พิมพ์หน้านี้ - ~InLaw~ (คดีที่ 11 ใต้น้ำ 100% ) 30/06/59 P.7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kissa_O ที่ 13-07-2014 04:36:46

หัวข้อ: ~InLaw~ (คดีที่ 11 ใต้น้ำ 100% ) 30/06/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 13-07-2014 04:36:46
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:


พูดคุยกันก่อน
1.เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบุคคลและสถานที่จริงแต่ประการใด แต่โลเคชั่นในเรื่องอาจจะมีอยู่จริง แต่ตัวตนคนในเรื่องจริงๆ จ้างให้ก็ตามหาไม่เจอในโลกของความเป็นจริง
2.เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ คนที่เดินบนเส้นทางกฎหมายล้วน คุณอาจจะเบื่อสาขาวิชาอื่นๆ อยากให้ลองมาเสพสมนักกฎหมายดู ฮา~~
3.เรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้นที่ไหนในโลกก็ได้ เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องจิ้นว่าเกิดขึ้นที่ไทย แม้ชื่อตัวละครจะไทยก็ตาม
4.เรื่องนี้ได้แรงบัลดาลใจจากนักกฎหมายรอบๆตัว และคดีที่เกิดขึ้นในเรื่องบางคดีก็ได้รับแรงบัลดาลใจจากคดีที่เกิดขึ้นจริง
5.นิยายเรื่องนี้ จัดอยู่ในหมวดตลกขำขัน(?) อาจจะมีมุกแป๊กบ้างต้องขออภัย
6.หวังว่านิยายเรื่องนี้จะไม่โดนลบ เพราะมีเนื้อหาในบางตอนอาจจะเสียดสีสังคม พูดกันแบบตรง ตอกหน้าสังคมแบบแรงๆจนรับไม่ได้
7.สุดท้ายจริงๆ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะตลอดรอดฝั่งจริงๆนะเออ
8.สุดท้ายจริงๆของจริงๆ เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะ

............................................





ขออนุญาตทำสารบัญให้นะ


บทนำ เขาว่ากันว่า กฎหมาย ไม่ใช่สิ่งสวยงาม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2760335#msg2760335)
คดีที่ 1 วันแรกที่เราได้รู้จักกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2760619#msg2760619)
คดีที่ 2 สาวพยาบาล (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2760789#msg2760789)
คดีที่ 2 สาวพยาบาล (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2761744#msg2761744)
คดีที่ 2 สาวพยาบาล (ปิดคดี) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2762158#msg2762158)
คดีที่ 3 Ticket one way (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2763191#msg2763191)
คดีที่ 3 Ticket one way (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2767121#msg2767121)
คดีที่ 3 Ticket one way (ปิดคดี) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2774210#msg2774210)
คดีที่ 4 เรื่องลับ...ระดับชาติ (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2783118#msg2783118)
คดีที่ 4 เรื่องลับ...ระดับชาติ (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2800723#msg2800723)
คดีที่ 4 เรื่องลับ...ระดับชาติ (3) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2802981#msg2802981)
คดีที่ 4 เรื่องลับ...ระดับชาติ (ปิดคดี) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2807323#msg2807323)
คดีที่ 4 เรื่องลับ...ระดับชาติ (ปิดคดี) [จบ] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2807918#msg2807918)
คดีที่ 5 เต็มสิบ (Perfect X) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2830011#msg2830011)
คดีที่ 6 เพชร (Diamond) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2840548#msg2840548)
Special story (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2841577#msg2841577)
คดีที่ 7 เด็กสาว...เก้าศพ (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2870786#msg2870786)
คดีที่ 7 เด็กสาว...เก้าศพ (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2914039#msg2914039)
คดีที่ 8 เมทแอมเฟตามีน (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2929797#msg2929797)
คดีที่ 8 เมทแอมเฟตามีน (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2948002#msg2948002)
คดีที่ 8 เมทแอมเฟตามีน (ปิดคดี?) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2956765#msg2956765)
คดีลับเฉพาะ...ตอนพิเศษ (วาเลนไทน์) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2963850#msg2963850)
ตอนพิเศษ 13 กบฏ และดอกไอริส สีน้ำเงิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2964882#msg2964882)
คดีที่ 7 เด็กสาว...เก้าศพ (3) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3013284#msg3013284)
ข้อชี้แจงจากผู้เขียน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3017828#msg3017828)
คดีที่ 7 เด็กสาว...เก้าศพ (ปิดคดี) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3022260#msg3022260)
คดีที่ 0.5 ธงคำตอบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3078259#msg3078259)
คดีที่ 9 ลมสงบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3140392#msg3140392)
คดีที่ 10 You got me smoking cigarettes.(1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3219371#msg3219371)
คดีที่ 10 You got me smoking cigarettes.(2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3251191#msg3251191)
คดีที่ 10 I’m in stress.(50%) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3294399#msg3294399)
คดีที่ 10 I’m in stress.(100%) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3306621#msg3306621)
คดีที่...Special side หนึ่งวันกับหนึ่งฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3337359#msg3337359)

To be continued...


ขอบคุณสำหรับสารบัญนะครับผม :mew1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ บทนำ 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 13-07-2014 04:40:47
เข้ามารอค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ บทนำ 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 13-07-2014 04:49:13
~InLaw~ผมรัก...อัยการ


บทนำ
   เขาว่ากันว่า กฎหมาย ไม่ใช่สิ่งสวยงาม

   “คิดจะเล่นตลก หรือไงไอ้เด็กบ้า!”เสียงตะคอกดังขึ้น พร้อมกับร่างเล็กๆ ของผมลอยขึ้นเหนือจากพื้น เอาเป็นว่าผมก็ไม่ได้ ตัวเล็กสักเท่าไหร่ แต่ไอ้หมอนี่ที่กำลังกำคอเสื้อของผมขึ้น ร่างกายมันตัวสูงใหญ่มากกว่าผมหลายเท่า เท่านั้นเอง

   “ไม่ได้เล่น ตลก แต่ ผมมาตามคุณ ในฐานะ ที่คุณคือผู้ต้องหา ในคดีเสพเมทแอมเฟตามีน” ให้ตายเหอะ ตำรวจที่มากับผม หายไปไหนกันหมดนะ แล้วทำไม ผมต้องมาเผชิญหน้ากับ ไอ้หมอนี่ ตามลำพังด้วย ผมไม่น่าตาไว เห็นมันก่อนเลย

   “แก คิดว่าฉันเป็นใคร คิดเรอะว่าจะมาจับคนอย่างฉันไปง่ายๆ แถมมาคนเดียวอย่างนี้ อ่อนไปแล้วไอ้หนู” ไม่ได้มาคนเดียว แค่ผมหลงกับพรรคพวกของตัวเอง เว้ย! ครับ

   “แต่คุณคือผู้ต้องหา คุณจะต้องไปเข้าพบอัยการ และ พนักงานสืบสวนสอบสวนนะครับ ทางเรามีหมายจับพร้อม แต่เอ่อ...หมายจับไม่ได้อยู่ที่ผมหรอก แต่ ในเมื่อผมเห็นคุณแล้ว ผมก็ต้องเอาตัวคุณไปให้ได้ตามหน้าที่”ไอ้ผู้ชายร่างยักษ์มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าที่เอ่อ ...เท้าไม่ติดพื้นของผม ก่อนที่จะยิ้มเหยียด

   “แก ยังเป็นนักเรียน อยู่เลยนี่หว่า” เอ่อ แท้จริง ผมเป็น นักศึกษาครับ “ทำไม เขาให้เด็กอย่างแกมาทำงานอย่างนี้วะ ไม่เสี่ยงไปหน่อยรึไง” เสี่ยง อะ เสี่ยงแน่นอนครับ แต่ทำไงได้เลือกเรียนด้านนี้แล้ว แถมยัง เลือกมาฝึกงานที่สำนักงานอัยการสูงสุดของประเทศด้วย ซึ่ง ไม่ใช่นักศึกษาจะเข้ามาฝึก และ ประกบตัวทำงานกับอัยการง่ายๆ แต่สำหรับผม คงเป็นกรณีพิเศษ ที่ถูกสั่งให้ประกบตัวเป็นคู่หู กับอัยการท่านหนึ่ง

   ...ที่ไม่ได้สนใจผมเลย

    ให้ตายเถอะโรบิ้น พิน๊อคคิโอ แฮรี่ หรืออะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้เริ่มหายใจไม่ออก

   “หยุด การกระทำของแก แล้วปล่อยตัวเด็กซะ!”โอ้! เหมือนกับมีเสียงสวรรค์ พร้อมกับปืนอีกหลายกระบอก ที่หันมาทางผมและผู้ต้องหาร่างยักษ์

    “ไม่งั้น ฉัน ยิง!” เสียงเข้มกังวาน ติดเรียบนิ่งเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีดำสนิทคมเฉี่ยวดูดุนั่น มองมาทางผมและผู้ต้องหา ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักดูนิ่งเฉย แต่คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันนิดหน่อย ริมฝีปาก อมชมพูรับกับใบหน้าขาวๆเม้มเป็นเส้นตรง มือเรียวยาว เข้ากับรูปร่างสูงใหญ่ราวกับนายแบบ ทั้งสองข้างกำปืนแน่น ในมาดของพระเอกฮอลลีวูด ที่เห็นได้ตามหนังในโรงภาพยนตร์ แต่ให้ตายเหอะ อันนี้หล่อกว่าในหนังแน่นอน ผมขอคอนเฟิร์ม เขาแค่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ทสีขาวธรรมดาแต่ เข้ากับรูปร่าง มันยิ่งทำให้เขาดูโดดเด่น จนทำให้ตำรวจชุดสีกากี รอบข้าง หมองลงไปเลย

   “ปล่อยผม และมอบตัวซะเถอะ ชีวิตของผม ไม่มีค่าพอที่จะให้คุณเสี่ยงด้วย”ผมพูดกับผู้ต้องหา พยายามว่านล้อม ก่อนที่อะไรมันจะยากเกินควบคุมมากกว่านี้ ผู้ต้องหา หลักฐานที่ส่งฟ้องมาทางสำนักงานอัยการเป็นเพียงแค่ผู้เสพ ยังไม่ใช่ผู้ขาย อะไรที่ผมพอจะช่วยได้ ผมก็จะช่วย

   “ถ้าแก ทำอะไรฉัน ไอ้เด็กนี่ ตาย!”เจ้าตัวเขาประกาศกร้าวว่างั้นอะ T^T พร้อมกับเอามีดที่พกติดตัวมาจ่อที่คอของผม อืม...รู้สึกอยากร้องไห้ ก็คราวนี้ละ

   “ฉันจะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย...ปล่อยเด็กซะ” โอ้ ม่ายยยยยยย คมมีดมันยิ่งจรดลงมาที่คอของผม ลึกกว่าเดิม พ่อแก้ว แม่แก้ว ช่วยผมด้วย


   ปั้ง!


   เสียงเดียวเหมือนกับหยุดการกระทำทุกอย่าง พร้อมกับเลือดสีแดงๆ สาดกระเซ็น มายังใบหน้าของผม นัยน์ตาผู้ต้องหาร่างยักษ์ เบิกกว้าง ก่อนที่มือ และมีดที่จ่อคอผมอยู่จะร่วงล่นลงไป นั่นหมายถึงร่างของผมที่ร่วงลงไปด้วย
ช๊อค กับสิ่งที่เกิดขึ้นนิดหน่อย ก่อนที่จะมีมือเรียวมากระชากร่างของผมขึ้น แล้วพาเดินออกไป จากตรงนั้น ก่อนที่จะสั่งให้คนอื่นๆ เคลียร์พื้นที่

   “คดีนี้จะถือซะว่าฉันเป็นคนยิง”ชายในชุดสีกากี คนหนึ่งเอ่ย ดูจากชุด และเครื่องประดับบนบ่า ยศไม่ใช่เล็กๆแน่นอน อีกทั้ง หน้าตายังหล่อเหลาเอาการ  ร่างสูงโปร่งพอๆกับ คนที่ไปกระชากผมออกมาจากตรงนั้น

   “ขอบคุณครับหมวด”ชายหนุ่มในชุดเชิ้ท สีขาวเอ่ยตอบกลับ ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

   “สารวัตรเว้ย! บอกกี่รอบละไม่เคยจำ ไอ้เพื่อนคนนี้นิ” ผม อมยิ้มให้ท่าทางหัวเสียของท่านสารวัตรนิดหน่อย อันที่จริง เท่าที่ได้ข่าว ก็พึ่งได้เลื่อนยศไม่นาน แถมเพื่อนสนิทของเขา ที่ไม่ค่อยจะจำยศของเพื่อนตัวเอง ทั้งที่วันเลื่อนยศ เจ้าตัวเป็นคน ถือช่อดอกไม้ไปยินดี ให้ขายหน้าประชาชีแท้ๆ แต่พอถามว่าเพื่อนตัวเองมียศอะไร คุณชายหน้าตายในเสื้อเชิ้ทสีขาวคนนี้ ก็จะตอบกลับออกมาอย่างมั่นใจว่า ‘หมวด’

   ออ คุณชายหน้าตายในเสื้อเชิ้ทสีขาวที่ว่า ก็คือ อัยการ ที่ผมได้ไปประกบเป็นคู่หูของเขานั่นเอง

   ตกใจใช่ไหมละ?...โอเค ไม่ …

   เอาเป็นว่า เขาก็คงเป็นคนที่ลั่นไก ปืน สังหาร ผู้ต้องหาคนนั้น ...

   จะเรียกว่าเขา ทำงานเกินหน้าที่ตัวเองดีไหมนะ



   แต่เรื่องของเรื่อง ระหว่าง ผม กับ เขา มันเริ่มขึ้นที่ตรงไหนกันละ



   คงจะต้องย้อนเวลากลับไป...นิดหน่อย


......................................................................



ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ อยู่ดีๆ พล๊อตมันก็แล่นเข้ามาอยู่ในหัว
มันเลยต้องระบายออกมา เป็นตัวหนังสืออย่างช่วยไม่ได้
อยากให้ลองเสพสมนักกฎหมายดู พวกเขาอาจจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
เอาบทนำไปลองประเดิมก่อน ถ้าโอเค จะอัพถี่ๆเรื่อยๆ อิอิ

หวังว่าจะชอบกันนะคะ ถ้าชอบ ให้กำลังใจด้วย...
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ บทนำ 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 13-07-2014 06:10:40
โว้ๆๆๆ ชอบๆ รออ่านค่ะ เฮียเท่ได้ใจอ่ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ บทนำ 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 13-07-2014 14:50:40
อุ๊ย ผู้ชายในเครื่องแบบ(อัยการ)  :hao6:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 1 วันแรกที่เราได้รู้จักกัน 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 13-07-2014 16:16:54
คดีที่ 1
วันแรกที่เราได้รู้จักกัน

เรื่องมันเริ่ม ขึ้นที่

   “เฮ้ออออ...การหาที่ฝึกงานนี่มันลำบากชะมัด จะมีใครที่ไหน มาสนใจนักศึกษาอย่างเราให้ไปช่วยทำงานบ้างวะ”ฟรัง เพื่อนชายขายาวของผมบ่นขึ้น “พ่อ กูจะฝากงานให้ที่กรมตำรวจวะ แต่ ไม่อยากทำเลย ให้ตายเหอะ”

   “เคยได้ยินไหมครับ ไม่เลือกงาน ไม่ยากจนนะ”เสียงพาย เพื่อนอีกคนของผมเอ่ยขัดขึ้น

   “เรียนสาขานี้ ฝึกงานที่ไหนก็จนทั้งนั้นแหละ ไม่ได้เงิน!” ก็จริงอย่างที่ ฟรัง มันว่า เรียนกฎหมาย ไปฝึกงานที่ไหน ส่วนมากก็ไม่ได้เงินทั้งนั้น แถมยังต้องลงแรงเยอะอีก ได้ยินรุ่นพี่เขาว่ากันมา ว่างั้นนะ

    “แล้วมึง ละ ไอ้สิบ หมายตาที่ไหนไว้บ้างวะ” ฟรังมันหันมาถามผมครับ เอ่อ ชื่อ จริงๆ ของผมชื่อ เต็มสิบ แต่เพื่อนชอบเรียกว่าสิบ ครับ ผมก็ไม่เข้าใจ แท้จริง ผมว่า  เรียกว่า เต็มดูจะง่ายกว่า ว่างั้นไหม? แต่เพื่อนผมมันก็ชอบเรียกว่าสิบกัน ก็ตามใจพวกมันไป

   “กู ยังไม่ได้คิดเลยวะ”ผมตอบออกไปตามความเป็นจริง ผมยังไม่ได้คิดเลยว่าจะฝึกงานที่ไหนดี อีกอย่างสาขาวิชาที่ผมเรียน ในมหาวิทยาลัยนี้ ก็ไม่บังคับให้ต้องฝึกงานด้วย บางที ผมอาจจะยังไม่ฝึก...

      “เฮ้ย! คิดไว้ได้แล้วนะเว้ย ถึงจะไม่บังคับให้ต้องฝึกก็เถอะนะมึง แต่พอจบออกไป ก็ถามหา ประสบการณ์การทำงานทั้งนั้น จะได้เอาไปอ้างได้ว่า เคยผ่านการฝึกงานทางด้านนี้มาแล้ว” ไอ้ ฟรังมันว่า

   “งั้นหรอครับ”ชายพาย เปรยขึ้นบ้าง “ผม อยากไปฝึกงานที่ได้ทำงานจริงๆ ไม่ใช่แค่เป็นเด็กเดินเอกสาร ตามสำนักงานต่างๆนะครับ พี่ชายผมก็ติดต่อ สำนักงานทนายความแห่งหนึ่งไว้ให้ ก็คงต้องไปฝึกที่นั่นละ”

   “งั้นกู ก็ที่กรมตำรวจ สินะ พ่อกู อุตส่า ออกปากไว้แล้วนิ เฮ้อออ...”ไอ้ฟรัง มันว่า แล้วหันมามองทางผม “งั้นก็เหลือแต่มึง คุณสิบครับ สนใจ ตำรวจไหมครับ หรือจะสนใจสำนักงานทนายความ กับไอ้พายมัน”



 นั่นสิ ที่ไหน ดีนะ...



ในที่สุด ผมก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกับพวกมัน แต่...ผมก็ควรจะคิดเผื่อในสิ่งที่อยากทำได้แล้ว



ผมอยากเป็นอะไร?...ใช่นั่นคือคำถามแรกๆตั้งแต่สมัยมัธยม ที่ผมยังหาคำตอบที่แท้จริงให้กับตัวเองไม่ได้
ทำไมถึงเลือกมาเรียนกฎหมาย...? เป็นคำถามที่อาจารย์สอบสัมภาษณ์ ถามผมในตอนที่ยังเป็นนักเรียนชายขาสั้นสีน้ำเงินอยู่
อืม...นั่นสินะ ผมอยากเป็นอะไรกันแน่ แล้วในตอนนั้น ทำไมผมถึงเลือกมาเรียนกฎหมาย  จำความรู้สึกตอนนั้น ไม่ได้เลย

เลือกมาเรียน เพราะพ่อแม่ อืม...อาจจะใช่

แต่...

ตัดไปได้เลย พ่อแม่ ไม่ใช่แรงจูงใจให้ผมเลือกเรียนแน่นอน พ่อผมเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง แม่เป็นแม่บ้าน แถมทั้งสองคน ไม่ได้บังคับให้ผมเลือกเรียนกฎหมายหรอก

เพราะ...พี่ชาย ยิ่งแล้วใหญ่ หมอนี่เรียนวิศวะโยธา จบไป ก็เจริญรอยตาม พ่อ

เอ๋ !!!! แล้วสรุปผม มาเลือกเรียนกฎหมาย ทำไมละ ผมอยากเป็นอะไรละ คิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



อืม...ยังไงก็คิดไม่ออก จนกระทั่ง รถเมล์สายที่รออยู่ ขับมาเทียบจอดที่ป้าย


ผมเดินไปนั่งที่ว่างที่หนึ่ง ในที่นั่งข้างกระจกมีชาย สวมหมวกและเสื้อกันหนาวมีฮูทสีดำนั่งอยู่ ผมของเขาสีดำสนิท ยาวระต้นคอนิดหน่อย แต่เจ้าตัวเขาหันข้างมองออกไปนอกกระจก ผมจึงไม่เห็นหน้าตาของเขาว่าเป็นยังไง เขาตัวใหญ่กว่าผมพอประมาณ และท่าทางจะสูงมากด้วย อืม...ขนาดยังไม่เห็นหน้า มองจากข้างหลัง ผมยังคิดว่าเท่ เลย

   แต่ เอ๋...! สิ่งที่เขาถืออยู่นั่น

   “คุณ เรียนกฎหมายเหรอครับ?”ผมถามขึ้น เพราะสังเกตว่าเขาถือหนังสือเล่มใหญ่และหนามาก อันที่จริงก็ไม่อยากเสือกเรื่องชาวบ้านหรอกนะ แต่เผอิญ เห็นคนที่เหมือนกำลังเดินในเส้นทางเดียวกัน เลยอดถามไม่ได้ อีกทั้ง ผมยังสับสนอะไรบางอย่างอยู่  ร่างสูงขยับตัวนิดหน่อย

   “อืม...”เขาพูด ทั้งที่ไม่ได้หันกลับมามองทางผมเลย “ที่จริง ก็เรียนจบมาตั้งนานแล้ว”

   “เหรอครับ...ผมก็เรียนกฎหมายเหมือนกัน อืม อยู่ ปีสาม แต่ตอนนี้ ผมกลับไม่รู้เลยว่าผมมาเรียนด้านนี้เพราะอะไรและเพื่ออะไร”ผมพูดพรางถอนหายใจ “อันที่จริงผมยังแทบไม่มีคำตอบให้ตัวเองเลยว่าอยากเป็นอะไร?” เขาที่ฟังอยู่หัวเราะในลำคอนิดหน่อย

   “ตอนที่ฉันเลือกเรียนกฎหมาย ที่เลือกเรียน เพราะฉันคิดว่าอยากที่จะเป็นฮีโร่ แสวงหาความยุติธรรม และอยากที่จะปกป้อง หรือรักษามันไว้”เสียงเข้ม ติดจะนิ่งสงบราบเรียบของเขาเอ่ยออกมา “อันที่จริง มันก็เป็น แค่ ความคิด...ในตอนเป็นวัยรุ่น” ที่พูดอย่างนี้ เขาคงอายุเยอะมากแล้วสินะ อืม...สงสัยจะเป็นตาแก่นี่เอง แต่บุคลิกและรูปร่างมันไม่ใช่เลยแหะ

   “นายเลือกมาเรียนด้านนี้แล้ว นายอาจจะเป็นนักกฎหมายที่ดีก็ได้นะ” เขาพูดกับผมโดยที่ไม่หันมามองหน้าผมสักนิด

   “คงงั้นมั้งครับ”ผมเอ่ยออกมาเรียบๆ “เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณอายุเท่าไหร่แล้วครับ?” จะเป็นการเสียมารยาทหรือเปล่านะ ถามเรื่องอายุเนี่ย

   “อายุเหรอ...”เขาหยุดคิดไปสักพัก “ปีนี้ ก็ 29 จะ 30 แล้วมั้ง” เอ๋! ยังไม่แก่เท่าไหร่นิ

   “แล้ว คุณทำงานเป็นทนายเหรอครับ...” โอ้! ไอ้เต็มสิบเอ้ย ! เสือกเรื่องชาวบ้านเขาจริงจังเลย
   
“จะว่างั้นก็ใช่...” เขาตอบ พร้อมกับค่อยๆ หันมามองหน้าผม นัยน์ตาสีดำสนิทคมกริบ นั่นหรี่ลงนิดหน่อย พร้อมกับริมฝีปากที่ยกยิ้มขึ้นน้อยๆ ก่อนที่จะเอ่ย ออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มอย่างน่าหลงใหล

   “แต่เป็นทนายของแผ่นดิน...”

    ทนายของแผ่นดิน ? ฟังดูเท่...จัง

   “ฉันไปก่อนละ”เขาเอ่ย ผมขยับตัวหลีกทางให้เขาเดินออกจากที่นั่งด้านใน

   “ขอบคุณครับ”ผมตะโกนไล่หลังเขาไป ก่อนที่เขาจะลงจากรถเมล์ เขาหันกลับมายิ้มให้ผมนิดหน่อย

   เป็นรอยยิ้มที่...ใจดี แหะ

   ก่อนที่เขาจะเดินลงไป ผมขยับตัวไปนั่งใกล้บริเวณหน้าต่างก่อนที่จะมองไปยังสถานี ที่เขาลง

   ‘สำนักงานอัยการสูงสุด’

   ป้ายขนาดใหญ่ด้านหน้าและมองเข้าไปเป็นตึกสีขาวสูงตั้งตระง่าน เห็นเจ้าของแผ่นหลังในชุดกันหนาวสีดำเดินเข้าไป

   “ทนายของแผ่นดินงั้นเหรอ?...”ผมพูดกับตัวเองเบาๆ


   บางที นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำ ก็เป็นได้




   ไม่กี่วันต่อมา โอเค ไม่อยากจะบอกว่า ไม่ถึงสามวันหรอก หลังจากวันนั้น ผมก็ไปขอใบอนุญาตส่งตัวฝึกงานจากทางมหาวิทยาลัย เมื่อได้แล้วผมก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย   

   “เอิ่ม...น้องมาทำไมเหรอคะ?”พี่พนักงานผู้หญิงคนหนึ่งถามผม ผมไม่รู้หรอกว่าเธอทำงานแผนกอะไรยังไง

   “ผมมาสมัครงานครับ...เป็นนักศึกษาฝึกงานน่ะครับ”ผมตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มน้อยๆอย่างจริงใจที่สุดไปให้

   “งั้นนั่งรอพี่ตรงนั้นสักครู่นะคะ...”พี่เขายิ้มตอบให้ผมน้อยๆ ก่อน จะเดินไปหาพนักงานด้วยกันอีกคนที่ดูอาวุโสกว่า อยู่ พูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับมาหาผม ขอเอกสารจากทางมหาวิทยาลัย ไปทำเรื่องให้ ก่อนจะเดินกลับมาอีกรอบยิ้มอย่างใจดี

   “แท้จริง ทางสำนักงาน ยังไม่เปิดรับนักศึกษาฝึกงาน แต่ไหนๆน้องก็มาแล้ว พี่จะให้เข้าพบอัยการผู้ช่วยท่านหนึ่งแล้วกัน ก็แล้วแต่ว่าท่านจะรับน้องไปดูแลไหม  แต่พี่ก็เห็นท่านบ่นๆอยู่นะว่า อยากได้คนมาช่วยเคลียร์งาน แต่หาคนไปช่วยท่านสักกี่คน ก็ไม่ทนไม้ทนมือท่าน ทำงานไม่ถูกใจท่าน ท่านต้องไล่ตะเพิดทุกที... ” เอ่อค่อนข้างน่ากลัวนะครับ “เอาเป็นว่า ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ ท่าน แล้วโดนไล่ออกมา น้องคงได้มาช่วยงานพวกพี่แทน  แต่พี่ว่าน้องคงไม่สนใจทำงานกับพวกพี่หรอก เอาเป็นว่าขอให้โชคดีละกันนะ หุ...หุ” ทำไมต้องหัวเราะทิ้งท้ายอย่างนั้นด้วยละครับ

   “เออ ลืมแนะนำตัวไป พี่ชื่อว่าพี่น้ำนิ่ง ทำงานเป็นนิติกร ที่นี่ เห็นน้องพอดี ก็เลยแอบไปลากน้องมา ไม่งั้นมีหวังพวกฝ่ายธุรการขโมยตัวไปแน่ ไม่ไหว ไม่ไหว ว่าแต่ น้องชื่ออะไรจ๊ะ”

   “เต็มสิบครับ”

   “ว๊ายยย ชื่อไพเราะ หน้าตาน่ารัก หล่อเหลา ผิวขาวเป็นยองใย ถูกใจ๊ ถูกใจ >//<”

   “เอ่อ...ครับ” พี่น้ำนิ่ง พาขึ้นลิฟท์มาไม่กี่ชั้น ก่อนจะพาเดินลัดเลาะ ไปทางเดิน ที่มีห้องต่างๆ มากมาย ด้านหน้าห้องต่างๆ ก็สลักชื่อพร้อมกับตำแหน่งไว้

   รู้สึกกดดันนิดหน่อยแหะ...

   “ถึงแล้วจ๊ะ”พี่แกว่า ก่อนจะเคาะประตูสามครั้ง จนได้ยินเสียงจากด้านในเชิญให้เข้าไปดังออกมาเบา “รอพี่อยู่ตรงนี้ก่อนนะจ๊ะ” พี่น้ำนิ่ง หันมาบอกผมนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าไป แล้วปิดประตู

ผมอ่านป้ายชื่อที่หน้าประตู

‘อัยการผู้ช่วย สิ้นฟ้า เนติธรณินทร์’

สิ้นฟ้า ชื่อคนเหรอนั่น ? ไม่เป็นมงคลเลย...

“น้องเต็มสิบ เชิญเลยจ๊ะ”พี่น้ำนิ่งเปิดประตูออกมาเรียกผม ก่อนที่จะหลบทางให้ผมเดินเข้าไป “ท่านไม่สบายอยู่นะ ฝากด้วยละ งานแรกของน้องเต็มสิบเลย แล้วอย่าให้ใครหรือผู้หญิงหน้าไหนเข้ามาในห้องของท่านเด็ดขาดนอกจากพี่ ไม่งั้นท่านแย่ๆแน่ๆเข้าใจนะจ๊ะ...พี่ขอตัวก่อนนะ”

“เอ่อ... พี่ครับ ปะ ปะ ไปซะแล้ว”ผมแอบถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไป ร่างสูงดูคุ้นตา เหยียดยาวอยู่เต็มโซฟา เสื้อเชิ้ทสีขาวถูกปลดกระดุมออกสองเม็ด ดูยับยู่ยี่  ใบหน้ามีผ้าผืนเล็ก ปิดอยู่

ภาพที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้า มันทำให้ผมยกยิ้มขึ้นมาได้

รูปร่างแบบนี้...จะใช่ไหมนะ

“เอ่อสวัสดีครับ”ผมกล่าวทักทายออกไป ก่อนที่สายตา พลันมองไปเห็นอะไรบางอย่าง 
ท่านอัยการนอนบนโซฟา โดยไม่ถอดรองเท้าครับ...

“ขออนุญาตนะครับ”ผมเอ่ยขออนุญาตก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ร่างนั้น ย่อตัวลงนั่งนิดหน่อย ก่อนจะค่อยๆถอดรองเท้าหนังสีดำออกให้ทั้งสองข้าง

เอารองเท้าแอบไปปล่อยขายในอีเบย์ คงได้ราคาดี...

ผมกระเถิบตัว มานั่งขัดสมาธิบนพื้นหน้าโซฟามองคนหลับ อย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ก็นั่งมองอยู่อย่างนี้ละ
จนผ่านไปกว่าชั่วโมงขาผมเริ่มเมื่อย เลยเริ่มเหยียดแข้งเหยียดขานิดหน่อย

“อืม...”เสียงครางดังขึ้นเบาๆ ทำให้ผมรีบเก็บขามานั่งขัดสมาธิเหมือนเดิม เขาขยับตัวนิดหน่อยจนผ้าขนหนูผืนเล็กที่ปิดบังใบหน้า ค่อยๆเลื่อนหล่น

เยส!!!! ...ใช่เขาจริงด้วยๆ

อยากจุดพลุฉลอง

ไม่นึกว่าจะได้เจอตัวเร็วขนาดนี้
ผมเอื้อมมือไปหยิบผ้าที่หล่นลงมา ก่อนที่จะเอาไปซักและชุบน้ำมาใหม่

“ขอโทษนะครับ”ผมเอ่ยเบาๆ ก่อนที่จะค่อยๆเอาผ้า เช็ดไปตามใบหน้าขาวๆที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อติดไปทางแดงๆอย่างกับมะเขือเทศบ่งบอกถึงว่ากำลังมีไข้

วันก่อนนี่ก็ยังดูสบายดีอยู่เลยนี่นะ...

ริมฝีปากที่แดงอยู่แล้ว ยิ่งแดง อาจจะเป็นเพราะไอร้อนจากพิษไข้ ผมว่าผมลากเขาไปหาหมอดีไหมนะ เสมือนจะเป็นหนักเอาการ

เมื่อคิดได้อย่างนั้น ผมจึงจับที่ไหล่เขาอย่างถือวิสาสะ พร้อมกับเขย่านิดหน่อย

“คุณครับ คุณ...”ผมเอ่ยเรียกเบาๆ

“อืม...”เสียงตอบกลับมาแค่นั้น

“ไปหาหมอดีไหมครับ?”ผมเอ่ยถามออกไป

“อืม...”

“งั้นก็ลุกนะครับ”

“อืม...”โอเค สงสัยคุยกันไม่รู้เรื่องละ

“งั้นผมจะเรียกรถพยาบาล”ผมพูดออกไป เห็นคิ้วเขากระตุกนิดหน่อย ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วมองมาทางผม

“ฉันเกลียดรถพยาบาล...”เสียงเข้มเอ่ยนิ่งๆ “แล้วนาย?...เป็นใคร?”คิ้วผมกระตุกนิดหน่อย...ลืมผมแล้วสินะ
“นายบนรถเมล์?”อยู่ดีๆก็เอ่ยออกมาเบาๆ “นักศึกษา...ฝึกงาน?”

“ครับ...”ผมตอบรับพร้อมยิ้มให้

“โอเค...งั้นฉันขอนอนต่อละกัน” เอ๋!!!! เจ้าตัวเขาพูดพร้อมกับทำท่าจะนอนลงอีก

“ลุกก่อนสิครับ ไปหาหมอกันก่อน คุณมีไข้สูงนะครับ ควรที่จะไปหาหมอ”ผมพูดพร้อมกับเผลอไปดึงต้นแขนเขาไว้ไม่ให้ล้มตัวลงนอนไปอีก

“คิดที่จะทำงานกับฉัน อย่างหนึ่งที่นายควรรู้ไว้ก็คือ...ฉันเกลียดโรงพยาบาล”พูดปุ๊ปทิ้งตัวลงปั๊บทันที

“โอเค งั้นผมเรียกรถพยาบาลละ” พูดพร้อมกับควักมือถือมาทำท่าจะกด ท่านชายร่างสูงกระเด้งตัวขึ้นนั่งทันที

“ฉันจะไล่นายออก”

“เอาสิ”อย่างน้อยก็แค่ได้ไปทำงานกับพวกพี่น้ำนิ่งที่เป็นนิติกร

“งั้นออกไปเลย ออกไปจากห้องฉันเลย”เสียงเข้มๆเอ่ยไล่

“ผมจะไปก็ต่อเมื่อลากคุณไปโรงพยาบาลได้”ผมยื่นคำขาด

“...”

“ไม่ตอบถือว่าตกลง งั้นไปโรงพยาบาลกัน!”พูดพร้อมกับลากท่านอัยการตัวใหญ่ออกมาจากโซฟา
งานแรกของผมคือการดูแลท่านอัยการ ผมว่า ผมทำได้ดีนะ



“ฉันจะไล่ ฉันจะไล่นายออกแน่ๆ”


...........................................

เอาคดี ที่ 1 ไป ยังไม่มีอะไรมาก มารู้จักที่ไปที่มาของทั้งสองคนก่อน
อัยการของผมไม่น่ารักขนาดนั้นหรอก 5555
พยายามเขียนให้มุ้งมิ้งเข้าไว้ แต่ปกติคนเขียนไม่ค่อยจะมีอารมณ์มุ้งมิ้ง
ฟรุ้งฟริ้ง แบบนี้เลยยากหน่อย

เป็นกำลังใจให้ด้วยนะ :katai4:


หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 1 วันแรกที่เราได้รู้จักกัน 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 13-07-2014 16:25:12
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากค่ะ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 1 วันแรกที่เราได้รู้จักกัน 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: meili run ที่ 13-07-2014 16:35:13
เนื้อคู่มาแล้ว กล้าไล่หรอออออออออออออออออ :hao6:  :laugh:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 1 วันแรกที่เราได้รู้จักกัน 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-07-2014 16:40:38
น่ารักจัง  :mew1:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 1 วันแรกที่เราได้รู้จักกัน 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 13-07-2014 19:20:35
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(1) 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 13-07-2014 19:57:13
คดีที่ 2
สาวพยาบาล (1)

“แค่เป็นหวัดนิดหน่อยครับ เดี๋ยวหมอสั่งยาให้ไปกิน พักผ่อนเยอะๆ ดื่มน้ำอุ่นๆ อีกแค่ไม่กี่วันก็คงจะหายแล้วครับ”เสียงนุ่มๆของหมอหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอ่ยขึ้น "เดี๋ยวไปรอรับยาได้เลยนะครับ”

“ครับ”ผมตอบรับ อย่างกับคนไม่สบายซะเอง พอหันไปมองข้างๆก็เห็นร่างสูงในเชิ้ทสีขาว ทำหน้าตาเบื่อหน่ายอยู่ “ปะไปรอรับยากัน” ผมเอ่ยชวน

“นายนี่มันวุ่นวายชะมัด”เขาบ่นเบาๆ แต่ผมได้ยินนะ ผมสีดำที่ยาวระต้นคอเป็นทรงรากไทรของเขา ยุ่งเหยิง ดูตลกชะมัด แต่เมื่อเดินออกมาจากห้องตรวจมันกลับเรียกสายตาจากคนรอบข้างได้ดี โดยเฉพาะสาวๆพยาบาลสวยๆที่มองมาทางนี้ แล้วก็หันไปซุบซิบ หัวร่อต่อกระซิกกัน (ผมว่าผมใช้สำนวนโบราณดีแหะ) แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือคนข้างๆผม แม้จะอยู่ในสภาพเสื้อยับ ผมยุ่งเหยิงแค่ไหน มันก็ไม่ได้ลดความหล่อและดูดีของเขาลงไปได้เลย แม้แต่คุณยายที่มานั่งรอรับยาข้างๆ ยังมอง และแอบหันกลับไปอายม้วนต่อหน้าคุณตาสามีแกเลย

กลับบ้านไป แล้ว ทะเลาะกัน ถือเป็นความผิดของยายเองนะ ไม่เกี่ยวกับเขา ผมจะเป็นพยานให้เอง

ครืดดดดด~ ครืด~

เสียงสั่นของโทรศัพท์ในกางเกงแสล็คสีดำของเขาดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะล้วงหยิบออกมาด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย

“ฮัลโหล ตอนนี้ท่านอัยการสิ้นฟ้าไม่ว่าง หาเห็บหมัดให้หมาที่บ้านอยู่ มีอะไรติด....”

(แล้วหมาตัวไหนมันรับโทรศัพท์กูวะ!)เสียงโวยจากโทรศัพท์ ดังมาจนผมได้ยิน และเหมือนคุณยายคนข้างๆจะได้ยินเช่นกัน ผมเห็นแกทำหน้าตกใจเลย

“อย่าทำเสียงดังในโรงพยาบาลน่าหมวด”ผมเผลอหลุดยิ้มออกมา เมื่อได้ยินคนข้างๆว่า

(สารวัตรเว้ย!)

“กูจะไม่ยอมเรียกคนที่ได้เลื่อนขั้นไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ แล้วบังคับให้เพื่อนซื้อดอกไม้ไปยินดีให้ อย่างมึงว่าสารวัตรหรอก...มึงไม่ใช่เพื่อนกู มึงได้เลื่อนขั้นก่อนกู มึงไอ้สารวัตรตัวปลอม” เออ เว้ยเฮ้ย...คนอย่างนี้ก็มีด้วย

(ไอ้...อัยการอย่างมึงเขามีเลื่อนขั้นด้วยเหรอวะ)

“เออ นั่นสิ กูก็สงสัยอย่างมึงนี่ละ ทำงานมาตั้งนาน กูยังไม่รู้เรื่องเลย”

(เชี่ยฟ้า!) สมควรโดนด่า (เออ ว่าแต่มึงไปทำอะไรที่โรงพยาบาลวะ มีใครเป็นอะไร?)

“ไม่มี๊”พูดด้วยเสียงสูง

(แสดงว่ามึงไม่สบาย...ชัวร์) สงสัยคนที่คุยอยู่ด้วย จะเป็นเพื่อนสนิทกันมากๆแน่เลย

“บอกว่าไม่มีไง ว่าแต่มีอะไรโทรหากู”

(มีคดีวะ ทีแรกกูจะทำสำนวนส่งไปให้มึงสั่งฟ้อง แต่หลักฐานนี่ยังเก็บไม่ครบเลย มีแววอีกนาน ก็เลยคิดว่าเผื่อมึงสนใจที่จะลงมาสืบ หาหลักฐานด้วยตัวเอง ก็เลยโทรมาหา)

“หลักฐาน ไม่ครบ?”เขาว่าพรางยกคิ้วเข้มๆขึ้นข้างหนึ่ง “อย่างมึงมีภาวะ แบบนี้ด้วยเหรอวะ?”

(ก็เออ...มันพูดยากวะ...แต่อีกทางหนึ่งกูก็โทรเรียกไอ้หมอมันแล้ว มันก็กำลังจะมาช่วย)

“ไอ้หมอ...มาช่วย?”

(เออ...มาช่วย เก็บชิ้นส่วนมนุษย์ อะนะ ว่าแต่...มึงสนใจลงมาเก็บเองหรือเปล่าละ?)

“ไม่ใช่เรื่อง...”

“แต่ผมสน”ผมสวนกลับขึ้นไปทันที

“ไม่ใช่เรื่องของนาย!”

(เสียงใครวะฟ้า?)

“เสียงหมา!”

“ผมไม่ใช่หมานะ”

“อย่าเอะอะ โวยวายในโรงพยาบาลนะคะ”นางพยาบาล สุดสวยเดินเข้ามาเตือน

“นะ คุณนะ พาผมไปดูหน่อย ว่าพวกคุณทำงานกันยังไง แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรผมยอมทุกอย่างเลย”

(เสียงใครแว้!!!!!)

“นายพูดเองนะ”

“ครับ”

(เฮ้ยยยยย! ให้กูเสือกด้วยสนใจกูหน่อย)

“โอเค ไอ้หมวด เดี๋ยวกูไปหามึง”

(ย้ำๆ ชัดๆ อีกครั้ง กูสารวัตร ไม่ใช่หมวด!!!!!)





ที่นี่ที่ไหนกัน รอบข้างมันมืด และกลิ่นเหม็นที่สุดจะทนไปหมด แม้จะสวมอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ แต่กลิ่นนี่ ทะลุทะลวง ยันอณูของชุดอุปกรณ์ที่สวมใส่ไว้อยู่

“น้องเต็มสิบ สู้ๆนะ พี่สารวัตรสุดหล่อเป็นกำลังใจให้”เสียงเย้วๆ ดังมาจากด้านบน “ไอ้ฟ้า มึงส่งเสียงเชียร์น้องมันหน่อยสิวะ”

“เอาไว้ถ้ารอดกลับมาจะทำป้ายไฟให้”เสียงนิ่งๆเย็นๆตะโกนบอกมา

เอิ่ม...ขอบคุณครับ

“เอาน่า ไม่ต้องตื่นเต้นไป มีพี่อยู่ด้วยทั้งคน”เสียงนุ่มติดหวานๆของพี่หมอเอ่ยออกมา พร้อมกับเอามือจับไหล่ผ่านชุดป้องกันเชื้อโรคอย่างดี ส่งมาเป็นกำลังใจให้

“ไอ้หมอ อย่าแอบแตะอั๋งน้องเต็มสิบนะเว้ย!”เสียงตะโกนของพี่หมวด เอ้ย! ท่านสารวัตรตะโกนสั่งมา พร้อมกับส่องไฟสปอร์ตไลท์มาทางผม พี่หมอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่นิติเวช ท่านอื่นๆ ส่วนพวกเขาทั้งสองคน ทำหน้าที่ในการควบคุมไฟส่องสปอร์ตไลท์ ให้ส่องไปทั่วบริเวณ อย่างมีประสิทธิภาพ

โอเค สงสัยใช่ไหมครับ ว่าผมอยู่ที่ไหนตอนนี้

ผมอยู่ภายในท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ใจกลางเมืองครับ

แบบว่าไม่น่ารนหาที่เลยกู

นอกจากจะมีไฟจากสปอร์ตไลท์ที่ส่องลงมา บนหัวผมก็มีไฟฉายอยู่ครับ ส่วนที่มือของผมมีตระแกรงตะข่าย ที่ตอนนี้ ใช้เพื่อ ตักหาเศษชิ้นส่วนบางอย่างภายในท่อระบายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ มีกลิ่นเหม็นมากๆ

ตักไปก็เจอเศษอะไรต่ออะไรไป จะต้องใช้ทักษะในการสังเกตดีๆ
ว่าอันไหนคือชิ้นส่วนของเศษผิวหนังมนุษย์ ส่วนอันไหน ไม่ใช่

“ตั้งใจทำงานนะเด็กๆ เสร็จงานนี้ เดี๋ยวพี่พาไปกินเนื้อย่าง”

อืม...แทบอวก

เตะ สารวัตร ที่ยืนแหกปากอยู่ด้านบน จะมีความผิดโทษฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานไหมครับ?



ผมตักไปเรื่อยๆ และแยกเศษชิ้นส่วนไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ตะวันเริ่มลับขอบฟ้าแล้ว พวกเราก็ยังไม่เลิกทำงานในการหาชิ้นส่วนเศษเนื้อของมนุษย์ที่ว่ากัน พี่หมอบอกว่ายังไมรู้หรอกว่าเป็นเศษชิ้นส่วนของใคร คือเขาต้องเอากลับไปหาเจ้าของอีกที
ทีแรกเริ่มของคดีนี้ ชาวบ้านเห็นเป็นเศษชิ้นส่วนของกระดูกเป็นชิ้น ลอยมาตามน้ำในคลองย่านสลัมย่านหนึ่งครับ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พอค้นหาหลักฐานไปมา กลับเจอชิ้นส่วน ชิ้นอื่นๆตามมาเรื่อยๆจนมาจบ ที่ต้องมาหา เศษชิ้นส่วนจากท่อระบายน้ำ ที่เป็นท่อระบายน้ำหลักที่จะไหลลงสู่แม่น้ำในคลองนั่น ยิ่งหา...ยิ่งเจอ

“เอาละ พอแค่นี้ ก่อน กลับขึ้นไปบนพื้นผิวของโลกมนุษย์ได้ละ”พี่หมอพูดติดตลก แต่หลายๆคน ถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่พี่หมอแกพอใจกับหลักฐานที่ได้ซะที

เมื่อขึ้นมาจากท่อระบายน้ำ ก็ถูกฉีดฆ่าเชื้อทันที ถึงจะถอดชุดอุปกรณ์ และไปอาบน้ำฆ่าเชื้อตัวเองอีกทีได้

“เป็นไง สนุกไหม” สารวัตรสุดหล่อเดินมาถามผม หลังจากอาบน้ำแต่งตัวภายในโรงพยาบาลที่พี่หมอทำงานอยู่เสร็จ

“ก็เป็นประสบการณ์ทีดีครับ”ผมตอบกลับไป

“ปะงั้นพี่พาไปเลี้ยงเนื้อย่างเห็นเราตั้งใจทำงานดี”ท่านสารวัตรพูดอย่างร่าเริง

“เองจริงดิ?”

“จริงเซ่! ไอ้ฟ้า มันจะช่วยออกเงินให้ด้วยนะ แพงแค่ไหน กินเยอะขนาดไหน กินได้ไม่อั้น”


ร้ายกาจ ร้ายกาจมากคนพวกนี้...


“ไปกันยัง กูหิวละ” หน้าหล่อๆ พร้อมเสียงนิ่ง โผล่ออกมา เจ้าตัวเขาก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อนิดหน่อยครับ เพราะ เห็นบ่นว่าเสื้อตัวเองยับ ก็นะ...

“โอเค พร้อมแล้ววววววว”เสียงใส พร้อมกับร่างเล็กๆของพี่หมอ วิ่งตามมาอีกคน



“เนื้อย่าง! เนื้อย่าง! เนื้อย่าง! เนื้อย่าง!”

แล้วเพื่อนซี้ทั้งสามคน ก็ร้องเป็นเพลงอย่างสนุกสนาน โดยไม่หันมามองทางลูกน้องที่เหลือเลย

ให้ตายเหอะ....!




“เป็นยังไงวะ ทำงานที่สำนักงานอัยการ?”เสียงไอ้ฟรังมันถามขึ้น

“เฮ้อ...”ผมถอนหายใจยาวๆ

“มันลำบากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”ชายพายถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ลำบากอะไรหรอก...แต่...”

“แต่?”

“แกคิดว่าอัยการนี่เขามีหน้าที่ไปสืบคดีเองด้วยหรือเปล่าวะ?”ผมถามขึ้น

“ก็ แล้วแต่กรณี บางกรณีอาจอยากลงไปสืบเองก็ได้”ฟรังพูดอย่างผู้รู้ “แต่โดยปกติ นั่งทำหน้าหล่อๆสวยๆในห้องทำงาน คอยรับสำนวนคดีจากพนักงานสืบสวน ที่สืบมาก็พอแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องลงไปสืบเองเลย”

งั้นเหรอ?...ถ้างั้นทำไมคนๆนั้นถึง?



หลังจากวันนั้น คนๆนั้น ก็ติดตามการสืบสวนสอบสวนอย่างใกล้ชิด พี่หมอ ก็มาที่สำนักงานอัยการบ่อยๆ เพื่อมาคุยเกี่ยวกับคดีนี้ ท่านสารวัตร ก็ด้วย ทั้งสองคนชอบมาหา พร้อมกับเอาพยานหลักฐานมากองไว้ในห้องทำงาน ของอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้าบ่อยๆ จนผมต้องแยกสำนวนคดี อันเก่า หนีไปไว้ยังอีกมุมหนึ่งของห้องและจัดให้อีกมุมหนึ่งของห้องเป็นพื้นที่ของทั้งสามคนไป
และทั้งสามคนก็ชอบ...สุมหัวกัน

ออ รวมทั้งผมด้วย

อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยรู้อะไรกับเขาหรอก แต่ก็มีหน้าที่คอยเช็คหลักฐาน ให้ ซ้ำอีกครั้ง ว่าขาดหายอะไรไปบ้าง

พอมีคดีเข้ามา คนๆนั้น ก็เหมือนกับจะหายไข้เป็นปลิดทิ้ง แต่ก็มิวายที่ต้องให้บังคับให้กินยาบ่อยๆ เพราะผมมั่นใจว่าเขายังไม่หายดีหรอก


“อืม...อืม...อืม...”เสียงคนบางคนพรึมพรำกับตัวเอง ยกกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง เทียบกับอีกแผ่น ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก

“ให้ผมช่วยดูไหมครับ?”ผมถามขึ้น

“บอกฉันหน่อยว่ามันตรงกัน”เขายื่นกระดาษสองแผ่นมาให้ผม เป็นผลตรวจ ดีเอ็นเอ จากเศษเนื้อและกระดูกที่เก็บได้แผ่นหนึ่ง ส่วนอีกแผ่น ที่มีโครงสร้างของดีเอ็นเอ ที่คล้ายกัน ผมไม่รู้ว่าเป็นดีเอ็นเอของใคร

“ครับ ทั้งสองแผ่น ตรงกัน”ผมพูดพร้อมกับยื่นให้เขาคืน

“อันหนึ่งจากเศษเนื้อที่เก็บได้ อีกอันหนึ่ง เก็บตัวอย่างจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่...”เขาพูดลอยๆ

“เอ๋...หมายความว่าไงครับ?”ผมถามกลับไป
“แผ่นนี้...”เขาว่า พรางชี้ไปยังกระดาษแผ่นที่หนึ่ง ที่บอกว่าเก็บตัวอย่างมาจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่ “ไอ้หมอบอกว่าได้มาจากการตรวจเลือดนักศึกษาในมหา’ลัย จากการตรวจสุขภาพประจำปีของนักศึกษา”

“ตรวจสุขภาพประจำปีของนักศึกษามีการตรวจไปถึง DNA เลยเหรอครับ?”

“ตรวจหาโรคด้วยวิธี PCR เพื่อป้องกันไข้หวัดที่กำลังระบาด ซึ่งสามารถตรวจได้ละเอียดจนไปถึงระดับ DNA พอตรวจเสร็จไอ้หมอเลยสะกิดอะไรบางอย่างนิดหน่อย อันที่จริงก็ตรวจ DNA ทุกคนเพื่อเอาเข้าสู่ฐานข้อมูล เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมระดับชาติ เป็นโครงการของรัฐ...”เขาอธิบาย พร้อมกับทำหน้าหนักใจนิดหน่อย

“ออ...ถ้านักศึกษาพวกนั้น รู้คงแย่แน่” ผมเปรยเรียบๆ “งั้นแสดงว่า เราหาคนที่ใกล้ตัวของเจ้าของเศษชิ้นเนื้อได้แล้วสินะครับ”

“อืม...”เขาตอบรับ “ถ้า DNA ของทั้งสองแผ่นตรงกันขนาดนี้ คงจะเป็น...ฝาแฝดสินะ”












“ว่าแต่ว่า พี่หมอเขาเป็นแพทย์ประจำแผนกนิติเวชไม่ใช่เหรอครับ? ทำไม ถึงได้ไปตรวจสุขภาพนักศึกษาละ”

“ไอ้หมอมันก็หาเรื่อง เสือก ไปเรื่อยอะแหละ”

...เข้าใจแล้วครับ...



........................................................

แถมให้อีกตอนสำหรับวันนี้
วันต่อๆไปจะขอลงเป็นวันละตอน หรือถ้าไม่ทันอาจจะเป็นสองวันต่อตอน
กลัวของในสต๊อก มันหมดเสียก่อน 5555+
ใจเย็นๆ และค่อยๆ ทำความรู้จักกับพวกเขาต่อไปนะคะ
 :katai4:

หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(1) 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 13-07-2014 21:58:57
 :mc4: :mc4:น่าติดตามมากค่าาาา  รอนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(1) 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dimth ที่ 13-07-2014 22:15:03
คุณสิ้นฟ้าซึนมาก  :ruready :ruready

ฉากสุมหัว..ให้อารมณ์เหมือนอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเลย  :katai2-1:

อ่านสนุกน่าตามติดค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(1) 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: meili run ที่ 13-07-2014 23:11:48
เอิ่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม :z2:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(1) 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 13-07-2014 23:17:10
น่าสนใจทุกคนเลย ยกเว้นเพื่อนนายเอก ตัวประกอบมาก ยกเว้นว่าในนั้นจะมีฝาแฝด
จะตามอ่านค่ะ :seng2ped:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(1) 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 13-07-2014 23:22:18
อัยการตัวร้ายกับนายนักศึกษาสินะคะ  :hao6:
ดูเหมือนจะมีแนวสืบสวนสอบสวนเข้ามาด้วย น่าสนใจๆ
ออกแนวเชอร์ล็อค โฮล์มส์หรือเปล่าคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(1) 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 13-07-2014 23:48:42
อะไรกันนั่น
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(1) 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 14-07-2014 00:32:13
อัยการสิ้นฟ้า จะอึนมึนอ้วกไปไหม เฉื่อยดีจริงๆ น่ารักมุ้งมิ้งดี
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(1) 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 14-07-2014 01:38:42
แค่ 2 ตอนก็สนุกแล้ว

ติดตามต่อค่ะ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(1) 13/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: feather7074 ที่ 14-07-2014 08:54:09
ติดตาม ม มาต่อบ่อยๆน่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(2) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 14-07-2014 16:50:51
คดีที่ 2
สาวพยาบาล (2)


“จะดีเหรอครับที่ทำแบบนี้”ผมถามออกมาด้วยความไม่มั่นใจ


“ดีสิ...เหยื่อจะได้ไม่ไหวตัวทัน”

“เราจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ?”ผมถามขึ้น

“อิอิ”เสียงหัวเราะ ดังจากอีกคนหนึ่งผ่านเข้ามา

นี่นักศึกษาฝึกงาน อัยการ และสารวัตรตำรวจ จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ!

ไอ้ผมอะไม่เท่าไหร่ แต่การเอาคนที่อายุเกือบจะสามสิบทั้งสองคนมา แฝงตัวเข้ามาอยู่ในหมู่นักศึกษาของคณะพยาบาล นี่มัน ไม่ค่อยจะเข้าท่าเท่าไหร่นะครับ

‘เอาน่า น้องเต็มสิบ เคยได้ยินคำว่า ไม่มีใครแก่เกินเรียน ใช่มะ หุ...หุ มันก็ประมาณนั้น...’ เสียงใสๆของพี่หมอยังก้องอยู่ในหูผม


เออ เอาก็เอาวะ ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว



พวกเราทั้งสามคนเข้ามานั่งเรียนในคลาสของนักศึกษาพยาบาลได้ประมาณสองชั่วโมงก่อนอาจารย์จะปล่อย หลายๆคน มองมาทางพวกผมอย่างสงสัย

แต่สายตาของเราทั้งสามคนนั้น มองไปยังผู้หญิงคนหนึ่ง ที่คาดการณ์ว่า หน้าตาอาจจะเหมือนกับเจ้าของชิ้นเนื้อและกระดูกที่เราได้พบเจอ

“สวยเนอะ”

“หน้าอกเล็กไปหน่อย...”

“กูก็ว่างั้น”

เสียงซุบซิบเบาๆคุยกันของคนทั้งสองคน เอิ่ม...พี่ครับ! พี่คร๊าบบบบบ! มีอัยการกับตำรวจลามกสองคนอยู่ตรงนี้คร๊าบบบบบบ!

 เอะ...แล้วนี่ผมตะโกนในใจเพื่อบอกใคร

พวกเราสะกดตามรอยมาเรื่อยๆ ซึ่งผมก็เดินตามผู้หญิงคนนั้นแบบปกติ ที่มีหลายๆคนเดินสวนกันไปสวนกันมา

แต่...สองคนนั่น แยกกันแอบตามมุมเสา และมุม กำแพงต่างๆ



พวกพี่แก...ทำเป็นเล่น



ผมส่ายหัว แล้วเดินเข้าไปสะกิดไหล่ของผู้หญิงคนนั้น เธอหันกลับมาพร้อมทำหน้าสงสัยนิดหน่อย

“เอ่อ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณครับ พอจะมีเวลาให้ผมหน่อยได้ไหม?”เสียงเพื่อนที่อยู่ข้างๆผู้หญิงคนนี้กรี๊ดเบาๆ

“เอ่อ ได้คะ”เธอตอบพร้อมกับยิ้มกลับมา

“งั้นเชิญทางด้านนี้ครับ”ผมพาเธอเดินมาหลบมุม ออกห่างจากความวุ่นวายนิดหน่อย โดยนำเธอมานั่งที่โต๊ะไม้หินอ่อนใต้ต้นไม้ไม่ไกลจากตัวอาคารเรียนของคณะพยาบาลสักเท่าไหร่

“มีเรื่องอะไร คะ?”เธอถามด้วยความสงสัย

“คือ ที่บ้านของคุณมีคนหาย หรือพี่สาว หรือน้องสาว หายตัวไป บ้างไหมครับ?”ผมรู้สึกว่าเรียบเรียงคำพูดของตัวเองไม่ค่อยจะถูก ก็นะ เรื่องแบบนี้มันพูดยากนิ แต่ คำถามของผมก็ทำให้เธอทำหน้าตกใจนิดหน่อย ก่อนเธอจะหยุดคิดไปสักพักหนึ่ง แล้วตอบกลับมา

“ไม่มีคะ”เธอว่าด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว “ฉันขอตัวก่อนนะคะ”เธอพูดพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้น

“ทำตัวมีพิรุธนะครับสาวน้อย”เสียงสารวัตรหนุ่มในชุดนักศึกษาเอ่ยขึ้น พร้อมกับขยับแว่นทรงโต ที่ไม่รู้ว่าไปหามาใส่จากไหน

“อะไร พวกคุณเป็นใคร?”เธอถามด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ปนตกใจ

“ผมเชอร์ล๊อค โฮล์ม เป็นนักสืบ และนี่คุณหมอวัตสัน คู่หูของผมเอง”เสียงเข้มนิ่งเอ่ย พร้อมกับทำท่าทางส่องแว่นขยายอันใหญ่


เอ่อ...อย่าไปบอกใครให้โลกรู้นะ ว่านั่น คือผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึง...อัยการ


“ส่วนเด็กนั่น...”เขาว่าพรางชำเลืองสายตามองมาทางผม “หมาน้อยของฉันเอง” ขอบใจอย่างสุดซึ้ง...ที่ให้เป็นได้แค่ หมา!

“ไปกับพวกเราซะดีๆ”สารวัตรหนุ่มว่า พร้อมกับเอาผ้าเช็ดหน้าโป๊ะยาสลบเข้าไปที่หญิงสาวคนนั้นทันที



“หลีกทางหน่อยคร๊าบบบบ คนเป็นลมคร๊าบบบบบบ! ต้องไปโรงพยาบาลนะครับ!”เสียงอัยการสุดหล่อแหกปากร้อง ก่อนที่สารวัตรหนุ่มจะอุ้มหญิงสาวออกไปขึ้นรถที่มาจอดรอรับอยู่ อย่างรวดเร็ว



“เอ่อ...อย่างนี้ มันเรียกว่าลักพาตัวใช่ไหมครับ?”






“ตื่นแล้ว”ผมเผลอร้องออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นหญิงสาวค่อยๆขยับตัว

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด! พวกแก ทำอะไรฉัน! ที่นี่ที่ไหน! ปล่อยฉันไปนะ! ไอ้พวกสารเลว!”

“กูเตือนพวกมึงแล้วว่าให้เอาสำลีอุดหูไว้”เสียงนิ่งเอ่ยขึ้น พรางค่อยๆดึงสำลีออกมาจากหู ซึ่งพี่หมอ กับท่านสารวัตร ทำหน้าหน่าย แต่มือก็เผลอแคะหูไปอย่างอัตโนมัติ

“ใจเย็นๆครับ ที่นี่คือโรงพยาบาล แผนกนิติเวช แล้วนี่ก็คือห้องทำงานของคุณหมอ...เอ่อ...”เออ นั่นสิ ตั้งแต่รู้จักกันมา ไปกินข้าวด้วยกันผมยังไม่รู้จักชื่อพี่หมอเลย เพราะเห็นแต่ใครๆเรียกแต่พี่หมอ หรือไม่ก็ไอ้หมอ

“ผมหมอ ชื่อ หมอ ครับ เรียกว่า หมอ หรือ พี่หมอ ก็ได้ครับ” เชี่ย! ...

“แล้วนี่ก็สารวัตร...”ผมพยายามจะแนะนำชื่ออีกคน แต่ เออ เราก็ยังไม่รู้จักชื่อพี่เขานี่หว่า...

“เรียกผมว่าสารวัตรครับ ไม่ใช่หมวดนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เฮ้ ! พวกเรา ไปเปิดคาเฟ่ กันเถอะ !


อ้าว...ไม่ขำ


“ส่วนนี่ อัยการผู้ช่วย สิ้นฟ้า ครับ” อันนี้ผมแนะนำอย่างมั่นใจเลยละ

“แต่ชื่อนี่ค่อนข้างสิ้นคิดนะคะ” แต่เธอสวนกลับมาว่างั้นแหละ =.,=

“ส่วนผมเต็มสิบ เป็นนักศึกษาฝึกงานที่สำนักงานอัยการครับ”สุดท้ายก็ต้องแนะนำตัวเอง

“ดูค่อยเป็นผู้เป็นคนมากกว่าคนอื่นหน่อย”เงิบ....”ฉัน เฟืองคะ ยินดีที่ได้รู้จัก ว่าแต่พวกคุณเล่นโป๊ะยาสลบ แล้วจับฉันมาทำไม...”เฟืองเธอว่าด้วยอารมณ์ค่อนข้างโมโห

“คุณมีฝาแฝดใช่ไหมครับ?”เป็นคำถามที่ตรงไปตรงมาที่สุดจากท่านอัยการ

“คะ”เธอตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ

“งั้นคุณน่าจะรู้ว่าแฝดของคุณหายไปไหน?”

 “ฉันไม่รู้ว่าพี่สาวของฉันหายไปไหน”พี่สาวงั้นเหรอ...ตรงกับประวัติที่ท่านอัยการสิ้นฟ้า ให้ไปสืบหามา

“ทั้งที่คุณเป็นฝาแฝดกันแท้ๆ สายเลือดเดียวกัน เกิดจากไข่ใบเดียวกัน แต่คุณกลับไม่รู้ ว่าพี่สาว หรือแฝดของคุณได้หายไป...”อัยการซักถามต่อ

“หายไป ...นี่พี่ฉันหายไปจริงเหรอ?”เธอว่าด้วยอารมณ์ตกใจอย่างเห็นได้ชัด “หายไป หายไปที่ไหน หายไปได้ยังไง”

“พี่สาวของคุณถูกฆ่าหั่นศพ พร้อมกับแร่เนื้อเป็นชิ้นๆเพื่อทำลายหลักฐาน”

อัยการเปิดภาพใบหนึ่งที่เรียงอยู่บนโต๊ะขึ้น เป็นภาพกะโหลกศรีษะ ที่มีรอยร้าวและแตกอย่างเห็นได้ชัด เฟืองเริ่มหน้าซีด ก่อนที่ทำท่าจะเป็นลมล้มพับไป พี่หมอ...หมอ เข้ามาประครองพร้อมกับยื่นยาดมให้

“ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม? ใครเป็นคนทำพี่สาวฉัน”

“ผมไม่รู้...”อัยการเป็นคนตอบ

“หาตัวคนทำมาสิ ใครที่ทำอย่างนี้คุณจะต้องเอาผิดมันให้ได้ ใครเป็นคนยิงพี่สาวฉันจนตาย คุณเป็นอัยการคุณต้องบอกได้สิ”

 “แต่นี่ไม่ใช่รูปกะโหลกศรีษะของพี่สาวคุณ”

“เอ๋!!!!”ทั้งผมและเธอ ร้องออกมาพร้อมกันเสียงดัง

“แต่เป็นนี้” อัยการสิ้นฟ้า เปิดภาพกะโหลกศรีษะอีกศรีษะหนึ่งขึ้นมา ที่กะโหลกศรีษะ ไม่มีรอยร้าวใดๆ

“หมายความว่าไง...”เธอถามเสียงเย็น

“จากผลชันสูตร พี่สาวคุณถูกอะไรบางอย่างกระทบที่ศรีษะก็จริง แต่ไม่ได้รุนแรงถึงกะโหลกศรีษะจนเป็นสาเหตุการตาย สาเหตุการตายที่แท้จริง คือถูกแทง จากการสันนิษฐาน พี่สาวของคุณอาจจะสลบไป แล้วคนร้าย คิดว่า เธอได้ตายลงไปแล้วจากการถูกทำอะไรบางอย่างที่ศรีษะ จึงเอามีดแทงเพื่อแร่เนื้อของเธอออกเป็นชิ้นๆ”อัยการ อธิบายช้าๆ

“ออ งั้นเหรอ...”เธอตอบรับเสียงเบา

“ผมพูดอะไรผิดไปไหมครับ...”

“ไม่ ไม่ผิด”

“โอเค เมื่อกี้ผมโกหก”

“อะไรนะ!”

“แท้จริงภาพแรก เป็นภาพกะโหลกศรีษะของพี่สาวคุณจริงๆ”พูดพร้อมกับ หยิบภาพกะโหลกศรีษะชุดแรกมาให้ดูอีกครั้ง

“ถูกยิงตายจริงๆสินะ”เธอว่า

“เปล่า ภาพนี้เป็นกะโหลกศรีษะของคนที่ถูกอะไรบางอย่างมากระทบที่ศรีษะอย่างแรงจนทำให้เกิดรอยแตกร้าวเป็นวงกว้าง อาจจะเหมือนรอยของกระสุน แต่ถ้าดูดีๆแล้วมันไม่ใช่...ว่าแต่...ทำไม นักศึกษาพยาบาลปีสูงๆอย่างคุณถึงไม่รู้...”อัยการสิ้นฟ้ายกยิ้มที่มุมปากกดเสียงต่ำ

 “ฉันไม่ได้มองดีๆ ฉันอาจจะดูพลาดไป”เธอรีบปฏิเสธ”งั้นกะโหลกนี่ก็ไม่ใช่ กะโหลก ศรีษะของพี่สาวฉันอีกละสิ”

“คุณมั่นใจได้ยังไงว่ามันไม่ใช่...”

“ก็มันไม่ใช่กะโหลกศรีษะที่เกิดจากรอยกระสุนนี่...!”


“เอ๋!”ผมร้องออกมาเสียงหลง


“อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจ ว่าพี่สาวของคุณถูกสังหาร...ด้วยปืน”

“กะกะ ก็ฉัน...”เธอเริ่มพูดตะกุกตะกัก

“นอกเสียจากว่าคุณเป็นคนสังหารเธอเอง”อัยการสิ้นฟ้า พูดด้วยน้ำเสียงเข้มนิ่ง

“ขอค้านครับ เป็นคำถามชักนำ”เสียงสารวัตรโผล่งขึ้น “เอ่อ ฉันล้อเล่น อินไปหน่อย นึกว่าอยู่ในชั้นศาล เชิญต่อได้เลยครับ...”
เธอเงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะยกยิ้มเย็น

“หลักฐานแค่นี้เอาผิดฉันไม่ได้หรอก”

“แท่แด๊!!!”สารวัตรร้องขึ้นมา ก่อนที่จะเอาถุงเก็บหลักฐานที่มีปืนอยู่ข้างในมาวางไว้บนโต๊ะ “ปืนจากคอนโดในห้องของคุณบังเอิญจังเลยนะครับ ที่มันมีลูกกระสุนขนาดเดียวกันกับ ลูกกระสุนที่เจาะกะโหลกพี่สาวของคุณ”

“ฉะฉันทิ้งมันไปแล้วนี่!”เธอร้องขึ้นมาอย่างตกใจ

“ออ อีกอย่าง กะโหลกศรีษะในภาพนี้ เป็นของพี่สาวคุณจริงๆ ถ้าดูดีๆ นี่มันรอยกระสุน”อัยการสิ้นฟ้าพูดออกมา ก่อนจะเลื่อนภาพนั้นให้หญิงสาวเห็นแบบชัดเจน

“ฉัน ฉัน ฉัน...”


“ทางเราจะกันตัวเธอไว้เป็นผู้ต้องหาแล้วกัน”สารวัตรเอ่ย ออกมาอย่างเรียบๆ






........................................................


คดีนี้ยังไม่จบนะ หุ...หุ

พวกเขาเล่นอะไรกัน=.,=

ปล.เพื่อนนายเอก สองคนนั้น เป็นแค่ตัวประกอบจริงๆคะ
แต่ช่วงหลังอาจมีเพิ่มบทให้ 5555

สั้นไปไหม? ถ้าสั้นไป เดี๋ยวตอนดึกๆ อาจจะเอามาลงอีก...


 :katai4:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(2) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: feather7074 ที่ 14-07-2014 20:12:13
 :katai2-1:  มาต่ออีกน่ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(2) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-07-2014 20:21:29
เฮ้อ แต่ละคน รั่วได้อีก 55
เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า มาอัพบ่อยๆนะ  :mew2:
ว่าแต่อัยการสิ้นฟ้า(อยากรู้ความหมายของชื่อนี้จัง) ==> นายเอก(??)
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(2) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 14-07-2014 20:41:39
สามหนุ่มเนื้อทอง กวนดีค่ะ พี่หมอหมอ สารวัตรสารวัตร อัยการสิ้น... :z3:
สงสารนายเอก อยู่ในสิ่งแวดล้อมหล่อต๊อง
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(ปิดคดี) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 14-07-2014 22:09:32
คดีที่ 2
สาวพยาบาล (ปิดคดี)




เช้าวันต่อมา


“นี่มัน...”ผมครางกับตัวเองเบาๆ เมื่อ ดูพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ “มันกลายไปเป็นคดีดังได้ยังไง?”ผมเอ่ยออกมาอย่างสงสัย

“เขาคงคิดว่าเราจับตัวผู้ร้ายได้แล้ว เลยปล่อยข่าวออกไป...มั้ง”ชายหนุ่มในเชิ้ทสีขาว กางเกงแสล็คเข้ารูปสีดำเอ่ยออกมา พร้อมกับเอาเท้าที่สวมรองเท้าหนังราคาแพงพาดไปที่โต๊ะ!

“แล้วผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่คนร้ายเหรอครับ?”

“เธอ คิดว่าหลักฐานที่เรามีแน่นพอหรือยังไง?”นัยน์ตาคมกริบสีดำมองมาทางผม “เจ้าตัวเขายังไม่ได้ยอมรับสักคำว่าตัวเองเป็นคนลงมือทำ มีแต่ทาง เราที่ทึกทักไปกันเอง”

“แล้วปืนนั่นละ”

“เธอคิดว่า มันเป็นปืนที่ใช้ก่อเหตุจริงๆ?”ผมทำหน้าสงสัย “ปืนนั่น เป็นของไอ้หมวดมัน ก็แค่เทียบเอากับรอยกระสุนที่อยู่บนกะโหลกศรีษะ แล้วเอามาขู่เด็กนั่นเท่านั้นเอง ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุจริงๆป่านนี้คงไปไหนต่อไหนแล้ว”

“มันดู ซับซ้อน ซับซ้อนเกินไปแล้วครับ”ผมบ่นออกมา พรางเอาร่างของตัวเองทิ้งลงบนโซฟา “แล้วเราต้องทำยังไงต่อ?” ถามออกไปอย่างคนที่จนปัญญาจริงๆ

“เธอก็ต้องหาอาวุธสังหารจริงๆให้เจอ...”เขาเอ่ย พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มุมปากดูเจ้าเล่ห์

“แล้วมันต้องเริ่มจากตรงไหนกันครับ?...ผมคิดไม่ออกจริงๆ”



โว้ยยยยยย! งานนี้มันยุ่งยากกว่าที่คิดซะอีก
ที่เคยบอกว่าจะไล่ออก อนุมัติหรือยังครับ?




ตึกสูงที่ตั้งตระง่านอยู่ตรงหน้า ทำให้ผมต้องถอนหายใจเป็นหลายร้อยรอบ ก่อนที่จะเห็นร่างๆหนึ่งเดินออกมาพร้อมเพื่อนของเธอ

“คุณเฟืองครับ”ผมเดินเข้าไปทัก เธอหันมามองนิดหน่อย ก่อนจะบอกให้เพื่อนของเธอเดินไปก่อน

“มีอะไรกับฉันอีก?”

“ผมมาชวนไปทานข้าวครับ”

“ห๊า!”เธอทำท่าทางตกใจไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะพยักหน้าตกลง ผมจึงเดินนำให้เธอเดินตามผมมาที่รถ ก่อนที่จะขับพาเธอออกไปจากมหาวิทยาลัย เพื่อไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“นี่คงไม่ใช่การลักพาตัวฉันไปอีกรอบใช่ไหม?” เธอถามขึ้นมาระหว่างอยู่บนรถ

“ไม่หรอกครับ”

“ฉันเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายนะ นายไม่กลัวฉันหรือไง”

“คุณมีเพื่อนที่ดีนะครับ...”ผมเปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่น “ข่าวของคุณถูกประโคมตั้งมากมายแต่เท่าที่เห็น เพื่อนของคุณก็ยังอยู่เคียงข้างคุณ เพื่อนแบบนี้ คบให้ได้นานๆนะครับ” ผมพูดถึงเพื่อนของเธอ ที่ยังคงเห็นอยู่ด้วยกันวันนี้ เธออมยิ้มนิดหน่อย

“ที่คุณบอกว่า ทิ้งปืนไปแล้วในวันนั้น”ผมเว้นวรรคคำพูดนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “คุณกำลังโกหกอยู่รึเปล่า?”

“มันเป็นเรื่องจริง”เธอยืนยัน “ฉันเป็นคนที่ทิ้งปืนนั่นไปเอง”

“อย่างงั้นเหรอ...”ผมเว้นวรรคคำพูด จนเหมือนเธอทำท่าจะอึดอัด ผมเลยเอ่ยต่อ

“ถ้าอย่างนั้น...คุณกำลังปกป้องใครอยู่รึเปล่า...”

“ตลก...คนอย่างฉันจำเป็นที่จะต้องไปปกป้องใคร น้ำหน้าอย่างฉัน เหมือนจะปกป้องใครได้หรือยังไง...”เธอพูดขึ้นเสียง  แต่กลับเริ่มมีน้ำตาไหล อาบลงมายังแก้ม

“แต่ตอนนี้คุณกำลัง...ร้องไห้”ผมเอ่ยบอกเธอ เจ้าตัวรีบเอามือมาเช็ดน้ำตา

“ขออนุญาต รับโทรศัพท์นะครับ”ผมว่า พร้อมตีไฟเลี้ยว เพื่อจอดรถ รับโทรศัพท์


“ครับ ว่าไงครับ?”ผมฟังสิ่งที่ปลายสายพูดอยู่สักพัก ก่อนที่ปลายสายจะตัดสายไป


“เมื่อกี้เราคุยกันถึงไหนแล้วนะครับ?”ผมหันไปยิ้มให้เธอ “ออ...เรื่องที่คุณกำลังปกป้องใครอยู่”

“ฉันไม่ได้ปกป้องใคร”

“คนนี้หรือปล่าครับ”ผมหยิบรูปใบหนึ่งออกมา ก่อนจะยื่นให้เธอ เป็นรูปผู้ชายคนหนึ่ง

“ไปเอามาได้ยังไง?”

“ผมเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเดียวกันกับคุณ เรื่องที่จะสืบหาเรื่องส่วนตัวของพวกคุณมันก็ไม่หนักหนาสำหรับผมเท่าไหร่...ความสัมพันธ์ค่อนข้างแปลกนะครับ”

“ถ้านายจะจับฉันในฐานะ ฆาตกรก็จับไป แต่เขาไม่เกี่ยว!”

“คุณยังเป็นแค่ผู้ต้องหาครับ...ยังไม่ใช่ฆาตกร”เธอหันมาสบตากับผม

“คุณกำลังปกป้องผู้ชายที่ เป็นที่น่าสงสัยว่าจะเป็นคนฆ่าพี่สาวคุณงั้นเหรอครับ?”ผมถาม “คุณหลงรัก แฟนของพี่สาวคุณอยู่โดยพี่สาวของคุณไม่รู้อย่างนั้นเหรอครับ คุณเห็นผู้ชายดีกว่าพี่สาวในสายเลือดของคุณงั้นเหรอครับ...?”



เพลี๊ยะ!
หน้าผมหันสะบัดไปตามแรงตบของเธอ



“นายมันจะไปเข้าใจ อะไร!”เธอตะคอก “นี่เป็นโอกาสของฉัน...ที่ฉันจะดูดีในสายตาเขาบ้าง เขาอาจจะรักฉันขึ้นมาบ้างก็ได้..”เธอบอกพร้อมกับร้องไห้ ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่


“คุณคิดว่าการกระทำของคุณจะทำให้เขาหันมารักคุณจริงๆอย่างงั้นเหรอครับ...”
.
.
.
“มันไม่ดูโง่ ไปหน่อยเหรอครับ?”
.
.
.
“ผมได้สถานที่ ที่คุณเฟืองเอาปืนไปทิ้งแล้วครับ”ตอนนี้ ผมออกมาคุยโทรศัพท์ข้างนอกตัวรถ ส่วนในรถนั่น ผมปล่อยให้หญิงสาวร้องไห้อยู่คนเดียวไป คงอีกสักพักใหญ่ๆ ที่เธอจะทำใจในเรื่องบางอย่างได้

(งั้นเหรอ?)

“จะไม่ชมผมว่าเก่งหน่อยหรือยังไง?”

(เอาไว้ฉันจะเลี้ยงเนื้อย่างละกัน)

“ผมไม่ใช่คนเห็นแก่กินซะหน่อย”

(งั้นเหรอ?...)เขาเงียบไปสักพักหนึ่ง  ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูอบอุ่นขึ้น


(เรื่องที่เคยคิดจะไล่นายออก...ฉันจะลองพิจารณาดูใหม่...ก็แล้วกัน)


ทำให้ผมนึกถึงรอยยิ้มของเขา ในวันที่เจอกันวันแรกเลย




เคร้ง!

“ยะฮู้ แด่ความสำเร็จไปอีกหนึ่งคดี”เสียงชนแก้ว ตามมาด้วยเสียงเฮฮาของท่าสารวัตรที่สามารถ ส่งคดีขึ้นฟ้องสู่ศาลได้สำเร็จ แต่คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดหรอก

แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่เราพยายามหาหลักฐานกันแทบตาย สุดท้าย อัยการที่ได้สั่งฟ้อง กลับเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ท่านอัยการของเรา

ท่านอัยการของเรางั้นเหรอ ?...เข้าท่าแหะ

แต่ดูท่าทาง ท่านจะเฟล พอควร ที่ไม่ได้สั่งฟ้องด้วยตัวเอง
ผมแอบเห็นท่าน ทำตุ๊กตา วูดู สาปแช่งคนที่ได้คดีนี้ไปด้วยแหละ =.,=


“แล้วหลังจากนี้จะเป็นยังไงเหรอครับ”ผมถามออกมาด้วยความสงสัย

“ทางอัยการที่สั่งฟ้องคงจะต้องกันตัวเฟืองไว้เป็นพยานไปก่อนน่ะ เพราะเจ้าตัวเป็นคนเห็นศพพี่สาวเป็นคนแรก อีกทั้งยังเอาปืนไปทิ้งเอง และเด็ดสุด คุณเธอเป็นคนหั่นศพ ของพี่สาวตัวเองกับมือ”พี่หมออธิบาย

“แล้ว คนร้ายในคดีนี้...?”

“เฟือง ไม่ได้เห็นกับตานิ ว่าแฟนของพี่สาวของเธอเป็นคนฆ่า เพียงแต่เธอคิดไปเองทั้งนั้น”อัยการหนุ่มหล่อที่นั่งเงียบมานานเริ่มอธิบายบ้าง “อีกทั้งรอยนิ้วมือบนปืน ก็เหมือนจะถูกเช็ดออกไป ก่อนที่เฟืองจะเก็บเอาไปทิ้งเสียอีก”

“งั้น ไอ้ที่อุตส่า หาปืนมาได้ ก็...”

“ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์ หรอกครับน้องเต็มสิบ คนร้ายที่ว่าก็คงตกใจพอดู จึงทิ้งหลักฐานเอาไว้ ที่เหลือก็ต้องไปดูว่า เจ้าของปืนนั้นเป็นของใคร โชคดีหน่อยที่ปืนมันเป็นปืนที่ขึ้นทะเบียนไว้ เป็นปืนของพ่อ ของแฟนพี่สาวของคุณเฟืองสุดสวยยังไงละ”ท่านสารวัตรอธิบาย “เหตุจูงใจของผู้ชาย ก็อาจจะเป็นเพราะหึงหวง เพราะตัวหญิงสาวเอง ก็คบผู้ชายมากหน้าหลายตาเหมือนกัน เจ้าหล่อนเป็นนักล่าแต้มดีๆนี่เอง”

“หลักฐานมันก็โยงมาเกี่ยวพันที่แฟนของพี่สาวของคุณเฟืองเขาอยู่ดี...”พี่หมอสำทับอีก

“งั้นก็หมายความว่าคนร้ายคือ...”

“จะเป็นใครก็ได้ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปืนนั่น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของปืน ลูกของเจ้าของปืน แฟนของเจ้าของปืน หรือน้องสาวของแฟนของลูกของเจ้าของปืน”ท่านอัยการอธิบาย

“โอ้ย! ผม งง”

“แก อะแกล้งน้อง ไอ้ฟ้า”สารวัตรโวย “เอาเป็นว่า นะครับน้องเต็มสิบครับ หน้าที่ของเราก็หมดแล้ว เพราะเราก็ได้รวบรวมหลักฐานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นไร ก็ต้องให้อัยการที่มีหน้าที่รับผิดชอบไปพิสูจน์ในชั้นศาลเอา”

“แล้วตกลง ความจริง มันเป็นยังไงกันแน่เนี่ย...”ผมบ่น



“ความจริงก็คือ จงมีความสุขกับเหล้าที่อยู่ตรงหน้านะครับน้อง! ฮะฮ่า”



....................................................

เห็นว่ามันสั้น เลยเอามาลงต่อ ...
ปิดคดี ! แต่ สาวพยาบาลอาจมีรีเทิร์น เอะ ยังไง?

ทีแรกเราว่าจะเฉลยตัวคนร้ายแหละ แต่ก็ลบทิ้ง
เพื่ออะไร ? เพื่อ...เน้นย้ำให้รู้ว่า นิยายเรื่องนี้ ไม่ใช่นิยายสืบสวนนะคะ
แต่เป็นนิยายตลกขำขัน ที่มันไม่ตลก
กร๊ากกกกกกกกกกกก+ :laugh: แค๊ก แค๊ก (ขำมากไปหน่อย)
เพราะอย่างนั้น อย่าหวังว่า เราจะหาตัวคนร้ายให้เลย 5555


สิ้นฟ้า : ไหนๆๆๆๆๆๆๆ ใครว่าผมเป็นนายเอก ? ผมหล่อ และแมนมากนะครับ...


สุดท้ายนี้ ใครอยากเตะ กระทืบคนเขียน ตามสะดวกเลยคะ
แต่ก็อย่าลืมเป็นกำลังใจให้นะ เผื่อคดีหน้า มันจะฮาร์ดคอ ขึ้น?
แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามอ่านคะ
 :katai4:

see u >>>>
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(ปิดคดี) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 15-07-2014 00:27:23
สนุกมว๊ากกกกกกกก เราชอบแนวนี้แหละ
มาบ่อยๆนะค้า รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(ปิดคดี) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 15-07-2014 00:28:46
เต็มสิบ หลงรักพี่สิ้นแล้วสิ  เท่ห์แบบแปลกๆเนอะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(ปิดคดี) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: meili run ที่ 15-07-2014 01:35:56
นั่นซิ พระเอกคือผู้ใด  :ling1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(ปิดคดี) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 15-07-2014 01:49:46
รออ่านตอนต่อไปจ่ะ  นางเฟืองนี่ใจเด็ดจิง  กล้าหั่นศพพี่ตัวเแงง :katai1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(ปิดคดี) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 15-07-2014 06:03:08
ชอบๆสืบสวนสอบสวน



สนุกๆพี่สิ้นฟ้าเท่ห์มาก
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(ปิดคดี) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-07-2014 11:55:18
ทำตุ๊กตาวูดู 55 น่ารักโคตร
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(ปิดคดี) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-07-2014 14:30:14
สนุกมากเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(ปิดคดี) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 15-07-2014 19:36:46
เขียนได้ไหลลื่นสุดๆเลยอ่ะ
สนุกมากเลย ชอบ
+เป็ดไปเลย  o13 (http://o13)
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(ปิดคดี) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 15-07-2014 20:30:42
เฮียสิ้นฟ้าโครตเกรียนนี่จะสามสิบจริงๆใช่ป่ะ 55
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 2 สาวพยาบาล(ปิดคดี) 14/07/57)
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 15-07-2014 21:21:46
สนุกดีนะ เหมือนแนวสืบสวนสอบสวน ลุ้นระทึกดีอะ
ภาษาก็อ่านง่ายสบายๆ
ส่วนตัวละคร เอิ่ม ถึงจะเกรียนๆ กันไปหน่อยทั้งสามเลย ยกเว้น น้องเต็มสิบหนุ่มน้อยน่าหล่อ เอิ๊กๆ เพราะมันงงกับตัวเองอยุ่ ฮ่าๆ
สิ้นฟ้า ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา ถามพระเอกหน่อย
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way (1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 15-07-2014 22:17:34
คดีที่ 3
Ticket one way (1)


“นี่สำนักงานอัยการเขามีงบเยอะขนาดส่งเราไปฮาวาย เลยเหรอ...”ผมพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อมีแพ็กเกจวางไว้บนโต๊ะไม้ตัวงามภายในห้องทำงานของ ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า แท้จริงก็เห็นตั้งแต่เช้าแล้วละ แต่ทำตื่นเต้น ไปงั้น...

“ใครว่าฉันจะไปกับนาย?”เขาชำเลืองสายตามองมาถามผม

“พี่น้ำนิ่งไม่ว่างแน่นอนครับ”ผมตอบกลับไป

“ฉันอาจจะไปกับไอ้หมวด หรือไอ้หมอก็ได้”เขาพูดออกมาเรียบๆ

“ผมเช็คแล้ว พี่หมอต้องไปช่วยเคทผ่าชันสูตรศพที่ต่างจังหวัด ส่วนท่านสารวัตร นั้น ลาหยุดพักร้อนเกินกำหนดไม่สามารถลาหยุดได้อีกแล้วครับ”ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาวิ้งวิ้ง

“เฮ้อ...”ที่ถอนหายใจคือเห็นถึงความน่ารักของผมแล้วใช่ไหมล่ะ

“แล้วผมก็เช็คแล้วด้วยว่าท่าน ไม่มีญาติสนิทมิตรสหายที่ไหน ใกล้ตัวเลยตอนนี้ เพราะฉะนั้น ให้ผมไปด้วยนะครับ”ผมว่า ก็คนมันอยากไปนิ ฮาวาย นะครับ ฮาวาย !

แล้วไม่ได้ไปเรื่องงานด้วย นี่มัน ทริปเที่ยวพักร้อนชัดๆ!

“ก็ได้...”

“เย้ ผมรักท่านที่สุดเลย”ผมกระโดด โลดเต้นอย่างดีใจฮาวาย โอ้! สาวๆในชุดวายน้ำ บิกินี่ บิกินี่ เน้น ชัดๆอีกครั้ง ว่าบิกี่นี่ อร๊ากกกกกกกกก โฮกฮราก แค่คิดเลือดจมูกก็จะไหลแล้วครับ

“มีใครอยู่ข้างนอกไหมคร๊าบบบบ มีเด็กหื่น คิดเรื่องลามกอยู่ในห้องนี้คร๊าบบบบบบ”
 วันนี้ ผมจะปล่อยท่านไปสักวันนะครับ

 อา-รมณ์-ดี

 เน้นๆ ไปเลย








วันเดินทาง

“ท่านไม่ลืมอะไรแน่นะ ?”

“คิดว่าไม่...”เสียงเนือยๆ ตอบกลับมา

“พาสปอร์ต วีซ่า ตั๋วเครื่องบิน กระเป๋าเดินทาง ยาแก้หวัด ลูกอม?”

“เรียบร้อย”

“เสื้อผ้า กางเกงใน ชุดว่ายน้ำ”

“พึ่งไปซื้อ ถอยมาใหม่เลยละ เมื่อวาน”

“หัวใจ...”

“...?...” ทำหน้าสงสัย

“อย่าลืมไว้ที่ผมก็แล้วกัน”ผมพูดพร้อมยักคิ้วสองสามที

“เป็นเด็กเป็นเล็ก แก่แดด นะเรา”ท่านพูดพร้อมกับ เอามือมาขยี้หัวผม

“เอาเป็นว่า ท่านน่ะ ไม่ลืมอะไรแน่นะครับ คิดก่อน คิดก่อน” ผมเห็นท่านอัยการทำท่าทางคิดไปสักพักหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า ท่าน เป็นคนนิสัยขี้ลืม ครับ โดยเฉพาะเรื่องของตัวเองละ ลืมตลอด ผมเคยพูดเรื่องนี้กับท่าน แต่ท่านก็บอกมาแค่ว่า ทุกวันนี้ แค่จำมาตรา ฎีกา คดีต่างๆ สมองท่านก็ไม่เหลือที่ว่างจะจำอะไรได้อีกแล้ว?

...ถ้ามีคน มาช่วยจำ ในเรื่องของท่านก็คงดี...

อุ๊ป!...ผมเห็นใครยกมือขึ้นเต็มเลย จะอาสาเหรอครับ

ดูปากผมนะครับ ช้าๆ ชัดๆ



ฝัน-ไป-เหอะ
.
.
.

ผมล้อเล่นนะครับ

 โดยรวมแล้ว ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า ความจำดีจะตาย อย่าไปเผลอยืมเงินท่าน ซะละ ท่านจำและตามไปทวงยันชาติหน้าเลยนะครับ


ระวังไว้


“ทำหน้า ทำตา เหมือนนินทาใครในใจอยู่”เสียงเข้มๆนิ่งๆ เอ่ยและมองมาทางผม

“ไม่มีครับ”ผมปฏิเสธ กลับไป

“อืม...”

“อิอิ”



หลังจากคุยกันไร้สาระไปมาสักพัก ผมกับเขา ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง เสมือนจะมีกรุ๊ปทัวร์ ไปด้วยละครับ เที่ยวบินนี้ แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าเป็นกรุ๊ปทัวร์ที่จะไปทัวร์ไต้หวัน หรือ ฮาวายกันแน่ เพราะเราต้องไปทรานซิท ที่ไต้หวันกันก่อน

พอเครื่องขึ้นบิน บินประมาณ หกชั่วโมงก็ถึง ไต้หวัน ก่อนที่เราจะต่อเครื่องไปลงที่เกาะฮาวาย ต่อ
และดูเหมือน ทัวร์ ที่ว่า ก็คงจะเป็นทัวร์ ไปที่ฮาวายเหมือนกัน

ท่านอัยการ ไม่ได้ซื้อทัวร์ครับ แต่ไปแบบตะลุยด้วยตัวเอง เพราะท่านบอกว่าไม่อยากฟิคเวลาไปกับทัวร์ อยากไปแบบ ไปไหนก็ได้ตามใจฉัน

เมื่อถึงสนามบินเมืองฮอนโนลูลู ก็มีรถมารอรับไปส่งที่โรงแรมที่เราจองเอาไว้ทันทีเลยครับ สะดวกสบายสุดๆ



“เฮ้อออออ เหนื่อย”ผมถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงทันที รู้สึกค่อนข้างปวดเมื่อยตัวพอประมาณอยู่เหมือนกัน เราจองโรงแรมแค่ห้องเดียว แต่เป็นสองเตียงนอนขนาดควีนไซท์ครับ และห้องก็ดูหรูหรา ราคาแพงพอควร

ทริปนี้ท่านจ่ายทั้งหมด อย่า คิดมากเรื่องราคาครับ

ท่านบอกให้นอนพักสักสองสามชั่วโมง  ค่อยออกไปหาอะไรกินกัน  ผมก็หลับยาวตามที่ท่านบอกนะแหละครับ มารู้ตัวอีกที ก็ตอนที่ท่านปลุก

“ผมว่าเราเจอทัวร์กรุ๊ปนี้ บ่อยๆนะครับ”ผมเอ่ย เพราะเห็นชุดกรุ๊ปทัวร์ที่มาในเที่ยวบินเดียวกัน มารับประทานอาหารที่ภัตตาคาร ที่ผมและท่านมาทาน “อาจจะพักอยู่ที่โรงแรมใกล้เราก็ได้นะครับ”

ท่านชำเรืองมองดูนิดหน่อย ก่อนจะเมินหน้าหนีแล้วสนใจอาหารตรงหน้าต่อ

ว่าแต่ ทำไมผมต้องเป็นคนคอยแกะหอยแกะปู แกะทุกๆอย่าง ให้ท่านทานด้วยเนี่ย!

“อร่อย...”ท่านพูดหงุบหงิบ ทำหน้าเคลิ้ม

“ครับอร่อยครับ” เพื่อท่าน ผมยอมแกะตลอดชีพก็ได้





“กล้องพร้อม!”

“พร้อม”เสียงนิ่งๆตอบ

“ชุดว่ายน้ำพร้อม!”

“พร้อมมากๆ”ก็ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

“งั้นก็ลุยกันเลย ยะฮู้!”

“ยะฮู้!”




“ปรับเลนส์เป็น ห้าสิบ ซูมอีกนิด ซูมอีกนิด อ่า~ ชุดว่ายน้ำลายดอกไม้สีน้ำเงิน นั่นละกำลังดี...”


เอาเป็นว่า ผมไม่รู้จัก อัยการ ที่กำลังเอากล้องส่องชุดว่ายน้ำสาวๆ สวย ๆ ก็แล้วกันนะครับ



 ตอนนี้เรากำลังนั่งกินลม ชมวิว ที่หาดไวกิกิ หาดทรายขาวบนฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก แทบจะมารวมตัวกันที่นี่  มันเป็นอะไรที่ เจริญหูเจริญตามากๆ เชื่อผมเหอะ ในชีวิตสักครั้งขอให้พวกคุณได้มา รับรอง เปรม เหมือนท่านอัยการที่อยู่ข้างๆผม ที่แทบจะไม่ยกกล้อง DSLR ลง เลย



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!

เสียงกรี๊ด ดังลั่น จนทำให้ผมและท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า หันไปมอง หลายคนเริ่มเดินเข้าไปดูว่าเกิดอะไร ก่อนที่จะเกิดความวุ่นวาย คนหลายๆคนเริ่มวิ่งหนีขึ้นมาจากทะเล และเกิดการมุงดูขนาดเล็กๆ มองไปยังทะเลเบื้องหน้าขึ้น
ท่านอัยการสิ้นฟ้าลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดิน ไปที่นั่น...ที่จุดเกิดเหตุ

“มีใครแจ้งตำรวจหรือยัง?”เสียงถามขึ้นดังเป็นภาษาอังกฤษ

“มีแล้วๆๆๆๆ”เสียงตอบดังเซ็งแซ่ ขึ้นมา

ท่านอัยการที่ไม่ได้พูดอะไรเลย นอกจากยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป...


ร่างๆ หนึ่ง



ที่ลอยอยู่กลางน้ำ



“จมน้ำ?”

“ใช่รู้สึกเหมือนว่า ตอนจมจะไม่มีใครเห็น เห็นอีกทีก็กลายเป็นศพแล้ว”

เสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนกำลังคุยกัน หลังจากที่เก็บกู้ร่างนั้นขึ้นมาแล้ว

“มีใครรู้จักผู้หญิงคนนี้ไหม รู้สึกจะเป็นชาวเอเชีย?”ตำรวจนายหนึ่งถามขึ้น

“รู้สึก เจ้าหล่อนจะมากับกรุ๊ปทัวร์กรุ๊ปหนึ่งนะ”ท่านอัยการ ที่แฝงตัวอยู่ในบรรดาคนที่มามุงดูเอ่ยขึ้น ทุกคนหันมามองที่ท่าน ก่อนที่ตำรวจจะเดินมาหา ทางพวกเรา

“นายรู้จักหล่อน?”ตำรวจถาม

“ไม่”ท่านอัยการก็ตอบแบบสั้นๆด้วยความมั่นใจ

“แล้วนาย…”

“แค่เป็นคนที่มาสายการบินเดียวกัน กับคนที่ตาย ถ้าอยากรู้อะไรมากกว่านี้ แนะนำ ให้ไปสืบหาจากกรุ๊ปทัวร์ เอาเอง ไป
เหอะ...”ท่านว่า ก่อนที่จะจับมือจูงผมออกจากตรงนั้น



“แต่ท่านครับ ผู้หญิงนั่น เป็นคนประเทศเดียวกันกับเรา...”

“จะเป็นคนประเทศเดียวกัน หรือไม่เป็น ก็ไม่ใช่เรื่องของเรา...”

“แต่ท่านครับ...”

“ถ้าอยากยุ่งนักละก็...”ท่านหันมาสบตาผม
.
.
.
 “ไปสืบมาสิ...”   
.
.
.



ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“รูมเซอร์วิส คร๊าบบบ”ผมตะโกนเข้าไปในห้อง ตอนนี้ผมอยู่ในชุดพนักงานบริการของโรงแรม ท่าทางสะอาดสะอ้าน และดูดีที่สุดเท่าที่จะดูดีได้

แอ๊ดดดด!

เสียงเปิดประตู พร้อมผู้ชายวัยกลางคน หน้าตาอิดโรย โผล่ออกมา

“เอ่อ...เอาไปจัดไว้เลย”เขาบอก

ผมเดินเอาอาหารเข้าไป จัดวางไว้ ก่อนที่จะมองโดยรอบ

“มาที่นี่คนเดียวเหรอครับ?”ผมถาม

“เปล่า ฉันมากับภรรยา...”เขาพูด พร้อมกับน้ำตาที่ทำท่าทางจะไหลออกมา

“ผู้หญิง เมื่อตอนกลางวันสินะครับ...เอ่อ ผมเสียใจด้วยนะครับ”ผมเอ่ย

“อืม...พรุ่งนี้ ฉันก็ต้องเดินทางกลับประเทศแล้วละ พร้อมกับเอาศพของเขาไปทำพิธีที่บ้านเกิดด้วย”เขาว่า

“มั่นใจเหรอครับ?ว่าภรรยาของคุณ...”

เขาหันมามองทางผมนิดหน่อย


“จมน้ำเสียชีวิต?”




“ไม่มีรายชื่อในทัวร์ ของคุณ หมายความว่าไง?”ชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลา ถามขึ้น พรางขมวดคิ้ว

“เอ่อ ไม่มีจริงๆครับ เราเช็คดูแล้ว...แล้วก็ ผมก็จำได้ด้วยว่า ลูกทัวร์ของผม ไม่มีเขาทั้งสองคน”

“งั้น ขอบคุณครับ แสดงว่าผมเข้าใจผิดไปเอง”ชายหนุ่มผละออกมา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ก่อนที่จะยกโทรศัพท์ ต่อสายทางไกล ข้ามประเทศ

ไม่นานปลายสายก็รับ

(ว่าไง ทริปพักร้อน กับน้องเต็มสิบนักศึกษา สุดน่ารักเป็นยังไงมั่ง)

“พรุ่งนี้...จะมีการเคลื่อนย้ายศพจากฮาวายไปที่นั่น กูอยากให้ มึง ตรวจสอบอะไรให้หน่อย”เขากล่าวเรียบๆ

(เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะ ศพใคร?)

เขาเล่าเรื่องคร่าวๆให้ปลายสายฟัง ก่อนที่ปลายสายจะตอบรับ

(อืม...เดี๋ยวกูตรวจสอบให้)

“กูอยากให้มึงตรวจสอบการซื้อตั๋วเครื่องบินของเขาด้วย”

(...?... อะ อืม...)



“แล้วกูจะรีบกลับไป”


................................................

กรีดร้อง วันนี้มาช้าไปหน่อย ต้องขออภัย
เน้นย้ำอีกครั้งว่า นิยายเรื่องนี้จัดอยู่ใน หมวด ตลกขบขัน ? นะคะ
(อิฉันคนเขียนยังเชื่อว่าอย่างนั้น >>>พูดพร้อมกับเชิดสวยๆ)
ทำม้ายยยยย ทำไม ถึงมีคนคิดว่าเป็นนิยายสืบสวน สอบสวนไปได้ :a5:
อิฉันไม่เข้าใจ 55555+

สิ้นฟ้า : ไหน ไหน ? ใครว่าผมเกรียน... ผมหล่อ แมน และ ตุงมาก นะครับ
เต็มสิบ :  :เฮ้อ:

ถ้าเห็นจุดไหนที่ผิดพลาด สะกิด เตือนก็ได้นะคะ ไม่ว่ากัน
สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกกำลังใจ

See U >>>>> คะ



หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 15-07-2014 23:00:21
ทำไมเรารู้สึกว่ามันเปนนิยายสืบสวนสอบสวนอ่ะ  :laugh:แทนที่จะได้ไปสวีท ดันต้องมาไขคดี 555555
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 16-07-2014 00:48:00
ส่องสาวกันอยู่ดีๆ เกิดคดีกันซะงั้นนนนนน
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 16-07-2014 00:56:32
น้อเต็มเป็นนักสืบที่ได้คะแนนต่ำกว่าห้าตัลหลอด
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 16-07-2014 06:57:16
ชอบๆสืบสวนมึนๆฺฮาๆ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-07-2014 10:11:14
คดีใหม่มาแล้ว
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: feather7074 ที่ 16-07-2014 10:32:13
ไม่ได้สวีตกันเลย เริ่มเหมือนโคนัน ที่ไปที่ไหนก็มีคนตายให้ต้องสืบว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง

 :L2:

ติดตาม ม
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 16-07-2014 10:50:37
ชอบบบบถึงแม้คนเขียรจะย้ำนักย้ำหนาว่านี่ไม่ใช่นิยายสืบสวนก็เถอะนะ แต่ชอบแบบนี้มากก  รอไขตอนสืบสวนค่ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 16-07-2014 14:29:51
ท่านอัยการเลยอดส่องสาวเลย


 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 16-07-2014 15:27:24
 :mew3:  รอจ้า อิอิ 
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 16-07-2014 18:27:33
สองคนนี้ ไปที่ไหนที่นั่นมีศพและมีคนตายหรือเปล่า ฮ่าๆ คู่หูมัจจุราศ

น้องเต็มสิบนิก็ช่างเผือกจริงๆ 5555 ท่านสิ้นฟ้าก็เกรียนได้โล่ ยะฮู้หน้านิ่ง :m20:
แล้วสองคนนี้เค้าจะรักกันตอนไหนง่ะ

ปล. หล่อ แมน อันนี้ไม่ส่งสัย แต่ส่งสัยตรงที่ ตุงมากขอพิสูจน์ได้ป่ะ ได้ป่ะ ได้ป่ะๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-07-2014 22:03:48
แอบรู้สึกว่าสองคนนี้ไปไหนก็เจอคดีฆาตกรรมที่นั่นเลยอ่ะ
แบบว่ามีดวงดึงดูดสุดๆ 55
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 17-07-2014 23:40:05
ความเป็นนักสืบอยู่ที่ไหนเป็นเจอคดีตลอดชอบๆ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 18-07-2014 00:24:10
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(1) 15/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 19-07-2014 09:11:52
ไม่ใช่นิยายสอบสวน?  :laugh:  ตลกน่าาาา
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(2) 20/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 20-07-2014 19:41:03
คดีที่ 3
Ticket one way (2)


“อัยการสั่งฟ้องลูกความของผมหมายความว่าไง?”ทนายวัยกลางคนท่านหนึ่ง เดินเข้ามาภายในห้องพักของท่านอัยการสิ้นฟ้า พูด ออกติดจะโวยวายนิดหน่อย ”ลูกความ ของผมเป็นผู้เสียหายนะ ภรรยาตาย แต่นี่ท่านกำลังจะเล่นอะไร?”

“ก็หมายความตามนั้น...ผมฟ้องลูกความคุณ”ท่านอัยการตอบกลับไปนิ่งๆตามแบบฉบับของตัวเองครับ “เจอกัน ในชั้นศาล ครับ ...เชิญ...”

“แล้วเราจะได้เห็นดีกันท่าน อัยการ!”ทนายคนนั้นว่า ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

ผมที่นั่ง เป็นหุ่นอยู่บนโซฟา ถอนหายใจน้อยๆ ก่อนที่จะเดินออกไปชงโกโก้ มาให้ท่าน

ผมและท่านกลับมาจากฮาวายได้ตั้งนานแล้วครับ และเรื่องที่ฮาวายนั่น ก็ผ่านมาหลายวันแล้วด้วย  ผมไม่รู้ว่าท่านไปทำเรื่องหาหลักฐาน เพื่อจะฟ้องคดีมาตั้งแต่ตอนไหน ผมรู้แค่ว่าพอเท้าเหยียบที่สนามบินที่กลับมาถึงปุ๊ป ศพของผู้ตาย ก็ถูกกันไปให้แผนกนิติเวช ทันที และไม่นาน หลักฐานต่างๆก็ถูกรวบรวมเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนได้ส่งฟ้องสู่ศาลไป

ผมไม่เข้าใจ สามีของผู้ตาย ควรจะเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการตายของภรรยาตัวเองไม่ใช่เหรอ?

แต่ทำไม...ท่านอัยการ ถึงสั่งฟ้อง สามีของผู้ตาย ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
.
.
.
เรื่องนี้ผมว่า มันมีอะไรซับซ้อนกว่าที่คิด แน่นอน
.
.
.

“โกโก้ ครับ”ผมวางแก้วโกโก้ บนโต๊ะไม้เนื้อดี ก่อนที่จะถอยออกมาสองสามก้าว และยืนจ้องท่าน ประมาณ สามสิบวินาที ท่าน ก็ผละ จากสำนวนคดีมากมายบนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมามองผม

“มีอะไรจะถาม?”ใบหน้านิ่งเฉยของท่านอัยการผู้ช่วย ยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“ฟ้องสามีของผู้ตาย มันจะดีเหรอครับ?”ผมถามขึ้นมา

“ทำไมถึงจะไม่ดี?”แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นคำถามกลับมา ท่านเห็นหน้าสงสัยราวกับสุนัขที่กำลัง งง ของผม ก็ยกยิ้มที่ มุมปาก

“ตอนนั้น ไปสืบมาได้ความว่ายังไงบ้าง?” ท่านถาม

“ก็เห็นว่า ตัวสามีเองก็เสียใจพอควรที่ภรรยาเสียชีวิตนะครับ”

“นั่นคือประเด็นในคดีนี้เหรอ?”

“เอ่อ...ไม่ใช่”ผมตอกลับไปด้วยเสียงอ่อยๆ “ท่านอย่ากดดันผมสิ...”

“แค่นี้ยังอ่อนหัดอยู่นะ”ท่านว่า “ทั้งที่ เป็นคนสงสัยขึ้นมาคนแรกก่อนแท้ๆ...น่าเสียดาย” ท่านว่า แต่คราวนี้ ว่าพร้อมกับส่ายหัว ด้วย งึด!

“แล้วผมควรต้องทำยังไงครับ...”

“การถามความคิดเห็นจากผู้ใหญ่เป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้ง ก็ควรคิดเองบ้างนะเด็กน้อย”

ผมทำหน้าง๋อย...

“ถ้างั้น ช่วยไปเอาของที่ฉันฝากไอ้หมวดไว้ มาหน่อยสิ”ท่านพูดพร้อม กับ ยื่นที่อยู่ที่จะต้องไปรับของที่ท่านว่ามา ท่านขยี้หัวผมนิดหน่อย ก่อนจะก้มหน้าลงไปทำงานต่อ

“ครับ...”ผมตอบรับ ก่อนจะขออนุญาต ออกไป



อืม...ผมควรต้องฝึกอีกเยอะสินะ



ผมเดินเข้ามายังสถานีตำรวจนครบาล ในเขต ที่ท่านสารวัตรรับผิดชอบอยู่  ความรู้สึกคือที่นี่คึกคักดีแหะ =.,=

เฮ้ย ! มันคึกคัก จริงๆนะ เดินเข้าออกกันเป็นว่าเล่นเลย ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

“อ้าว น้องเต็มสิบสุดน่ารัก...”พี่สารวัตรทักขึ้น ก่อนจะเดินเข้ามาหา “ออ...ไอ้ฟ้าสั่งมาให้เอาของละสิ”

“เอ่อ ครับ...สวัสดีครับ”

“มามะ ตามพี่มานะจ๊ะ” ท่านสารวัตรว่า ก่อนจะเดินนำไป

“เอาโกโก้ไหม กาแฟไหม นม หรือจะเอาชาสักแก้ว?”พี่สารวัตรถามขึ้น ก่อนจะเชิญให้ผมนั่งที่โซฟา ภายในห้องทำงานของเขา

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมมาเอาของแล้วจะรีบกลับเลยดีกว่า”

“โอเค งั้น”เขาว่าพร้อมกับเดิน ไปหยิบซองบางอย่างแล้วยื่นให้  แต่ก่อนที่ผมจะหยิบมัน สารวัตร เขาก็ชักมือกลับไปคืน “ทำหน้า เหมือนมีอะไรค้างคาใจอยู่...ช่วงนี้เห็นทำหน้าแปลก”

“เอ่อ...”ผมอึกอักไปนิดหนึ่ง แต่เมื่อเจอสายตาของท่านสารวัตรผมก็ต้องเล่าออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนที่ผม ปลอมตัวเข้าไปสืบอะไรนิดหน่อย ผู้ต้องหา เอ่อ...สามีของผู้ตายน่ะครับ ตอนนั้นผมว่าเขารู้สึกเสียใจมากๆ อีกทั้ง พอมาสืบประวัติ เขากับผู้ตายยังมีลูกด้วยกันอีกด้วย ถ้าเราฟ้องเขา แล้วเขาเป็นคนผิดจริงๆ แล้วลูกเขา...ผมเลยรู้สึก...”

“สงสาร?”

“แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้าเขาผิดจริงแล้วผมจะเข้าข้างคนผิดนะครับ ใจหนึ่งก็คิดสงสารอย่างว่า แต่พอมาคิดแบบใช้หลักเหตุผล หากเขาเป็นคนผิดจริง เขาก็ควรได้รับโทษจากความผิด พอสองความรู้สึกมันตีกัน ผมก็เลยแค่ ไม่รู้ว่าจะเลือกแสดงออกยังไง...”ผมเว้นวรรคคำพูด ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่พอมองดูท่านอัยการแล้ว สายตาของท่าน กลับ ไม่มีความลังเลเลย...”

ท่านสารวัตร หัวเราะ

“น้องเต็มสิบ รู้ไหมครับ ว่าคนที่ไม่ลังเล นั่นหมายถึง เขาน่าจะมีหลักฐาน มีเหตุและผลเพียงพอแล้ว ที่จะทำให้เขาไม่ลังเล ท่านอัยการของน้องเต็มสิบ...ก็เป็นคนอย่างนั้นแหละ”




ผมถือซองกลับมายังสำนักงานอัยการสูงสุด ขึ้นลิฟต์มาไม่กี่ชั้น เท้าก็เดินมาหยุดหน้าห้องที่คุ้นเคย ผมเคาะประตูสองสามครั้งเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าทำให้ผมแอบอมยิ้ม

ท่านอัยการยังอยู่...

แม้ ใบหน้าหล่อเหลา ราวรูปสลักนั่น จะหลับคาโต๊ะ ไปแล้วก็เถอะ!

เอ่อ ที่ว่าคาโต๊ะ คือคาโต๊ะ จริงๆครับ คือร่างท่านอะร่วงจากเก้าอีกแล้ว แต่หน้าและแขน ของท่านอะ ยังพาดอยู่กับโต๊ะไม้ราคาแพง...ส่วนเข่านี่ตั้งฉากกับพื้น...โธ่ อนาถจริง


อย่าไปบอกใครนะครับ ว่านี่คือท่า นอนของท่านอัยการ


ผมเดินเข้าไปสะกิดท่าน ท่านผงกหัวขึ้นมามองนิดหน่อย ก่อนจะ ฝุบ~ ลงไปอีก เหมือนหุ่นยนตร์ ที่ไม่ได้เติมพลังงาน และเหมือนว่าท่านจะนึก อะไรขึ้นมาได้ ท่านอัยการก็กระเด้งตัวขึ้นมาอีกทันที มองไปรอบๆตัว แล้วก็หันมามองหน้าผม

“นายแกล้งฉันเหรอ?”

“เอ๋?”

“นายเอาเก้าอี้เลื่อนออกจากก้นฉันหรือไง?” ผมว่าท่านไหล ลงมาจากเก้าอี้เองมากกว่านะ

“อย่ามาใส่ร้ายกันสิ!”

ท่านหรี่ตาลงมองผมเล็กน้อย ผมบนหัวของท่านชี้เด่ ไปมา

“ไม่น่าไว้วางใจ...ไหนละของที่ให้ไปเอา”

“นี่ครับ”ผมยื่นให้ท่าน ก่อนที่ท่านจะรับไป แล้วเปิดดู

“อืม...”ท่านครางกับตัวเองเบาๆ “เห็นแล้วรู้สึกหิวข้าว” ท่านพูด พร้อมกับยัดกระดาษเข้าซองตามเดิม

“นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว ผมว่า...”ตอนที่ผมออกไปหาท่านสารวัตร ก็เย็นมากแล้ว คุยเพลิน แล้วกว่าจะกลับมาอีก เล่นเอาใช้เวลาเยอะพอควร ทีแรกผมคิดว่าท่านอัยการคงกลับบ้านไปนอนซะแล้ว แต่ ท่านก็ยังอยู่

“ไปหาอะไรกินกันเหอะ”ท่านว่า พร้อมกับคว้าสูท กุญแจรถ และกระเป๋าของตัวเอง ก่อนจะเดินนำผมออกไป



แผ่นหลังนั่น ดูมั่นคงชะมัด เมื่อมาเทียบกับผม...ผมนี่เด็กไปเลย








วันนัดสืบพยาน ครั้งที่ 1


“ให้ผมมานั่งตรงนี้จะดีเหรอครับ?”ผมถามขึ้นพรางมองไปรอบๆ รู้สึกว่าตัวเองจะได้ที่นั่ง วีไอพี เคียงข้างท่านอัยการ ซึ่งมันเป็นที่นั่งที่บางครั้ง ทำให้อยากร้องไห้ โฮ ออกมา ด้วยความกดดัน ตอนนี้ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้ายังไม่เข้ามาครับ แต่ผม ต้องมานั่ง เฝ้าสำนวนคดี ที่ท่านให้ยกเข้ามาก่อน แล้วท่านสั่งให้นั่งรอที่ตรงนี้ จนกว่าท่านจะมา

ไอ้ที่ผมถามเมื่อกี้ คือ ผมถามกับตัวเองเบาๆ แต่เหมือนเห็นท่านสารวัตร ที่นั่งอยู่ในส่วนที่นั่งที่จัดสำหรับประชาชน ส่งยิ้มมาให้
 ในการเข้ามานั่งฟังการพิจารณาคดี ซึ่งประชาชนทั่วไปก็เข้ามาฟังการพิจารณาคดีในวันนี้ เยอะพอควร จนเจ้าหน้าที่ของศาล ต้องจัดเก้าอี้เพิ่ม
ไม่นานประตูก็เปิด ร่างสูงของท่านอัยการในชุดเครื่องแบบสีดำที่ดูเหมาะกับท่าน เสียจนหลายๆคนแอบนินทาในความหล่อและดูดีของท่าน เดินเข้ามา พร้อมด้วยจำเลย และพนักงานสืบสวนสอบสวน ท่านเชิญให้จำเลยนั่ง ก่อนที่ท่านจะเดินมานั่งข้างๆผม

ไม่นาน ทนาย ของทางจำเลยก็เดินเข้ามา

ผมแอบเห็น คิ้วของท่านอัยการยกขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะทำหน้านิ่งเรียบตามแบบปกติของเขา แต่สายตานี่จ้องทนายอีกฝั่งหนึ่งไม่วางตา รวมถึง ทนายของฝั่งนั้น ก็ไม่ละสายตาจากท่านอัยการของผมด้วย

“ทนายคนนั้น เป็นใครครับ?”ผมถามขึ้นมา เพราะนอกจากทนายที่บุกเข้ามายังห้องของอัยการวันนั้น ยังมีทนายอีกคนที่ ตอนนี้เชือดเฉือนทางสายตา กับท่านอัยการ เดินตามเข้ามาด้วย

“ไม่รู้สิ ไม่รู้จัก” ถึงท่านจะปฏิเสธ แต่ผมว่าท่านรู้จักเขาแน่ๆ  แต่ผมก็ไม่คิดที่จะซักไซ้ท่านต่อ

“ทำความเคารพศาล!”เสียงประกาศดังออกมา เมื่อ ผู้พิพากษา เดินเข้ามาภายในห้อง และไปประจำยังตำแหน่งบัลลังก์ของแต่ละคน พวกเราทุกคนยืนขึ้น ก่อนที่ผู้พิพากษาจะอนุญาตให้นั่งลง

“วันนี้มันเป็นวันอะไรกันวะ”ผมได้ยินเสียงท่านอัยการบ่นเบาๆ พร้อมกับทึ้งหัวตัวเองหน่อยๆ

“เชิญอัยการ”ท่านผู้พิพากษา ตัวเล็กสุดในกลุ่มผู้พิพากษาเอ่ย ออกมาอย่างเรียบๆ ใบหน้าน่ารักของท่านผู้พิพากษา มองตรงมายังอัยการ ผู้ซึ่ง เป็นโจทก์ในการฟ้องคดี

“ครับ”ท่านกล่าวสั้นๆ ก่อนจะยืนขึ้น “เมื่อวันที่ 19 เดือน สิงหาคม พุทธศักราช 2557 จำเลย นายอนุชา สามีของ นางอธิชา ผู้เสียชีวิต ได้กระทำการฆาตกรรม นางอธิชา ภรรยาของจำเลย ที่ชายหาดไมกิกิ รัฐฮาวาย ตามสำนวนสั่งฟ้อง... พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความผิดจริงจึงสมควรฟ้องสู่ศาล เพื่อให้นำผู้กระทำความผิด มาลงโทษ ขอความกรุณาด้วยครับ... ”

“เชิญทนายฝ่ายจำเลย”

“จำเลยขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาครับ”ทนายฝ่ายจำเลยเอ่ย เรียบๆ พรางยิ้มที่มุมปาก

“ขอซักถามจำเลยครับ”ท่านอัยการว่า “ผู้หญิงเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับคุณยังไง?” ท่านว่า พร้อมกับนำรูปภาพผู้หญิงหลายคน แสดงต่อหน้าจำเลย

"”เอ่อ..แค่คนรู้จักครับ”

“แค่คนรู้จักที่พากันเข้าโรงแรม?”

“ขอค้านครับ ประเด็นนี้มันเกี่ยวอะไรกับคดี?” ทนายทางฝั่งของจำเลยอีกคน ค้านขึ้น

“เกี่ยวสิครับ เพราะ เรากำลังจะชี้ให้เห็นถึงแรงจูงใจของจำเลยในการฆาตกรรม ภรรยาของตัวเอง”

“ท่านอัยการกำลังจะเล่นประเด็นชู้สาวใช่ไหมครับ?”ทนายฝ่ายจำเลย อีกคนที่ดูหนุ่มกว่า ผู้ซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลากล่าวเรียบๆ ผมแอบเห็นท่านอัยการสิ้นฟ้า หยู่ปากนิดหน่อย ก่อนจะทำหน้าปกติ “ในประเด็นนี้  ผมมีพยาน”





“แง่ง แง่ง แง่ง ! ไอ้ทนายนั่น”ท่านบ่นหงุบหงิบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง พรางยัดไอศกรีมเข้าปาก “แล้วพวกผู้หญิงนั่น มันอะไรกัน ขอปฏิเสธความสัมพันธ์ กับ จำเลยงั้นเหรอ หืม....เป็นแค่เพื่อนกัน เพื่อนกัน...เขาพาเพื่อนไปซั่มกันในโรงแรมหรือไง?”

“ท่านรู้จักทนายคนนั้นเหรอครับ?”ผมใช้คำถามเดิม ท่านหันมามองค้อนนิดหน่อย

“รุ่นพี่ฉันเอง” ท่านว่าด้วยน้ำเสียงเย็นเชียบ “จะว่าไปก็...พี่รหัส”

“เอ๋ พี่รหัส?”

“ไม่รู้ว่ามันกลับมาจากอเมริกาเมื่อไหร่ โผล่หน้ามาปุ๊ป ก็สร้างปัญหาให้ปั๊บ ขอให้คืนนี้มันนอนหลับ แล้วผีกัดตูดตาย” เรียกรุ่นพี่ว่ามันจะดีเรอะ แถมยังแช่งเขาอีก



“ขอมอคค่าแก้วหนึ่งครับ...”

พรู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!

“ท่าน!!”ผมเผลอตะโกนออกมา เมื่อ เห็นท่านอัยการสุดหล่อของผม พ่นไอติม ที่พึ่งตักเข้าปากไป เมื่อได้ยินเสียงของใครบางคน
สั่งกาแฟ

“แค๊ก ! แค๊ก!”ด้วยความที่ท่านอัยการไอจนหน้าแดง ผมเลยรีบหยิบกระดาษทิชชู่ เช็ดปากให้ท่าน แล้วหยิบน้ำให้ท่านดื่ม

“อ้าว สิ้นฟ้า”ทนายหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลา ร่างสูงชะลูดราวกับนายแบบเดินเข้ามาหา “ยังชอบกินไอติม เหมือนเดิมเลยน๊า”

“แค๊ก ! แค๊ก ! แค๊ก!” อ๊ากกกกกกกกกกก ท่านไอหนักเข้าไปอีก

“เอ่อ คุณ...”ผมเอ่ยเชิงเป็นคำถามออกไป

“เอ่อ ผมทนายเพชร ครับ แล้วน้อง...”

“เอ่อ ผม เต็มสิบ คะ ครับ”

“แค๊ก! แค๊ก! แค๊ก! ๆๆๆๆๆๆๆ” งือ....ท่านไอหนักเลย ท่านจะตายไหม...T^T

“ผมว่าผมพาท่านอัยการกลับเลยดีกว่า ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”



ผมพูด พร้อม พยุงท่านออกมาจากร้าน



“ฉะ ฉะ ฉันเกลียด ฉันเกลียดมัน” ท่านบ่นหงุบหงิบ ใบหน้าขาวๆของท่านขึ้นสีแดงระเรื่อ



โอเค ผมรู้แล้วละครับว่าท่านเกลียดเขา...จริงๆ


...................................................

งะต้องขอโทษที่หายไปประมาณ 4-5 วัน นับนิ้ว  :ling3:
ไม่มีอะไรแก้ตัว เพราะถ้าหากจะบอกว่า มัวแต่ไปติดนิยายของท่านอื่นอยู่
ก็คงจะโดน ตบ กรี๊ดดดดดดดด!
เปล่าหรอกคะ คือว่า ในการเขียน แต่ละตอน โดยเฉพาะตอนขึ้นศาล
มันต้องทำให้อารมณ์ตัวเองเย็นก่อน ไม่งั้นมันจะเขียนไม่ออกทันที
เพราะอะไร ? เพราะมันจะทำให้นิยายตลก(?) เรื่องนี้ดูเครียดไปเลย(แก้ตัว)
เอาเป็นว่า มาต่อแล้วนะ งุงิ :katai2-1:

ตอนนี้รังสี ออร่า ของท่านอัยการเคะมากกกกกก เมื่อเจอตัวละครใหม่มาอีกตัว

สิ้นฟ้า : ผมบอกว่า ผมหล่อ แมน และ ตุงมากไง ! ไม่เชื่อเดี๋ยวเปิดให้ดู (ทำท่ารูดซิบกางเกง)
เต็มสิบ : ท่านอย่ามาเปิดของลับในที่สาธารณะ เซ่!  :m25:
เพชร :  :m20:

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกแรงใจ ที่ท่านเข้ามาอ่าน ความเพี้ยนของอีตาอัยการคนนี้คะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(2) 20/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 20-07-2014 20:43:22
 :mew5: ตอนนี้เหมือนอ่านแล้วงง มาต่อให้กระจ่างหน่อยสิ ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ถามจำเลยไป  :ruready
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(2) 20/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 20-07-2014 21:08:23
ทำไมอัยการถึงประหม่าต่อหน้ารุ่นพี่ละ
มันมีอะไรที่ากกว่าส่านี้ใช่มิ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(2) 20/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-07-2014 02:10:30
ท่านอัยการตอนนี้ทำไมถึงรู้สึกว่าน่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(2) 20/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 24-07-2014 07:05:11
ท่านอัยการผู้หล่อแมนและตุงมาก? ชักจะมุ้งมิ้งน่ารักขัดกับภาพลักษณ์ที่ท่านพยายามบอกนะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(2) 20/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 26-07-2014 10:59:06
รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(2) 20/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 26-07-2014 12:45:29
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:รออออออออออจ้าาาาาาาา :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(ปิดคดี) 29/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 29-07-2014 20:45:51
คดีที่ 3
Ticket one way (ปิดคดี)

วันนัดสืบพยานครั้งที่ 2


“ดิฉัน นางพกามาศ เป็นญาติของผู้ตายคะ แล้วก็ เป็นคนดูแลลูกสาวให้ผู้ตายในตอนนี้ด้วย”หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยในชั้นศาล

“ความสัมพันธ์ของผู้ตายเอง กับ ตัวจำเลย เท่าที่คุณทราบ เป็นเช่นไรครับ?”ทนายจำเลยซักถาม

“คุณอนุชา รัก ลูกและภรรยาของเขามากๆคะ ฉัน ก็นึกไม่ออก ว่าเขาจะกลายไปเป็นฆาตกร ไปได้ยังไง ก่อนที่จะไปเที่ยวที่ฮาวาย อธิชาเองก็ดีใจมากๆ ที่สามีจะพาเธอไปเที่ยว ฉันยังรู้สึกดีใจแทนเลยคะ ในตอนที่เห็นเธอ เอ่อ อธิชา น่ะคะ ทำท่าทางดีใจขนาดนั้น”

“งั้นแสดงว่า คุณยืนยัน เขาก็ยังคงมีความสัมพันธ์ อันดีต่อกัน ไม่มีทางที่คุณอนุชาจะฆ่าคุณอธิชาแน่ๆ”

“ ค่ะ”

“หมดคำถามครับ”



“ไม่ใช่คุณคิดไปเองเหรอครับ...ว่าคุณอนุชา ไม่มีทางฆ่าคุณอธิชา”

“พยานก็ตอบอย่างชัดเจนแล้วนี่ครับท่านอัยการ...”ทนายเพชร เอ่ยสวนกลับมาพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก

“มันก็แค่ความคิดเห็นส่วนบุคคล ที่พยานของคุณกล่าวอ้างขึ้นมา จากความรู้สึก แต่ใครจะไปรู้ละ ว่าลึกๆข้างในของสองคนนั่น แท้จริงเป็นอย่างไร?...คุณไม่ได้ไปอยู่ใต้เตียงเขานิ”

“แล้วความรู้สึกแท้จริงของทั้งสองคนเป็นอย่างไรละครับ...ท่านอัยการ”

“ก็ไม่รู้สินะ”พูดพร้อมยักไหล่ขึ้น เบะปาก ดูท่าทางกวนเท้าในชั้นศาลมากเลยครับท่าน! “แต่ที่ผมจะชี้ให้เห็นก็คือ ศาลคงไม่เอาความรู้สึกโดยส่วนตัวของพยาน มาตัดสินว่าจำเลยไม่มีทางฆ่าผู้ตายได้นะครับ” พูดพร้อมกับหันหน้าไปยักคิ้ว ใส่ศาล





“ฮ่า ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ท่านบ้าไปแล้ว หัวเราะ อย่างกับคนบ้าเลยครับ จูนสมองท่านกลับมายังดาวโลกที ตอนนี้ผมและท่านอัยการกลับมานั่งที่ร้านคาเฟ่ ร้านเดิมที่บรรยากาศดี มีเค้ก ไอศกรีม อร่อยอย่างหาได้ยาก

ส่วนท่านอัยการพอหัวเราะ ด้วยความสะใจจนเหนื่อย ก็นั่งตักไอติม เข้าปาก ท่าทางอย่างกับเด็กๆ

“ดูเหมือนท่านจะสะใจมาก”

“ก็นิดหน่อย ตามอารมณ์และความหล่อ โดยเฉพาะ วันนี้รู้สึกหล่อเป็นพิเศษ”

ก็นั่นสินะ...ไล่ต้อนอีกฝ่ายหนึ่งได้นิ

“วันนี้ฉันเลี้ยงนายละกัน อารมณ์ดี”ท่านอัยการว่า “เออ...ปกติ ฉันก็เป็นคนจ่ายตลอดนี่หว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ผมควรจะไปหาอะไรหนักมาฟาดหัวท่านดีมะ



“ขอมอคค่า แก้วหนึ่งครับ”เสียงหล่อๆเข้มเอ่ยขึ้นจากทางเค้าเตอร์

“แค๊ก! แค๊ก!  แค๊ก!”พึ่งเคยเห็นคนสำลักน้ำลายตัวเองก็วันนี้แหละครับผมยื่นทิชชู่ให้

“อ้าว เจอกันอีกแล้ว”ทนายเพชร ทักอย่างคนอารมณ์ดี

“เอ่อ สวัสดีครับ”ผมทักทายกลับไป

“แค๊ก ! แค๊ก ! แค๊ก !”

“ไหว ไหมนั่น พาไปโรงพยาบาลไหม?”ทนายเพชรว่า พราง นั่งลงข้างๆ ท่านอัยการ ที่ไอจนหน้าแดงไปหมด  ดีครับ ดี พาไปเลย! ครับ

“ไม่ต้อง!” อัยการตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์

“เอ่อ ผมขอโทษแทนท่านอัยการด้วยนะครับ แล้วก็ ไปก่อนนะครับ”ผมว่า พรางลุกตามท่านอัยการไป


“หนีมาเฉยๆอย่างนี้มันไม่เป็นการเสียมารยาทเหรอครับท่าน?”ผมถามหลังจากเดินออกมาจากร้านแล้ว

“สำหรับหมอนั่น ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทหรอก”

“แต่ มันก็เสีย มาร...”

“หรือนายจะให้ฉันกลับไปขอโทษหมอนั่น ?” ท่านหันมามองหน้าผม

“เอ่อ...”

“ถ้าเอาอย่างนั้น ก็...ได้!” ฮะ ห๊ะ?! ท่านว่า พร้อมกับเดินกลับไปยังร้านทันที รู้ตัวอีกที ผมนี่แทบจะวิ่งตามไม่ทัน



“ขอโทษครับ...”ท่านเอ่ย ออกมาอย่างเรียบๆ พร้อมก้มหัวนิดหน่อย ให้กับทนายที่นั่งอยู่ ทนายเพชร หันมามอง พร้อมกับยกคิ้วขึ้น “ที่ทำตัวเสียมารยาท...นิดหน่อย”

ทนายเพชร ยิ้มมุมปาก

“แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีก ผมก็จะเสียมารยาท กับคุณอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถือว่านี่ เป็นการขอโทษสำหรับครั้งต่อๆไปด้วย เหตุผลมีแค่อย่างเดียว เพราะผมเกลียดคุณ ลาก่อน”

ห๊ะ เห๋!!!!

“เอาไว้ เจอกันในชั้นศาล...”กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แล้วเดินหนีออกมาเลย





“นายคิดว่าคนอย่างฉัน จะทำดีกับคนที่เกลียดได้รึไง”

นั่นสิ ผมก็ไม่รู้เสียด้วย ว่าท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า กับ ทนายเพชร คนนั้น เคยมีเรื่องอะไรกัน
ถ้าเอาบรรทัดฐานของตัวเองเป็นที่ตั้ง เพื่อที่จะให้คนอื่นควรทำอย่างนู้นหรืออย่างนี้ มันก็คงจะดูใจร้ายเกินไปหน่อย




นัดสืบพยานครั้งที่ 3

“สาเหตุการตาย เป็นการจมน้ำ ครับ แต่ จากผลการชันสูตร ผู้ตายได้รับสาร Tetrahydrocannabinal หรือ THC เข้าสู่ร่างกายจำนวนหนึ่ง...”

“แล้วยังไงครับหมอ”อัยการสอบถามสอบถาม

“นั่นน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ตาย เบลอ หรือขาดสติ ในขณะที่ลงไปเล่นน้ำ และเกิดการจมน้ำจนเสียชีวิต อีกทั้ง น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ตาย ไม่มีการดิ้นรนเอาชีวิตรอดตอนที่กำลังจมน้ำ จนเป็นที่สังเกต...”

“หมอกำลังบอกว่า...”

“ผมกำลังจะบอกว่า  ผู้ตายอาจจะเสพยาด้วยตัวเองจนเป็นเหตุทำให้พาตัวเองไปถึงแก่ความตาย หรือ อาจจะมีใครบางคนเอายาให้เสพและวางแผนพาผู้ตายไปยังทะเล”

“คำตอบของหมอมันดูคลุมเครือนะครับ”ทนายเพชร ทนายผู้ช่วย ของทนายฝ่ายจำเลย กล่าวขึ้นมาอย่างลอยๆ
แต่พี่หมอก็ได้ แต่เพียงยิ้มที่ มุมปาก

“หมดคำถามครับ”

“ทนายมีอะไร...เสริมอีกไหม?”ท่านผู้พิพากษาถามขึ้น

“มีครับ...”ทนายเพชร ลุกขึ้นยืน  “คุณหมอกำลังจะบอกว่า มันมีแนวโน้มที่จะเป็นการฆาตกรรมใช่ไหมครับ? จากคำพูดที่ว่า อาจจะมีใครบางคนเอายาให้เสพและวางแผนพาผู้ตายไปยังทะเล ”

“ใช่”พี่หมอตอบ

“แต่นั่น ก็เป็นสิ่งที่คิดคาดการณ์ไปเองใช่ไหมครับ เพราะคุณหมอ ก็คาดการณ์ไว้อีกทางหนึ่งว่า ผู้ตายอาจจะเสพยาด้วยตัวเองจนเป็นเหตุให้พาตัวเองไปถึงแก่ความตาย นี่ก็คาดการณ์เหมือนกัน แต่ประเด็นสำคัญ คือผู้ตายจมน้ำตาย นี่คือประเด็นที่พิสูจน์ได้ ส่วนประเด็นเรื่องที่ผู้ตายมีสาร  THC ในร่างกาย เสพเอง หรือ มีใครเอาให้เสพ มันยังพิสูจน์ไม่ได้...ถ้าไม่มีหลักฐาน” เว้นวรรค คำพูดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “เพราะฉะนั้นศาลที่เคารพครับ ถ้าจะกล่าวหาว่า จำเลย เป็นคนนำให้ผู้ตายเสพ แล้วพาผู้ตายไปสู่ความตาย ด้วยแผนนี้ เห็นได้ว่าเป็นการกล่าวหาจากการคาดการณ์ หรือเป็นการกล่าวหาจากการคิดไปเองของทางฝั่งโจทก์...”

“ทนายจะบอกว่า ถ้าพวกเรา ไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ ก็กล่าวหาจำเลยไม่ได้สินะ”ท่านอัยการสิ้นฟ้าเอ่ย พร้อมกับลุกขึ้นยืน

“ก็หาหลักฐานมาสิครับ”ทนายเพชร หันมายิ้มให้ ท่านอัยการ “หลักฐานที่ว่า จำเลย เป็นคน ยื่นสารเสพติดให้ผู้ตายเสพ และพาผู้ตายไปสู่ความตายด้วยการจมน้ำ”



“เพราะท่านอัยการจะเล่นประเด็นนี้นี่ครับ...”


ปั้ง!


ท่านอัยการสิ้นฟ้า เผลอทุบโต๊ะ อย่างหัวเสีย ผมที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แอบสะดุ้งเลย เท่าที่ดูทนายเพชร เป็นทนายที่ค่อนข้างเก่งมาก ถึงมากที่สุด เป็นจำพวกที่เห็นช่องโหว่ ของหลักฐาน ก็จะตีกลับ ให้หลักฐาน กลับมามัดฝ่ายตรงข้าม ทันที

ด้วยคำพูดที่พลิกกลับ ได้อย่างแนบเนียน

“อัยการรักษามารยาทชั้นศาลด้วย”ท่านผู้พิพากษา เอ่ยเตือน

“งั้นเหรอ?”

“อัยการ!”ท่านผู้พิพากษาเริ่มขึ้นเสียง

“ผมไม่ได้พูดใส่ท่านครับ” อัยการสิ้นฟ้า ยกยิ้ม “ต้องการหลักฐานใช่ไหมครับ ศาลที่เคารพครับ ผมขอเบิกพยานวัตถุ”

“พยานวัตถุ?”ทนายเพชร ชักหัวคิ้ว “คุณไม่ได้ยื่นในบัญชีระบุพยาน“

ถ้าไม่ได้ยื่นในบัญชีระบุพยานหลักฐาน ทางฝั่งของจำเลยไม่รู้ แล้วจะเรียกหลักฐานออกมาแสดงได้อย่างไร กันเหล่า!

“หมายความว่าอย่างไร ท่านอัยการ?”ท่านผู้พิพากษาถาม

“หมายความว่าผมจะขอยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม”

“ผมขอค้านครับ”ทนายเพชรเอ่ย

“เป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ครับ”ท่านอัยการว่าพรางยิ้มที่มุมปาก “ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด แต่ถ้าท่านไม่อนุญาต แล้วพลาดหลักฐานชิ้นนี้ไป บอกไว้เลย ว่าท่าน อาจจะปล่อยให้ฆาตกร ลอยนวล”

“อัยการกำลังขู่ศาลงั้นเหรอ”ศาลท่านถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นายเต็มสิบ รู้สึกขนลุกซู่เลยครับ T^T แต่ท่านอัยการกลับยักไหล่ อย่างไม่สนใจ ก่อนจะมานั่งเพื่อรอคำตอบจากศาล



“ศาลอนุญาต”ท่านว่าพรางมองที่อัยการ “เพื่อประโยชน์ แห่งคดี...”

“เยส!”ท่านอัยการเผลอร้องออกมา



“นี่คือ ภาพกล้องวงจรปิดที่โรงแรมที่ ฮาวาย ครับ เห็นได้ชัดว่าตอนนั้น ผู้ตายมีอาการคล้ายคนมึนเมา โดยมีจำเลย พยุงผู้ตายออกไปยังนอกโรงแรม ในเวลาเที่ยงของวัน และกลับเข้ามาในโรงแรม ในครึ่งชั่วโมงถัดมา ก่อนที่ในช่วงบ่ายเกือบเย็นของวัน ถึงมีคนพบศพของผู้ตาย”ท่านสารวัตร เอ่ยเรียบนิ่ง ชี้แจงให้เห็นถึงหลักฐาน

“และนี่คือห่อใส่กัญชา คาดว่าจะเป็นต้นเหตุของสาร THC ที่พบในร่างกายของผู้ตาย เราพบห่อนี่ในห้องนอนของจำเลยและผู้ตาย ภายในโรงแรม ได้รับการพิสูจน์ลายมือแล้ว มีทั้งลายมือของผู้ตาย และ ของ จำเลย...”พี่หมอเอ่ย   
ออ ห่อกัญชานั่น ผมเป็นคนแอบเอาออกมา ในตอนที่ปลอมตัวเข้าไปในห้องของคุณอนุชาเองแหละ
...ไม่นึกว่ามันจะมีประโยชน์แหะ

“ขอบคุณคุณสารวัตร และคุณหมอ ที่เอาหลักฐานเข้ามาให้ครับ...”เอ่ยอย่างยิ้มๆ

“ขอบคุณ ที่เรียกยศ ผมถูกครับ”สารวัตรเอ่ยยิ้ม ก่อนจะขอตัวออกไป นั่งในส่วนของผู้เข้าชมฟังการพิจารณาคดีกับพี่หมอ





“ดังนั้น จะเห็นได้ว่า จำเลยพาผู้ตายออกไปจากโรงแรม ทั้งที่ ยังมึนเมา จริง  ใช่ไหม?...ครับ”อัยการถามจำเลย

“เอ่อ...ผมก็แค่พาเธอออกไป ผมไม่นึกว่าเธอจะตาย”

“คุณไม่ได้มีเจตนาฆ่าเธอใช่ไหมครับ”ทนายเพชรถาม

“อะ ใช่ๆ ครับ”นายอนุชา รีบพยักหน้าตอบทันที “ผมแค่พาเธอออกไปเดินเล่น ก่อนที่ผมจะกลับเข้ามา ผมไม่นึกว่าเธอจะลงไปในทะเลนิ”


“จะเห็นได้ว่า จำเลย ไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้ตายครับ...”

คำกล่าว ของทนาย ทำให้ อัยการนิ่งเงียบไป ผมแอบเห็นท่านถอนหายใจ






“ตั๋วเที่ยวเดียว...”อัยการสิ้นฟ้า พูดออกมาอย่างเรียบๆ


ห๊ะ!?
 หลายๆคน ทำหน้า อย่างไม่เข้าใจ


“ตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวของภรรยาคุณ ผมให้คนไปตรวจสอบดูการซื้อตั๋วเครื่องบินของคุณและภรรยา แล้ว ทำไม ของภรรยาคุณมีแค่ตั๋วไปฮาวาย แต่ ไม่มีการจองตั๋วเครื่องบินที่จะกลับมายังประเทศของภรรยาคุณ...ทั้งๆที่ของคุณก็มี”
 
“เอ่อ...”

“นั่น ไม่ใช่ เพราะว่าคุณรู้ว่าเธอจะต้องตาย...คนตาย ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ตั๋วเครื่องบินเหมือนคนเป็น”อัยการว่า




“คุณเลย ไม่จำเป็นจะต้องจองตั๋วเครื่องบินให้เธอ...”



อัยการเดินเข้าไปหาจำเลย

“ถ้าคุณสารภาพ ศาลจะลดหย่อนโทษ จากประหารชีวิต ให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต แล้วคุณยังมีสิทธิเข้าไปแก้ไขตัวเองในคุก คุณอาจจะพ้น ผิดเร็วกว่าที่กำหนดก็ได้...คิดดูให้ดีๆ ยังดีกว่าที่คุณต้องจำนน ต่อหลักฐาน เพราะผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่”อัยการถอยออกมาจากจำเลยนิดหน่อย พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้กับจำเลย “เพื่อลูกสาวคุณ...”

คำพูดนั้นเป็นคำพูดที่เอ่ยเบาๆ ให้ได้ยินแค่เพียง อัยการกับจำเลย






“ผมขอสารภาพครับ”






(วันนัดอ่านคำพิพากษา)

หลังจากอ่านคำพิพากษา เสร็จสิ้น...



“ยังใช้วิธีการลอบกัด อยู่เหมือนเดิมเลยนะ”

“แล้วไงละ ถ้ามันเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แล้วทำให้อีกฝ่ายแพ้ฉันอย่างราบคาบ ฉันก็ต้องทำอย่างนี้ หลอกให้ตายใจ แล้วค่อยเชือดทีหลัง”ว่าพรางยิ้มเย็น

“ก็สมกับเป็นนายดี”

“แล้วนี่ กลับมาทำไม อยู่อเมริกา มันอยู่ไม่สุขหรือไง?”

“ก็สุขดี แต่ไม่มีนาย”อัยการหนุ่ม ทำหน้า หยู่นิดหน่อย “ล้อเล่นน่ะ เผอิญ ที่นี่อาจจะมีคดีที่น่าสนใจ เกิดขึ้นต่อจากนี้...”

“คดี...?”

“ไปละ”ทนายเพชรว่า “ไว้เจอกัน ทีหลัง”

“ฉันกับนายเจอกันแค่ในชั้นศาล ก็พอ”อัยการสิ้นฟ้าว่า

ร่างสูงหันมายิ้มให้ ก่อนจะโบกมือลาท่านอัยการ




ก่อนที่ท่านอัยการและผมจะเดินออกมาจากศาล เพื่อให้สัมภาษณ์ นักข่าวนิดหน่อย



เพลียะ!



เด็กสาวคนหนึ่ง เดินฝ่าฝูงชน เข้ามาตบ เข้าที่หน้าท่านอัยการอย่างแรง จนตำรวจที่อยู่โดย รอบต้องทำการจับตัวเธอไว้ เพื่อไม่ให้เธอเข้ามาทำร้ายร่างกายท่านอัยการอีกรอบ หลายๆคนส่งเสียงฮือฮา บางคนจะเดินเข้ามาหาท่านเพื่อดูว่าท่านเป็นอะไรไหม แต่ท่านก็ยกมือห้ามไว้ก่อน ผมที่ยืนอยู่ข้างๆท่าน ก็ทำได้เพียงแค่ประคองแขนของท่านไว้

“ไอ้เลว! แกทำอย่างนี้ทำไม แกส่งพ่อฉันเข้าคุกทำไม!!!”เสียงเธอเอะอะโวยวาย แต่ท่านอัยการก็ไม่แสดงท่าทีอะไร ท่านอัยการสิ้นฟ้าทำเพียงแค่มอง ตรงไปยังเธอเท่านั้น ส่วนพวกนักข่าวต่างพากันกดรัวชัตเตอร์อย่างรวดเร็ว “แม่ฉันต้องมาตาย แกยังจะส่ง พ่อของฉันเข้าคุกไปอีก”เด็กสาวอายุวัยประมาณ 15 ปี พูดไปร้องไห้ไป สะอึกสะอื้น จนญาติของเธอต้องเข้ามาปลอบ

“แกมันใจร้าย ใจร้ายที่สุด แกทำกับครอบครัวฉันแบบนี้ทำไม!”

“ที่พ่อเธอฆ่าแม่เธอมันเป็นความผิดฉันเหรอ?”ท่านอัยการเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันเป็นคนสั่งให้พ่อเธอฆ่าแม่ของเธอหรือยังไง แล้วการที่ฉัน ส่งอาชญากรที่ฆ่าคนตาย ให้ได้รับผิดตามโทษทางกฎหมาย มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรทำอย่างงั้นเหรอ...”

หญิงสาวสะอึกสะอื้น

“เธออาจจะยังเด็กเกินไป...ที่จะมารับรู้เรื่องเหล่านี้ แต่ไม่...ประเด็นสำคัญคือเธอควรรับความจริงให้ได้ ว่าพ่อของเธอฆ่าแม่เธอ...”

“แต่แกส่งพ่อฉันเข้าคุก แล้วต่อไปฉันจะอยู่ยังไง...ฮะ ฮือ..ฮือ...”

“แล้วเธอจะยอมใช้ชีวิตอยู่กับฆาตกร หรือยังไง...”ท่านอัยการเดินเข้าไปหาเด็กสาวนั่น มือใหญ่แต่เรียวสวยของท่านวางลงที่ศรีษะของเธอ เบาๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น


“เธอใช้ชีวิตกับฆาตกรที่ฆ่าแม่ตัวเองไม่ได้หรอก...”






“แล้วเด็กนั่น ต่อไปจะเป็นยังไงเหรอครับ...”ผมเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเบาๆ ผมสะเทือนใจพอดูนะ ไม่คิดว่าบทสรุปมันจะเป็นอย่างนี้  “บางครั้ง การไม่รับรู้ ความจริงบางอย่าง อาจจะทำให้ใช้ชีวิต ที่มี...”

“เธอกำลังคิดว่า เด็กนั่น ถ้าไม่รู้ความจริง ว่าพ่อของตัวเองฆ่าแม่ แล้วถ้าฉันไม่ไปเสือกเรื่องของพวกเขา เด็กนั่น อาจจะใช้ชีวิตที่มีความสุขอยู่กับพ่อของตัวเองตลอดไปก็ได้ อย่างนั้นใช่ไหม?”ผมสบตากับท่าน คิ้วเข้มของท่านขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะคลายออก “ถ้าคิดอย่างนั้น ฉันอาจจะ...ทำผิดจริงๆ ก็ได้”


“แต่ยังไงซะ ความจริง ก็ยังคงเป็นความจริงอยู่วันยันค่ำ และความจริงที่ว่าก็คือ
ฉันเป็นนักกฎหมาย ไม่ใช่พ่อพระ”






เช้าวันต่อมา

“คือคดีนี้ผมที่เป็นประกันนี่...จะหาทางเลี่ยงไม่จ่ายเงินประกันให้เด็กนั่นได้ไหมครับ?”

“ได้” ท่านอัยการตอบ

“งั้น มีทางไหนบางครับ ต้องทำยังไง”

“อย่างแรกที่ต้องทำก็คือ...”ท่านว่า พรางยกยิ้มที่มุมปาก แล้วเอนตัวไปกับเก้าอี้หนัง

“คือ...”


“เตรียมตัวเป็น ศัตรูกับฉันได้เลย”

...



...............................................................................

กรี๊ดดดดดดด ห่างหายไปนาน บอกตรง ตอนนี้เขียนยากมักมาก
ดูเครียดไปนิดหนึ่ง เผลอลืมคอนเซ็ป ว่านี่คือนิยายตลก
สำนวนอาจจะไม่เป๊ะ และถ้ามีอะไรผิดพลาด สะกิดกันบ้างนะคะ จะได้แก้ไขทัน

เต็มสิบ: ทำไม ท่านอัยการ ต้องประหม่าต่อหน้ารุ่นพี่ละ?
สิ้นฟ้า: เอ่อ ...อืม (ทำหน้าแดงๆ) เพราะมันใหญ่กว่าฉันมาก...
เต็มสิบ : เอ๋!? อะไรใหญ่ๆ :m25:
สิ้นฟ้า: คิดลึกนะนาย เป็นเด็กเป็นเล็ก...


ถามว่าท่านอัยการสิ้นฟ้าเคะได้ไหม? ตอบ!!

สุดท้ายนี้ ขอบคุณที่ติดตามคะ

 :katai5:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(ปิดคดี) 29/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: feather7074 ที่ 29-07-2014 21:32:27
ตอบว่า ได้คร่า า ให้อยู่นะ คู่กับเพชร เหมาะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(ปิดคดี) 29/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-07-2014 22:38:36
ท่านอัยการสิ้นฟ้าเท่มากๆ กรี๊ดให้สามรอบยาวๆ คำถามสุดท้ายที่ถามเป็นได้เพราะท่าทางมันให้มากเมื่ออยู่ต่อหน้าทนายเพชร
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(ปิดคดี) 29/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 29-07-2014 22:58:14
คืออ่าไป ทำไมเราจิ้น ท่านสิ้นฟ้ากับรุ่นพี่วะ ฮ่าๆ โมเม้นนี้ใช่ป่ะรุ่นพี่เมะ ท่านอัยการเคะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(ปิดคดี) 29/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 29-07-2014 23:27:41
เต็มสิบชอบสิ้นฟ้าแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(ปิดคดี) 29/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: Tun_Bow ที่ 30-07-2014 03:55:41
คือเรารู้สึกท่านสิ้นฟ้าน่ารักอ่ะเหมาะเป็นเคะให้รุ่นพี่
งงว่าเรื่องนี้ใครพระเอก นายเอก อัยการก็เคะ น้องเต็มสิบก็เคะ หรือจริงๆแล้วนายเอกคือ สิ้นฟ้า พระเอกคือพี่เพชร
ส่วนน้องเต็มสิบเป็นตัวประกอบ :laugh:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 3 Ticket one way(ปิดคดี) 29/07/57 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 09-08-2014 23:35:27
ท่านอัยการเปลี่ยนเป็นนางเอกแทนน้องสิบดีกว่าไหมเนี่ย
เราเชียร์พี่ทนายได้กินอัยการ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่4 เรื่องลับ...ระดับชาติ(1) 10/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 10-08-2014 01:39:40
คดีที่ 4
เรื่องลับ...ระดับชาติ (1)


บางครั้ง ถ้าเราไม่ได้ไปอยู่ ในจุดๆนั้น ที่เขายืนอยู่ เราอาจจะไม่เข้าใจ ว่าทำไม เขาถึงตัดสินใจ...เช่นนั้น


‘อัยการสั่งไม่ฟ้อง ผู้ต้องหาอาชญากรค้าอาวุธเถื่อน ระดับประเทศ...แม้จะจับได้คาสนามบิน ก็ตาม’

ทุกพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์เล่นประเด็นนี้อย่างหนัก รวมถึงสื่อทางโทรทัศน์ ตามช่องต่างๆด้วย
ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า นั่งเงียบ ระหว่างผมกับเขาไม่มีใครมองหน้าใครมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ต่างนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง


ทุกอย่าง มันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ภายในชั่วข้ามคืนเดียว
.
.
.
หลายวันก่อนหน้านี้

“ทำงานกับสิ้นฟ้าเป็นยังไงบ้าง?”ผมนั่งตัวเกร็งขึ้นมานิดหน่อย เหงื่อผมเริ่มไหลย้อย ทั้งที่ในห้องนี้ ถูกเปิดแอร์ด้วยระดับความเย็นที่อุณหภูมิต่ำ แต่นั่น ไม่ได้ทำให้ใจผมเย็นลงเลย

“กะ ก็ดี...ครับ”ผมตอบกลับไป

“ก็ดี...ดียังไง?” ตอนนี้ความรู้สึกผมคือ เหมือนกับเป็นผู้ต้องหาที่กำลังถูกสอบปากคำอยู่เลยครับ แล้วไอ้คำถามที่ถามกลับมาว่า ดียังไง? ผมก็ไม่รู้จะสรรหาคำบรรยายมาบอกยังไงซะด้วยสิ...

“ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า ก็ดูแลดี เอ่อ ดีมากๆครับ อนุญาตให้ผมติดตามไปทุกที่ บางครั้งก็พาไปทานอะไรอร่อยๆ ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า รู้จักร้านอาหารที่ไปทานแล้วแบบลืมไม่ลงเยอะมากๆครับ”

คนฟังยกหัวคิ้วขึ้นนิดหน่อย เหมือนๆ เหมือนกันชะมัด ...

“ให้ติดตามไปทุกที่...งั้นเหรอ?”

“เอ่อ อันที่จริง ผมเป็นฝ่ายขอตามไปเองมากกว่า”

“ไม่เหนื่อยใช่ไหม?”เขาถาม พร้อมกับจ้องตาผม นัยน์ตาสีดำสนิทคมเฉี่ยวนั่น ดูดุ แต่ก็มีความอบอุ่น...ไม่ใช่สิ มันดูหลากหลาย แบบ...ต่อให้นั่งจ้องตาก็ดูไม่ออก ว่าเป็นคนยังไง

“ไม่ครับ” ผมตอบกลับออกไปอย่างมั่นใจ

“ดีแล้ว...ต่อแต่นี้ก็ฝากลูกชายฉันด้วย”พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ครับ...ท่านอัยการสูงสุด”ผมตอบรับอีกครั้ง

เราสองคนคุยกันต่ออีกไม่นาน ส่วนมากจะเป็นเรื่องเรียนของผม และท่านอัยการสูงสุดยังแนะแนวทางการศึกษาต่อให้ผมอีก ผม

กล่าวขอบคุณท่าน ก่อนที่จะออกจากห้องมา


ผมขอเรียกมันว่า ‘ห้องเย็น’ เย็นยะเยือกเลยทีเดียว T^T



เดินเอื่อยๆ กลับมายังห้องทำงานของผู้ช่วยอัยการ แต่ก็ต้องชะงักอยู่หน้าประตู เมื่อได้ยินเสียงคุยกันเล็ดลอดออกมา คนหนึ่งนำเสียงดูท่าทางหัวเสียนิดหน่อย ส่วนอีกคนหัวเราะ อย่างอารมณ์ดี ผมจำเสียงของทั้งสองคนได้ดี

คนที่มีน้ำเสียงแสดงอาการหัวเสีย คือท่านอัยการของผมเอง ส่วนอีกคน ที่หัวเราะ อย่างขบขัน คือน้ำเสียงของคนที่ช่วงนี้ ชอบมาที่นี่เป็นประจำ อย่างกับคนไม่มีการมีงานทำ


...ทนายเพชร...


คำถามคือ...ผมควรจะเข้าไปดีไหมนะ?



“อ้าว! น้องเต็มสิบ มายืนสูดกลิ่นประตู ห้องเพื่อนพี่ทำไมจ๊ะ?” พี่หมอ ที่มาจากส่วนไหนของโลกไม่รู้ ทักด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผมไม่ได้สูดกลิ่นประตูซะหน่อย แค่เอาหน้าแนบประตูเท่านั้น เองเว้ย! เหอะ เหอะ

“นั่นสิ นั่นสิ” พี่สารวัตร ที่เดินมาด้วยกันทำหน้าสงสัย


ตึ้ง!

“แอ๊ก! เจ็บ!” อยู่ดีๆประตูห้องก็เปิดออกมา ทำให้ผมที่ยืนพิงประตูอยู่ ล้มก้นกระแทก พื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

“เฮ้ย!”คนเปิดออกมาร้องด้วยน้ำเสียงแปลกใจนิดหน่อย “ได้ยินเสียงเอะอะข้างนอก แต่ก็ไม่นึกว่าจะมีใครยืนพิงประตูอยู่” ท่านอัยการว่า


ออ...เหรอ?
แล้วตอนล้มลงไป ท่านจะหลบทำไมครับ...รับผมสักนิดก็ไม่มี T^T


“แล้วพวกนายมาทำไม มีธุระอะไรกัน...”ท่านอัยการถาม

“อ้าว คุณเพื่อนครับ เพื่อนมาหาเพื่อน จำเป็นต้องมีธุระด้วยเหรอ?”พี่สารวัตรว่า

“นั่นสิ นั่นสิ” พี่หมอ เสริม...


“งั้นพี่กลับก่อนนะ”ทนายเพชร เดินออกมาจากห้อง บอกกับท่านอัยการ

“อ้าว พี่เพชร สวัสดีครับ”พี่หมอ และท่านสารวัตร สวัสดีพร้อมกัน

“สวัสดีหมวด สวัสดีน้องหมอ”

“ผมสารวัตรแล้วครับพี่”

“อ้าว งั้นเหรอ?”

“ไหนจะกลับ ก็รีบๆไปสิ”ท่านอัยการเอ่ยปากไล่

“ครับ”ทนายเพชรว่า “งั้นพี่กลับก่อนนะทุกคน” แล้วเจ้าตัวก็เดินออกไป


“พี่เพชร แกมาทำไมวะ”สารวัตรถาม

“มันก็โผล่ไปทั่วอะแหละ”ท่านอัยการก็ตอบออกไปแบบง่ายๆ

“วันนี้กูกับไอ้หมอ ว่าจะไปดูหนังเว้ย เรื่องนี้เข้าใหม่น่าดูชิบ สนม่ะ?” พี่สาวัตรว่า ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ดูภาพตัวอย่างภาพยนตร์

“อ้อน มันหน่อยสิน้องเต็มสิบ”

เอ่อ...

“ไปนะครับ... ผมยังไม่เคยไปดูหนังกับท่าน กับพี่สารวัตร แล้วก็พี่หมอเลย”ท่านอัยการสิ้นฟ้า หันมามองหน้าผมนิดหน่อย ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง

“งั้นขอเคลียร์งานที่เหลือก่อนแล้วกัน...มาช่วยกันเลย”


กว่าจะช่วยกันเคลียร์งานเสร็จก็เกือบทุ่ม แล้วครับ ก็เลยเลือกห้างที่ใกล้ๆ กับสำนักงานอัยการหน่อย แต่ผู้ชายเดินด้วยกันสี่คน ชวนกันไปดูหนัง นี่มันก็แปลกๆดีแหะ แถมแต่ละคนนี่บุคลิกก็แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด อย่างผมนี่แปลกสุดมาในชุดนักศึกษาถูกระเบียบ ส่วน อีกสามคนอยู่ในเสื้อเชิ้ทคนละสีตัวเดียวกับที่ใส่ทำงานกันในวันนี้ กับกางเกงยีนส์เข้ารูปที่แอบเปลี่ยนก่อนออกมานี่ เท่ สุดๆ ไม่แปลกใจเลยที่เดินผ่านใคร ใครก็มองอย่างห้ามไม่ได้

“ใครชวนไปต่อแถวซื้อตั๋วเลย ไปเลย!”พี่หมอพูดพร้อมกับดันหลังท่านสารวัตร

“จ้า...จ้า”ท่านสารวัตรรับคำ ก่อนที่เราจะเดินมานั่งรอที่ร้านไอติมใกล้ๆ เพราะเท่าที่ดูรอภาพยนตร์กว่าหนังจะฉายก็อีกตั้งครึ่งชั่วโมงก็เลย หาอะไรรองท้องกันก่อน



“เอ่อ ขอถ่ายรูป ด้วยได้ไหมคะ”มีเด็กสาววัยมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกผมที่โต๊ะ ก่อนจะขอท่านอัยการถ่ายรูป “คือพวกหนูตามข่าว เอ่อ...ของคุณจากหน้าหนังสือพิมพ์อะคะ...คุณเป็นอัยการใช่ไหมคะ”ท่านอัยการพยักหน้าน้อยๆ

“กรี๊ดดดดดด ใช่จริงด้วย ขอถ่ายรูปนะคะ”พวกเธอขอย้ำอีกรอบ ท่านอัยการจึงตอบตกลง

“เป็นไอดอลของเด็กไปแล้วนะครับท่าน”พี่หมอเอ่ย แซวๆ

“ก็ฉันหล่อ”

“ปิดประเด็นด้วยความหมั่นไส้!”

หลังจากนั้น พวกผมที่นั่งอยู่เฉยๆ ก็โดนขอถ่ายรูปด้วย รวมถึงท่านสารวัตร ที่เดินเข้ามาทีหลังก็ยังไม่รอด

“พวกหนูขอเอาไปลงเฟสนะคะ”สาวน้อยอีกนางหนึ่งเอ่ยขึ้น “เอ่อ พวกพี่ๆเล่นเฟสกันไหมคะ พวกหนูจะได้แท็กให้”

อุบ๊ะ...เด็กสมัยนี้ เนียนดีนะครับ

ท่านอัยการส่ายหน้า พี่หมอกับสารวัตรก็เหมือนกัน ช่างเหอะ พวกนี้ห่างไกลจากโลกโซเชี่ยล ผมเลยให้เฟสผมไป ซึ่งในเฟส มีแต่รูปหมาและแมว และภาพถ่ายอาร์ตๆ ตามประสา อยากเอาไปปู้ยี้ปูยำ ก็เอาไปเลย

“ขอบคุณนะคะ”

แล้วสาวๆกลุ่มนั้น ก็ขอตัวออกไป

ก็น่ารักดีครับ เด็กสมัยนี้
.
.
.


 “อะไรกันเนี่ย?” ผมอุทานออกมาเบาๆ ท่านที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ เงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างสงสัย

“เอ่อ คือ แบบว่า...”ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง

“ครับ?”

“ท่านจำเด็กที่ผมให้เฟสไปเมื่อวานได้ไหมครับ” ทำหน้านึกนิดหน่อยก่อนจะส่ายหน้า ลืมง่ายจริง จูนสมองท่านด่วนครับ “คือจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ ผมพึ่งรู้ว่าเด็กคนนั้น เป็นเน็ทไอดอล และเธอเอารูปผมกับท่านไปลง แล้วแท็กมาหาผม เฟสผมที่มันไม่เคยมีอะไรตอนนี้ รู้สึกฮอท ขึ้นมาทันทีเลยครับ”พูดอธิบายให้ท่านอย่างเรียบๆ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ดู ว่ามีคนมาขอเป็นเพื่อนผมเข้าหลักหลายพัน และมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมก็ปฏิเสธไปหมดนะ ถ้าไม่ใช่เพื่อนผมไม่รับหรอก มันเลยขึ้นว่าติดตามผมแทน

“อ่า~ ฉันนี่หล่อจริงๆ” นั่นใช่ประเด็นไหมละท่าน “แต่นายนี่หน้าตาเอ๋อชะมัด แนะนำปรับปรุงด่วน”

“คร๊าบ คร๊าบ”

‘รูปใครวะ?’ ไอ้ฟรังมันเม้นท์ถาม แท็กชื่อผม เพราะมีคนมาเม้นท์ใต้ภาพท่านอัยการเยอะมากกกกกกก เพราะเจ้าของเฟสที่แท็กมา เปิดเป็นสาธารณะ ส่วนมากก็ถามว่าเขาคือใคร

‘เจ้านายกูเอง...’ผมเม้นท์ตอบ ไม่ลืมแท็กชื่อมันด้วย

‘เชี่ย! หล่อโคตร กูเป็นผู้ชาย กูอายเลยวะ’ไอ้ฟรังมันเม้นท์กลับมาอีก

‘หล่อมากๆคะ หล่อทั้งคู่ พี่หมอ กับพี่สารวัตรก็หล่อ เดี๋ยวเอารูปลงให้ทีหลังนะคะ’เจ้าของเฟส แท็กชื่อผม แล้วก็ชื่อไอ้ฟรัง

‘ขอบคุณครับ’แท็กชื่อเจ้าของเฟสไป



อืม...ผมคิดอะไรได้อย่างหนึ่งละ


แช๊ะ!

เอามือถือแอบกดชัตเตอร์ตอนคนบางคนกำลังก้มหน้าก้มตา ทำงาน เรียบร้อย ก่อนจะอัพลงเฟสไป โพสหัวข้อภาพว่า

‘ตั้งใจมาก จนลืมทานข้าว...ไม่ดีนะครับ’


เท่านั้นละ ยอดไลค์กระหน่ำเข้ามาไม่มีหยุด

ฮึ...ฮึ ผมไม่น่าโพสเป็นสาธารณะเลย ว่างั้นไหมครับ?



“โรคจิต หรือไง ยิ้ม กับมือถือก็เป็น”ท่านว่า
.
.
.
“ก็ท่าน น่ารักนี่ครับ”^_^ พูดพร้อมกับยิ้มให้

“...”









“ขอบคุณพระเจ้าที่ให้โลกมีไอติม...”อัยการสิ้นฟ้า ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น พูดขึ้น ช้อนก็ตักไอติม ที่เจ้าตัวได้ซื้อจากเซเว่นหน้าคอนโด ขึ้นเข้าปาก “ร้อนชะมัด...” ร่างสูงบ่น เข้าเดือนธันวาคมแท้ๆ หน้าหนาว มันน่าจะอากาศดีกว่านี้บ้าง เจ้าเด็กนั่น ก็ติดสอบ ไม่มีใครมากวน เห็นหน้าดำคร่ำเครียด ทั้งๆที่ก็ติวให้แล้วไม่รู้จะเครียดอะไรนักหนา ไม่รู้ว่าไม่เชื่อฝีมือการติวของเขาหรือยังไง

ถ้าเขาได้เป็นใหญ่ เขาจะตั้งกระทรวง ไอติม

แล้วนี่ มาวกกลับเข้าเรื่องของกินได้ยังไง?


“น่าเบื่อชะมัด...”ว่าพรางหย่อนก้นลงบนเก้าอีกในสวนสาธารณะ ใกล้ๆคอนโด ที่เจ้าตัวเผลอเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงที่นี่ได้ยังไงก็ไม่รู้

แกร๊ก!

“อยู่นิ่งๆ แล้วตามฉันมาดีๆ...”เสียงเย็นๆกระซิบ เบาที่ข้างๆหูเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมกับความเย็นจากกระบอกปืนที่กดลงมายังหลังต้นคอ “ฉันมีบางอย่าง อยากให้แกช่วย”

“ฉันจะช่วยอะไรแกได้...”เขาตอบเบาๆกลับไป

“ฉันคิดว่าแกน่าจะช่วยได้...ตามมา!”ร่างใหญ่นั่น กระชากต้นแขน พร้อมกับพาเขาเดินไปยังรถเก๋งสีดำ สายพันธ์ญี่ปุ่นที่เห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน แล้วยัดร่างของอัยการหนุ่ม เข้าไปยังตัวรถทันที


“หลับไปสักครู่นะครับ...ท่านอัยการ”

เสียงที่คุ้นเคยกระซิบ ก่อนที่สติของเขาจะลางเลือนไป




“อืม...ไม่รับโทรศัพท์”ผมบ่นกับตัวเอง เมื่อตอนนี้ ผมโทรไปหาเบอร์เดิมๆหลายสิบรอบ ทั้งที่ก็นัดกันไว้แล้วว่าผมจะมาหาที่คอนโด เพื่อจะทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่เมื่อมาถึงคอนโด ซึ่งผมเข้าไปข้างในไม่ได้ เลยต้องโทรเรียก แต่ปลายสายก็ไม่มีท่าทีที่จะรับเสียที

“อ่อ พี่สารวัตรเหรอครับ ท่านอัยการได้อยู่กับพี่ไหม?”ผมตัดสินใจโทรหาท่านสารวัตร

‘พี่อยู่กับไอ้หมอ นี่ วันหยุดของมันนิ นอนตายอยู่คอนโดมั้ง’

“ตอนนี้ผมก็อยู่ที่คอนโด ของเขาครับ นัดกันไว้ แต่โทรไปหาก็ไม่รับโทรศัพท์ผมเลย...”

‘หลับอยู่รึเปล่า?’

“ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้น...แต่ ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลยครับ”

‘เอาเป็นว่าใจเย็นๆนะน้องเต็มสิบ เดี๋ยวเอาโทรศัพท์ไปให้ยามคุยกับพี่ เขาน่าจะจำพี่ได้อยู่ เดี๋ยวให้ยามพาไปที่ห้องของไอ้ฟ้าให้’

“ครับ...ครับ”

หลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปหายาม ให้ยามคุยโทรศัพท์กับท่านสารวัตรคุยกันไดสักพักพี่ยามที่ท่าทางใจดี ก็พาผมไปขอกุญแจและคีย์การ์ดสำรอง ก่อนจะพาผมขึ้นมายังชั้นบนสุดของคอนโด

“ห้องนี้แหละครับ”

“ขอบคุณนะครับ”
.
.
.
ตื๊ด~~~...ตื๊ด~~~

เสียงโทรศัพท์ยังคงสั่น ผมกดวางสาย ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือ ที่วางทิ้งไว้บนหลังตู้เย็นนั่น บ่งบอกว่าเจ้าตัวต้องมาเปิดหาของกินในตู้เย็น ก่อนจะออกไปที่ไหนสักที่ ผมกดโทรศัพท์โทรหา พี่สารวัตร


“เจ้าของห้องไม่อยู่ เห็นแต่โทรศัพท์มือถือที่ลืมทิ้งไว้ครับพี่...”

‘มันไปไหนของมัน?’

“ไอติม ในตู้เย็น ไม่เหลือ แอร์และโทรทัศน์ในห้องเปิดทิ้งไว้ คงกะว่าตัวเองคงไปไหนไม่นาน อาจจะไปที่ไหนใกล้ๆ ผมคิดว่าเขาต้องลงไปซื้อของ อาจจะเป็นซื้อไอติมที่เซเว่น ข้างหน้าคอนโด”

‘เต็มสิบ...’

“แต่ถ้าเขาออกไปได้ไม่นาน...ผมก็ต้องเห็นเขาสิ”

‘เดี๋ยวพี่กับไอ้หมอ ไปหา’

“ครับ”




ไปไหน...ของเขากันนะ







.............................
ยังไม่ได้แก้ คำผิด หรือตรวจเช็คอีกรอบ
ถ้าเจอต้องขออัยด้วยนะคะ
หายไปนาน ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วคะ อาจจะไม่ได้ลงถี่ๆ
เพราะเดินสายติว ทั้งติวให้เขา และให้เขาติวให้เรา
เหนื่อยพอตัว เอาเป็นว่าจะพยายามอัพเรื่อยๆนะคะ


สิ้นฟ้า : ที่นี่ที่ไหน...ความหล่อของผมเป็นพิษสินะ ถึงต้องจับผมมา...
เต็มสิบ : เดี๋ยวสิท่าน ตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหน ส่งข่าวผมด่วน!

คดีนี้ท่าจะยาว
มีคำถามที่ว่า เต็มสิบ ชอบท่านอัยการ แล้วใช่ไหม?
แล้วคิดว่ายังไงกันละคะ ตอบ!

ขอบคุณที่ติดตามคะ see u >>>
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (1) 10/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-08-2014 02:19:16
โดนจับตัวไปยังจะคิดเรื่องความลงความหล่ออยู่อีกน่ะท่านอัยการ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (1) 10/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 10-08-2014 10:41:45
ซืนทั้งคู่ครัช สองคนนี้แต่ มุ่งประเด็นไปหาพี่หมอกับพี่สารวัตแทน ก๊ากกก นะๆคู่กัน ฮ่าๆ
ท่านอัยการโดนพาไปไหนนนนน :ling1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (2) 30/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 30-08-2014 00:16:20
คดีที่ 4
เรื่องลับ...ระดับชาติ(2)


นัยน์ตาคมเฉี่ยวกระพริบ ปริบปริบ พร้อมกับสลัดหัวฟูๆของตัวเองไปมา อย่างคนติดอาการมึนงง ก่อนจะมองไปรอบๆ

“เชี่ยละ!”เผลออุทาน ออกมาเบาๆกับตัวเอง ก่อนที่นัยน์ตาจะหันไปสบตากับคนที่นั่งระบายยิ้มอยู่ตรงข้าม อย่างเหมือนคนอารมณ์ดี แบบน่าหมั่นไส้ เอาเป็นว่า เขาเห็นมันตั้งแต่กระพริบตาปริบๆ ตั้งแต่ครั้งแรกแล้วละ แต่ทำเป็นเมิน เฉยๆ

“ที่นี่ที่ไหน”ท่านอัยการถามคนตรงหน้า

“ก็เห็นๆอยู่ว่า อยู่บนเครื่องบิน”ว่าหน้าตายพร้อมกับระบายรอยยิ้มน่าหมั่นไส้

“ว่าความที่อเมริกา มันได้เงินดีขนาดมีเครื่องบินส่วนตัว ไว้ลักพาคนอื่นมาหรือไง?”

“ขอโทษ ที่ต้องลักพาตัวมา...แต่ ถ้าไปชวนมาดีๆ ฟ้าก็คงไม่มากับพี่ใช่ไหมละ?”

“ถ้าหลงใหล ในความหล่อ และหน้าตาดีของฉันขนาดนั้น ฉันก็พอจะเคลียร์คิวให้ได้อยู่...”

“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้พี่ก็ได้ตัวมาแล้วนี่”

“เฮ้ยๆๆๆๆๆ ! พูดเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องยื่นตัวเข้ามาใกล้ เดี๋ยวถีบ” เขาเงื้อเท้าขึ้น คนนั่งตรงข้ามชะงัก ก่อนจะหัวเราะขำๆ “นี่กำลังจะพาไหน?”

“ไม่คิดหรือไง ว่าที่ความสูงกว่า สามหมื่นฟุต จะเป็นที่กักขังชั้นดี?”

“ลงทุนดีเนอะ”ท่านอัยการ เหน็บแนมกลับไป “เอาเรื่องจริง”

“พี่มีเรื่องให้ช่วย”

“เสมือนไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่...ใช่ไหมทนายเพชร”

“เพราะอย่างงั้นละ ถึงต้องให้ช่วย”ทนายเพชรว่า พร้อมกับยื่นแฟ้ม บางอย่างมาให้ แต่สิ้นฟ้า ก็ยังไม่รับ

“ฉันต้องมั่นใจก่อน ว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะเปิดอ่านมัน จะไม่พาฉันไปซวย...”

“พี่ไม่รับปาก”

“โอเค จริงใจดี”สิ้นฟ้าว่า พรางรับแฟ้มนั่นมา ก่อนจะเปิดดู

“เออร์คลิน จอร์น เป็นผู้ต้องหาค้าอาวุธเถื่อน ที่พวกเรากำลังตามจับอยู่...”ทนายเพชรอธิบาย “ที่ให้ฟ้ามาช่วย เราต้องการที่จะได้ความร่วมมือ ระหว่างประเทศ ในการนำจับคนๆนี้”

“ทำอย่างกับว่ามัน จะขนอาวุธเข้าประเทศฉันอย่างงั้นแหละ”

“นั่นคือจุดผ่านที่ง่ายที่สุด เพื่อจะส่งอาวุธให้เข้าสู่อิสราเอล...”

“เท่าไหร่?”อัยการยกคิ้วขึ้นถาม

“ก็มากพอ ที่จะ ก่อสงครามได้”ทนายเพชร ถอนหายใจออกมาเบาๆ“แต่ถ้าเราจับ เออร์คลิน จอร์น ได้ก่อน การขนอาวุธ ก็จะลำบากมากยิ่งขึ้น...บางครั้ง มันอาจจะไม่เกิดขึ้นเลย”


ทั้งคู่เงียบไปสักพักหนึ่ง คนตัวเล็กกว่ามีแววตาครุ่นคิด


“ตกลง”เจ้าตัวกล่าวออกมาอย่างเรียบๆ

“ไว้เสร็จงานนี้ พี่จะเลี้ยงไอติม”






ตืด~~~~  ตืด~~~~~

เสียงโทรศัพท์มือถือ ท่านสารวัตรสั่น ทำให้ผมและพี่หมอ หันควับไปมองทันที ตอนนี้ ผมมาอยู่ ที่สถานีตำรวจ เพื่อ รอการติดต่อจากท่านอัยการ

หรือไม่ เลวร้ายที่สุด คนร้ายก็น่าจะติดต่อมามั่ง

“ฮัลโหล...”ท่านสารวัตรรับโทรศัพท์ ก่อนจะอุทาน เสียงดังลั่นโรงพัก “เชี่ยฟ้า! มึงอยู่ไหน ตอนนี้ กูจะพลิกแผ่นดิน หามึงอยู่แล้วรู้ไหม!”คำพูดของท่านสารวัตรทำให้ผมและพี่หมอยืนขึ้น อย่างลืมตัว เมื่อสารวัตรเห็น เลยเปิดลำโพงโทรศัพท์ให้เราได้ยินด้วย

‘...’ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย จนพี่สารวัตรเกือบจะตะคอกไปอีกรอบ ปลายสายก็ขัดขึ้นมาก่อน ‘กูมีอะไรให้มึงช่วย’

“ทำไมวะ มึงถูกลักพาตัวไปเหรอ คนร้ายต้องการอะไร มันทำอะไรมึงหรือเปล่า มันข่มขืนมึงไหม หน้าตายิ่งล่อเสือล่อตะเข้ อยู่ด้วย มึงปลอดภัยใช่ไหมวะ”

‘สัส!’ก็สมควรโดนด่าอยู่อะนะ ‘กูปลอดภัยดี ตูดกูก็ปลอดภัยดีด้วย ฟังกูนะ เดี๋ยวกูจะส่งบางอย่างให้ทางอีเมลล์ ทำตามที่กูบอกในนั้น’

“หายไปไหนก็ไม่บอกไก้แต่สั่งๆๆๆๆๆๆ นะมึง ความลับเหรอวะ”

‘ระดับหนึ่ง…ออ เต็มสิบ ก็อยู่ที่นั่นด้วยใช่ไหม?’

ทุกคนเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่ผมจะขานรับ

“ครับ”
.
.
.
‘ขอโทษ เอ่อ...ที่ผิดนัด’
.
.
.
“ครับ”
.
.
.
“แล้วตอนนี้ มึงอยู่ไหนวะ” เมื่อเห็นพวกเราเงียบกันทั้งคู่ ท่าสารวัตรเลยแทรกขึ้นมา

‘USA’

“ออ USA”...”ห๊า!!! USA สหรัฐอเมริกา อะนะ มึงทำไมไปโผล่ที่นั่น ได้วะ”

‘เรื่องมันยาววะ เดี๋ยวมึงได้อ่านเมลล์ที่กูกำลังจะส่งไปให้ มึงคงเข้าใจเอง งั้นแค่นี้ก่อนละ...แล้วเจอกัน’

ตู๊ด........ตู๊ด.......ตู๊ด

“บ้าชะมัด!”ท่านสารวัตรสบถ

ก็บ้าจริงๆนั่นแหละนะ

“งั้นเดี๋ยวกู พาเต็มสิบ ไปส่งก่อน กูสัมผัสได้ว่ามึงมีงานต้องทำ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็เรียก แล้วกัน”พี่หมอบอก ก่อนจะชวนผมออกไป ผมไหว้ลาท่านสารวัตร แล้วเดินตามพี่หมอ มายังนิว บีทเทิล สีขาว ที่จอดไว้หน้าโรงพัก

“อย่างอนไอ้ฟ้ามันเลยนะ เต็มสิบ”พี่หมอเอ่ยขึ้นในขณะที่สายตาคมสวยจ้องมองไปยังท้องถนน ริมฝีปากยิ้มอย่างอบอุ่น เหมาะสมกับคนเป็นหมอ

 “ผมไม่ได้งอนครับ”ผมเอ่ยออกมาเบาๆ ตามความรู้สึก

“งั้น แล้วทำไม?ทำหน้าอย่างนั้นละ”

“ผม...ผมก็แค่ดีใจ...ดีใจที่เขาปลอดภัย”


แต่ลางสังหรณ์มันก็ร้องบอก...ว่าผมกำลังจะสู้ใครบางคนไม่ได้






“หลับไปแล้วแหะ”ร่างสูง ใบหล้าหล่อเหลาคมเข้ม เอ่ยขึ้น พร้อมกับนั่งลงบนเตียงที่มีอีกร่างหนึ่ง นอนหลับขดตัวราวกับเด็กน้อยอยู่ ใบหน้าหล่อเหลา ยกยิ้มอ่อนโยน พร้อมกับยื่นมือไปลูบจับผมสีดำยุ่งๆ แต่นุ่มมือนั่น ก่อนมือใหญ่จะเลื่อนมาลูบเบาๆที่แก้มใสอมชมพู แล้วมือมันก็เผลอเลอ ไปจับลูกคลำเบาๆที่ริมฝีปากแดงๆนั่น

“ถ้าพี่จูบฟ้าจะโกรธไหมนะ”

“ไอ้เด็กอัยการนั่น มันคงจะกระทืบนายแน่”เสียงมาดกวน สำเนียงภาษาอังกฤษสไตล์อเมริกัน เอ่ยออกมาจากร่างสูงใหญ่ ที่ยืนอยู่หน้าประตู “ท่าทางมันเอาเรื่องอยู่” ใช่ตั้งแต่ตอนอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวนั่น ตอนที่แนะนำตัว เมือเจ้าตัวรู้ว่าเขาเป็นคนเอาปืนจ่อขู่ในตอนนั้น เด็กนั่น มันก็แทบจะกระโดด มาถีบเขา โดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตัวเอง ตัวเล็กกว่าเขา

“เห็นหน้าเด็กๆอย่างนี้ สิ้นฟ้า เขาก็เป็นน้องนายแค่สามปีเองนะ สตีเฟ่น อายุไอ้เด็กอัยการที่นายว่า ก็จะสามสิบในอีกไม่กี่วันนี้แล้วนะ”ทนายเพชรเอ่ยออกมาอย่างขำๆ เมื่อนึกถึงตอนน้องรหัสของเขา จะเอาเท้าไปยันเพื่อนชาวต่างขาติร่างยักษ์ ดีนะ ที่เขาจับเอาไว้ทัน ไม่งั้น มีหวังได้เกิดมวยอากาศ บนเครื่องบินแน่ๆ

“ก็ยังเด็กกว่าฉันอยู่ดี...ให้เกณฑ์สูงสุด ก็ระดับมัธยม”

“ฉันว่าถ้าเจ้าตัวรู้นายก็คงโดนกระทืบ เหมือนกัน”

“หึ งั้นฉันไปนอนละ จะสวีท กับ ฮันนี่ ของนายก็ตามใจ ไม่กวนละ”

“อืม...ขัดจังหวะชะมัด”ทนายเพชรตอบออกไปเบาๆ เพื่อนชาวต่างชาติ สตีเฟ่น หัวเราะ แล้วเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
ทนายเพชรล้มตัวลงนอนบนเตียง ก่อนที่จะกระชับร่างที่เล็กกว่า เข้ามาในอ้อมกอด กดริมฝีปากของตัวเองลงไปบนหว่างคิ้วของคนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเบาๆ


มันอาจจะดี ที่ได้กลับมาพบกันอีก หรือมันอาจจะเลวร้ายกว่าเดิมก็ได้ ที่ได้มาพบกัน ใครจะไปรู้


“ราตรีสวัสดิ์”

เขาเอ่ยออกมาเบาๆ






“ฉันไม่ใช่เกย์!!!”สิ้นฟ้าตะโกนก้อง ใส่ผู้ที่ได้ชื่อว่าพี่รหัสของตัวเอง ดังลั่น  จนทำให้นักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้น หันมามองอย่างแปลกใจ

เพชรได้เพียงแต่จ้องนัยน์ตาที่ผิดหวัง ระคนเสียใจ และหลากหลายอารมณ์ ของน้องรหัสตรงหน้า

เขาผิดเอง ที่มาสารภาพ และบอกรัก ก่อนที่เขาจะไป ก่อนที่เขาจะเรียนจบ เขาชอบน้องรหัสตัวเองมาตั้งแต่ที่สิ้นฟ้า เข้ามาตอนปี
หนึ่ง ทีแรกก็เพราะสะดุดชื่อ ที่ค่อนข้างอัปมงคลนั่น ด้วยความที่เขาต้องดูแล เด็กเกรียนๆ ทำให้เขาและสิ้นฟ้าสนิทกันมากในตอนนั้น

มากจนกลายเป็นความรัก

เสียแต่เจ้าตัวคิดแค่เพียง แค่ เขาเป็นพี่


จนวันนี้ วันที่สารภาพ แม้แต่ความเป็นพี่ก็คงไม่เหลือ

“พี่ขอโทษ...”เพชร เอ่ย ได้ แค่นั้น ก่อนจะผละออกมา โดยไม่หันไปมองน้องรหัสของตัวเอง เพราะไม่อยากเห็นสายตานั่น


สายตาที่แสดงออกว่าผิดหวัง ในตัวเขามากมายแค่ไหน



หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาก็เรียนต่อเนติบัณฑิต จบได้ในเวลาแค่ปีเดียว ก่อนที่จะสอบตั๋วทนายได้ในครั้งเดียวผ่าน
ไม่กี่ปี น้องรหัสของเขาก็ตามมาติดๆ

หลายครั้ง ที่ต้องเจอกันในชั้นศาล ในฐานะทนาย ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ เรื่อยมา

แต่ทั้งสองคน ก็ไม่เคยได้คุยกัน นอกชั้นศาลเลย สักครั้ง

จนวันที่ทนายเพชร ตัดสินใจไปเรียนต่อ ที่อเมริกา และคิดจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น





.
.
.
“ฉันเกลียดนาย...”เสียงพรึมพรำเบาๆ จากคนที่หลับในอ้อมแขน ทำให้คนที่กอดอยู่ ที่คิดอะไรเพลินๆขมวดคิ้ว ด้วยความสงสัย

“ฉันไม่ใช่เกย์...”


“ให้ตายสิ...พี่ก็ไม่ใช่”เขาตอบกลับไปเบาๆ ก่อนจะกอดให้แน่นขึ้น



.............................................................
อีพวก ไม่ยอมรับความจริง ทั้งคู่ เดี๋ยวแม่จัด 3P ให้เลย
ใครอ่านตอนนี้ คงจะเห็นแววพระเอกนายเอก แล้วสินะ หุ...หุ
 
เต็มสิบ : ผมพระเอก
สิ้นฟ้า : เตี้ยอย่างนาย รุกใครไม่ได้หรอก ฉันต่างหากพระเอก หล่อ และตุงมากเคยได้ยินไหม?
เพชร :  :m20:
สารวัตร : อิพวกไม่รู้ชะตากรรม...
หมอ : เฮ้ยๆ นี่เป็นครั้งแรก ที่ฉันได้มาพูดตรงนี้ละ ดีใจจัง >//<
สตีเฟ่น : ?...(ไม่อยากพูดอะไร เพราะเป็นแค่ตัวปลากรอบ)

ข้อมูลตัวละคร
เต็มสิบ : 175 cm 60 kg
สิ้นฟ้า : 183 cm  71 kg
เพชร : 192 cm 85 kg
สารวัตร : 189 cm 79 kg
หมอ : 176 cm 60 kg
แถม
สตีเฟ่น : 199 cm 95 kg (สิ้นฟ้าจะสู้หมอนี่เหรอลูก...๐[ ]๐)
น้ำนิ่ง : 160 cm 44 kg
ฟรัง : 180 cm 65 kg
พาย : 174 cm 60 kg
ท่านอัยการสูงสุด : 185 cm 80 kg


แอบมาอัพเบาๆ
ขอบคุณที่ติดตามคะ



หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (2) 30/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 30-08-2014 07:06:17
สิ้นฟ้าได้ทั้งคู่
เต็มสิบเคะ. เพชรเมะ.
เชียร์เต็มสิบนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (2) 30/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Wannida ที่ 30-08-2014 11:00:41
 :impress2:  หายไปนานอ่าาาา   :serius2:
แต่ดีใจที่มาต่อออออ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (2) 30/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 30-08-2014 13:23:12
ส่อแวว 3 เศร้าอีกล่ะ
ท่านอัยการเอ้ย ตัวเล็กกว่าเขานิดเดียว แต่ซ่าส์ตลอด
ต้องให้พี่เพชรสั่งสอน
หนูสิบ ลางสังหรณ์แม่งมาก
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (2) 30/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 30-08-2014 21:46:43
กุว่าแล้วไง เรด้ามันกระดิก ที่แท้มีซัมติงกันมาก่อน อ๊ากกก ชอบทนายเพชร ไม่เอาโยนมาทางนี้เดวรับให้ หุหุ :haun4:
3 ก็ไม่ขัด แต่อิทนายผู้ช่วยสินฟ้ามหาสมุทร นิก็เล่นตั๊ววว เล่นตัว เนอะ ไม่ใช่เกย์ เดะๆไม่รู้ชะตากรรมตัวเองซะแล้ว
พี่หมวดก็เท่จุงง :o8:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (2) 30/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 30-08-2014 21:51:42
3P ก็ดีนะได้อรรถรสไปอีกแบบ^_^
เรื่องนี้ท่านอัยการขอ2 ได้ทั้งพี่เพชรและน้องสิบ 555
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (2) 30/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 30-08-2014 23:02:36
ชอบ มาต่อไวไว
สิ้นฟ้าฮีได้หลายอารมณ์จริง สุดยอด55555 คนอ่านจิ้นไปไกล
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (2) 30/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-08-2014 23:58:50
ได้ทั้งคู่เลยทั้งเต็มสิบและทนายเพชร
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (2) 30/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 31-08-2014 08:08:17
จัดสามพีเลย เต็มสิบเคะ เพชรเมะ  o13
แต่ชอบน้องเต็มสิบมากกว่า ชอบเคะที่ปกป้องเมะ น่ารักดี
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (2) 30/08/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 31-08-2014 15:17:37
เค้าเชียรพี่ฟ้ากับเต็มสิบนะ!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (3) 01/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 01-09-2014 18:34:34

คดีที่ 4
เรื่องลับ...ระดับชาติ(3)

เสียงกลืนน้ำ อึก อึก ราวกับคนกระหายน้ำดังมาจาก อัยการหนุ่มรูปหล่อ  ที่เปิดตู้เย็น ยกกระดกทั้งขวดขนาดใหญ่ อย่างไม่เกรงใจใคร วันนี้เป็นวันที่ สามแล้วที่เขามาอยู่ส่วนไหนสักที่บนเกาะแมนฮัตตัน ในนิวยอร์ก ซึ่งเขาไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนจริงๆ เพราะตั้งแต่เขาถูกลากให้มาอยู่ที่นี่ ก็ยังไม่ได้ออกไปไหนเลย จึงกำหนดพิกัดตัวเองไม่ได้สักเท่าไหร่

‘อย่าออกไปไหนนะ นี่คือคำสั่ง’แล้วไอ้คนสั่งมันก็หายตัวไป พร้อมกับเพื่อนชาวต่างชาติของมัน

 เหอะ! อย่างกับเขาจะออกไปไหนได้ หลักฐานแสดงตัวตนว่ามีที่ยืน บนแมนฮัตตัน ไม่มีอะไรสักอย่าง ขืนออกไปเดินเตร็ดเตร่ มีหวังโดนจับแหง๋มๆ แม้แต่กระทั่งเสื้อผ้ายังต้องใส่ของมัน รู้สึกไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักอย่าง นอกจากชั้นใน และของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย ที่หมอนั่นอุตส่าไปหาซื้อมาให้ ในซุปเปอร์ฯ ที่เขาคาดว่าคงมีอยู่แถวนี้ ไม่ใกล้ไม่ไกล

เอ...หรือว่าจะปล่อยให้โดนจับ ส่งสถานทูต ดี จะได้กลับบ้าน แล้วก็จะได้ไม่ต้องช่วยงานหมอนั่น

ไม่เอา! ไม่เอา! เขารับปากไว้แล้วนิ เขามีความรับผิดชอบพอ

เขาเปิดแฟ้มของ ‘เออร์คลิน จอร์น’ ดูอีกรอบ ซึ่งมันเป็นหนึ่งในหลายๆรอบที่เขาเปิดดูและเปิดอ่านทุกตัวอักษร จนตอนนี้ เขาแทบจะจำได้ ว่าทุกๆบรรทัด เว้นวรรคตรงไหนมั่ง

“แปลกแหะ...ถ้าเราเป็นทนาย เราจะมายุ่งกับเรื่องพวกนี้ทำไม”



.
.
.



“เอ่อ สตีเฟ่น นายเป็นทหารของสหรัฐฯใช่ไหม ?”สิ้นฟ้า ถามขึ้น สตีเฟ่นยกคิ้วอย่างแปลกใจเบาๆ ที่ไอ้หนูอัยการของเขา หาเรื่องที่จะคุยกับเขาก่อน

“เยส...”หนุ่มฝรั่ง นัยน์ตาน้ำข้าวตอบ

“คบกับ  ทนายเพชร มานานยัง?”

“คบในแง่ไหนละ  เพื่อน ?...หรือว่า...?”สตีเฟ่นตอบด้วยมาดกวนๆ

“พูดอย่างกับว่า คบกันในฐานะ อื่นด้วยอย่างนั้นแหละ”สิ้นฟ้าพูด ด้วยน้ำเสียงเย็นเรียบนิ่ง

“โอ๊ะ! ภาษาอังกฤษ นายเพราะดีนะ สำเนียงอังกฤษแท้เลยละสิ”

“สัส!”สิ้นฟ้าแอบสบถด่าเบาๆ เล่นเอาสตีเฟ่นหัวเราะเสียงดัง

“ ถามว่าคบกันมานานหรือยัง ก็ตั้งแต่สมัยเรียนละมั้ง เพชร คือ เดสทินี่...”

“พูดอะไรน่าขนลุกชะมัด”ทนายเพชรแทรกขึ้น พร้อมกับยกอาหารมาเสิร์ฟ “ฟ้า ครับ...”

“ครับ?”

“ตอนนี้ทางเราเช็คเที่ยวบินของเออร์คลิน จอร์น พี่ได้เที่ยวบินของหมอนั่นที่แน่นอนแล้ว หมอนั่นจะออกเดินทางไปในวันอาทิตย์นี้...”

“อืม...งั้นฉันขอยืมโทรศัพท์ โทรบอกไอ้หมวดมันอีกรอบ จะได้นัดแนะ เวลากันได้ถูก ขอข้อมูลของเที่ยวบินนั้นด้วย...”

ทนายเพชรพยักหน้าเข้าใจ ก่อน จะเอ่ยต่อ “เอ่อ คือ พรุ่งนี้ เราก็ว่างกันใช่ไหม?”

“ตั้งแต่มานี่ฉันรู้สึกว่าว่างทุกวัน”พูดพร้อมกับหยิบขาไก่ทอดเข้าปาก

“ส่วนฉันไม่ว่าง...ว่าจะแวะไปหาลูกเมียที่บ้านหน่อย”สตีเฟ่นว่า และเขารู้ทันพร้อมกับเข้าใจว่าเพื่อนรักต้องการอะไร

“ห๊า นายมีลูกเมียแล้วเหรอ?”สิ้นฟ้าถามออกมาด้วยความสงสัย

“แน่นอน ลูกชายฉันกำลังน่ารักด้วย”พูดพร้อมกับทำท่าทางเคลิบเคลิ้ม

“ว่าแต่นายถามทำไม”สิ้นฟ้าเมิน สตีเฟ่น ที่พยายามจะอ้าปากเม้าท์ต่อเกี่ยวกับลูกชายของเขาหันมาถาม เพชร เล่นเอาสตีเฟ่นอาปากค้างนิ่ง สะดุดจนลืมสิ่งที่จะพูดต่อไป

“ออ เอ่อ...”

“ว่า...?”พูดพร้อมกับเอาสายตาคมๆจ้องมอง

.
.
.

“ถ้าฟ้าไม่ว่าอะไร...เราไปเดทกันไหม?”

“ไม่เว้ยยยยยย!”

“ที่ไทม์สแควร์ มีร้านไอศครีมอร่อย ถ้าไป พี่จะเลี้ยง!”

“เย้ ! งั้นไปกันเลย!”

.
.
.



วันรุ่งขึ้น เพชร ตื่นแต่เช้า ปลุกสิ้นฟ้าที่ยังงัวเงีย ให้ลุกไปอาบน้ำ พร้อมโปรยคาถา ด้วยชื่อไอศกรีม ขนมอร่อยๆ ตามร้านต่างๆ

.
.
.


”ทำไม ไหงไอศกรีมของฉัน กลายมาเป็นผลงานของปิกัสโซ่ ใน เมโทรโพลิทัน ได้ละเนี่ย”สิ้นฟ้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยานคาง เมื่อตอนนี้เขาเข้ามาอยู่ในตัวพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เมโทรโพลิทัน  ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้เซ็นทรัลปาร์ค เป็นแหล่งรวบรวมผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงไว้มากมาย อย่างน้อยคนหนึ่งที่รู้จักก็ปิกัสโซ่ นี่ละ ยิ่งจ้องผลงานยิ่งรู้สึกได้รับแรงบัลดาลใจในการสร้างผลงาน
แต่เลวเหอะ ! เขาเป็นนักกฎหมาย จะมาต้องการแรงบัลดาลใจไปสร้างผลงานอะไร จากสิ่งพวกนี้ละ!

“ชอบผลงานของปิกัสโซ่ เหรอ?”

“ให้ตายเหอะ ก็รู้จักอยู่แค่คนเดียว...”สิ้นฟ้าว่าพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ

“รู้ไหม ผลงานของปิกัสโซ่ ในช่วงระหว่างปี 1901 – 1904 เรียกว่ายุคสีน้ำเงิน สีที่ฟ้าชอบไงละ ช่วงนั้นปิกัสโซ่อยู่ภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง ผลงานของเขาเลยออกลักษณะที่อึมครึมไปหน่อย”

“งั้นแสดงว่ายุคนั้น ปิกัสโซ่ นี่มีระดับในการเลือกสีสุดๆ เออ ว่าแต่นาย ไปหาพวก Passport กับพวกเอกสารมาจากไหน?” เขาถามถึงไอ้พวกหลักฐานแสดงตัวตนที่ทำให้เขามีที่ยืน ไม่รู้คนตรงหน้าไปทำอีท่าไหน เอกสารที่จำเป็นทุกอย่างก็ถูกยื่นมาให้เขาตั้งแต่เมื่อเช้า

“ก็เตรียมไว้นานแล้ว ยังไง ตอนกลับประเทศ ฟ้าจำเป็นจะต้องใช้” 

“นายคงไม่ได้ไปขโมยมาจากคอนโด ฉันใช่ไหม”พูดทีเล่นทีจริง พรางหรี่นัยน์ตามองอย่างเจ้าเล่ห์ “แล้วมั่นใจได้ไงว่า ฉันจะใช้เอกสารพวกนี้ในการขึ้นเครื่องในวันพรุ่งนี้อย่างไม่มีปัญหาอะไร...”

“คำถามแรก พี่ขอตอบว่า พี่คงไม่มีปัญญา ขึ้นไปขโมยมาจากห้องฟ้าหรอก ส่วนคำถามที่ สองเอกสารทุกอย่างเป็นเอกสารจริง เพราะฉะนั้นปัญหาในการขึ้นเครื่องไม่มีแน่นอน...”

.
.
.

ออ...แล้วปัญหาคือทำได้ยังไง?

.
.
.

“อเมริกา ทั้งประเทศนี่มันใหญ่นะ และโลกนี้มันก็กว้างใหญ่มากมาย...”ทนายเพชรเปรยออกมาเบาๆ “คนเราขวานขวยในการสร้างรากฐานความมั่นคงแตกต่างกัน และพี่ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่อยากจะมีรากฐานที่มั่นคงเป็นของตัวเอง อยากจะทำฐานนั่นให้สูงกว่าใคร สูงจน แม้กระทั่งพระเจ้า ยังต้องเอียงหูมาฟัง...”

“ด้วยวิธีไหนละ” เขาได้คำตอบเป็นเพียงแค่รอยยิ้มของทนายเพชรกลับมา

.
.
.

“นี่ นี่ ระหว่าง เจ้าวัวกระทิงนี่ กับฉันใครบึก!กว่ากัน”

“แล้วทำไมต้องเอาหัวไปชนมันอย่างนั้นด้วยละฟ้า o[ ]o”ทนายเพชรพูดขึ้น พร้อมกับทำหน้าอึ้งแล้วขำ

“ก็ดูดิ ว่าใครจะแกร่งกว่ากัน ย๊า!!!” ร้องซะคนที่เดินแถวนั้น และต่อแถวถ่ายรูปกับเจ้าวัวกระทิงดุแห่งวอลสตรีท หันมายิ้มให้
“เย้!!! ไอเลิฟ วอลล์ สตรีท” พูด พร้อมกับทำมือแสดงสัญลักษณ์ ว่ารัก มากมาย ส่งให้คนที่มองมา เล่นเอาคนที่มองมา ยิ้ม...แล้วส่ายหัว  “น่ารักจังเลยเจ้ากระทิง เอากลับบ้านได้ไหม?” พูดพร้อม กับเอาแก้มถูๆไถๆ

“ถ่ายรูปดีกว่าเนอะ”พยายามเปลี่ยนเรื่อง
ทนายเพชร ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปคนตรงหน้า ที่ไม่ได้มีท่าทีพยายามเก็ก อะไรเลย เพราะมัวแต่สนใจเจ้าวัวกระทิง

“มากี่รอบๆ ก็ตื่นเต้นกับหมอนี่ทุกครั้ง”สิ้นฟ้าพูด พร้อมกับเดินหนีออกมา เพื่อให้คนที่ต่อแถวรอ ได้เข้าไปถ่ายรูป

“หืม...”

“ก็เจ้ากระทิงนี่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งของคนอเมริกัน แถมท่วงท่าของมันนี่ เดาไม่ออกว่าจะจู่โจมมาลักษณะไหน ดูเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้...และที่สำคัญ”เงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนที่คนที่ตัวเล็กกว่าจะหันหน้ามายิ้ม เจ้าเล่ห์ แล้วพูด “ไข่แม่งใหญ่มาก เขาว่าลูบแล้วจะรวย แต่ก็ยังไม่เคยกล้าลูบสักที”

 “ฮะ ฮ่ะ ฮะ ฮะ”ทนายเพชรหัวเราะ กับท่าทางเจ้าเล่ห์ปนเสียดายของคนตรงหน้า

หลังจากนั้นทั้งสอง ก็เดินเล่นมาเรื่อยๆ จนมาถึง  9/11Memorial and Museum หรือ Ground Zero ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสระน้ำ 2 สระขนาดกว้างเท่าฐานตึกและมีน้ำตกที่อยู่รอบขอบสระ สระที่ว่าถูกสร้างขึ้นในตำแหน่งที่ตึก เวิร์ลเทรด เซ็นเตอร์ ถล่มลงมา สระน้ำทั้งสอง สะท้อนเงาของของตึกที่รายล้อม พร้อมกับเสียงน้ำที่ตกลงมา กลบเสียงทุกอย่างของเมือง ที่ดูวุ่นวาย ทำให้รู้สึกดำดิ่งเข้าสู่ความสงบ








 “เวลคัม ทู Center of the universe!!!!”

สิ้นฟ้าพูดขึ้นเมื่อเขามายืน อยู่ท่ามกลางแสงสี จอโฆษณาขนาดใหญ่มากมายติดอยู่ตามบริเวณโดยรอบ  และป้ายไฟหลากหลาย ที่ไทม์สแควร์ ศูนย์กลางของเมืองนิวยอร์ก แสงสีของที่นี่  สว่างไสวตลอดทั้งคืน

“ไอศกรีม ที่ว่าอร่อยในไทม์สแควร์ คือ ไอศครีมของแม็คฯ เนี่ยนะ ไม่ต้องมาขำเลย หลอกกันชัดๆ”บ่น บ่นไป แต่ก็นั่งตักกินอย่างเอร็ดอร่อย “ฉันเห็นนายถ่ายรูปฉันซะทุกอิริยาบถ ไม่คิดที่จะถ่ายตัวเองบ้างเหรอ...”

“อืม พี่มีความสุข ที่จะถ่ายรูปฟ้ามากกว่า”

“งั้นก็ถ่ายไว้เยอะๆนะ เพราะ ฉันคือซุปเปอร์สตาร์แห่งบรอดเวย์”

“จัดไป...”

เดินล่อน ดูร้านต่างๆได้สักพัก ร่างสูง ก็ดึงแขนลาก ร่างที่เล็กกว่า เดินมาตามถนน ไปยังที่แห่งหนึ่ง

.
.
.



“ว๊าวววววว!!!”สิ้นฟ้าถึงกับเอ่ยปากร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น ถึงเขาจะเคยมาที่นิวยอร์ก แต่ก็ไม่เคยมาเที่ยวในช่วงใกล้เทศกาลคริสต์มาสอย่างนี้สักที  ร็อคกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์ เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสถานที่จัดงานทางด้านวัฒนธรรมและบันเทิงกลางเมืองนิวยอร์ก และที่สำคัญในช่วงใกล้คริสต์มาสอย่างนี้จะมีต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่มาตั้งแสดง ทำให้ลานสเก็ตน้ำแข็งส่องแสงเป็นประกาย สะท้อนแสงของแสงจากต้นคริสต์มาส ดูสวยงามระยิบระยับราวกับ…เพชร...

“ชอบใช่ไหมละ”

“หลังจากที่ทัวร์มาทั้งวันมาเจออะไรในยามค่ำคืนอย่างนี้ มันก็...หายเหนื่อย”

“เสียดายนะ ที่เรามีเวลาน้อย พี่อยากพาฟ้าไปเที่ยวหลายๆที่”

“แค่นี้ก็สนุกแล้ว...”

“อยากเล่นสเก็ตน้ำแข็งไหม?”

“ไม่อะ คนเยอะ หนาวด้วย”

.
.
.

“งั้นพี่กอดได้ไหม...”ท่านอัยการหันมามองคนพูดนิดหน่อย ก่อนจะอ้าแขน เพื่อรอให้คนที่ขอเข้ามากอด “แปลกใจนะเนี่ย...”ทนายเพชรว่า ก่อนจะเข้าไปกอดสิ้นฟ้าและกระชับไว้แนบอกของตัวเอง

“ฉันหล่อ และยินดีเผื่อแผ่ ความอบอุ่นให้ สำหรับคนที่ขาดความอบอุ่น”

.
.
.

“จ้าจ้า”



.
.
.








ทนายเพชร สวมหมวกไหมพรมให้แก่คนตรงหน้า ก่อนจะกระชับผ้าพันคอ ผืนหนาบนลำคอขาวๆของสิ้นฟ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเอ่ย

“เราคงต้องแยกกันสักพัก พี่กับสตีฟจะไปรอที่สนามบินเพื่อไปประสานงานกับเพื่อนของฟ้าที่นู่นก่อน ส่วนฟ้า ดูจอร์น อย่าให้คลาดสายตา”

“โอเค”สิ้นฟ้าตอบเรียบๆ

“แค่ดูเท่านั้น รับปากพี่”

“อืม...น่า เชื่อมือได้ จะส่งผู้ต้องหาให้ถึงมือแน่ๆ”

“งั้นพี่ไปก่อนนะ อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจะมีรถมารับฟ้าไปสนามบิน พี่ฝากเรื่องที่เหลือด้วยละ”

“อืม...”สิ้นฟ้าพยักหน้า ก่อนที่เพชรจะผละออกไป “นี่..เดทเมื่อวานน่ะ”
เพชรชะงักเท้า ที่กำลังจะไป เมื่อได้ยินเสียงเบาๆ ของสิ้นฟ้า

“ไม่เห็นมีอะไรจะน่าประทับใจเลย”พูดพร้อมกับหลบสายตา

“เอ่อ...คือพี่ขอทะ...”

“ไว้คราวหลังก็พยายามด้วยกันใหม่นะ”

“อืม ได้สิ”รอยยิ้ม ดีใจปรากกฎอยู่บนใบหน้าของทนายเพชร

“ไปสิ ยิ้มอยู่ได้!”

“อะ เอ่อ งั้นพี่ไปนะ”

“รีบๆเลย”



...................................................
พาร์ทนี้พาไปเที่ยวกันก่อน ถ้ามีอะไรผิดพลาดในการนำเที่ยว แมนฮัตตันต้องขออภัยนะคะ
เพราะถ้าให้นึกที่เที่ยวบนเกาะ ที่ผุดขึ้นมาในหัวเท่าที่นึกได้ ก็มีแต่พิพิธัณฑ์=.,= ฮาาา~~
พาร์ทหน้าเราจะมาปิดคดีกันคะ  เรื่องนี้ไม่ 3P นะ(พูดพร้อมกับหัวเราะ แบบโรคจิต)

เต็มสิบ :นางก็ยังโอนเงินค่าตัวมาให้ผมอยู่เรื่อยๆนะ ผมว่าไม่ใช่ผมหรอกที่ถูกกำจัด
สิ้นฟ้า : ค่าตัวฉันเป็นเหมาจ่ายอะ T^T (ทำหน้าตาคนยังไม่ได้เงิน)
เพชร :นางยังไม่จ่ายค่าตัวผมเลย...
สารวัตร : :เฮ้อ:
หมอ :นางรักเต็มสิบมากอะไรก็ทุ่มให้เต็มสิบหมดแหละ แม้แต่เงิน พวกเรามันก็แค่ตัวประกอบ
สตีเฟ่น :...ตัวประกอบ...

สิ้นฟ้า : หรือว่ามันจะเป็นแผนของนาง ที่รีบๆจ่ายค่าตัวนายให้หมด แล้วจะได้กำจัดนายออกไป(หันไปพูดกับเต็มสิบ)
เต็มสิบ :  o22

ข้อมูลตัวละคร Blood Type
สิ้นฟ้า : B
เต็มสิบ : A
เพชร : AB ข้อมูลเพิ่มเติม คริสต์โรมันคาทอลิก
สารวัตร : O
หมอ : A

แถม
สตีเฟ่น : B
น้ำนิ่ง : O
ฟรัง : O
พาย : A
ท่านอัยการสูงสุด : B


ขอบคุณที่ติดตามคะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (3) 01/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 01-09-2014 19:33:10
ม่าย น้องฟ้าาา กลายเป็นหนุ่มน้อยเมื่ออยู่กับพี่เพชร?

แล้วเต็มสิบของฉันเล่า?
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (3) 01/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 01-09-2014 20:02:41
 :z3: :z3: :z3: พี่เพชรรร พระเอกใช่ไหมมมม เป็นเดทที่น่ารักสุดๆเลยอะสำหรับสิ้นฟ้าแม่งเหมือนเด็กฮ่าๆ ชอบคู่นี้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (3) 01/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 01-09-2014 21:43:57
น้องเต็มสิบของแม่ หายไปแล้ว ม่ายย :z3:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (3) 01/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 01-09-2014 23:28:21
เต็มสิบหายทั้งตอนเลย T^T
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (3) 01/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 02-09-2014 01:01:39
เรื่องนี้ใครพระเอกใครนายเอก งง
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพคดีที่4 เรื่องลับ..ระดับชาติ(ปิดคดี) 06/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 06-09-2014 12:33:42
คดีที่ 4
เรื่องลับ...ระดับชาติ(ปิดคดี)




“ไอ้เลวพี่เพชร”สิ้นฟ้าสบถเบาๆเป็นภาษาบ้านเกิด  เมื่อได้ที่นั่งบนเครื่องบิน ไม่นาน ร่างสูงของชายวัยกลางคนก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเขา เล่นเอา เขาต้องหันหน้าไปมอง หลายๆรอบ

เออร์คลิน จอร์น!

ไอ้ที่บอกว่าให้จับตาดูนะ มันจำเป็นต้องใกล้ชิดกันขนาดนี้เลยเหรอ!?

“เฮ้ !นายไม่ใช่คนอเมริกา กำลังจะกลับบ้านเหรอ?”ไม่นั่งเปล่า หมอนั่งยังหันมาชวนเขาคุยอีก สิ้นฟ้า หันไปยิ้มตอบให้น้อยๆ ก่อนที่เออร์คลิน จอร์นจะพูดต่ออีก “นายมาเรียนไฮสคูลที่อเมริกาเหรอ ดีจังเลยน๊า อายุน่าจะพอๆกับลูกชายฉัน นี่ฉันก็ว่าจะกลับไปเยี่ยมเมียกับลูกที่นั่น แล้วก็ว่าจะทำเรื่องให้ลูกชายมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่อเมริกา”

เขาหันไปยิ้มอ่อนๆ ให้


แต่! เดี๋ยวนะ!? เมื่อกี้ว่าไง?



“นายว่าอะไรนะ กำลังจะกลับไปเยี่ยมภรรยา กับลูก...”

“ใช่ เห็นส่งอีเมลมาว่านารี เอ่อ ภรรยาของฉันน่ะ ไม่ค่อยสบาย ฉันเลยค่อนข้างเป็นห่วง เลยรีบเคลียร์งาน รีบไปเยี่ยม...”

.
.
.

ไม่ได้ ไปดูลาดเลาเส้นทางขนส่งอาวุธที่จะค้าขายกันหรือไง? หรือว่ากำลังโกหก...

.
.
.

แต่ใครจะมาบอกละ ว่าตัวเองค้าอาวุธเถื่อน และมีจุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือการมาดูลาดเลา?
แล้วถ้าเออร์คลิน จอร์น ไม่ได้โกหกละ...
แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องจับตาดู และ ส่งเป้าหมาย ให้ถึงมือตำรวจเพื่อทำการสืบสวนอยู่ดี เพราะไม่ว่ายังไงประวัติของคนๆนี้ ที่เพชรให้เขาดู ก็เป็นอาชญากรระดับชาติดีๆนี่เอง
แต่ว่าทำไม...ถึงผ่านออกนอกประเทศได้ง่ายขนาดนี้ ทั้งที่ ทางสหรัฐอเมริกาเอง ก็น่าจะรู้ เรื่องนี้ด้วย ระงับการออกนอกประเทศ แล้วหาทางจับกุมตัวที่นั่น มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอ ?
เออร์คลิน จอร์น มาที่นี่ เพื่ออะไรกันแน่...

.
.
.

ไม่ถึงหกชั่วโมง เครื่องบินที่เขานั่งมา ก็ได้ทำการลงจอดที่ท่าอากาศยาน สิ้นฟ้าเดินลงจากเครื่องเอื่อยๆ นัยน์ตายังคงจับจ้องที่ร่างของชายวัยกลางคน

สิ้นฟ้า หยิบโทรศัพท์ ที่ได้มาจากเพชร แล้วกดที่เบอร์เฉพาะฉุกเฉิน เพื่อเป็นสัญญาณ ให้ทางนั้นเตรียมตัว เข้าจับกุม
ผู้ต้องหา...เออร์คลิน จอร์น





ตืดดดด~~ ตืดดดด~~~

เสียงโทรศัพท์ของทนายเพชรดัง เป็นสัญญาณ ว่า เครื่องที่ท่านอัยการโดยสารมาได้ทำการลงจอดแล้ว จึงหันไปบอกสารวัตร ตำรวจนอกเครื่องแบบ ที่เดินปนไปตามฝูงชน เริ่ม จับจ้องหาเป้าหมาย ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่มองหาเป้าหมายเช่นกัน ทั้งที่ไม่ใช่ตำรวจ

เอาตรง ตรง ตอนนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นชะมัด

ทนายเพชรที่มาสมทบกับพวกเรา ก่อนหน้านั้น อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ แว่นตาดำ ยืนกอดอก พิงเสาท่าทางสบายๆ
แต่...

เออ....หล่อครับ ต้องยอมรับ

แต่ด้วยความหมั่นไส้เป็นการส่วนตัว หลังจากที่ได้ฟังเรื่องเล่าว่า เอาท่านอัยการของผมไปอยู่ด้วยตั้งหลายวัน ผมก็ไม่อยากจะเข้าใกล้แล้วครับ

“พบเป้าหมายแล้ว...”เสียงวอดังขึ้นเบาๆจากท่านสารวัตร “เตรียมจับกุม”




“อย่าขยับ เออร์คลิน จอร์น!”หนึ่งในตำรวจเข้าประชิดตัว “เฮ้ย!!” ก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจ  เมื่อเออร์คลิน จอร์น สะบัดตัวออก

“หยุด! นี่คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ”ท่านสารวัตรว่า พร้อมกับยกปืนขึ้น เล็งไปที่เป้าหมาย ผู้คนในสนามบินตกใจ ต่างรีบถอยห่าง เออร์คลิน จอร์น หยุดนิ่ง ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้น

“อะไรกัน คุณตำรวจ ทำอะไรน่าแตกตื่น...”เออร์คลิน จอร์นว่า

“เราขอจับกุมคุม ในฐานะผู้ต้องหาค้าอาวุธเถื่อน ข้ามชาติ คุณมีสิทธิที่จะไม่พูด เพราะคำพูดของคุณ จะถูกนำไปใช้ในชั้นศาล”นายตำรวจท่านหนึ่งเอ่ย ก่อนจะเข้าไปจับกุม และใส่ข้อมือ ก่อนที่สารวัตร และตำรวจท่านอื่นๆจะเดินเข้าไปคุมตัวผู้ต้องหา




“นึกว่า จะมีอะไรน่ากลัว กว่านี้ซะอีก...”พี่หมอ เอ่ย ออกมาขำๆ “ดีแล้วที่จับได้ง่ายๆ”

“ครับ”ผมตอบกลับไป

“มีคนเห็น สิ้นฟ้าไหม?”ทนายเพชรเดินเข้ามาถาม เออ นั่นสิ...

ผมกับพี่หมอพยายามมองหา

“เดี๋ยวกูไปดูแลผู้ต้องหาก่อนนะ”ท่านสารวัตรเดินเข้ามาบอก

“เออๆ เดี๋ยวกูรอไอ้ฟ้าก่อน”พี่หมอตอบท่านสารวัตร ก่อนที่ท่านสารวัตรจะเดินแยกออกไป

“หมอ มากับพี่หน่อยสิ”ทนายเพชรหันมาพูดกับพี่หมอ

“คะ ครับ?”

“พี่รู้แล้วว่าสิ้นฟ้าอยู่ที่ไหน...”

“งั้นผมขอไปด้วย” ผมรีบเสนอตัวขึ้นมาทันที

“งั้นก็ไปกันเถอะ”ทนายเพชรเอ่ย ก่อนจะเดินนำออกไป

.
.
.


จาก Find My iPhone ของ เพชร แสดงให้เห็นว่า พิกัดของโทรศัพท์มือถือ ที่เขาให้สิ้นฟ้าเอาไว้ กำลัง มุ่งหน้าไปทาง สถานีตำรวจนครบาล
.
.
.




..........................................................
ยังไม่จบนะ
เอามาลงเรียกน้ำย่อย ยามพักเที่ยง :katai5:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (ปิดคดี) 06/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-09-2014 14:43:29
ยังงงๆ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (ปิดคดี) 06/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 06-09-2014 17:57:54
สวดยอดเลย
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (ปิดคดี) 06/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 06-09-2014 18:05:37
คดีนี้ไม่มีคนตาย :hao4:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ (ปิดคดี) 06/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-09-2014 22:36:28
เรื่องคดีน่าติดตาม แต่สถานะของตัวละครชักไม่แน่ใจ
สรุปคุณอัยการจะคู่กับคุณทนาย แล้วจะเอานักศึกษาฝึกงานไปทิ้งไหน
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพ คดีที่ 4 เรื่องลับ...ระดับชาติ(ปิดคดี) 07/09/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 07-09-2014 00:33:44
(http://oi59.tinypic.com/5arvhe.jpg)

คดีที่ 4
เรื่องลับ...ระดับชาติ (ปิดคดี)


ร่างยักษ์สูงใหญ่ ตามแบบของคนสัญชาติอเมริกัน กำลังตั้งที่วัดทิศทางลม เมื่อได้ที่แล้ว จึงหันมาหยิบ กระเป๋าหนังสีดำ ขนาดใหญ่ ก่อนจะเปิดมันออก เผยให้เห็นอุปกรณ์ชิ้นส่วน ของปืนไรเฟิลซุ่มยิง ที่เขามั่นใจว่า เป็นปืนที่แม่นยำที่สุด ของกองทัพสหรัฐฯ เสียแต่มัน ไม่ได้ถูกทำมาให้ใช้งาน สำหรับภารกิจทางการทหารทั่วไป แต่ถ้าเอามาใช้โดยวิธีนี้ เขา ก็คงบอกได้เลย ว่าไม่มีทางพลาด

เขาประกอบชิ้นส่วน มันอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะตั้งปืน พร้อมกับส่องกล้องเช็คบริเวณโดยรอบ ด่านล่างของตัวตึกอีกตึกหนึ่ง ที่อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล จากตึกที่เขาอยู่

.
.
.

 ตึกของสถานีตำรวจนครบาล

.
.
.

“อ่า~~~”เขาเผลอร้องขึ้นเบาๆ เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน เขามองผ่านกล้อง เห็นรถตำรวจสองสามคันขับเข้ามาจอดยังบริเวณหน้าตึกของสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย กำลังค่อยๆทยอยกันลงมาจากรถ และนั่นไง เป้าหมายของเขา ก็กำลังลงมา

“ขอโทษนะจอร์น” เขาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเล็งไปที่เป้าหมาย นิ้วหนาพอตัว ค่อยๆ กดลงไปยังไกของปืน อย่างช้าๆ และระมัดระวัง เขาต้องรีบยิงออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เหยื่อของเขา จะถูกคุมตัวเข้าไปในตัวอาคาร

“อย่าขยับน๊า~~~ อย่าขยับน๊า~~~”พูดพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดี

.
.
.

“หยุด! นายนั่นแหละที่อย่าขยับ”เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาจากเบื้องหลังเขา เล่นเอาปลายนิ้วชี้ของเขาหยุดชะงัก รวมถึงตัวเขาด้วย

“ชิส์”เผลอสบถออกมา เมื่อมองผ่านกล้องไป เหยื่อของเขาถูกคุมตัวหายเข้าไปในสถานีตำรวจซะแล้ว เขายกมือขึ้นท่วมหัว ก่อนจะหันหลังกลับไปมองผู้มาเยือน “นายทำฉันเสียสมาธินะไอ้หนูอัยการ”

“หุบปากไปเถอะสตีเฟ่น! นายถูกจับแล้ว...”สิ้นฟ้าตะโกนออกมา พร้อมกับเล็งปืนไปยังเพื่อนชาวต่างชาติของทนายเพชร

“ในข้อหาอะไร?”

“พยายามฆ่า...”อัยการสิ้นฟ้าเว้นวรรค “.หรือไม่ก็...ค้าอาวุธเถื่อน”

สตีเฟ่นหัวเราะออกมาเสียงดัง

“แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”

“ฉันก็แค่เดาเอาว่า ตึกไหน ที่เหมาะกับการซุ่มยิง ไปยังหน้าสถานีตำรวจนครบาลที่สุด”สตีเฟ่น เลิกคิ้วขึ้นด้วยความถูกใจนิดหน่อย

“นายมาคนเดียวเหรอ ไอ้หนูอัยการ?”

“ถ้าฉันมาคนเดียวแล้วยังไง...?”

“ที่ฉันถาม...”สายตาของสตีเฟ่น หันมองเลยไปยันด้านหลังของสิ้นฟ้า “เพราะ ฉันคิดว่า คงมีคนมาเพิ่ม...”

“วางปืนลงซะสิ้นฟ้า...”เสียงเย็นติดเรียบนิ่ง เอ่ยขึ้นอยู่เบื้องหลัง ไม่ต้องเดา ก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพียงแต่เขาไม่นึกว่า จะตามมาเร็วขนาดนี้ และไม่นึกว่าจะเอาตัวประกันมาด้วย

.
.
.

“ออ เนี่ยนะเหรอการวางรากฐานของนาย อย่างที่นายเคยว่า...”ท่านอัยการเอ่ยเสียงเย็น ปืนในมือยังคงหันไปทางชาวต่างชาติ ร่างยักษ์ที่ยืนยิ้มน้อยๆ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ไรเฟิลที่เหมาะแก่การลอบสังหาร ถูกยกขึ้นพาดบ่า

“เอาปืนลงซะฟ้า...”เสียงนิ่งๆ ของทนายเพชรสั่ง พร้อมกับทำท่าจะลั่นไกปืนที่จ่อหัวพี่หมออยู่จากด้านหลัง ผมเตรียมจะเดินเข้าไปหา แต่พี่หมอส่ายหน้า ทำให้ผมต้องยืนนิ่ง ส่วน ท่านอัยการสิ้นฟ้าค่อยๆลดปืนลง มันเป็นความผิดของผม ที่ไม่น่าให้เขาเดินตามหลังเข้ามายังตัวอาคาร...

“ปล่อยเพื่อนฉันซะ”ท่านอัยการพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ ติดเรียบนิ่ง

“พรุ่งนี้...”ทนายเพชรเว้นวรรคคำพูดของตัวเองก่อนจะเอ่ยต่อ “ส่งตัวเออร์คลิน จอร์นมาให้พี่ แล้วพี่จะส่งตัวเพื่อนฟ้ากลับไปให้ อย่างปลอดภัย คืนนี้ กลับบ้านไปซะ แล้วพี่จะโทรไปบอกสถานที่นัดอีกที”

“มาเฟีย...”ท่านอัยการสิ้นฟ้าเปรยออกมาพร้อมกับยิ้มเยาะ “คำนี้หรือเปล่าที่พอจะใช้จำกัดความพวกนายได้...เออร์คลิน จอร์นพ่อค้าอาวุธ เป็นเพียงแค่นายหน้า แต่เรื่องจริงคือมีพวกนายต่างหากที่อยู่เบื้องหลัง เป็นราชาเงา เป็นมาเฟีย ค้าอาวุธจากกองทัพสหรัฐอย่างแท้จริง ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าพวกนายขัดแย้งอะไรกัน แต่ก็คงเป็นเรื่องที่สาหัสพอดูจนถึงขั้นต้องฆ่ากันเอง แต่ระดับทนายเพชร ผู้ฉลาด หวังกำจัดหมาก โดยหลอกใช้ อัยการและตำรวจในประเทศที่สาม จับตัวเออร์คลิน จอร์นให้...เมื่อเออร์คลิน จอร์น เดินทางมาถึงสถานีตำรวจนครบาล เมื่อไหร่ กระสุนจากยอดตึกนี่ จะเจาะเข้าสู่กะโหลกของหมอนั่นทันที...ทำไม? จะต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก อ๊ะ !  ไม่ต้องตอบก็พอจะเดาได้อยู่ เพราะนายไม่อยากให้เป็นคดีที่ยุ่งยากในสหรัฐฯ เลยมาเลือกประเทศนี้แทน...ฉันพูดถูกไหม?”

“เดา เก่งนี่ เฮ้! เพชร ฉันกำจัดเด็กนี่ได้ไหม?”ชายต่างชาติร่างยักษ์ว่า แต่ก็ถูกทนายเพชรขัดขึ้นมาก่อน

“จอร์น เป็นคนดี ทำดีเสมอมา ถ้าเขาไม่คิด จะปูดเรื่องของพวกเราให้ FBI รู้ แต่ถึงจะบอก FBI ไป มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรอยู่ดี แต่มันแสดงให้เห็นถึงความไม่ซื่อของเขา ในฐานะ นายหน้า ที่ต้องทำงานในเรื่องออกหน้าค้าขายแทนพวกเรา เป็นหมากที่ต้องกำจัด ฉันวางแผนให้จอร์น เดินทางมาที่นี่ โดยแกล้งเป็นภรรยาของเขา ส่งอีเมลล์ อ้างว่าภรรยาสุดที่รักของเขากำลังไม่สบาย แล้วฉันก็โผล่ไปให้นายเห็น พยายามเข้าหานาย และเอาตัวนายมาช่วย เพราะถ้าดึงพวกนายมาใช้งานในประเทศนี้ได้ อะไรๆมันก็ง่ายขึ้น นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องให้พวกนายช่วย”ทนายเพชรอธิบายช้าๆ

“เหอะ!”ท่านอัยการยิ้มเยาะ

“แต่นายก็เก่งนะ ที่ไหวตัวได้ ไม่งั้นนายคงไม่มายืนตรงจุดนี้ได้หรอก ใช่ไหม อัยการสิ้นฟ้า? รู้ตัวตั้งแต่ตอนไหนละ...?”

“ตั้งแต่ รู้เรื่องตั๋วเครื่องบินของเออร์คลิน คงไม่มีอาชญากรที่กำลังจะถูกจับตัวคนไหนหรอก ที่จะมาโดยสารเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไป ข้อมูลที่นายให้มา มันโกหก...”

“รู้ตั้งแต่แรกเลยงั้นสิ?...เออร์คลิน จอร์น เป็นนายหน้าพ่อค้าอาวุธจริงๆ แต่เขายังไม่ได้มีหมายจับจากทางการหรอก...เขาถึงออกนอกประเทศไปไหนมาไหนได้ตามสะดวก”

“แล้วภรรยากับลูกของ เออร์คลิน ละ!?”

“...ฉันเสียใจ กับครอบครัวนี้...”

“ฉันเกลียดนาย...”

“คำพูดที่นายพูดว่าเกลียดฉัน สักกี่ล้านครั้ง มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันสะดุ้งสะเทือนหรอก”ผมเงยหน้า ขึ้นไปมองคนที่พูดประโยคนี้ ในความรู้สึก คือมันเจ็บยิ่งกว่าบอกกันว่าเกลียดตรงๆเสียอีก แต่คนพูดกับนิ่งสงบ และเยือกเย็น “ทำตามที่ฉันบอก นั่นคือ นายมั่นใจได้เลยว่าจะได้ตัวเพื่อนรักของนายคืน...”

“บ๊าย บาย ไอ้หนู มีความพยายาม แต่ก็ยังอ่อนหัด ฮะฮะฮ่า”ชาวต่างชาติคนนั้น พูดพร้อมกับหัวเราะดังลั่น ก่อนโยนกระเป๋าใบใหญ่ที่บรรจุปืน ลงไปยังด้านล่าง ซึ่งตรงนั้น มีถังขยะขนาดใหญ่ของเทศบาลตั้งไว้อยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไป

“แล้วเจอกัน”ทนายเพชรพูดแค่นั้น ก่อนจะหันหลังกลับ และลากพี่หมอไปด้วย


เมื่อทนายเพชร จากไป ผู้ที่ได้ชื่อว่าอัยการได้แต่หัวเราะดังลั่น แบบที่ผมรู้สึกว่าเขากำลังสมเพศตัวเอง อยู่บนชั้นดาดฟ้า

.
.
.

“พรุ่งนี้ ฉันจะขนตำรวจไปจับหมอนั่น”ท่านสารวัตร ประจำสถานี ตำรวจนครบาลพูดขึ้นด้วยความเจ็บใจ

“เพื่ออะไร?”ท่านอัยการสิ้นฟ้าเปรยเรียบๆ “ถึงจะจับมา ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”

“หมายความว่าไง?”

“ทางเราจะโดนสหรัฐฯบีบ ให้ส่งตัวพวกเขาคืน”ท่านอัยการอธิบายเรียบๆ “รากฐานที่มั่นคงและสูง...แม้กระทั่งพระเจ้ายังต้องเอียงหูมาฟัง”

“หมายความว่าไงวะ”

“หมายความว่า คนกลุ่มนั้น จะต้องมีอิทธิพลมาก จนกระทั่งทางการสหรัฐฯ หรือแม้แต่ประธานาธิบดี ยังต้องช่วย ผมเข้าใจถูกไหมครับ? ถ้าผมเดาจากที่ท่านอัยการเล่า ชายที่ชื่อสตีเฟ่น เป็นคนของกองทัพสหรัฐจนถึงขั้น ขนอาวุธออกมาขายได้ ก็คงจะมีอำนาจในกองทัพมากพอควร ส่วนทนายเพชร ก็เรื่องของกฎหมายสินะครับ ผมเดาว่าคนกลุ่มนี้ ต้องแทรกซึมไปในทุกองค์กร อย่างน้อยในองค์กรหรือหน่วยงานหนึ่งๆ จะต้องมีพรรคพวกของพวกเขาสักสองถึงสามคน ...”

“อย่างนี้ มันก็เหมือนสร้างรากฐาน ที่ลงทุนไม่มาก แต่ทำงานกันเป็นทีม เพื่อกินทุกอย่างจากทุกหน่วยงาน อย่างนี้เหรอวะ?”สารวัตรเปรยอย่างคิดตาม “แต่อย่างนี้ช่องโหว่ มันก็เยอะนะ จะมั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่มีการทรยศ...เฮ้ย ไม่สิก็เห็นๆกันอยู่ แล้ว ถ้ารู้จักคัดสรรแต่ตัวเป้งๆเท่านั้นมาใช้งาน...โหยยย...กูนึกภาพออกเลยวะ แค่สร้างขึ้น เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางอยู่ในเงามืด หาพรรคพวก กระจายอำนาจไปตามองค์กรหรือหน่วยงานต่างที่สำคัญ ไม่ต้องมากคน แต่เอาแค่ระดับที่ใช้ประโยชน์ได้เท่านั้น เฮี้ยยยยยยยยย! นี่มันเรื่องอะไรกันวะ!!!”สารวัตรพูดพรางทึ้ง ศรีษะของตัวเอง

“คนๆ นั้น น่ากลัวจริงๆนะครับ” ผมพูดออกไป

“อย่างนี้ เราก็มีแต่ต้อง ทำตามที่มันบอกสินะ ถึงจะช่วยไอ้หมอได้...” ท่านสารวัตรพูดออกมา

“มีอยู่วิธีหนึ่ง...”ท่านอัยการเปรยกับตัวเอง

“ยังไงวะ!?”ท่านสารวัตร ถามอย่างร้อนรน ผมคิดว่า ถ้ามีวิธีไหนที่ช่วยพี่หมอได้ ท่านสารวัตร คงยอมทำทุกอย่าง

“แต่กูจะไม่ใช้วิธีนี้...”


.
.
.


“ส่งตัวไอ้หมอมาซะ”ท่านสารวัตรพูด เมื่อพวกเรามายืนอยู่ต่อหน้า ทนายเพชร และผู้ชายที่ชื่อสตีเฟ่น พร้อมกับ ดันหลัง เออร์คลิน จอร์น ให้เดินออกไป ส่วนทนายเพชร ก็ดันหลังให้พี่หมอให้เดินมาหาพวกเรา

“ขอบใจพวกนายมากที่ช่วยฉัน”เออร์คลิน จอร์น พูด สตีเฟ่นยกยิ้ม พร้อมกับพูดเสียงเย็น

“ช่ายยยยยย~~~พวกฉันมาช่วยนาย”


ปั้ง!


ปืนพกในมือถูกยกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว ลั่นไกเพียงแค่นัดเดียว เจาะเข้ากลางกะโหลก ของเออร์คลิน จอร์น ที่กำลังเดินเข้าไปหา ร่างหนาของเออร์คลิน ค่อยๆทรุดลง พร้อมกับที่ทนายเพชร ค่อยๆ ยกปืนลงเช่นกัน


“เรื่องศพเดี๋ยวพวกฉันจัดการเอง ส่วนนาย สิ้นฟ้า นายไปทำยังไงก็ได้ ให้เรื่องไม่ใหญ่มากก็พอ จะสั่งไม่ฟ้องก็ได้ ตามสบายนายเลย”ทนายเพชรเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ ท่านอัยการที่นั่งพิงที่ขอบดาดฟ้า มองอยู่ไม่ไกล เพียงแค่มอง แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรตอบ“หมดธุระแล้ว งั้นฉันก็ขอลา...”

“จะไปตายที่ไหนก็ไปซะ!”ท่านสารวัตรสบถออกมาด้วยความโมโห

ทนายเพชรไม่ได้เอ่ยตอบอะไร ก่อนจะเดินหันหลังกลับไป


“ออ...ฟ้า”เจ้าตัวหันกลับมามองที่ท่านอัยการ “ถ้าเราสลับบทกัน ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่ปล่อยไป แล้วฆ่าซะ...นายใจดีเกินไป...”


.
.
.


นั่นคือ วิธี ที่ท่านอัยการ ไม่ทำ

.
.
.

ผมเดินเข้าไปหาท่าน วางมือที่มือของท่าน มันเย็นเฉียบ เย็นจนผมกลัว ตัวท่านไม่แสดงอารมณ์อะไร รวมถึงสายตาของท่านที่มองไปไกล ไกลในแบบที่ผมอยู่ใกล้แค่นี้ ท่านคงมองไม่เห็น

“ขอฉันอยู่คนเดียวสักพัก...”

นั่นคือคำขอของท่าน ที่ผมต้องทำตาม






ร่างสูงเดินเข้ามาในคอนโดหลังจากขอตัวแยกออกมาจากเพื่อนและเด็กฝึกงานของตัวเอง ใบหน้าราวกับรูปสลักชั้นดี ไม่แสดงอารมณ์ ไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดๆ แม้จะมีคนเดินเข้ามา แล้ว กล่าว Merry Christmas กับเขาก็ตาม รู้เพียงอย่างเดียว คือต้องเดินถึงห้องของตัวเอง และเขาจะพัก จะทิ้งตัวลงนอน ปล่อยให้ทุกอย่างมันหลับไปพร้อมๆกับเขา

เขาทำดีที่สุดแล้ว

พยายามยิ้ม ทำตัวเหมือนเด็กๆระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ทั้งที่ความสงสัย เต็มไปหมดอยู่ในสมอง

ถูก...ถูกอย่างที่ว่า เขาควรจะฆ่าซะ เขามัน...ใจดี...และใจอ่อนเกินไป จนปล่อยให้มาถึงจุดๆนี้

เขาอยากจะนอน อยากจะหลับแล้ว

.
.
.

เหนื่อยแล้วละ มันรู้สึกเหนื่อยที่ใจ

.
.
.

แกร๊ก!

เขาพยายามไขประตูห้อง และจับลูกบิดเตรียมหมุน แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นถุงกระดาษ ห้อยอยู่ที่ลูกบิดของประตู สิ้นฟ้า หยิบออกมา ก่อนจะเปิดดูของด้านใน

สงสัยจะเป็นของขวัญวันคริสต์มาส ที่มีใครสักคนในคอนโดที่แอบปลื้มเขา แอบเอามาห้อยไว้

เขาหยิบมันออกมาดู...

สโนว์บอล ?

เด็กผู้ชายสองคน เดินจับมือกันอยู่ด้านในลูกกลมๆสีใส ท่ามกลางหิมะสีขาว เขาลองเขย่า ประกายระยิบระยับสีน้ำเงิน ฟุ้งกระจายโดยทั่ว

 ระยิบระยับ ราวกับ...




อยู่ดีๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา




Happy birthday, My Heavens fall.
Diamond~
















............................................

มีขวดขว้างขวด มีมีดขว้างมีด คร่าาาา อิฉันพร้อมรับละ
กองอวยเพชร มีใจสลายมั่งไหม 55555
ถามว่าใครเป็นพระเอกเรื่องนี้ ก็เพชร นี่ละ ไม่มีใครหรอก
เรื่องนี้จะเล่าผ่านเต็มสิบ ตัวเอกคือสิ้นฟ้า พระเอก คือเพชร นะคะ
นอกนั้นตัวประกอบ!

เต็มสิบ : นางละเมอหรือเปล่า? ที่จะให้ทนายเพชรเป็นพระเอก
สิ้นฟ้า : ...
เพชร : ค่าตัวผมแพงนะ
ท่านสารวัตร : ตัวประกอบ ตัวประกอบ ตัวประกอบ แม่งย้ำดีนัก เดี๋ยวพ่อจับเชือดเลย!!
หมอ : ขนาดถูกจับตัวไป ยังไม่มีบทพูดเลย จะเอาอะไรกับนาง จ้างมาให้ยืนนิ่ง ถูกปืนจ่อหัว
สตีเฟ่น : เรื่องนี้ใช้ตัวละคร แล้วทิ้ง ตายเป็นว่าเล่นเลย นางซาดิส หรือเปล่าวะ

เพชร : เฮ้ย ! ผมรู้แล้วว่าลืมอะไร!!
สตีเฟ่น : อะไรวะ?
เพชร : ผมลืมทวงโทรศัพท์ คืนจากฟ้า... ฟ้า ฟ้า แพ็คแล้วส่งไปรษณีย์มาให้พี่หน่อย
สิ้นฟ้า : ...
เพชร : โทษที พี่ล้อเล่น =.,=




ขอบคุณที่ติดตามคะ >>> see U
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (อัพคดีที่ 4 เรื่องลับ..ระดับชาติ(ปิดคดี.จบ) 07/09/57 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Phut ที่ 07-09-2014 10:08:19
 :z3:
ไม่จริง ทำไม๊ เต็มสิบฉันล่ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 5 เต็มสิบ (Perfect X) (1) 30/09/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 30-09-2014 05:50:23
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/09/30/fgyhukjikocHEBl.png)


คดีที่ 5
เต็มสิบ (Perfect X)


ผมเคาะประตูห้องทำงานของท่านอัยการเบาๆ เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ จึงถือวิสาสะในการเปิดประตูเข้าไป ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้ายังนอนหลับอยู่ที่โซฟาตัวเดิม บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา ยังคงมีหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่ถูกพาดหัวข่าว เกี่ยวกับการตัดสินใจของสำนักงานอัยการสูงสุดในการสั่งไม่ฟ้องคดีของเออร์คลิน จอร์น

ผมเดินเข้าไปหาท่าน พร้อมกับนั่งลงมองท่าน เหมือนกับตอนที่ผมได้เข้ามาในห้องนี้ครั้งแรก  ผมมองไปที่โต๊ะทำงาน ก็เห็นสโนว์บอล ขนาดพอดีมือตั้งไว้อยู่

ท่านคงนอนจ้องสิ่งนั้นจนหลับไป...



ตืด~~ ตืด~

เสียงโทรศัพท์สั่น ไม่ใช่ของผมหรอก แต่เป็นของท่านอัยการ

ผมรีบหยิบออกมาแล้วเดินไปเปิดประตูเบาๆออกมาจากห้อง ก่อนที่แรงสั่นของโทรศัพท์บนโต๊ะกระจกจะทำให้ท่านตื่น
ผมกดรับ...

“...”

“ฟ้า” เสียงเรียกดังขึ้นมาจากปลายสาย ผมไม่ต้องเดาหรอกว่าใคร เพราะชื่อตอนที่โทรเข้ามาออกจะเด่นชัด ไม่งั้นผมไม่รีบหยิบมือถือของท่านอัยการออกมาข้างนอกหรอก ถ้าชื่อที่โทรเข้ามาจะไม่ใช่

...ทนายเพชร

“...”

“สิ้นฟ้า”

“ท่านอัยการหลับอยู่ครับ...ไม่ทราบว่ามีธุระเร่งด่วนอะไรหรือเปล่า?”ผมตอบกลับไป

“เธอ...”เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะเรียกชื่อของผม “เต็มสิบ..?.”
.
.
.
“นั่นสินะ ถึงว่า...เพราะตั้งแต่วันนั้นมา ฟ้ายังไม่เคยรับโทรศัพท์ฉันเลย ที่จริงก็เป็นนาย...”

“แล้วคุณจะโทรมาทำไม...?”ไม่ได้ตั้งใจจะตั้งคำถามในเชิงหาเรื่องนะครับ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ

“อืม...งั้นฉันวางละ”

“คุณจะโทรมาขอโทษ หรือเพื่ออะไรเหรอครับ ?” ทนายเพชร เงียบไป ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “คุณกับท่านอัยการเป็นอะไรกันครับ...”

“รู้สึกว่าจะถูกยิงคำถามรัวๆ”เขาตอบกลับมา “แล้ว..ฉันจำเป็นต้องตอบคำถามเธอด้วยเหรอ ?”

“ไม่ต้องหรอกครับ...”ผมเงียบคิดไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป “ผมไม่รู้ และ ไม่สนหรอก ว่าคุณกับท่านอัยการเป็นอะไรกัน ไม่สนว่าใครจะมาก่อนหรือมาทีหลัง แต่ที่ผมรู้คือ...ผมรักเขา”

“...”

“ไม่ใช่แค่ชอบ...แต่ผมรักท่านอัยการ ไม่ใช่สิ ผมรักสิ้นฟ้า”

ปลายสายยังคงเงียบอยู่

“เพราะฉะนั้น ในเมื่อคุณกับเขายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมก็ยังมีโอกาสใช่ไหมครับ? ถ้าคุณยังตอบผมไม่ได้ว่าคุณคิดยังไงกับท่านอัยการ...เขาจะเป็นของผม”

.
.
.

“แล้วถ้าฉันตอบเธอ ว่าฉันก็รักเขาละ”

.
.
.

ผมเงียบเมื่อได้ยินเสียงที่หนักแน่นจากปลายสายตอบกลับมา แต่ผมก็ยังอยากบอกให้เขาได้รู้

“เขาก็จะยังเป็นของผมเหมือนเดิม” ผมพูด พร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก “เพราะผมไม่มีวันยกเขาให้ใครไม่ว่าหน้าไหนก็ตาม...”

“...”

“และที่สำคัญ ผมจะไม่มีวันหลอกใช้เขา”

“ฮึ...งั้นฉันก็ขออวยพร...”

“...”

“ทำให้เขารักเธอให้ได้ก็แล้วกัน...”

“ขอบคุณ...”

จบคำพูดผม เขาก็ตัดสายไป





ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง ท่านก็ยังคงไม่ตื่น  ผมเดินไปนั่งที่พื้นพรมหน้าโซฟาที่เดิม มองดูใบหน้าของท่าน ตั้งแต่ผิวขาวละเอียดของใบหน้า ความเรียวคมของตาที่ทั้งตอนหลับตอนตื่นก็ยังดูมีเสน่ห์ จมูกโด่งรับพอดีกลับรูปหน้า ริมฝีปากบางระเรื่อสีแดงธรรมชาติ

ผมเอนตัวเข้าไปกอดท่าน พร้อมกับซบหน้าลงไปที่ท้อง เหมือนคนที่ผมเอาหน้าไปซบอยู่จะสะดุ้งนิดหน่อย แต่สักพักผมก็รู้สึกถึงความอบอุ่น จากมือ ลูบที่หัวของผม

ผมจะไม่ปล่อย...ผู้ชายคนนี้ไป







“ช่วงนี้ มึงดูเครียดๆนะเต็มสิบ...มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”ฟรังมันถามขึ้น ในระหว่างที่ผมนั่งเอาช้อนเขี่ย เม็ดข้าวบนจาน มันคงจะจับสังเกตได้

“ก็...”

“ก็...?”ฟรังและชายพายพูดสวนกลับมาพร้อมกัน

“มีเรื่อง ต้องให้คิดนิดหน่อย...”

“คงไม่นิดละมั้งแต่ช่างมันเหอะ ถ้ามึงไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า กูไม่เสือกอยู่แล้ว ปัญหาใครปัญหามัน โตๆกันแล้ว”ดูเสมือนแล้งน้ำใจดีครับ แต่ก็จริงอย่างที่ฟรังมันว่า

“เรื่องท่านอัยการน่ะ” แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะเล่าบอกพวกมัน ผมบอกแค่ว่า ผมอาจจะรู้สึกรักท่านอัยการ แต่ก็ปิดบังรายละเอียดหลายๆอย่างเอาไว้ ผมกล้าที่จะบอก เพื่อนของผมว่าผมอาจจะชอบผู้ชาย เพราะผมรู้ว่า พวกเราถูกปลูกฝังที่จะให้เกียรติแก่สิทธิ
และเสรีภาพของแต่ละคน เรื่องแบบนี้มันเลยไม่เกินกว่าที่จะรับได้สักเท่าไหร่

“อืม...สามเศร้า...นะครับ”ชายพายเปรยเรียบๆ “เล่นเอาซะผมไม่รู้จะให้คำแนะนำยังไงเลย มันเหมือนคุณเต็มสิบ จ้องจะเสียบ
แทนเขาคนนั้นตลอดเลย”

ฉึก! เหมือน โดน มีดปักลงที่กลางหน้าอก

“ดูชั่วไปเลย”ไอ้ฟรังมันสำทับเข้าไปอีก

ฉึก! ฉึก!

“แต่ของอย่างนี้ใครดีใครได้หรือเปล่าครับ ตรรกะ ที่ว่ามาทีหลังแต่มีสิทธิน้อยกว่านี่ มันจะยังใช้ได้อยู่แน่เหรอครับ ในเมื่อเราก็รักเขา เหมือนกัน”

“อือ ฮือ คุณพายครับพูดซะต่อมศีลธรรมอันดีงามของประชาชน ของผม นี่เต้นถี่เลยครับ”

“แล้วแบบไหนมันจะดีที่สุดละ”ผมถามพวกมันสองคนกลับไป

“เรื่องรักๆใคร่ๆนี่ มันอยู่ที่ตรงนี้เว้ย!”ฟรังมันชี้ที่นม เอ้ย! หน้าอก ซึ่งคงหมายถึงหัวใจ “แต่ตรงนี้...”มันเอามือชี้ไปที่สมอง “มันคือเหตุผล...”



เหตุผล...?



.
.
.



พอผมเลิกเรียนในช่วงเช้า ผมก็มาที่สำนักงานอัยการ แต่ยังไม่ทันได้เดินขึ้นไปบนตึก ผมก็เห็นท่านอัยการสูงสุดที่เดินออกมา

“อ้าว เต็มสิบ!” ท่านส่งเสียงเรียกผม ไอ้เราก็อุตส่าว่าจะหลบขึ้นไปบนตึกโดยไม่ให้เห็นเสียหน่อย คงจะไม่ทันละ เอาเป็นว่า ที่ผมไม่อยากพบหน้าท่านอัยการสูงสุด หรือคุณพ่อของท่านอัยการสิ้นฟ้าสักเท่าไหร่ ก็เพราะผมยังเกร็งๆในตัวท่านอยู่ ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาท่าน

“ไปกินข้าวด้วยกันไหม?”

ฮ๊ะ!?

“อะไรนะครับ” ผมถามท่านย้ำอีกครั้ง เพื่อขอความมั่นใจ

“ฉันถามว่า ไปกินข้าวกับฉันไหม?”เอ่อ...หน้าของผมคงแสดงอาการเอ๋ออย่างเห็นได้ชัด “ไม่ต้องเกรงใจหรอก” นั่นละยิ่งทำให้ผมเกรงใจ

“คือ ผมต้อง...”

“เดี๋ยวฉันโทรบอกสิ้นฟ้าให้ ลูกชายฉันมันไม่กล้าว่าอะไรหรอก เชื่อฉัน...เอะ หรือจะโทรชวนมันไปด้วยดี เดี๋ยวลองโทรหามันก่อนนะ” ท่านว่าพร้อมกับเอามือถือขึ้นมากด

“เออ...ไอ้ลูกชาย เด็กแกอยู่กับฉัน ไปกินข้าวด้วยกันไหม เด็กแกตกลงจะไปกับฉันแล้วนะ”
ห๊า?

“อืม...ฉันให้แกสามสิบวินาที...สิบ เก้า แปด เจ็ด” อยู่ดีๆ ท่านอัยการสูงสุด ก็เริ่มนับถอยหลังเลย

“ไหนบอกว่า ให้สามสิบวิไงเล่า!!!”เสียงโวยวาย ดังมาก่อนตัวซะอีกแหะ

ท่านอัยการ ทำหน้าบูดบึ้งเข้ามา

“พ่อ จะเอาเต็มสิบไปทำมิดีมิร้ายใช่ไหม อย่าล่อลวงเด็กไปเชียวน่า ถึงจะบรรลุนิติภาวะ แล้วก็เหอะ!”

ป๊าบ!

“อ๊ากกกก!”ท่านอัยการสิ้นฟ้ากระโดดเหยง ราวกับลิงถูกน้ำร้อนลวกเลยครับ เมื่อเจอฝ่ามือ ของท่านอัยการสูงสุดตบป๊าบเข้าที่หลัง “เจ็บนะ”

ถถถถถถถถถถ! ทำหน้าตาน่าสงสาร

“แกนี่ยิ่งโตยิ่งเกรียน”

“เผอิญเชื้อพ่อมันแรงอะนะ”

“ออ เหรอ?”=.,=

“อืม...”

อืม...บางครั้ง ผมก็คิดว่า คำว่า ‘ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น’ นี่ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย

แต่จะว่าไป หน้าตาท่านอัยการสิ้นฟ้านี่ไม่ค่อยจะเหมือนท่านอัยการสูงสุดเท่าไหร่แหะ

“สิ้นฟ้า มันเหมือนแม่น่ะ โดยส่วนมาก เรื่องหน้าตา” เหมือนท่านอ่านใจผมออก เลยครับ น่ากลัวจริงจัง  “แต่ตาน่ะได้ฉันไปเต็มๆ”
คำพูดนั่น ทำให้ผมต้องจ้องมองหน้าทั้งสองคนสลับกัน

“มองมากๆ ก็รู้สึกเขินเหมือนกันนะ”ท่านอัยการสิ้นฟ้าเปรยเรียบๆ ด้วยสีหน้านิ่งๆ “ไปกันเหอะ ชักหิวละ พ่อจ่ายนะ โอเคนะ”

“ตลอด!”




ไม่นานท่านอัยการสูงสุด ก็ขับรถพาพวกเรามายังร้านอาหารแห่งหนึ่งไม่ใกล้ไกลจากสำนักงานอัยการ ร้านนี้ตกแต่งดูดี ไม่ได้เรียบหรูมาก แต่ดูอบอุ่น เหมาะแก่การมาทานอาหารกับครอบครัว

“ช่วงนี้เธอเป็นคนเขียนสำนวนคดีเหรอ?”อยู่ดีๆท่านอัยการสูงสุดก็ถามผมขึ้น หลังจากที่ผู้ช่วยอัยการสิ้นฟ้าขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วปล่อยให้ผมนั่งอยู่กับพ่อเขาแค่สองคน

“ท่านรู้ได้ยังไงครับ...”ถามออกไปด้วยความเกรงใจ

“สำนวนมันดูแปลกๆไป เหมือนกับไม่ใช่วิธีการของลูกชายฉัน”

ชะ ชิ หาย แล้ววววว!

“ผมเขียนอะไรพลาดงั้นเหรอครับ”

“เฮ้ย! ไม่ต้องทำหน้าจะร้องไห้อย่างนั้น ฉันไม่ได้ว่าอะไร มันไม่มีอะไรพลาดหรอก ก็โอเคดี ดูละเอียด รอบคอบ และไม่ขาดตกบกพร่องอะไร”ท่านพูดนิ่งๆอธิบายอย่างช้าๆ “อยากจะชมด้วยซ้ำ”

“ที่จริง อัยการสิ้นฟ้า แค่ให้ผมลองเขียนดูครับ ถ้ามันมีอะไรผิดพลาดหรือแปลกๆก็บอกผมนะครับ ผมกลัวว่าจะทำให้งานของพวกท่านเสีย”

กลัวจริงๆนะเนี่ย ถึงก่อนส่ง ท่านอัยการสิ้นฟ้า จะตรวจดูให้ก่อนแล้วก็เหอะ แต่การมาก้าวก่ายหน้าที่ของพวกท่านๆก็คงดูไม่ดีเท่าไหร่

“ฝึกๆไว้น่ะ ดีแล้ว ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ สิ้นฟ้ามันคงไม่ให้เธอลองทำแล้วละ ยังไงก็ถือซะว่าเธอเป็นลูกศิษย์ลูกชายฉัน ก็พยายามเก็บสิ่งที่ฝึกสิ่งที่ได้ไปให้เต็มที่ละ เพราะ เจ้าฟ้ามันก็ให้เธอเยอะขนาดนี้แล้ว”

“แล้วเกี่ยวกับคดีนั้น...”อยู่ดีๆ ผมก็อยากถามบางอย่างขึ้นมา บางอย่างที่สงสัย และยังค้างคาใจอยู่

“คดี...”ท่านเปรยเบาๆ “ของเจ้าเพชร?”

เจ้าเพชร...?

“เธอกำลังสงสัยในการทำงานของลูกชายฉัน...ว่าเอาอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาร่วมหรือเปล่าในคดีนี้...เธอกำลังสงสัย ว่าลูกชายฉันรักเจ้าเพชรมันไหม...เธอสงสัยว่า ทำไมลูกชายฉันไม่จัดการทนายเพชร ทั้งที่ก็น่าจะทำได้”ท่านอัยการสูงสุดว่า และหน้าผมคงแสดงอารมณ์บางอย่างออกมามากเกินไป ท่านจึงหัวเราะขึ้นมา “ทำไมต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนั้นละ”

“เอ่อ...ผม...”

“เป็นฉัน  ฉันก็จะทำแบบที่ลูกชายฉันทำ”

“...”

“ฉันคงให้คำตอบเธอไม่ได้หรอก ว่าลูกชายฉันมันรักทนายเพชรจริงไหม แต่ที่ฉันให้คำตอบเธอได้ก็คือ  ลูกชายฉันมันก็แค่เลือกทางที่มีผลกระทบน้อยที่สุด และพวกฉันก็เห็นด้วย”ท่านอัยการสูงสุดว่ายิ้มๆ “สิ้นฟ้า อาจจะยังเด็กเกินไปสำหรับวงการนี้ แต่ในคดีนั้น ฉันก็คิดว่ามันตัดสินใจได้ดี”

“ในฐานะนักกฎหมายสินะครับ”...ไม่ใช่เพราะรักทนายเพชร

“คงอย่างนั้นละมั้ง...”

อาจจะดูตลก ที่สรุปออกมาอย่างนั้น แต่...ผมก็อยากจะสรุปแบบเข้าข้างตัวเอง



สิ่งที่ผมคาใจมันก็เป็นเพียงแค่เศษตะกอนเล็กๆ ที่ลอยอยู่ในแก้วน้ำใสๆ อันที่จริง ในความรู้สึกผม ผมอยากให้อัยการสิ้นฟ้า จัดการขั้นเด็ดขาด กับทนายเพชรในวันนั้น มีทางเลือกหนึ่ง ที่อัยการสิ้นฟ้า บอกว่าจะไม่ทำคือการฆ่าทนายเพชร แต่ในใจผมตอนนั้น มันเหมือนอารมณ์ชั่ววูบ เหมือนปีศาจเข้าสิง ในความคิดผมมันร้อง ว่า ทำไมท่านไม่ฆ่าเขาทิ้งซะ!

 ทั้งที่ท่านจะทำก็ทำได้ แต่ทำไมท่านเลือกจะไม่ทำ เพราะรักเขาอย่างงั้นเหรอ...?

ยิ่งวันต่อมามีข่าวมีกระแสมากมาย ทั้งจากสื่อ และชาวโลกโซเชียล ที่ต่างประณามท่านอัยการ และสำนักงานอัยการสูงสุด เกี่ยวกับเรื่องการสั่งไม่ฟ้องคดี นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกโมโห

แต่พอมาคิดดูอีกที ผมหรือแม้แต่สื่อ หรือคนบนโลกโซเชี่ยล คนพวกนั้น ไม่ได้รู้ถึงข้อเท็จจริงทั้งหมด... ผมหรือไม่ว่าใครก็ตามไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่ ที่ท่านอัยการยืนอยู่ ผมไม่ได้รู้ว่าท่านมองเห็นอะไร ผมไม่ได้รู้ว่าท่านคิดยังไง แล้วผมมีสิทธิ ที่จะไปตัดสินการกระทำของเขาเหรอ?...ในเมื่อเขาอาจมีเหตุผลของเขา



“ผมคิดว่า ผมสบายใจขึ้นแล้วครับ”ผมบอกกับท่านอัยการสูงสุด “ถึงจะไม่ได้คำตอบแบบชัดเจนว่าท่านอัยการสิ้นฟ้ารักทนาย
เพชรหรือเปล่า...”ผมพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

“ถามจริง ลูกชายฉันมันมีอะไรดีเนี่ย ทำไมถึงมีแต่ผู้ชายเข้ามาพัวพัน”

“ท่านอัยการสิ้นฟ้าน่ารักฮ่ะ”ท่านอัยการสูงสุด ชักหัวคิ้วนิดหน่อย แล้วยิ้มส่ายหน้าแบบอ่อนใจ

“ถ้ากับเธอนี่ ฉันก็พอจะเบาใจนะ ว่าฉันต้องได้ลูกสะใภ้ แต่ถ้าเป็นไอ้เจ้าเพชร เนี่ย มิวาย ฉันคงได้ลูกเขย อันนี้น่าหนักใจอยู่”

“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ว่าอะไรถ้าลูกชายของท่านจะลงเอยกับผู้ชายด้วยกันนะครับ”

“ถ้าลูกฉันมันจะหันมาชอบผู้ชายด้วยกันเองจริงๆ เอาเข้าจริงฉันจะไปว่าอะไรมันได้ ถึงจะเป็นพ่อก็เถอะ ฉันรักลูก แต่ฉันเคารพการตัดสินใจของลูกฉันเสมอ ในบางครั้งมีถูกบ้างมีผิดบ้าง เจ้าตัวมันก็จะได้รับบทเรียนด้วยตัวมันเอง ล้มเอง ต้องลุกขึ้นเองให้ได้ ฉันเลี้ยงลูกมาอย่างนี้”ผมเผลอยิ้ม กับคำพูดของท่านอัยการ “แต่ถ้าจะรักจะชอบมันก็ต้องทำใจหน่อยนะ เพราะไอ้การเลี้ยงดูของฉันแบบนี้แหละ ก็เลยอาจจะทำให้มันเป็นคนแข็งๆไปหน่อย รอบคอบ เหตุผลเยอะ แต่ไม่ละเอียดอ่อนทางด้านความรู้สึกสักเท่าไหร่”

“ครับ”^_^

“คุยอะไรกัน...”ท่านอัยการสิ้นฟ้าโผล่มา

“ฉันกับหนูเต็มสิบนินทา แกอยู่หรือมีอะไรข้องใจ?”

“คนอย่างผมมีอะไรให้นินทา?”ถามออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

“นี่ไม่รู้ตัว?”ท่านอัยการสูงสุดก็สวนกลับอย่างเนิบๆ

“รู้สึกว่าชีวิตนี้ ไม่เคยทำอะไรผิดจนต้องมีคนเอามานินทา นอกจากว่า หน้าตาดีจนเกินไป”

“มีใครเคยสอนแกไหม ว่าไม่ให้หลงตัวเอง”

“เรื่องนี้พ่อไม่เคยสอนครับ”

“เดี๋ยว ปั๊ด!”


แล้วหลังจากนั้น ผมก็หัวเราะออกมา





ตืด~~~~~  ตืด~~~

เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ไม่ใช่ของผมหรอก...

ท่านอัยการสิ้นฟ้า หยิบขึ้นมาดู ก่อนจะกดตัดสายไป


“ทำไมแกไม่รับละ...”ท่านอัยการสูงสุดถามขึ้น

“ไม่อะ...ไม่ใช่เวลา”

“แกน่าจะรับนะ เผื่อเจ้าเพชร มันจะมีธุระสำคัญ”

“...”

ผมกับท่านอัยการสิ้นฟ้าถึงขั้นเงียบ

“พ่อรู้ได้ไง ว่าใครโทรมา”

“ฉันใคร ฉันพ่อแกนะเว้ย ดูจากสีหน้าแกก็รู้ละ”



ตืด~~~~~ ตืด~~~

เพียงแค่นั้น ท่านอัยการก็ลุกออกไป


“เก็บเงินเลยดีกว่าเนอะ”ท่านอัยการสูงสุด หันมาพูดกับผม

“ครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มส่งไปให้ ท่านยิ้มกลับมา พร้อมกับเอามือมาขยี้หัวผม

“ปล่อยให้เขาเคลียร์กันเถอะ จะออกหัวหรือก้อย เธอจะได้รู้ ว่าควรจะเอายังไงต่อไป”ท่านพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“ครับ”




ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด! มีคนถูกยิง!”

“สิ้นฟ้า!”เพียงเท่านั้น ทั้งผมและท่านอัยการสูงสุด ก็รีบลุกออกไป



ขออย่าให้ใช่เลย...




แต่มันก็เหมือนลมหายใจแทบ หยุด เมื่อเห็นร่างที่คุ้นตา นอนจมกองเลือดอยู่




“มีใครโทรเรียกรถพยาบาลหรือยัง!?”ท่านอัยการสูงสุดตะโกนถามดังลั่น ขณะที่มือหนาจับตรวจชีพจรของลูกชาย ส่วนผมช่วยห้ามเลือด บริเวณที่ถูกยิง

“หัวใจหยุดเต้น ไม่หายใจ” ท่านลงมือประสานมือทั้งสองไว้บริเวณกลางกระดูกหน้าอก แล้วกดหน้าอกของลูกชายตัวเองทันที  พอครบสามสิบครั้งท่านก็เป่าปากช่วยในการหายใจ ทำวนซ้ำไปมา จนไม่นานเสียงของรถพยาบาลก็ดังเข้ามา
ท่านอัยการสิ้นฟ้า ถูกเคลื่อนย้าย ออกไปทันที


ผมเข้าไปประคองท่านอัยการสูงสุด เมื่อรถพยาบาลเคลื่อนตัวออกไป


ผมก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าเขาจะไม่เป็นอะไร แต่เลือดที่ไหลออกมาจากต้นแขน ลำตัวและบริเวณศรีษะนั่น มันมากมายเหลือเกิน มากเสียจน ทำให้ผมอยากร้องไห้



“เขาจะต้องปลอดภัย...”


..................................................

สกิลพระเอก จงสถิตแก่ร่างท่านอัยการสิ้นฟ้าเถิดดดดด
ดูท่าไม่น่าจะรอด กั๊ก กั๊ก
แอบย่องมาอัพตอนรุ่งเช้าเบาๆ
 
เต็มสิบ : "..."
หมอ :"..."
สารวัตร : "..."

ทนายเพชร : "บ้านคนเขียนเรื่องนี้อยู่ที่ไหนครับ สงสัยอยากโดนบึ้ม!"


See ya คะ ทุกคน >>>>
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 5 เต็มสิบ (Perfect X) (1) 30/09/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 30-09-2014 09:07:50
ขออาสาค่ะ


บ้านคนเขียนอยู่ไหนคะ


เลือกมา




จะเอาคาร์บอม หรือระเบิดชีวภาพ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 5 เต็มสิบ (Perfect X) (1) 30/09/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 30-09-2014 09:55:45
เดวนิโผล่มาอ่านสองตอนรวด
เธอเอาพี่เพชรช้านนนไปเป็นตัวร้ายทำไมมมมม บีบคอเขย่าแม่ง :z3:
เค้าต้องเป็นพระเอก ต้องกดสิ้นฟ้า เส่ะ  :beat: :beat: :beat:
ฆ่าเออครินไม่พอ ตอนนี้ยังยิง สิ้นฟ้าซะเลือดอาบ
บอกมาบ้านอยู่ไหน เตรียม m79 พร้อมแล้ว สักสามลูกคงจะดี  :z6:
พี่เพชร :hao5: ไม่นะ ม้ายยยยยยย
สิ้นฟ้า มีสกิลฟื้นคืนชีพอยู่แล้วไม่ต้องห่วงมากเพราะเป็นนายเอก  :hao3:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 5 เต็มสิบ (Perfect X) (1) 30/09/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 30-09-2014 13:23:07
ไม่นะ !! เพชรออกไป เอาหนูเต็มสิบเป็นนายเอกค่ะ
สิ้นฟ้าต้องเป็นพระเอกด้วย
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 5 เต็มสิบ (Perfect X) (1) 30/09/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 30-09-2014 23:33:55
แจ้งก่อน. แจ้งก่อน !!!!!

อ่านรีไพท์ (เรียกงี้ปะ)แล้วตกใจ เสมือนมีการเข้าใจผิด
ทนายเพชรไม่ได้ยิงสิ้นฟ้านะคะ
ส่วนกองอวยฝั่งหนูเต็มสิบ กับทนายเพชร ต้องขอบอกไว้เลยว่าจะต้องทำใจนิดนึงนะคะ
เรื่องนี้วางตัวพระเอกไว้แล้วแน่นอนอย่างที่เคยบอก

อาจจะมีการทำร้ายจิตใจแม่ยกของคนบางคนกันไป
เรื่องนี้ไม่ได้เน้นเรื่องรักๆมากมายอยู่แล้ว มีแค่หน่วงกันไปเท่านั้น
อย่างที่บอก มันคือนิยายตลกที่ไม่ตลก

มาพูดถึงหนูเต็มสิบกันหน่อยเสมือนอยากขอขยายลูกชายที่รักที่สุดคนนี้
เต็มสิบตัวละครตัวนี้เราวางออกมาให้เป็นตัวละครสีเทาคะไม่ดีและไม่เลว
มีอารมณ์ขึ้นและลงไปตามสถานการณ์เมื่อร้ายก็จะร้าย เมื่อดีก็จะดี
เป็นเด็กน้อยที่กำลังค้นหาคำตอบให้ตัวเอง ว่าถ้าฉันทำแบบนี้จะถูกไหมถ้าลองทำแบบนั้นจะถูกหรือเปล่า
วัยรุ่นอะคร้าาาาาาาาาา


ส่วนสิ้นฟ้า เป็นตัวแทนของคนที่มีหัวโขนสวมอยู่ มีหน้าที่ที่ต้องทำ มีแนวคิดและจุดยืนของตัวเองค่อนข้างแน่นอนคะ
แต่ด้วยนิสัยส่วนตัว เราก็จะเห็นเขาในมุมกากเกรียนมั่งอะไรมั่ง ตามประสา

ทนายเพชร ....เออช่างหมอนี่เหอะ จ้างมาแพง พ่อพระเอก?ที่ทำตัวไม่ค่อยสมกับเป็นพระเอก


ส่วนคนอื่นก็ ตัวปลากรอบคะ. (ตบอิคนเขียน)

พิมพ์ในโทรศัพท์อาจมีคำผิดบ้างต้องขออภัย
และขอขอบคุณที่ยังติดตามคะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 5 เต็มสิบ (Perfect X) (1) 30/09/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-10-2014 00:21:25
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 5 เต็มสิบ (Perfect X) (1) 30/09/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 01-10-2014 04:50:33
ว้าย เพิ่งได้มาอ่านเราไปอยู่ไหนมาเนี่ยยยยยย
ความรู้สึกจากการอ่านรวดเดียว รู้สึกเอ็นดูเต็มสิบจังเลย แต่ความรู้สึกมันบอกว่าน้องคงแพ้
เพราะเพชรดูมาดพระเอกมากๆ สิ้นฟ้าก็น่ารักเกินกว่าจะมาเป็นพระเอกให้ใคร ดูเหมาะกะเพชรมากๆ

อ้อ แต่ชอบตอนสืบคดีมากๆเลยค่ะ อารมเหมือนอ่านโคนันเลย
แต่ท่านอัยการแอนด์เดอะแก๊งนี่เกรียนได้โล่มากๆ ให้ตายเถอะ 555
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 5 เต็มสิบ (Perfect X) (1) 30/09/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: kapook_koopak ที่ 02-10-2014 22:06:10
ยังไงกันคะเนี่ย ไม่นะ ไม่นะ ท่าน อย่าเป็นอะไรน้า เดี๋ยวเรื่องมันไม่เกรียนอ่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 5 เต็มสิบ (Perfect X) (1) 30/09/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 03-10-2014 00:05:10
ท่านอัยการรรรรรร
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 6 เพชร (Diamond) 11/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 11-10-2014 07:54:04
คดีที่ 6
เพชร (Diamond)




ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!

“ฟ้า!”

เสียงปืนสามนัดดังขึ้นมาจากปลายสายที่เขาคุยด้วย ก่อนที่คนที่เขาคุยจะเงียบไป เสียงกรีดร้อง และความวุ่นวายดังลั่นผ่านเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักขมวดคิ้วยุ่ง มือยังคงถือโทรศัพท์ค้างไว้แน่น


อะไรกัน...เกิดอะไรขึ้น?


ก่อนที่ปลายสายจะถูกตัด


“ฟ้า...”เขาเอ่ยออกมากับตัวเองเบาๆ

“เป็นอะไรวะ ดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย”สตีฟ หรือสตีเฟ่น ถามขึ้นเมื่อ เห็นเพื่อนชาวเอเชีย ของเขามีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่เมื่อเขาทักไป เจ้าตัวก็กลับมาทำสีหน้าที่ราบเรียบเช่นเคย

“ไม่มีอะไรหรอก...”


ไม่มีอะไร...แต่มือหนาก็ยังคงกำโทรศัพท์แน่น





“ผู้ป่วยถูกยิงเข้าที่ศรีษะหนึ่งนัด ถือว่ายังโชคดีนะครับ ที่กระสุนเฉียดออกไป  ไม่โดนจุดสำคัญ อีกสองนัดที่แขนและลำตัว บริเวณกระดูกปลายต้นแขนถูกกระสุนเจาะเข้าไปทำให้กระดูกเสียหาย เราต้องทำการผ่าตัดในส่วนนี้ในภายหลัง ส่วนบริเวณลำตัวที่ถูกกระสุนฝังตอนนี้เราผ่าตัดเพื่อเอากระสุนออกเรียบร้อยแล้วครับ แต่ผู้ป่วยมีภาวะช๊อค และหยุดหายใจไปชั่วคราว เราจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดครับ แต่คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ พวกเราจะรักษาอย่างเต็มที่” พี่หมอ รายงานอาการคร่าวๆของท่านอัยการสิ้นฟ้าให้ผมและท่านอัยการสูงสุดได้ฟัง

ท่านอัยการสูงสุดถอนหายใจ เล็กน้อย แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้

“ขอบใจมากนะหมอ ที่ทิ้งงานมาดูแลเจ้าฟ้าให้”

“ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ ยังไงคนเป็นก็ต้องมาก่อนคนตายอยู่แล้ว”พี่หมอพูดติดตลก พร้อมกับยิ้มอ่อนๆ “เอาเป็นว่าเดี๋ยวทางนี้ ผมดูแลให้ คุณพ่อ กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ”

“ถ้าอย่างงั้นฉันฝากด้วยนะ”

“ครับ”

“เต็มสิบจะกลับพร้อมพ่อเลยไหม เดี๋ยวพ่อไปส่ง”ท่านอัยการสูงสุดหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงนุ่นนวล พร้อมกับแทนตัวเอง ว่า พ่อ...

“ผมขออยู่ดูอาการท่านอัยการสิ้นฟ้า สักพักก่อนดีกว่าครับ...”

“เดี๋ยวฝากน้องไว้กับผมดีกว่าครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมดูแลเอง”พี่สารวัตร ที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น

“อืม...งั้นฉันไปละ”หลังจากนั้นท่านอัยการสูงสุดก็เดินออกไป โดยมีพี่หมอ เดินไปส่งท่านที่รถของท่าน


“เอาละคราวนี้ถึงตาเรามั่ง ไปพักผ่อนเหอะ พี่ขอร้องละ ทางนี้เดี๋ยวพี่กับไอ้หมอดูแลเอง ปะ พี่จะไปส่ง”ผมทำสายตาดื้อดึงส่งไปให้นิดหน่อย ก่อนจะต้องจำยอม เมื่ออยู่ต่อไปก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้สู้กลับไปเติมแรง แล้วค่อยมาหาท่านอัยการสิ้นฟ้าใหม่ ดีกว่า
ถึงจะยังเข้าไปเยี่ยมไม่ได้ก็เหอะ

แต่เข้าใจความรู้สึกมะ มาแค่ให้มองเห็นประตูหน้าห้อง ว่าข้างในยังมีคนๆนั้น นอนหายใจอยู่ มันก็อุ่นใจแล้วอะ



.
.
.



“ถูกยิง?...อาการละ”ทนายเพชรเงียบไปสักพัก เมื่อได้ยินปลายสายรายงานเรื่องที่เขาสั่งให้ไปติดตามและสืบมา ก่อนจะถอน
หายใจอย่างโล่งอก นิดหน่อย “ติดตามต่อไป ถ้ามีอะไรคืบหน้า ค่อยมารายงานฉัน”

ร่างสูงของเพื่อนทนายในห้องนั่งกระแทกตัวลงอย่างแรงบนโซฟา จนทำให้เขาต้องเลิกคิ้วขึ้น อย่างประหลาดใจ คงไม่มีเรื่องไหนที่จะทำให้เพื่อนทนายชาวต่างชาติของเขาเครียดได้ นอกจากเรื่องของเด็กอัยการนั่น


มีอะไรดีกันนะ...


โอเค...ไม่ต้องมามองชายร่างยักษ์ผู้หล่อเหลานามว่าสตีเฟ่น ด้วยสายตาอาฆาตกันเลย
ขอย้ำว่า หล่อๆ หุ่นนายทหารอย่างนี้ มีภรรยาและลูกแล้วนะ...ครับ

ไม่คิดที่จะไปลองเจ้าหนูอัยการนั่นหรอก ว่ามีอะไรดี...



“ถ้าฉันเคลียร์เรื่องพวกมาเฟียย่านซุ่ยหวัน ในฮ่องกงได้ หลังจากนี้ฉันคงได้พักสินะ”ทนายเพชรพูด พร้อมกับเอามือนวดขมับ

“นายคิดจะส่งคนเข้าไปแฝงตัวในแก๊งค์นั้นไหม”สตีเฟ่นถามด้วยความสงสัย

“ไม่ละ ส่งเข้าในแก็งค์ก็เสียเปล่า...”ทนายเพชรหยุดคิดนิดหน่อย ก่อนจะกางกระดาษข้อมูลของแก็งค์มาเฟียในแถบนั้น ที่เขาจะยึดย่าน ชุ่ยหวัน จิมซาจุ่ย และมงก๊ก ฝั่งเกาลูน มาไว้ในกำมือ เพราะที่ทางแถว ของการคุมเขตนั้น แทบจะเป็นแถบย่านการค้าทั้งหมด ถ้าได้มาไว้ในมือก็คงดีไม่น้อย เสียแต่ก็ต้องต่อกร กับมาเฟียท้องถิ่นของที่นั่น มาเฟียที่ต้องบอกว่าส่วนมากประจำการอยู่สหรัฐฯ อย่างพวกเขานี่ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก เพราะคนของเขาโดยส่วนมากก็ไม่ถนัดด้านการรบสักเท่าไหร่ ออ...ยกเว้นสายที่สตีเฟ่นคุมอะนะ

“แล้วจะเอายังไงละ อยากขยายอำนาจไปฝั่งเอเชียไม่ใช่ รึไง”

“ถ้ามีที่ทางเป็นของตัวเอง ไว้ขนอาวุธ อะไรมันก็ง่ายอะนะ”...นั่นละคือเหตุผล

“ถ้าจะขยายอำนาจ ก็ต้องเปิดสงครามกับมาเฟีย ฮ่องกง”

“ไม่ สตีเฟ่น สมองนายนี่มีแต่เรื่องใช้กำลัง...”เขาบ่น

“แล้วจะเอายังไงวะ?”


.
.
.


“ส่งคนลงพื้นที่ ศึกษาข้อมูลว่าคนในแก็งที่สำคัญๆมีใครบ้าง และฉันขอรายชื่อพวกลูกกระจ๊อกหางแถวมาด้วย แต่คนของเราไม่จำเป็นต้องให้เข้าแก็งค์ ให้ไปปลอมตัวเป็นพวกมัน แล้วปล่อยข่าวถึงแผนการปลอมๆ เอาแบบที่ร้ายแรงนิดหน่อยต่อรัฐบาลฮ่องกง อย่างเช่น...ก่อสงคราม ให้คนที่ส่งไปจัดการกวนน้ำให้ขุ่น จนตำรวจฮ่องกง กับมาเฟีย ห่ำหั่นกันเอง อีกทางหนึ่ง ก็ให้ปล่อยเรื่องให้แก็งค์แต่ละแก็งค์หันมาสู้กันเองเช่นกัน  จะเอาเป็นเรื่อง หากินทับเส้นทางก็ได้ หรือถ้าจะให้ดี ให้คนที่ส่งไป ฆ่าคนสำคัญของอีกแก็งหนึ่ง โดยใช้ชื่อของอีกแก็งค์หนึ่งว่าเป็นคนทำ...เท่านี้ละ”

“นี่แค่คิดเล่นๆใช่ไหม?”สตีเฟ่นถามย้ำ

“ฉันพูดจริง...รายละเอียดของแผนการ ฉันจะบอกอีกที หลังจากได้ข้อมูลที่แน่นอนมากกว่านี้...ออ อย่าลืมส่งคนเข้าไปแฝงตัวในกรมตำรวจ และ ICAC (คณะกรรมการอิสระเพื่อการปราบปรามการคอรัปชั่น) ของฮ่องกง ด้วยละ อะไรๆ มันจะได้ง่ายขึ้น”เจ้าตัวพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องหนักหนา อะไร ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป



“ร้ายกาจ...”สตีเฟ่น เปรยเรียบๆ แผนการไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรมากจากที่ฟัง โดยส่วนมากก็เป็นแผนการพื้นฐาน ที่ทีแรก เขาคิดไม่ถึงด้วยซ้ำ “แต่ คนที่จะทำให้มันเป็นจริงได้อย่างเพชรนี่สิน่ากลัว...”



แต่ถ้าก้าวเข้ามาจนถึงจุดๆนี้แล้ว...แน่นอนว่าถอนตัวไม่ได้เด็ดขาด



.
.
.



หลังจากสอบ และปิดเทอมได้ไม่ถึง สิบห้าวัน ภาควิชาผมก็เริ่ม เข้าสู่การเรียนในเทอมใหม่อีกครั้ง อย่างทรหด รวมถึงระยะเวลาที่ผมทำการลงขอฝึกงานในสำนักงานอัยการสูงสุดนั้นก็ใกล้จะหมดเข้ามาทุกที ส่วนเพื่อนที่ยังไม่ได้ทำการฝึก ก็เริ่มจะหาที่ฝึกงานในช่วงปิดเทอมครั้งต่อไปไว้แต่เนิ่นๆ

จากเกือบเดือนที่ผ่านมา อาการของท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า ดูท่าว่าจะดีขึ้นมากๆ พวกเราเข้าไปเยี่ยมได้แล้ว เสียแต่ท่านยังไม่ตื่นขึ้นมาคุยกับพวกเราเท่านั้นเอง

ก็รู้นะว่าการนอน เป็นสิ่งสำคัญของท่านรองลงมาจากไอศกรีมรสชาติอร่อยๆ

แต่ก็ไม่นึกว่าท่านจะชอบการหลับใหลขนาดนี้

พี่หมอบอกว่าผลการตรวจร่างกายทุกอย่างก็ปกติดี แต่ที่ท่านไม่ยอมตื่นขึ้นมา อาจจะเกิดจากภาวะช๊อก หรือสภาวะ ผลกระทบต่อจิตใจอะไรบางอย่าง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจหรอก

ขนาดที่พี่หมอ ที่เป็นหมอ ยังแอบบ่นๆต่อว่า ท่านอัยการสิ้นฟ้าอยู่เลย

“กูนี่มาทุกวัน แม่ง ไม่มีแววว่ามันจะตื่นเลย บอกว่าจะเลี้ยงไอติมก็แล้ว เนื้อย่างก็แล้ว  ชาบูก็แล้ว กูก็ล่อมันทุกวิถีทาง เผลอๆ กูจะมาตั้งหม้อในโรงพยาบาลแล้วเนี่ย!”พี่สารวัตรบ่น

“ไอ้หมวด ไอ้เชี่ย อย่าเชียวนะมึง ไฟไหม้โรงพยาบาลขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”พี่หมอขัด

“กูบอกกี่ครั้งแล้วว่ากูสารวัตร นอท หมวด ยูโน๊ว! อีกอย่างมึงรู้จักเตาไฟฟ้าไหมวะ ไม่ได้ใช้เตาถ่าน มันไม่ไหม้หรอกครับ!”

“ถึงจะเตาไฟฟ้า หรือกระทะไฟฟ้า กูก็ไม่ให้เว้ย!”

“โรงพยาบาลของมึงเหรอ?”

“ไม่ใช่ แล้วไง ยังไงมันก็ที่ๆกูทำงาน”

“@$#%%^&*((%#!”

“%&&*#@!%^&&!”

“เอ่อ ...พวกพี่ทั้งสองคนครับ”ผมเอ่ยเรียกเตือนเบาๆ “หยุดเถียงเรื่องของกินกันเถอะ ครับ อีกอย่างจะเอาหม้อชาบูมาตั้งในห้องผู้ป่วยนี่ ผมว่าอย่าเลย เดี๋ยวห้องข้างๆ หิว เอาไว้ท่านอัยการตื่นขึ้นมา เราค่อยไปฉลอง พร้อมกันที่ร้านเลยดีกว่านะครับ”

“เหตุผลน่าฟังและเข้าใจง่าย เอาไปสิบแต้ม”พี่สารวัตรบอก

“เหอ เหอ”หัวเราะอ่อนๆตอบกลับไป

“เครียดเว้ยยยยยย!”แล้วอยู่ดีดีพี่แกก็โวยวาย

“เครียดด้วย...”พี่หมอสำทับเข้าไปอีก

แล้วทั้งสองคนก็นั่งเอกเขนกเอาหัวพิงกัน สายตาทั้งคู่มองไปยังร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ที่ผิวขาวซีด ร่างกายผอมบางลงนิดหน่อย จอมอนิเตอร์ข้างๆเตียง ยังแสดงถึงอัตราการเต้นของหัวใจ อย่างต่อเนื่อง เป็นเครื่องยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่

“ยิ่งเห็นเพื่อนตัวเองนอนแบบต้องพึ่งเครื่องช่วยหายใจแล้วกูรู้สึกทุกข์วะ...กูว่ากูทำเต็มที่แล้วนะเว้ย กระสุนแม่งก็ไม่ได้โดนจุดสำคัญอะไรมากมายเสียหน่อย ตรวจร่างกายก็ปกติดีทุกอย่าง เวลานี้ มันต้องตื่นขึ้นมาคุยจ้อแล้วสิวะ บอกดิ ว่ากูต้องทำยังไงอีก กูต้องทำอะไรต่อ...”

พี่สารวัตรเอามือหนาๆของตัวเองลูบที่ศรีษะของพี่หมอ

“ใจเย็นน่า เดี๋ยวมันก็ตื่น ไอ้ฟ้ามันเก่งจะตาย ชีวิตมันเสี่ยงอันตรายรอดตายมาก็หลายครั้งแล้ว แค่นี้กูว่ามันจิ๊บๆ มันอาจจะแค่ติดใจสาวๆสวยๆในฝันมันอยู่...”

“งั้นมึงรีบตื่นเลยไอ้เชี่ยฟ้า”พี่หมอเปรยเบาๆ

บางครั้ง ผมก็รู้สึกว่าพี่หมอ ก็มีความหยาบคายพอตัว เอ่อ...นั่นไม่ใช่ประเด็น

ประเด็นมันอยู่ที่ ท่านจะรู้ไหม? ว่ามีคนรอคอยให้ท่านตื่นขึ้นมาอยู่

รวมถึงผมด้วย บอกตามตรง



...ผมเหงา...




ผมกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน แม่ผู้น่ารักของผมถามถึงอาการท่านอัยการที่ผมไปฝึกงานด้วยนิดหน่อย ก่อนที่แม่จะฝากของมาเยี่ยม ทั้งๆที่รู้ ว่าท่านอัยการสุดหล่อของคุณแม่จะยังไม่ตื่น แต่แม่ผมก็บอกว่าเผื่อตื่นขึ้นมา คงหิวแย่ เลยทำข้าวต้ม อ่อนๆ มาให้ มีทั้งส่วนของผม ของพี่หมอ พี่หมวด เอ้ย! สารวัตรที่ตอนนี้เร่งจับตัวคนร้ายอยู่  รวมถึงมีส่วนของท่านอัยการด้วย
ผมเดินเข้ามาในโรงพยาบาล แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นร่างสูงที่คุ้นตา พร้อมกับอีกคนที่เป็นชาวต่างชาติ กำลังยืนอยู่ หน้าประตูทางเข้าห้องพักผู้ป่วยของท่านอัยการสิ้นฟ้า ผมไม่คิดที่จะเดินเข้าไป และในจุดที่ผมยืนอยู่ คงทำให้สองคนนั่นไม่สังเกตเห็นผม




“ไม่เข้าไปเยี่ยมเจ้าหนูอัยการนั่นสักหน่อยเหรอ...”ร่างสูงหันไปมองคนที่ถาม

“ไม่ละ”ทนายเพชร ตอบกลับไปเรียบๆ ใบหน้าราวรูปสลักนิ่งเฉย

“ก็เห็นแอบแว๊บมาทุกวัน ป๊อดเหรอวะ!?”

“หุบปากเถอะสตีฟ ถ้านายไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีกว่านี้”

“โอ๋ โอ๋ ทำเป็นโกรธ รอบนี้นายไม่ได้เป็นคนชักปืนมายิง เจ้าหนูอัยการนั่นซะหน่อย”

“แต่ฉันเป็นสาเหตุ...”

“นี่...เพชร ในฐานะ รุ่นพี่ที่มีเมียมีลูกแล้วนะ ถ้าไม่ทิ้งเขาไปอีกครั้ง นายก็ต้องอยู่ปกป้องดูแลเขา ง่ายๆ แค่นี้เอง”

“อยู่ปกป้อง...งั้นเหรอ”



.
.
.



“แล้วถามท่านอัยการหรือยังครับ ว่าเขาอยากให้คุณอยู่ปกป้องดูแลเขาหรือเปล่า เกรงว่า คุณจะเป็นแค่ตัวเกะกะ”ผมพูดออกไปหลังจาก...โอเค ยอมรับว่าแอบยืนฟัง

“เต็มสิบ...”ทนายเพชรเรียกชื่อผมออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นัยน์ตานั่นยังแสดงความอ่อนโยนอยู่เสมอ ผมเคยเห็นเขาทำสายตาเย็นชาก็แค่ครั้งเดียว ในตอนเหตุการณ์บนดาดฟ้าในครั้งนั้นนั่นละ

“เสมือนว่าคุณจะรู้อะไรดีๆเกี่ยวกับคนที่ยิงท่านอัยการ”สองคนนั่น ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าว่าแปลกใจ หรืออะไร...แต่ผมก็มั่นใจว่าผมเดาไม่ผิด พวกคุณก็รู้ลางสังหรณ์ของผมค่อนข้างแม่น แต่สิ่งที่ยืนยันได้ว่าผมเดาถูกหรือไม่ แบบไม่ต้องอิงลางสังหรณ์ ก็คือหัวคิ้วที่ยกขึ้นอย่างเร็วและนิดหน่อย ของชายชาวต่างชาติที่ชื่อสตีเฟ่นนั่น


นี่ผม ติดอาการช่างสังเกต มาจากท่านอัยการสิ้นฟ้าสินะ



“เหมือนชะมัด เจ้าเด็กนี่ เหมือนเจ้าหนูอัยการนั่น...”สตีเฟ่นพูด พร้อมกับทำท่าสยอง คือ...มันหมายความว่าไงวะ!?

“สงสัยอยู่ใกล้กันมากเกินไปมั้ง...”เสมือนพูดเล่น แต่สายตาที่อ่อนโยนนั่น มันมีอยู่แว๊บหนึ่งที่บ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจ


แล้วไงอะ...ใครแคร์


“ลิตเติ้ลสิ้นฟ้า...กดดันฉันเหรอ?”ฝรั่งร่างยักษ์พูด พร้อมกับยิ้มทะเล้น  แต่ให้ตายเหอะ! การเรียกแบบนั้น...มันอะไรกัน

“จะช่วยตอบคำถามของผมได้ไหมครับ...?”ผมย้ำ

ทั้งสองคนมองหน้ากันนิดหน่อย ก่อนเจ้าฝรั่งร่างยักษ์จะระบายยิ้ม

“ฆ่าไปแล้วซะละ...”

“!?”

“คนที่ยิงเจ้าหนูอัยการนั่น ถูกฆ่าปิดปากไปแล้ว”

“ได้ไง?...”  อันนี้สงสัยอย่างจริงจังเลยครับ

“เสมือนมันแค่ขู่” เอ้า กราบ...เต็มสิบผู้นี้ งง เว้ยยยยย!

“กรุณาอธิบายแบบยาวๆ กว่านี้และให้เข้าใจได้ไหมครับ”

“คนพวกนั้น แท้จริงต้องการขู่อัยการสูงสุดไงละ ดูเหมือนว่าขุ่นพ่อของเจ้าหนูอัยการนั่น จะไปทำคดีเหยียบหางใครเข้า...แล้วพอฝั่งนู้นรู้ว่ากำลังจะสาวถึงตัว เลยชิงตัดหน้า ฆ่ามือปืนทิ้งซะ ฮะฮ่า”

“มันเรื่องน่าตลกหรือไง...แล้วไหนว่าคุณเป็นสาเหตุ”ผมหันไปถามทนายเพชร

“ถ้าฉันไม่โทรเข้ามาในตอนนั้น...”ทนายเพชรพูดแล้วเงียบไป ผมนิ่งสักพัก ก่อนจะยิ้มเหยียด

“ออ ใช่ ถ้าคุณไม่โทรเข้ามาในตอนนั้น ท่านอัยการก็จะไม่แยกตัวออกไป จนทำให้ท่านอัยการถูกยิง...”รู้สึกว่าตัวเอง ไร้สาระ และเหมือนตัวอิจฉาหรือนางร้ายในละครชะมัด ทั้งที่ ถ้าพวกเราอยู่ด้วยกัน ถ้ามันจะยิงก็ยิงได้อยู่ดี เพราะเท่าที่เห็นมันก็ลงมืออย่างอุกอาจ ท่ามกลางที่ชุมชน แบบไม่เกรงกลัวอะไร

“นั่นสินะ...”ทนายเพชรทำหน้าจ๋อยไปนิดหน่อย

ฮ่า...สะใจชะมัด !

“งั้นต่อแต่นี้ ฉันคงต้องมาปกป้องสิ้นฟ้า อย่างที่นายว่าแล้วละสตีเฟ่น นายคงไม่มีปัญหาใช่ไหม เต็มสิบ...”ทนายเพชรว่า

โอ้....ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย!

“คือ...ดีงาม...”ชายชาวต่างชาตินามว่าสตีเฟ่น ส่งเสริมเพื่อนตัวเอง


“เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆ นี่ถามท่านอัยการหรือยังว่าเขาอยากให้ปกป้องไหม! เหอะ!”เสมือนตัวเอง ย้อนกลับไปถามที่คำถามแรก

“โธ่ๆๆๆๆๆ เจ้าหนูลิตเติ้ลสิ้นฟ้า เรื่องแบบนี้ เขาไม่มาถงมาถามกันหรอก มันเป็นเรื่องของหัวใจ...”เจ้าฝรั่งมังค่าที่น่าส่งกลับประเทศพูดด้วยน้ำเสียงยียวน พร้อมกับเอามือทาบที่หน้าอกตัวเองแล้วทำเป็นเด้งหน้าอก แสดงออกให้เห็นถึงการเต้นของหัวใจ ในแบบที่กวนบาทาและน่าถีบสุดๆ จนพยาบาลที่เดินผ่านมาแอบขำ

เหอะ...เจ้าพวกคนแก่ นี่มัน ร้ายกาจ ชะมัด!









“พี่รักฟ้านะ รักมาก รักมากเกินไปที่พี่จะบอกลา...”

นัยน์ตาคมกระพริบถี่ๆ ขึ้นมาท่ามกลางความมืด รู้สึกถึงความแห้งผากของลำคอ และต้องการน้ำมาล่อเลี้ยงอย่างเร่งด่วน เจ้าตัวค่อยๆขยับคอมองไปรอบๆ แต่ก็ขยับไม่ได้มาก รู้สึกร่างกายส่วนอื่นมันไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ฝืนแขนของตัวเองและมือข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกขึ้นถอดหน้ากากออกซิเจนออกแล้วเลื่อนไปที่โต๊ะดอกไม้ข้างๆ แล้วปัดอย่างแรง

เพล้ง!

“ตื่นมาก็ทำลายข้าวของเลยนะ”เสียงทุ้มที่คุ้นหู ดังขึ้นมาไม่ใกล้ไม่ไกล ก่อนที่ใบหน้าราวรูปสลักจะมาปรากฏให้เห็นใกล้ๆ พร้อมกับพยุงเขาและยื่นแก้วที่มีหลอดน้ำมาให้ดื่ม

นัยน์ตาเรียวคมของคนบนเตียงกระพริบมองปริบๆ ก่อนจะหันไปมองทางอื่นโดยรอบ มีร่างเล็กของใครอีกคนหนึ่งที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟา ทั้งที่เสียงแจกันแตกออกจะดังลั่นซะขนาดนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับมามองกระพริบตาปริบ จ้องใบหน้าราวรูปสลักของทนายเพชร ที่ตอนนี้ เริ่มทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะเขินก็เขิน กลัวความผิดก็กลัว และไม่รู้ว่าคนป่วยจะว่ายังไงที่เห็นเขามายืนอยู่ตรงนี้


“เอ่อ ฟ้า...”ทนายเพชร เอ่ยเรียกเบาๆ




“นายเป็นใคร...”



แค่คำพูดคำเดียว...สามารถทำให้โลกหยุดหมุนได้มันเป็นแบบนี้นี่เอง





...........................................................................

ผลัดกันเจ็บมั่งอะไรมั่ง ก็รู้สึกดี...? เนอะ

ยังไม่ได้ตรวจคำผิดหรือตรวจความถูกต้องของเนื้อหาในตอนนี้
หากเจออะไรผิดพลาดต้องขออภัยนะคะ กราบ...ไว้ก่อน

เต็มสิบ : นี่ท่านอัยการความจำเสื่อมเหรอ?
สิ้นฟ้า : "..."
เพชร : "..."
หมอ :"กูพร้อมที่จะชำแหละสมองละ ไม่ใช่สมองไอ้ฟ้ามันนะ สมองคนเขียนนี่ละ!"
สารวัตร : "ใจเย็นลูก ใจเย็นนนนนน! เดี๋ยวได้ขึ้นเป็นคดีต่อไปละซวยเลย"
สตีเฟ่น : "คดีที่...ฆาตกรรมโหด ของหมอโรคจิต"


สารวัตร : "ใจเย็นลูก ใจเย๊นนนนนนนนนน...."



ลาก่อย เอ้ย ลาก่อน แล้วเจอกันตอนต่อไปคะ >>> 2 be con
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 6 เพชร (Diamond) 11/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: JayKup ที่ 11-10-2014 11:23:44
ชอบนิยายแนวนี้มาก พึ่งอ่านเป็นกำลังใจให้นะครับ ฟินท่านอัยการ&เต็มสิบ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 6 เพชร (Diamond) 11/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2014 13:16:44
โอะโอ๋!!! มีเรื่อง
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 6 เพชร (Diamond) 11/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: eamjungza ที่ 11-10-2014 15:16:29
เราทำงานที่นี้น้ะ อ่านแล้วก้ โอเคเลยยเข้าใจง่าย ไม่สับซ้อนต่อนะๆๆๆ :katai1: :mew3: :mew1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 6 เพชร (Diamond) 11/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 11-10-2014 16:30:26
โอ้ยกลัวอกหัก เราเชียร์น้องเต็มสิบอยู่ซะด้วยสิ
พระเอกของทนายเพชรหมายความว่าไง แล้วช่วงสุดท้ายน้องเต็มสิบหายไปหนายยย
กลัวๆๆๆๆ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 6 เพชร (Diamond) 11/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 11-10-2014 21:57:52
หนูสิบเอ้ย สู้ทนายเพชรไม่ได้แน่ๆ เจ้าเล่ห์ขนาดนั้น
สะใจจริง สิ้นฟ้าลืมท่านพี่ทนายเอาให้หนัก จะได้ไม่รังแกกันอีก
หวังว่าจะไม่ลืมหนูสิบนะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 6 เพชร (Diamond) 11/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 12-10-2014 00:19:37
ท่านอัยการความจำเสื่อมมมมมม ไม่นะ เอ๊ะ หรือเป็นแผน
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (Special story... 12/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 12-10-2014 07:38:49
(http://image.free.in.th/v/2013/iw/141012074221.PNG)

Special story




“นายเป็นใคร?”


“ทำหน้าตลกเชียว”ร่างบนเตียงพูด ก่อนจะมองไปรอบๆอีกครั้ง“ที่นี่...โรงพยาบาลสินะ...”

“ล้อเล่นสินะ...”ทนายเพชรถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเดินไปเปิดไฟให้ห้องทั้งห้องสว่าง “งั้น พี่ตามหมอมาดีกว่านะ”

“ไม่ต้อง...ดีขึ้นแล้วละ”

“ยังไงก็ เรียกให้มาตรวจดูอาการสักหน่อย...”

“นี่...มาอยู่ที่นี่ได้ไง?”

“ก็จองตั๋วเครื่องบิน ขึ้นเครื่อง มาลงที่สนามบิน มีรถมารับไปส่งที่คอนโด แล้วก็ขับรถตัวเองมาที่โรงพยาบาล”

“เพื่อนเล่นหรือยังไง...แล้วมาทุกวัน?”

“เอ่อ...ก็ประมาณนั้น”พูดพร้อมกับเกาหัวตัวเองแก้เก้อ

“นี่...ทำไมต้องมาละ”เสียงถามเบาหวิว พร้อมกับหลบสายตาหันไปมอง ร่างเล็กที่นอนหลับลึกอยู่บนโซฟา




“หลับตาลงหน่อยสิ”



สิ้นฟ้าหลับตาลงช้าๆตามคำสั่ง ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความอุ่นบริเวณริมฝีปาก ที่กดลงมาอย่างแผ่วเบา สิ้นฟ้าเผลอผงะนิดหน่อย แต่อ้อมแขนใหญ่โอบกอดรัดรั้งตัวของเขาเอาไว้และกระชับแน่นขึ้นเพื่อไม่ให้เขาขยับตัวหรือดิ้นหลุดไปได้ ก่อนที่ปลายลิ้นจะสัมผัสได้ถึงความอุ่นชื้นที่ล่วงล้ำเข้ามา ก่อนที่ร่างหนาจะผละออกนิดหน่อย พร้อมกับจ้องหน้าคนในอ้อมกอด

สิ้นฟ้าลืมตาขึ้นติดจะหอบ ใบหน้ารูปสลัก นัยน์ตาเรียวสีนิลที่ดูอบอุ่น ยังอยู่ไม่ห่างออกไปจากใบหน้าของเขา ลมหายใจของคนทั้งสองคน ยังสัมผัสได้ถึงลมอุ่น ที่เป่าผ่านทำให้หน้าร้อนผ่าวขึ้นสีแดงระเรื่อ



“เราเริ่มกันใหม่นะ...”



คำพูด แค่นั้น ก็พอที่จะทำให้เขาหลับตาลงอีกครั้ง เพื่อลืมเหตุผลทุกอย่าง...




“เอ่อ...”


เจ็บ...

นั่นคือความรู้สึก ที่ผมคงสัมผัสได้ในตอนนี้ เมื่อในตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ได้เห็นภาพ พูดแบบตรงๆ เลย ก็คือ



...จูบกัน...



อาจจะเป็นเพราะผมส่งเสียงเบาๆขึ้น จึงทำให้ทั้งสองคนผละออกจากกันอีกครั้งแล้วมองมาทางผม

เอาไงดี

จะแกล้งบอกว่าไม่เห็นก็คงไม่ทัน จะหลบสายตาที่มองมาก็ทำไม่ได้ด้วย

“ผมขออนุญาต ออกไปร้องไห้ แป๊ปเดียวนะครับ...”ผมเอ่ย เพียงแค่นั้นแล้วเดินกึ่งวิ่งหนีออกมาจากห้องนั้นทันที

ความรู้สึกมันตีกันไปหมด

ที่รู้ๆ คือดีใจมากๆ ที่ท่านอัยการฟื้นแล้ว...แต่มันก็...เจ็บ

ผมนึกไม่ถึงจริงๆว่าความรู้สึกตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้พบกับท่านอัยการ
ความรู้สึกนั่นมันจะหล่อหลอมและสั่งสมมาจนถึงวันนี้  แล้วทำให้ผมเจ็บได้มากมายขนาดนี้


ไม่เอา เต็มสิบ ไม่ร้องไห้...เดี๋ยวท่านอัยการลำบากใจแย่


กลับเข้าไปใหม่...แล้วก็ยิ้ม



ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ขออนุญาตครับ...”ผมเดินยิ้มเข้าไป อย่างสดใส ในเวลาประมาณสองนาฬิกากว่าของวันนี้ หลังจากที่ท่านอัยการฟื้นมาได้ไม่นาน

“เต็มสิบ...”

“ครับ?”ทำไม ทำหน้าลำบากใจอย่างนั้นกันละ “ผมแค่ช๊อค นิดหน่อยอะ ก็อยู่ดีๆตื่นขึ้นมาเจอฉากเรทซะงั้น...เขิน”

“เต็มสิบ...”

“แล้วนี้ เรียกหมอกันหรือยังครับ?”

“เต็มสิบ...มาใกล้ๆพี่หน่อย...”

“ครับ?”ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะเดินเข้าไปหาท่านอัยการ เผลอหลบสายตานิดหน่อย ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความอุ่นที่ตรง
ศรีษะ มือของท่านอัยการค่อยๆลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา


 “เอ่อ...”

“เด็กน้อย...ของฉัน เราเป็นคู่หูกันไม่ใช่เหรอ?”

เหมือนภาพตรงหน้าค่อนข้างเลือนรางไปนิดหน่อย ขนตาก็รู้สึกเริ่มหนักๆแหะ


“อาจจะดูเห็นแก่ตัว...”

สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ลูบอย่างแผ่วเบาที่เปลือกตา
พยายามจะเช็ดน้ำตาให้งั้นเหรอ น้ำตาของผมมันไหลออกหรือไง?



“ฉันกลับมาแล้ว...แล้วเธอกำลังจะไปไหนกันละ?”




..........................................................

special นี้ เป็นส่วนที่คิดซ้ำหลายตลบมาก ว่าจะเอาลงดีไหม
หรือว่าจะตัดส่วนไหนออกหรือเปล่า สุดท้ายก็เอาลง=.,=

เอาเป็นว่าต้องกราบ ขออภัยแม่ยก น้องเต็มสิบ คะ
เจออย่างนี้แล้วอย่าทิ้งกันไปน๊าาาา :กอด1:

สิ้นฟ้า : "นี่ฉันให้อภัยแล้วเหรอ!?"
เพชร : "แสดงออกผ่านมาทางร่างกายและสายตาหมดแล้วละ"
เต็มสิบ : :z6:


หลังจากนี้จะหายไปนานมากๆนะคะ ขอบคุณที่ติดตามคะ >>>>2 be con
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (Special story... 12/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 12-10-2014 09:08:52
ขอวิ่งออกไปร้องไห้แป๊ปนึงนะคะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (Special story... 12/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-10-2014 10:46:24
เราพลาดเรื่องนี้ได้อย่างไง สนุมากเลย แล้วจะมีใครมาดามใจหนูเต็มของเรามั้ย อะอื้อออออออออ รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (Special story... 12/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: JayKup ที่ 12-10-2014 19:27:59
สงสารเต็มสิบ :o12: :o12:   เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะครับ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (Special story... 12/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 12-10-2014 19:33:58
ก็บอกแล้ว3P เถอะ
ให้เพชรเก็บเอาไว้ทั้งสองคนอย่าเลือกเลยดีกันคนละแบบ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (Special story... 12/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 12-10-2014 21:37:18
หนูเต็มใจเย็นน๊า ยังๆงพี่สิ้นก็มาแล้ว
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (Special story... 12/10/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-10-2014 21:43:18
เขารักพี่เสียดายน้องอะ 3P ได้ไหมอะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (1) 11/11/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 11-11-2014 01:17:41
คดีที่ 7
เด็กสาว...เก้าศพ(1)



ตืด~~~~~~~ ตืด~~~~~~~



“พี่คะ พี่ต้องช่วยหนูนะ”





..........................................................


“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้พบคุณในวันนี้”ชายหนุ่มตัวเล็กหน้าสวยเอ่ยขึ้น ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอย่างน่ารัก  “ไม่ทราบว่าที่บาดเจ็บตอนนั้น หายดีหรือยังครับ” ทั้งน้ำเสียงและการเว้นวรรคจังหวะของคำพูด มันทำให้คนๆนี้ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล ใบหน้าที่ดูเสมือนเปื้อนยิ้มตลอดนั่น กลับรู้สึกถึงตัวตนที่น่าจะมีอะไรบางอย่างแอบแฝง


เจ้าตัวเขาดูน่าค้นหา...ต้องบอกอย่างนี้สินะ


“หายดีแล้วครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง”อัยการหนุ่มเอ่ยตอบกลับไป พร้อมกับยิ้มให้

“เราต้องร่วมงานกันอีกนาน ไม่ให้ผมเป็นห่วงคุณแล้วจะให้ผมเป็นห่วงใคร ใช่ไหมครับ?”

อาจจะเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน...

“เรื่องที่คุณถูกทำร้ายวันนั้น...”

“ช่างเหอะ ฉันไม่รีบ”สิ้นฟ้าพูดพร้อมกับยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“ถ้าคุณต้องการคนคุ้มกัน?”

“ขอบคุณ สำหรับความหวังดีนะ แต่ฉันว่านาย อย่ากังวลเรื่องของฉันให้มากเลย ทางฝั่งของนาย ก็ใช่จะวุ่นวายน้อย กว่าทางฉันสักเท่าไหร่”

“แต่...”

“เอาเป็นว่า ยังไงฉันก็รู้ตัวดี...ว่าฉันเป็นทรัพยากร เรียกอย่างนี้ถูกไหม ?  เอ่อ...โทษที ฉันไม่ได้ระชดนะ”

“ผมคิดว่า คุณเปรียบตัวเอง เป็นจิ๊กซอว์ ชิ้นหนึ่ง ดีกว่านะครับ เพราะทุกชิ้นมันสำคัญเท่าๆกัน ถ้าขาดหายไปชิ้นใดชิ้นหนึ่ง มันก็เติมเต็มไม่ได้ ที่ผมมาหาคุณวันนี้  นั่นคือผมห่วงคุณจริงๆ และผมยอมให้คุณเป็นอะไรไปไม่ได้”ร่างเล็กเอ่ยตอบ พร้อมกับเอนไปพิงพนักโซฟา ใบหน้าขาวๆ ติดขึ้นสีชมพูระเรื่อนั่น ยังยกยิ้ม แต่น้ำเสียงเรียบเฉย

 “แล้วฉันจะต้องอยู่ในเกมนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่?”

“ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดก็คงต้องอยู่จนกว่าเกมจะจบ เท่านั้นละครับ”




ติ๊ง ต่อง ติ๊ง ต่อง

“ดูเสมือนจะมีคนมา งั้นผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า”ชายหนุ่มร่างเล็กพูด พร้อมกับเตรียมตัวยืนขึ้น ก่อนจะเดินไปที่ประตูพร้อมกัน

“ดิน!”สิ้นฟ้าเอ่ยเรียกชื่อของเจ้าตัว ทำให้ร่างเล็กชะงักมือที่จะเปิดประตูนิดหน่อย ก่อนหันมามองเขา พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

“ระวังตัวด้วยละ”

“คุณเองก็เช่นกัน”




“อ้าว...”ผมร้องขึ้นอย่างสงสัย เมื่อประตูเปิดออก แต่กลับไม่ใช่ท่านอัยการเป็นคนเปิด ใครกัน หน้าตาน่ารักน่าหยิกชะมัด เล่นเอาผมค้างเลย

“มาหาท่านอัยการเหรอ เขาไปสิ ผมจะกลับแล้วละ”

“อะ เอ่อ ครับๆ”ผมตอบรับ อย่างรู้สึกอยู่ในความเหม่อลอยนิดๆ เพราะใบหน้านั่น ก่อนจะเอียงตัวหลบ ให้คนๆนั้นเดินออกไป เข้ามาในห้องก็เห็นท่านอัยการยืนมองอยู่

“ขึ้นมาได้ไงเนี่ย”นั่นสิ ผมขึ้นมาได้ไง ปกติ มันต้องมีคีย์การ์ด

โอเค บอกความจริงก็ได้

“ติดสินบนยามให้เปิดประตูให้ครับ”

“ร้ายกาจขึ้นทุกวันนะ นายนะ”

“โฮ่ ได้มาจากท่านอัยการทั้งนั้นเลยละ” ตอบออกไปด้วยความมั่นใจสุดๆ จนท่านอัยการทำหน้าเหวอ “ว่าแต่ คนเมื่อกี้ใครกันครับ หน้าตาน่ารักสุดๆ กิ๊กท่านเหรอ ผมหึงนะ”

“เพื่อนน่ะ”

“เพื่อน?”

“อืม...”

“ไม่ยักรู้ว่าท่านมีเพื่อนที่หน้าตาน่ารักอย่างนี้ พี่หมอกับพี่สารวัตร ไม่เห็นเคยพูดถึงเลย”ผมบ่นหงุบหงิบ

“นี่สองคนนั้น มันเล่าอะไรให้ฟังบ้างเนี่ย!?”

“ก็ทุกอย่างที่เกี่ยวกับท่านอัยการนั่นแหละ  เพราะสองคนนั้น เป็นกองอวยผม และแอนตี้ ทนายเพชร”ท่านอัยการจะรู้ไหมว่าทั้งพี่หมอ และท่านสารวัตร หาหนทางกีดกัน ทนายเพชรสุดๆ ขนาดวันนี้ ยังโทรไปบอกทนายเพชรเลยว่าท่านอัยการจะไปตลาดน้ำแห่งหนึ่ง ให้รีบตามไป นี่ไม่รู้ว่าจะหลงเชื่อไหม แต่ผมว่าทนายเพชร คงไม่โง่โดนหลอกง่ายหรอก

“งั้นเมื่อหลายชั่วโมงก่อนนี้ ทนายเพชรโทรมาถามฉันว่า อยู่ที่ตลาดน้ำหรือเปล่า?เป็น ฝีมือพวกนายใช่มะ” ถามพร้อมกับส่งสายตากดดัน

“เอ่อ...” เค้า ไม่ได้ เห็นด้วย นะ

“ฉันก็เลยบอกว่า ใช่ ฉันอยู่ที่ตลาดน้ำ”

“อะ เดะ”

“ป่านนี้คงถึงแล้วมั้ง เดี๋ยวโทรไปฝากซื้อลูกชุบ กับขนมหวานกลับมาก่อน”

“ห๊า!”

“ก็ให้โดนแกล้งซะมั่ง...สะใจดี”

นี่สิ ปีศาจตัวจริงอยู่ตรงนี้ครับ


“งั้นผมไปทำอาหารดีกว่า” หนีได้ ให้รีบหนีครับ นั่นคือคติของผม
.
.
.
“ลูกชุบ ใช่ๆ เอาทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เอามาให้หมด...อืม ไอติมกะทิ ก็อยากกินนะ แต่กว่าจะมาถึงละลายหมดกันพอดี ...ร้อนไหม? งั้นเหรอ...อืม...”

ผมที่ทำอาหารอยู่ในครัว ได้ยินเสียงท่านอัยการคุยโทรศัพท์เบาๆ แอบถอนหายใจเล็กน้อย เพราะบางครั้งก็รู้สึกอึดอัดนะ แต่ทำยังไงได้ละ ผมมันก็...ใจไม่แข็งพอด้วยสิ อ่อนแอชะมัด

“เต็มสิบ อยากกินขนมอะไรเป็นพิเศษไหม?”

“ไม่ครับ...ท่านกินอะไร ผมก็กินอันนั้นละ”


.
.
.


“ฝีมือ ยอดเยี่ยมเสมอ”ท่านเอ่ยปากชม เมื่อเรามานั่งทานอาหารด้วยกัน ผมไม่ได้ทำอาหารเก่งอะไรมากมายหรอก อย่างมากก็แค่อาหารพื้นๆทั่วไป อย่างแกงจืด ข้าวผัด ไข่ทอด อะไรพวกนี้ ที่เด็ดสุดที่ทำได้ ก็มีแค่ต้มยำกุ้ง ส่วนอาหารวันนี้ ผมลองไปหาวิธีการทำมา ก็เลยได้เป็นฉู่ฉี่ปลาหมึก ไข่เจียววุ้นเส้นหมูสับ กับปลาสามรส ดูท่าทางท่านจะชอบมากๆ เคี้ยวซะแก้มป่องเลย

น่ารัก น่ารัก เกินไปแล้ว!!!!!!

ทั้งที่ท่านก็ไม่ได้ตัวเล็ก หรือหน้าตาจิ้มลิ้มอะไรมากมาย ออกจะหล่อ สูง และแมนมากด้วยซ้ำ แต่ทำไมมันดูน่ารักในสายตาผมได้ขนาดนี้นะ

เฮ้อ...

“นี่สินะที่เขาเรียกว่าหลง ไม่ว่าคนๆนั้นจะทำอะไรก็ดูน่ารักน่าคลั่งไคล้ไปหมด”ผมเปรย เบาๆ ท่านอัยการชำเรืองมองผมหน่อยๆก่อนจะทานอาหารไป อย่างคนมีความสุขกับการกิน

เมื่อหลังทานอาหารเสร็จ ท่านอัยการสิ้นฟ้า ก็เป็นคนอาสา ล้างจานเองครับ ส่วนผมก็มานั่งเล่นเกมโอเทลโล่ ออนไลน์แข่งกับผู้คนในเน็ต แข่งไปแข่งมา เพลินครับ มองไปที่นาฬิกาก็เกือบสามทุ่มกว่าละ พอมองไปที่ท่านอัยการ ก็เห็นท่านนั่งหัวหมุนกับกองกระดาษขนาดใหญ่ ที่โต๊ะโซฟา หน้าจอโทรทัศน์อยู่

ผมมองไปที่โทรทัศน์

“อืม...การเมืองประเทศเรานี่ดูท่าจะร้อนแรงขึ้นทุกวันนะครับ”ผมพูดเมื่อมองไปยังจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ที่ฉายข่าวผู้ชุมนุมประท้วงทางการเมืองมากมาย เพื่อเรียกร้องอะไรหลายๆอย่าง บางกลุ่มต่อต้านคอรัปชั่น บางกลุ่มเรียกร้องสิทธิ เรียกร้องประชาธิปไตย หรืออะไรหลายๆอย่างตามที่ยกมากล่าวอ้าง บางครั้ง ยิ่งตามดูข่าวก็รู้สึกยิ่ง งง ยังแอบคิดอยู่เลยว่า...ก็ไม่เห็นจะมีทางเลือกไหนที่ดีกว่ากันสักเท่าไหร่เลย

“มันก็ร้อนแรงมาแต่ไหนแต่ไรแล้วละมั้ง...”ท่านเปรยเรียบๆ พรางใช้เพียงแค่หางตามองดูข่าวในโทรทัศน์ “การเมืองในประเทศนี้นะ มันก็วนอยู่แต่กับรูปแบบเดิมๆนั่นแหละ  ประท้วง แล้วอีกสักพักก็จะมีพระเอกออกโรงมาปิดท้าย ด้วยการรัฐประหาร ยิ่งกระตุ้นให้รู้สึกรุนแรงมากเท่าไหร่ การรัฐประหารก็จะกลายเป็นฮีโร่มากขึ้นเท่านั้น ประวัติศาสตร์ทางการเมืองไม่เคยสอนอะไรให้กับคนในประเทศนี้หรอก น่าจะชินกันได้แล้ว”

“ผมว่าหลายๆคนอาจจะได้เรียนรู้ แต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่า”

“ก็คงอย่างนั้น...”



ครืด~~~~ ครืด~~~~

เสียงโทรศัพท์มือถือ บนโต๊ะสั่น

“อืม...เดี๋ยวลงไปรับ”ท่านว่าเบาๆ

สงสัยทนายเพชรคงจะมาแล้วมั้ง นี่ก็ดึกแล้ว ผมน่าจะได้เวลากลับแล้วมั้ง ออ ไม่ต้องห่วงการเดินทางของผมจะอันตรายหรอกครับ ที่อยู่หอผม กับ คอนโดท่านอัยการนี่ ห่างกันแค่รถไฟฟ้าสถานีเดียว ผมเลยชอบมาหมกตัวอยู่กับท่านบ่อยๆ

“งั้นผม ว่า ผมกลับเลยดีกว่า”

“เอางั้นเหรอ”

“ครับ”


เราทั้งสองคนลงลิฟต์มายังชั้นล่าง ก็เห็นทนายเพชร นั่งรออยู่ที่โซฟา ในโซนรอของบุคคลภายนอก

“ปกติ ก็หาทางขึ้นไปได้ ไม่เห็นต้องให้ลงมารับนิ่”ท่านอัยการบ่น

“พี่ก็แค่อยากให้ฟ้า เดินลงมาหาพี่มั่ง” เขาพูด ก่อนจะหันมามองผม “เต็มสิบ...”

“มีปัญหาอะไรครับ”ไม่ได้ตั้งใจหาเรื่อง แต่ปากเจ้ากรรมมันพาไป

“เปล่า เพียงแค่คิดว่านายมาอยู่กับฟ้า บ่อยเกินไปนะ”

“ก่อนคุณจะมาผมก็มาอยู่ของผมประจำ”

“ขนมของเค้าล๊า~~~”

“งั้นเหรอ?”

“ใช่ครับ”

“นี่ใช่ไหมห่อขนม ไปละ!”


“หลังจากนี้ก็มาให้น้อยๆลงหน่อยละกัน”

“คุณมีสิทธิอะไรมาห้ามผมละ”

“...”


“มีสิทธิก็แล้วกัน!”

“งั้นเหรอ งั้นผมก็มีสิทธิ เพราะผมเป็นเด็กฝึกงานของท่านอัยการ”

“ได้ข่าวว่าหมดโปรแล้ว”

“ผมจะไปขอขยายเวลาฝึกงานเดี๋ยวนี้ละ”เอาสิ ผมไม่ยอมแพ้หรอก

“คืนนี้ ฉันจะนอนกับสิ้นฟ้า”

“งั้นผมก็จะนอนด้วย”


.
.
.


“นี่จะไม่ยอมใช่มะ”

“เรื่องไรจะยอมละ”



อะเดะ! ว่าแต่ท่านอัยการหายไปไหน


“สิ้นฟ้า!”

“ท่านอัยการ!!!”




“พวกนายนี่น๊า เถียงกันเป็นเด็กๆ”ท่านพูดขึ้น เมื่อเรามาถึงห้อง

“ท่านก็ไม่น่า ทิ้งพวกเราไว้ข้างล่างนี่ครับ ผมเลยต้องไปติดสินบน ยาม อีกรอบเลย กว่าจะได้ขึ้นมา”

“ดีแล้วที่ยามเขาไม่ไล่เตะ พวกนายสองคนออกไป หนวกหูน่ารำคาญ รบกวนผู้อยู่อาศัยคนอื่นมากๆ”

“เอ่อ พี่ขอโทษ”

“ผมก็ขอโทษด้วยครับ”

“งั้นมากินขนมกันดีกว่า”ท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้าพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อน จะเดินเข้าไปในส่วนของห้องครัว


“สงบศึกชั่วคราว”
“ก็ได้...”



หลังจากนั้น พวกเราก็มานั่งกินขนม พร้อมกับดูการ์ตูนแอนนิเมชั่นกันครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับนินจา ที่พระเอกมันหน้าหนวดอะแหละ ดูเป็นภาคเดอะมูฟหวี่เอา ได้ข่าวว่า เรื่องนี้คนเขียน เขียนใกล้จบแล้ว ผมว่า ถ้าจบไป มันจะกลายเป็นตำนาน อีกบทหนึ่งของวงการการ์ตูนแน่ๆ การ์ตูนเรื่องนี้ ผมนี่โตมาพร้อมกับมันเลย ดูตั้งแต่เด็กยันโต
หลังจากนั้นก็ผลัดกันไปอาบน้ำ  ก่อนที่จะเข้านอนกัน

แต่ปัญหามันอยู่ที่

“ฉันว่าเตียงมันเล็กไป สำหรับผู้ชายสามคนนะ”ท่านอัยการบ่น “ฉันรู้สึกว่ากำลังโดนเบียด...T^T”

“เตียงมันไม่ได้เล็กไปหรอก แต่เต็มสิบ เขยิบไปเลยอย่ามาเบียดฟ้า”

“ทนายเพชรแหละ ขยับไปเลย แล้วมือนั่นน่ะ กรุณาเอาออกจากตัวท่านอัยการด้วย”

“งั้นขานายก็อย่าเอามาพาดที่ขาของฟ้าสิ”

“มานอนกับท่านผมก็พาดของผมอย่างนี้ประจำ”


“นี่จะไม่ยอมจริงๆใช่มะ”

“เรื่องอะไรจะยอมละ”



“แล้วทำไมฉันต้องมานอนตรงกลางให้พวกนายสองคนเถียงกันใส่ฉันด้วยเนี่ย ห๊า!”





24.00 น.

ครืด~~~ ครืด~~~~ครืด~~~

“ฟ้า ครับ เสียงโทรศัพท์ของฟ้าหรืเปล่า?”น้ำเสียงนุ่มๆติดงัวเงีย ถามขึ้น ก่อนที่นัยน์ตาคมกริบของสิ้นฟ้าจะกระพริบปริบๆ กระเด้งตัวลุกนั่ง แล้วมองไปยังโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ที่โต๊ะข้างหัวเตียงซึ่งส่องแสงสว่าง พร้อมกับสั่นเสียงดัง จะลุกไปเอาก็ไม่ได้ เพราะร่างเล็กของเต็มสิบกอดเขาเอาไว้ซะเต็มวงแขน ทนายเพชรจึงเอื้อมมือไปหยิบมาให้ ก่อนเขาจะกดรับ



“พี่คะ พี่ต้องช่วยหนูนะ”


เสียงสั่นๆจากปลายสายดังเข้ามา

“พี่คะ...”

“เกิดอะไรขึ้น...”





12.39 น.

เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง กว่าเราจะเดินทางขับรถขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์มาถึงยังจุดนี้ เมื่อมาถึง ความวุ่นวายโดยรอบปรากฏให้เห็นยังเบื้องหน้า ยังถนนที่อยู่เบื้องล่างและถนนที่ผมยืนอยู่ แม้จะเป็นเวลาเกินเที่ยงคืนมาแล้วก็ตาม ท่านอัยการในชุดนอนปาจามาสีฟ้า มีเพียงเสื้อกันหนาวสีเทา คลุมทับอีกชั้นเดียว เดินเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ก่อนจะถูกนำตัวเข้าไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมๆกันกับผมและทนายเพชร ที่อยู่ในชุดนอนคล้ายๆกันเดินตามเข้าไปด้วย 

ภาพรถเก๋งสีดำที่ด้านหน้ามีสภาพยับเยิน พร้อมกับรถตู้ที่นอนหงายท้องกลางถนนปรากฏอยู่ไม่ไกลจากสายตา เจ้าหน้าที่ตำรวจและพยาบาล หน่วยกู้ภัย ระดมกำลังช่วยเหลือ ผู้บาดเจ็บ อย่างเร่งรีบ ผมเดินมาเกาะขอบปูนของทางด่วนโทรลล์เวย์มองลงไป
ยังด้านล่าง ที่มีความวุ่นวายยิ่งกว่าด้านบนเสียอีก

เพราะ หน่วยกู้ภัย กำลัง เอาผ้าคลุมศพผู้เสียชีวิต

...ที่กระเด็นตกลงไปจากการปะทะกันของรถตู้และรถเก๋ง บนทางด่วนโทรลล์เวย์ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต้องสู้กับกระแส ของคนที่มุงดูและนักข่าว อีกทั้งต้องเร่งทำเวลาในการเคลียร์พื้นที่ อย่างระมัดระวังที่สุด โดยเฉพาะการจราจรที่อยู่บนถนนด้านล่างที่ถูกปิด จนรถที่ยังคงมีการสัญจรอยู่ไม่สามารถเคลื่อนตัวได้

ผมเห็นเด็กผู้หญิงที่ดูอายุคงไม่น่าจะเกิน 18 ปีคนหนึ่งเดินเข้ามาหาท่านอัยการ แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองท่านเท่านั้น ส่วนท่านอัยการก็เพียงแค่มองเธอกลับไปเช่นกันไม่แม้แต่ที่จะเดินเข้าไปหา ส่วนเด็กสาวที่เห็นท่านอัยการมองกลับไปก็หยุดที่จะเดินตรงมาหาท่านเช่นกัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่พยาบาลจะมาเอาตัวเธอออกไป

“ไอ้ฟ้า!”เสียงท่านสารวัตรดังเข้ามาก่อนที่จะเห็นตัวเสียอีก “ฉันว่ากำลังจะโทรตามแกอยู่ ไม่นึกว่าจะมาอยู่ตรงนี้แล้ว...ไอ้หมอก็กำลังวุ่นวายกับคนเจ็บที่กำลังถูกลำเรียงส่งไปโรงพยาบาล ส่วนน้องสาวมึง...”

“ช่างเหอะ”

“ห๊ะ!?”

“ไม่ต้องรายงานแล้ว...”

“แต่น้องสาวมึง...”





“เด็กนั่น ก็แค่คนที่เกิดมาจากพ่อคนเดียวกัน ไม่ใช่น้องสาวฉันซะหน่อย...”










.................................

 :katai5:แอบมาอัพ บอกว่าจะหายไปนาน ก็หายไปเป็นเกือบเดือนเลย หุหุ
คดีนี้เล่นไปแล้ว กลัวถูกฟ้องร้อง ยังไงก็ไม่รู้คะ 555+ เปลี่ยนสีรถให้แล้วนะเออ (นิยายเธอจะอยู่รอดไหมห๊า!?)
เอาเป็นว่า เคยบอกตั้งแต่เริ่มเรื่องแล้วว่าคดีต่างๆที่เกิดขึ้นในเรื่องส่วนมากได้รับแรงบัลดาลใจจากคดีที่เคยเกิดขึ้นจริง
และให้จิ้นว่าเกิดที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดที่ไทย เอาเป็นว่า อย่าเครียดตามนิยายนะคะ
ส่วนคดีที่ 7 นี้ เราจะเสนอในด้านมุมมองของทางด้านผู้กระทำความผิดคะ
อาจมีบางฉากอาจจะขัดใจบางท่าน แต่เพื่อให้นิยายมันเดินต่อไปได้ ก็ต้องขออภัยไว้ก่อนเลยนะคะ

ดีใจที่ตัวเองมีเวลากลับมาอัพนิยายเสียที


สิ้นฟ้า : บทฉันนี่มัน ร้ายกาจตลอด!
เต็มสิบ : บทผมนี่ก็ช้ำ หน่วงๆตลอดครับท่านอัยการ อย่าเครียดไปเลย
ทนายเพชร : นางชอบทำร้ายจิตใจพวกเราเนอะ
เต็มสิบ :ช่ายยยย  :z6:




See Ya ม๊วฟฟฟฟฟ คะ >>>>ดูซีรี่ย์มากไปเลยติดมา
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (1) 11/11/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-11-2014 02:23:06
ให้อารมณ์ 3P มากๆ ยิ่งอ่านยิ่งใช่
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (1) 11/11/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 11-11-2014 05:56:41
น้องเต็มสิบบบบบบ
ยิ่งอ่านหนูยิ่งหน่วงนะลูก

หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (1) 11/11/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 11-11-2014 13:53:18
น่าน *ตบเข้าฉาด* ซื้อหวยไม่เคยถูกงี้บ้าง ว่าแล้วว่าทนายเพชรต้องได้คู่กับท่านอัยการ  :hao5:
ก็ดูท่านอัยการสิ้นฟ้าออกจะน่ารักมุ้งมิ้งยิ่งกว่าเต็มสิบซะอีก ยิ่งตอนเดทกะทนายเพชรนี่โอ้ย น่ารักเกิ๊น
น้องเต็มสิบสู้ต่อไปนะคะ อยากให้น้องมีคู่บ้าง

ว่าแต่คดีใหม่นี่เอ่อม ท่านอัยการสูงสุดดูไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะคะ  :ling1:
ตกลงนี่น้องคนละแม่เป็นคนขับรถเก๋งสินะ คดีนี้มัน... ไม่พูดดีกว่าค่ะ 555
สิ้นฟ้ามีมุมดาร์คๆกะเค้าด้วยอะ ตื่นเต้น  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (1) 11/11/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 11-11-2014 15:38:19
ยังคงเชียร์3p แต่ดูท่าคู่ทนายเพชรกับสิ้นฟ้าเคมีจะตรงกันนะดูงุงิดีมากก ท่านอัยการแอบอ้อนทนายเพชรอยู่นะ
ส่วนน้องเต็มสิบก็ตัดใจไม่เชียร์ก็ไม่ได้เลยลุ้นมัน3pซะเลยอยากเก็บเธอไว้ทั้ง2คน
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (1) 11/11/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 11-11-2014 23:51:41
เชียร์ท่านอัยการควบ 2 เลย
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (1) 11/11/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 01-12-2014 00:34:18
พลาดไม่ได้อ่านตอนอัพได้ไงเนี่ย คดีใหม่อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (2) 26/12/57 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 26-12-2014 03:51:11
คดีที่ 7
เด็กสาว...เก้าศพ (2)


หลังจากไปดูที่เกิดเหตุท่านอัยการสิ้นฟ้า ก็ขับรถกลับไปที่คอนโดทันที โดยหลังจากนั้น ทนายเพชร จึงเป็นสารถีจำเป็นในการขับรถมาส่งผมกลับบ้าน โดยเขาบอกว่า ให้ท่านอัยการ อยู่กับความคิดตัวเองสักพัก

เมื่อผมมาถึงบ้าน บอกลาพร้อมกับกล่าวขอบคุณทนายเพชร ก่อนจะเดินเข้าบ้านแล้วมายังห้องนอนของตัวเอง เปิดโทรทัศน์ดูข่าวทันที ซึ่งข่าวมาเร็วมาก และเด็กผู้หญิงคนที่ขับชน ซึ่งถึงแม้จะปิดชื่อจริงไว้ แต่ข่าวก็ประโคม ไปถึงนามสกุล ที่เป็นนามสกุล เดียวกันกับท่านอัยการ  คุณหนูตระกูล‘เนติธรณินทร์’ขับรถชนบนทางด่วนโทรลเวย์ทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 8 ราย มันจะเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ของวันพรุ่งนี้

ผมไม่รู้จักเด็กผู้หญิงคนนั้น และท่านอัยการไม่เคยเราเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวให้ฟังมากมายอะไร

อย่าหาว่าผมยุ่งเรื่องของเขาเลย แต่มันก็อดที่ จะอยากรู้โดยไม่ชอบธรรม ไม่ได้

และ อินเทอร์เน็ต อาจจะช่วยผมได้

ผมลองเอานามสกุลของท่านอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้าใส่ลงไปในช่องค้นหาของกูเกิ้ล ข้อมูลบางส่วนโหลดขึ้นหน้าจอมาให้พรึ่บ ผมเจอชื่อคนๆหนึ่งชื่อว่าพระพาย นามสกุลเดียวกับท่านอัยการ เสมือนเขาจะถูกแต่งตั้งให้เป็นเน็ตไอดอล ซึ่งผมก็พอจะคุ้นๆหน้าเขาอยู่  ถึงผมจะหน้าตาดีสู้เขาไม่ได้ แต่ ผมก็ติดตามวงการนี้อยู่เหมือนกัน บอกเลย...

เท่าที่ดู คนๆนี้ น่าจะเป็นญาติ ของท่านอัยการ

พอเลื่อนลงมาดูเรื่อยๆ ก็เจอเข้ากับชื่อ วาริธร เนติธรณินทร์ ผมไม่รอช้า คลิ๊กเข้าไปดูทันที



.....................................................................................
ร่างสูงมองออกไปนอกหน้าต่าง เบื้องล่างเห็นแค่แสงไฟของรถที่ยังคงมีเยอะอยู่บนท้องถนน เมื่อมองจนเบื่อ จึงกระชับม่านหน้าต่างปิด แต่เมื่อ หันกลับมาก็ต้องเป็นอันชะงัก เงาร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ใจกลางห้องของเขา เขาไม่ได้เปิดไฟห้อง จึงเห็นเพียงแค่เงาลางๆนั่น ยืนนิ่ง แต่เมื่อเพ่งมองดูดีๆ ก็จำต้องเอ่ยขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ด้วยความหน่ายกับนิสัยของคนตรงหน้า

“ทำตัวเป็นโจรเข้าไปทุกวัน”สิ้นฟ้าทักขึ้น เจ้าของเงานั่นหัวเราะ นิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“ทำไมยังไม่นอนอีกครับ?”

“ฉันยังไม่ง่วง แล้วเต็มสิบ?”

“พี่ส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย”

“แล้ว...?”ไม่รอให้สิ้นฟ้าได้เอ่ยต่อ ร่างสูงของทนายเพชรก็ประชิดเข้าหาตัวพอดี วงแขนแกร่งโอบรอบเอว พรางสอดมือเข้าไปในเสื้อนอน ลูบไล้ที่บริเวณหลัง

“เพชร”

“ครับ?”

“นายรู้ใช่ไหม ว่าฉันเกลียดนาย”

“พี่รู้...”พูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก “แต่ตอนที่พูดนะ กรุณาสบตาพี่ตรงๆด้วยก็ดีนะ”

“นายมันเจ้าเล่ห์”

“ครับ...”

“นายมันเป็นอาชญากร ทำผิดกฎหมาย”

“ครับ...”

“ขี้โกง แถมยังร้ายกาจ หลอกใช้คนอื่น หลอกใช้ฉัน”

“ครับ”

“แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังให้อภัยนาย”

“...”

“นาย...อยากจะโผล่มาก็โผล่ อยากจะหายไปก็ไป”

“...”

“แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังรอนาย...”

 “ขอบคุณครับ”ทนายเพชร ก้มลงจูบที่แก้มของสิ้นฟ้า “พี่ว่าวันนี้ฟ้าเหนื่อย...เหนื่อยที่ตรงนี้” ว่าพรางจับมือของสิ้นฟ้ากุมมือเอาไว้แล้วเอาไปแนบที่หน้าอกของตัวสิ้นฟ้าเอง

 “รู้ไหม ว่าทำยังไงถึงจะทำให้สิ้นฟ้าคนเก่งหายเหนื่อย”ท่านอัยการเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย เขาไม่ใช่เด็กๆนะ จะหลอกล่ออะไรอีก ยังไม่ทันได้สงสัยนาน อ้อมกอดของคนที่ตัวใหญ่กว่าก็กระชับแน่นขึ้น เล่นเอาหัวใจของคนที่อยู่ในอ้อมกอดเต้นเร็วและแรงขึ้น ไม่ใช่ไม่เคยกอดกันเสียหน่อย แต่ครั้งนี้ มันรู้สึก พิเศษ...ไม่ใช่สิ อบอุ่น

“จะช่วยไหม?” สิ้นฟ้าถามขึ้น มือของทนายเพชรยังวางอย่างมั่นคงอยู่ที่แผ่นหลัง ลมหายใจอุ่นๆของคนที่ตัวสูงกว่าเป่ารดต้นคอ

“นั่นมันขึ้นอยู่กับสิ้นฟ้า”

“ฉันคงถูกกันออกจากคดีนี้แน่...อัยการไม่มีสิทธิ์ในคดีนี้...”สิ้นฟ้าถอนหายใจเบาๆ “ก็เหลือเพียงแต่นาย”


รู้สึกถึงมือหนาที่วางอยู่บนหัว พร้อมกับลูบอย่างแผ่วเบา



..........................................................

“มีผู้เสียชีวิตเพิ่มที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งคน โหย อย่างโหดนะ “ฟรังมันพูดขึ้น “กูละอยากรู้จริงๆว่าเด็กนี่ มันขับรถยังไงของมัน”พร้อมกับบ่นนิดหน่อย

“เด็กงั้นเหรอ?”ผมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

“ก็อายุ 16 เอง เที่ยวกลางคืนแล้วมาขับรถชน แรดไม่เข้าท่า”

“16?”

“ก็เออ 16 ทำหน้าเป็นหมา งง มึงไม่ได้ตามข่าวละสิ ข่าวออกจะใหญ่โตหัดเปิดโทรทัศน์ หรืออินเทอร์เน็ต ดูมั่งนะมึง”

“ออ...”ผมค้างอยู่แค่นั้น

“เห็นในเน็ตเขาเม้าท์กัน บอกว่า ค่อนข้างจะเส้นใหญ่ พอผมลองหาข้อมูลดู ก็รู้แค่เพียงว่าเป็นลูกสาวของอัยการท่านหนึ่ง ข้อมูลนอกเหนือจากนี้ก็ไม่มี ข่าวก็บอกแค่นั้นแถมตำรวจยังไม่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก”ชายพายเอ่ยขึ้นเรียบๆ “คุณเต็มสิบเคยฝึกงานที่สำนักงานอัยการ พอจะรู้อะไรบ้างไหมครับ”ก่อนมันจะหันมาถามผม ผมยิ้มตอบ ผมลืมบอกพวกมันไป ว่าถึงผมจะหมดช่วงเวลาฝึกงานแล้ว แต่ผม ก็ยังคงไปช่วยงานท่านอัยการอยู่...เอาเป็นว่าตอนนี้เงียบไว้ก่อนดีกว่า

“กูว่ามันไม่รู้หรอกวะ ได้ติดตามข่าวซะที่ไหนอะมัน”ฟรังมันเอ่ย พร้อมกับปิดไอแพดลง แล้วหันมาสนใจหนังสือเรียนต่อ
ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะค้นหาคำเดียวกัน กับที่เคยค้นหา เมื่อสองวันก่อน แต่ปรากฏว่า

“ไม่มีข้อมูล”ผมเผลอเอ่ยออกมาอย่างเบาๆ พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณเต็มสิบ”

“ออ เปล่าๆ...วันนี้กูมีนัดกับรุ่นพี่อะ เดี๋ยวขอตัวไปก่อนนะ” ผมเอ่ยบอกแค่นั้น แล้วรีบเก็บของ เข้ากระเป๋าทันที

“เออๆๆๆ ไปดีมาดี”ฟรังมันพูดแค่นั้น  ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือต่อ พายก็เหมือนกัน



ผมขึ้นรถเมล์ ไม่กี่ป้ายก็ถึง สำนักงานอัยการสูงสุด แต่เมื่อเดินเข้ามาก็เจอกับพี่น้ำนิ่ง เรียกเอาไว้

“ท่านอัยการออกไปแล้ว?”

“ใช่จ๊ะ”

“ออกไปไหนครับ?”

“ท่านออกไปทำคดี เกี่ยวกับยาเสพติดคดีหนึ่งนะจ๊ะ”พี่น้ำนิ่งตอบยิ้มๆ เธอยังคงสวยเหมือนเดิม

“แล้วคดี...”ผมอยากจะเอ่ยถาม

“คดี?”

“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ งั้นเดี๋ยวผมกลับเลยดีกว่า”

“จร้า จร้า”

ผมลาพี่น้ำนิ่ง ก่อนที่จะมายืนรอรถเมล์ ในหัวตอนนี้มีความคิดมากมายไหลเข้ามาในสมอง ข้อมูลที่ผมหามาได้ กับข้อมูล ที่ได้จากฟรังและพาย ผมแค่รู้สึกสงสัยว่า


ทำไม ข้อมูลมันถึงไม่เหมือนกัน



“อ้าว เต็มสิบ”อยู่ดีๆ ก็มีเสียงเข้มๆทักผมขึ้น ผมอาจจะยืนเหม่อไปนาน เลยไม่รู้ว่ามีรถหรูราคาค่อนข้างแพงมาจอดอยู่ตรงหน้า

“ทนายเพชร”ผมเรียกชื่อเบาๆ

“รอรถเมล์เหรอ ให้ฉันไปส่งไหม”ผมกำลังจะเอ่ย ปฏิเสธ แต่พอคิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน จึงเปิดประตูขึ้นไปนั่ง

“มาหาฟ้าละสิ”ทนายเพชรเอ่ยถามขึ้น ใบหน้าหล่อคมเข้มจนน่าหมั่นไส้นั่น ยกยิ้ม

“ก็...ครับ”

“แต่เขาไม่อยู่” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป “หว้า หน้าย่นตั้งแต่อายุ 20 น่าเศร้าจัง...”ผมหันขวับไปมองเขาทันที “คิดอะไรอยู่บอกมาสิ เผื่อฉันจะช่วยได้ เห็นฉันอย่างเนี้ย แต่ฉัน...ก็คือทนายเพชรนะ”

“ไม่ต้องบอกก็รู้น่า”

“นี่ๆ ช่วยเอื้อมหยิบแฟ้มคดีที่อยู่เบาะหลังแล้ว ดูตารางนัดของคดีนั้นให้หน่อย ว่าวันนี้ ลูกความฉันนัดไว้กี่โมง...”อะไรกัน มีการใช้กันด้วย ผมเอื้อมไปหยิบ ก่อน จะเปิด ค้นหาตารางนัดดู แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเปิดขึ้นมา...

“ว่าไงฉันมีนัดกี่โมง”

“คุณทำคดีของน้องสาวท่านอัยการ”

“เธอรู้ด้วย ว่าเป็นน้องสาว”ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามบอกว่าแปลกใจ “คงจะหาข้อมูลมาเรียบร้อยแล้วสินะ”

“คุณจะไปที่ไหน ผมไปด้วย”

“ถ้าบอกว่าไม่ละ”

“ผมสัญญาว่าจะไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ทำให้คุณเดือดร้อนแน่นอน”

“อือ ฉันเกลียดเด็กด้วยสิ”ทนายเพชรยิ้มที่มุมปาก “โดยเฉพาะเด็กที่มาเกาะแกะกับสิ้นฟ้า”

“ถ้าจะเอาท่านอัยการมาต่อรอง ผมไม่ยอมหรอก ยังไงผมก็ไม่เลิก...เกาะแกะแน่นอน” สัญญาด้วยเกียรติ ของอดีต รด.เลยก็ได้

“เฮ้อ...” ถอนหายใจ...ถอนทำไม มีอะไรให้น่าหนักใจไม่ทราบ “ฉันก็ไม่ได้บอกให้เธอเลิกเกาะแกะกับฟ้า  เสียหน่อย ฉันชอบซะอีก ก็สู้กันแบบแฟร์ๆก็ดี ผลสุดท้ายฟ้าจะเลือกรักใครมันก็เรื่องของฟ้าเขา”

“งั้นก็ให้ผมไปด้วยสิ ผมอยากรู้เรื่องที่เกี่ยวกับท่านอัยการให้มากขึ้น ไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็อยากรู้...”

“งั้นก็ได้...”

“ขอบคุณครับ”

“เพราะ ยังไง ฟ้า ก็ฝากนายไว้กับฉันให้ไปเรียนรู้คดีนี้ ฉันกะจะรับนายไปด้วยอยู่แล้วแหละ”

“ห๊ะ!”


ไอ้คนเจ้าเล่ห์เอ้ยยยย!



.....................................................................................

“ผู้ชายคนนี้ผมคาดว่าจะเป็นแค่ผู้เสพครับ ก็เลยปล่อยไปก่อน เผื่อจะดึงคนขายออกมาได้ แล้วอีกอย่าง เราอยากจะสาวให้ไปถึง ผู้ค้ารายใหญ่”นายตำรวจพนักงานสอบสวนคนหนึ่งรายงาน

“เราส่งคน เข้าไปติดตาม พบว่า ผู้ต้องหาทำการ ซื้อยามาเสพ ตกอาทิตย์ละประมาณหนึ่งถึงสองครั้ง พวกเราคาดว่า คนขายจะไม่ปล่อยยาให้ชายคนนี้เป็นจำนวนคราวละมากๆ”

“หรือไม่อัตราการเสพของชายคนนี้ อาจจะเสพทีละมากๆ จนทำให้ต้องซื้อบ่อย” นายตำรวจอีกท่านหนึ่งเอ่ยขัด

“จากการสังเกตพฤติกรรม ผู้เสพ ไม่ได้ใช้ยาเสพติด บ่อย หรือ ถี่ครับ อย่างมากสุดก็แค่วันละ 1-2 เม็ด”นายตำรวจที่รายงานเอ่ยตอบกลับไป

“แต่ก็อาจจะกินครั้งละ สองถึง สามเม็ดก็ได้”นายตำรวจคนเดิมยังเอ่ยขัด

“ยาบ้าไม่ใช่ถูกๆ เม็ดหนึ่ง ก็ออกฤทธิ์ได้ประมาณ 1 วัน ถ้าฉันเป็นคนเสพ ฉันจะรู้จักประหยัด”สิ้นฟ้าเอ่ยเรียบๆ จนนายตำรวจหลายๆท่านหันมามอง

“ท่านอัยการเล่นมุกเหรอครับ?”

“ไม่ได้มุก อีกอย่างถ้าเสพเยอะ เกินขนาด ฉันว่า ไอ้คนที่พวกนายติดตาม มันได้ ไปเสพต่อในนรกแล้ว กะระยะเวลามาเลยว่าครั้ง ต่อไป หมอนี่ น่าจะทำการซื้อยาอีกเมื่อไหร่ แล้วเตรียมเข้าจับกุม เพราะฉันรอพวกนายมานานละ ก่อนที่หมึกปากกาฉันจะแห้ง จนไม่สามารถ เขียนสำนวนส่งฟ้องให้พวกนายได้ กรุณาเร่งทำงานกันหน่อย”

“ครับท่านอัยการ”

“เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเอ้ย!”นายตำรวจเอ่ยสบถเบา จนเพื่อนข้างๆต้องสะกิด

“เห็นหน้าอย่างนี้ ก็สามสิบแล้วนะเว้ย มึงอย่าหาเรื่อง”

“สามสิบ?”


“ตามที่ผมคาด เดา หมอนี่พึ่งซื้อยาไป อีกประมาณช่วงสองถึงสามวัน คงต้องไปซื้อยามาเสพต่ออีกแน่นอนครับ”

“ก็ดี งั้น สองถึงสามวันนี้ พวกนายเตรียมทีมให้พร้อม”

“ครับ”

“อย่าให้เก้อ เพราะปากกาในมือฉันสั่นไปหมดแล้ว”






“ได้ข่าวว่ามึงกดดันลูกน้องกูซะอ่วมเลย โอดครวญกันใหญ่”ท่านสารวัตร เอ่ยออกมาอย่างขำๆ

“เด็กหน้าใหม่หมดเลย คนเก่าๆไปไหนหมด”

“ถูกย้ายหมดนะซิวะ กูยังเซ็ง มาชุดนี้ก็ไม่ค่อยเคารพกูด้วย แต่ก็ต้องทำใจ อีกอย่างวันดีคืนดี กูอาจจะโดนสั่งย้ายอีกคนก็ได้”

“แย่เชียว”

“ช่ายยยยแย่มาก หัวหน้าเปลี่ยน อะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยน...”สิ้นฟ้าเดินมาตบไหล่เพื่อนเบาๆอย่างเห็นใจ

“ถ้ามึงถูกย้าย กูจะ...”พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“จะ จะย้ายตามกูเหรอวะ!?”ถามด้วย สีหน้า งงๆ ปนดีใจ

“จะยุให้ไอ้หมอมีผัวใหม่”

“สัส! ยังไม่ได้กันเถอะ!”

“นี่แสดงว่าแอบมีซัมติงกันจริงๆใช่มะ”

“ซัมติงซัมตีน กูนี่ละ ! เห็นกูน่ารักละกวนตีนกูจังเลย สิ้นฟ้า”

“...”

“อย่าเงียบสิ พี่ใจคอไม่ดี”

“กูจะอวก เพราะมึงนี่ละ”

“อะไร พี่เพชร ได้มึงแล้วเหรอ ไม่เบานะผู้ชายคนนี้ ได้ปุ๊ป มึงท้องปั๊บ”

“เชี่ยเถอะ กูไม่มีมดลูก”

“แน่ะ แสดงว่าได้กันแล้ว”

“ยัง!”

“ยอมๆ พี่เพชรไปเถอะมึง หล่อ รวย มาเฟีย ขนาดนั้น ชีวิตมึงคงมีสีสันน่าดู”

“เงินทองกูไม่อยากได้ กูรวยอยู่แล้ว หน้าตากูก็ดี หรือมึงจะเถียง กูไม่อยากได้หน้าหล่อๆแบบมันมายืนข้างกูหรอก เดี๋ยวราศีกูดับ...”

“จ๊ะอีพ่อ”


“แต่ที่กูอยากได้...คือความจริงใจ”
.
.
.
“...”ท่านสารวัตรถอนหายใจนิดหน่อย “เล่นเอากูไปไม่เป็นเลยวะ”

สิ้นฟ้ายิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันออกไปมองข้างนอกหน้าต่าง ซึ่งช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ติดที่จะมองออกไปอยู่เรื่อย แต่จุดหมายที่มอง มัน
ไกลจนตัวเขาเองก็มองไม่เห็น

“ตั้งแต่ทนายเพชรกลับมา เหมือนความอ่อนแอ มันถาโถมเข้าใส่กู จนไม่เป็นตัวกูเลยวะ...”

“มึงแค่อยากให้เขาปกป้องมั้ง เฮ้ยยยยย! เฮ้ย! กูแค่คาดเดา ไม่ต้องหันมาจิกตาใส่กูก็ได้”

“ทำไมกูต้องอยากให้คนอื่นมาปกป้องด้วยวะ”

“มึงเก่งนะฟ้า ทั้งเก่งทั้งฉลาดหลายๆเรื่อง แต่มึงก็โง่วะ”

“เอ้า!”

“ก็มึงโง่จริงๆนะ”
.
.
.
“กูโง่...?”

“อืม...”









.........................

เต็มสิบ : 25 ธันวาคม เมื่อวานนี้ วันเกิดท่านอัยการนิ่
หมอ : แต่ช่วงเวลาที่ดำเนินในเรื่องมันเกินมานานแล้วนะ
สารวัตร : แต่ยังไงก็ต้องฉลองกันหน่อยเว้ยยย! วันเกิดเพื่อนทั้งที

สิ้นฟ้า :เอะอะอะไรกัน เชื้อบ้ากำเริบหรือไง!? (เดินมาทำท่า งงๆ)
เต็มสิบ หมอ สารวัตร : สุขสันต์วันเกิดนะคร๊าาาาบ ท่านอัยการ
สิ้นฟ้า :!?????

เต็มสิบ : ขอให้ท่านอัยการมีสุขภาพแข็งแรง รักเต็มสิบเยอะและนานๆ
สารวัตร : อือหือ ไม่ค่อยเลยนะไอ้น้อง ...กูขอให้มึง หล่อ รวย ...ใหญ่ขึ้นก็พอ
หมอ : เลวเหอะ อวยพรบ้าไรของมึง ...กูขอให้มึงเป็นที่รักของคนอ่านก็แล้วกัน

สิ้นฟ้า : พวกมึงนี่ก็นะ มันเกินวันมาแล้วก็ปล่อยๆไปบ้างเหอะ


เต็มสิบ : ก็อีป้ามันฉลองคริสต์มาส จนเมา กลับห้องมาอัพนิยายไม่ทัน แล้วอยู่ดีๆมันนึกคึกมาอัพตอนเกือบตีสี่
ก็เลยได้อวยพรกันตอนนี้  ของมึนเมามา สมองแล่นทันที เด็กไม่ควรเอาอย่าง น่ากระทืบ...


...สงสัยมีแววได้ลดบทตัวละครบางตัว...

สวัสดีพ่อแม่พี่น้อง (ก้มกราบ) หายไปนาน เพราะสมองค่อนข้างตีบตัน ใช้การไม่ได้
ทั้งๆที่เขียนโครงเรื่องไว้แล้ว
ฮ่ะ ! แต่มาต่อแล้วนะ กลายเป็นนิยายรายเดือนไปซะงั้น
จากตอนนี้ถ้าย้อนดูเรื่องทั้งหมดความจริง
เราไม่ค่อยได้รู้เกี่ยวกับประวัติของท่านอัยการสิ้นฟ้าสักเท่าไหร่
อะไรหลายๆอย่างมันอาจจะเผยมาเรื่อยๆ ก็ได้ เพราะมีเต็มสิบ?

เอาเป็นว่า แฮปปี้ คริสต์มาส ย้อนหลังคะ


>>>>see ya
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (2) 26/12/57 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 26-12-2014 13:23:53
สนุกจังงง

อ่านตอนแรกๆก็ว่าอยู่ว่าทำไมสิ้นฟ้าถึงได้มีมาดเคะราชินีแล้วมีเต็มสิบเป็นนางสนองโอษฐ์ ไม่เหมือนพระเอกนายเอก

พอทนายเพชรโผล่มาเท่านั้นแหละ! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ คิงของข้ามาแล้ว ถึงจะเกือบโดนหลอกตอนทนายเพชรเผยไต๋ก็เถอะ

แต่ก็นะสิ้นฟ้าต้องการความจริงใจ แต่ทนายเพชรดันไปหลอกใช้ฟ้า อย่างนี้ จะไปรอดมั๊ยน้อ~~
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (2) 26/12/57 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 26-12-2014 18:58:04
เราเชียร์ ทนายเพชร มากกว่าเต็มสิบอะ คือสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วมันใช่อ่ะ (หมาย ถึงทนายเพชรกับสิ้นฟ้านะ)
ส่วนเต็มสิบ เรายกให้เป็นเด็กรับใช้ดำเนินเรื่องเลยก็ได้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (2) 26/12/57 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: mintmiko ที่ 28-12-2014 03:19:06
อ่านไปอ่านมาแล้วแอบนอยด์.... ถ้าจะให้เต็มสิบดำเนินเรื่องให้คนอื่น แพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้จริงจังแบบนี้ก็อย่าทำเลย เห็นชัดๆกันอยู่ว่าสิ้นฟ้าชอบใคร.. มันเห็นแก่ตัวไปมั้ย? ไม่สงสารเต็มสิบ? อยากรู้ว่าสิ้นฟ้าต้องการอะไร? จะเอาเพชรหรือเต็มสิบ? ถ้าแค่จะให้เต็มสิบอยู่ข้างๆในขณะที่เพชรเป็นตัวจริงก็อย่าทำเลย สงสารเต็มสิบมั้ย? ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเต็มสิบรักตัวเอง แต่ก็ยังทำแบบนี้อ่ะ? เป็นถึงอัยการ แต่กลับทำแบบนี้.... สมองอยู่ตรงไหน? ความเป็นคนอยู่ตรงไหน? จิตสำนึกอยู่ตรงไหน? เคยคิดอะไรบ้างมั้ย? อยากเห็นคนตายทั้งเป็น? Fuck You Fucking Bitch Motherfucker Slut Whore!
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (2) 26/12/57 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 28-12-2014 11:51:22
แปะไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่7 เด็กสาว...เก้าศพ (2) 26/12/57 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: morningflower ที่ 28-12-2014 18:47:45
สงสารเต็มสิบ รู้ทั้งรู้ว่าอกหัก แต่ยังต้องมาดำเนินเรื่องให้คู่นี้อีก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (1) 12/01/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 12-01-2015 01:49:46
คดีที่ 8
เมทแอมเฟตามีน





23:23 น. 23 มีนาคม 2015

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะเบาๆที่ดังขึ้นจากเนื้อไม้ของโต๊ะ กับปากกา สีเงินด้ามเล็ก ด้วยฝีมือของอัยการหนุ่ม ที่นั่งทำหน้านิ่งเฉยเมย แต่ในสมองกลับคิดถึงเรื่องราวต่างๆมากมาย จนเผลอเคาะปากกาด้ามงามกับโต๊ะทำงาน ราวกับเป็นจังหวะของความคิด

ตอนนี้เขานั่งอยู่คนเดียวภายในห้องทำงาน ของสำนักงานอัยการ ที่ปิดไปแล้วตั้งแต่ห้าโมงเย็น แต่ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน เขาก็ยังคงนั่งอยู่

ปกติถ้าอยู่ดึกขนาดนี้ เต็มสิบก็จะงอแงขออยู่ด้วย มันก็ดีอย่างน้อย ถ้าเต็มสิบอยู่มันก็ทำให้เขาไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตคนเดียวที่นั่งทำงานอยู่ในห้อง แต่ตอนนี้เขาส่งให้เต็มสิบไปทำคดีกับทนายเพชร ให้ได้ลองไปเป็นฝั่งจำเลยซะบ้าง นั่นอาจจะทำให้เต็มสิบได้เรียนรู้อะไรได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ดีกว่ามาติดแหงกอยู่กับเขาคนเดียว

หวังแต่ว่า ทนายเพชรจะไม่สอนอะไรแผลงๆให้เต็มสิบละกัน

อย่างเช่นกลโกง 1,890 ข้อ เล่ห์เหลี่ยมอีกพันกว่าเล่มเกวียน อ่อยเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ศาลยังไงให้ถูกวิธี หรือแม้กระทั่งติดสินบนเจ้าพนักงาน เชื่อเลยหมอนั่นเคยทำมาทุกอย่าง และเคยทำมากกว่าที่กล่าวมาข้างต้น
ถึงวางใจให้หมอนั่นทำคดียังไงละ

พอมาฝั่งเขาก็มีเรื่องให้หนักใจเหมือนกันเหอะ ในเมื่อตอนนี้เสาหลักของบ้านไม่อยู่ เพราะไปว่าความทางฝั่งอังกฤษตั้งแต่ยังไม่เกิดเรื่อง แม่เลี้ยงแสนดีของเขาที่ห่วงลูกสาวตัวเองหนักหนา ก็เลยโทรมาทุกชั่วโมง ขอให้เขาช่วย

ไอ้เขาก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำ เสียเมื่อไหร่?...ละมั้ง

เขาเพียงแค่ฟังเสียงร้องห่มร้องไห้ดังผ่านจากทางโทรศัพท์ โดยไม่พูดอะไรเท่านั้นเอง

ครืด~~ ครืด~~~
เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นไถล ไปกับพื้นโต๊ะ ตัดเสียงปากกาที่กำลังเคาะอยู่เป็นจังหวะ เจ้าของเครื่องมองเบอร์ที่โทรเข้ามาพลันต้องขมวดคิ้ว  จนหัวคิ้วทั้งสองแทบจะชนกัน  ก่อนจะกดรับสาย


“ท่านครับ ท่านสารวัตรให้โทรมาบอก เรื่อง มีสายเรารายงาน ว่า จะมีการส่งยาล๊อตใหญ่ที่เขตท่าเรือครับ”เขายังไม่ทันพูดอะไรปลายสาย ก็รายงานอย่างร้อนรน

“แน่ใจแค่ไหน?”

“ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ้าตัวไม่รอช้า รีบหยิบโทรศัพท์และของที่จำเป็นออกไปทันที



..................................

12:12 น. 23 มีนาคม 2015

ผมต้องกุมขมับแล้วกุมขมับอีกด้วยความกดดัน เมื่อมายืนอยู่ในห้องพยาบาลของสาวน้อยแสนสวย ที่ผมเชื่อว่าเป็นน้องสาวของท่านอัยการสิ้นฟ้า เสียแต่คนละแม่ ผมละไม่นึกเลยว่าท่านอัยการสูงสุดจะเป็นคนแบบนี้

แบบนี้ แล้วแบบไหนละวะ เออ ก็แบบนั้นแหละ...แอบมีเมียน้อย

เอาตามความจริงเมื่อก่อนหน้านี้ผมน่าจะสืบข้อมูลหรือค้นหาข้อมูลให้ได้มากกว่าเท่าที่มีอยู่
พอผมลองค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับครอบครัวนี้อีกครั้ง เหมือนข้อมูลบางส่วนมันถูกลบออกไป

เพื่ออะไร...?

และใครกันที่ทำได้...

ผมอดที่จะหันไปมองคนที่ยืนยิ้ม คุยกับคนไข้สาวน้อยแสนสวยอย่างอบอุ่น ผู้ต้องหาในการขับรถฆ่าคนตายประมาณ 9 ศพ เสียชีวิต ณ ที่แห่งนั้น 8 และมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 ไม่ได้ ข้างๆอีกฝั่งคือแม่ของเธอ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่สวยดูเรียบร้อย และอีกคนในห้องคือพี่หมอ ที่กำลังตรวจเช็คข้อเท้าของคนป่วยนิดหน่อย

เป็นคดีที่ใหญ่และสื่อให้ความสนใจมากพอดู จนตอนมาผมกับทนายเพชร ต้องแอบจอดรถไว้ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆแล้วให้เพื่อนทนายของเขาอีกคนขับรถของเขาออกมาจากห้างสรรพสินค้ามายังโรงพยาบาลเข้าไปจอดที่หน้าตึก ส่วนตัวเขาและผมนั่งแท็กซี่เข้าไปแทนผมซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่แล้วเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าไป ยกเว้นทนายเพชร ที่เป็นทนายที่ต้องยอมรับว่าค่อนข้างมีชื่อเสียง แม้เจ้าตัว จะอยู่ในชุดธรรมดาที่ไม่ได้ใส่สูทผูกไทค์ ไม่บ่งบอกถึงลักษณะของทนายความ แต่ก็ยังโดดเด่นพอดู เช่นนั้น จึงจำเป็นให้เพื่อนของเขา ขี่รถเขาเข้ามาล่อพวกนักข่าวหน้าตึก อาศัยช่วงชุลมุนเข้ามาในตึก

ง่ายๆ แต่หลอกนักข่าวได้ชะงักนัก

โอเค อย่างที่เล่า พวกเราถึงมายืนในห้องแห่งนี้ได้อย่างปลอดภัยจากพวกนักข่าวยังไงละ

“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วครับ แต่ผมอยากให้น้อง พักอยู่ที่นี่ในระยะยาวสักหน่อย”

“อันที่จริงก็มีแค่แผลถลอกนิดหน่อย กับเคล็ดขัดยอก สามารถ ให้ออกจากโรงพยาบาลเลยก็ได้ แต่ผมเห็นท่าไม่ดี อย่างที่คุณโทรมาบอก ผมเลยให้อยู่ต่อ”

“ขอบคุณครับหมอ”ทนายเพชรกล่าวเรียบๆ

“แล้วเรื่องแถลงข่าว”พี่หมอถามกลับมา

“เอาไว้อีกสักพักครับ”ทนายเพชรตอบออกไป พร้อมกับยิ้มอบอุ่นให้คุณแม่ของเธอ “ในที่นี้ผมคิดว่า น่าจะมีแต่คนที่ไว้ใจได้”พูดพรางหันมามองทางผมแว๊บหนึ่ง “ในทุกการกระทำทุกอย่าง หลังจากนี้ ผมจะเป็นคนนำทางให้ คดีนี้ถึงจะมีผู้เสียชีวิตเยอะ แต่ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ผมอยากให้คุณน้า หรือแม้แต่ตัวของน้องเอง เชื่อใจผม”

“เพชรต้องช่วยน้องวานะ น้าทำอะไรไม่ถูกไปหมดแล้ว ท่านก็ไม่อยู่ ไหนจะสิ้นฟ้าที่ไม่ยอมพูดกับน้าอีก”

“พี่ฟ้า ไม่คิดที่จะช่วยกันเลยหรือไง!”เด็กสาวบนเตียงคนไข้พูดขึ้น ทนายเพชรเพียงแค่หันไปยิ้มให้

“พี่ชายของน้องวางานยุ่งมากมายเลยรู้ไหมครับ ตรงนี้ก็มีพี่หมอกับพี่เพชร อยู่ด้วย”พี่หมอว่าอย่างอบอุ่น

“แม้แต่คุณพ่อยังไม่ใส่ใจเลย ลูกตัวเองขับรถชนแท้ๆ ยังห่วงที่จะทำคดีบ้าบออะไรนั่นอีก”ผมได้ข่าวว่าท่านอัยการไปทำคดีระดับประเทศ คงจะมีเวลามาโอ๋ลูกสาวของเขาหรอกนะ “อะไรก็พี่ฟ้าพี่ฟ้า แต่ไหนแต่ไรแล้วในหัวของพ่อก็มีแต่พี่ฟ้า พี่ฟ้าเก่งทุกอย่าง ส่วนวาก็สร้างเรื่องเดือดร้อนได้ทุกอย่าง แล้วนี่ยังมาเป็นฆาตกรฆ่าคนอีก วาฆ่าคนตายเลยนะ วา ฆ่า คน ตาย ฮึก...”เธอว่าพรางร้องไห้ออกมา จนทนายเพชรต้องลูบหัวอย่างเบาๆ แม้แต่แม่ของเธอเองยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่


ในตอนนั้น ความคิดของผมดันคิดไปว่า คนผิด ก็รู้สึกเจ็บเป็นเหมือนกัน งั้นเหรอ?


หลังจากที่ทนายเพชรคุยเรื่องค่าชดเชยค่าเสียหาย ค่าบาดเจ็บ ค่าทำศพของเสียชีวิต ที่จะชดเชยให้ผู้เสียหายในส่วนแรก เรา
สองคนก็กลับมาเอารถจากเพื่อนทนายเพชรที่ห้างสรรพสินค้าห้างเดิม ก่อน จะออกเดินทางไปที่แห่งหนึ่ง

กรมการปกครอง...

ซึ่งผมสงสัย ว่า ทนายเพชรจะมาที่นี่ เพื่ออะไร...?


......................................................................
00:13 น. 24 มีนาคม 2015

สิ้นฟ้า เดินทางมารวมตัวกับเหล่าตำรวจทีมสืบสวนที่โรงพัก มีนายตำรวจประมาณห้าคนรอเขาอยู่

“หัวหน้าพวกนายละ?”เจ้าตัวถามขึ้นอย่างสงสัย เมื่อ ไม่เห็นเพื่อนของเขาอยู่

“ท่านสารวัตรได้รับรายงานเรื่องคดียาเสพติดอีกชุดหนึ่งครับ ชุดนี้เลยให้พวกผมรับผิดชอบเอง”
เขาพยักหน้า บอกเป็นอันเข้าใจ เพราะ ใช่ว่าจะไม่เคยเป็นแบบนี้ มีหลายครั้ง ที่พวกเขาทั้งคู่แยกกันทำงาน ถึงแม้ว่า การทำแบบนี้ จะไม่เป็นที่นิยม ของเหล่าอัยการสักเท่าไหร่ ที่ต้องลงมาวิ่งจับผู้ร้ายเอง แต่คนอย่างเขากลับเห็นว่า การนั่งอยู่ในห้องแอร์ รอรับสำนวนคดี จากการสืบของตำรวจมาแล้ว การรออยู่เฉยๆ มัน ก็ไม่ใช่สไตล์ของอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้าเช่นกัน

“เราได้ส่งทีมแรกเข้าไปยังพื้นที่แล้วครับ”

“งั้นอย่ารอช้าเลย รีบตามไปกันเถอะ”สิ้นฟ้าสั่งเสียงเรียบ ก่อนจะขึ้นรถของตำรวจที่รอรับอยู่ไป

ในระหว่างทาง มีนายตำรวจคอยอธิบายแผนการ ให้ฟังแบบคร่าวๆ เพราะสายที่รายงานมานั้น เป็นการรายงานที่แบบกระชั้นชิดในระยะเวลาที่จำกัดเสียเหลือเกิน และหากจะรอการส่งของครั้งต่อไป มิวายก็จะต้องรอแบบไร้จุดหมาย ที่ต้องคอยสังเกตพฤติกรรม จากผู้เสพคนนั้นอีก ในเมื่ออีกสายรายงานมาว่าจะมีการขนส่งสิ้นค้าล๊อตใหญ่ มันจึงเป็นโอกาสที่ต้องคว้าเอาไว้ให้ได้
แม้พวกนี้จะเป็นทีมใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกัน แต่ดูท่าทางก็เป็นมืออาชีพกันพอสมควร

ทางตำรวจจอดรถไว้ไกลพอสมควรจากจุดของท่าเรือ ก่อนจะเดินแยกย้ายกันเข้าไปสู่เขตของท่าเรือขนส่งสิ้นค้า ที่รายล้อมด้วยตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่หลากหลายสีสัน  ทางอีกฝั่งของท่าเรือยังมีการทำงานขนส่งกันตลอดทั้งวันทั้งคืน

“พวกที่มาก่อนหน้ากระจายซ่อนตัวตามจุดต่างๆแล้วครับ”

เหมือนรู้ว่าจะถาม จึงรายงานขึ้นมาก่อนทันที

ดูจากเวลาที่สายรายงานว่าพวกมันจะนัดส่งของ ก็ยังเหลืออีกประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ สิ้นฟ้าจึงเตรียมสั่งให้เตรียมปฏิบัติตามแผนการทันที 

ปั้ง!

“เชี่ย เอ้ย ! พวกเราโดนล้อม!”นายตำรวจคนหนึ่งสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อยังไม่ทันได้ก้าวเดินออกไปไหน ก็มีกระสุนลอยเข้ามากระทบยังเหล็กของตู้ด้านหลังอย่างแรงจนเกิดประกายไฟ

ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!

กระสุนจากทุกทิศทางกราดยิงเข้ามา ยังจุดที่พวกเขายืนอยู่

สิ้นฟ้าถีบนายตำรวจคนหนึ่ง ที่ยังยืนเอ๋อให้หลบเข้าไปยังหลังของตู้คอนเทนเนอร์  ก่อนจะยิงสวนออกไป ในทางที่กระสุน ยิงมา

“พวกเราโดนล้อมไว้อย่างนี้แย่แน่ๆเลยครับ”เมื่อตั้งสติได้ นายตำรวจคนนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอย่างกระวนกระวาย อีกทั้ง หน้ายังซีด เหงื่อไหลย้อยลงมาตามขมับ จนดูน่าขัน แต่ตอนนี้สิ้นฟ้าก็ตลกไม่ออก

“เรียกกำลังเสริมหรือยัง!?”อัยการผู้ช่วยพยายามถามอย่างใจเย็น สวนกับเสียงกระสุนที่ดังอยู่ด้านนอก คนที่ได้ยินสะดุ้งรุกลี้รุกรน หาเครื่องมือสื่อสารทันที

ร่างสูงของสิ้นฟ้า กระโดดเกาะขอบตู้ คอนเทนเนอร์ เอาขายาวๆพาดแล้วปีนขึ้นไป ดีที่ตู้เหล่านั้น ว่างซ้อนสลับกัน กว่าสามถึงสี่ชั้น จึงทำให้เมื่อปีนขึ้นไปแล้ว ก็หลบเข้าระหว่างช่องว่างของการวางตู้ได้

พวกมันมาเร็วกว่ากำหนด หรือว่า...ไม่ใช่สิ มันไม่ได้มาเร็วกว่ากำหนด แต่มันรอพวกเราอยู่แล้ว
แล้วตำรวจที่มาก่อนหน้านี้ละ!?

เขาไม่อยากจะคิด ไปให้ถึงจุดๆนั้น เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งมองเห็นในแง่ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่

สิ้นฟ้าเอื้อมมือ ไปดึงตำรวจนายนั้น  ให้ขึ้นมายังด้านบนของตู้คอนเทนเนอร์ด้วย ก่อนจะค่อยๆเดินหลบหลีกบนหลังตู้คอนเทนเนอร์ชั้นที่สอง พร้อมกับทำการเติมกระสุนของปืน ดีนะที่เขาเตรียมพร้อมมาด้วยเสมอ


เสียงสาดกระสุนสงบลงแล้ว แต่พวกมันต้องรู้แน่ ว่าพวกเขาต้องหลบอยู่แถวนี้ แล้วพวกที่มากับเขาที่เหลือจะเป็นยังไงกันบ้าง ก็ยังไม่รู้...

“นายคงมาใหม่งั้นสิ”สิ้นฟ้าหันไปกระซิบถาม

“คะ ครับ”

“งั้นเราก็ควรรู้ชื่อกันไว้ เผื่อไม่รอด ฉันจะได้จำชื่อนายได้”

“โธ่ ท่าน ทำไมพูดอย่างงั้นละครับ”ทำท่าเหมือนกับจะร้องไห้

“บอกชื่อนายมา”

“ศักดิ์ครับ ศะ ศักดิ์”

“โอเค ศักดิ์ นายหลบอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน ฉันจะไม่ว่านายขี้ขลาดเลย แต่ถ้าปลอดภัยเมื่อไหร่ ให้นายหลบออกไป เข้าใจไหม!”สิ้นฟ้าสั่งตรงนี้เป็นช่องแคบของตู้ที่เรียงเป็นมุม ที่ไม่ค่อยมีแสงส่องจากไฟสปอร์ตไลท์ของท่าเรือพอดี ถ้าหลบดีๆ น่าจะ
ไม่มีปัญหาอะไร

“แต่ท่าน...”

“เชื่อฉัน นี่คือคำสั่ง”

“คะ คะ ครับ”

“หลบอยู่ที่นี่...”สิ้นฟ้าสั่งแค่นั้น ก่อนตัวเองจะกระโดดลงมาจากตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมลัดเลาะไปตามช่องแคบของตู้ นี่เขาทำตัวเป็นฮีโร่ เนอะ ! โอ้ ไม่นะ ถ้าเขาเอาศักดิ์ ไปด้วยมันก็ตัวถ่วงดีๆนี่เอง สู้ให้เจ้านั่น หลบอยู่อย่างนั้น ก็น่าจะมีโอกาสรอดมากกว่าทั้งคู่ ถ้าเกิดเขาเอาไปด้วย เกิดหมอนั่น ตายขึ้นมา เขาจะสรรหาคำพูดอะไรบอกกล่าว พ่อแม่หรือเมีย ที่หมอนั่นน่าจะมีรออยู่ที่บ้านว่ายังไง?

ฝึบ!


มีเงาสีดำกระโดด ข้ามหัวไป

เขาเบี่ยงตัวหลบเข้าหาที่มืด ที่เป็นมุม อับแสงทันที
พวกมันอยู่ด้านบน ตอนนี้กำลังตามหา ตัวคนที่หลบอยู่...
หวังว่าศักดิ์คงเอาตัวรอดได้

สิ้นฟ้า ค่อยๆเดินเลี่ยงไปตามซอกแคบของตู้ พร้อมกับสังเกตการณ์เคลื่อนไหวด้านบน พวกมันคง ซุ่ม อยู่ด้านบนของตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อเราก้าวเข้ามายังเขตของพวกมัน มันก็ลอบยิงทันที
โชคดีหน่อย ที่เขาถีบ พร้อมกับหลบเข้าหลังตู้อย่างรวดเร็ว


ครืด~ ครืด~

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาสั่น แต่ไม่มีอารมณ์จะรับแต่ก็กลัวเสียงสั่นมันจะดังเกินไปจนทำให้พวกด้านบนได้ยิน จึงสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วกดปิดเครื่อง ทั้งที่ยังไม่ได้ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากระเป๋าเลยแม้แต่น้อย
คราวนี้ต้องใช้หัวคิดกันหน่อย

เขาไม่รู้ว่าพวกมันจะมีกันกี่คน และไม่รู้พวกของตัวเองเหลือกี่คนอีกเช่นกัน
ปืนไม่มีที่เก็บเสียง ถ้าเผลอยิงออกไปปุ๊ป มันจะต้องรู้ตำแหน่งของเขาทันที
เพราะฉะนั้น ยังไม่อยากเสี่ยง ยิงออกไป

หรือจะหลบ จนกว่าจะปลอดภัยดี

เสมือนจะเป็นแผนการที่ใช้ได้ แต่ให้ตายเหอะ เขาเชื่อว่า พวกมันจะต้องพลิกท่าเรือตามหา คนที่เหลือแน่
ถ้าเดาไม่ผิด... มันมีความคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวเขา สิ้นฟ้าอยากจะข้ามความคิดนี้ไป เพราะยิ่งคิด ยิ่งจะไม่เป็นผลอันดีกับพวกของตัวเอง


ฝึบ!

มีเงาดำกระโดด ข้ามหัวไปอีกแล้ว...


ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!

และเสียงปืนที่ดังขึ้น ไม่ใกล้ไม่ไกล
ถ้าเมื่อกี้ ก้มลงมามองสักนิด ก็คงจะเห็นเขา

ตอนนี้สิ้นฟ้าติดหอบ ใช่ว่าจะเคยออกกำลังกายบ่อยเสียเมื่อไหร่ เหงื่อร้อนที่เกิดจากความกดดันบวกสภาพอากาศของประเทศนี้ที่ต่อให้หน้าฤดูไหน ก็มีแต่ร้อนกับร้อนมากเท่านั้น มันทำให้เขาไม่ค่อยสบายตัว
 
“อยู่นี่เอง...”เสียงเย็นเหยียบดังขึ้นอยู่บนหัว ตอนที่เขากำลังจะก้าวออกเดิน


ปั้ง! ปั้ง! เคล้ง!


“แอร๊ก!”


สิ้นฟ้ายิงปืนสวนขึ้นไปทันที แต่ช้ากว่า ทำให้กระสุนเพียงแค่ถากๆ ส่วนมันก็เหมือนกัน แต่กระสุนของอีกฝ่ายก็ถูกเป้าเต็มตรงไหล่ขวาของเขา จนหลังกระแทกเข้ากับตู้

เจ็บระบมไปหมด

ปั้ง!

เพราะรู้ตัวว่ารอเวลาไม่ได้ จึงยิงขึ้นไปอีกนัด ทะลุเข้าสู่กะโหลก ของคนด้านบนที่ ก้มลงมาหมายจะยิงเขาซ้ำอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไวกว่า บวกโชคช่วย ดันทะลุเข้าสมองพอดี จนเลือดสาด ลงมายังหน้าเขา

โธ่ เอ้ย! เขาไม่ใช่พระเอกสายบู้ อีกทั้งยังไม่ใช่พระเอกสายบุ๋นด้วย อีกอย่างเขาพระเอกแน่เหรอ? ก็ยังสงสัยอยู่ ถ้านั่งอยู่ในห้องแอร์เฉยๆ รอแค่รับสำนวนคดี ไม่ต้องลงมาสืบเอง ชีวิต คงจะง่ายกว่านี้เยอะ

แต่ด้วยไอ้นิสัยส่วนลึกที่มันรักสนุก นี่ละ ถึงทำให้ตัวเองต้องมาเจอเรื่องลำบากอยู่เรื่อย
 ทำยังไงจะรอดละ สิ้นฟ้า คิดสิคิด!

ถือว่าเป็นเรื่องบ้าบิ่น ที่สุดที่เคยทำแล้วกัน

เขากระโดดเกาะตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งที่แขนก็ยังเจ็บ แล้วปีนขึ้น ไป จนถึงตู้ชั้นที่สาม ก่อนจะกระชากร่างที่ไร้วิญญาณลงมาด้วยมือข้างเดียว จนหล่นตุ๊บลงไปด้านล่าง
สิ้นฟ้ารีบกระโดดกลับลงไปคืน ไอ้หมอนี่ตัวใหญ่กว่าเขา สิ้นฟ้านั่งลงพร้อมกับเอาร่างใหญ่มาบังตัวเขาไว้
ตึ้งๆๆๆๆ
เสียงวิ่งดังขึ้นมาจากข้างบน เข้ามองผ่านแขนของตัวศพ

ปั้ง!

สิ้นฟ้ายิงสวนขึ้นไปทันที เมื่อมีหน้าๆ หนึ่งที่เหมือนกำลังชะโงกหน้ามาดู

ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!

ด้านบนก็ยิงสวนกลับลงมาเช่นกัน สิ้นฟ้ารีบมุดอยู่ข้างหลังตัวศพ

ลูกกระสุน กระแทก จนทำให้ศพดิ้นกระตุก เลือดกระเด็นอย่างน่าหวาดเสียว แล้วกระสุนบางลูกที่เฉียดผ่านเขาไปด้วย จนเผลอกั้นหายใจ

เขาเอาศพมาทำเป็นที่บังกระสุน เขาเพียงแค่คอยรอยิงไอ้พวกที่อยู่ด้านบน เก็บไปทีละตัว โคตรบรรพบุรุษ ถ้าไม่ฉลาดสุดๆก็บื้อจนไม่คิดอะไรจริงๆ ถึงคิดหาวิธีในแบบฉบับละครหลังข่าวขึ้นมาได้

และเหมือนด้านบนจะรู้ตัว จึงหยุดชะงัก สิ้นฟ้ามองลอดหว่างแขนของศพขึ้นไป เห็นเพียง แค่เงาดำ จึงคิดที่จะยิงขึ้นไปอีก

แต่เสียง ซู่ พร้อมกับสะเก็ตไฟที่ฉายวาบ ทำให้ต้องหยุดชะงัก

เมื่อมองขึ้นไป ดวงตาคมกริบของสิ้นฟ้าก็ต้องเบิกกว้าง
เชี่ย! ระเบิด !
มันเป็นสิ่งที่ ไม่ได้รับอนุญาตไว้ให้มีในครอบครองนี่

 
มัน ผิดกฎหมายนะเว้ยยยย!



คิดได้เท่านั้น สิ้นฟ้าก็สละศพ แล้วออกวิ่งทันที


ตู้ม!




......................................
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (1) 12/01/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 19-01-2015 02:30:53
ระทึกค่ะ ลุ้นมากๆ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (1) 12/01/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 20-01-2015 15:19:07
กำลังมันสสสส์  :ling1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (2) 29/01/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 29-01-2015 00:12:47

คดีที่ 8
เมทแอมเฟตามีน (2)

ไดนาไมท์ ถึงแม้จะหลบทัน แต่เสียงมันก็ทำให้ประสาทส่วนควบคุมการได้ยินรู้สึกอื้อ ขึ้นมาทันที ได้ยินแต่เสียงวิ้งๆ จนทำให้เขาต้องสะบัดหน้า สองสามครั้ง เพื่อไล่อาการ

ปั้ง!

แต่โชคชะตา มักไม่เคยให้หยุดพักนาน ยุคนี้พิซซ่ามาเร็วกว่าตำรวจฉันใด อัยการก็อยากกินไก่KFCฉันนั้น เอามาโยงกันได้ไง ไม่เกี่ยวกันหรอก ก็แค่รู้สึกว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือน ถ้ารอดจากนี้ไปได้สาบานเลยว่าจะพา เต็มสิบไปเลี้ยงเคเอฟซี!

เออ...มัวแต่ไร้สาระ เมื่อกี้มีคนยิงมานี่หว่า ว่าแล้วก็รู้สึกเจ็บๆที่ขา พร้อมกับเริ่มเสียการควบคุม จนต้องล้มกองพับลงไป จนหัว
กระแทกเข้าตู้คอนเทนเนอร์อย่างจัง!

บอกแล้ว ว่าเขามันไม่ใช่ สายบู้

แค่ยิงปืนแม่นนิดหน่อย ใช่ว่าจะเก่ง

“หยุดอยู่ตรงนั้นและท่านอัยการ” และช่วงนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกหักหลังบ่อยมากๆ

“กะแล้วว่าต้องเป็นนาย...”สิ้นฟ้าเปรยเสียงเบาๆ พร้อมกับหันหน้ามาแสยะยิ้ม

“รู้แล้ว...จะได้อะไรครับท่าน?”

“ฉันอุตส่า จะสลัดนายทิ้งดีๆแล้วเชียว นายไม่น่าตามฉันมาเลย...”ศักดิ์ใช่ หมอนั่น มันชื่อว่าศักดิ์ เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยอย่างสงสัย

“ไม่มีพวกตำรวจที่มาก่อนหน้า ที่นี่ไม่มีการส่งยา จะมีก็แค่...ส่งฉันมาตาย”

“ถ้าท่านเข้าใจอยู่แล้ว ผมก็คงไม่จำเป็นต้องอธิบาย อันที่จริงมันก็ไม่ใช่หน้าที่ ที่ผมจะต้องมาอธิบาย”ศักดิ์ พูด พร้อมกับเดินเข้ามาหาสิ้นฟ้า

“ส่งปืนมา อย่าคิดเล่นตุกติก”สิ้นฟ้ายื่นปืนส่งให้อย่างว่าง่าย อันที่จริง สภาพ ตอนนี้ เขาก็ไม่มีแรงขัดขืนสักเท่าไหร่หรอก บางครั้งก็รู้สึกอยากมีร่างกายเหมือนแรมโบ้ หรือไม่ก็ทอม ครูซ ในมิชชั่น อิมพอสสิเบิล  เสียแต่เขาคือสิ้นฟ้า ยังไงก็ยังคงเป็นสิ้นฟ้า
ต่อให้เก่งมาจากไหนก็แพ้ให้ลูกปืนที่จ่อหน้าอยู่ดี

“แล้วคนอื่นๆละ”



“เดี๋ยวท่านก็เห็นครับ...”



..........................................................................

“ไม่มีสัญญาณตอบรับ จากหมายเลขที่ท่านเรียก....”ผมละเบื่อ เสียงของผู้หญิงคนนี้จริงๆ โทรไปกี่สายต่อกี่สาย ก็เจอแต่เสียงเดิม ผมอยากได้ยินเสียงท่านอัยการเข้าใจม้ายยยยยT^T

“รับสายไหม?”หนุ่มหล่อ วัยเกินสามสิบ เอ๊ะ ! เกินสามสิบแล้วนี่ยังเรียกว่าหนุ่มอยู่หรือเปล่า? ถามขึ้น

“ไม่เลยครับ”พอผมตอบอย่างนั้นกลับไป ทนายเพชร ก็หน้ามุ่ยหัวคิ้วขมวดทันที
ออ... สงสัยใช่ไหมละ ว่าเวลาหลังเที่ยงคืนนี่ ผมมาอยู่กับเขาได้ยังไง

นี่ผมต้องเล่าย้อนใช่ไหม?

ได้! ไม่มีปัญหา อะไรนะ อยากรู้เรื่องของทางฝั่งท่านอัยการมากกว่าทางฝั่งผม เออ! เข้าใจ! ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันแหละ แต่มันโทรไม่ติดนี่ไง เห็นมะ ! หรือจะเอา! เครียดแล้วนะ! โมโหแล้วด้วย!

แล้วนี่ผมเป็นบ้าอะไร? โอเค โอเค ผมจะเล่าละ คงต้อนย้อนเวลากลับไปนิดหน่อย เมื่อตอนกลางวันของวันที่ 23 มีนาคม เวลาประมาณ 13.13 น.



กรมการปกครอง


“เรามาทำอะไรกันที่นี่ครับ?”ผมถามขึ้น แต่กลับได้คำตอบเป็นเพียงรอยยิ้มเล็กๆส่งมา

เมื่อเดินเข้ามายังในตัวอาคารผมและทนายเพชรก็ถูกเจ้าหน้าที่ เชิญให้ไปนั่งภายในห้องรับรองห้องหนึ่ง ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสมองไปเห็นรถด้านล่างวิ่งมากมาย พร้อมทั้งในห้องตกแต่งที่ดูสวยงาม โซฟาสีขาวสะอาดที่กลมกลืนไปกับสีขาวของห้อง มองไปที่โต๊ะด้านหนึ่งมีแจกันสีขาวที่ปักดอกไม้สีน้ำเงินซึ่งผมไม่รู้ว่ามันคือดอกไม้ชนิดไหน แต่มันกับทำให้ผมรู้สึกไม่ดี เพราะมันเป็นการปักแค่ดอกเดียว ด้วยความที่มันโดดออกมาจากสีสันโดยรอบ จึงทำให้ดอกไม้ที่เป็นสีน้ำเงินหนึ่งเดียวดูเด่น

“ดอกไม้นั่นคือดอกไอริสสีน้ำเงิน”ดูเหมือนทนายเพชรจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร จึงเอ่ยขึ้น

“ปักไว้แค่ดอกเดียว มันมีความหมายอะไรหรือเปล่าครับ?”

“ไม่มี...อะไรไปมากกว่าความหมายของตัวมันเอง” หมายความว่ายังไง?...ผมอยากจะถามออกไป แต่ก็ต้องหุบปากเอาไว้เพราะมีร่างสูงร่างหนึ่งเดินเข้ามา ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องหรือผู้ติดตามให้ออกไปเหลือแต่เขาพร้อมกับปิดประตู เขาก้มหัวให้ทนายเพชรนิดหน่อย ทนายเพชร ก็ก้มกลับเช่นกัน ส่วนผมก็ยกมือไว้แบบเก้อๆ ยังดีที่เขาหันมายิ้มน้อยๆให้ผม

“ตอนที่คุณติดต่อมาผมดีใจมากๆ นึกเสียว่าจะไปอยู่อเมริกา จนไม่สนใจทางนี้เสียแล้ว”เข้าว่าพรางยิ้ม “สิ่งที่คุณต้องการผมเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วง”เจ้าใบหน้าคมคาย ดูหล่อเหลา พูดออกมา คำพูดคำจาดูระมัดระวังตัว จนผมรู้สึกขัด ๆ อาจจะเป็นเพราะผมนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย คนตรงหน้าเลยค่อนข้างระวังตัว

“ครับ”ทนายเพชร รับคำแบบสั้นๆ

“เด็กคนนี้...”เขาถามขึ้น

“ผู้ช่วยผมเองครับ ไม่ต้องห่วง...”

“งั้นก็...”เขาว่า พร้อมกับยื่นแฟ้มที่เขาถือติดตัวมาให้ส่งให้ทนายเพชร

“ขอบคุณมากๆครับที่ท่าน จัดการเป็นธุระเรื่องนี้ให้”
.
.
.

“คนกันเอง ในสิ่งที่ผมพอจะช่วยได้ผมก็ช่วย”



หลังจากนั้นทนายเพชรก็เปิดดูแฟ้มนิดหน่อย ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก่อนที่จะกล่าวลา

เมื่ออยู่บนรถ ผมก็ได้แต่แอบชำเรืองมองหน้าด้านข้างของคนที่ผิวปากเบาๆอย่างอารมณ์ดี แต่ผมมั่นใจว่าต้องการกวนผมแน่ๆ เพราะเขารู้ว่าผมน่าจะมีเรื่องสงสัยมากมายในสิ่งที่เขาทำ แต่ก็อีกนั่นแหละถึงถามไป เขาก็ไม่บอกอะไร จึงต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ แล้วคิดเอาเอง...


รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นปลาที่เคยอยู่แต่ในขวดโหลหรือตู้ปลา แล้วถูกเอามาปล่อยในมหาสมุทร...


“คิดมากระวังหัวร่วง”ทนายเพชรพูดพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ

“ผมเหอะ หัวร่วงมันก็เกินไปมั้ง”

“ต่อปากต่อคำได้ แสดงว่าสติยังคงดีอยู่”เขาว่า ก่อนจะยิ้มมุมปาก ทั้งที่หน้าเขาก็หันไปมองถนน แต่ผมก็รู้ว่าเขาต้องยิ้มเหยียดแน่ๆ

“งั้นผมถามได้ไหม?”

“ได้ แต่ตอบหรือไม่ตอบ นั่นขึ้นอยู่กับคำถามของเธอและความพึงพอใจของฉัน”

“ข้อมูลในอินเทอร์เน็ต...ข้อมูลของน้องสาวท่านอัยการ ถูกลบออกหมดในอินเทอร์เน็ต”

“นั่นอาจจะเพราะ เธอหาไม่ดีเอง...”

“ไม่...มันถูกลบ แน่นอน เพราะในตอนที่ผมหาครั้งแรก ข้อมูลนั้นยังมีอยู่และผมมั่นใจว่าผมค้นหาอย่างละเอียด พอ และครั้งที่สองข้อมูลในส่วนที่ผมได้มากลับไม่มี แต่ถูกแทนที่ด้วยข้อมูลใหม่ ถูกเปลี่ยนเร็วมากเพียงแค่ชั่วข้ามคืน”

“ไงต่อ”

“น้องสาวของท่านอัยการ แท้จริง อายุ เกินกว่า 20 ปี นั่นแสดงว่าเธอบรรลุนิติภาวะแล้ว เธอมีอายุเป็นพี่ของผมอีก...”เขาไม่ได้มีท่าทีที่ประหลาดใจเลย ว่าผมรู้เรื่องนี้ เพียงแค่ทำหน้ายิ้มน้อยๆ ขับรถไปตามท้องถนน อย่างสบายๆ “ทำไมถึงต้องเปลี่ยน...”

“เธอเรียนกฎหมายมา เธอน่าจะรู้นี่ว่าเพราะอะไร?”เขาถามเพียงแค่นั้น ก่อนที่ผมจะนึกถึงคำพูดของผมกับเพื่อนขึ้นมาได้ 


“มีผู้เสียชีวิตเพิ่มที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งคน โหย อย่างโหดนะ “ฟรังมันพูดขึ้น “กูละอยากรู้จริงๆว่าเด็กนี่ มันขับรถยังไงของมัน”
“เด็กงั้นเหรอ?”
“ก็อายุ 16 เอง เที่ยวกลางคืนแล้วมาขับรถชน แรดไม่เข้าท่า”
“16?”
“ก็เออ 16 ทำหน้าเป็นหมา งง มึงไม่ได้ตามข่าวละสิ ข่าวออกจะใหญ่โตหัดเปิดโทรทัศน์ หรืออินเทอร์เน็ต ดูมั่งนะมึง”
“ออ...”


“คุณกำลังจะทำให้เธอกลายเป็นเด็ก”

“ถ้าพูดให้ถูกในแบบของนักกฎหมายก็คือ เยาวชน”

“ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นนี่ ยังไงมันก็เป็นคดีประมาท ไม่ได้เป็นคดีเจตนา  ถ้าเป็นคดีประเภทประมาท ในกรณีนี้ เป็นการขับรถชนโดยประมาท เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน10ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ถ้าจำเลยไม่เคยกระทำความผิด พร้อมทั้งให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ยังไงศาลก็ก็น่าจะตัดสินให้รอลงอาญาอยู่แล้ว...นี่ครับ”

“และถ้าเป็นเยาวชน นั่นก็ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น ว่ารอลงอาญา โดยไม่ติดคุกแน่นอน...ไม่ใช่แค่น่าจะ”

“เพราะอย่างนี้สินะ คุณถึงต้องมาที่กรมการปกครอง...เพื่อเปลี่ยนข้อมูล”

“ในที่สุดเธอก็ตามทันเสียที”

ร้ายกาจ...นี่มันร้ายกาจที่สุด แต่แปลกที่ผมไม่ได้อึ้งหรือแปลกใจกับเรื่องนี้มากเท่าที่ควร อาจจะเพราะเดาได้ ว่ามันน่าจะออกมาในรูปแบบนี้

เขาทั้งเปลี่ยนข้อมูลในอินเทอร์เน็ต แล้วยังถึงขั้นเปลี่ยนข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง...ทุกอย่างถูกวางแผนตั้งแต่วันแรกที่เกิดคดีขึ้นหรือยังไง...?

แล้วใครกันเป็นคนคิด ทนายเพชร หรือ...ท่านอัยการสิ้นฟ้า



ผมเหมือนปลาที่อยู่ในขวดโหลหรือตู้ปลา แล้วถูกเอามาปล่อยไว้ในมหาสมุทรจริงๆ...



หลังจากนั้น ทนายเพชร ก็เข้าไปเคลียร์งานที่สำนักงานทนายความของเขานิดหน่อย ซึ่ง เป็นสำนักงานทนายความเล็กๆ มีทนายอยู่สามคน รวมถึงตัวเขาด้วย เป็นรุ่นเดียวกันกับทนายเพชร เห็นบอกว่าเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมา พี่ๆทุกคนดูท่าทางเป็นมิตรดี อย่างน้อยก็มากกว่าทนายเพชร แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีเวลาสุงสิงกับมากสักเท่าไหร่ พูดคุยกันแป๊บเดียว พวกเขาก็ไปนั่งหน้าขรึม เคร่งเครียดประจำโต๊ะของตัวเองแล้ว  ผมจึงถูกใช้ให้จัดการเอกสารของสำนักงานรวมถึงถูกทนายเพชรบังคับให้อ่านสำนวนคดีเก่าๆที่เคยผ่านการขึ้นศาลมาแล้วให้เข้าใจ จนถึงเย็น

...
และนั่นละคือเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อตอนกลางวัน หลังจากนั้นผมกับทนายเพชรก็มาหาท่านอัยการที่ห้องเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ และทนายเพชร มีคีย์การ์ด และกุญแจห้องของท่านอัยการอยู่แล้ว จึงขึ้นมารอที่ในห้องของท่านกัน ซึ่งทีแรก ก็กะว่าท่านอัยการคงยังไม่กลับมาจากที่ทำงาน จึงทำอาหารไว้รอ โดยส่วนมากเป็นฝีมือของผม ส่วนอีกคน ก็นอนดูทีวี ในห้องสบายใจ...
พอเวลาสามทุ่มผมโทรไปหาท่านอัยการรอบแรก ท่านก็ยังรับโทรศัพท์ดีๆอยู่ บอกว่าเดี๋ยวจะรีบกลับ ผมกับทนายเพชร ก็เลยเอาเครื่องเล่นเกม มาต่อกับโทรทัศน์นั่งเล่นเกมฟีฟ่ารอกัน รู้ตัวอีกทีก็เที่ยงคืนกว่าละ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน จึงโทรไปหาท่านอัยการอีกรอบ เสียแต่ว่ารอบนี้นอกจากจะถูกตัดสาย พอโทรครั้งต่อไป ปัญหาก็คือติดต่อไม่ได้อีก

“โทรไปหาสารวัตร”ทนายเพชรเอ่ยเรียบๆ ผมรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาท่านสารวัตร หรือพี่หมวดทันที

‘โหลๆๆๆๆๆว่างายยยยน้องเต็มสิบ โทรหาพี่ดึกดื่นขนาดนี้’

“เอ่อ...ท่านอัยการยังไม่กลับห้องครับ”

‘หืม ก็ปกติของมันนี่’

“เอ่อ แต่ว่า ท่านอัยการตัดสายผมด้วยครับ”

“เอามานี่!”พูดปุ๊ปก็แย่งโทรศัพท์ไปเลย นิสัยดีจริงๆ! “หมวด”

‘อ้าวพี่เพชร อยู่ด้วยกัน ...?’

“เต็มสิบได้ออกไปทำคดีอะไรหรือเปล่าช่วงนี้”

‘ก็มีแค่คดียาเสพติดนะ แต่ตอนนี้กำลังสังเกตการณ์อยู่นี่ ผมก็ยังไม่ได้มีคำสั่งให้ลูกน้องเคลื่อนไหวอะไรนะ บอกสิ้นฟ้ามันไว้อยู่’

“แล้วตอนนี้หมวดอยู่ที่ไหน”

‘ผมก็อยู่ห้องผมสิครับพี่ ดึกดื่นป่านนี้จะให้ไปไหน จะตีสองแล้วนะ’

“งั้นก็แปลก จะตีสองแล้วแต่ฟ้ายังไม่กลับห้อง”

‘โอเค มันอาจจะยังอยู่ที่สำนักงานก็ได้ งั้นเดี๋ยวผมออกไปดูให้’

“งั้นเจอกันที่สำนักงานอัยการ”

‘ออ...โอเคๆครับ’

“เต็มสิบ”

“คะครับ”

“เฝ้าอยู่ที่นี่ เผื่อฟ้ากลับมา”

“ไหงงั้นอะ”



“เฝ้าห้อง”

เป็นคำสั่งที่ดีงาม มากเลยละครับ

แต่ถึงอย่างนั้นลางสังหรณ์ของผมมันก็ร้องเสียงดังว่า...เช้าวันนี้ มันจะเป็นวันที่ไม่ดีเสียเลย เหมือนกับจะสูญเสียอะไรไป...



ขอเพียงแค่ว่า อย่าให้มันแม่นเหมือนทุกครั้งก็พอ

..................................................................................................

“เดินไป!”คำสั่งออกมาพร้อมกับผลักเขาอย่างแรงจนแทบจะล้ม เสียแต่ยังพอประคองตัวไว้ได้ เขาถูกนำให้เดินมายังตู้คอนเทนเนอร์สีแดง ตู้หนึ่งที่เปิดประตูรอไว้ ที่ท่าเรือ โดยรอบมีคนยืนอยู่ในชุดดำประมาณ 20 คน มองมาพรางแสยะยิ้มส่งมาให้เขา อีกทั้งบางคนยังคงปิดบังหน้าตา ส่วนบางคน เขาก็ได้เห็นหน้าตาอย่างชัดเจน ยังคิดอยู่ว่าเขาคงจะจำหน้าคนพวกนี้ให้ขึ้นใจ

ถ้ารอดไปได้...ไม่ตายเสียก่อน

“จะยิงมันทิ้งก่อนไหม?”

“ไม่จำเป็น ยัดๆมันเข้าไป เดี๋ยวถูกจับถ่วงน้ำ ก็ตายไปเอง”

“ก็ดีจะได้ไม่เปลืองกระสุน”

พวกมันคุยกัน อย่างกับจะทำยังไงกับเขาก็ได้ ไม่เกี่ยง เพราะไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี พวกมันจึงดูเหมือนไม่ใส่ใจนัก พร้อมกันนั้น ก็ค้นตัวเขาพร้อมกับล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของเขาไป พร้อมกับโยนลงไปที่แม่น้ำ


“เดินเข้าไปซะ”ไอ้คนที่ชื่อว่าศักดิ์พูด พร้อมกับดันหลังเขาให้เดินตรงไปยังตู้ สิ้นฟ้ามองตู้สีแดงนั่นนิดหน่อย พร้อมกับคิดว่าเขาเข้าใจสิ่งที่พวกมันกะจะทำต่อไป

และสิ้นฟ้าไม่มีทางขัดขืน

“เข้าไป!”เสียงสั่งดังมาอีกครั้ง จึงจำใจที่ต้องเดินเข้าไปภายในตู้ พลันเท้าก็เหยียบเข้ากับบางสิ่ง จนต้องก้มมองดู ก่อนจะรีบชักเท้าขึ้น ด้วยความตกใจ จนเกือบล้ม

คน! ?

ไม่ใช่ น่าจะเป็นศพมากกว่า หรือจะเป็นนายตำรวจอีกสี่คนที่มาด้วยกันกับเขา ไม่แน่ใจ...

เสียงพวกด้านนอกมันหัวเราะนิดหน่อย กับท่าทางของเขา

“เดี๋ยวอยู่ๆไปก็ชิน พวกเดียวกันทั้งนั้น ไม่ใช่รึไง?”หนึ่งในนั้นพูดขึ้น พวกที่เหลือก็หัวเราะ

ตึ้ง!

ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระแทกปิดประตูตู้คอนเทนเนอร์อย่างแรง จนสะดุ้ง แล้วรีบหันกลับไปมอง แต่ตอนนี้มันมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงอะไรเล็ดลอดเข้ามา

“เชี่ยเอ้ย!”เผลอสบถออกมา ก่อนจะยืนนิ่งๆให้สายตาปรับเข้ากับความมืด  แต่ยังไม่ทันไร ก็มีเสียงเครื่องจักรจากด้านนอกดังขึ้น พลันรู้สึกถูกกระชากพร้อมกับรู้สึกโอนเอนเอียงไปมา จนล้ม หน้าคะมำ เข้าปะทะกับแผ่นอกนิ่มของบางอย่างหรือบางคน ซึ่งเขารู้ดีว่ามันคืออะไร จมูกได้กลิ่นคาวของเลือด ชวนขยะแขยง

เสียงเครื่องจักรกำลังทำงาน และตัวเขาเหมือนกำลังถูกเหวี่ยงให้ลอยไปมาอยู่กลางอากาศ


แย่แน่!


เขาไม่คิดว่ามันจะเอาตู้นี้ขึ้นเรือไปส่งที่ไหนหรอก แต่ก็เข้าใจว่าสิ่งที่พวกมันจะทำก็คือ เอาตู้คอนเทนเนอร์ส่งลงแม่น้ำแน่ๆ
สิ้นฟ้า พยายาม คลำหาของติดตัวของร่างไร้ชีวิตท่ามกลางความมืด ที่พอจะมีอะไรช่วยได้

“ไม่มี...”

พูดออกมาเบาๆ พรางรู้สึกเหงื่อที่ไหลตามลำคอยันแผ่นหลัง

“ร่างนี้ไม่มี...”ในตู้นี้ไม่ได้มีศพแค่ศพเดียวแน่นอน อย่างน้อยๆ ต้องสี่คน นั่นคือคนที่เหลือที่มากับเขา ถ้าไม่นับรวมกับไอ้คนที่ชื่อว่าศักดิ์อะไรนั่น และเขาไม่มั่นใจว่าใช่ชื่อจริงของมันหรือเปล่า แต่เชื่อเลย ว่าเขาจะจำมันไปจนวันตาย

คลานพร้อมกับคลำหาไปเรื่อยๆ แต่ร่างกายกลับประท้วงว่าจะไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังฝืนต่อไป

“โทรศัพท์”มือพลันคลำไปถูกแท่งบางอย่างก่อนจะล้วงมันออกมา เป็นโทรศัพท์จริงๆ เขาแทบจะร้องออกมาอย่างดีใจ เสียแต่มันเป็นการเสียเวลา เขาเปิดโทรศัพท์ดูทันที

ให้ตายเหอะมันยังใช้ได้  เขากดเบอร์ที่พอจะจำได้ทันที

ตืด~ ตืด~ ตืด~

“รับสิวะ!”


กึก!


เสียงเครื่องจักรด้านนอกหยุดชะงัก ขนในตัวของสิ้นฟ้าพลันลุกทันที ก่อนจะหมอบราบแล้วเกาะศพๆ ศพหนึ่งไว้แน่น

ปั้ง!

เสียงปะทะของตู้กับแม่น้ำดังขึ้น พร้อมกระแทก แรงของมันทำให้คนในตู้ตัวลอยขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะกระแทกลงมา เล่นเอาจุก หลังจากนั้น ก็รับรู้ได้ถึงแรงเอื่อย ของตู้ที่ค่อยจมลงในแม่น้ำ  ก่อนจะกระแทกซ้ำอีกครั้ง


ครืด~

เสียงตู้เหล็กไถลไปกับแรงของแม่น้ำนิดหน่อย ก่อนมันจะหยุดนิ่ง พร้อมกับได้ยินเสียงน้ำที่กำลังเริ่มไหลเข้ามาภายในตู้

“..."

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ

ความซวยมันจะเข้าหาพระเอกของเรื่องเสมอ เขาคิดอย่างนั้น เมื่อเสียงเตือนแบตเตอร์รี่ของโทรศัพท์บ่งบอกว่ามันกำลังจะหมด ก่อนจะดับไป

“เชี่ยเอ้ย!”ก่อนจะขว้างกระแทกเข้ากับผนังตู้ แล้วเด้งกลับมากระแทกหัวเขาพอดี

สงสัยจะปีชง...

พยายามคลานแล้วเริ่มค้นต่อ ตอนนี้น้ำเริ่มท่วมถึงฝ่ามือของเขาแล้ว แต่ยิ่งค้นก็ยิ่ง เหมือนการไม่เคารพศพคนที่ตายแล้ว แต่ในระหว่างที่คลำหา เขาก็พยายามตรวจดูไปด้วยว่ายังพอมีคนที่มีลมหายใจอยู่ไหม เสียแต่ว่ามันไม่มี รวมถึงของที่พอช่วยได้ด้วย
จนครบสี่ร่าง ก็เจอแค่เพียงโทรศัพท์เครื่องเดียวในทีแรก

ตอนนี้สายตาเริ่มชินกับความมืดบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เห็นอะไรมากขึ้นเลย ความหวังคือประสาทของหูล้วนๆพลันสายตาก็เหลือบมองไปเห็นที่ข้อมือของตัวเอง ที่หน้าปัดมันเรืองแสงตัวเลขอ่อนๆอยู่

เขาเปิดแสงจากนาฬิกา ต้องขอบคุณของเล่นใหม่จาก USA ที่ตอนไปครั้งที่แล้วทนายเพชรซื้อให้ เขาเห็นว่ามันสวยดีเลยใส่ แต่สรรพคุณมันอย่างหนึ่ง คือแสงสว่างของมัน สว่างมากพอประมาณ พอที่จะทดแทนไฟฉายขนาดเล็กๆกำลังไฟไม่มากได้ สมราคา หลายหมื่น

เขาส่องไฟไปรอบๆ สั่งเกตดูทั่วๆ ร่างของศพมีอยู่สี่ร่าง เขาเดินเข้าไปสำรวจหน้าตาก็เป็นคนที่มาด้วยกันกับเขาจริงๆ
น้ำยังคงไหลเข้ามาเรื่อยๆ จากช่องว่างตรงประตู เขาฉีกเสื้อของศพ แล้วเอามายัดตามช่องว่างไว้ อย่างน้อยก็น่าจะช่วยชะลอเวลาได้บ้าง

เลือดที่ขากับที่ไหล่ ยังคงไหลไม่หยุด เลยฉีกเสื้อมาพันไว้อีก
วิญญาณคนตายพวกนี้คงกำลังสาปแช่งเขาอยู่แน่ๆ



ไม่มีอะไรที่พอจะทำได้แล้ว ร้องเพลงปลุกใจก่อนตายดีมะ? เหอะ...คิดแล้วก็ยิ้มเยาะให้กับความคิดตัวเอง


 ถ้าเขาตายไปขอดอกไม้หน้าศพสวยๆพร้อมกับป้ายไฟแล้วกัน


...

ท่านสารวัตร ต้องย่นหัวคิ้วอย่างสงสัย กับสายที่โทรมา ไม่มีเสียงพูดอะไร เมื่อรับแล้ว ได้ยินแต่เสียงดังแปลกๆ ก่อนจะถูกตัดสายไป พอเขาโทรกลับก็โทรไม่ติด

“อะไร?”ทนายที่มาเจอเขาอยู่สำนักงานอัยการถาม

“แปลกครับ โทรมาก็ไม่พูด ได้ยินเสียงเหมือน...จ๋อม!”

“จ๋อม? จ๋อมเนี่ยนะ มันคืออะไร?”คำตอบของนายตำรวจ ทำให้ทนายอย่างเพชรต้องเลิกคิ้ว

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ มันไม่ใช่ อันนั้นมันความรู้สึกครับ...แต่ที่จริงเสียงเหมือนเป็นแรงปะทะ ของอะไรสักอย่าง ปนมากับเสียงหอบ ...”

“สิ้นฟ้า...หมวดลองโทรกลับไปเบอร์นั้นยัง”

“โทรแล้วครับ แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ”

ทนายเพชรมองไปที่สำนักงานอัยการตรงหน้าที่มีไฟแค่โถงทางเดินบางส่วน พอเข้าไปถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครอยู่ในสำนักงานแล้ว อีกทั้งเขาก็ยังให้พาไปดูยังที่จอดรถ รวมถึงไปที่ห้องของสิ้นฟ้า ก็มั่นใจว่าเจ้า
ตัวออกไปได้นานแล้วเช่นกัน

แต่ไปไหน ทำไมยังไม่กลับห้อง

“ผมจะไปที่สถานีตำรวจไปแจ้งความเอาไว้ก่อน”ท่านสารวัตรว่า “ผมว่าพี่กลับไปรอที่ห้องของมันก่อนก็ได้ ได้ความคืบหน้าอะไร เดี๋ยวผมแจ้งอีกที”

“กลับห้องไป คงอยู่ไม่สุข”
.
.
.

“งั้นพี่จะตามมาก็ได้ ผมก็รู้สึกแย่เหมือนกัน”







....................................................See U

 :katai5: สิ้นฟ้าค่าตัวแพงก็เงี้ยะแหละ
ถ้าเจอจุดผิดพลาดอะไรสามารถทักได้นะคะ เม้นด่าแรงๆก็ได้ เราชอบ
และรู้สึกดีนะ ที่ทำให้อินได้ขนาดนี้ เหมือนได้รางวัลอะ บอกเลย
ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (2) 29/01/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 29-01-2015 02:13:02
เครียด ใครจะมาช่วยได้ทันล่ะเนี่ย โดนถ่วงน้ำเลยนะคะะะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (2) 29/01/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 07-02-2015 01:11:34

จะมาบอกว่าเรามีเพจแล้วละ พึ่งสร้างเสร็จเมื่อกี้ :katai2-1:
ในเพจจะมีการอัพเดททั้งเรื่องที่เกี่ยวกับนิยาย และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
ความรู้ทางด้านกฎหมายให้
ใครสนใจที่จะไปคุยกับคนเขียน น้องเต็มสิบ พี่เพชร พี่สิ้นฟ้า หรือแม้กระทั่งคนอื่นๆในเรื่อง
ก็คลิ๊ก ถูกใจ ไปติดตามกันได้นะคะ ที่ https://www.facebook.com/pages/InLaw_By-Kissa-O/337506579784041?skip_nax_wizard=true&ref_type=bookmark
สามารถไปทวงนิยาย จากคนเขียนในเพจนี้ได้เช่นกัน
จะมีใครถูกใจไหม น่อ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (ปิดคดี) 07/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 07-02-2015 04:14:09
คดีที่ 8
เมทแอมเฟตามีน (ปิดคดี?)

ถึงจะเอาผ้าอุดไว้ยังไงน้ำก็ยังคงไหลทะลักเข้ามาอยู่ดี นั่นเป็นสิ่งที่คนอย่างสิ้นฟ้าสำนึกได้ เมื่อตอนนี้เวลาผ่านไปไม่นาน น้ำที่ไหลเข้ามาภายในตู้คอนเทนเนอร์ที่เขาจำได้ว่ามันมีสีแดง ก็ไหลท่วมขึ้นมาจนจะมิดหัวของเขาแล้ว และน้ำยังคงเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ

สิ้นฟ้าทำได้แต่ลอยคอ สูดอากาศที่เหลือ หายใจเข้าลึกๆ หัวตอนนี้แทบจะชนเข้ากับผนังฝั่งด้านบน และอีกไม่นาน น้ำจะต้องเข้าเต็มตู้อย่างแน่นอน


ตึ้ง !


เสียงกระทบอย่างรุนแรงดังขึ้น ก่อนที่ตู้จะเคลื่อนลากไปกับพื้นของแม่น้ำ จนคนที่อยู่ด้านในตู้หัวกระแทกเข้ากับผนัง
แรงกระแทกส่งผลให้ประตูของตู้แง้มเปิดออก และน้ำไหลทะลักเข้ามา

สิ้นฟ้าสูดหายใจเผื่อจะเอาอากาศ ก่อนที่จะดำลง รอให้แรงดันน้ำที่ทะลักเข้ามาภายในตู้หยุดนิ่ง สิ้นฟ้าสามารถดำน้ำได้อย่างนานก็แค่หนึ่งนาทีกว่าๆเขาไม่รู้ว่าแม่น้ำจะลึกและแรงมากแค่ไหนด้านนอก แต่จากการคาดเดา ระยะเวลาที่เครื่องจักรปล่อยตู้คอนเทนเนอร์ลงในแม่น้ำ และกว่าตู้จะกระทบเข้าสู้ผืนดินใต้น้ำเบื้องล่าง เขาคาดการณ์ว่าแม่น้ำ นี้จะลึกไม่ต่ำกว่า 10 เมตร เวลาเรียนภูมิศาสตร์เกี่ยวกับประเทศของตัวเอง เขาน่าจะตั้งใจกว่านี้

ในหัวคำนวณระยะเวลาการดำน้ำขึ้นไปสู่ผิวน้ำด้านบนอย่างคร่าวๆคิดว่าไม่ทันแน่ แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องเสี่ยง

สิ้นฟ้าว่ายไปที่ประตูตู้ทันที ก่อนจะพยายามใช้เท้าดันประตูที่มันแง้มอยู่ให้เปิดออก ก่อนจะสอดตัวว่ายออกไป โดยการเกาะ ประตูตู้ไว้ ลำตัวเหมือนถูกน้ำซัดเอื่อยๆ นั่นหมายความว่า ถ้าเขาว่ายขึ้นไป เขาจะถูกซัดเข้าฝั่งที่ไหนก็สุดแล้วจะเดาได้ด้วยความแรงของการไหลของน้ำ ถ้าโชคดีหน่อยเขาอาจจะรอด

เมื่อถึงคราวที่ตัดสินใจจะปล่อยมือจากราวเกาะของประตูตู้ เขาก็เห็นแสงไฟที่สาดส่องลงมา

ไฟฉายดำน้ำ!?

ก่อนจะมีเงาดำร่างหนึ่งเข้ามาประชิดตัว แล้วยัดบางอย่างใส่ปาก ด้วยความตกใจ ก็เผลอสูดหายใจเข้าทางปากซะเต็มปอด จึงทำให้รู้ว่ามีออกซิเจน และสิ่ง ที่ถูกส่งเข้ามาที่ปากมันคือ Octopus(ชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของเครื่องส่งอากาศหายใจสำหรับดำน้ำ) ก่อนที่ร่างของสิ้นฟ้าจะถูกกระชากตัวให้แนบติดกับเงาร่างสีดำนั่น แล้วคนๆนั้น ก็สาวเชือกที่ผูกติดอยู่กับตัวเขาแล้วกระตุกอย่างแรง ไม่นาน ทั้งสิ้นฟ้าและคนๆนั้นก็ถูกดึงขึ้น



..................................................................................

เมื่อได้รับแจ้งว่ามีการปะทะกันที่ท่าเรือ ตำรวจหลายนาย สารวัตร และทนายเพชร ก็มายังสถานที่เกิดเหตุทันที

“ตรงนี้มีรอยเลือดครับ”ตำรวจคนหนึ่งชี้ให้ดู “และยังมีรอยเลือดอีกหลายจุดแต่ไม่พบบุคคลเสียชีวิตครับ”

“ฉันสั่งให้ตรวจสอบรอยเลือดอย่างด่วนละ ถ้ามีตรงกับของไอ้ฟ้ามัน...”หมอร่างเล็กเดินเข้ามาหา ก่อนที่จะรายงานให้กับสารวัตร ที่หน้านิ่วคิ้วขมวด ฟัง

“ท่าเรือนี้เป็นเขตส่งสินค้าของใคร?”ทนายเพชรถามขึ้น

“มีหลายบริษัท ที่ใช้บริการขนส่งสินค้าในท่าเรือจุดนี้ครับ ส่วนมากจะเป็นบริษัทเล็กๆเท่าที่ตรวจสอบจากเลข  ISO CODE บนตู้นะครับ”

“แปลก”ทนายเพชรว่าเบาๆ

“พี่หมายความว่าไง?”สารวัตรถามขึ้น

“ตั้งแต่เข้ามา ฉันยังไม่พบยามหรือคนของเท่าเรือสักคน พอจะตรวจสอบทุกบริษัทที่ใช้ท่าเรือนี้ได้ไหม?”

“อาจจะยากหน่อยครับเพราะการเข้าตรวจสอบบริษัทต่างๆจะต้องได้รับการอนุญาตก่อน”ทนายเพชรพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“เครื่องนั่น”ทนายเพชรชี้ไปยังเครื่องจักรขนาดใหญ่

“อ๋อ นั่นเป็นเครนสำหรับยกตู้คอนเทนเนอร์ครับ”
สารวัตรมองหน้าของทนายเพชรนิดหน่อย ก่อนจะขมวดคิ้ว

“พี่คงไม่ได้คิดอย่างที่ผมคิดใช่ไหม?”สารวัตรถามขึ้น

“นั่นขึ้นอยู่กับว่าเสียงแปลกๆที่สารวัตรได้ยิน จะใช่เจ้าเครื่องนั่นหรือเปล่า...”

“เตรียมหน่วยค้นหาทางน้ำได้เลย”สารวัตรกล่าวเสียงเรียบ
.
.
.
“พบตู้คอนเทนเนอร์จมอยู่ใต้น้ำไม่ไกลจากฝั่งท่าเรือ ทีมดำน้ำสำรวจภายในตู้พบร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในตู้ครับ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีจำนวนเท่าไหร่ครับ”เวลาประมาณเกือบชั่วโมง นายตำรวจเดินเข้ามารายงานในขณะที่เพชร สารวัตร กำลังมองดูทีมสำรวจใต้น้ำที่ทำงานอยู่บนเรือห่างจากฝั่งไม่ไกลเท่าไหร่ และกู้ศพผู้เสียชีวิตขึ้นมาพักไว้บนเรือ ทำงานสู้กับกระแสน้ำที่ไหลค่อนข้างแรง เพราะเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่ผ่านใจกลางของเมืองหลวงแบ่งเป็นสองฝั่ง

ท่านสารวัตรถึงกับยกมือขึ้นมาทึ้งหัวตัวเอง ดึงความคิดที่กำลังจะเตลิดไปไกล และกลัวสิ่งที่คิดอาจจะเป็นจริง เขากลัว กลัวว่าจะมีเพื่อนรักของเขาด้วย และมันอดคิดไม่ได้ มองจากตรงนี้ ก็ไม่เห็นเสียด้วยว่าหน่วยกู้ภัยใต้น้ำนั่น ขนใครขึ้นมาไว้บนเรือมั่ง
ทนายเพชรยังคงนิ่งเฉย แต่ใบหน้าที่ยิ้มน้อยๆเสมอ เรียบสนิท แม้แต่ริมฝีปากบางยังเม้มเป็นเส้นตรง







“ผมว่าคุณควรส่งสัญญาณให้ทางนั้นหน่อยดีไหม?”เสียงนุ่มละมุนติดหวานเอ่ยขึ้น พร้อมกับทอดชุดดำน้ำโดยไม่เกรงใจสายตาของคนที่มองอยู่

สิ้นฟ้าตวัดสายตาออกหนีจากภาพตรงหน้า ก่อนจะมองไปยังฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ ที่มองไกลๆก็เห็นแสงของรถที่ติดไซเรนมากมายหลายคันรวมถึง เรือของตำรวจที่ล่องอยู่บนแม่น้ำจำนวน 3 ลำ ตอนนี้ เขามานั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือเฟอร์รี่ขนาดกลางดูหรูหรา ตกแต่งสวยงาม แต่มีคนอยู่บนเรือแค่ไม่กี่คน เท่าที่นับดูรวมเขาด้วยก็แค่ 5 คน ลอยไปเอื่อยๆอยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามกับท่าเรือที่เกิดเรื่อง

“แอร๊ก!”สิ้นฟ้าเผลอร้องออกมา เมื่อมีดเล็กกรีดลงไปยังแผลถูกยิงที่ขาของเขาจากหมอหนุ่มที่อ้างตนว่ายังคงเป็นนักศึกษาแพทย์ใบหน้าน่ารักตกใจ ก่อนจะรีบขอโทษเขา

“นี่ ไวน์ ลืมชีทยาชา ให้พี่เขารึเปล่า?”เสียงนุ่มละมุนเอ่ยถามขึ้น หลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย

“อ่ะ !”ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นนักศึกษาแพทย์ร้องอย่างตกใจ “เอ่อ ลืมไปแล้วอะ ทำไงดี แต่มันไม่ลึกมาก แค่นี้เอง” ทำไม้ทำมือให้ดูพร้อม “ทนๆหน่อยนะ หรือจะฉีดตามหลังดีละ”

“กรีดไปซะขนาดนั้นก็กรีดต่อเหอะ”สิ้นฟ้าพูดตัดรำคาญและเริ่มสงสัยว่าหมอตรงหน้าจะเป็นหมอจริงไหม “ดิน นายไปเอาเด็กนี่มาจากไหนเนี่ย เรียนแพทย์มาจริงๆหรือเปล่า?”สิ้นฟ้าเอ่ยถาม คนที่อมยิ้มหวานๆอยู่ตรงหน้า

“เห็นอย่างนี้ฝีมือดีเชียวละ ไวน์ อย่าแกล้งพี่เขาอีกนะ”เด็กที่ชื่อว่าไวน์พยักหน้ารับคำสั่งอย่างเข้าใจ

“ว่าแต่ทำไม ถึงลงไปช่วยฉันได้”

“ก็ล่องเรือ ชมบรรยากาศอยู่ดีๆ ส่องกล้องส่องทางไกลดูบรรยากาศไปเรื่อยๆ ก็เห็นคุณถูกยัดเข้าตู้คอนเทนเนอร์ ดูน่าสนุกดี จนตู้ถูกปล่อยลงน้ำ แล้วก็เท่าที่เห็นผมลงไปกะจะช่วยคุณ”

“ชมบรรยากาศ หลังเที่ยงคืน?”

“เมืองหลวงของประเทศเราสวยเสมอ โดยเฉพาะแม่น้ำสายใหญ่สายนี้ ต่อให้จะเป็นเวลาสักเท่าไหร่ ก็ควรค่าแก่การรับชม”พูดยิ้มๆ

“ตำรวจจะมาสอบปากคำพวกเราไหมครับ?”นักศึกษาแพทย์ไวน์ถามขึ้น

“เรือสินค้าฝั่งนี้แล่นสัญจรกันไปมาตลอด จะแปลกก็อีตรงที่มีเฟอร์รี่ลอยเอื่อยๆในเขตท่าเรือส่งสินค้านี่ละ ถ้าไม่รีบออกไปละก็ อาจไม่แน่” สิ้นฟ้าเอ่ยเรียบๆ

“ไปบอกกัปตันให้ออกจากเขตนี้ได้ละ”ดินหันไปสั่งคนที่ยืนอยู่อีกคนนิ่งๆ ก่อนที่คนที่ถูกสั่งจะพยักหน้ารับแล้วออกไป

“เอาละ คราวนี้เอาเรื่องจริง ดิน นายมาอยู่แถวนี้ได้ยังไง?”

“มีคนต้องการฆ่าคุณ”ดินเปรยเรียบๆ ก่อนจะเสมองไปทางฝั่งท่าเรือที่กำลังวุ่นวาย “ผมทราบมาว่า ตอนนี้ภายในกรมตำรวจถูกปรับเปลี่ยนและโยกย้าย นายตำรวจหลายนายออกไป ช่องว่างนี้ ทำให้พวกมันบางคนแฝงตัวเข้ามา และอีกไม่นานผมเกรงว่า สารวัตร เพื่อนของคุณจะถูกย้ายไปที่อื่น เมื่อถึงเวลานั้น คุณจะขาดกองหนุน และทำงานยากขึ้น”

“นั่นก็แค่งานในส่วนของอัยการที่มันจะยากขึ้น”

“ใช่ แต่คุณคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกความเคลื่อนไหวของคุณก็จะยากขึ้นด้วย ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไร หรือเมื่อไหร่ คุณจะเหมือนแม่ทัพที่ขาดกองกำลัง”ดินเว้นวรรคไปนิดหน่อย ก่อนจะหันมามองที่ท่านอัยการ ที่เป็นคนที่เขาเป็นห่วงอย่างที่สุดอีกคนหนึ่งจากใจจริง “ผมต้องบอกว่าผมเสียใจที่ผมอยู่กับคุณตลอดเวลาไม่ได้ เพื่อนของคุณจะเป็นอีกตัวช่วยที่ดี”

“โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว...”

“คุณต้องท่องไว้เสมอว่าพวกมันต้องการฆ่าคุณ...ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกมันเป็นใคร...ในวันนี้เป็นโชคดีของคุณจริงๆที่ผมอยู่แถวนี้พอดี แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะโชคดีตลอด ผมอยากให้คุณระมัดระวังตัวมากกว่านี้”
“ฉันไม่เชื่อว่านายจะบังเอิญมาอยู่แถวนี้ ดินอย่าโกหกฉัน”

ร่างเล็กกว่าเขาถอนหายใจเล็กน้อย

“คุณรู้จักดอกไอริส สีน้ำเงิน ไหม?”

“นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อฉันต้องหนีไปต่างประเทศ”

“และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมาอยู่ตรงนี้เช่นกัน ขอสารภาพเลยว่าผมตามดูคุณอยู่ แต่ผมไม่ได้ดูคุณอยู่ตลอดหรอก อีกอย่างเรื่องที่ท่านอัยการสูงสุดไปต่างประเทศ มันเป็นความต้องการของท่านอัยการเอง ก็เพื่อความปลอดภัยของพ่อคุณ ไม่มีใครรู้ว่าเขาตัดสินใจจะไม่กลับมา นอกจากพวกเรา และอีกไม่นานน้องสาวของคุณและแม่เลี้ยงของคุณจะต้องตามไป หลังจากจบคดีน้องสาวของคุณ ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นโชคดีด้วยซ้ำที่บังเอิญน้องสาวของคุณก่อคดีขึ้น พวกเขาจะได้มีข้ออ้างหลบออกนอกประเทศได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย เมื่อจบคดีก็อ้างซะว่าเป็นเพราะคดี ก็เลยอยากหลบหนีปัญหากระแสสังคม”

โชคดีกับผีนะสิ...โชคดีที่ต้องแลกมากับชีวิตของคนอื่น มันน่าขยะแขยงสิ้นดี ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็เหอะ

สิ้นฟ้าได้แต่คิดในใจ

“ยกเว้นแต่คุณจะไม่อยากให้พวกเขาตามพ่อคุณไป...ผมก็จัดให้ได้”ดินพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก

อัยการสิ้นฟ้า ถอนหายใจ

“ฉันรู้ว่าดอกไม้ถูกส่งให้คน  13 คน หนึ่งในนั้นคือพ่อฉัน แต่ฉันก็พอจะเดาออกว่าคนที่เหลืออีก 12 คนที่ได้รับเป็นใคร”

“ไวน์เสร็จแล้วใช่ไหม?”เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะรู้ว่าตัวเองต้องออกไป “คุณคงจะจำเรื่องการปฏิวัติ ของ 13 กบฏ ได้”

“ตอนนั้นฉันเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว มันเป็นชื่อเรียกของคน 13 คน ที่ได้ทำการปฏิวัติระดับประเทศขึ้น แต่ มันเป็นเรื่องแปลกตรงที่ในตอนนั้นที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดการปฏิวัติ อีกทั้ง ไม่มีใครรู้ว่า 13 คนนั้นคือใคร รู้ตัวอีกทีพ่อฉันก็ได้ขึ้นเป็นอัยการสูงสุดแล้ว”

“เอาจริงๆ ตอนนั้นผมยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ”ดินว่าอย่างขำๆ

 “ฉันก็ยังมองไม่ออกว่ามันเกี่ยวอะไรกับฉัน”

“คุณคือใครสิ้นฟ้า คุณคือทายาทของหนึ่งใน 13 นักปฏิวัติ และตอนนี้คุณก็เป็นอัยการ ถ้าเป็นผม ระหว่างอัยการสูงสุด สูงวัยใกล้เกษียร กับลูกชายของเขาที่กำลังก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และมีสิทธิที่จะมาแทนในส่วนของพ่อคุณที่เคยทำไว้ คุณคิดว่าถ้าผมเป็นพวกมันผมจะส่งดอกไอริสสีน้ำเงินให้ใคร ผมยังคิดอยู่เลยว่าพวกมันส่งดอกไม้ให้ผิดคน”ว่าพรางยิ้มมุมปาก “ตอนมันกะจะฆ่าคุณครั้งแรกที่ร้านอาหารนั่น ตอนนั้นมันอาจแค่ขู่ท่านอัยการสูงสุดจริงๆ แต่ตอนนี้พวกมันคงจะไหวตัวแล้ว ว่าหอกข้างแคร่ ของพวกมันจริงๆนั่งอยู่ตรงนี้”

“...”

“ถึงแม้ว่าตอนนั้น คุณจะเป็นแค่เด็กมหาวิทยาลัย และผมยังไม่เกิด แต่ตอนนี้ก็ใช่ว่าผมจะมองไม่ออก”

“...”

“ผู้สมรู้ร่วมคิด ของ 13 กบฏในตอนนั้น นอกจากแม่ของผม ก็คือคุณไม่ใช่เหรอครับ?”
.
.
.
“ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดก็คงต้องอยู่จนกว่าเกมจะจบ เท่านั้นละครับ”





ผมนั่งหลับตาอยู่บนโซฟาเนื้อดี ภายในห้องท่านอัยการ จนตอนนี้ ขอบฟ้าด้านนอกเริ่มส่องแสงสีทองผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง แสดงให้เห็นถึงเวลารุ่งเช้าที่เข้ามาถึงแล้ว ในใจผมนึกแต่ภาวนาให้ท่านอัยการกลับมาเร็วๆ หรือไม่ก็ทางทนายเพชร ส่งข่าวอะไรมาบอกผมบ้าง ภาพในวันที่ท่านอัยการนอนจมกองเลือดหน้าร้านอาหารในคราวก่อนนั้น มันยังติดตาผมไม่หาย ทำให้ในสมองคิดพาลไปมากมายในสิ่งที่มันควรจะเป็นและไม่ควรจะเป็น

แต่ก่อนผมก็ไม่เคยคิดว่าจะสามารถเป็นห่วงใครได้ขนาดนี้ แต่คนอย่างท่านอัยการสิ้นฟ้า พิสูจน์ให้ผมเห็นแล้ว ว่าคนอย่างท่านสามารถทำให้คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวท่านร้อนรนได้แค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นทนายเพชร หรือแม้กระทั่งผม

“นั่งหน้านิ่ว คิ้วขมวด อยู่คนเดียว มีเรื่องให้เครียดแต่เช้าหรือไง”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น พร้อมกับมืออุ่นจับลงบนไหล่ของผม เล่นเอาผมต้องหันไปมอง
.
.
.
“ก็เพราะท่านนั่นแหละ”เอ่ยออกไปเบาๆ รู้สึกถึงไอร้อนที่ขอบตา แต่คนตรงหน้ากลับส่งยิ้มละไมมาให้ “ท่านไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม?”

“ฉันคือใคร ฉันคือสิ้นฟ้านะ ใครจะทำอะไรสิ้นฟ้าได้”

“ยังจะมาตลกอีก คนอื่นเขาเป็นห่วงแทบแย่ แล้วนี่ท่านไปไหนมา เล่ามาให้หมดเลยนะ ทำไมถึงกลับมาป่านนี้ รู้ไหมทนายเพชร กับท่านสารวัตรออกไปตามหาท่าน  เดี๋ยวผมโทรไปบอกสองคนนั่นดีกว่าว่าท่านกลับมาแล้ว”
ผมกำลังควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อมือเย็นๆจับเอาไว้

แต่ มันเย็นเกินไปนะ!

“ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหน บอกผมได้นะ ดูหน้าซีดๆ มือก็เย็นด้วย”

“เต็มสิบ...ฟังนะ”

“ฮ่ะ คะ ครับ?”

“ถ้าฉันตายไป...”

“โธ่ท่านอย่าพูดอย่างนั้นสิ”

“ไม่ ฟังฉัน ถ้าฉันตายไป...อย่า อย่าตามหาสาเหตุเด็ดขาด”

“ท่านเบลอพิษไข้หรือเปล่าครับ?”ว่าพรางเอามือไปวางไว้ที่หน้าผาก “มือเย็นแต่หน้าผากเริ่มร้อนๆนะครับ เดี๋ยวผมไปหายามาให้ทาน”

“ขอร้อง...”

“ท่าน...?”

“ฉันอยากให้นาย เป็น เต็มสิบเด็กฉลาด เต็มสิบที่ไม่ได้รู้อะไรเลย เต็มสิบที่ไร้เดียงสา เต็มสิบที่ยังคงเป็นเต็มสิบ เต็มสิบที่ไม่ใช่สิ้นฟ้า...”

“ผมไม่เข้าใจ”

“เพราะฉะนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฉัน หรือเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉัน อย่าตามหาเหตุผล แม้ว่าฉันจะตายไป หรือหายไปไหน”

มือเย็นนั่นยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่แก้มผม
.
.
.

“ฉันรักนายนะเต็มสิบ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แบบเดียวกันกับที่นายรักฉัน”


นั่นคือคำสารภาพจากใจของท่านอัยการเหรอ ท่านไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ แต่ท่านก็เลือกที่จะพูดมันออกมา จากแววตา ของท่าน ท่านไม่ได้พูดเล่น นั่นหมายความว่า ท่านกำลังจะกันผมออกไปจากเรื่องบางเรื่อง ท่านจะพูดอย่างนี้กับทนายเพชร หรือเปล่า ? หรือท่านเลือกที่จะพูดกับผมคนเดียว...


ท่านกำลังจะทำอะไร?...ท่านบอกผมได้ไหม...



“ครับ ผมจะไม่ตามหรือถามหา...สาเหตุเลย”


ตามที่ท่านต้องการ...






สองวันต่อมา เหมือนอะไรๆมันเร็วขึ้นมาก อย่าง งงๆ

ผมวิ่งหน้าตั้ง ตามชายคนหนึ่ง อย่างไม่คิดชีวิต โดยไม่รู้ว่าตัวเอง หลงกับพรรคพวก ของตัวเองไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตามรายทางผมเผลอวิ่งชนคนมั่ง แต่ไอ้คนข้างหน้าก็เหมือนกัน ทุลักทุเลพอควร ตามเส้นทางของย่านสลัมย่านหนึ่ง ในตอนที่วิ่งข้ามสะพานขนาดเล็กผมเกือบเผลอตกน้ำไปตั้งหลายครั้ง

แต่เอาเถอะ ด้วยความสกิลหน้าตาดี มีอัยการเลี้ยง ถึงแม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวว่าทำให้ผมรอดมาได้อย่างไร แต่มันก็ทำให้ผมฮึกเหิมด้วยความสนุก

โฮ่ ! ในชีวิตนี้จะมีใครสักคนที่จะได้มาวิ่งไล่จับผู้ร้ายอย่างผมครับ

คิดเป็นร้อยละ 10 ของคนในประเทศเลยเอา

“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”ผมร้องลั่น ก่อนจะกระโดด เข้าถีบด้านหลังของหมอนั่น


ผลั๊ก!


โดนเต็มๆ เสียแต่ มันแค่เซไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองผมตาขวาง แล้วกระชากผม

“คิดจะเล่นตลก หรือไงไอ้เด็กบ้า!” มันตะคอกใส่ผมซะเสียงหลง ร่างผมนี่ลอยขึ้นเท้าแทบไม่ติดกับพื้น รู้สึกเริ่มหายใจติดขัดแล้วดิ้นสะบัด เพื่อที่จะให้มันหลุด แต่มันก็ไม่หลุด

“ไม่ได้เล่น ตลก แต่ ผมมาตามคุณ ในฐานะ ที่คุณคือผู้ต้องหา ในคดีเสพเมทแอมเฟตามีน”ผมพูดออกไปอย่างฝืน แต่ก็พยายามส่งสายตาแสดงออกให้เห็นว่า คนอย่างผมไม่ได้กลัวมัน แต่เอาจริงๆ หัวใจนี่แทบจะหล่นไปยังตาตุ่มแล้วครับ ก็เพราะมันตัวใหญ่กว่าผมมาก ไม่ค่อยจะตรงลักษณะของคนเสพยาทั่วไปสักเท่าไหร่ ที่จะผอมแห้งแรงน้อย เหมือนคนใกล้ตาย อะไรประมาณนั้น

“แก คิดว่าฉันเป็นใคร คิดเรอะว่าจะมาจับคนอย่างฉันไปง่ายๆ แถมมาคนเดียวอย่างนี้ อ่อนไปแล้วไอ้หนู”ลมหายใจเหม็นๆของมันพ่นออกมา จนผมต้องย่นหน้าหลบหนี ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง

“แต่คุณคือผู้ต้องหา คุณจะต้องไปเข้าพบอัยการ และ พนักงานสืบสวนสอบสวนนะครับ ทางเรามีหมายจับพร้อม แต่เอ่อ...หมายจับไม่ได้อยู่ที่ผมหรอก แต่ ในเมื่อผมเห็นคุณแล้ว ผมก็ต้องเอาตัวคุณไปให้ได้ตามหน้าที่”

“แกยังเป็นนักเรียนอยู่เลยนี่หว่า ทำไม เขาให้เด็กอย่างแกมาทำงานอย่างนี้วะ ไม่เสี่ยงไปหน่อยรึไง” อันที่จริงผมตามเขามาทำเองแหละครับ และถูกย้ำนัก ย้ำหนาว่า อย่าแตกกลุ่ม แต่สายตา มันบังเอิ๊ญ บังเอิญ เห็นหมอนี่ท่าทางแปลกๆ พอมันหันมาสบตาผม มันก็ออกวิ่งทันที ผมนี่ยังไม่ทันได้ใช้ความคิดอะไรเลยครับ ขา แมร่งไป เอง แต่พอเห็นมัน ใกล้ๆก็ใช่จริงๆ เป็นคนที่กำลังตามหากันอยู่

“หยุด การกระทำของแก แล้วปล่อยตัวเด็กซะ!”โห๊ะ! เสียงสวรรค์ แบบแทบไม่ต้องเดาว่าใคร ผมแอบยิ้มเยาะ มัน นิดหน่อย ส่วนมันทำหน้าอึ้งๆ

“ไม่งั้นฉันยิง”เสียงสวรรค์ของผมยังขู่มาอีกรอบ

“ปล่อยผม และมอบตัวซะเถอะ ชีวิตของผม ไม่มีค่าพอที่จะให้คุณเสี่ยงด้วย”ผมเลยสำทับเข้าไปอีก พยายามว่านล้อม แต่เสมือนหน้าตาของผมมันแสดงออกว่าไม่ใช่ หรืออย่างไร แทนที่จะเชื่อฟัง หมอนั่นกลับจับร่างผมพลิกแล้วล๊อคคอ อย่างรวดเร็ว พร้อมกับ เอามีดพกขนาดเล็กพอดี มาจ่อที่คอผมทันที

 “ถ้าแก ทำอะไรฉัน ไอ้เด็กนี่ ตาย!” ผมรู้สึกว่าอยากจะร้องไห้ แต่ไม่ใช่ร้องไห้ให้ตัวเองนะ แต่ร้องไห้ ให้กับไอ้คนที่เอามีดพกมาจ่อที่คอผมนี่ละ ช่างไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง


“ฉันจะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย...ปล่อยเด็กซะ”ไอ้คนด้านหลังมันยิ่งเอามีดที่จ่อคอกดลึกเข้าไปที่ลำคอผม



ปั้ง!


เสียงเดียว แต่เลือดนี่กระเด็นมาถูกตั้งแต่ใบหูลามมายันใบหน้าของผม ก่อนที่ทั้งผมและมันจะร่วงลงไป ก่อนที่มือของท่านอัยการสิ้นฟ้าจะมากระชาก ร่างของผมขึ้นจากตรงนั้น

“คดีนี้จะถือซะว่าฉันเป็นคนยิง”ท่านสารวัตรแห่งกรมตำรวจนครบาลเอ่ยบอก

“ขอบคุณครับหมวด”ท่านอัยการตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะมองมาทางผม ผมยกยิ้มให้นิดหน่อย

“สารวัตรเว้ย! บอกกี่รอบละไม่เคยจำ ไอ้เพื่อนคนนี้นิ”เพื่อนซี้ของท่านอัยการโวยวายขึ้น จนผมอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนที่จะถูกร่างสูงของท่านอัยการมาจับให้เดินไป


“ขอบคุณ ขอบคุณครับ”ผมเอ่ยออกมาเบาๆ ถ้าลมมันแรงกว่านี้อีกสักนิด ท่านอัยการของผมคงจะไม่ได้ยินหรอก



...ปิดคดี เมทแอมเฟตามีน...




..................................................
มาตอน 4:14 น.
บางอย่างก็เน้นตัวหนาเลยทีเดียว
13 กบฎ กับดอกไอริส สีน้ำเงิน...อย่าไปใส่ใจมันเลยคะ (พูดง่ายเชี๊ยะ)
ตอนหน้า จะเป็นตอนพิเศษ ที่มาของชื่อสิ้นฟ้า นะคะ


see ya คะ>>>>>
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (ปิดคดี) 07/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 07-02-2015 07:02:29
สงสารเต็มสิบอ่ะ ตัดใจจากสิ้นฟ้าเหอะ
โดนปฏิเสธตรงๆขนาดนั้นในตัวหนา เหอๆๆ
จะหาคนมาดามใจตัวละครในเรื่องก็ดันมากันเป็นคู่ๆอีก
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (ปิดคดี) 07/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 07-02-2015 14:21:39
อั้ยยะ อยู่ดีๆก็มาเจอตอใหญ่ งงเลย 555
ตอนนี้เหมือนจะคลายปมแต่ที่จริงคืองงยิ่งกว่าเดิม โธ่ท่านอัยการ ชีวิตเศร้าไปนะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (ปิดคดี) 07/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 07-02-2015 16:50:30
สงสารเต็มสิบอ่ะ หาคู่ให้ที
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (ปิดคดี) 07/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 07-02-2015 17:56:28
เห้อ.....  เต็มสิบ.....สิ้นฟ้า 

บางทีความห่วงใยอาจจะผูกสัมพันธ์ ให้เป็นคนที่ใช่....   
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่8 เมทแอมเฟตามีน (ปิดคดี) 07/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 09-02-2015 13:34:30
สงสารเต็มสิบอะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีลับเฉพาะ...ตอนพิเศษ (วาเลนไทน์) 14/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 14-02-2015 13:04:35
คดีลับเฉพาะ...
ตอนพิเศษ (วาเลนไทน์)


สิ้นฟ้า : นี่รู้มะ ศาลฎีกา เคยให้นิยามความรักเอาไว้

เต็มสิบ : ว่าไงครับ

สิ้นฟ้า :"ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรัก ความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิดและการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความผิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียวมิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตายหาใช่ความรักไม่”
(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6083/2546)



เต็มสิบ : ศาลฎีกาท่านโรแมนติกเหมือนกันนะครับ แล้วนิยามความรักของท่านอัยการละครับ?


สิ้นฟ้า : ฉันไม่มีนิยามความรักหรอก แต่ฉันคิดว่า ความรักก็เหมือนตัวบทกฎหมายละมั้ง เป็นสิ่งที่เข้าใจยาก ต้องค่อยๆอ่านค่อยๆตีความด้วยหลักเหตุและผล ให้รู้ถึงจุดประสงค์ของมัน ถึงจะเข้าใจ

เต็มสิบ : ความรักของท่านอัยการเข้าใจยากจังเลยครับ

สิ้นฟ้า : แล้วของนายละเต็มสิบ

เต็มสิบ : ความรักของผม อาจเป็นการไม่ได้ลงเอยกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตัดไม่ขาด แค่อยากให้ได้อยู่เคียงข้างกัน เหมือนเส้นขนาน บ้างครั้งก็อาจจะใกล้กันบ้าง ห่างกันบ้าง แต่ก็ยังอยู่ด้วยกัน...

สิ้นฟ้า :...

เต็มสิบ : ผมรักท่านอัยการสิ้นฟ้านะครับ ^_^

สิ้นฟ้า : เด็กบ้า...




.
.
.



เต็มสิบ : แก้มแดงนะครับท่าน









Happy Valentine's Day คะ :m20:
ตามไปคุยกับสิ้นฟ้า เต็มสิบ และคนอื่นๆได้ที่ https://www.facebook.com/pages/InLaw_By-Kissa-O/337506579784041
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีลับเฉพาะ...ตอนพิเศษ (วาเลนไทน์) 14/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-02-2015 14:50:19
บอกตรงๆนะค่ะว่าชอบเรื่องนี้มาก อ่านแล้วก็ลุ้นกับทุกตอนเลย ความรู้สึกเหมือนดูซีรี่ส์ฝรั่งเลย แต่อยากจะบอกว่าตอนก่อนตอนพิเศษนั้นน่ะ ดิฉันไม่เข้าใจเลยค่า!!!! (หรือเป็นไปเองคนเดียว) แต่เรื่องนีีสนุกจริงๆน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีลับเฉพาะ...13 กบฏและดอกไอริสสีน้ำเงิน 15/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 15-02-2015 05:30:35
ตอนพิเศษ
13 กบฏ และดอกไอริส สีน้ำเงิน




“โอ๊ย!”ผมร้องขึ้นพรางสะดุ้งนิดหน่อย เมื่อเจ้าเด็กเต็มสิบ จับหมับเข้าที่แผลของผม ซึ่งยังไม่หายดี จากการถูกยิงพร้อมถ่วงน้ำคราวนั้น ช่วงนี้เหมือนดวงจะตก หรือเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เจ้ากรรมนายเวรถามหา โชคชะตาเล่นตลก ตกที่นั่งลำบาก ดวงถึงฆาต เออ พอเหอะ เอาเป็นว่า ซวย


“ยังไม่หายเจ็บอีกเหรอครับ?”ถามพร้อมกับส่งสายตาเหมือนลูกหมาน้อยมาให้  ผมชอบตาของเต็มสิบนะ กลมๆโตๆน่ารักดี แล้วเป็นแววตาที่แสดงความสงสัย อยากจะรู้อยู่ตลอดเวลา เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะบอกทุกอย่าง


“ฉันอยากจะบอกว่า มันพึ่งผ่านไปสองวันเอง มันจะหายเจ็บไหมละ?”ผมถามขึ้น เต็มสิบยู่หน้านิดหน่อย

“ยังไม่ทันหายวันนี้ก็จับปืนยิงคนซะละ”

“...”ผมนิ่งเงียบไป ต้องยอมรับเลยว่า มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมฆ่าคน การเหนี่ยวไกปืนทุกครั้งของผม มันมักจะแลกมาด้วยกับหนึ่งชีวิต

แต่ก่อน ผมท่องจำไว้เสมอว่า ถ้าเราไม่ฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเรา จนถึงวันนี้ผมก็ยังยึดคตินั้น  ทั้งๆที่เรื่องหลายๆอย่างอาจจะหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้

อย่างเช่นวันนี้ แค่ผมเห็นมันเอามีดจ่อคอเต็มสิบ มือของผมมันก็ไปโดยอัตโนมัติ

ทั้งๆที่อาจจะเลือกยิงที่อื่นก็ได้


ผมอาจจะอ้างว่าเพราะช่วยตัวประกัน ป้องกันตัว หรือเพราะคนที่ผมยิงเป็นผู้ร้าย แต่คนที่ฆ่าคน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็เป็นฆาตกรหรือคนที่ขึ้นชื่อว่าพรากชีวิตคนอื่นอยู่ดี เพียงแต่คนรอบข้างหรือแม้กระทั่งตัวเองจะรับได้แค่ไหนเท่านั้น กับเหตุผลสวยหรูที่ยกขึ้นมากล่าวอ้าง  แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าความจริงที่ได้ลงมือสังหารชีวิตคนอื่นลงไปมันจะไม่เคยเกิดขึ้น และไม่ใช่ความจริง

ผมยังยอมรับตัวเองเลยว่าเป็นฆาตกรโดยชอบธรรม

“เอ่อ ผมขอโทษครับ...ที่พูด...”ผมลูบหัวเต็มสิบเบาๆ เด็กนี่ ชอบรู้สึก ชอบคิดไปเอง ชะมัด

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร...”




“พี่ครับ...”ในระหว่างที่จะเดินไปเอารถ ที่หน้าสลัม ผมก็ถูกสะกิดจากเด็กน้อยหน้าตามอมแมม ก็คงจะเป็นเด็กแถวนี้ละ

“ว่าไง...”ผมถามขึ้น ส่วนเจ้าเต็มสิบก็ทำหน้าสงสัยไปตามประสา

“มีคนฝากนี่มาให้ครับ”เด็กนั่นว่า พร้อมกับยื่นดอกไม้ชนิดหนึ่ง สีน้ำเงินมาให้

“เอ๊ะ ดอกไอริสนี่”เต็มสิบโผล่งขึ้น ผมรับไว้ พร้อมกับลูบหัวเด็กน้อย แล้วกล่าวขอบใจ ก่อนเด็กนั่นจะวิ่งหนีหายไป

“รู้จักด้วยเหรอ”ผมหันมาถามเต็มสิบ เจ้าตัวทำท่าคิดนิดหน่อย ก่อนจะตอบ

“ผมเห็นมันมาจาก ที่ห้องๆหนึ่งในตึกของกรมการปกครองครับ แล้วทนายเพชรบอกว่า มันคือดอกไอริส และก็...สีน้ำเงิน...เหมือนดอกนี้เลย”เต็มสิบเอาแขนกอดอก มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าคาง พร้อมกับทำหน้าทำตาใช้ความคิด

“มันก็แค่ดอกไม้น่า หาซื้อตามร้านดอกไม้ที่ไหนก็ได้”

“แล้วทำไม มีคนฝากมาให้ท่าน?”

“เด็กช่างสงสัยเอ๊ย!”ผมว่าพรางพร้อมหยิกแก้ม ยุ้ยๆน่าหมั่นเขี้ยวนั่น “นี่ใคร ฉันอัยการผู้ช่วยสิ้นฟ้า แฟนคลับฉันเยอะจะตาย ดอกไม้ฉันได้ประจำไม่ใช่เรื่องแปลก อาจมีสาวๆสวยๆในสลัมแอบปลื้มฉันก็ได้ ก็คนมัน Hot”

“โอ๊ย! เจ็บT^T ไม่สงสัยแล้วก็ได้ ว่าแต่...”ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แล้วอยู่ดีๆก็ยิ้มมุมปาก ทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ท่านชอบสีน้ำเงินใช่ม๊า?”

“ก็ใช่”

“แต่ก็ไม่ยักรู้ว่าท่านชอบดอกไม้”

“อะไรที่เป็นสีน้ำเงิน ฉันชอบหมดละ”

“งั้นผมต้องไปหาสีมาทาตัวเป็นสีน้ำเงินแล้วละ”

“อยากเปลี่ยนตัวเองเป็นมนุษย์ต่างดาวที่อาศัยอยู่ที่ดาวแพนดอร่า ในเรื่องอวตารหรือไง?”


“ก็เท่ ดีนะ ท่าน”


ผมหัวเราะ ฮึ นิดหน่อย ก่อนจะมองไปทางอื่น

.
.
.

ดอกไอริสสีน้ำเงิน...ถ้าโดยความหมายของมัน ก็คือ มีบางอย่างที่อยากจะบอกให้ผู้รับได้รู้...
ผมเดินเอามาปักไว้ที่แจกัน เพราะด้วยในแจกัน มีดอกกุหลาบสีขาวจำนวนหนึ่งปักไว้อยู่ พอผมเอาดอกไอริสสีน้ำเงินปักลงไป สีของมันก็ดูโดดออกมา จะว่าสวยก็สวย จะดูตลกก็ตลกดี

“ชอบดอกไอริสเหรอ?”ร่างสูงของกาฝากประจำคอนโดผมเอ่ยถามขึ้น มือก็เช็ดหัวที่เปียก “คราวหน้าจะได้เปลี่ยนเอาดอกไอริสมาไว้ให้แทนกุหลาบ”

“เปล่า ไม่ได้ชอบหรอก”ผมว่าพรางพร้อมกับเดินไปดึงมือร่างสูงให้มานั่งที่ขอบเตียง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเตียงแล้วคุกเข่าลงด้านหลังของผู้ชายที่ผมว่าผมสูงแล้วยังสูงกว่าผมอีก แล้วเอาผ้าเช็ดหัวให้
 กาฝากประจำคอนโด คอนโดของตัวเองก็มี แต่ไม่ยอมกลับ

“นี่ฟ้า พี่ว่า มันดูตลกอะ ที่พี่เลือกดอกกุหลาบสีขาว กับแจกันสีขาวมาให้เพราะมันจะตัดกับผนังห้องสีน้ำเงินพอดี แต่นี่พอเอาดอกไม้สีน้ำเงินเข้าไปเสียบ มันแปลกๆอะ”กาฝากบังอาจกล้าวิจารณ์ดอกไม้ในแจกัน


“สวยดี...”
.
.
.
“ฟ้า...” อยู่ดีๆ ก็ทำเป็นเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน

“หืม...?”

“เมื่อไหร่จะยอมพี่สักทีอ่ะ”

ตึ้ง!

“โอ๊ย!”เสียงแรงกระแทกกับพื้น พร้อมด้วยร่างสูงใหญ่ของกาฝาก กระเด็นตกเตียง ด้วยแรงถีบของผมไป

“ยอม ยอมเรื่องอะไรกันครับ?”

“พี่ว่าฟ้าควรจะถามคำถามพี่ก่อนถีบพี่นะ”

“แล้วยอมเรื่องอะไรละ”

“ก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละ”

“งั้นลงไปกองที่พื้นก็สมควรละ” ร่างหนา ของเพชรทำหน้าบึ้ง แบบที่ตัวเองคิดว่าเป็นเด็กสิบขวด ก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินสาวเท้าเข้ามาหาผม ผมนี่รีบยืนขึ้นแล้วถอยหลังทันทีเลย ไม่ได้กลัวนะ แต่พ่อสอนไว้ว่าอย่าใช้ความรุนแรง ยิ่งเป็นอัยการ มีตำแหน่ง ยิ่งต้องรักษาภาพพจน์ ให้ดูมุ้งมิ้ง น่ารัก น่าเชื่อถือ อ่อนน้อม ถ่อมตน เข้าไว้

พอเหอะ...ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าตัวเอง ตอแหล


“จะถอยหนีพี่ทำไมละ”

“แล้วพี่เพชรจะเดินเข้ามาทำไมละ”

“ก็พี่จะนอนแล้ว”

“แน่นะ”

“ไม่เชื่อพี่แล้วจะเชื่อใคร”

“ผมยอมเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อพี่อะ”

“อยู่ดีๆก็รู้สึกเจ็บ”

“อย่างพี่อะเกินจะเจ็บแล้ว หนาเกินคน”

“ปากคอร้ายกาจ สิ้นฟ้าเด็กดีของพี่หายไปไหน?”

“มันเคยมีด้วยเหรอ?”

“อ้อนพี่เหมือนแต่ก่อนก็ดีนะ”

“ไม่เคยเหอะ”

“บ่อยจะตายไป”

“พี่เพชร!”

“ครับ?”

รู้สึกปวดหัว ถ้าไปบอกคนอื่นคงอายเขาตาย ว่าไอ้สองคนที่คุยที่เถียงกันอยู่นี่ คนหนึ่งคือทนาย ส่วนอีกคนเป็นถึงอัยการ แต่ยังไงก็ช่างมันเหอะผมต้องดูท่าที ไว้ก่อน ขึ้นชื่อว่าทนายเพชร ร้อยละเก้าสิบ วางใจไม่ได้

เจ้าตัวเขากระโดด ขึ้นเตียง พร้อมกับเอาผ้าห่ม ห่มแล้วหลับตาพริ้มทันที แขนยาวๆตบที่ว่างข้างๆ เสียงดัง ปุ๊...ปุ๊

“สิ้นฟ้า..มานอน...”

 ผมเลยก้าวขึ้นเตียงทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ไม่นานทั้งขาและแขนก็พาดมาที่ผม อยากจะบอกว่า ช่างมันเหอะ...รู้สึกชิน

“ฟ้า...”เสียงเรียก ก่อนจะดึงให้ผมเอียงตัวหันหน้าไปหา “มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังไหม?”น้ำเสียงของกาฝากในยามจริงจัง แม้ผมที่
หล่อดูดี และเทพสราดดดด ขนาดไหน ก็ต้องเกรงๆ

นัยน์ตาสีดำนิลนั่น เหมือนมองทะลุปรุโปร่งเข้ามาในความคิดผม



“สิ้นฟ้า...”ผมเอ่ยชื่อตัวเองเบาๆ “นายรู้ที่มาของชื่อนี้ใช่ไหม?”


“ฟ้าเคยเล่าให้พี่ฟังว่า เพราะเครื่องบินตก...แล้ว…?”

“สมัยเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วใครๆใช่จะบินได้เหมือนสมัยนี้ใช่ไหมละ ส่วนมากไม่พวกนักธุรกิจ ก็เป็นคนที่มียศ หรือบรรดาศักดิ์ ตำแหน่ง ที่จะบินข้ามประเทศกัน พ่อกับแม่ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนั้นแม่ท้องได้ประมาณ 7 -8 เดือน ก็ต้องขึ้นบิน แม่กับพ่อ เดินทางไปรอขึ้นเครื่องที่ Gate ที่จะเดินทางไปลอนดอน ส่วน Gate ข้างๆ กันมีเที่ยวบินที่กำลังจะบินไปปารีส ตอนที่เล่าให้ฉันฟังท่านบอกว่า ท่านมองออกไปนอกกระจกใส  ยังจำได้ดีว่าตัวสีของเครื่องที่จะไปปารีสมีสีอะไร หมายเลขสายการบินประกอบด้วยเลขอะไรมั่ง”ผมเว้นวรรค และทบทวนความทรงจำ “มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณสามขวบมานั่งข้างๆ แม่ ท่านบอก ว่า เด็กคนนั้นสวยราวกับตุ๊กตากระเบื้องแนะ และมีแววตาที่ฉลาดมากๆ เสียงหัวเราะ พร้อมกับเสียงสดใสที่คุยกับพี่เลี้ยงน่ารัก เด็กนั่นยังหันมาถามแม่ฉันเลยว่า น้องอยู่ในท้องเหรอ ?”

“...”

“แม่ตอบว่า ใช่ ใบหน้าเล็กๆเอาแก้มใสมาแนบ พร้อมกับตั้งใจฟัง ฉันไม่รู้ว่าฉันส่งเสียงอะไรออกไปจากท้องแม่หรือเปล่า เธอถึงบอกว่า เธอขอน้องนะ ถ้าฉันรับรู้ได้จากในท้องแม่ในตอนนั้นได้ ฉันคงปฏิเสธ แต่แม่ฉันกลับตอบว่า ได้สิ...”

มือใหญ่ ลูบหัวผม

“พอวุ่นวายกับเด็กได้สักพัก สายการบินที่เดินทางไปปารีส ก็เคลื่อนตัวออกจากท่า เคลื่อนบินลำใหญ่ ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป ไม่นาน มันก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่พอบินไปสูงได้ไม่กี่ฟุตจากพื้นดิน เสียงระเบิด ก็ดังลั่นก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณนั้น ประกายไฟบนท้องฟ้าสว่างไสว เหมือนกับดอกไม้ไฟระเบิด แต่ฉันคิดว่ามันคงเป็นดอกไม้ไฟยักษ์  ที่สามารถมีแรงอัดกระแทกรุนแรงจนกระจกของท่าอากาศยาน ตรงที่แม่และพ่อนั่งอยู่แตกกระจายออก พ่อเอาตัวบังแม่ ในตอนนั้นแม่เป็นห่วงเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วย แต่พอมองไป เห็นว่าพี่เลี้ยงเอาตัวบังอยู่จึงวางใจ พอรู้สึกตัวอีกที แม่ก็เริ่มปวดท้อง จนต้องเรียกรถพยาบาล วันนั้นทั้งสนามบินวุ่นวายไปหมด ทั้งคนท้อง คนที่ตกใจ ไหนจะเครื่องบินระเบิด”

“วันนั้นเป็นวันที่ฉันเกิด แม่มารู้ข่าวอีกที ว่าเครื่องบินระเบิดกลางอากาศ ผู้โดยสาร กัปตัน รวมถึงลูกเรือ ไม่มีใครรอด บนท้องฟ้าที่สว่างไสว มีประกายไฟร่วงโรย เสียงดังสนั่นในความรู้สึกแม่ มันคงเหมือนราวกับฟ้ากำลังจะถล่มลงมา เลยตั้งชื่อให้ฉันว่า สิ้นฟ้า”

“...”

“และเป็นวันแรกที่แผนการที่ยาวนานของ 13 กบฏได้เริ่มต้นขึ้น”

“13 นักปฏิวัติ...”เพชรเอ่ยขึ้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้

“จะเรียกชื่อนั้น ก็ไม่ผิด...เหตุการณ์เครื่องบินระเบิด เป็นการแกล้งลวงว่าคนหกคนได้เสียชีวิตลงไปแล้วจากเหตุการณ์ระเบิดนั่น ฉันไม่รู้รายละเอียดเรื่องการวางระเบิด แต่ที่ฉันรู้ ว่าคนเกือบครึ่งของ 13 กบฏแกล้งตายแล้วผันตัวไปอยู่ในเงามืด... 7 คน อยู่ในที่สว่าง อีก 6 อยู่ในที่มืด พ่อฉันเป็น 1 ใน 7 ...ในวันนั้น แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่พ่อไปนั่งตรงนั้น ไม่ได้กะว่าจะไปลอนดอน อยู่แล้ว เพียงแค่มาทำแผนการบางอย่างให้ลุล่วงเท่านั้นเอง ขอโทษด้วยที่ตอนนั้นฉันกำลังจะเกิด ถ้าฉันรู้มากกว่านี้ก็คงดี...เรื่องนี้ฉันรู้จากคำบอกเล่าของยัยเด็กสามขวบในตอนนั้น เธอเล่าในตอนที่เธอ อายุ 20 แล้วฉัน 17”

“ดอกไอริสสีน้ำเงินนั่น...เกี่ยวกับเรื่องนี้?”

“ก็ไม่เชิง มีมือดีส่งให้ 13 กบฏ นั่น”

“แล้วทำไม มันมาอยู่กับฟ้าได้ ในเมื่อตอนนั้นฟ้ายังไม่...เกิด”

“ผลกรรมจากรุ่นพ่อ อย่าไปใส่ใจมันเลย”

“ที่ฟ้าถูกจ้องเอาชีวิตถึงสองครั้ง เพราะไอ้ดอกไม้บ้านั่นใช่ไหม!?”พูดพร้อมกับผลุดลุกขึ้นนั่ง ทำให้ผมต้องกระเด้งตัวนั่งตามไปด้วย อย่างตกใจ แล้วพูดเบาๆ

“มันไม่มีอะไรหรอกน่า”

“ฟ้าคิดว่าพี่เป็นใคร อย่าให้พี่สืบได้นะฟ้า”

“พี่เพชร...ใจเย็นน่า...”

“...”

“ใช่ว่าจะต้องรีบร้อนเสียหน่อย เชื่อเหอะว่า 13 กบฏที่เหลือก็ไม่อยู่เฉยหรอก”

“ท่านอัยการสูงสุดไม่รู้ว่าดอกไม้ถูกส่งมาให้ฟ้า ?”

“ท่านไม่อยากวุ่นวายกับเรื่องนี้แล้ว...”ถึงหนีไปอังกฤษ แต่ถ้าท่านรู้ว่าพวกมันเบนเข็มมาทางผมแทน ละแย่แน่ มิวาย ท่านคงตีตั๋วกลับมา เรื่องมันจะยิ่งเยอะไปกว่านี้ ตอนนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดกำลังยักย้ายตำแหน่งกันอย่างเงียบๆ คนที่จะขึ้นแทนพ่อผมก็ไม่ใช่ใคร คือรุ่นพี่คนหนึ่งของผมเอง แน่นอน ว่าเขาก็เป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดในตอนสมัยที่ผมยังเรียนมหาวิทยาลัย
ถ้าจะอธิบายให้ฟังโดยง่าย มันก็เหมือนเป็นเกมรักษาอำนาจ ซึ่งตอนนี้ฝั่ง 13 กบฏ มีหน้าที่รักษามันเอาไว้ แตกต่างกับเมื่อสมัย 30 ปีที่แล้ว นับตั้งแต่วันแผนเครื่องบินระเบิด และเป็นวันที่ผมเกิด  ที่ทาง 13 กบฏ เป็นผู้ท้าชิง พอผมอายุได้ประมาณ 17 ปีก็เลยถูกจับพลัดจับผลู เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยรวมถึงได้ฟังเรื่องเล่าจากยัยเด็กสามขวบ เมื่อผมเข้ามาได้ประมาณ 2 ปีเกือบ 3 ปี ชัยชนะ ก็ตกเป็นของฝั่งที่ถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ก็เลยได้ชื่อเก๋ๆอีกชื่อหนึ่งว่า 13 นักปฏิวัติ ทั้งๆที่คนทั้งประเทศ ไม่รู้เลยว่า 13 นักปฏิวัติที่ว่า หมายถึงใครมั่ง

    เมื่อโค่นพวกเก่าลงได้แล้ว คนพวกนั้นก็แทรกซึมไปทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็นศาล หรือองค์กรอิสระอย่างอัยการ อีกทั้งยังมีตำรวจ ทหาร นักการเมือง (รวมถึงคนที่ถูกทำรัฐประหารและคนที่กระทำรัฐประหารในตอนนี้ด้วย พูดถึงเรื่องนี้ก็ตลก พอรู้ว่าฝั่งพวกตัวเองจะถูกแย่งเลยชิงลงมือทำรัฐประหารซะก่อน เพื่อคงอำนาจไว้ พวกผู้ใหญ่นี่เขี้ยวลากดินกันทุกคน)


   โดยประมาณ11 ปีจากวันที่แทรกซึมไปตามองค์กรต่างๆ จนมาถึงวันนี้ อยู่ดีๆก็มีดอกไม้ปริศนาถูกส่งออกมาสู่มือ ของทั้ง 13 คนได้อย่างถูกตัวเป๊ะ มันจะไม่มีใครคิดอะไรเลย ถ้ามันไม่คล้ายกับตอน ที่ 13 กบฏเป็นผู้ท้าชิง ราวกับเดจาวู


เพราะในตอนนั้น คนที่คิดแผนดอกไม้สะท้านเมือง(ชื่อนี้ผมไม่ได้คิด ผมสาบาน) และส่งดอกไม้ให้ถึงมือคนที่จำเป็นต้องโค่นลง คือผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของดิน และ ตัวผมเอง


เหมือนกำลังถูกย้อนศร...


ช่วงนี้ ผมถูกหักหลังบ่อยเสียด้วยสิ แต่ผมก็ไม่อยากที่จะไม่เชื่อใจคนกันเอง แต่ผมคงต้องหาโอกาส ไปเยี่ยม ยัยเด็กสามขวบที่เป็นรุ่นพี่ผม ซึ่งไม่ได้เจอกันนานเสียหน่อย

“จะว่าไป ฉันก็ไม่ได้แตกต่างกับนาย”ผมพูดกับเพชร “ฉันไม่มีสิทธิโกรธนายเลยด้วยซ้ำ”

 “พี่ไม่อยากให้ฟ้า...”



“ชั่ว กับ เลว ก็เหมาะสมกันดี เนอะ ว่ามั้ย?”

เพชรยิ้มน้อยๆ พร้อมกับพยักหน้านิดหน่อย ก่อนจะดึงตัวผมไปกอดเอาไว้






เรื่องทั้งหมดก็อย่างที่ผมเล่าให้ฟัง ผมไม่รู้อะไรมากกว่านี้ คุณคงอยากจะไล่ให้ผมไปถามพ่อของผมเพิ่ม ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยถาม แต่พ่อไม่เคยปริปากเล่าเรื่องแผนการก่อนที่ผมจะเกิดให้ฟัง พ่อผมกันผมออกไม่อยากให้ยุ่งกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ จนผมมาเจอยัยเด็กสามขวบ เธอเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยผม ในตอนที่ผมเข้าปีหนึ่งเธออยู่ปีสาม ผมเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ไปสองปี ในตอนที่เข้ามหาวิทยาลัยในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันคนอื่น อายุประมาณ 17-18 ปี แต่ผม 16 ยัยเด็กสามขวบเล่าเรื่องทุกอย่างเท่าที่เธอรู้ให้ฟัง หรือตามความเข้าใจผมเธออาจจะรู้เรื่องทั้งหมดแต่เล่าไม่หมดให้ฟัง เพื่อจะดึงผมเข้าร่วม ด้วยนิสัยขี้เสือกอย่างผม แน่นอน...ผมตกลง เพราะกะจะสืบเรื่องราวเพิ่มเติม แต่ก็เหมือนตกหลุมยัยเด็กสามขวบที่เจ้าเล่ห์กว่า ทำให้ผมกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างเต็มตัว


และผมรู้ว่าพวกคุณอยากรู้ ว่ายัยเด็กสามขวบอยู่ไหน ? ออ เธอไม่ได้ไปไหนหรอก ยัยเด็กสามขวบที่ว่า ก็คือ แม่ของดิน นั่นละ   



อนาคต ผมคงต้องไปนั่งวาดแผนผัง ความสัมพันธ์ให้พวกคุณดู





............................................
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษ เรื่องของ 13 กบฏ เอาจริงไม่ต้องไปใส่ใจมันมากคะ
เพราะมันเป็นเรื่องของรุ่นพ่อที่เขาหักเหลี่ยมกันตั้งแต่สมัยสิ้นฟ้ายังเป็นวุ้น
มาจบเอาตอนที่สิ้นฟ้ามีสภาพบุคคลอายุครบบรรลุนิติภาวะ
สิ้นฟ้าก็แทบไม่รู้อะไรเลย เล่าก็เล่าเท่าที่สิ้นฟ้ารู้ นั่นละคะ  :hao7:
การทำรัฐประหารพวกเดียวกันเองให้นึกถึงสมัย 14 ตุลาคะ ถ้านึกภาพไม่ออก

สรุปคือรู้ที่มาของชื่อสิ้นฟ้าแล้วเนอะ 55555+

สงสัยสามารถถามได้นะคะ ผิดพลาดตรงไหนก็สะกิดกันโด้ยยยยย!
แล้วก็ขอบคุณมากๆที่ชอบเรื่องนี้แล้วติดตาม คะ #รู้สึกฮึกเหิมและมีกำลังใจไปต่อ


ที่มาของชื่อเจ้า โคตรอลังการอะฟ้า ไม่บ้าจริงคิดไม่ได้นะเนี่ย แอร๊ก ! (โดนสิ้นฟ้าตบหัว)

จิ้มไปคุยกับสิ้นฟ้า เต็มสิบ และคนอื่นๆได้ที่ https://www.facebook.com/pages/InLaw_By-Kissa-O/337506579784041

ขอบคุณที่ติดตามอีกครั้งคะ See Ya >>>>>
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีลับเฉพาะ...13 กบฏและดอกไอริสสีน้ำเงิน 15/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-02-2015 11:49:29
นี้แค่จะแจงที่มาของคำว่า สิ้นฟ้า เท่านั้นใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีลับเฉพาะ...13 กบฏและดอกไอริสสีน้ำเงิน 15/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 15-02-2015 18:07:00
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีลับเฉพาะ...13 กบฏและดอกไอริสสีน้ำเงิน 15/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-02-2015 19:51:38
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีลับเฉพาะ...13 กบฏและดอกไอริสสีน้ำเงิน 15/02/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 20-02-2015 05:48:14
อ่ะ ชัดเจน

ฟ้าน่ารักขึ้นทุกวัน เนอะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 7..เด็กสาว...เก้าศพ(3) 04/04/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 04-04-2015 21:47:50
คดีที่7
เด็กสาว...เก้าศพ (3)



“ร่างแม่ ยังไม่ทันเผา นี่พ่อเอาใครเข้ามา!!”เสียงเรียบนิ่งถามขึ้น จากเด็กหนุ่ม แต่มันคงดังจนเกินไปจนพระที่กำลังสวด ชะงักบทสวดมนตร์ และคนรอบข้างหันมามอง ยังทางพวกเขา แต่เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้มีท่าทีว่าจะพูดอะไรต่อ บทสวดมนตร์จึงเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง

“แก ต้องฟังพ่ออธิบายก่อน นะฟ้า”

“งั้น อธิบายมา ผมขอเหตุผลดีๆ สักข้อสำหรับคนที่มีเมียน้อย และลูกติด”น้ำเสียงเริ่มกดต่ำ และพยายามไม่ให้ดังมากจนเกินไป

“พ่อผิดเองฟ้า พ่อพลาดเอง”

“พ่อไปเอาเขา ทั้งที่แม่ยังอยู่ นั่นพ่อเรียกว่าพลาดเหรอ?”

“เรื่องแบบนี้ มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้ฟ้า วันนั้น พ่อเมา แล้วพ่อก็มีอะไรกับเขาแค่ครั้งเดียวเองนะฟ้า”

“แล้วก็ปิดผมกับแม่มาตลอด จนมีเด็กโตขนาดนี้ พ่อแอบเลี้ยงดูพวกเขามาตลอดเวลา โดยไม่บอกแม่” สิ้นฟ้ามองไปยังน้องสาวต่างแม่ ที่อายุได้ประมาณ 7 ขวบ ที่นั่งอยู่ข้างผู้หญิงอีกคนที่กำลังชำเรืองมายังเขา และ พ่ออยู่

“พ่อขอโทษ ขอโทษที่ทำให้เกิดขึ้น ขอโทษที่ไม่ได้บอก”

“คุณสิ้นฟ้า อย่าโกรธคุณเขาเลยคะ เป็นความผิดของน้าเอง”

“หุบปากไปเลย!”เขาเผลอตวาดออกไป

“สิ้นฟ้า!”แล้วพ่อ ก็ตวาดเขากลับมา

“ผมรับไม่ได้กับเรื่องเมียน้อย แล้วผมไม่สนด้วยว่าเมียน้อยของพ่อจะเป็นคนดีหรือไม่ดี และอย่ามาบังคับให้ผมยอมรับคนพวกนี้ ถ้าพ่อจะเอาคนพวกนี้มาอยู่ที่บ้าน ผมก็จะออกไปอยู่ที่อื่น”


.
.
.


“ก็ได้ ฉันตามใจแก”


.
.
.


แล้วจากวันนั้น  เขาก็ไม่เคยกลับไปเหยียบที่บ้านอีกเลย...



สิ้นฟ้าหลับตาลง

“ฉันมานั่งทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย!”

ให้ตายเหอะ...

ได้แต่คิดแล้วก็ถอนหายใจ








“ผมอยากให้คุณหญิงใจเย็นๆ ไม่ต้องคิดมากนะครับ”ทนายเพชรเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมกับส่งยิ้มไปให้ผู้หญิงที่เป็นแม่ของคนที่ก่อเหตุขึ้นมา

“เพชร มั่นใจไหม ว่าเราจะชนะ?”น้ามุกคุณแม่ของคุณวา เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงติดสั่นเครือ ทนายเพชรได้แต่ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ตอบกลับไปว่าจะชนะหรือไม่...แต่ผมคิดว่าจุดมุ่งหมายของพวกเขาทั้งสองคน เอ่อ ผมหมายถึงท่านอัยการสิ้นฟ้า กับ ทนายเพชร จุดมุ่งหมายของทั้งสองคน กะให้จบคดีนี้แบบ...ที่พวกเขาวางเอาไว้ เสียมากกว่า

 ถึงผมจะเดาไม่ออกบอกไม่ถูกก็เหอะ...!

ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าระตูห้องไกลเกลี่ย ของศาลเยาวชน ก็เหมือนมีแรงกดดันเข้ามาปะทะอย่างจัง จนทำให้ผมแทบจะตัวหดเหลือสองนิ้ว เบื้องหน้าของผมเป็นผู้ชายร่างสูงสองคนยืนประจันหน้ากัน คนหนึ่ง เป็นคนที่พวกคุณน่าจะรู้จักดี ผู้มีใบหน้าหล่อเหลา แต่นัยน์ตาเฉียบคมดูเจ้าแผนการอย่างร้ายกาจนั่นคือทนายเพชร ส่วนอีกคนเป็นผู้ชายผมสีดอกเลา ใบหน้าติดมีรอยเหี่ยวย่นนิดหน่อยบ่งบอก ว่าเขาค่อนข้างมีอายุ  ริมฝีปากยกยิ้มตลอดเวลา มาพร้อมกับใบหน้าและนัยน์ตาที่แสดงถึงความเป็นคนอบอุ่น แต่มันไม่ได้ทำให้ความกดดันตอนนี้ น้อยลงไปเลย

จนทนายเพชรยกมือขึ้นไหว้ พร้อมกับส่งยิ้มอย่างนอบน้อมออกไป

“สวัสดีครับอาจารย์”

“สวัสดีเพชร โตขึ้นเยอะเลยนะเรา”

“ครับ...”ทนายเพชรยกยิ้ม “ก็โตพอที่ตอนนี้ มายืนอยู่ตรงหน้าอาจารย์ได้ ในฐานะทนายคนหนึ่ง”

“นั่นสินะ...เวลาช่างผ่านไปเร็ว เมื่อไม่กี่ปีก่อน เธอยังเป็นเด็กที่ต้องคอยรับความรู้จากฉันอยู่เลย แต่มาวันนี้ เธอมายืนอยู่ตรงหน้าฉันซะแล้ว”


ผม รู้สึกว่าอยากหลบฉากออกไป...จังเลยละครับ


“ครับ...”ทนายเพชรยิ้ม “อันที่จริง ผมก็กะจะไปเยี่ยมอาจารย์บ้าง เสียแต่งานของผมของค่อนข้างยุ่งไปหน่อย เลยไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทายอาจารย์เลย หลังจากที่รู้ว่าท่านอาจารย์เข้ามาเป็นทนายโจทก์ร่วมในคดีนี้ ผมดีใจนะครับ ที่ท่านอาจารย์ของผมยังแข็งแรงดี”

“เส้นทางของพวกเรา มันช่างน่าสมเพศ ว่าไหมเพชร?”ท่านอาจารย์ของทนายเพชร และผมคิดว่าคงเป็นอาจารย์ของท่านอัยการสิ้นฟ้าด้วย เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “หลายๆครั้ง ที่ฉันคนที่เคยให้คำปรึกษา คนที่เคยสั่งสอน จะต้องลงเข้าสู้กับลูกศิษย์ของตัวเอง เป็นเส้นทางที่เมื่อเข้ามายืนในจุดเดียวกันเมื่อไหร่ ถ้าไม่ใช่พวกเดียวกัน ก็ต้องประกาศสงครามกัน ตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่ายังเป็นอาจารย์ที่จะสอนเธอได้ไหม แต่ฉันก็อยากจะบอกเธอไว้อย่างหนึ่งนะเพชร ในฐานะ คนที่เคยเป็นอาจารย์ของเธอ”

“...”

“ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน สุภาษิตคำสั่งสอนของคนโบราณ มันยังคงใช้ได้ดีเสมอ...”อาจารย์ท่านว่า แล้วตบไหล่ทนายเพชรเบาๆสองถึงสามที แล้วเดินเข้าห้องไป

“ท่านอาจารย์ของทนายเพชร กำลังจะบอกว่าทนายเพชรขี้โกงแน่ะ”ผมพูด ทนายเพชรหันมามองผมแล้วยิ้มมุมปากนิดหน่อย

“ต่อให้ไม่โกง ฉันก็ชนะ”

 ก่อนจะเดินเข้าห้องไปอีกคน

ส่วนผมก็ได้เพียงแต่ยักไหล่ เบาๆ พร้อมกับถอนหายใจ แล้วเดินเข้าไปตาม เพื่อรอเวลานัดไกล่เกลี่ย พูดคุย ระหว่างทั่งสองฝ่าย ในคดีของน้องสาวท่านอัยการสิ้นฟ้า





“ทะท่าน อัยการสิ้นฟ้า”เผลอครางเรียกชื่อออกมาเบาๆ ส่วนทนายเพชรยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความแปลกใจ เออ ไอ้ผมก็แปลกใจเหมือนกัน ไหงเมื่อเข้าห้องมากลับเห็นร่างสูงโปร่ง ที่ถูกกันออกไปจากคดีนี้ นั่งทำหน้าเรียบนิ่ง แต่ดูโดดเด่นอยู่ภายในห้อง

“สะ สะสิ้นฟ้า”แม่ของผู้ต้องหาในคดีเอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับทำท่าจะเดินเข้าหาท่านอัยการ

“สวัสดีครับอาจารย์”แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจพวกผมสักเท่าไหร่ และถึงขั้นเรียกว่าเมินคนที่กำลังจะเดินเข้าไปหา หันไปยกมือไหว้ ทนายที่เดินเข้ามาก่อนหน้าพวกเรา

“สวัสดี สิ้นฟ้า”ท่านอาจารย์ก็ตอบกลับไปพรางยิ้ม อย่างเอ็นดู “อาจารย์ลืมไปคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวกับน้องสาวของเราสินะ ว่าแต่มา
ในฐานะ ฝั่งโจทก์หรือจำเลยละ”

“อาจารย์ อย่าใส่ใจผมเลย นึกเสียว่าเป็นแมว หรือของประดับห้องก็ได้”ท่านอัยการว่า

 “จำไม่ยักจะได้ว่าเคยมีลูกศิษย์เป็นแมว”

“ผมนี่ไง...”

“อาจารย์ไม่เคยสอนแมว”

“ผมรักอาจารย์ครับ”พูดด้วยหน้านิ่งๆพร้อมกับทำมือเป็นรูปหัวใจส่งไปให้อาจารย์ของตัวเอง เป็นการเปลี่ยนเรื่อง

“ฮึ...”อาจารย์ว่ายิ้มๆ พรางส่ายหัว คล้ายกับอ่อนใจในตัวของลูกศิษย์   

มันเป็นการพูดคุยกันระหว่างลูกศิษย์และอาจารย์ ที่ค่อนข้างจะไม่ได้สาระ ผมไม่เข้าใจว่า มันเป็นการทักทายกันสไตล์ของนักกฎหมายหรือไง

แต่ในความคิดผม มันคือการแสดงออกถึงความกวนหน้านิ่ง ที่ถ้าพวกคุณนั่งอยู่ในห้องแห่งนี้ คงทำหน้าเอือมๆแบบจะยิ้มดี หรือว่าไม่ควรจะยิ้มดี จนมันออกมาในรูปแบบของการยิ้มแหะๆแบบแสยะ


“เอาละ ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ในเมื่อมากันครบแล้ว ก็เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า จำเลยเป็นเยาวชน อีกทั้งจากหลักฐานก็แสดงให้เห็นถึงความประมาท หาได้มีเจตนา ที่เรียกมารวมกันวันนี้ ผมเห็นว่าอยากให้พูดคุยกันก่อนเพื่อสร้างความเข้าใจ...คดีนี้เป็นที่กล่าวถึงทางสังคมอย่างแพร่หลาย อีกทั้ง ยังกระทบต่อจิตใจ ของญาติผู้เสียชีวิต”ใบหน้าติดเรียบนิ่ง ว่า พรางมองไปยังตำแหน่งของผู้เสียหายในคดี ก่อนจะกล่าวต่อ “ในส่วนของทางคดีอาญา อาจจะเอาผิดไม่ได้มาก แต่...ยังไงผมก็จำเป็นต้องฟ้องขึ้นสู่ศาล ให้ศาลเป็นผู้ตัดสินจะไม่มีการยอมความในส่วนของคดีอาญา” ทนายเพชรยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เมื่อพนักงานอัยการฝ่ายคดีเยาชน เอ่ยจบ ก่อนจะยิ้มมุมปาก

“ในส่วนของผมก็ ไม่มีปัญหาอะไร”

“หมายความว่า จะสู้กันในชั้นศาล?”พนักงานอัยการพูดออกมาด้วยความแปลกใจ ก่อจะพูดกับตัวเองเบาๆว่า

 ‘ทำไมยอมง่ายจังวะ?’

“ครับ”ทนายเพชรตอบกลับเรียบๆ

“เอ่อ...งั้นเราก็คงไม่ต้องคุยอะไรกันมาก ส่วนฟ้องในทางแพ่ง?”อัยการว่า พรางมองไปยังท่านอาจารย์ที่นั่งอมยิ้มอยู่

“ออ...ในส่วนนี้ทางเราจะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้ปกครองของเด็กให้ร่วมรับผิด ในการทำละเมิดด้วย”ท่านอาจารย์ว่า พรางยื่นสำเนาเอกสารบางอย่างให้ทนายเพชร

“จำนวนเงินที่จะเรียกร้องถูกต้องนะครับ?”ทนายเพชรถามย้ำ เล่นเอาอาจารย์ท่าน ต้องก้มมองเอกสารอีกชุดหนึ่งในมือตัวเอง

“หึ...”เจ้าตัวหัวเราะเบาๆ

แกล้งได้แม้แต่กระทั่งอาจารย์ตัวเอง





“หมายความว่าไง ที่ยอมฝั่งโจทก์ทุกอย่าง ผมคิดว่าจะมีอะไรมากกว่านี้ซะอีก”ผมถามขึ้นมา หลังจากพวกเราทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องไกล่เกลี่ยนั่น หมายถึงผมกับท่านอัยการนะ ส่วนทนายเพชร ต้องไปส่ง เจ้าของคดีเขา ส่วนผมนี่พอเห็นท่านอัยการ ผมก็แรดเลย~ แทบจะทำตัวเป็นปลิงติดปลีก แล้วมาเกาะท่านทันที...

“เขาไม่ตบพวกนายก็ดีถมไปล่ะ”ท่านอัยการสิ้นฟ้าว่า “นี่นายกำลังหวังว่าจะได้เห็นอะไรอยู่ ตบกันในห้องไกล่เกลี่ยหรือไง?”

“แหม มันก็น่าตบอยู่หรอก เรียกมาไกล่เกลี่ยแท้ๆ ฝ่ายเรานี่ไม่หือไม่อืออะไร ทนายเพชรนี่ อืมๆ ครับ ตกลงครับ เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ไม่มีปัญหาครับอย่างเดียวเลย”ผมพูดเบาๆ

“นี่มันไม่ใช่ในละครหลังข่าวที่นายดูนะ ที่จะให้มันมีเรื่องระทึกเกิดขึ้น” ผมดูซะที่ไหนกันละ “อีกอย่างตำรวจศาลคุมแจขนาดนั้น เขาคงโดดเข้ามาตบพวกนายหรอก อย่างน้อยก็ทำได้แค่นั่งมอง พร้อมกับส่งสายตาอาฆาตมาเท่านั้นล่ะ”

“อีกอย่างสิ่งที่เราทำได้ก็ทำไปแล้ว”ท่านว่าเรียบๆ สีหน้าไม่แสดงออกถึงอารมณ์อะไร

“ท่านจะทำให้คดีนี้จบยังไง?” เอาเหอะ...งานถามต้องมาด้วยความสงสัยอย่างสุดซึ้ง

“จะจบยังไงละ คนผิดก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย”

“แต่ พวกเราเปลี่ยน...” ผมกำลังจะต่อ แต่ท่านก็พูดขึ้นมาเสียก่อน

“ข้อมูลของวาริธรอะเหรอ?”

“เอ่อ...ใช่ครับ”

“เรื่องนี้เธอจะเอาไปบอกใครก็ได้นะ ฉันอนุญาต”

“โธ่ ก็รู้ๆกันอยู่ ว่าผมไม่มีทางเอาไปบอกใครแน่ แต่ท่านครับ ถ้ามีคนอื่นรู้ขึ้นมา?”

“ถึงแม้ว่าศาลท่านจะรู้ แต่เธอคิดว่าเขาจะลงมาสู้กับกรมการปกครองงั้นเหรอ?”ท่านว่าพรางยกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ส่วนผมส่ายหน้าอย่างจนใจ

 คนที่เปลี่ยนข้อมูลไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นหน่วยงานหน่วยงานหนึ่งที่เปลี่ยน ซึ่งมันไม่ใช่เอกสารปลอม หรือข้อมูลปลอม แต่มันเป็นของจริงทั้งหมดซึ่งออกโดยกรมการปกครอง ทนายฝ่ายตรงข้ามแทบจะถูกปิดปากในเรื่องนี้เพราะถึงถ้ารู้แต่ก็จะเล่นในแง่ของเอกสารปลอมไม่ได้ และคงไม่คิดที่จะออกไปไฝท์กับผู้มีอำนาจมากกว่า และถึงแม้จะร้องขอต่อศาลให้พิสูจน์ในเรื่องนี้ ศาลก็คงไม่เสี่ยงที่จะเข้าไปสู่กับกรมการปกครอง และอาจลากยาวไปถึงกระทรวง เช่นกัน เพราะนั่นจะเป็นเหมือนการกล่าวหาว่าระบบการทำงานของกระทรวงมหาดไทย ทั้งกระทรวง เป็นที่ไม่น่าไว้ใจได้

รู้สึกเหมือนถูกดัก ไว้ทุกทาง...


 “ฉันไม่ได้ทำดีเพื่อสังคม ไม่ได้เป็นคนดีที่จะทำดีเพื่อประเทศอะไรมากมาย อีกอย่างฉันไม่สนใจว่าจะเล่นตุกติกยังไง ไม่เสียสละให้ครอบครัวของคนอื่น ทำไปโดยเห็นแก่ตัว  แต่ฉันทำทุกอย่างช่วยคนในครอบครัวของตัวเอง เธอว่าฉันเป็นคนยังไง? เห็นแก่ตัวไหม?”ท่านถาม

นั่นสิ เป็นคนที่ดีสำหรับครอบครัวของตัวเอง แต่ไม่ดีสำหรับคนอื่น  สรุปเป็นคนยังไงกันแน่...

ท่านอัยการอาจจะเห็นผมทำหน้าแบบ งงๆ ท่านจึงยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินหนีไปโดยที่ไม่รอฟังคำตอบจากผม
ราวกับว่า ผมต้องไปคิดเอาเอง

แต่ในที่สุดท่านก็หันกลับมา แสงจ้าของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ทำให้ผมมองเห็นหน้าของท่านอัยการสิ้นฟ้าไม่ค่อยถนัด แถมแสงมันยังส่องตาจนผมต้องหรี่นัยน์ตาลง ก่อนที่จะได้ยินน้ำเสียงเรียบนิ่ง ที่เอ่ยออกมา



“มันไม่มีคำตอบที่ดีที่สุดหรอก และบางครั้ง คำตอบ อาจไม่ได้มีคำตอบเดียว หรือสองคำตอบ มันคงจะมีสักหลายร้อยหรือหลายพันคำตอบ...สำหรับ บางครั้ง อะนะ”


ไม่รู้สิ...รู้ตัวอีกที ผมก็วิ่งตามท่านอัยการไปแล้วละ เพราะตอนนี้ ผมอาจไม่ต้องการคำตอบที่ถูกต้อง หรือถูกใจอยู่ก็ได้
ผมจะค่อยๆค้นหามันเอง

.
.
.




“ทำอะไรอย่านึกว่าพี่ไม่รู้สิ้นฟ้า!”เสียงตวาดดังลั่น จนแทบจะทะลุออกไปข้างนอกห้อง สิ้นฟ้า ได้แต่เบือนหน้าหนี นิดหน่อย “พี่รู้ว่าคดีนี้เป็นคดีของน้องสาวนาย พี่กันนายออกไปแล้ว นายไม่ควรมาแทรกแซงเรื่องนี้ ถ้าใครรู้เข้า ไม่ใช่แค่นายจะซวย แต่มันจะมีปัญหา ถึงชื่อเสียงขององค์กร”

“ผมขอโทษครับ”อัยการสิ้นฟ้าลุกขึ้นยืน แล้วก้มหัวพร้อมกับเอ่ย

“ตอนนี้นาย ไม่มีพ่อนาย คอยคุ้มกะลาหัวนายแล้วนะสิ้นฟ้า จะทำอะไรคิดถึงตัวเองไว้บ้าง!”

“ขอโทษครับ...”

“ถ้านายพูดคำว่าขอโทษอีกคำ นายโดนเด้งออกแน่ สิ้นฟ้า! อย่า...อย่า ทำอย่างนี้อีก”

“ขอบคุณครับ ท่าน...”

ร่างสูง ใบหน้าติดตึงเครียด มองดู ร่างของอัยการที่ก้มหัวให้ตนเองแล้วถอนหายใจ  ถ้าไม่ติดว่า เป็นน้องเป็นนุงคนสนิท แล้วเป็นลูกน้องของเขาอีกทีหนึ่ง เขาคงไล่ออกไปแล้ว
หรือเขาจะให้อิสระ เจ้าเด็กนี่เกินไป...


“เอาละ ออกไปได้แล้ว”


.
.
.



สิ้นฟ้าปิดประตูเบาๆ เมื่อออกมา เจอเพื่อนอัยการสองสามคนที่ยืนรออยู่ เขาก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินหลบไป

“สิ้นฟ้าโดนดุอะไรวะ”เสียงคุยกันแว่วให้ได้ยิน

“ก็นะ ท่านอัยการสูงสุด แอบหายเงียบ มีการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ฉันว่าสิ้นฟ้าโดนดุ ไม่เห็นจะแปลก...พ่อไม่อยู่แล้วนิ่”

“พวกแก นินะ นินทาน้องมัน” คนที่เหลือทำเพียงได้แต่ยักไหล่อย่างไม่แยแส พลันมองไปทางแผ่นหลังของรุ่นน้องอัยการที่ตอนนี้ เดินออกไปไกล

“อะไรมันก็ไม่แน่นอน...”



เฮ้อ...

ร่างโปร่งสูงถอนหายใจเบาเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องแล้วปิดประตูสนิท เต็มสิบยังไม่มา คิดแล้วก็อดสมเพชไม่ได้ การนินทา กันและกัน เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ไม่เว้นแม้แต่อัยการ เขาน่าจะชิน...

นัยน์ตานิลดำสนิทมองไปยังเก้าอี้บุหนังชั้นดี สีดำ ที่เขาใช้นั่งเป็นประจำ ที่มันตั้งอยู่ หลังโต๊ะทำงานไม้เนื้อดี บางครั้งมันก็อดคิดไม่ได้ว่า เขาจะนั่งอยู่ตรงนั้นได้อีกนานแค่ไหน

เขาอายุสามสิบจะว่าไป ก็พึ่งเข้ามาสู่วงการอาชีพอัยการได้เพียงประมาณสี่ถึงห้าปี ด้วยเพราะเขาสอบผ่านในตอนอายุ 25 ซึ่งสอบครั้งแรกก็ผ่านเลย นับว่ายังเด็ก ไม่ใช่สิเด็กมากๆ สำหรับวงการนี้ นึกย้อนไปตอนที่เขาเข้ามายืนตรงจุดนี้ในคราแรก สายตาที่มองมาในตอนที่เขายังเป็นนักศึกษาที่เคยมาเล่นที่นี่บ่อยๆ ของรุ่นพี่พลันเปลี่ยนไป จากสายตาที่เคยเอ็นดู สั่งสอน ให้วิชาความรู้ ให้คำปรึกษา เปลี่ยนไปเป็นสายตาที่มองเขาให้อยู่ในระดับเดียวกัน ทีมเดียวกัน และ ชัดเจนที่สุดคือคู่แข่ง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคงให้คำปรึกษาแก่เขาในฐานะฝึกหัดอัยการผู้ช่วย ปัจจุบัน สิ้นฟ้าเป็นอัยการชั้นสอง อันที่จริงเขาควรจะเลื่อนชั้นเป็นอัยการชั้น 3 ได้แล้ว ทั้งๆที่ผลการสอบติดท๊อป 3 ของรุ่น แต่ด้วยความที่รุ่นอัยการก่อนหน้าเขา จำนวนอัยการที่สอบผ่านดันมีมากเป็นจำนวนกว่าสองร้อยคน และระบบเลื่อนชั้น ของอัยการจะเรียงตามลำดับอาวุโส เวรกรรมเลยตกมาที่รุ่นเขา ถึงแม้จะสอบได้ลำดับต้นๆ ก็ยังคงเลื่อนขั้นไม่ได้ เขาเลยชอบจิกอยู่บ่อยๆ ว่าอัยการมีเลื่อนขั้นด้วยเหรอ!?

แต่ยิ่งขึ้นไปสูงมาก ความรับผิดชอบก็ต้องมาก ถ้าพลาดเพียงครั้งเดียวนั่นอาจจะดับอนาคตการเป็นอัยการเลยก็ได้

เรื่องนั้นเขารู้ดี...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ขออนุญาต ค่ะท่าน”เสียงเอ่ยเรียกเบา ก่อนประตูจะเปิดเข้ามา

“พี่น้ำนิ่ง มีอะไรครับ?”

“คือ...”หญิงสาว ใบหน้าน่ารัก ทำท่าทางกระอักกะอวม ก่อนจะยื่นแฟ้มเอกสารให้ อัยการร่างสูงรับมาก่อนจะเปิด กวดสายตาอ่าน

“ให้ไปลงงานที่ต่างเขต” ไม่เด้งเขาออก แต่ไล่ไปทำงานที่อื่นชั่วคราวสินะ

“ค่ะ เป็นคำสั่ง ของท่าน ผอ.แต่ถ้าท่านอัยการไม่อยากไป เดี๋ยวพี่ ช่วยคุยกับท่านให้นะคะ”

“ไม่เป็นไรครับพี่...”

“แต่ ที่ๆ จะไปค่อนข้างไกล แล้วก็เป็นเขตอนุรักษ์ มีแต่ป่ากับเขา เกรงว่าท่านอัยการ...”เธอว่า ในใจก็คิดสงสาร อัยการที่อยู่ตรงหน้ามากมาย

“ผมไม่เป็นไรจริงๆครับพี่ ก็แค่เปลี่ยนที่ทำงานชั่วคราวไม่ได้ถูกย้าย หรือโดนเด้งให้ออกจากตำแหน่งเสียหน่อย”

“แต่ครั้งนี้ท่าน ผอ.ทำโทษแรงไปนะคะ”น้ำนิ่งว่าพร้อมกับทำหน้าสงสัย เธอไม่รู้หรอกว่า ท่านอัยการที่อยู่ตรงหน้าไปทำผิดอะไรเอาไว้ แต่จากการเรียกให้ เข้าไปหา แถมถูกให้ไปช่วยงานเขตอื่นชั่วคราวนี่ก็คงหนักหนาสาหัสพอควร ปกติการดึงเอาอัยการไปช่วยงานเขตอื่น มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ที่ไม่ปกติก็คือ การที่ส่งอัยการที่ถือว่าเคยอยู่แบบมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไปยังเขตที่แทบจะติดขอบชายแดนของประเทศ มันก็น่าห่วงและน่าเห็นใจไม่น้อย อีกทั้งคดีที่ให้ไปช่วยทำ มันก็ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆด้วยสิ...


“ถือว่าซะว่า ผมถูกส่งให้ออกไปหาประสบการณ์ก็แล้วกัน ถ้ามัวแต่อยู่บนหอคอยงาช้าง  แล้วเมื่อไหร่ ผมจะเก่งละครับ”สิ้นฟ้าพูดทีเล่นทีจริง ใส่น้ำนิ่ง

“อย่ามาทำหน้านิ่งแล้วพูดตลกนะ พี่ก็แค่เป็นห่วง เห็นเป็นน้องเป็นนุ้งหรอก แต่ถ้ายืนยันว่าไม่มีปัญหา ไปได้ พี่ก็ไม่ขัดหรอก”น้ำนิ่งแอบเห็นอัยการคนเก่งของเธอถอนหายใจ “เอาเป็นว่าสู้ๆ ปิดคดีได้เร็วๆแล้วก็รีบกลับมา เก้าอี้อัยการ หรือ ผู้พิพากษานะ เขาลือว่ามันร้อนนะ  ไม่เจ๋งจริงอ่ะ นั่งไม่ได้นานหรอก ก็ต้องระเห็จออกไป ท่านอัยการสิ้นฟ้าก็นั่งมาได้สี่ถึงห้าปีล่ะ ก็ต้องนั่งให้ได้ต่อไปนานๆ เดี๋ยวก้นก็ด้านเองล่ะ พอถึงเวลานั้น ต่อให้มีใครมากระชากจนแขนหลุด ก็เอาท่านลุกออกจากเก้าอี้ไม่ได้หรอก”

“ผมควรต้องกลัวไหม?”

“ของอย่างนี้ไม่เชื่อ อย่าลบลู่นะ หุ หุ งั้นพี่ไปนะคะท่าน”สาวร่างเล็กว่าพรางก้มหัวแล้วเดินออกไป อัยการส่ายหัวอย่างอ่อนใจยิ้มบางๆ พวกผู้หญิงนี่ มักจะระเอียดอ่อนและลึกซึ้งมากกว่าที่เขาคิด การพูดเล่นของเธอมักมีอะไรแฝงอยู่ น้ำนิ่ง ก็เป็นประเภทนั้นเหมือนกัน


.
.
.


สิ้นฟ้าเดินวนในห้องอ่านรายละเอียดในเอกสารเรื่อยๆ ก่อนจะมองออกไปข้างนอกหน้าต่างบานใส ที่เห็นถึงหน้าทางเดินเข้ามายังสำนักงานอัยการ ที่ตอนนี้ ไม่มีแม้แต่รถยนต์สักคันที่ขับเข้าหรือออกไป แต่สิ่งที่ทำให้นัยน์ตาเรียวสีนิล ต้องสะดุดและเพ่งมอง คือร่างบางที่คุ้นตาในเสื้อสีขาวกางเกงยีนส์ยืนอยู่คนเดียวข้างหน้าทางเข้าสำนักงานอัยการ ใบหน้าถูกปกปิดด้วยหมวกแก๊ปสีดำ และเหมือนกับว่าร่างนั้น มองขึ้นมายังเขา และเห็นว่าเขามองกลับลงไป พลันแสยะยิ้มเย็นส่งมาให้

มือข้างหนึ่งถือดอกไอริสสีน้ำเงินชูขึ้นราวกับจงใจให้เขาเห็น ลักษณะท่าทางเหมือนกับชูแก้วไวน์ชั้นเลิศ เชื้อเชิญให้เขาดื่ม ส่วน อีกข้างชูไฟแช็ค ขึ้นมา แล้วจุดไปยังดอกไม้สีน้ำเงิน

ไฟลุกลามไปยังดอกไม้ ราวกับถูกกระตุ้นด้วยน้ำมัน ก่อนที่จะถูกปล่อยทิ้งลงบนพื้นก่อนที่ร่างบางนั้น จะเดินหนีหายออกไป
สิ้นฟ้าถอยออกมาห่างจากหน้าต่างด้วยใบหน้านิ่งเฉย ไม่แสดง หรือบ่งบอกอารมณ์ใดๆ หรือแม้แต่แสดงออกมาว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 มือเรียวยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา กดเบอร์โทรออกที่คุ้นเคยเป็นประจำ เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นไม่ถึงสองครั้งปลายสายก็รับ



.
.
.


“ดิน...เมื่อเสร็จคดีของวาริธร ก็ส่งเขากับแม่ของเขา ออกนอกประเทศได้เลย”








..........................See ya.............................

เชิบ เชิบ พาย้อนคดี
ปริศนาเอย จงซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ขอเน้นย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แนวสืบสวนสอบสวน ฮ่า~

อย่างแรกต้องกราบขออภัยที่หายไปนาน ติดภารกิจมากมายจริงๆ  ไม่มีอะไรจะแก้ตัว
การเอามาลงครั้งนี้เป็นการหักดิบตัวเองจริงๆ เพราะพรุ่งนี้มีสอบ อุว่ะ 555+ เสมือนชิว

เอาเป็นว่า คนบางคนในเรื่องนี่ร้ายแบบเนิบๆ แต่อาจจะร้ายได้ยิ่งกว่านี้อีก <<< พูดถึงใคร
หาความดีจากใครได้บ้างในเรื่องนี้ (ยิ้มแสยะ)

สุดท้าย จะโกรธจะเกลียดใครเม้นได้เต็มที่ ด่าคนเขียนก็ได้ เราซาดิสต์
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัย และสามารถสะกิดได้ครับ
แล้วเจอกันตอนต่อไปจร้า

กระดึบหนี
:katai5:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 7..เด็กสาว...เก้าศพ(3) 04/04/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-04-2015 13:52:21
ความถูกต้อง = ความพอใจ
ไม่รู้จะเม้นต์อะไรดี เพราะมันมีให้คิดเยอะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 7..เด็กสาว...เก้าศพ(3) 04/04/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 05-04-2015 14:31:39
บอกเลยว่าเรื่องนี้สนุกทุกอย่าง
ชอบมากอ่านรวดเดียวจบ ยกเว้นการวางตัวพระเอกนายเอก. ขอออกความเหนส่วนตัวเลยว่าไม่ชอบ ไม่สิ เกลียดเลยละ ตอนไหนมีสองคนนี้ก้ข้ามๆไป บางทีมันยาว หมั่นไส้ก้เผลอเลื่อนขึ้นไปกดลบเป็ด แต่คนเขียนไม่ต้องห่วงคะ ทำใจได้ละก้ขึ้นไปกดบวกให้ใหม่
สงสารคนเขียน 55+
อ่านมาตอนแรกชอบสิ้นฟ้านะ ใช่เลย ใครบอกดูเคะเราว่าไม่ ชอบเมะมุ้งมิ้งอ่า. แต่ตอนนี้เกลียนมันมาก นิสัย เอ้ย ไม่ใช่สันดานเสียมากอ่า บอกเลยแย่ ทุเรศสิ้นดี
.
สุดท้ายขอบคุนสำหรับนิยายที่สนุกและทำเราอินจัดขนาดนี้นะคะ เจอกันอีกทีตอนจบนะคะ รุ้สึกบทอิเอี้ยสองคนนี้มันจะอยุ่กันด้วยกันบ่อยเหลือเกิน หมดอารมอ่าน
ขอบคุนคนเขียนอีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 7..เด็กสาว...เก้าศพ(3) 04/04/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 05-04-2015 16:46:00
สิ้นฟ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 7..เด็กสาว...เก้าศพ(3) 04/04/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 05-04-2015 22:33:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 7..เด็กสาว...เก้าศพ(3) 04/04/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: |ψ|PEAT_ZA|ψ|℠ ที่ 06-04-2015 05:50:26
สนุกมากครับ
ปมปัญหากบฎดอกไอริชอะไรนั่นก็น่าสนใจดี
ดูยิ่งใหญ่สุดๆ สามารถพลิกประเทศเป็นว่าเล่นเหมือนพลิกฝ่ามือคนแค่13คน

แต่รับไม่ไหวเรื่องความรัก
อ่านมาแรกๆ #ทีมสิ้นฟ้าเต็มสิบ #ทีมเต็มสิบ
สงสารเต็มสิบ ไม่ว่าเต็มสิบจะนิสัยยังไงแต่ก็ปักใจเชียร์ไปแล้ว
อยู่ๆมาโดนพลิกบทเป็นตัวเล่าเรื่องซ่ะงั้น นอยด์เลย
ส่วนอีกคนที่ไม่ได้เชียร์ ก็ออกบทมาเข้าคู่กันบ่อยเกิ๊น ยิ่งอ่านยิ่งช้ำ
รับไม่ค่อยได้ เลยหยุดแค่นี้ดีกว่า

เจอกันใหม่ตอนจบแล้วกันนะครับ ^^
See ya
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 7..เด็กสาว...เก้าศพ(3) 04/04/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 07-04-2015 00:19:38
ดัน :mew1:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 7..เด็กสาว...เก้าศพ(3) 04/04/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 07-04-2015 10:37:14
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ

เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ อ่านเพลินกันเลยทีเดียว
อ่านๆไปก็สงสารเต็มสิบนะ
แต่พอมาคิดดูอีกที เพชรกะฟ้าก็แอบมีใจให้กันมาก่อน
น้องเต็มคงเข้าไปแทรกยาก ไม่เป็นไรค่ะ เชียร์เพชรก็ได้ ร้ายดี 555555

ปล.แอบอยากอ่านคู่คุณหมอกะพี่หมวด เอ๊ย!สารวัตรนะคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 7..เด็กสาว...เก้าศพ(3) 04/04/58 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-04-2015 09:28:49
เพิ่งอ่านได้ไม่กี่ตอน สนุกจัง จะติดตามทุกคดีเลย

ขอแนะนำนิดหน่อยนะคะ อยากให้พิจารณาเรื่องการเว้นวรรค บางประโยคเว้นแล้วทำให้เนื้อความสะดุด ทำให้อ่านไม่ลื่นไหลหรือใจความด้อยลงไป เช่น

'ท่าน เป็นคนนิสัยขี้ลืม ครับ'  เทียบกับ
'ท่านเป็นคนขี้ลืมครับ'

คำที่เราเห็นคุณใช้ผิดหนึ่งคำ คือ พราง คำนี้แปลว่า ลวง ซ่อน ทำให้เลือน ทำให้เข้าใจเป็นอื่น > เขาพรางตัวไปในเงามืด
พลาง แปลว่า ในระยะเวลาเดียวกัน > เขาถามขึ้นพลางขมวดคิ้ว

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (ชี้แจง ผมคิดว่าสำคัญนะ อ่านหน่อยนะครับ 09/04/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 09-04-2015 00:59:02
ข้อชี้แจง
ในที่นี้ขอชี้แจงทั้งในประเด็นที่มีผู้ทักท้วงจากทั้งในเด็กดี และเล้าเป็ดครับ
วันนี้ผมขอมาชี้แจงในประเด็นต่างๆ รวมถึงจะวางแนวทางการแก้ไขของเรื่องอย่างไรบ้าง ขอชี้แจง ดังนี้ครับ
 
ประเด็นแรก กรณีนี้ได้ชี้แจงไว้ที่แฟนเพจแล้ว เลยขอยกมาอีกรอบ

ทำไมถีบเต็มสิบไปเป็นคนเล่าเรื่อง? เจ้าตัวเขาก็เป็นคนเล่าเรื่องมาตลอดนะ เต็มสิบเป็นตัวเอก ของเรื่องนะและยังคงเป็นอยู่ และจะเป็นตลอดไป เพราะชื่อเรื่องก็บอกอยู่ว่าผมรักอัยการ 555+ สิ้นฟ้าเป็นเมนเอกของเรื่อง สองคนนี้ยังอยู่ด้วยกันอีกนานเลยละ ส่วนจะได้คู่กันไหม...ผมว่าให้รอลุ้นดีกว่า หุ หุ...หลายๆคนอ่านไปแล้วอาจจะทำใจไม่ได้กับเรื่องความรัก ผมเข้าใจนะ...ในจุดนี้
เต็มสิบ กับ สิ้นฟ้า ผมเขียนไปแล้วผมยังไม่มั่นใจเลยว่า เต็มสิบรักสิ้นฟ้าในแบบของคนรักจริงๆ หรือเปล่า? หรือเป็นเพราะความปลื้ม ชอบ อารมณ์แบบ เนี่ย คนที่ฉันจะยึดถือเป็นแบบอย่างนะ ในตอนที่เขายังหาความฝันของตัวเองยังไม่เจอ อยู่ดีๆก็มีตัวอะไรไม่รู้โผล่มา?กระชากให้เต็มสิบอยากลองที่จะทำบางอย่างดู (ใช้คำว่ากระชากเลยทีเดียว =.,=) ผมถึงเปิดเรื่องมาด้วยการที่ว่า เต็มสิบ แทบจะไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงเรียนด้านนี้ และไม่รู้ว่าตัวเองจะเอายังไงกับอนาคต แล้วมาเจอผู้ชายคนหนึ่งบนรถเมล์ แล้วนำมายึดถือเป็นตัวอย่าง ซึ่งเต็มสิบจะทำตามในอนาคตไหมนั่นอีกเรื่องหนึ่ง (หลบตีน) ผมถึงเขียนให้เด็กคนนี้ เป็นจำพวกใสๆนะ? เฉลียว ฉลาด เก็บข้อมูลทุกอย่างรอบตัว หวังแต่ว่าในอนาคตเต็มสิบ ก็จะยังคงเป็นเต็มสิบอยู่ อย่างที่สิ้นฟ้าบอกว่า “ฉันอยากให้นาย เป็น เต็มสิบเด็กฉลาด เต็มสิบที่ไม่ได้รู้อะไรเลย เต็มสิบที่ไร้เดียงสา เต็มสิบที่ยังคงเป็นเต็มสิบ เต็มสิบที่ไม่ใช่สิ้นฟ้า...”
ทนายเพชร กับ สิ้นฟ้า คู่นี้ ผมไม่ได้วางมาก่อนว่า สมัยก่อนหน้านั้นพวกเขาเป็นยังไงกัน เปิดมาก็ให้รู้แค่ว่า เฮ้ย เพชรเคยรักสิ้นฟ้านะ และตอนนี้ก็ยังรักอยู่ กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ทนายเพชรก็ยังไม่มีใครแล้วกลับมา สิ้นฟ้าก็ยังไม่มีใคร ก็น่าจะเดาได้ว่าสิ้นฟ้าก็รอเพชรอยู่... สองคนนี้ก็ยึดติดกันน่าดูในระดับหนึ่ง แต่ที่ผมเขียนให้เห็น (ไม่รู้คนอ่านเห็นไหม? ผมถือว่าเห็นนะ...ก๊ากกกกก) ผมเขียนให้ทนายเพชร เป็นจำพวกรักอุดมการณ์ของตัวเองมากกว่าที่จะมีความรักแบบคนปกติทั่วไปเพราะฉะนั้นคู่นี้ เหมือนจะกลับมา แล้วสป๊าคกันเลย แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเชื่อผมสิ 555+
เรื่องความรักนี่ยากเนอะ? (เมิงยังมีหน้ามาเนอะ!)
จะว่าคนเขียนใจร้ายกับพวกเขาในเรื่องนี้ก็ได้ ผมอาจจะเขียนถ่ายทอดเรื่องความรักไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ต้องขออภัย (ก้มหัว)

ประเด็นที่ 2 “สิ้นฟ้า กลับแทบจะไม่ได้ทำหน้าที่สะท้อนภาพผู้ช่วยอัยการและหน้าที่อันพึงปฏิบัติของผู้ช่วยอัยการมากเท่าใดนัก ไม่ว่าการรวบรวมหลักฐานเพื่อเขียนสำนวนฟ้อง การส่งฟ้อง และการพิจารณาคดีในชั้นศาล”

ผมขอชี้แจงในส่วนนี้ว่า หน้าที่ของอัยการ มีหน้าที่อะไรบ้าง ? คือสั่งฟ้องในคดีอาญา รวมถึง อัยการยังมีหน้าที่คุ้มครองรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินในฐานะทนายแผ่นดิน และยังคุ้มครองเอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้แก่ประชาชนและสังคม ซึ่งโดยหลักทั่วไป อัยการมีหน้าที่ในการตรวจสำนวนคดีที่ทางพนักงานสืบสวนได้ไป สืบสวนสอบสวน มาแล้ว
ในส่วนของอัยการสิ้นฟ้า เป็นการกระโดดลงมาสืบคดีเอง ซึ่งผมย้ำในเรื่องว่าอัยการส่วนมากไม่ทำ (ในไทยอัยการมีอำนาจสอบสวนเองได้ตาม ป.วิอาญา ม.๒๐ ) ปกติจะนั่งสวยๆหล่อๆ รอสำนวนจากพนักงานสอบสวนก็ได้ แต่ในเรื่องนี้ผมอิงหลักตามอัยการต่างประเทศมากกว่าอย่างเช่นในญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ ที่พนักงานอัยการลงมาสืบคดีเอง นั่น หมายถึงว่า นอกจากอัยการสิ้นฟ้า จะเขียนสำนวนสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้อง ขึ้นว่าความในชั้นศาล รวมถึงการลงมาสืบคดี นั่น หมายถึงท่านได้ทำหน้าที่อัยการแล้ว อาจจะเป็นความผิดของผมเอง ที่ไม่ได้เน้นถึงจุดในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเขียนสำนวนฟ้อง การส่งฟ้อง และการพิจารณาคดีในชั้นศาล มากเท่าไหร่ ต้องขออภัย(ก้มหัว)

ประเด็นที่ 3 Ticket one way กรณีอัยการเป็นพนักงานสอบสวนใน คดีความผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร
และคดีชันสูตรพลิกศพ คดีวิสามัญฆาตกรรมฯ/ตาย อยู่ในระหว่างควบคุมของเจ้าพนักงาน (ป.วิ.อาญา ม.๒๐) เพราะฉะนั้นมีอัยการอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว ก็มีสิทธิที่จะร้องขอให้มาดำเนินคดีที่ศาลอาญา ของประเทศได้ ซึ่งในคดีนั้น ผมตัดไปที่การขึ้นศาลเลย ไม่ได้พูดถึงในชั้นสืบสวนสอบสวนเท่าไหร่ ในประเด็นนี้ มีการแก้ไข ผมจะแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน และจะเพิ่มบทบาทหน้าที่ ของทางตำรวจต่างประเทศครับ

ประเด็นที่ 4 พนักงานสอบสวน พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตํารวจชั้นผู้ใหญ่ ไปทําการ สอบสวนด้วยตนเอง ย่อมมีอํานาจเรียกผู้ต้องหาหรือพยานมาได้โดยไม่ต้องมีหมายเรียก
ผมก็เผลอคิดไปว่าอีหมวด มันเป็นจ่า (แอร๊ก ! โดนตบ) ในคดีนางสาวพยาบาลนั้น กลับเล่นให้พวกมันโป๊ะยาสลบเขาซะงั้น ผมพบจุดผิดพลาดนี้ มานานแล้วล่ะ แต่แอบมุบมิบไว้ =.,= กะว่า จะเอาไว้แก้ทีเดียว จึงต้องขอก้มลงแรงๆ มีคนจับได้แล้ว (ค่อนข้างดีใจ) ขอบคุณจริงๆครับ

ประเด็นที่ 5 ตำแหน่งของท่านอัยการ
ท่านอัยการสิ้นฟ้า มีตำแหน่งเป็นอัยการชั้นสองนะครับ ซึ่งประจำในสำนักงานอัยการสูงสุด จะเรียกเป็นอัยการประจำกอง นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ผมจะทำการแก้ไขตำแหน่งของท่านครั้งใหญ่

ประเด็นที่ 6 “การให้สิ้นฟ้าทำวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหาในคดีเสพแอมเฟตามีน แม้ว่าเขาจะจับตัวประกันไว้ก็ตาม แต่ผู้ต้องหาที่มีเพียงมีดเป็นอาวุธ และตกอยู่ในวงล้อมของตำรวจ”
อันนี้ผมน้อมรับ และเห็นด้วย และผมก็คิดว่า สิ้นฟ้าทำเกินกว่าเหตุ แต่ อย่างที่สิ้นฟ้ายกเหตุผลมาอ้างอธิบาย ใน “ตอนพิเศษ 13 กบฏ และดอกไอริสสีน้ำเงิน” ซึ่งเขียนออกมาในมุมมอง ความคิดของสิ้นฟ้า ว่าตอนนั้น ที่ลั่นไกออกไปเขาคิดยังไง ซึ่งผมกะให้มันออกมาเป็นเหตุผลรองรับในการกระทำตอนนั้นของสิ้นฟ้า อาจจะยังไม่ชัดเจนพอ ผมจึงจะแก้ไขโดยการอธิบายในส่วนนี้เพิ่ม ซึ่งผมเป็นคนเขียนที่ต้องยอมรับว่าอธิบายหรือสะท้อนอารมณ์ออกมาไม่ค่อยเก่ง ผมจะพยายามแก้ไขและปรับปรุงตัวครับ

ประเด็นที่ 7 ชื่อเรื่องภาษาไทย ผมรัก...อัยการ
ซึ่งได้รับคำแนะนำว่าให้เปลี่ยนจะได้ไม่จำกัดมุมมองของการเล่าเรื่อง ในเรื่องเป็นการเล่าผ่านมุมมองของเต็มสิบ และตัวผู้เขียน ซึ่ง ในมุมมองของสิ้นฟ้าจะโผล่มาแค่ตอนเดียว คือ ตอนพิเศษ13 กบฏ และดอกไอริสสีน้ำเงิน ซึ่งผมเห็นว่า ควรเปลี่ยนชื่อเรื่องในภาษาไทยจริงๆ เพราะเล็งเห็นว่า มันเป็นการให้อิสระของผู้เขียนในการเล่าเรื่องมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ ผมขอใช้เวลาการคิดในระยะยาวสำหรับชื่อเรื่องภาษาไทยว่า จะทำการเปลี่ยนไปแนวทางใด

ส่วนประเด็นที่เหลือ ผมรับทราบแล้วครับและจะทำการแก้ไขในครั้งเดียวครับ

จะเห็นได้ว่า ถึงแม้ผมจะให้จิ้นว่า เป็นประเทศไหนในโลกก็ได้ แต่ผมอิงตามหลักกฎหมายไทยส่วนใหญ่ อีกอย่างในเรื่องนี้ยังมีช่องว่างที่ต้องปรับปรุงอีกเยอะ ต้องขอขอบคุณจริงๆครับ ที่ชี้ให้เห็นจุดบกพร่องในเรื่อง อีกทั้งคำผิดด้วยที่ยังไม่ได้ตรวจแก้ไข รวมถึงการเว้นวรรค และอีโมติคอน

ผมขอน้อมรับทุกคำติชมและคำแนะนำ ทั้งจากในเด็กดีและในเล้าเป็ด นะครับ มันจะทำให้นิยายเรื่องนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ขอบคุณจริงๆครับ (ก้มลงคำนับอีกรอบ)

มีประเด็นไหนที่อยากแนะนำเพิ่มเติม หรืออยากให้ผมจัดการแก้ไข สามารถสะกิดได้ครับ


หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (ชี้แจง ผมคิดว่าสำคัญนะ อ่านหน่อยนะครับ 09/04/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 09-04-2015 23:56:47
รับแซบคร้าบบบบบบ  :hao3:

แต่ยังรอตอนต่ออยู่นะคะ
ปล.เค้าจิ้นเพชรฟ้าได้อะ ไม่มีปัญหา
แต่ไม่ว่าจะคู่ไหนก็อย่าให้มาม่าชามโตนักนะคะ มันปวดใจจจจจจจ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (ชี้แจง ผมคิดว่าสำคัญนะ อ่านหน่อยนะครับ 09/04/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-04-2015 00:15:25
รออ่านจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 7 เด็กสาว...เก้าศพ(ปิดคดี) 13/04/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 13-04-2015 00:11:56
คดีที่ 7
เด็กสาว...เก้าศพ(ปิดคดี)


“รู้ไหม? เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่างขึ้นมา สัญชาตญาณแรกของนักกฎหมายจะมองหาอะไร?”อยู่ดีๆทนายเพชรก็ถามผมขึ้น
“หลักฐาน?”ผมว่า พร้อมกับหันหน้าไปมองใบหน้าหล่อเหลานั่น อันที่จริง ผมก็พึ่งรู้ตัวว่าผมแอบชมเขาอยู่ในใจบ่อยเกินไปนะ เริ่มเกิดอาการดึงหัวตัวเอง
“วันนั้น วันที่เกิดเหตุ สิ่งแรกๆที่เธอมองเห็นคืออะไร?”
“อืม ผู้เสียชีวิต รถของคู่กรณี รถพยาบาล รถตำรวจ รถกู้ชีพ ความวุ่นวายที่อยู่โดยรอบ”
“มีอะไรอีกไหม?”
“นึกไม่ออกแล้ว”
“เธอเคยถามสิ้นฟ้าไหม ว่าเขามองเห็นอะไร?”
“ทนายเพชรถามแปลกๆ ผมจะไปรู้ได้ไงว่าวันนั้นท่านอัยการมองเห็นอะไร แต่แน่นอนที่สุด ท่านต้องมองเห็นผู้เสียชีวิต รถของคู่กรณี รถพยาบาล รถตำรวจ รถกู้ชีพ กับความวุ่นวายที่อยู่โดยรอบแน่ๆ”ผมตอบออกไปอย่างมั่นใจ ทนายเพชรยิ้มมุมปาก พร้อมกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
อ่อนใจอย่างเหรอ!? ก็คนปกติ เขาจะมองเห็นอะไรล่ะ นอกจากที่พูดมา วันนี้ไม่น่านั่งรถมาด้วยกันกับทนายเพชรเลย ชอบมีคำถามมาให้คิดอยู่เรื่อย  พอผมคิดไม่ออกนะ เจ้าตัวก็จะยิ้มมุมปาก แล้วส่ายหน้าเบาๆแสดงอาการเหมือนผมไม่ได้เรื่องตลอด

“แล้ววันนี้จะลากผมไปไหนครับ?”
“สถานีตำรวจน่ะ”
“ห๊า!?”


.

.

.



เมื่อมาถึงสถานีตำรวจเหมือนทนายเพชรได้นัดกับสารวัตรเอาไว้อยู่แล้ว เพราะเมื่อมาถึงก็ถูกเชิญให้ไปหาสารวัตรทันที
“สิ้นฟ้าบอกให้ผมมาที่นี่”ทนายเพชรเอ่ย
“ออ เราได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณนั้นแล้วล่ะ”ท่านสารวัตรบอก
“แสดงว่าฟ้า เข้ามาดูแล้ว”
“อันที่จริง เราก็ได้ภาพ ตั้งแต่วันแรกๆ ที่อุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้วล่ะ แล้วไอ้ฟ้ามันก็เข้ามาขอดูเป็นคนแรก เพียงแต่ ไอ้ฟ้ามัน ให้ปิดเอาไว้ก่อน จนกว่าทนายฝั่งโจทก์เขาจะเข้ามาขอภาพไป”
“นั่นแสดงว่า เจ้าตัวเขายืนยันจะให้คดีนี้จบแบบเดิม?”
“นี่แสดงว่าพี่เพชรก็รู้อยู่แล้วใช่ไหม ว่าภาพในกล้องที่บันทึกไว้ได้จะเป็นยังไง”ท่านสารวัตรถามขึ้น แสดงสีหน้าแปลกใจ
“มันก็พอที่จะเดาออก จากมุมกล้องที่เห็นวันนั้นในที่เกิดเหตุ และฟ้า ก็คงเห็นเหมือนกันถึงได้รีบเข้ามาดูเพื่อยืนยัน ความคิดของตัวเอง ว่าตัวเองคิดถูกไหม”
“ที่ทนายเพชรถามถึงสิ่งที่ผมมองเห็นในที่เกิดเหตุคืออะไร? คือสิ่งนี้ใช่ไหม?” ผมขอสารภาพเลยว่าสัญชาตญาณของผมอาจจะไม่เพียงพอ ผมไม่นึกถึงเรื่องนี้เลย ที่ว่า ในที่เกิดเหตุจะต้องมีกล้องวงจรปิด CCTV บันทึกภาพไว้ได้

แตกต่างจากทนายเพชร แล้วก็ท่านอัยการสิ้นฟ้า ที่ทั้งสองคน เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็จะมองหา พยานหลักฐานโดยรอบตัวทันที นี่สินะ ที่เรียกว่าความเก๋ามันต่างกัน ...ผมอยากจะเอาหัวโขกกับกำแพง

ทนายเพชรไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เพียงแต่พยักหน้า

“พี่สารวัตรครับ ในภาพนั้นมีอะไร?”
“งั้นเอาเป็นว่า พวกเราไปดูพร้อมกันเลยดีกว่า”
 


“เธอเห็นอะไรเต็มสิบ”หลังจากดูจบ ทนายเพชรก็ถามขึ้นมาทันที
“มันเป็นภาพที่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่...”
“เรื่องนี้ฟ้าว่ายังไง บ้างล่ะหมวด”
“สารวัตรครับพี่...ไอ้ฟ้ามันบอกว่า ถ้าฝั่งโจทก์เขามาขอไปเป็นหลักฐานก็ให้เอาไป แล้วหลังจากนั้น มันบอกว่า พี่เพชรก็จะคิดได้เอง ว่าต้องทำยังไง”
“แล้ว...”
“ฝั่งโจทก์เขามาขอไปแล้ว ผมก็เลยให้เขาคัดลอกไฟล์ไปเรียบร้อย แต่ผมก็ขอเขานะ ว่าอย่าพึ่งเอาให้นักข่าว”
“งั้นหลังจากนี้ก็เอาให้นักข่าว ทำข่าวได้แล้วล่ะ”ทนายเพชรเอ่ยเรียบๆ  ก่อนจะหันมาถามผม “ต่อเลโก้เป็นไหม?”
“อะไรนะ?”
“สิ้นฟ้าจะต้องชดใช้ค่าเลโก้ที่จะต้องซื้อแน่นอน”

.

.

.


มือเรียวกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปมา นั่งข่าวในจอโทรทัศน์แทบทุกช่อง นำเสนอข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าคดีของวาริธร สิ้นฟ้า ชักหัวคิ้วลงนิดหน่อย เมื่อนักข่าวพยายามวิเคราะห์อุบัติเหตุจากภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด
“กำลังเช็คเรทติ้งจากกระแสสังคมอยู่หรือยังไงครับ?”เสียงกาฝากที่ทุกวันนี้ที่เดินเข้าออกห้องเขาเสมือนเป็นห้องของตัวเอง เอ่ยขึ้น พร้อมกับมือหนาๆจับที่ไหล่
“นายให้ไอ้หมวดปล่อยภาพจากกล้องวงจรปิดให้นักข่าว?”
“พี่ว่าน่าสนุกไม่ใช่เหรอ ให้รู้บ้างไม่รู้บ้าง พี่ว่าต่อไปมันน่าสนใจดีออก ดูสิ ถึงขั้นทำแบบจำลองอุบัติเหตุกันขึ้นมา นี่พี่กำลังคิดอยู่เลยว่า จะไปขอยืมไปใช้ในชั้นศาลบ้างได้ไหม”ว่าทีเล่นทีจริง พร้อมกับเอาคางวางไว้บนหัวของคนที่นั่งจ้องโทรทัศน์ไม่วางตานั่น
“ฉันกลัวก็แต่ว่าจะมีแต่จำพวกด่าเอาไว้ก่อน ข้อเท็จจริงไม่ต้อง”เอ่ยพรางยิ้มเยาะ
 “เต็มสิบล่ะ?”
“ให้การบ้าน โดยการให้เอาเลโก้ไปต่อที่บ้านแล้ว”
“อืม...”
“จะว่าไปเด็กนั่น...”
“ฉลาดแต่ขนาดจินตนาการไปหน่อย”สิ้นฟ้าเอ่ยขัดขึ้น ทั้งที่ทนายเพชรยังพูดไม่จบ
“พี่ว่า ถ้าได้ขัดเกลาสักหน่อย ก็จะเก่งเองล่ะ” เพชรว่า
.

.

.

“หนูอยากแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตัวหนูเองไม่ได้มีเจตนาอะไรทั้งสิ้นที่จะทำให้เกิดการสูญเสียในครั้งนี้”วาริธร หรือ จำเลยในคดีได้เอ่ยขึ้น
“ในตอนที่เกิดอุบัติเหตุหนูได้ขับรถวิ่งอยู่ในเลนขวา และเห็นรถตู้วิ่งอยู่ข้างหน้าในเลนกลาง พอเห็นรถตู้ขับกินเลนเข้ามานิดหนึ่งก็เปิดไฟสูงขอทาง รถตู้ก็กลับเข้าไปในเลน แต่เมื่อขับรถเข้าไปในระยะใกล้ขึ้น และพยายามเร่งเพื่อที่จะแซงไป พอดีรถตู้โผล่มาอีกครั้ง เลยตกใจบีบแตรและหักหลบ”
“คุณกำลังจะบอกว่ารถตู้อยู่ในเลนกลาง แต่คุณอยู่ในเลนขวา รถตู้ที่อยู่ในเลนกลางนั้นขับกินเลนมาทางเลนขวาที่คุณอยู่ เมื่อคุณเปิดไฟสูงขอทาง รถตู้ก็กลับเข้าไปในเลนกลาง แต่เมื่อคุณขับเข้าไปในระยะใกล้ขึ้น และเร่งความเร็วของรถ เพื่อที่จะแซง รถตู้โผล่เข้ามาในเลนขวาที่คุณกำลังขับอยู่อีกครั้ง คุณเลยตกใจ บีบแตร หักหลบ ใช่ไหมครับ”ทนายเพชรถามย้ำ
“ใช่ค่ะ”
“หลังจากนั้นก็เกิดการกระแทก?”
“พอหักหลบ รถก็เสียหลัก  ทำให้ตัวไหลเข้าไปใต้แผงคอนโซลและก็รู้สึกว่าเกิดการกระแทก”
“คุณรู้สึกว่าถูกกระแทก นั่นหมายถึงคุณไม่ได้เห็นว่ารถของคุณกระแทกกับรถตู้ยังไง?”
“ใช่ค่ะ ไม่เห็น”
“เหตุการณ์หลังจากนั้นละครับ?”
“พอตัวไหลเข้าไปใต้แผงคอนโซล ก็ไม่เห็นเหตุการณ์ต่อจากนั้นเลยค่ะ ได้ลุกขึ้นมาอีกทีก็เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยออกมาจากรถ”
“หมดคำถามครับ”

“ทนายฝั่งโจทก์ มีอะไรจะเพิ่มเติมไหม?”ผู้พิพากษาท่านหนึ่งได้เอ่ยขึ้น

“อยากให้อธิบายเรื่องโทรศัพท์ครับ ในระหว่างที่ขับรถนั้น คุณวาได้ ใช้โทรศัพท์มือถือหรือไม่? จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ”ทนายโจทก์เอ่ยถาม
“ไม่คะ”
“คุณวาได้ทำการอัพเดทสเตตัส ลงบนโซเชี่ยล หรือการแชทระหว่างขับรถ?...”
“ในระหว่างขับรถ วาไม่ได้ใช้มือถือค่ะ”
“แล้วภาพที่ปรากฏออกมาว่าคุณวาได้ยืนพิงขอบทางด่วนโทรลล์เวย์กดโทรศัพท์มือถือ คุณมีคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้เช่นไร?...”พูดพร้อมกับกดเปิดภาพให้แสดงบนหน้าจอโปรเจคเตอร์ เป็นภาพของวาริธรที่ยืนพิงขอบของโทรลล์เวย์เหมือนกำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่
“ภาพนั่น ไม่ได้บ่งให้เห็นว่าในระหว่างที่วาริธรขับรถได้ใช้โทรศัพท์มือถือ ซะหน่อย”ทนายเพชรพูดออกมาเบาๆ โดยที่ไม่ได้เอ่ยค้านกับการซักถามของทนายฝั่งโจทก์ “พิสูจน์ไม่ได้”
“แต่มันก็อาจเล็งเห็นได้ว่า จำเลยได้มีการใช้โทรศัพท์มือถือมาตลอดตั้งแต่ขับรถ จนเกิดอุบัติเหตุ”ทนายฝ่ายโจทก์เอ่ย
“ใช้ความรู้สึกล้วน?”ทนายเพชรว่ายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“จำเลยตอบคำถามทนายโจทก์”ศาลจึงจำเป็นต้องเอ่ยขัด
“ภาพที่เห็นกดโทรศัพท์ก็คือกำลังโทรเรียกประกันและโทรหาพี่ชาย เพราะว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ยอมส่งโรงพยาบาล จนกว่าจะโทรเรียกประกันและแจ้งผู้ปกครองให้ทราบก่อนค่ะ”ทนายฝ่ายโจทก์พยักหน้าแสดงอาการเข้าใจ ก่อนจะกล่าว
“หมดคำถามครับ”

.

.

.

“ในที่นี้มีใครพิสูจน์ได้บ้างว่ารถของคุณวาไปชนรถตู้แล้วจึงทำให้รถตู้เสียหลัก?” ทนายเพชรกล่าวขึ้น ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก ผมกดเลื่อนสไลด์ภาพจำลองเหตุการณ์บนทางด่วนโทรลล์เวย์ โดยการอ้างอิงจากสถานที่จริง เพื่อให้ศาลดู แล้วเปิดภาพกล้องวงจรปิด CCTV ซึ่ง เป็นภาพจากทางฝั่งอัยการ ฝ่ายโจทก์ที่ได้รับมาเพื่อเป็นพยานหลักฐาน ซึ่งภาพในกล้อง CCTV แสดงให้เห็นถึงแสงไฟของรถตู้ และรถเก๋งที่ขับมาด้วยความเร็วทั้งคู่ ก่อนจะมีการปะทะกัน เห็นถึงแสงไฟของรถตู้สะบัด แล้วกระแทกเข้าสู่ขอบเส้นทางของทางด่วน โทรลล์เวย์
“ดูจากในบันทึกภาพ จากกล้อง CCTV มีความเป็นไปได้ถึงสองกรณี นั่นคือ รถของคุณวา ชนรถตู้จนรถตู้สะบัดกระแทกเข้าขอบโทรลล์เวย์แล้วเทกระจาดจนผู้ที่อยู่ด้านในรถกระเด็นออกมา หรืออีกทางหนึ่งรถตู้เสียหลักก่อน แล้วท้ายของรถตู้กระแทกเข้ากับรถของคุณวา แล้วรถตู้จึงเสียหลัก หลังจากนั้นจึงเทกระจาดผู้ที่อยู่ด้านในรถกระเด็นออกมา ภาพจากกล้อง CCTV มีโอกาสเป็นไปได้ถึงสองกรณีดังกล่าว”ทนายเพชรอธิบายไป ก่อนจะเลื่อนรถของเล่น และโทรลล์เวย์จำลองที่ต่อจากเลโก้ที่นำมาตั้งอยู่บนโต๊ะ แสดงให้เห็นถึงภาพจำลองเหตุการณ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
 “ทนายกำลังจะบอกว่า...”
“ผมกำลังจะบอกว่า จากคำให้การของคุณวารวมถึงภาพจากกล้องCCTVถ้าเกิดคุณวาไม่ได้เป็นฝ่ายขับชน แต่เป็นรถตู้ต่างหากที่เข้ามาชน นั่นไม่ได้หมายความว่าทางฝั่งรถตู้เป็นฝ่ายประมาท เหรอครับ?”
.

.

.

“ผลมันจะออกมาเป็นยังไงเนี่ย!”ผมเดินวนไปวนมาอย่างระทึก หลังจากการนัดสืบพยาน ตอนนี้ทนายเพชร ก็ถูกเรียกหายตัวไปไหนไม่รู้
“เป็นไร?”เสียงเนิบๆนิ่งๆเอ่ยขึ้น ผมแทบจะโผเข้าไปกอด
“ท่านครับ คิดถึงท่านมาก”
“ได้ข่าวว่าไม่ได้เจอกันยังไม่เกิน 24 ชั่วโมงเลย”ท่านว่าพร้อมยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“ท่านรู้ไหม ทนายเพชรน่ะ ทนายเพชรน่ะ” ผมเขย่าข้อมือของท่านอัยการ ท่านก็อย่ามองผมด้วยสายตาแปลกๆสิ
“กำลังจะใส่ร้ายรถตู้?”
“นั่นล่ะๆๆๆๆๆ” อะเด๊ะ? ท่านรู้ได้ไง?
“ฉันนั่งฟังอยู่ชั้นสองของห้องพิจารณาคดี”
“ออ...”ผมพยักหน้าเข้าใจ เพราะตอนไปในห้องพิจารณาคดี ผมสังเกตเห็นอยู่ว่า มีชั้นสองที่จัดไว้ให้ผู้ที่เข้ามาดูการพิจารณาคดีขึ้นไปนั่ง แต่คนส่วนมากไม่กล้าขึ้นไปครับ ไม่รู้เพราะอะไร
“ผม ถามจริงๆเถอะนะครับ ในคดีนี้ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่ สรุปใครผิดกันแน่ ทีแรกก็เหมือนน้องสาว...เอ่อ คุณวา เป็นฝ่ายผิด แต่ พอมาวันนี้ ฟังจากทนายเพชรพูด ก็เหมือน รถตู้อาจจะผิดด้วยก็ได้?”
“ฉันก็ไม่เคยบอกนะว่าวาริธร เป็นฝ่ายผิด...”
“เอ๋!?”
“ฉันแค่บอกว่า คนผิดก็ต้องได้รับโทษทางกฎหมาย”
“ถ้าคุณวาไม่ได้ผิด แล้วทำไมท่านถึงต้องไปเปลี่ยนข้อมูลของคุณวาให้วุ่นวาย ผมบอกตามตรง ผมงงไปหมดแล้ว”อยากทึ้งหัวตัวเอง แต่ท่านอัยการไม่ได้ตอบผม สายตามองไปยังทางหนึ่งที่ทนายเพชรเดินมา พร้อมกับผู้หญิงสองคน นั่นคือน้องสาวของท่านอัยการและแม่ของเธอ
“พี่ฟ้า...”เสียงเล็กๆนั่นเอ่ยเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหา คราวนี้ท่านอัยการไม่ได้ทำเป็นเมินหรืออย่างไร แต่กลับเดินเข้าไปหาเจ้าตัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ครั้งนี้ ฉันให้โอกาสเธอแล้ว และมันจะไม่มีครั้งที่สองที่ฉันจะให้โอกาสเธออีก ครั้งนี้เธอจะได้รับบทเรียนคือการตกเป็นจำเลยของสังคม ทั้งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ความจริงให้เสร็จสิ้น ฉันอยากให้เธอจำ และจำไปตลอด กับสิ่งที่เกิดขึ้น...” หญิงสาวทำหน้าอึ้งไปสักพัก ก่อนจะก้มหน้าแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ
“วาขอโทษ...”
“หลังจากคดีนี้เสร็จสิ้น ผมอยากให้คุณและวาริธร เดินทางไปต่างประเทศทันที”ท่านอัยการหันมาพูดกับคุณหญิงมุก
“อะไรนะพี่ฟ้า!”ร่างเล็กแสดงอาการตกใจ ก่อนจะหันไปมองทางแม่ของตัวเอง แล้วส่ายหัวบ่งบอกว่าปฏิเสธ “พี่ฟ้าเคยเห็นวาเป็นน้องบ้างไหม? หรือจะโกรธจะเกลียดวามากเพิ่มก็ได้ แต่อย่ากันวาออกไปจากชีวิตของพี่ฟ้าอีกได้ไหม?”น้ำตาไหลออกมาจากตาคู่สวย แต่ผมคิดว่าคงไม่ได้ทำให้จิตใจของท่านอัยการอ่อนลงเลยสักนิด เพราะนัยน์ตาคมกริบติดนิ่งเฉยยังคงหันไปเอาคำตอบจากคนที่เป็นแม่ของเด็กสาวตรงหน้า
“ได้ค่ะ คุณฟ้า หลังจากจบคดี น้ากับยัยวา จะไปต่างประเทศทันที”
“แล้วเรื่องคดี”ท่านอัยการหันมาถามทนายเพชรต่อ
“ก็อย่างที่ฟ้าคาดการณ์ไว้ ทางฝ่ายนั้น ขอให้คดีสิ้นสุดโดยเร็วเพราะกระแสสังคม ถ้าทางเราพิสูจน์ได้ว่าทางรถตู้เป็นฝ่ายผิด แล้วศาลตัดสินออกมาให้ผิดจริงจะยิ่งเป็นการทำให้มีผลกระทบแรงยิ่งขึ้น ทางนั้นเกรงว่านอกจากองค์กรศาลจะเสื่อมเสีย จิตใจของทางฝั่งโจทก์รวมถึงญาติผู้เสียชีวิตจะยิ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักมากเข้าไปอีก ทางเขาจึงขอให้เรายุติการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแต่เพียงเท่านี้ และจะให้มีการตัดสินคดีโดยเร็ว” 
“นี่หมายความว่า ใครผิดใครถูกโดยแท้จริง เราจะไม่รู้เหรอครับ?”ผมถามขึ้น “เพราะ อย่างนี้ใช่ไหม ถึงต้องเปลี่ยนประวัติของคุณวา”
“โดยส่วนหนึ่งก็เพื่อให้แรงกดดันทางสังคมมันอ่อนลงได้บ้าง อีกทางก็เผื่อศาลจะได้มีทางลดโทษให้จำเลย”ทนายเพชรว่ายิ้มๆ ซึ่งผมเดาไม่ออกว่าเรื่องจริงหรือพูดเล่น
“และอีกอย่างหนึ่ง ผมต้องขอโทษคุณน้องวาและคุณน้าด้วย ที่ทำให้คดีไปในแนวทางนี้”ทนายเพชรก้มหัว
หญิงสาวหันไปมองท่านอัยการเล็กน้อย ทั้งน้ำตา

“ถ้าเป็นสิ่งที่พี่ฟ้าต้องการ วาก็จะยอมรับโดยดีค่ะ”เธอกล่าวทั้งน้ำตา

“ถ้าดึงดันต่อไปนอกจากต้องสู้กับกระแสสังคมแล้วยังต้องสู้กับอำนาจศาลอีก เป็นฉัน ฉันไม่สู้หรอก”ทางอัยการเอ่ยเรียบๆพลางเสมองไปทางอื่น
“วา ขอกอด พี่ได้ไหมค่ะ?”ท่านอัยการหันมามอง นิ่งคิดไปสักพัก ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ ร่างเล็กของหญิงสาว จึงเดินเข้าไปกอดพี่ชายของตัวเอง

ผมคิดว่ามันคงเป็นกอดครั้งแรก แต่ผมหวังว่า มันจะไม่เป็นกอดครั้งสุดท้ายของสองพี่น้องคู่นี้ก็พอ

.

.

.


“คดีนี้ก็จบแล้วสินะครับ”ผมเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมกับมองไปยังท่านอัยการที่กำลังวุ่นอยู่กับสำนวนคดีมากมายเต็มโต๊ะ “จะเรียกว่าเป็นการจบโดยการ เอาความผิดไปลงไว้ที่ผู้หญิงคนหนึ่งรึเปล่านะ? ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเป็นเด็กผู้หญิง...”
“รู้มะ ตอนนี้ฉันเห็นอะไร?”อยู่ดีๆท่านก็พูดขึ้นมา ผมเลยหันไปมองท่านด้วยความแปลกใจ นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดขึ้นมานะ เป็นเพราะท่านไม่ได้นอนติดต่อกันมาหลายวันหรือไง?
“ท่านเห็นอะไร?”ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปหา ท่านจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม
“ฉันเห็นอนาคตนักกฎหมายที่ไม่ได้เรื่อง” ช๊ะ!? หมายถึงผมเรอะ? ผมเอานิ้วชี้ไปที่ตัวเอง “เรียนกฎหมายมายังไง ?ถึงถูกคนนู้นจับโยกไปนู่น จับโยกมานี่ ได้ง่ายนัก”
“ท่านหมายความว่ายังไงครับ?”
“คดีนั้นมันพิสูจน์ข้อเท็จจริงจนถึงที่สุดแล้วหรือไง?ถึงได้ปักใจเชื่อซะแล้ว ว่า วาริธร ไม่ได้ผิด”
“ผมแค่บ่นหงุงหงิงไปตามประสาผมน่า เอาจริงๆผมยังไม่ได้รู้เลยว่าใครผิดด้วยซ้ำไม่ว่าจะเป็นทางฝ่ายรถตู้ หรือทางตัวคุณวาเอง มันก็ดันถูกตัดจบก่อนซะงั้น เหมือน...ดูละครที่กำลังเรทติ้งดีๆเนื้อหาเสียดสีสังคม เสียดสีรัฐบาล แล้วรัฐบาลดันรับไม่ได้ มีคำสั่งฟ้าผ่าลงมาว่าห้ามให้ออกอากาศต่อ อารมณ์ประมาณนั้นเลย! อีกอย่างมันก็เป็นไปตามแผนของท่านตั้งแต่แรกนิ่ เรื่องวางแผนปั่นคนอื่นล่ะเก่งจริงเชียว”
“ฉันวางแผนปั่นคนอื่นยังไง?”
“ท่านทำเป็นเหมือนจะช่วยคุณวา แต่ท่านแค่อยากทำให้เรื่องมันจบในแบบของท่าน ถ้าท่านยืนยันที่จะให้ทนายเพชรพิสูจน์ความจริงท่านก็ทำได้ แม้นั่นจะเป็นการขัดต่อความคิดของศาล แต่ท่านเลือกที่จะให้ทนายเพชรยอมๆไป ทุกๆคนจะไม่ได้รู้ความจริงทั้งหมด ท่านให้โอกาสคุณวามีที่ยืนในสังคม แต่การยืนนั่นกลับอยู่ภายใต้การถูกครหา อยู่ใต้การตกเป็นจำเลยของสังคม”

“และฉันก็เฉดหัวเขาออกนอกประเทศ”

“นั่นเป็นการแก้แค้นของท่านหรือเปล่าครับ?”
ท่านเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้นของผม ก่อนจะถอนหายใจ แล้วเอ่ยบางอย่างขึ้นมาเบาๆ
“เต็มสิบ ฉันอยากให้เธอจำไว้อย่างหนึ่งนะ ความยุติธรรมเป็นยอดปรารถนาของนักกฎหมายทุกคน แต่บางครั้งก็ไม่สามารถแจกจ่ายให้ได้กับทุกคน”
“...”
“อีกอย่าง  ฉันแค่ปล่อยให้มันเดินไปตามกระแส พวกคนที่อยู่หน้าคอม หน้าโทรทัศน์ เป็นคนตัดสิน...ไปแล้ว"
"..."
"ยังไงบทสรุปของคดีนี้ก็คือ รถของวาริธร ซึ่งเป็นเยาชนได้ชนเข้ากับท้ายรถตู้อย่างแรง จนรถตู้เสียหลักไปฟาดกับขอบทางด่วน  จากนั้นประตูรถตู้ก็ได้เปิด และแรงเหวี่ยงส่งผู้โดยสารปลิวออกจากตัวรถ กระเด็นลงไปกระแทกพื้นข้างล่างของทางด่วน ทุกคนในสังคมนี้ จะได้รู้ตามนั้น”
“ครับ”
ผมว่าผมคงต้องกลับไปนั่งคิด ว่าใครกันแน่ที่ร้ายที่สุดในเรื่องนี้ อัยการ? ทนาย? ศาล? หรือกระแสของคนในสังคม…

.

.

.

เรื่องราวผ่านไปได้สักพักหนึ่ง ผมก็ต้องมายื่นท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ ของหมู่ญาติผู้เสียชีวิต ลมร้อนพัดเอื่อยๆ ทำให้ธงข้างหน้าศาลโบกสะบัด
“ฉันขอโทษแทนลูกสาวของฉันด้วยค่ะ ที่ทำเรื่องลงไป”คุณหญิงมุกคุกเข่าก้มลงกราบแทบเท้า ของแม่ผู้เสียชีวิต จนผมต้องเบือนหน้าหนี  บรรยากาศโดยรอบระคนความเศร้าผสมความกดดันจนหายใจติดขัด
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ไม่เป็นไร...คนเราทุกคนไม่ได้แกล้ง แม่เองก็ให้อภัยกัน ที่เสียใจเพราะลูกฉันเป็นคนดี ฉันไม่ได้แกล้งว่า แต่คนรอบข้างชมเขาทุกคนว่าเขาเป็นคนดีมาก”แม่ของผู้เสียชีวิตท่านหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับก้มลงไปพยุงคุณหญิงมุกให้ยืนขึ้น “รู้อะไรไหมค่ะ เราอยู่กันมาแค่สองคน ตำรวจมาถามว่าฉันอยู่กับใคร ฉันก็บอกว่าอยู่คนเดียว คุณยังมีลูกที่คอยกินข้าวด้วยกัน แต่ฉันไม่มีแล้ว...”น้ำตาของคนเป็นแม่ไหลลงอาบแก้ม
.

.

.

“ไม่มีแม่หรือพ่อคนไหน ที่อยากจะรดน้ำศพให้ลูกตัวเองหรอกค่ะ”
.

.

.

วันนี้ผมกับท่านอัยการมาเดินล่อนในห้างสรรพสินค้าครับ เพราะต้องซื้อของที่จำเป็นหลายๆอย่างในการย้ายสำมะโนครัว ? เอ่อ ผมพูดเล่นครับ แค่อยากจะบอกว่าเพื่อไปต่างจังหวัดสักพักหนึ่ง ผมพึ่งรู้ข่าวเมื่อวานนี้ วันนี้เลยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ดีศรีสังคม โดยการบุกห้องทำงานของท่านอัยการตั้งแต่เช้า งัดและแงะ ท่านอัยการให้ลุกออกจากเก้าอี้ ได้ข่าวว่าเมื่อคืน และหลายคืนก่อนหน้านั้นไม่ได้กลับคอนโด เพราะท่านต้องเคลียร์งานที่เหลือค้างให้เสร็จ ก่อนที่ท่านจะย้าย ไปสำนักงานอื่นชั่วคราว

คำว่าชั่วคราวเสมือนจะดูดี แต่ถ้าปิดคดีไม่ได้ ผมเกรงว่าคนนิสัยอย่างท่านอัยการ คงไม่ยอมกลับมาแน่ๆ

“แชมพู”
“จำเป็นด้วยเหรอ?”ถามอย่างนั้นหมายความว่ายังไง ฮะท่าน!
“ท่านไม่คิดจะสระผมเหรอ ?”
“ฉันแค่คิดว่า ที่ไหน มันก็คงมีขายหรอก”ท่านว่า พลางเกาหัว แล้ว หันมองทางอื่น
“เอาน่า เผื่อไม่มียี่ห้อที่ท่านใช้ประจำทำไง ยิ่งหายากอยู่”
“เอาตามตรง ฉันใช้สบู่สระหัวก็ได้”
“โอ้ย ผมปวดหัวกับท่านจัง”
“ร่างกายตายไปก็เน่า บำรุงอะไรมากมายนักหนา”
“บำรุง กับปล่อยตัวเองให้ซกมก มันแตกต่างกันนะครับท่านอัยการ ผมว่าท่านก็เป็นคนสะอาดนะครับ ไม่นึกว่าท่านจะมีมุมนิสัยแบบนี้”
“เป็นตัวของตัวเองมันผิดตรงไหน?”
“รู้สึกวันนี้  อารมณ์ดีๆของท่านเริ่มกลับมานะครับ พูดเก่งเชียว” อยากจะบอกว่า นอกจากจะพูดโต้ตอบทุกอย่าง ท่านยังสามารถทำหน้านิ่งๆได้อย่างกวนตีนอีกด้วย แสดงว่า ค่อนข้างอารมณ์ดีขึ้น จากหลายวันที่ผ่านมาในช่วงเดือนก่อนหน้าและเดือนนี้
“ก็มีความสุข...” ก็ ใช่ล่ะนะ ปล่อยวางจากคดีของน้องสาวตัวเองได้แล้ว เพราะที่เหลืออีกนิดหน่อยก็ให้ทนายเพชรจัดการ จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลออกมา ค่อนข้างจะไม่ค่อยมีอะไรน่าเป็นห่วง ตามความพอใจของท่านล้วนๆ “เนี่ย ฉันคิดหนักนะ คิดไม่ตกมาหลายวันเลยล่ะ จนนอนไม่ได้กินไม่หลับ”
“กินไม่ได้นอนไม่หลับครับ”
“เออ นั่นล่ะ ที่ๆฉันจะไปมันเป็นป่าใช่ไหมล่ะ”พูดพร้อมกลับที่สีหน้านิ่งๆนั่น แสดงความกังวลออกมานิดหน่อย
“ครับ ท่านกำลังห่วงเรื่องอะไร?”
“กำลังคิดว่าในป่า เขาลำเนาไพร จะมีไอศกรีมให้ฉันกินบ้างไหม รู้สึกคิดหนักมาก”
“ท่านรู้จักกระบอกไม้ไผ่ไหมครับ?”
“นายรู้วิธีที่จะเอากระบอกไม่ไผ่มา ทำไอติมงั้นเหรอ?”
“เปล่า จะเอามาฟาดหัวท่านนั่นแหละ! กระบอกไม่ไผ่ทำไอศกรีมได้ที่ไหนกันละท่าน”
“แอร๊ย กล้าหาญขึ้นนะเรา”
“เอาเป็นว่า ถ้าอยู่นั่น มีตู้เย็นก็ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะหากระติกเก็บความเย็นเล็กๆให้ท่านเอาติดตัวไปด้วย พอลงจากสนามบินปุ๊ป ท่านก็ซื้อไอศกรีมใส่กระติกเอาไว้ พอถึงที่พักท่านก็เอาไอศกรีมของท่านใส่ตู้เย็น แค่นี้ท่านก็มีไอศกรีมทานนานๆแล้วล่ะ”พูดด้วยสีหน้าภูมิใจ ที่ตัวเองคิดได้
“เต็มสิบ ทำไมเรื่องอย่างนี้เธอฉลาดจัง”ว่าพร้อมยกนิ้วโป้งขึ้นมา ท่านยิ้มพร้อมกับดูของใช้ อันไหนไม่ชอบใจก็ส่ายหัวไปมา ส่วนอันไหนที่ผมเสนอ หรือที่ท่านสนใจก็จะหยิบมันขึ้นมาดูแล้วอ่านฉลาก แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้าย ท่านก็หันไปหยิบยี่ห้อที่ใช้ประจำของท่าน แล้วเอาใส่ตะกร้าอยู่ดี

“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน!”อยู่ดีๆ เสียงเอะอะ โวยวายก็ดังขึ้นโซนข้างหน้าที่เป็นเคาน์เตอร์ชำระเงิน ท่านอัยการเลิกสนใจที่จะเลือกของ แล้วเดินไปดู


ก่อนจะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากการคุมตัวของเจ้าหน้าที่


....................................................see ya................................................




จัดว่าเป็นการปิดคดีไหมนะ? เอาเป็นว่าถือว่าปิดเนอะ 555+
คำเตือน! อย่าเอาไปเชื่อมโยงกับคดีในโลกแห่งความจริงเด็ดขาด (ลูบแขนๆ)
เจอข้อผิดพลาดตรงไหนสะกิดได้ครับผม
สงกรานต์เที่ยวให่สนุก ใจเย็นๆ อย่าไปก่อคดีขึ้นมาล่ะ
แล้วเจอกันหลังสงกรานต์ครับ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 7 เด็กสาว...เก้าศพ(ปิดคดี) 13/04/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-04-2015 01:27:30
อยู่กับกลุ่มนักกฎหมายแล้วปวดหัว มานั่งกินไอศครีมแทนสิ้นฟ้าดีกว่า รอคดีต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 0.5 ธงคำตอบ 01/06/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 01-06-2015 00:54:58
คดีที่ 0.5
ธงคำตอบ

“ครับ  เดี๋ยวผมจะดูแลให้ครับ” พี่สารวัตร แกพูดกับฝ่ายกฎหมายของทางห้าง ก่อนที่ทางฝ่ายกฎหมายจะเดินออกไป ทิ้งให้ชีวิตอีก สี่ชีวิต ซึ่งประกอบไปด้วย ผม ท่านอัยการสิ้นฟ้า พี่สารวัตร และแขกรับเชิญอีกหนึ่ง ในห้องต้องมองตากันปริบๆ

“หลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดมัดแน่นหนาขนาดนี้ ถ้าไม่ส่งให้อัยการฟ้อง ก็เกรงว่าตำรวจกับอัยการจะมีความผิด อะนะ”พี่สารวัตรพูดขึ้น

“แต่พวกคุณต้องช่วยฉันนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำ แต่มันจำเป็น”แขกรับเชิญ ที่เป็นหญิงหนึ่งเดียวของห้องเอ่ย

“ลักทรัพย์ เป็นคดีอาญาแผ่นดิน ถึงแม้หลังจากนี้จะเกลี่ยกล่อมให้เจ้าทุกข์ไม่เอาเรื่องได้ แต่มันก็เป็นความผิดอันยอมความไม่ได้”ท่านอัยการกล่าว

“มาพูดเรื่องกฎมง กฎหมาย กับชาวบ้านธรรมดาอย่างฉัน ฉันก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ”ผู้ต้องหาในคดีว่า ก่อนจะก้มหน้า “ฉันรู้แค่ว่าฉันมันจน ถ้าไม่ทำอย่างนี้  คนที่อยู่ที่บ้านก็จะไม่มีอะไรกิน”

“แต่แอบขโมยของในห้างก็น่าจะรู้อยู่ว่ามันมีกล้อง มีเครื่องสแกนบาร์โค้ดป้องกันการขโมยของ มียาม มีเจ้าพนักงาน ก็ไม่น่าทำหรอก อีกอย่างความจนไม่ใช่เหตุผลที่จะเอามาอ้างให้ทำผิดกฎหมายได้ จน ไม่มีเงิน ก็ต้องรู้จักทำมาหากิน...โดยสุจริต”

 “กะ ก็ พวกคุณไม่ลองมาจนมั่งนี่ค่ะ คนเรามีทางเลือกไม่มากหรอกค่ะ พวกคุณนั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์ มีกินมีใช้ มีทุกอย่างเหนือคนอื่น ใส่เครื่องแบบ ใส่สูทเดินไปเดินมา ไม่เห็นต้องคิดมากกับชีวิต เหมือนพวกคนจนๆอย่างพวกฉันนี่ค่ะ”

“แล้วที่มีทุกอย่างในวันนี้ได้ เธอคิดว่าคนใส่สูท ใส่เครื่องแบบเดินไปเดินมา เขาพยายามมากแค่ไหน ไม่จำเป็นต้องลองจนหรอก แค่รู้เพียงว่าถ้าไม่พยายามให้มากกว่าก็จะจนเท่านั้นเอง ถ้าเกิดมาต้นทุนในชีวิตน้อย ก็ต้องพยายามให้หนักกว่าคนอื่นที่เขาเกิดมามีต้นทุนในชีวิตมากกว่า นี่คือเรื่องพื้นฐาน ไม่ใช่กฎมงกฎหมาย หวังว่าชาวบ้านธรรมดาอย่างเธอจะเข้าใจนะ”

“ท่านอัยการ...”ผมเอ่ยเรียกท่านเบาๆ ก่อนที่ท่านจะเข้าสู่โหมดเทศนายาวกว่านี้ รับรอง มีแววคนที่ทำผิดอยู่ตรงหน้าได้บรรลุทางธรรม บวกอภิมหาปรัชญาการดำเนินชีวิตยังไง ไม่ให้ผิดกฎหมายแน่นอน

“กฎหมาย ก็มีไว้เอาผิดกับพวกคนจน คุกก็มีไว้ขังแค่คนจนกับหมาเท่านั้นล่ะ”

“เฮ่! เธอ...”พี่สารวัตรทำท่าจะค้าน แต่ถูกท่านอัยการยกมือเป็นเชิงห้ามก่อน

“ต่อให้ไม่จน ฉันก็จับเข้าคุกได้ ถ้าฉันอยากจะจับ” ว่าพรางยิ้มนิ่ง ๆ



“คดีนี้ ท่านคงไม่ได้เป็นคนฟ้องเองใช่ไหมครับ?”ผมถามขึ้น หลังจากที่ขับรถออกมาจากสถานีตำรวจนครบาล

“ฉันจะย้ายไปที่อื่นแล้ว เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับฉันหรอก”

“คุกมีไว้ขังหมากับคนจนจริงเหรอครับ?”

“อื้อ เลี้ยงข้าวอย่างดีด้วย ขนสวยเชียวล่ะ”

“พูดเล่นไปเรื่อย”ผมทำปากยู่

“วันหลังพาไปทัศนะศึกษาที่คุกเอาไหม?”

“ไม่เอาหรอก ถึงจะรู้ว่าเพื่อนท่านอยู่ในนั้นเยอะแยะก็เถอะ”ผมว่า ท่านอัยการหัวเราะ เบาๆ

“ก็เห็นอยากรู้ ก็จะพาไปพิสูจน์ความจริงไง จะได้ไปบอกคนอื่นได้ ว่าไอ้วลีเด็ด ที่ว่าคุกมีไว้ขังหมากับคนจน มันจริงเท็จแค่ไหน”

“เอาไว้ให้ผมอยากมีเพื่อนเพิ่ม แล้วผมจะให้ท่านพาไปละกัน”

“นี่...ว่าแต่เต็มสิบบ้านนายนี่หายากจัง รู้สึกป้ายนี้ขับรถผ่านมาสองรอบล่ะ”ผมรีบมองออกไปข้างนอกหน้าต่างทันที เมื่อท่านอัยการเปรยออกมาอย่างนั้น


...หลงสินะ...


“หน้าตาดีอย่างนี้เอง  เต็มสิบมันพูดให้แม่ฟัง ชมนักชมหนา ไม่นึกว่าตัวจริงจะหน้าตาดีมากมายขนาดนี้”แม่ผมพูด เมื่อได้เห็นท่านอัยการ หลังจากกล่าวทักทายกันเล็กน้อย ก็ดูว่าแม่จะถูกใจท่านอัยการสิ้นฟ้าไม่น้อยเลยทีเดียว  อยากจะตีแม่ตัวเองเบาๆ

“เอ่อครับ”ท่านว่าพร้อมกับส่งยิ้มให้

“ขอบใจนะที่มาเยี่ยมแม่ เต็มสิบมันก็ชอบหมกตัวอยู่แต่กับหอ อาทิตย์หนึ่งก็มาแค่สองสามวัน ทั้งที่บ้านก็ไม่ไกลแต่ไม่รู้ทำไมถึงชอบขี้เกียจกลับบ้าน เอาเต็มสิบไปช่วยงานเป็นยังไงบ้างละลูก”

“อาจจะเป็นเพราะเต็มสิบมาอยู่ช่วยผม งานเลยสบายขึ้นหน่อย งานเสร็จเร็วขึ้น อย่างน้อยก็มีเวลาได้นอนตามเวลาปกติเหมือนคนอื่นเขาบ้างครับ”ท่านตอบพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

“ยิ้มน่ารักเชียว  เดี๋ยวแม่ไปทำอาหารก่อน จะได้ทานข้าวกัน อยู่ทานข้าวกับแม่ก่อนนะ”แม่ว่าพร้อมกับเดินเข้าครัวไป ครอบครัวผมที่อยู่บ้านก็มีแค่แม่กับผม และแม่บ้าน อีกคนหนึ่งครับ ส่วนพ่อของผมเป็นวิศวกร เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็กๆที่มีสำนักงานอยู่ในเมืองเป็นของตัวเอง แต่เจ้าของออกทำงานแทบจะทั่วราชอาณาจักร ตามงานโครงการที่เขาให้ลง บางครั้ง ก็รับงานต่างประเทศ นานๆที กลับบ้านครั้งครับ พี่มันก็ฝึกงานตามๆพ่อไป

“ท่านครับ...”ผมเรียกท่านหันมามอง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อผมจับมือของท่านขึ้นมา ก่อนจะเอาสร้อยข้อมือสีเงิน ทำมาจากเงินแท้ ออกแบบรูปทรงคล้ายเข็มขัดเปิดปิดได้ เส้นเล็ก ใส่เข้าไปที่ข้อมือข้างซ้าย คู่กับนาฬิกาที่ท่านใส่เป็นประจำ

“เอ่อ อันที่จริง ผมก็ไม่เคยให้อะไรท่านเลย กะจะเอาให้ตั้งแต่วันเกิดของท่าน แต่เรื่องมันก็วุ่นวายไปหมด นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายเดือน น่าอายชะมัดแหะ”ว่าไปก็เกาหัวแบบเขินๆไป   

“คือ มันอาจจะไม่มีราคาอะไรมากมาย แต่หวังว่าท่านจะรับไว้นะครับ”ผมพูดพร้อมกับยิ้ม ท่านอัยการสิ้นฟ้ายิ้มตอบเล็กน้อย ก่อนจะเอามือมาขยี้ หัวผม ก่อนจะยกแขนขึ้นมองดูกำไลข้อมือที่ผมใส่ให้

“ฉันชอบมันนะ”

.
.
.

“และก็ขอบใจ...เต็มสิบของฉัน”


ท่านก็เป็น อัยการสิ้นฟ้า ของผมเหมือนกัน...





“เดี๋ยวนี้นั่งเหม่อแล้วเอาปากกาเคาะโต๊ะ บ่อยเกินไปนะ พี่อยากรู้ว่าสิ้นฟ้าคิดอะไรอยู่?”เพชรถามขึ้น เมื่อสังเกต มาได้สักพัก สิ้นฟ้าชะงักเหมือนพึ่งรู้ตัว ก่อนจะหันมามองคนที่ถาม

“เสียงดัง รู้สึกรำคาญเหรอ?” เสียงเคาะปากกากับโต๊ะมันไม่ได้ดังจนน่ารำคาญอะไรเพราะมันเป็นการเคาะเบาๆเป็นจังหวะคล้ายกับเข็มบอกวินาทีของนาฬิกา ถ้าไม่สังเกตก็แทบไม่ได้ยินหรอก แต่ช่วงนี้มันบ่อยเกินไป จนอดแปลกใจไม่ได้เท่านั้นเอง

“ไม่ครับ ไม่ได้รู้สึกรำคาญ”

“อืม คิดอะไรนิดหน่อย...แล้วเผลอไปน่ะ ถ้าเสียงดังเกินไปก็บอกนะ”

“ตีสามแล้ว พี่ว่าฟ้าควรจะวางปากกาแล้วเข้านอน”

“นายก็ควรวางปากกา แล้วก็เข้านอนเหมือนกัน”

“แปลกดีนะ ขนาดนั่งตรงข้ามกันอยู่ด้วยกันตรงหน้าแท้ๆ จะพูดคุยกัน ยังนับประโยคได้เลย”ทนายเพชรว่าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ตอนนี้โต๊ะกลางโซฟาของห้อง กลายเป็นที่ทำงานประจำของพวกเขา

“นายมีงานต้องทำ ฉันก็มีงานที่จะต้องทำ ได้นั่งทำงานใกล้ฉันขนาดนี้ น่าจะเป็นโชคดีของนาย อีกอย่าง ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนายด้วย”

“พี่ควรเจ็บปวด กับคำพูดของฟ้าไหมเนี่ย?”

“ไม่มีใครทำให้นายเจ็บปวดได้เท่าฉันแล้วล่ะ”

“เป็นคำพูดที่ไม่มีความซึ้งเอาซะเลย...ว่าแต่ กำไลนั่น ของเต็มสิบเหรอ?”ว่าพร้อมกับมองไปที่ข้อมือของคนตรงหน้า

“อืม...”

“ถ้าไม่ได้รักเขา แล้วไปให้ความหวังเขา มันไม่ดีนะ”ทนายเพชรว่า พร้อมกับยิ้มมุมปาก นัยน์ตาคมสีนิลหันมามองคนพูด

“ฉันไม่ได้ให้ความหวัง และฉันคิดว่า ตอนนี้เต็มสิบก็ไม่ได้หวังอะไรจากฉันด้วย”

“ก็ไม่แน่นะ”

“พี่เพชร!”

“ตอนนี้พี่คิดว่าฟ้ามีเรื่องที่ต้องคิดมากแล้ว เพราะฉะนั้นพี่จะไม่เอาเรื่องมาให้ฟ้าคิดเพิ่ม ไปนอนกันเถอะ” ว่าพลางวางปากกา ปิดแฟ้ม เก็บเอกสาร แล้วเดินเข้าห้องนอนไป

“คือ นี่งอน ใช่มะ!”สิ้นฟ้าตะโกนถาม

“ผมไม่ได้งอนคุณเลย จริงๆนะ”เสียงตะโกนตอบหลับมา

“...ไอ้บ้า...”ว่ากับตัวเองเบาๆก่อนที่จะรีบวางปากกา เก็บเอกสาร แล้วเดินเข้าห้องนอนไป


“เพชร!”เรียกครั้งที่หนึ่งไม่หัน เอาผ้าห่มคลุมโปง แกล้งหลับ

 สิ้นฟ้าเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของเตียง ที่มีร่างของกาฝาก ของห้องนอนอยู่

“พี่เพชร”เสียงเรียบนิ่ง เริ่มกดต่ำ มือกอดอก ยืนมองคนที่ทำเป็นไม่สนใจเขาอยู่ “เต็มสิบ ก็น้องนะ รับของจากน้องมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่”ยืนเกาหัวเล็กน้อยด้วยความ งง เขาคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจริงๆนะ

 “อีกอย่าง ก็ไม่ได้คิดอะไรกับเต็มสิบ เกินกว่าน้องอยู่แล้ว ฉันจะไม่ถอดออก หรือเก็บไว้เฉยๆโดยไม่เอามาใส่หรอกนะ พี่เพชรก็จะมาบังคับฟ้าให้ไม่ใส่ไม่ได้ด้วย เต็มสิบเป็นน้องของฟ้านะ”

“แล้วพี่ล่ะเป็นอะไร?”อยู่ดีๆก็ลุกขึ้นนั่ง แล้วคว้าข้อมือของคนที่ยืนอยู่ เล่นเอาคนอย่างสิ้นฟ้าผงะถอยหลัง นิดหน่อย

“...”

“ฟ้าตอบได้ไหม?”

“...”

“ขอคำตอบแบบหักธงเลยก็ได้ ไม่ต้องอ้างมาตรา ฎีกา หลักกฎหมาย ไม่ต้องวินิจฉัย อะไรทั้งสิ้น ใช้ความรู้สึกแบบคนทั่วไปตอบก็พอ”

“...”

“พี่เป็นอะไรสำหรับฟ้า?”คำถามของเพชรทำให้ร่างสูงโปร่ง ตรงหน้าอ้ำอึ้งไป พร้อมกับหลบตาขมวดคิ้ว อย่างคนใช้ความคิด เพชรไม่ได้อยากเร่งรัดอะไรมากมายกับสิ้นฟ้า แต่เขาก็อยากทำอะไรให้มันชัดเจน ถ้าปล่อยให้คนตรงหน้าหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เสียที แล้วยังคงให้อิสระลอยไปลอยมาอยู่อย่างนี้  เกรงว่า เขานี่ล่ะ จะเป็นคนที่หมดความอดทนเสียก่อน และไม่อยากทดสอบความอดทนของตัวเองด้วย

“มันไม่มีธงคำตอบ สำหรับเรื่องความรักหรอกนะ”สิ้นฟ้าหันมาสบตาเพชร ก่อนจะเอ่ยออกมา เผลอกำมือของตัวเองแน่น

“...”

“แต่...”

“...?...”

“เป็นแฟนกันไหมพี่เพชร?”

เป็นคำถามของฟ้าที่ทำให้เขาต้องยิ้ม และอดแปลกใจไม่ได้ เพราะสิ้นฟ้าเป็นฝ่ายถามเขาก่อน ถึงท่าทางจะยังดูสับสน กับสิ่งที่ตัวเองได้ถามออกมา ความมั่นใจช่างดูแตกต่างกับตอนที่ถามค้านพยานในชั้นศาล แต่นั่นล่ะ เขาเข้าใจเพราะว่า คนตรงหน้าเป็นสิ้นฟ้า

 “ธงคำตอบของพี่ คือ ตกลก...แล้วฟ้าล่ะจะเป็นแฟนกับพี่ไหม?”

“อืม...ตกลง”

เพียงแค่พริบตาเดียว สิ้นฟ้าที่ยืนอยู่ก็ถูกทนายเพชรดึงเข้าไปจูบ เอาจริงๆมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่จูบกัน แต่มันก็ไม่ได้บ่อยนักที่จะได้จูบ เพราะแทบจะทุกครั้งที่เพชรจะแตะต้องตัวสิ้นฟ้าในเชิงนี้ ถ้าไม่แอบเนียน เพชรจะขออนุญาตก่อนเสมอ ไม่ได้ให้เกียรติ ไม่ได้กลัว แต่เกรงใจ แต่วันนี้ขอล้ำเส้นหน่อยเหอะ รู้ตัวอีกทีหลังของสิ้นฟ้าก็จมไปกับความนุ่มของที่นอนแล้ว ทั้งที่ริมฝีปากของทั้งสองยังไม่ได้ผละห่างออกจากกัน

“อื้อ...”เสียงประท้วงจากคนข้างล่างที่จมไปกับที่นอน พร้อมกับการทุบหลังคนที่ตัวใหญ่กว่า ทำให้ทนายเพชรผละออกและเว้นจังหวะ ให้อัยการที่ติดหอบตอนนี้ มีโอกาสได้หายใจ แต่ก็ไม่ได้เว้นระยะห่างออกไปไกลมาก เพราะปลายจมูกยังคงสัมผัสรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกัน ท่ามกลางห้องนอนที่เปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่เย็นจัดอยู่

นัยน์ตาคมกริบของสิ้นฟ้ามองทนายเพชรอย่างเคืองๆนิดหน่อย เพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัว  แต่ก่อนที่จะได้อ้าปากพูดอะไร ริมฝีปากก็ถูกประกบจูบอีกรอบ ราวกับเพชรต้องการจะบ่งบอกว่า เขาต้องการสิ้นฟ้าอย่างไม่มีสิ้นสุด

รัก...รักมานานแล้ว และยังคงรักเสมอ

มันเหมือนกับฝันของเขาด้วยซ้ำ

ผละออกมาเพื่อมองหน้าสิ้นฟ้าอีกรอบ เจ้าตัวหลับตา ใบหน้าขาวๆของสิ้นฟ้าเริ่มติดจะแดงโดยเฉพาะแก้ม รวมถึงช่วงลำคอและใบหู และเขาคิดว่า ทั้งตัวขาวๆของสิ้นฟ้าก็คงจะแดงระเรื่อ อมชมพูไม่ต่างกัน

“นี่ ลืมตา ก่อนสิ”นัยน์ตาคมกริบ ค่อยๆเปิดขึ้น เพื่อมองหน้าทนายเพชร แต่ก็ต้องเอียงหน้ารีบหลบสายตาทันที เพราะทนสบตาผู้ชายตรงหน้าได้ไม่นาน มีหวังเขาอาจจะได้ระเบิดตัวเองก่อนแน่ แต่นั่นเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้คนอย่างทนายเพชร เพราะเจ้าตัวกดจมูกลงบนแก้มเพื่อสูดความหอมของคนที่หันหน้าหนีทันที ก่อนจะลากริมฝีปากและจมูกไปตามแก้ม ใบหู และกดจูบลงที่ลำคอขาว

“อ๊ะ...”สิ้นฟ้าเผลอร้องขึ้นเมื่อรู้สึกแรงดูดเม้ม และกัดที่ลำคอ และมือหนาที่เริ่มสอดเข้ามาในเสื้อของตน ค่อยๆลูบไล้ผิวเนียนละเอียดภายใต้เสื้อผ้า เจ้าตัวสะดุ้งจนต้องรีบหันหน้ากลับมามองทนายเพชร

 แต่เมื่อเห็นใบหน้านั่น...

รักมากเลยอย่างงั้นเหรอ?

สิ้นฟ้าอดที่จะถามตัวเองในใจไม่ได้ นัยน์ตานั่นแสดงออกอย่างชัดเจนกับเขา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีการโกหก หรือเล่นตุกติกอะไร

สายตาของเพชร...บอกอย่างนั้น

สิ้นฟ้ายกมือขึ้นไปวางทาบที่แก้ม ก่อนจะไล่ปลายนิ้วไปสัมผัสตามโคลงหน้า เปลือกตา สันจมูก ริมฝีปาก ราวกับกำลังเก็บรายละเอียด

“ซนจริง”ทนายเพชรว่า ก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากของคนที่อยู่ใต้ร่าง บดเบียด นุ่มนวลแต่แฝงความร้อนแรงและลึกซึ้งอีกรอบ มือพลันลูบไล้ไปตามร่างกายของคนที่วินาทีนี้ ตกเป็นรอง ปล่อยให้เพชรสัมผัสและสำรวจร่างกายทุกสัดส่วนโดยไม่ขัดขืน
และเพียงแค่ปล่อยให้ไปตามอารมณ์ของคนสองคน



“ชีวิต ดี๊ดี มีอัยการเป็นแฟน”

“รู้สึกคึกเกินไปนะ”เต็มสิบ มองแรง! ผมถูกนัดให้มาช่วยงานทางฝั่งทนายเพชรครับ ก็คดีของน้องสาวท่านอัยการอะแหละ ซึ่งอยู่ในช่วงรอคำพิพากษาคดีอาญาของศาลชั้นต้นอยู่ แต่ก็ต้องเตรียมตัวไว้ ว่าถ้ามีคำพิพากษาออกมา ทางฝั่งโจทก์อาจจะมีการอุทธรณ์ก็ได้  ไหนจะเรื่องจัดสรรเงินเยียวยาบางส่วน ให้แก่ผู้เสียหายก่อนอีก ส่วนทางแพ่งศาลให้รอมีคำพิพากษาของคดีอาญาจนถึงที่สุดก่อนจึงจะมีการพิจารณาทางแพ่งต่อซึ่งทางโจทก์เรียกค่าสินไหมทดแทนมา 120 ล้าน ซึ่งทางแพ่ง ทนายเพชร คงจะลงเป็นแมตซ์ทนายไฝท์ สู้กับอาจารย์ของตัวเองแน่ๆ

แล้วอะไรคือการที่ผมต้องมานั่ง ฟัง คนอวดแฟน!

“ฮึ...ฮึ”

“หนูเบื่อ! หนูอยากไปหาท่านอัยการ!”

“ถามจริงตอนนี้รู้สึกยังไง?”

อืม...รู้สึกเจ็บไหมที่อยู่ดีๆทนายเพชรมาบอกว่า เขาตกลงคบกันกับท่านอัยการแล้ว  มันก็ไม่เจ็บเท่าเมื่อก่อนแล้วนะ แต่ถามว่ายังรักไหม ก็ยังรู้สึกรักเหมือนเดิม และอาจจะมากขึ้นด้วย ไม่สิ รู้สึกรักมากขึ้นจริงๆ ตลก ที่ทนายเพชรมาถามว่า รู้สึกยังไงแบบตรงๆมากกว่า

“ก็แค่รู้สึกรักมากขึ้น”

“รักไม่ได้หวังอะไร?”

“เป็นไปไม่ได้หรอกที่ไม่หวัง”

“แล้ว...?”

“แต่ถ้าเขามีความสุข เอาจริงๆก็ไม่คิดจะแย่งเขามาหรอก”

“เต็มสิบ...เธอนี่เป็นผู้ใหญ่กว่าที่ฉันคิดนะ”ทนายเพชรว่า

“วันไหนที่พวกคุณเลิกกัน ผมก็คงจะดีใจอ่ะ”

“ก็คงไม่ใช่เร็วๆนี้ และอาจจะไม่มีวันนั้น”

“ฮึ...ถ้าคุณมั่นใจ คุณคงไม่ใช้คำว่า ก็คง อาจจะ นั่นแสดงว่าคุณก็เผื่อโอกาสที่จะเลิกกัน”ผมพูดพลางยิ้มที่มุมปาก ทนายเพชรมองมาที่ผม ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ฉันไม่ได้ใจกว้างเหมือนเธอเต็มสิบ แต่ฉันคือทนายเพชร ที่ฉันใช้คำว่า ก็คง หรืออาจจะ นั่นคือฉันกะทุกอย่างเผื่อพลาดเสมอ แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่มีแผนสำรอง แม้แต่เรื่องความรักก็ตาม”ว่ามา พร้อมกับส่งยิ้มให้ผม

“ทนายเพชร คนน่าหมั่นไส้” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ



เหมือนเวลาผ่านไปรวดเร็ว ผมก็ต้องมาส่งท่านอัยการขึ้นเครื่อง แม้จะเป็นการบินภายในประเทศ แต่ที่ๆท่านอัยการสิ้นฟ้ากำลังจะไปก็ไกลจากที่นี่ พอสมควร

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เดี๋ยวค่อยตามไปก็ได้นี่”

“อีกตั้งสามอาทิตย์แน่ะ”น้ำตาจะไหลครับ ขอทำหน้าอ้อนท่านอัยการหน่อยเหอะ

“ตั้งใจเรียน ตั้งใจสอบ อีกไม่นานก็จะจบล่ะ พอถึงตอนนั้น อยากจะทำงานกับฉันเมื่อไหร่ก็ได้...ฝากเต็มสิบด้วยล่ะ”พูดกับผมเสร็จก็หันไปบอกทนายเพชร

“ฟ้าก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย เดี๋ยวพี่โทรหา หรือถ้าถึงแล้วก็โทรมาหาพี่ด้วย”

“ตอนลงเครื่องในเขตเมือง หรืออยู่ที่สำนักงานอัยการจังหวัดก็อาจจะได้โทร แต่ไม่รู้ว่าพื้นที่ ที่จะเข้าไปตรวจสอบ จะมีสัญญาณโทรศัพท์ไหม อาจติดต่อกันลำบากหน่อย เอาเป็นว่าจะพยายามติดต่อมาแล้วกัน”

“พี่ก็จะติดต่อหาฟ้าบ่อยๆนะ”

“งั้นแล้วค่อยเจอกัน”ท่านอัยการเอามือมาขยี้หัวผม พร้อมกับยิ้มให้ ก่อนจะหันหลังเดินห่างออกไป



“เลิกทำหน้าหมาหง๋อย มองตามแฟนคนอื่นได้ล่ะ”
.
.
.
 ทนายเพชร คนน่าหมั่นไส้  ครั้งที่สอง







...


นักกฎหมายจะเรียกคำตอบว่า ธง
เรียกย่อหน้า ว่า วรรค
เรียกบทว่า บรรพ
นั่นคือที่มาของตอนนี้ และเต็มสิบก็ยังคงเป็นเต็มสิบ
อนุญาตให้เขวี้ยง หม้อ ไห กะละมัง ถ้วย ชาม มีด ปืน หรือ ระเบิดได้
กราบสวัสดีและขออภัย หลังจากที่หายไปเป็นเดือนด้วยการงานและหน้าที่มากมาย
มาต่อแล้วน้าาาา จะมีคนรออยู่ไหมน่อ?
บอกเลยที่หายไปส่วนหนึ่ง เพราะบทนี้แก้หลายรอบมาก
กว่าจะพอใจและคิดว่าลงตัวแล้วถึงเอามาลงได้ ฮา~~
มีอะไรผิดพลาดต้องขออภัย สะกิดได้ และขอบคุณที่ติดตาม นะครับผม >>>>>see ya
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 0.5 ธงคำตอบ 01/06/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 01-06-2015 01:04:38
บ๊ายบายนะคะคนเขียน  เจอกันเรื่องหน้า
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 0.5 ธงคำตอบ 01/06/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 01-06-2015 01:25:24
แต่งเกางอ่านเพลินมากๆ เลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 0.5 ธงคำตอบ 01/06/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 07-06-2015 21:42:42
เต็มสิบจะคู่กับสิ้นฟ้าได้ยังไง บทไม่ส่งเลย
เต็มสิบไม่เหมือนตัวเอกในความรู้สึกเรา เหมือนตัวปลากรอบที่คอยเล่าเรื่องมากกว่า
นึกถึงในหนัง ตัวละครที่อยู่ในเหตุการณ์มาเขียนเล่าเรื่องสิ้นฟ้ามากกว่า
ไม่เหมือนตัวละครที่เขียนเรื่องราวที่ตัวเองเป็นพระเอก(ตัวอย่างที่เล่าเรื่องตัวเองคือ บิลโบ ในเดอะฮอบบิท)
สำหรับเรา 'โลก' หมุนรอบสิ้นฟ้า แต่เต็มสิบเป็นคนบรรยาย มันแปลกๆ
เราไม่ถือเรื่องเนื้อหากฎหมายต่างๆ เพราะคนเขียนบอกเองว่าไม่ใช่ประเทศไทย
แต่เรารู้สึกว่าด้านความรักนี่ไม่ไหวเลย มันไม่สื่อถึงโอกาสของเต็มสิบอ่ะ
ยังไงๆทนายเพชรก็ทำแต้มนำไปหมดแล้ว ขณะที่เต็มสิบไม่ถูกมองในแบบนั้นเลย
เราไม่รู้สึกถึงการลุ้นพระเอกอ่ะ เราคิดว่าทนายเพชรไปแล้ว เต็มสิบไม่เรียลเลย อย่างที่บอก บทมันไม่ส่ง
เลยทำให้เราอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่คนเขียนจะสื่อได้เต็มที่
ถ้ายังไงอยากให้บทของตัวละครทุกตัวหนักแน่นกว่านี้หน่อยอ่ะค่ะ
ที่อ่านตอนนี้มันหม่นๆ อึนๆ ในที่นี้ไม่ใช่ที่เนื้อหาหม่น แต่ว่าความรู้สึกของคนอ่านอ่ะค่ะ
มันตัดสินคู่จริง แต่มันก็ไม่อินพอที่จะมองตัวละครทุกตัวให้อยู่ในมุมมองที่เท่ากันได้น่ะค่ะ
อยากให้ลองปรับจริงๆก็แค่ที่ความแน่นของบทน่ะค่ะ
เพราะถ้าบทไม่ส่งมันจะพลอยทำให้พล็อตเบาไปเลย อ่านแล้วหงุดหงิดตัวเอง 555
ส่วนเนื้อหาโดยรวมถือว่าโอเคแล้ว เพราะเราไม่ได้เข้ามาเพื่ออ่านประมวลกฎหมาย
 มีแค่ด้านความสัมพันธ์ตัวละครนี้ล่ะที่ทำให้อ่านแล้วไม่โอ
ปล. ส่วนนึงที่มีความคิดเห็แบบนี้นเพราะชอบเต็มสิบมากๆนั่นแหละค่ะ อยากให้ดูตัวเอกกว่านี้
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 0.5 ธงคำตอบ 01/06/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 08-06-2015 09:42:10
ไม่เป็นไร แม้ ทนายเพชร จะเป็นแฟน ท่าย อัยการฟ้า

แต่เต็มสิบก็ มีสิทธฺรักต่อไปลูก

ทนายเพชร อยาก เป็น สามี พี่ฟ้า ก็ปล่อยเขา

ส่วนหนูเต็มสิบ นะอยากได้พี่ฟ้าเป็นสามี มันก็ เรื่องของหนู

ทนายเพชรก็ไม่มีสิทธห้าม เพราะหนูยังไม่ห้ามพี่ฟ้าไม่ให้คบกับทนายเพชรเลยโน๊ะ

เต็มสิบสู้ๆ อยากเป็นเมีย พี่ฟ้า ต้องไม่ยอมถอย ลุงเพชร ทำอะไรหนูไม่ได้หรอก หนูน่ารักขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 0.5 ธงคำตอบ 01/06/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2015 11:54:30
ไม่เป็นไรหรอกเต็มสิบ เขาเป็นแฟนกันก็ดูเหมาะดีน่ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 0.5 ธงคำตอบ 01/06/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: New_Tai ที่ 08-06-2015 12:22:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ผมรัก...อัยการ (คดีที่ 0.5 ธงคำตอบ 01/06/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 12-06-2015 17:42:47
หนูสิบแมนมาก รอเสียบ พี่เพชรอย่าเผอนะ
หัวข้อ: Re: InLaw (คดีที่ 9 ลมสงบ 30/07/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 30-07-2015 23:51:12
คดีที่ 9
ลมสงบ

สีน้ำเงินมันเป็นสีที่สวยนะ ผมคิดว่าอย่างนั้น เวลามองมันทีไรผมก็นึกถึงท่านอัยการของผมตลอด ท่านอัยการสิ้นฟ้าเป็นคนที่จะเลือกอะไร ก็จะตั้งเอาสีน้ำเงินเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ผนังห้อง ผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม ปลอกหมอน ตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้า รองเท้าแตะ และของใช้อีกหลายอย่างส่วนมากล้วนเป็นโทนสีน้ำเงินเพียงแต่มันจะออกเป็นน้ำเงินเฉดไหนเท่านั้นเอง ตั้งแต่น้ำเงินอ่อนจนถึงน้ำเงินเข้มจนเป็นสีกรมคล้ายกับสีดำ ต้องบอกว่าท่านชอบหมดขอให้เป็นสีน้ำเงินก็พอ

และตอนนี้ผมก็กำลังมองดอกไม้

 ดอกไอริส...สีน้ำเงิน

และดูเหมือนผมจะจ้องนานจนเกินไป จนพนักงานร้านดอกไม้มองหน้า ก่อนจะเดินยิ้มเข้ามาหาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส

“ไอริสสีน้ำเงิน เป็นไอริสกลุ่มไอริสน้ำค่ะ ในประเทศเราค่อนข้างหายาก และสีน้ำเงินจัดแบบนี้ถึงแม้จะอยู่ในกลุ่มไอริสน้ำยิ่งหายากยิ่งกว่า เพราะส่วนใหญ่ไอริสกลุ่มนี้จะออกไปทางสีม่วงค่ะ”

“เป็นสีที่พิเศษจริงๆสินะครับ”ผมเอ่ยกับตัวเองเบาๆ

“คะ?”

“เปล่าไม่มีอะไรครับ”ผมพูดแค่นั้น ก่อนจะกล่าวขอบคุณแล้วเดินหนีออกมา เพราะผมไม่ได้คิดที่จะซื้อดอกไม้อยู่แล้วผมเดินเอื่อยๆ อย่างเหมือนคนไม่มีอะไรทำมาจนถึงป้ายรถเมล์หน้าสำนักงานอัยการ ตึกสีขาวแสดงความยิ่งใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านโดดเด่นเฉกเช่นเดิม เหมือนทุกๆวัน

มันก็ยังทำให้ผมนึกถึงท่านอัยการ

ผมชอบคนแบบท่านอัยการสิ้นฟ้า ท่านไม่ใช่คนดีเลิศเลอ เพอร์เฟ็คแบบพระเอกในละคร นิยาย หรือเทวดามาจากไหน แต่ท่านทำให้ผมรู้สึกว่าท่านเป็นคนปกติทั่วไปที่มีด้านที่แย่และเข้าใจได้ยาก ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้มองท่าน ทั้งที่หลายๆครั้งผมก็ไม่รู้เลยว่าท่านกำลังคิดอะไรและกำลังจะทำอะไร แต่ความสนุกความที่อยากค้นหา ความหลงใหล ในสิ่งที่เขาทำมันกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างหยุดไม่ได้

นี่ผมมาถึงจุดนี้ได้ยังไง...จุดที่เอาแต่พร่ำเพ้อถึงท่านอัยการสิ้นฟ้า

ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ไม่ติดต่อกลับมาเลย และถ้าถามผมว่า แล้วทำไมผมถึงไม่ติดต่อกลับไป มันเป็นคำสั่งครับและมีผลบังคับใช้กับทนายเพชรด้วย ท่านอัยการโทรมาครั้งสุดท้ายก็ตอนที่ถึงที่นั่น โทรมารายงานว่าถึงอย่างปลอดภัยดี แล้วอยู่ๆก็มีคำสั่งว่าห้ามติดต่อไป โดยไม่ให้เหตุผลอะไร แล้วก็ตัดสายไปเลย

ช่างเป็นคนที่ เอาแต่ใจสุดๆ!

แต่พี่สารวัตร ก็บอกว่า ท่านอัยการสิ้นฟ้าปลอดภัยดี เพราะพี่สารวัตรก็ติดต่อกับเพื่อนที่เป็นตำรวจทางนั้นถามถึงความคืบหน้า และความเป็นอยู่ของท่านอัยการอยู่เรื่อยๆ อย่างลับๆ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับท่านอัยการสิ้นฟ้า ทางนั้นก็จะติดต่อมาทันที ให้สบายใจได้ หายห่วง

จะว่าไปช่วงหลังๆมานี้ผมว่าท่านอัยการดูแปลกๆไป ดูเหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา หลายครั้งผมเห็นท่านเหม่อเผลอเคาะปากกากับโต๊ะ มองออกไปข้างนอกหน้าต่างมั่ง ผมล่ะอยากรู้ว่าจุดหมายที่ท่านมองอยู่มันคืออะไร บางครั้งก็น่าเป็นห่วง ถึงช่วงนี้ใบหน้าของท่านจะประดับยิ้มบ่อยๆก็เหอะ อาจจะบ่อยกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นยิ้มที่เหมือนซ่อนอะไรเอาไว้

ท่านกำลังคิดอะไรอยู่นะ...ผมล่ะอยากรู้จริงๆ

และท่านกำลังทำอะไรอยู่



.....................

“ไอ้หนู ขนของเสร็จแล้วก็อาบน้ำอาบท่า พักผ่อนนะลูก พ่อคุณเอ๋ย มาเที่ยวแท้ๆ ก็ไม่น่าจะต้องมาลำบากด้วยเลย”เสียงของชายวัยหกสิบกว่าเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเด็กหนุ่มรุ่นลูกช่วยงานตนขนผักตั้งแต่เช้าจรดเย็น หลังจากนั้นก็ช่วยเอาไปล้างเพื่อส่งขายให้กับพวกในเมืองที่เข้ามารับถึงหมู่บ้าน

“ไม่เป็นไรครับลุงอิ่ม เรื่องแค่นี้สบายมาก”เจ้าตัวเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มให้ ใบหน้าขาวติดเหงื่อไหลย้อย พร้อมกับคราบฝุ่นที่เลอะเปรอะเปื้อนหน้า อากาศที่นี่ใช่ว่าจะร้อนน้อยเสียเมื่อไหร่ อีกทั้งในช่วงหน้าแล้งนี้ก็แล้งเหลือเกิน ใบหน้าหล่อเหลาของสิ้นฟ้าติดเลอะฝุ่น เพราะตลอดช่วงทางที่ผ่านมาของหมู่บ้าน ก็ใช่ว่าจะเป็นถนนลาดยางเสียเมื่อไหร่ ฝุ่นฟุ้ง ปะทะหน้าปะทะเส้นผมดูมอมแมม ไปตามๆกัน  เมื่อช่วยลุงอิ่มเสร็จแล้ว เจ้าตัวก็บอกลาเดินไปตามทางของหมู่บ้าน เพื่อจะกลับไปยังบ้านพักของตน

หมู่บ้านที่เขามาอยู่เป็นหมู่บ้านที่ไม่ใหญ่มากนัก และค่อนข้างห่างไกลความเจริญพอสมควร แต่ที่นี่ก็มีน้ำมีไฟให้ใช้ถึงมันจะติดๆดับๆไปบ้างทั้งน้ำทั้งไฟจนบางวันต้องเดินไปอาบน้ำที่ลำธารที่ไหลมาจากแม่น้ำที่เป็นเขตกันชายแดนระหว่างประเทศ ถัดไปไม่ไกลประมาณไม่ถึง 10 กิโลเมตรเป็นเขตอนุรักษ์พันธ์พืชและสัตว์ป่าของกรมป่าไม้ จะบอกว่าหมู่บ้านที่นี่ทั้งติดเขตชายแดนทั้งติดเขาเลยก็ว่าได้ แต่ใช่ว่าอากาศจะดีเสียเมื่อไหร่ อย่างที่บอกพอเจอหน้าร้อนก็ร้อนจับใจจริงๆ ดีก็แต่มีที่ให้โดดน้ำเล่น แต่เขาก็ไม่กล้าไปเล่นบ่อยๆหรอก ยังรู้สึกเข็ดกับพวกแม่น้ำไม่หาย

“น้องฟ้าคนดีของพี่”

“...”แค่ได้ยินเสียงก็ปวดหัวล่ะ แต่ก็จำเป็นต้องยิ้มออกไป ทั้งๆใบหน้าที่เลอะฝุ่นและเหงื่อ

ร่างสูงบึกบึน ของหนุ่มหล่อประจำหมู่บ้าน ที่เจ้าตัวบอกว่าอย่างงั้น   เดินยิ้มละไม อวดใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในแบบที่คิดไปเองเดินเข้ามาหาน้องสิ้นฟ้าคนดีของตน  ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น เหมือนโดนกามเทพเอาศรมาปักที่หัวใจอะไรประมาณนั้น ซึ่งสิ้นฟ้าคิดว่า ไร้สาระสิ้นดี และไม่เคยนึกว่านอกจากเพชร จะมีผู้ชายคนไหนบ้ามาชอบเขาในเชิงชู้สาวอีก

“มีอะไรครับพี่เผือก”อัยการสิ้นฟ้าถาม

“อุ๊ย หน้าเลอะ มามา เดี๋ยวพี่เผือกเช็ดหน้าให้”ไม่ว่าเปล่า เผือกยังถอดผ้าขาวม้าที่คาดเอวของตัวเองออกมา แล้วกะจะเช็ดหน้าของคนตรงหน้า

“ไม่ต้อง ฉันเช็ดเอง!”เสียงเข้มดังขึ้น ก่อนที่ผ้าขนหนูชุบน้ำขาวสะอาด จะกระแทกเข้าหน้าของท่านอัยการสิ้นฟ้า พร้อมกับแรงถู แบบไม่ยั้งมือ ราวกับจะให้หนังหน้าลอกติดออกไปกับผ้าด้วย

“พอๆๆๆๆๆๆ เริ่ม เจ็บล่ะ”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะฉวยผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเอง จากคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“นี่ก็ยืนให้มันเต๊าะอยู่ได้ กูละเซ็ง”เสียงเข้มว่าเบาๆ ให้สิ้นฟ้าได้ยิน

“น้องเก่งนี่ละก็ขัดขวางพี่เผือกตลอด!”

“ผมว่าพี่เผือก กลับบ้านไปก่อนดีกว่า ให้พวกผมได้พักผ่อนกันมั่งอะไรมั่ง เห็นมะไอ้ฟ้าของพี่ หมดแรงจนตามันจะหลับทั้งยืนอยู่ล่ะ”

“ตามนั้นแหละพี่เผือก ขอขึ้นบ้านก่อนนะ”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะเดินหันหลังขึ้นบ้านที่ตัวเองเช่าอยู่ไป โดยไม่สนใจพี่เผือก ที่กำลังทำท่าจะโวยวาย

“ถ้าไอ้พี่เผือกยังวนเวียน เทียวมาหามึงอยู่บ่อยๆ กูว่าสักวันความต้องแตกแน่ๆ”ร่างสูงโปร่งของเก่งบ่นงุบงิบ ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วยุ่ง พร้อมกับมองไปยังเพื่อนอัยการอีกคน ที่เตรียมตัวลากสังขารตัวเองไปอาบน้ำ เก่งเป็นอัยการประจำเขตจังหวัดนี้ แล้วถูกส่งให้มาร่วมทีมกับอัยการที่มาจากสำนักงานอัยการสูงสุดอย่างสิ้นฟ้า ทีแรกก็ไม่สนิทกันหรอก ตอนนี้ก็ยังไม่สนิทกันสักเท่าไหร่มั้ง รู้แต่ก็พอที่จะอยู่ด้วยกันได้ ก็แอบขึ้นกูขึ้นมึงกันไปแล้วล่ะ

“ไม่ใช่ตัวปัญหาพอที่จะทำให้ความแตกหรอก”สิ้นฟ้าเอ่ยเสียงเรียบ “แล้วผู้หมวดภูล่ะ?”

“ไปนั่งตกปลาอยู่ท้ายหมู่บ้านนู่น ทำตัวสมกับเป็นนักท่องเที่ยวดี เย็นนี้คงได้กินปลากันล่ะ”เก่งว่าอย่างไม่แยแส ส่วนเรื่องจะได้กินปลาเป็นอาหารเย็นกันไหมนั่นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะตั้งแต่หมวดภูได้งานอดิเรกตกปลา เขาก็ยังไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติของปลาที่หมวดภูตกมาสักที

“อืม...”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะลากสังขารตัวเองเข้าห้องน้ำไป

“ปกติเป็นคนนิ่งๆแบบนี้เหรอว่ะ?”เก่งว่ากับตัวเองเบาๆพร้อมกับเกาหัวอย่าง งงๆ “...เออ ช่างมันเหอะ” เขาก็แค่รู้สึกว่าอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ชื่อว่าสิ้นฟ้าเป็นคนที่เหมือนเป็นมิตรแต่ก็เข้าหาได้ยากพอสมควร



บรรยากาศตอนกลางคืนของที่นี่ เหมาะจะชมดาวบนท้องฟ้า ร่างสูงโปร่งของสิ้นฟ้า จึงระเห็จหนีจากเตียงที่ทำจากแคร่แล้วเอาฟูกวางเป็นที่นอนในห้อง มาเป็นเสื่อผืนหมอนใบเอามาปูนอนชมดาวที่ริมระเบียงอย่างคนนอนไม่หลับ เพราะหลังจากกลับมาจากไปช่วยลุงอิ่มเขาก็เผลอนอนไปกว่าสามชั่วโมงแล้วตื่นขึ้นมา เพราะถูกปลุกเรียกกินข้าว พอทานข้าวเสร็จขึ้นมานอนต่อตอนนี้ก็ดันนอนไม่หลับซะงั้น

ข้างๆตัวมีสโนว์บอลของขวัญจากเพชรและโทรศัพท์มือถือที่ดับและเดี้ยงไปเปิดไม่ติดมาเกือบจะอาทิตย์ทั้งที่ก็เป็นเครื่องที่พึ่งซื้อมาใหม่ แต่เขาก็เอาติดตัวไว้ตลอดเผื่อมันจะมีอารมณ์ติดขึ้นมาให้เล่นเกมมั่งอะไรมั่ง หรืออาจจะได้ติดต่อใครได้บ้าง ไอ้ครั้นจะเอาเข้าเมืองเอาไปซ่อม ก็รู้สึกขี้เกียจ และก็ชักจะติดการใช้ชีวิตที่ไร้เทคโนโลยีแบบนี้ซะแล้ว

ในระหว่างที่นอนดูดาวสิ้นฟ้ายกมือขึ้นลากเส้นกลุ่มดาวตามวิชาดาราศาสตร์ ที่เคยได้เรียนมาสมัยมัธยมต้น  ก่อนสายตาจะสบเข้ากับสร้อยข้อมือสีเงิน ทำให้นึกถึงคนที่ให้เขามา

“เต็มสิบคงมองไม่เห็นดาวแบบนี้หรอก”ใช้ว่าในเมืองหลวงจะได้เห็นดวงดาวเต็มฟ้าอย่างนี้ เพราะที่นั่นสว่างเกินไป ถ้าเต็มสิบได้มาเห็นที่นี่ เจ้าตัวคงชอบ

สิ้นฟ้าหยิบสโนว์บอลพอดีมือขึ้นมาเทียบกันกับสร้อยข้อมือที่เขาสวมอยู่ ก่อนจะยิ้มมุมปากและเอ่ยออกมาเบาๆ

“ถึงตานายที่ต้องช่วยฉันอีกครั้งแล้วล่ะ ทนายเพชร”



.......................................

“วันนี้ก็ต้องมาขนผัก”เก่งบ่นออกมาอย่างเซ็งๆ ตั้งแต่เข้ามาปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวได้จะเกือบอาทิตย์ ทุกวันก็หมดเวลาไปกับการขนผัก ช่วยชาวบ้าน

“อึ จะได้หุบปาก”สิ้นฟ้าว่า ก่อนจะเอาอมยิ้มยัดเข้าปากเพื่อนอัยการของตัวเอง มีเพื่อนอย่างอัยการเก่ง ก็ทำให้เขาอดที่จะคิดถึงไอ้หมวดเพื่อนของเขาไม่ได้ เพราะสองคนพูดมากเหมือนกัน แตกต่างกับหมวดภู หนึ่งในลูกทีมอีกคนที่ถึงจะตัวใหญ่ แต่นิสัยดูพูดน้อย เรียบร้อย น่ารัก และชื่นชอบการตกปลา นี่ก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ถ้าไม่ไปตกปลาที่แม่น้ำหรือลำธารท้ายหมู่บ้าน ก็คงแอบไปปีนต้นไม้อยู่แถวๆนี้ล่ะ ชีวิตดี๊ดี อินดี้สุดๆ

“โอ้ย! มึงยัดมาเกรงใจฟันกูบ้าง หักไป ไม่มีเงินศัลยกรรมนะเว้ย แล้วนี่มึงอมยัง”

“อมล่ะ”

“เออ ดี อร่อยดี! กูไม่ให้คืนนะ”
สิ้นฟ้าเอาเท้าสะกิดเท้าเก่งเล็กน้อย ก่อนจะพยักเพยิดหน้าให้มองไปตามสายตาของตน ชายกลุ่มหนึ่ง เดินลงจากรถ ก่อนจะสังเกตมองไปโดยรอบของสวนผัก

ลุงอิ่ม เดินเข้าไปทักทายคนหนึ่งในนั้น ท่าทางจะรู้จักกันดี สิ้นฟ้ากระชับเข่งตะกร้าผักของตน ก่อนจะทำเป็นเดินเข้าไปหาลุงอิ่ม

“อ้าว ไอ้หนูมาพอดีเลยลูก มาๆๆ มานี่ก่อน มาทำความรู้จักกับพ่ออิฐ”ลุงอิ่มกวักมือเรียก ก่อนที่สิ้นฟ้าจะเดินไปถึง “ฟ้า นี่พ่ออิฐลูกชายกำนันเหม เป็นผู้มีพระคุณกับหมู่บ้านเรา หลายๆเรื่องในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค้าขาย ก็ได้พ่ออิฐจัดการให้เสียส่วนมาก ส่วนนี่พ่ออิฐ ไอ้หนูนี่ชื่อว่าฟ้า ส่วนนั่นก็เจ้าเก่ง มาเที่ยวที่นี่ ตอนนี้พักอยู่โฮมสเตย์ของหมู่บ้านแน่ะ”ใบหน้าคมเข้มของอิฐมองมาที่ทั้งสองคนนิดหน่อยก่อนจะยิ้มให้

“สวัสดีครับ”สิ้นฟ้าเอ่ย ก่อนที่เก่งจะเอ่ยตาม

“สวัสดี คิดยังไงอ่ะเราสองคนถึงมาเที่ยวที่นี่ได้ ?”อิฐพิจารณาทั้งสองคนตรงหน้า และคิดว่าอายุคงจะน้อยกว่าเขา น่าจะเป็นเด็กมหาวิทยาลัย จึงเลือกพูดจาเป็นกันเองมากขึ้น

“อยากมาหาความลำบากดูมั้งครับ”เก่งว่า “แล้วคุณอิฐ มารับผักเหรอครับ?”

“ออ ใช่”

“ผมมาอยู่ที่นี่ได้สักพัก ไม่เคยเห็นคุณอิฐเลย”

“ปกติให้คนอื่นมาน่ะ แต่วันนี้อยากเข้ามาเอง เพราะอยากมาดูสวนผักด้วย ไม่นึกว่าจะเจอนักท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยจะมีมาสักเท่าไหร่ ดีจัง”อิฐว่าพร้อมกับยิ้ม หันมามองสิ้นฟ้าที่เริ่มเอาอมยิ้มห่อใหม่ออกมาแกะ”แล้วพวกเราจะพักอยู่ที่นี่อีกนานไหม เผื่อพี่จะได้พาเที่ยว”

“โอ้ย อีกนานครับพี่ เผอิญปิดเทอม เบื่อๆไม่มีอะไรทำ หาเที่ยวดีกว่า”

“ดีเลย งั้นพี่จะได้มาที่นี่บ่อยๆ”

“ครับ”เก่งยิ้มดีใจ “งั้นพวกผมไปทำงานต่อก่อนดีกว่า กำลังงัดผักขึ้นมาจากดินเลย ปะฟ้า” แต่เมื่อหันหลังให้อิฐเจ้าตัวก็หุบยิ้มทันที

“บางครั้งมีคนพูดเก่งๆอยู่ใกล้มันก็สะดวกดี เพราะฉันไม่ต้องพูดอะไร”สิ้นฟ้าเปรย ในขณะที่เดินกลับไปยังแปลงผักที่ตนขุดค้างไว้

“จร้า จร้า แล้วเป็นยังไงมั่ง?”เก่งถามกลับมา

“เท่าที่ดูก็เสมือนเป็นคนดีจริงๆ”

“เสมือน?”

“ใช่เสมือน เพราะถ้าเป็นคนดีจริงๆตำรวจและพวกผู้ใหญ่ในองค์กร จะเรียกพวกเรามาช่วยจับตาดูทำไม”สิ้นฟ้าว่า

“อิฐ อิฐณัฐ ลูกชายกำนันเหม ผู้ต้องสงสัยค้าไม้เถื่อน และขนยาเสพติดข้ามชาติ อิทธิพลก็เหลือล้น เราจะสู้เขาได้เหรอวะถ้าหากเขาเป็นคนทำขึ้นมาจริงๆ พ่อฉันบอกว่าสู้กับอำนาจไม่ใช่เรื่องสนุก”

“แต่หน้านายก็กำลังสนุกอยู่นี่”



“หลังทำงานเหนื่อยๆได้จิ๊บโอเลี้ยงมองลูกสาวอาเจ็กสวยๆ ฟินอ่ะ”เก่งว่าขึ้น พลางทำสายตาม่อส่งไปให้อาหมวยประจำร้านโชห่วยที่ขายตั้งแต่กาแฟยันยารักษาโลกของหมู่บ้าน ซึ่งจะถูกหลักอนามัยไหมนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แถมวันดีคืนดีที่นี่ก็เปิดเป็นบ่อนการพนันเล็กๆให้พวกเขาเข้ามาเล่นเสียอีก

“ลื้อนี่น๊า อาเก่ง ม่อลูกสาวอั๊วได้ทุกวัน ถ้าไม่เอาขึ้นมานี่ อั๊วงอนนะ”อาเจ๊กเจ้าของร้านว่า

“อั๊วยังเรียนไม่จบเลยเจ๊ก ชีวิตนี้ก็เกาะป๊าม๊า กินอยู่เลย จะเอาปัญญาที่ไหนมาขอลูกสาวเจ๊ก”เก่งว่าขำๆ

“นี่อั๊วก็กะว่า อีเรียนจบม.หก ก็จะให้อีแต่งงานเลย”

“มหาวิทยาลัยล่ะเจ๊ก จะไม่ให้หมวยมันเรียนต่อเหรอ”

“บ้านอั๊วค้าขาย แค่มันบวกลบคูณหารเลขเป็น อั๊วก็โอเคแล้ว เด็กที่นี่ก็เรียนจบ ม.หกเท่านั้นล่ะ บางที จบแค่ม.สาม ก็มีผัวแล้วด้วยซ้ำ ว่าแต่ลื้อเป็นเด็กจากเมืองหลวงลื้อคงไม่เข้าใจล่ะสิ”

“แต่ผมว่าให้หมวยเรียนต่อมหาวิทยาลัยก็ดีนะเจ็ก มหาวิทยาลัยในตัวจังหวัดก็ได้ อย่างน้อยมีใบปริญญาติดตัวบ้างก็ดี เพราะมันก็เป็นสิ่งที่เบิกทางต่อไปในชีวิตได้หลายอย่างเลยนะ”สิ้นฟ้าว่า พลางมองไปทางอาหมวยที่ส่งยิ้มมาให้เขา

“ลื้อจะรู้อะไร ที่นี่มันบ้านนอกคอกนาจะตาย จะเอาใบปริญญามาหุงกินแทนข้าวได้หรือไงว่ะ ที่นี่ไม่มีใครเขาสนหรอกว่าจะจบปริญญาไหมหรือยังไง ทำมาหากินได้บนพื้นที่นี้ก็พอแล้ว”

“สังคมมันต่างกันว่ะฟ้า”เก่งหันมาพูดกับเขา

“แต่ถ้าวันหนึ่งที่นี่เปลี่ยนไปล่ะ การศึกษาเป็นรากฐานที่ดีที่สุดนะเจ๊ก เพราะ มันไม่มีอะไรคงเดิมเสมอไปหรอก”

“ลื้อนี่ คำพูดคำจาเกินเด็ก”เจ็กว่า

“คุยเรื่องเครียดๆ ม่อน้องหมวยต่อดีกว่า”เก่งว่า พลางขยิบตาให้หมวย จนหมวยอายม้วนตัวเขินหน้าแดง

“ไหนใครจะม่อน้องหมวยของกูว่ะ!”เก่งทำหน้าเอือม “นี่มึงอีกแล้วเหรอ!?”

“ก็กูแล้วไง?”เก่งว่า พร้อมกับหันไปมองผู้มาเยือนลูกชายผู้ใหญ่บ้าน ชื่อเข้ม แต่นิสัยไม่เข้มเหมือนชื่อ ทำตัวนักเลงน่ารำคาญ ในสายตาเก่ง

“อยากมีเรื่องเหรอวะ!”

“ก็เอาสิวะ”

“น้องฟ้าจะมีเรื่องเหรอจ๊ะ พี่เผือกมาช่วยแล้วจร้า!”สิ้นฟ้ามองไปทางต้นเสียง ก่อนจะเห็นร่างของเผือกวิ่งมาอย่างหอบ จนสิ้นฟ้าอดส่ายหน้าแล้วยิ้มน้อยๆไม่ได้

“ไม่ใช่ผม...เก่งต่างหากที่จะมีเรื่อง”

“โว๊ะ น้องเก่งกับไอ้เข้มอีกล่ะ ทะเลาะกันบ่อยๆเดี๋ยวลูกก็ดกหรอกแล้วจะหาว่าพี่เผือกไม่เตือน”

“ไอ้เผือก!”สองเสียงเรียกประสานกันดังลั่น

“เจ็กโอเลี้ยงแก้ว”เสียงนุ่มๆแบบเอื่อยๆของคนตัวใหญ่บุคลิก ไม่สนใจโลกเอ่ยขึ้นตัดเสียงรอบข้าง

“อ้าวอาภู กลับมาจากตกปลาแล้วเหรอ?”อาเจ็กถาม ไม่สนใจเก่งและเข้มที่กำลังเขม่นเผือกอยู่

“อืม...” ภู หรือหมวดภูตอบออกไปง่ายๆ ก่อนจะเดินมานั่งข้างสิ้นฟ้าที่ทำหน้าอึนๆ ก้มหน้าก้มตาวุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์มือถือ

“อ๊ะ”เสียงสื้นฟ้าร้องขึ้นเบาๆ ทำให้หมวดภูต้องหันสายตามามอง ก่อนจะเอ่ยถาม

“ใช้ได้แล้วเหรอ?”

“ไม่รู้สิ ตบสองสามทีอยู่ดีๆก็ติดขึ้นมา” แต่ถึงจะเปิดเครื่องติดก็เถอะ ใช่ว่าสัญญาณโทรศัพท์ในแถบนี้จะดีสักท่าไหร่ แต่ก็ยังพอมีบ้างให้ใช้งานได้

พอเปิดปุ๊ป ข้อความก็เข้ามาทันทีบ่งบอกว่าเคยมีการติดต่อเข้ามา ข้อความจากทนายเพชรเกือบร้อยข้อความ นี่ก็ว่างมากหรือไงไม่รู้ แสดงว่าผลบังคับใช้ที่บอกว่าไม่ให้ติดต่อมาจะบังคับใช้กับคนอย่างทนายเพชรไม่ได้ มีข้อความจากไอ้สารวัตรและหมอเพื่อนยากมาบ้างประปราย เขาก็ตอบกลับไป ส่วนคนที่ไม่มีข้อความมาหาหรือแม้แต่ข้อความเตือนว่าได้มีการโทรเข้า ก็คือเต็มสิบ ไม่รู้ว่าเด็กนั่นตั้งใจทำตามคำสั่งของเขาอย่างจริงจังเสียเหลือเกิน
เด็กนั่นจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูดมากเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

ตืด~ ตืด~ ตืด~

‘ท่านอัยการ!’

เสียงดังรอดมาตามสายหลังจากที่สิ้นฟ้าเผลอกดเบอร์โทรออกไปหาเจ้าตัว และคนอย่างเต็มสิบก็รับโทรศัพท์ของเขาอย่างรวดเร็ว เล่นเอาลืมว่าจะพูดอะไรเป็นคำแรกที่โทรไปหา

“เอ่อ...”

‘ห๊ะ!? เอ่อ คำเดียวนี่นะ! แล้วท่านอัยการเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ที่อยู่เป็นยังไง น้ำไฟเข้าถึงหรือเปล่า เป็นห่วงมากๆเลย ทำไมท่านไม่ติดต่อกลับมาบ้าง รู้ไหมว่าคิดถึงท่าน’

‘คิดถึงมากๆ’

นี่เขาเผลอทำเด็กร้องไห้หรือเปล่า?

“ฉันสบายดี แล้วนายล่ะ?”

‘ไม่ค่อยสบาย เพราะ รู้สึกคิดถึงท่านอัยการหนักมาก’

“ฮึ”เผลอหลุดหัวเราะและยิ้มออกไปเบาๆ

‘คอยดูเหอะ อย่าให้เจอตัวนะ จะเกาะติดหนึบท่านอัยการไม่ให้ห่างเลย!’

“ครับ”

‘นี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ กำลังนับวันรอเพื่อที่จะไปหาท่านอัยการอยู่เลย’สิ้นฟ้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ก่อนที่เต็มสิบจะพูดต่อ ‘แต่แค่ท่านอัยการโทรมาผมก็ดีใจล่ะ’

“แค่นี้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะโทรหาใหม่ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

‘อ๊ะ!’ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็ถูกท่านอัยการตัดสายทันที

“อยากรู้แหะ ว่าใครกันที่คนอย่างฟ้าเลือกโทรหาเป็นคนแรกหลังจากโทรศัพท์ใช้งานได้?”เก่งหลังจากที่หมดอารมณ์ทะเลาะกับเข้มไปนานแล้วหลังจากเห็นสิ้นฟ้าคุยโทรศัพท์อมยิ้มน้อยๆ ที่มันดูน่าสนใจกว่าก็เลยหันมาแซะสิ้นฟ้าแทน ส่วนเข้มก็หันไปนั่งกระดกโอเลี้ยงชนแก้วคุยกับหมวดภูเรื่องงานอดิเรกตกปลา แล้วมีการเสนอสอนวิธีตกปลายังไงให้ได้ปลา หลังจากหมวดภูไม่เคยตกได้สักครั้ง



............................

“นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เด็กนั่นทิ้งนายหรือยังไงกันหือพ่อหนุ่ม?”สตีเฟ่นถาม หลังจากที่เข้ามาเยี่ยมทนายความเพื่อนรักในสำนักงานทนายความเล็กๆกะทัดรัดดูมุ้งมิ้ง ที่มีทนายความประจำสำนักงานแค่สามคน แต่กวดไปทั่วสำนักงานก็พบกับแฟ้มงานที่แทบจะท่วมหัวฝรั่งตัวสูงๆอย่างเขา แสดงว่าสำนักงานนี้ก็ค่อนข้างขายดีเหมือนกัน แล้วนี่ เพื่อนทนายของเขา จะได้กลับไปทำงานประจำของตนเองเมื่อไหร่ ไอ้ที่ขอพักยาว ก็ไม่เห็นจะได้พักยาวจริงๆอย่างที่ปากบอก ซึ่งเขาก็เห็นว่าเพชรยังคงทำงานอยู่เลย กลัวไม่รวยหรือยังไงกัน

“ไม่ได้ทิ้ง”

“...?”

“แต่ก็ไม่ได้สนใจ”ทนายเพชรตอบ

“หมายความว่ายังไง?”

“ก็ มันอาจจะมีอะไรผิดพลาด...ละมั้ง”

“อย่ามาพูดคำว่าผิดพลาดด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ากะเอาไว้แล้วอย่างนั้นสิ ไหนว่าตกลงคบกันแล้วไง?”

“ก็...คบกันแล้ว แต่ก็รู้อยู่ว่าคนอย่างสิ้นฟ้า เป็นคนที่เดาใจยากถ้าไม่บอก มันก็คิดยากนะว่าเขาจะทำอะไรต่อไป”

“พูดเหมือนกับว่าเด็กนั่นร้ายกาจเกินที่นายจะรับมือไหวซะอย่างนั้น”

“นายยังรู้จักสิ้นฟ้าน้อยเกินไป ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่ถอยออกมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วหรอก”

“แล้วเด็กเต็มสิบล่ะ”

“เดินเข้ามานั่นแล้วไง”สตีเฟ่นหันไปมองข้างหลังทันที เมื่อเพชรพูดจบ


“งาย~~~หนุ่มน้อย” สตีเฟ่นทักผม เล่นเอาซะผมชะงักนิดหน่อย ก่อนจะกล่าวสวัสดีทักกลับไป พร้อมกับมองด้วยความสงสัยว่าสตีเฟ่นโผล่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเดินเข้าไปหาทนายเพชร ถามคำถามเหมือนเช่นทุกวัน

“วันนี้มีงานอะไรมั่ง”

“ไม่มีหรอก นั่งอ่านหนังสือสอบเถอะ”ทนายเพชรว่าพร้อมกับยิ้มให้ “มีเค้กอยู่ในตู้เย็นนะ”

“อย่าเอาขนมมาล่อน่า”ถึงผมจะพูดอย่างนั้น แต่ขานี่มันก็ก้าวเดินไปทางห้องครัวเล็กๆแล้วหาตู้เย็นพร้อมเปิดมันออกทันที โว้ว เค้กครีมคาราเมลล่ะ

ผมตัดเค้กออกสามชิ้น พร้อมชงกาแฟ จัดใส่จานแล้วเอาไปเสริฟให้สตีเฟ่น ทนายเพชรด้วย ส่วนพี่ทนายอีกสองคนประจำสำนักงานสงสัยยังไม่กลับเข้ามา เพราะที่ห้องตู้กระจกที่กั้นเอาไว้ มองเข้าไปก็ไม่เห็นมีใครอยู่

“แล้วจะเอายังไงกับไอ้หนูอัยการ?”แต่พอได้ยินเสียงแว่วดังมา ทำให้ผมชะงักเท้าที่จะเดินเข้าไปหา “เรื่องดอกไอริสสีน้ำเงินกบ 13 กบฏ ที่นายให้หาข้อมูลมาให้ มันก็ดูมีอะไรแปลกๆอยู่นะ”

“ปัญหาคือ ยัยเด็กสามขวบ”ทนายเพชรเงียบเสียงไปสักพัก ร่างสูงของทนายเพชรเดินเข้าไปเขียนบนไวท์บอร์ด ลากเส้น ระหว่าง เด็กสามขวบ และ Heavens fall. ขั้นกลางด้วยเครื่องหมายคำถาม

“ตอนนี้เด็กนั่น คือใคร?”ทนายเพชรถามขึ้นมาเบาๆ

“กาแฟ กับ เค้กครีมคาราเมล มาแล้วครับ”ผมตัดสินใจเปิดประตูเดินเข้าไป พร้อมกับวางเค้กไว้บนโต๊ะ เล่นเอาคนทั้งสองชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่ทนายเพชรจะยิ้มบาง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว แล้วเชิญให้สตีเฟ่นและผมกินเค้ก ก่อนจะคุยไปเรื่อยเปื่อย



เค้กครีมคาราเมลนี่อร่อยดีนะครับ ผมกะว่าหลังจากนี้จะลองหัดทำดูมั่ง






.......................................................

สวัสดีนิยายรายเดือน   :katai5:
อย่าโกรธกันนะ ที่นานๆทีเรื่องนี้จะมา แอบตัดชื่อเรื่องภาษาไทยออกอีก
เพราะเคยมีคนแนะนำให้เปลี่ยนชื่อเรื่องภาษาไทย
จะได้มีขอบเขตการบรรยายที่กว้างขึ้น ไม่รู้จะใช้ชื่ออะไร เลยตัดทิ้งเลย เหลือแค่ Inlaw
ส่วนเนื้อหาตอนนี้เป็นลมสงบ ก่อนจะมีคดีเล็กๆคดีหนึ่งในตอนที่สิ้นฟ้าอยู่ในป่าในเขา
และจะตัดเข้าคดีสุดท้ายของเรื่องเลย
ซึ่งเป็นดคีที่มีเกริ่นเอาไว้แล้วด้วยดอกไม้สีน้ำเงิน
จะจัดว่าเป็นคดีปิดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องละมั้งนะ :hao3:
ยิ่งท้ายเรื่องรายละเอียดยิ่งเยอะครับ จึงช้าหน่อย
เพราะต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องมันมีออกทะเลแล้วเราต้องไปเก็บกลับมาเข้าฝั่ง :katai4:

สุดท้ายขอขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และยังคงอ่านครับ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่ 9 ลมสงบ 30/07/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 31-07-2015 13:41:17
รอคะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่ 9 ลมสงบ 30/07/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 31-07-2015 17:55:30
อ่านมาตั้งแต่ต้น รู้สึกนอยซ์เหมือนกัน คิดว่าเต็มสิบจะเปนนายเอก พอหลังๆกับกลายมาเป็นสิ้นฟ้า เรารู้สึกรับไม่ได้อ่ะ ต้องขอโทษผู้แต่งด้วย  ที่จะต้องขอยุติการอ่านแค่เพียงเท่านี้
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่ 9 ลมสงบ 30/07/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 31-07-2015 22:26:40
สนุกมากๆ เลยค่า

มีเรื่องให้ติดตามตลอดเลย

เต็มสิบก็น่ารัก อย่างกับลูกหมาน้อย
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่ 9 ลมสงบ 30/07/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: dumpWINNY ที่ 01-08-2015 10:43:31
แงงงงง เราเพิ่งได้มาตามอ่าน ดีใจที่ตามทันแล้ว 5555 สนุกมากๆ ค่ะ คนเขียนเขียนออกมาได้ลื่นไหลมาก ผสมปมอะไรได้แบบน่าค้นหาจริงๆ มันเนียนอ่ะ แบบมันเกริ่นๆ แต่ไม่เปิดข้อมูลอะไร สนุกจริงๆ ค่ะ แถมยังหน่วงๆ ในเรื่องสามเส้าเราสามคนอีก แงง T_T ขอออกตัวว่าเราอยู่กองอวยเต็มสิบนะคะ รอวันที่อัยการฟ้าจะหันมามองหมาน้อยๆ ของเราบ้าง #สาปแช่งทนายเพชร  :katai1:

จะรอการอัพรายเดือนนะคะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes. 2/11/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 02-11-2015 02:58:56
คดีที่ 10
You got me smoking cigarettes.(1)

ท่านอัยการสิ้นฟ้ายังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ตรงริมระเบียงของคอนโดห้องนอน แสงแดดอ่อนส่องเข้ามาสาดส่องใบหน้าขาวที่กำลังก้มขีดเขียนอะไรบางอย่างบนสมุดวาดภาพ มุมปากยกยิ้มขึ้นหน่อยๆนั่นทำให้ผมยิ้มตาม และ...
ใจเต้นแรง
“ท่านครับ”ผมเรียกออกไปเบาๆท่านหันหน้ามามองก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน นั่นยิ่งทำให้...
หัวใจกระตุกอย่างแรง
จนผมแทบยกมือขึ้นมากุมที่บริเวณหน้าอกแทบไม่ทัน
ผมเดินเข้าไปหา...ผมรู้สึกว่าผมกำลังก้าวเดินนะ แต่...ระยะห่างของผมกับคนที่ส่งยิ้มมาให้ทำไมมันไม่ขยับขึ้นเลย
ท่านอัยการสิ้นฟ้ายกมือขึ้นมาทางผม ราวกับกำลังเชื้อเชิญให้เดินเข้าไป ผมเริ่มขมวดคิ้วและรู้สึกเหนื่อย
“ท่านครับ”ผมเรียกอีกครั้ง แต่แล้วนัยน์ตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เมื่อที่หน้าอกของท่านเริ่มมีบางสิ่งบางอย่างซึมออกมาเปื้อนเสื้อสีขาวที่ใส่อยู่
มันมีสีแดง?
ผมเริ่มรู้สึกหายใจติดขัดและเร่งเท้าเดินเข้าไปหาท่านอัยการเร็วขึ้น จากเดินเริ่มกลายเป็นวิ่ง

แต่ไม่เลยมันไม่ใกล้ขึ้นเลย

มือขาวที่ยื่นมาทางผมนั่นเอากลับไปกุมที่หน้าอกของตัวเอง สีหน้าที่ยิ้มกลายเป็นราบเรียบก้มมองที่หน้าอกของตัวเองที่มีมือกุมอยู่ ก่อนสายตานั่นจะหันกลับมามองผม
แววตาที่แสดงความสงสัย
ผมรู้สึกว่ามือของผมจับอะไรบางอย่างไว้อยู่ ผมก้มมองดูมือของตัวเอง ลำแขนทั้งสองข้างยื่นยาวออกไปข้างหน้า วัตถุสีดำอยู่ภายใต้สองอุ้งมือที่เกาะกุมไว้ นิ้วไม่รักดีของมือข้างหนึ่งสองเข้าไปในส่วนที่เรียกว่าไกของวัตถุชิ้นนั้น ทั้งมือและแขนเริ่มสั่น และตอนนี้เริ่มสั่นไปทั้งตัว
“ท่าน”ขนาดเสียงที่เปล่งออกไปยังสั่น
ผมไม่ได้ยินเสียงแต่สามารถอ่านปากของคนที่อยู่ริมระเบียงออก “ไม่เป็นไร”
“จะไม่เป็นไรได้ไงเล่า!”ผมตะโกนกลับไป
“ไม่เป็นไร”
พยายามเดินเข้าไปหา
“ให้ผมเข้าไป ให้ผมเข้าไปหาท่านเถอะ”
ฝันผมว่าตอนนี้ผมกำลังฝันอยู่แน่ๆผมไม่มีทางทำร้ายท่านอัยการสิ้นฟ้า แต่ผมก็กลัว ถึงจะเป็นแค่ฝันแต่ผมก็กลัว เจ็บและกลัวไปหมดแล้ว
“ไม่เป็นไร...”


ผมนั่งอยู่บนเตียงยกมือขึ้นมาเสยผมตัวเอง ฝันจริงๆด้วย
แต่ใจยังสั่นไม่หาย มองมือก็เห็นว่ามือตัวเองก็กำลังสั่น
ผมหยิบบุหรี่เดินออกไปนอกระเบียง ก่อนจะจุดไฟแล้วสูบ ผมไม่เคยบอกท่านอัยการว่าผมสูบบุหรี่ เวลาอยู่กับท่านผมไม่ได้แตะต้องมันเลยเพราะกลัวว่าไอ้พวกสารเสพติดเหล่านี้มันจะส่งผลไปถึงท่านอัยการสิ้นฟ้า เพราะเท่าที่สังเกตท่านไม่สูบบุหรี่
ผมไม่ได้ติด งั้นเหรอ? โธ่...อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น
ตอนนี้ผมรู้สึกทำตัวเองขัดกับภาพลักษณ์เด็กดีที่ผมสร้างต่อหน้าท่าน
 ตอนนี้เป็นเวลา สามนาฬิกาสามนาที ผมคงนอนต่อไปไม่ได้แล้ว
พอสูบบุหรี่เสร็จผมเดินเข้าห้อง เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คโซเชี่ยลตามประสา

‘มองขึ้นข้างบนอย่างน้อยก็ยังเห็นฟ้า’

สเตตัสของคนที่คุณก็รู้ว่าใครเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว คนกดไลค์เป็นหมื่นความเห็นเป็นหลายร้อยยิ่งกว่าพวกดารา
‘เพ้อเจ้อไหม?’ผมโพสแสดงความเห็น
‘แค่คิดถึงฟ้า’เจ้าตัวเขาตอบกลับมา พร้อมแท็กชื่อผม
‘คิดถึงฟ้าไหนคะ’
‘เผอิญชื่อฟ้าค่ะคุณทนาย’
‘เขาคิดถึงเมียเขาหรือเปล่า?’
‘อย่าดับฝันค่ะ’
‘คุณทนายยังไม่แต่งงานนิ่ แต่โสดหรือเปล่า?’
‘เราก็ชื่อฟ้าเราฟินนะ’
‘คนชื่อฟ้าเยอะ ไม่แท็กไม่ระบุตัว ไม่อยากมโนแต่ก็ขอมั่วว่าเขาบอกคิดถึงเรา’
‘คนชื่อฟ้าฟินไปดิ่’
หลากหลายความคิดเห็นแสดงเข้ามาสำหรับคนที่ยังไม่หลับไม่นอนทั้งหญิงและชาย ทนายเพชรยังไม่เคยประกาศผ่านโซเชียลว่าคบกับท่านอัยการอยู่ และผมก็คิดว่าคนอย่างทนายเพชรหรือท่านอัยการคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องประกาศให้โลกรู้มากมาย
ผมทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง รู้สึกสบายใจขึ้น ผมปิดแอพพลิเคชั่นสีฟ้ารูปตัวเอฟออกก่อนจะเข้าไปยัง อัลบั้มรูปแล้วเลือกรูปที่แอบถ่ายท่านอัยการจากข้างหลัง ซึ่งเห็นแค่แผนหลังในเสื้อยืดสีน้ำเงินตัดกับผิวขาวๆ ผมสีดำสนิท และมือเรียวที่กำลังอยู่ในท่านวดลำคอดูเท่และน่าค้นหาแม้จะเห็นเพียงแค่แผ่นหลังและมือเรียว ผมกดและแชร์ไปหน้าเฟสทันทีพร้อมแท็กคนบางคน ไลค์เร็วตามประสาจากฝั่งผม และกระแสไลค์จากฝั่งคนที่ผมแท็กไป
‘เห็นฟ้าจริงๆด้วย แต่ฟ้านี้ไหม? ถามใจทนายดู ~’
ตึ้ง~ตึ้ง เสียงเตือนดังขึ้นไม่หยุด จนผมต้องปิดการแจ้งเตือน
‘แผ่นหลังของใครอ่า~’
‘แค่ข้างหลังก็รู้ว่าหน้าตาดี’
‘น้องเต็มสิบโพสมาพอจะเดาออกว่าใคร’
‘เขาคือใครเจ้าของแผ่นหลังนี้ใครรู้สปอยหน่อย’

‘แผ่นหลังคุ้นคุ้นเหมือนเคยซบและดอมดม’อันนี้จากพี่สารวัตร คือยังไม่นอน หรือทำงานดึก?
‘จะกรี้ดก็เกรงใจสาวๆไม่อยากจะบอกว่าแผ่นหลังนี้น่ะของเพ่’พี่หมอ? สรุปพวกพี่แกเข้าเวร? ทำงานหรือไม่คิดจะนอนกัน
‘เต็มสิบไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้มีนัดไม่ใช่หรือไง?’
เสมือนโดนโกรธ ปิดๆๆๆๆดีกว่า



รู้สึกตื่นเต้น...

“วันนี้มีวิทยากรเป็นทนายรุ่นหนุ่มหล่อหน้าตาดี ชื่อดัง ในขณะนี้ จะมาให้ความรู้และประสบการณ์แก่ทุกท่าน ขอเชิญทนายเพชรครับ”
เสียงปรบมือดังลั่นห้องสโลปของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ก่อนที่ร่างสูงของทนายเพชรจะเดินออกมา ทนายเพชรได้บอกผมเอาไว้แล้วล่ะครับว่าวันนี้เขาจะมาเป็นแขกรับเชิญหรือเรียกให้ดูดีก็คือวิทยากรพิเศษ ซึ่งผมก็ได้ความอนุเคราะห์ให้ติดรถมาด้วย
“สวัสดีครับว่าที่ทนายความทุกท่าน เป็นเกียรติอย่างมากที่วันนี้ผมจะได้มาเล่าและพูดคุยกับทุกคนในฐานะวิทยากรพิเศษในการจัดการอบรมการสอบใบอนุญาติว่าความครั้งนี้ ชื่อจริงของผมเอาเป็นว่าเรียกผมว่าเพชร เฉยๆ ดีกว่า เพราะตอนนี้ไม่จำเป็นจะต้องรู้ชื่อจริงผมก็ได้ เว้นแต่พวกคุณทุกคนอยากจะจ้างผมในฐานะทนายความ เมื่อถึงเวลานั้นผมยินดีที่จะบอกชื่อจริงของผมให้พวกคุณได้ทราบ”เสียงคนในห้องหัวเราะนิดหน่อย
สงสัยล่ะสิว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน? วันนี้ผมมานั่งฟังการเรียนการสอนอบรมวิชาว่าความ ที่ทางสภาทนายความของประเทศได้จัดขึ้น ซึ่งก่อนการสอบใบอนุญาตว่าความภาคทฤษฎีจะมีการเรียนการสอนก่อนทุกปีเป็นเวลาเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่จะให้ทุกคนลงสนามสอบครับ
ซึ่งการสอบใบอนุญาตว่าความมีอยู่ 2 แบบครับ คือตั๋วรุ่นและตั๋วปี ซึ่งผมสมัครสอบตั๋วรุ่น มีประมาณสี่ด่าน คือจะต้องสอบผ่านภาคทฤษฎี พอผ่านแล้วก็จะต้องลงทะเบียนฝึกงานตามสำนักงานทนายความเป็นเวลา 6 เดือน ครบ 6 เดือนถึงจะมีสิทธิผ่านมาสอบภาคปฏิบัติ พอสอบภาคปฏิบัติผ่านด่านสุดท้ายก็สอบปากเปล่าครับ ส่วนตั๋วปีคือต้องฝึกงานมาก่อนเป็นเวลา 1 ปีแล้วถึงจะมีสิทธิมาลงสอบภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ และปากเปล่าครับ  แต่ไม่ว่าจะตั๋วรุ่นหรือตั๋วปีถ้าสอบผ่านอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมดก็ว่าความในชั้นศาลได้เหมือนๆกันครับ ซึ่งทั้งทนายเพชรและท่านอัยการฟาดมาทั้งสองตั๋วเลยครับ
วันนี้ผมได้ลองเข้ามานั่งเรียนเป็นวันแรก และเป็นวันสุดท้ายของการจัดการเรียนการสอนพอดี ผมไม่ได้ขี้เกียจมาเรียนนะครับแต่ผมติดสอบของทางมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นรายวิชาสุดท้ายสำหรับการจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี ซึ่งทางมหาวิทยาลัยของผมดีหน่อยที่ทางสภาทนายความรับรองให้ว่านักศึกษาที่ผ่านหลักสูตรวิชาว่าความของมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่สามารถขอใบรับรองจากทางมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะมาสมัครสอบใบอนุญาตว่าความได้ แม้ว่าจะยังไม่ได้รับใบปริญญาหรือใบรับรองจบการศึกษา ซึ่งผมสอบวิชาว่าความของมหาวิทยาลัยผ่านตั้งแต่ปีสามเทอมแรกแล้วเลยเหมือนติดปีกไฮสปีดหน่อย
ทนายเพชรบอกค่อนข้างอิจฉาผม ที่ได้จบเร็วและสอบเร็ว ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยของทนายเพชรกับท่านอัยการที่จบมา มีหลักสูตรกำหนดมาให้จบแบบสี่ปีเป๊ะๆวิชาว่าความถูกจัดเข้าไว้ในหลักสูตรปีสี่เทอมแรกกว่าเกรดจะออกก็เกือบหมดเทอมสอง แถมยังต้องรอเวลาการจัดสอบใบอนุญาตว่าความตั๋วรุ่นที่ปีหนึ่งมีสองครั้งอีก กว่าจะได้สอบก็ปิดเทอมของปีสี่เทอมสองพอดี แต่มหาวิทยาลัยของทนายเพชรกับท่านอัยการที่จบมาเป็นมหาวิทยาลัยกฎหมายอันดับหนึ่งของประเทศ ถึงจะมีสาขาวิชาอื่นให้เข้าเรียนแต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันที่สร้างนักกฎหมายโดยเฉพาะเป็นมหาวิทยาลัยกึ่งรัฐกึ่งเอกชนแห่งเดียวของประเทศ ที่ได้การรับรองจากสภาทนายความเหมือนกัน ในระหว่างรอจบพวกเขาก็ขอใบรับรองที่จะเข้าสอบใบอนุญาตว่าความได้ ผมว่าก็เจ๋งดีในอีกรูปแบบหนึ่งนะ หน่วยกิตและรายวิชาที่ต้องเก็บก็เยอะกว่ามหาวิทยาลัยที่ผมเรียนด้วย เรียนกฎหมายยิ่งได้รู้เยอะผมว่ายิ่งค่อนข้างได้เปรียบครับ เพราะกฎหมายเรียนสี่ปีไม่หมดครับ แต่จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดชีวิต เพราะกฎหมายถึงจะมีตัวบทและหลักวางไว้ แต่มันกลับไม่มีสูตรตายตัว
“มีอะไรสงสัยไหมครับ?”เสียงทนายเพชรดังเข้ามาในหัว ทำให้ผมรู้ว่าค่อนข้างเผลอเหม่อไปนานซะหน่อย จนถึงช่วงที่ทนายเพชรเปิดโอกาสให้ถาม
“เวลาเขียนข้อสอบใช้น้ำยาลบคำผิดได้ไหมครับ?”มีผู้ชายคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
“ผมแนะนำว่าถ้าเขียนผิดให้ขีดฆ่าเพียงเส้นเดียวแล้วเขียนต่อเลยครับไม่จำเป็นจะต้องใช้น้ำยาลบคำผิด”ทนายเพชรยิ้มพร้อมกับให้คำตอบ
“ขีดฆ่าแล้วต้องเซ็นลายเซ็นกำกับไหมคะ?”
“ไม่จำเป็นครับ”
“คือพอสอบผ่านภาคทฤษฎีแล้วมันต้องไปฝึกงานหกเดือนใช่ไหมครับ? บางคน และอาจจะหลายคนคือไม่ได้ไปฝึกงานจริงๆแต่เขามีทนายความที่รู้จักเซ็นให้แล้วมีสิทธิมาเข้าสอบภาคปฏิบัติ อย่างนี้คนที่ไปฝึกงานมาจริงๆจะไม่เสียเปรียบเหรอครับ?”เด็กผู้ชายใส่แว่นรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมยกมือขึ้นถาม
“แล้วเขาไม่ได้ไปฝึกงานจริงๆคิดว่าเขาจะสอบผ่านเหรอครับ? ถ้าคุณไม่ไปฝึกมาจริงๆคุณก็ต้องอ่านให้ได้มากยิ่งกว่าคนไปฝึกที่เขาได้มาจากประสบการณ์จริงในการทำงานมา แต่โดยส่วนมากอาจารย์ท่านดูออกครับว่าได้ไปฝึกมาจริงๆไหม ถ้าคิดจะไม่ไปฝึกผมอยากให้ระวังตรงนี้ไว้ด้วย อย่างเช่นถ้าคุณบอกว่าคุณได้ไปฝึกที่สำนักงาน xx ได้เดินทางไปที่ศาล ss ท่านอาจารย์อาจจะถามก็ได้ว่าขั้นบันไดขึ้นศาล ss มีกี่ขั้นหรือฝาผนังในห้องน้ำของศาลมีสีอะไร หรือในห้องน้ำศาลssมีชักโครกจำนวนเท่าไหร่ก็เป็นได้ ถ้าคุณเคยไปก็น่าพอจะตอบได้บ้างนะครับ” หวังว่าหลังจากนี้คงไม่มีใครบ้าจี้ไปนับชักโครกในศาลหรอกนะ ผมพอจะดูออกว่าทนายเพชรกำลังพูดเล่น
“คือผมสอบมาสิบกว่าครั้งแล้วครับไม่ผ่านสักที อยากให้ช่วยออกข้อสอบให้ง่ายกว่านี้หน่อยได้ไหม? หรือไม่ก็ทำแบบเป็นเก็บคะแนนไปก็ได้ เหมือนตอนเรียนมัธยมไรงี้ แบบนี้มันยากเกินไปนะครับผมว่า” ทนายเพชรนิ่งเงียบแต่ยังคงส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ก่อนจะพูดออกมา
“ผมไม่ใช่คนออกข้อสอบนะ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการออกข้อสอบด้วยผมขอบอกไว้ตรงนี้ก่อน”ทนายเพชรยิ้ม ๆก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย แล้วเอ่ยต่อ“แต่ผมเชื่อว่าสภาทนายความไม่ปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆหรอกสำหรับคนที่มีความสามารถไม่เพียงพอ  รุ่นผมก็มีโอดครวญเยอะเหมือนกันว่าข้อสอบมันยากแต่มันยากจริงเหรอ?หรือว่าเราไม่ตั้งใจเอง ใบอนุญาตว่าความมันเป็นใบประกอบวิชาชีพ ว่าความได้ทั้งในและนอกประเทศ บ่งบอกว่าคุณคือทนายความ เขาไม่ปล่อยให้คุณออกไปว่าความที่อื่นโดยไม่มีคุณภาพหรอก ไม่ว่าจะสอบกี่ครั้งใช้เวลาอีกกี่สิบปีไม่ผ่านก็คือไม่ผ่านคุณแค่ต้องไปฝึกฝนใหม่นั่นคือทางแก้ปัญหา ไม่ใช่การลดคุณภาพข้อสอบลงให้มันง่ายขึ้น นั่นมันแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ต้นเหตุคือพวกคุณต้องพยายามขึ้น...นะครับ อย่าดูถูกตัวเองโดยการร้องขอจะเอาแบบมัธยมเลย พวกคุณน่าจะมีความสามารถมากกว่านั้น”
ค่อนข้างสะอึกกับรอยยิ้มและคำพูดนิ่มๆนั่นๆ ผมว่าเอารองเท้ามาฝาดหน้าตรงๆยังดีซะกว่า
“ทุกท่านที่มานั่งอยู่ตรงนี้ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณทุกคนคิดเห็นเช่นไรเกี่ยวกับอาชีพทนายความ บางคนอาจจะมาสอบโดยไม่ได้มีใจรักในอาชีพนี้ซึ่งอาจจะมี และ...ผมเชื่อว่ามี บางคนอาจจะมาเพียงแค่สอบเพื่อเอาใบประกอบวิชาชีพไปประดับไว้ที่บ้าน เข้ามาสอบ สอบๆไปไว้เถอะเผื่อได้” ทนายเพชรพูดอมยิ้มเล็กน้อย ใช้สายตามองกวาดไปทั่วห้อง ดูน่าเชื่อถือและมันทำให้ทุกคนในห้องแห่งนี้เงียบและตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาพูด ราวกับถูกมนตร์สะกด “นักกฎหมายเป็นอาชีพที่ถูกมองว่าร้ายและเห็นแก่เงินสามารถเอาเงินปิดปาก หรือสั่งได้เสมอ อีกทั้งในละครหรือในภาพยนตร์ ซีรี่ย์ นิยายส่วนมากก็ชอบสร้างภาพลักษณ์ให้นักกฎหมายดูร้าย แต่ผมเชื่อว่านักกฎหมายหลายๆคนหรือ ทนายความหลายๆท่าน ก็มีศักดิ์ศรีในฐานะทนายความหรือนักกฎหมาย ไม่ได้เห็นแก่เงินไปทั้งหมดหรอกครับแต่มันขึ้นอยู่กับจะช่วยหรือไม่ช่วย จะเลือกทำหรือไม่ทำเสียมากกว่า ถ้าพวกท่านสอบผ่านได้ใบอนุญาตว่าความท่านก็จะมีสิทธิเลือกเหมือนกัน เลือกที่จะเป็นทนายความหรือนักกฎหมายแบบไหน สิ่งที่ท่านทำผลของมันจะดีจะร้ายก็ตกอยู่แก่ตัวท่านเอง แต่ไม่ว่าจะมาด้วยจุดมุ่งหมายอะไร ผมก็อยากให้ทุกท่านซึ่งอีกไม่กี่วันจะได้ลงสนามสอบขอให้ทำให้ดีที่สุด เต็มที่ที่สุด ผมเชื่อว่าทุกคนมีความรู้ความสามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์และให้คำนึงไว้เสมอว่า...ค่าสมัครสอบตั๋วทนายแพงมาก...ถ้าไม่อยากเสียเงินสมัครสอบอีกรอบ รีบสอบให้ผ่านนะครับ ขอบคุณครับ”
“...”
ยิ้มหล่อๆแล้วเดินลงเวทีจากไป ก่อนที่จะมีเสียงปรบมือจากทุกคนในห้องตามมา
“ให้พักเบรก 10 นาทีนะครับ ช่วงต่อไปเราจะได้พบกับท่านวิทยากรพิเศษ ที่จะมาเล่าประสบการณ์การเป็นอัยการและให้ความรู้ในเรื่องของเทคนิคต่างๆในคดีอาญาในฐานะอัยการครับ”
หลายๆคนเริ่มเดินออกไปพักส่วนผมนั่งกับที่อยากจะพักสายตาสักหน่อย ก่อนที่จะเริ่มในช่วงต่อไป ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนมีใครมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆผม ผมหันไปมองนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับมาพักสายตาเช่นเดิม
“ทีแรกก็เสมือนจะดูดีนะ แต่อย่าเล่นมุกเลยครับทีหลังผมว่ามันไม่เหมาะกับทนายเพชร นักกฎหมายสายบันเทิงให้ผมกับท่านอัยการก็พอ”ผมพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“ก็เห็นทำหน้าตาเครียดๆกันฉันเลยลองหยอดมุกไปบ้าง”ทนายเพชรตอบกลับมา “ไม่ตลกเหรอ?”
“หล่อแล้วอย่ามาตลกครับ เว้นไว้ให้พวกผมมั่ง”
“แล้วได้ความรู้อะไรมั่งไหม?”
“สาระล้วนๆ”ผมพูดพร้อมกับยื่นสมุดจดเลคเชอร์สีดำของผมไปให้ทนายเพชรเปิดดู
“ทนายเพชรแอบส่งสายตาให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่แถวห้าเก้าอี้สามหนึ่งครั้ง แถวสองเก้าอี้เจ็ดสามครั้ง แถวเจ็ดเก้าอี้หก หลายรอบจนนับไม่ทัน ต้องฟ้องท่านอัยการ พร้อมกับมีรูปไอ้แว่นหน้าตาน่าเกลียดนี่ใคร?”ทนายเพชรอ่านเลคเชอร์ผม พร้อมกับหันมาถาม ออ ผมลืมบอกไปว่าทนายเพชรใส่แว่นครับวันนี้ ซึ่งปกติก็ใส่นะ แต่เป็นจำพวกใส่แว่นประเภทสองคือใส่แต่เฉพาะเวลาทำงาน
“อันที่มีสาระไม่อ่าน เลือกดูอะไรก็ไม่รู้!”ผมแย่งสมุดกลับมาคืน
“เห็นแล้วล่ะว่าตั้งใจจดแค่ไหน และมีเหม่อบ้างเป็นบางทีนะ เหม่อได้แต่ห้ามคิดถึงแฟนคนอื่นเขาล่ะ”
“ไม่มีกฎหมายห้ามนี่ครับ ทนายเพชรฟ้องร้องผมเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”ผมว่าพร้อมกับหันไปยักคิ้วใส่ทนายเพชร
“เด็กบ้าเอ้ย”ว่าพร้อมหัวเราะน้อยแล้วเอามือมาดีดหน้าผากผม
“เอ่อ ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ?”มีผู้หญิงสามคนเดินเข้ามาหาทนายเพชร
“ออ ได้ครับ”ทนายเพชรยิ้มให้ก่อนที่จะไปยื่นไปหุ่นให้ถ่ายรูปด้วย คนดังก็เงี๊ยะ น่ารำคาญ!
“เอ่อ แล้วน้องคนนั้น”มีผู้หญิงคนหนึ่งสังเกตเห็นผมเลยหันมาถาม
“อ๋อ ลูกชายผมเองครับ”ทนายเพชรตอบ ผมไม่อึ้งหรอกครับเพราะไปไหนช่วงหลังๆถ้ามีผู้หญิงเข้าหา ทนายเพชรก็ใช้ผมเป็นไม้กันอย่างนี้ตลอด ทนายเพชรอายุประมาณ 32  ผม 20 นี่ไม่ได้หมายความว่าพี่ท่านมีลูกตั้งแต่อายุ 12 เหรอวะ!?
“ลูกชาย?”
“ครับ วันนี้อย่างที่เห็นผมมาเป็นวิทยากรพิเศษเลยหนีบเอาลูกชายมาด้วย เพราะลงสอบปีนี้”
“ออ มีภรรยาแล้วเหรอคะ?ลูกโตขนาดนี้เชียว คุณยังดูหนุ่มๆอยู่เลย นึกว่าโสดเสียอีก...”
“ครับ มีแล้ว น่ารักมาก เป็นอัยการครับ”
“โห งี้ลูกก็ตามพ่อกับแม่เลยสิคะ”
“ก็ประมาณนั้นครับ”ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนคุณเธอและเพื่อนๆจะขอตัวเดินจากไป สักพักก็มีคนมาขอถ่ายรูปกับทนายเพชรเรื่อยๆจนผมอดเบ้ปากไม่ได้

กว่าทนายเพชรจะยืนเป็นหุ่นให้ถ่ายรูปเสร็จก็กินเวลาไปเกือบสิบนาที จนต้องขอตัวมานั่งก่อนเพราะช่วงต่อไปของการอบรมวิชาว่าความกำลังจะเริ่มแล้ว
“วิทยากรท่านต่อไปของเราได้ชื่อว่าเป็นนางฟ้าของสำนักงานอัยการสูงสุดเลยครับ ขอเชิญท่านครับท่านอัยการวารีริน นิติธาราพัฒน์ ครับ”
เมื่อหลังจากเสียงประกาศจบผมกับทนายเพชรก็ยืดตัวตรงทันทีอย่างไม่ได้นัดหมาย แต่สะดุดหูเข้ากับตำแหน่งงานและสถานที่ทำงาน ผมไม่ได้เช็ครายชื่อวิทยากรหรืออาจารย์ที่มาให้ความรู้เสียด้วยสิและทนายเพชรก็อาจจะไม่ทราบมาก่อน
ร่างเล็กที่คาดว่าไม่น่าจะสูงเกินร้อยหกสิบอยู่ในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มสวมทับด้วยสูทสีดำสนิทขัดกับสีผิวที่ขาวราวกับกระดาษก้าวเดินขึ้นมาบนเวที ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่ารับกับใบหน้าสะสวยได้อย่างเหมาะเจาะและเหมาะสมกับคำว่านางฟ้าของสำนักงานอัยการ โดยเฉพาะนัยน์ตาที่มันดูดึงดูดน่าค้นหา ร้อยยิ้มบางๆ และโดยรวมดูสวยราวกับตุ๊กตากระเบื้องจริงๆ แต่ความรู้สึกผมคือไม่อยากเข้าใกล้ ผมก็แปลกใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้เช่นกัน
ลางสังหรณ์มันร้องบอกว่า อันตราย
แต่ผมคิดว่ามันน่าจะปกติคนสวยแต่ร้ายมีให้เห็นถมไป ผู้หญิงคนนี้สวยมากและเป็นถึงอัยการ ผมว่าเธอคงไม่ธรรมดาสักเท่าไหร่หรอก
โดยเฉพาะในมือขวาของเธอถือดอกไอริสสีน้ำเงินเช่นเดียวกันกับสีเดรสของเธอเอง

“นั่งฟังท่านอัยการวารีรินพูดเพลินเลยนะครับ สวยล่ะสิ”ผมถามทนายเพชรที่นั่งอยู่ข้างๆผมยันจบการให้ความรู้ของท่านอัยการหญิงสาวสวย
“ฉันว่าน่ารักมากกว่า”ทนายเพชรตอบ
“มีส่วนคล้ายกันกับท่านอัยการสิ้นฟ้านะครับ ออร่ารอบตัว สีผิว การพูด แต่...ผมว่าท่านอัยการของผมดูน่าเข้าหามากกว่าเยอะ”
“ฟ้าไม่เคยพูดถึง แต่...ช่างมันเหอะ”ทนายเพชรพูดแต่หน้านิ่งเรียบแสดงว่าสมองต่องกำลังคิดอะไรอยู่
“โธ่...ใครเขาจะเล่าเรื่องที่ทำงานให้ฟังทุกอย่างกันละครับ”

เราเดินออกมาข้างนอกตัวอาคารเตรียมจะกลับกันแล้วครับตอนนี้ ผู้เข้าอบรมวิชาว่าความทุกๆท่านเริ่มทยอยออกมา เแต่ก็ยังมีบางส่วนเดินเข้ามาหาทนายเพชร และเหล่าอาจารย์เพื่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อสงสัย ผมที่ยืนอยู่ข้างทนายเพชรก็เลยได้ความรู้ไปด้วย เพราะบางทีตัวเราก็นึกไม่ออกหรอกครับว่าจะถามอะไร? แต่พอได้ฟังคำถามที่สงสัยจากหลายๆคน มันก็อาจทำให้เรารู้ละเอียดมากยิ่งขึ้น
ทำไมรู้สึกว่าช่วงนี้สาระล้วนๆ?
ติ้ง~ เสียงไลน์ผมดังน่าจะเป็นฟรังไลน์มาเพราะเจ้าตัวไม่ได้มาอบรมด้วยแต่ก็ต้องการแนวข้อสอบ ผมล้วงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาก่อนจะเดินหลบออกมานิดหน่อย แล้วก้มจิ้มโทรศัพท์ตอบไลน์ โดยไม่ได้สังเกตรอบข้าง

เพล้ง!

“เต็มสิบระวัง!”เสียงทนายเพชรตะโกนดังเข้ามา ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงอ้อมกอดและแรงกดที่หัวให้ซบกับหน้าอกแกร่ง

ตึ้ง!
กรี้ด!
เสียงกระแทกอย่างแรงตามมาไม่ไกลจากที่ผมยืนอยู่ พร้อมกับเสียงของผู้หญิงบางคนที่อยู่บริเวณโดยรอบเผลอร้องออกมา เมื่อผ่านไปสักพักทนายเพชรจึงคลายอ้อมกอดออกจากผม ผมจึงได้หันไปมองรอบๆตัว
เศษกระจกร่วงอยู่รอบตัวผมเป็นจำนวนมากทั้งมีขนาดแผ่นที่พอประมาณที่จะสร้างบาดแผลให้ได้ ของเหลวสีแดงไหลตามพื้นจนมาจรดที่ปลายเท้าผมก่อนที่ผมจะค่อยๆไล่สายตาไปมอง
ร่างของหญิงสาวในชุดเสื้อสีขาวกระโปรงดำในแบบเครื่องแบบของผู้เข้ามาฝึกอบรมวิชาว่าความนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นศรีษะส่วนหนึ่งแตกออกพร้อมกับรูปแขนและขาผิดรูปบ่งบอกถึงการตกกระแทกอย่างแรงและเสียชีวิตทันที
ความวุ่นวายโดยรอบเริ่มเกิดขึ้น ท่านอาจารย์หลายๆท่านเริ่มกันคนออกนอกพื้นที่พร้อมแจ้งกู้ภัยและตำรวจ ส่วนผมวิ่งตามทนายเพชรเข้าไปยังตัวตึกจุดมุ่งหมายคือชั้นที่หญิงสาวตกลงมา
“เต็มสิบไปที่ลิฟท์ เดี๋ยวฉันขึ้นบันไดไปเอง ส่วนพี่บันไดหนีไฟนะครับ”ทนายเพชรหันมาสั่งผมและท่านอาจารย์อีกท่านที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับทนายเพชรที่วิ่งตามเข้ามาด้วย
ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมอาคารนี้จะถูกปิดเพราะสภาทนายความขอใช้พื้นที่ในตึกนี้จึงไม่มีนักศึกษาเข้ามาวุ่นวายในส่วนนี้มาก ผมไม่มั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นถูกผลักลงมาหรือตกลงมาเอง แต่ทนายเพชรก็สั่งเผื่อกรณีแรกไว้แล้วกันบุคคลที่น่าสงสัยที่จะหนีลงมาเพื่อออกนอกอาคาร อาคารนี้เป็นอาคารสิบห้าชั้น อาคารออกแบบมาเป็นอาคารที่ใช้สำหรับการจัดการประชุมหรือการอบรมการเรียนการสอนในคลาสที่มีนักศึกษาจำนวนมาก และผู้มาอบรมทั้งอาจารย์เริ่มทยอยกลับกันแล้วจึงไม่น่าจะตรวจสอบคนที่หลงเหลืออยู่ในอาคารไม่ยากเท่าไหร่ และโดยส่วนมากก็อยู่ที่ชั้นสองซึ่งเป็นสถานที่จัดอบรมกัน แต่ผู้หญิงคนนั้นตกลงมาจากชั้นสิบห้า...
ผมกดลิฟท์และรอให้ลิฟท์เคลื่อนตัวลงมาครับ ลิฟท์มันค้างไว้อยู่ที่ชั้นสอง ก่อนจะเคลื่อนตัวลงมา
“อาจารย์”ผมร้องขึ้นมาเบาๆเมื่อลิฟท์เปิดออกแล้วเห็นท่านอัยการวารีรินอยู่ข้างใน เธอทำหน้างงๆนิดหน่อยก่อนจะยิ้มบางๆมาให้
“ไม่กลับบ้านเหรอคะ?”
“เอ่อ ผมจะไปที่ชั้นสิบห้าผมนัดพี่ไว้ที่นั่นอ่ะครับ คือเกิดเรื่องนิดหน่อย แหะแหะ”ผมว่าแอบเขิน ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟท์และเริ่มแปลกใจว่าเธอทำไมไม่เดินออกมาเพราะนี่มันชั้นหนึ่งและเธอน่าจะเดินกลับ จนกระทั่งลิฟต์ปิด
“อาจารย์ไม่กลับบ้านเหรอครับ?”
“แปลกนะทำไมเธอถึงนัดกับพี่ไว้ที่ชั้นสิบห้า พี่ของเธอเป็นอาจารย์ของที่นี่เหรอ แต่ช่วงนี้ทางสภาทนายความขอใช้สถานที่ถ้าเป็นอาจารย์ของทางมหาวิทยาลัยไม่น่าจะเข้ามาทำธุระอะไรที่นี่”
“เออ เปล่าครับเป็นทนาย”
“ทนายเพชร? ฉันเห็นเขานั่งข้างเธอตอนที่ฉันขึ้นไปบรรยาย รู้สึกว่าเขาเป็นลูกคนเดียวนะ.แล้วพี่เธอที่เป็นทนายนัดขึ้นไปทำอะไรที่ชั้นสิบห้า?”ผมชะงักนิดหน่อย “น่าจะเป็นธุระสำคัญ สีหน้าของเธอดูรีบร้อนบวกกับมีความกังวลทางสายตา”รู้สึกกดดันภายในลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปเรื่อยๆ “เหงื่อที่มือเธอกำลังรู้สึกตื่นเต้นกับอะไรบางอย่างอยู่ เพราะฉันเหรอ? คิดว่าไม่น่าจะใช่ เธอน่าจะประสบพบเจออะไรบางอย่างมา รองเท้าของเธอมีรอยเลือดนะ”ผมก้มมองลงดูทันที “เสื้อของเธอมีเศษกระจกชิ้นเล็ก”ท่านอัยการวารีรินว่าพร้อมกับเอื้อมมาจับเศษกระจกชิ้นเล็กนิดเดียวแบบสังเกตได้ยากออกจากไหล่ผม
“ที่ชั้นสิบห้ามีอะไรงั้นเหรอ?”เธอปิดท้ายด้วยคำถามก่อนประตูลิฟท์จะเปิดออกที่ชั้นสิบห้า “นำไปสิ” เธอสั่ง ผมต้องยอมจำนนอย่างช่วยไม่ได้
 ผมบอกแล้วว่าท่านอัยการวารีรินมีส่วนคล้ายท่านอัยการสิ้นฟ้า ถามหน่อยเป็นญาติกันป่ะ?



 :ling3: หายไปนาน ข้อแก้ตัวคือติดงานครับ
เค้าขอโทษ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes. 2/11/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-11-2015 13:01:03
 :mew1:
มาแล้วววววววว

ดีใจที่มานะ คิดถึงเพชรเต็มฟ้า หืม?

เข้มข้นจริงๆ
ผู้หญิงคนนี้ฉลากมากเลยนะ สังเกตุถี่ถ้วนด้วย

ยังไงต่อเนี่ย ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes. 2/11/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-11-2015 20:24:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes. 2/11/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 29-11-2015 02:23:46
อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนี้คือ ยัยเด็กสามขวบคนนั้น เปิดตัวมาแหกโค้งมากๆ  :ruready
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes. 2/11/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-11-2015 01:48:05
ความสงสัยจุกอก
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes.(2) 7/12/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 07-12-2015 22:45:33
คดีที่ 10
You got me smoking cigarettes.(2)

ผมว่าคุณเบื่อพวกเรื่องสืบสวนสอบสวน กฎหมายหรือชีวิตของพวกนักกฎหมายล่ะ ใช่ ผมก็เบื่อ ใครอยากจะเอาเรื่องเครียดเข้าสู่สมองกัน นอกจากจะเครียดมาจากเรื่องเรียน เรื่องทำงาน  เครียดที่จะต้องดำเนินชีวิตในแต่ละวันแล้ว ใครอยากจะมาเสพอะไรที่มีแต่ศพ ทริก ปริศนา ความซับซ้อน พวกตัวหนังสือ หรือเรื่องราวของพวกที่ถูกขนานนามว่า พวกยุงใส่สูท แค่ได้ยิน…ผมก็นึกอยากสูบบุหรี่แล้ว

ผมแนะนำให้คุณก็แค่ทำๆเหมือนคนทั่วๆไปที่อ่านกฎหมายยังไม่ได้พอบรรพ หรือ บทหนึ่ง หรือบางครั้งอาจไม่ได้อ่านเลยสักมาตราหรือสักฎีกา  ก็ไปวิจารณ์ว่ากฎหมายแม่งอ่อน กระบวนการยุติธรรมประเทศนี้แม่งเหี้ยแม่งเลว  นักกฎหมายแม่งชั่วช้า สารเลวกันทั้งนั้น กฎหมายใช้ได้เฉพาะกับคนจน ล้าหลัง ก็แล้วแต่จะวิจารณ์กันไป พวกคุณก็ทำแค่นั้น นั่นล่ะคือสิ่งที่คนทั่วๆไปทำ

หรือถ้าอยากให้พิเศษขึ้นมาหน่อยก็ออกมารณรงค์เรียกร้อง อธิเช่น ข่มขืน=ประหาร ผมว่าการเรียกร้องถึงสิทธิที่พึงได้มันก็ดีนะแต่เรื่องบางเรื่องคุณควรต้องมีความรู้มาก่อน หรือบางคดีศาลตัดสินโทษประหารออกข่าว แต่ พวกคุณก็บอกว่ามันไม่โดนประหารจริงๆหรอก แน่จริงก็ให้ศาลกำหนดวันประหารเลยสิ! เอาตัดสินวันนี้ประหารพรุ่งนี้เลยได้ไหม? ก็อาจจะจริงของคุณ... แต่เพราะหน้าที่ของศาลสิ้นสุดก็แค่ตัดสิน ไม่ได้มีหน้าที่จำจี้จำไชว่าต้องประหารพรุ่งนี้นะวันนี้นะ หรือวันไหนๆ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเหล่าผู้พิพากษาก็คงดูกระเหี้ยนกระหือรืออยากปลิดชีวิตคนๆหนึ่งมากเกินไป ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นนักโทษก็ตาม มันเป็นภาพลักษณ์ที่แย่ว่าไหม?แถมยังต้องมานั่งคิดอีก ว่า เฮ้ย!วันนี้เป็นวันที่นักโทษที่ฉันตัดสินประหารจะถูกประหารว่ะ ไปฉลองหน่อยดีมั้ยฉลองให้แก่ความตายที่ฉันเป็นคนสั่งเอง

ยุคนี้ไม่ใช่ยุคเปาบุ้นจิ้นที่ชี้นิ้วสั่งและจะตัดคอด้วยเครื่องประหารหัวต่างๆได้อย่างง่ายดาย แต่เป็นยุคที่เราไปถึงดาวพลูโตกันแล้ว การเคารพสิทธิเสรีภาพเป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งที่นานาชาติต่างยอมรับ  ทำไมทั้งๆที่ด่าว่ากฎหมายล้าหลังแต่กลับเรียกร้องให้ประหารกันอย่างกับย้อนไปยุคสมัยท่านเปา? นั่นมันไม่ล้าหลังกว่าเหรอ?

โอกาสเป็นสิ่งน่ากลัวมีคนๆหนึ่งเคยบอกผมไว้ เมื่อให้โอกาสนักโทษสารภาพลดโทษให้ ในตอนขังคุกถ้าเป็นนักโทษชั้นดีก็มีสิทธิออกจากคุกเร็วกว่าอีก เราจึงไม่ควรให้โอกาสใคร เดี๋ยวมันมาทำความผิดซ้ำอีก ผมถามกลับไปว่าถ้า มึงทำผิดล่ะ?  มึงต้องการโอกาสที่จะแก้ตัวไหม? สีหน้ามันตอบอย่างมั่นใจว่าผิดก็ต้องยอมรับผิด มันจะยอมรับผิดกับสิ่งที่มันทำ ก็ดี...ดูแมนดี แต่ผมก็มีคำตอบของผมนะ ผมต้องการโอกาส แล้วคุณล่ะ?ต้องการไหม?
ในความคิดผมการที่ผมต้องการโอกาสแก้ตัวนั่นไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ได้ยอมรับว่าผมไม่ได้ทำความผิด ผมยอมรับว่าทำความผิดจริงแต่ผมต้องการโอกาส เพราะผมยังคิดว่าผมสามารถทำอะไรในชีวิตได้อีกเยอะ
อย่างน้อยผมก็ไม่อยากไปนั่งฟังพระเทศ และตอบคำถามของผู้คุมว่าผมต้องการอะไรเป็นครั้งสุดท้าย
หากคุณจะบอกว่า โลกสวยเนอะ...แย้มบานเลยทีเดียว เสมือนเห็นทุ่งดอกทิวลิปมาแต่ไกล
แต่นั่นล่ะคือตัวผม
นี่ผมพ่นอะไรซะยืดยาวตั้งหลายบรรทัด ?ผมแค่อยากให้พวกคุณมองเห็นมุมมองที่หลากหลาย อยากน้อยก็มุมมองของผมคนหนึ่ง

ผมอาจจะพาคุณตัดฉากอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมยังพ่นอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่เลย แต่ผมอยากให้คุณจำความรู้สึกที่ผมเวินเว่อร์จากไอ้พวกบรรทัดข้างบนที่ผ่านมาเอาไว้...แล้วตื่น!

หากจะท้าวความสักนิด เราอยู่ในตัวอาคาร มีคนโดดลงไปแล้วผมก็วิ่งเข้ามาขึ้นลิฟท์เพื่อจะไปชั้นที่สิบห้ากับสาวสวยอีกคนหนึ่ง ดูน่าอิจฉา ถ้าสาวสวยที่ว่านั่นไม่ช่างสังเกตและมีแววตาเสมือนรู้ทุกอย่าง เธอเหมือนรู้จนถึงเบื้องลึกในจิตใจของคนที่เธอมองอยู่ ซึ่งในที่นี้ก็คือผม ซึ่งความคิด การกระทำ แม้แต่ขยับกายยังรู้สึกอึดอัดจากสายตานั่น ทั้งๆที่เจ้าหล่อนก็ส่งยิ้มสวยหยาดเยิ้มมาให้

และประตูของลิฟท์ก็เปิดที่ชั้นที่สิบห้า จบด้วยคำสั่งที่เธอบอกให้ผมเดินนำไป จนผมพาท่านอัยการวารีรินมาจบที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งที่ผมกะว่าน่าจะเป็นห้องนี้ แล้วเปิดเข้าไปเพราะมันไม่ได้ล็อค

แผ่นหลังในชุดนักศึกษาสีขาวปรากฎอยู่ต่อหน้ายื่นนิ่ง หันหลังให้ผมและท่านอัยการวารีริน เจ้าตัวมองไปทางทิศทางที่กระจกแตกเกือบทั้งแผ่น เพราะอาคารนี้ทำผนังด้วยกระจกใส ข้างกายมีเก้าอี้เหล็กล้มลงอยู่ ก่อนที่เจ้าของแผ่นหลังจะค่อยๆหันกลับมามองผมและท่านวารีริน

“เอ๋!?”ผมร้องขึ้นด้วยความตกใจปนสงสัย เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่หันกลับมา
“ดิน?”แต่คนที่เรียกชื่อออกมากลับเป็นท่านอัยการวารีริน ใช่ ผมจำคนคนนี้ได้ คนที่ผมเจอที่ห้องของท่านอัยการสิ้นฟ้า คนที่ท่านบอกว่าเป็นเพื่อน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าท่านอัยการวารีรินก็จะรู้จักด้วย

“ครับ?...แม่”

.......................
หลังจากนั้นทนายเพชรตามขึ้นมา ไม่นานเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ดินถูกควบคุมตัวไปในฐานะผู้ต้องสงสัย
ส่วนผม...กำลังนั่งงง และปะติดปะต่อความคิด เรื่องราว
“ดินเป็นเพื่อนของท่านอัยการสิ้นฟ้าและเป็นลูกชายของท่านอัยการวารีริน แล้วคนที่ตายล่ะเป็นใคร?”ผมบ่นกับตัวเองเบา
อันที่จริงเรื่องนี้มันไม่น่าจะเกี่ยวกับผมหรือทนายเพชรด้วยซ้ำ แต่มันรู้สึกค้างคาใจแปลกๆสัญชาตญาณผมดี ลางสังหรณ์ผมค่อนข้างแม่นทนายเพชรเคยเอ่ยชม แต่ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้หรอก ผมเชื่อความคิดของตัวเองและข้อมูลที่ได้มาโดยรอบมากกว่าเพราะท่านอัยการสิ้นฟ้าสอนมาอย่างนั้น
“ทางอัยการเหนียวมากเลยครับ เรื่องนี้ผู้ต้องหาเป็นถึงลูกชายของท่านอัยการวารีรินด้วย ถึงจะเป็นบุตรบุญธรรมก็เหอะ”พี่สารวัตรว่ากับทนายเพชรที่กำลังจดจ่ออยู่กับแล็ปท๊อปของตัวเองแต่ผมคิดว่าเขาก็ฟังอยู่ด้วย “รู้สึกว่าเด็กนั่นจะรู้จักกับไอ้ฟ้ามันด้วย”
“เท่าที่ดูข้อมูลเด็กคนนั้นกำลังศึกษาปริญญาตรีอยู่ ที่เดียวกับที่ฉันและฟ้าจบมา รวมถึงอัยการวารีรินด้วย”ทนายเพชรทำท่าทางคิดอะไรบางอย่าง “จำได้แล้วมิน่าหน้าตาคุ้นๆเป็นรุ่นพี่นี่เอง”ทนายเพชรพูดพร้อมกับทำหน้านิ่ง
“รุ่นพี่?”พี่สารวัตรเลิกคิ้วสงสัย พยายามนึกตาม
“หมวดพอจะเอาหลักฐานทางฝั่งนั้นที่หาได้ มาให้หน่อยได้ไหม?”
“หาเรื่องแล้วครับพี่ครับ”พี่สารวัตรทำหน้าตกใจ
“ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าหมวดคงไม่อยากข้ามเขตสักเท่าไหร่?”
“อันที่จริงผมพาเข้าไปดูให้ได้อยู่นะ แต่...เรื่องนี้มันไม่น่าจะเกี่ยวกับพวกเรานี่ ใช่มะ?”
“หมวดยังจำตอนที่ตำรวจถูกยิงแล้วใส่ตู้คอนเทนเนอร์ถ่วงน้ำได้ใช่ไหม?”
“ผมจำได้”
“ผมคิดว่าหมวดคงไม่เชื่อคำโกหกที่สิ้นฟ้าอ้างว่าวันนั้นเขาไปต่างจังหวัดแล้วกลับมาในตอนเช้าหรอกใช่ไหม? หมวดก็รู้สิ้นฟ้ามีแผลถูกยิง เลือดในที่เกิดเหตุ ผลนิติเวชที่หมอบอก บางจุดเกิดเหตุก็มีเลือดของฟ้า บางครั้งอาจจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกัน หมวดคงไม่อยากให้เกิดอันตรายอะไรกับฟ้าใช่ไหม?”ผมสะดุ้งแล้วขยับตัวนิดหน่อยเสเบือนหน้าไปมองดอกไม้ประดิษฐ์บนแจกัน เมื่อนึกถึงวันนั้น วันที่ท่านอัยการสิ้นฟ้าเข้ามาในห้อง

‘เพราะฉะนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฉัน หรือเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉัน อย่าตามหาเหตุผล แม้ว่าฉันจะตายไป หรือหายไปไหน’

พี่สารวัตรเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบออกมา
“ครับ”
“เราจะต้องรู้ข้อมูลของเด็กคนที่ตายว่าเป็นใคร?และรู้ข้อมูลของพวกเขามากยิ่งขึ้นทั้งสิ้นฟ้า วารีริน แม้แต่เด็กที่ชื่อดิน พอจะช่วยผมได้ไหม? ไม่งั้นผมจะหาทั้งหลักฐานและข้อมูลเอง ซึ่งอะไรจะเกิดผมไม่รับประกัน ต่อให้เอาสิ้นฟ้าลงจากเก้าอี้อัยการผมก็จะทำ ถ้าสิ่งนั้นมันทำให้ฟ้าตกอยู่ในอันตราย”
กลัวก็แต่เจ้าตัวเขาจะโดดลงไปในอันตรายเอง...ผมเอ่ยต่อในใจ
ท่านสารวัตรถอนหายใจออกมานิดหน่อย ทำหน้าลำบากใจ ก่อนจะตอบออกมา
“ได้...ครับ”

............

‘ทุกสิ่งบนโลกเชื่อมต่อกัน การกระทำของคนๆหนึ่งอาจจะไปกระทบต่อคนของอีกฝากหนึ่งของโลก เด็ดดอกไม้อาจสะเทือนถึงดวงดาว ผีเสื้อขยับปีก’

ผมชอบดอกไม้ไหม อ่า ไม่รู้สินอนนี้เริ่มสับสน ยิ่งโดยเฉพาะตอนนี้เริ่มมีความเกลียดดอกไม้สีน้ำเงินนิดๆ ถึงแม้ท่านอัยการสิ้นฟ้าจะชอบสีน้ำเงินก็ตาม
ผมเดินเข้ามายังห้องทำงานของท่านอัยการมองไปที่โต๊ะทำงานของท่าน มีดอกไม้สีน้ำเงินที่ชื่อว่าดอกไอริสวางเอาไว้พร้อมกับโน๊ตเล็กๆเขียนด้วยลายมือหวัดๆ กล่าวอ้างถึงทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก ซึ่งผมไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไงเพียงแต่รู้สึกไม่ดี
มันเรื่องอะไรกัน?
ผมต้องหาเหตุผลไหม?หรือปล่อยมันไปแล้วทำตามคำสั่งของท่านอัยการที่เคยบอกเอาไว้
ผมกำดอกไม้สีน้ำเงินแน่น จนมันช้ำคามือผมแน่นอน อยากจะทิ้งลงถังขยะ
ผมควรจะทำยังไงดี...

..................................
“เด็กนั่นถูกประกันตัวออกไปแล้วครับ”
ทนายเพชรพยักหน้า หลังจากที่ท่านสารวัตรบอก
“ส่วนประวัติ”พี่สารวัตรพูดพร้อมกับยื่นซองเอกสารให้ ทนายเพชรเอามาเปิดดูคร่าวๆ “พี่คิดว่ายังไง?”
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมขอคิดดูก่อน”ทนายเพชรพูดแค่นั้น ก่อนจะขอตัวออกมาซึ่งมีผมที่บอกลาท่านสารวัตรแล้วเดินตามออกมาด้วย
“พ่อแม่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดบนเครื่องบินงั้นเหรอ?”ทนายเพชรเปรยเบาๆ “วันนี้เงียบผิดปกตินะ”ก่อนจะหันมาพูดกับผม
“ก็ผมไม่รู้จะพูดอะไรนี่ครับ”ผมตอบยิ้มๆ “เรื่องนี้ดูท่าจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เห็น ผมเป็นแค่เด็กที่พึ่งจบมหาวิทยาลัยแถมยังไม่ได้รับปริญญาเลย คงไม่รู้จะพูดอะไรได้”
“ความรู้เพิ่มขึ้น แต่ความมั่นใจกลับหดหาย”
“อาจจะเป็นเพราะว่ายิ่งรู้เยอะ มันทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เลยตัดสินใจยากขึ้นเพราะเหตุผลมันมากขึ้นมั้งครับ”ผมตอบกลับไป ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ“แต่บางครั้งเสมือนจะรู้แต่กลับไม่รู้อะไรเลย”
ทนายเพชรยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะถาม
“สิ้นฟ้าพูดอะไรกับนายบ้าง?”
“...”
“ถ้าอยากให้สิ้นฟ้าปลอดภัยนายควรจะอยู่ข้างฉัน ส่วนถ้านายจะปล่อยเรื่องนี้ไปนายจะอยู่ข้างสิ้นฟ้าก็ได้ เพราะตอนนี้ฉันพอจะเดาออกว่าสิ้นฟ้าจะทำอะไร...อย่างที่ฉันเคยบอก ฉันเอาเขาลงจากเก้าอี้อัยการแน่ ถ้าสิ่งๆนั้นมันจะทำให้ท่านของเธอปลอดภัย”
“แล้วทนายเพชรไม่ลองเชื่อใจท่านอัยการบ้างล่ะครับ...ว่าเขาจะต้องทำสำเร็จ”
เขาชะงักไป มองตาผม แล้วเหมือนทำท่านึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะยิ้มหยัน
“เธอมันร้าย ร้ายกว่าที่ฉันคิดเยอะเลยเต็มสิบ”
ผมส่งยิ้มเบาๆกลับไปให้

.................
วันสอบใบอนุญาติว่าความหรือที่เรียกโดยทั่วๆไปว่าตั๋วทนายมาถึง เหมือนเวรกรรมเพราะคนคุมสอบห้องผมเป็นทนายเพชรกับอาจารย์อีกสองท่าน ซึ่งเจ้าตัวเขาอยู่ในชุดคลุยสีดำมีแถบสีทองเดินแจกสมุดเขียนคำตอบจำนวนหนึ่งเล่มและกระดาษคำถาม ที่บอกว่าเหมือนเวรกรรมเพราะมันรู้สึกกดดันถึงสองเท่า นี่ถ้าทำไม่ดีขึ้นมาผมคงจะซวยไม่น้อย เพราะทนายเพชรก็เปรียบเสมือนอาจารย์คนหนึ่งของผมเหมือนกัน ซึ่งไม่มีลูกศิษย์คนไหนอยากจะทำให้อาจารย์ผิดหวังหรอก...มั้ง?

ทำไมต้องมีมั้ง...ก็ผมแค่เผื่อๆเอาไว้

“เปิดกระดาษแล้วทำข้อสอบได้ครับ”เสียงทุ้มนุ่มๆบอก ผมเปิดกระดาษคำถามออกอ่าน ข้อสอบซึ่งมีคดีอยู่หนึ่งคดี แล้วมีโจทก์ว่าให้เราทำอะไรบ้าง ผมอ่านสองสามรอบจับประเด็นก่อนจะเขียนคำตอบลงไปในสมุดคำตอบ ความซับซ้อนเป็นเสน่ห์ของข้อสอบกฎหมาย ผมบอกได้เลย และถ้าไม่ได้ชอบมันจริงๆก็หลงรักมันไม่ลงหรอก เพราะบางครั้งแค่อ่านโจทก์ก็แทบอยากจะลุกขึ้นฉีกกระดาษแล้วโยนทิ้ง พร้อมตะโกน ‘คดีนี้จะเป็นยังไงก็เรื่องของมึงเหอะ!’

 เวลาผ่านไป ประมาณ 1 ชั่วโมงทนายเพชรก็เดินไปตามโต๊ะของผู้เข้าสอบทีละคนตรวจบัตรแล้วให้เซ็นลายชื่อเข้าห้องสอบ ส่วนอาจารย์อีกท่านที่เดินมาด้วยเซ็นลายเซ็นที่หน้าสมุดคำตอบในฐานะอาจารย์คุมสอบ เมื่อเดินไปตามโต๊ะครบทุกคนแล้วทนายเพชรก็ไปยืนทำหน้านิ่งหน้าห้องสอบเสมือนตัวร้ายในละครต่อไป ซึ่งทำให้ผู้เข้าสอบแทบจะไม่กล้ากระดิกตัว นอกจากก้มหน้าก้มตาเขียนแม้คนคุมสอบหน้าห้องจะหล่อและดูดีมากๆก็ตาม ผมเขียนไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีมองดูนาฬิกาก็ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว แทบอยากจะบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อย แอบบีบข้อมือตัวเองเบาๆ ก่อนจะตั้งใจเขียนต่อ

รู้สึกตัวอีกครั้งก็ได้ยินเสียงประกาศ
“ผ่านไปสามชั่วโมงครึ่งแล้วนะครับ ใครทำเสร็จแล้วอนุญาตให้ส่งข้อสอบได้”อาจารย์ท่านหนึ่งประกาศบอก ผมตรวจเช็คข้อเขียนนิดหน่อยว่าไม่หลงลืมประเด็นไหนและละเอียดมากพอ ก่อนจะหันมาลงมือทำปรนัย20ข้อ ซึ่งทนายเพชรเคยบอกไว้ว่าข้อสอบปรนัย20ข้อเอามาไว้เป็นตัวช่วยเป็นความรู้รอบตัวทั้งนั้น ง่ายมาก  ซึ่งพออ่านดูแล้ว...ครับ ช่วยจริงๆ แม่ง...มีตั้งแต่เรื่องนิติวิทยาศาสตร์ แบบไหนที่ถึงจะเรียกว่าตายแล้ว ระยะเวลาการแข็งตัวของศพ ส่วนประกอบของปืน การตรวจเขม่าดินปืนต้องทำภายในกี่ชั่วโมงอะไรอย่างงี้ ยันถึงระบบศาล ระบบการปกครองของประเทศ ช่วยครับช่วย ช่วยให้ตายเบาๆ
อยากจะเอาหัวกระแทกโต๊ะ ให้สมองอันน้อยนิดตกผลึกความรู้ออกมา
และผมก็แอบเอาหัวกระแทกโต๊ะจริงๆ ก่อนจะเดินเอาสมุดคำตอบไปส่ง ใช้เวลาคุ้มค่ามากหมดเวลาพอดี เดี๋ยวจะไปถ่ายรูปกับต้นหลิวหน้าอาคารสอบเบาๆ เช็คอินว่า กูมาสอบแล้วนะ กูไม่ได้มาเล่นๆกูมาเพื่อเป็น The Lawyer!. พอเหอะ! ยิ่งพูดยิ่งน้ำตาจะไหล
ผมนั่งรอทนายเพชรที่โต๊ะหินอ่อนข้างอาคารไม่ถึง20นาที ทนายเพชรก็โทรมาตาม
“เย็นนี้กินไรดี?”ทนายเพชรถามขึ้น
“นี่ไม่คิดจะถามผมเลยเหรอ ว่าทำข้อสอบได้ไหม?”
“ถามทำไม? ถามไปตอนนี้ก็ไม่ได้ประโยชน์ ทำได้ไม่ได้เดี๋ยวพอผลสอบออกก็รู้เองล่ะ ตอนนี้ก็ทิ้งมันไปซะ คิดมากเดี๋ยวจะกินข้าวไม่อร่อยซะมากกว่า”
“นั่นสิ...”
หลังจากนั้นผมกับทนายเพชรก็มาหาอะไรทาน ตั้งแต่ผมรู้จักทนายเพชรมา ทนายเพชรเป็นคนไม่เรื่องมากเรื่องกินทานอะไรก็ได้ ตั้งแต่ร้านข้างทางยันร้านหรูตามห้างหรือโรงแรม ท่านอัยการสิ้นฟ้าก็เหมือนกัน ทั้งสองคนรู้จักร้านอาหารอร่อยเยอะมาก โดยเฉพาะร้านอาหารสไตล์สบายๆนั่งชิลๆ
อย่างเช่นตอนนี้ทนายเพชรก็พาผมมาร้านอาหารที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่ก็ไม่ธรรมดาเพราะมันเป็นร้านที่อยู่ในเขตของทหารกองทัพอากาศ ที่ภายในร้านตกแต่งเป็นโมเดลเครื่องบินรบและเครื่องบินพาณิชย์รุ่นต่างๆ และข้างร้านมีหอบังคับการการบิน ขึ้นมาชั้นสองของร้านมองเครื่องบินของทางกองทัพบกบินขึ้นลงแบบ HD ซึ่งดูตื่นตาตื่นใจดี ผมนี่แทบจะวิ่งไปเกาะกระจกดูไม่ทัน
“ชอบไหม?”ทนายเพชรถามขึ้น ผมพยักหน้ารัวๆ “ให้ความรู้สึกเหมือนพาลูกมาเที่ยวงานวันเด็กเลยแหะ”เจ้าตัวว่าเบาๆพลางส่ายหน้า
“ถ้าทนายเพชรเป็นพ่อคงเป็นพ่อที่ดี”ผมละความสนใจจากเครื่องบินหันกลับมามองเขา “พ่อผมไม่เคยพามาเที่ยวอะไรอย่างนี้หรอก เพราะว่าท่านทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆไปทั่วประเทศ นานๆครั้งได้เจอกันที แบบจำได้ว่าเจอตอนพ่อยังดูหนุ่มๆพอเจออีกครั้งก็รู้สึกว่าพ่อแก่แล้ว อะไรประมาณนั้น”ผมว่าขำๆ
“แล้วทนายเพชร?”เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยก่อนจะยิ้มอ่อนๆแล้วทำท่านึก
“ไม่รู้สิฉันจำหน้าพ่อไม่ได้แม่ก็เหมือนกัน จำความได้ก็รู้ตัวว่าเป็นเด็กกำพร้าเสียแล้วล่ะ จำได้ว่าชีวิตมีแต่งานมาตั้งแต่เด็ก ตอนประถมรับจ้างดูต้นทางตำรวจสำหรับวงไพ่ ตอนม.ต้น โชคดีหน่อยที่เข้าชมรมหมากรุกของโรงเรียนพอได้ฝึก พอมีฝีมือพอประมาณก็ไปท้าพนันแข่งกับพวกผู้ใหญ่ รายได้ดีเชียวล่ะนานเข้าเชี่ยวหน่อยก็เล่นไพ่ เล่นการพนันกินเงินบ้างรับจ้างเป็นเด็กทำงานที่บ่อน ตอนนั้นวิ่งหนีตำรวจเรื่องถนัดเลย พอม.ปลายก็เริ่มมีจุดมุ่งหมายของชีวิตอยากเรียนต่อกฎหมายทั้งๆที่ตอนนั้นทำผิดกฎหมายแทบตาย เลยเอาเงินเก็บส่วนหนึ่งที่ได้จากการพนันไปลงทุนกับหุ้นซื้อหนังสือพวกหุ้นมาอ่านศึกษาหาข้อมูล ในระหว่างนั้นก็แอบเข้าหาพวกตำรวจด้วย เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากตำรวจ เอาเงินอีกส่วนหนึ่งไปลงติวกับสถาบันติวกฎหมายโดยเฉพาะ”
ทั้งๆที่เป็นเด็กม.ปลายเนี่ยนะ?
“พอมอปลายเทอมสุดท้ายก็สอบตรงเข้ามหาวิทยาลัย ใช้เงินจากการเล่นหุ้นและทำงานพาร์ทไทม์ในการจ่ายค่าเล่าเรียน จนมาได้เจอกับสิ้นฟ้านั่นล่ะ พอเรียนจบ เรียนต่อเนติฯสอบตั๋วทนายรับว่าความรายได้ก็เข้ามาเรื่อยๆจากน้อยๆก็มากขึ้นมากขึ้น จนมีเงินไปเรียนต่อโทกฎหมายที่ต่างประเทศ กลับมาก็ได้มาเจอเธอไง”
“เล่าข้ามในส่วนที่อยากรู้เฉยเลยอ่ะ”ผมบ่น
“กับสตีเฟ่นก็ไปรู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย แล้วก็ถูกชวนไปทำงานด้วย”ทนายเพชรขยายความเล่าในส่วนที่ผมคิดว่าเขาพอที่จะเล่าได้
“อืม...ชีวิตทนายเพชรก็โชกโชนเหมือนกันนะเนี่ย”ผมว่า ไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสริฟ ผมแอบชำเรืองมองทนายเพชร ใบหน้าคมคายที่อมยิ้มน้อยๆดูอบอุ่นนั่นกำลังตั้งใจถ่ายภาพอาหารที่สั่งมาด้วยโทรศัพท์มือถือ ในความรู้สึกนอกจากหน้าตาผมคิดว่าคนๆนี้เก่งจริงๆนั่นล่ะ เก่งจนมีอออร่าให้คนอื่นแอบหลงใหลได้อย่างไม่รู้ตัว ค่อยๆซึมซับความซับซ้อนของเขา ไม่อยากจะยอมรับก็ต้องยอมรับ จะว่าไงดีล่ะ ถึงจะไม่ชอบเขาในส่วนเรื่องของท่านอัยการสิ้นฟ้าและเรื่องเลวๆที่เขาทำ แต่การได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเขา มันก็ทำให้ผมรู้สึกนับถือและชื่นชม
................

หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes.(2) 7/12/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 07-12-2015 22:51:09
‘ทางท่านอัยการวารีริน วางเงินประกันตัวลูกชายของตัวเองออกไปแล้วครับ’
“อืม”ริมฝีปากบางเอ่ยตอบกลับไปเบาๆ
‘ท่านจะให้ผมทำยังไงต่อ?’
“ยังไงซะ ยัยนั่นก็ต้องถูกกันออกจากคดี ส่วนเด็กนั่นเดี๋ยวฉันจะโทรถามมันเอง ส่วนนายก็ทำงานในส่วนของตัวเองต่อไป”
‘ครับท่าน’
มือเรียวกดตัดสาย ก่อนจะตักไอศกรีมเข้าปาก แล้วต่อสายหาอีกคนทันที
‘ครับ?’เสียงปลายสายตอบกลับมา
“ได้ข่าวว่าถูกจับยัดเข้าคุก”ว่าพรางหัวเราะ หึ
‘แค่ฝากขังครับ’
“ก็คุกไหมล่ะ?”คิ้วเรียวสวยยกขึ้นข้าวหนึ่งริมฝีปากอมยิ้ม
‘เอาไว้ผมได้เข้าคุกจริงๆแล้วท่านค่อยเยาะเย้ยเถอะครับ แล้วนี่ไม่ทำงาน?’
“ไม่ได้อู้อย่างที่เธอคิดหรอกน่าดิน วันนี้ฉันเข้ามาเคลียร์คดีที่สำนักงานอัยการจังหวัดพอเสร็จก็เลยออกมาหาอะไรกินนิดหน่อยก่อนจะกลับเข้าป่า ว่าแต่ทำยังไงเธอถึงพลาดได้?”
‘ผมไม่ได้พลาด’
“ไม่ได้พลาด?”
‘ผู้หญิงคนนั้น เอาเก้าอี้ทุบกระจกแล้วโดดลงไปเอง’
“ฉันต้องเชื่อ?”
‘ผมแค่พูดอะไรกับเธอนิดหน่อย’
นิดหน่อยที่ว่านั่น มันคือคำพูดแบบไหนกัน...ถึงทำให้คนๆหนึ่งเอาเก้าอี้ทุบกระจกแล้วโดดลงไปจากชั้นสิบห้าได้
‘ห้องนั้นมีกล้องวงจรปิด ยังไงก็เอาผิดผมไม่ได้หรอก จะเห็นก็แต่ภาพผู้หญิงคนนั้นบ้าไปเอง’ดินถอนหายใจจนปลายสายยังรู้สึก ‘คุณไปอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยนะครับ ยังไงผมก็อยากให้คุณระวังตัวไว้ด้วย อีกอย่างทางทนายเพชร แฟนของคุณก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ปล่อยไว้อย่างนี้จะดีเหรอครับ?’ คำถามที่ทำให้ชะงักมือตักไอศกรีมไปนิดหน่อย
“อืม...”ตอบรับกลับไปเบาๆพรางขมวดคิ้วนิดหน่อย มือคนไอศกรีมที่เริ่มละลาย “ปล่อยไปก่อนเถอะ เขาอยากจะทำอะไรก็ให้เขาทำ แต่...”
‘...’
“บทสรุปสุดท้าย มันจะจบเหมือนที่วางไว้อยู่ดี”

‘เข้าใจแล้วครับ’
“นายก็ไปเตรียมตัวสู้คดีต่อเถอะ”
‘ครับ ดูแลตัวเองดีๆนะครับ ผมเป็นห่วง’
“นายเองก็เหมือนกัน”
สิ้นฟ้ากดตัดสายพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อยผมของเขาอาจจะหงอกเพิ่มอีกหนึ่งเส้น เขากดโทรศัพท์ดูภาพที่ถูกถ่ายแล้วส่งมาให้เขาทางไลน์ เขาอ่านข้อความที่อยู่ในภาพซึ่งเป็นการอ่านประมาณรอบที่สิบแล้วตั้งแต่ภาพถูกส่งมา

‘ทุกสิ่งบนโลกเชื่อมต่อกัน การกระทำของคนๆหนึ่งอาจจะไปกระทบต่อคนของอีกฝากหนึ่งของโลก เด็ดดอกไม้อาจสะเทือนถึงดวงดาว ผีเสื้อขยับปีก’

สิ้นฟ้ารู้ดีว่ามันหมายความว่ายังไง


เมื่อกลับเข้ามาในหมู่บ้านสิ้นฟ้าก็เปลี่ยนเสื้อผ้า รองเท้า พร้อมกับอุปกรณ์นิดหน่อยก่อนจะสะพายเป้ขึ้นหลังแล้วเตรียมจะเดินออกไปจากบ้าน
“อ้าว เฮ้ย! จะไปไหน?”อัยการเก่งถามขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนอัยการของตัวเอง สะพายกระเป๋าเตรียมตัวราวกับจะเดินทางไปที่ไหนหลายวัน
“จะไปสำรวจอะไรนิดหน่อย”
“สำรวจ? สำรวจอะไรของมึงวะ”เก่งว่าพร้อมกับขมวดคิ้วเข้มด้วยความสงสัย
“กูจะขึ้นเขา”
“เฮ้ย อันตรายรอนี่เลยเดี๋ยวกูเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปด้วย”
“ไม่ต้อง มึงสืบคดีกับหมวดภูอยู่นี่เหอะ”
“ไม่ได้ รอกูแป๊ป”เก่งว่าพร้อมกับวิ่งเข้าบ้าน แต่สิ้นฟ้าไม่ได้รอ ร่างโปร่งเดินออกไปเลย รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้รอไม่ได้จะต้องเร่งมือ


.....
“โอ้ย กูบอกให้รอทำไมมึงไม่รอ~”เก่งบ่นน้ำตาแทบจะไหลออกมา ตอนนี้ผ่านไปเกือบหกชั่วโมงที่สิ้นฟ้าบอกเขาว่าจะขึ้นเขา
“น้องฟ้าของพี่เผือก~”เผือกร้องออกมา ไม่รู้ว่ายอดดวงใจของเขาจะเป็นตายร้ายดียังไงเพราะต้อนนี้ฟ้าก็มืดมานานพอควรละ
“อาเก่งลื้อต้องใจเย็นๆ ป่าเขาที่นี่ไม่น่ากลัวหรอก เดี๋ยวอีก็กลับมา”เจ็กว่า ตอนนี้เก่งมานั่งหัวเสียรอฟังข่าวจากหมวดภูที่เข้าไปในตัวอำเภอเพื่อขอกำลังมาช่วยค้นหา เพราะจะให้ชาวบ้านแถวนี้เข้าไปเสี่ยงก็ไม่ได้
ถ้าอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุดหายไปหนึ่งคนเป็นอันต้องซวยแน่ๆ อีกอย่างหมอนั่นถึงจะรู้จักกันได้ไม่นานมันก็เพื่อนเขา อดห่วงไม่ได้ ตอนนี้เขาก็เตรียมตัวไว้พร้อมที่จะบุกป่าฝ่าดงไปหาอยู่แล้ว


สิ้นฟ้านั่งอยู่บนกิ่งของต้นไม้นัยน์ตาจับจ้องไปยังกลุ่มแสงไฟกลางป่า ที่มันไม่ได้สว่างมากมายอะไรเพราะมันก็เป็นเพียงแสงไฟจากไฟฉายไม่กี่กระบอก สิ้นฟ้ามาไกลเกินกว่าจะถอยกลับ เจ้าตัวค่อยๆปีนลงจากต้นไม้ กระชับแว่นสายตา แล้วเดินไปยังทิศทางที่เขาเห็นแสงไฟ พยายามลดไฟฉายส่องให้ต่ำ แค่รัศมีพอมองให้เห็นพื้นที่ที่ใช้เดินไปข้างหน้า
“ตัดแล้วโยนลงน้ำให้ลอยไปเลย!”เมื่อได้ยินเสียงเลื่อยและเสียงพูดคุยบ่งบอกว่ามีคนอยู่ไม่ไกล สิ้นฟ้าปิดไฟฉายทันที
ไม้ที่ถูกตัดจะลอยน้ำลงไปแล้วไปค้างที่แถวหมู่บ้านพอดี เหตุผลของหมวดภูที่ชอบไปตกปลาแน่นอนว่าไม่ได้ไปตกปลาเล่นๆ เขาคอยสังเกตุว่าไม้มันจะไหลมาจากทิศทางไหนบ้าง พอไม้ถูกลอยมาชาวบ้านก็จะแจ้งทางการให้มาจัดการ แต่ไม้ที่ถูกทางการเอาไปก็ไม่รู้จะเอาไปทำประโยชน์อะไรอยู่ดี  ก็ต้องเอานำออกประมูล กลุ่มนายทุนก็จะเข้าร่วมประมูลแล้วได้ไม้ไป ทำเอกสารเพื่อครอบครองให้ถูกต้อง กลายเป็นไม้ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะไม้พะยูงที่ในประเทศเริ่มหายากขึ้นทุกวันเพราะมีเนื้อแน่น คงทน ลายไม้สวยเหมาะแก่การทำเฟอร์นิเจอร์และด้วยความเชื่อที่ว่ามีไว้ในบ้านจะทำให้รุ่งเรืองต้องมีบารมีเท่านั้นถึงจะครอบครองได้ เป็นไม้ชั้นสูงเอาไว้ทำที่นั่งของกษัตริย์ อีกทั้งยังเคยถูกนำไปใช้บูรณะพระราชวังต้องห้าม จึงเป็นที่อยากได้ของมหาเศรษฐีโดยเฉพาะที่ประเทศจีน  ด้วยเพราะเหตุนี้กลุ่มนายทุนหลายๆคนจึงเลือกที่จะว่าจ้างให้ลอบตัดไม้ แกล้งให้ถูกจับได้ แล้วรอไปประมูล ไม้ที่ได้ก็จะถูกนำไปแปรรูปเพิ่มมูลค่ามหาศาลหรือเก็บของพวกนี้ไว้สะสมเป็นของตัวเอง

สิ้นฟ้าเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆก่อนจะแอบดู กล้องดิจิตอลขนาดเล็ก แต่ราคาไม่เล็กตามถูกนำขึ้นมาบันทึกภาพเป็นไฟล์วิดีโอ แบบ HD เห็นทุกความเคลื่อนไหวในความมืดเพราะเปิดโหมดกลางคืน

เมื่อได้ภาพพอใจแล้ว เจ้าตัวจึงค่อยถอยออกมา แต่พอหันกลับไป ใบหน้าราวรูปสลักเป็นอันต้องขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะกลับสู่ใบหน้าที่นิ่งเรียบเหมือนเดิม ทั้งๆที่ตอนนี้เหงื่อเริ่มไหลลงข้างๆขมับ ตั้งแต่หันกลับมาแล้วเห็นเงาร่างสีดำยืนกอดอกมองเขาอยู่

“กำลังรอให้หันกลับมาอยู่เลย”ว่าพลางแสยะยิ้มในเงามืด
“มายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”สิ้นฟ้าถามร่างสูงที่ดูน่าจะสูงกว่าเขากลับไป เพราะคนๆนี้มายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ สิ้นฟ้าไม่รู้สึกตัวเลย

“สักพัก...ผมว่าเรามาคุยกันหน่อยดีไหม? เด็กมหาวิทยาลัยพักร้อนปิดเทอมมาทำอะไรที่นี่”อิฐ เอ่ยแสยะยิ้มน่ากลัว ก่อนจะถีบเข้าที่ท้องของสิ้นฟ้าอย่างแรงจนกระเด็นอัดเข้ากับต้นไม้
“อย่างนี้เรียกว่าคุยเหรอ?”สิ้นฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงติดจุก
“งั้นพี่ขอเชิญน้องฟ้าไปคุยที่บ้าน...นะ”อิฐว่าก่อนที่จะพยักหน้าให้ลูกน้องเข้ามาจัดการจับตัวสิ้นฟ้าเอาไว้ กระเป๋า โทรศัพท์มือถือ และกล้องถูกยึดไป
อิฐเปิดดูก่อนจะลบไฟล์วิดีโอทิ้ง
“เรารู้จักกันไม่นาน ก็ไม่น่าเสือกเรื่องนี้เลยเนอะ”เจ้าตัวว่าสีหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา “ปะกลับบ้านกัน ฟ้าต้องชอบบ้านของพี่แน่ๆ”

ถูกขัง...ใช่คนอย่างสิ้นฟ้าถูกขัง
เคยจับแต่คนอื่นยัดเข้ากรง ตอนนี้เขากลับมาโดนเสียเอง แต่ยังดีที่เขาถูกขังไว้ในห้องๆหนึ่งซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากคุกที่เขาเคยจับส่งหลายๆคนเข้าไป ในห้องนี้มีเพียงกล้องวงจรปิดและเก้าอี้ที่เขานั่งเพิ่มเติมคือเขาถูกมัดติดกับมันอยู่
“อันที่จริงเราก็ไม่รู้จักกันมากมาย ใช่...ใช่ไหม?”ร่างสูงของอิฐเดินเข้ามาในห้องแล้วถามพร้อมกับปิดประตู”อืม...เคยบอกจะพาเราเที่ยวนิ่ ยังอยากเที่ยวอยู่ไหม?”คำถามถูกยิงรัวๆแต่สิ้นฟ้าไม่คิดจะตอบ ร่างสูงของอิฐยืนพิงกำแพงเปิดอ่านเอกสารบางอย่างที่เขาได้ข้อมูลมา
“รู้สึก...แปลกใจ”อิฐว่าพร้อมกับปิดเอกสารที่อ่านเสร็จแล้วลง “ไม่นึกว่าตัวเองจะถูกจับจ้องจากทางอัยการขนาดนี้ พี่ออกจะทำบุญตักบาตรฟังธรรมมะบ่อยๆ เงินพี่ก็เอาไปบริจาคตามสถานสงเคราะห์มากมาย โดยเฉพาะสงเคราะห์พวกข้าราชการบ่อยๆ พี่ว่าพี่เป็นคนดีนะ ว่างั้นไหม ท่านอัยการสิ้นฟ้า?”
“...”
“สิ้นฟ้า สิ้นฟ้า”พูดพร้อมกับปากระดาษเอกสารใส่หน้าของคนที่นั่งผูกติดกับเก้าอี้ “อุตส่ารู้สึกเอ็นดูตั้งแต่แรกเห็น น่าเสียดาย เรามาแลกเปลี่ยนอะไรกันหน่อยไหม?”
สิ้นฟ้าเลิกคิ้วขึ้นข้าง
“อัยการนี่เงินเดือนเท่าไหร่?”
“จะเสนอเงินให้ฉันหรือไง?”
“น่าสนใจใช่ไหมล่ะ ใครๆก็ต้องการเงิน ทำเป็นปิดหูปิดตาซะ ง่ายๆเรื่องจะได้จบ”
“มีข้อเสนออะไรที่ดี ดูไม่โง่ นอกจากเงินไหม? เผอิญตอนนี้ฉันพอใจกับเงินเดือนที่ได้อยู่ แบบว่าเป็นถึงอัยการอ่ะ จะเอาตำแหน่งมาแลกกับเศษเงินก็คงไม่ได้ ถ้าจะซื้อต้องจ่ายหนักหน่อยนะ”สิ้นฟ้าว่ายิ้มๆ
“สักสิบล้านพอไหม เพิ่มเติมคือออกจากที่นี่โดยไร้รอยขีดข่วน”
“นี่ตอนฉันเป็นทนายบางครั้งทำแค่คดีเดียวก็ได้เกินสิบล้านละ ดูถูกกันจัง แล้วนายมองหน้าหล่อๆของฉันนะ บอกแล้วฉันเป็นถึงอัยการ สวัสดิการดีเหี้ยๆเลยขอบอก มีทั้งอำนาจ ทั้งได้เงิน พ่วงด้วยมีคนเคารพนับหน้าถือตาอีก นายกำลังจะเอาสิบล้านมาแลกศักดิ์ศรี และตำแหน่งของอัยการเหรอ? โธ่ว ไม่ใจว่ะ ดูละครมากไปป่ะ”คิ้วคนฟังกระตุก
“งั้นก็ตายดีมั้ย?”
“ก็เอาสิ”สิ้นฟ้าท้าทาย
ผลั๊วะ
“อย่าปากดีให้มาก”
“จะฆ่าก็ฆ่าเลยสิวะ จะมามัวเห่าทำไม?”สิ้นฟ้าแสยะยิ้ม รู้สึกตึงๆที่มุมปากพร้อมกับรสชาติของเลือดที่อยากจะบ้วนทิ้ง “หรือเพราะ ฆ่าไม่ได้”
พูดออกไปแบบโคตรมั่น
ตึ้ง!
สิ้นฟ้าถูกถีบจนเก้าอี้หงายล้มลงไปกระแทก ก่อนเท้าหนักจะตามมาเหยียบที่หน้าอก
“อย่าเปรี้ยวให้มาก กูแค่รอเวลา เมื่อถึงเวลามึงได้ตายแน่”พูดพร้อมกับบดขยี้เท้าลงไป ก่อนจะเตะซัดเข้าที่ใบหน้าอีกครั้งแล้วเดินออกไปจากห้อง
“แล้วกูจะลุกขึ้นยังไง?” อนาถชิบหาย


............
ภาพความสัมพันธ์บนกระดานไวท์บอร์ดที่เคยร่างเอาไว้เริ่มเชื่อมโยงถึงกัน ร่างสูงของทนายเพชรกอดอกจ้องมองมันนิ่งๆ

“จะต้องไปเอาสิ้นฟ้ากลับมา”ทนายเพชรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง





.....................
สวัสดีนิยายรายเดือนสองเดือนสามเดือนตามปริมาณงานเข้า
ขอบคุณที่ยังคงติดตามกันครับ

ใครสนใจจะทวงนิยายคุยกับสิ้นฟ้า.  เต็มสิบ เพชร หรือจะเข้าไปด่าคนเขียน. คลิ๊ก
https://www.facebook.com/InLaw_By-Kissa-O-337506579784041/

ขายเพจกันดื้อๆอย่างนี้ล่ะ แล้วพบกันตอนต่อไปครับ
 
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes.(2) 7/12/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 08-12-2015 10:11:02
จะรออ่านนะคะว่าเต็มสิบกับฟ้าจะมารักกันได้ยังไง
สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes.(2) 7/12/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-12-2015 12:14:53
สมองใช้งานหนัก
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 You got me smoking cigarettes.(2) 7/12/58 P.6)
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 15-12-2015 13:31:12
แต่ละคดีสิ้นฟ้าช้ำในหมด
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 I'm in stress.(50%) 28/01/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 28-01-2016 20:47:36
คดีที่ 10
I’m in stress.(1)

“เข้ม?”ร่างหนาของเข้มถอนหายใจนิดหน่อย เมื่อมองไปยังร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ที่ตอนนี้สภาพใบหน้าเริ่มแสดงออกอาการบวมช้ำและมีเลือดแห้งเกรอะกรังที่มุมปาก สภาพโดยรวมดูไม่ได้ แต่คนอย่างเข้มก็ไม่เข้าใจว่าจะปล่อยเด็กนี่ไว้ทำไม? เห็นคุณอิฐบอกแค่ว่าเด็กนี่บังเอิญไปเจอเข้าตอนลักลอบตัดต้นไม้ แค่ฆ่าทิ้งก็น่าจะจบๆไปแล้ว การทำให้คนๆหนึ่งหายสาบสูญไปในป่า ไม่น่าจะใช่เรื่องยากสำหรับคุณอิฐ
แต่ก็เอาเถอะไม่ได้เปลืองข้าวปลาอะไรเพราะคุณอิฐไม่ได้สั่งให้เอาข้าวมาให้เด็กนี่กิน นอกเสียจากน้ำที่คุณอิฐสั่งให้เอามาให้มันกินทุกๆสามชั่วโมง ซึ่งไอ้พวกลูกน้องของคุณอิฐก็ดูท่าจะชอบใจ กลั่นแกล้งมันดีจริงๆไม่เอาน้ำที่ให้กินราดหัวมั่งก็กระชากหัวจับกรอกปาก ดีที่มันไม่ปริปรากบ่นปวดฉี่หรือถึงขั้นกลัวจนฉี่รดกางเกง ไม่งั้นสภาพมันคงดูไม่ได้ยิ่งกว่านี้
“คนที่หมู่บ้านตามหามึงกันใหญ่ที่บนเขา...แต่แม่งโคตรโง่เลย ไม่มีใครรู้ว่ามึงถูกจับตัวมา”ลูกชายผู้ใหญ่บ้านว่าด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “กูก็อยากช่วยมึงนะ แต่มึงแส่หาเรื่องเอง กูไม่อยากเป็นศรัตรูกับคุณอิฐ”
“พูดมากน่า”สิ้นฟ้าตอบกลับไปนัยน์ตาพลันจะหลับ เขาถูกจับมาที่นี่นับเป็นวันที่สามแล้ว เขาไม่ได้อ่อนแรงจนทำอะไรไม่ได้หรือไม่รู้สึกตัว
อิฐไม่ได้เข้ามาในห้องนี้อีกเลย จะมีก็แต่เข้มที่เข้ามาคุยด้วยบ่อยๆ มันยังเข้าใจว่าสิ้นฟ้าเป็นเด็กนักศึกษา ดูเสมือนว่าอิฐจะไม่ได้บอกใครมากมายว่าเขาเป็นใคร
เข้มเป็นพวกเดียวกันกับอิฐนั่นคือสิ่งที่เขารู้แต่คิดว่าคงไม่ใช่ในฐานะลูกน้องอาจจะเป็นในฐานะที่ไอ้เข้มมันต้องให้ความร่วมมือแก่อิฐ
“ถ้ามึงอยากให้กูช่วย ลองพูด ลองขอร้องกับกูก็ได้นะ”เข้มว่าพลางยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งนัยน์ตาหรี่ลงมองไอ้เด็กตรงหน้า
“กูอยากคุยกับไอ้อิฐ”เสียงแหบแห้งของสิ้นฟ้าเอ่ยขึ้น หน้าตามันก็น่ารักหล่อเหลาดีอยู่หรอกแต่คำพูดหยิ่งๆพร้อมนัยน์ตาดื้อรั้นแบบไม่ยอมคนนั่นมันคืออะไร?
เข้มถอนหายใจก่อนจะมองไปยังกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในห้อง พร้อมกับยิ้มมุมปาก เดินเข้ามาลูบหัวพร้อมกับก้มลงมองหน้าสิ้นฟ้า คนที่ถูกผูกมัดติดกับเก้าอี้ตวัดสายตามอง
“ไว้พรุ่งนี้ละกัน”
ว่าพร้อมตบที่แก้มเบาๆแล้วผลักหัวด้วยความหมั่นไส้ หันหลังเดินออกไปจากห้อง

ชานหนุ่มร่างสูงวางสายโทรศัพท์มือถือพร้อมขมวดคิ้วเข้ม สายตายังคงจ้องไปยังภาพบนจอโทรทัศน์ที่แสดงให้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายในห้องของนักโทษที่จับตัวมา
“ไม่ฆ่าเด็กนั่นซะล่ะ”เข้มที่เดินเข้ามาภายในห้องเอ่ยถามขึ้น ร่างสูงของอิฐหันมามอง
“ฆ่าได้ฉันฆ่าไปแล้ว”
เจ้าของร่างหน้าผิวเข้ม ยกคิ้วขึ้น แสดงความสงสัย

...........
ทนายเพชรโยนโทรศัพท์มือถือด้วยความหงุดหงิด แต่เหมือนเจ้าตัวจะคิดขึ้นได้ว่ามันยังจำเป็นต้องใช้งานในตอนนี้อยู่จึงเดินไปเก็บกลับมาคืน
ผมมองอาการบ้าๆของทนายเพชรแล้วอยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก
รู้ รู้ว่าเจ้าตัวเขาหงุดหงิดใจแค่ไหน เพราะผมก็เป็น
เมื่อไม่ได้รับข่าวว่าท่านอัยการหายตัวไปไหน
“ผมจำเป็นจะต้องเตือนให้ทนายเพชร คนที่อายุมากกว่าผม ให้ใจเย็นลงไหม?”ผมถามขึ้น ทนายเพชรหันมามองผมนิดหน่อย
“ถ้าทนายเพชรแทรกแซงอำนาจไว้ในประเทศนี้บ้างก็คงดีเนอะ”นั่นหมายความว่าเขาไม่มีอำนาจที่จะเคลื่อนไหวในประเทศนี้ นอกจากการร้องขอให้ช่วยทำให้ เหมือนตอนที่ขอความร่วมมือแบบกึ่งบังคับท่านอัยการสิ้นฟ้า หรือขอให้หน่วยงานหนึ่งเปลี่ยนประวัติของน้องสาวท่านอัยการ และฝ่ายที่ถูกร้องขอให้ช่วยก็เต็มใจที่จะช่วยเพราะท่านอัยการสิ้นฟ้า
เสียแต่ตอนนี้ทั้งทางตำรวจและทางสำนักงานอัยการสูงสุดก็หัวเสียพอดูเหมือนกันที่คนของตัวเองหายไป
ทนายเพชรนิ่งเงียบเหมือนกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง
“ฉันจะไปหาผู้หญิงคนนั้น”เขาพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมกับเดินออกไปจากห้องทำงาน ซึ่งผมก็ตามออกไปด้วย

“สวัสดีครับ ที่นี่สำนักงานทนายความของทนายเพชรหรือเปล่าครับ?”ยังไม่ทันได้ขยับตัวไปไหนก็มีเสียงเอ่ยเรียกออกมาพร้อมกับค่อยดันประตูหน้าของสำนักงานทนายความปิด พร้อมกับส่งรอยยิ้มน้อยๆมองคนที่ยืนนิ่งข้างๆผม
“ครับ ผมทนายเพชร”ทนายเพชรตอบรับเรียบๆ
“สวัสดีครับอาจารย์”เขากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ “ผมจะมาขอให้อาจารย์ช่วยเรื่องคดีของผมน่ะครับ”
“...”
“คดีที่ผมตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย”เจ้าของใบหน้าน่ารักเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม

 “เธอไม่ได้ผลักผู้หญิงคนนั้นให้ตกลงไปจริงๆใช่ไหม?”ทนายเพชรถามย้ำ ดินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับทนายเพชรก่อนจะตอบอย่างมั่นใจ
“ผมไม่ได้ผลัก ไม่ได้แตะต้องตัวเธอด้วยซ้ำ อาจารย์ก็น่าจะรู้อยู่แล้ว”
“เล่ารายละเอียดมา”น้ำเสียงเรียบๆแต่ดูกดดันคนฟังนิดหน่อย “ทั้งหมด ทุกเรื่อง...เธอก็น่าจะรู้ว่าการเป็นลูกความที่ดี จะต้องไม่โกหกทนาย”
“ทั้งหมดและไม่โกหกเหรอครับ?”ดินทำท่าทางหนักใจ “ผมก็ไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมดน่ะสิ แถมบางเรื่องคุณและคนที่อยู่กับคุณก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรด้วย”ดินว่าพลางมองทนายเพชรและผม
“...”
“ผมรู้ว่าความกระหายอยากรู้มันมีมากแค่ไหน โดยเฉพาะคนทำงานด้านนี้ ความกระหายจะมีมากเป็นพิเศษ เอาเป็นว่าผมจะเล่าเกี่ยวแค่เฉพาะในส่วนที่ผมเล่าได้ก็แล้วกัน ส่วนเรื่องของเขาคนนั้นในส่วนที่ผมไม่ทราบ คุณคงต้องหาคำตอบจากเจ้าตัวเขาเอง”ดินเอ่ย เหมือนทีเล่นทีจริงแต่มันเป็นประโยคปฏิเสธแบบสมบูรณ์ว่าเขาจะไม่พูดเกี่ยวกับท่านอัยการสิ้นฟ้าสักเท่าไหร่ นั่นเป็นเรื่องที่ทนายเพชรอยากรู้มากที่สุดทนายเพชรเงียบไปสักพักก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจอย่างหน่ายๆแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ จ้องคนตรงหน้า เหมือนพยายามมองหาความจริงที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้นัยน์ตาสีดำสนิทของดิน
“ผมทำงานให้กับสภาทนาย อัยการและศาล แต่ผมคงบอกไม่ได้ว่าผมทำงานอะไร มันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง หลักพื้นฐานของอำนาจอธิปไตยคือแบ่งเป็นสามขั้วอำนาจถ่วงดุลกัน นั่นคือนิติบัญญัติ ตุลาการ และบริหาร ซึ่งผมคงไม่ต้องอธิบายในเรื่องนี้เพราะเป็นทฤษฎีที่นักกฎหมายได้เรียนมาทุกคน” ดินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่แสดงอารมณ์ สิ่งที่ดินกำลังพูดเป็นสิ่งที่พวกเรารู้ดีว่าคืออะไร หลักการถ่วงดุลอำนาจ สามขั้วอำนาจใหญ่ที่ใช้ในการปกครองประเทศ ที่แบ่งออกเป็นสามฝ่าย คือนิติบัญญัติ ทำหน้าที่ออกกฎหมาย แต่ไม่สามารถตัดสินคดี หรือบริหารประเทศได้ ฝ่ายตุลาการ ทำหน้าที่ตัดสินคดี ไม่มีอำนาจในการออกกฎหมาย ไม่มีอำนาจในการบริหารประเทศ ฝ่ายบริหาร มีอำนาจบริหารประเทศ แต่ไม่มีอำนาจออกกฎหมาย และตัดสินคดี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้?
“เรื่องตลกมันเริ่มขึ้น เมื่อฝ่ายบริหารเริ่มแทรกแซงอำนาจตุลาการ และฝ่ายตุลาการเริ่มลงมาเกลือกกลั้วกับการเมือง”
“13 นักปฏิวัติ”ผมเอ่ยออกมาเบาๆ เมื่อเริ่มนึกอะไรบางอย่างออก
“ใช่ อำนาจในฉากหน้ายังทำหน้าที่เหมือนๆเดิม แต่ฉากหลังจับมือกัน เมื่อมีฝ่ายตรงข้ามที่เห็นต่างทางการเมืองโผล่ขึ้นมา 13 นักปฏิวัติเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ยังมีคนอีกหลายคนในองค์กรต่างๆที่แบ่งเป็นฝ่าย แต่ทุกคนมีสิทธิที่จะเห็นต่างถ้าไม่ล้ำเส้นของกันและกัน และสู้กันอย่างแฟร์ๆตามระบอบ แต่เราก็รู้กันอยู่ว่ามักมีพวกเล่นนอกเกมกันอยู่เสมอ มีคนพยายามที่จะกำจัด 13 นักปฏิวัติที่ครองอำนาจส่วนใหญ่ในตอนนี้อยู่ พวกเขาใช้แผนการเดียวกันกับที่ 13 นักปฏิวัติเคยใช้ กำจัดทิ้งให้ลงจากอำนาจทีละคน ตัวอย่างเช่น อดีตอัยการสูงสุด”
“พ่อของสิ้นฟ้า”
“ถ้าคิดจะถอนต้นก็ต้องถอนรากด้วย เสียแต่ว่ารากมันหยั่งลึกค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่ออดีตอัยการสูงสุดหายตัวไป องค์กรก็ขยับทันที โดยเอาคนใหม่ขึ้นมาแทน อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่ากำแพงอำนาจเก่าทั้งหนาและแน่น ยากที่จะทำลาย”ดินยิ้มน้อยๆ “ในตอนนี้ผมคงจะบอกคุณได้ว่า ท่านอัยการสิ้นฟ้า ค่อนข้างที่จะปลอดภัยในระดับหนึ่ง คุณไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ถึงแม้เขาจะเป็นอัยการแต่คอนเนคชั่นเป็นสิ่งสำคัญ และเขาก็เป็นคนที่วางตัวเองไว้ดี มีคนพร้อมช่วยเหลือเขา”
“จะให้วางใจได้ไง กับคนที่อยู่ดีๆก็หายตัวไปโดยที่ยังตามหาไม่เจอ”
“อย่าดูถูกอำนาจของอัยการสิครับ อาจารย์”ดินพูดยิ้มๆ “เรามาฟังบทละครฉากนี้กันต่อดีกว่า”
“ผู้หญิงที่กระโดดลงไป เป็นอีกคนที่เข้ามาในวงเวียนของอำนาจทางการเมือง เสียแต่เธอเป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา ผมยังยืนยันคำพูดเดิมว่าผมไม่ได้ผลักเธอลงไป...”

“ดิน เธออยู่ฝ่ายไหนบอกฉันได้ไหม?”ดินมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะเอ่ย
“ทำไมจะต้องเลือกข้าง?”
“คนเก่งๆมักจะถูกดึงไปหมด และเธอ...ก็ไม่น่าจะรอด”หญิงสาวว่า “ฉันสืบหาข้อมูลของเธอ เธอเป็นบุตรบุญธรรมของท่านอัยการวารีรินทร์ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่ถูกดึงไปอยู่ข้างเขา นั่นหมายความว่า เราเป็นศรัตรูกัน”หญิงสาวพูดนัยน์ตาหวั่นไหวนิดหน่อย ก่อนจะกลับมาเรียบสนิทตามเดิม
“เธอมาตีสนิทกับฉัน เพราะผลประโยชน์นี่เอง”
“ไม่หรอกที่จริงผม...”ดินนัยน์ตาวูบไหว อย่างคนกำลังสับสน ทำให้หญิงสาวมีแววแห่งความหวัง
“ดิน...”
“ผมชอบเธอนะ”ดินเอ่ยออกมาเบาๆ “แต่ผมไม่รู้จะต้องทำยังไง...ถ้าเราอยู่ข้างเดียวกันก็คงจะดี”เจ้าตัวส่งยิ้มอ่อนโยนและจริงใจไปให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงข้ามตน
“จริงเหรอ?”
“ความรู้สึก สิ่งที่ผมทำให้เธอตลอดมาไม่เคยโกหก”
“...”
“แล้วเธอละ รู้สึกยังไงกับผม”หญิงสาวยิ้มออกมา ผู้ชายตรงหน้ารู้สึกดีๆกับเธอแค่นี้เธอก็ดีใจแล้ว ดินเป็นบุคคลที่อยู่สูงเกินไปที่ไขว่คว้าด้วยซ้ำ ทั้งหน้าตา ฐานะที่ได้ชื่อว่าเป็นบุตรบุญธรรมของท่านอัยการวารีรินทร์ หลายคนอยากได้และหมายปองผู้ชายคนนี้ รวมทั้งเธอ ที่ถึงแม้เธอจะมั่นใจว่าสถานะของเธอก็มีอะไรที่ไม่แพ้ผู้ชายตรงหน้า แต่เพราะความเป็นดิน ที่ถึงแม้จะชื่อว่าดินแต่กลับดูสูงจนเอื้อมไม่ถึง อาจจะเป็นเพราะการวางตัวที่ทำให้ไม่มีใครอาจละสายตา ตลอดเวลาที่ดินเข้ามาหาเธอมันเหมือนความฝัน ดินเป็นคนเอาใจเก่ง ดูแลเก่ง คิดถึงเธอก่อนเสมอ  ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ตรงข้ามกับเธอ อะไรๆมันคงง่ายขึ้น
“ฉันชอบเธอ”หญิงสาวเอ่ย ดินยิ้มอย่างอ่อนโยนแต่เจ้าตัวยังคงยืนนิ่ง
“ขอบคุณนะ”หญิงสาวจะขยับเข้าไปหาดิน แต่ต้องสะดุดไม่แม้แต่จะก้าวออกเดิน เมื่อมีเสียงข้อความเข้าในมือถือของเธอ ทีแรกเธอจะไม่สนใจ แต่ดูจากสายตาของดินเหมือนอยากให้เธอเปิดดูก่อน เพราะเจ้าตัวทำท่าทางเสมือนลุ้นไปด้วย
นัยน์ตาของหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็นคลิปที่กำลังเล่นในโทรศัพท์
“ถ้าคลิปนี้ถึงมือนักข่าวและพ่อของเธอจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ”เสียงเรียบนิ่งของชายหนุ่มพูดขึ้นทั้งที่ยังยิ้มอ่อนโยน “เสพยา มั่วเซ็ก อืม...”
“มา มาได้ยังไง?”หญิงสาวทำท่าทางตื่นๆ “เธอส่งมาเหรอ?”ดินทำท่ายักไหล่แบบไม่รู้ไม่ชี้ “แต่เธอรู้ว่ามันคือคลิปอะไร”
“ตอนนี้มันเผยแพร่ไปทั่วโซเชี่ยลแล้วล่ะ”
“ไม่จริงๆ”
“ถ้าไม่จริงแล้วผมจะรู้ได้ไง?”ดินทำหน้าเศร้า “ผมชอบเธอนะ แต่ผมไม่นึกว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้”
.
.
.
“ผมผิดหวังในตัวเธอ”
“ไม่ดิน ไม่นะๆ”หญิงสาวเริ่มทึ้งหัวตัวเอง เมื่อคำพูดนั่นเหมือนฟ้าผ่าลงท่ามกลางจิตใจของหญิงสาว
“จะทำยังไงต่อไปล่ะ คลิปมันถูกส่งต่อไปตามโลกโซเชี่ยลแล้วนะ พ่อเธอก็น่าจะรู้ นักข่าวจะเล่นข่าวนี้ไม่หยุด ชื่อเสียงของเธอ ชื่อเสียงของครอบครัวเธอ ไม่มีใครรับเรื่องนี้ได้ เธอจะทำยังไงต่อไป”
“ฉันจะทำยังไงดี”
“นั่นสิ จะทำยังไงดี?...ไม่มีใครรับเรื่องนี้ได้ เธอจะถูกตราหน้าจากสังคม ชื่อเสียงของพ่อเธอ ครอบครัวเธอจะป่นปี่ นั่นเพราะตัวเธอเอง เธอจะทำยังไงดี”เสียงราบเรียบยังคงเอ่ยไปเรื่อยๆ
“ฮึก...ฮือ ฮือ”
“เพราะเธอทำตัวเธอเอง...”
“ไม่ๆฮึก...”หญิงสาวหันมามองดิน เพื่อนลหวังเป็นที่พึ่ง แต่เห็นดินมองไปยังเก้าอีกตัวหนึ่ง


“เป็นเพราะเธอ...”


“เป็นเพราะเธอ...”


“เป็นเพราะเธอ...”


“เป็นเพราะเธอ...”


“เป็นเพราะเธอ…”


“ที่ทำให้ทุกอย่างมันพัง...”


เพล้ง!

กรี้ด!

รอยยิ้มถูกจุดขึ้นมาบนมุมริมฝีปากแดงบางระเรื่อ ก่อนจะเดินออกไป

ผมเม้มปากแน่นกับสิ่งที่ดินเล่า ผู้ชายคนนี้มันเลือดเย็นชัดๆ ทนายเพชรหลับตาลงสักพัก เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“ฉันจะไม่รับคดีนี้”ทนายเพชรบอก ดินยิ้ม
“ผมกะไว้อยู่แล้วล่ะ ว่าคำตอบจะต้องออกมาเป็นอย่างนี้ คุณอาจจะคิดว่าผมมีส่วนทำให้เธอตาย แต่ผมคิดว่าผมไม่ใช่ ผมไม่ได้จับตัวเธอ ไม่ได้แตะต้องตัวเธอ ไม่ได้ขยับตัวจากตรงที่ผมยืนอยู่สักนิด ไม่ได้ใช้คำพูดในเชิงข่มขู่หรือสะกดจิตให้เธอไปฆ่าตัวตายหรือโดดลงไป ผมแค่ใช้คำพูดชี้ให้เธอเห็นข้อเท็จจริง ผลกระทบของสิ่งที่เธอได้ทำลงไป”
“นั่นก็จริงแต่...”
“ผมแค่ต้องการให้คุณติดตามผลการตรวจของกองพิสูจน์หลักฐานและนิติเวช แน่นอนลายนิ้วมือบนเก้าอี้ที่ใช้ทุบกระจก หรือร่องรอยจากศพไม่มีอะไรบ่งชี้ถึงผม อีกทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดก็จะแสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่าผมไม่ได้ทำอะไรเธอ หลักฐานมีพร้อมให้ ก็แค่ต้องการทนายความที่ไว้ใจได้ ไปแสดงโชว์ทำให้คดีไม่ถูกฟ้องขึ้นชั้นศาลเท่านั้นเอง”

“ทำไมต้องเป็นฉัน?อย่างฉันไม่น่าจะเรียกว่าไว้ใจได้”

“เพื่อท่านอัยการสิ้นฟ้า...แค่นี้พอจะตอบตกลงได้ไหมครับ”

“...”

“ออ...อีกอย่าง เพราะคุณเอาตัวกระโดดเข้ามาเอง ถ้าผมไม่ใช้โอกาสนี้ดึงคุณเข้ามาเป็นพวกไว้ เกรงว่าอีกฝ่ายก็คงไม่ปล่อยคุณไว้เหมือนกัน ถือว่าช่วยๆกันนะครับ”


............50%............




ตัดที่50%เพื่อความตื่นเต้น (ผิดๆ) มันถึงจุดที่ต้องตัดก็ต้องตัดครับ
หลังสอบและเคลียร์งานเสร็จแล้วผมจะมาต่อให้นะครับ(นั่งพับเพรียบก้มลงกราบขออภัย)

มาพูดถึงตอนนี้ เฮ้ยมันเฉลยหมดแล้วนี่หว่า มันไม่มีอะไรให้เฉลยแล้ว?(เหรอ)
พูดถึงตัวละคร ดิน ดินคือลูกรักของผม เพราะงั้นไม่ว่าเจ้าตัวจะทำอะไรก็ไม่ผิด
ดินเป็นตัวช่วยที่ดีของสิ้นฟ้า เป็นตัวประกอบอันเลอค่าของเรา
ดินเป็นบุคคลที่อยู่นอกเหนือตรรกะทั้งมวล 555+

ไม่ขอพูดถึงคนที่ถูกจับอยู่ ทั้งนี้มีอะไรสงสัยสามารถถามได้ครับ
ผมอาจไม่ใช่นักเขียนที่ดีมาไม่เป็นเวลาเพราะหน้าที่การงานหลายๆอย่าง
ขอบคุณที่ติดตามครับ ^_^

ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ด้วยครับ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 I'm in stress.(50%) 28/01/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-01-2016 23:33:35
นี้คือเฉลยออกมาแล้วใช่ไหม ทำไมรู้สึกว่าตัวเองยังโง่งมอยู่เหมือนเดิม  :serius2:
*** ชอบเรื่องนี้จริงๆนะ อยากเห็นความหวานบ้างอะจ้ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 I'm in stress.(50%) 28/01/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 29-01-2016 09:05:16
แล้วใครจะมาช่วยฟ้าล่ะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 I'm in stress.(50%) 28/01/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: padang ที่ 30-01-2016 14:06:40
เรื่องนี้ดีมาก รออ่านตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 I'm in stress.(50%) 28/01/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: temaripik ที่ 30-01-2016 18:21:48
สู้ๆนะคะ
เราเห็นออร่าพระเอกตั้งแต่พี่เพชรออกมาแล้วค่ะ
แล้วก็เชียร์ด้วย5555
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 I'm in stress.(100%) 13/02/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 13-02-2016 01:54:56
I’m in stress.(ต่อ50%


“ได้ข่าวว่ามีเรื่องจะคุยกับกู”ร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมกับมองร่างที่อยู่บนเก้าอี้ตรงหน้า ในความคิดเขาเชื่อเลยว่าอีกไม่นานร่างของอัยการที่เขาเก็บได้กลางป่าจะทนไม่ไหวแล้ว

“ออ ใช่”สิ้นฟ้าตอบไปด้วยเสียงเบาๆราวกับกำลังจะหมดแรง “พนันกันไหมว่าภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ มึงจะต้องปล่อยตัวกูไป”คนฟังย่นหัวคิ้วลงเล็กน้อย “และก่อนที่กูจะฉี่ราดจริงๆตอนนี้เริ่มปวดฉี่ละ หิวข้าวด้วย กูคงไม่มีอารมณ์คุยกับมึงตอนเวลากำลังหิว เรื่องสำคัญเสียด้วยสิ แต่ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวกูก็ได้ออกไปละ”

“พูดบ้าอะไรของมึง!”อิฐว่าออกไปอย่างคนเริ่มหัวเสีย นี่ถ้าไม่เห็นว่าคนตรงหน้ามีตำแหน่งเป็นถึงอัยการคงตบหัวคว่ำไปแล้ว หรือจะตบจริงๆดี คงไม่มีผลอะไรมากมายหรอกมั้ง?เพราะก็ทำไปมากกว่าตบหัวแล้ว

“ไม่เชื่อเหรอ?”ไม่ทันได้ง้างมือจะตบหัว คนตรงหน้าก็พูดขึ้น “เกี่ยวกับเรื่องคดีของมึงและครอบครัวมึง ถ้าเกินกว่านี้กูไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง กูไม่อยากประวิงเวลานานกว่านี้...”เว้นวรรคไปอย่างนั้นให้คนฟังคิดต่อ

“งั้นก็พูดมา”อิฐตอบส่งๆทั้งที่ในสมองเริ่มคิดว่าคนตรงหน้าสืบได้เรื่องอะไรไปบ้าง พอจะเอาผิดเขาและครอบครัวในตอนนี้ได้ไหม เพราะสิ้นฟ้าไม่ใช่อัยการคนเดียวที่เข้ามาสืบคดี ยังเหลืออีกคนคือเจ้าเด็กที่ชื่อว่าเก่งและเมื่อรู้ว่าเพื่อนคนหนึ่งหายตัวไปตอนนี้ไอ้ตำรวจภูนั่นก็ตามติดเก่งแบบตัวติดกันตลอดเวลา ราวกับพวกมันรู้อะไรหลายๆอย่างจนต้องระวังตัว ดูไม่เชื่อมั่ว่าเพื่อนตัวเองจะหลงป่า ตอนนี้ทำอะไรมากไม่ได้ ทั้งคนที่นั่งอยู่ตรงนี้และพวกที่เหลือ เพราะอาจมีหลักฐานเพ่งเล็งมาที่เขา

“ก็บอกแล้วไงว่าหิวไม่มีอารมณ์จะคุย เข้าใจไหมว่าหิวข้าวอ่ะหิวข้าว”นัยน์ตาสีดำสนิทของสิ้นฟ้ามองออกไป แม้จะอ่อนแรงแต่นัยน์ตาคมเชี่ยวไม่ได้อ่อนแรงไปด้วย

“ไปเอาข้าวมา”อิฐหันไปสั่งลูกน้อง

“ขอข้าวผัดหมูไม่ใส่ผัก ใส่แต่มะเขือเทศนะอย่าใส่พริกไทยมาล่ะ เพราะกูแพ้พริกไทยแบบรุนแรง ถ้ากูตายขึ้นมาพวกมึงจะเดือดร้อน”

“เรื่องมาก!”เข้มที่ยืนมองห่างๆตรงมุมห้องพูดขึ้น

“ตามใจกันหน่อยสิ เอาตัวเขามาก็หัดเลี้ยงดูเขาอย่างดีซะมั่ง”สิ้นฟ้าพูดอย่างเซ็งๆ

“ถ้าได้แดกข้าวแล้วยังไม่เปิดปาก ระวังไว้ให้ดี”อิฐขู่

“เออน่า”สิ้นฟ้าตอบปัดๆ

“ไม่ไปฉี่”อิฐถาม เตรียมจะให้ลูกน้องพาสิ้นฟ้าไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเสียก่อน

“กินก่อน อดข้าวมาหลายวันมีแรงแหกปากก็ดีถมถืดแล้ว แล้วก็แกะเชือกได้ล่ะ มาคุยกันอย่างอารยชนดีกว่า พวกมึงมีตั้งเยอะแยะกูไม่มีปัญญาทำอะไรหรอก”อิฐเดินไปแกะเชือกให้ เพราะจริงอย่างคนตรงหน้าว่า เขามีกันหลายสิบชีวิตเจ้าตัวจะทำอะไรได้ เขาจึงเดินไปแกะเชือกแต่ก็ยังเฝ้าระวังไม่ไกล

ไม่นานข้าวผัดหอมๆก็มาเสิร์ฟ สิ้นฟ้ากินจนหมดจานก่อนจะกินน้ำตามและเริ่มรู้สึกว่าตอนนี้เริ่มปวดฉี่มากๆจึงเอ่ยปากให้พาไป

“เดี๋ยวให้ลูกน้องพาไป”อิฐบอก

“มึงนั่นล่ะพาไปจะได้คุยไปด้วย ไม่เสียเวลา เดี๋ยวไม่ทันการ...”ประโยคสุดท้ายพูดกับตัวเองเบาๆจนทำให้อิฐเกิดความรู้สึกสงสัยว่าไม่ทันการอะไร แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากถามมือของสิ้นฟ้าก็มากระชากแขนเขาให้เดินไปห้องน้ำเสียก่อน อิฐไม่อยากเรื่องมากและอยากรู้เรื่องเร็วๆจึงเดินพาไป

สิ้นฟ้าเข้าห้องน้ำจัดการธุระตัวเองเรียบร้อยก่อนจะเปิดประตูออกมา อิฐที่ทีแรกยืนหันหลังให้ห้องน้ำหันกลับไปเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู แต่นัยน์ตาก็ปะเข้ากับวัตถุสีเงินขนาดเล็กแต่ทรงอนุภาพในมือของสิ้นฟ้าที่หันปากกระบอกเล็กๆมาทางเขา ทำให้อิฐรีบจับปืนที่เหน็บอยู่ข้างหลังของตัวเองทันที แต่ความเย็นที่ปะทะเข้ากับหน้าผากทำให้เขาต้องชะงัก

“อะอะ อย่าคิดที่จะจับปืนออกมาเลยทีเดียว”สิ้นฟ้าว่าพรางเอื้อมไปข้างหลังแล้วเอาปืนของอิฐมาถือไว้แล้วหันปากกระบอกปืนไปทางอิฐ

“ขึ้นไกให้หน่อย” อิฐทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วจัดการให้ในขณะที่มืออีกข้างของสิ้นฟ้ายังจ่อปืนจิ๋วเข้าที่หัวเขา คิดเจ็บใจที่ไม่ให้ลูกน้องตามมาด้วยสักคนสองคนและเจ็บใจว่าคนๆนี้คืออัยการ! อีกอย่างที่ไม่ตามเข้าไปในห้องน้ำด้วยเพราะมั่นใจว่าในห้องน้ำไม่มีช่องทางให้หนีอะไร และถ้าสิ้นฟ้าคิดจะเล่นตุกติกเขาจะพังประตูเข้าไป แต่นึกไม่ถึงว่าอีกคนจะซ่อนปืนขนาดจิ๋วเอาไว้
 นัยน์ตาของอิฐเลื่อนมองไปยังรองเท้าบูทหนังสีดำของคนตรงหน้า เจ็บใจที่ตลอดระยะเวลาไม่ได้ตรวจค้นจนถึงรองเท้า

“แท้จริงมึงก็เป็นคนดีนะ”สิ้นฟ้าเปิดประเด็น “นิสัยดี ใจดี เพียงแต่ทำเรื่องผิดกฎหมายเหมือนคนบางคนที่กูรู้จัก”สิ้นฟ้ายิ้มน้อยๆให้อิฐ

“แต่นิสัยดีกับการทำผิดกฎหมายมันคนละเรื่องกัน”

“...”อิฐยังคงเงียบ เพื่อดูท่าทีของคนตรงหน้าว่าจะมาไม้ไหน

“เอาล่ะ พากูออกไปจากที่นี่ได้ละ”

ตลอดระยะทางที่เดินออกมาจากบ้านมาขึ้นรถ ลูกน้องของอิฐที่เห็นทำหน้าอึ้งแล้วกะจะเข้ามาช่วยเจ้านายของตัวเอง เสียแต่ไม่กล้าขยับเพราะถ้าเกิดขยับตัวขึ้นมาเกรงว่ามือของคนที่จ่อปืนไปที่หัวของเจ้านายเขาจะลั่นและหัวสมองของเจ้านายพวกเขาจะเละเป็นโจ๊ก
 บ้านหลังนี้อยู่ในเขตเมือง สิ้นฟ้าสั่งให้อิฐขับออกไปนอกเมือง เมื่อขับรถมาได้สักระยะหนึ่งจึงสั่งให้จอดและบอกให้อิฐลงไปจากรถ

“ขอบคุณสำหรับอาหารที่เลี้ยง และรถนี่ขอยืมก่อน”สิ้นฟ้าพูดแค่นั้นและขับรถออกไป ทิ้งให้เขายืนเขว้งอยู่ที่ถนนนอกเมือง อิฐแค่นหัวเราะ ภายในไม่กี่ชั่วโมงอย่างที่เด็กนั่นมันว่าจริงๆแถมยังได้กินข้าวอิ่มๆออกไปอีก

.........
สิ้นฟ้าขับรถมาจอดยังบ้านที่เช่าอยู่กับเก่งและภู เหมือนนกรู้ว่าเขากำลังจะมาเพราะทั้งสองคนยืนรอทำหน้าเครียดอยู่หน้าบ้าน เมื่อสิ้นฟ้าลงจากรถหมวดภูก็ติดต่อไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ค้นหาตัวสิ้นฟ้าอยู่ให้ยกเลิกภารกิจ

“เอารถใครมาขับ?”มาลงมาจากรถก็ถูกเก่งยิงคำถามเข้ามาทันที

“ยืมเขามาแต่ไม่รู้จะโดนเขาฟ้องข้อหากรรโชกทรัพย์ไหม”สิ้นฟ้ายิ้มตอบน้อยๆว่าดูเหมือนเรื่องตลก

“แล้วดูสภาพดิ่”

“นิดหน่อยน่า”ไอ้นิดหน่อยของเจ้าตัวนี่ก็เละพอควร

“ไปอาบน้ำไป”เก่งไล่

 สิ้นฟ้าเดินขึ้นมาบนบ้านแต่ต้องชะงักเมื่อบนบ้านมีร่างสองร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ คนหนึ่งใบหน้าเรียบนิ่งดูนิ่งเฉยกับอีกคนที่พยายามจะทำใบหน้าเรียบนิ่งดูนิ่งเฉยด้วยแต่นัยน์แววตาเป็นประกายและเหมือนมีหางกระดิกส่ายไปมา

“หยุด อย่าพึ่งพูดอะไรขอจัดการตัวเองก่อน”สิ้นฟ้าว่าแล้วเดินหนีเข้าห้องไปเลย

ผมหันไปมองทนายเพชรที่นั่งทำหน้าเหี้ยมอยู่ ที่จริงก็แค่ทำหน้านิ่งๆเรียบเฉยไม่แสดงถึงอารมณ์ใดๆ นั่งไปได้สักพักประมาณชั่วโมงหนึ่งท่านอัยการสิ้นฟ้าก็ออกมา ตอนนี้ทั้งพี่เก่งหมวดภู ผมและทนายเพชรอยู่กันพร้อมหน้ารอฟังคำอธิบายจากท่านอัยการสิ้นฟ้า

“ไปหาหมอให้หมอเช็คสักหน่อยไหม?”ท่านอัยการเก่งถามขึ้น

“ไม่เป็นไรสบายดี”ท่านอัยการสิ้นฟ้าตอบกลับมาเรียบๆ เมื่อเห็นสายของคนทั้งหมดที่รอท่านอัยการสิ้นฟ้าเปิดปากอยู่ เจ้าตัวจึงถอนหายใจแล้วเล่าเรื่องออก

“ดีนะ ที่ออกมาได้”พี่เก่งพูดขึ้น ท่านอัยการสิ้นฟ้าหัวเราะนิดหน่อย ก่อนจะตอบออกมา

“นี่ใคร นี่สิ้นฟ้า ออกมาไม่ได้นี่สิเรื่องแปลก”

“แล้วปืนกับรถ?”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้รบกวนหมวดภูเอาไปคืนไอ้อิฐมันให้หน่อยละกัน เดี๋ยวมันโมโหขึ้นมาทำเรื่องฟ้องร้องอัยการเดี๋ยวแย่”หมวดภูพยักหน้ารับ

“เออ งั้นกูกับหมวดไปดูพวกเจ้าหน้าที่ก่อน ในเมื่อมันรู้แล้วว่าพวกเราเป็นใครที่นี้ก็เล่นได้แบบไม่ต้องเกรงใจกันล่ะ”หลังจากนั้นหมวดภูและพี่เก่งก็ออกไปจากบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถออกไปแล้วผมจึงได้มาโฟกัสที่คนตรงหน้าอีกครั้ง

“...”

“...”

“...”

งานอึดอัดมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

“กินอะไรมากันยัง?”ท่านอัยการสิ้นฟ้าถาม “เต็มสิบคิดถึงจุงเบย” ท่านว่าพร้อมกระโดดเข้ามากอดผมจนแน่น อีกอย่างท่านไปเอาภาษาประหลาดๆนั่นมาจากไหน

“ผมก็คิดถึงท่านครับ”ผมกอดตอบ ผอมลงไปอีกหรือเปล่าเนี่ย? “ท่านปลอดภัยก็ดีแล้วครับ”ผมยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจที่ได้เจอท่าน ทั้งโล่งใจทั้งดีใจ

“ไปฉลองกันไหม?มาถึงที่นี่ทั้งที”ผมพยักหน้ารัวๆ “อยากกินอะไรล่ะ?”

“ที่นี่มีอะไรอร่อย ท่านพาไปนะครับ”ท่านอัยการสิ้นฟ้าตอบตกลง ก่อนเดินเข้าไปหาทนายเพชร ทนายเพชรเพียงแค่ยกมือขึ้นมาขยี้หัวท่านอัยการสิ้นฟ้าให้ผมพอเสียทรงแล้วเดินนำออกไป

พวกเรามาทานข้าวในเมืองด้วยรถของ เอ่อ คนที่ท่านอัยการบอกว่ายืมมานั่นล่ะ ผมกับทนายเพชรมาที่นี่ด้วยเครื่องบินโดยสารแล้วโทรให้หมวดภูมารับซึ่งผมยัง งงๆว่า ไปรู้จักกันตอนไหนเพราะทั้งสองคนตอนเจอกันก็เหมือนได้เจอกันครั้งแรกและดูเหมือนหมวดภูจะรู้ว่าผมและทนายเพชรจะมาที่นี่ ท่านอัยการเป็นคนขับซึ่งดูท่านชำนาญทางพอควร ในระหว่างขับรถท่านบอกว่าที่จริงเดินทางเทียวไปเทียวมาระหว่างหมู่บ้านกับอำเภอเมืองประมาณสองสามครั้ง เพราะท่านก็ต้องเข้ามาเคลียร์คดีเล็กๆน้อยที่สำนักงานอัยการจังหวัดเหมือนกัน เพียงแต่ตอนจะเข้าจะออกอาศัยรถของชาวบ้านที่จะเดินทางเข้าในเมืองเขาเอา
พอทานข้าวเสร็จท่านก็ตัดสินใจมาเอารถของท่านที่บ้านพักอัยการ แบบยังคงป้ายแดงเลยทีเดียว แสดงว่าท่านควักเงินซื้อรถแต่เอามาจอดไว้บ้านพักเฉยๆสินะ แล้วให้ทนายเพชรขับรถของบุคคลที่ถูกยืมมากลับไปยังหมู่บ้าน ส่วนท่านอัยการก็ขับรถของตัวเองตามไปโดยมีผมนั่งอยู่ด้วย

เมื่อมาถึงบ้านพักก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่หมวดภูกับท่านอัยการเก่งยังไม่กลับมา ผมเลยเลือกไปนอนห้องอัยการเก่ง แล้วปล่อยให้ทนายเพชรกับท่านอัยการสิ้นฟ้านอนด้วยกัน เพราะดูเหมือนว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องต้องเคลียร์กันอีกยาว

นิ้วเรียวใหญ่ของทนายเพชรบรรจงทายาไปที่รอยเขียวช้ำตรงมุมปากและบนเรียวแขนของคนที่นอนหลับไปก่อนอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เมื่อเสร็จจึงกดริมฝีปากจูบลงไปที่หน้าผาก แก้ม ไล่มาเรื่อยๆจนเกือบจะถึงริมฝีปากของคนที่นอนหลับ แต่ต้องหยุดเมื่อมือของคนนอนกระชากเส้นผมจากข้างหลังให้รู้สึกเจ็บเบาๆ

“ฮาร์ดคอร์นะเราน่ะ”ทนายเพชรพูดพร้อมกับอมยิ้ม จ้องตาคนที่อยู่ดีๆก็ตื่นขึ้นมา “นอนต่อซะ จะไม่กวนแล้ว”

“ไม่โกรธเหรอ?”สิ้นฟ้าถาม

“เรื่องอะไรล่ะ?”

“ก็...”

“จะโกรธได้ไง ในเมื่อฟ้าบอกพี่แล้ว พี่ก็แค่เป็นห่วง”

“แล้วเรื่องอื่น”

“เอาเป็นว่าตอนนี้พี่ยังหาเหตุผลโกรธฟ้าไม่เจอ นอกจากเรื่องเจ็บตัวมา แต่พี่ได้ทายาให้ฟ้าพี่ก็พอให้อภัยได้ เอาไว้พี่หาเรื่องโกรธฟ้าเจออีกเมื่อไหร่แล้วพี่จะบอก”พูดพร้อมกับยกยิ้ม

“นอนดีกว่า”สิ้นฟ้าพยายามหาทางเลี่ยงเมื่อเจอกับรอยยิ้มนั่นในระยะประชิด

“ทำไมต้องหน้าแดง”

“เค้าไม่สบาย”พูดพร้อมกับพยายามทำเสียงสั่นๆ

“เหรอ?”

“อืม!ถามมาก”

“รักสิ้นฟ้านะครับ”

“นายพชร เอกโชติภูมินนท์ นอนได้แล้ว!”

เช้าวันต่อมาดูทนายเพชรจะสดใสมากยิ่งขึ้นแตกต่างกับท่านอัยสิ้นฟ้าที่สีหน้าเรียบนิ่ง มีแววอ่อนแรงนิดๆพอแปดโมงพี่หมวดภูมี่ขับรถพร้อมกับเอาของบางอย่างไปคืนเจ้าของเขาตั้งแต่เช้าก็กลับมาพร้อมกับท่านอัยการเก่งที่ไปเป็นเพื่อน เมื่อวานทั้งสองคนกลับมาก็เกือบเช้าแล้ว กลับเข้ามาพี่เก่งก็อาบน้ำแล้วก็ออกเอารถไปคืนเลย

“เต็มสิบพี่เก่งอยากกินข้าวต้มร้อนๆพี่รู้สึกมีคนเหมือนหมดแรง สงสัยจะทั้งคืน”

ผลั๊วะ!
โดนฝ่ามือสำนักสิ้นฟ้าสิ้นแผ่นดินไปทีเดียวเต็มจนต้องร้องลั่น

“ใจร้าย!”อัยการเก่งพูดแค่นั้นพร้อมกับทำหน้าบึ้ง

“ข้าวต้ม โอเคครับเดี๋ยวผมทำให้”ผมพูดเผลอหัวเราะออกไปนิดหน่อย ก่อนจะมองไปยังสองชาย ชายภูกับชายเพชรที่จิบกาแฟพูดคุยกันอยู่ที่ริมระเบียงราวกับที่นี่เป็นรีสอร์ทสุดหรูก็ไม่ปานทั้งที่เป็นบ้านเช่าธรรมดา ส่วนท่านอัยการสิ้นฟ้า กลิ้งลงบนเสื่อหน้าทีวีนอนดูการ์ตูนตอนเช้าไปแล้วครับ

เมื่อทำข้าวเช้าเสร็จก็เกือบแปดโมงแล้ว

“เออ ไอ้อิฐบอกว่าพ่อมันจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับมึงอ่ะ”พี่อัยการเก่งพูดกับท่านอัยการสิ้นฟ้า

“กะจะประกาศให้ทั่วเลยสิว่ากูกับมึงเป็นใคร"ท่านอัยการสิ้นฟ้าว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย นิ้วชี้เริ่มเคาะโต๊ะทานข้าวเบาๆอย่างใช้ความคิด

“เอาสิ่ ถ้าเขาอยากจะจัดให้ กูก็ไม่ปฏิเสธ”

ทำไมต้องพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก ส่งสัญญาณแผ่รังสีความชั่วร้ายออกมาอย่างนั้นด้วยล่ะครับท่านอัยการ!

..................





อิฐเป็นคนคิดเยอะไปสิ้นฟ้าถึงออกมาได้ ถ้าเป็นคนเขียนจับปืนกรอกปากแล้วขู่ไปล่ะ
"สิ้นฟ้า!พวกเมิงได้หลักฐานไรไปมั่งบอกมา!"
อร๊ากกกกก โดนสิ้นฟ้าตบ
แต่ด้วยนิสัยสิ้นฟ้าคงยิ้มเหยียดๆแล้วพูดใส่คนเขียนว่า
"กูไม่บอก ยิงกูสิ ครอบครัวมึงรวมถึงมึงจะเป็นยังไงหลังจากนี้กูไม่รู้นะ"
...
ก็นะ...รู้สึกแพ้สิ้นฟ้า ทั้งขึ้นทั้งล่อง(ใช้คำนี้ถูกป่ะ?)
เอาเป็นว่าใครรู้ว่าจะชนะสิ้นฟ้ายังไงได้ช่วยบอกหน่อย จะไปจัดการมัน(ทำหน้ามุ่งมั่น)

สิ้นฟ้า:เดี๋ยวนะ? ช่วงนี้คนเขียนมันแค้นอะไรฉันหรือเปล่า?

มีข้อผิดพลาดคำผิดอะไรต้องขออภัยไว้ด้วยครับ แล้วเจอกันตอนต่อไปครับผม^_^


หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่10 I'm in stress.(100%) 13/02/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-02-2016 11:57:33
 :hao7: เขาทำอะไรกันในห้องนั้นคะ  :mew3: นิดๆหน่อยกับความมโน 
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่...Special side หนึ่งวันกับหนึ่งฟ้า) 20/03/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 20-03-2016 00:01:15
Special นี้เคยเอาลงในเพจแล้ว ใครที่ติดตามเพจอยู่น่าจะได้อ่านกันแล้ว
อ่านซ้ำก็ได้ไม่อ่านก็ได้ครับ อิอิ
เอามาลงเพื่อเป็นคำมั่นว่าเราไม่ได้ทิ้งนิยายเรื่องนี้นะ แต่ตอนนี้งานเข้าหนักมาก
จึงไม่มีเวลาตรวจทานแก้ไขหรือทำตอนต่อไปให้สมบูรณ์ จึงไม่สามารถลงตอนต่อไปได้
รอหน่อยนะ นักอ่านที่รัก

.......

หนึ่งวันกับหนึ่งฟ้า

สิ้นฟ้า เป็นบุคคลที่ชอบอากาศหนาวที่สุด เจ้าตัวสามารถแช่อยู่ในห้องน้ำนานๆเป็นขั่วโมงได้ในช่วงอากาศเย็น ทั้งนี้เพราะมันเป็นน้ำอุ่น และชอบการซุกอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆราวกับหมีจำศีล พลังการทำงานลดลงไปถึง 70 เปอร์เซ็น ซึ่งมันเป็้นความขัดแย้งภายในตัวเล็กน้อย แต่ทั้งนี้เจ้าตัวก็ชอบอากาศหนาวมากที่สุด ถึงจะชอบแต่ก็รู้สึกขี้เกียจ

เต็มสิบ หนุ่มน้อยที่จะกระฉับกระเฉงที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ร้อน หนาว หรือฝน เจ้าตัวไม่ได้เกลียดหรือชอบบรรยากาศแบบไหนเป็นพิเศษ รู้เพียงแต่ว่าไม่ว่าจะบรรยากาศแบบไหนเจ้าตัวก็ทำตัวเหมือนกับทุกๆวัน จนสิ้นฟ้าต้องเอ่ยปากว่า "จะเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลายเกินไปแล้ว" อย่างเช่นวันนี้ ที่หนุ่มน้อยนามว่าเต็มสิบตื่นแต่เช้า ขึ้นรถไฟฟ้า แวะซื้อน้ำเต้าหู้ โจ๊กและขนมกินเล่น ไปลากหมีจำศีล ให้ลุกออกมาจากเตียง

หมีจำศีลนามว่า สิ้นฟ้า ฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นทั้งชุดนอนมานั่งที่โต๊ะรับประทานอาหารทั้งที่ตายังหลับ จมูกพลันได้กลิ่นหอมๆของโจ๊ก   จึงเปิดเปลือกตาสวยๆขึ้นพร้อมกับหยิบช้อนเพื่อเตรียมพร้อม

เต็มสิบส่ายหัวนิดหน่อยกับท่าทางนั่นแล้วเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม เพ่งพิจารณาบุคคลตรงน้าที่ บางครั้งก็เหมือนเด็ก ซึ่งพี่สารวัตรก็บอกว่าเห็นด้วย เจ้าตัวบอกว่า "ใช่ เหมือนเด็ก เด็กนรก" แต่เต็มสิบไม่เห็นด้วย อาจจะเป็นเพราะ ความหลง?

เมื่อทานเสร็จ สิ้นฟ้า ก็เดินเข้าห้องของเจ้าตัวไปเพื่ออาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปทำงานให้ทันก่อน 8 โมงครึ่ง ทั้งๆที่เจ้าตัวได้นอนตอนเวลาประมาณตีสี่ และเต็มสิบเข้ามาปลุกตอน 6 โมงเช้า ชีวิตอัยการก็อย่างนี้ล่ะ นอนช้าตื่นเร็วเสมอ หลายๆครั้งการนอนก็ไม่จำเป็น โดยเฉพาะอัยการในเมืองหลวงที่อัตราการรับผิดชอบคดีต่อคน อย่างน้อย 10-15 คดีต่อวัน ถ้าได้คดีเล็กๆน้อยๆก็โชคดีหน่อย แต่ถ้าได้คดียากหน่อย คดีก็จะทบไปกองกับคดีของวันอื่นๆ กลายเป็นดินพอกหางหมูไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องทำทุกทางเพื่อให้ส่งฟ้องให้ทันตามกำหนดหรือให้สามารถที่จะฟ้องได้

วันนี้เต็มสิบตามสิ้นฟ้ามาเยี่ยมผู้ต้องหาที่ถูกฝากขังไว้ที่ศาล หรือเรียกอีกอย่างหนึ่ง คือคุกใต้ถุนศาล เต็มสิบรู้สึกเสียวหลังทุกครั้งที่มา แต่ที่นี่สวัสดิการดีนะ ข้าวฟรีแถมยังอร่อยอีก สิ้นฟ้า พาเต็มสิบมาอ้อนแม่ครัวให้ทำให้ทานบ่อยๆที่ครัวน้ำใจ สำหรับผู้ต้องขังใต้ถุนศาล

สิ้นฟ้าพูดคุยกับผู้ต้องหาและจำเลยในคดีต่างๆนิดหน่อยทั้งคดีที่ตัวเองรับผิดชอบและของคนอื่นๆที่รับผิดชอบ อากาศเย็นๆอย่างนี้คำถามแรกๆที่ถามคือหนาวไหม? มีทนายและอัยการท่านอื่นเข้ามาพูดคุยบ้างประปราย คุกใต้ถุนศาลเปรียบเสมือนที่นัดหมายของเหล่าตำรวจ อัยการ ทนาย ผู้ต้องหาและจำเลย ในแบบที่ไม่ต้องเอ่ยคำนัดหมาย เราก็สามารถมาเจอกันได้ที่นี่

สายๆหน่อยแต่จะว่าไปมันก็เกือบเที่ยงแล้ว เมื่อทำธุระที่ศาลเสร็จก็กลับเข้ามายังสำนักงานอัยการ ยังมีผู้ต้องหาในชุดเสื้อกันหนาวหลากหลายสีบางส่วน ที่ยังไม่ถูกส่งตัวไปฝากขังมานั่งรอกันในส่วนของสำนักงาน พี่ๆนิติกรเตรียมถือสำนวนเพื่อออกเดินทางไปพร้อมกับตำรวจเพื่อเอาไปส่งให้แก่เจ้าหน้าที่ ที่ศาล

หลังจากนั้นสิ้นฟ้าก็นั่งประจำเก้าอี้ของตัวเองเคลียร์งานที่ค้าง จนถึงเที่ยงพานักศึกษาฝึกงานไปกินข้าว ก่อนจะเข้ามาทำงานต่อจนถึงดึกดื่นแล้วเลิกงาน

มันเป็นภาพที่เห็นจนชินตาแทบทุกวัน

 หมีที่ตอนนี้อยากจะจำศีลภายใต้ผ้าห่มยังคงทำงาน แต่ทุกอย่างมันดีขึ้น อย่างน้อยก็ยังมีคนนั่งเป็นเพื่อนในตอนที่นั่งทำงาน

หนาวแต่ก็อุ่นดี

#InLaw
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่...Special side หนึ่งวันกับหนึ่งฟ้า) 20/03/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-03-2016 05:15:12
อ่านตอนนี้แล้วคิดถึงบรรยากาศหนาวเมื่อตอนมกรา
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่...Special side หนึ่งวันกับหนึ่งฟ้า) 20/03/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 24-03-2016 07:50:17
ฟ้าโตมาได้ยังไง?

คิดถึงทุก ๆ คนเลย

หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่...Special side หนึ่งวันกับหนึ่งฟ้า) 20/03/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: basanti ที่ 30-03-2016 17:54:30
ขออนุญาตทำสารบัญให้นะ


บทนำ เขาว่ากันว่า กฎหมาย ไม่ใช่สิ่งสวยงาม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2760335#msg2760335)
คดีที่ 1 วันแรกที่เราได้รู้จักกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2760619#msg2760619)
คดีที่ 2 สาวพยาบาล (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2760789#msg2760789)
คดีที่ 2 สาวพยาบาล (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2761744#msg2761744)
คดีที่ 2 สาวพยาบาล (ปิดคดี) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2762158#msg2762158)
คดีที่ 3 Ticket one way (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2763191#msg2763191)
คดีที่ 3 Ticket one way (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2767121#msg2767121)
คดีที่ 3 Ticket one way (ปิดคดี) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2774210#msg2774210)
คดีที่ 4 เรื่องลับ...ระดับชาติ (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2783118#msg2783118)
คดีที่ 4 เรื่องลับ...ระดับชาติ (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2800723#msg2800723)
คดีที่ 4 เรื่องลับ...ระดับชาติ (3) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2802981#msg2802981)
คดีที่ 4 เรื่องลับ...ระดับชาติ (ปิดคดี) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2807323#msg2807323)
คดีที่ 4 เรื่องลับ...ระดับชาติ (ปิดคดี) [จบ] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2807918#msg2807918)
คดีที่ 5 เต็มสิบ (Perfect X) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2830011#msg2830011)
คดีที่ 6 เพชร (Diamond) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2840548#msg2840548)
Special story (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2841577#msg2841577)
คดีที่ 7 เด็กสาว...เก้าศพ (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2870786#msg2870786)
คดีที่ 7 เด็กสาว...เก้าศพ (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2914039#msg2914039)
คดีที่ 8 เมทแอมเฟตามีน (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2929797#msg2929797)
คดีที่ 8 เมทแอมเฟตามีน (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2948002#msg2948002)
คดีที่ 8 เมทแอมเฟตามีน (ปิดคดี?) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2956765#msg2956765)
คดีลับเฉพาะ...ตอนพิเศษ (วาเลนไทน์) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2963850#msg2963850)
ตอนพิเศษ 13 กบฏ และดอกไอริส สีน้ำเงิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg2964882#msg2964882)
คดีที่ 7 เด็กสาว...เก้าศพ (3) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3013284#msg3013284)
ข้อชี้แจงจากผู้เขียน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3017828#msg3017828)
คดีที่ 7 เด็กสาว...เก้าศพ (ปิดคดี) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3022260#msg3022260)
คดีที่ 0.5 ธงคำตอบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3078259#msg3078259)
คดีที่ 9 ลมสงบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3140392#msg3140392)
คดีที่ 10 You got me smoking cigarettes.(1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3219371#msg3219371)
คดีที่ 10 You got me smoking cigarettes.(2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3251191#msg3251191)
คดีที่ 10 I’m in stress.(50%) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3294399#msg3294399)
คดีที่ 10 I’m in stress.(100%) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3306621#msg3306621)
คดีที่...Special side หนึ่งวันกับหนึ่งฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42932.msg3337359#msg3337359)

To be continued...
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่ 13 ใต้น้ำ 50% ) 07/05/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 06-05-2016 23:23:21
คดีที่ 11
ใต้น้ำ

บางครั้งก็สงสัยว่าเขาใช่คนรักหรือเปล่า? ทนายเพชรได้แต่นั่งมองการตัดสินใจของท่านอัยการสิ้นฟ้านิ่งๆโดยไม่แม้แต่ที่จะหันมาปรึกษาเขาที่เป็นคนรัก ผมรู้ว่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย เขาพยายามเชื่อใจท่านอัยการอย่างที่ผมเคยบอกว่าทำไมเขาไม่ลองเชื่อใจท่านอัยการสิ้นฟ้าดูและตอนนี้เขากำลังพยายามทำอยู่ ผมเชื่อว่าเขากำลังนับเลขในใจ อาจจะจากหนึ่งถึงร้อย หรืออาจจะเป็นพัน อารมณ์จากที่ดีๆเหมือนดอกไม่ผลิแย้มบานยามเช้าของทนายเพชร เริ่มกลายเป็นดอกไม้เหี่ยวทันที

ทนายเพชรมีเวลาอยู่ที่นี่ไม่มากและเดี๋ยวเจ้าตัวก็คงต้องกลับ มีคดีรอเขาอยู่อีกมากมาย รวมถึงคดีแพ่งของน้องสาวท่านอัยการด้วย ซึ่งทางท่านอัยการสิ้นฟ้ายินดีจะรับผิดชอบตามที่ครอบครัวของผู้เสียหายเรียกร้องทุกอย่าง ส่วนทางทนายเพชรบอกว่า ร้อยยี่สิบล้านไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆสำหรับสายงก เห็นทุกอย่างเป็นธุรกิจและมีผลประโยชน์อย่างทนายเพชร เจ้าตัวจะให้ท่านอัยการรับผิดชอบเท่าจำนวนค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น ซึ่งนั่นก็แล้วแต่ตามที่ศาลสั่ง ซึ่งท่านอัยสิ้นฟ้าก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ยกให้เป็นหน้าที่ของทนายเพชรจัดการทั้งหมด เพราะเจ้าตัวไม่อยากยุ่งเท่าไหร่ หรืออาจจะเพราะเห็นตัวเองยุ่งด้วยมาเยอะแล้ว

ช่วงสายของวันหมวดและพี่อัยการเก่งออกจากบ้านไปทำหน้าที่ของตน รวมถึงผมด้วยที่ผละตัวออกมาเพราะท่านอัยการสิ้นฟ้ากับทนายเพชรคงมีเรื่องต้องคุยกันต่อ


ผมเดินมาสำรวจมาเรื่อยๆจนถึงร้านค้าประจำของหมู่บ้าน เห็นมีแผงน้ำเต้า ปู ปลา ขายเลยซื้อเพื่อที่จะเอากลับไปเล่นกับท่านอัยการสิ้นฟ้า ถ้าเขายังมีอารมณ์เล่นกับผมอยู่อะนะ

“สวัสดี”อยู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักผม ผมมองและยิ้มให้นิดหน่อย “พี่ชื่อพี่เผือกนะ น้องชื่ออะไร? เห็นพักอยู่กับน้องฟ้าของพี่”

“น้องฟ้า?”ผมเลิกคิ้วขึ้นข้าง “...ของพี่”

“ใช่ๆน้องฟ้าของพี่เผือก”ออ...เขาคงหมายถึงท่านอัยการสิ้นฟ้า “นี่พี่กะว่าจะแวะเข้าไปเยี่ยม พอรู้ว่าน้องฟ้าของพี่เผือกหายเข้าไปในป่าพี่เผือกนี่หัวใจแทบจะขาดรอนๆสลายไปกับอากาศอันขมุกขมัวไปด้วยหมอกอันหนาวเหน็บ”

เอ่อ...ไอ้บ้านี่ใครกัน? และอยากจะบอกว่าหนาวห่าไรล่ะ ร้อนจนคิดว่าเอาเนื้อไก่มาตากแดดก็คงจะได้กินไก่ย่าง

“เอ่อ...”

“เห็นทำหน้าตาเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ น้องไปเที่ยวกับพี่เผือกไหม เดี๋ยวพี่เผือกพาไปเที่ยวรอบหมู่บ้าน มีน้ำตก มีต้นไม้  ในน้ำตกอาจจะมีปลิง สนมั้ย!? เดี๋ยวพี่เผือกพาเที่ยวเอง”

“เอ่อ...”

“อย่าปฎิเสธเลย พี่เผือกเป็นคนไว้ใจได้ใสๆ มุ้งมิ้งน่ารักตามสไตล์คนบ้านนอก”
คือพี่เผือก...ยังไม่รู้จักชื่อผมเลย

แต่ด้วยความพลาดพลั้งหรืออาจจะเผลอเรอจากอะไรบางอย่างก็ทำให้ผมต้องมาเดินตามพี่เผือกพาทัศนาหมู่บ้านต้อยๆ คือได้แต่คิดว่ากูไม่น่าเลย แต่ช่างเหอะ พี่เผือกดูเป็นคนอารมณ์ดีและค่อนข้างจะพูดมาก ทำให้หลายๆครั้งผมตลกกับสิ่งที่แกเล่า
ผมเดินตามพี่แกมาจนมาถึงน้ำตกตามที่พี่แกบอก น้ำใสมากจนไม่คิดว่าจะมีปลิง ซึ่งผมก็คิดว่ามันไม่น่าจะมีหรอกและบรรยากาศร่มรื่น มีต้นไม้รกครึ้ม พอทุเลาบรรยากาศที่ร้อนมากมายของโลก

“ชอบมั้ย?”

“สวยมากๆเลยครับ”ผมตอบพี่เผือกกลับไปพร้อมกับหันไปยิ้มให้ ดูพี่แกจะมีอาการเขินเขินผมนิดหน่อย

“นี่ถ้าไม่ยกหัวใจให้น้องฟ้าจนหมดไปแล้วนะ พี่คงจะชอบน้อง”

ผมควรจะบอกแกไหมว่าน้องฟ้าของพี่เผือกมีเจ้าของแล้ว ซึ่งอันที่จริงเจ้าของหวงมากด้วยถึงจะไม่ค่อยแสดงออกก็เถอะ แต่ช่วงที่ทำงานด้วยกันผมว่าผมค่อนข้างเริ่มจะรู้จักสันดานของทนายเพชรดี ขอใช้คำว่าสันดานเหอะ ด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ

“ถ้าน้องจะเล่นน้ำก็เล่นได้เลยนะ เดี๋ยวพี่เผือกหาดอกกล้วยไม้ป่าไปฝากน้องฟ้าของพี่เผือกสักหน่อย”

“ครับ”ผมตอบรับและยิ้มให้

“แต่...เดี๋ยวพี่หามาให้น้อง เอ่อ...”

“เต็มสิบครับ”

“ออ เดี๋ยวพี่หามาให้น้องเต็มสิบด้วยดีกว่า อย่างน้องเต็มสิบน่าจะเหมาะกับดอกไม้สีขาว กล้วยไม้สีขาว พี่ว่าพี่เห็นอยู่แถวๆนี้ เดี๋ยวพี่หามาให้ แต่น้องเต็มสิบห้ามไปไหนไกลจากตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่เผือกกลับมารับ ที่จริงพี่เผือกก็ไปไม่ไกลหรอก พี่เผือกห่วงน้องเต็มสิบ เกิดอะไรขึ้นตะโกนเรียกพี่เผือกได้เสมอนะ”พี่เผือกพูดยิ้มๆ

“ครับ ขอบคุณครับ”ผมตอบรับพี่แก ก่อนที่พี่เผือกจะเดินท่อง พูดเบาๆว่ากล้วยไม้สีขาวห่างออกไป

“สีขาวงั้นเหรอ?”อันที่จริงผมว่าผมไม่เหมาะกับสีขาวหรอกมั้ง

ผมนั่งเอาเท้าแช่น้ำเย็นของน้ำตก ซึมซับบรรยากาศรอบตัวไปเรื่อยๆ ผมมองไปเรื่อยๆจนเห็นอะไรบางอย่างที่มันมีสีน้ำเงินอยู่อีกฝั่งของน้ำตก ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นดอกไม้บางชนิดและอาจจะเป็นกล้วยไม้สีน้ำเงิน
ผมทิ้งตัวลงน้ำตก ที่ไหลลงมาเป็นลำธารใสสะอาดเพื่อจะว่ายไปอีกฝั่งหนึ่ง ในหัวตอนนี้คิดแต่เพียงว่าถ้าเอาไปให้ท่านอัยกานสิ้นฟ้าได้ก็คงดี เพราะถ้าให้เปรียบกับสี ท่านอัยการสิ้นฟ้าเหมาะกับสีน้ำเงินที่สุด จนลืมคิดไปว่าน้ำมันจะลึกและอาจจะไหลแรงแค่ไหน รู้ตัวอีกทีเท้าก็เหยียบไม่ถึงพื้นซะแล้ว งี่เง่าชะมัด
โดยปกติผมพอที่จะว่ายน้ำได้บ้างแต่ก็ไม่ได้ว่ายแข็งขนาดที่จะไปช่วยใครได้ ผมพยายามดันตัวเองด้วยการกวัดแกว่งขาและมือ เพื่อให้ตัวเองขึ้นมาอยู่เหนือน้ำได้ และกำลังจะว่ายกลับไปทางเดิม
แต่ความซวยมักมาเยือนคนหน้าตาดีเสมอๆ(ทฤษฎีโดยท่านอัยการสิ้นฟ้า)เมื่อผมรู้สึกถึง ความเหน็บชาที่เข้ามากัดกินข้อเท้าจนลามถึงลำแข้งภายใต้กางเกงยีนส์ที่ถูกพับขึ้นมาให้พอเอาเท้าจุ่มน้ำเล่นได้โดยไม่เปียกในกรณีที่ผมไม่คิดที่จะกระโจนลงน้ำเพราะดอกไม้สีน้ำเงินด้วยความงี่เง่าบวกโง่แบบนี้ มันชาจนเริ่มขยับไม่ได้ จนร่างผมเริ่มจมและเริ่มสำลักน้ำ ผมพยายามเปล่งเสียงเรียกพี่เผือกแต่น้ำมันก็เข้าปากจนทำให้ผมไอคอกแคก
จนร่างผมค่อยจมดิ่งลงไป และทำให้ผมสำนึกรู้ว่า น้ำตกเชี่ยนี่ มันลึกมาก ลึกจนผมเริ่มรู้สึกขาดอากาศหายใจและสติกำลังจะเลือนลางลง

ตู้ม!

เสียงเหมือนอะไรตกลงกระทบบนผิวน้ำก่อนที่ผิวน้ำจะกระจายเป็นวงกว้าง ไม่นานก่อนสติจะเลือนลางเหมือนร่างกายของผมถูกฉุดกระชากพร้อมกับมีอ้อมแขนแข็งแกร่งดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้ ริมฝีปากของผมถูกประกบและเหมือนมีอากาศถูกถ่ายทอดผ่านเข้ามาทางริมฝีปาก ผมดิ้นทั้งที่ตาตอนนี้มองไม่เห็นอะไรแล้วเพราะแสบตาจึงหลับตาปิดสนิท สัมผัสจากริมฝีปากยังไม่ผละออกไปและไปๆมาจากที่ส่งอากาศให้มันเริ่มรุกล้ำสอดลิ้นเข้ามาจนผมเริ่มขาดอากาศหายใจอีกครั้ง เหมือนกับกำลังจะตายแต่ก็ยังรู้สึกอยู่


ประเด็นคำถามมันอยู่ที่ว่า ไอ้คนที่กำลังล่วงละเมิดผมอยู่ตอนนี้ มันเป็นใคร!?



ต่อ 50%

“หมายความว่าไง ที่จะไปงานเลี้ยง คิดว่ามันอันตรายไหม?”ทนายเพชรกดเสียงต่ำ ถามคนที่ทำหน้าเฉยเมยอยู่ตรงหน้า ฝ่ามือที่จับต้นแขนของสิ้นฟ้าอยู่เริ่มบีบแน่นขึ้น
“มันเจ็บ”สิ้นฟ้าบอกเสียงเรียบ “ฉันคิดว่านายเก็บอารมณ์เก่งกว่านี้ซะอีก”
“ปกติก็เก็บอารมณ์เก่ง แต่บางครั้งมันก็ไม่จำเป็นต้องเก็บหรอกมั้ง”
“สันดานเก่าเริ่มกลับมาแล้วรึไง?”
“อย่าทำเป็นปากดีสิ้นฟ้า ถึงพี่จะตามใจเราหลายๆเรื่อง และอาจจะดูใจดีเกินไปหน่อย”
“ฉันไม่เคยคิดว่านายใจดีเลย ไม่ต้องห่วง ฉันแค่ทำตามใจฉัน เราต่างคนต่างรู้นิสัย รู้ความคิด แม้แต่กระทั่งสันดานกันดีนิ่”สิ้นฟ้าเลิกคิ้วยิ้มมุมปาก “จะเครียดไปทำไม?”
“พี่พยายามจะทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น ระหว่างเรา สักกี่ร้อยครั้งที่บอกฟ้าว่าพี่เป็นห่วง ฟ้าเคยแคร์ความรู้สึกพี่บ้างไหม? ปรึกษา หรือหันมาถามพี่สักนิดก็ได้”
“ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้ คบกันไม่ได้หมายความว่านายจะก้าวก่ายงานของฉันได้ ฉันว่าเรากำลังเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกันมั่วไปหมดแล้ว”
“แล้วไงล่ะ ถ้างานของฟ้ามันเกี่ยวถึงความปลอดภัยฟ้า พี่ก็มีสิทธิก้าวก่ายป่ะ เพราะพี่ถือว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ เพราะฟ้าเป็นของพี่!”
“งั้นนายก็คงต้องก้าวก่าย เข้ามายุ่งทุกงาน เพราะนายก็รู้ว่างานของฉันมันเป็นยังไง นายจะอ้างสิทธิว่าฉันเป็นของนายก็ได้ฉันไม่ว่า แต่ฉันก็มีสิทธิทำตามใจของฉันเหมือนกัน”

“โอเค ฉันยอมนายสิ้นฟ้า นายเก่ง นายกำลังคิดว่านายเก่ง สามารถจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองได้ คิดว่าทุกอย่างมันจะต้องง่ายสำหรับนาย” ถ้าเพชรเปลี่ยนสรรพนามการเรียกจากพี่และฟ้า เป็นฉันและนาย นั่นหมายความว่าเขากำลังโกรธจริงๆ
“...”
“หรือไม่นายก็ไม่แคร์หรือไม่สนใจใคร เพราะนายคิดว่า ไม่มีใครให้แคร์แม้กระทั่งตัวเอง” เหมือนมีค้อนทุบมาที่หัวแบบหนักๆ ใช่ทนายเพชรพูดถูก สิ้นฟ้าไม่แคร์แม้กระทั่งตัวเองหรือว่าใคร เขาแค่คิดว่าทำตามหน้าที่ให้มันจบๆจะได้เริ่มหน้าที่ใหม่หรืองานใหม่ที่จะเข้ามาใหม่ ชีวิตมันก็วนเวียนอยู่แค่นี้...
“ฉันคิดว่ามันไม่น่าจะอันตรายหรอก”สิ้นฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ฉันจะดูแลตัวเองดีๆและจะกลับมาแน่นอน ไม่ตายหรอก”
“เหอะ!”ทนายเพชรยิ้มเหยียด “ถ้าไม่เจ็บกลับมาเหมือนทุกที สักวันก็คงได้ตายจริงๆ”
“...”
“...”

สิ้นฟ้าค่อยๆเดินเข้าไปสวมกอดทนายเพชร ร่างสูงของเพชรนิ่งค้างไปนิดหน่อย แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยปฏิเสธอ้อมกอดของคนที่เขารัก  เพชรกอดตอบพร้อมกับลูบหัวของสิ้นฟ้าที่มุดหน้าซบลงตรงไหล่ของเพชร มันเป็นความฉลาดของสิ้นฟ้าที่รู้ว่าจะทำให้เขาสงบลงได้อย่างไร ครั้งนี้ถึงกับเอาตัวเข้าแลก?
เดี๋ยวนะ! เอาตัวเข้าแลก? ทนายเพชรยิ้มมุมปากนัยน์ตาแฝงความเจ้าเล่ห์
“พี่ว่าพี่ควรจะคิดค่าทำคดี ค่าเหนื่อย ค่าเป็นห่วง ค่าที่ทำให้พี่อารมณ์ไม่ดี”มือหนาของทนายเพชรล้วงเข้าไปในเสื้อของสิ้นฟ้าจนคนที่มุดหน้าอยู่กับไหล่ถึงกับสะดุ้ง แล้วพยามผละออกโดยการผลักทนายเพชร เสียแต่วงแขนแกร่งของทนายเพชรกอดรัดไว้แน่นจนร่างของสิ้นฟ้าแทบจะขยับตัวไม่ได้ ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ สิ้นฟ้าเป็นคนขาวอยู่แล้ว ขาวแบบที่ทนายเพชรคิดว่าขาวจนใส เวลาเขิน โกรธ หรือมีอารมณ์ร่วมอะไรบางอย่างอะไรๆมันก็ขึ้นสีแดงระเรื่อง่ายไปซะหมด เวลามีอะไรกันเพชรจึงไม่ค่อยอยากทำรอยไว้สักเท่าไหร่ เพราะสงสารคนโดนกระทำ แม้จะน่ากัดก็ตาม
 “ลูบอะไร!? เอามือออกไปเลย”
“บอกแล้วไงว่าจะคิดค่าทำคดี ค่าเหนื่อย ค่าเป็นห่วง ค่าที่ทำให้พี่อารมณ์ไม่ดี พี่คิดถูกๆเรื่องละหนึ่งยกก็แล้วกัน”
“แล้วเมื่อคืนล่ะ! ไม่พอหรือไง?”
“ถ้าเป็นสิ้นฟ้าสำหรับพี่ไม่เคยพอ”
“อ๊ะ อื้อออ...”ทนายเพชรบดขยี้ริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่ยอมเปิดให้สิ้นฟ้ามีโอกาสได้ตั้งสติ ลิ้นอุ่นของทนายเพชรสอดแทรกเข้ามาหยอกเย้าและรุกร้ำ จนสิ้นฟ้าหายใจแทบไม่ทัน  แขนแกร่งข้างหนึ่งโอบกอดไม่ให้คนที่ถูกกอดได้มีโอกาสถอยหนี มืออีกข้างลูบไล้แผ่นหลัง และเริ่มสอดเข้าไปในกางเกงจนถึงบั้นท้าย
“ถ้าตีพี่ พี่คิดเพื่มอีกหนึ่งยกต่อการตีหนึ่งครั้ง”ทนายเพชรผละจูบพร้อมกับพูดในขณะที่ริมฝีปากยังคงปะทะไออุ่นซึ่งกันและกันไม่ออกห่างไปไหน เมื่อสัมผัสได้ว่าสิ้นฟ้ากำลังจะใช้มือด้านหลังตบหัวของตน
ทนายเพชรกดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คราวนี้สิ้นฟ้าหลับตาตอบรับสัมผัส พร้อมกับจูบตอบกลับไปเช่นกัน สองมือของสิ้นฟ้าขยุ้มเสื้อด้านหลังของทนายเพชรจนเป็นรอยยับ เอาจริงๆถึงแม้สิ้นฟ้าจะอายุขนาดนี้แล้วก็ใช่ว่าจะเชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะชีวิตทิ้งให้กับการเรียนและการทำงานทั้งหมด และถึงจะเคยมีประสบการณ์บ้างมั้ง? แต่ก็ไม่ใช่กับผู้ชายแน่นอน ออ ก่อนจะมาเสียท่าให้กับคนที่บดจูบเขาอย่างเร่าร้อนอยู่ตอนนี้อะนะ
สิ้นฟ้าคิดว่าเขาไม่ควรเป็นฝ่ายตาม ไม่งั้นเขาจะเสียเปรียบทนายเพชรไปตลอดอย่างแน่นอน

เขาควรจะรุก!

“อ๊ะ!”ในระหว่างที่เพลิดเพลินกับจูบอันแสนหวาน รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของสิ้นฟ้าก็สัมผัสลงบนฝูกนอน มือหนาของทนายเพชรถอดเสื้อของเขาออกผ่านศรีษะแล้วโยนทิ้งลงไปบนพื้นห้องอย่างง่ายดาย
ริมฝีปากของเพชรผละออกจากริมฝีปากแดงระเรื่อน่าบดขยี้ ที่เจ้าของนั้นมีอาการหอบ นัยน์ตาเรียวคมมองเพชรอย่างเคืองๆ
เพชรยกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้ายส่งไปให้ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผาก ไล่ลงมายังแก้ม จนถึงลำคอ เลียเม้มเบาๆพยายามไม่ให้เป็นรอย  แต่ลมหายใจอุ่นร้อนของเพชรก็สร้างความรุ่มร้อนอย่างแปลกๆให้ได้อยู่ดี ลิ้นร้อนเม้มเลียเบาๆจนถึงยอดอกสีแดง เพชรดูดเม้ม แล้วขบกัดเบาๆจนสิ้นฟ้าเผลอร้องออกมา มืออีกข้างเริ่มปลดกางเกงของคนใต้ร่างออกจนเหลือแต่กางเกงชั้นในสีกรม แล้วจัดการเอามือสอดเข้าไปสัมผัสส่วนสงวน จนคนใต้ร่างเกร็งขยำเสื้อของเพชรแน่น
เพชรผละออกจากยอดอกมาจูบริมฝีปากแดงระเรื่ออีกครั้ง จัดการถอดกางเกงในจอมเกะกะออกไป แล้วยกขาของสิ้นฟ้าให้แยกออกจากกันและจัดการแทรกตัวเข้ามาตรงกลางทันที เอาส่วนกลางลำตัวของตัวเองที่นูนขึ้นจนแทบจะทะลุออกมานอกกางเกงสัมผัสได้ถูไถกับของสิ้นฟ้าที่ตื่นตัวจากการสัมผัส จนคนที่ถูกถูไถกระชากเสื้อด้วยอาการประท้วง
แต่มีหรือคนอย่างเพชรจะหยุดไปกับการประท้วงเล็กน้อยนั่น จัดการสอดสองนิ้วเรียวยาวเข้าไปสัมผัสตัวตนภายในของสิ้นฟ้าทันที
“อื้อ มันยังเจ็บอยู่...”สิ้นฟ้าร้องประท้วง ทนายเพชรจึงเอื้อมมือไปหยิบขวดเจลข้างๆฝูกที่นอน ที่ยังไม่ได้เก็บหลังจากการใช้เมื่อคืน เอามาชโลมช่องทางรักกับนิ้วของตัวเอง แล้วกดสอดเข้าไปอีกครั้ง
“พี่ว่าเราควรทำบ่อยๆฟ้าจะได้ชิน”
“ไอ้หื่น!”
“ด่าหนึ่งครั้งพี่คิดหนึ่งยก พี่ว่าฟ้าต้องจ่ายพี่ทั้งชีวิตเลยล่ะ”
“อ๊ะ!”เพชรขยับนิ้วเรียวเข้าออก จากช้าๆเริ่มขยับจังหวะเข้าออกเป็นเร็วขึ้น พร้อมกับบดจูบลงบนริมฝีปากของสิ้นฟ้า จนสิ้นฟ้าเกร็งตัวและขยุ้มข้างหลังเสื้อของเพชรที่เจ้าตัวยังคงใส่อยู่
“อื้อออออ”สิ้นฟ้าครางผ่านลำคอเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วมือค่อยๆดันแทรกเข้ามา จากมือที่ขยำเสื้อกลับกลายไปกอดเพชรจนแน่น
เพชรค่อยๆขยับช่วงล่างของตัวเองเข้าไปจนสุด อาการบีบรัดทำให้เจ้าตัวถึงขั้นเหงื่อแตก เมื่อสัมผัสได้ว่าคนข้างล่างเริ่มปรับตัวได้จึงค่อยขยับออกและเข้าไปใหม่
สัมผัสจากเพชรและซิปของกางเกงยีนส์ของเพชรที่เจ้าตัวไม่ได้ถอดออกไปจนหมด กระแทกและเสียดสีไปกับก้นขาวจนเกิดรอยแดงจากซิป
เพชรบดช่วงล่างของลำตัวอย่างเนิบนาบ สลับกับรัวเร็ว จนคนใต้ร่างกัดปากแน่น และเผลอครางออกมา ทั้งความเจ็บทั้งความสุขสมหลากอารมณ์ จนหลั่งออกมาก่อน เพชรกระแทกรัวเร็วอีกไม่กี่ครั้งก็หลั่งตาม
นัยน์ตาสีนิลมองคนใต้ร่างที่ตอนนี้แดงระเรื่อ คลุกเคล้าเหงื่อไปทั้งตัว บ่งบอกหลากหลายความหมาย ก่อนจะขยับเข้าออกช้าๆอีกครั้ง
“พะ พอแล้ว”เสียงแผ่วเบาจากคนใต้ร่างว่า
“ไม่พอหรอก เท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก”เอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแล้วเลียริมฝีปากพร้อมกับขยับช่วงล่างให้รัวเร็วขึ้น
จนวันนี้ทั้งสองคนก็ไม่ได้ออกไปไหนไกลจากห้องอีกเลย


“น้องฟ้าๆๆๆแย้แล้วๆๆๆ”เผือกตะโกนดังลั่น พร้อมกับเคาะประตูห้องของสิ้นฟ้ารัวๆ
เสียงประตูห้องเปิดขึ้นพร้อมกับร่างสูงของทนายเพชรที่เดินออกมาจากห้อง เล่นเอาเผือกทำหน้าตกใจแล้วขมวดคิ้วด้วยความงง
“มึงเป็นใคร?”เผือกถามเสียงเข้ม
“ฉันต่างหากที่ต้องถามว่านายเป็นใคร”
“ชื่อเผือก เป็นคนบ้านนอกใสใส”ทนายเพชรกอดอกยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เมื่อได้ยินคำแนะนำตัว ทำให้เผือกรู้สึกถึงความกวนตีนหน้านิ่งของคนตรงหน้า
“มีธุระอะไรกับสิ้นฟ้า นายเผือกคนบ้านนอกใสใส”
“ออ ใช่ๆ น้องเต็มสิบ น้องเต็มสิบถูกจับตัวไป”
ร่างสูงของทนายเพชรขมวดคิ้วด้วยความสงสัย


"งื้ออออ ท่านอัยการช่วยด้วย...”เสียงเรียกแผ่วเบาพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม











ตอนนี้จะมี 150% ซึ่งตัดมา 50 %ก่อน และจะจัดลงที่ Reply เดิมนะครับ
ทำไมถึงตัด 50% คือยังไม่ว่างตรวจและแก้ไขหมดทั้งตอน
ซึ่ง 50% แรกก็เช่นกัน ถ้ามีอะไรผิดพลาดสะกิดเตือนด้วยนะครับ

และ อยากจะบอกว่า
เต็มสิบ ยังไงก็ตัวเอกของเรื่อง  hahaha+
ว่าแต่ใครบังอาจล่วงละเมิดเต็มสิบ >3 แซ่บแน่นอน

Talk2
ไหน ใคร!?ใคร?บอกว่าเรื่องนี้จะไม่มี nc
เป็นตอนที่ยากมากเพราะnc นี่ล่ะ ถ้ามันดูแปลกๆต้องขออภัยด้วย
ไม่ถนัดของจริง ยากกว่าเขียนคดีที่ซับซ้อนซะอีกพึ่งสำนึกได้ว่าฉาก nc ซับซ้อนยิ่งกว่า ฮา~

แม่ยกเต็มสิบ ใจเย็นๆและยิ้มเข้าไว้ เจอกันอีก 50% ที่เหลือครับ
มีอะไรผิดพลาดสะกิดเตือนด้วยนะครับ

หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่ 13 ใต้น้ำ 50% ) 07/05/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-05-2016 23:45:57
คุณ Kissa_O คะ

ค้างคาค่ะ

ใครรุกเต็มสิบ?

นี่แทบจะตะกุยพื้นด้วยความอยากอ่านแล้ว

เจอคำผิดที่หนึ่ง : มั่นไส้ ต้องเป็น หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่ 13 ใต้น้ำ 50% ) 06/05/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 09-05-2016 09:25:47
ว๊ายๆๆๆ ใครอ่ะใครอย่าบอกนะว่าเป็นพี่เผืิกฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งคนบ้านนอก?????
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่ 13 ใต้น้ำ 50% ) 06/05/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-05-2016 16:25:36
ใครคนนั้นหรือัปล่า ที่ชอบตกปลาอะ
หัวข้อ: Re: ~InLaw~ (คดีที่ 13 ใต้น้ำ 50% ) 06/05/59 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 09-05-2016 22:40:26
ขอโทษนะคะ เราน้ำตาร่วงเลยที่สิ้นฟ้าคบกับเพชร เรายังอ่านไม่ถึงตอนล่าสุด แต่คิดว่าทนอ่านต่อไม่ได้
ขอโทษจริงๆ ค่ะ ถ้าทำใจได้อาจจะกลับมาอ่านใหม่นะคะ