต้องระวังนะริว...ถ้าพลาดอะไรไปสักนิด สื่อเล่นงานยับแน่” พสุเตือนซ้ำด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น เพราะเห็นริวทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจ ทำให้ริวชะงัก เด็กหนุ่มยังก้มหน้าจ้องมองบทนิ่งปากบางเม้มแน่น
“ริวทราบครับ พี่ไม่ห่วงหรอก ริวจะไม่ ‘พลาด’ ให้สื่อเล่นงานได้เด็ดขาด” น้ำเสียงน้อยใจแกมประชดเล็กๆ ของริวทำให้พสุสะอึก หน้าชา รู้สึกร้อนวาบในอกด้วยความเสียใจ ริวทำเหมือนไม่พอใจที่ถูกเขาเตือน ทั้งที่ผ่านมาริวไม่เคยทำท่าประชดประชันเขาสักครั้ง ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นเดินลิ่วไปห้องน้ำโดยไม่เห็นสายตาตัดพ้อที่มองตามหลัง
สำหรับริว คำเตือนของพสุเหมือนหนามแหลมๆ ที่ทิ่มแทงใจ เขารู้ว่าพสุระมัดระวังตัวแค่ไหน ทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้พสุจะรีบถอยห่าง ไม่เคยยอมให้เขาแตะต้องเนื้อตัวต่อหน้าคนอื่น เด็กหนุ่มเข้าใจว่าที่พสุมาเตือนเรื่องชเนตตีคงเพราะอยากเตือนเขาทางอ้อมว่าให้ระวังตัวมากกว่านี้สินะ....ริวถอนหายใจเฮือกใหญ่ หงุดหงิดที่เขาทำตามอลันบอกทุกอย่าง แต่จนแล้วจนรอดความสัมพันธ์ของเขากับพสุก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย มีแต่จะยิ่งห่างเหินกันมากขึ้นทุกที...
เด็กหนุ่มเหลียวมองไปรอบๆ เห็นทีมงานยังจับกลุ่มอยู่ที่โต๊ะอาหาร จึงลุกตามพสุไปที่ห้องน้ำ ริวชะงักเมื่อเห็นพสุยืนเท้ามือกับเคาน์เตอร์ตรงอ่างล้างหน้า ใบหน้าก้มต่ำนั้นเปียกโชก สีหน้าเครียดขึงของพสุทำให้เด็กหนุ่มเป็นห่วงจนลืมความน้อยใจของตัวเองไปหมด
“พี่” เพียงเขาเรียกเบาๆ พสุก็สะดุ้งเฮือก อาการตวัดตามามองแล้วเมินหน้าหนีทำให้ริวใจเสีย
“พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ ท่าทางพี่ดูไม่ค่อยสบายใจ”
“ไม่มี” พสุตอบเสียงเรียบ แล้วเดินหนี ริวรีบเดินตามอย่างร้อนใจ
“พี่ไผ่ครับ...”
“ริว...มาพอดีเลย มาต่อบทกันได้แล้วจ้ะ” ชเนตตีส่งเสียงทักมาแต่ไกลทำให้เด็กหนุ่มจำต้องหยุดเดินตามพสุ ต่อหน้าคนอื่นเขาต้องระวังให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นพสุจะโกรธเอาได้
ริวยิ้มแหยๆ ให้ชเนตตี เพียงเพราะอยากกันเธอออกห่างจากพสุเขาถึงขอให้ชเนตตีช่วยต่อบทให้ ตอนนี้ก็คงต้องไปต่อบทกับเธอจริงๆ...อย่างน้อยก็กันไม่ให้ชเนตตีมีเวลาใกล้ชิดกับพสุได้
พสุเม้มปากนิ่ง เหลือบมองอาการ ‘สนิทสนม’ ของริวกับชเนตตีแล้วเมินหน้าหนี ทั้งที่เขาเพิ่งเตือนไปแต่ดูเหมือนริวจะไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย นั่นสินะ...เขาจะห่วงไปทำไมในเมื่อตัวริวเองยังไม่แยแสเรื่องนี้สักนิด พสุกลับไปซ้อมคิวบู๊อีกครั้งก่อนถ่ายทำฉากต่อสู้ในช่วงบ่าย เรื่องของริวเหมือนเป็นตะกอนที่ทำให้ใจยังขุ่นมัว ไม่ว่าจะพยายามสลัดอย่างไรก็ไม่ยอมหลุดไปจากสมองสักทีจนเขาเสียสมาธิบ่อยๆ
“เฮ้ย! ไผ่ระวัง!" พสุทันได้เห็นเพียงแวบเดียว สัญชาตญาณทำให้เขายกแขนขึ้นกันหน้าโดยอัตโนมัติ
ผลัวะ! ด้ามปืนฟาดเข้าที่แขนแม้จะโดนเพียงเฉี่ยวๆ แต่เพราะพสุยืนอยู่บนขอบนั่งร้านจึงหงายหลังตกลงมาบนเบาะหนาข้างล่าง โชคดีที่ไม่สูงนักเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
“พี่เป็นไงบ้าง!” ริววิ่งเข้ามาถึงตัวพสุก่อนใคร เด็กหนุ่มช่วยประคองพสุลุกขึ้น พร้อมๆ กับพี่สตั๊นท์แมนที่ทิ้งปืนกลปลอมเข้ามาดูอาการพสุ
“ไผ่! เป็นไงบ้าง โดนหน้าหรือเปล่า?”
“เปล่าครับ ยกแขนขึ้นรับทัน”
“โทษทีไผ่ พี่ยั้งมือไว้ไม่ทันจริงๆ” พี่สตั๊นท์แมนหน้าเสีย ถ้าเมื่อครู่พสุยกแขนรับไม่ทันแล้วด้ามปืนไปฟาดโดนหน้ามีหวังละครคงถ่ายต่อไม่ได้...แล้วเขานี่แหละที่จะเดือดร้อนเพราะทำพระเอกเสียโฉม
“ผมสิครับที่ต้องขอโทษ สมาธิหลุดไปหน่อย เลย...เสียเวลาพี่ไปด้วย ขอโทษครับพี่ ขอโทษครับพี่พาย” พสุหันไปไหว้ขอโทษพี่สตั๊นแมนและผู้กำกับที่ต่างเข้ามาดูอาการเขาด้วยความเป็นห่วง
ริวยกแขนพสุขึ้นดูแล้วหน้าเสีย ถึงจะเป็นปืนที่ใช้ในการแสดง แต่มีน้ำหนักใกล้เคียงกับปืนจริง จึงทิ้งรอยเขียวช้ำเป็นปื้นไว้ที่แขนพสุ
“โอ๊ย! ใจหายหมด ดีนะที่ไม่โดนหน้า...ดูสิช้ำเป็นทางเลย...ใครเอาน้ำแข็งกับผ้าขนหนูมาหน่อยเร็ว ไผ่ไปนั่งไป จะได้ประคบแขนก่อน” พี่จ๋าตะโกนเรียกหาน้ำแข็ง ขณะที่พสุปลดมือริวออกแล้วเดินไปนั่งพักด้วยตัวเอง ริวชะงัก ขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจ แต่พอทีมงานเอาน้ำแข็งกับผ้าขนหนูมาให้ เด็กหนุ่มก็รีบเอาน้ำแข็งห่อผ้าเพื่อจะประคบแขนให้พสุ
“ไม่ต้อง...พี่ทำเอง” พสุปฏิเสธเสียงเย็น แล้วชะงักเมื่อเห็นริวหน้าสลด
“ริวไปเตรียมเข้าฉากเถอะ พี่แขนเจ็บแบบนี้ อาจจะต้องเปลี่ยนไปถ่ายฉากของริวก่อน” ชายหนุ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง พยายามเตือนตัวเองว่าเขาไม่มีสิทธิ์ไปโกรธริว การที่เขาเก็บเรื่องริวกับชเนตตีมาคิดจนไม่มีสมาธิมันเป็นเรื่องไม่เข้าท่าที่สุด นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างริวกับชเนตตี ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสอดจมูกเข้าไปยุ่ง
“ครับ” ริวรับคำทั้งที่ยังรู้สึกไม่สบายใจกับท่าทางเย็นชาของพสุ
พอพสุหายเจ็บแขนก็กลับมาถ่ายฉากที่เหลือต่อจนเสร็จ แต่ริวก็รู้สึกได้ว่าพสุดูเหมือนจะเงียบเป็นพิเศษ ถามคำตอบคำหรือไม่ก็เหม่อจนไม่ได้ยินที่เขาถาม...
“พี่...ยังเจ็บแขนอยู่หรือเปล่าครับ ไปหาหมอมั๊ย” ริวอดถามไม่ได้ เพราะเห็นพสุเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากกองถ่ายมา
“ไม่ต้องหรอก แค่ฟกช้ำนิดเดียว อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เลย” พสุตอบแล้วกอดอก หันหน้าออกไปมองสองข้างทางแทนที่จะหันมาคุยกันเหมือนเคย
“...ครับ” ริวรับคำเสียงเบา แล้วเหลียวมองพสุเป็นระยะๆ ด้วยความกังวลใจ
“...ริว” พสุเรียกขึ้นมาลอยๆ โดยที่สายตายังจับอยู่ที่แสงไฟจากอาคารข้างทาง
“ครับ” ริวหันมองหน้าพสุแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองถนน แม้จะ 5 ทุ่มกว่าแล้ว แต่ถนนเส้นนี้ก็ยังมีรถค่อนข้างหนาตา คงเพราะบ้านของพสุตั้งอยู่ในย่านของถนนเศรษฐกิจ ยังดีที่การจราจรไม่ติดขัดเหมือนกลางวัน
“วันนี้ไม่กินข้าวด้วยกันสักวันนะ พรุ่งนี้พี่มีงานแต่เช้า” พสุบอกเสียงเรียบโดยไม่หันกลับมามองหน้าริวสักนิดเดียว
“แต่...พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอครับ”
“พี่ไม่หิว...โทษทีนะ เดี๋ยวริวกินข้าวแล้วค่อยกลับก็ได้ แต่พี่ขอพักก่อนละกัน วันนี้พี่เหนื่อยมากเลย” แม้คำพูดของพสุจะดูปกติ แต่ไม่มีความอบอุ่นอ่อนโยนในน้ำเสียงเหมือนเคย ริวสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเย็นเยือกที่กั้นกลางระหว่างเขากับพสุอย่างชัดเจน
“...ถ้าอย่างนั้นริวกลับเลยดีกว่าครับ พี่จะได้พัก...” ริวตอบเสียงเบา ความรู้สึกหิวมันหายไปหมดตั้งแต่ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของพสุแล้ว
“อืม” พสุรับคำทันทีโดยไม่มีท่าทีว่าจะทักท้วง พอรถจอดที่หน้าบ้านชายหนุ่มก็ลงจากรถแล้วเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว...ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองริวสักนิดเดียว
..................................
-
ขอจิ้มหน่อย
โอ๊ยจะบ้าตายไอ้พี่น้องคู่นี้นิ
โอ๊ยอลันหาบทให้ริวจัดการไผ่เร็วๆทีเหอะ
ต่างคนต่างเข้าใจผิดไปหมดแล้วโอ๊ยอ่านแล้วเครียดอ่ะตอนนี้
ต้องให้น้องสติแตกจูบไผ่กลางกองถ่ายเลยไหม
ไผ่ถึงจะรู้อ่ะว่าน้องคิดยังไง
โอ๊ยอึดอัด
อิอิ o13
-
ไม่ยอมอ่ะ...ทีขี้โกง
.....................
ตกลงพี่ไผ่อยากมีเรื่องให้ได้ใช่มั้ยเนี่ย...ริวเลิกรอเหอะ จับปล้ำเลยจะได้เลิกทำตัวงี่เง่าซักที :m16:
-
เอามาฝาก หุหุ(http://www.up5.in.th/dimg/normal/201103121299947837-imagesCA00PLQQ.jpg)
-
พี่ไผ่จะคิดมากไปไหน
-
อึดอัด ...
-1 สำหรับมาม่าหลายชาม
-
พี่ไผ่!!!! :serius2:
นี่เค้าเรียกว่าหึงใช่มั้ย?โธ่ๆๆ หึงแล้วอย่าพาลสิ ริวใจเสียหมดแล้ว :เฮ้อ:
แต่ก็แอบฮานะ ต่างคนต่างหึงอ่ะ กันท่ากันไปมา เข้าใจผิดกันเองอีก
ปั๊ดโธ่!!!!!! :z3: :z3: :z3: :z3:
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
ตกลงมันจะมีแต่มาม่าหรือเนี่ย
สงสารน้องริวววววอ่ะ
-
:sad4:มาม่ายังไม่หมดอีกหรอค้า ไม่ไหวแล้วกับความอึมครึม
-
:jul1: อ่านแล้วหมดแรง....
เนอ่ะ ไม่มีไรหรอก... แต่เฮียไผ่นี่สิ :z3: :z3: :z3:
-
พี่ไผ่หึงอ่ะ อิอิ
แต่สงสารริว
:impress3:
-
อึดอัด ...
-1 สำหรับมาม่าหลายชาม
ชักอยากแว่บไปกดเหมือนกันแฮะ(แต่รอตอนหน้าก่อน) :m23:
-
เหนื่อยใจ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
กินมาม่ามาเกือบเดือนแล้ว :เฮ้อ:
-
อึดอัด ...
-1 สำหรับมาม่าหลายชาม
ชักอยากแว่บไปกดเหมือนกันแฮะ(แต่รอตอนหน้าก่อน) :m23:
กดยัยปร้าคนแต่งนะ เค้าไม่เกี่ยวววว o18
-
อึดอัด ...
-1 สำหรับมาม่าหลายชาม
ชักอยากแว่บไปกดเหมือนกันแฮะ(แต่รอตอนหน้าก่อน) :m23:
ชักเห็นด้วยซะแล้วสิ
ไม่ยอมอ่ะ...ทีขี้โกง
.....................
ตกลงพี่ไผ่อยากมีเรื่องให้ได้ใช่มั้ยเนี่ย...ริวเลิกรอเหอะ จับปล้ำเลยจะได้เลิกทำตัวงี่เง่าซักที :m16:
555 ไม่ได้ขี้โกงนะสุได้จิ้มไปหลายรอบแล้ว รอบนี้ขอ ที เหอะ
แต่เห็นด้วยนะริวจับกดเลยโล้ดไอ้หนู
ได้เป็นเมียแล้วอะไรๆก็คงง่ายขึ้นเนาะ
-
:serius2: :serius2: :serius2:
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
พี่ไผ่เลือดกรุ๊ปAใช่มั้ย ถึงได้ติดนิสัยคิดมากกกกกกกกกกกกขนาดนี้ :serius2:
สงสารริวอ่ะ
-
อึดอัด ...
-1 สำหรับมาม่าหลายชาม
เกือบจะกดไปเหมือนกันนะนี่ แต่ตีมือตัวเองทัน ก็แหม๋ชักอิ่มมาม่าแล้วนะ สถาณการณ์ไม่ดีขึ้นเล้ย พี่ไผ่ก็ไม่เลิกเป็นแบบนี้ สงสัยต้องรอตัวช่วยสถาณเดียวละมั้งนี่ :เฮ้อ:
-
หึงหวงกันไปมาชีวิตจะได้มีสีสัน แต่ถ้ามากไปมันจะมีแต่เศร้าโศกนะคะ
-
ไรเตอร์มาไวๆ
แต่ไม่อยากได้มาม่า อ่าาา
-
แต่เห็นด้วยนะริวจับกดเลยโล้ดไอ้หนู
ได้เป็นเมียแล้วอะไรๆก็คงง่ายขึ้นเนาะ
ได้ข่าวว่า...พี่ไผ่เสร็จหนูริวไปแล้วหนึ่งยกนะที :laugh:
แต่ขนาดถึงไหน ๆ กันแล้วก็ยังเป็นงี้อีกเนี่ย...ไม่ไหวเลย :serius2:
-
อืดจัดแล้ว
เยอะเกินก็เริ่มเบื่อนะคะ :เฮ้อ:
-
ไผ่ไม่คิดจะทำความเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง
แล้วยังไม่คิดจะเข้าใจความรู้สึกของริวอีกด้วย :เฮ้อ:
ช่างเป็นคนที่หนีปัญหาจริงๆ
-
เนื้อเรื่องเหมือนอยู่กับที่มาหลายตอนแล้วนะ เลยเริ่มจะเบื่อๆแล้ว
พี่ไผ่จะคิดมากไปถึงไหนค่ะ
-
อึดอัดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
:z3: :z3: :z3:
-
อารายเี้นี้ย สถานการณ์คุ้นๆ หึงหวงแต่ไม่พูดทั้งสองคน
เมื่อไรจะรู้เรื่องเนี้ย
คิดแล้วกลุ้ม :z3: :z3: :z3:
-
มาบวกให้ค่ะ ปูเสื่อรออ่านตอนมาม่าน้อยกว่านี้
-
ทำไม ดราม่าใหม่มาอีกแล้ว
โฮๆๆๆ
เข้าใจผิดกันอ่ะ
กันคนโน้น คนนี้ เลยกลายเป็นยิ่งห่างกัน
ฮือออออ
คนอ่านเสียใจ ปวดใจ
น้องริวววววว
-
เฮ้อ...ไปกันใหญ่แล้วตอนนี้
เหมือนกำแพงมันยิ่งสูงเหลือเกิน... :z3: ใครจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยสองคนนี้น้อ
-
ไผ่แอบหึงน้องริวอะดิ
แต่ทำใจยอมรับยังไม่ได้เลยออกอาการ
เหอๆ
-
โอ๊ย เมื่อไรคู่นี้จะได้คุยเคลียร์ๆกันซะทีนะ
เอาแต่หึงกันไปมา เข้าใจกันไปคนละเรื่องแบบนี้
คนอ่านเครียดด :serius2: ลุ้นเหนื่อยแล้วน้า
-
พี่ไผ่หึงริวใช่มะ
พี่ไผ่เริ่มมีความรู้สึกแล้ว
แต่ขอบอกว่าอึดอัดแทนสองคนนี้จัง
คนนึงก็เปิดเผยแสดงออกสุด ๆ ว่ารัก
อีกคนก็ปกปิดเก็บกดอยู่นั่น~เฮ้อ
แล้วเมื่อไหร่จะรู้เรื่องกันหล่ะ
น้องริวจัดการพี่ไผ่อีกครั้งซิ หุหุ
-
คิดมากกันทั้งคู่เลย...
ไผ่....ขี้หึงนะเราอ่ะ
-
อืดจัดแล้ว
เยอะเกินก็เริ่มเบื่อนะคะ :เฮ้อ:
เห็นด้วยค่ะ หลังๆแอบไม่ค่อยอยากเม้นเท่าไหร่เพราะกลัวว่าเด๋วจะเผลอบ่นเยอะ :เฮ้อ:
-
:serius2: :serius2: ย๊ากกกกกกกกกก........อยากแปลงร่างเป็นก็อตซิล่า
จับไผ่ไปขัง รอเวลาให้อุตต้าริวไปช่วย พี่ไผ่จะได้ยอมใจอ่อนสักที
:z3: :z3: :z3: :z3: อึดอัดโว้ยยยยยยยยยย..........
-
อืดจัดแล้ว
เยอะเกินก็เริ่มเบื่อนะคะ :เฮ้อ:
เห็นด้วยค่ะ หลังๆแอบไม่ค่อยอยากเม้นเท่าไหร่เพราะกลัวว่าเด๋วจะเผลอบ่นเยอะ :เฮ้อ:
เป็นเหมือนกันเลย :เฮ้อ:
-
เอามาฝาก หุหุ(http://www.up5.in.th/dimg/normal/201103121299947837-imagesCA00PLQQ.jpg)
คุณคนแต่งคะ ขนาดนี่แค่น้ำจิ้มนะคะ
อร๊ายยยย รับไม่ได้ เมื่อไหร่พี่ไผ่จะเลิกแคร์แต่คนอื่นซักที
หันมาแคร์หนูริว แคร์คนที่รักและรักตัวเองมั่งสิ จะอะไรกันนักกันหนาเนี่ย??
ไม่ทราบว่าพี่ไผ่อายุเท่าไหร่คะ วัยทองหรอเนี่ย อารมณ์ขึ้นๆลงๆบ่อยนะคะ
ขอสารภาพตามตรงค่ะ ว่าตามอารมณ์พี่ไผ่ไม่ทันจริงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่
เอาน้ำจิ้มถ้วยใหญ่นี้ออกไปซักทีเถอะค่าคุณAnonymus จะไม่ไหวแล้วน้า~
อุตส่าห์ผ่านมาม่าหม้อใหญ่มาได้ ไหงเอาน้ำจิ้มรสเผ็ดร้อนมาเสิร์พต่อล่ะคะ
เมนูต่อไปมันควรจะเป็นของหว๊านน..หวานไม่ใช่หรอคะ แง๊ T^T สงสารหนูริวและพี่ไผ่
รอตอนน้ำจิ้มถ้วยนี้หมดแล้วขอของหวานต่อด่วนด้วยนะคะ!! 55+
-
แต่เห็นด้วยนะริวจับกดเลยโล้ดไอ้หนู
ได้เป็นเมียแล้วอะไรๆก็คงง่ายขึ้นเนาะ
ได้ข่าวว่า...พี่ไผ่เสร็จหนูริวไปแล้วหนึ่งยกนะที :laugh:
แต่ขนาดถึงไหน ๆ กันแล้วก็ยังเป็นงี้อีกเนี่ย...ไม่ไหวเลย :serius2:
เอาแบบว่ารู้ตัวตลอดไม่ปล่อยไปตามอารมณ์นั้นสิ
เอาให้มันไปตามอารมณ์ตอนมีสติเต็ม100สิสุ
ตอนเมาไม่นับอิอิ
-
ขิงก็ราข่าก็แรง มัวแต่ประชดกันไปประชดกันมาอยู่นั้นหละ
-
เมื่อไหร่คุณเลขาจะตามมาจัดการคะเนี่ย
รอกันนานแล้วน้า ไหนว่าจะมาทำให้ไผ่เป็นของริวคนเดียวให้เร็วที่สุดไง
เพราะไม่อยากให้ริวรอนานไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมยังไม่โผล่หัวมาซักทีละคะเนี่ย :really2:
-
ริว กลับเมกาเหอะ!!!! เอามาม่าชามโตมาทิ้งไว้เลย รักนทรักนทรักนทรักนทรักนท่าๆๆ เอาให้ไผ่คาดไม่ถึงเลยยเอิ๊กก
-
นั้นซิ อยากยุให้ริวกลับเมกาเหมือนกันนะเนี่ย
ดูซิพี่ไผ่จะทำไงต่อ :z3:ไม่อยากมาม่าแล้วนะ
ขอขนมหวานสักทีเถอะ
-
คนแต่งคนโพสค๊าาาาา มาส่งดอกไม้ให้ :L2: เพื่อแลกกะของหวานนะ ขอเหอะ :L1:
-
อยากรู้จังอลันสอนไรริวมานะ :z13:
-
ชักเบื่อไผ่แฮะ ยิ่งกว่าสาวขึ้นไปทุกวัน
-
เหนื่อยใจแทนริวจริงๆ
เข้าใจว่าไผ่คิดมากเป็นห่วงน้องด้วย
แต่นี่คิดมากไปมั้ยแล้วเป็นไง
ตัวเองก็เครียดเสียใจแถมหึงก็ไม่บอก
:กอด1: :L2: :pig4:
-
ขัดใจจริงๆ เลย เมื่อไหร่ที่มันจะเข้าใจกันสักที
ไผ่นีีจะพูดจะคุยกับริวให้รู้เื่รื่องได้
ต้องใช้เวลามากขนาดไหนนะ
-
ไผ่งี่เง่าว่ะ
เบื่อแล้วนะ
-
ดูท่าตอนนี้ไผ่ได้คะแนนติดลบแฮะ
อย่างว่าเมื่อไหร่อลันจะมาไทยสักที
รีบๆมาทำให้ไผ่เป็นของริวโดยไวเลยอลัน
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: รู้สึกเหมือนบางที....ไผ่ก็คิดเยอะเกินไปหน่อยป่าว
-
อดรู้สึกตลกไม่ได้เลยอ่ะ เพราะสองคนนี้เขาต่างคนต่างหึงกันหลายรอบแล้ว แถมทุกครั้งริวชอบเอาตัวเองเข้าไปพัวพันเพื่อกัน ผญ ออกจากพี่ไผ่ด้วยนะ ฮ่ะๆๆ
แล้วอย่างนี้จะเข้าใจกันเมื่อไรล่ะเนี่ย
Ps.ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่านะว่า เล่นละครทีไรเป็นเรื่องทุกที = =;;
-
เฮ้อ เป็นคนคิดเล็กคิดน้อยจริงน้า ไผ่เนี่ย
เหวี่ยงใส่ริวอีกแล้ว... ยังงี้น้องก็ไม่เข้าใจน่ะสิ
-
อึดอัดจริงๆ เลย
รีบๆ เข้าใจกันสักทีสิครับ
-
เรียนทั้งคุณspring และ คุณAnonymus :z3: ดิฉันขอประท้วงค่ะ
ทำไมถึงทำร้ายผูอ่าน(ดิฉัน)จัง จะให้อยู่ในอารมณ์นี้ :monkeysad:นานปะคะ
-
ริวกลัวนิวยอร์คด่วน
-
คู่นี้เค้าจะอึมครึม ต่างคนต่างคิดไปอีกนานไหมเนี่ย
:เฮ้อ:
-
วันนี้ตื่นเช้าเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย
มาลงกันแต่เช้าเลยดีกว่าาาา
แม่ยกน้องริวจร๋าอย่าเพิ่งโกรธพี่ไผ่เยย
**********************
ตอนที่ 93
ริวเม้มปากแน่นก่อนจะขับรถออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เด็กหนุ่มรู้ดีว่าความอดทนของเขาลดน้อยลงทุกที แม้จะได้เล่นละครเรื่องเดียวกับพสุทำให้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น แต่ดูเหมือนพสุจะยิ่งห่างเหินกับเขา ระยะหลังๆ ที่พสุออกงานคนเดียวบ่อยๆ ทั้งยังรับละครจนคิวแน่นทุกวัน ก็เกิดข่าวลือกับดาราสาวคนโน้นคนนี้ไม่หยุด ถึงพสุจะปฏิเสธทุกครั้ง แต่ริวอดกลัวไม่ได้ว่า ถ้าสักวันมันไม่ใช่แค่การปล่อยข่าวเพื่อสร้างกระแสให้ละคร แต่กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา...เขาจะทำอย่างไร...เขาจะทนได้หรือหากต้องเสียพสุให้คนอื่น
ทุกครั้งที่เห็นพสุเล่นฉากรักหวานซึ้งกับชเนตตี หัวใจของเขาก็แทบลุกเป็นไฟ ร้อนรนจนทนดูไม่ได้ ในระหว่างที่รอเข้าฉากเขาก็หาเรื่องแทรกเข้าไปกันพสุออกห่างจากชเนตตี หรือแม้แต่ตอนที่ทั้งคู่ต่อบท เด็กหนุ่มก็จะหาเหตุเข้าไปแทรกอยู่ด้วยเสมอ
หลังเหตุการณ์เมื่อตอนบ่าย พสุก็ยิ่งทำท่าห่างเหินจนเด็กหนุ่มไม่สบายใจ เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้อยู่กับพสุตามลำพังเพื่อปรับความเข้าใจกัน แต่พอมาถึงบ้านแทนที่จะได้กินข้าวด้วยกัน ได้มีโอกาสพูดคุยกันพสุกลับบอกว่าเหนื่อย...
....ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าพสุอยากไล่ให้เขากลับเร็วๆ...นี่พสุไม่อยากอยู่ใกล้เขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ต้องทำยังไงเขากับพสุถึงจะได้กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม...จะต้องแลกด้วยอะไรพสุถึงจะยอมใจอ่อนกับเขาเสียที...
ริวชะงัก เหลือบมองถนนว่างๆ ที่นานๆ จะมีผู้คนสัญจรไปมา แล้วค่อยๆ ลดความเร็วของรถลง จนถึงหน้าตลาดโต้รุ่งแห่งหนึ่ง ที่มีคนค่อนข้างบางตา เด็กหนุ่มจุดรอยยิ้มมุมปากแล้วหักพวงมาลัยเข้าหาต้นไม้ข้างทางทันที
โครม!!! แรงสะเทือนจนรถไหวเยือกทั้งคัน ทำให้กิ่งที่อยู่ล่างสุดหักฟาดลงมาบนกระจกจนร้าวไปทั้งบานแต่ยังไม่หลุดร่วงลงมา แม้จะคำนวณไว้แล้วว่าระบบรักษาความปลอดภัยของรถสามารถรับแรงชนขนาดนี้ได้สบายๆ แต่ริวก็ยังรู้สึกจุกเสียดหน้าอกจากแรงกระชากของเข็มขัดและแรงอัดจากถุงลมนิรภัย ยังดีที่เบาะรถของเขาปรับไว้แบบรถแข่ง ทำให้เบาะอยู่ห่างจากพวงมาลัยมากพอที่แรงระเบิดของถุงลมนิรภัยจะปะทะโดนเขาไม่มากนัก เด็กหนุ่มยังนั่งนิ่งๆ เพื่อเช็คสภาพของร่างกายไปทีละส่วน จนแน่ใจว่าไม่ได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะอื่นๆ
เสียงเอะอะอยู่รอบรถ ก่อนที่ประตูด้านคนขับจะถูกขยับแรงๆ ริวเหลือบไปมองพอเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เด็กหนุ่มก็ปลดล็อครถให้ ทำให้คุณตำรวจเกือบหงายหลังเมื่อกระชากประตูเต็มแรงแล้วเปิดผลัวะง่ายๆ
“คุณๆ เป็นอะไรหรือเปล่า...เอ่อ...ยู...ยูโอเค๊...เอ่อ..” นายตำรวจถามเสียงร้อนรน แล้วเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษตะกุกตะกักเมื่อเห็นว่าคนในรถเป็นชาวต่างชาติ
“ไม่เป็นอะไรครับ” ริวตอบแล้วลงจากรถก่อนที่นายตำรวจคนนั้นจะต้องขุดวิชาภาษาอังกฤษขึ้นมาใช้ พอเห็นหน้าเขาถนัดอีกฝ่ายก็ร้องเอ๊ะ แต่คนรอบๆ ข้างกลับโวยวายขึ้นมาแทน
“ริว เกรสัน นี่!”
“ตายแล้ว! เป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะ” เสียงสตรีแหลมปี๊ดทำให้ริวต้องหันไปมอง สายตาของคนรอบๆ ตัวพากันตกใจมากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเป็นเขา หลายคนเข้ามาจับเนื้อจับตัวเขาเหมือนให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆ
“ไม่เป็นอะไรครับ แค่...จุกๆ เท่านั้น...กำลังคิดว่าจะจอดอยู่แล้วครับ...แต่มาวูบไปซะก่อน” ริวตอบแล้วสูดหายใจลึกเพื่อไล่อาการขัดยอกในอก ขณะที่นายตำรวจเริ่มมองเขาอย่างระแวง
“เมาหรือเปล่า” น้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อยของคุณตำรวจ ทำให้คนรอบๆ ข้างพลอยทำจมูกฟุดฟิดหากลิ่น แอลกอฮอล์ จากตัวเขาไปด้วย
“ผมยังดื่มไม่ได้ครับ อายุยังไม่ถึง”
“เชิญทางนี้ดีกว่า เดี๋ยวผมจะเรียกรถพยาบาลให้” นายตำรวจอีกคนเตือนแล้ววิทยุเรียกรถพยาบาล
ริวไม่ได้ขัดขืน แค่หันไปหยิบกระเป๋าแล้วส่งกุญแจรถให้ตำรวจแต่โดยดี ก่อนจะเดินตามคุณจ่าไปที่ป้อม ครู่หนึ่งรถพยาบาลก็มารับ คุณจ่าหันไปกระซิบกระซาบแต่ริวก็ยังได้ยินว่าให้ทางโรงพยาบาลตรวจปัสสาวะเขาด้วย คงคิดว่าเขาเมายาถึงได้ขับรถชนต้นไม้
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่ขอเบอร์โทรศัพท์ที่จะติดต่อกับญาติ และริวก็เจตนาให้เบอร์กรเวชไปทั้งที่เขารู้ดีว่าตอนนี้กรเวชไปต่างจังหวัดกับธีรดล ส่วนตัวเขาก็ปิดมือถือแล้วใส่ไว้ในกระเป๋า เพราะต้องเข้าห้องเอ็กซเรย์
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพสุก็กระหืดกระหอบมาที่โรงพยาบาลทั้งชุดนอน พอเห็นหน้าเขาชายหนุ่มก็ตรงรี่เข้ามาหา แล้วจับมือเขาบีบแน่น มือของพสุเย็นเฉียบ ขณะที่ใบหน้าขาวซีด ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
“ริว...เป็นไงบ้าง...เจ็บที่ไหนหรือเปล่า” พสุถามเสียงเรียบ เบา แต่ใบหน้ายังคงซีดขาวเหมือนเดิมทั้งที่เห็นแล้วว่าริวไม่ได้บาดเจ็บมากอย่างที่คิด
“ริวไม่เป็นไรแล้วครับ”
ครู่ใหญ่ๆ ผลเอ็กซเรย์และผลการตรวจร่างกายก็ออกมา นอกจากอาการขัดยอกบริเวณหน้าอกที่เกิดจากแรงกระชากของเข็มขัดนิรภัยแล้ว ไม่พบอาการผิดปกติอื่นๆ แพทย์เจ้าของไข้จึงอนุญาตให้ริวกลับได้ แต่ก็ย้ำว่าถ้ามีอาการผิดปกติให้รีบมาโรงพยาบาลทันที
“กลับบ้านกันเถอะ” พสุบอกเสียงเรียบๆ แล้วเดินนำออกมาขึ้นรถ แสงแฟลชสว่างวาบเข้าตา ตามด้วยนักข่าว 2-3 คน ที่พยายามจะขอสัมภาษณ์
“ริวเป็นไงบ้างครับ ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”
“ผลตรวจเป็นไงครับ หมอว่าไงบ้าง”
“ริวไม่เป็นอะไรแล้วครับ ผลการตรวจปกติ ผลเอ็กซเรย์ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ นอกจากอาการขัดยอกนิดหน่อยเท่านั้น” พสุตอบแทนเพราะตลอดเวลาริวเอาแต่เงียบ แล้วเดินตามหลังเขาต้อยๆ
“ทำไมถึงหลับในได้ละครับ...ริวไม่ได้ดื่มใช่มั๊ยครับ” นักข่าวอีกคนถามย้ำด้วยน้ำเสียงเจือเลศนัย พสุหันกลับไปมองแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่แสดงอาการหงุดหงิดหรือไม่พอใจใดๆ
“ริวไม่เคยดื่มเหล้าครับ...ที่หลับในคงเพราะเราถ่ายละครดึกติดๆ กันหลายวัน...ตอนนี้ขอให้น้องกลับไปพักก่อนนะครับ” พสุขอร้องนักข่าว แล้วเปิดประตูดันตัวเด็กหนุ่มเข้าไปในรถ ก่อนจะอ้อมไปประจำที่คนขับ ตลอดทางที่กลับบ้านพสุไม่พูดไม่ถามอะไรอีกเลย จนริวก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะไม่รู้อารมณ์ของพสุว่าเป็นยังไง
“ไปอาบน้ำไป จะได้นอนพัก” พสุบอกริวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดียวกับที่พูดกับนักข่าว ทำให้ริวไม่กล้างอแง
“ครับ”
ริวเข้าไปอาบน้ำขณะที่พสุหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่เตรียมไว้ให้เด็กหนุ่ม...จู่ๆ มือที่ถือเสื้อก็สั่นจนควบคุมไม่ได้ ปล่อยให้เสื้อผ้าหลุดมือไป ไม่แค่มือแต่พสุยังสั่นสะท้านไปทั้งตัว แขนขาไร้เรี่ยวแรงจนต้องทรุดลงกับพื้น...
“พี่ไผ่!” ริวเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วอุทานด้วยความตกใจที่เห็นพสุนั่งแปะอยู่กับพื้น เด็กหนุ่มถลันเข้ามาประคองพสุลุกจากพื้น พาไปนั่งที่เตียงนอนทั้งที่ตัวเองยังสวมเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว
“พี่! พี่ไผ่ครับ!...พี่เป็นอะไร” ริวตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นพสุน้ำตาไหลพรากๆ หน้าซีดขาว เนื้อตัวสั่นสะท้านไปหมด เด็กหนุ่มคุกเข่าลงตรงหน้าพสุแล้วกุมมือเย็นเฉียบของชายหนุ่มไว้แน่น
“ริว...ริว...เกือบ...เกือบไปแล้ว...” มือสั่นเทาพยายามยกขึ้นลูบหน้าริว ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นรอยช้ำบนหน้าอกของริวได้ถนัดตา สีหน้าแววตาของพสุทำให้ริวรู้สึกใจหาย นี่เขาทำอะไรลงไป!
“พี่ไผ่ครับ ริวอยู่นี่ ริวไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” ริวเลื่อนตัวขึ้นไปนั่งข้างพสุบนเตียง แล้วประคองมือพสุมาจูบก่อนจะวางไว้ที่แก้ม เด็กหนุ่มรวบตัวพสุเข้ามากอดด้วยความเป็นห่วง กล้ามเนื้อของพสุสั่นระริกไปทั้งตัวจนริวยิ่งรู้สึกเสียใจ เขาแค่ต้องการให้พสุใจอ่อนยอมให้กลับมาอยู่ด้วย แต่ไม่คิดว่าจะทำให้พสุตกใจขนาดนี้
“...ถ้าไม่มีริว...แล้วพี่จะอยู่ยังไง...” พสุครางเสียงแผ่ว ซบหน้าลงบนไหล่เปล่าเปลือยของริว ปล่อยให้น้ำตาไหลลงบนไหล่ของเด็กหนุ่มโดยไม่คิดจะปิดบังความอ่อนแอของตัวเอง
“ริวขอโทษครับพี่...ขอโทษ” ริวกอดพสุแน่น แนบจูบบนใบหูและขมับของชายหนุ่ม รู้สึกถึงน้ำตาอุ่นๆ ที่เปียกไหล่ก็เกิดความรู้สึกผิดเป็นครั้งแรก เขาไม่ได้ต้องการให้พสุเสียใจขนาดนี้
พสุไม่ได้ฟังคำขอโทษของริว ชายหนุ่มพร่ำโทษตัวเองอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเสียพ่อแม่ไปเพราะทิฐิของตัวเอง แล้วนี่เขาเกือบจะเสียริวไปอีกคนก็เพราะทิฐิ เขาเสือกไสริวออกห่างเพราะรับไม่ได้ที่มีความสัมพันธ์เกินเลยกับริว ทั้งที่คนผิดคือเขา แต่คนที่เกือบรับเคราะห์ทำไมต้องเป็นริว...ทำไมไม่เป็นเขาเสียเอง...ทำไม?......
...พสุพร่ำตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำๆ ใจเหมือนถูกบีบเค้นจนเจ็บแปลบทุกครั้งที่หายใจ เขาไม่อยากสูญเสียอีกแล้ว ชีวิตเขาไม่เหลือใครอีกเลยนอกจากริว...ถ้าไม่มีริวเขาก็เหลือเพียงตัวคนเดียวในโลก...แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง?
“พี่ไผ่ครับ...ริวขอโทษ...ริวไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่ตกใจ...ริวรักพี่นะครับ” เสียงกระซิบข้างหูและอ้อมแขนอบอุ่นยืนยันว่าริวยังมีชีวิตอยู่ พสุสูดหายใจลึกก่อนจะกอดตอบเด็กหนุ่มด้วยความยินดี...ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคุ้มครองน้อง ขอบคุณที่ยังไม่พรากริวไปจากเขา...ขอบคุณที่ให้โอกาสเขาได้แก้ตัวอีกครั้ง...
“นอนพักนะครับ...ดึกแล้ว” ริวกระซิบบอกเบาๆ แล้วดันตัวพสุลงบนที่นอนก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ถึงคอ เด็กหนุ่มสอดตัวเข้ามานอนซ้อนหลังพสุ แนบจูบลงบนขมับและซีกแก้มของพสุเบาๆ ก่อนจะวางศีรษะลงบนหมอนใบเดียวกัน
ริวลอบยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อพสุดึงมือที่โอบรอบเอวขึ้นมากอดไว้ระหว่างอก เด็กหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกนิด เพื่อให้แผ่นหลังของพสุกดแนบอยู่กับอกเปล่าเปลือยของตัวเอง ริวจูบบนต้นคอขาวเบาๆ ก่อนจะซุกหน้าลงบนกลุ่มผมนุ่มแล้วหลับตามพสุไปในเวลาไม่นานนัก....
.
.
.
.
.
‘ริว!’ วูบแรกที่รู้สึกตัว ใจของพสุก็พุ่งตรงไปหาเด็กหนุ่มทันที แต่ยังไม่ทันขยับตัว ก็รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดต้นคอ ชายหนุ่มค่อยๆ หันกลับไปมองข้างหลังด้วยความหวัง...
แสงสว่างจากโคมไฟส่องใบหน้าอ่อนเยาว์ที่กำลังหลับสนิท ทำให้พสุอุ่นซ่านในอกด้วยความยินดี วงแขนอุ่นหนัก โอบรัดอยู่รอบเอวเขาเป็นหลักฐานยืนยันว่าริวยังอยู่กับเขา...ริวยังมีชีวิตอยู่...
พสุผ่อนลมหายใจเฮือกอย่างโล่งอก ก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาข้างโคมไฟ เพิ่งจะตี 2 เท่านั้น เพราะความวิตกกังวลทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาทั้งที่เพิ่งหลับไปได้เพียงชั่วโมงเศษๆ ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกแล้วพลิกตัวกลับไปกอดริวไว้ แนบหูลงกับอกกว้างเปล่าเปลือย ระมัดระวังไม่ให้ไปโดนรอยช้ำ เสียงหัวใจเต้นเป็นหวะสม่ำเสมอของริวทำให้เขาอุ่นใจอย่างประหลาด พสุเงยหน้าขึ้นจูบปลายคางบุ๋มเบาๆ ก่อนจะแนบหูไว้กับอกของริวฟังเสียงหัวใจเต้นจนผล็อยหลับไปอีกครั้ง
..................................
แสงแดดส่องเข้ามาในห้อง เป็นสิ่งแปลกสำหรับพสุ ชายหนุ่มนอนมองม่านที่ถูกเปิดทิ้งไว้งงๆ อยู่ครู่หนึ่งก็ลุกพรวด
“ริว...” ชายหนุ่มเรียกหาเบาๆ แล้วกวาดตาไปรอบห้อง แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า พสุกระโจนลงจากเตียงแล้ววิ่งหาเด็กหนุ่มไปรอบห้อง...
“ริว...ริว!” ชายหนุ่มตะโกนเรียกริวเสียงสั่น หรือที่เขาคิดไปว่าริวยังมีชีวิตอยู่จะเป็นเพียงความฝัน จริงๆเขาอาจเสียริวไปแล้ว เหมือนที่เสียพ่อแม่ไป!
“ครับพี่” ริวเปิดประตูพรวดเข้ามา ใบหน้าสะอาดแจ่มใสของเด็กหนุ่มทำให้พสุรู้สึกเหมือนเข่าอ่อน ชายหนุ่มทรุดลงนั่งบนเตียงแล้วยกมือสั่นเทาเย็นเฉียบขึ้นลูบหน้า หัวใจยังเต้นแรง แขนขา เนื้อตัว ยังสั่นไม่หาย
ริวก้าวยาวๆ เข้ามาคุกเข่าลงบนพื้นข้างเท้าพสุ แล้วสอดแขนโอบรอบเอวชายหนุ่มเอาไว้หลวมๆ
“พี่...เป็นอะไรไปครับ?”
พสุยังพูดไม่ออก ชายหนุ่มลูบศีรษะริวแล้วดึงเข้ามากอดไว้กับอก ขณะที่เด็กหนุ่มเองก็กอดเขาแน่นขึ้น
“...พี่...พี่นึกว่า...เรื่องที่พี่พาริวกลับมาบ้าน เป็นความฝันไปซะอีก...” พสุตอบเสียงสั่น ใบหน้าขาวซีดค่อยๆ กลับมามีสีสันทีละน้อย
“ริวขอโทษนะครับที่ทำให้พี่ตกใจ” ริวขอโทษซ้ำอีกครั้ง ตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาจะไม่สร้างเรื่องมาทำร้ายความรู้สึกพสุแบบนี้อีกเป็นอันขาด
“ริว...อย่าตายก่อนพี่นะ...พี่ไม่เหลือใครอีกแล้วนะนอกจากริว” พสุวิงวอนเสียงพร่า หัวใจยังเต้นระรัวด้วยความหวาดหวั่น
“ครับ...ริวเคยสัญญาไว้แล้ว ริวไม่ลืมหรอกครับ”
ทั้งคู่ยังกอดกันอยู่อีกครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่เสียงตั้งปลุกจากโทรศัพท์มือถือของพสุจะดังขึ้น ชายหนุ่มหันไปมองแล้วก้มลงสบตากับริว คลายอ้อมแขนที่กอดรัดเด็กหนุ่มออก
“พี่ต้องไปทำงาน...ริวอยู่บ้านคนเดียวก่อนได้มั๊ย” ชายหนุ่มถามอย่างลังเล เป็นครั้งแรกที่เขาไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำงานเลยแม้แต่นิดเดียว...เขาห่วงริว...ห่วงเหลือเกิน...กลัวว่าระหว่างที่เขาไปทำงานริวอาจจะไม่สบายขึ้นมาแล้วไม่มีใครรู้
“ครับ...พี่...พี่กินข้าวกับริวก่อนทันมั๊ย?” ริวถามอย่างลังเล เขายังอยากอยู่กับพสุอีกสักนิด แม้จะรู้ว่าพสุต้องไปทำงาน แต่ถ้ายังพอมีเวลาเหลือ เขาก็อยากให้ทุกวินาทีของพสุเป็นของเขาคนเดียว
“ทัน...ไปบอกพี่แมวตั้งโต๊ะเถอะ” พสุบอกเสียงอ่อนโยนแล้วลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ ด้วยความเอ็นดู เขารู้ว่าริว อยากกินข้าวพร้อมเขา เขาเองก็อยากใช้เวลาอยู่กับริวให้มากที่สุดเช่นกัน
“ครับ” ริวรับคำหน้าชื่นแล้วผุดลุกขึ้น ก่อนจะนิ่วหน้าเล็กน้อย
พสุชะงัก คว้ามือริวไว้แล้วดึงชายเสื้อยืดของเด็กหนุ่มขึ้น รอยช้ำบนหน้าอกของริวเริ่มกลายเป็นสีแดงปนม่วง พาดผ่านเป็นแนวยาวจากหน้าอกลงมาหาชายโครงอีกด้าน ร่องรอยเดียวจากอุบัติเหตุเมื่อคืน แม้จะไม่รุนแรงจนถึงกับมีอวัยวะใดแตกหักเสียหาย แต่พสุก็ยอกแสยงใจแปลบเมื่อเห็นรอยช้ำนี้...ชายหนุ่มลูบนิ้วไปบนผิวข้างๆรอยช้ำแผ่วเบา ระมัดระวังไม่ให้โดนบริเวณผิวที่ช้ำ...เมื่อคืนเขาเกือบเสียริวไปแล้ว...
“ริวไม่เป็นไรครับพี่ จริงๆ นะ” ริวดึงชายเสื้อลงแล้วสวมกอดพสุไว้แน่น ชายหนุ่มกอดตอบแล้วหลับตาลง พยายามข่มกลั้นน้ำตาไว้ เขาเป็นพี่ ต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้น้อง ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ร้องไห้...
“ไปบอกพี่แมวตั้งโต๊ะเถอะ เดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อน” พสุบอกแล้วดันไหล่ริวออกเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้ดูเป็นการผลักไส
“ครับ”
พสุยังยืนครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจโทรไปขอเลื่อนงาน รวมถึงกองละครที่จะต้องไปถ่ายในตอนเย็น เขาเคยมีบทเรียนมาแล้ว และเขาจะไม่ยอมผิดซ้ำสองอีกต่อไป
ริวหันมายิ้มเมื่อได้ยินเสียงประตูเลื่อน แต่พอเห็นเครื่องแต่งกายของพสุเด็กหนุ่มก็ชะงัก พสุเดินเข้ามานั่งประจำที่ ริวก็ลุกจะตักข้าวให้ แต่พสุกลับดันไหล่ให้เด็กหนุ่มนั่งลงแล้วเป็นฝ่ายตักข้าวต้มปลาใส่ถ้วยให้ริวและตัวเอง
“เอ่อ...พี่จะออกไปชุดนี้เหรอครับ” ริวถามอย่างแปลกใจ เพราะทุกครั้งที่ออกจากบ้าน พสุจะแต่งกายเนี้ยบเสมอ เพราะความเคยชินที่ต้องอยู่ในสายตาประชาชนตลอดเวลา และชายหนุ่มยังเคยสอนเขาว่าการแต่งกายสุภาพถือเป็นการให้เกียรติแก่ผู้ที่จะไปพบ
“เปล่า...พี่โทรไปแคนเซิลงานหมดแล้ว”
“ครับ?” ริวอุทานอย่างแปลกใจ แต่ในใจฟูฟ่องด้วยความยินดี
“วันนี้พี่จะอยู่ดูแลริว อยากให้แน่ใจจริงๆ ว่าริวไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร”
“...ขอบคุณครับ...” ริวขอบคุณเสียงแผ่วหลังจากนั่งอึ้งอยู่นาน หากไม่ติดว่าพี่แมวอาจเดินเข้ามาได้ตลอดเวลา ริวคงลุกไปกอดพสุแล้ว
“เดี๋ยวกินข้าวแล้วกินยาเลยนะ แล้วนอนพักให้มากๆ นี่ถุงยาอยู่ไหน?” พสุถามเสียงเบาหลังจากกินข้าวต้มไปได้ไม่กี่คำก็วางช้อน
“อยู่...เอ่อ...ไม่รู้ครับ” ริวพยายามจะนึกแต่ก็จำไม่ได้ เมื่อคืนเขามัวแต่ลุ้นว่าพี่จะใจอ่อนกับเขาหรือยัง แต่กลับกลายเป็นว่าเขาทำให้พสุตกใจจนช็อก จึงมัวแต่ห่วงที่ทำร้ายความรู้สึกพสุไปโดยไม่ตั้งใจ จนไม่ทันได้ใส่ใจเรื่องอื่น
“อาจจะอยู่ในห้องนั่งเล่น เดี๋ยวพี่ไปดูให้” พสุบอกแล้วผุดลุกขึ้นทันทีจนริวงง
“ครับ...พี่ไผ่อิ่มแล้วเหรอครับ”
“วันนี้ตื้อๆ น่ะ ไม่ค่อยหิว” พสุตอบเสียงเบาแล้วลุกออกไปที่ห้องนั่งเล่น ก็พบว่าถุงยาวางอยู่บนโต๊ะจริงๆ ชายหนุ่มเดินไปหยิบแล้วชะงักเมื่อเห็นพาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์
‘ริว เกรสัน หลับใน รถเสยต้นไม้หวิดดับ’
พสุพับหนังสือพิมพ์แล้วสอดเข้าไปใต้กองหนังสือเพราะไม่อยากเห็นข้อความแสลงใจนั้นอีก ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าด้วยความเสียใจ เพราะเขาขอร้อง ริวถึงยอมกลับไปนอนที่บ้านพักบริษัทตามที่เขาต้องการ แต่ริวก็ยังขับรถมากินข้าวกับเขาทุกวัน และจะอยู่จนกว่าเขาจะไล่ให้กลับ ไม่ว่าจะกลับจากทำงานหรือถ่ายละครดึกแค่ไหน ริวจะมาหาเขาก่อนแล้วถึงจะยอมกลับไปนอน
หากไม่เพราะระบบป้องกันชั้นดีของรถ บวกกับความโชคดีที่ริวขับชนกับต้นไม้แทนที่จะเป็นรถคันอื่น ผลที่ตามมาคงไม่แค่เขาไปรับริวกลับมานอนพักที่บ้านแบบนี้ แต่อาจจะเป็นอย่างอื่น...แค่คิดใจเขาก็สั่นหวิวแล้ว...พสุพยายามปัดภาพน่าสยดสยองออกจากสมอง ย้ำกับตัวเองให้เลิกคิดในทางร้ายๆ เหมือนแช่งน้องแบบนี้เสียที
…………………………………………..
-
ต้องไม่เหลือใคร คงจะคิดได้
-
โอ้ว ริวเยี่ยมมากมาย...อิอิ
-
ริวจ๋า..โถ ! ลูก ลงทุนมากเลยนะลูกนะ ลงทุนขนาดนี้ ง้างปาก ง้างใจพี่ไผ่ไม่ได้ ก็ให้มันรู้ไปเนอะ
(ว่าแต่ว่า ริว เริ่มเป็นคนเจ้าเล่ห์ตั้งกะเมื่อไรอ่ะ ลูก)
ไผ่..ถ้าไม่อยากเสียน้องไป ถ้าไม่อยากจมอยู่กับความทุกข์ที่โดดเดี่ยว
ไผ่เปิดปากได้แล้ว เลื่อนปากมาให้ตรงกับใจ
แล้วพูดกับน้องให้ตรงตามความรู้สึกเดี๋ยวนี้เลย (เอ๊ะ..ชั้นเป็นอะไร ถึงบังอาจมาออกคำสั่งกับไผ่เนี่ย)
-
โห ริวลงทุนสุดๆ เลยนะเนี่ยเอาตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้
พี่ไผ่ก็ยอมรับตัวเองซะทีเถอะ +1 ให้กำลังใจพี่ไผ่กับน้องริว
-
ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยริวดี๋ยวนี้เจ้าเล่ห์สุด
ริวไม่อยากจะบอกว่าลงทุนมากใจกล้าสุดๆ
นี่ถ้าระบบป้องกันไม่ดีมีสิทธิ์ตายได้เลยน่ะ
พี่ไผ่กว่ายอมเปิดปากยอมรับความจริงนี่
ก็เกือบทำเอาจะเสียริวไปแล้วน่ะอยากใ้ห้ปากตรงกับใจเร็วๆ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
o13 เยี่ยมมากน้องริว ลงทุ่นสุดๆ
พี่ไผ่เริ่มคิดได้แล้ว โอ๊ยไมมันลุ้นแบบนี้เนี่ย
คนแต่งค่า เชียรืจนใจจะขาดแล้ว
เมื่อไรจะไปนอกซักทีอ่ะ อยากเจออลัน
-
ริวเริ่มน่ากลัว!!!!
:serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
-
น้องริวอย่าทำแบบนี้อีกนะ ใจหายไปหมดเลย ถ้าเกิดเป็นอะไรไปมากกว่านี้
พี่ไผ่ก็ยอมรับความรู้สึกของหัวใจตัวเองนะคะ
-
o18ริวนี่จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วน้า กล้าเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงเลยหรอ ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมากถ้าพลาดขึ้นมาไม่อยากจะคิด :z3:
:m15:ชักสงสารไผ่ขึ้นมาซะแล้ว ต้องรู้สึกผิดคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุเกือบทำให้น้องตาย
-
ใครว่าริวซื่อเนี่ย
-
เห็นค่าเมื่อจะสูญเสีย :z3:
คราวนี้หนูริวแลกด้วยชีวิต เพื่อให้พี่ใจอ่อน ได้กลับไปอยู่กับพี่
ถ้าคราวหน้าพี่ไผ่ผลักไสริวอีกครั้ง ริวจะเอาอะไรมาแลกหว่า?
ขอบคุณสปริงค่ะที่มาอัพให้แต่หัววัน ทำให้ช่วยคลายความอึดอัดลงไปได้บ้าง
-
ลงทุนจริงจริ๊งงงง พ่อหนูริว
-
ริว...นายแน่มาก
บางอย่างก้อต้องเร่งปฏิกิริยากันนิดนึง
ไผ่ขาดริวไม่ได้แล้ว
-
ริวเจ้าเล่ห์มาก
อีกหน่อยคงจะหวานแล้วใช่ป่ะ ?
-
ริวเริ่ดเลย แต่ แผล เป็นแบบนั้นจะมีผลกระทบหรือเปล่าเนี่ย
-
โหย....ริว น่ากลัวอะ เจ้าเลห์เจ้าแผนการสุดๆ
สมเป็นเด็กอัจฉริยะ!!!!!!
แล้วพี่ใผ่จะไปไหนพ้น
-
พี่ไผ่ใจอ่อนเถอะ :call:
ีริว ฝันจะเป็นจริงแล้วนะ o13
-
ถือว่าเป็นลางดีได้รึเปล่าที่พี่ไผ่คิดได้อย่างงี้ :impress2:
-
ลงทุนสุดๆๆๆๆเลยริว o13
โชคดีที่ปลอดภัย
-
งอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :o12:
ทีอิริว มันเจ้าเล่ห์ไม่มีใครว่าเลย ชมกันใหญ่ :serius2:
ทีพี่ไผ่ของป้าละว่ากันจัง โถๆ พี่ไผ่ ไม่มีใครเข้าใจเล๊ย :sad4:
-
ให้น้องมาอยู่ด้วยกันนะพี่ไผ่ แม้ว่าจะเจ้าแผนการณ์ไปบ้าง แต่น้องก็รักจริงนะ
-
น้องริวเอาพี่ไผ่เป็นจุดศูนย์กลางตลอดแบบนี้ มันดีรึไม่ดีนะ :เฮ้อ:
พี่ไผ่คงต้องหาทางออกแบบอื่นแล้วมั้ง ทำแบบนี้ทำร้ายทั้งตัวเองแล้วก้อน้องริวด้วย
:กอด1:คนแต่งกับคนโพส
-
โห น้องริวลงทุนขนาด พี่ไผ่ใจอ่อนแล้วรีบจับพี่ไผ่มัดอย่าให้ดิ้นหลุดไปได้นะ :impress2:
-
เริ่ดดดด
ชนซักที พี่ไผ่จะได้รู้สึก โฮะๆ
(ขออนุญาต ปิดปากหัวเราะ)
หวังว่า ทุกอย่างหลังจากนี้
จะมีแต่น้ำตาล นะคะ ><
-
:laugh: :man1:
ไม่เห็นต้องคิดมากทำให้ตั้งขนาดนี้ไม่รักก็บ้าและ
-
ริวจ๋า..โถ ! ลูก ลงทุนมากเลยนะลูกนะ ลงทุนขนาดนี้ ง้างปาก ง้างใจพี่ไผ่ไม่ได้ ก็ให้มันรู้ไปเนอะ
(ว่าแต่ว่า ริว เริ่มเป็นคนเจ้าเล่ห์ตั้งกะเมื่อไรอ่ะ ลูก)
ไผ่..ถ้าไม่อยากเสียน้องไป ถ้าไม่อยากจมอยู่กับความทุกข์ที่โดดเดี่ยว
ไผ่เปิดปากได้แล้ว เลื่อนปากมาให้ตรงกับใจ
แล้วพูดกับน้องให้ตรงตามความรู้สึกเดี๋ยวนี้เลย (เอ๊ะ..ชั้นเป็นอะไร ถึงบังอาจมาออกคำสั่งกับไผ่เนี่ย
เป็นแม่ยกนู๋ริวไงคะ หุหุ
-
^
^
^
จิ้มคนแต่ง
บวกหนึ่งด้วยคะ เจอตัวแระ :กอด1:
-
ไผ่น่าจะใจอ่อนได้แล้ว เพราะริวลงทุนมากอ่ะ :กอด1:
-
มะไหร่พี่ไผ่จะยอมรับความจริงได้่ซะทีน้า
-
ริวใจกล้าสุดๆอ่ะ = =" แบบนี้พี่ไผ่ไม่ใจ่อนไม่ได้แล้วนะ
Ps.ฉากนี้ต้องจ่ายค่าตัวใหริวเป็นพิเศษรึเปล่าคะเนี่ย =..=
-
ใกล้แล้วสินะ
ถึงคราวอำลามาม่าชามโตกันแล้วสินะ
ว้าว ริวนายแน่มากไผ่ใกล้แล้ว อลันไม่ต้องช่วยเลยแผนนี้อิอิ
ไผ่เอ้ยไม่สูญเสียก็จะไม่ยอมรับใจตัวเองใช่ไหม
หมดเรื่องครั้งนี้กลัวว่าไผ่จะคิดว่าที่ยอมให้ริวมาอยู่ด้วยเพราะไม่อยากสูญเสียไปเหมือนพ่อกับแม่แต่ไม่ยอมรับว่ารักน้องมันน่ะสิ
เฮ้อ
ยาวเลยตรูเป็นไรไปเนี่ย
-
หนังสือพิมพ์พาดหัวน่ากลัวได้อีก...>.<
หนูริวอย่าทำแบบนี้อีกน้า...จะลงทุนมากไปมั้ยเนี่ย..ถ้าพลาดนี่ไม่อยากจะคิดเลย..T_T
ทำอะไรไม่ปรึกษาอลันเลยน่อ..อลันก็ห่วงริวเหมือนกันนะ..เห็นใจคนแก่บ้างเถอะ..55+
ช่วงนี้พี่ไผ่คงจะหลอนไปซักพัก...แต่ก็ชอบตอนพี่ไผ่โอ๋ริวเยอะๆนะคะ...น่ารักอะ..^ ^
-
ริวลงทุนมากอ่ะ
o13
-
:jul3:ไอ้หนูเจ้าเล่ห์จริงๆ
-
เฮ้อ
หวังว่าความเจ้าเล่ห์ของริวครั้งนี้จะส่งผลให้พี่ไผ่ใจอ่อน
ร้ากกันซักที อิอิ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด อัพไวมาก ขอบคุณทั้งคนอัพ ทั้งไรเตอร์ด้วยนะคะ มีความสุขแต่วันเลย อิอิ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
น้องริวสุดยอดมากค่ะ เดิมพันด้วยชีวิตจริงๆ งานนี้ สะจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยแม่ยกเป็นอย่างยิ่ง
ต่อไปพี่ไผ่ไม่มีทางไล่น้องริวออกไปไกลหูไกลตาอีกแล้ว ล่าสุดนี้แทบจะกลายเป็นพี่ไผ่ติดริวแจ ตอนหน้าคงหวานน้ำตาลเรียกพี่แน่ๆ ใช่ไหม :haun4: :haun4: :haun4:
-
มันก็ดีหรอกนะที่ทำให้ไผ่หันมาสนใจริวเหมือนเดิม
แต่ไม่ชอบวิธีการของริวเลย
แว๊บหนึ่งรู้สึกเหมือนริวเป็นนางร้ายระครหลังข่าวเลย
แล้วรักของไผ่ที่จะเกิดต่อไป
มันจะเกิดเพราะรักจากใจบริสุทธิ์
หรือเกิดเพราะกลัวความสูญเสียกันล่ะ :เฮ้อ:
อยากให้ทั้งคู่ซื่อตรงต่อการกระทำและความรู้สึกของตัวเองเร็วๆ
-
พี่ไผ่เป็นคนคิดมากอย่างแรง จนบางครั้งก็....อืม น่ารำคาญแฮะ แต่ก็เข้าใจล่ะนะ เหมาะกับนายริวสุดๆ ไม่คิดไรเลย จะชนก็ชน555 ถูกใจป้าที่สุดในสามโลก ก็ได้แต่หวังว่าไผ่จะไม่รู้ความจริงล่ะนะ
-
ตายก็ดีนะ เผื่อไผ่จะคิดได้
เพราะเยอะเกินไปแล้วอ่ะ เบื่อแล้ว :เฮ้อ:
-
ยกนิ้วโป้งให้ริว o13
แต่คนนั่งไม่ติดน่าจะพ่วงอลันอีกคนนะ...คงได้รับรายงานแล้วแน่เลย :กอด1:
-
ทำถึงขนาดนี้
พี่ไผ่ไม่ใจอ่อน
ก็เกินไปหละ :กอด1:
-
งอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :o12:
ทีอิริว มันเจ้าเล่ห์ไม่มีใครว่าเลย ชมกันใหญ่ :serius2:
ทีพี่ไผ่ของป้าละว่ากันจัง โถๆ พี่ไผ่ ไม่มีใครเข้าใจเล๊ย :sad4:
ริวเจ้าเล่ห์เกินไปจริงๆ ค่ะ แต่น้องมันทำเพราะรัก เลยว่าไม่ลง
แต่สงสารพี่ไผ่อ่ะ
-
ริวกลับเมกาเห๊อะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 555+
-
พี่ไผ่เริ่มใจอ่อนแร้ว :monkeysad:
-
ริว...เอ่อ จะบอกว่าเพราะฉลาดมากไปเลยคิดอะไรเสียรอบคอบหรือเจ้าเล่ห์ดีล่ะเนี่ย
แต่ก็ดีแล้วล่ะ ลงทุนสะกิดแรงๆขนาดนี้ ไผ่ไม่รู้สึกอะไรก็ให้มันรู้ไป! o13
-
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆใจอ่อนซะกทีนะคะพี่ไผ่ หรือว่ายัง
-
กีสสสส หนูริวเจ้าเล่ห์นะเนี่ย แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ทำแบบนี้ :laugh: :laugh: :laugh:
พี่ไผ่ใจอ่อนจนได้ :m20: :m20: :m20:
จะมีฉากเรียกเลือดมามั้ย :haun4: :haun4: :haun4:
-
นายแน่มากน้องริว ลงทุนจริงๆ ยอมเจ็บตัวเพื่อพี่ไผ่เลยนะนี่ ไม่ใจอ่อนก็ให้มันรู้ไป เหตุการณ์เริ่มจะดีขึ้นมาแล้วอย่าให้มาม่าอีกนะ เค้าไม่เอาแล้วอิ่มมาม่ามากๆ
-
ริวหนูนี้ชักจะเจ้าเลห์ขึ้นทุกที ทุกทีแล้วนะลูก แต่เจ้าเลห์อย่างนี้แหละดี จะได้มัดใจพี่ไผ่ง่ายๆหน่อย อิอิ
-
OH MY GOD 0o0
รู้สึกว่าความเจ้าเล่ห์ของ คุณน้องริวจะเพิ่มขึ้นมากนะเนี่ย
-
ตอนแรกแอบคิดว่าถ้าริวเกิดอุบัติเหตุพี่ไผ่อาจคิดได้ แต่เหลือสิ่งใดริวสร้างอุบัติเหตุซะเอง
-
ริวเจ้าเล่ห์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!หมาป่าในคราบลูกแกะจริงๆ 555+
-
น้องริวร้อยเล่มเกวียนกลับมาอีกแล้ว อิอิ
เจ้าเล่ห์สุด ๆ ไปเลย คิดได้ไงเนี่ย
แผนของน้องริวแต่ละอย่างเนี่ย~สุดยอด
แต่มันก็ได้ผลทุกครั้งเนอะ ^^
พี่ไผ่กลัวการสูญเสียหล่ะสิ
รู้อย่างนี้ก็อย่าฝืนใจตัวเองสิ
ทำตามที่หัวใจเรียกร้องเหอะ
ชีวิตคนเรามันสั้นนัก
ทำอะไรให้มีความสุขดีกว่าเน้อ
ตอนหน้าขอหวาน ๆ มั่งน๊า
-
น้องไผ่เนี่ยทุ่มสุดตัวจริงๆ ค่ะ
o13
-
บางครั้งริวก็น่ากลัวมาก
นี่ถ้าพี่ไผ่ไม่ได้รู้สึกดีกับริวก็น่าสงสารน่ะ
แต่พระเจ้าช่วยด้วยเถอะ ริวทำถึงขนาดนี้แล้ว
ถ้าพี่ไผ่ยังเป็นเหมือนเดิมอีก
ก็เกินไปละ
มาม่าเริ่มจะหายไปแล้วใช่ไหมคะ
-
เฮ้อ..อย่างน้อตอนนี้พี่ไผ่ก็เริ่มรู้แล้วว่าต้องทำยังไง ถึงอาจจะยังตกใจอยู่บ้างก็เถอะ..
แต่หนูริวนี่..ทุ่มทุนสร้างจริงๆ o13
+1 แต้มจ้า
-
ริวยอมลงทุนขนาดนี้เลย ยอมเจ็บตัวด้วย
ถ้าพลาดไปจะเป็นริวที่แย่เองนะ
แต่ก็ทำให้รู้ว่าไผ่เป็นห่วงริวมาก
ทีนี้ก็ยอมรับกับตัวเองได้แล้วไผ่
ยอมคุยกับริวให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า
-
ว้าว แผนเด็ด (เด็กและผู้ใหญ่ควรใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ)
ออกแนวแรงงงงงงงงงงง.......แถมออกตัวแรงอีกตะหากนะริวนะ
ไม่แน่จริงทำไม่ได้ค่ะ :mc4: :mc4: :mc4:
-
เชียร์น้องริวสุดใจจ้า
ขอให้แผนสำเร็จนะ :o8:
-
:serius2: :serius2: :serius2:
:call:
-
อ่านตอนนี้แล้วฮา แบบลงทุนมาก ฮ่าๆๆๆ :jul3:
แต่จะว่าไปก็ลงทุนมาหลายเรื่องแล้วนี่ :laugh:
ปล.กำลังนึกหน้าทุกคนรู้เรื่องว่าริวเป็นเจ้านายอลัน ฮ่าๆๆๆ :m20:
-
ริว....นายแน่มาก o13
ไผ่คงคิดได้ซะทีนะ...เจอแบบนี่
หุหุ จะได้เข้าใจกันซะทีนะ :L2:
-
อ่านตอนก่อนหน้า สงสารน้องริวมากๆๆๆ พี่ไผ่ใจร้ายๆๆ
อ่านตอนนี้ สงสารพี่ไผ่มากๆๆๆ
คนที่ใจร้ายที่สุดคือคนแต่งสิน่ะ ฮือๆ สงสารทั้งคู่เล้ยย
เมื่อไรจะแฮปปี้ค้าาาาา
-
ริว นายแน่มาก....
-
แผนพังรถเรียกร้องความเห็นใจได้ผล
ถ้ามีงวดหน้า สงสัยต้องมีรายการเผาบ้านพักซะละมั้ง
:laugh:
-
ได้ผลแฮะ ดีใจจัง ริวเก่งมั่กๆ
-
ริวทุ่มทุนสร้างจริงๆ
แต่แบบนี้เตรียมโดนอลันดุได้เลย :laugh:
-
:angry2:อย่าทำอะไรน่ากลัวอย่างนี้นะริว อันตรายยยยยย!!
สักวันพี่ไผ่รู้ความจริงล่ะก็ โดนแน่ :z6:
-
ขอให้อย่าได้มีเรื่องเจ็บปวดมากกว่านี้เลยนะ ใจพี่ไผ่คงจะรับไม่ไหวแล้ว ทั้งๆที่ใจก็ต้องการใครสักคน จะปฏิเสธทำไม ยอมรับเถอะ ว่าตอนนี้อ่อนแอ แล้วต้องการใคร
-
มาม่าอืด ๆ กินไปหมดแล้วขอขนมหวานนะคะ
-
แผนพังรถเรียกร้องความเห็นใจได้ผล
ถ้ามีงวดหน้า สงสัยต้องมีรายการเผาบ้านพักซะละมั้ง
:laugh:
ถูกใจจริง กด+ให้เลย
แต่ก็ไม่ค่อยชอบใจวิธีนี้เท่าไหร่ มันรุนแรงเกินไป
:เฮ้อ: ถึงไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นวิธีเร่งปฏิกิริยาที่ได้ผลล่ะนะ
หวังว่าไผ่คงคิดได้ และเปิดใจยอมรับจริงๆ สักที
ถ้าเป็นแบบเดิมอยู่ กลัวใจริวมันจริงๆ กลัวครั้งหน้าจะไม่แค่แผนการ
แต่อาจจะกลายเป็นการสูญเสียจริงๆ ก็ได้
-
o1 ขอบคุณคับ แม้ว่าจะหวานปนขม แต่ก็หวานล่ะนะ
-
น้องริวแร๊งงงงง
พี่ไผ่รู้สึกแล้วสินะค่ะ รู้ใจตัวเองแล้วก็ยอมรับออกมาเถอะค่ะ
ปล.ทำแบบนี้ครั้งนี้ได้ครั้งเดียวนะคะ ถ้าน้องริวทำอีกไม่ยกโทษให้แน่ๆ
แม่ยกหัวใจจะวายเอานะ :sad4:
-
ดีมากน้องริว
พฤติกรรมตอนนี้ถูกใจแม่ยกจ๊ะ :mc4:
-
ตกลงคืนนี้ไม่ได้อ่านแล้วใช่ป่ะ? :sad4:
ทั้ง ๆ ที่ไผ่จะอยู่หวานกับริวทั้งวันแล้วแท้ ๆ :z1:
-
นั้นดิ คืนนี้ไม่มาแล้วใช้ไหมเนี่ย
อยากอ่านมากมาย
-
ตกลงคืนนี้ไม่ได้อ่านแล้วใช่ป่ะ? :sad4:
ทั้ง ๆ ที่ไผ่จะอยู่หวานกับริวทั้งวันแล้วแท้ ๆ :z1:
สุออกแนวโลภนะ
อิอิ
ก็เค้าลงไปแล้วแตก็อยากอ่านอีกเหมือนกันนะ
แต่อดใจรอต่อไปแล้วกันเนอะ
อยากรู้ว่าไผ่จะทำไงต่อไป
-
ไอ้เสือมันร้ายจริงไรจริง :laugh:
-
กลางวันกับกลางคืนมันคนละเวลากันนะที :กอด1:
-
ริวแรงขึ้นทุกวัน ทำได้ทุกอย่างเลยใช่มั๊ยคับ :z3:
-
ริวแรงขึ้นทุกวัน ทำได้ทุกอย่างเลยใช่มั๊ยคับ :z3:
เราว่าน้อยกว่าเมื่อตอนเป็นวัยรุ่นนะ...อย่างน้อยก็รู้จักแยกแยะแล้วก็มีเหตุผลมากขึ้นอ่ะ ส่วนเรื่องที่ขับรถชนต้นไม้โครมนี่...มันเกิดจากการคำนวณที่รอบคอบแล้ว :m21:
ไม่ค่อยจะออกรับแทนเลย :m29:
-
เราว่าน้อยกว่าเมื่อตอนเป็นวัยรุ่นนะ...อย่างน้อยก็รู้จักแยกแยะแล้วก็มีเหตุผลมากขึ้นอ่ะ ส่วนเรื่องที่ขับรถชนต้นไม้โครมนี่...มันเกิดจากการคำนวณที่รอบคอบแล้ว :m21:
ไม่ค่อยจะออกรับแทนเลย :m29:
แม่ยกริว ตัวจริงเสียงจริง หุหุ :m20:
-
พี่ไผ่ต้องโดนหนักๆแบบนี้แหละ ถึงจะรู้ใจตัวเอง แต่น่าตีไอ้เด็กเจ้าเล่ห์จริงๆ ถ้าเป็นอะไรมากกว่านี้จะทำยังไง ไอ้พ่อบุญทุ่ม ทุ่มเทซะหมดหน้าตักเลยนะริว
แต่ดูท่าจะคุ้มแหะ
-
แอบมารอครับ
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
พี่ไผ่คิดได้สักทีนะ
แล้วมาลุ้นตอนต่อไป
:z2: :z2: :z2:
-
o22 ช่างคิดหนอริว คิดเป็นเด็กๆไปได้ เกิดพี่ไผ่ช็อคสติแตกขึ้นมาจะทำยังไง
แต่ผลตอบรับที่เกิด ก็เป็นไปตามที่หวัง ก็หวังว่าพี่ไผ่จะเปิดใจตัวเองซะที
-
พี่แมวทำงานเสร็จแล้วกลับบ้านเร็วๆเลยนะคะ น้องริวกับพี่ไผ่จะได้สวิทกันสองต่อสอง
-
ริวคงแค่คิด..ว่าจะเรียกร้องความสนใจยังไง
ให้พี่ไผ่กลับมาสนใจตัวเอง แต่ว่าวิธีการมันออกจะเสี่ยงมาก
ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาไม่อยากจะคิดเลยว่าพี่ไผ่จะอยู่อย่างไร
หรือน้องริวคิดว่า"รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง"
แต่ทำเอาคนอ่านหัวใจแทบวายได้เลยนะจ๊ะ
+1คนแต่ง คนโพส :3123:
-
เล่นวิธีเสี่ยงจังคนอ่านใจหายไปด้วยกลัวริวเป็นไรไป
แต่ก็ถือว่าได้ผลนะอย่างน้อยๆผ่ก็รู้ว่ารัก และห่วงน้องมากแค่ไหน
:pig4: คะ
-
ลงทุนที่สุด :call:
-
มารอ
-
น้องริวเจ้าเล่ห์จริง แต่ก็นะจะได้เร่งปฎิกริยาพี่ไผ่ขึ้นหน่อย
-
รออย่างใจจดใจจ่อ :m23:
-
ริวลงทุนทำขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
พี่ไผ่เลิกคิกมากได้แล้ว ยอมรับความรู้สึกตัวเองเถอะ
ปล.หลังจากอ่านอยู่สองวันในที่สุดก็ตามทันแล้ว
-
^
^
สองวัน!!! o22
-
:L2:
ริวทำตัวน่ากลัวมาก o22
ปล. ผ้าขนหนูไม่ใช้ "สวม" นะ
สวม ก. กิริยาที่เอาของที่เป็นโพรงเป็นวงเป็นต้นครอบลงบนอีกสิ่งหนึ่ง
มีให้เลือกระหว่าง นุ่งผ้า กับ พันผ้า
-
เหนื่อยกะมาม่า มากมาย
รอฉากหวานๆๆ อยู่นะค่า
วันนี้เดี๋ยวรอตอนค่ำนะจ๊ะ :impress2:
-
กลัวพี่ไผ่มารู้ทีหลัง แล้วจะโกรธริวจัง T^T
-
o13 นายแน่มากริว แต่อย่าทำอีกนะ สงสารพี่ไผ่เค้า
พี่ไผ่ก้อนะ :เฮ้อ:เมื่อไหร่จะลดอีโก้ลงได้ซักที ถ้าลดทิฐิลงได้เชื่อเลยว่าพี่ไฟ่ต้องแฮปปี้กว่าที่เปงอยุ่บานแน่ๆ :L2: :L2:
-
นู๋ริวเริ่มน่ากลัวแล้วนะ แต่ชอบมาก :z1:
รอตอนต่อไปจ้า
-
มารอหนูริว เด็กน้อยตาใส ผู้ต้องการความรักจากพี่ไผ่ จนทำได้ทุกอย่าง :impress:
-
ตอนที่ 94
ชายหนุ่มเข้าไปในห้องอาหารแต่ไม่เจอริวจึงตามไปที่ห้องนอน ก็พบว่าริวกำลังพยายามจะถอดเสื้อยืดออกจากตัว แต่ท่าทางเก้กังของเด็กหนุ่มเหมือนจะยกแขนขึ้นลำบาก คงเพราะอาการบาดเจ็บที่หน้าอกเริ่มส่งผลให้ขัดยอกจนเคลื่อนไหวลำบาก พสุเดินเข้าไปดันไหล่ให้ริวนั่งลงที่เก้าอี้ก่อนจะช่วยถอดเสื้อให้
พสุสูดหายใจลึกกับรอยช้ำบนหน้าอกของริว ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งในท้องเขาก็หดเกร็งด้วยความหวาดกลัวทุกครั้ง...กลัวเหลือเกินว่าเขาจะเสียริวไปอีกคน...
“เดี๋ยวพี่ทายาให้” พสุบอกเสียงเบาแล้วค่อยๆ บรรจงทายาแก้ฟกช้ำลงบนรอยช้ำอย่างเบามือ
“ครับ” ริวรับคำด้วยสีหน้าสงบเสงี่ยมทั้งที่ในใจลิงโลดด้วยความปลาบปลื้มยินดีที่พสุยังห่วงใยใส่ใจเขาขนาดนี้ ยาเย็นๆ ถูกป้ายลงบนอกแต่ไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย เพราะริวมัวแต่จ้องมองปลายจมูกโด่งเรียวตรงหน้าด้วยสายตาดื่มด่ำลึกซึ้ง...อยากกอด อยากจูบใจจะขาด...แต่ก็ไม่อยากให้พสุไหวระแวงจนกลายเป็นความเกลียดชังเหมือนที่อลันเคยเตือน
“ช่วงนี้ริวใส่เสื้อเชิ้ตไปก่อนนะ...จะได้ไม่ต้องยกแขน...เอาของพี่ไปใส่ก็ได้ เดี๋ยวพี่จะแขวนแยกไว้ให้” พสุบอกพลางส่งยากับแก้วน้ำที่เตรียมมาให้ริว แล้วลุกไปหยิบเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของเขามาให้ริวใส่แทนเสื้อยืดตัวเดิม
“ขอบคุณครับ” ริวรับเสื้อมาแล้วส่งยิ้มประจบให้เมื่อพสุนั่งจ้องหน้าเขานิ่งด้วยสายตาเคร่งขรึม
“...เพราะพี่สินะ ริวถึงต้องเจ็บตัวแบบนี้” พสุรำพึงเสียงแผ่ว สายตายังจ้องมองรอยช้ำบนหน้าอกของริวนิ่ง ขณะที่ริวยังสาละวนอยู่กับการกลัดกระดุมเสื้อ
“พี่ว่าอะไรนะครับ?” ริวเงยหน้าขึ้นถามเพราะได้ยินที่พสุพูดไม่ถนัด ก่อนจะชะงักเมื่อก้มลงมองตามสายตาพสุไปเห็นรอยช้ำบนหน้าอกตัวเอง เด็กหนุ่มรีบกลัดกระดุมเพื่อปิดรอยช้ำให้พ้นสายตาของพสุ
“...พอแล้ว...ไม่เอาแล้วนะ...เลิกขับรถคนเดียวดึกๆ แบบนี้ได้แล้ว” พสุพูดจบก็หลับตาลงเหมือนพยายามตัดใจบางอย่าง
“พี่...พี่จะไม่ให้ริวมาหาอีกแล้วเหรอครับ?” ริวถามแล้วหน้าเสีย ใจหายวูบ แทนที่พสุจะใจอ่อนกลับกลายเป็นว่าพสุกลัวจนไม่ยอมให้เขามาหา
“ไม่นะครับ พี่ให้ริวมาเถอะนะ...ต่อไปริวจะระวังตัวให้มากกว่านี้...พี่อย่าห้ามริวมาหาพี่เลยนะ...นะครับ” เด็กหนุ่มวิงวอนละล่ำละลักด้วยความตกใจ
“พรุ่งนี้ไปเก็บของแล้วกลับมาอยู่บ้านกับพี่ จนกว่าพี่กรจะเรียกให้พวกเรากลับไปอยู่ที่บริษัท ริวจะได้ไม่ต้องขับรถเทียวไปเทียวมาแบบนี้อีก”
คำตอบของพสุทำให้ริวอึ้งไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาอึ้งเพราะความดีใจ เด็กหนุ่มผวาเข้ากอดพสุไว้แน่นไม่สนใจอาการขัดยอกในอกของตัวเอง
“จริงเหรอครับ พี่ยอมให้ริวกลับมาอยู่ด้วยแล้วเหรอ...แต่...พี่จะไม่อึดอัดใจเหรอครับ?” ริวถามเหมือนห่วงความรู้สึกของพสุ แต่ความจริงเด็กหนุ่มต้องการคำยืนยันจากปากพสุมากกว่า
“ช่างเถอะ...พี่จะไม่ยอมเสี่ยงชีวิตริวกับเหตุผลบ้าบออะไรอีกแล้ว” พสุตอบเสียงเบาแทบเป็นกระซิบแต่ดวงตาเป็นประกายเด็ดเดี่ยว ชายหนุ่มลูบผมนุ่มที่เริ่มยาวจนไม่เป็นทรงเบาๆ ตอนนี้ขอเพียงความปลอดภัยของริวเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ เขาค่อยคิดหาวิธีแก้ปัญหาเอาภายหน้า
“พี่...พี่ไผ่ครับ ขอบคุณนะครับ” ริวขอบคุณแล้วซบไหล่พสุด้วยความสุข พสุเองเสียอีกที่เป็นฝ่ายดันไหล่เด็กหนุ่มออกเพราะกลัวจะกระเทือนรอยช้ำบนหน้าอก
“นอนพักเถอะ เดี๋ยวพี่จะโทรไปลางานกับพี่กรให้”
“พี่กรโทรมาแล้วครับ บอกให้ริวพัก 3 วัน...แล้วพรุ่งนี้บ่ายๆ พี่กรจะมาเยี่ยม...เหลือแต่พี่จ๋าที่ริวยังไม่ได้โทรไป”
“งั้นก็ไม่ต้องโทรแล้ว เพราะเมื่อกี้พี่ลางานกับพี่จ๋าให้แล้ว พี่จ๋าเขาให้ริวพักได้ยาวเลย หายแล้วค่อยไป”
“ครับ...แล้วพี่จะไปไหน” ริวรีบถามเมื่อเห็นพสุลุกขึ้น
“พี่จะออกไปท่องบทข้างนอก ริวนอนพักไปเถอะ”
“ริวไปท่องบทด้วยสิครับ ริวยังไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวละครเลย”
“แต่พี่ว่าริวน่าจะนอนพักนะ”
“นะครับ...พรุ่งนี้พี่ก็ไปทำงานอีก ทีนี้ใครจะต่อบทให้ริวละครับ...นะพี่นะ”
“อืม ก็ตามใจ”
ริวยิ้มแป้นหันไปหยิบบทละครของตัวเองแล้วลุกตามพสุออกไปที่ห้องนั่งเล่นเพราะที่นั่นมีกระจกยาวที่ผนัง พสุช่วยริวทำความเข้าใจกับบทของตัวละครที่ริวได้รับ และสอนวิธีแสดงสีหน้าอารมณ์รวมถึงวิธีออกเสียง โดยเฉพาะฉากที่ต้องปะทะอารมณ์กันของเขากับริว
“พอถึงตรงที่...ฉันไม่มีวันแพ้คนอย่างแกแน่ไวกูรณ์...ตรงนี้ริวต้องเน้นคำแล้วใส่ความรู้สึก เกลียด โกรธลงไปในคำพูดด้วยนะ...เอ้า! ไหนลองดู”
“ริวต้องกระชากคอเสื้อพี่ด้วยเหรอ”
“ต้องสิ...ก็ในสคริปต์เขาเขียนว่า ‘มาคัสกระชากคอเสื้อไวกูรณ์ แล้วตะคอกด้วยความโกรธ’ ริวต้องทำเสียงแบบโมโหสุดขีดนะ ลองดู”
ริวกระชากคอเสื้อพสุเข้าหาจนใบหน้าห่างกันเพียงนิดเดียว เด็กหนุ่มชะงักเมื่อลมหายใจอุ่นๆ ของพสุเป่ารดใบหน้า จมูกโด่งเรียวอยู่ใกล้จนแทบแตะกัน ปากแดงอิ่มเป็นเงาชุ่มชื้น...ใกล้จนเห็นแผงขนตาของพสุได้อย่างชัดเจนทุกเส้น...
“...ริว...” พสุชะงักเมื่อปากอุ่นแนบลงมาบนปากเขา ชายหนุ่มตัวชา ไม่ทันคิดว่าริวจะจูบเขาดื้อๆ ชั่วพริบตาที่ปากแตะกัน ริวก็กลับถอนปากออกไป แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใสจับจ้องเขานิ่ง ประกายฉ่ำหวานด้วยความรักสะกดเขาไว้จนไม่อาจขยับตัว...ไม่ได้ถอยหนี เมื่อเด็กหนุ่มแนบปากลงมาอีกครั้ง...
พสุหลับตา...ปล่อยใจให้เปิดรับสัมผัสอุ่นซ่านบนริมฝีปาก เนื้ออุ่นนิ่มบดเคล้าลงมากลับทำให้เขาร้อนวาบไปหมดทั้งตัว เพียงแค่ปลายลิ้นเปียกลื่นลูบไล้บนริมฝีปาก ชายหนุ่มก็ยอมเผยอปากให้ริวแทรกลิ้นเข้ามาหา กอดเกี่ยวปลายลิ้นตอบสนองอย่างลืมตัว หวาน...หวาม...ร้อนเร่าจนเหมือนเลือดจะเดือดเป็นไอ ต่างฝ่ายต่างกอดรัดกันและกันด้วยปลายลิ้น แตะชิม ลูบไล้ และซอกซอนสำรวจกันอย่างไม่รู้จบ ยิ่งจูบก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโหยหากันและกันยิ่งขึ้น....
RRRRRRRR
เสียงโทรศัพท์ทำให้พสุสะดุ้งสุดตัว รีบถอยห่างจากริว ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อรู้ตัวว่าเขากับริวจูบกันอยู่ในห้องนั่งเล่นที่พี่แมวอาจเดินเข้ามาได้ทุกเวลา พี่แมวเปิดประตูเลื่อนเข้ามารับโทรศัพท์แล้วหันมาหาริว
“คุณริวคะ...ที่ศูนย์เขาโทรมาเรื่องรถค่ะ”
“ขอบคุณครับพี่แมว” ริวรับคำแล้วลุกไปรับโทรศัพท์ พสุลอบถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อเห็นพี่แมวหันหลังเดินกลับเข้าไปในครัวโดยไม่มีทีท่าว่าจะสนใจพวกเขาอีก ชายหนุ่มรีบเก็บของแล้วลุกหนีริวไปตั้งสติอยู่ในห้องนอน
ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้ความสัมพันธ์ของเขากับริวเกินเลยกันอีก แต่เพียงแค่ริวแตะ เขากลับยอมอย่างง่ายดาย ไม่ได้หลบเลี่ยงหรือขัดขืนเลยสักนิดตอนที่ริวจูบ หนำซ้ำยังจูบตอบเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ ชายหนุ่มหน้าร้อนวูบเมื่อนึกมาถึงตรงนี้ นี่เขาเผลอตัวไปขนาดนี้ได้ยังไง
“พี่...”
พสุสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ริวก็เปิดประตูเข้ามา
“พี่โกรธริวเหรอครับ”
“เปล่า” ชายหนุ่มตอบแล้วหันหนีไม่กล้าสบตาริว แต่ริวไม่ยอมแพ้ เด็กหนุ่มตามเข้ามาสวมกอดพสุจากทางด้านหลัง แล้ววางคางลงบนไหล่ของพสุอย่างออดอ้อน
“ไม่โกรธแล้วทำไมหนีริวมาละครับ...”
“...ริว...อย่าทำแบบนี้อีกนะ...ถ้าเมื่อกี้พี่แมวเห็นจะทำยังไง” พสุดุเสียงเบา ฟังยังไงก็ไม่น่ากลัวสักนิด
“ถ้า...เราอยู่กันในห้องแบบนี้ละครับ...อยู่กันลำพังแค่สองคน...พี่จะยอมให้ริวจูบใช่มั๊ย” ริวถามเสียงนุ่มเบา และลดเสียงลงแทบเป็นกระซิบข้างหูพสุในประโยคหลัง พสุขนลุก หดคอหนีอย่างไม่ตั้งใจ
“เอ่อ...คือ...พี่...”
“ไหนพี่ว่าไม่โกรธ...พี่ไม่มองหน้าริวเลย” เด็กหนุ่มตัดพ้อแล้วพลิกตัวพสุให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน พสุสบตาหวานฉ่ำของริวแล้วเลื่อนตาลงต่ำเพื่อหลบตาเด็กหนุ่มอย่างลืมตัว แต่ตาเจ้ากรรมดันมาหยุดอยู่ที่ปากริวแทน ชายหนุ่มเผลอจ้องมองปากหยักบางที่ขยับเข้ามาหาเขาทีละน้อย จนเห็นปลายจมูกโด่งแตะกับปลายจมูกเขา
ชายหนุ่มปล่อยให้ปากของพวกเขาสัมผัสกัน เคล้าคลึง สำรวจกันและกันอีกครั้ง จนรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทัน ถึงได้ผละปากออก แต่ไม่อาจถอยหนีไปจากอ้อมแขนของริวได้ ไม่รู้ว่าเพราะวงแขนแข็งแรงกอดรัดเขาไว้แน่นหนาหรือเพราะเขาเองที่ไม่ยอมผลักไส
“ริวคิดถึงพี่เหมือนใจจะขาด...ห้องที่ต้องนอนคนเดียวมันกว้างแล้วก็หนาวเหลือเกิน...พี่รู้สึกเหมือนริวบ้างมั๊ย?”
ริวกระซิบถามแล้วจูบลงบนปลายจมูกของพสุเบาๆ ก่อนจะไล้ปากจมูกไปบนผิวแก้มของพสุ ลากไล้ไปจนถึงใบหูก็หยุด แนบจมูกลงหายใจรดใบหูของพสุจนรู้สึกได้ถึงอาการขนลุกซู่ทั้งตัวของชายหนุ่ม
“ปะ...ปล่อยพี่ได้แล้วริว...พี่ลืมโทรศัพท์ไว้ข้างนอก เดี๋ยวใครโทรมาแล้วไม่รู้” พสุบอกละล่ำละลักแล้วดันตัวริวออก รีบผละหนีกันไม่ให้ริวตามไขว่คว้าตัวได้ ชายหนุ่มชะงักกึกเมื่อเปิดประตูออกไปเจอพี่แมวยืนอยู่หน้าห้อง
“มะ...มีอะไรหรือเปล่าครับพี่แมว”
“คุณตะวันกับคุณไวย์มาเยี่ยมคุณริวค่ะ...ตอนนี้รออยู่ที่ห้องนั่งเล่น”
“อ้อ! ครับ...ขอบคุณครับพี่แมว” พสุตอบรับด้วยใบหน้าจืดเจื่อน ก่อนจะหันกลับไปเรียกริวให้ออกไปที่ห้องนั่งเล่นด้วยกัน
พี่แมวเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมน้ำและของว่างไปรับแขก ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรพสุถึงตกใจที่เห็นเธอ เมื่อครู่ก่อนที่โทรศัพท์จากศูนย์รถจะมา เธอกำลังจะยกขนมเข้าไปให้ แต่กลับได้เห็นริวจูบกับพสุเต็มสองตา วูบแรกเธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ลนลานถอยกลับมานั่งทำใจอยู่ในครัว
แต่เธอไม่ใช่เด็กสาวแรกรุ่น มีสามีมีลูกแล้ว มิหนำซ้ำยังผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน เห็นคนมาก็มาก ที่ตกใจเพราะไม่คิดว่าพสุกับริวจะมีความสัมพันธ์กันแบบนี้ไปได้ ในเมื่อที่ผ่านมาพสุก็เคยมีคนรักเป็นผู้หญิง...พี่แมวถอนใจยาว ถึงอย่างไรเธอก็เป็นแค่แม่บ้าน มีหน้าที่ทำงานบ้านไม่ใช่ไปสอดส่องเรื่องของนายจ้าง ไม่ว่าพสุกับริวจะมีความสัมพันธ์กันแบบไหน ก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย เธอจึงตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ได้สนิทเมื่อต้องออกไปเผชิญหน้ากับพสุและริว...
ริวแอบถอนใจอย่างหงุดหงิด เพราะตะวันกับไวยากรณ์ไม่มีทีท่าว่าจะกลับง่ายๆ ตั้งแต่สายๆ จนบ่ายคล้อยแล้วที่ทั้งคู่มาขลุกอยู่กับพวกเขา พอตะวันทำท่าจะกลับพสุก็หาเรื่องมาชวนคุยตลอด ไวยากรณ์นั้นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะตั้งแต่มาก็เอาแต่ถามเรื่องเกี่ยวกับแก้วกุดันตลอดเวลา จนริวอดคิดไม่ได้ว่าไวยากรณ์จะมาเยี่ยมเขาหรือมาเก็บข้อมูลเรื่องแก้วกุดันกันแน่
“กลับกันเถอะไวย์” จู่ๆ ตะวันที่นั่งฟังพสุกับไวยากรณ์คุยเรื่องแก้วกุดัน ก็โพล่งขึ้นมาดื้อๆ
“อ้าว! จะรีบไปไหน อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ” พสุค้านแล้วลอบมองริวแวบหนึ่ง
“กินข้าวเที่ยงไปแล้ว จะให้อยู่กินข้าวเย็นอีกเหรอ ไม่ดีกว่า...แค่นี้ก็มากวนจนริวไม่ได้พักแล้ว”
“จะรีบไปไหนละพี่ ก็อยู่กินข้าวเย็นกับพี่ไผ่อีกมื้อดิ พี่แมวทำกับข้าวอร่อยออก” ไวยากรณ์รีบท้วง เพราะเขายังอยากคุยกับพสุเรื่องแก้วกุดันต่ออีกสักหน่อย
“นั่นสิตะวัน” พสุได้ทีรีบสำทับ อยากดึงตะวันกับไวยากรณ์ไว้อีกสักหน่อย อย่างน้อยก็ให้พ้นอาหารเย็นไปก็ยังดี
“ไวย์ไม่เหนื่อยพี่เหนื่อย ถ้าไวย์ยังไม่อยากกลับ พี่กลับแท็กซี่ก็ได้ ไปนะไผ่ ไปนะริว...หายเร็วๆ นะ” ตะวันหันไปตบไหล่ริวแล้วก็ลุกขึ้น
“ครับ”
“เฮ้ยพี่! กลับด้วยกันดิ ผมจะปล่อยพี่กลับแท็กซี่ได้ไง...งั้นผมกลับก่อนนะพี่ไผ่ ไปนะริว หายเร็วๆ ล่ะรู้ป่ะ”
“ครับ”
“อ้าว! เลยกลับกันหมด...นึกว่าจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน” พสุบ่นเบาๆ ขณะลุกออกมาส่งตะวันกับไวยากรณ์ที่หน้าบ้าน
“สงสารริวบ้างเถอะ นั่งหน้าซีดขนาดนั้น น่าจะได้นอนพักตั้งนานแล้ว” ตะวันบอกทิ้งท้ายแล้วหันมาดึงกุญแจรถจากมือไวยากรณ์เดินลิ่วๆ ไปประจำที่คนขับ ไวยากรณ์ไหว้พสุแผล็บแล้ววิ่งหน้าตั้งไปขึ้นรถ เพราะขืนช้าเขาเองนี่แหละที่จะต้องนั่งแท็กซี่กลับ
พสุเดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วชะงักเมื่อเห็นริวยันตัวลุกขึ้นแล้วกลับทำตัวงอ หน้านิ่วด้วยความเจ็บ ชายหนุ่มรีบปราดเข้าไปประคองริว ก็พบว่าเด็กหนุ่มตัวรุมๆ เหมือนจะมีไข้ จึงพาเข้าไปนอนพัก
“...พี่ขอโทษนะ...มัวแต่ชวนตะวันคุยจนริวไม่ได้นอนพัก” พสุบอกพร้อมกับส่งยาและแก้วน้ำให้ โดยเพิ่มยาแก้ไข้เข้าไปด้วย ริวรับไปกินอย่างไม่เกี่ยงงอน
“ไม่เป็นไรครับ”
“...หิวหรือเปล่า เมื่อตอนเที่ยงก็กินข้าวไปนิดเดียวเอง”
“ไม่หิวครับ...แต่เหงา...พี่อยู่กับริวก่อนนะ”
พสุไม่ตอบ แต่เมื่อริวดึงเขาไว้ ชายหนุ่มก็ยอมนอนลงข้างๆ แต่โดยดี ริวพลิกตัวเข้ามากอดซบกับอกของพสุ เด็กหนุ่มดึงมือขาวขึ้นมาจูบบนปลายนิ้วเรียวเบาๆ แล้ววางไว้บนแก้มของเขา ก่อนจะสอดแขนเข้าไปกอดรอบเอวพสุ ชายหนุ่มลูบแก้มริวแล้วใจหาย แก้มกลมๆ ที่เขาเคยดึงเล่น ไม่มีเนื้อเหมือนเคย คงเพราะริวผอมลงไปมาก ใช่แต่เขาที่ทรมานกับการต้องแยกกันอยู่แบบนี้ ริวเองก็คงเจ็บปวดไม่น้อยกว่าเขา พสุถอนใจยาว...ตอนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะฝืนใจตัวเองแล้ว บางที...เขาอาจจะลองทบทวนเรื่องระหว่างเขากับริวดูอีกครั้งก็เป็นได้....
.............................................................
“คัต!...เป็นอะไรไปไผ่ ทำไมวันนี้หลุดจังเลย” พี่พายบ่นอย่างแปลกใจ เพราะปกติพสุเป็นคนทำงานง่ายและเตรียมตัวมาดีเสมอ นานๆ จึงจะมีสมาธิหลุดแบบนี้สักครั้ง จึงเป็นเรื่องแปลกของทุกคนในกองถ่าย
“ขอโทษครับพี่พาย ขอผมพักแป๊บนะครับ”
พสุยกมือไหว้ขอโทษผู้กำกับและนักแสดงร่วมคนอื่นๆ ก่อนจะรีบเดินไปยืนสงบสติอารมณ์อยู่ห่างๆ โดยมีสายตาของริว มองตามด้วยความห่วงใย
วันนี้เป็นวันแรกที่เขากับริวเข้าฉากด้วยกันหลังจากที่ริวหยุดพักไปถึง 1 สัปดาห์ ทั้งที่ฉากปะทะอารมณ์แบบนี้เป็นงานถนัดของพสุแท้ๆ แต่วันนี้เขากลับรวบรวมสมาธิไม่ได้
พสุหน้าร้อนผ่าว เขารู้ดีว่าทำไมเขาถึงไม่มีสมาธิ ภาพที่ริวดึงคอเสื้อเขาเข้าไปจูบยังติดอยู่ในความรู้สึกไม่หาย วันนี้พอต้องเข้าฉากด้วยกัน กลายเป็นเขาเองที่นึกถึงแต่เรื่องตอนนั้นจนเกิดอาการเขินขึ้นมาดื้อๆ
“ไผ่...เป็นไง เหนื่อยมั๊ย” พี่จ๋าทักยิ้มๆแล้วเอื้อมมือมาตบไหล่พสุเบาๆ
“ขอโทษนะครับที่ผมไม่มีสมาธิ เลยต้องเทคหลายหน”
“ไม่เป็นไร พี่สั่งให้พักกองแล้วล่ะ เดี๋ยวตอนบ่ายค่อยถ่ายต่อ”
“ขอโทษจริงๆ นะครับพี่จ๋า” พสุยกมือไหว้ด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ ชายหนุ่มนึกตำหนิตัวเองที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก จนทำให้คนอื่นต้องพลอยมาเสียเวลาไปกับเขาด้วย
“ไม่เป็นไรจ้า อย่าซีเรียสๆ...จริงสิ! ไผ่รู้หรือยังว่าอาทิตย์หน้าเราจะไปถ่ายทำกันที่เกาะเต่าทั้งอาทิตย์เลย”
“ครับ ทราบแล้ว” พสุตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขารู้ว่าพี่จ๋าพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เขาเครียด
“ไผ่เคลียร์คิวได้มั๊ยจ๊ะ”
“ได้ครับ ช่วงนี้ที่บริษัทจะลดงานให้ได้พักก่อน เพราะช่วงสงกรานต์คิวงานคงแน่นจนไม่มีเวลาพักแน่ๆ ครับ”
“งั้นไปกินข้าวกันดีกว่า...วันนี้มีของโปรดไผ่ด้วยนะ” พี่จ๋าชวนแล้วคล้องแขนพสุให้เดินไปที่เต็นท์ แม่ครัวของกองถ่ายกำลังจัดอาหารขึ้นโต๊ะ ริวที่นั่งท่องบทอยู่ห่างๆ รีบลุกมาหาพสุ สีหน้าเป็นห่วงของเด็กหนุ่มทำให้พสุพยายามตั้งสมาธิ เขาจะไม่ยอมพลาดอีกเป็นอันขาด...............
...............................................
-
ว๊าวท่าทางมาม่าจะหมดลังแล้ว จะเริ่มหวานแล้วป่ะ
-
พี่พสุใจอ่อนได้แล้วนะๆๆๆๆๆๆ เค้าสงสารหนูริวจะแย่แล้ว
-
น้องริวกุ๊กกิ๊กเบาๆนะคะ ที่เกาะเต่าขอจัดหนักเลยน้าาา เอาให้หวานจุกอกตายกันไปข้างเลย
-
ก่อนอื่นต้องขอบคุณทั้งคนเขียนทั้งคนโพสต์ค่ะ ลงยาวได้ใจมากกกกกค่ะ
ไผ่..รีบๆทบทวนให้ไวเลยเรื่องของหัวใจน่ะ ช้าไม่ได้น้า(ก็ถ้าช้า...คนอ่านใจจะขาดก่อนอ่ะดิ)
น้องน่ะเค้าเปิดใจมอบใจถวายให้ไผ่จนหมดแล้ว เหลือแต่ไผ่เองแหละ
-
หวานจริงดิ หวานจริงนะ
ห้ามหลอกกันน๊าา
แต่รุกทีละน้อยนี่เหนื่อยจริง ริวอดทนมาก น่ากลัวมากสุด o13
-
มีอะไรให้ลุ้นกันตลอดเลย
ความหวานเริ่มมีให้เห็นกันทีละนิดแล้ว
อีกไม่นานไผ่คงเปิดใจรับริวได้ทั้งใจแน่ๆ
:กอด1:
-
มาขั้นนี้แล้ว ยอมรับและเผชิญกับปํญหาได้แล้ว
รักน้องริวก็ยอมรับเุถอะไผ่ คนอ่านลุ้นจนเหนื่อยแล้ว
-
โววววววววว.....
อีกนิดเดียวๆๆๆๆ....ไผ่จะยอมแพ้แล้ว!!! :mc4:
ริวสู้ๆๆๆๆ
ริวน่ารักมากมาย.... :impress2:
-
:-[ ว้าย....อย่างนี้สิ สมใจ สมใจ....
มีความสุขไปอีกวัน เห้ออออ....
ขอกอดคนเขียนกะคนโพสต์หน่อย :กอด1:
-
เริ่มหวานแล้วดีใจจังเลย
ไผ่เริ่มเปิดใจมากขึ้นแล้วดีจัง
ขอแค่ไผ่อย่าคิดอะไรไปเองคนเดียวก็พอ
เดี๋ยวไปเกาะเต่าริวจัดหนักหน่อยดีมั้ย
:กอด1: :L2: :pig4:
-
รีบๆทบทวนนะจ๊ะไผ่
-
พี่แมวเห็นแล้วอ๊า :เฮ้อ:
-
รอแค่พี่ไผ่ยอมรับความจริงให้ได้เท่านั้นละ เรื่องมันจะได้ง่ายขึ้นซะที สงสารน้องจริงๆ
-
จัดหนักไปเลยไอ้เสือ พี่ไผ่จะได้กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆซะที :z2:
-
บรรยากาศเริ่มดีขึ้นแล้ว
ดีจัง ดีจัง :กอด1:
-
*กำมือแน่นแล้วทำท่าเยสสสสส*
ในที่สุดก็มีฉากหวานให้เราอ่าน
ปล.ช่วงนี้มาต่อเร็ว ดีใจจัง*น้ำตาไหลพรากกก* :sad4:
-
กินมาม่าจนอืดแล้วแต่ต่อด้วยขนมหวานแบบนี้ยังไหวนะ
-
มาม่าจะหมดจริงรึป่าวเนี่ย
ตอนนี้ไม่อยากคาดหวังตอนหวานๆเท่าไรแล้ว
เพราะหวังบ่อย ก็ได้แต่มาม่าตลอดศกอ่ะ :sad4:
-
ว้าว! ว้าว! ว้าว! พี่ไผ่เริ่มจะใจอ่อนแล้วใช่มั้ย
ดีใจด้วยนะหนูริว เค้าความหวานเริ่มมาแล้ว(รึเปล่า)
^
^
สองวัน!!! o22
ก็เรียกว่าอ่านกันมาราธอนเลยทีเดียว งานการทิ้งให้เพื่อนทำจนมันจะกินหัวแล้วค่ะ อิอิ
-
เริ่มจะดีจริงนะ
-
มาต่ออีกแล้ววว ดีใจจังเลยค่ะ คนแต่งมาโพสทุกวันเลย :impress3:
อย่างนี้พี่ไผ่น้องริวต้องคืบหน้าเร็วแน่ๆ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค้า และก็ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆ น่ารักๆ แบบนี้ให้ได้อ่านกันนะค่ะ :กอด1:
o13
-
พี่ไผ่เหนื่อยแล้วใช่ม๊าที่ต้องฝืนใจ
ทำตามความรู้สึกของตัวเองแหละดีแล้ว
เวลาน้องริวจูบก็จูบตอบแบบนี้แหละ~ใช่เลย
พี่แมวเห็นพี่ไผ่กับนัองริวจูบกันแระ :o8:
-
มาขนาดนี้แล้ว คงไม่ต้องทบทวนแล้วมั้งคะพี่่ไผ่
เปิดใจให้ริวเถอะนะ
-
ทบทวนแล้วตัดสินใจด่วนเลยพี่ไผ่จ๋า
น้องริวเก็บกระเป๋ารอแล้ว
-
สนุกมากมาย ขอบคุณนะคะที่มาต่อทุกวัน o18
-
รักกัน รักกัน ไผ่ริว
-
ริวเจ้าเล่ห์ๆๆๆๆๆ
-
เห้อ จะมีอะไรอีกไหมน้า หวาน ๆ อีกสักหน่อยเห๊อะ
-
ริวเจ้าเล่ห์ๆๆๆๆๆ
-
พี่แมวค่ะ ลาออกจากงาน แล้วเปลี่ยนให้หนูไปทำแทนเถอะค่ะ
จะไปขอส่องคู่นี้ทั้งวันทั้งคืนเลยยยยย 555+ :impress2:
แอบหวานมากมาย >.<//
จูบกันทีทำเอาคนแถวนี้ละลาย
จะไปฮันนีมูนที่เกาะเต่าอ่ะเปล่า *กริ๊ดๆ* :-[
ปล.โคตรคิดถึงพี่ตะวันอ่ะ เลิฟๆ :กอด1:
ตอนแรกแอบเชียร์ พี่ตะวันกับไวย์นะเนี่ย ดูน่ารัก แต่ดันมีคู่กันไปแล้ว
-
พี่ไผ่เริ่มสติหลุด หุหุ หวังว่าหลังจากนี้พี่ไผ่คงหาทางออกดีๆให้คนอ่านได้ชื่นใจมั่งน๊าาา
-
ในที่สุดพี่ไผ่ก้อยอมเข้าใจซะทีว่าตัวเองหน่ะรักไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ไปเต็มๆแล้ว
-
ขอให้พี่ไผ่ อย่าคิดตีตัวออกห่างจากริวอีกเลย ไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ววววว
-
:L2: :L2: :L2:
-
o18 o18 o18 เย้ๆๆ พี่ไผ่ยอมให้ริวมาอยู่ด้วยแล้ว
แต่เมื่อไหร่พี่ไผ่จะยอมรับสักทีว่าชอบริว สงสารริว :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
-
อ่านตอนนี้แล้วค่อยหายใจคล่องขึ้นมาหน่อย
อีกนิดเดียวแล้วสินะ ความหวานกำลังจะมา
-
พี่ไผ่ :o8:เหนื่อยใจก็พักซะบ้างเถอะครับ
เพราะคนอ่านก็ลุ้นไปกับพี่ไผ่จนตัวโก่งไปหมดแล้ว
เชียร์พี่ไผ่จนหมดหัวใจ :L1:
ส่วนน้องริวเขาชัดเจนมาตั้งแต่ต้นอันนี้ได้ใจเกิน 100% ไปเรียบร้อยแหละ :a1:
ดึกๆจะเข้ามา+ให้นะครับ
+1 เรียบร้อยครับ
-
ในที่สุดก็จะหวานซักที :-[
-
น่ารักมากๆ พี่ไผ่ยอมใจอ่อนแล้ว
หวังว่าคงจะได้อ่านตอนสวีทกันซักทีนะค่ะ
เอาใจช่วยน้องริว :bye2:
-
ถ้าจะลองทบทวนเรื่องริวแล้วเนี่ย ก็ลองฟังเสียงหัวใจตัวเองแล้วก็ทำตามที่ใจเรียกร้องจริงๆนะคะพี่ไผ่
-
:z3: หวานได้อีก น้องริวเยี่ยมมาก กระชากคอมาจูบเลยลูก o13
พี่แมวเปงคนดีอะ แอบเปงสาววายปะคะพี่แมวขา :m20:
-
ฮึกกกก
จะหวานแล้วใช่มั้ย
ไปเกาะเต่านี่ ฮันนีมูน มั้ย ??
ฮ่าๆๆๆ
พี่ไผ่ฟุ้งซ่านนะ !!!
สู้ๆ ^^
-
ใกล้แล้วๆ พี่ไผ่ใกล้ใจอ่อนแล้วใช่ไหมคะ :กอด1:
-
กรี๊ดดด หวานแล้วๆๆ :mc4:
-
อ๊าาาา
ก้าวหน้าๆ
พี่ไผ่รีบทบทวนความสัมพันธ์กับริว ด่วน!!!!!
-
งอแง งอแง
หนูจะกินขนมหวาน หนูจะกินขนมหวานนน
ขอบคุณนะคะ ที่ได้ปล่อยอารมณ์บ้าง จัดไป 1 แต้มเต็ม
-
อร๊างงงงงงงงงงค้างเกาะ อิอิ
-
หวาดเสียวแทนพี่แมว...น่าจะถ่ายรูปมาแบ่งกันมั่ง :laugh:
-
สงสารไผ่เนอะ การจะให้ยอมรับเรื่องนี้มันทำได้ยากจริงๆ
-
ดีใจจังพี่ไผ่จะคิดทบทวนเรื่องของน้องแล้ว :z2:
:pig4: คะ
-
ไผ่จ๋า....รีบๆคิดนะจ๊ะ อย่าให้ริวรอนาน
-
คราวนี้ละหนีไม่รอดแน่พี่ไผ่
-
มาม่าคงจะหมดแล้วนะครับ อิิอิ
อยากกินของหวานบ้างอ่ะ
-
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากอ่านเร็วๆไวไว แต่ไม่เอา ม่าม่า
-
ว้าวว วววว แม้จะน้อยนิด แต่ก็รู้สึกว่าตอนนี้ ดูหวานขึ้นเยอะ!
พี่ไผ่ใจอ่อนแล้วใช่ไหม๊ ?
เกาะเต่า ๆ ๆ จัดหนักไปเลย (ของหวานนะไม่ใช่มาม่า) ^^
-
กด+ให้พี่แมว
55555555
:laugh: o13
-
ใกล้แล้ว พี่ไผ่ใกล้จะใจอ่อนแล้ว
ลุยเต็มที่เลยริว
-
+1 ค่ะ
ดีใจจังที่พี่ไผ่คิดได้ซะที
ได้ลุ้นกันซะที
ไปเกาะเต่าคราวนี้ ทะเลจะหวานซะละมั๊ง
-
ไอ้ที่ไผ่บอกว่าจะตัดสินใจเรื่องริวใหม่นี่ทำเราเสียววูบ...อ๋า จะดีหรือร้ายนะ
แต่พี่แมวเห็นเรียบร้อยแล้ว หวังว่าคงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง :เฮ้อ:
-
น้องริวสู้ ๆ อีกนิดเดียว
ไม่ผิดหรอกนะ ถ้าจะใช้จุดอ่อนของไผ่
กรี๊ดดดดดด
อิจฉาพี่เเมว :jul3:
-
พี่แมวได้เห็น! แต่เราได้แค่อ่าน! T*T
ช่วงนี้มาม่าคงโนสั่งงดไปสินะคะ? หวังว่าช่วงเวลาแบบนี้จะอยู่กับเราไปนานๆนะ Please....
-
o18เข้ามารอพี่ไผ่ กะ น้องริว
-
:m22: :m7: :m7: มาแอบดู...
-
:m22:
-
เอาแล้วๆๆๆๆ
อิอิว๊าวไผ่สู้ๆๆนะอีกนิดเดียว
ริวจะได้สมหวังแล้วอีกนิด
-
:m22: :m7: :m7: มาแอบดู...
:m22:
มาแอบด้วครับ
-
พี่แมวนี่สมเป็นแม่บ้านมืออาชีพเลย
เรื่องของนายจ้างไม่เกี่ยวกับเรา ต้องเก็บเป็นความลับไว้นั่นละถูกต้องแล้ว
ไฟในไม่เอาออก ไฟนอกไม่เอาเข้า
:z1:
-
ตอนที่ 95
ขนาดว่ารู้ล่วงหน้าแล้วแต่กว่าจะเคลียร์คิวงานสุดท้ายได้ พสุกับริวก็ต้องนั่งเครื่องบินไปลงเกาะสมุยเพื่อต่อเรือไปเกาะเต่าแทนที่จะได้ไปรถตู้พร้อมทีมงาน
พสุรู้สึกประทับใจที่นี่นับตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบลงบนสะพานท่าเรือไปจนถึงห้องพัก แม้ว่าเขากับริวจะต้องพักแยกออกมาอีกโรงแรมเพราะห้องพักของโรงแรมที่ทางทีมงานพักนั้นเต็มหมดแล้ว แต่รีสอร์ทที่พสุกับริวพักก็ไม่ได้ไกลจากทีมงานมากนัก สามารถเดินถึงกันได้โดยยังไม่ทันเหนื่อยด้วยซ้ำ และที่สำคัญที่นี่เป็นส่วนตัวมากกว่า บ้านพักแต่ละหลังก็ค่อนข้างเป็นสัดส่วนด้วยรั้วต้นไม้ทั้งไม้พุ่มและไม้ยืนต้น นอกจากพนักงานของรีสอร์ทแล้วก็มีแต่ชาวต่างชาติมาพักทำให้พสุไม่เป็นที่สนใจในฐานะดารา ชายหนุ่มจึงรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง
“ที่นี่สวยนะครับ”
“อืม...จัดเสื้อผ้าเข้าตู้เลยดีกว่าริว เผื่อตอนบ่ายพี่จ๋าอาจให้ถ่ายสักฉากสองฉาก”
“ครับ”
พสุจะลุกไปช่วยจัดเสื้อผ้าแต่ริวอาสาทำเอง ชายหนุ่มจึงเดินสำรวจไปทั่วบ้านอย่างพึงพอใจ ยกเว้นห้องน้ำ...ไม่ใช่ไม่สวยแต่เพราะเป็นห้องน้ำแบบไม่มีหลังคาเปิดโล่ง แม้กำแพงจะสูงลิ่ว แต่เวลาอาบคงอดรู้สึกระแวงเล็กๆ ไม่ได้ นั่นยังไม่เท่ากับที่ประตูห้องน้ำเป็นแบบเลื่อน เปิด-ปิดเฉยๆ ไม่มีกลอน ไม่มีล็อคใดๆทั้งสิ้น
พสุหน้าร้อนวูบขึ้นมาดื้อๆ ไม่ใช่เขาไม่เคยพักรีสอร์ทสไตล์ฮันนีมูนสวีทแบบนี้ เพียงแต่เขาไม่เคยพักห้องแบบนี้ร่วมกับใคร
“อ้าว! ห้องน้ำไม่มีหลังคาเหรอครับ...อย่างนี้คนก็ปีนดูได้สิ” ริวตามเข้ามาดูแล้วร้องทักขึ้นมาอย่างตกใจ
“ไม่ได้หรอก พี่เดินไปดูรอบๆ มาแล้ว ด้านข้างนี่เขาถมไว้สูงอยู่แล้ว แล้วยังผนังห้องน้ำอีก ยังไงก็ปีนไม่ได้แน่ๆ”
ริวพยักหน้ารับแต่สายตายังกวาดไปรอบๆ อย่างไม่สบายใจนัก ทำให้พสุอดขันไม่ได้ ชายหนุ่มบอกให้ริวอาบน้ำก่อนจะได้นอนพัก เพราะเมื่อคืนกว่าพวกเขาจะกลับจากงานโชว์ตัวก็ดึกมากแล้ว ยังดีที่ตอนเช้ากรเวชให้รถตู้ของบริษัทไปรับมาส่งที่สนามบิน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงต้องพึ่งบริการแท็กซี่แน่นอนเพราะหลังจากที่ริวหลับในแล้ว เขาก็ระวังเรื่องรถมากเป็นพิเศษ
พสุออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งรอ คิดว่าไม่เกิน 5 นาทีริวต้องหน้าตาตื่นออกมาโวยวายเรื่องที่ประตูห้องน้ำไม่มีที่ล็อค รออยู่ครู่ใหญ่ริวก็เดินขยี้ผมเปียกๆ ออกมาด้วยสีหน้าสดชื่น
“พี่ไปอาบได้เลยครับ ริวเปิดน้ำใสอ่างไว้ให้แล้วด้วย เผื่อพี่จะแช่น้ำอุ่น”
“ริว...รู้รึเปล่าว่าประตูไม่มีล็อค”
“ครับ?”
“ประตูห้องน้ำ มันไม่มีล็อคนะ ไม่รู้เหรอ?” พสุถามย้ำอย่างแปลกใจ
“ไม่รู้ครับ...ริวไม่ทันได้ดู”
“อ้าว! แล้วอาบน้ำไม่ล็อคประตูเหรอ?”
“ก็...อยู่กับพี่ริวไม่เคยล็อคนี่ครับ” ริวตอบแล้วนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะก้มหน้าอมยิ้มกริ่มจนพสุเกิดอาการระแวง
“ยิ้มอะไร”
“เปล่าครับ...พี่ไปอาบน้ำเถอะ จะได้นอนพัก” ริวปฏิเสธ แต่ดวงตาเป็นประกายวาววับ
พสุนึกโมโหตัวเองที่ดันไปชี้โพรงให้กระรอก ความจริงถ้าเขาทำเฉยๆ เสีย ริวก็คงไม่ได้สนใจว่าประตูล็อคได้หรือไม่ได้ แต่นี่เขาดันไปบอกให้ริวรู้ตัวเสียแล้ว อย่างนี้เวลาอาบน้ำเขาคงอาบไประแวงไป...เพราะประกายตาวาวๆ เจ้าเล่ห์ของริวนั้น ดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจสักนิด
พสุอาบน้ำด้วยอาการหวาดระแวงตลอดเวลา แต่เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าเขาคิดมากไปเอง เพราะริวหลับไปแล้วโดยที่ยังสวมเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมานั่งบนเตียง จ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่หลับปุ๋ยเหมือนทารกแล้วอดยิ้มไม่ได้ นิ้วเรียวแตะบนแก้มเนียนนุ่มแผ่วเบาก่อนจะถอยออกห่าง ร้อนวูบไปหมดทั้งหน้าเมื่อรู้ตัวว่าเมื่อครู่เขาเผลอนึกอยากหอมแก้มเนียนใสนั้นแค่ไหน
“อดนอนจนฟุ้งซ่านแล้วเรา” พสุบ่นตัวเองงึมงำ ก่อนจะนอนลงข้างๆ ริวแล้วหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลีย.....
“พี่...พี่ไผ่คร้าบบบ...ตื่นเถอะ...ไม่ตื่นริวจูบน๊า” เสียงปลุกเบาๆ นุ่มๆ ดังอยู่ข้างหู ก่อนที่สัมผัสอุ่นชื้นจะแนบลงมาบนปาก ปัดผ่านบางเบาแล้วค่อยกดแนบเคล้าคลึง
“อืม...” พสุครางเบาๆ แล้วลืมตาพรึบเมื่อนึกได้ว่า ‘อะไร’ ที่บดเบียดอยู่บนริมฝีปากของตนเอง
“ริว! ทำอะไรเนี่ย” ชายหนุ่มรีบดันคางของริวออกแล้วพยายามทำตาดุเข้าใส่เพื่อแสดงว่าเขาโกรธ แต่แทนที่ริวจะกลัว เด็กหนุ่มกลับยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายวาววับ
“จูบปลุกไงครับ”
“ทะ...ทำไมต้องปลุกพิเรนทร์แบบนี้ด้วย เรียกพี่ก็ตื่นแล้ว” พสุดุเสียงสั่น แล้วรีบลุกขึ้น ทำเป็นสาละวนกับการพับผ้าห่มคืนที่เดิมจะได้ไม่ต้องสบตากับริว
“ก็ริวเรียกตั้งหลายทีแล้ว พี่ก็อือๆ แต่ไม่ตื่น ก็เลยต้องจูบ...แล้วพี่ก็ตื่นทันทีเลย” ริวตอบเสียงระรื่นจนพสุหมั่นไส้ แต่ยังไม่กล้าหันไปมองหน้าเด็กหนุ่ม
“อย่ามาอ้าง ถ้าริวปลุกจริงพี่ก็ต้องตื่นอยู่แล้ว พี่ไม่ใช่คนนอนขี้เซาสักหน่อย”
“งั้น...เอาเป็นว่าริวอยากจูบพี่ละกันครับ” ริวตอบหน้าตาเฉย พสุหน้าร้อนวาบ แล้วไม่รู้จะทำยังไงนอกจากลุกหนีจากเตียง
“พี่จะไปไหนครับ”
“อาบน้ำสิ...นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วล่ะ”พสุทำเสียงเป็นงานเป็นการ แต่ยังรู้สึกถึงอาการร้อนวูบวาบบนใบหน้าไม่หาย
“เพิ่งจะสี่โมงครับ แต่พี่จ๋าโทรมาตาม บอกว่ามีประชุมนิดหน่อยแล้วก็กินข้าวเย็นกัน ริวก็เลยปลุกพี่”
“อืมๆ ริวอาบน้ำแล้วเหรอ”
“ยังเลยครับ พี่อาบก่อนก็ได้”
“ก็ดี รอแป๊บละกัน”
“ครับ”
พอพสุออกมาแต่งตัว ริวก็สวนเข้าไปอาบน้ำบ้าง ชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จก็ออกมาสูดอากาศที่ชายหาด ไม่ถึง 5 นาทีริวก็ตามมาสมทบ เมื่อเดินไปถึงโรงแรมที่ทีมงานพักอยู่ก็พบว่าส่วนใหญ่จะมารอประชุมกันแล้ว
“ไผ่...ริว ทางนี้จ้ะ” พี่จ๋าโบกมือทักมาจากอีกด้าน มีชายหญิงชาวต่างชาตินั่งอยู่ด้วย พอริวกับพสุเข้าไปทั้งคู่ก็หันมาจ้องมองพวกเขาเขม็ง
“ครูสอนดำน้ำจ้ะ คุณโซเฟีย กับ คุณลีออง” พี่จ๋าแนะนำด้วยสีหน้าสดใส ทั้งคู่ยื่นมือมาให้ พสุกับริวก็จับมือตามธรรมเนียม แต่เห็นได้ชัดว่าโซเฟียทำท่าเหมือนจะไม่อยากปล่อยมือริว
“พรุ่งนี้เราจะเริ่มเรียนดำน้ำกันเลยนะครับ คุณสะดวกจะมาเรียนตอนไหนครับ” ลีอองถามอย่างเป็นการเป็นงานทันที พสุหันไปมองหน้าพี่จ๋าก็ได้คำตอบว่าคงเป็นช่วงเย็น เพราะช่วงเช้าถึงบ่ายทั้งพสุและริวต้องถ่ายละคร หลังจากตกลงเรื่องเวลากันเป็นที่เรียบร้อย ลีอองและโซเฟียก็ลากลับไป
“คืนนี้ไม่ทำงานเหรอครับพี่จ๋า”
“อ๋อ! พอดีเนเขามาไม่ทันน่ะจ้ะ เขามาเครื่องเที่ยวบ่าย ก็เลยพลาดเรือโดยสาร ต้องเช่าสปีดโบทมา กว่าจะมาถึงคงค่ำแหละก็เลยเลื่อนไปถ่ายพรุ่งนี้ดีกว่า แต่พรุ่งนี้ฉากของไผ่กับริวหนักๆ ทั้งนั้นนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ได้พักเต็มที่แบบนี้คงสู้ไหว” พสุตอบยิ้มๆ ส่วนริวนั่งฟังเงียบๆ เหมือนเคย
“จ้ะ...เออเดี๋ยวพี่ไปดูเก๋หน่อยว่ามันจ้องบ้านพักให้เนได้หรือยัง เกิดได้บ้านหลังไม่ดีล่ะเกรงใจคุณอาร์ตแย่เลย กินข้าวกันไปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่มา” คุณอาร์ตที่พี่จ๋าพูดถึงคือคู่รักของชเนตตี ซึ่งก็แปลได้อีกทางคือทั้งคู่พักด้วยกัน
“ครับ” พสุเหลือบมองหน้าริว เห็นเด็กหนุ่มเฉยๆ เขาก็จำต้องเฉยบ้าง แม้ในอกจะหนักอึ้งด้วยความสงสารริวก็ตาม..................
.............................................................
รุ่งขึ้นการถ่ายทำเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ชเนตตีควงคู่มากับชายหนุ่มหน้าตี๋ที่แม้จะแต่งกายง่ายๆ แต่ราศีของเขามองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ธรรมดา อาการจับจูงหยอกล้อกันหวานฉ่ำของชเนตตีกับคนรักทำให้พสุอดมองริวด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าริวคิดกับชเนตตียังไง เพราะที่ผ่านมาดูริวสนิทกับชเนตตีมากกว่าดาราสาวคนอื่นๆ ครั้นเห็นริวยังยิ้มแย้มปกติเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นแต่ยังคอยลอบสังเกตสีหน้าริวตลอดทั้งวัน
หลังการถ่ายทำฉากขี่เจตสกีไล่ล่ากันเสร็จ พสุกับริวยังต้องไปเรียนดำน้ำต่อ ทันทีที่ไปถึงหน้าสำนักงานครูฝึกของพวกเขาก็มารออยู่แล้ว
หลังจากพูดคุยในรายละเอียดกับเจ้าของร้านคนไทยอีกเล็กน้อย พสุกับริวก็ถูกพามายังจุดสอนดำน้ำ ครูฝึกสาวสวยปราดเข้ามาหาริวพร้อมอุปกรณ์ดำน้ำ ทำให้พสุต้องจับคู่กับครูฝึกอีกคนโดยปริยาย
“ทำไมเราถึงเรียนรวมกันไม่ได้ ผมเห็นคนอื่นๆ เขามีครูฝึกคนเดียวกันด้วยซ้ำ” ริวถามอย่างหงุดหงิดเมื่อโซเฟียยืนยันจะให้เขาแยกออกมาห่างจากพสุ
“เพราะเทคนิคการสอนของฉันกับลีอองไม่เหมือนกันนะสิ แล้วอีกอย่างนะ ทางทีมงานของคุณเขาก็เจาะจงมานี่ว่าอยากให้คุณเป็นให้เร็วที่สุด ถึงได้ลงทุนจ้างให้เราฝึกพวกคุณตัวต่อตัว...ฉันว่าคุณควรรีบฝึกจะดีกว่านะ ถ้าไม่อยากให้ล่าช้าไปกว่านี้” โซเฟียตอบแล้วยิ้มท้าทายให้ริว เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วเม้มปาก พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ เขายังจำสิ่งที่พสุสอนได้เสมอว่าให้หัดควบคุมอารมณ์ตัวเอง อย่าให้คนอื่นจับอารมณ์ของเขามาเป็นจุดอ่อนได้
พสุมองครูสอนดำน้ำสาวของริวแล้วรู้สึกหนักในอกอย่างบอกไม่ถูก ดูท่าทางเจ้าหล่อนอยากจะสอนอย่างอื่นมากกว่าสอนดำน้ำ เพราะนอกจากจะพยายามชวนริวพูดคุยอย่างสนิทสนมแล้ว ยังพยายามจะเบียดเนื้อตัวใกล้ชิดริวตลอดเวลาจนริวต้องเป็นฝ่ายถอยหนีหลายต่อหลายครั้ง
ริวเหลียวไปมองพสุก็พบว่าชายหนุ่มจ้องมองเขานิ่งๆ อยู่แล้ว เด็กหนุ่มขยับจะเข้าไปหา แต่พสุกลับหันหลังให้แล้วสนทนากับครูฝึกของตัวเอง ริวพยายามจะเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วย แต่โซเฟียพยายามบังคับให้เขาฟังในสิ่งที่เธอสอน ที่ดูเหมือนเธอจะเคร่งครัดกับการสอนขึ้นมาทันทีที่เห็นริวเริ่มถอยห่าง แต่พอเขาจะตั้งใจเรียน เธอก็กลับพยายามชวนคุยแต่เรื่องปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนสนิทของเธอที่ยืนยันว่ามันจะต้องสนุกสุดเหวี่ยงอย่างแน่นอนถ้าริวจะไปร่วมงานด้วย
พสุลอบถอนใจ ทำไมเขาจะไม่เห็นว่าเมื่อครู่ริวพยายามจะแยกจากครูฝึกมาหาเขา ซึ่งนั่นไม่ใช่ผลดีกับเด็กหนุ่มเลย แม้เขาจะดูออกว่าครูฝึกของริวต้องการอะไร แต่เท่าที่ฟัง เธอก็สอนในสิ่งเดียวกับที่เขากำลังเรียนจากครูฝึกอีกคน หากเขาปล่อยให้ริวมาเกาะแจเหมือนเคยริวก็จะเรียนดำน้ำหลักสูตรเร่งรัดนี้ไม่ทันถ่ายละครอย่างแน่นอน
“ข้อเสียของโซเฟียคือ เธอคิดว่าเธอมีเสน่ห์จนผู้ชายทั้งโลกต้องหลงรัก แล้วก็เป็นโชคร้ายของเพื่อนคุณที่เขาหล่อเกินไป โดนใจโซเฟียทุกอย่างจนเธอทนไม่ไหว ถึงได้พยายามจะกินเขาจนออกนอกหน้าขนาดนี้” พูดจบลีอองก็หลิ่วตาให้พสุอย่างขันๆ คงเพราะสังเกตเห็นว่าพสุคอยชำเลืองมองไปทางริวกับโซเฟียบ่อยๆ เขาก็เลยพูดถึงเพื่อนร่วมงานขึ้นมา
พสุชะงักเพราะไม่คิดว่าครูฝึกหัวล้านเลี่ยนเตียนที่ดูหน้าตาเป็นคนอารมณ์ดีจะพูดขวานผ่าซากขนาดนี้
“ผมว่า...บางทีอาจเป็นโชคร้ายของเพื่อนคุณก็ได้ เพราะเพื่อนผมเขาเป็นพวกความอดทนจำกัด ถ้าโชคดีเธอโดนใจเขาก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าโชคร้าย...” ชายหนุ่มหยุดเว้นคำพูดไว้แค่นั้นแล้วยิ้ม ขณะที่ลีอองทำตาโต แล้วยักไหล่ ก่อนจะหันมาตั้งหน้าตั้งตาทบทวนเทคนิคการดำน้ำอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วเริ่มให้พสุทดสอบ...
ตลอดเวลาที่เรียนดำน้ำดูเหมือนบรรยากาศระหว่างริวกับโซเฟียจะเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก่อนจะแยกย้ายกันกลับ ริวก็ตรงดิ่งเข้าไปในสำนักงานด้วยสีหน้าบึ้งตึง พสุเห็นอย่างนั้นจึงรีบตามเข้าไป
“ผมต้องการเปลี่ยนครูสอนดำน้ำคนใหม่” ริวแจ้งจุดประสงค์ทันทีที่เข้าไปในสำนักงาน เด็กหนุ่มพูดเป็นภาษาไทยทำให้ครูสอนดำน้ำต่างชาติทั้งสองคนได้แต่ตามเข้ามายืนฟังตาปริบๆ เพราะไม่เข้าใจว่าเด็กหนุ่มพูดอะไร
“เอ่อ...ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรเหรอครับ?” เจ้าของร้านคนไทยถามอย่างงุนงง
“ผมต้องการครูสอนดำน้ำที่มีประสบการณ์ ผมต้องการคนเก่งที่อยากจะสอนดำน้ำจริงๆ ไม่ใช่พยายามจะชวนผมออกเดทแบบนี้” ริวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่สีหน้าและแววตาหยามเหยียดของเขาทำเอาเจ้าของร้านคนไทยหน้าเจื่อนทันที
“เอ่อ...ครับ คือ...” เจ้าของร้านคนไทยอึกอัก ด้วยไม่คิดว่าการหว่านเสน่ห์ไม่เลือกเวลาของโซเฟียจะทำให้ลูกค้าไม่พอใจขนาดนี้
“เกิดอะไรขึ้น” ชายชาวต่างชาติอีกคนเขามาถามเจ้าของร้านด้วยภาษาไทยแปร่งเพี้ยน เพราะสังเกตเห็นท่าทางเคร่งเครียดของลูกค้า และอาการหน้าเจื่อนจนซีดของหุ้นส่วน พอรู้ว่าริวมาเรื่องอะไรเขาก็หันมาแนะนำตัวกับริว ว่าเขาเป็นหุ้นส่วนของร้าน และยังเป็นครูสอนดำน้ำที่มีประสบการณ์สูง โดยปกติค่าสอนของเขาจะแพงกว่าครูฝึกคนอื่นๆ เกือบเท่าตัว แต่ในเมื่อปัญหาเกิดจากคนของเขา เขาก็ยินดีจะสอนให้เองโดยไม่คิดค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด
ตลอดเวลาทั้งคู่สนทนากันเป็นภาษาอังกฤษทำให้ครูสอนดำน้ำทั้งสองฟังออกเช่นกัน ลีอองยักไหล่แล้วยกอุปกรณ์ไปเก็บ ขณะที่โซเฟียหน้าแดงก่ำบึ้งตึงด้วยความโกรธและอาย แต่ไม่กล้าเถียงอะไรออกมาเพราะสายตาคาดโทษของนายจ้าง หลังจากนัดแนะเวลาเรียนเรียบร้อย ริวก็ชวนพสุกลับโดยไม่เหลือบมองหน้าอดีตครูสอนดำน้ำของเขาสักนิดเดียว...
“โอ๊ยริว! เล่นอะไรเนี่ย พี่เจ็บนะ?” พสุอุทานออกมาเพราะทันทีที่มาถึงบ้านพักเขาก็โดนริวกอดรัดแน่นจนเจ็บ
“ทำไมวันนี้พี่ไม่ยอมช่วยริว พี่แกล้งริวนี่” เด็กหนุ่มถามเสียงขึ้นจมูก พลางส่งสายตาตัดพ้อจ้องมองพสุเขม็ง
“ริวไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะให้พี่มาตามแก้ปัญหาให้ทุกอย่างได้ยังไง...อีกอย่าง คนที่ควรจะโมโหน่ะ มันต้องเป็นพี่มากกว่านะที่...เอ่อ...” พสุชะงักด้วยความตกใจเมื่อรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากอะไรไป เพราะความหงุดหงิดที่สะสมมาหลายชั่วโมง บวกกับความโมโหที่โดนริวต่อว่าเหมือนเขาเป็นคนผิดเสียเองทำให้เผลอตวาดเด็กหนุ่ม
ดวงตางุนงงของริวเปลี่ยนประกายทันที เด็กหนุ่มทำตาวาวอมยิ้มแล้วพยายามจะจ้องตาพสุ ขณะที่ชายหนุ่มกลับไม่กล้าต่อตาด้วย ได้แต่พยายามปลดแขนริวออกจากตัวเป็นพัลวัน
“ปล่อยได้แล้วพี่จะไปอาบน้ำ”
“ไม่ปล่อยครับ นอกจากพี่จะบอกมาก่อนว่าทำไมพี่โมโห...พี่โมโหเพราะหึงริวใช่ป่ะ” ริวคาดคั้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แถมยังกอดเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ใช่เลย ไม่ต้องมามั่ว...นี่! ปล่อยพี่สิพี่เหนื่อย จะไปอาบน้ำ” พสุโวยวายพลางดึงแขนริวออกจากตัวแต่ไม่สำเร็จ
“ริวอาบให้มั๊ยครับ” ริวทำเสียงเจ้าเล่ห์จนพสุอยากจะเขกหัวให้สักที แต่เกรงว่าเขานั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ไม่ต้องทะลึ่งเลย ปล่อยพี่ริว...” พสุสะดุ้งเมื่อริวหอมแก้มเขาดื้อๆ ชายหนุ่มพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่จมูกและปากของริวตามติดใกล้ตรงไหนก็จูบก็หอมตรงนั้น
“ตัวพี่หอมจัง...หอมไปหมดทุกส่วน” ริวกระซิบบอกเสียงพร่า อารมณ์เริ่มเตลิดเหมือนทุกครั้งที่มีโอกาสได้กอดพสุ
“อย่ามาโม้ เพิ่งขึ้นจากทะเลจะหอมได้ไง ปล่อยพี่ได้แล้ว” พสุทำเสียงดุเข้าข่มก่อนที่เขาจะหวั่นไหวไปมากกว่านี้ เพียงแค่สัมผัสใกล้ชิดของเด็กหนุ่มก็ทำให้เขาหวิวในช่องท้องอย่างบอกไม่ถูก
“ตัวพี่หอมจริงๆ นะครับ หอมทุกที่เลย...โดยเฉพาะ...ปาก ไม่แค่หอม แต่หวานด้วย” ริวกระซิบแล้วเบียดปากเข้าหาแต่พสุรีบยกมือขึ้นกั้นทัน ชายหนุ่มดันคางบุ๋มออกห่าง แล้วพยายามรักษาสีหน้าให้ดูจริงจังพอจะให้ริวชะงัก
“เลิกเล่นซะที แล้วก็ปล่อยพี่ได้แล้ว พี่จะอาบน้ำ...วันนี้พี่เหนื่อยนะ ริวก็เห็น” ประโยคหลังชายหนุ่มใช้น้ำเสียงอ่อนลงซึ่งก็ได้ผลเพราะริวยอมคลายอ้อมแขนแต่โดยดี
“ไผ่...ริว...อยู่มั๊ย...” เสียงตะโกนเรียกหน้าบ้านพักทำให้พสุได้โอกาสถอยห่างจากริวเพื่อออกไปดูว่าใครมาหา
“ครับ” พสุขานรับแล้วรีบเปิดประตูออกไป ก็พบทีมงานผู้ชายเกือบทั้งหมด ยืนยิ้มเผล่อยู่ที่หน้าบ้านพัก
“จะไปไหนกันครับเนี่ย”
“ว่าจะมาชวนไปดูรถ ATV เห็นเพื่อนพี่มันบอกว่าขับมันมาก ก็เลยว่าจะไปเช่ามาขี่เล่นกันสักหน่อย ไปด้วยกันนะไผ่ ริว”
“ผมเห็นทีจะต้องขอตัวละครับ วันนี้เจอฉากหนักๆ ทั้งนั้น นี่ก็เพิ่งกลับจากเรียนดำน้ำมา” พสุออกตัวยิ้มๆ ซึ่งทีมงานทุกคนก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“งั้นริวไปกับพวกพี่นะ พวกพี่ไม่มีใครเก่งเรื่องรถกันสักคน”
“...ครับ” ริวยอมรับปาก เพราะเกรงใจทีมงานที่อุตส่าห์มาหาถึงบ้านพัก
………………………………………
-
มารคอหอยเยอะจริง
คอยขัดอยู่เรื่อย
-
เหมือนพี่ไผ่เริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ
และน้องริวก็รุกหนักขึ้นเรื่อยๆ เลยเนอะ
>///////<
แต่เหมือน มาม่ายังไม่หมดเลยอ่ะ 5555555555
-
น้องริวเจ๋งมากๆ o13
พี่ไ่ผ่เผลอตัวแล้ว สงสัยจะหึงมากนะเนี่ย
แต่เป็นขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมรับใจตัวเองอีกนะ
แต่ก็เกือบแล้ว ดีที่นางเอกละครมีแฟนแล้ว
ก็ไม่มีปัญหา อยากให้ไปถ่ายเมืองนอกเร็วๆ
จะได้เจออลัน มาแก้ปัญหาซะที
-
อ๊ากกกกกก รุกเข้าไปน้องริวได้โอกาสแล้ว ลุยเลย :laugh:
-
หินโดนน้ำเซาะทุกวันยังมีวันกร่อน
แล้วหัวใจมีเลือดเนื้อของพี่ไผ่จะรอดหรือ
รุกเข้าไป ไอ้หนู
-
ริวไปแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นมั้ยน๊า
-
ตายแระ o22
ทำไมริวยอมไปง่าย ๆ ล่ะ
ริวไปแบบนี้ พสุ อยู่คนเดียวต้องเหงาแน่ ๆ เลย
ไม่ต้องห่วงนะ ริวไปแป๊บบบบบบบบบบบบบ เดียว เดี๋ยวกลับอาบน้ำกะพสุแน่ๆ
ฮ่า ๆๆๆ ต้องมีนะฉากอาบน้ำ :o8: ไม่มี ไม่ยอม :m16: ห้องน้ำอุตส่าห์เป็นแบบไม่มีกลอน
-
หุหุหุ นี่คือฮันนีมูนสินะ :impress2:
-
มาเชียร์น้องริว
-
พี่ไผ่น่าจะออกตัวแทนน้องหน่อยนะ...ว่าเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มา
หรือพี่ไผ่กลัวตัวเองหวั่นไหวมากกว่า ก็เลยอยากกันน้องออกห่าง :laugh:
-
ทะเลหว๊าน หวานเนาะ :impress2:
-
ไผ่ใกล้ใจอ่อนแล้ว จากอ่านวันละตอน อยากเพิ่มเป็นวันละสองตอน
-
อร๊ายยยยยย
พี่ไผ่หึงน้องริวแล้ว
เอาหล่ะเวัย หยั่งงี้มีลุ้นแล้ววุ้ยน้องริว
รุกเข้าไปเรื่อย ๆ น้องริว เดี๋ยวก็สำเร็จ
พี่ไผ่เริ่มหวั่นไหวมากขึ้นแล้วอ่ะ
-
พี่ไผ่หึงแล้ว น้องริวสู้ๆ :impress2:
-
55555555
NCเฝ้ารอคงไม่นานเท่าไหร่แล้วเป็นแน่แท้
ฉากหวานๆกำลังจะมาแล้วใช่ไหมอิอิ
ริวตื้อเข้าไปลูกไผ่กำลังอ่อนตามมากแล้วอิอิ :-[
-
พี่ไผ่นี่คิดเยอะ คิดมากจริงๆน้อ ~
ขนาดน้องบอกรักอยู่ทุกวัน ๆ
ยังคิดว่าน้องรัก ชอบคนอื่นอีก
แต่หึงๆแบบนี้ก็ดี ริวจะได้รุกเต็มที่
-
:o8:แง้มเรื่องประตูมาตั้งแต่แรก :impress2:ก็หวังว่าจะได้อ่านเรื่องหลังประตู(เอร้ย)กันต่อไปนะค๊า :laugh:
-
ทำไมพี่ไผ่ยังคิดว่าริวชอบคนอื่นได้อีก ทั้งที่ริวออกจะชัดเจนกับพี่ขนาดนี้
กลัวจริงๆเลยว่าพี่ไผ่จะคิดว่าความรู้สึกที่ริวมีให้มันเป็นความสับสนอะไรเทือกๆนี้
:z3: :z3:
-
ขัดใจทีมงานจริงๆ มาขัดจังหวะริวซะได้ ไม่งั้นพี่ไผ่โดนกินแน่
สงสัยเรื่องยัยเน ท่าทางจะเป็นสาววายที่ดูท่าทีริวไผ่ออกแน่ๆ
-
กรี๊ด..ชอบบบตอนนี้
ริวรุกอีกนิดลูกเอ๋ยยยยย :z1:
-
รอตอนต่อไปครับ อิอิ
-
:o8: :o8: หวานแบบนี้ทุกตอนไปนะคะ อ้ายๆๆน่ารักทั้งคู่เลยอะ
o18 :laugh:สมน้ำหน้านังโซเฟีย เล่นกะคัยไมเล่นมาเล่นกะตัวพ่ออย่างริว ก๊ากกก o13
-
คืนนี้ละไผ่ ได้เสร็จริวอีกแหงๆ5555+
-
พี่ไผ่ปล่อยริวไปคนเดียวได้ไง :z3: :z3: :z3: :z3:
-
ฮ่วย...ไผ่ จะใจแข็งไปถึงไหน
ริว..หยอดบ่อยๆลูกทั้งคำพูดทั้งการกระทำ ไม่ใจอ่อนในเร็วๆนี้ก็ให้รู้ไป
-
ช่างเป็นบ้านพักที่ชวนจิ้นให้เลือดกระจายจริงๆ
หนูริ๊วววววว อีกนิดเดียวแล้ววววววววว
พี่ไผ่เริ่มคุมตัวเองไม่อยู่แล้วเว้ย 555+
-
น้องริวเดี๋ยวนี้กรุ้มกริ่มตลอดๆนะ :o8:
พี่ไผ่ ไหวป่ะ??? :z1:
-
หนูริว พัฒนาการในการรุกก้าวกระโดดมากคะหนู อีกไม่นานคนอ่านคงได้เป็นเบาหวานแน่ๆ :z1: :z1: :z1:
หนูริวโดนชวนไปขับรถ พี่ไผ่ต้องตามไปแน่นอนเพราะยังประสาทหลอนไม่หายกับเรื่องริวกับการขับรถ คืนนี้อาจมีไรให้ลุ้นใช่ไหมอะ :haun4: :haun4: :haun4:
-
ริวนี้นับวันชอบทำตาเจ้าเล่ห์ใส่พี่ไผ่เน้อ...อิอิ...น่ารักดีอ่ะ
พี่ไผ่ก็มีหลุดเผลอพูดสิ่งที่คิดเหมือนกัน :-[
-
o13 ริวเอ๊ยได้โอกาสแล้วลูก รุกพี่ไผ่แบบจัดหนักเลยนะ เอาให้หวานจนทะเลจืดกันไปข้าง
ไหนๆก็มีโอกาสได้นอนห้องฮันนีมูนสวีทแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าน้องจะซ้อมฮันนีมูนกะพี่ไผ่ไปพลางๆ :z1:
-
ริวเจ้าเล่ห์อะ เปลี่ยนไปจากหนูน้อยตอนแรกมากมาย
พี่ไผ่ใจอ่อนขึ้นเยอะเลย ฉากหวานๆที่รอคอยใกล้แล้วใช่ไหม :o8:
-
อ๊าก ใจอ่อนสักทีเถอะะะะะะะะะะะะะะะะะ รอจะแย้แร้วๆๆๆ
-
คนเขาจะสวีท(?)กัน จะมาชวนไปขี่รถทำไมก็ไม่รู้
เพราะว่าริวอยากขี่รถซะที่ไหนกัน
:oo1:
-
ให้เค้าหวานกันอย่างงี้มั้งเถ๊อะ อิอิ น่ารัก
-
นู๋ริวผู้ไร้เดียงสาหายไปแล้ว
เหลือแต่จอมเจ้าเล่ห์ และฉวยโอกาสทุกครั้งที่มี
555555
-
อร๊ายยยยย
เขินแทนพี่ไผ่มากนะ
งื้อออ น้อวริวเจ้าเล่ห์อ่ะ ชอบๆๆๆๆๆ
รุกเยอะๆ น่ารักกกก
น้องริวขับรถ เท่อ่ะ อยากดูแบบติดขอบล้อ
-
พี่ไผ่ น้องริว อ่านแล้วใจละลาย :กอด1: :กอด1:
แต่แอบขัดใจไม่ได้มารเยอะจริงๆ
วันนี้สะใจหนูริวมากเลยครับ แบบว่า อืมเอาคนมีประสบการณ์มากกว่าจะเอาคนที่พยายามชวนออกเดท 55+
-
สมน้ำหน้านางโซเฟียจริงๆ
-
ทำไมพี่ไผ่ยังคิดว่าริวชอบคนอื่นได้อีก ทั้งที่ริวออกจะชัดเจนกับพี่ขนาดนี้
กลัวจริงๆเลยว่าพี่ไผ่จะคิดว่าความรู้สึกที่ริวมีให้มันเป็นความสับสนอะไรเทือกๆนี้
เออ..จริงด้วย ขนาดริวบอกรักบ่อยๆแสดงออกตรงๆโจ่งแจ้งขนาดนี้ พี่ไผ่ยังไม่เชื่อเลยมั้ง
แล้วเมื่อไหร่ไผ่จะเริ่มยอมรับความรู้สึกของริวและของตัวเองได้ัเนี่ย
เฝ้ารอวันที่หนูริวได้กินพี่ไผ่ทั้งตัวและหัวใจ :m1:
(แอบกระซิบ) ความจริงเราว่าที่หนูริวมันไม่ได้กินพี่ไผ่ซักที เพราะป้าคนเขียนแกเป็นแฟนคลับหรือเรียกได้อีกอย่างว่าเป็นแม่ยกตัวแม่ของพี่ไผ่แหงๆเลย
แกเลยหวงพี่ไผ่ของแกไง เลยจัดอุปสรรคทั้งเบาทั้งหนักมาขัดขวางอิหนูริวซะเยอะเลย :m26:
-
มารเยอะจริงๆเลยค่ะ ขัดจังหวะกันตลอดๆๆ :z3:
-
(แอบกระซิบ) ความจริงเราว่าที่หนูริวมันไม่ได้กินพี่ไผ่ซักที เพราะป้าคนเขียนแกเป็นแฟนคลับหรือเรียกได้อีกอย่างว่าเป็นแม่ยกตัวแม่ของพี่ไผ่แหงๆเลย
แกเลยหวงพี่ไผ่ของแกไง เลยจัดอุปสรรคทั้งเบาทั้งหนักมาขัดขวางอิหนูริวซะเยอะเลย :m26:
+1 ให้เลย 55+
-
:haun4:
-
เริ่มหวานมากขึ้นแล้ววววววว
แต่ก็ยังมีคนมากวนได้เรื่อยๆเลยอ่ะ
โชคดีไปที่เนมีแฟนแล้วหมดปัญหาไปอีกหนึ่ง
:กอด1: :L2: :pig4:
-
ริวขับรถ...ไผ่จะไม่ตามไปเป็นกำลังหรอ :z1:
-
ก้าง ก้าง มีก้างขวางคอตลอด :m16: จิ้ ขัดใจจริง
:laugh:ซะจายยยยยชะนี หน้าแตก55
-
หนุ่มน้อยริวหายไปไหนแล้วเนี๊ยะ หึหึ :z1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ผสุมีหึง หุหุ
-
มีมารซะงั้น
-
ไม่อยากบอกว่าจิ้นไปไกล เกินเนื้อเรื่องแล้ว 555+ :-[
-
:-[ อ่านแล้วเขินมากเลย แต่มาฟิวขาดอีตรงทีมงานนี่แหละเดี๋ยวปัดจับขังรวมเลยหนิ
:pig4: คะ
-
ริวสู้ๆๆๆๆ
-
น้องริวเขาของแรง กับคนที่ไม่ชอบนะคะ คุณโซเฟีย อิอิ
น้องริวเดี๋ยวนี้เจ้าเล่ห์มากมายอ่ะ
โหยๆ....ไปจำคำพูดพวกนี้มาจากไหน พี่ไผ่ไม่หวั่นไหวให้มันรู้ไปสิ
หวานมากมาย :o8: สมกับที่มาฮันนีมูน o13
ปล.คุณทีมงานค่ะ เคยเจอแฟนคลับองค์ลงไหมคะ :m31:
555
-
ฮ่าๆๆ อดเปรี้ยวไว้กินหวานน่าริว
มีคนมาต่อลมหายใจให้พี่ไผ่อีกนิดแล้ว
-
ว้าวๆๆๆ พี่ไผ่เริ่มหึงหนูริวแล้ว >///<
-
พี่ไผ่หลุดหึงออกมาแล้วอ่ะ กิ๊วๆ!
-
ริวสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว
และพี่ไผ่ก็อ่อนลงทุกวัน ทุกวันแบบนี้
ไม่นานก็เรียบร้อย 5555
ยัยโซเฟีย หล่อนกล้ามาก และก็หน้าแตกไปเรียบร้อยแล้ว
-
ดูดิ๊ น้องจะไปแล้ว ไปกะหนุ่ม ๆ ด้วย
-
เย้~~~~~~!!!!
ลุยเข้าเรย ริวววว
พี่ไผ่ใกล้ตกหลุมแร้ว เคลิ้มตล๊อด ตลอดอ่า
พี่ไผ่คร้า~~~! ยอมน้องมันเห๊อะ
555+
-
ทำไมพี่ไผ่ยังคิดว่าริวชอบคนอื่นได้อีก ทั้งที่ริวออกจะชัดเจนกับพี่ขนาดนี้
กลัวจริงๆเลยว่าพี่ไผ่จะคิดว่าความรู้สึกที่ริวมีให้มันเป็นความสับสนอะไรเทือกๆนี้
เออ..จริงด้วย ขนาดริวบอกรักบ่อยๆแสดงออกตรงๆโจ่งแจ้งขนาดนี้ พี่ไผ่ยังไม่เชื่อเลยมั้ง
แล้วเมื่อไหร่ไผ่จะเริ่มยอมรับความรู้สึกของริวและของตัวเองได้ัเนี่ย
เฝ้ารอวันที่หนูริวได้กินพี่ไผ่ทั้งตัวและหัวใจ :m1:
(แอบกระซิบ) ความจริงเราว่าที่หนูริวมันไม่ได้กินพี่ไผ่ซักที เพราะป้าคนเขียนแกเป็นแฟนคลับหรือเรียกได้อีกอย่างว่าเป็นแม่ยกตัวแม่ของพี่ไผ่แหงๆเลย
แกเลยหวงพี่ไผ่ของแกไง เลยจัดอุปสรรคทั้งเบาทั้งหนักมาขัดขวางอิหนูริวซะเยอะเลย :m26:
:m26:ถึงว่าสิ มีแต่คนมาจีบน้องแบบรุนแรงตลอด ส่วนพี่ไผ่นี่....ถึงมีก็แค่นิดๆหน่อยๆ :laugh:
-
ยิ่งอ่าน...พี่ไผ่ยิ่งน่ารัก :-[
ช่วงนี้อยู่ทะเล จะมีทะเลหวานหรือเปล่าหนอ
รอลุ้น :)
+1 เช่นเคยครับ ได้อ่านวันละตอนแบบนี้ชอบมาก
ขอบคุณครับ
-
พี่ไผ่ไม่ห่วงน้องหรอคะ...น้องจะไปขับรถแข่งเลยน้า...>.<
สงสัยจะหึงมากกว่าหวงแล้วตอนนี้...55+
-
หุหุหุ ตอนต่อไปเสร็จแน่!!!!!!!!!! >///<
-
พักห้องเดียวกัน แถมอยู่ในบรรยากาศฮันนีมูนอย่างงี้ หนูริวจ๋า งานนี้อย่าให้พลาดนะคะลูก อีป้าแก่ๆ เตรียมปาดน้ำลายรออ่านฉากสวีทของหนูกับพี่ไผ่อยู่จ้า
-
ทะเล ทะเล
-
น่ารักขึ้นเยอะเลยค่า....หวานจังเน้อ แต่ไผ่เนี่ย เหมือนไม่ค่อยทันริวเท่าไรเลยนา
หวังว่าจะใสต่อไปนานๆเน้อ ช่วงนี้ฝนยิ่งตกบ่อยอยู่ อย่าให้มันอึมครึมมากนะคะ
-
ต้องมีฉากในห้องน้ำนะค่า
ไม่งั้นไม่ยอมจริงๆด้วย o9
ดีใจจริงๆพี่ไผ่มีหึงด้วย
ปล.อยากให้เจออลันอ่าาาาาา :o8:
-
:z2: :z2: เดี๊ยวนี้เจ้านู๋ริวมีอารมณ์หลากหลายมากขึ้นนะเนี่ย!!+เจ้าเล่ห์กว่าเดิมอีก
-
เห็นชื่อตอนนึกว่าจะหวานแล้ว
แต่ก็ยังนิดๆ พอมีให้บ้างนิดหน่อย
ตอนหน้าน่าจะโอกว่านี้นะ
ให้ริวเชยชมพี่ไผ่อีกสักหน่อย
-
จะได้อยู่กันหวานๆแบบส่วนตัวบ้างไหมเนี่ยยยยย
-
ตอนที่ 96
พอริวออกไปกับทีมงาน พสุก็อาศัยช่วงที่เด็กหนุ่มไม่อยู่นี้อาบน้ำสระผมอย่างสบายใจให้สมกับที่วันนี้ต้องถ่ายสมบุกสมบันทั้งในน้ำและบนบก จึงเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างไว้กะว่าสระผมเสร็จจะแช่ตัวสักพัก
.
.
.
.
.
ออกไปไม่ถึง 20 นาทีริวก็กลับมา เพราะร้านอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ท แล้วรถค่อนข้างใหม่เกือบทุกคันทำให้เลือกได้ไม่ยากนัก เด็กหนุ่มจึงขอตัวกลับทันทีที่พี่ๆ ทีมงานได้รถถูกใจ ขณะที่คนอื่นๆ เอารถไปลองขี่เที่ยวรอบเกาะ
ริวไขประตูเข้าไปในบ้านแล้วเหลียวมองไปรอบๆ อย่างแปลกใจที่ไม่เจอพสุ นึกขึ้นได้ว่าพสุอาจจะไปหาพี่จ๋าแล้วจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะรีบอาบน้ำแล้วตามพสุไปให้เร็วที่สุด เด็กหนุ่มชะงักค้างเมื่อเลื่อนประตูห้องน้ำเข้าไปเจอพสุยืนอยู่ใต้ฝักบัว แสงแดดอ่อนๆ ของยามเย็นอาบไล้ผิวขาวจนเหมือนร่างเปล่าเปลือยเปล่งแสงสว่างได้
ริวปลดผ้าขนหนูและเสื้อคลุมพาดไว้บนราวก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างใต้ฝักบัวที่ยังฮัมเพลงเบาๆ อย่างมีความสุขโดยไม่ได้รับรู้ถึงการมาของเขา
“เฮ้ย! ริว...ขะ...เข้ามาทำไม ออกไปก่อน” พสุอุทานแล้วถอยกรูดเมื่อริวก้าวเข้ามาใต้สายน้ำด้วย
“ริวอาบด้วย” ริวตอบเสียงสั่นพร่า...ภาพเหตุการณ์คืนนั้นไหลย้อนกลับมาเป็นฉากๆ พาให้อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว! ริว...” พสุพยายามจะห้ามแต่ไม่ทัน ริวไม่เพียงก้าวเข้ามาประชิดตัวแต่ยังคว้ากอดพสุไว้แน่น
“อย่าทำแบบนี้ริว...ปล่อยพี่...ปล่อยสิ!”
“ริวแค่จะจูบ...แค่จูบเท่านั้นเอง”
“เดี๋ยว...อื้อ...” พสุเบี่ยงหน้าหนีแต่ไม่พ้น ริวควานปากตามติดแล้วบดเคล้าริมฝีปากเข้าด้วยกัน พสุสะท้าน ผิวกายเปล่าเปลือยของทั้งคู่เบียดเสียดจุดประกายเร่าร้อนในเลือดได้อย่างรวดเร็ว จนเผลอให้ลิ้นของริวซอกซอนเข้ามากอดเกี่ยวในปากของเขา
“...ริว...ริว...พะ...พอแล้ว...พอเถอะ ไม่งั้นจะหยุดไม่ได้นะ” พสุห้ามละล่ำละลัก แล้วเบี่ยงหน้าหนีปากร้อนๆ ของเด็กหนุ่ม
“แล้วทำไมต้องหยุดละครับ...ริวไม่อยากหยุด ริวอยากกอดพี่” ริวกระซิบถามเสียงพร่าพลางกดจูบไปตามข้างแก้มใบหูของพสุเท่าที่จะจูบถึง กอดรัดเบียดชิดกันขนาดนี้มีหรือเขาจะไม่รู้ว่าพสุเองก็ “รู้สึก” ไม่ต่างจากเขา
“ริวพอแล้ว!” พสุดันร่างของเด็กหนุ่มออกสำเร็จก็คว้าผ้าขนหนูมาพันตัวลวกๆ แล้วรีบออกจากห้องน้ำ ริวยืนมองตามหลังพสุด้วยสายตาละห้อย ก่อนจะหันไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เมื่อออกไปก็พบว่าพสุแต่งตัวเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มตามไปคว้าแขนพสุเอาไว้
“พี่...รอริวก่อนนะครับ”
“...อืม...แต่งตัวเถอะ” พสุรับปากโดยไม่ยอมมองหน้าริว เด็กหนุ่มรีบแต่งตัวแล้วตามพสุออกมาที่หน้าบ้าน ตลอดทางที่เดินไปยังโรงแรมที่ทีมงานพักอยู่ พสุไม่ยอมมองหน้าริวเลยสักนิดเดียวจนเด็กหนุ่มใจเสียคิดว่าพสุโกรธ
พสุไม่ได้โกรธริว แต่เขาโกรธตัวเอง โกรธที่เผลอไผลไปกับสัมผัสของริว โกรธที่ควบคุมตัวเองไม่ได้อย่างใจสักนิดทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบคืนนั้นเกิดซ้ำอีก แต่ทุกครั้งที่ริวแตะตัวเขา เขากลับยอมให้เด็กหนุ่มกอดจูบโดยแทบไม่ได้ต่อต้านขัดขืน ทั้งที่ถ้าเขาเอาจริงริวก็ไม่กล้าแน่ๆ...เป็นเขาเองที่ใจอ่อน
“พี่โกรธริวเหรอครับ” เด็กหนุ่มอดทนรอจนกลับจากกินข้าวกับทีมงาน แต่ทนรอจนถึงบ้านพักไม่ได้ต้องถามขึ้นระหว่างที่เดินกลับบ้านด้วยกัน
“เปล่า...พี่ไม่ได้โกรธริว”
“แล้ว...ทำไมไม่พูด ไม่มองหน้าริวเลย...พี่โกรธก็ดุริวสิครับ อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้...ริวรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก” ริวบอกแล้วหยุดยืนก้มหน้านิ่ง จนพสุต้องหยุดเดินไปด้วย ชายหนุ่มถอนใจยาวแล้วลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ
“พี่ไม่ได้โกรธริวนะครับ...แค่กำลังมีเรื่องให้คิดเท่านั้นเอง...ไม่เอาน่า อย่าคิดมากสิ ไม่สมกับเป็นริวเลยรู้มั๊ย” พสุบอกเสียงอ่อนโยนแล้วจับศีรษะริวโยกเล่นเพื่อหยอกล้อ
ริวหันไปสบตากับพสุแล้วคลี่ยิ้มช้าๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจูบบนปลายจมูกของชายหนุ่มเบาๆ
“เฮ้ย!” พสุอุทานแล้วเหลียวไปมองรอบๆด้วยความตกใจ พอไม่เห็นมีใครอยู่ในบริเวณนั้นก็ถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก แต่เมื่อหันกลับมาสบตาวาววับของริวใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เล่นอะไรริว เกิดมีคนเห็นขึ้นมาจะทำไง” พสุพยายามทำเสียงแข็ง แต่ริวยิ้มร่าอย่างไม่เดือดร้อนใจ
“ไม่มีใครหรอกครับ ริวดูแล้ว” พสุมองหน้าระรื่นของเด็กหนุ่มอย่างอ่อนใจ
“ริว...สัญญาอะไรกับพี่สักอย่างสิ” ชายหนุ่มใช้น้ำเสียงจริงจังจนริวไม่กล้าทำหน้าระรื่นอีก
“ครับ”
“ห้ามทำแบบนี้อีกนะ พี่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่า...เอ่อ...รู้ว่าเราคบกันแบบไหน”
ใช่...เขาคงพูดไม่ได้อีกแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับริวเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานหรือแค่พี่น้องกัน แต่จะให้บอกว่าเขากับริวคบกันแบบไหน พสุเองก็ไม่รู้จะใช้คำแทนว่าอะไรเช่นกัน เพราะถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่อาจยอมรับความ สัมพันธ์ระหว่างเขากับริวได้อย่างหน้าชื่นตาบาน
“ห้ามเฉพาะเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นเหรอครับ” ริวถามเสียงซื่อ แต่พสุรู้สึกไม่ชอบมาพากลจึงพยายามห้ามให้ครอบคลุมไว้ทุกๆ ด้าน
“จะต่อหน้าจะลับหลังก็ไม่ได้ นี่มันไม่ใช่ห้องส่วนตัวนะ ถ้าเกิดมีคนมาเห็นเข้าจะทำยังไง”
“หมายความว่าถ้าเราอยู่กันในห้องแค่สองคน พี่จะไม่ห้ามริวใช่มั๊ย”
“เอ่อ...พี่...พี่หมายถึงว่า...” พสุจนแต้ม ครั้นจะห้ามว่าอยู่กันสองคนก็ไม่ได้ ก็ดูเหมือนจะสายเกินไปแล้วกับความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้
“ตกลงครับ ริวจะระวัง ต่อไปนี้ริวจะไม่กอดพี่ในที่ๆอาจมีคนอื่นเห็นได้อีก พี่สบายใจได้เลยครับ” ริวตอบหน้าระรื่นจนพสุหมั่นไส้ แต่จะทำอะไรก็ไม่ได้ นอกจากเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น...เสียงทุ้มนุ่มหัวเราะเบาๆตามหลังนั้นเจือแววแห่งความสุข จนพสุยิ่งหน้าร้อนผ่าว โชคดีที่ความมืดช่วยพรางใบหน้าร้อนผ่าวและรอยยิ้มเก้อกระดากของเขาเอาไว้...........
....................................................
พสุรู้ดีว่าริวเป็นเด็กหัวไว เรียนรู้ทุกอย่างได้เร็ว แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ แค่เปลี่ยนครูสอนดำน้ำใหม่ ริวก็สามารถดำน้ำได้ด้วยท่วงท่าที่ดูทะมัดทะแมงเหมือนฝึกมานาน คงเพราะครูฝึกคนนี้มีความชำนาญและค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อีกทั้งยังเข้าใจว่าจุดประสงค์ของการเรียนดำน้ำคราวนี้ก็เพื่อใช้ในการถ่ายละคร จึงเน้นที่ท่าทางให้ดูดีมากกว่าจะเน้นที่การดำน้ำให้เก่งแบบมืออาชีพ
หลังจากฝึกดำน้ำอยู่ 2 วัน ก็ได้เวลาถ่ายทำจริง ซึ่งครูฝึกก็ตามมาคอยดูแลความปลอดภัยให้ การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่นจนถ่ายฉากดำน้ำทั้งหมดเสร็จ พี่จ๋าดูจะสบายใจกว่าใครเพราะฉากดำน้ำเป็นฉากที่ยากที่สุดแล้วของการเดินทางมาถ่ายทำที่นี่ เหลือเพียงการเก็บภาพฉากรักหวานๆ ของพสุกับชเนตตีอีกไม่กี่ฉากก็เสร็จเรียบร้อย…………
พอถ่ายทำเสร็จพี่จ๋าก็จัดงานเลี้ยงให้ทุกคนเพื่อเป็นการขอบคุณที่สามารถถ่ายทำเสร็จก่อนกำหนด งานนี้เลี้ยงเต็มที่ทั้งอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิด แต่พสุก็ระมัดระวังที่จะดื่มเล็กน้อยพอเป็นมารยาทเท่านั้น เพราะเขาเข็ดเสียแล้วกับการเมาจนขาดสติ
“พี่อาร์ตคะ นี่น้องริวที่เนเคยเล่าให้ฟังไงคะ...น้องริวจ๊ะ นี่พี่อาร์ต แฟนพี่...เขาเป็นพี่ชายของน้องอิงค์จ้ะ”
ชเนตตีจูงมือคนรักเข้ามาทักทายพสุกับริว แม้เขาจะมาส่งชเนตตีที่กองถ่ายทุกวันแต่คนรักของเธอไม่เคยอยู่ดูการถ่ายทำ ชเนตตีจึงไม่มีโอกาสแนะนำให้ริวรู้จักกับคนรัก พสุไหว้อาร์ตก่อนเพราะอีกฝ่ายอาวุโสกว่า ริวก็ไหว้ตาม อาร์ตรับไหว้แล้วยิ้มแย้มทักทายอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับคุณพสุ สวัสดีครับคุณริว”
“คุณอาร์ตสบายดีนะครับ”
“สบายดีครับ วันก่อนเห็นคุณพสุไปอยุธยา ตอนนั้นผมเองก็กำลังรีบเลยไม่ได้ทัก”
“อ๋อ! ผมไปถ่ายละครของพี่นพคุณครับ...แล้วโครงการสนามกอล์ฟที่ใหม่เป็นไงบ้างครับคุณอาร์ต เห็นว่าท่านรัฐมนตรีช่วยจะไปเปิดงานให้เหรอครับ”
“อ๋อใช่...นี่ผมนะ ว่าจะ.......”
ทั้งที่ชเนตตีตั้งใจจะชวนอาร์ตมาคุยกับริวเรื่องน้องสาวของเขา แต่อาร์ตดันมาคุยเรื่องธุรกิจกับพสุติดลมเสียอย่างนั้น เธอเลยได้แต่อมยิ้มฟังคนรักและพสุสนทนากัน ริวเองก็นั่งฟังนิ่งๆ ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ก็ไม่ได้ทำสีหน้าว่ารำคาญหรือเบื่อที่ต้องนั่งฟังพสุกับอาร์ตคุย…………………..
“สรุปว่าที่เนเขามาคุยกับริว เพราะเขาจะติดต่อน้องสาวคุณอาร์ตให้ริวเหรอ” พสุถามระหว่างที่เดินกลับบ้านพักด้วยกัน แม้จะดึกมากแล้ว แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินสวนไปมาเป็นระยะ เพราะตลอดแนวชายหาดเต็มไปด้วยร้านอาหารและโรงแรมที่เปิดให้บริการตลอดทั้งคืน ไม่มีการจำกัดเวลาเปิดปิด
“ครับ...แต่ริวบอกพี่เนไปแล้วนะครับ ว่าริวมีคนรักแล้ว”
“ห๋า! ไปโกหกเขาได้ยังไงริว”
“ริวไม่ได้โกหกสักหน่อย”
“ริว...คบใครอยู่ ทำไมพี่ไม่รู้ล่ะ?” พสุใจหายวาบ ชายหนุ่มหลุดปากถามโดยไม่รู้ตัว แต่ริวกลับยิ้มหวาน แล้วหยุดยืนมองหน้าพสุ แม้แสงไฟจากโรงแรมจะสว่างไม่มากนักแต่ก็มองเห็นประกายตาวิบวับอ่อนเชื่อมของริวได้อย่างชัดเจน
“คนรักของริวก็พี่ไงครับ ริวจะไปมีใครได้ นอกจากพี่คนเดียว”
“...ริว!...อย่าพูดจาส่งเดชแบบนี้นะ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินเข้า” พสุรีบปรามละล่ำละลัก แต่ไม่กล้าสบตาริว ใบหน้าร้อนผ่าวจนชายหนุ่มรู้สึกดีใจที่บริเวณนี้สว่างไม่มากนัก ไม่อย่างนั้นริวต้องเห็นแน่ๆ ว่าหน้าเขาแดงแค่ไหน ชายหนุ่มรีบเดินเร็วๆ เพื่อหลบเลี่ยงจากสถานการณ์นี้ ขณะที่ริวหัวเราะเบาๆ แล้ววิ่งตามมากอดไหล่พสุไว้ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ปัดป้องให้เป็นที่ผิดสังเกตของคนที่เดินสวนมา
พอมาถึงบ้านพัก พสุก็เกี่ยงให้ริวอาบน้ำก่อนเพื่อกันไม่ให้ริวมีข้ออ้างตามเขาเข้าไปอาบน้ำด้วยกันอีก พอริว ออกจากห้องน้ำชายหนุ่มก็รีบเข้าไปอาบน้ำบ้าง
เมื่อออกมาจากห้องน้ำชายหนุ่มก็เห็นริวเพิ่งวางโทรศัพท์ เด็กหนุ่มนั่งเม้มปากนิ่ง สีหน้าเคร่งขรึม แต่ไม่ได้พูดอะไรท่าทางบอกชัดว่ากำลังรอจะคุยกับพสุ ชายหนุ่มแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ยืนเก้กัง รู้สึกได้ถึงบรรยากาศชวนอึดอัด แต่สุดท้ายเขาก็จำต้องเดินไปที่เตียงและนั่งลงอีกฟากโดยไม่กล้าสบตากับริว เขาสังหรณ์ใจว่าคืนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับริวต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน
“พี่ไผ่ครับ...”
พสุสะดุ้งโหยง ทั้งที่ริวเรียกเขาไม่ดังนัก ชายหนุ่มขานรับเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน
“ริวทำให้พี่อึดอัดใช่มั๊ยครับ”
“มะ...ไม่หรอก”
“ริวขอโทษนะครับ” ริวขยับเข้ามาจนใกล้แล้วก้มลงจูบบนไหล่พสุเบาๆ ชายหนุ่มหันกลับมาสบตากับริวแล้วนิ่งงัน...เพราะนึกคำพูดไม่ออก
“ริวรู้ว่าพี่อึดอัด พี่ลำบากใจ...แต่จะให้ริวเลิกรักพี่ ริวทำไม่ได้...แค่ต้องอยู่ห่างจากพี่ริวก็ทนไม่ได้แล้ว”
“ริว...พี่ไม่รู้จะพูดยังไง...แต่เราเป็นผู้ชายนะ...เรารักกันไม่ได้” พสุตัดสินใจพูดความในใจออกมา เขาเหนื่อยแล้วที่ต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียว จะให้ยอมรับความสัมพันธ์แบบนี้ก็ละอายแก่ใจ แต่ครั้นจะถอยห่างจากริวเขาก็เจ็บปวดเกินกว่าจะทนไหว
“ทำไมละครับ ก็ริวรักพี่ไปแล้ว แล้วพี่ก็ไม่ได้เกลียดริวไม่ใช่เหรอครับ” ริวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ใช่ตัดพ้อหรือน้อยอกน้อยใจเหมือนที่ผ่านมา เด็กหนุ่มดีใจที่พสุยอมเปิดใจคุยกับเขาเสียที ไม่ใช่เอาแต่หนีแล้วผลักไสเขาออกห่าง
“ก็เพราะสังคมไม่ยอมรับน่ะสิ” พสุตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเบา ทั้งที่สิ่งนี้เป็นเหตุผลที่เขาเตือนตัวเองมาตลอด แต่พอพูดออกมากลับฟังดูเลื่อนลอยอย่างไรชอบกล
“สังคม? สังคมคือใครครับ ริวไม่สนหรอกว่าใครจะคิดยังไง ริวรู้แต่ว่าริวรักพี่ พี่คือคนสำคัญคนเดียวในชีวิตริว ริวไม่เคยรักใครเหมือนที่รักพี่ และจะไม่มีวันรักใครแบบนี้ด้วย”
คำสารภาพรักที่ฟังดูจริงจัง เป็นงานเป็นการ ทำให้พสุจนแต้มเกินกว่าจะหาเหตุผลใดมาคัดค้าน
“ริว...คือ...พี่...”
“ริวไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พี่จะรักริว...แต่แค่พี่ไม่เกลียดริว ริวก็พอใจแล้ว...ริวรักพี่นะครับ สำหรับริวพี่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ไม่มีพี่ริวก็อยู่ไม่ได้” ริวเน้นทุกถ้อยคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพื่อย้ำให้พสุแน่ใจในตัวเขา
“ริว...” พสุสับสนเกินกว่าจะเอ่ยคำใด ชายหนุ่มสบตากับริวแล้วได้แต่นั่งนิ่ง
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใสจับจ้องเขานิ่งและเคลื่อนเข้ามาใกล้ทีละนิด ก่อนจะเว้นระยะห่างเพียงชั่วปลายจมูกแตะกัน เหมือนรอให้พสุปฏิเสธ นิ้วเรียวยาวแตะบนผิวหน้าพสุเบาๆ แล้วพลิกเป็นหลังข้อนิ้วค่อยๆ ลากไล้บนแก้มของพสุอย่างนุ่มนวล โดยที่ดวงตายังสบกันนิ่ง
…………………………………….
-
^
^
^
:z13: จิ้ม...ค้างเนาะ อิอิ :laugh: ใครรออะไร เก็บไว้ตอนหน้าละกัน :z1:
ใครที่กลัวจะเจอมาม่า บอกได้เลยว่าหมดแล้วนะคะ เลิกระแวงได้แล้ว อ่านให้สนุกกันดีกว่าเนาะ
ปล. ใครแอบนินทาเรา หาว่าเราไม่ยอมให้พี่ไผ่โดนกด ขอบอกว่าไม่จริ๊งงงงงงงง
แค่หมั่นไส้อินู๋ริวที่แม่ยกเยอะ เลยแกล้งมันซะหน่อย จริ! หมั่นไส้ มีแต่คนเข้าข้าง o3
-
แว๊กกกกกกกกกก
ทำไมมาตัดฉับแบบนี้ล่ะครับ
อยากให้มีแม่ยกไผ่เยอะๆก็ต้องให้ไผ่อ้อนริวเยอะๆสิครับ
แผนของอลันแน่ๆๆเลยอิอิ
ริวสุ้ๆๆๆ
ไผ่เอ้ยหนีอะไรหนีได้แต่หนีใจตัวเองไม่ได้นะลูก
รักไผ่นะ (เผื่อคนแต่งใจดีเห็นใจริวบ้างอิอิ)
-
96
เลขท้ายวันนี้พอดี
ดิทๆ
ค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกก
อลันโทรมาเสี้ยมริวใช่ไหม ดีมากกกกก :mc4:
ไผ่เอ๊ย เสร็จแน่คืนนี้ :-[
มีฉากห้องน้ำ...นิดเดียวเอ๊ง อร๊ายยยยยยยย :o12:
“ห้ามทำแบบนี้อีกนะ พี่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่า...เอ่อ...รู้ว่าเราคบกันแบบไหน”
แบบไหนอยากรู้ ๆๆๆๆๆ รออ่านเรื่องนี้จะไปนอนแระ
บวก 1 คนแต่ง คนโพสเลยคะ :กอด1:
-
มาแล้ว :m4:กลับไปอ่านให้นอนฝันดีก่อน
เห็นโพสคนแต่งAnonymusกด+1ไปโลด :pig4:
-
อ้าวววววววววววววววววววววว
ค้างงงงงงงงงงงง :z3: :z3: :z3:
-
พี่ไผ่อ่า......ใจจะอ่อน ก็ให้มันอ่อนให้สุดสิค่ะ
อย่าใจแข็งขึ้นมากลางคัน มัน *กริ๊ด...*
รู้สึกว่าริวนี่...กล้าขึ้นนะ
รุกซะจนพี่ไผ่ เขิลเอา เขิลเอา คนอ่านก็เขิลนะ :-[
น้องริวบอกความในใจซะหมดเปลือกล่ะนะ พี่ไผ่ขาก็ยอมรับตัวเองได้แล้วว
เอิ่มมมมมมมมม
แบบว่าค้างอ่ะ จ้องกัน จะท้องเป็นปลากัดป่ะเนี่ย
ปล.อยากจะเข้าไปเห็นฉากอาบน้ำบ้างงงงงง
แค่คิดก็รู้สึกว่าพี่ไผ่เซะซี่มากกก
ปล 2. ซุปเปอร์อลันแมน โทรมาให้คำปรึกษาหนูริวสินะ อิอิ
แค่หมั่นไส้อินู๋ริวที่แม่ยกเยอะ เลยแกล้งมันซะหน่อย จริ! หมั่นไส้ มีแต่คนเข้าข้าง o3
แม่ยกพี่ไผ่ก็เยอะค้า แต่ยกพี่ไผ่ให้ริวกดไง 555
-
กรี๊ดด ตัดฉับซะอย่างนั้นนนน
-
:m25: อยากกะอักเลือดออกมาตอนนี้ มันค้างเนาะ
:o8:แบบว่าตอนต่อไปจะตัดไปเป็นรุ่งเช้ารึป่าวค่ะ จะยิ่งค้างมากกกกก
:impress2:ขอแบบดีเทลส์เยอะๆนะ :mc4:
-
อารมณ์ตอนอ่าน....
:o8: :-[ :impress2: o13 :z1: ............ :a5: o22........ :a6:.... o9.... :call:
-
เปิดใจคุยกันแล้ว
พี่ไผ่เลิกแคร์สังคมเหอะ
แคร์แค่ริวก็พอเนอะ :impress2:
-
กอดๆ justlove :กอด1: ขออะไรจัดปายยยย
-
พี่ไผ่สู้ๆ :man1:
-
"โดยที่ดวงตายังสบกันนิ่ง"
...................
แล้วยังไงต่อละคร้าาาาา :z3:
-
กอดๆ justlove :กอด1: ขออะไรจัดปายยยย
ขออะไรได้อย่างนั้นจริงหรอครับ
อิอิ
-
ขออะไรได้อย่างนั้นจริงหรอครับ
อิอิ
ได้อย่างที่เขียนไปแล้วนะค้าบ เพราะตอนนี้แต่งตอนจบอยู่ ฮ่าๆๆ
-
แค่หมั่นไส้อินู๋ริวที่แม่ยกเยอะ เลยแกล้งมันซะหน่อย จริ! หมั่นไส้ มีแต่คนเข้าข้าง
โถ อย่าไปแกล้งน้องมันเลย แค่นี้ก็รักจะจุกอกตายแล้ว ได้แค่ กอด จูบ ลูบ คลำ ไปไม่ถึงดวงดาวซะที ทรมานมาเยอะแล้วยอมๆหน่อยเหอะ น๊าาา :impress2:
-
ค้าง!!!!!!!!!!! o-o
-
ริวคุยกับใครอ่า พี่ไผ่ออกมาบรรยากาศมาคุเลย
ไงๆก็เคลียร์กันให้จบนะค่ะ
ปล.จากให้เจออลันนนนน
ปล2.ขอเป็นแม่ยกอลันได้มั้ยค่ะ :-[
-
ไงต่อเนี้ ลุ้นๆ
-
มันค้างมากกกกกกกกกกกกกกกก
อยากรู้จริงๆว่าน้องริวพี่ไผ่เค้าคบกันแบบไหน :-[
แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือฉากที่ต่อจากนี้อ่ะ
:กอด1: :L2:
-
ขอเดาว่า ก่อนพี่ไผ่จะอาบน้ำเสร็จ ริวได้อลันสั่งสอนมาอย่างดีแล้วใช่มั้ย ถึงได้ต่อบทลื่นไหลขนาดนี้ :laugh:
-
^
^
^
:z13: จิ้ม...ค้างเนาะ อิอิ :laugh: ใครรออะไร เก็บไว้ตอนหน้าละกัน :z1:
ใครที่กลัวจะเจอมาม่า บอกได้เลยว่าหมดแล้วนะคะ เลิกระแวงได้แล้ว อ่านให้สนุกกันดีกว่าเนาะ
ปล. ใครแอบนินทาเรา หาว่าเราไม่ยอมให้พี่ไผ่โดนกด ขอบอกว่าไม่จริ๊งงงงงงงง
แค่หมั่นไส้อินู๋ริวที่แม่ยกเยอะ เลยแกล้งมันซะหน่อย จริ! หมั่นไส้ มีแต่คนเข้าข้าง o3
ตัดตอนกันอย่างนี้เลย?! ค้างโคตรๆ ป้าแกล้งคนอ่านป่าวเนี่ย o22
ปล. ไม่ได้แกล้งหน่อยแล้วม้างงงงงง คนอ่านเค้าเห็นพี่ไผ่มีแม่ยกเส้นใหญ่อย่างคนเขียนแล้ว
แถมอิหนูริวยังโดนป้าแกล้งสารพัดอีก คนอ่านเลยพากันเข้าข้างหนูริวไง กร๊ากกกกกกกกก :laugh3:
-
ตัดตอนกันอย่างนี้เลย?! ค้างโคตรๆ ป้าแกล้งคนอ่านป่าวเนี่ย o22
ปล. ไม่ได้แกล้งหน่อยแล้วม้างงงงงง คนอ่านเค้าเห็นพี่ไผ่มีแม่ยกเส้นใหญ่อย่างคนเขียนแล้ว
แถมอิหนูริวยังโดนป้าแกล้งสารพัดอีก คนอ่านเลยพากันเข้าข้างหนูริวไง กร๊ากกกกกกกกก
แกล้ง Narcissus โดยเฉพาะ กร๊ากกกกกกกก :m20:
-
:m16: :m16:
-
ตัดตอนได้ทำร้ายคนอ่านมากค่ะ แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ยังมี เราจะรอต่อไป
ปล.พี่พสุสาวแตกซะแล้ว 555
-
โอ้โห ตัดฉับกันแบบนี้เลย แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่ไม่มีมาม่าให้อีกก็ดีใจแล้ว :L2:
-
ริวรุกอีกสักทีดีมั๊ย,,,
o13 o13 o13
-
ใจจะขาดรอนๆ
-
โอ้วววววววว ตัดได้ฉับมากกกค่ะ เหมือนกำลังจะเคลียร์กันเลยนะเนี่ย งื้ออ
-
โอว~ตัดกันหยั่งงี้เลยนะ
ค้างสุด ๆ
พี่ไผ่มีไรก็เคลียร์กันซะ
เอาให้รู้เรื่องกันคืนนี้เลยนะ
ตอนต่อไปไม่มีมาม่าแล้ว~เย้
ขอเป็นของหวานแบบหวานมาก ๆ น๊า ^^
-
...
-
ขออะไรได้อย่างนั้นจริงหรอครับ
อิอิ
ได้อย่างที่เขียนไปแล้วนะค้าบ เพราะตอนนี้แต่งตอนจบอยู่ ฮ่าๆๆ
แต่งตอนจบอยู่ โอ๊ะแล้วจะออกหนังสือไหมครับ
ถ้าออกจะดีมากเลยครับ o13
-
สงสัยอลันจะเตือนริวอีกแหง
เลยโชคดีได้คุย ได้คืบหน้ากันอีก
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ค้างมากๆๆๆๆ :z3: :z3: :z3:
ตอนหน้าเรียกเลือดมั้ย :z1: :z1: :z1: :z1:
-
แกล้งริวมาก เดี๋ยวเจอแม่ยกริวรุมนะคะ หึหึ o18
-
ง่ะ! - -* ตัดกันอย่างงี้เลยหรอเนี้ย
ว๊ากกกก ไม่มีมาม่าแล้วจริงๆใช่ไหม๊ รู้สึกว่าหวานอ่ะ >///<
พี่ไผ่อย่าลังเลอะไรอีกเลยนะ
ยอมรับๆไปเถอะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง
สนสังคมมากไป ตัวเองนั่นแหละจะแย่เอานะพี่ไผ่
บึ๋ย ~ รอตอนต่อไปดีกว่า ^^
-
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง กว่าจะถึงตอนหน้า ชักกระแด๊กๆๆๆๆๆๆ :z3: :z3: :z3:
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ค้างงงงงงงงงงงงงโครตๆๆ ทำไมทำกันได้ แกล้งกันชัดๆๆๆ
-
คนรักของริวก็พี่ไงครับ ริวจะไปมีใครได้ นอกจากพี่คนเดียว
แค่ประโยคนี้ของริวทำคนอ่านยิ้มไม่มีหุบ :z9:
ยิ่งคืนนี้อากาศเย็นกว่าปกติอยากหาใครมากอดให้อุ่นๆ :man1:
กอดริวกับพี่ไผ่แทนละกัน...อุ่นในหัวใจ^_^ก็พอแล้ว
-
เกิดอะไรขึ้น?!
ทำให้ริวมาพูดแบบนี้ได้เนี่ย...
ปล.ตัดจบตอนได้เจ็บมาก
-
ค้างมากกกกก
โฮๆๆๆ
ทำไมทำกับหนูริวแบบนี้
คืนนี้ขอให้พี่ไผ่เสร็จริวนะ !!!!
อร๊ายยยย แค่จิ้นเอง เจ้ก็เขินแทนหนูริวจะแย่แล้ว
โฮะๆๆๆ
เอาหวานๆๆๆๆๆๆ
><
-
:a5:
-
เอ่อ.....!!!!!!!!!!
-
เง้ออออออออออ ตัดฉับ o22 ไอ้เสือของป้า
-
:z3: ค้างงงงงงงงงงงง
-
บ๊ะ!!
อ่านจบแล้วต้องอุทานคำนี้ออกมา เพราะมันค้างงงง :z3:
แต่คุยๆกันซะก็ดีเหมือนกัน ความสัมพันธ์จะได้พัฒนาขึ้นอีกขั้น
ต้องขอโทษ ไรท์ ที่ไม่เคยได้เม้นเล้ย ทั้งที่ตามอ่านมาสักพักแล้ว
แต่คราวนี้ทนไม่ไหวอยากแสดงตัว 55+
ยังไงก็ฝากตัวด้วยเน้ออออ
จะติดตามต่อไปจ้า o13
-
อะไรกัน...ตัดฉับตรงนี้เนี่ยนะ :a5:
ในที่สุดทั้งสองคนก็เปิดอกคุยกันซักที...ริวสู้ ๆ ต้อนให้จนมุม :z1:
ว่าแต่ริวโทรศัพท์หาอลันหรอ แหม...คิดถึงจัง :o8:
-
น่ารักจริงๆ เลยริวเนี่ย อิอิ
-
อะไรกัน...ตัดฉับตรงนี้เนี่ยนะ :a5:
ในที่สุดทั้งสองคนก็เปิดอกคุยกันซักที...ริวสู้ ๆ ต้อนให้จนมุม :z1:
ว่าแต่ริวโทรศัพท์หาอลันหรอ แหม...คิดถึงจัง :o8:
สุนี่รักอลัยจังเลยนะ
ลุ้นอยู่ล่ะสิว่าอลันจะไปโป๊ะเชะกับใครอิอิ
-
เอ๊ะๆ...มีเข้าหอกันอีกแล้ว
สุขขีสุขสมนะน้องริวกับพี่ไผ่
:haun4:
-
ค้างงงงงงงงงงงงงงง
แต่ไม่มีมาม่าก็โล่งแล้ว
ปล.ทำหนังสือเปล่าครับเก็บตังรอ
-
โถ่ๆๆ ทำท่าว่าจะดีกลับมาเป็นแบบนี้อีกซะแล้ว...
รอลุ้นต่อไปจ้าว่าจะตกลงกันได้ยังไง
-
ทำไมตัดจบแบบนี้หละค่ะ
ค้างจริงอะไรจริงนะเนี่ย
-
ตัดฉับ !! มากมาย เอิ๊กกก
:call: :call :call:
:mc4:
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อออ :o8:
-
ค้างงงงงงงงคร่า
รอพรุ่งนี้ดีกว่า รู้สึกว่าดีเทลน่าจะเยอะ :laugh:
-
ดีแล้วที่พี่ไผ่พูดตรงๆกับริวแบบนี้ o18
ในเมื่อพี่ไผ่เปิดใจ ทีนี้ก้อไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่ริวจะเข้าไปอยู่ในใจพี่ไผ่ ขอให้คนสองคนเข้าใจกัน อะไรก้อไม่หวั่นอยู่แล้ว :mc4:ชิมิ
-
หงะ..เหมือนจะยังคุยกันไม่เคลียร์เลย...
ชอบริวตอนฉวยโอกาสกับพี่ไผ่อะคะ..แค่จูบกับหอมนิดๆหน่อยๆเอง..พี่ไผ่ไม่น่าห้ามเลยอะ..55+
-
:serius2: ค้างงง แต่ให้อภัย เพราะตอนหน้าคง... :jul1:
แต่จริงๆแล้วก็ :haun4: ตั้งกะในห้องน้ำละ
-
ค้าง.................. :really2:
ปล.พี่ไผ่เส้นใหญ่จริงวุ้ย ขนาดว่าริวแม่ยกเยอะแล้วนะ แต่ก็ยังเส้นใหญ่ไม่เท่าพี่ไผ่ :laugh:
-
แอบเหมือนที่จิ้นไว้ในห้องน้ำ แต่ขัดใจตรงไม่ได้...นี่แหล่ะ
ปล.มารอฉากเลือดกระฉูดแบบสมยอมซะที
-
โต้ง ๆ ไปเลยน้องริว
อลันแนะมาแน่นอน 555+
-
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ริว.....หนูหื่นขึ้นหรือเปล่าจ๊ะ?
-
เกือบและ เกือบแล้ว อีกจี้ดดดดดดดนึง
แม้..จบตอน
ขอทำนายว่า พี่ไผ่นั่นแหละจะเป็นคนยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บก่อน :laugh:
-
วันนี้ฤกษ์ดีได้จิ้มคนเขียนด้วย
+ ให้ทั้งคนโพสท์และคนเขียนด้วยค่ะ
อ้อ...มาต่อเร็วๆ นะ คอยอ่านตอนต่อไปอยู่ค่ะ :z1:
-
ต๊ายยยยยยยยยตาย ต่อไปเราจะเสพแต่ของหวานๆ แล้วชิมิเคอะ
-
:n1:
-
มาปูเสื่อรอ...ริวกะพี่ไผ่ ครับ อิอิ
-
ปูเสื่อ
หอบหมอนกับผ้าห่ม
พร้อมขนมนมเนยมาวางไว้ข้างหน้า
แล้วก็ล้มตัวลงนอนรอ ริวกับไผ่ครับอิอิ
-
รอคำตอบจากไผ่ด้วยใจระทึก
-
:a5:
ค้างอ่ะค้างงง
-
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆง่วงแล้วอ่ะ จะได้ทันอ่านคินีไหมหนอเราทำไมวันนี้ง่วงเร็วจัง
-
ค้างมากมาย
-
:freeze:......โอย หนาว..... มานั่งรอ o21
-
เหมือนกำลังโดนแกล้ง
ค้างสุดๆค่ะ
ต่อด่วนนะคะ หวานมากมายอ่า ชอบๆ
-
ต่อไปจะสดใสแล้วสินะคะ...^^
รออ่านเน้อ(รู้สึกเหมือนตอนนี้ท่านจงใจตัดชอบกล...?)
-
อากาศหนาวๆมารอพี่ไผ่ กับน้องริว ทำให้อุ่นหัวจายยย
-
วันนี้หน๊าวหนาว มารอไผ่กะน้องริว ซั่มกัน อิอิ
______________________
รบกวนคนใจดีกดไลท์ให้หน่อยนะคะ กดที่ http://www.facebook.com/changwater ก่อน แล้วคอ่ยกด http://www.facebook.com/changwater/posts/106639486084887?notif_t=like
ขอบคุณมากคะ กรรมดีที่ท่านกระทำในครั้งจะส่งผลให้ท่านเจริญก้าวหน้า สาธุ
-
นึกถึงเพลงที่ร้องว่า "ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน ไม่ต้องหาคำๆไหนมาอธิบาย" เพลงนี้ลอยมาเลย...
....เพียงแค่เราเข้าใจ ก็เหนือคำๆใดในโลกนี้
-
วันนี้หน้าวหนาววว~~ ไปสอบนั่งสั่นงึกงักอย่างกับเจ้าเข้า o21
มันเกิดอะไรขึ้นน้อ~ เดี๋ยวร้อน ฝน หนาว สามฤดูในอาทิตย์เดียว เค้าปรับตัวไม่ทันนนน!!!
แต่ตอนนี้ง่วงมากๆ รออ่านไม่ไหวแล้ว~ ไปนอนก่อนนะเคอะ :a12:
-
เริ่มจะหวานแล้วสิ แต่หวังว่ามันจะไม่ดราม่าระรอกใหญ่หรอกนะคะ
กลัวทะเลสงบก่อนพายุจะมาน่ะสิ เหอๆ
พี่ไผ่ ยอมรับใจตัวเองได้แล้วนะคะ น้องอุตส่ายอมบอกหมดใจขนาดนี้แล้ว
:o8:ยอมๆ น้องมั่งเหอะ สงสารริวจริงๆ
-
นั่งรอ นอนรอ...คืนนี้จะมากี่ทุ่ม :t3:
-
โอ๊ยจะรอนู๋ริวไหวไหมเนี่ยกินยาเข้าไปแล้วง่วงมากมาย
-
เรียนแม่ยกไอ้หนูริวทุกท่าน
เค้ามาแจ้งข่าวว่า สำหรับตอนหน้า ขออนุญาตต่อกันอีกทีวันเสาร์เลยนะขอรับ
:call:
แล้วเจอกันน๊า~~
***************
-
o22 :a5:
อุส่ามานั่งรอให้น้องริวกับพี่ไผ่ ทำอะไร...แก้หนาว
งั้นขอนั่งหนาวสั่นรอให้ถึงวันเสาร์ไวๆๆ
-
รอค่ะ :o12: :undecided:
-
รอคอยวันเสาร์อย่างจดจ่อค่า
-
กรี๊ดดดดดด!!!!!!!!!!!!!! :o12:
-
เย้ๆ ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน
ทำเวลาไปได้ สองวันเต็มๆ 555
ชอบมากๆเลยอ่ะ สื่ออารมณ์ได้ดีมาก บางตอนอ่านแล้วร้องไห้เลย
-
กรี๊ดดดดดด!!!!!!!!!!!!!! :o12:
กรี๊ดด้วยคน แว๊กกกกกกกกกก
เง้อไปนอนซบหมอนกับผ้าห่มเน่ากอ่นนะ
-
:dont2: ฝนหยุดวันเสาร์พอดีสิน๊า ตอนนี้ขอตัวไปนอนก่อนล่ะค๊า o21
-
ถ่างตารอ อิอิ
-
งั้นหนีไปนอนแระ แล้วเจอกันวันเสาร์คะทุกคน
-
อ๊ากหัวใจจะวาย ทำกันได้ วันเสาร์เลยรึเนี่ยะะ
-
ฝันค้าง...ซะง้ัน
กด+ให้ spring กับการอดทนรอพี่ไผ่กับริว
48 ชั้วโมงไม่นานเกินรอ...
:pig4:
-
วันเสาร์ก็รอ เพื่อริว :กอด1:
-
อร๊างๆๆๆๆพึ่งเห็นว่าลงวันเสาร์ 555
-
วันเสาร์!! :a5:
ไม่้เป็นไรค่ะ รอได้ :monkeysad:
-
กรี๊ดดดดดดด!!!! ช๊อค
-
นับวันยิ่งน่ารัก
-
แงๆ วันเสาร์ ไม่รับไม่นอนมารอ
เสียใจนะเนี่ย แต่จนกันวันเสาร์นะค่ะ
รออ่านแทบไม่ไหวอ่ะ
-
ตอนนี้อากาศหนาวถึงหนาวมากกกกก... ต้องการฉากร้อนๆมาช่วยปลอบประโลมกายและใจ
หยุดไป 2 วันให้น้องริวไปปั่นไฟตุนไว้ใช่ม๊า
-
นานๆ อ่านที จุใจมากเลย
เมื่อไรจะเปิดเผยกันสักทีคิดถึงน้องริว+พี่ไผ่ :call:
-
ขอหวานจริง ๆ หน่อยเถอะ
ทานมาม่ามา 30 กว่าตอนแล้ว
อิ่ม เอียน อืด สุด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
-
ง่า ค้างงงงงง o22
-
พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้
ท่องไว้รอคนใจดี
อิอิ
-
มารอพี่ไผ่กะน้องริวครับ
-
แง๊ วันเสาร์หรอ
-
หลังเที่ยงคืนก็วันเสาร์แล้ว อิอิ
-
รอๆๆๆ รอๆๆๆ รอ ไรเตอร์ใจร้าย ไม่ยอม มาต่อให้ แง่ๆ ๆ ๆ
-
อลันชิมิ?? ที่อยู่เบื้องหลังแผนการซู๊ดยอดนี้ กรี๊ดดดดด ขอกรี๊ดดังๆสักหลายๆทีเถ๊ออ
ว่าแต่ หนูริวจ๋า เปลี่ยนไปมากเลยนะเนี่ย
ก็รู้อยู่หรอกนะว่าหนูริวเป็นอัจฉริยะ แต่พอเป็นแบบนี้แล้วมัน....เลิศ!!!มากค่า อร๊ายยย >,.<
หนูริวเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกๆวัน โตขึ้นมากเลยนะจ๊ะ
รู้สึกปลื้มยังไงไม่รู้แฮะ คอยตามอ่านมาตั้งแต่หนูริวยังเอ๊าะๆ
พอหนูริวเปลี่ยนแปลงเป็นหนุ่มหล่อ เจ้าเล่ห์ที่พร้อมจะปกป้องพี่ไผ่ได้แบบนี้แล้ว
มันรู้สึกตื้นตันใจมากๆๆ 55+ เหมือนแม่เลยแฮะ กร๊ากกกก
-
ริว นายเปลี่ยนไป๋
รอวันเสาร์ พี่ไผ่จะเสร็จริวไหมนะ ฮึฮึ :haun4:
-
โอว มาย ก๊อดดดดดดดดดดดดด
จัดหนักเหนื่อยเถอะไรเตอร์
ทุกคนรออยู่
-
พรุ่งนี้ก็วันเสาร์...ว่าแต่จะมากี่โมงอ่ะ
แสตนด์บายตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยเอ้า!! :L2:
-
แอบมาส่องก่อนไปนอน ..... :really2: :mc1:
-
อีกไม่ถึงครึ่งชม.ก็วันเสาร์แล้ววววว ว
จัดหนักมาเลย รอ รอ รอ ^^
-
รออะไรกันเหรออออ :z2:
*********************
ตอนที่ 97
ริวประคองวงหน้าของพสุไว้ในอุ้งมือทั้งสองข้าง ไล้หัวแม่มือบนสันกรามและผิวตึงเนียนแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ แนบปากลงบนปลายจมูกโด่งแหลมแล้วลากไปหาแก้ม สูดกลิ่นหอมอวลเก็บไว้ในอกแล้วค่อยไล้ปากไปทั่วซีกหน้าของพสุ ก่อนจะวนกลับมาที่จมูกโด่งเพื่อข้ามไปยังผิวแก้มอีกด้าน วกกลับมาแตะปากอิ่มตึง คลอเคลีย ปัดผ่านแผ่วๆ แล้วเด็กหนุ่มถอยออกมาเพื่อสบตากับพสุอีกครั้ง
“ริวรักพี่นะครับ รักมากที่สุด...รักจนอยากจะกลืนกินพี่ไว้ในอก...อยากกอด...อยากจูบ...อยากมองหน้าพี่แบบนี้ตลอดเวลา...ถ้าเป็นไปได้ ริวอยากจะเก็บพี่ซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็นพี่ด้วยซ้ำ” เด็กหนุ่มยกมือพสุขึ้นจูบ ไม่เพียงแค่หลังมือ แต่ยังจูบไล้ลงไปถึงปลายนิ้วทีละนิ้วแล้วพลิกฝ่ามือนุ่มวางแนบไว้บนอกของตนเอง
“ข้างในนี้...มันมีแต่พี่คนเดียว”
แรงสะเทือนใต้ฝ่ามือเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่นั่นยังไม่เท่าแววตาหนักแน่นจริงจังที่ทำให้หัวใจพสุอบอุ่นเต็มตื้น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใสที่มีไว้เพื่อมองเขาคนเดียวมาตลอด นับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกตราบจนทุกถึงวันนี้ ริวไม่เคยปกปิดว่ารู้สึกอย่างไรกับเขา มีเพียงเขาเท่านั้นที่หลงเข้าใจไปว่าความรู้สึกที่ริวมีให้เขาเป็นเพียงความผูกพัน เป็นความรักแบบเด็กขาดแม่ที่พอมีคนใจดีด้วยก็ติดแจ...ไม่สิ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เขาเลือกจะปิดหูปิดตา และหลอกตัวเองมาตลอดว่าระหว่างเขากับริวเป็นเพียงความผูกพันฉันท์พี่น้องเท่านั้น
พสุหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมองหน้าริวอีกครั้งด้วยดวงตาที่มีหยาดน้ำคลอ
“พี่ยอมแพ้แล้วริว...พี่จะไม่หนีอีกแล้ว...” พสุบอกเสียงเบา แล้วดึงมือขึ้นจากอกริวมาลูบไล้บนสันกรามของเด็กหนุ่ม ก่อนจะเป็นฝ่ายแนบปากเข้าหาริวก่อน กลีบเนื้ออ่อนนุ่ม สัมผัสกันและกันแผ่วเบา แล้วค่อยเบียดเคล้า เพียงแค่ปากแตะกันหัวใจก็เต้นแรงราวกับจะกระดอนออกมานอกอก ปากแนบปากกระชับชิด ไร้ช่องว่าง พสุไม่ถอยหนีเมื่อลิ้นของริวแทรกเข้ามาแต่ตอบรับด้วยลิ้นของเขา ทักทาย แตะชิมความหวานของอีกฝ่ายอย่างหลงใหล
ริวถอนปากออกช้าๆ ดวงตายังจับจ้องที่ปากอิ่มชุ่มชื้นเป็นเงาด้วยความเสียดายที่ต้องผละออก เด็กหนุ่มเลื่อนตาลงมาที่เสื้อนอนของพสุแล้วค่อยๆ ปลดกระดุม ทุกครั้งที่กระดุมหลุดออก ปากบางก็จะแตะลากตั้งแต่แอ่งชีพจรลงไปหยุดที่กระดุมเม็ดถัดไป ริวลากปากวนเวียนซ้ำอยู่อย่างนั้นจนกระดุมเม็ดสุดท้ายหลุดออก แต่ยังไม่ทันลากปากต่ำลงไป พสุก็เป็นฝ่ายดึงเขาลุกขึ้นแล้วปลดกระดุมเสื้อให้ ริวสอดแขนคล้องรอบเอวพสุ แตะปากลงไปบนจมูกบ้าง แก้มบ้าง เป็นการหยอกเย้าระหว่างที่รอ จนกระดุมถูกปลดออกหมดถึงก้มลงจูบปากที่เม้มแน่นเบาๆ มือนุ่มที่วางมาบนอกเขาเย็นและสั่นจนรู้สึกได้
เมื่อเสื้อหลุดออกจากตัว ริวก็ขยับเข้ากอดพสุวางใบหน้าลงบนซอกคอ สูดกลิ่นหอมอวลจนซ่านซึมไปถึงสมอง แตะชิมรสผิวตึงบริเวณลำคอด้วยปากและลิ้น ขณะที่พสุลูบผมนุ่มและสันกรามแข็งแรงแผ่วเบา
ชายหนุ่มทอดตัวลงพิงบนหมอนตามแรงดันของริว ดวงตายังจ้องมองจมูกและปากร้อนๆ ที่ลูบไล้บนแผ่นอกเขาช้าๆ เด็กหนุ่มเหลือบตาขึ้นมาสบตาเขายามตวัดปลายลิ้นเย้าหยอกกับยอดอก แล้วค่อยๆ ดูดกลืนขบเม้มจนพสุเผลอหลุดเสียงคราง ลมหายใจเริ่มสะดุดเมื่อริวไม่เพียงดูดกลืนยอดอก แต่ยังขบเบาๆ ด้วยฟันแล้ว ตวัดเลียถูไถด้วยลิ้นจนเสียววาบไปทั้งช่องท้อง
ริวลากจูบลงไปตามลอนกล้ามบนหน้าท้องลงไปเรื่อยๆ หยุดลูบไล้ร่องบุ๋มของสะดือด้วยปลายลิ้น ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนกางเกงนอนและกางเกงชั้นในของพสุลงไปพร้อมๆ กัน ชายหนุ่มหน้าแดงซ่านด้วยความอายเมื่อความเป็นชายของเขาดีดตัวขึ้นทันทีที่เป็นอิสระ ริวยังคงรูดกางเกงเขาออกไปจนพ้นตัว แล้วเลื่อนตัวกลับขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง เด็กหนุ่มประคองเนื้อร้อนจัดของพสุไว้ในอุ้งมือ บีบเบาๆ ราวกับจะทดสอบความแข็งแรง ตาสีน้ำตาลยังมองพสุนิ่งขณะที่ปากลดลงไปหาส่วนร้อนในอุ้งมือ
พสุเผลอกลั้นใจยามเมื่อปากสีแดงอมส้มแตะลงบนส่วนยอด อุณหภูมิในตัวเขาคงพุ่งพรวดเพราะพสุรู้สึกเหมือนร้อนวาบไปหมดทั้งตัว อาการเสียวแปลบแล่นมาตามกระดูกสันหลัง แต่เมื่อลิ้นสีชมพูตวัดถูไถ ชายหนุ่มก็สะโพกกระตุกด้วยความเสียวซ่าน เผลอยกตัวขึ้นนั่งและดันไหล่ริวออก แต่เด็กหนุ่มขืนตัวไว้ ริวจ้องตาเขาเขม็งขณะกลืนกินส่วนปลายเข้าไปในปาก เพียงแค่สัมผัสกับโพรงปากร้อนผ่าว พสุก็เสียววาบจนแทบกลั้นไว้ไม่อยู่
“..อือ...” ชายหนุ่มหลุดเสียงครางแผ่วแล้วรีบยกมือขึ้นปิดปาก เมื่อริวขยับปากที่ดูดกลืนเขาลึกเข้าไปเรื่อยๆ ท่าทางลังเล เหมือนไม่คุ้นเคยของเด็กหนุ่ม บ่งบอกถึงความอ่อนประสบการณ์ แต่กระนั้น ทุกสัมผัสของริวก็ยังทำให้พสุสั่นสะท้านได้ตลอดเวลา
“ริว...” พสุเริ่มหอบหายใจ เมื่อเด็กหนุ่มเม้มปากแน่นยามรูดปากออกช้าๆ แล้วกลับกลืนกินเขาอีก แม้จะมีบางครั้งที่ฟันของริวครูดโดนบ้าง แต่หากเทียบกับความรู้สึกเสียวซ่านในตอนนี้ พสุก็มัวเมาจนเกินจะทานทนแล้ว กล้ามเนื้อหน้าท้องของพสุเกร็งเป็นระรอกเมื่ออารมณ์ถูกเคี่ยวขึ้นสูงลิบ
“ริว ริว พี่..อึก...” พสุพยายามจะดันใบหน้าของริวออกเมื่อถึงขีดสุดของความอดทน แม้เด็กหนุ่มจะยอมถอนปากออกแต่กลับไม่ยอมถอยห่าง พสุเองก็ไม่อาจอดกลั้นไว้ได้อีก สะโพกของชายหนุ่มกระตุก หยาดร้อนๆ ที่ฉีดพุ่งออกมา เลอะคอและหน้าอกของริวเต็มไปหมด บางส่วนกระเด็นขึ้นไปถึงปลายคางของเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ
พสุทิ้งร่างลงบนเตียง หอบหายใจแรงด้วยความเหน็ดเหนื่อย ร่างกายอ่อนเปลี้ยจนเหมือนไร้กระดูกไปทั้งตัว ไม่มีแม้แต่แรงจะขยับปลายนิ้ว แต่ก็พอรู้ว่าริวหายไปจากเตียงชั่วขณะ กว่าจะรวบรวมเรี่ยวแรงได้ ริวก็ขยับขึ้นมาท้าวคร่อมตัวเขาไว้อีกครั้ง พสุเหลือบมองลำคอและหน้าอกของริวก็พบว่าคราบน่าละอายนั้นหายไปหมดแล้ว แต่ดวงตาฉ่ำเยิ้มพราวพรายนั้นเป็นประกายหยอกเย้าทำให้พสุเผลอหลบตา ใบหน้าที่ยังอุ่นซ่านเพราะแรงสูบฉีดของเลือดกลับร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม
ริวจูบหน้าผากพสุเบาๆ แล้วลากจูบมาหยุดบนเปลือกตาทั้งสองข้าง วนปากเล่นบนสันจมูกโด่งแล้วกัดบนปลายจมูกแหลมเบาๆ เหมือนมันเขี้ยว ก่อนจะช้อนใบหน้าของพสุขึ้นสบตา
พสุอยากหลบตาริว แต่ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าของเด็กหนุ่มก็ดึงดูดเขาไว้จนยากที่จะต้านทาน ริวก้มลงปัดปลายจมูกกับจมูกของพสุ แตะต้อง หยอกเย้าด้วยริมฝีปากจนเกิดเสียงจุ๊บเบาๆ ยามปากบางสัมผัสผิวแก้ม เปลือกตา ไหล่ หรือแม้แต่ปลายนิ้ว ทุกสัมผัสของริวเป็นไปอย่างทะนุถนอม นุ่มนวล และชื่นชมบูชาราวกับพสุเป็นสมบัติล้ำค่า
แม้จะรู้ตัวอยู่แล้วว่าจะเหตุการณ์จะต้องดำเนินไปอย่างไร แต่เมื่อริวสัมผัสร่องกลางสะโพก พสุก็เผลอเกร็งตัวขึ้นทันที นิ้วยาวนวดคลึงผิวอ่อนบางไวสัมผัสแผ่วเบา พสุร้อนวาบทั้งหน้าจนทนสบตาริวไม่ได้ ต้องหันหนีไปทางอื่น
ริวไม่ได้ดึงดันเอาแต่ใจเหมือนครั้งแรก หากแต่เป็นไปอย่างเนิบช้าและใจเย็น เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึก เขาเคยมีประสบการณ์มาแล้วว่าการพยายามกอบโกยความสุขอย่างตะกรุมตะกราม จะมีเพียงเขาที่มีความสุข แต่พสุจะเจ็บปวดแสนสาหัส
ริวควานปากตามติดแล้วแนบจูบอ่อนโยน ขณะที่นิ้วก็นวดคลึงช่องทางที่หดเกร็งไปเรื่อยๆ จนคลายตัวจึงสอดนิ้วเข้าไป แม้จะเพียงปลายนิ้วก็ยังถูกบีบรัดต่อต้านจนแทบหลุดออก แต่เด็กหนุ่มก็อดทนรออย่างใจเย็น จนแรงต่อต้านค่อยๆลดลงพอให้เคลื่อนไหวนิ้วได้ ริวจึงค่อยๆ ขยับนิ้วแทรกเข้าไปช้าๆ นวดคลึงรอบๆ รอจนช่องทางคับแน่นผ่อนคลายและสอดแทรกนิ้วเพิ่มเข้าไป เพื่อให้แน่ใจว่าพสุพร้อมสำหรับเขาจริงๆ
“ริวรักพี่” คำยืนยันอ่อนโยนกระซิบแผ่วข้างหูขณะชำแรกกายเข้ามา
พสุกัดฟันแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ยังดีที่ริวหยุดทั้งที่เพิ่งเข้ามาเพียงนิดเดียว ตอนแรกพสุคิดว่าริวจะถอย แต่เด็กหนุ่มกลับกดตรึงสะโพกเขาให้อยู่นิ่ง ขณะจูบไซ้ไปตามใบหน้าและลำคอ แล้วมาหยุดที่ยอดอกตึงเขม็งของพสุ ปลายลิ้นถูไถกอดเกี่ยวกระตุ้นอารมณ์ให้เตลิด พสุสูดหายใจลึกเป็นจังหวะเดียวกับที่ริวกดกายแทรกเข้ามาเช่นกัน แม้จะขยับเข้ามาทีละน้อย แต่ไม่นานริวก็สอดกายเข้ามาอยู่ในตัวของพสุได้จนหมด พสุพยายามผ่อนลมหายใจเพราะร่างกายตึงเขม็ง เจ็บแปลบ จนรู้สึกเหมือนเพียงหายใจแรงๆ เขาก็พร้อมจะฉีกขาดออกเป็นสองส่วน
ปากอุ่นพรมจูบไปบนใบหน้าชื้นเหงื่อ แล้วลากลงมาหยุดแนบจูบเรียกร้อง เร่าร้อนในปากของพสุ ต่างฝ่ายต่างกอดเกี่ยวปลายลิ้นเข้าหากัน ดูดดื่มลูบไล้กันและกัน รสหวานซ่านยามปลายลิ้นกอดเกี่ยว รสชาติของคนรัก ที่ทุกอณูเนื้อเหมือนอาบด้วยน้ำผึ้ง หวานละมุนและเชื้อเชิญให้ลงลิ้นดูดกินอย่างไม่รู้เบื่อ ยิ่งลิ้มรสก็ยิ่งกระหาย ปรารถนาจะดื่มกินให้มากยิ่งกว่านี้
ริวถอนปากออกมาแต่ยังจ้องตาพสุนิ่ง เด็กหนุ่มยกมือที่จิกกำหมอนของพสุขึ้นมาจูบแล้ววางไว้บนต้นคอ ขณะค่อยๆถอนกายออกช้าๆ ความรู้สึกโล่งวูบแต่เสียวแปลบลงไปถึงปลายเท้าทำให้พสุเผลอสูดหายใจแรง แล้วริวก็ดันกายกลับเข้ามา อัดแน่น เติมเต็มอีกครั้ง พสุกัดปากแน่นเพื่อกลั้นเสียง เจ็บ ร้อน และอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่หวังให้ริวถึงจุดหมายให้เร็วที่สุดเพื่อเขาจะได้หายทรมานเสียที
“พี่...เจ็บมากเหรอครับ...” ริวกระซิบถามแล้วแนบปากลงเคล้าเคลียจนพสุต้องยอมคลายฟันออก ปล่อยให้ลิ้นอุ่นสอดลึกเข้าไปในปาก ส่วนล่างผนึกกันแน่นจนรู้สึกได้ถึงแรงเต้นตุบของส่วนที่แทรกอยู่ในตัวเขาจนพสุเผลอเกร็งตัวอย่างไม่ตั้งใจ
“อุ๊ก!...” ริวอุทานสะโพกกระตุก ช่องทางคับแน่นบีบรัดรุนแรงจนเสียววาบไปทั้งสะโพก เด็กหนุ่มผละปากออกจากพสุแล้วคว้าเอวเขาไว้แน่น ใบหน้าแดงก่ำดูเหยเกเพราะทรมานที่ต้องอดกลั้นไว้
“ริว...ขยับเถอะ..” ....จะได้จบๆ ไปเสียที ประโยคสุดท้ายพสุไม่ได้เอ่ยออกไป แต่พอเขาอนุญาตริวก็เริ่มถอนกายออกแล้วดันกลับเข้ามาใหม่ แม้จะเป็นไปอย่างนุ่มนวลแต่จังหวะการสอดกายก็เร็วกว่าตอนแรกจนพสุได้ยินเสียงเสียดสีของผิวยามร่างกายเคลื่อนไหว น่าละอาย...แต่ร่างกายกลับร้อนยิ่งกว่าเดิม เสียงลมหายใจของเขาและริวเริ่มหอบกระชั้น
“รักนะครับ...รักที่สุด” ริวกระซิบคำรักหอบกระเส่าข้างหูพสุ ทุกครั้งที่แทรกกายลึกกลับเข้ามา บริเวณที่เสียดสีกันร้อนจนเหมือนจะลุกไหม้ ช่องทางอ่อนไหวรับความรู้สึกยามส่วนแข็งแกร่งแทรกผ่านไว้ได้ทั้งหมด มันไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดเท่านั้น แต่พสุยังเริ่มรู้สึกถึงความเสียวกระสันปะปนเข้ามาทีละน้อย จนกระทั่งบดบังความเจ็บปวดไปจนแทบไม่เหลือ
ริวมองใบหน้าแดงซ่านที่ส่ายไปมาอยู่บนหมอน ฟันขาวกัดเม้มปากล่างแน่นแต่ก็ยังได้ยินเสียงครางในลำคอลอดออกมาเบาๆ ริวก้มลงสอดแขนเข้าไปใต้หลังพสุเพื่อล็อคไหล่ไว้เป็นหลักยึด อาการเกร็งตัวบีบรัดแรงทุกครั้งที่เขาถอนกายออกทำให้ริวรู้สึกเหมือนจะคลั่ง กลิ่นกายของพสุดูจะหอมแรงยิ่งขึ้นในยามนี้ กลิ่นอายแห่งความร้อนรุ่มที่ชวนเคลิบเคลิ้มมัวเมาซ่านขึ้นไปในสมอง ปากแดงก่ำชุ่มชื้นของพสุอยู่ห่างเพียงนิดเดียวเย้ายวนให้ต้องลงปากลิ้มรสหวาน แต่สะโพกของเด็กหนุ่มก็ขยับไม่หยุด
อาการเสียวซ่านที่ก่อตัวในช่องท้อง เริ่มกินพื้นที่ลามเลียไปทั้งตัว เสียวแปลบปลาบไปตลอดไขสันหลัง ความร้อนไหลซู่ผ่านลงไปถึงปลายนิ้วจนต้องจิกเกร็งกอดรัดร่างที่โถมกายกระชั้นอยู่บนตัว พสุรู้สึกได้ถึงอาการลุกชันของทุกขุมขน เหงื่อหยาดหยดลงทุกครั้งที่ริวขยับเร่งจนอาบกายชุ่มเปียกลื่น วงแขนที่โอบรัดต้นคอของริวจึงกระชับแน่นขึ้นเพื่อรับทุกแรงปะทะ เสียงผิวเสียดสีบาดหู แต่ร่างกายเขากลับร่ำร้องเรียกหาริวตลอดเวลา ทุกครั้งที่ริวเคลื่อนกายออก จึงเหมือนความสุขจะถูกพรากไป ชายหนุ่มเกร็งตัวบีบรัดไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัวทำให้ริวแทบขาดใจด้วยความเสียวกระสัน
เด็กหนุ่มเร่งสะโพกถี่ยิบ เสียงสูงนุ่มครวญครางแต่ชื่อเขากระตุ้นให้ความร้อนในกายยิ่งพุ่งทะยาน ริวกัดฟันกรอดเมื่อช่องทางคับแน่นบีบรัดเขารุนแรงถี่ยิบ ร่างข้างใต้เขาเกร็งขึ้นทั้งตัวขณะที่เขายังเคลื่อนไหวไม่หยุด เพราะเขาเองก็กำลังจะแตะเส้นชัย
ชั่วพริบตาที่ความร้อนอัดแน่นในกายระเบิดออก ความรู้สึกอุ่นซ่านในอกก็ไหลวาบไปทั่วร่าง ไม่เพียงร่างกายที่ผนึกกันแนบสนิท แต่หัวใจที่เต้นระรัว เหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะกลับมาเต้นโลดแรงด้วยจังหวะเดียวกัน ต่างสัมผัสได้ถึงความเป็น “หนึ่งเดียว” ความสุขพร่าพราย เบ่งบาน เอ่อท้น ส่งผลให้สมองว่างเปล่าขาวโพลน ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีสิ่งใดนอกจาก “กันและกัน”
“ริวรักพี่...” ริวหลุดเสียงครางกระเส่า แล้วแนบปิดปากนุ่มไว้แน่น ร่างกายเกร็งกระตุกโดยที่เขาควบคุมไม่ได้ ธารร้อนๆ ไหลทะลักจากร่างกายเขาเข้าไปในช่องทางร้อนจัดที่ยังบีบรัดไม่หยุดจนชุ่มโชก ความรู้สึกสุขสม เสียวซ่าน ปรี่ล้นขึ้นมาท่วมท้นจนเหมือนจะสำลัก หัวใจเต้นระรัวจนแทบทะลุออกมาภายนอก หูได้ยินแต่เสียงหอบหายใจรุนแรง ขณะที่วงแขนเขากอดรัดร่างข้างใต้ไว้แน่นด้วยความหวงแหน
พสุพยายามผ่อนลมหายใจ หูเขายังอื้อ ร่างกายอ่อนเหลวปวกเปียกเหมือนเขาละลายเป็นน้ำไปแล้ว ไม่เพียงความสุขสมทางกาย แต่ความรู้สึกอบอุ่น อิ่มเอม ยามร่างกายถูกเติมเต็มนั้น อุ่นซ่านไปถึงหัวใจ…
..................................................................
เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ริวสะดุ้งตื่นขึ้นมา เด็กหนุ่มรีบรับสายเพราะกลัวพสุจะตื่นขึ้นมาอีกคน
“ครับ...” ริวตอบรับเบาๆ แล้วค่อยๆ ถอยลงจากเตียงทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่า เด็กหนุ่มรีบเข้าไปในห้องน้ำแล้วเลื่อนประตูปิดกันเสียงลอดออกไปข้างนอก
“ไผ่เหรอจ๊ะ...เดี๋ยวรถออกตอน 7 โมงนะ” พี่จ๋าเตือนเสียงติดจะเกรงใจนิดๆ เพราะใกล้เวลารถออกแล้วยังไม่เห็นพสุกับริวไปรอขึ้นรถ
“ไม่ใช่พี่ไผ่หรอกครับ ริวเอง”
“อ้าว! ริวเหรอลูก...” พี่จ๋ารับคำงงๆ เพราะเธอโทรเข้าเบอร์พสุ
“พี่จ๋าไม่ต้องรอริวกับพี่ไผ่นะครับ” ริวรีบบอกเพราะเมื่อคืนเขาได้ยินพสุบอกพี่จ๋าว่าจะขอกลับพร้อมรถตู้ของกองถ่าย
“ทำไมละจ๊ะ?”
“คือ...ริวว่าจะอยู่เที่ยวอีกวันครับ ค่อยกลับเครื่องพรุ่งนี้”
“เอางั้นเหรอจ๊ะ โอเค ตามใจจ้ะ งั้นไว้เจอกันที่กรุงเทพนะลูก”
“ครับ ขอบคุณครับพี่จ๋า” ริววางสายแล้วตัดสินใจปิดเครื่อง ก่อนจะกลับมาสอดตัวในผ้าห่มผืนเดียวกับพสุอีกครั้ง......
อาการมึนงงและลมหายใจร้อนๆ ทำให้พสุแน่ใจว่าเขามีไข้ ชายหนุ่มขยับตัวแล้วนิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บแปลบจากสะโพกไปถึงบั้นเอวจนต้องนอนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วถึงค่อยๆ ขยับตัวอีกครั้ง แต่พอพลิกตัวนอนหงายก็เจอกับดวงตาสีน้ำตาลใสที่จับจ้องเขาอยู่จนแทบชิด
พสุหน้าร้อนวาบ หัวใจเต้นรัวจนแทบหลุดออกมานอกอก เพราะพอเห็นดวงตาสีน้ำตาลคู่นี้ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ดูเหมือนจะย้อนกลับมาเป็นฉากๆ ในหัว ไม่แค่อาการขัดเขิน แต่ยังมีความเก้อกระดากและละอายทำให้เขาไม่กล้าสบตาริว ถึงจะพยายามบอกตัวเองให้เตรียมใจรับผลของการตัดสินใจของตัวเองไว้แล้ว แต่ลึกๆ พสุรู้ดีว่ามันยากที่จะยอมรับความสัมพันธ์นี้ได้
ปากบางแตะลงบนปลายจมูก แล้วเลื่อนลงไปแนบจูบเรียกร้องจนพสุต้องจูบตอบอย่างยอมจำนน...เขาไม่เคยต่อต้านริวได้เลยสักครั้ง...ไม่ใช่เพราะพละกำลัง แต่เพราะใจเขาเองที่อ่อนให้เด็กหนุ่มตลอด
ริวยอมปล่อยปากของพสุเป็นอิสระหลังจากได้จูบจนพอใจ เด็กหนุ่มแตะหน้าผากกับหน้าผากของพสุเพื่อวัดไข้
“พี่มีไข้นี่ครับ เดี๋ยวกินข้าวต้มสักหน่อยก่อนนะครับ จะได้กินยา” เด็กหนุ่มเตือนเสียงนุ่ม จมูกและปากยังเคล้าเคลียอยู่บนแก้มและใบหูของพสุ ขณะที่อ้อมแขนยังกอดรัดร่างเปล่าเปลือยแนบชิด
“กี่โมงแล้วริว” พสุถามเสียงแปร่งพร่า หลังจากเอียงหน้าหนีปากของริวพ้น พร้อมกับกวาดตาไปรอบๆห้อง
“เก้าโมงกว่าแล้วครับ”
“อะไรนะ...แย่จริง ป่านนี้ทางกองถ่ายเขาไม่รอเราแย่แล้วเหรอ” พสุอุทานด้วยความตกใจแล้วขยับลุกขึ้น แต่เจ็บสะโพกจนต้องทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง หรือจะให้ชัดก็คือหลุดกลับเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของริวอีกรอบ เพราะทันทีที่เขาทิ้งตัวลงไปริวก็กางแขนรับแล้วตวัดตัวเขาเข้าไปกอดไว้แน่น
“ไม่ต้องลุกแล้วครับ พี่จ๋าโทรมาตามตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ริวก็เลยบอกไปแล้วว่าไม่ต้องรอเรา” ริวตอบเสียงใสแล้วจูบแก้มพสุซ้ำอย่างไม่รู้เบื่อ เพียงแค่ได้สูดลมหายใจที่มีกลิ่นกายของพสุ ในอกก็พองฟูด้วยความสุขจนล้น
“ไม่ต้องรอ?...แล้วเราจะกลับยังไง กลับเครื่องบ่ายนี้เหรอ?” พสุถามแล้วขยี้หัวคิวเบาๆ เพราะยังมึนๆ หัวอยู่ ปล่อยให้ริวซุกไซ้หากำไรกับร่างกายเขาต่อไป โดยไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืน
“พี่ลืมไปหรือเปล่า ว่าเรายังขึ้นเครื่องไม่ได้ เราเพิ่งดำน้ำลึกมานะครับ ครูฝึกเขาก็บอกว่าต้องรอให้ร่างกายปรับตัวอีกสักวันก่อน ถึงจะขึ้นเครื่องได้” ริวถามแล้วยันตัวขึ้นท้าวแขนคร่อมตัวพสุไว้
“พี่รู้ไง ถึงได้จะกลับกับรถกองถ่าย...แล้วอย่างนี้จะทำไง กลับรถทัวร์ดีมั๊ย”
“กลับเครื่องสิครับ แต่กลับพรุ่งนี้ก็ทัน ริวโทรไปเช็คมาแล้ว พรุ่งนี้สายๆ เราขึ้นเรือไปลงที่สมุย แล้วค่อยขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพกัน” ริวตอบพลางพลิกกายขึ้นทาบทับตัวพสุ ใต้ผ้าห่มทั้งเขาและพสุต่างไร้อาภรณ์ปกปิด เนื้อแนบเนื้อเบียดกระชับขนาดนี้มีหรือที่จะไม่ “รู้สึก”
“แต่...” พสุทำท่าจะค้าน แต่ริวปิดปากเขาด้วยปากของตัวเองเสียก่อน จูบหวานๆ พาอารมณ์ให้เตลิดได้ไม่ยาก
พสุผ่อนลมหายใจช้าๆ อย่างอ่อนใจ ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย กอดจูบลูบไล้กันขนาดนี้คงยากที่จะไม่รู้สึกรู้สมไปด้วย แต่เขายังเจ็บระบมขนาดนี้ ถ้าริวจะดึงดันให้ได้จริงๆ เขาคงได้ป่วยยาวแน่...พสุคิดแล้วก็ลืมเลือนไปเพราะปากอุ่นที่ซุกไซ้บนทรวงอกกำลังเล่นงานเขาจนแทบคิดอะไรไม่ออก
“อ๊ะ! “ พสุตัวกระตุกเมื่อนิ้วยาวนวดคลึงช่องทางที่ยังเจ็บระบม ริวเงยหน้าขึ้นจากซอกคอเลื่อนตัวลงไปนั่งระหว่างขาเขา แล้วแหวกสะโพกเจ็บระบมออกดูดื้อๆ พสุพยายามดิ้นหนีด้วยความกระดาก แต่ขยับทีก็เจ็บที สุดท้ายก็จำต้องข่มความอายนอนนิ่งๆ ปล่อยให้ริวดูตามสบาย
ริวช้อนตัวเขาขึ้นนั่งเอนๆ พิงหมอน แล้วลุกไปโทรสั่งข้าวต้มจากทางรีสอร์ททั้งที่ร่างกายยังเปล่าเปลือย พสุเหลือบมองร่างเปลือยของเด็กหนุ่มแวบเดียวก็เบือนหน้าไปทางอื่น มันยากที่จะทำใจว่าร่างที่แน่นด้วยมัดกล้ามงดงามนี้ คือคนที่กอดก่ายเขาอยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกันทั้งคืน
ริวสั่งอาหารเสร็จก็หันไปสวมเสื้อผ้าลวกๆ ไม่ถึง 5 นาทีก็มีเสียงเคาะประตู ริวออกไปเปิดประตู แล้วรับถาดอาหารเข้ามาวางให้พสุบนเตียง
“เดี๋ยวริวมานะครับ...พี่กินข้าว แล้วก็กินยาแก้ไข้ก่อนนะ” ริวจัดยาแก้ไข้กับแก้วน้ำมาวางไว้ให้ที่โต๊ะข้างเตียง แล้วชะโงกมาจูบแก้มเขาก่อนจะรีบร้อนออกไป พสุฝืนกินข้าวให้มากที่สุดเท่าที่จะทนกินไหว เพื่อกันไม่ให้ปวดท้องเพราะยาแก้ไข้คงกัดกระเพาะ ชายหนุ่มค่อยๆ เลื่อนตัวลงนอนทันทีที่กินข้าวกินยาเสร็จ ทั้งที่อยากจะอาบน้ำแต่สภาพร่างกายแบบนี้เขาคงเดินไปถึงประตูห้องน้ำไม่ไหวแน่ๆ จึงทำได้เพียงนอนพักให้ร่างกายได้ฟื้นตัวให้มากที่สุดเท่านั้น..........
………………………………………..
********************
อีกสองวันเจอกันใหม่ :laugh:
-
กรี๊ดดดดดดดด แวะมาดูก่อนไปนอน
ในที่สุดดดก็....
ฟินาเล่
ละมุนมากกกกกกก อบอุ่นจนแทบร้อนเลย o13
บวกหนึ่งค่าาาา
ปล. คืนแรกที่พร้อมใจ จากนั้นก้อฮันนีมูนต่อเลย ไม่ต้องกลับ กทม แล้ว
-
:haun4: :z1:
-
:haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
-
:-[
-
เค้าก็รอตอนนี้นี่แหละตัวเอง :laugh:
-
เสร๊จไปอีกรอบ
-
:pighaun: :pighaun: :pighaun:
ดีนะที่เข้ามาดูก่อนนอน.....
มันเป็นอะไรที่.... :haun4: :haun4: :haun4:
-
กำลังจะนอนแล้วเชียว
เข้ามาเห็นพอดี :interest:
-
ในที่สุด!ในที่สุด!ในที่สุด!
วันนี้ที่รอคอยก็มาถึง o7
มาเจอเอายามดึกก่อนนอน
ตาตื่นทันที
คงหลับลงล่ะทีนี้ :เฮ้อ:
-
ริวไปไหน? อย่าทิ้งพี่ไผ่ไว้คนเดียวน้าาา คนป่วยสะโพกร้าวต้องการคนประคบประหงม
ปล. 2วันเลยหรอ รอไม่ไหว
-
:haun4: :haun4:
เรียกเลือดทามกลางอากาศหนาว
-
ผ้าหง ผ้าห่มไม่ต้อง กองไฟ หรืออะไรที่ไหน
ก็ร้อนแรงได้ไม่เท่าตอนนี้
:m25: :m25: :m25:
ที่ทนหนาวมา 2 วัน โคตรคุ้มมมม
:กอด1: :กอด1:กอดคนแต่งสัก ล้านที
ปล.จะนอนฝันร้อนแรงไหมเนี่ยยย
-
กระแทกบวกแทบไม่ทัน โฮๆๆ
เขินมากจริงๆ ขอบอก
ขั้นตอนละเอียดมากกกกกก
อร๊ายยยยยย
ในที่สุด วันนี้ที่รอคอยยยยยยย มาแล้วสินะ
><
ขอให้หวานนนนนน หวานกันมากยิ่งขึ้น !!!!!!
-
:-[ :-[ :-[
วู๊วววว ในที่สุด
ดีใจกับริว ฮิ้ววววว
-
:haun4: :haun4: :haun4:
STRIKE!!!!! o7 o7 o7
-
กรี๊ดดดดดดด นี่แหละที่รอคอย :haun4:อยากจะกระโดดโลดเต้นซะจริงจริ๊ง อร๊ายยย มีความสุข
จากนี้ไปมาม่าเราจะทำการเขี่ยมันทิ้งไปไกลๆ จะเหลือแต่ของหวาน ความหวานเท่าน๊านนน :laugh:
พี่ไผ่ขา~ พอพี่ยอมรับใจตัวเองแบบนี้แล้ว พี่รู้ตัวมั๊ยคะ ว่าน่ารักมากกกก
จากความคิดที่หนูว่าพี่ไผ่แย่ยังงั้นยังงี้ ว่าพี่ไผ่เป็นวัยทองบ้างล่ะ โฮะๆๆ
ความคิดนั้น ไม่รู้ว่าหายวับไปไหนแล้ว เหลือแต่ที่ว่าพี่ไผ่น่ารักที่ซู๊ดดดด
ส่วนหนูริว โอ้ ไม่อยากจะเชื่อว่าหนูริวจะพัฒนาการได้ช่ำชองและรวดเร็วได้ใจชั้นแบบนี้ คึคึ
หวานกันให้น้ำทะเลหวานไปด้วยเลยค่า~
สุดท้าย เราจะลืมผู้มีพระคุณผู้นี้ไม่ได้เด็ดขาด ขอเสียงตบมือให้กับอลันผู้ล้ำเลิศหน่อยค่า กรี๊ดดด รักอลัน~
ปอลองกุงเกงลิง : อ๊ากกกก 2 วัน ไม่จริ๊งงง เร็วกว่านี้ไม่ได้หรอคะ T^T กำลังหวานได้ที่ หุหุ
-
เม้มท์อะไรไม่ออก นอกจาก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
:jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
-
เป็นฉากรักที่ละเมียดละไมจริงๆ เห็นถึงความอ่อนไหว ความวาบหวาม ความรักที่ิริวถ่ายทอดให้พี่ไผ่ได้รับรู้
มันโรแมนติกจริงๆนะ
-
:-[ :-[แช่มชื่นซะที
-
คุ้มค่ากับการรอคอย
พี่ไผ่ใจอ่อนแล้ว~เย้
พี่ไผ่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองแล้ว
คราวนี้คงจะมีแต่ความหวานเนอะ
น้องริว~พี่ไผ่ยอมแล้วก็จริง
ยังไงก็ทะนุถนอมพี่ไผ่เค้ามั่งน๊า
อย่าจัดหนักนัก ดูดิพี่ไผ่ไข้ขึ้นเลย
-
:haun4: :haun4: :haun4: :-[
อากาศหนาวๆคู่นี้ทำให้อุ่นจนร้อนกันเลยทีเดียว
-
อร๊ากกกกกกกกกกกกก
นายริวร้ายไม่ใช่เล่นนะครับ
เอาซะพี่ไผ่สยิวเลยย
อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
:m25: :m25: :m25:
-
ในที่สุด!!! พี่ไผ่ก็ยินยอมพร้อมใจจนได้
แต่แน่ใจเหรอว่าริวมันเคยเป็นเด็กไร้เดียงสามาก่อน อะไรมันจะช่ำชองขนาดนั้นประสบการณ์ของพี่ไผ่ไร้ความหมายไปเลย เสร็จหนูริวจนได้ 555
กด+ให้จ้า อีกสองวันเนอะ เจอกัน
-
:z2: เยสสสสสสสสส...ในที่สุด :mc4: :mc4:
-
หนูริวไปไหนแล้วละนั่น...55+
พี่ไผ่แย่เลย...ช่วงนี้ต้องคอยเอาใจพี่ไผ่เยอะๆหน่อยเนอะ..
ตอนนี้น่ารักดีคะ...คู่นี้เหมือนเปลี่ยนหน้าที่กันเลย..
หนูริวมาดูแลพี่ไผ่ซะงั้น..^ ^
-
:m25:
o13ในที่สุดริวก็ชนะใจไผ่จนได้
-
ฉลอง!!!พี่ไผ่ยอมรับใจตัวเองแล้ว วู้ๆๆๆ :z2:
เป็นบทอัศจรรย์ที่ทั้งหวาน นุ่มนวล ร้อนแรง :haun4:
กรี๊ด!!!! อิ่มอกอิ่มใจค่ะ :pig4:
-
น้องริวกินพี่ไผ่ซะอิ่ม ส่วนคนอ่านก็ดูพี่ไผ่กับน้องริวซะอิ่ม แต่ต้องหาเลือดสำรองมาอย่างด่วน โลหิตจางแหง๋ๆเรา :haun4: :haun4: :haun4:
-
เย้ในที่สุด พสุก็ยอมรับความรู้สึกตัวเอง
ดีใจกะนู๋ริวจิงๆ
-
สุดยอดด เหือก!! กันเลยทีเดียว
พี่ไผ่ไข้เลย ริวดูแลพี่เค้าดี ๆ เน้อ 555
-
>////<
เขินมากมาย อ๊ากกกกกก
ต่อไปนี้ก็รักกัน หวานชื่น ๆ ๆ ๆ
ริวเล่นซะพี่ไผ่มีไข้เลยนะ ดูแลดีดีด้วยล่ะ
ริวหื่น !
-
อ๊าย!!!! >///< ริวโปรแล้วนะเนี่ย หุหุหุ
-
เอาใจไปเต็ม ๆ :กอด1:
เป็นฉากรักที่อบอุ่นแล้วก็อ่อนโยนมาก ๆ อ่ะ :o8:
(ถึงอย่างนั้นพี่ไผ่ก็ยังจับไข้อ่ะนะ) :laugh:
โห...แต่สองวันเลยหรอคะ ขอนับเป็นวันอาทิตย์ตอนกลางคืนได้มั้ยอ่ะ o18
-
หุหุ :z1:
-
ตอนนี้แต่งมาช่วยแก้ภัยหนาวสุดๆ555
หนาวเนื้อห่มเนื้อจึงหายหนาว ใช่ไหมน้องริว อิๆ
-
กรี๊ดดดดดดดดด มันสุดยอดมาก :-[
ริวทำสำเร็จแล้วลูก ริวชนะใจพี่ไผ่แล้ว
โอ๊ย ดีใจจริงๆเลย
พี่ไผ่ เห็นไหมพี่ว่าริวรักพี่ขนาดไหน
แต่พี่ไผ่ ไม่สบายอีกแล้ว ริวถนอมพี่เค้าหน่อย
-
หนูริว สำเร็จแล้วนะลูก
ถนอมพี่เค้ามากๆๆนะ
-
กรี้ดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!! ในที่สุดริวก็ทำสำเร็จ พี่ไผ่ยอมรับแล้ว แต่ต้องให้เวลาพี่ไผ่อีกนิดนะยังเขินอยู่ :o8:
เป็นบทรักที่อบอุ่นมากๆ ริวส่งมอบความรักให้พี่ไผ่แบบว่ารักสุดชีวิต
ขนาดนั่งอ่านอยู่นี่ยังได้ได้ไออุ่นของความรักของริวเลย
พี่ไผ่ที่แนบชิดกับริวขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกถึงความรักของริวได้เต็มๆแน่ๆ
-
ในที่สุด.......... :o8:
ฉลองๆๆๆๆ :mc4:
ริวเก่งมากลูก หุหุ o13
-
กรี๊ด~~~~!! :pighaun:
เลือดกำดาวจะพุ่ง
แต่ชอบอ่ะ ตอนนี้ทั้งหวาน ทั้ง...
ในที่สุดพี่ไผ่เราก้อเลิกดื้อซะที
555+
-
แอร๊ย.....ลงเอยกันได้ซักที..
ดีใจที่พี่ไผ่ไม่หนีหัวใจตัวเองอีกแล้ว :-[
-
:pig4: ขอบคุณสำหรับของหวานจานนี้หวังว่าคนเขียนคงไม่แจกมาม่าเป็นลัง ๆ แบบที่แล้วมานะ
ปล.เป็น nc ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น
-
อบอุ่นมาก
-
หวานมากกกกกก
พี่ไผ่ยอมเปิดใจแล้ว
ดีใจจัง
-
ริว...ดู'ช่ำชอง'ยังไงชอบกลนะคะเนี่ย
เอ รึจะบอกว่าเรียนรู้เร็วดีเน้อ
-
หุหุหุ ยินดี ยินดี ^^
(http://lh5.ggpht.com/_me-eA-S4XjM/S6zhVQjfBMI/AAAAAAAADBY/eYlzZdjrfXc/pickup_sekihan%5B2%5D.jpg)
-
สมใจคนอ่านที่สุดเลย :z2:
-
นู๋ริวววว... จากถูกพี่ไผ่ดูแล.. เป็นดูแลพี่ไผ่ไปซะแล้วววนะเน้ย........
พีไผ่เป็ฯไข้แล้ว.. หนูริวต้องดูแลเยอะๆๆนะจ๊ะ...
แต่ไผ่กลายเป็ฯคนขี้อายไปเลยอะ.. ฮุๆๆๆ ชอบบบบบ...
-
+1 ค่ะ
จนได้
หนีไม่พ้นหรอกค่ะพี่ไผ่
หนูริวเค้ารุกหนักขนาดนี้
อิ อิ
-
โอ๊ยฉากนี้ที่รอคอย
อ่านไปเขินไปเลยครับ เป็นฉากที่ดูอบอุุ่มมากๆๆ
แต่ว่าริวจะไปไหนน่ะพี่ไผ่ป่วยอยู่นะต้องการคนดูแลชิดใกล้นะริว
รึว่าจะไปโทรหาอลันหว่า
-
:z3: :mc4: เย้ ลุ้นมาตั้งแต่ตอนแรก มาได้กันจิงๆตอนที่97นี่แล
อ้ายๆๆหวานกันมากมายๆ น้องก้ออ้อนเก่ง พี่ก้อขี้ใจอ่อน น่ารักๆ :oo1: :oo1:
-
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
55555+ ในที่สุดก็ได้กันแล้ว อิอิ
ต่อจากนี้ไปริวต้องเอาใจใส่พี่ไผ่ให้มากๆนะลูก
-
ในที่สุึดก็ลงเอยกันสักที
เย้ๆๆ มารอตอนต่อไปครับ อิอิ
-
หุหุหุ :pighaun:
หลังมาม่าก็ต้องลาบเลือด อิอิ
-
เย่ ในทีั่สุดก็ตกลงกันได้ซะทีน้า อิๆ
-
กว่าจะเข้าใจกัน ดีใจจังเลยค่า
-
พี่ไผ่ ในที่สุดก็ยอมรับแล้ว :กอด1: :กอด1:
-
:mc4:
ดีใจของโคตรดีใจเลยในที่สุดพี่ไผ่ก็ยอมรับริวจริงๆสักที
อย่างมันต้องปิดซอยฉลองกันไปเลยดีกว่า
:กอด1: :L2:
-
ได้หยุดต่ออีกหลายวัน ถนอมๆ พี่ไผ่หน่อยนะจ๊ะหนูริว เดี๋ยวพี่ไผ่จะช้ำเสียก่อน
-
ความอ่อนประสบการณ์ของริวน่าจะเป็น 0 นะเนี่ย.. :pighaun:
ลีลาขนาดนี้แอบไปฝึกกับใคร..สารภาพมาเลย
แต่..ลืมใช้เควายก็เจ็บนิดนึง
-
อ่านแล้วละลาย
ว่าแต่ไข้ขึ้นทุกที อย่างนี่พี่ไผ่จะรอดเหรอ
สงสัยต้องสลับกันบ้างแล้ว พี่ไผ่จะได้มีกำลังใจ
-
ดีใจจังยอมรับกันแล้วก็หวานออกมาอย่างนี้
แต่ริวจะรีบออกไปไหน ทิ้งพี่ไผ่ไว้คนเดียว
หรือจะโทรไปปรึกษาอลันอีก
-
:-[ :-[ :-[
-
อยากเป็นผ้าห่มมมมม
ในที่สุดพี่ไผ่ก็ยอมรับหัวใจตัวเองซะที แต่ต่อไปก็คงจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกแน่ๆ
ยังไงก็สู้ๆๆน้าพี่ไผ่ คิๆ
-
อยากอ่านแร้วอะ งิงุ
-
อบอุ่น อ่อนโยน และ อ่อนหวาน มากค่า
แบบนี้ต้องฉลองให้ยิ่งใหญ่
:mc4: :mc4: :mc4:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด :jul1:
ริวช่ำชองมาก ฮ่าๆๆๆ :laugh:
-
กรี้ดดดดดด ในที่สุดก็หวานซักที
ไผ่ดีแล้วลูกที่ยอมน้อง อิอิ
เลือดกระฉูดจริงๆ ฉากนี้
-
เขาได้กันแล้วววววววว :mc4:
อ่านแล้วรู้สึกว่าหวานมาก เป็นฉากเรียกเลือดที่ อ่านแล้วไม่ติดขัดเลยค่ะ
รักกันนานๆนะ พี่ไผ่ น้องริว
-
พรุ่งนี้จะได้อ่านชิมิ :-[
:call:
-
จัดไป 1 แต้ม อัดซะชุ่มปอดเลยเชียว ขอบคุณค่ะ
-
ริวหงะ ไปไหนนนน หายามาทาให้พี่ไผ่เลยๆๆๆ
-
อ่านไปก็รู้สึกอบอุ่นในใจเลยละครับ
เป็นอะไรที่ดีมากในความรู้สึกเลยว่า มันไม่ใช่แค่เซ็กส์
แต่มันเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกที่ดี ที่มาจากสิ่งที่เรียกว่า "รัก"
แต่น้องริวก็เบาๆ ทนุทนอมหน่อยนะ พี่ไผ่เขายังไม่ชิน (ห่างจากครั้งแรกไปนานมาก)
:oo1:
-
ร้อนแรง
:m25:
นู๋ริวเราเติบโตแล้ววววว
-
อยาก กด + ให้หลายๆ ครั้งจังเลย
เพราตอนนี้ถูกใจเป็นที่สุด :-[
-
และแล้วพี่ไผ่ก็โดนไอ้เสืองาบบบบบบอีกจนได้ :laugh:
-
:L2: :กอด1:รักริว-ไผ่นะตัวเอง
:mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
-
สุดท้าย พี่ไผ่ก้อยอมใจอ่อน
กับริวแว้ว อ้ากกก
-
ในที่สุดพี่ไผ่ก้อยอมให้ริวกลืนกินทั้งตัวแล้ว เย้
เป็น NC ที่อ่อนหวานน่ารักเร่าร้อน ครบ
ดีแล้วที่ริวรู้จัก รอ เห็นมั้ย มัน ดี ขนาดไหน แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
-
โอม... ตอนต่อไปจงมาๆ จงมาๆ :call: :fire:
-
โอ้ยยยยย......สำเร็วแล้ว ไผ่ยอมรับแล้ว :really2:
แถมยังเต็มใจให้ริว :oo1: ด้วย :haun4:
:pig4: คะ
-
คืนนี้...ใช่มั้ยคะ :กอด1:
-
รออยู่จ้า
-
ฮารูลาเย่ เทห์ระเบิดเทิดเทิง กระเจิงกันไปทุกทิศ
-
:call:
:call:
:call:
-
อ่าน...วนอยู่ตอนนี้ ไม่มีเบื่อ :haun5:
อ่านแล้วมันอบอุ่นมาก ร้อนกายแต่อุ่นใจ
o13ว่าแต่เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วหรือครับ
-
และแล้วก็ถึงตอนที่สองคนเค้าใจตรงกันแล้วอ่ะ
เป็นฉากที่...อบอุ่นมากค่ะ ^^b
-
:pighaun:
และแล้วก็ยิ้มกันได้เสียที
มีความสุขจัง
:z2: :z2: :z2:
-
:t3:
:call: :call:
-
มานั่งรอริว คาดว่าริวจะออกไปซื้อเจลมาใช้คืนนี้ :z1: :haun4:
-
คืนนี้จะมามั๊ย :haun5:
-
ขอโทษมิตรรักแฟนเพลงดวยนะค๊า วันนี้ยังไม่ได้มาต่อ
แต่มีคำถามฝากมาจากป้าไร้ท์เตอร์จ้า~
:z13:
**************
มีคำถาม 3 ข้อค้าบ
ข้อแรก อย่างที่เคยบอกไปว่าตอนนี้เขียนตอนจบอยู่ แต่...ก่อนหน้าตอนจบ มันเป็นฉาก NC ที่แบบติดๆ กันหลายชอต ก็ฮันนีมูนอ่านะ....พอส่งให้บรรดาผู้ตรวจ ก็ได้รับคอมเมนต์กลับมาว่า เยอะเกินไป ริวหื่นเกิ๊น ก็เลยอยากรู้ว่า NC เยอะไป จะเอียนกันมั๊ยอ่าคับ จะเอาออกดีมั๊ย หรือจะตัดไปโคมไฟ ข้างฝา ผนัง อะไรแบบนี้แทนดี (ตัดเฉพาะที่ลงที่นี่ อิอิ)
ให้คนอ่านตัดสินใจเนาะ จะได้ไม่มีใครมาบ่นว่า เยอะไป ไม่สนุก เอียนแล้ว หรือคนแต่งแม่มหื่น
แฮ่...(ป้าเปล่านะ อิริวมันหื่นของมันเอง)
ข้อสอง ที่ถามกันมาเรื่องรวมเล่ม รวมแน่นอนค้าบ ใครสนใจก็เก็บตังค์ไว้ก่อนละกันเนาะ เพราะเท่าที่ดู คงอยู่ที่ 3 เล่มจบ ตอนนี้พันกว่าหน้า A5 ไปแล้ว ยังไม่รวมภาคพิเศษ
ข้อสาม อันนี้ต่อเนื่องจากข้อสอง ภาคพิเศษ อยากจะขอเอาคนอ่านที่น่ารักมาเข้าฉากด้วย แม้จะไม่เต็มใจ แต่จอง PEENAT yayee2 justlove minchy ไว้ก่อนแบบมัดมือชก วะฮ่าฮ่าฮ่า ส่วนท่านอื่นๆ ใครจะยอมให้ป้าเอามายำในภาคพิเศษ ก็ส่งชื่อในวงการ หรือชื่อที่ชอบ รวมทั้งเพศ(ในเรื่อง) มาทาง pm นะค้าบ ถ้ามีคนสมยอมหลายคน(หุหุ) ก็อาจจะใส่ในภาคพิเศษไม่หมด แต่จะเก็บไว้เป็นตัวละครในเรื่องต่อๆไป อิอิ
*****************
แล้วจะมาต่อตอนต่อไปพรุ่งนี้ (ดึกๆ) จ้า :t3:
-
ขอตอบข้อแรกว่าม่ายนะลุ้นมาตั้งนานกว่าจะมีสักฉาก
ข้อสองอิอิเก็บอยู่รอเรื่องนี้อยู่ว่าจะออกเมื่อไหร่
ข้อสามไม่รู้สิครับแล้วแต่คนแต่งแล้วกันเนาะ
-
รับทราบ
สำหรับข้อ 1 ยินดีอ่านฉบับเต็ม ไม่ชอบโคมไฟ :laugh:
-
มาตอบคำถามให้ป้าอย่างด่วนๆเลยค่ะ
ข้อ1. ไม่ต้องเอาออกหรอกค่ะ จัดเต็มมาเหอะ เอ็นซีเยอะๆนู๋ชอบ :haun4: ก๊ากกกกก
ข้อ2. อิอิอิ เก็บตังค์รอน้องริวกะพี่ไผ่ๆ :L2: :L2:
ข้อ3. โอ้ว ป้าเปิดโอกาสกันเต็มที่แบบนี้ o18 รออ่านภาคพิเศษกะเรื่องใหม่นะคะๆ :L1: :L1:
ปล.ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่มีให้อ่านกันค่ะ :pig4: :pig4:
-
มาช่วยตอบค่ะ :L2:
1. จัดมาให้เต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องแอบไม่ต้องเก็บ น้องริวใสซื่อมามากแล้ว :laugh: ขอหื่นๆมั่งจะเป็นไรเนอะ :z1:
2. ขอหลังงานหนังสือสักเดือนนะคะ ช่วงนี้ไฟช็อตชักกะแด่วๆเลย ชอปหนังสือเดือนนี้ตังค์หมดแน่อ่ะ แง๊ๆๆๆๆๆ :sad4: :serius2:
3. รออ่านตอนพิเศษค่ะ :m1:
ปล.ถามหน่อยค่ะว่า อีกประมาณกี่ตอนถึงจะจบอ่ะคะ? อยากรู้ๆ :m13:
-
ข้อหนึ่ง ยังไงก็ได้ค่า อิอิ จุดสำคัญ อยากอ่านฉากหวานๆๆของน้องริวกับพี่ไผ่ ><
-
ข้อ 1. จัดมาเต็มๆ ไม่มีเอียน เพราะว่าัดมาม่าต้องต้องแต่เริ่มเรื่องแล้ว
ข้อ 2. เก็บตังๆ อยากได้ด้วย อิอิ
ข้อ 3. เอาหนู๋ไปด้วยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นเพศอะไรดี ขอเป็นสาวสองแล้วกันก็เป็นอยู่ ในเรื่องไม่ค่อยมีกระเทยสวยๆแบบนี้เป็นตัวประกอบเลย 555555555 +
-
แวะมาช่วยตอบค่ะ...
ข้อแรก เรายังไงก็ได้ค่ะ แล้วแต่ผู้แต่งเห็นสมควร เพราะที่อ่านมาทุกตอน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีฉากนั้น ก็สนุกทุกตอนค่ะ
ข้อสอง จะรออุดหนุนนะคะ อิอิ
ข้อสาม จะรออ่านตอนพิเศษนะคะ สู้ๆค่ะ
-
ถ้าริวเจอพี่ไผ่แล้วไม่หื่นให้มันรู้ไป เพราะงั้นจัดเต็มได้เลยค่า ไม่ว่ากัน อิๆ(อันนี้ตอบข้อหนึ่ง) :z1:
ข้อสอง...พันหน้ากระดาษ...โอ้วววว...เยอะมาก!...
ข้อสาม...จัดตอนพิเศษมาเลยค่ะ เอาใครมายำใหญ่ใส่พี่ไผ่กับริวก็มาเลย อย่าช้า ฮี่ๆ หนูจะรอ^^
-
1 . หนู่ไม่นิยม โครมไฟคร้าาา 5555+ :z1: :z1:
2 . หนูไม่หวั่นแม้จะไม่มีข้าวกิน แต่หนูกิน น้องริว กับพี่ไผ่ เป็นอาหาร หึหึ :-[
3 . เต็มที่เลยคร้า
-
ข้อแรก...ไม่ต้องตัดหรอกค่ะ รับรองไม่เอียน เพราะกว่าจะโผล่ซักฉากก็ต้องลุ้นจนเกือบลืมหายใจ :sad4:
ข้อสอง...เก็บก็เก็บ ตังค์จ๋าเขาลาก่อน :o12:
ข้อสาม...ขอเอี่ยวด้วยคนได้มั้ยอ่ะ ขอกรี๊ดอลันแบบติดขอบสนามเลย :laugh:
-
1. เด็กกำลังโต อย่าไปห้ามเลยเดี๊ยวเก็บกด จัดเต็มไปเลยค้า :-[
2. เตรียมเก็บเงินรอ 3 เล่ม >.</ *กริ๊ดๆๆ*
3. :impress2: ซินดี้ยินยอมพร้อมกาย และจะรอตอนพิเศษค่ะ
-
1. จัดมาเต็มๆเลยครับอย่าให้เสีย..ของเพราะเสียนำ้ตามาก็เยอะล่ะ
ไปขัดขวางพี่ไผ่กับริวมีความสุขในช่วงฮันนีมูน ข้าวใหม่ปลามัน
มันบาปนะครับ... :oo1:
2. เก็บเงินรอไว้แล้วครับ เรื่องนี้ไม่พลาด
3. -----
:L2:พรุ่งนี้จะมารอตั้งแต่หัวคำ่เลยครับ
-
จะทำอะไรก็ทำโลด มาแบบไหนก็อ่านทุกแบบทุกกระบวนท่าแหละ(อร๊ายคิดดังไปนิดนึง)ส่วนขอยืมชื่อไปเฉยๆได้ไงเอาแบบครบๆร่างเลยก็ได้ค่ะตัวจริงคาแรคเตอร์ก็แค่คนแก่ปากร้ายใจดีรักเด็กหนุ่มๆ ละอ่อนๆ กระดูกอ่อนๆ กรุบๆ กรับๆ อ้อแถมอีกนิดรักสงบแต่เรื่องตบก็บ่อยั่น
555
ปล. PEENAT1972 อย่าลืมเลขท้าย4ตัวไว้ใบ้หวยงวดหน้าด้วยนะคะ 555
แต่ถ้าไม่สะดวก
เอาเป็นพีระนัฐ ตามความจริงได้เลยคะ อิๆ
-
ไม่เอียนค่า...ฉากจะเยอะแค่ไหนก็ไม่เอียนคะ...อยากอ่านๆๆๆ...>.<
ดีใจจังที่จะมีรวมเล่มให้ด้วย..อยากอ่านตอนพิเศษมั่กๆค่า...ขอหวานๆด้วยจะได้ไหมคะ..55+
-
ข้อ1. ไม่ชอบโคมไฟ จัดเต็มปายยยยยย :haun4:
ข้อ2. เก็บเงินรอจ้า
ข้อ3. แล้วแต่คนเขียนจ้า :o8:
-
ข้อ 1 จัดเต็มมาเลยค่ะ (หัวเราะ) เราเป็นผู้หญิงซอฟๆ แต่ว่าจัดเต็มมาหนูก็ไม่เอียนค่ะ ก๊ากกกกกก
ข้อ 2 เก็บตังค์ !!!!
ข้อ 3 อัพ ทู คนเขียนเลยจ้ะ ^^
รอน้องริว
><
-
ไม่มีปัญหาค่ะ ไม่มีคำว่าเอียนสำหรับหนูริว และพี่ไผ่
จะรอนะค่ะ ทั้งหนังสือและตอนต่อไป
-
ตอบ : ข้อที่ 1 - จัดเต็มมาเลยครับ เอาหมดเลยทุกอย่างนะ 55+ :laugh: :laugh: (เพราะกว่าจะหวานกันแบบนี้ได้ เล่นเอาเกือบเลิกอ่าน)
ตอบ : ข้อที่ 2 - สามเล่ม จะเก็บเงินรอเลยครับ จัดมาเลยครับ ฮ่าๆ :mc4: :mc4:
ตอบ : ข้อที่ 3 - ขอตอน พิเศษหลายๆตอนเลยนะครับ ฮ่าๆ (แอบเชียร์อลัน !!!!!!) :-[ :-[
-
จัดมาเต็มที่เลยค่าา o13
-
ข้อ 1 รอมานานแล้วครับ ฉากแบบนี้จนกว่าน้องริวจะกดพี่ไผ่ได้นี่ 80 ตอน TT^TT
เอาเป็นว่าถ้าไปบวกลบคูณหารกันแล้วถือว่านิดเดียวครับ แล้วอีกอย่างจะได้ดูพัฒนาการน้องริวด้วยว่าเป็นขนาดไหน :laugh:
ข้อ 2 เสียตังอีกแล้ว อิิอิ ถ้าหนังสือออกมาในช่วงมีตังพอดีก็จะสอยครับ พลาดของหลายๆ ท่านในเล้าเพราะเจอวิกฤตทางการเงินนี่แหละ :m15:
ข้อ 3 จะรอนะครับสำหรับตอนพิเศษ :กอด1:
-
1.จัดเต็มเท่านั้น :haun4:
2.จะเริ่มเก็บเงินรอตั้งแต่วันนี้เลย :-[
3.อยากอ่านสเปมากๆ :call:
-
ข้อ1เนี้ยถ้าไม่จัดเต็มมีโกรธค่า :laugh: แหมก็กว่าจะxyzกันก็ปาเข้าไปจะจบเรื่องล่ะ
ตอนพิเศษยังจะตัดแบบนี้เค้าไม่ยอมมมมมม :serius2: ส่วนที่เหลือเห็นตามสมควรเลยจร้า
-
ข้อ1.ด้วยความที่เมย์เป็นแม่ยกน้องริว ก็อยากจะให้น้องสมหวังมากๆ (แม้จะทำร้ายร่างกายพี่ไผ่ก็เหอะ) เพราะฉะนั้นจัดเต็มได้เลยค่าริวจะได้ไม่เสียใจ ฮี่ฮี่
ข้อ2.เตรียมตัวหยอดกระปุกตั้งแต่วันนี้เลยละกัน จะเอาน้องริวกับพี่ไผ่มานอนกอดที่บ้านแน่นอน
ข้อ3.ตามใจคนแต่งเลยจ้า ยังไงก็รออ่านแน่นอน อิอิ
-
1. :o8: ตามใจผู้แต่งค่าาา อิอิ แต่ดร่ามามาเยอะแล้วน้องริวคงเก็บกด หุหุ :laugh:
2. เก็บกระเป๋า ยอดกระปุกรอแล้วคร่าาา :L2:
3. จะรออ่านตอนพิเศษทุกตอนเลย ขอแบบอ่านแล้วยิ้มได้ส่งท้ายกันเลยน้าาา :mc4:
-
มาตอบข้อแรก จัดเต็มที่เลยค่ะ รอลุ้นมากนานแล้ว มีทั้งที่ก็อยากอ่านเต็มมันไปเลย
ข้อสอง ตอนนี้ก็เก็บเงินแล้วค่ะ ต้องเอามาสะสมให้ได้ รอด้วยนะพี่ไผ่ น้องริว
ข้อสาม จัดไปเต็มที่เลยค่ะแล้วแต่คนแต่ง อยากให้อลันมีคู่
รอคนแต่ง คนอัพมาอัพอยู่นะ ฮันนีมูนแสนหวาน
-
ตอบ : ข้อที่ 1 - จัดเต็ม เอาหมดเลยทุกอย่าง ทุกฉาก อย่าได้มีสิ่งใดมาขวางกั้น กว่าจะถึงจุดนี้ เล่นเอาอิ่มมา่ม่า
ตอบ : ข้อที่ 2 - สามเล่ม จะเก็บเงินรอ แพลนไว้เท่าไหร่ อย่างไร ฮ่า ๆ
ตอบ : ข้อที่ 3 - ขอพิเศษแบบหื่นปนหวาน ๆ มันก้อจะวี๊ด ว๊าย วี๊ด วิ๊ว มีกำลังใจขึ้นมาเลยทีเดียว
ปล. รีบมาต่อด่วน ๆ ก่อนจะลงแดงตายซะก่อน ฮ่า ๆ
ส่วนไอ NC นี่ ไม่มีคัยเอืยน เอียน เบื่อ หรอกค่ะ ตามหลักความจิง เด็กวันกะลังจะโตได้อีก ได้ปลดปล่อยกะคนที่รัก
ที่กว่าจะใจตรงกานซะนี่ ไม่มีคัยใจร้ายยยยยยยย ทำนู๋ริวได้ลงคอหรอก ถ้าไรเตอร์อยากมีผู้ช่วยคิดพลอตเว่อร์ ๆ ติดต่อนู๋ได้นะ
เพราะหลงรัก จึงยอมให้ใช้งานฟรี ๆๆๆๆๆๆ เลยเอ๊า อิอิอิอิอิ
-
ข้อแรก - จัดมาเต็มๆอย่าได้กั๊ก เพราะเก็บกดจากช่วงแรกๆเหลือเกิน ถ้ามีโอกาสนี่ใส่มาเต็มเหนี่ยวเลยค่ะ
ข้อสอง - เก็บตังค์ไว้รอเลย
ข้อสาม - อันนี้แล้วแต่ไรท์เตอร์เลยจ๊ะ
ปล. ตั้งตารอ ข้อ 1 ด้วยใจจดใจจ่อ หาเลือดสำรองไว้เยอะเลย :haun4: :haun4:
-
ถ้าริวเจอพี่ไผ่แล้วไม่หื่นให้มันรู้ไป เพราะงั้นจัดเต็มได้เลยค่า ไม่ว่ากัน อิๆ(อันนี้ตอบข้อหนึ่ง) :z1:
ข้อสอง...พันหน้ากระดาษ...โอ้วววว...เยอะมาก!...
ข้อสาม...จัดตอนพิเศษมาเลยค่ะ เอาใครมายำใหญ่ใส่พี่ไผ่กับริวก็มาเลย อย่าช้า ฮี่ๆ หนูจะรอ^^
^
^
ตามนี้เลยค่ะ :z1:
-
มีเอ็นซีเยอะไม่อะไรนะคะ แต่คิดๆ แล้วก็สงสารพี่ไผ่บ้างอะไรบ้าง ถึงคงจะมีความสุขก็เหอะ แต่ความเป็นพี่ไผ่เมื่อต้นๆ เรื่องมันหายไปอ่าค่ะ บอกไม่ถูกเหมือนกัน
-
ขอตอบข้อหนึ่ง อย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด
จัดหนักไปเลยค่ะ คนเขียน หุหุหุ
-
รับทราบ
สำหรับข้อ 1 ยินดีอ่านฉบับเต็ม ไม่ชอบโคมไฟ :laugh:
+1 ครับ
555+
-
1.จัดเต็มมาเลยจ้า ไม่มีเอียน เพื่อความสุขของริวกะไผ่ เราสู้ตาย
2.จะรอ รอ และรอ จ้า
3.ตามใจคนเขียนเลยจ้า
:impress2: :impress2:
-
1. ขอเต็มๆ ค่ะ
2. รอเหมือนกันค่ะ
3. แล้วแต่ผู้แต่งเลยค่ะ
-
1 จัดหนักไปเรยจ่ะ รออ่านอยู่
2 เก็บตังค์เตรียมพร้อมเสมอ
3 แล้วแต่คนเขียนเรยจ้า ยังไงก็อ่านอยู่แล้ว
-
จัดหนักไปเลยคร้าบพี่น้องคร้าบทุกข้อ อิอิ แต่มะอาวมาม่าแล้วน้า
จุ๊บๆ
-
จัดมาเลยค่ะไม่มีเบื่ออยู่แล้วและจะเก็บเงินรอรวมเล่มนะ :กอด1:
-
จัดเต็มทุกรูปแบบไปเลย รออ่าน ฮุๆๆ รับได้เสมอ (ฮันนีมูน) :กอด1:
-
จัดมาทุกข้อเลยค่ะ
ไม่ปฏิเสธ
-
เป็นคนหนึ่งที่ซุ่มอ่านมาตั้งแต่แรกค่ะ ถึงจะเม้นท์ไม่บ่อย แต่ก็อยากบอกว่าผูกพันกับทั้งริวและพี่ไผ่และทุกๆ ตัวละครในเรื่องนี้มาก
อยากชื่นชมคุณไร้ท์เตอร์ ที่สร้างสรรค์นิยายเรื่องนี้ขึ้นอย่างดีซะจนมีอิทธิพลกับจิตใจผู้อ่านอย่างเรามากจริงๆ
ต้องสารภาพตามตรงว่า ตั้งแต่เนื้อหาเกิดความผกผันด้านความสัมพันธ์ระหว่างริวกับพี่ไผ่ มันทำให้ความรู้สึกในใจเราเปลี่ยน
ทุกครั้งที่อ่าน NC จะมีความสงสารพี่ไผ่ปนอยู่เสมอ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ต้องอ่านข้ามๆ ไป (แต่รู้สึกคนอื่นๆ คนจะไม่เป็นกัน)
ตอนหลังๆ เลยเข้ามาอ่านน้อยลง บอกตัวเองไม่ถูกว่าทำไมถึงทำใจอ่านไม่ค่อยได้ รอบนี้เห็นมีคำถามจากคนไร้ท์เตอร์จึงเปิดเข้ามาเพื่อแสดงความคิดเห็นค่ะ
เราคงผิดปกติเอง หรือเราอินมากไป รู้สึกว่าพี่ไผ่สูญเสียทุกอย่าง ไม่เหลือใครทั้งพ่อแม่ พี่ไผ่มีริวก็จริงแต่รู้สึกเหมือนพี่ไผ่สูญเสียตัวเองไปทีละน้อย
ความเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง อบอุ่น พร้อมจะปกป้องผู้อื่นมันลดลงจนตอนนี้เราสัมผัสมันแทบไม่ได้ และริวกำลังกลายเป็นใครที่เราไม่รู้จัก
เหมือนมันเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับจิตใจคนอ่านอย่างเราค่ะ ขออภัยที่ 80 กว่าตอนนั้นคงทำให้เราอินมากไป
ยังไงก็รอติดตามนิยายเรื่องต่อๆ ไปของไร้ท์เตอร์เสมอค่ะ รักความสุขที่ได้จากไร้ท์เตอร์ม๊ากเสมอค่ะ
-
ว้ายๆๆ มีเราด้วยหรอ ที่จะได้ไปปะหน้าพี่ไผ่กะน้องริวตัวเป็นๆ ในตอนพิเศษ กริ๊ดๆๆ :-[
ป้าไรเตอร์คะ ฉากหื่นหน่ะ เยอะไม่ว่า แต่มิ้นอ่ะเป็นแม่ยกพี่ไผ่ จะไม่ให้พี่ไผ่กดน้องบ้างหรอคะ ป้าใจร้ายจะให้พี่เจ็บอยู่ฝ่ายเดียว :monkeysad:
-
ตอบ
1. กว่าจะหมูฉึก ๆ กันได้ก็ลุ้นแทบเป็นแทบตาย มีมาหน่อยคงไม่หน้าเกรียดมังคะ :haun4:
2. ความฝันใกล้เป็นจริง
3. จะรออ่านว่าใครจะมามีส่วนร่วมบ้างคงสนุกหน้าดู
:pig4: คะ
-
1 จัดเต็มมาเลยคะ ไม่ต้องเกรงใจ
2 รับทราบ
3 แล้วแต่สะดวกคะ
รออยู่นะคะ
:pig4:
-
มาตอบด้วยกั้บ
ข้อ1...จัดเต็มมาเลย เข้าใจนู๋ริวมั่กกก เก็บกดมานาน อ๊ากกก
จัดมา..อย่าให้เสีย คริคริ คนอ่านไม่ชอบโคมไฟอ่า :-[
ข้อ2...ซื้อๆ อยากได้ :pig4:
ข้อ3...เอร่ออออ ตามสบายงั้บ งุงิๆ
-
ข้อ 1 จัดไปค่า....ไม่ต้องเอาออก รอลุ้นตอนนี้อยู่ 555+
ข้อ 2 เก็บตังรอค่ะ
ข้อ 3 รอตอนพิเศษอยู่ค่าาา
-
จัดมาให้เต็มที่สำหรับข้อแรกเลยค่ะ ^^
-
1 จัดมาเถอะค่ะ น้องรับได้
2 จะเก็บตังรอ
3 ไม่ออกความเห็น
-
คำตอบล้นหลาม...คืนนี้ คืนนี้ :call:
-
เราคงผิดปกติเอง หรือเราอินมากไป รู้สึกว่าพี่ไผ่สูญเสียทุกอย่าง ไม่เหลือใครทั้งพ่อแม่ พี่ไผ่มีริวก็จริงแต่รู้สึกเหมือนพี่ไผ่สูญเสียตัวเองไปทีละน้อย
ความเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง อบอุ่น พร้อมจะปกป้องผู้อื่นมันลดลงจนตอนนี้เราสัมผัสมันแทบไม่ได้ และริวกำลังกลายเป็นใครที่เราไม่รู้จัก
เหมือนมันเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับจิตใจคนอ่านอย่างเราค่ะ
ไม่ผิดปกติหรอกค่ะที่จะรู้สึกแบบนั้น เพราะนั่นคือเจตนาของคนเขียน
พี่ไผ่เปลี่ยนค่ะ เปลี่ยนแน่นอน เปลี่ยนแบบไม่ได้ตั้งใจเปลี่ยน (แต่คนเขียนตั้งใจ หุหุ o18)
พี่ไผ่ก็ยังคงเป็นพี่ไผ่ ที่อบอุ่น อ่อนโยน และห่วงใยน้อง
แต่ที่ต่างไปคือ พี่ไผ่ไม่จำเป็นต้องสร้างกำแพงมากั้นตัวเองกับริว ไม่ต้องใส่หน้ากากสังคมเวลาอยู่กับน้อง
ไม่ต้องทำตัวเข้มแข็งพึ่งพา ได้ตลอดเวลา ทั้งที่ลึกๆ พี่ไผ่เป็นคนอ่อนไหว จนเกือบจะอ่อนแอด้วยซ้ำ
ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ไผ่กับริว ไม่เหมือนคนอื่น เพราะริวไม่ใช่เพื่อนอย่างตะวัน และไม่ใช่น้องอย่างไวยากรณ์ แต่ริวเป็นคนรัก
รัก...ก็ต้องมีหึงหวง มีแง่งอน(ปู้ชายก็งอนเป็นนะค้าบ แค่เขาไม่สะบ๊อบใส่เราเท่านั้นเอง)
หลายคนเลยรู้สึกว่าพี่ไผ่สาวแตก แต่ถ้าดูจากพฤติกรรม อินู๋ริวสาวกว่าอีก ขี้แง แสนงอน แล้วก็เอาแต่ใจ จริ! :a14:
พี่ไผ่มีจุดด่างในใจให้ติดลบในเรื่องของความรักมาตลอด เพราะพ่อ
ทำให้พี่ไผ่เอคติกับความรัก อคติกับชีวิตครอบครัว
พี่ไผ่ถึงไม่ยอมแต่งงานกับแก้วกุดั่นเพราะไม่ไว้ใจตัวเอง ว่าสักวันจะทำแก้วกุดั่นเจ็บปวดเหมือนที่พ่อทำให้แม่เจ็บหรือเปล่า
แต่ริวมาในรูปแบบของน้อง เจาะผ่านกำแพงของความระมัดระวังเข้ามาด้วยความไร้เดียงสาและน่าสงสาร
พี่ไผ่ถึงรักริวแบบน้อง และไม่เคยคิดกับริวในแง่ชู้สาว (ที่ทำให้ขัดอกขัดใจใครหลายๆคนในนี้)
มันยากที่จะยอมรับว่ารักริวอย่างคนรัก แต่ก็รักไปแล้ว และไม่มีทางถอยกลับเพราะกว่าจะรู้ตัว ความสัมพันธ์มันก็เลยเถิดไปไกล
แล้วความสัมพันธ์แบบนี้แหละที่ทำให้พี่ไผ่วางตัวไม่ถูก กระดากกระเดื่อง เขินอาย และไม่เป็นตัวของตัวเอง
ส่วนอิน้องริว หึหึ ถ้ายังจำกันได้ อิน้องริวมันเป็นเด็กนรกนะคะ แต่ที่น้องว่าง่าย น่ารัก ก็เพราะน้องรักพี่ไผ่
รักถึงยอมทุกอย่าง รักถึงไม่มีเงื่อนไข และเพราะรัก ถึงยอมเปลี่ยนตัวเองเป็นเด็กดี แต่ก็เฉพาะกับพี่ไผ่นะคะ
ดูได้จากเวลาริวปฏิบัติกับคนอื่น ริวไม่แคร์ และไม่สนใจด้วยว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง แม้แต่กับอลัน ริวก็ยังสั่ง สั่ง และสั่ง
พอถึงวันนี้ วันที่ริวเริ่มรู้ตัวว่าพี่รัก ก็ไม่แปลกนี่คะที่ริวจะเริ่มเอาแต่ใจ(และหื่น อิอิ)
อย่าลืมว่าริวยังไม่ 20 เลยนะคะ น้องยังเด็กออก ฉลาดแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ
ตอบยาวไปมะ ยาวเนาะ แต่อยากตอบอ่ะ หุหุ
-
มาตอบคำถามให้ป้าอย่างด่วนๆเลยค่ะ
ข้อ1. จัดเต็มมาเหอะ นู๋ชอบ ลุ้นอยู่ตั้งนานกว่าจะมีสักตอน
ข้อ2. เก็บตังค์รอน้องริวกะพี่ไผ่
ข้อ3. เขินอะถ้าจะมีตัวเองในนั้น แต่ก้ออยากมีอะคะ ขอเป็นส่วนหนึ่งด้วยคนนะคะ
ปล.ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่มีให้อ่านกันค่ะ
-
ขอตอบทุกข้อ
อยากบอกว่า จัดเต็มมาทุกอย่างเลยจ้าาาา
คนอ่านชอบหมดแหละ ><
-
1.ต้องการฉากเรียกเลือดคร่า :haun5: อิอิ
เพราะเรื่องนี้ไม่ค่อยมีฉากNC เท่าไหร่
(ถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆนะแต่มาหนักที่ท้ายเรื่องชิมิ)
คิดว่าฉากNCคงเท่ากับเรื่องอื่นๆแหละถ้าเอามารวมๆกัน
(( :m26:แต่ถ้าต้องตัดออกจิงๆ แบบที่ไม่ตัดลงบอร์ดไหนอ่ะบอกด้วยนะ :laugh:))
2.เอ่อ...3เล่ม พันกว่าหน้า :m29:จะ จะ จะเก็บตังรอนะอยากอ่านตอนพิเศษ
3.อยากมีชื่อด้วยจัง :impress:เด๋วจาส่งPMไปนะ
-
อ่านะ คือริวก็คงเก็บกดมานาน (รวมถึงคนอ่านด้วย :laugh:) ปล่อยๆเค้าไปบ้างเหอะ
-
ขอโทษมิตรรักแฟนเพลงดวยนะค๊า วันนี้ยังไม่ได้มาต่อ
แต่มีคำถามฝากมาจากป้าไร้ท์เตอร์จ้า~
:z13:
**************
มีคำถาม 3 ข้อค้าบ
ข้อแรก อย่างที่เคยบอกไปว่าตอนนี้เขียนตอนจบอยู่ แต่...ก่อนหน้าตอนจบ มันเป็นฉาก NC ที่แบบติดๆ กันหลายชอต ก็ฮันนีมูนอ่านะ....พอส่งให้บรรดาผู้ตรวจ ก็ได้รับคอมเมนต์กลับมาว่า เยอะเกินไป ริวหื่นเกิ๊น ก็เลยอยากรู้ว่า NC เยอะไป จะเอียนกันมั๊ยอ่าคับ จะเอาออกดีมั๊ย หรือจะตัดไปโคมไฟ ข้างฝา ผนัง อะไรแบบนี้แทนดี (ตัดเฉพาะที่ลงที่นี่ อิอิ)
ให้คนอ่านตัดสินใจเนาะ จะได้ไม่มีใครมาบ่นว่า เยอะไป ไม่สนุก เอียนแล้ว หรือคนแต่งแม่มหื่น
แฮ่...(ป้าเปล่านะ อิริวมันหื่นของมันเอง)
ข้อสอง ที่ถามกันมาเรื่องรวมเล่ม รวมแน่นอนค้าบ ใครสนใจก็เก็บตังค์ไว้ก่อนละกันเนาะ เพราะเท่าที่ดู คงอยู่ที่ 3 เล่มจบ ตอนนี้พันกว่าหน้า A5 ไปแล้ว ยังไม่รวมภาคพิเศษ
ข้อสาม อันนี้ต่อเนื่องจากข้อสอง ภาคพิเศษ อยากจะขอเอาคนอ่านที่น่ารักมาเข้าฉากด้วย แม้จะไม่เต็มใจ แต่จอง PEENAT yayee2 justlove minchy ไว้ก่อนแบบมัดมือชก วะฮ่าฮ่าฮ่า ส่วนท่านอื่นๆ ใครจะยอมให้ป้าเอามายำในภาคพิเศษ ก็ส่งชื่อในวงการ หรือชื่อที่ชอบ รวมทั้งเพศ(ในเรื่อง) มาทาง pm นะค้าบ ถ้ามีคนสมยอมหลายคน(หุหุ) ก็อาจจะใส่ในภาคพิเศษไม่หมด แต่จะเก็บไว้เป็นตัวละครในเรื่องต่อๆไป อิอิ
*****************
แล้วจะมาต่อตอนต่อไปพรุ่งนี้ (ดึกๆ) จ้า :t3:
ข้อแรกๆ ได้โปรดอย่าตัดเลย อ่านมา 90 จะ 100 ตอนเพิ่งมีฉากนี้ที่รอคอย2-3 ฉาก และที่หวานแหวว เพิ่งจะตอนเดียว (ถ้าแทบกับเรื่องอื่นจิ้บๆมาก) เพราะฉนั้นได้โปรด เพราะคนอ่านก็หื่นไม่แ้พ้ริว 555
ข้อ2 และข้อ 3 จะรอค่ะ อยากมีส่วนร่วมจัง แต่อย่าดีกว่า
-
อยากให้เด็กนรกอย่างริวถนอมพี่ไผ่เทวดาของเค้าบ๊าง(ไม่ค่อยเข้าข้างเลยมะ)
พี่ไผ่ของนู๋จะเก็บกดมั้ยอะไรมั้ย >.<
-
อยากบอกว่าแอบติดตามมาตลอด แต่เม้นท์ไม่บ่อย (ต้องขอโทษด้วยค่ะ ..รู้สึกผิดจัง.. :sad4:)
แต่พอเจอคำถามก็อดอยากมีส่วนร่วมกับเค้าไม่ได้ หุๆ
ข้อ1 จะมากจะน้อย นั่นคือสิ่งที่ผู้แต่งตั้งใจแต่แรก ฉะนั้นจัดมาอย่าให้เสียค่ะ อะไรที่ออกมาจากจินตนาการโดยยังไม่ผ่านการวิเคราะห์ความเห็นจากผู้อื่น ถือว่าคือ "แก่นแท้" ค่ะ (เกี่ยวไหม? - -)
ข้อ2 อันนี้ของแน่เจ้าค่ะ ได้รายละเอียดเมื่อไหร่วานแจ้งด้วยนะคะ อุดหนุนแน่นอน โฮะๆๆ
ข้อ3 นี่ ขอติดตามเฝ้ารอดูอย่างใจจดจ่อเลยค่ะ น่าสนุกจัง o13
ปล. ที่เหล่าผู้ตรวจรู้สึกว่าเยอะนี่อาจเพราะอ่านติดต่อกันกระมังคะ (ที่ว่าเป็นช่วงฮันนีมูนน่ะค่ะ)
แต่สำหรับแฟนๆ ที่อ่านมาตั้งแต่ตอนแรก เหอๆ อยากบอกว่าเรื่องนี้อ่ะ
เรียกได้ว่าเน้นความอบอุ่นละเมียดละไม แล้วก็ดราม่าน้ำตาท่วมจอซะมาก
ก็เข้าใจนะคะ ว่าต้องปูเรื่องให้แน่น ว่าทำไม ถึงต้องเป็น "เธอคือลมหายใจ"
ฉะนั้น ขอตอนท้ายแรงๆ สะใจแม่ยกหน่อย ก็ไม่เสียหายหรอกค๊า (นี่สินะ ใจจริง หุๆ)
:pig4: ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ ค่ะ ^^
-
มาตอบค่ะ
1. แหะ แหะ ชอบหวาน ๆ ค่ะ หื่นได้ หวานดี แต่ถ้าจะตัดออกแต่เหลือไว้บ้างก็ดีค่ะ
2. รวมเล่ม ต้องดูสถานการณ์ค่ะ ถ้าสะดวก จะขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกเช่นกันค่ะ
3. ขอเป็นคนแอบดูอยู่ห้องข้าง ๆ ดีกว่าค่ะ
ขอบคุณนะคะ
ปล. มาแอบบวกให้ ไรท์เตอร์ คนข้างล่าง ค่ะ
-
^
^
^
จิ้มทะลุโน๊อา ขึ้นไปถึง katarena อยากกดไลท์ อิอิ
ว่าแต่...
ข้อ1 จะมากจะน้อย นั่นคือสิ่งที่ผู้แต่งตั้งใจแต่แรก ฉะนั้นจัดมาอย่าให้เสียค่ะ อะไรที่ออกมาจากจินตนาการโดยยังไม่ผ่านการวิเคราะห์ความเห็นจากผู้อื่น ถือว่าคือ "แก่นแท้" ค่ะ (เกี่ยวไหม? - -)
แปลง่ายๆว่าแก่นแท้ อิป้าหื่น? อร๊ายยยยยยยย
(จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป เดี๋ยวเขารู้กันหมด อุตส่าห์เนียนใสๆมาตั้งนาน)
-
ตอบข้อ1 จัดหนักเลยครับ
ข้อ2 จองด้วยเหมือนกัน
ข้อ3 แล้วแต่คนแต่งเลยครับ
-
วันนี้ครบสองวันที่สัญญาไว้แล้วนะคะ...มาต่อเทอะ :-[
-
ฉากอย่างว่า เราว่าเรื่องที่เขียนไปแล้วก็ไม่ควรตัดค่ะ คงไว้ดีกว่า
เอาใจช่วยคนเขียนคนโพส สู้ๆเน้อ
-
ขอตอบแบบรวมๆ ทั้งสามข้อค่ะว่า
ไม่เบื่อฉากNC ในเรื่องนี้เลยค่ะ ดูซิ น้องริวน่ะ ขนาดเด็กพึ่งเริ่มเรียน
แต่กลับอ่อนโยนนุ่มนวลละเมียดละไมขนาดนี้ ดูดีหวานออกค่ะ
สนใจและก็เตรียมให้หลานสั่งให้ค่ะ
สุดท้าย ขอบคุณที่ให้เกียรติ และยินดีที่ได้รับเกียรตินี้ค่ะ
ส่วนจะเขียนออกมาแนวใด รูปแบบไหน สุดแท้แต่คนเขียนค่ะ รออ่านอย่างตั้งใจ เหมือนเด็กเรียนเล้ย
-
ตอบข้อ1. ไม่เคยพอค่ะสำหรับNC จัดมาเลยค่ะ ไม่ต้องตัดนะคะ ขอเพิ่มแทนหล่ะกันค่า
ตอบข้อ2. ขอจอง 1 ชุดค่ะ ใส่ชื่อว่าจองเลยค่ะ
ตอบข้อ3. ขอเป็นผู้อ่านที่ดีนอกฉากดีกว่าค่ะ จะติดตามผลงานต่อไปด้วยค่ะ :กอด1:
-
อยากอ่านต่อจังเรย งิงุ
-
ข้อ 1.จัดมาเถอะไม่ต้องตัดออกหรอกรอมานานแล้ว
ข้อ 2.จะเก็บตังค์รอเลย
ข้อ 3.แล้วแต่คนเขียนเลยแล้วกัน
-
ติดตามเสมอค่ะ แต่ไม่ค่อยได้เม้น มาช่วยตอบคำถามค่ะ
1.ความเห็นคล้ายๆกับคนอื่นนะค่ะ ไม่ต้องตัดหรอกค่ะ คุณAnonymus อุตสาห์กลั่นกรองเขียนออกมาแล้ว ลงเถอะค่ะ อยากเห็นหนูริวหื่น :laugh3:(หรือเราหื่น)
2.ดีใจจังที่รวมเล่ม ยกมือจองด้วยค่ะ 1 ชุด
3.แล้วแต่คนแต่งค่ะ
:L1:รักคนแต่ง+คนโพสต์
ปล.ขอถามนิดนึงค่ะ ตอนนี้คนที่เป็นผู้ช่วยดูแลตะวันเป็นหญิงหรือชายค่ะ ว่าจะถามตั้งนานละ แต่ไม่มีเวลาเม้นถาม และขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ
-
ปล.ขอถามนิดนึงค่ะ ตอนนี้คนที่เป็นผู้ช่วยดูแลตะวันเป็นหญิงหรือชายค่ะ ว่าจะถามตั้งนานละ แต่ไม่มีเวลาเม้นถาม และขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ
เป็น.............อร๊ายยยยยยย บอกไม่ได้ค่า :m3:
แต่ว่ามีเฉลยอยู่ท้ายๆเรื่องอะนะ บอกใบ้ให้นิส ว่าเคยเจอกับตะวันมาแล้ว ก่อนจะมาเป็นผู้ช่วยผจก หุหุ :m26:
-
1.จัดมาเลยค่ะ ไม่มีเอียนแน่นอน ที่ผ่ามมารู้สึกมันน้อยไป มาม่าเยอะ
2.เตรียมเก็บเงินรอไว้แล้วค่ะ
3.แล้วแต่คนแต่งค่ะ
-
:o8:มาตอบป้าไรท์เตอร์ค่ะ
ข้อ 1 จัดเต็มได้เลยค่ะ :z1:
ข้อ 2 เริ่มหยอดกระปุกแล้วค่ะ คิดไว้เหมือนกันว่า น่าจะ 3 เล่มนะ
ข้อ 3 ไหนๆก็โดนมัดมือชก ก็ยินดีคร๊าบบบบ เดี๋ยวส่งชื่อให้หลังไมค์ให้
-
แวะเวียนมาอ่านความคิดเห็นคนอื่นๆ
ฮ่าๆๆๆ จัดหนักกันเยอะนะ
ก๊ากกกกกก
วันนี้จะมามั้ยยยย
><
-
ข้อ1 จัดเต็มที่ไปเลยค่ะ รออ่านเต็มที่เลย
ข้อ2 จะเก็บตังรอค่ะ
ข้อ3 ตามสบายเลยค่ะ
-
NC อ่านได้เรื่อยๆ ค่ะ เพราะเชื่อว่าคงเกิดขึ้นอย่างมีเหตุมีผล มีวาระโอกาส ฮันนีมูน ว่าไป
แต่...นุ้งริวควรยอมให้พี่ไผ่กดมั่งดีไหมค๊าบ วินๆ อ่า มันเป็นเรื่องธรรมชาตินะ
ขอบพระคุณในความกรุณาของไร้ท์เตอร์ :pig4:
-
ข้อแรก - คนเขียนว่าไง ว่าตามกัน~
ข้อสอง - รวมเล่ม :oni2: ขอชาบูคนเขียนรอบกองไฟสัก3รอบ :จุ๊บๆ:
ข้อสาม - น่าสนใจๆ
-
ข้อแรก : มันไม่เอียนอ่ะ เพราะว่ากว่าจะได้กันก็เกือบหลักร้อยแล้ว มันเลยกิดอาการอดอยากปากแห้งกันถ้วนหน้า(?) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้มันล้นอ่ะ เอาแบบพอดีๆ มาเป็นครั้งเป็นคราว
ข้อสอง : ถ้าหนังสืออกมาในช่วงที่ข้าพเจ้าเก็บเงินทัน นั่นหมายความว่าข้าพเจ้าจะสอยให้ครบทุกเล่มเลยล่ะ ฮ่ะๆๆๆ
ข้อสาม : เอาไงเอากัน คนเขียนว่าไง เราก็ว่าตามนั้น แต่จะรออย่างตั้งใจเลยล่ะ หวังว่าตอนspecialมันคงจะมีอะไรมาsurpriseเหล่านักอ่านนะจ๊ะ
-
ต้องสารภาพตามตรงว่า ตั้งแต่เนื้อหาเกิดความผกผันด้านความสัมพันธ์ระหว่างริวกับพี่ไผ่ มันทำให้ความรู้สึกในใจเราเปลี่ยน
ทุกครั้งที่อ่าน NC จะมีความสงสารพี่ไผ่ปนอยู่เสมอ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ต้องอ่านข้ามๆ ไป (แต่รู้สึกคนอื่นๆ คนจะไม่เป็นกัน)
ตอนหลังๆ เลยเข้ามาอ่านน้อยลง บอกตัวเองไม่ถูกว่าทำไมถึงทำใจอ่านไม่ค่อยได้ รอบนี้เห็นมีคำถามจากคนไร้ท์เตอร์จึงเปิดเข้ามาเพื่อแสดงความคิดเห็นค่ะ
เราคงผิดปกติเอง หรือเราอินมากไป รู้สึกว่าพี่ไผ่สูญเสียทุกอย่าง ไม่เหลือใครทั้งพ่อแม่ พี่ไผ่มีริวก็จริงแต่รู้สึกเหมือนพี่ไผ่สูญเสียตัวเองไปทีละน้อย
ความเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง อบอุ่น พร้อมจะปกป้องผู้อื่นมันลดลงจนตอนนี้เราสัมผัสมันแทบไม่ได้ และริวกำลังกลายเป็นใครที่เราไม่รู้จัก
เหมือนมันเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับจิตใจคนอ่านอย่างเราค่ะ
มันเป็นความรู้สึกของแม่ยกพี่ไผ่ค่า มิ้นก็อ่านข้ามๆ ไปเหมือนกัน(รอบแรก) แต่ก็เข้ามาอ่านแบบเก็บรายละเอียดอีกหลายรอบ :laugh: อาจเป็นเพราะเราไม่ได้คาดว่าพี่ไผ่จะเปลี่ยน หรือคาดว่าจะเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่าง
ไม่ผิดปกติหรอกค่ะที่จะรู้สึกแบบนั้น เพราะนั่นคือเจตนาของคนเขียน
พี่ไผ่เปลี่ยนค่ะ เปลี่ยนแน่นอน เปลี่ยนแบบไม่ได้ตั้งใจเปลี่ยน (แต่คนเขียนตั้งใจ หุหุ o18)
พี่ไผ่ก็ยังคงเป็นพี่ไผ่ ที่อบอุ่น อ่อนโยน และห่วงใยน้อง
แต่ที่ต่างไปคือ พี่ไผ่ไม่จำเป็นต้องสร้างกำแพงมากั้นตัวเองกับริว ไม่ต้องใส่หน้ากากสังคมเวลาอยู่กับน้อง
ไม่ต้องทำตัวเข้มแข็งพึ่งพา ได้ตลอดเวลา ทั้งที่ลึกๆ พี่ไผ่เป็นคนอ่อนไหว จนเกือบจะอ่อนแอด้วยซ้ำ
ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ไผ่กับริว ไม่เหมือนคนอื่น เพราะริวไม่ใช่เพื่อนอย่างตะวัน และไม่ใช่น้องอย่างไวยากรณ์ แต่ริวเป็นคนรัก
รัก...ก็ต้องมีหึงหวง มีแง่งอน(ปู้ชายก็งอนเป็นนะค้าบ แค่เขาไม่สะบ๊อบใส่เราเท่านั้นเอง)
หลายคนเลยรู้สึกว่าพี่ไผ่สาวแตก แต่ถ้าดูจากพฤติกรรม อินู๋ริวสาวกว่าอีก ขี้แง แสนงอน แล้วก็เอาแต่ใจ จริ! :a14:
ส่วนอิน้องริว หึหึ ถ้ายังจำกันได้ อิน้องริวมันเป็นเด็กนรกนะคะ แต่ที่น้องว่าง่าย น่ารัก ก็เพราะน้องรักพี่ไผ่
รักถึงยอมทุกอย่าง รักถึงไม่มีเงื่อนไข และเพราะรัก ถึงยอมเปลี่ยนตัวเองเป็นเด็กดี แต่ก็เฉพาะกับพี่ไผ่นะคะ
ดูได้จากเวลาริวปฏิบัติกับคนอื่น ริวไม่แคร์ และไม่สนใจด้วยว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง แม้แต่กับอลัน ริวก็ยังสั่ง สั่ง และสั่ง
พอถึงวันนี้ วันที่ริวเริ่มรู้ตัวว่าพี่รัก ก็ไม่แปลกนี่คะที่ริวจะเริ่มเอาแต่ใจ(และหื่น อิอิ)
อย่าลืมว่าริวยังไม่ 20 เลยนะคะ น้องยังเด็กออก ฉลาดแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ
เห็นมะเราไม่ได้คิดไปเองนะ เรื่องพี่ไผ่อ่ะ ป้าไรเตอร์ตั้งใจ ว่าแล้วเชียวนู๋ริวอ่ะ มันเด็กเจ้าเล่ห์นี่หน่า พี่ไผ่จะไม่เสร็จน้องได้ไง ส่วนเรื่องพี่อ่อนไหว ฯลฯ น่ะเข้าใจ แต่ป้าคะ เรื่องพี่ไผ่ยอมให้กดอ่ะ มิ้นยังแอบขัดใจนะ :a14:
-
อ่ะแฮ่ม
เริ่มจากข้อเเรกเรยนะค่ะ แบบว่าไอ้ตอนอย่างนี้เนี่ยรอมานานแระค่ะ
แล้วอิแบบพี่ไผ่สมยอมก้อมีแค่ตอนเดียว = = เพราะงั้น
อีกกี่ตอนก้อจาอ่าน -.,- 555+
ส่วนข้อสอง T^T อยากได้ แต่ไม่มีตัง กระซิกๆ
สุดท้ายข้อสาม ถ้าจะกรุณาค่ะ คิคิคิ
-
เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกค่ะ
พออ่านเสร็จแล้วรู้สึกว่า.......เยี่ยมมากๆค่ะ o13
อยากอ่านต่อจนจบ ห่างหน้าจอไม่ได้เลย
เรื่องหนังสือที่จะรวมเล่ม ขอจองด้วยคนนะคะ
-
จะจบแล้วขอหวานๆ มากหน่อยค่ะ
ข้อ 1 ไม่ต้องตัดเลยค่ะ เพราะลุ้นให้หวานกันมานานมากเลย แบบไผ่เต็มใจกับ่น้องริวนี่
ไม่ค่อยมี งั้นจัดมาเลยค่ะ
ข้อ 2 จะพยายามเก็บตังค์นะ
ข้อ 3 แล้วแต่ท่านจะกรุณา
-
ลุ้นมาทั้งเรื่อง ฉนั้น จัด NC มาเยอะเลย 555+ (เราไม่ได้หื่นน๊า>///<)
รอเกบเงินซื้อรวมเล่ม หุหุหุ
-
ข้อแรก : แหมๆๆ ไม่ค่อยอยากจะเปิดเผยความหื่นเท่าไหร่ค่ะ เพราะฉะนั้นอยากบอกว่า เต็มที่ค่ะ!!!
จัดมาเลย ขอแบบเน้นๆ เยอะๆ เคี๊ยกๆ ยอมเสียเลือดหมดตัวเลยค่า~
ตามความคิดเห็นเราจริงๆนะคะ NCเยอะ มันก็ไม่เอียนเท่าไหร่หรอกค่ะ
ต้องดูที่คนอ่านว่าหื่นหรือไม่? (อ้าวเฮ้ย! ตูชอบฉากNCเยอะๆ จะแปลว่าตูหื่นมั๊ยเนี่ย 5555+)
ข้อสอง : เหงื่อตกทันทีทันใด :try2:ขอเป็นช่วงหลังสงกรานต์เถอะค่า เพี๊ยง!!
ว่าจะไปช็อปซื้อการ์ตูนหล่อๆที่ต่างประเทศ(พม่า)ซะหน่อย คิคิ เงินคงจะหมดซะก่อน
ถ้ายังไงเก็บเงินทัน จะสั่งแน่นอนค่า~ เตรี๊ยมเพื่อนไว้แล้ว ว่าจะให้ส่งที่บ้านมัน (เดี๋ยวที่บ้านรู้ คึคึ) 55+
ข้อสาม : แล้วแต่คนแต่งเลยจ้า ถ้าเป็นไปได้อยากจะโผล่เข้าไปมุดจั๊กกะแร้หนูริวสักครั้ง คงจะสดชื่นน่าดู กร๊ากกก
แต่คาดว่าจะได้เจอพี่ไผ่เตะตาย โทษฐานไปมุดจั๊กกะรู้สุดที่รักเค้า อ๋อยยย :laugh:
-
ข้อ1 จัดมาให้เยอะค่ะ คนอ่านโรคจิต o18 ที่ผ่านมามีแค่ 2 ตอนเอ้ง
ข้อ2 อุดหนุนแน่นอนจ้า ชอบมาก ๆ เรื่องนี้
ข้อ3 แล้วแต่ไรท์เตอร์จ้า
-
ข้อแรกนี่ขอแบบจัดเต็มเถอะค่ะ ได้โปรด!! เพราะกว่าจะมีทีนี่ลุ้นกันจนตับบิดเลยนะ :z3:
ส่วนข้อสอง อยากได้มากค่ะ แต่ไม่มีกะตังค์ :o12:
ข้อสามนี่ยังไงก็ได้เลยค่ะ
-
ข้อ1.จัดเต็มมา อย่าได้ขาด :z1: :z1:
-
มารอหนูริวเวอร์ชั่นหวานๆ กับพี่ไผ่
จัดเต๊มเลยน้าคนเขียน
รออุดหนุนน้า
-
แวะมาตอบด้วยอีกคน ^_^
ข้อ 1 ตอบตามเสียงส่วนใหญ่แล้วกันเนอะ (ตอบตรงๆ เดี๋ยวรู้หมดว่า หวังอะไร 55)
ข้อ 2 รออยู่เลย ต้องเอามาอยู่ที่ชั้นหนังสือในห้องนอนให้ได้สำหรับเรื่องนี้ ชอบมากๆ
(รักพี่ไผ่ :-[ ปลื้มออกหน้าออกตาเลยล่ะ)
ข้อ 3 รออ่านนะ
-
1. จัดเต็มมาเลยค่า รอมานานแระ
2. รับทราบค่า เก็บตัง ๆ
3. รอตอนพิเศษอย่างจดจ่อ อยากอ่าน ๆ
-
อ่ายังไม่มาหรอ
-
**************
ข้อแรก อย่างที่เคยบอกไปว่าตอนนี้เขียนตอนจบอยู่ แต่...ก่อนหน้าตอนจบ มันเป็นฉาก NC ที่แบบติดๆ กันหลายชอต ก็ฮันนีมูนอ่านะ....พอส่งให้บรรดาผู้ตรวจ ก็ได้รับคอมเมนต์กลับมาว่า เยอะเกินไป ริวหื่นเกิ๊น ก็เลยอยากรู้ว่า NC เยอะไป จะเอียนกันมั๊ยอ่าคับ จะเอาออกดีมั๊ย หรือจะตัดไปโคมไฟ ข้างฝา ผนัง อะไรแบบนี้แทนดี (ตัดเฉพาะที่ลงที่นี่ อิอิ)
ให้คนอ่านตัดสินใจเนาะ จะได้ไม่มีใครมาบ่นว่า เยอะไป ไม่สนุก เอียนแล้ว หรือคนแต่งแม่มหื่น
แฮ่...(ป้าเปล่านะ อิริวมันหื่นของมันเอง)
ไม่รู้ว่าเยอะแค่ไหน โดยส่วนตัวNC อ่านได้ไม่ซีเรียส แต่ถ้ารู้สึกเยอะจะอ่านๆ ผ่าน หรือข้าม &ซ้ำ แล้วแต่ความ :haun4:ส่วนตัว :laugh5:
ปล."(ป้าเปล่านะ อิริวมันหื่นของมันเอง)" ริวมันยังเด็กแค่ขาดความอบอุ่น เนอะริวเนอะ
-
คงต้องอ่านพรุ่งนี้แล้วแหละ... :t3:
-
อ่าวสุจะแอบไปนอนแล้วหรอ
น้องนิลาอ่ะเมื่อไหร่จะต่อครับ
รอริวกับไผ่อยู่อยากอ่านตอนหวานๆ
-
รออยู่เหมือนกัน มืดล่ะน้า >w</
ร้องเพลงรอ :-[
รอฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด เธอจะมาเธอจะมาเมื่อไหร่ ~~(จำไม่ได้แล้ว ร้องรอบกองไฟเมื่อสมัยนานมาแล้ว 55)
จะรอไปเรื่อยๆล่ะกัน ไม่ได้อ่านเราไม่นอน ฮิ้ววว :impress2:
-
1)จัดมาครับ กว่าจะหวานได้ลุ้นแทบแย่ 2)ซื้อแน่นอนครับ 3)รอตอนพิเศษครับ
-
ตอนที่ 98
พสุสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามาในร่างกาย แต่พอเขาจะขยับ ริวก็รีบกดเอวเขาไว้อย่างเดิม
“พี่เจ็บนะริว...ทำอะไรน่ะ?” พสุดุเสียงสั่น เขาไม่รู้ว่าริวพยายามจะทำอะไรกับช่วงล่างปวดระบมของเขา
“สอดยาครับ ทนหน่อยนะ นิดเดียวเท่านั้นเอง” ริวปลอบเหมือนปลอบเด็ก แต่มือก็ยังสอดยาลึกเข้าไปในตัวพสุช้าๆ
“ยาอะไร...ทำไมต้องรักษาพิลึกๆแบบนี้”
“ยาสอดครับ จะช่วยฆ่าเชื้อ ลดอาการอักเสบ แล้วแผลก็จะหายเร็วขึ้น” ริวบอกแล้วถอดถุงมือยางออก ที่ใส่ถุงมือยางไม่ใช่เพราะกลัวความสกปรกแต่เกรงว่ามือตัวเองจะไม่สะอาดพอต่างหาก เขาทำความสะอาดช่องทางบอบช้ำเรียบร้อยแล้วถึงสอดยาเข้าไป เมื่อคราวที่แล้วพสุมีแผลมากกว่านี้ ระหว่างที่พสุไม่ได้สติเพราะอาการไข้เขาต้องสอดยาให้แบบนี้อยู่ถึง 3 วัน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนพสุจะไม่ได้แผลเพียงแต่มีอาการบวมช้ำเท่านั้น
“ระ...รู้ได้ยังไง” พสุถามเสียงตะกุกตะกักเพราะความอาย
ริวจึงก้มลงหอมแก้มแดงก่ำด้วยความรู้สึกรักใคร่เอ็นดู
“ก็...คราวที่แล้วที่พี่...เอ่อ ไม่สบาย ริวไปถามหมอ หมอเขาก็เลยแนะนำมา”
หากไม่เพราะห่วงอาการของพสุ ครั้งนั้นเขาคงไม่ยอมให้หมอเห็นบาดแผล แม้จะไม่ถึงกับต้องเย็บ แต่อาการไข้ของพสุก็ยืนยันได้ว่าพสุ “บาดเจ็บ” แค่ไหน ริวไม่ต้องการให้ความไร้ประสบการณ์ของเขาทำร้ายพสุอีก จึงตัดสินใจถามหมอตรงๆ ว่าเขาต้องทำยังไงพสุถึงจะไม่เจ็บตัวซ้ำสอง
หมอที่อลันส่งมาได้ให้คำแนะนำเขาไว้อย่างละเอียดถึงวิธีการร่วมรัก ไม่ใช่แค่ในฐานะของแพทย์ แต่ในฐานะของคนที่มีประสบการณ์ตรงด้านนี้ รวมถึงการให้คำปรึกษาผ่านเมล์เป็นระยะๆ ทำให้ริวรู้ว่าควรทำอย่างไร ถึงจะอดทน อดกลั้น รอจนร่างกายของพสุปรับตัวได้มากพอที่จะรองรับเขาได้โดยไม่เจ็บตัว
“อะ...อะไรนะ!” พสุหน้าซีด ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาคิดว่าริวแค่พาหมอมาตรวจรักษาเฉพาะเรื่องอาการไข้ ไม่คิดว่าริวจะบอกหมอเรื่องอาการบาดเจ็บ “ตรงนั้น” ไปด้วย
“ไม่ต้องตกใจนะครับ ริวรับรองว่าหมอคนนี้ไว้ใจได้ หมอเขาไม่...”
“พอๆ ไม่ต้องบรรยายแล้ว...โอ๊ย! จะบ้าตาย” พสุครางเสียงแผ่วแล้วยกมือขึ้นนวดขมับ อายแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อรู้ว่ามีคนอื่นนอกจากริวที่รับรู้เรื่องน่าอายขนาดนั้น ถึงจะเป็นหมอก็เถอะ
พสุชักผ้าห่มขึ้นคลุมหัว ไม่ได้อายริว แต่โกรธที่เด็กหนุ่มทำอะไรไม่คิด นี่เขาจะมีหน้าไปออกทีวีอีกหรือ แค่คิดว่าหมอคนนั้นก็อาจจะดูทีวีแล้วจำเขาได้ เขาก็อายจนอยากจะตายแล้ว
“พี่ไผ่ครับ...พี่โกรธริวเหรอ”
“พอเหอะริว พี่ขอนอนพักเงียบๆ ได้มั๊ย”
“คือ...ริวแค่จะบอกว่าพี่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ หมอคนนี้เขาไม่ใช่คนไทย แล้วตอนนี้เขาก็กลับประเทศไปแล้ว”
“........”
“...หมอเขาเป็นเพื่อนของอลัน ริวก็เลยขอความช่วยเหลือเพราะตอนนั้นเขาแวะมาเที่ยวพักผ่อนที่เมืองไทยพอดี” เพื่อความสบายใจของพสุ ริวจำเป็นต้องมุสา เขาไม่กล้าบอกว่าเป็นหมอที่อลันส่งมาคอยดูแลพวกเขาห่างๆ
พสุยังคงนอนเฉย ทั้งที่นึกโล่งใจ แต่มาคิดอีกที ถ้าไม่เพราะมีหมอมารักษา เขาคงไม่ดีขึ้นจนแทบไม่เหลืออาการแล้วตอนที่ฟื้นไข้ขึ้นมาแล้วขับรถไปหาแม่ที่วัด ความจริงมันเป็นเรื่องปกติ คนเจ็บป่วยก็ต้องไปหาหมอ มีแต่เขาเองที่หลงคิดมากไปว่าเป็นดาราแล้วกลัวหมอจะจำได้ ความจริงหมออาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ารักษาใครไปบ้าง
“ริวห่วงพี่...กลัวพี่ไม่สบายมาก ถึงต้องพาหมอมารักษา... พี่อย่าโกรธริวเลยนะครับ...น๊า...นะครับ” ริวกอดพสุไว้ทั้งผ้าห่มแล้วจูบบนผ้าบริเวณที่คิดว่าจะเป็นใบหน้าของพสุ เด็กหนุ่มอยากดึงผ้าห่มออกเพื่อมองหน้าพสุให้ชัดๆ แต่ก็กลัวพี่จะโกรธยิ่งกว่านี้
พสุทำทีเป็นนอนเงียบๆ ทั้งที่เขาหายโกรธแล้ว แต่ถ้าอภัยง่ายๆ ริวก็จะไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดสักที แล้วจะยิ่งเอาแต่ใจมากกว่านี้ อีกอย่างร่างกายเขายังเจ็บระบม ขืนปล่อยให้ริวนัวเนียมากๆ เขาเองนี่แหละที่เผลอใจอ่อนยอมให้ริวกอดอีก พสุนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยา ไม่รู้ตัวว่าริวเข้ามานอนในผ้าห่มด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าเกือบบ่ายสองแล้ว และริวก็กอดเขาไว้แน่นทั้งที่ยังหลับสนิท
พสุดึงแขนริวออกแล้วลงจากเตียง น่าแปลกที่อาการเจ็บร้าวที่สะโพกหายไปเกือบหมดแล้ว แม้แต่อาการเจ็บระบมก็ดีขึ้นมาก เขากลับมาเคลื่อนไหวได้ดังใจอีกครั้ง พสุจึงถือโอกาสนี้เข้าไปอาบน้ำเสียก่อนที่ริวจะตื่น
พอออกมาจากห้องน้ำก็เจอริวนั่งหน้ายุ่งหัวฟูอยู่บนเตียง พอเห็นเขาเด็กหนุ่มก็ลุกมากอดเอว จนพสุต้องคว้าปมผ้าขนหนูไว้แน่น
“พี่ครับ เราไปเดินเที่ยวริมหาดกันนะ” ริวชวนแล้วไซ้จมูกไปตามไหล่และต้นคอเปียกน้ำของพสุ จนชายหนุ่มขนลุก ต้องรีบผละไปแต่งตัว
“เดินเที่ยวตอนบ่ายสองโมงเนี่ยนะ ไว้ให้แดดร่มกว่านี้หน่อยเถอะ” พสุปราม แต่ก็คว้าครีมกันแดดแบบกันน้ำมาทาตัว ไม่ใช่เขาสำอางกลัวผิวจะเสียอะไรหรอก แต่ถ้าสีผิวเขาคล้ำมากๆ จะมีปัญหากับละครอีกสองเรื่องที่ต้องกลับไปถ่ายทำต่อ ถ้าเป็นฉากต่อเนื่องกันแต่พระเอกเดี๋ยวดำเดี๋ยวขาวคงตลกน่าดู
“แต่ริวอยากเล่นน้ำ”
“ก็ไปเล่นสิ” พสุอนุญาตแต่ส่งครีมกันแดดให้ริว แล้วบังคับให้เด็กหนุ่มใช้ด้วยสายตา ริวรับมาทาอย่างว่าง่าย
“พี่ลงไปกับริวนะครับ น๊า” ริวทำเสียงออดๆ อ้อนทั้งปากและตา
“ก็ได้ ไปแค่หน้ารีสอร์ทนี่แหละ” พสุยอมลงไปด้วยเพราะ ขืนอยู่ในห้องริวอาจจะเข้ามานัวเนียเขาอีก พสุกับริว ออกมาที่ส่วนต้อนรับ ก็พบว่าทางรีสอร์ทจัดเก้าอี้ผ้าใบและร่ม ไว้บริการลูกค้าที่ริมหาด สามารถสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มลงไปได้ พสุจึงสั่งน้ำผลไม้คนละแก้วกับริวแล้วถือลงไปเอง พนักงานของรีสอร์ทจะได้ไม่ต้องลงไปคอยบริการ
“พี่...เล่นน้ำกันนะครับ” ริวชวนแล้วเหลียวมองทะเลด้วยดวงตาเป็นประกาย แต่พสุทำเฉยเสีย
“ไม่เอา ขี้เกียจกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“นะครับ นะพี่นะ”
“ริวลงไปคนเดียวเถอะ” พสุปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย พลางนอนหลับตาเฉย แดดยังค่อนข้างจ้า แม้จะไม่ถึงกับแสบผิว แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี ขนาดลมทะเลแรงอย่างนี้เขายังรู้สึกได้ถึงไอร้อนผะผ่าว
ริวเหลียวมองรอบๆตัว เห็นว่าไม่มีใครเลยสักคน นอกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฝึกดำน้ำอยู่ไกลๆ จึงช้อนตัวพสุขึ้นจากเก้าอี้ผ้าใบแล้ววิ่งลงทะเลทันที
“เฮ้ย! ริว” พสุร้องเสียงหลงแล้วรีบกลั้นหายใจแทบไม่ทันเมื่อริวโถมตัวลงในน้ำ ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นแล้วพยายามจะขึ้นจากน้ำ แต่ริวกลับรวบตัวเขาไว้แล้วลากลงน้ำลึกกว่าเดิม
“ริวปล่อยพี่สิ...เฮ้ย!พี่ไม่เล่นแล้ว”
“เล่นน้ำกับริวนะครับ น๊า” ริวอ้อนแล้วกอดรัดพสุไว้แน่น ชายหนุ่มพยายามแกะมือริวออกพลางเหลียวไปรอบๆ ด้วยความระแวง แต่พอไม่เห็นใครอยู่ใกล้ก็หันมาถลึงตาใส่ริว
“พี่บอกแล้วไงว่าไม่เล่นน้ำ ร้อนจะตายใครเขาเล่นน้ำกัน”
“ริวไง...นะครับน๊า เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็ต้องกลับกรุงเทพแล้ว มาทะเลตั้ง 7 วันไม่ได้เล่นน้ำเลยได้ไงครับ" ริวทำเสียงออดๆ พลางกอดพสุไว้แน่น เรื่องอะไรจะปล่อยให้พสุขึ้นฝั่งได้ เขาอยากเล่นน้ำกับพสุ อยากใช้ทุกวินาทีร่วมกัน ยิ่งเมื่อคืนเขาได้กอดพสุอีกครั้ง ได้ร่วมรักในขณะที่พสุมีสติครบถ้วน ได้ครอบครองเรือนร่างนี้ เด็กหนุ่มก็ยิ่งทวีความรักหลงในตัวพสุมากยิ่งขึ้น อยากกอด อยากจูบ อยากให้พสุหลอมละลายอยู่ในอ้อมแขนเขา ไม่อยากให้พสุห่างตัวแม้สักก้าวเดียว
พสุหลบตาวูบเมื่อเห็นประกายหวานหวามด้วยความพิศวาสในดวงตาของริว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เด็กหนุ่มรู้สึกยังไง ใช่แต่ริวที่รู้สึก เขาเองก็ใจไหววูบทุกครั้งที่ร่างกายสัมผัสกัน แต่เพราะความกระดากทำให้เขาพยายามถอยห่าง
“ริว! อย่าทำแบบนี้ ไหนสัญญากันว่าจะไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นไง”
“ก็ริวคิดถึงพี่ อยากกอดพี่นี่นา” ริวทำปากยื่นหน้าง้ำที่โดนดุ แต่มือยังกอดรัดพสุหนาแน่น
พสุลนลานกระชากแขนริวออกจากตัว เมื่อเหลือบไปเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งลงมาที่ริมหาด
“ถอยไป! ห้ามกอดเข้าใจมั๊ย นี่มันไม่ใช่ในห้องนะ” ชายหนุ่มตวาดเบาๆ สำทับเมื่อริวทำท่าจะเข้ามากอดเขาอีก
“ครับ...ขอโทษครับ” ริวทำหน้าหงอยเหมือนเด็กถูกดุ จนคนดุใจอ่อนยวบ
“ไหนว่าจะเล่นน้ำไง ว่ายน้ำแข่งกันดีกว่า...เดี๋ยวพี่ต่อให้ก็ยังได้นะ”
ริวหน้าชื่นฉับพลัน รีบตั้งท่าเตรียมเล่นจนพสุอดสงสารปนเอ็นดูไม่ได้ น้องยังเด็กเหลือเกิน ดุก็หน้าเศร้า พอพูดดีด้วยก็หน้าบานยิ้มร่า ต่อไปเขาคงต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำให้มากกว่านี้ เพราะไม่อย่างนั้นเขาอาจจะทำร้ายริวโดยไม่ตั้งใจเหมือนที่ผ่านมาอีกก็ได้
หลังจากเล่นน้ำกันจนเหนื่อย พสุกับริวก็กลับเข้าไปอาบน้ำในบ้านแล้วออกไปเดินเล่นริมหาด พอผ่านร้านอาหารริวก็ชวนกินอาหารทะเล พสุก็ตามใจ เพราะเขาเองก็อยากกินอยู่เหมือนกัน
เด็กหนุ่มทำตาแป๋วมองอาหารทะลสดใหม่ตรงหน้าอย่างสนใจ พอพสุแกะกุ้งแกะปลาให้ก็ยิ้มแป้นจนชายหนุ่มอดยิ้มด้วยไม่ได้ ที่เขาแกะให้เพราะเห็นว่าริวทำเองไม่เป็นหรอกนะไม่ใช่เพราะอยากเอาใจริว...พสุคิดแก้ตัวให้ตัวเองเขินๆ...
“อร่อยจังครับ วันหลังเรามากันอีกเน้อ” ริวบอกเสียงใสแล้วพลิกกระดองแมงดาทะเลเล่น ดูเหมือนริวจะชอบยำไข่แมงดามากเพราะตั้งหน้าตั้งตากินจนหมดก่อนอย่างอื่น แต่พสุไม่สั่งเพิ่มเพราะกลัวริวจะท้องเสีย ถึงอาหารทะเลจะสดแค่ไหน แต่คนไม่คุ้นก็ท้องเสียได้ง่ายๆเหมือนกัน
“หึ! ไม่ต้องมาไกลถึงที่นี่หรอกนะ ที่กรุงเทพก็มีร้านขายอาหารทะเลหลายร้าน ไว้วันหลังพี่จะพาไป”
“ครับ...พี่ใจดีจัง” ริวยิ้มหวานจนพสุทำหน้าไม่ถูก เสมองไปนอกร้านก็เจอสายตาคู่หนึ่งจ้องเขม็ง ครูสอนดำน้ำคนสวยของริวนั่นเอง โชคดีที่ริวนั่งหันหลังให้เธอจึงไม่เห็นสายตาไม่เป็นมิตรที่ส่งมาให้ พสุก้มศีรษะให้เธอนิดๆ เพื่อทักทาย พอเธอสบตาเขาก็หลบตาแล้วเดินหนีไปทางอื่น
“ริว...ยังอยากเดินเล่นอยู่อีกหรือเปล่า”
“ริวยังไงก็ได้ครับ แล้วแต่พี่” ริวตอบแล้วยิ้มแป้น ท่าทางมีความสุขเสียจนพสุไม่คิดจะบอกอะไรให้ระคายใจ
“งั้นกินเสร็จเรากลับไปเก็บกระเป๋ากันดีกว่า”
“ครับ” ริวรับคำอย่างว่าง่าย ทำให้พสุลอบถอนใจอย่างโล่งอก เขาไม่ต้องการออกไปเจอคนรู้จักอีก แม้ริวจะรับปากไม่แตะต้องตัวเขา แต่ใช่ว่าเด็กหนุ่มจะเก็บสีหน้าแววตาได้ ต่อไป เขาคงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้...
…………………………………………………..
พสุค่อยๆพลิกตัวเมื่อรู้สึกถึงท่อนแขนหนักๆ ที่พาดอยู่รอบเอว อาการเจ็บยอกบริเวณสะโพกหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงอาการเจ็บเฉพาะที่ซึ่งคงหายไปในอีกไม่กี่วัน ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเพิ่งจะ 6 โมงเช้า เมื่อวานพอกลับมาถึงบ้านเขาก็อาบน้ำแล้วเข้านอนทันทีด้วยความอ่อนเพลีย แล้วหลับรวดเดียวสว่าง
ยังมีเวลานอนเล่นอีกพักใหญ่ๆ เพราะวันนี้ไม่มีงานตอนเช้า แต่กรเวชนัดประชุมที่ออฟฟิศ ริวเองก็นัดคุยงานกับทรงเผ่าด้วยเหมือนกัน
“ยังเจ็บอยู่หรือเปล่าครับ” เสียงงัวเงียกระซิบข้างหู อ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดพสุกลับเข้าไปกอดกระชับกับอก
“ตัวไม่ร้อนแล้ว” เด็กหนุ่มย้ำอีกครั้ง หลังจากแตะปากไปทั่วซีกหน้าและลำคอของพสุเหมือนจะวัดไข้ให้แน่ใจ
“อืม...รู้สึกจะไม่มีไข้แล้ว วันนี้คงไปทำงานได้” พสุพยายามทำเสียงเรียบๆ ทั้งที่ยังรู้สึกเก้อเขิน
“พักอีกวันเถอะครับ”
“ไม่ได้หรอก พี่รับงานไว้อีกตั้งหลายงาน...เดี๋ยวประชุมเสร็จก็ต้องไปทำงานแล้ว ริวค่อยกลับมานอนต่อก็ได้ วันนี้ยังไม่มีงานนี่”
“พี่ไผ่ครับ...ทำไมพี่ต้องรับงานมากขนาดนี้ ทำงานหนักจนแทบไม่ได้พักแบบนี้ร่างกายจะไม่ไหวนะครับ” ริวตัดสินใจถาม เพราะข้องใจมานาน หลังจากพ่อแม่เสียไปพสุก็ยิ่งโหมงานหนักจนแทบไม่ได้พักจนเขาอดห่วงไม่ได้ ครั้นจะห้ามก็กลัวพสุจะโกรธ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มถือว่าตัวเองกับพสุเป็น ‘คนๆเดียวกัน’ แล้ว เขาก็น่าจะมีสิทธิ์รับรู้เรื่องของพสุทุกๆเรื่อง
“ริวก็รู้ว่าพี่มีหนี้สินมากขนาดไหน ถ้าไม่รีบทำงาน เมื่อไหร่จะใช้หนี้หมด” พสุตอบทั้งที่ยังหลับตา ปากอุ่นลูบไล้จากใบหน้ามาบนใบหูและต้นคอชวนให้เคลิบเคลิ้มกับสัมผัสหวานๆ จนรู้สึกง่วงอีกครั้ง
“หนี้อะไรอีกครับ ก็ไหนทนายความว่าเคลียร์หนี้ให้พี่หมดแล้ว” ริวถามแล้วพลิกตัวพสุให้นอนหงายเพื่อจะได้มองหน้าให้ถนัด
“ใช่ หนี้คนอื่นน่ะเคลียร์แล้ว แต่พี่เป็นหนี้ริวไง”พสุลืมตาปรือปรอยขึ้นมอง เล่นเอาริวเกือบลืมข้อข้องใจไปหมด
“หนี้ริว? โธ่! เงินริวก็เหมือนเงินพี่นั่นแหละ ไม่ต้องไปใส่ใจหรอกครับ” ริวบอกแล้วจูบปากแดงๆ ของพสุเบาๆ ด้วยความเสน่หา แต่คำตอบของเขาดูเหมือนจะทำให้พสุตาสว่าง ชายหนุ่มดันคางริวออกห่างเล็กน้อยเพื่อให้มองหน้ากันได้ถนัด
“พี่จะเอาเปรียบริวแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ” พสุปฏิเสธแล้วลูบแก้มที่ระคายด้วยไรหนวดอ่อนๆเบาๆ ริวเอียงหน้ามาจูบที่ฝ่ามือพสุแล้วก้มลงจูบปลายจมูกกับแก้มพสุเบาๆ ก่อนจะถอยกลับไปเพื่อจ้องตากับพสุอย่างเดิม
“แต่ริวไม่รับหรอกนะ...ถึงได้เงินมาแล้วยังไง...พี่คิดว่าริวจะเอาไปไหนครับ? ทุกวันนี้ริวไม่เคยใช้จ่ายอะไรเลย กินอยู่พี่ก็ออกให้หมด”
“แต่พี่ต้องคืน เพราะพี่ไม่อยากคาใจว่าพ่อพี่เป็นหนี้ริว พี่เป็นลูกยังไงก็ต้องชดใช้ให้หมด แค่ริวช่วยเคลียร์หนี้แทน จนกู้หน้าพ่อพี่ไม่ให้ต้องอับอายใคร พี่ก็ขอบคุณมากแล้ว” พสุชี้แจงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่จริงจัง กับริว ถ้าใช้ไม้แข็งก็มีแต่จะยิ่งยั่วยุให้เด็กหนุ่มดันทุรังมากกว่าเดิม
“ริวไม่เอาหรอก...พี่ไผ่ครับ...ทุกอย่างของริวก็เป็นของพี่นั่นแหละ แม้แต่ชีวิตริว...ริวยังให้พี่ได้เลย”
“...ริว” พสุเรียกชื่อเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกเต็มตื้น ไม่ว่าริวจะพูดด้วยอารมณ์พิศวาสหรือคิดจริงจัง ชายหนุ่มก็อดตื้นตันใจไม่ได้
“ริวรักพี่นะ พี่เป็นเจ้าของริว พี่ก็ต้องเป็นเจ้าของทุกๆ อย่างของริวด้วย”
“พี่เป็นเจ้าของริวไม่ได้หรอกนะ ริวเป็นคน ไม่ใช่ทาส ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง พี่จะไปเป็นเจ้าของริวได้ยังไง”
“พี่ก็คิดซะว่าริวเป็นหมาเป็นแมวของพี่ก็ได้ ริวเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่พี่รักริวก็พอแล้ว”
พสุจ้องตาริวนิ่ง เขารู้ว่าริวต้องการอะไร เด็กหนุ่มอยากได้ยินคำว่ารักจากปากเขา แต่เขาพูดไม่ได้ เขาจะไม่มีวันพูดคำนั้นออกไปเพราะพสุรู้ดีว่าเขาเห็นแก่ตัวแค่ไหน หากเขาหลุดปากไปว่ารักริว เขาคงต้องยึดเด็กหนุ่มไว้เป็นของตัวเองตลอดไป แม้ถึงวันที่ริวเจอคนที่ดีกว่า คนที่เหมาะสม แต่เขาคงไม่ยอมปล่อยริวไป
ริวก้มหน้าลงมาหาช้าๆ พอเห็นว่าพสุไม่ปฏิเสธแน่ๆ เด็กหนุ่มก็บดเบียดปากนุ่มอย่างดูดดื่ม ขณะที่มือก็สอดเข้าไปลูบไล้ผิวอุ่นของพสุใต้ชุดนอน
พสุกอดตอบแต่กระซิบอนุญาตแค่เพียงภายนอกเท่านั้น เพราะเดี๋ยวต้องไปทำงานต่อ ขืนเขายอมให้ริวทำตามใจคงไปทำงานไม่ไหว ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยินยอมแต่โดยดี
พสุกอดจูบและสนองตอบริวเฉกเช่นเดียวกับที่เด็กหนุ่มปรนเปรอให้เขา ชายหนุ่มมั่นใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำว่ารักออกมา แค่เพียงเขาแสดงให้ริวรู้ว่าเขารักและห่วงใยริวแค่ไหน ก็น่าจะดีเสียยิ่งกว่าคำพูดลอยๆ ไร้แก่นสารเป็นไหนๆ
..............................................
*******************************************
สต๊อคต้นฉบับป้าเค้าจะหมดแล้วว มาเจอกันอีกทีวันศุกร์ (ละมั้งเนอะ)
:m32:
-
วันศุกร์!!!
นานไปนะ โฮๆๆๆ
คิดถึงน้องริวกับพี่ไผ่แย่เลยอ้ะ !!
โฮวววว
พี่ไผ่ ยังยืนยันจะทำงานใช้หนี้
เอานะ เป็นกำลังใจให้ ^^
น้องริว อ้อนเอาๆ เป็นใครจะทนไหว โฮะๆๆๆ
บอกรักน้องเหอะ เราว่า พี่ไผ่น่าจะรู้นะว่าไง ริวก็ไม่ไปไหนแน่ๆ !!
-
ว้าว มาต่อหละ ดีนะ ที่เรายังไม่ได้นอน
ขออ่านก่อนจ้า
-
:กอด1:
-
:impress3:ยาวถูกตับถูกไต+1
ริวสู้ๆลูก
-
พี่ไผ่กับริวเข้าใจกันแล้ว ต่อไปนี้ถึงจะเจออุปสรรคอะไรก้อไม่ต้องหวั่น ขอให้คนที่เรารักและรักเราเข้าใจกันและกันก้อพอ :n1:
ปล. ตอบข้อหนึ่ง
ริวจะหื่นได้ขนาดไหน ต้องปล่อยมาให้อ่านแบบเต็มแม็กซิคะ ถึงจะตัดสินใจได้ :haun4: หุ หุ
-
:L2: :L2: รอได้ค่ะป้า เจอกันวันศุกร์ อิอิ
พี่ไผ่ก้อนะ ทำตามหัวใจบ้างเหอะ :เฮ้อ:
แต่ก้อนะ การกระทำสำคัญกว่าจิงๆแหละ ก้อดูดิ ตามใจน้องมันซะขนาดนี้ ไม่รักก้อไม่รุ้จะว่าไงละ ฮ่าๆๆ :laugh:
-
จนถึงตอนนี้พี่ไผ่ก็ยังคิดมากเหมือนเดิม.
ก็เข้าใจพี่ไผ่เหมือนกัน แต่..เลิกคิดบ้างก็ดีเน้อ...
ตอนนี้มีเวลาบอกรักก็บอกน้องไปเถอะ..... o13
-
คำว่า "รัก" พูดยากพูดเย็นนะพี่ไผ่ ระวังจะเสียใจที่ไม่ได้พูดนะ เหอะ เหอะ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
อยากจิ้มบ้างจัง แต่จิ้มไม่ได้ ฮือๆ
-
ชอบจังริวหื่นๆอ่ะ อิอิ ดูโตขึ้นเยอะเลยแต่ยังคงน่ารักแบบเด็กๆ ถูกดุหน่อยก็หงอยแ้ล้ว
-
น่ารักจริงๆ
แต่วันศุกร์ นานไปมั้ยอ่ะ อิอิ
-
T-T ศุกร์หน้า นานไปมั้ยค๊าฟๆ
-
เหมือนจะเข้าใจกัน..แต่เหมือนมีเส้นบางๆ
ครูสอนว่ายน้ำน่ากลัว
-
ห๊าาาาาาาาาา
วันศุกร์นานไปไหมนั่น
เข้าใจไผ่เข้าใจริวอยากให้อลันมาเฉลยสักที
มันยังเหลือมาเฟียอีกเรื่องนึงป่ะนั่นแถมกรเวชอีก
อาเมน :o8:
-
มาชมบทหวาน ๆ ตอนดึก ๆ
หี่ ๆ ๆ ๆ ริวน่ารักเนอะ ดูดื้อนิด ๆ
-
ดีจังที่แวะมาดูก่อนนอน มีความสุขจริงๆที่ได้อ่าน
แต่มาอีกทีวันศุกร์ แง๊ๆๆๆๆคนอ่านจะตายเอา
เพราะลงแดงอ่ะคร๊า
-
โอ้วววว ตั้งวันศุกร์
นานจังเลยค่ะ
แต่ไม่เป็นไรค่ะ รอได้
คิดถึงนู๋ริว พี่ไผ่แย่เลย
-
พี่ไผ่น่ารักอ่าคะ...55+
ขำเวลาที่พี่ไผ่ดุริว...พี่ไผ่เหมือนเลี้ยงลูกหมาอยู่เลยคะ..^ ^
-
วันศุกร์เลยเหรอ :sad4:
สู้สู้ริว
-
ริว :L1: ไผ่
จะเกิดอะไรเราก็ไม่กลัวรักกันแล้ว
ที่สำคัญ เรามีอลัญ!! :z2:
-
งิงิ หวานชื่นจายยยย
-
พี่ไผ่นี่ขี้อายมากเลยเนอะ
แต่น่ารักอ่ะ
:-[
-
นานจริงๆด้วย อยากอ่านทุกวัน แต่ยังไงเราก็รอ
-
:haun4:
-
อ๊ากกกกก :serius2:
อยากอ่านแต่ไม่มีเวลาต้องไปเรียนแล้ว
ขอแว๊บมาอ่านให้ค้างคาไว้ก่อนแล้วคำๆค่อยมาเม้นยาวเนาะ
:bye2:
-
คำว่า "รัก" พูดยากพูดเย็นนะพี่ไผ่ ระวังจะเสียใจที่ไม่ได้พูดนะ เหอะ เหอะ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
+1ครับ ตรงใจจริง
ว่าแต่วันศฺกร์เลยหรือครับ ใจจะขาด
-
โอ้!!! กว่าจะได้เจอริวอีกตั้งวันศุกร์ นานนนนนนนนนนนนนน
-
ค้างอ่ะ
-
ทำใจไม่ได้...วันศุกร์เลยหรอคะ :sad4:
ตอนนี้หวานจนมดขึ้น...แต่ชอบนะ นาน ๆ ที(แล้วถ้าจะตลอดไปก็จะดีมาก ๆ) :-[
แล้วเมื่อไหร่ริวจะบอกความจริงทั้งหมดกับพสุซักทีล่ะ...พสุคงช็อคอ่ะว่าริวรวยขนาดไหน จะได้เลิกกังวลเรื่องอลันด้วย :กอด1:
-
อ่านแล้วยิ้มมีความสุขที่ริวความสุข
พี่ไผ่รักก็บอกไปเถอะอย่าคิดมากนักเลย
แต่กลัวยายครูสอนดำน้ำจะทำเรื่องอะไรหรือเปล่า
:กอด1: :L2: :pig4:
-
o22คิดเยอะเนอะพี่ไผ่เนี้ย งืมๆๆๆ
-
อีกนานเรยอ่ะ
-
:-[ อ่านแล้วเขินมากมาย :-[
พี่ไผ่หน้ารักมาก ๆ อะตั้งแต่ยอมรับใจตัวเอง
:pig4: คะ
-
มีปรมาจารย์ที่ปรึกษาลีลา(ทำ)รักส่วนตัวนี่เอง
นุ้งริวถึงอัพเลเวลเป็นแบบมืออาชีพได้เร็วทันจาย :z1:
-
จนแร้วจนรอด
พี่ไผ่เราก้อยังอ้าย อาย อยู่เหมือนเดิมอ่า
เลิกเขินได้แร้วค่า~~~~!!
ริวยังหื่นอีกเยอะ 555+
ปล.วันศุกร์หงอ T^T เอางั้นก้อด้ายยยย
-
แนะนำให้พี่ไผ่ เอาตัวขัดดอกค่ะ 5555+ :-[
-
หวานมากค่ะ...รออีกทีวันศุกร์เลยอ่ะ
อย่างงี๊ก็คิดถึงหนูริวแย่เลย ;__;
-
ดูเหมือนน้องริวแอบหื่น :laugh: :laugh: :laugh:
รอๆๆวันศุกร์............... :t2: :t2: :t2:
-
วันศุกร์ก็วันศุกร์จ้ะ รอได้เสมอ
ไผ่..ลูก..คิดมากจัง เอ่ยปากว่ารักน้องแค่นี้ ก็คิดโน่น นี่ นั่น อะไรมากมาย
เรื่องทำงานเก็บเงินใช้หนี้น้องน่ะก็ไม่ว่าหรอก เพราะเข้าใจว่าไผ่ยังอยากมีความภูมิใจในตัวเอง
แต่คำว่ารักที่บอกไปนี่ มันให้ความสุขใจทั้งน้องและไผ่เองนะ
-
พี่ไผ่ บางครั้งคนเราถึงจะเห็นการกระทำที่แสดงออกมาว่ารักแค่ไหน แต่มันก็ยังอยากได้ยินคำพูดยืนยันจากปากคนที่รักอยู่ดีนั่นแหละ
-
น่ารักกันจริงวุ้ย
สวีทกันซะ..... :impress2:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ร๊อ..รอ...ให้ถึงวันศุกร์ :z2: :z2:
-
ริวยิ่งโตยิ่งหื่นนะเนี่ย อิอิ
-
กำ นานจัง ตั้งวันศุกร์
คิดถึงแย่เลยค่ะ
-
หุหุหุ เริ่มสวีทวี๊ดวิ่ว^^
-
วันศุกร์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โอ้ไม่นะ
-
บทจะหวานก็หวานซะน้ำตาลเรียกพี่เลยนะคะ
-
หวังว่าครูสาวคนนั้น จะไม่เอาเรื่องริวกับไผ่ไปแฉหรอกนะ มาม่าพอแล้ว :call:
-
พสุ...ก็ยังคิดมากเหมือนเดิม
-
กรี๊ด!!!สถานะอัพเดทแล้ว ตอนนี้เป็นคนๆเดียวกันแล้ว :impress2:
แต่ก็เข้าใจว่าพี่ไผ่ก็คงคิดมาก เพราะคงรู้สึกเหมือนผู้หญิงไปถ้าจะให้ริวปกป้องตัวเองทุกอย่าง
แต่ไอ้เรื่องที่กลัวว่าตัวเองจะปล่อยริวไม่ได้ ก็ไม่ต้องปล่อยค่า ริวเค้าไม่อยากให้พี่ไผ่ปล่อยหรอกเนอะ
-
ทะเลหวานไปเลยนะเนี่ย
-
อยากให้เข้าใจอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ อย่ามีเหตุร้ายอะไรอีกเลยนะ
-
ครูสอนว่ายน้ำนั่นจะก่อปัญหาอีกมั้ยเนี่ย
-
เหมือนจะดี แต่หมอกบางๆที่กั้นอยู่นี่คืออะไรกันนะ? หือ ไผ่...สรุปแล้วก็ยังรับไม่ค่อยได้อยู่ดีใช่มั้ยล่ะ พ่อคุณ
-
วุ่นวายอยู่กะเรื่องส่วนตัวเลยไม่มีโอกาสมาได้อ่าน
ยังตอบคำถามได้อยู่ใช่ไหม
ข้อแรก ...ขอตอบว่า ไม่ต้องตัดหรอกคะ สงสารน้องริวให้รักกะพี่ไผ่ให้ชื่นอุราเถิด อิอิ
ข้อสอง...รอรวมเล่มคะ อยากได้ตอนพิเศษเยอะ ๆ น่ารัก ๆ
...
น้องริวหื่นแต่ยังน่ารักอ่ะ ...ว่าแต่ยัยครูสอนดำน้ำนั่นคงไม่แบบแอบถ่ายแล้วไปให้หนังสือก๊อซซิบลงรูปนะ
อุปสรรคอย่างนี้ลำบากมากเลย...ไผ่ยิ่งกังวลกับสังคมอยู่ เพราะเขาเป็นคนของประชาชน
เฮ้อออออ
-
โอว~เริ่มหวานแระ
แต่พี่ไผ่ก็ยังไม่เต็มร้อยเนอะ
ยังกังวลเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่นิดหน่อย
นี่ถ้าพี่ไผ่ไม่คิดมากคงจะหวานกว่านี้เนอะ
-
ไผ่ไม่ต้องคิดมากหรอก ของของริวก็คือของของไผ่เหมือนกัน
ตอนนี้น้ิองริวหวานกับไผ่มากขึ้นมาหน่อย
-
:กอด1: รักกันๆ ^^
-
อิจฉาคู่หวานแห่งปี
-
นานไปมั้ยค่ะวันศุกร์ :m15:
ตอนนี้ก็น่ารักเหมือนเดิม
ดีใจมากเลยค่ะที่มาม่าหมดไป
-
รักริว รักพี่ไผ่ เป็นกำลังใจให้จร้า
-
โอยยยย หวาน !
เขินแทนพี่ไผ่ด้วย ริวน่ารักเกินไปแล้วววว
ของของริว ก็คือของของพี่ไผ่ ><
-
o13 ยกนิ้วให้ไรท์เตอร์และคนโพส ทะเลหวานจริงๆ
ริวมันช่างอ้อนเนอะ อ้อนได้อ้อนดีกะพี่ไผ่แบบนี้ แล้วจะไปไหนรอด
แถมยังเตรียมตัวมาอย่างดีเลยนะ มีศึกษาหาวิธีการดูแล ระมัดระวัง โอ๊ย...น่ารักจริงวุ๊ย
วันศุกร์ก็ได้ค๊า รอได้ ก่อนถึงวันศุกร์จะค่อยๆอ่านทวนอีกรอบช่วงทะเลหวาน :L1:
-
:impress:เจอโหมดริวออดอ้อน..อย่าว่าแต่พี่ไผ่เลยที่ยอมใจอ่อน
คนอ่านเองก็แทบละลายอยู่แล้ว คู่นี้ยิ่งอ่านยิ่งน่ารัก
ความรักของริวแสดงออกอย่างชัดเจน รักก็บอกว่ารัก
จะกอด จะหอม จะจูบ ไม่ต้องคิดมากแต่ก็ไม่ขาดสติยั้งคิด
ยังคงความเป็นห่วงความรู้สึกของพี่เสมอ...
ส่วนพี่ไผ่ ความรักของพี่ไผ่ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
มีมุมมองและความคิดเห็นที่ต่างกันออกไป
เลือกที่จะเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ
ถึงแม้ว่าจะรักริวมากมายเพียงใดก็ตาม
แต่ก็ไม่ยอมเอ่ยคำนั้นออกมา ให้ดูการกระทำมากกว่าคำพูด
:L1:ความรัก 2 แบบ ที่จะอ่านแบบไหนมองอย่างไร
มันก็มีความอบอุ่น หวานซึ้ง อยู่ในตัวของมันเอง...
+1 กับมุมมองของความรักที่ดีๆ
-
แอบอ่านได้พักใหญ่ๆเเล้วครับ เพิ่งตามทัน
(ฟู้~ แอบโล่งอก - -)
จะคิดว่าตอนทะเลวันนี้เป็นพรีฮันนีมูลไปก่อน
รออ่านฮันนีมูลสวีตท์อยุ่นะครับ
-
ช่วงนี้หลายเรื่องสต็อคหมดกันเพียบ คนอ่านหัวใจเหี่ยวแห้งไปตามๆกัน
ริวแอบง๊องแง๊งนัวเนียมาก555สักวันต้องมีคนรู้แหงมๆ
อ่านตอนนี้ ที่พสุบอกว่าจะไม่มีวันบอกรัก ส่วนริวบอกว่าทั้งชีวิตก็ให้ได้แล้วนึกถึงคำพูดของลีชินกิขึ้นมา ว่าพสุเอาเปรียบความรักของริว...ทำไมอยู่ๆก็นึกขึ้นมาก็ไม่รู้ ^^
ว่าแต่ยัยป้าสอนดำน้ำจะก่อเรื่องไรไหมน๊อ
ปล.คนอื่นจะได้อ่านวันศุกร์ แต่เราคงได้เจอกันวันเสาร์TT^TT
-
NC ไม่เห็นแยะเลย ชิวๆเลยนี่
-
รักทุกคนค่ะ
-
จัดหนักมาเลยค่า nc ชาวบอร์ดเรารับได้อยู่แล้ว :pighaun:
:pighaun:
เออ............แต่แน่ใจนะค่ะ ว่าจะมาต่อวันศุกร์เลย
ไม่เปลี่ยนใจมาลงก่อนบ้างหรอ :L1:
-
:oni1: :oni1: :oni1:
-
เอ๊ะๆ บ้านเดียวกัน ห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน กระเป๋าตังใบเดียวกัน
ลมหายใจเดียวกัน :L2: :L2:
แบบนี้เค้าเรียกอะไรนะ 55555555+
หวานมากกกกกกก +1 ค๊า
-
จัดหนักมาเลยค่า nc ชาวบอร์ดเรารับได้อยู่แล้ว เออ............แต่แน่ใจนะค่ะ ว่าจะมาต่อวันศุกร์เลย
ไม่เปลี่ยนใจมาลงก่อนบ้างหรอ :L1:
o13
-
หวานจนมดวิ่งเล่นบนชายหาดแล้ว
แต่สังหรณ์ใจว่า ยัยครูสาวสอนดำน้ำจะสร้างปัญหาให้ยังไงชอบกล
-
วันศุกร์ นานนนนน
แต่เริ่มไปในทางที่ดีแล้วนะเนี่ย
-
แอบย่องมาดูนิดๆว่ามาหรือยัง.... :t3:
-
:เฮ้อ: คิดมากไปมั้ย พี่ไผ่ :เฮ้อ:
:pig4: :pig4:
-
ยิ่งอ่านยิ่งรักน้องริวจัง..
จัดให้น้องริวเค้าชื่นใจได้กอดพี่ไผ่เลยฮับ.. writer น้องเค้ารอมานานแล้วอะ...
พี่ไผ่อย่าคิดมากไปปนะฮํบ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดด หวานกันมากกกกกกก ถูกใจค่า~ กรี๊ดๆๆๆ
น่ารักอ่า ทำไมพี่ไผ่น่ารักขึ้นเนี่ย อร๊ายยยย เขินแทนพี่ไผ่ :o8:
หนูริวน่ารักมากกกก แล้วก็หื่นขึ้นด้วยนะจ๊ะ เอ๊ะ! หรือผู้แต่งหื่นมากกว่า หนูริวเลยกลายมาเป็นแบบนี้ :pigha2:
แต่ชอบค่า มันเร้าใจดี เคียกๆๆ :jul1:
“ริวไม่เอาหรอก...พี่ไผ่ครับ...ทุกอย่างของริวก็เป็นของพี่นั่นแหละ แม้แต่ชีวิตริว...ริวยังให้พี่ได้เลย”
ขอกรี๊ดอีกสักรอบให้ประโยคนี้ คึคึ ซู๊ดดดดยอด
ปอลอกุงเกงลิงปุด : วันศุกร์ อ๊ากกกกกก กลับตัวกลับใจมาลงตอนนี้ดีกว่านะคะ T_T อยากอ่านมากกก
-
พรุ่งนี้แล้ว...ซักเที่ยงคืนก็เท่ากับเลยเข้าวันใหม่แล้วนะ :mc4:
-
รู้อยู่ว่าวันศุกร์ ถึงจะได้อ่าน แต่ก็อยากเข้ามาอ่ะจ้ะ
ได้เข้ามาแค่นี้ก็วิ้งๆในใจแระ
ขอแอบ :กอด1:คนเขียน คนโพสท์ น้องไผ่ น้องริวนิดนึง คิดถึงค้า
-
o18 หึๆๆ
พอพี่ไผ่เริ่มจะยอมตามใจ คุณน้องริวก็เิืริ่มลายออกเลย
ก็อย่างว่าล่ะนะ ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว
อุเหม่.. แค่แรกสบตา(ผ่านจอ) ก็เอาปูนป้ายหมายหัวพี่ไผ่ซะแล้ว
จะเอาให้ได้ ณ บัดนาว ดีที่อลันผู้แสนดีเบรกไว้ก่อน
ต้องอดทนอดกลั้นทำตัวแอ๊บแบ้วมานานกว่า 80 ตอน
ตอนนี้ความเอาแต่ใจที่ซุกซ่อนไว้(จนอึดอัด) มันเริ่มปะทุแล้วสินะ อะเคื้อๆๆ
รอลุ้นตอนหน้าเจ้าค่ะ o13
-
:z13:
******************
ตอนที่ 99
พอไปถึงออฟฟิศริวก็แยกไปหาทรงเผ่า ขณะที่พสุตรงดิ่งไปหากรเวช เมื่อไปถึงก็พบไวยากรณ์นั่งเล่นมือถืออยู่หน้าห้องประชุมเล็กเพียงลำพัง
“ดีครับพี่ไผ่...โหย หายไปอาทิตย์เดียว กลับมาหน้างี้ใสวิ๊งเลย ไหนว่าไปทะเล ไม่เห็นดำเท่าไหร่เลยพี่”
ไวยากรณ์ทักเสียงใสแต่พสุกลับรู้สึกเหมือนหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ ชายหนุ่มเสหัวเราะแล้วตอบคำถามของไวยากรณ์
“วันหลังๆ ไม่ค่อยได้ถ่ายฉากกลางแจ้งนะสิ ส่วนใหญ่จะเป็นฉากต่อสู้กับฉากงานเลี้ยงกลางคืนซะมากกว่า”
“อ๋อ...แล้วสวยป่ะพี่ ผมเคยได้ข่าวมาว่าทะเลที่นั่นสวย”
“อืมสวยจริงๆ ทะเลที่เกาะเต่าสวยไม่แพ้ กระบี่หรือภูเก็ตเลยล่ะ โดยเฉพาะจุดดำน้ำนะ ปะการังสวยมาก”
“มิน่าล่ะพี่ดูสดชื่นเชียว ได้พักผ่อนเต็มที่นี่เอง” ไวยากรณ์พูดยิ้มๆ ไม่ได้มีเจตนาจะล้อ แต่พสุกลับรู้สึกสะดุ้งในใจ รู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะแค่มีอะไรสะกิดใจนิดหน่อยก็ตื่นตระหนกแล้ว
“...แล้วนี่ทำไมไวย์อยู่คนเดียวล่ะ คนอื่นๆ ไปไหนกันหมด ตะวันกับดลยังไม่มาเหรอ?” พสุรีบเปลี่ยนเรื่องคุยกลัวไวยากรณ์จะถามเกี่ยวกับเรื่องที่ไปทะเลอีก
“มาแล้วครับ แต่พี่กรเรียกไปคุยในห้องทำงานทั้งคู่เลยอ่ะ” ไวยากรณ์ตอบแล้วก้มลงเล่นมือถือต่อ
“เอ๊ะ!...มีอะไรหรือเปล่า?” พสุถามด้วยความเป็นห่วง ปกติมีอะไรกรเวชจะเรียกคุยพร้อมกันหมดทั้งวง ยกเว้นว่ามีปัญหาอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัว
“ไม่รู้สิครับ” ไวยากรณ์ตอบแล้วไหวไหล่อย่างจนปัญญา พอดีกับที่ประตูห้องทำงานของกรเวชเปิดออกมาพอดี
ตะวันเดินนำออกมาก่อนด้วยสีหน้าเรียบสนิท แต่ดวงตาดูสับสนและเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ธีรดลนั้นทำหน้าเศร้า ตาเศร้า จนพสุใจหาย
“อ้าว!ไผ่ มาแล้วเหรอ งั้นไปห้องประชุมเล็กกันเลยละกัน” กรเวชที่เดินออกมาหลังสุด ทักพสุแล้วเดินนำไปห้องประชุมเล็ก
“ริวยังคุยงานกับพี่เผ่าอยู่สินะ...งั้นเราประชุมกันไปก่อนละกัน....กลางเดือนมิถุนา มีงานของบริษัทนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อใหม่ จริงๆ เจ้าของเขาก็คนเดียวกับที่เคยให้เราไปโชว์ตัวในงานเปิดตัวรถเมื่อปีที่แล้วนั่นแหละ เขาต้องการวงคิสมีหรือไม่ก็สมาชิกของวงอย่างน้อย 2 คน ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ต้องไปถ่ายโฆษณาต่างประเทศนะแล้วยังต้องไปโชว์ตัวเวลาเขาจัดโรดโชว์ในหลายๆ ประเทศด้วย”
“ผมไม่รับงานนะครับ” ตะวันปฏิเสธทันที ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นที่รู้กันว่าชายหนุ่มไม่รับงานอื่นนอกจากร้องเพลง
“ผมก็ไม่รับนะพี่ พอดีว่า จะไปหาดาร์ลิ่งอะค้าบ” ไวยากรณ์ตอบเสียงระรื่น
เด็กหนุ่มแทบคุกเข่าอ้อนวอนกว่ากรเวชจะจัดคิวงานเขาให้ว่างตรงกับแก้วกุดันได้ถึง 1 สัปดาห์ แล้วเรื่องอะไรเขาจะยอมพลาดโอกาสนี้
“ส่วนผมพี่กรก็คงรู้อยู่แล้วว่าผมไม่เหมาะที่จะรับงานอะไรตอนนี้” ธีรดลบอกเสียงแห้งเบา กรเวชพยักหน้ารับเร็วๆ เป็นเชิงเข้าใจ
แม้จะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตะวันและธีรดล แต่พสุก็เคารพความเป็นส่วนตัวของเพื่อนมากพอที่จะไม่ซักถาม เพราะถ้าบอกได้ตะวันกับธีรดลคงบอกเขาเอง
“อืม...แล้วไผ่ล่ะว่าไง”
“ผมยังไงก็ได้ครับ...ส่วนริวคงต้องรอถามน้องก่อน” พสุตอบแบ่งรับแบ่งสู้ในส่วนของริว แม้จะแน่ใจว่าน้องรับงานแน่ถ้าเขารับ แต่ยังไงก็ต้องถามให้แน่ใจอีกที
“โอเคเดี๋ยวคุยกับริวอีกที พี่จะตอบไปก่อนว่าเรารับงาน แต่ยังไม่ระบุแล้วกันนะว่าจะให้ใครไป เผื่อใกล้ๆวันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง” กรเวชบอกแล้วก้มดูตารางงานอย่างหนักใจ ตลอดเดือนเมษาไปจนถึงพฤษภานั้นคิสมีต้องไปโชว์ตัวแทบทุกวัน บางวันซ้อนกันถึง 3 งาน แต่ก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆ ด้วยชื่อเสียงของคิสมีตอนนี้แทบกลายเป็นกระแสไปแล้ว ว่าถ้าใครจะจัดงานใหญ่ยังไงต้องมีคิสมีไปโชว์ ถึงจะได้รับความสนใจจากผู้ชมและสื่อมวลชน
“เออไผ่...แล้วเรื่องไปถ่ายละครของพี่จ๋าที่ต่างประเทศล่ะ เคลียร์คิวเรื่องอื่นเรียบร้อยหรือยัง?”
“ครับ ละครพี่นพคุณปิดกล้องอาทิตย์หน้า ส่วนของพี่เจนจบไม่เกินสิ้นเดือนพฤษภาครับ...คงเรียบร้อยก่อนเดินทางหลายวันครับ”
“งานหนักหน่อยนะไผ่ เพราะช่วงนี้เราต้องซ้อมคอนเสิร์ตด้วย ถึงคิสมีจะเป็นเกสต์ แต่คราวนี้เป็นงานใหญ่จริงๆ คงต้องเตรียมตัวกันเต็มที่ คอนเสิร์ตครั้งนี้มีแต่ศิลปินระดับตำนานทั้งนั้น เราเป็นวงน้องใหม่วงเดียวที่ได้มีโอกาสขึ้นเวทีเดียวกับศิลปินระดับนี้”
“ครับ” พสุตอบรับด้วยดวงตาสดใส การได้ขึ้นร้องเพลงบนเวทีเดียวกับศิลปินระดับตำนาน ถือเป็นความใฝ่ฝันของพวกเขาทุกคน ขนาดตะวันที่เก็บสีหน้าเก่งที่สุด ยังไม่วายหลุดยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
“...แล้วยังต้องไปถ่ายโฆษณาต่างประเทศอีก กลับมาก็ต้องเตรียมลุยอัลบั้มที่ 3 กันต่อ เห็นพี่เผ่าว่าราวๆ ปลายมิถุนาหน้าจะเรียกประชุมใหญ่ ตอนนี้คงมีแต่ริวแหละที่โดนเรียกเข้าไปคุยงานก่อน...พูดถึงก็มาพอดี”
“สวัสดีครับพี่กร...สวัสดีครับ” ริวไหว้กรเวชแล้วหันมาไหว้ ตะวัน ธีรดล และไวยากรณ์ ก่อนจะนั่งลงข้างพสุ
“พี่เผ่าว่าไงริว” กรเวชถามแล้วส่งตารางงานให้
“พี่เผ่าให้แต่งเพลงมาให้ดู 3 เพลงครับ แต่คนละแนวกัน” ริวตอบแล้ววางซีดีที่ทรงเผ่าให้มาบนตักพสุ ก่อนจะเปิดตารางของตัวเองดูคร่าวๆ
“อืม...ไหวมั๊ย...ละครพี่จ๋าก็ยังต้องไปถ่ายอยู่ตลอดนี่...แล้วช่วงนี้คิสมีก็มีงานทุกวัน” กรเวชถามด้วยความเป็นห่วง จริงอยู่ว่าคิวงานริวไม่แน่นเหมือนพสุ แต่การแต่งเพลงก็ถือเป็นงานหนักถ้าคิดว่ามีคิวต้องไปโชว์ตัวแทบทุกวันแบบนี้
“ไหวครับ...ริวมีละครแค่เรื่องเดียว งานเดี่ยวอย่างอื่นก็ไม่ได้รับอยู่แล้ว...พี่กินข้าวหรือยัง” ประโยคหลังเด็กหนุ่มลดเสียงลงกระซิบถามพสุเบาๆ
“ยัง เดี๋ยวประชุมเสร็จค่อยออกไปกิน” พสุกระซิบตอบเพราะเกรงใจกรเวช ซึ่งผู้จัดการคนเก่งก็ไม่ได้สนใจที่พวกเขาซุบซิบกัน เพราะมัวหน้านิ่วคิ้วขมวดกับตารางงาน
“เหนื่อยกันหน่อยนะทุกคน งานมันมาแน่นเอาช่วงนี้เพราะต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อนทำอัลบั้มใหม่” กรเวชบอกพร้อมกับกวาดตามองทุกคนด้วยความเป็นห่วง
“ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ พี่จะพยายามเคลียร์คิวออกให้เท่าที่จะทำได้...ตอนนี้คิสมีขึ้นแท่นอันดับ 1 คงยากที่จะลดงานลง แต่บริษัทก็ไม่ใช่คิดจะกอบโกยจนไม่คำนึงถึงสุขภาพของพวกเรานะ ดูแลตัวเองให้มากๆ พี่ไม่ได้ตามดูแลพวกเราใกล้ชิดอย่างแต่ก่อนก็จริง แต่ทุกคนที่พี่ส่งให้ไปคอยดูแล พี่เลือกคนที่ไว้ใจได้ว่าจะเอาใจใส่พวกเรามากพอ แล้วพี่ก็ยังถือว่าพี่เป็นผู้จัดการของคิสมี...มีปัญหาอะไร โทรหาพี่ได้ตลอดเวลาพี่พร้อมจะรับโทรศัพท์พวกเราเสมอ” กรเวชย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง
“ขอบคุณครับพี่กร” ทุกคนไหว้กรเวชแทบจะพร้อมกัน แม้ตอนนี้จะมีคนอื่นไปคอยดูแลพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครเหมือนกรเวช ถึงจะจุกจิกไปเสียทุกเรื่อง แต่กรเวชก็ทำไปด้วยความรักความเอาใจใส่เหมือนทุกคนเป็นลูกมากกว่าในฐานะผู้จัดการ
ริวมองตารางงานของพสุนิ่ง พอกรเวชสั่งเลิกประชุมเด็กหนุ่มก็ลุกตามกรเวชเข้าไปให้ห้องทำงาน
“พี่กรครับ”
“ว่าไงริว มีอะไรเหรอ”
“ตารางงานพี่ไผ่แน่นทุกวันเลย...ริวจะคอยขับรถให้พี่ไผ่เอง พี่ไม่ต้องส่งรถบริษัทไปหรอกนะครับ”
“ริวไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่...”
“ริวมาบอกให้พี่รู้เฉยๆ” ริวพูดสวนขึ้นก่อนที่กรเวชจะทันได้แจกแจง กรเวชถึงกับอึ้ง กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอริวก็เดินไปถึงหน้าประตูแล้ว
“เดี๋ยวริว! ริวเป็นศิลปินนะ จะไปเที่ยวขับรถรับส่งพี่เขาเป็นคนขับรถอย่างนั้นได้ยังไง มันเสียภาพลักษณ์หมด” กรเวชทำเสียงดุ แต่ริวเพียงแค่หันมามองหน้าเขาแล้วยิ้มจนตาหยี
“ผมไม่แคร์” ริวตอบเสียงใสแล้วออกไปจากห้อง ขณะที่กรเวชก็ได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างเดิม
“เออ! ให้มันได้อย่างงี้ เตือนก็ไม่ฟัง แล้วจะมาบอกเพื่อ?...” กรเวชเสยผมอย่างหงุดหงิดแล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ แต่พอเหลือบไปเห็นแฟ้มงานบนโต๊ะ กับกระดาษโน้ตเป็นปึกที่เสียบไว้ก็ได้แต่ถอนใจ
ตอนนี้เขาไม่ได้ดูแลแค่คิสมี วงใหม่อีกสามวงที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานเริ่มมีชื่อเสียง คิวงานของศิลปินทั้งหมดจะถูกส่งมาให้เขาตรวจ คัด แยก เพื่อเลือกเฟ้นสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ศิลปินทุกคน เพราะเขมชาติเชื่อมือกรเวชที่สุด
ตอนนี้งานหลักๆ ของกรเวชจึงต้องอยู่ประจำที่ออฟฟิศ ส่วนหน้าที่ดูแลศิลปินเขามอบหมายให้ผู้ช่วยคนอื่นๆไปคอยดูแลแทน...ทำให้เขาต้องวางมือจากเรื่องของพสุกับริวชั่วคราว คงเพราะที่ผ่านมา ดูเหมือนจะมีเพียงเขาที่ไหวระแวงในความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองคนนี้ แต่กลายเป็นว่าทั้งพสุและริวกลับไปมีข่าวกับดาราสาวคนโน้นคนนี้แทน
“เฮ้อ! อย่าให้เกิดเรื่องอะไรอีกเลย ไผ่ ริว แค่ดลกับตะวัน พี่ก็ผมจะหงอกหมดหัวแล้ว” กรเวชบ่นพึมพำแล้วถอนใจอีกเฮือกใหญ่
.................................................................
พสุเดินเร็วๆ มาที่รถซึ่งจอดอยู่สุดลานจอด ชายหนุ่มพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ เกือบ 4 ทุ่มแล้ว เขาเพิ่งเลิกถ่ายละครเดี๋ยวนี้เอง เสียงท้องร้องจ๊อกทั้งที่กองถ่ายก็เตรียมอาหารไว้ให้ แต่ที่เขาไม่กินเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามีใครรอกินข้าวอยู่ที่บ้าน ชายหนุ่มสะดุ้งเพราะจู่ๆ ประตูรถก็เปิดพรวดออกมาโดยที่เขายังไม่ทันได้แตะ
“พี่” ริวทักเสียงใส ขณะที่พสุถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มถนัดตาจากแสงไฟในรถ
“ริว...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” พสุถามด้วยความงุนงง เพราะจำได้ว่าวันนี้ริวก็มีถ่ายละครเช่นกัน
“ก็วันนี้ริวมีถ่ายละครของพี่จ๋าแถวนี้นี่ครับ ก็เลยให้พี่เขาแวะมาส่งที่นี่ กะว่าจะขอติดรถพี่กลับ”
คำตอบของริวทำเอาพสุถึงกับส่ายหัว เพราะช่วงนี้ละครของพี่จ๋าจะถ่ายแต่ที่สตูดิโอในกรุงเทพ ขณะที่กองละครของพี่นพคุณมาปักหลักถ่ายอยู่อยุธยา แต่ริวดันบอกว่าถ่ายละครแถวนี้...ช่างแถไปได้ชนิดสีข้างเลือดซิบจริงๆ
“แล้วนี่มารอพี่นานหรือยัง” พสุเลือกที่จะไม่ต่อความ เพราะไม่มั่นใจว่าคำตอบของเด็กหนุ่มจะมีอะไรมาให้เขาหน้าร้อนอีกหรือเปล่า
“ตั้งแต่เย็นๆแล้วครับ” ริวตอบแล้วยิ้มแหยลง เมื่อพสุก้มลงดูนาฬิกาข้อมือซ้ำด้วยความตกใจ
“อ้าว! แล้วทำไมไม่เข้าไปหาพี่ข้างในล่ะ”
“ริวรอที่รถสะดวกกว่าครับ ข้างในนั้นริวไม่รู้จักใคร ไม่อยากเข้าไปเกะกะการทำงานเขา...เดี๋ยวริวขับให้นะครับ”
“เอาสิ...” พสุตอบรับแล้วเดินอ้อมไปขึ้นอีกด้าน ปล่อยให้ริวขับรถให้
หลังจากริวเกิดอุบัติเหตุ พสุก็ยังหวั่นๆ ใจทุกครั้งที่เด็กหนุ่มต้องขับรถคนเดียว แม้จะเพียงไม่กี่ครั้งก็ตาม ครั้นจะห้ามไม่ให้ริวขับรถ ก็ไม่รู้จะอ้างเหตุผลว่าอะไร...จะให้บอกว่าเขาห่วงจนทนเห็นริวขับรถไม่ได้...ก็ไม่กล้าพูด...แต่วันนี้ที่พสุยอมง่ายๆ เพราะถือว่าเขามากับริวด้วย ถ้าจะเกิดอะไร...เขาก็พร้อมจะไปกับริว....
..............................................
เสียงตั้งปลุกจากโทรศัพท์ทำให้พสุต้องควานมือไปหาอย่างง่วงงุน ชายหนุ่มกดปิดแล้วจ้องมองตัวเลขบอกเวลาด้วยความเหน็ดเหนื่อย พสุถอนหายใจยาวแล้วหันไปมองอีกด้านของเตียงเพราะควานมือไปหาแล้วเจอแต่ความว่างเปล่า...ก่อนที่จะทันสงสัยว่าอีกคนหายไปไหน ประตูห้องนอนก็เปิดเข้ามาพอดี
“รูมเซอร์วิส คร้าบบบบบ” ริวบอกเสียงใสแล้วยกถาดอาหารมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
พสุถึงกับอึ้ง ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างงุนงง แล้วอดเหลือบมองนาฬิกาบนผนังซ้ำไม่ได้ ปกติเขาต้องคอยปลุกริวทุกวัน แต่วันนี้ริวตื่นก่อนแถมยังไปยกอาหารเช้ามาให้เขาถึงเตียงอีก...เกิดอะไรขึ้น?
“ริวกินแล้วหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วครับ พี่กินเถอะเดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อย” ริวบอกพร้อมกับเดินหายไปทางห้องแต่งตัว พสุจึงจัดการกับมื้อเช้าอย่างรวดเร็วแล้วรีบไปอาบน้ำ
ชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จก็ออกมาเจอริวนั่งเขียนเพลงอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เครื่องแต่งกายบ่งบอกว่าเด็กหนุ่มพร้อมจะออกไปข้างนอกเช่นกัน
“จะไปไหน? ริวไม่มีงานเช้านี้นี่” พสุอดถามไม่ได้ เขาจำได้ว่าวันนี้ริวมีงานเดียวคืออัดรายการตอนบ่ายพร้อมกันทั้งวง
“ริวจะขับรถให้พี่ไงครับ...พอพี่เสร็จงานจะได้ไปอัดรายการพร้อมกัน” ริวตอบแล้วยิ้มแป้น ขณะที่ดวงตาของพสุอ่อนแสงลงด้วยความเอ็นดู ที่ริวลงทุนตื่นแต่เช้าเพื่อมาคอยขับรถให้เขาทั้งที่เมื่อคืนกว่าพวกเขาจะถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว
“ไม่ต้องหรอกครับ ริวพักเถอะ” พสุบอกเสียงอ่อนโยน แล้วลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ แต่ริวคว้ามือเขาจับไว้แน่นพร้อมกับผุดลุกขึ้น
“ริวแค่ขับรถให้ พอไปถึงก็ได้พักแล้ว พี่สิครับวันนี้ทั้งงานโชว์ตัว ทั้งอัดรายการ แล้วยังต้องไปถ่ายละครอีก”
“แต่ริวต้องแต่งเพลงนะ” พสุเหลือบมองกระดาษโน้ตบนโต๊ะอย่างไม่สบายใจนัก
“ก็พอส่งพี่เสร็จ ก็ว่างแต่งแล้วไงครับ” ริวตอบยิ้มๆ แล้วก้มลงหยิบกระดาษโน้ตใส่แฟ้มก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋ามาสะพาย
“แต่……”
“นะครับ...ให้ริวดูแลพี่บ้างนะ”
“ก็...อืม ตามใจ” พอเขาอนุญาตเด็กหนุ่มก็ยิ้มกว้าง แล้วคว้ามือพสุขึ้นจูบดื้อๆ ชายหนุ่มไม่ได้ชักมือหนี แต่ปรายตาไปทางครัวเป็นเชิงเตือนว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันตามลำพัง ริวจึงยอมปล่อยมือเขาลงแต่โดยดี
...........................................
“ริว...ริวครับ...ริว” พสุเขย่าตัวเด็กหนุ่มเบาๆ ริวผุดลุกขึ้นนั่งสีหน้างุนงงในตอนแรกเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ปลุกคือพสุ เด็กหนุ่มบิดตัวไล่ความเมื่อยขบ ขณะที่พสุดึงประตูปิดทำให้ไฟในรถดับลง
ริวทำหน้าที่สารถีให้พสุทุกวัน ขนาดถ่ายละครคนละที่ เด็กหนุ่มยังยอมตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปส่งพสุก่อนแล้วถึงจะไปทำงานของตัวเอง พอพสุเลิกงานเด็กหนุ่มก็จะมารอรับทุกครั้ง ยกเว้นครั้งไหนที่งานยืดเยื้อริวก็จะโทรตามรถตู้ของบริษัทให้มารับพสุแทน
“งานเลี้ยงเลิกแล้วเหรอครับ”
“เลิกแล้ว พี่บอกแล้วว่าเหนื่อยก็ให้กลับบ้านก่อน เลิกงานแล้วพี่กลับแท็กซี่ก็ได้” พสุบ่นด้วยความสงสารที่เด็กหนุ่มต้องมานั่งหลับรอเขาอยู่ในรถ ทั้งที่วันนี้พวกเขาก็มีงานโชว์ตัวที่ห้างใหญ่กลางเมือง พอเสร็จงานชายหนุ่มก็จะต้องมางานเลี้ยงปิดกล้องละครของพี่เจนจบ แต่ริวยังยืนกรานจะขับรถมาส่งเขาเอง ไม่ยอมให้เขามาแท็กซี่
“ไม่ได้หรอกครับ ริวห่วงพี่นี่นา ขอริวรอรับพี่กลับดีกว่า อีกอย่างงานเลี้ยงปิดกล้องแบบนี้มีแต่คนเมา เกิดพี่เกรงใจใครไม่กล้าปฏิเสธ ติดรถคนเมากลับบ้านอีก ริวคงห่วงแย่” ริวสาธยายยืดยาว แล้วบ่นกระทบไปถึงงานเลี้ยงปิดกล้องเมื่อเดือนที่แล้วของพี่นพคุณ ที่พสุเกือบจะติดรถพี่ทีมงานคนหนึ่งกลับเพราะเกรงใจที่อีกฝ่ายชวน แต่ริวไปรับพอดีเขาก็เลยกลับกับริว ปรากฏว่าพี่ทีมงานคนนั้นเมาจนขับรถชนเสาไฟฟ้าทั้งที่เพิ่งออกจากร้านมาได้ไม่ถึง 20 นาที โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่รถก็เสียหายยับเยิน
“เวอร์! แล้วไงล่ะ เลยต้องมานอนแกร่วรอในรถ” พสุแซวยิ้มๆ พลางควานมือหาเข็มขัด ยังไม่ทันจะคาดริวก็ชะโงกตัวมาคร่อมทับเขาไว้เพื่อคาดเข็มขัดนิรภัยให้ แล้วถือโอกาสจูบพสุดื้อๆ ปากนุ่มๆ บดเคล้าอย่างยั่วเย้าจนชายหนุ่มเผลอจูบตอบอย่างลืมตัว ปากแนบปาก เบียดคลึงเย้าหยอก ต่างแลกลิ้นกอดเกี่ยวหาความหวานจากกันและกันจนอารมณ์เริ่มเตลิด ทั้งคู่ผละออกจากกันเพราะได้ยินเสียงคนตะโกนคุยกันแบบเมาๆ และได้ยินสียงรถคันข้างๆ สตาร์ท โชคดีที่รถติดฟิล์มจนทึบ ไม่อย่างนั้นวันพรุ่งนี้พวกเขาคงได้ขึ้นหน้า 1 กันแน่นอน
“ขอบคุณนะครับริว” พสุขอบคุณหลังจากที่ริวขับรถออกมาจากลานจอดได้ครู่ใหญ่ๆ
“ขอบคุณที่ริวจูบพี่เหรอครับ” ริวถามเสียงทะเล้น เลยโดนเขกหัวไป 1 โป๊ก แม้จะไม่แรงจนถึงกับเจ็บ แต่เด็กหนุ่มก็แกล้งร้องโอดโอยมารยาให้พสุโอ๋ แต่ชายหนุ่มรู้ทันจึงหัวเราะสมน้ำหน้าแทน
“ทะลึ่งใหญ่แล้วเรา....พี่ขอบคุณที่ริวอุตส่าห์ขับรถรับส่งพี่อยู่ทุกวันต่างหาก”
“ไม่เห็นต้องขอบคุณเลยครับ แค่นี้เองครับ ริวเต็มใจ” เด็กหนุ่มตอบเสียงนุ่ม แล้วอาศัยช่วงที่รอสัญญาณไฟชะโงกไปหอมแก้มพสุ พอชายหนุ่มหันขวับมา ริวก็สะดุ้งคอหด เกร็งตัวรอรับการลงโทษ แต่แทนที่พสุจะเขกหัวหรือบิดแก้มเขาเหมือนเคย ชายหนุ่มกลับจับมือริวบีบเบาๆ แล้วกุมไว้บนตัก
“ถึงยังไง พี่ก็ต้องขอบคุณอยู่ดี ขอบคุณนะครับ ที่คอยอยู่เคียงข้างพี่”
“ริวทำเพื่อความสุขของตัวเองต่างหากครับ...ริวรักพี่...เวลาเห็นพี่มีความสุข ริวมีความสุขมากกว่าอีก” ริวยกมือพสุที่กุมกันอยู่ขึ้นจูบ แล้วจ้องมองด้วยสายตาดื่มด่ำ
พสุอยากแซวว่าเลี่ยน แต่เห็นสีหน้าและแววตาจริงใจของริวก็แซวไม่ออก กลายเป็นว่าเขาเป็นฝ่ายเขินซะเอง พอสัญญาณไฟเปลี่ยนสีพสุก็ปล่อยมือริวเพื่อให้เด็กหนุ่มขับรถได้ถนัด แต่ทุกครั้งที่ต้องหยุดรอสัญญาณไฟมือของทั้งคู่ก็จะจับกันไว้เป็นอย่างนี้ตลอดทาง
........................................................
-
^
^
ูจิ้มๆๆ
จะน่ารักกันไปไหนนะคู่ริวกับพี่ไผ่เนี่ย
ว่าแต่ตะวันกับธีรดลมีเรื่องอะไรหว่า
มาต่อบ่อยๆ นะครับ
-
มาต่อแล้ว ดีใจจัง
ขออ่าน ก่อน ค่ะ :L2:
-
:impress2: :-[ :oo1:
-
หวาน ๆ :L2: :L2:
-
มดกัดเต็มตัวแล้วคะเนี่ย หวานโฮกกกกกกก :o8:
-
:-[ น่ารักกันจังเลยน้า
-
อ่านมาเกือบร้อยตอนแล้วหรือนี้ นึกถึงช่วงต้นๆ ไอ้เราก็นึกว่าพี่ไผ่รุกริวรับแน่ๆ แต่พอมาเป็นแบบนี้ก็น่ารักกว่าที่คิดเสียอีก
ร้อยตอนมีฉากหวานๆไม่ถึงสิบ จัดหนักฉากหวานๆของริวไผ่เลยนะค่ะ
-
โอว~หวานมากกกก
น้องริวดูแลพี่ไผ่ดีมาก ๆ เลยน๊า
ตามรับตามส่งแบบนี้พี่ไผ่ใจอ่อนแน่ ๆ
แหม~เวลารถติดก็จับมือกันตลอด
บทจะหวานก็หวานซ้า~ชอบอ่ะ
แล้วเดี๋ยวพี่ไผ่กับน้องริวจะได้ไปต่างประเทศด้วยกันรึป่าว
ถ้าไปด้วยกันก็ดีเนอะ จะได้ไปฮันนีมูนงัย
ขอให้หวานมากกว่านี้น๊า ยอมสำลักความหวานเลยอ่ะ ^^
-
หายไปหลายวัน กลับมาความหวานจุกอก ทะลุเพดานไปเลย :impress2:
ว่าแต่ตะวันกับธีรดลมีเรื่องอะไรหรอค่ะ? ของตะวันนี่เรื่องผู้ช่วยคนนั้นรึป่าว? พี่ไผ่ไม่อยากก้าวก่ายแต่เราอยากมาก :z3:
-
มีความสุข อ่านแล้วมีความสุข บอกได้แค่นี้จริง ๆ
:pig4: คะ
-
ไปทำงานที่ต่างประเทศเหยอ???
ว่าแต่ตะวันกับธีระดลมีเรื่องไรกันอ่ะ???
พี่ไผ่กะน้องริวน่าร้ากกกกก
:-[
-
อยากอ่านอีกอ่าาา :-[
-
+1 เพื่อความหวานนนนนน
อิ๊ววววววว :o8:
-
อย่ามีอะไรให้ต้องเจ็บอีกเลยนะ แง่ๆ
-
อ่านมาเกือบร้อยตอนแล้วหรือนี้ นึกถึงช่วงต้นๆ ไอ้เราก็นึกว่าพี่ไผ่รุก ริวรับแน่ๆ....
^
คิดเหมือนกัน
แต่ก็ตามใจคนเขียน
-
อ่าวตะวัน ดล
-
:z3: เอ้ววววววว หวานได้อีกมั้ยยยยยยยย :กอด1: :กอด1:
-
อย่ามีอะไรให้ต้องเจ็บอีกเลยนะ แง่ๆ
ไม่มีแระ มาม่าหมดลังค้าบ เหลือแต่น้ำจิ้มกะน้ำผึ้ง o18
เอ้ววววววว หวานได้อีกมั้ยยยยยยยย
ไม่มีแล้วค้าบ เหลือแต่หื่นๆ รับสักที่มะค้าบ :laugh:
ปล. ส่วนของคนที่ไม่ได้ตอบ เพราะมีเฉลยอยู่ในเนื้อเรื่องนะค้าบ
-
บทจะหวานก็หวานไม่บันยะบันยัง...โอย น้ำตาลขึ้น :o8:
-
:-[ อยากขอถ้ำยาดม ทั้งๆที่ไม่มี NC แต่ความหวานมันพุ่งกระฉูดได้ใจเหลือเกิน
:man1: รักริวไผ่จังเลย โดยเฉพาะริว อะไรมันจะขนาดนี้ เหมือนกับว่า โลกทั้งใบให้พี่ไผ่ได้คนเีดียวเลย
-
แม่ยกยิ้มแป้นนนน :impress2:
-
คือมันน่ารักไม่หวาดไม่ไหว คงอวยได้แค่นี้เพราะจิตตกกะแผ่นดินไหว
-
เริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว พี่ไผ่น้องริว น่ารักมากๆเลยค่ะ :m1:
แล้วทีนี้ตะวันกับดล มีปัญหาไรน๊าาาา
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
หวานๆๆๆๆๆ
-
ดีใจที่พี่ไผ่กับริวเข้าใจกัน
ถ้ามีแรงใจดีๆ หนักแค่ไหน เหนื่อยยังไง สู้ตายใช่มั้ยริว
-
โอ้ย...มดเดินหาน้ำตาลกันให้ยั๊วเยี๊ยไม่หมดแล้ว
:o8:
-
ดีใจจังรักกันมากๆ นาน ๆเลยนะ อย่าให้มีอะไรมาทำให้เป็นเรื่องไม่ดีอีกเลย :L1:
-
หวานนนนนนนนนนนนนนน
น่ารักจริง
ว่าแต่ตะวันกะดลมีปัญหาอะไรอ่า
-
จะน่ารักไปไหนเนี่ยคู่นี้
อ่านจบแล้วเขินแทนพี่ไผ่เลย
:-[ :-[
-
ตอนนี้หวานสุดๆไปเลย รอให้หวานกว่านี้นะคะ (แอบบอกริว 5555)
ไม่น่าเชื่อว่าจะร้อยตอนแล้ว เร็วมากๆ .. .
ยังจำที่อ่านตอนริวยังพูดไทยไม่ได้อยู่เลย
แอบอยากให้พี่ไผ่รู้เรื่องของริวมากกว่านี้อีกนิด
จะได้รักริวมากมากขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะๆเลยยย
จะร้อยตอนแล้ว ยังไงรอติดตามต่อไปเรื่อยๆนะคะ ชอบเรื่องนี้~
อ่านตอนอย่างงี้แล้วแฮปปี้สุดๆ ^^,,
-
พี่ไผ่น่ารักจังเลยน้าาาา
เหอะๆ น้องริวยิ่งแล้วใหญ่ ดูแลจังเลยนะ คนนี้อ่ะ
หุหุ
แล้วดล กับ ตะวันเกิดอะไรขึ้น ???
งื้อออ
จะดราม่ามั้ย !!
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ยุบยิบไปทั้งตัวเลยค่ะมดขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
กีซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
อิจฉาตาร้อมมากมายก่ายกองกับ น้ำตาลเรียกแม่ฉากนี้ ยิ้มจนแก้มจะฉีก เมื่อยได้อีกฉัน 555
-
หวานจังเห็นพี่ไผ่กับน้องริวมีความเราก็มีความสุข :กอด1:
-
หวานเกินหน้าเกินตาไปแระเธอ :o8:
แล้วพี่ดลกับพี่ตะวัน มีเรื่องอะไรหว่าาาา?
-
หวานกันไปไหนเนี่ย....
แต่ว่า...เกิดปัญหาที่คนอื่นต่อเหรอ???
:z2:
-
น่ารักแฮะ
-
น้ำตาลเต็มกระปุก :-[
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[
น่ารักมากมาย
-
โอ๊ยหวานไม่ไหวแล้วน้ำตาลขึ้น
เอาแล้วสิ ดล กับ ตะวัน มันเรื่องอะไรหว่าทำไม ดลต้องเหมือนจะร้องไห้เกิดอะไรขึ้น
หึหึผู้ใหญ่ไม่ว่างดูเลยริวกับไผ่เลยสบายเลยสินะ
อิอิ
โอ๊ยหวานเว้ยยยย
อลันอยู่ไหนมาหวานให้ดูหน่อย o13 o13 :o8:
-
น้องริวเอาอกเอาใจ full Option ซะขนาดนี้ พี่ไผ่ไม่รักไม่หลงยังไงไหว แอร๊ยยยยยยยยย :z1: :z1: :z1:
-
คู่นี้หวานกันลงตัวแล้ว น่าชื่นใจจริงๆ แต่ ดล กับ ตะวันนี่สิ มีปมมาให้สงสัย สองคนนี่ยังไง มีปัญหาด้วยกัน หรือว่า ต่างคนต่างมีปัญหา ง่าาาา สงสัยๆ :really2:
-
หวานจริง เขินแทน อิอิ
-
กรี๊ดดดดดด งวดนี้พี่ไผ่กับน้องริวหวานซ้า
-
น่ารักอ่ะ
:o8:
-
หวานกำลังดี
//เรื่องอะไรของดล กับ ตะวันน่ะ
-
อูยยยยยยยยยยย น่ารักเกิ๊น อ่านแล้วมีความสุข :o8:
-
+1 ให้กับความหวานของคู่นี้ค่ะ
-
เดาว่า ตะวัน มีเรื่องชู้สาว กับผู้ดูแล (ตอนก่อน ๆ ) ส่วนดล น่าจะมีเรื่องเกี่ยวกับลูกสาว (หรือลูกชายหว่า จำไม่ได้)
ทั้งหมดทั้งมวล เดาเอาล้วน ๆ 555
ปล.รอ NC NC NC NC ว่าไปแล้ว คนอ่านท่าทางจะหื่นกว่าหนูริวอีกนะ
-
ว่าแต่เขาบวก 1 กันตรงไหนคะ หาไม่เจอ เห็นบอกว่าตรงล่างชื่อ ก็ไม่เห็นมีให้บวกเลย
-
ใกล้จะเป็นเบาหวานแล้ว
ติดมาจากน้องริวอะ
น่ารักจริงงงงงงงงงงงงงง
เอาอีก หวานแบบนี้ชอบ
:pig4: :pig4: :pig4:
-
หวานกันตลอด
หวังว่าคงไม่มีมาม่าแล้วนะ
-
เอาเลยริว หวานซะเต็มที่เลย
คอยอยู่ข้างๆ พี่เค้าน่ะ
เอาจนพี่ไผ่ขาดริวไม่ได้ก็แล้วกัน
-
อ่านแบบนี้ค่อยอิ่มหน่อย ขอบคุณมากครับสำหรับความหวาน
ว่าแต่อีกคู่มีอะไรครับ อยากรู้
-
หวังว่าคงจะหวานอย่างนี้ไปนานๆเลยน่ะพี่ไผ่น้องริว
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่ตะวันกับพี่ดลเนี้ยถึงได้เศร้ากัน
:กอด1: :L2: :pig4:
-
หวานนนนนนนนนนนนนนนมาก :o8: พี่ไผ่กอบโกยความสุขเถอะอย่าไปแคร์ใครมากมายเลย แคร์คนที่รักเรา คนที่เรารักจะดีกว่าเนาะ
พี่ตะวัน กับพี่ดลมีอะไรกันหว่า หรือ เรื่องลูกของพี่ดลกันน้า
-
ความอบอุ่นที่พี่ไผ่กับริวต่างมอบให้กันและกัน :n1:
มันทำให้คนอ่านอย่างเรา ยิ้มแก้มปริกได้ :-[
ขอบคุณครับ+1ทั้งคนแต่ง คนโพส
-
แหม ตามสัญญาๆ ไม่มีขาดตกบกพร่องเชียว
สู้ๆ นะคะไรเตอร์ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
คิคิคิ
อ่านตอนนี้แร้วถูกจายอ่า~~~!!!
น่ารัก หวานแหววกันซะ
(แอบสะใจตอนที่ ริวไปบอกเรื่องไปส่งพี่ไผ่กะเฮียกรด้วย 555+)
-
หวานเกิ๊น อิอิ
-
:ped149: สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
:L1: ชอบเรื่องนี้มากๆเลย
-
อยากอ่านต่อ :impress:
-
หวานนนนนนนนนนนนนนนนนน
:-[ :-[ :-[
โหยยยย....ทั้งริวทั้งพี่ไผ่ ว่างๆไปตรวจวัดน้ำตาลในเลือดบ้างนะคะ
เพราะคนอ่านอยู่ตรงนี้ยังน้ำตาลในเลือดพุ่งทะลุปรอท
พี่ไผ่ยอมสวีทด้วยแล้วอ่า
กุมมือ จูบ หอมแก้ม :impress2:
ไวย์ก็งุงหงิงเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งมีรักแรก *กิ้วๆๆ*
ปล.พี่ดลกับตะวัน เกิดอะไรขึ้น???
-
คุณ Anonymus ขา ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ที่ทำให้ดิฉันไม่ขาดแคลนความหวานในชีวิต
เพราะดิฉันได้อานิสงส์จากน้องไผ่กับน้องริวทุกวันเลย อ่านไปก็ยิ้มไปอย่างมีความสุข
-
จริงเหรอคะคุณนายแก้ว 555 แล้วไอ้พวกของหวานๆ ที่แอบกินคนเดียวในแต่ละวันละคะ
555
-
เวลาบทจะหวานก็หวานซะคนอ่านอิจฉาเลย..
ริวนี่น่ารักมากคอยดูแลพี่ไผ่ดีไม่ห่างเลย :กอด1:
-
น่ารักจังเลยค่ะ... หวานแล้วสินะเนี่ย
แต่ตะวันกับดลนี่มีปัญหาอะไรกันเหรอ...เรื่องเก่า? หรือว่าเรื่องของทั้งคู่ o22!!!
เป็นกำลังใจให้คนเขียน+คนโพสค่ะ
-
ประหยัดๆๆบ้างนะค่ะ น้ำตาลนะของมันแพง :laugh:
ยิ้มจนปากกว้างล่ะเนี้ยไอ้เสือ
-
น่ารักไปไหนนนนนนนนนนนนน :-[
หวานกันจริงคู่นี้
แล้วพี่ดลกับตะวันมีไรกันอ่ะ :serius2:
-
ตอนนี้หวานน่ารักมากกกกกกก
ดีใจที่ไผ่เริ่มมีการแสดงออกมากขึ้น
ถึงต้องแอบทำก็ดีใจกับริวด้วย
แต่ปัญหาของตะวันกับธีรดลคืออะไร
รอค่ะรอ
-
:o8: หวานจริงๆเลย :o8:
:pig4: :pig4:
-
:o8: :o8: :o8:
น่ารักอ่ะ
-
วันนี้จะมาไหมนะ
อยากอ่านหวานๆอีกจังเลย
นายอลันหายไปเลยไม่โผล่เข้ามาในฉากเลยหมู่นี้โดนมาเฟียอุ้มไปแล้วมั้งนั่น
-
:call: :call:
-
เฮ้อออ ช่วงนี้ค่อยหวานขึ้นมาหน่อย อย่าให้เป็นแค่ลมสงบก่อนพายุจะมาเล้ยยย
-
คืนนี้จะมามั้ยน้อ~ :t3:
-
ช่วงนี้สวีทกันจังเลยอ่ะ
:L2:
-
เขาจะหวานกันไปไหนเนี่ยยยยยย
เข้ามาอ่านไม่กี่ตอนแก้วกุดันกะนายไวย์ เป็นแฟนกันตอนไหนอ่ะ
ขอบคุณนะค่ะ
-
น่ารักจังริวของพี่ไผ่
มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นมาก อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย
หาอ่านไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้
-
:a12:
พรุ่งนี้มาหาให้ :t3:
-
น้ำตาลพุ่งพรวด หวานนนนนนนนนนนมากมาย
ชอบบบบบบแบบนี้แหละหัวใจกระชุ่มกระชวยดี
แล้วตะวันกับดลมีเรื่องไรละนั่น
รอคนแต่งมาเฉลยละกันนะจ๊ะ
-
ถึงฉากหวานๆๆของน้องริวกับพี่ไผ่แล้ว.. เย่ๆๆๆๆ..
ขอหวานๆๆๆๆๆๆๆ แบบ มดขึ้นกันไม่ทันเลยนะฮบ....
สงสารน้องริวมาหลายตอน.. พอพี่ไผ่หวานให้น้องริวหน่อย.. ต้องขอแบบ nonstop เลยทีเดียว ..
ฮาๆๆๆๆๆ มิสๆๆ น้องริว พี่ไผ่..
มาอีกเร็วๆนะฮับ..
อยากเห้นสองคนเค้าหวานๆๆกัน.. อยากเห้นพี่ไผ่อ้อนริวด้วยอะ.. ฮาๆๆ ได้ป่าวฮับ.. น้องริวคงดีใจแย่อะ..
-
เพราะถือว่าเขามากับริวด้วย ถ้าจะเกิดอะไร...เขาก็พร้อมจะไปกับริว....
โอ้วว พี่ไผ่ กินใจมากๆเลย :L2: :L2: :L2: :L2:
-
วันนี้จะมาไหมนะ
อยากอ่านหวานๆอีกจังเลย
นายอลันหายไปเลยไม่โผล่เข้ามาในฉากเลยหมู่นี้โดนมาเฟียอุ้มไปแล้วมั้งนั่น
อ่านแล้วเกิดอาการสะดุดเลยค่ะ
แบบว่า.. จินตนาการบรรเจิด โฮะๆๆ
ไม่ใช่ว่าสุดยอดผู้ปกครองอย่างคุณอลัน จะมีอะไรพิเศษกับพ่อมาเฟียเหมือนกันนะคะ
คิกๆๆ (จินตนาการบรรเจิดไปไหม?)
ชักอยากให้มีตอนพิเศษของคุณอลันจังเลย (แอบตั้งตัวเป็นแม่ยกพี่อลัน^///^)
-
วันนี้จะมาไหมนะ
อยากอ่านหวานๆอีกจังเลย
นายอลันหายไปเลยไม่โผล่เข้ามาในฉากเลยหมู่นี้โดนมาเฟียอุ้มไปแล้วมั้งนั่น
อ่านแล้วเกิดอาการสะดุดเลยค่ะ
แบบว่า.. จินตนาการบรรเจิด โฮะๆๆ
ไม่ใช่ว่าสุดยอดผู้ปกครองอย่างคุณอลัน จะมีอะไรพิเศษกับพ่อมาเฟียเหมือนกันนะคะ
คิกๆๆ (จินตนาการบรรเจิดไปไหม?)
ชักอยากให้มีตอนพิเศษของคุณอลันจังเลย (แอบตั้งตัวเป็นแม่ยกพี่อลัน^///^)
สะดุดด้วยคน...จิ้นไปไกลแล้วนะเนี่ย (ทำไมเมื่อก่อนไม่คิดน้า...หาคู่ให้อลันก็ดีนะคะ) :laugh:
-
สะดุดด้วยคน...จิ้นไปไกลแล้วนะเนี่ย (ทำไมเมื่อก่อนไม่คิดน้า...หาคู่ให้อลันก็ดีนะคะ)
เห็นด้วย 100% :oni2:
คิดถึงอลัน~
(เป็นตัวละครที่บทไม่มาก แต่ก็ฮอทฮิตเหมือนกันนะเนี่ย 555+)
-
เดี๋ยวนี้หนูริวเอาใหญ่แล้วนะเนี่ย...ฉวยโอกาสตลอดดดด...55+
แต่น้องน่ารักมากๆคะ...ขับรถมารับมาส่งพี่ไผ่ด้วย...
ตลกตอนที่บอกพี่กรว่าไม่แคร์...คือไม่ได้ขอ.แค่มาบอกเฉยๆ..แต่ยิ้มซะหวานเลย...55+
-
แวะเข้ามาอ่านอย่างรวดเร็วค่ะ :m25:
ไม่ได้อ่านแปปเดียวคืบหน้าไปมากมาย :o8:
หวังว่ามาม่าชามโตคงจะหมดแล้วนะคะ o18
คงไม่ได้แวะเข้ามาอ่านบ่อย ๆ เหมือนเคยเพราะว่าตอนนี้กลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว
แต่ก็คงจะติดตามต่อไปค่ะ สู้ ๆ
-
ขอให้หวานแบบนี้ไปตลอดนะ
:L2: :L2: :L2:
-
รอ รอ รอ
:call: :call: :call:
-
รอลุ้นคืนนี้... :call:
จะมามั้ยอ่ะ :o12:
-
มาลุ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนด้วย อยากให้ริวหื่นเร็วๆเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
วันนี้จะมามั้ย? รอๆๆๆๆๆๆ :sad2:
-
มารอด้วยคนค่ะ ^^
งดน้ำตาลมาทั้งวัน เพราะจะมาให้พี่ไผ่กับริวเพิ่มให้ อิอิ
-
คิดถึงพี่ไผ่ กับ น้องริวมากกกกก
รออ่านอยู่น้าาาาาา
-
ตอนที่ 100
วันแรกของการซ้อมเพลงเพื่อเตรียมขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ ทั้ง 5 หนุ่มเลือกสตูดิโอเล็กที่บ้านพักเป็นห้องซ้อม แม้คิสมีจะเป็นเพียงแขกรับเชิญ แต่ในเมื่อมีโอกาสได้ขึ้นเวทีร่วมกับศิลปินเก่งๆ ทั้งทีทุกคนก็อยากจะทำให้ดีที่สุด
เมื่อพสุกับริวไปถึงสตูดิโอกลับพบว่ามีเพียงตะวันกับกรเวชเท่านั้น ธีรดลกับไวยากรณ์ยังมาไม่ถึง กรเวชพอหันมาเห็นพสุก็ส่งอัลบั้มรูปให้
“รดีฝากมาให้ไผ่กับริวแน่ะ...”
“รูปงานไหนครับเนี่ย?” พสุถามพร้อมกับเปิดดูรูป ดูเหมือนทุกคนจะได้อัลบั้มเดี่ยว ยกเว้นพสุกับริวที่ส่วนใหญ่จะถ่ายคู่กัน ภารดีเลยส่งมาเป็นอัลบั้มเดียวกัน
“ก็รูปตั้งแต่ตอนถ่ายปกอัลบั้มแรกนั่นแหละ ฤดีมันมัวไปถ่ายสารคดีอยู่ต่างประเทศ เพิ่งกลับมาถึงเมื่อวาน วันนี้ก็ต้องประชุม แล้วอีก 2 วันก็ต้องเดินทางอีกเลยฝากให้พี่เอามาให้พวกเรา” กรเวชบอกพลางหันไปรับไหว้ธีรดลกับไวยากรณ์แล้วส่งอัลบั้มภาพของแต่ละคนให้ ก่อนจะรีบร้อนกลับไปเพราะที่ออฟฟิศโทรมาบอกว่ามีลูกค้ามารอพบ
พสุพลิกดูไปไม่กี่รูปก็หน้าเปลี่ยนสี รีบยัดอัลบั้มใส่กระเป๋า ทำให้ริวเอื้อมมือมาหาเก้อ เด็กหนุ่มจ้องมองพสุอย่างแปลกใจเพราะรูปเขากับพสุอยู่ในอัลบั้มเดียวกันแต่พสุกลับไม่ยอมให้ดูเสียดื้อๆ
“ไหนรูปพี่ไผ่กับริวล่ะครับ ขอดูหน่อยสิ” ไวยากรณ์หันมาถามพสุเพราะเหลือแต่ของพสุกับริวที่เขายังไม่ได้เห็นรูป
“เดี๋ยวค่อยดูก็ได้ รีบซ้อมเถอะ เวลาเราน้อย” ตะวันพูดตัดบทเพราะสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของพสุตั้งแต่ดูรูปในอัลบั้มแล้ว
ตะวันยกขาตั้งออกมาวางโน้ตแล้วหันมามองหน้าไวยากรณ์ เด็กหนุ่มเลยต้องวิ่งไปประจำที่เพื่อซ้อมเพลง เพราะตอนนี้เหลือแต่เขาคนเดียวที่ยังมัวแต่ดูรูป คนอื่นๆ เข้าประจำที่เครื่องดนตรีกันหมดแล้ว
ทุกคนตัดสินใจเลือกเพลงรวมของคิสมี จากสองอัลบั้มมา 3 เพลง ตามที่ได้คิวมา ระหว่างที่พักซ้อมไวยากรณ์ก็ออกไปโทรหาแก้วกุดัน เพราะตอนนี้เธอมาเดินแบบที่ญี่ปุ่น ขณะที่ตะวันและธีรดลนั่งคุยกันอยู่อีกมุม
“พี่ฟังนี่สิ...สถานีนี้เปิดเพลงเพราะดี” ริวหยิบหูฟังข้างหนึ่งมาใส่ให้พสุ แต่ชายหนุ่มกลับรีบดึงออกแล้วเหลียวไปมองตะวันกับธีรดล โชคดีที่ทั้งสองคนมัวคุยกันจึงไม่มีใครทันได้มอง
ริวขมวดคิ้วแล้วคว้าแขนพสุไว้เมื่อชายหนุ่มลุกขึ้น
“จะไปไหนครับ?”
“อย่าริว” พสุกระซิบดุ ปัดมือเด็กหนุ่มออกแล้วเดินไปหยิบขวดน้ำที่วางรวมกันไว้อีกด้านมาดื่ม ริวเดินตามไปหยุดยืนข้างๆ พอพสุหันมาเห็นเด็กหนุ่ม เขาก็จงใจเดินเลี่ยงห่างออกไปอีก ริวเม้มปากแน่นก่อนจะเดินออกไปจากห้องซ้อม
“ริวเป็นอะไรไป?” ตะวันเดินมาหยิบขวดน้ำพอดี เห็นริวเดินออกไปจากห้องด้วยสีหน้าซีดสลดก็หันมาถามพสุ
“ไผ่!...” ตะวันเรียกซ้ำ เพราะพสุเองก็กำลังเหม่อมองไปทางประตูที่ริวเพิ่งออกไปเช่นกัน
“ไม่...ไม่รู้สิ” พสุสะดุ้ง แล้วรีบตอบจนแทบเป็นลนลาน
“นายเอง...ก็แปลกๆ ไปนะไผ่” ตะวันบอกพลางยกน้ำขึ้นดื่ม แต่สายตาที่มองนิ่งๆ ทำให้พสุรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ
“แปลกยังไง” พสุทำเสียงเรียบทั้งที่รู้สึกเหมือนอุณหภูมิห้องสูงขึ้นจนเหงื่อซึม
“ก็นายทำเหมือน...เหมือนโกรธริว...คือยังไงล่ะ นายทำท่าลุกลี้ลุกลนทุกครั้งที่ริวเข้าใกล้ แล้วก็เดินหนีดื้อๆ จนริวมันจ๋อยลงทุกทีๆ แล้ว...เป็นอะไรไปไผ่...ทะเลาะกันใช่มั๊ย”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ก็แค่...เอ่อ...” พสุหาข้อแก้ตัววุ่นวาย แต่ไม่รู้จะใช้คำไหนมาอธิบายถึงจะเหมาะสม
“รีบๆ ดีกันเถอะนะ บรรยากาศมันจะได้ไม่เครียด” ตะวันตบไหล่พสุเบาๆ แล้วเดินแยกไป พสุถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วตัดสินใจออกไปตามริวกลับมาซ้อม
ริวยืนเหม่ออยู่ตรงสวนข้างสระน้ำ คิ้วเข้มขมวดจนหัวคิ้วแทบชนกัน ปากบางเม้มแน่น พสุเดินเข้าไปใกล้ๆ หลังจากกวาดตาดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้แล้ว
“ริว...กลับไปซ้อมได้แล้ว”
ริวหันกลับมาเผชิญหน้าแล้วจ้องเขาเขม็งจนพสุต้องเป็นฝ่ายหลบตา
“...พี่เป็นอะไรไป ทำไมต้องทำท่ารังเกียจริวขนาดนี้ด้วย” แม้ริวจะพยายามควบคุมอารมณ์ แต่น้ำเสียงก็ติดจะน้อยใจนิดๆ อย่างเห็นได้ชัด
“พี่บอกไปกี่ครั้งแล้วว่าไม่เคยคิดแบบนั้น” พสุตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนลง เขาไม่ได้เจตนาจะทำให้ริวน้อยใจ
“แล้วที่พี่เอาแต่หนีริวล่ะ”
“ก็พี่บอกแล้วใช่มั๊ยว่าพี่ไม่อยากให้ใครรู้...” พสุชะงัก เหลียวไปมองรอบๆ อย่างระแวง
“ริวเองก็รับปากกับพี่แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่ทำรุ่มร่ามต่อหน้าคนอื่น พี่อยากให้เราดู...เหมือนปกติน่ะ ริวทำได้มั๊ย” พสุลดเสียงลงแทบเป็นกระซิบเพราะเกรงจะมีใครผ่านมาได้ยิน
“ริวไม่ได้ทำรุ่มร่าม ริวก็ทำเหมือนที่เราเคยเป็น ริวแค่จะชวนพี่ฟังเพลง เราฟังเพลงด้วยกันมาตลอดแท้ๆ ไม่เคยเห็นพี่จะทำแบบนี้เลย...พี่บอกว่าอยากทำตัวเหมือนปกติ แต่พี่นั่นแหละ ที่ทำตัวไม่เหมือนเดิม...” ริวพูดทิ้งท้ายด้วยสีหน้าน้อยใจ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในก่อน ปล่อยให้พสุยืนครุ่นคิดอยู่คนเดียว
ทั้งริวและตะวันพูดเหมือนกัน ว่าคนที่แปลกไปคือเขา...พอลองมาทบทวนดูก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เสียด้วย เขาเอาแต่หนีริว ไม่ใช่เพราะรังเกียจหรือกลัวเด็กหนุ่มจะแตะต้องเนื้อตัว แต่เพราะสีหน้าและแววตาของริวที่เขาเห็นในรูปถ่ายต่างหากที่ทำให้เขาระแวง
รูปถ่ายของภารดีทำให้เขาสะดุ้ง หนาวสันหลังวาบด้วยความตกใจ กลัวว่าคนอื่นๆ จะสังเกตเห็นดวงตาวาววาม อ่อนเชื่อมที่คอยจับจ้องเขาทุกอิริยาบถ เขาถึงต้องรีบเก็บอัลบั้มรูปก่อนที่จะมีใครได้เห็นรูปเหล่านั้น...
“เฮ้อ! งานเข้าอีกแล้วไผ่เอ๊ย” พสุส่ายหัวก่อนจะรีบเข้าไปในสตูดิโอเพื่อซ้อมเพลงต่อ
ตลอดเวลาที่ซ้อมเพลงกัน ริวไม่ได้เล่นผิดพลาดเลย ทุกจังหวะตรงโน้ตชนิดไร้ข้อติ แต่สีหน้านิ่งสนิทเหมือนใส่หน้ากาก และบรรยากาศเย็นชาทำให้ทุกคนถึงกับเกร็งจนแทบเล่นไม่ออก
“เฮ้ยริว! เป็นอะไรไปวะ” ไวยากรณ์วางเบสลงแล้วเดินเข้าไปถามดื้อๆ
“ริวเล่นผิดเหรอครับ?” ริวถามด้วยสีหน้านิ่งสนิทเหมือนเคย
“มันก็...มันไม่ผิดหรอก แต่มัน...เหมือนซอมบี้ว่ะ แบบว่า ไร้อารมณ์โคตรๆ อ่ะ เข้าใจป่ะ เล่นแบบนี้เปิดแทรคเอาก็เหมือนกันแหละ” ไวยากรณ์พูดแรงด้วยความหงุดหงิด
“งั้นก็เปิดแทรคเอาสิครับ” ริวตอบเสียงเรียบ เย็น แต่ชัดเจน ทุกคนหันมามองหน้าเขาเป็นตาเดียว
ไวยากรณ์อ้าปากค้าง ไม่คิดว่าริวจะตอบแบบนี้ ขณะที่เด็กหนุ่มมองกลับมาด้วยสีหน้าเย็นชา แต่ดวงตาเป็นประกายวาววับ
“โหริวเด็ด! เดี๋ยวนี้เล่นมุกหน้าตายเป็นกะเขาด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า มานี่เลยไอ้ตัวป่วน กวนตีฟดีนักโดนย้อนมุกเป็นไงล่ะ” ธีรดลหัวเราะแล้วลากไวยากรณ์ไปอีกทาง แต่ยังไม่วายหันไปสบตาพสุบุ้ยใบ้ให้ไปดูริว ตะวันเห็นพสุทำหน้าลำบากใจจึงรวบกระดาษโน้ตทั้งหมดแล้วผุดลุกขึ้น
“วันนี้เลิกซ้อมแค่นี้ก่อนนะ...พอดีมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อย” ตะวันบอกแล้วเอาโน้ตเพลงไปเก็บ ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายแล้วออกไปจากห้องคนแรก ไวยากรณ์ก็โดนธีรดลลากออกไปเหมือนกัน แม้จะมีสีหน้างอง้ำอย่างไม่พอใจ แต่ไวยากรณ์กลับไม่โวยวายเหมือนเคย
ริวลุกไปหยิบกระเป๋าแล้วยืนรอพสุอยู่หน้าห้อง พอพสุเก็บของเสร็จก็เดินตามกันไปที่รถ ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน บรรยากาศในรถเงียบกริบและอึมครึม เพราะต่างไม่มีใครพูดอะไรเลย พสุเหลือบมองริวบ่อยๆ ขณะที่ริวมองตรงไปบนถนนโดยไม่หันกลับมามองชายหนุ่มสักครั้ง
พี่แมวมาเปิดประตูให้ด้วยเครื่องแต่งกายที่พร้อมจะออกนอกบ้าน สามีและลูกชายยืนยิ้มแต้คอยอยู่ไม่ห่างนัก
“เย็นนี้พี่จะไปดูหนังกันนะคะ คุณไผ่จะให้พี่ตั้งข้าวให้ก่อนมั๊ยคะ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่แมวไปเถอะ...เที่ยวให้สนุกนะครับ”
“ค่ะ” พี่แมวรับคำด้วยสีหน้าสดใส แล้วออกจากบ้านไป
พอพี่แมวกับครอบครัวคล้อยหลัง ริวก็คว้าข้อมือพสุแล้วลากให้เดินตามไปยังห้องนอน
“ริว!ทำอะไรเนี่ย?”
“กอดพี่ไง” ริวตอบเสียงห้วน กดล็อคประตูเสร็จก็ดันตัวพสุไปที่เตียงแต่ชายหนุ่มขืนตัวไว้
“ริว! เป็นอะไรไป ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย” พสุทำเสียงดุข่มไว้ และพยายามจะถอยห่างจากเด็กหนุ่ม
“ทำไม? เราอยู่กันสองคนแล้วนะ ริวยังกอดพี่ไม่ได้อีกหรือไง” ริวถามห้วนๆ แล้วรวบตัวพสุไปกอดแน่น
“อย่ามาพาลนะริว...อื้อ...” พสุพยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่เด็กหนุ่มควานปากตามติด บดขยี้จนพสุลิ้มรสคาวเลือดในปาก ชายหนุ่มพยายามดันตัวริวออก แต่ยิ่งขัดขืนเหมือนยิ่งยั่วยุให้ริวขาดสติ เด็กหนุ่มดันตัวพสุจนล้มลงไปบนเตียงด้วยกัน ดึงทึ้งเสื้อผ้าพสุแรงจนชายหนุ่มคิดว่าได้ยินเสียงกระดุมขาด
“พอทีริว! หยุด!” พสุตวาดแล้วดันไหล่เด็กหนุ่มออกเต็มแรง ริวยอมหยุด แต่สีหน้าน้อยใจและแววตากราดเกรี้ยวกึ่งตัดพ้อทำให้พสุกลืนคำพูดร้ายๆ กลับลงไป ชายหนุ่มลูบแก้มที่แดงระเรื่อด้วยฤทธิ์โทสะเบาๆ พอพสุแตะต้องด้วยความอ่อนโยน แววตากราดเกรี้ยวก็อ่อนแสงลง หยาดน้ำคลอหน่วยตากลมโตด้วยความน้อยใจ
“ริว...พี่ขอโทษที่ทำให้ริวเสียใจ...พี่ระวังตัวมากเกินไป ระแวงไปหมดว่าถ้าเราใกล้กัน คนอื่นจะรู้...เรื่องของเรา...ขอโทษนะครับ” พสุขอโทษ แล้วลูบแก้มลูบผมเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน
“คนอื่นจะรู้ได้ยังไงครับ ถ้าเราไม่บอก”
“รู้สิ...ก็ริวน่ะ เก็บสีหน้าอาการได้ซะที่ไหน ดูไม่ออกก็แย่แล้ว...” พสุบ่นยิ้มๆ แล้วบีบจมูกเด็กหนุ่มเบาๆ เป็นเชิงหยอกล้อ
“ริวไม่รู้...ขอโทษนะครับ” เด็กหนุ่มพูดแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น พสุแอบถอนใจ ดูก็รู้ว่าริวไม่ได้สำนึกผิด แต่กำลังน้อยใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“...ริวครับ ริวรู้ใช่มั๊ยว่าเรื่องระหว่างเรา จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้...ตราบใดที่เรายังเป็นคนของสังคม เราไม่สามารถยืดอกบอกใครอย่างภาคภูมิได้ว่าเราเป็นอะไรกัน...” พสุพยายามหาคำมาอธิบายอย่างลำบากใจ
“ทำไมละครับ เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ริวรักพี่...ความรักนี่ผิดด้วยเหรอครับ”
“เราไม่ได้ทำผิด...แต่ผิดที่พี่ พี่ทำใจที่จะยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้...สำหรับพี่ มันยากมากนะริว ยากมากๆ...พี่กลัว...กลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์...กลัวคำครหา...แล้วที่กลัวที่สุด พี่กลัวว่าจะไม่ได้ร้องเพลงอีก...ริวไม่รู้หรอกว่า การได้เป็นนักร้อง คือความฝันตั้งแต่เด็กของพี่...แล้วก็เป็นเป้าหมายที่เหลือเพียงอย่างเดียวในชีวิต...ถ้าไม่ได้ร้องเพลงอีก...พี่ก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว” พสุพูดเสียงแผ่วลงในตอนท้าย ดวงตาหม่นแสงด้วยความกังวล
หากเรื่องของเขากับริวล่วงรู้ไปถึงคนอื่นๆ อนาคตทางดนตรีของเขาจะต้องดับวูบลงอย่างแน่นอน บอกใคร ใครจะเชื่อว่าเขาไม่ได้เป็นเกย์ เขาไม่เคยรักผู้ชายด้วยกันมาก่อน และไม่เคยคิดด้วยว่าจะรักผู้ชายคนไหนได้อีก แค่คิดก็ขนลุกด้วยความขยะแขยงแล้ว แต่กับริว...เขาไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ความสัมพันธ์ของเขากับริวถึงก้าวมาถึงจุดนี้ได้...
“พี่ยังมีริวไง...หรือริวไม่มีความหมายสำหรับพี่?”
“มันไม่เหมือนกันริว...การร้องเพลงคือความภาคภูมิใจที่พี่สามารถทำฝันให้เป็นจริงได้...ส่วนริว...ริวเป็นครอบครัวของพี่ เป็นคนสำคัญที่สุดเพียงคนเดียวของพี่...ริวเข้าใจพี่รึเปล่า”
“...ครับ...ต่อไป...ริวจะพยายามไม่เข้าใกล้พี่อีก...” ริวตอบแล้วเม้มปาก สีหน้าจืดจ๋อย เศร้า จนพสุอ่อนใจ
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะริว...พี่รู้แล้วว่าวันนี้พี่ผิดที่ทำให้ริวเสียใจ...ต่อไป พี่จะไม่เอาแต่ระวังจนทำให้ริวเสียความรู้สึกแบบนี้อีก...ยกโทษให้พี่นะ” พสุขอโทษแล้วลูบแก้ม ลูบผมเด็กหนุ่มเบาๆ เหมือนจะปลอบประโลม ทำให้หน้าจ๋อยๆ ของเด็กหนุ่มชื่นขึ้นทันตา
“ครับ...ครับ ริวไม่ได้โกรธพี่ ริวแค่เสียใจ...จริงๆ นะ” ริวยืนยันแล้วซุกหน้ากับอกพสุเป็นเชิงออดอ้อน จนชายหนุ่มอดขำไม่ได้ นับวันริวก็ชักจะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกทีแล้ว
“ครับผม” พสุรับคำล้อๆ แล้วขยี้ผมเด็กหนุ่มเบาๆ
“งั้น...วันนี้พี่ปลอบใจริวนะ” ริวขอเสียงระรื่น ดวงตาเป็นประกายวิบวับแปลกๆ
“หืม?” พสุขมวดคิ้ว แล้วขยับตัวอย่างระแวง แต่ไม่ทันเพราะอ้อมแขนที่โอบรอบตัวเขารัดแน่นขึ้นมาทันที
“ก็พี่ทำให้ริวเสียใจนี่นา...ก็ต้องปลอบริวสิ...นะครับ...น๊า” ริวทำเสียงอ้อน ขณะแตะปากจมูกจูบไซ้ไปตามใบหน้าและลำคอจนพสุต้องหดตัวหนีเป็นพัลวัน
“เอ่อ...ก็พี่ขอโทษแล้วไง...ริว...เดี๋ยวสิ”
“ตั้งสองเดือนแล้วนะ ที่ริวไม่ได้กอดพี่เลย...ริวคิดถึงพี่จะตายอยู่แล้ว” ริวกระซิบอ้อนตาพราว
“...พี่...” พสุปฏิเสธไม่ออก
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา พสุทำงานหนักมาก ทั้งถ่ายละคร ทั้งงานของวงและงานโชว์ตัวที่รับไว้ ทุกวันที่กลับถึงบ้านชายหนุ่มแทบจะไม่เหลือแรงเดิน หลายครั้งที่พสุหลับไปทันทีที่ถึงเตียงนอนโดยไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ ริวต้องเป็นฝ่ายเช็ดหน้าเช็ดตัวให้เพื่อให้พสุนอนสบายตัวขึ้น อาหารบำรุงสุขภาพ วิตามินประดามีที่พสุเคยสรรหามาให้เขากิน กลายเป็นว่าเด็กหนุ่มต้องเป็นฝ่ายหามาให้พสุกินแทน
กลิ่นกายหอมๆ ผิวตึงเนียนมือ ร่างกายเปล่าเปลือยงดงามที่ได้เห็นเต็มตาทุกครั้งที่ต้องเช็ดตัวให้ ก็ทำให้ริวแทบคลั่งด้วยความต้องการที่ลุกโพลงพลุ่งพล่าน แม้จะทรมานกับความต้องการจะครอบครอง แต่เมื่อได้เห็นท่าทางอ่อนล้าจนแทบทรุดของพสุ เด็กหนุ่มก็ห่วงใยเกินกว่าจะกล้าหักหาญเอาแต่ใจ
“ริวอยากกอดพี่ใจจะขาดแล้ว...นะครับ...นะ...” ริวอ้อนวอน ดวงตาหวานเยิ้มจ้องพสุนิ่งราวกับจะสะกดจิต
……………………………………
***************************
:o10:
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
-
ฉลองตอนที่ 100 :mc4:
เจอโหมด ริวตอนนี้ทั้งงอน เย็นชา โหด(เล็กๆ) แถมอ้อน(ใหญ่ๆ)
อย่างว่าเนอะเด็กมันเก็บกดมาตั้งสองเดือน..พี่ไผ่ก็ทำใจหน่อยนะครับ
แต่มาตัดจบตอน"สะกดจิตรวมร่างกลายเป็นหนึ่ง"แบบนี้
ขอบอกมันค้างงงง>3<
-
กริ๊ดดดดดดดดด ตัดฉับได้ทำร้ายผู้อ่านมากๆค่ะ
อย่างไรก็ดี ความจะแตกก็เพราะไผ่ส่วนหนึ่ง ริวส่วนหนึ่งนี้ละ ตามอ่านต่อครับ
-
:z3: :z3:
-
:angry2: ไมตัดฉับงี้ล่ะ :serius2:
-
ค้าง......
ฉลองตอนที่ 100 ด้วยคน เย่!!!!!!! :m11:
-
:serius2: :z13:
-
:o12:
ค้างงง
-
:เฮ้อ:
-
เฮ่ยยย ตัดแบบนี้ ค้างคายิ่งกว่าตอนที่เป็นดราม่าอีกนะคะเนี่ย 5555
-
เย้ๆ 100 ตอนแล้ว
+1 ค่ะ
-
:o12: ทำไม.............ถึง...........ทำ.............กับ.........ฉ้าน...............................ได้ (กระซิกๆ)
-
โอ้วววว ตัดให้ขาดเลยฉับๆๆๆ o18
ยังไม่หายคิดถึงน้องริวกะพี่ไผ่เลยยยย ทำกันได้ลง :m15:
:call: :call: :call:
-
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงง
มาฉลองตอนที่ 100 ด้ัวยอีกคนค่ะ
-
แล้วก็เสร็จเรียบร้อยโรงเรียนหนูริวจนได้ แต่ทำไมตัดฉับแบบนี้หละคะ
กด+ให้จ้า ฉลองตอนที่100
-
ยินดีด้วยจ้า ร้อยตอนแล้ว +1 ให้เลย...
เข้าใจทั้งพี่ไผ่และเข้าใจทั้งริว แต่ละคนก็มีมุมความคิดในเรื่องความสัมพันธ์นี้กับคนรองข้างไม่เหมือนกัน...แต่หวังว่าจะประคองกันไปให้ยาวนานที่สุด
ปล.แต่ตัดค้างไปยืนแคะจมูกนี่...น่าจับคนแต่งมาฟัดให้เข็ดเชียว... :serius2:
-
เหอๆๆ ไอ้เสือแอดว้านซ์จริงๆๆๆ
-
:z3: :z3: :z3:
ตอนหน้าขอ :haun4: :haun4: :haun4: ได้มั้ย
:call: :call: :call:
-
อร๊ากกกกกกกกกกก นะ.... ไม่อยากจะคิดต่อจริงๆค่ะ
ค้างที่สุดในสามโลก (ฮา) เลขสวยมากเลยตอนนี้
ตอนที่ 100 แล้ว เย้ๆๆๆ
-
:a5:
:m31: :m31: :m31:
ตอนต่อไปขอพรุ่งนี้นะ o18
-
จัดหนักเลยหนูริว :laugh:
พรุ่งนี้จะอัพใช่มั้ยคะ :call:
-
อ๊าก อ่านครึ่งตอนเล่นเอาน้ำตาคลอเลย สุดท้ายก็ :z1:
-
+1 ให้เพื่อฉลองครบร้อยตอนและเป็นกำลังใจให้คนเขียน
นี่เป็นแต้มแรกที่สามารถกดได้และยกคะแนนนั้นเป็นของเซ่นเอ็นซีไผ่-ริวตอนหน้า อิอิ
-
พี่ไผ่นั่นแหละทำตัวผิดปกติ
มีพิรุธเดี๋ยวคนอื่นก็จับได้
ทำตัวเหมือนเดิมเนียน ๆ ไป
คนอื่นเค้าไม่สงสัยหรอกน่า
อ๊ากกกกกกก
ตัดฉับตรงตอนสำคัญซะด้วย
ค้างอย่างแรงงงง
-
ฉลอง 100 ตอน อัพ 2 ตอนติดทีเถอะ เพี้ยง
-
ตอนที่100จริงๆด้วย
ยินดี ยินดี :mc4:
-
พี่ไผ่สงสันต้องเสียริวไปจริงๆใช่ไหมถึงเข้าใจว่าริวสำคัญยังไง
ทั้งที่บทเรียนจากเรื่องของแม่และพ่อก็บอกว่าให้สนใจคนที่เรารัก แต่ก็ยังทำ
แคร์แต่คนที่ไม่สมควรแคร์ทั้งนั้น
รักการร้องเพลงก็ใช่ แต่เห็นแก่ตัวนะกับการไม่ยอมรับตัวเองทั้งที่รักริวขนาดนั้นแท้ๆ
สงสัยถ้าคนจะรู้คงเป็นตัวไผ่เองที่ทำให้คนอื่นรู้ เพราะความระแวง
เพราะยังไงริวก็มีสายตาและการกระทำแบบนี้มาตั้งแต่ต้น
และยอมเชื่อฟังไผ่ทุกอย่าง แต่ไผ่ก็นะตัดช่องน้อยแต่พอตัวคิดแต่เรื่องของตัวเองเป็นหลักเลย
แล้วเมื่อไรความสุขจริงๆระหว่างไผ่กับริวจะเกิดละเนี๊ย
นี่มันแค่เหมือนกับความสุขจอมปลอม หรือไม่ก็ไผ่ไม่ยอมคว้าความสุขนั้นไว้เพราะห่วงหน้าตาโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะทุกข์ขนาดไหน
ต้องให้อลันจัดการดีกว่านะ หรือก็ให้ริวจากไปแบบที่ไม่ใช้ว่าเป็นริวตลอดที่ค่อยวิ่งตาม
เพื่อๅผ่จะเห็นคุ่นค่าของริวขึ้นมาบ้าง
แล้วจะรออ่านนะนะว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
เริ่มหมันไส้ไผ่
-
ตอนที่ 100 แล้ว ดีใจด้วยค่ะ :mc4:
-
อ่าน ๆ อยู่ :a5:ค้างงงงงงงงง อ่ะ
-
เห้ยยยยยยยยยยย
ฉลองตอนที่ 100
มาแบบค้างแบบนี้ได้ไง
ริวเจ้าเล่ห์ว่ะครับ
ไผ่จะตามริวทันไหมเนี่ยะ
อลันสอนริวยังไงนะสงสัยนิสัยเหมือนอลันแน่เลย
ปล. อลันโดนมาเฟียอุ้มไปแล้วจริงๆ o13
-
พี่ไผ่ไม่ผิดที่ระวังตัวขนาดนั้น
เพราะไม่ได้คิดว่าจะเป็นแบบนี้
และแคร์สังคมคนรอบข้างอยู่มาก
กลัวว่าคนอื่นจะไม่ยอมรับ
เพราะบางคนยังเห็นเป็นเรื่องผิดปรกติ
นอกจากจะไม่ยอมรับแล้ว
ยังมีปฏิกิริยาที่รุนแรงด้วย :teach:
แต่ก็
สงสารริวอ่ะ :o12:
รักมากจนเก็บอาการไม่ค่อยอยู่
คงเป็นเพราะยังเด็ก
เห็นอะไรสดใสบริสุทธิ์ไปหมด
คอยอ่านต่อนะค้าบ
ชอบมากๆเลย :pig4:
-
ถ้าไผ่ไม่เหนื่อยจนหมดแรง หลับ มีหวังเสร็จริวทุกงวดแน่
-
พี่ไผ่... แสดงออกว่ารักริวมากๆๆหน่อยสิ.... ทำไมต้องคิดไรมากมายขนาดนี้....
อย่าต้องให้เสียใจกับการกระทำตัวเองในวันนี้เพราะแคร์คนอื่นๆเลยพี่...
ถ้าพี่เสียคนดีๆๆที่รักพี่ไปจิงๆๆ แล้วพี่จะรู้สึกนะ... :angry2:
เหอะๆๆ ไม่ได้อยากให้พี่ไผ่เสียใจนะ.. แต่อยากให้ริวลองเย็นชากับพี่ไผ่แล้วให้พี่ไผ่ลองตามริวบ้างอะ...
ฮาๆๆ แอบบ้าไปหน่อย.. แต่รู้สึกจิงๆๆนะ.. อยากให้พี่ไผ่เข้าใจคำว่ารักของริวอะ...
อลันนน.. มาจัดการหน่อยเร็วๆๆๆ.. ที่ปรึกษาที่เก่งที่สุดของริวๆๆๆ
รีบมาต่อเร็วๆๆนะฮํบ... หนุกๆๆๆๆ
-
สั้นอ่ะ มาต่อด่วนๆ เลยนะครับ
-
ฉลองตอนที่ 100 แต่ยังคงรู้สึกรำคาญกับความคิดมากที่เกินเหตุของไผ่เหมือนเดิม :m16: :m16: :m16:
-
แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอกรีดร้องให้ดังไปทั่วทั้งประเทศ
ตอนที่ 100 อ่าาาาาาาาาาาาาาาาา
ทำไม ๆ ง่า ค้างอย่างนั้น :z3:
-
เข้าใจพี่ไผ่นะคะ ว่าเป็นห่วงเรื่องอนาคตของตัวเอง แต่ก้ออย่างที่ตะวันกับริวว่า พี่ไผ่นั่นแหละที่ทำตัวไม่ปกติ :angry2:
ค่อยๆลองหาสายกลางดูว่าทำยังไงถึงจะดีที่สุด
-
อีกเรื่องละๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทำไมเดี๋ยวนี้คนเขียนชอบเขียนให้ค้างกันตลอดว๊าาาาาาาาาาาาาา :z3:
เซ็งงงงงงงงงงง *พ่นไฟ* :m31:
-
:mc4:ฉลองตอนที่ 100
o12 เกลียดเจ้านี่ :o10: ขึ้นมากระทันหัน โผล่มาขัดจังหวะทำไมเนี่ย :serius2:
-
ตัดฉับสุดๆ!มาสั้นนะเคอะคราวนี้
แต่พสุนี่ร้อนตัวตล๊อดๆ น่าเบื่อ แล้วสักวันถ้าพสุไม่ได้ร้องเพลงอีกจะเป็นไงน๊า จะกลายไปเป็นเหมือนพ่อตัวเองไหมเนี่ย...-*-
-
กรี๊ด!!!! :serius2:
เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า :z3:
-
อ่านแล้วก็ยิ่งไม่พอใจพี่ไผ่ สนใจแต่ความรู้สึกของตัวเอง แล้วน้องล่ะ น้องรักมากขนาดนี้แท้ๆ แต่กลับแคร์แต่เรื่องตัวเอง ชิส์เค้าโกรธพี่ไผ่แล้ว :o12:
-
โห สอง เดือน..
จัดหนักแน่ๆงานนี้ 55555 :laugh: :laugh: :laugh:
+1 ค๊า
-
อ๊าาา ก็น่าสงสารทั้งคู่แหละนะ...
แต่..............
ค้างอ่ะ
-
อ่า...ให้ริวมันทนมาตั้งสองเดือน งานนี้พี่ไผ่โดนรีดน้ำหมดตัวแน่ๆ
-
เข้าใจทั้งคู่ แต่นี่คือความจริงของสังคม หวังว่าคงมีแรงใจเข้มแข็งพอที่จะฟันฝ่าไปได้ เอาใจช่วย
แต่ตัดตอนแบบนี้ ทำใจลำบาก!!!!
+1ฉลองตอน 100 ด้วยคน :mc4: :mc4: :mc4:
-
แว๊กกกก!!! ต่ออีกสักนิด น้า ๆ
-
ฮ่าๆๆ รอ รอ รอ
101 รีบมาน้า
-
ฮู้ยยย ตัดดังฉับเลยอ่ะกำลังลุ้นเลย
อยากให้ทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากันมากกว่านี้
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะสนิทกันมากก็เถอะ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
ตัดตอนได้ใจร้ายมาก
แต่พี่ไผ่จะไม่ให้ริวดูรูปก่อนหรอ และหวังว่า ธีรดลกะตะวัน คงไม่ได้กินกันเองนะ มิ้นรับไม่ได้ :serius2:
อยากรู้ว่า กรเวช เรียกไปคุยเรื่องอะไร
-
ยังไงก็เถอะ...ไผ่นั่นแหละจะทำเอาความแตกซะ่ก่อน
เฮ้อ น้องยังเนียนกว่้าเลยพ่อคุณ o6
-
:z1: :z1:
-
:oni3: ส่งตอนที่ 101 มาซะดี ๆ ส่งมาซะดี ๆ (สะกดจิตแบบน้องริวบ้าง ฮาๆ)
ตอน 100 ครบรสมากกับน้องริว เป็นคนที่แสดงอารมณ์ชัดเจนตลอด
เอาไปหารแบ่งกับไผ่บ้างที่จะดีนะเนี่ย
-
จัดชุดใหญ่ๆ เลยนะพี่ไผ่จะได้ไม่มีแรงมางอนริวอีก
ปล.พี่ไผ่ยอมรับความจริงซะทีเหอะคิดมากอยู่ได้
-
ไผ่นี่คิดมากจนเกินเหตุอีกแล้ว
ทั้งที่ริวก็ทำตัวตามปกติ มีแต่ไผ่ที่เปลี่ยนไป
ทำตัวไม่เหมือนเดิมโรคระแวงเกินเหตุกลัวคนรู้
คนเขาจะรู้ก็เพราะตัวเองแหละไผ่ สงสารริวจัง
คนเขาไม่ได้กอดมาตั้งสองเดือนแล้ว
ต้องให้ริวเก็บเกี่ยวให้เต็มที่ ไผ่จะไหวไหมเนี่ย
รอค่ะ กดบวกให้แล้วนะค่ะ
-
:a5: :a5: :a5:
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ยินดีด้วยกับตอนที่ 100 ค่ะ
อย่างนี้มันต้องฉลอง โดยอัพ 3 วันติดกัน อิอิ
พี่ไผ่คะ ทำตัวสับสนแบบนี้ แม่ยกเชียร์นะคะ
เพราะมันเข้าทางอิหนูริวหมดแล้ว เดี๋ยวนี้เจ้าเล่ห์มากอ้อนและยังมีข้ออ้างด้วย เลิฟๆๆ
ปล. 2 เดือน ทนไปได้ไงคะลูกริวขา >.< อย่างนี้ต้องฉลองยันเช้าหรือเปล่า 555 :impress2:
-
เสร็จริวแน่ๆ :z1:
-
เข้ามากรี๊ดๆ
แอร๊ยๆๆๆๆ แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
ทำให้อยากแล้วจากไป :sad4:
:pig4: คะ
-
เจอน้องอ้อนซะขนาดนี้ จะทนไหวเหรอพี่ไผ่
-
โอ๊ย.. จะบ้าตาย
ต้อง.โทษสังคมเหรอ ที่ทำให้ไผ่ อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
-
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ค้างงงงงงงงงงงงงงง
-
พสุ อย่าระแวงจนน้องเสียใจสิค๊าฟฟฟฟ
-
อูยยยย โหมดเย็นชาก็เร้าใจ
"มัน" กำลังจะมาอีกครั้งในตอนต่อไป
-
:serius2: ค้าง ค้างมากๆเลย
มาต่อเร็วๆนะ อยากรู้ตอนต่อไปจะแย่แล้ว
เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ :c4:
-
มาฉลองตอนที่ 100 แบบค้าง ๆ -_-''
-
:serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
ค้างอย่างแรง
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
เอาตอนที่101มา มันค้างงงงงง
-
+๑ ค่าาาา
ตอนที่ ๑๐๐ แล้ว ว้าววว เร็วจังเลยอ่ะ
น้องริวอารมณ์ อ่อนไหวสุดๆ พี่ไผ่ต้องดูแลดีดีนะ !!!
เหอะๆ แล้วก็ยอมขอโทษน้องซะดีดี
กริ้วววววววว
-
เฮ้อๆๆๆ พสุ กำลังทำร้ายริวๆนะเนี่ย
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :o12:
ทำไมถึงได้ตัดฉับแบบนี้
กำลังอ่านถึงตอนเค้าง้อกัน
แล้วก็ค้าง o22
-
วิ่งเข้ามาฉลองตอนที่100ด้วยคน
แต่ตอนจบมันค้างไปมั้ยยยยยยย
วันนี้จะมามั้ยคะ จะได้เตรียมผ้าซับเลือด เหอๆ
-
ตัดฉับบบบบบบบบบ :sad4:
ตอนหน้าจะมีเลือดหรือเปล่าหว่า (เลือดท่านผู้ชม) :jul1:
-
ฮ่ะๆๆ ในที่สุดก็ครบ100ตอน เย้!! :mc4:
ว่าแต่ว่ามันช่างเป็นตอน100ที่....เสียจริงๆ โฮะๆๆ
ไอ้เราก็ไม่กล้าคาดหวังว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น o8
-
:impress2:ฉลองตอนที่ 100 ด้วย
เชื่อใจตัวคนแต่งที่เคยบอกว่า มาม่าหมดแล้ว
ดังนั้นถึงตอนนี้จะค้าง แต่คงไม่แห้วหรือกินน้ำตานะ
-
เลขสวย พอดีเป๊ะ
ไรเตอร์คนเก่ง สู้ๆ ค่า
-
:z3: งื้อออออออ ป้าขาาาาาาาา อย่าทำร้ายกันโดยปลอยให้ค้างแบบนี้เส่ :serius2: :z3:
-
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อีกรอบ อิอิ
-
เง้อ พี่ไผ่ขา~ มาอีกแล้วนะคะ วัยทองน่ะ -_-"
ถึงพี่ไผ่จะแคร์สังคมมากแค่ไหน แต่ขอซักนิดได้มั๊ยคะ ขอให้แคร์หนูริวบ้าง
บอกรักหนูริวหน่อยก็ดีนะคะ พี่รัก พี่ก็บอกไปสิคะว่ารัก ไม่ใช่อะไรๆๆ ก็อ้างแต่สังคม
หนูริวน่าสงสาร พี่ไผ่เองก็น่าสงสารที่มัวแต่เป็นคนบ้าแคร์แต่สังคมแบบนี้ ;D
แต่ก็เอาเถอะ เพราะนี่แหละ คือพี่ไผ่!!! ไม่มีเปลี่ยนเล๊ยยยย =..=;
ฉลองตอนที่ 100 และรอตอนที่ 101 กับฉากหฤหรรษ์ น้ำหมดตัวแน่ค่าพี่ไผ่~ :laugh:
ชอบค่า!!!
-
นุ้งริวจัดหนักให้พี่ไผ่ไปเลย อยากคิดมากดีนักนิ อิอิ
-
จงมา จงมา จงมา กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ
-
ความรักของพี่ไผ่ดูอึดอัดจัง วางๆ ลงบ้างน่าจะดีเนอะ
-
ตัดฉับแบบนี้ ฆ่ากันเลยดีกว่าค่ะ
ทำแบบนี้เหมือนทำร้ายกันทางอ้อม แบบว่า มันค้างงงงงงงงงงงงงงงงง
-
อย่าคิดมากพี่ไผ่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
อึดอัดแทน
-
หลายวันผ่านไป... :undecided:
-
รักกับพี่ไผ่ต้องทำใจหน่อยนะริว
ค่อยๆ เปิดอกคุยกับพี่ไผ่ก็แล้วกัน
ใจร่มๆๆ กันทั้งคู่ล่ะ
-
ใจจะขาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดอยู่แล้ว
-
+1 ฉลองครบ 100 ตอน :mc4:
แต่ว่ามัน ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงง
-
มีน้องที่รัก ให้มาอ่านเรื่องนี้ ไอ้เราก็เฉียดไปเฉียดมา
ตอนนี้ตามอ่านทันแล้วค่ะ ไม่ต้องหลับต้องนอนกันเลย
ดูสิ ได้ฉลองตอนที่ 100 ซะเลย มาช้าดีกว่าไม่มาเน้อ
สนุกมากนะคะ ขอบคุณ :pig4: ผู้แต่งและผู้โพสต์ที่น่ารักทั้งสองคนนะคะ
รู้สึกถึงพัฒนาการของริว ตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบัน
ยังมั่นคง และเชื่อในความรู้สึกของตัวเองอย่างแน่วแน่
เมื่อรัก ก็พยายามทุกทาง
สำหรับไผ่ จะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากความเต็มใจ
ถึงจะช้าและดูจะทรมานไปบ้าง แต่ก็ไม่ผิดหวังซะทีเดียว
เชื่อผู้แต่งว่ามาม่าหมดไปแล้ว แต่แค่น้ำจิ้มที่กระเซ็นมา
ก็ทำให้น้ำตาพรากได้ไม่ยากเลยทีเดียว ยังไงก็สาดน้ำผึ้งมาผสมบ้างนะคะ
เผื่อคนอ่านจะได้มีกำลังขึ้นอีกสักนิด
ถ้ามีรวมเล่ม เราไม่พลาดแน่นอนจ้า
เป็นกำลังใจให้นะคะ
-
:a5:
:serius2:
ค้างงงงงงงงงงงง
-
:laugh: สุดท้ายพี่ไผ่ก็ไม่รอด..
ทำใจนะคะคุณพี่ ช่วงนี้น้องริวกำลังแรง แบบว่า..(อดทนมานานแล้วไง)
ปล. ยังแอบเชียร์คุณอลันให้ได้กับพี่มาเฟียอยู่นะคะ กรี๊ดๆๆๆ :o8:
(แม้บทจะไม่เยอะ ออกไม่บ่อย แต่โดนใจเจ้าค่ะ)
:L2: เป็นกำลังใจให้ทั้งคนแต่งคนโพสท์นะคะ รักษาสุขภาพด้วย อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
(ตอนนี้คนอ่านเดี้ยงไปแล้ว.. โดนหวัดเล่นงาน T^T)
-
ไปเที่ยวทะเล ติดมรสุมมา คิดถึงเรื่องนี้ใจจะขาดดดดดด
น้องริวจ้าาาา อีกนิดเดียยว อดทนไว้นะ อ่านแล้วเขิล เวลาสองคนนี้เข้าพระเข้านายจริง ๆ
-
แวะมารอจ้าาา
ปล. อลันกับมาเฟียคนนั้น ป่านนี้เป็นยังไงกันแล้วหว่า? 555
-
ตอนที่ 99 หวานซ้าาาาา
ไหงเริ่มตอนที่ 100 กลับ แอบอึ้มครึ้มซะไม่มี แต่สุดท้ายก็หวานอยู่ดี
ps. พี่ไผ่ยึดติดมากเกินไป เดี๋ยวนี้สังคมเปิดกว้างแล้วนะพี่
ถ้าพี่มีตัวตนจริงๆนะ เราคนนึงนี่แหละ จะเปน FC พี่ตลอดไปเลย
จะสนับสนุนผลงานพี่ตลอดไม่ว่าพี่จะเป็นเกย์ รึไม่เป็น เรารับได้ ^^ (รับไม่ได้คงไม่มาอ่านเรื่องนี้...อินมาก !)
รอตอนที่ 101 น้าาา ^^
-
ครั้งแรกที่โพสต์
:call:
-
ครั้งแรกที่โพสต์
:call:
^
^
เจาะซะเลย จึ้กๆๆๆ
-
ตอนที่ 101
พสุไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธเพราะริวไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดอีก ปากร้อนๆ บดเบียดคลุกเคล้าจนสติกระเจิดกระเจิง ปล่อยให้เด็กหนุ่มทำตามใจชอบ กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่ริวทาบตัวลงมาหา ร่างกายเปล่าเปลือยเสียดสีกันจนร้อนระอุอย่างรวดเร็ว ผิวไวต่อสัมผัสตื่นตัวจนขนลุกชันทุกทีที่ปากและจมูกร้อนๆ ซุกไซ้ลงมา ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดยอดอกให้หดเกร็งชูชัน
ริวดูดกลืนยอดอกเขาแล้วขบด้วยฟันเบาๆ อย่างเย้าหยอก ขณะที่นิ้วก็บีบคลึงยอดอกอีกข้างเบาๆ พสุนิ่วหน้าด้วยความเสียวซ่าน แผ่นอกเดาะลอยตามปากเด็กหนุ่มอย่างหลงลืมตัว อารมณ์ที่กำลังไต่ขึ้นสูงคลายตัวลงเมื่อริวผละจากไป ปากอุ่นลูบผ่านหน้าท้องลงหาเบื้องล่าง
พสุตัวกระตุกเกร็งตัวขึ้นทันทีที่ปากอุ่นครอบครอง ชายหนุ่มกัดปากแน่นเมื่ออารมณ์เขาเริ่มปีนขึ้นสูงอีกครั้ง แม้แต่ความเย็นเยือกแปลกปลอมที่ถูกสอดเข้ามาในร่างกายก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์เขาสะดุด แต่ริวกลับหยุดก่อนที่เขาจะไปถึงจุดหมาย
เด็กหนุ่มดันต้นขาเขาขึ้นจนสะโพกวางอยู่บนตักริว ส่วนร้อนจัดเสียดสีอยู่ด้านหลังจนพสุเผลอเกร็งสะโพกด้วยความตกใจ
“ยะ...อย่าเพิ่งเลยนะ...พี่...เอ่อ..”
“พี่รู้มั๊ย...ว่าพี่เป็นคนที่หุ่นดีที่สุดในโลก...” ริวกวาดตาไปตามเรือนร่างเปล่าเปลือยช้าๆ จับจ้องทีละส่วนอย่างตั้งใจ ขณะที่ประคองส่วนร้อนจัดของพสุไว้ในมือแล้วลูบเล่นเบาๆ พสุเบือนหน้าหนีด้วยความกระดากเมื่อริวเริ่มจูบจากหน้าท้องขึ้นมาช้าๆ ปากนุ่มร้อนหยุดอยู่ที่ปลายคาง แล้วเด็กหนุ่มก็ประคองใบหน้าของพสุให้หันกลับมาสบตา
“1,472 ชั่วโมง ที่ริวต้องอดทน ทั้งที่พี่อยู่ใกล้นิดเดียว มันทรมานมากแค่ไหน พี่รู้รึเปล่าครับ” ริวถามแล้วเลียปากพสุเบาๆ จนปากของพสุเปียกชื้น เด็กหนุ่มเม้มปากล่างของพสุเล่น จนชายหนุ่มต้องยอมเผยอปากให้ลิ้นของริวสอดลึกเข้าไปในปาก ลิ้นซุกซนไม่เพียงกวาดควานไปทั่ว ยังเสียดสีลึกลงไปในลำคอของพสุแล้วชักกลับแล้วสอดลงไปใหม่เป็นจังหวะ เหมือนกับที่นิ้วยาวทั้งสามที่กำลังรุกล้ำร่างกายเบื้องล่างของพสุ
พสุสอดลิ้นกอดเกี่ยวตอบสนอง เพื่อให้ริวเลิกเล่นพิเรนทร์ๆ แบบนี้กับเขาเสียที ชายหนุ่มไม่รู้ว่าริวเรียนรู้เรื่องพวกนี้จากใคร หรือจะเป็นเพียงความขี้เล่นส่วนตัวของริวเองก็ตาม แต่ตอนนี้เขากำลังจะขาดใจกับอาการวาบหวิวเพราะเกมของริว
นิ้วที่สอดค้างอยู่ในร่างกายถูกดึงออก สิ่งที่ร้อนกว่าแตะบนช่องทางเปียกชื้นเบาๆ พสุผ่อนลมหายใจยาวเพื่อรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะหากไม่ผ่อนคลาย เขาเองนี่แหละที่จะเจ็บตัว...
“ริวรักพี่นะครับ” ริวกระซิบคำรักขณะแทรกกายเข้ามา เจลเย็นลื่นเพียงช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้บางส่วน แต่เมื่อเด็กหนุ่มเติมเต็ม พสุก็ยังจุกแน่นจนแทบหายใจไม่ออกอยู่ดี ริวยั้งรออยู่ได้ไม่นานก็หมดความอดทน เด็กหนุ่มถอนกายออกช้าๆ อาการโล่งวาบแล้วกลับเสียดจุกแปลบเมื่อริวดันกายกลับมาทำให้พสุเผลอกอดรัดเด็กหนุ่มแน่น
ร่างกายเสียดสีกันจากเนิบช้าค่อยเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระชั้นถี่ เสียงเคลื่อนไหว เสียงลมหายใจหอบกระเส่าดังก้องอยู่ในห้องนอน ความรู้สึกยามร่างกายหลอมรวมทั้งงดงาม หวานหอม สุขสมเสียจนเมื่อถึงจุดที่ร่างกายปลดปล่อยกลับรู้สึกปวดร้าวในอกที่ร่างกายต้องแยกจาก ต่างกอดรัดกันและกันแนบแน่นจนแทบเป็นเนื้อเดียว........
ริวค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นแล้วท้าวคร่อมตัวพสุไว้ ส่วนล่างยังผนึกกันแน่นจนรู้สึกถึงแรงบีบรัดเบาๆ เด็กหนุ่มจ้องมองใบหน้าแดงซ่านที่ยังหอบหายใจอย่างหลงใหล ริวไล้จมูกและปากไปบนซีกหน้าเปียกเหงื่อชุ่มช้าๆ ความรู้สึกหวงแหน เป็นเจ้าข้าวเจ้าของพลุ่งพล่านอยู่ในอก หงุดหงิดที่ไม่อาจกลืนกินเรือนร่างหอมหวานนี้ไว้ในอกได้ทั้งหมด แก้มนี้ ปากนี้ เป็นของของเขา ของเขาแต่เพียงผู้เดียว
กลิ่นไอร้อนๆ ของกระแสพิศวาส ยังลอยอวลอยู่ในอากาศทั่วห้องกระตุ้นให้ร่างกายที่เพิ่งปลดปล่อยกลับมาร้อนรุ่มได้อย่างง่ายดาย ริวจูบปากแดงจัดแผ่วเบา เลาะเล็มหยอกเย้า ขณะที่สะโพกก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อพสุไม่ต่อต้าน เด็กหนุ่มก็ไม่รั้งรอที่จะตักตวง ดื่มกิน ความหวานจากพสุอย่างกระหาย ลุ่มหลง มัวเมา
พสุหอบกระเส่า ร่างกายไหวโยกไปตามการเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่ม สัมผัสเสียดสีที่ทำให้ร่างเสียวแปลบปลาบด้วยความสุขสมมากขึ้นทุกขณะ การเคลื่อนไหวร้อนเร่งจนในหัวเหมือนมีหมอกคลุม ท่ามกลางสติที่พร่าเลือน ความร้อนในร่างกายพุ่งขึ้นถึงขีดสุดอีกครั้ง....
อกยังคงเบียดกันชิดจนสัมผัสได้ถึงจังหวะระรัวของหัวใจ ลมหายใจค่อยๆ ลดระดับลงสู่ภาวะปกติช้าๆ แต่ร่างกายของทั้งคู่ยังกอดเกี่ยวกันไว้แนบสนิท
“ปล่อยเถอะ พี่อยากอาบน้ำ” พสุบอกเสียงเบาอย่างกระดาก แล้วพยายามจะดันไหล่ริวออก แต่เด็กหนุ่มยังวนเวียนจูบไม่เลิก จมูกโด่งและปากหยักบาง ซุกไซ้ไปในทุกที่ที่พสุหันหนีไม่ทัน
“ริว...พอแล้ว...”
“ริวยังไม่อิ่มเลย” เด็กหนุ่มทำเสียงเง้างอด
พสุนิ่วหน้า กระดากกับคำที่เด็กหนุ่มใช้ เหมือนเขาเป็นขนมที่ริวยังกินไม่พอ และงอแงจะกินอีก ริวยังจูบไซ้ไปทั่วต้นคอเขา ส่วนที่อยู่ในกายร้อนและกระด้างขึ้นมาอีกจนรู้สึกได้ทันที พสุหรี่ตาลง เห็นทีเขาต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเสียที ชายหนุ่มกำมือแน่น กดสันหมัดลงบนหัวริว แล้วขยี้เต็มแรง
“โอ๊ย! พี่อ่า...เจ็บน๊า” ริวโอดโอย แล้วยกมือขึ้นกุมหัว พสุกัดฟันแล้วดันตัวเด็กหนุ่มออก แม้จะเจ็บจนสะดุ้งเมื่อริวออกไปกะทันหัน แต่ยังไม่เท่าความกระดากอายเมื่อรู้สึกถึงน้ำร้อนๆ ที่ไหลออกมาจากร่างกายทันทีที่ริวถอยออกไป
“โอ๊ย! “ พสุครางเบาๆ เพราะทันทีที่พรวดพราดลุกขึ้น อาการร้าวระบมจากเบื้องล่างทำให้เขาต้องทิ้งตัวลงบนที่นอนอีกครั้งทั้งที่กลัวเตียงจะเปื้อน ของเหลวร้อนๆ ข้างในยังไหลออกมาตลอดเวลาจนรู้สึกเฉอะแฉะ
“พี่อย่าเพิ่งขยับสิครับ ยังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“เพราะใครล่ะ! ปล่อยเลย พี่จะลุก”
“ยังลุกไม่ไหวหรอกครับ เชื่อริวเถอะ”
“แต่... เดี๋ยว...เอ่อ...ที่นอนเปื้อน”
“ไม่เป็นไรครับ ริวจัดการเอง พี่นอนก่อนนะ เดี๋ยวริวเช็ดให้” ริวบอกแล้วลงจากเตียง เดินเร็วๆ ไปที่ห้องน้ำทั้งที่ร่างกายเปล่าเปลือย พสุเบือนหน้าหนีอย่างกระดาก แต่อาการเจ็บร้าวไปทั้งสะโพกทำให้เขาจำต้องนอนนิ่งๆ
ริวกลับมาพร้อมผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น เด็กหนุ่มเช็ดคราบเปรอะเปื้อนบนตัวเขาอย่างรวดเร็ว แต่นุ่มนวล ก่อนจะช้อนตัวพสุขึ้นอุ้ม
“ไม่ต้อง! พี่เดินเอง” พสุห้ามเสียงหลงแล้วขืนตัวไว้ไม่ยอมให้ริวอุ้ม
“แต่พี่ยังเจ็บอยู่”
“ไม่เป็นไร พี่เดินไหว...เอ่อ แค่ช่วยประคองก็พอ” พสุลดเสียงอ่อนลงในประโยคหลังเมื่อขยับตัวแล้วเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง ชายหนุ่มลุกจากเตียงแล้วกัดฟันเดินไปห้องน้ำช้าๆ พอเขาเคลื่อนไหว สิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในร่างกายก็เริ่มไหลซึมออกมาจนต้นขาด้านในเปียกชุ่ม พสุไม่กล้ามอง ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาเดินจนไปถึงฝักบัวแล้วดันไหล่ริวออก
“พี่อาบเองได้ ไปเถอะ”
“แต่...”
“ไปจัดการเตียงเลยไป...อย่าให้พี่แมวเห็น...เอ่อ...” พสุพูดต่อไม่ออก แวบหนึ่งตอนที่ลุกจากเตียง เขาเห็นคราบเลอะเทอะบนผ้าปูที่นอนสีครีมชัดเจน ทำให้ชายหนุ่มนึกไปถึงครั้งแรกที่ริวถึงกับต้องเอาผ้าปูที่นอนไปทิ้ง
“งั้นเดี๋ยวอาบน้ำแล้วลงแช่น้ำอุ่นนะครับ ริวเปิดไว้ให้แล้ว...จะได้หายเจ็บเร็วขึ้นไง” ริวบอกแล้วจูบแก้มชายหนุ่มเบาๆ ก่อนจะยอมผละไปง่ายๆ พสุถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก ขืนปล่อยให้ริวอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าเขาจะใจแข็งกับริวตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า เพราะท่าทางริวคงต้องอ้อนขอ “กิน” อีกจนได้ ก็ดูริวยัง “พร้อม” เสียขนาดนั้น
“อุ๊บ! แกล้งกันรึเปล่าเนี่ย...ทำไมน้ำร้อนขนาดนี้...” พสุบ่นงึมงำเมื่อหย่อนตัวลงในน้ำแล้วต้องสะดุ้งเฮือก น้ำอุ่นจัดจนรู้สึกเหมือนจะถูกลวก ตอนที่ก้าวลงมาก็ว่าร้อนอยู่หรอก แต่ไม่คิดว่าเมื่อลงมาทั้งตัวจะร้อนขนาดนี้ ชายหนุ่มเปิดน้ำเย็นเพิ่มแล้วค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นเพราะยังเคลื่อนไหวเร็วๆ ไม่ได้ แต่ยังไม่ทันลุกจากอ่างน้ำริวก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน
“อ้าว เปิดน้ำเพิ่มทำไมละครับ”
“น้ำร้อนเกินนะสิ?”
ริวขมวดคิ้วแล้วปราดเข้ามาจุ่มมือลงในน้ำ ก่อนจะรีบปิดก๊อกน้ำ
“ร้อนแค่นี้แหละครับพอดีแล้ว น้ำอุ่นจัดๆ จะทำให้หายปวดเมื่อยเร็วขึ้นนะครับ”
“รู้ดีจริงนะ...ใครบอก”
“ริวอ่านเจอในอินเตอร์เน็ตครับ” ริวตอบยิ้มๆ แล้วรูดม่านรอบอ่างน้ำให้ ทำพสุรู้สึกสบายใจขึ้น
ชายหนุ่มเอนตัวพิงขอบอ่าง พลางถอนใจยาว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาเปิดน้ำเพิ่มหรือเพราะร่างกายปรับตัวได้แล้ว ถึงไม่รู้สึกร้อนมากเหมือนตอนแรก อาการเจ็บร้าวบริเวณสะโพกดูเหมือนจะดีขึ้นทีละนิด
พสุเหยียดตัวออกช้าๆ น้ำร้อนๆทำให้ทุกการเคลื่อนไหวชัดเจน จนรู้สึกได้แม้ปลายนิ้วมือนิ้วเท้า กล้ามเนื้อทุกมัดที่ปวดระบมถูกความร้อนช่วยให้คลายตัวช้าๆ ชายหนุ่มหน้าแดงเมื่อเหลือบไปเห็นรอยจ้ำแดงเป็นวงใหญ่ที่ต้นขาด้านใน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นรอยอะไร การแช่น้ำอุ่นจัดๆ ทำให้รอยนั้นชัดขึ้น
พสุเลิกสำรวจร่างกายแล้วพิงศีรษะลงบนขอบอ่าง คิ้วเข้มได้รูปขมวดมุ่นด้วยความไม่สบายใจ ร่างกายของเขาแท้ๆ แต่ไม่ว่าริวจะแตะต้องที่ใดเขาก็พร้อมจะหลอมละลาย ไม่มีแม้แต่ความคิดจะต่อต้านขัดขืน รู้สึกเหมือนกำลังถูกครอบงำด้วยความหลงใหลในตัวเด็กหนุ่มจนเขากลัว!
หากเขายังยอมให้ริวกอดไปเรื่อยๆ ต่อไปความเป็นชายในตัวเขาจะหายไปหมดหรือเปล่า?
สุดท้ายเขาจะลุกขึ้นมานุ่งกระโปรง แต่งหน้าเพราะอยากเป็นผู้หญิงให้ริวอย่างนั้นหรือ?
เพียงแค่คิดชายหนุ่มก็ขนลุกซู่ด้วยความกลัว เขาไม่เคยอยากเป็นผู้หญิง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าถ้ายังยอมปล่อยให้ริว กอดต่อไปเรื่อยๆ เขาจะเป็นยังไง?
พสุตั้งคำถามกับตัวเองอย่างสับสนและคงครุ่นคิดไม่เลิก ถ้าไม่เพราะจู่ๆก็มีคนลงมาแช่ในอ่างน้ำด้วย
“เฮ้ย! ลงมาทำไม” พสุอุทานแล้วรีบดันตัวลุกขึ้นนั่ง
“ริวแช่น้ำอุ่นด้วยคนสิครับ”
“ได้ที่ไหนล่ะ อ่างแคบแค่นี้เอง” พสุทำเสียงดุ แต่ใบหน้าแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด
“ก็...เบียดๆ กันนิดหน่อย อบอุ่นดีออกครับ” ริวตอบแล้วเบียดเข้ามาจนพสุหมดทางถอย
“ไม่ต้องเลย งั้นแช่ไป พี่จะลุกแล้ว” พสุพยายามจะลุกขึ้น แต่เด็กหนุ่มกลับคว้าตัวเขาไว้
“อย่าเพิ่งลุกสิครับ ริวอยากแช่น้ำกับพี่นี่นา”
“ไม่ได้นะ...ริว...อย่าสิ...อย่าเพิ่งงงงง” พสุร้องเสียงหลง เมื่อริวดันตัวเขาจนลอยขึ้น ก่อนจะรวบซ้อนไว้บนอก ทำให้ร่างกายส่วนใหญ่ของพสุ เกยซ้อนอยู่บนตัวของเด็กหนุ่ม
“แค่กอดเอง” ริวตอบหน้าระรื่น ดวงตาเป็นประกายวิบวับเจ้าเล่ห์อย่างไม่น่าไว้ใจ
“สัญญาได้มั๊ยว่าแค่กอดเฉยๆ ห้ามทำอย่างอื่น” พสุขู่เสียงเข้ม ขืนเขามัวแต่เขิน คงไม่แคล้วโดนเด็กทะลึ่งหาเรื่องกอดอีกจนได้
“เอ่อ...ขอจูบนิดนึงได้ป่ะ” ริวต่อรองเสียงอ่อยลง เพราะชักแน่ใจว่าพสุเอาจริง
“ไม่ได้!”
“นิดเดียวเองนะ” ริวทำเสียงอ้อน แบบที่เคยทำให้พสุใจอ่อนมาแล้วทุกครั้ง...ยกเว้นครั้งนี้
“งั้นพี่ไปละ” พสุตอบเสียงเรียบ แล้วพยายามจะลุกจากอ่างอาบน้ำ แต่ริวกอดเขาไว้แน่นจนขยับตัวไม่ได้
“ครับๆๆ แค่กอดอย่างเดียว ไม่ทำอย่างอื่นเด็ดขาด...นะค้าบ”
พสุหรี่ตามองเด็กหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ แต่เห็นตาแป๋วๆ หน้าซื่อๆ ก็อดใจอ่อนไม่ได้ ชายหนุ่มเอนตัวลงพิงอกริว แล้วปล่อยให้เด็กหนุ่มดึงเขาเข้าไปกอดซ้อนไว้บนอกอย่างเดิม ความรู้สึกผ่อนคลาย สบาย ทำให้พสุหลับตาลง ได้ยินเสียงริวฮัมเพลงเบาๆ มือเขาถูกเด็กหนุ่มยกขึ้นหอมเล่น แต่พสุก็ไม่ได้ขัดขืน เพราะยังไม่อยากโวยวายให้บรรยากาศอุ่นๆ สบายๆ ตอนนี้หายไป...
“พี่...ตื่นเถอะครับ แช่น้ำนานแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย”
“อืม” พสุลุกขึ้นนั่งงงๆ ขณะที่ริวลุกออกจากอ่าง แล้วหันมาดึงมือเขาให้ลุกตาม เด็กหนุ่มทำท่าเหมือนจะอุ้ม แต่พสุยันอกกว้างไว้เบาๆ
“ไม่ต้องหรอก พี่เดินเองได้”
“ไม่เจ็บแล้วเหรอครับ”
“...ก็ยังเจ็บอยู่แหละ แต่เดินไหว” พสุบอกอย่างกระดาก แล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวใหม่ที่ริวคงเอามาแขวนไว้ให้มาสวม แล้วเดินออกไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนที่ห้องแต่งตัว ขณะที่ริวจัดการกับอ่างอาบน้ำ
พอออกจากห้องน้ำมาเจอแอร์แล้วรู้สึกหนาวจนขนลุก ความเย็นทำให้ตาสว่างหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง พสุเหลือบไปเห็นกระเป๋าก็นึกขึ้นมาได้ว่าอัลบั้มรูปที่ภารดีฝากมาให้ยังอยู่ในนั้น ชายหนุ่มหยิบอัลบั้มกลับมาที่เตียง ก็พบว่าผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนใหม่แล้ว
พสุสอดตัวลงในผ้าห่มนอนคว่ำดูอัลบั้มรูปบนเตียงอย่างสบายอารมณ์ เปิดไปได้ไม่กี่หน้า ริวก็ออกจากห้องแต่งตัวมาสมทบ เด็กหนุ่มชะโงกมองสิ่งที่พสุดู ก่อนจะสอดตัวเข้ามาในผ้าห่มเพื่อดูรูปด้วย
พสุเปิดถึงรูปคู่ของเขากับริวแล้วยิ่งหน้าร้อนผะผ่าวด้วยความอาย ไม่รู้ว่าภารดีจะคิดยังไง กับสีหน้าแววตาของริวที่จ้องมองเขา แต่พอเหลือบไปเห็นริวอมยิ้ม ชายหนุ่มก็อดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้
“ยิ้มอะไร” พสุแสร้งทำเสียงแข็งขู่ แต่ริวยังคงยิ้มระรื่น
“ก็...รูปนี้...พี่เท่มากๆ เลยนะ” เด็กหนุ่มตอบแล้วไล้ปลายนิ้วไปบนรูปของพสุ เป็นภาพที่พสุเอนตัวเท้าศอกบนสนามหญ้าแล้วเบือนหน้ากลับมามองกล้อง ภาพนี้เคยทำให้ริวได้แต่ตะลึงมองมาแล้ว แม้จะดูซ้ำก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าพสุดูดีจริงๆ
“มิน่าละ ชะโงกดูซะสุดตัวขนาดนั้น”
“ฮะๆ ริวไม่คิดว่าพี่ภารดีเขาจะถ่ายติดริวนี่นา” เด็กหนุ่มหัวเราะแล้วลูบหัวตัวเองเขินๆ
“ถ่ายติดอะไรล่ะ นี่เขาเรียกว่าเจตนาถ่ายเลยล่ะ ดูโฟกัสของรูปก็รู้...เฮ้อ!...ทำไมพี่ไม่รู้ตัวตั้งแต่แรกนะ” ประโยคหลังพสุพึมพำเสียงเบาจนริวไม่ได้ยิน แต่สังเกตเห็นอาการครุ่นคิดของพี่ก็เริ่มกังวล
“พี่ไม่สบายใจเหรอครับ” ริวถามแล้วขยับเข้าไปกอดพสุ เกยคางไว้บนไหล่อุ่นเบาๆ
“อืม...นิดหน่อยเท่านั้น” พสุตอบเบาๆ แต่คิ้วยังขมวดมุ่นไม่คลาย
“ริวเป็นต้นเหตุใช่มั๊ย” ริวถามเสียงแผ่ว แล้วจ้องมองซีกแก้มขาวที่อยู่ใกล้จนได้กลิ่นหอม
“ไม่หรอก แค่รู้สึกกลัวเท่านั้นเอง” พสุตอบแล้วถอนใจยาว เหมือนยังคิดไม่ตก
“กลัว?...กลัวอะไรครับ”
“...ไม่มีอะไรหรอก นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปซ้อมเพลงกันอีก” พสุปฏิเสธแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยดื้อๆ
“พี่ไม่อยากเล่าให้ริวฟังเหรอครับ” ริวถามเสียงละห้อย ท่าทางกังวลจริงจังของเด็กหนุ่มทำให้พสุต้องปัดความฟุ้งซ่านออกจากสมอง ไม่อยากให้ริวพลอยกังวลตามเขาไปด้วย
“มันแค่ความรู้สึกกังวลเล็กๆ เท่านั้น พี่เองก็บอกไม่ถูกว่ากังวลอะไร...แล้วจะให้พี่เล่าอะไรให้ริวฟังละครับ”
“งั้นริวจะกอดพี่ไว้แน่นๆ พี่จะได้ไม่กลัว...เพราะว่าริวจะไม่ยอมให้ใครทำอะไรพี่เด็ดขาด เชื่อริวนะ”
คำพูดของริวทำให้พสุอดหมั่นไส้ไม่ได้ นึกจะย้อนกลับไปเหมือนกันว่าเขาไม่ได้กลัวคนอื่น แต่กลัวเด็กหื่นที่นอนอยู่ข้างๆ นี่มากกว่า...แต่...จะพูดไปทำไมให้เข้าเนื้อ เดี๋ยวริวก็เอามาเป็นข้ออ้างเฉไฉไปจนเขาเสียทีอีกจนได้ ตอนนี้จะพูดอะไรต้องคิดดีๆ ก่อน ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องเสียเชิงให้เด็กเจ้าเล่ห์อยู่ร่ำไป
“คร้าบพ่อคนเก่ง นอนเถอะ” พสุตัดบทแล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้ริว เด็กหนุ่มยกอัลบั้มไปวางบนโต๊ะข้างเตียงแล้วปิดไฟ ก่อนจะสอดตัวเข้ามากอดพสุซ้อนจากด้านหลัง
“กู๊ดไนท์ครับ” ริวกระซิบบอกแล้วจูบขมับพสุเบาๆ ชายหนุ่มแสร้งนอนเฉย ทำให้ปากและจมูกร้อนๆ ที่ซุกไซ้อยู่บนต้นคอและข้างแก้ม ยอมละไปในที่สุด
.........................................................
-
:z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: สองรอบเลยเว้ย 555+ :-[ :-[ :-[ :-[
-
:L1: :pig4: :3123: :L2:
-
ขอให้รักกันได้ตลอดรอดฝั่งนะอย่ามีเรื่องอีกเลย
-
อูยๆๆๆ เต็มอิ่ม
ว่าแต่ไอ้นิสัยคิดเล็กคิดน้อยเนี้ย เมื่อไหร่ไผ่ถึงจะเลิกหว่า
-
น้องริวทำพี่เขินมากจริงๆ
ขนาดอ่านยังเขินขนาดนี้ แล้วพี่ไผ่จะขนาดไหน ไม่ละลายไปเลยรึอย่างไร
อร๊ายยยยยย
ขอบอกว่าเขินมากจริงๆ อยากให้คนอื่นได้เห็นรูปนั้น
ฮ่าๆๆๆ
-
:z1: กินพี่ไผ่ไปเรื่อยๆนะหนูริวอย่างเพิ่งอิ่มละ :pighaun:
:pig4: :pig4:
-
กลัวคนแต่งจะเอาเรื่องที่ริวดันพสุให้มาเป็นนักร้อง กับ เรื่องพ่อริว มาทำมาม่าจัง :เฮ้อ:
แล้วตามาเฟียปริศนาที่อลันไปจัดการนั่นอีก จะมีอะไรมั๊ยหว่า :serius2:
มาม่าพอแล้วเนอะ ขอบริโภคน้ำตาลเยอะๆมั่งเหอะค่ะ :กอด1:
-
หวานกันมากกกกกก
ริวเอาใจใส่ต่อไผ่มากจนน่าอิจฉา
แต่ไผ่ก็ยังคิดมากเหมือนเดิม
ริวถามก็บอกไปเลยสิ
ชักคิดถึงอลันแล้วหายไปไหนเอ่ย
-
คิดดถึงอลัน!
ว่าแต่เมื่อไหร่พสุจะได้รู้ความจริงน๊อว่าริวรวยขนาดไหน เคยเจออะไรมาบ้าง หลงรักพสุตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่จากตอนนี้ อาจจะอีกนานนนนนนน พสุยังคิดมากกกกกกกกกกกกอยู่เลย คิดมากเป็นตาแก่เชียว-*-
-
2 ยกริวยังไม่อิ่มอีก แต่อย่างว่าอ่ะเนาะ ไม่ได้กินมาตั้ง 1,472 ชั่วโมง แค่นี้ยังไม่อิ่มหรอก อิอิ
-
:3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
-
:m2:
-
ว้าววววววว
:-[
-
:impress2: :impress2:
-
หนูริว หวานโฮกกกกกกก รู้สึกจะเปนเบาหวานแล้วค่ะ...
แต่ดีแล้ว เพราะเรานิยมบริโภคน้ำตาลเป็นอาหารเสริมค่ะ ฮา
-
โห...น้องริว เรียนรู้เรื่องนี้เก่งมากเร็วมาก จากเด็กประถมเมื่อไม่กี่วัน พาสชั้นจบระดับปริญญาแล้ว
ไม่อยากว่าน้องริวหื่นเลยพับผ่า แต่ด้วยความรักอันล้นเหลือที่มีต่อพี่ พี่ก็หล่อมากกกอีกด้วย แถม
ด้วยวัยของริวด้วย วัยไฟ วัยพายุบุแคม อิ อิ พี่ไผ่ก็เลย หุ หุ หุ เหนื่อยหน่อยล่ะ
ว่าแต่ว่าไผ่ครับ เลิกคิดมาก เลิกกังวลเหอะ
เป็นรับก็ไม่เห็นจะต้องมาแต่งหญิง หรือออกสาวนี่นา
-
หวานจนเลือดท่วมแล้วคร้าบบบบบ
:haun4:
-
ตอนนี้คนที่มีความสุขที่สุดในโลกคงจะเป็นริวสินะ :mc4:
แต่พี่ไผ่ก็ยังกังวลไม่เลิก ถึงจะแค่เล็กน้อย แต่มันก็ทำให้คนอ่านสะดุ้งได้ มันจะมีอะไรอีกมั้ย? (พอดีเป็นพวกคิดมากน่ะค่ะ)
ปล เป็นเอ็นซีที่หวานและโรแมนติกที่สุดที่เคยอ่านมาเลยค่ะ :impress2:
:pig4:
-
:man1:โฮะๆๆๆๆๆๆ รักพี่ไผ่จัง ถึงยังจะคิดเล็กคิดน้อย แต่ก็ยังดีนะ ไ่ม่ทำมาม่าตอนนี้
:o8:เคยจำได้ตอนอ่านแรกๆ บอกว่าริวจบปริญญาเอก ระดับการเรียนรู้เป็นเลิศจริงๆ มีไก๊ดนิดๆหน่อยๆ ก็ฉลุึยเลยเนอะ
:เฮ้อ: ถึงจะหายใจไม่ค่อยสะดวก เพราะมัวแต่กัดปาก แต่ก็ยังขอแบบนี้อีกน๊า คนเขียนที่รัก :L1:
-
เหือก!! หนูริวจัดหนัก
พี่ไผ่ระบมหมด 555
-
สรุปว่าไผ่เป็นพวก"คิดเล็กคิดน้อย"หรือ"คิดมาก"ดีนะ... :เฮ้อ:
เฮ้อ ถึงจะตั้ง 1472ชม.ก็เต๊อะ แต่ริวก็น้า พี่เขาช้ำหมดแล้วเห็นมั้ยนั่น :o8:
ปล.เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าริวเป็นพระเจ้าแห่งการคำนวณอย่างแท้จริง
-
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ สนุกมากมากเลยค่ะ :D
มาต่อไวไวนะคะ จะรออ่าน
ขอบคุณมากค่ะ
-
... :-[
-
อ่านไปเขินไป
อ๊ายยยยยยยยยยย น้องริวโตเป็นผู้ใหญ่ จะปกป้องพี่ำไผ่แล้วอ่ะ
-
:pig4: :L2:
-
:oo1: อิหนูริว หื่นจริงวุ้ย o13 :z1:
-
จากความเป็นคนคิดมากของพี่ไผ่ ทำให้เราแอบระแวงอยู่เรื่อยๆ
ว่าจะก่อมาม่าขึ้นมาอีกมั้ย
-
มีความสุขจังเลย :-[
-
น้องริวชาติที่แล้วต้องเป็นหมีแพนด้า
เพราะน้องริวชอบกินไผ่55555555
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ชอบอะมันดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก :-[
:pig4: คะ
-
อ่านแล้วมีความสุข ปนๆกับอึดอัด ยังไงก็ยังคิดว่าพี่ไผ่คิดถึงแต่ตัวเอง แคร์แต่สิ่งรอบข้าง ไม่สนใจน้องเลยว่าทุ่มเทให้มากแค่ไหน อยู่ใกล้ๆไม่เห็นคุณค่าสงสัยต้องรอลุ้นให้มีเหตุให้ต้องไกลกันซะละม๊าง พี่ไผ่เอ้ย
-
หวานกันมากกก....
-
:haun4: :haun4: :haun4:
ริวไม่รู้จักอิ่ม :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
-
น้องริวเดี๋ยวนี้เก่งใหญ่แล้วน๊า
เรียนรู้เร็วจริง ๆ เด็กคนนี้
ว่าแต่กินพี่ไผ่เท่าไหร่ก็ไม่อิ่มใช่ม๊า
ก็พี่ไผ่น่ากินมาก ๆ อ่ะเนอะ
-
น่ารักสุดๆไปเลย :3123:
-
บางที เวลาที่..... เรามองคนสองคนที่เดินผ่านเราไป ทำไมเราถึงรู้ว่า คู่นี้แฟนกัน ชัวร์
เพราะ การสัมผัสกันและกันมันบ่งบอก สายตาที่ทอดให้กันมันฟ้องชัดเจน
เพราะ ในหัวใจริวมีแต่พี่ไผ่
เพราะ งั้น มันจึงช่วยไม่ได้ ที่จะให้ริวละสายตาจากพี่ไผ่ได้
น้องทำ ก้อเพราะรัก เพราะงั้นพี่ไผ่ก้อค่อยๆบอกค่อยๆสอนน้องแบบที่พี่ไผ่ทำมาตลอด อย่างริวน่ะ ยิ่งกว่าลูกไก่ในกำมือพี่ไผ่อีก สำหรับพี่ไผ่แล้ว น้องเชื่องจะตาย
รักกัน รักกัน
-
จนถึลตอนนี้พี่ไผ่ยอมเปืดใจมากขึ้นก็จริง ให้ริวสัมผัสมากขึ้นก็จริงแต่ก็ยังมีความกลัวอยู่ข้างในลึกๆเหมือนพร้อมจะแสดงออกมาได้ตลอดเวลา..ริวก็น่าจะรู้สึกถึงอารมณ์นี้ได้เช่นกัน...
แต่ตอนนี้หว๊านหวาน...อ่านแล้วจะละลาย :o8:
-
ริวถึงขนาดนับ ชม.เลยทีเดียว สงสัยเก็บกดจัด 555+ :laugh: :laugh: :laugh:
-
อบอุ่นๆ
คู่นี้หวานโฮกกกกกกกกก
ทั้งน่ารัก และน่าอิจฉาสุดๆเลยค่ะ
-
น่ารักดีครับ
มาต่อบ่อยๆ แบบนี้ชอบๆ
อิอิ
-
นึกถึงสังขารพี่เขาหน่อยนะลูก :z1:
พี่ไผ่ก็ช่างรู้ตัวช้าจริง ๆ ...ว่าเด็กมันเจ้าเล่ห์อ่ะ :laugh:
-
ว้าววววววว o13
-
:-[ :-[ :-[
เต็มอิ่ม เอิ๊กกกก นู๋ริวขอ 2 :laugh:
พี่ไผ่คิดมากบ่อยๆ เด๊วนู่ริวจัดให้ :man1:
-
โอ๊ยขอให้รักกันอย่างนี้ไปจนแก่เฒ่าเลยนะริวไผ่
อ่านแล้วเพิ่งรู้ว่าริวพร้อมขนาดไหนอิอิ
จะเล่นตั้ง 3 แน่ะริวเอ้ยอิอิ
พี่ไผ่เค้ายังใหม่นะนู๋ต้องค่อยๆเพิ่มทีละนิดๆเดี๋ยวพี่ไผ่ก็ไหวเอง
ต้องทำบ่อยๆนะริวอิอิ :o8: :-[
-
+1
เหมือนจะมีคลื่นใต้น้ำในทะเลที่เงียบสงบ
ขออย่างเดียวว
นู๋ไม่เอาสึนามิน๊า ๆๆ
-
อ่านความคิดพี่ไผ่แล้วมันติดใจยังไงก็ไม่รู้(ระแวงมาก555)
แต่ตอนนี้ก็หวานมากมาย น่ารักจริง :m1:
-
น้ำตาลไทยขาดตลาด ก็เพราะ สองคนนี้นี่เอง
+ 1 ให้เลย ฮี่ๆๆ :L2: :L2:
-
อร๊ายยยยยยส์ เด็กเจ้าเล่ห์
:z1:
-
คึคึ สองรอบ เด็กหนุ่มๆ ก็แรงดีงี้แหละน้า :z1:
-
ตอนนี้จัดเต็มมาเลย
:m25:
-
น่ารักอ่าาาาา ไผ่อย่ากลัวเลยนะ ยอมรับเหอะ นายหนะ รักน้องเข้าแล้วละ
-
2-0
น้องริวปากตรงกะใจได้โล่ พูดอย่างนี้ไม่ใช่พี่ไผ่คนเดียว ป้าๆที่แอบดูอยู่ข้างเตียงก็เขินเหมือนกันฮิ
-
เหวยๆๆๆๆ
ได้ใจใหญ่เลยนะน้องริววว อร่อยไหมพี่ไผ่อ่ะ ท่าทางจะหวงใช่เล่น
-
พวกเขาหวาน.....พวกเขาสวีต.....พวกเขาวี้ดวิ้วกัน!! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไอ้น้องริวน่ารักโฮก! อ้อนพี่ไผ่ พี่สาวคนนี้อยากจะมีเด็กน้อยมาอ้อน มาเคลียคลอแบบนี้บ้าง : 222222: อ้า..แต่มันคงเป็นแค่ฝันไป
-
:impress3: อ่านตอนนี้แล้วก็อดน้ำตาซึมไม่ได้
กว่าจะมาถึงวันนี้ั คุณอลันต้องใช้ความพยายาม ทุ่มเทแรงกายแรงใจ
ต้อนหน้าต้อนหลังจนหนูริว ยอมอดทนอดกลั้น เรียนรู้ และรอคอย
ในที่สุด วันนี้หนูริวก็ได้ลงเอยกับพี่ไผ่ TvT
ว่าแต่..
แล้วคุณผู้จัดการที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกอย่างคุณอลัน
จะมีคู่แหววกับเค้าไหมคะ?
ใช่คุณมาเฟียคนนั้นไหมเอ่ย?
(ยังไม่เลิก สุมไฟใส่ควัน.. ^///^ แบบว่า.. เค้ากรี๊ดคุณอลันที่แสนดีนี่นา คิกๆ)
:z2: แดนส์รอตอนหน้าค่ะ :pig4:
-
ขอให้น้องริวพี่ไผ่เขาหวานกันอย่างนี้นานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อย่าให้มีอุปสรรคอะไรเลย
-
อืม...ทำไมพี่ไผ่ยังเจ็บอยู่อีกอ่ะ เพราะนานๆทำที หรือของอิหนูริวมันหญ่ายยยยกันน้า~ เอิ้กๆๆ :z1: :laugh:
แอบสงสารหนูริว นานนๆนานๆๆๆๆจะได้กินพี่ไผ่ซักที (สองเดือนเอง!)
:m26: ก็ป้าเค้าหวงพี่ไผ่อ่ะนะ อิหนูริวเลยได้กินพี่ไผ่แบบอดๆอยากๆ หนูริวคงต้องทำใจเน้อ (กระซิบเบาๆคงไม่มีใครได้ยินเนอะ! คริๆ)
-
เขิน >///< หวานนนนแบบนี้หน่อย
หัวใจกระชุ่มกระชวย ดูอบอุ่นจริงๆ
ริวอ้อนได้อีก ! พี่ไผ่ก็ยอมน้องมันเถอะ
อดทนได้ตั้ง 2 เดือนอึดมากคงเก็บกดแหละ
พี่ไผ่อย่าคิดไรมากเลยน้า แค่มีริวอยู่ข้างๆ อะไรๆเดี๋ยวก็ดีเอง ^^
-
เฮ้อ ลุ้นแทบแย่ บวกค่ะบวก
-
เอาอีกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
-
5555+ริวหื่นโครตอ่ะ แต่ก็อดทนมาตั้งสองเดือนแน่ะน่าจะซักสาม-สี่รอบนะ อิอิ
-
เหอะๆ ริวหวานปนหื่น :o8:
มะไหร่พี่ไผ่จะเลิกคิดมากน้าาาาาาาาาาา
-
เดี๋ยวนี้หนูริวมีต่อรอง...55+...
อีกหน่อยถ้าอ้อนเก่งกว่านี้.พี่ไผ่ต้องแย่แน่ๆเลยคะ
แต่ชอบตอนที่ริวดูแลพี่ไผ่นะคะ...น่ารักอะ..^ ^
ตอนที่แล้วตลกคุณไวย์มากเลย...เจอริวโหมดโหดเข้าไป...55+...
ถ้าไม่ได้พี่ดลต้องแย่แน่ๆเลยคะ....พี่ดลน่ารักอะคะ...
-
อืม...ทำไมพี่ไผ่ยังเจ็บอยู่อีกอ่ะ เพราะนานๆทำที หรือของอิหนูริวมันหญ่ายยยยกันน้า~ เอิ้กๆๆ :z1: :laugh:
แอบสงสารหนูริว นานนๆนานๆๆๆๆจะได้กินพี่ไผ่ซักที (สองเดือนเอง!)
:m26: ก็ป้าเค้าหวงพี่ไผ่อ่ะนะ อิหนูริวเลยได้กินพี่ไผ่แบบอดๆอยากๆ หนูริวคงต้องทำใจเน้อ (กระซิบเบาๆคงไม่มีใครได้ยินเนอะ! คริๆ)
:m20:
o13
-
กลัวใจพี่ไผ่จริงๆ
แต่ก็นะ เจ้าริวสามารถจัดการได้อยู่แล้วล่ะนะ
:o8: แล้วพี่ไผ่จะทำงานไหวมั้ยเนี่ย
-
สุดยอดเลยค่ะ มีเป็นเล่มเมื่อไหร่ จะสอยมาทันทีเลย :L2:
-
มารอหนูริว กับ พี่ไผ่
^^
:impress2:
-
:z13: :z13: :z13:
-
เข้ามารอตอนต่อไปจ้า :mc4:
-
นั่งรอ...นอนรอ :t3:
-
นั่งรอ...นอนรอ :t3:
นอนรอด้วยคน
-
ตอนที่ 102
หลังจากได้คุยกับพสุจนเข้าใจทำให้ริวรู้สึกสบายใจขึ้นและรู้ดีว่าเมื่อวานเขาทำตัวเกเรมากแค่ไหน แม้พสุจะไม่เตือนแต่เด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าควรทำอย่างไร
ไวยากรณ์มาถึงห้องซ้อมช้ากว่าทุกคนเนื่องจากต้องไปเดินแบบก่อน พอมาถึงก็รีบซ้อมให้ทันเพื่อนๆ จึงยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับใคร จนกระทั่งซ้อมเสร็จริวก็รีบเข้าไปหา
“พี่ไวย์...ขอโทษนะครับ เมื่อวานนี้ริวพูดไม่ดีกับพี่” ไวยากรณ์ทำหน้างงๆ ในตอนแรก ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
“เออ...ช่างเหอะ พี่ก็พูดแรงเหมือนกัน...แต่ทีหลังถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็บอกพี่ได้นะ เผื่อพี่จะช่วยได้” ไวยากรณ์ตบไหล่ริวเบาๆ แล้วทำเสียงเรียบ หน้าขรึมเหมือนที่เคยเห็นตะวันทำ
ริวกะพริบตาปริบๆ เพราะคิดไม่ถึงว่าไวยากรณ์จะตอบกลับมาแบบนี้ พสุเกือบหลุดหัวเราะกับสีหน้าท่าทางของไวยากรณ์ขณะที่ตะวันส่ายหน้าอย่างระอา
“เอาตัวให้รอดเฮอะ...ได้ข่าวว่าโทรไปเขาก็ไม่รับสาย” ธีรดลอดหมั่นไส้ไม่ได้จึงแซวทะลุกลางปล้องขึ้นมา ไวยากรณ์เลิกเก๊กขรึมหันไปทำตาขุ่นใส่ธีรดลทันที
“ไม่ต้องมาทำเสียงเยาะเย้ย ตอนนั้นที่รักเขาทำงานอยู่หรอก” ไวยากรณ์แก้ตัวด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก
“อ๋อเหรอ” ธีรดลลากเสียงยาวยั่วโทสะ แถมยังทำเหมือนเห็นอกเห็นใจจนไวยากรณ์ฉุนกึกขึ้นมาอีก
“เออดิ๊! อิจฉาอะดิ เห็นคนเขามีแฟน ตัวเองแห้งเหี่ยวหัวโต หาแฟนไม่ได้อ่ะ”
“แม๊! ก็พี่ไม่ถนัดตู่ใครเขามาเป็นแฟนทั้งที่เจ้าตัวเขายังไม่รับรักนี่นา ใคร๊จะไปหาแฟนเก่งอย่างไวย์ได้ล่ะ”
“พี่ดล!” ไวยากรณ์เสียงขุ่น หน้าเง้างอด้วยความโมโหที่ธีรดลพูดจี้ใจดำ
“พอๆ เลย! ไวย์มีงานไม่ใช่เหรอ ยังไม่รีบไปอีก” ตะวันปรามศึกน้ำลายประจำวันแล้วเก็บโน้ตเพลงลงกล่อง
“พี่ตะวันดูพี่ดลดิ” ไวยากรณ์หันมาฟ้องหาพวก ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่เคยได้
“ไปทำงาน...ดลก็กลับได้แล้ว ไหนว่าจะไปซื้อเสื้อ” ตะวันปรามซ้ำ แล้วหันมาเตือนแกมดุธีรดลอีกคน
“เออจริง งั้นไปแระ เจอกันพรุ่งนี้ที่โน่นละกัน” ธีรดลทำตาโตอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ รีบเก็บกีต้าร์ลงกล่อง
“สวัสดีครับ” ริวไหว้ตะวันที่กำลังลากไวยากรณ์ไปออฟฟิศ ส่วนธีรดลนั้นเดินแกมวิ่งแยกไปต่างหากแล้ว
“ยิ้มอะไรครับ” ริวหันกลับมาเห็นพสุกำลังมองเขายิ้มๆ อยู่พอดี พอเด็กหนุ่มทักพสุก็หยุดยิ้มแล้วทำหน้าเก้อๆ เหมือนตกใจที่ริวหันมาเจอ
“เอ่อ...”
“ยิ้มอารายค้าบ” ริวทำเสียงอ้อนแล้วปราดเข้าไปกอดเอวพสุไว้ ชายหนุ่มทำหน้าตกใจ เหลียวไปมองประตูอย่างระแวง
“อย่ากอดริว...เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า”
“ใครจะเห็นละครับ เขากลับกันหมดแล้ว”
“เผื่อใครลืมของแล้วย้อนกลับมาล่ะ ไหนสัญญากับพี่แล้วไงว่าจะไม่กอดพร่ำเพรื่อ”
“คร้าบ...” ริวปล่อยแล้วเดินลิ่วๆ ไปที่ประตูทำให้พสุใจเสีย คิดว่าเด็กหนุ่มน้อยใจ จึงรีบเดินตามไป แต่ริวกลับไปหยุดที่หน้าประตูชั่วครู่ แล้วหันกลับมาคว้าตัวพสุเข้าไปกอดอย่างรวดเร็ว
“ริว! อย่าทำรุ่มร่าม”
“ริวล็อคประตูแล้ว อย่างนี้ก็ถือว่าเราอยู่กันตามลำพังแล้วถูกมั๊ยครับ”
“อย่ามาเจ้าเล่ห์” พสุเอ็ดแล้วหน้าแดง เมื่อเด็กหนุ่มหอมเขาดื้อๆ ปลายจมูกโด่งกดหนักๆ บนแก้มทั้งสองข้างแล้วคลอเคลียอยู่ที่ข้างใบหู
“ริว...อืม...พี่...อืม...” คำพูดถูกกลืนหายไปในลำคอของริว เด็กหนุ่มประกบปากตามติด แล้วดันร่างพสุจนแผ่นหลังติดอยู่กับผนังกระจก แม้จะไม่เต็มใจในตอนแรก แต่เมื่อถูกริวสัมผัสพสุก็เผลอไผลไปกับเด็กหนุ่มอย่างง่ายดาย ปลายลิ้นที่กอดเกี่ยวสอดรับอย่างลืมตัว ทำให้ความปรารถนาของริวทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว ความคิดที่เพียงอยากกอดจูบกลายเป็นความต้องการที่ไม่อาจอดกลั้น ท่อนขาแข็งแรงแทรกเข้าไประหว่างขาของพสุ สะโพกแข็งบดเบียดกับสะโพกของพสุแรงจนสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่เสียดสีกัน
ชายหนุ่มพยายามจะดันไหล่ริวออก แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมถอย มิหนำซ้ำยังสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปในเสื้อของพสุ แล้วลูบจากหน้าท้องขึ้นไปบีบคลึงยอดอกเบาๆ ขณะที่มืออีกข้างก็กอดเกี่ยวเอวของพสุไว้แน่นจนผละไปไหนไม่ได้
“ริว...ริว...พอแล้ว นี่ห้องซ้อมนะ...” พสุปรามหอบๆ พร้อมกับดันใบหน้าริวออก
“...ขอโทษครับ” ริวกระซิบขอโทษเสียงพร่า เด็กหนุ่มซุกหน้ากับไหล่พสุ อ้อมแขนที่โอบรอบตัวของชายหนุ่มยังรัดแน่น ริวสูดหายใจลึก ตัวสั่นด้วยพยายามข่มกลั้นความปรารถนาเอาไว้ พสุยืนนิ่งเพื่อไม่ให้เป็นการไปกระตุ้นเด็กหนุ่มซ้ำอีก จนกระทั่งริวถอนใจยาว อาการตัวสั่นหายไปแล้วแต่ใบหน้ายังแดงระเรื่อ ดวงตาฉ่ำเยิ้มด้วยความต้องการ
“ขอจูบอีกทีนะครับ”
“อย่าเลย เดี๋ยวก็หยุดไม่ได้หรอก
“ริวหยุดได้ นะครับ...นะ”
พสุเหลือบมองสีหน้าอ้อนวอนของเด็กหนุ่มแล้วก็ใจอ่อนอีกตามเคย
“แค่จูบนะ ห้าม...อือ...” พสุถูกเบียดติดผนังกระจกอีกครั้งเมื่อริวแนบประกบปากลงมา ลิ้นของริวพุ่งเข้ามาเกี่ยวรัดลิ้นของเขาอย่างกระหาย เด็กหนุ่มดูดปลายลิ้นของพสุแรงจนชายหนุ่มตัวสั่น ความรู้สึกเสียวแปลบปลาบในช่องท้องก่อตัวขึ้นอีกครั้ง จนพสุต้องเป็นฝ่ายดันปลายคางริวออกเมื่อสัมผัสได้ว่าลมหายใจของเด็กหนุ่มเริ่มร้อนจัด
“....” พสุขืนมือที่ดันปลายคางบุ๋มไว้ แม้ตัวเขาเองยังหอบหายใจอยู่ก็ตาม
“แก้มของพี่แดง...ปากพี่ก็แดง...หวานด้วย...ริวจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว...”
“พอแล้ว...เลิกพูดเถอะ...กลับกันได้แล้ว”
“ครับ” ริวรับคำเบาๆ แต่ดวงตายังอ้อยอิ่งอยู่บนใบหน้าของพสุจนชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายดันตัวริวออก แล้วรีบไปเก็บของใส่กระเป๋าเดินนำออกไปที่รถ ริวเดินแกมวิ่งตามมาติดๆ เด็กหนุ่มจ้องมองแก้มแดง ปากแดงๆ ของพสุอย่างหลงใหล จนพสุต้องหันไปดุ
“เอากุญแจรถมา พี่ขับเอง”
“ไม่ต้องครับ ริวจะขับให้พี่นั่ง”
“จะขับรถก็ต้องมีสมาธิสิ มองถนนไม่ใช่มองหน้าพี่”
“คร้าบ” ริวรับคำล้อๆ แล้วหันไปตั้งสมาธิกับการขับรถ ทำให้พสุลอบถอนใจอย่างโล่งอก ที่ไม่ต้องถูกจ้องจนเหมือนจะกลืนกินอย่างเดิมอีก
ทันทีที่กลับถึงบ้าน เด็กหนุ่มจะลากแขนพสุเข้าห้องแต่ชายหนุ่มทำตาดุเข้าใส่ริวถึงได้หยุด พสุเลือกจะซ้อมเพลงในห้องนั่งเล่นเพราะเห็นแล้วว่าหากเข้าห้องนอนคงไม่พ้นโดนริวลากขึ้นเตียงอย่างแน่นอน
ริวตามมายืนจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาอ่อนเชื่อม เว้าวอน พสุแกล้งทำเป็นไม่เห็น แต่เขาก็ไม่มีสมาธิเล่นเปียโนเพราะสายตาของริวเหมือนไฟที่คอยแผดเผาจนเขาร้อนรนไปหมด
พสุเงยขึ้นสบตาเมื่อเด็กหนุ่มโน้มตัวลงท้าวศอกบนเปียโน แล้ววางคางลงบนท่อนแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างลูบแก้มพสุเล่นหน้าตาเฉย
“ริว...อย่าสิ เดี๋ยวพี่แมวมาเห็นเข้า” พสุทำสียงเข้มแล้วเหลียวมองประตูห้องครัวอย่างระแวง ขณะที่ริวไล้หลังมือลงมาที่ปลายคางของชายหนุ่ม แล้วพลิกมือเปลี่ยนมาลูบไล้ลำคอพสุด้วยปลายนิ้ว
“พี่ก็ไม่มีสมาธิซ้อมสักหน่อย จะทนเล่นอยู่ทำไมละครับ”
“ก็เพราะใครล่ะ มายืนจ้องอยู่แบบนี้ใครจะไปมีสมาธิเล่น” พสุทำเสียงดุขู่แล้วปัดมือที่ลูบคอเขาออก แต่ริวกลับยิ้มหวานแล้วใช้สายตาอ่อนเชื่อมจ้องมองจนชายหนุ่มหน้าร้อนผ่าว
“ก็พี่น่ามอง”
“ริว!”
“ริวอยากกอดพี่ใจจะขาดแล้ว” ริวอ้อนแล้วฉวยมือพสุขึ้นจูบอ้อยอิ่ง ขณะที่พสุกระตุกมือหนีด้วยความตกใจ
“ไม่ได้!” พสุปฏิเสธเสียงแข็ง แต่หน้าแดงก่ำและหลบตาริวตลอดเวลา
“ทำไมละครับ”
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ เลิกถามได้แล้วเดี๋ยวพี่แมวมาได้ยินจะทำไงเล่า” พสุเตือนอ้อมแอ้ม พลางหยิบโน้ตเพลงมาเลือกเพลงที่จะซ้อม แต่มือที่ถือกระดาษโน้ตสั่นจนเห็นได้ชัด
“ก็ริวอยากกอดพี่นี่นา” ริวอ้อนแล้วขยับเข้าหาอย่างได้ใจ
“ไปกินข้าวกันดีกว่า ป่านนี้พี่แมวเตรียมตั้งโต๊ะแล้วล่ะ”
“ไม่เอา ริวอยากกินพี่” ริวทำเสียงงอแงเหมือนเด็ก แต่ความหมายของคำพูดส่อนัยจนพสุหน้าร้อนผ่าว
“ริว” พสุทำเสียงดุ แต่ริวไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน เด็กหนุ่มฉวยโอกาสที่พสุลุกขึ้นเข้าประชิดตัวดันร่างชายหนุ่มจนถอยร่นไปที่ห้องนอน
“ริว อย่าทำแบบนี้นะ”
“ไปคุยกันในห้องดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่แมวได้ยินนะ” ริวเอาคำพสุมาย้อนแล้วดันร่างชายหนุ่มเข้าไปในห้อง
พสุยอมเดินตามแรงดันของเด็กหนุ่มเพราะเห็นแล้วว่าริวดื้อแค่ไหน ขืนเถียงกันอยู่ข้างนอกพี่แมวอาจมาได้ยินเข้า จึงยอมตามริวเข้าห้อง พอก้าวพ้นประตูห้องก็ถูกล็อกทันที พสุพยายามจะเลี่ยงให้พ้นเตียงแต่ริวรวบเอวเขาไว้แล้วโถมตัวแรงจนล้มกลิ้งไปบนเตียงด้วยกัน เด็กหนุ่มตะโบมจูบร้อนรนจนพสุหายใจหายคอแทบไม่ทัน
“ริว! พอซะที”
“ริวทนไม่ไหวแล้ว ริวอยากกอดพี่จะตายอยู่แล้ว” ริวคำราม แล้วปลดกระดุมเสื้อพสุร้อนรนจนแทบเป็นกระชาก พสุปัดมือของเด็กหนุ่มออก แล้วจับใบหน้าของริวให้อยู่นิ่งๆ
“ริว...หยุดก่อนได้มั๊ย พี่ไม่ใช่ของเล่นของริวนะ นึกอยากจะทำอะไรก็ทำแบบนี้น่ะ”
“ริวไม่ได้เห็นพี่เป็นของเล่นสักหน่อย พี่เป็นคนรักของริวต่างหาก”
“แต่ที่ริวทำ มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ริวเคยถามพี่สักคำมั๊ยว่าพี่รู้สึกยังไง นี่เอะอะอะไรก็ลากเข้าห้องตลอดเวลา”
“พี่ก็รู้สึกเหมือนริวนี่ครับ แล้วทำไมต้องห้าม?” ไม่เพียงแค่ถาม แต่มืออุ่นลูบไล้บนสะโพกพสุเบาๆ คลึงเคล้านวดเฟ้นแล้วดันขึ้นมาขณะที่สะโพกของเขาก็กดลงไปเบียดแรงจนพสุสะดุ้ง แน่นอนว่าเนื้อตัวเบียดชิดกันขนาดนี้มีหรือที่ริวจะไม่รู้ว่าพสุเองก็ร้อนรนไม่แพ้กัน
พสุขึงตาเข้าใส่ทั้งที่หน้าแดงก่ำ ชายหนุ่มพยายามดันตัวริวออก แต่เด็กหนุ่มขืนตัวไว้ อ้อมแขนที่โอบรัดรอบตัวเขากระชับแน่นจนยากจะดิ้นรน
“ความรู้สึกทางกาย กับใจ บางครั้งมันก็ไม่ได้มีความหมายตรงกันหรอกนะริว”
“หมายความว่าพี่ไม่อยากให้ริวกอด...พี่ไม่ต้องการริว เหมือนที่ริวต้องการพี่...ใช่มั๊ยครับ” ริวถามแล้วหน้าเสีย มือที่กำลังลูบไล้หยุดชะงัก
“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” พสุเสียงอ่อนลง เลิกดิ้นรน ทำให้ริวได้ใจถอดเสื้อออกจากตัวชายหนุ่มจนสำเร็จ แต่พอเด็กหนุ่มเลื่อนมือลงไปที่ขอบกางเกงพสุก็ยื้อไว้
“ริวไม่เข้าใจ” เด็กหนุ่มถามเสียงละห้อย เขาต้องการพี่ พี่เองก็ต้องการเขา แต่ทำไมต้องห้าม...
“พี่รู้...ว่าริวรู้สึกยังไง ริวอยู่ในวัยรุ่นความต้องการก็ย่อมต้องมากเป็นพิเศษ แต่พี่...เอ่อ...ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ต้องการริว...แต่ร่างกายพี่ไม่ไหว มันฝืนกันไม่ได้ ริวเข้าใจรึเปล่าครับ”
“พี่ยังเจ็บอยู่เหรอครับ?”
“อืม” พสุพยักหน้ารับเขินๆ แล้วลูบแก้มของเด็กหนุ่มเบาๆ ริวพลิกหน้ามาจูบมือชายหนุ่มแล้วกุมให้แนบอยู่บนแก้ม ดวงตาฉ่ำเยิ้มอ่อนแสงลง
“ริวขอโทษนะครับ ที่เอาแต่ใจ” ริวขอโทษด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ริวไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ที่พี่พูด เพราะพี่ไม่อยากให้เราทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง มีอะไรเราก็ควรพูดคุยกันให้เข้าใจ ถ้าเราอยากจะ...เอ่อ...คบกัน ให้ยั่งยืน เราก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน”
ริวมองหน้าพสุนิ่ง ก่อนจะซุกหน้ากับอกเปล่าเปลือยของชายหนุ่ม แล้วกระชับอ้อมแขนรัดแน่นขึ้นจนพสุตกใจ
“อะไรริว” ชายหนุ่มถามงงๆ ความยินดีของเด็กหนุ่มเอ่อท้นจนเขาสัมผัสได้ชัดเจน
“ริวดีใจ...” ริวตอบเสียงสั่น แล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก
“ริว...”
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่ริวมีความหวัง...ที่ผ่านมา ริวไม่เคยรู้เลยว่าพี่จะ...จะทิ้งริวไปตอนไหน”
คำตอบของริวทำให้พสุสะอึก ชายหนุ่มรู้สึกตื้นในอกด้วยความเสียใจ ความลังเล ความขี้ขลาดของเขา ทำร้ายริวอีกจนได้
“ริว...นี่พี่ใจร้ายกับริวขนาดนี้เลยเหรอ...” พสุถามเสียงแผ่วแล้วลูบแก้มที่ซุกอยู่บนอกเขาเบาๆ
“พี่ไม่ได้ใจร้ายหรอกครับ แต่พี่...เหมือน...เหมือนไม่อยากให้ริวแตะ...ทุกครั้งที่ริวกอดพี่ พี่ก็ดูไม่เต็มใจ แต่ยอมเพราะสงสาร...”
ดวงตาเศร้าสร้อยของริวทำให้พสุใจอ่อนยวบ ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูก นอกจากกอดตอบริวแน่นๆ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกริว พี่...”
“จะสงสารก็ช่าง จะยอมเพราะอะไรก็เถอะ สำหรับริว...แค่ได้กอดพี่ไว้แบบนี้ แค่ได้เป็นคนสำคัญที่สุดของพี่คนเดียวตลอดไป ริวก็พอใจแล้ว...ถึงพี่จะไม่รักริว ก็ไม่เป็นไร”
“ริว! ไม่ใช่พี่ไม่...เอ่อ...” คำว่า ‘รัก’ ถูกกลืนลงคอไปอีกครั้ง แม้จะเห็นสายตาที่จ้องมองด้วยความหวัง แต่ชายหนุ่มกลับทำได้เพียงหลบตาลงจ้องมองอยู่เพียงปลายคางของริว เขาพูดไม่ได้ จนถึงนาทีนี้เขาก็ยังไม่กล้าพูดคำนั้นออกไป
ดวงตาสีน้ำตาลใสหม่นแสงลง เมื่อแน่ใจว่าพสุจะไม่ยอมพูดว่ารักเขา ริวถอนใจยาว ในเมื่อพสุยังไม่พร้อม เขาก็ไม่ควรรีบร้อน เพราะถึงอย่างไรตอนนี้พสุก็มีเขาเพียงคนเดียว
พอคิดได้แบบนั้นริวก็เลิกขุ่นเคืองใจ เด็กหนุ่มกวาดตามองใบหน้าที่อยู่ห่างเพียงลัดนิ้วทีละส่วน ขนตายาวเป็นแผงตรงหน้า จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงจัดเพราะถูกเม้มแล้วคลายด้วยความไม่สบายใจของพสุเอง ปลายคางเรียวรับกับลำคอขาว แอ่งชีพจรเต้นตุบจนเห็นได้ชัดเพราะพสุผิวค่อนข้างบาง
เด็กหนุ่มกวาดตาลงต่ำ ทรวงอกเต็มแน่นด้วยกล้ามเนื้อของพสุยังเบียดแนบชิดกับอกของเขา ผิวขาวมีรอยครูดแดงเล็กๆ คงเกิดจากกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาเอง พอเห็นอย่างนั้นริวก็ยันตัวลุกขึ้น แล้วถอดเสื้อเชิ้ตหลวมๆ ที่สวมอยู่เหวี่ยงออกไปให้พ้นตัวโดยไม่ปลดกระดุม
เด็กหนุ่มอมยิ้มเมื่อเห็นพสุมองตามเสื้อที่ปลิวตกไปข้างเตียงแล้วหันกลับมามองหน้าเขาแบบงงๆ แต่พอริวปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของพสุชายหนุ่มก็หน้าเสีย
“ริว...พี่ยังไม่...”
ริวก้มลงจูบปิดปากพสุเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องตา ขณะที่มือก็ดันขอบกางเกงยีนส์ของพสุลงไปให้พ้นสะโพก
“ริวรู้แล้วครับว่าพี่ยังเจ็บอยู่...ริวสัญญาว่าจะไม่เข้าไป...แต่ริวอยากกอดพี่...ได้ใช่มั๊ยครับ”
พสุหน้าแดงจัด ชายหนุ่มเผยอปากแล้วหุบ แล้วเผยอปากใหม่ เหมือนหาคำพูดไม่เจอ แต่เมื่อริวแนบร่างเปล่าเปลือยเข้ากอดรัด ชายหนุ่มก็กอดตอบโดยไม่ยอมสบตาริวแม้แต่นิดเดียว...
..............................................
-
กรี๊ดๆๆๆ จิ้มๆๆๆๆๆๆ
ขอตัวไปอ่านแว้บบนึง ฮี่ๆๆๆ :L2:
*************************
น้องขี้อ้อน แอบสงสารน้องง่า เวลาริวตัดพ้อแต่ละที อ่านแล้วอยากจับมานั่งตักแล้วโอ๋ทุกทีเลย
คงเพราะรู้มาตลอดว่าริวทำอะไรเพื่อพสุบ้างที่ผ่านๆมา ตั้งแต่ เริ่มเรื่อง พอน้องน้อยใจเลย อินจัด
แต่อ้อนขนาดนี้แล้วพสุยังไม่หลุดคำว่ารักสักแอะ T^T
ลองจัดหนัก เอาแบบ ไม่แตะ ไม่ง้อ ไม่สนพี่ไผ่บ้างสิหนูริว หึหึหึ เผื่ออะไรๆมันจะเข้าที่เข้าทางขึ้น กร๊ากๆๆ
+ 1 ค๊า :L1: :L1: :L1:
-
โอ๊ย...กำเดาไหลท่วมจอแล้ว
น้องริวจะอ้อนให้พี่ไผ่ใจละลายไปเลยหรือไงละนี่
:pighaun:
-
ไอ้เจ้านู๋ริวนี่มัน สุดยอดดดด o13
ขี้อ้อนเอาโล่ห์เลย อิอิ
+1 ให้ค้าบบบบ :pig4:
-
ริวเอ๊ย! จะหื่นไปไหนลูก ถนอมพี่ไผ่บ้าง อย่าประเจิดประเจ้อนัก :z1:
-
:z1:
:o8:
-
ฮู้ยยยย หวานเชี้ยบบ พี่ไผ่อ่อนลงเยอะแล้วนะ พูดตรงๆ กับน้องก็ดี ริวมันจะได้ไม่น้อยใจอยู่คนเดียว
-
และแล้ว...งานนี้ริวก็ยังได้กอดพี่ไผ่ละเนอะ....
ใจอ่อนไวไวนะคะ สงสารหนูริวที่อดทนมาน๊านนาน
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ริวนับวันยิ่งหื่น งี้แม่ยกก็ชอบตายสิ :z1:
-
ไม่ไหวนะครับ ฉากนี้ตัดไปโคมไฟได้ไงอ่ะ
เค้าไม่ยอมนะตัวเองงง :sad4:
ริวอ้อนได้ตลอดเหอะ เห็นเเล้วนึกถึงแมวที่เลี้ยงไว้เลย
ดื้อไม่ยอมฟัง พอจะเอาก็เข้ามาอ้อน ร้ายกาจ!!! :-[
-
คิดว่าจะได้เห็นฉาก ป๊ะป๊ะเท่งป๊ะ ตรงหน้ากระจกห้องซ้อมซะละ หุหุหุ จินตนาการไปไกลสุดโลกแล้ว 555 :z1:
-
หลายอารมณ์มากตอนนี้ จะเศร้า ซึม สะเทือนใจ แล้วก็เฮือก!!! กำเดาพุ่ง
-
+1 ให้หนูริว
หนุ่มผู้ที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
-
อย่างงี้เขาเรียกว่าแพ้ทางเด็กขี้ออ้นใช่ไหม
พี่ไผ่
-
โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว :-[
-
555 ไม่มีอะไรจะพูด
อ้อนจนอีกคนอ่อนเหมือนเดิม
กดไลท์ระรัวๆๆๆ
-
:haun4: :jul1: ถูกใจมากมาย :z2:
-
คุณAnonymusคะ ขออนุญาต :กอด1:แน่นๆนะคะ(จะมีใครตาเขียวให้เรารึเปล่าเนี่ย)
แบบว่า ช่วงหลังๆมาเรื่องราวระหว่าน้องริวกับพี่ไผ่ ถูกใจจังค่ะ
โหย..ใครมีคนรักแบบน้องริวนี่ เป็นต้องใจอ่อนตัวอ่อน เป็นขี้ผึ้งลนไฟ
ปล่อยให้คนรักปั้นไปตามใจทุกรูปแบบแหละ
ก็แหม..ออดอ้อนทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษาซะขนาดนั้น
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เขินอ่ะ ริวน่ารักมากมาย :-[
-
กรี๊ดดดดดดดดดดด
ริวน้อย เด็กใสซื่อของชั้นหายไปไหนแว้ววววว :serius2:
เขินแทนไผ่อ่ะ :-[ :z1:
-
ชะรอยหนูริวจะเก็บกด... เป็นเราก็เก็บกดล่ะฟะ!! มีอย่างที่ไหน แสดงอะไรไปไม่ได้ความมั่นใจกลับมาสักอย่าง :serius2:
แต่ก็โทษไผ่ไม่ได้ล่ะนะ คงสับสนกับชีวิตอยู่จริงๆแหละ
ปล.ชักรู้สึกว่ามันหวานปนขมยังไงชอบกล
-
แม้ก็น้องริวกำลังเริ่มหนุ่มพลังXXXก็เลยต้องมากตามวัยน่ะสิไผ่ :haun4:
ริวก็ถนอมพี่ไผ่หน่อยล่ะกัน
เอาแบบนานๆถี่ก็ได้
สงสารสังขารคนมีอายุบ้างเนาะ :z1:
-
น้องยังวัยรุ่นนี่นาก็ คึกคัก เป็นธรรมดา พี่ไผ่ก็นะเข้าใจน้องหน่อย เกือบใจอ่อนแล้วนี่นาอีกนิดอ้ายหนูริว อ้อนเข้าไป หึหึ
-
:z3: :z3: :z3:
เปลี่ยนใจยังทันนะพี่ไผ่ ริวอึดอัดแย่ ถ้าไม่ได้ปลดปล่อย
+1 ในความปากแข็งขั้นเทพของพี่ไผ่ เชอะ ทำน้องเสียใจ
-
สงสารริว
-
ตั้งแต่เข้าใจกันนี่หวานตล๊อด
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
น้องริวขี้อ้อนมากๆๆๆๆๆ เราแพ้เด็กขี้อ้อน :o8: :o8: :o8:
-
ริวให้ฟีลเหมือนพวกสุนัขตอนหูตกหางลู่จังเลยอ่ะ555+
ว่าแต่เริวเวอร์ชั่นนี้หื่นเอาเร่องนะนี่...แต่ชอบนะ
ก็พอเข้าใจอยู่ ตั้งแต่เด็กๆเคยมีความรู้สึกแบบนี้กะใครที่ไหน เพราะงั้นมั่นใจได้เลยว่าไม่เคยได้ปลดปล่อยเหมือนใครคนอื่นแหงมๆ
-
:-[ โอ้ยทำไงดีน้ำตาลในเส้นเลือดพุ่งขึ้นแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
:pig4: คะ
-
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆชอบหนู๋ริวตอนนี้จริงๆน่ารัก น่าฟัดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
ริวเอาแต่ใจเกิน
-
พี่ไผ่เนี้ยะ ทำไมชอบขัดใจริวอยู่เรื่อยเลย
ไม่สงสารน้องบ้างเหรอ
แอบอยากให้ริวแกล้งขับรถชนอีกซักที
-
+1 อีกแร้วววววว
หวานปนขม ๆ เหมือนกินดาร์กชอคโกแลต
เอิ๊ก,,,
พี่ไผ่อ๊า ยังมิรู้ใจอีกเร๋อ ต้องให้เสียริวอีกซักรอบใช่มั้ย
เห้อ ตัวเร่งปฎิกิริยาอยู่ไหน ร้องเีรียนอลัน อิอิ
-
น้องริวของพี่ (ไผ่)...แมนขึ้นทุกวัน :o8:
ส่วนไผ่ก้อ สาวขึ้นทุกวี่วันเหมือนกัน :laugh:
-
น่าจะให้พี่ไผ่รุกบ้างนะคะ กำหราบเด็กริวซะบ้าง o18
-
อ้อนตลอดศกจิงๆ คิคิคิ
พี่ไผ่งี้อายม้วนไปเปนร้อยรอบ
แต่พี่ไผ่ค่ะ ถึงขนาดนี้ก้อบอกรักน้องมันเหอะ
สงสารนะเนี่ย ><
-
อยากจะมีแบบนี้สักคน เอิ๊กๆ อ้อนได้อ้อนดี อิอิ
-
:haun4: :haun4: ไอ้หนูของเราเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกว๊านทุกวัน
-
พี่ไผ่เอาเพลงนี้ไป
"มีแฟนเด็ก ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย"
นะคะ
-
จัดหนักจัดบ่อย พสุคงเจ็บเข้าใจคนรับค่ะ บางทีรุกมากมายก็เจ็บๆ ไม่มีอารมณ์ร่วมเหมือนกัน อิอิ
น้องริวคงต้องถนอมพี่ไผ่หน่อยแล้วนะจ๊ะ รอลุ้นต่อไปค่า
-
สงสารพี่ไผ่จัง ต้องรับบทหนักตลอดเลย
ส่วนหนูริวก็เกเรจริง
-
จะน่ารักกันไปไหนเนี่ย
อิจฉานะ ฮ่าๆๆๆ
-
:z1: :z1:ริวหื่นนนนนนนนนนนน
-
ริวอ้อนได้น่ารักมากเลย
ไม่ค่อยเจอคนตัวใหญ่อ้อนได้น่ารักอย่างนี้
อาจเป็นเพราะว่าเห็นน้องใส บริสุทธิ์มาก่อน
เลยทำให้ไม่ขัดกับรูปร่าง แต่น่าร๊ากกกกกกกก
-
ริวอ้อนเยอะๆลูก เดี๊ยวพี่ไผ่ก็เลิกปากแข็งเองนั่นล่ะ
-
ชะรอยหนูริวจะเก็บกด... เป็นเราก็เก็บกดล่ะฟะ!! มีอย่างที่ไหน แสดงอะไรไปไม่ได้ความมั่นใจกลับมาสักอย่าง :serius2:
แต่ก็โทษไผ่ไม่ได้ล่ะนะ คงสับสนกับชีวิตอยู่จริงๆแหละ
ปล.ชักรู้สึกว่ามันหวานปนขมยังไงชอบกล
เห็นด้วย สงสารอิหนูมันจัง T T
ส่วนพี่ไผ่...ที่แท้... . ..สังขารไม่ให้นี่เอง :laugh:
เอ..แต่พี่ไผ่26เองนา - -'' ช่างเต๊อะ เอาเป็นว่าพี่รีบบอกรักหนูริวเร็วๆเน้อ รักกันๆเข้าไว้เนอะ ^^
-
ริวนี่เริ่มที่จะหื่นแล้ว สงสัยไผ่จะรับไม่ไหว
แต่ริวเดี๋ยวนี้อ้อนไผ่ใหญ่แล้ว
สงสารพี่ไผ่หน่อยนะ
-
ริวอ้อนต่อไปนะลูก
พี่ไผ่ใจอ่อนแน่
-
รักกัน รักกัน รู้เพียง เท่านั้น ฮ่าๆ มีความสุข สุุขสมอารมณ์หมาย
-
รู้สึกว่าริวมันหื่นขึ้นทุกตอนนะ :haun4: พี่ไผ่ไปไหนไม่รอดแล้วละ
-
กำลังคิดว่า 3-4วันที่ผ่านมา..ลืมอะไร?
ลืมอ่านริวกับพี่ไผ่สองตอนหลังนี่เอง
มัวแต่ทำงาน.. งานและก็งาน เหนื่อยเหมือนกันนะเนี้ยยย
แต่ก็ได้อ่าน น้องกับพี่ เป็นยาชูกำลังโดยเฉพาะตอนที่แล้ว :pighaun:
ทำเอาเสียเลือดโดยมิรู้ตัว!!
ริวอ้อนได้ใจจริงๆ แต่ก็สงสารพี่ไผ่เหมือนกันนะยังปรับตัวปรับใจไม่ค่อยได้
แถมเจอน้องรุกอย่างรวดเร็วแถมยังหนักหน่วงอีกต่างหาก0_o"
รอลุ้นวันที่พี่ไผ่บอกรักริว :L1:อาจจะได้ของขวัญโดยการได้กดน้องริว
เป็นการตอบแทนก็ได้ :haun5:แอบลุ้นตัวโกร่ง
+1 ขอบคุณครับ
-
จากเสือจะเปลี่ยนเป็นม้าแล้วมั้งเนี้ยเจ้าตัวแสบเอ้ย สงสารพี่ไจริงอะไรจริง :laugh:
-
น่าจะให้พี่ไผ่รุกบ้างนะคะ กำหราบเด็กริวซะบ้าง o18
o13 กดไลค์ 1900 ครั้งให้เม้นท์นี้อ่ะ ป้าไร้ท์เตอร์อ่าาาาาาาาาา
-
ริวเอ้ย!!! ใจร้อนทำรุ่มร่ามเดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก ห้องนั้นมีกล้องไหมเนี่ย
ถ้าหลุดไปนะพี่ไผ่โกรธตายเลย
-
ลูกแมวน้อยกำลังจะกลายร่างเป็นลูกเสือมากเล่ห์ซะแล้ว
ก็อย่างว่า น้องมันยังอยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์อะนะ เอะอะลากเข้าห้องยัน
ตอนนี้เป็นห่วงสะโพกพี่ไผ่ที่สุด อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย (แต่หน้าค่อดเด็ก)
ปล. อยากจะจับตาไวย์มาสามพีกะพี่ตะวัน&พี่ดล แบบว่ามันโดนจริงๆนะ
:laugh:
-
มีความสุขกันจริงจริ๊งงงง :impress2:
-
:z3: โอ้ย เราเปงพี่ไผ่ก้อละลายละวะ อ้อนซะขนาดนี้ :-[ :oo1:
-
จนได้นะริว นิดหน่อยก็ยังดีเนอะ :laugh:
-
:m25: อ่านตอนนี้แล้ว เหอๆๆๆๆ นู๋ริวเป็นแบบเด็กติดเทอร์โบจริงๆ สมกับที่เป็นเด็กอัจฉริยะ
ก้าวหน้า รุกไกลไปหลายเสต๊ป ออดอ้อนแบบนี้ พี่ไผ่ไปไหนไม่รอดแน่ :z1:
ว่าแต่นู๋ริว ไม่คิดมากก็ดีแล้วนะ ไม่ว่าพี่ไผ่ จะให้เพราะรัก เพราะสงสาร หรือเพราะอะไร ขอแค่ได้กอด ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว
มันกินใจมากกกกก :กอด1:
-
กรี๊ดๆๆๆ จิ้มๆๆๆๆๆๆ
ขอตัวไปอ่านแว้บบนึง ฮี่ๆๆๆ :L2:
*************************
น้องขี้อ้อน แอบสงสารน้องง่า เวลาริวตัดพ้อแต่ละที อ่านแล้วอยากจับมานั่งตักแล้วโอ๋ทุกทีเลย
คงเพราะรู้มาตลอดว่าริวทำอะไรเพื่อพสุบ้างที่ผ่านๆมา ตั้งแต่ เริ่มเรื่อง พอน้องน้อยใจเลย อินจัด
แต่อ้อนขนาดนี้แล้วพสุยังไม่หลุดคำว่ารักสักแอะ T^T
ลองจัดหนัก เอาแบบ ไม่แตะ ไม่ง้อ ไม่สนพี่ไผ่บ้างสิหนูริว หึหึหึ เผื่ออะไรๆมันจะเข้าที่เข้าทางขึ้น กร๊ากๆๆ
+ 1 ค๊า :L1: :L1: :L1:
ผมชอบเมนต์นี้จังเลยอยากจับริวมานั่งตักโอ๋ อิอิ
ตอนนี้น้องขี้อ้อนมากเลย
แต่แอบเศร้านิดหน่อยริวรอหน่อยนะถ้าพี่ไผ่ปลดหนี้ริวได้เมื่อไหร่คงได้ยินคำนั้น
หรือไม่ก็ อลันมาพูดกับไผ่เองเลย
ริวได้ยกหนี้ให้เป็นสินสอดไปเลยอิอิ
-
พสุแพ้ทางริวอย่างเห็นได้ชัด :laugh:
-
หุๆ นู๋ริวขี้อ้อนเจงๆน้า :o8:
-
ริวเอ๊ยยยยย ! อ้อนได้อ้อนดี อย่างงี้พี่ไผ่จะไปไหนรอด
เขินนนนนอ่ะ >///<
ริวหื่น เอะอะลากเข้าห้องตลอด ตลอด~
-
น้องริวเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันเลยนะ
แถมยังขี้อ้อนมาก ๆ ด้วย
พี่ไผ่อ่ะจนป่านนี้แล้ว
คำว่า "รัก" ก็ยังไม่ออกมาจากปากพี่ไผ่
น้องริวเค้าน้อยใจน๊า
-
คำว่ารักคำเดียวบางทีมันก็มีความหมายมากมายสำหรับคนที่ได้แต่รอเน้อ...+1 ให้จ้า..
o13
-
คำว่า "รัก" คำเดียวจากพี่ไผ่ ต้องอาศัยความอดทนอย่างมากนะริว มันยากกว่าที่ริวได้กอดพี่ไผ่แบบนี้ซะอีก :m5:
เอาใจช่วยนะคะ หนุ่มน้อย สู้ๆ
-
กด+ให้ริวเลย พี่ไผ่แพ้ทางริวตลอดตลอด
-
นู๋ริว.. รุกให้หนักเลยจ้า... พี่ไผ่ใกล้จะหลุดออกมาแล้วว........
ชอบริวอ้อนจัง.... น่ารักอะ......
แต่พี่ไผ่รีบๆๆบอกรักริวเร็วๆๆนะพี่.. ถึงนู๋ริวจะไม่ได้ชอบคนอื่นแต่ห้ามคนอื่นมาชอบไม่ได้นะ... .
น่ารัก น่ากอดขนาดนี้อะ.... นู๋ริวทำให้พี่ไผ่หึงหน่อยดีปะ..
อะไรๆๆๆ อาจง่ายขึ้นนะ.. ฮาๆๆๆๆๆ
รีบมาต่อเร็วๆๆนะฮับพี่... หนุกๆๆๆ
-
เข้ามารอ :m32:
-
พี่ไผ่ไม่น่าสอนน้องเล่นฟิตเนสกับเล่นกล้ามเลย...55+
ตอนนี้พี่ไผ่สู้ไม่ได้เลยอะคะ...สงสารพี่ไผ่แต่ก็ขำ..
แต่พี่ไผ่คุยกับน้องแบบใจเย็นมากๆอะคะ...น่ารักอะ...^ ^
-
วันนี้จะมามั้ยน้อ~ :กอด1:
-
ปูเสื่อนอนรอ อิอิ
-
โอม.... จงมา~!!!
:call: :call: :call:
-
พี่ไผ่นี่น้าาาาาาาา ปากหนักจริงๆ
-
น่ารักกกกกกกกกกก :m1:
-
บางทีริวก็หื่นเกินไปนะ :try2:
-
คู่ข้าวใหม่ปลามันก็งี้แหละจ้า แต่ในชีวิตจริงยิ่งกว่านี้อีก คริคริ
แถมหนูริวมันอดมาตั้งสองเดือน ก็งี้แหละเน้อ
-
รอด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
-
เพราะเธอคือลมหายใจ เอาใจช่วยเสมอนะครับริวและไผ่ สู้ๆๆๆ :pig4:
-
ว้าวๆ หวานๆ
ว่าแต่อลันเงียบไปเลยนะคะ
หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนี้ให้ต้องเจ็บกันอีกน้า สงสารริวจริง
-
เอาใจช่วยค่ะ :m4:
เมื่อไรพี่ไผ่จะกล้าบอกรักน้า
-
พึ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ แล้วก็ไล่ตามอ่านจนทันละ :เฮ้อ:
เรื่องนี้ ตอนแรกกะจะลองเข้ามาดูๆก่อน แต่อ่านไปอ่านมา มันหยุดไม่ได้อ่ะ
น่ารักมาก ชอบริวสุดๆ เรื่องนี้มันแหวกแนวไปจากเรื่องอื่นที่เคยอ่านมา
ยิ่งอ่านก็ยิ่งติด แต่เราลุ้นมาตลอดเลยอ่ะว่า พี่ไผ่จะเป็นฝ่ายกดหนูริว
เราก็ลุ้นไป พี่ไผ่ก็มัวแต่ไม่ยอมรับ+สับสน สุดท้ายเล่นเอาเราช็อค
หนูริวกดพี่ไผ่ 0*0 กรี๊ดดดดดด :serius2: ที่ลุ้นมาทั้งหมด มันกลับกัน กรรม
ไอ้เรารึอยากจะให้หนูริวมันโดนพี่ไผ่เล่นงานให้หมอบ กลายเป็นพี่ไผ่ซะอีกที่โดนแทน
กรรม ไอ้ที่ไร้เดียงสาของริว หายไปหมดเลยวุ่ย คิดว่าต้องรอให้พี่ไผ่สอน
ไปๆมาๆ อลัน ส่งข้อมูลมาสอนริวซะได้ เฮ้อ...
รักริวมากมาย อยากให้พี่ไผ่รับรักริวด้วย สงสารริว
ทุ่มเทไปมากมาย อยากให้สมหวังจริงๆซะที
ปล.ช่วงนี้ริวหื่นมากกกก ลบภาพตอนแรกที่เราอ่านไปหมดเลย T^T แอบคิดถึงริวคนนั้น
-
:o8: ไม่รู้ใครแพ้ทางใคร :-[
:pig4: :pig4:
-
บอกๆรักน้องไปเถอะ ได้กันมาขนาดนี้แล้วจะกลัวอะไร รอให้ท้องก่อนเหรอพี่ไผ่
-
มานอนรอตอนต่อไปจ้า :t3:
-
เข้ามารอด้วย :L2:
-
อ่านริวตัดพ้อทีไรอยากจะจับมากอดปลอบ
ทั้งน่ารัก น่าสงสารเกินไปแล้ว :m15:
-
พี่ไผ่ก็ยอมวัยรุ่นเค้าหน่อยเหอะนะ :z1:
-
ให้ตายซี่!!! ให้มันได้แบบนี้สิคะ กรี๊ดดดดดดด ขอกรี๊ดหน่อยเถ๊อออ
อ่านไปเขินไป อร๊ายยย เขินแทนพี่ไผ่จริงๆ หนูริวหวานซ๊าหื่นด้วยเหอะ :-[
ขอยกนิ้วให้หนูริวเลยเอ้า เก่ง(กาม)อะไรขนาดนี้ กรี๊ดดดด สมแล้วที่เป็นเด็กอัจฉริยะ
ปอลอกุงเกงลิงมีรู : อลันจ๋า~ หายไปไหนจ๊ะ ช่วยส่งเสียงหน่อย มาต้อนรับลูกสะไภ้ไผ่หน่อยค่า คึคึ
-
ร้องเพลงรออีกคน
-
หวานเกินไปหรือเปล่าค่ะเนี๊ย อ่านแล้วอิจฉาอะ
-
ให้กำลังและรออ่านตอนต่อไปนะครับ :pig4:
-
แค่จะมาส่งข่าวว่า...แต่งจบแร้ว...
:z2: กะลังปั่นภาคพิเศษง้าบ :z2:
ปล.แต่งจบนะค้าบ ไม่ใช่โพสต์จบ...คนแต่งกะคนลงเป็นคนละคนกานนน จิ้มๆ
V
V
V
-
ง่ะ จบแ้ล้วจริง ๆ อ่ะ ม้ายยยยยน้าาาาาาา
แอบจบเงียบๆ คนเดียวหรา แงงง
งั้นรอตอนพิเศษต่อไปปปปปปป
จ๊วบบบบคนแต่งคร้าบ คนโพสด้วย
-
:L1:น่ารักมากเลยอะ... o13
-
อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
ริว!! เด็กบ้า
เขินมากนะเนี่ย นั่งอยู่หน้าจออ่ะ
น้องทำอะไรตรงๆ ซะจนพี่เขินนน
ฮ่าๆๆๆ
ตะวันต้องระแคะระคายอะไรซักอย่างนะ
อยู่ที่จะพูดมั้ย ,,
-
แค่จะมาส่งข่าวว่า...แต่งจบแร้ว...
:z2: กะลังปั่นภาคพิเศษง้าบ :z2:
กรีสสสสสสสสสสส ปร้าแต่งจบแล้วหรออออ เดี๋ยวมาลงตอน 103 ฉลอง
[กระซิบ] ป้าจร๋าาาาาา ขอตอนพิเศษอลันกะคุณมาเฟียได้ป่าววววววว
-
เอ่อออ... คนแต่งกับคนโพสไงกัน
คนอ่านรออยู่ สักทีครับสักที :z1:
*** ขอตอนพิเศษอลันด้วยนะได้โปรดดดด
-
เจอนู๋ริวอ้อนเข้าไป
พี่ไผ่ก็ต้องยอมทุกทีสิน่า
แต่คราวนี้พี่ไผ่รู้ถึงความทุกข์ในใจของริวแล้ว
จะรอให้พี่ไผ่บอกรักออกมาคร่าาาาาา ลุ้นๆต่อไป อิอิ
-
มารอตอน 103 :impress2: :impress2:
-
ลงตอนใหม่ฉลองให้ป้า
:ped149:
******************
ตอนที่ 103
ในฐานะที่เป็นวงน้องใหม่ที่สุดคิสมีจึงรีบไปให้ถึงที่ซ้อมก่อนเวลานัดหมาย ศิลปินหลักส่วนใหญ่จะมากันหมดแล้ว มีเพียงศิลปินรับเชิญเท่านั้นที่ต้องทยอยมาตามเวลานัด เพราะนี่เป็นคอนเสิร์ตที่มีศิลปินรับเชิญมากที่สุดคอนเสิร์ตหนึ่ง โดยเริ่มแสดงตั้งแต่เที่ยงวันและไปจบตอนเที่ยงคืน ศิลปินจึงต้องแบ่งไปตามแนวเพลง คิสมีนั้นอยู่ในช่วงที่ 3 เป็นแนวเพลงรัก มีทั้งจังหวะสนุกสนานและโรแมนติก
พสุ ตะวัน และธีรดล ไหว้ทักทายศิลปินระดับซุปเปอร์สตาร์ที่มารวมตัวกันอย่างตื่นเต้นดีใจ ส่วนคนไหนที่อยู่ในวัยเดียวกันก็ทักทายอย่างสุภาพเพื่อให้เกียรติในฐานะรุ่นพี่ แม้บางคนจะเป็นคนคุ้นเคยกันอยู่แล้วก็ตาม
ริวนั้นรู้สึกเฉยๆ เด็กหนุ่มเคยฟังเพลงมามากก็จริงแต่เขาไม่รู้จักเจ้าของบทเพลงเหล่านั้นนัก ริวแทบไม่รู้จักใครด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มจึงมองทุกอย่างด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้มากกว่าจะตื่นเต้น
“ทั้งพี่ตะวัน พี่ไผ่ พี่ดล เห่อกันจริงจริ๊ง...ไม่เห็นจะต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลย จริงมะริว”
“............” ริวหันไปมองหน้าไวยากรณ์แล้วอมยิ้ม คนไม่ตื่นเต้นปากยังสั่น หน้ายังแดงก่ำ เพราะเมื่อสักครู่ศิลปินหลักของงานท่านหนึ่งเดินผ่านมาและหยุดทักทายคิสมี เห็นได้ชัดว่าไวยากรณ์นั้นตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ฉีกยิ้มกว้างตอนที่ผู้จัดการคนใหม่ของคิสมี ขออนุญาตศิลปินท่านนั้นให้คิสมีถ่ายรูปด้วย
“ยิ้มอะไร” ไวยากรณ์หันมาเห็นรอยยิ้มของริวพอดีก็โวยวายอย่างร้อนตัว
“พี่ไวย์เก่งนะครับ ไม่ตื่นเต้น ขนาดพี่ไผ่ยังตื่นเต้นจนนั่งไม่ติดแล้ว”
“ระดับนี้แล้ว ไม่อยากจะคุย...แม่เจ้า! สวยอะไรขนาดนี้” ไวยากรณ์อุทานเสียงหลงแล้วมองตาค้าง
ริวหันกลับมองตามสายตาไวยากรณ์แล้วชะงัก เมื่อเห็นสตรีสาวสวยที่ยืนสนทนากับพสุอย่างสนิทสนม ขณะที่พสุนั้นดูเกรงใจเธอเป็นอย่างมาก ผมยาวเกือบกลางหลังเป็นเงาเลื่อม ใบหน้าสวยคมนั้นยิ้มพรายสดใส ดึงดูดให้ชายหนุ่มทุกคนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นต้องหันกลับมารุมล้อมเพื่อสนทนากับเธอ
“ไปเร็วริว” ไวยากรณ์ลากแขนริวปรี่เข้าไปหาเพื่อนร่วมวง พอพสุหันมาเห็นริวกับไวยากรณ์ก็ชะงัก แล้วแนะนำให้สาวสวยคนนั้นรู้จักทั้งคู่
“พี่ทาร่า ครับ นี่ไวยากรณ์กับริว สมาชิกอีกสองคนของคิสมีครับ...”
“สวัสดีครับ”
ริวไหว้เธอโดยอัตโนมัติ แม้เธอจะดูอ่อนเยาว์สดใสแต่ทุกคนก็ดูเกรงใจเธออย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดีครับ...ว้าว! คิสมีเนี่ย รวมหนุ่มหล่อไว้ทุกสไตล์จริงๆ นะ” ทาร่า ทักเสียงใส แล้วหันมายิ้มหวานให้ริวกับไวยากรณ์ก่อนจะขอตัวแยกไปเมื่อเจ้าหน้าที่มาเชิญให้เธอไปซ้อมเพลง
“เดี๋ยวเจอกันบนเวทีนะไผ่”
“ครับ”
ริวหันไปมองหน้าพสุแต่ไม่กล้าถามอะไรเพราะยังมีคนอื่นร่วมสนทนาอยู่ด้วย เด็กหนุ่มได้คำตอบทันทีที่ทาร่าซ้อมเพลงเดี่ยวเสร็จ
พสุแยกขึ้นไปบนเวทีเพื่อคุยกับทาร่าและทีมงานอีก 3-4 คน เจ้าหน้าที่วิ่งเอาไวโอลินมาให้นักดนตรีรับเชิญท่านหนึ่ง แล้วเพลง “เพียงเพราะรัก” ก็บรรเลงด้วยเสียงไวโอลินล้วนๆ จังหวะถูกลดให้ช้าลงและคีย์เสียงก็ปรับสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้พอดีกับเสียงของทาร่า น้ำเสียงกังวานใส ทรงพลังของทาร่าและพสุสะกดให้ทุกคนหยุดฟังอย่างสนใจ ทั้งๆ ที่เพิ่งร้องด้วยกันเป็นครั้งแรก แต่ความเป็น “มืออาชีพ” ทำให้ดูกลมกลืน ลื่นไหล และ...เซ็กซี่...
ริวใจกระตุกเมื่อพสุกับทาร่าเอื้อมมือมาจับกัน ชายหนุ่มชูมือที่กุมกันไว้ขึ้นสูง ทาร่าหมุนตัวเข้าหาแล้วซวนซบลงบนแผ่นอกของพสุ เป็นจังหวะที่ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาพอดี ใกล้...แม้ไม่ถึงกับสัมผัสกัน แต่ดวงตาจ้องมองกันนิ่งกลับทำให้บรรยากาศคุกรุ่นด้วยไอร้อน....
เสียงปรบมือ เสียงเป่าปากแซวดังสนั่น ทาร่ากับพสุถึงได้ถอยห่างจากกัน ทีมงานวิ่งขึ้นไปส่งผ้าขนหนูให้ทาร่าเช็ดหน้า เธอหันไปพยักหน้าหัวเราะกับพสุอย่างพอใจ ขณะที่ฝ่ายออกแบบท่าเต้นวิ่งขึ้นไปคุยกับพสุและทาร่าอีกครั้ง
ริวคลายมือออกช้าๆ เพิ่งรู้ตัวว่าเขากำหมัดอยู่แน่นแค่ไหน ทั้งๆ ที่รู้ว่านี่เป็นเพียงการแสดง แต่ก็ยังเจ็บปวดในอกจนแทบทนไม่ได้ เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกเมื่อเห็นพสุกับทาร่าถอยไปประจำที่ แปลว่าจะเริ่มซ้อมเพลงนี้กันใหม่อีกครั้ง ริวหันหน้าหนีก็เจอกับตะวันพอดี
“พี่ตะวันครับ...ริวไปห้องน้ำนะครับ” ริวบอกตะวันเพราะไม่มีแก่ใจจะมองหาผู้จัดการของวง ที่คงอยู่ตรงไหนสักแห่งแถวนี้
“รีบๆ นะริว พี่ทาร่าซ้อมเสร็จก็เป็นคิวของเราแล้ว” ตะวันเตือนแต่สายตายังจ้องบนเวทีเขม็ง
“ครับ” ริวรับคำแล้วเหลือบมองบนเวที แม้จะอยู่ห่างขนาดนี้เด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ทันทีถึงสายตาของพสุ ทำให้ริวต้องเร่งฝีเท้าแทบเป็นวิ่ง เขาไม่อยากให้พสุตำหนิได้ว่าแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานไม่ออก จึงต้องหนีออกไปทำใจให้พ้นๆ ไม่อยากเห็นพสุกอดคนอื่นอีกต่อไปเพราะไม่รู้ว่าจะทนได้สักแค่ไหน...
ริวออกมาที่สวนหย่อมนอกฮอล แล้วทรุดลงนั่งชันเข่าขึ้นกอด ในอกร้อนจัดจนเหมือนจะลุกไหม้ หึง หวง โกรธเกรี้ยวจนอยากตะโกนออกมาดังๆ ในหัวยังมีแต่ภาพของพสุกับทาร่า
ผิวนั้น...มือนั้น...อ้อมแขนนั้น...เป็นของๆ เขาแท้ๆ ทำไมถึงต้องถูกคนอื่นสัมผัส เด็กหนุ่มกัดกรามกรอด มือที่โอบรอบเข่าบีบรัดแน่นจนเจ็บ เพื่อระงับพายุความหึงหวงที่พัดวนอยู่ในอกให้ลดระดับลง
“มันคือการแสดง มันคือการแสดง อดทนไว้ริว ทนไว้” เด็กหนุ่มพร่ำเตือนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนิ่นนานกว่าจะระงับความโกรธเกรี้ยวลงได้ ริวพยายามนึกถึงเพลงที่ต้องร้องเพื่อให้ไม่ฟุ้งซ่าน นึกถึงหน้าตัวโน้ตทีละตัวเพื่อลบภาพบาดใจออกจากสมองแม้จะยากเย็นสักแค่ไหนก็ตาม
โทรศัพท์มือถือสั่นเตือน ทำให้ริวรีบกดรับสายโดยไม่ทันมองหน้าจอ
“ริว...อยู่ที่ไหน” น้ำเสียงร้อนรนด้วยความห่วงใยของพสุทำให้อาการเดือดพล่านในอกลดระดับลงเล็กน้อย
“...อยู่ข้างนอกครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบ
“มิน่า พี่มาตามที่ห้องน้ำก็ไม่เจอ เข้ามาได้แล้วครับ ถึงคิวเราซ้อมแล้ว” น้ำเสียงอ่อนเบา นุ่มนวลเหมือนยาที่ช่วยชโลมใจให้คลายความเจ็บปวด แต่กลับยิ่งทวีความรู้สึกหวงแหนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
“ครับ” ริวรับคำแล้วเดินกลับเข้าไปข้างใน เด็กหนุ่มเดินเลี่ยงเมื่อเหลือบไปเห็นทาร่ากับผู้จัดการส่วนตัวกำลังเดินมาทางนี้เช่นกัน ริวเดินอ้อมไปขึ้นเวทีอีกด้าน คนอื่นๆ ในวงกำลังปรับตั้งเครื่องดนตรีต่างหันมาพยักหน้าให้เมื่อริวไปถึง
ริวไม่กล้าเหลือบไปมองพสุเพราะเกรงจะระงับอารมณ์ไม่อยู่ นาทีนี้เขาอยากกอดพสุแน่นๆ อยากกลืนกินพสุไว้ในอก เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่มาแตะต้องของๆ เขาอีก แต่ในเมื่อเป็นไปไม่ได้ ก็ทำได้เพียงอดทนเอาไว้เท่านั้น พอเด็กหนุ่มเข้าประจำหลังกลองการซ้อมก็เริ่มขึ้น
ริวเพิ่งรู้ว่าจะมีศิลปินอีกคนมาร้องด้วยในเพลงสุดท้ายของคิสมี เป็นศิลปินท่านเดียวกับที่หยุดทักทายพวกเขาตอนมาถึงนั่นเอง และศิลปินท่านนี้จะรับช่วงแสดงต่อจากคิสมี พอหมดคิวซ้อม คิสมีก็ลงจากเวที แต่ยังไม่รีบกลับเพราะทุกคนยังอยากดูศิลปินท่านอื่นๆ ซ้อมเพลงต่ออีก แม้จะพยายามควบคุมเวลาแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังเกินเวลาไปชั่วโมงกว่าๆ ทีมงานจึงต้องประชุมกันต่อ เพื่อหาวิธีควบคุมเวลาให้ลงตัวกว่านี้ เพราะยังเหลือเวลาซ้อมใหญ่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้
พสุเหลือบมองริวบ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าริวรู้สึกยังไง เด็กหนุ่มหึงหวงเขา แต่นับว่าริวมีความเป็นมืออาชีพมากพอที่จะไม่แสดงออกมา แม้จะดูเงียบกว่าปกติ แต่ด้วยความที่คนอื่นๆ กำลังตื่นเต้นกับการได้เจอศิลปินในดวงใจและได้ฟังเพลงสดๆ จากศิลปินเหล่านั้นจึงไม่มีใครทันได้สังเกต
รถตู้ของบริษัทแวะส่งพสุกับริวก่อน ทันทีที่เข้าไปในห้องนอน ริวก็พุ่งเข้ามากอดพสุแน่นจนแทบหายใจไม่ออก...
“ริว...พี่เจ็บ” พสุเตือนเสียงนุ่ม แต่ไม่ดิ้นรนขัดขืนให้เป็นการยั่วยุอารมณ์ของริวมากกว่านี้
“ริวก็เจ็บ!...เจ็บจะตายอยู่แล้ว” ริวเค้นเสียงตอบด้วยอาการคล้ายคำราม เด็กหนุ่มกัดกรามกรอด ดวงตาที่เคยสดใสขุ่นมัวด้วยความเกรี้ยวกราดหึงหวง วงแขนโอบรัดรอบตัวพสุแน่นยิ่งขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก
“ริวครับ ปล่อยพี่ก่อนได้มั๊ย พี่เจ็บจริงๆ นะ”
“ไม่!...”
“ริว! อย่าทำแบบนี้สิ...ริว” พสุพยายามห้าม แต่ริวไม่ยอมฟัง เด็กหนุ่มดึงเสื้อผ้าออกจากตัวพสุอย่างรวดเร็ว แล้วกดร่างของชายหนุ่มลงบนเตียงก่อนจะโถมกายทาบทับ
“เดี๋ยวสิริว ใจเย็นๆ ฟังพี่ก่อน”
“พี่ไม่ต้องพูด ริวรู้ แต่ริวหึง!...ริวหวงด้วย ของๆ ริวนะ! ทำไมคนอื่นต้องมาแตะต้องพี่”
“ริวครับ...อื้อ” คำปลอบโยนถูกกลืนหายไปในจูบร้อนรน พสุจำต้องปล่อยให้ริวกอดจูบเพื่อระบายความโกรธเกรี้ยวหึงหวงออกมาเสียก่อน ตอนนี้อารมณ์ริวกำลังแรง คงไม่ยอมฟังง่ายๆ พสุสะท้านเยือกทั้งตัวเมื่อเด็กหนุ่มขบกัดบนยอดอกเขาแรงจนเจ็บแปลบ แต่เมื่อเด็กหนุ่มดูดดึงเบาๆ กลับเสียวซ่านจนอารมณ์เขาตื่นเตลิด
“ของๆ ริวนะ...พี่เป็นของริว...” ริวพร่ำบ่นงึมงำในลำคอ ทุกครั้งที่แนบปากลงดูดชิมไล้เลียบนผิวอุ่น
“ริว! อย่า!...” พสุดันหน้าท้องของเด็กหนุ่มไว้ เมื่อริวสอดแขนเข้าช้อนน่องเขาขึ้นสูง
“วันนี้...อย่า...เอ่อ...อย่าเข้ามาได้มั๊ย พรุ่งนี้เป็นวันซ้อมใหญ่...พี่กลัวจะไม่ไหว...นะครับ” พสุขอร้องด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา ทั้งที่รู้ตัวดีว่าถ้าริวขืนจะทำเขาก็ไม่มีปัญญาห้ามปรามอยู่แล้ว
ริวกัดปากแน่นก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วกลิ้งตัวหนีไปชิดขอบเตียง พสุมองตามอย่างงงๆ ไม่คิดว่าริวจะยอมง่ายๆ แต่ริวก็ยอม ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นนั่ง จ้องมองแผ่นหลังที่สั่นระริกของเด็กหนุ่มอย่างไม่สบายใจ พอเขาเอื้อมมือไปแตะ ริวก็สะดุ้งสุดตัว
“อย่า!...ขืนพี่แตะ ริวต้องทนไม่ได้แน่เลย...” ริวปฏิเสธเสียงสั่น แล้วนอนตัวแข็งทื่อ
พสุรีบละมือออกมาแล้วก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ รอ ไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่ครู่ใหญ่ๆ ชายหนุ่มถอนใจยาว แล้วหยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่ปลายเตียงมาสวม ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆ ริว ลองแตะไหล่เบาๆ เพื่อทดสอบดูปฏิกิริยา
“ริวครับ...หันมาคุยกันดีๆ ได้มั๊ย”
ริวยอมหันกลับมา ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกายวาววับด้วยความโกรธเกรี้ยว หึงหวง
“ริวครับ มันแค่งานนะ” พสุอธิบายเสียงอ่อนเบาอย่างงอนง้อ
“ริวรู้ แต่ริวก็ยังหึงอยู่ดี” ริวตอบแล้วเม้มปาก ก้มหน้างุด
“แล้วพี่จะทำงานกับคนอื่นได้ยังไงละครับ” พสุถามเสียงอ่อน ริวเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งแล้วโถมเข้ามากอดซุกหน้ากับอกพสุ
“ขอโทษนะครับ...แต่ริวหวงพี่นี่...ริวรู้สึกเหมือนโดนไฟเผา ทุกครั้งที่เขาแตะตัวพี่ หรือพี่แตะตัวเขา...มันทรมานนะ...ทรมานมาก...จะให้ริวทำยังไงกับความรู้สึกนี้ดี...พี่บอกริวได้มั๊ย!”
พสุตอบไม่ได้เช่นกัน จะห้ามไม่ให้ริวหึงหวง ก็เหมือนห้ามไม่ให้ริวรักเขานั่นแหละ มันจะห้ามกันได้อย่างไร เขาเองก็เคยลิ้มรสชาติความหึงหวงมาแล้วว่ามันทรมานเพียงใด แต่จะปล่อยให้ความหึงหวงมามีอิทธิพลจนกระทบไปถึงเรื่องงานแบบนี้ไม่ได้ ยังไงเสียทั้งเขาและริวก็ต้องปรับตัว ปรับใจ เพื่อรับกับสิ่งที่ตามมาในอนาคต
“ยังไงเราก็ต้องพยายามทำใจนะครับ...ตราบใดที่เรายังอยู่ในวงการนี้ เรายังต้องร่วมงานกับคนอื่นๆ อีกมาก เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่ให้ใครแตะต้องตัวเลย”
“ถ้า....” ริวทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่กลับหยุดชะงักคำไว้ แล้วนิ่งไปจนพสุสงสัย
“ครับ? ริวจะพูดอะไร?”
“เปล่าครับ...” ริวปฏิเสธแล้วเลื่อนหน้าขึ้นไปจูบไซ้บนซอกคอขาว เด็กหนุ่มเกือบหลุดปากบอกให้พสุออกจากวงการนี้เสียที เขาจะได้ไม่ต้องมาคอยหึงหวงทุกครั้งที่มีคนเข้าใกล้พสุแบบนี้อีก
แต่เขาพูดไม่ได้ เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพสุรักการร้องเพลงแค่ไหน หากพูดไปก็เหมือนบีบให้พสุเลือกระหว่างตัวริวกับการร้องเพลง ซึ่งเด็กหนุ่มแน่ใจว่าพสุจะต้องเลือกร้องเพลงอย่างแน่นอน....
พอคิดมาถึงตรงนี้ริวก็ยิ่งยอกแสยงในใจ เด็กหนุ่มกอดพสุแน่นยิ่งขึ้นพยายามเตือนตัวเองให้ใจเย็นลง ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะเสียพสุไปอย่างที่อลันเคยเตือนก็ได้
อาการนิ่งขึงของริวทำให้พสุรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่อยากตอบคำถาม จึงไม่คิดจะคาดคั้นอีก แต่ถึงริวไม่พูด ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกน้อยใจ ผิดหวัง และเสียใจ ผ่านอ้อมแขนและลมหายใจที่เป่ารดใบหน้า
“ริว...อดทนนะครับ ท่องเอาไว้ว่านี่คือการแสดง...ยังไงพี่ก็กลับมาให้ริวกอดทุกครั้งนี่นา” ชายหนุ่มพูดประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเก้อเขินนิดๆ แต่ริวตาเป็นประกายวาววับอย่างยินดี เด็กหนุ่มเงยหน้าจากต้นคอของพสุมาจ้องหน้าเขาแทน
“งั้น...ถ้าต่อไปพี่ทำให้ริวหึง ริวจะถือว่าพี่อนุญาตให้ริวกอด”
“อ้าว! ไหงงั้น” พสุอุทานแล้วขยับจะถอยหนี แต่ริวล็อคตัวเขาไว้แน่น
“ไม่รู้แหละ ทุกครั้งที่ริวหึง ริวก็จะกอดพี่ ชดเชยกับที่ริวต้องเสียใจ” ริวทำเสียงเง้างอด แต่ดวงตาเป็นประกายขี้โกงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องเลย อย่ามาเจ้าเล่ห์”
“พี่จะทนเห็นริวเสียใจได้เหรอ...หืม? ทนได้เหรอ” ริวทำเสียงอ้อนพร้อมแหวกเสื้อคลุมของพสุออกอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มไม่ทันได้ปัดป้องก็ถูกดันลงนอนบนเตียงอีกครั้ง ร่างสูงตามติดทาบทับลงมาจนเขาแทบขยับตัวไม่ได้
“คืนนี้ขอริวนะ...นะครับ” ริวกระซิบขอแล้วยกน่องพสุขึ้นเกี่ยวรอบเอวก่อนจะเบียดลงกอดชายหนุ่มไว้แน่น
“แต่พรุ่งนี้...”
“ริวจะทำเบาๆ” ริวตอบแล้วปิดปากพสุกันคำปฏิเสธ เพียงจูบไฟปรารถนาที่เหมือนจะมอด ก็กลับคุกรุ่นแล้วลุกโหมแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
พสุสูดหายใจลึกเมื่อเลือดในกายถูกปลุกเร้าจนเดือดพล่าน ถึงอย่างไรริวก็สัญญาแล้วว่าจะทำเบาๆ หวังว่าพรุ่งนี้เขาจะไปซ้อมได้โดยไม่ทรมานมากนัก...
…………………………………………….
คอนเสิร์ตใหญ่แห่งปีผ่านพ้นไปด้วยความสำเร็จ สร้างความประทับใจให้กับผู้ชม จนมีเสียงเรียกร้องให้จัดใหม่อีกครั้ง ซึ่งทางผู้จัดงานก็รับปากว่าจะขอปรึกษากับทีมงานและศิลปินหลักทั้งหมดอีกครั้ง
สำหรับคิสมีแม้จะเป็นเพียงนักร้องรับเชิญ แต่ผลพวงจากความสำเร็จของคอนเสิร์ต ก็ทำให้คิวงานแทรกเพิ่มขึ้นมาจนพสุกับริวไม่สามารถเดินทางไปพร้อมทีมงานของกองละครพี่จ๋าได้ สองหนุ่มต้องบินตามไปในวันรุ่งขึ้นแทน
‘บรรยากาศที่นั่นออกจะเป็นใจ ถือซะว่าไปฮันนีมูนก็แล้วกัน อย่าลืมอุปกรณ์เสริมที่ผมให้ไว้ล่ะ แล้วอะไรๆ ที่ผมแนะนำไปน่ะ หัดใช้จริงซะบ้างนะ แค่ทฤษฏีน่ะ มันสู้ลงมือปฏิบัติไม่ได้หรอก........เดวิด’
ริวกลั้นยิ้มจนแก้มบุ๋มกับข้อความในเมล์ที่หมอเดวิดส่งมาให้ หลังจากที่มารักษาพสุในครั้งนั้น ริวกับหมอเดวิดก็ติดต่อกันทางเมล์มาตลอด เด็กหนุ่มต้องการคำปรึกษาและหมอเดวิดก็เหมาะสมที่สุด ทั้งในฐานะแพทย์และในฐานะที่หมอเดวิดเป็นเกย์ นอกจากคำแนะนำที่เหมาะสมกับมือใหม่อย่างริวแล้ว หมอเดวิดยังมีแง่คิดดีๆ หลายอย่างในการใช้ชีวิตคู่มาแนะนำริวอยู่เสมอ
เด็กหนุ่มชำเลืองมองกระเป๋า ‘อุปกรณ์เสริม’ ที่หมอเดวิดให้มาอยู่ในนั้นทั้งหมด แม้จะไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสได้ใช้ แต่ริวก็อดติดกระเป๋ามาด้วยไม่ได้
ริวสะดุ้ง รีบปิดโน้ตบุ๊คแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆ พสุก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา
“ริว...ไปอาบน้ำสิ จะได้นอนพัก...เฮ้อ! หรูขนาดนี้ไม่รู้คืนละเท่าไหร่ คุณเขมนึกยังไงถึงให้โบนัสแพงๆ แบบนี้”
ได้บินระดับเฟิร์สคลาส เข้าพักโรงแรมหรูหราระดับ 5 ดาวกลางมหานครนิวยอร์ค ยังไม่รวมรถรับส่งของโรงแรมที่คอยบริการตลอดเวลา ทำให้พสุออกปากขอยกเลิกกับพี่จ๋าด้วยความเกรงใจ แต่กลายเป็นว่าทั้งหมดนี้เขมชาติเป็นคนจัดการ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้โบนัสพสุกับริว ก่อนที่จะกลับมาลุยงานหนักอีกครั้งที่เมืองไทย
แม้จะเป็นเหตุผลที่ฟังดูแปร่งๆ แต่พสุก็ไม่รู้จะหาเหตุอะไรไปคัดค้าน และดูเหมือนมีแต่เขาที่ไม่สบายใจ เพราะริวดูเฉยๆ กับสิ่งเหล่านี้ราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ริวเก็บโน้ตบุ๊คใส่กระเป๋า แล้วโถมเข้าไปปล้ำกอดหอมพสุบนเตียง ชายหนุ่มร้องเฮ้ยเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ปัดป้องจริงจังเท่าไหร่ ทำให้ริวได้ใจถือโอกาสจูบพสุไปหลายรอบกว่าจะยอมไปอาบน้ำ
..............................................
-
อร๊ายยย
ฮันนีมูนหวานชื่นรื่นรมย์
-
ดีใจจังได้อ่านแล้ว เหมือนจะเห็นพัฒนาการในทางที่ดีของไอ้หนูริวแล้ว หุๆๆ
อ้อ มีที่ปรึกษาปัญหาสุขเพศอีกตะหาก กร๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
+1 นะคะที่รัก
-
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆชอบจังเวลาริวเป็นแบบนี้กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นึกย้อนไปถึงตอนที่ได้อ่านแรกแล้ว ภาพน้องริวเด็กขาวซีดตัวผอมแห้ง หายไปจากสมองเลยอ่ะ อุกรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
หวานนนนนนนนนนนนนนนนนน :-[
กันออกหน้า ออกตาเกินไปนู๋ริว
อย่างงี้พี่ไผ่ ช้ำในตายกันพอดี :a5:
-
ลุ้นฉากฮันนีมูนหวานๆ :-[
-
+1
-
น้องริวหึงทีไรจับพี่ไผ่กดทุกที อิอิ
อร๊ายยยยย
ไปฮันนีมูนขอหวาน ๆ น๊า
ว่าแต่อุปกรณ์เสริมที่น้องริวเอาไปเนี่ย
คืออะไรหว่า จะได้ใช้กับพี่ไผ่มั้ยน๊า หุ หุ
-
ริวนี่เด็กจริงๆเลยแหะ
แต่ยิ่งแบบนี่ไผ่ยิ่งแพ้ทาง
เสร็จตลอด :z1:
-
ดีจังยังไม่นอน
มีหึงหวงด้วย น่ารักอ่ะ
ฮันนีมูน แบบไม่รุ้ตัว พสุเอ้ยยย ริวเจ้าเล่์จนนายตามไม่ทันแล้ววว
-
มันหวานน่าชื่นใจอยู่ แต่กลัวๆจัง ไม่อยากให้ต้องมีน้ำตากันอีก เรื่องของริวมันยังดูไม่กระจ่าง มันเหมือนมีอะไรติดๆอยู่ก็ไม่รู้แหะ หรือว่าเราคิดมากไปเองน๊าาา :serius2:
-
แพ้ทางให้ริวอีกแล้วพี่ไผ่เอ๊ยยย !
อย่าทำให้น้องหึงบ่อยล่ะ เพราะพี่นั่นแหละจะแย่ซะเอง
ริวเอะอะจับกอด ๆ แต่พี่ไผ่ก็แอบยอมน้องล่ะว้าาาา ~
ฮันนีมูน คงหวานน่าดู
-
:z1: :z1: :z1: น้องริวตลอดเลยนะ >o<
-
ริวนี่เจ้าเล่ห์แสนกลขึ้นทุกวันนะเนี่ย
ถนอมพี่ไผ่ด้วยลูก :o8:
-
จะจบแล้วเหรอ
อีกกี่ตอนละ จะได้ทำใจ
แต่ขอตอนพิเศษเยอะนะ
ริวเจ้าเลห์ขึ้นทุกวัน
-
ริวของเรา แอบร้ายนะเนี่ยๆ จัดหนักๆ
-
หุหุ อยากรู้อุปกรณ์เสริม 5555
-
“พี่จะทนเห็นริวเสียใจได้เหรอ...หืม? ทนได้เหรอ”
>>>เดี๋ยวนี้ริวชักจะกล้า มีการขู่ด้วย แถมมาทำงาน(แบบแอบฮันนีมูน)ยังแอบขนอะไรข้ามประเทศมาอีกต่างหาก o3
-
:-[เขาหวานกันดีเนอะ หึงบ่อยๆนะริว พี่ชอบ
กลับบ้านไปฮันนีมูนนน
ขอบคุณค่ะ
-
ริวเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เพราะรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองได้มากขึ้น (รึปล่าว) 555+
สู้ต่อไปนะหนูริว o13
-
:-[ :o8: :impress2: ที่สุดอ่าาา รอฮันนีมูนเลยยย
:pig4:
-
อยู่ในช่วงฮันนีมูล :haun4:
ริวหึงได้แบบว่า..กลัวแทนอ่ะ ว่าต่อไปถ้าริวระงับอารมณ์ไม่ได้มันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมั้ยน้อ?
ไหนจะความจริงของริวที่พี่ไผ่ยังไม่รู้อีก ทำไมมองเห็นแววดราม่ามารำไรหว่า? (หรือจะเป็นแค่ตูข้าที่คิดไปเอง :serius2:)
-
มาเยือนถิ่นเก่าริวแล้วซินะ
อลันจะมาให้เห็นป่าวเน้อ(แอบอยากเจอ)
และก็รอตอนหวานๆ ฮันนีมูนของริวไผ่ด้วย :o8:
-
:impress2: :impress2:
-
+1 อิอิ
แต่,,,ขอต่อไว ๆ น๊าา
ฮันนีมูน ทริป เอิ๊กๆๆ
-
ระหว่างงานกับริว พสุก็เลือกงานอยู่ดี เห้อ ริวกลับบ้านเหอะ ไปดูหุ้นบ้างอะไรบ้าง
เดี๋ยวบริษัทจะเจ๊งเอา เจ้ยยย ไม่ใช่ละ พี่ไผ่อยู่ไหน ริวก็ต้องอยู่กับพี่ไผ่อยู่แล้ว เนอะๆๆๆๆ
ปล.พอรู้ข่าวว่าต้นฉบับ แต่งจบแล้ววว ก็ดีใจ ดี๊ด๊า
แต่ก็แอบใจหาย
จะจบแล้วจริงๆหรอเนี่ยยย :sad11: :sad11:
+ 1 ค๊า
-
งอแง อยากอ่านอีกๆๆ
กำลังสนุกเลยอ่ะ มาต่อไวไวนะคะ
ตอนนี้ริวก็ได้กำไรทั้งขึ้นทั้งล่องแล้วสิ หึงก็ได้กอด 555
-
เหมือนตอนนี้จะตัดห้วนๆยังไงไม่รู้ค่ะ
:เฮ้อ:
-
ฮันนีมูนหวานๆ ชอบจังงงงง
-
wowwww Honey Moon Trip @ New York....
อยากรู้จักว่า ทริปนี้จะหวานกันขนาดไหน.. ฮาๆๆๆ....
แต่พี่ไผ่อะนะ... ห่วงงานจังเว้ยเห้ย.. น้องริวหึง หวงจะแย่อยู่แล้ว.
คราวนี้มานิวยอร์กกกกกกก.. จะเจออลันอะป่าวเนี้ย..... (นู๋ริวทำงานบ้างนะลูก..เด๊ยวอลันก็เหวี่ยงใส่แย่เลย.. อาๆๆ)
พี่แต่งเสร็จแล้วเหรอเนี้ย... รู้สึกใจหายมากๆๆเลยอะ..
อยากรู้ตอนจบแต่ก็อยากอ่านต่ออีกหลายๆๆตอนอะ..
แล้วรีบมาต่อนะฮํบพี่..
-
อะ อะ ริวจ๋าขนอะไรมาบ้างละนั้น พี่ไผ่รู้จะยินยอมให้ใช้หรือเปล่าจ๋ะ
-
:haun4:ริวหึงเเรงขนาดนี้ ตามใจน้องหน่อยนะ.. ช่วงข้าวใหม่ปลามัน o18
-
ช่วงนี้ฉากสวีทตัดไปโคมไฟบ่อยนะคะ ^^'' หวังว่าฉากฮันนีมูนจะจัดเต็มนะคะ อิอิอิ :impress2:
-
:z1: :z1: :z1:
-
สงสารไผ่ หนูริวฮึกอย่างกับกระทิงแบบนี้ ถึงตายได้!!!!
-
อยากเห็นริวงัด'อุปกรณ์เสริม' ออกมาใช้จริงๆ หึหึ
-
ริวกลายเป็นเด็กขี้หวงอย่างมากเลย
ใครโดนไผ่นี่ไม่ได้เลยนะ สงสัยต้องผูกติดกันแล้ว
แต่นี้เหมือนไปฮันนีมูนไผ่จะเหลือเหรอ
ริวยิ่งนับวันความหื่นยิ่งกระจายอยู่
กดบวกให้แล้วนะค่ะ
-
:mc4:กรี๊ดดดดด ฉลองไปฮันนิมูน
:mc4: :mc4: :mc4:ฉลองที่แต่งจบแล้ว
ชั่วระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี จากเด็กน้อยริว เติบโตมาเป็นหนุ่มน้อยริวของพี่ไผ่ได้อย่างสง่างาม โดยเฉพาะช่วงปีหลัง
ุรุกได้ใจมากกกก :กอด1:
-
นิวยอร์ก...ถิ่นริวเลยนี่นา งานนี้ไม่ต้องรออลันบินไปไทยแต่ริวพาพี่ไผ่บินมาหาอลันถึงที่เลยสิเนี่ย :-[
หวานเนอะ :z1:
-
หนูริวของเราโตแล้ว
จากเด็กน้อยคอยมองจากทัวี
คอยตาม มาตอนนี้มีหึง และเอะอะก็จับพี่กด
-
ริวเจ้าเล่ห์แบบนี้เพราะเดวิดสินะ!กะแล้วเชียว มีพัฒนาการในการขู่มากขึ้นด้วยแฮะ
ว่าแต่อุปกรณ์นั่นน่ะ ถ้าใช้จริงระวังไผ่เคืองข้ามเดือนนะเออ...
-
ริวนี่รู้สึกจะหื่น เอ้ย!ขี้หวง ขี้นทุกวันนา 555+ ไปฮันนีมูนกันดีๆน้าทั้งสองคน^^
-
ให้กำลังใจเสมอนะครับ ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี :pig4:
-
:z3:อิจฉาจัง
-
ว้ายย กลับรังไอ้เสือ
-
ขี้หึงเสียจิงเรยริว
แต่ก้อยังดีที่ไม่ได้หึงจนเสียงา
ไม่งั้นทะเลาะกันยาวววว
^____^
-
เดี๋ยวนี้น้องริวเสน่เหลือล้นมากค่ะ อ๊ายยยยยยยยยย แซ่บอีหลีสุดๆ
ดูริวโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย ชอบบบบบ ส่วนพสุ ถ้าเลือกริวกับเพลง....อืม เพลงแหงๆจริงๆด้วย สงสารริวจังT^TT
ว่าแต่ไอ้ฮันนี้มูนนี่ ริวออกเงินใช่ไหมคะคุณเขมชาติ555 รวยจริงจริีง ถ้าพสุรู้ว่าริวรวยแค่ไหนจะเป็นไงน๊อออออ
-
มาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์นี่เอง อิจฉา อิจฉา
-
เมื่อก่อนริวออกจะใสซื่อแต่ตอนนี้หึงขึ้นมาที่จับพี่ไผ่กดตลอด :laugh:
-
โอ๊ย อ่านถึงตอนนี้แล้วมันซึ้งมากค่ะ o7
ในที่สุด หนูริวก็ได้รักกับพี่ไผ่ จากที่คอยมองผ่านทีวีข้ามประเทศ
จนตอนนี้ ความรักของหนูริว ในที่สุดก็สำเร็จ สุดยอดมากๆๆ
คุณ Anonymus คะ ประทับใจในการแต่งของป้าจริงๆค่ะ T^Tv
อยากอ่านตอนพิเศษของอลันบ้างอ่ะเ๊ค๊อะั คงจะอาบเลือดเยอะ :haun4:
-
ช่างเป็นเด็กที่เอาแต่ใจจริงๆเลยน้า หนูริว แต่ยังดีที่เก็บอาการไว้ได้
Ps. กระทืบLikeให้คุณหมอเดวิดเลยค่ะ คุณหมอแจ่มแจ๋วมาก!!
-
ริวสู้ๆ :z2:
-
+ 1 ปลื้มหมอ 5555
-
บางทีก็อยากพาอีหนูริวไปบำบัดอาการเสพย์ติดพี่ไผ่นะเนี่ย
ขี้หวง แถมยังหื่นอีกต่างหาก แต่ก็น่าเอ็นดูอยู่ในทีนะ :z1:
-
o18 :กอด1: ชักรักหมอเดวิดขึ้นมาจับใจแล้วสิ ก๊ากกกก
ริวแม่งหื่นได้อีก :z1:ก๊ากกกก สงสารพี่ไผ่ไม่รุ้เรื่องไรเลยอะ :m20:
-
ถึงตอนนี้จะเป็นไปได้ด้วยดี แต่แอบกลัวๆ
เรื่องที่ริวปิดพี่ไผ่ไว้ อะไรต่างๆนาๆ อย่าดราม่าเลยนะคะ
เอ ริวจะได้ใช้อุปกรณ์มั๊ยน้า ^^
-
ชอบๆ
-
พี่ไผ่นี่ตามใจน้องจริง ๆ ไม่เคนขัดเลยหน้ารักจัง :o8:
:pig4:คะ
-
รออ่านตอนฮันนีมูนจ้า
หวังว่าคงหวานจนน้ำตาลในเลือดพุ่งปรี๊ดนะคะ
-
อยากรู้จังริวพกอะไรไปด้วย
สงสัยต้องเป็นของที่พี่ไผ่ของเราไม่ชอบแน่ๆเลย :z1:
เอาใจช่วยนะคะ
-
สุดท้ายก็จบที่เตียงตลอด สงสารพสุบ้างอะไรบ้างนะริว คนรับนะเจ็บกว่าเสอม
-
รอดูอุปกรณ์ที่แพทย์แนะนำ :jul3:
-
อ้ายยยย..... :-[หวานนนนนนซ้า
ไรเตอร์คนดี น่ารักที่สุด ตอนนี้ถูกใจมากมาย :mc4: หุหุ...
-
ก็เข้ใจว่าหนูริวยังวัยรุ่นความต้องการสูงแต่บ่อยๆพี่พี่ไผ่ได้ช้ำในแน่เลย แถมอารมณ์หึงหวงนี่ปรี๊ดตลอด
ตอนนี่พี่ไผ่อ่อนลงแล้วริวก็ต้องรู้จักคุมใจไว้บ้างเน้อ...แล้วตอนนี้กึ่งๆฮันนีมูนเนอะ o13
+1ให้จ้า
-
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ^^ (ดูจากบอร์ดแนะนำ)
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่านจนตาแฉะเลย
แต่พออ่านจบตอนนี้รู้สึกคิดผิด ไม่น่าอ่านเลย น่าจะรอให้จบก่อนแล้วค่อยอ่าน
ค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบเรื่องสไตล์นี้ที่สุดเลยค่ะ
เรื่องยาว ปูพื้นฐานความสัมพันธ์เป็นเวลานาน
ริวมีพี่ไผ่คนเดียวมาตลอด5ปีที่ฝึกภาษาไทยกับเวลาที่ได้อยู่กับพี่ไผ่จริงๆ
(ตั้งแต่ยังไม่รู้ใครรุกใครรับจนระบุได้><)
ทำให้เวลามาม่ากันนี่ คนอ่านใจจะขาดตาม
อีกเรื่องที่ชอบมากๆคือ สมเหตุสมผลดีค่ะ ไม่เกินไป
ไม่ทำให้หงุดหงิดว่าแบบ อะไรมันจะบังเอิญๆๆๆๆๆๆๆๆขนาดนี้
บางเรื่องนี่หงุดหงิดจนเลิกอ่าน ทนไม่ไหวแล้ว
ส่วนมากเรื่องแนวๆนี้ ชอบประมาณว่า ปูพื้นเรื่องว่ารักมาก
แต่บางฉากอยู่ๆกลับแคร์ตัวร้ายมากกว่าซะงั้น
ทำให้เกิดเรื่องบังเอิญๆๆๆๆแบบเว่ิอร์ๆ เพื่อให้เรื่องไปถึงไคล์แมกซ์
แต่เรื่องนี้คนแต่งแต่งดีมากเลยค่ะ
อย่างตอนตัวร้ายหลายๆตอน ไม่ว่าจะแพรพลอยหรือชินกี
ริวก็ยังคงคอนเซปต์เดิม ไม่แคร์ใครนอกจากพี่ไผ่
ประทับใจมากๆ
ชอบจริงๆค่ะ ค่อยๆดำเนินเรื่อง ปูพื้นฐานความรู้สึกและความสัมพันธ์ของตัวละคร
ไม่ใช่แนวกูมึงหาสาระใดๆไม่ได้ หรือแต่งๆให้ไปถึงไคล์แมกซ์อย่างเดียว
ตอนนี้ติดเรื่องนี้งอมแงมเลยค่ะ ไปไหนไม่รอด
รออ่านตอนต่อไป
ขออย่าให้มีมาม่ามาบ่อยๆเถิด อิ่มค่ะ><
-
หึหึ มารอฉากเรียกเลือดครับ ฮ่าๆๆ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เดี๋ยวนี้นู๋ริวหัดเจ้าเลห์เนอะ พี่ไผ่จะไม่รักทนได้เหรอเนี่ย +1
-
คุณหมอให้อุปกรณ์อะไรไว้บ้างอ่ะ รีบ ๆ เอามาใช้ให้หายสงสัยเร็ว ๆ นะริว :z1:
คืนนี้นะคะ :call:
-
เจ้าริวชักร้ายกาจขึ้นทุกทีๆ :haun4:
-
กดบวกให้ทั้งนักเขียนและคนโพสค่ะ
หนูริวนายนี่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านจริงๆ
รักแรง หึงแรง(แต่ต้องเก็บอาการ)
ตอนหน้าก็ได้มาอยู่กันตามลำพังอีกแล้ว
หนักใจแทนพี่ไผ่จริงๆ :z1:
-
กรี๊ดดดดดด
ฮันนีมูนนนนนนน
แถมยังมีอุปกรณ์เสริมด้วย
555
เขินแทนพี่ไผ่!!!!
-
ฮันนีมูนๆ อิอิ :-[
ว่าแต่อุปกรณ์เสริมมันคืออะไรอ่ะ :o8:
-
ริวจะมีโอกาสได้ใช้อุปกรณ์เสริมที่หมอเดวิสให้มาหรือเปล่านะ
แค่คิดก็ :haun4:
-
คืนนี้จะมามั๊ย :haun4: :haun4:
รอรอรออออ..... :laugh:
-
:impress2:
-
อยากอ่าน
-
ดีใจจังได้อ่านแล้ว เหมือนจะเห็นพัฒนาการในทางที่ดีของไอ้หนูริวแล้ว หุๆๆ
อ้อ มีที่ปรึกษาปัญหาสุขเพศอีกตะหาก กร๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
+1 นะคะที่รัก
"สุขเพศ"
อ่านรีพลายของคุณนายแล้วดิฉันเผลอปล่อยก๊าก...
ก็แหม...ศัพท์บัญญัติของคุณนายนี่ มัน..โด๊น..555
แปะ แปะ แปะ ขอปรบมือให้น้องริว หนูโตขึ้นมากลูก
หนูเอาชนะอารมณ์นี้ได้ แม้มันจะยากมากกก ก็เถอะ (ก็ครั้งแรกอ่ะนะ)
เมื่อฝึกบ่อยๆเข้า เดี๋ยวหนูก็เป็นมืออาชีพแล้ว
-
ไหนๆก็ยังไม่ถึงเวลานอน เข้ามาส่องซะหน่อย
รอ รอ รอ :L1:
ป.ล.
Insert Quote
Quote from: PEENAT1972 on 03 April, 2011, 12:26:21 AM
ดีใจจังได้อ่านแล้ว เหมือนจะเห็นพัฒนาการในทางที่ดีของไอ้หนูริวแล้ว หุๆๆ
อ้อ มีที่ปรึกษาปัญหาสุขเพศอีกตะหาก กร๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
+1 นะคะที่รัก
"สุขเพศ"
อ่านรีพลายของคุณนายแล้วดิฉันเผลอปล่อยก๊าก...
ก็แหม...ศัพท์บัญญัติของคุณนายนี่ มัน..โด๊น..555
กดlikeให้สุขเพศด้วยฮับ >w< ตรงตัวเป๊ะจริงๆ o13
-
เข้าใจว่าน้องริวโตตามวัย o22
แต่หื่นเกินไปม้ายย :laugh:
สงสารพี่ไผ่เบาๆ :o8:
-
รอลุ้นช่วงฮันนีมูน :z1:
-
เพิ่งจะเริ่มเข้ามาอ่านตอนแรกค่ะ
ขอบอกว่าตอนแรกก็น่าติดตามแล้ว
-
ฮันนี่มูนคราวนี้ ริแอบมีอุปกรณ์เสริมมาด้วย จะหวานขนาดไหนน้า
-
คึคึ สมใจใครบางคนแถวๆ นี้แน่เลย ฮันนีมู๊น ฮันนีมูน :haun4:
-
หวังว่าคื้นนี้จะมานะ :z1:
-
รอร้อรอ คืนนี้มานะครับ
-
คืนนี้มามั้ยน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
-
น้องริวยังไม่มาเหรอออ
อยากเห็นน้องริวเล่นของเล่นกะพี่ไผ่ 555
-
หวาน ๆ :-[
-
:call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call:
:call: :call:
:call:
:call:
-
:call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call: :call:
:call: :call: :call:
:call: :call:
:call:
:call:
o13
-
ว้าวววว ช่วงฮันนิมูน
เก็บเกี่ยวให้เต็มที่เลยนะนู๋ริว
ว่าแต่ไอ้อุปกรณ์เสริมที่ว่านี่มันอะไร
รอเฉลยคร่าาาาาาาาาาา
-
รอด้วย รออีก ถ้าไม่มาเราไม่นอน 5555555555555555555555555+
-
สงสัยวันนี้คงไม่มาแล้วมั้ง :sad4:
-
เค้าหวานกันแล้วมันแบบ
:-[
แล้วอยากแอบไปดูอ่ะว่าอุปกรณ์เสริมมันคืออะไร
+1 จ้า
-
:z3: :z3: :z3: :z3:
-
รอ รอ รอออออออออออออออออออออออออออออ
-
มารอ ,, เหมือนกัน ^^
-
มาเข้าแถวรอน้องริวกับพี่ไผ่ค่ะ
-
มาต่อคิวรอพี่ไผ่กะน้องริว
-
ตอนที่ 104
การถ่ายทำเป็นไปอย่างเรียบร้อยและรวดเร็วกว่าทิ่คิด พี่จ๋าจึงคิดจะเลี้ยงปิดกล้องละครที่นี่เสียเลย ถ้าไม่เพราะบอร์ดบริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์เสียชีวิตกะทันหัน พี่จ๋าและทีมงานทั้งหมดจึงต้องรีบกลับไปร่วมงาน มีเพียงชเนตตีเท่านั้นที่บินไปเที่ยวยุโรปกับคนรัก จึงเหลือแต่พสุกับริวที่ยังไม่ตกลงใจว่าจะเลื่อนเที่ยวบินหรือจะกลับตามกำหนดเดิม
“พี่...เรายังไม่ต้องรีบกลับได้มั๊ย” ริวถามทันทีที่กลับเข้าถึงห้องพักหลังจากแยกกับพี่จ๋าและทีมงาน เด็กหนุ่มตามไปกอดคลอเคลียพสุด้วยความสุขที่ได้อยู่กันตามลำพังเสียที
“หืม? ทำไมล่ะ” พสุหันกลับมา ก็ถูกจูบดูดดื่มอยู่ครู่หนึ่ง ริวถึงยอมปล่อยปากเขาเป็นอิสระ
“ริวอยากไปเที่ยวก่อน นะครับ...นะ”
“อยากไปไหนละครับ” พสุถามเสียงอ่อนโยน
ตลอดสัปดาห์แห่งการถ่ายทำที่เร่งด่วน ริวไม่เคยแตะต้องเขามากไปกว่าจูบและกอดเขาไว้แน่นๆ ทุกคืนเท่านั้น ทั้งที่ร่างกายของริว “ฟ้อง” อยู่ทุกคืนว่าเด็กหนุ่มต้องการอะไร แต่ริวก็ไม่เคยเอ่ยปากขอสักครั้ง ซึ่งถ้าเด็กหนุ่มขอ เขาก็คงไม่ขัดใจแน่นอน
“ไม่รู้สิครับ แค่อยากไปไหนๆ กับพี่ อยากเดินเที่ยว...ไปกินข้าว...ไปซื้อของ...อยากจับมือ...อยากกอด...อยากทำทุกๆ อย่างโดยไม่ต้องระวังสายตาใคร...ถ้าอยู่เมืองไทย พี่ก็ต้องระวังตัวแจ...แต่อยู่ที่นี่ไม่มีใครรู้จักเรา เราจะไปไหนจะทำอะไรก็ได้”
พสุนิ่งอึ้ง เถียงไม่ออกเพราะความจริงเป็นเช่นนั้น อยู่เมืองไทยเขาต้องระมัดระวังตัวตลอดเวลา ไม่กล้าแสดงอะไรออกนอกหน้านัก แต่มาอยู่ที่นี่เขากับริวเป็นอิสระจากสายตาของนักข่าวและประชาชน
“อืม...ก็ได้นะ พี่เองก็อยากไปเยี่ยมครูภิรมย์ด้วยเหมือนกัน พอเยี่ยมครูเสร็จ เราก็ไปเที่ยวกันต่อ...พี่ให้ริวเลือกนะว่าอยากจะไปไหน” พสุตอบยิ้มๆ เขาอยากทำอะไรให้ริวบ้าง แม้สิ่งนั้นจะเล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับความรักความห่วงใยที่ริวมีให้เขามาตลอด
“จริงนะครับ...พี่ใจดีที่สุดในโลก” ริวหัวเราะก้อง แล้วหอมแก้มพสุแรงๆ จนชายหนุ่มต้องจับแก้มดึงยืดนั่นแหละ ริวถึงยอมปล่อยเขา เด็กหนุ่มรอจนพสุเข้าไปอาบน้ำจึงต่อสายหาอลันให้ช่วยหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวให้…..
“ริวรีบไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวจะได้ออกไปเช่ารถกัน” พสุเตือนเมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วพบว่าริวยังนอนเล่นโน้ตบุ๊คอยู่บนเตียง
“ไม่ต้องหรอกครับ ริวจัดการแล้ว”
“หืม...เช่ารถนะเหรอ?”
“ครับ เดี๋ยวคงได้อ่ะ” ริวตอบแล้วคว้าผ้าขนหนูเดินฮัมเพลงเข้าห้องน้ำไป ขณะที่พสุได้แต่มองตามงงๆ
เมื่อลงไปที่ห้องรับรองชั้นล่าง ริวนั่งรอที่เก้าอี้รับแขก ส่วนพสุไปแจ้งชื่อที่เคาน์เตอร์เพื่อขอเช็คเอาท์ ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งพร้อมด้วยพนักงานยกกระเป๋าของทางโรงแรมเดินตรงรี่มาที่ริว พสุขยับตัวทันทีด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่ทันได้เตือนชายคนนั้นก็ค้อมกายให้ริว แล้วยื่นของบางอย่างให้เด็กหนุ่มก่อนจะรีบร้อนกลับไป ขณะที่พนักงานสองคนก็ยกกระเป๋าของเขาและริวตามออกไปติดๆ
“ใครเหรอริว” พสุถามแล้วมองตามหลังไปอย่างสงสัย ขณะที่ริวเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่เขาเดินเข้ามาหา
“คนของอลันครับ เอารถเช่ากับมือถือมาให้” ริวอธิบายพร้อมกับชูโทรศัพท์มือถือในมือให้ดู พสุชะงักเมื่อเห็นโทรศัพท์เครื่องนั้นถนัดตา ตัวเครื่องบางเฉียบเหมือนโทรศัพท์ทั่วไป แต่เสาอากาศหน้าตาประหลาดบ่งบอกว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นระบบโทรผ่านดาวเทียม
“พี่ก็ลืมไปว่าริวมีญาติอยู่ที่นี่...งั้นก็ไปกันเถอะ”
“ครับ...ริวขับให้นะ”
“เอาสิ” แม้พสุจะมีใบขับขี่สากล แต่เขาก็ไม่ค่อยคุ้นกับรถพวงมาลัยซ้ายมากนัก พอริวอาสาเขาจึงไม่ขัดคอ
รถแบบสเตชั่นแวกอน จอดเทียบรออยู่แล้วที่หน้าโรงแรม พนักงานของโรงแรมค้อมหัวแทบจรดพื้นตอนยื่นกุญแจรถให้ริว
“กระเป๋าอยู่ท้ายรถครับท่าน”
ริวพยักหน้ารับ ขณะที่พสุยื่นเงินทิปให้พนักงาน แล้วขึ้นไปนั่งฝั่งผู้โดยสาร ชายหนุ่มกางแผนที่ออกดูเพื่อบอกทางให้ริว เพราะก่อนหน้านี้เขาโทรไปถามคุณภมรเรียบร้อยแล้ว
..........................................................
คุณภมรให้การต้อนรับพสุกับริวด้วยความยินดี พสุเข้าไปคุกเข่าตรงหน้ารถเข็นของครูภิรมย์แล้วก้มกราบลงบนตักของท่าน มือเหี่ยวย่นสั่นเทาลูบหัวพสุเบาๆ อย่างปราณี
“ตอนครูมา...ไผ่ตัวนิดเดียว...ตอนนี้เป็นหนุ่มแล้ว รูปหล่อซะด้วย เห็นเจ้ามรมันว่าเป็นดาราด้วยเหรอเรา” ครูภิรมย์ถามด้วยน้ำเสียงพร่าเครือไปบ้างตามวัย แม้จะอายุถึง 80 กว่าปีแล้วแต่ครูภิรมย์ก็ยังดูสดใส โดยเฉพาะดวงตาที่ดูไม่ฝ้ามัวเหมือนคนวัยเดียวกัน
“ครับ”
“เออ เลือดศิลปินมันเข้มข้นนะลูกนะ แล้วเจ้าหนูนี่ใคร?”
“ริวครับ เพื่อนร่วมวงของผมเอง”
ริวกราบบนตักครูแบบเดียวกับที่พสุทำ เรียกสายตาประหลาดใจแกมพอใจจากครูภิรมย์ได้ทันที
“เดี๋ยวนะ คนนี้หรือเปล่าที่เอาเพลงครูไปแต่งใหม่”
“ครับครู”
“เก่งจริงๆ นะ ครูได้ฟังเพลงแล้ว ขอบใจมากนะไผ่ที่เอาเพลงครูไปใช้ ยังคิดว่าไม่มีเจ้าเทพแล้ว เพลงมันคงตายไปพร้อมๆ กับครู...” สีหน้าสดใสหม่นวูบลงทันทีเมื่อเอ่ยถึงพรเทพ ถึงอย่างไร ครูภิรมย์ก็รักพรเทพเสมือนเป็นลูกแท้ๆ จึงไม่อาจทำใจยอมรับการจากไปได้ง่ายนัก
พสุบีบหัวเข่าครูภิรมย์เบาๆ แล้วส่งยิ้มให้ท่าน ครูภิรมย์ถอนใจเฮือกใหญ่แล้วตบหลังมือพสุเบาๆ ก่อนจะหันมาคุยกับริวอีกครั้ง
“ครูไม่คิดเลยนะ ว่าเพลงนี้จะกลายเป็นเพลงร่วมสมัยได้ แถมยังฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองอีก...ทุกครั้งที่ได้ฟัง มันชื่นหัวใจ...ขอบใจมากนะริว”
“ครับ”
“ผมคุยกับพี่เผ่าไว้ครับ ว่าอยากทำลูกกรุงแท้ๆสักอัลบั้ม อยากเอาเพลงที่ครูแต่งทั้งหมดไปใช้ พี่เผ่ากำลังคุยกับครูผดุง ว่าจะให้ท่านมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้...ครูอนุญาตให้เราทำอัลบั้มนะครับ”
“เอาเลยลูก...ครูดีใจที่เพลงทำนองเก่าๆ ของคนแก่ใกล้ตาย จะได้มีคนเอามาใช้...ดีจริงๆ” ครูภิรมย์ยิ้มน้ำตาคลอเบ้าด้วยความยินดี ตอนที่รู้ว่าพสุเอาเพลงของตนเองมาแต่งเป็นเพลงใหม่ก็ดีใจมากแล้ว ไม่คิดว่าเด็กรุ่นใหม่อย่างพสุจะคิดทำเพลงลูกกรุง ไม่ว่าอัลบั้มนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ไม่สำคัญเท่ากับเพลงที่ท่านแต่งไม่ได้ตายไปพร้อมกับท่าน
“พอเพลงเสร็จ ผมจะส่งแผ่นมาให้ครูฟังก่อนนะครับ”
“ขอบใจลูก ขอบใจ” มือเหี่ยวย่นลูบหัวพสุเบาๆ ก่อนจะเช็ดน้ำตาด้วยความสุข
เมื่อภมรย้อนกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงบิดาหัวเราะดังก้อง ดูเหมือนท่านกำลังเล่าเรื่องของเพื่อนเก่าๆ สมัยยังอยู่เมืองไทยให้พสุกับริวฟัง ซึ่งหลายคนก็ยังคงอยู่ในวงการเพลง ในฐานะครูเพลงที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
แม้จะย้ายมาตั้งรกรากอยู่ที่อเมริกาหลายสิบปีแล้ว แต่หัวใจครูภิรมย์ก็ยังเป็นคนไทยเกินกว่าจะทำใจได้ ท่านยังคิดถึงและโหยหาแผ่นดินไทยอยู่ตลอดเวลา คุณภมรจึงตกลงกับภรรยาไว้ว่าจะพาท่านกลับมาเยี่ยมเมืองไทยบ่อยๆ
หลังจากคุยสัพเพเหระกันอยู่ครู่ใหญ่ พยาบาลพิเศษก็เข้ามารับตัวครูภิรมย์ไปพักผ่อน แม้ท่านจะดูมีความสุข แต่ก็เห็นได้ชัดว่าท่านอ่อนเพลียมากแล้ว
“พ่อไม่ได้หัวเราะเสียงดังๆ แบบนี้มานานแล้ว ขอบใจมากนะไผ่ ริว ที่ทำให้พ่อมีความสุขขนาดนี้” ภมรเดินโอบไหล่พสุกับริวออกมานั่งคุยกันที่ห้องโถงด้านหน้า ผนังโดยรอบตกแต่งด้วยรูปถ่ายสมัยที่ครูภิรมย์ยังทำวงดนตรีลูกกรุงอยู่ที่เมืองไทย แสดงถึงความผูกพันของครูภิรมย์กับดนตรีที่ถ่ายถอดมาถึงภมร ภาพเหล่านี้ถึงถูกนำมาตกแต่งห้องที่ต้องใช้รับรองแขกเหรื่อ
“ผมสิครับต้องขอบพระคุณครู ที่แต่งเพลงดีๆ ไปให้ ถึงพ่อจะไม่ได้อยู่ร้องเพลงของครู แต่ผมจะไม่ปล่อยให้เพลงดีๆ เสียเปล่าเด็ดขาด” พสุพูดด้วยน้ำเสียงติดจะเศร้านิดๆ เมื่อเอ่ยถึงบิดา ริวเห็นคุณภมรขยับเหมือนจะพูดอะไรแล้วก็กลับนิ่งเสีย คงเพราะมีเขาอยู่ด้วยทำให้ไม่สะดวกจะพูด จึงขออนุญาตเดินดูรูป ปล่อยให้ภมรสนทนากับพสุตามลำพัง
“กลับไปผมคงต้องลุยทำอัลบั้มที่ 3 ควบคู่ไปกับทำอัลบั้มลูกกรุง ตอนนี้ก็อยู่ที่ว่าครูผดุงจะตอบรับมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้เราเมื่อไหร่เท่านั้นเองครับ”
“นี่จะทำเร็วๆ นี้เลยเหรอเนี่ย อายังคิดว่าอีกนานเสียอีก”
“ผมไม่อยากรอครับ อนาคตเป็นของไม่แน่นอน ที่ผ่านมาผมมัวแต่รอจนพลาดทำสิ่งที่ควรทำไปหลายอย่าง ตอนนี้พอคิดอะไรได้ ผมถึงต้องรีบลงมือทำทันที ไม่อยากพูดคำว่า “รู้อย่างนี้” อีกแล้วครับ”
“อาเชื่อมือไผ่นะ...แต่อย่าหักโหมจนป่วยไปล่ะ รักษาสุขภาพด้วย” ภมรเตือนแล้วตบไหล่พสุเบาๆ
“ครับ” พสุยกมือไหว้ขอบคุณ รู้สึกอบอุ่นใจที่ภมรและครูภิรมย์ให้ความเมตตาเสมือนเขาเป็นลูกหลานจริงๆ
“รูปนี้สวยจัง...ที่ไหนครับคุณอา” ริวถามขึ้นมาหลังจากรู้สึกว่าพสุกับภมรหยุดคุยกันสักครู่แล้ว
“อ๋อ...บ้านริมทะเลสาบที่ Lake Dillon โคโลราโด ปกติอากับครอบครัวจะไปพักที่นั่นทุกปีเพราะที่นั่นสวยมาก แต่บ้านมันเล็กไปหน่อย เมื่อก่อนตอนลูกยังเล็กๆ ก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่พอพวกเด็กๆ โตขึ้น ก็เลยกลายเป็นว่าคับแคบไป เวลาไปทั้งครอบครัว ก็ต้องอาศัยนอนที่หน้าเตาผิงกัน ก็...สนุกสนานไปอีกแบบ แต่ปีนี้คงไม่ได้ไปเพราะสุขภาพคุณพ่อไม่เหมาะที่จะเดินทาง...จริงสิ! ถ้าไผ่กับริวไม่รีบกลับเมืองไทย ไปพักผ่อนที่นี่ได้เลยนะ ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักหรอก ถ้าจะให้สะดวกต้องขับรถไปเอง...รถของอาจอดไว้ที่สนามบินโคโลราโด เอาไปใช้ได้เลย”
“ขอบคุณมากครับ แต่..”
“ได้เหรอครับ! เอ่อ...”
พสุกับริวพูดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน แต่คนละความหมาย ริวหันไปยิ้มหน้าแหยกับพสุเมื่อได้ยินว่าพสุจะปฏิเสธ
ขณะที่พสุเองก็ชะงักไปเมื่อเห็นท่าทางเสียดายของริว
“ฮะๆๆ ไปได้แน่นอนริว เอาน่าไผ่ไม่ต้องเกรงใจ รับรองว่าสวยและสงบมาก ถือเสียว่าเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าจากอาก็ได้” ภมรบอกพร้อมกับตบไหล่พสุเบาๆ ชายหนุ่มจึงหันไปยกมือไหว้
“ขอบคุณมากครับ”
“อ้อ! แล้วรถนี่เช่ามาละสิ ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวอาให้คนเอาไปคืนให้จะได้ไม่ต้องเสียค่าเช่า”
“แต่..” พสุอึกอัก เพราะรถคันนี้ผู้ปกครองของริวเช่ามาให้ แต่ไม่รู้จะปฏิเสธความหวังดีของภมรยังไง
“ไม่มีแต่ เชื่ออาสิ ไปที่โน่นก็ใช้รถที่บ้านอานั่นแหละ นอกจากสะดวกแล้วนะ คนแถวนั้นเขาคุ้นกับรถอา ไปทางไหนถ้าจะจอดก็ฝากได้ทุกบ้าน เห็นป่ะ รถเจ้าถิ่นเชียวนา”
“ขอบคุณมากครับคุณอา”
“ไม่เป็นไร รอแป๊บนะ” คุณภมรหายไปในห้องทำงาน ครู่เดียวก็ออกมาส่งแผนที่บ้านพักกับกุญแจรถให้พสุ
“อาโทรไปสั่งคนดูแลบ้านให้เขามาทำความสะอาดให้แล้ว ก่อนจะเข้าบ้านแวะซื้อของสดไปทำกับข้าวกินด้วยล่ะ เพราะที่นั่นสะดวกทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องอาหาร ถ้าจะหุงข้าวก็ต้องซื้อข้าวสารเตรียมไปด้วยเลย...แต่ถ้าทำอาหารไม่เป็น ก็ต้องขับรถเข้าไปกินในเมืองนะ มีร้านอาหารรสชาติดีอยู่สองสามร้าน ถามคนดูแลบ้านก็ได้”
“ขอบคุณครับ”
.........................................................
ริวขับรถออกจากสนามบินโคโลราโด ขณะที่พสุคอยบอกทางตามแผนที่ แต่เพราะบ้านอยู่ไม่ไกลจากถนนจึงหาเจอไม่ยากนัก แม้บ้านจะอยู่ห่างจากตัวเมืองมาไม่มาก แต่กลับสงบเงียบและสวยเสียจนเหมือนบ้านในนิทานมากกว่าจะเป็นบ้านพักจริงๆ พอไปถึงคนดูแลบ้านก็เอากุญแจมาให้และชี้ให้ดูโรงเก็บฟืนก่อนจะกลับไป
พสุกับริวเดินสำรวจบ้านด้วยความตื่นเต้น ตัวบ้านเป็นแบบ Log home ชั้นเดียว ห้องโถงกลางเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด หน้าเตาผิงปูพรมหนานุ่มสีขาวสะอาดผืนใหญ่ ฟืนในเตากำลังลุกไหม้ให้ความอบอุ่นกระจายไปทั่วห้องโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องทำความร้อน ห้องนอนตั้งเตียงขนาดคิงไซส์ไม่กว้างมากนัก แต่สะดุดตาที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ มองเห็นทะเลสาบได้ชัดเจน ห้องน้ำตั้งอยู่ระหว่างห้องนอนกับห้องโถง ตรงข้ามเป็นห้องครัวเล็กๆ และโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6 คน
รอบๆ บ้านมีต้นไม้ที่ปล่อยให้โตตามธรรมชาติไม่ได้ตัดแต่ง แต่ก็ดูสะอาดตาไม่รกเรื้อ ด้านหลังบ้านเป็นลานโล่งทอดตัวลงไปหาท่าน้ำ มีเรือพายผูกไว้ที่ท่า 1 ลำ
“บ้านสวยจังครับ” ริวพึมพำอย่างตื่นตาตื่นใจ
“อืม...สวยจริงๆ”
“โห...เห็นทะเลสาบเป็นสีน้ำเงินเลย”
“มาช่วยกันขนของเถอะ เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน” พสุเตือนยิ้มๆ แล้วเปิดท้ายรถเพื่อยกของ
“ครับ”
ริวยกกระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บในห้อง ขณะที่พสุเอาของสดเข้าตู้เย็นและเตรียมอาหาร เด็กหนุ่มเห็นอย่างนั้นเลยอาสาขนฟืนจากโรงเก็บเข้าไปในบ้าน
พสุตรวจค้นดูจนทั่วห้องครัวแต่ไม่พบหม้อหุงข้าว จึงตัดสินใจทำอาหารง่ายๆ แค่ข้าวต้มกับไข่เจียว และหมูทอด พอริวขนฟืนเสร็จก็ตามเข้าไปในครัวเพื่อช่วยเป็นลูกมือแต่พสุไล่ให้ไปอาบน้ำ
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วมองรอบๆ ห้องน้ำอย่างพึงพอใจ อ่างน้ำทรงสี่เหลี่ยม กว้างขนาดที่สามารถลงแช่ได้ 2 คนสบายๆ ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง ฝักบัวอยู่ชิดผนังด้านในสุด ขณะที่ส่วนของชักโครกตั้งอยู่ด้านซ้ายมือมีกระเบื้องแก้วใสๆ กั้นพรางตาให้เป็นสัดส่วน ตู้ฝังผนังด้านขวาแขวนเสื้อคลุมและผ้าขนหนูเป็นเซต สะดวกและสบายดุจโรงแรมหรูมากกว่ากระท่อมน้อยริมทะเลสาบ
ริวอาบน้ำแต่งตัวอย่างไม่พิถีพิถันนัก เพราะอยากออกไปช่วยพสุทำกับข้าว แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าพสุกำลังเจียวไข่เป็นรายการสุดท้าย เพราะหมูทอดกับข้าวต้มนั้นทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มหันไปจัดจานสำหรับตัวเองและพสุ พอพสุยกจานไข่เจียวมาสมทบทั้งคู่จึงลงมือจัดการอาหาร ‘ฝีมือพี่’ กันทันที
................................................
*********************
แม่ยกเก็บสำรองเลือดไว้ตอนหน้านะขอรับ
: 222222:
-
จิ้ม :กอด1:
.....................
อยากมีบ้านแบบนั้นซักหลัง...ท่าทางคุณอาจะรวยมาก ๆ เลยอ่ะ
ริวสร้างซักหลังไว้มาอยู่กับพี่ไผ่นะ...ตอนหน้า :z1:
รอค่ะ :call:
-
:z1: จะสำรองไว้มากๆจ๊ะ รอนะตัวเอง :pighaun:
:pig4: :pig4:
-
ว้าว ๆ พี่ไผ่กับหนูริวมีฮันหนี้มูนกันเสียที
แม้ๆๆๆ ขอฉากแจ่มๆๆซะหน่อยเถอะ
เดี๋ยวหนูขอไปขึ้นเครื่องก่อนนะเค๊อะ จะรีบไปแอบตั้งกล้องแล้วก็ซ่อนใต้เตียงเค๊อะ
-
สั้น :serius2: :serius2:
-
เฮ้ออออ ช่วงนี้มีความสุขจัง^^
หวังว่าพายุร้ายคงยังไม่พัดเข้ามานะ..
ปล.กรี๊ดกร๊าด ต้องรีบไปสำรองเลือดแล้วค่า
-
แม่ยกเก็บสำรองเลือดไว้ตอนหน้านะขอรับ
ชิ! o12
รอตอนหน้าคะ อยากรุ้ว่าหนูริวจะเล่นกะพี่ไผ่ยังไง
-
สำรองเลือดเพื่อตอนหน้ากันเลยทีเดียว รับทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดค่ะ
-
:L2: +1 ค่ะสำหรับน้องริวกับพี่ไผ่ :L2:
ในที่สุดก็ตามอ่านทันเป็นปัจจุบัน :mc4: ชอบมากค่ะ ขอสมัครเป็นแฟนคลับคิสมีอีกคนนะคะ o13
-
ว้ายยยยยย เดอะ เลค เฮ้าส์ :m1:
-
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
เพิ่งอ่านค่ะ
สนุกมากๆๆ
ริวเป็นที่รักมั่นคงมากๆ
-
โอ้..อ่านตอนนี้รู้สึกสัมผัสได้กับความสุขที่แผ่ซ่านรอบๆตัว
จะทำตามที่แนะนำค่ะ และรอนะคะ
-
เล่นประกาศธนาคารเลือดล่วงหน้ากันเลยรึคนเรา 555
-
จะชมของดีต้องใจเย็นๆ ใช่มั้ย :m26:
แต่ว่าตอนหน้านี่อีกกี่วันครับ
ขนาดตอนนี้...รอไป 3 วัน เหมือนรอเป็นสัปดาห์
มันทรมานใจคนอ่านเหลือเกิน
+1 บำรุงร่างกายเต็มที่สำหรับตอนต่อไป :oo1:
-
เร็วไปใหมถ้าบอกว่าเตรียมตัวพร้อมแล้ว
-
+1 สำหรับทริปโรแมนติค
-
อยู่ในโลกของเราสองคนก็พอแล้ว
เนาะ :man1:
-
แทบรอตอนต่อไปจนทนไม่ไหวแล้วค่ะ.....
ฮันนีมูนทริปจริงๆๆ >///<
-
สำรองเลือด โฮะๆ ปิดปากหัวเราะ
><
ตอนนี้เหมือนสั้นๆนะ??
สงสัยตอนหน้าจะจัดเต็ม ฮ่าๆๆ
ทำเอาอยากฟังเพลงวงนี้ขึ้นมาจริงๆเลยค่ะ !!
-
ทำไมไม่รู้อ่ะ
พอหวานจัด แล้วเรากลับตั้งหน้าตั้งตารอว่า เมื่อไหร่มันจะมาม่า :sad4:
โรคจิตไปแล้วตู!!!! o22
-
วันนี้คอมเจ๊งหลายรอบ แต่ก็ยังพยายามเม้น เพื่อชาบูตอนฮันนีมูนของริวกะพี่ไผ่ :L1:
สองคนมีความสุข คนอ่านก็มีความสุขไปด้วย :-[
-
บ้านแลดูอบอุ่น อยากมีไว้ซักหลังจริงๆ
ตอนหน้า >.,< ขอรับบริจาคเลือดไว้ก่อนได้ไหม๊ ?
กลัวสำรองไม่พอ ~
-
เตรียมเลือดรอตอนต่อไป :laugh:
-
กระท่อมน้อยริมทะเลสาป
สถานที่ฮันนีมูน~อ่า ช่างโรแมนติก
น้องริวจ๋าจัดเต็มไปเลยนะ
ตอนนี้อยู่กันแค่สองคน
ไม่ต้องระวังว่าใครจะเห็นแล้ว
รอตอนหน้าอย่างจดจ่อ
พร้อมเลือดอีกถุงใหญ่ อิอิ
-
มาแบบไหนไม่ว่า
แต่อย่าดาม่าแล้วกัน
พอแล้วละ ขอแบบมีความสุขปนน้อยใจหน่อยๆก็พอ
-
จัดหนักมาเลยค่ะ
พร้่อม !!!!!!!!!!!!!
อิอิ
ริวอาจหงอให้พี่ไผ่ยังกะแมว แต่กะคนอื่นริวนี่แบบว่าสิงโตชัด ๆ
-
บรรยากาศเป็นใจเนาะริวเนาะ คิคิ
ต้องรีบไปสำรองเลือด กะ เตรียมทิชชู่แล้ว
-
รับทราบ
อิอิอิ
-
ไรเตอร์เกริ่นให้อยากแล้วจากไป :haun4: :haun4: :haun4:
-
เตรียมเลือดไว้รอฉาก...อีก3-4วัน
หมดฟีล :undecided:
-
:กอด1:แหม กลับมาอ่านอีกทีแล้วมีความสุข..........
-
รอตอนหน้า คงหวานน้ำตาลหยด :z1: :z1:
-
อ่าาา เลือดพร้อม ผ้าเช็ดเลือดพร้อม ตั้งตารอฉากเสียเลือด โฮก :pighaun: :pighaun:
-
เลือดพร้อมแล้วครับ ตอนหน้ามาเร็วๆนะ
-
บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข ดีจัง
เดี๋ยวจะรีบไปสำรองเลือดไว้ล่วงหน้า ริวคงได้งัดของเล่นในกระเป๋าออกมาใช้จนจุใจแน่ๆล่ะ งานี้
-
ตอนหน้า เกรงว่าเล้าจะเลือดท่วมจอ ทำไงดี
+ 1 ค๊า :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
มารอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อ หุหุหุ
-
จะหวานกันขนาดไหนเนี่ย
-
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา...คืนนี้นะคะ :impress2:
-
เที่ยว~~~~!!!!
หนีเที่ยวกันแร้ว ><
อยากอ่านต่อน้า
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
+1 รอตอนหน้าค่ะ :z1:
-
สถานที่ บรรยากาศมาแล้ว ที่เหลือ หึหึ....
-
แค่นี้ก็ดีใจแล้ว อยู่ด้วยกันอย่างเรื่อยๆนะริว พี่ไผ่ น่ารักมาก อบอุ่นในหัวใจ
-
คนอ่านมีคลังโลหิตเป็นของตัวเองคะไม่ต้องห่วงจัดเต็มมาได้เลยคะ :haun4:
:pig4: คะ
-
ว๊ายยยย ตอนหน้า :haun4: :haun4: :haun4:
-
:pig4:ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆที่มอบให้นะครับ เอาใขช่วยเสมอ :3123:
-
รอตอนหน้าด้วยคน :o8:
:z13:
-
พี่ไผ่อ่อนโยนจังเลย
น่ารักเสมอเนอะ..ริวเนอะ
ตอนหน้าแย่แน่
ต้องไปรับบริจาคเลือดกรุ๊บ Y ซะแล้ว :jul1:
-
เลือดสำรองมีเยอะแล้วล่ะครับ
ผูใดสนใจเลือดสำรองกรุ๊ปอะไรบอกได้นะครับมีบริการอิอิ
-
บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรัก
ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องระวัง
พี่ไผ่ก็เตรียมพร้อมนะจ๊ะ บำรุงร่างกายยอะๆ
เจ้าริวจัดหนักแน่ อิอิ
เลือดพร้อม คนอ่านพร้อมจ้า
-
คนอ่านพร้อมแล้ว ต่อด่วน อิอิ :z1:
-
จะเก็บเลือกไว้เป็นถังๆเลยละ หุหุ เอาใจรอ นอนรอเลยค๊าฟฟฟ
-
วันนี้มาต่อนะๆๆๆๆๆเราจะกลับบ้านแล้วจะไม่ได้อ่านเป็นเดือนเลย :call: :call: :call:
-
มารอด้วยคน
-
ได้อยู่กันแบบไม่ต้องคอยระวังตัวกันบ้างซะทีนะ
เห็นใจน้องริว ไม่ได้ฟัดพี่ไผ่แบบเต็มๆ มานาน
เด่วไปซื้อเลือดสำรอง มารอตอนหน้าดีกว่า
-
มาเข้าแถวรอตอนหน้าด้วยคน :z1: :z1:
-
หุหุ น่าร๊ากกกกกกกก
บ้านริมทะเลสาป
เตรียมเลือด เตรียมผ้าพร้อม
รอตอนหน้า อิอิ
-
บ้านริมทะเลสาปบรรยากาศเหมาะแก่การฮันนีมูนนะไผ่-ริว :laugh:
-
มาพักบ้านที่บรรยากาศเป็นใจอย่างนี้
ริวกับพี่ไผ่คงจะมาฮันนีมูนกันจริง
-
วันนี้จะมาไหม ??
มารอคืนฮันนีมูน (หัวเราะ)
-
อ่านไปมา แล้วลองคิดว่าเรือนหอ (???) ของพี่ไผ่น้องริวจะเป็นแบบไหนน๊า :z1:
อุอุอุ
Lake dillon ที่สองหนุ่มไปพัก
(http://image.ohozaa.com/i/6ec/screencapture.jpg)
แล้วก็ไปพักในบ้านริมทะเลสาบอันเงียบสงบ เหมาะต่อการฮันนีมูน
(http://image.ohozaa.com/i/c5a/lake_house_2.jpg)
แล้วก้อคง... :o8: กันใน...
ห้องครัว.... :-[
(http://image.ohozaa.com/i/7e9/rustickitchenlog.jpg)
ห้องน้ำ :impress2:
(http://image.ohozaa.com/i/473/hottubthumb.jpg)
ห้องนอนที่มองไปเห็นวิวทะเลสาบ.. :haun4:
(http://image.ohozaa.com/i/72c/bedroomthumb.jpg)
หน้าเตาผิง... :m10:
(http://image.ohozaa.com/i/6f7/dxvmain.jpg)
แล้วเจอกัน!!!
:laugh:
-
:z1:กรี๊ดดดดด แต่ละห้อง แต่ละจุด อย่ามายั่วให้เห็นภาพแล้วจากไปอย่างนี้
:jul1:เตรียมเสียเลือด ถ้ามาครบทุกฉากตามภาพ
:laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
-
^
^
^
:z13: จิ้มทะลุJustlove ไปถึงเจ๊คนโพสต์ เจ๊เอารูปมาจากหนายยยยยยย รู้ได้ไงอ่ะ
อ้อเจ๊ ยั่วน้ำลายไว้ขนาดนี้ รับผิดชอบเองแน๊ เค้าไปละ หุหุ o18
-
สนุกมากๆเลย
จะรอตอนต่อไปนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
สู้ต่อไปนะคะ
:L1: :L1:
:L1: :L1: :L1:
:L1: :L1:
:L1:
-
^
^
^
บ้านพักสวยจังเลย :myeye:
-
บ้านน่ารักจัง
:man1:
เก็บเลือดสำรองไว้แล้วคร่า รอตอนหน้าเตรียมเสียเลือด
:jul1:
-
ถือว่าเป็นช่วงเวลาสบายๆที่ริวกับพี่ไผ่จะได้ใช้เวลาด้วยกันโดยที่ไม่ต้องกังวลกับอะไรๆรอบตัวเนอะ.... :กอด1:
-
โอว~แต่ละห้องได้บรรยากาศสุด ๆ
อดใจรอไม่ไหวแล้ว อิอิ
-
บ้านในฝัน :-[
แต่ละห้องชวนจิ้นกระจาย :z1:
รอ :call:
-
:call: :call:
-
ตอนที่ 105
ไม่รู้ว่าเพราะหิวหรือเพราะรสมือพสุดีกันแน่ แต่อาหารมื้อแรกในบ้านริมทะเลสาบก็หมดเกลี้ยงชนิดที่ไม่เหลือข้าวสักเม็ด
“อร่อยจังครับ” ริวชมพร้อมกับลูบท้องป้อย นานๆ เด็กหนุ่มถึงจะกินจนอิ่มขนาดนี้สักครั้ง
“อร่อยหรือหิว...หึหึ พี่ก็ไม่ถนัดทำอาหารหรอก แค่เคยช่วยแม่ทำบ้างนิดหน่อยเท่านั้น” พสุออกตัวขำๆ
“อร่อยจริงๆนะครับ ริวกินหมดเลยอ่ะ อิ่มมากๆ” ริวย้ำด้วยสีหน้าจริงจังจนพสุอดหัวเราะไม่ได้
“ดีแล้วที่กินลง จะได้ไม่ต้องขับรถเข้าไปกินข้าวในเมือง ไปนั่งพักไป เดี๋ยวพี่เก็บล้างก่อน”
“ริวล้างเองครับ พี่เป็นคนทำแล้ว ริวก็ต้องเป็นคนล้างสิ” ริวอาสาแล้วกุลีกุจอลุกขึ้นเก็บจานชามบนโต๊ะ
“งั้นพี่ช่วย จะได้เสร็จเร็วๆ”
ทั้งคู่ช่วยกันเก็บล้างจนเสร็จแล้วถึงได้ออกมานั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันที่ชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างบ้าน แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์อาบท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกเป็นสีส้มปนแดง ลมแรงพัดผ่านผิวน้ำจนไหวเป็นคลื่น เงาดำของคลื่นให้ความรู้สึกลึกลับราวกับใต้ผืนน้ำกว้างใหญ่มีบางอย่างซ่อนตัวอยู่
แม้พระอาทิตย์ตกจะสวยแค่ไหน แต่อากาศที่เย็นยะเยือกอย่างรวดเร็วก็ทำให้พสุต้องห่อไหล่ด้วยความหนาว
“พี่...หนาวเหรอ?” เด็กหนุ่มถามพร้อมกับขยับเข้าไปกอดพสุ แล้วจูบคลอเคลียอยู่ที่แก้มเย็นๆ วงแขนอุ่นและลมหายใจร้อนผ่าวบนแก้ม ทำให้หัวใจเต้นระรัวขึ้นมาดื้อๆ พสุรีบดันคางบุ๋มไว้เมื่อปากนุ่มๆ เลื่อนมาจนชิดมุมปาก แม้จะมืดแล้ว แต่ชายหนุ่มก็อดขัดเขินไม่ได้ที่จะมานั่งจูบกับริวกลางที่โล่งแจ้งแบบนี้
“ริว...พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ หนาวแบบนี้สงสัยจะอาบดึกๆ ไม่ไหวแน่” พสุบอกแล้วลุกเดินเร็วๆ เข้าบ้าน ริวเดินตามติด จนทันคว้าพสุมากอดที่ห้องโถง
“ริวไปอาบด้วยนะครับ” น้ำเสียงออดอ้อนกระซิบข้างหูทำให้พสุขนลุกซู่
“ไม่ต้องเลย อาบแล้วจะตามมาทำไมอีก”
“ริวถูหลังให้ไง”
“ไม่ต้องมาทะลึ่ง” พสุทำเสียงดุแต่หน้าแดงซ่าน ชายหนุ่มรีบเดินหนีเข้าห้องน้ำ ขณะที่ริวมองตามตาละห้อย
พระอาทิตย์ลับฟ้าไปไม่นาน ดาวดวงน้อยก็เริ่มเปล่งแสงวูบวาบ จากที่เห็นไม่กี่ดวงในตอนแรกก็เริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อท้องฟ้ามืดสนิท ริวยืนมองท้องฟ้ามืดๆ อยู่ครู่หนึ่งก็ได้ความคิด เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปในห้องนอน เปิดเครื่องทำความร้อนทิ้งไว้เพื่อให้ห้องอุ่น แล้วลากผ้าห่มหนานุ่มกับหมอนออกมากองตรงพรมริมผนังกระจก
ริวเขี่ยฟืนในเตาให้กระจายออกเพื่อให้แสงสว่างลดลงเพิ่มความโรแมนติก เด็กหนุ่มเปิดเครื่องทำความร้อนเพื่อให้ห้องอบอุ่น แล้วย้อนกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อหยิบเครื่องเล่น MP3 ของตัวเอง เพราะเดินหาจนทั่วบ้านแล้วแต่ไม่เจอเครื่องเสียง
จะว่าไป บ้านนี้แม้จะดูสะดวกสบายและหรูหราเหมือนโรงแรมชั้นดี แต่กลับไม่มีคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ หรือแม้แต่เครื่องเสียง ให้เห็นเลยสักอย่างเดียว ซึ่งริวก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
“หาอะไรเหรอริว” พสุชะงักเมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไปเจอเด็กหนุ่มกำลังรื้อเป้ใส่ของ ริวหันมาส่งยิ้มกว้างแล้วทำตาวาวๆจนพสุต้องกระชับสายคาดเสื้อคลุมอาบน้ำให้แน่นขึ้น
“หา MP3ครับ พี่เห็นมั๊ยครับ”
“อยู่ในซิปช่องข้างหน้าแน่ะ ริวจะเอาไปทำอะไร”
“อยากฟังเพลงครับ แต่ที่นี่ไม่มีเครื่องเสียง เลยว่าจะเปิดจาก MP3 แทน”
“เครื่องเสียง?...มีนะ อยู่ที่โต๊ะข้างเตาผิงไง” พสุบอกพลางเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าชุดนอนมาสวม
“ไม่มีครับ ริวดูแล้ว”
“หึหึ ถ้าพี่หาเจอล่ะ” พสุหันมาถามยิ้มๆแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงท้าทาย
“หาเจอริวยอมให้พี่หอมแก้ม 20 ทีเลยอ่ะ” ริวตอบด้วยท่าทางมั่นใจจนพสุหมั่นไส้
“ไม่ต้องเลย...เดี๋ยวพี่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วพี่ไปเปิดให้”
“คร้าบ” ริวรับคำแล้วชะโงกมาหอมแก้มพสุแรงๆ ขณะที่เดินสวนกัน พสุปรายตามองแล้วส่ายหัวอย่างระอาปนเขินๆ ชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จก็ตามออกไปที่ห้องโถง เจอเด็กหนุ่มกำลังเดินวนเวียนอยู่ที่โต๊ะข้างเตาผิง พสุอมยิ้มนึกขันที่ริวไม่เห็น ‘เครื่องเสียง’ ที่เขาบอก ทั้งที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มแท้ๆ
“พี่หลอกริว ไม่เห็นมีเครื่องเสียงเลยครับ” ริวหันมาต่อว่าอ้อนๆทันทีที่เห็นพสุ
“หลอกที่ไหน ริวตาถั่วนะสิถึงไม่เห็น” พสุแซวยิ้มๆ แล้วเดินไปเลือกแผ่นเสียงจากกล่อง ริวตามมายืนดูข้างๆแล้วขมวดคิ้วมุ่น
“นั่นอะไรครับ”
“แผ่นเสียง”
“แผ่นเสียง?”
พสุเลือกแผ่นเพลงสากล ที่แม้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว แต่บทเพลงเหล่านี้ก็ยังถูกนำมาทำใหม่อยู่บ่อยๆ ริว มองตามทุกอิริยาบถแล้วเด็กหนุ่มก็ทำตาโตเมื่อเครื่องเล่นเพลงเริ่มทำงาน
“เล่นได้จริงๆด้วย...อะไรเนี่ย เหมือนดอกไม้ใหญ่ๆ เลย”
พสุอดหัวเราะไม่ได้ ชายหนุ่มมองอาการตื่นเต้นตาวาววับของริวอย่างเอ็นดู ก่อนจะอธิบายถึงวิธีการทำงานของเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบเก่าให้ริวฟังอย่างละเอียด เด็กหนุ่มลูบไล้เจ้าเครื่องเล่นเพลงตรงหน้าอย่างสนใจ
“พี่คิดว่าคุณอาภมร คงอยากให้บรรยากาศบ้านนี้เป็นแบบย้อนยุค ถ้าริวสังเกตจะเห็นว่า บ้านนี้ตกแต่งแบบคลาสสิค เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือนทั้งหมดนี่มีทั้งของเก่าจริง แล้วก็ของทำเลียนแบบของเก่า สังเกตไหมว่าที่นี่ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีโทรทัศน์” พสุอธิบายขณะที่ริวลากเขาไปทางผนังกระจก ชายหนุ่มทรุดลงนั่งตามแรงดึงของริว เด็กหนุ่มตวัดผ้าห่มคลุมตัวเองกับพสุไว้ด้วยกัน แล้วเลื่อนตัวไปนั่งซ้อนด้านหลังพสุ ดึงให้ชายหนุ่มเอนซบลงบนอก
“แต่ริวชอบนะ ไม่มีทีวีก็ไม่เห็นเป็นไร ที่นี่สวยออก จะมัวมาดูทีวีอยู่ทำไม”
“นั่นสิ พี่ว่าบ้านนี้ดูเงียบสงบ แต่อบอุ่น” พสุตอบแล้วเลิกขืนตัว ยอมเอนซบกับอกอุ่นเบื้องหลังแต่โดยดี ได้ยินเสียงเจ้าของอกกว้างทอดถอนใจอย่างมีความสุข วงแขนที่โอบรอบตัวเขาแน่นกระชับ ปลายจมูกและปากอุ่นคลอเคลียอยู่ข้างแก้มและใบหู แม้จะยังรู้สึกขัดเขิน แต่ชายหนุ่มก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเขามีความสุข
ที่นี่มีเพียงเขากับริว ไม่ต้องคอยระแวงสายตาใคร ไม่ต้องระมัดระวังว่าจะเป็นข่าว หากตัดความตะขิดตะขวงใจเรื่องที่ทั้งเขาและริวต่างก็เป็นผู้ชายออกไปได้ การได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนริวแบบนี้ ก็นับเป็นความสงบสุขที่เขาไม่ได้สัมผัสมานาน นับตั้งแต่เข้าสู่วงการมายา
“ดาวที่นี่สวยนะครับ”
“อืม...ถ้าอยู่ในเมือง คงไม่มีโอกาสได้เห็นแบบนี้...พี่เคยอ่านเจอว่า เมืองนี้จัดเป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 1 ของอเมริกาเชียวนะ”
“แต่...ถึงดาวที่นี่จะสวยแค่ไหน...ริวก็คิดถึงดาวที่เพชรบูรณ์มากกว่า”
คำพูดของริวทำพสุต้องหยุดคิดตาม จริงอยู่ว่าที่นี่สวย แต่สิ่งที่ไม่เหมือนไร่ที่เพชรบูรณ์ก็คือ ที่นี่ไม่มีแม่กับป้าใจ...หากคิดในอีกมุมหนึ่ง ที่นี่เหมาะแก่การมาเที่ยว เพราะทั้งสวยและสงบสุข แต่ที่เพชรบูรณ์คือความทรงจำที่อบอุ่นงดงามของ ‘ครอบครัว’
“กลับไปเราไปเที่ยวกันอีกก็ได้นี่” พสุบอกแล้วยกมือข้ามไหล่ขึ้นลูบผมริว เด็กหนุ่มถือโอกาสนั้น กระชับวงแขนให้แน่นขึ้นอีก จนแผ่นหลังของพสุสัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจใต้แผ่นอกที่เขาอิง
“จริงนะครับ...พี่จะมีเวลาพาริวไปเหรอ” ริวถามด้วยน้ำเสียงลังเลกึ่งตัดพ้อในตอนท้าย จนพสุต้องดันตัวออกจากอ้อมแขนของเด็กหนุ่มเพื่อมองหน้าคนขี้น้อยใจให้ถนัด
“มีสิ...จัดคิวงานดีๆ คิดว่าคงพอมีเวลาสัก 2-3 วันหลังจากถ่ายโฆษณาเสร็จ” พสุบอกเสียงอ่อนโยน รอยยิ้มกว้างและดวงตาโตที่เป็นประกายเจิดจ้าด้วยความสุขของน้องทำให้พสุอดยิ้มไม่ได้ ชายหนุ่มกอดตอบเมื่อริวโถมเข้ามากอดเขาแน่น
“ขอบคุณครับ...ริวรักพี่จังเลย” ริวขอบคุณเสียงใสแล้วจูบแรงๆบนแก้มและซอกคอพสุ เด็กหนุ่มหยุดปากที่ใบหูแล้วงับติ่งหูกลมดูดเล่น พสุสะดุ้ง ขนลุกซู่ อารมณ์ปรารถนาที่ถูกกดไว้ด้วยความละอายและตะขิดตะขวงใจ ปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วจนตัวเขาสั่นสะท้าน
“พี่หนาวเหรอ”
“อืม ก็นิดหน่อย” พสุตอบเลี่ยงๆ แล้วพยายามจะขยับถอยห่าง แต่ริวไม่ยอมคลายอ้อมแขนออก
“นิดหน่อยทำไมตัวสั่นละครับ...เข้าห้องนอนกันดีกว่า...จะได้อุ่นๆ” ริวไม่รอให้ชายหนุ่มปฏิเสธ แต่ตวัดชายผ้าห่มม้วนตัวพสุไว้แล้วแบกเข้าห้องนอนทันที
“เกินไปละ ไอ้เด็กทะลึ่ง...เฮ้ยๆ จะทำอะไร” พสุร้องเสียงหลงเมื่อริวทิ้งเขาลงบนที่นอนแล้วกระตุกผ้าห่มออก ก่อนจะโถมตัวลงมากอดรัดไว้จนชายหนุ่มกระดิกตัวไม่ได้
“ลวนลามพี่ไง” ริวตอบเสียงใส แล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจากตัวพสุเหมือนจะหยอกเล่น ขณะที่ปากและจมูกก็ซุกไซ้ไปทั้งแก้มและซอกคอของชายหนุ่ม พสุเองก็ไม่ได้ปัดป้องจริงจังนัก อารมณ์หวานหวามคุกรุ่นขึ้นมาจนเหตุผลมากมายในสมองปลิวหาย
“ดะ...เดี๋ยวสิริว...” พสุปรามเสียงสั่น ผิวเนื้อที่เสียดสีกันเปล่าเปลือยตั้งแต่ตอนไหนชายหนุ่มก็ไม่ทันสังเกต หากไม่เพราะเนื้อร้อนจัดบดเบียดมาบนต้นขาเขาคงยังไม่รู้ตัว
“ริวไม่ได้กอดพี่ตั้งหลายวันแล้วน๊า”
“ก็ทนมาได้ตั้งหลายวันแล้วนี่ ทนอีกวันสองวันจะเป็นไรไป”
“ไม่เอา ไม่ทนแล้ว ตอนนั้นริวทนเพราะเราต้องทำงานหรอก...ริวอยากให้พี่ทำงานอย่างมีความสุข...ไม่อยากให้กังวลอะไร”
ดวงตาหรุบต่ำด้วยความขัดเขินเหลือบขึ้นสบตากับริวเมื่อได้ฟังคำตอบ ถึงจะเหมือนเด็กเอาแต่ใจ แต่ริวใส่ใจความรู้สึกเขาเสมอ การที่เด็กหนุ่มอดทนไม่แตะต้องทั้งที่เขาไม่เคยร้องขอ แสดงให้เห็นว่าริวให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเขาเป็นอันดับแรก เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าการอดทนอดกลั้นไม่แตะต้องคนรักทั้งที่นอนร่วมเตียงกันมันทรมานขนาดไหน
พสุไล้นิ้วบนคิ้วหนาสีน้ำตาลเข้มเบาๆ แล้วลูบปลายนิ้วลงไปบนจมูกโด่งเป็นสันสูงตามสายเลือด ก่อนจะหยุดปลายนิ้วไว้ที่ปากหยักบางสีส้มจัด
“ขอบคุณนะครับที่อดทน...แต่...พี่ว่า..พี่ก็ไม่ได้ห้ามนี่นะ” พสุบอกเขินๆ เพราะรู้สึกเหมือนกำลังเป็นฝ่ายเชิญชวนเด็กหนุ่ม
ริวทำตาโตเมื่อได้ฟังคำตอบ เด็กหนุ่มกระชับวงแขนที่โอบรัดรอบตัวพสุแน่นเข้าแล้วก้มลงจูบแก้มชายหนุ่มเบาๆ
“อ๊า! รู้งี้ริวไม่ทนก็ดีหรอก...ไม่รู้แหละ พี่ต้องให้ริวกอดชดเชยด้วย” ริวอ้อนแล้วเลื่อนปากมาปิดปากพสุแนบสนิท
ทั้งคู่แลกจูบกันช้าๆ เหมือนละเลียดชิมรสจากปากของอีกฝ่าย ขณะที่มือก็ลูบไล้กันและกัน ฟอนเฟ้น ปลุกเร้า และท้าทายกันอยู่ในที
ริวสัมผัสพสุแรงขึ้น ตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัว ที่ผ่านมาแม้พสุจะไม่ขัดขืน แต่ก็ไม่ค่อยได้ตอบสนองมากนัก เมื่อพสุตอบสนองอย่างทัดเทียม ทำให้เด็กหนุ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ฟันคมกัดครูดหน้าอกของพสุเบาๆ ก่อนที่จะดูดยอดอกแรงจนชายหนุ่มหลุดเสียงคราง
“อา...” พสุยกแผ่นหลังขึ้น ขณะที่มือนุ่มสอดเข้าไปใต้ผมของริวกดศีรษะของเด็กหนุ่มเข้าหาตัวเป็นระยะๆ อีกมือลูบไล้บนต้นแขนและหัวไหล่ ต้นขาแข็งแรงขยับบีบรัดจนสะโพกเสียดสีกัน กระตุ้นอารมณ์ของริวจนตื่นเตลิด
“พี่...ริวไม่ไหวแล้ว...ขอนะครับ...” ริวครางเบาๆแล้วดันต้นขาพสุขึ้น
เด็กหนุ่มต้องอดกลั้นมาหลายวัน พอได้แตะพสุ ก็เหมือนไปจุดชนวนระเบิด พสุรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้ริวกอดด้วยอารมณ์แบบนี้เขาคงได้แผลแน่นอน
“เดี๋ยวริว...ใจเย็นๆ สิ”
“แต่ริวไม่ไหวแล้ว...” ริวครางแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พสุลูบแก้มแดงจัดเบาๆ เพื่อปลอบประโลม แล้วแนบจูบอ่อนโยน แต่ริวกลับเบียดปากตอบกลับแรง วงแขนแข็งแรงกอดรัดแน่นจนเจ็บ พอเด็กหนุ่มคลายมือออกจึงทิ้งรอยแดงเป็นจ้ำไว้บนผิว
“พี่...เจ็บหรือเปล่า...ขอโทษนะครับ” ริวหน้าเสียเมื่อเห็นรอยช้ำนั้นถนัดตา พสุส่ายหน้าแล้วโอบกอดตอบเมื่อเด็กหนุ่มซุกหน้าลงกับอกแล้วกอดเขานิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง
ริวพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ แค่เขากอดยังทำให้พสุเขียวช้ำไปทั้งตัว หากไม่ระงับอารมณ์ คงทำให้พสุเจ็บตัวมากกว่านี้
“เดี๋ยวริวมานะครับ” ริวบอกแล้วรีบลุกมาเข้าห้องน้ำ เด็กหนุ่มจัดการปลดปล่อยความอัดอั้นให้ตัวเองก่อน อย่างที่หมอเดวิดเคยแนะนำไว้ เพราะนี่จะเป็นวิธีที่ช่วยให้เขาควบคุมตัวเองได้ง่ายขึ้นเมื่อกลับไปกอดพสุอีกครั้ง
พสุนั่งคอยอยู่บนเตียงด้วยสีหน้ากังวล พอเห็นริว ชายหนุ่มก็กางแขนออกรับทันทีที่เด็กหนุ่มโถมกายเข้าไปกอด
“เป็นอะไรหรือเปล่า...โกรธพี่เหรอ”
“เปล่าครับ” ริวตอบแล้วก้มหน้าเพื่อซ่อนอาการขัดเขิน จะให้บอกได้ยังไงว่าเขาไปทำอะไรมา
“ขอโทษนะ พี่จะไม่...”
ริวจูบปิดปากพสุเสีย เพราะไม่ต้องการให้ชายหนุ่มคิดมากไปกว่านี้อีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยไป แต่เพียงได้สัมผัสผิวหอมกรุ่นและเรือนร่างแน่นตึงแข็งแรง เลือดในกายของเด็กหนุ่มก็ฉีดซ่านระอุร้อนขึ้นมาอย่างง่ายดาย ไม่เพียงแค่เขาที่พร้อม ความเปียกชื้นที่สัมผัสหน้าท้องเขาบ่งบอกว่าพสุเองก็พร้อมเช่นกัน แต่พอเขาดันต้นขาพสุขึ้น ชายหนุ่มก็ตัวแข็งแล้วเบี่ยงปากหนี
“เดี๋ยวริว...พี่ว่า...”
ปากหยักบางเลื่อนมาปิดปากพสุ พร้อมๆกับสะโพกที่บดเบียดเสียดสีจนสะท้าน ฝ่ามืออุ่นลูบไล้บีบเคล้นสะโพกของชายหนุ่มแล้วดันขึ้นให้ส่วนร้อนจัดเสียดสีกันได้ถนัด ปลายนิ้วสากน้อยๆเพราะเครื่องดนตรี ลากผ่านช่องทางด้านหลังช้าๆอย่างยั่วเย้าจนพสุเผลอเกร็งสะโพก
ริวควานมือไปเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียง แล้วหยิบเอาเจลหล่อลื่นออกมาโดยที่ปากยังไม่ละไปจากปากของพสุแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มลูบไล้เจลจนเปียกชุ่มแล้วถึงสอดนิ้วเข้าไปในทางแคบ แม้จะถูกต่อต้านในครั้งแรก แต่เมื่อตั้งตัวได้พสุก็ยอมผ่อนคลายให้
“ริวรักพี่นะครับ” ริวกระซิบบอกขณะดันกายเข้าไปในตัวของพสุ มันเป็นความรู้สึกที่อัดแน่นจนแทบระเบิดหากไม่พูดออกมา ช่องทางชุ่มชื้น คับแคบ และบีบรัดแน่นหนาจนการแทรกเข้าไปแทบเป็นความเจ็บปวด สัมผัสอบอุ่น คุ้นเคย และความรู้สึกที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อสามารถฝังกายเข้าไปได้จนสุดตัว ช่องทางแคบร้อนจัดบีบรัดเขาเป็นจังหวะหน่วงเนิบ แต่แน่นคับจนรู้สึกได้ถึงแรงเต้นตุบของชีพจรจากพสุ
เรือนร่างข้างใต้เขาสั่นระริก ปากอิ่มเผยอหอบหายใจดูเย้ายวน ริวเบียดริมฝีปากลงไปดูดปลายลิ้นของพสุแล้วเกี่ยวรั้งไว้ยามชายหนุ่มถอยหนี เช่นเดียวกับช่องทางแคบที่บีบรัดแรงเหมือนจะดันให้เขาหลุดออกจนริวต้องบดคลึงสะโพกเบาๆเพื่อให้สะดวกในการเคลื่อนไหว
“....” เสียงครางในลำคอของพสุสะเทือนมาถึงริวเพราะปลายลิ้นที่ยังกอดเกี่ยวกันแน่น ก่อให้เกิดกระแสแปลบปลาบจากปลายลิ้นลึกลงไปถึงช่องท้อง เด็กหนุ่มขยับกายเบาๆเพื่อให้หายอึดอัด แม้จะรู้สึกว่าพสุเกร็งตัวขึ้น แต่เมื่อไม่มีเสียงห้ามปราม ริวก็เริ่มขยับกายเข้าออกช้าๆ ช่องทางบีบรัดแน่นจนเสียววาบจากในท้องไปถึงปลายเท้าทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้ง หากไม่เพราะได้ปลดปล่อยไปบ้างแล้ว เขาคงกลั้นไว้ไม่อยู่
ริวขยับกายเนิบช้า เพื่อให้พสุคลายความเจ็บปวด แม้พสุจะไม่บอก แต่เหงื่อที่ผุดขึ้นอาบผิวขาวจนเปียกชุ่มก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพสุต้องอดทนแค่ไหน สีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บเริ่มคลายออก มือที่จิกกำที่นอนเลื่อนขึ้นโอบรัดรอบตัวเขาเป็นสัญญาณให้ริวเร่งจังหวะขึ้นเมื่อแน่ใจว่าพสุไม่เจ็บแล้ว
“อือ...ริว...” เสียงครางกระเส่าเรียกชื่อเขาและแรงบีบรัดที่ถี่เร็วยามเคลื่อนกายกระตุ้นให้ริวโหมสะโพกเร่งกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ วงแขนที่โอบรัดตัวเขา เกร็งแน่นเช่นเดียวกับช่องทางแคบที่เกร็งจนขยับแทบไม่ได้
“ริว!...” เสียงครวญครางของพสุกระตุ้นให้ริวยิ่งร้อน หูเขาอื้อยามเร่งกายกระชั้นเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย กลิ่นหอมอุ่นหวานซ่านขึ้นจมูกจนต้องสูดหายใจแรง ริวดึงสะโพกตึงเข้าหาทุกจังหวะที่สวนกายเข้าไป ความร้อนทั้งหมดในร่างกายเหมือนอัดแน่นรวมลงมายังจุดเดียวกัน
“พี่...ริวรักพี่...” ริวครางกระเส่าเมื่อความเสียวกระสันเร่งถึงขีดสุด เด็กหนุ่มโถมกายแรงเมื่อไปถึงจุดหมาย สมองว่างขาวโพลนยามที่ความร้อนในกายระเบิดออก อาการเสียววาบในอกซ่านไปถึงปลายเท้าราวกับร่วงตกจากที่สูง ดวงตาพร่ามัวมองสิ่งใดไม่เห็นนอกจากปากอิ่มสีแดงสดเบื้องหน้า เด็กหนุ่มแนบปากลงไปกอดเกี่ยวปลายลิ้นนุ่มๆเอาไว้ รสหวานซ่านอิ่มเอมเอ่อท้นในอก ขณะที่ปลดปล่อยความร้อนเข้าไปในช่องทางอุ่นนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า จนรู้สึกเหมือนกาย โล่ง ว่างเปล่า ริวถึงได้ยอมปล่อยปากนุ่มเป็นอิสระ ได้ยินเสียงพสุหอบหายใจแรง เช่นเดียวกับเสียงเต้นระรัวในอกที่เขาซวนซบลงพักเหนื่อย
แผ่นอกตึงเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ ยังกระเพื่อมแรงแม้เวลาจะผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว ริวลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือยอดอกชูชันสีแดงล่อตาล่อใจเบื้องหน้า เด็กหนุ่มเลื่อนปากไปดูดเล่นเบาๆ แล้วถึงยกศีรษะขึ้นมองพสุ ใบหน้าขาวยังแดงระเรื่อ ดวงตาหรี่ปรือจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว
ริวชะโงกไปจูบปากอิ่มเบาๆ แต่เมื่อพสุแลกจูบตอบเด็กหนุ่มก็กอดรัดร่างเบื้องล่างแน่นขึ้น เพียงแค่จูบก็เร้าให้เลือดร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนที่อยู่ในช่องทางคับแคบขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนการอยู่นิ่งๆเป็นความอึดอัด เด็กหนุ่มจึงขยับกายช้าๆ
พสุหน้าร้อนวาบ แต่ไม่ปฏิเสธชายหนุ่มหลับตาลง ปล่อยกายใจให้ เปิดรับทุกสัมผัสของริวอย่างเต็มใจ สัญญากับตัวเองเงียบๆ ว่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันที่บ้านริมทะเลสาบนี้ เขาจะลืมให้หมดว่าตัวเองเป็นใคร จะไม่ให้สามัญสำนึกใดๆ มากั้นกลางระหว่างเขากับริวได้อีก
....................................................
-
:jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
-
อ๊ายยยย อย่างนี้ต้องกด "Like" ชอบบบบบ
ริวน่ารักอะ พี่ไผ่ก็น่ารัก ขอตัวไปเติมเลือดนะคะ คิกๆๆ
-
:haun4: :haun4:
-
:-[ว่าเตรียมเลือดพร้อมแล้วนะ เล่นแทบหมดตัว :jul1:
น้องริวสุดยอดดดด
-
เตรียมตัวมาดีแต่ก็ :o8:
-
ไม่ผิดหวังกับที่รอคอย :-[
ตอนหน้าก็จะยังอยู่ในช่วงฮันนีมูนใช่มั้ยคะ ริวยังไม่ได้ใช้ของเล่นที่หมอเดวิดให้มาซักชิ้นเลยอ่ะ :z1:
-
:-[
-
โอยยย เขิน :o8:
-
ริวอัพเลเวลไวมาก ดูเชี่ยวชาญและชำนาญสุดๆ 555
-
:z3: :haun4: :jul1: :jul1: ริวเก่งขึ้นเยอะเลยแฮะ o18
พี่ไผ่น่าร้ากกกก :กอด1:
-
:jul1:
ไม่ไหวแล้ว..
ขอเลือดเพิ่มด่วน!!! :m25:
-
:jul1: :jul1: โอยยยตายยย เลือดที่เตรียมไว้ไม่พอ เสียเลือด หมดพลัง แต่อิ่มใจ :impress2:
-
ไรเตอร์ลงตอนนี้รวดเร็วทันใจมากๆ เลยค่ะ ที่สำคัญเรียกเลือดคนอ่านหมดตัวทีเดียว :jul1: :jul1: :jul1:
ว่าแต่ยังไม่หมดแค่นี้ใช่ไหมอะ เหมือนจะยังไม่เห็น‘อุปกรณ์เสริม’ เลย มันคงไม่ได้หมายถึงแค่เจลใช่อะปล่าว o18 o18 o18
-
:jul1:
-
:jul1: :jul1: :jul1:
:haun4: :haun4: :haun4:
:pighaun: :pighaun: :pighaun:
-
:o8: :o8: :o8:
:m25: :m25: :m25:
ไม่ไหวแว้ววววววววว ใครก็ได้ ขอยาดมด่วนค่าาาาาาา :haun4:
-
น้องริวน่ารัก พี่ไผ่ว่าง่าย 55555555
-
:jul1: :haun4:
-
:jul1: :jul1: หวานๆซึ้งๆ ริวใส่ใจไผ่ทุกอย่างจริงๆ :-[ :-[
-
โอ้ แม่เจ้า แดงเถือก เลือดท่วมจอ :jul1: :jul1: :jul1:
+1 จัดไป ค๊า ^^
-
zeen11 อุปกรณ์เสริมอ่ะ พอแค่นี้ม๊ายยยยยยย!!!
ขืนริวใช้อย่างอื่นมากกว่านี้ พี่ไผ่คงยอมหรอกนะ
เผลอๆคนโดนกดจะเป็นริวเสียเองมากกว่า หุหุ o18
-
:pighaun:
-
น่ารักมากๆ อ่อนหวานมากๆ ค่ะ ^^
-
ไผ่ทำตัวได้น่ารักมาก ทำแบบนี้ไปตลอดนะ
-
เลือดสาดกระจายมากกกกก
หนูริวหื่นจริง ๆ พี่ไผ่ช้ำหมดแล้วมั้ง
-
:m25: :o8: :-[
-
:m25:
-
:m25:
ริวมีพัฒนาการก้าวกระโดดมากๆ คิคิ
ดีแล้วพี่ไผ่ปล่อยวาง และรับเอาความสุขไปซะ อย่าไปกังวล
ที่นั่นมีแต่พี่ไผ่กับริวเท่านั้น
-
หุหุหุ
ชอบอ่า~~~~!!!!
ตอนนี้พี่ไผ่เรายอมง่ายเรย
น่ารักจิงๆๆ
-
:pighaun:
:pig4: :pig4: :pig4:
-
แล้ว "ของเล่น" ล่ะคะ หุหุหุ :haun4:
-
พักหลังๆพี่ไผ่ลืมตัวบ้อย บ่อย อิอิ :o8: หว้าน หวานเนอะ
-
หนูริวน่าร๊ากกกกกก :o8:
-
พี่ไผ่สู้ ๆ :haun4:
:pig4: คะ :-[
-
หวานเน้อ~ ตอนนี้ แต่แอบสะกิดใจกับอะไรสักอย่าง
ไผ่หนอไผ่...เพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยเรอะเลยยอมแบบไม่ค่อยตะขิดตะขวงใจเท่าไร ยังงี้พอกลับไปก็เป็นเหมือนเดิมอีกแหง :เฮ้อ:
ถ้ารู้อย่างนี้สงสัยริวจะหาเรื่องหลบออกนอกประเทศบ่อยแน่ๆเลย
ปล.ขอบคุณคนโพสที่ลงเร็วกว่าปกติค่า :L2:
-
o22เขานึกว่าริวกะพี่ไผ่จะแค่กินข้าวอย่างเดียว ไม่นึกว่าทั้งสองจะกินกันเองอีกตบท้ายอีก
เตรียมเลือดไม่พอ ไปเติมเลือดก่อนค่ะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดด o13 รักพี่ไผ่มากตอนนี้ น่ารักที่สุดดดด :o8:
+1 ค้าบบบ แต้งกิ้ว ไรเตอร์ :pig4:
-
>///////< อ๊ากกกกก เขิน
พี่ไผ่เราน่ารักมากกก ปล่อยวางบ้าง อย่าไปคิดอะไรมากเลย
ริวน่ารัก อดทนเพื่อพี่ได้สุดๆจริง
อ่อย~ เลือดสำรองไม่พออ่ะ
-
:-[
จะละลายแระ
หวานอ่ะ ชอบจัง
-
:o8: เค้าเขินแทนทั้งคู่
ดีใจด้วยน่ะริว กว่าจะมีวันนี้ได้
-
:jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
-
ตาย ๆ เลือดน้องช้อนจะหมดตัวเจ้าค่ะ อิอิ
มารอตอนต่อแหละ ฮุ ๆ เพิ่งว่าได้มาตามอ่าน แง่ม ๆ
-
:m25:
:o8:
-
อ๊ากก เลือดพุ่งไปเป็นถังๆ เลยยยยย อ๊ากกกก
-
อ่านแล้วเบลอ
เบลว่ารักแถบ แบบว่ารักเธอมากๆ อ๊ายยยยยยย ชอบค่า อ่านแล้วไม่ใช่แค่มีเซ็กส์อ่ะ แต่เป็นการ make loveชัดๆ อบอุ่นอ่ะ ชอบๆ
-
ปล่อยให้...หัวใจพาไปสักครั้ง ในเมื่อรั้งยังไงก้อไม่ไหว แล้วจะทนอดฝืนอยู่ทำไม ปล่อยให้ใจสองเราเป็นหนึ่งเดียว
เฮ้อ :เฮ้อ:
อยากให้เวลาของพี่ไผ่กับริวหยุดลงตรงนี้จัง เพราะนี่เป็นครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆ ที่พี่ไผ่ยอมตามใจริวและตัวเอง อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆมารบกวนจิตใจ
-
น่ารักค่ะ
อ่านรวดเดียวติดกันเลย
เห็นการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเรื่องและตัวละครอย่างช้าๆ :-[
ก็ขอบคุณคนเขียนที่เอามาแบ่งปันกันนะคะ
รอติดตามตอนต่อไปค่า
:L2:
-
:jul1:
ซับเลือด ตาย อย่างสงบ
อร๊ายยยย
เขินมาก อะไรจะเขินขนาดนี้เนี่ย
โฮววววว
น้องริวโคตรจะถนอมอ้ะ ,,
เอาอีกๆๆ (หัวเราะ)
:กอด1:
-
:haun4: :haun4: ที่สุดอ่ะ
-
ตอนนี้ริวคงมีความสุขที่สุด ^^ พี่ไผ่ยอมตามใจขนาดนี้
-
ขอให้มีความสุขและเรื่องทุกอย่างจผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะครับ :L1:
-
เจอตอนนี้เข้าไป ขอตัวไปนอนตายอย่างสงบ
-
.....:m25:....
ช่วงนี้เรื่องมันสงบๆดีเนอะ?
-
หวานมากมาย อิอิ
-
ไผ่จ๋า..ตอนนี้น่ะคิดแบบนี้แหละถูกต้องที่สุดแล้ว
บางขณะบางโอกาสเราก็ต้องปล่อยตัวปล่อยใจ ไปกับความต้องการของหัวใจบ้าง
ถ้ามัวแต่กังวลใจ จะหาความสุขแบบเต็มบริบูรณ์ได้อย่างไร
อ่านตอนนี้ดิฉันคิดถึงเพลงอ่าวอารมณ์ค่ะคุณAnonymus โดยเฉพาะท่อนสุดท้าย
"ลืมเสียเรื่องเศร้าหมองศรี โลกใหญ่โลกนี้ใช่ของเราสองคน
สุขใกล้มือคว้าไว้ก่อนประเสริฐล้น กอดพี่ให้แน่นหน้ามน เดี๋ยวฝนจะโปรยลงมา.."เก็บเกี่ยวกอบโกยเอาความสุขให้มากที่สุดนะลูก ไผ่-ริว ไว้ทดแทนตอนกลับเมือไทย
-
เริ่ด
แต่ติดไอ้ตรงประโยคสุดท้ายนี่สิ
>>>สัญญากับตัวเองเงียบๆ ว่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันที่บ้านริมทะเลสาบนี้ เขาจะลืมให้หมดว่าตัวเองเป็นใคร จะไม่ให้สามัญสำนึกใดๆ มากั้นกลางระหว่างเขากับริวได้อีก
แววได้กินมาม่าจัมโบ้ห่อใหญ่แน่ ๆ
[/color]
-
เลือดหมดตัวแล้ว อิอิ :jul1:
-
:pighaun: ริวระวังพี่ไผ่จะช้ำนะ :กอด1:
-
เลือดเต็มหน้าจอคอมแล้วค่ะ
-
อ่าาา
เขาได้กันอีกแล้ว
อิอิแหมๆเหมือนริวโดนยาสั่งเลยอ่ะ
ให้เวลาเจอพสุกอดแล้วริวจะมีอารมม๊ากมากอิอิ :haun4:
-
หวานกันได้อีก มีแค่เราสองคนพี่ไผ่กับริว
ไผ่ปล่อยวางแล้วมีความสุขกับตอนนี้ดีกว่า
อุตส่าห์ได้อยู่กันแค่สองคนไม่มีคนอื่นมาเกี่ยว
ยอมตามใจริวแล้ว แต่ให้ริวถนอมหน่อยนะเดี๋ยวช้ำ
-
:jul1: :jul1: :jul1:
นี่แค่คืนแรกใช่ไหม แล้ววันต่อไปจะขนาดไหนเนี้ย
-
:m10: :m10: :m10: o4........ :-[อยากเห็นพี่ไผ่อยู่ข้างบนบ้าง ริวชักจะหื่นเกินละ ฮ่าๆๆ
-
หวานกันได้อีก :pighaun: :pighaun: :pighaun:
-
:jul1:
สุดๆ ไม่ไหวแล้วว
ทำไมมาแค่นี้อ่าา คิดถึงริวกับพี่ไผ่น้าา
มาเยอะๆสิ มาไวไวนะคะ รอเสมอ
:bye2:
-
ตอนนี้บอกได้คำเดียว"โฮก" :m25:
น้องริว ทั้งร้อนแรง เร่าร้อน นุ่มนวล
จนพี่ไผ่จะโดนกลืนกินไปทั้งตัวแล้ว
+กระจายเลยสำหรับตอนนี้
-
เฮือก กรี๊ดดดด แม่เจ้า
:o8: :-[
เค้าแอบดีใจแทนริวนะเนี่ย พี่ไผ่ยอมหมด ^^
:m10: :m10: :m10: o4........ :-[อยากเห็นพี่ไผ่อยู่ข้างบนบ้าง ริวชักจะหื่นเกินละ ฮ่าๆๆ
เห็นด้วยๆ
-
โอย~เลือดกระฉูดท่วมจอกันเลยทีเดียว :jul1:
น้องริวรุกเต็มที่ไปเลยน๊าตอนนี้พี่ไผ่เปิดใจแล้ว
ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ลุยไปเลยน้องริว
-
เลือดหมดตัวแล้ว
ริวกับพี่ไผ่น่ารักมาก
-
พี่ไผ่ตอนนี้น่ารักจริงๆ :-[
-
ไม่ต้องเฉพาะตอนที่อยู่ที่บ้านริมทะเลสาบหรอกฮับพี่ไผ่....
น้องริวเค้าอยากให้พี่หวานๆๆ อยากจะแสดงความเป็นเจ้าของอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วอะ....
ริวเค้าไม่ถือหรอก...เผลอๆๆๆ ทำหวานๆกันต่อหน้าคนเยอะๆๆๆ ไม่แคร์ใครซะอย่าง.. คนรักกันอะ.. ฮาๆๆๆๆๆ
ฮูยๆๆๆ อยากอ่านอีกกกก....
น้องริวก็เริ่มแรง... พี่ไผ่ก็ยอมๆๆน้องง... น่ารักกกกกกกก......
-
o13 o13 o13
ชอบมากค่ะ น่ารักกันมากมาย o18
-
+1 ให้กับความหวานของทั้งคู่ค่ะ เก็บเกี่ยวเวลานี้ให้เต็มที่ก่อนจะต้องกลับไปเป็นซุปตาร์เนอะ :-[
-
:m25: :z1:
:impress3:
:-[ :-[ :impress2: แบบนี้สิช่วงเวลาฮันนิมูนของแท้
อ่านแล้วคิดถึงคำว่า Make loveจริงๆ เป็นการบอกรักทางภาษากาย อยากเห็นพี่ไผ่เป็นคนบอกรักบ้าง
-
เลือดหมดตัวกันจริงๆ ละตอนนี้
:m25:
-
ตั้งแต่หนูริวและพสุคบกันจริงๆเนี่ย เลือดเท่าไรก็ไม่พอค่ะ หื่นทุกตอนทุกฉาก ชอบมากมายค่า
-
กด+ให้จ้า ตอนนี้พี่ไผ่น่ารักมาก
-
:jul1: :jul1: o13
-
พี่ไผ่ยอมเปิดใจแล้ว
โอ้ววว น่ารัก จน :m25: และ :jul1: :jul1: :jul1:
-
้เหอะๆ ริวจะฟิตไปหนายยยยยยยย :o8:
-
:haun4: :pighaun: อร๊ายยยย พี่ไผ่ขา~ พี่ไผ่น่ารักมากเลยยย
หนูริวจ๋า ยังรอของเล่นอยู่นะจ๊ะ รีบๆใช้นะ อยากดู เอ๊ย อยากอ่านแล้ว ฮิฮิ
เป็นNCที่ยังบรรยายเหมือนกับได้เห็นภาพจริงๆอีกเช่นเคย :jul1:
ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ชอบมากกกก :m11:
-
:call: :call:
-
ขนาดเตรียมเลือดสำรองตั้ง2วัน ยังไม่พอ
เลือดกระจายเต็มหน้าคอมไปหมด :m25: :m25:
ไม่ไหวแล้วเม้นเสร็จขอคลานไปเติมเลือดด่วน
ว่าแต่คุณ Anonymus คร๊า ริวกับพี่ไผ่ยังไม่เคยในห้องน้ำเลยนร๊า
อยากเห็นอ่ะจร๊าแบบว่าอ่างน้ำมันน่าจิ้นเสียนี่กระไร อิอิ
-
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ Writer เขียนได้ดีมากๆ ค่ะ ขอบคุณคน Post กับ Writer ด้วยนะคะที่เขียนเรื่องดีๆ อย่างนี้ให้อ่านกัน ขอบอกว่าชอบ................มากๆ o13
ไอ้หนูริว สมกับเป็นหมาป่าห่มหนังแกะจริงๆ เจ้าเล่ห์ได้ใจ o18 แต่ก็น่ารักมากมาย
พี่ไผ่ของป้าถึงไปไหนไม่รอด....ต้องยอมตลอดๆ :-[
ว่าแต่ว่า อุปกรณ์ีที่เดวิดให้มาสำหรับฮันนึมูนเนี้ยะมันคืออะไรเหรอ? :impress2:
ตอนหน้าเราจะได้เห็นหนูริวใช้รึเปล่า :o8: อยากรู้เจงๆ :m12:
-
:m2: :m2: :m2:
หวานจนทำเอาขึ้นสวรรค์กันไปเลย
พี่ไผ่แอบยั่วด้วยแหละ *กริ๊ดๆๆ*
:m10: :m10: :m10:
ขอเลือดกรุ๊ปบี ด่วนนนนนน จะเอาไว้สำรองในตอนหน้าๆด้วย 55+
ปล. เขาล่ะอยากเห็นอปกรณ์เสริม วุ้ย!! :m3:
-
โฮฮฮฮ ไม่น่าหลงเข้ามาอ่านเรื่องของพี่ไผ่กับน้องริว ติดหง่อมแง้มเลยค่ะ o13
-
:m18:รออ่าน ฮี่ๆ
-
มาแเล้ว ๆ ได้กลิ่นน้องริว 55
โอ๊ะ เม้นที่ 1000 พอดี
-
ตอนที่ 106
พสุขยับตัวแล้วลืมตาขึ้นเห็นท้องฟ้าด้านนอกเป็นสีแดงระเรื่อ ชายหนุ่มนอนมองอยู่ครู่หนึ่งก็ค่อยๆ ยกท่อนแขนที่โอบรัดรอบตัวออกแล้วผุดลุกขึ้น อากาศเย็นเยือกยามเช้าของต้นฤดูร้อนทำให้พสุขนลุกเกรียวด้วยความหนาว ชายหนุ่มเหลียวมองรอบๆ แล้วหน้าแดงวาบเมื่อพบว่าเสื้อผ้าถูกถอดโยนกระจัดกระจายไปทั่วห้อง
พสุขยับผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงใต้คางของริวแล้วกัดฟันเดินช้าๆ ไปยังห้องน้ำ ชายหนุ่มเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างแล้วรีบชำระล้างคราบไคลที่ยังหลงเหลือออกจากกายจนหมด เสร็จแล้วถึงได้ลงแช่น้ำอุ่นเพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย...
พสุอาบน้ำเสร็จก็กลับไปแต่งตัวที่ห้องนอน ชายหนุ่มเหลียวมองทะเลสาบผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่แล้วอยากชวนริวออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน แต่เห็นเด็กหนุ่มยังหลับสบายจึงไม่อยากปลุก พสุออกไปสูดอากาศยามเช้าของ Lake Dillon ตามลำพัง
แม้จะได้ชื่อว่าเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่อากาศเย็นยะเยือกจนลมหายใจกลายเป็นควันก็ทำให้พสุอดห่อไหล่ไม่ได้ เหนือทะเลสาบยังมีหมอกลอยอ้อยอิ่ง จนกระทั่งแสงอาทิตย์ฉายอาบทั่วแผ่นน้ำหมอกจึงค่อยๆ จางลง เผยให้เห็นผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มสะท้อนแดดเป็นเงาระยับ
เสียงท้องร้องประท้วงทำให้พสุต้องตัดใจจากความงามตรงหน้า กลับเข้าไปเตรียมอาหารเช้า แต่เท้ากลับพาเขาเดินเลยครัวเข้าไปในห้องนอน ริวยังหลับอยู่ในท่าเดิมก่อนที่เขาจะออกไป ชายหนุ่มนั่งลงบนที่นอน แล้วชะโงกไปดูใบหน้าอ่อนเยาว์ยามหลับใหลใกล้ๆ ขนตางอนยาวเป็นแผงทำให้พสุอดลูบเล่นด้วยความเคยชินไม่ได้ แต่ยังไม่ทันละมือออกริวก็ลืมตาตื่นมามองเขาง่วงๆ
“พี่ตื่นนานยังครับ” ริวถามแล้วหลับตาลงไปอีก ท่าทางจะยังไม่หายงัวเงีย
“สักพักแล้ว...นี่พี่กำลังจะไปทำกับข้าว” พสุตอบแล้วผุดลุกขึ้น
“ริวไปด้วย”
“ไปอาบน้ำให้หายงัวเงียก่อนไป”
“พี่ฉุดมือริวหน่อยสิค้าบ” ริวทำเสียงอ้อนแล้วยื่นมือมาหา แต่พสุส่ายหน้าอย่างรู้ทัน
“ลุกเองสิ...” พสุตอบขำๆ แล้วเดินหนีเข้าไปในครัว
ผักปราศจากสารพิษ สดกรอบน่ากินจนพสุอดลองชิมไม่ได้ ชายหนุ่มชอบใจเบบี้แครอทหัวเล็กจิ๋วขนาดนิ้วก้อยมากเป็นพิเศษ เพราะทั้งกรอบและหวาน ไม่เจือรสขื่นแม้แต่น้อย ผิดกับแครอทที่เขาเคยกินตอนอยู่เมืองไทย คงเพราะสภาพอากาศที่ต่างกันทำให้รสชาติต่างกันไปด้วย
“ทำอะไรครับ”ริวตามเข้าไปในครัว ก็เห็นพสุกำลังสาละวนอยู่กับผักสารพัดชนิดตรงหน้า
“ว่าจะ...ผัดผักรวมกับหมูแล้วทอดปลา กินกับข้าวต้ม...เบื่อข้าวต้มหรือยังริว”
“ริวยังไงก็ได้ครับแล้วแต่พี่...ริวช่วยอะไรได้บ้างครับ”
“เอาหมูสไลด์ในช่องแช่แข็งออกมาก่อนสิ”
“ครับ” ริวหยิบหมูที่สไลด์มาเป็นแผ่นสำเร็จรูปออกมาวางให้หายแข็ง แล้วเดินมายืนดูพสุหั่นผัก
พสุหยิบเบบี้แครอทมากินเล่นเพราะติดใจในรสหวานกรอบ แต่พอเหลือบไปเห็นริวจ้องแครอทที่เขากินค้างอยู่ก็รู้สึกเขินๆ
“กินมั๊ยริว แครอทที่นี่หวานมากเลย” พสุถามแล้วหยิบแครอทยื่นให้ริว แต่แทนที่เด็กหนุ่มจะรับหัวที่เขาส่งให้ ริวกลับชะโงกมางับแครอทที่ปากพสุแทน เด็กหนุ่มกัดแครอทชิดปากพสุ จนชายหนุ่มหวาดเสียวว่าริวจะกัดปากเขาเข้า แต่ที่โดนปากเขากลับเป็นปากนุ่มๆ ของเด็กหนุ่มที่กดหนักๆ ลงมาแล้วผละออกห่าง
ริวเคี้ยวแครอทด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้
“อร่อยจริงๆด้วยครับ หวานดี”
พสุเขม้นมองหน้าทะเล้นของเด็กหนุ่มอย่างหมั่นไส้แต่ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมัวเร่งมือจัดการกับผักสดตรงหน้า ชายหนุ่มชะงักเมื่อวงแขนอุ่นสอดเข้ามากอดเอวเขา แล้วคางแข็งๆ ก็วางลงมาบนไหล่
“อย่าเล่นแบบนี้สิ พี่หั่นผักอยู่นะ เดี๋ยวมีดบาด”
“แล้วริวละครับ ไม่มีอะไรให้ริวช่วยจริงๆเหรอ” ริวอ้อนแล้วไซ้จมูกปากไปบนแก้มของพสุ จนชายหนุ่มต้องวางมีดลงเพราะกลัวจะบาดมือ แล้วหันกลับมาดันคางริวออก
ริวถือโอกาสนั้นรวบตัวพสุยกขึ้นวางบนเคาน์เตอร์แล้วโน้มต้นคอพสุลงมาจูบ ปากแตะปากเย้าหยอกกันด้วยปลายลิ้น บางคราก็กอดเกี่ยวดูดกลืนลิ้นของอีกฝ่ายเล่น จนลมหายใจเริ่มสะดุด พสุสะดุ้งเมื่อริวแทรกตัวเข้ามาจนหน้าท้องเบียดกันชิด ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเบี่ยงริมฝีปากออก แล้วซบหน้าลงบนไหล่หนา ทำให้ริวจูบเขาไม่ถนัด
“พอแล้ว...เดี๋ยวเลยทำกับข้าวไม่เสร็จกันพอดี” พสุปราม แต่ใบหน้าแดงซ่านด้วยอารมณ์หวามไหว เพราะริวไม่แค่กอด แต่ยังขยับเบียดให้ร่างกายเสียดสีกันจนร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“อยากกอดพี่จัง...”
น้ำเสียงออดอ้อน พร่าเบาข้างหูทำให้พสุขนลุกซู่ นึกดีใจที่ยังซุกหน้าอยู่กับไหล่ของเด็กหนุ่ม ทำให้ริวไม่เห็นหน้าเขา
“อะไร...เมื่อคืนก็กอดไปแล้วนะ” ชายหนุ่มท้วงเขินๆ แล้วต้องกลั้นลมหายใจไว้ เมื่อมืออุ่นกดสะโพกเขาเข้าไปหาจนร่างกายเบียดกันชิด แม้จะมีเนื้อผ้าขวางกั้น แต่ต่างก็สัมผัสถึงความร้อนจากอีกฝ่ายได้ถนัด
“ก็นั่นมันเมื่อคืน...แต่ตอนนี้อยากกอดอีกแล้วนี่ครับ” ริวกระซิบอ้อน แล้วเริ่มเลาะเล็มปากไปตามข้างแก้มและต้นคอขาวเท่าที่จะสัมผัสได้ถนัด ขณะที่มือก็สอดเข้าไปลูบไล้ผิวตึงลื่นมือใต้เสื้อสเวตเตอร์
“พอเหอะ...แค่นี้พี่ก็แย่แล้ว” พสุปรามพร้อมกับคว้าข้อมือที่ลูบสูงจนเกือบสัมผัสหน้าอกเขาออก แล้วดันตัวริว ออกห่าง
“นิดเดียวเอง”
“ไม่ต้องเลย ไหนว่าสายๆ จะไปพายเรือเล่นกัน”
“ก็ได้ครับ...งั้นคืนนี้เน้อ” ริวรับปากเสียงซื่อ แต่ตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ จนพสุหมั่นไส้ ชายหนุ่มบีบจมูกโด่งแรงๆ จนเจ้าตัวร้องโอดโอยถึงยอมปล่อย
“ไม่ต้องมาเน้อเลย ปล่อยได้แล้วพี่จะทำกับข้าว” พอริวคลายอ้อมแขน พสุก็ลงจากเคาน์เตอร์เพื่อรีบทำกับข้าวต่อ โดยมีเด็กหนุ่มตามคลอเคลียไม่ห่าง
“ริวช่วยต้มข้าวนะ เห็นพี่ทำเมื่อวานแล้ว ไม่น่าจะยาก”
“เอาสิ” พสุรับคำแล้วสอนให้เด็กหนุ่มต้มข้าวต้ม ส่วนตัวเองก็รีบผัดผัก และเตรียมทอดปลา เด็กหนุ่มจ้องมองอย่างสนใจเมื่อเห็นพสุใช้ชามแก้วใสๆ ใส่น้ำมันแทนกระทะเหล็กแบบที่เคยเห็น
“ถอยไปก่อนริว เดี๋ยวน้ำมันกระเด็นโดน”
“ไม่เป็นไรครับ ริวไม่กลัว” ริวยืนยันแล้วขยับเข้ามายืนใกล้ๆ
พสุเหลียวมองหน้าเด็กหนุ่ม เห็นทำท่ามั่นอกมั่นใจก็นึกขัน อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าน้ำมันร้อนๆ กระเด็นไปทั่วจะยังปากเก่งอยู่อีกหรือไม่ ชายหนุ่มหย่อนปลาลงในชามแก้ว น้ำมันร้อนจัดพอมีน้ำหยดลงไปก็ดีดตัวกระจายไปทั่วห้อง
“โอ๊ย!” ริวร้องเสียงหลง แล้วโดดหนีอย่างลืมตัว เพิ่งรู้ว่าทำไมตอนนั้นที่เขาเห็นพสุทอดปลา ผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงวิ่งหนี เพราะน้ำมันที่กระเด็นมาโดนแขนร้อนอย่างนี้นี่เอง
“ริวเป็นไงบ้าง” พสุอุทานด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าน้ำมันจะปะทุแรงขนาดนี้ ชายหนุ่มคว้าฝาชามแก้วมาปิด แล้วรีบเข้ามาดูริว น้ำมันกระเด็นมาโดนมากกว่าที่คิด จนแขนบริเวณนั้นแดงเป็นปื้นใหญ่ ชายหนุ่มดึงแขนริวไปรองใต้ก๊อกแล้วเปิดน้ำเย็นๆราดตรงรอยที่น้ำมันโดนทันที
“แสบร้อนมากมั๊ยริว”
“เจ็บๆ อ่ะครับ”
“พี่บอกแล้วว่าให้ถอยไปก่อน...ไปนั่งไป เดี๋ยวพี่ไปเอายามาทาให้” พสุบอกแล้วหันไปหรี่ไฟ ก่อนจะผลุนผลันออกไปค้นยาจากกระเป๋าเดินทาง ดีว่าเขาเตรียมยาแก้น้ำร้อนลวกไฟไหม้มาด้วย เพราะคาดว่าเข้าครัวเองคงได้แผล ไม่คิดว่าคนได้แผลจะเป็นริว
“เจ็บมั๊ย” พสุถามขณะแต้มยาลงบนรอยแดงก่ำบนท่อนแขนขาว ริวจ้องมองหัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความกังวลของชายหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะชะโงกไปจูบเบาๆ ที่หัวคิ้วขมวดของพสุ
“ขอบคุณครับ...พี่รู้มั๊ยว่าพี่น่ะทั้งอ่อนโยน ใจดี แล้วก็น่ารักที่สุดในโลกเลย...พี่จะทำให้ริวหลงรักไปถึงไหน...แค่นี้ริวก็จะคลั่งตายแล้ว”
พสุขยับปากจะเอ็ดริวแก้เขิน แต่พอสบตากันชายหนุ่มก็ยั้งคำพูดไว้ และไม่ได้หลบเมื่อริวแนบปากลงมาเบียดจุมพิตเบาๆ บนปากเขา
“ริวรักพี่มากนะครับ พี่รู้ใช่มั๊ย”
“ริว...” พสุเรียกชื่อเด็กหนุ่มเบาๆ เหมือนละเมอ
“แล้วพี่ละครับ...พี่คิดเหมือนริวหรือเปล่า...” ริวถามเสียงเรียบแต่หนักแน่น ดวงตาจับจ้องใบหน้าแดงซ่านเขม็ง ใจเต้นระรัวรอคอยคำตอบที่จะได้รับ พสุหรุบตาลงต่ำ ก่อนจะเงยขึ้นสบตากับริว
“ริวครับ...พี่...พี่คิดว่าปลาจะไหม้แล้วล่ะ”
“โธ่! พี่อ่า...หมดกัน!”
พสุหัวเราะเบาๆ แล้วดันตัวเด็กหนุ่มออกห่าง เพื่อรีบพลิกปลาที่แม้จะหรี่ไฟไว้ แต่ตอนนี้ก็เกรียมจนเป็นสีน้ำตาลทองแล้ว ถ้าทอดต่อไปคงไหม้จริงๆ ชายหนุ่มละจากปลาทอด ก็หันไปคนข้าวต้มที่ริวต้มค้างไว้ แม้จะรู้ว่าริวยังรอฟังคำตอบจากเขาอยู่ แต่ชายหนุ่มก็เสทำเป็นสาละวนกับอาหารตรงหน้า จนริวเป็นฝ่ายยอมรามือไปเอง...
...................................................
เนื่องจากบ้านตั้งอยู่บนเนินเขา ทางลงไปท่าน้ำจึงค่อนข้างลาดชัน แต่คุณภมรแก้ปัญหาด้วยการทำขั้นบันไดถี่ๆ เพื่อให้สะดวกในการเดินขึ้นลง พสุส่งเสื้อชูชีพที่ถือติดมือมาให้ริวใส่เพื่อความปลอดภัย ถึงเขาและริวจะว่ายน้ำเป็นด้วยกันทั้งคู่ แต่เขาไม่รู้จักทะเลสาบแห่งนี้ดีพอ จึงต้องป้องกันตัวไว้ก่อนเพื่อความไม่ประมาท
“ริวพายเองนะครับ นะพี่นะ”
“ริวพายเป็นเหรอ?”
“น่าจะไม่ยาก”
“หึหึ...เอ้า! ลอง” พสุหัวเราะ แล้วยกพายของตัวเองขึ้นวางไว้ในท้องเรือ ปล่อยให้ริวพายตามใจชอบ ริววาดพายผ่านผิวน้ำ ความที่เกร็งกำลังแขนไม่พอ พายก็แฉลบไปบนผิวน้ำ แทนที่เรือจะออกจากท่าน้ำ กลายเป็นว่าหัวเรือเบนเข้าหาท่าน้ำ ยิ่งริวงัดพายก็ยิ่งหมุนเป็นวงกลม เด็กหนุ่มไม่ยอมแพ้ คราวนี้ริวงัดพายซ้ายขวาสลับกัน เรือก็หมุนซ้ายที ขวาที แต่ไม่ยอมเคลื่อนไปข้างหน้า ริววางพายแล้วตบกราบเรือแรงๆ ก่อนจะชี้นิ้วสั่งดื้อๆ
“ไปสิ! ไป ไป”
พสุหัวเราะก๊าก เมื่อริวชี้นิ้วสั่งเรือราวกับมันจะเชื่อฟังคำสั่ง
“พี่อ่า...หัวเราะเยาะริว” ริวทำเสียงงอแง ปากยื่นแก้มพองอย่างแสนงอนที่พสุหัวเราะ
“พี่ไม่ได้หัวเราะเยาะ แต่พี่ขำที่ริวสั่งมันต่างหาก มันจะได้เหรอ?”
“นั่นสิ” ริวรับคำ แล้วยิ้มเขินๆ จนพสุอดขำไม่ได้ เด็กหนุ่มก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย
“หึหึ...มา พี่พายให้ดู” พสุคว้าพายของตัวเองขึ้นมาแล้วพายเรือออกจากท่าน้ำอย่างคล่องแคล่วจนริวทึ่ง เด็กหนุ่มทำตาโต จ้องมองอย่างสนใจ
“ริวก็พายเหมือนพี่ ทำไมเรือมันไม่ไปข้างหน้าละครับ”
“ริวไม่ได้เกร็งข้อมือตอนพายกินน้ำ...แบบนี้...” พสุทำตัวอย่างให้ดู แล้วคอยแนะนำเวลาที่ริวทำตาม ครู่เดียวริวก็พายเรือเองได้ แม้จะยังไม่คล่องนัก แต่ก็เบาแรงพสุไปได้มาก ทั้งคู่พายเลาะเลียบฝั่งไปเรื่อย เจอตรงไหนสวยแปลกตาก็หยุดลอยเรือดู แล้วค่อยพายต่อไป ไม่ว่าริวจะอยากแวะเวียนที่ไหน พสุก็ปล่อยตามใจ ไม่ขัดคอ....
ตลอดเวลาที่พายเรือเล่นอยู่ด้วยกัน แม้ริวจะไม่ได้สัมผัสร่างกายพสุ แต่สายตาอ่อนเชื่อมวาววามก็จับจ้องชายหนุ่มตลอดเวลาด้วยความหลงใหล ผิวขาวสะอาดซับสีแดงระเรื่อเพราะโลหิตสูบฉีดจากการออกแรงพายเรือ ทำให้พสุยิ่งน่ามอง
แม้มีท่าทางเก้อเขินที่เห็นเขาจ้องมอง แต่พสุก็ไม่ได้ตำหนิ นอกจากคอยหลบตาริวด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอยากหันหัวเรือกลับบ้านดื้อๆ แต่ไม่อยากให้พสุตำหนิได้ว่าเขาคอยจ้องแต่จะกอดพสุอย่างเดียว จึงทำได้เพียงจ้องมองพสุนิ่งๆเท่านั้น
ไม่ใช่แต่ริวที่รู้สึกหวาน หวาม ในอารมณ์ พสุเองก็รู้สึกเหมือนมือที่มองไม่เห็นลูบไล้เขาตลอดทั้งตัว ทุกครั้งที่เผลอหันไปสบตา ดวงตาวาวๆ นั้นจ้องมองเหมือนกำลังเปลื้องผ้าออกจากตัวเขา หลายครั้งที่เด็กหนุ่มจ้องปากเขานิ่งนานเป็นพิเศษ ด้วยความหมายที่ทำให้ลมหายใจเขาสะดุด.....
“บางที่น้ำเป็นสีน้ำเงินสวยจังครับ” ริวชวนคุยเสียงใสขณะที่เดินขึ้นจากท่าน้ำด้วยกัน แม้จะยังหอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อย เพราะการพายเรือใช้แรงค่อนข้างมากแต่เด็กหนุ่มก็ยังดูปราดเปรียว และสนุกสนาน
ริวถอดเสื้อชูชีพคืนให้พสุ แล้วถอดเสื้อตัวในที่เปียกเหงื่อชุ่มออกอีกตัว ขณะที่พสุนั้นแค่เหงื่อซึมๆ เพราะตอนพายกลับมาริวอาสาพายเองคนเดียว
“น้ำเป็นสีน้ำเงินแบบนี้แปลว่าลึกนะ” พสุบอกยิ้มๆ แล้วแขวนชูชีพคืนไว้ที่เดิม แต่พอหันกลับมา ริวก็ก้าวเข้ามาประชิดตัว
“มากอดพี่เนี่ย ไม่เหนียวตัวหรือไง” ชายหนุ่มถามเสียงเบา แต่ไม่ได้เบี่ยงหน้าหนีเมื่อปากจมูกอุ่นๆ ไล้มาบนแก้มและซอกคอ
“ไม่เหนียวสักนิด หอมออก...ไปอาบน้ำด้วยกันนะครับ...นะๆ” ริวถามแล้วคลอเคลียปากอยู่ที่ข้างแก้มของพสุ ขณะที่มือสอดเข้าไปลูบเอวแข็งแน่น เล่นเบาๆ
“พี่จะไปทำกับข้าว...บ่ายมากแล้วนะ ไม่หิวเหรอ” พสุถามพลางยึดมือซุกซนที่ทำท่าจะลูบเลยขึ้นไปถึงหน้าอกเขาเอาไว้
“ริวไปช่วยนะครับ” ริวอาสาแล้วถือโอกาสที่พสุมัวยึดข้อมือเขา หอมแก้มขาวแรงๆ
“ไม่ต้องหรอก ไปอาบน้ำเถอะ”
“ไปอาบพร้อมกันไม่ได้เหรอครับ” ริวชวนแล้วเลื่อนมือไปปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของพสุออก
“ไม่ต้องเลย...ไปอาบน้ำ” พสุทำเสียงดุ แต่สีหน้าเขินอายทำให้ริวได้ใจ
“นะ...นะครับ...” เด็กหนุ่มอ้อนแล้วดึงเสื้อสเวตเตอร์ตัวนอกของพสุออก ชายหนุ่มก็ร่วมมือยอมชูแขนขึ้นให้ริวถอดให้แต่โดยดี
“ก็ได้...รีบๆ อาบแล้วออกมาช่วยกันทำกับข้าว”
“ได้ครับ” ริวยิ้มแต้ ขณะที่พสุส่ายหัวแล้วถอนใจเฮือกใหญ่อย่างระอาแกมเอ็นดู สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนอีกตามเคย
................................................
*********แจ้งเรื่องหนังสือจากไรท์เตอร์ด้วยจ้า~*********
เปิดจอง เธอคือ...ลมหายใจ แล้วนะคะ
ในเล่มนอกจากเรื่อง เธอคือ...ลมหายใจแล้วยังมีส่วนของนิยายภาคพิเศษ เป็นแนวแฟนฟิคชั่นแวมไพร์ทไวไลท์แต่...ไม่เกี่ยวข้องกับตัวละครใดๆนะคะ เพียงแต่เอาข้อมูลเรื่องแวมไพร์และมนุษย์แปลงมาใช้ (ซึ่งภาคพิเศษนี้ จะมีอยู่แต่ในหนังสือค่ะ ไม่ได้ลงให้อ่านที่ไหน)
หนังสือพิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา ขนาด A5 เฉลี่ย 400 หน้า/เล่ม จำนวน 3 เล่มจบ ราคา 999 บาท + ฟรีค่าส่งแบบลงทะเบียนค่ะ
เปิดจองวันที่ 12 เมษายน - 9 พฤษภาคม 2554 จะเริ่มพิมพ์หลังปิดจอง ได้รับหนังสือต้นเดือนมิถุนายน
สนใจสั่งจอง เมล์มาที่ tanjai1991@gmail ดอท com เพื่อขอเลขที่บัญชี
แจ้งหัวเมล์มาว่า สั่งจองหนังสือ
นามแฝงที่ใช้:
จำนวน/ชุด:
**ที่อยู่ที่จะให้จัดส่งหนังสือ: (อันนี้สำคัญมากค่ะ ถ้าโอนแล้วลืมแจ้ง ไม่ส่งที่อยู่มาก็ไม่รู้จะส่งหนังสือไปที่ไหนนะค้า)
เมื่อแจ้งโอนแล้วจะมีเมล์คอนเฟิร์มกลับไปนะคะแล้วหลังจากนั้นจะอัพเดตรายชื่อให้ทราบอีกครั้งค่ะ
-
^^
สองคนข้างบนไวจริง อะไรจริง!
o22
-
รีบมาเม้นก่อนฮับ.. อ่านคราวๆๆแล้วน้องริวน่ารักมากๆๆเลย...
ยังไงพี่ไผ่ก็ต้องใจอ่อนกับน้องริวของเราอยู่แล้วว.. ฮาๆๆๆๆ
-
:mc4: กรี๊ดดดด เปิดจองหนังสือแล้ว มาลงชื่อก่อน 1 คน เีดี๋ยวส่งรายละเอียดไปให้ทางเมลล์ค่ะ
-
^^
สองคนข้างบนไวจริง อะไรจริง!
o22
:laugh: เห็นขึ้นตอนใหม่แล้วยังล่องหนอยู่ ก็เลยมารอชมถ่ายทอด(ปลา) กันสดๆก่อนเลยค่า
ขนาดฉากทำกับข้าวยังหวานขนาดนั้น :-[ เขินแทนพี่ไผ่
-
หวาน...ได้ใจ :o8:
ดีใจเปิดให้จองหนังสือ ประมาณหลังสงกรานต์จะส่งเมล์ไปจองครับ
+1 นิยายจะรวมเล่มแล้ว :pig4:
-
ริวขี้อ้อนจริงๆเชียว
-
ชอบช่วงเวลาหวานๆ :impress2: :impress2: หวังว่าหลังจากหวานจะไม่ดราม่ามากนะ
-
อยากให้อยู่เมืองนอกนานๆ
-
อืม...อยากกินเบบี้แครอทแบบนี้บ้าง อร๊างงง
สุดท้าย พสุก็ยังไม่เคยบอกรักริวใช่ไหมนิ??
-
เปิดจองหนังสือแสดงว่าใกล้จบแล้วหล่ะสิ
อยากได้มาครอบครอง แต่ว่า 3 เล่ม 999 นี่ ยังไม่รู้จะหาตังทันป่าว แล้วจะคอนเฟิร์มไปทางเมล์อีกทีนะคะ
-
เง้อ ลุ้นจะแย่ ทำไมพสุไม่บอกรักริวเร็วๆน้า
คนอ่านลุ้นจนตัวเกร็งแล้วเนี่ยยยยย อยากให้ริวสมหวัง
หลงรักริวที่สุด ^^ ริวน่ารักกกก
-
รวมเล่แล้วววว ดีใจจัง
พรุ่งนี้จะเมลไปหานะคะ
แล้วในเล่ม มีตอนพิเศษของเรื่องนี้ด้วยรึเปล่าคะ...
หวานเหลือเกิน และอบอุ่นด้วย
-
พี่ไผ่ใจดีกับน้องริวจริงๆ
เดี๋ยวจับอาบน้ำ จับนอน จับกินข้าว
:z1:
-
ที่พักก็ดี บรรยากาศก็เป็นใจ :-[
-
น่ารัก
+1
-
แพ้เด็กขี้อ้อนอย่างริว :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
พักนี้หนูริวขี้อ้อนจังน้า :o8:
-
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อยากจะอ่านซ้ำไปซ้ำมา
ชอบมากก ทั้งการเปิดเรื่องที่น่าสนใจ การดำเนินเรื่อง ภาษาที่ใช้
อยากได้หนังสือจังแต่ว่า ตั้ง 999 บาท อาจจะไม่เเพงนะคะ สำหรับเนื้อเรื่องขนาดนี้
แต่ช่วงนี้เงินช็อต ใช้เงินเยอะมาก จะพยายามให้ทันวันที่ 9 พ.ค. เดือนหน้าเเล้วกันนะคะ T^T
-
เป็นช่วงเวลาที่แสนหวานของทั้งคู่จริงๆ :-[
ไม่รู้ว่าพอกลับไปแล้วจะได้ใช้เวลาแบบนี้อีกตอนไหน..
-
อ่า~หวานมาก ๆ
น้องริวหื่นตลอดเวลาจริง ๆ
พี่ไผ่ก็ตามใจตลอดแต่ก็เขิน ๆ ~น่ารักดีอ่ะ
อยากให้หวานแบบนี้นาน ๆ
ไม่ต้องกลับเมืองไทยเลยได้ป่ะ ^^
-
พี่ไผ่ปากแข็งปากหนักจริงๆเล้ยยยยยย
หนูริวจะง้างปากพี่ไผ่ให้พูดว่ารักได้มั้ยเนี่ย ฮา
ไม่อยากให้กลับไปไทยเลยอ่ะ เดี๋ยวพี่ไผ่ก็ระวังตัวแจ หนูริวก็ต้องอดอยากปากแห้งอีก
แล้วนี่พี่ไผ่จะรู้ความจริงเรื่องหนูริวเมื่อไหร่หว่า ว่าที่จริงหนูริวนั้นรวยมหาศาล
แถมยังทำให้ความฝันของพี่ไผ่ที่จะได้ร้องเพลงเป็นจริงอีก
หรือว่าจะจบไปเลยให้คิดต่อเอาเอง OxO?
แต่ถ้ารู้ความจริง เดี๋ยวพี่ไผ่คงคิดมากแล้วก็โกรธน้องอีก
จบไปแบบหวานๆอย่างนี้อาจจะดีแล้วก็ได้
ตอนนี้หว๊านหวานนน ช่างกระชุ่มกระชวยหัวใจ คริคริ :m1:
-
ตอนหน้าในห้องน้ำใช่ม้ายยยยยยยย
รอมานานขอดีเทลเยอะๆเลยนร๊า :laugh:
-
อบอุ่นและอ่อนหวานมากมาย
:-[
-
น่ารัก...หวานมากเลยตอนนี้
พี่ไผ่ก็บอกรักน้องมันบ้างก็ได้นะ
น้องมันรอคำๆนี้จากพี่ไผ่นานแล้ว
-
ริวหื่นอ่ะ อร๊ายยยยยย
-
ริวหื่นจริงอะไรจริง :z1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ริวขี้อ้อนจังน้า~ แบบนี้ไผ่จะไปไหนรอดละเนี่ย
แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าเกิดเจ้าตัวระแคะระคายความจริงขึ้นมา
-
หวานนนนนนนนนนนนนน
หลุดขำริว ที่ชี้นิ้วสั่งให้เรือไป เหมือนหลานที่บ้านเลย 555
-
หื่นกว่าริว มีอีกมั๊ย ???
หื่นตลอดเวลาแบบนี้ พี่ไผ่ช้ำในก่อนท้องแน่ๆ
555555 :laugh: :laugh: :laugh:
-
ริว จอมเอาแต่ใจ เห็นได้จากเอานี้วชี้สั่งเรือ ฮา
พสุ จอมตามใจ เห็นได้จากริวอ้อนหน่อย ก็ใจอ่อนแล้ว ฮิ้ววว
เข้ากันจริงๆ ฮิฮิ
เก็บเกี่ยวความสุขไว้เยอะๆ เดี๋ยวกลับไทยแล้วก็ต้องกลับไประวังตัวเหมือนเดิม...เฮ้อ
ดูท่าเรื่องนี้เหมือนจะอีกยาว อย่างน้อยริวก็ต้องออกจากวงการ(หรือเปล่าหว่า?)
ติดตามตอนต่อไปค่า
:L2:
-
+1 ให้จ้า อยากให้หวานแบบนี้นาน ๆ
-
น้องริวน่ารักมากจริงๆ ^^
งื้อออออ
โฮวววว ชอบที่สุดเลย
อย่างงี้ต้องจััดไป 1 ชุดค่ะ
เด๋วเมลไปนะคะ หุหุ
-
อ๊ายยยย หนูริว น่ารัก+หื่น 5555+
จะมีฉากในห้องน้ำรึปล่าวเนี่ย ขอให้มีๆๆ :haun4:
ส่วนพี่ไผ่ก็น่าร๊ากกกก กลับไปไทยก็ขอให้เป็นแบบนี้นะคะ
ชอบอ่า ชอบๆๆๆๆ
หนังสือ งือออ เห็นราคาแล้วช็อค แต่ราคาก็เหมาะกับ 3 เล่มอ่ะนะ
อยากได้ๆๆ ต้องลองเก็บเงินดู 5555+ ต้องเอาหนูริวกับพี่ำไผ่มานอนกอดให้ได้ :laugh:
-
ตอนที่ 107
ชายหนุ่มเดินนำเข้าไปที่ห้องน้ำ แม้จะรู้ว่าริวคอยจ้องมองตลอดเวลา แต่พสุก็พยายามทำทุกอย่างให้ดูปกติ ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าที่เหลือออกจากตัวอย่างรวดเร็ว แล้วรีบก้าวเข้าไปยืนใต้สายน้ำอุ่น ริวตามเข้ามารวบตัวพสุเข้าไปกอดจนชายหนุ่มต้องดันตัวออกห่าง
“ไหนว่าจะอาบน้ำ”
“ริวจะอาบให้พี่ก่อนไง”
“อย่ารุ่มร่ามได้มั๊ย พี่จะรีบอาบ เดี๋ยวต้องไปทำกับข้าวอีก” พสุปรามแล้วหันไปฟอกสบู่ ริวเทสบู่เหลวใส่มือแล้วลูบไปบนแผ่นหลังของพสุ ผิวตึงลื่นปราดด้วยฟองสบู่ทำให้อารมณ์ของริวยิ่งกระเจิดกระเจิง จากที่เพียงจะฟอกสบู่กลายเป็นนวดเฟ้นแผ่นหลังเปลือยเบาๆ พสุชะงักเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักมือที่นวดเฟ้นแผ่นหลังและสะโพกเขาหนักหน่วงขึ้นทุกที จึงขยับกลับเข้าไปใต้สายน้ำ ฟองสบู่ถูกน้ำชำระออกไปอย่างรวดเร็ว
“หอมจัง” ริวกระซิบเสียงแผ่วอยู่ข้างหู ท่อนแขนแข็งแรงรัดตัวพสุแนบกับตัวเปล่าเปลือยของเขาแน่น มืออุ่นลูบไล้บนสะโพกแล้ววนไปด้านหน้าประคองเนื้ออุ่นของพสุไว้ แล้วเริ่มขยับหยอกเย้าจนชายหนุ่มสะท้านเฮือก
พสุหอบหายใจแรง เผลอแหงนหน้าขึ้นให้เด็กหนุ่มซุกไซ้ลำคอเขาได้ถนัด ขณะที่มือของริวก็บีบคลึงยอดอก และรูดรั้งส่วนล่างจนชายหนุ่มเผลอขยับสะโพกตามอย่างไม่รู้ตัว เนื้อร้อนผ่าวที่บดเบียดอยู่ด้านหลัง ระอุร้อนขึ้นทุกที ไม่นานริวก็ละมือจากยอดอก แล้วนิ้วเปียกลื่นก็ลูบไล้ช่องทางด้านหลังเบาๆ
ชายหนุ่มนิ่วหน้าเมื่อนิ้วยาวสอดเข้าไปในกายเขา กลิ่นสบู่เหลวหอมตลบทำให้เขาแน่ใจว่าคงเป็นสิ่งที่ริวใช้ชโลมนิ้ว นิ้วยาวเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วกวาดควานช่องทางด้านหลังให้ร้อนเร่าขณะที่ด้านหน้าก็ถูกรูดรั้งเร่งเร้าจนขาสั่นระริกแทบยืนไม่อยู่ พสุจึงยึดข้อมือของเด็กหนุ่มเอาไว้...
“ไปที่เตียงเถอะริว”
“มะ...ไม่ไหวแล้วครับ...ขอริวนะ...” ริวตอบเสียงกระเส่าแล้วพลิกกายพสุกลับมาหา ดันร่างของชายหนุ่มจนเซไปพิงผนังห้องน้ำ
“จะทำ...ริว...อะ” พสุหลุดเสียงครางแล้วกัดปากแน่น เมื่อเด็กหนุ่มยกต้นขาข้างหนึ่งของเขาขึ้น แล้วดันตัวเข้ามา ช่องทางเปียกลื่นด้วยสบู่เหลวทำให้ริวแทรกตัวเข้ามาได้ พสุพยายามจะค้าน แต่ทุกครั้งที่เขาอ้าปาก เสียงที่หลุดออกมาก็กลับเป็นเสียงครางที่น่าละอายจนเขาต้องกัดฟันไว้แน่น ตราบจนริวแทรกเข้ามาอยู่ในตัวเขาได้หมด เด็กหนุ่มถึงได้ช้อนใบหน้าเขาให้เงยขึ้นรับจูบ ริวยกน่องของพสุขึ้นพันรอบเอว ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบคว้าต้นคอริวไว้เพื่อพยุงตัว
“ทะ...อา...ทำอะไร...”
ริวไม่ตอบ แต่ค่อยๆ ก้าวไปหาอ่างอาบน้ำ พสุกัดปากแน่นทุกครั้งที่ริวก้าวเดิน ความรู้สึกอึดอัดจุกแน่นขึ้นมาสูงกว่าทุกครั้ง คงเพราะน้ำหนักของเขาที่ทิ้งลงไปบนสะโพก แรงเสียดสีทำให้ชายหนุ่มแอบโล่งอกเมื่อริวหยุดเดินแล้วหย่อนกายลงนั่งบนขอบอ่างด้านพิงศีรษะที่มีพื้นที่กว้าง...แต่ท่านั่งที่ต้องประจันหน้ากันแบบนี้ทำให้พสุต้องซุกหน้ากับซอกคอริวด้วยความกระดาก
“...เล่น...อะไร...อือ...”
“แบบนี้ ริวจะได้เห็นหน้าพี่ชัดๆ แล้วก็จูบพี่ได้ด้วย” ริวกระซิบตอบ แล้วยกสะโพกของพสุขึ้นเล็กน้อยก่อนจะดึงลง ทำให้พสุต้องเกร็งตัวกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
“ดะ...เดี๋ยวริว...อย่า...อย่าเพิ่งขยับ...”
“ทำไมละครับ...เจ็บเหรอ?”
“มัน...มันแปลกๆ...อือ..” พสุหลุดเสียงครางเมื่อริวยกสะโพกเขาสูงกว่าเดิม ดึงลงแรงแถมยังดันสะโพกสวนขึ้นมาแรงกว่าเก่า จนพสุสะท้านทั้งตัว
“เหมือนริวจะเข้าไปลึกกว่าเดิมเลย...พี่รู้สึกมั๊ย...อา...”
“อืม...ริว...เบาๆ พี่จุก...”
“เจ็บเหรอครับ...”
“มัน...มันจุกน่ะ...” พสุตอบอย่างกระดากแล้วเบือนหน้าหนีเมื่อริวจ้องตาเขาด้วยประกายวาววับ
“งั้น...พี่ขยับเองเอามั๊ยครับ...จะได้ไม่เจ็บไง”
“ไม่”
“นะครับ...นะ...น๊า...” ริวออดอ้อน พร้อมกับขยับสะโพกบดคลึงเบาๆ จนส่วนที่อยู่ในกายพสุกวาดวนไปทั่ว อาการเสียวแปลบในกายทำให้พสุต้องพยักหน้ารับอย่างยอมจำนน ชายหนุ่มยกตัวขึ้นช้าๆ แล้วค่อยๆ หย่อนกายลงอย่างระมัดระวัง แต่ไม่นานความรู้สึกเสียวกระสันก็พาให้ร่างกายเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาไม่ได้ขยับเพียงคนเดียว เมื่อริวเร่ง เขาก็เผลอเร่งตาม ทุกครั้งที่ริวดันกายเข้ามา ส่วนไวต่อสัมผัสจนแม้เพียงแตะโดนยังเสียวแปลบไปทั่วร่าง ถูกเสียดสีซ้ำๆ ทำให้ความรู้สึกทะยานขึ้นสูงอย่างรวดเร็วกว่าทุกครั้ง
“อื้อ...” พสุนิ่วหน้าอย่างอึดอัด เมื่อริวแนบประกบปากลงมา อารมณ์ตอนนี้พาร่างกายร้อนระอุ ลมหายใจหอบกระชั้นจนต้องอ้าปากหายใจ แต่เมื่อโดนปิดปากไว้ จึงต้องระบายลมหายใจด้วยจมูก พสุกอดเกี่ยวลิ้นกับริวแน่น ด้วยความรู้สึกมัวเมา ร่างกายผนึกแน่นทั้งบนและร่าง ลมหายใจร้อนๆ ที่แลกเปลี่ยนกันทั้งในปากและที่สูดจากกันและกันผ่านจมูก ทำให้ยิ่ง “รู้สึก” ถึงตัวตนของกันและกันอย่างชัดเจน กล้ามเนื้อทุกมัดเกร็งกระตุก และไอร้อนที่ฉีดพลุ่งยามที่ร่างกายถึงขีดสุด
พสุยังหอบหายใจเมื่อริวค่อยๆ ถอนตัวออกช้าๆ จมูกและปากร้อนๆ พรมจูบหัวใบหน้าและหน้าผากของเขา ก่อนที่เด็กหนุ่มจะช้อนตัวพสุกลับไปใต้ฝักบัว น้ำอุ่นจัดช่วยไล่เหงื่อและคราบไคลออกไปจนหมด แต่ความรู้สึกอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงยังคงอยู่เมื่อริวช้อนตัวเขาขึ้นอุ้ม พสุจึงไม่ขัดขืน ปล่อยให้เด็กหนุ่มพาเขาออกมาวางบนกองผ้าห่มหน้าเตาผิง อากาศที่ยังเย็นยะเยือกของต้นฤดูร้อน ไร้ความหมายเมื่อผิวอุ่นจัดเปล่าเปลือย ซ้อนเข้ามาด้านหลังและรวบตัวเขาเข้าไปกอดเอาไว้ พสุถอนใจยาว ขยับเอียงศีรษะให้ได้มุมสบายที่สุดบนต้นแขนของริว แล้วผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว....
เสียงไม้แตกปะทุเบาๆ จากเตาผิง ปลุกให้พสุลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มเหลียวมองไปรอบๆ อย่างงุนงงในตอนแรก แต่เมื่อขยับตัวก็พบว่าวงแขนแข็งแรงโอบรัดรอบตัวเขาแน่นจนขยับไม่ได้
พสุหันกลับไปมอง ก็เห็นคนกอดเขาหลับสนิท ขนตายาวงอนเป็นแผง ทอดเงาทาบทับบนแก้มเนียนใสด้วยวัยเยาว์ ชายหนุ่มหน้าแดงเมื่อรู้ตัวว่าร่างเปลือยเปล่าของเขา ตั้งแต่แผ่นหลังลงไปจนจรดปลายเท้า สัมผัสแนบชิดกับตัวริวเพียงใด พสุขยับจะถอยออก แต่ริวกลับกระชับวงแขนแน่นขึ้น
“..ริวรักพี่...” เด็กหนุ่มละเมอเบาๆ แล้วซุกหน้าลงมาบนต้นคอ พสุนอนตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนใจยาวแล้วอดยิ้มไม่ได้...ดูท่าเขาคงไม่มีปัญญาถอยห่างจากริวได้อีกแล้ว...
เสียงนกร้องจู๋จี๋ ปลุกให้พสุรู้สึกตัวอีกครั้ง แม้ผนังด้านทะเลสาบเป็นกระจกใส โล่ง ตั้งแต่พื้นจรดเพดาน แต่หมอกหนาที่ยังแผ่ปกคลุมเหนือผืนน้ำของทะเลสาบ ก็ทำให้มองเห็นทะเลสาบได้เพียงรางๆ เท่านั้น
“ตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงถามอยู่เหนือศีรษะทำให้พสุต้องพลิกกายกลับมาหา ริวนอนตะแคงเท้าแขนค้ำศีรษะไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง ขณะที่อีกมือก็ลูบไล้ท่อนแขนและผิวที่โผล่พ้นผ้าห่มของพสุเล่น ดวงตาเป็นประกายวาววามจนพสุต้องเสมองไปที่อื่นไม่กล้าสบตา
“ริวตื่นนานแล้วเหรอ”
“ครับ” ริวตอบพลางยกมือพสุขึ้นมาหอม จูบไล่จากปลายนิ้วขึ้นมาหาหัวไหล่ช้าๆ จนพสุขนลุกด้วยความสยิว
“ตื่นแล้วก็น่าจะปลุกกันบ้าง พี่จะได้ไปหุงข้าว”
“ก็...เวลาพี่หลับ พี่น่ารักจะตาย...ริวไม่อยากปลุกเลย อยากนอนมองนานๆ” ริวชี้แจงแล้วก้มลงจูบบนปลายจมูกโด่งเบาๆ
“คำว่าน่ารักเขาไม่ใช้กับผู้ชายหรอก อย่างพี่น่ะต้องเรียกหล่อ” พสุทำเป็นคุยทับ เพื่อกลบเกลื่อนอาการเขิน
“หล่อน่ะเวลาอยู่หน้ากล้องต่างหาก แต่เวลานอนพี่น่ารักน่ากอดมากเลย”
“พอๆ...ไปอาบน้ำเถอะ เผื่อวันนี้จะไปเที่ยวไหนกันต่อ” พสุรีบเปลี่ยนเรื่อง แล้วพยายามจะดันตัวออกจากวงแขนของริวแต่ไม่สำเร็จ
“ไปอาบด้วยกันนะครับ” ริวชวนแล้วแนบจูบไปบนแก้มและผิวอ่อนบางข้างใบหูจนพสุต้องเบี่ยงหน้าหนี
“ไม่เอาแล้ว...ปล่อยเลย ด่วนจี๋”
“แต่ริวยังอยากกอดพี่อยู่เลย”
“ไม่ต้องเลย พี่จะเข้าห้องน้ำ” พสุแกล้งทำหน้านิ่วใส่ อาศัยจังหวะที่ริวจ๋อย รีบลุกขึ้น ชายหนุ่มหน้าแดงเมื่อกวาดตามองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นเสื้อผ้าสักชิ้นเดียว พสุจำใจต้องลุกหนีไปเข้าห้องน้ำทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่า ถึงจะเขินที่ริวคอยมองตาม แต่ก็ยังดีกว่านอนอยู่อย่างนั้น เพราะริวคงไม่ปล่อยให้เขานอนอย่างสงบๆ แน่
แม้เมื่อเย็นวานจะถูกริวกอด แต่เพราะกลางคืนได้พักตลอดคืน อีกทั้งริวก็แตะต้องเขาอย่างทะนุถนอม ทำให้พสุไม่เจ็บมากนัก นอกจากอาการตึงๆ และระบมเวลาที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เท่านั้น
พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พสุก็เข้าไปดูอาหารสดในครัว เมื่อเย็นวานก็ไม่ได้กินอะไร แถมเช้านี้เขายังตื่นสายจนท้องเริ่มประท้วง สิ่งที่จะทำได้เร็วสุดคงเป็นสลัดผัก กับปลาอบ ซึ่งเป็นอาหารโปรดของเขาและริว เพราะแม้จะสายแล้ว แต่ถ้าจะให้กินเนื้ออบ ก็คงหนักท้องเกินไป
ริวอาบน้ำเสร็จก็ตามมายืนมองพสุนิ่งๆ จนชายหนุ่มชักเชิน...
“พี่ก็ทำกับข้าวไม่ค่อยเป็นหรอกนะ...ได้แค่นี้แหละ ทนๆ กินหน่อยละกัน” พสุออกตัวแล้วยิ้มบางๆ ขณะที่สองมือสาละวนอยู่กับผักในอ่างน้ำ ริวจ้องมองใบหน้าที่ก้มต่ำจนเห็นแพขนตายาวแล้วอดใจไม่อยู่ เด็กหนุ่มเบียดเข้าไปยืนซ้อนหลังพสุแล้วสอดแขนเข้าไปกอดเอว ก่อนจะงับลงบนต้นคอขาวที่อยู่ใกล้เบาๆ
“ริวอยากช่วยพี่จังเลย” ริวกระซิบเบาๆ ข้างหูแล้วสอดมือเข้าไปลูบเอวแน่นแข็ง แต่แทนที่พสุจะเข้าใจความหมายของเขา พี่กลับใช้งานริวหน้าตาเฉย
“อืม...งั้นไปหยิบชามน้ำสลัดในตู้เย็นมาทีสิ พี่แช่ไว้สักพักแล้ว” พสุกลั้นยิ้มไว้สุดความสามารถ หางตาเห็นริวทำคอตกหน้าหงอย แต่ก็ยอมทำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย
“ครับ”
ริวยกชามน้ำสลัดออกมาให้ พสุก็เทราดลงในชามผักแล้วคลุกจนเข้ากัน ชายหนุ่มตักขึ้นชิมรสแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ
“ขอริวชิมมั่ง”
“เอาสิ” พสุขยับจะตักสลัดให้ริวชิม แต่เด็กหนุ่มกลับชะโงกมาเลียปากเขาหน้าตาเฉย
“น้ำสลัดหวานไปป่ะค้าบ” เด็กหนุ่มถามแล้วอมยิ้มหน้าทะเล้น ขณะที่พสุแกล้งถอนหายใจเฮือกใหญ่ประชด
เสียงกริ่งจากเตาอบทำให้พสุต้องรีบวางมือจากสลัด มาเปิดฝาเตาออก กลิ่นปลาอบหอมฟุ้งจนริวลูบท้องป้อยด้วยความหิว เด็กหนุ่มกุลีกุจอยกจานมาให้พสุตักปลาอบ แล้วช่วยกันยกออกไปที่โต๊ะอาหาร
พอพสุวางจานลง ริวก็ลากเก้าอี้เข้ามาจนติดกัน พสุเหลียวมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างแปลกใจ แต่ริวทำไม่รู้ไม่ชี้ นั่งลงเบียดแล้วยกแขนขึ้นวางบนพนักเก้าอี้ของพสุ จนกลายเป็นว่าเด็กหนุ่มนั่งโอบพสุกลายๆ แถมยังตักปลากับสลัดในจานพสุกินหน้าตาเฉย
“เฮ้ย! ทำไมมาตักปลาในจานพี่ล่ะ” พสุท้วงแล้วแย่งมีดและส้อมมาจากริว
“ก็ปลาจานพี่อร่อยกว่าของริว...สลัดก็อร่อยกว่า”
“เฮ้อ! อร่อยกว่าใช่มะ งั้นแลกจานกัน” พสุเลื่อนจานตัวเองให้ริว แต่เด็กหนุ่มกลับเลื่อนคืนมา
“แลกไปก็เท่านั้น ยังไงจานที่พี่กินก็อร่อยกว่าอยู่ดี”
“แล้วจะเอายังไง”
“พี่ก็ให้ริวกินด้วยไง” ริวตอบหน้าระรื่นจนพสุนึกหมั่นไส้
“ไม่ต้องเลย แล้วนี่จะขยับเข้ามาติดขนาดนี้ทำไม โต๊ะตั้งกว้าง” พสุดุแล้วเอาศอกกระทุ้งสีข้างริวเบาๆเป็นเชิงเตือนให้ถอยมากกว่าจะให้เด็กหนุ่มเจ็บ
“ก็ริวอยากอยู่ใกล้ๆพี่นี่นา...อยู่ห่างๆแล้วริวคิดถึง” ริวทำเสียงออดอ้อนแล้วเอาแก้มไถกับไหล่พสุเบาๆ เหมือนแมว
“แหวะ! เน่า” พสุบ่นแล้วเมินหน้าไปยิ้มกับข้างฝา ขำสำนวนน้ำเน่าของเด็กหนุ่ม แต่ขณะเดียวกันก็อดรู้สึกหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินไม่ได้ ชายหนุ่มแสร้งกลบเกลื่อนความอายด้วยการทำทีเป็นสนใจแต่จานอาหารตรงหน้า
“พี่อ่า...ใจร้าย กินคนเดียวไม่แบ่งริว” ริวทำเสียงตัดพ้อเมื่อพสุจิ้มปลาใส่ปากโดยไม่สนใจเขาสักนิด
“ก็ตักกินสิ” พสุตอบแล้วแกล้งเคี้ยวปลายั่วน้ำลายเด็กหนุ่ม
“ริวตักเองได้ที่ไหน มือไม่ว่าง” ริวตอบแล้วกระชับมือที่โอบรอบตัวพสุแน่นขึ้น
“แล้วมือทำอะไรอยู่ ถึงไม่ว่าง” พสุแสร้งถามทั้งที่หมั่นไส้เด็กเจ้าเล่ห์เต็มที
“ก็นี่ไง ต้องกอดพี่อยู่นี่ไง แค่กอดพี่ก็เต็มสองมือแล้ว จะเอามือที่ไหนไปตักอะไรกินได้” ริวทำเสียงออดๆ แล้ววางคางลงบนไหล่พสุ
“งั้นก็อด...ดี พี่จะกินคนเดียวให้หมดเลย” พสุตอบหน้าตาเฉยแล้วจิ้มปลาใส่ปากคำโต
“พี่อ่า...พี่ไผ่ค้าบ...ไม่สงสารริวเหรอ...ริวหิวน๊า”
พสุทำหูทวนลม ไม่สนใจเสียงอ้อนของเด็กหนุ่ม จนริวต้องตักอาหารกินเองอย่างกระเง้ากระงอด
พอกินอาหารเสร็จ พสุก็ยกจานชามเข้าไปล้างในครัว ริวลุกตามเข้าไปยืนซ้อนอยู่ด้านหลังของพสุ แล้วจุ่มมือลงในอ่างล้างจานทำให้พสุตกอยู่ในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มโดยปริยาย
“นี่จะช่วยให้เร็วหรือจะช่วยให้ช้ากันแน่หืม?” พสุปรามแล้วใช้ศอกกระทุ้งท้องริวเบาๆ เพราะริวเอาแต่ลูบมือเขาเล่นอยู่ในอ่างล้างจาน พอถูกดุแทนที่จะสลด ริวกลับยิ้มกว้าง วางคางลงบนไหล่ของพสุ แล้วเปิดน้ำล้างฟองออกจากมือชายหนุ่ม ลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดใบหู บวกกับมือเปียกๆ ที่ลูบไล้มือพสุจนชายหนุ่มขนลุก
“ริว! เล่นอะไรเนี่ย พี่ไม่...” พสุหันกลับไปจะปราม แต่กลับถูกล็อคตัวไว้แล้วปากบางก็แนบลงมาบนปากของเขา ลิ้นอุ่นสอดเข้ามาในปากอย่างรวดเร็ว โลมลูบ กอดเกี่ยวอย่างนุ่มนวล แล้วค่อยๆ บดคลึงริมฝีปากหนักหน่วงยิ่งขึ้น ส่วนล่างที่เสียดสีกัน ร้อนจนผ่านกางเกงยีนส์ออกมา พสุขยับปากเพื่อจะถอย แต่ริวกลับดูดปลายลิ้นเขาแรงจนรู้สึกเสียววาบในท้อง เสียงลิ้นเบียดรัดกันดังก้องในปาก ยังไม่รวมเสียงหอบหายใจและเสียงครางแผ่วเบาในลำคอ
“ริว....พอก่อน เดี๋ยวเลยล้างจานไม่เสร็จพอดี...”
“ค่อยล้างก็ได้นี่ครับ” ริวกระซิบตอบด้วยดวงตาพราวระยับ เด็กหนุ่มดึงพสุออกมาจากครัว แต่ชายหนุ่มขืนตัวไว้เมื่อเห็นว่าจุดหมายของริวคือห้องนอน
“อื้ม...เดี๋ยว...อือ...เดี๋ยวสิ...นี่มันเพิ่ง...อื้อ” พสุพูดไม่ออก เพราะริวปิดปากเขาไว้ สติที่ยังเหลือเพียงน้อยนิดทำให้พสุ พยายามขืนตัวไม่ยอมให้ริวพาเขาเข้าห้องนอน ริวถอนปากออก แล้วจ้องมองปากแดงจัด ตาวาววับดื้อดึงของพสุอย่างหลงใหล
“นะครับ”
“ไม่ได้...นี่มัน กลางวันแสกๆ นะ พี่ไม่เข้าห้องนอนเด็ดขาด” พสุดุแล้วหน้าแดงเสียเอง ชายหนุ่มสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ริวก็
เกี่ยวปลายเท้าเขาจนเสียหลักล้ม แต่ไม่กระแทกพื้นเพราะริวรวบตัวเขาขึ้นแบกบนไหล่ พาออกมายังห้องโถงแล้ววางเขาลงบนพรมหน้าเตาผิง
“จะ...จะทำอะไรริว” พสุรีบปรามเมื่อริวรวบกอดเขาแล้วดันให้นอนลง พร้อมกับดึงเสื้อที่พสุสวมอยู่ออกทางศีรษะอย่างรวดเร็ว
“ก็...ไม่เข้าห้องนอนไม่ใช่เหรอครับ”
……………………………………………….
*************************
สวัสดีวันปีใหม่ไทยทุกคนเน้อ เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ :L2:
ลายาววว เจอกันอีกทีอังคารหน้าเลยเน้อ
:จุ๊บๆ:
-
^
^
^
สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันครับ
มีกันและกัน :L1:น้องริวกับพี่ไผ่
เก็บเกี่ยวกับทุกสถาณการณ์จริงๆ ริวทุกนาทีไม่มีเสียเปล่า
อ้อนไ้ด้ใจ พี่ไผ่ก็อบอุ่นสุดๆ มองเห็นภาพเลยความรักและความสุข
ที่ทั้งสองคนมอบให้แ่ก่กัน....
+1 ครับ ความรักจงเจริญ ความสุขคงอยู่ชั่วกาลนานฯ
-
วันหยุดนี้ กินอะไรก็คงไม่ต้องใส่น้ำตาล ได้รับความหวานจากนิยายมามาก(แต่ไม่เคยเกินพอ หุหุ :o8:)
ป.ล. สวัสดีปีใหม่ไทยฮับ :mc2:
-
บวกบวกบวกบวกค่า
-
น้องริวจ้าา หื่นเกินไปน๊ะ 5555+
สงสารพี่ไผ่ม๊างง เดี๋ยวจะบอบช้ำหมด อิอิ
หวังว่าเรื่องนี้คงจะไม่มีดราม่าแล้วเนาะ
ขอหวานๆ แบบนี้ตลอดไป อิอิ
ดราม่าแล้วน้ำตาจะไหล 5555+
-
สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่า!! :L2:
จริงๆเราน่าจะอมยิ้มนะ ตอนอ่านบทนี้ แต่...หัวเราะ! พอดีจี้ตรงที่ไผ่บอกว่าไม่เข้าห้องนอนน่ะค่ะ คิดไปก่อนอยู่แล้วว่า เดี๋ยวก็โดนย้อนคืนด้วยการไปที่อื่นหรอก ใช่จริงๆเสียด้วยแฮะ :o8: ริวชักเจ้าเล่ห์เข้าไปทุกที...แบบนี้ไผ่ก็แพ้ทางตลอดน่ะสิเนี่ย
ปล.ลาถึงอังคารหน้าเลยเหรอคะ o22อ่า...ถึงจะเสียดายแต่ก็จะรอนะคะ
-
:-[
-
:-[ ริวอ่ะ หื่น......
-
โถพี่ไผ่ ไม่ใช่ห้องนอนน้องริวเค้าก็ปฎิบัติภาระกิจได้ หวานช่ำ ชื่นใจ เสียเลือด ดีจริงๆ เฝ้ารอตอนต่อไป :impress2:
ปล.สวัสดีปีใหม่ไทย ค่า
-
:L2:สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ :L2:
หวานรับปีใหม่ไทย ริวเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน เอาแต่ใจตลอดเลยเริ่มได้เค้าลางเจ้าพ่อตลาดหุ้นแล้ว
อยากให้คงความหวานความเข้าใจไปอย่างนี้ตลอด ไม่อยากให้มีพลัดพรากเลย
-
ริวหื่นมากเลย
มันคงเป็นแบบนี้ไปตลอดจนจบ
จะดีใจมาก
-
:haun4: :haun4: :haun4:
น้องริวววววววววววววววววว
:jul1: :jul1: :jul1:
-
หนูริวตายอดตายอยากมาจากไหนเนี่ย?
อย่าตะกละมากนักสิหนู
เดี๋ยวพี่ไผ่ก็โดนกินหมดตัวไม่เหลือหรอก
หมดแล้วจะเอาที่ไหนกินอีกล่ะจ้ะ :z1: :haun4:
ของแบบนี้ต้องขยักไว้กินนานๆนะ
-
:haun4: :haun4: :haun4:
พี่ไผ่เหนื่อยแน่งานนี้.....
-
สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่า
หนูริวสามารถได้ทุกสถานที่จริงๆ
แต่รู้สึกถึงความอ่อนโยนที่อบอวลอยู่
ชอบมากกกกกก
เลือดหมดตัวแล้ว
-
:m25: สาดเลือดรับปีใหม่ไทย
-
พี่ไผ่น่วมแน่ๆ ริวเอ่ยให้พี่เขาพักบ้างอะไรบ้าง :-[
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
-
โคตรเจ้าเล่ห์เลยอ่ะ ทั้งขึ้นทั้งล่อง พี่ไผ่ตายไปเลย
นี้มันช่วงพรีฮันนีมูนใช่มั้ยเนี้ยไอ้เสือเอ้ย!! พักบ้างไรบ้าง
อิอิ แต่ป้าชอบบบบบ กร๊ากๆๆๆๆ :laugh:
สุขสันต์วันสงกรานต์คร้า^^
-
อ่อยยยย +1
หวานจนแทบจะสำลักน้ำตาล
น้องริวไปเรียน ท่าทางแบบนั้นมาจากไหน รึ คิดเอง ??
ฮ่าๆๆๆๆ
พี่ไผ่เลยต้องโอนอ่อนผ่อนตาม อร๊ายยย เขินมาก !!!
><
โฮวววว จะไม่เจอพี่ไผ่กับน้องริวไปจนอังคารหน้าเลย ฮึกกกก
นานนะ T^T
สวัสดีปีใหม่ไทย เช่นกันนะคะ
:mc4:
-
พี่ไผ่รับศึกหนัก 555
กด+ให้จ้า
-
น้องริวเอ้ย หื่นได้ใจจริงๆลูก เผลอเป็นกดพี่ไผ่ตลอดเลย อิอิ :haun4:
-
ท่าทางริวจะตุนไว้ก่อนกลับนะ
ชักสงสารไผ่แล้ว
-
ริวหื่นมากมาย พสุจะได้พักไหมเนี่ย :m12:
ต้องทำใจหน่อยนะ
น้องกำลังวัยรุ่นเลย :haun5:
ปล.สวัสดีปีใหม่ไทยนะคะ
-
สวัสดีปีใหม่ไทยคะ พี่ไผ่พาน้องริวไปเล่นสงกรานต์รึเปล่า
สำหรับตอนนี้ :jul1: :jul1: :jul1:
ไม่เข้าห้องนอน
ไผ่เอ๊ย อย่างนี้ก็เข้าทางริวนะเนี่ย
ห้องน้ำ ห้องนอน
มีแบบเอ้าท์ดอร์ไหมคะ :-[
-
กรี๊ดดดด ริวหื่นนนนน
-
55555+
น้องริวจัดไปปปป... พี่ไผ่ชอบดื้อ น้องริวเลยต้องจัดการรร เหร๋อออ?
แอบสงสารพี่ไผ่แต่ก็ชอบอะ.....
เบาๆๆหน่อยนะจ๊ะน้องริว... แอบสงสารพี่ไผ่เค้า.. แต่คนอ่านกระชุมกระชวยอะ...
ชอบๆๆๆ รอฮํบผมมม..วันอังคารรรหน้า..
อยากรู้จักจะเล่นสงกรานกันไหมเนี้ย.. สองคนนน..
หรือว่าเล่นกันในห้องน้ำๆๆๆ.. สาดน้ำกันเองอะป่าว........ :-[
-
โหหห ท่าทางพสุคงต้องใช้ไม้เท้ากันบ้างละงานนี้
-
ริวเอ้ยยยยย
ลดระดับดีกรีความหื่นลงหน่อยลูก
เลือดป้า กระฉูดดดด :jul1:
-
หื่นเกินไปแล้ววววริวเอ๊ย !
แม่ยกแถวนี้เลือดจิหมดตัวแล้ว >///<
หวานมากกกกก ชอบ ~ ไม่เอามาม่าแล้วนะ
ขอแบบนี้ตลอด ตลอดเลย ^^
-
:-[ :-[ :-[
โอยยยยย...สงกรานต์นี้ได้สาดเลือดแทนน้ำแน่ๆเลยค่ะ
หวานจนน้ำตาลท่วมจอ แต่ก็จะยอมให้ท่วมใจเลย
น้องริวน่ารักไม่ไหวแหละ เป็นเด็กหนุ่มที่ขยันเรียนรู้มาก
(เรียนรู้เรื่องอะไรหลังไมค์ไปถามพี่ไผ่เอาเอง อิอิ)
ปล.บทรักเริ่มจะดุเด็ดเผ็ดร้อนมากขึ้น >.< :impress2:
แต่เวลาอ่านแล้วชอบนะ ฉากมันเหมือนเมคเลิฟ ไม่ใช่มีเซ็กส์ มีเยอะๆก็ยังรู้สึกอิ่มเอม ไม่มีเบื่อ >3</
-
กอบโกยให้เต็มที่น้องริว
เดี๋ยวกับไปพี่ไผ่ก็ทำแต่งานอีก :กอด1:
-
น้องริวทั้งขี้อ้อนเจ้าเล่ห์แถมยังหื่นอีก
จัดเต็มตลอดเวลาเลยน๊า
แต่เอาเหอะ เก็บกดมานาน
ถึงวันของเราแล้วน้องริว เต็มที่เลยน้อง
สวัสดีปีใหม่ไทยค่า
มีความสุขมาก ๆ นะคะทุกคน
-
ช่วงนี้ริวคึกคัก จริงๆ กรี๊ดดดดดดดดดชอบ
-
น้องริวร้ายขึ้นทุกวัน
สวัสดีปีใหม่ไทย
+1
-
แหม๊ รู้สึกว่าริวเริ่มหื่นนะเนี่ย อิอิ เพลาๆมั่งเดี๋ยวพี่ไผ่ก็ช้ำหมดหรอก 555+
-
เที่ยวให้สนุกเช่นกันนะจ้า
-
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
หื่นจริงนะริว ทะนุถนอมพี่ไผ่หน่อยสิ
อร๊ายยยยยยยยยย
-
หุหุ ไม่เข้าห้องนอน ริวก็จัดที่ใหม่ให้ได้
ไผ่เอ้ยเสียทั้งขึ้นทั้งล่องไม่ว่าจะทำอะไร
ขนาดนี้แล้วก็ยอมๆ ไปเถอะ :laugh:
สุขสันต์วันปีใหม่ไทยค่า
-
ริว ตักตวงให้คุ้มนะจ๊ะ เดี๋ยวกลับไปก็ต้องทำแต่งาน แถมยังต้องระวังสายตาคนด้วย
-
มาบวกให้กับความหื่น
ตาย อย่างนี้ช้ำหมด เอิ๊ก เอิ๊ก แต่รู้สึกว่า พี่ไผ่จะรับไหวเนาะ
-
รู้สึกว่าน้องริวจะอัพเลเวลความหื่นได้รวดเร็วจริง ๆ
เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ สุขสันต์วันปีใหม่ไทย
-
ริวเก็บเกี่ยวเอาให้คุ้มกับเวลาที่มีเลยเหรอ
ไม่เว้นบ้างเดี๋ยวไผ่ก็ไม่ไหวหรอก
แต่ก็เนอะกลับไปก็ไม่มีเวลาจู๋จี๋อีก
-
สวัสดีปีใหม่ไทยนะคะ
สงสารพี่ไผ่ของเราจัง
ยังไงริวก็เบาๆหน่อยนะ
เดี๋ยวพี่ไผ่เขาจะไม่ไหวเอา :-[
-
หวัดดีปีใหม่ไทยคนเขียน คนโพส คนอ่านทุกคนนะ
:z1:วันดีๆที่มีเรื่องให้อ่านแบบชุ่มฉ่ำใจ
อยากให้อยู่ช่วงฮันนิมูนตลอดไปนะ แต่คงเป็นไปไม่ได้ พี่ไผ่อาจจะไม่เหลือสักเสี้ยวเพราะโดนริวเขมือบหมด
รอเจอกันอีกทีวันอังคารค่ะ
-
อย่างนี้พี่ไผ่จะรับมือริวไหวไหมเนี่ย?
-
ตกลง ไม่มีของเล่นแล้วเหรอคะ ยังรออยู่นะเนี่ย
-
ทำไมน้องริวมันหื่นแบบนี้เนี่ยะ
กะทำพี่ไผ่ไม่มีเวลาพักผ่อนกันเลยใช่มั้ย :-[
ก็แบบนี้แหละน้า กลับเมืองไทยเมื่อไร ต้องอดแน่ๆ :เฮ้อ:
-
ริว เอ่อ...นับวันจะยิ่งหื่นนะเนี่ยลูก :z1:
-
หวัดดีปีใหม่ไทยค่ะทุกคน
เลือดจะหมดตัวเพราะน้องริวพี่ไผ่แล้วนะค่ะ
-
โฮะ ๆๆ ไอ้หนูริวหื่นจริงอะไรจริง -..-
:z1:
-
ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายตอนเลยเรา
พอมาอ่านได้เสียเลือดไปเต็มๆเลย
น้องริวจัดหนักพี่ไผ่ได้ใจคนอ่านมาก
น้องจากริวจะแอบหื่นแล้วยังหวานสุดๆด้วย
อยากให้หวานกันแบบนี้ไปนานๆจังเลย
:กอด1: :L2: :pig4:
-
:haun4: นู๋ริว ช่างน่ารักเจงๆ
-
น้องริวขา ถนอมพี่ไผ่หน่อยน้าาา
ให้พี่เค้าพักหน่อยน้าา ก๊ากกกกกกกกกก
-
แอร๊ยยย น้องริวจะฟิตไปไหนลูก...พักบ้างอะไรบ้างก้อได้ พี่ไผ่หายใจหายคอไม่ทันพอดี :-[
-
ใช้เวลาอ่าน รวดเดียว 2 วันกว่าจะถึงตอน update ล่าสุด o22
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 4 แล้ว ที่เราเห็นว่าสนุกจนต้องสั่งเป็นหนังสือมาอ่าน (โครงเรื่อง บุคลิกตัวละคร การเขียนบรรยายฉากบรรยากาศ บทสนทนา แจ๋มสุดๆ o13 )
ชอบเรื่องนี้มากมาย
ตอนแรกนึกว่าเจ้าริวน้อยจะเป็นฝ่ายรับ แต่พอเห็นส่วนสูงเลยไม่แน่ใจ เพราะพสุก็แม๊น แมน คนเขียนเก่งมากเลยที่สร้างพัฒนาการของตัวละคร ค่อยๆ เป็น ค่อย ไป
ทำให้จากเด็กน้อยไร้เดียงสา ตอนนี้ กลายมาเป็น เจ้าหนูหื่นซะแล้ว 555 :laugh:
-
ทำไมริวมันเก่งอย่างนี้ ไม่บอกไม่เชื่อนะเนี้ยว่าเรียนมาจาำกไผ่คนเดียว เชี่ยวสุดๆ
สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ
-
+ 1 แทนคำขอบคุณ กรี๊ด ริวหื่นมากแม่ยกชอบบบบบบบบบบบบบบบบบ :haun4:
-
ริวถึงจะหื่นมากกว่าตอนอยู่เมืองไทย แต่ก็อ่อนโยนมาก ได้ใจดิฉันจริงๆค่ะ
ไผ่คร้าบ ช่วงนี้เป็นช่วงที่จะต้องเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้ทุกเม็ด ดังนั้น
ไม่ต้องมัวเขินอายนะครับ ให้ความร่วมมือกับริวไปทุกครั้งโลด
กลับเมืองไทยจะหาโอกาสแบบนี้ยากนา
-
พี่ไผ่ จับ น้องริว กด เลย จะได้ไม่เจ็บ 55+ :laugh:
ชอบเรื่องนี้จัง (ชอบทุกเรื่องของคนแต่งเลย)
o13 o13 o13 o13
น้องริวเนี่ย แอบร้ายนะ ตั้งแต่ตอน รถชนต้นไม้แล้ว
คาแรกเตอร์น้องริว แอบนึกถึง บทซัมดง ในเรื่อง Dream High ไปดูเรื่องนี้แล้วคิดว่า น้องริวชัดๆ
คาแรกเตอร์พี่ไผ่ เรายังนึกไม่ออก 55+
พี่ไผ่จะทันน้องไหมเนี่ย น้องเราเริ่มเก่งแล้วน้าาา
แล้วใครมี something's wrong กับพี่ตะวันล่ะเนี่ย พี่ดล?? หรือป่าว????
ปล. ถาม!!!! มีเรื่องพี่ตะวันไหมค่ะ
-
สวัสดีปีใหม่(ไทย)ค่ะ
ริวต้องอย่างนี้สิ
ทำเอาพี่ไผ่ไปไม่เป็นเลยทีเดียว
ไม่เอาห้องนอน ก็ได้ 555 ริวเจ้าเล่ห์มากเลย
ขอให้หวานแบบนี้ไปตลอดน่ะค่ะ
-
หน้านี้เลขงามม๊ากกก
ขอเม้นท์ด้วยคน อิอิ ^^
-
เหอะๆ ริวชักจะเจ้าเล่ห์เข้าไปทุกที :o8:
-
:L1: :3123: :กอด1:
-
ให้กำลังใจเสมอนะครับ ขอให้มีความสุข
และผ่านเรื่องราวร้ายๆไปได้ :pig4:
-
ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวัน
หนูริวอัพเกรดความหื่นขึ้นอีกหลายเท่า
ได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ
:m25: :m25:
อ๋อย เลือดจะหมดตัวแล้วคร่าาาาาา
รอตอนต่อไปค่ะ
-
555+
เหนทีพี่ไผ่เราคงต้องโทรมแหงๆ
ริวไม่ยอมเลิกเรย
กร๊าก~~~~!!!!!
-
หนูริวววววววววววว
อร๊ายยยยยยยยย
ทำไมหนูเจ้าเล่ห์อย่างนี้คะ
:-[
ยังไงก็อย่าลืมทะนุถนอมพี่ไผ่ด้วยนะ
:z1:
+1 ขอบคุณนะคะแล้วก็เป็นกำลังใจให้จ้า
-
ตามอ่านทันแล้วใช้เวลานานเลยกว่าจะอ่านทัน
ริวก็นะน่ารัก น่ากอดมากๆ+หื่นมากอีกด้วยอ่ะ
ส่วนพี่ไผ่ :impress2:
สนุกมากๆเลยค่ะ
-
ไม่เข้าห้องนอน :laugh:
ไม่เข้าห้องนอนก็ไม่เข้าห้องนอน o18เนอะ :z1:
-
ตามอ่าน แต่ยังไม่จบดีๆ
แค่อ่านเม้น ยังนั่งยิ้ม นั่งบ้าอยู่หน้าคอมคนเดียว :z3:
แล้วถ้าได้อ่านมันจะขนาดไหนเนี่ยยยย :z2: :impress2:
ตอนอ่านแรกๆ นึกว่า น้องริว เป็นเคะซะอีก
ไปๆ มาๆ น้องริวมันเป็นเมะที่หื่นมากๆเลยด้วย :haun4:
ไรเตอร์ บรรยายทุกอย่างได้ลงตัว ใช้คำได้สวยมากๆ
แล้วพล๊อตเรื่องโคตรจะไฮ อย่างแรงงง ชอบมากๆๆๆๆๆ
เป็นนิยายที่อ่านแล้วหยุดไม่ไดจริงๆ 555 :call:
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์เน้ออออ :3123:
-
ริวหื่น แต่ก็ปากตรงกับใจ ส่วนพี่ไผ่ขี้เขินแต่ก็ปากแข็ง เข้ากันได้ดีแฮะ555
ปล.เวลาอยู่ในที่ๆไม่มีคนรู้จักคู่นี้นี่หว๊านหวานเนอะ กลับเมืองไทย สงสัยความหวานคงเหือดหมด555
-
อ้ายยยยยย :haun4: :z1: น้องริวเลเวล อัพเร็วมากกกก ไม่เข้าห้องนอน
ก็ตรงห้องโถงก็ได้นินเอะ อิอิอิ o18 :oo1:
-
:m25: :m25: :m25: :m25:โฮ้ยยยย!! สุดๆเลยริ๊วววววว ตอนทำครั้งสุดท้ายนี่น่ารักมากที่สุด>______< หวานมาก โครตๆๆ ชอบๆๆ ฮ่าๆ
-
โอ้ยตาย น้ำตาลจุกอกตายก็งานนี้แหละ :-[
ริวเปลี่ยนไป แต่คนอ่านชอบ :z1:
:pig4: คะ
-
สั่งจองไปแล้ว
รอแค่เมลตอบกลับ
><
-
โอ้ววววววววววว ค้างมากมาย
ตัดกันฉับๆ เลยทีเดียว
อ่านแล้วอยากเปิดบริษัทรับจัดการทุกปัญหา โดย Mr.Alan ซะแล้วซิ
มาต่อเร็วๆน้าค่ะ เอาเยอะๆเน้อ อิอิ
-
ชอบๆๆๆ ๆๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อยากตะโกนว่ะ ชอบเรื่องนี้!!!!!!!!
-
ตกมาหน้าสองแระ ไม่ยอม ๆ พี่ไผ่กะน้องริวไปเล่นยังไม่กลับเหรอ รออยู่น้าาาา
-
เปิดจอง สงสัยเพราะมาม่าไร้เตอร์หมดโกดังซะแล้ว คริคริ
ส่งเมล์ไปแล้วจ้า
ทำไมเงินมันไม่งอกได้เหมือนใบไม้นะ แง่มๆ
-
ส่งเมล์ไปจองแล้วเหมือนกันค่า แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับเลยง่ะ หุหุ ^^
-
อ่านทันแล้ววววววว สนุกมากค่ะ ริวไร้เดียงสามาก หื่นมาก >_<
ปล.อยากรู้เรื่องของตะวันด้วยอ่ะ
-
พลาดตอนนี้ไปได้ไงเนี่ย...กรี๊ดดด!! ริวพัฒนาแบบข้ามขั้นกันสุด ๆ กะจะเก็บทุกโลเกชั่นในบ้านเลยใช่ม้ายยย!!! :m25:
-
อือมๆ เข้าใจคิดนะน้องริว ที่พี่ไผ่บอกว่าไม่ใช่ที่ห้องนอน ก็เลยพาไปจัดการที่หน้าเตาผิงแทนซะนี่
พี่ไผ่งานนี้คงต้องทำใจนิดนะ เพราะว่าช่วงฮันนีมูนคงจะโดนน้องริวกินบ่อยหน่อยน่ะ
:oo1:
-
หวานกันขึ้นทุกวัน ริวรุกหนักจนพี่ไผ่ใจอ่อน ยอม ทุกที
-
กรี๊ดดดดดดด
น้องริวของชั้น แก่แดดขึ้นทุกวันเลยนะ :o8: :o8:
-
สั่งจองไปแล้ว...เงินจ๋า... :bye2:
-
คิดถึงริววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
วันอังคารแล้ว :z2:
-
เค้าเข้ามารอริวกับพี่ไผ่อ่ะ :z1:
-
ริวหื่นจังเลย
-
รอน้องไผ่กะน้องริวอ่า คิดถึง :L1:
-
วันอังคารแล้วมารอด้วย :L2:
-
รอด้วย~ o4
-
สามตอนรวดเลย
ไม่เจอริวกะไผ่มาหลายวันเลย
คิดถึงมัี่กมากกกกกก
จะตาม +1 ให้นะค่ะ
-
ตอนที่ 108
พสุตาเบิกตากว้างเมื่อเข้าใจความหมายของเด็กหนุ่ม แต่ยังไม่ทันโวยวายริวก็ก้มลงปิดปากเขาไว้ แล้วกดตรึงจนเขาขยับไม่ได้ นิ้วยาวลูบผ่านหน้าท้องลงไปเบื้องล่างแล้วรูดซิปปราด พสุพยายามจะคว้ามือริวไว้แต่เด็กหนุ่มก็ขืนสอดมือเข้าไปลูบไล้ผ่านผ้าเนื้อบางของกางเกงในจนพสุสะท้าน
ให้ตายเถอะ! ริวเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหนกันแน่ ทำไมเหมือนรู้เยอะจนก้าวกระโดดขนาดนี้ เพียงแค่สัมผัสผ่านเบาๆ ก็ทำให้ร้อนรนจนอึดอัด มือที่ลูบไล้เบื้องล่างดึงกางเกงยีนส์และกางเกงชั้นในของเขาออกพ้นสะโพก ปล่อยความร้อนรุ่มที่อึดอัดอยู่ข้างในให้เป็นอิสระ
เด็กหนุ่มจูบไล้ใบหน้าแดงก่ำแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนปากผ่านลำคอขาวลงมาบนแผ่นอกตึงนูน วนปลายลิ้นบดคลึงยอดอกสีสดจนมันหดเกร็งชูชันขึ้นรับสัมผัส ขณะที่หัวแม่มือก็บีบคลึงยอดอกอีกข้าง บดคลึงจนพสุหลุดเสียงครางแผ่ว เม็ดเหงื่อกลิ้งจากหน้าท้องไหลลงไปตามลอนกล้ามช้าๆ ริวมองตามแล้วลากปลายลิ้นจากอกลงมาหากล้ามเนื้อเป็นลอนบนหน้าท้อง แต่เพียงสัมผัสสะดือบุ๋ม พสุก็ดึงใบหน้าที่ซุกไซ้อยู่บนหน้าท้องขึ้นมาแลกจูบดูดดื่ม
ทำไมพสุจะไม่รู้ว่าริวกำลังจะทำอะไร เขาถึงต้องรีบหยุดเด็กหนุ่มไว้ก่อน ชายหนุ่มกลัวความรู้สึกที่ไม่อาจควบคุมได้ยามที่ถูกสัมผัสส่วนอ่อนไหวด้วยปากและลิ้น ความเสียวซ่านที่ไม่อาจต้านทาน มัวเมาจนแทบบ้าคลั่ง ทำให้เขาโหยหาแต่สัมผัสของริวตลอดเวลา ราวกับเขาเสพติดอ้อมแขนของริวไปเสียแล้ว
เด็กหนุ่มกอบกุมส่วนร้อนผ่าวเอาไว้แล้วเริ่มขยับเบาๆ เมื่อพสุไม่ปล่อยปากเขาเป็นอิสระ ก็จำต้องสานต่อด้วยมือ ผิวร้อนจัดตึงแน่นเริ่มเปียกลื่นทีละน้อยเพราะน้ำที่ปริ่มส่วนปลายไหลซึมออกมา ริวเร่งมือจนชายหนุ่มไม่อาจอยู่นิ่งๆ ได้ สะโพกของพสุขยับและลมหายใจก็กระชั้นขึ้นทุกที
ริวเองก็แทบควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เพราะพสุดูดกลืนลิ้นเขาแรงจนเสียววาบไปทั้งท้อง ฝ่ามือที่แทรกอยู่ในผมเขาจิกเกร็งขึ้น เสียงครางในลำคอสะเทือนมาถึงเด็กหนุ่ม ร่างที่ริวทาบทับเกร็งกระตุก ก่อนที่หยาดร้อนๆ จะพรั่งพรูออกมาเปียกมือเขาชุ่ม แม้พสุจะถึงจุดหมายแล้ว แต่ปากของทั้งคู่ยังกอดเกี่ยวกันไว้ไม่ปล่อย ต่างควานหาลิ้นของอีกฝ่ายแล้วกอดเกี่ยวกันอย่างโหยหา ริวเลื่อนมือที่เปียกลงไปยังด้านล่าง ลูบไล้ช่องทางแคบด้วยนิ้วเปียกชุ่ม พสุสะดุ้งแล้วผละออกจากปากของริว
“ริว...อย่าเพิ่ง...”
“ทำไมละครับ...หรือว่าพี่ยังเจ็บอยู่...ถ้างั้นไม่ต้องก็ได้ครับ” ริวหน้าเสียแต่ก็ยอมหยุดมือ เด็กหนุ่มขยับจะยันตัวลุกขึ้น แต่พสุเหนี่ยวต้นคอริวไว้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เจ็บ ส่วนนั้นยังคงระบมด้วยกิจกรรมเมื่อวานอยู่บ้าง แต่จะให้เขาใจดำมีความสุขคนเดียวแล้วปล่อยริวค้างเติ่งเขาก็ทำไม่ลงเช่นกัน
“พี่กลัวพรมเขาเปื้อนน่ะ...”
พสุตอบเขินๆ ทำให้ริวยิ้มออก เด็กหนุ่มถอดเสื้อสเวตเตอร์ออกมาปูใต้สะโพกของพสุ
“แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวเปื้อนแล้วนะครับ”
“อืม...” พสุตอบเบาๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายดึงต้นคอริวเข้ามาจูบ เรือนร่างที่ทาบทับปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจนเหลือเพียงร่างเปล่าเปลือยทาบทับตรึงตัวพสุไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจของชายหนุ่มสะดุดไป เมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามาในร่างกาย ประสบการณ์ทำให้เขาพยายามผ่อนคลายเพื่อให้ริวแทรกเข้ามาได้โดยไม่บาดเจ็บ
“อา...” ริวหลุดปากด้วยความเสียวซ่านเมื่อแทรกตัวเข้าไปฝังอยู่ในช่องทางอบอุ่นแน่นหนาได้สำเร็จ เด็กหนุ่มก้มลงจูบพสุอย่างดูดดื่ม เพื่อให้พสุผ่อนคลายโดยไวจะได้เจ็บน้อยลง พสุตอบรับด้วยปลายลิ้นเช่นกัน ทั้งคู่แลกจูบอยู่ครู่หนึ่ง ริวจึงยอมถอนปากออก
“ริวขยับนะ”
“อืม...ช้าๆ นะ” พสุอดปรามไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามผ่อนคลายแค่ไหน เขาก็ยังรู้สึกเหมือนร่างกายถูกขึงตึงจนแทบฉีกขาดอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มเผลอเกร็งตัวเมื่อริวถอนกายออกช้าๆ เด็กหนุ่มตัวกระตุกเพราะแรงบีบรัดรุนแรงที่ส่วนปลายทำเอาเขาเสียววาบจนแทบกลั้นไว้ไม่อยู่
“อูยพี่...เล่นแบบนี้ เดี๋ยวริวก็ล่มหรอก”
พสุหลุดหัวเราะ ทั้งที่อยู่ในอารมณ์แบบนี้ยังอดขำไม่ได้ ริวแก้มพอง ตาวาววับที่เห็นพสุขำตัวเอง เด็กหนุ่มก้มลงมาจูบปากพสุ แกล้งชอนไชลิ้นไปทั่วปากของชายหนุ่ม ขณะดันสะโพกกลับเข้าไป รู้สึกถึงแรงสะเทือนในปาก เมื่อพสุส่งเสียงครางเบาๆ ริวยังคงเกี่ยวปลายลิ้นพสุไว้ในปากตัวเอง และสะโพกก็ยังขยับเข้าออกช้าๆ
พสุเป็นฝ่ายเบี่ยงหน้าออกด้วยเกรงจะกัดลิ้นริวเข้า เพราะทุกจังหวะการเคลื่อนไหวที่สัมผัสจุดกระสันซ้ำๆ ทำให้พสุต้องกัดฟันแน่นด้วยความเสียว ชายหนุ่มขยับตัวเพื่อหวังจะลดความรู้สึกนั้น แต่กลายเป็นว่าเขาขยับรับจังหวะของริวโดยไม่ตั้งใจ
ใบหน้าพสุแดงจัดด้วยแรงอารมณ์ ตัดกับพรมสีขาวดูยั่วยวนจนริวเผลอเร่งกายกระชั้นอย่างไม่อาจควบคุม เสียงร่างกายเสียดสีผสานกับเสียงคราง กระตุ้นเลือดให้ร้อนจนแทบเดือด ต่างฝ่ายต่างขยับเร่งเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่อยู่เพียงเอื้อม
“อา...อืม...” เสียงครางผสมกับเสียงหอบหายใจดังประสานกันเมื่อร่างกายถึงขีดสุด สมองว่างเปล่า แต่ในอกกลับเต็มแน่นด้วยความอิ่มเอม สุขสม ร่างกายที่ยังกอดเกี่ยวกันไว้ผนึกแน่นเป็นเนื้อเดียว
ตราบจนลมหายใจเริ่มเข้าที่ริวถึงยอมถอนกายออก เด็กหนุ่มพลิกกายลงด้านข้างเพื่อไม่ให้พสุหนักจนเกินไป แต่วงแขนยังคงโอบรัดชายหนุ่มไว้แน่น จมูกโด่งเป็นสันไล้บนแก้มเปียกเหงื่อชุ่มของพสุเบาๆ อย่างเย้าหยอกทั้งที่รู้ว่าพสุหลับใหลไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย
พสุขยับหนีอย่างรำคาญเมื่อมีบางอย่างลากผ่านบนผิวหน้า ชายหนุ่มฝืนลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่า “สิ่งนั้น” ไม่ยอมไปจากเนื้อตัวเขาเสียที ปากหยักบางสะท้อนเงาจากแสงไฟเป็นสีส้มสดเป็นสิ่งแรกที่เห็น เพราะสิ่งนั้นแตะลงบนปลายจมูกเขาพอดี ก่อนที่เจ้าตัวจะถอยออกไปเพื่อจ้องมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับ
ปลายนิ้วยาวแตะมาบนใบหน้าเขาแผ่วเบา ลูบไล้ช้าๆ ขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลก็เพ่งพินิจตามอย่างตั้งอกตั้งใจราวกับกำลังสำรวจหาอะไรบางอย่าง
“...อะไร...”
“ผิวพี่สวยจัง...แล้วก็หอมด้วย...หอมไปหมดทุกที่...” ริวบอกเบาๆ หลังจากก้มลงไปจูบบนผิวที่ปลายนิ้วลากผ่าน เด็กหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาลูบไล้ผิวเขาตั้งแต่ศีรษะลงไปหาปลายเท้า สลับกับแนบจูบเป็นระยะๆ
พสุนอนมองการกระทำนั้นนิ่งๆ ไม่ได้เขินอายมากอย่างที่เคยเป็น ความรู้สึกสงบนิ่ง อบอุ่น อิ่มเอม เปี่ยมเต็มในหัวใจ จนไม่มีความรู้สึกอื่นใดแทรกเข้ามาได้อีก ไม่ขัดขืนแม้ริวจะพลิกตัวเขานอนตะแคงแล้วสอดตัวเข้ามากอดรัดจากทางด้านหลัง เด็กหนุ่มจูบไซ้บนต้นคอเปียกเหงื่อลงไปหาแผ่นหลังแข็งแน่นช้าๆ
จริงอยู่ว่าหัวใจเขาสงบนิ่งด้วยความรักที่เต็มปรี่ แต่ร่างกายไม่ใช่...เมื่อปากลิ้นร้อนลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง และเสียดสีส่วนร้อนจัดบริเวณที่ยังเจ็บแปลบ ร่างกายเขาก็ร้อนระอุขึ้นอย่างรวดเร็ว พสุผ่อนลมหายใจช้าๆ เพื่อผ่อนคลายร่างกายยามที่ริวเบียดแทรกเข้ามา
แม้จะยังเจ็บระบม แต่เมื่อริวเริ่มขยับกาย ไม่นานอาการเจ็บปวดก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียวซ่าน ต้นคอและแผ่นหลังของเขาถูกขบกัดเบาๆ ยามเด็กหนุ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ริวดันต้นขาข้างหนึ่งของพสุขึ้นสูงขณะโถมกายแรงราวกับจะบดขยี้เขาให้แหลก แต่อ้อมแขนของเด็กหนุ่มกลับอ่อนโยน
พสุอ้อมมือไปดึงศีรษะริวเข้ามา แล้วหันหน้ากลับไปรับจูบจากเด็กหนุ่ม ยามธารรักร้อนๆ เติมเต็มเข้ามาในกาย และเมื่อลมหายใจของริวกลับมาเป็นปกติ เด็กหนุ่มก็ช่วยคลายความอึดอัดให้เขาด้วยมือและปาก ความอ่อนเพลียจากเกมรักทำให้พสุผล็อยหลับไปทันทีที่ร่างกายได้ปลดปล่อย ไม่รู้ตัวสักนิดแม้แต่ตอนที่ริวอุ้มเขาเข้าไปแช่น้ำอุ่นเพื่อทำความสะอาดให้แล้วพากลับมานอนกอดกันบนกองผ้าห่มอีกครั้ง
เสียงเพลงหวานปลุกให้ริวตื่นขึ้นจากความง่วงงุน เด็กหนุ่มชะงักเมื่อพบว่าอ้อมแขนเขาว่างเปล่า ริวกวาดตาไปรอบๆ แล้วยิ้มออกเมื่อเห็นคนที่เขามองหายืนอยู่ที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงหน้าเตาผิง เสียงเพลงที่ปลุกเขามาจากเครื่องเล่นเพลงที่พสุเปิดอยู่ตอนนี้นี่เอง ริวผุดลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาพสุทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่า เด็กหนุ่มสอดแขนเข้าไปโอบรอบเอวพสุแล้วจูบบนแก้มเบาๆ
“นึกว่าพี่หายไปไหนซะอีก” เด็กหนุ่มทักแล้ววางคางบนไหล่พสุแบบง่วงๆ ชายหนุ่มเอี้ยวมามองหน้าริวก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมเขาเล่น
“หิวมั๊ย...เดี๋ยวพี่ไปทำอะไรให้กิน”
“อย่าเพิ่งได้มั๊ยครับ ขออยู่แบบนี้อีกนิดก่อน” ริวทำเสียงอ้อนแล้วขยับวงแขนให้แน่นขึ้น สูดกลิ่นหอมจากแก้มพสุแรงๆ เด็กหนุ่มเหลือบมองออกไปนอกบ้าน แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์กำลังลับเหลี่ยมเขาไปทีละนิด แสดงว่าเขากับพสุเผลอหลับจนค่ำ
“ไม่หนาวหรือไง” พสุถามแล้วอดหน้าแดงไม่ได้เมื่อริวเบียดร่างเปล่าเปลือยเข้าหา
“หนาวสิครับ” ริวตอบพลางขบเม้มใบหูของพสุเล่น
“หนาวก็ไปใส่เสื้อผ้าสิ...”
“ไม่ดีกว่าครับ กอดพี่ไว้แน่นๆ แบบนี้ก็อุ่นเหมือนกัน” ริวตอบพร้อมกับขยับวงแขนแน่นขึ้นอีก จนพสุต้องหันไปบีบจมูกโด่งแรงๆ แม้เด็กหนุ่มจะแกล้งร้องโอดโอย แต่วงแขนที่โอบรัดรอบเอวพสุก็ไม่ได้คลายลงสักนิด ชายหนุ่มจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา แล้วยอมเอนกายอิงไหล่หนา ปล่อยให้ริวไล้จมูกปากไปบนแก้มและต้นคอแต่โดยดี
“ริวรู้จักเพลงนี้” ริวบอกเสียงใสเมื่อพสุวางเข็มลงบนแผ่นเสียงใหม่ พสุหันไปมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างแปลกใจนิดๆ แผ่นเสียงที่บ้านนี้ล้วนแต่เป็นเพลงลูกกรุงกับเพลงสากลเก่าๆ ที่บางเพลงพสุยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ แต่ริวกลับบอกว่ารู้จักเพลงนี้เพียงแค่ได้ยินดนตรีท่อนแรก
“พี่รอแป๊บนะ เดี๋ยวริวมา” ริวบอกแล้วทำท่าจะผลุนผลันไปแต่พสุรีบเรียกเด็กหนุ่มไว้เสียก่อน
“ริว”
“ครับ?”
“ใส่เสื้อผ้าซะก่อนนะ เกรงใจผีบ้านผีเรือนบ้าง” พสุเตือนโดยไม่หันไปมองร่างเปล่าเปลือยที่ยืนท้าอากาศเย็นๆอยู่กลางห้อง
“ผี? บ้านผีเรือน?” ริวทำหน้างง ถึงจะอยู่เมืองไทยมาเป็นปี แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่เขาไม่รู้จัก
“ไปใส่เสื้อผ้า” พสุดุสำทับ ขืนมัวอธิบายริวคงไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักที
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำเสียงใส แล้วเดินไปคว้ากางเกงยีนส์มาสวม ก่อนจะออกไปจากห้อง พสุหันกลับมาเลือกแผ่นเสียงแผ่นใหม่ แต่ยังไม่ทันได้เปลี่ยน ริวก็กลับมาพร้อมไวโอลิน
“ไปเอามาจากไหน?” พสุจ้องมองไวโอลินในมือเด็กหนุ่มอย่างแปลกใจ เพราะเขามั่นใจว่าริวไม่ได้หอบหิ้วมาจากเมืองไทยด้วย
“ไม่รู้ครับ ริวเห็นอยู่ในห้องนอน”
“ซนนะเรา ไปรื้อของเขามาได้ยังไง” พสุดุอย่างไม่จริงจังนัก แม้อาจจะดูไม่เหมาะที่ริวไปหยิบเครื่องดนตรีมาตามใจชอบ แต่ชายหนุ่มคิดว่าคุณภมรคงไม่ว่าอะไร
“น่า...ริวว่าครูไม่หวงหรอกครับ”
“ริวรู้ได้ไงว่าของครู”
“นี่ไง...ลายเซ็นบนไวโอลิน เหมือนในจดหมายที่ครูเคยส่งให้พี่เปี๊ยบเลย”
พสุมองลายเซ็นบนไวโอลีนแล้วได้แต่นิ่ง เขานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าหน้าตาลายเซ็นของครูภิรมย์เป็นยังไง เพราะครูใช้เพียงอักษรย่อตัวเดียว จะว่าไปถ้าเป็นของคุณภมร ก็น่าจะเป็นอักษรตัวเดียวกัน แต่ริวกลับจำลายเซ็นบนจดหมายที่เคยเห็นเพียงครั้งเดียวได้ ถึงจะรู้ว่าริวมีความจำเป็นเลิศแต่พสุก็อดทึ่งไม่ได้อยู่ดี
ริวปรับตั้งสายไวโอลินอยู่ครู่หนึ่ง เพลงหวานๆก็เริ่มบรรเลง พสุถอยไปทรุดลงนั่งที่กองผ้าห่มบนพรมหนานุ่ม เสียงไวโอลินพริ้วหวาน อ้อยสร้อย ไม่อาจดึงสมาธิเขาไว้ได้ เพราะสายตาเขาเผลอจับจ้องแต่ร่างสูงใหญ่ที่สวมเพียงกางเกงยีนส์หลวมหมิ่นสะโพกตัวเดียว แผ่นอกกว้างนูนงามด้วยกล้ามเนื้อ สะท้อนแสงจากเตาผิงเป็นสีส้ม
เรือนร่างสูงที่แน่นด้วยมัดกล้ามกลับดูไม่ขัดตาเมื่อถือเครื่องดนตรีที่ดูบอบบางอย่างไวโอลิน อาการโยกตัวน้อยๆ ไปตามจังหวะเพลง ทำให้พสุไม่ทันสังเกตว่าริวขยับเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งเด็กหนุ่มหยุดเล่นแล้วทรุดลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา ก่อนจะชะโงกมาจูบพสุเบาๆ
“มองแบบนี้ริวก็เล่นไม่ได้สิครับ”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็...อยากจูบพี่มากกว่า”
“เหรอ...เยอะนะ” พสุแซวแล้วจับแก้มเด็กหนุ่มดึงยืดเล่น
ริวหันไปวางไวโอลินแล้วโถมตัวเข้าใส่พสุจนล้มกลิ้งไปด้วยกันบนพรม พสุจักจี้เอวริวทำให้เด็กหนุ่มต้องรีบรวบมือพสุเอาไว้เหนือหัว แล้วปัดจมูกหยอกล้อกับจมูกของพสุเบาๆ
“สถานการณ์นี้คุ้นๆ เน้อ พี่ว่ามั๊ย” ริวถามแล้วแนบปิดปากพสุก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้ตอบ ปลายลิ้นไวสัมผัส กอดเกี่ยวยั่วเย้ากันและกัน จากความรู้สึกที่เพียงต้องการหยอกล้อ เริ่มระอุร้อนจนลมหายใจเริ่มถี่เร็วขึ้น
พสุเป็นฝ่ายผละออก แล้วดึงมือออกจากการเกาะกุมอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มดันไหล่ริวไว้ แล้วลุกขึ้นนั่ง
“ไม่หิวเหรอ?”
“หิวสิครับ แต่หิวพี่นะ”
“ไม่ต้องเลย พี่หมายถึงหิวข้าวต่างหาก...เดี๋ยวพี่จะไปทำอะไรง่ายๆ มากินกัน” พสุบอกพร้อมกับผุดลุกขึ้น ริวก็ลุกตาม
“ริวช่วย”
“อย่าเลย กลัวจะยิ่งช้า พี่เองดีกว่า”
แม้พสุจะห้าม แต่สุดท้ายริวก็ตามเข้าไปป้วนเปี้ยนอยู่ในครัวด้วยจนได้ มื้อค่ำที่มีเพียงแซนวิชกับนมคนละแก้วใหญ่ ก็ทำให้ทั้งคู่อิ่มท้องแล้ว ถึงจะเป็นเพียงอาหารง่ายๆ รสชาติธรรมดาๆ หากแต่การได้กินกับคนรัก ก็กลายเป็นอาหารมื้อที่แสนจะพิเศษได้
“ริวไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ” พสุบอกพลางเบี่ยงหน้าหลบปากอุ่นที่วนเวียนจูบเขาไม่เลิก
“อาบด้วยกันดีกว่าครับ”
“ไม่ต้องเลย ไปอาบก่อน” ชายหนุ่มทำเสียงเข้มแล้วพยายามปลดมือริวออกพัลวัล แต่ไม่สำเร็จสักที
“อาบด้วยกันเถอะ...นะครับ..น๊า” พสุลังเล แต่สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนจนได้
“แค่อาบน้ำเท่านั้นนะ ห้ามทำอย่างอื่นเด็ดขาด...พี่ไม่พร้อม เข้าใจหรือเปล่า”
“ครับ” ริวรับคำหน้าระรื่น แล้วเข้ามาแย่งถอดเสื้อให้ พสุพยายามข่มความเขินไว้ ปล่อยให้ริวตามเข้าไปช่วยถูหลังให้ ถึงเด็กหนุ่มจะรับปากไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไร แต่เมื่อริวเบียดร่างเปล่าเปลือยเข้ามา พสุก็เผลอให้เด็กหนุ่มกอดจูบจนได้
ริวดันตัวพสุจนชิดผนัง แล้วเบียดสะโพกเข้าหา ร่างเปล่าเปลือยของพสุทำให้เขาแทบคลั่ง หากไม่เพราะรับปากพสุไว้ และเด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าร่างกายพสุยังไม่พร้อม ริวคงอดใจไว้ไม่อยู่
“พอแล้วริว...เดี๋ยวหยุดไม่ได้” พสุดันไหล่เด็กหนุ่มไว้ก่อนที่ริวจะจูบเขาอีกหน ตอนนี้ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าปากเขาต้องบวมแน่ เพราะริวเล่นจูบจนระบมไปหมด เด็กหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วหันไปคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้พสุ ก่อนจะเช็ดให้ตัวเอง แต่พอพสุเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมเด็กหนุ่มก็ยึดมือเขาไว้
“ไม่ต้องใส่หรอกครับ”
“อะไรนะ?” พสุหันมาถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ
“ก็มีแค่เราสองคน...ไม่ต้องใส่หรอกครับ”
“เฮ้ย!ไม่เอา น่าเกลียดตายเลย” ชายหนุ่มปฏิเสธแล้วหน้าแดงซ่านด้วยความกระดากอาย
“ไม่เห็นจะน่าเกลียดตรงไหน พี่น่ะน่ามองไปทั้งตัวเลยต่างหาก” ริวตอบพร้อมกับกวาดตาไปตามเรือนร่างของพสุด้วยสายตาวาววามอ่อนเชื่อมจนพสุหน้าร้อนผ่าว
“อย่ามาทะลึ่ง ปล่อยเลย พี่จะแต่งตัว”
“นะครับ...มีแค่เราแท้ๆ จะอายทำไมครับ”
“แต่...” พสุพยายามจะค้าน แต่เด็กหนุ่มดันตัวเขาออกจากห้องน้ำ ดึงให้เดินตามเข้าไปในห้องนอนด้วยกัน
“รับปากพี่แล้วนะว่าจะไม่ทำอะไร” พสุย้ำสัญญาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ลังเล เพราะนึกกลัวใจตัวเองจะอ่อนอีก
“รับรองครับ คืนนี้ริวจะไม่ทำอะไรพี่เด็ดขาด ขอแค่กอดนอนเท่านั้นก็พอ” ริวรับคำแล้วสอดตัวเข้ามาในผ้าห่ม ร่างเปล่าเปลือยแนบชิดกันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า วงแขนที่โอบรัดรอบตัวพสุแน่นหนา เช่นเดียวกับวงแขนที่โอบรัดรอบตัวริว
พสุตื่นตั้งแต่เช้าด้วยความเคยชิน คงเพราะเมื่อคืนริวไม่ได้ทำอะไรเขา วันนี้จึงเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว พสุลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมเพื่อจะไปทำอาหารเช้า แต่พอเขาออกจากอ้อมแขนริวไม่นานเด็กหนุ่มก็ตื่น ริวลุกมานั่งตาปรือ พอพสุจะออกจากห้อง เด็กหนุ่มก็ตามมาคว้ากอดไว้
“พี่จะไปไหน” ริวถามแล้วซุกหน้ากับไหล่พสุอย่างง่วงๆ
“จะไปทำอาหารเช้าไง”
“ริวไปด้วย”
“ไม่ต้องไปหรอก นอนไปเถอะ”
“ริวไปด้วยครับ” ริวยืนยันแล้วหันไปคว้าเสื้อคลุมมาสวม
เด็กหนุ่มตามไปยืนหาวตาปรือในครัว ความที่ยังไม่หายง่วงทำให้เกะกะมากกว่าจะช่วยงานอะไรได้ พสุไล่ให้ไปนอนเด็กหนุ่มก็ไม่ยอมไป สุดท้ายพสุต้องบอกให้ริวไปรอเขาในห้องนั่งเล่นถ้าอาหารเสร็จแล้วจะไปเรียก ริวถึงยอมไปแต่โดยดี
...................................
-
เฮ้ออออออ สักวันพสุคงเป็นสะโพกคราก มองเห็นฟ้าเป็นสีเหลือง เอิ๊กๆ
-
เย้
:jul1: :jul1: :jul1:
ไม่ต้องกลับมาประเทศไทยแระ อยู่กันสองคนที่นั่นแหละ :impress2:
“แค่อาบน้ำเท่านั้นนะ ห้ามทำอย่างอื่นเด็ดขาด...พี่ไม่พร้อม เข้าใจหรือเปล่า”
ไม่เป็นไร เดี๋ยวริวทำให้พี่พร้อมเอง :laugh:
-
หวานถูกใจสุดๆ
-
รออออออ.. คิดถึงน้องริวและพี่ไผ่ฮับผมมมม.......
-
:o8: :o8: :o8: น้ำตาลขึ้นจอหมดแล้ว หวานมากๆ แต่ขอบน้าหวานๆแบบนี้ อิอิ^^
-
หวานตลอด อ๊ายยย>///<
-
หวานไม่เกรงใจเรื่องอื่น
เลยนะ
-
:jul1: :m25:
เพลาๆบ้างก็ได้ริวเดี๋ยวพี่ไผ่โทรมหมด
ชำรุดไปแล้วหาแทนไม่ได้นะ
:o8:
-
รออออออ.. คิดถึงน้องริวและพี่ไผ่ฮับผมมมม.......
เค้ามาแย้ววววววนะ 555+
-
หวานแบบนี้ ชอบ :impress2: พี่ไผ่เริ่มทำตามความรู้สึกของตัวเองแล้วเย้ๆ :mc4: แต่ริวหื่นไปรึเปล่า :z1:
:L1: :pig4: :pig4: :L1:
-
:haun4:
-
หวานไม่สิ้นสุด...แต่ยังรอของเล่นในกระเป๋าริวอยู่นะ นี่ขนาดยังไม่งัดออกมาใช้ :m25:
-
รอเธอมานานเเสนนาน ทรมานคิดถึงเธอจริงๆ ในที่สุดก็ได้อ่าน...ฮิๆๆ
หนูริวทำไมโตไวจัง(หื่น) สงสัยรับประทานอาหาร(พุส)อิ่มไหมหนูริว :bye2:
-
หวานขึ้นทุกวันแฮะคู่นี้อ่ะ -..-
-
ยังหวานสุดสุด
ไม่อยากให้ทั้งคู่กลับไทยเลยอ่ะ
:L2: :L2:
-
มีความสุขกันจริงจริ๊งงงงงง :m1:
-
:pighaun: หนูริว~ สวดยอด 55555+
สถานที่ยังไม่ครบนะค้า ในครัวล่ะ ในครัวจะมีมั๊ยเอ่ย??
เห็นยังมีแค่กอดกับจูบ อยากให้มีในครัวด้วย :haun4:
พี่ไผ่น่ารักขึ้นทุกวัน หนูริวก็เก่ง(?)ขึ้นทุกวันเหมือนกัน :m25:
อร๊ายยยย อยากไปแอบติดกล้องไว้ทุกส่วนของบ้านจังเลย อ่ะคึๆๆ >,.<
-
ก็นะ เด็กหนุ่มๆนี่นา พลังมันเหลือเฟือ ยิ่งเก็บกดจากช่วงแรกๆ ช่วงนี้ก็ปล่อยๆ ให้เค้าปลดปล่อยให้เต็มที่ ส่วนเราคนอ่านก็ เสียเลือดกันไปตามระเบียบ 555+ :haun4:
-
อยากหยุดเวลาไว้จัง
พี่ไผ่ไวต่อสิ่งเร้ามากเกินไป
-
ริวเอ้ยยยยย บ่อยเกินไปมั้ย?
พี่ไผ่ ช่วงนี้เหนื่อยหน่อยนะ คึคึ
-
ฮ่าๆๆๆ
น้องริวเป็นคนหนุ่ม ที่คึกคัก ดีจริงๆ
โฮะๆๆ พี่ไผ่ไมพร้อม น้องก็ไม่ขัดใจ
แต่อยากแอบกระซิบว่า น้องน่าจะเก็บไว้ทบต้นทบดอกนะ
ก๊ากกกกกกก
พักยาวเลยนะ ,, ใกล้จะกลับยังเนี่ย...
อยากให้ฮันนีมูนไปนานๆ !!
-
:jul1: :jul1: :jul1:
เลือดพุ่งพวดดดดดดดดดดดดดดด
:haun4: :haun4: :haun4:
-
เป็นฮันนีมูนที่เรียกเลือดคนอ่านได้มากที่สุดเลย
ฮิๆๆๆ หวานจนเราอิจฉา
-
:-[
+1
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ร. ริว อดทน
-
ทั้งหวาน ทั้งน่ารักซะจนไม่อยากให้รีบกลับประเทศเลยนะคะเนี่ย :o8:
-
หวานแทบเลือดกระเซ็นกันมาหลายตอน
กลับเมืองไทย หวังว่าคงไม่ต้องต้มมาม่ารับประทานนะคะน้องริว o13
-
ฮันนีมูน หวานซะ เอ๊ะ หรือเลือดสาดดี
55555555555555555555555
-
ริว หื่นที่สุดในสามโลกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
-
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย หวานจนจะเป็นเบาหวานอยู่แล๊ะ ดันเกิดอาการเลือดกำเดาไหลไม่หยุดอีก คริๆๆ :impress2:
-
เดี๋ยวถ้ากลับไปเมืองไทยคงทำอะไรแบบนี้ไม่ได้แล้วสินะ
-
ขอพี่ไผ่กับริวมีความสุขแบบนี้ไปนานๆ :กอด1:
-
ช่วงนี้น้องริวกอบโกยจริง ๆ 555+
-
หวั่นใจ...
หวาน แบบนี้ ทะเลกรดรออยู่ที่ไทยรึเปล่า ??
โอ้วไม่น๊ะ ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
ริวขี้อ้อนอะ
:-[ :-[ :-[
-
อยู่เที่ยวกันนาน ๆ เลยนะ
-
สวีทกันสมกับมาฮันนีมูนจริงๆเลย
กลับไทยแล้วจะเจอมรสุมอีกไม๊หนอ
-
เชื่อแล้วละค่ะว่า หนูริวจัดหนักจริงๆๆ เหอๆๆๆๆ พี่พสุเครื่องในช้ำแน่ๆๆ
-
น้องริวนี้ก็ฟิตจริงจัง พี่ไผ่นี่กระอักความสุขจนจะเดินไม่ไหวแล้วมั้ง 5555+
ก็เข้าใจว่าเวลาแบบนี้มันต้องมีกอบโกยให้เต็ทที่แต่ก็ เพลาๆบ้างอะไรบ้าง ...ถนอมพี่เค้าหน่อยลูก
-
สมกับยังวัยรุ่น ฟิตซะ :laugh:
:pig4: คะ
-
พลังเหลือเยอะจริงๆ ริว
-
ไม่เสียทีที่ ตอนมีมาม่าก็มาเป็นชุด
ตอนเข้าใจกันแล้วก็ :pighaun:
ริวสุดยอดมาก
-
555 งานนี้พอได้โอกาส หนูริวก็ถือโอกาสเลยนะ (สมกับที่เป็นเด็กเก็บกด หุๆ)
ว่าแต่.. คิดถึง อลัน จังน๊า... หายไปนานเลย
คงไม่ใช่ว่าโดนมาเฟียสุดหล่อบางคนลักพาตัวไปแล้วนะคะ คิกๆ
อ้อ.. สั่งหนังสือด้วย 1 ชุดนะคะ ส่งเมล์ไปแล้วค่า ^^ o13
-
:oo1:ทำไมริวเก่งขนาดนี้นะครับ :haun4:เลือดกำเดาพุ่ง
เจอแบบริวนี้สงสัยข้าน้อยคงต้องเดินขาถ่างไปหลายวันเล่น
เอาซะขนาดนี้ ไผ่เนี่ยทนได้สุดยอดดดดดดดดดดดดดดด :sad4:
-
พี่ไผ่ไม่พร้อม แต่อิหนูริวของเรานี่พร้อมรบเสมอ 555 o13
ฮันนีมูนนี้พี่ไผ่คงจนจำไปอีกนาน สะโพกครากกันเลยที่เดียว
โอ๊ยยย...หวานจนไม่รุ้จะว่าไง ยอมให้น้ำตาลพุ่งพล่านในกระแสเลือด :o8: :-[
ริวอ้อนทีพี่ไผ่ใจละลาย แล้วแม่ยกทางนี้จะไม่ใจละลายยกพี่ไผ่ให้อิหนูริวกินแทนข้าว เช้า กลางวัน เย็น หรออ :impress2:
-
:ped149: :ped149: ริวสู้สู้ ริวสู้ตาย
เอ๊ย เชียร์ผิดคนรึเปล่าเนี่ยเรา ต้องเปลี่ยนเป็น ไผ่สู้สู้ มากกว่ามั้ง
หวานสุดๆ รู้สึกอบอุ่นไปทั่วเลย สะสมพลังไว้เยอะๆ กลัวป้าคนเขียนจะเอามาม่ามาแจกอีกอ่ะ
-
กลัวอนาคตจังเลย ?
จะมีปัญหาอะไรมั๊ยน๊อออ ?
อยากอ่านแบบนี้ตลอดไปเลย คริๆ
เอาตอนแบบนี้ตลอดเลย 5555555+
-
555+
เหนฟ้าเปนสีเหลืองรึยังค่ะ
พี่ไผ่ -.,-
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
จบแล้ว ในที่สุดก็อ่านทัน 555555+
ดีใจเป็นที่สุด นั่งอ่านตั้งแต่ 8 โมง ยัน 6 โมงกว่า พลังมาก - -*
จะบอกว่าหลงรักน้องริวเป็นที่สุด ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้
พี่ไผ่ก็นะ เปิดตัวแรกๆ โคตรเท่เลย แต่ดันโดนน้องจิ้มซะงั้น
แต่ที่หลงรักสุดๆ คงเป็นไรเตอร์ จุฟๆๆ จ๊วฟๆๆๆๆๆๆ (ประจบเว่อร์)
ฝากบอกน้องริวด้วยว่า อย่าคึกมาก
สงสารไผ่น้อยๆ ของเค้าบ้างเถอะ~!!!
-
:m25: เสียเลือดกับพี่ไผ่และหนูริวอีกตามเคย มีเปลี่ยนท่าด้วย :haun4:
เห็นด้วยว่าไม่ต้องกลับมาไทยแล้วอยู่มันที่นั่นแหละ เพราะหนูริวก็มีความสุข คนอ่านก็มีความสุขด้วย :laugh:
-
ริวหื่นขึ้นะเนี่ย :z1:
-
:jul1: :jul1: :jul1: :jul1: ........คุณนายค่ะ อิชั้นไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ เฮือกกกกก
-
กลัวพรมเปื้อน กร๊ากกกกก เหตุผลของพสุสุดยอดจริงๆ
-
หวานกระจาย ไม่อยากให้ริวกับพี่ไผ่กลับเมืองไทยเลย :jul1:
-
ฮันนีมุนชัดๆๆๆ :m12:
-
เอิ่มม...รู้สึกว่า...พี่ไผ่จะหนีหนูริวไปไหนไม่ได้อีกแล้วว...55+
เกาะติดหนึบเป็นตุ๊กแกเลย....
ไหนๆแล้วก็ซื้อบ้านไว้ซักหลังดีมั้ยค้า..
จะได้มาสวีทกันบ่อยๆเนอะ...^ ^
-
หวานทุกตอน เคลิ้ม!!!!!!
ว่าแต่ไผ่จะยอม"รับ"อย่างเดียวเหรอ
555+
-
ริวหื่นอ่ะ ไผ่จะไหวมั๊ยเนี่ย :m25:
-
ไอ้หนูริวหื่นจิงอะไรจิง
:m25: :z1:
-
เฮ้ออออออ สักวันพสุคงเป็นสะโพกคราก มองเห็นฟ้าเป็นสีเหลือง เอิ๊กๆ
^^^
^^
^
:laugh:
-
:haun4: :jul1: กรี้ดกร้าดดดดด อิหนูริวมันหื่นจิง ไม่มีสแตนด์อิน :laugh:
พี่ไผ่เด๋วนี้อ่อนลงเยอะเลยน้าาาา ทีเมื่อก่อนทำใจเเข็งได้ตั้งนาน เด๋วนี้ริวมันอ้อนหน่อยละใจอ่อนเชียว :man1: :impress2:
-
ตีมดไม่ทันเลยครับเต็มจอไปหมด
หวานจังเลยนะ :o8:
-
น่ารักกันจริงๆๆ
-
น้องริวนี่นับวันก็เก่งขึ้นทุกวั้นทุกวัน แบบนี้ต้องให้ทั้งเหรียญทองและเกียรตินิยมแระ
เมื่อสองคนรักกันอย่างสุดหัวใจแบบนี้ ดิฉันเป็นปลื้ม เหมือนเห็นลูกออกเรือนไปแล้วมีความสุขอย่างไรก็ไม่รู้
-
เลือดพี่จะหมดตัวก็เพราะน้องริวจัดหนักกับพี่ไผ่ :m25:
หวานกันขนาดนี้พอกลับไปอย่ามีอะไรเลยนะ
-
จัดหนักอย่างนี้ ช็อบชอบ
-
:haun4: โอยไม่ไหวแล้ว ไอ้หนูริว สงสารพี่ไผ่บ้างอะไรบ้างเหอะ :oo1:
-
น้องริวลุยมากไปรึป่าว
ทะนุถนอมพี่ไผ่มั่งน๊า
พี่ไผ่จะไหวมั้ยเนี่ย
ยังไงก็สู้ สู้ ละกันนะพี่ไผ่ ^^
-
นู๋ริว ได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ
:m25:
-
เอาอีกกกกกกกกกกกกกกกก
-
:call: :call:
-
โฮ้ยยยยยยยยย ทันกะเค้าซักที :really2:
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
รักนิยายเรื่องนี้จริงๆให้ตาย :fire:
-
และแล้วทั้งริว คนแต่ง คนอ่าน ก็หื่นกันอย่างต่อเนื่อง งานนี้พี่ไผ่รับกรรมไปเต็มๆ จะสะโพกครากมั้ยนั้น 55555+
-
เรื่องนี้ใคร "หื่น" ที่สุด :oo1:
ก. พี่ไผ่ ข. น้องริว ค. รีดเดอร์ ง. ไร้เตอร์ จ. ถูกมันทุกข้ออ่ะเเหละ :z1:
-
คืนนี้จะมามั๊ย :z1: :z1:
-
ตอนที่ 109
พอทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างข้าวต้มหมูเสร็จ พสุก็ออกไปตามริวมากินข้าว กองผ้าห่มหน้าเตาผิงดูเหมือนจะยังนิ่งสนิท เด็กหนุ่มขดตัวเป็นวงกลม ผ้าห่มเลื่อนลงมาคลุมหมิ่นๆ อยู่ที่เอว เสื้อคลุมที่สวมแหวกออกไปจนเห็นแผ่นอกเปล่าเปลือย พสุส่ายหน้าแล้วดึงผ้าขึ้นห่มให้จนถึงคอ แต่พอขยับจะลุกขึ้นริว กลับคว้าข้อมือเขาไว้ เด็กหนุ่มดึงมือพสุไปหอม แล้วเอาไปวางแนบแก้มทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“...มือพี่หอมจัง”
พสุจ้องมองหน้าใบหน้าที่ซุกอยู่กับมือเขาหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขด้วยสายตาอ่อนโยน ชายหนุ่มเสยผมที่เริ่มยาวของริวขึ้น แล้วก้มลงจูบแก้มเนียนใสเบาๆ ริวลืมตาพรึบ แล้วจ้องหน้าชายหนุ่มงงๆ
พสุอมยิ้ม แล้วก้มลงจูบปากแดงระเรื่อ เบียดคลึงแล้วดันปากของเด็กหนุ่มให้เผยอออกเพื่อสอดลิ้นเข้าไป ริวชะงักตัวแข็งไปชั่วขณะ ก่อนที่ลิ้นนุ่มจะกอดเกี่ยวตอบรับพสุอย่างตื่นเต้น เด็กหนุ่มตวัดรัดร่างของพสุเข้าไปกอด ขณะที่ปากก็เบียดเข้าหาพสุแรงยิ่งขึ้นจนเกิดเสียงเบาๆ ยามลิ้นเสียดสีกันในปาก
“อืม...ไม่หิวหรือไง...ไปกินข้าวกัน” พสุถามแล้วลูบปากหยักบางเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว แม้เสื้อคลุมของเขาจะอยู่ในสภาพเรียบร้อยดี แต่ใต้เสื้อคลุมนี้ก็เป็นผิวกายล้วนๆ ไม่มีแม้แต่ชั้นใน ทำให้พสุไม่กล้าอ้อยอิ่งอยู่ในอ้อมแขนของริวนานนัก
“อีกนิดนะครับ พี่ไม่เคยจูบริวก่อนเลยนะ...ขออีกรอบได้ป่ะคับ”
“หึหึ...ของดีมีรอบเดียวครับ...ไปลุกขึ้น” พสุหัวเราะแล้วตะครุบมือที่พยายามจะสอดเข้าไปในเสื้อคลุมเขาเอาไว้
“งั้นถ้ากินข้าวเสร็จแล้ว...” ริวตาเป็นประกายวาวอย่างมีความหวัง แต่พสุกลับดับฝันเด็กหนุ่มดื้อๆ
“พี่ว่าจะไปเดินเล่นเสียหน่อย”
“...ทำไมละค้าบ แถวนี้ไม่เห็นมีอะไรเลย” เด็กหนุ่มโวยวายหลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง พสุบีบจมูกโด่งเบาๆ อย่างหมั่นไส้
“อย่ามางอแง เมื่อวานก็ไม่ได้ไปไหนเลยมาวันหนึ่งแล้ว”
“ริวอยากนอนกอดพี่อยู่บ้านมากกว่า”
พสุส่ายหน้าอย่างระอา ใจคอริวจะตั้งหน้าตั้งตากอดเขาอย่างเดียว จนไม่ให้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันเลยหรืออย่างไร
“แต่พี่อยากไปเที่ยวมากกว่า เพราะพรุ่งนี้เราก็ต้องกลับกันแล้ว”
“งั้นเราก็เลื่อนเวลากลับไปอีกวันสิครับ” เด็กหนุ่มหน้าสลดทันทีที่รู้ตัวว่าจะต้องกลับเมืองไทย
“ได้ไงล่ะ อย่าลืมว่าริวต้องไปคุยงานกับพี่เผ่า ก่อนที่เราจะไปถ่ายโฆษณากันนะ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะให้ไปถ่ายที่ประเทศไหน...ต้องเตรียมตัวอีก ทั้งเอกสาร ทั้งวีซ่า...เรายืดเวลาออกไปตามใจไม่ได้แล้วนะครับ”
“แค่อีกวันเดียวเอง...” ริวยังไม่วายต่อรองแม้จะเข้าใจเหตุผล แต่ก็แสนเสียดายช่วงเวลาแสนสุขอย่างตอนนี้
“อย่างอแงสิครับ ปาย...ลุกขึ้น”
ริวทำหน้ามุ่ย แต่ยอมลุกขึ้นตามแรงดึงของพสุแต่โดยดี พสุมองแก้มพองๆ ปากยื่นๆ ด้วยความงอนอย่างเอ็นดู ชายหนุ่มตักข้าวต้มมาวางให้ตรงหน้าแล้วหอมแก้มเด็กหนุ่มเบาๆ อย่างอดใจไม่อยู่ ไม่ใช่แค่การเอาใจริว แต่พสุรู้ดีว่าลึกๆ เขาอยากทำแบบนี้มาตลอด เพียงแต่กระดากที่ริวโตเกินกว่าจะหอมแก้มกลมๆ นี้เล่น ไม่คิดว่าวันนี้เขาจะกล้าทำตามที่ใจต้องการ
พอถูกหอม หน้างอๆ ก็บานแฉ่ง ดวงตากลมโตเป็นประกายวิบวับ เด็กหนุ่มรีบเอียงแก้มอีกข้างให้ พอพสุหอมริวจึงยิ้มระรื่น ตักข้าวต้มใส่ปากอย่างร่าเริงจนพสุอดหัวเราะไม่ได้....
“โอ๊ย! ถ้ากินๆ นอนๆ แบบนี้อีกสักอาทิตย์นะ มีหวังน้ำหนักพี่ต้องขึ้นเป็นสิบกิโลแน่เลย” พสุบ่นแต่สีหน้ารื่นเริงไม่ทุกข์ร้อนอย่างปากสักนิด นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง เขาแทบไม่เคยใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้เลย ทุกๆ วันมีแต่งานและงาน กับอีกสารพัดเรื่องให้ต้องวิตกกังวล จนทำให้เขาเป็นโรคกระเพาะ
จนกระทั่งมีริวเข้ามาในชีวิต เขาถึงได้สัมผัสโลกแห่งความสุขมากขึ้น แม้ในวันที่แทบล้มคว่ำเพราะต้องสูญเสียพ่อแม่ไป ริวก็เป็นคนฉุดมือเขาไว้ แล้วประคับประคองให้ผ่านช่วงแห่งความทุกข์มาได้
พสุเก็บถ้วยข้าวต้มไปล้าง ริวตามไปยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ รอจนพสุล้างเสร็จถึงลากข้อมือเขาออกไปที่ห้องโถง ชายหนุ่มไม่ได้ขืนตัวยอมเดินตามแรงลากของเด็กหนุ่มแต่โดยดี
“มีอะไรเหรอ”
“ริวอยากเล่นไวโอลินให้พี่ฟัง”
“หืม? เอางั้นเหรอ ขอพี่อาบน้ำก่อนได้มั๊ย แล้วค่อยมาฟัง”
“ไม่ได้ๆ คือ...มันเป็นความรู้สึกของริวตอนนี้ ถ้ารอมันก็ไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะครับ”
“โอเค...พี่จะตั้งใจฟัง” พสุบอกล้อๆ แล้วนั่งขัดสมาธิบนพรมกลางห้องทำหน้าตาให้ดูจริงจัง เด็กหนุ่มจ้องมองพสุด้วยรอยยิ้มเกลื่อนหน้า แล้วริวก็เริ่มเล่นไวโอลิน
พสุรู้ดีว่าริวกำลังบอกรักเขา บอกรักในแบบของริว...ความรัก ที่ทั้งทุกข์และสุข ห่วงใย วางใจ น้อยใจ หึงหวง อิ่มเอม อบอุ่น ทุกอย่างถูกถ่ายทอดผ่านท่วงทำนองแปลกหู เดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวช้า เดี๋ยวหนักแน่น เดี๋ยวก็แผ่วเบานุ่มนวล บางทีริวก็หยุดเล่นแล้ววิ่งมาจูบเขาดื้อๆ ก่อนจะกลับไปเล่นใหม่ ทำให้พสุอดหัวเราะไม่ได้
เพลงรักที่มีเพียงริวและพสุเท่านั้นจะเข้าใจในความหมาย ความสุขเอ่อท้นอยู่ในอก คำพูดที่ไม่อาจบรรยายถ่ายทอดผ่านเสียงลากยาว อ้อยอิ่ง และค่อยๆแผ่วหายไปในอากาศ ริววางไวโอลินไว้บนหิ้งเหนือเตาผิงแล้วเดินมาทรุดลงนั่งตรงหน้าพสุ
“ริวรักพี่นะครับ รักจนพูดออกมาไม่หมด แต่พี่รู้ใช่มั๊ยว่าริวอยู่โดยไม่มีพี่ไม่ได้” พสุพยักหน้ารับ แล้วจูบหน้าผากเด็กหนุ่มเบาๆ เป็นการขอบคุณ เลยได้รับจูบอ่อนโยนตอบกลับจากเด็กหนุ่ม
พอปล่อยปากพสุเป็นอิสระ ริวก็ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักอุ่นๆ ของพี่ เด็กหนุ่มดึงมือขาวให้วางลงบนศีรษะ พอพสุลูบผมนุ่มเล่น ริวก็ถอนใจยาวแล้วจ้องมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
แสงแดดสะท้อนแผ่นน้ำสีน้ำเงินเข้มในทะเลสาบเป็นประกายระยับ พสุเหม่อมองผ่านผนังกระจกใส ขณะที่มือลูบผมนุ่มเล่นอย่างเบามือ บ้านเงียบกริบ นานๆ จะได้ยินเสียงปะทุเบาๆ ของฟืนในเตาผิง
แม้บ้านจะเงียบ แต่กลับไม่เหงา ไม่จำเป็นต้องมีคำพูด แค่เพียงการสัมผัสกันและกันเบาๆ ก็สื่อสารได้มากกว่าคำพูดล้านคำ ความสุขลอยอวลอยู่ในอากาศ หนาแน่นจนแทบจับต้องได้
พสุละมือจากผมนุ่ม ลูบปลายนิ้วลงบนผิวแก้มเนียนละเอียดเล่น ก่อนจะลากนิ้ววนบนเปลือกตากว้าง แพขนตางอนหนาเป็นแผงไม่กระด้างอย่างที่คิด ชายหนุ่มลูบนิ้วผ่านสันจมูกโด่งลงไปบนปากหยักบางเบาๆ
ริวคว้ามือพสุไว้แล้วจูบกลางฝ่ามือนุ่ม ก่อนจะยกตัวขึ้นพิงบนไหล่พสุ แล้วดึงศีรษะชายหนุ่มให้โน้มลงแลกลิ้นกัน เพียงแค่ปลายลิ้นกอดเกี่ยวกันและกัน ไอร้อนก็แผ่ขยายอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มแหวกเสื้อคลุมของพสุออก แล้วดึงร่างเปล่าเปลือยขึ้นมานั่งซ้อนตัก ผิวต่อผิวสัมผัสกันและกันถนัด ขณะที่พสุเองก็ไม่เกี่ยงงอนที่จะลูบไล้เด็กหนุ่มคืน เร่งให้ริวปรารถนาจนกลายเป็นความกระหาย
ริวยกสะโพกขึ้นจนส่วนร้อนจัดเบียดกับทางแคบอบอุ่นอย่างใจร้อน โดยไม่ทันให้พสุตั้งตัวเด็กหนุ่มก็สอดนิ้วเข้าไปในช่องทางฝืดแคบ พสุนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ชายหนุ่มพยายามจะปรามแต่ริวไม่ยอมปล่อยปากเขา หนำซ้ำยังดันนิ้วเข้ามาไม่หยุด จนพสุต้องดึงมือเด็กหนุ่มออกแล้วดันแผ่นอกเปล่าเปลือยลงบนพรม
“ทะ...ทำไมครับ” ริวถามหอบๆ ดวงตาขุ่นมัวด้วยกระแสพิศวาส ดูสับสนและเร่งร้อนด้วยความปรารถนา ทำให้พสุมั่นใจว่าขืนปล่อยให้ริวกอดเขาต่อ เขาต้องได้แผลอย่างแน่นอน ชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายคุมเกมเสียเอง
“พี่...ริว..” ริวเรียกแล้วพยายามจะดึงพสุลงไปกอด แต่ชายหนุ่มยึดข้อมือริวไว้
“ชี่...” พสุปรามแล้วไล้ปากไปบนสันกรามและปลายคางบุ๋มช้าๆ แม้เด็กหนุ่มจะพยายามตามติด เขาก็เลื่อนปากหนี พสุลูบแผงอกกว้าง นวดเฟ้นทรวงอกตึงนูนได้รูปเบาๆ ด้วยปลายนิ้วอย่างหยอกเย้า
“พี่...ฮื้อ...” ริวครางอย่างหงุดหงิด เพราะต้องการปลดปล่อยเต็มที่แล้ว แต่กลับถูกพสุเหนี่ยวรั้งไว้
“ใจเย็นๆ สิครับ”
“แต่...อือ...” ประโยคปฏิเสธกลายเป็นเสียงคราง เมื่อพสุลูบไล้แผงอกขาวด้วยปลายลิ้น ป้านอกสีแดงหดเกร็งจนยอดอกชูชันเมื่อถูกกัดชิมดูดกลืนไว้ในปากอุ่น ริวรีบละมือจากตัวพสุมายึดหมอนที่หนุนอยู่แน่น เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเขาควบคุมตัวไม่ได้แล้ว จึงไม่กล้ากอดพสุเพราะเกรงจะทำให้พี่เจ็บ
พสุเน้นปากและลิ้นที่ดูดกลืนยอดอกแดงจัดให้แรงขึ้น เสียงครางกระเส่าและแผงอกที่เดาะลอยตามปาก ทำให้ชายหนุ่มร้อนวาบในท้อง เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมริวถึงชอบจูบเขาทั้งตัว เพราะเรือนร่างของคนที่รัก ช่างหอมหวานชวนให้ลิ้มรสไปหมดทุกส่วนเช่นนี้นี่เอง
กล้ามเนื้อหน้าท้องของเด็กหนุ่มเกร็งเป็นลูกเมื่อพสุจูบไซ้จากแผงอกลงไปหาหน้าท้อง แม้ริวจะเล่นฟิตเนส จนได้กล้ามเนื้อหน้าท้องและแผงอกงดงาม แต่เพราะเด็กหนุ่มไม่ชอบเปิดเผยเนื้อตัว ผิวขาวจึงขาวจัดจนเป็นสีชมพูระเรื่อ ความเยาว์วัยทำให้ผิวเนียนละเอียดเสมอกันทั้งตัว แม้แต่ส่วนร้อนรุ่มที่พสุกอบกุมไว้ในอุ้งมือก็เช่นกัน
พสุไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้เขาจะทำอะไรแบบนี้ได้ ชายหนุ่มลูบไล้แก่นกายร้อนจัดจากโคนจรดปลายด้วยริมฝีปากเบาๆแล้วส่งเข้าปาก เพียงแค่เข้าไปอยู่ในปากเขา ริวก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ทุกครั้งที่เขาตวัดลิ้นลูบไล้เด็กหนุ่มก็ยิ่งหอบหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ หน้าท้องของเด็กหนุ่มเกร็งเป็นระลอกก่อนที่หยาดร้อนๆ จะฉีดพุ่งออกมาโดยที่พสุไม่ทันได้ถอนปากออก เพราะไม่คิดว่าริวจะไปถึงเร็วขนาดนี้ ชายหนุ่มยังลูบไล้สะโพกสั่นระริกเบาๆ จนริวปลดปล่อยออกมาจนหมด ถึงได้ลุกไปคายในห้องน้ำ...เขาไม่ได้รังเกียจสิ่งที่ริวปลดปล่อยออกมา ที่คายเพราะมันมากจนเขากลืนลงไปไม่หมดและเกรงจะเปรอะเปื้อนลงไปที่พรม
ชายหนุ่มบ้วนปากแล้วจ้องมองหน้าตัวเองในกระจก ตกใจและประหลาดใจที่ตัวเองกล้าทำแบบนี้ ความรักช่างงดงามและน่ากลัว ไม่มีสิ่งใดในร่างกายของคนที่รักน่ารังเกียจ มีแต่ปรารถนาจะแตะต้องและครอบครองเป็นเจ้าของ
พสุกลับมาที่หน้าเตาผิงอีกครั้ง ก็พบว่าริวลุกขึ้นมานั่งตัวตรงอยู่กลางกองหมอน สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ของเด็กหนุ่มทำให้พสุต้องรีบเดินเข้าไปหา
“ริว...เป็นอะไร...” พสุถามแล้วแตะลงบนไหล่ ริวหันมาคว้าตัวเขาเข้าไปกอดแน่น
“พี่...อย่าทำอีกนะ...” น้ำเสียงสั่นเครือของเด็กหนุ่มทำให้พสุใจแป้ว เขาไม่เคยใช้ปากทำรักให้ใคร ไม่คิดว่าการทำแบบนี้ครั้งแรกจะทำให้ริวรู้สึกแย่ขนาดนี้
“เอ่อ...พี่ทำแล้วริวรู้สึกแย่เหรอ...มันไม่ดีใช่มั๊ย”
“ไม่ใช่ มันดี ดีมากๆ ด้วย...แต่พี่ขยะแขยงใช่มั๊ย...พี่ไปอาเจียนมาเหรอ” ริวละล่ำละลักตอบ แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อยๆ ในตอนท้าย ทำให้พสุยิ่งไม่สบายใจมากขึ้น
สำหรับเขาการทำรักให้ริวด้วยปาก เป็นความต้องการของเขาเองที่อยากจะสัมผัสริว แต่ไม่เคยคิดว่าริวจะรู้สึกไม่ดีตอนทำให้เขา
“พี่ไม่ได้อาเจียน...ทำไมถึงคิดว่าพี่ขยะแขยงล่ะ หรือว่าเวลาริว...เอ่อ...ริวทำแล้วรู้สึกแบบนั้น”
“ไม่เลย ริวอยากจะกลืนกินพี่ไว้ทั้งตัวด้วยซ้ำ...แต่ริวเห็นพี่ลุกไปห้องน้ำ ริวนึกว่าพี่ขยะแขยง...ริวไม่อยากให้พี่รู้สึกไม่ดี ไม่อยากให้พี่รังเกียจ...จนกลายเป็นความทรมานเวลาที่ริวกอด...ริวไม่อยากให้...อืม...”
พสุจูบปิดปากเด็กหนุ่ม ไม่อยากได้ยินคำพูดในแง่ร้ายที่เด็กหนุ่มพูดถึงตัวเอง ที่ผ่านมาเขาคงแสดงแต่ปฏิกิริยาแย่ๆ ไว้มาก ริวถึงฝังอกฝังใจเหลือเกินว่าเขารังเกียจ ไม่ว่าจะทำอะไรเด็กหนุ่มก็คอยระวังตัวแจจนน่าสงสาร
“พี่รู้สึกดีที่ได้สัมผัสริว...ได้จูบริว...” พสุอธิบายแล้วจูบสาธิตจนเด็กหนุ่มหลอมละลายอยู่ในอ้อมแขนเขา เพียงแค่จูบก็ปลุกเร้าให้ริวกลับมาร้อนระอุอีกครั้งอย่างง่ายดาย
พสุดันตัวเด็กหนุ่มนอนลงและนวดเฟ้นเรือนร่างที่งดงามด้วยมัดกล้ามช้าๆ ใบหน้าแดงซ่านซุกกับหมอน ผิวขาวๆ กลับมาแดงก่ำทั้งตัวอีกครั้ง เสียงครางเบาๆ และกล้ามเนื้อที่เกร็งเป็นระลอก ทุกครั้งที่เขาดูดกลืนยอดอกของเด็กหนุ่มเล่น ทำให้ช่องท้องของเขากลับมาร้อนวูบวาบอีกครั้ง ชายหนุ่มเลื่อนมือลงไปลูบไล้สะโพกแกร่งที่แน่นตึงด้วยกล้ามเนื้อแล้วยกขึ้นขณะที่เขาบดสะโพกลงไปหา ส่วนร้อนจัดที่เสียดสีกันทำให้พสุร้อนวาบไปทั้งตัว
ชายหนุ่มผละปากจากยอดอกขึ้นมามองหน้าริว ดวงตาหวานที่ปรือปรอยด้วยอารมณ์ปรารถนา แก้มเนียนละเอียดแดงซ่าน ปากหยักบางสีส้มจัดเผยอหอบน้อยๆ ดูเชิญชวนจนต้องสอดลิ้นเข้าไปกอดเกี่ยวดูดดื่มรสหวานซ่านในโพรงปากนุ่มอย่างอดใจไม่อยู่
“ริวครับ...พี่ขอ...กอดริวบ้าง ได้มั๊ย” พสุกระซิบถามแล้วจูบบนแก้มเนียนเบาๆ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย สัญชาตญาณของความเป็นผู้นำยังเต็มเปี่ยม แน่นอนว่าเขาย่อมต้องการครอบครองริวเช่นเดียวกัน
ริวปรือตาขึ้นจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต แต่เมื่อพสุลูบมือไปบนสะโพก เด็กหนุ่มก็หลับตาปี๋แล้วเกร็งตัวขึ้นทันที
“ริว...กลัวเหรอ” พสุถามเสียงอ่อนโยน แล้วหยุดลูบไล้สะโพกของเด็กหนุ่ม ริวลืมตาขึ้นจ้องมองหน้าเขาแล้วพยักหน้ารับอย่างซื่อๆ ทำให้พสุใจอ่อนยวบด้วยความสงสาร
“พี่จะไปไหน?” ริวผวาตามทันทีที่พสุลุกขึ้น
“พี่จะไปห้องน้ำครับ”
“แล้วพี่ไม่ทำเหรอ?”
“ไม่แล้วล่ะ”
“ทำไมล่ะ...ริวไม่น่ากอดเหรอ?” คำถามตรงๆ นั้นทำให้พสุรู้สึกเขินจนไม่อยากพูดอะไร แต่สีหน้าวิตกกังวลของเด็กหนุ่มทำให้เขาไม่อาจปล่อยผ่านให้ริวเข้าใจผิดจนกลายเป็นความเสียใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้น...พี่อยากกอดริว แต่พี่ไม่อยากให้ริวกลัว...แล้วก็ไม่อยากให้ริวเจ็บด้วย”
“ริวทนได้ พี่ยังยอมทนเจ็บตั้งหลายครั้ง ริวก็ทนได้เหมือนกัน จริงๆ นะ” ริวยืนยันด้วยสีหน้ามุ่งมั่น แต่พสุกลับตื้นในอกด้วยความปลื้มใจที่เด็กหนุ่มห่วงใยความรู้สึกเขาขนาดนี้
“ไม่เป็นไรครับ...พี่ไม่ทำแล้วล่ะ ริวนอนเถอะ”
“ไม่เอาอ่ะ... พี่อย่าทิ้งริวไปนะ พี่โกรธริวเหรอครับ” ริวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วดึงพสุกลับไปกอดไว้แน่น จนชายหนุมต้องกอดตอบ
“พี่ไม่ได้โกรธ”
“งั้นพี่ก็อย่าไปสิ ริวอยากให้พี่กอดจริงๆนะ”
“ครับๆ พี่ไม่ไปแล้ว” พสุลูบหัวลูบหลังเด็กหนุ่มเบาๆ เพื่อปลอบโยน แค่เห็นสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ของริว เขาก็เสียดแน่นในอกด้วยความเสียใจ เมื่อริวจูบเขาจึงจูบตอบอย่างไม่เกี่ยงงอน
อาการเสียวแปลบปลาบในช่องท้อง และร้อนรุ่มในอกกลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง ริวเป็นฝ่ายผละปากออก แล้วทิ้งตัวลงนอนกางแขนกางขา หลับตาปี๋
“ริวพร้อมแล้ว...”
พสุกลั้นหัวเราะจนปวดท้อง ริวบอกว่าพร้อม แต่ดูยังไงก็ไม่พร้อม ชายหนุ่มรู้ดีว่าที่ริวยอมเพียงเพื่อจะเอาใจเขา เด็กหนุ่มกลัวที่จะถูกกอด และเขาเองก็ไม่กล้าทำให้น้องเจ็บ
“ไม่ต้องกลัว...พี่ไม่ทำอะไรริวแล้วล่ะ...” พสุกระซิบบอกอ่อนโยน พอเห็นเด็กหนุ่มลืมตาขึ้นจ้องหน้าเขาแล้วทำท่าเหมือนจะค้าน ชายหนุ่มก็แตะปากหยักบางไว้ไม่ให้พูด
“ไม่ใช่เพราะริวไม่น่ากอด แต่เพราะพี่ทนเห็นริวเจ็บตัวไม่ได้เข้าใจมั๊ยครับ” พสุบอกแล้วก้มลงจูบหน้าผากริวเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ
มันไม่สำคัญอีกแล้วว่าใครจะเป็นฝ่ายกอดใคร ศักดิ์ศรีและความเป็นผู้ชายของเขาไม่ได้ลดลงหรือหายไปไหนอย่างที่เคยนึกกลัว...ขอเพียงแค่น้องมีความสุข นั่นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
“...นอนเถอะ ดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ริวต้องขับรถอีกไกล” ชายหนุ่มดึงผ้านวมขึ้นห่ม แล้วขยับเข้าไปกอดริวเอาไว้ แม้จะมีไฟในเตาผิงให้ความอบอุ่น แต่ไม่อาจเทียบความอบอุ่นของอ้อมแขนได้ เด็กหนุ่มจ้องมองเขาด้วยสายตาซาบซึ้ง แล้วจู่ๆ ก็พลิกตัวขึ้นทาบทับอย่างรวดเร็ว
“ถ้างั้น...ริวจะขยันหาความรู้ให้มากๆ ริวจะได้เก่งๆ”
“ความรู้เรื่องอะไรครับ?” พสุมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างงุนงง ไม่เข้าใจในสิ่งที่ริวพูด จนกระทั่งเห็นประกายวาววับในดวงตาของริวถนัดตา
“อย่าบอกนะว่า...ไอ้เด็กทะลึ่ง!”
“ทะลึ่งที่ไหน ริวตั้งใจจริงนะ รับรองว่าริวจะทำให้พี่มีความสุข จนพี่อยากให้ริวกอดทุกคืนเลยครับ ริวสัญญา”
“ฮึ้ย! สรุปว่านี่พี่คิดผิดใช่มั๊ยที่เห็นใจริวน่ะ มันน่านัก!...อื้ม...” พสุพูดได้แค่นั้นก็ถูกริวปิดปากไว้
เพราะพสุช่วยปลดปล่อยให้ไปแล้ว ทำให้บทรักครั้งนี้ของริวเนิบนาบนุ่มนวลขึ้น เด็กหนุ่มใจเย็นพอที่จะเล้าโลมจนพสุแทบแตะขอบฝันครั้งแล้วครั้งเล่า
ริวขยับโยกกายเป็นจังหวะ แม้จะได้รับคำแนะนำจากหมอมาแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงทฤษฏี ที่ริวไม่รีรอจะพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติจริงกับร่างในอ้อมแขน เสียงครางแผ่วๆ และร่างเปียกเหงื่อชุ่มที่เกร็งตัวรับสัมผัสตลอดเวลาเสมือนเครื่องการันตีว่าพสุพึงพอใจกับสัมผัสของเขาแค่ไหน
เสียงครางเสียงหอบหายใจ ดังประสานกันระงม วงแขนที่ต่างกอดรัดกันและกันแน่นจนเจ็บ แต่นาทีนี้ทั้งพสุและริวยังคงรู้สึกว่าพวกเขายังกอดกันไม่แน่นพอ จึงต้องสอดประสานกายในแนบสนิทซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตราบจนความสุขในกายพุ่งถึงขีดสุด ร่างกายหยัดเกร็งผนึกประสานแทบเป็นร่างเดียว ต่างปลดปล่อยหลักฐานแห่งความสุขจนเปี่ยมท้น เอ่อนอง
แม้จะปลดปล่อยไปแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังกอดเกี่ยวกันและกันไว้แน่น เมื่อลมหายใจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ การเคลื่อนไหวก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ความสุขที่จับต้องได้ด้วยความรู้สึก ทวีขึ้นทีละน้อย จนเมื่อไม่อาจเก็บกลั้นไว้ได้ ก็ทะลักล้นออกมาเป็นเสียงครางกระเส่า เรือนร่างที่ประสานกันครั้งแล้วครั้งเล่า ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านภาษากายที่มีเพียงเขาทั้งสองที่เข้าใจ..............
ริวจูบบนไหล่เปล่าเปลือยอย่างรักใคร่ แล้วเท้าคร่อมร่างของพสุไว้ ใบหน้ายามหลับสนิททำให้พสุยิ่งดูอ่อนเยาว์ ผิวเหลืองแบบคนเอเซียต้องแสงไฟจากเตาผิงเป็นสีส้มราวกับอาบด้วยทองคำ ปากสีสดเป็นเงาอิ่มชุ่มฉ่ำจนอดใจไว้ไม่อยู่ เด็กหนุ่มแนบปากคลึงเคล้าและสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวปลายลิ้นของพสุ ดูดกินความหวานแม้จะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่หัวใจก็เต้นระรัวด้วยความต้องการ
ริวเคล้าจมูกสูดกลิ่นแก้มอย่างหลงใหล ผิวอุ่นตึงหอมจนติดจมูก กลิ่นหอมที่ฝังลึกอยู่ในสมองไม่ว่ายามหลับหรือตื่น เพียงแค่ได้กลิ่นหอมของผิวกายพสุ เด็กหนุ่มก็ร้อนระอุอย่างง่ายดาย แต่ร่างกายพสุยังบอบช้ำ ทำให้ริวจำต้องอดกลั้นเอาไว้ เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือก ละสายตาจากผิวเปล่าเปลือยของพสุ กวาดตามองไปรอบๆ บ้าน แล้วสะดุดนิ่งกับรูปถ่ายเหนือเตาผิง...
ฤดูร้อนหน้า คุณภมรกับครอบครัวจะมาใช้บ้านนี้...หน้าเตาผิง ในครัว ในห้องน้ำ บนเตียง หรือแม้แต่ชิงช้าข้างบ้าน จะมีร่องรอยของคนอื่น ลบเลือนร่องรอยของเขากับพสุ...เด็กหนุ่มขมวดคิ้วนิ่งอย่างไม่ชอบใจนัก...ทุกสิ่งที่นี่ล้วนมีความทรงจำของเขากับพสุอยู่ทุกที่ เขาไม่ปรารถนาให้สิ่งเหล่านี้ถูกลบเลือนไป...
ริวสวมเสื้อคลุมแล้วลุกไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่อลันให้มาต่อสายหาอลัน พร้อมกับเดินออกไปคุยที่ห้องครัว เพราะไม่ต้องการให้เสียงรบกวนพสุ
“ว่าไง...” เสียงอลันเหมือนโล่งใจที่เขาโทรหา
“หาเบอร์โทรศัพท์คุณภมรให้ทีสิ”
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า?” น้ำเสียงของอลันเริ่มเป็นงานเป็นการขึ้นทันที จนริวนึกขำ
“ชั้นอยากจัดการเอง นายแค่หาเบอร์มาก็พอ”
“เบอร์มือถือนะ”
“ยังไงก็ได้ ขอแค่ติดต่อสะดวกที่สุดก็พอ”
ไม่ถึง 10 นาทีริวก็ได้เบอร์โทรศัพท์มือถือของคุณภมรและข้อมูลที่ว่าตอนนี้คุณภมรไปติดต่อธุระที่สิงคโปร์ เด็กหนุ่มต่อสายหาคุณภมรทันทีที่คำนวณเวลาแล้วพบว่าทางโน้นเป็นเวลากลางวัน...
“ครับ”
“ผมริวครับคุณอาภมร”
“อ้าวริว ว่าไง ชอบที่นั่นมั๊ย วิวสวยสมกับที่อาบอกหรือเปล่าล่ะ”
“อย่าใช้คำว่าชอบเลยครับ ต้องบอกว่าหลงรักเลยมากกว่า...คุณอาภมรคิดจะให้เช่าบ้านนี้บ้างมั๊ยครับ เช่าระยะยาวสักหลายๆ ปี”
“หึหึ...อยากได้บ้านนั้นเหรอริว”
“ครับ...ถ้าคุณอาจะกรุณา”
“หึ...รู้สึกว่าริวจะใช้ภาษาไทยได้เก่งจริงๆ นะ...ไม่สิ ต้องบอกว่าเข้าขั้นปากหวานเลยล่ะ...แต่ที่นั่นก็เป็นหนึ่งในที่โปรดปรานของครอบครัวอาเสียด้วยสิ...ราคาคงสูงสักหน่อยนะ”
“ผมยินดีครับ เพราะผมหลงรักบ้านนี้เข้าเต็มเปาแล้ว”
พอภมรบอกราคา ริวก็รับคำทันทีโดยไม่ต่อรองใดๆ พร้อมกับนัดหมายวันเวลาโอน ซึ่งเด็กหนุ่มก็ขอโทษภมรไว้ล่วงหน้าว่าคงให้ทนายความไปจัดการให้ เพราะตัวเองคงกลับเมืองไทยไปแล้ว และคิวงานที่แน่นเอียดของคิสมีย่อมไม่เอื้ออำนวยให้เดินทางไปทำสัญญาซื้อขายกับภมรด้วยตัวเอง
หลังจากโทรไปกำชับให้อลันจัดการเรื่องบ้านให้เรียบร้อย เด็กหนุ่มก็กลับไปสอดตัวลงใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับพสุอีกครั้ง ตัวเขาคงเย็นเกินไปเพราะเมื่อดึงพสุเข้ามากอด ชายหนุ่มก็มีท่าทางคล้ายสะดุ้งและหดตัวหนี แต่สุดท้ายก็ยอมให้กอดแต่โดยดี
………………………………………..
-
ขอจิ้มก่อนน แล้ววิ่งไปอ่านหึหึ
น่ารักเสมอ คู่นี้ o13 o13
-
พี่ไผ่ น่าร้ากที่สุดเลยยยยย หุหุหุ
-
:-[
นึกว่าจะเสร็จพี่ไผ่ซะแล้วริวเอ๋ย คึคึ
-
จะความแตกเพราะซื้อบ้านป่าวหว่า
ตอนนี้ไม่รออะไร รอวันพสุรู้ว่าริวเป็นใครอย่างเดียวเลยอ่ะ
-
ลุ้นพี่ไผ่ ไม่ขึ้นแฮะ แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว หวานจัง :กอด1:
-
อร๊ายยย น้องริวน่ารักมากกกกกกก อ่านแล้วอยากวิ่งไปหยิกแก้มซักที
นอนกางแขนกางขา ริวพร้อมแล้ว?? (ตรงไหน???) :laugh: น่ารักอ่ะ
นี่ก้อได้บ้านสำหรับกลับมาฮันนีมูนอีกหลายๆรอบแล้วดิ :z1:
-
โอววว น้องริวเกือบจะโดนพี่ไผ่กดซะแล้ว แต่แหม๋ เปลี่ยนๆ กันมั่งก็ดีนา
สงสารพี่ไผ่ โดนอยู่ฝ่ายเดียว :haun4:
-
รู้ว่าจิ้มไม่ทันก็เลยขออ่านก่อน...จะว่าไงดี
นึกว่าจะได้เห็นริวโดนพี่ไผ่จิ้มซะแล้ว :o8:
ในที่สุด!!!! อลันก็มีบท (ถึงจะแค่น้อยนิดแต่เหล่าแฟนคลับก็เฮได้) :laugh:
-
... :o8: :-[
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย นึกว่าพี่ไผ่จะได้กอดน้องสักครั้ง อิอิ
-
พี่ไผ่ สุดยอดมากกกกกก น่ารักที่สุด :impress2: :impress2:
-
เริ่ดดดด
สินสอดเยอะแยะไปหมด กร๊ากกกกก
><
แบ่งเจ้ ในฐานะแม่ยกซักหน่อยก็ได้นะคะ
ฮ่าๆๆๆๆ
-
เอาชอบอลันอ่ะ อลันจัดให้ทุกอย่าง
-
อ่านๆไป แอร้ยยยย
พี่ไผ่น่ารักมากครับ แต่ริวเกือบเสร็จพี่ไผ่ไหมหล่ะ
ไปๆมา สุดท้าย พี่ไผ่ก็เสร็จริวอีกจนได้ ฮ่าๆ
แถมจะเช่าบ้าน ซื้อบ้านอีก บอกอลันคำเดียวอลันจัดการทุกอย่างเลยเหอๆ
เมื่อไรไผ่จะรู้ความจริงว่าริวเป็นใคร นะ ถ้ารุ้แล้วจะเป้นไงนะ
อย่าโกรธกันเลยนะพี่ไผ่นะ 555+
ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เมื่อไรจะแต่งกันซักทีนะ 5555+
-
พี่ไผ่ น่ารักเน้ออออออออออออออออ
-
เฮ้อ โล่งอก นึกว่าจะเกิดการรีเวิร์สซะแล้ว :m23: แบบว่าชินกะ ริว-ไผ่ มาหลายตอน ถ้ารีเวิร์สเป็น ไผ่-ริว กะทันหันเดี๋ยวปรับโหมดไม่ทัน 555+
ในที่สุด!!!! อลันก็มีบท (ถึงจะแค่น้อยนิดแต่เหล่าแฟนคลับก็เฮได้)
เห็นด้วยเลย~ o13
-
แหม อยากจะกดเขาแต่ก็โดนเขากดเหมือนเดิมนะพี่ไผ่
-
นึกว่าจะได้อ่านพี่ไผ่กดริวซะแล้ว... :impress2:
แหมๆๆ นานๆทีให้พี่ไผ่ได้บ้างอะไรบ้างอย่างเงี้ยะอ่ะครับ
(สารภาพความจริงว่าตอนเริ่มอ่านเชียร์พี่ไผ่รุกสุดใจ :z3:)
อลันมีบทแย้ว!! o13
-
เกือบไปนิ เกือบไป ไว้คราวหน้าแล้วกันนะพี่ไผ่
-
ริวจ๋า หนูน่ารักเหลือเกิน
พี่ไผ่จ๋า พี่ก็อบอุ่นเหลือเกิน
ขอเถอะนะ อย่าให้มีอะไรมาพรากทั้งคู่จากกันอีกเลย
-
พี่ไผ่น่าจะใจแข็งลองรุกน้องริวบ้างนะ แต่ตอนนี้ต้องกลับเมืองไทยแล้วเสียดายจังเลย :z1:
-
ตอนนี้ริวน่ารักสุดใจ :-[
-
:pighaun: :pighaun: :pighaun:
ริวเกือบเสร็จพี่ไผ๋ :m20: :m20: :m20:
-
เกือบเสียเอกราชแล้วหนูริว
ตอนต่อไปมีมาม่าแหงเลย
กลัวพี่ไผ่โกรธเรื่องบ้านจัง
-
อ่านncแล้วอบอุ๊นอบอุ่น :-[
รักๆๆๆๆๆๆๆพี่ไผ่กะน้องริว สุโค่ยยยยย
-
ลงทุนจริงๆเลยหนูริว
-
ผลสุดท้าย ไผ่ก็รุกไม่ขึ้น...อิอิ
ริวถึงขนาดลงทุนซื้อบ้านเลยทีเดียว
น่ารักมากเลยค่ะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
ขอกรี๊ดสองทีด้วยเหตุผลดังนี้...
เหตุผลแรก พี่ไผ่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ดีใจแทนน้องริวด้วยยย(และพี่ไผ่เกือบกดริวด้วย เอิ๊กๆ อันนี้กรี๊ดเบาๆ)
เหตุผลที่สอง อ๊ายยยย อลันออกโรง ถึงจะนิดๆหน่อยๆพอให้ป้ากระชุ่มกระชวยหัวใจก็ตามที...เฮ้อ อยากให้อลันมีคู่บ้างจัง มัวแต่ดูแลริว แล้วจะได้คู่จากไหนกันล่ะนี่(เชื่อว่าคู่อลันคงหึงอลันกะริวบ้างล่ะน่า^^)
-
อลันมีบท *0* คิดถึงperfect man คนนี้จริงๆเลยอ่ะ ขอกอดทีดิ
อ่านตอนที่พี่ไผ่ทำท่าจะรุกริวแล้วนึกถึงตอนริวยังเป็นเด็กน้อยสมัยเริ่มเรื่องเลยอ่ะ ถ้าริวตอนนี้เป็นแบบนั้นล่ะก็นะ.....โฮกกกก
-
ริวน่ารัก พสุน่ากอด โอ๊ย...ขอเหมาทั้ง2คนเลยได้มั้ยครับ
:-[
-
โหยยย ดีนะเนี้ยที่พสุไม่ทำ :a5:
แบบว่าไม่ชอบเรื่องที่ผลัด...กัน อ่ะ
-
พี่ไผ่!!!!!!!
พี่ชายที่แสนดี เพื่อความสุขน้อง ยอมได้ทุกอย่าง
ใหั 100เลย
-
อ๊ายยยยย
นู๋ริวววววว ทับรอยไม่ได้เลยทีเดียว
อารายมันจะโรแมนติกขนาดนั้น
กลับไปไทยแล้วจะเปนไงบ้างน้อ พี่ไผ่จะทำตัวแบบอยู่บ้านนี้มั้นน้อ รอลุ้น ๆ
-
เรื่องนี้ใคร "หื่น" ที่สุด :oo1:
ก. พี่ไผ่ ข. น้องริว ค. รีดเดอร์ ง. ไร้เตอร์ จ. ถูกมันทุกข้ออ่ะเเหละ :z1:
ป้าขอตอบได้ป่ะคะ ....เงียบ ถือว่าอนุญาต อิ อิ อิ
ตอบข้อ จ. ค่ะ แต่เน้นข้อ ค. ได้ป่ะคะ 555
-
คุณAnonymusขา คุณช่างสรรค์ปั้นแต่งให้น้องริวกับพี่ไผ่ ให้เป็นคู่รักที่ได้ใจดิฉันจริงๆค่ะ
ทั้งคู่ต่างเป็นคนรักที่มีความละเอียดอ่อน คำนึงถึงความรู้สึกของคนรักเป็นที่สุด ประกอบกับ
ความอ่อนโยนนุ่มนวลเมื่อแสดงออกซึ่งความรักที่มีต่อกัน อ่านเมื่อใดก็สัมผัสได้เมื่อนั้น
คุณทำให้ผู้อ่านมีความสุขจริงๆ (ดิฉันคิดว่าผู้อ่านท่านอื่นก็คงรู้สึกเช่นกัน)
-
คุณAnonymusขา คุณช่างสรรค์ปั้นแต่งให้น้องริวกับพี่ไผ่ ให้เป็นคู่รักที่ได้ใจดิฉันจริงๆค่ะ
ทั้งคู่ต่างเป็นคนรักที่มีความละเอียดอ่อน คำนึงถึงความรู้สึกของคนรักเป็นที่สุด ประกอบกับ
ความอ่อนโยนนุ่มนวลเมื่อแสดงออกซึ่งความรักที่มีต่อกัน อ่านเมื่อใดก็สัมผัสได้เมื่อนั้น
คุณทำให้ผู้อ่านมีความสุขจริงๆ (ดิฉันคิดว่าผู้อ่านท่านอื่นก็คงรู้สึกเช่นกัน)
เห็นด้วยครับ เป็นความสุขใจที่ได้อ่านความรักของ พี่ไผ่กับน้องริว จริงๆ
-
:oo1:เกือบไปละ
-
:-[ หวานที่สุดของที่สุด คู่นี้น่ารักและซึ้งมากเลยค่ะ
-
หวานกันจริงๆคู่นี้ :o8:
-
หุ หุ หุ....บ้านแห่งความสุขของสองเรา :impress2:
จะเอาไว้มาฮันนีมูนรอบ 2 เหรอไอ้หนูริว
-
อยากเห็นพี่ไผ่รุกขึ้นมาจริงๆ :-[
-
นึกว่าว่าพี่ไผ่จะได้รุกซะแล้ว :o8:
-
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักทั้งริว ทั้งพี่ไผ่เนอะ ตอนนี้ก็หวานซะ :-[ +1 จ้า
-
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อ่า :m25:
-
หวานนนน ~ พี่ไผ่น่ารักเกินไปแล้ว
-
น้องริวเกือบเสร็จพี่ไผ่ละ
แต่พี่ไผ่น่ารักอ่ะรู้ว่าน้องริวกลัวก็ตัดใจไม่ทำ
อ่า~หวานกันมาก ๆ
-
ได้บ้านหลังนี้เป็นของติดไม้ติดมือหลังฮันนีมูนทริป เอาไว้อยู่ยาวตอนออกจากวงการเลยละกัน
-
อร๊ายยยย ทำเอาซะตกใจ นึกว่าจะผลัดกันจริงๆซะอีก :z1:
หนูริวน่ารักอ่ะ กรี๊ดๆๆๆ น่ารักจริงๆนะเนี่ย เกือบโดนจิ้มซะแล้วหนูริว :laugh:
หนูริวเนี่ย ตอนปกติเวลาไม่ได้กอดพี่ไผ่เนี่ย ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเด็กตัวเล็กๆ น่ารัก น่าหยิกน่ากอดจริงๆ
แต่ไหง พอเริ่มจึ๊กๆกับพี่ไผ่ :pighaun: ถึงได้ดูเป็นชายเต็มตัวขนาดนี้เนี่ย หื่นสุดๆ :m20:
แต่ก็ยังคงความน่ารักสมกับเป็นหนูริวเหมียนเดิม คึคึ
-
คิดอยู่เหมือนกันว่า ริวต้องหาทางซื้อรังรักไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองจนได้ :man1:
-
แอบกังวลว่ากลับกรุงเทพแล้วจะเป็นไงกันนะ
-
น้องริวเกือบไปแล้วนะเนี้ย.. แต่ซึ้งอะ.. พี่ไผ่รักน้องมากมายเลยอะ... ขนาดที่ว่ากลัวน้องเจ็บบ.. ฮาๆๆ
แต่น้องริวก็นะ.. สนับสนุนเรียนรู้ไว้ฮํบน้องริว.. ริวเก่งอยู่แล้ว ดูนิดูหน่อย .. ฝึกนิดฝึกหน่อย..
แอบสงสารพี่ไผ่... แต่ไงมันก็เกิดจากความรักของน้องริวกับพี่ไผ่อะนะ..
น้องริวแรง...นะเนี้ย.. ถึงขนาดซื้อบ้านเลย...
อยากรู้จังว่าถ้าพี่ไผ่รู้ว่าริวทำอาชีพแล้วก็มีความเป็นอยู่ยังไงในนิวยอร์กแล้วจะเป็ฯไง..
อลันจะออกมาเมือ่ไรฮํบเนี้ย.. อลันดูเท่ๆๆอยู่เบื้องหลังนะเนี้ย.. ผู้ช่วยที่เก่งที่สุดในโลกของน้องริว...
มิสๆๆ น้องริวและพี่ไผ่.. แล้วรีบมาๆๆต่อนะฮับพี่..
รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
:serius2:
อ่านแล้ว อยากให้พี่ไผ่กด น้องริวบ้างอ่ะ
:o12: :o12:
-
พี่ไผ่เริ่มแสดงความรักออกมามั่งแล้ว
พี่ไผ่ไม่น่าใจอ่อนเลย เห็นม่ะเจ็บตัวเลย
ชริๆ อยากเห็นริวโดนกอดบ้าง แหะๆๆ
-
นึกว่าพี่ไผ่จะเป็นผู้นำควบคู่กับริวซะแล้ว :z1:
ถึงขั่นลงทุนซื้อบ้านอย่างงี้ไปฮันนี่มูลที่ไหนไม่มีบ้านที่นั่นเหรอจะหนูริว :impress2:
:pig4:คะ
-
:o8:
หวานได้โล่ห์
:pig4:
-
เริ่ดคร้า~~~~!!!
ดูท่าริวของเราจะเข้าท่าขึ้นแร้วนะเนี่ย
รู้จักไปจัดการเองกะเขาบ้าง
-
มาเป็นอีก 1 กำลังใจครับ รออ่านตอนต่อไป o13
-
พี่ไผ่ขา...........ถ้าคิดการใหญ่ใจต้องเหี้ยมนะคะ
อย่าใจอ่อน ไม่งั้นอด อย่างงี้หละจ๊ะ
-
พี่ไผ่ขา...........ถ้าคิดการใหญ่ใจต้องเหี้ยมนะคะ
อย่าใจอ่อน ไม่งั้นอด อย่างงี้หละจ๊ะ
เห็นด้วยสุดพลังเกิดเลยเจ้าค่ะ~!!!!!
-
เหมือนจะหวานก่อนเครียดพิกล เรื่องตัวจริงของริว และไอ้เบื้องหลังมากมาย พสุรู้จะเป็นอย่างไรนะ
ตามชมครับ
-
เกือบหัวใจวายไปแหละ เฮ้ออ..... o22 ดีนะว่าพี่ไผ่ใจอ่อน
คราวหลังอย่าเผลอยอมนะน้องริว ถึงรักแต่พี่ขอเถอะ อย่าผลัดกันเล้ยยย จะตายเอา
จะซื้อบ้านไว้ฮันนีมูนรอบไหนจ๊ะเนี่ย
หวานมากมาย รู้สึกถึงคำว่ารักเลย
หวังว่าไปถ่ายโฆษณาจะได้ฮันนีมูนกันต่อนะ อิอิ :impress2:
-
จะกลับเมืองไทยแล้วอ่ะ หวังว่าคงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้วนะ
-
อยากรู้ว่าถ้าทุกคนรู้เรื่องริวจะเป็นไง
เพราะทุกวันนี้พี่ไผ่ก็แอบคิดมากในบางช่วง
ถ้ารู้ความจริงจะเป็นไงนะ
ปล.รักอลัน :m1:
-
รออลันมีบท :z2:
-
อ๊า... ขัดใจ มีอำนาจระดับต้นๆของโลก แต่เพราะจำเป้น เลยถูกริดรอนอำนาจเหมือนราชา
ยอมลงจากบัลลังเกลือกกลั่วกับสามัญชนจนโดนพวกขุนนางช่อฉนกดขี่เลยอะ
ทั้งๆที่ฐานะเดิม ใครๆต่างก็เกรงจนไม่กล้าแหยมแท้ๆ แถมการคุ้มครองก็หละหลวมสิ้นดี
พวกคนติดตามมันทำอะไรกันเนี้ย แค่เจ้านายคนเดียวยังดุแลได้ไม่ดีจนมีเหตุไม่พึงประสงค์ตั้งหลายครั้ง
ขัดในนะเนี้ย ที่สำคัญ เมื่อไหร่ฐานะจริงจะเปิดเผยซะที อยากรู้ อือ.... (รอรวมเล่ม)
-
^
^
^
:z13:
จิ้มดาร์ค ประชาชีเขากะลังหวานๆ อย่าเพิ่งดราม่าจิ
-
ตามทันแล้ว เย้! :m11:
รู้สึกว่าอลันมาแรงมากกกก
(แม้บทจะน้อย55)
คู่นี้หวานมากกกกกกกกกก
ชอบพัฒนาการของตัวละครจัง
ก็น้องริวอะแหละ...ตอนแรกนึกว่าเคะ o22
(ถึงจะเกือบไปในตอนที่แล้ว55)
แต่ถึงจะมารุก(+หื่น)ก็ไม่รู้สึกขัดๆอะไร o13
จะติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ
:a1:
-
ตอนที่ 110
หลังจากเก็บของและตรวจดูบ้านจนเรียบร้อยแล้ว พสุกับริวก็จากบ้านริมทะเลสาบมาอย่างอาลัยอาวรณ์ ความทรงจำของบ้านหลังนี้แตกต่างจากบ้านไร่ที่เพชรบูรณ์ ที่นั่นเป็นความทรงจำอบอุ่นของครอบครัว แต่ความทรงจำของบ้านริมทะเลสาบแห่งนี้ เป็นความทรงจำที่แสนหวานของ “เรา” ความสุขในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่มีความหมายมากมาย ต่างได้เรียนรู้และเข้าใจกันมากยิ่งกว่าระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่ตัดสินใจเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนรัก
พสุแวะเอากุญแจบ้านมาคืนให้คนดูแล ซึ่งพักอยู่ห่างจากบ้านริมทะเลสาบประมาณ 2 กิโลเมตร แม้จะไม่ติดทะเลสาบเหมือนบ้านของภมร แต่บ้านของคนดูแล ก็ตกแต่งด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับงดงามจนพสุอดคิดถึงมารดาไม่ได้
“ไว้เรามากันอีกก็ได้ครับ” ริวเข้าใจว่าอาการเหม่อๆ ของพสุเกิดจากความเสียดายที่ต้องกลับเมืองไทยเหมือนเขา
“พี่...พี่ไผ่ครับ” ริวเรียกซ้ำ เพราะพสุยังนั่งมองสวนข้างนอกเฉยเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูด
“หืม? ริวว่าอะไรนะ”
“พี่อ่า...ไม่ฟังริวเลย ริวหมดแรงแล้ว... ไม่มีแรงขับรถ เหนื่อย ท้อ น้อยใจด้วย”
ริวโวยวายแล้วทิ้งตัวข้ามไปพิงไหล่พสุที่เบาะฝั่งผู้โดยสาร เด็กหนุ่มทำท่าหมดเรี่ยวแรงจนพสุอดยิ้มไม่ได้ ชายหนุ่มขำท่าทางแสนงอนเหมือนเด็กน้อยจนหลุดหัวเราะเบาๆ ทำให้ริวยิ่งหน้างอง้ำมากขึ้น เด็กหนุ่มทำแก้มพองให้พสุหอมง้อ แล้วกอดอกหลับตาคอยนิ่งๆ
พสุลูบศีรษะที่พิงบนไหล่เบาๆ ก่อนจะประคองแก้มของริวไว้ แล้วก้มลงแตะปากบนปากบางพอให้รู้สึก ริวลืมตาขึ้นจ้องเขาตาโตอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มก็จูบซ้ำแต่คราวนี้เป็นจูบหนักหน่วง บดเคล้า และแทรกปลายลิ้นเข้าไปในปากของเด็กหนุ่ม
พสุดูดลิ้นของริวแรงแล้วกดปากตามติดไม่ให้มีช่องว่าง กอดเกี่ยวปลายลิ้นเด็กหนุ่มไว้ไม่ปล่อย ดูดกินความหวานจากปากนุ่มๆ ของริว จนรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มสูดลมหายใจจากปากเขาถึงยอมผละปากออก
“มีแรงยังครับ” พสุถามยิ้มๆ แล้วไล้ปลายนิ้วบนแก้มแดงก่ำเบาๆ
“ยะ...ยังครับ..ขออีกนิดได้มั้ย...อืม..” เสียงครางเบาๆ ในลำคอของเด็กหนุ่ม ทำให้พสุแทบกระหยิ่มในชัยชนะ ถ้าไม่เพราะมือซุกซนพยายามจะสอดเข้าไปในเสื้อของเขา
“โอเค...หมดโปรโมชั่น ออกรถได้แล้วครับ” พสุเคาะแก้มริวเบาๆ ด้วยปลายนิ้วแล้วดันคางบุ๋มออกห่าง
“อีกนิดไม่ได้เหรอครับ” ริวอ้อนวอนแล้วขยับวงแขนแน่นเข้า แต่พสุกลับส่ายหน้ายิ้มๆ
“เดี๋ยวตกเครื่องกันพอดี ไปเลยไม่ต้องลีลา”
เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ก็ยอมออกรถแต่โดยดี เพลงที่เปิดเบาๆ ในรถ แทรกด้วยเสียงบอกทางของพสุเป็นระยะๆ ทำให้ริวรู้สึกเหมือนระยะทางหดสั้นลงกว่าขาไปหลายเท่าตัว เมื่อไปถึงจุดพักรถ
เด็กหนุ่มเดินตามพสุต้อยๆ ตั้งแต่ในห้องน้ำจนออกมาที่ร้านสะดวกซื้อ ขนาดแถวนี้มีแต่ฝรั่งหัวทอง ก็ยังไม่วายมีแต่คนจ้องมองพสุโดยเฉพาะพวกผู้หญิง ทำให้เด็กหนุ่มอดหวงไม่ได้
ริวอยากจะคว้าพสุมากอดแน่นๆ เพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ แต่เกรงจะโดนโกรธ เพราะถึงพสุจะยอมรับความสัมพันธ์ฉันคนรัก แต่ก็ใช่จะยอมให้เปิดเผยต่อสาธารณชนได้ขนาดนั้น
“มา...พี่ขับบ้าง ริวจะได้พัก” พสุอาสาเมื่อเดินกลับมาที่รถด้วยกัน แต่ริวส่ายหน้าแล้ววิ่งไปขึ้นฝั่งคนขับตามเดิม เด็กหนุ่มหันมายิ้มจนตาหยีเมื่อพสุตามขึ้นมาบนรถ
“ริวขับแหละดีแล้วครับ ขืนให้ริวเป็นคนดูแผนที่สงสัยพรุ่งนี้ก็ไม่ถึงสนามบิน”
“ขนาดนั้น ฮะๆ” พสุหัวเราะแล้วหันไปดึงประตูจะปิด แต่กลับถูกกระชากไว้
กระบอกปืนสีดำจ่อมาที่หน้าชายหนุ่ม ขณะที่ประตูผู้โดยสารด้านหลังริวเปิดผลัวะออก ชายคนหนึ่งพรวดขึ้นมานั่งแล้วจ่อปืนไว้ที่หัวริว คนที่จ่อปืนใส่พสุถึงตามเข้ามานั่งที่เบาะหลังพสุพร้อมจ่อปืนไว้ที่หัวพสุเช่นกัน
“ปิดประตู! เร็วๆ สิวะ!!” ริวทำท่าจะขยับตัวแต่พสุรีบแตะมือเด็กหนุ่มไว้ ชายหนุ่มยอมปิดประตูแต่โดยดี
“ออกรถ!” เจ้าคนที่จ่อปืนอยู่หลังพสุตะคอกใส่ริว
“ต้องการอะไร!” ริวตวาดกลับอย่างไม่กลัวเกรง
“บอกให้ออกรถ!” อีกคนตะคอกแล้วกระทุ้งปืนใส่ริว เด็กหนุ่มหันขวับไปแย่งปืน เจ้าคนที่อยู่ข้างหลังพสุจึงฟาดปืนเข้าใส่ริว แต่พสุที่จ้องมองอยู่ตลอดเวลารีบโถมเข้าบังเด็กหนุ่มไว้
“พี่!”
“โอ๊ย!” พสุรู้สึกเหมือนแก้วหูเขาลั่น เจ็บแปลบทั้งศีรษะและใบหน้าซีกซ้ายจนหน้ามืดไปวูบหนึ่ง แต่สติที่ยังเหลือสั่งให้เขากอดรัดริวไว้แน่น เพราะพอเห็นเขาถูกทำร้ายเด็กหนุ่มก็ทำท่าจะโผนเข้าสู้
“อย่าริว!”
“อยากตายใช่มั้ย!” หนึ่งในสองตะคอกแล้วปลดเซฟปืนจ่อใส่ริวแต่พสุพยายามบังเด็กหนุ่มไว้ให้พ้นวิถีกระสุน
“อย่า!...ได้โปรด! ได้โปรดเถอะ...น้องฉันยังเด็กมาก...เขาไม่ได้ตั้งใจ” พสุละล่ำละลักขอโทษสองมือกดศีรษะริวให้ต่ำไว้ทั้งที่เลือดไหลเข้าตาจนแสบ แต่เขายังจ้องคนร้ายไว้ตลอดเวลา
“ออกรถไปถ้าไม่อยากตาย!”
“ออกรถเถอะริว...เชื่อพี่นะ ได้โปรด” พสุบอกริวเป็นภาษาอังกฤษ พวกมันจะได้รู้ว่าเขาพูดอะไร เพื่อลดความตึงเครียดของสถานการณ์ลง
“พี่เลือดออก” ริวท้วงเสียงสั่น เด็กหนุ่มกลัวเวลาที่ได้กลิ่นคาวของเลือด แต่ที่กลัวยิ่งกว่าคือกลัวพี่เจ็บ
“ไม่เป็นไร นิดหน่อยเท่านั้น...ขับรถไปเถอะ” พสุบอกแล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมากดที่บาดแผลเหนือคิ้วเพื่อห้ามเลือด
“ออกรถซะทีสิ!” เจ้าคนที่อยู่ข้างหลังริวตะคอกแล้วกดปืนเข้าที่หัวเด็กหนุ่ม ริวกัดกรามกรอดด้วยความโกรธ แต่พอสบตาพสุก็ยอมออกรถแต่โดยดี เด็กหนุ่มขับรถไปก็เหลียวมองใบหน้าเปื้อนเลือดของพสุไปด้วยความเป็นห่วง
“จะให้ขับไปไหน...” ริวถามพวกมันเสียงห้วน สายตาคอยชำเลืองมองพสุด้วยความกังวล
“ขับไปเรื่อยๆ ไม่ต้องพูดมาก” เจ้าคนที่อยู่หลังริวตะคอกเสียงแผ่วลง แล้วหงายหลังไปพิงพนัก แต่ปืนยังไม่คลาดจากศีรษะริว พสุทำทีเป็นก้มหน้า แต่ความจริงเขาลอบมองลอดไปเห็นว่าเจ้าคนที่จ่อปืนใส่หัวริวมีรอยเลือดเป็นวงบริเวณไหล่ และท้อง แปลว่ามันคงได้รับบาดเจ็บค่อนข้างมาก แต่พสุก็ไม่คิดจะประมาท เพราะท่าทางถืออาวุธของมันดูเชี่ยวชาญพอตัว
พอออกจากจุดพักรถไม่เท่าไหร่ ก็ถึงทางแยกรัฐ พวกมันสั่งให้พสุกับริวขับรถไปอีกทาง แม้รถจะผ่านเขตชุมชนหลายครั้งแต่พสุกับริวก็ไม่มีโอกาสหนี เจ้าคนที่นั่งอยู่ข้างหลังริวแม้จะมีท่าทีอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แต่ปืนของมันไม่เคยคลาดจากศีรษะเด็กหนุ่มสักครั้ง ยิ่งใกล้ค่ำ รถก็ยิ่งแล่นห่างเขตชุมชนมากขึ้นเรื่อยๆ
“เลี้ยวข้างหน้านี่แหละ เร็วๆ” เจ้าคนที่จ่อปืนอยู่หลังพสุตะคอกริว พสุเหงื่อซึมแผ่นหลังเมื่อพวกมันสั่งให้ริวเลี้ยวเข้ามาในเขตรกเรื้อ คล้ายๆ โกดังร้าง แต่เมื่อรถแล่นลึกเข้าไปเรื่อยๆ ก็พบว่า มันคือสุสานรถยนต์ รถเก่าจำนวนมากถูกยกมาซ้อนกันไว้เป็นตั้งสูง ชายหนุ่มชำเลืองมองริว เห็นเด็กหนุ่มมองมาเช่นกัน
“จอดตรงนี้แหละ!...ลงไปสิ เร็วๆ!” พสุเหลือบสบตากับริวอีกครั้ง แล้วยอมลงจากรถแต่โดยดี แต่ดูเหมือนยังไม่ทันใจพวกมัน เจ้าคนที่อยู่ข้างหลังพสุถีบเข้าที่หลังเขาเต็มแรงจนชายหนุ่มล้มกลิ้งลงไปบนพื้น
“พี่!” ริวร้องเสียงหลง เด็กหนุ่มไม่ทันเห็นว่ามันทำอะไรพสุ เห็นแต่ตอนที่ชายหนุ่มล้มกลิ้งลงไป ริววิ่งไปหาพสุทันทีโดยไม่สนใจว่าคนร้ายทั้งสองจะทำอะไรเขา
“พี่เป็นไงบ้าง! เจ็บมากมั้ย” เด็กหนุ่มถามร้อนรน ขณะประคองพสุลุกขึ้นยืน
“ริว...พอพี่ให้สัญญาณรีบวิ่งเลยนะ” พสุกระซิบร้อนรน แล้วใช้ท่อนแขนปาดริวให้พ้นทาง
“วิ่ง!” ชายหนุ่มตะโกนขณะขว้างฝุ่นดินในมือใส่เจ้าคนที่หันปืนมาทางเขา
“โอ๊ย!” เจ้าคนโดนฝุ่นเข้าเต็มตาร้องเสียงหลง ขณะที่เจ้าคนบาดเจ็บหันปืนมาหาพสุ แต่ชายหนุ่มถีบเข้าที่ยอดอกมันเต็มแรงจนหงายหลังฟาดลงกับพื้น
พสุไม่รอดูผล ชายหนุ่มกระชากแขนริวที่ยังยืนละล้าละลังเพราะความห่วงเขา ให้วิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง! เปรี้ยง! พสุขนลุกเมื่อกระสุนเฉียดหลังเขาไปเจาะลงบนซากรถที่เขาวิ่งผ่านเป็นรูโบ๋ ชายหนุ่มกระชับมือที่จับริวแน่นขึ้นเมื่อจู่ๆ เด็กหนุ่มก็เซถลาจนเกือบล้ม ดีว่าเขาดึงไว้ทัน
“เร็วริว! อย่าหยุด” พสุสับเท้าสุดชีวิต สองหูอื้ออึงด้วยเสียงปืน แต่สมองหมุนจี๋หาทางเอาตัวรอด
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เสียงปืนยิงไล่หลังถี่ยิบ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ชะลอฝีเท้า พสุวิ่งนำริวลัดเลาะเข้าซอกเล็กซอกน้อยระหว่างรถที่ซ้อนกันเป็นตั้งๆ ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อเลี้ยงหัวมุมแล้วพบว่าเบื้องหน้าคือแนวรั้วยาวเหยียด กั้นพวกเขากับโกดังสีเทาทะมึนหลายสิบหลัง ชายหนุ่มหยุดหอบแล้วกวาดตาไปรอบๆ ก่อนจะยิ้มออกเมื่อเห็นรั้วด้านหนึ่งพังเป็นแถบ จึงลากข้อมือริวให้วิ่งตามไปทันที
‘มีโกดังสินค้า อาจจะมีคนอยู่ คงขอความช่วยเหลือได้’ พสุใจชื้นขึ้น เร่งฝีเท้าฝ่าพงหญ้าสูงไปยังหมู่อาคารเบื้องหน้า....แต่แล้วความหวังก็ค่อยๆ รางเลือนลงเมื่อพบว่า โกดังเหล่านี้ เงียบเชียบไร้ผู้คน
“บ้าจริง! โกดังร้างเหรอ...ริว!” จู่ๆ ริวก็ถลาล้มลงดื้อๆ พสุหันกลับไปประคองด้วยความตกใจ
“ริวเป็นไงบ้าง...เอ๊ะ! ริวถูกยิงเหรอ” พสุอุทานเสียงสั่น ตัวสั่นด้วยความตกใจเมื่อเห็นรอยเปื้อนเป็นวงที่เสื้อ แม้แสงจะเริ่มน้อยจนมองไม่ถนัด แต่ชายหนุ่มแน่ใจว่าริวได้รับบาดเจ็บแน่นอน
“มะ...ไม่รู้ครับ...มันเพิ่งเจ็บ” ริวตอบหอบๆ
“เจ็บมากมั้ย...เรายังหยุดไม่ได้ ทนอีกนิดนะริว”
“ครับ”
พสุยกแขนริวขึ้นพาดบ่าแล้วประคองพาเดินต่อไป พลางสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ประตูโกดังทุกหลังล็อคด้วยกุญแจลูกใหญ่ ทำให้พสุยิ่งอับจนหนทางเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าไล่ตามมาแว่วๆ ชายหนุ่มตัดสินใจพาริวหลบเข้าไปในซอกระหว่างโกดังหลังหนึ่ง หญ้าที่ค่อนข้างรกน่าจะทำให้พอมีที่ซ่อนตัว ระหว่างที่กำลังสอดส่ายสายตาหาที่ซ่อน พสุก็เจอเข้ากับประตูด้านข้างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ร่องรอยยับเยินแปลว่าคงมีคนงัดเข้าไปข้างใน
“เราจะเข้าไปซ่อนข้างในกันนะ ริวไหวมั้ย”
“ครับ”
พสุชะงักเมื่อก้าวเข้าไปในโกดังมืดๆ ไม่กี่ก้าว เท้าเขาก็เตะไปโดนอะไรบางอย่าง ความมืดทำให้มองไม่เห็นว่าเป็นอะไร ชายหนุ่มต้องยืนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง สายตาจึงเริ่มชินกับความมืด แสงสว่างน้อยนิดจากภายนอกส่องให้เห็นว่าสิ่งที่เขาเตะไปโดนเป็นลังไม้ที่ล้มระเกะระกะขวางทางอยู่
ข้างในไม่ได้โล่งอย่างที่โกดังร้างทั่วไปจะเป็น นอกจากลังไม้จำนวนมากซ้อนทับกันระเกะระกะ ยังมีแทงค์โลหะขนาดใหญ่เรียงรายกันเป็นแถว เหมาะแก่การซ่อนตัวเป็นอย่างยิ่ง พสุประคองริวลัดเลาะไปตามซอกของแทงค์โลหะ จนเข้าถึงด้านในสุด และเลือกซอกข้างแทงค์ด้านหนึ่งเป็นที่ซ่อนตัว
“ริวเป็นไงบ้าง โดนยิงตรงไหน” พสุถามอย่างร้อนใจ แล้วลูบมือไปบนเนื้อตัวเด็กหนุ่มอย่างระมัดระวัง มือเย็นเฉียบจับมือเขาไว้ แล้วยกไปวางบริเวณสีข้างที่เปียกชุ่ม ริวตัวกระตุกเมื่อมือของพสุแตะโดนตรงแผลพอดี ชายหนุ่มรีบดึงมือออกแต่ยังสัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นเหนียวมือหนับ
“เจ็บมากมั้ยริว” พสุถามเสียงสั่น ในอกเขาร้อนเหมือนไฟเผาด้วยความกลัว บริเวณที่เขาสัมผัสอุ่นจัด แปลว่าเลือดยังไหลออกมาเรื่อยๆ พสุหันรีหันขวางแล้วตัดสินใจถอดเสื้อสเวตเตอร์ที่สวมอยู่ออกมา เพื่อใช้กดแผลห้ามเลือดให้น้อง
ชายหนุ่มดึงชายเสื้อกันหนาวและเสื้อตัวในของริวขึ้น แล้วค่อยๆ เลื่อนมือไปตามสีข้างอย่างระมัดระวังจนถึง
บริเวณบาดแผลจึงใช้สเวตเตอร์ม้วนกดไว้ แล้วดึงแขนเสื้อให้อ้อมตัวริวมาอีกด้านเพื่อมัดไว้กันหลุด
“โอ๊ย!” ริวหลุดเสียงร้องรอดไรฟันที่กัดกันแน่นออกมาเบาๆ อาการตัวกระตุกของเด็กหนุ่มบ่งบอกถึงความเจ็บปวด แม้จะรู้สึกเหมือนใจจะขาดที่น้องเจ็บ แต่พสุก็ไม่มีเวลามาคร่ำครวญ ชายหนุ่มออกแรงดึงแขนเสื้อให้มัดแน่นเข้า แตะดูเสื้อบริเวณแผลจนแน่ใจว่าจะไม่หลุดแล้วถึงดึงชายเสื้อริวลงมาคลุมไว้อย่างเดิม
“...พี่...ริวเจ็บ”
“ขอโทษนะครับ พี่ขอโทษ พี่ไม่อยากให้ริวเจ็บ แต่ต้องทำแบบนี้ถึงจะห้ามเลือดได้” พสุกระซิบบอกเสียงพร่า ขณะประคองตัวริวเข้ามากอดไว้แน่น
“ริว...ไหวมั้ย...”
“ถ้าไม่ไปโดนก็พอทนได้ครับ...” ริวตอบหอบๆ เหงื่อแตกเต็มหน้าทั้งที่อากาศในโกดังเย็นเฉียบ
“เดี๋ยวเลือดคงหยุดไหล ริวอดทนไว้ก่อนนะครับ...ต้องให้แน่ใจว่าพวกมันไปแล้ว เราถึงจะออกไปได้” พสุกระซิบปลอบแล้วกอดเด็กหนุ่มด้วยมือข้างเดียว อีกข้างก็กดสเวตเตอร์ที่อยู่บนบาดแผลของริวไว้แน่นเพื่อห้ามเลือด
ริวซบหน้าไว้บนไหล่ของพสุ อาการชาหนึบๆ ในตอนแรกหายไปหมดแล้ว ตอนนี้มีแต่ความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ความเจ็บปวดและเลือดที่เสียไปมากตั้งแต่ตอนที่ต้องออกแรงวิ่งหนี ทำให้สติเริ่มรางเลือน โกดังทึบเย็นยะเยือก แต่เหงื่อเหนียวๆกลับไหลท่วมตัว แสงสว่างจากภายนอกหมดไปแล้วทำให้ในโกดังยิ่งมืด อดีตที่น่ากลัวปะปนกับความเจ็บปวดในปัจจุบันจนแยกไม่ออก ริวเริ่มกระสับกระส่าย ความหวาดกลัวในอดีตตีตื้นขึ้นมาจนขนลุกซู่ กลิ่นเลือดคาวจัดขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนจะหายใจไม่ออก
“ริว...เป็นไงบ้าง” พสุกระซิบถามเมื่อรู้สึกถึงอาการกระสับกระส่ายของร่างในอ้อมแขน ตอนนี้มืดจนแทบมองอะไรไม่เห็น แม้เขากับริวจะหนีเข้ามาแอบอยู่นานหลายชั่วโมง แต่พสุก็ยังได้ยินเสียงพวกมันแว่วๆ ความมืดช่วยพรางให้พวกมันค้นหาพวกเขายากขึ้น ชายหนุ่มได้แต่ภาวนาให้พวกมันเลิกล้มการค้นหาเร็วๆ เพื่อที่เขาจะได้พาริวไปโรงพยาบาลเสียที
“...พี่ช่วยริวด้วย...” ริวได้ยินเสียงพสุแหวกเข้ามาในความเจ็บปวด เด็กหนุ่มพยายามลืมตาขึ้นแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากรู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่อยู่นี่ริว พี่กอดริวไว้แล้ว เจ็บมากมั้ย”
“...เจ็บ...ริวเจ็บ...พี่...ริวหายใจไม่ออก...แม่...ริวเจ็บ...” แม้เสียงริวจะเหลือเพียงแรงกระซิบแผ่วเบา แต่สำหรับพสุมันดังก้องอยู่ในอก ชายหนุ่มตัวสั่นขณะกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น
“ริว...อดทนไว้ก่อนนะ โธ่เอ๊ย! พี่จะช่วยริวยังไงดี...ริว...ริวได้ยินพี่มั้ย”
“พี่ช่วยด้วย...หายใจไม่ออก...มันบีบคอริว...ช่วยด้วย...ปล่อยแม่นะ...แม่เจ็บ...พี่...พี่เลือดออกแล้ว...”
ร่างในอ้อมแขนเย็นเฉียบจนพสุกังวล ลมหายใจที่เป่ารดต้นคอเขาหอบกระชั้น แม้จะไม่สม่ำเสมอ แต่ก็ดูไม่เหมือนคนหายใจไม่ออก ทำให้พสุฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าริวคงเพ้อ ความเจ็บปวดคงไปกระตุ้นความทรงจำในอดีตขึ้นมาอีก ไม่ใช่เพราะริวหายใจไม่ออกจริงๆ
ถึงจะแน่ใจว่าริวเพียงแค่เพ้อไป แต่พสุก็ยังสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัว กลัวความสูญเสีย กลัวจนหนาวยะเยือกตลอดไขสันหลัง แล้วกลับร้อนวาบไปทั้งอกด้วยความคับแค้น โกรธเกรี้ยวต่อโชคชะตา
ทำไมต้องเป็นแบบนี้ เขาไม่เคยทำร้ายใคร ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับเขา พรากคนที่เขารักไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้เขาเหลือริวเพียงคนเดียวเท่านั้น แล้วทำไมน้องยังต้องมาเจ็บตัวอีก
“ช่วยด้วย...ริวเจ็บ...พี่...พี่ริวกลัว”
“ไม่เป็นไร พี่อยู่กับริวนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะไปกับริว เราจะต้องอยู่ด้วยกัน พี่สัญญา” พสุก้มลงจูบริวช้าๆ ชายหนุ่มดันปากบางให้เผยอออก เพื่อสอดลิ้นลึกเข้าไปกอดเกี่ยวกับลิ้นของริว รสหวานที่ปลายลิ้นเสียดลึกในอกที่ทุรนทุรายด้วยความกลัวความสูญเสียจนแทบขาดใจ...พสุกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่มีวันปล่อยริวเป็นอันขาด
“คนดีของพี่ พี่กอดริวเอาไว้แล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ถ้าพี่ยังอยู่ ใครก็ทำร้ายริวไม่ได้อีก ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ไม่ต้องกลัว”
อ้อมแขนที่โอบรัดแน่นหนาจนเจ็บแปลบที่แผล ทำให้ริวได้สติอีกครั้ง เสียงพสุกระซิบปลอบร้อนรนและน้ำอุ่นๆ ที่หยดมาต้องหน้า ทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าพี่ร้องไห้...
“พี่อย่าร้องไห้...ริวไม่เป็นไร...แค่พี่กอดริวไว้แบบนี้ ริวก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว...” เด็กหนุ่มกระซิบตอบแล้วพยายามจะกอดพสุ แต่เพียงขยับแขนก็ต้องร้องครางด้วยความเจ็บปวด
“อย่าขยับริว...นอนนิ่งๆ นะครับ ริวเสียเลือดไปมาก ต้องนอนพักเยอะๆ เชื่อพี่นะ”
“ครับ” ริวรับคำเสียงแผ่ว เด็กหนุ่มซุกหน้าไว้ที่ซอกคอพสุ แม้จะพยายามเตือนตัวเองให้มีสติไว้เพื่อไม่ให้พี่เป็นห่วง แต่สุดท้ายความรู้สึกทั้งมวลก็วูบหาย
ลมหายใจที่เป่ารดต้นคอแผ่วเบาจนพสุต้องกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น ชายหนุ่มได้แต่ภาวนาให้อาการริวไม่แย่ไปกว่านี้ และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจคนร้ายให้มันเลิกตามล่าพวกเขาเสียที
............................................................
*********************
o22
-
นึกว่าฝันไป มาอัพแล้ว :impress:
-
ริวอย่าเป็นอะไรน๊า :monkeysad:
-
มาม่ามาแล้วจ้า
-
:sad4: ริวอย่าเป็นไรน้า :call:
-
ตร๊ายวันนี้มาเร็วจัง...
แต่... o22
หนูริวของพี่ :sad4: ไอ้โจรใจชั่วนั่นเป็นใคร
อลัน อยู่ไหน รีบมาจัดการด่วนเลย :serius2:
-
หนูริวสลบไปซะแระ ยังไม่ทันได้โทรเรียกพ่ออลันมาช่วยเลย
ตอนหน้ามาต่อเร็วๆนะ มันค้างคา
-
ว่าแล้วไง ตอนเย็นแม่ซื้อมาม่ามาให้กิน
ลางร้ายชัดๆ
:m31:
-
ตอนที่แล้วยังหวานหยดอยู่เลย
o22ตอนนี้ทำไมมันรันทดซะงั้น คนอ่านกลัวนะเนี่ย กลัวริวจะเป็นอะไรไป
-
อลันนนนนนนนนนนนน ช่วยด้วยยย :sad4:
-
โอยยย นี่มันอะไรกัน :z3:
-
ดีใจจังที่มาอัพเดท แต่ o22 ฮือๆๆๆ :sad4:ริวจ๋าอย่าเป็นอะไรไปนะ
พึ่งได้ลิ้มรสความสุขแป๊บเดี๋ยวเอง :o12:
-
:m15:
-
:sad4: หวานไม่ทันไร ซีนกระชากใจมาอีกแว๊วววว :z3:
-
:z3: :z3: :z3:
ค้างงงงงงอย่างแรง
:z3: :z3: :z3:
-
อาราย งง อะ
-
Nooooooooooooo :m30:
อย่าเพิ่งหลับสิริว โทรเรียกอลันก๊อนนนนนน
-
ค้างงงง
มาต่อเร็วๆ นะ
-
มาม่า + ค้างงง
-
:serius2:ยังไม่ทันได้กลับเมืองไทยเลย
สุขสมมาหลายตอน...แต่มาตอนนี้ :sad4:เหมือนใจจะขาด
-
ว่าแล้วววววววววววววววว หลังฟ้าใสต้องตามด้วยเมฆฝนเสมอ อลัน รีบมาช่วยเร้ววววววววววววววววว
-
มาม่ามาแล้วจ้า
จะมีมาม่าบ้างก็ไม่ว่ากันจ้ะ (ใช่ไหมคะคุณนายณัฐ)
แต่ขอแค่ถ้วยแบ่งเล็กๆก็พอนะคะ ไม่เอาเป็นชามนะ
คุณนายคะ มาร่วมตั้งอธิษฐานจิตกับดิฉันดีกว่า
ภาวนาให้ไผ่กะริวแคล้วคลาดไวๆ
-
หวานมาซะหลายตอน มาเจอ ตอนนี้ ช๊อค :a5:
-
สาธุ อลันมาช่วยน้องริวกัับพี่ไผ่เร็วๆเข้า
-
โอ๊ย..............ริวอย่าเป็นอะไรนะ
ปล.แจกขนมหวานได้ไม่นานแจกมาม่าอีกแล้วนะ :m16:
-
เหมือนริวจะลืมโทรหาอลันนะ...แล้วปกติอลันจะให้คนคอยติดตามดูแลริวอยู่ห่าง ๆ นี่นา
แล้วตอนนี้หายหัวไปไหนกันหมด!!!! :m31:
ตอนหน้ามาเร็ว ๆ นะคะ...เพราะตอนนี้จบได้ค้างมาก ๆ ให้อลันเรียกฮอฯมารับเหอะ กลัวริวเป็นอะไรไป :sad4:
-
ริววววววววววววววววววววว (สุดเสียง)
-
:z3: :z3: :z3:อลัน ช่วยด้วย!
-
ริวอย่าปล่อยให้พี่ไผ่เป็นม่ายนะ 5555
-
จะหยุดหายใจตามล่ะนะ :m15:สงสารน้อง
-
ว่าแล้ว หวานอยู่ได้่ไม่กี่ตอน เหอๆ
ฉากเรียกน้ำตามาแล้วไง :o12:
-
นึกว่าจะไม่มีแบบนี้อีกแล้ว
ค้าง ครับ ค้างงง
อลัน ช่วยด้วยยยย
มีเค้าว่า พี่ไผ่ กำลังจะรู้ว่า ริวเป้นใครเร็วๆนี้ แน่ๆเลย
ริวคงไม่ทิ้งพี่ไผ่เป้นม่ายหรอกนะ พระเอกนี่เนอะ 555 ตายได้ไง
-
ใครสั่งมาม่ามากินเนี่ยยยยยยยย แง่ง แฮ่ๆ :angry2:
-
รีบติดต่ออลันให้เร็วที่สุด แล้วเก็บไอ่โม่งสองคนนั้นให้ได้ โทษฐานมาขัดจังหวะสวีทของคู่รัก :angry2:
-
อลันจะมาช่วยทันมั้ย
แล้วคนพวกนี้นี่ โจรเฉยๆ หรือว่ามีคนจ้างมาอ่ะ
แบบ คู่แข่งน้องริวอะไรงี้
งื้อออ น้องโดนยิง!!!!
แม่ยกเจ็บแทนนนน โฮๆๆๆ
ใครก็ได้มาช่วยที
-
อารายกานเนี่ย!!!! อย่าเป็นอะไรไปน๊าหนูริว
-
โอ้วว อลันอยู่ไหน ไม่ส่งคนตามประกบริวเหรอ
บกพร่องหน้าที่นะ่เนี่ยะ
ตอนหน้า หวังว่าจะส่งคนตามมาช่วยริวกับไผ่ทันน่ะ
-
โห ตอนนี้ช็อคมากกกกก
มาได้ไงเนี่ยย ไม่ทันตั้งตัวนะ
อย่ามาเศร้าเด็ดขาด
ช่วยรีบมาหน่อยนะคะ ลุ้นมากกก ปวดใจไปหมด :m8:
-
ไอ้ผู้ร้ายสองคนนี่เป็นใคร ทำไมอยู่ๆมาไล่ยิงริว แล้วริวจะเป็นยังไงบ้างนี่ :serius2: :monkeysad: :monkeysad:
-
:a5:
ไม่นะะะะะะะะ
ริวสู้ๆๆๆ
มาม่ามาได้ไงเนี่ยยยย
-
บู้เลือดสาดจริงๆค่ะ....ใครจะมาช่วยทั้งสองคนเนี่ย
คุณอลันมาด่วนนนนน!!!!!!
-
มาม่ามาเยือนแล้ว :sad4: :sad4: :sad4:
-
ตอนนี้หนูริวก็สลบไปแล้วเหลือแต่พี่ไผ่นี่แหล่ะที่จะต้องประคองสติจนถึงที่สุดเพื่อจะได้พาน้องออกไปหาหมอ...เฮ้อ...ลุ้นจนเครียดตามไปด้วยเลย
จะใครเป็นฮีโร่มาช่วยมั้ยเนี่ย..รออ่านจ้า
-
ม่ายยยยน้า กดปุ่มโทรด่วนเดี๋ยวนี้น้าาาาาา พสุ
-
อลั๊นนนนนนนนนน.....
อลันอยู่ที่ไหนคะ...คิดถึงซุปเปอร์แมนอลันจังคะ..T_T
ออกมาจากบ้านพักก็ได้เรื่องเลย...น่าจะอยู่ต่ออีกซักวันสองวันจริงๆนะเนี่ย..
แต่พี่ไผ่เท่มากกกก...ทั้งช่วยน้องตอนจะโดนตี..แถมกระโดดถีบมันด้วย...
สงสารพี่ไผ่กับริวจังเลยคะ...เมื่อไหร่จะมีคนตามมาช่วย....T^T
-
หวาย.....ทำไมโชคร้ายอย่างนี้ล่ะ
หวานๆอยู่มาเจอโจรหรือเปล่าเนี่ย
-
ง่ะ ! มาม่าชามโตมาซะแล้ววว
กำลังชื่นชมความหวานอยู่เลย
ปรับอารมณ์ไม่ทัน ~
-
โอ่ะ,,,,,,อารายเนี่ย
ยกมาทั้งโรงพักเลย
เอาให้ตายไปข้างนึงงง
โทสับซิพี่ไผ่ โอ๊ย ร้อนใจ ๆ
-
:really2:งง...กับคนแต่ง
-
เกิดไรขึ้นเนี่ย
หวานอยู่ดี ๆ มาเจอเรื่องน่าสะพึงกลัวซะงั้น
แล้วไอ้โจรสองคนนี้เป็นใครกัน
มาทำร้ายพี่ไผ่กับน้องริวได้ไงเนี่ย
น้องริวอย่าเป็นไรน๊า
ขอให้มีคนมาช่วยทีเถอะ
อลันอยู่ไหนมาช่วยด่วน
-
กระชากอารมณ์สุดๆ กำลังหวานอยู่ดีแต่ทำไม? :monkeysad:
น้องริวอย่าเป็นอะไรน้าาา...... :serius2:
-
ริวกับพี่ไผ่้ต้องผ่านไปได้นะ
สู้ สู้
-
อะไรกันนี่ เพิ่งจะหวานจนเลือดจะหมดตัว
มาตอนนี้ไหงกลับมาโดนยิงเลือดจะหมดตัวอีกซะงั้น
แบบนี้พสุจะจัดการยังไงกับไอ้สองวายร้ายที่ทำน้องริวเจ็บนะ
ต้อง :z6: แล้วก็ :beat:มันซะให้น่วมไปเลย
-
:serius2: อ๊ากกกกกกกกกก น้องริว ของพี่
:o12:
-
กินขนมหวานจนเพลิน พามาเจอสะเดาเข้า...ขมเลย ง่า...อยากเป็นอะไรน้าริว พี่ไผ่ด้วย T^T
-
ค้างงงงงงงงง
:z13:
จิ้มคนแต่ง และคนโพส
คนแต่งรีบมาต่อด่วน น้องริวกำลังแย่แล้ว
:a5: :a5:
พี่ไผ่รู้ตัวจิงของริวก็งานนี้ล่ะ ริวห้ามตายนะ เดี่ยวพี่ไผ่เป็นม่าย
-
ไม่จริงใช่ไหม ไอ้สองตัวนั้นเป็นใครบังอาจทำกับริวได้
พ่อมาเฟียอยู่ไหนจัดการด่วนอย่าเอามันไว้ :m31: :m31:
-
:a5:
ริวอย่าเป็นไรนะ :m15:
-
อาล๊านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
มาด่วนเลยย อิลุ๊งงงงง
อลันช่วยริวด้วย ฮือๆๆๆๆ
-
คนร้ายมาได้ไงอ่ะ ริวไผ่ อย่าเป็นไรนะ อลันมาช่วยหน่อย
-
พ่อมาเฟียอยู่ไหนจัดการด่วนอย่าเอามันไว้ :m31: :m31:
อย่ามาว่าอลันของเค้าเป็นมาเฟียนะ...แค่มีอิทธิพลหนุนหน่อยเดียวเอ๊ง! :laugh:
จำได้ว่าคนร้ายบาดเจ็บ...รีบ ๆ ไสหัวไปหาหมอได้แล้ว หนูริวจะได้ไปมั่ง
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
-
อลันอยู่ไหนมาช่วยริวด่วนนนนนนนนนนนนนน :m31:
-
อ้าวไหนคนแต่ง บอกไม่มีมาม่าแล้วไง
หรือว่าครั้งนี้พี่ไผ่ จะรู้แล้วว่าริว คือใคร
เอาน่าน้องริวอึด คงไม่ทิ้งพี่ไผ่ไปหรอกมั้ง
แต่ก็อดใจหายไม่ได้ o22
-
:m15: ทำไงดีละทีเนี้ย
:pig4: คะ
-
เหยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :a5: :a5: :a5:
จุดธูปเรียกอีตาอลัน หายหัวไปไหนเนี่ย :call:
:pig4:
-
:o12: ไม่นะ ริวต้องไม่เป็นอะไร
พี่ไผ่ต้องช่วยน้องได้แน่
อลันอยู่ไหน รีบมาด่วนเลยน่ะ
-
:a5:
o22
อะ อะ อะร๊ายยยยยเนี้ย
ริวทำใจดีดีไว้นะ :o12:
อลันรีบมาช่วยริวเร็วๆน๊า :serius2:
-
:a5: กรี๊ด~~~~~~!!!
ไหงโดนยิงเยี่ยงนี้ล่ะ
มาต่อเร้วๆน้า *0*
-
ช็อค!!!!!!!
มันเกิดอะไรขึ้น
-
ไอ้โจรชั่ว ทำอะไรนู๋ริวฉัน เด๋วเมิงจะโดนกระทืบ :fire:
แล้วอลันมาช่วยริวเร็วๆ เซ่
-
พสุแมนมากกกกกกกก
เป็นเคะที่ดูเท่ห์มากกกกก >_<
ว่าแต่....อลันหายไปไหนนิ??
-
:sad4: ช่วงนี้ไม่มีเน็ตเล่นเลยอ่ะ
เลยไปค่อยได้มาเม้น น้องริวน่าเป็รห่วงมาเลย
อลันมาช่วยด่วน เอาพี่มาเฟียมาด้วย ตามไป :z6: :beat:
ตอนหน้ามาเร็วๆเถอะค่ะ คนอ่านเป็นห่วงน้อง
-
แง้ รายกันเนี่้ย ไรท์เตอร์หลอกเค้าให้หลงตายใจ แง่งๆ :serius2:
-
อะไรกันนี่
มรสุมชีวิตของริวกับไผ่ยังไม่หมดอีกเหรอ
คนเขียนหลอกเราให้ตายใจใช่มั๊ย?
หวานกันอยู่ดีๆ ไหงเป็นงี้อ่ะ
-
o22
เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับอลันแน่เลย :serius2:
แต่ดีนะคะ อยากให้อลันมีบทบาทมากกว่านี้ :-[
สู้ ๆ ค่ะ o18
-
:m15:ไม่ได้เข้ามาดูแป๊ปเดียว ทำไมริวโดนยิงแล้วง่ะ
อารมณ์เหมือนตกจากที่สูงเลย พี่ไผ่อย่าทิ้งน้องไปไหนนะ แค่มีพี่ไผ่คอยกอดอยู่ข้างๆ เชื่อว่าริวต้องใจแข็งไม่ทิ้งกันไปง่ายๆ :sad11:
-
แวะมาอ่านรอบ 2
รอตอนต่อไป :o12:
อลันหายไปหนายยยยย!!!!!!!!!!!
:serius2: :serius2:
ริวอย่าตายน้าาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!~
:o12: :o12: :o12:
-
อลัน!!!!
กรี๊ดดดดดดดดดด อลันหายไปไหน มาช่วยด่วน!!
อ๊ากกกก อ่านแล้วแค้น ไอ้สองตัวนั่นมันเป็นใคร :m31: ต้องฆ่ามานนนนนนน!!! ฮึ่ยๆๆๆ
สงสารหนูริวกับพี่ไผ่ :o12: อลันรีบมาด่วนนนนนน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ไม่ยอมๆๆๆๆ อลันๆๆๆๆๆ อ๊ากกกกก
-
^
^
^
^
เหนด้วยกับรีข้าง บนคับๆ
'เครียด ~ พระเอกโดนยิงๆ อลัน,,,, T T ช่วยริวมันโต้ย!!!?'
-
แหะๆ เมื่อกี้เปนความรู้สึกในตอนนี้คับๆ ^^
มาว่าเลยนะคับๆ ผมเริ่มอ่านตั้งแต่ตอนแรกนิ ซักประมาณ 10 โมงเช้าๆ เปนอะไรที่สนุกมากๆคับ
ขนาดเที่ยงคืนครึ่งยังไม่นอนคับๆ เพราะผม 'ชอบ' นิยายเรื่องนี้มากๆ~~~~
รัก 'ไรเตอร์'
รัก 'คนโพสต์'
รัก 'รีดเดอร์'
"ทุกคนคับ ^^"
-
อะไรกันเนี่ย เพิ่งจะฮันนีมูนไป กลิ่นน้ำผึ้งยังไม่ทันจาง
มาม่าก็เข้ามาแทรก อะไรก๊านนนนนน
-
อาโหล...อาโหล...
คุงๆผู้อ่านค้าบ อย่างที่เคยบอกไว้เลี้ยว มาม่าหมกตั้งนานเลี้ยวค้าบ ม่ายมีเลี้ยว
อังนี้เป็งแค่น้ำจิ้มเล็กๆน้อยๆ
ส่วนแม่ยกคุงลุงอลัน....กร๊ากกกกกกกก...โปดติกตามตองต่อไปค้าบ บอกล่ายคำเดียว เต็มซีน!
ตอนต่อๆไป ใครเปงแม่ยกพี่ไผ่ กรุณาทำใจล่วยคับ :monkeysad:
ส่วนแม่ยกอินุ้งริว...ห้ามดี๊ด๊ามากค้าบ คนเขียนหมั่นไส้อินุ้งริวมาก ไว้จาแก้แค้นตอนภาคพิเศษ ชริ! :angry2:
-
ว้าว! ไรเตอร์มาเอง :m4:
ตอนหน้าเตรียมลัลล้า อลันโผล่เต็มซีน
แล้วทำไมแม่ยกพี่ไผ่ต้องทำใจอ่ะ...ไม่ใช่ว่านอยน์หาว่าตัวเองไม่คู่ควรกะน้องนะ :เฮ้อ:
-
มาแบบแปลกและแหวกแนวอีกแล้วครับ :monkeysad:ดีใจไม่นาน
ต้องมาเจอแบบนี้อีกแล้ว "เธอคือลมหายใจ" จะสื่อออกมาทางไหนดีละครับ
เอาใจช่วยริวให้ผ่านช่วงนี้ไปได้นะครับ สู้ๆๆริว ใครกันช่สงใจร้ายทำร้ายริวและไผ่ได้
อย่าให้คาดเดาเลย :เฮ้อ:
-
:m15:
ริวอย่าเป็นอะไรนะ
:call:
:call:
:call:
-
กรี๊ดดดดดด ไม่จริ๊งงงงงงงง :serius2:
-
:serius2: อลันไปไหน ปกติจะมีคนคอยดูแลความปลอดภัยให้สองคนนี้เสมอไม่ใช่หรือ
ทำไมเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงแบบนี้ ฮือๆๆๆๆ ดราม่ามาไวเกิ๊น o22
-
ค้างงงงงงงงง :o12:
-
อลันนี่เรทติ้งดีใช่ย่อยนะเนี่ย :t2:
:L1: :L1: :L1:
-
อ๊าก+++++++++++พวกมันเป็นใครกันนนนนะะะะะ
-
:call: :call:
-
โอนเงินให้แล้วนะคะ รอตอนต่อไปด้วยค่ะ
-
รอตอนต่อไปจ้า :call: :call:
-
ชอบเรื่องนี้ อ่านแล้วติดลม อ่านสามวันรวด ตาแฉะ ตาบวม ตาเป็นหมีแพนด้าเลย o22
ชอบอ่ะ อ่านตอนแรกๆนึกว่าพี่ไผ่จะรุก 55+ คงไม่แปลกอ่ะที่คิดงั้น ก็ดูนิสัยของน้องริวดิ 55 แต่พออ่านเรื่อยๆ เริ่มดวงตาเปิดกว้าง เริ่มทำใจยอมรับ ฮ่าๆ ริวนี่เจ้าเล่ห์ได้เรื่อยๆ สงสารแต่ไผ่ ใจอ่อนตล๊อด! อ้อ! อีกอย่างที่ค้นพบในตัวน้องคือ น้องหื่น!!!! 5555+ ตอนที่อยู่ที่โคโรลาโด้ แอบลุ้นเล็กๆว่าไผ่จะจับเจ้าตัวร้ายกดได้มั้ย 555 ลุ้นสุดติ่ง!
PS. ตอนล่าสุด พวกนั้นมันใครน่ะ บังอาจมาก!! เสียวว่าพวกมันจะมาเจอ ถ้ามาเจอทำไงอ่ะ!! =[___]=!! หนูิริวอ่ะ ทีอย่างนี้ล่ะไม่โทรหาอลัน! (ว่าแต่.. โทรศัพท์หนูมีติดตัวมั้ย? TT^TT) โทรเร็วๆสิลูก อลันช่วยได้ทุกเรื่อง เอ้อ! ว่าแต่อลันคอยส่งการ์ดให้มาคุ้มครองริวห่างๆไม่ใช่เหรอ แล้วการ์ดหายไปไหน OoO!!! (ไล่ออกกกกก) 5555+
PS. Love Alan~~~
PS. ตัวละครมีการพัฒนาเรื่อยๆอ่ะ ชอบๆ นี่คือเสน่ห์ที่ทำให้หยุดอ่านไม่ได้ 55 (+1)
PS. ชอบตะวัน >_< ว่าแต่....ตะวันแอบกุ๊กกิ๊กกับใครอ่ะ อยากรู้ 5555+
PSSSSSSS. เป็นกำลังใจให้นะ อัพเร็วๆนะ รออ่าน ^___^
-
ฉลองหน้า 200 !!
><
รอพี่ไผ่ น้องริว!!
-
ค้างงงงงงงงงงง รอตอนต่อไป :serius2:
-
อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน
รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ รีบมาอัพเถอะนะ
กำลังสะกดจิตให้คนแต่ง และ คนโพส มาอัพเร็วๆ 5555555555
:call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
:sad4: กำลังค้างเลย TT ร้องไห้แล้วนะ สงสารพี่ไผ่ และ น้องริว แล้วววววววววว แอ้ววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!~
-
รีบนคะ เยอะไปหรือเปล่าคะ
เข้าใจว่าอยากอ่านต่อค่ะ
เอาแค่น้อยๆ แต่พองามก็พอนะคะ
-
^
^
^
:z13:
เจ๊คนโพสต์ไป ตจว ค้าบ เรื่องงาน แต่ที่ๆไปไม่มีเนตใช้ จะกลับมา กทม.ราวๆวันอังคารค้าบ
-
รับทราบ ค่า รอวันอังคาร :3123:
-
^
^
^
+1 ให้คนแต่งครับ
จะวันไหนก็รอครับ แต่อยากจับหนังสือเป็นที่สุด :man1:
-
รับทราบค่ะ และรอต่อไป
-
รีบนคะ เยอะไปหรือเปล่าคะ
เข้าใจว่าอยากอ่านต่อค่ะ
เอาแค่น้อยๆ แต่พองามก็พอนะคะ
ขอโทษค่ะ :monkeysad:
กดจนหน้ามืดไปหน่อย :sad4:
เป็นกำลังใจให้คนแต่งและคนโพสนะค่ะ :กอด1:
-
วะๆๆๆวันอังคาร~ ~ ~ :sad2:
-
:sad4: นั่งรอวันอังคาร
ระหว่างรอก็ทำพิธีเรียกอลันไปพลางๆ :call:
-
จงมา ๆ ๆ เป็นห่วงน้องริวอ่าา จาเป็นไงบ้างมะรุ๊
-
ริว อย่าเป็นอะไรน้า
-
มาม่ารอบนี้มาเพื่อเปิดโปงฐานะเจ้าชายสินะ
กลัวใจพี่ไผ่ที่ซู้ดดดด
-
วันอังคาร พรุ่งนี้แล้ว
อัพรึเปล่าเอ่ย??
รอค่ะรอ :man1:
-
พรุ่งนี้หรอ...รอค่ะ :call:
เ่อิ่ม...จองหนังสือได้ถึงเมื่อไหร่อ่ะ
ได้รหัสแล้วแต่ตังค์ยังไ่ม่พร้อมก็เลยยังไม่ได้โอน :sad4:
-
ตอนที่ 111
ภายนอกเงียบกริบมาครู่ใหญ่ๆ แล้ว นอกจากเสียงนกและแมลงกลางคืนก็ไม่มีเสียงอื่นใดลอดมาอีก พสุยังคงเงี่ยหูฟังทั้งที่ใจแทบลุกเป็นไฟด้วยความห่วงริว อยากจะรีบพาเด็กหนุ่มออกไป แต่เขาก็ไม่กล้าผลีผลาม ชายหนุ่มต้องการให้แน่ใจว่าพวกมันไปกันแล้วจริงๆ
พสุตัดสินใจวางริวพิงกับผนังเย็นๆ แล้วค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงไปยังผนังอีกด้าน ชายหนุ่มปีนขึ้นไปบนลังที่ซ้อนกันสูงแล้วมองผ่านพัดลมดูดอากาศออกไปข้างนอก แม้จะไม่มีแสงไฟหรือแสงจันทร์ แต่สายตาที่ชินกับความมืด ก็ทำให้มองเห็นทัศนียภาพภายนอกได้พอสมควร ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามลาน รกเรื้อรอบโกดังแล้วไปสะดุดกับเงาตะคุ่มๆ 3 เงา ที่กำลังตรงดิ่งมาทางนี้ พสุสะท้านเยือกเมื่อพวกมันเดินลับหายมาทางด้านที่ประตูโกดังพัง พวกมันทุกคนมีไฟฉายนั่นก็แปลว่ามันอาจจะหาพวกเขาได้ไม่ยาก
ชายหนุ่มปีนลงอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับไปหาริว ท่าทางพวกมันเหมือนมืออาชีพมากกว่าพวกที่จับตัวเขากับริวมา มันคงไม่ปล่อยให้พวกเขารอดไปได้ พสุช้อนตัวริวขึ้นกอดไว้แน่น...ถ้าจะต้องตาย เขาก็ขอตายพร้อมริว...
เสียงฝีเท้าที่แม้จะพยายามให้เบาแค่ไหน แต่ในโกดังเงียบสงัดขนาดนี้ก็ยังได้ยินชัดอยู่ดี พวกมันเข้ามาได้แล้ว...เหงื่อเย็นๆ ไหลไปตามแผ่นหลัง เมื่อเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทีละน้อย พสุกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นแล้วจ้องมองเขม็งไปเบื้องหน้า
“พสุ...ริว...พวกคุณอยู่ในนี้หรือเปล่า...”
พสุทะลึ่งพรวดขึ้นนั่งตัวตรงตั้งแต่ได้ยินชื่อตัวเองแล้ว ภาษาไทยแปร่งเพี้ยน ทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่าคนที่มาไม่ใช่พวกที่ทำร้ายพวกเขา แต่ก็ใช่ว่าจะวางใจได้
“ทางนี้! เราอยู่ทางนี้!” พสุตัดสินใจขานรับ...แม้จะยังไม่ไว้ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พสุก็ยอมเสี่ยง เพราะอยากพาริวไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ชายหนุ่มเกร็งกล้ามเนื้อขึ้นทั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าพุ่งตรงมาทางเขา
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เราจะไปด้วยกันนะริว” ชายหนุ่มกระซิบชิดใบหูริว ก่อนจะจูบหน้าผากเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วกอดเอาไว้แน่น
ไฟฉายถูกสาดเข้ามาจนตาพร่า พสุหรี่ตาลงแต่กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น พยายามเบี่ยงกายบังริวไว้ให้มากที่สุด
“พระเจ้า! พวกคุณอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย” เสียงผู้มาใหม่อุทานด้วยความยินดี แม้จะไม่ได้พูดภาษาไทยแต่พสุก็จำได้ว่าเป็นเสียงเดียวกับที่เรียกพวกเขาก่อนหน้านี้ ไฟฉายที่ส่องหน้าพสุลดลงส่องดูที่ตัวริว
“เจอบอสแล้วแต่เขาบาดเจ็บ รีบโทรบอกอลันเร็ว” คนส่องไฟหันไปบอกพรรคพวกที่เหลือ แล้วปรี่เข้ามาหาพสุ ขณะที่อีกสองคนถอยไปคุมเชิงห่างๆ หนึ่งในสองกำลังโทรศัพท์ทำให้พสุใจชื้นยิ่งขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น คุณริวเป็นอะไรไป” ชายคนนั้นแตะตัวริวและทำท่าจะดึงออกไป แต่พสุกอดเด็กหนุ่มไว้แน่นด้วยความระแวง
“เขาถูกยิง...รีบพาไปโรงพยาบาลเถอะ”
“...เอ่อ...ผมเสียใจ แต่เรายังออกจากที่นี่ไม่ได้”
คำตอบของอีกฝ่ายทำให้พสุใจหล่นวูบด้วยความผิดหวังแกมตกใจ ริวถูกยิงเสียเลือดไปมาก แต่คนที่คิดว่ามาช่วยกลับบอกว่าออกไปไม่ได้
“หมายความว่ายังไง...พวกคุณไม่ได้มาช่วยเราเหรอ?”
“ช่วยสิครับ...พวกผมเป็นบอดี้การ์ดของบอส...ผมหมายถึงคุณริว...ผมต้องช่วยเจ้านายผมเต็มที่อยู่แล้ว...แต่ตอนนี้เราอยู่ในเขตของมาเฟีย...ถ้าเขาไม่ปล่อย เราก็ไม่มีสิทธิ์ออกไป แค่ก้าวพ้นเขตโกดังนี่ เราก็เป็นศพแล้วครับ”
“แล้วจะทำยังไง ริวต้องการหมอด่วนนะ เขาเสียเลือดมาก”
“ตอนนี้คุณอลันกำลังเร่งเจรจากับมาเฟียที่นี่ เราต้องได้ออกไปอย่างแน่นอนครับ”
“อีกนานแค่ไหน...ริวจะแย่นะสิ...ตัวเขาเย็นไปหมดแล้ว” พสุร้อนใจจนแทบเป็นบ้า เขาหลงดีใจว่ามีคนมาช่วย ริวจะได้ไปโรงพยาบาลเสียที แต่กลายเป็นว่ายังไม่อาจทำอะไรได้เลยสักอย่าง ต้องรอให้ผู้ปกครองของริวเจรจากับมาเฟียเจ้าถิ่นก่อน ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน
“ภายในคืนนี้แหละครับ...เดี๋ยวถ้าคุณริวรู้สึกตัว ผมจะฉีดยาแก้ปวดให้...คงจะช่วยระงับอาการไปได้สักพัก”
“ไม่มีทางอื่นอีกเลยเหรอ...แค่ริวคนเดียวก็ได้ เอาริวไปโรงพยาบาลก่อนไม่ได้เลยเหรอ?”
“ผมเสียใจ...ยังไงก็ต้องรอคุณอลันเจรจาครับ”
“อือ.....พี่...หนาว...” ริวเพ้อเบาๆ แล้วตัวสั่นสะท้าน ชายที่อ้างตัวว่าเป็นบอดี้การ์ดของริว ถอดเสื้อแจ็คเก็ตของเขาส่งให้พสุ ชายหนุ่มรับมาห่มให้ริวแล้วกอดเด็กหนุ่มไว้แน่น
“ริวต้องปลอดภัยนะคนดี อย่าเป็นอะไรไปนะ...ไม่มีริวพี่ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน...ริวรู้ใช่มั้ย...อย่าทิ้งพี่ไปนะริว” พสุกระซิบข้างหูเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วหลับตาลงด้วยความปวดร้าว
ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนที่โอบรัดรอบตัวริวแน่นขึ้น แล้วซบหน้าลงบนผมหนานุ่ม พสุเฝ้ากระซิบอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์และวิญญาณของมารดา ให้ช่วยคุ้มครองริวให้ปลอดภัย...ขอเพียงริวปลอดภัย ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร เขาก็ยอมทุกอย่าง...
.................................................................
ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยเย็นชา อลันกลับเห็นแววสนุกเต้นระริกอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลคมกริบ ผู้ชายคนนี้กำลังสนุกกับความเดือดร้อนของเขา แต่เขาไม่มีเวลามาเล่นเกมกับ รูฟิโด รอสฟีนี่ อีกแล้ว เมื่อชีวิตริวกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย และคนเพียงคนเดียวที่จะช่วยริวได้เร็วที่สุดก็คือคนตรงหน้าเขา
“จะให้ผมช่วยเจรจากับคาร์โล? คุณขอเรื่องใหญ่มากนะอลัน แต่...ถ้าคุณยอมบอกผมว่าคนๆ นี้เป็นอะไรกับคุณ ผมก็จะช่วย...”
“ตกลง! แต่ผมจะบอกคุณคนเดียวเท่านั้น ตกลงมั้ยรอสฟีนี่”
“ว้าว! รีบร้อนรับปากขนาดนี้เลยเหรอ ท่าทางเด็กคนนี้คงไม่ธรรมดาสินะ...ทุกคนออกไป”
“ครับ” คนของรอสฟีนี่ลุกออกไปจนหมด ทั้งห้องจึงเหลือแค่มาเฟียใหญ่แห่งอิตาลีกับอลันตามลำพัง รอสฟีนี่หันมาเลิกคิ้วให้อลัน แล้วยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
“เด็กคนนั้น เป็นอะไรกับคุณ”
“ริว เกรสัน เป็นลูกบุญธรรมของผม...”
“เรื่องนี้ผมรู้แล้ว” รอสฟีนี่ค้านทะลุกลางปล้องขึ้นมาเสียก่อนที่อลันจะพูดจบ
“แต่ผมไม่เชื่อหรอกว่าแค่ลูกบุญธรรมคุณจะทุรนทุรายขนาดนี้ สิ่งเดียวที่ผมคิดออกก็คือ เด็กคนนี้จะต้องสำคัญมาก...เขาจะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับเรียวอิจิเจ้านายคุณ...เดาว่า...เขาเป็นลูกของเรียวอิจิใช่มั้ย...หึหึ...เจ้านายคุณนี่หยิ่งเกินไปแล้วนะอลัน ขนาดจะขอให้ผมช่วยลูกเขา เขายังไม่ยอมปรากฏตัวเองเลย...ส่งแต่คุณมาพูดแทนแบบนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติกันนะ...เอ...อย่างนี้ผมควรจะช่วยดีมั้ยเนี่ย?” มาเฟียใหญ่แห่งอิตาลีหยอดด้วยน้ำเสียงสนุก
ความจริงแค่ช่วยคนของอลันออกจากเขตของคาร์โลไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย เพราะเขากับคาร์โลเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่เท่าที่เขาสืบรู้ อลันส่งบอดี้การ์ดที่เก่งที่สุดไปคอยอารักขาเด็กคนนี้ถึงเมืองไทย ถ้าไม่ใช่คนสำคัญสูงสุด อลันคงไม่ทุ่มเทขนาดนี้
ทางเดียวที่เป็นไปได้คือ เด็กคนนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับ เรียวอิจิ เจ้าของฉายาคิงไมเดส เจ้าพ่อตลาดหุ้นผู้ลึกลับ นายใหญ่ของอลันอย่างแน่นอน
“ผมสัญญาแล้วไงรอสฟีนี่ ว่าผมจะบอกทุกอย่างที่คุณต้องการรู้ ขอแค่ให้คนของผมปลอดภัยเท่านั้น ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ เขาต้องการหมอด่วนที่สุด...ได้โปรดเถอะ”
รูฟิโด รอสฟีนี่จ้องมองใบหน้าเคร่งเครียดของอลันแล้วไหวไหล่ ก่อนจะต่อสายหาคาร์โล มาเฟียใหญ่แห่งเม็กซิโกให้ทันที
“โอเค คาร์โลเปิดทางให้แล้ว คุณส่งเครื่องบินไปรับเขาได้เลย คาร์โลอนุญาตให้ใช้สนามบินของเขาได้”
“ขอบคุณมากรอสฟีนี่” อลันรีบโทรหาเลขาให้ส่งเครื่องบินพยาบาลไปรับริว และโทรไปบอกบรูซให้เตรียมตัวไว้ เพราะอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงจะมีรถพยาบาลไปรับที่โกดังเพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินเล็กของคาร์โล
“ว้าว! ขนาดส่งเครื่องบินพยาบาล ไปรับเชียวเหรอ ไม่ธรรมดาจริงๆ สินะ พอจะเฉลยให้ผมฟังได้หรือยัง อลัน ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร...ไม่สิ เป็นอะไรกับเรียวอิจิ”
“ริว ไม่ใช่ลูกของเรียวอิจิ” อลันยืนยันสียงหนักแน่น ขณะรอสฟีนี่เลิกคิ้วมองเขายิ้มๆ
“แต่เขาคือเรียวอิจิ”
“...ฮ่าๆๆ” รอสฟีนี่หัวเราะลั่น หลังจากนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
“คุณจะบอกว่าเด็กอายุไม่ถึง 20 คนนี้คือเจ้าพ่อตลาดหุ้นงั้นเหรอ ตลกเกินไปแล้วอลัน เรียวอิจิอยู่ในวงการตลาดหุ้นมาเกือบ 10 ปีแล้ว ไม่มีทางที่จะเป็นเด็กคนนี้ไปได้หรอก”
“ได้หรือไม่ก็เป็นไปแล้ว แล้วที่ตลกร้ายยิ่งกว่านั้นเขาเป็นลูกชายของ ซาโตชิ นามิ คุณรู้จักเธอไม่ใช่เหรอ” รอยยิ้มเกลื่อนหน้าหายวับ มาเฟียใหญ่แห่งอิตาลีผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“อะไรนะ!”
“เด็กคนนี้ชื่อริว นามสกุลเกรสัน เป็นนามสกุลของคุณแม่ผม ส่วนชื่อเรียวอิจิเป็นแค่ชื่อที่ใช้ในวงการหุ้นเท่านั้น”
“โกหก! คุณไปรู้จักชื่อนามิมาจากไหนกันแน่ บอกมานะ!”
“การันตีได้ว่าทุกอย่างที่ผมพูด เป็นเรื่องจริง”
“เด็กคนนั้น...ริวเป็น...เป็นลูกใคร...ผมหมายถึงพ่อของเขาเป็นใคร!”
“ผมบอกคุณไม่ได้ คุณนามิเคยขอร้องพ่อผมไว้ว่าไม่ให้บอกใคร แม้แต่ตัวริวเองเธอก็ไม่เคยบอกว่าใครเป็นพ่อ...แต่ผมคิดว่าคุณคงเดาได้ ใช่มั้ย?”
“หมายความว่าริวอาจจะเป็น...พระเจ้า! คุณจะทำกับผมอย่างนี้ไม่ได้นะ บอกผมมาอลันว่าเขาเป็นลูกผมใช่มั้ย”
“พ่อผมขอร้องไม่ให้ผมบอกใครเรื่องริว ผมเองก็ตั้งใจว่าอย่างนั้น...แต่ชะตามักเล่นตลกเสมอ”
“แล้วนามิล่ะ! นามิอยู่ที่ไหน เธอไปอยู่เมืองไทยกับริวหรือเปล่า?”
“คุณนามิตายไป 10 ปีแล้ว”
“นามิตายแล้วงั้นเหรอ!...เธอเป็นอะไรตาย?”
“เธอถูกวัยรุ่นขี้ยาฆ่าตาย...ตอนนั้นริวเพิ่ง 8 ขวบ พ่อผมรับอุปการะริวแทน และผมก็ดูแลริวต่อหลังจากพ่อผมเสียชีวิต”
“งั้นไปกันเดี๋ยวนี้เลย! ผมต้องเจอเด็กคนนั้น ผมอยากจะเห็นหน้าเขา”
“ไม่! รอสฟีนี่...ผมขอร้องให้คุณช่วยเจรจากับคาร์โล แต่ไม่อนุญาตให้คุณเจอกับริว”
“ทำไม! คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามผม”
“สิทธิ์ในฐานะผู้ปกครอง และทนายความส่วนตัวยังไงล่ะ...ผมอาจจะทำตามที่สัญญาไว้กับพ่อไม่ได้ทั้งหมด แต่...ผมจะไม่ยอมให้คุณแตะต้อง หรือยุ่งเกี่ยวอะไรกับริวเป็นอันขาด”
“มันเกินไปแล้วนะ!”
“ไม่เลยรอสฟีนี่ คุณลืมไปหรือเปล่า ว่าคุณ....อยู่ในฐานะอะไร คุณไม่มีสิทธิ์จะลากริวไปเผชิญกับเรื่องอันตรายอะไรทั้งนั้น...แล้วผมก็ไม่คิดว่านามิจะพอใจ ถ้ารู้ว่าลูกต้องพัวพันกับแกงค์มาเฟียใหญ่ของอิตาลี...ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่ออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน เพื่อพาลูกมาให้พ้นคุณหรอก”
“ผมเป็นใครมิสเตอร์ฮิวส์! คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งว่าผมต้องทำยังไง แค่มีอิทธิพลในวงการหุ้นไม่ได้แปลว่าผมจะขยี้คุณให้แหลกใต้ฝ่าเท้าไม่ได้หรอกนะ...เฮอะ! พูดมาได้ว่าผมจะทำให้ริวเผชิญกับเรื่องอันตราย แล้วสิ่งที่ริวเจออยู่ตอนนี้ล่ะ คุณดูแลเขาได้ดีแค่ไหนเชียว”
“ริวตกอยู่ในอันตรายด้วยความบังเอิญ โจรปล้นแบงค์สองคนนั่นหนีตำรวจมาเจอเขาเข้าถึงได้ถูกทำร้าย แต่คนของผมก็ตามไปช่วยเขาไว้ทัน ผมรู้...ว่าผมก็แค่ทนายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่ได้มีอำนาจยิ่งใหญ่อะไร แต่ผมจะไม่ยอมปล่อยให้ริวต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะไปเกี่ยวพันกับมาเฟียหรอกนะ ริวจะปลอดภัย ถ้าเขาเป็นเพียง ริว เกรสัน นักร้องลูกครึ่งจากวงเล็กๆ ในประเทศเล็กๆ ไม่ใช่เจ้าพ่อตลาดหุ้นเรียวอิจิ และไม่ใช่ทายาทของเจ้าพ่อแกงค์มาเฟีย” รอสฟีนี่เม้มปากแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่อลันพูดมาไม่เป็นความจริง
“อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ ผมไม่มีสิทธิ์ไปสั่งคุณอยู่แล้ว แต่คุณคงรู้ว่าถ้าเรื่องสายเลือดของริวเปิดเผยไป ริวจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ชีวิตที่สงบสุขของเขาจะพังทลาย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเขาจะมลายไปชั่วข้ามคืน ถนนทุกที่ที่เขาเดินจะไม่ปลอดภัย และจะไม่มีคืนไหนที่เขาจะหลับสนิทได้อีกเลยชั่วชีวิต...คุณรู้ดีกว่าใครรอสฟีนี่”
รูฟิโด รอสฟีนี่ กัดกรามกรอด มือทั้งสองข้างกำแน่นด้วยความคั่งแค้น โกรธจนอยากจะฉีกชายตรงหน้าเป็นชิ้นๆ เกลียดคำพูดแทงใจดำซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยเพราะทุกอย่างที่อลันพูด ตอกย้ำในสิ่งที่ทิ่มแทงใจเขามาตลอดชีวิต
ใช่! โลกของมาเฟีย เป็นเช่นนั้น เขามีเงินมีอำนาจมหาศาล มีอิทธิพลแผ่ไปทั่วยุโรปชนิดที่เพียงเอ่ยชื่อผู้คนก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่เขาไม่เคยมีความสุข ไม่เคยนอนหลับสนิทเลยสักคืน ไม่ว่าจะไปไหน จะต้องมีคนตามติดคอยอารักขานับร้อย ห้องทุกห้องที่เขาพักจะต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด และเขาคือคนที่โลกมืดต้องการเอาชีวิตมากที่สุดคนหนึ่ง
หากเรื่องที่ริวเป็นลูกเขาแพร่ออกไป ริวจะกลายเป็นลูกนกตัวน้อยๆ ที่คนในโลกมืดทั่วโลกต้องการจะขย้ำให้แหลกลาญ ลูกของเขาจะไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาอีกต่อไป
ที่สำคัญ...เขาไม่รู้ ว่าริวจะต้องการเขาหรือเปล่า...พ่อที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักเลยตลอดชีวิต พ่อที่ไม่เคยอุ้มสักครั้ง ไม่เคยเป่าแผลตอนเจ็บ ไม่เคยกอดปลอบตอนฝันร้าย ไม่เคยเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง...
ตอนนี้ริวมีทุกอย่างและสร้างทุกอย่างได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งเขา เขาคือส่วนเกินที่ไม่เพียงไร้ค่า แต่กลับเป็นอันตรายด้วยซ้ำ ก็สมควรแล้วที่อลันจะไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ริว เพราะพ่อที่มาแล้วพรากความสุขชั่วชีวิตไปจากลูกนั้น ไม่มีเสียเลยจะดีกว่า...
“ตกลงอลัน...เรื่องริว...จะรู้กันเพียงคุณกับผมสองคนเท่านั้น...แต่ผมขออะไรสักอย่าง...ขอแค่เดือนละครั้งให้คุณมาพบผม...ผมอยากรู้เรื่องเขา เขาทำอะไร อยู่ที่ไหน มีความสุขแค่ไหน...เพราะผมจะไม่ส่งคนไปสืบเรื่องของเขาเป็นอันขาด...ก็อย่างที่คุณว่า เขาจะไม่ปลอดภัย ถ้าเกี่ยวข้องกับผม”
“ครับ ผมจะไปพบคุณเดือนละครั้ง และผมสัญญาว่าคุณจะไม่พลาดเรื่องอะไรของเขาเลย ทุกอย่างที่เขาทำ เขารู้สึก คุณก็จะได้รู้ทั้งหมด...ตอนนี้ผมขอตัวไปดูแลเขาก่อน”
“เขาไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย”
“ครับ ผมแน่ใจ”
“ถ้า...เขาปลอดภัย คุณช่วยส่งข่าวมาให้ผมรู้ด้วย”
“ครับ” อลันรับคำแล้วยืนรออยู่อีกครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นรอสฟีนี่ไม่พูดอะไรอีก เขาก็รีบออกมาขึ้นรถเพื่อไปยังโรงพยาบาล ทิ้งมาเฟียใหญ่ผู้โดดเดี่ยวไว้เพียงลำพัง
................................................................
แจ้งรายชื่อผู้จองหนังสือ อีกอันนึงนะ
-
อัพเดตรายชื่อผู้สั่งจองหนังสือ เธอคือ...ลมหายใจ
aunnie_v
มืด
eddiam
Na_RimKLonG
sogato
anna
gear
iota
สาวกเรท(+18)
r4inbow
Justlove 2 ชุด
MaeMoo
loveis
puzzle
mimirin
SuSaya
koo_eng
Acacha
doutnoi
jaaeyboy
PandP
nirun4
V_we
Okada
rannie
Nilc_Kstar
saruttaya
A_J seiya
pinkychan
maio2000
piride
jay 10-8
nomo9
summers
ลูกหมีน้ำแดง
himecrazy
shopstic
katarena
beeba
Kalos
ploaie
dee_dee
yylove
Altasia
teetarkung
darkeyes1
nunamicky
jim2698
joobperman
RoseBullet
Japinka
bbc52
ทั้งหมดนี้เป็นรายชื่อที่ได้แจ้งรหัสเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ นี่เป็นเพียงการอัพเดตรายชื่อเพื่อให้ทราบว่าป้าได้ตอบเมล์แล้วไม่ใช่การบังคับขายแต่อย่างใด (เพราะมีหลายๆท่านส่งเมล์มาแล้วไม่ได้ตอบกลับ อันเนื่องมาจากอิป้าหาถังขยะไม่เจอ...แฮ่...กว่าจะหายโง่)
ท่านใดที่ยังไม่คิดจะซื้อก็ไม่ต้องซีเรียสเนาะ เพราะราคาหนังสือก็ค่อนข้างจะสูง เข้าใจว่าทรัพยากรของหลายๆท่าน ได้ไปพักผ่อนตั้งแต่ตอนงานสัปดาห์หนังสือ แล้วยังมาต่อวันสงกรานต์ วันหยุดยาวๆของครอบครัวอีก (สงกรานต์เนี้ย ทำทรัพยากรร่อยหรอจริงจริ๊ง T^T ) ใครยังไม่สะดวกโอน ก็แจ้งกลับมานะคะ ขอบคุณมากค่ะ
-
อ๋อย คุณมาเฟียเป็นพ่อของริวนี่เอง
นึกว่าจะคู่กับอลันซะอีก เหอๆๆๆ
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
-
ว่าแล้ว ว่าริวต้องไม่ธรรมดา :laugh: นอกจากจะเป็นอัจฉะริยะ พ่อยังเป็นมาเฟียอีก(เกี่ยวกันยังไงนี่) ที่สำคัญผู้ปกครองเก่งที่สุดในสามโลก :กอด1:
-
ไม่ได้เข้ามาอ่าน 2 -3 ตอน
เกือบตกข่าวเรื่องจองหนังสือเลย :serius2:
-
กลัวใจริวจริงๆ ถ้ารู้ว่ามีพ่อที่คิดว่าไม่มี เรื่องราวเข้มข้นเข้ามาทุกทีแล้ว
-
ริวเป็นผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ :กอด1:
-
:เฮ้อ:
ริวปลอดภัยแล้ว โล่งอก!!~ :sad4:
ริวมีคุณพ่อเป็นมาเฟียนี่เอง o22
พี่ไผ่คงจะรู้ทุกเรื่องของริวในอีกไม่ช้า
o13 o13
-
โอ๊ะโอ๋ ลูกมาเฟีย อย่างนี้ท่าทางจะ ได้กินมาม่าอีกนาน
-
ชีวิตริวซับซ้อนจัง
พสุรู้ความจริงคงยิ่งกว่าช็อค
:pig4: คะ
-
นู๋ริวของป้า ชีวิตจะวุ่นวายกว่านี้ได้อีกมั้ย :serius2:แต่ที่รู้ :m15:ๆๆ
พาไปหาหมอสักที่พี่ไผ่ช้านจขาดใจตายแล้วววววว
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ริว ปลอดภัยแล้วนะ
o18
แต่พ่อของริวปรากฎตัวแบบนี้คงไม่มีดราม่าแล้วนะ
-
ดีแล้วริวปลอดภัยแล้ว ^ ^
-
งานนี้คุณพ่อตัวจริงกับคุณพ่อบุญธรรมจะมีซัมติ้งอะไรกันรึเปล่าเนี่ย
มีนัดกันทุกเดือนด้วยนะ :o8:
แต่เล่นเอาช็อคเลยเนอะ...ริวเป็นลูกของเจ้าพ่อมาเฟียเนี่ย แถมมีอิทธิพลสุด ๆ ด้วย
ก็ยังโชคดีที่รอสฟินีไม่เห็นแก่ตัวจนเกินไป ยอมมองดูริวอยู่ห่าง ๆ ไม่อย่างนั้นนอกจากจะให้พสุหนีตามริวมากบดานที่อิตาลีก็ไม่เห็นทางที่ทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันได้เลย
เรื่องพ่อของริวเคลียร์แล้ว...เหลือญาติฝ่ายแม่ใช่ป่ะ?
เมื่อกี๊ลืม +1 คร่า :กอด1:
-
โล่งอก ในที่สุดริวก็ปลอดภัย
แต่คุณบอดี้การ์ดขา ทำไมมาช้าไปเยอะเลยอ่ะ
ต้องขอบคุณเจ้าพ่อนะ อย่างน้อยก็ยังคิดถึงความสุขของลูก
ปล.มีชื่อแล้ว โอนเงินแล้ว รอหนังสืออย่างเดียวเลยจ้า
-
ริวเป็นคนสำคัญจริงๆด้วย
พี่พสุรู้แล้วคงช็อกไปเลย หึหึ รอไม่ไหวแล้ว อ๊ากๆๆๆ
ปล.แอบเห็น อนาคตของ สองผู้ปกครองจะ จุ๊ก ฮุ กรุ้วววววกันรำไร
เค้าจิ้นแหลกละนะตัวเทออ ได้อีกคู่ชัวงานนี้ หึหึหึ
-
ริวต้องปลอดภัย แต่หลังจากนั้นล่ะ เมื่อตัวตนจริงๆของริวเปิดเผย
ถึงไม่เปิดเผยในประเด็นที่เป็นลูกของมาเฟีย แต่ริวก็"บิ๊ก" พอสมควร
ไผ่คงไม่คิดมาก คิดนู่น นี่ นั่น โน้น ให้ความผูกพันคลายเกลียวหรอกนะ
-
โอ้ ริวเป็นลูกชายมาเฟียหรือนี่
-
+1 น้องริวหายเร็วๆ นะ
-
เหอ.... เบื้องหลังมันสุดยอดจริงๆ
-
ชีวิตหนูริว มีอะไรให้เซอร์ไพรตลอดจริงๆ ฮ่า ฮ๋า :laugh:
-
ยิ่งอ่านยิ่งตื่นเต้นนนน... แบบว่านู๋ริวเป็นผจญภัยในลูกปืนอะ..
สงสารทั้งไผ่ทั้งริว.. ไผ่ขวัญเสียโคตรอะ.. เห็นน้องริวโดนยิ่งขนาดนั้น.. ส่วนริวก็คงเจ็บมากๆๆอะ..
แต่ชอบที่พี่ไผ่บอกว่า.. ยังไงก็จะไปด้วยกัน... ฮุๆๆๆ พี่ไผ่กับริวต้องอยู่ด้วยกันตลอดไปนะฮับ.....
อลันจะออกโรงแล้วช่ายป่าว.. อยากเห็น.. พี่ไผ่คงงงอะ.. อยู่ดีๆๆน้องริวมี Bodyguard ซะงั้นอะ..
แถมมีพ่อเป็นมาเฟียใหญ่อีกตั้งหากกกกก..
น้องริวต้องหายเร็วๆๆนะ.. แต่ริวจะหายได้เร็วขึ้นก็ต้องมีพี่ไผ่เป็นกำลังใจอยู่ข้างๆๆๆนะ.. :laugh:
ตื่นเต้นมากๆๆอะ.. อยากอ่านต่อชะมัดดดเลยอะ..
พี่รีบมาต่อเร็วๆๆนะฮํบ... แต้งส์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :pig4:
-
เอาใจช่วยเสมอ ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ สู้ๆๆริวไผ่ :3123:
-
พี่ไผ่ใกล้จะได้รู้ว่าริวเป็นใครแล้วมั้ง
พ่อริวโผล่มาแล้ววววววววววววววว
-
โอวววว ชีวิตซับซ้อนจริงๆ แต่ยังไงก็ตาม รอดแล้วววว อลันช่วยได้ทุกเรื่องจริงๆ
-
ชีวิตริวนี่ซับซ้อนจริงๆๆ
-
พี่ไผ่ยอมรับแล้วทุกอย่างเพราะเหตุการณืนี้
แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า เมื่อเรื่องพ่อโผลมาอีกแล้ว
ความลับไม่มีในโลกนี่
เป็นกำลังใจให้นะ
-
เหยยยยย
พ่อริว !!!!!!
ยังไงล่ะนี่ ??
พสุจะรู้ยังว่าริวรวยมากกกก
ลุ้นมาก!
-
o22ในที่สุดพ่อของริวก็ปรากฎตัวแล้ว
ยังไงก็ขอให้ริวปลอดภัยด้วยเถอะ สาธุ :call:
-
สงสารพ่อ พี่ไผ่ ริว เฮ้อออ
ขอให้ริวปลอดภัย
-
โห.... พี่จี้วางเรื่องได้เจ็บปวดมาก เหอๆ มี่พ่อแต่พบไม่ได้ มีแม่แต่โดนฆาตกรรมโหดต่อหน้าต่อตา ตัวเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองเลยสินะ
อยากรู้จังว่าเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร ราชามาเฟีย ลูกของราชาก็... เจ้าชายสินะ ไม่สิ ริงเองก็ฉายาว่าคิงที่แปลว่าราชาเหมือนกัน
ราชาโลกเบื้องหน้า และเจ้าชายโลกเบื้องหลังงั้นเหรอ สุดยอด..... แต่ชีวิตบัดซบเป็นบ้า เหอๆๆ
-
พ่อริวปรากฏตัวแล้ว เป็นความลับมาตลอด จนลืมไปไม่เคยนึกถึงเลย
-
คิงไมเดส? มาจากคำนี้หรือเปล่า?
Midas or King Midas (in Greek Μίδας) is popularly remembered in Greek mythology for his ability to turn everything he touched into gold. This was called the Golden touch, or the Midas touch.
http://en.wikipedia.org/wiki/Midas (http://en.wikipedia.org/wiki/Midas)
-
ปล.ไม่รู้ทำไมแอบจิ้นอลันกับคุณพ่อของริว แหะๆ :o8:
-
โฮะๆๆๆๆๆ ริวมีพ่อตัวเป้งเลยแฮะ :laugh:
-
คิงไมเดส? มาจากคำนี้หรือเปล่า?
Midas or King Midas (in Greek Μίδας) is popularly remembered in Greek mythology for his ability to turn everything he touched into gold. This was called the Golden touch, or the Midas touch.
http://en.wikipedia.org/wiki/Midas
แม่นนนนนนนนนนนนน
-
โอ้ ที่แท้ริวก็เป็๋นลูกมาเฟียใหญ่นี่เอง
-
เหอๆ อย่างนี้ตลอดเลยนะครับ
ปมเยอะมากจริงๆ แต่ก็ค่อยเผยออกมาทีละปม จะถึง Climax แล้วสินะครับ
รอลุ้นๆๆ ต่อปายยยย
-
ว่าแล้ว ว่าริวต้องไม่ธรรมดา นอกจากจะเป็นอัจฉะริยะ พ่อยังเป็นมาเฟียอีก(เกี่ยวกันยังไงนี่) ที่สำคัญผู้ปกครองเก่งที่สุดในสามโลก
ช่ายยย ผู้ปกครองเก่งที่สุดในสามโลก o13
ริวบาดเจ็บหนักอย่างงี้ จะได้อยู่พักฟื้นต่อ-ยังไม่ต้องกลับไปทำงานรึป่าวเนี่ย :o9:
-
ริวบาดเจ็บ
พ่อของริวใหย๋จัง น่าสงสารด้วยรู้ว่ามีลูก
แต่ก็ไปหาไม่ได้
ช่างน่าเศร้าจริงๆ
-
จัดให้ช้อนสักชุดได้เปล่าเจ้าคะ เพิ่งได้เข้ามาเช็ค
หรือถ้าต้องติดต่อทางเมลล์ เมลล์ไหนละหนอ
ขอเวลาไปค้น งุงิ ๆ
-
โห ลูกมาเฟียเชียว สวดยวดดดดดดดดดดดดดด
ว่าตแ่คุณมาเฟียจะรับได้ไม๊น๊อ ถ้าลูกชายรักกับผู้ชาย...ก็หวังว่าเขาจะเข้าใจอ่ะนะ!
-
โว้ว ๆๆๆๆ
นู๋ริวอะไรเนี่ยยยย เบื้องหลังเป็นลูกมาเฟีย คุณพระช่วย !
ให้ริวเป็นอยู่อย่างนี้เถอะ อย่าให้ต้องไปไกลจากไผ่เลย สองคนนี้ขาดกันไม่ได้แล้ว
-
เย่ๆ รอหนังสือค่า ตอนแรกหาชื่อเพื่อนไม่เจอ ตกใจนึกว่ายังไม่ได้สั่ง >"<
-
ว๊าวววววว ริวเป็นลูกมาเฟีย
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
ดีใจที่ริืวรอดแล้ว
ต่อไปชีวิตจะเป็นไงน่ะ
ริวจะพาไผ่มาใช้ชีวิตด้วยกันสองคนที่ต่างประเทศ
หรือยังคงเป็นนักร้องที่เมืองไทยกันต่อ
ขอให้เลือกกลับมาพักที่บ้านแห่งความทรงจำ ช่วงฮันนี่มูนนะคะ
แอบคิดเหมือนหลายคน ว่าพ่อริวกับอลัน น่าจะมีเรื่องต่อ หุหุ
-
จัดให้ช้อนสักชุดได้เปล่าเจ้าคะ เพิ่งได้เข้ามาเช็ค
หรือถ้าต้องติดต่อทางเมลล์ เมลล์ไหนละหนอ
ขอเวลาไปค้น งุงิ ๆ
หนังสือ 400 หน้า/เล่ม จำนวน 3 เล่มจบ ราคา 999 บาท + ฟรีค่าส่งแบบลงทะเบียนค่ะ
เปิดจองวันที่ 12 เมษายน - 9 พฤษภาคม 2554 ได้รับหนังสือต้นเดือนมิถุนายน
สนใจสั่งจอง เมล์ไปหาป้าเค้านะคะ tanjai1991@gmail ดอท com เพื่อขอเลขที่บัญชี แจ้งหัวเมล์มาว่า สั่งจองหนังสือ
รายละเอียดอยู่ที่หน้าแรกจ้า :)
-
โอว~ริวมีพ่อเป็นมาเฟีย
อลันก็สุดยอดเลย
หาทางช่วยพี่ไผ่กับริวจนได้
-
อยู่มีพ่อมาเฟียขึ้นมา แล้วชีวิตริวกับพี่ไผ่จะสงบสุขมั้ยเนี่ย
-
อ๊ากกกก อยากได้หนังสือแต่เก็บเงินไม่ทันจริงๆ :o12:
กรี๊ดดดดดดด หนูริวเป็นลูกมาเฟีย ทำไมตอนซื้อหวยไม่เดาถูกยังงี้บ้างเนี่ย :laugh:
กอดหนูริวกับพี่ไผ่แน่นๆๆๆ ไม่เป็นไรนะคะ สู้ๆๆๆ
อลัน นายเยี่ยมมากกกกก o13
ป.ล. คู่ของคุณพ่อ จะมีอะไรกันรึเปล่าเอ่ย?? อ่ะคึๆ
-
ชีวิตริวนี่ไม่เคยธรรมดาจริงๆ ตอนแรกว่ามีอลันนี่ก็สุดๆแล้วนะ ยังมีพ่อเป็นมาเฟียอีก สุดยอดมาก o13
กลัวว่าถ้าพี่ไผ่รู้ว่าริวเป็นเจ้าพ่อตลอดหุ้นจะโกรธ (แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะโกรธนี่นา วิตกไปเองอีกแล้ว อ่านเรื่องนี้ต้องคาดการณ์อะไรไกลๆตลอด เช่นตอนที่แม่กับพี่ไผ่เสีย แล้วริวมีพ่อเป็นมาเฟียอีก คือเป็นอะไรที่คิดไม่ถึงตลอดจริงๆค่ะ)
ปล.ตอนพิเศษในเล่มนี่เยอะมั้ยคะ?(บอกเป็นจำนวนหน้าหรือตอนได้ยิ่งดีค่ะ><) แล้วก็มีแค่ส่วนพิเศษที่เป็นแบบทไวไลท์อย่างเดียวหรือเปล่าคะหรือมีตอนพิเศษของภาคธรรมดาด้วย?
:กอด1:
-
ถ้าโอนแล้วแจ้งโอนทางไหนคะ
แล้วแนบที่อยู่เลยมั้ย
^^
-
ขอให้น้องริวปลอดภัยนะจ๊ะ....อลันนี่เจ๋งจริงๆ o13
-
ชอบจัง:L1:
จองด้วย แต่ได้ชัวร์เมื่อไหร่อ่ะ
-
อืม..นี่ถ้าไผ่รู้เบื้องหลังของริวว่าเป็นใคร ไผ่จะรู้สึกยังไงนะ
-
ริว พี่ไผ่ ปลอดภัยแย้วววววว :o12:
-
ลุ้นต่อไป
-
สั้น แต่ได้ใจความ !!!
-
:เฮ้อ:
ลุ้นแทบแย่
สุดท้ายเจอเรื่องที่เซอร์ไพรส์ของริวซะงั้น
-
>,< อยากได้หนังสืออ่ะคับๆ รอแปปนึงก่อนเน้วๆ นู๋ริว พี่ไผ่~
-
รออยู่น้า :กอด1:
-
สนุกมาก
I like it!
-
โอ้...น้องริวเรา สายเลือดนักเลงใหญ่(มาเฟีย)เลยนะนี่
แต่ที่อลันพูดออกมาก็ถูกนะ เพราะถ้าใครรู้เข้าก็จะทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปหมดแน่ๆ
พ่อรอสฟีนี่ ก็น่าสงสารมากเหมือนกันนะ ที่พอรู้ว่าตัวเองมีลูก แต่ก็ดูแล และบอกใครไม่ได้เลย
-
เมื่อตอนที่แล้วไม่มาต่้อตั้งนาน วันนี้มาอัพหน่อยนะ plz~ :L2:
-
อ่า ริวมีพ่อเปนมาเฟียเหรอเนี่ย แต่มาเปิดตัวกันงี้ จะมีเรื่องรายตามมาอีกป่าวหว่า งืมๆ
-
มารอคร้าบบบบ รีบๆมาต่อเถ๊อะ
-
รอด้วยนะคะ :L2:
-
รอพี่ไผ่กับป๋าริว
-
มาเร็วๆสิตัวเองงงงงง :sad4:
-
เข้ามารอด้วยคนจ้า :L2: :L2:
-
ริวนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ยังไงก็ขอให้เรื่องทั้งหมดผ่านไปด้วยดี
-
ริวจะเป็นไงบ้างเนี่ย
รอตอนต่อไปจ้า
-
เข้ามาส่องหาหนูริวกับพี่ไผ่ :m22:
-
เข้มข้นมากค่ะ
ในที่สุดก็รู้แล้วว่าใครเป็นพ่อริว
น่าสงสารอะ (สงสารพ่อริวนะคะ)
โดนภรรยาหอบลูกหนี มีลูกก็ไม่มีสิทธิ์ดูแล
น่าสงสารชีวิตแบบนี้จังเลย
-
ตามติดทุกสถานการณ์
โดยเฉพาะ น้องริวกับพี่ไผ่ :sad4:ทำเอาน้ำตาซึมอีกแล้ว
-
ง่ะ ไม่อัพแหะ :sad2:
-
รอเน้ออออออ :sad4:
-
เจ้าพ่อมาเฟียเป็นพ่อของริวจิงๆด้วยแหะ
ดีแล้วที่ริวปลอดภัย(http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/sang.gif)
-
เข้ามาช่วยดันจ้า
:call: :call: :call:
-
มาปูเสื่อรอคร้าบบบบบบบบบบบบ
-
เรียกๆๆๆ :call:
-
ชีวิตน้องริวมาม่ามาก น่าสงสารจิงๆ ขอให้ปลอดภัยกลับเมืองไทยพร้อมพี่ไผ่ก็พอแล้ว
-
อ่านจบแล้วค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่านเมื่อสองวันก่อน แล้วปรากฏว่า
ติดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จนต้องลาป่วยวันศุกร์เพราะไม่ได้นอนเลย ก๊ากก
อ่านมา 2 วันกว่าจะจบอ่ะ มีทุกอารมณ์เลย สนุก อบอุ่น อ่านหวาน ดราม่า ทุกอารมณ์เลย ชอบมากๆๆๆๆ
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
-
รอตอนต่อไปจ๋า กำลังเข้มข้นเลย
-
อยากอ่านเป็น SIDE STORY ของตะวัน X คนรักลับๆ ของเขาจังเลย
แฟนคลับตะวัน
-
มาต่อไวไวนะ :sad4: :sad4:
-
ความจริงที่น่าตกใจเลยนะเนี่ย... ริวรู้ยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าไผ่รู้นี่ไม่อยากคิดเลยนะ เฮ้อ!!! ขอให้ริวปลอดภัย...
-
มาไวไวนะคะ รออยู่ค่ะ
ลุ้นมากกก
-
คุณ spring พวกเราให้อภัยแล้วกลับมาอัพด่วนๆๆๆๆๆๆๆจ้า :z3: :z3:
ปอลอ ล้อเล่นจ้า :mc4: :mc4:
-
รอจน>>>> :z3:
-
รอจนเริ่มบ้าแล้วนะ
ไรเตอร์หายไปไหน
:z10:
-
เข้ามาช่วยจุดธูป... :call:
สงสัยมาเวลาเดิมชัวร์ :t3:
-
^
^
^
คนแต่งยังมารอเลย
บวกหนึ่งค่าา
-
พี่ anonymus เข้ามาช่วยลุ้นด้วยอะ....+1 เลยยย...
เข้ามาหาน้องริวกับพี่ไผ่........
-
:z13:
:z13:
:z13:
เอาให้ทะลุเรยอิอิ รอนะคร้าบบบบ :call: :call: :call:
-
ฮะเค้ามาแว๊ววววววววว
ขอโทษน๊า ไปชายแดนหลายวัน ไม่ค่อยได้เข้าเนตจ้า :laugh:
ตอนที่ 112
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น เครื่องบินพยาบาลที่ส่งไปรับริวร่อนลงแตะรันเวย์ จากสนามบินมาถึงโรงพยาบาลแม้รถพยาบาลจะใช้เวลาเพียง 10 นาที แต่กลับเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานสำหรับคนที่รักและห่วงริว เด็กหนุ่มถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน ขณะที่พสุทำได้เพียงมองตามด้วยความเป็นห่วง
อลันจ้องมองคนรักของริวอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินเข้าไปหา ใบหน้าซีกซ้ายของพสุเขียวช้ำ คิ้วและตาบวมเป่ง เกรอะกรังด้วยเลือด เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่สวมอยู่เปื้อนเลือดแทบทั้งตัว
“สวัสดีครับคุณพสุ ผมอลัน ฮิวส์...เป็นทนายของริว” อลันแนะนำตัวและยื่นมือไปให้พสุจับ
พสุจับมือตอบอย่างงุนงง เขารู้ว่าอลัน ฮิวส์ คือผู้ปกครองของริว แต่ไม่คิดว่าจะดูหนุ่มขนาดนี้ และที่สำคัญอลันแนะนำตัวว่าเป็น ‘ทนาย’ ของริว ไม่ใช่ ‘พ่อบุญธรรม’
“สวัสดีครับ...เอ่อ...ผมคิดว่าคุณเป็นผู้ปกครองของริวเสียอีก”
“ถ้าตามกฎหมายละก็...ใช่ครับ แต่ความเป็นจริง ผมเป็นแค่ลูกจ้าง” อลันตอบยิ้มๆ ขณะพิจารณาพสุไปเรื่อยๆ ถึงจะอยู่ในภาวะเคร่งเครียดและบอบช้ำด้วยเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มา แต่พสุก็ยังคงมีรังสีของความเป็น “ดารา” อย่างชัดเจน
“ผมไม่เข้าใจ ก็...คุณไม่ใช่คนที่ดูแลริวเหรอครับ”
“ใช่สิครับ แต่ก็เป็นลูกจ้างด้วย ผมรับหน้าที่ดูแลริว ตั้งแต่พ่อผมเสียไป รวมไปถึงดูแลผลประโยชน์ให้เขาด้วย”
“ริวเป็นแค่ลูกกำพร้าไม่ใช่เหรอครับ เขาไม่ใช่ทายาท...เอ่อ...มหาเศรษฐีที่ไหน...แล้วทำไมเขาต้องมีทนายมาดูแลผลประโยชน์ด้วย?”
“คุณคงทราบเรื่องริวเป็นเด็กอัจฉริยะ”
“ครับ”
“หนึ่งในความสามารถของริว ก็คือ ความสามารถในการวิเคราะห์ตลาดหุ้น ริวเล่นหุ้นเหมือนเด็กเล่นเกม และเป็นเกมที่เขาชำนาญจนแทบไม่เคยแพ้ซะด้วย เขามีทรัพย์สินมหาศาลตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ยังไม่รวมสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์อีกจำนวนมาก แต่เขาก็ยังเป็นผู้เยาว์ จำเป็นต้องมีผู้ปกครองตามกฏหมาย....และผมก็คือคนทำหน้าที่นั้น”
“ผม...ไม่เคยรู้เลย...” พสุผงะ ใบหน้าที่ค่อนข้างซีดอยู่แล้ว ขาวเผือดอย่างเห็นได้ชัด
“หึ! คุณไม่รู้เพราะคุณไม่เคยสนใจเขาน่ะสิ ถ้าคุณแคร์เขามากพอ คุณคงรู้อะไรมากกว่านี้ จริงๆ ยังมีหลายเรื่องที่คุณไม่เคยรู้...แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่ผมที่จะสอดจมูกเข้าไปยุ่ง เอาเป็นว่าคุณอยากรู้อะไร ก็รอถามจากริวเองละกัน.....ผมมีธุระด่วนต้องไปจัดการ ฝากริวด้วยนะครับ...พรุ่งนี้เลขาผมจะมาคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้คุณ ระหว่างนี้ถ้าคุณต้องการอะไร ก็สั่งบอดี้การ์ดได้ ผมขอตัวก่อน” อลันพูดจบก็หันหลังกลับ เดินลิ่วออกไป
พสุยืนอึ้ง หน้าชาวาบด้วยความโกรธแล้วเปลี่ยนเป็นความละอาย ใช่...เขาเองที่ไม่สนใจริวมากพอ เขาเลือกที่จะเรียนรู้และรับรู้ในสิ่งที่ริวเป็น เขาไม่เคยสนใจอดีตของริวด้วยความคิดที่ว่านั่นเป็นเรื่องส่วนตัวที่หากริวอยากให้เขารู้ริวก็ควรเล่าเอง แต่ถ้าคิดในอีกแง่ คือเขาไม่ใส่ใจริวมากพอ เพราะริวอยู่กับเขามาเป็นปีๆ ถ้าเขาใส่ใจริวจริงๆ เขาต้องสังเกตเห็นสิ่งที่อลันบอกบ้าง ไม่ใช่ไม่รู้อะไรเลยอย่างตอนนี้....
บอดี้การ์ดที่เป็นคนไปช่วยพวกเขา เดินเข้ามาหาพสุ หนึ่งในสามยื่นแก้วกาแฟร้อนมาให้ พสุรับด้วยความเกรงใจ แต่ไม่ได้กิน เพราะมัวจ้องมองไฟหน้าห้องผ่าตัดเขม็ง
“นั่งพักก่อนเถอะครับ...คงอีกสักพัก”
พสุพยักหน้าแล้วทรุดลงนั่งพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าด้วยความเหนื่อยล้า ชายหนุ่มสะดุ้งเมื่อมือไปแตะโดนหางคิ้วที่เกรอะกรังด้วยเลือด พสุเพิ่งสังเกตว่ากระบอกตาข้างซ้ายของเขาเจ็บร้าวจนมองไม่ถนัด หัวหนัก สมองตื้อ ตาก็พร่าเป็นระยะๆ และเริ่มรู้สึกถึงอาการไข้ที่กำลังเล่นงานเขา
“ผมว่าคุณไปทำแผลก่อนดีกว่านะ สีหน้าคุณไม่ดีเลย ถ้าไม่สบายไปอีกคนจะยุ่งนะครับ”
“ผมไม่เป็นไรครับ” พสุปฏิเสธทั้งที่แน่ใจว่าหน้าเขาคงบวมเพราะรู้สึกได้ว่าหน้าเขาตึงๆ
“อย่าดื้อเลยคุณ ผมทราบว่าคุณห่วงคุณริว แต่ก็ควรดูแลตัวเองด้วยนะ”
“ขอบคุณครับ...คุยกันตั้งนาน ผมยังไม่ทราบชื่อพวกคุณเลย ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรครับ ผมบรูซ ส่วนนั่นก็บิล กับพอล” บรูซแนะนำแล้วหันไปสบตาพอล บอดี้การ์ดที่ดูอายุน้อยที่สุด ส่งยิ้มกว้างให้แล้วลุกออกไป ครู่เดียวก็กลับมาพร้อมพยาบาลสูงวัยหน้าตาใจดี
“เชิญทำแผลทางนี้ค่ะ”
พสุเดินตามพยาบาลไปอย่างว่าง่าย แต่หลังจากทำแผลเสร็จเขาก็ถูกฉีดยาอีกเข็ม พยาบาลพยายามขอให้พสุนอนพักแต่ชายหนุ่มไม่ยอม เขากลับมานั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง อาการเปลือกตาหนักอึ้งจู่โจมอยู่ตลอดเวลา แต่พสุก็ฝืนไว้ ชายหนุ่มนั่งรอจนไฟหน้าห้องผ่าตัดดับลง แล้วแพทย์ก็ออกมา
“เป็นไงบ้างครับคุณหมอ” บรูซเป็นฝ่ายเข้าไปถาม ขณะที่พสุยืนลุ้นด้วยหัวใจระทึก
“แค่กระสุนถากไปเท่านั้น ตอนนี้ปลอดภัยแล้วแต่คนไข้เสียเลือดมาก คงต้องให้อยู่ดูอาการก่อน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนพรุ่งนี้ก็ย้ายไปห้องพิเศษได้แล้ว” หมออธิบายเสร็จก็แยกไป บรูซหันไปยิ้มให้พสุแล้วก็กระโจนเข้าคว้าตัวชายหนุ่มไว้แทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ พสุก็ทรุดฮวบลง ใบหน้าขาวซีด แต่ไอตัวร้อนผ่าวจนคนประคองสะดุ้ง
“พอล! ตามหมอเร็ว”............
…………………………………………..
พสุลืมตาขึ้นมาแล้วกลับต้องหลับตาลงใหม่เมื่อพบว่ารอบข้างไหวโคลงไปหมด
‘ริว!’ สิ่งแรกที่วาบเข้ามาในความคิดทำให้ชายหนุ่มผวาลุกขึ้น แต่กลับรู้สึกเหมือนศีรษะเขาหนักจนทรงตัวไม่อยู่ ชายหนุ่มล้มฟุบลงไปและเกือบตกเตียงถ้าไม่เพราะมีคนประคองเขาไว้
“.....................” เขาฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่ออก ในม่านตาพร่าเลือนพสุเห็นแต่สตรีในเครื่องแบบสีขาวพยายามจะประคองให้เขานอนลง แต่ชายหนุ่มขืนตัวไว้
“มะ...ไม่ได้...ผมต้องไปแล้ว...” พสุพยายามจะลุกขึ้น พยาบาลก็เข้ามากดตัวเขาให้นอนลง ได้ยินเสียงเธอพูดแว่วๆ แต่พสุมึนงงเกินกว่าจะแปลความหมาย
“ผม..ต้องไป...ไปหา...ริว” พสุพยายามปฏิเสธทั้งที่เขาแทบไม่เหลือสติแล้ว
“.............” พสุเห็นเพียงปากเธอขยับ แล้วทุกอย่างก็พร่าเลือน
“ริว...ริว..................” ทุกอย่างดับวับไป
ในความมืด พสุรู้สึกได้ถึงความทรมาน ทุรนทุราย ร้อนไปหมดทั้งหน้าอกและช่องท้อง
“อ๊อก...” ชายหนุ่มผวาลุกขึ้นพร้อมกับอาเจียนพรวดออกมา ดวงตาพร่ามัวเห็นเงาคนไหววูบวาบรอบตัว ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเขา ขณะที่สติสัมปชัญญะรางเลือนไปอีกครั้ง สิ่งเดียวที่ยังติดอยู่ในอนุสติก็คือ ‘ริว’
…………………………………………….
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งแรกที่เห็นคือแสงแดดอ่อนๆ นอกหน้าต่าง
“ไฮ...เป็นไงบ้าง คุณยังคลื่นไส้อยู่หรือเปล่า?” สมองของพสุแจ่มใสพอจะแปลสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกแล้ว ชายหนุ่มจ้องมองคนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งก็จำได้
“คุณบรูซ...”
“ดีจริง คุณรู้สึกตัวแล้ว”
“ผมเป็นอะไรไปครับ?...แล้วริวล่ะ ริวเป็นไงบ้าง!” พสุถามแล้วพยายามจะยันตัวลุกขึ้นทั้งที่หัวหนักอึ้งและปวดตุบๆ ตลอดเวลา
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ นั่นไง นอนอยู่เตียงข้างๆ คุณนี่แหละ”
พสุหันไปตามที่บรูซบอก ริวนอนหลับอยู่บนเตียงไม่ห่างจากเขามากนัก ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นแล้วนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกปวดหนึบทั้งศีรษะ ตัวเขาสั่นและอ่อนเปลี้ย แต่ความห่วงริวทำให้พสุฝืนลงจากเตียงจนได้ บรูซยกเก้าอี้มาวางให้พสุนั่ง ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วขยับเข้ายืนชิดเตียงของริวเพื่อจ้องมองเด็กหนุ่มใกล้ๆ
แม้ใบหน้าของเด็กหนุ่มจะยังค่อนข้างเผือดสี แต่ก็ไม่ได้ดูซีดเซียวจนน่าใจหายเหมือนตอนที่มาโรงพยาบาลอีกแล้ว พสุลูบหัวริวเบาๆ แล้วกุมมือเด็กหนุ่มไว้ขณะที่ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้เพราะไร้เรี่ยวแรงจะฝืนยืนอยู่อีก
“เขาฟื้นบ้างหรือยังครับ”
“ยังครับ...แต่ก็ถือว่าปกตินะครับ เพราะอาจจะยังไม่หมดฤทธิ์จากยาสลบ” บรูซตอบยิ้มๆ แต่สายตากลับจ้องมองพสุอย่างเอ็นดูปนอ่อนใจ
‘...มีแต่คุณนั่นแหละที่ฝืนฤทธิ์ยานอนหลับจนเกือบช็อกไป ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก ไม่งั้นบิ๊กบอสฟื้นมา พวกผมไม่หัวขาดกันหมดหรือไง...’
“พี่...พี่...”
พสุผวาลุกขึ้นยืนเพื่อมองหน้าริวให้ถนัด เด็กหนุ่มพึมพำเรียกเขา แต่ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว
“แค่เพ้อน่ะครับ” บรูซบอกแล้วขยับเข้ามายืนใกล้ๆ พสุ เผื่ออีกฝ่ายหมดสติไปอีก เพราะสภาพของพสุในตอนนี้ น่าห่วงไม่แพ้ริวเลยทีเดียว ใบหน้าของชายหนุ่มขาวซีดยิ่งกว่าริวเสียอีก ท่าทางเหมือนพร้อมจะทรุดอยู่ตลอดเวลาของพสุทำให้คนรอบข้างได้แต่สบตากัน ชายหนุ่มกุมมือริวไว้แน่น ไม่ยอมกลับไปนอนทั้งที่อาการเขาควรจะพักผ่อนให้มากที่สุด
“คุณควรพักผ่อนบ้างนะ...ผมคิดว่ากว่าคุณริวจะฟื้น ก็คงค่ำๆ ช่วงนี้คุณน่าจะพักให้มากที่สุด เพราะพอคุณริวฟื้น ผมว่าคุณคงไม่ได้พักอีกยาวแน่ๆ” บรูซเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เขาติดตามอารักขาริวมาตั้งแต่เด็ก มีหรือที่จะไม่รู้ว่าริวเป็นยังไง บิ๊กบอสของพวกเขาเป็นคนดื้อเงียบและไม่เคยมีใครขัดใจ สิ่งใดที่อยากได้ต้องได้ คนเพียงคนเดียวที่ริวอ่อนข้อให้ทุกอย่างก็คือพสุ แต่เท่าที่เขาสังเกตเห็น พสุเองก็ตามใจริวไม่น้อย แล้วยิ่งมาเจ็บตัวแบบนี้ ไม่ว่าริวจะอ้อนเอาอะไรพสุก็คงไม่กล้าขัดใจ
พสุพยักหน้ารับอย่างลังเล แม้จะห่วงริวแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจฝืนความอ่อนเพลียอยู่ได้นาน ชายหนุ่มกลับไปนอนเพียงครู่เดียวก็หลับสนิท แม้แต่ตอนที่พยาบาลเข้ามาฉีดยาให้ เขาก็ไม่รู้ตัวสักนิด ทั้งฤทธิ์ยาและอาการไข้ ทำให้พสุหลับยาวจนเกือบค่ำ
หลังจากตื่นขึ้นมากินอาหารได้เพียงเล็กน้อยก็อาเจียนออกมาหมด พสุจึงไม่ยอมกินอะไรอีกนอกจากยา แม้ร่างกายจะอ่อนเพลียด้วยพิษไข้ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมพักผ่อน พสุนั่งปักหลักอยู่ข้างเตียงของริวด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ผ่าตัดมาจนป่านนี้ ริวก็ยังไม่ฟื้นเลยสักครั้ง ทั้งที่หมอยืนยันว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ชายหนุ่มก็กังวลเกินกว่าจะหลับลง
เสี้ยวหน้าขาวซีดของพสุที่กำลังมองเหม่อไปไกลเป็นสิ่งแรกที่ริวเห็นเมื่อลืมตาขึ้นมา มือของพสุยังกุมมือเขาไว้แน่น
“พี่...” เสียงแหบเบาที่หลุดจากปากเขา ทำให้พสุหันกลับมาทันที
“ริว! รู้สึกตัวแล้วเหรอ?” สีหน้ายินดีจนแทบเป็นร้องไห้ของพสุทำให้ริวงุนงง จนกระทั่งเห็นผ้าปิดแผลสีขาวบนคิ้วของพสุนั่นแหละ เด็กหนุ่มถึงจำทุกอย่างได้...รถของพวกเขาถูกจี้ พสุพาเขาหนี เขาถูกยิง และพสุกอดเขาเอาไว้ในโกดังมืดๆ...นั่นคือสิ่งที่ริวจำได้ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน
“พี่...พี่เป็นไงบ้าง...แล้ว...เราอยู่ไหน?” ริวถามแล้วกวาดตาไปรอบๆ เพดานสีครีมอ่อนๆ ดูเหมือนจะหมุนได้…ริวหลับตาลงอีกครั้งด้วยความวิงเวียน จนรู้สึกว่าหายเวียนหัวถึงลืมตามาจ้องหน้าพสุอีกครั้ง
“เราอยู่ที่โรงพยาบาล ริวถูกยิง แต่กระสุนถากไป โชคดีจริงๆที่ไม่โดนอวัยวะสำคัญ...เจ็บแผลมั้ย...”
พสุไม่ต้องรอให้ริวบอกก็ได้คำตอบ เพราะเพียงเด็กหนุ่มขยับตัว ก็นิ่วหน้าหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ
“อย่าเพิ่งขยับมากนะริว ยิ่งขยับจะยิ่งเจ็บ”
“ริวหิวน้ำ”
“ยังกินไม่ได้ครับ...หลังผ่าตัด 24 ชั่วโมง หมอให้งดน้ำงดอาหารก่อน...อดทนหน่อยนะ อีก 6 ชั่วโมงก็ครบแล้ว”
“...ครับ”
พสุหยิบสำลีชุบน้ำมาเช็ดปากให้ริวจนชุ่ม เพื่อลดอาการกระหายน้ำ แรกๆ ริวก็พอทนได้ แต่พอเวลาผ่านไปสักระยะ เด็กหนุ่มก็เริ่มหิวน้ำจนทนไม่ไหว ลำคอเขาแห้งผาก แสบและระคายอย่างบอกไม่ถูก
“พี่...”
“ครับ”
“หิวน้ำจังครับ”
“ทนหน่อยนะครับ ยังกินไม่ได้นะ”
“ขอจิบนิดเดียวก็ยังดี...แค็กๆ...โอ๊ย!...แค็กๆ...” ริวตัวงอหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ แต่ก็ยังไอไม่หยุดจนพสุตกใจ ชายหนุ่มหันไปกดเนิร์สคอล ครู่เดียวพยาบาลก็เข้ามาดูแล้วบอกให้ริวบ้วนเสมหะออกมาให้หมด เธอปรับเตียงให้ยกขึ้นเพื่อให้ริวลุกบ้วนน้ำลายได้ถนัด
เด็กหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดตลอดเวลา แต่พอพยาบาลขยับจะประคองริวขึ้นนั่งตรงๆ เด็กหนุ่มก็ผงะหนีจนเกือบตกเตียง ดีว่าพสุกระโดดเข้าไปรับไว้ทัน
“โอ๊ย!” เพียงแค่ไอยังเจ็บจนน้ำตาคลอ นี่เด็กหนุ่มพยายามจะขยับตัวจึงเจ็บยิ่งกว่า ริวตัวสั่นเหงื่อแตกพลั่ก ใบหน้าขาวซีดเหยเกซุกกับไหล่พสุด้วยความทรมาน
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำเอง” พสุรับชามรูปไตมาจ่อที่ปากริว แล้วลูบหลังให้เบาๆ
“ริว...บ้วนออกมาให้หมดนะ” พสุลูบหลังริวมือหนึ่ง อีกมือถือชามรูปไตชิดปากริวเพื่อให้เด็กหนุ่มบ้วนเสมหะและน้ำลายได้ถนัด
“พี่...แค็ก...เจ็บอ่ะ” ริวครางแล้วอิงหน้ากับอกพสุด้วยความเจ็บปวด เพียงแค่หายใจก็เจ็บแปลบแล้ว ทุกครั้งที่ไอจึงกลายเป็นความทรมาน
“ครับๆ พี่รู้แล้ว” พสุปลอบพร้อมกับใช้ทิชชูเนื้อนุ่ม เช็ดปากเลอะเทอะให้ พยาบาลสาวใหญ่เห็นอาการประคับประคองอย่างไม่รังเกียจต่อความสกปรกของพสุก็เบาใจ เพราะดูท่าทางคนไข้คงไม่ชอบให้เธอแตะต้องตัวเขา
พอริวบ้วนเสมหะจนหมด พสุก็ค่อยๆ ประคองเด็กหนุ่มลงนอนอย่างระมัดระวัง พยาบาลปรับเตียงให้เอนลงเล็กน้อย เผื่อว่าริวไอขึ้นมาอีก จะได้ไม่ต้องขยับตัวมาก
พสุลูบใบหน้าเปียกเหงื่อชุ่มด้วยความเป็นห่วงและทรมานใจ หากความเจ็บปวดของริวจะแบ่งกันได้ เขายินดีเป็นคนเจ็บเสียเอง ไม่อยากเห็นริวทรมานจนหน้าซีดตัวสั่นแบบนี้เลย
“เดี๋ยวดิฉันจะฉีดยาแก้ปวดให้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
พยาบาลฉีดยาแก้ปวดให้ริวเสร็จก็ออกไป บรูซถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก ตลอดเวลาที่ทุกคนวุ่นวายกัน เขาทำได้เพียงยืนมอง เพราะเขาแตะต้องตัวริวขณะมีสติไม่ได้ ไม่อย่างนั้นริวคงขัดถูตัวเองจนถลอกอีก แม้ระยะหลังๆ อาการเกลียดสัมผัสของริวจะดีขึ้นมาก แต่เขาก็ยังไม่กล้าเสี่ยงอยู่ดี
“ทนหน่อยนะริว...เดี๋ยวยาก็ออกฤทธิ์แล้ว”
ริวพยักหน้ารับ แต่ไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวจะไอซ้ำอีก พสุเหลือบมองนาฬิกาแล้วลอบถอนใจ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะครบกำหนดที่หมอสั่งงดน้ำงดอาหาร ชายหนุ่มได้แต่ภาวนาให้ริวหลับเร็วๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องทรมานเพราะความหิวน้ำไปมากกว่านี้
บรูซเห็นสีหน้ากังวลของพสุก็ลุกหายออกไปจากห้อง ครู่เดียวก็กลับเข้ามายื่นถ้วยใส่น้ำแข็งก้อนเล็กๆ ให้พสุ
“ผมถามหมอแล้ว ให้อมน้ำแข็งได้ แต่ไม่มากนักนะครับ”
“ขอบคุณครับ” พสุรับถ้วยน้ำแข็งด้วยความยินดี ชายหนุ่มตักน้ำแข็งก้อนเล็กๆ ป้อนให้ริวทีละก้อน แม้น้ำแข็งจะก้อนเล็กจนแทบละลายทันทีที่เข้าปาก แต่ก็ช่วยคลายความกระหายไปได้บ้าง เด็กหนุ่มกินน้ำแข็งไปได้ไม่กี่ก้อนก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
พสุนั่งมองใบหน้าหลับใหลของเด็กหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยน โล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อแน่ใจว่าริวหลับสนิทแล้วเพราะช่วงที่หลับเท่านั้นที่ริวจะไม่ต้องทรมานกับความเจ็บปวด ชายหนุ่มหันกลับมาเจอสายตาของบรูซก็หน้าร้อนผ่าว เขาไม่แน่ใจว่าบรูซจะล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับริวหรือไม่ แต่เท่าที่พูดคุยกัน เขาคิดว่าบรูซน่าจะรู้ และถ้าบรูซรู้ อลันก็น่าจะรู้เช่นกัน
“คุณกลับไปพักก่อนก็ได้นะครับ...ผมจะดูแลริวเอง” พสุพูดขึ้นมาเมื่อเห็นบรูซหาว แม้จะยังดูคล่องแคล่วปราดเปรียว แต่เขาคิดว่าบรูซคงอ่อนเพลียไม่น้อย ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าตั้งแต่ช่วยเขากับริวออกมา บรูซได้นอนบ้างแล้วหรือยัง
“ผมว่าคุณนั่นแหละครับที่ควรจะพักให้มากๆ คุณยังมีไข้อยู่ไม่ใช่เหรอ” บรูซตอบแล้วส่งยิ้มใจดีมาให้ ใบหน้าเหมือนบาทหลวงใจดีของบอดี้การ์ดวัยกลางคนทำให้พสุรู้สึกแปลกใจ เขาคิดว่าคนเป็นบอดี้การ์ด น่าจะดูดุ เคร่งเครียด แต่เท่าที่เขาเห็น ทั้งบรูซและเพื่อนๆ ดูใจดีและเป็นมิตรจนรู้สึกอุ่นใจที่มีพวกเขาอยู่ด้วย
“ผมนอนมาทั้งวัน ตาสว่างแล้วครับ”
“คืนนี้คุณริวคงไม่ตื่นขึ้นมาอีกหรอกครับ เพราะยาแก้ปวดคงทำให้หลับยาว ผมว่าคุณควรรีบนอนพัก เก็บแรงไว้พรุ่งนี้ รับรองว่าคุณเจอศึกหนักแน่ ท่าทางคุณริวคงไม่ยอมให้ใครดูแลหรอกครับ นอกจากคุณ” บรูซพยักหน้าให้พสุด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจ
พสุยิ้มเจื่อนๆ ให้ ชายหนุ่มนั่งเฝ้าริวอยู่ไม่นานก็ง่วงจนทนไม่ไหวต้องยอมกลับขึ้นเตียงแต่โดยดี ก่อนจะผล็อยหลับ ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่านอกจากริวจะเจอฤทธิ์ยาแก้ปวดจนต้องนอนยาวแล้ว เขาเองก็อาจโดนวางยาด้วยเหมือนกัน...
.........................................................
-
Attention!
อัพเดตรายชื่อเพิ่มเติมค่ะ
thisispom
wan
n2
tageszeit
tina
rachanok
maicy
aim
mizuths
Namioto
oumoim
RyomasU
Cherry Blossom
Mallochi
maewmeaw
ba_wh99
Hippo
bbyuqin
what.wa
Noir Oz
zeen11
oppee
vava
jackykrub
mach 201
Teesachi
gaygraygirl
minnie_min
แจ้งเลื่อนวันโอนออกไปจนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม นี้นะคะ แต่กำหนดรับหนังสือยังเป็นต้นเดือนมิถุนาคมเหมือนเดิมค่ะ ใครที่ไม่สะดวก หรือโอนไม่ทันกรุณาเมล์มาคุยกันก่อนนะคะ tanjai1991@gmail ดอท com (เลื่อนไปอีกสิบวัน คงไม่ว่าป้าใจร้ายอีกแล้วเน้อ อิอิ)>>> ใครต้องการสั่งเพิ่มเมล์ไปบอกป้าเลยจ้า ^^
ภาคพิเศษ
เป็นคุณจะทำยังไง ถ้ามีคนมาบอกว่า คุณคือ “คู่ผูกวิญญาณ” ของเขาทั้งๆที่คุณและเขาต่างก็เป็นผู้ชาย...ที่สำคัญ เขาคือมนุษย์แปลง ศัตรูตลอดกาลของเหล่าแวมไพร์ แล้วคุณเองก็ดันเป็นลูกครึ่งแวมไพร์เสียนี่!
-
ปาดดดด :-[
-----------------
แล้วอย่างนี้มันจะมาม่ามั้ยเนี่ย
เหมือนอลันแขวะพสุิอยู่เลยว่าไม่ใส่ใจริว :เฮ้อ:
-
อลันพูดใจร้ายจังเลยอ่ะ T^T
เมื่อไรจะหายดีทั้งคู่นะเนี่ย ลุ้นต่อปายยย
บรูซพูดแบบว่า ระวังศึกหนัก อ่ะ คิดไปไกลนู่นแล้ว :laugh: :laugh:
-
><
ถึงโรงพยาบาลซะที !!!
ใกล้จะกลับเมืองไทยแล้วมั้ง ?
เหอะๆ
ขอบอกว่าตอนพิเศษ กรี๊ดมาก
อยากอ่่าน หุหุ
^^
-
ง่า ไม่รู้จะเม้นอะไรอ่ะ
-
น้องริวปลอดภัยแล้ว พี่ไผ่ก็สู้ๆ น๊า
-
อืมม พี่ไผ่ น้่องริว สู้ๆ :กอด1:
-
มิถุนาคมวันจะมากกว่ามิถุนายนอยู่ 1 วันใช่มั๊ยคะ?
อิ อิ :m12:
-
โถๆ อลันพูดใจร้ายไปนิด แต่ก็เข้าใจว่าเพราะเป็นห่วงริวล่ะนะ ^_^"
พสุก็นอนพักเถอะจ๊ะ ทนฝืนเดี๋ยวพอริวฟื้นขึ้นมาเต็มที่แล้วเดี๋ยวไม่มีแรงดูแลนะจ๊ะ
ลุ้นๆจะเป็นยังไงต่อไปหนอออออ
-
ตามทันจนได้สนุกมากเลยค่ะ
ภาคพิเศษนี่มีแต่ในหนังสือหรือคะ
จะมีมาให้อ่านในนี้มั้ยน้อ
-
มิถุนาคมวันจะมากกว่ามิถุนายนอยู่ 1 วันใช่มั๊ยคะ?
อิ อิ :m12:
ว๊ายๆๆ เค้าไม่เกี่ยวนะ ป้าแกส่งมา กร๊ากก
-
ขอให้หนูริวและพี่ไผ่หายไวๆด้วยเถอะ สาธุๆ :call:
-
สั้นจังเลย
เค้าอยากได้ยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่อลันพูดให้พี่ไผ่คิดนะนั้น ว่าควรใส่ใจริวมากกว่านี้
คนเรารักกันแค่ไหนถ้าไม่ถามก็ไม่มีใครจะบอกเล่าเรื่องของตัวเองหรอก
เพราะถ้าพี่ไผ่ย้อนกลับมามองตัวเองสักนิดละก็
จะรู้ว่าที่ริวรู้เรื่องของพี่ไผ่เพราะริวถามไม่ใช่พี่ไผ่เล่า
ริวสู้ๆ
-
น้องริวจุ๊บๆ คิดถึง ดีใจที่ปลอดภัยทั้งสองคน แต่ยังบาดเจ็บทั้งคู่ริวก็อย่าอ้อนพี่ไผ่มากนักนะ :impress2:
จะว่าไผ่ไม่ใส่ใจริวก็ไม่ถูกเท่าไหร่นะ เพราะกว่าไผ่จะยอมรับใจตัวเองก็แทบแย่ :sad11:
-
อืม พสุจะทำไงต่อน้า ลุ้นๆๆๆ
:sad11: :sad11: :sad11:
-
แอบรู้สึกว่าอลันพูดได้ถูกใจจริงๆ ไผ่นาไผ่...ชักช้าจริง
-
อาการประชดประชันของอลันเหมือนแม่ยายเขม่นลูกสะใภ้เลยอ่ะ อย่างนี้ต้องให้ปะป๋าน้องริวมาอุ้มไปซะ :oo1:
ภาคพิเศษตัวเล็กจ้อย แต่น่าสนจัดหนัก
รอหนังจื๋อ มาไวๆ โอมมะลุกกุกกุ๋ย
-
พี่ไผ่ สู้สู้ ใครจะว่ายังไงก็ช่างอย่าถ้อใจนะครับ
สู้เพื่อความรัก สู้เพื่อน้องริวนะพี่ไผ่ :กอด1:
-
กรี๊ดดดดดดดมากกับตอนพิเศษ กำลังบ้าเชื้อสายแวมไพร์ 555
บวกให้ทั้งป้าคนแต่งและคนโพสค่า >3<
-
ริวฟื้นแล้ว :mc4: ยินดี ยินดี
-
พี่ไผ่สู้ๆ :3123: :3123:
-
โถๆ น้องริวกับพี่ไผ่ เจ็บหนักพอกันเลย
ปล. ส่งเมล์สั่งจองหนังสือไปแล้วรอตอบกลับบัญชีที่จะให้โอนค่ะ
-
หายเร็วๆนะคร้า :L2:
ดูเหมือนอลันจะไม่ค่อบชอบพสุแหะ :m28:
-
นานมากแล้วที่ได้ริวของป้า :กอด1:
-
ในที่สุดริวก็รอดปลอดภัย ไผ่ก็ด้วย
แต่แลดูแล้วอลันจะหมั้นไส้ไผ่อยู่น่ะ
ขอให้เรื่องร้ายแบบนี้ผ่านไปเร็วๆ
แต่ตอนพิเศษน่าสนใจมากถึงมากที่สุด
:กอด1: :L2: :pig4:
-
กลับไปอ่านซ้ำตอนที่แล้วมาด้วย ซึ้งตรงที่พี่ไผ่บอกว่า ให้ช่วยริวออกไปก่อนแค่คนเดียวก็ได้ ซึ้งมากๆ
จะรออ่านตอนริวฟื้นมางอแงกับพี่ไผ่นะคะ อิอิ
-
อลันมีแผนแน่แท้
-
สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลย ไรท์เตอร์ด้วยค่ะ ^^
-
ตื่นเร็วๆๆน๊ะ,,,
-
อลันกัดเล็กๆ พอให้ไผ่สะดุ้งเล่นและรู้ตัวสักทีว่าควรใส่ใจเรื่องของริวมากกว่านี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า o13
-
ตามอ่านจนทันตอนล่าสุดแล้ว ชอบค่ะ
ได้ Mail ไปจอง 1 ชุด คงทันนะคะ :o8:
-
รู้ความจริงแล้ว พี่ไผ่อย่ามาคิดมากอีกละ
-
ริวหายเร็ว ๆ นะ
-
กรี๊ดดดดดดดด ในที่สุดพสุก็ได้เจอกับอลัน
ถึงแม้ป๋าอลันจะมาแบบโหดๆ แต่หนูก็ยังชอบป๋านะเคอะ
ปล.ว่าแต่แหม...เมื่อไหร่อลันจะหาย 'โสด'คะเนี่ย หนูริวก็มีพี่ไผ่แล้ว แต่ป๋ายังโสดอยู่เลย คริๆ
-
รออ่านตอนริวฟื้นอีกที จะอ้อนพี่ไผ่แค่ไหนนะ
-
หายเร็วๆนะค่ะ
-
อ่านมาจะจบแล้ว ในที่สุดคุณพ่ออลันก็เผยธาตุแท้ :laugh:
ปากจัดมากอ่ะ อลัน เล่นเอาทั้งมาเฟียทั้งพี่ไผ่ เงียบกริบเลย :m20: :m20: :m20:
-
ตามอ่านจนใกล้ทันตอนล่าสุดเเล้ว เย้ๆ
ชอบตอนพี่ไผ่กับริวหวานกันมากเลยค่ะ
อ่านเเล้วมีความสุขที่สุด
ป.ล.ขอโทษที่ส่งไปจองช้านะคะ ><
-
ไรเตอร์ใจดีมาก ๆ :กอด1:
เดี๋ยวได้เมล์ไปแน่...เพราะไม่ว่ายังไงก็อยากได้อ่ะ(ถึงแม่จะยื่นคำขาดงดเชื่อเบื่อทวงก็เถอะ) :laugh:
ตอนนี้มาแบบแจ้งความคืบหน้าของอาการแต่ละคน...เอิ่ม รู้สึกอลันจะมีอาการเคืองพสุไม่น้อยจากหลาย ๆ เรื่องก่อนหน้านี้ :sad4:
คือจะพยายามเข้าใจเพราะช่วงนั้นก็วีนพสุแหลกเหมือนกัน ยังไงก็ขอให้พสุกับริวหายเร็ว ๆ ก็แล้วกันจะได้ลุกมาหวีดหวานกันต่อให้มดขึ้นจอเหมือนเดิม :o8:
-
สมาชิกใหม่ค่ะ ขอเป็น FC เรื่องนี้อีกคน ชอบมากค่ะ :L1:
ลุ้นให้ไผ่เจออลันอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว ถึงแม้อลันจะติดโหดไปนิดก็เหอะ :monkeysad:
-
น้องริวปลอดภัย พี่ไผ่ก็ปลอดภัย แต่เจ็บหนักเหมือนกัน
ใครจะต้องดูแลใครกันเนี่ยะ ขี้อ้อนซะขนาดนี้
อลันปากร้ายเหมือนกันน่ะเนี่ยะ
ใครจะจัดการกับอลันได้ แม้แต่พ่อริว ยังต้องยอมอลันเลย
เหมือนอลันจะไม่ชอบไผ่ใช่ไหม อย่าเลย สงสารไผ่
-
อลันพูดแรงจัง เจ็บแทนพี่ไผ่ :o12:
-
โล่งอกไปหน่อยที่ฟื้นแล้ว แต่ยังหายใจไม่คล่องอยู่ดี
ไอ้เสือตัวเเสบของป้า :m15:
-
ไม่เป็นอะไรแล้วนะ พี่ไผ่ ริว
สู้ต่อไป o13
เคืองอลันอะ พูดแรงไปนะ
-
ฮึ่ย อลันง่ะ :serius2: แขวะพี่ไผ่ซะ
-
ค้างอะ คนเขียนหายไปนานเลย คิดถึงมากมาย
ทำไมดูอลันไม่ค่อยพอใจพสุเลยน้า แย่จัง :m16:
-
:call: ดีใจที่ริวและไผ่ปลอดภัยแล้ว แต่ดูท่าทางอาจจะมีสงครามเย็นจากอลันรึเปล่า
โกรธไผ่เหรอ ที่ริวเจ็บตัวแบบนี้
แต่ชอบบอดี้การ์ดนะ ดูเข้าใจทั้งริวและไผ่เป็นอย่างดี
จากนี้ไปจะต้องกินมาม่าอีกรึเปล่าเนี่ย ขอเป็นซอฟเค้กได้ม๊าย ไม่ต้องหวานมาก แต่ไม่น้ำตาไหล
-
คำพูดของอลันคงทำให้พี่ไผ่ได้คิด
ต่อไปจะได้สนใจเรื่องของน้องให้มากขึ้น
-
:impress2:
-
+1 :z2: :z2:
-
น่าสงสารอ่า ><
เจ็บหนักทั้งริวแระพี่ไผ่เรยยยย
รีบๆหายน้า
-
อลันขา~ นั่นน่ะลูกสะใภ้นะคะ อย่าแรงค่ะ สงสารพี่ไผ่
ถ้าหนูริวได้ยินเข้า เดี๋ยวอลันจะได้เจอหนูริวเวอร์ชั่นโหดนะคะ :laugh:
กว่าพี่ไผ่จะตรัสรู้ถึงความรักของหนูริว ก็นานมากกกกก
ให้พี่ไผ่ได้ค่อยๆเรียนรู้เรื่องของหนูริวทีละนิดทีละน้อยดีกว่านะคะ
หุหุ รอบนี้มาแบบแปลงกายเป็นแม่ยกพี่ไผ่(ทุกทีแม่ยกหนูริว) 5555+
ป.ล. เป็นห่วงหนูริวมากมาย หายไวๆนะคะ อ๊ะ หรือว่าหายช้าๆดี หนูริวจะได้อ้อนพี่ไผ่เยอะๆ :-[
-
สมน้ำหน้าริว ฟื้นมาคงอดจึ๊กกะดึย กะพสุ ไปหลายเดือน5555
-
ถึงแม้ป๋าอลันจะมาแบบโหดๆ แต่หนูก็ยังชอบป๋านะเคอะ
ปล.ว่าแต่แหม...เมื่อไหร่อลันจะหาย 'โสด'คะเนี่ย หนูริวก็มีพี่ไผ่แล้ว แต่ป๋ายังโสดอยู่เลย คริๆ
เห็นด้วยเลย o13
-
สงสารน้องจังเลย คงเจ็บแย่
ไอ้พวกโจรสองตัวนั่นคงเป็นปุ๋ยไปแล้วมั้ง โทษฐานทำลูกยอดเลือดตกยางออก
-
2ตอนมานี้สั้นจังแหะ
อลันพูดมาตอนนี้ก็ดีเหมือน
ถ้าพี่ไผ่ไปรู้ทีหลังจะโกรธริวอีก
บอกตอนนี้ ถึงประชดประชั้นหน่อยๆแต่ก็ทำให้พี่ไผ่ได้คิดอะเนอะ
-
เฮ้อ ปลอดภัยซะทีนะริว พี่ไผ่
อยากอ่านภาคพิเศษแล้ววววว
-
หนูริวตื่นมาก็อ้อนเลย...55+
ทำไมอลันต้องดุพี่ไผ่ด้วยอะคะ...T_T
พี่ไผ่ก็ป่วยเหมือนกันน้า...ไว้ดุตอนอื่นได้ไหมเนี่ย..
เดี๋ยวรอริวตื่นก่อน..ให้หนูริวดุอลันคืน..55+
-
อลันนายเยี่ยมมาก ทำดีแล้ว อย่างพี่ไผ่ต้องกระตุ้นด้วยคำพูดหรือการกระทำแรงๆในสถานการณ์บีบคั้นนี่แหละ
เหมือนตอนที่ริวลงทุนขับรถชนต้นไม้คราวนั้น พี่ไผ่จะได้หันมาสนใจใส่ใจน้องให้มากขึ้นเสียที
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ขออย่างเดียว
อย่าเพิ่งหื่นตอนหน้า (จะโดนตีนแม่ยกมั๊ยฟร่ะตู)
แบบว่าเค้าสงสารร่างกายทั้งสองคน 555555+
-
โล่งอกไปที ริวปลอดภัย พี่ไผ่ไม่โกรธริวเมื่อรู้ความจริง :z2:
:pig4: คะ
-
อลันคล้ายๆ ว่าไม่พอใจพสุอยูนะนิ :m16:
-
ริวปลอดภัยแล้ว ^ ^
-
ฮิฮิฮิ เรื่องเริ่มเข้าสู่ช่วงหวานเจียบ แบบสองเรามีกันและกัน...
จะว่าไปอลันรู้สึกว่าจะแอบเคืองพสุนะเนี้ย
ประมาณว่า "ก็รู้ว่าไม่ใช่ความผิดนาย แต่เพราะมีนาย บอสฉันเลยต้องออกมาโลกภายนอกแล้วเจ้บตัวแบบนี้"
หรือประมาณว่า "ริวเรียนรู้เอาใจใส่นายทุกอย่า รู้แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆของนาย แต่นาย
ตอนแทนไม่ได้ครึ่งของบอสฉันเลย"
เหอๆ ที่พล่ามมาทั้งหมดนี่ ไม่ใช่เพราะมีอคติเลยจริงๆนะ จริงจริ๊ง....
ไม่ได้อคติที่เด็กน้อยน่ารักอยากริวต้องมาเจ็บหนักเลย
-
ปูเสื่อเจ้าค่ะ :กอด1:
-
ผมส่้งเมล์ไปจองแล้วน๊า~ ><
ได้รับรึยังคับ ?~
-
พี่ไผ่รู้สึกแย่เลยนะเนี้ย... โดนอลันว่าที.. จิงๆอลันคงแค่อยากให้พี่ไผ่ดูแลแล้วก็เอาใจใส่ริวให้มากกว่านี้แหละ...
แต่นะน้องริว...น้องริวเราไม่ช่ายแค่นักร้องคนนึงแล้วนะ.. เป็นถึงเจ้าพ่อตลาดหุ้นด้วยยย.. อิๆๆ เท่มากๆๆ...
อยากรู้จังว่าต่อไปจะเป็นยังไง.. อยากเห็นสองคนเค้าหวานๆให้กัน.. เห้นแล้วกระชุ่มกระช่วย ดีจิงๆ...
แล้วก็อยากให้มีภาค 2 เลยนะเนี้ย.. พี่แต่งเก่งมากๆๆเลยอะ +1 กด like ได้ปะ.. ฮาๆๆๆ..
สนุกๆๆมากๆๆเลยอะพี่...
แต้งส์สำหรับเรื่องดีๆๆน้า..............
-
อลัน นายจะประชด พี่ไผ่ หาอะไรค่ะ
ปล.ฝากตัวเป็นแฟนเรื่องนี้ด้วยนะคะ มาช้าไปป่าวหว่า +1 จ๊า
-
ทำไมรู้สึกว่ารอมานาน แต่มันสั้นจังเน้อ ขอยาวๆส่งท้ายหลายๆตอนบ้างนะคะ :call:
-
o13 o13 o13 o13 o13
ริว หายวันหายคืนนะลูกนะ 55+
-
ทำไมรู้สึกว่ารอมานาน แต่มันสั้นจังเน้อ ขอยาวๆส่งท้ายหลายๆตอนบ้างนะคะ :call:
o13
-
มาให้กำลังใจ
:L2: :กอด1:
-
มาม่า อืดเต็มท้องเยย :oak:
-
พี่ไผ่พักก่อนเถอะค่ะ อย่างที่บรูซว่า ริวฟื้นขึ้นมาคงยอมให้พี่ไผ่ดูแลคนเดียว
-
เอิ่ม~อลันพูดตรงจริง ๆ
พี่ไผ่ถึงกับอึ้งไปเลย
ตอนนี้น้องริวปลอดภัยแล้ว
ยังไงก็สู้ สู้ ทั้งพี่ไผ่ทั้งน้องริวเลยนะ
-
ตามมาจากทู้ 'นิยายแนะนำ เรื่องนี้ต้องอ่าน!' ค่า~ ตอนนี้อ่านไป38 ตอนแล้ว ,, เรื่องน่ารักมากๆเลย ริวเหมือนเป็นเด็กขาดความอบอุ่น แถมยังไร้เดียงสามากๆ อ่านแรกๆสงสารริวมากเลย แต่พอริวพี่ไผ่นี่เปลี่ยนไปเยอะ พี่ก็ตามใจน้องมากเลย ^^ ชอบมากๆ เป็นกำลังใจให้คนแต่งกับคนโพสนะคะ ,, ดีใจที่ยังมาทันเปิดจอง เดี๋ยวจะส่งเมลล์ไปนะคะ
ขอบคุณค่า
-
คิดถึงน้องริว กับพี่ไผ่จัง
อยากบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านจบรอบแรกแล้วจะต้องย้อนมาอ่านอีกรอบนึงเลยค่ะ ชอบภาษา การบรรยายเรื่องราว ดีนะที่เราได้อ่านตอนที่โพสต์ไปใกล้จะจบแล้ว ไม่งั้นอาจลงแดงตายได้
ส่วนเรื่องจองหนังสือ อยากสั่งมากกกกกกอ่านในคอมแล้วปวดตา แต่คงสั่งไม่ได้อ่ะค่ะ เพราะนิยายวาย ถ้าแม่เห็นแย่แน่เลย เง้อออ ~~~ ยังไงรอติดตามตอนต่อไปนะคะ :)
-
:z13:
:z13:
:z13:
:call: :call: :call:
คิดถึงใจจะขาดดดด
-
คิดถึงด้วย :กอด1: ขอสครีมก่อนนอน
-
ยิ่งอ่าน..ยิ่งตื่นเต้น o13
-
:กอด1:
-
โอนเงินเรียบร้อย ได้รับเมล์ตอบรับแล้ว รออัพเดทชื่อเจ้าค่า คิดถึงน้องริว พี่ไผ่จังเลย
-
ตอนที่ 113
เสียงเอะอะโวยวายปลุกให้พสุสะดุ้งตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มเหลียวไปมองรอบๆ อย่างงุนงง ก่อนจะลุกพรวดเมื่อเห็นริวกำลังพยายามจะยันตัวขึ้นจากที่นอน
“อย่าครับบอส เดี๋ยวเลือดออก หยุดเถอะครับ” บรูซห้ามแล้วพยายามใช้ผ้าห่มตะครุบตัวริวไว้ เพื่อไม่ให้มือเขาสัมผัสโดนตัวริวโดยตรง
“ไม่! พี่...พี่เป็นอะไร พี่ไม่สบายเหรอ พี่เป็นอะไรมากหรือเปล่า...โอ๊ย!” ริวตัวงอด้วยความเจ็บปวด เพียงแค่ยันตัวขึ้นจากเตียงแผลก็กระเทือนจนต้องทิ้งตัวลงนอนนิ่งๆ
“พี่ไม่เป็นไรริว...ริวนอนนิ่งๆ เดี๋ยวพี่ไปหาเอง” พสุปลอบร้อนรน แล้วขยับจะลงจากเตียง ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นสายน้ำเกลือที่หลังมือ เพิ่งรู้ว่าเขาก็โดนให้น้ำเกลือด้วย
พสุดันเสาน้ำเกลือเข้าไปหาเตียงริวอย่างทุลักทุเล พอริวยอมนอนนิ่งๆ บรูซก็ไม่ต้องคอยยึดเด็กหนุ่มไว้อีก เขาหันมาปิดเครื่องให้น้ำเกลือแล้วปลดสายออก เพื่อให้พสุเคลื่อนไหวได้สะดวก
“ไหนพี่ว่าพี่ไม่เป็นอะไร แล้วทำไมต้องให้น้ำเกลือละครับ” ริวคว้ามือพสุไปกุมไว้แน่นเมื่อชายหนุ่มถึงตัว เด็กหนุ่มจ้องมองรอยเขียวช้ำรอบผ้าปิดแผลของพสุแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตอนที่ตื่นขึ้นมาครั้งแรกนั้นริวยังไม่รู้ตัวเต็มที่ จึงไม่ทันสังเกตเห็นความบอบช้ำของพสุ
“คุณพสุมีไข้ครับบอส แผลที่คิ้วอักเสบ หมอก็เลยอยากให้นอนพักมากๆ อีกอย่าง ตั้งแต่มาโรงพยาบาล คุณพสุก็ทานอาหารได้น้อยมาก ต้องให้น้ำเกลือถึงจะช่วยให้หายอ่อนเพลียเร็วขึ้น”
“พี่เจ็บมากมั้ย” ริวไม่สนใจในสิ่งที่บรูซพยายามอธิบาย เด็กหนุ่มรอเพียงคำตอบจากปากพสุเท่านั้น
“ไม่หรอก แค่ตึงๆ” พสุบอกเสียงนุ่ม แล้วบีบมือตอบ ริวยกมืออุ่นๆ ของพสุขึ้นแนบแก้มแล้วขมวดคิ้วเมื่อพบว่าผิวสัมผัสอุ่นจัดกว่าปกติ
“แต่หน้าพี่บวมนะครับ...ตัวก็ยังร้อนอยู่เลย”
“พี่ไม่เป็นไรหรอก ริวล่ะ เจ็บแผลหรือเปล่า” พสุถามเพราะสังเกตเห็นอาการนิ่วหน้าตอนสูดหายใจลึกของริว
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำเสียงแผ่ว พสุดึงเชือกเสื้อคนไข้ที่เด็กหนุ่มสวมแล้วแหวกดูที่แผล ชายหนุ่มหน้าเสียเมื่อเห็นรอยเลือดสดๆ ซึมผ่านผ้าก๊อซออกมา
“คุณบรูซครับ ริวเลือดออก”
“ผมจะเรียกพยาบาลให้ครับ” บรูซบอกแล้วรีบร้อนออกไป ทั้งที่ความจริงกดเนิร์สคอลจากในห้องก็ได้ แต่ชายหนุ่มต้องการเปิดโอกาสให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพังบ้าง ริวจะได้เลิกอาละวาด
“เรียกทำไมก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็มาฉีดยาอีก ริวยังไม่อยากนอนตอนนี้นะ ริวอยากคุยกับพี่”
“แผลริวเลือดออก ยังไงก็ต้องให้พยาบาลดูให้ก่อน...แล้วดูสิ ดิ้นไปดิ้นมา เลือดไหลย้อนแล้วเห็นมั้ย” พสุเตือนด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับวางมือริวให้ต่ำลง เพื่อให้เลือดที่ไหลออกมาคาในสายน้ำเกลือไหลกลับเข้าไป ริวไม่ได้สนใจอาการตัวเอง เด็กหนุ่มจ้องมองรอยช้ำบนใบหน้าของพสุแล้วนิ่วหน้าด้วยความเจ็บใจ
“หน้าพี่ช้ำด้วย...ถ้าไม่เพราะพี่บังให้ริว พี่คงไม่เจ็บตัว”
“แค่นี้เอง ไม่เจ็บเท่าที่ริวโดนยิงหรอกน่า” พสุลูบมือเด็กหนุ่มเบาๆอย่างเอาใจ
บรูซกลับเข้ามาพร้อมพยาบาล พอเธอเห็นว่าพสุปลดน้ำเกลือออกแล้วก็หันไปมองหน้าบรูซ บอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่ยักไหล่เหมือนจะบอกว่าเขาไม่มีทางเลือก
“คงเพราะเคลื่อนไหวมากเกินไป เลือดก็เลยซึมออกมา...ยังดีนะคะที่แผลไม่ฉีก ไม่อย่างนั้นคงต้องเย็บกันใหม่” พยาบาลขู่ด้วยสีหน้านิ่งๆ แล้วหันมามองน้ำเกลือของพสุเป็นเชิงถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับแล้วยื่นแขนให้ เธอจึงต่อสายน้ำเกลือบนหลังมือพสุอย่างเดิม
“ยังไงคุณก็ต้องพักผ่อนให้มากๆนะคะ” พยาบาลเตือนพสุซ้ำแล้วออกไปจากห้อง
“พี่...เจ็บมั้ย” ริวลูบปลายนิ้วพสุเบาๆ ตายังจ้องที่สายน้ำเกลือบนหลังมือพสุเขม็ง ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วยกมือข้างว่างขึ้นลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ
“ไม่หรอก แผลริวเจ็บกว่าพี่เยอะ อย่าเคลื่อนไหวมากสิครับ เดี๋ยวเลือดออกอีก”
“แต่ริวไม่อยากนอนแล้ว”
“อย่าดื้อสิครับ...นอนเถอะ พักมากๆ แผลจะได้หายเร็วๆรู้มั้ย”
“ริวยังไม่ง่วงนี่...”
“ถ้าริวไม่ยอมนอน เดี๋ยวพยาบาลเขาฉีดยานอนหลับให้หรอก ไหนว่าไม่ชอบถูกฉีดยาไง” พสุขู่ยิ้มๆ แล้วบีบจมูกโด่งเบาๆ เป็นเชิงหยอกเย้า ริวถอนหายใจเฮือก หน้างอง้ำ แต่ก็ยอมนอนนิ่งๆ ไม่ถึง 5 นาทีเด็กหนุ่มก็หลับสนิท
พสุได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู ชายหนุ่มนั่งกุมมือริวไว้ไม่ปล่อย แม้เด็กหนุ่มจะหลับไปแล้วก็ตาม แต่ฤทธิ์ยาทำให้พสุฝืนอยู่ได้ไม่นานก็ฟุบหลับ มือยังกุมมือริวไว้แน่นจนบรูซต้องค่อยๆแกะออก
“ผมช่วยครับ” พอลอาสา แล้วปราดเข้ามาช้อนตัวพสุขึ้นอุ้มไปวางบนเตียงโดยที่บรูซยังไม่ทันอนุญาต บรูซ เลื่อนเสาน้ำเกลือตามเพื่อไม่ให้สายน้ำเกลือตึงเกินไป พอห่มผ้าให้พสุเรียบร้อย บรูซก็พยักหน้าให้พอลออกไปจากห้อง
“ผมเฝ้าให้มั้ยครับ หัวหน้าจะได้พักบ้าง” พอลถามอย่างกระตือรือร้น แต่แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆจางหายไปเมื่อเห็นดวงตานิ่งเย็นของบรูซ
“ไม่ต้องหรอกพอล ชั้นดูแลเองดีกว่า อีกอย่าง บอสไม่คุ้นกับนาย เกิดอาละวาดขึ้นมา นายจะเอาไม่อยู่”
“ครับ” พอลรับคำหน้าจ๋อย แล้วเดินคอตกออกจากห้อง
บรูซถอนใจยาว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพอลคิดอะไร เป็นความผิดเขาเองที่มอบหมายหน้าที่อารักขาพสุให้พอล อายุที่ไล่เลี่ยกัน กับเวลานับปีที่ต้องติดตามดูแลผู้ชายเจ้าเสน่ห์แบบพสุ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่พอลจะตกหลุมรักพสุ
พอรู้ว่าทีมบรูซจะตามมาอารักขาพสุกับริวที่อเมริกา พอลก็แทบจะคุกเข่าอ้อนวอนขอมาด้วย ยอมทิ้งทีมของตัวเองไว้ที่เมืองไทยเพื่อตามพสุไปทุกหนทุกแห่ง
“บิล” ร่างที่ซ่อนอยู่ในเงามืดก้าวออกมาราวกับเล่นกล
“ส่งตัวพอลไปอยู่กับคุณอลัน แล้วให้เจฟฟรี่มาแทน”
“พอลมันจะยอมเหรอ”
“ไม่ยอมก็ต้องยอม บอกไปเลยว่าเป็นคำสั่งของชั้น” บรูซเสียงเย็นยิ่งกว่าเดิม เป็นอันรู้กันว่าเขาเอาจริงแน่
พอลมีทางเลือกเพียงสองทาง คือหนึ่ง เชื่อฟังและยอมถูกส่งกลับไปฝึกใหม่ หรือสอง ลาออกไป เพราะการ์ดที่หลงรักเป้าหมายของตัวเอง ถือว่าขาดคุณสมบัติพื้นฐาน เกินกว่าจะได้รับความไว้วางใจให้เป็นการ์ดต่อไป
“ครับ” บิลรับปากแล้วจากไปอย่างรวดเร็วไร้ร่องรอยเหมือนขามา บรูซ ถอนใจยาวแล้วทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ระหว่างเตียงพสุและริว เขาต้องตัดไฟแต่ต้นลม ต้องให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะยังอยู่ในความควบคุม จะปล่อยให้ความเห็นอกเห็นใจมาสร้างปัญหาให้ในภายหลังไม่ได้เด็ดขาด
.................................................................
ก่อนสว่างอลันก็ปรากฏตัวเงียบๆในห้องผู้ป่วย สีหน้าเหน็ดเหนื่อย แสดงว่าคงเพิ่งเสร็จธุระแล้วตรงดิ่งมาโรงพยาบาลโดยไม่ได้พัก เขาจ้องมองริวด้วยสายตาอ่อนโยนห่วงใยอยู่ครู่หนึ่ง ก็หันมาพยักหน้าให้บรูซ แล้วเหลือบมองพสุแวบเดียวก่อนออกจากห้อง บิลเดินสวนเข้าไปในห้องแทนทันที ระหว่างที่บรูซออกมาคุยกับอลันข้างนอก
“เขาเป็นไงบ้าง”
“น่าสงสารครับ ห่วงบอสจนไม่ห่วงตัวเอง ถึงขนาดฝืนฤทธิ์ยานอนหลับจนอาเจียน...ให้พักก็ไม่ยอม ผมถึงต้องขอให้หมอช่วยฉีดยานอนหลับให้ ไม่งั้นคงทรุดไปแล้ว”
“ก็ควรต้องเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ เพราะถ้ากลับกัน หากคนที่โดนยิงเป็นเขา ริวคงห่วงแทบคลั่งแน่ๆ”
“คุณอลัน...เด็กสองคนนี้รักกันมากนะครับ...ผมรู้ว่าคุณรักบอสเหมือนลูกแท้ๆ ถึงเจ็บร้อนแทนไปหมดทุกอย่าง แต่พสุยังเด็ก เขาอายุห่างกับบอสไม่กี่ปีเท่านั้น ถึงจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขนาดไหน เขาก็อาจตัดสินใจพลาดไปบ้าง แต่เขาทำทุกอย่างด้วยความรักความหวังดีต่อบอสไม่ใช่เหรอครับ...ผมเฝ้าดูพวกเขาอยู่ตลอด ผมแน่ใจนะว่านอกจากคุณ คนที่รักและหวังดีกับบอสมากที่สุดก็คือเขา”
อลันเม้มปากแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น แม้จะไม่พอใจที่ถูกบรูซตำหนิ แต่เขาก็ให้ความนับถือบรูซในฐานะพี่ชายมากกว่าลูกจ้าง นอกจากเขา บรูซเป็นอีกคนที่ดูแลริวมาตลอด ดูแลมาก่อนที่เขาจะรับผิดชอบริวในฐานะลูกบุญธรรมด้วยซ้ำ
สำหรับพนักงานคนอื่นๆ เขาคือนายจ้าง แต่สำหรับบรูซ นายจ้างของบรูซคือริวคนเดียวเท่านั้น แม้ว่าคนจ่ายเงินเดือนให้จะเป็นอลันก็ตาม
“อย่ามองเขาในแง่ร้ายนักเลยครับ...ถึงยังไง เขาก็คือคนที่บอสรักนะครับ” บรูซย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ขณะที่อลันได้แต่ถอนใจเฮือกยาวอย่างหงุดหงิด รู้ เข้าใจ แต่ก็ยังไม่วายขุ่นเคืองใจอยู่ดี
“ก็ตามนั้น...ฝากด้วยนะบรูซ ช่วงนี้ฉันคงไม่มีเวลาเข้ามาบ่อยๆ”
“ครับ” บรูซรับคำแล้วยืนมองตามหลังอลันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับไปรับหน้าที่ในห้องพิเศษ
...............................................................
ริวตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงพูดคุยกันเบาๆ เด็กหนุ่มเหลียวไปมองรอบๆ ก็พบว่าเตียงพสุถูกรูดม่านไว้โดยรอบ บรูซขยับเข้ามาใกล้ทันทีที่เห็นริวตื่น
“รูดม่านรอบเตียงโน้นทำไม” ริวถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“พยาบาลเช็ดตัวให้คุณพสุอยู่ครับบอส”
“เช็ดทำไม ใครอนุญาต!” ริวกระชากเสียงห้วนด้วยความขุ่นเคือง เช็ดตัวก็แปลว่าพยาบาลต้องได้เห็นพสุเปลือยอย่างนั้นเหรอ?...ทำไมคนอื่นถึงชอบมาแตะต้องของๆเขากันนัก
“จำเป็นครับ คุณพสุยังมีไข้และอ่อนเพลียมาก ต้องเช็ดตัวให้ไปก่อน ไว้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้ หมอถึงจะยอมให้อาบน้ำเองครับ”
“หมายถึงชั้นด้วยสินะ” ริวถามเสียงหลง เพิ่งรู้ตัวว่าเขาเองก็ถูกเช็ดตัวตอนที่หลับอยู่เหมือนกัน
“ครับ”
ริวหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ แม้จะเห็นแล้วว่าพยาบาลที่มาเช็ดตัวให้ เป็นสตรีสูงวัยแล้ว แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่วายหงุดหงิดใจอยู่ดี
“ลากเตียงชิดกันได้มั้ย” ริวถามทันทีที่พยาบาลออกไปจากห้อง แต่บรูซส่ายหน้าช้าๆ
“คงไม่ได้ครับ...ติดอุปกรณ์พวกนี้” บรูซชี้ไปที่อุปกรณ์ช่วยชีวิตข้างเตียงริว
“งั้นก็ขยับเตียงโน้นมาสิ”
“ถ้าไปขยับเตียงตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้คุณพสุตื่นนะสิครับ”
“โน่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ อะไรนักหนา” ริวเริ่มอาละวาด แต่ไม่กล้าเสียงดัง เพราะเกรงพสุจะตื่นอย่างที่บรูซขู่ไว้
“คุณพสุห่วงบอสมากนะครับ เมื่อคืนก็นั่งเฝ้าจนฟุบหลับอยู่ข้างเตียง นี่ถ้าตื่นคงมานั่งเฝ้าไม่ยอมกลับไปนอนอีก ตอนนี้ร่างกายเขายังไม่แข็งแรงนัก ควรจะได้พักมากๆ จริงมั้ยครับบอส” บรูซเตือนยิ้มๆ จับทางได้แล้วว่าถ้าอยากให้ริวทำอะไร ต้องยกเรื่องพสุมาอ้าง เพราะริวให้ความสำคัญกับพสุมากเสียจนไม่กล้าดื้อ ถ้ารู้ว่าสิ่งนั้นจะกระทบกระเทือนถึงพสุ
“รู้แล้ว!” ริวกระแทกเสียงเบาๆ แล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมถึงคอ สายตาจับจ้องอยู่แต่ใบหน้าซีดเซียวของพสุด้วยความเป็นห่วง แม้จะอยากจับมือ อยากกอดพสุแค่ไหน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าเอาแต่ใจ เพราะห่วงว่าพสุจะไม่สบายหนักกว่าเดิม เด็กหนุ่มนอนมองพสุจนผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าพสุมานั่งอยู่ข้างเตียงเขาแล้ว
“พี่...เป็นไงบ้าง” ริวถามเสียงแหบเบา พสุส่งยิ้มให้แล้วปรับเตียงให้ตั้งขึ้น ก่อนจ่อหลอดน้ำถึงปาก ริวรีบดื่มทันทีด้วยความกระหาย เด็กหนุ่มหน้าแหยเมื่อรู้ว่าเป็นน้ำอุ่น แต่ความหิวทำให้จำต้องฝืนกินจนหมดแก้ว
“ริวไม่ชอบ...”
“พี่รู้ครับ ว่าริวไม่ชอบน้ำอุ่น แต่น้ำอุ่นๆจะช่วยขับเสมหะ บรรเทาอาการระคายคอดีกว่าน้ำเย็นนะ” พสุปลอบแล้วลูบแก้มที่ระคายด้วยไรหนวดเบาๆ ชายหนุ่มสะดุ้งเมื่อริวฉวยมือเขาไปจูบแล้ววางแปะไว้บนอก พสุรีบหันไปมองทางที่บรูซนั่งอยู่ แต่พบกับความว่างเปล่า จึงลอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
“หิวมั้ย...”
“ไม่ครับ แต่แสบท้อง”
น้ำหวานชงอุ่นๆ ถูกนำมาเปลี่ยนแทนน้ำอุ่นธรรมดา ถึงจะไม่ชอบ แต่ในเมื่อคนป้อนถึงปากเป็นพสุ ริวก็ไม่กล้างอแง เด็กหนุ่มกินน้ำไปมองหน้าคนป้อนไป เห็นสายตาอ่อนโยนห่วงใยจากพสุ อาการหงุดหงิดขุ่นเคืองก็ปลิวหายไปอย่างง่ายดาย ริวถือโอกาสลูบแก้ม จูบมือเบาๆ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่เมื่อบรูซเปิดประตูเข้ามา พสุก็รีบดึงมือริว ออกจากแก้ม มากุมไว้แทน
ตอนแรกริวก็ขุ่นใจที่บรูซเข้ามาขัดจังหวะ แต่เมื่อเห็นบิลตามหลังบรูซเข้าไปจัดของรอบๆเตียงพสุโดยไม่ต้องสั่งซ้ำเด็กหนุ่มก็หายขุ่นเคือง
“ทำอะไรกันครับคุณบรูซ” พสุถามงงๆ เมื่อเห็นบอดี้การ์ดของริวจัดข้าวของระหว่างสองเตียงออกจนหมด แล้วเลื่อนเตียงของเขาขยับเข้ามาจนเกือบชิดกับเตียงของริว
“อยู่ห่างๆพี่แล้วริวเหงานี่ครับ” ริวบอกเสียงอ้อนๆ เพราะบรูซกับบิลเลื่อนเตียงเสร็จก็ออกไปจากห้องทันที
“ริว...มันไม่เหมาะนะ ถ้าหมอหรือพยาบาลเข้ามาเห็นเขาจะว่ายังไง”
“ริวอยากอยู่ใกล้ๆพี่นี่นา...แต่ถ้าพี่ไม่พอใจ ริวให้เขาเลื่อนกลับที่เดิมก็ได้ครับ” สีหน้าหงอยๆ ตาเศร้าสร้อยของเด็กหนุ่มทำให้พสุใจอ่อนได้ตามเคย ชายหนุ่มลูบแก้มนุ่มอย่างอ่อนโยนและเอาใจ
“ไม่ต้องหรอก...ช่างเถอะ เลื่อนมาแล้วนี่ เดี๋ยวคุณบรูซกับคุณบิลเขาจะว่าเอา”
“พี่ไม่โกรธริวนะ”
“ไม่โกรธหรอกครับ ถ้าริวจะยอมนอนซะที ดูสิ ตาปรือขนาดนี้ยังฝืนอยู่อีก”
“นอนก็นอนครับ แต่พี่อย่าเพิ่งปล่อยมือริวนะ ให้ริวหลับก่อนนะ อย่าเพิ่งไปไหน”
“ครับ พี่รู้แล้ว รับรองว่าพี่จะจับมือริวไว้แน่นๆเลย นอนซะนะ”
เพราะเตียงอยู่ห่างกันเพียงโต๊ะเล็กๆ คั่น พอริวหลับพสุก็กลับขึ้นบนเตียงตัวเองได้สบายๆ ไม่ต้องคอยลากเสาน้ำเกลืออีก ชายหนุ่มหลับไปจนบ่ายคล้อย มารู้สึกตัวตอนที่พยาบาลเข้ามาปลดน้ำเกลือและทำแผลให้ใหม่
“แผลแห้งดีมากเลยค่ะ น่าอิจฉาคนหนุ่มสาวตรงนี้แหละ เจ็บป่วยอะไรก็ฟื้นตัวเร็ว” พยาบาลสูงวัยบอกยิ้มๆ แล้วเก็บอุปกรณ์ทำแผลออกไป เธอไม่ทักสักคำเรื่องที่เตียงเลื่อนมาจนแทบชิดกัน ทำให้พสุโล่งอกแม้จะยังรู้สึกเขินอยู่บ้างก็ตาม
พสุเพิ่งรู้ตัวว่าหิวตอนที่อาหารเย็นหน้าตาน่ากินถูกยกเข้ามาก่อนเวลา แม้จะเจริญอาหารแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็จัดการกับอาหารชุดเต็มยศขนาดนี้ไม่หมดอย่างแน่นอน พสุชะงักเมื่อเห็นว่าอาหารของริวมีเพียงซุบน้ำใสถ้วยเดียว ถึงจะเข้าใจว่าหลังผ่าตัด ริวต้องกินแต่อาหารแบบนี้ แต่ก็อดสงสารไม่ได้ จึงขอร้องให้บรูซยกถาดของเขาออกไปก่อนที่ริวจะตื่นขึ้นมาเห็น
และเป็นไปอย่างที่คาด ริวกินซุปไปเพียง 2-3 คำก็เบือนหน้าหนี เด็กหนุ่มไม่ชอบอาหารประเภทนี้ แต่ที่ฝืนกินเพราะแสบท้องจนทนไม่ไหว พสุจึงต้องชงน้ำหวานให้ริวกินแทน
“พี่หายไข้แล้วเหรอครับ?” ริวถามเมื่อสังเกตเห็นว่าพสุไม่ต้องให้น้ำเกลืออีกแล้ว
“ดีขึ้นแล้วล่ะ กินอาหารได้ปกติแล้ว”
“ดีจัง...ริวห่วงพี่แทบแย่...แล้วแผลที่คิ้วละครับ ยังเจ็บอยู่ใช่มั้ย”
“ไม่หรอก จริงๆถ้าไม่ไปถูกก็ไม่เจ็บแล้วล่ะ แต่...รอยช้ำมันยังชัดอยู่น่ะ”
พสุตอบแล้วขยับผ้าห่มขึ้นคลุมให้ถึงอก ยังไม่ทันถอยมานั่ง ริวก็คว้ามือเขาไว้
“ริวคิดถึงพี่จัง”
“อะไร...คิดถึงได้ไง พี่ก็อยู่กับริวตลอดนี่” พสุตอบขำๆ แล้วชำเลืองมองไปทางบรูซ ก็พบว่าเขาออกไปจากห้องแล้ว จึงลอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
“ก็คิดถึงนี่นา” ริวทำเสียงงอแง แล้วยกมือพสุขึ้นหอม ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ปล่อยให้ริวจูบมือเขาเล่น ขณะที่อีกมือก็จับปอยผมที่เริ่มยาวของเด็กหนุ่มให้พ้นแก้มเซียว
“แล้วจะให้พี่ทำไงครับ นั่งจับมือริวไว้จนกว่าริวจะหลับดีมั้ย”
“ริวก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่...ไม่เอาดีกว่า ถ้าพี่ไม่พักมากๆเดี๋ยวไข้กลับจะทำไงละครับ ริวไม่อยากเห็นพี่ต้องให้น้ำเกลืออีกแล้ว” คำตอบของริวทำให้พสุตื้นตัน ไม่ว่าจะเอาแต่ใจตัวเองแค่ไหน แต่สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับริวก็ยังเป็นเรื่องของเขาอยู่ดี แม้จะนึกอยากจูบแก้มเพื่อให้รางวัล แต่ก็ติดตรงที่บรูซอาจจะเปิดประตูเข้ามาได้ตลอดเวลา ทำให้พสุไม่กล้าทำอย่างที่ใจคิด
“งั้นจะทำไงดีละครับ”
“จริงๆ พี่ก็นอนเตียงโน้น แล้วจับมือริวไว้ก็ได้”
“ก็ดีนะ” พสุตอบรับแล้วเลื่อนตัวขึ้นไปบนเตียงของตัวเอง
“ฝันดีครับ”
“พี่ด้วยนะครับ ฝันดี ฝันถึงริวคนเดียวนะ”
“คร้าบ” พสุรับคำแล้วหัวเราะเบาๆ แต่มือของทั้งคู่ยังจับกันไว้ แม้ว่าจะหลับไปแล้วก็ตาม
................................................................................
-
เข้ามาจิ้ม...ดีใจอ่ะ ในที่สุดก็ได้อ่านต่อ :กอด1:
....................
เมื่อไหร่ริวจะหายแล้วได้กลับไทยซักทีเนี่ย...คุณอลันก็ใจร่ม ๆ นะคะ เรื่องมันแล้วไปแล้วตอนนี้พสุก็รักแล้วก็ตามใจน้องริวทุกอย่างแล้ว :o8:
-
อ้า..จิ้มไม่ทัน
อลันน่ะ ขี้หวงจริ๊ง
ส่วนพอลนี่ เหมือนจะนำมาซึ่งปัญหาเลย อูวอา รอคอยตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อครับ :man1: :impress2:
-
พสุมีเสน่จิงๆๆ พอลถึงกับหลงเลยอะ.. แต่ยังไงพี่ไผ่ก็คือคนของริวนะ.. ห้ามยุ่งเด็ดขาดด...
น้องริวนี่เชื่อฟังกับพี่ไผ่คนเดียว... ฮาๆๆ.. เป็นบอสของทุกคนแต่เป็นเด็กน้อยน่ารัก ตัวใหญ่ของพี่ไผ่..
รักน้องริวกับพี่ไผ่จัง.. พี่ไผ่ดูแลริวดีๆๆๆนะจ๊ะ..
อลันเปิดใจให้พี่ไผ่ด้วยนะ... ยังไงไผ่ก็คือคนที่ริวรัก.. แล้วพี่ไผ่ก็ดูแลริวจากใจจิงน้า....
รีบมาต่อเร็วๆๆนะฮับ.. อยากอ่านมากๆๆอะ....
-
หวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อลันพึ้งรู้สึกตัวว่าต้องเป็นพ่อที่หวงลูกที่จะออกจากอ้อมอก
เลยต้องแสดงออกเพื่อให้รู้ว่าพี่ไผ่รักจริงหวังแต่ง
แล้วงานที่เมืองไทยละเป็นไงบ้าง
แต่หลายตอนมานี้ไรเตอร์ใจร้าย
แต่ละตอนสั้นมากเลย
จะแกล้งให้คนอ่านลงแดงเพราะความอยากรู้แน่เลย
:sad4:
-
ห่วงหาแลอาทรกันจริงคู่นี้ (คนอ่านยิ้มแก้มปริก)
ส่วนที่อลันไม่พอใจ พสุ นี่เกิดจากความอิจฉาที่มีอยู่ในใจหรือเปล่าครับ
ที่เห็นริวคนที่ตัวเองดูแลมาตั้งแต่เด็ก ให้ความสนใจพี่ไผ่มากกว่าตัวเอง
+1 พร้อมกอดน้องริวกับพี่ไผ่แน่นๆ :กอด1:ให้หายคิดถึง
-
น่ารัก
แต่ว่าพสุก็ยังห่วงภาพลักษณ์อยู่ดี :m16:
-
โอ้ย~ หวานจับจิตจับใจเหลือเกิ๊นๆ
'อั้ยยะ~ อลันขี้หวงง่าว ^^' :mc4:
-
น่ารักกันทั้งค่เลย
-
อ่า หวานให้ได้ชื่นใจ~~~
-
พ่ออลันจ๋า ต้องทำใจเน้อ ลูกชายจะออกเรือนแล้ว เลิกหวงได้แล้วๆๆ
ถ้าเหงาที่ลูกริวจะหนีไปมีครอบครัว พ่ออลันก็หาใครมาเป็นครอบครัวสักทีสิ :o8:
คุณมาเฟียก็น่าสนนะคะ เพราะเป็นพ่อเหมือนกัน :laugh:
-
อิตาพอลเนี่ย รู้สึกจะเป็นฉนวนปัญหาที่จะผูกเรื่องต่อไหมเนี้ย!!!
-
หรือบรูซจะแอบชอบอลัน?
-
:man1:กอดพี่ไผ่กับหนูริวแน่นๆ
-
อลันเป็นคุณพ่อที่หวงลูกได้น่ารักน่าหยิกมากๆ อะ เขาชอบ อิอิ :laugh: :laugh:
ส่วนผสุ เสน่ห์แรงจริงๆ ใครเข้าใกล้ก็รักก็หลง :z1:
-
ก็รักกันขนาดนี้ใครจะมาแยกจากกันได้ล่ะ อลันทำตัวเป็นพ่อหวงลูกสาวเลย เขม่นลูกเขยล่วงหน้า :impress2:
-
หูย หวานอะไรจะปานนี้
แบบนี้ ริวไม่ต้องกินน้ำหวานที่พี่ชงก็ได้มั้ง :haun4:
-
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกตื้นตัน อบอุ่นไปหมดเลย ฮ้า~ :m1:
อ่านไปยิ้มไป ปวดแก้มไปหมดอ่ะ คู่นี้เค้าน่ารักกันจริงๆเล๊ย น่าร๊ากกกก
ส่วนอลัน เข้าใจความรู้สึกของอลันนะคะ
คงจะไม่ค่อยชอบพี่ไผ่ เพราะเมื่อก่อนพี่ไผ่แกน่ะ ร้ายจะตาย!! :laugh:
แต่ตอนนี้พี่ไผ่ก็เปลี่ยนตัวเองได้เย๊ออออแล้วนะคะ มองพี่ไผ่ในแง่ดีได้แล้วเน้อวว
ว่าแต่เค้าชอบหนูริวอ่ะ อยากเอามากอด มาฟัดแก้มแรงๆให้ชื่นใจจังเลย :laugh3:
ป.ล. แง๊ พี่ไผ่ขา~ เหมือนพี่จะเป็นโรคขี้ระแวงคนอื่นเห็นเลยง่ะ(มีด้วย??)
โรคนี้หนูริวยังรักษาให้ไม่หายอีกหรือคะเนี่ย!? ปลดปล่อย เอ๊ย ปล่อยวางบ้างก็ดีนะคะเพ่ :try2:
-
:L2: :L2:
-
:L1: :กอด1: :L1: อบอุ่นมากๆ :กอด1:
-
จริงๆ พสุก็อายุแก่กว่าริวไม่กี่ปีเอง แต่รู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าริวเยอะมากเลย
-
หวานกันทุกที่ ที่สถานการณ์อ่ะคู่นี้ หุหุ
-
ก็รักกันขนาดนี้ใครจะมาแยกจากกันได้ล่ะ อลันทำตัวเป็นพ่อหวงลูกสาวเลย เขม่นลูกเขยล่วงหน้า
ถะ...ถูกต้องนะค้าบบบบบบบบ อยากกดไลท์รัวๆ อิอิ ชอบบบบบบบ :laugh:
-
ตอนแรกยังคิดอยู่เลยว่าใครจะหายป่วยก่อนกัน..55+
พี่ไผ่ทั้งโอ๋ทั้งเอาใจ...ริวหายเร็วแน่ๆเลยคะ
เพึ่งรู้ว่าอลันแอบเคืองพี่ไผ่...แต่หนูริวเค้ารักพี่ไผ่แล้วอ่า..ยังไงอลันก็ยอมตามใจอยู่แล้วเนอะ...
ลุงบรูซเดี๋ยวนี้เอะอะอะไรก็อ้างแต่พี่ไผ่...เรียกชื่อนี้บ่อยมากอะ..55+
-
เหอๆ ผลัดกันรักผลัดกันหวง ผลัดกันห่วงแบบนี้ แผลก็ยิ่งเปิดร่างกายยิ่งหายช้าอะสิ
รักกันจริงๆสองคนนี้ กะอยู่โยงเฝ้าโรงพยาบาลกันสองคนหรือไงเนี้ย ฮิฮิ
แล้ว... สงคนนั้น อลันเหมือนพ่อตาหวงลูกสาวเลย ส่วนคุณบอดี้การ์ดเหมือนคุณแม่ที่
ถึงลูกจะไม่รัก แต่ก็รักลูกมากพยายามเคลียปัญหาให้ลูกชาย
อา... ช่างเป้นครอบครัวแปลกๆที่น่ารักอะไรแบบนี้นา...
ฮิฮิ
-
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกหวานนิดๆ อ่ะ ขอหวานกว่านี้ได้ไหมน้อ :impress2:
-
ห่วงใยดูแลกัน ได้น่ารักมาก
-
ที่ไทยเปนไงบ้างนะ วุ่นวายตายเลย :เฮ้อ:
-
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกดีจัง :o8:
:pig4: คะ
-
ริวสุดยอดของการรัก ห่งและหวงไผ่จริงๆ
เข้าใจว่าห่วงแต่ช่วยดูแลตัวเองด้วยน่ะริว
ไผ่ก็ด้วยอย่าลืมดูแลตัวเองเห็นหวานๆกันแบบนี้แล้ว
ถ้ากลับไทยขอให้หวานกันแบบนี้อยู่เรื่อยๆน่ะ
อลันคุณพ่อจอมหวงลูก
:กอด1: :L2: :pig4:
-
หรือบรูซจะแอบชอบอลัน?
กรี๊ดดดดดด แอบคิดคล้ายๆเค้าเลย แต่เค้าแอบคิดว่าสองคนนั้นต่างคนต่างแอบชอบกัน คิคิ
-
:L1:ให้พี่ไ่ผ่กะน้องริว อยากให้อยู่อเมริกาตลอด แต่คงเป็นไปไม่ได้ ยังไงไผ่ก็ต้องกลับไทยแน่นอน
-
ดีจัง ใกล้หายแล้ว
คุณอลัน ใจร่มๆ
บรูซนี่อบอุ่น เด็ดขาดดีจัง
-
แหมๆๆ ไม่นึกว่าจะได้เห็นอารมณ์คุณพ่อหวงลูกชายจากอลันนะเนี้ย
ดีจัง
-
โอ๊ยน่ารักว่ะครับ
อ่านไปอมยิ้มไป จะน่ารักกันไปไหนครับพี่น้อง
ส่วนอลันก้นะ อย่าคิดอะไรมากมายเลย มีไผ่หรอกนะริวถึงทำตัวน่ารักอย่างนี้
-
คิดถึงตั้งนานนนน
น้องริวตื่นมาก็เอาแต่ใจเลย
ฮ่าๆๆ
อยู่ในถิ่นตัวเองนี่นะ
^^
พอลจ๋า ,, ได้ออกฉากแป๊ปเดียวก็ต้องไปละ
บ๊ายบายนะ ><
-
ริวจ๋า..ไผ่จ๋า.. ป้าแก้มปริแล้วปริอีก ห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มไม่ได้เลย ทั้งๆที่เป็นบรรยากาศในโรงพยาบาล
จริงๆเลยเนอะ ความสุขนี่มันอยู่ที่ใจจริงๆ บรรยากาศและสภาพแวดล้อมไม่มีผลอะไรเลย
ถ้าใจสองดวงคลิกกัน มันก็สร้างสุขได้เสมอ ไม่ใช่เฉพาะเค้าสองคนนะ
รังสีแห่งสุขยังแผ่ไปให้คนอื่นสัมผัสได้ด้วย ดังที่ป้าและหลายๆคนได้รับอยู่ในขณะนี้ไง (รึไม่จริง)
-
อลันคงรู้สึกเหมือนลูกสาวตัวเองกำลังจะออกเรือน เลยเกิดหวงขึ้นมา...แหมๆ ถ้ารู้ว่าคนที่เป็นลูกสาวน่ำ คือ พสุต่างหากคงไม่คิดอย่างนี้ คิกๆ :oo1:
ริวเวลาไม่มีพสุแลเป็นเด็กเอาแต่ใจเหมือนกันนะเนี่ย พสุเป็นคนทำให้ริวอ่อนโยนขึ้นสินะ^^
-
น้องริวอ้อนพี่ไผ่จังเลย น่ารักมากๆ :pig4:
-
เง้อ อยากอ่านต่ออีกกกกกกกกกกก
-
ไม่เป็นอะไรมากก็ดีใจหน่อยแต่ว่าหลังจากนี้มันจะมาม่ายำยำ อะไรหรือเปล่ากลัวใจคนแต่งจริงๆ +1
-
อลัน อย่าได้ขวางเชียวนะยะ
-
อ้อนได้อ้อนดีนะหนูริว
-
อลันก็น่าจะรู้แล้วน๊าว่า น้องริวไม่ใช่ลูกสาวซะหน่อย น่าจะรู้ตั้งแต่ริวโทรไปปรึกษาแล้วอ่ะว่า ทำพี่ไผ่เลือดออก
หนูริวนี่อ้อนได้อ้อนดี สายตามองแต่พี่ เป็นห่วงความรู้สึกพี่ ... กับคนอื่นน้องริวไม่แคร์ไม่สนใจ อย่ามาทำพี่ไผ่เค้าล่ะกัน :)
ถ้าหนูริวไม่รักพี่ไผ่ขนาดนี้ พี่ไผ่คงไม่เปลี่ยนใจมารักผู้ชายหรอก ผู้ชายแมนๆจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้คงยากกกกกส์มาก
สุดท้าย อยากให้พี่ไผ่ได้รุกหนูริวบ้างอ่ะ อะคริอะคริ หลังๆพี่ไผ่ขี้อายตล๊อดๆ ไม่อยากให้ความเป็นแมนในตัวพี่ไผ่หายไป
-
สงสารพอลเหมือนกันเนอะ...แต่รีบ ๆ ย้ายไปก่อนริวจะระแคะระคายนั่นแหละดีแล้ว
เดี๋ยวศพไม่สวย o18
-
เด็กน้อยงอแง
-
ให้กำลังใจเสมอและขอให้ผ่านไปได้ครับ สู้ๆๆนะริวไผ่ :L2: :L1: :กอด1:
-
ริวแอบงอแง แต่น่ารักนะ :m20: :m20: :m20:
-
เรื่องนายพอลนั่น หวังว่าคงไม่ทำให้เป็นปัญหานะ
กลัวมาม่าจริงๆ :serius2:
-
ตร๊ายแระ
ทำไม่รู้สึก อยากเอาใจช่วยพอลอ่ะ
สงสารบรูซด้วย ต้องคอยหลบตลอด 555
-
:z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
แม่สอนว่าให้จิ้มก่อนอ่าน ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกๆๆ
-
คุณอลันทำเป็นแม่หวงลูกชายไปได้ เดี๋ยวจับส่งไปให้เจ้าพ่อรอสฟีนี่จัดการ
ส่วนตาพอล ก็ยกให้ตาบรูซเป็นรางวัลที่ทำตัวน่ารักรู้ใจเจ้านายไปหมด
ส่วนพี่ไผ่คงยกให้ใครไม่ได้นอกจากน้องริว หายไวไวนะครับ จะได้หวานได้เต็มที่
-
อลันนี่มันหวงลูกจริงๆ
เอาน่า ยังไงก็ออกเรือนไปแล้ว
ยอมรับลูกสะใภ้(?) ซะดีๆ
-
ป๊ะป๊าบรู๊ซ ..... ทั้งเอาใจช่วยทั้งปกป้องทั้งคู่เลยเนอะ
-
มีความสุข มีความสุข :man1:
คุณอลันทำเป็นแม่หวงลูกชายไปได้ เดี๋ยวจับส่งไปให้เจ้าพ่อรอสฟีนี่จัดการ
ส่วนตาพอล ก็ยกให้ตาบรูซเป็นรางวัลที่ทำตัวน่ารักรู้ใจเจ้านายไปหมด
กดเห็นด้วย o13
ป.ล. ป่านนี้พวกคนอื่นๆในวงคงตามหาพี่ไผ่กับริวกันให้วุ่น แต่คนอ่านก็อยากให้สองคนนี้เค้ามีอิสระ ได้หวานกันนานๆอ่ะ :-[
-
เอาอีกกกกกกกกกกก :o12:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่ไม่เป็นไรมากทั้งคู่
แต่อลันนี่ออกอาการหวงลูก (ริว) เอามากๆ จนพลอยเขม่นพี่ไผ่อยู่นิดๆนะ
-
หวานกันจังเลย
น้องริวก็ยังขี้อ้อนเหมือนเดิม
อลันทำใจหน่อยน๊า
คนเขารักกันก็งี้แหละ
-
อ่านช่วงสองสามตอนมานี่ รู้สึกว่าอลันทำตัวเหมือนแม่ผัวลูกสะใภ้ยังไงไม่รู้ !!!
:m20: :m20: :m20:
-
โห~~~~~~~!!!!
ริวอ้อนพี่ไผ่สุดๆอ่ะ
แต่พี่ไผ่เราก้อตามใจสุดๆเหมือนกัน
^____^
ชอบอ่ะ
-
โอนเงินแล้วนะคับ~
รออัพเดตรายชื่อ ^^
-
:pig4:
-
ถึงริวจะเชี่ยวเรื่องอย่างว่าแล้ว
แต่ริวยังต้องพัฒนาในเรื่องการเข้าสังคมอีกเย๊อะเรยอ่ะ
ลำพังตัวริวเองคงไม่เท่าไหร่ แต่ริวจะรู้ไม๊น๊าว่า การที่ริวเป็นอย่างนี้ อาจจะทำความลำบากให้พี่ไผ่ได้นะ
-
มาต่อเร็วๆเน้อ :กอด1:
-
น่ารักอ่ะ
-
อยากให้ริวกับไผ่หายดีเร็วๆจัง :sad4:
น่าสงสารนายพอล อกหักรักคุดไม่พอยังโดนย้ายสังกัดอีก :เฮ้อ:
หวังว่าคงไม่มีปัญหาอะไรตามมานะ
-
หวานจนน้ำตาลเรียกพี่เลย :-[ :-[
:pig4: :pig4:
-
หนูเพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ อ่านไปได้ไม่กี่ตอน แต่เห็นพี่ทำเป็นหนังสือด้วย อยากได้ค่ะ แต่ไม่ทราบว่ายังจองทันรึป่าวค่ะ เมื่อกี้ได้สงเมลล์ไปถามพี่แล้วอ่ะค่ะ รบกวนตอบด้วยน่ะค่ะ อยากได้จิง ๆ คะ ขอบคุณค่ะ TToTT
-
คิดถึงหนูริว :sad4:
เข้ามาโหยหวนเสร็จแล้วก็จรลีจากไปอย่างเงียบๆ .......
......
ซะเมื่อไหร่
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด อยากอ่านค่าๆๆ อ๊ากกกๆ :laugh:(ท่าจะบ้าแล้วตู =_=;)
ง่องแง่งๆๆ โฮกกฮากก 5555+ ล้อเล่นค่ะ ขำๆ เดี๋ยวจะเงียบเกินไป อ่ะคึๆ
-
:กอด1:
-
น้องริวกับพี่ไผ่น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
:o8: :-[
-
มาแล้วจ้าาาา
ใครที่เมล์ไปจองหนังสือกับป้าแกเพิ่ม รอซักพักนะจ๊ะ เดี๋ยวแกคงแจ้งรายชื่อเพิ่ม
ป้าเค้าอยู่ชนบท ต้องส่ง e-mail ทางนกพิราบ เลยนานไปหน่อยจ้า :laugh:
***************************
ตอนที่ 114
เช้าวันนี้พสุตื่นขึ้นมาด้วยอาการสดชื่น ไข้เขาลดจนเกือบเป็นปกติเพราะได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ตรงข้ามกับริวที่แม้จะไม่มีเลือดซึมบริเวณบาดแผลแล้ว แต่เด็กหนุ่มกลับมีอาการไข้แทน ถึงจะเป็นอาการไข้ต่ำๆ แต่ก็ส่งผลให้เด็กหนุ่มเบื่ออาหารและหงุดหงิดมากกว่าเดิม
“ริวไม่กินซุป ริวจะกินต้มเลือดหมู” ริวเบือนหน้าหนีทันทีที่เห็นถ้วยซุปถูกยกเข้ามา
“ริวครับ...ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยนะ จะไปหามาจากไหน” พสุถามอย่างอ่อนใจปนขำ
“ร้านอาหารไทยก็มีเยอะแยะ”
“พี่รู้...แต่ไม่รู้จะมีต้มเลือดหมูขายหรือเปล่านี่สิ”
“ก็ริวไม่กินซุป ริวจะอ้วกแล้ว” ไม่แค่ปฏิเสธ ริวยังใช้มือหนึ่งบีบจมูก อีกมืออุดปาก ราวกับว่าจะอาเจียนออกมาตอนนี้ ทำเอาพสุอดหัวเราะไม่ได้
“โอเคไม่กินก็ไม่กิน...แต่ตอนนี้ริวต้องกินอาหารอ่อนๆ ก่อนนะครับ ร่างกายเพิ่งฟื้นตัว ยังกินอาหารหนักๆ ไม่ได้” พสุปลอบแล้วหยิบถาดอาหารของริวออก บรูซปราดเข้ามารับไปส่งให้คนที่รออยู่หน้าห้อง
“แล้ว...จะกินอะไรดี คิดเมนูได้หรือยัง” พสุถามเสียงอ่อนอย่างเอาใจ
“ริวอยากกินข้าวต้มหมู พี่ทำให้ริวหน่อยสิครับ” ริวแทบเขย่าแขนอ้อนพสุ
“แต่เราไม่มีครัว พี่คงทำให้ริวไม่ได้ เอาเป็นว่าเดี๋ยวสั่งจากร้านอาหารไทยมาก็แล้วกันนะ”
“จะอร่อยเหมือนที่พี่ทำหรือเปล่า”
“ร้านอาหารเชียวนะ เขาต้องทำอร่อยกว่าพี่อยู่แล้วล่ะ” พสุปลอบแล้วหันไปจดรายการให้บรูซ ชายหนุ่มย้ำไปว่าห้ามใส่ต้นหอมเด็ดขาด เพราะริวเกลียดกลิ่นต้นหอม พอบรูซออกไปการ์ดอีกคนก็สวนเข้ามาทันที
“อรุณสวัสดิ์ครับบอส อรุณสวัสดิ์ครับคุณพสุ ผมเจฟฟรี่ครับ” เจฟฟรี่แนะนำตัวแล้วยื่นมือมาให้พสุ พสุขยับจะยืนขึ้นแต่ริวยึดมือเขาไว้แน่น ครั้นจะยื่นมือให้เจฟฟรี่จับเด็กหนุ่มก็ไม่ยอมปล่อยมือเขาเป็นอิสระ
“ห้ามจับ!” ริวตวาดการ์ดคนใหม่เสียงขุ่น ทำให้มือที่ยื่นมาหาพสุชะงักแล้วหดกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่รอยยิ้มแจ่มใสของเจฟฟรี่ยังคงเกลื่อนหน้าเหมือนเดิม
“เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักครับ” พสุค้อมศีรษะทักอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจืดเจื่อน แม้จะหันมาขึงตาใส่ แต่ริวก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมปล่อยมือเขาเสียอย่างนั้น
“ผมมีอะไรมาฝากบอสด้วย” เจฟฟรี่บอกเสียงใสไม่ได้ขุ่นเคืองแต่อย่างใด เขาชินเสียแล้วกับนิสัยริว เพราะเคยทำหน้าที่อารักขาริวกับอลันช่วงที่ริวไปเรียนขับรถอยู่เป็นเดือน เจฟฟรี่เป็นคนร่าเริง อารมณ์ดีตลอดเวลา และชอบรถ ชอบความเร็วเหมือนริว ทำให้เด็กหนุ่มดูสนิทกับเขามากกว่าการ์ดคนอื่นๆ ถ้าไม่เพราะเขามีครอบครัวแล้ว อลันคงส่งเขาไปอารักขาริวที่เมืองไทยเหมือนบรูซ
“อะไร?” ริวถามแล้วขมวดคิ้วมองกล่องหนังสีน้ำตาลอ่อนขนาดใหญ่ตรงหน้า ท่าทางหงุดหงิดของเด็กหนุ่มทำให้พสุไม่สบายใจ เพราะเกรงว่าจะสร้างความไม่พอใจให้ผู้มาใหม่ ชายหนุ่มบีบมือที่ยึดมือเขาไว้แน่นเบาๆ ริวจึงเลิกทำหน้าบึ้ง เด็กหนุ่มขยับตัวแล้วนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“เจ็บอ่า...พี่แกะให้ริวหน่อยสิครับ”
พสุพยักหน้าแล้วเหลือบไปมองเจฟฟรี่เป็นเชิงขออนุญาต ก่อนจะเปิดกล่องหนังออก ข้างในเป็นกล่องพลาสติกใส ใส่โมเดลรถสปอร์ตขนาดเล็กจิ๋วที่มีรายละเอียดเหมือนรถจริงทุกประการ ขนาดคนไม่สะสมโมเดลอย่างพสุยังตื่นตากับความสวยของมัน แล้วริวที่ชอบรถเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมีหรือจะไม่ชอบใจ เด็กหนุ่มยิ้มออก จ้องมองรถแต่ละคันด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ทุกชิ้นส่วนแกะออกมาได้หมด ทำจากวัสดุที่ใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุดเลยนะครับบอส”
“พี่แกะออกมาดูหน่อยสิครับ ริวอยากเห็น” ริวพูดภาษาไทยกับพสุตลอดเวลา ไม่สนใจว่าการ์ดของเขาจะฟังออกหรือไม่ ตอนที่บรูซอยู่นั้นไม่มีปัญหาเพราะพสุรู้ว่าบรูซฟังภาษาไทยออก แต่กับการ์ดคนใหม่ พสุไม่แน่ใจว่าเจฟฟรี่จะเข้าใจหรือเปล่า
ชิ้นส่วนเล็กจิ๋วดูบอบบางจนพสุไม่กล้าแกะ ชายหนุ่มหันไปมองหน้าเจฟฟรี่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มเฉย ถึงจะฟังภาษาไทยไม่ออก แต่เจฟฟรี่ก็พอจะเดาได้ว่าริวต้องการอะไร ที่เขาทำเฉยไม่ช่วยพสุเพราะรู้ดีว่าริวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้มากนัก เป็นกฏหลักของการ์ดทุกคนที่จะไม่เข้าใกล้ริวเกินความจำเป็น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแตะตัวริว เพราะเด็กหนุ่มเกลียดสัมผัส และดูท่าทางว่ากฎห้ามเข้าใกล้ ห้ามแตะต้องตัวนี้ จะมีผลบังคับใช้ไปถึงพสุด้วยเขาถึงต้องรักษาระยะห่างไว้
สุดท้ายพสุก็ต้องแกะชิ้นส่วนเล็กๆ ออกให้ริวดูจนพอใจ ชายหนุ่มแอบถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อบิลกลับเข้ามาพร้อมอาหารเช้าของริว พสุปรับเตียงไฟฟ้าขึ้นเพื่อให้ริวนั่งกินอาหารได้ถนัด ปล่อยให้เจฟฟรี่จัดการกับกล่องโมเดลเพราะเขาคงไม่สามารถประกอบคืนได้เหมือนเดิม
“พี่ป้อนริวหน่อยสิครับ” ริวอ้อนด้วยสายตาวิงวอน
พสุอึกอักแล้วเหลียวไปมองเจฟฟรี่ เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาประกอบโมเดลโดยไม่สนใจพวกเขา ถึงได้กล้าตักข้าวต้มป้อนริว แต่เพียงคำเดียวเด็กหนุ่มก็นิ่วหน้าแล้วเบือนหนีเมื่อพสุตักคำที่สองป้อนถึงปาก
“ไม่อร่อยเลยครับ ไม่เชื่อพี่ลองกินสิ” พสุลองชิมข้าวต้ม ก็พบว่ารสชาติกลมกล่อมดี
“ก็อร่อยดีนะริว” ชายหนุ่มยืนยันแล้วตักข้าวต้มป้อนถึงปาก แต่ริวไม่ยอมกิน
“พี่กินกับริวนะ”
“เอ่อ...แต่...” พสุอึกอัก เพราะไม่อยากแย่งข้าวต้มริวกิน และอีกอย่าง คงดูไม่เหมาะที่เขากับริวจะกินอาหารจานเดียวกัน
“เห็นมั้ย ถ้าอร่อยทำไมพี่ไม่กินล่ะ”
“มันไม่ใช่ไม่อร่อย แต่ถ้าพี่กินด้วย ริวจะไม่พอกินนะสิ” พสุบอกเสียงเบาลง และเผลอเหลือบมองทางเจฟฟรี่อย่างไม่สบายใจนัก
“พอ...ข้าวเยอะแยะ ริวกินคนเดียวไม่หมดหรอก นะครับ...น๊า” ริวทำเสียงออดๆ แล้วทำท่าจะดึงมือพสุไปหอม ชายหนุ่มรีบกระตุกมือหนีเพราะเกรงว่าเจฟฟรี่จะเห็นเข้า
“ครับๆ ก็ได้” พสุเลยจำใจต้องกินข้าวต้มชามเดียวกับริว เด็กหนุ่มยิ้มรื่นอย่างพอใจ ขณะที่พสุคอยเหลียวมองเจฟฟรี่อย่างกระดาก
เจฟฟรี่ก้มหน้าลงยิ้มกับชิ้นส่วนโมเดลในมือ นึกอยู่แล้วว่าสุดท้ายพสุก็คงขัดใจบอสของเขาไม่ได้อีกคน ถึงจะฟังไม่ออกว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน แต่ท่าทางพสุจะโดนอ้อนหนักแน่ เพราะขนาดไม่ป่วย ริวยังเอาแต่ใจจนพวกเขาหัวปั่นกันมาหมดแล้ว คราวนี้ไม่สบายด้วยคงอ้อนจนพสุกระดิกตัวไปไหนไม่ได้แน่ๆ
หลังจากอาหารเช้าผ่านไป พสุก็ต้องทำหน้าที่พยาบาลจำเป็น เช็ดตัวลดไข้ให้ริว เพราะตั้งแต่รู้ตัวเด็กหนุ่มก็ไม่ยอมให้พยาบาลถูกตัวอีก ระหว่างที่ริวเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเจฟฟรี่ก็ต้องออกไปรอนอกห้อง เพราะริวไม่ยอมให้เขาอยู่ในห้องระหว่างที่พสุเช็ดตัวให้
ผิวขาวๆ ซับสีชมพูระเรื่อด้วยพิษไข้ ยิ่งเห็นผ้าพันแผลบริเวณที่ถูกยิง ทำให้พสุยิ่งสงสารและใจหาย
“เจ็บมากมั้ย” พสุถามพลางเช็ดรอบๆ บริเวณที่พันผ้าอย่างเบามือ เพราะเกรงว่าจะกระเทือนบาดแผล
“เจ็บครับ หายใจยังเจ็บเลย”
“อดทนหน่อยนะครับ พอยาออกฤทธิ์คงช่วยลดอาการอักเสบได้”
พสุเช็ดตัวให้ริวเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ พอแต่งตัวให้ริวเสร็จเด็กหนุ่มก็คว้าแขนเขาไว้
“พี่..กอดริวหน่อยสิ”
“เอ่อ...เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นนะสิ”
“ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก นะครับ...น๊า”
พสุเหลียวมองประตูอย่างลังเล แต่พอริวทำเสียงออดๆ ชายหนุ่มก็ใจอ่อน พสุอ้อมไปยืนด้านที่ไม่มีบาดแผลแล้วสวมกอดเด็กหนุ่มอย่างระมัดระวัง ริวทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไปในอ้อมแขนของพสุ เด็กหนุ่มซุกหน้ากับซอกคออุ่นแล้วสูดกลิ่นหอมๆ ของอีกฝ่ายเข้าไปเต็มปอด ริวสอดมือเข้าไปลูบไล้แผ่นหลังใต้เสื้อคนไข้ของพสุเบาๆ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ห้ามปรามทำให้ริวยิ่งได้ใจ
“พี่...ริวอยากนอนแล้ว” ริวบอกเสียงอ่อยๆ แต่ดวงตาเป็นกายวาววับ พอพสุจัดท่าให้นอน เด็กหนุ่มรั้งต้นคอพสุให้ก้มลงมาหาจนชายหนุ่มเสียหลักล้มลงมาบนอก ดีว่าเป็นด้านที่ไม่มีแผล พสุรีบยันตัวขึ้นอย่างร้อนรนเพราะกลัวริวจะเจ็บแต่เด็กหนุ่มรั้งต้นคอเขาไว้แน่น
“ริว...เล่นอะไรอย่างนี้ เกิดพี่ไปกระแทกโดนแผลจะทำไง”
“ก็ริวอยากจูบพี่นี่นา...ตั้งแต่ริวถูกยิงจนป่านนี้พี่ยังไม่จูบริวเลยนะ”
“ก็บอกดีๆ สิครับ อย่าเล่นพิเรนทร์แบบนี้อีก”
“ครับ...” ริวรับคำหน้าม่อย เด็กหนุ่มยอมปล่อยพสุแต่โดยดี อาการเงื่องหงอยเหมือนเด็กถุกดุทำให้พสุใจอ่อนยวบ ชายหนุ่มก้มลงจูบแก้มเนียนเบาๆ แล้วเลื่อนปากไปปิดปากหยักบางไว้ ปากนุ่มเผยอรับและลิ้นอุ่นก็เป็นฝ่ายแทรกเข้ามาในปากเขาก่อน เด็กหนุ่มกอดเกี่ยวลิ้นกับลิ้นของพสุอย่างกระหาย ต่างโลมลูบ หยอกเย้า และดูดกลืนปลายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้เบื่อ ทั้งที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่กลับรู้สึกโหยหากันและกันจนการผละปากออกจากกันแทบเป็นความเจ็บปวด
“เฮ้อ! เมื่อไหร่แผลจะหายก็ไม่รู้ ริวอยากกอดพี่จะแย่แล้ว” ริวบ่นเบาๆ ใบหน้าแดงซ่านด้วยความต้องการ
“เจ็บขนาดนี้ยังมีอารมณ์ทะลึ่งอีกนะเรา” พสุบ่นขำๆ แล้วลูบผมนุ่มเล่นเพื่อปลอบประโลม
เสียงเคาะประตูเหมือนเป็นสัญญาณเตือนให้ทั้งคู่รู้ตัวก่อน พสุนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงของริว ขณะที่เด็กหนุ่มหน้าบึ้งตึงอย่างไม่ค่อยพอใจที่ถูกขัดคอ เจฟฟรี่เปิดประตูแล้วเดินนำเข้ามาก่อน หมอและพยาบาลสูงวัยที่เคยพาพสุไปทำแผลตามหลังเขามาติดๆ ใบหน้าใจดีของเธอทำให้สีหน้าบึ้งตึงของริวคลายลงอย่างไม่รู้ตัว หลังจากตรวจดูแผลของริวและวัดไข้แล้ว หมอก็สั่งเพิ่มยาบางตัวเพื่อลดอาการอักเสบและสั่งน้ำเกลือต่อไปอีก ขณะที่พสุนั้นไม่มีไข้แล้วแต่ต้องไปทำแผลทุกวันจนกว่าจะตัดไหมได้ พอหมอกับพยาบาลออกไป ริวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่พอเห็นเจฟฟรี่ยังนั่งประกอบโมเดลอยู่ในห้องเด็กหนุ่มก็หน้าบึ้งอีกครั้ง
“ออกไปประกอบที่อื่นได้มั้ยเจฟฟรี่”
“ไม่ได้ครับบอส ผมต้องเฝ้าอยู่ในนี้”
“ทำไมต้องอยู่ในนี้ ไปเฝ้าหน้าห้องก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“เพื่อความปลอดภัยครับ” เจฟฟรี่ตอบยิ้มๆ แล้วยกกล่องใส่โมเดลที่ประกอบเสร็จแล้วไปวางที่โต๊ะข้างเตียงริว
“บอสอยากดูคันอื่นมั้ยครับ ผมจะแกะออกมาให้ดู”
“ไม่”
“ครับ”
พสุมองท่าทางหงุดหงิดของริวอย่างไม่สบายใจ ชายหนุ่มรอจนการ์ดของริวไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้รับรองมุมห้อง ถึงดึงมือริวมาลูบเบาๆ สีหน้าบึ้งตึงค่อยคลายลง อุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงกว่าปกติทำให้พสุต้องแตะหลังมือบนหน้าผากเด็กหนุ่มเพื่อวัดไข้
“ริวตัวอุ่นๆ นะ ปวดหัวมั้ย”
“ปวดครับ เจ็บแผลด้วย” ริวรีบอ้อน จริงๆ แค่เจ็บแผลเวลาขยับตัวเท่านั้นไม่ได้ปวดหัวแต่อย่างใด แต่ถ้าบอกแบบนี้พสุก็จะยิ่งตามใจเขา ไม่ว่าขออะไรก็จะยอมหมดทุกอย่าง
“งั้นก็นอนพักนะครับ อีกสักพัก พอยาออกฤทธิ์คงจะดีขึ้น”
“แต่ริวไม่อยากนอน มีคนอื่นอยู่ด้วยแบบนี้ริวไม่ชอบเลย”
“มันเป็นหน้าที่ของเขานี่ครับ” พสุเลื่อนผ้าห่มขึ้นถึงคอ แต่พอริวจะคว้าตัวเขากอด ชายหนุ่มก็ถอยห่าง สายตาชำเลืองมองเจฟฟรี่โดยอัตโนมัติ
“ไปเฝ้าข้างนอกก็ได้ ไม่เห็นต้องมานั่งจ้องอยู่แบบนี้เลย อึดอัด”
“ริวครับ...อย่าเอาแต่ใจนักได้มั้ย ถึงริวจะเป็นนายจ้าง แต่ก็ต้องให้เกียรติพวกเขานะ เพราะบอดี้การ์ด เขาทำหน้าที่ปกป้องชีวิตริวโดยตรง ความปลอดภัยของริว ขึ้นอยู่กับพวกเขา”
“ก็...” ริวทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เงียบ เด็กหนุ่มก้มหน้างุดๆ ท่าทางน้อยอกน้อยใจจนพสุร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็อะไรครับ บอกพี่ได้มั้ย ริวหงุดหงิดเรื่องอะไรเหรอ”
“ก็...ถ้าเขาอยู่ พี่จะไม่ยอมกอดริวนี่นา ขนาดจับมือพี่ยังคอยดึงออกเลย” ริวตอบเสียงแผ่ว ไม่ยอมเง
ยขึ้นสบตาพสุ แม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามชะโงกไปสบตาด้วย
“โธ่เอ๊ย! เรื่องแค่นี้เอง พี่ก็อยู่ข้างๆริวตลอดเวลาแล้วไงครับ” พสุพยายามทำเสียงให้ฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ ทั้งที่ความจริงเขาเองก็ว้าวุ่นใจ จะปล่อยให้ริวกอด ก็อายสายตาคนอื่น ครั้นจะทำเฉย น้องก็จะเสียใจ
“แต่ริวอยากให้พี่กอดนี่นา”
“เอาแค่จับมือได้มั้ย...นะครับ พี่จะจับมือริวไว้ตลอดเวลาที่ริวหลับเลย” พสุรีบต่อรอง หากอยู่กันตามลำพังเขาคงไม่รีรอที่จะกอดริว แต่นี่เพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย จึงทำได้อย่างมากก็เพียงจับมือกันเท่านั้น
“ก็ได้ครับ” ริวยอมอ่อนข้อ เพราะไม่อยากให้พสุไม่สบายใจ
“งั้นริวนอนนะครับ เดี๋ยวพี่ปรับเตียงให้” พสุบอกพร้อมกับปรับเตียงลง ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงแล้วกุมมือริวไว้
“นอนนะครับ พักมากๆ จะได้หายเร็วๆ”
“ยังไม่อยากหลับเลยครับ อยากมองหน้าพี่นานๆ” ทั้งที่ปากพูดอย่างนั้น แต่ตาของริวกลับหรี่ปรือลงเรื่อยๆ ยาแก้ปวดคงมีผลให้เด็กหนุ่มง่วง ครู่เดียวคนไม่อยากนอนก็หลับปุ๋ย แต่มือยังกุมมือพสุไว้แน่นจนชายหนุ่มไม่กล้าดึงออก
“หิวหรือเปล่าครับคุณพสุ หรืออยากทานอะไรมั้ย เดี๋ยวผมจะให้เขาสั่งมาให้” เจฟฟรี่ถามกระตือรือร้น
“ไม่หิวเลยครับ ตื้อๆ ด้วยซ้ำ” พสุหันมายิ้มอ่อนๆให้เจฟฟรี่ด้วยท่าทางสุภาพ แม้อีกฝ่ายจะดูเป็นมิตรแค่ไหน แต่พสุยังคงรักษาระยะห่างเอาไว้ด้วยความเคยชิน
“ถ้าต้องการอะไรก็บอกได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” เจฟฟรี่ย้ำอีกครั้ง เพราะสังเกตเห็นพสุมีท่าทางกระสับกระส่ายเล็กน้อย อาจจะอยากเข้าห้องน้ำ หรืออยากนอนพักบ้าง
“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นฝากริวสักพักนะครับ ผมอยากอาบน้ำเต็มทีแล้ว”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมคอยดูให้”
พสุเหลียวมองหน้าริวอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆแกะมือเด็กหนุ่มออก แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ แม้พยาบาลจะเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ระหว่างที่เขาหลับ แต่ชายหนุ่มอยากอาบน้ำมากกว่า พอหมอบอกว่าไม่มีไข้ เขาก็แทบกระโจนเข้าห้องน้ำ พสุรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะรู้ดีว่าถ้าริวตื่นขึ้นมาไม่เห็นเขาคงงอแงไม่เลิกแน่ๆ
โชคดีที่ริวหลับยาวจนบ่าย ถึงได้ตื่นขึ้นมานอนหน้ามุ่ย ริวไม่ชอบอยู่เฉยๆ แต่ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวก็เจ็บแผลทำให้เด็กหนุ่มต้องทนนอนนิ่งๆ
เสียงเคาะประตูดังเหมือนจะเตือนให้รู้ตัว แล้วอลันก็โผล่หน้าเข้ามา
“ไง...ท่าทางสดใสดีแล้วนี่” อลันทักยิ้มๆ แล้วหันไปผงกศีรษะทักทายพสุเล็กน้อย
“นายหายไปไหนมาอลัน” ริวทำเสียงแข็ง หน้าบึ้ง เพราะเพิ่งหาที่ระบายความหงุดหงิดได้
“ก็ไปจัดการเรื่องยุ่งๆให้เรียบร้อยนะสิ” อลันทำเน้นเสียงเพื่อให้รู้ว่าเรื่องยุ่งๆที่ว่าคงมาจากริวเอง
แม้จะมีสีหน้าปกติ แต่ถ้าสังเกตก็จะเห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยของอลัน พสุเหลือบมองหน้าบึ้งเอาแต่ใจของริว กับสีหน้าของอลันแล้วรู้สึกว่าเขาควรปล่อยให้ทั้งคู่คุยกันตามลำพัง
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” พสุบอกแล้วขยับลุกขึ้น แต่ริวคว้าแขนเขาไว้ทันที
“พี่จะไปไหน” ริวถามแล้วทำหน้าตื่น ราวกับเป็นเรื่องใหญ่
“ไปทำแผลนะสิ” พสุบอกยิ้มๆ พยายามไม่สนใจสายตาเย็นๆของอลันที่จ้องมองพวกเขา
“ทำในนี้ก็ได้” ริวท้วงแล้วขมวดคิ้วเมื่อพสุปลดมือเขาออก
“ไม่ได้หรอก ริวเกลียดกลิ่นแอลกอฮอล์ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เป็นไร ริวทนได้ พี่ไม่ต้องไปไหนหรอก” ริวท้วงแล้วพยายามจะยึดมือพสุไว้ ชายหนุ่มจึงหันไปปรามด้วยสายตา
“อยู่คุยกับคุณอลันเถอะ พี่ไปแป๊บเดียวแหละ ขอตัวครับคุณอลัน” พสุหันไปตบหลังมือริวเบาๆ แล้วลุกออกไป
...................................
-
:z13: :z13: :z13:
-
:z1: น้องริว เจ็บขนาดนี้ยังจะหื่นได้อีก
-
หลังจากถูกยิงนี่ ดีกรีความขี้อ้อนของริวเพิ่มขึ้นแยะ :catrun:
-
คุรอลันมองด้วยสายตาเย็นๆทำม๊ายยยยยยย :serius2:
-
สั้นง่ายได้ใจความ อยากอ่านต่อ
-
อ้อนซะไม่มีละ ไม่ต้องได้ขยับไปไหนเลย อิอิ แต่ก็นะ จะกอด จะกด ไม่ได้ ก็พี่ไผ่เค้าอายนี่นา อิอิ :กอด1:
ปล.+1 เป็นกำลังใจ
-
ปัญหารายหว่า....
-
รอ รอ ตอนต่อไป
เด็กดื้อ น่าตี
-
น้องริว อ้อนตลอดๆๆๆๆ
ฮ่าๆๆ พี่ไผ่ก็ยอมตลอดๆๆๆๆ
><
อ่อยยยย เมื่อไรจะกลับไทยอ่ะ
?
-
เรื่องยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่เลย...ไม่รู้่อลันมาคราวนี้จะมีปัญหาอะไรตามมารึเปล่า(ประมาณว่าถ้าไม่มีปัญหาเกิดขึ้นอลันก็แทบไม่มีบท) :z3:
พสุก็อย่าอายมากเลยนะ...อย่างน้อยก็ต่อหน้าบอดี้การ์ดของริวอ่ะ ยังไงทุกคนก็รู้แล้วก็เปิดโอกาสให้อยู่แล้วด้วย o18
-
พี่ไผ่กับอลันยังมีแอบเคืองกันรึนี่ :เฮ้อ:
-
ขี้อ้อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนมากๆ
-
แหม เอาแต่ใจได้น่าเอ็นดูจริงน้า :impress2:
ลูกรักใครน้อ น่ารักจริงๆ เชียว น้องริว
(ลูกรักป้าเองแหละ) :กอด1:
-
อ๊ายยยยยยย ทำไมถึงตัดฉับเเบบนี้
ค้างมาก เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะให้จบตอนเลยย
เฮ้อ รีบมานะคะ จะรอตอนต่อไปค่ะ
ขอบคุณนะคะ ทั้งคุณ Anonymus และคุณ spring
:L2:
-
ตอนนี้หนูริวอ้อนเต็มสตรีมเลย...
พี่ไผ่ก็ช่างเอาใจ....น่าร้ากกอะคะ...
อลันอย่าดุพี่ไผ่อีกเน้อ...เหมือนอลันเป็นแม่แล้วพี่ไผ่เป็นลูกสะใภ้เลยคะ..55+
-
เง้อ ไม่รู้ว่าจะสงสารใครดี ทั้งพี่ไผ่ทั้งหนูริว
อ่านตอนนี้แล้ว รู้สึกว่ามันอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ง่ะ :serius2:
หนูริวก็เอาแต่ใจ(แบบน่ารัก+น่าหยิกแรงๆ) ส่วนพี่ไผ่ก็มัวแต่อาย(ซึ่งเป็นปกติ)
แล้วยังอลันอีก ทำไมไปมองพี่ไผ่ยังงั้นล่ะ ยังไม่พอใจพี่ไผ่อีกหรือเนี่ย
หวงลูกซะจริง..จริ๊ง นั่นลูกสะใภ้นะคะ อย่าเผลอพุ่งไปกัดพี่ไผ่ซะล่ะ :laugh:
-
ตอนนี้หนูริวช่างขี้อ้อน เอาแต่ใจจริงๆ แต่ก็น่ารัก :laugh:
ส่วนอลันก็ช่างเย็นชากับพี่ไผ่เหลือเกิน น่าสงสารพี่ไผ่ :เฮ้อ:
-
อลันจ๋า อย่ามาต้มมาม่าแถวนี้นะ ถ้าอลันทำตาแบบนั้นต้องมีอะไรไม่ดีแน่ๆ เลย
-
สั้นนนนนน :sad4:
-
มาสั้นจัง ....
ดำเนินเรื่องไปไม่ถึงไหนเลย น้องริวอ้อนพี่ไผ่
คิดว่าคนแต่งคงแต่งจบแล้วนะคะ
คราวหน้า..เวลาตัดตอน ขอให้ลงแบบมีการดำเนินเรื่องคืบหน้าไปบ้างได้มั้ยคะ
:L2: :pig4:
-
น้องริวจอมดื้อ...อิอิ พอป่วยแบบนี้ล่ะได้ที ทั้งดื้อทั้งอ้อนเลย
คุณอลันคงยังไม่เชื่อใจ 100% แน่ว่าพสุจะสามารถดูแลริวได้
-
ริวป่วยแล้วเอาแต่ใจ แต่ทำไมเรามองว่ามันน่ารักไปได้เนี่ย :impress2:
:pig4: คะ
-
เหอๆ เอาแต่ใจจนน่าหนั่นไส้ เด็กอะไรก็ไม่รู้
ตอนนี้เป็นตอนที่พสุลำบากใจมากๆเลยนะเนี้ย กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
อยากตามใจน้องแต่อ่ายคนอื่น แถมอลันเข้ามายังโดนว่าด้วยสายตาอีก เหอๆ
-
อ๋อย :a5:คาใจจังเลย
-
กว่าริวจะหาย พี่ไผ่คงต้องอึดอัดไปอีกนาน
-
ริวหื่นจริงๆ ดูสังขารตัวเองหน่อยสิจ๊ะ o18
-
นับวันริวยิ่งขี้อ้อน :m20: :m20:
-
เค้าลางแห่งความวุ่นวาย~~~~~!!!
= =
-
ริวงอแงขึ้นทุกที
วันๆพูดแต่ นะครับ...น๊า
-
น้องริวววว.. ขี้อ้อนนน.. งอแงมากมายอะ..
แต่ยังไงก็ยังดูว่าน้อง.. น่ารัก.. น่ากอด.. ฮาๆๆๆ....
พี่ไผ่เอาใจน้องหน่อย... น้องกำลังไม่สบายอะ... ต้องตามใจ.. รึป่าว..
จิงๆๆแล้วพี่ไผ่ตามใจน้องอยู่บ่อยๆๆนะ......
ขอให้พี่ไผ่กับน้องริวหวานขึ้นๆๆๆๆ เพี้ยงงง
-
ไผ่คงจะเริ่มเห็นตัวตนจริงๆของริวก็คราวนี้
แต่...อะนะ รักแล้วก็ต้องทนได้
-
คุณอลันขาาาา สงสารพสุน๊า อย่าไปมองเค้าอย่างนั้นเลยยยยยย...อย่าลืมว่าพสุเป็นคนดึงริวออกมาโลกภายนอกนะ!!!
-
ริวอ้อนพี่น่าดูเลย
อลันก็อย่าไม่พอใจพี่ไผ่มากเลย
แค่นี้พี่ไผ่ก็น่าสงสารจะแย่อยู่แล้ว
-
คิดถึงมากๆเลยนะครับไผ่ริว มาต่อแล้วก้อต้องบอกว่าขอบคุณครับ :pig4:
-
เป็นกำลังใจให้คร้าบบบ หายเร็วเน้อ
:L2:
-
*-* อ้าก~ อลันจะหวงทำไมนักหนา เฮ้อ~ O__o
-
อลันทำเหมือนแม่สามีหวงลูกชายเลย 5555
-
เมื่อไหร่ริวจะหายซักทีนะ
สงสารน้องจริงๆ คงอึดอัดแย่ :z1:
-
อลันขี้หวงว่ะ
-
สงสารไผ่ ริวอ้อนเกิน :เฮ้อ:
-
เห็นด้วย นอกจากรอนานแล้ว เรื่องยังไม่ไปถึงไหนเลย เริ่มเบื่อๆแล้วนะเนี่ย
เป็นไปตามนั้น รู้สึกว่าเรื่องมันวนๆ อยู่ที่เดิม จะจบแล้วเหรอคะ
แต่ก็นะ
ริวยังน่ารักขี้อ้อนเหมือนเดิมไม่มีท่ติ กิ๊วววววววววววๆ
-
โว๊ะ อลันอีกแล้วววววววววววววววว
-
ทุกปัญหามีทางออกใช่ไหมครับ อลัน
+1 ให้กับความช่างอ้อนและเอาแต่ใจของริว
ความอบอุ่นและอ่อนโยนของพี่ไผ่
เป็นคู่ชีวิตที่ลงตัวที่สุด :n1:
-
เมื่อไรริวจะรู้ว่าพ่อเป็นมาเฟียและเมื่อไรพี่ไผ่จะยอมใจอ่อน เปิดเผยตัวซะที
เฮ้อ!!~ ไม่ชอบกินมาม่านะคนแต่ง มันไร้สารอาหาร :laugh:
-
หวานมากกกกกกก :-[
-
อลัน ทำตัวเป็นพ่อตาหวงลูกสาวไปได้ นั่นน่ะลูกสะใภ้นะจ๊ะ
เอ๊ะ หรือจะเป็นแม่ย่า(แม่สามี)หวงลูกชาย เอิ้ก ๆ ๆ เดี๋ยวหาสามีให้ซะนี่
จะได้เข้าใจซะบ้างว่า "อ้อ..สุขแบบมีคู่คือแบบนี้นี่เอง
-
ริวหายเร็วๆๆๆๆน้า
-
น้องริวขี้อ้อนจนน่าตีจริงๆ ถ้าไม่รักกันจริงล่ะก็ :z6:
-
รอน๊านนาน สั้นกระจึ๋งเดียวเอ๊งงงงงงงง :o12:
-
ริวบอกพี่ไผ่ไปเลยว่าไม่ต้องอายแล้ว พวกการ์ดเค้ารู้กันหมดแล้วว่าพี่ไผ่เป็นที่รักของริว อิอิ
ส่วนอลันเริ่มออกแนว'แม่ผัวลูกสะใภ้'แระ :jul3:
ขอบคุณสำหรับตอนที่114ค่ะ :pig4:
-
น้องริวขี้อ้อนเหลือหลาย
คำว่า "นะครับ..น๊า" เนี่ยะ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนริวเป็นพ่อค้าขายส้มตำแถวบ้านพี่เลย เพราะคนขายส้มตำเขาจะชอบพูดคำๆ นี้
ว่าแต่ ตอนนี้ทำไมสั้นจังค่ะ
-
รู้สึกเหมือนโดนตัดจบตอนแบบค้างๆเลย
ริวชักอ้อนเก่งเกินไปแล้ววว :-[
-
คุณอลันอ่าาาาาาา เด่วจับกดซะนี่
อิอิ กดบวกให้ก่อนดีกว่าเนาะ
-
ริวอ้อนพี่ไผ่สุดๆ รู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้ขออะไรพี่ไผ่ก้อยอมทั้งนั้นเลยงอแงใหญ่เลย
-
สงสัยถึงจะหายแล้วแต่อาการอ้อนยังคงกำเริบต่อไป :laugh:
ถ้ากระโดดเกาะเป็นลูกหมีโคอะล่าได้ริวคงทำไปแล้วมั้ง
-
ริวอ้อนเสมอต้นเสมอปลาย อ้อนได้โล่ห์ได้ถ้วย พี่ไผ่ต้องอยู่ในสายตาตล๊อดตล๊อด
อยากอ่านต่อแย้ววววววววววววววว
-
ริวขี้อ้อนจังเลย
-
เต้นบูชายัญ ขออีกตอน~ :z2:
-
:jul1: สำลักเลือดหวานๆ ขนาดยังเจ็บอยู่ยังหวานได้ขนาดนี้ :impress2:
-
เพิ่งจะเข้ามาอ่านไม่กี่ตอน
แต่ติดใจน้องริวกะพี่ไผ่
โดยเฉพาะน้องริว อ้อนได้น่ารักมาก :impress2:
อยากได้หนังสืออ่ะ
ยังสั่งได้อีกรึเปล่าคะ
เห็นว่าหมดเขตจองหนังสือไปแล้ว
เดี๋ยวลองเมล์ไปถามดีก่า
-
มารอครับ ^^"
-
น้องริวขี้อ้อนจริงจริ๊ง
ยังไม่หายดีเลยอยากกอดพี่ไผ่แระ
อดทนหน่อยน๊าน้องริว
หายเมื่อไหร่เต็มที่ไปเลย
เอาให้หายอยากเลยนะ
-
ตอนที่ 115
พอพสุคล้อยหลังริวก็เอนตัวลงพิงกับหมอน แล้วหันมาจ้องหน้าอลันเขม็ง
“เล่นงานพวกมันได้มั้ย” ริวถามขึ้นมาลอยๆ อลันเลิกคิ้วเหมือนไม่เข้าใจคำถามทั้งที่รู้ดีว่าริวหมายถึงอะไร
“ใคร?”
“ไอ้พวกที่ทำร้ายพี่ไผ่ไง” ริวกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด จนคนฟังอดหมั่นไส้ไม่ได้ ตัวเองเจ็บเกือบตาย แต่โกรธที่พวกนั้นทำให้พสุคิ้วแตก ดูเหมือนเรื่องของพสุจะใหญ่โตเสียจนไม่มีอะไรในโลกสำคัญเท่าเสียจริงๆ
“คงไม่ได้หรอก” อลันตอบแล้วยักไหล่ ทำไม่รู้ไม่ชี้กับอาการตาลุกวาบด้วยความโกรธของเด็กหนุ่ม
"ทำไมไม่ได้?” ริวถามเสียงขุ่น ทั้งที่มั่นใจว่าอลันจะต้องรีบรับปากจัดการให้ แต่กลับได้ฟังคำตอบว่าทำไม่ได้
“มันโดนตำรวจเป่าไปแล้วทั้งคู่...ป่านนี้คงอยู่ห้องเก็บศพ” อลันตอบเสียงเรียบ
“...งั้นก็แล้วไป” ริวบอกเสียงเบา แล้วลอบถอนหายใจด้วยความสังเวช
อลันกอดอกจ้องมองอาการชะงักอึ้งของริว ทั้งที่เพิ่งโวยวายเมื่อรู้ว่าเขาจัดการกับคนพวกนั้นไม่ได้ แต่พอรู้ว่าพวกมันตายไปแล้ว ริวกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ริวยังเด็ก จิตใจยังงดงามเกินกว่าจะสะใจกับความตายของใคร แม้คนๆ นั้นจะเพิ่งทำร้ายเขาและคนที่เขารักก็ตาม
“ริว...ถามอะไรอย่างได้มั้ย” พอริวเงียบ อลันจึงเป็นฝ่ายตั้งคำถามเสียเอง
“อะไร?”
“ถ้าเกิด...พ่อนายเขายังอยู่ล่ะ นายจะว่าไง” ถามออกไปแล้วอลันก็กลั้นหายใจรอคำตอบ แต่แทนที่ริวจะต้องใช้เวลาไตร่ตรอง หรือมีท่าทางสนอกสนใจกับสิ่งที่เขาถาม เด็กหนุ่มกลับยักไหล่แล้วตอบสวนกลับทันควัน
“ก็ไม่ว่าไง”
“หมายความว่านายไม่อยากเจอพ่อเหรอ” อลันถามงงๆ เขาเคยคิดว่าหากริวรู้ระแคะระคายว่ายังมีพ่อ เด็กหนุ่มคงทุรนทุรายจะไปหา แล้วเขาจะหาทางรับมือกับริวอย่างไร แต่กลับกลายเป็นว่าริวไม่สนใจแม้แต่น้อย
“ไม่”
“ทำไมล่ะ”
“ชีวิตฉันตอนนี้มีความสุขพอแล้วอลัน ฉันไม่ต้องการใครเพิ่มขึ้นมาอีก เพราะฉันไม่รู้ว่าคนที่เพิ่มเข้ามาจะทำให้ชีวิตฉันพังหรือเปล่า ตอนนี้ฉันมีพี่ไผ่แล้วฉันไม่ต้องการใครอีก” ริวตอบเสียงหนักแน่น
“แม้ว่าการได้เจอพ่ออาจจะทำให้นายมีความสุขมากกว่านี้ยังงั้นเหรอ”
“ฉันแน่ใจ ว่าตอนนี้ฉันสุขที่สุดแล้ว สุขจนไม่ปรารถนาอะไรมากกว่านี้อีก บางทีอะไรที่มันมากเกินไป มันอาจจะ...ไม่รู้สิ ฉันคิดว่าฉันพอใจกับปัจจุบันที่สุดแล้ว”
เด็กหนุ่มเคยชินกับการไม่มีพ่อเสียจนไม่คิดว่าสำคัญ และดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนเกินไปสำหรับเขา คนๆ เดียวที่ริวต้องการมาตลอดก็คือพสุ เมื่อได้มาอย่างยากลำบาก เด็กหนุ่มจึงหวงแหนจนกลายเป็นความหวั่นระแวงว่าจะมีอะไรมาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา
“อืม...แค่พสุก็พอใช่มั้ย” อลันถามย้ำอีกครั้ง ทั้งที่รู้สึกเศร้าแทนรอสฟีนี่ หากมาได้ยินประโยคนี้ด้วยตัวเองรอสฟีนี่คงน้ำตาตก
“ใช่” ริวตอบเสียงหนักแน่น แล้วขมวดคิ้วหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของอลัน
“แล้วถ้าพสุทิ้งนายไปล่ะ”
“ไม่มีทาง ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไปเป็นอันขาด” ริวตอบเสียงห้วนแทบเป็นกระชาก
“แต่อนาคตมันเป็นของไม่แน่นะริว นายหรือเขาอาจจะไปเจอใครที่ใช่กว่า ขึ้นมาก็ได้”
“ไม่มีวันนั้นหรอก...อนาคต เกิดจากปัจจุบัน ชั้นเชื่อมั่นในปัจจุบัน และชั้นเชื่อมั่นว่าความรักของชั้นจะไม่มีวันเปลี่ยน”
“ไว้นายโตกว่านี้ นายจะ...” อลันพูดยังไม่ทันจบ ริวก็พูดสวนขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจแกมขุ่นเคืองที่อลันพูดไม่ถูกหู
“ชั้นเชื่อใจตัวเอง แล้วก็เชื่อใจพี่ไผ่ด้วย...เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ”
“โอเค” อลันรับปากแล้วยกมือขึ้นทั้งสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้
“ถ้านายจะกลับ เอาคนของนายกลับไปด้วยได้มั้ย” ริวเปลี่ยนเรื่องทันควันจนอลันงงไปในตอนแรก
“หมายถึงเจฟฟรี่น่ะเหรอ”
“ทุกคนนั่นแหละ ชั้นไม่ชอบให้มีคนมาคอยเฝ้า มันอึดอัด”
“คงไม่ได้หรอก ตอนนี้นายยังไม่ได้อยู่ในถิ่นตัวเองนะอย่าลืม ยังไงก็ต้องคอยเฝ้า เพื่อความปลอดภัย”
“ก็ถ้าพวกนี้เก่งจริง ทำไมปล่อยให้ชั้นกับพี่ไผ่โดนทำร้ายได้ล่ะ”
“ก็นายเล่นเปลี่ยนรถกะทันหัน เราตามนายถูกเพราะนายโทรหาชั้นหรอกนะ กว่าจะแกะรอยเจอ ตามไปทันก่อนนายเลือดออกหมดตัวก็แทบแย่แล้ว”
“นี่ถ้าไม่ได้พี่ไผ่ ป่านนี้ชั้นโดนพวกมันยิงทิ้งไปแล้ว”
“โอเค แฟนนายเจ๋งสุดว่างั้น” อลันทำเสียงประชด แต่ริวกลับยิ้มหน้าชื่น ชอบใจกับสรรพนามที่อลันเรียกพสุ
“แน่นอน”
“แล้วไง มีอะไรจะสั่งอีกมั้ยครับท่าน” อลันยังประชดต่อเนื่อง แต่เป็นไปในเชิงหยอกเย้ามากกว่า
“ชั้นอยากออกจากโรงพยาบาลแล้ว” ริวลดเสียงอ่อนลง เหมือนจะขอร้องมากกว่าจะสั่งอย่างทุกครั้ง ทำให้อลันนึกเสียดายที่ไม่อาจตามใจเด็กหนุ่มได้
“อันนี้คงไม่ได้ใหญ่เลย ชั้นไปถามหมอมาแล้ว อาการขนาดนาย อย่างน้อยก็ต้อง 1 สัปดาห์”
“โอ๊ยทำไมต้องนานขนาดนั้น” ริวโวยวายด้วยความหงุดหงิด นี่เขาจะไม่ได้กอดพสุนานขนาดนั้นเชียวหรือ
“ก็ป่านนี้แผลนายติดหรือยังหรอก กว่าจะตัดไหมได้คงอีกหลายอาทิตย์ นายยังต้องคอยล้างแผลตลอด เกิดติดเชื้อมาจะยุ่ง เข้าใจมั้ย” อลันสำทับ เริ่มสะกิดใจกับท่าทางหงุดหงิดกระวนกระวายของริว เขาคงต้องไปรีดความจริงจากเจฟฟรี่ เพราะแน่ใจว่าคงไม่ใช่แค่เบื่อ แต่อาจมีเหตุอื่นที่ทำให้ริวไม่อยากนอนโรงพยาบาลต่อไปอีก
“ไม่เข้าใจ” ริวบอกเสียงห้วน แล้วทำหน้าบึ้ง
“ก็ตามใจ” แทนที่อลันจะง้อกลับลุกขึ้นเดินหนีดื้อๆ
“อลัน...อลัน!” ริวเรียกเสียงดังจนเป็นตะโกน แต่อลันทำเพียงโบกมือลาโดยไม่หันไปมองสักนิดเดียว
“ฝากบอกพสุด้วย ว่าชั้นขอให้หายเร็วๆ บาย”
“อลัน! กลับมาก่อนซิ...ชั้นจะออกวันนี้แล้ว ปัดโธ่!” ริวตบที่นอนอย่างฉุนเฉียว แล้วก็ต้องตัวงอด้วยความเจ็บแผล พสุเปิดประตูเข้ามาเจอก็ตกใจรีบตรงเข้าไปประคองเด็กหนุ่ม ทำให้ริวได้โอกาสอ้อนขอทั้งกอด และหอมแก้มอุ่นๆ แก้เจ็บแผล
......................................................................
อลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง เลขาของเขาเพิ่งเตือนว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมารอพบ
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณรอสฟีนี่” อลันถามเสียงเรียบ ทั้งที่ไม่สบายใจนัก รอสฟีนี่มาหาเขาบ่อยเกินไปแล้ว
“ทำไมคุณปล่อยให้หมอนี่ตามติดลูกชายผม” รอสฟีนี่ถามเสียงขุ่นแล้วร่อนรูปถ่ายหลายสิบใบลงบนโต๊ะ อลันเหลือบมองปราดเดียวก็ตีหน้าขรึมด้วยความไม่พอใจเช่นกัน รอสฟีนี่เริ่มล้ำเส้นแล้ว ถึงขนาดส่งคนไปถ่ายรูปริวกับพสุในโรงพยาบาล แม้จะดูรู้ว่าเป็นการซูมจากระยะไกล แต่ก็ยังพอมองเห็นความสนิทสนมได้ชัดเจน
“ริวต่างหากที่เป็นฝ่ายตามไปหาพสุถึงเมืองไทย”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หลังจากที่ได้เห็นพสุในโทรทัศน์ ริวก็หลงรักเขา ใช้เวลาเตรียมตัวเพื่อให้ทัดเทียมกับพสุอยู่เกือบ 5 ปี ถึงตามไปหาพสุที่เมืองไทย” อลันตอบเสียงเรียบ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้เหมือนไม่เดือดร้อนกับท่าทางที่แทบถลันลุกขึ้นด้วยความโกรธของอีกฝ่าย
“บ้า! แล้วคุณก็ปล่อยให้เขาไปเนี่ยนะ” รอสฟีนี่ถามเสียงดังแทบเป็นตะคอก
“คุณคิดว่าใครจะห้ามริวได้” อลันย้อนกลับยิ้มๆ
“คุณไง คุณเป็นคนเลี้ยงริวมา คุณเป็นผู้ปกครองเขา คุณสั่งอะไรเขาต้องฟังอยู่แล้ว” สีหน้าเกรี้ยวกราด ร้อนรนของมาเฟียใหญ่แห่งอิตาลีทำให้อลันอยากจะหัวเราะเยาะด้วยความสมเพช
“ผิดแล้วรอสฟีนี่ คนที่เลี้ยงริวมาคือคุณนามิ ส่วนพ่อผมรับหน้าที่พ่อทูนหัวให้ริวแค่สองปี และผม...ผมเป็นเพียงผู้ปกครองตามกฎหมายเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติ ริวเป็นนายจ้างผม ผมต่างหากที่ต้องทำตามคำสั่งเขา”
“คุณจะบอกว่าไม่มีใครบังคับเขาได้เลยงั้นเหรอ” รอสฟีนี่ถามย้ำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ริวไม่ฟังใครรอสฟีนี่ เขาไม่เคยมองผมเป็นอย่างอื่นนอกจากทนายความและลูกน้อง แล้วคุณคิดว่าเขาจะเชื่อฟังผมยังงั้นเหรอ เด็กที่สามารถหาเงินได้เองตั้งแต่ 7- 8 ขวบ แบบริว เขาจะมีความภาคภูมิและเชื่อมั่นตัวเองสูงมาก ขนาดพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมาจนโต พอลูกมีความคิดเป็นของตัวเอง พ่อแม่ยังสั่งเขาไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับเด็กที่โตมาได้ด้วยตัวเองแบบริว เขาจะไม่มีวันฟังใครทั้งนั้น นอกจากคนที่เขารัก” คำตอบของอลันทำเอารอสฟีนี่สะอึก ใช่ พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมายังบังคับไม่ได้ แล้วพ่อที่ไม่เคยเลี้ยงลูกเลยแบบเขาจะมีสิทธิ์อะไรไปบังคับริว
“แต่นี่มันบ้าชัดๆ หลงรักดาราในโทรทัศน์แล้วทุ่มเททุกอย่างเพื่อไล่ตามเขาเนี่ยนะ”
“ก็ถ้าทำได้ ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดมือ คุณเองก็ต้องเคยมีความรัก มีความฝัน แล้วคุณไม่คิดจะพยายามเพื่อสิ่งเหล่านั้นหรือไง สำหรับริว...พสุคือความรัก และความฝันของเขา ริวไม่กลัว ไม่ลังเลเลยสักนิด ที่จะแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับพสุ...เกือบ7 ปีเชียวนะรอสฟีนี่ สำหรับการทุ่มเทและรอคอยอย่างอดทน กว่าจะได้ครอบครองพสุแบบทุกวันนี้...แล้วคุณคิดว่า ถ้าจะบอกให้เขาเลิกกับพสุ เขาจะยอมอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็ถ้าไม่มีไอ้หมอนั่นซะคน...” รอสฟีนี่คำรามเสียงต่ำเบาในลำคอ ตาเป็นประกายกร้าว แต่อลันหยุดยิ้ม ดวงตาเป็นประกายกร้าวเช่นกัน
“อย่าแม้แต่จะคิด! คุณคิดว่าผมจะปล่อยให้คุณทำลายสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตริวได้งั้นเหรอ...ไม่มีทาง! เพราะถ้าไม่มีพสุ ริว อยู่ไม่ได้แน่ๆ...ตอนนี้พสุไม่มีใครนอกจากริว และริวก็มีแต่พสุคนเดียวเหมือนกัน...อาจจะเพราะแบบนี้ พสุถึงยอมรับริวง่ายๆทั้งที่เขาไม่ได้เป็นเกย์...ระหว่างเขาสองคน ถ้าจะเกิดอะไร ก็ขอให้เป็นไปเพราะพวกเขาต้องการแบบนั้น ไม่ใช่เพราะคนอื่นเข้าไปแทรกจนทุกอย่างพังทลาย”
“แปลว่าคุณจะปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้เหรอ”
“มันอาจจะยากที่จะทำใจ แต่ความรู้สึกคุณหรือผมก็ไม่สำคัญ ความสุขของริวต่างหาก ที่สำคัญที่สุด....ทำใจซะรอสฟีนี่ อย่าลืมว่าคุณไม่มีตัวตนในโลกสำหรับริว เพราะงั้นก็อย่าได้พยายามจะไปบงการชีวิตเขาอีกเลย”
“นี่มัน...มันเกินไปแล้วนะ ผมรับไม่ได้หรอกที่ลูกจะต้องกลายเป็นพวก...โธ่โว้ย!” รอสฟีนี่โวยวายเมื่อแน่ใจว่า อลันจะปล่อยให้ริวกับพสุคบกันต่อไป
“อ้อ! แล้วอีกอย่างนะรอสฟีนี่ พสุไม่ได้เป็นคนทำให้ริวเป็นเกย์ แต่ลูกชายคุณนั่นแหละที่เป็นฝ่ายไปข่มขืนเขา”
“อะไรนะ!”
“เรื่องจริง...งานนี้ถ้าจะมีใครสักคน ลุกขึ้นมาโวยวายเรื่องที่ลูกกลายเป็นเกย์ ผมว่าควรเป็นครอบครัวของพสุมากกว่า...โชคดีนะ ที่พ่อแม่พสุตายหมดแล้ว ไม่งั้นริวอาจติดคุกข้อหาข่มขืนไปแล้วก็ได้”
“.......” รอสฟีนี่อ้าปากค้าง กับข้อมูลล่าสุดที่ได้รับ ก่อนจะทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง เพราะแน่ใจแล้วว่าเขาทำอะไรไม่ได้สักอย่าง...ไม่ใช่เพราะไม่มีอำนาจ แต่เพราะเขาไม่กล้าทำร้ายหัวใจลูก และเขาไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับชีวิตริว ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม
พสุทำแผลเสร็จก็เดินเตร่เล่นอยู่ด้านนอกเพราะไม่อยากเข้าไปรบกวนระหว่างที่อลันกับริวคุยกัน และนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้โทรบอกคุณภมรเรื่องรถที่ถูกคนร้ายชิงไป ชายหนุ่มโทรหาคุณภมรแต่เลขาแจ้งว่าคุณภมรไปติดต่องานอยู่ต่างประเทศ พสุจึงโทรหากรเวชเพื่อบอกเรื่องที่ถูกทำร้าย และได้คุยกันอยู่ครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่กรเวชจะวางสายไป เมื่อกลับไปที่ห้องก็พบว่าอลันเพิ่งกลับไปเช่นกัน
“พี่...พี่ไผ่...พี่ไผ่ครับ” ริวจับมือเขย่า เพราะเรียกซ้ำๆ แล้วพสุก็ยังเหมือนไม่ได้ยิน
“ครับ? ว่าไงริว”
“ริวเรียกพี่ตั้งหลายหนแน่ะ...เป็นอะไรไปครับ ริวเห็นเหม่อๆ มาตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว”
“ก็...ไม่มีอะไรหรอก...จริงสิ...พี่โทรหาพี่กรแล้วนะ ส่วนคุณอาภมร ติดต่อไม่ได้เห็นเลขาว่าไปต่างประเทศ”
“ติดต่อพี่กรเหรอครับ”
“อืม...จริงๆ ควรโทรไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตอนนั้นมัวแต่ห่วงริว ก็เลยลืม”
“แล้วพี่กรว่าไงครับ”
“พี่กรห่วงเราน่ะสิ แต่รู้เรื่องจากคุณเขมหมดแล้วก็เลยไม่ตกใจมาก พี่กรถามว่าริวเป็นไงบ้าง เจ็บมากมั้ย พี่ก็บอกไปว่าริวปลอดภัยแล้ว แต่ตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล คงอีกหลายวันกว่าจะกลับเมืองไทยได้”
“แล้วเรื่องงานโฆษณาละครับ...ริวจำได้ว่าต้องเริ่มถ่ายทำอาทิตย์นี้ไม่ใช่เหรอครับ”
“ตะวันกับไวย์รับงานแทนให้เราแล้ว”
“พี่ตะวันรับงานเหรอครับ?”
“ใช่...พอทางเอเจนซี่เขาติดต่อมา ตะวันกับไวย์ก็รับงานแทนให้ ตอนแรกที่รู้ข่าวเรา ก็เตรียมจะบินมาเยี่ยม แต่ติดเรื่องคิวงาน อีกอย่าง เรื่องเราถูกทำร้ายคุณเขมให้พี่กรปิดเป็นความลับ นอกจากพี่เผ่ากับเพื่อนในวงก็ไม่มีใครรู้อีกนะ กับนักข่าวก็บอกไปว่าริวป่วยกะทันหัน ยังบินกลับไม่ได้ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมาก รอให้เรากลับไปก่อน ค่อยให้สัมภาษณ์อีกที”
“พี่กรคงวิ่งวุ่นเลยนะครับ”
“รู้อย่างนี้ ทีหลังก็อย่าดื้อกับพี่กรนักสิริว พี่กรฝากพี่ดูแลริวให้ดีๆ แล้วสั่งว่าให้โทรกลับไปส่งข่าวบ่อยๆ พี่กรเขาเป็นห่วงพวกเรามาก โดยเฉพาะริว”
“คร้าบ ต่อไปนี้ริวจะพยายามไม่ดื้อกับพี่กรแล้วครับ”
“ให้จริงเถอะ”
“แล้วพี่ไม่สบายใจเรื่องอะไร เรื่องรถคุณอาภมรเหรอครับ”
พสุไม่ได้เล่าถึงเรื่องของธีรดล จริงอยู่ว่าเพื่อนร่วมวงติดงาน แต่กรเวชในฐานะผู้จัดการของพวกเขาสมควรตามมาดูแล แต่ติดที่กรเวชต้องวิ่งวุ่นเรื่องคดีมรดกของลูกสาวของธีรดล เพื่อไม่ให้สื่อมวลชนขุดคุ้ยมากนัก กรเวชจึงต้องคอยจัดการปัญหาให้ธีรดลด้วยตัวเอง เพราะคดีกำลังจะถึงที่สิ้นสุดเร็วๆ นี้ และมีวี่แววว่าธีรดลจะชนะคดี ทำให้ฝ่ายตรงข้ามดิ้นรนสุดชีวิต แม้แต่เรื่องสกปรกแค่ไหนก็กล้าทำเพื่อเอาชนะ
“เรื่องนั้นก็มีส่วน...จริงๆ พี่กำลังคิดว่า กลับไป เราจะเป็นยังไงมากกว่า” พสุถอนใจเฮือกใหญ่ หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงไม่คิดจะปรึกษาริว คงเก็บความกังวลนี้ไว้เพียงลำพัง แต่เมื่อได้ผ่านสุข ผ่านทุกข์ และเกือบผ่านความตายมาด้วยกัน ทำให้พสุเลือกที่จะ “แชร์” ความคิดกับริว เพราะเขาไม่จำเป็นต้องคิดคนเดียวอีกต่อไป
“พี่กลัวเหรอ”
“กลัวสิ...เราคงต้องเจอกับอะไรอีกมากเลยล่ะ” เมื่ออยู่ที่นี่ พสุเหมือนลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เมืองไทยไปจนหมด แต่หลังจากได้พูดคุยกับกรเวช โลกแห่งความเป็นจริงก็กลับมาเยือนอีกครั้ง และทำให้เขาเริ่มไม่สบายใจกับสถานการณ์ที่จะตามมา ต่อไป...ระหว่างเขากับริว จะเกิดอะไรขึ้น
“งั้นก็ไม่ต้องกลับ เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่”
“ไม่ได้หรอกริว...ไม่ว่าจะมีปัญหามากแค่ไหน แต่ที่นั่นเป็นบ้านของเรา ยังไงเราก็ต้องกลับนะ” ริวยิ้มกว้างด้วยความยินดี ดีใจที่พสุรวมเขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
“ยิ้มอะไร...เอ๊า! นี่พี่ซีเรียสนะ ดันมาขำซะงั้น”
“ก็ริวดีใจ” เด็กหนุ่มตอบแล้วกอดพสุแน่นจนชายหนุ่มต้องพยายามเบี่ยงตัวไปอีกด้านเพราะเกรงจะโดนแผลของริว
“ดีใจ? ดีใจเรื่องอะไรครับ”
“ดีใจที่...ฮะๆ...ดีอ่ะ ดีใจจัง” ริวตอบเสียงสั่นเพราะแรงหัวเราะ เด็กหนุ่มซุกหน้ากับไหล่พสุเพื่อปิดรอยยิ้มกว้างด้วยความยินดีเอาไว้
“ตกลงพี่จะรู้มั้ยว่าดีใจเรื่องอะไร” พสุถามขำๆ แล้วกอดตอบ แม้จะยังไม่รู้ว่าริวดีใจเรื่องอะไร แต่เพียงเห็นริวมีความสุข เขาก็สุขไปด้วย
...........................
-
พ่อที่ไม่มีคุณค่าอะไรกับริว พยายามก้าวก่ายและล้ำเส้นจนผิดสังเกต กลัวศัตรูมันจะพุ่งเป้ามาทางริวจริงๆ
-
คุณพ่อคะ คุณเป็นใครคะ ไม่เคยมาเลี้ยงดูแล้วก็มาทำท่าทางจะกีดกันหนูริวกับพี่ไผ่ซะงั้น :angry2:
หนูริวเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน พี่ไผ่ก็ชักจะหวานขึ้นทุกวัน :-[
เป็นกำลังใจให้ค่ะ o13
ว่าแต่ อลัน นายเก๊กได้โล่เลยอ่ะ :a5:
-
หายไวๆๆๆๆน้าริว
-
อ่า~ต้องแบบนี้สิน้องริว
ต้องเชื่อมั่นในความรัก
เชื่อมั่นในตัวพี่ไผ่และตัวเอง
หยั่งเงี้ยความรักจะได้ยืนยาว
อลันน่ารักจริง ๆ เลย
เข้าใจน้องริวที่สุด
พูดจนพ่อน้องริวต้องยอมจำนน
-
เหมือนความรักที่หนูริวพยายามให้ไผ่เริ่มได้รับการตอบกลับแล้ว ดีใจแทนริวจัง :mc4:
อย่างที่เขาว่ากันล่ะเนอะว่า ถ้าไม่เสียไป คงไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่^^
-
ขำพ่ออ่ะ อึ้งแดก กร๊ากกก :m20:
-
เซงพ่อของริวว่ะ :m31:
-
พ่อ เน้อ พ่อ
-
o18คุณพ่อคะ คิดจะมาพรากหนูริวออกจากพี่ไผ่ คิดผิดคิดใหม่ได้นะคะ
ส่วนอลันก็ยังไม่ชอบพี่ไผ่อยู่เหมือนเดิม :เฮ้อ:
-
"ด้วยรักและผูกพัน"....อ่านตอนนี้แล้วคิดถึงคำนี้เลยหล่ะ :impress2:
-
:mc4: ยินดีกับริวด้วย :mc4:
-
เฮ่อ ถอนใจด้วยความโล่งอก นึกว่าป๊ะป๋าของริวจะสอดมือเข้ามาวุ่นอีก คำพูดอลันเครียร์ซะชัดเจน น้องไปปล้ำเขาก่อนจริงๆ นี่นา อิอิ :o8:
+1
-
เกือบไปแล้วนะคุณพ่อ...อลันต้องเบรคด่วนเลย :laugh:
สะใจสุด ๆ ตอนอลันบอก ริวเป็นฝ่ายไปข่มขืนพสุจนต้องกลายเป็นเกย์อ่ะ แต่ใช้คำว่าโชคดีก็ออกจะใจร้ายไปหน่อย เรื่องที่ว่าพ่อแม่พสุตายหมดแล้วก็เลยลุกมาโวยวายเรื่องนี้ไม่ได้ :o12:
ธีรดลมีปัญหาเรื่องมรดกลูกสาว?...แล้วมันซีเรียสอะไรนักหนาอ่ะ กลัวนิด ๆ เหมือนไผ่นะ ไม่รู้กลับไทยแล้วจะมีปัญหาอะไรรออยู่อีก เอาเป็นว่า...ริวสู้ตาย!! :m11:
-
ตอนนี้ อลันชนะเลิศ เป็นคนที่เข้าใจริวทุกอย่างเลย ผลดีเลยตกกับไผ่ :3123:
ว่าแต่กลับเมืองไทยจะเป็นยังไงต่อนะ เพื่อนในวงคงรับได้ก็เห็นๆกันอยู่ ว่าแต่พ่อริวนี่จะมาวุ่นวายอะไรอีกรึเปล่า :เฮ้อ:
-
คุณพ่อออกตัวแรงนะเนี่ย
-
อ่านแล้วอบอุ่นจังเลย
ขอให้เรื่องนี้กินมาม่าน้อยๆ กินอาหารเสริมบำรุงสุขภาพเยอะๆ
:กอด1: :กอด1:
-
นู๋ริวดื้อกับอลันน้อยลงกว่านี้อีกนิด อลันคงปลื้มเนอะ :laugh:
แต่ตอนนี้นู๋ริวอ้อนน่ารักดี ^^
-
คุณพ่อแรงงงงงงงงงงงงงงงงง :m31: :m31:
-
คุณพ่ออย่ายุ่งเลย
บอกตรงๆ ,, แบบว่า ไม่เคยจะดูแล แล้วจะมาโวยวายอะไรเนี่ย
เหอะๆ !!!
เค้าลางความยุ่งยากคงตามมา .. เหมือนที่พี่ไผ่คิด
กลับไทยคงลำบากอ่ะ
แล้วจะอะไรยังไงเนี่ยยยย
><
-
อิตารอสฟินี่ไปไกลๆไป๊ :beat: อย่ามายุ่งกะหนูริว&พี่ไผ่นะยะ
เลี้ยงก็ไม่เคยเลี้ยง ทำมาวางอำนาจ เชอะ ไม่รู้อะไรแท้ๆ :m31:
-
คุณอลันก็สอยๆคุณพ่อรอสของน้องริวไปหน่อยสิครับ (จะได้ไม่มีเวลามายุ่งกับหนูริวกับพี่ไผ่)
-
แหม คุณพ่อ ฟังคุณพ่อพูดแบบนั้นแล้ว ...
เค้าแทบจะมุดจอคอมเข้าไปตบปากคุณพ่อแล้วนะคะ (เฮ้ยๆ มาเฟียนะนั่น) :m20:
ดีแล้วล่ะค่ะ พี่อลันสกัดดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างคุณพ่อไว้ได้ทัน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ได้อลันนี่แหละเนอะที่เป็นฮีโร่ อ่ะคึๆ
เพราะฉะนั้น อลันเอาตัวเข้าแลกเพื่อช่วยให้หนูริวกับพี่ไผ่ได้อยู่ด้วยกันเลยค่า
คุณพ่อจะได้มีคู่มั่ง เคียกๆ :laugh:
ส่วนหนูริว เค้าชอบอ่ะ ที่พูดเกี่ยวกับปัจจุบัน อนาคตอะไรนั่นน่ะ ช๊อบ..ชอบ :m1:
-
โอ๊ยดูแล้วงานจะรออยู้อีกเยอะเลยนะครับเนี่ยะอิอิ
ไผ่ริวสู้ๆๆ คุณพ่อก็ยอมรับซะเถอะิอิอิ
สงสัยคุณพ่อต้องให้อลันสอนสักหน่อยแล้วว่าเป็นแบบริวไผ่มันจะสุขขนาดไหนหุหุ
-
ใช่ครับพี่ไผ่ น้องริว กลับไปสู้กับปัญหาทุกอย่าง
กลับไปที่ "บ้านของเรา" อย่าว่าแต่น้องริวเลยครับที่ยิ้มดีใจ
คนอ่านเองก็หุบยิ้มไม่ได้เหมือนกัน กอดพี่ไผ่ที่ก้าวข้ามไปอีกขั้น
มีกันและกัน แชร์ความรู้สึกนึกคิดให้กันบ้าง คนฟังอย่างริวก็ดีใจแล้วครับ :กอด1:
-
+1 :L2: :L2:
-
รอสฟีนี่...อย่าแม้แต่จะคิดนะ
-
อลันเป็นพ่อทูนหัวที่เริดที่สุดในโลกเลยค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา เขารักกอลัน อิอิ :laugh: :laugh:
ส่วนคุณพ่อท่านนั้น กลับไปห่วงอยู่ห่างๆ เหมือนเดิมจะดีกว่าไหมค่ะ :เฮ้อ:
-
นับวัน อลัยยิ่งเปิดเผยตัวจริงมากขึ้น :laugh:
ปากจัดมากกกกกอ่ะคุณพ่ออลัน :m20:
-
หวังว่ามรสุมจะผ่านไปเร็วๆนะ แค่นี้ก็บอบช้ำจะแย่แล้ว :o12:
-
ริวไผ่น่ารักทุกสถานการณ์
-
ต๊าย พ่อบ้า เลี้ยงก็ไม่เคยเลี้ยง คิดจะมาบังคับใจลูก ริวมันคงฟังหรอกนะยะ
-
เชื่อว่าทั้งสองคน ต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้ด้วยดี
ความรัก ชนะทุกสิ่ง...
-
เหมือนจะมีเรื่องยุ่งๆ รอทั้งคู่อยู่นะ้เนี่ย แต่ว่าจะมาม่าอีกไหมเนี่ย
-
กะจะมาบงการชีวิตลูกตอนนี้มันไม่สายไปเหรอค่ะคุณพ่อ o18
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
อลันน่าร้ากก...เก่งที่ซู้ดด...
เวลาคุยกับริว.อลันเหมือนพี่ชายมากกว่าผู้ปกครองอีกอะ...55+
ริวก็รักอลันน้า...แค่ไม่เชื่อฟังเป็นบางเรื่องเท่านั้นเอ้งง...
คุณพ่อของริว...ช่วยอยู่ห่างๆพี่ไผ่เถอะคะ...ไม่งั้นหนูริวจะโกรธแน่ๆอะ..
-
แหมๆๆๆ
ริวมันก้อดีใจที่พี่ไผ่ คิดเรื่องอนาคตของ "เรา" งายยย~~~!!!
เป็นใคร ใครก้อปลื้ม คิคิคิ
ส่วนเฮียอลัน เอาใจไปเรย 555+
-
คุณพ่ออย่าเพิ่งขัดความสุขริวเลยโน๊ะ
-
อลันบอกกลายๆไปแบบนั้นหวังว่าอิตาพ่อน้องริวคงจะไม่สอดมือเข้ามาทำให้เรื่องวุ่นวายอีกนะ
ส่วนหลังจากนี้ กลับมาเมืองไทย ชีวิตของริวกับพสุคงไม่ง่ายเหมือนตอนอยู่เมืองนอกแน่ๆ
รอเป็นกำลังใจให้ต่อค่ะ o13
-
ปัญหาคงมีอีกมากยังไงก้อดทนกันหน่อนนะริวไผ่
ส่วนคุณพ่อน้องริวคอยดูอยู่หาง ๆ สนับสนุนความสุข และให้ความปลอดภัยกับลูกดีกว่านะคะ
:pig4:คะ
-
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี และเอาใจช่วยเสมอนะครับริวไผ่ สู้ๆๆ
-
คุณพ่อรอสฟินี่ก็ต้องอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ต่อไปนะคะ
เศร้าจัง :เฮ้อ:
-
กลับบ้านนอกไปเป็นเดือน เฮ้อออ
เข้ามาดูอีกที โววว ไปไกลแล้วว :z3:
รู้สึกว่าริวจะหื่นทะลุเพดานไปแล้วนะ พี่ไผ่ช้ำหมดนะลูก :haun4:
เฮ้ออ ขออย่าให้มีปัญหาอะไรตามมาอีกเลยเน้อ :call:
-
แหมคุณพ่อขา ไม่เคย เลี้ยงดูอุ้มชูเค้ามา แต่จะมาบังคับกะเกณฑ์
ชีวิตของลูกชายที่คุณเพิ่งรู้ว่ามีตัวตนอยู่ไม่ถึงอาทิตย์เนี๊ยะนะคะ คุณพ่อ
แต่อย่างน้อยคุณพ่อก็ยังเห็นแกความสุขของลูกอยู่ ก็ดีใจนะคะ
-
ธีรดลนี่ใครหว่า สีท่าต้องไปนั่งอ่านอีกรอบ
-
โอ้... สมเป็นทนายพ่วงพ่อบุญธรรมพ่วงผู้จัดการแล้วก็พ่วงลูกจ้างมือขวาของเรียวคุง จี้จุดอ่อนจังๆเลย
เหอๆ อึ้งละสิๆ นี่สงสัยพูดเข้าใจว่าลูกตัวเองโดนหลอกแล้วโดนจับสร้างความสัมพันธ์กันสินะ ฮิฮิฮิ
หารู้ไม่ ทุกอย่างกลับคนละด้านเลย เหอๆ อย่าดูว่าริวซื่อๆนะ ถ้าเอาแค่เรื่องการวางแผนกับ
การจัดการ หมอนี่ ร้ายมาก เหอๆๆ
-
จริงๆที่พ่อไม่เคยเลี้ยงริว เพราะแม่นามิอุ้มท้องริวหนีมานะ ไม่ใช่คุณพ่อทิ้งลูกแต่อย่างใด - -''
น่าสงสารคุณพ่อออก เมียหนีไปพร้อมลูกในท้อง โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองมีลูก
พอรู้ว่ามีลูกก็อยากจะพบ อยากจะดูแลริว ชดเชยที่ไม่เคยได้เลี้ยงมา แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะลูกจะเป็นอันตราย
การไม่ได้พบหน้า ไม่ได้พูดคุย ต้องทำเหมือนตัวเอง'ไม่มีตัวตน'แค่นี้ก็เจ็บปวดพอและ
แล้วคุณพ่อก็ไม่ได้มาขัดขวางเรื่องพสุกับริวรักกันนะ เพราะถ้าจะขวางคงทำไปแล้ว คุณพ่อมีอิทธิพลมีอำนาจขนาดนั้นนี่ คงไม่มารอพบเพื่อคุยกับอลันให้เสียเวลาหรอก
พอคุณพ่อรู้ความจริงว่าพสุไม่ได้ทำให้ลูกตัวเองเป็นเกย์จากปากอลัน แต่ริวต่างหากที่ไปรักพสุเอง คุณพ่อก็คงไม่คิดขัดขวางหรือทำลายหัวใจของลูกแล้วล่ะ ^^
-
สงสัยว่าในที่สุด ทั้งคู่ได้อยู่เมืองนอกแน่ๆ ไผ่คิดมากแบบนี้!!!!
-
ขอห้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
-
อืม สงสัย อลันคงจะคู่กับรอสฟินี่ซะล่ะมั้งเนี่ย
-
กอดพี่ไผ่กับน้องริว อิๆ :กอด1:
-
รู้แบบนี้อึ้งไปเลยไหมคุณรอสฟินี่ :laugh:
สงสัยอลันคงจะได้เป็นแม่เลี้ยงริวจริงๆซะละมั้ง (แอบมีสงสารรอสฟินี่แบบนี้) :impress2:
ขอบคุณสำหรับตอนที่ 115 ค่ะ :pig4:
-
ก็เข้าใจล่ะนะว่าคุณพ่อก็คงอยากให้ลูกเป็นดั่งใจ
แต่หวังว่าคุณพ่อจะยอมไม่ไปวุ่นวายกับความสัมพันธ์ระหว่างริวกับพี่ไผ่จริงๆนะ
ไม่อย่างนั้นจะโกรธคุณพ่อด้วย 55+ เพราะรู้สึกว่าคุณพ่อน่ารักอ่ะ
แบบอยากให้คู่กับอลันจัง
พอกลับไทยก็น่าเป็นห่วงอยู่เพราะความลับไม่มีในโลก
ต่อไปพี่ไผ่คงต้องเลือกแบบที่พี่ตะวันคิดไว้แน่ๆระหว่างการเป็นศิลปินกับริว
-
ตอนนี้พสุไม่มีใครนอกจากริว และริวก็มีแต่พสุคนเดียวเหมือนกัน
อ่านเจอตรงนี้น้ำตาซึม :monkeysad:
(อ่อนไหวไปไหมเรา55)
-
คุณพ่อคะ เ่อ่อ ..โผล่มาช้าำไปนะ
ช้าไม่ว่ายังจะมากะเกณฑ์อะไรๆอีก
อลัน ยกนิ้วให้เลย สมกะที่อยู่กะริวมานาน
-
:L2: :L2: :L2:
:pig4: :pig4: :pig4:
-
คุณพ่อคะ ถ้าโผล่มาแล้วไม่ช่วยอะไร ก็กลับไปอยู่ในหลืบเหมือนเดิมเถอะค่ะ :z6:
-
โลกแห่งความเป็นจริงขยับเข้ามาใกล้ทุกทีแล้ว ถ้ากลับเมืองไทย ความสุขของริวแะละพี่ไผ่จะเป็นอย่างเดิมรึเปล่าน้อ
-
มารอครับ อิอิ กำลังสนุกเลย
-
อลันเจ๋งมากอะ... ถึงจะดูไม่ค่อยเป็นมิตรกับพี่ไผ่ซักเท่าไร เพราะดูพี่ไผ่ไม่ให้ความสนใจริวในตอนแรกๆๆก็เหอะ..
แต่อลันก็ยังเข้าข้างริวกับพี่ไผ่อยู่นะ.. ฮาๆๆ.. รอสฟินี่อย่าทำไรที่ทำให้ริวเสียใจเลยนะ...
ริวกับพี่ไผ่รักกันก็ดีแล้วอะ... สองคนนี้จะขาดกันและกันไม่ได้นะ... เพราะถ้าไม่มีใครสักคน... อีกคนคงอยู่ไม่ได้แน่อะ..
น้องริวอ้อนพี่ไผ่เยอะๆๆ.. พี่ไผ่ก็ตามใจริวเยอะๆๆนะจ๊ะ...
แต่ไม่รู้ว่ากลับไปแล้ว.. พี่ไผ่กับริวจะเป็นยังไงบ้างอะ..
น้องริวคงไม่แคร์สื่อสักเท่าไรอยู่แล้วอะ.. เพราะน้องรักคนคนเดียวคือพี่ไผ่.. ตามใจพี่ไผ่ทุกอย่าง..
แต่พี่ไผ่นี่สิ... ถึงจะรักริวยังไงแต่ก็ยังแคร์สังคมอยู่อะ.. กลับใจพี่ไผ่ชะมัด.. พี่ไผ่อย่าคิดไรผิดๆๆนะ..
อยากให้สองคนมาอยู่เมืองนอกจัง.. น้องริวกับพี่ไผ่จะได้อยู่อย่างสบายใจอะ..
แต่พี่ไผ่ก็รักงานเพลงมากจนทิ้งคิสมีไม่ได้หรอกก.. เฮอะ..
มาต่อเร็วๆๆนะพี่.. อยากอ่านต่อมากมายอะ.. รักน้องริว พี่ไผ่ หลง อลันอะ.. ฮาๆๆ
-
พ่อมาเฟียอย่างรอสฟีนี่ต้องทำใจละนะ
เลี้ยงก็ไม่ได้เลี้ยง แล้วจะมาบังคับกะเกณฑ์อะไรริวได้ละ
อย่างที่อลันบอกนั่นละ ขนาดเลี้ยงเองมากับมือ ยังบังคับกันไม่ได้
แล้วจะเอาอะไรกับคนที่ไม่ได้เลี้ยงเลย
-
คุณพ่อมาเฟียอยู่ห่างๆอย่างห่วงนะห้ามทำอะไรพสุเด็ดขาด
o18
-
เข้ามาส่องหาหนูริวกับพี่ไผ่ :m22:
หนูริวสู้ๆ หายไวๆนะ :a9:
-
แวะมาอ่านซ้ำก่อนนอน
กู๊ดไนท์ฮับ :a12:
-
หายไปนาน ไม่ว่างอย่างแรง
ตามอ่านหัวบาน :z3:
คิดถึงริวไผ่เหลือเกิน
-
ว่าแต่.... อลันนี้จะมีกิ๊กกั๊กกับคุณพ่อบ้างมั้ยน้ออออ ติดต่อกันบ๊อยบ่อยๆ มันก็น่าจะแบบบ.... :z1: :m25: :-[......... :เฮ้อ:
ริวนี่แอบน่ากลัวอยู่เหมือนกันพอมีคุณพ่อเข้ามานี้ชักหวาดๆจะมีเรื่องในอนาคต แต่ถ้าคุณพ่อกับอลันได้เสียกันก็คงไม่มีปัญหาสักเท่าไหร่มั้ง555+
-
มาปูเสื่อรอคร้าบบบ
-
ตอนนี้ต้องยกนิ้วให้อลัน นายเยี่ยมมาก ชอบที่อลันเข้าใจริวทุกอย่าง
คนเป็นพ่อนี่จะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ไม่ได้นะ
ไม่ได้เลี้ยงดูริวมาแล้ว ต้องไปทำความเข้าใจในตัวลูกกับผู้รู้สิ
ดีแล้วที่คิดจะทำอะไรแล้วคุยกับอลัน ไม่งั้นต้องมีปัญหา
อย่างที่อลันพูด ไม่มีไผ่ ริวอยู่ไม่ได้แน่
-
เข้าใจและยอมรับกันและกันมากขึ้น ขอให้เข้มแข็งนะทั้งคู่ ถ้าถึงเวลากลับไทยของพี่ไผ่กับน้องริว ไม่รู้จะมีปัญหาอะไรเข้ามาบ้าง
-
เง้อ~
ฟาดหัวคุณพ่อริวซักป๊าป *ป๊าป*
อ๊าก!!~? หวานอีกล่ะ ^^
-
:กอด1:
-
คิดถึงน้องริวกับน้องไผ่ใจจะขาดแล้วค่ะ :m15:
-
มารอน้องริวกับพี่ไผ่
-
อลันจ๋าาาาา ฝากเก็บพ่อน้องริวให้ดี ๆ นะคะ อย่าทำให้น้องต้องวุ่นวายใจมากกว่านี้เลย
จากคนที่หลงรักน้องค่ะ
-
:เฮ้อ:
-
o9 อยากอ่านตอนต่อปาย แงๆๆๆๆๆ :serius2:
-
เข้ามาติดตามแล้วนะคะ อยากเห็นรูปเล่มเร็วๆด้วยค่ะ ><
มารอน้องริวกับพี่ไผ่ อิอิ :laugh:
รอฉากสวีททททท :o8:
-
เรื่องนี้สนุกสุดยอดไปเลยค่ะ ชอบมากๆเลยค่ะ
-
แวะเข้ามามอบ+แรกให้คุณป้าAnonymus (เรียกซะสุภาพ 555+)
ฮิฮิ ในที่สุดเค้าก็กดบวกได้แล้ว :laugh:
ลัลล้าสุดๆ :oni1:
-
มาอัพเดทรายชื่อหน่อยจ้า
อัพเดตรายชื่อผู้โอนเงิน เธอคือ...ลมหายใจ
A_J seiya
Acacha
aim
Alen
Altasia
anna
aunnie_v
ba_wh99
bbc52
bbyuqin 2 ชุด
Cherry Blossom
darkeyes1
dee_dee
doutnoi
eddiam
Eros Amor
gaygraygirl
gear
Hippo
iota
J_Dragon
jaaeyboy
Japinka
jay 10-8
jim2698
joobperman
Justlove 2 ชุด
kalos
katarena
koo_eng
krichakon
loveis
mach 201
MaeMoo
maewmeaw
maicy
maio2000
mimirin
minnie_min
mizuths
mootujo
n2
Na_RimKLonG
Namioto
namwaan1992
Nilc_Kstar
nini
nirun4
Noir Oz
nomo9
nunamicky
Okada
oppee
oumoim
PandP
Piaanie
pinkychan
piride
ploaie
puzzle
r4inbow
rachanok
raintear
rannie
RoseBullet
RyomasU
saruttaya
shopstic
sogato
summers
SuSaya
sweet 98
tageszeit
Teesachi
teetarkung
thisispom
thopia
tina
V_we
vava
wan
what.wa
yeyong
yylove
zeen11
คุกกี้
มืด
ลูกหมีน้ำแดง
เทียนหอมสีน้ำเงิน
อัพเดตรายชื่อผู้ที่โอนเงินแล้วหรือยืนยันเมล์เรื่องรับหนังสือแน่นอนแล้วนะคะใครโอนเงินแล้วไม่มีชื่อช่วยจิ้มตาป้า เอ๊ย! จิ้มเมล์ป้ามาอีกทีนาค้า มีหลายท่านโอนแล้วแต่ยังไม่ส่งที่อยู่ให้ป้าช่วยส่งที่อยู่มาด้วยนะคะ ไม่งั้นจะเกิดกรณีป้าปี่เซียะเกิดขึ้น หุหุ (กลืนอย่างเดียวไม่มีคืน) ถ้ายังไม่สะดวกเรื่องที่อยู่หรือยังไงช่วยส่งข่าวด้วยค่ะ
สำหรับลูกค้าเก่า ที่ติดต่อผ่านอีกเมล์ จะไม่ได้ใส่รายชื่อไว้ในนี้นะคะ แต่ทันทีที่หนังสือเสร็จจะเมล์ไปแจ้งทันทีค่ะ
ปล.ใครที่ส่งเมล์เลื่อนโอนมาแล้ว แต่ป้าทำชื่อหล่น ช่วยท้วงมาด้วยนะค้า แก่แล้วหูตาฝ้าฟาง
:catrun:
และมีภาพงามๆ ของพี่ไผ่กับน้องริว วาดโดยคนอ่านสุดน่ารัก ขอบคุณมากค่า~ :impress2:
ใครเป็นใครพอดูรูปแล้วรู้ปุ๊บเลย เก่งจัง ^^
(http://image.ohozaa.com/i/e3f/e0b8a3e0b8b9e0b89be0b8a0e0b8b2e0b89e6.jpg)
(http://image.ohozaa.com/i/3c4/e0b8a3e0b8b9e0b89be0b8a0e0b8b2e0b89e7.jpg)
:catrun:
ตอนต่อไปรอซักครี่ ป้าส่งไฟล์มาให้แล้วจ้า
-
มาต่อกันเลยยย :laugh:
ตอนที่ 116.1
ริวอายุยังน้อยและบาดแผลก็เพียงกระสุนถากไปเท่านั้น ตอนนี้ริวช่วยตัวเองได้มากแล้วก็จริงแต่ก็ยังไม่วายงอแงเอาแต่ใจตัวเองจนใครก็เข้าหน้าไม่ติดนอกจากพสุ แม้จะเหนื่อยที่ต้องคอยดูแลริวตลอดเวลาแต่พสุกลับมีความสุขมากกว่าจะเดือดร้อนรำคาญใจ
ไม่ถึงสองสัปดาห์เด็กหนุ่มก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ แต่แพทย์ยังไม่ให้ริวเดินทางในตอนนี้เพราะยังไม่แข็งแรงพอ ริวกับพสุจึงต้องพักอยู่ที่นิวยอร์คต่อไปอีกประมาณ 1 สัปดาห์
พสุสูดลมหายใจลึกเมื่อรู้ว่าบนยอดตึกอาคารสำนักงานกลางมหานครนิวยอร์คแห่งนี้คือ ‘บ้าน’ ของริว เพราะแน่นอนว่าไม่เพียงแค่ห้องบนชั้นสูงสุดของตึกเท่านั้น แต่ริวยังเป็นเจ้าของตึกทั้งหลังอีกด้วย
ชั้น 9 ทั้งชั้น เป็นห้องโล่ง กว้าง จนเวิ้งว้าง ผนังทุกด้านเป็นจอโทรทัศน์ขนาดยักษ์ไม่เว้นแม้แต่เพดาน กลางห้องปูพรมหนานุ่มมีแต่หมอนใบน้อยใหญ่หลายสิบใบ มุมห้องเป็นที่วางเครื่องดนตรี มีตั้งแต่เครื่องดนตรีชิ้นใหญ่ๆอย่างเปียโนจนถึงเครื่องเป่า อย่าง Concert Flute ส่วนอีกด้านเป็นคอมพิวเตอร์และเครื่องเสียง
“ห้องริวเองครับ”
“อืม...โล่งนะ...”พสุตอบแล้วเหลียวมองไปรอบๆ เพื่อมองหาห้องนอน เพราะอยากให้ริวได้นอนพัก
“พี่หาอะไรครับ” ริวถามยิ้มๆ เพราะสังเกตเห็นอาการกวาดตามองไปรอบๆ ของพสุ
“แล้วห้องนอนอยู่ไหนล่ะ ริวควรจะนอนพักได้แล้วนะ”
“ก็นั่นไงครับ” ริวชี้ไปที่พรมหนากลางห้อง
“หืม?” พสุเหลียวมองตามแล้วอึ้งไปชั่วขณะ นั่นสินะ เขาไม่น่าลืมว่าห้องนอนของริวที่บ้านพักบริษัทก็เป็นแบบนี้ ห้องโล่งกว้างที่ไม่มีอะไรเลยแม้แต่เตียง มีเพียงพรมหนานุ่มและหมอนหลายสิบใบ
“ปกติริวนอนแบบนี้แหละครับ” ริวตอบแล้วหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นพสุทำหน้าปั้นยาก
“แต่ตอนนี้ริวเจ็บอยู่ จะนอนได้เหรอ”
“อลันสั่งคนจัดห้องนอนให้ใหม่แล้วครับ อยู่ชั้นแปด...ตอนแรกเขาจะจัดห้องนี้แหละ แต่ริวให้เก็บไว้ก่อน อยากให้พี่มาเห็นห้องเดิมของริว...ริวมีอะไรจะให้พี่ดูด้วย” เด็กหนุ่มตอบแล้วเดินไปที่เครื่องเสียงมุมห้อง หยิบรีโมทมากดเลือก แล้วจอพลาสมาขนาดใหญ่รอบห้องก็เปิดขึ้นพร้อมกัน
พสุกะพริบตาถี่ๆ เมื่อจู่ๆ ก็เห็นหน้าตัวเองบนจอขนาดใหญ่รอบห้อง เป็นเทปบันทึกภาพตอนที่เขาประกวดร้องเพลง แม้จะพอรู้ว่าตอนนั้นรายการถ่ายทอดไปทั่วโลก แต่ก็เป็นของระบบเคเบิ้ลเล็กๆ ไม่คิดว่าริวจะมีเทปบันทึกรายการอยู่ด้วย
“ริว...ไปได้เทปบันทึกภาพพวกนี้มาจากไหน” พสุถามแล้วเหลียวมองจอภาพรอบตัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่ว่าจะเหลียวไปทางไหนก็จะมีแต่ใบหน้าของเขามองตอบกลับมา
“ริวดู แล้วก็อัดไว้เองครับ”
“หืม! ริวดูด้วยเหรอ”
“ครับ...ไม่แค่ดูนะครับ ริวอัดไว้หมดเลยด้วย...ซีดีทั้งหมดที่พี่เห็นนั่นเป็นเรื่องพี่หมดเลย” ริวตอบอวดๆ แล้วผายมือไปยังชั้นที่จัดเรียงซีดีไว้นับร้อยแผ่นอย่างเชิญชวน
พสุเดินเลือกดูซีดีในชั้นที่วางเรียงกันเป็นระเบียบแล้วได้แต่อึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงริวจะบันทึกภาพตอนเขาประกวดร้องเพลงไว้เท่านั้น ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะมีผลงานเขาแทบทุกงาน ละครที่เขาเล่นริวก็บันทึกเอาไว้ทุกเรื่อง
พสุหยิบซีดีบางแผ่นออกมาเปิดดู ก็พบว่าหากเป็นละครริวจะเน้นบันทึกเฉพาะฉากที่เขาแสดงเท่านั้น แม้จะข้องใจว่าริวไปได้เทปพวกนี้มาได้อย่างไร แต่พสุมีเรื่องสนใจมากกว่านั้น
“ทำไมต้องมีทีวีรอบตัวไปหมดแบบนี้ล่ะริว”
“ไม่รู้สิครับ ริวชอบ คงเพราะเวลาเปิดทีวีทิ้งไว้ จะเหมือนมีเพื่อน ไม่ได้อยู่คนเดียว” ริวตอบเสียงเรียบเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ขณะที่คนฟังรู้สึกจุกเหมือนถูกชก...ไม่มีใครรู้รสชาติของความโดดเดี่ยว หากไม่เคยเผชิญหน้ากับมันอย่างที่เขาเคยเผชิญ
พสุเดินมาทรุดลงนั่งข้างๆ ริวเอียงตัวเข้ามากอดซบกับไหล่ ชายหนุ่มขยับให้ริวกึ่งนั่งกึ่งเอนซบได้ถนัดกว่าเดิม
“เหงามั้ย” พสุถามเสียงเบา ความรู้สึกที่เหลือเพียงตัวคนเดียวบนโลกมันช่างหนาวเหน็บ เยือกเย็น และทุกข์ทรมานจนแทบบ้า
“เหงาครับ...เหงาจนบางทีริวก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีก...โลกนี้มันว่างเปล่าเกินไปสำหรับริว”
“ริว!” พสุใจหายที่ได้ยินแบบนั้น
“ริวไม่กล้าฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เพราะกลัว...แต่ริวรับปากแม่กับอัลเบิร์ตไว้ ว่าริวจะไม่ทำอย่างนั้น ริวเคยเสียใจที่รับปากไปแบบนั้น...แต่มาตอนนี้ริวดีใจ ถ้าริวฆ่าตัวตายไปก่อน ริวคงไม่ได้เจอพี่...คงไม่มีโอกาสได้มีความสุขแบบวันนี้” ริวเงยหน้าขึ้นยิ้มประจบอย่างน่าเอ็นดู พสุก้มลงจูบหน้าผากเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วเกลี่ยปากไปบนคิ้วเข้มทั้งสองข้าง แตะจูบบนเปลือกตากว้างที่พริ้มหลับรับสัมผัสอย่างเต็มใจ
“พี่ก็ดีใจที่ริวไม่ได้ทำแบบนั้น...เพราะถ้าไม่มีริว วันนี้พี่จะอยู่ยังไง”
“ริวสำคัญขนาดนั้นเชียวเหรอครับ...”
“จนป่านนี้แล้ว ยังต้องถามอีกเหรอ...ริวคือคนสำคัญที่สุดของพี่นะครับ” พสุบอกเสียงนุ่มแล้วจูบบนปลายจมูกโด่งเบาๆ ริวซุกหน้ากับอกอุ่น หลับตาพริ้ม ปากหยักบางยิ้มกริ่มด้วยความดีใจ ขณะที่พสุกดรีโมทไล่ดูภาพที่ริวบันทึกไว้อย่างสนใจ
“ริวอัดเทปละครพี่ไว้หมดทุกเรื่องเลยเหรอ” ชายหนุ่มถามยิ้มๆ ขณะเลื่อนรีโมทย้อนดูภาพในซีดีกลับไปกลับมา
“ครับ” ริวตอบแล้วยิ้มแป้น ท่าทางภูมิอกภูมิใจจนพสุนึกขัน
“แล้วทำไมบางฉากมันหายไปล่ะ” ชายหนุ่มถามยิ้มๆ พลางย้อนภาพกลับไปอีกฉาก
“ไม่หายนี่ครับ ริวอัดไว้เอง จะหายได้ยังไง” ริวตอบแล้วขึ้นนั่งตัวตรง คิ้วเข้มขมวดมุ่น จ้องมองดูภาพที่ถูกย้อนกลับเขม็ง
“ก็นี่ไง...ต่อจากฉากนี้มันจะเป็นฉากเลิฟซีนของพี่กับนางเอกนี่นาทำไมไม่มีล่ะ” พสุถามยิ้มๆ ทั้งที่เขาพอจะรู้สาเหตุ แต่ก็อดแกล้งเด็กหนุ่มไม่ได้ ชายหนุ่มกลั้นหัวเราะจนปวดท้องเมื่อรอยยิ้มเกลื่อนหน้าของเด็กหนุ่มหายวับ แก้มซูบพองลมด้วยความไม่พอใจ คิ้วเข้มขมวดจนแทบชิดขณะที่ดวงตาอ่อนใสหรุบต่ำ
“ก็ริวหวงนี่” ริวตอบเสียงอู้อี้ แล้วก้มลงจ้องมองพรมหน้าคว่ำ
“หวงอะไร...เรื่องนี้น่ะ ริวยังไม่เคยเจอกับพี่เลยนะ” พสุยังแกล้งกระเซ้าไม่เลิก ก็นานๆ ทีจะได้แกล้งริวคืนแบบนี้ มีหรือชายหนุ่มจะปล่อยโอกาสให้หลุดมือไป
“แต่ริวจองพี่ไว้แล้วนี่” ริวทำเสียงขึ้นจมูก ท่าทางเหมือนเด็กถูกขัดใจทำให้พสุยิ่งสนุกที่ได้แกล้ง
“อย่ามามั่วนิ่ม จองเจิงอะไร พี่ไม่รู้เรื่องด้วยสักหน่อย...เสียดายจัง นางเอกคนนี้เซ็กซี่มากด้วยสิ”
“พี่อ่า อย่าพูดถึงคนอื่นแบบนี้นะ ริวไม่ชอบ!” ริวทำเสียงแข็งจนแทบเป็นขู่ในตอนท้าย เด็กหนุ่มโผเข้ากอดพสุไว้แน่นจนเจ็บ ตาโตแดงก่ำด้วยความน้อยใจ
“ริว! เฮ้ พี่ล้อเล่น...ริวครับ...ไม่เอาน่า พี่แค่ล้อเล่น” พสุไม่พยายามผละจากวงแขนที่รัดแน่น แต่กลับโอบกอดตอบเพื่อปลอบประโลม รู้สึกเสียใจที่ล้อเล่นเลยเถิดทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าริวเป็นเด็กอ่อนไหวแค่ไหน เรื่องอื่นยังพอคุยกันได้ แต่เรื่องหึงหวงนั้นทำให้ริวเป็นคนไร้เหตุผลได้ง่ายๆ
“ริวไม่ชอบ อย่าพูดอีกนะ ถึงล้อเล่นริวก็ไม่ยอม” ท่ากัดปากแน่น น้ำตาคลอเจียนหยดในหน่วยตากลมโตทำให้พสุยิ่งใจเสีย
“ได้ๆ พี่ไม่เล่นแบบนี้อีกแล้ว ริวครับ เลิกกัดปากเถอะ เลือดออกแล้วนะ” พสุห้ามละล่ำละลักเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มกัดปากตัวเองจนเลือดซึม
“ริวหวงพี่นะ ล้อเล่นก็ไม่เอา ริวทรมาน” ริวอ้อนเสียงเศร้าแล้วกอดรัดพสุแน่นขึ้น
“พี่ขอโทษนะครับ” พสุกระซิบขอโทษแล้วจูบบนขมับริวเบาๆ พร้อมกับโยกตัวไปมาเพื่อปลอบเด็กหนุ่มทำให้ริวคลายความน้อยเนื้อต่ำใจ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นเพื่อให้ปากเขาสัมผัสกับปากของพสุ ต่างคนต่างเบียดคลึงหยอกล้อกันด้วยริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่ง ริวก็เป็นฝ่ายยอมผละออกแต่โดยดี
“ริวยกโทษให้ก็ได้ เพราะริวเป็นเด็กดี” ริวโอ้อวดตัวเองหน้าตาเฉย จนพสุอดหัวเราะไม่ได้
“อื้อหือ! ดีซ้า” ชายหนุ่มทำเสียงประชดล้อๆ แล้วขยี้ผมที่ซุกอยู่กับไหล่เล่น
“ริวไม่ดีเหรอ?” ริวถามเสียงอู้อี้ แล้วเกลือกหน้าไปมาบนอกอุ่นพร้อมกับทิ้งน้ำหนักตัวไปหาจนพสุหงายลงไปบนพรม ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วกอดริวตอบ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างระมัดระวังเพราะเกรงว่าแผลน้องจะสะเทือน
“ดีค้าบดี ดีที่หนึ่งเลยด้วย คราวนี้คนดีปล่อยพี่ได้หรือยัง รัดพี่แรงขนาดนี้ไม่เจ็บแผลหรือไง” หางเสียงพสุทอดอ่อนด้วยความเป็นห่วง ทำให้ริวยิ่งซุกตัวเข้าหามากขึ้น หากตัวเล็กกว่านี้เด็กหนุ่มคงปีนขึ้นไปนั่งบนตักพสุแล้วเพื่อออดอ้อนให้เต็มที่ แต่ในเมื่อทำไม่ได้ก็อาศัยกอดซุกในอ้อมแขนอุ่นแทน
“เจ็บค้าบ แต่กอดพี่แล้วอุ่นนี่ ริวชอบ” ริวอ้อนแล้วขยับเบียดเข้าหาพสุมากกว่าเดิม
“หนาวเหรอ...เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้าห่มให้เอามั้ย ผ้าห่มอยู่ไหนล่ะ?”
“ในตู้เสื้อผ้าครับ” ริวบอกแล้วทำท่าจะลุกขึ้น แต่พสุกดไหล่เด็กหนุ่มไว้แล้วหยิบหมอนมาให้ริวหนุนแทนตักเขา
“พี่หยิบให้...ตู้เสื้อผ้าอยู่ไหน?”
“ข้างประตูห้องน้ำเลยครับ”
ตู้เสื้อผ้าฝังผนังกลมกลืนกับผนังข้างห้องน้ำจนแทบมองหารอยต่อไม่พบหากไม่เพราะริวชี้ให้ดู พสุเปิดตู้หยิบผ้าห่มผืนใหญ่ออกมาห่มให้ริวแล้วทรุดลงนั่งข้างๆ พอเขานั่งริวก็เลื่อนศีรษะขึ้นวางบนตักทันทีเหมือนรออยู่ก่อนแล้ว ซึ่งพสุก็ไม่ได้ปฏิเสธ ชายหนุ่มลูบแก้มขาวซูบอย่างนุ่มนวลขณะกวาดตาดูรอบๆ ห้อง
“เมื่อก่อนริวนอนแบบนี้เหรอ”
“ครับ” ริวตอบแล้วยิ้มแป้น คว้ามือพสุมาจูบแล้ววางไว้บนแก้ม รับสัมผัสจากนิ้วเรียวยาวที่ไล้บนแก้มเขาเล่นด้วยความเพลิดเพลิน
“ทำไมล่ะ” พสุถามแล้วแตะนิ้วบนปลายจมูกโด่งเย็นหยอกเย้า เลยโดนริวคว้ามือเอาไปวางไว้บนอก
“ก็...ริวชินมั้ง เมื่อก่อนตอนอยู่กับแม่ก็นอนแบบนี้” ริวตอบแล้วทำท่าจะยกตัวขึ้นจูบพสุ แต่กลับต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ แม้จะแข็งแรงจนออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ก็ใช่จะหายดีขนาดที่จะเกร็งกล้ามเนื้อลุกนั่งได้อย่างใจ
“ตอนอยู่กับแม่ก็นอนพื้นเหรอ” พสุชวนคุยพลางลูบไหล่กว้างเบาๆ เพื่อปลอบให้ริวคลายเจ็บ
“ครับ...พอนอนเตียงมันแปลกๆ...เหมือนตัวลอยๆ นอนคนเดียวแล้วมันน่ากลัว ริวเลยชอบนอนพื้น...แต่พอมีพี่ ริวก็กล้านอนบนเตียง เพราะมีพี่นอนด้วย ริวไม่กลัว” ริวทำเสียงอ้อน แล้วรั้งต้นคอพสุลงไปหาแทน
ปากนุ่มงับเบาๆ บนปากล่างอิ่มตึงของพสุ ก่อนจะลูบเล่นด้วยปลายลิ้นแล้วค่อยสอดเข้าไปในโพรงปากหอม ลิ้นอุ่นที่รอท่าอยู่แล้วเกี่ยวตอบรับอย่างกระตือรือร้น จนริวหัวหมุน เลือดอุ่นๆ ฉีดพล่านขึ้นมาทันที อารมณ์ที่หวังเพียงจะเย้าหยอกเริ่มเตลิดไปไกลเมื่อต่างฝ่ายต่างสอดลิ้นกอดรัดยั่วเย้ากันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
มืออุ่นที่วางอยู่บนอกกว้างลูบไล้แผ่นอกใต้ฝ่ามือเล่น แต่คนโดนลูบเริ่มอยู่ไม่ติดที่ วงแขนที่เกี่ยวรัดรอบเอวพสุเริ่มรัดแน่นขึ้น ขณะที่ร่างกายร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ พสุรีบผละปากออกเพราะสังเกตอาการหอบหายใจแรงของเด็กหนุ่ม แต่ริวไม่ยอมปล่อย เด็กหนุ่มยกตัวตามเพื่อรั้งปลายลิ้นของพสุไว้ อาการเกร็งตัวขึ้นทำให้แผลเจ็บแปลบจนสะดุ้ง
“ริว! เป็นไงบ้าง เจ็บมากมั้ย” พสุรีบประคองเด็กหนุ่มลงนอนอย่างเดิม ริวหน้าซีดเหงื่อซึมหน้าผาก อารมณ์ร้อนรุ่มดับวูบเพราะความเจ็บ
“...ครับ” ริวตอบเสียงอ่อยด้วยความเจ็บ ขัดเขิน และหงุดหงิด ทั้งที่เป็นฝ่ายเรียกร้องจากพสุเองแท้ๆ แต่พอพสุยอมตามใจเขากลับไม่มีปัญญาทำอะไร พสุบีบปลายจมูกโด่งเบาๆ อย่างหยอกล้อ ก่อนจะหาเรื่องคุยเพื่อให้ริวลืมความหงุดหงิดที่ร่างกายไม่พร้อมอย่างใจ
“พี่ว่าริวนอนพักได้แล้วนะ....แต่ห้องนี้จะลุกจะนั่งคงไม่สะดวกเท่าไหร่ ห้องที่จัดใหม่อยู่ไหนครับ”
“ชั้นล่างครับ” ริวตอบแล้วซบหน้าลงกับไหล่พสุ
พสุประคองริวลุกไปที่ลิฟต์แล้วกดลงไปชั้นล่าง ทั้งชั้นแบ่งออกเป็นสองห้อง ห้องนอนของริวเรียบโล่งตั้งเตียงขนาดใหญ่กลางห้อง มุมห้องมีโซฟาแบบปรับนอนได้ และหมอนหลากสีสดใส
“นอนพักก่อนนะ”
“พี่หยิบรูปให้ริวหน่อย” พสุหันไปตามสายตาริวก็เจอกรอบรูปแม่ของริววางอยู่บนโต๊ะข้างโคมไฟจึงหยิบมาให้ ข้าวของๆ เขาและริวทุกชิ้นถูกนำกลับมาครบถ้วนในสภาพเดิมไม่มีชิ้นใดบุบสลาย รวมถึงรถของภมรที่ถูกส่งคืนเจ้าของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนที่ติดต่อภมรได้พสุก็รีบขอโทษภมรด้วยความเกรงใจ แต่ภมรยืนยันว่าเขาไม่ได้ห่วงรถเลยสักนิด ที่เขาห่วงที่สุดก็คือความปลอดภัยของพสุกับริวมากกว่า และดีใจมากที่รู้ว่าทั้งคู่ปลอดภัยแล้ว ริวก้มลงยิ้มกับกรอบรูปในมือด้วยท่าทางดีอกดีใจจนทำให้พสุเผลอยิ้มตามไม่ได้
“โชคดีจริงๆที่ได้คืน ริวมีรูปแม่อยู่ใบเดียวด้วย...พี่ดูนี่สิ” พสุเอื้อมมารับแล้วชะงักเมื่อเห็นรูปในกรอบอีกด้าน
“รูปพี่?”
“ครับ...ริวใส่ไว้ตั้งนานแล้ว...รูปพี่กับรูปแม่ คนสำคัญที่สุดของริว ริวเอาใส่ไว้ด้วยกัน จะได้เอาติดตัวไปไหนๆ ด้วย”
พสุนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ผุดลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมพร้อมกับหยิบกรอบรูปของริวไปแกะเอารูปตัวเองออก
“พี่เอาออกทำไมละครับ”
“เอารูปแม่ใส่ไว้แทนดีกว่า” พสุบอกเสียงเรียบ แล้วยื่นกรอบรูปคืนให้ริว ด้านที่เคยใส่รูปเขากลายเป็นรูปของสุดา ริวมองรูปแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาพสุงงๆ เมื่อชายหนุ่มสอดแขนเข้ามาดึงตัวเขาไปกอดไว้
“ทำหน้าแบบนี้ไม่ดีใจเหรอที่พี่ให้รูปแม่” พสุถามยิ้มๆ แล้วหอมแก้มซูบที่มีไรหนวดเขียวเป็นปื้นเบาๆ ริวยิ้มร่าแล้วหอมพสุตอบทั้งสองแก้ม
“ดีใจครับ...แต่ก็เสียดายรูปพี่”
“เสียดายทำไมครับ ก็พี่อยู่กับริวตลอดเวลา ไม่ต้องมีรูปพกติดตัวก็ได้ไม่ใช่เหรอ” พสุถามยิ้มๆ ทั้งที่รู้สึกเขินกับคำพูดตัวเอง แต่สีหน้าสดใสดวงตาเป็นประกายวาวระยับด้วยความยินดีของริวทำให้ความเก้อเขินถูกแทนที่ด้วยความอิ่มเอมที่ได้เห็นคนรักมีความสุข แม้จะเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
“นั่นสิครับ...ทำไมริวโง่จัง” ริวว่าตัวเองด้วยรอยยิ้มเบิกบาน เด็กหนุ่มปัดจมูกกับปลายจมูกโด่งแหลมของพสุเล่นเป็นเชิงหยอกล้อ พสุหัวเราะแล้วเลื่อนปากขึ้นจูบหน้าผากเด็กหนุ่มเบาๆ ก่อนจะรั้งให้ริวนอนลงบนเตียงนุ่มด้วยกัน
“นอนพักดีกว่า ริวหน้าซีดมากเลยนะ ปวดแผลมั้ย” พสุถามพลางอังหลังมือบนหน้าผากขาวเพื่อวัดไข้
“ไม่ครับ แค่ตึงๆ แต่มันหวิวๆ” ริวตอบเสียงแผ่ว แล้วเกลือกหน้าบนอกพสุเบาๆ ด้วยความสุข วงแขนที่กอดรอบเอวพสุขยับแน่นขึ้นเพื่อให้ร่างกายเบียดกระชับกันให้มากที่สุด
“คงเพลีย นั่งรถมาตั้งนานนี่นะ...งั้นก็หลับสักตื่น จะได้ดีขึ้น” ชายหนุ่มกระชับวงแขนที่โอบรอบตัวริวให้แน่นขึ้นอีกนิดทั้งที่ริวก่ายเกยจนแทบจะขึ้นมานอนทับเขาไว้ทั้งตัวแล้ว
..................................................
เสียงกริ๊กเบาๆของประตูปลุกให้พสุสะดุ้งตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มเหลือบมองไปที่ต้นเสียงแล้วใจกระตุกกับสายตาเย็นชาของอีกฝ่าย...วูบแรกพสุรู้สึกละอายสภาพกอดซบแนบชิดของเขากับริว แต่ชั่วพริบตาชายหนุ่มก็ปัดความคิดนั้นออกจากสมอง ความรักไม่ใช่เรื่องน่าละอาย ไม่ว่าอลันจะคิดกับเขาและริวยังไง นั่นก็เป็นเรื่องของอลัน ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องเก็บมาใส่ใจ พอคิดได้อย่างนั้นพสุก็สบตากับอลันด้วยสายตาที่สงบนิ่ง ไม่ท้าทาย แต่ไม่หวั่นกลัว
อลันหรี่ตาลงเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงในดวงตาของพสุ เด็กคนนี้เปลี่ยนไป ไม่เหลือเค้าแห่งความอับอาย หวาดหวั่น ไม่มั่นใจกับสายตาเขาอีกแล้ว ดูเหมือนพสุจะยอมรับความสัมพันธ์ของเขากับริวได้สนิทใจเสียที
ทั้งคู่จ้องมองกันนิ่งๆ ต่างประเมินกันและกันอยู่เงียบๆ สุดท้าย อลันก็ค้อมศีรษะให้พสุ แล้วกลับออกไปจากห้อง
พสุไม่แน่ใจว่าอลันก้มศีรษะให้เขาทำไม แต่ถ้าจะให้เดา เขาคิดว่านั่นคือการแสดงการยอมรับของอลัน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ชายหนุ่มไม่คิดว่าจะมีผลต่อความสัมพันธ์ของเขากับริว เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนอลันจะไม่เคยก้าวก่ายกับการตัดสินใจใดๆของริว
พสุเหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียงแล้วค่อยๆปลดตัวเองออกจากอ้อมแขนของริว ดูเหมือนเมื่อครู่อลันคงตั้งใจจะเข้ามาปลุกริวกินยา ชายหนุ่มยังไม่ทันยกหูโทรศัพท์ เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้นเบาๆ พสุลุกไปส่องดูแล้วเปิดประตูให้ บอดี้การ์ดคุ้นหน้าคนหนึ่ง เข็นรถอาหารเข้ามา ดูเหมือนจะเป็นอาหารเที่ยงของเขากับริว
“ผมจัดการเองครับ” พสุรีบอาสาด้วยความเกรงใจ บอดี้การ์ดคนนั้นรับคำเบาๆ แล้วถอยออกไปพร้อมกับปิดประตูให้พสุเข็นรถไปไว้ที่โซฟา แล้วไปปลุกริว
“ริว...ริว...ตื่นมากินข้าวก่อน เดี๋ยวต้องกินยาแล้ว”
“...ครับ” ริวลุกขึ้นมานั่งงงๆ แต่พอพสุดึงมือ เด็กหนุ่มก็ลุกตามมาอย่างว่าง่าย
“โอ้โฮ! อาหารน่ากินมากริว ดูสิ”
“...ริวไม่หิวเลย...”
“ไม่หิวก็ต้องกินสักหน่อยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวกินยาแล้วปวดท้อง”
“ริวยังไม่อยากกินเลย”
“นะครับ ดูสิ เป็ดอบส้ม น่ากินออก ลองดูนะ” พสุเอาใจขนาดตัดป้อนถึงปาก ริวอิดออดเล็กน้อยก็ยอมกิน เด็กหนุ่มพยายามซ่อนยิ้มไว้อย่างยากเย็นเพราะหัวใจพองคับอกด้วยความสุขที่พสุตามใจเขาขนาดนี้
...............................
-
มาแล้ววว o13 :mc4:
เย้ๆๆ จิ้มก่อนไปอ่านครับ 55
ริวจองพี่ไว้แล้ว
โอ๊ย ชอบคำนี้ 55+
ในที่สุดอลันก็ยอมรับพี่ไผ่สักทีน้อ~ อีกตั้ง1สัปดาห์กว่าจะกลับไทยจะเป็นยังไงกันบ้างนะ
รอ116.2อย่างตื่นเต้น
ปล.ลงรูปด้วย อายจัง 55+!! :o8:
-
อ๋อออยยยยยย :-[ :-[ หวานไปหนายยยยยยย :o8: :o8:
กรี๊สสสสสสส น้ำตาลในพุ่งกระฉูดดด
ไม่ไหวแล้วววววววว
สลบกับความขี้อ้อนของหนูริว เอื้อกกก
o13 o13 o13
:L1:
-
อลันยอมรับพี่ไผ่แล้ว ดีใจๆๆๆๆ :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
ริวก็อ้อนซะ :impress2: :กอด1:
-
อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขไปกับริวด้วยจัง :-[
ในที่สุดไผ่ก็เลิกแสดงความไม่แน่ใจและหวาดหวั่นซะที :L1:
ขอบคุณสำหรับตอนที่ 116.1 ค่ะ :pig4:
-
เย้ ได้อ่านตอนใหม่ก่อนนอน :L1:
ช่วงนี้หวานกันเต็มที่จริงๆ มีความสุข มีความสุข
-
เง้อออออออ น่ารักอ่ะ :o8:
แต่แอบฮาตอนที่ริวพาพี่ไผ่มาห้อง เพราะนึกถึงสมการอันนึงที่ใครเคยเขียนไว้ขึ้นได้ เชาบอกว่า...
ถ้าพสุรักริว สิ่งที่ริวทำ=โรแมนติก
ถ้าพสุไม่รักริว สิ่งที่ริวทำ=โรคจิต!
555+
ดีใจแทนน้องริวเมื่อพสุเริ่มไม่อายใคร เรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับริวแล้ว ดีใจแทยริวจัง
ว่าแต่เรื่องนี้ถึงไม่ซื้อหนังสือก็ได้อ่านจนจบใช่ไหมคะ?
-
อ่านตอนนี้อบอุ่นสุดๆ :-[
เห็นพี่ไผ่เข้าใจและรู้ใจของตัวเองแบบนี้แล้ว
ก็ไม่รู้สึกกังวลแล้วที่จะกลับเมืองไทย
เพราะไม่ว่าจะมีปัญหาใดๆตามมา
พี่ไผ่ไม่มีวันจะปล่อยมือริวแน่นอน
+1 ให้พี่ไผ่กับคำพูดหวานๆ แถมแกล้งล้อเล่นกับน้อง :m3:น่ารัก
-
ริวนี่น่ารักจริงๆ
-
ตอนนี้อบอุ่นมากมาย
อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขมากมายเลยครับ
เข้าใจซึ่งกันและกันสุดๆๆ พี่ไผ่ ยอดเยี่ยมม ริวก็ยอดเยี่ยม
เหมือนอลันจะมองพี่ไผ่ใหม่ซะแล้ววว ดีใจด้วยยยยย ยู้วฮูวววววววว
-
อลัน ไม่อยากบอกเลยว่านายรังษีเคะราชินีออกชัดเจนมากเลยอ่ะ o22
พี่ไผ่ในที่สุดก็คิดได้ซักที ลุ้นกันเหนื่อย ส่วนอิหนูริว น่าร้ากกกเหมือนเดิม อิอิ o13
-
อยากจะกรี๊ด
มันหวาน อบอุ่น ซาบซึ้ง และซาบซ่าน กร๊ากก
ต่อไปนี้ ไผ่ไม่กลัวสายตาคนอื่นแล้ว
แล้วถ้าเมืองไทย ไผ่จะแคร์สื่อหรือเปล่าเนี่ยะ
ไม่ต้องถามริว เพราะถ้าพี่ยอมรับ ริวไม่เคยแคร์หน้าไหนทั้งน้าน :really2:
-
ดีใจกับริวที่ตอนนี้พี่ไผ่ หนักแน่นมั่นคง ชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองแล้ว o13
-
โอ้ย :o8: :-[
สำลักน้ำตาลรอบดึก
-
อ่านแล้วอมยิ้มแก้มป่อง ก็น่ารักซะขนาดนั้น ไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้ต้องเศร้าอีกเลยอ่ะ เจอกันมาหนักเหลือเกินแล้ว :กอด1:
-
อ๋า... ถึงจะแอบเชียร์ให้รักกันหวานชื่น
แต่นี่มันจะหวานเกินไปหน่อยไป วิ้ว... กอดกันกลม กอดกันกลม ตอนนี้พี่น้องท้องติดกันตลอดเลยอะ ฮิฮิฮิ
มีเขามีเรา มีเธอมีฉัน น่ารักอะ
-
ขี้อ้อนได้อีกนะ...น้องริว
-
พสุในที่สุดก็ยอมรับริวอย่างเต็มที่ซักที
แต่ว่านะเฮ้อ ไหนจะเรื่องเมืองไทยอีก :z3: :z3:
สองคนนี้จะทำยังไงนะ
-
ริวไผ่สู้ๆ o13 :z2:
-
ฮู้ยยยยยยยย หวานกันซ้าาาาาา :impress2:
-
อู๊ยยยยยยยยยย นับวันน้องจะยิ่งเจ้าเล่ห์ แต่น่ารักนะ :z1:
-
นาทีนี้จะมีใครมีความเท่าริวอีกมั้ยเนี่ย นอกจากเรื่องที่ต้องเจ็บตัวอ่ะนะ :-[
-
โอย ตอนแรกนึกว่าพี่ไผ่จะกลัวซะอีกที่โดนริวสต๊อกเกอร์
แต่ก็นะ ความรักชนะทุกสิ่งจ๊า
ตอนนี้ริวมีความสุขม๊ากมาก อิจฉามากค่ะขอบอก
-
ช่วงนี้เป็นช่วงให้ตักตวงความสุขของคนอ่านใช่ไม๊ครับ
-
ป่วยแล้วแผนเยอะนะริว
-
อร้ายยย ให้ความรู้สึกแบบโลกนี้มีเพียงเราจังเลยน้าสสสส :กอด1:
-
เจ้าเล่ห์นักนะเจ้านู๋ริว จะอ้อนพี่ไผ่นี่เอง
ดีใจจังที่พี่ไผ่ยอมรับความจริงซะทีเนอะ
-
ไผ่เอ๊ย ปลื้มแทนเลยนะเนี่ยที่ริวรักพี่ไผ่มากขนาดนี้
และนั่น คงทำให้ไผ่ยอมรับความสัมพันธ์นี้
อลันก็เลยต้องยอมรับไปด้วยอีกคน เย้เย้
-
แค็ก ๆ ๆ ๆ อ่ะ สำลักน้ำผึ้งจ้ะ
-
ในที่สุดพี่ไผ่ก็ยอมรับตัวเองได้ซักทีเนาะ
ถ้าพี่ไผ่แสดงออกถึงความมั่นคงจริงจังกับรักของริว อลันก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว ก็คงยอมรับพี่ไผ่โดนไม่กังขาอะไรแล้วเนาะ
ไม่อยากจะนึกว่าถ้าริวหายเมื่อไหร่ พี่ไผ่จะได้หลับได้นอนไหม 555
-
+1 ค่ะ
กลับไปเมืองไทยแล้วยังจะมีโอกาสได้หวานๆ แบบนี้อีกรึเปล่า?
-
ดู๋ดูดู ริวเจ้าเล่ห์ไม่เปลี่ยน นี่แกล้งไม่อยากกินเพราะอยากให้พี่ไผ่เอาใจใช่มั้ยเนี่ย ร้ายนักนะ แต่ก็น่าร๊ากกกก
-
:เฮ้อ:
ในที่สุดพี่ไผ่ก็ยอมรับความรักกับริวซะที
ลุ้นจนเหนื่อยเลย สนุกจริงๆ เรื่องนี้
o13 o13
-
หวานมากมาย :-[ อลันยอมรับพสุแล้วด้วยยยย
ริวอ้อนมากก แอบขำตอนที่น้องหึงหวง :m20:
หวานกันเยอะๆนะนู๋ริว แอบหวั่นแทนตอนกลับเมืองไทยเนี่ยแหละน๊า :เฮ้อ:
รอตอนต่อไปค่ะ อิอิ
-
เจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันนะริว o18 แต่ไม่เป็นรคนอ่านให้อภัยเพราะเจ้าเล่ห์แบบนี้คนอ่านชอบ :laugh:
:pig4: คะ
-
ให้กำลังใจน้องไผ่ริวเสมอนะ สู้ๆๆ รักแท้จะพาเราผ่านอุปสรรคไปได้ :L1:
-
+1 ให้พสุ ที่กล้ายอมรับและมั่นคงในความรู้สึกที่มีต่อริวจนอลันยอมรับ o13
-
แผนสูงตลอดเรยนะคุณน้องริวววว
อ้อนให้ได้ ทุกตอนสิน่า
ส่วนพี่ไผ่ ในที่สุดก้อไม่อายแระรู้สึกผิดได้เสียที
เย้ ^^
-
ฮั่นแน่ๆ หนูริว ความสุขทะลุอกไหมลูก
-
หวังว่าพอกลับไปที่ไทยแล้ว ตอนหวาน แบบนี้จะไม่มีมาให้เห็นเท่าไหร่
พสุจะแคร์สายตาคน ริวก็จะต้องอดทนและหงุดหงิด กลัวว่าจะกลายเป็นความไม่เข้าใจกันอีก
บางทีแค่รักมันก็ไม่พอนะ
-
อา ชอบตอนนี้จัง เหมือนพสุได้เรียนรู้ชีวิตของริวบ้าง
-
พี่ไผ่น่ารักกกกก,,
ทุกอย่างที่นี่โอเค เหลือแค่ที่เมืองไทยรึปล่าวนะ !!!
งื้ออออออ
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ
ปล. รอเล่มๆๆๆ ^^
-
นั่งรอ นอนรอ ตอนที่ 116.2 ค่ะ :impress2:
-
น้าน~
หวานได้อีก ^^
ปล. ชื่อผมปรากฎแล้วคับ >>,<< เฮ้อ~ ขอบคุนครับ
-
อ่านตอนนี้แล้วดีใจจัง ที่ไผ่ยอมรับริวอย่างสนิทใจ
แม้แต่อลันที่เคยว่าไผ่ยังยอมรับ
น้องริวถึงจะบาดเจ็บอยู่แต่ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักริวจริงๆ
-
กินด้วย ป้อนเค้าด้วย เค้าจะกินเป็ดอบส้มด้วยยยย
-
เฮ้ออออ มีความสุข :m1:
-
อลันยอมรับพี่ไผ่แล้ววววววว :pig4:
-
กรี๊ดดดดดดด พี่ไผ่เปลี๊ยนไป๋!!! :m4:
ในที่สุด..ในที่สุดก็ถึงเวลานี้ เวลาที่พี่ไผ่ทิ้งความละอายเรื่องของตัวเองกับหนูริว :laugh:
ส่วนป๋าอลัน ยอมรับแล้วสินะเค๊อะ ฮิฮิ
พี่ไผ่น่ารักขึ้นทุกวัน ส่วนหนูริว เหมือนลูกแมว(ยักษ์)เลยง่ะ :m20: น่าจับมาฟัดแรงๆจริง..จริ๊ง :m1:
Ps.รอต้อนรับ(หนังสือ)หนูริวกับพี่ไผ่สู่อ้อมกอด คึคึ มีความสุขจ้า~
-
ทำไมรู้สึกว่าหนูริวขี้อ้อนมากกว่าเดิมนะ น่ารัก :-[
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ทำไมรู้สึกว่าหนูริวขี้อ้อนมากกว่าเดิมนะ น่ารัก :-[
เห็นด้วยคะ น่ารักมากๆๆๆๆ :-[ :-[
-
อ่านแบบนี้แล้ว คิดถึงว่าเมื่อกลับเมืองไทยแล้วจะเป็นอย่างไร
เอาใจช่วยนะ
-
พี่ไผ่ของหนู น่ารักที่สุดในโลกเลย :-[
-
มารอจุด2 และตอนต่อๆไปเจ้าค่ะ :กอด1:
-
อมยิ้มเลย
ท่าทางริวรุกไม่ได้อีกพัก แอบอยากให้พสุรุกมั่ง
-
คืนนี้จะมามั้ยน้ออออ :L2:
-
หนูริวขนาดป่วยยังเจ้าเล่ห์อีก..55+
งอแงงู้นงี้ให้พี่ไผ่เอาใจ...ร้ายนักนะเรา...
แต่พี่ไผ่มองคนอื่นไม่ได้เลยอะ...แค่มองก็ไม่ด้ายย...55+
อลันรักริวมากๆเลย..อย่างงี้อลันก็คุยกับพี่ไผ่ดีๆได้แล้วน้อ..^^
-
ริวเดี๋ยวนี้เจ้าเล่ห์นะ พสุตามไม่ทันเลย
-
อลันคงจะยอมรับพี่ไผ่แล้ว ขอให้ทุกอย่างราบรื่นนะคะ
-
เดี๋ยวนี้หัดเจ้าเล่ห์ใหญ่เชียวนะจ๊ะ หนุ่มน้อยยย :-[
-
มารอครับบบ
-
:กอด1: :กอด1: :call:
-
มารอด้วย~ :music:
-
แหม๊ อยากจับมาเขกกระโหลกสักที เจ้าเด็กตีสองหน้าเก่งเอ๊ยยยย 555
ในที่สุดก็ผ่านด่านสุดท้ายได้แล้ว...... จัดเตรียมงานแต่งได้เลยพรรคพวก
-
น้องริวขี้อ้อนจริงจริ๊ง
พี่ไผ่เริ่มทำใจได้แระ
กับความสัมพันธ์กับน้องริว
ตอนนี้เริ่มไม่อายอลันแล้ว
เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดี ^^
-
ต่อจากนี้จะมีดราม่าอีกรึเปล่าหน่อ รู้สึกหวาดๆไงไม่รู้ฮาๆ o22
-
:เฮ้อ:
-
รออ่านต่ออยู่นะคะ o13
-
มารอจ้า
-
วันนี้อารมณ์ดี เงินเดือนออก มาต่อแล้วจ้า กร๊ากกกกกกกกกก
***********************
ตอนที่ 116.2
พสุโล่งอกที่ริวว่าง่าย ไม่ว่าจะป้อนอะไรให้ก็ยอมกิน ทั้งที่ตอนแรกทำท่างอแงเหมือนจะไม่อยากกินอะไร ชายหนุ่มตักอาหารให้ตัวเองและริวสลับกันไปมาจนกระทั่งอาหารในรถเข็นเกือบหมด ริวถึงเบ้หน้า ส่ายหัวว่าอิ่ม พสุจึงลุกไปจัดยาหลังอาหารมาให้ริว
“พี่อิ่มหรือเปล่าครับ มัวแต่ป้อนริว ไม่ค่อยเห็นกินอะไรเลย”
“อิ่มสิครับ อิ่มตื้อเลย”
“งั้น...ไปห้องอัดเสียงกันดีกว่าครับ ริวมีอะไรจะอวดพี่ด้วย”
ริวคว้ามือพสุพาไปยังห้องที่อยู่ติดกัน ชายหนุ่มเคยเห็นฝีมือการทำเพลงของริวมาแล้ว เมื่อได้เห็นห้องทำงานของริวชายหนุ่มจึงไม่แปลกใจนัก อุปกรณ์บันทึกเสียงรุ่นใหม่ทันสมัยกว่าห้องอัดที่บริษัทของเขมชาติทั้งที่ริวไม่ได้อยู่ที่นี่มาเป็นปี
“พี่นั่งก่อนนะครับ”
พสุทรุดลงนั่งบนเก้าอี้หนานุ่มขณะที่ริวตรงดิ่งไปยังคอมพิวเตอร์ ครู่เดียวจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ในห้องก็ฉายภาพของพสุในอิริยาบถต่างๆ ประกอบดนตรีท่วงทำนองแผ่วเบานุ่มนวลได้ยินเสียงเครื่องดนตรีบรรเลงทีละชิ้นชัดเจน
“ริวแต่งเพลงพวกนี้เวลาคิดถึงพี่...ในหัวริวมีภาพพี่ มีแต่เรื่องของพี่เต็มไปหมดจนต้องระบายออกมาเป็นดนตรีแบบนี้” ริวเดินกลับมาทรุดลงนั่งข้างๆ พสุ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใสจ้องมองหน้าชายหนุ่มนิ่ง จนพสุอดเขินไม่ได้
ชายหนุ่มกวาดตาไปรอบๆ ห้องแก้เขิน ก่อนจะสะดุดหูกับดนตรีท่อนหนึ่งในเพลงที่ริวแต่งให้
“ท่อนนี้คุ้นๆ นะ คล้ายๆเพลงประกอบหนังอนิเมชั่น” พสุหันไปล้อริว ตั้งใจจะแซวว่าริวเห็นเขาเหมือนเจ้าตัวนั้นหรืออย่างไร แต่คำตอบที่ได้รับทำเอาพสุอึ้ง
“ครับ ริวแต่งท่อนนี้ได้ก่อน แล้วเลยลองแต่งออกมาทั้งเพลง อลันฟังแล้วชอบก็เลยเอาไปให้เพื่อนเขาฟัง”
“ริวเป็นคนแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เพลงนั้นเหรอ!” พสุคำนวณอายุริวกับเพลงแล้วยิ่งอึ้งเป็นคำรบสอง เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้โด่งดังเมื่อราวๆ 4-5 ปีที่แล้ว
“ครับ...จริงๆมีอีกหลายเพลง...อยู่ไหนน๊า...นี่ไงครับ” ริวบอกพร้อมกับหยิบแฟ้มใส่โน้ตเพลงส่งให้พสุ ชายหนุ่มรับมาดูแล้วยิ่งตกใจเมื่อจำได้ว่าบางเพลงนั้นได้รับรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วยซ้ำ
“แล้วทำไม...ทำไมริวไม่ใช้ชื่อตัวเองล่ะ”
“ริวแค่แต่งเล่นสนุกๆ...ขืนใช้ชื่อตัวเองตอนขาย ก็ยุ่งยากทีหลังเปล่าๆ”
“ริว...ถ้าริวเก่งขนาดนี้...ทำไมต้องลำบากไปออดิชั่นด้วยล่ะ แค่ยื่นใบสมัครไป ยังไงคุณเขมก็ต้องรับริวอยู่แล้ว”
“ก็เพราะคิสมี มีพี่ยังไงล่ะ กว่าริวจะไปออดิชั่นได้ ริวต้องจ้างครูมาสอนร้องเพลงอยู่ตั้งหลายวัน เพราะริวหัดเล่นดนตรี หัดร้องเพลงจากการฟัง อันไหนไม่เข้าใจก็อาศัยเปิดตำราเอา”
“ลำบากมากสินะ กว่าจะได้เป็นนักร้องสมใจ”
“ตอนเรียนร้องเพลงไม่ยากหรอกครับ ตอนเรียนภาษาไทยยากกว่าตั้งเยอะ...ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน กว่าจะเข้าใจ กว่าจะพูดได้ชัดเจนไม่เพี้ยน ริวต้องเรียนรู้อยู่เป็นปีๆ”
“เป็นปีเชียวเหรอ?”
“ก็ระหว่างนั้นริวก็ต้องเรียนหนังสือไปด้วย อีกอย่าง ริวไม่ได้เรียนแค่จะพูดภาษาไทยได้นี่ครับ ริวเรียนวิชาการเป็นคนไทยต่างหาก”
“วิชาอะไรนะ”
“ครูที่สอนริวบอกว่า ครูสอนวิชาการเป็นคนไทยให้ริว สอนให้รู้ว่าคนไทยชอบอะไรไม่ชอบอะไร สอนมารยาท สอนร้องเพลงด้วย ที่พี่ล้อว่าริวร้องแต่เพลงเก่าๆ ก็เพราะครูบอกว่าเพลงแบบนั้นไม่เพียงแค่เพราะ แต่มีความงามของภาษาด้วย ถ้าริวอยากเข้าใจคนไทยให้ลึกซึ้ง ริวก็ต้องเรียนรู้จากเพลงแบบนั้น”
“อยากเป็นคนไทยขนาดนั้นเชียวเหรอริว พี่นึกว่าแค่อยากร้องเพลงไทยเป็นซะอีก”
“ริวอยากเป็นคนไทย เพราะพี่เป็นคนไทย...ริวอยากเรียนรู้ภาษาไทย ก็เพราะอยากฟังเพลงที่พี่ร้องเข้าใจ อยากแต่งเพลงที่เหมาะกับเสียงของพี่ อยากได้ยินพี่ร้องเพลงที่ริวแต่ง”
“ริว...ที่ทำลงไปทั้งหมดเพราะพี่เหรอ?” พสุถามเสียงแผ่วด้วยความตกใจ...ทึ่ง...แล้วค่อยๆ กลายเป็นความปลาบปลื้มตื้นตันจนพูดไม่ออก
“ครับ...เกือบ 5 ปีเชียวนะครับกว่าริวจะพร้อมไปอยู่ข้างๆ พี่...แต่สิ่งที่ยากที่สุดจนริวแทบถอดใจ ก็คือการต้องออกไปสัมผัสกับมนุษย์อีกครั้ง...สำหรับริวตอนนั้นมนุษย์ส่วนใหญ่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง...อาทิตย์แรกๆ ที่ต้องออกไปเดินบนถนนปะปนกับคนอื่น ริวไม่เคยทนเดินได้ถึงชั่วโมงก็อาเจียนออกมาซะก่อน”
“โธ่เอ๊ยริว...ทำไมต้องทรมานตัวเองขนาดนั้น” พสุหลุดเสียงครางแผ่ว ใจหายเมื่อคิดตามไปว่าริวจะทรมานแค่ไหน
“ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ริวก็ไปอยู่ข้างๆ พี่ไม่ได้สิครับ...”
พสุพูดไม่ออก ชายหนุ่มลุกเข้าไปสวมกอดริวไว้แน่น ปวดหน่วงในอกด้วยความสงสารน้อง แต่ก็ตื้นตันในความรักของริว เพื่อให้ได้ไปหาเขา ริวต้องทุ่มเทถึงเพียงนี้...ขณะที่เขาไม่เคยรับรู้เลยแม้แต่น้อย
“แต่ที่ริวทำไปมันคุ้มค่าที่สุดเลย...พี่รู้มั้ยครับ ตอนที่ริวเปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นพี่นอนหลับอยู่บนโซฟาในห้องรับรองน่ะ ริวดีใจแค่ไหน ริวรู้สึกเหมือนพี่เป็นทูตสวรรค์ เหมือนของล้ำค่าจนไม่กล้าแตะต้อง...แต่ตอนที่พี่ยิ้มให้ริว...โลกมันสว่างจ้าไปหมดเลย...เพลงมายแองเจิ้ล...ริวหมายถึงพี่นะครับ” ริวกระซิบบอกแล้วแนบปากเข้าหาช้าๆ พสุแนบปากตอบ ความรู้สึกอุ่นซ่าน เต็มตื้นอยู่ในอก ทุกอย่างที่ริวทำเพื่อเขา ช่างมากมายจนไม่อาจคิดฝันว่าจะมีใครทุ่มเทเพื่อความรักได้ถึงเพียงนี้
ริวยังค้นโน้ตเพลงที่เคยเขียนไว้ออกมาให้พสุเลือกดูว่าจะมีอันไหนที่เอาไปใช้กับอัลบั้มใหม่ได้อีก ทั้งคู่ขลุกอยู่ในห้องอัดเสียงจนกระทั่งการ์ดมาเคาะเรียก เพราะเลยเวลาอาหารเย็นมานานมากแล้ว
“เกือบสี่ทุ่มแล้วริว...ไปกินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวริวต้องเช็ดตัวด้วย”
“ครับ” ริวรับคำแต่หอบเอากล่องใส่ซีดีมาอีกหลายกล่อง จนพสุต้องแย่งมาถือเสียเอง เพราะเกรงจะกระเทือนแผลไปมากกว่านี้
พสุนอนลืมตาโพลงในความมืด ขณะที่ริวหลับไปนานแล้ว คงเพราะวันนี้เด็กหนุ่มพาเขาเที่ยวชมอาณาจักรน้อยๆ ทั้งห้องนอนห้องอัดเพลงจนเพลีย พอยาออกฤทธิ์จึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
พสุถอนใจยาว ทุกสิ่งทุกอย่างโถมเข้าใส่ราวกับน้ำหลาก ทั้งที่ตอนแรกเขาเพียงต้องการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับริวให้ดีที่สุด ยิ่งพอริวถูกยิง ความหวาดกลัวที่ต้องสูญเสียริวไปทำให้เขายิ่งแน่ใจว่าเขารักน้องมากแค่ไหน
แต่แล้วบอดี้การ์ดของริวก็เข้ามา ตามติดด้วยคนที่พสุเข้าใจมาตลอดว่าเป็นผู้ปกครองของริว กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นทนายผู้ดูแลผลประโยชน์ และ...ริวกลายเป็นมหาเศรษฐี มีทรัพย์สินมากมาย...มากเสียจนเงินที่ริวชดใช้แทนพ่อของเขา เป็นเพียงเศษเงินก้นกระเป๋า....แล้วเขาล่ะ สถานะตอนนี้ของเขาคืออะไรกันแน่?
พสุสูดลมหายใจลึก...แปลบปลาบในอกเมื่อความจริงค่อยๆ เปิดเผยทีละน้อย...ริวพยายามทำทุกอย่างเพื่อไปหาเขาที่เมืองไทย...อำนาจเงินและอิทธิพลที่ริวมี ทำให้พสุอดสงสัยไม่ได้ว่า สิ่งที่เขาคลางแคลงมาตลอดจะเป็นความจริง...
เขาอาจเข้าวงคิสมีเพราะเป็นความต้องการของริว...ความสามารถระดับเขา ไม่น่าจะเข้าตาเขมชาติขนาดนั้น ที่เขาถูกดึงเข้าวงโดยไม่ผ่านการออดิชั่น เพราะคำสั่งของริว....
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมริวต้องพยายามฝึกร้องฝึกเล่นดนตรีเพื่อให้ผ่านการออดิชั่น ทั้งที่ริวเพียงเดินเข้าไปก็ทำได้อยู่แล้ว...หรือเรื่องที่เขมชาติดึงเขาเข้าวง จะเป็นความต้องการของเขมชาติเองจริงๆ...พสุถอนใจยาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยความสับสน
‘หรือเราจะถามริวตรงๆไปเลย...’ พสุชะงัก คำถามมากมายในสมองค่อยเลือนหายไป เมื่อความคิดหนึ่งผุดขึ้นแทนที่
ถามเพื่ออะไร? รู้แล้วจะได้อะไร? ไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไงก็ตาม ในเมื่อเขาตัดสินไปแล้วว่าจะอยู่กับริว จะเคียงข้างและกุมมือน้องไว้ไม่ปล่อย แล้วเขาจะแสวงหาคำตอบเหล่านั้นไปทำไมอีก...
สิ่งหนึ่งที่พสุเชื่อมั่นโดยไม่มีความระแวง คลางแคลงใจแม้แต่นิดเดียว คือความรักที่ริวมีให้เขา...นั่นคือสิ่งเดียวที่ประคับประคอง ให้เขามีกำลังใจก้าวผ่านเส้นทางยากลำบากมาจนถึงวันนี้...แม้แต่วินาทีนี้ที่ทุกอย่างดูสับสนไปหมด ความรักของริวก็ยังเป็นเหมือนปราการแข็งแกร่งให้พักพิงใจ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มมั่นใจว่าริวจะไม่มีวันปล่อยมือเขาและเขาก็จะไม่ปล่อยมือริวเช่นกัน
ริวขยับตัวเบาๆ เหมือนละเมอ ผมนุ่มฟูระปลายคางจนอดลูบเล่นไม่ได้ พสุก้มลงจูบบนศีรษะและหน้าผากอุ่นเบาๆ สูดกลิ่นยาสระผมกับกลิ่นกายหอมอ่อนๆไว้ในอก แล้วเลื่อนปากลงไปคลอเคลียบนผิวแก้มนุ่มเนียน
“พี่ก็หลงรักรอยยิ้มเหมือนเด็กของริวตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเหมือนกันนะ” พสุกระซิบบอกแล้วขยับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มเบียดซุกเข้ามา...
..................................................
ปากนุ่มๆ แตะไล้คลอเคลียทั่วไปหน้า ปลุกให้พสุต้องลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งที่ยังไม่หายง่วง ตากลมโตจ้องเป๋ง พอเห็นเขาตื่นเต็มตาก็ยิ้มหวานจนพสุอดยิ้มตอบไม่ได้
“ครับ?” พสุเลิกคิ้วถามง่วงๆ
“ริวหิวข้าว” ริวบอกเสียงอ้อนๆ แล้วยิ้มประจบ
“โอเค...ขอพี่ล้างหน้าแป๊บนึง” พสุบอกแล้วหอมแก้มเด็กหนุ่มเบาๆ
“ค้าบ” ริวยิ้มตาหยี แล้วลงไปยืนคอยข้างเตียง
พสุสลัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกเข้าไปล้างหน้า ริวเดินตามมาหยุดยืนคอย พอพสุล้างหน้าเสร็จก็ส่งผ้าขนหนูให้ทันที
“มีข้าวต้มกุ้งด้วย...แต่ริวอยากกินข้าวต้มปู” ริวบอกทันทีที่พสุเปิดดูอาหารเช้าบนรถเข็น พสุหลุดหัวเราะพรืดเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ทำลำบากนะ ปูมันคาว ไม่เหมือนกุ้ง...แม่ไม่อยู่แล้ว คงหาคนทำให้กินลำบาก ไว้พี่จะถามป้าใจให้นะว่ามันต้มยังไงไม่ให้คาว” หางเสียงของพสุพร่าไปเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงแม่...ไม่มีอีกแล้วคนที่ขยันทำอาหารสารพัดมาให้...ไม่มีตักอุ่นๆ ให้หนุนนอน...อกอุ่นที่เคยซุกซบยามอ่อนล้า...น้ำเสียงนุ่มนวลที่คอยปลุกปลอบ...ไม่มีอีกแล้ว
“พี่จะทำให้ริวกินเหรอ” ตาโตใสแจ๋วที่จ้องเขาเป็นประกายระยับ ทำให้พสุปัดความหม่นหมองในใจออกไป
“แน่ละสิ...พี่ไม่ทำแล้วใครจะทำให้ริวล่ะ” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ แล้วอดหัวเราะไม่ได้เมื่อริวโถมมากอดเขาแน่น
“ริวรักพี่ที่สุดในโลกเลย” ริวบอกเสียงใส แล้วเอาหัวไถๆ อกเขา เป็นท่าอ้อนประจำตัวที่พสุเคยล้ออยู่บ่อยๆ ว่าเหมือนลูกหมามากกว่าแมว
“พี่เชื่อ โดยเฉพาะเวลาทำของกินให้เนี่ย รักเป็นพิเศษจริงๆ”
“งื้อ...ริวไม่ได้เห็นแก่กินสักหน่อย...แต่ที่พี่ทำให้กินมันอร่อยกว่าที่ซื้อจากร้านนี่”
“ลาออกมาทำอาหารขายดีกว่ามั้ย ท่าทางจะรุ่ง ขนาดอาหารสั่งจากโรงแรมยังอร่อยสู้ไม่ได้นี่” พสุประชดขำๆ ขนาดสั่งอาหารจากร้านอาหารไทยที่ได้ชื่อว่าอร่อยจนคนอเมริกันเองยังต้องไปต่อแถวซื้อ ริวยังบ่นว่าเขาทำอร่อยกว่า ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มพูดเพราะอ้อนเขาหรือเพราะรู้สึกแบบนั้นกันแน่...เพราะพสุเองก็เคยคิดว่าอาหารที่แม่ทำอร่อยกว่าที่ร้านดังๆ ทำอยู่ดี รสมือที่คุ้นเคยมักจะทำให้คนเรารู้สึกเหมือนเป็นอาหารที่อร่อยที่สุด พอกินอาหารเช้าเสร็จ ริวก็ลากพสุขึ้นไปห้องชั้นบน เพราะอยากให้พสุเล่นเปียโนให้ฟัง
“จะเอาเพลงอะไร” พสุถามหลังจากลองไล่เสียงเปียโน เสียงกังวานใสสมราคาอันแพงลิบลิ่วทำให้พสุคันไม้คันมืออยากเล่นเช่นกัน
“มากกว่ารัก” ริวตอบทันที แล้วนั่งลงคอยที่พรมกลางห้อง
“เพลงนี้อีกแล้วเหรอ ทำไมชอบให้พี่เล่นแต่เพลงนี้ล่ะ” พสุถามขันๆ
“ก็ริวชอบ” ริวตอบเสียงอ้อน แล้วยิ้มจนตาหยีที่เห็นพสุหัวเราะชอบใจ
พสุไล่คีย์ไปมา ก่อนจะเริ่มเล่นเพลงให้ริวฟัง แต่โน้ตท่อนแรกไม่ใช่เพลงที่ต้องการ ริวก็หน้างอง้ำ ขณะที่พสุยังมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยนเมื่อเริ่มร้องเพลง
“กี่คราวที่ความรัก ต้องลงเอยด้วยน้ำตา กี่คราวที่ล้าจนไม่อยากมีใคร
กี่ครั้งที่เสาะหา ผ่านมาแล้วก็เลยไป ไม่มีใครที่เหมือนเธอ…"
หน้าหงิกงอเพราะถูกขัดใจค่อยๆ คลายออกช้าๆ แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มแป้น ริวลุกมาวางคางลงบนเปียโนเพื่อจ้องมองพสุด้วยสายตาดื่มด่ำ
"เปรียบเธอดั่งจุดหมาย สุดท้ายของนักเดินทาง
เมื่อเจอเธอแล้วก็ไม่อยากเจอใคร
ไม่มีใครอีกแล้วที่มีความรักจริงใจ เท่ากับเธอที่ให้ฉัน
หยุดตรงนี้ที่เธอ ไม่ไปใกลแล้วใจ จะหยุดทั้งใจไว้ที่เธอ
หยุดตรงนี้ที่เธอ เพราะเธอที่ฉันเจอ คือคนที่รักฉันหมดใจ
เปียกปอนกับลมฝน ฝ่าลมพายุมากมาย ก็เดินมาไกลจนแทบหมดกำลัง
ไม่เคยจะคาดคิด ว่าคนที่สิ้นหนทาง จะได้พบรักเช่นเธอ
เปรียบเธอดั่งจุดหมาย สุดท้ายของนักเดินทาง
เมื่อเจอเธอแล้วก็ไม่อยากเจอใคร
ไม่มีใครอีกแล้วที่มีความรักจริงใจ เท่ากับเธอที่ให้ฉัน
หยุดตรงนี้ที่เธอ ไม่ไปใกลแล้วใจ จะหยุดทั้งใจไว้ที่เธอ
หยุดตรงนี้ที่เธอ เพราะเธอที่ฉันเจอ คือคนที่รักฉันหมดใจ
อยากจะขอบคุณฟ้า...ที่ให้เรารักกัน....และให้ฉันได้พบเธอ....
หยุดตรงนี้ที่เธอ เพราะเธอที่ฉันเจอ คือคนที่รักฉันหมดใจ.....
จะหยุดใจไว้...ให้กับเธอ”
“จริงเหรอ...จริงๆ นะพี่” ริวถามทันทีที่พสุเล่นจบแล้วจ้องหน้าชายหนุ่มเขม็งเพื่อรอคำตอบ แต่พสุกลับอมยิ้มเฉย
“พี่อ่ะ ตอบหน่อยสิค้าบ” ริวลากเสียงยาวอย่างออดอ้อน
“ดูจากการกระทำดีกว่ามั้ย คำพูดก็แค่ลมปาก ลอยหายไปกับสายลมได้ง่ายๆ” พสุตอบยิ้มๆ แล้วชะโงกไปจูบบนปลายจมูกโด่งเบาๆ อย่างเอาใจเพราะสังเกตเห็นประกายหม่นแสงในดวงตาโต
ริวนิ่วหน้าอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า แล้วเบียดเข้ามานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกับพสุ แต่เก้าอี้ตัวเล็กเกินกว่าที่ผู้ชายตัวโตๆ สองคนจะนั่งด้วยกัน ริวเลยดึงพสุมานั่งตักแต่พสุกลับลุกขึ้น
“ทำไมไม่นั่งละครับ” ริวเงยหน้าขึ้นมองตามพสุอย่างสงสัย
“ริวเจ็บแผลอยู่นี่ครับ” พสุตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วลูบผมเด็กหนุ่มเบาๆ
“ไม่เจ็บหรอก แค่นี้เอง” ริวบอกพร้อมกับพยายามดึงแขนพสุให้นั่งลง แต่พสุส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนพรม เด็กหนุ่มจึงลุกตามไปนั่งข้างๆแล้วทำหน้างอง้ำที่ถูกขัดใจ
“อย่าดื้อสิครับ ไว้แผลหายก่อนนะ” พสุปลอบแล้วจับหัวทุยโยกเบาๆอย่างหยอกล้อ ทำให้ริวยิ้มออก
“เดี๋ยวพี่จะกินให้อ้วนๆ ให้หนักสักร้อยโล ถึงตอนนั้นดูซิว่าริวยังจะให้พี่นั่งตักไหวมั้ย”
“...ถ้าพี่หนักร้อยโลริวนั่งตักพี่ก็ได้” ริวตอบหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง พสุหัวเราะก๊าก พลอยให้เด็กหนุ่มหลุดเก๊ก ขำพรืดออกมาด้วย....
“พี่ว่าหลายเพลงในนี้น่าจะใช้กับอัลบั้มใหม่ได้นะ ริวจะได้ไม่ต้องแต่งใหม่ แค่เกลาเสียหน่อยก็โอเคแล้ว” พสุบอกหลังจากที่เงียบอยู่ครู่ใหญ่ เพราะต่างคนต่างจมอยู่กับโน้ตเพลงมากมายตรงหน้า
ชายหนุ่มเงยหน้าจากโน้ตเพลงเพราะพูดด้วยแล้วไม่ได้ยินริวตอบมาเหมือนเคย แต่พอสบตากับริวก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะเด็กหนุ่มเล่นจ้องหน้าเขา แล้วอมยิ้มกริ่ม พอเขามองตอบริวก็ทำท่าเขินนอนกลิ้งไปกลิ้งมาเล่นบนพรม สักพักก็หยุดจ้องหน้าเขาอีก
“มีอะไรหรือเปล่า จ้องพี่อยู่ได้” ชายหนุ่มถามแล้วขยี้ผมนุ่มเล่น หลังจากปล่อยให้ริวจ้องมองมาครู่ใหญ่ๆ
"ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ...ว่าจะมีวันนี้...วันที่พี่มานั่งอยู่ในห้องนี้...มันเป็นภาพในฝันของริวมาตลอดตั้งแต่เห็นพี่ครั้งแรก” ริวอธิบายแล้วยิ้มกว้าง ใบหน้าแดงซ่านด้วยความสุขจนเอ่อท้น
“ที่บริษัทน่ะเหรอ” พสุถามด้วยความสนใจพลางวางโน้ตเพลงลงเพื่อตั้งใจฟังริว
“เปล่าครับ...ในโทรทัศน์...ตอนพี่ประกวดร้องเพลง...ริวเห็นพี่ครั้งแรกก็สะอึกเลย...ยังจำแววตาพี่ได้ติดตา...ประกายตาของพี่ เหมือนกับตาของแม่ริวไม่มีผิด....แววตาของนักสู้ ที่มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว...เสียดายที่อัดไว้ไม่ทัน”
“พี่เป็นตัวแทนของแม่สินะ” พสุยิ้มอ่อนโยน แล้ววางมือนิ่งๆ บนผมหนานุ่มของเด็กหนุ่ม
“นั่นมันตอนแรกที่ริวเห็นพี่ต่างหาก แต่พอได้เฝ้าดูพี่ตลอดทั้งวันทั้งคืน...ริวก็รู้ว่าพี่ไม่ใช่ตัวแทนของแม่ พี่กับแม่เป็นคนละคนกัน และไม่มีวันจะทดแทนกันได้ แต่ริวก็เลิกดูไม่ได้ เพราะริวหลงรักพี่ไปแล้ว” หางเสียงทอดอ่อน หวานทั้งคำพูดและดวงตาจนพสุหน้าร้อนวาบ
“หลงรักทั้งๆที่ยังไม่เคยเจอกันเนี่ยนะ” ชายหนุ่มถามขำๆ ปนเขินนิดๆ
“ครับ...พี่ยิ้มทำไมครับ ริวตลกเหรอ”
“เด็กแก่แดด...ตอนนั้นริวอายุเท่าไหร่...สิบสอง หรือสิบสาม” พสุล้อแล้วบีบจมูกโด่งเบาๆ
“จะสิบสี่แล้วต่างหาก...รักก็คือรัก...อายุไม่เห็นจะเกี่ยวเลย” ริวทำเสียงงอแง แก้มพองแบบเด็กถูกขัดใจ ที่ทำให้พสุอดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ชายหนุ่มชะโงกไปหอมแก้มพองๆ เล่น แต่ก็ทำให้ริวหน้าบาน หายงอนเป็นปลิดทิ้ง เด็กหนุ่มขยับเข้ามากอดคลอเคลียพสุเหมือนเคย
“จะบอกว่าอายุไม่เกี่ยวก็คงไม่ได้หรอกนะริว...เพราะความเป็นเด็ก บางครั้งก็ทำให้เราแยกแยะระหว่าง รักกับปลื้ม หรือรักกับหลงไม่ออกนะครับ” พสุบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คบกันมาขนาดนี้มีหรือจะไม่รู้ว่าการสอนริวต้องใช้ความรักความอ่อนโยนเท่านั้นถึงจะโน้มน้าวใจเด็กหนุ่มได้
“แต่ริวมั่นใจว่าริวรักพี่...รักมาตลอด...แล้วก็จะรักตลอดไปด้วย...แล้วพี่ละครับ รักริวบ้างหรือยัง” ริวยืนยันด้วยท่าทางมั่นใจ แล้วอดคาดคั้นขอคำตอบจากพสุไม่ได้
“พี่คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ทำ น่าจะบอกให้ริวรู้แล้วนะ ว่าพี่รู้สึกยังไง” พสุตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่สายตาจับจ้องปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มอย่างตั้งใจ
“ริวคิดว่ารู้ครับ แต่ริวก็ยังอยากได้ยินจากปากพี่อยู่ดี” ริวตอบหน้าเศร้า ตาหม่นแสงเพราะไร้ความหวังว่าจะได้ยินคำรักจากปากพสุ
พสุผุดลุกขึ้นนั่ง จ้องมองใบหน้าหม่นหมองของริวนิ่ง...บทเรียนแห่งความสูญเสียและเกือบจะสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไม่เพียงพอที่จะให้เขาละ ลด ทิฐิในตัวตนของเขาลงอีกหรือไร...ทั้งที่รู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิต แล้วยังจะรั้งรอต่อไปเพื่ออะไรอีก...
“แน่ใจเหรอว่าอยากได้ยิน...พี่เป็นคนเห็นแก่ตัวนะริว...ถ้าพี่พูดออกไปพี่ก็หมายความตามนั้น นั่นแปลว่าพี่จะไม่ยอมปล่อยมือจากริวอีกแล้วนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้ริวเจอใครที่ดีกว่าพี่ ใครที่เหมาะสมกว่า...พี่ก็จะไม่ยอมปล่อยริวไปเป็นอันขาด” พสุถามย้ำอีกครั้งเพื่อผูกมัดด้วยวาจา...ให้อย่างไร เขาก็ยังเห็นแก่ตัวอยู่ดี
“ริวอยากให้เป็นอย่างนั้นมาตลอด อยากให้พี่เป็นเจ้าของริว แล้วริวก็อยากเป็นเจ้าของพี่ด้วย ริวอยากให้มือของเราจับกันไว้ตลอดไป ไม่เคยคิดจะปล่อยมือจากพี่เลยสักครั้ง” ริวตอบเสียงหนักแน่น ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าด้วยความหวัง
พสุประคองวงหน้าของริวให้อยู่นิ่งๆ แล้วสูดลมหายใจลึก ก่อนจะไล้ปลายนิ้วบนแก้มเนียนละเอียดใสแผ่วเบา ขณะที่สายตาจ้องตาริวแน่วแน่
“... สำหรับพี่...ริวไม่ได้เป็นแค่คนที่พี่รัก...แต่ริวเป็นเหมือนลมหายใจ...ถ้าไม่มีริว พี่ก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้...นั่นคือริวในใจพี่” พสุพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง หนักแน่น เพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาพูด ว่ามาจากหัวใจเขาอย่างแท้จริง
“พี่...พี่พูดเพราะกว่าริวฝันไว้ซะอีก...ริวดีใจที่สุดเลยครับ” ริวบอกเสียงสั่น น้ำตารื้นด้วยความตื้นตัน ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำรักแบบนี้จากปากพสุ...ไม่สิ...มากกว่ารัก...พสุไม่เพียงแค่รักเขา...แต่เขาสำคัญดุจลมหายใจ...สำคัญถึงเพียงนั้น
“พี่บอกริวแล้วว่าคำพูดมันก็แค่ลมปาก แต่พี่อยากให้ริวดูที่การกระทำ...นับจากนี้ พี่จะพิสูจน์ให้ริวรู้ว่า ริวจะเป็นคนสำคัญที่สุดเสมอ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าริวอีกแล้ว...พี่สัญญา”
“ครับ...ขอบคุณครับ ริวรักพี่ที่สุด...แค่มีพี่ ริวก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว I love you sweetheart. I'll be with you forever”ริวตอบเสียงสั่นหยาดน้ำแวววาวร่วงผล็อยด้วยความตื้นตัน
พสุไล้ปากลงบนปลายจมูกโด่งแผ่วเบา แล้วเลื่อนไปซับหยดน้ำบนแก้มเนียนไว้ไม่ให้ตกลงพื้น แล้วกระซิบตอบเบาๆ
* “I want you to know that you’ll always in my heart till my breath is last...ริวจะอยู่ในใจพี่ตราบจนลมหายใจสุดท้าย”
*http://www.krurem.com/learn-english/improve-your-english/love-word/
...........................................................
............................
-
จิ้ม ฉึก! ฉึก!
-
:-[ กรี๊ดดดดดดดดดน่ารักง่ะ พี่ไผ่รู้แล้วใช่ม๊าย ว่าริวเค้าแอบรักตัวอย่างมากมายเลยน๊า
:impress2:ดีใจที่ไผ่ได้รู้ว่าริวทำไปมากแ่ค่ไหน ความรักมันเติบโตมานาน ไม่ใช่รักเล่นๆนะ
-
โอ๊ยซึ้ง T T
-
โอ๊ย หวานกว่านี้จะมีอีกมั๊ยนี่ :-[
เธอคือลมหายใจ ตอนแรกก็คิดว่าริวจะพูดคำนี้ กลายเป็นพี่ไผ่ที่บอกน้องริวซะนี่ :กอด1: :กอด1:
-
:-[ นี่เองที่มาของชื่อเรื่อง
หวานจริงวุ้ย :-[
-
อ่านตอนนี้แล้วประทับใจมากๆเลยค่ะ
นึกๆไปถึงสิ่งที่ริวพยายามมาตลอด จนมาถึงวันนี้
โอยยย อยากร้องไห้
+ขอบคุณสำหรับตอนนี้ค่ะ
-
พี่ไผ่ กรี๊ดด :-[
ตายสนิทกับตอนนี้
อ๋อยย ยิ้มจนแก้มจะฉีกแล้ววววว
-
น่ารักจัง
ตอนแรกแอบเครียดนึกว่าจะมาม่าซะอีก
-
โอ๊ย! : ซึ้งอ่ะ ชอบพี่ไผ่ตอนนี้จัง นั่งอ่านไปยิ้มไปเลยนะเนี้ย เห็นริวมีความสุข เราก็มีความสุขตาม หุหุ
-
นู๋ริวววววว.. ทำไมทำตัวได้น่ารักขนาดนี้.. พี่ไผ่ก็น่ากอดด..
ตอนนี้พี่ไผ่เข้าใจแล้วใช่ปะ... ว่าความรักของริวมันมากมายยยยอะ.. ฮาๆๆๆ..
ก็นู๋ริวเค้าอุตสาห์ร่ำเรียนภาษาไทย ฝึกทำตัวให้เข้ากับผู้คนทั้งๆที่เกลียดเนี้ย.. ก็เพื่อพี่ไผ่คนเดียวเลยนะเนี้ย...
ฮุๆๆ ชอบๆๆ พี่ไผ่กับนู๋ริวกระหนุงกระหนิงกัน.. ฮาๆๆๆ
แล้วมาต่อเร็วๆๆนะฮับพี่..... อยากเห้ฯความน่ารักของทั้งคู่อีก..
รักพี่ไผ่และนู๋ริว.... :กอด1:
-
เหยยยยย
อดเขินแทนพสุไม่ได้อ่ะ
พอมาฟังทั้งหมดแล้ว มันเขินมากจริงๆ
การที่ใครซักคนทำเพื่อนเราขนาดนี้
งื้อออ!!!
-
โอยยอ่านจบหัวใจพองแทบละเบิด มันมากกว่ารักจริงๆอ่ะ :กอด1:
-
ซึ้งมากเลย หวานใส่กันตลอด น่ารัก
ชอบที่ไผ่พูดว่าริวคือลมหายใจ ขาดไม่ได้
ไผ่ได้รับรู้ความรักของริวแล้ว ดีใจจัง
-
น้ำตาซึมเลยอ่าาาา
-
ในที่สุดก็บอกรักริวซะที
-
ซึ้งมากมายจริงๆ +1
-
อ๊าก....ก หวานกันเข้าไป หวานกันให้น้ำตาลซึมเข้าไปในเส้นเลือดเป็นเบาหวานตายกันไปข้าหนึ่งเลย
โห... จากรักข้างเดียวที่เห็นคนรักเป็นคนๆเดียวในโลกของตัวเอง เริ่มกลายเป็นกันและกันเสียแล้ว
"ทั้งคู่ต้องอยู่คู่กัน ขาดใครคนใดคนหนึ่งไปไปไม่ได้" นี่แหละๆ
เรื่องใหนใครแต่ง ใครพูดหวานๆว่าต้องอยู่เป็นคู่เท่านั้นเนี้ย
มันไม่เท่าเรื่องนี้เลย เรื่องนี้ของจริง สิ้นเธอสิ้นใจของแท้เลย เหอๆๆ :sad4:
-
ถ้าเราเป็นพี่ไผ่ พอได้รู้ว่าริวทำอะไรให้บ้าง เราคงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นแหละ :sad4:
ซึ้งใจ ในที่สุดพี่ไผ่ก็รับริวเข้าไปแบบเต็มหัวใจซักที :o8:
จะหวานไปไหนคะ? :-[
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ค่ะ :กอด1:
และจะติดตามต่อไปนะคะ o13
-
น่าร๊ากกกกกกกกกกก :L2:
-
ซึ้งอ่ะT^T
สรุปว่าชื่อเรื่องมาจากสิ่งที่พี่ไผ่พูดสินะ แต่ทั้งสองคนให้ความรู้สึกว่าแต่ละคนคือลมหายใจของกันและกันจริงๆนะ ถ้าใครคนหนึ่งเป็นอะไรไปจะเป็นยังไเนี่ย ไม่อยากคิด...
-
ซึ้งมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :กอด1:
หวังว่าคงไม่มาม่าตอนกลับไทยนะ
รับไม่ด้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
ซึ้งมาก :m1:
-
:-[
-
หวานมากกกกกกกกกกกกกก
อร๊ายยยยย :-[
-
ซึ่งสุดๆเลย :pig4:
-
กรี๊ดดด อ่านช่วงต้นเรื่องก็อยากจะสิงร่างพสุเหลือเกิน :-[
พอมาอ่านช่วงท้ายเรื่องก็อยากเปลี่ยนไปสิงร่างริวแทน :-[
-
ซึ้ง! ทั้งซึ้งและสุขใจเลยค่ะ >___<
เป็นลมหายใจของกันและกันล่ะน้าาาา โฮกกกก อ่านแล้วมีความสุข :-[
-
ตอนนี้ " หวาน " เกินห้ามใจ
ประโยคสุดท้าย โดนใจเต็มๆค่า พี่ไผ่
-
หวานกว่านี้มีอีกมั้ย...........ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :-[
ขอกด Like ให้ล้านครั้ง o13
-
แงงงงงงงงงงงงงง ซึ้งมาก พี่ไผ่เวลาหวานนี่สุดๆเลย
-
ยิ้มทั้งน้ำตาเลย...สำหรับตอนนี้ :give2:
อิ่มเอม,สุขใจกับตอนนี้มาก แค่พี่ไผ่กับน้องริวมีความสุข
คนอ่านก็พลอยมีความสุขไปด้วย :3123:
ขอบคุณ นักเขียน
ขอบคุณ คนโพส o13
-
wow wow wow, so sweet :กอด1:
-
กรี๊ดดดดดดดดด
-
บอกรักแล้วอ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา :mc4:
รอคอยมานาแสนนาน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง! :impress2:
-
เธอคือ...ลมหายใจจริงๆ เรื่องนี้
สองคนนี้จะขาดจากกันไม่ได้เลย
ปล. ถ้าเราเป็นพสุ แล้วริวทำให้ขนาดนี้ เราคงปลื้ม หรือไม่ก็ คงกลัวมากไปเลยล่ะ
-
โอยๆๆ ไม่ได้เข้ามาซะนาน มาอีกทีก็เจอตอนหวานขนาดนี้...เธอคือลมหายใจ...ซึ้งๆๆๆๆๆ!
-
บอกรักจนได้ 5555
-
คนอ่านเขิ๊น~
:o8: :-[
-
มาแล้ว ไคลแมกซ์จากปากพี่ไผ่
"เธอคือลมหายใจ"
:impress2:
-
กรี๊ด!!!!!!!~
:-[ :-[
เขินจังเลย ในที่สุดพี่ำไผ่ก็บอกว่า ริว คือมากกว่ารัก
เขินจังเลย :กอด1: :กอด1:
-
น่ารักอ่ะ
-
พี่ไผ่พูดได้ซึ้งมากๆ
-
ปลื้มใจ สุขใจ
นี่คือสิ่งสำคัญในเรื่องนี้สินะคะ
เธอคือลมหายใจ
-
:-[ โอ๊ยซึ้ง :impress3: :impress3: +1 :L2:
-
ซึ้งสุดหัวใจ
-
หวานมากมาย :กอด1:
-
หายใจไม่ออก >w< *กริ๊ดด* ตื่นเต้นจนหายใจไม่เป็นเลย
ตอนที่ริวสารภาพมันแบบว่า โหย...ทั้งเขิน และอิ่มใจ ปลื้ม บลาๆๆๆ :-[
ยิ่งตอนพี่ไผ่พูดว่าเปรียบเหมือนลมหายใจ
:impress2: :impress2:
แบบว่าๆ เหมือนส่งลูกชายตัวน้อยที่เราคอยเฝ้าดูมาตลอด ได้ถึงฝั่งฝันแล้ว
มันทั้นตื่นตัน ยินดี พูดไม่ถูกเลย ในที่สุดหนูริวก็ได้รักที่เฝ้าฝันมา (ทั้งที่จริงๆก้ได้นานแล้ว) แต่ประโยคนี้มันกินใจมากกกก :monkeysad:
-
ตอนนี้เป็นตอนครึ่งเรื่องใช่ไหมครับอิอิ
พี่ไผ่พึ่งจะบอกริวว่ารัก *0*
ยังเหลือฉากสวีท ฉากงอนกันอีกเยอะแยะมากมาย
อิอิ
-
หวาน ซึ้ง ตราตรึงในหัวใจ
-
ในที่สุดพสุก็พูดคำนั้นออกมา :m3:
-
ซึ้งจังอ่ะ อ่านไปน้ำตาซึมไป
ถ้ามีใครทำให้เราเหมือนที่น้องริวทำให้พี่ไผ่
เราคงรักตายเลยหล่ะ ^^
ทั้งแต่งเพลง ฝึกการเป็นคนไทย
สารพัดอย่างที่น้องริวตั้งใจทำเพื่อพี่ไผ่
โอว~น่าอิจฉาพี่ไผ่จังเลย
และแล้วพี่ไผ่ก็ยอมรับว่าน้องริวคือลมหายใจของพี่ไผ่
อ่า~หวานและซึ้งที่สุดเลยน๊า
-
ช่วยไปน่ารักไกลๆหน่อยได้มั้ยทั้งคู่เลย อิจฉาจิงไรจิง
-
หวานซะจนมดวิ่งมากันพล่านแล้วคร้าบบบบ
:-[
-
:n1:สัญญว่าจะไม่ทิ้งไปไหน สัญญาว่าจะรักตลอดไป :n1:
-
อ้าๆๆๆๆๆๆๆ น้ำ้ตาลหยด!!!!!
อิ่มไปหมดเลย
-
อร๊ายยย ตบโต๊ะ ปังๆๆๆ เขินแทน :-[
-
เหมือนโดนพายุ ความหวานกระหน่ำ :laugh: :mc4:
-
น้ำผึ้งเดือน 5 อายเลย :-[
หวานกว่านี้มีอีกไหม จัดมาเลยอย่าให้เสีย
-
อ่านแล้วปลื้มมมมมมม
ปล.สั่งตอนนี้ทันมั๊ยคะ
-
:m25: หมอคร๊าบบ ช่วยผมด้วย น้ำตาลในกระแสเลือดพุ่งอย่างรุนแรง :jul1:
-
:กอด1: ในที่สุดไผ่ก็ได้รับรู้ถึงความพยายามของริวมาตลอด 5 ปี แล้วสินะ
ดีใจกับริวด้วยที่ไผ่บอกรักแล้ว :impress2:
และขอให้เป็นลมหายใจของกันและกันตลอดไป :L1:
ขอบคุณสำหรับตอนที่ 116.2 ค่ะ :pig4:
-
หวานจริง
-
~ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆให้มันลึกซึ้ง~
อิ่มใจจริงๆตอนนี้^^
-
สมหวังซักทีนะริว รักพี่ไผ่กะน้องริว :L1:
กอดคนเขียนด้วยความตื้นตัน :กอด1:
ขอบคุณค่ะ :pig4:
-
ตื้นตันใจ๊ :m2:
-
หวานกว่านี้มีอีกมั้ย
ตอนแรกนึกว่า ชื่อเรื่อง เธอคือลมหายใจ
จะหมายถึงไผ่ ในความคิดของริว
แต่ที่แท้ ริวก็คือลมหายใจของไผ่ กรี๊ดดด
รอตอนสองหนึ่งเจ็ดต่อไป :o8:
-
อ่านไปยิ้มไป ^____^ โอยยยยย ปวดแก้มจัง ฮิฮิ
น่ารักกันจังเลย พี่ไผ่ หนูชอบอ่ะ ชอบทุกอย่างที่พี่พูดค่ะ อ่านแล้วซึ้งกินใจ :m1:
เป็นลมหายใจของกันและกันตลอดไปนะคะ พี่ไผ่♥หนูริว
-
:o8: :o8: :o8:
-
ชอบๆๆเรื่องนี้มากๆๆเลยคะ
นั่งอยู่ดีๆ น้องมันหาว่าเราบ้า
มันบอกว่าคนปกติที่ไหนเค้านั่งยิ้มกับคอม :o8:
-
น่ารักอ่า...ชอบจังเวลาที่ริวคลอเคลีย อยู่กับพี่ไผ่ รอบๆตัวเป็นสีชมพูดูอบอุ่นมากๆ :กอด1:
-
คิดว่ายังไม่จบ หรือจบแล้ว o22
-
:o8: :o8: :o8:
เขินๆๆๆ
ขอบคุณนะคะป้าที่แต่งเรื่องดีๆอย่างนี้มาให้อ่าน
-
อยากให้มาต่อเร็วๆจริงเน้อออออ :กอด1: :กอด1:
-
ใครโดนริวรัก ไม่รักตอบก้อบ้าแล้ว คนอะไรจะมีความพยายามและทุ่มเทได้ขนาดนี้
ยิ่งพี่ไผ่ได้มาเห็นด้วยตากับสิ่งที่น้องริวทำ โอ้ย มันตื้นตัน
-
เข้ามารอทู้กกกวัน :กอด1:
-
มารอๆๆๆ :monkeysad:
-
คิดถึง น้องริว และพี่ไผ่จังเลย.....
-
:เฮ้อ:
-
้เพิ่งตะลุยอ่านถึงตอนล่าสุด ชอบมากๆค่ะเรื่องนี้ ริวน่ารักมาก เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าอบอุ่น หวานๆ ภาษาก็อ่านสบายมากเลยค่ะ
-
เข้ามารอตอนต่อไป กระซิกๆ :dont2:
-
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เม้นเลย
เห็นทั้งสองรักกันดี น่ารัก ช่วงนี้ก็คงไม่มีมาม่าแล้วเนอะ
บอกคนเขียนว่าไม่อยากกินแล้ว รอหนังสืออยู่นะค่ะ :pig4:
-
เมื่อไหร่จามาซักกะทีน้ออ
ปูเสื่อรออ่านครับ
-
ในที่สุด เธอคือลมหายใจ ก็ออกมาจากปากไผ่
ริว-ไผ่ ทำเอาน้ำตาร่วงด้วยความปลิ้มปิติ
น่ารัก หวาน ซึ้ง กินใจ อารมณ์แบบดีใจสุดๆ
แอร๊ยยยยบรรยายไม่ถูก เอาเป็นว่ารอตอนต่อไปละกัน :laugh:
-
นานเน้อ
-
มารอค่ะๆๆๆ :call:
-
รอ :impress:
-
นานจังเน้อ :sad4:
-
รอนานแล้วนะคร๊าบบบ มาต่อทีเถ๊อะ
-
หนม น้ำ หมอน เสื่อพร้อม!!! :bye2:
-
รอหนังสือเลยหล่ะกันนะคะ :call:
-
ตามอ่านมาเรื่อยๆจนได้ 3/4 ของตอนทั้งหมดแล้วค่า
แต่งดีมากค่ะ ยกนิ้วให้เลย ภาษาก็เยี่ยม
แถมเข้าถึงคนอ่านได้ ทำให้อินกับแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดๆ
ตอนนี้ก็อ่านตามให้ทันตอนปัจจุบันอยู่ ประกอบกับรอหนังสืออยู่ด้วยนะคะ
อยากให้พี่ไปรฯมาส่งน้องริวกับพี่ไผ่ที่บ้านเร็วๆแล้วสิ
:3123:
-
มารอเหมือนเดิมค่ะ
สู้ๆนะค่ะ
-
ตามมาอ่านคะ พึ่งเห็นเรื่องนี้ไม่นานมานิเอง แต่ยังอ่านไม่จบเลยคะ เหลืออีกเยอะมาก
ขอมาเม้นเจิมมๆ ไว้ก่อนนะคะ เพราะแอบอ่านมาหลายวันแล้วแต่ไม่จบซะที
จิ้มๆๆ
-
เพิ่งอ่านจบ สนุกมากๆ แบบที่ชอบเดะ ทำเอาอยากได้เลย
ถ้ายังไง รบกวนคนโพสตอบ PM ทีนะจ๊ะ *-*
-
เข้ามารอหนูริวกับพี่ไผ่~ :a11: :a3:
-
รอมาด้วยคน ^^
:call: :call:
-
มานอนรอ 555
-
ซึ้งกับคำบอกรักของพี่ไผ่จริงๆ
ดีใจกับริวจังที่สมหวังสักที
-
ขอโทษนะคะ,,
คืออยากจะขอเปลี่ยนที่อยู่ที่จะให้จัดส่งน่ะค่ะ
จะแจ้งได้ทางไหนคะ PM หรือว่า e-mail
ไม่ทราบว่ายังทันมั้ย ?
-
^
^
^
ยังทันค่ะ
เดี๋ยวไปตามป้าคนเขียนมาตอบให้นะคะ
-
ป้าตอบไปทางเมล์แล้วนะคะน้อง A_J
-
^
^
^
^
มีอะไรมาต่อรึเปล่าฮับ คริคริ :L2:
-
ขอแจ้งข่าวเพิ่มเติมเล็กน้อยจากป้าคร่ะ ^^
โจ๊ะหมายน้อยถึงคุณผู้อ่านค้าบ
ตอนนี้หนังสืออยู่ในขั้นตอนการพิมพ์นะคะ คาดว่าจะส่งถึงมือทุกท่านราวๆกลางเดือนมิถุนายน ช้ากว่ากำหนดที่ได้แจ้งไว้ประมาณ 1สัปดาห์ เป็นความผิดพลาดของป้าเอง ต้องขออภัยผู้ที่รอหนังสืออยู่ทุกท่านนะคะ
หน้าปกทั้งสามเล่มจะคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกันทีเดียวนะคะ ภาพที่ใช้ต่างกัน และสี ก็ต่างกันด้วย (เล่มหนึ่ง 422 หน้า เล่มสอง 427 หน้า และเล่มสาม 445 หน้าค่ะ)
ส่วนภาคพิเศษ อย่างที่เคยแจ้งไว้แล้วว่าเป็นแนวแฟนฟิคชั่น คือเอาข้อมูล เรื่องมนุษย์แปลง กับลูกครึ่งแวมไพร์ จากเรื่องแวมไพร์ทไวไลท์ มาเป็นฐาน และพล็อตเนื้อเรื่องขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ตัวละครหลักมีแค่พี่ไผ่กับน้องริว ส่วนตัวละครอื่นๆทั้งหมดในเรื่องเป็นบรรดาผู้อ่านที่เข้ามาช่วยคอมเม้นต์นิยายนี่แหละค่ะ ความยาวราวๆ ร้อยหน้ากว่าๆ (A5) คงถูกใจสำหรับคนที่ขอมาว่าอยากได้ภาคพิเศษยาวๆนะคะ
บรรดาแขกรับเชิญกิติมศักดิ์ที่ได้ออกกันคนละไม่กี่ฉาก ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ ด้วยว่าเนื้อเรื่องมันจำกัด ต้องย่อให้กระทัดรัดที่สุด ก็เลยไม่สามารถใส่รายละเอียดได้ ไว้ไปเป็นแขกรับเชิญในเรื่อง่ต่อไปละกันเนาะ แหะๆ ขออนุญาตเก็บข้อมูลไว้ก่อนนะคะ
สำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาอ่านและสนใจหนังสือ ยังสามารถสั่งได้ค่ะ เพราะได้สำรองไว้ประมาณ 20 ชุด (แต่ตอนนี้เหลือไม่ถึงแล้วค่ะ)
เมล์มาคุยกันก่อนนะคะ ที่ tanjai1991@gmail ดอท com ไม่ว่ามีปัญหาอะไร เมล์มาก่อนค่ะ ทุกเรื่องเราคุยกันได้...ป้าฉีดยาแล้ว รับรองปลอดภัย แฮ่...Anonymus
-
มาต่อแล้วจ้า ^^
ตอนที่ 117
แม้จะสั่งอาหารไทยมาจากร้านอาหารแทบทุกวันแต่ริวก็ยังไม่วายบ่นอยากกินอาหารฝีมือเขา พสุจึงคิดจะทำอาหารให้ริวกินบ้าง แต่รู้ดีว่าถ้าเขาบอกว่าจะออกไปซื้อของสดริวก็ต้องงอแงขอตามไปด้วย ทั้งๆ ที่ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีนัก ชายหนุ่มจึงเลือกช่วงบ่ายที่ริวกินยาแล้วมักจะหลับยาวออกไปซื้อของสดข้างนอกโดยมีเจฟฟรี่ขับรถออกไปให้
“ผมซื้อของไม่เร็วนักหรอกครับ ยังไงคุณเจฟฟรี่ไปหากาแฟดื่มก่อนก็ได้ครับ” พสุบอกอย่างเกรงใจเพราะเจฟฟรี่เป็นบอดี้การ์ดของริวไม่ใช่เขา แค่ขับรถมาให้เขาก็เกรงมากแล้ว
“ไม่เป็นไร ผมจะช่วย” เจฟฟรี่ยิ้มจนตาหยี แล้วเข็นรถเดินนำลิ่วเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ต มีสายตาบรรดาแม่บ้านที่เลือกซื้อของเหลือบมองเป็นทิวแถว คงเพราะรูปลักษ์สะดุดตาของบอดี้การ์ดร่างใหญ่
พสุยิ้มแหยทั้งเกรงใจและกระดากสายตาคนอื่น แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าคิดผิด เพราะเจฟฟรี่เลือกของสดคล่องแคล่วกว่าเขามาก กลายเป็นชายหนุ่มได้แต่เดินตามเก้กัง ปล่อยให้เจฟฟรี่เลือกของใส่รถเข็นอย่างพิถีพิถัน ทั้งผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์
“อยู่บ้านผมมีหน้าที่ทำอาหารครับ เพราะเมียผมเธอบอกว่าเธอสวยเกินกว่าจะเข้าครัว” เจฟฟรี่หันมาบอกพสุขันๆ แล้วหยิบรายการที่พสุจดมาเช็คดูซ้ำ ยังดีที่พสุจดมาเป็นภาษาอังกฤษ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องเป็นคนคอยบอกให้เจฟฟรี่ซื้อของ ซึ่งคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูนักในความคิดของพสุ
“คุณพสุไปเลือกขนมก่อนก็ได้ครับ บอสชอบกินขนมก็จริง แต่ถ้าไม่ถูกใจคงไม่ยอมกินแน่ๆ” เจฟฟรี่หันมาบอกแล้วยื่นรายการขนมของริวให้พสุจัดการแทน
“ครับ เอางั้นก็ได้” พสุเลือกเค้กและช็อคโกแลตยี่ห้อดัง ที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยมาก ราคาก็สูงตามไปด้วย ยังไม่ทันจ่ายเงินเสร็จเจฟฟรี่ก็มายืนรออยู่หน้าร้านเพื่อช่วยถือ
พอกลับไปถึงที่พัก บิลก็มาช่วยขนของขึ้นลิฟต์ พสุได้แต่เดินตามขึ้นไปโดยไม่มีโอกาสช่วยถืออะไร นอกจากถุงเค้กที่ต้องประคับประคองอย่างดี เจฟฟรี่กับบิลออกจากลิฟต์ไปที่ชั้น 7 เพื่อเก็บของสดเข้าตู้เย็นที่ห้องครัว ส่วนพสุเอาเค้กขึ้นไปให้ริวบนห้องก่อนแล้วค่อยกลับลงมาทำอาหารภายหลัง ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดก็ได้ยินเสียงริวตะโกนลอดออกมาจากห้องนอน เพราะประตูห้องเปิดค้างไว้
“ทำไมไม่ปลุกฉัน!” เสียงตวาดของริวทำให้พสุชะงัก ไม่กล้าก้าวเข้าไป เพราะไม่อยากให้บอดี้การ์ดของริวเสียหน้าที่ถูกริวว่าต่อหน้าคนอื่นอย่างเขา
“คุณพสุแค่ออกไปซื้อของเท่านั้นเองครับ เดี๋ยวก็กลับแล้ว” น้ำเสียงนุ่มนวล เยือกเย็นของบรูซทำให้พสุโล่งอกที่คนอยู่กับริวเป็นบรูซ ในขณะเดียวกันก็เริ่มไม่สบายใจที่ได้ยินริวยังส่งเสียงเกรี้ยวกราดต่อไป
“ไปเอารถออก ฉันจะไปหาพี่ไผ่” ริวสั่งเสียงห้วน
“แต่บอสยังไม่แข็งแรงนักนะครับ ใจเย็นๆ ครับ เดี๋ยวผม...” บรูซยังไม่ทันพูดจบ ริวก็ตวาดสวนกลับทันทีอย่างไม่พอใจ
“ไม่ต้องมาแสดงความเห็น บอกให้ไปเอารถออกไม่ได้ยินหรือไง หรือเดี๋ยวนี้ฉันสั่งไม่ได้แล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ...ระวังครับ!”ประโยคหลังบรูซอุทานเสียงดังพร้อมๆ กับได้ยินเหมือนเสียงของตก
“โอ๊ย!”
พสุรีบวิ่งเข้าไปในห้องเพราะได้ยินเสียงริวร้องด้วยความเจ็บปวด ภาพที่เห็นคือริวนั่งตัวงออยู่ที่พื้นมือกุมบริเวณบาดแผล มีบรูซยืนละล้าละลังอยู่ข้างๆ
“ริว! เกิดอะไรขึ้น” พสุถามแล้วรีบวิ่งเข้าไปประคองริวลุกขึ้น บรูซถอนหายใจพรู แล้วยิ้มให้พสุอย่างขอบคุณที่กลับมาทันเวลา
“เดี๋ยวผมไปจัดใส่จานให้ครับ” บรูซรีบคว้ากล่องเค้กที่พสุตั้งทิ้งไว้บนพื้นขึ้นมา แล้วชิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“พี่ไปไหนมา ทำไมทิ้งริวไว้คนเดียว” ริวถามเสียงสั่น สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ทำให้พสุต้องกระชับวงแขนที่โอบรอบตัวเด็กหนุ่มแน่นขึ้นเพื่อปลอบใจ ขณะประคองริวลุกขึ้นนั่งบนเตียง
“พี่ออกไปซื้อของมาทำกับข้าวไง ริวอยากกินอาหารไทยไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ลุกมาทำไม” พสุถามเสียงนุ่มพลางตรวจดูแผลริวด้วยความเป็นห่วง พอไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ก็ลอบถอนใจอย่างโล่งอก
“ก็ริวตื่นมาไม่เห็นพี่...ริวใจหายหมด นึกว่าพี่ทิ้งริวไปแล้ว” ริวบ่นเสียงขึ้นจมูก แก้มพองลมอย่างแสนงอนจนพสุต้องลูบหัวปลอบ
“พี่จะทิ้งไปไหนได้ละครับ...อย่าทำแบบนี้อีกนะ เจ็บมากมั้ย” พสุปลอบเด็กแสนงอนอย่างเอ็นดู รู้อยู่หรอกว่าริวเอาแต่ใจเกินไป แต่จะให้เขาขัดใจหรือดุริว เขาก็ทำไม่ลง
“เจ็บครับ” ริวตอบแล้วเบียดเข้ามาในอ้อมแขนของพสุอย่างออดอ้อน แล้วเด็กหนุ่มก็สมใจเมื่อพสุลูบหลังลูบหัวปลอบเขา แล้วยังก้มลงจูบบนหน้าผากเขาเบาๆ หลังจากเหลียวไปมองประตูแล้วว่าไม่มีใครเข้ามา
“แล้วทำไมถึงล้มได้ละครับ” พสุรีบถามขึ้นเสียก่อน เพราะริวทำท่าเหมือนจะเลื่อนตัวขึ้นมาจูบเขาตอบ
“หมอนั่นพยายามจะมาห้าม ริวก็เลยปัดมือ แล้วล้ม” ริวแก้ตัวอ้อมแอ้ม แต่พสุกลับสะดุดหูในสรรพนามที่ริวเรียกขานบรูซ
“เค้กได้แล้วครับบอส” บรูซส่งเสียงเข้ามาก่อน ทำให้พสุรีบถอยออกห่างจากริว บรูซยกจานเค้กมาวางไว้บนโต๊ะแล้วรีบถอยออกไปเมื่อริวหันไปมองอย่างไม่พอใจ
อาการตวัดตามองบอดี้การ์ดด้วยสีหน้านิ่งๆ ทำให้พสุอึ้งอย่างประหลาดใจ ริวที่เขารู้จักช่างแตกต่างกับริวที่อยู่กลางอาณาจักรของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง จริงอยู่ว่ากับเขา ริวยังคงเป็นเด็กน้อยขี้อ้อนคนเดิม แต่กับคนอื่นๆ ทั้งบอดี้การ์ดหรือแม้แต่อลัน ริวไม่เคยไว้หน้าใคร ทุกอย่างที่สั่งต้องให้ได้ดั่งใจจนบางครั้งพสุก็อดตกใจไม่ได้ นี่เป็นริวในแบบที่เขาไม่เคยคาดฝันมาก่อน
“พี่...” พสุสะดุ้งเมื่อจู่ๆเด็กหนุ่มก็จูบบนปลายจมูกเขาเบาๆ ชายหนุ่มรีบเหลียวไปมองที่ประตู เมื่อพบว่าปิดเรียบร้อยก็ลอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่ง อก แม้จะกล้ายืดอกยอมรับในความสัมพันธ์ แต่ทุกอย่างก็ต้องมีคำว่าเหมาะสม การแสดงความรักอันลึกซึ้งต่อกันเป็นสิ่งที่พสุคิดว่าควรเก็บไว้เป็นเรื่องระหว่างเขากับริว ไม่สมควรให้คนนอกมารู้เห็นไปด้วย
“เป็นอะไรไปครับ เหม่อจังเลย ริวเรียกตั้งหลายหนแล้ว” ริวถามแล้วสอดแขนเข้ามารั้งเอวพสุเข้าไปกอดไว้แน่น เด็กหนุ่มวางศีรษะลงบนซอกคอพสุ แล้วแตะจูบเบาๆ
“ริวครับ บอดี้การ์ดของริวเขาดูแลริวมานานหรือยัง”
“ไม่รู้สิครับ บางคนริวเคยเห็นตั้งแต่เด็กๆ แล้ว”
“ตั้งแต่เด็ก? แล้วริวทำไมจำชื่อเขาไม่ได้ละครับ”
“จำทำไมละครับ ไม่เห็นมีอะไรต้องจำเลย”
“ริว...ถึงเขาจะเป็นลูกจ้าง ลูกน้อง หรือพนักงานกินเงินเดือนอะไรก็ตาม แต่การห่วงใย ใส่ใจเขาบ้าง ก็เป็นการแสดงน้ำใจของเรานะครับ ริวรู้มั้ย ว่าทำตามหน้าที่ กับทำด้วยหัวใจน่ะมันผิดกัน เหมือนอย่างเรา ถ้าเราร้องเพลงไปตามหน้าที่ กับเราร้องเพราะเรารักที่จะร้อง ริวว่ามันจะแตกต่างกันแค่ไหน”
“ก็...ริวไม่รู้ว่าต้องทำยังไงนี่นา”
“ริวก็คิดเสียว่าเขาเป็นเพื่อน เป็นพี่ เหมือนพี่ตะวัน พี่ดล หรือนับถือเขาแบบที่ริวนับถือพี่เผ่าก็ได้นี่ครับ เราเป็นเด็ก การรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ได้ทำให้เราดูด้อยหรือเสียศักดิ์ศรีสักนิด แต่มันแสดงถึงความสุภาพ อ่อนโยนในหัวใจเราต่างหาก...ริวเป็นเด็กอ่อนโยนมากนะ เพียงแต่ริวไม่เคยแสดงออกให้คนอื่นเห็นเท่านั้นเอง”
ริวคิดตามที่พสุบอกอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า แล้วกระชับวงแขนที่โอบรัดพสุแน่นขึ้น จมูกและปากอุ่นเริ่มไต่คลอเคลียไปบนใบหน้าของชายหนุ่ม
“ริวไม่ได้กอดพี่ตั้งนานแล้วน๊า” ริวทำเสียงออดๆ แล้วปลดกระดุมเสื้อพสุอย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มคว้ามือไว้แทบไม่ทัน
“เดี๋ยวสิครับริว...ริว...” พสุปรามแล้วดันตัวเด็กหนุ่มออกเล็กน้อย
“ครับ?” ริวยอมถอย แต่ทำหน้านิ่วอย่างไม่พอใจ
“กลับไปเมืองไทยค่อยกอดได้มั้ย” พสุถามเสียงอ่อน สงสารน้องก็สงสารอยู่หรอก แต่ที่นี่ เวลานี้ เห็นทีจะไม่เหมาะแน่ เพราะริวยังไม่หายดีนัก อีกอย่าง...ทั้งอลันและคนของเขาสามารถเข้ามาในห้องนี้ได้ตลอดเวลา ทำให้พสุยิ่งไม่กล้าให้ริวแตะต้องเขามากไปกว่าจูบ
“ทำไมละครับ” ริวถามย้ำอย่างหงุดหงิด แม้การอยู่ร่วมกันที่บ้านริมทะเลสาบจะเป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆ แต่สัมพันธภาพทางกายของเขากับพสุก้าวไปไกลจนเพียงการสัมผัสก็สื่ออารมณ์ถึงกันได้ชัดเจนยิ่งกว่าคำพูด เด็กหนุ่มรับรู้ได้ว่าพสุก็ต้องการเขา ไม่ต่างจากที่เขาต้องการพสุเช่นกัน
“ก็เอ่อ ที่นี่ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเวลาคุณอลันหรือคนอื่นขึ้นมาจะทำไงล่ะ” พสุปรามเสียงแผ่ว แล้วลูบแก้มสากระคายเบาๆ เพื่อปลอบใจ
“เดี๋ยวริวโทรไปสั่งไม่ให้ใครขึ้นมา ถ้าไม่ได้เรียก” ริวตอบอย่างมั่นใจแต่คนฟังทำตาโตอย่างตกใจ
“ไม่ได้! ทำแบบนั้น เขาก็ เอ่อ...รู้กันหมดน่ะสิว่าเรา...” ใบหน้าขาวแดงซ่านทันทีเมื่อคิดว่าคนของริวจะรู้ว่าเขากับริวทำอะไรถึงห้ามขึ้นมา
“แต่ริวอยากกอดพี่นี่นา” ริวทำเสียงงอแง อย่างเอาแต่ใจ เพราะมั่นใจว่าพสุไม่เคยใจแข็งกับเขาได้นาน
“อดทนไว้ก่อนนะ ไว้กลับไปเมืองไทยแล้วเราค่อย...” พสุพยายามปลอบ แต่พูดยังไม่ทันจบริวก็ตะโกนสวนขึ้นมาเสียก่อน
“ริวนึกออกแล้ว!” ริวอุทานแล้วผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มนิ่วหน้าเมื่อเคลื่อนไหวกะทันหันจนเจ็บแผล ริวเดินลิ่วไปที่ประตูแล้วเปิดออกไปยังแผงควบคุมด้านนอก
“ริว...จะทำอะไรน่ะ” พสุตามมาดูด้วยความเป็นห่วง พอเห็นเด็กหนุ่มจิ้มตัวเลขบนแผงควบคุมอย่างรวดเร็วก็จ้องมองอย่างสนใจ
“ตั้งพาสเวิร์ดใหม่ครับ” ริวตอบแล้วกรอกตัวเลขรหัสชุดที่สองเข้าไป ตั้งรหัสแบบนี้แล้วเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีใครเปิดเข้ามาดื้อๆ ได้อีก
“อ้าว! แล้วถ้ามีอะไรเร่งด่วนล่ะ?”
“มีอะไรด่วนเขาก็โทรเข้ามาบอกเองแหละครับ”
“แต่ถ้าพี่ออกไปข้างนอก แล้วริวอยู่คนเดียวล่ะ เกิดอะไรขึ้นใครจะเข้ามาช่วย” พสุพยายามทักท้วงด้วยความเป็นห่วงริว แต่เด็กหนุ่มกลับตอบสวนมาเร็วเหมือนไม่ต้องคิด
“พี่ก็อย่าไปสิครับ...เรียบร้อย”
“ริว...” พสุไม่ทันพูดอะไรริวก็ลากมือเขากลับเข้าห้อง ประตูปิดตามหลังและได้ยินเสียงล็อคอัตโนมัติทำงานทันที
“แค่นี้เราก็อยู่กันสองคนแล้ว” ริวกระซิบเสียงเบาแล้วรวบตัวพสุเข้ามากอด พลางดันให้ถอยหลังไปที่เตียงช้าๆ
“ริว...พี่ว่า...” พสุพยายามจะค้าน แต่กลับหัวหมุนไปหมดเพราะปากร้อนๆ ที่เบียดเคล้าลงมาจนแทบหายใจหายคอไม่ทัน
“ริวไม่ได้กอดพี่ตั้งนานแล้วน๊า พี่จะใจร้ายกับริวได้ลงคอเหรอ” ริวอ้อนพลางดึงเสื้อที่พสุสวมอยู่ออกอย่างรวดเร็ว แล้วรวบกอดพสุไว้แน่นขณะดันจนพสุล้มลงไปบนเตียงด้วยกัน
“แต่แผลริว...” พสุพยายามจะค้าน แต่แววตาอ้อนวอนของริวก็ยั้งปากเขาไว้
“ไม่เจ็บแล้วล่ะครับ นะๆ” ริวอ้อนเสียงแผ่วแล้วแนบจูบอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มรัดวงแขนแน่นขึ้นเมื่อพสุไม่เพียงไม่ปฏิเสธ แต่ยังตอบรับเขาอย่างกระตือรือร้นด้วยปลายลิ้น เสื้อผ้ากลายเป็นสิ่งกีดขวางที่ต้องรีบร้อนกำจัดออกไป ต่างฝ่ายต่างช่วยกันถอด เพียงครู่เดียวร่างกายที่เปลือยเปล่าก็เบียดเข้าหากันอย่างโหยหา
พสุพลิกกายขึ้นอยู่เหนือร่างของริว ชายหนุ่มผละปากจากปากสีส้มสดลงมายังปลายคางบุ๋มที่สั่นระริกไปตลอดสันกรามเมื่อเขาลากจูบเบาๆผ่าน แผ่น อกขาวเผือดเดาะลอยขึ้นเมื่อชายหนุ่มแตะชิมและดูดกลืนอย่างเย้าหยอก ระมัดระวังไม่ให้เฉียดใกล้บริเวณบาดแผล
เสียงหายใจของริวสะดุดเมื่อพสุเลื่อนปากลากจากลอนกล้ามท้องลงมาหาบริเวณสะดือช้าๆ เด็กหนุ่มกลั้นหายใจเมื่อปากสีแดงครอบครองเขาไว้ในปาก สัมผัสนุ่มนวล ร้อนผ่าว เสียววูบตามแรงรูดรั้งของปากนุ่ม ทำให้ริวแทบปลดปล่อยออกมาในนาทีนั้น ริวขยำหมอนที่หนุนอยู่แน่น สะโพกเกร็งขยับตามจังหวะของพสุอย่างลืมตัว ยิ่งพสุเม้มปากแน่นเท่าไหร่ เขาก็แทบจะแดดิ้นด้วยความเสียวซ่าน
“พี่...พี่...ริวไม่ไหว...อือ” ริวครวญครางเสียงกระเส่า สะโพกกระตุกเมื่อความเสียวซ่านพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ไอร้อนในกายทะลักล้นออกมาแรงจนรู้สึกเหมือนหน้ามืด เด็กหนุ่มหอบหายใจแรงราวกับอากาศมีไม่เพียงพอ ริวหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งจึงเริ่มรู้สึกถึงสัมผัสเย็นชื้นบนใบหน้า เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมองก็พบว่าพสุใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเหงื่อให้เขาอย่างระมัดระวัง
“พี่ไผ่ครับ ริวรักพี่นะ” ริวกระซิบบอกหอบๆ แล้วดึงพสุมากอดไว้แน่น เด็กหนุ่มเบียดจุมพิตบนปากแดงจัดหนักหน่วง สอดลิ้นเข้าไปกอดเกี่ยวกับลิ้นของพสุ จนลมหายใจเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง ริวขยับจะพลิกตัวขึ้นทาบทับ แต่กลับชะงักเพราะอาการเจ็บแปลบที่แผล พสุจึงดันร่างของเด็กหนุ่มให้นอนลงอย่างเดิม
“ไม่เป็นไร พี่ช่วย” พสุบอกเสียงเบา แล้วแนบจูบลงมา ปลายลิ้นอุ่น แตะชิมยั่วหยอก จนริวไขว่คว้าลิ้นตาม มือที่ทาบอยู่บนสะโพกเปลือยของพสุ บีบคลึงและกดให้สะโพกพสุกับสะโพกของเขาเบียดเสียดกันอย่างจงใจ เพียงส่วนอ่อนไหวสัมผัสกัน ก็เรียกเสียงครางในลำคอของทั้งคู่ได้แล้ว พสุและริวต่างเบียดเสียดกันแนบแน่น ทั้งลิ้นและสะโพก จนไฟอารมณ์ลุกฮือ แม้จะกอดรัดกันแน่นเพียงใดก็เหมือนยังไม่เพียงพอ
พสุเม้มปากดูดชิมผิวเปล่าเปลือยเนียนละเอียดอย่างนุ่มนวล ทุกครั้งที่กล้ามเนื้อของริวเกร็งเป็นระลอกด้วยความซ่านเสียวยิ่งทำให้เขาสุขจนล้น ไม่มีช่องว่างไม่มีข้อเปรียบเทียบ ไม่เกี่ยวว่าใครเป็นฝ่ายรับสัมผัสหรือถูกสัมผัส การได้ปรนเปรอให้คนที่รักเป็นสุขเขากลับสุขยิ่งกว่าหลายเท่า พสุดูดกลืนยอดอกสีแดงไว้ในปาก หยอกล้อด้วยปลายลิ้นจนได้ยินเสียงครวญครางจากคนข้างใต้
“พี่...ริวไม่ไหวแล้ว” ริววิงวอนขอเสียงกระเส่า เมื่อพสุยังอ้อยอิ่งหยอกล้อกับยอดอกเขาไม่เลิกทั้งที่เขาต้องการมากกว่านั้น พสุยอมละจากยอดอกบวมช้ำขึ้นมาจูบปากนุ่มเบาๆ ดูดปลายลิ้นของเด็กหนุ่มเล่นขณะที่ปลายนิ้วซุกซนของริวเคลื่อนไหวเข้าไปในร่างกายช้าๆ แม้จะเจ็บและอึดอัด แต่พสุก็ปล่อยให้ริวช่วยเตรียมความพร้อมให้ จนแน่ใจว่าร่างกายเขาพร้อม ชายหนุ่มถึงได้ดึงมือริวออก
พสุสูดลมหายใจลึก ก่อนจะค่อยๆ หย่อนกายลงบนความแข็งแกร่ง เพราะเริดร้างจากการสัมผัสไปนาน ช่องทางเล็กแคบจึงแทบไม่ขยายรับเนื้อร้อนจัด แต่ความตั้งใจที่จะมอบความสุขให้ริว ทำให้พสุพยายามผ่อนคลายร่างกายให้ส่วนร้อนผ่าวเปียกลื่นชำแรกเข้าไปจนสำเร็จ
พสุหอบฮักฟุบลงกอดริวไว้แน่นเพื่อปรับร่างกาย ส่วนที่ประสานกันตึงเขม็งจนเขากลัวว่าถ้าขยับจะฉีกขาดออก ความแนบชิดคับแน่นจนรู้สึกได้ถึงชีพจรที่เต้นตุบอยู่ในร่างกายของกันและกัน
ความกระชับแน่นที่บีบรัดหนักหน่วงทำให้ริวต้องครวญครางด้วยความเสียวซ่าน เหนือสิ่งอื่นใด เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนเอาอกเอาใจ ที่พสุพยายามปรนเปรอให้ จนเขาสุขแทบสำลัก
ผิวอุ่นนุ่มแต่แข็งแรง บีบรัดแน่นจากโคนจรดปลายราวกับพยายามขับไล่ผู้บุกรุก ทำให้ส่วนที่ถูกบีบรัดยิ่งขยายตัวรับแรงต้าน จนพสุจำต้องขยับเพื่อให้หายอึดอัด
“อา...” เสียงครางของทั้งคู่ประสานกัน เพียงแค่ขยับ ก็เสียวแปลบลงไปถึงปลายเท้า พสุยกกายขึ้นช้าๆ ผนังอ่อนนุ่มรัดแน่นราวกับกลัวการสูญเสียทำให้ริวแทบถลันลุกขึ้นนั่งด้วยความเสียว เด็กหนุ่มบีบต้นขาที่คร่อมทับอยู่บนเอวแน่นเมื่อพสุหย่อนกายกลับลงมา สัมผัสเสียดสีตอดรัดแรงขึ้นทุกจังหวะการเคลื่อนไหว ก่อให้เกิดความร้อนราวกับจะหลอมรวมสองร่างเข้าด้วยกัน จังหวะเคลื่อนไหวเนิบช้ากลับเร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ เสียงหอบหายใจ เสียงครวญครางที่ไม่ต้องเก็บกลั้น ยิ่งกระตุ้นให้อารมณ์ถูกขับเคี่ยวเร่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“ริว...” พสุหลุดปากครางเสียงแผ่ว ปมเสียวกระสันในกายที่ตึงเขม็งเหมือนถูกบิดจนขาดผึง ความรู้สึกเสียววาบจากหน้าท้องไหลวูบไปจนรู้สึกได้ถึงอาการแปลบปลาบที่ปลายนิ้วมือนิ้วเท้า ชายหนุ่มกัดฟันแน่นเมื่อรู้สึกไอร้อนจัดที่ฉีดพลุ่งในกาย ความรู้สึกสุขเกษมยิ่งซาบซ่านเมื่อได้ยินเสียงริวครางกระเส่า ท่อนแขนแข็งแรงตวัดรัดเขาเข้าไปกอดไว้แน่น ได้ยินเสียงหัวใจของกันและกันเต้นระรัวดังกึกก้องอยู่ในหูก่อนที่สติของพสุดับหายวับไปชั่วขณะ....
พสุคิดว่าตัวเองคงหมดสติไปนานพอสมควร เพราะเมื่อเขารู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งนั้น ลมหายใจของเขากลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่เนื้อร้อนผ่าวของริวที่แทรกอยู่ในกายเขาก็ร้อนผ่าวแข็งขันอีกครั้งเช่นกัน พสุผ่อนลมหายใจยาว ริวยังเด็ก ฮอร์โมนยังพลุ่งพล่านเกินกว่าการระบายออกเพียงครั้งหรือสองครั้งจะพอเพียง แต่เมื่อพสุขยับจะลุกขึ้นริวกลับกอดเขาไว้แน่น
“พี่อย่าเพิ่งขยับสิครับ”
“พี่ไม่ขยับแล้วริวจะ...หายทรมานเหรอ”
“ริวชอบแบบนี้ ขออยู่ข้างในอีกแป๊บนะครับ” ริวกระซิบอ้อน แล้วกอดพสุแน่น ชายหนุ่มจึงจำต้องอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้ริวเบียดกระแซะอยู่ข้างใน สัมผัสที่ดูเหมือนจะร้อนและขยายขึ้นเรื่อยๆจนแม้แต่การหายใจก็กลายเป็นความอึดอัดทำให้พสุอดนิ่วหน้าไม่ได้ ฝ่ามืออุ่นที่ลูบเล่นอยู่บนแผ่นหลังเลื่อนลงไปโอบลูบไล้สะโพกของเขา บีบคลึงแล้วกดให้แนบกระชับยิ่งขึ้น
“ริว...” พสุหลุดเสียงครางกระเส่า เพราะริวไม่เพียงกดสะโพกเขาให้เบียดแน่น แต่ยังบดกายเคล้าจนส่วนร้อนจัดในกายเขาเหมือนกวาดควานไปทั่ว ริวเบียดคลึงและขยับสะโพกพสุบดวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูเหมือนริวจะสนุกกับเกมนี้ แต่พสุไม่สนุกไปด้วย ชายหนุ่มกัดฟันแน่นด้วยความซ่านเสียวและเผลอบีบรัดสิ่งที่อยู่ในร่างกายแรงอย่างไม่ตั้งใจ
“พี่...ขอริวนะ...ริวอยากกอดพี่จนจะทนไม่ไหวแล้ว” ริวครางแล้วร้องขอเสียงกระเส่า
“แต่แผลริว”
“นะ” ริววิงวอนแล้วพยายามยันตัวลุกทั้งที่พสุยังอยู่ข้างบนตัวเขา พสุรีบดันอกของเด็กหนุ่มไว้แล้วค่อยๆ ยกตัวแยกออกเพื่อช่วยดึงริวลุกขึ้น แต่เด็กหนุ่มกลับไม่ยอมให้ห่างนาน
ทันทีที่พลิกร่างพสุลงนอนบนเตียงได้ ริวดันตัวรวดเดียวเข้าไปเติมเต็มจนหมด พสุยังไม่ทันผ่อนลมหายใจด้วยซ้ำเมื่อเด็กหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง สัมผัสเสียดสีเสียวกระสันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงครวญครางกระเส่า ยามร่างกายถูกเติมเต็มซ้ำๆ ดูเหมือนจะยาวนานจนไม่มีที่สิ้นสุด
พสุรู้สึกวาบหวิวเหมือนใจจะขาดยามร่างกายถึงขีดสุด สติของเขาดับวูบเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนฉีดซ่านในร่างกาย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงกระซิบรักหอบกระเส่าริมหู
..................................................
-
^^
จิ้มๆ
เด๋วไปอ่านก่อน
-
หื่นทุกวันเลยนะหนูริว... :pig4:
-
กลับมาด้วยฉากรักอันร้อนแรงงงมากมาย อิอิ
:m25: :m25: :m25: :m25:
-
:haun4:
-
พี่ไผ่กับริวมาแล้ว :m4:
-
ริวเอ้ย พักนี้หื่นจริง แต่พี่ชอบน่ะ
-
คู่นี้ น่ารักลงตัวแล้ว :-[ (แต่ขอฉากหวานๆอย่างเดียวแล้วนะค่า ไม่เอามาม่า )
แต่ในใจแอบโลภ อยากอ่านเรื่องของอลัน เพราะท่าทางจะปากร้ายไม่เบา หุๆ
อลัน แม่(ดีกว่า)บุญธรรมของริว อยากตามใจคนเอาแต่ใจยังมีว่างๆอีกคนนะ ตัวพ่อกว่าริวอีกด้วย สนใจมิค่า? โฮะๆๆ (ถ้ามีคู่นี้นะ ไม่ต้องถามเลย รวมเล่มจอง 1 ที่ แน่ๆ :impress2: )
ปล. แล้วเราก็ได้รู้ว่า ไอ้หนูริวมันได้เชื้อโคตรเอาแต่ใจ แถมตีสองหน้า มาจากผู้ใด? :laugh:
ปล.2 เรื่องนี้ถูกใจตัวละครทุกตัว แม้กระทั่งตัวร้าย เพราะอย่างน้อยมันก็ร้ายจริง ไม่ใช่ดีแต่ปากล่ะ หุๆ
-
แล้วเมื่อไหร่แผลจะหายเนี่ย
-
มาเก็บหลายตอนเลยเรา
แต่ที่แน่ๆริวหื่นมาก ไม่เป็นไรเราชอบ
สงสารก็แต่ไผ่เนี้ยแหละโดนริวกอดไปหลายรอบ
ริวยังมีความเป็นเด็กอยู่เยอะมากจริงๆนะเนี้ย
โดยเฉพาะเรื่องเอาแต่ใจตัวเอง ค่อยๆปรับตัวนะริว
ไผ่คงต้องค่อยๆสอนริวนะไผ่
:กอด1: :L2: :pig4:
-
วู้ววววว
ริวหื่นจริงๆเลย :haun4:
-
เก็บกดมานานท่าทางเรื่องจะยาว :o8:
-
:m25: :o8:
-
อาร๊ายย ย ยย,,,,,
เขิน!!!!~?
-
:jul1: ร้อนแรงกันจริง ๆ :o8:
-
แสบจิงๆๆ :laugh:
-
:haun4: :haun4: โอยยจัดมาเต็มชุดเลยนะนี่
-
เหอะๆ ริวทำร้ายร่างกายพี่ไผ่ตลอดเลย >///<
-
เฮอะๆ ริวนี่ขนาดไม่สบายนะเนี่ย
มาต่อเร็วนะค่ะ ทรมานใจจะขาดอยู่แล้ว อยากอ่านมากมาย
-
:haun4: :haun4: :haun4:
-
น้องริวอ้อนพี่ไผ่เป็นอยู่คนเดียวแหละ คนอ่านเลยเขินเลยดูซิ :o8:
-
นี่ขนาดป่วยนะ หนูริว
พี่ไผ่ก็ยอมตามใจไปซะทุกเรื่อง :impress2:
-
ริวหื่นนนนนนนนนนนนนน :haun4:
ระวังแผลปรินะ 555
-
พี่ไผ่หนู มีโอกาสจะรุกบ้างไม๊ค๊า หนูอยากเห็นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
-
อร๊ายหื่นแบบนี้ช้อบชอบ
-
แล้วเมื่อไหร่จะหายเนี่ยริว 55555
-
+1 ให้ป้าคนเขียน และน้องคนโพสด้วยค่ะ
แผลยังไม่ทันหายดีน้องก็ออกอาการหื่นอีกแล้ว
พี่ไผ่ต้องหมั่นบำรุงรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอนะคะ
เป็นห่วงจริงๆ
-
ดีที่พี่ไผ่มีคนไปช่วยเลือกซื้อกับข้าว..
ถ้ากลับมาช้ากว่านี้อีกนิ้ด.ห้องคงระเบิดตู้มมแล้วคะ..55+
บอดี้การ์ดของริวน่ารักทุกคนเลย...เดี๋ยวคราวหน้าคงได้เห็นริวโหมดเด็กดีกับพี่ๆบอดี้การ์ดมั่งง..
พี่ไผ่น่ารักมั่กๆ..แต่เหนื่อยหน่อยนะคะพี่..เพราะดูแลเด็กดื้อได้อยู่คนเดียว..555+
-
งวดนี้ ไผ่สุขจนหมดสติไปสองรอบ
-
พี่ไผ่เปลืองตัวอีกแล้ว อิอิ หนูริวยังละอ่อน ต้องทำใจ 5555+
-
เรื่องนี้บอกตรงๆว่าอ่านตอนแรกรู้สึกว่า ริวเป็นฝ่ายรับ (เคะ)ล่ะ - - แต่พออ่านไป อือ...เป็นฝ่ายรุกนี้ล่ะน้องริว
ได้ใจมากจริงๆ ขอยกให้ทั้งใจเลย สนุกมาก ชอบนิสัยบางมุมของริว อย่างแรงค่ะ
พร้อมๆกับ ชอบความอ่อนโยนของพี่ไผ่ด้วย กริ้ดมากๆด้วยจริงๆ
เพลงที่ใช้บางตอน สื่ออารมณ์ของตอนนั้นๆได้เป็นอย่างดีมากค่ะ ฟังแล้วอินไปเลย
ไล่อ่านเมื่อวานยันตอนนี้กว่าจะหมด อยากจองรวมเล่มเหมือนกันนะค่ะ แต่เงินไม่มีงะ :o12:
สาธุขอให้มีรีไรท์ทำอีกครั้งเถอะค่ะ เปิดเทอมถึงค่อยมีเงิน
แอบหวังคู่อลันกับพ่อของริวเหมือนกันค่ะ ดูแลเป็นคู่ที่น่าจะมันส์ไปอีกแบบ หึหึ
หนูริวรู้สึกตั้งแต่ได้ใจพี่ไผ่ไป หื่นขึ้นหรือเปล่าเนี้ย แต่....ได้ใจขอสนับสนุนความหื่นต่อไป สู้เขาหนูริว!!! :impress2:
-
กรี๊ด!! ดังๆ
เล่นบทอัศจรรย์ จนสลบเลยทีเดียว :laugh:
-
ริวอ้อนมากมาย พี่ไผ่ก็ช่างตามใจ
แล้วก็เสียเลือดไปตามระเบียบ :m25:
-
โอ้ยยย
เด็กหื่นน :o8:
-
ริว :haun4:
ความต้องการที่ไม่มีสิ้นสุดของริว อุ๊ย.. :o8:
-
ใครแอบเอายาดองให้หนูริวกินรึป่าวคะนี่? :pighaun: :pighaun:
-
โห.... พี่น้อง อ้อนกันสุดๆเลย ตอนใหม่นี่ เล่นกันเต็มๆเลยอะ
อ้อนกันสุดๆ ใส่กันสุดๆ และริวดูเด็กสุดๆเลยตอนนี้ เหอๆๆ
-
ริวหื่นกระจายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พสุน่ารักอ่ะ สอนน้องเยอะๆนะ อยากให้ริวอ่อนโยนกว่านี้
ปล. แอบคิดถึงตะวัน อยากรู้เรื่องคนนั้นของตะวันด้วย :o8:
-
:jul1: :jul1: +1
-
:impress2: :impress2: นี่ขนาดป่วยนะ
-
:oo1:ริวเนี่ยร้อนแรงมากๆเลยอะ ไผ่ก้อใช่ย่อย :oo1:สุดยอดดดดดดดดดด
-
เอร๊ยยยย :pighaun: :pighaun: นี่ขนาดยังไม่หายดี
หนูริวยังหื่นได้ขนาดนี้ ฮิฮิ ชอบๆๆ :m4:
-
:pighaun: เอิ้กกกกกก
อยากให้ริวปรับตัวตามพี่ไผ่บอกเหมือนกัน คงจะน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นเป็นกองเลย
-
กร๊าซซซซซซซซซซซซซ :pighaun:
-
บทบรรยายตอนนี้ งามจริงๆครับ
ชื่นชมจริงๆ :L2: :L2: :L2:
-
แวะมา :o8:
-
:m25: :m25: :m25:
ไอ้หนูริวของป้ามันน่ารักไปไหนเนี่ย
ทั้งขี้อ้อน ทั้งดื้อดึง แถมยังซุกซนกับร่างกายพี่ไผ่ไปทั่วอีก *กริ๊ดดด*
o13
ปล.ช่วงนี้มีความสุขกับการฮันนีมูน จนตอนนี้แอบลืมไว พี่ตะวัน กับพี่ดลไปแล้วนะเนี่ย 555 ยังคิดถึง Kiss me อยู่น้า :-[
-
น้องริวหื่นตลอดๆๆๆๆ
อร๊ายยยยย
เขินมากอะไรมาก
เอาแต่ใจตัวเองจริงๆ
><
-
น้องริวอดใจไม่ไหวเหรอจ๊ะ o18
-
ตายๆ แม้จะยังไม่หายดี ริวก็ยังหื่น :haun4:
คนอ่านนั่งเลือดโชกอยู่เนี่ยะ
ไผ่ไปจ่ายกับข้าวมา แล้วเมื่อไรจะได้กินกันค่ะคุณน้อง
-
โดนฟัดเสียเนื้อช้ำ(ใน)อีกแล้ว
น้องยังเป็นวัยรุ่นจริงๆนั่นแหละ กระสุนพร้อมยิงทั้งวันทั้งคืน สงสาร(สะโพก)พี่ไผ่จริงเชียว
-
แล้วแผลจะหายมั้ยเนี่ย ริว :pigha2:
-
น้องริวเหอๆๆซุกซนไม่ดูสังขารตัวเองเลยอ่ะ แต่แบบเนี้ยดีแล้วเหอๆๆเค้าชอบ กร้ากก หื่นจังเรา
-
วันนี้นั่งทานข้าวที่ร้านอาหาร
ได้ฟังเพลงมากกว่ารัก นึกถึงเรื่องนี้ทันทีเลย
-
ตามมาเม้นอีกรอบคะ ยังอ่านไม่จบอยู่ดี 5555+
แต่ตอนนี้ ความสัมพันธ์ เริ่มเปลี่ยนไปมากแล้ว เบนอ่านไป ก็ยังทำใจไม่ค่อยได้
เหมือนพี่ไผ่ไม่ใช่พี่ไผ่กลายเป็นลูกกวางน้อยไปแล้ว ริวเด็กน้อยกลายเป็นใครก็ไม่รู้เจ้าเล่ห์ เหลือเกิน
เอาเป็นว่าจะรีบมาอ่านต่อให้จบนะคะ
ตอนนี้ ขอเม้นก่อน
-
แหม~น้องริวยังไม่หายดีเลยน๊า
ทำเอาพี่ไผ่ระทวยเลยนิ
เก็บกดมานานใช่ม๊าน้องริว
-
น้องริว หื่นแตกซะแล้ว เหอะๆ
พี่ไผ่ ท่าทางจะต้องรับศึกหนักละงานนี้
:oo1:
-
เจ็บแล้วยังไม่วายหื่นอีกน้ออออ o13
-
ต่อให้ริวไม่โทรไปสั่งห้ามไม่ให้ใครขึ้นไปรบกวน
แต่ถ้ามาเห็นว่ารหัสถูกเปลี่ยนอย่างนี้ก็แปลได้ทางเดียวเหมือนกันนะพสุ...เขินแทน :-[
-
หลังจากหายห่างไปนาน :-[ในที่สุดริวก้อหายอึดอัดซะที
-
:impress2:ริววววววววว หื่นไปม๊ายยยยย แต่ชอบบบบบบ
พี่ไผ่่ไม่มีทางหลุดรอดอุ้งมือริวไปไหนแล้วนะ
-
:m1:
-
น้องริวเอาแต่ใจจริงๆ :haun4:
-
ริวนี่หื่นจริงๆๆๆ
ขอให้หายไวๆๆๆนน้า
-
ไม่ไ้ด้แวะเข้ามานานมาก งานยุ่งจริงๆ
หนูริวนี่ลั้นลาสุดๆไปเลยนะ ชักหมั่นไส้นิดๆ
อยากถามว่า .. พอจะมีโอกาสแต่งเรื่องของอลันไหมคะ?
แบบว่าชอบเป็นการส่วนตัว ^///^
โฮะๆๆ :pig4:
-
:haun4: :haun4:
-
จะจบแล้วคะ
แต่ขอเม้น เจิมๆไว้ก่อน
-
มาเร้วๆน้า~ :กอด1:
-
เหอะๆ หนูริว พักหลังนี่หื่นไม่มีวันหยุด ไม่หวั่นแม้วันเจ็บแผล :laugh:
-
เหอๆๆ ตอนนี้กำลังกลับไปอ่านตอนแรกๆอีกรอบ
พออ่านแล้วก็รุ้สึกว่า..
ริวตอนหลังๆนี่ เหมือนคนละคนกันเลย
นี่เรียกว่า... เติบโตขึ้น.... ไปในทางที่ดี...(ได้ไหมหว่า)
-
หนูริวหื๊นหื่นไม่เสื่อมคลาย
ดีใจที่พสุไม่อายที่จะเป็นคนรักของริวแล้ว
ห่างหายไปนาน พอดีติดธุระเรื่องเรียนน่ะค่ะ เลยไม่ได้เข้ามาอ่าน
มาอีกที ไหงหมดเขตจองหนังสือซะแล้ว อยากได้อ่า
เอาเป็นว่าถ้ามีจองรอบใหม่ ช่วยแจ้งด้วยนะคะ อยากได้เรื่องน่ารักๆแบบนี้มาเป็นหนึ่งในคอลเลคชัน อิอิ
-
:haun4: เข้าใจนะวัยรุ่นไฟเลยแรงแบบนี้แหละ :z1:
:pig4: คะ
-
น้องริวเวอร์ชั่นหื่นนนนนนนนนนนนนน
-
หื่นตลอด ! ขนาดเจ็บอยู่ก็ไม่เว้น
พี่ไผ่นี่ก็น่ารัก ขยันตามใจน้องจริงๆ ><
-
กระหน่ำขนาดนี้ แผลเปิดแหงมๆ555
-
ยังไม่ได้มาต่อนะ 555+ แต่ป้าฝากรูปปกและที่คั่นหนังสือมาให้ดูกันก่อนนะคร๊าบ ^^
เล่ม 1
(http://image.ohozaa.com/i/fd4/3fer1.jpg)
เล่ม 2
(http://image.ohozaa.com/i/3e7/1hl02.jpg)
เล่ม 3
(http://image.ohozaa.com/i/11d/b9v93.jpg)
และที่คั่นหนังสือ สีเดียวกับปกแต่ละเล่มนะคร๊าบ (ป้าแกแก่แล้ว แอบสะกดผิด แต่ของจริงไม่ผิดนะจ๊ะ :laugh: )
(http://image.ohozaa.com/i/5f7/bookmark.jpg)
สำหรับใครที่อยากได้เพิ่มลองเมล์ไปถามป้าดูเน้อ ตามเมล์นี้ >>> tanjai1991@gmail ดอท com
[/size]
-
ที่คั่นน่าร๊ากมาก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
-
ริวตาโต แป๋วแหววมากเลย น่ารักอ่ะ :o8:
กลับไปอ่านริว-ไผ่ ใหม่เป็นรอบที่สามแล้วเนี่ย ชอบมากมาย
ใกล้จะได้หนังสือแล้ว เย้ๆๆๆๆ
-
ตาพี่ไผ่คมมาก...แต่น้องริวจะแบ๊วไปไหนเี่นี่ย
เดี๋ยวจะเชียร์ให้พี่ไผ่กดซะเลย
คนแต่งน่ารักมากค่ะ...รีเควสต์วันตอนเช้าได้ตอนเย็น(?)
ปกสวย รูปสื่อความหมาย เธอคือ...ลมหายใจ :กอด1:
-
สวยจัง o13
-
ริวแบ๊วมากๆๆๆๆๆๆๆๆพี่ไผ่กดสักทีดีมั้ย 55555555555555
-
จิ้มเจ๊ spring ที่คั่นอ่ะ สีน้ำตาลอันแรกหรอก ตอนริวอยู่อนุบาล
อันที่สองสีเขียวจุ๊บๆ
อันที่สามริวอ้าซ่า...(น่ากดเนาะ)
จริ! เราแค่เรียงผิด สะกดผิด แต่สีไม่ผิดน๊า เค้าเจตนา งุงิ
ปล. อยากให้พี่ไผ่มันกดน้องเหมือนกันแหละค่ะ สลับกันมั่งไรมั่งจะได้เสมอภาค :impress2: ...แต่กลัวคนอ่านรับไม่ได้ อิอิ :z1:
-
รูปพี่ไผ่กับน้องริวน่ารักมาก :กอด1:
-
ที่คั้นน่ารัก ปกก็ดูลึกซึ้ง :impress:
-
ปกหนังสวยมากและดูดีครับ มาต่ออีกนะ :L2:
-
จิ้ม Anonymus ค่ะ :impress2:
รับได้ รับได้...ให้พี่เขาได้จิ้ม(?)น้องซักทีเหอะ ริวมันกล้าให้อยู่แล้ว รักขนาดนั้น
แต่ไผ่ต้องใจแข็งหน่อยนะ...ครั้งต่อ ๆ ไปเดี๋ยวก็ชิน :m20:
-
:กอด1:
-
:-[ ตาริวน่ารักมากกกก แต่ละปกมีความหมายในตัวดีจัง...ขอกริ้ดกับรูปอีกรอบเถอะ อ๊าก!! :z3:
-
เห็นปกฯ แล้วอยากได้หนังสือขึ้นมาทันทีเลย :m1:
รูปพี่ไผ่กับน้องริวก็น่ารัก... +อย่างเดียวครับงานนี้
-
อยากได้~ :o12:
-
ที่คั่นหนังสือน่ารักจัง...พี่ไผ่ขนาดเวอร์ชั่นการ์ตูนยังเท่ได้อีก..55+
หนูริวนี่ตาโตแบ๊ววว.น่าร้ากกก...> <
-
ปกน่ารักคะ มาร่วมด้วยช่วยชม...
สื่อถึงทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องเลย
ตัวการ์ตูนน้อยน่ารักเหมือนกัน
-
ถูกใจปกมากค่ะ >///< ลึกซึ้งมากมาย (กำลังกังวลอยู่เลยว่า...ถ้าปกเป็นรูปผู้ชายสองคน จะบอกกับแม่ยังไงดี = =;; ) :z3:
ที่คั่นน่ารักม๊ากกกกกกกกกก น้องริวดูแบ๊วซะไม่มี พี่ไผ่ก็ตาคมเชียว อิอิ
จะรอนะคะ ขอบคุณมากค่า :pig4:
-
ชอบที่คั่นหนังสือจัง
อยากได้แต่ไม่มีงบอ่ะ ซื้อเรื่องอื่นจนหมดงบแล้วT_T
-
:z10:
-
ช่วงหลังอัพช้าอ่า....รอใจจะขาดรอนๆแล้วคร้าบบบ
เสื่อที่เอามาปูนั่งรออ่านก็เริ่มผุ หนมที่เตรียมไว้ก็กินหมดแล้ว T^T
รอครับรอ รอริวกะพี่ไผ่ต่อปายยยยยยย
-
มารอน้องริวกับพี่ไผ่ค่ะ
-
หน้าปกสวยมากเลยค่า!! ชอบๆๆ :m4:ถูกใจจริงๆ อยากเห็นเร็วๆแล้ว
ที่คั่นก็น่ารัก กรี๊ดดดดด หนูริวน่าหยิกแก้มจังเลยง่ะ :m3:
-
หนังสือก็จะออกแล้ว ทำไมตอนต่อไปยังไม่มา :call:
-
ตอนที่ 118
เสียงเคาะเป็นสัญญาณที่เคยคุ้นทำให้ริวลืมตาขึ้นฉับพลัน เด็กหนุ่มก้มมองร่างในอ้อมแขนแล้วจูบบนแก้มเบาๆ ริวหยิบผ้าห่มขึ้นคลุมให้พสุถึงคอ ก่อนจะลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมแล้วเดินไปกดอินเตอร์โฟน
“ไปรอที่ห้องอัดเสียง” ริวสั่งเสียงเรียบแล้วเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากทิ้งพสุไว้คนเดียวนานนัก
อลันนั่งรออยู่ในห้องอัดเสียงพร้อมแฟ้มเอกสารสามสี่แฟ้มด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเคย
“มีอะไร” หางเสียงริวทอดอ่อนลงเมื่อนึกถึงสิ่งที่พสุสอน คนแรกที่เขาควรทำดีด้วยก็ควรเป็นอลัน เพราะอลันเป็นทั้งเพื่อนและเป็นผู้จัดการที่ดีที่สุดของเขา อลันคือคนที่เนรมิตทุกอย่างให้เขาดังใจมาตลอด...ถ้าไม่มีอลัน เขาอาจจะไม่มีวันนี้ก็ได้
“มีเอกสารที่นายต้องเซ็นอนุมัติสองสามฉบับเพราะจะประชุมบอร์ดบริหารพรุ่งนี้” อลันแจงเหตุผลเสียงเรียบ แน่ใจว่าคงมาขัดจังหวะความสุขของริวตั้งแต่เปิดประตูไม่ได้เพราะรหัสถูกเปลี่ยนใหม่แล้ว
ริวหยิบเอกสารมาดูแล้วเซ็นให้ทั้งสามฉบับก่อนจะเลื่อนแฟ้มคืนให้แล้วจ้องหน้าอลันนิ่ง ทำให้อลันชะงักแล้วทรุดลงนั่งอย่างเดิมเพราะมั่นใจว่าริวคงมีเรื่องอยากคุยกับเขา
“นายเจตนาให้พี่ไผ่รู้เรื่องที่ฉันใช้หนี้แทนใช่มั้ย” ริวถามเสียงเรียบ อลันชะงักแล้วสบตากับริวนิ่ง ริวคงไปถามรายละเอียดจากทนายสุจริตมาแล้ว...
“ใช่”
“ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องให้เขารับรู้เรื่องนี้อีก” ดวงตาอ่อนใสเหมือนลูกแก้วหรี่ลงอย่างรู้เท่าทัน ริวโตแล้ว...โตพอที่จะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมมนุษย์ คนตรงหน้าเขา ไม่ใช่เด็กน้อยเอาแต่ใจ ที่เอะอะอะไรก็โทรมาโวยวายให้เขาหาโน่นหานี่ให้เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป...ริวโตพอที่จะอยากปกป้องคนรักด้วยสองมือของตัวเอง...โตพอ...ที่จะไม่ต้องพึ่งพิงเขาอีกต่อไป...
“คนอย่างพสุ ศักดิ์ศรีเป็นเรื่องสำคัญ ต่อให้นายปิดบังแค่ไหน เขาก็ต้องพยายามสืบหาจนได้ว่าใครใช้หนี้ให้”
คำตอบของอลันทำให้ริวนิ่งไปอย่างยอมจำนนในเหตุผล...การรู้จักฟังเหตุผลคนอื่น เป็นความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่อลันเพิ่งสังเกตเห็น ตอกย้ำความจริงที่ว่าริวเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“เพราะเรื่องนี้ เกือบทำให้เราทะเลาะกัน” ริวบอกแล้วถอนใจเฮือกด้วยความหวาดเสียวเมื่อนึกย้อนกลับไป
“แฟนนายเขาไม่ไร้เหตุผลเป็นเด็กขนาดนั้นหรอกมั๊ง” อลันถามเสียงเยาะในตอนท้าย ทำให้ริวขมวดคิ้วใส่อย่างไม่พอใจ แต่ในเมื่อรับปากกับพสุไปแล้วว่าเขาจะให้ความนับถืออลันเหมือนทรงเผ่า ริวจำต้องสงบอารมณ์ลง
“ใครจะเป็นตาแก่ไร้อารมณ์เหมือนนาย” ทั้งที่คิดว่าจะแสดงความเคารพในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ริวก็อดแขวะอลันกลับไม่ได้
“แต่ก็เข้าใจกันแล้วไม่ใช่เหรอ” อลันถามเสียงเรียบทั้งที่มีแต่เรื่องให้ประหลาดใจมากมายกับการเปลี่ยนแปลงของริว
“ก็เพราะเข้าใจกันแล้วนะสิ ฉันถึงไม่ได้เอาเรื่องนายตั้งแต่แรก ทีหลังจะทำอะไรแบบนี้หัดบอกกันก่อนนะ ถ้าวันนั้นพี่ไผ่ไม่ยกโทษให้ ฉันก็จะไม่...”
ริวชะงักคำพูดไว้แค่นั้นเพราะอลันยกมือขึ้นโบกทั้งสองข้างอย่างยอมแพ้
“ตกลง ต่อไปฉันจะบอกนายก่อนทุกครั้ง”
สิ่งที่อลันไม่พูดคือ นอกจากจะเป็นเรื่องที่พสุสมควรต้องรู้แล้ว เงินก้อนนี้ยังเป็นตัวชี้วัดนิสัยพสุด้วย ถ้าพสุเป็นมนุษย์หน้าเงิน เขาก็จะซื้อพสุด้วยเงิน เพื่อให้พสุอยู่ข้างๆ ริวตลอดไป แต่ถ้าพสุไม่สนเงินของริว เขาก็ต้องหาหนทางอื่นมาควบคุมพสุ เพราะเขาจะไม่ยอมปล่อยให้พสุเดินไปจากชีวิตริวเป็นอันขาด นอกจากริวจะเป็นฝ่ายไม่ต้องการพสุอีกต่อไป
“ฉันจะไปอยู่กับพี่ไผ่ที่เมืองไทย” ริวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“อะฮะ...แล้ว?” อลันเลิกคิ้วมองหน้าเด็กหนุ่มนิ่ง รอให้อีกฝ่ายพูดต่อ ทั้งสังหรณ์ใจว่าสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยินกำลังจะเกิดขึ้น
“ฉันจะไม่กลับมาที่นี่อีก ถ้ามาก็แค่มาเที่ยว” น้ำเสียงและสีหน้าที่นิ่งสนิท ทำให้อลันรู้สึกประหลาดใจ ราวกับไม่เคยรู้จักคนตรงหน้ามาก่อน
ในน้ำเสียงราบเรียบ แฝงรอยหนักแน่นมั่นคง ริวคงไตร่ตรองและตัดสินใจเรื่องนี้มาก่อนแล้ว วันนี้จึงเพียงแค่บอกให้เขารับรู้เท่านั้น ริวไม่ใช่ลูกนกน้อยๆ ของเขาอีกแล้ว แต่ริวกลายเป็นพญาอินทรีที่พร้อมจะโผบินในโลกกว้างและล่าเหยื่อด้วยตัวเองแล้ว
“นายต้องการอะไร” อลันยังคงรักษาน้ำเสียงเรียบเรื่อยไว้ได้ ทั้งที่ใจหายอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันจะโอนบริษัทให้นาย...แทนเงินร้อยล้านที่เคยสัญญากันไว้”
“ไม่จำเป็นหรอกริว ฉันได้คุ้มกับความสามารถของฉันอยู่แล้ว”
“จำเป็นสิ...ถึงอำนาจบริหารทั้งหมดจะอยู่กับนาย แต่พอถึงเรื่องสำคัญๆ ฉันก็ต้องลงชื่ออยู่ดี เพราะงั้นก็โอนซะให้หมดเรื่องหมดราวไป”
อลันพยักหน้ารับ ป่วยการที่จะคัดค้าน เขามีหน้าที่แค่ ‘ทำตามคำสั่ง’ เหมือนทุกครั้งเท่านั้น
“แปลว่านายจะเลิกเล่นหุ้น” อลันถามย้ำ ขณะที่สมองเริ่มคำนวณถึงสิ่งที่จะต้องเร่งจัดการให้ริว
“ยังหรอก แต่จะเล่นในนามส่วนตัว เหมือนลูกค้าคนอื่นๆ ของบริษัท”
“งั้นฉันจะจัดการให้เคลียร์เรื่องทรัพย์สินกับเงินสดให้เรียบร้อยก่อนนายไปเมืองไทย”
“ตัดสองเปอร์เซ็นต์จากยอดเงิน แจกเป็นโบนัสให้พนักงานทุกคนรวม ทั้งบอดี้การ์ดด้วย ต่อไปไม่ต้องมีอีกแล้ว”
“ไม่ได้! ไม่ว่านายจะเป็นเรียวอิจิเจ้าพ่อตลาดหุ้น หรือ ริว เกรสัน นักร้องบอยแบนด์ธรรมดาๆ นายก็ตัดเรื่องบอดี้การ์ดไปไม่ได้ ฉันไม่อยากจะต้องมาเครียดเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายเมื่อไหร่” อลันค้านเสียงแข็ง ต่อให้ริวโวยวายยังไง เรื่องนี้เท่านั้นที่เขาตามใจไม่ได้
“ฉันดูแลตัวเองได้น่า” ริวยืนยันอย่างมั่นใจแต่กลับทำให้อลันยิ่งหมั่นไส้เด็กหนุ่ม
“มิน่าล่ะ ถึงเจ็บตัวขนาดนี้” อลันประชดแล้วเหลือบไปมองบริเวณที่ริวได้รับบาดเจ็บ
“มันไม่เหมือนกัน ที่เมืองไทยไม่มีใครทำอะไรฉันหรอก” ริวแก้ตัวเสียงอ่อยลง จะว่าไปคราวนี้เขารอดมาได้ก็เพราะพสุไม่ใช่ฝีมือตัวเองอย่างที่คุย
“ไม่แน่หรอก อย่าประมาทดีที่สุด” อลันติงเสียงเรียบอาศัยเหตุผลเข้าข่ม
“แต่...”
“ยกเลิกบอดี้การ์ด ก็เท่ากับไล่พวกเขาออก แล้วนายจะให้พวกเขาไปทำอะไร ในเมื่อเขาเป็นการ์ดให้นายมาเป็นสิบปีแล้ว” อลันเลิกคิ้วมองหน้าริวหลังจากตั้งคำถามที่ชวนอึดอัดใจ แต่ริวกลับไหวไหล่แล้วตอบแบบไม่ต้องคิด
“ก็ให้เงินเขาไปทำธุรกิจอะไรที่เขาอยากทำก็ได้”
“งานนี้มันเข้าสายเลือดไปแล้ว เหมือนกับที่นายขาดพสุไม่ได้นั่นแหละ” อลันเปรียบเทียบกระทบไปถึงพสุอย่างอดไม่อยู่ เขาไม่ได้เกลียดพสุ แต่อดกระทบกระเทียบไม่ได้ ลึกๆ อาจเป็นความริษยาที่พสุได้รับความรักมหาศาลจากริวก็เป็นได้
“แต่ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาคอยตามดูตลอดเวลา”
“ก็เฉพาะเวลาที่นายกับพสุออกนอกบ้านเท่านั้น ลองคิดดูนะ ถ้าพสุออกไปข้างนอกแล้วโดนจี้ โดนทำร้าย หรือเจอพวกคลั่งดารา ใครจะคอยช่วย นายไม่ได้ผูกติดกับพสุตลอดเวลาสักหน่อย” อลันเลือกใช้จุดอ่อนของริวขึ้นมาขู่ เพราะมั่นใจว่าได้ผลเสมอ
พอเอ่ยถึงความปลอดภัยของพสุ ริวก็ชะงัก เด็กหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าอย่างยอมจำนน
“งั้นเลือกแต่คนที่เต็มใจจะย้ายไปอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรแล้วกัน”
“ได้ ฉันจะจัดการให้เรียบร้อย” อลันรับปากแล้วรวบแฟ้มเอกสารมาถือไว้ แต่ก็หยุดรีรออีกครั้งเพราะริวยังจ้องหน้าเขาเขม็ง ริวจ้องมองอลันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยื่นหมัดไปข้างหน้า อลันยื่นหมัดมาชนเบาๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะเปลี่ยนเป็นจับมือกันบีบแรงๆ
“ขอบคุณอลัน สำหรับทุกอย่าง”
“อืม” อลันรับคำสั้นๆ แต่บีบมือริวกระชับ
“นายเป็นผู้จัดการที่เก่งที่สุดในโลกจริงๆ ต่อไป ฉันคงต้องฝากตัวในฐานะลูกค้าของบริษัทแล้วล่ะ”
“ได้สิ”
ริวผุดลุกขึ้น แต่อลันยังไม่ปล่อยมือเด็กหนุ่ม เขาก้าวเข้ามาโอบกอดริวหลวมๆ แล้วตบแผ่นหลังกว้างเบาๆ
“โชคดีนะ แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะยังเป็นผู้จัดการที่เก่งที่สุดในโลกของนายเสมอ เข้าใจมั้ยไอ้ตัวแสบ” หางเสียงของอลันพร่าไปเล็กน้อย เพราะใจหายเกินกว่าจะฝืนทำเย็นชาได้อีก
“รู้แล้วน่าตาแก่...นายก็...หาคนมาดูแลได้แล้ว ทำงานหนัก นอนน้อยแบบนี้ อีกหน่อยหัวล้านไปจะไม่มีใครแลนะ” ริวล้อแล้วหัวเราะชอบใจเบาๆ เมื่อได้ยินอลันถอนใจเฮือกอย่างหงุดหงิด
“เออ...ไว้เจอคนในฝันเหมือนนาย แล้วฉันจะส่งข่าวไปบอก” อลันบอกยิ้มๆ แล้วตบไหล่ริวอีกครั้ง ก่อนปล่อยเด็กหนุ่มจากอ้อมแขน ริวยิ้มจนตาหยี แล้วชกไหล่อลันกลับเบาๆ
“ดี...ฉันไปละ” พูดจบริวก็เดินลิ่วออกไปจากห้อง
“ไว้เจอกัน” อลันบอกไล่หลัง ริวเพียงแต่โบกมือให้แล้วเปิดประตูออกไปโดยไม่หันกลับมา
“สักวันหนึ่ง เมื่อนายต้องการผู้ช่วย ฉันจะรีบไปหานะริว” อลันบอกตามหลังด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนหายใจเฮือกใหญ่ สลัดอารมณ์อ่อนไหวทิ้งไปเพื่อลุยกับงานที่ต้องเร่งรีบจัดการให้ทันก่อนที่ริวจะกลับเมืองไทย
..................................................
ริวกับพสุกลับถึงเมืองไทยอย่างเงียบๆ เพราะเดินทางมาถึงเกือบสว่าง และกรเวชก็ให้คนไปรอรับไปส่งที่บ้านพักของบริษัท
“เป็นไงบ้างไผ่ ริว”
พสุถึงกับอึ้งเมื่อเปิดประตูเข้าไปเจอเพื่อนร่วมวงรออยู่พร้อมหน้า ทั้งที่เพิ่งจะตีสี่เศษๆ เท่านั้น ทุกคนเข้ามากอดทักทาย ตบหลังตบไหล่เขากับริวด้วยความเป็นห่วง
“พี่กรบอกเหรอ ว่าเราจะกลับมาคืนนี้” พสุหันไปถามตะวัน โดยไม่รู้ตัวว่าบางประโยคในคำพูดของเขาสะดุดหูคนฟังเข้าอย่างจัง
“อืม...พอดีเมื่อวานมีคิวงานตอนเย็นก็เลยถือโอกาสนอนที่นี่กันหมด รอเจอนายกับริวก่อน” ตะวันตอบเสียงเรียบแล้วเผลอสังเกตอากัปกิริยาของพสุกับริวอย่างไม่ตั้งใจ
“ขอบคุณมากทุกคน” พสุยิ้มให้เพื่อนร่วมวงอย่างซาบซึ้ง แม้จะไม่ได้ไปวิ่งหนีกระสุนด้วยกัน แต่พสุมั่นใจว่าหากเกิดอะไรขึ้น เพื่อนๆ ทุกคนจะไม่มีวันทิ้งกันเป็นอันขาด
“แล้วทำไมถึงโดนปล้นได้ล่ะครับ” ไวยากรณ์ถามทันทีที่พสุกับริวนั่งลง
“กำลังจะเดินทางมาขึ้นเครื่องนั่นแหละ แต่ตอนออกจากจุดพักรถก็โดนจี้รถ พวกนั้นเพิ่งปล้นธนาคารแล้วหนีตำรวจมา เลยจี้บังคับให้พวกเราขับพาหนี” พสุชี้แจงเสียงเรียบ ขณะที่ริวนั่งเงียบกริบ
“โห! แบบว่าต้องขับพาคนร้ายหนี แล้วตำรวจก็ไล่กวดมานะเหรอพี่” ไวยากรณ์ตื่นเต้นจนแทบจับเข่าพสุเขย่า
“ดูหนังเยอะไปแล้วไวย์” พสุบอกหัวเราะๆ ขณะที่คนอื่นพากันอมยิ้ม พอได้มาอยู่กันพร้อมหน้าก็สบายใจจนเรื่องร้ายกลายเป็นเรื่องตลก ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาทุกคนห่วงพสุกับริวจนแทบจะทิ้งงานบินตามไป
“พี่ไผ่เล่าต่อๆ แล้วไงอีกพี่”
“พวกนั้นให้ขับไปที่สุสานรถ แล้วจี้บังคับให้ลงจากรถ พอเราหนีมันก็ยิงไล่หลังมา ริวเลยถูกลูกหลงบาดเจ็บ”
“โธ่เอ๊ย! นึกว่าสู้กับคนร้ายแล้วโดนยิง ไม่เท่เล๊ย” ไวยากรณ์ทิ้งมือลงจากหัวเข่าพสุแล้วโวยวายลั่นอย่างเสียดาย ก่อนจะโดนธีรดลเขกหัวเข้าให้ด้วยความหมั่นไส้
“เออ ไว้ตาแกบ้างจะรอดูว่ะไวย์ ขี้คร้านจะวิ่งป่าราบ”
“พี่ดล! เจ็บนะว้อย”
“ริวเป็นอะไรไป เจ็บแผลเหรอ” พสุถามร้อนรนเมื่อเห็นริวนิ่วหน้าแล้วคู้ตัวลงกับโซฟา
“ครับ”
"งั้นไปพักเถอะ...พวกเราก็แยกย้ายกันไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ไม่มีงานก็จริง แต่ไม่รู้พี่เผ่าจะเรียกไปคุยเรื่องเพลงหรือเปล่า” ตะวันบอกเสียงเรียบๆ แล้วผุดลุกขึ้นเป็นคนแรก
“นั่นสิ...ริวกับไผ่ไปพักเถอะ” ธีรดลสนับสนุนขณะที่ไวยากรณ์หาวปากกว้าง ก่อนจะร้องว๊ากด้วยความโกรธเพราะโดนธีรดลแกล้งเอามือป้ายลิ้นแล้ววิ่งหนีนำขึ้นไปชั้นบน ไวยากรณ์ไล่กวดตามไปติดๆ ขณะที่ตะวันได้แต่ส่ายหัว เขาช่วยประคองริวขึ้นมาจนถึงห้องของพสุ ก่อนจะแยกขึ้นไปห้องตัวเอง
“ริว...เจ็บแผลขึ้นมาอีกเหรอ” พสุถามหลังจากประคองเด็กหนุ่มลงนอนบนเตียง แต่ริวกลับคว้ากอดจนเขาล้มลงไปบนที่นอนอีกคน
“เปล่าหรอกครับ” ริวตอบหน้าระรื่น แล้วหอมแก้มพสุแรงๆ ทั้งซ้ายขวา
“อ้าว!” พสุอุทานแล้วดันคางเด็กหนุ่มไว้เมื่อริวทำท่าจะจูบเขา ริวถอนใจเฮือกที่ถูกขัดใจแต่ก็ยอมหยุดแต่โดยดี
"ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้ คงนั่งตอบปัญหาพี่ไวย์จนสว่างแน่ ริวอยากอยู่กับพี่สองคนนี่นา” ริวอ้อนแล้วเกลือกใบหน้ากับไหล่ของพสุ
“เจ้าเล่ห์ใหญ่แล้วเรา ทุกคนเขาอุตส่าห์อดนอน รอรับเรานะ” พสุเอ็ดอย่างไม่จริงจังนัก ความจริงเขาเองก็เพลีย แต่ดีใจที่เห็นเพื่อนรอรับจึงลืมความอ่อนเพลียไปหมด
“ริวรู้ แต่ริวง่วงนี่ เหนื่อยด้วย เนี่ย ปวดหัวตุบๆเลย” ริวบ่นออดๆ นึกกระหยิ่มที่เห็นสีหน้าร้อนรนด้วยความเป็นห่วงของพสุ...เด็กหนุ่มรู้แล้วว่าพสุห่วงเขาที่สุด เพียงแค่อ้างว่าเจ็บป่วยพสุก็พร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อคอยดูแลเขา
“ปวดหัวเหรอ เดี๋ยวกินพาราสักเม็ดก่อนค่อยนอนนะ” พสุรีบลุกไปหยิบยาแก้ปวดลดไข้จากในกระเป๋าเดินทางมาให้ริวกินก่อนนอน พอกินยาเสร็จริวก็ซุกหน้ากับอกพสุ เพื่ออ้อนให้พสุลูบหลังให้จนหลับเหมือนทุกคืน ความจริงเด็กหนุ่มอยากกอดพสุมาก แต่เขารู้ดีว่าพสุเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางแค่ไหน จึงอยากให้พสุได้พักผ่อนมากกว่า...
วันรุ่งขึ้นกว่าพสุกับริวจะตื่นก็สายมากแล้ว แต่ไม่มีใครโทรมาปลุก ทั้งคู่ลงไปที่ห้องอาหารข้างล่าง ก็พบว่าแม่บ้านเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว ริวกับพสุยังไม่ทันลงมือกินอาหาร เพื่อนร่วมวงก็ทยอยลงมาจากชั้นบน คนอื่นๆ เข้าไปนั่งประจำที่ แต่ไวยากรณ์ออกไปหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านระหว่างกินอาหารเช้าไปด้วย
“เฮ้ย! อะไรวะ...พี่ตะวัน พี่เห็นข่าวยัง” ไวยากรณ์โวยวายแล้วยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นให้ตะวันดู
“ข่าวอะไรวะไวย์ แหกปากซะลั่นบ้านเลย ถูกหวยหรือไง” ธีรดลกำลังดูข่าวกีฬาจากหนังสือพิมพ์อีกฉบับหันมาแซวอย่างอดไม่อยู่เพราะขันที่ไวยากรณ์ทำหน้าตาตื่นราวกับเจอเรื่องใหญ่โตอะไร
“หวยออกที่พี่ตะวันนะสิ” ไวยากรณ์กระแทกเสียงตอบด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ขณะเปิดหน้าบันเทิงของหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆดู
ตะวันวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วเม้มปากนิ่ง หน้าเครียด ขณะที่คนอื่นๆ หยิบหนังสือพิมพ์ไปแบ่งกันดู ก่อนจะหันไปมองตะวันด้วยความเห็นใจ ยังไม่ทันได้คุยกันต่อ กรเวชก็รีบร้อนเข้ามาในบ้าน แต่พอเห็นหนังสือพิมพ์บนโต๊ะก็ชะงักแล้วถอนใจยาว
“คุณเขมเรียกประชุมด่วนนะ...ทุกคนด้วย”
......................................
-
อ้าว เกิดไรขึ้นอีกเนี่ยะ :เฮ้อ:
-
:เฮ้อ:อืมมม กลับเมืองไทยแล้ว ก็มีเรื่องเลย อยากรู้จังหวยออกที่ตะวัน มันคืออะไร
แอบกังวลคิวต่อไปจะเป็นเรื่องริวกะพี่ไผ่รึเปล่า
-
ข่าวอะไร? ลุ้นมากกกกก :m16: :m16: :m16:
-
หุหุ ถึงเมืองไทยปุ๊บก็งานเข้าปั๊บเลยหรอเนี่ยะ อิอิ
-
อ๊ายยยยย รอบนี้เป็นพี่ตะวันหรอเนี่ย
คงไม่ใช่ถูกหวยรางวัลที่ 1 นะ(มุขอะไรของแกยะ) :m20:
หรือว่าจะเป็นข่าวพี่ตะวันกับผู้จัดการปริศนาคนนั้น :m21:
-
งานเข้าตะวัน
วงจะแตกไหมเนี่ยยยย
-
เกิดอะไรเนี้ยย
-
ท่าทางจะเป็นเรืองใหญ่ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย :serius2:
รอตอนหน้าค่ะ
-
ริว-ไผ่ลัลล้ามีความสุขอยู่ดีๆ จู่ๆตะวันงานเข้า :a5: เฮือกกกก
เกิดอะไรขึ้นนนนน
-
ข่าวไรละนี่ อยากรู้ๆ :serius2:
-
แจกมาม่าอีกแล้วเหรอ
-
ตะวันงานเข้า
แต่ว่าเรื่องอะไรอ่ะ
-
ตัดจบแบบนี้....ต่อมความอยากรู้ ก็เริ่มทำงานหนักอีกแล้ว :serius2:
แต่ก็ชอบมุมของริวที่คุยกับอลันนะ o13
ให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ แม้จะคุยกันสั้นๆ แต่ก็ส่งผ่านอารมณ์ได้อย่างหลากหลาย
กินใจคนอ่าน...+ ครับ
-
ต้องเป็นเรื่อง "คนนั้น" ของตะวันแน่เลย ฮี่ๆๆ
-
ข่าวอะไร อยากรู้ๆๆๆๆๆ :serius2: :serius2:
-
อะไรอ่ะ ข่าวตะวันเป็นเกย์รอบสองหรอ
-
ข่าวอะไรอ่าาา ค้างคาใจ 5555
-
:a5: เกิดอะไรขึ้น :z2: :z2:
-
มีไรหว่าาา...
-
หลังจากการต้อนรับอย่างอบอุ่น :กอด1:ก้อเริ่มเจอปัญหาอีกแล้ว
-
:a5:
ตัด โช้ะ !!
-
แล้วหวยออกที่ตะวันมันคืออะไร
ดีใจที่อลันยอมรับการตัดสินใจของริว
-
เกิดอะไรขึ้นกับพี่ตะวันอะคะ :o12:
-
ข่าวไรๆๆ :pig4:
-
เหอๆ สวัสดีครับ ไม่รุ้คนแปะตอนนี้เพื่อนผู้แต่ง หรือผู้แต่งกันแน่(ไม่ทันสังเกต) ตอนแรกว่าจะไม่พุดอะไรมากแล้ว แต่ตอนที่แปะให้อ่านนี่ อดที่จะมาบ่นไม่ได้จริงๆ
เบื้อหลังการออกหนังสือเรียบร้อยแล้วนี่นะ เหลือแต่รอตีพิมพ์ ตอนนี้ก้เหมือนกัน แปะซะผมไม่รู้ตัวเลย
แถมพอมาอ่านแล้วนี่.. เล่นเอาน้ำตาจะไหลด้วยความซาบซึ้ง... อา...
ยังกะเห็นลูกสาวกำลังจะออกเรื่อนเลย แถมทิ้งอำนาจสิทธิ์ขาดของตนเองให้อลันไปแล้วด้วย
อลันก็คงใจหายนะที่ลูกชายของตัวเองออกเรือนไปซะแล้ว น่าสงสารๆ อย่างที่ริวคุงว่านั่นแหละ
หาคนมาดูแลได้แล้ว มิสเตอร์ อลัน แก่ตัวไปมากแล้วจะลำบากนะ
ส่วนริวคุง เรื่องตัดคนติดตามยกชุดเนี้ย แสดงถึงความอ่อนหัดอยู่นะ ไม่คิดถึงผลได้ผลเสียสักเท่าไหร่เลย
แบบนี้สงสัยยังต้องประคบประหงมอีกนาน พูดแล้วเหมือนพ่อที่ลองแบ่งมรดกส่วนหนึ่งให้ลูกลองไปทำ
ธุรกิจด้วยตัวเองดูเลย ว่าจะทำได้รอดหรือไม่
(เพียงแต่เรื่องนี้กลับกันที่ไอ้ลูกชายทิ้งมรดกให้คุณพ่อซะงั้น ฮิฮิฮิ) ตอนนี้ริวคุงก็แทบไม่สามารถ
ไปแง้วๆขอให้อลันจัดการเรื่องต่างๆทางกฏหมายและการคุ้มครองเวลาคนในวงมีปัญหาได้แล้วนะ
(ถึงเอาเข้าจริง โทรไปกริ๊งเดียว อลันก็คงตามประคบประหงมตามเคยอยู่ดี)
เหอๆ แต่สำหรับคนที่ตามดูแล คงรู้สึกเหมือนเห็นเด็กน้อยที่พยายามจะโตเป็นผุ้ใหญ่ ทั้งน่าเป็นห่วง
ทั้งน่าเอ็นดูอะนะ (ถ้าใครไม่รู้สึกแบบนั้น ผมนี่แหละรู้สึกคนแรกเลย) อยู่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ
มันไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่หรอก เดี๋ยวมีอะไรให้เซ็นก็ส่งคนมาเอาเอกสารมาให้ก็ได้นิ
ไปๆมาๆ มันก็เหมือนเด็กที่ทำเป็นเก่งให้ผู้ใหญ่รู้สึกเอ้นดูกว่าเดิมอะนะ เหอๆ
-
- - ริว ไผ่ แฮปปี้ ลัลลา พอใจแล้ว :-[
งานงอกที่ตะวัน ไม่เป็นไร เรารอได้อย่างสงบ o18
แต่..............................................
เรื่องคนดูแลอลันนี่ ห้ามลืมเขียนนะคะ :m31:
-
+1 ค่ะ
ตะวันเจอข่าวเรื่องอะไรน๊า
-
ตะวันท่าจะรวยกว่าริวแระ ถูกหวยอีกรอบบ!!!
-
มาเมืองไทยเระ แล้วตกลงเกิดไรขึ้น ค้างๆมากๆ
-
อลันประชดพี่ไผ่บ่อยมากเลยอะ..โดนตลอด..555+
อลันดูแลหนูริวมาแต่เด็กๆ..คงเป็นห่วงมากเลยเน้อ..
หวังว่าริวคงจะมีเรื่องให้อลันช่วยอีกนะ..
คนอ่านยังไม่อยากให้ซุปเปอร์แมนตกงาน..55+
-
หวยออกที่ตะวัน อย่างนั้นตะวันก็ได้เงินน่ะสิ555
-
ข่าวท่าจะไม่ดี ข่าวอะไรล่ะ ริวน่ารักอีกแระ อิอิ
-
ไม่จบไม่สิ้นสักทีนะตะวัน เปิดตัวแฟนซะเลยดีมั้ย :เฮ้อ:
-
เกิดอะไรขึ้นกับตะวันนะ :เฮ้อ: ! หวย แบบนี้คงไม่น่ปลื้มเท่าไรหรอกนะ
ป.ล. ฝากข้อความด่วนมากมายังผู้เขียน หาคนดูแลอลันให้ได้นะคะ รึจะลองหาอาสาสมัครแถวๆนี้ คิดว่า มีคนอาสาตรึม อิ อิ อิ
-
เกิดอิหยังขึ้นอีน้อ!!~
ค้างจริงๆ ริวสุดยอดจริงๆ เรื่องโอนเงินทั้งหมดให้อลัน
เป็นเราไม่ได้ 55+ เอ๋ หรือเรางกนะ?? :laugh:
-
ถามเหมือนคนอื่น ฮ่า
ข่าว ข่าวอะไรกันเนี่ยะ ถึงทำตะวันอึ้ง
น้องริวเจ้าเลห์ขึ้นเยอะเลยน่ะ
-
เป็นอลันก็ออกจะใจหายจริง ๆ นั่นแหละดูแลมาตั้งแต่เด็กแล้วต้องมาแยกกันแบบนี้ :sad4:
แล้วนี่จะเปิดตัวคนรักของตะวันแล้วใช่ป่ะ อยากรู้เต็มแก่ว่าเป็นใคร
-
ลืมเม้นเรื่องอลัน
แอบรู้สึกเศร้าแทน อลันคงเหงาแ่ย่เลย :monkeysad:
ต้องรอให้อลันได้คนมาดูแล
-
ลูกนกออกจากอก พ่อแม่นกก็ห่วงหา แต่ก็ภูมิใจว่าเขาเติบใหญ่ พอที่จะไปเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองแล้ว
-
:เฮ้อ:ค้างคาอีกแล้วอะครับ :pig4:
-
สั้นไปหน่อยนะตอนนี้ รออ่านตอนต่อไป
-
ค้างมากกกกก :m15:
-
ข่าวรายหว่า
แอบสงสารอลันนิดนึง นิดเดียวนะ เพราะหมั่นไส้มากว่า :laugh:
-
เกิดอะไรขึ้นอ่ะ
-
สงสารอลันเป็นที่สุด! เลี้ยงเจ้าริวมาตั้งแต่เด็ก แต่ริวไม่รักเลยแม้แต่น้อย กลับเห็นอลันเป็นแค่ผู้จัดการ!
เฮ้อ..อยากเห็นอลันคู่กับคุณพ่อรอสฟินี่จริงๆนะเนี่ย
ปล. รออีก1อาทิตย์.....
-
:o8: เข้ามาบอกว่าได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วค่ะ รูปเล่มสวย ทนุถนอมอย่างดีเชียวละ
มาเร็วทันใจจริง ดีใจมากๆๆๆๆๆ หนังสือมาถึง เปิดเล่ม 3 ก่อนเลยค่ะ เพราะช่วงแรกอ่านมาเป็น4-5 รอบแล้ว
ขอบคุณมากนะคะ สมกับที่รอคอยจริงๆ
:กอด1: :L2: ทั้ง คุณAnonymus และคุณspring นะคะ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
:o8: เข้ามาบอกว่าได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วค่ะ รูปเล่มสวย ทนุถนอมอย่างดีเชียวละ
มาเร็วทันใจจริง ดีใจมากๆๆๆๆๆ หนังสือมาถึง เปิดเล่ม 3 ก่อนเลยค่ะ เพราะช่วงแรกอ่านมาเป็น4-5 รอบแล้ว
ขอบคุณมากนะคะ สมกับที่รอคอยจริงๆ
:กอด1: :L2: ทั้ง คุณAnonymus และคุณspring นะคะ
กลับไปบ้านจะเช็คพัสดุก่อนอันดับแรก :m19:
........................................................
update...ป้าโทรมาเมื่อกี๊ว่ามีพัสดุส่งมาให้ กรี๊ดดดดดดดด!!!!!!! วันนี้จะไม่เถลไถลไปไหน ตรงดิ่งกลับไปกอดหนังสือที่บ้าน :m3:
-
ได้รับหนังสือแล้ววันนี้ ดีใจมากกกกกกก ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
-
ง่ะ ยังไม่ได้หนังสือเลย
เด่ววันนี้รีบกลับไปดู แหง่มมมม
-
ข่าวไรอีกเนี่ย ต้องขาวร้ายแรงแน่ ๆ เลยอ่ะ
:pig4: คะ
-
เข้ามาบอกว่าได้รับหนังสือแล้วครับ :z12:
ขอบคุณมากครับ :กอด1:
-
ได้รับหนังสือแล้วค่ะ สวยมากๆๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ
-
เพิ่งได้หนังสือมาแบบสดๆ ร้อนๆ ยังไม่ได้แกะถุงพลาสติกเลย :z1:
[attachment deleted by admin]
-
ข่าวกับผู้จัดการอีกคนอ่ะเปล่าเนี่ย พี่ตะวัน
ตอนริวพูดกับอลันว่ามีคู่ได้แล้ว นึกถึงรอสฟินี่เลย :impress2:
-
ได้รับหนังสือ เรียบร้อยแล้วนะครับ ^^
ปกสวยดีครับ ชอบรูปแบบ ^^
รีบอ่านแล้วเก็บขึ้นหิ้ง ทะนุถนอมอย่างดีเลยทีเดียว
-
ได้รับหนังสือแล้ว พร้อมกับคิดว่า....................
ควรซื้ออีกชุดเก็บดีมั้ย? จะได้พกไปอ่านมันทุกที่ได้อย่างไม่ต้องเกรง :serius2:
ปล. อ่านจบแล้ว ตอนพิเศษ น่ารักมาก ลุ้นสุดตัวตอนริวหน้ามืด แต่..... ชิ! เสียดายไผ่เอาตัวรอดได้ อดเลย :เฮ้อ:
ปล.2 อย่าลืมเรื่องของอลันน้า :monkeysad:
-
ได้รับหนังสือแล้ววว :mc4:
& เห็นด้วยกับความเห็นข้างบน ปล.2 อย่าลืมเรื่องของอลันน้า
:impress:
-
เกิดไรขึ้นกับตะวันอ่ะ
-
สาธุขอให้มีตีพิมพ์อีกรอบเถอะ :call: :call: :call:
ไหงหวยออกพี่ตะวันไวเช่นนี้
รู้สึกว่าริวแข็งแกร่งขึ้นสมกับที่มีสายเลือดมาเฟียจริงๆ โตขึ้นกว่าตอนแรกๆ แอบเสียดายความน่ารัก :z3:
-
ได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วค่า
ดีใจๆ จะได้อ่านแล้ว เยสสสสสส
-
:L2:มาลงชื่อแจ้งว่า ได้รับหนังสือแล้ว โอ๊ย ถูกใจมากมายเลยค่ะ :pig4:
-
ได้รับหนังสือแล้วค่ะ
ถูกใจมาก ๆ เลยค่ะ
ขอบคุณนะคะ
-
ไม่อยากให้ริวเลิกเล่นหุ้นเลยอะ... อยากให้ริวอยู่กับอลันตลอด..
ถึงริวจะมาเป็นนักร้องแต่ก็ยังเล่นหุ้นให้อลันได้เรื่อยๆๆไม่ช่ายเหรอ...
แล้วพี่ตะวันเป็นยังไงบ้างเนี้ย.....
ก็อยากให้มีวงคิสมีต่อไปแต่ก็อยากให้พี่ไผ่กับไปอยุ่กับริวที่นิวยอร์กเหมือนกันนะ.....
-
ถูกใจกับนิยายเรื่องนี้
ยิ่งถูกใจเมื่อได้ถือหนังสือและอ่านอยู่บนมือตัวเอง
น้องริวกับพี่ไผ่ทำให้ผมหลงรัก... :กอด1:
ขอบคุณ Anonymus คนเขียนอีกครั้งครับ
ขอบคุณ Spring คนโพสด้วยครับ :3123:
งานนี้ กด + ให้อย่างเดียว
-
ได้รับหนังสือแล้ว ปกน่ารักมากๆเลย
-
อ่านจบแล้ว!!! :m1:
แต่เหลือตอนพิเศษอีกสิบกว่าหน้า...ยกมือถาม!
สุชาดา นี่อิงจากประวัติที่ให้ไปเปล่าอ่ะ...ใช่ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ขนาดชื่อจริงยังตั้งได้ใกล้เคียง อ่านเจอแล้วแทบกรี๊ด :m3:
+1 :กอด1:
-
ได้หนังสือแล้วจ้า :mc4:
ไปรษณีย์มาส่งแต่เช้า ดีใจมากมาย
ได้น้องริวกับพี่ไผ่มานอนกอดแล้ว :o8:
-
:กอด1:
-
ได้รับหนังสือแล้วครับ o13
-
ปทุมธานี ก็ได้รับหนังสือแล้วน่ะค่ะ เมื่อวานนี้เอง
อ่านเรื่องหลักจบหมดแล้ว เด๋วคืนนี้จะกลับไปอ่านตอนพิเศษให้จบ
-
ทำไมเรายังไม่ได้อ่ะ แงๆๆ :m15:
-
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแจ้งเรื่องได้รับหนังสือแล้วนะคะ พี่ไปรฯทำงานไวมากกกกก
ส่งไปเมื่อวันอาทิตย์เช้า วันจันทร์ได้รับหนังสือกันแล้ว
สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตกรุงเทพ ควรจะได้รับหนังสือไม่เกินวันนี้นะคะ ถ้าถึงวันพุธแล้วยังไม่ได้รับช่วยแจ้งกลับมาด่วนนะคะ
แต่สำหรับต่างจังหวัด ใจเย็นๆนิสนึงเน้อ คิดว่าคงไม่เกินวันพุธค่ะ แต่ถ้ายืดไปจนถึงวันศุกร์แล้วยังไม่ได้หนังสือ ช่วยแจ้งกลับมาด้วยนะคะ จะได้เช็คให้ค่ะว่าหนังสือไปถึงไหนแล้ว
ตอนนี้หนังสือที่สำรองไว้หมดแล้วนะคะ เหลือแต่เฉพาะในส่วนของคนที่ยืนยันเมล์จองเอาไว้ประมาณ 10 คนเท่านั้น
ถ้าใครต้องการหนังสือ ช่วยแจ้งมาทางเมล์นะคะ หากมีจำนวนพอจะสั่งพิมพ์ได้ จะได้สั่งพิมพ์เพิ่มค่ะ ขออนุญาตรวบรวมรายชื่อไม่เกินสิ้นเดือนนี้ค่ะ คงพอจะทราบจำนวนคร่าวๆ ว่าพอจะพิมพ์ได้มั้ย
ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ
ปล. น้องสุ ตามนั้น อิอิ
-
ได้รับหนังสือแล้วนะคะ
ตื่นเต้นมากเลยค่ะ
หนังสือหนักมาก (หัวเราะ ,,)
แอบเปิด เล่ม ๓ ไปหน้าหลังๆ แวมไพร์อ้ะ น่ารัก
ฮ่าๆๆๆๆ
-
ขอบคุณสำหรับหนังสือนะคะ ได้รับเรียบร้อยแล้วค่ะ
-
เข้ามาบอกว่าได้หนังสือแล้วค่ะื ดีใจจังเลยพี่ไปรษณีย์ไทยนี้
เร็วใช้ได้เลยอ่ะ ยังไม่ได้อ่านเลย เข้้ามาบอกก่อน
ขอบคุณทั้งคนแต่ง คนลงเลยนะค่ัะ มีหนังสือดีๆมาเก็บเพิ่มอีกหนึ่งเรื่องแล้ว
-
นั่งซับน้ำตา...ในที่สุดก็อ่านถึงอักษรตัวสุดท้ายจนได้
คำว่า...จบบริบูรณ์...มันกินใจจริง ๆ นะ เรื่องจบแต่อารมณ์ไม่เคยจบได้เลยจริง ๆ
คิดเหมือนคุณ Anonymus ที่ว่ายังรู้สึกถึงริวกับพี่ไผ่ที่ยังใช้ชีวิตและฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันอยู่ที่ไหนซักแห่ง
จะรีเควสตอนพิเศษได้อีกมั้ยคะ...ความจริงมันก็จบได้ลงตัวทีุ่สุดแล้ว ถ้ามากกว่านี้อาจกลายเป็นยืดเยื้อ แต่มันใจหายอ่ะ
-
จะมาบอกว่าได้หนังสือแล้วนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
-
แอบสงสารป๋าอลันเล็กๆ ห้าๆ
ป.ล.ยังไม่ได้หนังสือเลยค่ะ รอๆๆ ><
-
ได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วค่า หนังสือน่ารักมาก ๆ หนูริวแก้มหน้าหยิกจริง ๆ ด้วย หุหุ ><
-
i already got the books this morning...so happy ;)
-
ได้รับหนังสือมา 2 วันแล้วค่ะ
แต่ยังไม่มีเวลาแกะดูเลย :monkeysad:
-
ได้รับหนังสือตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะคะ
เมื่อวานมัวแต่อ่าน เลยไม่ได้มาบอกขอบคุณ :pig4:
ไม่อยากจะบอกเล๊ยยย ว่าเอาหนังสือไว้ข้างหมอนแล้วนอนหลับฝันดีมากกกก
ได้หนังสือปุ๊บ รีบแกะ เห็นแล้วแบบว่า.....กรี๊ดดดดดด ถูกใจค่า!!
ไม่รู้ว่าเราแอบจิตรึเปล่า ถึงกับเอาหนังสือมาจุ๊บๆๆ ทั้ง3เล่มเลย เคียกๆๆ :m20:
ส่วนที่คั่นหนังสือน่ารักมากกกกก สุดๆเลยค่ะ ดีใจจริงๆ
ขอบคุณมากๆค่ะ ^_____^
-
ได้รับหนังสือตั้งแต่เมื่อวานแล้วคะ
้เดวรออ่านรวดเดียววันหยุดนี้แหละคะ
กลัวว่า ถ้าอ่านแล้วจะติดลมยาว ไม่นอน ฮิฮิฮิ
-
ได้หนังสือแล้วค่ะ :-[ :-[ ขอบคุณมากค่ะ :mc4: :mc4:
-
โอนแล้ววันนี้ เมื่อเช้า
-
:z10:
-
คิดถึงน้องริวกับพี่ไผ่แล้วววววววว
-
ได้รับหนังสือแล้วจ้าาาา
ถูกใจมากๆ ตอนพิเศษประทับใจ ^^
-
อบากบอกว่าหนังสือหนามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :sad5:
เห็นตอนแรกนี่แอบตกใจเลย :try2:
หนาไม่พอ ยังมี3เล่มอีกตังหาก อ่านทีต้องเคลียร์งานก่อนอะไรก่อนเลย :laugh:
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แค่ความหนา ก็คุ้มค่า คุ้มราคามากค่ะ 999 ไม่ถือว่าเสียเปล่าเลย o13
ยิ่งคุณภาพคับเล่ม ยิ่งไม่ต้องบอกเนอะ ว่าคุ้มขนาดไหน :กอด1:
-
แวะมาทักทายตามประสา คน คุ้นเคย 555 (เหรอ)
มีพรายกระซิบว่าคนแต่งเรื่องนี้คือ แต่น แต๊น แต้น
คือคนที่เรารู้จัก เพราะฉะนั้นจึงต้องรีบมาอ่าน
แต่ ยังอ่านไม่จบนะค่ะ เพิ่งจะเริ่มอ่านตอนที่เค้าจัดพิมพ์แล้วนี่นะ (ช้าได้อีก) หุหุ
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
-
อึม... เมื่อวานได้หนังสือจากบ้านใหญ่แล้ว แต่ใจอยากเล่นเกมส์ เลยเล่นก่อน พึ่งอ่านเมื่อเช้า
เอ่อ... อ่านจนถึงตอนพิเศษของผู้แต่งแล้ว ยังอ่านไม่จบนะ แต่รู้สึกเหมือนเป็นภาคที่ริวปลดปล่อยตัวตนจริงๆอย่างที่ผู้แต่งบอกจริงๆด้วยอะ
แต่ความน่ารัก และอะไรหลายๆอย่างยังคงเหมือนเดิม แล้วที่สำคัญ ดูรูปแบบของเรื่องรวมๆ โดยตัดเนื้อหากับเนื้อเรื่องที่แตกต่างออก มันแทบเป็นเรื่องย่อการพัฒนาความสัมพันธ ระหว่างริวกับไผ่เลยอะ แถมมีหลายฉาก ไม่สิเกือบทุกฉากเลยที่ทำให้อดนึกถึงเนื้อเรื่องหลักไม่ได้
ประมาณว่า แม้สถานที่จะแตกต่าง สถานะภาพจะแตกต่างกัน แต่เหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในเรื่องหลัก เล่นเอาแทบอยากตะโกนดังๆว่า ผมจำได้ๆ อะไรประมาณเนี้ย เหอๆ (ท่าจะเ็ป็นเอามาก)
-
อิจฉาคนที่สั่งหนังสือจังเลย เค้าอยากได้มั่ง
-
ป้าฝากจดหมายมาจ้า ^^
*********************
จดหมายน้อยถึงคุณผู้อ่าน
คิดว่าหนังสือคงถึงมือทุกท่านแล้วนะคะ สำหรับคนที่โอนหลังจากวันที่ 12 จะจัดส่งหนังสือให้วันจันทร์ที่ 20 นี้นะคะ
ตอนนี้หนังสือที่สั่งพิมพ์รอบแรกหมดแล้วนะคะ เหลือเฉพาะส่วนของคนที่สั่งจองและยืนยันเมล์ไว้เท่านั้น ในส่วนของคนที่เพิ่งได้อ่านและต้องการหนังสือ ขอรวบรวมจำนวนสักนิดนะคะ คิดว่าไม่เกินสิ้นเดือนนี้คงทราบว่าจะสั่งใหม่กี่เล่ม ใครสนใจก็เมล์มาได้ที่ tanjai1991@gmailดอทคอม ค่ะ (อย่าลืมเปลี่ยน “ดอทคอม” เป็น .com ด้วยนะคะ)
ในส่วนของภาคพิเศษ ที่เคยขอข้อมูลของหลายๆท่านไป แต่กลับได้ออกไม่กี่ฉาก ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ แบบว่าด้วยเนื้อเรื่องมันบังคับไม่สามารถลงรายละเอียดได้จริงๆ เอาไว้แก้ตัวในเรื่องใหม่นะคะ แฮ่...
ด้วยรักจากใจ
Anonymus
ปล.ใครจะกล้าให้น้องแวมไพร์โดนกดตอนที่อีกฝ่ายกลายเป็น....ได้ละคะ ไม่เอา ไม่งาม (แต่ก็เกือบเขียนแหละ)
-
ูู^
^
^
จิ้มๆๆๆๆ :z13: :z13: :m20:
v
v
v
(แทรกกลางซะงั้น >..<)
-
ยังมีคนรออ่านมั้ยน๊า เห็นใครๆ ก็ได้หนังสือกันหมดแล้ว :sad4:
****************
ตอนที่ 119
‘จะๆกับฉากสวีทหวานกลางร้านข้าวต้ม ของนักร้องหนุ่มต. กับหนุ่มนิรนาม’
‘นักร้องหนุ่มต. จากวงบอยแบนด์ชื่อดัง เดินจูงมือกับหนุ่มหน้าใสดูหนังรอบดึก’
หนังสือบันเทิงและหนังสือพิมพ์หน้าบันเทิงลงภาพตะวันกับใครคนหนึ่งขณะที่ทั้งคู่กำลังออกจากโรงหนัง อีกภาพเป็นตอนทั้งคู่นั่งกินข้าวต้มด้วยกันแม้ภาพจะไม่ชัดนัก แต่ก็ดูรู้ว่าเป็นตะวัน
เขมชาติถอนใจยาว ก่อนจะมองหน้าศิลปินในสังกัดของตัวเองอย่างหนักใจ
“เราต้องจัดแถลงข่าวเรื่องของคุณนะตะวัน”
“ไม่!” ตะวันปฏิเสธทันควัน
“ตะวัน” เขมชาติปรามเสียงหนักๆ หรือเขาจะคิดผิดที่ขอจัดการเรื่องนี้เอง แทนที่จะให้กรเวชจัดการให้เหมือนที่ผ่านมา
“ไม่เด็ดขาด เกนต้องไม่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สื่อโจมตีผม ไม่ใช่เกน” ตะวันคัดค้านเสียงแข็ง ขณะที่คนอื่นๆ หันไปสบตากัน แล้วนิ่งฟังอย่างสงบ
“แต่ถ้าไม่พูดความจริง ทุกอย่างก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่”
“แต่ถ้าเปิดเผยออกไป เกนจะกลายเป็นเป้าให้สื่อรุมทึ้ง เรื่องของเธอจะถูกขุดคุ้ย หรืออาจจะมีผลทางกฎหมายขึ้นมาก็ได้ ผมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด”
“ก็ถ้าบริษัทเราไม่ฟ้อง ใครจะทำอะไรได้ อีกอย่างข่าวแบบนี้จะฮือฮาแค่ระยะแรกๆ เท่านั้น เดี๋ยวพอมีเรื่องอื่นเข้ามา ข่าวก็จะซาไปเอง”
“จริงครับ แค่ระยะสั้นๆ อีกหน่อยข่าวอื่นก็เข้ามากลบ เพราะงั้นปล่อยให้สื่อเล่นข่าวไป ไม่ต้องแถลงอะไรทั้งนั้น ผมไม่แคร์ว่าใครจะมองผมเป็นยังไง”
“ตะวัน แค่พูดความจริงทุกอย่างก็จะจบนะ”
“แล้วไงครับ หลังจากนี้เกนขวัญจะเป็นยังไง จะต้องเจออะไรบ้าง ชีวิตผมหาความสงบไม่ได้เพราะสื่อมามากพอแล้ว ผมไม่ต้องการให้เกนต้องแปดเปื้อนไปด้วย”
เขมชาติถอนหายใจเฮือก แล้วต่อสายออกไปข้างนอก ก่อนจะวางสายโดยไม่ได้พูดกับคนข้างนอกสักคำเดียว
“แต่เรื่องนี้ตะวันตัดสินใจคนเดียวไม่ได้” เขมชาติบอกเสียงเรียบ ดูเหมือนจะเจตนาให้คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาได้ยินเช่นกัน
“ถูกค่ะ เกนก็ควรมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยไม่ใช่เหรอคะ” ผู้มาใหม่เอ่ยเสียงหนักแน่น ก่อนจะเดินนำเข้ามา แต่ที่ทำให้ทุกคนในห้องจ้องมองเป็นตาเดียวคือชายหนุ่มร่างโปร่งผิวขาวใส ผู้มีใบหน้าละม้ายกับคนเดินนำราวกับคู่แฝด
“เกน” ตะวันหลุดเสียงเรียกแผ่วเบา ใบหน้าที่เคยเรียบเป็นหน้ากากเสมอ เปลี่ยนเป็นตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นคนที่มากับเกนขวัญถนัดตา
“เกนไม่กลัวสื่อหรอกนะคะ แถลงข่าวเถอะค่ะ ดีกว่าปล่อยไว้แบบนี้ พี่จะมีแต่เสียกับเสีย” เกนขวัญทรุดลงนั่งข้างๆ ตะวันแล้วกุมมือเขาไว้ โดยทำเป็นไม่ได้ยินเสียงกระแอมกระไอของพี่ชาย
“พี่ไม่แคร์” ตะวันตอบเสียงเรียบ แต่ดวงตาเป็นประกายอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด
“แต่เกนแคร์ แคร์พี่ แคร์คิสมีทุกคน ปัญหาทั้งหมดมันเริ่มมาจากเกนนะคะ เกนต้องรับผิดชอบ”
“ไม่เกี่ยวกันเลย”
“เกี่ยวสิคะ ก็ในเมื่อเราตกลงจะคบกัน เราก็ต้องช่วยกันฝ่าฟันปัญหาทุกอย่างสิคะ ไม่ใช่ปล่อยให้อีกคนเผชิญปัญหาอยู่คนเดียว หรือถ้าเกนมีเรื่อง พี่ตะวันจะไม่ช่วยเกนเหรอคะ”
“จะเป็นอย่างงั้นได้ยังไง”
“ก็นั่นสิคะ แล้วเกนจะปล่อยพี่เผชิญทุกอย่างคนเดียวได้เหรอ...ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยค่ะ เท่ออก ได้เป็นแฟนกับตะวันแห่งคิสมี...จู่ๆ ก็กลายเป็นคนที่ผู้หญิงค่อนประเทศอิจฉา ไม่ดีตรงไหนคะ”
“มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนะเกน พี่กลัวว่าเกนจะเดือดร้อนเพราะพี่...”
“ไม่ต้องโยกโย้หรอกน่า ยัยเกนแกแกร่งพอ ไม่งั้นคงไม่รับมือกับคุณอยู่ได้ตั้งหลายเดือนหรอก” พี่ชายเกนขวัญขัดคอเสียงเยาะหยัน
“พี่กรดอ่า ไหนว่าจะพูดดีๆ ไง” เกนขวัญหันไปปรามพี่ชายเบาๆ ด้วยความเกรงใจ เพราะถึงอย่างไรงานนี้คนผิดก็คือเธอ ทำให้พี่ๆ ต้องพลอยวุ่นวายไปด้วย
“เออ!” พี่ชายเกนขวัญกระแทกเสียงแล้วทำหน้าบึ้ง ไหล่หนากว่าน้องสาวเล็กน้อย พิงเก้าอี้แรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ขณะที่น้องสาวหันไปกุมมือตะวันไว้เพื่อให้กำลังใจ
“ขอแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการอีกครั้งละกันนะ นี่คือคุณกรกฎ ตัวจริง ส่วนคุณกรกฏที่เรารู้จักกันมาหลายเดือนคือน้องเกนขวัญ หวานใจคุณตะวันของเรา” เขมชาติแนะนำยิ้มๆ
เรื่องเกนขวัญปลอมตัวเป็นพี่ชาย เพื่อมาสมัครเป็นผู้ช่วยผู้จัดการของ
คิสมีนั้น เขาเองก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่เริ่มมีข่าวลือเรื่องตะวันทำท่าสนิทสนมกับผู้จัดการส่วนตัวมากเป็นพิเศษ กรเวชก็เรียกผู้ช่วยผู้จัดการคนใหม่เข้าไปเตือน เกนขวัญจึงสารภาพความจริง เพราะเธอทนไม่ได้ที่ตะวันถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์
เกนขวัญแอบเอาเอกสารของกรกฏมาสมัครงานได้เพราะอาศัยว่าหน้าคล้ายกันมากจนแทบแยกไม่ออกหากไม่ยืนเทียบกัน ความจริงแล้วเธอยังเป็นแค่นิสิตปี 2 เท่านั้น
“ตกลงว่าจริงเหรอเนี่ย? ต้มผมซะเปื่อยเลยนะน้องเกนขวัญ” ธีรดลโอดโอยด้วยความตกใจ ที่ผ่านมาเขาเข้าใจว่าเกนขวัญดูนุ่มนิ่มเพราะเป็นเกย์ ไม่ทันเฉลียวใจว่าเธอเป็นผู้หญิงปลอมตัวมา คงเพราะรูปร่างสูงค่อนข้างผอมเพรียวไม่ค่อยมีส่วนเว้าส่วนโค้งนัก ทำให้พรางตาคนได้ง่าย แถมเธอยังไปตัดผมเสียสั้นเกรียน จนแม้แต่กรกฏยังผมยาวกว่าน้องสาว
“เวอร์ไปพี่ดล จริงๆ น้องเกนเขาก็สวยน่ารักออก เราไปคิดว่าเขาเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วเลยไม่ทันเอะใจเองมากกว่า” ไวยากรณ์ออกตัวแทนเกนขวัญและถือโอกาสทับถมธีรดลไปในตัว
“รีบออกรับแทนเชียวนะ แน่ใจเร้อว่าคุณแก้วเขาจะยอมเซย์เยสกะแกอ่ะ เดี๋ยวก็แห้วอีกหรอกเจ้าไวย์”
“ปาก...ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าพี่ใบ้หรอก” ไวยากรณ์หันไปทำหน้าบึ้งใส่
ธีรดล ขณะที่เกนขวัญได้แต่ยิ้มแหยๆ เพราะเท่าที่เธอรู้ พี่สาวดูเหมือนยังไม่ยอมรับปากว่าจะคบกับไวยากรณ์
“เกนต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะ ที่เกนทำตัวเป็นสิบแปดมงกุฎหลอกลวงทุกคนมาตลอด ขอโทษจริงๆ ค่ะ”
“เอาน่าน้องเกน คิดเสียว่ามันเป็นบุพเพอาละวาดละกัน”
“เอ่อ...แล้วคุณกรกฎนี่...ตกลงว่าเป็นผู้ชายแน่เหรอครับ ไม่ใช่ผู้หญิงปลอมตัวมาเหมือนน้องเกนขวัญนะ?”
ธีรดลอดข้องใจไม่ได้ เพราะคนตรงหน้า หน้าตาสวยเหมือนผู้หญิงยิ่งกว่าน้องสาวเสียอีก แม้จะมีไหล่หนาและมีกล้ามเนื้อตึงสวย แต่ก็ยังดูเพรียวบาง ทำให้อดเข้าใจผิดไม่ได้
“แน่ครับ ผมมีแฟนแล้ว จะแต่งกันอีกไม่กี่เดือนด้วย” กรกฎตอบยิ้มๆ แต่สายตาจิกกัดจนธีรดลคอหดหน้าจ๋อย ขณะที่ไวยากรณ์หัวเราะเยาะดังลั่น
“เราจะจัดแถลงข่าวเรื่องของตะวันในวันพรุ่งนี้”
งานแถลงข่าวกลายเป็นเรื่องฮือฮาขึ้นหน้าหนึ่ง ของหนังสือพิมพ์และหนังสือบันเทิงแทบทุกฉบับ เมื่อตะวันยอมรับว่าคบอยู่กับคนในภาพจริง แต่เจ้าตัวไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่ใครๆ คิด พร้อมกับเปิดตัวเกนขวัญกับกรกกฎ ทั้งคู่คือน้องแท้ๆ ของแก้วกุดั่นนางแบบสาวชื่อดังที่มีข่าวว่าคบหาดูใจอยู่กับไวยากรณ์
นักข่าวพากันฮือฮาที่เห็นเกนขวัญและพี่ชายซึ่งตอนนี้จำต้องแสดงตัวในฐานะผู้จัดการของตะวัน หน้าคล้ายกันราวกับแฝดทั้งที่อายุห่างกันเกือบ 7 ปี แต่เมื่อเอาภาพในข่าวมาเทียบ ก็ยืนยันได้ว่าคนที่ไปไหนมาไหนกับตะวัน เป็นเกนขวัญจริงๆ ไม่ใช่พี่ชาย
ตะวันเล่าว่าเขาเจอเกนขวัญตอนคอนเสิร์ตแรกของคิสมี เธอคือเด็กสาวคนที่ล้มลงไปจนโดนเหยียบแขนหัก และตะวันเป็นคนลงไปช่วยเธอ นักข่าวหลายคนฮือฮาเพราะจำเหตุการณ์นั้นได้ ตะวันให้เหตุผลว่าที่ปิดข่าวเรื่องคบกันเพราะเกนขวัญยังเป็นนักศึกษาอยู่ เกรงว่าจะกระทบกับการเรียนจึงไม่ยอมให้สัมภาษณ์ในตอนแรก แต่เมื่อเรื่องราวทำท่าจะบานปลายจึงจำต้องเปิดตัวคนรัก
พอนักข่าวพาดพิงไปถึงอดีตคนรักของตะวันที่เพิ่งเลิกกับสามี และให้ข่าวยืนยันว่าตะวันเป็นเกย์ เขมชาติก็เหยียดยิ้ม แล้วบอกให้นักข่าวคนดังกล่าวไปถามความจริงจากอดีตผู้จัดการส่วนตัวของดุจดาวเองจะดีกว่า เพราะได้ข่าวว่ารายนั้นกำลังจะออกหนังสือแฉอยู่อีกไม่กี่วัน สร้างความฮือฮาให้นักข่าวอีกรอบ ขณะที่ตะวันเองยังเหลียวมองหน้า เขมชาติ อย่างแปลกใจเพราะเขาก็เพิ่งทราบเรื่องนี้
..................................................
พสุวางโทรศัพท์ลงช้าๆ พี่ลูกเจี๊ยบเพิ่งโทรมาบอกว่าขายที่ดินแปลงที่สระบุรีได้แล้วและถ้าพสุพร้อมก็นัดโอนเงินกันได้ทันที ตอนแรกพสุเกือบพลั้งปากบอกให้พี่ลูกเจี้ยบช่วยขายบ้านของเขาให้ด้วย โชคดีที่ยั้งปากไว้ทัน
ริวรักบ้านหลังนี้ หากรู้ว่าขายบ้านให้ใคร เด็กหนุ่มคงไม่แคล้วดิ้นรนไปซื้อกลับคืนมา หากรวมเงินที่ได้จากการขายที่ดินที่สระบุรี กับมูลค่าของบ้านหลังนี้ ก็น่าจะพอใช้หนี้ริวได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องแตะต้องบ้านสวน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจต่อสายอีกครั้ง
“คุณสุจริตครับ ผมพสุเองครับ...ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องให้ช่วย...ไม่ทราบว่าคุณสุจริตว่างเมื่อไหร่ครับ...ครับ...ขอบคุณมากครับ”
แม้ทนายสุจริตจะยอมรับว่ามูลค่าของบ้านพสุ บวกกับเงินสดที่ได้จากการขายที่ดินที่สระบุรี จะเพียงพอที่จะใช้หนี้ริวได้ทั้งหมด แต่สุดท้าย คนที่จะตัดสินใจได้ว่าจะรับคืนเป็นเงินสดหรือที่ดิน ก็ยังต้องเป็นริวเองอยู่ดี ทนายสุจริตจึงแนะนำให้พสุกลับมาคุยกับริวให้เรียบร้อยก่อน
“นี่อะไรครับ?” ริวถามด้วยความงุนงง เมื่อพสุเอาเอกสารและเช็คเงินสดวางเรียงให้ตรงหน้า
“โฉนดบ้านหลังนี้ กับเงินสดที่พี่ขายที่ที่สระบุรีมาได้ ริวเซ็นรับไว้ด้วยนะ” พสุอธิบายด้วยน้ำเสียงสดใส ต่อไปนี้เขาจะได้มองหน้าน้องได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่ต้องคอยตะขิดตะขวงใจทุกครั้งที่กอดริวอีกแล้ว
“ทำไมริวต้องเซ็นรับละครับ” ริวก้มอ่านเอกสารอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าพสุจะให้เขาเซ็นทำไม
“พี่คืนเงินที่ริวจ่ายหนี้แทนพ่อพี่ไปยังไงล่ะ” พอได้ยินอย่างนั้นริวก็ผลักเอกสารทั้งหมดออกห่างราวกับเป็นของร้อน
“ริวไม่เอาหรอก นี่มันเงินของพี่นะ แล้วบ้านนี้ก็บ้านพี่ ทำไมจะต้องมายกให้ริวด้วยครับ”
“ถ้าริวไม่อยากได้เป็นโฉนดบ้าน งั้นพี่จะขายแล้วเอาเงินสดมาคืนก็แล้ว กันนะ” พสุชี้แจงอย่างใจเย็น ขณะที่ริวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินว่าพสุจะขายบ้านหลังนี้ บ้านที่ริวอาศัยจนคุ้นเคย ผูกพันราวกับเกิดและโตที่นี่
“ไม่ๆ! ขายได้ไงครับ นี่บ้านเรานะ” ริวอุทานเสียงหลงแล้วคว้าโฉนดบ้านไปถือไว้
“แต่ยังไงริวก็ต้องรับไว้สักทางนะ ถ้าไม่เซ็นรับโฉนดบ้าน ก็ต้องรับเป็นเงินสดไป” พสุบอกยิ้มๆ แล้วยื่นเอกสารให้เซ็นอีกครั้ง
“แต่...” ริวก้มมองเอกสารในมือพสุ และโฉนดบ้านในมือด้วยความไม่สบายใจ
“รับไปเถอะริว พี่ต้องใช้หนี้แทนพ่อพี่ ถ้าริวไม่รับเงินคืนไป พี่ก็ไม่สบายใจนะ” พสุอธิบายแล้วลูบผมเด็กหนุ่มเบาๆ ริวคว้ามือพสุมาจูบแล้วกุมไว้แนบกับอก แรงสะเทือนใต้ฝ่ามือระรัวจนพสุแปลกใจ
“พี่...พี่สัญญาได้มั้ย...ว่าถ้าริวรับไว้แล้ว...แล้วทุกอย่างระหว่างเราจะไม่เปลี่ยนไป...สัญญาได้มั้ยครับ” ริวถามด้วยน้ำเสียงเครือสั่นจนแทบจะร้องไห้ เขากำลังมีความสุข มีความสุขเสียจนกลัวความเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง พอรู้ว่าพสุจะใช้หนี้คืนด้วยการยกบ้านหลังนี้ให้ เด็กหนุ่มก็กังวลไปสารพัด
ไม่มีบ้านแล้ว...หากวันใดพสุอยากไปจากเขา พสุคงไปง่ายๆเพราะไม่มีพันธะใดๆ ผูกพันเอาไว้ แต่ริวลืมคิดไปว่า ความสูญเสียอันใหญ่หลวงที่ผ่านมาเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับพสุเพียงใด สมบัตินอกกายเหล่านี้ ไม่มีความ สำคัญเท่าคำสัญญาและความผูกพันที่พวกเขามีต่อกัน
“พี่สัญญา...ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยน พี่รับรองว่ามันต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น” พสุยืนยันหนักแน่นเพื่อให้ริวสบายใจขึ้น
“ดียังไง...พี่บอกได้มั้ย” ริวยังไม่วายคาดคั้น เด็กหนุ่มต้องการให้แน่ใจว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ระหว่างพวกเขา
“พี่ก็ไม่รู้...แต่พี่เคยบอกริวไปแล้ว ว่าพี่จะไม่ปล่อยมือจากริวเป็นอันขาด ต่อให้ริวไม่ต้องการพี่ก็ตาม”
“ไม่มีวันนั้นหรอกครับ” ริวพูดจบก็เซ็นชื่อลงในเอกสารทั้งหมดที่พสุส่งให้
“พี่ก็รู้ว่ากว่าริวจะมีวันนี้ได้ ริวต้องรอคอยมานานแค่ไหน ริวต่างหากละครับที่จะไม่ยอมปล่อยมือจากพี่เป็นอันขาด แล้วริวก็จะไม่ยอมให้ใคร หรืออะไรมาทำให้พี่ปล่อยมือจากริวด้วย” เด็กหนุ่มยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วรวบตัวพสุเข้ามากอด
พสุลูบหลังกว้างเบาๆ กระซิบข้างหูอย่างหยอกเย้าว่าริวคิดมากเป็นตาแก่ จึงโดนริวลากขึ้นเตียงไปด้วยกัน ปล่อยให้เช็คเงินสดและโฉนดถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะหัวเตียงอย่างไร้คนสนใจ
..................................................
ธีรดลลงจากรถตู้ด้วยสีหน้าอ่อนล้า มีกรเวชเดินตามหลังมาติดๆ ปีกว่าๆ ที่ต้องวิ่งรอกระหว่างศาลกับออฟฟิศ เพื่อสู้คดีมรดกของลูกสาวตัวน้อย วันนี้เป็นวันตัดสินคดี เพื่อนๆ จึงมารอกันพร้อมหน้าด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไงบ้างพี่ดล” ไวยากรณ์เป็นคนแรกที่วิ่งปราดเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง
“ชนะคดี”ธีรดลตอบเสียงแห้งเบาใบหน้าหม่นหมองแทนที่จะยินดีปรีดาที่ชนะคดี
“แล้ว...ทำไมทำหน้าแบบนั้นละพี่”
“ไอ้พวกนั้นน่ะสิ พอแพ้คดี มันก็ตามมาว่ากระทบกระเทียบเรื่องอาการป่วยของน้องเดือน พอสื่อสนใจมันก็โพนทะนาว่าน้องเดือน..ป่วยเป็นอะไร”
กรเวชอธิบายด้วยน้ำเสียงขมขื่น ขนาดเขายังแค้นจนแทบจะฆ่าพวกมันทิ้ง แล้วธีรดลจะเจ็บปวดแค่ไหนที่ลูกสาวตัวน้อยถูกประจานว่าติดเชื้อเอดส์มาจากมารดา ทั้งที่คนเอาเชื้อร้ายมาแพร่ ก็เป็นพ่อแท้ๆ ของน้องเดือนเอง แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นย่าเป็นปู่กลับประจานหลานสาวตัวเล็กๆ เพียงเพื่อความสะใจ และแก้แค้นที่แพ้คดี
“ไอ้สารเลวเอ๊ย พี่กรฟ้องมันเลย ฟ้องมันให้หมดตัวเลย ไอ้เลว! เด็กตัวนิดเดียวยังลากเข้ามาเกี่ยวได้อีก ชั่วจริง” ไวยากรณ์ยังคั่งแค้นไม่หาย เขาเคยเจอน้องเดือน เด็กน้อยตาแป๋ว หน้าตาน่ารัก ช่างพูดช่างประจบ ทั้งๆ ที่อายุเพียงสองขวบเศษแต่ฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกัน หากไม่เพราะภูมิคุ้มกันบกพร่อง คงไม่ต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในบ้านแบบนั้น
“ยังไงเขาก็พูดไปแล้ว...ไม่มีประโยชน์ที่จะไปเอาความกับคนพวกนั้น...ช่างหัวมันเถอะ ยังไงเราก็หนีความจริงไปไม่พ้นอยู่ดี” ธีรดลปรามเสียงขื่น
สำหรับเขา นี่เป็นชัยชนะแห่งความเจ็บปวด แม้น้องเดือนจะยังเล็กเกินกว่าจะรับรู้เรื่องนี้ แต่หากข่าวเรื่องน้องเดือนติดโรคร้ายแพร่ออกไป ชาวบ้านละแวกที่มารดาอาศัยอยู่คงตั้งแง่รังเกียจแน่นอน ธีรดลตัดสินใจแล้วว่าจะพามารดากับน้องๆ ย้ายมาอยู่ในกรุงเทพด้วยกัน และกรเวชก็รับปากว่าจะช่วยหาหมู่บ้านจัดสรรที่บรรยากาศดีๆ ไม่พลุกพล่านให้
“ใจเย็นๆ นะดล เดี๋ยวเรื่องก็คงซาไปเอง ไม่มีสื่อไหนกล้าเล่นข่าวเกี่ยวกับเด็กนักหรอก มีหวังโดนพวกสิทธิมนุษยชนเล่นงานตาย”
“ตอนนี้ประเด็นมันเบนมาแล้วต่างหากไผ่...นักข่าวเขาข้องใจว่าดลน่ะเป็นเอดส์ด้วยหรือเปล่า”
“เฮ้ย! บ้าบอไปกันใหญ่แล้ว...แต่พี่ดลจะมีเชื้อได้ไง ก็วันก่อนเรายังบริจาคเลือดกันอยู่เลย”
“ก็นั่นแหละ ต่อให้ดลมีหลักฐานเรื่องไม่มีเชื้อเอชไอวี แต่ก็โดนเล่นงานว่าอยากได้มรดก เลยรับเลี้ยงน้องเดือนไว้ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ลูก”
“ถ้าสื่อฉบับไหนเล่นข่าวนี้นะ ผมจะหาทนายมาฟ้องมันเอง เลวจริงๆ พี่ดลเลี้ยงลูกมาคนเดียวตั้งนาน กว่าจะมีเรื่องไอ้มรดกบ้าบออะไรนี่”
ธีรดลยิ้มขื่น จะมีสักกี่คนที่เข้าใจว่าเขารักน้องเดือนแค่ไหน นับตั้งแต่น้องเดือนลืมตาดูโลก ธีรดลก็เป็นคนประคบประหงมเลี้ยงดูหนูน้อยมาตลอด จนถึงกับต้องลาออกจากงานประจำ แม้จะรู้ว่าหนูน้อยติดโรคร้ายมา แต่ธีรดลก็ยังมีความหวังว่าสักวันจะมีปาฏิหาริย์ที่ช่วยรักษาลูกสาวตัวน้อยๆ ให้หายจากโรคนี้ หากไม่เพราะมรดกของน้องเดือน ชีวิตของเขากับลูกสาวคงสงบสุข ด้วยความรักและความหวังเล็กๆ ต่อไป
“บางที...ผมอาจไม่เหมาะที่จะอยู่ในฐานะนักร้องอีกแล้วก็ได้” ธีรดลพูดด้วยน้ำเสียงท้อแท้ แต่เพื่อนๆ ร่วมวงต่างส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“พูดอะไรอย่างนั้นดล ไม่ร้องเพลงแล้วดลจะไปทำอะไร กลับไปเป็นนักดนตรีแบ็คอัพอย่างเก่าหรือไง แล้วครอบครัวของดลล่ะ ทั้งแม่ ทั้งน้องๆ แล้วยังค่าใช้จ่ายของน้องเดือนอีก พี่ไม่ได้ดูถูกนะ แต่มรดกแค่นั้น เทียบกับค่ารักษาน้องเดือนไม่กี่ปีก็หมด”
กรเวชติงเสียงเข้ม เขารู้ว่าธีรดลกำลังเสียใจ ท้อใจ แต่จะปล่อยให้ท้อจนทำลายตัวเองด้วยวิธีโง่ๆ อย่างลาออกจากวงไม่ได้เป็นอันขาด
“แต่ถ้าผมอยู่ ก็มีแต่จะฉุดให้ชื่อเสียงของวงตกต่ำลง ผมไม่อยากให้คิสมีต้องสิ้นชื่อเพราะผม”
“คิดมาก...อย่าไปยึดติดขนาดนั้นเลยดล ทุกวงมันมีดังก็มีดับทั้งนั้น มีวงดังๆ มากมายที่ทุกวันนี้คนจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ จะแปลกอะไรถ้าสักวันจะไม่มีคนรู้จักคิสมี” พสุเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพื่อนร่วมวงต่างพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย ไม่มีใครอยากให้ธีรดลโทษตัวเองอีกแล้ว
“จริงด้วยพี่ดล คิดมากหน้าจะยิ่งเหี่ยวนะ พี่ยิ่งแก่ๆ อยู่” ไวยากรณ์ทำเสียงปลอบ แต่ตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์
“ไอ้ไวย์!” ธีรดลหันขวับผุดลุกขึ้นฉับพลัน แต่ไวยากรณ์ที่ระวังตัวอยู่แล้วโดดผลุงไปไกล แล้ววิ่งหนีหน้าตั้ง มีธีรดลวิ่งไล่กวดเตะไปติดๆ
คนอื่นๆ พากันหัวเราะ ยกเว้นพสุ ชายหนุ่มทอดตามองเพื่อนร่วมวงที่วิ่งไล่กวดกันอยู่ที่สนามหน้าออฟฟิศนิ่ง ก่อนชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นรถตู้ของบริษัทเข้ามาจอดส่งนักร้องรุ่นน้องที่หน้าออฟฟิศ
“อ้าว! ทำไมป่านนี้เพิ่งมากัน สงสัยเพิ่งไปเรียนร้องเพลงกลับมา...เลยเวลาซ้อมไปเป็นชั่วโมงๆ คอนเสิร์ตก็จะถึงอยู่อีกไม่กี่วันแท้ๆ ไม่ไหวจริงๆ เด็กพวกนี้” กรเวชบ่นพึมด้วยความไม่พอใจ คงเพราะเขาคุ้นกับการดูแลคิสมีที่ทุกคนเป็นมืออาชีพ ทำงานง่ายและมีความรับผิดชอบสูง พอมาเจอนักร้องรุ่นใหม่ที่อ่อนประสบการณ์และขาดวินัยก็อดหงุดหงิดไม่ได้
“ไปเรียนร้องเพลงเหรอครับ? ทำไมละครับ” พสุหันไปถามอย่างแปลกใจ เด็กกลุ่มนี้เคยมีผลงานออกมาบ้างแล้ว แม้จะไม่ถึงขั้นออกอัลบั้มเดี่ยว แต่ก็ไม่น่าจะอ่อนความสามารถขนาดนั้น
“ก็พี่เผ่านะสิ บ่นว่าเด็กชุดนี้ร้องเพลงยังไม่ค่อยดีนัก แล้วพื้นฐานทางดนตรีก็น้อยมาก คุณเขมก็เลยให้ไปเรียนเพิ่มเติม แต่ครูนงนุชแต่งงานไปแล้ว คนที่เก่งพอๆ กับครูนงนุช เขาก็เปิดสถาบันสอนมากกว่าจะยอมมาเป็นพนักงานของบริษัทเรา ก็เลยต้องส่งเด็กออกไปเรียนนี่แหละ...จะว่าไป สอนร้อง สอนเล่นดนตรีนี่ก็ดีนะ เด็กสมัยนี้สนใจด้านนี้กันเยอะจะตาย ถ้าอย่างไผ่นี่คงเปิดสอนการแสดงควบไปด้วยยังได้”
“น่าสนใจนะครับ” พสุตอบยิ้มๆ ขณะที่กรเวชหัวเราะชอบใจ
“พี่พูดเล่นหรอก ขืนไปกันหมด พี่ก็ตกงานสิ...อ้าวเฮ้ย! ทำไมนักดนตรีเพิ่งมาถึง อะไรกันพวกนี้เหลวไหลจริง พี่ต้องไปดูหน่อยแล้ว”
กรเวชรีบเดินแทบเป็นวิ่งลงไปชั้นล่าง ขณะที่พสุยังจ้องมองสนามหน้าออฟฟิศนิ่งงัน...บางที เขาอาจจะเจอถนนเส้นใหม่ ที่ต้องการแล้วก็ได้
..................................................
-
กรี๊ดดดดดดด พี่ไผ่~ :m1:
-
ได้รับหนังสือแล้วนะคะ ต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
:L2: :กอด1: :กอด1::L2:
-
ยังตามอ่านอยู่ค่า ไม่ต้องห่วง ดพราะไม่ได้สั่งหนังสือ แหะๆ ไม่มีกะตังค์
จะรอตอนต่อไปค่า
ปล.คิสมีโชคดีที่มีแต่คนดีๆร่วมวง
-
นึกไว้แล้วเชียว ว่าไผ่ต้องเลิกร้องเพลง
หางานที่เกี่ยวข้องกับการร้องเพลงทำ ซึ่งเขารักและมีความสุข
แถมยังได้ใช้ชีวิตอยู่กันเงียบๆ สงบๆ กับริว
ริวก็เก่ง อัจฉริยะทางดนตรีอยู่แล้ว เปิดสถาบันสอนดนตรีกันไปเลยดีกว่า
ดีใจที่มีความรู้ตัวว่ารัก ชอบอะไร แล้วมุ่งตรงไปทางนั้น
แอบเห็นคนเขาได้หนังสือกัน ดีใจไปด้วย
แต่พี่คงไม่ได้เก็บหนังสือนะคะ ต้องขอโทษด้วย ได้แต่แอบอ่านฟรี
ขอบคุณมากที่มาโพสให้คนอ่านได้ความสุขไปด้วย
-
หนูริวของแจ้โผล่มาน้อยเลื้อออออเกินนนน
ปอลิง ขอกรี๊ดพี่ไผ่ด้วยคนนนนน :o8:
-
สื่อกะปู่ย่าใจร้าย เด็กเป็นเอดส์มันผิดตรงไหน เลวร้ายที่สุดใช้เด็กเป็นเครื่องมือ -*-
-
ดีใจที่ได้รู้จัก คิสมี :กอด1:
-
ถ้าพี่ไผ่จะเลิกร้องเพลง ก็ไม่ใช่เรื่องเศร้าอีกต่อไป เพราะไม่ว่าจะยังอยู่คิสมี หรือจะเลิกร้องไปทำงานอย่างอื่น ไม่ว่าทางไหนพี่ไผ่ก็จะมีริวอยู่ด้วยเสมอ :o8:
ใช่มั้ยค่ะ? o18
-
:L2: :L2: +1
-
บอกตรงๆว่า ยังไม่ได้อ่านในหนังสือเลยอ่ะ
ตื่นเต้นค่ะ ไม่กล้าอ่าน กลัวจบ
^^
แต่ตอนนี้ เหมือน ได้รุ้เรื่องคนในวง เยอะขึ้น
อ่อยยย สงสารพี่ดล จังเลยอ่ะ ,,
พี่ตะวันก็นะ หวิดละ ถ้าผิดฝาผิดตัวนี่ ... ได้แฟนหนุ่มมาเลยนะ
ฮ่าๆๆๆ
-
พี่ไผ่&ริว :L1:
+1
-
พสุกรุยทาง เบื้องหลังเลย
ริวก้อคงโอเคให้ผ่าน เพราะไม่ชอบออกสื่ออยู่แล้ว
-
ได้ทำงานที่รัก ได้อยู่กับคนที่รัก
แค่นี้ก็มีความสุขแล้วเนอะพี่ไผ่เนอะ :-[
-
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ แอบเสียใจเบาเบา ที่ตะวันคู่กับเกน เค้าอยากให้คู่กรดอ่ะ :-[
-
ยังรออ่านอยู่ค่า
โล่งอกเรื่องตะวันไป
เรื่องดลก็หายห่วงปเปราะนึง ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ดลสู้ๆ
-
ผ่านไปได้ด้วยดีนะนี่ พี่ไผ่เจอหนทางออกใหม่ๆ แบบไหนน๊อ ขอให้ดีต่อน้องด้วยนะ
-
ตอนนี้พี่ไผ่คงพูดได้เต็มปากว่าทุกสิ่งที่กำลังจะสร้างเพื่ออนาคตของตัวเองกับริวมาจากมือตัวเองแล้ว
ตอนนี้พี่ไผ่ดูสุขุม โตขึ้นเยอะมากจริงๆ
ปล..ยังตามอ่านอยู่นะคะ
-
ยังตามอ่านอยู่ค่ะ สนุกมากเพิ่งตามมาได้ไม่นาน
อยากได้หนังสืออยู่นะ แต่อยู่ต่างประเทศซื้อไม่ได้ TT,TT
-
อ่านยังไม่ัทันหายคิดถึงริวเลย
ไผ่ได้ัพบเส้นทางใหม่ จะเลิกร้องเพลงแล้วเหรอ
-
หุๆ ยังตามอยู่คะ ยังตามอยู่ (แม้จะอ่านจบแล้ว)
แต่อ่านจบยิ่งอยากเกาะคนเขียนแล้วบอกว่า "อยากอ่านเรื่องของอลันนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!" :z3:
เขียนเถอะนะค่า :serius2:
-
:m13:ยังรออ่านอยู่น๊า ริวกะไผ่น่าร๊ากกกกก :m1:
-
:กอด1: ดีใจที่เหตุการณ์ของตะวัน และดล ไม่ทำให้ไผ่กลับไปรู้สึกกลัวเรื่องที่จะทำให้ไม่ได้ร้องเพลงอีก
แต่ดูเหมือนพี่ไผ่คงเริ่มมีทางออกที่เหมาะกะตัวเอง และริวแล้ว
-
ครูสอนร้องเพลงกะเสือหนุ่มวงการหุ้น อร้ายยยยย เข้ากันๆๆๆ
-
พี่ไผ่จะเปิดโรงเรียนสอนน้องใหม่ละสินี่
ชวนริวมาอยู่เบื้องหลังวงการ ไม่ต้องเป็นประเด็นให้ใครมาสนใจเจาะข่าว
แล้วก็จะได้อยู่กับริว ไม่ต้องกังวลอะไรมากมายอีก
-
งานเลี้ยงใกล้เลิกราแล้วหรือ
ใจหวิวเลย
-
เอาใจช่วยเสมอ ทุกคนมีหนทางที่ต้องเดินกันนะครับ สุ้ๆๆนะไผ่ริว :L1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
พี่ไผ่เริ่มวางอนาคตกับริวแล้ว
-
อยู่กันอย่างนี้นานๆนะเธอ :o8:
-
พี่ไผ่เริ่มเจอแนวทางของตัวเองแล้ว
สู้ๆๆๆๆ
-
:o8:จะมาบอกว่า ได้รับหนังสือแว้วๆ ^^
นั่งอ่านจบแล้ว สนุกมากๆ >.<
แฮ่ๆ ชอบตอนจบ~
-
:L2: :L2: :L2:
-
อยากได้ฉากหวานๆๆ อ่ะค่ะ อิอิ :-[
ได้ป่าวหนอออออ
เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่ะ
-
พี่ไผ่คิดอะไรอยู่เนี่ย
-
พี่ไผ่จะไปเป็นครุสอนร้องเพลงหรอค่ะ??
ให้หนูไปเรียนด้วยสิ
:laugh: :laugh:
-
สารภาพตามตรงว่าถึงแม้จะได้หนังสือมาแล้ว
แต่เราก็ยังไปอ่านเล่มแรกก่อนที่อ่านเล่มจบ
เมย์กะจะไล่อ่านไปเรื่อยๆ ทั้งที่อ่านจากในนี้ไป3รอบแล้ว
ก็เค้าไม่อยากให้มันจบเร็วๆ นี่นา แง๊ๆๆๆๆ :monkeysad:
-
ในที่สุดตะวันก็มีคู่
แอบสงสารธีรดลเนอะ
พี่ไผ่จะไปทำงานเบื้องหลังเหรอคะ
-
แอบผิดหวังกับตะวัน น่าจะผิดฝาผิดตัวกันซะหน่อย สนับสนุนให้ผู้ชายรักกันอ่ะ 555555555
-
เข้ามาบอกอีกเสียงว่าอยากอ่านคู่ของอลันกับปะป๊าของริว
อยากอ่านจิงๆนะเนี่ย เพราะไม่มีใครเขียนแนวโอยาจิ๊ คุณลุงรักกันเลยอ่ะ
-
เหอๆ อ่านใหม่ ก็เหมือนเดิม(แน่สิ)
รู้สึกว่า ไผ่นี่กังวลไปซะหมด และยึดถืออะไรหลายๆอย่างมาก
ก็... นะ ถ้าไผ่ไม่เป็นแบบนี้ ริวก็คงไม่รักหรอก
แต่ มาตอนนี้ ได้อ่านแบบมีคนเม้นตอบก็ทำให้นึกขึ้นมาได้ ว่าริวเองก็คิดร่ำๆอยากให้ผสุ
ออกจากการร้องเพลงตั้งแต่กลางๆเรื่องแล้ว แต่ไม่กล้าพูด เพราะคิดว่าพสุคนเลือกเพลงมากกว่า
ตนเองแน่
ดูๆไปแล้ว ตอนนี้ พสุเลือกด้วยตัวเองเลยนะเนี้ย อือ... แบบนี้ริวคุงก้สบายใจได้แล้ว เลี้ยงดูพสุได้
เต็มที่ไม่ต้องแคใครแล้วฮิฮิฮิ
-
ไปทำงานเบื้องหลังก็ดีเหมือนกันนะค่ะพี่ไผ่
งานไม่เป็นที่สนใจของสื่อมาก ริวจัดการอะไรได้เต็มที่ หึหึหึ
แอบขอให้มีตีพิมพ์รอบ2 สาธุ :call: :call: :call:
พี่ดลนี้เรื่องร้ายเข้ามา ฟ้าหลังฝนมักดีเสมอ สู้ๆๆๆ พี่ดล
-
ตอนนี้กำลังเขียนเวอร์ชั่นอลัน...แต่...อาจจะขัดใจแม่ยกนะ เพราะอลันเป็น.....อิอิ :z1:
-
เข้ามาวนอ่านอีกรอบ...
พร้อมกด+ให้กำล้งใจ นักเขียน Anonymus
และคนโพส :L2: :pig4:
-
หนังสือมายังอ่ะ ยังไม่ได้เลยยยยย TToTT
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
เข้ามากรี๊ดและก็จากไป :m11:
-
พี่ไผ่ ทำไมน่ารักงี้ อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงพี่น้อง...
ยังไงก็ยังรออ่านตลอดจ้ะ เพราะเราไม่ได้สั่งหนังสืออ่ะ รอปร้าคนเขียนกับปร้า(รึเปล่า)คนโพสต์มาต่อเร็วๆนะ
-
อ่านในหนังสือจบแล้ว
หุหุ ... เดี๋ยวรอคอมเม้นท์พร้อมตอนจบในนี้ดีกว่า
ปล. อลันเป็น..... ??
-
พี่ไผ่จะออกจากวงการหรือค่ะ o18
-
พสุคิดที่จะสอนร้องเพลงใช่ไหมดีจังถ้าไม่เป็นที่สนใจความรักมันก็ง่ายขึ้น
:pig4: คะ
-
:call:
-
ตามอ่านจากที่มีคนแนะนำในกระทู้
ริวน่ารักช่างอ้อนจริงๆๆ ขอบคุณค่ะที่แต่งเรื่องน่ารักมาให้อ่าน
-
อ่านตอนนี้ละสงสารธีรดลจับใจเลย :m15:
เด็กเล็กๆก็ยังไม่เว้น เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองแท้ๆ เป็นปู่กับย่าภาษาอะไร :z6:
ขอบคุณสำหรับตอนที่ 119 ค่ะ :pig4:
-
ขอบคุณสำหรับนิยายดีแบบนี้นะครับชอบมากเลย
-
ชอบครับ :n1:
-
รอ อ่านอยู่น่ะคร๊าบ เพราะสั่งหนังสือมะทัน T^T
-
สงสารดลอ่า
-
มาต่อเถอะคร้าบบบ....อยากอ่านจะแย่ T^T
-
เข้ามาเพื่อ......................................................
กรี๊ด!!!!!!!!!!! อลันเมะเรอะ!!!? :a5:
กรี๊ดดดดดดดด!!!!!!!!!!!! เสียดาย!!!! :sad4:
แต่.......คิดอีกที คุณพ่อเป็นเคะก็......(เคะหนุ่มใหญ่เอาแต่ใจ VS. เมะหนุ่มใหญ่(น้อยกว่า)ช่างตามใจ หรือสรุปคือ เมะอายุน้อยกว่ากับเคะราชินี เท่ากับ ตรงสเป็คเราสายโอจิ)
อย่างนั้นก็เอาเลยค่า ปูเสื่อรอเรื่องคู่นี้เรียบร้อย :mc4:
โอ้! เคะราชินีมาเฟีย คึๆๆๆ :m25:
-
อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบภายในสองวัน!!
บอกตรงๆว่าหลงรักริวไผ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบมากจริงๆค่ะ ชอบทุกฉาก ทุกตอน ทุกอารมณ์และความรู้สึก น้ำตาไหลเป็นทาง
นักเขียนถ่ายทอดออกมาได้ดีมากจริงๆ
ทั้งภาษาในตอนปกติ และภาษาในฉาก NC ช่างอ่อนโยนและอ่อนหวานจนอดที่จะเขินอายไม่ได้
ไหนจะบุคลิกของริวที่อยากจะตะโกนออกมาดังๆว่า "น่ารักจริงๆไอ้เด็กโข่งเอ้ย!!"
แม้ว่าตอนแรกจะแอบตกใจว่าเฮ้ย!! ริวเป็นเมะ ไผ่เป็นเคะงั้นรึ
แต่พออ่านไปหลายๆตอนแล้วรู้ซึ้งเลยว่าริวเหมาะแล้วที่จะเป็นเมะโข่งให้พี่ไผ่คอยดูแล ฮ่า~ :o8:
ต้องขอบคุณแม่เมย์ gayraygirl ที่แนะนำเรื่องนี้มาให้อ่าน
ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ เป็นครั้งแรกเลยที่อ่านจบภายในสองวัน ทั้งๆที่ยาวขนาดนี้
จะติดตามและรอต่อไปนะคะ ขาดไม่ได้แล้ว
เพราะ "เธอคือ.....ลมหายใจ" จริงๆนะ :man1:
ปล.ทุกครั้งที่อ่านชื่อเรื่องนี้ ปากต้องฮัมเพลงเธอคือลมหายใจทุกครั้งเลย
ประหนึ่งเล่นมิวสิคค่อนเรื่องนี้ซะเอง หุหุ :z1:
-
รอ อ่านอยู่น่ะคร๊าบT^T เพราะสั่งหนังสือมะทัน T^T
-
เราไม่ได้สั่งหนังสือ ขอตามอ่านในนี้นะ
-
มาต่อแล้วจ้า ช้าไปหน่อยขอโทษด้วย เมื่อคืนเร่งทำงานให้เสร็จน่ะ :laugh:
***********************
ตอนที่ 120
พสุมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตะวันและธีรดลเงียบๆ แต่ภายในใจของเขาไม่เงียบเลยแม้แต่น้อย เรื่องของตะวันตอกย้ำความจริงที่ว่า ถึงเวลาที่เขาต้องเลือกทางเดินให้ชีวิตแล้ว
หากเลือกที่จะใช้ชีวิตกับริว เขาต้องออกจากวงการ แต่หากเลือกที่จะอยู่วงการนี้ต่อไป เขาต้องเลิกกับริว เขาไม่มีสิทธิ์โลภมากยึดไว้ทั้งสองอย่าง เพราะความลับไม่มีในโลก ในไม่ช้าก็ต้องมีคนระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับริวอยู่ดี ถ้ารอให้ถึงวันนั้น เขาจะไม่มีหนทางให้เดินยิ่งกว่าตอนนี้ สิ่งที่ดีที่สุดคือ วางมือเสียทางใดทางหนึ่ง และเขาก็รู้ดีว่าตัวเองตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้วว่าจะเลือกทางไหน
“ริว”
“ครับ” เด็กหนุ่มนั่งอยู่ที่เปียโนในห้องนั่งเล่นพอเห็นพสุก็วางดินสอลงทันที
“แต่งเพลงเหรอ”
“ครับ...พี่เผ่าอยากให้ริวแต่งเนื้อร้องด้วย” ริวบอกเขินๆ หลังจากได้ลองแต่งเนื้อเพลงเอง ดูเหมือนจะทำให้เด็กหนุ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
“ขอพี่คุยด้วยเดี๋ยวสิ”
“คร้าบผม” ริวยิ้มร่า แล้วลุกตามพสุเข้าไปในห้องนอน
“มีอะไรเหรอครับ...เกิดอะไรขึ้น” ริวถามด้วยน้ำเสียงกังวล เมื่อเห็นสีหน้าเยือกเย็นของพสุ เป็นสีหน้าที่พสุมักจะแสดงเสมอ เวลาที่ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่สำคัญ
“ริวก็เห็นแล้วใช่มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตะวัน...ขนาดน้องเกนเป็นผู้หญิง สื่อยังเล่นงานเสียยับ”
แทนที่จะตอบคำถามเขา พี่กลับพูดไปถึงเรื่องของตะวัน ทำให้ริวเริ่มใจคอไม่ดี
“ก็เข้าใจผิดกันนี่ครับ” ริวตอบกลางๆ ไว้ก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าพสุเจตนาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม
“ถูก...แล้วถ้าเป็นเราล่ะ ริวคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“พี่จะบอกว่า...” ริวใจหายวูบ รู้สึกมือไม้อ่อนขึ้นมากะทันหัน
“ปล่อยไว้แบบนี้ สักวันก็ต้องมีข่าวหลุดออกไปจนได้ พี่ไม่อยากเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกอีกต่อไปแล้ว” พสุอธิบายแล้วเม้มปากนิ่งเบือนหน้าออก ไปมองต้นไม้นอกบ้าน
“พี่ไผ่ครับ มันยังไม่มีอะไรสักหน่อย” ริวค้านด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะให้เหมือนขำขัน แต่ใบหน้าซีดเผือด
“พี่จะไม่รอจนมันเกิดปัญหา แล้วค่อยมาแก้หรอกนะ พี่คิดว่าคงถึงเวลาที่พี่ต้องเลือกแล้วล่ะ” พสุพูดพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันมาจ้องตาริว
“เลือกอะไร...” ริวถามเสียงสั่น ตัวสั่น มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
“เลือกร้องเพลง หรือเลือกริว” พสุตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง แม้แต่ดวงตาที่ทอดมองก็นิ่งจนริวแทบร้องไห้ เด็กหนุ่มโถมเข้าใส่แล้วกอดพสุไว้แน่น ตัวสั่นสะท้านด้วยความเสียใจ
“ไม่นะ! ไม่เอา ริวไม่เลิกกับพี่ เราจะไม่เลิกกัน พี่สัญญาแล้วว่าพี่จะไม่ปล่อยมือ พี่ไม่...”
พสุหยุดเสียงละล่ำละลักจนแทบเป็นตะโกนของเด็กหนุ่มด้วยการกอดตอบ แล้วลูบหัว ลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ อย่างปลอบประโลม
“ริวครับ...เฮ้! ใจเย็นสิ...พี่ก็ไม่ได้บอกว่าพี่จะเลิกกับริวนี่” น้ำเสียงและอ้อมแขนอ่อนโยนของพสุ ทำให้อาการสั่นสะท้านของริวลดลง เด็กหนุ่มคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย เพื่อมองหน้าพสุให้ถนัดกว่าเดิม
“หมายความว่า”
“พี่จะออกจากวงการ จะเลิกร้องเพลง” พสุตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พี่!” ริวใจหายวูบด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคิดว่าพสุจะเลือกหนทางนี้ ไม่เคยแม้แต่จะฝัน เพราะรู้ดีว่าพสุรักการร้องเพลงแค่ไหน พสุต้องพยายามมากเพียงใดกว่าจะมีวันนี้
“เดินออกไปเอง ดีกว่ารอจนถูกไล่ออกไปไม่ใช่เหรอ” พสุบอกยิ้มๆ แม้จะทำใจไว้แล้ว แต่ก็ยังเหลือรอยขื่นในน้ำเสียงของชายหนุ่มอยู่ดี
“แต่พี่รักการร้องเพลงมากนี่ครับ พี่ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้ได้ร้องเพลง ทำไมพี่ถึงยอมถอยง่ายๆ” พสุยิ้มอ่อนโยน ขณะไล้ปลายนิ้วไปบนผิวหน้าเนียนใสของริว
“มันไม่ใช่แค่ตัวพี่แล้วนี่...แต่มีริวด้วย...พี่ไม่อยากเห็นริวมัวหมอง พี่อยากเห็นริวก้าวเดินต่อไปอย่างสง่างามบนถนนเส้นนี้ ความสามารถของริว ยังไปได้อีกไกลมาก พี่ไม่อยากให้เรื่องของเรา ทำลายอนาคตที่ควรรุ่งโรจน์ของริว”
“ริวไม่แคร์หรอก คนเดียวที่ริวแคร์ก็คือพี่” ริวยืนยันแล้วกอดพสุแน่น ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วโอบกอดตอบ
“เหมือนกัน...คนเดียวที่พี่แคร์ ก็คือริว พี่ถึงเลือกทางนี้ไงล่ะ”
แม้จะปลาบปลื้มในคำตอบของพสุ แต่ริวก็ไม่สบายใจอยู่ดี เด็กหนุ่มถอยออกมาจ้องหน้าพสุนิ่ง กว่าจะหลุดคำถามแสลงใจตัวเองออกมา
“แต่พี่จะเสียใจมากๆ เลยใช่มั้ย ที่เลือกริว แทนที่จะเลือกร้องเพลง...”
“ไม่หรอก...พี่ร้องเพลงเพราะใจรักก็จริง แต่พี่รักริวมากกว่านี่ครับ”
ดวงตาที่ทอดมองเด็กหนุ่มเปี่ยมด้วยความรักใคร่ และห่วงใยจนริวเต็มตื้น...
แม้พสุจะเคยพูดว่าเขาคือคนสำคัญที่สุด แต่ริวเชื่อมาตลอดว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของพสุคือการร้องเพลง ไม่เคยนึกฝันว่าเขาต่างหากที่สำคัญจนพสุยอมทิ้งการร้องเพลงเพื่อเขา
“พี่ไผ่ครับ ริวรักพี่นะ รักที่สุดเลย” ริวบอกเสียงหนักแน่น แล้วพรมจูบทั่วไปหน้าพสุด้วยความรักอัดแน่นในอก
“พี่รู้...เพราะรู้อย่างนี้ พี่ถึงไม่ลังเลที่จะเลือก...ริวเป็นคนสำคัญที่สุดของพี่นี่นา จริงมั้ย” พสุบอกแล้วจูบตอบริวอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ แล้วประคองใบหน้าริวไว้ให้ดวงตาสบกันนิ่ง
“เธอคือ...ลม...หายใจ...เธอคือทุกสิ่ง...จะให้ทิ้งอะไร...ก็ยอมทุกอย่าง จากนี้...ใจฉันจะมีแต่เธอ”
พสุร้องเพลงเสียงเบา นุ่ม แต่ริวน้ำตาร่วงผล็อยด้วยความปรีติ เด็กหนุ่มซุกตัวในอ้อมแขนของพสุ ขณะที่ชายหนุ่มยังกระซิบร้องเพลงท่อนนั้นซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันว่า เพื่อริวแล้วเขายอมทิ้งทุกอย่างได้จริงๆ
..................................................
เช้าวันรุ่งขึ้นพสุไปหาเขมชาติแต่เช้า ก่อนจะเข้าไปพบทรงเผ่ากับไมตรีตามนัดเพื่อคุยเรื่องอัลบั้มใหม่
“ไผ่เห็นเนื้อเพลงที่ริวส่งมาแล้วใช่มั้ย...พี่ว่าโดนดี แต่บางคำมันตรงไปหน่อยคงต้องเปลี่ยนจะได้ไม่กระด้าง” ทรงเผ่าบอกยิ้มๆทันทีที่เห็นหน้าพสุ ก่อนจะยืนเนื้อเพลงให้ พสุรับมาดูแล้วคลี่ยิ้มบาง
“ครับ เห็นบ้างแล้ว แต่ผมไม่ได้เกลา คิดว่าให้ริวมาคุยกับพี่เผ่าเองน่าจะได้ให้คำแนะนำที่ตรงจุดกว่าผม”
“แต่อัลบั้มนี้เพลงเพราะมากเลยนะไผ่ พี่ว่าเผลอๆ จะดีที่สุดในสามอัลบั้มเลยด้วยซ้ำ” ไมตรีบอกยิ้มๆ ขณะที่ทรงเผ่าพยักหน้าเห็นด้วย
“เหรอครับ...ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงอำลาวงการได้อย่างน่าภาคภูมิสินะครับ” พสุบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ทรงเผ่ากับไมตรีจ้องหน้าชายหนุ่มตาค้าง
“อำลาวงการ?” ทรงเผ่าทวนคำแล้วเลิกคิ้วขึ้น
“หมายความว่าไงไผ่” ไมตรีถามเสียงหลงด้วยความตกใจ
พสุสูดลมหายใจลึก แล้วสบตาโปรดิวเซอร์ทั้งสองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อัลบั้มนี้จะเป็นอัลบั้มสุดท้ายในฐานะนักร้องครับ หลังจากนี้ ผมจะลาออกจากคิสมี...ผมจะออกจากวงการครับ”
“ทำไมละไผ่ มีปัญหาอะไรเหรอ หรือมีเรื่องกับใคร?” ไมตรีถามร้อนรน แค่ได้ยินก็ใจหายแล้ว เสียดายเสียง เสียดายฝีมือ เสียดายความพยายามและความสามารถของพสุจนแทบเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก
“เปล่าครับพี่ตรี ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครทั้งนั้น...มัน...ถึงจุดที่ผมไปต่อไม่ได้ครับ ผมรู้สึกว่าตัวเอง อิ่ม และเต็มกับอาชีพนักร้องแล้ว ตอนนี้อยากทำงานอย่างอื่นมากกว่า อย่าง...เปิดโรงเรียนสอนดนตรีเด็กๆ หรือไม่ก็เปิดร้านขายเครื่องดนตรีเล็กๆสักร้าน อยากเอาเวลาไปทุ่มทำตรงนั้นให้ดีที่สุดครับ”
“แล้วคุณเขมว่าไงบ้าง” ทรงเผ่าถามเสียงเรียบ หลังจากที่หายตกใจ
คนส่วนใหญ่ออกจากวงการเพราะทางตัน ชื่อเสียงซบเซาเกินกว่าจะมีใครจ้าง หรือเพราะมีเรื่องมีราวจนไม่สามารถอยู่ในวงการนี้ได้อีก แทบไม่เคยเห็นใครออกจากวงการตอนที่กำลังโด่งดังสุดขีดอย่างพสุ
“คุณเขมก็แล้วแต่ผมครับ จริงๆ คิสมีในตอนนี้ก็แทบจะแยกกันทำอัลบั้มเดี่ยวอยู่แล้ว เราตกลงกันว่าจะขอออกรวมกันอีกอัลบั้มก่อน แล้วถึงแยกย้ายกันไป” พสุอธิบายแล้วเหลือบมองไมตรีอย่างขอลุแก่โทษ เพราะสีหน้าไมตรียังเผือดสีด้วยความผิดหวังและเสียดาย ไมตรีพึมพำขอตัวออกไปชงกาแฟ แล้วออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“อืม แล้วเรื่องเพลงของครูภิรมย์ที่คิดจะทำล่ะ ล้มเลิกแล้วเหรอ” ทรงเผ่าถามแล้วทรุดลงนั่งแทนที่ไมตรี
“เปล่าครับ พอดีผมติดต่อน้องคนหนึ่งไว้แล้ว เขามาจากนักร้องประกวดสายลูกทุ่งก็จริง แต่เนื้อเสียงเขาเหมาะกับลูกกรุงมากกว่า อีกอย่างเจ้าตัวก็อยากร้องลูกกรุงมากกว่าอยู่แล้วด้วย”
“งั้นพี่มีข่าวดี ครูผดุงตกลงรับเป็นโปรดิวเซอร์อัลบั้มนี้ให้แล้วนะ เห็นว่าจะดึงครูศร เข้ามาช่วยอีกแรง พี่ว่าไผ่หาเวลาว่างพานักร้องเข้าไปหาครูผดุงให้เร็วที่สุดเถอะ คิดว่าไม่เกินเดือนหน้าคงเริ่มอัดเสียงได้” ทรงเผ่าบอกยิ้มๆ แล้ววางนามบัตรครูผดุงลงตรงหน้าพสุ ชายหนุ่มหยิบนามบัตรไปดูแล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่ครูผดุงยอมมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้
“ขอบคุณครับพี่เผ่า ผมจะรีบพาน้องเขาไปพบครูผดุงให้เร็วที่สุดเลยครับ” ชายหนุ่มไหว้ลาทรงเผ่า แล้วเดินเลยไปลาไมตรีที่ห้องกาแฟ ไมตรีตบไหล่พสุเบาๆ แล้วมองตามหลังชายหนุ่มไปด้วยความเสียดายจนลับตา
..................................................
อัลบั้มที่สามของคิสมีที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามตามที่ทรงเผ่าและไมตรีคำนวณไว้ เกือบทุกเพลงได้ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 จนกว่าเพลงซิงเกิ้ลใหม่ในอัลบั้มจะออกมา ตั้งแต่เริ่มปล่อยเพลงแรกตอนปลายเดือนกรกฎาคมไปจนถึงสิ้นปี เพลงของคิสมีก็ยังเป็นเพลงติดอยู่ในอันดับที่ 1-10 ของชาร์ตทุกสถานีทั้งรายการวิทยุและโทรทัศน์
แต่ที่น่าปลาบปลื้มไม่แพ้กัน ก็คือความสำเร็จของอัลบั้มลูกกรุงของครูภิรมย์ ที่ได้นักร้องหนุ่มน้อยรูปหล่อ เสียงใสมาเป็นคนขับร้อง ทั้งที่เป็นเพลงลูกกรุงแต่ก็ยังได้รับความสนใจจากประชาชน จนทำให้นักร้องหนุ่มน้อยหน้าใหม่ ก้าวขึ้นแท่นนักร้องดังอย่างเต็มตัว จากความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้เขมชาติตัดสินใจจัดคอนเสิร์ตใหญ่ให้ โดยเชิญนักร้องลูกกรุงชื่อดังในอดีตมากมายมาร่วมร้องเพลง และครูภิรมย์ในวัย 82 ปีก็เดินทางจากอเมริกามาเป็นแขกพิเศษ ท่านขึ้นบรรเลงไวโอลินเพลง ‘เพียงเพราะรัก’ ในแบบฉบับลูกกรุงแท้ๆ ให้ฟังกันสดๆ เรียกเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมดังกึกก้องเมื่อเพลงจบลง
แม้งานนี้พสุจะไม่ยอมออกหน้า โดยอ้างว่าความสำเร็จทั้งหมด ตนมีส่วนร่วมเพียงเล็กน้อย แต่ครูภิรมย์ก็ยังกล่าวขอบใจกลางเวที และท่านยังประกาศรับข้อเสนอของเขมชาติ จะกลับมาแต่งเพลงอีกครั้ง เป็นข่าวใหญ่ที่ทำให้วงการเพลงลูกกรุงกลับมาคึกคัก นักแต่งเพลงรุ่นบรมครูหลายท่านถูกค่ายอื่นๆ ติดต่อทาบทามให้หวนกลับมาสร้างผลงานเพื่อแย่งตลาดเพลงลูกกรุงจากบริษัทเขมชาติ ตามกลไกการตลาดของวงการนี้
..................................................
หลังงานคอนเสิร์ตใหญ่ของอัลบั้มที่ 3 คิสมียังคงต้องออกงานทุกวัน แต่พสุงดรับละครทุกเรื่อง หรือแม้แต่งานโชว์ตัวเดี่ยวๆ สร้างความแปลกใจให้เพื่อนร่วมวงทั้งสามคน จนคนที่อดรนทนไม่ได้กลับเป็นไวยากรณ์
“พี่ไผ่ไม่รับละครเลยเหรอครับ” ไวยากรณ์ถามทันทีที่ออกจากห้องประชุมเล็กด้วยกัน ตารางงานของคิสมีแน่นทุกวันก็จริง แต่การที่พสุไม่รับงานเดี่ยวเลย ดูเป็นเรื่องแปลกจนน่าตกใจ
“ไม่ได้รับแล้วล่ะไวย์” พสุตอบยิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้รับรองกลางล็อบบี้ของบริษัท ช่วงบ่ายแบบนี้คนมักจะบางตา และจะกลับมาคึกคักอีกครั้งตอนเย็น บรรยากาศตอนนี้จึงเหมาะที่จะนั่งสนทนากัน
“ทำไมละพี่” ไวยากรณ์ถามแล้วเดินตามไปนั่งเก้าอี้ข้างพสุอย่างใคร่รู้
“พี่ว่า...หมดคอนเสิร์ตอัลบั้มนี้แล้ว พี่จะออกจากวงการ” พสุตอบเสียงเรียบ แต่ทำให้ทุกคนอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
“หา!” ไวยากรณ์หลุดเสียงอุทานออกมา ขณะที่ธีรดลยังนั่งตัวแข็งทื่อ
“คือ...หมดทัวร์คอนเสิร์ตแล้ว พี่จะลาออก แล้วก็เลิกเล่นละครด้วย” พสุขยายความให้ชัดขึ้น แม้จะยังรักษาน้ำเสียงให้ราบเรียบเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ดวงตาคมก็หม่นแสงลงจนริวแปลบในใจด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมล่ะไผ่” ธีรดลถามเสียงแผ่วเหมือนละเมอ ทั้งที่เพิ่งคุยเรื่องจะทำโรงเรียนสอนดนตรีด้วยกันเมื่อไม่กี่วันมานี้ แต่พสุไม่เคยบอกเขาสักคำว่าจะออกจากวง
“อืม...เหนื่อยน่ะ อยากพักแล้ว” พสุตอบแล้วยิ้มน้อยๆ
ตะวันจ้องมองพสุนิ่ง เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเหตุผลแค่นั้นจะทำให้พสุยอมทิ้งการร้องเพลงที่รักนักหนา ชายหนุ่มเหลือบไปมองริวเห็นเด็กหนุ่มทำหน้าเฉยๆ มีเพียงประกายไหววูบในดวงตาเท่านั้นที่สื่อว่าริวเองก็ไม่สบายใจนัก
“ทำไมต้องออกล่ะพี่...เฮ้ย!ริว รู้เรื่องนี้หรือเปล่า” ไวยากรณ์หันไปหาพวก เขาคิดว่าริวต้องไม่ยอมแน่และอาจช่วยเกลี้ยกล่อมพสุไม่ให้ออก
“รู้ครับ...ริวเองก็จะออกเหมือนกัน” ริวตอบแล้วยิ้มแหยให้ไวยากรณ์
“อะไรนะ!...เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน เราจะแตกวงเหรอ” ไวยากรณ์โวยวายด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ ทั้งที่คิดว่าคิสมีกำลังโด่งดังถึงขีดสุด แต่จู่ๆ พสุกับริว จะออกจากวงดื้อๆ ทำให้ไวยากรณ์ทำใจไม่ได้
“คงไม่หรอกไวย์ พี่คิดว่าคุณเขมคงรับคนใหม่เข้ามาแทนพี่กับริว...อีกอย่าง ริวก็ยังไม่ได้ออกจากวงการเสียทีเดียวหรอก เพราะพี่เผ่าชวนไปทำเบื้อง หลังด้วยกัน”
ไวยากรณ์เม้มปากแน่น ดวงตาแดงก่ำ เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นเดินหนีไปดื้อๆ ธีรดลจึงลุกขึ้นตบไหล่พสุอย่างเข้าใจ แล้วตามไปปลอบใจตัวป่วนประจำวง
“นายแน่ใจเหรอไผ่ นายรักการร้องเพลงมากนี่ ทำไมถึงตัดสินใจปุบปับนัก” ตะวันถามเสียงเรียบ ขณะที่ริวกลับนิ่งฟังเพียงอย่างเดียว
“แน่ใจ...ฉันคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วตะวัน แต่ที่ไม่ได้บอก เพราะคิดว่าจะขอจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน” พสุตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ชายหนุ่มเหลือบไปสบตาริวด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้ริวไม่สบายใจกับปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมวง
“น้องไผ่คะ...คุณเขมเชิญไปพบค่ะ” เลขาของเขมชาติร้องทักมาทันทีที่ลิฟต์เปิด เธอรีบกดลิฟต์ให้เปิดรอ เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา
“ขอบคุณครับพี่” พสุรีบลุกตามไปทันทีด้วยความเกรงใจ
“คุยกันหน่อยได้มั้ยริว” ตะวันเอ่ยเสียงเรียบ หลังจากรอจนพสุขึ้นลิฟต์ไปแล้ว
“ครับ” ริวลุกตามตะวันออกไปที่สวนข้างออฟฟิศ เด็กหนุ่มทรุดลงนั่งบนพื้นสนามหญ้าเขียวขจีที่ถูกตัดไว้เรียบกริบ ทั้งที่สวนร่มรื่นและสวยงามขนาดนี้ แต่แทบไม่มีคนใช้บริการเพราะต่างยุ่งกับงานของตนเอง
“ทำไมไผ่ต้องเลิกร้องเพลงริว” ตะวันยิงคำถามเข้าใส่ทันทีที่เห็นริวนั่งลงเรียบร้อย
“พี่ไผ่ก็บอกไปแล้วนี่ครับ” ริวสบตาตะวันด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่ประกายไหววูบวาบในดวงตานั้นปิดไม่มิด
“ริวคิดว่าพี่ควรเชื่อเหรอ...ไผ่รักการร้องเพลงมาก มากยิ่งกว่าพี่หลายเท่า ขนาดพี่ยังไม่เคยคิดจะเลิกร้องเพลง แล้วไผ่จะเลิกง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง...บอกพี่มาตรงๆ ได้มั้ยว่าทำไมไผ่ต้องเลิกร้องเพลง” ตะวันถามตรงๆ และจ้องมองเด็กหนุ่มเขม็ง
“เพราะ...เพราะริวครับ” ริวอึกอักเล็กน้อยก่อนจะหลุดปากออกมา เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่สบายใจนัก
“....เฮ้อ!...นึกอยู่แล้วเชียว” ตะวันพลอยถอนหายใจยาวตามไปด้วย เขาเดาอยู่แล้วว่าต้องเหตุผลนี้ คนอย่างพสุไม่มีวันทำอะไรด้วยอารมณ์ชั่ววูบ นั่นหมายความว่า พสุเลือกที่จะกอดความรักไว้ แล้วยอมปล่อยมือจากชื่อเสียงและอาชีพที่เขารัก
“พี่ไผ่บอกว่า ขอเดินออกไปเองอย่างสง่างาม ดีกว่ารอให้โดนบีบออกไป”
“ไผ่ก็คิดมากเกินไป...แต่ถ้าลองตัดสินใจแบบนี้ ไผ่คงเตรียมใจไว้แล้ว”
“ริวก็ไม่อยากให้พี่ไผ่เลือกแบบนี้เลย จริงๆ แค่ริวออกจากวงคนเดียวก็พอ” ริวบ่นด้วยสีหน้าไม่สดใสนัก
“คนอย่างไผ่ ถ้าลองจะทำอะไรเขาต้องทำให้ดีที่สุด แม้แต่เรื่องของหัวใจ...”
“ริวรู้ว่าพี่ไผ่รักการร้องเพลงมากแค่ไหน...ริวไม่อยากเห็นพี่ไผ่เจ็บปวดแบบนี้เลย” เด็กหนุ่มครุ่นคิดเรื่องนี้มาตลอด ถึงจะดีใจที่พสุให้ความสำคัญกับเขาที่สุด แต่ทุกครั้งที่เห็นประกายเจ็บปวดในดวงตาพสุ เด็กหนุ่มก็อดเสียใจไม่ได้
“ไม่หรอกริว...ถ้าไผ่พร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อความรัก เขาก็จะทำด้วยความตั้งใจทั้งหมดจริงๆ พี่เชื่อว่าไผ่จะไม่ย้อนกลับไปเสียใจอีกหรอก เพราะไผ่คงมั่นใจแล้วว่าได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและคนที่รัก”
แม้คำตอบของตะวันจะคล้ายกับพสุ แต่กลับทำริวรู้สึกสบายใจทันทีที่ได้ยิน คงเพราะเด็กหนุ่มรู้สึกว่าพสุทำทุกอย่างเพื่อเขา จนริวไม่แน่ใจว่าพสุตัดใจได้แล้วจริงๆ หรือพูดเพื่อปกป้องความรู้สึกของเขากันแน่ เมื่อตะวันที่เป็นคนนอกสำหรับเรื่องนี้ยังยืนยันตรงกับพสุ ก็ทำให้ริวรู้สึกผิดต่อพสุน้อยลง
“ริวรู้สึกเหมือนเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยครับ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นมาเบาๆ หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่ ตะวันเหลือบมองหน้าริวแล้วคลี่ยิ้มบาง
“ยินดีด้วย...รักษาโชคของเราไว้ให้ดีก็แล้วกันริว เพราะโชคดีแบบนี้ ไม่มีหนที่สองหรอกนะ” แม้น้ำเสียงจะเรียบเรื่อย แต่ก็มีความจริงจังแฝงอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
“ครับ ริวไม่มีวันปล่อยให้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตหลุดมือไปเป็นอันขาด” ริวยืนยันหนักแน่นแล้วส่งยิ้มกว้างให้ตะวัน
“ดลรู้เรื่องนี้มั้ย” ตะวันถามเมื่อเหลือบไปเห็นธีรดลกอดคอกึ่งลากไวยากรณ์กลับเข้าออฟฟิศได้สำเร็จ แม้จะอยู่ค่อนข้างห่าง แต่สีหน้าไวยากรณ์ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะดูเหมือนทะเลาะกันตลอดเวลา แต่ทุกครั้งที่ไวยากรณ์มีปัญหา ธีรดลจะเป็นคนแรกที่คอยปลอบและช่วยประคองให้เด็กหนุ่มกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง
“ยังไม่มีใครรู้ครับ แค่พี่คนเดียว” ริวตอบเสียงเรียบ อย่าว่าแต่ธีรดลเลย แม้แต่กรเวชหรือเขมชาติก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เพราะริวไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องป่าวประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ใครรู้ ในเมื่อพสุเลือกจะก้าวออกจากถนนสายนี้ เด็กหนุ่มก็อยากให้พสุก้าวออกไปอย่างสง่างาม ไร้มลทินติดกาย
“นะ...จะไม่รู้ได้ยังไง ก็โดนบอกทางอ้อมตั้งแต่ที่เกาหลีแล้วนี่”
ริวยิ้มเขินๆ แต่ไม่ปฏิเสธว่าเขาตั้งใจจะให้ตะวันรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับพสุ ตะวันยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเห็นพสุออกมาจากลิฟต์ริวก็ลุกขึ้นวิ่งปร๋อไปหาแล้วนัวเนียเกาะหน้าเกาะหลังพสุ ครู่เดียวพสุก็โบกมือลาทุกคนแล้วตามเด็กเจ้าเล่ห์ไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย
“ไผ่เอ๊ย!...ท่าทางจะตกหลุมพรางเด็กเจ้าเล่ห์จนหมดทางหนีแล้วเพื่อน” ตะวันบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
..................................................
********************
ตอนหน้าก็จะเป็นตอนสุดท้ายแล้วเน้อ :sad4:
อาจจะมาต่อช้าหน่อยเพราะต้องกลับบ้านนอกนะจ๊ะ
เอ๊ะ! หรือจะไม่ลงตอนจบดี เราจะได้ไม่ต้องจากกันนนน :m13:
-
ไม่ได้ป้ารออ่านตอนจบอยู่นะคะ รออย่างลุ้นตัวโก่งตัวงอเลยละค่ะ :laugh:
ถ้าไม่มาจะแช่งชักหักกระดูกด้วยคอยดูสิ
-
ไกล้จาจบเระเสัยดายจังอยากไห้ยาวๆกว่านี้จังเลยครับอ่านแล้วนำ้ตาร่วงหลายตอนเลย
-
ตอนหน้าจะจบแล้ว แต่ยังไม่อยากให้จบเลย
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักริวกับไผ่ และตะวันด้วยนะตอนนี้
เค้ายังไม่อยากให้จบเลย จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี
คุณ Anonymus เอาเป็นตอนพิเศษสิค่ะ ที่ไม่เหมือนในหนังสือ
เค้ายังอยากอ่านต่อนะ :z3:
:กอด1: รักคนแต่งนะ :L1:
-
ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วเหรอT^Tแง้ๆ
มีตอนพิเศษแถมมาหน่อยน๊าๆ
-
อาจจะมาต่อช้าหน่อยเพราะต้องกลับบ้านนอกนะจ๊ะ
เอ๊ะ! หรือจะไม่ลงตอนจบดี เราจะได้ไม่ต้องจากกันนนน
ลงเต๊อะ มาช้าดีกว่าไม่มาเลย งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา แต่เราก็จัดงานใหม่ขึ้นได้อีก เจอกันอีก เย้ๆ :กอด1:
-
มะมี NC ส่งท้ายหรา อิอิ :o8:
-
ตอนหน้าจะจบแล้วแอบเสียดายเหมือนกัน
:เฮ้อ:
แต่ก็ดีแล้วอ่ะที่จบลงด้วยดี
:man1:
-
ปลิ้มค่า พี่ไผ่ก็ทำตามเสียงหัวใจตัวเองซะที ปล่อยให้หนูริวคิดไปเองหลายตอนเลย..
+1 ค่ะ
-
อบอุ่นมากจริงๆกับความรักของไผ่กับริว งื๊ออ
รอคู่อลัน ฮิฮิ ตกลงเป็น.....?
-
ใจหาย
เหงา
ทำใจลำบากจังเลย กระซิกๆ
-
มาลงเถอะ แล้วจะมีตอนพิเศษไหมคะเนี่ย
-
คึๆ รอตอนจบ (แล้วจะได้ลงเรื่องใหม่ต่อ) อย่างใจจดใจจ่อ
-
:o8: :o8: :sad11: :sad11: พี่ไผ่ทำทุกอย่างเพื่อริว
-
พี่ไผ่นี่เป็นคนที่พอหายสับสนก็ชัดเจนทุกอย่างจริงๆ o13
-
รออ่านตอนหน้าที่เป็นตอนจบจ้ะ
รอช้าก็ไม่เป็นไร รอได้อยู่แล้ว
-
อ่ะ ไม่ลงไม่ได้นะ TT^TT
ถึงจะจากกันแต่เราจากกันด้วยดี(อิอิ)
ปอลิง เหมือนไผ่ไง เดินออกจากวงการด้วยความสง่างาม ถึงนิยายจะจบแต่อารมณ์เราจะไม่จบ -..-
-
อาจจะมาต่อช้าหน่อยเพราะต้องกลับบ้านนอกนะจ๊ะ
เอ๊ะ! หรือจะไม่ลงตอนจบดี เราจะได้ไม่ต้องจากกันนนน
ลงเต๊อะ มาช้าดีกว่าไม่มาเลย งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา แต่เราก็จัดงานใหม่ขึ้นได้อีก เจอกันอีก เย้ๆ :กอด1:
ใช่แล้ว,,,, เลิกราก็ยังเจอกันได้ >.<
-
จะจบแล้วเหรอ ใจหาย!!!!!
-
จะจบแล้ว เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจ อิอิ ตามอ่านหลายวันเลยค่ะ
-
พึ่งอ่านจบสามเล่มไปเมื่อคืนนี้เอง
ดีใจตอนพิเศษเค้าได้เป็นหมอด้วยล่ะ :o8:
แอร๊ยยยยยย อลั๊นนนนนน ตกลงเป็น...??
รอเรื่องอลันอย่างใจจดใจจ่อต่อไป
ปล.แป้งจ๋า พี่เจาะไข่หนูเรียบร้อยแล้ว :laugh:
-
ลงตอนจบก็ได้นะ
ยังไงก็ได้เจอกันอยู่แล้ว ถ้ามีตอนพิเศษหรือเรื่องใหม่มาเรื่อยๆ :laugh:
พี่ไผ่แมนมากเลย
-
พี่ไผ่สุดยอดจริงๆ
-
จะจบซะแล้วหรือนี่ ติดตามอ่านมานาน ยังไม่อยากให้จบเลย :sad4:
แต่ก็เข้าใจนะ ว่าทุกๆ เรื่องมันก็ต้องมีตอนสุดท้ายเข้าสักวัน
ยังไงถ้ามีตอนพิเศษมาตบท้ายเรื่องหลังลงตอนจบก็ดีนะครับ o13
อิอิ
-
ว้่ายตาย อ่านเพลิน ตอนหน้าจะจบแล้ว จะไม่ได้เจอน้องริวกะพี่ไผ่อีกแล้ว
ต้นสังกัดของไผ่นี่ดีมาก ๆ เลยนะที่ยอมปล่อยง่ายๆ ทั้งที่กำลังขายได้...
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ คะ
-
เหอๆ ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วสินะ..... ว่าแต่ เรื่องใหม่จะได้เมื่อไหร่อะ ฝากถามให้ด้วยสิครับ อยากอ่านเรื่องใหม่อะ
-
ชอบสิ่งที่พี่ไผ่ทำจังเลย ^____^
-
ฮึกกกก
ไม่อยากให้จบเลยจริงๆนะ
ตอนหน้าก็จะจบแล้วอ่าาา
พี่ไผ่ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวมาก!!!!
^^
พี่ตะวันน่ารักจัง ,,
-
ลงตอนจบแป็นแบบยังไม่จบได้มั้ย :o12:
-
อ๊ากก ไม่อยากให้จบเลย แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลาจริงๆ
เรื่องนี้อ่านกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากพี่ไผ่และริวจากใจ รักสองคนนี้อย่างแรงค่าาาา
TT^TT อยากให้มีตีพิมพ์รอบสองจังเลย ฮืออ สาธุขอให้มี :call: :call: :call:
-
มิยากให้จบเลยT_T
ขอตอนพิเศษเยอะๆนะ555+
-
จาจบแร้วหงอออออ
T^T
อยากอ่านต่อน้า
เอาเรื่องของคุณอื่นต่อสิ *O*
-
ใจหายจัง ไผ่- ริวอำลาวงการ...จริงๆเหรอ
ดูเหมือนเป็นทางออกเดียวเลยนะ
-
เอาใจช่วยคับบบ
:L2: :L2:
-
ติดตามมาตั้งนาน พอบอกจะจบ ก็ใจหายเลยนะนี่
แต่ไม่เป็นไร คะ ถึงไง ก็ต้องมีผลงานให้ติดตามอยู่แล้ว :L1:
-
พี่ไผ่ใจเด็ดมากกก ถูกใจ นานๆทีเจอคนแบบนี้
จะมารอตอนจบนะ แต่อีกทางก็ไม่อยากให้จบเพิ่งมาตามอ่านได้ไม่นานไม่อยากให้มันจบเลย
-
น่ารักอ่ะ เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น
-
ใกล้จะจบแล้ว ใจหายนิดๆ :sad11:
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยย~ พี่ไผ่น่ารักที่สุดอ่ะ :-[ :-[ :-[
ยอมลาออกจากวงการ เพื่อที่จะได้อยู่กับน้องริวตลอดไป
แม้ว่าตัวเองจะรักงานนั้นมากแค่ไหน
แต่ก็รักน้องริวมากกว่า *จับพี่ไผ่กอดรัดฟัดเหวี่ยง*
ตอนหน้าจบแล้วหรอคะ ?
ไม่อยากให้จบเลย มันน่ารักจริงๆทิงนังๆ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ปล.ในที่สุดก็ได้อ่านพี่ไผ่ร้องเพลงนี้ ชอบมากกกกกกก ชอบท่อนนี้ที่สุด :really2:
-
ใจหายอ่ะ...เข้ามาเป็นกำลังใจ
-
รักเรื่องนี้จัง....ยังไม่อยากให้จบเลยครับ
-
:กอด1: :L2: :L2: +1 ก่อนอำลา ยังไงก็รอครับ ถึงจะนานเท่าไร
-
ตอนจบจะมีฉากหวานๆ แบบ :oo1: ให้อ่านปิดท้ายบ้างไหมน้อ :z1:
-
:m17: จะจบแล้วเหรอ ไม่อยากให้จบเลยอ่า :z3:
-
เสียใจที่ไผ่จะเลิกร้องเพลง และออกจากคิสมี
แต่ก็ซึ้งใจที่ไผ่ทำเพื่อความรักที่มีให้ริวได้มากมาย
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
อยากให้ลงตอนหน้าเร็วๆๆจัง..แต่ไม่อยากให้เป็นตอนจบเลยอะ...
รักพี่ไผ่กับน้องริวมากๆๆเลยย.. พี่ไผ่ยอมออกจากวงการ ริวก็เหมือนกัน....
แต่จิงๆๆอยากให้ริวกลับเข้าวงการเล่นหุ้นอะ.. เท่ได้อีกก.. ฮาๆๆๆๆ
อยากให้มีภาคพิเศษด้วยยยยน้า................อยากอ่านมากมายยย.. เลยพี่..
แต้งส์ๆๆมากๆๆสำหรับเรื่องหนุกๆๆนะคับผมมม
-
ไผ่ตัดสินใจถูกต้องแล้วละครับที่เลือกรับรักริว ขอให้สุขสมหวัง :L1: :pig4:
-
อ่านแล้วก็ปลื้มกับความน่ารักของทั้งคู่เลย :กอด1:
ถึงแม้จะใจหายกับคิสมี แต่เชื่อว่าสมาชิกคงเข้าใจแหละ
รอตอนหน้าจ้าาา
-
อ่านแล้วมีความสุขจังทั้งพี่ไผ่ ทั้งริวกำลังจะเดินไปด้วยกันแบบจริงจังซักที
:pig4: คะ
-
พี่ไผ่เลือกรักริวมากกว่าการร้องเพลงที่พี่ไผ่รัก อย่าให้เป็นการเลือก ผิด นะริว ดูแลพี่ไผ่ดีๆนะ
-
ได้อ่านทันแล้ว หลังจากห่างกันไปนานริวของป้า
-
อ๊า....
จะจบแล้วเหรอเนี่ย :laugh:
-
โอยยยย :z3:
จาลงแดงแล้วววว อยากอ่านต่อจังเลยค่าาาา :o8:
-
ลาออกไปอยู่ด้วยกัน :-[
-
อยากบอกว่าไม่อยากไห้จบเลย แต่กะเข้ามารอทุกวันนะครับ
-
รออ่านตอนจบอยู่จ้า
-
สนุกเว่อร์เห็นพัฒนาการของริวได้ชัดเจนมาก
จากเด็กโนเนะ กลายมาเป็นหนุ่มเจ้าเล่ห์
ไผ่หนีไปไหนรอดก็แปลกแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ
-
แอบน้ำตาซึมตอนไผ่เลือกระหว่างริวกับการร้องเพลง
รักริว รักไผ่ รักคิสมี รักเรื่องนี้
ที่สุดก็คือ รักคนเขียนที่สุด
ติดตามตั้งแต่ตอนแรกจนจะตอนสุดท้ายแล้ว
ไม่มีอะไรจะบอกนอกจากความประทับใจ
จะเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจไปอีกนานๆ :กอด1: :L2: :L1:
-
วิ่งมากรี๊ด กรี๊ด ใส่ความหวาน เขินอ่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องดี ๆ ที่ใกล้จะจบแล้ว
-
การตัดสินใจของพี่ไผ่ช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ
ปลื้มใจไปกับน้องริวด้วยน๊า
ที่พี่ไผ่เลือกน้องริวแล้วยอมสละงานที่รัก
ช่างเป็นความรักที่งดงามจริง ๆ
ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอคะ
ใจหายจัง...ต้องคิดถึงพี่ไผ่กับน้องริวมากแน่ ๆ
-
เข้ามารอพร้อมดัน :z2:
-
คิดถึงพี่ไผ่แล้วค่ะ มาต่อเร็วๆนะค๊ะ ~~
-
ตอนที่ 121
ทันทีที่รถแลนด์โรเวอร์สีขาวเลี้ยวเข้าไปในลานบ้าน สุนัขอ้วนตันสี่ห้าตัวก็วิ่งปราดเข้ามาเห่ากรรโชกอย่างดุร้าย แต่พอประตูรถเปิดเสียงเห่าก็กลายเป็นเสียงครางหงิงด้วยความยินดี พวกมันตะกายคนที่เพิ่งลงจากรถจนแทบล้ม หางยาวฟาดพั่บๆ ด้วยความดีอกดีใจเช่นเดียวกับเจ้าของที่แข่งกันวิ่งหน้าตั้งออกมาจากสวน
“สวัสดีครับคุณไผ่ คุณริว” ร่างหนาตันแบบมะขามข้อเดียวยกมือไหว้กราด ขณะที่สตรีร่างอวบอิ่มใบหน้างดงามหมดจด วิ่งตามหลังมาติดๆ ก็ยกมือไหว้พสุกับริวแล้วรีบเดินเลยเข้าไปในบ้านเพื่อยกน้ำเย็นๆ ออกมาให้
“ไงจิต...สบายดีเหรอ”
“สบายดีครับ” จิตรกรยิ้มหน้าบาน ขณะที่ริวหันไปไหว้ขอบคุณเมื่อภรรยาของจิตรกรยกน้ำเย็นออกมาให้ พสุบิดตัวอย่างเมื่อยขบแล้วเงยหน้าขึ้นมองบ้านก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย ชายหนุ่มจ้องมองบ้านนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้แน่ใจ
“ริวขึ้นบ้านไปก่อนนะ พี่ขอคุยกับจิตก่อน เดี๋ยวตามขึ้นไป”
“ครับ” ริวรับคำแล้วเดินขึ้นบ้านไป ขณะที่ภรรยาของจิตรกรก็เข้าครัวไปเตรียมอาหารให้พสุกับริว
“จิต...ทาสีบ้านใหม่เหรอ?” พสุถามหลังจากเดินดูรอบๆ บ้านจนแน่ใจ รอยยิ้มของจิตรกรแหยลงเมื่อได้ยินพสุถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“เอ่อ...ครับ...ผมเห็นน้ำมันที่ชักเงาไว้มันร่อนหลุดหมดแล้ว ก็เลยทาใหม่...เอ่อ...ขอโทษครับที่ทำไปโดยพลการ”
“แล้วเอาเงินที่ไหนมาซื้อของซ่อมแซมบ้าน...รางน้ำนั่นก็ทำใหม่สินะ หลังคาด้วย...หมดนี่ก็หลายหมื่น...เอาเงินที่ไหนมาทำ จิตไม่เคยขอเบิกเงินนอกเหนือจากเงินเดือนนี่?” พสุหันมามองหน้าจิตรกรนิ่งอย่างคาดคั้น ทำให้เขาไม่กล้าโกหก
“เอ่อ...คือ...เงินเดือนกับค่าใช้จ่ายในบ้านที่คุณไผ่ให้มา ผมไม่ค่อยได้ใช้อะไร เพราะเราสองคนผัวเมียมีเงินเดือนอยู่แล้ว ก็เลยเก็บรวบรวมไว้ซ่อมแซมบ้าน...คือ...ผมกลัวบ้านจะโทรม” จิตรกรตอบอึกอัก
เขาเกิดที่นี่ แม้จะไม่ใช่บนเรือนหลังนี้ ตั้งแต่จำความได้ เขาก็เห็นบ้านหลังนี้มาตลอด รู้สึกผูกพัน ราวกับบ้านนี้เป็นญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรัก ทุกครั้งที่เห็นความเสื่อมโทรมของบ้าน จิตรกรก็ร้อนรนต้องหาทางซ่อมแซมให้ยังคงงดงามเหมือนใหม่อยู่เสมอ
“งั้นเหรอ...จิตรักบ้านนี้มากสินะ”
“ครับ...ผมเห็นเรือนใหญ่มาตั้งแต่เล็กจนโต เสียดายครับ กลัวจะผุไป ...คิดถึงตอนคุณดาท่านยังอยู่...ท่านเคยทำโทษให้ผมถูเรือน ถูกันลิ้นห้อยกว่าจะทั่ว...เล่นเอาเข็ดไม่กล้าปีนขึ้นไปขโมยไข่นกอีกเลย” จิตรกรเอ่ยถึงความหลังอย่างเป็นสุข ที่นี่มีแต่ความทรงจำที่งดงามเสมอ จนจิตรกรไม่อาจตัดใจย้ายไปอยู่ที่อื่นได้ ทั้งที่บ้านสวนไกลกับที่ทำงานมาก เขาก็ยอมตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปทำงานให้ทัน แทนที่จะย้ายไปอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงาน
พสุพยักหน้ารับขำๆ ก่อนจะเดินไปดูผลไม้ในสวน ต้นไม้ในสวนออกดอกออกผลสะพรั่ง ไม่ต่างจากตอนที่แม่เขายังอยู่...ไม่สิ ดูจะงามยิ่งกว่าตอนที่แม่เขาอยู่เสียอีก สมกับที่จบเกษตรมา จิตรกรดูแลทั้งบ้านและสวนของแม่ให้ยังคงงดงามรุ่งเรืองไม่ผิดกับสมัยที่ตาเขายังอยู่ ทั้งที่สมัยนั้นสวนเขามีคนงานนับสิบคน แต่จิตรกรทำสองคนกับภรรยาเสียเป็นส่วนใหญ่ มีลูกจ้างรายวันมาช่วยบ้างเฉพาะเวลาใส่ปุ๋ยและเก็บผลผลิตเวลามีพ่อค้ามารับซื้อเท่านั้น
พสุอมยิ้มมองสะพานไม้ไผ่แข็งแรงที่พาดข้ามท้องร่องเป็นระยะๆ ยิ่งเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่จิตรกรทำ เขาก็ยิ่งแปลกใจว่าจิตรกรเอาเวลาที่ไหนมาทำในเมื่อต้องทำงานประจำไปด้วย
“จิต...ได้ข่าวว่ามีปัญหากับที่ทำงานเหรอ”
“ก็เรื่องปัดแข้งปัดขาหาผลประโยชน์ใส่ตัวกันนั่นแหละครับ ผมมันพวกปลายอ้อปลายแขม...เดี๋ยวผมไปตัดมะพร้าวน้ำหอมมาให้นะครับ คุณไผ่กลับไปรอที่เรือนใหญ่ดีกว่าครับ เดี๋ยวยุงกัด”
“อืม”
ครู่ใหญ่ๆ จิตรกรก็แบกทลายมะพร้าวตัวเอียงเข้ามาที่เรือน ขณะที่ภรรยาของเขาเรียกให้คนงานยกตะกร้าผลไม้ที่คัดแล้วไปใส่รถให้พสุ
พสุยืนมองภาพนั้นนิ่ง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเรือน ห้องพระถูกกวาดถูไว้สะอาดเอี่ยม พื้นกระดานสะอาดจนขึ้นเงาปลาบเหมือนสมัยที่แม่เขายังมีชีวิตอยู่ รูปภาพของแม่กับพ่อวางอยู่บนหิ้งข้างรูปตากับยาย ถัดมาเป็นรูปของป้าใจ ชายหนุ่มเหลือบไปมองพวงมาลัยมะลิสดแล้วอมยิ้ม ธูปที่เพิ่งไหม้ลามไปไม่ถึงครึ่งดอก แสดงว่าริวเพิ่งเข้ามากราบพ่อแม่ไปเมื่อสักครู่นี้เอง
ชายหนุ่มกราบพระ กราบตา ยาย พ่อ แม่ และป้าใจ ก่อนจะนั่งมองพวกท่านนิ่งๆ ด้วยสายตาสงบ ป้าใจเสียชีวิตหลังพ่อแม่เขาไม่ถึงปี แกนอนหลับแล้วจากไปเงียบๆ วันนี้เขากับริวเพิ่งไปทำบุญครบ 5 ปีให้พ่อแม่มาเลยแวะมาเยี่ยมบ้านสวน
“จิต...เข้ามานี่แน่ะ” พสุเรียกเมื่อเห็นจิตรกรทำท่าจะออกไปเมื่อภรรยาเขาเก็บสำรับเรียบร้อยแล้ว
“เข้ามาทั้งสองคนนั่นแหละ” พสุเรียกสำทับเมื่อภรรยาของจิตรกรทำท่าจะถอยออกไปเพราะคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง
“ท่าทางสองคนจะรักบ้านนี้มากใช่มั้ย” พสุถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่คนฟังหันไปสบตากันด้วยท่าทางกระสับกระส่าย
“ครับ...เอ่อ...คุณไผ่จะขายบ้านสวนเหรอครับ?” จิตรกรถามแล้วหน้าเสีย ขณะที่ภรรยาของเขาเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“เปล่าหรอก...ที่ถามเพราะอยากรู้ว่ารักที่นี่มากหรือเปล่า”
“รักครับ รักมาก ถ้าคุณไผ่ไม่คิดจะขาย ผมสองคนผัวเมียจะดูแลให้ดีที่สุดเลยครับ ถึงเงินค่าขายผลไม้จะไม่ได้มากนัก แต่คิดว่าถ้าลงผักที่ริมท้องร่องเพิ่ม ก็น่าจะได้เงินเพิ่มอีกครับ” จิตรกรอาสาละล่ำละลัก ดีใจที่ได้ยินว่าพสุยังไม่คิดจะขายบ้านสวน
“ก็ดีนะ ถ้าทำได้ ว่าแต่จะไหวเหรอ ไหนจะงานประจำอีก...” พสุถามยิ้มๆ ขณะที่จิตรกรใจชื้น แล้วเริ่มเสนอแนะหนทางเพิ่มรายได้ ราคาที่ดินที่พุ่งทะยานขึ้นจนแผ่นดินแห่งนี้มีค่าราวกับทองคำ เทียบไม่ได้เลยกับรายได้อันน้อยนิดแค่เพียงไม่กี่แสนบาทต่อปีที่ได้จากผลผลิตในสวน ทำให้จิตรกรกับภรรยาช่วยกันคิดหาวิธีเพิ่มรายได้ให้สวนเพื่อให้พสุพึงพอใจกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น
“ไหวครับ เลิกงานแล้วกลับมาทำก็ไหว น้ำท่าเราก็มีเยอะ ทำผักได้ตลอดทั้งปีเลยครับ”
“ถ้างั้นจิตก็ออกจากงานมาทำเสียเลยไม่ดีกว่าเหรอ ขยันๆ แบบนี้น่าจะได้เงินมากกว่าไปเป็นลูกจ้างที่บริษัท” พสุเสนอด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขณะที่คนฟังอึ้งไปชั่วขณะ
“ผมก็เคยคิดไว้ครับ...แต่...” จิตรกรอึกอักแล้วหันไปสบตากับภรรยาอย่างอึดอัดใจ เพราะแม้งานประจำที่ทำอยู่จะไม่ค่อยสุขใจนัก แต่ก็เป็นแหล่งรายได้หลักของเขา
“นี่...ฉันให้...” พสุบอกพร้อมกับวางซองเอกสารในมือลงตรงหน้าทั้งคู่ จิตรกรกับภรรยาหยิบไปเปิดดูก็พบว่าเป็นโฉนดที่ดินบ้านสวน ทั้งคู่หันมองหน้ากันงงๆ ก่อนจะชะงักหน้าซีดเผือดเมื่อพสุพลิกให้ดูชื่อของจิตรกรที่สลักอยู่หลังโฉนดในฐานะเจ้าของที่ดิน
“คุณไผ่! ทำไมครับ?...ผะ...ผมไม่มีปัญญาซื้อที่นี่หรอกครับ” จิตรกรอุทานละล่ำละลัก ตัวชาไปหมดด้วยความตกใจ
“ก็ไม่ได้ขาย แต่ยกให้” พสุตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ขณะที่สองสามีภรรยาอ้าปากค้าง
“มะ...ไม่ได้หรอกครับ ที่ไม่ใช่ราคาแสนสองแสน ที่นี่ราคาเป็นร้อยๆ ล้านนะครับ” จิตรกรท้วงเสียงสั่นด้วยความตกใจ
“ทำไมล่ะ คิดจะขายหรือไง” พสุถามยิ้มๆ แต่คนฟังตาเหลือกด้วยความตกใจ
“เปล่าครับ ไม่เคยคิดเลยสักครั้ง” จิตรกรปฎิเสธเสียงหลง จนพสุอดหัวเราะไม่ได้
“ก็ดีแล้ว นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันยกบ้านนี้กับที่แปลงนี้ให้จิต”
“ผมรับไม่ได้หรอกครับ แค่คุณดาเลี้ยงผมมาจนโต ให้ที่อยู่ที่กิน แล้วยังส่งให้ผมเรียนจนจบนี่ก็เป็นพระคุณท่วมหัวแล้ว แค่นี้ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนพระคุณท่านได้ยังไงแล้ว” จิตรกรยื่นโฉนดคืนให้พสุ
คนอื่นอาจจะว่าเขาโง่ แต่จิตรกรถูกย่าใจกรอกหูมาตั้งแต่เด็ก ทุกอณูที่ก่อเกิดเป็นเลือดเนื้อ หล่อเลี้ยงให้เขาเติบโต มีชีวิต มีความรู้ มีหน้าที่การงานมั่นคง ล้วนมาจากข้าวแดงแกงร้อนที่ประมุขของบ้านนี้เอื้อเฟื้อเจือจุนเขามา สุดาไม่เพียงให้ที่อยู่ที่กิน แต่ยังให้ความรักความเมตตาราวกับเขาเป็นลูก ไม่ใช่เด็กกำพร้าใต้ใบบุญ
สิ้นสุดา พสุก็เอื้อเฟื้อเขาสม่ำเสมอ แม้เขาและภรรยามีงานทำมั่นคง แต่พสุก็ยังให้บ้านอาศัยฟรีๆ ให้รถไว้ใช้ ให้เงินเดือนทุกเดือน ทั้งที่เขากับภรรยาเพียงแค่ช่วยดูแลบ้านสวนให้ จิตรกรกับภรรยาจึงทุ่มเทเวลาทั้งหมด ดูแลบ้านดูแลสวนด้วยความรักและเอาใจใส่ ให้สมกับที่พสุไว้ใจ
“ถ้าอยากตอบแทน ก็ดูแลที่นี่ให้ดี รักที่นี่ให้เหมือนที่แม่ฉันรัก เท่านี้แม่ก็คงดีใจมากแล้ว”
“แต่ว่า...” จิตรกรพยายามจะค้าน แต่พสุส่ายหน้าปรามไว้
“ฉันรู้ว่าจิตรักที่นี่มาก ดูบ้านดูสวนก็รู้แล้ว...ฉันเองถึงจะรักที่นี่มาก แต่จิตก็รู้ว่าฉันไม่ค่อยได้มาสักเท่าไหร่ ทั้งโรงเรียน ทั้งร้านก็ยุ่งจนแทบกระดิกตัวไม่ได้...แล้วยังที่มูลนิธิ...พรุ่งนี้ก็ต้องออกแต่เช้าไปดูแลไร่เพชรบูรณ์อีก”
พสุชี้แจงแล้วถอนใจเฮือก แม้จะออกจากวงการมาหลายปี แต่เขาไม่เคยว่างเลย ทั้งโรงเรียนดนตรีที่เขากับธีรดลหุ้นกันเปิด แล้วยังร้านขายเครื่องดนตรีของริวอีก ไม่นับมูลนิธิกอดของแม่ ที่ริวรับอุปการะไว้ พสุก็เข้าไปดูแลอย่างเต็มที่ เพื่อให้ริวมีเวลาแต่งเพลง และเป็นโปรดิวเซอร์ให้บางอัลบั้ม เพราะช่วงนี้บริษัทของเขมชาติกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด ริวในฐานะหุ้นส่วนก็ต้องเข้าไปช่วยดูแล
“ฉันคิดว่าแม่คงดีใจ ถ้ารู้ว่าฉันยกบ้านนี้ให้จิต เพราะจิตจะดูแลที่นี่ได้ดียิ่งกว่าฉันหลายเท่า...ขอแค่สัญญาอย่างเดียวเท่านั้น คืออย่าขายสวนให้นายทุนเอาไปทำบ้านจัดสรรเสียก็แล้วกัน” พสุแซวขำๆ เพราะมั่นใจว่าจิตรกรรักบ้านนี้เกินกว่าจะทำอย่างนั้นแน่นอน
“คุณไผ่ครับ...มันมากเกินไป มากเกินวาสนาผม”
“ไม่มากหรอก...จิตรู้ใช่ไหมว่าฉันกับคุณริวอยู่ด้วยกัน ยังไงฉันก็ไม่มีทายาทอยู่แล้ว จิตเองก็เหมือนคนในครอบครัว ฉันเห็นจิตมาแต่เล็กแต่น้อย ถึงหลังๆ จะไม่ค่อยได้เจอไปบ้างก็เถอะ แต่ฉันแน่ใจว่าจิตจะดูแลที่นี่ได้ดีที่สุด และรักบ้านนี้ไม่แพ้ที่ฉันกับแม่รัก...ส่วนเงินค่าผลไม้ทั้งหมดที่จิตโอนไปให้ ฉันฝากไว้เป็นชื่อเจ้าตัวเล็ก...ถือเสียว่าเป็นทุนเริ่มต้นก็แล้วกันนะ แล้วต่อไปนี้ รายได้จากสวนก็เก็บไว้ไม่ต้องโอนไปให้ฉันอีกแล้ว...ถ้าคิดถึงกัน ก็เอาผักเอาผลไม้ในสวนไปให้ก็พอ”
จิตรกรพูดไม่ออก แต่ทรุดตัวลงกราบเท้าพสุพร้อมๆ กับภรรยาจนพสุตกใจรีบก้มลงคว้ามือทั้งสองคนไว้แทบไม่ทัน
“อย่าทำแบบนี้สิ...ไม่เอาน่า”
“ผม...ผมขอบพระคุณครับ...” จิตรกรพูดได้เพียงแค่นั้น ก้อนสะอื้นก็จุกคอจนพูดต่อไม่ออกอีก ส่วนภรรยานั้นนั่งน้ำตาไหลพรากไปแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่า ชีวิตนี้จะมีที่ดินเป็นของตัวเอง หนำซ้ำยังเป็นบ้านสวนที่พวกเธอรักจับใจอีกด้วย
“แค่จิตดูแลที่นี่ดีขนาดนี้ ฉันก็ชื่นใจแล้ว มีสวนเป็นของตัวเองแล้ว ต่อไปจิตก็ไม่ต้องไปลำบากใจเป็นลูกน้องใครอีก เป็นนายของตัวเองยังไงก็ดีกว่าละนะ แล้วถ้ามีปัญหาอะไรก็ไปหาฉันได้ เพราะฉันก็นับจิตเป็นคนในครอบครัวอยู่แล้ว” พสุบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ครับ...ครับ...ขอบพระคุณครับ” จิตรกรรับคำสะอึกสะอื้น น้ำตาร่วงผล็อยๆ ด้วยความตื้นตันใจในความเมตตาของพสุ
“แล้วกัน เลยขี้แยทั้งผัวทั้งเมีย ระวังลูกเห็นแล้วเอาไปล้อล่ะ” พสุแซวขำๆ ก่อนจะขอตัวกลับ เพราะไม่อยากให้พี่แมวรอเปิดประตูจนดึก
..................................................
“โกรธพี่หรือเปล่า ที่ยกบ้านสวนให้จิต แทนที่จะให้ริว” พสุถามยิ้มๆ เมื่อริวอาบน้ำเสร็จแล้วตามมานั่งเบียดบนเก้าอี้หน้าเปียโน ตลอดเวลาที่เขาคุยกับจิตรกรและภรรยา ริวก็เลี่ยงไปเดินดูคนงานคัดแยกผลไม้อยู่ข้างล่าง เพราะรู้ว่าพสุมีเรื่องสำคัญจะคุยกับจิตรกร
“โกรธทำไมครับ บ้านของพี่ พี่อยากให้ใครก็ให้สิครับ อีกอย่างถ้าพี่ให้ริว ริวก็ดูแลบ้าน ดูแลสวนไม่เป็น แม่คงร้องไห้ถ้าต้นไม้ตายหมดเพราะริว” ริวตอบยิ้มๆ ขนาดจิตรกรคอยให้คำแนะนำ เขายังดูแลต้นไม้ได้ไม่ดีนัก
“พี่ก็เหมือนริว ถึงรักบ้านสวนแค่ไหน แต่ก็ดูแลได้ไม่ดีอย่างที่จิตกับเมียดูแล อีกอย่าง จิตก็นับเป็นญาติคนเดียวที่พี่เหลืออยู่ ยังไงซะพี่ก็รับปากป้าใจไว้แล้วว่าจะดูแลจิตให้ดี พี่ก็ควรมีอะไรให้จิตไว้สร้างเนื้อสร้างตัวบ้าง”
พสุอธิบายแล้วพยายามดึงมือซุกซนออกจากเสื้อ แต่นิ้วยาวกลับเลื่อนหนีเร็วเหมือนงู ริวฝังจมูกลงบนต้นคอของพสุ ขณะที่มือก็สอดเข้าไปลูบไล้หน้าท้องแกร่ง วนเล่นเบาๆ ก่อนจะเขยิบขึ้นไปบีบคลึงยอดอกของพสุจนหดเกร็งเป็นไตแข็ง
“นั่นสิครับ...ดีซะอีก จิตดูแลสวนเก่งขนาดนี้ ไว้เราอยากกินอะไรก็ให้จิตปลูกให้กิน”
“เอางั้นเลยนะ” พสุพึมพำตอบเสียงพร่า ลมหายใจเริ่มสะดุด เมื่อสะโพกเสียดสีกับส่วนร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าริวดึงเขาขึ้นมานั่งตักตั้งแต่เมื่อไหร่
“ครับ ริวอยากกินสตรอเบอร์รี่ พี่ว่าจิตจะปลูกเป็นมะ” ริวถามแล้วยกต้นขาพสุขึ้น ดันให้หมุนกลับมานั่งคร่อมตักเขาไว้ พสุก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี
“สตรอเบอร์รี่มันเป็นไม้เมืองหนาวนะริว ที่บ้านสวนปลูกไม่ได้หรอก” พสุบอกแล้วงับจมูกริวเบาๆ เพื่อหยอกล้อ
“หนาวเหรอครับ ถ้าที่ไร่เพชรบูรณ์จะได้มั้ยครับ”
ริวควานปากตามติดแต่พสุเบี่ยงหนี แล้วหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นว่าริวเริ่มทำเสียงจิ๊จ๊ะที่จูบเขาไม่ได้สักที ชายหนุ่มหยุดรอจนริวเบียดปากลงแนบชิด เสียงหัวเราะถูกกลืนหายไป กลายเป็นเสียงลิ้นสัมผัสเสียดสีกันแทน
“อืม...น่าจะได้...ต้องลองถามจิตดู” พสุตอบหอบๆ เมื่อริวยอมปล่อยปากเขาเป็นอิสระ ริวช้อนต้นขาพสุให้เกี่ยวรอบเอว แล้วยกชายหนุ่มขึ้นอุ้มเข้าห้องนอนทั้งอย่างนั้น
“ถ้าปลูกได้ เราก็ให้จิตสอน แล้วเราไปหัดปลูกกันเองนะครับ ริวอยากทำไร่สตรอเบอร์รีของเราเอง” ริวบอกพลางถอดเสื้อผ้าพสุเหวี่ยงไป แล้วก้มลงดูดยอดอกสีแดงไว้ในปาก พลางขบเล่นจนแผ่นหลังพสุเดาะลอยด้วยความเสียวซ่าน
“ก็ดีนะ...น่าสนุกดี...ว่าแต่...เราจะ...มีเวลา...ดูแลเหรอ” พสุถามเสียงขาดเป็นห้วง ริวเบียดร่างเปล่าเปลือยเข้าแนบชิดจนสะโพกสัมผัสกับส่วนร้อนจัดที่เบียดกระแซะจนใจหวิว
“มีสิครับ...พี่ไวย์กับพี่ตะวัน จะขอหุ้นที่โรงเรียนกับเราด้วย เราก็ไม่ต้องไปดูแลโรงเรียนทุกวัน...ส่วนที่ร้านเราก็ยกให้พี่ดลทำไปเลย...ทีนี้เราก็มีเวลาดูแลไร่ของเราแล้ว” ริวตอบเสียงดังบ้างเบาบ้าง เพราะง่วนกับการดูดชิมผิวตึงแน่นของพสุอย่างหิวกระหาย
“เอางั้นก็ได้...พ่อเกษตรกรตัวอย่าง...อา...” พสุหลุดเสียงครางกระเส่าเมื่อปากและมือของริวฟอนเฟ้นไปทั่วจนเขาหัวหมุน เสียงลมหายใจสะดุดยามร่างกายสอดประสานเป็นหนึ่งกลับมาหอบกระเส่าเมื่อจังหวะการเคลื่อนไหวเร่งกระชั้น ต่างปรนเปรอและดื่มกินความหอมหวานจากกันและกันอย่างหลงใหล เวลาไม่ได้ทำให้ความกระหายในรสรักเสื่อมถอย แต่กลายเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
..................................................
“เป็นไงริว” พสุถามยิ้มๆ หลังจากที่ริวออกไปดูตัวอย่างไร่สตรอเบอร์รี่กับเพื่อนบ้านสวนติดกัน ตอนแรกพสุจะไปด้วย แต่ลูกคนงานที่มาปลูกบัวป่วย พสุจึงพาเด็กไปหาหมอและเพิ่งกลับมาถึงก่อนริวเพียง 5 นาทีเท่านั้น
“โอ๊ยพี่! ถ้าพี่ไปเห็นนะ พี่ต้องรีบกลับไปลากจิตมาดูแน่เลย เราปลูกได้ชัวร์ครับ ขนาดดินเขาไม่ดีเท่าเรา สตรอเบอร์รี่เขายังออกลูกดกเชียว...แต่ท่าทางดูแลยากเหมือนกันครับ” ริวบอกแล้วถอนหายใจพรู ลมหายใจเป็นไอฟุ้งเพราะอากาศที่เพชรบูรณ์เริ่มเย็นยะเยือก อีกไม่กี่วันคงเข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัว
“งั้นวันหลัง ชวนจิตกับคนที่บ้านมาเที่ยวที่นี่ดีกว่า เรือนพักแขกก็เสร็จแล้วนี่ วันนี้คนงานเขาลงบัวเสร็จหมดแล้ว” พสุบอกพร้อมกับส่งผ้าขนหนูให้ เพื่อให้ริวไปอาบน้ำก่อน อาหารเย็นนั้นไม่ต้องทำเพราะคนงานทำมาให้เพื่อขอบคุณที่พสุพาลูกไปหาหมอ แล้วยังช่วยจ่ายค่ายาให้ พสุรับไว้เพราะเห็นว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หากเขาไม่รับไว้อีกฝ่ายก็จะไม่สบายใจเสียเปล่าๆ
“อาบด้วยกันนะครับ”
“อย่ามาอ้อน...นี่ยังไม่มืดเลย”
“เดี๋ยวก็มืดแล้ว นะครับ...นะ นะ” ริวเชิญชวนด้วยดวงตาเป็นประกายระยับ เขาไม่รอให้พสุปฏิเสธรีบดันชายหนุ่มเข้าห้องน้ำไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว
..................................................
พสุฮัมเพลงเบาๆ ขณะที่ริวเบียดเข้ามาในผ้าห่มแล้วกอดเขาไว้แน่น ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธเพราะอ้อมกอดของริวช่วยปกป้องเขาจากอากาศเย็นยะเยือกบนระเบียงโล่งไร้หลังคา
ลมแรงหอบเอาไอเย็นฉ่ำจากน้ำลอดพื้นกระดานเป็นมันปลาบขึ้นมาจนอากาศยามค่ำยิ่งเย็นยะเยือก สระน้ำกว้างใหญ่รอบบ้านทำให้บ้านหลังนี้เย็นฉ่ำตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศ
ริวอยากปลูกบ้านในฝันและพสุก็สนับสนุน ด้วยกำลังเงินมหาศาล บ้านน้อยกลางบึงน้ำของริวจึงผุดขึ้นราวกับเนรมิต ด้วยฝีมือของบริษัทรับสร้างบ้านมือหนึ่ง แม้จะแพงจนพสุตกใจ แต่ความประณีตของฝีมือช่างและความใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้พสุต้องยิ้มรับเฝื่อนๆ ในวันที่บ้านน้อยเสร็จสมบูรณ์
แต่เมื่อได้อยู่ไปสักระยะ พสุก็พบว่าระบบประหยัดพลังงานของบ้านกลายเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากว่าที่เงินที่ลงทุนไปมาก บ้านพักแขก สำหรับเพื่อนฝูงที่จะมาเยี่ยมจึงเริ่มผุดขึ้นตามผังที่บริษัทเขียนแปลนไว้ให้
“หนาวมั้ยครับ” ริวถามแล้วซุกไซ้ซอกคอพสุเล่น จนพสุต้องพลิกตัวไปนอนอีกด้าน อาศัยหนุนหมอนใบเดียวกัน พอริวขยับจะตาม พสุก็กดไหล่เด็กหนุ่มให้นอนลงอย่างเดิม
“นอนแบบนี้แล้วนึกถึงอะไรมั้ยริว” พสุถามพลางลูบแก้มริวเล่น
ริวหันมาจ้องหน้าพสุนิ่ง จนชายหนุ่มต้องหันกลับมาสบตาด้วย แม้จะนอนกลับหัวกัน แต่ประกายหม่นในดวงตาก็สื่อกันได้ถึงหัวใจ
“คิดถึงตอนที่มาที่นี่กับแม่กับป้าใจครับ...คืนนั้นดาวก็สวยเหมือนคืนนี้”
“แต่ตอนนี้เหลือเราแค่สองคนแล้ว” พสุตอบเสียงแผ่วเบา เหงาและหนาวเยือกในอก เมื่อคิดว่าถ้าวันหนึ่งเหลือเพียงตัวคนเดียว เขาจะเป็นอย่างไร
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ริวบอกแล้วผุดลุกขึ้นดึงตัวพสุขึ้นมากอดไว้แน่น
“เพราะริวจะกอดพี่ไว้แน่นๆ จะไม่ปล่อยให้พี่เหงาเป็นอันขาด ริวเคยสัญญาไว้แล้วว่าริวจะไม่ทิ้งพี่ไว้คนเดียว ริวจะไม่ยอมตายก่อนพี่แน่”
พสุกอดริวแน่น ริวพูดราวกับนั่งอยู่กลางใจว่าตอนนี้เขากลัวอะไรอยู่ ริวกอดตอบแล้วเอนพิงหลังกับฝาบ้าน เหยียดเท้าออกไปจนสุดก็ยังไม่ถึงขอบระเบียงที่กว้างขวาง ขณะที่สายตาแหงนเงยขึ้นจับจ้องดวงดาวที่กะพริบพราวบนท้องฟ้า มากมายและสว่างไสวราวกับจะเอื้อมมือถึง พสุวางใบหน้าไว้ที่ซอกคออุ่น ขณะที่ฝ่ามือก็ยกขึ้นลูบแก้มระคายด้วยไรหนวดของริวเบาๆ
“เธอคือลมหายใจ เธอคือทุกอย่าง...
จะรักเธอ...ไม่มีวันจาง ไปจากใจ
ก็เพราะ...เธอคือ...ลม...หายใจ...
เธอคือทุกสิ่ง...ให้ทิ้งอะไรก็ยอมทุกอย่าง...
จากนี้...ใจฉันจะมีแต่เธอ”
พสุฮัมเพลงเบาๆ น้ำเสียงนุ่มทอดอ่อนเบา หายไปในอากาศ แต่ริวยังหยุดฟังนิ่งอยู่อีกครู่ใหญ่
“เพราะจังครับ” ริวกระซิบเสียงแผ่ว แล้วกระชับวงแขนให้โอบรัดพสุแน่นขึ้นอีกนิด
“แน่นอน มันเป็นเพลงพิเศษของเราสองคนนี่นา” พสุตอบยิ้มๆ เปลือกตาปิดพริ้ม ปล่อยกายใจให้เปิดรับสัมผัสอุ่นซ่านจากวงแขนที่โอบรอบตัว
“ชื่อเพลงอะไรครับ” ริวถามพลางไล้ปากบนผิวแก้มเนียนละเอียดของพสุ
“...ลมหายใจ” พสุตอบทั้งที่ยังหลับตาสนิท เพลินฟังเสียงหัวใจใต้แผ่นอกที่เขาพักพิงเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
“อ๋อ! ชื่อเพลงริวนี่เอง” ริวหยอดมุกสวนกลับมา เล่นเอาพสุถึงกับหลุดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ขำมุกฝืด แต่ขำคนช่างยกยอตัวเอง
“กล้าเล่นนะมุกนี้” พสุแซวขำๆ แล้วลืมตาขึ้นมองเมื่อริวจูบปลายจมูกเขาเบาๆ
“I want you to know that you’ll always in my heart till my breath is last. ริวยังจำคำนี้ได้ขึ้นใจ...เพราะงั้นเพลงนี้จะชื่อว่าเพลงริว ก็ไม่ผิดใช่มั้ยครับ” ริวถามแล้วจูบไล้บนใบหน้าพสุทีละส่วนด้วยความรู้สึกเต็มตื้น
พสุพิสูจน์คำสัญญาในวันนั้นด้วยความรักและเอาใจใส่ในทุกเรื่องของริว ไม่ว่าจะวันวาน หรือวันนี้พสุก็พิสูจน์ให้ริวเห็นแล้วว่า เขาสำคัญที่สุดเสมอ
“นั่นสินะ...ก็ริวเป็นลมหายใจของพี่นี่นา” พสุตอบยิ้มๆ ทั้งที่หัวใจพองฟูด้วยความยินดีที่ริวยังจำคำพูดของเขาได้ ทั้งที่ผ่านมาหลายปีแล้ว
“เราเป็นลมหายใจของกันและกันครับ” ริวกระซิบชิดปากพสุ แล้วเบียดปากลงบดเคล้า วงแขนโอบรัดกันและกันราวกับจะผนึกกายหลอมรวมเป็นหนึ่ง ดุจเดียวกับหัวใจ
.........................จบบริบูรณ์.........................
***************
จบแล้วละเน้อ คงคิดถึงพี่ไผ่น้องริวและทุกคนมากเลย :o12:
(โดยเฉพาะป้าคนแต่ง คิดถึงมาก ควรรีบแต่งตอนพิเศษอลันกะป๋ามาเฟียมาเรยยย :laugh:)
:bye2:
-
:z13: :z13: :z13: :z13: :z13: :z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
-
จบแล้ว ,,
รู้สึกใจหายนิดๆที่จะไม่ได้อ่านความเป็นไปของ สองคนนี้แล้ว
แต่เราก็คิดว่า พี่ไผ่ กับนองริว จะโลดแล่นอยู่ใจจินตนาการเราต่อไป
วันไหนนึกถึง ,, ก็คงจะยิ้มได้
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ สำหรับนิยายดีดีเรื่องนี้
รักตัวละครทุกตัวเลยค่ะ
ชอบมาก ^^
-
โฮวววววว จบแล้ววอ่าาาา ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆๆ อบอุ่นๆๆแบบนี้นะคะ ชอบมากก ซิกๆๆๆ
ว่าแต่ รอตอนพิเศษของอลัน คึคึ
-
+1 ให้ตอนจบค่ะ รักน้องริว-พี่ไผ่ :กอด1: ขอบคุณที่นำเรื่องดีดีมาให้อ่านกัน :L2:
-
จบลงแบบสวยงาม
ขอบคุณคะ
-
จะมีเรื่องของอลันต่อมั้ยอ่ะคะ :impress:
-
เฮ้ออ ในที่สุดก็จบแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าจะลงเอยยังไงก็ยังเอาใจช่วยจนถึงบทสุดท้ายอยู่ดี :กอด1:
ขอบคุณคนแต่ง คนโพสที่อยู่มาด้วยกันตลอด
หวังว่าคงมีเรื่องราวผลงานใหม่ ๆ มาให้อ่านต่อไปนะคะ จะติดตามแน่นอนคะ ^ ^ o13
+1
-
ขอบคุณมากนะครับ :bye2:
-
:mc4: :mc4:
-
ชอบมากครับคุณป้า ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆๆ จะมีตอนพิเศษป่าวครับนี่รอนะครับ
-
อิ่มใจจัง :กอด1:
-
ชอบเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะตัวเอกทั้งพี่ไผ่และริวน่ารักมากๆ ขอบคุณคนเขียนมากๆ
-
จบไปแบบหวานกันเบาเบาของพี่ไผ่กับน้องริว เค้าเป็นดั่งลมหายใจของกันและกัน อิจฉาตาร้อนตลอด คิคิคิ
ขอบคุณนะค่ะที่แต่งเรื่องดีๆ มาให้อ่านกัน
-
ในที่สุดเรื่องราวของไผ่กับริวก็มาถึงตอนแฮปปี้เอ็นดิ้ง
ซึ่งทำเอาดิฉันอ่านไปยิ้มไปด้วยความสุขไปกับตัวละคร
จึงขอส่ง :L2: มาพร้อมกับคำขอบคุณค่ะ
และอยากบอกว่า :L1:ผู้เขียนคนนี้จัง
-
ง่า จบไปอีกเรื่อง ดีใจที่จบ happy :กอด1: แต่ก็นะ หมดเรื่องอ่านไปเรื่องนึงเลย :o8:
ขอบคุณคนเขียนที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านค่ะ :L2:
-
ตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนนี้ต้องบอกว่าขอบคุณมากๆ ครับสำหรับเรื่องราวดีๆ
ถึงผมจะไม่ได้ติดตามมาอ่านตั้งแต่เม้นแรกแต่ก็ได้ติดตามมาตั้งแต่ช่วงกลางๆ เรื่อง
ร่วมรู้สึกไปกับตัวละคร สังเกตพัฒนาการของตัวละคร รักและผูกพันธ์กับตัวละคร
ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสเลยนะครับ
ปอลิง ถ้าจะแถมตอนพิเศษด้วยก็ดีนะ 55+ อยากรู้คู่ของอลัน ^^
-
จบอย่างอบอุ่นลงตัวทุกอย่าง ในที่สุดพี่ไผ่กับริวก้อเป็นลมหายใจของกันและกันตลอดไป
ประทับใจกับความพยายามของริวมากๆ พี่ไผ่ก้อดีแสนดี ขอให้รักกันยั่งยืนนะคะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ
-
อ่า ไม่อยากให้จบเลย :monkeysad: แบบนี้คงคิดถึงริวกับไผ่แย่เลย
ถ้าเป็นไปได้ขอตอนพิเศษด้วยนะคะ :impress:
ขอบคุณสำหรับตอนที่121 ค่ะ :pig4:
-
:3123: ขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับเรื่องน่ารักและความรู้สึกดีๆแบบนี้
รอติดตามผลงานชิ้นต่อไป
-
คงคิดถึง ไผ่ - ริว มากๆๆแน่เลย ตามอ่านมาตั้งนาน :เฮ้อ:
-
ขอบคุณคนแต่งเรื่องครับ ที่มีเรื่องดีๆมาให้ได้ติดตาม จบได้สวยมากเลยครับ
-
จบลงแล้ว แอบใจหายนะคะ
ขอบคุณจริงๆๆ ค่ะ :pig4:
-
อ่านเรื่องนี้แล้วซึ้งใจจัง
:กอด1: :กอด1:
+1
-
จบแล้ว
เศร้้าจังเลยจะไม่ได้อ่านริวกับพี่ไผ่แล้ว
ขอเรื่องใหม่อีกได้นะ
แล้วจะรออ่านตอนพิเศษ
-
+1 :pig4: :pig4: :pig4:
-
ก็รู้ว่าจบแบบมีความสุขแต่ทำไมอ่านตอนนี้แล้วร้องไห้แล้วขี้มูกไหลหยดติ๋งๆ อีกต่างหาก
กรรมจริงๆ หนออีป้าแก่ๆ เป็นเอามากเนอะ 555
-
แอบใจหายนะค่ะเนี่ย จบซะแล้ว พี่ไผ่กับน้องริว ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันแบบมีความสุข
ขอบคุณมากๆ นะค่ะ ที่เขียนเรื่องสนุกๆ แบบนี้ให้ได้อ่านกันจนจบ
แหมถ้ามีตอนพิเศษแถมให้ด้วยจะร้ากกกกคนแต่งมากๆๆๆ เลยค่ะ อิอิ
-
บรรยากาศอบอุ๊น อบอุ่น หวานเบาๆ อิอิ
ขอบคุณค่ะ
-
มีตอนพิเศษไหมอ่ะ
ชอบเรื่องนี้มากๆๆเลยจ้า
รออยู่น้า
-
ถูกใจนิยายเรื่องนี้มาก o13
แม้ว่าจะต้องเสียน้ำตาไปไม่น้อยให้กับน้องริวและพี่ไผ่
แต่เมื่อถึงคราวหวานก็หวานได้ใจ <3
ขอบคุณ Anonymus คนเขียนนิยายเรื่องนี้ครับ
และต้องขอบคุณคนโพสเหมือนกันครับ :L2:
-
http://www.youtube.com/watch?v=y8F-aVRaz04&feature=related (http://www.youtube.com/watch?v=y8F-aVRaz04&feature=related)
เปิดเพลงนี้ฟังตอนอ่านพอดี :กอด1: อบอุ่นมาก
-
อ่านตอนนี้ น้ำตาหยดติ๋งๆเลยอ่ะ :monkeysad:
ปลาบปลื้ม ประหนึ่งว่า พสุยกบ้านสวนให้เราเลยอ่ะ ก๊ากกกกกกกก
ขอบคุณนะคะ
-
จบแล้ว ดีใจสมหวังกันทุกคน
ทั้งชีวิต การงาน ความรัก
ลงตัวสุดๆ
ว้าว รอตอนพิเศษด้วยคน
อยากรู้ว่า อลันที่แสนเย็นชา จะมีด้านหวานๆ กะเขามั่งไหม
-
อิ่มอกอิ่มใจ อบอุ่นกับความรักของริวไผ่มากมาย
ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ ที่คนเขียนบรรจงสร้างสรรค์มาให้ได้อ่าน :L2:
จะรอติดตามผลงานต่อไปนะคะ รออลันอยู่นร๊า :o8:
-
ตามอ่านแบบผลุบๆโผล่ๆ เผลอแผล็บเดียวจบไปซะแล้ว
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ
มีความสุขที่ได้อ่าน ^-^
-
โอ้ยยยยย!! ขนลุกจนน้ำตาไหล
ซึ้งใจจนนอนไม่หลับแน่ๆคืนนี้ ฮ่า~
น่ารักที่สุดเลยค่ะ พี่ไผ่น้องริว
"เพราะเราคือลมหายใจของกันและกัน"
อยากจะมีลมหายใจกะเค้าบ้างจัง :o8:
ใจหายจริงๆค่ะพอรู้ว่าต้องจบแล้วจริงๆ
ไม่อยากให้จบ ไม่อยากจากทั้งสองคนไปไหน
แต่รับรองได้เลยว่าจะเข้ามาอ่านอีกรอบทั้งหมดแน่นอน
ติดใจน้องริว กร๊ากกกกกกกกก :z1:
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านกัน
ขอบคุณคนที่เอามาลงด้วยค่ะ น่ารักมากๆเลย
-
จบแบบซึ้งๆ หวานๆ :o8:
:pig4:
-
ชื่นใจจนถึงบรรทัดสุดท้ายจริงๆ :กอด1:
-
+1 แทนคำขอบคุณ จบได้สุขมากค่ะ o13
-
เนื้อเรื่องที่อ่านทั้งหมดสวยงามมาก
ประทับใจจริง ๆ
-
ช่วงๆหลังไม่ค่อยได้เข้ามาอ่าน
เนื่องจากทำใจรอไม่ค่อยได้
ในที่สุดก็จบแล้ว จริงๆไม่อยากให้จบเลย
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราติดใจมากเลยเรื่องนี้
และคงจะคิดน้องริว พี่ไผ่ และทุกๆคนแน่นอน
จะรออ่านตอนพิเศษของอลันอยากรู้มากๆ
:กอด1: :L2: :pig4:
-
จบเยี่ยมมากๆ รักคนแต่งสุดๆ
-
มันสวยงามมากในความรู้สึก
รอตอนพิเศษคู่อลันนะคะ
:pig4: ขอบคุณทั้งคนแต่ง คนลงนิยายคะ :กอด1:
-
สนุกมากค่ะ
อยากอ่านตอนพิเศษจังน้า
-
จบลงอย่างสวยงาม
รอตอนพิเศษนะค่ะ
-
อยากรุ้เรื่องตอนสลายวง ด้วยอะค่ะๆๆ ว่าจะเป็นยังไง
-
จบแล้วอ่า จบแล้วววววววววววววววววววววววววววววววว ใจหายไป3ตลบครึ่งเลยอ่า
ติดเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
รักไผ่กะริวม้ากมากกกกกกกกกกกกกกกกก
มีตอนพิเศษไหมอะค้าบบบบบบบบบบบ
อยากอ่านอีกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :z3: :กอด1: :m15:
-
จบแล้วจริงๆเหรอ..แต่ชอบมากๆ ที่จบได้แฮปปี้มีความสุข คงคิดถึงริวกะไผ่แน่ๆอ่ะ :monkeysad:
-
อ่านเรื่องนี้มีทุกอารมณ์เลยได้ทั้งความสุขจนยิ้มไม่หุบ ซึ้งจนนำตาไหล
ตอนจบก็สุขใจจริงๆ
-
ขอบคุณมากจ้า จบแบบมีความสุขมากๆ เลย +1
-
อ่านหนังสือไป 4 รอบแล้วค่ะ ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ :pig4:
-
จบแล้วความรักน้องริวกับพี่ไผ่ :L1:
ขอคุณ คุณAnonymus คนเขียน และ คุณ spring คนโพสต์ :pig4:
-
ตามอ่านเรื่องนี้อาทิตย์นึงเต็มๆๆติดงอมแงม..ประทับใจมากๆๆขอบคุณคนแต่งมากนะคะที่ทำให้ได้อ่าน
เรื่องน่ารักๆๆแบบนี้ :pig4:ริวน่ารักสุดๆๆหลงรักริวกะไผ่เต็มหัวใจเลย :o8:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด จบแบบไม่ตั้งตัวT^T
กลับไปวนอ่านใหม่อีกรอบดีกว่า อร๊ายยยยยยยยยยย
โรแมนติกที่สุด!!!
ปล.อยากป้นจิตแฮะ ได้ที่ดินด้วยง่ะ
-
ยินดีกับพ่อหนูริวของเราด้วย สำเร็จแล้วเนอะ
-
ซึ้ง :n1:
รอตอนพิเศษ 555 :กอด1:
-
อลันกะป๋ามาเฟีย เอาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :laugh:
-
จบได้อบอุ่นมั่กมากอ่านเรื่องนี้ละอารมณ์ดี ขอบคุณมากเลยค่ะ
-
ป้าคนแต่งฝากมาบอกว่า....
เสียใจด้วย!!!! เรื่องนี้ไม่มีตอนพิเศษของอลัน-ป๋ามาเฟีย!!!!!!!
แต่.....จะเป็นเรื่องยาวใหม่อีกเรื่องนึงเลยยยยยย
กร๊าซซซซซซซซซซซซซ
:mc4:
ตอนนี้เอาทีเซอร์ไปก่อนนน
“พรหมลิขิตงั้นเหรอ…ไม่ล่ะ ฉันว่านั่นเป็นคำพูดที่ไร้สาระที่สุด
ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนช่วยให้เธอได้อะไรมาง่ายๆ หรอก
ถ้าเธอไม่คิดจะดิ้นรนไขว่คว้าและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมาแล้วละก็
สิ่งที่เธอต้องการ มันก็ยังเป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้น
เพราะโลกนี้ ไม่มีคำว่าของฟรี ทุกอย่างมันมีมูลค่าที่เธอต้องแลกมาทั้งนั้น
...แม้แต่ความรักและหัวใจของใครสักคน...”
“ผมไม่เคยประเมินค่าความรักของคุณนะอลัน
เพราะสำหรับผม ความรักไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่วัตถุที่จะประเมินขนาดของมันได้
ผมรู้แค่ว่าความรู้สึกที่เรียกว่ารักของผม มันคือคุณ”
“ผมอาจจะโลกแคบ คิดอะไรตื้นๆ มองโลกในแง่ดีจนกลายเป็นคนโง่อย่างที่คุณว่า...
แต่ผมมีความสุขนะ สุขในสิ่งที่ผมเป็น”
-
ซึ้งมาก ๆ ค่ะ น้ำตาคลอกันเลยเชียว ขอบคุณมาก ๆ นะคะ
ยัดเยียด ให้ 1 แต้มค่ะ รับไว้ด้วยนะคะ อิอิ
คิดว่าคงจะรัก แล้วก็คิดถึงน้องนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยส์ ป๋าอลันหลอกเด็กเรอะ! แล้วพ่อมาเฟียไปไหนล่ะเนี่ยยยยยยยยยย
-
มาสปอยกันแบบนี้ อยากอ่านนนนนนน
-
เย้ๆๆ
เรื่องใหม่เลยสินะ ,,
รอติดตามค่ะ
^^
-
ู^
^
^
กด+ให้กับเรื่องยาวเรื่องใหม่ของอลันกับป๋ามาเฟีย :oni2:
-
เอร๊ยยย เรื่องยาววววววว ><
-
กรี๊ดดด คู่รุ่นใหญ่ รอค่ะรอ o13
-
คิดถึงพี่ไผ่กับน้องริวจัง
อยากอ่านของอลันแล้วๆๆๆๆ
-
รอเรื่องใหม่ค่าาาาา
-
น่าอิจฉาอ่ะ คู่นี้น่ารักดี อบอุ่นดี อยากมีมั่ง5555
:L2:
-
นี่ขนาดตอนสุดท้ายนะเนี่ย
ก้อขอหยอด NC มานิดนุง
แต่ว่าจบแร้วหรอ~~~~~~!!
ยังอยากอ่านอยู่เรย
เพราะฉะนั้น จะรอตอนพิเศษนะจ๊ะ ^__^
-
Happy Ending :)
-
จบซะแล้ว :เฮ้อ: อ่านไปก็รู้สึกดีๆ กับเรื่องนี้มากขึ้นๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อยากให้มีตอนพิเศษมาให้อ่านอีกนะครับ ยังไม่อยากให้จบเลย :m15:
ยังไงเขียนเรื่องใหม่มาให้อ่านอีกนะครับ จะติดตามอ่านแน่นอน o13
:pig4:
-
:m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
-
เข้ามากรี๊ดดดดดด รอเรื่องใหม่จ๋า
-
ว้ายยย.......อลันจะมาเป็นเต็มสูบ :z2: จะรอนะคะ ต้องใช้คำว่าตั้งใจรอคะ :กอด1:
-
อิ่มใจครับ
แต่ก็ใจหายนะ เหมือนกับว่าเพื่อสนิทกำลังจากไป ยังไงกรุณามาเพิ่มเติมบ้างนะครับ
ขอบคุณครับ
-
เข้ามารอเรื่องของอลั๊นนนนนนน
อลั๊นนนนในดวงใจ :laugh:
-
เข้ามาอ่านรวดเดียวจบ
ชอบเรื่องนี้มากจริงๆ
ถ้าในโลกความจริงได้เจอคนรักที่ดีขนาดนี้ซักคน
เราคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
ปล.ดีใจที่มีเรื่องของป๋ามาเฟียกะอลัน แอบจิ้นคู่นี้อยู่พอดี
-
สนุกมากๆเลยครับ ตามหาเรื่องนี้นานเหมือนกันว่าหายไปไหน
ที่แท้โดนย้ายมาบ้านหลังนนี้ ประทับใจความรักของริวและไผ่อย่างมาก
ดีแล้วที่ไผ่ตัดสินใจแบบนี้ ขอให้ความรักของริวและไผ่ยั่งยืนและยาวนาน
เหมือนกับสองคนที่ฟันฝ่าอุปรสสรคมาด้วยกัน รักนนี้นิจนิรันดร์
จากใจ"โดดเดี่ยวแต่ไม่เดียวดาย" :L1:
-
พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยคะ มันรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มและรุ้สึกเหมือนกำลังขาดลมหายใจ. รักเรื่องนี้มากๆ ค่อยรุ้จักและรักริวและพี่ไผ่ ได้ค่อยดูต้นรักที่ทั้งสองคนร่วมกันปลูกขึ้นมา. ถึงตอนนี้รู้สึกเหมือนปล่อยให้ลูกๆที่รัก ต้องออกไปมีชีวิตของตัวเองเลย. สุดท้ายนี้ก็รักคนแต่งที่สุดคะ นิยายเรื่องนี้จะเป็นลมหายใจให้เราตลอดไป. :กอด1: ปล.ขอกริ๊ดให้กับอลันและคุณมาเฟียยยยย จะตั้งตารอนะคะ :impress2:
-
ง่า รู้สึกว่าคุณเมะของอลันจะไม่ใช่ป๋ามาเฟียนะคะ จะเป็น "เด็กหนุ่ม" อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหนูริว (มั้ง)
เป็นหนุ่มน้อยใสซื่อมองโลกในแง่ดี จากครอบครัวธรรมดา (ถ้าป้าเค้าไม่เปลี่ยนพล็อตนะ ฮ่า ๆ)
-
มาส่งท้ายตอนจบด้วยคนค่ะ น่ารักมากๆเรื่องนี้
ได้อ่านตอนพิเศษในหนังสือแล้วก็น่ารักมากๆอีกเหมือนกัน
ยังไงรออ่านเรื่องใหม่นะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆสนุกๆนะคะ
-
อื้อหึๆ สปอยมันจี้เล้ย :"P
-
ดีใจเสียจริตกับเรื่องใหม่
โอะๆๆ อลันจะถูกหญ้าอ่อนกิน โอ้เย้!!!!!!!!!! :m25:
รอเรื่องใหม่อย่างใจดจ่อ :impress2:
-
ริวกับพสุน่ารักมากๆเลย แล้วก็เธอคือลมหายใจของกันและกันตลอดไป
-
สนุกมากมาย อ่านไป 3 วัน อิอิ
รอเรื่องใหม่อยู่น้าาา
-
รออ่านเรื่องของอลันค่ะ
-
เพิ่งเห็นนะคะนี่ว่าอลันจะมาเป็นเรื่องใหม่ โอ้อลันผู้ที่เก่งที่สุดในสามโลก ว่าแต่พอตัวเองมีความรักจะเป็นยังไงนี่ :3123:
-
อบอุ่น แต่เหงานะคะ เรื่องนี้
พอจบแล้วเบนเหงา งะ
-
ขอบคุณสำหรับนิยายที่เขียนได้อ่านแล้วอบอุ่นมากคะขอบอก สำนวนน่าอ่านมากคะ
-
สนุกมากๆค่ะ นิยายเรื่องนี้อ่านเเล้วรู้สึกอิ่มมากๆเลย ขอบคุณที่มีผลงานดีๆอย่างนี้ออกมาให้ได้อ่านนะคะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด (อ่อย เจ็บคอ)
-
:-[ อลั๊ล ลัล ลั๊ล ลา ~
-
อ่านจบภายในสองวัน ตาแฉะกันเลยทีเดียว
ปลื้มพี่ไผ่มากมาย ตอนแรกที่อ่านนึกว่าพี่ไผ่เป็นเมะซะอีก ที่ไหนได้พออ่านไปๆ เริ่มฉายแววเคะแล้วพี่ท่านก็เคะจริงๆ เหอๆ ซื้อหวยไม่ถูกงี้เนี่ย
อ่านไปๆ เริ่มอยากได้หนูริวเด็กน้อยตาใสคืน ยิ่งท้ายๆ เรื่องชักรู้สึกเด็กน้อยจะหื่นเกินไป (หรือต้องบอกว่าคนแต่งหื่น/วิ่งหลบรองเท้า)
คนแต่ง แต่งได้รีดอารมณ์มากเลยโดยเฉพาะตอนเศร้าๆ หรือดราม่าจัดๆ เสียน้ำตาไปหลายอยู่ ถ้าตาบวมจะไปเก็บค่าน้ำแข็ง+ผ้าเย็นที่คนแต่ง (ใช่เรื่อง???)
ว่าแต่เรื่องคุณพี่อลันมารึยังอ่ะคะ อยากอ่าน สงสัยจะเป็นรักแบบโหดๆ หรือเค็มๆ หว่า
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ สนุกๆ นะคะ รอติดตามผลงานต่อไปค่ะ (เสียดายมาอ่านไม่ทันหนังสือ อยากได้ T^T)
-
:pig4: เ้พิ่งจะมีโอกาสว่างพอที่จะโพสท์
ดีใจมากมายที่ท่านผู้เขียนเซอร์ไพรส์ จากตอนพิเศษเป็นเรื่องยาว (ดีใจหลายๆ)
แล้วจะรออ่านนะเจ้าคะ :L1:
-
ประทับใจจัง อ่านอีกรอบก้อซึ้งงงงงงงงงงง
-
ตอนแรกที่เริ่มอ่าน คิดอยู่ในใจว่า แล้วพี่ไผ่จะรักน้องริวตอนไหน
ชอบการเดินเรื่อง ชอบตัวละครทุกตัว ชอบมากๆค่ะ
ถ้าชีวิตจริงเจอผู้ชายแบบริวคงดีไม่น้อย
ขอบคุณค่ะ
-
อ่านตอนนี้แล้วซึ้งมากเลยอ่ะ
ความรักของพี่ไผ่กับน้องริวช่างอบอุ่นจริง ๆ
รออ่านคู่ของอลันนะคะ
-
อ่านจบแล้วค่ะ
ประทับใจมากๆ เลย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ
จะรอเรื่องต่อไปค่ะ
-
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้อะ
ตามอ่านอยุ่สองวัน ตาแฉะเลยย
ชอบริวกับไผ่อะน่ารักกกก
ความรักที่ริวมีมันเยอะมากจิงๆๆ
ชอบในความทุ่มเท ตั้งใจของริวมากๆๆ
ชอบวงคิสมี ชอบความรักของทุกคน
ชอบทุกคนที่เข้าใจกัน
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆๆมาให้อ่านนะค่ะ :กอด1: :กอด1:
-
+1ค่ะ
ถึงจะจบแล้วแต่นู้พึ่งมานอนตามอ่านได้2คืนแล้ว :t3:
แต่ยังอ่านไม่จบนะค่ะ :z2: :really2:
ชอบมากกกค่ะ คือเป็นคนชอบอ่านแบบหวานๆอ้อนๆแบบน้องริวล่ะ
ถ้าเป็นได้อยากให้น้องเป็นรับจัง หุหุ แต่เริ่มสังเกตุว่าริวตัวโตกว่าแล้วอ่ะ :z1:
แต่ไม่เป็นไรยังงัยก้อชอบบ น้องน่ารักดีพี่ไผ่ก้อเป็นคนอยอบอุ่นเข้าใจน้องคอยดูแล
คุณแม่ก้อน่ารักที่เอ็นดูริวมากมาย ดีใจที่มีคนรักน้องมากมาย คอยช่วยดูแล :impress3:
น้องน่าสงสารอ่ะ ตอนเด็กๆคงเหงาขาดความรักจากแม่ :sad11:
เดี๋ยวไปอ่านต่อก่อนนะค่ะ ขำริวนู้ไม่ได้ฉี่รดที่นอนหรอกนะค่ะริว หุหุ :z1:
ไวท์พาน้องใจแตกแล้วแก :beat:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค่ะ o13
รักน้องกับพี่ไผ่มากเลยอบอุ่นมาก :กอด1: :L2:
-
จบได้อบอุ่นมาก ๆ ค่ะ
คิดถึงตัวละครทุกตัว
และยังรอคอยเรื่องของอลันอยู่นะคะ ^_^
-
เธอคือ...ลมหายใจ รักเรื่องนี้จังเลย
พอเอาไปเล่าให้เพื่อนๆฟัง ก็มีแต่คนอยากอ่าน
เลยเอาหนังสือไปให้ยืม บอกมันว่า รักษายิ่งชีพ เพราะตูหวง!!! ฮี่ฮี่ฮี่
เห็นเพื่อนมันนั่งอ่านที่โรงเรียนทั้งวัน
มันบอก สุดยอดดดดดด
ก็เลยอยากบอกคุณป้าคนแต่งว่า .......
หนูริวกับพี่ไผ่ สามารถทำให้ผู้หญิงธรรมดา กลายเป็นสาววายไปแล้วค่ะ!!!(เพื่อนหนูเอง) :laugh:
ป.ล. กรี๊ดดดดดดดด อลันจ๋า~ อ่านสปอยแล้วอยากบอกว่า " อย่าเย็นชามากสิจ๊ะ "
อยากอ่านๆๆๆ รอเรื่องดีๆอีกเรื่องนะคะ
-
อยู่ในบอร์ดมาก็นานแต่เพิ่งจะได้อ่านเรื่องนี้กับคนอื่นเค้า
เนื้อเรื่องราวถึงภาษาอ่านแล้วดูอ่อนหวานและเศร้าไปได้ทั้งเรื่อง
ตัวละครก็ดูจะมีมิติมีเรื่องราวสัมพันธ์กันดีมากๆ
เป็นเรื่องที่น่าอ่านและน่าจดจำ
ให้คะแนนผู้แต่งเต็มร้อยเลยคะ
ขอบคุณสำหรับความยากลำบากที่พยายามแต่เรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน
ขอบคุณมากๆคะ
จะรอผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
-
4คืน :mc4: อ่านจบแล้ว :sad4:
น่ารักมากกกเป็นอะไรที่อบอุ่นมากๆ หลงพี่ไผ่กับน้องริวมากเลยเสียด้ายที่จบแล้ว :impress3:
พี่ไผ่น่ารักถึงจะชอบคิดมากไปนิดแต่ก้อเพราะรักและห่วงหวังดีกับริว
ริวเป็นคนมุ่งมั่นมากๆเพราะรักถึงอดทนได้ดีมากๆด้วย ถึงหึงห่วงไปบ้างแต่ก้อมีเหตุผล
เป็นคนมีความอ่อนโยนและสุภาพคนรอบกายก็รักและหวัง
ช่วยกันดูแลกันได้อบอุ่นมากมาย ชอบคุณแม่พี่ไผ่มากน่ารักเอ็นดูริว ให้ความรักน้องที่ขาดไป
ชอบมากตอนน้องขอกอดคุณแม่ ตอนที่แม่พี่ไผ่เสียเล่นเอาเราร้องไห้ไปด้วยเลย
ตอนจบก็น่ารัก บทสรุปของทุกคนที่ไม่ได้ทิ้งกันไปไหน
ทุกคนมีหนทางของชีวิตที่เดินไปร่วมกัน ประทับใจมากๆค่ะ :กอด1:
อ่านไปร้องไห้ไปบางทียิ้มมีความสุข บางมีก้อเจ็บจุกไปด้วย เลือดหมดตัวไปบ้าง ทุกอย่างลงตัวสุดๆ
เสียด้ายที่โพนีอยู่ต่างประเทศ เลยพึ่งได้เข้ามาอ่านไม่งั้นคงสั่งซื้อด้วยคน
ยังไงต้องขอขอบคุณมากๆนะค่ะ ที่เขียนเรื่องดีมาให้ได้อ่านกัน
หวังว่าจะได้มีโอกาสอ่านเรื่องดีๆน่ารักแบบนี้อีกนะค่ะ :L2: :bye2:
-
อร้ายๆๆๆ มีภาคต่อด้วย เชียร์ๆๆครับ
-
มารออ่านภาคต่อค่ะ ป้า
แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ก็อ่านได้ตลอด ทั้งยิ้ม ร้องไห้ มีหมดเลย ขอบคุณนะคะ
ปล.ได้หนังสือแล้วค้า
-
อยากอ่านภาคต่อไปอ่า จบแล้ว ตอนจบซึ้งโครต
-
ไม่ค่อยมีเวลา ในที่สุดก็อ่านจนจบ ใช้เวลาเป็นเดือนเลย
อยากบอกว่าหลงรักตัวละครมากมาย รักริวกับพี่ไผ่มากๆนะคับ
จบแบบชุ่มชื่นหัวใจจริงๆ
ปล.ยังไงก็จะติดตามเรื่องใหม่ของของอลันนะคับ
เป็นกำลังใจให้นักเขียนคับ
o13 o13 o13
-
รักทุกตัวละคร แต่รักคนแต่งมากกว่า
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ ^ ^
-
5555
มาแล้วจะรีบมาอ่าน o13
-
ความรักของริวกับพี่ไผ่สุขสมหวังจนน่าิอิจฉานะเนี่ย
จะรออ่านเืรื่องใหม่นะค่ะ
-
เข้ามาคิดถึง พี่ไผ่ กับน้องริว
กอดดดด
><
-
รอเมื่อไหร่จะได้อ่านภาคอลันอย่างใจจดใจจ่อและกำลังใกล้ลงแดงตายขึ้นทุกทีๆ - -
-
:กอด1:ชอบเรื่ออนี้มากๆ มีทุกอารมณ์ สุข เศร้า จะเศร้าก็เศร้าจนก๊อดเเตก จะสุขก็ยิ้มซะเเก้มปริบ :-[
ริวน่าเอ็ดดูมาก มีพัฒนาการตลอด เพื่อ กดพี่ไผ่ :laugh:
พี่ไผ่น่ารักที่สุด :-[ เปิดใจรับริวได้ในที่สุด
ตอยจบซึ้งมากๆ
+1 +1 ค่ะ :L2:
:pig4:นิยายดีๆที่สนุกๆค่ะ
-
ย่องๆเข้ามา...กอดรวบทุกคนค้าบบบบบบบบบ
จะมาแจ้งข่าวเรื่องที่รอๆอลันกันอยู่น้านนนนน
แฮ่...ขออำภัยในความล่าช้า ครือแว๊... ป้าเป็นคนที่แต่งไปลงไปไม่ได้จริงๆก๊าบบบบบบ
เพราะทำอย่างนั้นทีไร เนื้อเรื่องคอยจะวิ่งออกทะเล ข้ามภูเขา แล้วมุดลงใต้ดินซะเรื่อย สุดท้ายก็มุดลงไปอยู่ในไหดอง เหมือนหลายๆเรื่องที่ดองเปรี้ยวดองเค็มอยู่ในตอนนี้
การจะลงนิยายแต่ละที เลยจำเป็นต้องเขียนให้ได้สักครึ่งเรื่องก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองจะไม่เปลี่ยนใจ กลับลำแก้ใหม่ ซึ่งเคยทำสถิติลบนิยายรวดเดียวเกือบ 200หน้าเอสี่มาแล้ว เพราะเปลี่ยนใจ รวมถึงเขียนเกือบจบแล้ว แล้วก็เปลี่ยนใจอีก ลบทิ้ง เขียนใหม่ ก็เคยทำมาแล้วเช่นกัน ช่างเป็นคนที่หาความแน่นอนไม่ได้จริงจริ๊ง
จึงต้องขออนุญาตเลื่อนเวลาออกไปอีกสักระยะนะคะ เพื่อความสม่ำเสมอในการลง รวมทั้งปัญหาเรื่องการเปลี่ยนใจเปลี่ยนพล๊อตกะทันหันกลางอากาศ และปัญหาเรื่องพิมพ์ตกพิมพ์หล่น คำผิดต่างๆที่พลาดเป็นประจำ ขนาดมีคนคอยตามเช็คตามแก้ให้หลายรอบ ยังไม่วายมีคำผิดรอดหูรอดตามาตอนลง
และอีกเรื่องที่อยากจะแจ้งคือ ไม่อยากให้คนอ่านเสียความรู้สึกกับเรื่องใหม่ หากอารมณ์มันจะแตกต่างจากเรื่องแรกมากมาย เพราะด้วยความเป็นตัวตนของตัวละครแต่ละตัว จะทำให้วิธีการดำเนินเรื่องแตกต่างกันออกไป เรื่องของอลันจึงอาจจะไม่หวาน ไม่อ่อนโยนเหมือนพี่ไผ่กับน้องริวนะคะ
ถ้าเรื่องริวไผ่เป็นอาหารก็คงเป็นอาหารไทยโบราณ ต้องมานั่งแกะสลักกว่าจะได้กิน แทบหายหิว ส่วนของอลันอาจจะเหมือนฟาสฟู๊ด จานด่วน เพราะตั้งใจว่าเรื่องนี้จะคุมความยาวไม่ให้เกิน200 หน้าเอสี่ แต่ไม่รู้ว่าเอาเข้าจริงจะแก้พล็อตจนกลายร่างเป็นมหากาพย์อีกหรือเปล่า อันนี้ก็สุดจะคาดเดาค่ะ...
ด้วยรักจากหัวใจ
Anonymus
-
อ่านแล้วมีความสุขมากเลยครับ นึกหน้าของริวตอนที่ไผ่จะกลับมารุกแล้วรู้สึกเลยว่าถ้าผมเป็นไผ่เอง ผมก็ไม่กล้าทำต่ออะ รู้สึกถึงความรักเลยละครับ
-
รอเรื่องอลันด้วยใจรักค่ะ
-
:-[ ถึงจะตาแฉะแต่ก็สุขใจ <3
ไผ่กะริวน่ารักมากๆเลย อ่านแล้วรู้สึกความรักลอยวนอยู่รอบตัว
แต่เสียดายที่จบแล้ว รู้สึกเหมือนโดนตัดจบ ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย
จะรอตอนพิเศษ และคอยติดตามคู่ป๊ะป๋าVsอลันนะ
(ไม่รู้ว่าเป็นกดดันกันรึเปล่า แต่จะเป็นกำลังใจให้ ขอให้ไฟในการแต่งลุกโหม :fire: ~)
สุดท้ายก็ขอขอบคุณ Anonymus ที่คอยแต่งมาให้อ่าน
ขอบคุณ spring ที่คอยมาอัพให้เรื่อยๆ
และอยากบอกว่าคำผิดน้อยมาก o13
ให้ +1 :กอด1:
-
ใจหนอใจ อยากรู้เรื่องอลันก็อยากรู้ และแอบหวังว่า จะมีพี่ไผ่กะน้องริวในเรื่องพอเป็นกระสัยด้วยนะคะ
-
อ่านจบรอบแรกไปละ เสียดายมีลงเอ่ยแบบไผ่กับริวแค่คู่เดียว ลุ้นคู่ตะวันกับไวย หรือดลกับไวย ไม่ขึ้นเลยแฮะ
-
ตั้งหน้าตั้งตาอ่านเลยนะเนี่ย
เรื่องนี้ชอบอ่ะมีอะไรๆที่คลาดไม่ถึงเยอะมากเลย
เช่น ริวเป็นเด็กอัฉริยะ มีเงินเป็นร้อยล้านตั้งแต่ 8ขวบ
พ่อเป็นมาเฟีย แม่ริวเรียนไม่จบ ไผ่ออกจากวงการ ประมาณนั้น
คนแต่ง เก่งมากๆ อ่านเรื่อยๆแล้วไม่เร่งรัดในการจบ
ชอบคนเเต่งแบบนี้ง่ะ รอผลงานใหม่อยู่นะคับ
-
รับทราบ จะรอเรื่องอลันนะครับ
-
อ่านจบด้วยความอิ่มเอมใจ ขอบคุณไร้เต้อร์มากๆค่ะ
ปล เมลส์ไปจองหนังสือแล้วค่ะ
-
ได้เจาะไข่ด้วย
-
ขอโทษจริงๆนะค่ะ o1 ลืมเม้นอ่า
ยังไงก็จะรอเรื่องของอลันนะค่ะ
ตอนแรกที่อ่านประกาศยังเศร้าๆอยู่เลย
พอเลือนมาซักพัก กรี๊ดดดดดดดดดดดด
จะรอนะค่า><
-
อ่านเรื่องนี้ไปสองรอบละ ว่าจะอ่านรอบสามละ สนุกมากๆครับ
-
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีดี
อ่านจบแล้ว ประทับใจมากค่ะ'
อ่านสองวันเลย, เรื่องนี้สนุกมาก มีครบรสอะ
หวาน หื่น ซึ้ง เศร้า ร้องไห้ไปกับน้องริวเยอะมาก! ชอบนายเอกแบบริว
แิอบรักพี่ไพ่มาตั้งเกือบๆ 5 ปี ทุ่มเทเรียนภาษาไทย เพื่อที่จะมาเจอพี่ไผ่
ริวนิสัยน่ารัก ขี้อ้อน ใสซื่อ บริสุทธิ์(รึป่าว?) แต่ก็แอบเจ้าเล่ห์เป็นบางทีนะ
o13
-
อ่าน อยู่ หลายวัน เลย ค่ะ กว่าจะ ตาม อ่านจนจบ
ไม่ทราบว่า ยัง เปิด ให้ จอง อีก ป่วค่ะ อยากได้ อ่ะ ค่ะ
-
เปิดให้จองรอบสองตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 19 กันยายนค่ะ รายละเอียดอยู่หน้า1 นะคะ
-
อ่านจบแล้วว เย้ๆๆๆๆๆๆ อยากบอกว่าเพราะนิยายเรื่องนี้ ทำให้ผมไม่ได้ทำงานเลย นิยายตัวเองก็ไม่ได้แต่ง = =
ติดมากๆๆ คงคิดถึงพสุกับริวไปอีกนานเลย
ขอบคุณมากๆครับที่แบ่งปันนิยายดีๆแบบนี้ได้อ่านกัน อ่านแล้วลื่นมากเลย ไม่มีคำผิดมากวนใจด้วย บ่งบอกได้ดีว่าคนเขียนใส่ใจขนาดไหน เห็นทีผมก็คงต้องพัฒนาฝีมือตัวเองมั่งแล้ว
ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ^^
-
จบแล้ว ตามอ่านจนจบภายใน 1 อาทิตย์ ((สั่งหนังสือรอบสองไปแล้วด้วย ฮี่ๆๆๆ))
สนุกมากคะ ตอนแรกไม่กล้าอ่านเพราะเห็นตั้ง 200 กว่าหน้า ที่สำคัญ นึกภาพพี่ไผ่เป็นเคะไม่ออกจริงๆ ในตอนแรก :)
แต่สุดท้ายคู่นี้เป็นอะไรที่ลงตัวมากกกกก ขอบคุณผู้แต่งแล้วก็ผู้โพสท์ด้วยนะคะ...
-
นั่งอ่านตั้งแต่ต้นยันจบเรื่อง
ต้องบอกว่าขอบคุณมากๆ ที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน
ประทับใจความรู้สึก ความคิดของตัวละคร
น่ารักมากมายเรื่องนี้ ทั้งซึ้ง ทั้งขำ บางครั้งก็เศร้า :กอด1:
สุดท้ายก็ต้องบอกว่าขอบคุณอีกครั้งที่ทำให้ริว พสุ และเพื่อนมีตัวตน
ในนิยายเรื่องนี้ คนอ่านหลงรักพวกเขาไปเต็มเลย :L1:
-
ซื้อพี่ไผ่กับน้องริวมาเปิดอ่านๆจนพรุนไปหมดแล้วค่า
เป็นหนังสือที่หยิบขึ้นมาอ่านบ่อยที่สุดในช่วงสองสามเดือนนี้เลยอ่ะ
(หนังสือเรียนไม่แตะ ก๊ากกก)
ชอบความรักของทั้งคู่มากค่ะ รู้สึกว่าไม่ก้าวกระโดด
ตัวละครมีพัฒนาการดี แถมยังมีความสมจริงในด้านเนื้อหา ตัวละครหลายอย่าง
ข้อมูลการทำงานในวงการของคิสมีก็ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นศิลปินจริงๆอ่ะ
ขอชมเรื่องนี้เลยค่ะ ^^d!
จุดโมเอ้(ส่วนตัว)จุดนึงของเราคือการที่น้องริวรุกพี่ไผ่นี่แหละค่ะ *กรี๊ดดดดด*
มันถูกใจ๊ถูกใจจริงๆ ประกอบกับนิสัยของคนทั้งคู่ ที่ลงล็อคพอดี โอย ถูกใจๆ
ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆมาสร้างความสนุก/บันเทิงให้กันนะคะ
รอนิยายเรื่องต่อไปนะคะ :-D
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
-
สนุกมากกกกกกกกค่ะ
อ่านแล้วติดใจ
เลยรออ่านนิยายเรื่องต่อไปของ อลั๊ล อลัน
-
รออลันนนนนนนนนน :-[
-
ตอนแรกๆอ่านไปๆเนี่ยชอบบุคลิกของพสุมากกกกกกก พอมีริวเข้ามาก็แบบ เฮ้ย เด็กคนนี้น่าสนใจ
แต่แบบพออ่านๆไปเรื่อยๆ อ่าว ริวนี่เจ้าเล่ห์แบบแอบเป็นเด็กนรกนิดๆ ฮ่าๆ จริงๆก็ไม่นิดมากเลยทีเดียว
แต่เข้าใจความเป็นไปเป็นมาของริวนะเลยแบบ อ่อ เพราะโดนเลี้ยงมาแบบนี้ถึงได้เอาแต่ใจมากกกกกกกก
สรุปเราชอบนะ เพิ่งได้มาอ่านได้ประมาณ สามสี่วันจบ เพราะอ่านๆหยุดๆ แต่อ่านตลอด ชอบมากยิ่งเรื่องเกี่ยวกับเพลงด้วย
ขอชื่นชมค่ะ เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้ดูเร่งให้จบแต่แบบอ่านเรื่อยๆแล้วอิ่มน่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ
-
:pig4:(http://) อ่านจบแล้ว
สนุกมากค่ะ ตอนเศร้าก็น้ำตาไหล เหมือนคนบ้า
จะตามไปจองหนังสือนะคะ
-
ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีคนแต่งก่อนนะคะ
ไม่รู้ว่าจะยังจำกันได้รึเปล่า ? 555
ต้องขอโทษที่หายไปดื้อๆในช่วงหลังๆ
ตอนนั้นไม่ค่อยมีเวลาอ่าน
พอมาเห็นอีกทีก็เลยตอนที่อ่านอยู่ไปไกลแล้ว
เลยคิดว่า อืม.. งั้นรอจบทีเดียวแล้วค่อยอ่าน
แล้ววันนี้ก็มีโอกาสได้เข้ามาอ่านจนจบค่ะ!
อ่านแล้วอิน อ่านแล้วติดงอมแงม
นี่ก็จะสอบอยู่แล้ว แต่ติดเรื่องนี้จนไม่ได้แตะหนังสือเลย ฮ่าๆ
อ่านไปเรื่อยๆ หืมม น้องริวเจ้าเล่ห์มั่กมากกก
(ฮา) พี่ไผ่เหมือนจะตามริวไม่ค่อยทันเท่าไหร่นะ
.
ความรักระหว่างพี่ไผ่กับน้องริวมันอบอุ่นมากเลย
รู้สึกเลยว่ามันไม่ได้มีแต่ความรักที่ฉาบฉวย
แต่มันมีเส้นใยความผูกพันที่เชื่อมกันอย่างแน่นหนา
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคนแต่งที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่านนะคะ
รอติดตามเรื่องต่อไปหวังว่าคงมีมาให้อ่าน
ขอบคุณมากๆคะ
+1 ให้จ้า จุ๊บบบบบบบบ :จุ๊บๆ:
-
มาดันๆๆๆ ค๊า อยากโหวตเรื่องนี้เข้า เซ็งเป็ดอะวอร์ด 2011 มากเลยค๊า
ลงตอนแรกก่อนกติกากำหนดไปนิดเดียว ได้เสนอรายชื่อให้กรรมการพิจารณาแล้วค๊า สู้ๆ
-
คิดถึงริว-ไผ่ ซื้อหนังสือก็แล้ว ยังตามมาอ่านซ้ำในเล้าอยู่ ส่วนนึงอาจเ็ป็นเพราะชอบอ่านเม้นท์ด้วย
เหมือนกับการจับกลุ่มเม้าท์เรื่องคนที่เราชอบ มันหนุกดีจริงๆ
เป็นหนังสือแบบนี้ คงไม่มีโอกาสมีตอนพิเศษเพิ่มแล้วเนอะ
งั้นรออลันก็ได้
-
ไล่อ่านจนจนบแล้วค่ะT^Tb
ชอบภาษาที่ใช้มากๆค่ะ เรื่องก็สนุกมากกกกกกก>w<///b
อยากอ่านอลันต่อจังเลยค่า :o8:
-
เอาอย่างงี้นะคะ สุดท้ายแล้ว เรื่องที่ลงหลังวันที่ 1 สิงหาคม 53 และเนื้อหาเมื่อถึงวันที่ 1 ตุลาคม 53 ยังไม่ถึง 30% ให้โหวตได้นะคะ
ทิพย์ โมดุฯ
เย่ๆๆๆๆ สรุปว่าเราสามารถโหวตน้องริวพี่ไผ่กันได้แล้วนะคะ ดีใจเกินจะเอ่ย ช่วยกันโหวตเยอะๆ นะค๊าาาาทุกคน ^^
-
โห...ขอบคุณค่า JJHJJH อุตส่าห์ไปขอจากคณะกรรมการให้ ^___^
เพื่อเป็นการขอบคุณ งั้นจะพยายามไปปั่นอลันสุดชีวีตตตตตตตตตตตต
หวังว่าพรุ่งท่าน กบว. ที่เคารพตรวจแล้วยอมให้ผ่าน จะได้มาลงเร็วๆนี้นะคะ
(คืนนี้จะไม่นอน หุหุ)
-
กี๊สสสสสสสสสส รออลันค๊า แถมพี่ไผ่น้องริวด้วยได้ไหมคะ อิอิ นู๋คิดถึงมาก อยู่กินกันเป็นอย่างไรแล้ว 55+
-
ช่วยโหวตค่า ชอบเรื่องนี้มากจริงๆ ได้หนังสือมาแล้วหยิบอ่านบ่อยมากๆ
-
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ดีมากๆๆของพี่ไผ่กับน้องริวนะคะ
กว่าจะอ่านจบ กว่าพี่จะยอมรับน้อง ยอมรับใจตัวเอง
เล่นเอาเสียน้ำตาไปหลายรอบ พอถึงเวลาหวาน
ก็ทำเอาเขินแทนพี่ไผ่กันเลย :กอด1:
:pig4:
-
อ่านเป็นรอบที่5ที่6เเล้วยังรักริวกับพี่ไผ่เหมือนเดิม :กอด1:
-
ขอบคุณสำหรับนิยาย น่ารัก ๆ เรื่องนีิ้ค่ะ สนุก ๆ มาก ๆ
ถึงขั้นนอนตี 5 กันเลยทีเดียว ขอบคุณจิง ๆ ค่ะ :กอด1:
(ปล. นอนดึกทุกวัน ทำงานแทบไม่ไหวเลยค่ะ )
-
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์นะค้าบบบบ
ตอนนี้เนตที่บ้านป่วยมาชนอาทิตย์แล้ว ต้องใช้เนตซิมแทน เลยมิสามารถส่งนิยายใดๆทั้งสิ้น T^T
เลยต้องมาขอฝากพื้นที่ตรงนี้ ประกาศหา
"ใครโอนเงินแล้วไม่แจ้งที่อยู่บ้างค้าบบบบบบบบบบบบบ"
ช่วยส่งที่อยู่กลับมาด่วนๆเลยค้าบ เพราะเงินเข้ามาแล้ว แต่ยังหาเจ้าของไม่ได้
แต่ถ้าไม่สะดวกจะตอบเมล์ตอนนี้ ก็ไม่ต้องกังวลนะค้าบ ป้ายังเก็บหนังสือไว้ให้อยู่ตลอดๆๆๆ
และ หนังสือในสต๊อกทั้งหมด หมดเกลี้ยงแว้ววววววววววว
ขอขอบพระคุณสำหรับท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน(ทำเสียงแบบประชาสัมพันธ์ในห้าง)
-
:กอด1:
-
เรื่องนี้ตั้งใจอ่านมาก ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ใช้เวลาอ่านแค่ 2 วันเอง !! (อ่านไม่หลับไม่นอนเลยทีเดียว)
อยากบอกว่าขอบคุณคนแต่งมาก ๆ สำหรับนิยายน่ารัก ๆ เรื่องนี้
-
ชอบมากมายเรื่องราวที่น่ารักของริวและน้องไผ่ เป็นนิยายที่อยู่ในใจเสมอ
ติดตามผลงานใหม่ของท่านเจ้าของเรื่องต่อไปนะครับ ว่างๆมาเล่าเรื่องใหม่ด้วยละ
ขอบคุณครับ :pig4:
-
เพิ่งอ่านเรื่องนี้จบค่ะ ใช่เวลาร่วมอาทิตย์ ติดเรื่องมากถึงขนาดแอบอ่านเวลางานก็ด้วย
ประทับใจเรื่องนี้มากค่ะ ชอบภาษา ตัวละคร การดำเนินเรื่องมากค่ะ
ภาษาสละสลวยมาก อ่านแล้วไม่สะดุดเลย ชอบมากค่ะ
ตัวละครแต่ะละตัวมีจุดเด่น น่าสนใจ ทำให้คนอ่านหลงรักโดยไม่รู้ตัว
การดำเนินเรื่อง ชอบมากค่ะ สนุกน่าติดตาม ช่วงแรกๆไม่เดาไม่ออกเลยว่าใครลุกใครรับระหว่างพี่ไผ่กับน้องริว
เพราะพี่ไผ่แบบว่าเท่มาก อบอุ่น เข้มแข็ง เป็นที่พึงของน้องริว แต่น้องริวแบบว่าเด็กน้อยน่ารักน่าสงสารขี้อ้อนร้องไห้เก่งด้วย
แต่ช่วงหลังพี่ไผ่เจอมรสุมชีวิตหนัก ทำให้รู้ว่า ไม่ว่าเราจะเข้มแข็งสักแค่ไหนก็อ่อนแอได้ร้องไห้ได้
น้องริวนี่สุดยอด เด็กน้อยกลายเป็นเด็กเจ้าเล่ห์ ร้ายมากอ้อนพี่ไผ่จนใจอ่อน
แต่กว่าพี่ไผ่จะใจอ่อน ยอมรับในความสัมพันธ์เล่นเอาคนอ่านเสียน้ำตาเป็นโอ่ง
ผู้แต่งทำให้ประทับใจในความรักของน้องริวมากค่ะ 5 ปีกับการเตรียมตัวมาหาพี่ไผ่ จนกระทั้งเอาชนะใจผี่ไผ่ได้ สุดยอดมาก
ประทับใจจริงๆ อยากเจอแบบนี้สักคน เจอแบบนี้ใครไม่รักก็ไม่รู้จะว่ายังไงเนอะ
ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆนะคะ ตลอดเวลาที่อ่านรู้สึกมีความสุขมากกับความรักความผูกพันธ์ของพี่ไผ่และน้องริว อ่านไปยิ้มไป ร้องไห้ไป รู้สึกผูกพันธ์กับเรื่องนี้มาก อิ่มเอมมากค่ะ อ่านจบแล้วใจหายเลย
ขอบคุณผู้แต่งและคนโพสอีกครั้งนะคะ
:L1:
-
น้องริวไม่ธรรมดาจริงๆ o18
-
อบอุ่นในหัวใจ^o^
-
เพิ่งจะเข้ามาอ่านเรื่องนี้ได้ 2 หน้า
น้ำตาไหลไปเป็นปี๊บ :monkeysad: แต่หยุดอ่านไม่ได้
สงสารน้องริว....ไปอ่านต่อดีกว่าเนอะ
-
ตอนดราม่าที่ไผ่ว่าริวว่าผู้ชายปกติเค้าไม่จูบกัน ทำไมถึงมีแต่คนว่าไผ่ บอกว่าไผ่ใจร้ายบ้าง บางคนก็บอกว่าริวทำขนาดนี้แล้วทำไมไผ่ถึงยังไม่รู้ใจตัวเองอีก แบบว่าอ่านคอมเม้นแล้วคันปากมากกกก เพราะกำลังงงว่าใครกันแน่ที่ไม่รู้ใจตัวเอง ริวน่ะเหรอที่รู้ใจตัวเอง? ริวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ตัวเองรู้สึกกับไผ่มันคืออะไร รู้แต่ว่าคือรักแต่ยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าตัวเองรักแบบไหน พี่น้อง หรือแบบคนรัก ตอนที่ริวถามว่าก็รักกันทำไมถึงจูบกันไม่ไ่ด้ ในเมื่อริวรักพี่ไผ่ พี่ไผ่ก็รักริว แล้วไผ่รีบตะโกนแก้ตัวว่า"แบบน้อง!"(รักแบบน้อง) เรานึกว่าริวจะต้องสะอึกและเสียใจเพราะว่าตัวเองน่ะรักเกินแบบพี่น้อง ไม่ไ่ด้รักไผ่แบบพี่ชาย ที่ไหนได้ ไผ่กลับถามกลับหน้าตาเฉยว่า"ก็แล้วทำไมถึงจูบไม่ได้" ประมาณว่า ก็ใช่ไง พี่น้องไง แล้วพี่น้องรักกันทำไมถึงจูบกันไม่ได้? นั่นคือสิ่งที่ริวคิด ริวไร้เดียงสาขนาดที่ตัวเองยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าตัวเองรักไผ่แบบไหน ริวไม่รู้เลยว่าความรักมันมีกี่ประเภท รู้เพียงแค่ว่าไม่ว่าจะรักแบบพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนหรือแฟนก็คือรัก เพราะฉะนั้นก็ต้องจูบกันได้หมด แบบนี้น่ะเหรอคนที่รู้ใจตัวเอง? แล้วสิ่งที่ไผ่ทำมันผิดตรงไหนกัน เราอ่านคอมเม้นแล้วสงสารไผ่เลยอ่ะ ฮา เป็นเราก็คงทำแบบนั้นเพราะเราไม่ใช่เกย์ เราไม่ใช่คนที่เกิดมาเพื่อรักกับผู้ชายด้วยกัน ถ้าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับระหว่างชายหญิงไผ่คงรู้ตัวไปนานแล้วว่าอีกฝ่ายชอบและตัวเองหวั่นไหว แต่นี่มันไม่ใช่ และถ้าเราเป็นไผ่ ก็คงยังไม่กล้ายอมรับใจตัวเองว่าจะยอมรับริวง่ายๆ เพราะขนาดริวยังแยกแยะไม่ไ่ด้เลยว่ารักไผ่แบบไหน แล้วไผ่จะแน่ใจได้ยังไงว่าริวไม่ไ่ด้รักเพราะแค่ความปลื้ม ไม่่แค่รักแบบพี่ชายที่คอยปกป้อง ริวยังไม่ทำให้ไผ่รู้ข้อนั้นได้เลย ริวไร้เดียงสากับเรื่องนี้มากเกินไป เราช็อคไปเลยตอนที่ไผ่ตะโกนว่าแบบพี่้น้อง แต่ริวกลับไม่รู้สึกรู้สาแต่กลับงงเหมือนในใจคิดว่า อื้อ พี่้น้องก็พี่น้องสิ ก็จูบกันได้นิ่ก็รักกัน แบบเนี๊ยะ เฮ้อออ เราเป็นไผ่ก็คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ ==
เราหงุดหงิดมากอ่ะที่ริวไร้เดียงสาถึงขั้นไม่รุ็้สึกรู้สากับคำว่าพี่น้องของไผ่ แทนที่จะอึ้งแล้วแบบว่า"แต่ผมรักพี่มากกว่าพี่ชาย"(อย่างน้อยก็คิดในใจ)แต่ที่ไม่ ไม่ได้คิดถึงข้อนั้นเลยอ่ะ!! ริวต่างหากที่ยังแยกแยะไมไ่ด้และยังไม่เคยคิดหาคำตอบให้กับตัวเองเลยว่าเออ กรูรักพี่ไผ่แบบไหนวะ ไม่เคยเลย
(ปอลอ.เพิ่งอ่านจบถึงตอนนี้ค่ะ แต่ทนไมไ่หวเลบขอเม้นก่อน 5555)
-
แปะไว้ก่อนค่ะ
-
K.ปุยหมาม่วง อินมากเลย อิอิ
อ่านต่อไปค่ะ จะยิ่งอิน >"< กาซิกๆ อยากอ่านตอนพิเศษค่ะป้า
ลูกเป็ดที่อายุเกิน 6 เดือน อย่าลืมไปโหวตเซ็งเป็ดอะวอร์ดรอบตัดสินกันนะค๊า
ได้เข้าชิงทั้งนิยายสุดประทับใจ ภาษาไทยดีเด่น และ พระเอกยอดเยี่ยมด้วย
เสียดายพี่ไผ่ไม่ได้เข้าชิง ออกจะเป็นนายเอกที่แสนดี >//<
ไม่เป็นไร สู้ๆ ขอให้ได้ขอให้โดนทุกรางวัลเลยค๊า
-
คุณ Anonymus มีโครงการจะจัดพิมพ์รอบสามมั๊ยฮะ?
ไม่รู้ว่าไปงมโข่งอยู่ที่ไหน ถึงพึ่งได้พบนิยายเรื่องเยี่ยมเยี่ยงนี้ (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/02/fox-emo-001.gif)
ต้องขอบอกว่าไม่สามารถหยุดอ่านได้จริง ๆ งานการไม่ต้องทำ เพื่อนฝูงกรูไม่คบ ไม่สนอะไรทั้งนั้น
รักน้องริวกับพี่ไผ่มั่กมาก.... แต่ทุ่มทั้งตัวทั้งใจให้ ตะวัน
หลงรักตะวันอ่ะ (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/01/cute-bear-2-019.gif)
ตามไปโหวตเรื่องนี้ให้แล้วนะครับ ยังไงก็อยากให้กรุณาจัดพิมพ์อีกสักรอบ (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/01/yoyo-emoticon-3-014.gif)
-
อ่านจบแล้วรู้สึกอิ่มในอกมากๆเลยค่ะ T^T พี่ไผ่ น้องริวน่ารักมากๆ รู้สึกถึงการพัฒนาทางอารมณ์ความรู้สึกของทั้งคู่ได้เลย
หลงรักตัวละครทุกตัวเลย โดยเฉพาะอลัน อิอิ รออ่านเรื่องของอลันนะคะ แบบชอบมาก อยากให้อลันมีคนดูแล จะได้ไม่เหงาที่น้องริวไม่อยู่ด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ซึ้งๆ โหวตให้เรียบร้อยโรงเรียนเป็ด จะรอเรื่องต่อไปค่า
-
พึ่งอ่านจบค่ะ สนุกมากๆค่ะ แต่งได้ดีมากเลย
รออ่านเรื่องต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ
-
เห็นด้วยกับคุณ blanchard
จักพิมพ์อีกสักรอบเถอะ
อยากได้มากๆๆๆๆๆๆๆๆเลย
:pig4: :กอด1: :L1:
-
อ่านถึงตอนที่สองแล้วสงสัยว่าเป็นรายการ AF หรือเปล่าคะ
ริวเป็นคนที่ดูน่าสนใจมากเลยค่ะ
-
อิอิ
จบแล้วคราบบบบ
อ่านแบบไม่หลับไม่นอนเลย
เรื่องยาวมากแล้วสนุกมากด้วย
แอบหื่นไปหลายๆ ตอนเลยล่ะ 555+
ขอบคุณครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
-
ถึงพึ่งจะมาอ่านตอนแต่งจบ(แฮะๆ) :-[ :-[
แต่ก็รู้สึกดีมากเลยไม่อยากให้จบเลยอ่า :impress2: :impress2:
คิดถึงพี่ไผ่กับน้องริว :monkeysad: :sad11:
ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะที่แต่งนิยายดีๆให้เราอ่าน o13 o13 :bye2: :bye2:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
เรื่องนี้มันประทับใจมากกกกก มีทุกอารมณ์เลยทีเดียว
ซึ้งก็ซึ้งซะน้ำตาไหล น่ารักก็น่ารักจะกัดหมอนกันเลยทีเดียว
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่แต่งนิยายประทับใจอย่างนี้มาให้ได้อ่านกัน :กอด1:
รออ่านของอลันนะคะ ><
-
อบอุ่น ประทับใจ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนจบ
ขอบคุณทั้งคนเขียนแล้วก็คนโพสนะคะ
มีความสุขมากค่ะที่ได้อ่าน :bye2:
-
ติดเรื่องมาได้ 3-4 วันแล้วค่ะ
อ่านอยู่เรื่องเดียว ไม่มีกระจิดกระใจไปอ่านเรื่องอื่นเลย 555
หนูริวน่าปลื้มมากกกก แต่แอบขัดไม่พอใจตรงที่แสดงกิริยากับเหล่าพวกอลันอ่ะนะ
แต่ก็รักหนูริวอยู่ดี!! โอยยย เด็กอะไรไม่รู้ แรกๆก็อืม...อ้อนซัก(ตอนนี้ก็ยังอ้อนอยู่)
ต่อมาก็นะ...แมนเข้มแฮนซั่ม♥ สุดท้าย...เล่ห์เค้าเยอะมาก 555
เวิ่นหนูริวมาสามบรรทัด ต่อไปก็ไผ่ อื้มมมม เรียกว่า...หล่อจิตเมตตาละกัน 555
ก็ชอบพี่ไผ่นะ อ่อนโยน ตามใจริวเกิ๊นนน เห็นมั้ยว่าริวโคตรได้ใจอ่ะ ฮ่าๆๆๆ
แต่ก็นะ ไม่แปลกใจที่ริวรัก พี่ไผ่มีเสน่ห์โคตรร ดุนิดดุหน่อย ริวก็ไม่หือ ทำตามอย่างว่าง่าย
สรุป....รักเรื่องนี้ค่ะ♥ อิ่มเอมใจมากมาย ยิ้มตลอดเรื่อง
ขอบคุณพี่นักเขียน พี่นักโพส หนูริว พี่ไผ่ แล้วก็อลัน(ไม่เกี่ยว แต่ลากมาเกี่ยว เพราะอยากซบตานี่มาก กรี๊ดๆ 55)
ปล.อยากได้หนังสืออ่ะ รอบสามๆๆๆๆ ><"
-
ป้าขาาาาาาาาา
บ้านอลัน บ้านพี่ไผ่น้องริวน้ำท่วมมั้ยคะ อิอิ
-
ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่ไผ่เก็บของหนีน้ำไว้แล้ว ส่วนอิน้องริวไปซื้อเรือมารอแล้วค่ะ
กะว่าน้ำท่วมมันคงพายไปเยี่ยมแม่ๆ(ยก)ทั้งหลายแน่ๆ
-
กี๊สสสส ให้ริวพาพี่ไผ่พายมาที่เล้าด้วยนะคะ อิอิ :pig2:
-
อ่า มาช้า ไม่ทันพิมพ์หนังสืออ่าค่ะ :z3: :z3: อ่านไม่หลับไม่นอนงานการไม่ทำกันเลยทีเดียว
อยากได้มาไว้ในอ้อมกอด ประทับใจมากค่ะ เรื่องนี้ ถ้ามีโครงการรีปริ้นอีก เราจะเป็น 1 ในนั้นให้
จงได้ :impress2:
:กอด1: :กอด1: คนแต่ง
-
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ ประทับใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถึงมากที่สุด คนแต่งเก่งสุดยอดดด
พี่ไผ่น้องริว น่ารักที่สุดดดด
ชอบตอนจบจัง มันอุ่นๆในหัวใจบอกไม่ถูก แอบเสียใจนิดหน่อยที่สุดท้ายคิสมีก็แยกวง เพราะรู้สึกเหมือนผูกพันกับวงนี้ลึกๆ แล้วพี่ไผ่ก็รักการร้องเพลงมากๆ แต่การตัดสินใจครั้งนี้ก็เหมือนกับเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในชีวิต ซึ้งและประทับใจจริงๆ
เหมือนที่พี่ไผ่ว่า การกระทำสำคัญกว่าคำพูดจริงๆ เห็นได้จากตอนนี้ โอ๊ยยยย อิจฉาๆคนรักกัน
ขอบคุณคนโพส คนแต่ง สำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ และคนอ่านทุกคน ที่แอบมีคอมเม้นน่ารักๆทุกครั้ง จนอดอ่านไม่ได้ เป็นอารมณ์ขันเล็กๆเวลาได้อ่านเลยค่ะ (ยิ้ม)
ติดตามเรื่องต่อๆไปของคนแต่งแบบเหนียวหนึบบบบ
o13
-
มาจิ้มบวกเจาะไข่รีบนค๊า เม้นท์ได้โดนใจม๊าก อิอิ อย่าลืมตามไปอ่านเรื่องใหม่ ภาคต่อของอลันนะค๊า ^^
-
TTอ่านจบภายในเวลา..
12ชม.รวด!!! ชาบูๆอูราๆคนแต่งมากค่ะ นิยายเรื่องนี้สุดยอดจริงๆตัวละครมีมิติมากๆ
น้องริว พี่ไผ่ อร๊ายยย :-[ ว่าเเต่นิยายเรื่องใหม่ลิ้งค์ไปทางไหนล่ะเนี่ย- -"หาไม่เจอ :sad4:
-
กระทู้นี้ทำให้ได้บวกเจาะไข่ลูกเป็ดเยอะดีจัง เอิ๊กๆ พร้อมลงลิงค์ให้รีบนด้วยจ้า :กอด1:
เกมรัก...หมากชะตา ***ภาคต่อของเธอคือ...ลมหายใจ***
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,29684.0.html (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,29684.0.html)
-
จริงๆตามมาอ่านเรื่องนี้เพราะ เรื่องเกมรัก...หมากชะตา ที่เป้นภาคต่อน่ะคะ อ่านไปได้นิดนึงแล้วสนุกมากค่ะ น้องริวเป็นเด็กที่ใสมากจริงๆ พี่ไผ่ก็แสนดีเหลือเกิน มิตรภาพของเพื่อนร่วมวงก็งดงมามากค่ะ เหฌนอย่างนี้แล้วอยากให้รีปริ้นรอบสามจังเลยค่ะ
-
อ่านนิยายมาหลายเรื่อง
ประทับใจเรื่องนี้ที่สุดเลยค่ะ อันดับหนึ่งในดวงใจ~
อ่านภาคต่อของอลันด้วยน๊า~ :กอด1:
-
อ่านจบรวดเดียวภายในสองวัน ตีสามตีสี่ก็ยังอ่านอยู่สู้ไม่ถอย (ที่จริงเฝ้าระวังน้ำท่วมอยู่ด้วยค่ะ)
ประทับใจมากกกกกกค่ะ ความรักของน้องริวช่างสวยงามยิ่งใหญ่จริงๆ
เสียดายที่มาไม่ทันรวมเล่มทั้งสองครั้ง
ไม่ทราบยังมีเหลืออยู่อีกสักชุดมั๊ยคะ อยากเก็บน้องริวกับพี่ไผ่ไว้เป็นความทรงจำอันงดงาม
ส่งเมลไปหาแล้วนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายประทับใจเรื่องนี้ค่ะ
-
ยังไม่ได้รับเมล์นะคะคุณaorpp งั้นขอตอบในนี้แทนนะคะ
ตอนนี้หนังสือหมดแล้วค่ะ เพราะสั่งพิมพ์เท่ากับจำนวนโอนเป๊ะๆเลย
ส่วนรอบสาม คิดไว้ว่าเรื่องใหม่จบ จะรีปริ้นพร้อมเรื่องใหม่ค่ะ
เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเรื่องใหม่ มันจะจบเมื่อไหร่สิคะ เพราะตอนที่เขียนอยู่นี่ ยังเขียนๆลบๆแก้ๆอยู่เล๊ย...แฮ่.... :z10:
-
:z13: :z13:
ู^
^
~~เธอคือลมหายใจ เธอคือทุกอย่าง... จะรักเธอ...ไม่มีวันจาง ไปจากใจ~~
เห็นชื่อเรื่องแล้วต้องนึกถึงเพลงนี้จริงๆ
พี่ไผ่&น้องริวน่ารักกันสุดๆเลยอ่ะ
อ่านไปลุ้นไปว่าเื่มื่อไหร่พี่ไผ่จะรู้ใจตัวเองสักที
เรื่องความสามารถของริวถ้าหนูจะเก่งขนาดนั้นนะ แบ่งเงินมาให้ใช้มั่งจิ
อ่านเรื่องนี้แล้วสุขจริงๆ ภาษาสวยมาก
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีดีมาให้อ่าน
:L2: :L2: :L2:
-
ยังไม่ได้รับเมล์นะคะคุณaorpp งั้นขอตอบในนี้แทนนะคะ
ตอนนี้หนังสือหมดแล้วค่ะ เพราะสั่งพิมพ์เท่ากับจำนวนโอนเป๊ะๆเลย
ส่วนรอบสาม คิดไว้ว่าเรื่องใหม่จบ จะรีปริ้นพร้อมเรื่องใหม่ค่ะ
เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเรื่องใหม่ มันจะจบเมื่อไหร่สิคะ เพราะตอนที่เขียนอยู่นี่ ยังเขียนๆลบๆแก้ๆอยู่เล๊ย...แฮ่.... :z10:
เสียดายจังเลยค่ะ
แต่ก็ยังมีความหวังว่าจะได้เก็บหนังสือของพี่ไผ่กับน้องริว จะรอนะคะ
แวะมาแสดงความยินดีกับ รางวัลนิยายสุดประทับใจ ด้วยค่ะ :L2: :L2: :L2:
คุณค่าที่คุณคู่ควร :กอด1:
-
เข้ามายินดีด้วยอีกคนค่ะ
สมควรได้รับจริงๆ สำหรับเรื่องนี้ o13
-
เย่ๆๆๆๆ ได้รางวัลแล้ววววว ดีใจกับคุณป้า และพี่ spring ค่า
-
นอนอ่านเรื่องนี้ถึงเช้า มา 3 วันแระ
ทั้งสุข ทั้งซึ้ง ทั้งเศร้า ชอบมากๆ ครับ
ถึงจะทำให้น้ำตาไหลไปหลายรอบก็เหอะ
ขอแสดงความยินดีด้วยนนะครับ
สำหรับรางวัล เรื่องประทับ
ประทับใจจริงๆ ครับ
-
เพิ่งจะตามอ่านเรื่องพี่ไผ่กับน้องริวจนจบได้ไม่นาน
ช่วงอ่านเป็นช่วงติดพันต้องเดินทางจากรุงหนีน้ำพอดี
ตามอ่านระหว่างเดินทาง นั่งรถทัวร์ไปก็น้ำตาไหลไปหลายรอบ เป็นช่วงเศร้าดราม่าซะ
กลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขินๆคนนั่งข้างๆ แต่หยุดอ่านไม่ได้
ชอบเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม และมีการพัฒนาการของตัวละครอยู่เรื่อยๆ
:L2: จะติดตามผลงานของคุณAnonymusเรื่อยๆนะคะ
-
ขอเข้ามาแสดงความยินดีด้วยคนค่า
ประทับใจเรื่องนี้มากๆ ลงตัวในทุกๆด้าน
ชอบมากไม่มาก ก็ดูได้จากจำนวนครั้งที่หยิบรวมเล่มของเรื่องนี้ขึ้นมาอ่านได้เลยอ่ะ
เพราะเราไม่เคยอ่านนิยายซ้ำๆมากขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต (จริงๆ! ไม่ได้โม้แต่อย่างใด)
ปกติเรื่องอื่นๆอ่านจบรอบเดียวแล้วก็จะพาไปตั้งโชว์สวยๆบนตู้เฉยๆ นานๆทีจะมีเรื่องที่หยิบมาอ่านซ้ำๆ ^^
-
ขอบคุณทุกคนมากนะค้า ที่ช่วยกันโหวตให้จนได้รางวัลนิยายสุดประทับใจ
อยากบอกดังดังว่า "ประทับคนอ่านทุกคนและทุกคอมเมนต์มากๆเช่นกันค่า"
ทุกคอมเมนต์ไม่ว่าจะติหรือชม ล้วนแต่สร้างกำลังใจให้ทั้งนั้น
เวลาปั่นนิยายแล้วหมดมุก คิดอะไรไม่ออก ก็อาศัยมาเปิดอ่านคอมเมนต์ย้อนหลัง
แค่นี้ก็มีแรงฮึดปั่นๆนิยายต่อไปแล้ว
ขอบคุณจากหัวใจจริงๆค่ะ :กอด1:
:pig4: :L2: :pig4: :L2:
-
ยินดีด้วยค่ะ ที่ได้รางวัล ตัวเองยังไม่ได้อ่านเรื่องนี้เลย พลาดไปได้งัยเนี่ย
มาแสดงความยินดีก่อนย้อนไปอ่านค่ะ
-
อ๊ากกกกกกกกกก
อยากบอกว่า น่าร๊ากกกกกกกกกกกอ่ะ
-
จบอีกรอบ...ใช้เวลาไปสามวัน -_-V
ตอนนี้ก็ตามอ่านเรื่องของอลันอยู่ค่ะ อยากได้วันละตอนเลยอ่ะไหน ๆ ก็มีสต็อคเยอะ :o8:
ถ้าจะให้ดีก็ให้ริวกับพี่ไผ่เป็นเกสในเรื่องหลาย ๆ ตอนหน่อย FC คิดถึงอ่ะยังอยากรู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงกันบ้าง
อ้อ...เพิ่งได้ข่าวเรื่องรางวัล ได้จริงด้วย...ไปโหวตมาเหมือนกัน ยังไง เธอคือ...ลมหายใจ ก็เป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว :m4:
-
โอ้ ได้รางวัลด้วย (เค้าก็โหวตให้นะ~)
พายเรือลงมากทม. มารับปัดไปเลี้ยงฉลองด้วยเลย!
ยังไงก็ยินดีด้วยนะคะ เรื่องนี้ปัดก็ชอบมาก ๆ แถมยังเป็นนิยายที่เห็นปกบ่อย ๆ จนเบื่อทีเดียว(ก็แหงล่ะ --)
ป.ล. คนที่รอรีปริ้นท์รอบสาม จงรอต่อไป เพราะโรงพิมพ์น้ำท่วมอยู่ตอนนี้ (หุๆๆ)
-
เข้ามาบวกให้ป้าค่า อยากได้ตอนพิเศษฟินๆ ซักตอนได้ไหมค๊าป้าขาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หรือไม่ก็ เรื่องอื่นๆๆๆๆ แหะๆ อยากอ่านต่อหลายเรื่องเลยค๊า >//<
-
เข้ามาอ่านริว&ไผ่
อีกรอบระหว่างรอ
คุณอลัน :n1:
ยินดีด้วยคะที่ได้
รับรางวัลนิยายสุดประทับใจ :L2:
-
เสียดายจังที่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปร่วมโหวตกะเขาบ้างงงง... เพิ่งจะรู้จักก้อซิ่วรางวัลไปซะและ
วันแรกกะจะอ่านไม่กี่ตอน ฮ่าๆๆๆๆ... ปาเข้าไปเป็นร้อยหน้าเลยยย... สวดยอดขิงๆๆเรื่องเน้
นั่งรอเรื่องต่อไปเป็นเพื่อนกันน้าทู๊กคนนนนน รี-ปริ๊น รี-ปริ๊น รี-ปริ๊น รี-ปริ๊น รี-ปริ๊น รี-ปริ๊น รี-ปริ๊น
ขอบคุณทั้งป้าคนแต่ง และคนโพสมั่กๆ เป็นกำลังใจให้ผลิตนิยายหนุกแบบนี้ออกมาอีก
+-+-+-+-+-ประทับใจจิงจิ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง-+-+-+-+-+ :impress2: :pig4:
-
สนุกมากๆค่ะ สารภาพว่าอ่านจบสองรอบแล้ว น้องริวน่ารักมาก พี่ไผ่ก็แสนดีถึงจะมีหลายตอนที่ขัดใจพี่แกอยู่ก็เถอะนะ แต่สุดท้ายก็จบแบบมีความสุข ขอบคุณจขกทมากๆที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่าน ขอบคุณป้าAnonymasด้วยค่ะ
-
อ่านจบแล้ว เธอคือ .. ลมหายใจ
เข้าใจแล้วทำไมถึงตั้งชื่อเรื่องแบบนี้
เพราะถ้าไม่มีเธอก็อยู่ไม่ได้
ความรักของริวใช้ความพยายามและอดทน อย่างยากที่จะบรรยาย
อ่านเสร็จ อยากบอกว่า "อิจฉา" จังเลย o9
อยากมีคนมารักแบบนี้บ้างจัง :impress3:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีเรื่องนี้นะคร๊าบบบ
-
ริว งดงาม มากๆ จริงๆ
อ่านไปก็ น้ำตาจะไหล
ปลื้มแทนพี่ไผ่
ยากมากๆ กับใครสักคนที่จะรักได้ขนาดนี้
-
เข้ามาแล้วช็อก หนังสือหมดแล้วเหรอคะ ช้าอีกแล้วเรา ตั้งใจจะเข้ามาจองพี่ไผ่น้องริวโดยเฉพาะนะคะเนี่ย
เสียใจๆๆๆๆ ไว้จะรอรอบสามพร้อมอลันละกันค่ะ
-
รอซื้อรอบสามอยู่นะคะ
-
ยังเปิดจองอยู่ไหมค่ะ
ถ้าเปิดขอจองด้วยคน
ขอรายละเอียดการโอนด้วยนะ
ken_zineอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com
-
สามวันแหนะฮะ,,กว่าจะอ่านจบ
สนุกมากอ่ะฮะะะะ
ชอบมาก~~
ขอบคุณคนโพสต์ คนเขียนมากๆนะคร้าบ,,,
-
ใช้เวลาอ่านอยู่หลายวัน
ชอบบบมากกกกกกกกกก
น้องริวน่ารักมาก ทุมเทเพื่อความรักได้สุดๆ
จบเรื่องนี้แล้วเราก็ปาดดดไปอ่านเรื่องของอลันต่อ อิอิ
-
:L2: เข้ามาแสดงความยินดีกะเรื่องนี้ ที่ได้รับรางวัล
เป็นเรื่องที่สนุกและประทับใจตัวเองมากที่สุด อ่านแล้ว ก็ยังชอบอ่านซ้ำอีก
เป็นกำลังใจในการเขียนนะ
-
ยินดีด้วยค่า จาก 1 เสียงที่โหวตให้
เสียดายจังที่น้องริวไม่ได้พระเอกยอดเยี่ยม
-
ในที่สุดก็อ่านจบแล้ว :เฮ้อ:
อ่านไปอ่านมาก็อยากในริวเป็นเคะเหมือนกันน๊า :impress2:
-
อ่านจบแล้ว :mc4:
ชอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะครับ :pig4:
รอติดตามเรื่องต่อของอลัน
:กอด1:
-
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากเลยค่ะ :-[
มีครบทั้งดราม่า แอคชั่น และคอมมาดี้นิดๆ 555+ :laugh:
กว่าจะอ่านจบใช้เวลาตั้งสามวันกันเลย อ่านจนแม่บ่นว่าไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้ค่อยอ่านต่อ ^^ :o12:
:pig4: ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้ออกมาให้ได้อ่าน ประทับใจมากเลยคะ
ปล.อยากได้นิยายเก็บไว้อ่านเหมือนกันแต่ไม่รุจะมีพิมพ์รอบสามไหม จะได้เตรียมเก็บเงินไว้
-
ตอนที่ 3 เอ่อ ริวน่าสงสารจัง แต่คนซื้อด้วยเงินไม่ได้นะคะ
ตอนที่ 4 อลันก็น่าสงสาร แต่ก็นะ เลี้ยงดูมาผิดจริงๆแหละ
ตอนที่ 5 อลันมาจัดการเรื่องไผ่ให้ริวใช่ไหมเนี่ย
ตอนที่ 6 ในที่สุด ริวกับไผ่ก็ได้เจอกันแล้ว
-
ตอนที่ 7 แบบว่าฮาริวมากๆอะ คืออารมณ์แบบเด็กตัวน้อยๆ
-
ตอนที่ 7 น้องริวน่าสงสารอะ
ตอนที่ 8 ไผ่ก็น่าสงสาร
-
อยากให้ทำลิงก์สารบัญจังเลย สงสารคนอ่านทีหลัง
รอคนใจดี ส่งไฟล์ที่เก็บไว้ให้อ่าน ^^
-
อ่า ปวดตาจัง :sad4:
อ่านเรื่องนี้แล้ว รู้สึกว่าเราได้อารมณ์หลายอย่าง
ทั้งสุข ซึ้ง เศร้า เหงา อยากร้องไห้ อยากหัวเราะ ยิ้ม เยอะแยะไปหมด
ชอบเรื่องนี้มาก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆน่ะค่ะ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ขอยกนิ้วให้กับเรื่องนี้เลยจริงๆ บอกคำเดียวเลยว่า สุดยอด
เธอคือลมหายใจ เป็นชื่อเรื่องที่เข้ากับเนื้อเรื่องสุดๆ
ค่อยๆซึมซับกันและกันไปเรี่อยๆ จากเพื่อน พี่น้อง จนกลายมาเป็นคนรัก
จากคนที่ห่างไกล ค่อยๆขยับสถานะจนกลายเป็นคนที่ขาดกันไม่ได้
เป็นลมหายใจให้แก่กันและกัน >///< อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขมากๆ
ชอบริวกับไผ่ที่สุด เป็นคู่ที่ลงตัวและเหมาะสมกันที่สุด
ขอบคุณมากๆเลยจร้า ครบทุกรสชาติจริงๆเลยเรื่องนี้
o13
-
เธอคือลมหายใจ รักเรื่องนี้จังเลย :กอด1:
อ่านรอบที่สามแล้วไม่มีเบื่อ :L1:
:n1:ยังรอรีปริ้นอีกรอบอยู่น๊า
-
อ่านสองวันรวด :)
ชอบมากๆ เรื่องนี้ประทับใจสุดๆ
พี่ไผ่กะริวเป็นลมหายใจของกันและกันจริงๆ
:)
-
กะจะมาโพสวันที่ 19 งามๆ ซะหน่อย โพสไม่ทัน >"< คิดถึงพี่ผ่ายยยยน้องริววววววว
-
ตามอ่านเรื่องนี้ จากทู้ประกาศผล นู้นแหนะคะ แสดงความยินดีด้วยนะคะ :L2:
ใช้เวลาอ่านประมาณ 3 วันจนจบ ตอนนี้กำลังอ่าน อลันกับเลโอค่ะ ^^
แวะมาขอบคุณคู่ พี่ไผ่ กับ น้องริวก่อน กว่าจะลงเอยกันได้
เชียร์ตั้งแต่แรกเลยให้น้องริวกดพี่ไผ่ ฮ่าฮ่า น้องริวเนียนค่อยรุกได้น่ารักน่าหยิกม๊ากกกกกกกก
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆแบบนี้นะคะ จะติดตามต่อให้ เกมรัก หมากชะตาค่ะ
รักพี่ไผ่&น้องริว ค่าาา :กอด1:
-
สนุกมาก ซาบซึ้ง ประทับใจสุดๆ อ่าน3วันจบ (กลางคืนใช้เครื่องไม่ได้ คาใจ กระวนกระวายตลอด :serius2:)
น่าติดตามทุกตอน จบดี ภาษาดี ลงตัวทุกอย่าง กดไลค์ล้านครั้ง o13 o13 o13
ขอบคุณผู้แต่งและคนโพสต์มากมาย :pig4: :pig4: :pig4:
-
ระ .. ระริว .. รุกเมะริวรุก ไม่จริง .. :sad4: :o12:
-
เรื่องนี้น่ารักอบอุ่น คาแรกเตอร์ตัวละครคงที่มากๆ ชอบอ่าค่ะ
ขอบคุนสำหรับเรืองราวสนุกๆแบบนี้นะคะ =)
-
อ่านกี่ครั้งก็สนุก...ริวไผ่น่ารักมาก ๆ เลย o13 o13
-
เสียดายที่ไม่ได้มาช่วยลุ้นตอนที่เนื้อเรื่องกำลังดำเนินไป แต่ก็ยังโชคดีที่ได้มีโอกาสอ่าน
ชอบความลื่นไหลของเนื้อเรื่องครับ คนแต่งผูกเรื่องได้ดี เห็นพัฒนาการของตัวละครที่สมจริง
จนรู้สึกผูกพันไปกับเรื่องด้วยจริงๆ อ่านจบแล้วใจหายเลย แต่ก็คงจะอยู่ในใจไปอีกนาน
-
ตามมาอ่านจากกระทู้ประกาศผลค่ะ เพราะอยากรู้ว่าทำไมเรื่องนี้จึงได้รางวัล นิยายสุดประทับใจ
แล้วขอบอกว่า เรื่องนี้สมควรและเหมาะสมกับรางวัลเป็นอย่างยิ่งค่ะ
เป็นนิยายที่สุดสนุก ครบรส ตามอ่านทั้งวันทั้งคืนมา 3 วันแล้ว หลงรักทุกตัวละครค่ะ
ขอขอบคุณ :L2: คุณ Anonymus คนเขียน และ คุณ spring :pig4: คนโพสต์ ที่นำนิยายดีมาแบ่งปันกันนะคะ
ปล.เดี๋ยวจะตามไปอ่านเรื่องของอลัน และรีปริ้นเมื่อไร ช่วยประกาศด้วยนะคะ o13
-
o13 กลับมาอ่านอีกครั้ง
ก็ยังสนุกเหมือนเดิมเลยฮ๊าฟฟฟฟฟ
:กอด1:
-
:L1:เพิ่งเข้ามอ่าน
วางไม่ลงเลยครับ
ภาษาสวย โครงเรื่องน่าติดตามาก
เริ่มต้นเรื่องก็ชวนให้ติตามซะแล้ว
เด็กพิเศษ อัจฉริยะ
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น
แล้วน้องริวก็น่ารักซะ
พอเจอพี่ไผ่เข้า ยิ่งอินกับเรื่องเข้าไปอีกมากมาย
ต้องชื่นชมผู้แต่งจริงๆ
ตอนนี้ก็อ่นได้ถึงตอนที่ 32 แล้ว
วันหยุด สองวันนี้ได้อิ่มเอมกับการอ่านเรื่องนี้แน่
ขอบคุณคนโพสด้วยครับ
ตี 2ครึ่ง แล้วขอไปนอนก่อน
+1 ครับ เป็นการขอบคุณ
:z2:
-
ดีใจแทนคุณป้าจังเลย มีแฟนๆ ตามมมาอ่านจากกระทู้ประกาศผลมากมาย
ดีใจที่ทุกคนได้มาอ่านและหลงรักพี่ไผ่และนุ้งริวเหมือนเรา ^^
-
กรี๊ด อ่านจบแล้วคร๊าบ
กว่าจะอ่านจบเกือบเดือนกันเลย อ่านแล้วติดมากกกกก
ลุ้นให้พี่ไผ่ยอมรับรักน้องริวเร็วๆ
ตอนเศร้านี้ก็เล่นเอาตาบวมเลย
ดีใจมากเลยอ่ะที่พี่ไผ่เลือกน้อง
ว่าแต่ทำไมที่เมกาแต่คนตามใจน้องริวขนาดนี้นะ
พอมาอยู่ไทยนี้เด็กดี๊เด็กดีมากๆเลย
-
:catrun: :music: :catrun:
และแล้วก็กลับมาอ่านเรื่องนี้อีกแล้ว
รอบที่6 เข้าไปแล้ว
อ่านมากกว่าหนังสือสอบอีก
ถ้าเรื่องนี้ออกในข้อสอบ
สงสัยคงได้เต็ม
:laugh5: :laugh5: :yeb: :yeb: :laugh5: :laugh5:
-
o13 o13บอกได้คำเดียวว่า เป็นนิยายที่สุดยอดจริงๆ สมกับที่ได้รางวัลมา :กอด1:ประทับใจสุดๆ ตลอดเวลาที่อ่านเรื่องนี้ วันละ6ชม เกือบสัปดาห์ ผมต้องเสียน้ำตาทุกวัน ไม่ใช่น้ำตาที่เสียใจ หรือเศร้าใจ เเต่เป็นน้ำตาของความประทับใจ ตื้นตันใจ :sad4:โอ๊ย ชอบมากจริง :pig4: :pig4: :pig4:ขอบคุณผู้เเต่งมากกกกกนะครับ
-
รักเรื่องนี้จังเลย :L1:
-
:L2: :L1: :L2:
ติดตามอ่าน เธอคือ...ลมหายใจ
ของคุณ Anonymus ด้วยความประทับใจ
แล้วก็จบได้อย่างประทับใจเป็นที่สุด ไม่ได้อ่านเรื่องที่ดีๆ หวานๆ
ภาษาที่สวยงามมานานแล้วเหมือนกัน พักหลังๆนี่ไม้ได้เข้ามาที่เล้าบ่อยนัก
โชคดีที่เข้าไปดูที่ผลประกาศ จึงได้มีโอกาส..สุขตามพี่ไผ่กับกับหนูริวไปด้วย
ชื่นชมกับกาววางพล็อตเรื่องของนักเขียนจริงๆ แม้ไม่สลับซับซ้อนมากนัก
แต่ก็มากพอที่จะชวนให้ติดตามและลุ้นระทึกได้ทุกตอน ย้ำ..ทุกตอน
แต่กว่าจะได้อ่านบางฉากที่รอคอย ก็หัวใจระส่ำไปหลายรอบ
ขนาดอายุก็ไม่น้อยแล้ว ยังปล่อยอารมณ์ไปตามที่นักเขียนวาดไว้เลย
ไม่รู้น้ำตามันไหลออกมาได้อย่างไร ...
ภาษาที่สวยงามจากความสามารถของนักเขียนนี่ช่างมีอิทธิพลซะเหลือเกิน
ต้องยกนิ้วให้จริงๆครับ
เสียดายเหมือนหลายคนที่เพิ่งเข้ามาอ่านแล้วไม่ได้ลุ้นไปพร้อมๆกัน
บรรยากาศมันชื่นมื่น ครึกครื้น เศร้าสร้อย หงุดหงิด หวาดระแวง
มีให้เห็นจากนักอ่านตลอด ขนาดตามอ่านผ่านๆ ยังอดอมยิ้มไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม บัดนี้ก็ได้อิ่มเอมกับการร้อยเรียงเรื่องราวที่ยอดเยี่ยม
จากฝีมือของคุณ Anonymus และการโพสของคุณ Spring แล้ว
ต้องขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่งโดยหวังว่า...
เมื่อมีการจัดพิมพ์เป็นครั้งที่ 3 ...
จะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของหนังสือ...เธอคือ...ลมหายใจ ด้วยครับ
รักคนเขียนและคนโพสและเพื่อนนักอ่านเรื่องนี้ครับ
:L1::pig4: :L1: :pig4: :L1:
-
อยากได้รวมเล่ม ยังมีอยู่มั้ยค้า~
T T
-
"ใครสนใจแบบเล่มติดต่อป้า ที่ tanjai1991แอทgmaiดอทcom (อย่าลืมแก้ @ และ . ด้วยนะคะ)"
เห็นหน้าแรกประกาศไว้แบบนี้
ยังมีหนังสือขายอยู่ใช่ไหมค่ะ^^
-
ลองส่งไปแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้รับเมลตอบกลับ ^^
ขอให้มีทีเท้อออ
><
-
^^
สำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่าน ข้าพเจ้าเพิ่งรู้ว่านิยายป้าได้รางวัลด้วยเว่ยยยยย กร๊าก หลังเขาเนาะ :laugh:
ขอแสดงความยินดีกับป้าด้วยนะคะ ดีใจแทนจริงๆ o13 :L2:
เพิ่มสารบัญไว้ที่หน้าแรกแล้วนะคะ แต่ตัวอักษรมันเกินเลยต้องมาต่อที่นี่ แฮะๆ
ขอบคุณน้อง LittlePrince และน้อง Hackz ค่ะ น่ารักมาก แถมส่งมาพร้อมๆ กันเลย ใจตรงกันเนอะ อริ๊ๆๆๆ :-[ /จิ้นเองงง
สารบัญตอนที่ 61-121 จ้า
ตอนที่ 61 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1262169.html#msg1262169)
ตอนที่ 62 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1266519.html#msg1266519)
ตอนที่ 63 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1271779.html#msg1271779)
ตอนที่ 64 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1279263.html#msg1279263)
ตอนที่ 65 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1284621.html#msg1284621)
ตอนที่ 66 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1290890.html#msg1290890)
ตอนที่ 67 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1294566.html#msg1294566)
ตอนที่ 68 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1297060.html#msg1297060)
ตอนที่ 69 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1299832.html#msg1299832)
ตอนที่ 70 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1303628.html#msg1303628)
ตอนที่ 71 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1305709.html#msg1305709)
ตอนที่ 72 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1308090.html#msg1308090)
ตอนที่ 73 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1311173.html#msg1311173)
ตอนที่ 74 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1312270.html#msg1312270)
ตอนที่ 75 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1315818.html#msg1315818)
ตอนที่ 76 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1316507.html#msg1316507)
ตอนที่ 77 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1322659.html#msg1322659)
ตอนที่ 78 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1325021.html#msg1325021)
ตอนที่ 79 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1330652.html#msg1330652)
ตอนที่ 80 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1335823.html#msg1335823)
ตอนที่ 81 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1338680.html#msg1338680)
ตอนที่ 82 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1341672.html#msg1341672)
ตอนที่ 83 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1342415.html#msg1342415)
ตอนที่ 84 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1344416.html#msg1344416)
ตอนที่ 85 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1345763.html#msg1345763)
ตอนที่ 86 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1347278.html#msg1347278)
ตอนที่ 87 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1348974.html#msg1348974)
ตอนที่ 88 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1350560.html#msg1350560)
ตอนที่ 89 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1352166.html#msg1352166)
ตอนที่ 90 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1354239.html#msg1354239)
ตอนที่ 91 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1356358.html#msg1356358)
ตอนที่ 92 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1357985.html#msg1357985)
ตอนที่ 93 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1358748.html#msg1358748)
ตอนที่ 94 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1361808.html#msg1361808)
ตอนที่ 95 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1364297.html#msg1364297)
ตอนที่ 96 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1365667.html#msg1365667)
ตอนที่ 97 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1368709.html#msg1368709)
ตอนที่ 98 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1373200.html#msg1373200)
ตอนที่ 99 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1377445.html#msg1377445)
ตอนที่ 100 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1380222.html#msg1380222)
ตอนที่ 101 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1382693.html#msg1382693)
ตอนที่ 102 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1386671.html#msg1386671)
ตอนที่ 103 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1390624.html#msg1390624)
ตอนที่ 104 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1396755.html#msg1396755)
ตอนที่ 105 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1399062.html#msg1399062)
ตอนที่ 106 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1402954.html#msg1402954)
ตอนที่ 107 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1406572.html#msg1406572)
ตอนที่ 108 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1420139.html#msg1420139)
ตอนที่ 109 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1427854.html#msg1427854)
ตอนที่ 110 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1434524.html#msg1434524)
ตอนที่ 111 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1444691.html#msg1444691)
ตอนที่ 112 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1455402.html#msg1455402)
ตอนที่ 113 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1460173.html#msg1460173)
ตอนที่ 114 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1467087.html#msg1467087)
ตอนที่ 115 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1472667.html#msg1472667)
ตอนที่ 116.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1481586.html#msg1481586)
ตอนที่ 116.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1488855.html#msg1488855)
ตอนที่ 117 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1501986.html#msg1501986)
ตอนที่ 118 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1512738.html#msg1512738)
ตอนที่ 119 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1522077.html#msg1522077)
ตอนที่ 120 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1531633.html#msg1531633)
ตอนที่ 121 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,17448.msg1543781.html#msg1543781)
-
อ่านถึงตอนที่ 25 แอบสงสารตะวัน (เรื่องไรหว่า 55 แต่มีความรู้สึกว่าคนๆนี้จะต้องเสียใจ หรือคิดไปเองหว่า)
อ่านมาถึงตรงนี้ก็สงสาร ริว แต่ก็สงสารไม่ลง เหมือนกับว่าเอาชีวิตไปจดจ่อผูกติดกับคนอื่นมากเกินไปจนกลายเป็นทำร้ายตัวเอง
แต่จริงๆแล้วก็อาจจะมาจากเรื่องราวในอดีตที่ทำให้ต้องเป็นอย่างนี้ พอเจอสิ่งพักพิงใจได้ก็เลยทุ่มให้ทุกอย่าง
-
ตอนที่ 26 ยก ไวย์ ให้ ตะวันด้วยคน :กอด1:
-
อยากเห็นฉากฮาๆของยัยคุณพลอยจัง ;D
-
-_- ทำมั๊ยยยย ทำไมใครๆก็ต้องมาเข้ามาริวด้วย -3-
นิกกี้ อย่าอยู่เล๊ยยยยยยยย
-
อ่าฮ๊าาาา เริ่มใช้คำว่าปากอิ่มมาบรรยายมันยังไงๆอยู่นา ;D
-
อ่านตอน 39 แล้วรู้สึกว่าไวย์โดนซะมั่งก็ดีนะ จะได้รู้สึก
คนเค้าเป็นห่วงแท้ๆ
-
ตอนที่ 41 จะดูเหมือนคนโรคจิตรึเปล่าที่ชอบมาม่าตอนนี้ เพราะรู้สึกเหมือนจะมีอะไรดีๆตามมา 55
-
ตอนที่ 41 จะดูเหมือนคนโรคจิตรึเปล่าที่ชอบมาม่าตอนนี้ เพราะรู้สึกเหมือนจะมีอะไรดีๆตามมา 55
*** ขอความร่วมมือในรวบเม้นต์ด้วยนะคะ เพราะถ้าอ่านไปเม้นต์ไปแบบนี้อาจทำให้เกิดภาวะกระทู้ไหล แต่เนื้อหาไม่มีอะไร คนที่เข้ามาอ่านทีหลังอาจงงได้
ทิพย์ โมฯห้องนิยาย
-
*** ขอความร่วมมือในรวบเม้นต์ด้วยนะคะ เพราะถ้าอ่านไปเม้นต์ไปแบบนี้อาจทำให้เกิดภาวะกระทู้ไหล แต่เนื้อหาไม่มีอะไร คนที่เข้ามาอ่านทีหลังอาจงงได้
ทิพย์ โมฯห้องนิยาย
ค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ :sad4:
-
ค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ :sad4:
+1 ค่า ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ ร่วมด้วยช่วยกันทำให้บอร์ดน่าอยู่ค่ะ
-
มาอีกแล้วค่า
มาซะบ่อยเลย
อย่าว่ากันนะ :impress: :impress: :impress:
-
อ๊าาาาาาาา >[]<~ อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้จัง~ มีเสน่ห์มั่กๆ
อ่านรวดเดียวจนจบเลย มาตอนแรกก็ชอบริวมากกกกกกกก อ้ากกกกก >////<
ดูไร้เดียงสามาก น่ารักได้อีก อ้อนที จะละลายแทนพี่ไผ่ 555
ป้าคนเขียนแต่งดีมากค่ะ >< เห็นถึงพัฒนาการของริว
แล้วก็เห็นว่าพี่ไผ่ค่อยๆเปิดใจ รับริวเข้ามาในใจโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้จะปฏิเสธในตอนแรก ทำให้น้องริวเสียใจ T^T
แต่ก็เข้าใจพี่ไผ่เค้านะ เป็นผู้ชายอยู่ดีๆ รู้ตัวอีกทีก็ไม่ใช่[?]แล้ว
ก็คงทำใจรับลำบากละเนอะ สงสารก็สงสารริว
แต่สุดท้ายก็เข้าใจกันได้ >< แอร๊ยยยยย ตอนหลังๆมานี่
ริวผู้ไร้เดียงสาของฉัน หายไปไหน!!!! O[]O!!!
กริ๊ด เจอแต่หมาป่าริวคอยงับพี่ไผ่ 55555555 ทั้งหื่นทั้งเจ้าเลห์
แต่ทำให้ยิ่งโครตรักเลยอ่ะ 5555 สุดท้าย..สงสารไผ่ที่สุดในเรื่องแระ ฮา
ส่วนอีกคนที่ชอบ>< คุณพี่อลัน[ของเค้า]นั้นเอง 5555 ถึงบทจะน้อย
แต่ก็มีแม่ยกกันเยอะแยะ ยังกะพระเอกมาเอง 5555
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค้า :pig4: รักคนแต่ง :กอด1:
-
อ่านไปได้นึกเดียวก็ซึ้งจนน้ำตาจะไหลยิ่งฉากริวไปนอนข้างๆแม่ที่ห้องเยนยิ่งเศร้า
อ่านหน้า56อยู่
เกิดอาการเครียดเพราะพยายามลืมมว่าเกาหลีพูดอังกฤษ ไม่ค่อยได้+นิสัยหลายอย่างไม่เหมือนเกาหลี
สงสัยเราจริงจังไป
C: อ่านถึงหน้าร้อย
ทำไมไม่มีใครสงสารชินกีเลยหว่า
จะบอกว่าทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้ทึกฉากทุกตอน
เพลงที่อยู่ในหัวเราคือเพลงรักไม่ต้องการเวลาแหล่ะ หุๆๆ
รู้สึกว่ามันเข้ามากกกเลย
จบแล้วววว
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
ขอบคุณมากๆๆทั้งคนปต่งคนโพสต์เลยค่ะ :)
แว้บไปดูหมากชะตา
อ้่าว. ป๋ามาเฟียมิใช่พระเอกรึ
ง่าาาา:(
สงสารป๋าอ่ะ แบบว่าสุดท้ายเรื่องนี้ป๋าก็ไม่ได้คุยกับริวเลย อยากให้แกhappy
-
ตอนที่ 10 ริวทั้งน่ารักและน่าสงสาร
ไผ่เริ่มจะชอบริวบ้างแล้วหรือเปล่านะ
ตอนที่ 11 สงสารริวอะ แต่ดูเหมือนไผ่จะใจอ่อนขึ้นทุกที
ตอนที่ 12 อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ ชีวิตริวเศร้ามาก
-
จบบริบูรณ์
เพิ่งจะมาตามอ่านทีหลัง สนุกมากค่ะ
ตามอ่านทุกวันจนจบนั่นแหละค่ะ
ให้กำลังทั้งริวและไผ่เลย
ขอบคุณมากนะคะที่แต่งเรื่องสนุกๆ และมีความหมายดีๆ แบบนี้มาให้ได้อ่าน
-
:กอด1: :L2:
-
มาช่วยคุณป้าดัน เปิดจองอีกรอบจนได้ เย่ๆๆๆ
แนะนำให้ซื้อกันนะคะ นิยายยาวๆ แบบนี้ ควรคู่แก่การสะสม อิอิ
คิดถึงพี่ไผ่สุดๆ คิดถึงริวนิดๆ (555 สายพี่ชัดเจนไม่เคยเปลี่ยน และตอนนี้ก็สิงอยู่สายอลันค๊า)
-
เปิดจองแล้วเหรอคะ อยากได้จังเลย ราคาเท่าไหร่คะ ต้องเก็บตังค์ๆ
-
อร๊าย ยย ตามอ่านจนจบแล้ว สามวันสามคืน 555555
น้องริวน่ารักมากๆๆๆๆ อ่ายตั้งแต่ต้นจนจบ
ได้เห็นพัฒนาการของน้องริวไปเรื่อยๆ
ตั้งแต่ตอนเด็กมีแต่อลัน จนชอบพี่ไผ่ จนรักกับพี่ไผ่(หื่นตล๊ํอดด) ดังเช่นทุกวันนี้
ดีใจค่ะที่พี่ไผ่ทำเพื่อน้องริว เลือกน้องริวยอมออกจากวงการ
แต่ตลอดทั้งเรื่องที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นวา่พี่ไผ่เป็นคนทุ่มเทให้กับสิ่งที่ตัวเองรักจริงๆ
น้องริวกับพี่ไผ่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไปค่ะ
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆ
:กอด1:คนเขียน ขอบคุณพี่ที่ช่วยเอามาลงให้อ่านมากค่า จุ๊บๆ
-
อ่านเรื่องนี้จบแล้วเมื่อคืน
ใช้เวลาอ่านทั้งสิ้นประมาณ 3 อาทิตย์(ไม่ไ้ด้อ่านทุกวัน)
เรื่องนี้อ่านแล้ว ให้ความรู้สึกที่แปลกจากเรื่องที่เคยอ่านครับ โดยเฉพาะแนวเรื่องไปในสายดนตรี ชอบนะ ถึงมีบ้างที่จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็มีอธิบายให้ด้วย อ่านแล้วให้นึกถึงคนที่แต่งเพลงให้เราได้ฟังกันในปัจจุบันว่ามันไม่ยากและไม่ง่ายนะ กว่าจะออกมาแต่ละเพลงให้เราฟัง
ไม่แน่ใจว่า ผู้แต่งมีส่วนเกี่ยวข้องหรือทำงานในด้านสายดนตรีมาหรือเปล่า ทำไมถึงได้เล่ารายละเอียดได้น่าอ่านขนาดนี้ อันนี้ชมน่ะครับ ^^
ที่จริงอยากระบายความรู้สึกออกมาเยอะอยู่ครับ แต่ไม่รู้จะบรรยายยังไง เพราะมันเกินบรรยายจริงๆ ครับ
ขอบคุณและขอบคุณนะครับที่แต่งมาให้อ่านกัน
ปล. ตอนนี้กำลังนั่งพิจารณาอยู่ว่า จะอ่านเรื่อง เกมรัก...หมากชะตา ในภาคของ อลันและพ่อของริว หรือเปล่า เพราะมันเป็นเรื่องที่คาดว่าน่าจะต่อเนื่องกัน แต่ยังไงก็จะลงชื่อจองที่นั่งสำหรับอ่านไว้นะครับ
ปลล. เหมือนจำได้ว่าตัวเอง เคยเม้นท์เรื่องนี้ไว้ ในหน้าแรกๆ ของเรื่องนี้ ตอนนั้นบอกว่าคิวอ่านยาวมาก พอมาในช่วงนี้ ว่างแล้วก็เลยตามมาอ่าน (ไม่ผิดสัญญา)
-
^
^
^
กดบวกเพราะ "ไม่ผิดสัญญา" อิอิ
-
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบ
ชอบมาก อ่านแล้วไม่อยากให้จบเลย
ริวน่ารักอะ เด็กอัจฉริยะ รักเดียวใจเดียว
พสุ ก็ตามใจเด็กเจ้าเล่ ชอบๆ
จะตามเรื่องต่อไปนะคะ
-
ชอบมากอ่าน 3- 4 รอบแล้ว แจ้งจองไปแล้ว ยังไม่ได้เมลล์กลับเลย ไม่รู้รอบ 3 จะได้กะเค้าไหมเนี่ย
-
สนุกมากค่ะ ใช้เวลาอ่านประมาณอาทิตย์นึง
เป็นนิยายที่อบอุ่น อ่อนโยน อ่านแล้วให้ความรู้สึกหวานๆในหัวใจ
น้องริวมีความพยายามเป็นเลิศ ทั้งความมุ่งมั่น ความอดทน เป็นตัวอย่างที่ดีมากค่ะ
พี่ไผ่ก็เป็นผู้ชายอบอุ่น อ่อนโยนที่สุด
เป็นความรักที่ไม่แบ่งเพศจริงๆ เพียงแค่คนสองคนมีความรักให้กันในฐานะที่เท่าเทียม ยอมเป็นฝ่ายรับเพื่อให้อีกคนเจ็บน้อยกว่า โดยไม่ได้คิดตักตวงเอาความสุขจากฝ่ายตรงข้ามเพียงฝ่ายเดียว มันช่างเป็นความรักที่งดงามบริสิทธิ์โดยแท้
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ o13
-
อ่านรวดเดียวจบเลยค่า
เป็นนิยายที่น่ารักมากเลย
ริวน่ารักและเจ้าเล่ห์มากกกก 555
ส่วนพี่ไผ่ ถึงจะสับสนไปบ้า่ง (?) แต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมเนาะ (?)
รักพี่ไผ่ ผู้ชาย (?) อบอุ่น X D
(รู้สึกจะมีเควสชั่นเยอะจัง 555)
-
ได้รับหนังสือแล้วจ๊ะ
ที่คั่นน่ารักมากเลย
:pig4:นะจ๊ะ
-
ได้รับหนังสือแล้วค่ะ สภาพเรียบร้อยดีทุกประการ ขอบคุณค่ะ
-
:L2: ขอบคุณมากที่แต่งเรื่องดีๆ แบบนี้
เพิ่งสมัครสมาชิกได้ ก็เลยไม่รู้ว่าทำถูกไหม
แต่อยากบอกคนเขียนว่า "คุณเขียนได้ดีมาก"
อ่านแล้ว ต้องพยายามอ่านให้จบทั้งที่ง่วงนอนมากๆ
ทั้ง...ริว...ทั้ง.....ไผ่.....เป็นตัวตนที่อ่านเข้าใจได้
ชอบมาก.... :3123:
-
ส่งเมลล์และ pm ไปสั่งหนังสือรอบ 3 ที่เปิดจอง ไม่มีเมลตอบกลับมาซักที ส่งไป 2-3 ครั้งแล้ว
ถ้าไงขอรายละเอียดการโอนเงินและรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดจองหนังสือด้วยนะค่ะ
pm ตอบกลับหน่อยนะค่ะ
:monkeysad:
-
ซึ้งใจความรักริวไผ่ เธอคือลมหายใจของกันและกันจริงๆ
ปล เรื่องยาวๆมากกว่าจะอ่านจบแต่น่ารักดีค่ะโดยเฉพาะความใสของนู๋ริวช่วงแรกๆ ยังนึกว่าจะเป็นเมะไหวไหม
-
เธอคือลมหายใจ เธอคือทุกสิ่ง ฮิ้วๆ :impress2:
-
(http://image.ohozaa.com/i/be8/goTUG.gif) (http://image.ohozaa.com/view/6lmu8)
HapPy New Year 2012!!!~
Wishing you happiness in the coming New Year :L2: :L2:
-
การ์ดน่ารักมากค่ะ เคยพยายามลองทำแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
ชีวิตนี้นอกจากเขียนนิยายแล้ว โลกไอทีคงเป็นอะไรที่ห่างไกลสุดกู่จริงๆ
-
จากวันแรกที่อ่านมาจนถึงวันนี้ที่จบใช้เวลาอยู่อาทิตย์กว่าๆ เพราะอ่านได้วันละ 1-2 ชั่วโมง
แต่ถ้าวันไหนหยุดก็จะขลุกอยู่กับพี่ไผ่กับน้องทั้งวัน
เริ่มอ่านแรกเห็นมีตั้ง สองร้อยกว่าหน้า...คิดว่าเยอะจังจะอ่านจบไหมเนี้ย
....แต่พอมาอ่านจบในวันนี้ กับคิดว่า เอะมันจบแล้วเหรอ ยังอยากอ่านต่ออยู่เลยเนี้ย...
ขอบอกว่าประทับใจมากกกกกๆครับ....จะติดตามผลงานของนักเขียนเทพๆแบบนี้ต่อไปครับ
..................ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆมาให้อ่านน่ะครับ........................
-
HNY 2012 คุณป้า และพี่ spring ค่ะ
เพิ่งฟื้นจากตอนพิเศษที่กระทู้ เกมรักหมากฯ (ฟังดูรักเหมือนรักคนแก่มั้ย 555)
วาเลนไทน์ขอหวานๆ แบบนี้อีกรอบได้ไหมคะป้าขา
-
:3123:มาสวัสดีปีใหม่ให้กะริวไผ่ที่นี่ หลังจากไปอ่านตอนพิเศษคู่นี้ ที่เรื่องในห้องกำลังแต่ง :haun4: :pighaun: :z1: :jul1: :m25: อาการเป็นแบบนี้เลยตั้งแต่อ่านไปกลางเรื่องจนจบตอน :L1:
-
อ่านจบภายในสองวัน
เปนนิยายที่ทั้งอยากรีบอ่านให้จบ และไม่อยากอ่านให้จบในเวลาเดียวกัน
มันเต็มตื้นนะ แต่มันก็แอบเหงาๆ นิดหน่อย (ทั้งๆ ที่ใช้เวลาอ่านแค่ไม่กี่วัน แหะแหะ)
คือ ริวมันทำให้รู้สึกว่า รักมันดูยิ่งใหญ่ ทำได้ทุกอย่างเพื่อแค่คำว่ารัก ทั้งๆ ที่ตอนนั้นมันยังออกแนวเป็นเด็กเก็บกดด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่มันทำดูยิ่งใหญ่มาก จนขนาดคนอ่านยังแอบน้ำตาคลอ ตอนที่มันพาไผ่ไปที่ห้อง แล้วมันก็ดันเป็นคนที่ดูอบอุ่นมากซะอีกเนี่ย เมื่อได้รู้จักกับความรักที่อยากจะให้
ตอนแรกนึกว่าริวจะเป็นเคะ แต่ไหนๆ ดันเป็นเมะไปได้ แต่เมะแบบนี้พี่สาวก็ปลื้มนะจ้ะน้องริววววววววววว~~ :กอด1:
อยากหาคนรักให้ได้แบบริวเลยอ่ะ >O<
-
o13
-
กลับมาอ่านรื้อฟื้นความหลังอีกรอบจากตอนพิเศษของเกมรักหมากชะตา //กรี๊ดดดดดดดดดังๆสองเรื่องควบ!!! :-[
-
เราว่าน้องริวน่าจะเป็น ณเดช นะ เพราะว่าคนนั้นดูแก่กว่าพี่ติ้กเจษอีกอ่ะ
-
ส่งเมลไปจองแล้วนะคะ ยังไม่ได้รับการตอบกลับเลย
ช่วยดูให้หน่อยนะคะ กลัวหล่นหาย แหะๆ
ขอบคุณค่ะ
-
เมล์ไปจองแล้วนะคะ รบกวนเช็คอีเมล์ด้วยนะคะ :กอด1:
-
พึ่งเข้ามาเห็นเรื่องนี้ ยังไม่ได้อ่านเลย :z3:
เดียวยังไงต้องขอไปอ่านก่อน
ถ้ามีการเปิดจองนิยายอีกรอบ
ก้ขอจองด้วยคนน่ะ :monkeysad:
นี้เราไปอยู่ไหนมาเนี่ย :z3:
-
ประทับใจมากกับเรื่องนี้ ความรักสวยงามเสมอ คุ้มค่าที่ได้อ่านทำน้ำตาท่วมแบบซึ้งใจในหลายๆตอน อ่านจบในสองวัน หยุดไม่ลง ขอบคุณนะ
-
อยากได้หนังสืออ่า :sad4:
พิมพ์รอบ 3 เมื่อไรรบกวนแจ้งหนูทางอีเมลล์ด้วยได้มั้ยคะ อยากได้มากกก กันเงินไว้แล้ว 5555
kattun.manaอย่าแสดงเมลบนบอร์ด
ขอบคุณค่าา
-
หนังสือเปิดให้จองและโอนได้จนถึงวันที่ 19 มกราคมนี้ค่ะ สนใจติดต่อมาทางpm นะคะ
-
ส่งเมลไปซักสามวันได้ละมั้งครับ ยังไม่ได้ตอบกลับเลย T T
-
คุณVesiช่วยกรุณาส่งเมล์มาทาง pm ได้มั้ยคะ จะได้ติดต่อกลับ ชื่อเมล์ตามปกติ แต่หลัง@เป็นต้นไปขอเป็นภาษาไทยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
-
ตามอ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ แทบไม่เป็นอันทำอะไรอย่างอื่นเลย ฮ่าๆ
ประทับใจเรื่องนี้มากๆ หลงรักตัวละครทุกตัวเลยค่ะ โดยเฉพาะพี่ไผ่กับน้องริวเนี่ย
ริวนี่เห็นใสๆซื่อๆ แต่ที่จริงนี่ร้ายไม่เบาเลยนะ อ้อนจนพี่ไผ่ใจอ่อนตลอดดด
เมล์ไปจองหนังสือแล้ว เดี๋ยวจะรีบไปโอนเงินให้นะคะ โชคดีจริงๆที่มาทันรอบนี้ ไม่งั้นคงเสียดายแย่
ปล.เมล์ที่แปะอยู่หน้า1 พิมพ์ตกไปน่ะค่ะ บางคนที่ก๊อปวางแล้วเปลี่ยนแค่แอดกับดอทอาจไม่ทันสังเกต เลยทำให้เมล์ไม่ถึงด้วยรึเปล่าคะ
***เปิดจองนิยายรอบ 3 จ้ะ สนใจติดต่อ ป้า Anonymus หรือ เมล์ไปที่ tanjai1991แอทgmaiดอทcom (อย่าลืมแก้ @ และ . ด้วยนะคะ) เลยจ้า******
-
ขอบคุณมากค่ะ@Iriz เดี๋ยวจะไปแจ้งให้เจ๊spring ช่วยแก้ให้
แฮ่...ป้าแก่แย้ว เลยป้ำๆเป๋อๆ
-
ส่งไปทาง pm แล้ว ช่วยตอบกลับด้วยนะคะ
-
แจ้งโอนเงินไปแล้วนะคะ
ช่วยดูให้ด้วยนะคะว่าได้รับรึเปล่า
พอดีคอมที่บ้านมันเกรียน กลัวไม่ถึงน่ะค่ะ แหะๆ ^^;
-
PM ไปแล้วนะครับ
-
ตอบpmกลับไปแล้วทั้งของคุณ pp4 และคุณ PetitDragon นะคะ
-
ส่งหลังไมค์ไปแล้วรบกวนเช็คด้วยนะคะ ^^
-
PM จองหนังสือไปแล้วนะคะ o18
-
ส่งเมล์ไปแล้วนะคะ ทั้งคุณปุยหมาม่วง และคุณboworange
-
ตอนแรกว่าจะอ่านเรื่องนี้สักสองสามตอนก่อนค่อยไปนอน
แต่พอเริ่มได้อ่าน ก็เลยสองสามตอนที่ว่ายาวไปจนจบเรื่อง ตั้งแต่เมื่อวานยันวันนี้ ><
ไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว ติดงอมแงม
ชอบความละมุนละไมของเรื่องนี้ ชอบนิสัยตัวละครแต่ละคน
ที่สำคัญคือ ชอบความรักลึกซึ้งที่ริวมีให้ไผ่มากๆ เลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้นะคะ ^^
-
ส่งเมลไปแล้วนะครับ แล้วก็ PM ไปด้วย อีเมล์ชื่อ daodomeแอทhotmail.คอม ครับ ฝากดูด้วยครับ
-
อยากทราบว่าจะได้หนังสือเมื่อไหร่คะ เผื่อปิดเทอมแล้ว หนูกลับบ้าน จะได้แจ้งที่อยู่ใหม่อ่ะค่ะ
-
ได้รับหนังสือแล้วครับ สวยและน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกที่สุดเลย ขอบคุณครับ
-
ได้รับหนังสือเมื่อวานตอนสาย ๆ เลยไม่ต้องทำงานทำการกันเลย...
ตอนนี้อ่านถึงเล่มสอง รักน้องริวกะพี่ไผ่มั๊กมาก (http://emoticon.siamha.com/sheep/5.gif)
ขอบคุณอีกครั้งนะครับ o1 สำหรับนิยายเรื่องเยี่ยมเรื่องนี้
-
:monkeysad: จบแล้วกับการติดตามอ่านนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ แต่ความรู้สึกเหมือนยังไม่เต็มอิ่มอ่ะ
อยากจะให้มีต่อไปอีกนิดหน่อยก็ยังดี...ฮ่าๆๆๆ ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้เพราะเขาแต่งจบกันไปตั้งนานแล้วววว
แต่เพิ่งเข้ามาอ่านทีหลัง :serius2
นิยายสนุกมากค่ะ ชอบสไตล์การเขียนแบบนี้ ตอนแรกที่อ่านนึกว่าริวจะไปหาพี่ไผ่อย่างด่วน
แต่ที่ไหนได้ต้องใช้เวลาเตรียมตัวเกือบ 5 ปีเต็ม และมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นเพราะริวจะออกจากถ้ำ
ต้องปรับและเตรียมความพร้อมตัวเองหลายๆ อย่าง ริวเหมือนต้องทำสองอย่างในเวลาเดียวกัน
ไขว่คว้าความรักของตัวเองและปรับตัวในการใช้ชีวิต ถ้าไม่มีพี่ไผ่อยู่ข้างๆ ริวคงทำไม่ได้เร็วขนาดนี้แน่ๆ
แต่สุดท้ายทั้งริวและไผ่ก็ได้สิ่งที่ปรารถนาและสมหวังละนะ :กอด1:
ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์มากๆ ถึงมากๆ ที่สุด ที่ได้แชร์นิยายสนุกเรื่องนี้ให้ได้อ่านและติดตามผลงานค่ะ
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ได้รับหนังสือแล้ว เมื่อตะกี้รี่เอง
ขอบคุณมากคร้าาา ^^
-
ได้รับหนังสือแล้วจ้า
-
รอบสองอย่างด่วน แต่อยากเห็นภาคริว ในแบบ ราชาบนหอคอยบ้างอะ มีเล็กๆน้อยๆ มันไม่จุใจ o18
สุดท้ายก็ต้องขอบคุณอีกครั้งค่ะ สำหรับนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ :pig4: :pig4: :pig4:
-
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ ชอบมากๆเลยเรื่องนี้อ่านไปยิ้มไป น่าร๊ากกกกกมากๆๆๆอ่ะ
เห็นว่ามีทำเป็นหนังสือไม่ทราบว่าพอมีเหลืออีกบ้างไหมค่ะ อยากได้มากค่ะ
จะตอบทางบอร์ดหรือเมล์ก็ได้ค่ะ world_darkbright เมล์ร้อนนะค่ะ
ป.ล แบบว่าอยากได้มากอ่ะ
-
ตอบไปทางเมล์แล้วนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
-
พี่ไผ่&น้องริว :z2:
อยากบอกว่าชอบมากกกก จากใจจริง น้องริวน่ารักอ่ะ แอบน่ากลัวสำหรับคนอื่น แต่น่ารักสำหรับพี่ไผ่เสมอ :กอด1:
ชอบตอนที่ริวมาเมืองไทยใหม่ๆอ่ะ ไปไหนก็ไม่ห่างพี่ไผ่ ตอนไปบ้านสวนก็ชอบ เวลาคุยกับแม่พี่ไผ่น้องริวก็น่ารัก
สุดๆ ถามนั่นนี่น่าเอ็นดู๊
แอบร้องไห้ตามพี่ไผ่ด้วยตอนคุณแม่เสีย ดีที่น้องริวคอยอยู่ข้างๆ รักกันรักกัน^^
ชอบพี่ๆในวงคิสมีด้วย น่าจะมีแบบนี้จริงๆบ้างเนอะ เขาจะได้เป็นแฟนคลับ(แอบจิ้นคู่พี่ตะวันเบาๆ คึคึ)
เรื่องนี้อ่านได้แบบเรื่อยๆเลยอ่ะ เพราะตัวละครและเนื้อเรื่องค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆ ค่อยๆเรียนรู้และเติบโต
โดยเฉพาะน้องริว ชอบที่ผู้เขียนไม่ยัดเยียดให้ผู้อ่านเชื่อ และไม่ชูประเด็นให้เราเห็น แต่ให้เรารู้สึกเอง
ไม่รู้ใครรู้สึกเหมือนเขาไหม แต่เขารู้สึกอย่างนี้จริงๆนะ คนเขียนเก่งจังค่ะ o13
ขอโทษที่เม้นซะเวิ่นเว้อเยอะแยะ (จริงๆมีเยอะกว่านี้55+) แต่เขาชื่นชมคุณจริงๆ
ขอบคุณผู้เขียน ผู้โพสต์ และเล้าเป็ด ที่สร้างสรรสิ่งดีๆมาให้เรา ขอบคุณค่ะ
-
พึ่งอ่านจบ... แล้วก็โตะหลุมรัก (http://s269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/001/rabbit-emoticon-001.gif) พี่ไผ่กับน้องริวอย่างแรง (อีกแล้ว!)
ความรักของน้องริวที่มีให้พี่ไผ่นี่มันช่างยิ่งใหญ่ ฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามดั่งตำนานรักดอกเหมย (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/01/cute-bear-2-021.gif)
ส่วนภาคพิเศษ ...ตราบนิรันดร์ ก็สึโค่ยมาก ๆ ลึกลับ ตื่นเต้น ตรึงใจ
ถึงกลิ่นรสจะเปลี่ยนไป แต่ก็ยังคง essence ของความเป็นพี่ไผ่กับน้องริว (http://s269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/03/pinky-emo-006.gif)
แล้วก็ประทับใจช่วง 'คุยกันหลังม่านเปิด' จัง อ่านแล้วปลื้มคุณ Anonymus มาก ๆ
ขอมอบดอกไม้ (http://s269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/001/rabbit-emoticon-021.gif) แทนคำขอบคุณจากใจให้คุณ Anonymus กะคุณ Spring นะครับ
-
ยังพอมีค้างในสต๊อกหรือเปล่าคร๊าาา อยากได้ๆๆๆๆจัง
รบกวนตอบเมล chiaong_25 @hot ทีน๊าาคร๊าาา :L2:
-
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ
ยังพอมีหนังสือเหลืออีกไหมค่ะ
รบกวนช่วยตอบทางเมลล์นี้หน่อยนะค่ะขอบคุณค่ะ
po_love_reborn@hot :sad4:
-
ยังมีหนังสือไหมครับ อยากได้มาากกกกกกกก ตอบทางเมล์ก็ได้ครับ ขอบคุณครับ
-
:monkeysad: :monkeysad: เสียดายจังทีหนังสือหมดแล้ว
ขอให้รวบรวมรายชื่อได้เยอะๆนะคะ จะรอพิมพ์ครั้งที่ 4 ค่ะ :กอด1:
-
:z13:
จิ้มบอกความคิดถึงน้องริวววววววววว
-
ส่งหนังสือนานรึยังอ่ะคะ? เรายังไม่ได้รับเลยยยยยยย. :sad4: :z3:
-
ยังเหลือหนังสืออีกมั้ยค่ะ T^T
โอนตังค์ไม่ทัน
-
:impress2:กลับมาอ่านอีกรอบ รอบนี้แวะอ่านความคิดเห็นด้วย
ต้องขอบคุณ คนทำสารบัญ.... o13...ทำให้หาอ่านได้ง่ายขึ้นเยอะ
เรื่องนี้อ่านแล้วไม่เบื่อจริงๆ.....พอเครียดจากเรื่องอื่นๆ.......ก็แวะมาอ่าน
ทำให้ใจ...คิดถึงเรื่องดีงามได้อีก.....มีความสุขที่ได้อ่าน .....และได้คิด..
พี่ไผ่เป็นคนที่อดทนมาก ควบคุมตัวเองตลอดเวลา ถ้าไม่ใช่เนื้อแท้จริงๆ
คงทำไม่ได้.....เป็นคนดี...มันยากจริงๆ.......................................
ในขณะที่ริว เป็นเด็กนรก....ที่ยอมสยบกับความรัก.......................
อ่านแล้ว มีทั้ง สุข ทุกข์ และลุ้นไปกับตัวละครทุกตัว......จบแบบมีความสุข
แต่ก็อยากติดตามความสุขของพวกเขาต่อไป................... :กอด1:
:z2:
-
o13 :pig4:
-
ขอเอาลิงค์ตอนพิเศษมารวมไว้ค่า จะได้ตามอ่านกันถูก ^^ :m3:
"Dark Angel" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1790584#msg1790584)
"ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31784.0)
-
:m1: :m1: :m1: :m1:
-
มาบวกขอบคุณค้าบ JJHJJH
-
มาบวกขอบคุณค้าบ JJHJJH
ยินดีซาเหมอค่าป้า ^^
ปอลอ..เปลี่ยนใจให้อลันได้กินเด็กบ้างซักตอนจะเป็นพระคุณค่า อิอิ
-
อ่านจนจบรวดเดียว พูดได้คำเดียวว่า สุดยอด! o13 o13
-
จบแล้ว.....
รู้อะไรมั้ยคะ ไผ่กับริว ทำให้เราทิ้งทุกสิ่ง มาขลุกอยู่กับ 2 คนนี้ และคิสมี หมดเลย
ทิ้งทวิตเตอร์ ทิ้งหนุ่มๆในโลกแห่งความเป็นจริง(ชั่วคราว) ทิ้งงาน (เมื่อไหร่ที่เริ่มอ่าน งานการไม่กระดิกเลย :-[ )
น้องริวทำให้รู้สึกราวกับว่า ในโลกนี้ความรักคือ "ลมหายใจ" จริงๆ มันสวยงาม อบอุ่น นุ่มนวล หอมหวาน ฯลฯ
ยังคิดอยู่ ถ้าคนที่เปรียบดั่ัง ลมหายใจ ของน้องริว ไม่ใช่ ไผ่ ชีวิตริวจะเป็นยังไง
เรื่องนี้ นอกจากความรักขอไผ่กับริวแล้ว ยังให้หลายๆกับคนอ่านอย่างเราค่ะ
- ความรักความเข้าใจของครอบครัว แม่สุดา ป้าใจ หรือแม้แต่ พรเทพ หรือ อลัน ทำให้คนอ่านซาบซึ้งน้ำคลอไปด้วย
จริงๆ กับครอบครัว เวลาเป็นสิิ่งสำคัญจริงค่ะ ความสูญเสียของไผ่ ทำให้เราหันมาดูตัวเอง ว่าบางที เราควรคิดได้อย่างไผ่บ้าง
กับคนในครอบครัวการพูดคุย เปิดอก โดยไม่สนทิฐิบ้างก็จำเป็น บางที เราสนทุกคนบนโลก ยกเว้น คนในครอบครัว
เพียงเพราะความคิดที่ว่า คนในครอบครัวต้องรู้จักเราดีกว่าใคร ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องพูด ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจ
- ความรักระหว่างเพื่อน ทั้งๆที่ทุกคนก็มาจากคนละทีแท้ๆ แต่ก็ผูกพันธ์กันราวกับครอบครัว อ่านไปอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้จริงๆ
ปกติเป็นคนอ่านนิยายที่ค่อนข้างไปทาง อ่านข้ามๆ ค่ะ โฟกัสเอาที่ตัวละครหลัก ซะส่วนใหญ่
แต่กับเรื่องนี้ อ่านทุกบรรทัด ทุกย่อหน้าเลยทีเดียว มันซาบซึ้งสุดๆ
ขอบคุณคนแต่งคุณภาพ ที่สร้าง ไผ่กับริว และคิสมี รวมถึงคนอื่นๆให้เราได้รู้จักนะคะ
นอกจากเรื่องราวที่ ไม่แค่สักแต่แต่งให้จบเท่านั้น เพราะอ่านไป เราก็พอจะรู้ว่า คนแต่งปราณีตกับเรื่องราวแค่ไหน
ไหนจะยังภาษาที่คัดกรองมาอย่างดี สละสลวย และความรู้ต่างๆที่ผู้แต่งสอดแทรกไว้ตลอดทั้งเรื่อง
ณ วันนี้ เธอคือ...ลมหายใจ เป็นนิยายในดวงใจคนอ่านอย่างเราค่ะ
ขอบคุณคนแต่งอีกครั้ง รวมถึง คนโพสต์ ด้วยนะคะ ขอบคุณจริงๆ :L2:
-
ขอบคุณเช่นกันค่ะที่ติดตามอ่าน และขอบคุณสำหรับคอมเมนต์น่ารักๆ :กอด1:
อ่านแล้วมีแรงฮุึดไปปั่นนิยายต่อดีจริงๆค่ะ (เพราะว่าตอนนี้กำลังไฟมอด ต่อนิยายไม่ได้มาเกือบสองอาทิตย์แล้ว)
:pig4:
-
จิ้มคนแต่ง
วันแรกที่ได้อ่านเรื่องนี้ คือ วันที่เหงา ที่เหนื่อย และนอย พูดง่าย ๆ คือ รู้สึกไม่ดีทุกอย่างอ้ะครับ
เป็นเรื่องที่ได้รับรางวัลเซ็งเป็ดอวอร์ดประจำปี 2554 เลยคิดในใจว่า เรื่องนี้คงไม่ธรรมดาแน่นอน
อ่านแล้ววางไม่ลงจริง ๆ ครับ ตอนที่ 1 - 93 ผมอ่านตั้งแต่อยู่ที่ทำงานจนกลับบ้านมาจนถึงเที่ยงคืน
รู้สึกประทับใจทั้งเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ และความผูกพันของคนในเรื่องมาก ๆ
หลาย ๆ ครั้งที่ยิ้มไม่หุบ เหมือนคนเป็นบ้า หลาย ๆ ครั้งก็ซึ้งจนน้ำตาไหล
ซึ้งกับคำว่ารักคือการให้และการเสียสละ แม้แต่ชีวิต ก็สามารถจะให้กับคนที่เรารักได้
รวมทั้งความสมจริงของนิยาย Y (ที่ควรจะมีทั้งคู่ ช ญ และ ช ช) ในแบบฉบับที่หาอ่านได้ยากถึงแม้ว่าจะเป็นในเล้าแห่งนี้
ขอบคุณจริง ๆ ครับ ที่ในเวลาไม่กี่วัน ทำให้ผมกลับไปยิ้มและสู้กับปัญหาหลาย ๆ สิ่งที่ผมได้เคยหนีมาก่อนหน้านี้
ขอบคุณที่ช่วยเติมเต็มในเรื่องของความรัก โดยการนำเสนอความรักรูปแบบอื่น ๆ ที่คนอย่างผมอาจจะมองข้ามไป
ขอบคุณจริง ๆ ครับ
ผมรักนิยายเรื่องนี้จริง ๆ ถ้าผู้เขียนจะมีการรีปริ้นผมขอจองเป็นคนแรกนะครับ
ปล. ต้องการจะขอบคุณอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การที่แต่งให้พระเอกมีความเหมือนผมทั้งชื่อและนิสัยคล้ายกันมากขนาดนี้
มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าอ่านเรื่องของตัวเองอยู่ยังไงยังงั้น
ความคิดความอ่านของพระเอกบางอย่างก็คล้ายกับผมซะจริง ๆ ครับ
พอย้อนกลับไปดูชีวิตของตัวเอง ก็ทำให้รู้สึกอิน และเรียกน้ำตาได้ง่าย ๆ
ขอบคุณครับ ^^
-
^
^
^
โอ๊ะ! น้องริวตัวจริงมา
ขอลายเซ็นนนนนนนนนนนนนนนนนนน :-[ (หุหุ ป้าล้อเล่นนนน)
ยินดีค่ะที่ชอบ และยินดีที่นิยายเรื่องหนึ่ง จะให้อะไรได้มากกว่าความสนุก
สำหรับป้าคนแต่ง ตัวละครเรื่องนี้ทุกคนมีตัวตนจริงในความคิดของป้าเสมอ
ป้าถือว่าตัวเองคือคนเล่าเรื่อง จินตนาการคือดวงตาที่จ้องมองพวกเขา และตัวหนังสือคือปากที่ทำหน้าที่บอกเล่า
และขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ที่ทำให้อ่านไปยิ้มไป แล้วก็หันไปปั่นนิยายต่อ เพราะมีแรงใจดีๆ :pig4:
ปล. ยังไม่เปิดรีปริ้น แต่ก็ยังสั่งนิยายได้อยู่ค่ะ สนใจส่ง pm มานะคะ :z2:
-
เราอ่านจบไปสองรอบแล้วค่ะ ไม่ว่าจะครั้งนี้หรือครั้งแรกเราก็ไม่เคยเบื่อที่จะได้อ่านเรื่องนี้เลยจริงๆ ค่ะ
ครั้งแรกที่เราอ่านเรื่องนี้ เราอ่านในไอโฟนตลอดตั้งแต่เริ่มเรื่องยันจบ เราอ่านระหว่างเดินทางไปเรียนพิเศษอ่ะค่ะ ไม่ว่าจะตอนรอรถ ขึ้นรถไฟฟ้า จนกว่าเราจะเดินเข้าห้องเรียนนั่นแหละค่ะถึงเก็บมือถือไป บอกตามตรงว่าเรื่องนี้ทำให้เราน้ำตาไหลบนรถไฟฟ้าเลยนะคะ ตอนที่ถึงบทที่คุณแม่พี่ไผ่กับคุณพ่อพี่ไผ่เลยอ่ะ น้ำตาร่วงมาหยดนึงเลย
ปกติแล้วเราเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบฉากดราม่าเท่าไร แต่กับเรื่องนี้แล้วอย่าว่าแต่ชอบเลยค่ะ เรารู้สึกหลงใหลเอามากๆ เพราะถึงจะดราม่าแต่เราก็รู้สึกได้ว่าน้องริวจะไม่ทิ้งพี่ไผ่ไปไหนเด็ดขาด เวลาอ่านแล้วมันรู้สึกอบอุ่นหัวใจเอามากๆ เลยล่ะค่ะ อ่านแล้วหลงทั้งน้องริวและพี่ไผ่จริงๆ เรื่องนี้ :-[
เราอยากเก็บหนังสือเรื่องนี้มากๆ เลยล่ะค่ะ ...เพราะติดปัญหาคือเราสั่งมาที่บ้านไม่ได้ :z3: อ๊ากกกกกกกก~! มีทางไหนที่จะได้ครอบครองน้องริวกับพี่ไผ่ไว้ในอ้อมอกเราได้บ้างงงงงง~ :o12: :o12: :o12:
ปล. ไปนั่งรอน้องเลโอกับคุณอลันแก้ช้ำใจไปพลาง
-
อ่านจบแล้วอยากกอด....
-
เข้ามาจิ้มบวกให้ทุกคนเลย อ่านความรู้สึกของหลายๆ คนแล้ว ภูมิใจแทนคุณป้าค่ะ ^^
เปิดรีปริ้นท์รอบสามแล้วด้วย วู้ววววว ใครยังไม่มี ห้าม!!!พลาดค่า
-
ในที่สุดก็อ่านจนจบ
กว่าจะผ่านได้เเต่ละตอน น้ำตาหยดเเหมะๆ :o12:
เรื่องนี้ ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวละครได้ดีมาก o13
ภาษาที่ใช้ก็สวย ลื่นไหล
ขอบคุณนะคะ ที่นำนิยายดีๆมาให้อ่านกัน :pig4:
+1 ให้กับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ :กอด1:
-
อ่านรวดเดียวจบเลย
รู้สึกรักพี่ไผ่กับน้องริวมาก
คือ...จะว่ายังไงดีละ
รู้สึกว่าอ่านเรื่องนี้ทำให้ได้รับอะไรดีๆไปหลายอย่างมากเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :bye2:
-
กรี้ดดดดดดดดดด...... เรื่องนี้สุดๆ จริง ๆ ชอบมากครับ เขียนแนวนี้เรื่อยๆนะครับ
-
ในที่สุดก็อ่านจนจบ
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมาก
ริวยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เจอรักแท้ที่เค้ารอค่อย
ผสุก็เยี่ยมที่ไม่ทำให้น้องผิดหวัง น่าร๊ากกกกกกกกกอ่ะ
ลมหายใจของกันแระกัน :o8: :-[ :impress2:
+1ให้เลย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะ :กอด1: :pig4:
-
อ่านหลายๆ คอมเม้นท์แล้วขอกดบวกค่า ^^
-
หนังสือยังมีให้สั่งอีกหรือป่าวคับ รบกวนตอบ
ที่ potolala_muอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com ด้วยนะคับ รบกวนด้วยนะคับ
-
มีมาต่อตอนพิเศษไหมนะครับ อยากรออ่านซักตอนก้อยังดี
-
คุณpotplala คะ ตอบไปทาง pmแล้วนะคะ
คุณ "โดดเดี่ยวแต่ไม่" คะ มีตอนพิเศษนะคะ คุณ JJHJJH แปะลิงค์ไว้ให้ในหน้าที่ 241 ค่ะ
ขอเอาลิงค์ตอนพิเศษมารวมไว้ค่า จะได้ตามอ่านกันถูก ^^ :m3:
"Dark Angel" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1790584#msg1790584)
"ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31784.0)
-
ตะวันคู่กับดลหรอ
:n1:
-
อ่านจบแย้วววววววววว..สนุกมากกก...คะ
-
ตะวันคู่กับดลหรอ
:n1:
เอางั้นเลยเหรอค๊า >''<
-
อ่านจบแล้ว. ประทับใจ
หลงรักพี่ไผ่น้องริว มากๆ
-
ปรกติไม่่คนชอบอ่านแนวนี้เลยนะคะ
จะชอบแต่งแนว หนุ่มวิศวะปะฉะดะ กูมึงๆ หยาบคายๆ (บ่งบอกนิสัยมาก :laugh:)
แต่เรื่องนี้เป็นข้อยกเว้นอ่ะ สนุกมากอ่ะ
สุดยอด ชาบู บูชา
ตอนแรกฟันธงไว้เลยว่าริวเป็นเคะแน่
แต่พอไปๆมาๆ ..ตัวสูงกว่าเกือบคืบ..???! (ชักเริ่มหวาดระแวง)
และแล้ว เฮียไผ่ผู้มาดแมนอบอุ่น..ก็เสร็จโจรริวไปโดนปริยาย :oo1:
แต่บทสรุปนี้เป็นอะไรที่น่ารักมาก แบบว่า
ทั้งสองคนรักกันมากได้ขนาดทิ้งทุกอย่างเลยจริงๆ :monkeysad:
ซึ้งมากกก!!! เรื่องนี้มีทั้งปวดใจจนน้ำตาพราก โดยเฉพาะตอนแม่ของไผ่เสีย..บอกเลยว่าเขื่อนแตก!!! :sad4:
แล้วก็เขินน่ารัก อายม้วน หรือแบบสะใจก็มี(โดยเฉพาะตอนไปเกาหลี 55555)
ที่อยากจะบอกก็คือ..ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์มากนะคะ o13
-
อ่านแล้วชอบมากครับ ไม่ทราบว่ายังมีหนังสือเหลือให้สั่งอยู่มั้ยครับ
รบกวนส่ง PM มาแจ้งหน่อยนะครับ ถ้ามีเหลือก็อยากจะสั่งเก็บไว้ ^^
-
อยากได้เรื่องนี้มากๆเลยค่ะ ยังพอมีเก็บไว้บ้างไหมค่ะ
มีส่งเมลไปถามแต่ว่าไม่เห็นตอบกลับมาเลยลองมาถามดูในนี้
เผื่อยังมีเก็บไว้ เพราะอยากซื้อเรื่องนี้เก็บไว้มากๆเลย
ถ้ายังมีเหลือยังไงรบกวนส่งเมลมาที่
shionkun แอด hotmail ดอทcom
ขอบคุณมากค่ะ
-
ซึ้งมากเลยครับ ชอบเรื่องนี้จัง ^_______^ ชอบตัวละครแบบพี่ไผ่ อยากให้มีตัวตนขึ้นมาเลยจริง ๆ
ทุกคนในวงคิสมีรักกันเป็นห่วงกัน เป็นความรักที่บริสุทธิ์มากจริง ๆ ชอบทุกฉากทุกตอนในเรื่องนี้ทั้งหมดเลยครับ
ขอบคุณนะครับที่นำเรื่องราวดี ๆ แบบนี้มาแบ่งปัน ^ ^ :pig4:
-
ในที่สุดก็อ่านจบ อ่านเรื่องนี้นานมาก ติดเรียนหนัก เว้นช่วงไปนานเลยทีเดียว :sad4:
กลับมาอ่านต่อก็ยังกินใจตลอด
ชอบการบรรยายเนื้อเรื่องมากเลยค่ะ ละเอียด แม้จะเป็นจุดเล็กๆ เข้าถึงความรู้สึกมากๆ
อินไปกับตัวละครเลย :monkeysad:
ริวกับพี่ไผ่ .. เธอ คือ ลมหายใจจริงๆค่ะ :-[
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะคะ :pig4:
จะติดตามอลันจ่อไปน้า ^^
-
ริวไผ่ สงกรานต์ไปไหนกันค๊า กิ๊ดเติ้งหาจ๊าดนัก
-
เป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ อ่านแล้วแทบไม่อยากไปไหนเลย
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆ นะคะ
-
คุณpotplala คะ ตอบไปทาง pmแล้วนะคะ
คุณ "โดดเดี่ยวแต่ไม่" คะ มีตอนพิเศษนะคะ คุณ JJHJJH แปะลิงค์ไว้ให้ในหน้าที่ 241 ค่ะ
อ่านกี่ทีๆ ก็กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
-
สวัสดีค่ะ
เพิ่งเป็นสมาชิกค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ ^ ^
อ่านแค่ตอนแรกก็น่าติดตามแล้ว ชอบริวตั้งแต่ตอนแรกเลยค่ะ
ท่าทางเอาแต่ใจแต่แฝงปมบางอย่าง เดี๋ยวไปตามอ่านต่อค่ะ
อยากได้รวมเล่มด้วยค่ะ pm ไปหาแล้วนะคะ ^ ^
-
เรื่องนี้สนุกมากๆค่ะ ขอบคุณมากกนะคะ
เพิ่งเข้ามาอ่านเป็นอะไรที่น่ารักมากๆเลย อยากจะเจอคนแบบน้องริวซักครั้ง
สงสารน้องบางทีพสุก็ดุน้องเกิน น้องรักพสุจะตาย ฮือ TT
แต่ตอนหลังนองริวเจ้าเล่ห์มากๆเลย จะกินพี่พสุตลอดเวลา
ง่า...หนูมาช้าไป อยากได้มากๆเลยค่ะ ยังทันไหม ?
แงง คือหนูอ่านในมือถือแล้วเปิดคอมมาเม้น
เขินมากเรื่องนี้เหมือนอัดอั้นว่ายังไงก็ต้องเม้น ฮ่าๆๆๆ
สุดท้ายขอบคุณคนแต่งและคนลงนะคะ สนุกมากๆเลยจริงๆ
ถ้ามีเรื่องใหม่จะรีบตามไปทันที ขอบคุณมากค่าา ^^
-
ได้รับหนังสือแล้วคะ ^^
ดีใจมากมาย
-
เข้ามาอ่านสามวันสามคืนเต็มๆๆๆกับเรื่องนี้
อยากบอกว่าสนุกมากกกค่ะ เรื่องราวน่ารัก
หวานๆๆๆ แถมมีอะไรให้จิ้นเยอะ นอกจากนี้
ยังครบรสทั้ง เศร้า เหงา สนุก ระทึก อีกด้วย
อ่านง่ายและตรึงใจมากๆๆๆ อบอุ่มมากค่ะ
โดยเฉพาะ อ่านตอนที่เขียนถึงบ้านสวนทีไร
ได้อารมณ์อบอุ่นสุดๆๆไปเลยค่ะ
พี่ไผ่ก็น่ารักมากก น้องริวตอนงอนๆ ยิ่งน่ารัก
สรุปแล้วสนุกค่ะ อยากให้แต่งเรื่องสนุกๆๆออกมาอีกเรื่อยๆนะค่ะ
ชอบมากๆๆๆ และจะติดตามผลงานเรื่องอื่นๆๆต่อไปค่ะ
:กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
ึ
-
จากการเป็นคนอ่านผีมานาน :z2:
อดใจไม่ไหวต้องสมัครเป็นสมาชิกเล้าจนได้
เพราะเรื่องนี้เลยนะเนี่ย :-[
สนุกมากๆ ประทับใจสุดๆ อ่านแล้วปลาบปลื้มจิงๆ
อ่านกี่ครั้งก้อ :กอด1:น้องริว+พี่ไผ่
เลยอยากรู้ว่าหนังสือยังพอมีเหลือมั๊ยค่ะ
สนใจอย่างมาก :sad4: ไม่รู้ว่ายังจองทันรึป่าว
เป็นมือใหม่ในการสั่งจองหนังสือ
รบกวนด้วยนะค่ะ
ปล.รักคนแต่งที่ซู๊ด..... o13
-
คุณ laurasocute คะ ตอบไปในข้อความส่วนตัวแล้วนะคะ
หนังสือยังเหลืออยู่อีกนิดหน่อยค่ะ ติดต่อกลับมาตามเมล์ที่ให้ไปได้เลยค่ะ
-
มีคน PM มาถามว่าหนังสือเหลือมั้ยกับนู๋หลายคนด้วยคะ นู๋ก็เอาเมล์ป้าให้เขาไปแล้ว
สงสัยนู๋เป็นหน้าม้าให้พี่ไผ่ผู้แสนดีมากเกินไปจนเขาคิดว่านู๋ช่วยขายหรอเนี่ย 555+
ขอรางวัลเป็นการบุกเข้าบ้านไปหาพี่ไผ่ แล้วจับเจ้าริวไปขังห้องน้ำไว้ 1 วัน คริคริ
ปล...กดบวกเจาะไข่ลูกเป็ดทั้งหลายเป็นของแถมค่า
-
^
^
^
จิ้มๆ :z13:...ขอบคุณก๊าบ JJHJJH :man1:
เมื่อวานนั่งปั่นตอนมังกรตะวันออก ปะทะสิงโตตะวันตก...ปั่นเสร็จคนตรวจบอก ลูกชั้น(ริว)น่ารักกว่าลูกเธอ(เลโอ)
สรุปอิน้องริวเป็นดารารับเชิญที่แย่งซีนตลอดศก หุหุ
ปล. ตอนแรกว่าจะให้พี่ไผ่กดอิน้องริวสักยก แต่คนตรวจไม่ยอม...เพราะงั้น พี่ไผ่อดเนาะ หุหุ
-
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
ชอบน้องริวกับพี่ไผ่มากๆ
น่ารักอ่ะคู่นี้ อยากให้มีตอนพิเศษอีกจัง(เพ้อ)
ฮ่าๆๆ เด่วจะแว็ปเข้าไปอ่านอลันกับน้องเลโอมั้ง
-
ปล. ตอนแรกว่าจะให้พี่ไผ่กดอิน้องริวสักยก แต่คนตรวจไม่ยอม...เพราะงั้น พี่ไผ่อดเนาะ หุหุ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ป้าเปลี่ยนคนตรวจได้ไหมค๊า ใจร้ายยยยยยยยยยยย
-
จิ้มๆ :z13:...ขอบคุณก๊าบ JJHJJH :man1:
เมื่อวานนั่งปั่นตอนมังกรตะวันออก ปะทะสิงโตตะวันตก...ปั่นเสร็จคนตรวจบอก ลูกชั้น(ริว)น่ารักกว่าลูกเธอ(เลโอ)
สรุปอิน้องริวเป็นดารารับเชิญที่แย่งซีนตลอดศก หุหุ
ปล. ตอนแรกว่าจะให้พี่ไผ่กดอิน้องริวสักยก แต่คนตรวจไม่ยอม...เพราะงั้น พี่ไผ่อดเนาะ หุหุ
เจ็บปวดกับบรรทัดสุดท้ายที่คุณป้าพิมพ์ไว้มากค่ะ กระซี๊กระซิก
ไม่เป็นไร พี่ไผ่นู๋ยอมปล่อยผ่านให้เจ้าริวไปแล้ว แต่นู๋มั่นใจว่า ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอยกับอลันใช่มั้ยคะ
พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส //กอดพี่ไผ่น้ำตานอง
-
ใน...ในที่สุดก็อ่านจบบบบบ!!!!!!! o7
มีคนแนะนำมา ไม่นึกว่ามันจะสนุกขนาดนี้
อ่านกันข้ามวันข้ามคืนเลยค่ะ เพิ่งอ่านเมื่อวาน กว่าจะตามครบเล่นเอาแทบจะตายคาคอม
สนุกมากกกกกกกกก
น้องริวและพี่ไผ่น่ารักไม่ไหวแล้ววว
โดยเฉพาะริว ตอนแรกมาเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา ไหงๆหลังๆดันกดพี่ไผ่ได้ล่ะเนี่ย
การเรียนรู้ของน้องรวดเร็วมากค่ะ โดยเฉพาะเรื่อง -ติ๊ด- :haun4:
ชอบอลัน ถึงจะบทน้อย (แต่เหมือนจะมากกว่าดลยังไงไม่รู้ = =;; ) แต่ออกมาแต่ล่ะที ก๊าวววววว(?) :m1:
แอบจิ้นคู่อลันกับคุณพ่อของน้องริว แต่รู้สึกว่าอลันจะคู่กับอีกคนนึง (ใช่ไหม? ยังไม่ได้ตามอ่านภาค 2 เลยค่ะ)
เรื่องนี้ทำเหนื่อยล้ามาก ตอนที่คุณแม่คุณพ่อของพี่ไผ่ตาย จะร้องไห้ตาม (แต่ก็ไม่ บ่อน้ำตาหนูลึก) :z3:
หัวเราะ อบอุ่น เศร้า ซึ้ง บ้าคลั่งไปกับเรื่องนี้
อยากได้รวมเล่ม แต่ตอนนี้ช็อตอย่างหนัก :z3:
เปิดจองถึงวันที่เท่าไหร่คะ?
-
ส่ง pm ไปสอบถามเรื่องหนังสือ อย่าลืมตอบกลับด้วยนะคะ :กอด1:
-
ตอบคุณ Pippin_Fujoshi และคุณ panari หนังสือรอบสี่หมดไปแล้วนะคะ
แหะๆ ถ้าจะรีปริ้นรอบต่อไป จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ
ขอบคุณมากค่ะที่ติดตามอ่าน
-
:o8:อ่านกี่ทีก็ชอบ :กอด1: :กอด1: o13
-
ตอบคุณ Pippin_Fujoshi และคุณ panari หนังสือรอบสี่หมดไปแล้วนะคะ
แหะๆ ถ้าจะรีปริ้นรอบต่อไป จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ
ขอบคุณมากค่ะที่ติดตามอ่าน
พี่ไผ่น้องริวขายดีจริงจริ๊ง >//<
-
ชอบน้องริวน่ารักไร้เดียงสาดี
-
อ่านรวบเดียวจบ สามวันสองคืน อยากบอกว่า สนุกโฮกกกกกกกกกกกกกก :z2: :z2: :z2:
:man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: รักตะวัน แต่ก็รักคนอื่นนะ อย่าน้อยใจ จุฟๆ
-
:กอด1:คิดถึงริวกับไผ่จังเลยอะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
:กอด1:คิดถึงริวกับไผ่จังเลยอะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
คิดถึงก็ไปอ่าน อลันxoxoเลโล ไปพลางๆ เดี๋ยวก็ต้องโผล่มาสักวัน อิอิ
-
ตามอ่านแบบมาราธอนมากกกกกก
คือที่ตามอ่านเรื่องนี้เพราะว่าเห็นลายเซ็นของหลายๆล็อกอินอ่าครับ
เลยสงสัยว่าใครคือพี่ไผ่ น้องริว เลยตามหา
แล้วก็เริ่มอ่าน อ่านแรกๆก็ลุ้นเหมือนหลายๆคนว่าพี่ไผ่รุก
พอเกิดเรื่องที่เกาหลี ความคิดก็เปลี่ยนไป พี่ไผ่โดนรุกชัวร์
น้องริวน่ารักมาก น่ารักขึ้นทุกวัน ๆ
แม้จะไม่ได้ตามอ่านมาตั้งแต่แรก เพราะผมมักจะสิงบอร์ดนิยายจบแล้ว (นิสัย :beat:)
แต่ผมก็รู็สุกรักทุกตัวละครมากๆเลยหล่ะครับ :L1:
ที่ชอบที่สุดคืออลัน ตัวละครนี้น่ารัก แม้ว่าจะอยู่ภายใต้คำสั่งของริวแต่ก็ยังน่ารัก
จะว่าไงดี ผลัดกันฉลาดกับริวคนละเรื่อง (หรือนิสัยคลั่งคนมีอายุของผมยังไม่หาย :o8:)
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆครับ :pig4:
ถ้ามีโอกาศผมจะไปติดตามเรื่องอื่นๆด้วย :L2:
-
ที่ชอบที่สุดคืออลัน ตัวละครนี้น่ารัก แม้ว่าจะอยู่ภายใต้คำสั่งของริวแต่ก็ยังน่ารัก
จะว่าไงดี ผลัดกันฉลาดกับริวคนละเรื่อง (หรือนิสัยคลั่งคนมีอายุของผมยังไม่หาย :o8:)
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆครับ :pig4:
ถ้ามีโอกาศผมจะไปติดตามเรื่องอื่นๆด้วย :L2:
กรี๊ดดดดด แฟนคลับลุงอลัน เชิญกระทู้นี้เลยค่ะ เกมรัก...หมากชะตา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.0)
ลองตามอ่านนิยายที่ยังไม่จบดูบ้าง จะได้ช่วยกันกดดันคุณป้าและคุณพี่ spring ให้ลงตอนต่อให้ได้อ่านไวๆ ไงคะ ^^
-
อ่านจบแล้วค่า สนุกมากเลย ลุ้นตลอดจริงๆความรักของคู่นี้
ลุ้นว่าเมื่อไหร่พี่ไผ่จะรู้ใจตัวเอง555
อยากบอกว่าอ่านมาราธอนมากค่ะ นอนไปไม่นานก็ตื่นมาอ่านต่อจนจบเลย
สนุกมากจริงๆ
ขอบคุณทั้งคุณนักเขียนและคุณspringนะคะที่ทำให้เราได้อ่านเรื่องนี้กัน :L2:
-
ผมซุ่มอ่านเรื่องนี้ไปรวดเดียวจนจบ สำหรับผมเรื่องนี้ เพื่อ รัก คำเดียวคนเราทำได้ทุกอย่าง เพื่อคนที่เรารัก และรักเรา ทิ้งความกลัว ทิ้งสิ่งที่รัก ไปจนถึงทิ้งความเป็นตัวตนที่เป็นมาแต่เกิดเพื่อมารักกัน
-
เรื่องนิยายเรื่องนี้ o13 o13
อบอุ่นมากๆ กับความรักของน้องริวกับ พี่ไผ่
จะมีสักคนมั้ยนะ ที่อดทนรอคอย เพื่อให้ได้มาซึ้งคนรักและความรักแบบน้องริว :L1:
จะมีสักคนมั้ยนะ ที่จะยอม เสียสละได้เพื่อความรัก แบบ พี่ไผ่ :L1:
ขอบคุณผู้แต่ง และ คนโพส ที่นำนิยายดีๆ อบุ่นๆ มาหใ้เราได้ อิ่มเอิมใจ :กอด1:
-
ตามอ่านข้ามวันข้ามคืน อยากจะบอกว่าหลงรักเรื่องนี้มากค่ะ
รักพี่ไผ่กะน้องริว :L2:
รอเปิดจองรอบใหม่นะคะ อยากได้เป็นของตัวเองมากๆ
-
:L1: :L2: อ่านแล้วสนุกมากเลยคะ ชอบริวมากเลย น่ารักอ่ะ จะติดตามต่อไปนะค่ะ :3123: :L2:
-
เพิ่งอ่านได้ 24 ตอนเองอ่า
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ
น่ารักดีนะ ชอบนิสัย ริวอ่า เด็ก แบ๊วๆๆดี
-
ตอนนี้กำลังอ่านเล่มเป็นรอบที่สี่แล้วค่ะ ^ ^
อยากได้ตอนพิเศษพี่ไผ่น้องริวอีกจัง ... จะได้ไหมคะ :z1:
-
อ่านจบแล้ว :o12: สนุกมากเลยอะ สมแล้วที่ได้รางวัลสุดประทับใจ ประทับใจมากๆๆเลยหละ><
ถ้าเรื่องจริงนะ เสียดาย เสียงร้องของทั้ง2คนมากๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ(มากๆ) ที่แต่งมากให้อ่านนะค่ะ :L2: :กอด1:
-
ิอยากให้ re-print อีกครั้งพร้อมกับเรื่องของอลันอ่ะคะ ชอบมากกกกก อยากได้ทั้ง 2 เรื่อง :impress2:
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L2: :L2: :L2:
-
:-[ ตอนเค้าอ่านเรื่องนี้ แอบจิ้นให้น้องริวหน้าตาแบบนี้อ่ะ ><
(https://fbcdn-sphotos-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/540606_309220022497188_1342168469_n.jpg)
-
เย้ อาสนจบแล้ว
น่ารักมากเลยนะเรื่องนี้อ่า
รักกัน หวานชื่นมากมทยอ่า อิจฉา ตาร้อนเลยทีเดียว
-
...หมดแล้วเหรอคะ? :o7:
อยากได้รวมเล่มมากๆ หวังว่าเร็วๆนี้จะมีการรีปริ๊นท์นะคะ
ปล.กลับมาอ่านรอบที่สองแล้ววว
-
เพิ่งเข้ามาอ่านตั้งแต่ต้นจนจบเลย..
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลย
มีทั้งสนุก เศร้า ซึ้ง หวาน ตลก มีครบหมดทุกอารมณ์ :monkeysad:
การใช้ภาษาก็สวย เนื้อเรื่องก็ดี ชอบสุด ๆ ค่าา..
ตอนจบก็อิ่มเอมใจมากมาย ~ :กอด1:
ขอชื่นชมผู้เขียนจากใจจริงค่ะ คุณยอดเยี่ยมมาก ๆ! o13
-
ไล่อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สนุกมาก o13
อย่าว่าแต่พี่ไผ่ซาบซึ้งในความรักของริวเลย คนอ่านก็ซึ้ง
ริวพยายามมากๆเพื่อที่จะมาเจอพี่ไผ่ ทั้งที่เกลียดการสัมผัสแต่ก็อดทนให้เป็นนักร้องได้ ขอกอดหนูริวที :กอด1:
อ่านจบแล้วใจหาย T^T อยากให้มีต่อไปเรื่อยๆ คิดถึงน้องริววววว~
ระหว่างไผ่กับริวมีทั้งความรักทั้งความผูกพัน เข้ากับชื่อเรื่องเลย คือลมหายใจของกันและกันด้วย :-[
ทั้งคู่ผ่านอะไรด้วยกันมามากเลยเนาะ โดยเฉพาะไผ่ พอแม่เสียพ่อก็เสียตามในเวลาติดๆกัน แต่อย่างน้อยช่วงเวลาที่ไม่ดีก็ยังมีริว >.<
กลัวมาตั้งแต่ต้นเรื่องว่าถ้าไผ่รู้ว่าริวรัก ไผ่จะตีตัวออกห่างหรือเปล่า ดีใจที่ไม่เป็นอย่างที่กลัว เย้ๆๆ (ก็ริวมันชิงเผด็จศึกไปซะแล้ว..)
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ^^
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:
-
อ๊ายยยยยยย
อ่านจบแล้วอ่ะ ไม่อยากให้จบเลยอ่ะ
เดี๋ยวจะตามไปอ่านเรื่องของอลันกับเลโอต่อ
ขอบคุณคนเีขียนและคนโพสมากค่ะ ที่นำเรื่องดีๆมาให้ได้อ่านกัน
ถ้ามีรีปริ้นรอบสี่ แจ้งกันบ้างนะค่ะ อิอิ อยากได้น้องริวกับพี่ไผ่มานอนกอดที่บ้านอ่ะค่ะ
-
:-[ ตอนเค้าอ่านเรื่องนี้ แอบจิ้นให้น้องริวหน้าตาแบบนี้อ่ะ ><
(https://fbcdn-sphotos-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/540606_309220022497188_1342168469_n.jpg)
กรี๊ดดดด ชอบคนนี้ด้วย >//<
-
มาอ่านอีกรอบ :m7: :m7:
เป็นรอบที่......//เท่าไรหว่า :m28: :m28:
อ่านกี่รอบก็ไม่เคยเบื่อซะที ><
-
วันนี้ฤกษ์งามยามดี(?) หลังจากที่อ่านเรื่องนี้จบมานานมาก คำนวณแล้วประมาณสามชาติเศษ
กระทั่งสั่งซื้อหนังสือและโอนเงินก็แล้ว ได้รับหนังสือก็แล้ว อ่านซ้ำไปซ้ำมาจนหนังสือบอบช้ำก็แล้ว
เพิ่งจะบังคับจิตใต้สำนึกส่วนดีให้มาโพสต์ได้นี่แหละ หลังจากที่ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่หลายรอบมากๆ
ด้วยเพราะแน่ใจในตัวเองเหลือเกินว่า ลองถ้าได้เม้นต์แล้วน่าจะหยุดยาก คงเป็นอะไรที่ยาวหลายบรรทัดแน่ๆ
'เธอคือ...ลมหายใจ' ชื่อนี้ทำให้เข้าใจคำว่า First Impression ที่มีต่องานเขียนแนววาย(?)
รู้สึกประทับใจตั้งแต่ที่ได้เห็นชื่อเรื่องครั้งแรก โดยยังไม่ทันที่จะได้อ่านเนื้อเรื่องเลยด้วยซ้ำไป
คือเห็นชื่อแล้วสะกิดใจทันทีเลยว่า เฮ้ย ชอบว่ะ รัดเกล้าร้องเพราะมาก (มั่วมาก คนละเรื่องแล้ว)
จนเมื่อได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ก็พบว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ทั้งยิ่งรู้สึกชอบ ติดใจ และอยากติดตามยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ชอบทุกๆ อย่างในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการโครงเรื่อง การเดินเรื่อง การบรรยาย ตัวละคร เพลง ฯลฯ
และคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลงรักตัวพระเอกและนายเอกของเรื่องคือ ริวกับไผ่ (ตอนนั้นเป็นช่วงริวไผ่ลิซึ่ม)
ประทับใจในทุกสิ่งทุกอย่าง และทั้งหมดทั้งมวลที่ประกอบกันขึ้นเป็นผู้ชายที่มีชื่อว่า 'ริว เกรสัน' อย่างที่สุด
ประทับใจในความพยายาม ในความรัก ในการกระทำ ในจิตใจอันแน่วแน่ และในความมั่นคงของริวที่มีต่อไผ่มากๆ
ตามติดริวหนึบ (ปานตุ๊กแก) นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นไผ่ทางหน้าจอทีวี แล้วตั้งใจว่าจะต้องเอาไผ่มาเป็นของตัวเองให้ได้
เฝ้าตามลุ้นริวที่เฝ้าติดตามดูไผ่ (อีกที) ผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม ที่ส่งสัญญาณมาเกินครึ่งโลกแทบจะตลอด 24 ชั่วโมง
ถึงขั้นรู้สึกแบบเดียวกับริว อยากอยู่กับไผ่ อยากเห็นไผ่ตลอดเวลา อยากฟังเสียงไผ่ (ยอมผันตัวเป็นพวกสตอล์กเกอร์)
จนกระทั่งเมื่อรายการเรียลลิตี้ใกล้สิ้นสุดลง ริวก็ออกปากกับอลันผู้ที่ซึ่งเป็นทั้งผู้ปกครองและผู้จัดการส่วนตัว
ว่าให้เอาไผ่เอามาให้ที และต้องทำยังไงไผ่ถึงจะรักเขา จนถึงกับจะใช้เงินไปกล้านซื้อตัวไผ่ม (มันทำยังกะซื้อหุ้น)
แต่ด้วยริวนั้นมีวัยเพียง 13 ย่าง 14 ปี อีกทั้งยังไม่เข้าใจความซับซ้อนของมนุษย์ (รู้จักแต่แมว และสัตว์ในสารคดี)
แต่นั่นแหละที่เป็นตัวบ่งชี้ว่า สิ่งที่ริวอยากได้คือความรักความอบอุ่นเท่านั้นล้วน (ไม่ใส่สี และไม่มีสารพิษเจือปน)
ไม่มีกิเลศ ตัณหา หรือราคะใดๆ แอบแฝงอยู่แม้แต่น้อย คำว่ารักของริวจึงบริสุทธิ์ (แต่ใส่สารกันบูด เพราะไม่หมดอายุ)
เพื่อที่ตัวของริวเองจะสามารถใช้ชีวิตเคียงข้างไผ่ที่อาศัยอยู่อีกซีกโลกได้นั้น ริวยอมแม้กระทั่งเสียสละความเป็นตัวเอง
ทั้งการดำเนินและใช้ชีวิตแบบที่มนุษย์ปกติทำกัน อีกทั้งยังต้องเรียนรู้ภาษาไทย และวิถีชีวิตของคนไทยที่ไม่เคยรู้จัก
ทั้งๆ ที่ตัวริวเองนั้นปฏิเสธการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกกันว่า 'มนุษย์' มาโดยตลอด แต่ก็ยอมที่จะเปลี่ยนแปลง
ริวใช้เวลาในการพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ ยาวนานถึง 5 ปี จึงจะประสบความสำเร็จอันเป็นที่น่าพอใจในระดับแบบต่ำๆ
จนพระเอกนายเอกได้มาเจอกัน จากการสนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของริว โดยมีอลันรับหน้าที่เป็นกองหน้า
เมื่อพี่ไผ่ได้เจอริวครั้งแรกก็เอ็นดูริวเหมือนน้องชายอยู่แล้ว แต่พอถูกริวเกาะติดแจก็มีรำคาญบ้างแต่แว๊ปเดียวเท่านั้น
และเมื่อไผ่ได้รับรู้อดีตถึงอันเลวร้ายที่ริวต้องเผชิญก็เกิดความรู้สึกสงสาร เข้าใจริวมากขึ้น และดูแลเอาใจใส่ริวมากขึ้น
และเพราะริวใช้เงินไม่เป็น (ใช้เป็นแต่บัตรเครดิต) ฉะนั้นเวลาที่ริวอยากกินหรืออยากได้อะไรไผ่ก็เป็นคนจ่ายเงินให้ทุกครั้ง
โดยที่ไผ่ก็ไม่ได้มาคิดเล็กคิดน้อย หรือมาเซอร์วิสชาร์จเอากับริวหลังไมค์แต่อย่างใด คือไผ่เลี้ยงดูริวประหนึ่งเป็นลูกตัวเอง
ไผ่จะคอยปกป้อง คอยบอก คอยสอนริวในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ไปไหน ทำอะไรก็จะนึกถึงริวเสมอ พาเข้าบ้านด้วย
ส่วนริวที่ไม่ว่าจะดื้อ หรือแผลงฤทธิ์ใส่ใคร แต่เมื่ออยู่กับไผ่แล้วริวจะเป็นเด็กที่น่ารักและว่าง่ายเสมอ (หน้าไหว้หลังหลอก อิอิ)
ความรักและความผูกพันที่เริ่มจากความรักแบบพี่น้อง มีอะไรก็ดูแลและช่วยเหลือกันเหมือนคนในครอบครัว
มีอะไรก็แบ่งปันกัน ไม่มีกันแก่งแย่งหรือชิงดีชิงเด่นกันแม้แต่น้อย อาจมีทะเลาะกันบ้างแต่ไม่ร้ายแรง (ริวเอาน้ำตาเข้าสู้)
คอยดูแลเอาใจใส่กันและกัน อยู่เคียงข้างกันเสมอ เป็นกำลังใจให้กันตลอดเวลา เป็นลมหายใจของกันและกัน (เพ้อเจ้อละ)
เมื่อไผ่เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตนั้น ก็ได้ริวที่คอยประคับประคอง ให้กำลังใจ และคอยช่วยเหลือไผ่ทุกอย่าง
จากการที่ทั้งริวและไผ่ได้ร่วมทั้งทุกข์และสุขด้วยกัน ความรู้สึกที่มีต่อกันก็ค่อยๆ เปลี่ยนรูปแบบไป (อย่างเนียนๆ)
ในตอนแรกไผ่ที่ดูเหมือนยังรับไม่ได้กับความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนรูปแบบ จึงปิดกั้นตัวเองอยู่พักใหญ่
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไผ่เริ่มยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้แล้ว ก็เริ่มมีการคิดถึงการมีอนาคตร่วมกันกับริว
ไผ่ยอมแม้กระทั่งการละทิ้งความฝันอันสูงสุดของตัวเอง นั่นก็คือการเป็นนักร้อง เพื่อที่ตัวเองและริวจะได้อยู่ร่วมกัน
เรื่องที่สะท้อนให้มองเห็นถึงแง่มุมของความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง คือการเสียสละเพื่อคนที่ตัวเองรักอย่างแท้จริง
เริ่มหมดมุกและขี้เกียจพิมพ์ ฮ่าๆๆ สรุปง่ายๆ เลยละกัน ว่าชอบ ประทับใจ และผูกพันธ์กับเรื่องนี้เอามากๆๆๆๆ
ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณจากใจ ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆ แบบนี้มาให้ได้เสพติดกัน (จะไม่แจ้งตำรวจแน่นอน รับรอง)
ตอนนี้ก็ตามอ่านเกมรักหมากชะตาอยู่ ริวกับเลโอนี่สมกับที่มีสายเลือดเดียวกันจริงๆ (รักและหื่นต่อผู้สูงอายุ กร๊าาากก~)
เอาพอกรึบๆ พอหอมปากหอมคอเท่านี้ละกันเนอะ รู้สึกว่าตัวเองเวิ่นมากเกินไปแล้ว (เพิ่งจะรู้สึกตัว?)
เอ่อ ไปจริงๆ แล้วดีกว่า *โค้งรอบทิศ*
-
พึ่งมีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้จนจบ หลังจากที่ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่โพสตอนแรกๆ
ขอบคุณผู้แต่งสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ครับ ขอบพระคุณมากครับ o1
-
มาอ่านอีกหลาย ๆ รอบเหมือนกันค่ะ เมื่อไรจะพิมพ์ใหม่คะ
อยากนอนอ่านซ้ำ ๆ ๆ ๆ ไม่ต้องมานั่งอ่านในคอม
แค่คิดก็มีความสุขล่ะ :กอด1: :กอด1:
-
ตอนแรกที่อ่านชื่อเรื่องนี้ ความคิดแว่บแรกที่เข้ามาในหัวคือ
"เศร้าแน่เลยว่ะ ยังไม่อ่านดีกว่า" ฮ่าๆๆๆ
โดยส่วนตัวเราไม่อยากอ่านเรื่องแบบที่มันจบเศร้าๆอ่ะ่ค่ะ มันทรมานจิตใจ
แต่พอเริ่มตัดใจ...เอาวะ!! ลองอ่านดูก่อน ถ้ามีท่าทางจะเศร้าเราจะเลิก!!! :o12:
แต่พอได้เริ่มอ่านไปเรื่อยๆ อย่างแรกเลยที่เราชอบคือ ภาษาของผู้แต่งค่ะ
ใช้คำได้สวยมาก บรรยายได้เห็นภาพ ได้อารมณ์และความรู้สึก อันนี้ชอบมากที่สุดเลย
ส่วนเนื้อเรื่องก็อย่างที่ผู้แต่งบอกใช่ป่ะค่ะ ว่ามันต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะพี่ไผ่แกชายแท้ทั้งแท่งอ่ะเนอะ
จะให้มาเปลี่ยนปุ๊บปั๊บก็กระไรอยู่ อันนี้เราเห็นด้วยนะ มันดูสมจริงดีค่ะ
ตัวน้องริวเองก็น่ารัก อ้อนได้เป็นอ้อน กอดได้เป็นกอด เกาะพี่ไผ่แจ คอยหาเศษหาเลย มีปมอะไรให้เราได้ค้นหาตลอดๆ
แต่.....ทำไมคะ ทำไม ทำไมพี่ไผ่ของนู๋ ถึงต้อง......รับด้วย นู๋ปวดใจมากค่ะ :sad4: อ๊ากกกกก
ด้วยความที่ติดภาพว่าเคะต้องดูอ้อนๆ น่ารักๆเราเลยคิดเอาเองว่าตำแหน่งนี้ต้องให้น้องริวเท่านั้น ฮ่าๆๆๆ
คิดเองเออเองเสร็จสรรพ ดูดิ๊...แป่ววว ว!!! กร๊ากกกก ก ก
-
:monkeysad: :monkeysad:อยากได้อะแต่ช่วงนี้ตกงาน :m15: :m15:
-
จบครั้งที่ 2 แล้วครับ :L1: :3123: :L2:
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
o13 มีความสุขมากมาย ที่ได้อ่าน พี่ไผ่กะน้องริว :pig4:
-
อ่านจนหนังสือบอบช้ำ
ตอนนี้ต้องห่อปกอย่างหนา
3ชั้นกันทีเดียว :laugh:
เลยต้องระเห็ดมาอ่านในนี้สักหน่อย
อ่านกี่ทีกี่ทีก็ไม่มีเบื่อได้อารมณ์สุขเศร้า
เคล้าน้ำตาฮาเฮปาจิงโก๊ะโฮะๆๆๆๆ
:กอด1: :L1: :pig4:
-
:3123: :L2: :L2: :3123: :L1:
แงๆๆๆ อยากให้มีภาคต่อจัง สนุกมากๆๆ
-
:3123: :L2: :L2: :3123: :L1:
แงๆๆๆ อยากให้มีภาคต่อจัง สนุกมากๆๆ
อ๊ะ พอดีผ่านมาเห็น จะบอกว่า เรื่องนี้ป้าคนเขียนเค้าเขียนภาคต่อออกมาแล้วน้า
แต่เป็นคู่ของอลันหล่ะ อิอิ ติดตามได้ในชื่อเรื่องว่า
เกมรัก...หมากชะตา
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.0
ถึงตอนที่ 43 แล้วค่ะ ^^
มีพี่ไผ่กับน้องริวโผล่มาให้เห็นบ้างประปรายค่า สนุกไม่แพ้กัน ^^
-
:really2: :impress3:
-
หนูริวน่ารัก พี่ไผ่ก็น่ารัก :m1:
เดี๋ยวไปอ่านอลันกับเลโอต่อ :m7:
เรื่องนี้ยังมีให้จองอยู่ไหมคะ
-
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ
-
หนังสือตอนนี้หมดเกลี้ยงกริบค่ะ เพราะสั่งพิมพ์เท่าจำนวนคนจองเป๊ะ
ไว้รีปริ้นรอบใหม่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ
-
เธอคือ...ลมหายใจ
บางตอนน้ำก็ไหลพรากๆ
บางตอนก็ยิ้มจนแก้มปริ
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
หนังสือตอนนี้หมดเกลี้ยงกริบค่ะ เพราะสั่งพิมพ์เท่าจำนวนคนจองเป๊ะ
ไว้รีปริ้นรอบใหม่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ
คะ จะรอนะคะ :impress2:
-
รอรีปริ๊นท์ค่ะ ^^
-
น่ารักที่สุดเลยพี่ไผ่น้องริว. กว่าจะได้รักกัน o13
ปล.น้องริวแอบหื่น. :pighaun:
-
รอรีปริ๊นด้วยคนค่ะ ><
o4 o4 o4 o4
:m18: :m18: :m18:
-
VOTE เซ็งเป็ดให้ค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ลุงอลันสู้ๆ
-
เดี๋ยวจะช่วยโหวตฮะ
-
:กอด1: :L1:
-
รอรีปริ๊นท์เช่นกันค่ะ ^^
-
รอรีปริ๊นท์เช่นกันค่ะ ^^
เรื่องนี้เปิดรีปริีนแล้วนะคะ จนถึงสิ้นเดือนตุลาคมค่ะ รายละเอียดติดต่อที่ tanjai1991แอท gmail.com นะคะ
ข่าวนี้ได้รับแจ้งจากเฟสคุณAnonymus ค่าา
-
รักเลย อ่านรวดเดียว ยังต้องสองวัน
ติดหนึบเลย
-
สวัสดีค่ะคุณนักเขียน
เพิ่งอ่านนิยายเรื่องนี้จบเมื่อคืน วันนี้ฤกษ์ดีมาแสดงความคิดเห็น อิอิ
อ่านจนจบแล้วเรื่องนี้บอกได้สั้นๆ ว่า เป็นนนิยายรักอบอุ่นมากๆ. อ่านไปยิ้มไป เขินไปบ้างก็มี
สนุกมากๆ ค่ะ
-
อ่ากี่ทีก้อมีความสุขทุกทีอ่ะริวไผ่น่ารักหวานอบอุ่น o13
-
เราเพิ่งได้อ่านเรื่องนี้
เราอ่านรวดเดียวจบเลย
สนุกมากกกกกกกกกกก
ทั้งหวาน ทั้งซึ้ง ทั้งเศร้า
พออ่านตอนจบแล้วก็หน่วงๆ ไม่อยากให้จบ TT
แต่ไม่เป็นไร เราไปอ่านเรื่องของอลันต่อก็ได้ TT
-
เพิ่งอ่านจบค่ะ
ขอลงชื่อในนิยายยอดเยี่ยมด้วยคนค่าาา
คนแต่งเยี่ยมมากๆ เลยค่ะ
ติดนิยายเรื่องนี้งอมแงมจนไม่มีกะจิตกะใจลุกไปทำอะไรเลย (ได้ข่าวว่าช่างกล้าเอามาเป็นข้ออ้างในการอู้งานเฉยเลย)
จากสาว Y น้องใหม่ :กอด1:
-
อ่านในเล่มที่มีในครอบครองไม่รู้กี่รอบแล้วก็ยังประทับใจเสมอ
แนะนำให้จองรอบใหม่นี้นะคะ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ
คนอ่านฟันธง! :impress2:
-
อ่านตอนพิเศษได้ที่นี่เลยนะคะ คุณJJHJJH ทำลิงค์ไว้ให้แล้ว (ขอบคุณนะคะคุณJJHJJH ที่ยกมาไว้ให้ น่ารักที่สวดดดดด :กอด1:)
ขอเอาลิงค์ตอนพิเศษมารวมไว้ค่า จะได้ตามอ่านกันถูก ^^ :m3:
"Dark Angel" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1790584#msg1790584)
"ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31784.0)
-
ในที่สุดก็อ่านจบแล้ว
น่ารักจังเลยอ่าาาาาาา
น้องริวเนี่ยสมกับที่รอพี่ไผ่มาหลายปี
ไม่ปล่อยให้พีได้หยุดพักเลย
ร้อง "จะกอด" ตลอดเลย
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
สนุกมากกกกกกก เป็นนิยายที่ตอนเยอะที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยค่ะ
แต่ไม่น่าเบื่อเลย สนุกทุกตอน ชอบมาก
น้องริวนี่หลังๆชักหื่น ฮ่าๆๆ แอบสงสารพี่ไผ่
ชอบบุคลิกตัวละครมาก ชอบที่ริวเก่ง ชอบที่พี่ไผ่อ่อนโยน
สงสารมากตอนคุณพ่อคุณแม่พี่ไผ่ตายแล้วพี่ไผ่ไม่เหลือใคร แต่ริวคอยอยู่ข้างๆตลอด
แต่ตอนพี่ไผ่สับสนเราแอบสงสารน้องริวมากเลย ร้องไห้ T^T
ชอบอลัน เท่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อลันทำให้เรารู้สึกว่า เขาสามารถบันดาลทุกสิ่งได้จริงๆ
สนุกมากค่ะ ชอบทุกตัวละครเลย : )
-
ชอบนิยายเรื่องนี้มากค่ะ ชอบทุกตัวละครเลย แต่ที่ชอบเป็นพิเศษเห็นจะเป็นอลันนี่แหละค่ะ พ่อมดชัดๆ
ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาลงให้อ่านนะคะ
:-[
-
:กอด1: :L1:
-
:impress3:อ่านจบแล้วรู้สึกถึงพลังแห่งความรักจริงๆ ขอบคุณนักเขียนที่มีนิยายดีๆมาให้อ่าน(แม้บางตอนจะดูเวิ้นเว่อก็ตามที). มาต่อตอนพิเศษพี่ไผ่รุกริวด้วยนะ 555
-
:กอด1:
ได้หนังสือแล้ว และกำลังอ่านอีกรอบค่ะ รักน้องริวมากเลย น่ารักสุดๆ
-
ขอบคุณ คนเขียนมาก ๆ ที่แต่งเรื่องราวดี ๆมาให้อ่าน อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ อิ่มเอมกับความรักที่ทั้งสองมีให้กัน
อยากบอกว่ารักเรื่องเธอคือ ลมหายใจ มากจะคอยเป็นกำลังใจให้ตลอดไป ขอบคุณจริง ๆค่ะ :L1:
-
แปะ ^^
-
อ่านจบแล้วววววว
แอบผิดคาดเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าพี่ไผ่จะเสร็จน้อง ฮ่าาาาาา
ยังแอบลุ้นตอนที่ไปบ้านริมทะเลสาบกัน นึกว่าน้องริวจะโดนเอาคืนซะแล้ว o18
พี่ไผ่แพ้ทางน้องตลอดเลย น้องก็ขี้อ้อนสุดๆ น่ารัก :กอด1:
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1:คิดถึงจัง :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
ชอบอ่า สนุกมากๆ
อ่านแล้วเพลินที่สุดดดอะะ จะมีเปิดจองรอบสามจริงอะ
อยากได้เลยย >w<
-
กำลังจะเริ่มอ่านตอนที่26 เองคร๊าบบ
สนุกมาก เนื่้อเรื่องน่าติดตามมากคะ
น้องริวน่าสงสาร น่ารัก น่าเอ็นดู พี่ไผ่ก็อบอุ่นมาก
ตะวันก็เท่ดีคะ
ชอบมิตรภาพของทุกคนในวงคิสมีจัง
-
อ่านจบแล้ว สนุกมากๆ ครบรสหวาน เศร้าจนแปลบๆในหัวใจ บทจะหื่นขึ้นมาคนอ่านแย่เลย :-[
อิ่มไปกับความรักของพี่ไผ่กับน้องริว ประทับใจมากคะ น้องริวอ้อนเก่งมาก พี่ไผ่ก็เอาใจน้องสุดๆไปเลย
เข้าใจแล้วคะว่าทั้งสองคนคือลมหายใจของกันและกัน :L2:
ขอบคุณนักเขียน และผู้โพสด้วยคะ :pig4:
-
น้องริวพี่ไผ่น่ารักมากๆเลยยยยยยย
:L2: :L2: :L2:
-
:3059:
-
ชอบเรื่องนี้มากกก อ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบแล้วว
เข้าวจนะบางทีที่ไผ่ไม่รู้ตัวว่าเริ่มหวั่นไหว เริ่มหึงหวงน้อง หรือเริ่มรักน้องอะ
เพราะไผ่ไม่เคยรักใครนี่นะ มองไปมองมาก็เหมือนริวเป็นรักแรกของไผ่เล๊ยย อิอิ
เรื่องนี้เหมือนจับเมะมารับ 5555 แต่เราก็ปลื้มใจนะ เพราะริวมันแมนขึ้นทุกวันๆทุกตอนๆ ข่มได้อยู่
สรุปว่าชอบบบ ให้อ่านไปเรื่อยๆโดยไม่มีตอนจบยังได้
อยากจะรู้ชีวิตเขาไปเรื่อยๆ >_<
ปล. เหมือนริวจะมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นนอกจากเล่นหุ้น ก็คงจะเป็นเล่นพี่ไผ่
เล่นจนชำนาญ อีก1 ในควาสามารถพิเศษของเด็กหื่น 555
-
สารภาพว่าตอนแรกที่ตัดสินใจอ่านเรื่องนี้ตอนแรกนี่แบบว่า ไม่ชอบเลยอะ
อะไรวะ ตัวเอกแอบชอบเด็กประกวดไรงี๊ ตามติดชีวิตมากมาย รวยเว่อ เด็กด้วย
พออ่านไปอ่านมาชักติดใจ หลงใหลในความน่ารักร้ายเดียงสาของเจ้าหนูริว (ที่ตัวไม่ค่อยเจ้าหนูสักเท่าไหร่)
รักในความอ่อนโยนของพี่ไผ่ ถึงจะขี้กังวล นู่นนี่นั่น คิดมากเว่อ
แต่แบบ พอสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วมันน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกก
อ่านไปเขินไป ยิ้มไป หื่นไป :impress2:
แล้วก็ช็อคมากตอนที่คุณแม่พี่ไผ่เสีย เฮ๊ย เอางี้เลย หักดิบอารมณ์กันมาก ไม่พอคุณพ่อยังเสียตามไปอีก ทนอ่านต่อไม่ได้เป็นอาทิตย์กันเลยทีเดียว :o12:
แต่พอกลับมาอ่านอีกรอบก็ใจชื้น มันกลายเป็นการเริ่มต้นอีกครั้งของไผ่ที่ยอมรับริวเข้ามาในชีวิต
พี่ตะวันก็น่ารัก เจ้าไวย์ก็น่าหยอก พี่ดลก็น่าสงสาร ไหนจะคุณอลันอีก โอ๊ย ชอบอะ o18
ช่วงท้ายเรื่องที่ไปบ้านพักก็นะ :jul1:
แอบหวังไว้ว่าพี่ไผ่จะกดน้องบ้าง ไม่ให้เสียเชิงเมะ?? แต่ที่ไหนได้ ใจอ่อนซะงั้น กร๊าก เสียดายเล็กๆ
ทุกครั้งที่ตัวละครพูดถึงบ้านสวน พูดถึงแม่ของพี่ไผ่ พูดถึงป้าใจ มันเศร้าได้ทุกครั้ง
เราก็อินไปกับตัวละคร ประมาณว่า จริงด้วย เมื่อก่อนแม่เคยอยู่ตรงนี้ ทำอย่างนี้ ถ้าแม่ยังอยู่จะเป็นยังไง :m15:
ดีใจที่พี่ไผ่ยังมีน้องริว น้องริวยังมีพี่ไผ่
ขอบคุณนักเขียนที่แต่งเรื่องดีๆ อีกหนึ่งเรื่องให้เราได้มาอ่าน สุดยอดเลยครับ o13
-
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์นะคะ :pig4: ถึงจะเป็นนิยายที่จบมานานแล้ว แต่ก็ยังอุตส่าห์มาคอมเมนต์ให้
ปร้าคนแต่งก็ยังตามมาเก็บกำลังใจอยู่เป็นประจำเช่นกัน
เอาไว้เป็นพลังเติมไฟในการเขียนให้ลุกพรึบๆค่ะ :fire:
-
ขอบคุณคนแต่งมาก ๆ นะคะ
เราประทับใจมาก
ยิ่งช่วงตอนพิเศษยิ่งซึ้งหนัก น้ำตาซึมเลย
ตลอดทั้งเรื่องถ่ายทอดออกมาจนรับรู้ได้ว่าริวกับไผ่รักและห่วงหากันและกันมากแค่ไหน
ขอบคุณมากค่ะ
:กอด1:
-
อ่านจบเล้ววววววววว :L2:
ดีใจมากเลย พี่ไผ่กับน้องริวเป็นลมหายใจของกันเเละกันตลอดไป :L1:
-
สนุกมาก มากถึงมากที่สุด o13
แต่ที่เหนือจากความสนุกคือความอบอุ่น อ่านแล้วอุ่นไปถึงหัวใจ
+1 คร๊า
-
ผมชอบเรื่องนี้มากครับ สนุกมากๆ
คิดถึงพี่ไผ่กับน้องริวสุดๆ พึ่งสมัครสมาชิกก็เลยไม่ได้เพิ่มเป็นให้เลย :o12:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆครับ :monkeysad:
-
ผมชอบเรื่องนี้มากครับ สนุกมากๆ
คิดถึงพี่ไผ่กับน้องริวสุดๆ พึ่งสมัครสมาชิกก็เลยไม่ได้เพิ่มเป็นให้เลย :o12:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆครับ :monkeysad:
แอบเจาะไข่ น้องใหม่ซะเลย :impress2:
-
น่าอ่านมากค่ะ
-
:pig4:ซึ้งมาก
-
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวโกงนิดๆแฮะ .
อ่านมาทั้งเรื่อง แต่มีคอมเม้นท์อยู่แค่อันเดียว !
อยากบอกว่า...หลงรักเรื่องนี้หัวปักหัวปำเลยนะคะ
ไม่ว่าจะเป็นพล็อตเรื่อง ตัวละคร คาแรกเตอร์ บรรยากาศ คำบรรยาย ฯลฯ สารพัดจะสาธยายได้หมด
เอาเป็นว่า...
ขอให้แต่งเรื่องดีๆมีสาระ แบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ ...เป็นกำลังใจให้เสมอ
:3123:
-
แอบมาตอบ ว่าได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมากๆค่ะ เก็บขึ้นหิ้งกันเลยทีเดียว อ่านแล้ว :o8: :-[
ตามด้วย
:jul1: :jul1: :jul1:
ขอบคุณผู้แต่งและคนโพสด้วยนะคะ ที่นำนิยายดีๆมาให้อ่านกัน (แต่แอบนอยด์เรื่องเกมรักสักนิด และลุ้นชนิดลำไส้บิดเกลียว รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อเลยทีเดียว)
-
เป็นเรื่องที่น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เพิ่งเข้ามาอ่านอ่ะ เสียดายๆๆ
ขอบคุณทั้งคนแต่ง และคนโพสเลยนะคะ :pig4: :pig4: :pig4:
ที่มีนิยายดีๆ น่าประทับใจ และ :m25: :pighaun: :haun4: :jul1: ทำให้เสียเลือด หุ หุ หุ :z1:
-
รีปริ้นท์รอบ 3 แต่เป็นรอบที่ 5 ที่เข้ามาอ่าน....
เลยมีความคิดอยากขอร้องท่านนักแต่งว่า....
แต่งภาค 2 ของ...พี่ไผ่กะน้องริว.....ให้อ่านได้มั๊ยเอ่ย?....
ติดอกติดใจกะน้องริวมาก ๆ ขนาดไปอ่านหนูเลโอ...
ยังอยากให้จบหนูริวไปโชว์พาวช่วยน้องเลโอถล่มพวก
มาเฟียอิตาลีให้เดี๊ยงไปเลย..( บ้ามากเลยเห็นมั๊ย?..)
ลองเก็บไปพิจารณาด้วยนะเจ้าคะ... :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
เสียดายมากที่มาอ่านเอสตอนนี้ ถ้าเลือกได้ อยากเม้นให้ทุกตอนที่เอามาลงเลย
มาเม้นเอาตอนนี้....เรื่องนี้ก้อนานละเนอะ เม้นไปคนแต่งอาจไม่เห็น 5555 แต่อยากเม้น เพราะชอบมากจริงๆ
เรื่องนี้ดีจริงๆ แต่แปลกอย่างเดียวคือการใช้ชื่อจริงในชีวิตจริง ฮ่าๆ
ขนาดไผ่แนะนำเพื่อนกับแม่ ยังใช้ชื่อจริงเลย ซึ่งจริงๆแล้วไม่น่าจะใช้นะ มันแปลกอ่า ง่า
และเพราะเป็นดาราด้วย ส่วนมากอะ ก็คงไม่มีใครเรียกชื่อจริง อย่างแบบ เวลามีงาน คงไม่มีแขก พีธีกร สต๊าฟเหรือ ยาม รียก “คุณธีรเดช” “คุณเจษฎาภรณ์” “คุณสุกฤติ” โดดๆ แบบนี้รึเปล่า 5555 หรือไม่เค้าน่าจะเรียกชื่อเล่นก่อนแล้วตามด้วยชื่อจริงมากกว่จะเรียกแค่ชื่อจริง
เรารู้สึกนะว่าริวช่างโชคดีที่เจอคนแบบไผ่ คิดดู ถ้าริวรักไผ่ ที่ไม่ใช่ไผ่คนที่นิสัยแบบนี้ ริวจะแย่ขนาดไหน
ดีที่ไผ่เป็นคนดีอะ คอยสอน คอยเตือน มีสัมมาคารวะ เอาง่ายๆ ดีที่ไผ่ไม่ใช่คนในวงการบันเทิงแย่ๆทั่วไปที่แบบเจ้าชู้และทำตัวไม่ดี เหวี่ยงวีน ขี้โกหก ดีจริงๆที่ริวเลือกไผ่ บุพเฟสันนิวาสจริงๆ 555 เพราะถ้าไผ่เป็นคนเห็นแก่ตัว หรือพวกหลอกใช้ชาวบ้าน ริวคงโดนจูงไปเสียได้ง่ายๆและอลันคงช่วยไม่ทัน 5555
และไผ่โชคดีที่มีริวมาคอยตาม คอยเป็นเพื่อน เพราะโลกของไผ่ก็อ้างว้างจริงๆนะ ถึงจะดูสมบูรณ์ แต่เราว่า มันคงเหงาๆในใจอะ
ทั้งคู่เติมเต็มกันและกันได้หมดจดจริงๆ (คิดแล้วก็ มันไม่รักกันสิแปลก 5555) เหมือนถมช่องว่างที่ขาดหายให้กันได้อย่างเหมาะเจาะ เกิดมาเพื่อกันและกันของแท้ จะบอกว่าอ่านจบพอเราได้ยินเพลง You light up my life ทีไร เรานึกถึงคู่นี้ทุกที และเพลงไกลแค่ไหนคือใกล้ด้วย เหมาะกับริวตอนที่ไผ่หนีความจริงว่าไม่รักริวอะ แล้วไล่ริวไปนอนที่อื่นอะ 5555
แต่ที่เราชอบคือ การพัฒนาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่อ่ะ ตอนแรกเราว่าริวก็ไม่ได้มาแบบจีบไผ่ด้วย อาจจะแบบ ชอบ ปลื้ม แต่เรามั่นใจว่าริวไม่ได้รักไผ่แบบคนรัก ออกแนวชอบเลยอยากใกล้ชิด แบบปลื้มๆ อยากได้(?) พอเวลาคนอื่นเข้าใกล้ไผ่ก็แนวเหมือนน้องหวงพี่ แฟนคลับหวงดารามากกว่า เพราะดูน้องก็ยังไม่รู้จักความรักดี แต่พอนานๆไป สงสัยได้รู้จักและใกล้ชิดมากขึ้น แพ้ความอ่อนโยน เลยดันรักแบบนั้นขึ้นมาซะงั้น ถ้าถามริวริวมันก็คงตอบไม่ได้รึเปล่านะว่ารักแบบอยากกอดจูบขึ้นมาตอนไหน เหมือนที่เราพยายามถามเพื่อนว่ารักแฟนตอนไหน ก็ไม่เห็นจะมีใครตอบได้ 555 คือมันเหมือนความจริงมากที่แบบ เริ่มรักตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกที ริวอยากปล้ำพี่ไผ่แล้ว แบบนี้ กรี๊ดดด 55555555
แต่ไผ่เนี่ยยย ตอนเขินน้องตอนใจเต้น เราว่าไผ่รู้ตัวอะว่าหวั่นไหว เรื่องนี้รางวัลคนชอบหลอกตัวเองเราต้องให้ไผ่เลย แต่มีอีกจุดที่สงสัย ทำไม ไผ่ไม่คิดบ้างว่าเริ่มหวั่นไหว เอาแต่ “ทำไมใจเต้น” “ไม่เข้าใจ” ทั้งที่ก็เคยมีความรักมาก่อนแท้ๆ แทนที่จะรู้ว่าอาการแบบนั้นมันคือเริ่มคิดเกินเลยไปรักแบบคนรักแล้วแท้ๆ เอ่อ เริ่ม.ไม่แน่ใจละ หรือไผ่จะไม่เคยรักใครจริงๆ เหมือนแก้วก็เคยบอกว่าไผ่ไม่เคยรักตัวเองนี่นะ เอาเป็นว่า เราติต่างว่าไผ่เริ่มรักริวมาตั้งกะอยู่เกาหลีแล้วละกัน แต่ไม่ยอมรับวความจริง 555555
อีกเรื่อง ไผ่มันคงปล่อยให้น้องกอดจนชินเลยไม่เคยย้อนมาดูสภาพ เวลาเราอ่าน เราจะนึกสภาพตามใช่มะ แบบ เหมือนดูภาพการ์ตูน สภาพของสองคนนี้มัน ..น่าจิ้นและฟินค่อดดดดด ทั้งกอดซ้อนหลัง เช็ดผมให้ กอดซุกเอว โอยย ยังกับคู่รักตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มๆเลยแล้ว ไผ่ก็นะ น่าจะตงิดใจบ้างว่ามันแปลกไปสำหรับพี่น้อง (แต่ถ้าตงิดใจก็ไม่มันส์ดิ 5555)
ไม่ได้อยากให้มีภาคต่อหรืออะไร แต่เราต้องการภาคพิเศษ 5555 มันเหมือนแบบ ไว้แก้คิดถึง แบบนี้อะ
อยากให้มีริวไผ่ Reveal แบบเปิดตัวว่าคบกันจัง อ๊าก เราอยากอ่านภาคพิเศษอีกกก 2 ตอนไม่พอนะ เอาอีกนะ ได้โปรดดดดด อยากรู้ด้วยว่าแก้วจะว่ายังไงถ้าจู่ๆไวย์ไปบอก “เจ้...พี่ไผ่กับเจ้าหนูริวมันคบกัน” 5555555
ปอลู. ถ้าหนูเป็นแฟนคลับคิสมี หนูคงจิฟินตายที่เขาได้กันจริงๆ กรี๊ดด แฟนคลับเอ๊ย แกเตรียมรำแก้บนได้เลยยยยยยยย เรื่องนี้น่าจะมีการถ่ายทอดในมุมแฟนคลับช่างจิ้นบ้าง แบบ เวลาเห็นรูปสองคนนี้ หรือ แบบ สองคนนี้ใกล้ชิดกัน แตะมือกันบ้าง อะไรนิดหน่อยก็หยิบมาฟินเงี๊ยย หรือมันแปลกมากตรงริวไผ่เป็นนักร้องที่ไม่คิดจะมานั่งดูรูปที่แฟนคลับถ่ายลงบอร์ดบ้างเลยหรอ 5555555 ไม่คิดจะมาดูคอมเม้นเวลาแฟนคลับเม้นแบบ “เห้ย จิ้น” งี้บ้างหรอ รู้ว่าพี่ไผ่ระวังตัว แต่มันต้องมีรูปบ้างดิที่แบบ สองเราแนบชิด กร๊ากก
ปอลออกที คือ...จะโกรธเรามั้ย ถ้าเราจินตนาการพี่ไผ่เป็น อู๋จุน ชื่อนี้เปล่าไม่รุ พระเอกเรื่อง ปิ้งรับสลับขั้วภาคใต้หวันอะ นักร้องวง เฟเล่อหาย (Fahrenheit) อะ คือเพราะไม่ใช่คนไทยไง แหะๆ แต่มันเหมาะจะเป็นพี่ไผ่จริงๆนะ หล่อเหลา รอยยิ้มอ่อนโยน ดูนิ่มนวล เคลิ้ม
ส่วนริวอิมเมจยากนะ คิดไม่ออก 555555555
*เม้นยาว สะใจเฮา 55
-
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ ปร้าคนแต่งเห็นทุกเม้นต์แน่นอน
เพราะทุกครั้งเวลาที่เขียนนิยายไม่ออก หรือมีเรื่องให้ปวดตับปวดเซียงจี๊ อิปร้าก็จะเข้ามานั่งอ่านคอมเมนต์ทั้งเก่าและใหม่
เพื่อสร้างกำลังใจ ปลุกไฟให้ตัวเอง ฮ่าๆ
ส่วนเรื่องจะให้เขียนภาคต่อ ขอคิดก่อนนะคะ คือจริงๆแล้ว อยากให้จบแบบไม่จบอย่างนี้แหละค่ะ
เพราะรู้สึกว่ามันเรียล ดี ฮ่าๆ
มันเหมือนพี่ไผ่น้องริวมีตัวตนอยู่จริง ยังคงใช้ชีวิตเดินปะปนอยู่กับเราบนท้องถนน อาจเป็นใครสักคนที่เราคุ้นหน้าทางทีวี ไรงี้
ฟังดูเพ้อเจ้อ แต่คิดอย่างนี้จริงๆนะคะ ^ ^
ปล.ในภาคพิเศษของหนูเลโอ อาจมีพี่ไผ่น้องริวไปคอยขโมยซีน ฮ่าๆๆๆ
-
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ รักคิสมี รักทุกๆตัวละคร
อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ ไม่จบ...?
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ :pig4:
-
ขอเอาลิงค์ตอนพิเศษมารวมไว้ค่า จะได้ตามอ่านกันถูก ^^ :m3:
"Dark Angel" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1790584#msg1790584)
"ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31784.0)
และเพิ่มตอนพิเศษของตะวันด้วยค่ะ "แค่ฝันเท่านั้นเอง...เหรอ?" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.240)
-
อ่านจบนานแล้วววว
ครั้งนี้อ่านรอบที่สอง
เพิ่งสมัคร เลยถือโอกาศมาเม้นให้ซะเลย
ประทับใจมากๆค่ะ ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย
รู้สึกได้เลยว่าริวรักไผ่มากจริงๆ
โชคดีมากๆที่ไผ่เป็นคนดี
แต่อาจเพราะริวมีเซ้นก็ได้ ถึงได้เห็นครั้งแรกก็รักรอยยิ้มของพี่ไผ่ไปเต็ม
อยากบอกว่า รักเรื่องนี้มากๆค่ะ ชอบนิยายอบอุ่น
จริงๆไม่อยากให้จบเลย ผูกพันธ์กับเรื่องนี้มากๆ ถ้ามีภาค 2 ออกมา เราก็จะติดตามนะ :mew2:
ขอบคุณคนแต่ง ที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆมาให้อ่าน ขอบคุณคนโพสมากๆ ที่ทำให้เราได้อ่านนิยายดีๆแบบนี้
ขอบคุณจากใจ
-
อ่านจบไปอีกรอบแล้วคะ
ความรักของพี่ไผ่กับน้องริว อ่านกี่ครั้งก็ประทับใจ
แล้วก็คอยเอาใจช่วยน้องริวอยู่ร่ำไป
อยากได้หนังสือจังเลยคะ
คิดถึงคู่นี้จัง :-[
-
รอรีปรืนท์ค่ะ รักเรื่องน้มาก วันดียวจบ แต่ตาเราเป็นหมีแพนด้าเลย
-
;w;;; โอยย อ่านจบเเล้วเป็นรอบที่สอง อ่านบนเว็บเเล้วช่างเจ็บปวดลูกตาดีแท้ อยากได้หนังสือค่ะ ฮือออออ :sad4:
ได้เเต่เเอบหวังว่าเรื่องนี้จะมีรีปริ้น จะมีใช่มั้ยคะ ใช่มั้ย ใช่ม๊ายยย //กระโดดตะครุบเอว
-
รีปริ้นท์อีกทีเมื่อไรคะ รอ ร๊อ รอ อ่านในเวบปวดตาน่าดูเลย
-
เคยเห็น FC ของเรื่องนี้ที่เรื่องอื่น ก็ยังคิดอยู่เลยว่า ไผ่ ริวนี่มาจากเรื่องไหนกัน
ภาพตอนบรรยายถึงริว นึกภาพเป็นแอลภาคเด็กที่ยังน่ารักอยู่ จะบอกว่าอ่านรวด
เดียวไม่ได้นอน ดีที่วันนี้ไม่มีเรียน ไม่งั้น...
เสียดายแต่ตัวละครบางตัวเข้ามาแล้วหายไปไวมาก อย่างนิกกี้ที่มีจุดประสงค์
นัวเนียกับไวย์เพื่อจับริว ก็หายไปเลย ตอนแรกนึกว่าจะเข้ามาสร้างเรื่องวุ่นวายเสียแล้ว
แล้วไหนจะญาติทางนามิอีก อลันแค่พูดถึงแต่ไม่มีบทบาทแม้แต่น้อย
แต่ดีใจกับทั้งริวและไผ่ด้วย เพราะพล็อตเรื่องวางไว้แล้ว ไม่งั้นน่ากลัวว่าไผ่อาจกลัวริว
แทน โดยเฉพาะเรื่องเป็นแฟนคลับอยากจะครอบครองไผ่นั้น สำหรับบางคนมันเป็น
เรื่องน่ากลัวที่รับไม่ได้นะ
-
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ ปร้าคนแต่งเห็นทุกเม้นต์แน่นอน
เพราะทุกครั้งเวลาที่เขียนนิยายไม่ออก หรือมีเรื่องให้ปวดตับปวดเซียงจี๊ อิปร้าก็จะเข้ามานั่งอ่านคอมเมนต์ทั้งเก่าและใหม่
เพื่อสร้างกำลังใจ ปลุกไฟให้ตัวเอง ฮ่าๆ
ส่วนเรื่องจะให้เขียนภาคต่อ ขอคิดก่อนนะคะ คือจริงๆแล้ว อยากให้จบแบบไม่จบอย่างนี้แหละค่ะ
เพราะรู้สึกว่ามันเรียล ดี ฮ่าๆ
มันเหมือนพี่ไผ่น้องริวมีตัวตนอยู่จริง ยังคงใช้ชีวิตเดินปะปนอยู่กับเราบนท้องถนน อาจเป็นใครสักคนที่เราคุ้นหน้าทางทีวี ไรงี้
ฟังดูเพ้อเจ้อ แต่คิดอย่างนี้จริงๆนะคะ ^ ^
ปล.ในภาคพิเศษของหนูเลโอ อาจมีพี่ไผ่น้องริวไปคอยขโมยซีน ฮ่าๆๆๆ
เอ๊า คุณป้า พี่ไผ่น้องริวก็มีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่หรอคะ อ่อๆ นู๋คิดไปเอง อินเกินไป รึยังไงน๋า ^^
คิดถึงจังเล้ยยยยย ป่านนี้พี่ไผ่น้องริว ทำงานทำการอะไรอยู่น๋า <3
-
รวบลิงค์ตอนพิเศษอีกรอบค่า เดี๋ยวไปลงกระทู้แนะนำให้นะคะ คนถามหากันเยอะเลย เพิ่งย้อนอ่านเจอ :katai2-1:
"Dark Angel" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1790584#msg1790584)
"ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31784.0)
"แค่ฝันเท่านั้นเอง...เหรอ?" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1706799#msg1706799)
-
อ่านจบแบบไม่หลับไม่นอนไปสองวัน ชอบมากกก นิยายเรื่องนี้ทำให้รู้สึกแปลกๆเวลาที่อ่าน อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
เข้าใจริวเลยถึงจะเอาแต่ใจแต่เขาก็เอาใจใส่กับคนที่รักและแคร์เสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สัญญาว่าจะไม่ทิ้งไปไหน ซึ่งมากค่ะ ขนลุกเลยค่ะ 55 อ่านจบแล้วรู้สึกใจหายมาก ถึงพึ่งจะมาอ่านได้ไม่นานแต่ก็รู้สึกรักเรื่องนี้มาก อยากให้แต่งต่อไปเรื่อยๆเลยค่ะ อบอุ่นมากเวลาอ่านเรื่องนี้ ชอบความรักที่ให้ไปโดยไม่หวังผลตอบแทน รัก ริว และพี่ไผ่ เสมอ
ขอบคุณที่สร้างนิยายดีๆอย่างนี้มาให้อ่านนะค่ะ
-
ประหลาดใจตัวเองมาก ที่กลับมาอ่านทวนอีกรอบหลังจากพึ่งอ่านจบไป
ปกติเป็นคนไม่ชอบอ่านนิยายซ้ำอีกรอบในเวลาใกล้ๆ กัน เพราะจำเรื่อง
ราวไว้ได้หมด โดยมากจะต้องผ่านไปหลายเดือนถึงจะกลับมาอ่านซ้ำ
อีกครั้ง แต่นี่ไม่กี่วันเอง ก็วนเวียนกลับมาอ่านหนูริวอีกรอบ ไม่รู้คนอื่น
เป็นไหม แต่ตอนอ่านคิดภาพตามเป็นอนิเมเลย โดยเฉพาะตอนไผ่ร้อง
เพลงที่ริวแต่ง อ่านฉากช่วงนั้นซ้ำไปซ้ำมา ชอบอารมณ์และบุคลิกของ
ริวตอนช่วงนี้มาก ตอนแรกว่าจะถามอยู่ว่าเรื่องของอลันอยู่ที่ไหน ชื่อ
อะไร จะได้ตามไปอ่าน แต่ตอนนี้ตามลิงค์ตอนพิเศษไปแล้ว เลยอ่าน
ทั้งสองเรื่องสลับไปมา งงตัวเองไม่น้อยว่าจะหลงรักหนูริวภาคใสซื่อ
อะไรจะขนาดนั้น
-
แต่นี่ไม่กี่วันเอง ก็วนเวียนกลับมาอ่านหนูริวอีกรอบ ไม่รู้คนอื่น
เป็นไหม แต่ตอนอ่านคิดภาพตามเป็นอนิเมเลย
เป็นแน่นอนค่า ^^ หนังสืออยู่หัวเตียง อ่านก่อนนอนซ้ำๆ แทบทุกวัน
เรื่องอื่นๆ ก็มีที่ชอบอ่านซ้ำแต่มักจะเป็นบางตอนเท่านั้นที่เปิดอ่านซ้ำๆ
แต่กับเรื่องพี่ไผ่น้องริวเนี่ย เปิดเจอหน้าไหน ก็อ่านซ้ำได้เลยค่ะ ชอบทั้งเรื่อง(จริงๆ)
-
รีรอบสามเเล้ว เราจะทันไม!!!นี้ อ่ามาไม่รุ้กี่ครั้ง ชอบมากเจอ อะไรที่สะกิดใจให้นึกถึง หนูริวกับพี่ไผ่ :hao6:
เราก็จะกลับมาอ่าน กินต้มเลือดหมู เราก็กลับมาอ่าน ฟังเพลง มากกว่ารักก็กลับมาอ่านอีก ฮ่าๆ เห็น ดาราเเล้วชอบคิดถึงพี่ไผ่
อ่านไม่รู้กี่ครั้ง ครั้งนี้ของสอย ให้ได้เถอะ เพี้ยง :call:
รักเรื่องนี้มากเลยค่ะ :L1:
-
สนับสนุนคุณ littledragon กับคุณ JJHJJH ค่ะ
เป็นนิยายเรื่องแรกที่อ่านซ้ำแล้วสี่รอบ!! น้องริวกับพี่ไผ่
น่ารักตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆค่ะ :mew3:
-
ชอบเรื่องนี้จัง ไผ่ ริว ><
เข้ามาอ่านเพราะเจอในกระทู้นิยายแนะนำ สนุกมากจนตามอ่านโดยแทบไม่หยุดพักเลย ฮ่าๆๆ
พล็อตเรื่องดีจัง ชอบแนวพระเอกอายุน้อยกว่าแบบนี้อ่ะ
ชอบคำสรรพนามที่ใช้แทนตัวเอกว่า ชายหนุ่ม เด็กหนุ่ม ไม่ใช่ร่างบาง ร่างสูง อย่างนิยายหลายเรื่อง
ภาษาสวย เพราะ ดี
ความรักของริวยิ่งใหญ่มหาศาลจริงๆ อินนนนนนน จนจินตนาการต่อไปเอาเองถึงตอนที่คู่นี้อยู่ด้วยกันจนแก่และตายจากกันไป
-
ชอบเรื่องนี้มากๆ จะสั่งซื้อได้ที่ไหนค่ะ
-
ชอบเรื่องนี้มากๆ จะสั่งซื้อได้ที่ไหนค่ะ
Copy ข้อความจากเฟสคุณป้าคนแต่งมาให้ค่ะ ลองติดต่อไปนะค๊า :mew1:
ถ้าสะดวกเข้าเฟสคุณป้าก็ได้ค่า http://www.facebook.com/RiwPhi.Taanjai
อีกสักรอบค่ะ รายละเอียดสำหรับรีปริ้นหนังสือ "เธอคือลมหายใจ"
หนังสือมีจำนวน 3 เล่มจบ ทุกเล่มมีความหนาไม่ต่ำกว่า 420หน้าขึ้นไป ขนาดตัวอักษรคือ 14.5 พอยต์เพื่อความสบายตา
ในเล่มที่สาม จะเพิ่มภาคพิเศษที่มีเฉพาะในหนังสือไว้ท้ายเล่ม หนังสือหนึ่งชุดราคา 999 บาท รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
สนใจสามารถโอนและจองได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ และจะได้รับหนังสือประมาณ ต้นเดือนมิถุนายน (ขอเวลาในการตรวจเช็คและแพ็คหนังสือประมาณ 10 วันค่ะ)
สนใจติดต่อที่เมล์ tanjai9191(at)hotmail.com เพื่อรับรายละเอียดในการจองและโอนค่ะ
ท่านใดที่มีล็อกอินในเล้ากรุณาแจ้งล็อกอินของท่านด้วย เพื่อความสะดวกนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
-
กลับมาอ่านอีกครั้งหลังจากอ่านจบไปเมื่อสามปีที่แล้ว ยังสนุกอยู่เลย :mew2:อ่านตอนนี้ริวน่าสงสารจริง ๆ :mew6:
-
:ling3: :ling3: :ling3:
-
ขอบคุณครับ อ่านมา 2 วันเต็มๆจนจบสนุกดีครับแต่ติดตรงช่วงท้ายอืดไปนิดแต่ก็โอเคทุกอย่างนะครับ
-
ใครเป็นพระเอก อะ :mew2:
-
เข้ามาอ่านแบบรวดเดียวจบไม่กินไม่นอนกันเลยค้าาา
ชอบมากๆ ภาษาสวยมากค่ะ
แอบบอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้ทำเราช็อคนิดๆนะ
เพราะตอนแรกน้องริวในอิมเมจเราต้องเป็นเด็กเจแปนใสๆเลยอ้ะ
คือเอาง่ายๆ ตอนแรกเราคิดไว้ว่า เรื่องนี้ "ไผ่ริว" แน่ๆ
แต่ แต่ แต่ ... เป็น "ริวไผ่" ก็ไม่เป็นไรค่ะ
น่ารักไปอีกแบบ ทั้งน้องริวทั้งพี่ไผ่น่ารักทั้งคู่
และอีกอย่างคือเรื่องนี้ก็ทำเราอินในหลายๆพาร์ทนะ แอบน้ำตาไหลก็มี TT____TT
บีบหัวใจเราหลายตอนมากค่ะ
และก็สุดท้ายคือขอบคุณคนแต่งและก็คนที่เอามาลงเล้าด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ เฮ่~!!
:pig4: :heaven
-
^
^
^
อ่านตอนหลักจบแล้ว อย่าลืมไปอ่านตอนพิเศษนะคะ ^ ^
-
อ่านเรื่องนี้จบใน 5 วัน เพราะติดมากๆ ประทับใจทุกคนเลยค่ะ
มีคนพูดกับเราว่า ชีวิตจริงๆ มันจะมีมั้ยที่เค้าจะรักกันแบบนี้ โดยไม่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เราว่า ทุกอย่างมีได้ในชีวิตจริงค่ะ
ถึงความรักแบบนี้ส่วนใหญ่เราจะเห็นว่า ไม่ยั่งยืน
แต่สุดท้ายเราเชื่อว่า ไม่ว่าจะเพศไหน ก็มีความรักแบบนี้ได้ ถึงแม้เราจะไม่ได้เห็นก็เถอะ
-
ขอบคุณที่เขียน
อ่านแล้วติดหนึบอยู่หน้าคอม 2 วันเต็มๆ
อิ่มเอมใจที่ได้อ่านนิยายรักที่นุ่มนวลชวนฝัน
หวังว่าจะมีโอกาสได้ครอบครอง ถ้ารีปรินท์ครั้งต่อไปนะคะ
-
ไม่เคยได้มาตอบเลย แต่อยากมาบอกว่า ขอบคุณมากคะ :กอด1: :L2:
ชอบและประทับใจเรื่องนี้มากเลย เป็นหนึ่งในเรื่องที่ประทับใจที่สุด
หยิบหนังสือมาอ่านบ่อยมากๆ วนเวียนหลายรอบ จนเกือบจำบทสนทนาได้แล้ว 555+
คิดถึง น้องริวกับพี่ไผ่ :mew2:
-
อ่านจบแล้ววววววววว
เรื่องคี่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ
ไม่หวือหวา แต่หยุดอ่านไม่ได้
ค่อยๆซึมซับความรักที่ทั้งคู่มีให้กัน
อ่านจบรู้สึกอิ่มเอิบมากเลยค่ะ
-
หนุกมากกกกก รู้สึกอินกับตัวละคร ภาาาษาน่ารักกก :-[ :-[ :o8: :o8:
-
จำได้ว่าเพลง ลมหายใจ เป็นเพลงประกอบโฆษณา เคยได้ยินบ่อยแต่ไม่เคยสนใจ จนกระทั่งมาอ่านเรื่องนี้ เพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงที่วันนี้นอนฟังไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10 รอบ เวลาฟังก็จะนึกถึงริว นึกถึงพี่ไผ่ ทำให้ ยิ่งฟังยิ่งเพราะยิ่งเพลิน เพลงนี้เหมาะกับริวและไผ่มาก ไผ่และริวคือลมหายใจของกันและกัน ทิ้งได้ทุกอย่างเพื่อมีกันและกัน ส่วนเพลงมากกว่ารัก ถ้าได้ฟังก็จะนึกถึง ตอนที่ริว ร้อง เพลงนี้เหมาะกับริวมากจริงๆ ช่วงเวลายาวนานที่ริวรอคอย อ้างว้าง เหงา ไม่มีใคร ยาวนานเหมือนทั้งชีวิต เมื่อเจอไผ่ จึงมากกว่ารักและเป็นเหมือนอีกครึ่งชีวิต เป็นทุกลมหายใจ และเพลง หยุดตรงนี้ที่เธอ เหมาะกับไผ่มากเช่นกัน ความรักที่ริวทุ่มเท พิสูจน์แล้วว่าคนที่รักไผ่ได้หมดหัวใจจริงๆก็คือริว และไผ่ก็พร้อมจะหยุดที่ริวจริงๆ
เรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องที่ตรึงอยู่ในความทรงจำตลอดไปค่ะ และเมื่อใดที่ได้ยินบทเพลงเหล่านี้ ก็คงจะหวนนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เนื้อเรื่องที่ค่อยๆดำเนินทำให้รู้สึกเหมือนเราเติบโตไปพร้อมกับริว ทั้งคาดหวัง รอคอย ความรักจากไผ่ เรารุ้สึกร่วมด้วยจริงๆ (แต่ที่อิแม่ปลื้มว้ากก คือพัฒนาการด้านความหื่น เอ้ย ความขี้อ้อนของหนูริวค่ะ ติดตรงที่ดันพัฒนาความเจ้าเล่ห์เข้าไปด้วยนี่สิ เสือร้ายในคราบกระต่ายน้อยจริงๆ แต่ก็น่ารักกน่าฟัด?น่าตามใจ อิอิ) อีกด้านก็เข้าใจความรุ้สึกของไผ่ ยิ่งตอนที่ริวตังใจหักรถเข้าชนต้นไม้ข้างทางทำให้ตัวเองบาดเจ็บ เพื่อให้ไผ่เห็นใจ เรางี้โกรธแทนไผ่มากจนไม่อยากให้เห็นใจริวเลย(ถึงไผ่จะไม่รุ้ว่าริวตั้งใจทำก็เถอะ) ทั้งๆที่ทั้งเรื่องนะ เราอยู่ข้างริวตลอด แอบเคืองไผ่ที่ไม่ให้ริวอยู่ด้วยด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้ริวผิดมากจริงๆดีที่ไม่บาดเจ็บมาก แต่ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง ไผ่พึ่งเสียพ่อแม่ ถ้าต้องเสียริวไปอีกพร้อมๆกัน ไผ่จะเป็นยังไง คงแทบเสียสติ หึ่มๆ นึกถึงทีไรก็ยังเคืองง อยากจะจับมาตีก้นซักป้าบสองป้าบ
ได้ข่าวว่ามีภาคอลันด้วย ดีใจมากๆ กะว่าขออ่านเรื่องนี้วนอีกรอบก็จะไปอ่านของอลันต่อ ขานั้นเราก็แอบสงสาร ริวน้อยๆที่เฝ้าดูแลมาตลอดกลายเป็นพญาอินทรีโผบินจากไปซะแระ ยังไงก็ขอเคะหวานๆน่ารักๆ หรือเมะหล่อลากกกว่าริว มาดามใจอลันทีเถิดด 555 ป๊ะป๋ารอสฟีนี่ก็ด้ะ แต่ให้เป็นเคะน้าา แหะๆ
ขอขอบคุณคุณ Anonymus ที่แต่งนิยายดีๆๆมากๆแบบนี้ขึ้นมาค่ะ คุณเก่งมากๆค่ะ ทั้งภาษาและการใช้คำไพเราะ อ่านง่าย อ่านเพลินจนลืมเวลาเลยทีเดียว และนิยายคุณจับใจเราซะอยู่หมัดค่ะ โดยเฉพาะ หนูริววว ฮี่ๆๆ
และขอขอบคุณคุณ Spring ที่นำนิยายมาโพสต์ค่ะ
-
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ โดยเฉพาะคุณMiyuujung เข้ามาอ่านเจอคอมเมนต์ของคุณเลยต้องรีบมาตอบทันที
ไม่ได้ขอบคุณที่เขียนชมนะคะ(ถึงจะแอบบ้ายอก็ตาม ฮ่าๆ) แต่ขอบคุณที่อ่านละเอียด ที่อินไปกับตัวละคร ที่เข้าใจว่าคนเขียนพยายามจะสื่ออะไร
ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
Anonymus
-
^
^
^
จิ้มคนแต่ง ฝากคิดถึงพี่ไผ่หน่อยค๊า คิดถึงม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คิดถึงริวด้วยก็ได้อะ นิดนึง 555+ //สายพี่เสมอต้นเสมอปลาย
-
สัปดาห์หนึ่งที่อ่านเรื่องนี้
เป็นเรื่องเดียวที่อ่านเป็นสัปดาห์ (นิยายที่จบแล้ว)
อ่านแล้วได้หลายรสชาติมากๆ
ตอนแรกไม่กล้าที่จะอ่านเรื่องนี้กลัวดราม่าจัดเลยไม่กล้าอ่าน
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆ ภาษาดี เรื่องน่ารักๆ ให้อ่านนะคะ
-
อ่านมาเป็นสิบๆรอบแล้ว มันอดจะจิ้นตามคำแนะนำของคนเขียนไม่ได้จริงๆค่ะ ยิ่งจิ้นว่าเป็นสองคนนี้แล้วมันยิ่ง ฟิน!! :impress2:
สำหรับพี่ไผ่ ส่วนตัวเห็นว่าคนนี้เหมาะมากที่สุดแล้วค่ะ(เราก็รักพี่เคนเหมือนกันนะแต่พี่ติ๊กจิ้นแล้วมันฟินกว่า อิๆ)
(http://image.ohozaa.com/i/7ca/0hjMeI.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xeheqDH5iuL3f3GZ)
ส่วนน้องริวของเราก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
(http://image.ohozaa.com/i/e72/Acz2sh.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xehfsNQwCC4RLznd)
กรี๊ดๆๆๆๆๆ!!! :hao6:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ด้วยคน ทำไมอิฉันไม่จิ้นคู่นี้แต่แรกล่ะ :m3:
-
อยากให้มีตอนพิเศษที่มีชะนีมายุ่งกับริวอีกจังเลยค่ะ มันให้อารมณ์แบบ ชะนีริวไม่เอา ริวจะเอาพี่ไผ่คนเดียว อิๆ :hao6: ส่อแววจะมีNCต่อจากนี้ 5555 :oo1:
-
คิดถึงริวไผ่อีกแล้ววววววววววว
คิดถึงคุณป้าด้วยค่ะ ^^
-
คิดถึงพี่ไผ่กับริวที่สุดใน 3 หมื่นโลก
อยากได้ตอนพิเศษอีกจังเลยค่า
-
แวะเข้ามาอ่านอีกรอบ ..
ด้วยความคิดถึงจ้า.... :mew1:
-
เข้ามาอ่าน พี่ไผ่น้องริว ในเล้าอีกเป็นรอบที่ 3 น่าจำจำไม่ผิด
แต่ขอแอบบอกนิด เราแอบ copy แล้วไปแอบอ่านที่ทำงาน
ตอนพัก หรือตอนทำงานล้า ๆ มาเจอพี่ไผ่น้องริว หายล้าทันที
อยากให้คนแต่ง แต่งตอนเปิดตัวของ 2 คน นี้จังเลย พร้อมกับมี
ดราม่ามาแทรกบ้างเล็กน้อย เรียกน้ำตาซักโอ่งก็พอ......จริง ๆ นะท่าน
อยากให้มาแต่งเป็นภาค 2 ก็ดีนะ เน้อ..ท่าน... :z6: ถูกคนแต่งจัดการ
ลอกเลียนแบบน้องริวได้ไง..แต่นี่จริง ๆ นะ :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
อยากอ่านอ่ะ...อยากอ่านมาก ๆ ด้วย..... :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
:katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: นะท่านนะ....
-
มาตีตั๋วแถวหน้า รออ่านตอนพิเศ๊ษพิเศษจากกิจกรรมในแฟนเพจค่า อิอิอิ ฝันรอแล้ว น้องริวพร้อมรึยัง คริคริคริ
:pighaun: :haun4: :hao6: :katai5:
-
เข้ามาคอมเม้นท์อย่างจริงจังหลังจากซุ่มอ่านมาตั้งแต่สมัยเรื่องนี้ยังไม่จบ
(เรียกว่าดีเลย์เป็นปีๆค่ะ)
จริงๆคือเพิ่งคิดจะสมัครสมาชิกเล้าเป็ดอย่างเป็นทางการด้วย
ขอประเดิมกับนิยายในดวงใจเป็นเรืีองแรก
เคยอ่านแรกๆยังคิดและมั่นใจว่าน้องริวเป็นรับแน่ๆ พอเริ่มทะแม่งๆเลยตีตัวออกห่างไปพักนึง
คือจะว่าบ้าก็ได้ เป็นพวกซีเรียสกับตำแหน่งพระนายมากค่ะ พออะไรที่คิดไว้ไม่ได้ดังใจก็พาลเลิกอ่านซะงั้น(ชั่วจริง)
แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้กลับมาอ่านอีกรอบ และก็กลายเป็นว่าอ่านซ้ำไปซะสามสี่รอบเลย
ต้องชมผู้แต่งจากใจค่ะ รักคาแรกเตอร์น้องริวมาก เราว่าค่อนข้างแหวกจากเรืีองอื่นๆที่เคยอ่านมาเลย เป็นคาแรกเตอร์ที่ดูขัดแย้งแตก็ลงตัวสุดๆ
ไม่ใช่ประเภทแกล้งทำหมาป่าห่มหนังแกะ แต่น้องซื่อจริงนิสัยเด็กจริง แค่เลือกว่าจะแสดงด้านใครกับใครเท่านั้น
ยิ่งบวกกับความรักที่มองให้ใครคนนึงแบบสุดๆไม่มีกั้กไม่คิดเผื่อใจ ยอมทำทุกอย่างแล้วแบบ... แอบคิดว่าถ้าไผ่ไม่ใช่คนดี หาผลประโยชน์จากความรักของน้องริวคงแย่ รักแรกพบรักปักอกแบบนี้ถึงคนที่รักจะเลวแค่ไหนก็คงเลิกยาก
อลันก็เป็นอีกบทบาทนึงที่ชอบค่ะ รายนี้ก็สุดๆพอๆกับน้องริวนะ ชอบตรงที่ว่าถ้ากลับกลายเป็นไผ่ไม่รักน้องริว อลันคงเล่นโหมดไม่เลือกวิธีเพื่อให้ได้ไผ่มาแน่ๆ เอาเงินซื้อ บังคับล่ามโซ่พี่ไผ่มาให้น้องริว แอร้ยยยยยยย จินตนาการเองค่ะ 5555
ขอพล่ามๆเฉพาะช่วงที่ชอบมากๆนะคะ คือชอบทั้งเรื่องแต่ให้สาธยายหมดคงยาวเป็นนิยายแน่ๆ
ฉากบนเตียงเลย หื่นเป็นการส่วนตัว ชอบตอนน้องริวอ้อนอยากกอดไผ่ ///////
เข้าใจไผ่นะว่าจะห้ามไม่ให้เผลอคล้อยตามน้องมันได้ไง(วะ) เล่นซุกๆไซร้ๆ มาทำเสียงอ้อนๆ นะๆน้าๆ
แอบตลกตอนไผ่ยังมึนๆกับความรู้สึกตัวเอง พอคิดว่าน้องเริ่มนัวเนียเริีมเกินเลยแระ หันไปจะดุเจอหน้าซื่อๆ ตาแป๋วๆ ประมาณว่าผมทำอะไรผิด แบบสงสารไผ่ ต้องปล่อยเลยตามเลยจนรักเกินสเตปพี่น้องแบบไม่รู้ตัว น้องริวร้ายมากกกกก 5555555555555555
ชอบที่ผู้แต่งวางให้ไผ่เป็นผู้ช้ายผู้ชาย ภายนอกเข้มแข็งดูเป็นผู้นำ มองไม่เห็นแนวโน้มว่าเบี่ยงเบน ใช่ว่าจะรักน้องริวแบบชู้สาวมาตั้งแต่แรกด้วย บางคนอาจมองว่าเอื่อยๆไปแต่เราชอบนะ บอกว่าเป็นชายแท้แต่หวั่นไหวกับผู้ชายด้วยกันตั้งแต่แรกก็แปลกอะ นี่แอบคิดว่าถ้าน้องริวไม่คิดขยับความสัมพันธ์ก่อนคู่นี้ก็คงยังต้วมเตี้ยมอยู่ 555555
ความรักของน้องริวที่ดูจะเว่อร์ๆ ดูเป็นนิยาย รักแรกพบ ไม่คิดจะแคร์อะไร โลกนี้มีแค่ไผ่ก็พอแล้ว กับความรักของไผ่ที่ตั้งบนพื้นฐานของความเป็นจริง ต้องคำนึงถึงสถานภาพทางสังคมก่อน ประทับใจมากจริงๆค่ะ เธอคือลมหายใจ :pig4:
-
^
^
จิ้มเจาะไข่รีบนค่า ยินดีต้อนรับ มารักพี่ไผ่กับเจ้าริวตัวแสบด้วยกันค่า
-
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สนุกมาเลย อยากบอกว่าเสียน้ำตาไปเยอะมาก สงสารน้องริว
ยิ่งตอนพ่อแม่พี่ไผ่เสียนะ เราอ่านไปร้องไป ร้องไห้เป็นเผาเต่าเลย
ดีใจที่ต่อไปนี้ชีวิตน้องริว จะไม่ต้อโดดเดียวอีกต่อไปเพราะมีพี่ไผ่อยู่เคียงข้างเสมอ เป็นลมหายใจของกันและกัน
ประทับใจมากๆค่ะ
อยากอ่านเรื่องของอลันมากเลย ไม่ทราบว่าชื่อเรื่องอะไรหรอค่ะ ใครรู้ช่วยตอบหน่อยนะค่ะ อยากอ่านมากมาย
-
หลังจากอ่านจบมาหลายรอบ กี่รอบไม่รู้จำไม่ได้ แต่นึกถึงเมื่อไร ก็กลับมาอ่านอีก
ก็ถึงเวลาเม้นสักที
ริว-ไผ่ เป็นคู่ที่เรารักมากกกก
ยิ่งคิดว่าถ้ามีคนรักเรา แบบที่ริวรักไผ่ คงรักคนคนนั้นตายเลย
เรื่องนี้...เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น
เรื่องนี้...ทำให้เรายิ้มได้
เรื่องนี้...ทำให้เราเป็นแฟนคลับ คุณ Anonymus
เรื่องนี้...เป็นเรื่องที่เราบอกต่อ
และเรื่องนี้...ทำให้เรามีความสุข
ขอบคุณ คุณ Anonymus ที่แต่งนิยายดีๆให้อ่าน
ขอบคุณ คุณ Spring ที่ช่วยโพสนิยายให้
ขอบคุณค่ะ :pig4:
-
:monkeysad: เป็นเรื่องที่หวานจนน้ำตาไหล รักจุกอกเกือบตาย ลมหายใจสะดุดตลอดเรื่อง
ตอนแรกเริ่มเรื่อง เอ๋ เรื่องจะมายังไงเนี้ย อ่านต่ออีกนิดน่า...นะ แล้วแบบวางไม่ได้ ริวที่ร้ายรักแต่อร่อยกลมกล่อม พสุที่นุ่มนวลหอมหวานเหมือนแยมโรล แอร้ยยยยยยยย
แต่อะไรก็ไม่เท่าบทบรรยายถึงความรักที่ทั้งสองมีต่อกัน มีต่อครอบครัว คนที่รัก จนสัมผัสได้ และคนอ่านร้องให้เป็นเผาเต่า ตาบวมฉึ่งเลย
บรรยายได้ดีมาก ๆ ขอชมเลย o13
-
อยากอ่านเรื่องของอลันมากเลย ไม่ทราบว่าชื่อเรื่องอะไรหรอค่ะ ใครรู้ช่วยตอบหน่อยนะค่ะ อยากอ่านมากมาย
ชื่อเรื่อง เกมรัก...หมากชะตา ตามอ่านที่ลิงค์นี้เลยค่า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.0
-
ชอบอ่านคอมเม้นท์ของแฟนๆ พี่ริวน้องไผ่จังเลย รู้สึกเหมือนๆ กันเลยค่า คนเรามันตาเดียวกัน=คอเดียวกัน นี่เนอะ
ผ่านมาหลายหน้า เตือนอีกรอบ อ่านกันจบแล้ว อย่าพลาดตอนพิเศษด้วยน๋า เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตื๊อนนนน >//////< :hao3:
รวบลิงค์ตอนพิเศษอีกรอบค่า
"Dark Angel" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1790584#msg1790584)
"ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31784.0)
"แค่ฝันเท่านั้นเอง...เหรอ?" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1706799#msg1706799)
-
กรี๊ดดดดดดด ได้ไปอ่านตอนพิเศษมาเพิ่มแล้วค่ะ ขอบคุณคุณ JJHJJH มากๆๆเลยค่า ชอบๆๆ แอบจิ้น คุ่ ตะวันกับ กรกฏ และ ดลกับไวย ด้วยนะเออ อิอิ เห็นไวย จีบคุณแก้วไม่สำเร็จเสียที บวกกับ ดลยังเศร้าจากการจากไปของน้องเดือน จับคู่คนเศร้าเนอะ
ปล เขาเป็นแฟนคลับหน้าใหม่ค่า น้องริว พี่ไผ่ กับเลโอ อลัน ชอบบบบบบบบมากค่า โดยเฉพาะคู่แรก
-
ย้อนอ่านจนจะท่องได้อยู่แล้ว
ใจจดใจจ่อรอตอนพิเศ๊ษพิเศษที่กำลังจะคลอดนะค๊า
-
รักนิยายเรื่องนี้มากกกกกกกก แม้จะไม่แน่ใจว่า ความรักแบบนี้จะมีอยู่จริงมั้ย แต่ก็ขอให้มันเกิดขึ้นกับใครหลายๆคนนะครับ
:pig4: :L1: :L1: :L1:
-
เข้ามาเจิมนิดนึง ด้วยความคิดถึงพี่ไผ่ (ริวด้วยนิดๆ อะ 555+)
-
อ่านเล่มจบไปรอบที่ห้าแล้วค่ะ :mew3:
คิดถึงริว-ไผ่นะคะ / ขอบคุณคุณ JJHJJH
สำหรับลิงค์ตอนพิเศษด้วยค่ะ :pig4:
-
คิดถึง ... เลิกนับรอบอ่านแล้ว
ประทับใจการดำเนินเรื่องนี้มากกว่าเรื่องของอลัน
อยากอ่านตอนพิเศษของปีนี้
-
ประทับใจกับความรักของคู่นี้มากเลยค่ะ
เป็นรักที่พร้อมจะทำเพื่ออีกฝ่ายได้ทุกอย่างเลยอ่ะ
สนุกมากค่ะ :pig4:
-
:mew2: :mew2: :mew2:
ชอบแนวนี้มากเลยค่ะ
-
:impress3: ประทับใจในความรักของทั้งคู่ รู้สึกอุ่นมากๆ ทั้งสองคนคือลมหายใจของกันและกันจริงๆ
:L2: ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ค่ะ :L2:
-
เพิ่งได้เข้ามาอ่านน ประทับใจที่สุดคร่าา อยากทราบว่า จะมี รีปริ๊น เรื้องนีไม่คะ
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:คิดถึงน้องริวกับพี่ไผ่มากกกกกกกกกก :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
อ่านจบแล้วซึ้งใจในความพยายามที่จะไล่ตามหัวใจตัวเองของริวมาก :hao5:
รักกันนานๆนะจ้ะ :impress2:
-
อยากได้นิยายเรื่องนี้มาเก็บสะสมมากเลยค่ะT-T
ทำรีปริ้นอีกสักรอบเถอะนะค๊าาา หรือไม่ก็ยังมีเล่มเหลือบ้างมั้ยคะ กระซิกๆ :sad4:
-
อ่านจบรวดเดียวเลย มาราทอนมากอ่ะ
ชอบมากๆ สมกับเป็นนิยายในตำนานจริงๆค่ะ
ชอบที่ริวพยายามไล่ตามหาความรักจากที่อยู่คนละซีกโลก
ก็ทำให้มาเจอกับคนที่ตัวเองรักจนได้ ริวเป็นเด็กที่อดทนแล้วก็มีความพยายามที่น่านับถือมาก
ชอบริวก็ตรงนี้แหละ
พี่ไผ่นี่ อบอุ่นอ่ะ ผชในฝันเราเลย 55555555555
สงสารพี่ไผ่นะตอนที่รู้ตัวว่ารักริว กว่าจะพยายามลดทิฐิตัวเองหันมายอมรับว่าคนที่ตัวเองรักเป็นผช
เหมือนกันก็อยากพอดู แต่ต้องชมริวอ่ะ ที่รักที่ดูแลพี่ไผ่จนยอมลดทิฐิตัวเองได้ ความรักนี่มันยิ่งใหญ่จริงๆนะ
รักกันนานๆนะเคอะ ดูแลกันดีๆ ถ้าน้องล้มพี่ไผ่ก็ช่วยดึงขึ้นมา ถ้าพี่ล้มก็ให้น้องกอดแน่นๆนะ
รักเรื่องนี้จังเลย ><~
-
มาอ่านอีกรอบ ให้หายคิดถึงพี่ไผ่และริว
-
:m25:มัน มีความรู้ สึกว่าริวหื่นนนนนนนนนนนนนนมากกกกกกก
-
ีดีใจที่ได้ติดตามเรื่องราวชีวิตของริวและไผ่มาตลอด
อ่านแทบทั้งวันทั้งคืน
คำขอบคุณคงไม่พอ
แต่ขอบคุณจริงๆนะ T^T :sad11:
คงคิดถึงริวกับไผ่มาก
จะเก็บ2คนนี้ไว้ในใจตลอดเวลา^^
รักเรื่องนี้มาก
-
ชอบอ่านคอมเม้นท์ของแฟนๆ พี่ริวน้องไผ่จังเลย รู้สึกเหมือนๆ กันเลยค่า คนเรามันตาเดียวกัน=คอเดียวกัน นี่เนอะ
ผ่านมาหลายหน้า เตือนอีกรอบ อ่านกันจบแล้ว อย่าพลาดตอนพิเศษด้วยน๋า เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตื๊อนนนน >//////< :hao3:
รวบลิงค์ตอนพิเศษอีกรอบค่า
"Dark Angel" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1790584#msg1790584)
"ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31784.0)
"แค่ฝันเท่านั้นเอง...เหรอ?" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1706799#msg1706799)
อู้ววขอบคุณมากจะตามไปอ่านให้ฟินน
-
ใครคิดถึงริวไผ่ ยกมือขึ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
รอตอนพิเศ๊ษพิเศษอยู่เสมอนะคะ :katai2-1:
-
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมากๆ ทั้งเนื้อหา ทั้งตัวเอก ขอบคุณนักเขียนคุณนำเสนอได้เยี่ยมมากค่ะ อบอุ่น ให้ความรู้สึกว่า รักแท้มีอยู่จริง อร๊ายเขิล o13 :pig4: :pig4: เรารักเรื่องนี้ :n1: :n1:
-
:pig4: :pig4: :3123:
-
เป็นเรื่องที่สมกับชื่อ เธอคือ...ลมหายใจ จริงๆ คนแต่งเขียนเก่งมาก :L2: :3123:
ชอบตรงที่คนแต่งเขียนให้ความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ความรักค่อยๆซึมซาบไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายผูกพันธ์กันจนทั้งคู่เป็นลมหายใจของกันและกัน ทำให้ผู้อ่านเชื่อว่าเค้าสองคนรักกันมาจากใจจริง :-[ อ่านแล้วไม่เบื่อ รู้สึกประทับใจ อบอุ่น นั่งอมยิ้มไปตลอดเลย
ชอบริวมาก ที่ทุ่มเทและมีความพยายามมาตลอดหลายปีเพื่อที่จะได้มาอยู่ใกล้พี่ไผ่ :katai2-1: แม้จะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็เอาใจใส่และแคร์ความรู้สึกของคนที่รักก่อนเสมอ ทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่รักมีความสุข จนสุดท้ายพิชิตใจพี่ไผ่ได้สำเร็จ (ทุ่มทุนสร้างขนาดนี้ ใครไม่รักก็บ้าและ) o13
ตอนริวอ้อนพี่ไผ่น่ารักมากๆ เหมือนเสือห่มหนังแกะ555 ตอนหลังๆเหมือนจะหื่นและเจ้าเล่ห์นะริว :pighaun:
พี่ไผ่ก็อบอุ่น น่ารัก แสนดีมากๆ คอยดูแลเอาใจใส่ริวเสมอ แม้จะชอบคิดมาก :mew1:
ยังคิดอยู่ว่าถ้าคนที่ริวรักไม่ใช่พี่ไผ่ แล้วไปเจอคนไม่ดีเข้าจะทำไงเนี่ย เรื่องมันคงจะเปลี่ยนไปอีกเรื่องเลย :hao5:
สุดท้าย รักนิยายเรื่องนี้มาก มันหวาน มันซึ้ง มันอบอุ่น :heaven มัน.........อยากอ่านอีกอ่า :katai1:
-
Such a fantastic fiction (: thx indeed
-
:กอด1: ชอบมาก
-
อ๊ะ ทำไมเราพลาดตอนพิเศษตอนสุดท้ายล่ะน่ะ
-
:o8: กลัมาอ่านอีกรอบก็ยังสนุกเหมือนเดิม
ขอบคุณที่สร้างผลงานดีๆมาให้อ่านกันนะคะ
:L2: :L2: :L2:
-
สนุกมากกกกกก ชอบเรื่องนี้มากครับ เป็นเรื่องในดวงใจอีกเรื่องเลย ผมนี่ไปอยู่ไหนมา ถึงเพิ่งได้อ่านเรื่องนี้
ขอบคุณผู้แต่งมากครับ ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกดีๆ
-
รวบลิงค์ตอนพิเศษอีกรอบค่า เดี๋ยวไปลงกระทู้แนะนำให้นะคะ คนถามหากันเยอะเลย เพิ่งย้อนอ่านเจอ :katai2-1:
"Dark Angel" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1790584#msg1790584)
"ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31784.0)
"แค่ฝันเท่านั้นเอง...เหรอ?" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29684.msg1706799#msg1706799)
ตามหามานานแสนนาน หลังอ่านจบรอบที่สิบ คุ้นๆว่ามีตอนพิเศษอีก ลองพลิกหนังสือเล่ม3หาก็ไม่เจอ อ่านในกระทู้นิยายก็ไม่เจอ จนคิดว่าตัวเองหลอนไปคิดว่มีตอนพิเศษ 5555555 ชอบคุณที่รวบรวมให้นะคับ ไม่หลอนแล้วเรา
-
อ่านจบแล้วค่ะ ครบทุกรสชาติเลย ทำเค้าร้องไห้ด้วย สงสารชีวิต ริวกะไผ่มากๆ แต่ทั้งสองก็ฝ่าฟันมาได้เก่งมากๆเลย ขอบคุณนะค่ะ
-
อ่านจบแล้วประทับใจมากกกกก
ชอบอ่ะ ชอบมากกก
อบอุ่นไปกับคู่นี้ >;<
มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านนนน
อ่านเป็นรอบที่สองแล้ววว
ชอบเรื่องนี้สุดๆๆ :-[ :-[
-
Merry Xmas พี่ไผ่และริวค๊าาาาาา คุณป้าคนแต่งด้วยนะค๊า ยังรอตอนพิเศ๊ษพิเศษอยู่นะคะ
-
กลับมาอ่านอีกครั้งในรอบที่เท่าไรไม่รู้ก็ยังรักชอบเรื่องนี้เหมือนเดิม
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:คืดถึงงงงงงงงงงง :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
-
ปริ่มค่ะ! อ่านซ้ำกี่รอบก็ประทับใจเหมือนเดิม
เป็นรักที่ฝังลึกมาก. :hao5: แอบเสียวแวบหนึ่ง. o22 ตอนที่พี่ไผ่ขอรุก.ดีนะกลับลำทัน.ประมาณเห็นท่าพร้อมของน้องริวแล้ว.เอิ่ม. :undecided: พี่ขอรับเหมือนเดิมดีกว่า.
กร๊ากกกก~ :laugh:
-
ตามมาจากกระทู้นิยายแนะนำค่ะ
อ่านรวดดียวจบเลย สนุกมากๆ รักพี่ไผ่ น้องริว
พอได้อ่าน คิดเลยว่าจะมีคนที่รักใครสักคนได้มากขนาดนี้จริงๆหรอ คงเป็นคนที่น่าอิจฉาสุดๆ
อิจฉาพี่ไผ่ที่ได้รับความรักของริวไป
:impress2: :pig4: :mew1: o13
-
อ่านจบแล้วๆๆๆๆ นึกไม่ออกว่าช่วงนั้นพลาดนิยายดีๆเรื่องนี้ไปได้ยังไง อยากอ่านตอนพิเศษจัง
-
อ่านจบแล้วประทับใจมากค่ะ อยากได้มาเก็บไว้จังงงงง
-
:pig4:
-
เธอคือลมหายใจ เธอคือทุกอย่าง
จะรักเธอไม่มีวันจาง ไปจากใจ
ก็เพราะเธอคือมหายใจ เธอคือทุกอย่าง
จะรักเธอไม่มีวันจาง ไปจากใจ
ก็เพราะเธอคือลมหายใจ เธอคือทุกสิ่ง
จะให้ทิ้งอะไรก็ยอมทุกอย่าง
จากนี้ ใจฉันจะมีแต่เธอ...
ซาบซึ้งตรึงใจมากๆครับ อ่านจบแล้วน้ำไหลด้วยความตื้นตัน
:monkeysad: :monkeysad:
-
ชอบพี่ไผ่ กะ น้องริวที่สุด :man1: :man1: :man1:
-
-_-b
-
สนุกมากเลยค่าาา ขอบคุณมากนะคะ
-
อ่านจบกี่รอบ ก็เสียน้ำตาทุกรอบ
ซึ้งมากเลยค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องในดวงใจเลย
น้องริว กะ พสุ แต่พลาดตอนพิเศษไปได้อย่างไรเนี่ย :katai1:
-
จบแล้ววว อ่านแบบติดถึงขั้นอดหลับอดนอน เนื้อเรื่องและภาษาดีมากแต่แอบเสียดายเล็กน้อยที่หนูริวเป็นฝ่ายโดนกด คิคิ แต่ไม่เป็นไรแค่นี้ก็ฟินมากแล้วว อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นถึงขั้นร้อนจนเลือดพุ่งในบางตอน :haun4: :haun4: ชอบมากกก รักมากกก จะติดตามเรื่องอื่นๆอีกนะครับ :L1: :pig4: :L1: :pig4:
-
ขอบคุณนะคะ นิยายน่ารักมากๆเลยมีหลายอารมณ์ดีค่ะ ชอบพสุกับน้องริว
เป็นกำลังใจให้เขียนเรื่องอื่นๆต่อไปนะคะ
:pig4: :pig4:
-
ขอบคุณครับ อ่านไปยิ้มไป ริวแอบ หื่นเนอะ :hao6: :hao6:
-
จบรอบที่ 2 :o12: :o12:
-
สงสารริวง่าา พี่ไผ่ ทำไมทำอย่างนี้~~ :hao5:
-
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่แต่งนิยายดีๆ งดงามในอารมณ์มาให้ได้อ่านกัน สนุกมากๆ น่าเสียดายที่มาไม่ทันรอบพิมพ์ ผ่านมาหลายปีพึ่งมาค้นเจอเรื่องนี้ เสียดายอ่า อยากจะบอกว่า อ่านจบภายใน 2 วันครึ่ง (แหม่ สถิติใหม่ อ่านลืมวันลืมคืน) อ่านจบแล้วฟิน :o8:
ขอบคุณมากค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
-
:pig4: :pig4:
-
สุดยอดมากค่ะ
ตามมาจากห้องนิยายแนะนำ ไม่ผิดหวังจริงๆ
:hao3:
-
:o8: :o8: :o8: :o8: :o8:คิดถึง :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
-
ลองเข้ามาอ่านตามคำแนะนำของทาง crescent :mew1:
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: o13 o13 o13 o13 o13 ขอยกมือและตบมือรัว ๆ ให้กับความสุดยอดของเรื่องนี้จริง ๆ แล้วดีใจมาก ๆที่ได้มีโอกาสมาอ่านเรื่องนี้ อ่านจบแล้วแบบรู้สึกมันเต็มตื้นไปด้วยความรักจริง ๆ ชอบมาก ๆ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกของคำว่า "รัก" จริง ๆ ไม่ว่าจะรักในรูปแบบใดหาได้จากเรื่องนี้จริง ๆ :impress3: รอหนังสือจากรีปริ้นท์รอบใหม่ และขอแสดงความยินดีด้วยจ้ะที่จะได้สร้างออกมาทางจอแก้วได้ดูกัน o13 และขอบอกว่าประทับใจในฝีมือการเขียนของผู้แต่งมาก ๆ จนต้องขอติดตามเรื่องทั้งหมดเลยจ้ะ เสียดายไม่มีเฟซให้ได้ติดตามกัน :mew2:
-
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ชอบมากเลยเป็นเรื่องที่น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
:mew1:
อยากเป็นพี่ไผ่มากอ่ะ
อิจฉาพี่ไผ่ที่มีน้องริว
และอิจฉาน้องริวที่มีพี่ไผ่
:-[
ชอบน้องริวน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกก
ขี้อ้อน ดื้อ เอาแต่ใจ เจ้าเลห์เบาๆ
พี่ไผ่ก็ขยันเอาใจน้อง
อร๊ายยยยยยยยยยยยย
น่ารักสุดๆ
ขอบคุณสำหรับความสนุกและความน่ารักที่นำมาแบ่งปันนะคะ
:bye2: :bye2:
-
อ่านนิยายเรื่องนี้จบแล้วรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น
อ้อมกอดมีพลังมากมายมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ้อมกอดจากคนที่เรารัก
ขอบคุณสำหรับทุกๆรอยยิ้มและคราบน้ำตาที่ได้จากเรื่องนี้ครับ
-
:-[ :กอด1:มันอิ่มเอมมากค่ะ รักตัวละครทุกตัวค่ะรักคนเขียนด้วยค่ะสำหรับนิยายดีๆ :impress3:
-
เรื่องนี้ดีอะ จบดี เนื้อเรื่องดี ชอบมากจ้า :katai2-1:
-
กลับมาอ่านอีกรอบ จะกี่รอบก็ประทับใจ เป็นเรื่องที่สนุกมากๆ กว่าจะรักกันจนถึงขั้นนี้ ใช้เวลาค่อยๆสร้างขึ้นมา สนุกมากครับ
-
อยากได้หนังสือเล่มพิเศษ เลยกลับมาอ่านอีกรอบ แค่อ่านผ่าน ๆ ก้อประทับใจเสมอจริง ๆ :impress3:
-
งื้อออออ น่ารักมากๆเลยค่า พี่ไผ่ น้องริว
พรหมลิขิตชัดๆเลย น้องรักพี่ไผ่มากจริงๆ
ทุ่มเทได้ทุกอย่างเพื่อพี่ ถึงขนาดก้าวข้ามผ่านความกลัวของตัวเองออกมาเพื่อที่จะได้มายืนเคียงข้างพี่ขนาดนี้
พี่ก็ทำเพื่อน้องได้จริงๆ ดูแลน้อง เข้าใจในสิ่งที่น้องเป็น ปกป้องน้อง และยอมทิ้งความฝันของตนเพื่อน้อง เพื่อคนที่รัก
อลันคือคนสำคัญจริงๆ ดูแลน้องริวทุกอย่าง ปกป้องด้วยใจ ที่สำคัญรักน้องริวมาก
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่า
-
นิยายน่ารักมากเลยอ่านแล้วอินสุดๆๆริวก็น่ารักไผ่ยิ่งน่ารักโดยไม่มีคำอธิบายสรุปชอบมากกกกก :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
เจอในไอจว่ากำลังจะมีการนำไปสร้างหนังใช่มั้ยคะ ตื่นเต้นจัง อยากดูไวๆ
-
ใครยังไม่เคยอ่านผลงานเรื่องอื่นของป้า Anonymous ตามไปอ่านตามนี้นะ
Anonymous / ใบปอ / ป้ามหา..(หื่น) เป็นคนเขียนคนเดียวกัน
ผลงานของใบปอ
ถนนสายหัวใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=11123)
เล่ห์รัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=11595)
กำแพงใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12650)
เรื่องเล่าของเราสองคน (เรื่องสั้น) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18123)
ผลงานของป้ามหา..(หื่น)
กรงแก้ว (เรื่องสั้น) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14371)
ภมรเริงไฟ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32530)
:really2:
-
o13
-
ชอบมากค่ะ
-
ชอบเรื่องนี้มาก อ่านคืนเดียวจบเลย อินมากช่วงแรกนอยด์แทนน้องเลยเมื่อไหร่ไผ่จะรักร้องริว ถึงตอนสุดท้ายแล้วไม่อยากให้จบเลย :ling1: :ling1:
:L2: :pig4:
-
วันนี้เพิ่งจบ จากหลายๆ รอบที่อ่าน
อ่านแล้ว มันก็มีความสุขตลอด น้ำตาคลอด้วย สุดยอดจริงๆ
ไม่เคยเบื่อเลยที่ได้อ่านเรื่องนี้
และยิ่งมีเรื่องต่อของอลันยิ่งดีใหญ่ (แต่ยังไม่จบ และคนเขียนก็หายไปเลย - เสียใจมาก)
อยากจะขอบคุณและขอบคุณจริงๆ
เห็นมีข่าวว่าจะทำเป็นหนังด้วย รอติดตามเลย ขอริวและไผ่หล่อๆ เลยนะ อิอิ
กราบคนเขียนจากใจจริง
-
ประทับใจมากกกกจริงๆ สนุกทุกตอนเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ จะติดตามผลงนไปเรื่อยๆน๊าา :L2: :L2:
-
มาขนาดนี้ไม่ต้องถามกันเลยนะว่าตัวเองอ่านมากี่รอบ...รู้แต่ว่าว่างเมื่อไหร่เปิดเข้ามาอ่านเมื่อนั้น...การอ่านในเล้ามันมีความสุข...เหมือนว่าเราอ่านกันหลายคน....ครั้งนี้ก็เหมือนกันอ่านแล้วยังคิดว่าน้องริวขี้หึง ขี้หวง เจ้าเลห์..แต่ก็โคตรรักน้องริวสุดๆ...คิดถึงริวไผ่สุดๆ..
-
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ชอบมากๆเลยค่ะ พี่ไผ่-น้องริวเป็นอะไรที่เกินบรรยาย หลงรักเรื่องนี้หัวปักหัวปำเลยค่ะ ถ้ามีภาค2 ของริวไผ่อีกก็อยากจะอ่าน กรี๊ดดดดด :katai2-1: o13 :-[
-
กลับมาอ่านอีกรอบก็ยังอบอุ่นหัวใจเหมือนเดิม
รักพี่ไผ่น้องริวมากๆเลย :mew1:
-
ไม่ได้เข้ามานาน ทิ้งช่วงตามคนเขียน แต่ก็ยังคอยติดตามผลงาน และข่าว ดีใจนะที่ได้ยินว่าจะถูกทำเป็นละคร ดีใจที่มีคนสนใจแต่ในความดีใจก็มีความห่วง บุคคลิกของตัวละครในเรื่อง หายากนะ ทำอย่างไงที่จะให้คนที่เคยอ่านในนี้ ไปดูละครแล้วเข้าใจ และตีความได้ตามละคร ถ้าคนไม่เคยอ่านดูละครอย่างเดียวคงไม่เป็นไร ห่วงแต่คนที่เคยอ่านแล้วไปดูละคร จะผ่านตรงนี้ไปได้ไหมนะชอบเรื่องนี้มาก ถึงได้ห่วงมาก อาจกังวลไปก่อน :mew2:......แต่ก็ด้วยความห่วงใยจากใจ :กอด1:
-
ไม่ว่าจะอ่านไปแล้วกี่ครั้ง ก็ยังไม่เบื่อ
ไม่ว่าจะผ่านไปแล้วกี่ปี ก็ยังอยากกลับมาอ่านเรื่องนี้
มันทั้งสนุก หวาน อบอุ่น ละมุมไปหมดเลย รักเรื่องนี้จัง
เป็นอีกเรื่อง ที่ไม่ว่าจะอ่านเมื่อไหร่ ก็ยังทำใจเต้นทุกครั้ง ><
:heaven
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
เข้ามาอ่านอีกครั้ง...คิดถึงไผ่-ริว
-
เรื่องนี้เป็นอะไรที่น่ารักมากๆ :impress2:
บอกเลย ไผ่ ริว น่ารักที่สุดดดดดด :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆมากๆเรื่องนี้
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
เหมือนได้อ่านชีวิตของคนๆ หนึ่งจนเขาเดินทางมาครึ่งชีวิต เหมือนเป็นส่วนหนึ่งขิงชีวิตตัวละคร ผ่านการเรียน ผ่านการทดสอบ ผ่านความเจ็บปวด สมหวัง และได้เติบโตมาด้วยกัน เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกที่อ่านโดยไม่ต้องใช้ความอดทน (คือบางเรื่องจะมีช่วงที่ทำให้เราอิ่มกับเนื้อเรื่องและคิดว่าถ้าเลิกอ่านก็อิ่มพอกับเนื้อหาแล้ว) แต่เรื่องนี้คือ อยากอ่านทุกบท ทุกตอน ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ อย่างนี้นะคะ :)
-
ตามมาอ่านจนจบ...อยากได้สเปเชียลเลยอ่าา
อยากอ่านพาร์ทของทุกคน อยากรูเหตุการณ์หลังจากที่ไม่ได้เป็นนักร้องกันแล้ว แต่ละครเป็นยังไงบ้าง ฮือ อ่านแล้วรักตัวละครเลย
-
บังเอิญมือลั้นไปโดน
และตอนนี้ยังอ่านไม่จบ
แต่ระหว่างที่อ่านก็คิดว่า
โชคดีจริงๆ ที่ได้อ่านตอนคนเขียนแต่งจบแล้ว
แทบจะหมดลมหายใจในระหว่างที่อ่าน
นี่ถ้าตามอ่านตั้งแต่ตอนคนเขียนแต่ง(ซึ่งเรายังไม่รู้จักเล้าเป็ด)
เราคงขาดใจตายก่อนได้อ่านตอนจบจริงๆ
ขอบคุณมากค่ะ
:man1: :man1: :man1:
กลับใปอ่านต่อให้จบก่อนดีกว่า
-
รักเรื่องนี้มาก อ่านรอบสองแล้วว
ปกติไม่อ่านดราม่านะ แต่เรื่องนี้ดราม่าอึนๆทั้งเรื่องเลย
แต่เพราะทนความน่ารักของริวไม่ไหว
ไม่อยากให้จบเลย อยากอ่ายไปเรื่อยๆ
-
:pig4:
-
มีแต่ความน่ารัก อบอุ่นฝุดๆ ทำให้เห็นถึงความรักที่มีให้กัน กว่าริวจะมาหาพสุต้องรอถึง5ปีแสดงถึงรักมั่นคง. พสุเสียสละเพราะเธอคือลมหายใจ. ขอบคุณคร่าาาาา
-
รักเรื่องนี้มากเลย หวานกันตลอด :hao3:
-
แวะมาขอบคุณ สนุกมากๆ อยากได้หนังสือเก็บไว้ พอจะเหลือสักชุดไหมหน้อ
-
ริวน่ารัก ขี้อ้อนสุดๆ
-
1 วันครึ่งเลย กว่าจะอ่านจบ สนุกมากกกก มีหลายอารมณ์ มาก มีทั้งเศร้า ร้องไห้ หัวเราะตาม มีความสุขมากที่ได้อ่านเรื่องดี ของคุณคนแต่งมากๆน่าา ที่แต่งนิยายคุณภาพดีๆแบบนี้ให้อ่าน รักพี่ไผ่น้องริว จุ๊ฟๆ
-
วนเวียนในเล้ามาปีกว่าๆ
มีแต่คนแนะนำ ว่าเรื่องนี้คือตำนาน
ต้องอ่านนะ
เพิ่งอ่านจบสองวันรวดดดด
121 ตอน เยอะมาก
อ่านตอนแรกกลัวดราม่า
แต่ไม่เลย ไผ่ริว หวานมาก
ไผ่ น่ารักเหลือเกิน ใจเย็นมากกกก
ริวนี่ก็ติดพี่มากกกเช่นกัน
^^. บทหื่นนี่แบบ ว้าวววว แรกแทบไม่มี หลังๆริวคงเก็บกด
-
กลับมาอ่านอีกรอบก็ยังสนุกมากๆๆๆ อยู่ดีค่ะ เรื่องนี้คลาสสิกจิงๆ
-
อ่านแล้วอ่านอีก และก็อยากเม้นอีกเมื่ออ่านมาถึงตอนที่ 93 บอดี้การ์ดหนูริวไปไหน...อลันไม่รู้เรื่องเลยเหรอ ถ้ารู้จะอยู่เฉยได้ไง..มาเขกกระโหลกสองคนนี้ทีดิ๊...คิดตื้น ๆ หนูริวไอ้เด็กบ้า อิป้าใจหายหม๊ดดดดด..
-
ใจหายหน่อยๆ :sad11: :sad11:ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆ o13 o13รู้สึกรัก :bye2: :bye2:ขอบคุณมากๆค่ะ :3123: :3123:
-
:o8: เป็นนิยายอีกเรื่องที่ต้องกลับมาอ่านวนไป......แอบมีความเสียใจตรงที่เราอ่านตอนที่มีการพรีหนังสือไปแล้ว ไรท์เตอร์ค่ะสนใจทำรีปริ้นอีกรอบไหมค่ะ :impress3:
-
พึ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ แล้วอ่านติดต่อกัน3วันจบเลยจ้า สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณ spring และผู้แต่ง ที่เอามาลงให้อ่านนะคะ :mew1: :mew1:
-
ยาวมาก .... ตอนที่ พสุ แม่ตาย พ่อตาย เจอเรื่องหนี้สิน นี่ แบบว่า ถล่มทลายจริงๆ
กลายเป็นว่า ต่างคน ต่างเป็น ลมหายใจ ซึ่งกันและกัน
-
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
-
:L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
-
ชื่อเรื่องกับเนื้อเรื่องช่างเหมากันจริงๆ :L2:
-
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วโคตรมีความสุข :mew1: :กอด1:
-
ฟินนนนนนนนนนน :กอด1:
-
อ่านอีกรอบที่เท่าไหร่แล้วน๊าาา...อ่านไม่รู้กี่รอบก็ยังไม่เบื่อ ยังอยากให้มีภาคต่อของพี่ไผ่น้องริวตอนเป็นแด๊ดดี้หม่ามี๊ ของน้องมิ้นน้องมาย ว่าจะน่ารักขนาดไหนน๊อออ...คิดถึงมากมาย ทิ้งระยะห่างซักเดือนจะกลับมาเจอกันนะพี่ไผ่น้องริว
-
กลับมาอ่านหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังชอบ....คิดถึงจัง ความรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อ่าน ขอบคุณคนเขียนมากมาย คิดถึงคนเขียนด้วยนะ :mew1:
-
ริวอาจจะเป็นคนที่ สองมาตรฐาน ที่สุดในโลกก็เป็นได้ 555
-
:-[
-
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ นิยายดีลึกซึ้งกินใจ เหมือนพวกเขามีชีวิตจริงๆ
-
คิดถึงนะ :mew1:
-
เอาจริงๆนะแค่กลัวเล็บแดงๆแล้วช็อกก็พอป่ะ แบบนี้จะไปอยู่กับคนอื่จะเป็นดารานักร้องไง งง EP16 แต่จะอ่านไปเลื่อยๆ
-
ชอบ ๆๆๆ
-
ชอบมาก
-
ทำไมพึ่งเจอเรื่องนี้ อ่านรวดเดียว121ตอน วางไม่ลง
-
ชอบมาก ๆๆ
-
อ่านกี่รอบก็นนััััังสนุกเหมือนเดิมมมมมมมมมมม :mew1: :mew1: :L1: :pig4:
-
กลับมาอ่านเรื่องนี้อีกเป็นรอบที่ร้อยที่พันเพราะรักน้องริววววววว
-
อ่านมาไม่รู้กี่รอบ ร้องไห้ไม่รูกี่หนกับตอนนี้ที่เด็กคนนึงต้องเห็นแม่ตายต่อหน้าต่อตา :m15: :m15: :m15:
-
ถึงจะอ่านมากี่รอบก็ยังซึ้งและน้ำตาร่วงได้อีกอยู่ดี… :m15:
-
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาซึมดูแลมาตั้งกี่ปีเราเป็นอลันเราก็ใจหายมากๆ เลยนะ ไม่ใช่ไปอยู ตจว นะ นี่มันคนละประเทศเลยเถอะ....มาแล้วข่าวคาวของหนูตะวันพระเอกอีกคนของเราจะเป็นไงน๊อออออ.....(ทำเหมือนไม่รู้ทั้ง ๆ ที่อ่านมาไม่รู้กี่รอบ...555)