พิมพ์หน้านี้ - ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: CHESS. ที่ 29-11-2016 20:28:02

หัวข้อ: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 29-11-2016 20:28:02
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

--------------------------------------------------



►Oxygen ออกซิเจน◄


“กีตาร์คือความสุขของผม”


“โซคือทุกอย่างของพี่”



Fan Page: Chesshire. (https://www.facebook.com/Chesshire04/)
Twitter: @Chesshire04 (https://twitter.com/Chesshire04)


.
.

นิยายของเรา
Oxygen ออกซิเจน #โซโล่กีล์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.0)
Nitrogen ไนโตรเจน #คุณภูชายเก้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59678.0)
ANAKIN อนาคิน #ภามเจได (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66695.0)
3KINGS ตอน จักรพรรดิ #สามคิง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61835.0)
3KINGS ตอน ประมุข #สามคิง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68472.0)
.
.
สารบัญ
CHAPTER0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3523831#msg3523831)     CHAPTER1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3523833#msg3523833)     CHAPTER2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3524899#msg3524899)     CHAPTER3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3525214#msg3525214)     CHAPTER4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3526600#msg3526600)     CHAPTER5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3530925#msg3530925)
CHAPTER6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3533047#msg3533047)     CHAPTER7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3536194#msg3536194)     CHAPTER8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3540304#msg3540304)     CHAPTER9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3544021#msg3544021)     [Solo] Special Part 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3544960#msg3544960)     CHAPTER10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3547618#msg3547618)
CHAPTER11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3549383#msg3549383)     [Solo] Special Part 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3549596#msg3549596)     CHAPTER12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3550825#msg3550825)     CHAPTER13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3552086#msg3552086)     CHAPTER14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3552903#msg3552903)     CHAPTER15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3553927#msg3553927)
CHAPTER16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3555417#msg3555417)     CHAPTER17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3556893#msg3556893)     CHAPTER18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3558150#msg3558150)     CHAPTER19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3560319#msg3560319)     CHAPTER20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3562359#msg3562359)
CHAPTER21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3564451#msg3564451)     CHAPTER22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3566908#msg3566908)     CHAPTER23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3568760#msg3568760)     CHAPTER24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3571413#msg3571413)     CHAPTER25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3574451#msg3574451)
CHAPTER26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3575943#msg3575943)     CHAPTER27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3577154#msg3577154)     CHAPTER28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3579666#msg3579666)     CHAPTER29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3580965#msg3580965)     CHAPTER30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3581762#msg3581762)
CHAPTER31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3583855#msg3583855)     CHAPTER32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3586178#msg3586178)     CHAPTER33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3587982#msg3587982)     CHAPTER34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3590727#msg3590727)     CHAPTER35 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3593353#msg3593353)
CHAPTER36 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3595564#msg3595564)     CHAPTER37 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3598616#msg3598616)     CHAPTER38 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3600083#msg3600083)     CHAPTER39 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3602648#msg3602648)     CHAPTER40 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3606448#msg3606448)
CHAPTER41 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3612499#msg3612499)     CHAPTER42 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3616601#msg3616601)     CHAPTER43END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3620871#msg3620871)
[Special] Moment : Part1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3625491#msg3625491)     [Special] Moment : Part2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56726.msg3630664#msg3630664)

หัวข้อ: Re: ►Oxygen ออกซิเจน◄ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 29-11-2016 20:28:20
หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บของเรื่องนี้ยังมีคำผิด(ผิดหลัก)ที่ไม่ได้แก้อยู่นะคะ


-0-

 

ถ้าความรักของ ‘ผม’ คือการมีชีวิต

.

.

อากาศและการหายใจคือหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ช่วยให้มนุษย์คงอยู่

ภายในอากาศประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายชนิด

Oxygen เป็นก๊าซที่มีปริมาณมากเป็นอันดับสองขององค์ประกอบทั้งหมด

มนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากขาดออกซิเจน

สำหรับผม ‘เขา’ ก็เป็นเหมือนออกซิเจน

‘ขาดไม่ได้’



 

“กีล์ ขอโกโก้เย็นเพิ่มหวานสองแก้วจ้า”

ผมขยับยิ้มให้มุ่ย หนึ่งในลูกค้าประจำของร้านกาแฟในมหาวิทยาลัยที่ผมทำงานพิเศษอยู่พร้อมรับคำ มือก็ทำตามรายการด้วยความสุขใจ

ร้านกาแฟนี้เป็นของพี่แก้ว ย่ารหัสของผมที่เรียนจบไปแล้ว แต่เพราะเธอเองก็มีงานประจำอยู่แล้วเลยไม่มีเวลาเข้ามาดูร้านเองเท่าไหร่นัก ตัวผมที่ต้องหาเงินเรียนเองเลยอาสาดูแลสลับกับพนักงานอีกสองสามคนของร้าน โดยที่ส่วนใหญ่ผมจะทำงานกะสุดท้ายคือทำจนร้านปิดตอน4ทุ่ม ยกเว้นบางวันที่อาจจะมีสับกับคนอื่นบ้างตามโอกาส

“ทำไมวันนี้มาทำกะบ่ายได้ล่ะ ปกติตอนนี้ต้องเป็นน้องขิมนี่”มุ่ยยกแก้วโกโก้ขึ้นดื่มแล้วชูนิ้วโป้งให้เหมือนทุกครั้ง

“พอดีขิมไม่สบายเลยขอลาหยุดครับ ผมว่างพอดีเลยอาสามาทำเอง”

ขิมเป็นเด็กที่มาขอทำงานที่นี่ตอนอยู่ปีหนึ่ง นี่ก็กำลังจะขึ้นปีสอง ตอนแรกพี่แก้วเธอบอกว่าจะไม่รับเพราะพนักงานก็เพียงพอแล้ว แต่เพราะเห็นความพยายามแล้วก็ความขยันของน้องที่ตึกคณะมนุษยศาสตร์อยู่ตั้งไกลแต่ก็เดินมาของานเป็นอาทิตย์ ผมเลยไปขอร้องให้รับน้องมาทำงานอีกคน

“กีล์เนี่ยใจดีจังเลยนะ ใครได้เป็นแฟนโชคดีน่าดู” มุ่ยหัวเราะคิกคักกับเพื่อนของเธอ ซึ่งผมก็ทำได้แค่ยิ้มกลับไปเท่านั้นเพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไร

“มุ่ย เข้าไปโพสในเพจหน่อยสิว่าวันนี้กีล์มาทำงานน่ะ คนจะได้มาเข้าร้านเยอะๆ”

ผมหันไปขอบคุณเพื่อนของมุ่ยที่รู้สึกจะชื่อนุ่นจากตรงเคาน์เตอร์ รู้สึกดีใจที่เธอพยายามจะช่วยหาลูกค้าให้

ถ้าถามว่าเพจที่ว่าคือเพจอะไร…

“จริงด้วย! ถ้าไปโพสในเพจ Cute ต้องมีลูกค้ามาเยอะ กีล์คงดีใจแน่ๆ”

เพจที่ว่านั่นคือเพจรวมพวกคนหน้าตาดีอะไรประมาณนั้น ผมเคยโดนถ่ายรูปตอนกำลังทำงานไปโพสในเพจ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนมากดติดตามในเฟสเพิ่มเป็นพันแค่เพราะโดนเอารูปไปลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณคนที่เอารูปไปลงจริงๆที่ช่วยให้ร้านมีรายได้มากขึ้นไปด้วย

แล้วก็เป็นไปตามที่พวกเธอว่า เพราะแค่ไม่กี่สิบนาทีต่อมา ภายในร้านก็เต็มไปด้วยลูกค้าที่มาจับจองที่นั่งเต็มไปหมดโดยเฉพาะหน้าเคาน์เตอร์ที่ผมทำงาน

K.Cafe คือชื่อของร้านกาแฟแห่งนี้ พวกคนในมหาลัยมักเรียกที่นี่ว่า ‘K’ ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงกลายเป็นที่รวมตัวของกลุ่มนักศึกษาไปได้ทั้งที่เป็นแค่ร้านเล็กๆ แต่ผมคิดว่าบางทีคงเป็นเพราะมันตั้งอยู่กลางมหาวิทยาลัยพอดี รู้ตัวอีกทีร้านเล็กๆก็ถูกพี่แก้วสั่งขยับขยายให้กว้างขวางขึ้นไปเสียแล้ว

ผมเป็นนักศึกษาที่กำลังจะขึ้นชั้นปีสี่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ในอีก2สัปดาห์ข้างหน้า ด้วยความที่อยู่ตัวคนเดียวและไม่ได้มีเงินเก็บอะไรมากมาย ผมเลยต้องหางานพิเศษทำ ยังดีที่ไม่ต้องจ่ายค่าเทอมเพราะเป็นเด็กทุนมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าชีวิตของผมเหนื่อยกว่าคนทั่วไปมากพอควร

กิ๊ง

เสียงเปิดประตูร้านทำให้ผมที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ ปกติเวลานี้จะไม่ค่อยมีใครมาเท่าไหร่เพราะดึกมากแล้ว แถมนี่ยังเป็นช่วงปิดเทอมด้วย

ผมหันไปมองนาฬิกาที่ผนังก็พบว่ามันเลยเวลาปิดร้านมา5นาทีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหันไปยิ้มให้เจ้าของร่างสูงที่เดินเข้ามาเพียงลำพังโดยไม่ใส่เวลาที่ล่วงเลย

“ยินดีต้อนรับครับ”

เขาหันหน้ามาสบตาผม ใบหน้าดูนิ่งเฉยหากแต่แฝงความอ่อนล้าเอาไว้จนผมรู้สึกได้

“ร้านปิดหรือยังครับ”

ผมขยับยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อยกับความมีมารยาทของเขา...ถึงหน้าจะนิ่งไปหน่อยก็เถอะ

“จริงๆถึงเวลาแล้ว แต่ผมยังไม่ได้เก็บของ นั่งก่อนได้เลยครับ”

เขาขมวดคิ้วน้อยๆก่อนจะพยักหน้า จากนั้นก็เดินมาหน้าเคาน์เตอร์พลางจ้องมองเมนูและเค้กในตู้สับไปมาด้วยใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ผมถือโอกาสนี้พิจารณารูปลักษณ์ของอีกฝ่ายอย่างอดไม่ได้ ต้องยอมรับว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูโดดเด่นและสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ตาคมสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่งมีกล้ามเนื้อพอดี แถมยังสวมเสื้อผ้ามียี่ห้อที่ผมแค่รู้จักแต่ไม่มีปัญญาซื้อ ดูเหมือนเขาจะสูงกว่าผมที่สูง180ซม.เสียอีก และที่สำคัญหูที่เจาะทั้งสองข้างรวมๆแล้วไม่น่าต่ำกว่าหกรูไม่ได้ทำให้เขาดูแย่เลยสักนิด แต่กลับเสริมลุคแบดๆนิ่งๆนั่นให้ดูน่าค้นหามากขึ้นไปอีก ต้องยอมรับว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าจริงๆ

และในจังหวะที่ผมกำลังพิจารณาใบหน้าของเขาอยู่ นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นก็เบนมาสบตาผมพอดี ผมสะดุ้งน้อยๆ กระพริบตาปริบๆ แล้วยกยิ้มบางให้เขาโดยไม่พูดอะไร ซึ่งอีกฝ่ายก็เพียงมองกลับมาโดยไม่หลบสายตาเช่นกัน

“เอสเปรสโซหวานน้อย…แล้วก็เครปเค้กครับ”

ทานกาแฟตอนสี่ทุ่มทั้งที่หน้าตาดูเหนื่อยขนาดนั้นจะไม่แย่เอาเหรอ…

“ทานกาแฟตอนนี้ไม่ดีนะครับ”ผมพูดไว้แค่นั้นแล้วหันไปจัดการตามเมนูที่เขาสั่งโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกเหมือนโดนมองโดยคนที่ไม่ยอมขยับตัวไปหาที่นั่งเสียที

“…งั้นผมควรจะทานอะไร”ใบหน้านั้นยังคงนิ่งเฉยแม้จะเพิ่งพูดประโยคที่ผมรู้สึกว่ามันน่าเอ็นดูเอามากๆออกมา

ผมยิ้มโดยไม่ตอบอะไร หลังจากเปลี่ยนเมนูเครื่องดื่มกะทันหันแล้วก็หันไปหยิบเครปเค้กใส่จานก่อนจะส่งให้เขาทั้งสองอย่าง

เขานั่งลงหน้าเคาน์เตอร์ ผมมองเห็นความประหลาดใจจากดวงตาคู่นั่นขณะที่จ้องมองเครื่องดื่มที่ผมเสิร์ฟให้

“นม..?”

“ครับ…”ผมยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย ดันถ้วยนมตรงหน้าเข้าไปใกล้เขามากขึ้น “…นมอุ่นจะช่วยให้หลับสบาย”

เขาพยักหน้า ถอดป้ายที่แขวนคอออกมาวางไว้บนโต๊ะ มันเป็นป้ายชื่อเฉพาะของพวกที่ประกวดดาวเดือน ที่ผมรู้เพราะเห็นเขียนไว้ชัดเจนว่าสำหรับตัวแทนดาวเดือนคณะ และผมก็เคยใส่มันมาก่อน คงจะเอาไว้ให้พวกดาวเดือนที่ทำกิจกรรมร่วมกันรู้จักกัน เห็นแล้วก็เข้าใจทันทีว่าทำไมคนตรงหน้าถึงดูอ่อนล้าทั้งที่ยังไม่ถึงช่วงเปิดเทอม

“รีบทานแล้วรีบกลับไปพักผ่อนเถอะครับ…โซโล่”

-------------------------

 
หัวข้อ: Re: ►Oxygen ออกซิเจน◄ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 29-11-2016 20:28:56
-1-

 

“พี่กีล์คะ ขิมมาเปลี่ยนแล้วค่า”

ผมถอดผ้ากันเปื้อนของร้านออกแล้วหันไปทักทายน้อง วันนี้ผมเข้ากะเช้าแทนคนที่ขาด คิดไว้ว่าจะไปเดินเล่นเพราะอากาศกำลังเย็นสบาย นานๆผมจะมีเวลาว่างแบบนี้สักทีก็น่าจะใช้ให้คุ้มหน่อย ช่วงปิดเทอมพวกผมแบ่งเวลากันแบบเดิมทุกวันคือผมทำกะค่ำสุด ช่วงเช้าก็เอาแต่นอน แต่เดี๋ยวเปิดเทอมเมื่อไหร่ พอพวกเด็กๆที่กลับบ้านมาทำงานคงได้แบ่งเวลากันใหม่ทั้งหมด

กิ๊ง

ผมที่กำลังยกกระเป๋าสะพายพาดบ่าหยุดชะงักเมื่อเห็นลูกค้าหน้าตาคุ้นเคยเดินเข้ามา

“เรย์?”

เจ้าของชื่อที่กำลังกดโทรศัพท์หยุดมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง

“ไอ้กีล์!” มันเดินมาหาผม ยิ้มจนตาปิด “ทำไมมาทำรอบนี้ได้วะ”

“พอดีมีคนลาช่วงเช้า นี่กูก็กำลังจะเลิกเลย”

เรย์เป็นเพื่อนปีสี่คณะเกษตรที่ผมรู้จักตั้งแต่ตอนประกวดเดือนมหา’ลัยปีหนึ่ง เพราะมันเป็นตัวแทนคณะมาประกวดเหมือนกัน จำได้ว่ามันเป็นคนดูแลการแสดงของพวกดาวเดือนปีนี้

“เออดี มึงพักผ่อนบ้างเหอะ กูเห็นทำงานทุกวัน ไม่เหนื่อยบ้างเหรอวะ”

“กูก็มีเวลาพักน่า…”ผมยิ้มนิดๆเมื่อเห็นมันทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเสียเต็มประดา “แล้วมึงมาทำอะไร ไม่ต้องดูแลน้องหรือไง”

“เออใช่…วันนี้พวกที่คุมงานมันจะเลี้ยงน้องกัน แต่จะเลี้ยงแค่เล็กๆน้อยๆก่อน ไว้งานผ่านไปเมื่อไหร่ค่อยเลี้ยงใหญ่อีกที กูเลยจะมาสั่งของร้านมึงไปให้น้องกินตอนพักนี่ล่ะ”

ผมพยักหน้าเข้าใจแล้วรับกระดาษรายการมาจากมัน เห็นรายการของกว่าสามสิบรายการแล้วก็รู้สึกว่าดีจริงๆที่ยังไม่กลับ ไม่งั้นขิมคงเป็นลมแน่

 

 

นุ้งเรย์ รับโทรศัพท์ด้วยค่ะ นุ้งเรย์ รับโทรศัพท์ด้วยค่ะ

ผมที่กำลังจัดการกับเครื่องดื่มในลิสต์ถึงกับกลั้นขำเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซึ่งเจ้าของโทรศัพท์มันก็กำลังรีบคุ้ยกระเป๋าหาต้นเสียงอย่างลนลาน

เสียงที่ดังจากโทรศัพท์ไอ้เรย์คือเสียงผู้ชายที่ดัดจนเหมือนผู้หญิง คงเป็นเพื่อนมันที่เอาไปเปลี่ยนตอนมันไม่รู้ตัวแน่ๆ

“เดี๋ยวนี้เลยเหรอวะ….เออๆ….เออ…ได้…เจอกัน”

ผมเลิกคิ้วเมื่อเรย์มันลุกขึ้นสะพายกระเป๋าแล้วเดินมาหา

“อีกนานปะวะมึง พอดีกูโดนเรียกตัวด่วนว่ะ”

ผมก้มลงมองรายชื่อที่ถูกขีดค่าแล้วก็พยักหน้าให้มัน

“พอควรว่ะ”

“งั้นกูวานมึงไปส่งที่ที่ซ้อมให้ทีได้เปล่าวะ หอประชุมใหญ่อะ พวกมันกำลังซ้อมเดินกันอยู่ ไหนๆก็ไหนๆมึงก็แวะเข้าไปโชว์ตัวซะหน่อย”

ผมเห็นหน้าหงอยๆของมันแล้วก็ปฏิเสธไม่ลงเลยได้แต่พยักหน้ารับไป จริงๆผมก็คิดว่าจะไปเดินเล่นอยู่แล้ว แค่แวะไปส่งก็ไม่ได้เสียหายอะไร

“ขอบใจมากนะเว้ยกีล์!” มันยกมือไหว้ผมลวกๆแล้ววิ่งออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว

ผมได้แต่ขำอยู่กับขิงกับความดี๊ด๊าของมัน หลังบอกให้ขิงแยกไปจัดการเอาเค้กใส่กล่อง ผมก็หันมาสนใจลิสต์เครื่องดื่มที่เหลืออีกแค่สองสามรายการที่แตกต่างจากคนอื่น

ลาเต้เย็นเพิ่มหวาน+เค้กส้ม

ชาเขียวเย็น+เค้กส้ม

นมอุ่น+เครปเค้ก

หืม..

ผมกระพริบตา คิดว่ามองตัวหนังสือจนตาลาย แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ยังเป็นคำๆเดิม

นมอุ่น…กับเครปเค้ก

“พี่กีล์ยิ้มอะไรคะ”

ผมมองหน้าขิมอย่างงงๆ เพราะไม่รู้เลยว่าริมฝีปากของผมมันขยับเป็นรอยยิ้มตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

ผมจอดรถมอ’ไซต์ของร้านกาแฟที่พี่แก้วทิ้งไว้ให้ไว้หน้าหอประชุม ก่อนจะปลดเชือกที่คล้องลังพลาสติกซึ่งใส่บรรดาน้ำและขนมเอาไว้ออก

หนักแต่พอไหว

กว่าจะยกลังเข้าไปด้านในหอประชุมได้ก็เล่นเอาปวดแขน ผมวางลังไว้ชิดผนังทางเข้าโดยพยายามไม่ให้มีเสียงเมื่อเห็นว่าพวกเด็กปีหนึ่งกำลังนั่งหันข้างให้ผมฟังพวกปีสองพูดอยู่ ที่แห่งนี้รวมตัวพวกดาวเดือนปีหนึ่งทุกคณะเอาไว้ แล้วก็มีพวกดาวเดือนปีสองคอยดูแล ส่วนพวกปีสามปีสี่ก็มีแต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเท่าไหร่ เหมือนจะนั่งมองเฉยๆมากกว่า

พวกปีสามที่นั่งอยู่รอบนอกเริ่มเห็นผมแล้วยกมือไหว้ ส่วนพวกปีสี่ก็หันมายกมือทักทายเงียบๆ ซึ่งผมก็พยักหน้ารับยิ้มๆโดยไม่พูดอะไร เริ่มรู้สึกว่าตัวเองแก่ไม่น้อยก็ตอนเห็นรุ่นน้องแล้วตัวเองโตสุดนี่ล่ะ

“อีกแค่ไม่กี่วันก็จะถึงวันจริงแล้ว พี่อยากให้น้องๆตั้งใจมากกว่านี้นะ”เสียงจินเดือนมหาลัยปีสองเป็นเสียงเดียวท่ามกลางความเงียบของหอประชุมขนาดใหญ่ บรรยากาศดูกดดันจนผมอดสงสารน้องๆไม่ได้

ผมยืนพิงผนัง กวาดสายตามองบรรดาเด็กปีหนึ่งที่นั่งอยู่เงียบๆ แต่แล้วก็ต้องหลุดขำเบาๆเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของคนๆหนึ่งที่กำลังหาวออกมาและทำท่าเหมือนจะหลับได้ทุกเวลา

“อ๊ะ!พี่กีล์ สวัสดีค่ะ”

ผมสะดุ้งเมื่อเจนดาวมหาลัยปีสองที่ยืนอยู่ข้างๆจินหันมายกมือไหว้ ทำเอาทุกสายตาในหอประชุมหันตามมากันจนหมด

“ปีหนึ่งคะ นี่พี่กีล์เดือนมหาลัยปีสี่ค่ะ”

“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”รุ่นน้องยกมือไหว้แล้วประสานเสียงกันพร้อมเพรียงจนผมรับไหว้แทบไม่ทัน

ผมมองเห็นความอ่อนล้า รวมถึงการอ้อนวอนจากสายตาเด็กปีหนึ่งทุกคนอย่างชัดเจน ท่าทางคงยังไม่ได้พักหรือกินอะไรเลยแน่ๆ ยิ่งสายตาของเด็กปีหนึ่งที่นั่งอยู่หลังสุดนั่น แม้ไม่ได้อ้อนวอนเหมือนคนอื่นแต่ก็มองมาที่ผมนิ่งงันไม่ละสายตา จะให้ทำเฉยต่อก็แลดูจะใจร้ายเกินไปหน่อย

“พี่เอาของมาส่ง ยังไงก็ให้น้องพักก่อนดีกว่านะ”ผมยิ้มให้คนที่สบสายตาอยู่ ก่อนจะขยับสายตาไปมองจินที่ยืนปรึกษากับพวกปีสองอยู่ด้านหน้า

“ได้ครับพี่กีล์”จินรับคำก่อนจะหันไปหาพวกน้องปีหนึ่งอีกครั้ง “พี่จะให้เวลาพวกเราพักหนึ่งชั่วโมงนะครับ ตอนบ่ายสามเรามานั่งรวมกันตรงนี้อีกที พี่ไม่ค่อยอยากให้น้องออกจากบริเวณนี้เท่าไหร่ ยังไงถ้าเป็นไปได้ก็พักในนี้นะครับ พวกพี่เตรียมอาหารว่างไว้ให้แล้ว”

พวกปีสองเดินเข้ามาหาผมก่อนจะยกลังไปวางไว้ด้านหน้า แล้วหยิบน้ำกับเค้กออกมาแจกน้องๆที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ทุกคนหันมาไหว้ผมแล้วส่งเสียงขอบคุณกันยกใหญ่

ผมมองป้ายห้อยคอน้องแต่ละคนแล้วก็สังเกตได้ว่ามันดูแตกต่างกัน…น่าจะตามคณะ ของคนที่ผมมองอยู่เป็นรูปโน้ตดนตรีและมีชื่อเขียนไว้ตรงกลางว่า ‘โซโล่’

และตอนนี้เด็กนั่นกำลังขมวดคิ้วด้วยหน้านิ่งๆ ตามองซ้ายมองขวาดูเพื่อนที่มีน้ำกับเค้กคนละชุดแล้วก้มมองด้านหน้าตนเองที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรสักอย่าง

ผมกลั้นขำจนเมื่อยแก้มเมื่อเห็นหน้าตาเหมือนเด็กถูกขัดใจของอีกฝ่าย ไม่รู้ทำไมเวลาผมมองเขาแล้วนึกถึงหมาไซบีเรียนฮัสกี้ทุกที

แต่ถ้าแกล้งนานกว่านี้สงสัยผมจะโดนเจ้าตัวฆ่าหมกหอประชุม

ผมเดินเข้าไปหาเดือนดุริยางค์ปีหนึ่งที่นั่งรวมเป็นวงกลมวงใหญ่กับเด็กปีหนึ่งคนอื่นๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้านหลังเขาท่ามกลางสายตาใคร่รู้ของทุกคนที่ผมไม่ได้ใส่ใจนัก

โซโล่หมุนตัวหันมาหาผม เขาไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั่งมองหน้าผมเงียบๆ

“มองพี่แบบนั้นทำไมครับ”ผมยอมแพ้แล้วเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน

“ทำไมผมไม่ได้อาหาร”

ให้ตายเถอะ…ท่าทางของเขาเหมือนฮัสกี้ที่รออาหารจริงๆนะ

“นี่ไม่รู้จริงๆเหรอว่าร้านพี่ไม่มีนมอุ่นขายนะครับ”ผมมองเห็นความประหลาดใจในดวงตาคู่นั้นครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับไปขมวดคิ้วเหมือนเดิม

หลังจากจ้องกันไปมาอยู่สักพักผมก็เลิกแกล้ง มือหยิบขวดเก็บความร้อนออกมาเปิดฝาแล้วเทนมที่ยังอุ่นอยู่ใส่ฝาตั้งไว้ตรงพื้นด้านหน้าเขา พร้อมกับหยิบกล่องเค้กที่ถือแยกไว้ตั้งแต่ตอนแรกมาวางไว้ข้างๆกัน

ผมแอบยิ้มกับท่าทางของโซโล่ ถึงหน้าจะนิ่งและคิ้วก็ไม่ขมวดแล้ว แต่ผมเห็นประกายตาวิบวับเหมือนถูกใจนั่นชัดเจน

“นี่มันสิทธิพิเศษเลยนะเนี่ย”

ผมลุกขึ้นยืน ไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นสายตาคมเบือนจากเครปเค้กมามองแทบจะทันทีที่ผมพูดจบ และคงเพราะสายตานั้นมันน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน ผมเลยอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปลูบหัวเขาเบาๆ

“ตั้งใจซ้อมนะครับ”

 

 

Admin Page Cute:

ทำไมฉันได้รับรูปนี้ตอนที่มันผ่านมาสามวันแล้ว นี่มันอาร๊ายยยย นี่มันเปิดตัวหรือเปล่าคะ อะไรคือการที่พี่กีล์เดือนมหาลัยปีสี่สุดหล่อผู้ไม่เคยโผล่มาร่วมดูแลการประกวดเพราะติดงานที่ K โผล่มาแล้วเอาขนมมาเสิร์ฟน้องๆ แต่ที่พีคกว่านั้นคือ!

มีเมนูพิเศษมาให้น้องโซโล่เดือนดุริยางค์ปีหนึ่ง แถมยังเอาไปให้เองกับมือด้วย และที่ยิ่งกว่านั้น! อะไรคือการที่ลูบหัวน้องแล้วบอกว่า ‘ตั้งใจซ้อมนะครับ’ โอ๊ยยยยย กรี๊ดหนักมากกกกกกกกกกกก

คู่นี้มีอะไรแน่นอนนนนนน ติดตามรัวๆ แต่เจ๊เชียร์ #โซโล่กีล์ นะคะ อ๊ายยยย

*แนบรูปภาพ กีล์ยืนยิ้มลูบหัวโซโล่ที่เงยหน้ามอง

3.5kถูกใจ 1.1k ความคิดเห็น

บิวตี้ เซ็กซี่ซูซ่า :

พี่กีล์อบอุ่นมากค่ะ ยิ้มตลอดเลยน่ารักมากกกกกกกก น้องโซโล่หน้านิ่งก็ดูฮอตสุดดดดด โอ้ยเชียร์ค่ะเชียร์ #โซโล่กีล์

110ถูกใจ 16ความคิดเห็น

ABC ยกทรงชั้นดีมีมาตราฐาน:

ฉันว่าแล้ววววววววววว เมื่อวานตอนกลางคืนทำงานอยู่คณะจนดึก ตอนกำลังกลับเดินผ่าน K เลยมองเข้าไปในร้านเห็นพี่กีล์เช็ดโต๊ะอยู่ กำลังคิดว่าจะเข้าไปทักแต่มันเลยเวลาปิดร้านแล้ว กลายเป็นว่าน้องโซโล่เดินเข้าไปค่า แล้วอะไรคือการเดินเข้าไปนั่งตอนร้านปิดแล้ว พี่กีล์ก็เอาอาหารมาเสิร์ฟแล้วยิ้มแย้มสดใสมาก นี่คือมารอกันใช่ไหมตอบบบบบบบบบบ #โซโล่กีล์ with @มิวมิว สาววายจงเจริญ @Giff Sirirat

102ถูกใจ 68ความคิดเห็น

 

“พี่กีล์ เรื่องนี้มันยังไงคะ บอกขิมมาเลยนะ”

“ก็ไม่มีอะไรนี่…ขิมกลับได้แล้ว เย็นแล้ว”ผมโบกมือไล่ ทำทีเป็นไม่สนใจแล้วลงมือเช็ดโต๊ะต่อ

“โหพี่กีล์…ตอนนี้ใครๆก็พูดถึงเรื่องนี้นะ รู้งี้วันนั้นขิมไปด้วยก็ดี”ขิมบ่นเสียงกระเง้ากระงอด ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่ามันก็ดูน่ารักสมวัยดี

“ไม่มีอะไรหรอกน่า กลับหอได้แล้ว”

“ค่า กลับก็กลับ แต่ว่าถ้าเขามาอีกพี่กีล์อย่าลืมขอถ่ายรูปส่งมาให้ขิมนะ”

“นี่ยังไม่ได้ตำแหน่งก็ดังซะแล้วเหรอ”ไม่รู้ว่าถ้าเจ้าตัวมารู้ว่ามีคนตามกรี๊ดแม้แต่ตอนยังไม่ได้เปิดตัวบนเวทีจะทำหน้ายังไง…แต่ถ้าให้เดาคงไม่พ้นหน้าตายเหมือนเดิม

“นี่พี่กีล์ไม่รู้เลยเหรอคะว่าโซโล่ดังมากเลยนะ ตั้งแต่วันที่มารายงานตัวพวกรุ่นพี่ก็เอาไปพูดกันปากต่อปากไม่หยุดเลย คนอะไรหล่อแบดบอยสุดๆ ยิ่งทำท่าทางนิ่งๆนะ ขิมกรี๊ดมาก แล้วนี่มามีข่าวลงเพจใหญ่คู่กับพี่กีล์คนเลยยิ่งรู้จักเข้าไปใหญ่”

ขิมทำหน้าเพ้อไม่หยุดจนผมต้องเดินเข้าไปดันตัวสาวเจ้าออกจากร้าน ถ้าปล่อยให้หายเพ้อก่อนสงสัยคงได้อยู่ยาวกันจนถึงเช้า

“เดี๋ยวถ้าวันนี้มาพี่จะขอถ่ายรูปแล้วส่งไปให้นะ กลับไปได้แล้ว”

“ถ้าวันนี้ขิมไม่ได้รูปนะ ขิมจะเอาเบอร์พี่กีล์ไปแจกในเว็บ บายค่า!”

ผมขนลุกแทนจะทันทีที่ได้ยินคำขู่ของขิม ไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่าเว็บที่ว่ามันคือเว็บอะไร

 

 

22.15น.

เลยเวลาร้านปิดมาสิบห้านาที…ป้ายหน้าร้านก็เปลี่ยนเป็นปิดแล้ว ผมจัดการทำความสะอาดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังเปิดไฟในร้านนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าเคาน์เตอร์

ที่ยังไม่ไปไหนเพราะมักจะมีเด็กปีหนึ่งตัวสูงคนหนึ่งที่ชอบมาหลังเวลาร้านปิด บางทีก็หลังร้านปิดสิบนาทีหรือสิบห้านาที เขามักจะเดินเข้ามานั่งที่เดิม มองหน้าผมเงียบๆ รอจนผมเอานมอุ่นมาให้แล้วก็ยกขึ้นดื่มอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินออกไปรอนอกร้าน พอผมปิดร้านเรียบร้อยเขาก็จะเดินตามเงียบๆไปจนถึงหน้าหอผม รอจนผมเดินขึ้นหอแล้วถึงจะหันหลังเดินไปอีกทาง

ตั้งแต่วันที่ผมเอาของไปให้พวกเด็กที่ซ้อมดาวเดือนวันนั้นผมก็ไม่ได้แวะไปที่นั่นอีก แต่กลายเป็นว่าเจ้าเด็กนี่กลับมาหาผมทุกวันหลังจากเวลาร้านปิดตลอดห้าวันที่ผ่านมา

แต่ตอนนี้…

22.40น. แล้วก็ยังไม่มา สงสัยวันนี้คงไม่มาแล้ว…

ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะปิดร้านให้เรียบร้อยแล้วเดินกลับหอคนเดียว รู้สึกแปลกหน่อยๆเพราะเริ่มชินกับการมีอีกคนเดินตามมาส่งเงียบๆ

หลังจากอาบน้ำอะไรเรียบร้อยแล้วและนอนเล่นอยู่สักพัก ผมก็นึกขึ้นได้ว่าต้องบอกขิมเรื่องที่โซโล่ไม่ได้มาที่ร้านวันนี้ แต่…

ดูเหมือนผมจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่ร้าน

รู้ตัวอีกทีก็เดินตามทางมาหยุดอยู่หน้าร้านเสียแล้ว ผมตกใจจนเกือบสบถออกมาเมื่อเห็นเงาร่างสูงของคนที่นั่งเกาแขนอยู่หน้าร้าน

ผมขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจ รีบก้าวเท้าไวๆไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่นั่งอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยใบหน้านิ่งๆเหมือนเคย แต่ผมที่สังเกตใบหน้าของเขามาตลอดหลายวันที่ผ่านมามองเห็นความอ่อนล้าบนนั้นชัดเจน

ผมดึงแขนโซโล่ให้ลุกขึ้นยืน ซึ่งก็ไม่ได้รับการต่อต้านแต่อย่างใด เขาเดินตามแรงจูงของผมเข้ามาในร้านอย่างว่าง่าย และนั่งลงที่เดิมที่ประจำของเขา

23.59น.

ผมมองนาฬิกาแล้วพ่นลมหายใจออกมาเพื่อบรรเทาอาการหงุดหงิดในใจ มือก็รีบคุ้ยลิ้นชักหาของที่ต้องการแล้วเดินมานั่งข้างๆคนที่ไม่ยอมพูดอะไรสักอย่าง ผมเปิดตลับยา ดึงแขนข้างหนึ่งของเขาเข้ามาใกล้ๆแล้วลงมือทายาตามตุ่มแดงๆที่ขึ้นบนนั้น

ไม่รู้ว่าการทายาใช้เวลาไปนานแค่ไหน แต่รู้ตัวอีกทีผมก็รับรู้ได้ถึงแรงกดเบาๆตรงหว่างคิ้วจนต้องเงยหน้ามองเจ้าของนิ้วอย่างงุนงง

“ทำไมถึงขมวดคิ้ว”

พอได้ยินอย่างนั้นผมก็ขมวดคิ้วฉับในทันทีแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งงัน

“นั่งอยู่อย่างนั้นมานานแค่ไหนแล้ว”

“ตั้งแต่เลิกซ้อม”

“นานแค่ไหนครับ”ผมถามซ้ำเมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ

โซโล่เหลือบตาขึ้นมองนาฬิกาที่ผนังร้าน ก่อนจะเบือนมามองผมเช่นเดิม

“ชั่วโมงกว่า”

แสดงว่าเขามาตอนที่ผมกลับพอดีสินะ

“แล้วทำไมนั่งรอแบบนั้น ร้านปิดไฟอะไรเรียบร้อยก็แสดงว่าพี่กลับไปแล้ว แล้วทำไมเรายังนั่งอยู่อีก”นี่คือสิ่งที่ผมสงสัยจนต้องแสดงอาการหงุดหงิดออกมา  ทำไมเขาถึงนั่งให้ยุงกัดอยู่แบบนั้นทั้งที่ก็เห็นว่าผมไม่ได้อยู่ในร้านแล้ว

“…”

“ว่าไงครับ”ผมถามซ้ำเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าโดยไม่ยอมพูดอะไร

“ผมอยากทานนม…”

ผมถอนหายใจเมื่อได้ยินคำตอบ วางตลับยาลงบนโต๊ะแล้วมองหน้าเขาด้วยสายตาจริงจัง

“นมนั่นมันก็แค่นมธรรมดา ถ้าอยากทานก็หาซื้อแล้วเอาไปอุ่นก็ทานได้แล้ว พี่ไม่ได้ใส่อะไรพิเศษลงไปเลยสักนิด อีกอย่างถ้าอยากทานรอพรุ่งนี้เช้าหรืออะไรก็ได้นี่ครับ ไม่จำเป็นต้องมานั่งให้ยุงกัดไปหมดแบบนี้ นี่ถ้าพี่ไม่กลับมาจะนั่งรอไปจนถึงเช้าเลยหรือไง”ผมมองเด็กตรงหน้าที่ไม่ยอมละสายตาไปจากหน้าผมเสียทีแล้วขมวดคิ้วมากกว่าเดิมเพื่อให้รู้ว่าผมไม่พอใจ

“ไม่เหมือนกัน”

“อะไรที่ว่าไม่เหมือนครับ”

“นม…ผมลองแล้ว กินของคนอื่นไม่เห็นหลับสบายเลย”

ผมกระพริบตาปริบๆ ลืมวางมาดดุไปชั่วขณะ

“กลับไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี นั่งรอจนถึงเช้าเลยก็ค่าเท่ากัน”คำตอบที่ได้ยินทำให้ผมชะงัก ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าอะไรทำให้เด็กคนนี้ละเลยสุขภาพตัวเองถึงขนาดนี้

“รอนี่ก่อน”ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบนมออกมา จัดการทำให้อุ่นเหมือนทุกครั้งแล้วเอาใส่แก้วไปวางไปตรงหน้าโซโล่

เขายกมันขึ้นดื่มเงียบๆโดยไม่พูดอะไร ผ่านไปสักพักผมก็หยิบแก้วเปล่าไปวางแช่น้ำไว้ที่อ่างแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม

“เอาเฟส ไลน์ แล้วก็เบอร์โทรให้พี่”ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้โซโล่ ซึ่งเขาก็รับไปจัดการโดยไม่ถามอะไรสักคำ “ทีหลังมีอะไรก็ติดต่อพี่ เข้าใจไหม”

คนฟังพยักหน้าอย่างว่าง่าย

“ต่อไปถ้ามันดึกพี่คงรอไม่ได้ เราพักอยู่คอนโดZ ใช่ไหม”จำได้ว่าผมเคยถามเขาระหว่างเดินกลับว่าพักอยู่ที่ไหน คอนโดที่ว่าอยู่ห่างจากหอผมไปพอควร เป็นคอนโดของคนมีฐานะที่ผมไม่เคยเหยียบเข้าไป โซโล่บอกว่าเขาเดินกลับ ซึ่งทำให้ผมประหลาดใจพอควรเพราะมันไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆเลย

“ครับ”

“ต่อไปถ้าเห็นร้านปิดให้ไปหาพี่ที่หอแล้วติดต่อมา พี่จะเอานมลงไปให้”

โซโล่ไม่พูดอะไรแต่ยิ้มออกมา ซึ่งรอยยิ้มจางๆที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกทำเอาผมรู้สึกแปลกๆจนต้องเบนสายตาไปที่อื่น

“แล้วคอนโดอยู่ไกลขนาดนั้นทำไมถึงไม่ขับรถมา”ผมมั่นใจว่าเขาต้องมีรถโดยไม่ต้องถาม แน่สิ…ดูจากเสื้อผ้าลำลองธรรมดาที่อีกฝ่ายใส่มามหา’ลัยแต่ละวันก็รู้แล้ว ไหนจะรองเท้า นาฬิกา หมวก หรือแว่นกันแดดที่ชอบห้อยไว้ที่คอเสื้ออีก แล้วยิ่งเห็นท่าทาง หน้าตา ผิวกับลุคของเขาก็ยิ่งทำให้มั่นใจเข้าไปอีกว่าเขาต้องมีฐานะไม่ธรรมดาแน่นอน

“พี่อยากให้ผมขับรถ?”โซโล่เอียงคอเล็กน้อยเป็นเชิงถาม

“ก็คงเป็นแบบนั้น เลิกดึกทุกวันแถมมันก็ไกลขนาดนี้…เดินกลับเองก็อันตราย พี่ว่าถ้ามีรถเอามาขับกลับเองน่าจะดีกว่านะครับ”

ผมขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อยเมื่อไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมา

“แต่ถ้าไม่อยาก….”

“ผมจะขับมา…”

ผมกลั้นหายใจเมื่อคนหน้านิ่งยื่นมือมาหา จวบจนปลายนิ้วนั่นสัมผัสมุมปากผมเบาๆ ก็แทบลืมหายใจ

“…เพราะงั้นยิ้มนะครับ”

ไม่รู้ว่าเพราะเสียงนั้นมันมีอะไรพิเศษหรือเปล่า ผมถึงได้ขยับยิ้มตามคำพูดของเขาอย่างว่าง่าย รู้ตัวอีกทีก็ขยับมือไปลูบหัวอีกฝ่ายซะแล้ว

“ครับผม”

แล้ววันนั้นผมก็ส่งรูปไปให้ขิมตอนตีสอง…

--------------------------------

 

หัวข้อ: Re: ►Oxygen ออกซิเจน◄ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-11-2016 20:55:19
ฮื่อออออ น่ารักจังเลยค่ะะะะะะ อบอุ่นมาก ชอบความหน้านิ่งแต่กินนมอุ่นของน้องโซโล่  :mew1:
หัวข้อ: Re: ►Oxygen ออกซิเจน◄ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-11-2016 21:37:15
อยากกินนมอุ่นบ้างงงงง :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ►Oxygen ออกซิเจน◄ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 29-11-2016 21:46:30
งืออออน่ารักมากเลยชอบๆรออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ►Oxygen ออกซิเจน◄ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 29-11-2016 22:06:19
บวกเป็ดให้ทุก Reply เรียบร้อย
จะรออ่านตอนต่อไปนะ
 o13 o13 :-[
หัวข้อ: Re: ►Oxygen ออกซิเจน◄ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 29-11-2016 22:36:40
พี่กีล์....ทำไมละมุน อบอุ่นเช่นเน้!!!!
ไปหานมอุ่นๆดื่มตามโซโล่หน่อยละ อิอิ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 30-11-2016 08:10:53
ตายแล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 30-11-2016 08:44:07
หวานละมุนละไมอยู่ในทุกตอน 55555 มาเป็นเพลง แต่มันละมุนละไมจริงๆ ฮือ พี่กีล์กับน้องโซโล่ ว่าแต่มีคำถามอ่าค่ะ ชื่อพี่กีล์นี่มีความหมายอะไรหรอคะ ไม่เคยเห็นแบบใช้ตัว ล มาก่อนแหะๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 30-11-2016 10:17:07
ขอบคุณทุกท่านเลยนะคะ ยังน่ารักได้อีกเยอะ ฮาา


หวานละมุนละไมอยู่ในทุกตอน 55555 มาเป็นเพลง แต่มันละมุนละไมจริงๆ ฮือ พี่กีล์กับน้องโซโล่ ว่าแต่มีคำถามอ่าค่ะ ชื่อพี่กีล์นี่มีความหมายอะไรหรอคะ ไม่เคยเห็นแบบใช้ตัว ล มาก่อนแหะๆ

กีล์ไม่มีความหมายค่ะ มาจากชื่อตัวการ์ตูนที่เราชอบมากกก คือ กีเลียสโต จาก 1/2 princeค่ะ  ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 30-11-2016 12:40:20
 :m4: สนุก ปักไว้
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 30-11-2016 17:49:05
มีความหวาน
ติดตามค่ะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 30-11-2016 20:55:45
พี่กีล์FC  อยากได้ผู้ชายแบบนี้!!
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 30-11-2016 23:01:03
feel good จริง ๆ นะ อย่าหลอกกันล่ะ 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 01-12-2016 01:35:53
โซโล่มีความน้องหมาหนักมาก น่าเอ็นดู
พี่กีล์อบอุ่น ละมุนมากๆ จะกีล์โซโล่ หรือโซโล่กีล์ แบบไหนก็โอเค
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER0+1 [29/11/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 01-12-2016 10:54:06
-2-

Admin Page Cute :
ไม่มีอะไรจะพูด รูปนี้บอกทุกอย่าง เขาชอบกันอยู่ใช่ไหมมม ฮือออออ กรีดร้องหนักมาก #โซโล่กีล์
ปล.ขอบคุณน้อง Khim Pattaraporn มากๆเลยค่ะที่ส่งรูปนี้มาให้
*แนบรูปภาพ กีล์ถือกล้องเซลฟี่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ข้างหลังเป็นโซโล่ที่ยื่นหน้ามาข้างๆ ใบหน้านิ่ง แต่ไม่ได้มองกล้อง เพราะสายตาจับจ้องไปที่คนข้างๆ และไม่รู้ทำไมมันถึงอ่อนโยนผิดปกติ(หรือคิดไปเอง)
2.2kถูกใจ 733ความคิดเห็น 125Shares
Ray Rayray:
ยังไงครับ กูได้ข่าวมาเยอะเลยนะครับผม  @Gui Jirayu and @ Solo Siwarokin
71ถูกใจ 2ความคิดเห็น
 
“พี่กีล์…ขิมฟินมากเลยฮือออ นี่ขนาดแอดมินลงไม่ถึงชั่วโมงคนก็กดไลค์ขนาดนี้แล้ว ดูสิคะพี่”
ผมไม่สนใจเสียงโหยหวนของขิม ตั้งหน้าตั้งตาจัดของโดยไม่โต้ตอบแม้แต่นิดเดียว เพราะรูปนั้นผมเห็นตั้งแต่แอดมินลงแล้ว เล่นแท็กกันขนาดนั้น
ถ้าถามว่าทำไมมันถึงเป็นรูปคู่แบบนั้นไปได้ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อวาน
 
“พี่ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมครับ พอดีน้องที่ร้านอยากได้มาก”ผมหันไปถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ โซโล่เลิกคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าตกลงโดยไม่ถามอะไรสักคำ
“ได้”
ผมขอบคุณเบาๆ เปิดกล้องแล้วยกขึ้นเตรียมตัวถ่าย แต่ก็ต้องลดกล้องลงเมื่ออีกฝ่ายยกมือมาปิดกล้องไว้
“พี่ต้องถ่ายด้วย”
ผมแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้ารับอย่างไม่คิดอะไร เปิดโหมดเป็นกล้องหน้าแล้วยกขึ้น แต่เพราะเราต่างก็เป็นผู้ชายไหล่กว้างกันทั้งคู่ แถมผมเองก็ไม่ได้รู้มุมกล้องอะไรมากนักมันเลยดูอึดอัดไปหมด หลังจากขยับหามุมอยู่สักพักโซโล่ก็ขยับถอยหลังแล้วก็ยื่นหน้าข้ามไหล่ผมมาเข้ากล้องแทน
“ขอบคุณครับ”
ผมรีบกดถ่ายแล้วถอยออกมาเพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆกับความใกล้ชิดนั้น เราเดินกลับกันหอกันเงียบๆเหมือนปกติ รู้ตัวอีกทีก็ส่งภาพให้ขิมไปแล้วโดยที่ไม่ได้คิดว่าภาพนั้นจะนำปัญหามาให้เลย
 
“กรี๊ดดด พี่กีล์ พี่กีล์ พี่กีล์”
ผมสะดุ้ง รีบหันไปผงกหัวขอโทษลูกค้าสองสามคนในร้านแล้วหันไปหาขิมที่นั่งกดโทรศัพท์กรีดร้องอยู่หน้าเคาน์เตอร์
“เป็นอะไรเสียงดังเลยเรา”
“ดูเองเลยค่ะ! ฮือ…ขิมไม่ไหวแล้วอะ”
ผมไม่สนใจขิมที่ยืนบิด แต่หยิบโทรศัพท์น้องมาเปิดดูข้อความที่อ่านค้างไว้ในช่องคอมเมนท์ของภาพเจ้าปัญหา
 
Anakin Skywalker :
ยังไงวะเพื่อน กูขาดซ้อมไปวันเดียวเกิดอะไรขึ้น นี่ใช่เหตุผลที่มึงไม่ยอมเอารถมาแล้วยอมเดินกลับไกลๆปะวะ @Solo Siwarokin
138ถูกใจ 52ความคิดเห็น
Kao Ashira : หมายความว่าไงวะ กูก็งงอยู่ แรกๆเห็นแม่งขับBMW i8 มาอย่างเด่น อยู่ๆบอกจะเดินเอา มึงรู้ไรคายมา เกี่ยวไรกับพี่เขาวะ
Anakin Skywalker : นี่มึงไม่รู้เหรอไอ้เก้า คุณชายโซโล่รูปหล่อบ้านรวยเพื่อนมึงมันไม่ยอมเอารถมาเพราะมันจะได้เดินกลับกับพี่เขาทุกวันไง ก็แถวนั้นไม่มีที่จอดรถดีๆจะเอารถหรูมาจอดทิ้งก็ไม่ได้ มันเลยยอมเดินกลับคอนโด โคตรทุ่มเท
Kao Ashira : เชดดดด กูเพิ่งรู้ว่าเพื่อนหน้านิ่งแม่งเป็นถึงขนาดนี้ ปกติเห็นแม่งเอื่อยเฉื่อยสุดๆ ว่างเป็นหลับ แดกเสร็จก็หลับ เจอกันทีไรทำหน้าง่วงใส่กูตลอดแท้ๆ
Anakin Skywalker : อย่าว่าแต่มึงเลย มันมาซ้อมประกวดกับกูว่างแม่งก็หลับ พักแม่งก็หลับ เดินอยู่แม่งก็ทำท่าเหมือนจะหลับ โคตรหน้าตาย
Solo Siwarokin : -_-
Kao Ashira : โผล่มาแล้วว่ะ สรุปยังไงวะ มึงกับพี่เขาอะ
Solo Siwarokin : ?
Anakin Skywalker : ไม่ต้องทำมึน กับพี่กีล์นี่ยังไงวะขอฟังจากปากทีดิ
Solo Siwarokin : ก็ไม่ยังไง
Kao Ashira : ไอ้โซซซซซซซซซซซซซ
Solo Siwarokin : ก็แค่อยากเจอทุกวัน
ตัวประกอบ1 : กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
ตัวประกอบ2 : กูไม่ไหวแล้วววววว เก็บศพกูที
ตัวประกอบ20 : ช็อตนี้กูตายว่ะ
 
อืม… ตายเหมือนกัน
“พี่กีล์หน้าแดง โอ๊ยยยย เอาโทรศัพท์มาน้า ขิมจะถ่ายรูป”
 
 
22.05น.
กิ๊ง…   
ผมเงยหน้าจากอ่างล้างจาน หันกลับไปมองลูกค้าประจำเพียงคนเดียวที่มักจะมาในเวลานี้ แต่แล้วก็ต้องเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นใบหน้าเหนื่อยหอบเหมือนเพิ่งวิ่งมาของอีกฝ่าย
“กีตาร์…”
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่กีตาร์กลายเป็นอีกชื่อของผมที่ถูกเรียกโดยคนตรงหน้า ถามเหตุผลก็เอาแต่นิ่งไม่ยอมบอกจนผมถอดใจ
“ว่าไงครับ”
โซโล่นั่งลงแล้วหยิบนมอุ่นไปกระดกอย่างรวดเร็ว
“พรุ่งนี้มาดูนะ”
จะว่าไปเหมือนพรุ่งนี้จะเป็นวันประกวดดาวเดือนแล้วสินะ เปิดเทอมแล้วคนคงเยอะน่าดู ร้านผมก็คงยุ่งพอสมควร พวกน้องๆในร้านก็น่าจะอยากไปร่วมงานกันหมด จริงๆผมควรจะเป็นคนที่อยู่ดูแลร้าน แต่พอเห็นหน้าตาเหมือนกำลังคาดหวังของเขาแล้วก็ปฏิเสธไม่ลงเสียอย่างนั้น
“เดี๋ยวพี่ขออนุญาตเจ้าของร้านก่อนนะครับ จะขอปิดร้านไว”
“งานเริ่มตั้งแต่ห้าโมงนะครับ”
ผมพยักหน้าแล้วกดโทรศัพท์หาพี่แก้ว
“สวัสดีครับพี่แก้ว”
[จ้ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่ากีล์]
“คือพรุ่งนี้มีงานเปิดภาคเรียนที่มหา’ลัยน่ะครับพี่แก้ว พอดีผมอยากจะขอปิดร้านเร็วไปเชียร์น้อง”
[พรุ่งนี้ปิดร้านไปเลยไม่ต้องเปิดหรอก เรานี่ทำเหมือนพี่เป็นนายจ้างหน้าเลือดไม่ให้วันหยุดพนักงานเลยนะ]
“ผมเต็มใจครับพี่ แต่จะให้ปิดเลยจะดีเหรอครับ”ผมอมยิ้มเมื่อเห็นหมาฮัสกี้ตรงหน้ากระดิกหูกระดิกหางด้วยใบหน้านิ่งๆ น่ารักจนอดเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายไม่ได้
[จ้ะ พักบ้างเถอะกีล์ แค่นี้กำไรก็เยอะจนไม่รู้จะเยอะยังไงแล้ว]
“ครับพี่แก้ว ขอบคุณมากครับ”
ผมวางโทรศัพท์ได้ไม่ถึงวินาที ก็ถูกเจ้าหมาตรงหน้าคว้ามือไปกุมไว้แน่น ดวงตาเป็นประกายบนใบหน้านิ่งๆนั่นกำลังบ่งบอกว่าเขาคาดหวังกับคำตอบจากผมมากแค่ไหน
“ครับๆพรุ่งนี้พี่ปิดร้าน เดี๋ยวจะเข้าไปช่วยงานแต่เช้าเลย”
และนั่นก็เป็นครั้งที่สองที่ผมได้เห็นรอยยิ้มของโซโล่…ที่ถึงแม้มันจะเป็นรอยยิ้มจางๆแต่กลับส่งผลต่อหัวใจผมเต็มๆ
 

 

โซโล่เดินมาส่งจนถึงหน้าหอผมเหมือนเดิม ปกติเขาจะรอให้ผมเดินเข้าประตูหอก่อนแล้วถึงจะเดินจากไป แต่วันนี้เมื่อผมหันกลับไปมองก็ต้องประหลาดใจ เพราะทางที่เขาเดินไปไม่ใช่ทางกลับหอ แต่เป็นทางเดียวกันกับที่เราเดินผ่านมาเมื่อครู่
ผมกดโทรศัพท์หาเบอร์อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอนานนักเขาก็กดรับ
[ผมเอารถมาครับ]
“หืม…พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
[คิดว่าเพิ่งนึกออกว่าผมไม่ได้เอารถมาส่ง]
“เปล่าครับ พี่แปลกใจว่าทำไมถึงเดินเข้าไปทางมหา’ลัย ปกติต้องไปอีกทาง”
[…ผมยังซ้อมไม่เสร็จ]
“อ้าว…แล้วมาหาพี่ได้ยังไง ปกติต้องรอซ้อมเสร็จนี่”
[ผมบอกเขาว่าออกมาทำธุระแล้ววิ่งมา…กลัวว่าจะมาบอกเรื่องพรุ่งนี้ไม่ทัน]
“โทรหรือติดต่อมาก็ได้นี่ครับ”
[…ก็ถ้าไม่เห็นหน้ากลัวว่าจะไม่รับปาก]
ผมอมยิ้มกำลังคำตอบที่ได้รับ รู้สึกเขินหน่อยๆอยู่เหมือนกัน ดีที่คุยกันผ่านทางโทรศัพท์เขาเลยไม่เห็นหน้า
“แล้วนี่…ดึกป่านนี้แล้วยังซ้อมไม่เสร็จ จะกลับยังไงครับ”
[ผมเอารถมาแต่เมื่อกี้ไม่ทันคิดเลยวิ่งไปหา…ต่อไปต้องยอมนั่งรถผมกลับนะ]
เดี๋ยวนะ..แล้วมันไปเข้าเรื่องนั้นได้ยังไง
“ครับๆ กลับดีๆนะครับ ถึงคอนโดแล้วบอกพี่ด้วย”
[กีตาร์]
“ว่าไงครับ”
[คุยกับผมจนกว่าจะถึงได้ไหม]
นี่มันเรียกว่าอ้อนโดยไม่รู้ตัวได้หรือเปล่าล่ะเนี่ย
“เดินไปคุยไปจะไม่เหนื่อยเหรอครับ”
[ไม่หรอก]
“งั้นก็ได้ครับ”
เราไม่ได้พูดอะไรกันมากมาย ผมเองก็กลัวว่าเขาจะเหนื่อยเพราะเดินไกลเลยไม่อยากชวนคุยมาก โซโล่เองก็ไม่ได้เริ่มประโยคสนทนาอะไร เราแค่ฟังเสียงลมหายใจของกันและกันไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้มีใครวางสายไปก่อน
“ยังไม่ถึงอีกเหรอ”ผมถามเมื่อสังเกตว่าเวลามันผ่านมาได้สักพักแล้ว ต่อให้เดินช้าขนาดไหนก็ไม่น่าจะใช้เวลามากขนาดนี้
[ถึงสักพักแล้ว]
“อ่าว…”
[ผมแค่ยังไม่อยากวาง]
ผมชะงักมือที่กำลังจะเปิดตู้เสื้อผ้ากะทันหัน ภาพที่สะท้อนในกระจกคือใบหน้าของผม…ที่กำลังยิ้มกว้าง
“เดี๋ยวรุ่นพี่จะว่าเอานะครับ”ผมเตือนด้วยความหวังดี เปิดประตูตู้หยิบชุดนอนออกมาเตรียมไว้
[ช่างเถอะ]
“แต่พี่ไม่อยากให้เราโดนว่า”
[อืม…งั้นไปก็ได้]
ผมกลั้นขำเมื่อได้ยินประโยคที่เหมือนจะงอนแต่กลับถูกพูดด้วยเสียงนิ่งสนิทไร้อารมณ์
“สู้ๆนะครับ”
[ขอบคุณครับ]
 
 
02.35น.
ยังไม่ทักมาอีก
ทำไมถึงซ้อมดึกขนาดนั้นนะ แทนที่จะให้น้องพักผ่อนเตรียมพร้อมสำหรับวันจริง…
ผมอดคิดไม่ได้ เพราะจำได้ว่าตอนปีผม วันสุดท้ายแทบจะเป็นฟรีเดย์ที่รุ่นพี่ให้พักให้เต็มที่เตรียมตัวสำหรับวันจริงด้วยซ้ำ โซโล่คงจะอยู่ซ้อมโชว์ความสามารถพิเศษนั่นล่ะ ผมเคยทักไปถามเรย์ มันบอกว่าซ้อมรวมแค่ถึงเย็น นอกเหนือจากนั้นพวกรุ่นพี่คณะจะพาน้องไปซ้อมสำหรับโชว์กันจนดึกดื่นแล้วแต่คณะ
จริงๆผมเองก็เคยซ้อมหนัก วันสุดท้ายได้พักทั้งวันก็จริง แต่ก่อนหน้านั้นเรียกว่านรกก็คงได้ ดาวไม่เท่าไหร่ แต่คณะวิศวะของผมคาดหวังกับตำแหน่งเดือนพอควรเพราะผู้หญิงน้อยแต่ผู้ชายเยอะ ผมในตอนนั้นเรียกได้ว่าซ้อมจนถึงเที่ยงคืนแทบทุกวันเพราะไม่มีความสามารถพิเศษกับเขาเลย ไม่รู้ว่าได้ตำแหน่งมากับการร้องเพลงง่อยๆได้ยังไงเหมือนกัน
ติ๊ง
ผมที่กำลังพลิกตัวไปมาเพราะไม่รู้จะทำอะไรเด้งตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาดู ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเท่าไหร่เพราะเป็นคนที่กำลังรอพอดี
Solo Siwarokin : ถึงแล้ว
Gui Jirayu : ทำไมกลับช้าจัง
Solo Siwarokin : เลิกก็กลับเลย
ซ้อมหนักเพราะพรุ่งนี้วันจริงแล้ว
Gui Jirayu : ต้องเข้าไปกี่โมงครับ
Solo Siwarokin : พี่คณะนัดไปเตรียมตัวตั้งแต่เที่ยง
Gui Jirayu : ยังดีที่ปล่อยดึกแล้วนัดช้านะ
พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่แวะไปหานะครับ
แต่ยังไงก็ต้องไปดูน้องคณะตัวเองก่อน
Solo Siwarokin : ผมจะรอ
Gui Jirayu : ครับผม
Solo Siwarokin : กีตาร์
Gui Jirayu : ว่าไงครับ
Solo Siwarokin : เรียกเฉยๆ
Gui Jirayu : หืม
Solo Siwarokin : เห็นในเพจหรือยัง
Gui Jirayu : อะไรเหรอครับ
Solo Siwarokin : *ส่งลิ้งค์*
 
ผมกดเข้าไปในลิ้งค์ที่โซโล่ส่งมา และตามคาด…มันคือหน้าเพจดังที่เพิ่งเอารูปผมกับโซโล่ไปลงนั่นล่ะ
 
Admin Page Cute :
อัพเดทข่าว อะไรไม่รู้ รู้แต่เดินกลับด้วยกันอีกแล้วจ้า คือดีอะ คือน่ารักอะ โซโล่หันมาเห็นฉันถ่ายรูปแต่ไม่ว่าอะไรสักคำ อะไรจะน่ารักขนาดนี้ ขอผันตัวเป็นแฟนคลับถาวรค่ะบอกเลย
*แนบรูปภาพถ่ายด้านหลังโซโล่กับกีล์เดินกลับด้วยกัน
2.1kถูกใจ 459ความคิดเห็น 115Shares
 
อ่านไปอ่านมาก็ตลกดี ยิ่งได้อ่านคอมเมนท์ที่เหมือนจะดิ้นตามผมยิ่งรู้สึกขำ ไม่ได้รู้สักนิดว่าตัวเองโดนถ่ายรูปอยู่
Gui Jirayu : อ่านแล้วครับ ตลกดี
ผมพิมพ์ทิ้งไว้แล้วกำลังคิดว่าจะหาอะไรทำระหว่างรอตอบ แต่ทันทีที่ข้อความถูกส่งไปมันก็ขึ้นว่าอ่านแล้วแทบจะทันที เหมือนกับเขาไม่ได้เปลี่ยนหน้าจอไปไหนเลย และยิ่งเห็นว่าอีกคนกำลังพิมพ์ก็ยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่าเขารอผมอยู่ตั้งแต่แรกแล้วจริงๆ
Solo Siwarokin : อืม
Gui Jirayu : ซีเรียสหรือเปล่าครับ
Solo Siwarokin : ?
Gui Jirayu : ก็เรื่องที่เขาถ่ายรูป หรือเอาไปพูดกัน
Solo Siwarokin : ไม่ แล้วกีตาร์ล่ะ
Gui Jirayu : พี่ก็ไม่เหมือนกันครับ
Solo Siwarokin : ดีแล้ว
Gui Jirayu : ครับ
Solo Siwarokin : นอนได้แล้ว
Gui Jirayu : เรานั่นล่ะ ไปนอนได้แล้วครับ
Solo Siwarokin : นอนก็นอน
Gui Jirayu : ฝันดีครับโซโล่
Solo Siwarokin : ฝันดีครับกีตาร์
--------------------------
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-12-2016 11:48:30
ยอมลงทุนเดินมาเพื่อจะเจอหน้าพี่เขาสุดยอด o13 o13 o13

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 01-12-2016 12:26:03
โซโล่บอกว่าอยากเจอทุกวัน
คนอ่านนี่ตายสนิท  :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 01-12-2016 13:17:16
โอ้ยย เขินน รอติดตามเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-12-2016 14:40:02
อยากเจอทุกวันด้วยยย ไม่ธรรมดาาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 01-12-2016 15:43:54
โซโล่คะ ลงทุนมากกกกก
แสดงว่าแอบชอบมานานสินะคะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 01-12-2016 17:21:16
คู่นี้น่ารักกมากก
ชอบเวลาพี่กีล์คุยแล้วลงท้ายด้วยครับตลอด แพ้ผู้ชายแบบนี้ :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 01-12-2016 18:52:43
 :o8: :o8: :o8: :o8:
 น่ารัก  น่ารัก น่ารัก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 01-12-2016 21:50:41
-3-

 

08.00น.

“ไอ้กีล์! มาได้ไงวะ”เสียงไอ้เรย์ที่ตะโกนมาแต่ไกลจากทางเข้าหอประชุมทำเอาคนแถวนั้นหันมามองกันเป็นแถบ ผมก้มหน้าเขินๆแล้วรีบจ้ำเข้าไปหามันก่อนที่มันจะตะโกนมาอีกรอบให้เด่นกว่าเดิม

“วันนี้ปิดร้านเลยมาช่วย”

“โหหหห อยู่มาสี่ปีกูเพิ่งเคยเห็นมึงปิดร้านก็วันนี้ มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษอะดิ”มันทำหน้าล้อเลียนจนผมต้องผลักหัวมันไปทีด้วยความหมั่นไส้…หมั่นไส้คนรู้ทัน

“กูมาดูน้องบ้างไม่ได้หรือไง”

“เหรอ…ว่าแต่มาดูน้องคณะมึง หรือมาดูเด็กดุริยางค์วะ”

“มึงอยากโดนตีนใช่ไหม”

มันหัวเราะร่าก่อนจะวิ่งแจ้นเข้าหอประชุมไปในทันทีที่ผมพูดจบ

ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปในหอประชุม พวกเด็กปีสองปีสามห้อยป้ายสตาฟกำลังจัดงานอยู่อย่างแข็งขัน พอรุ่นน้องวิศวะที่ผมคุ้นหน้าสามสี่คนหันมาทักทาย พวกที่จัดงานอยู่เลยหันมาหมด เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูก ต้องเดินเลี่ยงไปหาไอ้เรย์ที่ยืนคุยกับจินอยู่ไม่ไกล

 “มีอะไรให้กูช่วยไหม”ผมทักทายจินพอเป็นพิธีก่อนจะหันไปหาไอ้เพื่อนตัวดีที่ดูหน้าตาเคร่งเครียดผิดปกติ

 “เหลือแค่ดูความเรียบร้อย ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความสามารถน้องแล้วว่ะ”มันหันไปมองรอบหอประชุมเหมือนจะเช็คอีกที “เหลือปัญหาอยู่เรื่องเดียวละ”

 “เรื่องอะไรวะ”

ไอ้เรย์ถอนหายใจก่อนจะกดโทรศัพท์ไม่หยุดด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ

“คืองี้พี่กีล์…”จินหันไปพยักหน้าให้ไอ้เรย์เหมือนจะบอกว่าจะอธิบายเอง “ร้านดอกไม้ที่ติดต่อไว้เขามีปัญหาเอาดอกไม้มาส่งให้เราไม่ได้อะดิพี่”

“ดอกไม้?”

“ก็ที่จะเอามาใช้สำหรับตำแหน่งPopular voteนั่นล่ะพี่ เงินจากการขายมันเป็นรายได้หลักเข้าสภาโดยตรงด้วย พี่เรย์ก็เลยหงุดหงิด”

ผมพยักหน้าเข้าใจในทันที เพราะเรย์มันเป็นสมาชิกสภานักศึกษาอยู่แล้ว แถมดูเหมือนจะมีตำแหน่งพอสมควร มามีปัญหาเอาวันจริงใครก็ต้องหงุดหงิดเป็นธรรมดา

“เขาบอกว่ามีปัญหาเรื่องการขนส่ง”เรย์มันว่าเสียงเครียด ตาไม่ละจากจอโทรศัพท์ “เราต้องหาคนไปขนมาเอง แต่ปัญหามันอยู่ที่ร้านแม่งอยู่ไกลโคตรๆ แล้วเราจะเริ่มขายตั้งแต่สามโมง กูยังหาคนไปเอาไม่ได้”

“ไม่มีร้านอื่นแล้วเหรอวะ”ผมอดสงสัยไม่ได้ เพราะจริงๆร้านดอกไม้ก็ไม่ใช่ว่ามีน้อยๆ น่าจะมีสักเจ้าที่ขายให้เราได้

“มึงอย่าลืมว่าเราไม่ได้สั่งน้อยๆไอ้กีล์ ร้านแถวนี้ไม่มีใครมีปริมาณมากพอเท่าที่เราต้องการหรอก อีกอย่างเจ้านี้ก็ขายราคาถูกสุดแล้วด้วย ตอนนี้คือเราต้องหาคนไปเอาของ แถมต้องมานั่งติดสัญลักษณ์อีก แม่ง”

สัญลักษณ์ที่มันว่าคือสติ๊กเกอร์ที่จะติดไว้กับก้านดอกไม้สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ตอนปีผมดอกไม้ที่ใช้นับคะแนนสำหรับรางวัล Popular Vote ต้องเป็นดอกไม้ที่มีสัญลักษณ์เท่านั้น ซึ่งปีนี้ก็คงเหมือนกัน

 “ตอนนี้พวกที่มาถึงแล้วไม่มีใครไปเอาได้เลยเหรอวะ”ผมตบไหล่มันเบาๆให้มันใจเย็น ส่วนจินมันเดินไปนวดไหล่ไอ้เรย์ตั้งแต่เห็นมันกดโทรศัพท์แบบไม่กลัวหน้าจอพังแล้ว

 “เออดิ แม่งมากันยังไม่เยอะเลย ส่วนใหญ่มันนัดกันเที่ยงหมดเพราะเมื่อคืนปล่อยดึก พวกที่มาแม่งก็มีหน้าที่กันหมด กูจะให้ใครช่วยก็เกรงใจว่ะ จะไปเองรถก็ไม่มีแถมต้องคุมงานอีก”

จริงๆผมก็ว่างอยากจะเสนอตัวอยู่เหมือนกัน ส่วนรถถ้าจะหายืมคงมีใครให้ยืมได้สักคนอยู่แล้ว แต่ปัญหามันติดอยู่ที่…

“ว่าแต่มึงขับรถไม่เป็นใช่ปะไอ้กีล์”

ตามนั้นเลยครับ

“กีตาร์”

เสียงเรียบสนิทเป็นเอกลักษณ์นั่นไม่ได้ทำให้ผมหันแค่คนเดียว เพราะเรย์กับจินก็หันไปกับผมด้วย แถมผมยังมองเห็นดวงตาเป็นประกายของพวกมันอย่างชัดเจนอีกต่างหาก

“ทำไมมาเช้าได้ล่ะ ไม่ใช่ว่านัดเที่ยงเหรอ”ผมถามอย่างงุนงงเพราะจำได้ว่าเมื่อคืนโซโล่บอกว่ารุ่นพี่นัดเที่ยง

“ก็กีตาร์บอกว่าจะมาเช้า”

ผมกระพริบตาปริบๆมองคนพูดงงๆ ผมบอกว่าจะมาเช้าแล้วทำไมตัวเองต้องมาเช้าตามด้วยล่ะเนี่ย

“แหม เกรงใจคนยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้บ้างก็ได้นะ”ไอ้เรย์พูดแทรกด้วยน้ำเสียงล้อเลียน

“โซโล่ มึงมีรถใช่ปะ”

ผมหันไปมองหน้าจินทันทีเมื่อรับรู้ได้ถึงความต้องการจากน้ำเสียงนั่น ซึ่งคนที่กำลังจะโดนใช้งานโดยไม่รู้ตัวก็เพียงแค่พยักหน้าน้อยๆ

“พี่เรย์…ผมว่าเราแก้ปัญหานี้ได้แล้วว่ะ”

มันสองคนมองหน้ากันอย่างมีความหมาย ส่วนผมได้แต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ

ตอนที่เห็นรถของโซโล่ ผมก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมเพื่อนๆเขาถึงบอกว่าเอาไปจอดทิ้งไว้นอกมหา’ลัยไม่ได้ และยิ่งรู้สึกมั่นใจในฐานะของคนๆนี้เข้าไปใหญ่ เพราะมันไม่ใช่แค่ฐานะดี แต่จากที่ดูๆแล้วนี่มันน่าจะเป็นเศรษฐีด้วยซ้ำ

แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้นั่งรถโซโล่ไปหรอก เพราะไอ้เรย์บอกว่ารถใส่ของไม่พอแน่ๆ เลยได้เป็นฟอร์จูนเนอร์ของใครสักคนมาแทน

พอหันไปมองคนที่นั่งประจำที่คนขับแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ตอนที่เห็นโลเคชั่นร้านแล้วผมแทบจะปฏิเสธแทนเพราะมันไกลแบบที่ไม่น่าจะกลับมาทันเที่ยง แต่ไอ้เรย์มันทั้งดันทั้งลากผมมายัดเข้ารถแล้วบอกให้ตามไปช่วยน้อง ถ้ากลับมาช้าจะไปจัดการทางรุ่นพี่ดุริยางค์ให้เอง ส่วนคนโดนใช้ก็ไม่ปฏิเสธหรือพูดอะไรสักคำแค่เดินตามมาขึ้นรถเงียบๆ

“กีตาร์…”สัมผัสเบาๆที่มุมปากทำให้ผมสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองเจ้าของปลายนิ้วที่ยื่นมาแตะ

“ว่าไงครับ”

“ยิ้ม”

ผมขยับยิ้มตามคำพูดของเขาทันทีโดยไม่หยุดคิด

พอทำแล้วก็ต้องมานั่งงงตัวเอง ทั้งที่เป็นเพียงแค่ถ้อยคำสั้นๆแท้ๆแต่กลับทำให้ผมปฏิบัติตามอย่างง่ายดายจนอดสงสัยไม่ได้ว่าสรุปผมหรือเจ้าหมาฮัสกี้นี่กันแน่ที่เป็นเจ้าของรอยยิ้ม…แต่ถ้าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือดวงตาเป็นประกายนั่น มันก็คุ้มอยู่เหมือนกัน

“จริงๆปฏิเสธน่าจะดีกว่านะครับ ไปตั้งไกล ไม่รู้จะกลับมาทันนัดไหม”

“ทัน”

ตอนนั้นผมไม่ได้คิดเลยว่าคำว่า ‘ทัน’ ที่ว่านั่นมันไม่ใช่แค่ทันแบบธรรมดา แต่มันคือทันแบบเหลือเฟือเลยต่างหาก

 

 

“กีตาร์”

ผมหันไปมองหน้าเจ้าของเสียงอย่างุนงง สมองด้านชาไปชั่วขณะ ใช้เวลาสักพักกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอแล้วถึงได้นึกออกว่าเมื่อครู่ผ่านเหตุการณ์อะไรมา

 “โซโล่…ทีหลังอย่าขับรถเร็วขนาดนี้อีกนะครับ!”

เด็กบ้านี่มันขับรถมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่กันถึงได้กล้าเหยียบมิดจนผมนั่งหน้าซีดหาเสียงตัวเองไม่เจอมาตลอดทาง

โซโล่ทำหน้านิ่งเหมือนเคย แต่ก็พยักหน้าหงึกหงักโดยไม่พูดอะไร

ผมลูบหน้าลูบตาตั้งสติแล้วมองนาฬิกาด้วยใจที่ยังสั่นไม่หาย

09.15น.

ขับรถมาจากมหา’ลัยโดยใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเนี่ยนะ ไม่มีทางที่คนปกติจะทำได้แน่นอน ผมคิดว่าด้วยระยะทางขนาดนั้นดูยังไงก็ต้องใช้เวลาสองชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ แต่สงสัยความคิดที่ว่าจะใช้ไม่ได้ผลกับคนตรงหน้า

ผมเปิดประตูลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในร้านโดยไม่ได้รอคนข้างหลัง ตอนแรกก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่เท้าแตะถึงพื้นแล้ว แต่ตอนนี้อยากหาที่นั่งมากกว่าเพราะรู้สึกเหมือนขาจะสั่นแปลกๆ

หมับ

“กีตาร์…”

ผมหันไปมองเจ้าของเสียงที่คว้าแขนผมไว้ รู้สึกเหมือนเสียงนั้นดูหงอๆผิดปกติ ยิ่งพอหันไปมองก็ขำออกมาอย่างอดไม่อยู่ เพราะเหมือนผมจะเห็นหูกับหางเจ้าฮัสกี้ตรงหน้าลู่ลงมาอย่างน่าสงสารทั้งที่เขาก็ยังทำหน้าตายเหมือนเดิมแท้ๆ

ผมใช้อีกมือที่ไม่ได้ถูกคว้าไว้ลูบหัวโซโล่เบาๆแล้วขยับยิ้มกว้างกว่าเดิม

“พี่ไม่ได้โกรธครับ…แต่ทีหลังอย่าขับรถเร็วขนาดนี้อีกนะ มันอันตราย”

โซโล่พยักหน้าหงึกหงัก หูหางกระดิก ก่อนจะเป็นฝ่ายดึงแขนผมเบาๆให้เดินตามเข้าไปในร้านดอกไม้ขนาดใหญ่ตรงหน้า

 “ยินดีต้อนรับครับ”

ผมยิ้มให้พนักงานที่กล่าวต้อนรับก่อนจะมองสำรวจรอบๆ ร้านดอกไม้นี้มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปค่อนข้างมาก มีดอกไม้หลายชนิดจัดแสดงเรียงกันอยู่ทั่วแต่ก็ไม่ได้ดูรกแม้แต่น้อย กลับกันผมว่ามันดูน้อยไปเสียอีกเมื่อเทียบกับพื้นที่กว้างของร้าน

 “ผมมาจากมหา’ลัยxxxครับ”

 “อ๋อ…คุณกีล์ใช่ไหมครับ เมื่อสักครู่คุณเรย์โทรมาบอกไว้แล้ว ผมคิดว่าจะถึงช้ากว่านี้เสียอีก”พนักงานที่ดูท่าทางอายุต่างจากผมไม่มากหันไปมองนาฬิกาอย่างแปลกใจ ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆแล้วหันไปมองตัวต้นเหตุที่ทำให้มาถึงไวกว่าปกติเกือบเท่าตัว “ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ วันนี้ที่ร้านเหลือรถอยู่คันเดียวแถมมาเสียเอาเมื่อเช้าอีก”

 “ไม่เป็นไรครับ…แล้วนี่ดอกไม้อยู่ไหนเหรอครับ เดี๋ยวผมช่วยขนจะได้ไว”

 “ไม่ต้องหรอกครับคุณกีล์ เดี๋ยวจะมีพนักงานขนไปขึ้นรถให้ แค่กรุณามารับเองแล้วก็ไม่ถือโทษโกรธกันผมก็ขอบคุณมากแล้ว รบกวนช่วยเปิดรถให้ด้วยนะครับ”

โซโล่พยักหน้าเงียบๆแล้วเดินนำออกไปเปิดรถ ผมได้แต่ยืนมองพนักงานร้านช่วยกันยกช่อกุหลาบจำนวนมากมาขึ้นรถ โดยมีพนักงานที่ทักทายตอนแรกซึ่งผมเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของร้านชื่อคุณภีมยืนคุยอยู่ข้างๆ

“บรรยากาศในร้านเป็นยังไงบ้างครับ”

คุณภีมเป็นผู้ชายหน้าตาดีท่าทางสุภาพ น่าจะอายุมากกว่าผมปีสองปี เขาเป็นคนคุยสนุก ดูมีความพยายามที่จะชวนผมคุยไม่ให้เบื่อในระหว่างรอ ดูแล้วเป็นคนที่น่าคบหาคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ผมก็พอจะมองออกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเป็นเพียงรอยยิ้มการค้าและรอยยิ้มตามมารยาทเท่านั้น

“หอมมากเลยครับ ผมได้กลิ่นแล้วรู้สึกสบายใจมากเลย”

คุณภีมยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย ดูมีความสุขเมื่อได้ยินคนพูดถึงร้านตัวเองในแง่ดี

“ผมอยากให้ทุกคนที่เข้ามาในร้านรู้สึกอบอุ่นครับ ลูกค้าทุกคนมีความสำคัญไม่แพ้ดอกไม้ทุกดอกในร้านของผม”

“ในร้านมีดอกไม้แค่ที่โชว์เหรอครับ”

“ในร้านมีแค่นี้ครับ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าของผมมักจะสั่งล่วงหน้าเป็นชุดใหญ่ๆมากกว่า เราจะเก็บสดมาจากสวนให้ดอกไม้มีความสดใหม่ในวันที่นัดรับสินค้า ไม่ค่อยตัดมาเยอะเพราะถ้าไม่มีคนซื้อก็เสียดาย…ดอกไม้ทุกดอกมีความหมายทั้งสำหรับผมและสำหรับลูกค้า ผมเลยพยายามดูแลมันให้ดีที่สุด”

“มิน่าดอกไม้ถึงได้ดูสดนัก”

“ครับ…”

“กีตาร์”เสียงแข็งๆจากคนที่ยืดขมวดคิ้วอยู่ตรงประตูรถดังตัดการสนทนาของผมกับคุณภีม โซโล่เหลือบตามองท้ายรถเหมือนจะบอกว่าของขนเสร็จแล้ว ผมพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงเข้าใจก่อนจะหันมาลาคุณภีมที่ยืนอยู่ข้างๆ

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณมากครับคุณภีม”

 “โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ”คุณภีมยิ้มให้ผม ก่อนจะพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “หรือถ้าว่างจะมาทานข้าวกับผมก็ได้นะครับ”

 “กีตาร์!”เสียงที่เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดขึ้นอีกหนึ่งระดับของคนที่ยืนรออยู่ทำให้ผมต้องรีบเดินไปขึ้นรถในทันที รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะของคุณภีมดังไล่หลังมาเบาๆแต่ก็ไม่มีเวลาใส่ใจนัก เพราะไม่อยากให้คนรอหน้าบูดยิ่งกว่านี้

โซโล่ขับรถโดยขมวดคิ้วไปตลอดทาง ถึงหน้าจะนิ่งเฉยแต่ผมสัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดของเขาอย่างชัดเจน พอรถติดไฟแดงผมเลยได้โอกาสหันไปมองอย่างจริงจัง

 “นี่…”ผมใช้นิ้วชี้จิ้มคิ้วที่ขมวดเป็นปมเบาๆจนเจ้าตัวยอมคลายออก “เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ เราแวะทานข้าวกันนะครับ”

ผมยิ้มให้เจ้าฮัสกี้ที่พยักหน้าตอบโดยไม่ยอมพูดอะไรสักคำ แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวยอมคลายบรรยากาศอึมครึมก่อนหน้าทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว

โซโล่แวะที่ร้านอาหารขนาดใหญ่ไม่ไกลจากมหา’ลัยเท่าไหร่ ผมเคยเห็นผ่านๆและได้ยินคนพูดถึงเยอะจากเรื่องราคาที่แพงสุดๆ แต่ไม่เคยคิดจะเข้ามากิน แค่ได้เห็นบรรยากาศและการตกแต่งร้านก็รู้ทันทีว่าร้านหรูขนาดนี้ราคาต้องแพงขนาดไหน

ผมขมวดคิ้วมองเมนูอย่างเคร่งเครียด ราคาบางอย่างมันสามารถทำให้ผมกินแกลบได้ในพริบตาเดียว จริงๆตอนแรกที่ชวนกินข้าวก็เพราะเห็นว่าน่าจะยังไม่ได้กินกันทั้งคู่ แต่ไม่คิดว่าคนขับรถจำเป็นจะเลี้ยวเข้ามาในร้านแบบนี้

“เอ่อ…ผมขอข้าวผัดหมูกับน้ำเปล่าครับ”น่าจะถูกที่สุดแล้วล่ะนะ

ผมส่งเมนูคืนพนักงาน ก่อนจะหันไปมองโซโล่ที่กำลังจ้องผมอยู่เช่นกัน เขาก้มลงมองเมนูแวบเดียวแล้วชี้นิ้วสั่งอาหารไปสี่อย่างด้วยความรวดเร็ว

“ผมเลี้ยง”

 “ไม่ได้ครับ”ผมปฏิเสธในทันที “แค่ขับรถมาเอาของกับพี่ก็ขอบคุณมากแล้ว ไม่ต้องเลี้ยงหรอก”

 “กีตาร์”

 “ว่าไงครับ”

 โซโล่ไม่ตอบอะไร แต่หยิบดอกไม้สีส้มดอกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ผม

“ให้พี่?”ผมรับดอกไม้จากมือเขามาพิจารณาเงียบๆ

“แลกกัน…เพราะงั้นให้ผมเลี้ยงนะ”

ให้ของแล้วขอเลี้ยงข้าวนี่มันตรรกะไหนกันล่ะเนี่ย ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่พอสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่เหมือนจะอ้อนหน่อยๆแล้วก็ปฏิเสธไม่ลงจนได้

“แค่ครั้งนี้นะครับ”

 

 

หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็เดินกลับไปที่รถ ผมหยิบดอกไม้ที่ได้ขึ้นมาดูอีกครั้ง แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเป็นดอกอะไร

“โซโล่…นี่ดอกอะไรเหรอครับ”

ผมหยุดเท้าเมื่อสังเกตเห็นว่าคนที่เดินมาข้างๆหยุดเดินไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว

“ดอกลิลลี่สีส้ม"

ระยะห่างของเราสั้นลงเรื่อยๆเมื่อเขาเริ่มก้าวเท้าเดินเข้ามา

"หมายถึง…”

โซโล่หยุดอยู่ตรงหน้าผม ก่อนจะคลี่ยิ้มบางเบาที่ทำให้ใจเต้นแรง

“…มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้”

----------------------------------------

 

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-12-2016 22:18:39
ทำไมโซโล่รุกแบบนิ่งๆขนาดนี้้ :-[ :o8: :m3: :m1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 01-12-2016 22:26:12
หวานเกินไปแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 01-12-2016 22:33:53
โซโล่น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 01-12-2016 22:40:35
น่ารักกก เขินนน
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 01-12-2016 23:20:31
กรีดร้อง ขอกระโดดเข้าสิงกีล์ได้ไหมคะ อยากให้เจ้าฮัสกี้มาอ้อนบ้าง
อิจฉาน้องกีล์มากกกกกกกก  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 02-12-2016 00:25:29
ช่วยด้วยค่ะสำลักน้ำอ้อย แค่กๆๆ อ่อยแรงจังเลยน้าาโซโล่
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 02-12-2016 14:03:39
คือดีงาม.....
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 02-12-2016 16:07:08


ติดตามค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 02-12-2016 20:10:15
น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 02-12-2016 20:14:41
โซโล่รุกหนักมากก :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 03-12-2016 13:54:47
ละมุนละไมกรุ่นกลิ่นไอรักมากเหลือเกินนน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-12-2016 14:08:30
โซโล่อ้อนแรงมากกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 03-12-2016 19:06:10
น้องโซโล่ชัดเจนสุดล่ะ มานิ่งๆเงียบๆแต่รุกหนักอยู่นะจ๊ะ 5555 o18
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER2+CHAPTER3 [01/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 04-12-2016 00:01:38
-4-

 

“ทำไรอะพี่กีล์”

ผมสะดุ้งเฮือก รีบเก็บดอกไม้ที่นั่งหมุนเล่นในมือใส่กระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็ว

“ไม่ได้ทำไร”ผมรีบปฏิเสธ ถึงคนถามจะทำหน้าเหมือนไม่เชื่อก็เมินไว้ก่อนก็แล้วกัน “พร้อมยังเอส”

เอสเป็นตัวแทนเดือนคณะวิศวะปีนี้ที่ผมเพิ่งจะเคยเห็นหน้าเป็นครั้งแรก พอพวกปีหนึ่งเอาป้ายออกกันหมดทุกคนแล้วนอกจากโซโล่ผมก็จำไม่ได้เลยว่าคนไหนเป็นใครหรือมาจากคณะอะไร

“พร้อมแล้วพี่ แต่ตื่นเต้นนิดหน่อย”

ตื่นเต้นนิดหน่อย…แต่ปากนี่ซีดเชียว แถมไอ้อาการกัดฟันกึกๆนั่นมันอะไรกัน

ผมเลิกสนใจเอสที่กำลังอยู่ในโลกส่วนตัว แล้วมองไปรอบห้องเล็กๆที่ดูกว้างขวางเพราะไม่มีอุปกรณ์อะไรอยู่เลยสักอย่างแทน

ห้องเล็กๆในหอประชุมมีแยกย่อยอยู่หลายห้อง ซึ่งตอนนี้ถูกเนรมิตให้เป็นห้องเตรียมตัวของแต่ละคณะ ดีที่หน้าห้องมีชื่อคณะเขียนไว้ผมเลยไม่ต้องเสียเวลาเดินหามากนัก เข้ามาไม่ทันไรก็โดนเดือนวิศวะปีสองวานให้มาอยู่เป็นเพื่อนเอสแทน ส่วนคนวานหายตัวไปแล้วเรียบร้อย

นี่ก็เกือบจะได้เวลาเริ่มงานแล้ว ไอ้เรย์มันขอบคุณผมกับโซโล่ยกใหญ่ แต่สุดท้ายก็ลากผมไปช่วยติดสัญลักษณ์ที่ดอกไม้จนเสร็จ ส่วนโซโล่…รายนั้นลงจากรถปุ๊บก็มีคนมาลากไปเตรียมตัวปั๊บ ผมที่ว่างไม่มีอะไรทำเลยอาสาจะช่วยขายดอกไม้ แต่เรย์มันบอกว่าผมจะไปทำบูธมันล่มมากกว่า และนั่นเป็นวินาทีแรกที่ผมนึกได้ว่าตัวเองเคยเป็นเดือนมหา’ลัยมาก่อน แล้วงานนี้ก็มีคนเข้าร่วมทุกชั้นปี คงต้องมีคนที่รู้จักหรือติดตามผมอยู่บ้าง มันก็สามปีแล้วนี่นะจากวันนั้นที่ได้ตำแหน่งมาแบบงงๆ

“พี่กีล์”

“หืม”

“ตอนพี่ขึ้นเวทีพี่ตื่นเต้นปะ”

ผมมองเอสขำๆเพราะมันแลดูเป็นเด็กที่อารมณ์ดี พูดมากอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้มันกำลังนั่งกอดเข่ากัดนิ้วตัวเองทำหน้าจิตตกอยู่ข้างๆผม

“ตื่นเต้นนะ แต่ก็ต้องทำอยู่ดี ไม่ต้องคิดมากหรอก…ถึงเวลามันก็ไหลไปตามน้ำเองนั่นล่ะ”ผมไม่ได้โกหกเพราะมันต้องทำจริงๆ แต่ตอนนั้นผมตื่นเต้นจนเกือบจะเดินสะดุดเวที ดีที่ทรงตัวไว้ได้ แถมตอนร้องเพลงก็ร้องเพี้ยนไปตั้งหลายจุด ที่บอกว่าได้ตำแหน่งมาแบบงงๆ มันไม่ใช่การถ่อมตัวแต่คือความจริงล้วนๆเลยต่างหาก

“เอาจริงๆนะ ผมว่าไม่ต้องขึ้นเวทีก็รู้ผลแล้วล่ะ”เอสว่าก่อนจะหันไปหยิบกีตาร์ข้างๆมาดีด เห็นบอกว่าเป็นโชว์ที่มั่นใจมากแล้วทำไมถึงมานั่งห่อเหี่ยวแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”

“ตอนแรกผมก็มั่นใจอะพี่ ผมไล่ถามเกือบทุกคณะแล้วสรุปว่าไม่มีคนโชว์กีตาร์เลย ทีนี้ตอนซ้อมเดินรวมเมื่อวานผมได้ยินเจไดเดือนแพทย์มันบอกว่าเดือนดุริยางค์ปีนี้เอกกีตาร์…”

“เขาอาจจะไม่ได้โชว์กีตาร์ก็ได้มั้ง”จะว่าไปผมก็ไม่เคยถามเจ้าตัวเลยสักครั้งว่าจะโชว์อะไร เพิ่งมารู้ก็ตอนเอสพูดนี่ล่ะว่าเจ้าฮัสกี้นั่นเรียนเอกกีตาร์ พวกเด็กดุริยางค์ส่วนใหญ่จะเป็นพวกมีความสามารถอยู่แล้ว เพราะเป็นคณะที่สอบโดยการใช้ความสามารถพิเศษเลยมีจำนวนคนน้อยยิ่งกว่าน้อย แต่ก็เป็นคณะที่สร้างชื่อเสียงให้มหา’ลัยแทบทุกปี

“ตอนแรกผมก็คิดแบบพี่…”เอสวางกีตาร์ก่อนจะเบะปาก “ผมเลยเดินไปถามตรงๆเลย และคำตอบที่ได้คือการพยักหน้า”

“เอาน่า…เราอาจจะทำได้ดีกว่าก็ได้ มั่นใจในตัวเองหน่อย”ผมตบบ่าน้องเบาๆเป็นการให้กำลังใจ

“โหพี่…ไม่ใช่แค่นั้นนะ โซโล่มันมีชื่อเสียงมาตั้งแต่วันรายงานตัวแล้ว วันนั้นผมก็เจอมัน…ออร่าแม่งกระจายมากอะ ออร่ามืดนะไม่ใช่ออร่าสดใสแบบผม…ไม่รู้ทำไมคนถึงกรี๊ดมันนัก”

เพราะหล่อไง…

ได้แต่คิดในใจไม่ได้พูดไปเพราะเดี๋ยวมันจะหมดกำลังใจไปมากกว่านี้

“เอสฟัง”ผมหันไปหาน้อง จับบ่าไว้ทั้งสองข้าง “ซ้อมแล้วก็ทำให้ดีที่สุด จะแพ้ชนะพวกพี่ก็ภูมิใจ แต่ถ้ามาหมดกำลังใจแบบนี้พวกพี่ที่ช่วยซ้อมเรามารวมถึงตัวเองจะเหนื่อยฟรี เข้าใจไหม”

เอสนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้า ผมเลยยิ้มกลับไปให้

“พี่กีล์…ถอยไปห่างๆผมเลยนะพี่”เอสถอยหลังไปจนติดขอบโต๊ะแล้วเอามือปิดตา

“…”

“ยิ้มทีออร่ากลบผมหมดแล้วเนี่ย”

 

 

ผมกำลังเครียด ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้…

นอกจากผู้คนจะเต็มอัฒจรรย์ของหอประชุมใหญ่แล้ว ที่พื้นด้านหน้าเวทียังมีกลุ่มคนที่มาจับจองที่อยู่กันจนเต็มพื้นที่ไปหมด ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูคอนเสิร์ตอะไรสักอย่าง เพียงแต่ผู้ชมเป็นคนจากทั้งมหา’ลัยก็เท่านั้นเอง ส่วนที่ที่ผมยืนอยู่คือบริเวณด้านหน้าเวทีซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับสตาฟ มีแค่รั้วเหล็กหน้าตาอ่อนแอที่กั้นระหว่างผมกับคนดูเอาไว้

ผมถูกไอ้เรย์ลากออกมาจากห้องเมื่อยี่สิบนาทีก่อน มันเอาป้ายสตาฟห้อยคอผม บังคับให้ใส่หมวกกับเสื้อคลุมสีดำก่อนจะดึงฮู้ดขึ้นมาปิดหัวให้เสร็จสรรพ จากนั้นก็ดันมาอยู่หน้าเวที เสร็จแล้วก็บอกให้ดูความเรียบร้อยตรงนี้ก่อนจะวิ่งหายไป แต่ที่งงมากกว่านั้นคือทำไมสตาฟหน้าเวทีถึงมีผมยืนอยู่คนเดียว

“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเปิดภาคปีการศึกษาใหม่นะคะ ดิฉัน….” เสียงที่ดังไปทั่วหอประชุมทำให้ผมรู้สึกตัวและหันไปให้ความสนใจกับบนเวทีที่มีพิธีกรเดินออกมาสองคน

“ครับ สำหรับงานปีนี้ก็เป็นเช่นทุกๆปีที่ผ่านมา อย่างที่ทราบกันว่าหอประชุมของเราสามารถจุคนได้มากมาย เลยมีการนำงานFreshmen มาผนวกรวมกับงานเปิดภาคเรียนใหม่เพื่อให้ทุกๆชั้นปีสามารถเข้าร่วมได้ โดยนอกจากจะมีการประกวดดาวเดือนแล้ว เรายังมีการจัดคอนเสิร์ตให้ความบันเทิงกับทุกท่านจนจบงานอีกด้วย”

“และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปมากกว่านี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับผู้เข้าประกวดจากทุกคณะกันได้เลยค่ะ!”

หลังจากจบคำของพิธีกรก็มีเพลงดังขึ้นเบาๆพร้อมกับที่ดาวเดือนแต่ละคณะในชุดนักศึกษาเรียบร้อยเดินออกมาทีละคู่ นี่คือการเดินที่พวกเขาซ้อมกันมาหลายวัน ทุกคนดูยิ้มแย้มสดใส คณะวิศวะของผมจับฉลากได้เป็นลำดับที่สามตามที่เอสบอก น้องคณะทั้งสองคนของผมทำได้ดี ไม่มีความกังวลฉายออกมาทางสีหน้า

“และสุดท้ายตัวแทนจากดุริยางคศิลป์…ดาว ธิชาดา รุ่งโรจน์กิจ และเดือน โซโล่ ศิวโลคินทร์”

ผมไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องที่ดูจะดังขึ้นหลายระดับ สายตามองขึ้นไปยังเวทีที่มีคนตัวสูงใส่ชุดนิสิตเรียบร้อยกำลังเดินมา

โซโล่ก็ยังเป็นโซโล่ ถึงจะเซตผมและแต่งตัวเรียบร้อยตามแบบฉบับนักศึกษาที่ดี แต่ใบหน้าที่ถูกแต่งเล็กน้อยให้ดูคมขึ้นก็ยังคงนิ่งเฉยเหมือนเคย ไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนคนอื่น ไม่ได้เดินกวาดสายตาเพื่อเรียกคะแนนจากใครๆ แค่เดินตรงไปเรื่อยๆเท่านั้น ผมแปลกใจไม่น้อยที่ไม่มีใครสั่งให้เจ้าตัวถอดต่างหูที่ใส่อยู่หลายรูออก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าเขาดูดีสุดๆกับลุคแบบนั้น

ตอนที่มาถึงหน้าเวที ตาคมนั่นกวาดไปทั่วหอประชุมรอบหนึ่งก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ผม ผมไม่แน่ใจว่าแสงจากบนเวทีทำให้เขาเห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกกับฮู้ดของผมหรือเปล่า แต่ถึงจะเห็นหรือไม่เห็น ผมก็ยังส่งยิ้มไปให้เขาอยู่ดี

และวินาทีที่ริมฝีปากได้รูปนั่นขยับนิดๆขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก เท่านั้นล่ะเสียงกรีดร้องดังลั่นหอประชุมในทันที

ตัวแทนทุกคณะเดินโชว์อีกนิดหน่อยก่อนกลับเข้าไปเพื่อเตรียมตัวแสดงความสามารถพิเศษเรียกคะแนน ก่อนจะเดินลงจากเวทีโซโล่หันมามองผมอีกครั้ง…หรือถ้าบอกว่าทุกวินาทีที่อยู่บนเวทีเขาไม่ได้ละสายตาไปจากผมเลยน่าจะถูกกว่า

และผมเองก็ไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้เช่นกัน

ดาวคณะผมออกมาแสดงคู่กันกับเดือนอย่างเอส คนหนึ่งร้องอีกคนหนึ่งเล่นกีตาร์ เป็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบเรียกเสียงตอบรับไปได้ไม่น้อย น้องทั้งคู่ดูพยายามและตั้งใจถึงจะเกร็งๆไปบ้างแต่ก็ทำออกมาได้ดี

การแสดงที่นี่ค่อนข้างมีอิสระ จะเป็นคู่ดาวเดือนหรือแยกกันก็ไม่มีปัญหา เรื่องเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะยังไงก็เลิกดึกทุกปี ใครอยากกลับตอนไหนก็ไม่ได้บังคับ แต่ผมเพิ่งมีโอกาสมางานนี้เป็นครั้งที่สองเพราะปีก่อนๆต้องทำงานอยู่ตลอด ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เคยมาก็คือตอนปีหนึ่งที่มาประกวด

ถ้าดูจากเสียงกรีดร้องแล้วเดือนคณะแพทย์ที่แสดงเป็นลำดับท้ายๆแลดูจะกินคะแนนไปมากจากการเต้นแล้วฉีกเสื้อโชว์ซิกแพคของเจ้าตัว

ผมเพิ่งรู้ว่าพวกหมอเองก็มีมุมแบบนี้ด้วย…

“จบไปแล้วนะคะสำหรับการแสดงการร้องเพลงของดาวดุริยางค์ มาถึงลำดับสุดท้ายก่อนที่เราจะคัดผู้เข้ารอบเพื่อตอบคำถามกันแล้ว ขอเสียงปรบมือต้อนรับเดือนดุริยางค์ด้วยค่ะ!”

ทันทีที่จบคำของพิธีกร แสงไฟที่มีอยู่แค่บริเวณเวทีก็ดับลงจนหอประชุมมืดไปหมด แต่ผมมองเห็นคนวิ่งไปวิ่งมาเพื่อจัดเวทีอย่างชัดเจน และเมื่อแสงไฟสว่างขึ้นโดยโฟกัสแค่จุดเดียวบนเวทีคือจุดที่มีเก้าอี้กับไมค์ตั้งอยู่ ก็มีผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสีดำนั่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับกีตาร์ของเขาแล้ว

ตอนที่เสียงกีตาร์โปร่งดังขึ้นเป็นจังหวะ ผมรู้สึกเหมือนใจเต้นรัวจนต้องยกมือขึ้นมากุมอกเอาไว้ โซโล่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองอะไร เขามองแต่กีตาร์ที่กำลังดีด แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีเสียงร้องหลุดออกมา

หรือเขาแค่โชว์เล่นกีตาร์?

“จนวันหนึ่งบังเอิญมาเจอได้พบเธอ ก็ใจชื้น…”

ผมหันหลังไปมองเสียงร้องที่ดังขึ้นใกล้ๆซึ่งมันไม่ได้มาจากคนบนเวที แต่มาจากเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนเกาะรั้วอยู่ข้างหลังผม เสียงร้องน่าฟังนั่นร้องตามจังหวะกีตาร์ที่โซโล่ดีด และมันก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆจากคนที่เริ่มร้องตามๆกัน

“เธอคือหัวใจ เธอคือทุกคำตอบ
เธอคือคนสุดท้าย ที่ใจฉันต้องการ
เธอคือทุกสิ่ง และเธอคือทุกๆ อย่าง
และที่สุดวันนี้ ฉันเจอเธอแล้ว”

ผมไม่รู้ว่าโซโล่ตั้งใจหรือเปล่า แต่เขากำลังทำให้เสียงคนทั้งหอประชุมรวมกันเป็นเสียงเดียว และมันดังกระหึ่มกว่าการร้องออกไมค์เสียอีก

“จนวันหนึ่งบังเอิญมาเจอได้พบเธอ ก็ใจชื้น
เธอคือดาวประกายที่เจอในค่ำคืน ที่เงียบเหงา
เธอมีคำบางคำที่ทำให้ภาพเก่า ที่คอยหลอนหัวใจ
สลายหายไป”

ตลอดเวลาทั้งเพลงโซโล่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว เขาเพียงดีดกีตาร์ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ร้องไม่ได้มองอะไรทั้งนั้น

“เธอคือหัวใจ เธอคือทุกคำตอบ
เธอคือคนสุดท้าย ที่ใจฉันต้องการ
เธอคือทุกสิ่ง และเธอคือทุกๆ อย่าง
และที่สุดวันนี้….”

เสียงกีตาร์ที่หยุดลงทำให้เสียงร้องของคนทั้งหอประชุมเงียบตามไปด้วย ผมมองโซโล่ค่อยๆวางกีตาร์ลงข้างเก้าอี้ด้วยใจที่เต้นกระหน่ำ เขาลุกขึ้นยืนหยิบไมค์แล้วเดินมาหน้าเวที

ดวงตาคู่นั้นมองมาที่ผม…และไม่ยอมละไปไหน

“…ฉันเจอเธอแล้ว”

[เพลงเธอคือ : Mr.Lazy feat.คิว สุวีระ]

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!”

เสียงที่ดังลั่นหอประชุมไม่ได้เขาหูผมแม้แต่น้อย ประโยคที่คนบนเวทีส่งมามันดังลั่นอยู่ในหัวเต็มไปหมด หัวใจเต้นโครมครามจนผมกลัวว่าเขาจะได้ยิน

ผมสบตาเขานิ่งงันโดยที่ไม่สามารถมองไปทางอื่นได้ รู้สึกเหมือนโดนดึงดูดด้วยดวงตาที่เหมือนหลุมดำนั่นเข้าอย่างจัง สุดท้ายก็ทำได้เพียงยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเองทั้งที่ไม่จำเป็น…เพราะเขาน่าจะเห็นไปแล้วเต็มๆ

โซโล่ยืนอยู่ที่เดิมเมื่อคนอื่นๆเริ่มทยอยขึ้นมาบนเวที ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพิธีกรพูดอะไรหรือตัดใครออกไปแล้วบ้าง รู้แค่ว่าผมยังสบตากับคนๆเดิมตลอดเวลา ในหัวยังคงเป็นประโยคเดิมๆที่ดังก้องจนไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้อีก

ผมโดนดันจนติดรั้วเมื่อเริ่มถึงช่วงให้ดอกกุหลาบสำหรับรางวัลPopular Vote ผมไม่รู้ว่ากว่าคนจำนวนมากจะทยอยมาให้ดอกกุหลาบหมดต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่หลังจากเวลาผ่านไปสักพักสตาฟก็เก็บดอกไม้ไปหลังเวทีเพื่อนับคะแนน ก่อนจะคัดเลือกให้เหลือสามคนเพื่อตอบคำถามแล้วจึงประกาศผลรางวัลทีเดียว

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโซโล่เข้ารอบสามคนสุดท้ายไปแล้ว สติของผมกลับมาตอนที่เขากำลังจะตอบคำถาม

“ความสุขในนิยามของคุณคืออะไร”

โซโล่รับไมค์มาถือไว้ก่อนจะตอบคำถามด้วยคำพูดสั้นๆโดยไม่เสียเวลาคิด

“กีตาร์”

ผมไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงกีตาร์ที่เขาเล่น หรือหมายถึงอะไร แต่สายตาที่จ้องมองมาตลอดเวลามันทำให้ผมส่งยิ้มกลับไปแบบไม่รู้ตัว

“สำหรับรางวัลPopular Vote ได้แก่…”

ผมยืนมองคนที่ยืนหาวอยู่บนเวทีอย่างเพลิดเพลิน ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างก็เพราะมัวแต่สนุกกับการมองปฏิกิริยาหาวไปทำหน้าเบื่อไปของเจ้าฮัสกี้บนเวทีนี่ล่ะ

“เดือนคณะแพทย์น้องเจไดค่ะ!”เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วหอประชุม เมื่อเดือนคณะแพทย์ที่เพิ่งโชว์ฉีกเสื้อไปได้ตำแหน่งไปครอง แถมเขายังเป็นหนึ่งในสามผู้เข้ารอบด้วย

“สุดท้ายแล้วนะคะสำหรับตำแหน่งดาวเดือนมหา’ลัย เรามาเริ่มกันที่ดาวก่อนเลย…”

ผลคะแนนออกมาไม่น่าตกใจเท่าไหร่นัก โดยดาวคณะนิเทศได้อันดับสามไปครอง ส่วนอันดับสองเป็นของคณะบริหาร และอันดับหนึ่งคือดาวคณะแพทย์ที่โดดเด่นมาตั้งแต่แรกและเป็นตัวเก็งมาตลอด

“และสำหรับรางวัลเดือนมหา’ลัย รองชนะเลิศอันดับสองได้แก่…”

ผมมองคนที่เหลืออยู่แค่สามคนบนเวทีแล้วอดขำออกมาเบาๆไม่ได้ เพราะบุคลิกแต่ละคนแตกต่างกันจนเห็นได้ชัด เดือนแพทย์ที่ชื่อเจไดกำลังขยับยิ้มแจกไปทั่ว ส่วนเอสน้องคณะผมกำลังบีบมือตัวเองท่าทางประหม่าอย่างหนัก ขณะที่โซโล่ในชุดสีดำสนิทยืนล้วงกระเป๋าไม่สนใจอะไรแต่สายตากลับจ้องมาที่ผมตลอดเวลา จนกลายเป็นผมต้องหลบสายตาเสียเอง

“เดือนวิศวกรรมศาสตร์น้องเอสครับ!”ผมยิ้มให้เอสตอนที่เราสบตากัน เอสไม่ได้ดูเสียใจที่ได้ตำแหน่งที่สาม กลับกันเจ้าตัวแลดูดีใจสุดๆจนเดินสะดุดเวทีเกือบหน้าคว่ำ เรียกเสียงขำจากทุกคนดังลั่นหอประชุม

“และสำหรับเดือนมหา’ลัยปีนี้ได้แก่…”

ผมกำมือแน่นลุ้นแทนคนที่ยืนนิ่งเป็นตอไม้อยู่บนเวที เสียงของผู้คนทั้งหอประชุมเงียบสนิทจนไม่มีใครกล้าขยับ ทุกคนดูลุ้นไปกับผลคะแนนว่าเดือนแพทย์จะคว้าสองตำแหน่งหรือเปล่า

“เดือนดุริยางคศิลป์น้องโซโล่ครับ!”

ผมไม่รู้ว่าตัวเองยิ้มกว้างแค่ไหนตอนที่หันไปมองหน้าโซโล่ ไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องทั่วหอประชุมหรือเสียงพิธีกรอะไรทั้งนั้น ผมแค่ยิ้มให้เขา ไม่ได้ร้องหรือแสดงท่าทีอะไรออกมา

แต่ผมมั่นใจว่าเขาจะรับรู้ได้ถึงความดีใจของผม…

 

 

“พวกเราเป็นตัวแทนจากดุริยางค์จะมามอบความสุขให้ทุกคน เรามาสนุกไปพร้อมๆกันเลย ! ! !”

เสียงจากนักร้องบนเวทีทำให้ผมที่กำลังจะก้าวออกจากหอประชุมต้องหยุดเดินแล้วหันไปมอง เพราะมันเหมือนเสียงคนที่เริ่มร้องเพลงให้โซโล่ตอนที่เขาแสดงมาก และมันก็ใช่คนเดียวกันจริงๆ

ก็ว่าแล้วว่าทำไมถึงร้องเพราะขนาดนั้น เรียนดุริยางค์นี่เอง งั้นก็คงจะรู้จักกับโซโล่

“กีตาร์…”เสียงทุ้มนิ่งคุ้นเคยดังขึ้นชิดใบหู ผมรีบหันไปมองก็เจอเข้ากับใบหน้านิ่งสนิทของคนที่ได้ตำแหน่งเดือนมหา’ลัยมาหมาดๆ

“มาได้ไงครับเนี่ย”ปกติแล้วยังไม่น่าจะว่างออกมานี่นา ผมรีบมองซ้ายมองขวาเพราะกลัวเจ้าตัวโดนรุม ดีที่เราอยู่หลังสุดแถมหอประชุมก็มืดสนิท มีแค่แสงไฟจากตรงเวทีเลยไม่ค่อยเห็นอะไรมากนัก

“หนีมา”

“หนี?”

“ฟังเพลงก่อน” โซโล่ขยับเข้ามายืนชิดผมมากขึ้นก่อนจะก้มลงมากระซิบ “เดี๋ยวค่อยกลับนะ”

ผมพยักหน้าแบบไม่คิดอะไรเพราะเด็กบนเวทีนั่นร้องเพลงเพราะมาก แถมวันนี้ก็ไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้ว…อยู่ฟังก็ผ่อนคลายดีเหมือนกัน

โซโล่ไม่ได้ร้องเพลงหรืออะไร เขาแค่ยืนนิ่งๆอยู่ข้างๆผมเท่านั้น ส่วนผมเองถึงจะไม่ได้ฟังเพลงบ่อยนัก แต่ก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง เพลงไหนร้องไม่ได้ก็โยกตามจังหวะไปเรื่อยๆ

เพื่อนโซโล่ที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีแลดูมีพลังที่น่าเหลือเชื่อมาก เขาร้องเพลงไม่ได้หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว ไม่มีการพักระหว่างเพลงเพื่อพูดคุยอะไรทั้งนั้น มีแค่เสียงเพลงที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนต้องการให้ทุกคนปลดปล่อยให้เต็มที่ก่อนจะเริ่มปีการศึกษาใหม่

“เพลงสุดท้ายนี้ ผมขอมอบให้ทุกคนที่กำลังพยายามเพื่อความรัก…อย่ายอมแพ้นะครับ และสำหรับคนที่กำลังได้รับความรักอยู่ ผมอยากบอกว่า…”

“อย่าใจแข็งนักเลยครับ”

“มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉันยังยืนอยู่ตรงนี้

มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ใจฉันไม่ยอมหยุดเสียที

แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที

แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้”

ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ปฏิเสธมือที่ขยับมาเกาะกุมมือตัวเองไว้ และถึงแม้จะไม่ได้หันไปมองแต่ก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังมองมาที่ผม

“ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉันถ้าเธอไม่รับมัน
ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม

หากสุดท้ายเธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม
ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน”

[เพลงมันคงเป็นความรัก : แสตมป์]

ผมไม่ได้สะบัดมือออกเมื่อคนข้างๆจับมือผมแน่นขึ้น และแม้แต่ตอนที่เพลงจบไปแล้วผมก็ยังไม่ได้หันไปมองหน้าเขา…เพราะผมไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าแบบไหน

แต่แค่เพียงสัมผัสเบาๆที่ไหล่ก็สามารถทำให้ผมยอมหันไปหาอย่างง่ายดาย มือที่จับไว้บีบเบาๆก่อนเจ้าของมือจะขยับเข้ามาจนติด แล้วโน้มหน้าข้ามไหล่มาจนผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่อยู่ข้างหู…

แล้วเสียงทุ้มก็เปล่งเป็นทำนองของเพลงที่เพิ่งจบไปเบาๆ

“จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม

เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน
ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม
ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน”

----------------------------------------------

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 04-12-2016 00:10:53
จ้าาาาาาาาาาาา จีบกันแบบนี้เลย ทำร้ายคนโสดตะมัยยยยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 04-12-2016 00:14:29
 o13 น่ารักมากกกก  :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 04-12-2016 00:36:10
เขินหนักมาก :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MysteriOuS ที่ 04-12-2016 00:48:01
 :z3: :z3:นิยายเรื่องนี้มันดีต่อใจจริงๆ งื้อออออ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 04-12-2016 01:44:17
น้องโซโล่มีอาชีพหลักทำไร่อ้อย อาชีพเสริมเล่นกีต้าร์ใช่ม๊ายยยยย.  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-12-2016 01:59:43
โอ้โห คุณคะ จีบกันอีกแล้วววว แดดิ้นนน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 04-12-2016 08:09:09
มีความน่ารักมากมาย อ๊าก เขินแทนเลย
ติดตามค่ะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-12-2016 08:26:06
เดือนคู่เดือน :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-12-2016 10:14:24
จีบแบบนี้พี่กีล์จะไปไหนหล่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 04-12-2016 11:27:53
 รู้ว่าพี่กีล์ก็ชอบน้องอยู่
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: จี้ซัง ที่ 04-12-2016 13:36:43
โอ้ยยย ดีงามพระรามแปดมั่กๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-12-2016 16:14:02
น่าร๊ากกกก อ่านแล้วใช่อ่านเลยฟิน >\\\\\\<
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 04-12-2016 17:55:31
เดือน(ปัจจุบัน)จีบ(อดีต)เดือน เหมาะสมๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-12-2016 21:10:20
ใจป้าละลายไปหมดแล้วลูกเอ้ย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 05-12-2016 00:55:48
หวานเกิ๊น   :-[
เดือนคู่เดือน คือดีงามที่สุด
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-12-2016 01:36:32
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 05-12-2016 10:59:48


เบาหวานขึ้นตาป้าแล้ว
อ่ะเฮื่อ! น้องโซโล่ มาผายปอดช่วยป้าด้วย (เดี๋ยว!)

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 05-12-2016 15:36:34
กรี๊ดดดดดดด เขินค่า ประหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์จริง อ่านไปตบโต๊ะไป
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 05-12-2016 20:04:37
งื้ออออ เขินนยิ้มแก้มจะแตกแล้วววว55555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 06-12-2016 18:57:52
โอ๊ยยย อ่านแล้วเขิน :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 06-12-2016 23:43:50
 :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 07-12-2016 14:08:05
 o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER4 P.2 [04/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 09-12-2016 21:59:11
-5-

 

เปิดเทอมวันแรกไม่ค่อยมีเรียนเป็นประโยคที่แลดูจะใช้ได้ตั้งแต่อนุบาลยันปีสี่ แม้แต่ผมเองก็เช่นกัน อาจารย์แค่เข้ามาชี้แจงรายละเอียดการเรียนแล้วก็พูดคุยเรื่องฝึกงานในอนาคตของพวกผมอีกนิดหน่อยก่อนจะปล่อยให้แยกย้ายในเวลาที่ยังไม่ถึงเที่ยงด้วยซ้ำ

เทอมนี้ผมก็ค่อนข้างเรียนหนักเหมือนเดิม แล้วก็เป็นเทอมสุดท้ายก่อนจะไปฝึกงานเทอมหน้าด้วย ผมเลยต้องจัดตารางเข้าไปทำงานพิเศษแค่สามวันต่อสัปดาห์ แล้วปล่อยให้น้องๆทำเพื่อเตรียมตัวออกจากงานตอนหมดเทอม ค่ากินค่าอยู่ถ้ารวมเงินเก็บแล้วประหยัดเอาก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะผมไม่ใช่คนสิ้นเปลืองอยู่แล้ว

“กีล์ กินข้าวๆ”

ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะเก็บของแล้วเดินออกไปกับกลุ่มเพื่อนสนิท กลุ่มเพื่อนสนิทของผมเป็นกลุ่มเล็กๆในกลุ่มใหญ่ๆ เพราะจริงๆพวกเราสนิทกันแทบจะทั้งสาขา เด็กวิศวะก็เป็นแบบนี้ แต่ถ้าพูดถึงสนิทจริงๆแล้วก็ติดต่อกันบ่อยๆก็มี ‘เบียร์’กับ ‘ไวน์’ สองแฝดเถื่อน แล้วก็ ‘โนว์’ ที่ผมยังไม่เห็นหน้าตั้งแต่เช้าอีกคน

“ว่าแต่ข่าวนั่นจริงปะ”

ผมชะงักน้อยๆกับคำถามของไวน์ก่อนจะก้าวเท้าเดินนำมันไปโดยไม่พูดอะไร

“ไอ้กีล์! ไม่ตอบงี้ยอมรับอะดิ”มันว่าแล้วเดินตามเอาไหล่มาแซะผมอย่างล้อเลียน

จะให้ตอบอะไร…ข่าวมันก็ไม่ได้มีอะไรโกหก

“เบียร์…มาเอาน้องมึงไปเก็บ”ผมผลักร่างแฝดน้องไปหาแฝดพี่มันที่ยืนยิ้มมุมปากอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไร ซึ่งมันก็รับร่างน้องมันไว้แต่โดยดี

“มึงจะถามอะไรที่รู้อยู่แล้วทำไมวะไวน์”

“รู้ไรวะเบียร์”

“ก็ถ้าไม่มีอะไร…”เบียร์มันเดินมาอยู่ข้างๆก่อนจะยกมือขึ้นมาจับบ่าผมแล้วหันมาฉีกยิ้มกวนให้ “ถ้าไม่มีอะไรเพื่อนมึงจะเดินมาถึงที่นี่เหรอ”

ผมหยุดเท้า พอหันไปเห็นไอ้สองแฝดยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วก็รู้สึกแปลกๆ…เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเดินมาถึงที่นี่ได้ยังไง

สายตาสะดุดเข้ากับป้ายคณะที่ตั้งอยู่หน้าตึกหรูหราขนาดไม่ใหญ่นักเข้าอย่างจัง

ดุริยางคศิลป์…

พอเห็นสายตาคนแถบนั้นที่มองมาที่พวกผมเหมือนมองตัวประหลาดแล้วก็ได้แต่ฉีกยิ้มไปให้อย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะถ้าผมเป็นพวกเขาก็คงงงเหมือนกันว่าทำไมเด็กวิศวะใส่เสื้อช็อปถึงมาอยู่ที่นี่ได้

“ไงมึง แก้ตัวว่าไรดี”

ฟังเสียงไอ้ไวน์แล้วผมก็อยากจะโบกมันสักทีสองที แต่สุดท้ายก็แก้ตัวออกไปตามที่มันพูดจนได้

“กูอยากกินข้าวที่นี่เฉยๆ”

“กีล์ เผื่อมึงไม่รู้นะ ดุริยางค์ไม่มีโรงอาหารครับเพื่อน”

“…”ผมยิ้มแห้งมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว สายตาเหลือบไปเห็นคนใส่เสื้อกาวน์เดินไปเดินมาอยู่แวบๆ

“กูหมายถึงอยากกินข้าวที่ตึกแพทย์แถวนี้เฉยๆ”ว่าจบผมก็ก้าวเท้าเดินไปทางตึกแพทย์ที่อยู่ไม่ไกลทันทีโดยไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่ดังไล่หลังมาอีก

“อ้างได้อ้างไปนะมึง!”

“แจ็คพอตแตกไปเจอที่โรง’หารแพทย์กูจะล้อให้มุดดินเลยไอ้กีล์!”

หึ...ไม่มีทางเจอหรอก

เพราะผมมองลานจอดรถดุริยางค์ดูแล้ว และมันไม่มีรถหรูโดดเด่นของโซโล่จอดอยู่ เพราะฉะนั้นเจ้าตัวต้องไม่ได้อยู่แถวนี้แน่นอน…

 

 

[มึงต้องมานะไอ้กีล์ ต่อให้ไม่ได้มีส่วนเท่าไหร่ก็ต้องมา นี่มันเลี้ยงรวมไม่มีใครขาดเลยนะเว้ย เอาเป็นว่าถ้ามึงไม่มากูงอน]

ผมมองโทรศัพท์ในมืออย่างปลงๆ เสียงไอ้เรย์ที่ดังมาพร้อมกับเสียงโหวกเหวกในสายทำให้ผมพอจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันจะพูดเรื่องอะไร แล้วก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะมันโทรมาบอกให้ผมไปเลี้ยงรวมรุ่นดาวเดือนสี่ปีที่ร้านเหล้าไม่ไกลจากมหา’ลัยเท่าไหร่ ถึงประโยคขู่ของมันจะไม่ได้น่ากลัวนักแต่ถ้าทุกคนไปหมดแล้วขาดแค่ผมจริงๆก็คงน่าเกลียด

ตอนนี้ก็สองทุ่มแล้วด้วย ไปสักชั่วโมงสองชั่วโมงคงไม่เป็นไร คิดแบบนั้นแล้วผมก็ลุกขึ้นแต่งตัวก่อนจะคว้าของจำเป็นสองสามอย่างแล้วเดินออกจากห้อง

ติ้ง

ผมมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างแปลกใจ ก่อนจะยิ้มบางๆเมื่อเห็นชื่อคนส่งข้อความ

Solo Siwarokin : กีตาร์

Gui Jirayu : กำลังไปครับ : )

 

 

เพียงแค่ก้าวเท้าเข้ามาในร้านผมก็รับรู้ได้ถึงเสียงโหวกเหวกจากโต๊ะขนาดใหญ่ด้านในของร้านแทบจะทันที ผมมองหาคนคุ้นตาก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปหาไอ้เรย์ที่ยืนซดเหล้าอยู่หัวโต๊ะ

“มาแล้วเหรอมึงงงงง”

ผมผลักหัวไอ้เรย์ที่แทบจะพุ่งมาหาอย่างรวดเร็วก่อนจะดันคนเมาเหมือนหมาไปให้เพื่อนมันที่ยืนห้ามอยู่ข้างๆแทน

“ตอแหลนะ บอกกูว่ามาครบ”ผมตบหัวมันเบาๆแล้วบ่นไม่จริงจังนักพลางมองไปรอบๆโต๊ะ คนที่มาก็เยอะพอควรแต่มันไม่ใช่ทั้งหมดแน่นอน เพราะน้องผู้หญิงก็มีแค่ไม่กี่คน ส่วนผู้ชายถึงจะเยอะแต่ก็ไม่เกินยี่สิบคน

“มึงจะได้มาไง”ฟิวที่กำลังแย่งแก้วเหล้าไอ้เรย์เป็นฝ่ายหันมาตอบผมแทนคนเมาไม่รู้เรื่อง “มันก็ไม่คิดว่ามึงจะมาจริงหรอก ส่วนใหญ่ที่อยู่นี่ก็เป็นพวกปีหนึ่งกับพวกรุ่นพี่ตัวหลักๆที่ดูแลงาน แต่อีกเดี๋ยวก็คงมีพวกปีอื่นมาเพิ่ม มึงกินตามสบายเลย มีคนเลี้ยงแล้ว”

ผมพยักหน้าก่อนจะสอดส่องสายตาไปทั่วโต๊ะเพื่อมองหาเป้าหมาย แล้วก็เห็นว่าคนที่มองหานั่งอยู่มุมร้าน หลบอยู่ในเงามืดที่แทบมองไม่เห็น ผมก้าวเท้าไปนั่งข้างๆโซโล่ก่อนจะยื่นหน้าไปมองใกล้ๆเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมขยับเสียที

พอได้มองใกล้ๆแล้วก็แทบจะหลุดขำ เมื่อเห็นว่าเจ้าฮัสกี้กำลังนั่งกอดอกหลับตาเอาหัวพิงเสาแฝงหน้าเข้าไปกับเงามือที่ปกปิดใบหน้าเจ้าตัวไปจนหมด หลับทั้งที่เสียงในร้านดังขนาดนี้ได้ผมนี่นับถือจริงๆ

ผมไล่มองใบหน้าน่าอิจฉาของอีกฝ่ายแล้วก็นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่ทำให้นอนแทบไม่หลับทั้งคืน

มันคงเป็นความรัก…

ผมสะดุ้งจนเกือบหงายหลังเมื่อคนที่แอบมองลืมตาขึ้นมากะทันหัน ดีที่เขาคว้าแขนผมเอาไว้ได้ทันก่อนจะล่วงจากเก้าอี้       

“กีตาร์…มาแล้วเหรอ”

ผมพยักหน้ารับ แอบอมยิ้มเมื่อเห็นโซโล่หาวออกมาแบบไม่รักษาภาพพจน์

“อย่าขยี้ตา”ผมรีบดึงมือใหญ่ไว้เมื่อเห็นว่าเขายกมือขึ้นขยี้ตาแรงจนน่ากลัว

“เจ็บ”เจ้าฮัสกี้กระพริบตาปริบๆอย่างน่าสงสาร

“ขอพี่ดูหน่อย”ผมยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆแล้วยกมือขึ้นลูบใต้ตาช้ำเบาๆ

แดงจริงๆด้วย…

“ทีหลังล้างหน้าเอานะครับ อย่าขยี้ตาแบบนี้อีก”ผมขมวดคิ้วดุแต่สุดท้ายก็ต้องยิ้มออกมาบางๆเมื่อคนหน้านิ่งส่งสายตาอ้อนๆมาให้ “ถ้าเจ็บก็หลับตาไว้สักพักก่อนนะ”

โซโล่ยังคงนิ่ง ไม่ได้หลับตาตามที่ผมบอกแต่จ้องกลับมาเขม็ง

“กีตาร์…”มือของเขายกขึ้นมาจับมือผมที่แตะใบหน้าเขาอยู่ ก่อนจะแนบแก้มลงมาจนเต็มมือแล้วค่อยๆหลับตาลง “อืม…หายเจ็บแล้ว”

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

ให้ตายเถอะ… เจ้าฮัสกี้นี่ชักจะมีอิทธิพลกับหัวใจผมมากเกินไปแล้ว

“กินเหล้าไปหรือเปล่าครับ”ผมไม่ได้ดึงมือออก แค่ถามโดยที่ยังแนบมือไว้กับใบหน้าของโซโล่อยู่อย่างนั้น

“นิดหน่อย...ง่วงมากกว่า”

“ทำไมง่วงขนาดนี้ล่ะ เมื่อวานไม่ได้นอนเหรอครับ”

“นอนไม่หลับ…ไม่ได้กินนม”

ผมหัวเราะเมื่อได้ยินคำตอบ เมื่อวานโซโล่ไปส่งผมที่หอแล้วรอดื่มนมตามปกติ แต่เพราะว่านมบนห้องหมด และตอนนั้นมันก็ดึกมากแล้วด้วยผมเลยไม่ได้ไปซื้อ สุดท้ายเขาก็เลยต้องกลับไปโดยไม่ได้กินนม

คำตอบที่ทั้งน่าสงสารทั้งน่ารักทำให้ผมขยับมือที่แนบแก้มเขาอยู่ออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นบีบแก้มขาวๆนั่นเบาๆจนเจ้าตัวปรือตาขึ้นมามอง

“กลับเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปเรียนไม่ไหว”

“กีตาร์กลับด้วยกัน”

ผมพยักหน้าให้หมาขี้อ้อนตรงหน้า อยู่ไปผมก็ไม่ได้ดื่มอยู่ดี ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเหมือนกัน

โดนบ่นนิดหน่อยที่มาไม่ถึงชั่วโมงตอนเดินไปลาเพื่อนที่หัวโต๊ะ ดีที่ไอ้เรย์มันหลับไปแล้วผมเลยไม่ต้องโดนมันล่ามไว้ พวกฟิวมันพยักหน้าเข้าใจแล้วไล่ผมกลับแทบจะทันทีที่เห็นโซโล่ยืนตาแดงทำหน้าดุอยู่ข้างหลังผม โดยก่อนจะเดินออกมาไม่วายโดนส่งสายตาล้อเลียนมาให้จากทั่วโต๊ะ ซึ่งผมก็ยิ้มให้โดยไม่พูดอะไรแล้วดึงแขนเจ้าฮัสกี้เดินออกมา

โซโล่ขับรถไปเงียบๆตลอดทาง ผมพยายามชวนคุยเพราะกลัวเขาจะหลับ แต่ดูท่าเจ้าตัวจะง่วงมากจริงๆเพราะเอาแต่ตอบสั้นๆแถมตาก็ปรือเหมือนฝืนเอาไว้เต็มที่

ผมไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ารถขับผ่านหอผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะรู้ตัวอีกทีมันกลับมาจอดอยู่ที่ลานจอดรถของคอนโดหรูแห่งหนึ่งแทน

เดี๋ยวหารถกลับเอาเองก็ได้ โซโล่คงง่วงจนลืมว่าต้องส่งผมก่อน…

ผมหันไปมองคนตาปรือที่จ้องมาที่ผมตอนที่รถจอดแล้ว ก่อนจะยกมือลูบหัวอีกฝ่ายแล้วยิ้มให้

“เดี๋ยวพี่กลับเองครับ เรารีบไป…”

ยังไม่ทันจบคำตาที่เมื่อครู่ยังมองผมอยู่ก็ปิดลงทันที

“โซ…โซโล่”ผมเขย่าร่างคนที่ยังนั่งประจำที่คนขับเบาๆแต่ก็ไม่เป็นผล

หลับอย่างนี้แล้วจะกลับได้ยังไงล่ะเนี่ย…

ผมทั้งพยุงทั้งลากคนที่น้ำหนักไม่น้อยขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุด ดีที่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ดูจะรู้จักโซโล่เป็นอย่างดีถึงได้รีบเข้ามาช่วยผมแทบจะทันทีที่เห็นผมพยุงโซโล่เข้าไปด้านใน พวกเขาช่วยกันพาทั้งผมทั้งโซโล่ขึ้นมาชั้นบนสุดแล้วไขห้องให้เรียบร้อยก่อนจะขอตัวออกไป

ทิ้งให้ผมเผชิญกับเจ้าหมาตัวโตอยู่คนเดียว…

โซโล่นอนสงบนิ่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่น จริงๆผมอยากให้พนักงานช่วยพาเขาไปนอนที่เตียง แต่พวกเขาบอกว่าไม่มีสิทธิ์เข้าไปในห้องนอนของเจ้าหมานี่ ผมเลยได้แต่ปล่อยให้เขานอนอยู่ที่โซฟา ส่วนตัวเองก็นั่งหอบอยู่ข้างๆแทน

ห้องโซโล่เป็นห้องกว้างขวางที่ไม่เหมาะกับการอยู่คนเดียวสักนิด ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสทั้งแถบมองเห็นวิวด้านนอกชัดเจน แถมยังมีสระว่ายน้ำในตัวห้อง รวมถึงห้องครัวที่มีอุปกรณ์ครบครันด้วย ส่วนประตูที่ปิดอยู่สองบานน่าจะเป็นห้องนอน

ผมไม่แน่ใจว่าควรจะพาเขาเข้าไปในห้องนอนไหม สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยให้นอนที่โซฟาไป

“หนาว…”

“โซ?”

“หนาว”โซโล่เปิดตามองผมแล้วพูดย้ำเบาๆ

“พี่ไม่กล้าเข้าห้องเรา ลุกเข้าไปนอนไหวไหมครับ”

โซโล่พยักหน้า พยายามดันตัวลุกขึ้น ผมรีบเข้าไปช่วยประคองเมื่อเห็นว่าเขาเดินเซเหมือนจะล้ม

“กีตาร์เข้าได้…”โซโล่พูดแค่นั้นก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินตามแรงพาของผมเข้าไปในห้อง

ผมส่งเขานอนลงบนเตียงแล้วก็ขยับมานั่งอยู่ข้างๆ มองเจ้าฮัสกี้ที่ดึงผ้ามาห่มถึงจมูกแต่ไม่ยอมหลับตาแล้วก็ได้แต่ยิ้มกับภาพนั้น

“นอนได้แล้ว”ผมยกมือลูบหัวที่โผล่พ้นผ้าห่มเบาๆ แต่เขาก็ยังไม่ยอมหลับตาลง

“นม…”

ผมหัวเราะเบาๆกับคำพูดสั้นๆของเขา ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ครัว ในตู้เย็นมีนมหลายยี่ห้ออัดอยู่เต็มตู้ ผมเลือกหยิบยี่ห้อประจำออกมาแล้วเอาไปอุ่น ก่อนจะถือแก้วเข้าไปในห้องที่มีหมาตัวโตนั่งหน้านิ่งแต่หูกระดิกพิงหัวเตียงรออยู่ก่อนแล้ว

“นี่ครับ”

โซโล่รับนมไปดื่มจนหมดแก้วด้วยความรวดเร็วแล้วก็นั่งมองหน้าผม

“มองพี่อย่างนั้นหมายความว่ายังไง”

“ไม่เหมือนจริงๆ…”โซโล่ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะใช้นิ้วชี้เกี่ยวนิ้วผมที่วางอยู่บนเตียงเบาๆ “ผมกินมาหมดแล้วทุกยี่ห้อ แต่ก็ไม่เหมือนที่กีตาร์ให้กิน”

“ครับ พี่ก็เอาให้เรากินอยู่ทุกวันนี่ไง”ผมว่าแล้วผลักร่างของคนตาปรือเบาๆให้นอนลง

“กีตาร์...”

“หืม…”

“ผมยังไม่ได้อาบน้ำ”

“ง่วงก็นอนเถอะครับ ไม่เป็นไรหรอก”ผมหัวเราะ ช่วยดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้จนถึงอก

“ถึงจะไม่ได้อาบน้ำแต่ก็ไม่เหม็น เพราะงั้น…”

“…”

“นอนนี่นะ”

“‼”

“ผมไม่อยากนอนคนเดียว”

“โซโล่…”

“นอนนี่นะ…นะครับ”

-----------------------------------------

 

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-12-2016 22:29:35
แอคแทคสุดท้ายตายค่ะตาย โซโล่เริ่มอ้อนขึ้นเรื่อย ๆ พี่กีต้าร์จะไปไหนเสีย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 09-12-2016 22:59:06
โซโล่นี่เลี้ยงง่ายดีเนอะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 09-12-2016 23:24:54
 :hao7: ทำไมน่ารักอย่างนี้นะเจ้าฮัสกี้ของพี่กีต้าร์  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-12-2016 23:42:11
 :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-12-2016 23:42:55
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: sutos ที่ 10-12-2016 00:00:10
เจอแบบนี้... จับฟัดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยค่ะพี่กีล์ ฮอลลล
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 10-12-2016 00:06:10
น่ารักโคตร เราเหลือไฟนอลอีกสองวิชา รู้สึกหนักหน่วงเหมือนกัน5555 สู้ๆค่าา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 10-12-2016 01:23:46
อ้อนมากกกกกกก อ้อนพี่กีล์มากไปแล้วววววว
ทำไมมันดูอบอุ่น เพราะควาามรักสินะ.

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-12-2016 04:38:56
ขี้อ้อนจริงๆเลยเจ้าฮัสกี้
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-12-2016 09:39:56
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: kutelittlepoly ที่ 10-12-2016 11:23:26
เพิ่งมาตามอ่าน เรื่องนี้น่ารักมากๆเลยค่ะ

เด็กอะไรหน้ามึนเป็นที่สุด สงสัยต้องให้พี่กีตาร์มาอยู่ด้วยแล้ว จะได้กินนมอุ่นแล้วหลับฝันดีทุกคืน5555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-12-2016 11:57:40
เอารางวัลออสก้าไปเลยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 10-12-2016 15:12:57
อ้อนมากกกกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-12-2016 15:29:48
เหมือนเลี้ยงลูกกกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-12-2016 16:23:10
ทั้งขี้อ้อน ทั้งน่าฟัด :hao7: :hao7: :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 10-12-2016 20:48:56
ดีต่อใจ #โซโล่กีล์   :o8: :-[ :impress2: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 10-12-2016 21:25:12
โง้ยยย น่าเอ็นดู เห็นแบบนี้แล้วอยากบีบแก้มพระเอก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MysteriOuS ที่ 11-12-2016 03:09:33
เจ้าหมาฮัสกี้น่ารักจริงๆ คนเขียนสู้ๆนะค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-12-2016 21:19:58
อ่านฉากสุดท้าย แล้วตายไปเลยคร้าาาาา >\\\\<
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 12-12-2016 00:51:44
อ๋อยยยย โซโล่เอ็นดู
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-12-2016 09:19:55
รุกแรงไปอีกนะน้องโซโล แบบนี้พี่กีตาร์จะยังไงดีครับ คริคริ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 12-12-2016 15:17:44
น้องโซโล่รุกแรงจังเลย
ป้าจะเป็นโรคหัวใจแล้วเนี่ย ใจสั่นเกิ้น
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER5 P.3 [09/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 12-12-2016 19:12:36
-6-

 

“…นะครับ”

ผมยกมือขึ้นปิดใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเอง เหลือบตาไปมองตัวต้นเหตุที่กำลังหลับสบายแต่ทำให้ผมต้องนั่งพิงหัวเตียงนิ่งๆมากว่าสี่ชั่วโมงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

ใครจะคิดว่าคำพูดคำเดียวมันจะส่งผลขนาดนี้

เล่นพูดแบบนั้นแล้วจะกลับได้ยังไงเล่า…

ผมใช้มือข้างที่ว่างปัดเส้นผมออกจากใบหน้าคมของคนที่กำลังหลับสนิทเบาๆ มองใบหน้าที่ไม่ต่างจากเด็กหมดแรงแล้วก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ

เมื่อสี่ชั่วโมงก่อนพออ้อนเสร็จเห็นผมไม่ตอบอะไรโซโล่ก็ชิงหลับตาไปก่อนโดยไม่ลืมดึงมือผมไปจับไว้กันหาย เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของเขาแล้วก็ปลุกไม่ลงเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย แต่ใครจะไปคิดว่าจะเป็นผมเองที่นอนไม่หลับต้องนั่งพิงหัวเตียงอยู่อย่างนี้

นอนไม่หลับก็ต้องหาอะไรทำ… ผมแกะมือหมาตัวโตที่ยึดเหนียวยิ่งกว่าปลาหมึกออกช้าๆแล้วลุกขึ้นจากเตียง

หลังจากเดินสำรวจห้องโซโล่จนทั่วถึงได้รู้ว่านอกจากจะเป็นห้องที่มีอุปกรณ์ครบครันยิ่งกว่าบ้านทั่วไปแล้ว เขายังมีมุมพักผ่อนนั่งเล่นกีตาร์อีกต่างหาก นอกจากนั้นข้างๆยังเป็นมุมที่มีอุปกรณ์ที่น่าจะเกี่ยวกับกีตาร์มากมาย แล้วก็มีกีตาร์พิงไว้สามสี่ตัวด้วย ทั้งกีตาร์โปร่งและกีตาร์ไฟฟ้าดูแล้วราคาน่าจะมากกว่าทรัพย์สินทั้งชีวิตของผมเสียอีก

ห้องของเขาอยู่ชั้นบนสุด สามารถมองเห็นวิวท้องฟ้าด้านนอกได้ชัดเจนแบบที่ผมไม่เคยเห็น นั่นทำให้ผมนั่งมองวิวตรงนั้นอยู่นานด้วยความติดใจ

“กีตาร์…”เสียงเรียกแผ่วเบามาพร้อมกับแรงยุบของโซฟาข้างตัว

ผมหันไปมองคนที่ควรจะหลับอยู่ในห้องแล้วก็ต้องขำออกมากับสภาพของอีกฝ่าย นอกจากหัวฟูแล้วใบหน้านิ่งๆยังยู่ยี่ยิ่งกว่าผ้าขี้ริ้วเสียอีก สุดท้ายก็อดไม่ได้จนต้องยื่นมือไปจัดการหัวยุ่งๆนั่นให้ดูดีขึ้นมาหน่อย

“ตื่นมาทำไมครับ”

“กีตาร์หาย…”โซโล่ถอนหายใจ ยกมือลูบหน้าตัวเองเหมือนกำลังปรับอารมณ์

“พี่นอนไม่หลับเลยออกมานั่งเล่น…สงสัยจะนั่งเพลินไปหน่อยเลยลากยาวมาจนป่านนี้”

“ผมชอบนั่งเล่นกีตาร์ตรงนี้…”

โซโล่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็เอนตัวลงนอนตักผมด้วยความรวดเร็วจนผมทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงก้มมองแล้วยิ้มให้คนที่หมุนตัวมานอนหงายจ้องหน้าผม

“ไม่นอนแล้วเหรอครับ”ผมถามก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวหมาขี้อ้อนเบาๆ

“นอน…แบบนี้”ว่าจบก็ขยับยิ้มมุมปากส่งมาทีจนผมต้องจิ้มมุมปากนั้นเบาๆด้วยความหมั่นไส้

“นอนก็หลับตาสิ มองหน้าพี่ทำไมครับ”

ผมสะดุ้งเมื่อนิ้วที่ใช้จิ้มมุมปากของอีกคนหยุดนิ่งไปเองโดยที่ผมไม่ได้สั่ง และผมจะไม่ว่าอะไรสักคำ ถ้าเหตุผลที่จิ้มต่อไม่ได้ไม่ใช่เพราะคนที่ยึดตักผมอยู่ขยับปากมางับนิ้วผมไว้

“เป็นหมาหรือไงเรา”ผมนิ่วหน้าน้อยๆเมื่อรู้สึกถึงแรงกัดเบาๆก่อนที่นิ้วจะเป็นอิสระ

“อร่อย”

“เค็มจะตาย”

“ไม่เห็นเค็มเลย”

“เถียงอยู่นั่นแหละเรา…ไม่นอนก็ลุกขึ้นนั่งดีๆสิครับ”

ผมบีบจมูกคนน่าหมั่นไส้ที่หลับตาลงทันทีที่ผมพูดจบไปที ก่อนจะเปลี่ยนมาลูบหัวอีกฝ่ายแล้วเอนหลังพิงกับโซฟาช้าๆ ดีที่โซฟาตัวนี้กว้างขวางพอที่จะให้โซโล่เหยียดขาได้จนสุดผมเลยปล่อยให้เขานอนไป เผลอๆนอนตรงนี้บางทีอาจจะสบายกว่าตอนผมอยู่หอด้วยซ้ำ

ผมไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน แต่รับรู้ถึงตอนที่ตัวลอยจากโซฟาชัดเจนจนต้องปรือตาขึ้นมอง พอเห็นหน้าคนที่อุ้มผมกลับมานอนที่เตียงแล้วผมก็ปล่อยให้หนังตาปิดลงอีกครั้งอย่างวางใจ และก่อนสติจะหายไป…ผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของฝ่ามือที่วางลงบนหน้าผากอย่างอ่อนโยน

“ฝันดีครับกีตาร์…”

 

 

หลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้าโซโล่ก็ไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว ฟังจากเสียงน้ำที่ดังออกมาแล้วเขาคงอยู่ในห้องน้ำ ผมลุกขึ้นไปดูอาหารในครัว คิดว่าจะทำอะไรให้เขาทานก่อนกลับ ของสดมีเก็บไว้ไม่มากนักแต่ดีที่มีข้าวสวยแบบกล่องแช่อยู่ ผมจัดการนำข้าวไปอุ่นก่อนจะทำผัดผักกับไข่เจียวง่ายๆมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมข้าวสองจาน

โซโล่เดินออกมาจากห้องนอนเงียบๆ เขาเปลือยท่อนบน ใส่กางเกงขายาวตัวเดียวอวดหุ่นน่าอิจฉา แถมยังปล่อยผมเปียกโชกโดยไม่คิดสนใจ

“ทำไมไม่เช็ดหัวครับ”ผมขมวดคิ้ว รีบเดินกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดหัวผืนเล็กๆ

“เดี๋ยวก็แห้ง”

ผมถอนหายใจให้กับคำพูดไม่ใส่ใจตัวเองของเขา หลังจากดันร่างเปียกโชกไปนั่งบนเก้าอี้แล้วก็ลงมือเช็ดหัวให้ด้วยตัวเอง

“เราเป็นหมาหรือไง ถึงแค่สะบัดแล้วก็แห้ง”

โซโล่เงยหน้าจนสุดขึ้นมามองผมที่ยืนเช็ดหัวให้ ตาเป็นประกายเสียจนผมต้องดันหัวให้ก้มลงไปเช่นเดิม

“กีตาร์ทำเหรอ”เขาชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะ

“ครับ ทีหลังซื้ออาหารสดไว้บ้างนะ ข้าวก็หุงเอาเองก็ได้ อาหารสำเร็จรูปทานมากๆแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ”

ผมรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็ตอนที่โซโล่จับมือผมไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง

“แสดงว่ากีตาร์จะมาทำให้อีกใช่ไหม”

นั่นไง…

“คือพี่…”

“พูดแล้วคืนคำไม่น่ารักนะ”

ผมยิ้มขำให้กับคำพูดแสนน่ารักนั่น จากนั้นก็ดึงมือที่ถูกกุมไว้ออกมาบีบจมูกโด่งของเจ้าหมาตัวโตเบาๆ

“ถ้าว่างนะครับ”

โซโล่พยักหน้า รอให้ผมไปนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วก็เริ่มทาน พอทานเสร็จหมดแล้วผมก็รวมจานเพื่อเก็บไปล้าง แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้นก็ถูกเจ้าของห้องรั้งแขนไว้เสียก่อน

“วางไว้ก็ได้ เดี๋ยวมีแม่บ้านมาล้าง”

ผมส่ายหน้าให้กับคำพูดของเขาทันที

“ถ้าว่างทำเองก็ได้ครับ พี่ไม่ค่อยชอบเห็นอะไรวางเกะกะน่ะ เราไปแต่งตัวไป”

“งั้นผมช่วย”

ผมหันไปมองโซโล่อย่างประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางเก้ๆกังๆทำจานหลุดมือไปหลายรอบแล้วก็ได้แต่ขำออกมา

“ทำแบบนี้ครับ”

ผมหยิบจานมาหนึ่งใบแล้วสาธิตการล้างให้ดู ซึ่งเขาก็ตั้งใจทำเป็นอย่างดีจนเสร็จ ผมยิ้มตลอดเวลาที่หันไปเห็นใบหน้าตั้งอกตั้งใจจนเกินเหตุของคนล้างจานไม่เป็น ทั้งที่ทำหน้านิ่งสนิทแต่ดวงตาเป็นประกายกับคิ้วที่ขมวดหน่อยๆนั่นมันเหมือนฮัสกี้ไม่มีผิด

“โซ…”ผมสะบัดมือที่เปียกน้ำแล้วหันไปมองเจ้าของชื่อ “พี่เรียกแบบนี้ได้ไหมครับ”

“กีตาร์เรียกอะไรก็ได้”

คนปกติเขาก็ย่อชื่อกันทั้งนั้น ผมเพิ่งเคยเห็นคนตรงหน้านี่ล่ะที่ทำให้ชื่อสั้นๆยาวกว่าเดิม

“วันนี้เรียนเช้าใช่ไหม…งั้นแวะส่งพี่ที่หอหน่อยนะครับ”

ผมอาบน้ำที่ห้องโซโล่แต่ใส่เสื้อผ้าชุดเดิม เขามาส่งผมที่หอแล้วรออยู่หน้าหอ บอกให้ไปก่อนยังไงก็ไม่ยอมผมเลยได้แต่รีบขึ้นไปจัดการตัวเองแล้วลงมาข้างล่าง จริงๆก็อยากให้เขาไปรอบนห้อง เพียงแต่ห้องผมมันเล็กมากแถมยังไม่มีแอร์ รออยู่ในรถน่าจะสบายกว่ากันเยอะ ผมลงมาก็เห็นโซโล่ยืนพิงรถกดโทรศัพท์อยู่เงียบๆ แต่ดวงตากลับเป็นประกายเหมือนถูกใจทั้งที่ใบหน้ายังนิ่งสนิทไม่เปลี่ยน

“ทำอะไรครับ”ผมส่งเสียงถามไปก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาท ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นการส่งโทรศัพท์เครื่องหรูมาให้

 

Admin Page Cute :

เจ๊ได้รับรูปมาหลายรูปมากค่ะ แต่หลังจากคัดแล้วเรียบร้อยสรุปว่ารูปนี้สวยสุด นี่คือคู่เรียลใช่ไหมยังไง คือแบบว่าหวานมากอะไรมาก มีคนแอบกระซิบว่าน้องโซโล่ยิ้มด้วยแต่ถ่ายไม่ได้ คืองานดีเหมาะสมคู่ควรมากค่ะ

*แนบรูปภาพถ่ายด้านข้างเป็นผู้ชายสองคนหันหน้าสบตากัน มือข้างหนึ่งจับกันไว้ ฉากหลังเป็นฝูงคนที่ยืนสนุกกับคอนเสิร์ตบนเวที

5.5kถูกใจ 1.9kความคิดเห็น 434Shares

บิวตี้ เซ็กซี่ซูซ่า :

คู่เรียลชัวร์ค่ะ คือน้องโซโล่นิ่งมาก แต่ตอนอยู่กับพี่กีล์นี่แบบบบบ โอ๊ยยยยงานดีไปอีกก #โซโล่กีล์

152ถูกใจ 18ความคิดเห็น

Ray Rayray :

กูก็ว่าแล้วว่าเดือนมหา’ลัยแม่งหายไปไหน หนีไปสวีทนี่เอง @Gui Jirayu and @Solo Siwarokin

148ถูกใจ 58ความคิดเห็น

Anakin Skywalker : ผมบอกพี่แล้ววววว

        Kao Ashira : ขอบคุณกูด้วยนะครับผม @Solo Siwarokin

        Anakin Skywalker : กูว่าแล้วมึงต้องเกี่ยวไอ้เก้า

Gee GeeGee : นี่คือเหตุผลที่น้องโซโล่เปลี่ยนเพลงกะทันหันหรือเปล่าคะ

Bee BeeBee : ชัวร์ครับที่รัก แล้วเอากูงงว่าซ้อมมาทำไม @Gee GeeGee

 

 “นี่โซเปลี่ยนเพลงก่อนขึ้นแสดงเหรอครับ”ผมส่งโทรศัพท์คืนก่อนจะถามถึงสิ่งที่กำลังสงสัย โซโล่พยักหน้าง่ายๆ ไม่คิดปฏิเสธหรืออ้อมค้อมอะไร

“อยากให้กีตาร์ได้ยินประโยคสุดท้าย”

นี่พูดประโยคแบบนั้นออกมาได้ยังไงโดยไม่รู้สึกอะไรเนี่ย…

‘…ฉันเจอเธอแล้ว’

ผมรีบเดินไปขึ้นรถเมื่อรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้นของใบหน้า โซโล่เองก็ตามขึ้นมาโดยไม่ได้พูดอะไร เขาไปส่งผมที่ตึกคณะ ดีที่ยังเช้าอยู่คนเลยยังมาไม่มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนมองมา ก็ใครใช้ให้รถคันนี้มันเด่นขนาดนี้กันล่ะเนี่ย…

ผมหยุดมือที่กำลังจะเปิดประตูแล้วหันไปหาโซโล่อีกครั้ง

“โซ พี่ไม่ได้ทำงานที่K cafeทุกวันแล้วนะครับ”

“กีตาร์ทำวันไหนตอนไหนบ้าง”

“วันนี้ พรุ่งนี้ แล้วก็วันพฤหัส ทำช่วงค่ำทุกวันครับ”

โซโล่ขมวดคิ้วมุ่น ทำหน้าตาเหมือนกำลังไม่พอใจ

“เรียนหนักแล้วยังทำงานอีก”

“นี่ก็น้อยแล้วครับ”ผมยิ้มให้เขา ยื่นมือไปแตะคิ้วที่ขมวดเบาๆ “เมื่อก่อนพี่ทำทุกวันยังไหวเลย แต่นี่ต้องเผื่อเรียนจบเลยส่งให้น้องๆไปเยอะ แถมเสาร์อาทิตย์ก็ได้พักเต็มวันด้วย”

โซโล่ถอนหายใจ ดึงมือผมไปจับไว้หลวมๆแล้วมองหน้าผมนิ่ง

“พี่ไหวจริงๆครับ”

“ถ้าไม่ไหวบอกนะ”

ผมพยักหน้าให้กับน้ำเสียงเป็นห่วงนั้น แล้วใช้มือที่ว่างแตะหลังมือเขาเบาๆ

“ไว้เจอกันครับ”

“เดี๋ยวไปหาที่ร้าน”

ผมลงมายืนโบกมือให้คนมาส่งจนเขาขับรถออกไป และในตอนนั้นเองที่ผมสัมผัสได้ถึงสายตาประหลาดจากรอบกาย

นี่มันหน้าตึกคณะนี่หว่า…

“แต่เช้าเลยว่ะเบียร์”เสียงที่ถูกดัดให้แหลมจนน่าหมั่นไส้ดังขึ้นจากด้านหลัง

“ก็เขาคู่กัน”ส่วนนี่ก็กลั้นขำจนน่าถีบ

“สงสัยกูจะตกข่าว”ตามด้วยเสียงเจ้าเล่ห์ของไอ้คนที่ไม่ยอมมาเรียนตั้งแต่เมื่อวาน

“เอาง่ายๆเพื่อนมึงกำลังจะโดนแดกไงโนว์”

“แล้วเจ้าของรถนั่นใครวะไวน์ ใช่คนในรูปปะ”

“ตามนั้นครับผม”

ผมหันไปหาเพื่อนอย่างเนือยๆ แล้วเดินเข้าตึกโดยไม่สนใจพวกมันที่ยืนนินทาระยะประชิด แต่นอกจากจะเดินตามมาแล้ว พวกมันยังพูดไม่หยุดอีกต่างหาก และแน่นอนว่าหัวข้อหนีไม่พ้นเรื่องของผม

“โนว์ พูดมากระวังเหอะมึง”ผมหันกลับไปมองหน้าเจ้าของชื่อแล้วขยับยิ้ม

“ระวังไรมึง”

“ระวังซันรู้ว่ามึงไปจูบผู้หญิงไง”

“เขามาจูบกูเองไอ้เชี้ย!”

“แต่มึงก็เคลิ้ม…กูจะบอกซัน เขาเชื่อกูอยู่แล้ว”

ผมรีบวิ่งหนีไอ้โนว์เข้าตึกอย่างรวดเร็วเมื่อมันตั้งท่าจะด่า ซันคนที่ว่าคือแฟนมันที่เรียนอยู่สัตวแพทย์ ผมค่อนข้างจะสนิทเพราะโนว์มันลากไปไหนมาไหนด้วยตลอด นิสัยเราเข้ากันได้ แล้วผมก็ค่อนข้างจะนับถือเขาที่ทนเพื่อนผมได้ด้วย โนว์มันเป็นพวกสองบุคลิกหรือจริงๆควรจะบอกว่าสองหน้ามากกว่า เวลาอยู่ต่อหน้าคนไม่สนิทมันจะทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูอ่อนแอน่าสงสาร แต่นิสัยจริงๆกลับเป็นผู้ชายเถื่อนๆชอบหาเรื่องชาวบ้าน เป็นตัวตั้งตัวตีไปต่อยตีกับเขาจนได้แผลตลอด ลำบากเมียมันต้องมาคอยทำแผลให้

อ่อ…ซันคนที่ว่าเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นเมียที่ตัวสูงกว่าไอ้โนว์ด้วย

วันนั้นไอ้โนว์มันโดนผู้หญิงหน้าตาดีจับจูบในร้านเหล้า พวกผมนี่ช็อคสนิท รู้ตัวก็ตอนมันผลักเธอไปกระแทกโต๊ะแล้วทำท่าจะเข้าไปกระทืบซ้ำ ดีที่เบียร์มันเข้าไปห้ามทัน ซึ่งจริงๆที่มันแสดงออกแบบนั้นก็เพราะซันที่ไปห้องน้ำกลับมาที่โต๊ะพอดี มันคงกลัวซันจะเข้าใจผิด แต่ตอนนั้นซันมันไม่เห็นเหตุการณ์เลยต่างหาก ไอ้โนว์มันก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายผู้หญิงหรอก แต่ที่ทำเกินเหตุก็เพราะมันร้อนตัวที่เคลิ้มไปกับจูบของเขานั่นล่ะ

“ไอ้กีล์!ขอให้มึงโดนเด็กแดก!”ไอ้โนว์โวยวายไล่หลังมาเสียงดัง ฟังจากเสียงก็รู้ว่าอยู่ไกลพอควร ผมหยุดเท้า หันกลับไปยิ้มเยาะมันที่ยืนหอบอยู่กับไอ้แฝดด้วยความสะใจ แต่ดูเหมือนผมจะลืมไปว่าตอนนี้พวกมันอยู่ฝั่งเดียวกัน

“มึงไม่ต้องแช่งมันก็โดนอยู่แล้ว…ใช่ปะเบียร์”

“มึงต้องบอกว่าไวๆ”

เข้ากันได้ดีจริงๆนะเรื่องพวกนี้นี่…

“ขอให้มึงโดนเด็กแดกไวๆไอ้เชี้ย!”

--------------------------------------
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 12-12-2016 19:15:15
โดนแน่ๆ

 :z1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 12-12-2016 19:29:29
น่ารักมาก ขอให้รักกันหวานชื่น   ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: toeyy ที่ 12-12-2016 19:47:11
555555   พี่กีล์โดนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 12-12-2016 19:53:16
ชอบพี่กีล์จังเลยค่ะ อบอุ่นตลอด ใจอ่อนเวลาโซมันอ้อน แถมพูดก็ลงท้ายด้วย "ครับ"ทุกคำ

น่ารักมากๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 12-12-2016 20:38:26
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 12-12-2016 20:42:07
ขอให้ประโยคสาปแช่งจากเพื่อนโนว์เป็นจริงไวๆ ฮัสกี้จะได้มีเจ้าของอย่างเป็นทางการ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 12-12-2016 20:42:53
หวานจังเลยเรื่องนี้ ชอบ  :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: likeiceon ที่ 12-12-2016 21:04:16
ชอบบบ :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 12-12-2016 21:13:08
ตอนนี้เลอค่ามากกก
หวานเกิ๊นนนนนนนนนนนนน น้ำตาลล้นเล้าเป็ดแล้วจย้า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 12-12-2016 21:16:23
น่ารักอ่า งื้อ
ตาร้อนมากค่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-12-2016 21:28:25
เอาใจช่วยคำแช่งของโนว์  :call: :call: :call:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-12-2016 21:36:39
 :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Midorima ที่ 12-12-2016 22:03:45
เพิ่งมาติดตามค่ะ พอดีช่วงนี้น้ำท่วม 555555
ชอบบุคลิกพี่กีล์กับน้องโซโล่อ่ะ อ่านแล้วฟินจิกหมอนจนเล็บจะหักแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 13-12-2016 11:42:59
 :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 13-12-2016 15:58:59
โซโล่น่ารักก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 13-12-2016 16:21:52
น่ารักน่าเอ็นดู ฮัสกี้น้อยยยยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-12-2016 01:44:58
คิดว่าถึงเพื่อนไม่แช่งก็คงโดนแน่ๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-12-2016 02:19:40
คือดีคือน่ารักก
งานดีเว่ออออะ
ตามค่าาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: TR ที่ 16-12-2016 12:16:41
สนุกค่ะ เนื้อเรื่องน่ารักดี
เพิ่งอ่านถึงตอน4 แต่ขอมาคอมเม้นต์ก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปอ่านต่อ ;)

ชอบทั้งพี่กีล์ ทั้งน้องโซโล่ น่ารักมากมาย
มาต่อบ่อยๆนะคะ

ปล. ขอแอบคอมเม้นต์นิดหน่อยเรื่องการสะกดคำ
ติดใจกับคำว่า "แม้ง" มากเลย อ่านแล้วสะดุด

ไม่ได้เป็นคนเข้มงวดเรื่องการสะกดขนาดนั้น แต่คิดว่า ถ้าสะกดบางคำให้ถูก อารมณ์เวลาอ่านจะสมูทขึ้นเยอะค่ะ ^^
ตอนแรกเข้าใจว่า พิมพ์รีบๆเลยสะกดผิดรึเปล่า
แต่คำนี้โผล่มาบ่อยเหลือเกิน และทุกครั้งก็สะกดด้วยไม้โท

แม้ง = แอ้งแม้ง???
(สะกดด้วยไม้โท จะออกเสียงเหมือน แอ้ง'แม้ง')
แต่จากบริบทที่อ่านแล้ว คนเขียนคงตั้งใจจะหมายถึงคำว่า 'แม่ง" ที่เป็นคำสบถ

อันนี้แค่แนะนำค่ะ
ปกติ เวลาเจอนิยายที่สะกดคำง่ายๆผิด จะหมดอารมณ์ในการอ่านและเลิกอ่านทันที
แต่เรื่องนี้สนุกค่ะ ^^ เลยพยายามไม่สนที่สะกดผิด แต่ถ้าไม่ผิดเลยจะน่าอ่านขึ้นกว่าเดิมค่ะ ;)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 16-12-2016 12:32:58
สนุกค่ะ เนื้อเรื่องน่ารักดี
เพิ่งอ่านถึงตอน4 แต่ขอมาคอมเม้นต์ก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปอ่านต่อ ;)

ชอบทั้งพี่กีล์ ทั้งน้องโซโล่ น่ารักมากมาย
มาต่อบ่อยๆนะคะ

ปล. ขอแอบคอมเม้นต์นิดหน่อยเรื่องการสะกดคำ
ติดใจกับคำว่า "แม้ง" มากเลย อ่านแล้วสะดุด

ไม่ได้เป็นคนเข้มงวดเรื่องการสะกดขนาดนั้น แต่คิดว่า ถ้าสะกดบางคำให้ถูก อารมณ์เวลาอ่านจะสมูทขึ้นเยอะค่ะ ^^
ตอนแรกเข้าใจว่า พิมพ์รีบๆเลยสะกดผิดรึเปล่า
แต่คำนี้โผล่มาบ่อยเหลือเกิน และทุกครั้งก็สะกดด้วยไม้โท

แม้ง = แอ้งแม้ง???
(สะกดด้วยไม้โท จะออกเสียงเหมือน แอ้ง'แม้ง')
แต่จากบริบทที่อ่านแล้ว คนเขียนคงตั้งใจจะหมายถึงคำว่า 'แม่ง" ที่เป็นคำสบถ

อันนี้แค่แนะนำค่ะ
ปกติ เวลาเจอนิยายที่สะกดคำง่ายๆผิด จะหมดอารมณ์ในการอ่านและเลิกอ่านทันที
แต่เรื่องนี้สนุกค่ะ ^^ เลยพยายามไม่สนที่สะกดผิด แต่ถ้าไม่ผิดเลยจะน่าอ่านขึ้นกว่าเดิมค่ะ ;)

ขอบคุณมากนะคะที่เตือน จะกลับไปแก้ไขให้ พึ่งสังเกตว่าตัวเองพิมพ์คำว่าแม้งมาตลอดเหมือนกัน
ขอบคุณมากจริงๆค่า

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER6 P.3 [12/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 16-12-2016 21:28:16
-7-

 

สามวันที่ผมทำงานโซโล่มาหาผมทุกวัน เขาจะมาตั้งแต่ผมเริ่มเข้างาน สั่งกาแฟหนึ่งแก้วแล้วก็ไปนั่งเงียบๆอยู่มุมร้าน ดีที่ช่วงที่ผมทำงานไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ถึงมีมาก็มักจะสั่งกลับจนไม่ทันได้สังเกตเห็นเดือนมหา’ลัยที่มุมร้าน โซโล่มักจะหยิบงานขึ้นมาทำเป็นลำดับแรก พอทำเสร็จก็เปลี่ยนเป็นนั่งมองผมทำงานแทน ถึงเวลาเลิกงานก็รอให้ผมหยิบนมอุ่นให้กิน นั่งรอจนผมปิดร้านก่อนจะไปส่งที่หอ วันไหนที่ผมไม่ทำงานเขาก็จะไปหาผมที่หอทุกค่ำ รอให้ผมเอานมลงไปให้แล้วก็ขับรถกลับคอนโด

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว

ผมรู้ดีว่าการที่เราต้องเจอหน้ากันทุกวันก่อนนอนมันไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่ แต่เอาเถอะ…

ถ้ามันเป็นความพอใจของทั้งสองฝ่ายผมว่ามันก็แฟร์ดี

“กีตาร์…”เสียงเรียกเนือยๆที่ดูจะเนือยกว่าทุกวันทำให้ผมหยุดมือที่กำลังเช็ดโต๊ะ ดูเหมือนวันนี้เขาจะมาช้าผิดปกติเพราะมันเกือบจะถึงเวลาปิดร้านแล้ว

“ทำไมวันนี้มาชะ…”ประโยคที่ตั้งใจจะถามหยุดลงกลางคันเมื่อหันไปเห็นสภาพของอีกคน

โซโล่เปียกไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า…เส้นผมที่ลู่ละใบหน้ายังมีน้ำหยดลงมาอยู่เลย แถมเสื้อนักศึกษาก็เปียกจนเห็นด้านใน ใบหน้านั้นอ่อนล้าจนผมอยากไล่ให้กลับไปนอนแต่เจ้าตัวคงไม่ยอม

โซโล่ไม่ได้เดินเข้ามาคงเพราะเห็นว่าตัวเองเปียก เขาหยุดยืนอยู่ตรงพรมเช็ดเท้าหน้าทางเข้า ผมเลยเดินเข้าไปหาแล้วดันร่างอีกฝ่ายให้มานั่งหน้าเคาน์เตอร์

“พื้นเปียกก็เช็ดได้ แต่ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง”ผมดุก่อนจะเดินไปหลังเคาน์เตอร์ ดีที่มีผ้าใหม่ยังไม่ได้ใช้เหลืออยู่

“ขอโทษ…”

ผมยิ้มนิดๆให้เขาสบายใจว่าไม่ได้โกรธ เห็นหน้าหงอยๆแถมดูเหนื่อยขนาดนั้นใครจะไปโกรธลง

“ไปทำอะไรมาครับ ทำไมเปียกแบบนี้ แถมวันนี้มาเสียดึกเลย”ว่าแล้วก็เอาผ้าโปะหัวเปียกๆแล้วออกแรงขยี้ให้เบาๆ แต่เพราะโซโล่นั่งหันหลังเข้าหาเคาน์เตอร์ ผมที่ยืนเช็ดหัวอยู่ด้านหน้าเลยเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน

เห็นว่าเขากำลังยิ้มอยู่…

ดูเหมือนรอยยิ้มหายากนี่จะมีผลต่อใจผมเสียเหลือเกิน ทำยังไงก็ไม่ชินเสียที…

เพราะทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ขยับผ้าให้เลื่อนลงมาปิดดวงตาแวววาวนั่นแล้วออกแรงเช็ดต่อ

“มีถ่ายวีดีโอ…”

“ที่บอกพี่เมื่อวานสินะ…พี่คิดว่าจะถ่ายกันช่วงเย็นเสียอีก”เมื่อวานตอนกลับบ้าน โซโล่บอกผมว่าเขามีถ่ายวีดีโอของมหา’ลัย แต่ตอนนั้นเขาบอกผมว่านัดตั้งแต่สี่โมงเย็น

“ถ่ายตั้งแต่เย็นแล้ว…แต่ลากยาวมาถึงกลางคืน”

“ทำไมยาวล่ะครับ”

“ผมทำไม่ได้”

“โซไปยืนรอที่หน้าร้านก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ตามไป”

โซโล่พยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินออกไปยืนหน้าร้านโดยไม่ถามอะไร

จะให้คุยต่อได้ยังไงในเมื่อเขาตัวเปียกเสียขนาดนั้น แถมปกติก็เป็นคนไม่แสดงออกอยู่แล้วด้วย ต่อให้หนาวก็คงไม่ยอมบอกผมแน่ๆว่าตัวเองหนาว

ผมรีบเดินไปเอาไม้ถูพื้นมาถูบริเวณที่เปียกก่อนจะปิดร้านอย่างรวดเร็ว พอออกมาแล้วก็รีบดึงแขนอีกคนให้เดินไวกว่าปกติไปที่รถซึ่งผมจำได้แม่นว่าจอดอยู่ตรงไหน เพราะเขาจอดที่เดิมทุกวันไม่เคยเปลี่ยน

ผมดึงมือของคนที่กำลังจะกดเปิดแอร์รถไว้แล้วส่ายหน้า

“ไม่ร้อนหรือไง…”เห็นสีหน้าจริงจังของคนพูดแล้วก็นึกอยากจะบีบแก้มของเขาแรงๆเสียทีข้อหาไม่ห่วงตัวเอง ดีที่ยั้งมือไว้ได้

“แล้วโซไม่หนาวเหรอครับ”ผมถามกลับ

“มะ…”

“อย่าโกหกพี่”ผมขมวดคิ้วให้เขารู้ว่าไม่พอใจ

“ขอโทษ”โซโล่ทำหน้าสลด…สลดจนดูน่าสงสาร ทำเอาผมแกล้งดุต่อไม่ออก ได้แต่ยกมือขึ้นลูบหัวเปียกชื้นของเขาเบาๆ

“รีบกลับได้แล้วครับ เดี๋ยวไม่สบายนะ”

“ครับ”

พอเห็นตัวเปียกปอนของคนที่ขับรถอยู่แล้วผมก็นึกเป็นห่วง สงสัยทีหลังต้องบอกให้เตรียมเสื้อผ้าเผื่อไว้ในรถเวลาเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้ไม่เป็นแบบนี้อีก ถ้าโซโล่แวะส่งผม เขาจะต้องหยุดรถรอผมขึ้นไปเอานมมาให้ ต่อให้ไล่กลับก็คงไม่ยอมหรือเอาเรื่องนอนไม่หลับมาอ้างอีกแน่ๆ แทนที่จะได้กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไวๆคงได้ช้าลงไปอีก

“กีตาร์ไม่ถามเหรอ”คนที่กำลังขับรถถามโดยยังไม่ละสายตาจากท้องถนน

“ยังไม่ถามตอนนี้ครับ เอาไว้ให้เราจัดการตัวเองก่อน”

“แต่จะถึงหอแล้ว…”

“นั่นสินะ…แล้วพี่จะเอาเวลาที่ไหนไปถามเราดีล่ะ”ผมรีบหันหน้าออกไปขำอีกทางเมื่อเห็นว่าเจ้าหมาฮัสกี้กำลังกระดิกหูและหันมามองด้วยดวงตาเป็นประกาย

“กีตาร์…”

ผมยกมือปิดปาก แกล้งไอเบาๆ ก่อนจะตีหน้าขรึมแล้วหันไปมองโซโล่

“วันนี้รบกวนด้วยนะครับ”

สุดท้ายที่ทำขรึมก็ไร้ประโยชน์ เพราะทันทีที่เห็นรอยยิ้มที่ช่วงนี้ชักจะเห็นบ่อยเกินไปแล้วผมก็หลุดยิ้มออกมาทันที ต้องแก้เขินด้วยการยื่นมือไปผลักใบหน้าอีกคนให้หันกลับไปมองทางดีๆก่อนจะไปชนใครเข้า

เจ้าหมานี่ลืมไปหรือเปล่านะว่าทั้งเฟส ไลน์ หรือเบอร์ก็มีทั้งคู่ แค่ถามคำถามไม่เห็นจะต้องไปนอนค้าง แต่ก็ต้องขอบคุณที่ทำให้ผมเขินน้อยลงหน่อย อีกอย่าง…

จะให้บอกว่าเป็นห่วงก็กลัวจะเหลิง

 

 

ทันทีที่ถึงห้องผมก็ทั้งผลักทั้งดันทั้งไล่ให้คนตัวเปียกรีบไปอาบน้ำแต่งตัว ส่วนตัวเองก็มาง่วนอยู่หน้าเตาเพื่อหาข้าวให้เขากิน โซโล่บอกว่าเขาให้แม่บ้านช่วยซื้อของสดไว้ให้ในตู้เย็นแล้ว ผมเลยทำเมนูได้หลากหลายขึ้น เสียแต่ต้องใช้ข้าวในตู้เย็นเหมือนเดิมเพราะถ้าหุงเองคงจะกินเวลานานเกินไป

ยิ่งรู้จักผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กน่าตีขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ชักไม่แน่ใจว่ากำลังเลี้ยงลูกอยู่หรือเปล่า

ตอนที่อยู่ในลิฟต์ผมถามเขาว่ากินข้าวแล้วใช่ไหม จริงๆแค่จะหาเรื่องชวนคุย แต่กลับได้รับคำตอบที่ไม่คาดคิดมาแทน โซโล่ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เย็น มื้อล่าสุดที่เขากินคือมื้อเช้า เหตุผลคือตอนเที่ยงซ้อมดนตรีเพลิน ส่วนตอนเย็นก็ถ่ายงาน แถมพวกทีมงานที่เป็นรุ่นพี่ก็ไม่ได้พูดอะไร เจ้าตัวเลยไม่ได้สนใจ

ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะไปคุยกับพวกทีมงานนั่นสักหน่อยเหมือนกัน

หลังจากจัดการอาหารเสร็จโซโล่ก็เดินมาพอดี ผมขมวดคิ้วมองคนที่ปล่อยหัวเปียกแถมยังใส่กางเกงขายาวตัวเดียวออกมาจากห้องเงียบๆโดยไม่พูดอะไร โซโล่ชะงักไปทันทีเมื่อเราสบตากัน เขาหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง และเดินออกมาอีกครั้งโดยที่ใส่เสื้อนอนแล้ว รวมถึงมีผ้าเช็ดหัวพาดอยู่ที่บ่าด้วย

ผมมองภาพนั้นด้วยความพอใจ พยักหน้าให้เขามาทานข้าว โซโล่ก้าวเท้ามาทรุดตัวนั่งที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะมองข้าวต้มกระดูกหมูด้วยดวงตาแวววาว ผมยิ้มนิดๆแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยที่ยังไม่ได้แตะข้าวต้มของตัวเองที่ตักมากินเป็นเพื่อนเขา

“นี่พี่เช็ดหัวให้โซรอบที่สองแล้วนะ”ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนลงมือเช็ดหัวให้เขา

“เช็ดตลอดไปเลยก็ได้”

“…”

“กีตาร์?…”โซโล่เงยหน้าขึ้นมามอง ทำให้ผมต้องสบตาเขาอย่างช่วยไม่ได้ “…หน้าแดง”

“กินข้าวไปสิครับ!”ผมผลักหัวให้อีกคนก้มหน้าลงไปเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว

ก็ประโยคนั้นมันหมายถึงให้อยู่ด้วยตลอดไปไม่ใช่หรือไง…ใครจะไปทำเฉยอยู่ได้

หลังจากทานข้าวรวมถึงช่วยกันล้างจานเสร็จแล้วผมก็เข้าไปอาบน้ำโดยใช้ชุดที่โซโล่หามาให้ ผมค่อนข้างจะแปลกใจเพราะชุดที่ได้มามันพอดีเสียจนน่าตกใจ และมันใหม่ถึงขนาดที่ยังไม่ได้เอาป้ายยี่ห้อดังออกด้วยซ้ำ อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกคนรวยนี่แค่ชุดนอนจำเป็นต้องใส่มียี่ห้อด้วยเหรอเนี่ย…

โซโล่นั่งดีดกีตาร์อยู่ที่โซฟาริมหน้าต่างที่เดิม ผมเดินไปนั่งข้างๆแล้วมองเขาเล่นกีตาร์โดยไม่พูดอะไร ผ่านไปสักพักเขาก็หยุดมือแล้วเงยหน้ามองผมโดยที่ยังมีกีตาร์อยู่บนตัก

“ผมไม่ชอบพูดเยอะๆต่อหน้าคนอื่น…”

ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขาโดยไม่พูดอะไร

“วันนี้ต้องถ่ายทั้งวีดีโอแล้วก็ต้องถ่ายภาพนิ่งด้วย”โซโล่เริ่มดีดกีตาร์เป็นทำนองเบาๆโดยที่ยังพูดต่อไปด้วย

“ดาวทำเสร็จไปหมดแล้ว เหลือแต่ผมที่ทำยังไงก็ไม่ผ่าน…เพราะถ่ายภาพนิ่งเป็นแบบธรรมชาติ แถมไม่ได้บังคับอะไรมากมันเลยผ่านไปได้ ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาน้ำราดหัวก็เถอะ แต่ตอนถ่ายวีดีโอเขาบังคับให้ผมยิ้ม บอกให้ผมทำนั่นทำนี่แต่ผมทำไม่ได้ พอฝืนทำพวกเขาก็ไม่พอใจกับผลงานเลยต้องถ่ายซ้ำๆ”

ถึงใบหน้านั้นจะนิ่งไม่เปลี่ยนแต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าและความลำบากใจของเขา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นตอนที่ถ่ายทำแน่ๆ

“ตอนแรกจะกลับตั้งแต่สองทุ่มแล้ว…แต่จู่ๆก็มาบอกว่าจะถ่ายภาพนิ่งที่ถ่ายไปแล้วตอนแรกใหม่…”

“เลยต้องเอาน้ำราดหัวใหม่?”

โซโล่พยักหน้า

“…แต่ครั้งนี้เขาให้ราดทั้งตัว”

“อะไรนะ!”ผมแทรกอย่างหัวเสีย เริ่มรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ ถ้าที่โซโล่เล่าเป็นเรื่องจริงมันก็ไม่ใช่การทำงานแล้ว…แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆไม่ใช่หรือไง

“กีตาร์?…”พอได้ยินเสียงอ่อยๆเหมือนกลัวโดนโกรธผมก็รีบถอนหายใจระบายอารมณ์แล้วถามสิ่งที่สงสัย

“ที่ราดน้ำทั้งตัวนี่โซราดเองหรือเปล่าครับ”

“รุ่นพี่ราดให้ตั้งแต่รอบแรกแล้ว”

ผมรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่พุ่งสูงของตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้และทำไมโซโล่ถึงได้ยอม

“โซไม่รู้สึกไม่พอใจบ้างเลยหรือไง”

“ก็ไม่นะ…”โซโล่ส่ายหน้าก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด “รำคาญมากกว่า…อยากให้เสร็จไวๆจะได้ไปหากีตาร์”

จากการที่ได้รู้จักและพูดคุยกับโซโล่รวมถึงจากเรื่องนี้ทำให้ผมรู้จักนิสัยเขามากขึ้น ถ้าไม่พูดถึงเรื่องที่แสดงออกกับผมต่างจากคนอื่นแล้วผมสรุปได้ว่า เขาเป็นคนขี้เกียจพูด ไม่ว่าใครจะว่าอะไรก็เฉยไปหมดจนเหมือนไม่ปฏิเสธทั้งที่จริงๆอาจไม่ได้ฟังด้วยซ้ำ ถ้าให้เดาที่มาเป็นเดือนนี่ก็คงมาเป็นแบบงงๆแน่นอน เพียงแต่โซโล่เป็นคนมีความรับผิดชอบมาก ถึงเขาจะขี้รำคาญแต่ถ้าอะไรที่ต้องทำเขาก็จะยอมทำจนกว่าจะเสร็จ

ผมว่าที่โดนแกล้งนี่ก็เพราะฝั่งนั้นคิดว่าเขาไม่ตอบโต้และไม่ได้ว่าอะไร ส่วนตัวโซโล่ผมว่าเขาคงไม่สนใจมากกว่า พอคิดว่าเป็นเรื่องงานก็เลยปล่อยๆไป

“เราไม่รู้เลยเหรอครับว่าโดนแกล้ง”

โซโล่สบตาผมด้วยแววตาที่ทำให้รู้สึกเหมือนความหงุดหงิดกำลังโดนดูดให้หายไป เขาหยุดเล่นกีตาร์ก่อนจะยกมือขึ้นแตะที่หัวคิ้วของผม จากนั้นก็เลื่อนไปที่มุมปาก…อย่างที่ชอบทำเวลาต้องการให้ผมหยุดทำหน้าบึ้งแล้วยิ้มให้

“รู้แต่ไม่สนใจ ผมไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขาไป…”

“พี่ว่าเราไม่…”

“ถ้าไม่เกินขอบเขตนะ”

ผมพยักหน้าเมื่อเห็นแววตาจริงจังที่ส่งมา

“พรุ่งนี้ก็อาจจะดึกอีก...เขานัดถ่ายซ่อม”โซโล่พูดเสียงเรียบ มือเริ่มขยับดีดกีตาร์ต่อ

ผมถอนหายใจเบาๆเมื่อได้ยินอย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะโดนแกล้งอะไรอีก ถ้ายังโดนเอาน้ำราดอย่างเดิม ต่อให้แข็งแรงขนาดไหน ถ้าตัวเปียกตั้งหลายชั่วโมงติดต่อกันสองวันแบบนี้สุดท้ายคงได้ป่วยจริงๆแน่

เสียงกีตาร์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันทำให้ผมหลุดจากความคิดตัวเองแล้วหันมามองคนที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มนิดๆก่อนเสียงทุ้มจะเปล่งออกมาตามทำนองเบาๆ

“จบแล้วที่เสาะหา ได้มาพบตัวจริงซะที
ชีวิตต่อจากนี้ คงจะดีถ้ามีแต่เธอ
ก่อนจะนอนอยากเจอเธอเป็นคนสุดท้าย
คนแรกของเช้าถัดไป ฉันก็อยากเห็นเธอ
เช้าก็มีแต่เธอ ค่ำก็มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้น
อยากทำตัวติดเธอไม่ต้องห่างไปไหน
ไม่ว่าจะทำอะไรก็อยากทำด้วยกัน
ทุกลมหายใจเข้าออก ทุกเวลาของฉัน…”

ผมกลั้นหายใจเมื่อเสียงร้องและเสียงกีตาร์หยุดลง รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าวแต่ก็ไม่อยากละสายตาไปจากคนตรงหน้า เลยทำได้แค่กัดริมฝีปากตัวเองไว้ด้วยความเกร็ง โซโล่ไม่ได้พูดอะไรแต่ดวงตาเป็นประกาย เขายกมือชี้ที่ปากตัวเองแล้วขยับปากโดยไร้เสียง

‘ยิ้มๆ’

ผมปล่อยริมฝีปากที่กัดไว้ออกแล้วเผยรอยยิ้มกว้างออกมา ทั้งตามที่อีกคนบอก...และตามความรู้สึกของตัวเอง โซโล่หัวเราะออกมาเบาๆมือดีดโน้ตกีตาร์ตัวสุดท้ายโดยไม่ละสายตาไปจากใบหน้าผม

“…อยากจะใช้กับเธอ”

[เพลง ไม่ธรรมดา ของเบล สุพล]

 

 

“โซ…”

“ครับ”

“พรุ่งนี้เขานัดถ่ายงานที่ไหนตอนไหนครับ”

“หน้าตึกนิเทศสี่โมง”

“อืม…พรุ่งนี้วันศุกร์สินะ พี่ไม่ได้ทำงานแล้วก็เลิกเรียนสี่โมงพอดี…”

“กีตาร์?”

“พรุ่งนี้พี่ไปหานะครับ”

-----------------------------------------

 

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 16-12-2016 21:33:48
ต้องให้พี่กีตาร์ไปจัดการละค่ะ  :z6:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-12-2016 21:49:40
คุณพี่ออกโรงเอง ระวังไว้เถอะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 16-12-2016 21:52:01
งานนี้มีกระเจิง !!!

 :z6:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 16-12-2016 21:55:42
เห็นคนหล่อไม่ได้เหรอถึงมาแกล้งน้องโซเรา :ling1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 16-12-2016 21:57:02
คุณพี่จัดไป!!!เอาให้เข็ดปกป้องน้อง♡
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 16-12-2016 22:22:11
ทำไมรุ่นพี่ต้องแกล้งโซ?
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 16-12-2016 22:34:32
พี่กีล์ลุยเลยค่ะ  :z6:
ทำแบบนี้กับโซโล่ได้ยังไง เค้าไม่ตอบโต้ไม่ใช่จะทำอะไรก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 16-12-2016 22:52:48
ไปจัดการให้น้องโซโล่เลย แอบอยากเห็นพี่กีย์เหวี่ยง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-12-2016 23:32:13
ฟีลกู๊ดมากค่ะ อบอุ่นละมุนหัวใจไปกับร้อยยิ้มหวานฟของพี่กีล์และสกิลการอ้อนน่ารักๆของโซโล่ ผู้ชายนิ่งๆแต่มาอ้อนกับแบบนี้ก็คงใจอ่อนกันทุกรายล่ะนะ 5555555
งานนี้น้องหมาโดนแกล้ง ถึงเวลาที่พี่จะปกป้องน้องบ้างแล้ว จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 17-12-2016 00:24:56
ต้องให้คนพี่จัดการค่ะ จะได้รู้บ้างว่าไผเป็นไผ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 17-12-2016 00:35:29
โซโล่ข้า ใครอย่าแตะ - พี่กีร์ไม่ได้กล่าว
แต่เราอยากบอก  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 17-12-2016 00:58:06
ละมุน อบอุ่นเหมือนเดิม

รัก 'โซ' รัก 'พี่กีล์'
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 17-12-2016 01:41:08
ไปๆ ปกป้องน้องด้วยยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 17-12-2016 09:02:20
ดูอบอุ่นจัง
พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นนะ
 :mew4: :mew4:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-12-2016 09:28:02
แทบจะรอให้พี่กีล์ไปหาโซไม่ไหว อยากรู้จริงว่าพี่กีล์จะได้จัดการพวกรุ่นพี่นั่นไหม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-12-2016 10:05:35
พี่กีลออกโรงงงงงงงงง พวกรุ่นพี่ขี้แกล้งทั้งหลายเตรียมตัวไว้จร้า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 17-12-2016 10:47:00
ไม่รู้ซะแล้วว่าของใคร

 o18
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-12-2016 11:43:00
พี่กีล์อย่าปล่อยลูกโดนแกล้ง จัดการเลย !!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 17-12-2016 12:57:00
คุณแม่เปิดตัว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 17-12-2016 13:56:27
ออกซิเจน...นิยายของคุณจะทำให้ดิฉันพร่องออกซิเจนใช่ไหมคะ? แอร๊ยย~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: flyerrr ที่ 17-12-2016 14:35:50
ฮืออออ น่ารักมากกกกกกกกกกกกก รอนะคะ ชอบเรื่องนี้มากเลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 17-12-2016 15:33:47
แววมากกกกกก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 17-12-2016 16:49:01
ทำรุ่นพี่เดือนมหาลัยผู้ใจดีอย่างกีล์โกรธได้นี่ไม่ธรรมดาละนะ
คือนางใจดีมากอะเดือดขนาดนี้ระวังตัวเลยค่าาา
รู้เลยว่าน้องโซสำคัญขนาดไหนน
รอค่าา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 17-12-2016 20:39:52
งานนี้มีคนโดนแน่นอน  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 17-12-2016 21:16:21
แกล้งโซโล่นักหรอ เดี๋ยวก่อนๆ เดี๋ยวเจอพี่กีล์สายโหด งานนี้มาเอง เจอกันแน่ :angry2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 18-12-2016 10:40:58
รออออออ
ชอบเรื่องนี้มาก โซฮัสกี้น่ารักอ่ะ
พี่กีส์คือดี555
รอตอนพี่กีส์ไปหาโซแทบไม่ไหว
รีบๆมาต่อนะ

 :katai4: :katai4:
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 18-12-2016 16:30:01
รุ่นพี่แบบนี้  มันน่าจัดการ   :katai1:  รอมาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 19-12-2016 11:01:04
เรื่องนี้น่ารักมากกกกกกก
แต่จีบกันแบบงงๆ
แป็บเดียวน้องโซพาพี่กีล์เข้าห้องได้แล้ว
ช่างไวไฟ 5555555555555

ตกลงพี่กีล์จะได้แฟนหรือได้ลูกคะ? /ยื่นไมค์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 19-12-2016 11:33:38
รอออออ เมื่อไรจะมา
มีเพจไหมอ่ะ เราอยากติดตาม
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 19-12-2016 19:22:43
พวกรุ่นพี่ขี้แกล้งต้องเจอ พี่กีต้ามาเองเลย เหอๆ สนุกมากคับ ติดตามๆ

+เป็ด
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: babaaa ที่ 20-12-2016 10:01:50
ใครแกล้งน้องโซซซซซ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 20-12-2016 11:34:23
ต้องให้พี่กีล์ออกโรงซะแล้ว  o18
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER7 P.4 [16/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 21-12-2016 20:47:06
-8-

 

“มึงว่าเลิกเรียนจะไปไหนนะ”

“ไปดูถ่ายงานมหา’ลัย”

ผมตอบไอ้โนว์ตามความจริง หลังจากมันเซ้าซี้จะให้ไปคณะสัตวแพทย์เป็นเพื่อนมันตอนเย็นให้ได้ เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากนอกจากจะไปหาแฟนแล้วไม่อยากเด่น อยู่คนเดียวทีไรต้องมีคนเข้ามาคุยเข้ามาหามันตลอด แถมส่วนใหญ่จะเป็นพวกชายรุกเสียด้วย ผมออกจะขำมากกว่าสงสารเพราะมันทำตัวใสๆน่ารักๆให้ชาวบ้านเขาคิดเอง ใครเขาจะไปรู้ว่ามันเป็นรุก

“ทำไมต้องไปวะ มันงานของพวกดาวเดือนปีหนึ่งกับพวกชมรมถ่ายภาพ…”ไอ้โนว์หยุดชะงักก่อนจะหรี่ตามองผมแบบล้อเลียน

“มองอะไร”

“อ๋ออออออ แบบนี้เอง”

ผมเลิกสนใจมันแล้วหันกลับไปตั้งใจฟังอาจารย์แทน ซึ่งไอ้โนว์มันก็เข้าใจว่าเวลาเรียนผมไม่ชอบคุย มันเลยยอมหันกลับไปแต่โดยดี แต่ถึงเวลาเลิกเรียนเมื่อไหร่…

ยาวแน่…

“ยังไงวะกับเดือนมหา’ลัย”

ทันทีที่อาจารย์ปล่อยเสียงจากไอ้เพื่อนตัวดีที่รอโอกาสมาตลอดก็ดังขึ้นแทบจะทันที รู้สึกดีที่วันนี้เบียร์กับไวน์มันไม่เข้าเรียน…ไม่งั้นผมคงโดนถามจนหัวปั่น

“ก็ไม่ยังไง”

“ไอ้กีล์…”ไอ้โนว์เปลี่ยนไปใช้น้ำเสียงจริงจัง จนผมต้องหยุดมือที่กำลังเก็บของแล้วหันมาตั้งใจคุยกับมัน “มึงก็รู้ใช่ปะว่าเรื่องกูกับซันกว่าจะเป็นแบบนี้ได้ มันผ่านอะไรมามากขนาดไหน”

“กูรู้”ผมจำได้ดีถึงตอนที่มันเสียใจเพราะไปทำร้ายความรู้สึกของซัน คนปากดีกลายเป็นหมาหงอยไปหลายอาทิตย์ แต่ตอนนั้นมันก็เลวเองจะไปโทษซันก็ไม่ได้อีก พวกผมเลยได้แต่อยู่ใกล้ๆ ช่วยเตือนสติมัน จนสุดท้ายมันก็ลงเอยกันด้วยดี

“กูไม่อยากให้ใครเสียใจ”

“ทำไมมึงถึงพูดขึ้นมา”

“มึงรู้ดีใช่ปะว่าโซโล่มันคิดอะไร”มันขมวดคิ้วน้อยๆ มาดเข้มๆที่นานๆจะได้เห็นสักทีทำให้ผมถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อรู้ว่ามันเป็นห่วงเรื่องอะไร

ผมเป็นคนไม่มีความลับ เรื่องของผมถ้าเพื่อนถามก็เล่าหมดไม่ปิดแม้แต่นิดเดียว แม้แต่ก่อนเข้าเรียนที่มันให้ผมเล่าเรื่องโซโล่ให้ฟัง ผมก็เล่าให้มันฟังทั้งหมดจนลากยาวมาถึงเรื่องที่จะไปหาเย็นนี้

“กูไม่ใช่คนเลว”ผมบอกสั้นๆและมั่นใจว่ามันเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร

“กูรู้…แต่มึงเป็นคนใจดีไอ้กีล์”

“โนว์มึงฟังกูนะ…”การที่ผมเล่าเรื่องโซโล่ให้มันฟังและย้ำนักย้ำหนาว่าเขาเป็นคนดีมากแค่ไหนคงทำให้มันกังวล “กูรู้ดีว่าที่เป็นอยู่คืออะไร และตามที่มึงว่า…กูอาจจะเป็นคนใจดี แต่กูไม่ได้ทำอะไรแบบนี้กับทุกคน”

“…”

“ที่กูยอมไปห้องโซเพราะเขาไว้ใจได้ ไม่เคยทำตัวไม่ดีใส่กูแม้แต่ครั้งเดียว…”

“…”

“ไม่ชอบพูด ชอบทำหน้านิ่งเหมือนเข้าถึงยาก แต่จริงๆเป็นคนเอื่อยเฉื่อยแถมซื่อบื้อ กูรู้ว่าเขาพยายามมากแค่ไหนกับการแสดงออกอะไรหลายๆอย่างที่ไม่เข้ากับนิสัยตัวเองให้กูเห็น…”

“…”

“ขอบใจแทนโซที่มึงเป็นห่วง กลัวว่าความใจดีของกูจะไปทำร้ายคนที่เข้าหากู แต่กูถามหน่อยนะ คนเข้าหากูมาตั้งแต่ปีหนึ่ง มึงเคยเห็นกูใจดีกับใครจนทำให้เขาเสียใจปะวะ…”

“มึงไม่เคยใจดีขนาดนี้”

“ใช่..”ผมยิ้มให้มัน

“…”

“เพราะพิเศษกูถึงเป็นแบบนี้”

“เข้!”ไอ้โนว์ทำหน้าตกใจ มือกุมอกเหมือนเห็นผี “กูไม่คิดว่ามึงจะบอกตรงๆแบบนี้นะเนี่ย งั้นกูถามอีกอย่างดิ… ถ้าเป็นงี้แล้วทำไมไม่บอกมันไปเลยวะว่าชอบ”

“มึงคิดว่ากูรู้จักกับโซมานานแค่ไหนไอ้โนว์ ไม่ใช่รู้จักมาตั้งแต่เด็กแบบมึงกับซันนะ…ถึงกูจะไม่ได้คิดว่ามันต้องนานขนาดไหน แต่ที่เป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว ค่อยๆเห็นกันทีละด้าน ไม่ต้องพูดว่ารู้สึกอะไร แค่ทำอะไรแล้วคิดว่ามีความสุขก็พอ ที่เหลือเวลามันก็จัดการทุกอย่างเอง”

ผมรู้อยู่แล้วว่าโซโล่ทำทุกอย่างทำไมเพราะผมเองก็ไม่ต่างจากเขา มันยังไม่ใช่เพราะเขาต้องการคบกับผมหรือผมต้องการคบกับเขา แต่มันเป็นเพราะเรามีความสุขที่ได้อยู่ในจุดที่พิเศษกว่าคนอื่นและมากกว่าคนอื่น เขาทำหลายๆอย่างก็เพื่อให้ผมรับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ในขณะที่ผมเองก็ตอบกลับในสิ่งที่รู้สึก

เพราะงั้นมันไม่จำเป็นต้องรีบอะไร เวลาจะทำให้เราพัฒนาต่อไปเรื่อยๆเอง และถ้าเราไปได้ถึงเวลานั้น…ผมคิดว่าฐานของเรามันจะแข็งแกร่งจนไม่มีอะไรมาทำลายได้

“ถ้ามีคนมาถามแบบกูมึงจะตอบปะ”

“แล้วมีเหตุผลอะไรที่กูต้องไม่ตอบ กูแค่ไม่เห็นเหตุผลที่กูต้องบอกต้องเล่าให้ใครฟังก่อนว่ากูคิดอะไร…”ผมลุกขึ้นสะพายกระเป๋าก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง

“คนจริงว่ะเพื่อนกู”ไอ้โนว์ตะโกนแล้วหัวเราะตามมาจนผมต้องหยุดเท้าแล้วหันไปยิ้มให้มัน ดีที่ไม่มีคนอยู่แล้วเลยไม่ต้องอายเท่าไหร่

“กูแค่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง คิดก็บอกว่าคิด ไม่รู้จะลีลาแบบมึงเพื่ออะไร”หลังตะโกนกลับไปแล้วผมก็รีบออกมาจากห้องทันที แว่วเสียงมันด่าตามหลังมาเบาๆ

“เชี้ยกีล์!”

 

 

ผมยืนหลบมุมอยู่หน้าตึกนิเทศเพราะไม่อยากเด่นเหมือนคนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าตึก อาจจะเพราะตำแหน่งเดือนมหา’ลัยด้วยเลยทำให้โซโล่โดนจ้องจนแทบทะลุ ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สนใจแต่อย่างใด

“นั่นโซโล่มาทำอะไรอะ”

เสียงแว่วๆไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้ผมหูผึ่ง เห็นนักศึกษาหญิงสองคนยืนคุยกันอยู่ไม่ไกลนัก น่าจะเป็นคนในคณะ

“ไม่รู้อะ แต่เมื่อวานก็มานะ เห็นเดินไปกับพวกพี่แยม…นั่นไงๆ”

ผมเลิกคิ้วน้อยๆก่อนจะหันไปมองตามเสียงนั้น มีกลุ่มผู้หญิงสามสี่คนเดินเข้าไปหาโซโล่ มีคนคุ้นหน้าคุ้นตาคนเดียวเป็นดาวนิเทศปีสี่ที่ชื่อแยม ผมจำได้เพราะเธอเคยเข้าหาตอนประกวดสมัยปีหนึ่ง

“เขาคบกันเหรอ”

“ไม่รู้อ่ะ แต่อย่าเลย…พี่แยมนิสัยเป็นไงก็รู้อยู่”

“นั่นสิ…ตอนนี้ต้องโซโล่กีล์เท่านั้นย่ะ”

ผมขำเบาๆให้กับประโยคสนทนานั้นก่อนจะหันไปมองทางกลุ่มแยม ตอนนี้พวกเธอกำลังเดินนำโซโล่ไปที่ไหนสักแห่งโดยมีแยมเดินคู่กับเขา แต่อยู่ๆโซโล่ก็ขมวดคิ้วแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด เอาเข้าจริงผมก็เดาได้ไม่ยากว่าเขาหยิบมันขึ้นมาทำไม ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้รอ

ติ้ง

Solo Siwarokin : กีตาร์อยู่ไหน พวกรุ่นพี่จะพาผมไปที่ห้องชมรมถ่ายภาพ

Gui Jirayu : หันมาข้างหลังสิครับ

โซโล่หันมาตามที่ผมบอกแทบจะทันที ผมรีบยกมือแตะปากเป็นสัญญาณให้เขาเงียบแล้วยิ้มให้เหมือนเคย เขาเองก็ส่งยิ้มน้อยๆมาให้ก่อนจะหันกลับไปเดินต่อ

ชมรมถ่ายภาพค่อนข้างจะกว้างขวางเพราะมีงบเยอะ ถึงขนาดมีสตูดิโออยู่ด้านใน ผมเคยเข้าไปถ่ายมาก่อนเลยพอจะรู้ว่ามันมีหลายห้อง รอจนพวกเขาเข้าไปหมดผมก็เดินเปิดประตูตามเข้าไปเงียบๆ โซโล่คงจะอยู่ที่สตูแล้ว ผมไม่ได้ตามเข้าไปทันที แต่เลือกเดินไปที่ห้องประชุมแทน

ไม่ผิดคาดเท่าไหร่เพราะมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งกดคอมพิวเตอร์อยู่ในนั้น

“เต”ผมเรียกเบาๆ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการขัดจังหวะการทำงานของมันไม่น้อย เพราะตอนนี้เจ้าของชื่อมันกำลังเงยหน้ามองผมด้วยสายตาหงุดหงิด

“กีล์!มาไงวะ”มันเปลี่ยนสีหน้าเป็นประหลาดใจ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาทักทายผม

คนๆนี้คือเตโชประธานชมรมถ่ายภาพที่อยู่ปีสี่ และแน่นอนว่าเป็นเดือนนิเทศ เอาจริงๆเพื่อนผมนอกจากในคณะแล้ว พวกนอกคณะก็มีแต่พวกดาวเดือนที่เคยทำกิจกรรมร่วมกันแทบจะทั้งนั้น นอกจากเรย์แล้วเตโชก็เป็นอีกคนที่ผมค่อนข้างจะสนิทถึงขั้นพูดหยาบใส่กันได้

“กูพอรู้ละว่ามาทำไม”มันยิ้มล้อเลียนก่อนจะดึงผมให้นั่งลง

“กูมีเรื่องจะถามหน่อย เมื่อวานมึงอยู่ตอนถ่ายงานปะ”

“ไม่อยู่ว่ะ กูติดงานเลยให้พวกแยมจัดการ…”มันหยุดชะงักไปก่อนจะขมวดคิ้ว “ลืมไปเลยว่าแยมมันเป็นคนยังไง…เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ปะ”

ผมพยักหน้าแล้วเล่าเรื่องโซโล่ให้มันฟัง เตโชขมวดคิ้วตลอดเวลา และดูท่าทางเหมือนระเบิดพร้อมจะลงเต็มที่ พอผมเล่าจบมันก็ยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ ผ่านไปสักพักถึงเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ก่อนอื่นกูต้องขอโทษมึงด้วยนะกีล์…รวมถึงโซโล่ด้วย เดี๋ยวกูจะไปขอโทษมันเอง”เตโชหันไปรื้อลิ้นชักก่อนจะส่งเอกสารให้ผมอ่าน

“อันนี้คืองานที่กูได้มา ภาพนิ่งโปรโมทมหา’ลัยใช้ทั้งปี ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องถ่ายแบบเรียบร้อย แล้วก็งานวีดีโอส่วนแรกจะเป็นแนะนำมหา’ลัย อีกส่วนเป็นแนะนำตัวดาวเดือนให้เป็นที่รู้จักคล้ายๆตอนมึงทำ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ตอนที่ผมเคยถ่ายสมัยปีหนึ่งก็มีแบบนี้เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่งานรีบขนาดนี้ ออกจะมีเวลามากแล้วก็ถ่ายไม่ยากด้วย

“กูไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเร่งงานทำไมนัก น่าจะอยากรีบโปรโมทให้เป็นที่รู้จักกว้างๆหรืออยากรีบทำให้เสร็จมั้ง เพราะเดี๋ยวงานก็มีเข้ามาเรื่อยๆอีก แต่ที่แน่ๆ…กูไม่เคยสั่งให้เอาน้ำราดน้องแน่นอน”

“กูรู้ว่ามึงไม่ได้สั่งหรอก”ผมตบไหล่มันเบาๆระหว่างที่เราทั้งคู่เดินออกมาเพื่อไปยังสถานที่ที่โซโล่ถ่ายทำอยู่ เตโชมันเป็นคนจริงจัง เป็นเด็กนิเทศที่มีความสามารถและเป็นที่ยอมรับมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถ่ายภาพหรือการบริหารจัดการก็ตาม และที่งบชมรมเยอะขนาดนี้ก็เพราะมันขยันทำกิจกรรมยิ่งกว่าใคร

“มีอีกอย่างที่กูอยากให้มึงเข้าใจก่อนจะเข้าไปในนั้นนะกีล์…”เตโชพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมหยุดมือที่กำลังจะเปิดประตูแล้วหันไปมองมัน “พวกนั้นอาจจะมีส่วนผิดแต่ก็เป็นพวกมีฝีมือ กูรู้ว่ามึงเป็นคนยังไงก็เลยไม่ห่วง แต่อยากให้มึงเข้าใจการทำงานด้วย เพราะถ้าเด็กมันทำไม่ได้จริงๆเราก็จำเป็นต้องถ่ายใหม่”

“กูเข้าใจ”

เตโชมันต้องการบอกอะไรผมเข้าใจดี ถ้าผมจะพูดอะไรผมก็ว่าแต่ส่วนผิดอยู่แล้ว เรื่องงานผมไม่คิดเข้าไปยุ่งเกี่ยว ถ้าโซโล่ทำได้ไม่ดีเขาก็ต้องพยายามจนกว่าจะได้ และอีกอย่าง…

“เหตุผลหลักที่กูมาที่นี่ก็เพื่อช่วยให้งานมึงสำเร็จ”

ผมยืนพิงขอบประตูดูโซโล่ถ่ายทำอยู่กับเตโช ตอนนี้ด้านในกำลังเตรียมการถ่ายอยู่ ดูแล้วน่าจะเป็นภาพนิ่งก่อน เพราะโซโล่กำลังยืนอยู่หน้ากล้องด้วยใบหน้าเฉื่อยชา ด้านข้างกันมีแยมยืนยิ้มแย้มถือขวดน้ำเอาไว้ในมือ

“ขอโทษนะคะ”

ผมได้ยินเสียงนั้นชัดเจนเพราะมันไม่ใช่ห้องใหญ่นัก แยมกำลังเปิดฝาขวดน้ำ ทำท่าจะราดน้ำลงไปบนหัวคนที่ยืนนิ่ง ผมได้ยินเสียงกรีดร้องเบาๆจากพวกผู้หญิงมุมห้อง

“ผมก็เพิ่งรู้ว่าถ่ายภาพโปรโมทมหา’ลัยต้องให้นายแบบตัวเปียกด้วยนะครับเนี่ย”ผมยิ้มให้ทุกสายตาที่หันมามอง ก่อนจะก้มหัวนิดๆเพื่อทักทาย แล้วเดินเข้าไปด้านใน ต้องขอบคุณเตโชที่ให้ผมทำอะไรด้วยตัวเอง มันบอกว่าคนของผมก็เลยให้ผมจัดการเต็มที่

“กะ…กีล์”แยมดูจะตกใจไม่น้อย เธอถึงกับทำขวดน้ำที่เปิดฝาแล้วหล่นลงพื้น ลำบากคนอื่นต้องเข้ามาเก็บกวาด

“ครับแยม”

“เอ่อ…กีล์มาดูโซโล่เหรอคะ”ท่าทางลนลานของแยมทำให้ผมสงสัยอยู่หน่อยๆว่าทำไมต้องทำเหมือนกลัวความผิดขนาดนั้น

“ใช่ครับ…แล้วทำไมแยมต้องราดน้ำด้วยล่ะ ผมเห็นเมื่อวานก็เปียกไปทีแล้วนี่นา”

“คือ…คือว่า…”

“ก็มันเป็นงานปะพี่”เสียงแข็งๆที่ดังแทรกทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างแปลกใจ ตรงนั้นมีผู้ชายไม่คุ้นหน้าที่น่าจะอยู่ปีสองหรือปีสามยืนทำหน้าตาไม่พอใจอยู่

“ก็รู้ครับว่างาน แล้วจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ”

“จะทำยังไงก็เรื่องของพวกผมปะ พี่แยมไม่รู้เรื่องหรอก เป็นนายแบบก็ต้องทำตามที่ทีมงานสั่งดิ”

ผมส่ายหัวน้อยๆเมื่อหันไปเห็นโซโล่ขมวดคิ้วและทำท่าจะเดินเข้ามาหา ตอนนี้ผมอยากจัดการด้วยตัวเอง

“เอาจริงๆพี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรแยมหรือพวกน้องเลยนะครับ”ผมยิ้มตามมารยาท ก่อนจะหันไปสบตาคู่สนทนา “พี่แค่สงสัยว่าทำไมต้องเอาน้ำราดในเมื่อมันเป็นงานโปรโมทมหา’ลัยที่ต้องใช้ภาพลักษณ์นักศึกษา หรือที่ลนขนาดนี้เพราะทำอะไรผิด…”

“พี่!”

“แล้วอีกอย่างนายแบบไม่ใช่ทาสนะครับ หรือถ้าน้องอยากรู้ว่ามันเป็นยังไงทำไมไม่ลองไปโดนแบบนั้นบ้าง แค่มาทำงานให้แล้วไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่เย็นจนมืดพี่ว่ามันก็ไม่โอเคแล้วนะ แถมยังให้เปียกน้ำนานขนาดนั้น ถ่ายซ้ำแล้วซ้ำอีกมันงานน้องพี่ก็พอเข้าใจว่าโซโล่อาจทำได้ไม่ดี แต่เปียกแล้วเปียกอีกนี่ไม่ดีมั้งครับ หรือน้องว่าดี?”

ผมยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ ไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแต่อย่างใด ก็แค่พูดเหมือนปกติเท่านั้น ไม่ได้สนใจว่าผู้ชายคนนั้นจะทำหน้าแบบไหน หรือใครจะซุบซิบอะไร

“ละ…แล้วพี่จะมาเสือกอะไรนักหนาวะ!”

“ว่าพี่มาเสือกงานน้อง?....”ผมหุบรอยยิ้มลงช้าๆ ก้าวเท้าเข้าไปหาจนหยุดอยู่ตรงหน้าเขา รู้สึกได้ว่าเสียงในห้องเงียบกริบจนได้ยินกระทั่งลมหายใจ แต่นั่นก็ดีเหมือนกัน…

“…”

“แล้วทำไมตอนทำเสือกไม่คิด”

ผมรู้ตั้งแต่เมื่อกลางดึกว่าโซโล่เริ่มป่วยแต่เขาไม่แสดงออก และนั่นมันทำให้ผมหงุดหงิดถึงขีดสุดจนต้องยั้งตัวเองไว้หลายที แน่นอนว่าเพราะผมห่วงเขา

“พี่ค่อนข้างจะเกลียดพวกที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดพอสมควร…”ผมเหลือบตาไปมองแยมที่กำลังตัวสั่นเหมือนจะร้องไห้จนเพื่อนๆผู้หญิงของเธอต้องเข้ามาปลอบ “ในเมื่อต้นเรื่องเขายังไม่พูดอะไร น้องก็ไม่ควรจะเข้ามาปกป้องแบบไม่ดูทิศดูทางแบบนี้นะครับ”

“…”

“และถึงพี่จะไม่ได้มีปัญหากับการที่รุ่นน้องไม่เคารพ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะอยู่เฉยๆให้รุ่นน้องปีนเกลียว…ขอเตือนด้วยความหวังดีอีกอย่าง…”

“…”

“อย่าปากดีครับ”

ผมเลิกสนใจผู้ชายตรงหน้าที่เงียบไป แล้วหันไปหาแยมกับเพื่อนๆของเธอแทน รอยยิ้มที่สร้างขึ้นมาใหม่ประดับอยู่บนใบหน้าแล้วเรียบร้อย

“แยมมีอะไรจะพูดกับผมไหม”

แยมยกมือปิดปากน้ำตาไหล ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“ขะ…ขอโทษนะ..แยม…”

“เราจะพูดแทนแยมเองกีล์”

ผมพยักหน้าให้เพื่อนของแยมด้วยความเข้าใจ ไม่ได้คิดเซ้าซี้อะไรให้แยมเป็นคนพูด เพราะดูพวกเธอจะรู้เรื่องกันหมด

“พวกเราชอบน้องโซโล่มาตั้งแต่แรกแล้ว…พอรู้ว่าน้องจะมาถ่ายงานนี้แล้วเตโชไม่อยู่ด้วย…ก็เลยให้แยมที่อยู่ชมรมนี้เสนอตัวแล้วพวกเราก็เข้ามาดู เราขอโทษนะ เรื่องข้าวพวกเราลืมจริงๆ ส่วนเรื่องที่เอาน้ำราดเป็นความผิดพวกเราเอง…”

“…”

“เรา…แค่รู้สึกว่าโซโล่ดูดีมากก็เลยอยากถ่ายภาพเก็บไว้ ตอนแรกเราให้ราดหัวเพราะมันดูเท่ดี ไปๆมาๆก็เลยเป็นแบบนั้น…พวกเราไม่ได้บอกคนอื่นว่างานเป็นแบบไหน และเพราะแยมเข้าไปฟังงานจากเตโชคนเดียว พวกผู้ชายก็เลยไม่รู้รายละเอียด แค่ถ่ายตามที่แยมสั่งเฉยๆ”

ผมถอนหายใจกับใบหน้ารู้สึกผิดของพวกเธอ รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับความเห็นแก่ตัวเหล่านั้น แต่จะให้มาต่อว่าพวกผู้หญิงมันก็เกินไปหน่อย

“ผมเข้าใจความชอบของพวกคุณ…แต่ทีหลังก็ดูความเหมาะสมหน่อยนะครับ เพราะมันไม่ใช่หลอกแค่โซคนเดียว แต่เป็นคนในชมรมอีกหลายคน ไม่สงสารโซที่ต้องไม่สบายเพราะพวกคุณเหรอครับ”

สุดท้ายเตโชก็เข้ามาไกล่เกลี่ยอีกทีแล้วพาพวกผู้หญิงกับผู้ชายที่พูดจาไม่ดีใส่ผมออกไป คนที่มาดูงานต่อจากนั้นคือรองหัวหน้าชมรมชื่อแมวที่ไม่มาเรียนเมื่อวานนี้ พวกเขาคุยกันว่าจะถ่ายภาพนิ่งกันก่อน ซึ่งดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี

ก่อนถ่ายผมเดินเข้าไปตบไหล่โซโล่เป็นเชิงให้กำลังใจแล้วมานั่งดูอยู่มุมห้อง เขาเองก็ส่งยิ้มกลับมาให้และหันมามองผมแทบทุกครั้งที่มีเวลาจนโดนพวกทีมงานแซวไม่หยุด

“เอาล่ะ ต่อไปเป็นปัญหาของน้องโซโล่สินะ เห็นเต้ที่อยู่ในกองตั้งแต่เมื่อวานบอกมา”

ปัญหาที่แมวพูดคงหมายถึงการถ่ายวีดีโอแนะนำตัว

มันเป็นการถ่ายโดยที่โซโล่จะต้องตอบคำถามจากเสียงถามของแมวซึ่งไม่ออกกล้อง ผมมองแล้วก็หลุดขำออกมาหลายที เพราะนอกจากเจ้าเด็กนี่จะตอบสั้นห้วนแล้วยังทำเสียงเหมือนหุ่นยนต์อีก ที่สำคัญเลยคือเขาไม่คิดจะปิดบังใบหน้าที่แสดงความเหนื่อยหน่ายเลยสักนิด

“แบบนี้คงได้ถ่ายทั้งคืน”แมวบ่น ใบหน้าดูเคร่งเครียดเหมือนไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี ส่วนคนที่ทำให้ชาวบ้านเขาเครียดก็ยกน้ำกินอย่างสบายใจอยู่ข้างๆผม

“ให้ผมช่วยไหม”ผมยิ้มนิดๆเมื่อเห็นสายตาแวววาวของแมวตอนที่ผมเสนอตัว ยังไงนี่ก็เป็นจุดประสงค์หลักที่ผมมาที่นี่อยู่แล้วนี่นะ

สุดท้ายผมก็มานั่งอยู่ข้างกล้อง ในมือคือคำถามที่ต้องถามเดือนมหา’ลัย

“ทำเหมือนคุยกับพี่นะครับ”ผมย้ำอีกครั้ง ซึ่งโซโล่ก็พยักหน้าแต่โดยดี

“3 2 1”

“แนะนำตัวหน่อยครับ”

“โซโล่ ศิวโลคินทร์ ปี1 ดุริยางคศิลป์เอกกีตาร์”

ผมถามคำถามไปเรื่อยๆโดยปรับเปลี่ยนประโยคนิดหน่อยให้เหมือนกำลังคุยกับเขาไม่ใช่การถามตามบท ถึงแม้โซโล่จะตอบสั้นไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าเดิมมาก จนผมได้ยินเสียงถอนหายใจโล่งอกจากทีมงานด้านหลัง

“สุดท้ายนี้บอกอะไรกับคนที่ชมวีดีโออยู่หน่อยครับ”

“ขอบคุณครับ”

ผมมองเดือนมหา’ลัยแล้วยิ้มออกมา เมื่อสายตาตอนที่เขาพูดมันไม่ได้มองไปที่กล้อง…แต่มองมาที่ผม

-----------------------------------------

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 21-12-2016 20:58:49
จ้าาาาา มดขึ้นจอแล้วจ้าาาา :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-12-2016 21:07:08
พี่กีล์คนจริงๆ มาแล้ว
มาช่วยให้สถานะการณ์ดีขึ้นเยอะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 21-12-2016 21:08:58
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-12-2016 21:24:48
รุ่นน้องปากดีพี่กิลล์น่าจะดาร์คใส่เยอะกว่านี้ เอาให้หัวหดลนลานขอโทษแทบไม่ทันยิ่งดี :m16: :m16:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 21-12-2016 21:26:14
พี่กีส์คนจริงง
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 21-12-2016 21:28:59
สายโหดก็มา ชอบโหมดนี้อะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 21-12-2016 21:31:26
จ้าาาาาาาาาาาาาาาา มดกัดดดดดด
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-12-2016 21:39:34
 o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 21-12-2016 21:40:36
กรี๊ดดดดด โคตรเท่ห์ พี่กีล์โคตรเท่ห์เลย :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-12-2016 21:43:05
นางพญาสุดอ่ะ ควีนมากกกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 21-12-2016 21:47:04
พี่กีล์ออกโรงเปิดตัว ปกป้องน้องโซ่โลซะเลย

ชอบทีคู่นี้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ พัฒนาความรักไปเรื่อยๆ

ไม่หวือหวา  แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-12-2016 21:48:59
พี่กีล์เป็นผู้ปกครองงงง  :hao6:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 21-12-2016 21:52:07
พี่กีล์เท่โคดๆ แบบนี้แหละต้องเจอคนจริง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 21-12-2016 22:02:19
หลงรักเทพกีล์   น่าจะจัดหนักให้มากกว่านี้   จบง่ายไปหน่อย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 21-12-2016 22:10:23
นายแน่มากกีล์  o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 21-12-2016 22:11:02
พี่กีล์คนจริงมากค่ะ เท่สุด ๆ  o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 21-12-2016 22:28:51
ตัลล๊าคคคคคค คู่เรียล พี่กี คนจริง 555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: aladinhan ที่ 21-12-2016 23:05:54
ชอบบทพี่กีล์คนโหดมากกกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-12-2016 23:34:54
พี่กีล์ กรี้ดดดดสุดดอะ
ควีนมากก ราชินีมากก ชอบบบอะ
ตามต่อค่าา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 21-12-2016 23:37:35
โกรธแทนโซโล่เลย ดีแล้วที่กีล์มาจัดการ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 22-12-2016 00:19:47
พี่กีล์ สวดยอดดดดดด  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-12-2016 00:54:13
 :L2: :pig4: :-[
กีตาร์เท่ห์มาก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 22-12-2016 01:04:35
อีรุ่นน้องปากหมาๆนี่น่าโดนนะคะพี่กีล์ เอาให้หลาบจำ
กับพวกผู้หญิงโง่ๆด้วย เกลียดอะ เอาน้ำตามาช่วยชีวิต กระแดะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 22-12-2016 01:38:17
พี่กีล์คนจริง
ดีเว่อร์ ห่วงน้องมากกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 22-12-2016 02:43:26
คนจริงทุกอย่าง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 22-12-2016 07:01:12
อิอิ สุดยอดพี่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 22-12-2016 08:49:40
นี่ถ้าไม่อยู่ในที่สาธารณะคงกรี๊ดดังๆไปแล้ว FCพี่กีล์ พี่กีล์คนจริง พี่กีล์มีความแมน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Pandora20 ที่ 22-12-2016 17:23:21
พระเจ้าาาาาาาาาา!!!!! (ขอหยาบ) อ่านเรื่องนี้แม่งงง กูเขินจะตายแล้วโว้ยยยยยย ช่วยด้วยนน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-12-2016 18:09:07
พี่กีล์เท่มากกกกกกกก ขอกรี๊ดๆๆๆๆๆ >\\\\\<
แต่เจ๊แยมอะไรนี่คือยังไง นึกจะถ่ายนายแบบตอนเปียกน้ำไปเล่นก้อทำได้เลยหนอ ไม่ต้องขอน้องเลยใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 22-12-2016 19:06:48
กีล์โอป้าาาาาา อร้ายๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: sutos ที่ 22-12-2016 19:32:40
โอ๊ยยชอบบ รุ่นพี่กีล์คนจริงง งื้อออ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-12-2016 20:05:16
พี่กีล์คนจริง  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 22-12-2016 21:42:18
พี่กีล์ ♡♡♡♡♡ หลงรักเลย เท่มากแมนมาก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 22-12-2016 22:21:33
 o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-12-2016 00:20:40
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CIndY59 ที่ 23-12-2016 16:30:16
พี่กีล์คนแมนนนนนนน
โอ๊ยยยยย...ไม่ให้หลงยังไงไหววว น้องโซก็น่ารักหมาน้อยของเค้าาา แต่เจ้าของดุ อิอิ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 23-12-2016 17:02:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: fahtallll ที่ 23-12-2016 18:01:12
ละมุมละม่อม  :katai5: :katai5: :katai5:
ชอบมากเลยค่ะ เนื้อเรื่องน่ารักมากเลย มาอัพบ่อยๆนะคะ
รอๆๆๆๆ   :mew3: :-[ :-[ :L1:
ปล.เพิ่งได้สมัครและมาแสดงความคิดเห็นแบบนี้ครั้งแรก ตื่นเต้นแปลกๆ 555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 23-12-2016 22:40:19
หวานจ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER8 P.5 [21/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 26-12-2016 23:06:20
-9-

 

เห็นท่าทางของโซโล่ตอนนี้แล้วผมก็รู้สึกอยากจะเดินกลับไปต่อว่าพวกนั้นอีกสักหน่อย

โซโล่ไม่สบายและกำลังจะไม่ไหว ถึงใบหน้าจะนิ่งขณะที่เราเดินออกมาจากชมรมหลังถ่ายงานเสร็จ แต่ผมสังเกตว่าเขาหายใจหนักกว่าปกติแล้วก็เริ่มเดินช้าลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมพูดออกมาสักที ดีที่การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดีและใช้เวลาไม่มากนักมันเลยยังไม่ดึกมาก

ผมดึงแขนอีกคนให้นั่งลงที่โต๊ะหินหน้าตึกดุริยางค์ที่กำลังจะเดินผ่าน เพราะรู้สึกเหมือนเขาเริ่มเดินเอียงๆและขมวดคิ้วน้อยๆ โซโล่จอดรถไว้ที่ลานจอดรถข้างตึก ถือว่าไม่ไกลมากถ้าเทียบกับระยะทางที่เราเดินผ่านมา แต่ผมก็กลัวว่าเขาจะล้มลงไปก่อนที่เราจะเดินไปถึงอยู่ดี

มานึกเสียใจที่ขับรถไม่เป็นเอาก็ตอนนี้

“เป็นไงบ้าง”ผมยกมือแตะหน้าผากคนป่วยแล้วก็พบว่ามันร้อนผ่าว มองซ้ายมองขวาแล้วก็เจอคนผ่านไปผ่านมาไม่มากเท่าไหร่ สงสัยจะกลับบ้านกันไปหมดแล้ว

“กีตาร์…”โซโล่ยกมือจับแขนเสื้อผมไว้แล้วสะบัดหัวเหมือนต้องการเรียกสติ ผมรีบจับหัวเขาไว้ทันทีเพราะมันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง กลับกันมันจะทำให้ปวดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“ทนได้ไหมครับ กลับห้องแล้วพี่จะหายาให้”ผมจับมือร้อนๆของเขาไว้แล้วบีบเบาๆ นึกตำหนิตัวเองที่ยอมให้เขามาทำงานทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาป่วย หรืออย่างน้อยก็น่าจะบอกให้ลดอุณหภูมิแอร์ในสตูก็ยังดี ไม่น่าโมโหจนลืมเรื่องสุขภาพเลย

“ไอ้โซ!”

ผมหันไปมองตามเสียงอย่างแปลกใจ แล้วก็พบว่าเจ้าของเสียงเรียกกำลังเดินตรงมาทางพวกเรา เขาเป็นเด็กคนเดียวกับที่ยืนร้องเพลงให้โซโล่อยู่ข้างหลังผม แล้วก็เป็นนักร้องบนเวทีในวันนั้นด้วย

“พี่กีล์ดีครับ”น้องยกมือทักทายแล้วส่งยิ้มให้ผม “ผมเก้าเป็นเพื่อนมัน…แล้วนี่มันเป็นไรอะพี่”

เก้านั่งลงข้างโซโล่แล้วใช้นิ้วจิ้มหัวเพื่อนย้ำๆเหมือนจะแกล้ง ส่วนคนโดนแกล้งนี่ก็ทำหน้าตึงแล้วปัดมือเพื่อนออก ท่าทางเหมือนเด็กเล่นกันไม่มีผิด

“โซไม่สบายครับ ไม่รู้จะขับรถกลับไหวไหม พี่ก็ขับไม่เป็นด้วย”ผมก้มลงมองคนที่ทิ้งหัวพิงท้องของผมไว้อย่างเป็นกังวล

คงจะทรงตัวไม่อยู่แล้วแน่ๆถึงได้ทิ้งน้ำหนักมาขนาดนี้

“หึหึ อ้อนเป็นหมาเลยนะมึง…”เก้าว่าพลางเบะปาก ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มเพราะคิดไม่ต่างกันเท่าไหร่ “พี่ไม่ต้องห่วงมันหรอก ผมจะไปกินข้าวกับไอ้เจไดพอดี เดี๋ยวให้มันขับให้”

“ขอบคุณมากครับ…แล้วนี่เรากับเพื่อนอยู่ทำอะไรกัน ป่านนี้แล้วยังไม่กลับบ้านอีก”

“ผมซ้อมดนตรี ส่วนเจไดมันเรียนแพทย์ก็งี้แหละ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ไม่ค่อยรู้จักพวกแพทย์เท่าไหร่ แต่ก็พอเดาได้ว่าต้องเรียนหนักขนาดไหน

“ซ้อมกันหนักเลยนะครับ”

 “ช่วงนี้งานเข้าเยอะอะดิพี่…แต่ละคณะเล่นเรียกตัวไปเล่นปิดกิจกรรมรับน้องกันรัวๆ คณะต่อไปก็ต้องไปทะเลด้วย”เก้าว่าแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะหินอย่างเหนื่อยอ่อน “นี่โซโล่มันก็ต้องขึ้นเวทีครั้งแรกที่ทะเลเหมือนกันนะ”

จำได้ว่าอาทิตย์ก่อนโซโล่เคยบอกว่าต้องไปเล่นดนตรีที่ทะเลอยู่เหมือนกัน แต่เขาไม่ได้บอกว่าไปวันไหน

“แล้วพี่ไปปะ”

“ไปไหนครับ?”ผมมองเก้าอย่างงงๆ ซึ่งน้องก็มองกลับมาอย่างงงๆไม่แพ้กัน

“ก็คณะที่ให้พวกผมไปเล่นที่ทะเลมันคณะวิศวะของพี่ไม่ใช่เหรอ”

ผมขมวดคิ้ว พยายามนึกถึงเรื่องรับน้องที่ทะเล สุดท้ายก็เหมือนจะจำได้ลางๆว่าเพื่อนเคยพูดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ตอนนั้นผมไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่

“พี่ไม่ค่อยได้เข้ากิจกรรมน่ะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหม”

“แต่ผมว่าพี่ต้องไปแน่ๆ”เก้าฉีกยิ้มแล้วมองไปยังคนที่ซุกหน้าอยู่กับท้องผม ผมมองตามแล้วก็ต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง เมื่อหมาขี้อ้อนเงยหน้ามองผมโดยที่คางยังวางไว้บนหน้าท้องผมเหมือนเดิม ตานี่เป็นประกาบวิบวับสุดๆ ทิ้งมาดคนป่วยไปชั่วขณะเลยทีเดียว

“แล้วนี่เมื่อเช้าโซมีอาการอะไรไหมครับ”ผมแกล้งเมินหน้าอ้อนๆแล้วหันไปถามเก้าแทน

“ก็ฟุบหลับทั้งวันแหละพี่…แล้ววันนี้มันไม่ยอมกินข้าวกลางวันด้วย เพราะต้องทำงานมหา’ลัยเวลาซ้อมเลยน้อย มันเลยแอบซ้อมคนเดียวไม่ยอมไปกินข้าวอยู่บ่อยๆ พี่จัดการมันแทนผมทีนะ”เก้าได้ทียิ้มเยาะเพื่อนตัวเอง ส่วนคนที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วก็เอียงหน้าไปมองเพื่อนแล้วขมวดคิ้วโดยไม่พูดอะไร

“โซ…”

“เฮ้ยมึง!”

ผมหยุดคำพูดไว้แล้วหันไปมองต้นเสียง ผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้ พอเข้ามาใกล้ขึ้นแล้วถึงได้เห็นว่าเขาก็คือรองเดือนมหา’ลัยปีนี้ ที่แท้ก็เป็นเพื่อนกันนี่เอง… เจไดทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ข้างโซโล่แล้วหอบอย่างหนัก ท่าทางเหนื่อยสุดๆเหมือนกับเพิ่งวิ่งหนีอะไรสักอย่างมา

“พี่กีล์ดีครับ”

“สวัสดีครับ”

“ทำไรมาวะมึง”เก้าถามคำถามเดียวกันกับที่ผมกำลังสงสัยแล้วส่งน้ำให้เพื่อน

“กูวิ่งหนีรุ่นพี่มาอะดิ พี่แกจะให้กูเป็นแบบวาดภาพให้ให้ได้…เหนื่อยโคตร”เจไดกระดกน้ำก่อนจะพูดต่อ “นี่ตื๊อกูมาสามวันละ จะไม่ว่าสักคำถ้าไม่บอกให้กูเปลือยเนี่ย มึงคิดดูนะ กูเดินออกมาจากตึกจะไปที่รถ พี่แกยืนดักรอกูอยู่ตรงที่มืดๆ โคตรหลอน นี่กว่าจะสลัดหลุดได้…”

“เออดีละ…มึงไปส่งไอ้โซหน่อย ไม่สบายหลับตายไปละมั้ง”เก้าทำหน้าเนือยแล้วพยักพเยิดให้ดูเพื่อนตัวเองที่ยังซุกหัวอยู่ที่ท้องผม

“หือ…”เจไดที่น่าจะเริ่มหายเหนื่อยแล้วเหลือบมองเพื่อนแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะขยับสายตามามองผม “ดีเหมือนกันกูจะได้มีรถขับกลับ…แล้วก็ได้ดูอะไรสนุกๆด้วย”

ผมมองเด็กสองคนยิ้มให้กันอย่างมีความหมายแล้วก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆแปลกๆ แต่ก็ทำได้เพียงส่งยิ้มขอบคุณไปให้

เจไดเข้ามาช่วยผมพยุงโซโล่กลับไปที่รถโดยมีเก้าเดินนำหน้าอย่างสบายใจ ผมต้องนั่งด้านหลังกับโซโล่ไปตามระเบียบ เพราะสองเพื่อนซี้เข้าไปจองที่นั่งด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ได้ที่นั่งและปิดประตูแล้วโซโล่ก็เอนหัวมาพิงไหล่ผมแทบจะทันที ส่วนผมก็ได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อเห็นสายตาล้อเลียนจากเพื่อนเขาที่นั่งยิ้มอยู่ด้านหน้า

เราขึ้นมาถึงห้องได้โดยการช่วยเหลือจากเจไดเหมือนเดิม โซโล่ถูกทิ้งไว้หน้าโซฟา ส่วนเพื่อนทั้งคู่ที่บอกว่าจะมาส่งเฉยๆก็นั่งเล่นเกมส์กันอยู่ไม่ไกล พอผมถามพวกเขาก็บอกว่า…

‘มันชอบอวดว่าพี่ทำอาหารอร่อย งั้นขอฝากท้องหน่อยนะครับ’

ผมเลยบอกให้ทั้งคู่ช่วยพาโซโล่เข้าไปนอนในห้อง ตัวเองจะไปจัดการเรื่องอาหารให้ แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าแทน

‘มันไม่ให้ใครเข้าพื้นที่ส่วนตัวของมันหรอกนอกจากพี่’

แม้แต่เพื่อนก็ไม่ให้เข้า…แล้วการที่ผมเข้าออกได้เหมือนเป็นห้องตัวเองนี่มัน…

คิดแล้วหน้าก็ร้อนวูบจนต้องหลบสายตาล้อเลียนของเด็กแสบสองคนโดยการหนีไปทำอาหารแทน

เพราะไม่เหลือข้าวในตู้เย็นแล้วผมเลยต้องจัดการหุงใหม่ หลังจากตั้งเตาทำน้ำแกงทิ้งไว้แล้วก็เดินมาหาคนป่วยที่นอนอยู่ที่โซฟา

“โซครับ”ผมนั่งลงบนโซฟาข้างโซโล่แล้วส่งเสียงเรียก คนที่เอาผ้าห่มคลุมหัวจนมิดค่อยๆโผล่หน้าออกมามองผมตาปรือ

“กีตาร์…”ได้ยินเสียงอ่อยๆน่าสงสารแล้วผมก็รีบจับมือที่ยื่นมาหาไว้

“เข้าไปนอนในห้องนะครับ เดี๋ยวอาหารเสร็จพี่ยกไปให้”

“ไม่เอา”

“ทำไมดื้อ”

“ไม่อยากให้อยู่กับพวกมัน”โซโล่หันไปมองเพื่อนที่นั่งหันหลังให้แล้วพูดออกมาหน้าตาเฉย

“ได้ยินนะมึง!ใช่สิ…อยากอยู่กับพี่เขาสองคน พวกกูมันส่วนเกินนี่”เก้าทำปากยื่นแล้วทำเป็นแสร้งร้องไห้กับเจได

“งี้แหละมึง พอเข้าใกล้พี่เขาได้แล้วเพื่อนอย่างเราก็หมดความหมาย”

“รู้ตัวก็กลับไปซะที”โซโล่ตอกกลับแทบจะทันที

“เสียใจ พวกกูจะกินข้าวฝีมือพี่กีล์ก่อน”ว่าจบเก้ากับเจไดก็หันไปสนใจเกมส์ต่อ ไม่สนใจคนป่วยที่กำลังทำหน้าบึ้งตึงอีก

ผมยกมือที่ว่างบีบจมูกโด่งของคนป่วยเบาๆ แล้วยิ้มกลบเกลื่อนความเขินจากสิ่งที่เขาพูด รู้สึกเหมือนเจ้าหมานี่จะเริ่มพูดตรงเป็นไม้บรรทัดมากขึ้นทุกวัน แล้วก็แสดงออกมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมกลับไม่ได้หนักใจกับมันแม้แต่น้อย กลายเป็นเขินตามไปเสียอีก

“นอนรอก่อนนะ พี่ไปจัดการกับข้าวก่อน”

ผมค่อยๆดึงมือออกจากมือคนป่วยที่ดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ สุดท้ายก็กลายเป็นหมาตัวโตลุกตามแรงจูงมือของผมมาด้วย ไล่กลับไปนอนเท่าไหร่ก็ไม่ยอม จนกลายเป็นมานั่งขดตัวอยู่ที่โต๊ะกินข้าวใกล้ๆผมแทน โดยไม่ลืมลากเอาผ้าห่มมาคลุมตัวจนมิดด้วย

ผมเร่งมือทำกับข้าวง่ายๆแล้วตั้งโต๊ะไว้ ก่อนจะหันไปเรียกเด็กสองคนที่เล่นเกมส์อยู่ ซึ่งพวกนั้นก็กระโจนมาหาแทบจะทันที ส่วนของโซโล่ที่เป็นข้าวต้มหมูผมก็บริการตักมาให้เขาแล้วนั่งลงข้างๆ

“กีตาร์…”

ผมมองหมาตัวโตที่ซุกตัวใต้ผ้าห่มโผล่หน้าออกมาอ้อนแล้วก็ได้แต่ยิ้ม มือหยิบชามของเขามาตักป้อนให้โดยไม่พูดอะไร

“เพื่อนกูเป็นง่อยว่ะ”

โซโล่ลอยหน้าลอยตาจ้องหน้าผมแล้วรอกินข้าวอย่างเดียว ไม่หันไปสนใจคำนินทาระยะเผาขนของเพื่อนแม้แต่น้อย กลายเป็นผมที่ต้องนั่งเกร็งแทน

เขินมันก็เขินล่ะนะ แต่ก็ห่วงมากกว่า เพราะดูแล้วถ้าไม่ป้อนก็คงไม่ยอมกินแน่ๆ

ผมสลับป้อนข้าวโซโล่แล้วก็กินของตัวเองไปด้วย จนผมกินหมดแล้วอีกคนก็ยังกินไม่ถึงครึ่ง คงเพราะไม่สบายเลยทานไม่ค่อยลง

“อิ่มแล้ว…”โซโล่ซุกหน้าลงกับผ้าห่ม

“ทานอีกนิดนะครับ ยังไม่ถึงครึ่งเลย”ผมตักข้าวไปจ่อตรงหน้าอีกคนที่เอาแต่ส่ายหัว

“ไม่เอา”

“โซ…”ผมเรียกเสียงอ่อน โซโล่เงยหน้าจากผ้าห่มมามองแต่ก็ยังไม่ยอมกินต่อ “นะครับ”

โซโล่กระพริบตาปริบๆ เบ้ปากหน่อยๆ แต่ก็ยอมกินต่ออีกสองสามคำ ผมส่งชามให้เจไดที่อาสาล้างจานตอบแทนแล้วหันมาเตรียมยาให้คนป่วย

“พี่กีล์ งั้นพวกผมกลับก่อนนะ อาหารอร่อยมาก เอาไว้ผมจะมาฝากท้องอีก”เก้าลูบพุงตัวเองเบาๆแล้วยิ้มอารมณ์ดี ผมเลยยิ้มกลับไปให้น้องแล้วพยักหน้า

“โซโล่ กูยืมรถมึงนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอามาคืน”เจไดทำท่าจะเดินเข้ามาหยิบกุญแจรถที่อยู่ข้างโซโล่ แต่แล้วก็หยุดเดินแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่นี่ก็ดึกแล้วว่ะ พวกกูนอนนี่ก็ได้นะ พรุ่งนี้กูค่อยกลับไปเอารถที่มหา…”

“โซ!”ผมหันไปดุคนป่วยที่ยื่นแขนออกมาคว้ากุญแจรถแล้วปาใส่หน้าเพื่อน ยังดีที่เจไดรับได้เลยไม่มีใครเจ็บตัว

“จัดการมันให้ผมด้วยนะพี่”เจไดหัวเราะอารมณ์ดี โบกมือลาอีกทีก่อนจะเดินออกไปพร้อมเก้า

“ทำแบบนี้ไม่ดีนะครับ ถ้าเจไดรับไม่ได้จะทำยังไง”ผมหันมาดุคนที่ขดตัวกลมกับผ้าห่มไม่ยอมลุกอีกครั้ง

“กีตาร์…”โซโล่เรียกเสียงอ่อย ปล่อยผ้าห่มออกจากตัวแล้วยื่นแขนสองข้างมากอดเอวผมที่ยืนอยู่

เจ้าหมานี่…

“ไปนอนนะครับ เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้”สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนจนต้องพูดเสียงอ่อนใส่จนได้

โซโล่เดินตามผมมาแล้วปีนขึ้นเตียงอย่างว่าง่าย หลังจากถอดเสื้อผ้าอีกคนแล้วเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้แล้วผมก็รีบใส่เสื้อผ้าให้เขาอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เพราะห่วงคนป่วยหรอก…

จะให้บอกยังไงว่าเขินอยู่เหมือนกันตอนที่เช็ดตัวให้เขา ดีที่เหมือนโซโล่จะหมดแรงไปแล้วเลยไม่เห็นหน้าผมที่ต้องพยายามฝืนให้นิ่งอยู่ตั้งนาน

ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันมันก็คงไม่อะไร แต่นี่มันคนที่พิเศษกว่าคนอื่น…

“กีตาร์…”

ผมลูบหัวคนที่ปรือตามองแล้วยิ้มให้

“ครับ”

“อยากกินนม…”

หลังจากไปเอานมอุ่นมาให้คนป่วยดื่มจนหมดแล้วผมก็เข้าไปอาบน้ำ เพราะดูท่าแล้วเขาคงไม่มีทางปล่อยให้ผมกลับหอตอนนี้แน่ๆ เข้ามาในห้องอีกทีโซโล่ก็หลับตาไปแล้ว แถมยังขยับไปนอนหมอนอีกใบเรียบร้อยเหลือที่ประจำไว้ให้ผมด้วย

ผมเดินไปนั่งพิงหัวเตียงแล้วหันไปสำรวจใบหน้าคนป่วยเงียบๆ มือก็แตะแก้มที่ซีดเซียวเพราะพิษไข้ของเขาด้วยความเป็นห่วง ดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเลยมีเวลาพักผ่อนได้เต็มที่ ถ้าเป็นวันธรรมดาเขาคงไม่ยอมหยุดเรียนแน่

โซโล่ขยับตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิมแล้วใช้แขนกอดเอวผมไว้ทั้งที่ยังหลับตาอยู่

“ยังไม่หลับเหรอครับ”ผมลูบหัวคนที่วันนี้แลดูจะขี้อ้อนเป็นพิเศษแล้วยิ้มบางๆ

“อือ…”เสียงครางอืออาตอบรับแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตา

จะว่าไป…

“ยังไม่ได้คุยกันเรื่องที่เราไม่สบายแล้วยังฝืนตัวเองไม่ยอมกินข้าวกินยาเลยนะครับ”ผมพูดดุๆเมื่อนึกถึงเรื่องที่เก้าฟ้อง

“ไว้คุยพรุ่งนี้นะ…”

ได้ยินเสียงอ้อนๆพร้อมกับแรงกอดรัดที่แน่นขึ้นแล้วก็ใจอ่อนจนได้

“ครับ พรุ่งนี้ก็ได้…พี่ไปปิดไฟก่อนนะ”ผมบอกแล้วขยับกายลุกไปปิดไฟ เมื่อโซโล่ยอมปล่อยแขนแล้วถอยไปนอนที่เดิม

หลังจากปิดไฟและเดินกลับมาที่เตียง ผมก็ล้มตัวลงนอนที่ประจำก่อนจะหลับตาลง พยายามอย่างหนักที่จะข่มเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองเอาไว้ มันแรงและดังมากเสียจนผมกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน ไม่ใช่ว่าครั้งก่อนมันไม่ได้เต้นแรงแบบนี้ แค่ครั้งนี้มันแรงเป็นพิเศษ แล้วก็คงต้องโทษตัวต้นเหตุ…

ที่ขยับเข้ามากอดผมไว้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆที่ต้นคอ

“ไม่กลัวพี่ติดหวัดเหรอครับ”ผมถามขำๆไม่ได้จริงจังนัก ใช้มือข้างหนึ่งวางทับไว้บนแขนของคนที่กอดเอวผมอยู่

“ไม่เป็นไร…”

“…”

“ถ้าไม่สบายผมจะดูแลเอง”

-----------------------------
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 26-12-2016 23:22:23
ฮื่อ...พี่กีล์ของเรา โดยเสน่ห์หมาตัวโตทำพิษแล้ว อ๊ากกก....กรีดร้องน่ารักแรง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 26-12-2016 23:43:07
ฮัสกี้ขี้อ้อนมากกกกกก (กรุณาลากเสียง ก.ไก่ ล้านตัว)
พี่กีล์ก็เขินไปดิ มาดเคะราชินีจากตอนที่แล้วไม่เหลือหลอ 555
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 26-12-2016 23:47:15
โอ้ยยยยยใจจะวาย
อ้อนขนาดนี้ ใครจะทนฮื่อออออ :katai1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 26-12-2016 23:50:19
ขี้อ้อนจริงๆ   บรรบากาศมุ้งมิ้งชวนจิกหมอน :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-12-2016 23:57:52
หมาขี้อ้อนน่ารักอ่ะ 55555 พี่กีล์ก็แสนดี๊แสนดี
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 27-12-2016 00:16:16
เจ้าหมาเอ้ยยยมันน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-12-2016 00:40:22
เจ้าหมาน้อย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 27-12-2016 01:01:54
ฮืออออ เราเขินแทนT////////T
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 27-12-2016 02:20:45
หวานมากกกกกกก คนอ่านจะเบาหวานขึ้นแล้ววว
หมาน้อยอ้อนมาก พี่กีล์ก็ชอบให้อ้อน เอาเข้าไปค่ะ ดีต่อใจจริงๆ 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-12-2016 02:26:07
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 27-12-2016 02:59:49
โอ้ยยย ฮัสกีพอไม่สบายแล้วยิ่งขี้อ้อนกว่าเดิมอีก หลงเลยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 27-12-2016 08:08:07
 :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 27-12-2016 08:30:04
เจ้าหมาขี้อ้อนนนนน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-12-2016 09:36:34
น่ารักน่าฟักมากกกกกกกกก :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 27-12-2016 10:44:28
อยากได้มั้ง 55555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 27-12-2016 11:24:16
อ้อนมากกกก แค่นี้พี่กีล์ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 27-12-2016 17:12:09
จิกหมอนนนนนนนนน ฟินหนักมากกกกกกกกก
อิจฉาหนักมากด้วย >\\\\\\\\\<
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 27-12-2016 19:18:04
ขี้อ้อนมากกหมาน้อยโซ

 :katai5: :katai5:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 27-12-2016 19:40:33
ถ้าโซโล่จะอ้อนนนนนนขนาดนี้นะ
พี่กีล์จะไปไหนรอดดด
หมาน้อยขี้อ้อน แถมเจ้าของก้ชอบให้อ้อนอีกนี่สิ
น่ารักเกิ้นนนน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 27-12-2016 20:00:14
อ๊าย~ น่ารักจัง
 :hao6: :hao6:
ให้บรรยากาศดีมากเลยค่ะ เหมาะกับหน้าหนาวแบบนี้ด้วยการเพิ่มความอบอุ่นให้หัวใจค่ะ ว้าย~
ดูแลสุขภาพด้วยนะคะคนเขียน
จะว่าไปปีนี้จะมีหน้าหนาวกี่วันคะเนี่ย

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER9 P.6 [26/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 28-12-2016 10:14:27
หมายเหตุ : เหตุการณ์นี้สัมพันธ์กับเนื้อเรื่องหลัก เล่าย้อนตั้งแต่โซโล่เจอพี่กีล์ครั้งแรก


[Solo] Special Part 1


“ให้ลูกได้เรียนในสิ่งที่เขาต้องการนะคะ”

นั่นคือคำขอสุดท้ายของแม่ก่อนที่ท่านจะจากไป โซโล่ ศิวโลคินทร์เกิดมาในตระกูลร่ำรวยมีชื่อเสียง บ้านของเขาเป็นเจ้าของกิจการเกี่ยวกับโรงแรมและที่พักหลายแห่งในต่างประเทศซึ่งกำลังจะขยายฐานธุรกิจเข้ามาในประเทศไทย ทันทีที่เรียนจบไฮสคูลเขาก็เลือกที่จะเดินทางกลับมาบ้านเกิดของแม่เพื่อศึกษาต่อในมหา’ลัยเหมือนที่แม่เคยเรียน โดยที่พ่อของเขายังอยู่ต่างประเทศเพื่อดูแลกิจการ ไม่ได้เดินทางกลับมาด้วย

เขาตัดสินใจเรียนต่อด้านดนตรี พื้นฐานการเล่นกีตาร์ทั้งหมดก็ได้แม่สอนให้ตั้งแต่เด็ก และเพราะเห็นแก่คำสั่งเสียของแม่ พ่อถึงยอมให้เขาเรียนสายการเรียนนี้ แต่สุดท้ายไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับไปสานต่อกิจการของบ้านอยู่ดี

โซโล่ถูกคาดหวังเพราะเป็นลูกคนเดียว…เป็นทายาทคนเดียวของศิวโลคินทร์

เขาไม่เคยมีความสุขอีกเลยตั้งแต่แม่จากไปเมื่อสี่ปีก่อน เขาไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะเหมือนตอนที่อยู่กับแม่ พ่อเองก็ไม่ได้สนใจ เอาแต่ทำงานทั้งวัน แม้แต่ตอนที่แม่จากไปก็ยังทำงานไม่หยุด เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมพ่อถึงไม่อยู่กับเขา แต่ก็ไม่เคยต้องการหาคำตอบเพราะมีแม่อยู่ข้างๆมาตลอด

ตอนที่แม่จากไปเขายืนอยู่หน้าหลุมศพของแม่ ถือดอกกุหลาบสีขาวที่แม่ชอบไว้ในมือ ไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว ไม่ได้รู้สึกเศร้าจนอยากร้องไห้ มันแค่ว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก จวบจนพ่อหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรเขาก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นมองหลุมศพของแม่เงียบๆ

เขาไม่เคยนอนหลับสนิทอีกเลย ทุกๆคืนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก มันไม่ใช่ฝันร้าย แค่อยู่ๆก็ตื่นขึ้นมาเอง

แม่จากไปและเอารอยยิ้มกับความสุขของเขาไปด้วย…

หลังจากรายงานตัวเข้าเรียนมหา’ลัยแล้วเขาก็โดนรุ่นพี่กักตัวไว้กับเพื่อนอีกคนที่แนะนำตัวว่าชื่อเก้าอยู่เอกวอยซ์ ระหว่างที่กำลังนั่งรอก็วูบไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับหลับ รู้สึกเหมือนได้ยินรุ่นพี่พูดอะไรสักอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่องหรือไม่ได้ใส่ใจฟังก็ไม่รู้ จวบจนเก้ายื่นมือมาสะกิดนั่นล่ะถึงได้รู้สึกตัวเต็มที่

“พี่เขาถามมึงอะ”

เขาเงยหน้าแล้วหรี่ตามองรุ่นพี่

“โซโล่โอเคนะ”

“อือ”พยักหน้าไปเป็นสัญญาณว่าโอเคสบายดี แต่กลายเป็นอีกฝ่ายยิ้มกว้าง

“กูไม่คิดว่ามึงจะตกลงนะเนี่ย”เก้าทำหน้าแหยงๆแล้วหัวเราะ

“ตกลง?”

“อ่าว…ก็เขาบอกให้มึงเป็นเดือนแล้วมึงก็โอเคไง”

บอกตอนไหน…

แต่รับปากไปแล้วก็คงทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่ได้ว่าอะไร รุ่นพี่แค่นัดมาซ้อมการแสดงนั่นนี่ซึ่งเขาก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง รู้แค่ว่าต้องมาซ้อมทุกวันจนกว่าจะถึงการประกวด ถ้าได้เป็นเดือนคณะก็ต้องซ้อมประกวดเดือนมหา’ลัยต่อ

“ดีละ…กูจะได้มีเพื่อน นี่กูก็ต้องมาซ้อมร้องเพลงขึ้นเวทีเหมือนกัน”

เขาพยักหน้าให้เก้า ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าทำไมต้องดีใจในเมื่ออยู่คนละส่วน จะเจอกันก็ไม่ได้

“ทำหน้าสงสัยไรมึง กูหมายถึงกูจะได้มีเพื่อนกินข้าว”

อ่อ…

หลังจากแยกย้ายไปคนละทาง เขาก็เดินกลับไปที่รถซึ่งจอดไว้หน้าร้านกาแฟ เหตุผลที่ไม่เอามาจอดที่คณะก็เพราะวันนี้คนเยอะกว่าปกติ พอเห็นที่ว่างก็รีบจอดแบบไม่คิดอะไร ยังไงก็เดินเอาได้อยู่แล้ว

“พี่กีล์สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ”

มือที่กำลังจะเปิดประตูรถชะงักก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงนุ่มอ่อนโยนน่าดึงดูดอย่างอดไม่ได้

ผู้ชายใส่ผ้ากันเปื้อนที่กำลังทำท่าจะเช็ดกระจกหันมายิ้มให้ผู้หญิงสองคนที่อยู่ห่างจากเขาไม่มากนัก และวินาทีที่กำลังจะหันกลับไปคนๆนั้นก็เบนสายตามาสบกับเขาเข้าอย่างจัง เจ้าของชื่อกีล์ทำหน้างงวูบเดียวแล้วก็ขยับยิ้มอ่อนโยนก่อนจะเดินเข้าร้านไป

ทำไม…ถึงยิ้มแบบนั้น

สายตามองตามเข้าไปในร้านกาแฟ เห็นคนๆนั้นยิ้มให้กับลูกค้าทุกคน แม้แต่ตอนที่ทำกาแฟหรือเช็ดโต๊ะก็ยังมีรอยยิ้มน้อยๆจุดอยู่ที่มุมปาก

ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่แต่วันต่อมาก็มาจอดรถที่เดิม ซ้อมเสร็จแล้วก็เดินมาขึ้นรถแล้วมองเข้าไปในร้าน ดูผู้ชายที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนคนนั้นไปเรื่อยๆ จากวันเดียวที่บังเอิญได้เจอกลายเป็นมาแอบดูทุกวันติดต่อกันเป็นอาทิตย์

สองอาทิตย์ต่อมาเขาได้ตำแหน่งเดือนคณะมาแบบงงๆทั้งที่เล่นกีตาร์เพลงง่ายๆแถมไม่ได้ร้องเพลงด้วย

หลังจากนั้นก็โดนเรียกซ้อมที่หอประชุมใหญ่ทุกวัน แล้วก็ต้องแยกซ้อมการแสดงแยกของคณะด้วย เหนื่อยก็เหนื่อย ง่วงก็ง่วง แต่ที่แย่ที่สุดคือจะไม่ได้ไปแอบมองคนๆนั้นแล้ว

ตอนนั้นไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แค่รู้สึกติดใจรอยยิ้มนั่นและอยากเห็นมันทุกวัน

สุดท้ายวันนี้ก็เลิกดึก…เลยเวลาร้านปิดมาห้านาทีแล้ว รู้สึกเซ็งหน่อยๆที่จะไม่ได้เจอคนที่อยากเจอ แต่แล้วใจที่ห่อเหี่ยวก็เต้นแรงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไฟร้านยังเปิดอยู่ คนๆนั้นกำลังยืนเช็ดโต๊ะ ไม่ได้กลับไปแล้วแบบที่คิด แค่เห็นข้างหลังก็ยังจำได้ รู้สึกตัวอีกทีก็เข้ามายืนอยู่ในร้านเสียแล้ว

“ยินดีต้อนรับครับ”

รอยยิ้มอ่อนโยนที่ได้รับเป็นครั้งที่สองทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาเบาบางลงอย่างน่าประหลาด

“ทานกาแฟตอนนี้ไม่ดีนะครับ”

ไม่รู้ว่าเพราะห่วงหรือเปล่า แต่คำพูดนั้นกลับทำให้รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็น

ดี…จนเผลอมองใบหน้านั้นนิ่งๆเป็นเวลานาน

“…งั้นผมควรจะทานอะไร”

รอยยิ้มอ่อนโยนหยิบยื่นมาให้อีกครั้ง ก่อนแก้วเครื่องดื่มสีขาวจะถูกวางลงตรงหน้า

“…นมอุ่นจะช่วยให้หลับสบาย”

ไม่รู้ว่าเพราะเชื่อคำพูดนั้น หรือเพราะรอยยิ้มอ่อนโยนที่ไม่เคยจางหายไปจากใบหน้า ถึงได้ทำให้เขายอมหยิบนมขึ้นมากินอย่างว่าง่าย

แล้วคืนนั้นก็หลับสนิทจริงๆเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

 

“เดี๋ยวพี่จะส่งกระดาษให้เขียนชื่อเครื่องดื่มกับเค้กที่อยากกินที่ร้าน K ถึงเวลาพักแล้วจะไปสั่งมาให้”

ร้าน K คือร้านของคนๆนั้น…

มือเขียนรายการอาหารคุ้นเคยลงไปอย่างรวดเร็วเป็นคนสุดท้าย

นมอุ่น+เครปเค้ก

หลังจากนั้นก็ซ้อมเดินไปเดินมาหลายรอบจนเหนื่อย จริงๆก็ไม่เข้าใจนักว่าแค่เดินทำไมต้องยุ่งยากนักหนา แต่ในเมื่อรับปากมาแล้วก็ต้องทำ ขัดไปคงมีปัญหาน่ารำคาญตามมาแน่ๆ

“อ๊ะ!พี่กีล์ สวัสดีค่ะ”

เสียงของรุ่นพี่สักคนดังขึ้น สายตาที่ตอนแรกไม่จับจ้องสิ่งใดหันไปมองเจ้าของชื่อคุ้นเคยแทบจะทันที สิ่งแรกที่รู้สึกคือรอยยิ้มนั้นยังคงอ่อนโยนเหมือนเคย

“ปีหนึ่งคะ นี่พี่กีล์เดือนมหาลัยปีสี่ค่ะ”

อยู่ปีสี่…ทำไมหน้าเด็กนัก

“พี่เอาของมาส่ง ยังไงก็ให้น้องพักก่อนดีกว่านะ”

ใจดีเหมือนเดิม…

แต่จนแล้วจนรอดเพื่อนได้ของกินหมดแล้วเขาก็ยังไม่ได้อะไรสักอย่าง หันไปมองคนๆเดิมโดยอัตโนมัติก็กลายเป็นอีกฝ่ายกำลังเดินมาทางนี้แล้วทรุดตัวลงนั่งด้านหลัง

“มองพี่แบบนั้นทำไมเหรอ”

“ทำไมผมไม่ได้อาหาร”

“นี่ไม่รู้จริงๆเหรอว่าร้านพี่ไม่มีนมอุ่นขายนะครับ”

อ่าว…

ถึงจะพูดแบบนั้นก็ยังหยิบขวดเก็บความร้อนออกมาเทนมสีขาวแล้วยื่นให้พร้อมกับเครปเค้ก

ใจดีจริงๆด้วย…

“นี่มันสิทธิพิเศษเลยนะเนี่ย”

 

หลังจากวันนั้นเขาก็ไปที่ร้านนั้นทุกวัน แต่เพราะคนๆนั้นอยู่จนดึกแถมยังเดินกลับหอเขาเลยตัดสินใจเลิกเอารถมา กิจวัตรประจำวันคือการรอจนร้านปิด เดินตามคนหน้ายิ้มไปจนถึงหน้าหอเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ จากนั้นก็เดินกลับคอนโดตัวเอง

ถึงจะเหนื่อยไปหน่อยแต่ก็รู้สึกดีที่ได้เจอ

แต่วันนี้เหมือนจะมาไม่ทัน…

กลับไปก็นอนไม่หลับ ไม่รู้จะกลับไปทำไม สุดท้ายก็นั่งอยู่หน้าร้านแบบไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่ายุงกัดสักนิดจนโดนลากแขนเข้าไปด้านในแล้วหยิบยามาทาให้นั่นล่ะถึงรู้ตัว

ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ…

เขาเอื้อมมือไปกดตรงหว่างคิ้วที่ขมวดเบาๆ

“ทำไมถึงขมวดคิ้ว”

ขมวดหนักกว่าเดิมอีก…

หลังจากนั้นก็โดนถามย้ำจนต้องตอบไปตามความจริงว่านอนไม่หลับ

“ต่อไปถ้าเห็นร้านปิดให้ไปหาพี่ที่หอแล้วติดต่อมา พี่จะเอานมลงไปให้”

ใจดี…ใจดีจนรู้สึกผิดนิดหน่อยที่พูดเรื่องที่ไม่แน่ใจออกไป

ที่บอกว่ากินนมแล้วหลับสบาย…

จริงๆไม่รู้ว่าที่หลับสบายเพราะ ‘นม’ หรือเพราะ ‘คน’ กันแน่

“กีตาร์…”

“หือ…เรียกพี่เหรอครับ”

พยักหน้าให้เป็นคำตอบ

“ทำไมเรียกว่ากีตาร์ล่ะ”

“…”

“ว่าไงครับ”

“…”

 

ไม่ชอบคนขายดอกไม้เลยสักนิด…ทำไมชอบยิ้มให้กีตาร์นัก แค่นั้นไม่พอ คนขายดอกไม้น่าโมโหนั่น…พอรู้ว่าเขามองก็หันมามองกลับแล้วขำใส่ หงุดหงิดจนต้องขมวดคิ้วตั้งหลายที

นั่นไง!ยิ้มอีกแล้ว ดอกไม้ขนขึ้นรถหมดแล้วนะ

“กีตาร์”หงุดหงิดแล้วนะ

“หรือถ้าว่างจะมาทานข้าวกับผมก็ได้นะครับ”

“กีตาร์!”กล้าดียังไงมาชวนกีตาร์กินข้าวแล้วยังหันมายิ้มล้อเขาอีก

เขาเดินไปปิดหลังรถด้วยความหงุดหงิดหลังจากกีตาร์ขึ้นรถไปแล้ว แต่คนน่าโมโหนั่นกลับเดินเข้ามาหาแล้วยื่นดอกไม้สีส้มมาให้

“ผมให้แทนคำขอโทษที่ล่าช้า…จะเอาไปให้ใครก็ได้นะครับ”

ถึงจะหงุดหงิดแต่มือก็ยังรับไว้ตามมารยาท

“ดอกลิลลี่สีส้มหมายถึงมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้…”

 

“นี่มึงยังไม่ได้บอกพี่เขาอีกเหรอว่าชอบ กูเห็นนั่งส่องเฟสเขาทั้งวัน ขนาดจะขึ้นเวทีแล้วยังจะจ้องอีก…อาการหนักว่ะ”เก้าพูดเสียงเนือยๆใส่

“…”

“ถามจริง...รู้ตัวปะวะว่าชอบเขา”

ชอบเหรอ…ถ้าการที่อยากอยู่ใกล้ อยากมองหน้า อยากให้ยิ้มให้ตลอดเวลานั่นเรียกว่าชอบ…ก็คงใช่

“รู้”

“แล้วแต่มึงละกัน คิดว่าถึงเวลาที่อยากมีสิทธิ์มากกว่านี้เมื่อไหร่ก็บอกไป”

“อืม…”

“แต่ก่อนหน้านั้นมึงต้องแสดงให้เขารู้ชัดๆบ้างว่าคิดอะไร เข้าใจมะ”

แสดงให้รู้บ้าง…

“ยังไง”

เก้าขยับเข้ามาใกล้แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์

“คนพูดไม่เก่งอย่างมึงอะ ต้องรู้จักใช้ตัวช่วยสิวะ”

ตัวช่วย…

“ถ้ามึงไม่รู้จะพูดยังไง…ก็ให้เพลงพูดแทน”

เพราะไม่ชอบร้องเพลงสุดท้ายก็ได้แต่เงียบบนเวทีทั้งที่เปลี่ยนเพลงกะทันหัน ดีที่เก้ายืนอยู่ไม่ไกลเหมือนคาดการณ์ไว้แล้วเลยมีคนร้องแทน แต่ก็ไม่รู้ว่าเสียงของคนอื่นจะสื่อไปถึงคนที่ยืนอยู่หน้าเวทีหรือเปล่า เพราะงั้นอย่างน้อยขอให้ได้พูดสิ่งที่คิดสักอย่างก็ยังดี

“…ฉันเจอเธอแล้ว”

อยากลงไปหาแล้ว เมื่อไหร่งานจะจบสักที…

“ความสุขในนิยามของคุณคืออะไร”

ความสุขเหรอ…

จริงๆความสุขหายไปนานแล้วพร้อมกับแม่

แต่ตอนนี้…

“กีตาร์”

ถ้าพูดไม่ได้ก็ให้เพลงพูดแทน…

“จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน
ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม
ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน”


เหตุผลที่เรียกคุณว่ากีตาร์ เพราะกีตาร์คือความสุขอย่างเดียวที่ผมเหลืออยู่ เป็นสิ่งที่แม่เหลือไว้ให้เป็นตัวแทนของแม่ ตอนที่แม่จากไป แม่จากไปพร้อมรอยยิ้มและความสุขของผม และตอนที่คุณเข้ามา…คุณสอนให้ผมรู้จักมันอีกครั้ง


-------------------------------------------

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-12-2016 10:38:07
 :man1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-12-2016 10:49:47
โซโล่น่ารักทั้งยังน่าสงสารที่ต้องเสียแม่แล้วพ่อยังทำแต่งาน
ว่าแต่คุณพ่อคงเป็นคนขัดขวางความรักของพี่กีตาร์กับน้องแน่ๆใช่ไหม เพราะน้องเป็นลูกคนเดียว

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 28-12-2016 11:13:53
Happy new yearจ้า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 28-12-2016 11:22:20
ได้เจอคนที่ใช่แล้วก็อย่าปล่อยมือพี่เค้าล่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 28-12-2016 11:39:31
โซโล่ เป็นพระเอกขี้อ้อนมากกกกกกกกก

อยากกอดโซโล่นะ( เอาจริงๆ) อิอิ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 28-12-2016 12:16:42
ดีจังที่โซเจอพี่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-12-2016 12:24:54
ฮื่ออออ เขินนนน พอเห็นอิมเมจอึนอูภาพรอยยิ้มพี่กีล์ชัดขึ้นเลยค่ะ ยิ้มละลายมาก ว่าแล้วทำไมลูกหมาถึงอ้อนจังงงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-12-2016 14:15:11
ฮ่อลลลลลลลลล อ่านแล้วเขิน อ่านแล้วฟิน
>\\\\\\\\\\\<
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 28-12-2016 15:26:33
น่ารัก :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: fahtallll ที่ 28-12-2016 20:40:16
เขิลกับความเป็นโซโล่  :-[ :-[
คิดน้อย แต่ก็น่ารักนะคะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 29-12-2016 00:03:56
Happy New Yearล่วงหน้าเหมือนกันจ้้า
โซน่ารัก พี่กีส์ยิ่งน่าหลง :katai5: :katai5:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 29-12-2016 00:10:34
 :hao3: น้องโซโล่ของป้า น่าเอ็นดู๊ น่าเอ็นดู
ไม่เป็นไรนะคะถ้าหนูจะไม่ค่อยพูด เอนตัวพิงไหล่ป้า เอาหัวถูๆไถๆ แค่นี้ป้าก็ปลื้มหนูจะแย่แล้วจ้า  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-12-2016 01:05:43
น้องโซน่ารักจังเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 29-12-2016 06:01:11
โซโล่น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-12-2016 12:57:07
นางน่ารักอะ งืออออ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Solo] Special Part 1 P.7 [28/12/16]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 01-01-2017 12:11:28
-10-

 

การที่ได้ใช้เวลาวันเสาร์กับโซโล่ที่กำลังป่วยทำให้ผมรู้ว่า…เวลาป่วยนอกจากเจ้าหมานี่จะขี้อ้อนหนักขึ้นแล้วยังดื้อขึ้นอีกด้วย

"โซ ตื่นมาทานข้าวทานยาก่อนครับ"ผมวางถาดอาหารแล้วนั่งลงข้างๆเจ้าฮัสกี้ที่ใช้ผ้าห่มห่อตัวเองเป็นก้อนซูชิ จนมีแค่ผมสีดำของเจ้าตัวที่โผล่ออกมาให้เห็น

"โซ..."ผมเรียกเสียงอ่อนเป็นรอบที่สิบ เขย่าตัวก็แล้วอะไรก็แล้วก็ไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด

"โซครับ"

"อือ..."เสียงอู้อี้ดังออกมาจากก้อนผ้าห่ม ก่อนคนที่อยู่ด้านในจะพลิกตัวไปอีกด้าน

"โซ..."ผมถอนหายใจเบาๆแล้วตัดสินใจใช้ไม้ตาย "ไม่อยากคุยกับพี่เหรอ..."

พรึบ!

"เฮ้ย!"ผมร้องเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อคนที่ทำตัวเป็นก้อนซูชิพลิกตัวกลับมาด้วยความรวดเร็วแล้วสลัดผ้าห่มออก หลังจากนั้นก็กระชากผมเข้าหาตัวจนผมต้องมานอนกองอยู่บนเตียง…รวมถึงกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของคนป่วยเหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด

เมื่อเช้าก็กว่าจะแกะแขนปลาหมึกนั่นออก...

"โซ!"ผมทำเสียงเข้ม พยายามแงะแขนเหนียวหนึบออกแต่กลายเป็นโดนรัดแน่นขึ้นไปอีก "พี่จะโกรธแล้วนะครับ"

"กีตาร์…"เสียงหงอยๆมาพร้อมกับอ้อมกอดที่คลายลงแทบจะทันที "ขอโทษ"

ผมขยับตัวออกมาแล้วเงยหน้ามองคนป่วยที่กำลังทำหน้าเศร้า ก่อนจะใช้มือสองข้างบีบแก้มที่เริ่มมีสีสันด้วยความหมั่นไส้

"พี่จะโกรธที่โซไม่ยอมลุกมาทานข้าวต่างหาก...นี่เรื่องที่เก้าฟ้องก็ยังไม่ได้คุยเลยนะ ทำไมไม่ห่วงตัวเองเลยนะเราเนี่ย"

"แล้วเรื่องกอด..."โซโล่ยกมือนวดแก้มตัวเองที่โดนผมดึงจนแดงแล้วใช้ตาปรือๆน่าสงสารมองมาเหมือนจะขอร้อง

"ก็ไม่...ได้ว่า"พูดไปแล้วก็เพิ่งจะมารู้สึกเขินเอาก็ตอนที่เห็นรอยยิ้มของอีกคน...นี่มันก็เหมือนจะบอกว่าให้กอดได้ไม่ใช่หรือไง

"อย่าเปลี่ยนเรื่องนะ ถ้ายังไม่ยอมลุกพี่จะโกรธแล้วนะครับ"

ผมไม่สนใจคนที่ยิ้มนิดๆเหมือนจะล้อว่ากีตาร์นั่นแหละที่เปลี่ยนเรื่อง แต่เลือกลุกขึ้นแล้วยกชามข้าวมาถือไว้ ดีที่คราวนี้เจ้าฮัสกี้ตัวโตยอมลุกขึ้นนั่งพิงขอบเตียงแต่โดยดีเสียที

"ทานก่อนแล้วค่อยนอนต่อนะครับ"ผมตักข้าวคำแรกแล้วยื่นให้โซโล่ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้ามุ่ยนิดหน่อยแต่ก็ยอมกลืนลงไป คงเพราะไม่สบายเลยไม่อยากอาหารเท่าไหร่

"กีตาร์..."ผมหรี่ตาน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงอ่อยๆ รับรู้ได้ทันทีว่าควรหันหน้าหนี แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะดันสบตาคนพูดไปแล้ว

"ครับ"

"อิ่มแล้ว..."ฮัสกี้ขี้อ้อนหูลู่หางตกส่งสายตาอ้อนๆมาให้ แถมยังยื่นมือออกจากกองผ้าห่มมาเขี่ยขาผมอีก

น่ารักเกินไปแล้ว...

ผมก้มมองข้าวที่ยังเหลือพอควรแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ คิดว่าจะเด็ดขาดบังคับให้กินให้หมดแท้ๆ แต่เจอแบบนี้ใครจะทำลง

"ครับๆ ทานยาเนอะ"ผมยิ้มให้กับใบหน้าเหมือนหมาดีใจนั่นแล้วหันไปหยิบยามายื่นให้ ซึ่งดูเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี "เป็นยังไงบ้าง"

"ดีขึ้นแล้ว"

"ปวดหัวหรือเปล่า"

โซโล่ส่ายหน้าน้อยๆ ผมเลยยื่นมือไปแตะหน้าผากเขาอีกครั้ง แล้วก็พบว่ามันไม่ได้ร้อนเป็นไฟเหมือนเมื่อวานแล้ว

"งั้นพักนะ เดี๋ยวเที่ยงพี่มาปลุกทานข้าวทานยาอีกรอบนะครับ"

โซโล่หน้ามุ่ยแทบจะทันทีที่ได้ยินคำว่าข้าว ผมขำกับท่าทางนั้น ก่อนจะรีบดึงตัวคนที่ทำท่าจะล้มตัวนอนไว้

"รอสักพักให้อาหารย่อยก่อนค่อยนอนครับ"

โซโล่พยักหน้าหงึกหงักแล้วนั่งจ้องหน้าผมแทน

“โซ…เรื่องเก้า…”

“กีตาร์กินข้าวหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วครับ แล้วเรื่อง…”

“กีตาร์ไม่ง่วงเหรอ”

“ไม่ครับ โซคือ…”

“กีตาร์…”

“พี่จะไม่คุยด้วยแล้วนะ”ผมหรี่ตาแล้วหุบยิ้มฉับให้รู้ว่ากำลังจริงจัง เจ้าหมานี่ทำผิดแล้วยังกล้าเปลี่ยนเรื่องอีก น่าตีจริงๆ

“กีตาร์…”

อย่าคิดว่าเสียงอ้อนๆกับการเขย่าแขนแบบนี้จะได้ผลทุกครั้ง…

“กีตาร์….”

ผมขมวดคิ้วมากกว่าเดิม พยายามอย่างเต็มที่ไม่ให้ริมฝีปากเผยรอยยิ้มให้หมาขี้อ้อนเห็น

“กีตาร์…ยอมแล้ว”

ผมเลิกขมวดคิ้วและเปลี่ยนกลับมาเป็นรอยยิ้มทันที แถมยังรู้สึกปวดแก้มที่กลั้นยิ้มจนต้องยกมือขึ้นมานวดเบาๆด้วย

“อธิบายครับ”

โซโล่พยักหน้าทำหน้าตาน่าสงสารแล้วขยับมาใกล้ผมมากขึ้น

“ผมมีเวลาซ้อมไม่เท่าเพื่อน แล้วเวทีนี้ก็ขึ้นเป็นเวทีแรก แถมยังเป็นคณะกีตาร์ด้วย…นอกจากตอนกลางวันกับตอนนอนแล้วก็หาเวลาซ้อมไม่ได้”

“ตอนนอน?”

คนหน้านิ่งทำตาโต รีบขยับตัวมากอดผมจากด้านข้างแล้วเอาคางมาเกยไว้บนไหล่ ท่าทางนี่ดูร้อนรนเหมือนคนกลัวความผิดสุดๆ…

“คือ…”

“นี่หมายความว่านอกจากจะละเลยตัวเองตอนกลางวัน แม้แต่ตอนนอนเราก็ละเลยตัวเองด้วยสินะ”

“ได้นอนนะ ซ้อมอย่างมากก็ไม่เกินสามชั่วโมง…”โซโล่กระชับอ้อมกอด เสียงหงอยลงเรื่อยๆ

“โซ…”ผมถอนหายใจ ดันตัวเองออกมาแล้วยกมือทั้งสองข้างจับใบหน้าอีกคนให้หันมามองกันตรงๆ “ต้องดูแลตัวเองนะครับ ขนาดพี่ทำงานหนักยังไม่ละเลยตัวเองเลย เราก็ต้องรักตัวเองบ้าง เข้าใจไหม”

โซโล่ยกมือของตัวเองขึ้นมาวางทับมือผม ไม่รู้ว่าผมพูดอะไรออกไปเหมือนกันอีกคนถึงได้ยิ้มอ่อนโยนมาให้

“กีตาร์เป็นคนแรกที่พูดแบบนี้”

“งั้นเราก็ต้องทำตามนะครับ ดูแลตัวเองบ้าง อย่าหักโหมเกินไป ตอนกลางวันก็ซ้อมได้แต่ต้องหาข้าวมาทาน ส่วนกลางคืนก็แบ่งเวลาพักผ่อนดีๆ อย่าซ้อมจนไม่เหลือเวลานอน…”

พอเห็นเขาพยักหน้ารับแล้วผมก็ยิ้มให้เหมือนเคย

“กีตาร์…”

“ครับ”

“กิจกรรมที่ทะเล…”

“พี่ขอคุยกับเพื่อนก่อนนะครับ ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย”

ก็เพราะมาขลุกอยู่กับคนถามนี่ล่ะผมถึงไม่ได้คุยกับเพื่อนเสียที โทรศัพท์ก็แทบไม่ได้แตะเพราะต้องเป็นหมอนข้างให้หมาตัวโตกอดทั้งคืน ตอนกลางวันก็ต้องดูแลอีก ไม่รู้จะเอาเวลาไหนไปคุยเหมือนกัน

“ไปนะ”

ว่าแล้ว…

“คือพี่ยังไม่รู้รายละเอียดเลยจริงๆนะ วันไหนยังไม่รู้เลย…”

“ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ หน้า”

“จริงๆก็ว่างอยู่…”ผมมองหมาป่วยที่หูตั้งหางกระดิกแทบจะทันทีที่พูดจบแล้วก็ได้แต่ขำเบาๆ ก่อนจะแกล้งทำหน้าครุ่นคิด “ไปดีไหมนะ…”

“ไปนะ”พูดไม่พอต้องเขย่าแขนด้วยสินะ

“ก็…ถ้าหมาแถวนี้ทำตัวดี ดูแลตัวเองดีๆ พี่จะลองคิดดู”

นั่นหมายความว่าถ้ายังมีคนมาฟ้องว่าเขาไม่ยอมกินข้าวอีก ข้อตกลงทั้งหมดเป็นอันยกเลิก

“สัญญา”โซโล่ทำหน้ามุ่งมั่นตั้งใจพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าผม หลังจากหัวเราะกับท่าทางเด็กๆของเขาจนพอใจแล้วผมก็เกี่ยวนิ้วเขากลับ

“สัญญาแล้วนะ”

 

 

หลังจากผ่านช่วงเช้ากับช่วงกลางวันไปได้ ปัญหา…ก็มาตกอยู่ที่ช่วงเย็น

“ไม่กลับนะ”

“โซ…”

“ไม่ให้กลับ”

“แต่เราดีขึ้นแล้ว…”

“ปวดหัวมากเลย”

ผมบีบแก้มคนพูดว่าปวดหัวแต่หน้านิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งด้วยความหมั่นไส้ โกหกก็ไม่เก่งแล้วยังจะมีหน้ามาโกหกอีก

“ทานยาเลย”

คนหน้าบูดหยิบยาทานเรียบร้อยแล้วก็กลับมาดึงแขนผมไว้เหมือนเดิมเป็นเชิงบอกว่าให้ตายก็ไม่ปล่อยให้กลับแน่ๆ

เรื่องมันเกิดจากการที่โนว์มันบอกว่าจะมาหาผมที่หอเพราะเหงาที่ซันไม่กลับห้อง มันบอกว่าไม่อยากอยู่คนเดียว ประกอบกับที่ผมเห็นว่าโซโล่ดูโอเคแล้วด้วยก็เลยคิดว่าควรจะกลับเสียที แต่กลายเป็นเจ้าหมานี่ไม่ยอมให้ผมกลับ

“ดึกแล้ว อย่ากลับเลยนะ”

ดึกแล้วของเขาคือหกโมงเย็น…

“โซ อย่าดื้อสิครับ”

“กีตาร์…อยู่ด้วยก่อนนะ พรุ่งนี้จะไปส่งแต่เช้าเลย”สายตาอ้อนๆนั่นเกือบจะได้ผลแล้ว แต่เสียใจด้วยเพราะครั้งนี้…

“ไม่…”

“นะครับ”

 

[ว่าไงกีล์เพื่อนรักกกก]

“กูไม่กลับนะ มึงไปหาไอ้แฝดแทนแล้วกัน”

[กีล์!ไอ้เลว! เห็นผัวดีกว่าเพื่อนเหรอมึง กูจะฟ้องไอ้แฝด…]

 

ผมมองโทรศัพท์ตัวเองแล้วถอนหายใจ นี่ถ้าไม่กดตัดสายคงโดนบ่นยาวไปสองชั่วโมง พอหันไปมองคนข้างๆแล้วก็ต้องถอนหายใจอีกรอบ อะไรคือการมีท่าทางระริกระรี้ไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด แต่จริงๆเขาก็ไม่ผิดหรอก…

ผมผิดเองที่แพ้ทางคำสั้นๆนั่นตลอด

"ทำไมดูชินกับการดูแลคนป่วย"โซโล่ดึงมือผมเข้าไปไว้ในผ้าห่มจนผมมองไม่เห็นมือตัวเอง แต่รู้สึกได้ว่าอีกคนกำลังจับมือผมพลิกไปพลิกมา

"คิดว่าพี่เคยดูแลใครสินะ"ผมหัวเราะ ใบหน้าของเจ้าหมาที่ดูหงุดหงิดขึ้นหนึ่งระดับบ่งบอกชัดเจนว่าคิดแบบนั้นจริงๆ

"กีตาร์ดูแลผมได้คนเดียว"เจ้าฮัสกี้แยกเขี้ยวขู่อย่างน่าเอ็นดู

"พี่ดูแลตัวเองจนชินครับ...ตั้งแต่เด็กแล้ว"

โซโล่หันมามองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง ผมเลยเขย่ามือเขาเบาๆเป็นเชิงบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร

"เล่าให้ผมฟังนะ...แล้วจะยอมนอน"

"ต้องฟังนิทานก่อนนอนด้วยเหรอเรา"

"อยากรู้เรื่องของกีตาร์"โซโล่ตอบแล้วล้มตัวลงนอนตักผม และคงเพราะดวงตาอ่อนโยนที่มองมาผมเลยปฏิเสธไม่ลง

"พี่เกิดในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าครับ"ถ้าจะเริ่มเรื่องก็คงต้องเริ่มจากตรงนี้

"กีตาร์..."

"มันเป็นบ้านหลังเล็กๆที่มีแม่ใหญ่เป็นผู้อำนวยการและคอยดูแล เราอยู่กันอย่างมีความสุขถึงจะไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใคร แต่คงเพราะพื้นที่ห่างไกลหรือเด็กน้อยทำให้ที่นั่นไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก สุดท้ายก็เลยต้องปิดตัวลง แม่ใหญ่พยายามมากในการหาที่อยู่ให้เด็กๆทุกคน ส่วนพี่ที่โตกว่าคนอื่นไม่ยอมไปไหน แต่เลือกที่จะติดตามแม่ใหญ่ไปด้วย"

ผมยกมือลูบหัวโซโล่เบาๆ ไม่ได้รู้สึกแย่อย่างที่เขาคิด แต่ผมกลับรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดถึงเรื่องแม่ใหญ่

"แม่ใหญ่ไม่ใช่คนร่ำรวย บ้านหลังเดียวของท่านคือสถานรับเลี้ยง ตอนที่เราออกมาท่านมีเงินติดตัวมานิดเดียว สุดท้ายเราก็ต้องหาห้องเช่าเล็กๆอยู่ และคงเพราะท่านอายุมากแล้วเลยไม่ค่อยมีคนรับทำงาน พี่ก็เลยต้องเริ่มทำงานตั้งแต่อายุสิบสาม..."

“…”

"พวกเราดิ้นรนจนไหว พอพี่เข้ามหา'ลัยได้งานพิเศษทำ มีทุนเรียนฟรี ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะดีขึ้นไปหมด ท่านบอกว่าพี่ดูแลตัวเองได้แล้วก็ดีใจ และจะขอไปทำตามเจตนารมณ์ของตัวเอง..."

ผมหลับตาลงเมื่อนึกถึงคำพูดตอนนั้นของคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต

"เป็นครูอาสาจนวันสุดท้ายของชีวิต"

"..."

"ในชีวิตพี่มีแค่ท่านที่สำคัญที่สุด เพราะท่านคือแม่ของพี่…ถึงจะไม่ใช่แม่แท้ๆก็ตาม เวลาป่วยเราก็ดูแลกันอยู่สองคน เพราะอย่างนั้นพี่ถึงได้รู้ว่าควรทำอะไรเวลาป่วยไงครับ"

"แล้วได้ติดต่อกันหรือเปล่า"

"ไม่ครับ...เพราะท่านอยู่ในที่ที่ไม่มีไฟฟ้าหรือสัญญาณโทรศัพท์ ทางเดียวคือพี่ต้องไปหาท่าน แต่เพราะทำงานเก็บเงินอยู่ทุกวันแม้แต่ปิดเทอม จะหาโอกาสไปก็ไม่ได้ไปเสียที"

จะโทษใครก็ไม่ได้…ในเมื่อผมดิ้นรนที่จะเรียนเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง ยิ่งตอนปีแรกๆผมทำงานหลายที่มาก แทบจะไม่มีเวลาขยับตัวไปไหนเลยด้วยซ้ำ และที่ผมทำงานหนักก็เพราะจะเก็บเงินให้เหลือพอใช้ เพื่อลดงานและหาเวลาไปหาแม่ใหญ่ให้ได้

"กีตาร์..."

"ครับ"

โซโล่ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง จ้องมองมาด้วยสายตาอ่อนโยนที่มักจะทำให้ผมยิ้มได้เสมอ

"สักวันเราไปด้วยกันนะ..."

"ไป?"

"ไปหาแม่กีตาร์"

"โซอยากไปหาแม่พี่ทำไมเหรอครับ"ผมถามด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกว่าการเล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟังจะได้รับประโยคตอบกลับมาแบบนี้

"ผมอยากเจอท่าน…”โซโล่ยิ้มน้อยๆ ขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม

ผมไม่ปฏิเสธมือที่ยื่นมาแตะเบาๆที่ข้างแก้ม แต่เลือกที่จะหลับตาและเอียงหน้ารับสัมผัสอบอุ่นนั้นไว้

“ผมอยากรู้ว่าท่านเป็นคนยังไง…”

ผมลืมตาเมื่อสัมผัสแผ่วเบานั้นลากมาแตะอยู่ที่ริมฝีปากและไล้ไปมาเบาๆ ไม่รู้ว่าอีกคนขยับหน้าเข้ามาจนใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

"ทำไมถึงทำให้กีตาร์เป็นคนอ่อนโยนแบบนี้ได้"

สิ้นประโยคนั้นหน้าผากกับจมูกของเราสัมผัสกัน และริมฝีปาก…มีเพียงนิ้วโป้งของเขาคั่นเอาไว้

--------------------------------
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-01-2017 12:29:28
ละมุนมากกกอะ
โซโล่น่ารักมากก หมาขี้อ้อน
Happy new year ค่าาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 01-01-2017 13:49:12
สั้นงื้อออ Happy New Year จ้าาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-01-2017 14:54:02
 :mew4: สวัสดีปีใหม่
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 01-01-2017 16:28:16
น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 01-01-2017 18:42:27
อบอุ่นเหมือนเดิมพี่กีล์ ทิ้งไม่ลงสินะคะ มันอ้อนเกินไปแล้วเจ้าฮัสกี้นี่



สวัสดีปีใหม่2560 นะคะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-01-2017 19:00:57
ชอบบบบบบบบบบบบบ โซโล่น่าร๊าก!!
ปล. Happy new year ka ^^
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 01-01-2017 19:30:13
 :o8: :o8:โซน่าร้ากกกกก
เราขอได้มั้นพี่กีส์ :z6: :z6:
 :pig4: :pig4:
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 01-01-2017 19:43:41
มีความน่ารัก
 :-[ :-[
สิ่งที่กั้นกีต้าร์กับโซโลก็มีแค่นิ้วของโซโลสินะ อ่านแล้วรู้สึกว่าโซให้เกียรติกีลล์มากอ่ะ เพราะเข้าใจสินะคะว่าการสูญเสียเป็นยังไง รักเลย เป็นนิยายที่ละมุนมาก ขอบคุณนะคะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 01-01-2017 20:00:51
หลงรักเจ้าฮัสกี้ขี้อ้อนขึ้นทุกวัน ทุกวัน  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-01-2017 20:04:19
เอานิ้วโป้งลงงงงงงงงงงงงงงงง :katai4: :katai4:
โซอ้อนพี่กีลล์ซะจนคิดว่าโซ รุก พี่กีลล์ไม่ออก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 01-01-2017 21:25:22
เพิ่งได้อ่านโอ๊ยมีความน่ารัก :mew2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-01-2017 22:40:38
อันนี้นิยายหรือคู่มือการเลี้ยงลูกหมาคะ น่ารัก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 01-01-2017 22:44:03
น้องโซอ้อนขนาดนี้ หลงเด็กเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-01-2017 23:24:29
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-01-2017 02:06:43
น่ารัก อบอุ่น ดีต่อใจจริงๆ
Happy New Year 2017 ครับ ^^
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 02-01-2017 05:47:48
หมาขี้อ้อนก็ยังเป็นหมาขี้อ้อนอยู่วันยังค่ำ :katai5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mjpnta ที่ 03-01-2017 02:02:32
หัวใจจะวายค่ะ น่ารักเกินไป งื้ออออ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-01-2017 11:57:07
หมาน้อยของพี่กีล์ขี้อ้อนจังเลย
สวัสดีปีใหม่นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 03-01-2017 15:13:43
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER10 P.8 [01/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 03-01-2017 16:29:16
-11-

 

วันจันทร์มาถึงอย่างรวดเร็ว

หลังจากดูแลคนป่วยตั้งแต่วันศุกร์ลากยาวมาจนวันอาทิตย์ ผมเพิ่งจะได้นอนเต็มที่ก็ตอนบ่ายๆของวันอาทิตย์ที่โซโล่ขับรถมาส่ง เจ้าตัวแลดูหายดีแล้วแถมหน้าตายังสดใสจนน่าหมั่นไส้ ในขณะเดียวกันผมที่ไม่ได้เป็นอะไรแถมยังไม่ได้ติดหวัดกลับหน้าตาซีดเซียวเพราะอดหลับอดนอน….

หลังจาก ‘เหตุการณ์นั้น’ โซโล่ก็ฟุบหลับไปแทบจะทันที ทิ้งผมให้นั่งเอ๋ออยู่คนเดียว เกิดมาไม่เคยรู้สึกอยากเอาหัวโขกโต๊ะขนาดนี้มาก่อน และผมก็รู้ดีด้วยว่าอาการแบบนี้มันคืออะไร

มันคืออาการของคนที่กำลังเขิน…แต่ดูเหมือนจะเขินยาวไปหน่อยถึงได้ลากยาวมายันเช้าจนไม่ได้นอนเลย

ต่อให้โดนเจ้าหมานั่นอ้อนแล้วอ้อนอีกยังไงก็ไม่เคยออกอาการมากขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าไม่มีนิ้วอีกคนกั้นไว้จะเกิดอะไรขึ้น และที่สำคัญที่สุด…ผมไม่คิดจะปฏิเสธสัมผัสพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ

แล้วนี่มานั่งคิดอะไรอยู่เนี่ย…

หลังจากสะบัดหัวแล้วสะบัดหัวอีก ฟุบหน้าแล้วฟุบหน้าอีก ใบหน้าของคนที่ค้างอยู่ในความทรงจำก็ยังไม่หายไปเสียที รู้สึกเหมือนตัวเองอาการหนักขึ้นทุกวัน…

“อาการแบบนี้…คิดถึงใครอยู่สินะครับคุณกีล์”น้ำเสียงยียวนกวนส้นเท้าดังขึ้นจากด้านหน้า ทำให้ผมจำเป็นต้องยกหัวขึ้นมอง แล้วก็เป็นไปตามคาด ที่นั่งฝั่งตรงข้ามของม้าหินที่เคยว่างเปล่าตอนนี้มีร่างของไวน์เท้าคางมองผมอยู่

“อีกสองตัวอะ”ผมเมินคำถามมันแล้วถามถึงเพื่อนอีกคนสองคนที่หายหัวไปทั้งที่ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วแทน

“ซื้อน้ำ…นั่นไง”มันว่าแล้วหันไปกวักมือเรียกโนว์กับเบียร์ที่กำลังเดินมาทางนี้

“ดังใหญ่แล้วนะ มึงกับเด็กปีหนึ่งอะ”โนว์มันนั่งลงแล้วส่งยิ้มล้อผมที่ได้แต่มองกลับไปงงๆ

“ทำหน้างงอีก ในเพจไง มึงไม่ค่อยดูเหรอ”เบียร์กดโทรศัพท์สักพักแล้วยื่นมาให้

 

Admin Page Cute :

มีสายสืบแจ้งข่าวมาค่า พี่กีล์ตามไปเฝ้าน้องโซโล่ถึงที่ถ่ายงานเลยน้า แถมยังเป็นคนสัมภาษณ์น้องเองด้วย น่ารักมากอะฮืออ ตามนั้นแหละไม่มีไรมาก แต่อยากบอกว่า คู่ เรียล ชัวร์ ชัวร์ #โซโล่กีล์

ปล.อย่าลืมรอดูผลงานโปรโมทมหา’ลัยของน้องโซโล่น้า

*แนบรูปภาพถ่ายด้านข้างโซโล่อยู่หน้ากล้อง กีล์นั่งข้างกล้อง หันเข้าหากันและกำลังยิ้มให้กัน

8.9kถูกใจ 3.3kความคิดเห็น 552Shares

 

รูปนี้คงถ่ายตอนโซโล่พูดว่าขอบคุณครับ เพราะผมจำได้ว่ามันเป็นครั้งเดียวที่เจ้าตัวยอมยิ้มน้อยๆออกกล้อง แถมตอนนั้นผมเองก็ยิ้มกลับด้วย

“ยิ้มใหญ่ ยิ้มเข้าไปเพื่อน ยิ้มไปเลย”เสียงหัวเราะของโนว์ทำให้ผมหลุดออกจากความคิดและรีบส่งโทรศัพท์ในมือคืนเบียร์ไป

“กูก็ยิ้มตลอด”ผมว่าตามความจริงเพราะตัวเองเป็นคนยิ้มง่าย แม่ใหญ่เคยบอกว่ารอยยิ้มของผมทำให้คนมีความสุข ซึ่งผมก็เชื่อแบบนั้นมาตลอด แล้วก็รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำด้วย

“กูจะบอกไรให้กีล์”เบียร์กวักมือ ผมเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันอีกหน่อยเพราะอยากรู้เหมือนกันว่ามันจะพูดอะไร “ยิ้มของมึงอะมีให้ทุกคนก็จริง…แต่ไม่เหมือนกันสักคน”

“ยังไง”

“ก็มึงยิ้มให้คนทั่วไปอย่าง ลูกค้าอย่าง เพื่อนอย่าง…”มันเว้นช่วง หันไปมองหน้าอีกสองตัวแล้วเหยียดยิ้มให้กัน…โคตรไม่น่าไว้ใจ

“กูไม่อยากรู้ละ”

“แต่กูอยากบอก นี่มึงไม่รู้ตัวเหรอว่าเวลาเป็นเรื่องเกี่ยวกับโซโล่มึงยิ้มไม่เหมือนที่ยิ้มให้คนอื่นอะ”

ยิ้มก็คือยิ้ม มันมีแยกคนด้วยเหรอเนี่ย…

“กูสงเคราะห์ให้เองเพื่อน”ไอ้โนว์ขยับตัวมาใกล้ผมแล้วหัวเราะหึหึก่อนมันจะว่าต่อ “เขาเรียกว่ายิ้มหวาน ถ้าไม่เอาไว้อ่อย…ก็เอาไว้ให้คนที่ชอบโว้ย!”

“ไอ้โนว์!”ผมเรียกมันด้วยความตกใจ รีบพุ่งเข้าไปปิดปากมันที่ตะโกนออกมาเสียงดังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่อีกสองตัวที่นั่งหัวเราะจนตัวงอ

“ทำไงได้วะ มึงแม่งรู้ตัวไวแถมยอมรับง่ายๆอีกว่าชอบเขา แกล้งไรก็ไม่ได้…งั้นกูแกล้งให้มึงอายแทนแล้วกัน”

ผมเพิ่งเคยรู้สึกอยากเอาน้ำแดงสาดหน้าเพื่อนก็วันนี้ล่ะ คำพูดคำจาของโนว์รวมถึงการพยักหน้าจากเพื่อนอีกสองคนทำให้ผมสงสัยอยู่อย่าง…

นี่ผมมาเป็นเพื่อนกับพวกมันได้ยังไง…โคตรพลาด

“ไม่ดีหรือไง”

ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่เห็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากสักนิด

“ดีละ รู้ตัวช้าอย่างไอ้โนว์เดี๋ยวได้โดนหมาคาบไปแดก”

ผมหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินคำพูดของเบียร์ พอสองแฝดเปลี่ยนเป้าหมายไปแซวโนว์แทนผมเลยหายใจคล่องขึ้นหน่อย

“เรื่องรับน้อง…”ผมเรียกความสนใจของพวกมันกลับมาก่อนจะถามถึงเรื่องที่โดนหมาหน้านิ่งพูดย้ำมาตลอด คือย้ำตั้งแต่เริ่มป่วยจนมาส่งผมหน้าหอเมื่อวานก็ยังย้ำอยู่

“เออ ศุกร์นี้แล้วนี่หว่า”พวกมันเริ่มหันกลับมาพูดกันแบบจริงจัง

“บอกรายละเอียดกูทีดิ ตอนนั้นไม่ได้ฟัง”

“ปกติมึงไม่ได้สนใจกิจกรรมไม่ใช่เหรอวะ”ไวน์หันมาหรี่ตาทำหน้าสงสัย ซึ่งแน่นอนว่าคำถามของมันอยู่ในการคำนวณของผมเรียบร้อยแล้ว

“ปีนี้กูลดงานแล้วเลยมีเวลาเยอะขึ้น ตั้งแต่เข้ามาก็ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมเท่าไหร่ ปีนี้เลยว่าจะเข้าหน่อย ยังไงปีสี่ก็คงไม่ได้ทำไรมากด้วย คงเหมือนไปพักผ่อนนั่นล่ะ”ผมแอบยิ้มเมื่อเห็นว่ามันพยักหน้าเข้าใจ

“คำตอบเป็นทางการอย่างกับเตรียมมา…”

บางทีผมก็เบื่อพวกรู้ทันแถมฉลาดอย่างเบียร์มันจริงๆ

“กูก็ไม่ค่อยได้ฟังว่ะ น่าจะต้องถามพวกปีสอง…เฮ้ยโจ้!”โนว์มันหันไปตะโกนเรียกรุ่นน้องปีสองที่นั่งอยู่ไม่ไกลแล้วกวักมือเรียก ซึ่งคนโดนเรียกก็เดินเข้ามาหาแต่โดยดี

“ดีพี่”โจ้ยกมือไหว้แล้วนั่งลงตรงที่ว่างข้างโนว์

“มึงพูดรายละเอียดรับน้องทะเลวันศุกร์นี้มาดิ”โนว์มันยกมือพาดไหล่น้องอย่างสนิทสนมแล้วหยิบน้ำมาป้อนอย่างเอาใจ จริงๆพวกผมก็ประมาณนี้กันอยู่แล้ว อาจจะยกเว้นผมแค่คนเดียวที่ไม่ค่อยสนิทกับใครมากขนาดเล่นหัวกันได้ เพราะไม่ค่อยว่างไปเข้ากิจกรรมเหมือนคนอื่น

“นี่พี่ไม่ฟังเลยนี่หว่า วันนั้นพวกผมก็เข้าไปพูดให้ฟังแล้วอะ”

“โทษไอ้กีล์เลย มันอยากรู้…นี่อดีตเดือนมหา’ลัยสนใจทั้งทีนะครับ มึงจะไม่สงเคราะห์มันเหรอ”นั่งอยู่เฉยๆไวน์มันก็โยนขี้มาให้ผมแทน แต่แทนที่โจ้มันจะหันมาบ่นผมมันกลับหันมามองผมด้วยสายตาประหลาดใจ

“ไม่บอกแต่แรกว่าพี่กีล์อยากรู้ มีคนดีใจตายแน่เลยถ้ารู้ว่าพี่กีล์จะไปด้วย”โจ้ว่าแล้วเหลือบตามองโต๊ะที่ตัวเองเดินจากมาพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ

“แล้วมึงจะพูดยังครับ จะถึงเวลาพวกกูเข้าเรียนแล้ว”โนว์หันไปบ่นน้องมัน ซึ่งโจ้ก็ยอมพูดแต่โดยดี ถึงจะเบะปากหน่อยๆก็เถอะ

“การรับน้องแบบเป็นทางการของภาคเราจบลงไปแล้ว พวกผมเลยคิดว่าจะพาน้องไปพักผ่อนที่ทะเลเป็นปีแรก เพราะรู้มาว่าปกติปีก่อนๆภาคเราไม่เคยไปทะเลกันเลย เลยคิดว่าจะแหวกแนวหน่อย เน้นการรับน้องแบบชิวๆ พวกผมจะดำเนินกิจกรรมเอง ให้พวกพี่คิดว่าไปพักผ่อนไรแบบนี้ เออใช่…แล้วเราก็จะไปเฉลยสายที่นั่นด้วย”

จะว่าไปก็จริงของน้อง เพราะปีก่อนๆเราก็รับน้องกันแต่ในนี้ จบแล้วก็จบ แต่ความสัมพันธ์พี่น้องก็แนบแน่นมาก และอาจจะมากกว่าพวกที่ไปรับน้องนอกสถานที่เสียอีก เท่าที่พวกเพื่อนบอกมาพวกมันมักจะไปจบที่ร้านเหล้า ว่างก็พากันไปกินเหล้าจนสนิทกันไปเอง ผมก็ได้แต่ฟังเขามาอีกทีเพราะเอาแต่ทำงาน

“มีแสดงดนตรีด้วยนะพี่ พอดีพวกผมมีเพื่อนอยู่ดุริยางค์เลยไปชวนๆเขาด้วย ตกลงกันไปๆมาๆสรุปพวกดุริยางค์จะไปรับน้องที่นั่นเหมือนกันพร้อมกับเราเลย ทีนี้ก็ไม่ต้องฟังพวกพี่โหยหวนแถมได้ฟังของจริงเขาร้องด้วย”

“นี่มึงหาว่าใครโหยหวน พวกมึงแหละตัวดี ปีที่แล้วเมาเละวิ่งขึ้นเวทีร้านเหล้า ลำบากพวกกูต้องไปลากลงมา…เลว”

ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าโจ้จะเป็นหลานรหัสไอ้โนว์ ปีที่แล้วตอนที่พวกมันไปกินเหล้าเลี้ยงสายโนว์มันกลับมาเล่าอยู่เหมือนกันว่าเด็กปีหนึ่งวิ่งขึ้นเวทีไปร้องเพลงจนต้องรีบไปลากลงมา เพราะลูกค้าคนอื่นทำท่าจะปาแก้วใส่พวกมัน

“เดี๋ยวนะ…”คำพูดแทรกของเบียร์ทำเอาผมสะดุ้ง เพราะมันกำลังหรี่ตาจ้องมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มน่าขนลุก “กูว่ากูรู้ละทำไมกีล์มันถึงสนใจการรับน้องนี่นัก”

ก็บอกแล้วว่าเกลียดที่มันฉลาด…

“ทำไมวะเบียร์…แล้วสรุปมึงไปชัวร์ใช่ปะกีล์”

ผมพยักหน้าให้กับคำถามของไอ้ไวน์แล้วลุกขึ้นเดินเข้าตึกทันที ไม่สนใจไอ้สองแฝดที่หัวเราะตามหลังมาอีก

 

 

“กูไปหาซันละ บาย”

“เจอกัน”ผมโบกมือลาเพื่อนแล้วหันมาเก็บของใส่กระเป๋าต่อ

โนว์มันรีบไปหาซัน ส่วนสองแฝดนี่พออาจารย์ปล่อยก็วิ่งออกไปเลย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว ผมถามไวน์แล้วได้ความว่าคุณพ่อมันเข้าโรงพยาบาลเลยต้องรีบไปเฝ้าทุกเย็น

วันนี้ผมมีนัดกับหมาหน้านิ่งว่าจะไปซื้อของด้วยกัน และแน่นอนว่าของที่ว่านั่นคือนม…

หลังออกมาจากตึกรถคันหรูหน้าตาคุ้นเคยก็มาจอดอยู่หน้าคณะพอดี ผมรีบวิ่งไปขึ้นก่อนจะเป็นเป้าสายตาไปมากกว่าเดิม แต่นั่งจนรัดสายเข็มขัดเสร็จแล้วก็ยังไม่มีที่ท่าว่าคนขับจะออกรถแต่อย่างใด สุดท้ายเลยต้องหันไปมอง…ทั้งที่ยังไม่อยากสบตาเท่าไหร่แท้ๆ

นั่นไง…ไอ้ตาแพรวพราวนี่มันอะไร

“มองอะไรครับ ขับรถได้แล้ว”ผมยื่นมือไปผลักหน้าคนขับรถเบาๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมหันกลับไปแต่โดยดี แต่พอเห็นไอ้รอยยิ้มมุมปากนั่นผมกลับรู้สึกหน้าร้อนโดยไร้เหตุผลจนต้องหันออกไปมองนอกหน้าต่างตลอดทาง

โซโล่ไม่ได้พาผมไปซุปเปอร์อย่างที่คิด แต่เขากลับขับรถเลยมายังห้างแห่งหนึ่งแทน ทันทีที่รถจอดผมก็หันขวับไปหา ตั้งท่าจะถามว่าทำไมพามาที่นี่ แต่…

เจ้าหมานี่จะจ้องด้วยสายตาแบบนั้นไปจนถึงเมื่อไหร่เนี่ย…

สุดท้ายเลยได้แต่เปิดประตูรถแล้วเดินนำเข้าไปด้านในเพราะทำอะไรไม่ถูก หลังจากเดินพ้นประตูเข้ามาแล้วผมก็รู้สึกว่ามีสัมผัสเบาๆแตะเข้าที่มือ ด้วยความตกใจทำให้ผมเผลอสะบัดออกแทบจะทันที

“โซ…”ผมหันไปมองอย่างตกใจ เมื่อเห็นเจ้าของมือเมื่อครู่มองมาด้วยใบหน้านิ่งๆแต่สายตาเจ็บปวดนั่นมันทิ่มแทงผมเข้าเต็มๆ “คือพี่…”

“ขอโทษ…”โซโล่ก้มหน้าน้อยๆก่อนจะเดินผ่านไปช้าๆ

หมับ!

“ขอโทษครับ พี่ตกใจไม่คิดว่าเป็นเรา”ผมคว้ามือนั่นไว้เองแล้วเป็นฝ่ายจับมือลากอีกคนให้เดินตามโดยพยายามไม่หันไปมองหน้าหมาหงอยนั่น

“ถ้ากีตาร์รังเกียจ…”เสียงห่อเหี่ยวทำให้ผมหยุดเท้าที่เดินกะทันหัน แถมยังเผลอกัดริมฝีปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บอีกต่างหาก

“ฟังนะ…”ผมหันหลังกลับ เดินเข้าไปใกล้คนที่ยืนนิ่งโดยที่ยังไม่ได้ปล่อยมือออก แล้วกระซิบเสียงแผ่ว “พี่เขินครับ”

แล้วก็เขินมากขึ้นเพราะต้องมาพูดให้ฟังเนี่ย…แต่ถ้าไม่พูดหมาขี้น้อยใจนี่ก็ต้องเข้าใจผิดอีก

“พี่ไม่ค่อยแสดงออกแต่ไม่ได้ตายด้านนะครับ…โดนแบบนั้นใครจะเก็บได้อีกเล่า”

ที่ผมไม่ค่อยแสดงออกว่าเขินก็เพราะเป็นผู้ชาย มันไม่ใช่ว่าตัวเองเขินไม่เป็นเสียหน่อย ลองมาโดนเจ้าหมานี่อ้อนบ้างใครก็เขิน แต่มันแค่อยู่ในขอบเขตที่จัดการกับการแสดงออกของตัวเองได้เฉยๆ เพียงแต่ ‘เหตุการณ์นั้น’ มันดันอยู่เหนือขอบเขตที่ผมสามารถควบคุมได้ ผลมันเลยออกมาเป็นแบบนี้

“หึหึ”

ผมเบิกตากว้างมองคนที่ทำหน้าหมาหงอยเมื่อครู่เปลี่ยนกลับมาเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบาๆอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ แถมพอจะดึงมือออกเจ้าหมานี่ก็เกาะไว้เหนียวแน่นยิ่งกว่าปลาหมึกอีก

โซโล่….ไอ้หมาแผนสูง!

 

 

“หิวแล้ว”

ผมก้าวเท้าเดินต่อ ไม่ได้สนใจคนที่กำลังลูบท้องตัวเองป้อยๆอย่างน่าสงสาร

“กีตาร์…”

“หิว…”

“กินข้าว…”

“เราไปกินคนเดียวเลย พี่ไม่หิว”ผมบอกแล้วทำเป็นมองไปเรื่อย แต่มองไปมองมากลายเป็นหันมาเห็นสายตาแวววาวของคนที่บอกว่าหิวแทน แล้วรอยยิ้มนั่นมันอะไรกัน

“บอกให้กินคนเดียว แล้วทำไม…”โซโล่ขยับเข้ามาหา ก่อนจะก้มหน้าลงมานิดๆจนหน้าผากเราแทบจะติดกัน “พาผมมาหน้าร้านข้าวล่ะ”

ผมก้มลงมองมือที่จับอีกคนไว้แล้วมองเลยไปยังป้ายหน้าร้านที่เรากำลังยืนอยู่

Yayoi

กีล์…

หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็เดินมาเลือกซื้อนมใส่รถเข็น ก่อนที่โซโล่จะเดินนำไปโซนผลิตภัณฑ์อาบน้ำ

“กีตาร์เลือกให้หน่อย”

“ที่ห้องหมดเหรอครับ”

“จะซื้อชุดเล็กไปทะเล”

ผมพยักหน้ารับ ยอมเดินเข้าไปเลือกให้แต่โดยดี…โดยที่ลืมคิดไปเสียสนิทว่าทำไมต้องมาเลือกให้ ของตัวเองหรือก็ไม่ใช่ หลังจากเลือกพวกสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน อะไรเรียบร้อยจนครบแล้วก็เดินไปจ่ายเงิน แต่กลายเป็นว่าของที่ผมเลือกมันมีอย่างละสองชิ้น

“โซ ทำไมมีสองชิ้นล่ะครับ”

“ซื้อไว้ก่อน”

ผมพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะคิดว่าเขาคงเผื่อสำรองไว้ รอจนโซโล่จ่ายเงินเสร็จก็เข้าไปช่วยถือก่อนเราจะขนของมาขึ้นรถ

“พี่กีล์!”

ยังไม่ทันก้าวเท้าขึ้นรถก็ได้ยินเสียงใครสักคนเรียกเสียก่อน ผมหันกลับไปมอง มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งจากประตูเข้าห้างตรงมาทางนี้ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงหน้าตาดี แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองไม่รู้จักผู้ชายคนนี้

“ครับ?”

“มาเที่ยวเหรอครับ”เขาฉีกยิ้มกว้างมาให้จนผมต้องยิ้มกลับไปงงๆ

“มาซื้อของครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ…”

“ผมชื่อเคครับ เป็นรุ่นน้องพี่ อยู่ปีหนึ่ง”

ก็ว่าทำไมไม่รู้จัก เอาจริงๆผมยังไม่รู้จักเด็กปีหนึ่งเลยสักคน…นอกจากเอสที่เป็นเดือนคณะนะ

“ครับ…”ผมเหล่ตามองคนที่ออกมายืนพิงรถรออยู่อีกฝั่งแล้วก็ได้แต่ยิ้มฝืนๆ เพราะเริ่มรู้สึกว่าโซโล่กำลังไม่พอใจ สังเกตได้จากคิ้วที่ขมวดนั่นแล้วก็บรรยากาศที่แผ่ออกมา

แต่ดูเหมือนเด็กที่ชื่อเคนี่จะไม่ได้สังเกตเห็นมันสักนิด

“ผมไปซื้อกาแฟที่ร้านพี่ตลอดแต่จำกันไม่ได้…น่าน้อยใจจังนะครับ”

“ขอโทษด้วยนะครับที่จำไม่ได้ แต่พี่ต้องไปแล้ว”ผมยิ้มให้เคตามมารยาท ก่อนจะหันไปมองหมาตัวโตที่จ้องมองคนมาใหม่ด้วยดวงตาวาวโรจน์

“โซ…กลับกันครับ”ผมยิ้มออกมาอีกครั้ง โซโล่เองก็หันกลับมาหาแล้วยอมพยักหน้า บรรยากาศอึดอัดดูเบาบางลงมาก บางทีอาจจะเป็นอย่างที่พวกโนว์มันว่า

รอยยิ้มที่ผมให้แต่ละคนมันคงต่างกันจริงๆ…

“ไว้เจอกันนะครับพี่กีล์!”

เด็กนี่…ผมหรี่ตามองคนที่ยืนโบกมือและตะโกนตามหลังมาผ่านกระจกข้างของรถ อดรู้สึกไม่ได้ว่ารอยยิ้มของเขามันแปลกๆ

 

 

“ผมไม่ชอบหมอนั่น”คนที่นั่งเงียบมาตลอดทางพูดขึ้นเมื่อผมขึ้นไปเอานมอุ่นมายื่นให้เขาที่รถ เอาจริงๆผมก็พอจะรู้อยู่หรอก จ้องเหมือนจะฆ่าขนาดนั้น แถมตอนอยู่บนรถก็นั่งเงียบขมวดคิ้วมาตลอดทางด้วย

“เขาเป็นรุ่นน้องพี่ครับ ไม่มีอะไรหรอก”ผมบอกคนที่ยืนขมวดคิ้วพิงรถด้วยมาดดูดีแต่ดันถือแก้วนมอุ่นไว้ในมือ

“สายตาของมัน…”โซโล่หรี่ตาน้อยๆ ใบหน้าดูหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม

“เขาจะคิดอะไรก็ให้เขาคิดไปสิ”ผมดึงมือที่มีแก้วเปล่าของอีกคนมากุมไว้แล้วแย่งแก้วมาถือเอง

“แต่ผมไม่ชอบ…”

“มันสำคัญที่พี่ไม่ใช่เหรอครับ”ผมยิ้มอ่อนโยนให้โซโล่ที่นิ่งไปแทบจะทันทีที่ผมพูดจบ และนั่นทำให้ผมเชื่อว่าเขาเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร

มันไม่ได้สำคัญเลยว่าคนอื่นจะคิดอะไรกับเราหรือต้องการอะไรจากเรา แต่มันสำคัญที่ตัวเราคิดอะไรและจะจัดการกับมันอย่างไรก็เท่านั้น

“อืม”

“กลับไปพักผ่อนได้แล้วครับ”

“นี่ของกีตาร์”โซโล่หันไปหยิบถุงพลาสติกจากในรถมายื่นให้ผม

“อะไรเหรอครับ”ผมแหวกถุงดูก็พบว่ามันเป็นพวกยาสีฟันอะไรต่างๆที่เราไปซื้อกันมาที่ห้างและผมเป็นคนเลือก

“ของใช้ไปทะเล”

“เดี๋ยวพี่ซื้อเองก็ได้นะ โซเก็บไว้ดีกว่า…”

“ถ้าไม่เอาจะโกรธ”

นี่คำขู่เหรอเนี่ย…

“ครับๆ ถ้าอย่างนั้นขับรถดีๆนะ”

ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายเหมือนกำลังขบขันของโซโล่…หรือผมจะลืมอะไรไป จะถามก็ไม่ได้เพราะอีกคนขับรถออกไปแล้ว จะว่าไปแล้วปกติกว่าจะยอมไปก็ต้องลีลาตั้งนาน แล้วทำไมวันนี้ยอมกลับไปง่ายผิดปกติ…

เดี๋ยวนะ…

จำได้ว่าผมเคยพูดว่าจะดูพฤติกรรมของเขาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไปนี่นา…

กีล์…

พลาดอีกแล้ว

------------------------------------
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 03-01-2017 17:13:00
เรื่องนี้น่ารักมากค่ะ ชอบความชัดเจนของทั้งสองคน  รู้สึกยังไงก็บอกกันตรง ๆ   เราชอบที่เคลียร์จบในตอนเหมือนกันค่ะ  ไม่ค้างคา   (เบื่อมากพวกชอบอมพะนำไม่พูดให้เข้าใจทำให้เข้าใจกันผิด)   น้องปีหนึ่งคนนี้ชอบพี่กีล์แน่เลย  อยากเห็นโซโลตอนรุกจังเลย     แอบกลัวดราม่าครอบครัวโซโล   เป็นกำลังใจให้ค่ะ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-01-2017 17:19:08
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-01-2017 18:22:03
พี่กีล์ต้องเขินแบบนี้ทั้งชีวิตอ่ะค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 03-01-2017 18:39:27
พี่กีล์ตามลูกหมาโซโล่ไม่ทันหรอก เจ้าเล่ห์จะตาย :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 03-01-2017 18:57:20
เหมือนจะมีเจ้าตัวร้ายโผล่มาแหย่น้องฮัสกี้หน้านิ่ง
เตือนไว้เลยนะ พี่กีล์เป็นของฮัสกี้เท่านั้นนนนนนนน  :angry2:

ปล.อยากเห็นช็อตสวีทที่ทะเลแล้วอ่า  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-01-2017 18:57:28
5555555555555
ตอนนี้ะกีล์พลาดท่าทั้งตอนเลยอ่ะ ^0^
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 03-01-2017 19:08:43
พี่กีล์เขินตัวแตกแล้วยังมาพลาดท่าอีก สงสารรรรร55555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 03-01-2017 19:29:59
พลาดแล้วพี่กีส์ ตกลงไปทะเลกับโซแล้ว
555
 :katai5: :katai5:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-01-2017 19:36:01
 :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 03-01-2017 19:44:26
กีลต่อมเขินแตกแล้วหรือเนี่ย น่ารักจริงๆ คู่นี้ มิสเตอร์เคต้องการอะไรคะ อย่ายุ่งกับคนมีคู่แล้วสิ มันไม่ดี

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 03-01-2017 19:48:05
โซโล่ลูก ~~~หวงพี่กีล์หรอคะ
อย่าห่วงเลย พี่กีล์ชอบโซโล่อยู่แล้ว

ชอบโซ นางอ้อนได้ใจมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-01-2017 19:58:06
คู่แข็งโซโล่เปิดตัวแล้ว ไปทะเลคราวนี้สนุกแน่
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-01-2017 20:12:01
เจ้าหมานี่มันเจ้าเล่ห์แท้ๆเลยย
พี่กีล์นี่ต้องทำใจแล้วแหละ
เจอแบบนี้ไปทั้งชีวิตแน่ๆ555
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11 P.8 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 03-01-2017 20:42:22
หมายเหตุ : เหตุการณ์นี้ต่อจากพาร์ทก่อนเริ่มตั้งแต่ไปร้านเหล้านะเออ

 

[Solo] Special Part 2



[มึงต้องมานะโซ ได้ตำแหน่งทั้งทีไม่มาได้ไงวะ]

เสียงรุ่นพี่ที่ดังมาตามสายทำให้เจ้าของตำแหน่งเดือนมหา’ลัยหมาดๆถอนหายใจยาว

“ไม่ไป”

ไม่ไปก็คือไม่ไป คนอย่างโซโล่พูดคำไหนคำนั้น ถ้าทำให้เขาตกลงได้ต่อให้ไม่พอใจทีหลังก็จะทำให้ แต่ตอนนี้เขาง่วง หงุดหงิด และมีสติครบถ้วน เพราะฉะนั้นไม่ไปก็คือไม่ไป บังคับก็ไม่ไป อ้างอะไรก็ไม่ไปทั้งนั้น

จะนอน!

[ไอ้กีล์มานะ]

“แต่งตัวก่อน”

[ทีงี้เร็วเลยนะมึง สองทุ่มเจอกันร้านบออาบาร์ที่อยู่ข้างมอ]

“อืม”

ก็กีตาร์เป็นข้อยกเว้นของทุกเรื่อง

เขาไม่ชอบสถานที่โหวกเหวกเสียงดังและหนวกหูเป็นที่สุด แต่ก็ต้องพาร่างเดินผ่านฝูงคนเข้าไปด้านใน รู้สึกรำคาญสายตารอบด้านที่จ้องมองมาจนอยากจะหันหลังกลับ  ติดอยู่ตรงที่มีเหตุผลให้มาที่นี่ทำให้จำใจต้องเดินเข้าไปด้านในทั้งที่ง่วงแทบตาย

“เฮ้ยมึง!”เสียงทักดังมาจากโต๊ะตัวใหญ่ที่มีคนนั่งอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือรุ่นพี่ที่ลากเขามาที่นี่

“อะแดกๆ เดี๋ยวกีล์มา”

เขารับแก้วเหล้ามาก่อนจะเดินไปนั่งที่มุมมืดของร้านแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาคนที่ยังไม่เห็นหน้าเสียที

Gui Jirayu : กำลังไปครับ : )

เกือบคิดว่าจะโดนหลอกให้มาแล้ว…

คิดแล้วก็เผลอเอาหัวชนเสาแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น

ว่ากันว่าเวลาโดนจ้องมากๆจะรู้สึกตัวท่าทางจะจริง เพราะทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็พบกับสายตาตกใจของคนที่รออยู่ ดีที่ยื่นมือไปคว้าแขนเอาไว้ทันอีกคนเลยไม่ได้หงายหลัง

“…อย่าขยี้ตา”

ดุ…

“เจ็บ”

“ขอพี่ดูหน่อย…ทีหลังล้างหน้าเอานะครับ อย่าขยี้ตาแบบนี้อีก”

เพราะอีกคนไม่ยอมยิ้มเสียทีเลยได้แต่ส่งสายตาไปให้

ไม่อยากให้ดุ อยากให้ยิ้ม…แต่ก็ดีใจอยู่ดีที่เป็นห่วง

“ถ้าเจ็บก็หลับตาไว้สักพักก่อนนะ”สุดท้ายก็ยิ้มบางๆมาให้เหมือนเคย

เขาดึงมือที่ไม่ได้นุ่มนิ่มซึ่งน่าจะเกิดจากการทำงานหนักมาแนบแก้ม สัมผัสอุ่นๆที่ได้รับทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“อืม…หายเจ็บแล้ว”

หลังจากนั้นกีตาร์ก็ชวนเขากลับ แต่พอไปลาพวกรุ่นพี่กลับบ่นใส่กีตาร์จนเขาหงุดหงิด น่าจะเพราะง่วงมากด้วยเลยฟังคำพูดอะไรเหมือนการหาเรื่องไปหมด

ยกเว้นเสียงกีตาร์นะ

กว่าจะขับรถมาถึงคอนโดรู้สึกเหมือนใช้พลังงานไปมหาศาล ดีที่ยังพอมีแรงอยู่บ้าง

อืม…ดูเหมือนจะลืมไปส่งกีตาร์

“เดี๋ยวพี่กลับเองครับ เรารีบไป…”

รู้สึกผิดนิดๆที่แกล้งหลับแล้วให้กีตาร์พาไปถึงห้อง จริงๆคือตอนนั้นคิดไม่ทันว่าจะใช้วิธีอะไรรั้งตัวไว้ดี สุดท้ายเลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุด

“คุณชาย…”

เขาไม่แน่ใจว่าพวกพนักงานเข้ามาช่วยพยุงกี่คน แต่พอรับรู้ได้ว่ากีตาร์อยู่ข้างๆตลอดเวลาก็เลิกคิด…

ก็ลองไม่เข้ามาช่วยคงได้โดนไล่ออกหมด

คอนโดนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจฝั่งพ่อของเขาซึ่งเปิดมานานแล้ว เหมือนจะเป็นตึกแรกที่สร้างขึ้นมาก่อนจะย้ายไปปักหลักอยู่ต่างประเทศ ดังนั้นที่นี่จึงเป็นหนึ่งในธุรกิจไม่กี่แห่งที่มีอยู่ที่ประเทศไทย...และดูเหมือนพ่อของเขาจะขยายธุรกิจมาที่ไทยเร็วๆนี้

นั่นหมายความว่าพ่อ...กำลังจะกลับมาที่นี่

เขาแอบหรี่ตามองเมื่อเห็นว่ากีตาร์กำลังเดินไปเดินมาเหมือนหาอะไรอยู่ สุดท้ายเลยต้องส่งเสียงออกไปเพื่อให้อีกคนหยุดเดิน

“หนาว…”

“พี่ไม่กล้าเข้าห้องเรา ลุกเข้าไปนอนไหวไหมครับ”

คงเพราะพวกพนักงานไม่ยอมไปส่งในห้อง กีตาร์เลยคิดว่าเป็นสถานที่ส่วนตัว...ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เขาไม่ชอบให้ใครเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว

และแน่นอนว่ากีตาร์คือข้อยกเว้น

“กีตาร์เข้าได้…”

ปกติเขาไม่ชอบให้ใครแตะต้องตัว แต่ทุกครั้งที่กีตาร์ลูบหัวกลับรู้สึกดีจนอยากจะอยู่แบบนั้นนานๆ เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นผ่านฝ่ามือนั้นทุกครั้ง กีตาร์ยังคงเป็นคนใจดีที่อ่อนโยนเหมือนเคย...เพราะอย่างนั้นขอใช้ความใจดีนั่นให้เป็นประโยชน์กับตัวเองสักหน่อยคงไม่เป็นไร

“นอนนี่นะ…นะครับ”

เผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้แต่ตื่นมากลางดึกเพราะมือที่จับไว้หายไป หัวใจเต้นแรงจนเจ็บ หงุดหงิดยิ่งกว่าอะไรเพราะเป็นห่วงคนที่หายไปแล้วก็กลัวว่าอีกคนจะหนีไปด้วย แต่กลายเป็นว่ากีตาร์กำลังนั่งเล่นอยู่ตรงโซฟามุมโปรดของเขา

หลังจากสงบอารมณ์แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนตักนุ่มๆอย่างถือวิสาสะ ยิ่งกีตาร์ไม่ว่าอะไรแถมลูบหัวก็ยิ่งได้ใจ อารมณ์หงุดหงิดเมื่อกี้หายไปแทบจะทันที

จริงๆตอนนั้นเขาจำอะไรไม่ค่อยได้นักเพราะตักกีตาร์มันเหมือนยาสลบ...ทั้งอุ่นทั้งสบาย แถมตอนนั้นยังเผลองับนิ้วกีตาร์เพราะได้กลิ่นหอมเหมือนขนมด้วย

“ไม่นอนก็ลุกขึ้นนั่งดีๆสิครับ”

ไม่มีทาง…

หลังจากนั้นไม่นานเจ้าของตักที่บอกว่านอนไม่หลับก็เอนตัวหลับไปก่อนเขาที่บอกว่าง่วงเสียอีก

“ฝันดีครับกีตาร์…”

เขาหยิบมือคนที่หลับไปแล้วขึ้นมาแล้วกดจูบเบาๆที่ข้อนิ้วก่อนจะทรุดตัวลงนอนด้านข้าง

กีตาร์เป็นคนอ่อนโยน...อ่อนโยนและใจดีจนอยากเก็บไว้คนเดียว

ปกติเขาก็ไม่ได้ใส่ใจตัวเองเท่าไหร่อยู่แล้ว แต่พอกีตาร์เข้ามาอีกคนกลับใส่ใจแทนแทบจะทุกอย่าง แม้แต่เรื่องเช็ดหัวกับใส่เสื้อก็ยังโดนดุ...แต่สุดท้ายคนดุก็ทำให้หมดอยู่ดี

น่ารัก...

ไม่เคยบอกกีตาร์เลยสักครั้งว่ากีตาร์ทำอาหารอร่อยแค่ไหน อาหารของกีตาร์เหมือนกับที่แม่ของเขาเคยทำให้กินก่อนจะจากไปไม่มีผิด

กีตาร์กำลังทำให้เขาขาดไม่ได้…

มากขึ้น…มากขึ้นทุกวัน

 

การได้เจอคนที่อยากเจอในทุกๆวันทำให้การเดินทางมาเรียนมีความหมาย แค่ได้นั่งมองอีกคนทำงานพิเศษในร้านกาแฟ  มองใบหน้าของคนที่กำลังยิ้มแย้มให้คนอื่นก็ว่ามีความสุขแล้ว แต่เมื่อคนๆนั้นหันมายิ้มให้...เขารู้สึกเหมือนมันแตกต่างจากคนอื่น

มันเป็นรอยยิ้มที่มอบให้คนเพียงคนเดียว…และนั่นทำให้เขามีความสุขยิ่งกว่าอะไร

“หันซ้ายหน่อย”เขาถอนหายใจเหนื่อยหน่ายก่อนจะทำตามคำสั่งของช่างภาพ ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นงานที่ตำแหน่งนี้ต้องทำคงไปหากีตาร์นานแล้ว

ตัวก็เปียกหนาวก็หนาว ไม่รู้ว่าจะให้ทำไปถึงไหน ทั้งภาพนิ่งทั้งวีดีโอไม่ผ่านสักอย่าง

“เอาไว้มาต่อพรุ่งนี้แล้วกัน กลับๆ”

“น้องโซโล่ ให้พี่ไปส่งนะคะ”

เขาปลายตามองรุ่นพี่ผู้หญิงที่เป็นคนเอาน้ำมาราดตัวเขาแล้วหันหน้าหนีก่อนจะเดินออกจากที่นั่นทันที ไม่รู้ว่าจะวุ่นวายอะไรนักหนา นี่ก็ตั้งแต่เข้ามาแล้ว เขาไม่ชอบคนที่ทำตัวสนิทสนมและชอบแตะเนื้อต้องตัว แต่ผู้หญิงคนนี้ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ เดินหนีตั้งหลายครั้งก็ยังไม่ยอมไปจนรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชายต้องมาลากออกไปทุกที

เขาไม่ใช่คนใจดี ถ้ามันเกินขอบเขตและเขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ขึ้นมาอะไรก็ฉุดไม่อยู่ และเพราะรู้ตัวดีถึงพยายามใจเย็นมาโดยตลอด

ไม่รู้จะเย็นได้นานแค่ไหน…

แต่ความจริงเขาก็ต้องขอบคุณอยู่หน่อยๆ เพราะดูเหมือนในเรื่องร้ายๆน่าหงุดหงิดมันก็มีเรื่องดีๆอยู่เหมือนกัน

กีตาร์เป็นห่วงเขา ยอมไปนอนด้วยกัน…แถมยังได้เห็นกีตาร์หน้าแดงด้วย

เพราะอีกคนยิ้มตลอดเวลาเลยทำให้สังเกตได้ยากว่ากำลังรู้สึกยังไง แม้แต่ตอนโกรธหรือตอนดุมันก็ยังดู…น่ารัก

แต่ครั้งนี้กีตาร์หน้าแดงแบบเห็นได้ชัดจนเผลอแกล้ง

“…หน้าแดง”

ขนาดจะผลักหัวยังผลักเบาๆ…

หลังจากเล่าเรื่องรุ่นพี่ให้ฟัง กีตาร์ที่ดูยิ้มๆตลอดเวลาก็แสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมาแล้วก็ไม่ยอมยิ้มให้ด้วย

“อยากทำตัวติดเธอไม่ต้องห่างไปไหน

ไม่ว่าจะทำอะไรก็อยากทำด้วยกัน

ทุกลมหายใจเข้าออก ทุกเวลาของฉัน…”

เพราะไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่ให้เพลงพูดแทนแล้วขยับปากบอกให้คนหน้าบึ้งยิ้มเสียที

‘ยิ้มๆ’

กีตาร์ยิ้มกว้างจนดวงตาแทบปิด เขาหัวเราะออกมาเบาๆแล้วจ้องมองกลับไปนิ่งงันเพื่อส่งผ่านความรู้สึกที่มีไปให้

“…อยากจะใช้กับเธอ”

อยากอยู่ใกล้ๆตลอดเวลาเลย

 

วันต่อมากีตาร์มาหาที่สตูแถมยังโมโหแทนเขาด้วย ทันทีที่ผู้ชายปากดีต่อว่ากีตาร์เขาได้แต่จดจำใบหน้านั้นไว้ในใจเพราะกีตาร์ส่งสายตาห้ามปรามมาให้

ถ้ามันไม่มายุ่งกับกีตาร์อีกก็จะยอมปล่อยไปสักครั้ง

เขาไม่เคยเห็นกีตาร์ในมุมแบบนี้มาก่อน ถึงหน้าจะยิ้มหรือนิ่งเฉย ไม่ได้ตวาดหรือพูดจาหยาบคาย แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเชือดเฉือนและน่ากลัวจนอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้

กีตาร์โกรธเพื่อเขา…

การสัมภาษณ์กับกีตาร์มันไม่เหมือนคนอื่น ใบหน้ายิ้มๆที่คอยส่งผ่านกำลังใจมาให้มันทำให้เขารู้สึกดีและอยากจะทำทุกอย่างให้ได้ดีจะได้เดินเข้าไปหาอีกคนไวๆ

“สุดท้ายนี้บอกอะไรกับคนที่ชมวีดีโออยู่หน่อยครับ”

“ขอบคุณครับ”

ขอบคุณที่โกรธแทนและขอบคุณ…ที่เข้ามาในชีวิต

ระหว่างที่เดินกลับไปที่รถรู้สึกปวดหัวจนเหมือนจะเดินเซ คงเพราะเพิ่งมาจากนอกได้ไม่นานเลยยังไม่คุ้นชินกับอากาศที่ไทย แล้วนี่ยังตัวเปียกอยู่ตั้งหลายชั่วโมง ไม่แปลกที่จะไม่สบาย แต่ทุกครั้งที่เกือบล้มก็จะมีมืออุ่นๆยื่นมาประคองและคอยถามคอยห่วงตลอด สุดท้ายก็มานั่งทรุดอยู่ที่ม้านั่งแล้วพิงหัวกับตัวกีตาร์ไว้

ยังไม่ถึงขั้นทรงตัวไม่ได้แต่กลับคิดว่าถ้าได้ใกล้กว่าเดิม…ไม่สบายหนักๆก็ไม่เลวเหมือนกัน

รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเพื่อนแว่วเข้าหัวมาแต่จับใจความไม่ค่อยได้นักเพราะเขาเริ่มปวดหัวหนัก แต่พอได้ยินที่พวกนั้นคุยกันเรื่องทะเลเลยต้องเงยหน้ามองกีตาร์

ไปด้วยกันนะ ถ้าไม่ไปก็ไม่มีความหมายสิ…

หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าขึ้นมาถึงห้องตอนไหน แต่กลับขัดหูขัดตารำคาญเพื่อนสองคนที่ไม่ยอมกลับไปเสียที

อยากอยู่กับกีตาร์สองคน…

กีตาร์ไล่เข้าไปนอนในห้องแต่เขาก็ไม่ไปเพราะอยากอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา แถมเพื่อนเขา…

“ไม่อยากให้อยู่กับพวกมัน”ไม่รู้จะใส่ร้ายอะไรให้กีตาร์ฟังหรือเปล่า รีบๆกลับไปเสียที

ไม่อยากกินข้าวแล้วแต่อยากนอน อยากกอดกีตาร์…

“โซ…”เสียงเรียกอ่อนโยนของกีตาร์ทำให้สิ่งอื่นๆหมดความหมาย แม้แต่ผ้าห่มที่ดูดไว้กับตัวก็เอาไม่อยู่ “นะครับ”

สุดท้ายก็กลั้นใจกินข้าวกินยาเข้าไปจนได้ แถมยังโดนกีตาร์ดุเพราะปากุญแจใส่หน้าเจไดด้วย

ก็มันกวนเขาก่อน…แล้วยังชอบมองกีตาร์อีก

ทั้งที่รู้ตัวว่าไม่สบายแต่ก็อยากกอดกีตาร์ สุดท้ายก็ทนความต้องการไม่ไหวจนดึงอีกคนเข้ามากอด

“ถ้าไม่สบายผมจะดูแลเอง”

 

เช้าวันต่อมากีตาร์ก็ยังดูแลอยู่ ไม่เคยรู้สึกดีใจที่ไม่สบายขนาดนี้มาก่อน

“ต้องดูแลตัวเองนะครับ ขนาดพี่ทำงานหนักยังไม่ละเลยตัวเองเลย เราต้องรักตัวเองบ้าง เข้าใจไหม”

เขายิ้ม รู้สึกเหมือนหัวใจพองโตเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้น คำพูดที่ไม่มีใครเคยพูดมาก่อน

“กีตาร์เป็นคนแรกที่พูดแบบนี้”

“งั้นเราก็ต้องทำตามนะครับ ดูแลตัวเองบ้าง อย่าหักโหมเกินไป ตอนกลางวันก็ซ้อมได้แต่ต้องหาข้าวมาทาน ส่วนกลางคืนก็แบ่งเวลาพักผ่อนดีๆ อย่าซ้อมจนไม่เหลือเวลานอน…”

บอกไปกี่ครั้งแล้วนะ…กีตาร์น่ารัก

เย็นๆกีตาร์รับโทรศัพท์แล้วทำท่าเหมือนจะกลับ เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไงเพราะยังไม่อยากให้อีกคนกลับเลยสักนิด

“กีตาร์…อยู่ด้วยก่อนนะ พรุ่งนี้จะไปส่งแต่เช้าเลย”เขาส่งสายตาที่มักจะทำให้กีตาร์ใจอ่อนได้เสมอไปให้…แต่ครั้งนี้กีตาร์ใจแข็งไม่ยอมสบตา

“ไม่…”

“นะครับ”

“…”

น่ารัก…

 

กีตาร์เล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟัง ใบหน้าของอีกคนมีรอยยิ้มตลอดเวลา เสียงของกีตาร์ดูมีความสุขและภูมิใจในตัวของคุณแม่ แต่เขามองเห็นความเศร้าในดวงตาคู่นั้น

"สักวันเราไปด้วยกันนะ..."

"ไป?"

"ไปหาแม่กีตาร์"

"โซอยากไปหาแม่พี่ทำไมเหรอครับ"

"ผมอยากเจอท่าน…”

เขายื่นมือไปแตะแก้มใสซึ่งอีกคนก็เอียงหน้าเข้าหาแล้วหลับตาลง กีตาร์ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีน้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากดวงตา

“ผมอยากรู้ว่าท่านเป็นคนยังไง…”

เขาขยับมือไปแตะหยดน้ำตาที่หยุดอยู่ที่ริมฝีปากบางนั้นแผ่วเบา กีตาร์ลืมตาขึ้นมองด้วยสายตาอ่อนโยน…และสะท้อนความรู้สึกเดียวกันกับเขา

"ทำไมถึงทำให้กีตาร์เป็นคนอ่อนโยนแบบนี้ได้"

หน้าผากและจมูกของเราสัมผัสกัน ก่อนที่เขาจะกดริมฝีปากลงที่อีกด้านของนิ้วที่แตะไว้บนริมฝีปากอีกคน

ถึงจะยังส่งผ่านความรู้สึกที่มีทั้งหมดไปให้ไม่ได้เพราะยังไม่มีสิทธิ์

แต่ตอนนี้รู้แค่นี้ก็พอ…

‘ผมจะอยู่ตรงนี้ข้างๆคุณ…และจะไม่ยอมปล่อยคุณไป’

---------------------------------


ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์

FAN PAGE : Chesshire. Twitter : Chesshire04

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 03-01-2017 21:06:09
น้องโซของป้าาาา หนูน่ารักกะพี่กีล์คนเดียวจริงๆสินะ
อยากกระโดดสิงร่าพี่กีล์ค่ะ ป้าบอกเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-01-2017 22:54:06
รีบอ้อนเข้าไม่รู้ว่าคุณพ่อมาเมืองไทยจะได้อ้อนไหมนะโซ :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-01-2017 00:03:06
กีส์ลิซึ่ม
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-01-2017 00:29:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 04-01-2017 00:50:29
เรื่องน่ารักอบอุ่นนนนน  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-01-2017 01:41:18
หวานๆ กันไป
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-01-2017 05:55:38
เอ็นดูโซโล่ พี่กีล์มีอิทธิพลกับน้องจริงๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 04-01-2017 10:16:41
เปิดเผยความรู้สึกมากกกกก

นี่ขนาดว่ายังไม่ใช่แฟนกันนะ ยังหวานขนาดนี้


หลงรักน้องโซกับพี่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 04-01-2017 12:47:10
มีความเขิล เค้าหวานกันจริงๆ   :-[
แอบกลัวดราม่าจากพ่อโซโล่ หวังว่าคงไม่มีอะไรมาก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 04-01-2017 13:04:27
ความน่ารักตะมุตะมิของโซหายไปไหน
ในความน่ารักมีความเจ้าล่ห์ซ่อนอยู่55
 :katai5: :katai5:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 04-01-2017 15:23:54
ขาดไม่ได้เลยหรือคะโซโล่
 :impress2: :impress2:
ในมุมมองเราเริ่มมีเรื่องครอบครัวเข้ามาเกี่ยวแล้ว ไม่ว่าจะของกีลหรือโซ ภาวนาให้คุณพ่อไม่ทำร้ายจิตใจลูกชายคนเดียวไปมากกว่านี้นะคะ เรายังอยากเห็นโมเม้นน่ารักๆ ของคู่นี้อีกนานนะคะะ

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 05-01-2017 01:18:45
พ่อจะกลับไทยแล้วแบบนี้จะม่ามั๊ย :katai1:

ช่วงนี้ก็อ้อนพี่กีล์ไว้เยอะๆนะจ้ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 05-01-2017 11:51:00
หวานมากกกกกก เขินมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-01-2017 15:36:09
หวานมากเลยอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 05-01-2017 17:04:41
น่ารักไปไหน ชอบอ้าาาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER11+SOLO Special2 P.8+9 [03/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 05-01-2017 19:39:04
-12-

 

“ล้อหมุนห้าโมงนะเพื่อน!”

เสียงแห่งความวุ่นวายดังขึ้นในทันทีที่ใครสักคนตะโกนออกมาหลังจากอาจารย์เดินออกไปจากห้อง และที่มันวุ่นวายขนาดนี้ก็เพราะตอนนี้มันสี่โมงสี่สิบแล้ว ถ้าผมไม่ได้ขนกระเป๋ามาตั้งแต่เช้าคงวุ่นวายเหมือนกัน เพราะบางคนที่หออยู่ใกล้ยังไม่ได้กลับไปเอากระเป๋าเลย นี่อาจจะเป็นข้อเสียของการเดินทางไปนอกสถานที่ พวกผมเรียนกันหนักและแทบจะไม่มีเวลาเหลือ ทุกอย่างมันเลยดูกระชั้นชิดไปหมด ต้องมาเร่งๆอยู่แบบนี้

“รถมาแล้วนะพี่!”โจ้ตะโกนมาจากทางประตูห้อง ดูเหมือนเพิ่งวิ่งมา เพราะตอนนี้หน้าตามันบิดเบี้ยวเหงื่อท่วมจนดูน่าขำมากกว่าน่าสงสาร

“อย่ามาเร่งกู มึงไปเกณฑ์คนให้ครบก่อนเหอะ!”โนว์ตะโกนตอบด้วยความหัวเสีย หลังโบกมือไล่น้องแล้วมันก็ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ต่อ

จากที่ผมได้ยินโจ้พูดกับเพื่อน ดูเหมือนพวกปีอื่นจะไปกันครบหมดแล้ว ที่มันมาเร่งแบบนี้ก็คงเพราะเกรงใจพวกดุริยางค์ ผมก็เพิ่งรู้มาจากโซโล่เหมือนกันว่าฝั่งนั้นมีคนน้อยมาก พวกผมเลยคุยกันว่าจะแบ่งคนไปรถเขาส่วนหนึ่งจะได้ประหยัด ซึ่งทางนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร

“เฮียยย ลุกได้แล้วครับผม”

ผมนั่งเท้าคางมองโจ้เข้ามาคุกเข่าวิงวอนให้โนว์มันหยุดเล่นเกมส์แล้วก็ได้แต่หัวเราะ เพราะตอนนี้มันแทบจะลงไปกราบเพื่อนผมอยู่แล้ว แถมในห้องตอนนี้ก็เหลือแค่ผม โนว์ ไวน์ เบียร์ แล้วก็โจ้ที่ยังไม่เดินออกไปด้วย

“กูขอเล่นจบตาก่อน”โนว์มันว่าแล้วก็เอามือดันหัวน้องให้ออกไปห่างๆ แต่ผมดูออกว่ามันแกล้งน้องอยู่ ลองได้มาตามแบบนี้แสดงว่าคงโดนใช้ให้มา ถ้ามีคนช้าโจ้มันคงโดนดีแน่นอน

“เฮียยยย สงสารผมเถอะ ผมไม่อยากโดนโยนลงทะเล”

ว่าแล้ว…

“ไปได้ละไอ้โนว์ เลิกเล่น”

ผมพยักหน้าสนับสนุนคำพูดเบียร์เงียบๆ สุดท้ายมันก็ยอมเก็บโทรศัพท์ แต่ไม่วายหันไปฉีกยิ้มให้โจ้ก่อนเดินออกมา

จริงๆที่พวกผมไม่รีบก็เพราะรถมันจอดอยู่หน้าคณะเรา แล้วอีกอย่างกว่าจะลำเลียงจัดคนอะไรเรียบร้อยก็ต้องใช้เวลา นี่ยังไม่ถึงห้าโมงเลยด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนจะผิดคาดไปหน่อย เพราะทันทีที่พวกผมเดินไปที่รถก็พบว่าพวกนั้นกำลังเดินขบวนขึ้นรถกันอย่างเป็นระเบียบ ไม่ได้วุ่นวายอย่างที่คิด พวกผมน่าจะมาถึงเป็นพวกสุดท้าย เพราะฉะนั้น…

“ไอ้โจ้!มึงโดนแน่!”เสียงคาดโทษดังมาจากเด็กปีสองที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ส่วนคนโดนคาดโทษก็ได้แต่โหยหวนอยู่สักพักก่อนจะวิ่งเข้าไปหา

“นั่งรถดุริยางค์นะพี่ ฝั่งนั้นจัดคนเสร็จหมดแล้ว”โจ้ตะโกนบอกพวกผมแล้วชี้ไปที่รถที่อยู่ด้านหลังสุด

ผมพยักหน้าแบบไม่คิดอะไรเพราะไม่ได้มีปัญหากับพวกดุริยางค์อยู่แล้ว หรือเอาจริงๆคือผมไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครทั้งนั้น เรียนไปทำงานไปวนเวียนมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ถ้าจะมีปัญหาก็ต้องถามพวกไอ้โนว์ที่หาเรื่องไปทั่ว แต่ก็คงไม่มีอะไรเพราะพวกมันเดินนำไปขึ้นรถแล้ว

“ฮิ้วววววววว”

แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดไปหน่อยที่ว่าไม่มีปัญหาอะไรกับพวกดุริยางค์ เพราะทันทีที่ขึ้นมาบนรถ…

“ฮิ้ววววววววววววววววว”

ก็เป็นเป้าสายตาทันที…

“พี่กีล์นั่งคันนี้ว่ะเพื่อน”เสียงแซวโจ่งแจ้งดังมาจากเก้าที่นั่งอยู่เบาะก่อนหลังสุด ขนาดแค่ประโยคธรรมดาประโยคเดียวยังเล่นเอาลูกคู่โหวกเหวกแซวตามกันเป็นแถว แค่นั้นยังไม่พอ เพราะตอนนี้ข้างๆเก้ายังมีฮัสกี้ตัวโตมองมาที่ผมพร้อมดวงตาเป็นประกายและรอยยิ้มมุมปากที่แสนน่าหมั่นไส้อีกต่างหาก

“ดีครับพี่ คันนี้ของดุริยางค์ปีหนึ่งกับปีสอง โหวกเหวกหน่อยนะ”น้องคนที่อยู่หน้าสุดฉีกยิ้มให้ ก่อนพวกที่เหลือจะทักทายพวกผมกันเสียงดังไปหมด

“เดี๋ยวกูไปนั่งกับไอ้ฟี”โนว์ชี้ไปที่ที่นั่งแถวกลางๆซึ่งเป็นที่ของเพื่อนวิศวะกลุ่มหนึ่งที่น่าจะขึ้นมาก่อนหน้าพวกผม แต่ปัญหามันเกิดตรงที่…

มีที่นั่งแค่สามที่คือข้างฟี แล้วก็เบาะคู่ ซึ่งแน่นอนว่าพวกมันจับจองกันจนเต็ม ปล่อยผมยืนเคว้งอยู่คนเดียว

“พี่กีล์ๆ ข้างหลังเลยครับ”น้องดุริยางค์อีกคนชี้นิ้วไปด้านหลังแล้วฉีกยิ้มแปลกๆ ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขอบคุณแล้วเดินไปตามที่เขาบอก

“พี่กีล์ทางนี้!”เก้าตะโกนเรียกอีกรอบ รอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจนี่กว้างจนจะถึงใบหูอยู่แล้ว ว่าแต่ไอ้สายตาหลายสิบคู่ที่มองมาที่ผมเป็นจุดเดียวนี่มันอะไรกัน

รู้สึกเหมือนเป็นของแปลก…

แหม…ที่นั่งข้างโซโล่จัดไว้เหมือนจงใจ ผมจำได้ว่าตอนแรกโซโล่นั่งอยู่กับเก้านะ แต่ตอนนี้เหลือเจ้าหมาที่นั่งอยู่คนเดียว ส่วนเก้ากลับไปนั่งยิ้มแฉ่งอยู่เบาะยาวข้างหลังซะได้

“เก้าไม่นั่งกับเพื่อนเหรอครับ”ผมถามโดยที่ยังไม่หย่อนตัวลงนั่ง

“ผมจะคุยเรื่องเพลงกับเพื่อนอะ พี่นั่งเป็นเพื่อนมันทีนะ”ว่าจบก็หันไปคุยกับเพื่อนอย่างที่ว่าทันที

“กีตาร์…”เสียงเรียกมาพร้อมกับแรงกระตุกเบาๆที่แขนเหมือนจะบอกให้นั่งลง

“พี่ยังไม่ได้คิดบัญชีกับโซเลยนะครับ”ผมหยิกมือที่จับแขนตัวเองไว้ไม่ยอมปล่อยไปหนึ่งทีแต่ก็ยอมนั่งลง เจ้าหมาตัวโตทำหน้ายู่ก่อนจะเอนหัวมาพิงไหล่โดยไม่พูดอะไร

เรื่องที่บอกว่าต้องคิดบัญชีก็คือเรื่องที่เจ้าหมานี่หลอกให้ผมรับปากว่าจะมานั่นแหละ แต่แค่นั้นยังไม่พอ เพราะสามวันที่ผ่านมาหลังจากไปซื้อของ ทันทีที่ผมพูดเรื่องทะเลเจ้าหมานี่จะทำเป็นไม่ได้ยิน พาเปลี่ยนเรื่องตลอด แถมตอนที่มาหาผมที่ร้านแล้วเก้ามาด้วย ถ้าผมเริ่มถามเก้าเรื่องกินข้าวหรือเรื่องซ้อมเมื่อไหร่เจ้าหมานี่ก็จะหาเรื่องลากเพื่อนออกไปจากร้านทันที

น่าตีจริงๆ

“โซ…”

“อือ…”พอได้ยินเสียงัวเงียอ้อนๆแล้วก็พูดต่อไม่ออก ได้แต่ยื่นมือไปบีบจมูกโด่งนั่นแรงๆแล้วปล่อยให้เจ้าตัวหลับไป

ก็เพราะผมยอมอยู่แบบนี้ไงถึงได้ใจนัก

 

 

เรามาถึงที่หมายในอีกสามชั่วโมงต่อมา โซโล่หลับมาตลอดทาง ไม่แม้แต่จะยกหัวขึ้นมา ผมเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ดีที่ไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำอะไรตอนพักเลยให้เจ้าหมานี่เกาะเป็นปลิงได้ ส่วนเรื่องสายตาล้อเลียนที่มองมาโดยเฉพาะจากพวกไอ้โนว์นี่ก็ทำได้แค่เมินไป

“พี่กีล์”

ผมชะงักมือที่กำลังจะปลุกคนข้างๆ แล้วหันไปมองเก้าที่น่าจะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่บนรถกับพวกผม ส่วนพวกที่เหลือทยอยลงไปหมดแล้ว

“ครับ”

“อย่าไปโกรธมันเลยนะพี่ถ้ามันไม่ยอมดูแลตัวเอง ถึงจะซ้อมเยอะหรือพักน้อยแต่มันก็ยอมกินข้าวทุกมื้อแล้วนะ”ใบหน้าที่ดูจริงจังของเก้าทำให้ผมต้องหันไปมองคนข้างๆที่กำลังผงกหัวขึ้นมา คงเพราะเสียงโหวกเหวกจากด้านนอกรถ

“พี่ไม่โกรธหรอกครับ…”ผมจับมือที่กำลังจะขยี้ตาตัวเองไว้แล้วยิ้มบางๆให้คนที่มองมาที่ผมสับกับเก้าอย่างงงๆ “พี่แค่เป็นห่วง”

ทันทีที่ผมก้าวลงจากรถ สิ่งแรกที่ได้รับก็คือสายตาที่มองมาจากทั่วทุกสารทิศ ผมยิ้มบางๆให้สายตาเหล่านั้นในขณะที่คนข้างๆก็เอาแต่หาวไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

“เพื่อนกีล์ ดูเหมือนมึงต้องไปนอนกับพวกดุริยางค์ที่เหลือเศษว่ะ พวกกูจัดห้องกันหมดแล้ว ห้องละสี่คน”โนว์เดินเข้ามาตบไหล่ผมแปะๆพร้อมรอยยิ้มกวนๆที่แลดูน่าถีบ

“พี่กีล์อยู่ห้องผมกับโซนะ พวกดุริยางค์ก็จัดห้องกันหมดแล้วเหมือนกัน”เก้าเดินเข้ามายิ้มให้ผมอีกคน

ผมได้แต่ส่ายหน้ามองไอ้พวกทำงานเป็นทีมแบบขำๆโดยไม่พูดอะไร ผมไม่ได้มีปัญหาหรือเรื่องมากเรื่องการนอนอยู่แล้ว และอีกอย่าง…

กับโซก็นอนด้วยกันมาแล้วตั้งหลายครั้ง

“เดี๋ยวให้ไอ้เคไปนอนด้วยคนนะ มันเหลือเศษ”

ผมหันไปโจ้ที่ดันเพื่อนหน้าตาคุ้นๆมาข้างหน้าแล้วก็รีบหันไปจับแขนหมาตัวโตข้างตัวไว้

ดีที่ผมจับแขนให้เจ้าตัวรู้ตัวไว้ก่อน เพราะตอนนี้คนที่ทำท่าง่วงนอนอยู่เมื่อครู่กำลังทำหน้านิ่งจนน่ากลัว แถมนัยน์ตาวาวโรจน์ยังจ้องไปที่เคเหมือนพร้อมจะฆ่าทิ้งได้ทุกเมื่อถ้าผมปล่อยมือ

ห้องนี้ท่าทางจะระอุ…

หลังจากตกลงกันเรื่องห้องเรียบร้อยหมดแล้วแต่ละคณะก็แยกกันไปคุยเรื่องกิจกรรมนิดหน่อยแล้วค่อยปล่อยพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องทำกิจกรรมแต่เช้า ผมไม่ได้สนใจสายตาของเด็กปีหนึ่งชื่อเคที่ดูเหมือนจะจ้องมาตลอดเวลา แต่เลือกที่จะมองไปที่แผ่นหลังของหมาตัวโตที่หันหลังฟังรุ่นพี่พูดอยู่แทน โซโล่ดูหงุดหงิดและหันมามองผมแทบจะตลอดเวลาที่เป็นไปได้ จนเหมือนจะโดนรุ่นพี่ฝั่งนั้นพูดอะไรใส่นิดหน่อยเลยหันมาน้อยลง

“เดี๋ยวแยกย้ายไปพักเลยแล้วกัน พรุ่งนี้เจอกันหกโมงเช้า”พอเด็กปีสองพูดจบพวกวิศวะก็เริ่มแยกกันไปหยิบข้าวของเข้าที่พักทันที

ที่ที่พวกผมมาพักเป็นรีสอร์ทริมทะเลที่เหมาห้องไว้ทั้งหมด แล้วก็มีส่วนพื้นที่ทะเลเฉพาะของรีสอร์ททำให้ง่ายต่อการทำกิจกรรมด้วย ถือว่าพวกนั้นเตรียมการมาดีพอควร คงจะคุยกับพวกดุริยางค์ไว้นานแล้วอะไรๆถึงได้ดูพร้อมไปหมด ดูเหมือนที่นี่จะเป็นรีสอร์ทสร้างใหม่ของใครสักคนในดุริยางค์เลยทำให้ได้ราคาถูกทั้งที่ดูมีระดับขนาดนี้

“พี่กีล์…”

ผมละสายตาจากแผ่นหลังของคนที่มองเหม่อแล้วหันมายิ้มให้เคที่เดินเข้ามาหา

“ครับ”

“ขึ้นห้องไหมครับ…โอ๊ย!”เคที่ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มร้องออกมาเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามอง มือก็คลำหัวตัวเองป้อยๆเหมือนเจ็บมากมาย ผมหันไปส่งสายตาดุตัวต้นเหตุที่ลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่รู้เรื่องก่อนจะหันกลับมาสนใจคนข้างๆ

“เป็นอะไรไหมครับ”

“เจ็บจัง”เคลูบหัวแล้วทำหน้าตาน่าสงสาร ซึ่งผมก็ทำได้แค่ส่งยิ้มไปให้โดยไม่ได้เข้าไปดูหรือพูดอะไรอีก

แค่โดนเจ้าหมาปาฝาน้ำใส่หัวจะเจ็บอะไรขนาดนั้น…

“เจ็บมากก็ขึ้นไปพักก่อนเถอะครับ”ผมดันกระเป๋าของเคที่อยู่ข้างๆไปให้เขา

“แล้วพี่…”

“พี่รอโซโล่ครับ”ผมตัดบทโดยไม่คิดอะไร เพราะที่พูดก็เป็นความจริง

“พี่ดูสนใจเขามากเลยนะครับ…”เคส่งยิ้มฝืนๆมาให้ผม ท่าทางของเขาเหมือนผิดหวังไม่น้อย

“เคไปพักเถอะ”ผมย้ำอีกครั้งโดยเลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั้น

“ไปก็ได้…แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ”

ท่าทีจริงจังที่เขาแสดงออกมาทำให้ผมต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ จริงๆตอนแรกก็คิดว่าจะไม่สนใจกับการแสดงออกนั่น แต่ดูเหมือนดวงตากับท่าทีที่เขาแสดงออกมามันจะชัดเจนเกินไปหน่อย และมันคงจะสร้างปัญหาให้ผมในภายหลังแน่ๆ

“เค…”

เจ้าของชื่อชะงักเท้าแล้วหันมายิ้มกว้าง

ผมไม่เคยใจดีจนทำให้ใครต้องเสียใจไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ตาม เพราะฉะนั้น…

“อย่า…”

“กีตาร์!”เสียงตะโกนจากฝั่งพวกที่ยังนั่งประชุมอยู่ทำให้ผมสะดุ้ง และมันทำให้ผมสังเกตเห็นว่าเคกำลังยื่นมือเข้ามาหา โซโล่ยืนอยู่กลางกลุ่มดุริยางค์มองมาทางนี้ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ตาคมหรี่ลงน้อยๆเหมือนกำลังควบคุมอารมณ์

เหม่อจนได้เรื่อง…

“เฮ้ยๆ ใจเย็น ยังประชุมไม่เสร็จ”เก้าลุกขึ้นมายกมือไหว้พวกรุ่นพี่ก่อนจะฉุดเพื่อนให้นั่งลง โซโล่เองก็ยอมนั่งลงง่ายๆ แต่ยังคงมองมาทางนี้ด้วยสายตาน่ากลัว

ผมหันกลับมาหาคนที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อที่จะพูดต่อจากที่ค้างไว้

“เค”

“ครับ”

“อย่าเสียเวลาเปล่าเลยครับ”

ดูแลหมาตัวเดียวก็เกินพอแล้ว…

 

 

“โกรธ”

“ครับ”

“โกรธจริงๆนะ”

“ขอโทษครับ”

“ไม่หาย”

“แล้วจะให้พี่ทำยังไงดี”

“…”

ผมหยุดเท้า หันหน้าไปมองคนที่บอกว่าโกรธนักโกรธหนาแต่ก็ยังเอากระเป๋าไปถือให้ด้วยสายตาขบขัน มือก็ทำหน้าที่ดึงแขนเขาไว้ไม่ให้เดินต่อ

“ว่าไงครับ”

“คิดก่อน…”คนที่ขอเวลาคิดวางกระเป๋าแล้วทำท่าทางเหมือนกำลังคิดจริงๆ เล่นเอาผมต้องใช้ความพยายามสุดๆเพื่อไม่ให้ตัวเองยิ้มออกมา “ไม่อยากให้คุยกับมันอีก”

“ไม่ได้ครับ”ผมปฏิเสธทันควัน ก่อนจะยื่นมือทั้งสองข้างไปดึงแก้มคนที่กำลังทำหน้าบูดด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว

“อยากคุยกับมันเหรอ”เสียงอู้อี้ของคนโดนดึงแก้มทำให้ผมหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่

น่ารักจริงๆ

“ไม่ใช่ครับ...เรื่องบางเรื่องถ้าเราไม่พูดมันก็จะไม่จบ โซอยากให้พี่เงียบ ปล่อยเขามาวอแวไปเรื่อยๆเหรอ…”ผมปล่อยมือแล้วเปลี่ยนมาลูบแก้มที่แดงเพราะฝีมือตัวเองเบาๆ “ถ้าการกระทำทำให้เข้าใจไม่ได้ เราก็ต้องใช้คำพูดช่วย ยิ่งเรื่องแบบนี้ถ้าทำอะไรผิดไปนิดเดียวแล้วไม่พูด เขาจะหาว่าให้ความหวัง เข้าใจไหมครับ”

“อืม”โซโล่พยักหน้าเบาๆแล้วจับมือผมไปกุมไว้ ใบหน้าดุที่หงุดหงิดมาตลอดทางเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มน้อยๆอย่างเคย

ตอนที่พวกผมเข้าไปในห้องมีแค่เก้าคนเดียวที่นอนอยู่บนเตียงเสริม ส่วนเคที่ควรจะอยู่ในห้องแม้แต่ข้าวของก็ไม่มี

“มันไปไหน”โซโล่หันไปถามเก้าด้วยน้ำเสียงที่เจือความไม่พอใจชัดเจน

“เห็นบอกไปนอนกับเพื่อน”

“ดี”

และทันทีที่เก้าตอบเสียงนั่นก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

ผมก็ได้แต่หวังว่าเคจะเข้าใจที่พูด การที่ต้องมาพูดจาแบบนั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกดีนักหรอก แต่การปล่อยให้อะไรค้างๆคาๆก็ไม่ใช่นิสัยผมเหมือนกัน

“โซ…ไปอาบน้ำก่อนเร็ว”ผมขุดหมาตัวโตที่ทิ้งตัวลงกับที่นอนให้ลุกขึ้นมานั่ง

“กีตาร์…”

“โซ!”ผมเรียกด้วยความตกใจ เมื่อคนที่ลุกมานั่งหันมากอดเอวแล้วดึงให้ล้มลงไปนอนบนที่นอนด้วยกัน

หมาบ้านี่!

“ง่วงแล้ว”โซโล่พูดเสียงอู้อี้ ซุกหน้าไว้กับท้องผมไม่ยอมปล่อย

“ไปอาบน้ำก่อน”

“ไม่ไป”

หลังจากเล่นมวยปล้ำกันไปเกือบครึ่งชั่วโมงแขนปลาหมึกก็ยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ โซโล่เดินงัวเงียไปเข้าห้องน้ำ ในขณะที่ผมต้องนั่งหอบอยู่เตียง ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะ…

“บางทีก็ไม่น่าลืมผมหรอก”เสียงเนือยๆแกมล้อเลียนที่ดังขึ้นมาทำให้ผมหันไปมองเจ้าของเสียงอย่างตกใจ

ลืมไปเลยว่าห้องนี้มีสมาชิกอยู่อีกคน…

“นี่นั่งดูคนฟัดกันแล้วหมั่นอะ”

“ยังไม่นอนเหรอครับ”

เก้ามองมาแบบล้อๆเมื่อเห็นผมเปลี่ยนเรื่อง…ก็ไอ้ประโยคแบบนั้นมันตอบได้ที่ไหนกัน

“ตอนแรกก็ใกล้หลับแล้ว แต่ได้ยินเสียงปล่อยๆอะไรนี่ล่ะเลยลุกขึ้นมานั่งดู”

เด็กนี่…

“นอนต่อเถอะครับ”

“เดี๋ยวก่อนดิพี่ ขอรอดูหนังสดต่อก่อน”

กวน…

“สนใจไปดูนอกห้องไหมครับเก้า”

 

 

คืนนั้นผมรู้สึกเหมือนขยับตัวไม่ได้…และแน่นอนว่าไม่ใช่ผีอำหรอก

“ลุกไปนอนที่ตัวเองเลยนะโซ!”

---------------------------

 

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-01-2017 19:51:39
ว้ายย ต้องขอโทษเคด้วยที่พี่กีล์ไม่รับเลี้ยงเพิ่มเพราะฮัสกี้ที่มีอยู่น่ารักมากพอแล้ว บู่
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-01-2017 19:56:16
ทำงานกันเป็นทีมดี
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-01-2017 19:57:00
พี่กีล์เด็ดขาด อย่างนุ่มนวล
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-01-2017 20:00:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel_Custard ที่ 05-01-2017 20:04:42
เมื่อหมาน้อยไม่ได้ใสซื่ออย่างที่คิด  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-01-2017 20:50:05
แค่ตัวเดียวพี่กีลล์ก็แทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้แล้ว
เคไม่ต้องอยากเป็นฮัสกี้อีกตัวของพี่กีลล์หรอก
ว่าแต่ฮัสกี้ของพี่กีลล์นี่เวลาหวงนึกว่าล็อตไวเลอร์

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 05-01-2017 21:09:59
พี่กีล์เด็ดขาดดีจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 05-01-2017 22:03:05
 :hao4: :hao4:โซโล่ก็โซโล่จริงๆนั่นล่ะ รู้สึกสงสารพี่กีล์ โธ่...ตามหมาตัวโตไม่ค่อยทันหรอก หลงเด็กก็งี้ล่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-01-2017 22:10:34
พี่กีล์สุดยอดดดดดดดดด
เยี่ยมจริง เยี่ยมจริง เยี่ยมจริง!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 05-01-2017 22:45:29
โซมันร้ายๆ
 :o8: :o8:
 :katai5: :katai5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-01-2017 23:08:54
พี่กีล์มีความชัดเจนมากกกอะ
โซโล่ขี้หึงมาก ขึ้หวงด้วยย
วอแวพี่กีล์สุดดดอะ555555
มีความขี้อ้อนสูงงงงง น่ารักก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 05-01-2017 23:10:31
น่าร๊ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 05-01-2017 23:39:22
และแล้ว น้องเค ก็โดนกำจัด 555  :laugh:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 06-01-2017 00:58:32
แอบสงสารเก้านะ ไร้คู่แล้วยังต้องมาดูคนจู๋จี๋  :z1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-01-2017 01:04:06
ต้องแบบนี้แหละ รีบตัดไฟแต่ต้นลม
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 06-01-2017 06:33:06
พี่กีล์ปฎิเสธสุดตัวเลย เริ่ดมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 06-01-2017 11:05:53
เรื่องนี้น่ารักเกินไปแล้วว
อ่านแล้วกระชุ่มกระชวยหัวใจ :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 06-01-2017 12:59:23
โอยยยย สวีทกันเกินไปล้าววววว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 06-01-2017 14:14:39
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 06-01-2017 17:36:19
ฟินม๊ากมากกกก อยากใส่ก.ไก่สักล้านตัว
อยากเป็นคุณเก้าจัง คงฟินน่าดู
 :z1: :z1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 06-01-2017 18:11:56
เราเพิ่งได้มาตามอ่านค่ะ โอ๊ยยยยย น่ารักมากกกกกก ชอบมากเลยค่ะ ชอบทุกอย่างในเรื่องเลย บรรยากาศวัยเรียนเรื่องนี้เราว่ามันดูไม่ค่อยเหมือนเรื่องอื่นยังไงไม่รู้ อาจเพราะลงลึกไปทางความสัมพันธ์ของพี่กีล์น้องโซมากกว่าด้วยมั้งคะ มันเลยให้อารมณ์ไม่เหมือนอยู่ในมหาลัยเท่าไหร่ ถึงจะมีกิจกรรมมีเรียนแต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมือนไงไม่รู้อ่ะค่ะ ส่วนตัวเราชอบนิสัยทั้งคู่มากเลยค่ะ โอ๊ยยย นี่หลงจริงนะคะเนี่ย คือพี่กีล์นี่ดูเหมือนจะนิ่งนะคะ ที่ไหนได้ แอบเขินตลอด คนอ้อนนี่ก็อ้อนจริงจัง แล้วดูค่ะ จากที่เจอวันแรกก็ตามสต็อล์กพี่เขาเลย 55555 น้องเอ๊ย เราชอบที่กีล์บอกว่าเพราะโซโล่พิเศษนะคะ โง้ยยย นี่ดิ้นเลยค่ะ เขินมาก พี่ก็ชัดเจนเหลือเกิน ตามสบายค่ะ ตามใจเลยยย รบกวนขอลิ้งค์เพจด้วยนะคะ เราอยากมีส่วนร่วมกับรูปบ้าง 5555555555 นี่พูดไปแล้วคู่นี้เขาชัดเจนในความรู้สึกกันทั้งคู่เลยนะคะ ไม่มีปิดบังอะไรทั้งนั้น นี่ก็อ่านไปเขินไป เราก็อยากเชียร์ให้เขาเป็นแฟนกันนะคะ แต่ก็อย่างว่าอ่ะค่ะ อยู่แบบนี้แล้วสบายใจสถานะมันอาจไม่จำเป็นก็ได้ เอาไว้อยากแสดงความเป็นเจ้าของค่อยเอาสถานะมาใช้ เราว่าอาจเป็นโซโล่ที่ทนไม่ไหวก่อนนะคะ เน้ พี่เขาแค่เป็นมิตรกับทุกคน แต่ยิ้มให้เธอแบบยิ้มอ่อยใช่ไหมนะคะ กรี๊ดดดดด แหม่ ตอนนั้นไม่ควรมีนิ้วมากั้นเลยค่ะ ไม่งั้นอาจได้เลื่อนสถานะ โอ๊ยยยย เราก็เขินต่อไป รอคอยวันที่เขาจะเป็นแฟนกัน แต่ดูๆไปแล้ว จะมีดราม่าฝั่งพ่อโซโล่ไหมคะเนี่ย.... แต่เราเชื่อว่าพี่กีล์แข็งแกร่งค่ะ ไม่มีอะไรทำร้ายพี่ได้! สู้นะคะ โอ๊ย อยากกอด ขอกอดทีได้ไหมคะ นี่จริงๆที่เปรียบเทียบโซโล่เป็นไซบีเรียฮัสกี้นี่เรานึกถึงหมาที่บางทีชอบทำหน้าปัญญาอ่อนเลยค่ะ แบบเวลาทำหน้าง่วงจะเป็นแบบนี้ >> (http://1.bp.blogspot.com/-ed4cL7PTths/Ua-hTLjZB1I/AAAAAAAADwE/q41_5hrqauk/s400/husky3.png) 555555555555555555 แต่น้องคงไม่ใช่แบบนั้นนะคะ แหม แต่ลุคออกจะดิบเถื่อน โอ๊ยยยยย แล้วนึกภาพผู้ชายเถื่อนๆมานั่งดีดกีต้าร์ทำตาหวาน กรี๊ดดดดดดดดดด แม่คะ แม่คะ!!!! นอกจากนี้ค่ะ...ยิ้มให้พี่กีล์คนเดียว!! โอ๊ยยยยย แม่ขา หนูตายอย่างสงบค่ะ เราชอบการเป็นหวงการดูแลในเรื่องด้วยค่ะ จริงๆมันเหมือนกับพี่กีล์เป็นคนคอยดูแลโซโล่อยู่คนเดียวแต่จริงๆเราว่าพี่กีล์ก็ได้รับการเยียวยาอยู่นะคะ เหมือนกับคนเลี้ยงหมาไว้แก้เหงาอ่ะค่ะ พี่กีล์อยู่คนเดียว ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวมาตลอด บางทีการได้หันไปพึ่งคนอื่นบ้างมันก็น่าจะดีอ่ะค่ะ อย่างน้อยช่วงเวลาเล็กๆที่ได้ยิ้มได้หัวเราะอย่างสบายใจมันก็ช่วยรักษาจิตใจได้นะคะ ส่วนโซโล่นี่ไม่ต้องพูดถึงอ่ะ ได้รับการดูแลทุกอย่าง ขี้อ้อนเอ๊ยยย สถาปนาตัวเองเป็นหมาของพี่กีล์อย่างเต็มตัวแล้วค่ะเนี่ย ดูสิคะ ทั้งอ้อนทั้งหวง มีเดินตามเกาะติดอีก พออูดถึงชื่อพี่กีล์นี่ก็นึกถึงฮาล์ฟปริ้นจริงๆด้วยค่ะ พ่อหนุ่มขายอ้อย 55555555 นี่ถ้าเป็นกีล์นู้นโซโล่ไม่รอดแล้วค่ะ จะเป็นคนเขินแทนแน่ๆ เอ้อ จะว่าไปนี่ก็อยากเห็นพี่กีล์ทำโซโล่เขินบ้างนะคะ เห็นทำอะไรแกก็ยิ้มหน้าบานตลอด ไม่เคยเขินเลย ฮื้ออออ แล้วดูค่ะ มานอนด้วยกันนนน แต่ก็นอนด้วยกันบ่อยแล้วอ่ะเนอะ ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยค่ะทุกคน  :z2:

รอตอนต่อไปนะค้าาาาา ส่วนเคก็ตัดๆออกไปเลยค่ะ ตัวประกอบคุณนักเขียนไม่จำเป็นต้องเสียเงินค่าตัวไปจ้างนะคะ 55555555555  :z1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 06-01-2017 18:34:12
เราเพิ่งได้มาตามอ่านค่ะ โอ๊ยยยยย น่ารักมากกกกกก ชอบมากเลยค่ะ ชอบทุกอย่างในเรื่องเลย บรรยากาศวัยเรียนเรื่องนี้เราว่ามันดูไม่ค่อยเหมือนเรื่องอื่นยังไงไม่รู้ อาจเพราะลงลึกไปทางความสัมพันธ์ของพี่กีล์น้องโซมากกว่าด้วยมั้งคะ มันเลยให้อารมณ์ไม่เหมือนอยู่ในมหาลัยเท่าไหร่ ถึงจะมีกิจกรรมมีเรียนแต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมือนไงไม่รู้อ่ะค่ะ ส่วนตัวเราชอบนิสัยทั้งคู่มากเลยค่ะ โอ๊ยยย นี่หลงจริงนะคะเนี่ย คือพี่กีล์นี่ดูเหมือนจะนิ่งนะคะ ที่ไหนได้ แอบเขินตลอด คนอ้อนนี่ก็อ้อนจริงจัง แล้วดูค่ะ จากที่เจอวันแรกก็ตามสต็อล์กพี่เขาเลย 55555 น้องเอ๊ย เราชอบที่กีล์บอกว่าเพราะโซโล่พิเศษนะคะ โง้ยยย นี่ดิ้นเลยค่ะ เขินมาก พี่ก็ชัดเจนเหลือเกิน ตามสบายค่ะ ตามใจเลยยย รบกวนขอลิ้งค์เพจด้วยนะคะ เราอยากมีส่วนร่วมกับรูปบ้าง 5555555555 นี่พูดไปแล้วคู่นี้เขาชัดเจนในความรู้สึกกันทั้งคู่เลยนะคะ ไม่มีปิดบังอะไรทั้งนั้น นี่ก็อ่านไปเขินไป เราก็อยากเชียร์ให้เขาเป็นแฟนกันนะคะ แต่ก็อย่างว่าอ่ะค่ะ อยู่แบบนี้แล้วสบายใจสถานะมันอาจไม่จำเป็นก็ได้ เอาไว้อยากแสดงความเป็นเจ้าของค่อยเอาสถานะมาใช้ เราว่าอาจเป็นโซโล่ที่ทนไม่ไหวก่อนนะคะ เน้ พี่เขาแค่เป็นมิตรกับทุกคน แต่ยิ้มให้เธอแบบยิ้มอ่อยใช่ไหมนะคะ กรี๊ดดดดด แหม่ ตอนนั้นไม่ควรมีนิ้วมากั้นเลยค่ะ ไม่งั้นอาจได้เลื่อนสถานะ โอ๊ยยยย เราก็เขินต่อไป รอคอยวันที่เขาจะเป็นแฟนกัน แต่ดูๆไปแล้ว จะมีดราม่าฝั่งพ่อโซโล่ไหมคะเนี่ย.... แต่เราเชื่อว่าพี่กีล์แข็งแกร่งค่ะ ไม่มีอะไรทำร้ายพี่ได้! สู้นะคะ โอ๊ย อยากกอด ขอกอดทีได้ไหมคะ นี่จริงๆที่เปรียบเทียบโซโล่เป็นไซบีเรียฮัสกี้นี่เรานึกถึงหมาที่บางทีชอบทำหน้าปัญญาอ่อนเลยค่ะ แบบเวลาทำหน้าง่วงจะเป็นแบบนี้ >> (http://1.bp.blogspot.com/-ed4cL7PTths/Ua-hTLjZB1I/AAAAAAAADwE/q41_5hrqauk/s400/husky3.png) 555555555555555555 แต่น้องคงไม่ใช่แบบนั้นนะคะ แหม แต่ลุคออกจะดิบเถื่อน โอ๊ยยยยย แล้วนึกภาพผู้ชายเถื่อนๆมานั่งดีดกีต้าร์ทำตาหวาน กรี๊ดดดดดดดดดด แม่คะ แม่คะ!!!! นอกจากนี้ค่ะ...ยิ้มให้พี่กีล์คนเดียว!! โอ๊ยยยยย แม่ขา หนูตายอย่างสงบค่ะ เราชอบการเป็นหวงการดูแลในเรื่องด้วยค่ะ จริงๆมันเหมือนกับพี่กีล์เป็นคนคอยดูแลโซโล่อยู่คนเดียวแต่จริงๆเราว่าพี่กีล์ก็ได้รับการเยียวยาอยู่นะคะ เหมือนกับคนเลี้ยงหมาไว้แก้เหงาอ่ะค่ะ พี่กีล์อยู่คนเดียว ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวมาตลอด บางทีการได้หันไปพึ่งคนอื่นบ้างมันก็น่าจะดีอ่ะค่ะ อย่างน้อยช่วงเวลาเล็กๆที่ได้ยิ้มได้หัวเราะอย่างสบายใจมันก็ช่วยรักษาจิตใจได้นะคะ ส่วนโซโล่นี่ไม่ต้องพูดถึงอ่ะ ได้รับการดูแลทุกอย่าง ขี้อ้อนเอ๊ยยย สถาปนาตัวเองเป็นหมาของพี่กีล์อย่างเต็มตัวแล้วค่ะเนี่ย ดูสิคะ ทั้งอ้อนทั้งหวง มีเดินตามเกาะติดอีก พออูดถึงชื่อพี่กีล์นี่ก็นึกถึงฮาล์ฟปริ้นจริงๆด้วยค่ะ พ่อหนุ่มขายอ้อย 55555555 นี่ถ้าเป็นกีล์นู้นโซโล่ไม่รอดแล้วค่ะ จะเป็นคนเขินแทนแน่ๆ เอ้อ จะว่าไปนี่ก็อยากเห็นพี่กีล์ทำโซโล่เขินบ้างนะคะ เห็นทำอะไรแกก็ยิ้มหน้าบานตลอด ไม่เคยเขินเลย ฮื้ออออ แล้วดูค่ะ มานอนด้วยกันนนน แต่ก็นอนด้วยกันบ่อยแล้วอ่ะเนอะ ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยค่ะทุกคน  :z2:

รอตอนต่อไปนะค้าาาาา ส่วนเคก็ตัดๆออกไปเลยค่ะ ตัวประกอบคุณนักเขียนไม่จำเป็นต้องเสียเงินค่าตัวไปจ้างนะคะ 55555555555  :z1:

มีความยาว นั่งอ่านแล้วหัวเราะหนักมาก ฮ่าๆ นี่สถิติเม้นยาวเลยนะคะเนี่ย ขอบคุณมากนะคะปลื้มมาก เรื่องลิ้งเพจอะไรเราทิ้งไว้ท้ายตอนหลังๆเพราะพึ่งทำเพจรวมถึงพึ่งเปิดทวิตด้วยค่ะ ฮ่าๆ
อันนี้เลย Twitter:@Chesshire04 แฮชแท็ก#โซโล่กีล์
แฟนเพจจิ้มได้เลยค่ะ >> Fan Page Chesshire. (https://www.facebook.com/Chesshire04/)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 06-01-2017 18:51:07
ลูกคนเดียวแบบนี้กลัวดราม่าเรื่องทายาทจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 06-01-2017 19:05:55
น่ารักมาก ฮือออ ชอบบ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 06-01-2017 19:18:19
เด็ดขาดมากค่ะพี่กีล์ แอบมีความเท่ห์เบาๆ :katai2-1:
เลี้ยงเจ้าหมาโซตัวเดียวก็เหนื่อยแย่แล้ว ยิ่งช่วงนี้ทั้งขี้อ้อนแถมเอาใจเก่งไปอีก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ktsingto ที่ 06-01-2017 23:33:37
ทำไมเรื่องมันน่ารักขนาดนี้!!  อ่านละยิ้มมม   :mew1: :กอด1: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 07-01-2017 08:04:28
พี่กีล์~~~~~~ :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER12 P.9 [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 07-01-2017 13:44:09
-13-

 

“เร็วอีกสิวะ เร็ววววววววววววว”

“นั่นมึงว่ายหรือมึงคลานวะ ถ้าแพ้มึงตายยยยยยยยยย”

กิจกรรมแรกของการมาทะเลคือการชิงธง ไม่รู้พวกมันคิดยังไงเล่นเปียกน้ำกันแต่เช้า ผมยืนหัวเราะอยู่กับเพื่อนมองเหตุการณ์เงียบๆไม่ได้เข้าไปยุ่ง พวกกองเชียร์บนฝั่งแลดูจะหัวร้อนกันเป็นแถบเนื่องจากทีมที่แพ้ต้องโดนลงโทษ และเมื่อขึ้นชื่อว่าลงโทษเด็กใหม่ย่อมหวาดกลัวเป็นธรรมดา

กติกาคือการส่งตัวแทนว่ายน้ำไปชิงธงกลางทะเลที่มีอยู่ห้าอัน แต่ละอันมีตัวเลขเขียนไว้ ซึ่งมีแค่เลขหนึ่งที่ไม่มีบทลงโทษ ส่วนเลขอื่นๆก็โทษหนักเบาตามลำดับ เรียกได้ว่าอาศัยความเร็วล้วนๆ เพราะถ้าใครคว้าธงได้แล้วคือได้เลย ห้ามแย่งเด็ดขาด ต้องว่ายไปเอาอันอื่นแทน

ที่พวกผมยืนขำกันอยู่แบบนี้ก็เพราะมันเป็นกิจกรรมร่วมของปีหนึ่งปีสองแล้วก็สุมหัวทำกิจกรรมกับพวกดุริยางค์ด้วย ว่าง่ายๆคือพวกปีสองที่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นฝ่ายแกล้งน้องกลายเป็นต้องไปร่วมกิจกรรมกับพวกปีหนึ่งแล้วให้ปีสามมาคุมแทน…ตามกิจกรรมที่พวกมันคิดไว้นั่นแหละ

“ไอ้เชี้ย!ทีมกูแตะธงแล้ว บอกทีมมึงปล่อยเลย!”

และที่สำคัญมันทำให้พวกวิศวะกับดุริยางค์สนิทกันจนด่าพ่อกันได้แล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จสุดๆ

“พี่กีล์…น้ำครับ”

ผมหันไปยิ้มตามมารยาทให้เจ้าของเสียงอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี

ดูเหมือนเจ้าตัวจะทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่ผมพูดเมื่อวาน คิดว่าจะเข้าใจเพราะเห็นย้ายห้องไปแล้ว แต่กลายเป็นเช้ามาก็เทียวเดินไปเดินมาถามนั่นถามนี่ไม่หยุด เรียกได้ว่าหนักกว่าเดิมเสียอีก

“ขอบคุณครับ”ผมรับขวดน้ำไว้แล้วหันไปมองกิจกรรมต่อ ไม่คิดเปิดน้ำดื่มแต่อย่างใด

ภาพของคนที่ขึ้นฝั่งมาเป็นอันดับหนึ่งทำให้ผมหัวเราะเบาๆ เก้าที่ถือธงอันดับหนึ่งทำหน้าบูดสนิทไม่ได้ดูดีใจเลยสักนิด ในขณะที่ทีมเก้าโดดไปโดดมาด้วยความดีใจ ยกเว้นก็แต่หมาหน้าบึ้งที่มองไปมองมาแล้วก็หน้าบึ้งกว่าเดิม คงเพราะผมยืนอยู่คนละฝั่งกับทีมโซโล่ แถมคนก็บังหมด เขาเลยมองไม่เห็นผมที่อยู่ด้านหลังสุด

“พี่กีล์ไม่ดื่มน้ำเหรอครับ”

นี่ก็ยังไม่ไป…

“แล้วทำไมเคมาอยู่นี่ได้ครับ ทำไมไม่อยู่กับทีมตัวเอง”ผมขมวดคิ้วแล้วหุบยิ้มให้เขารู้ว่าไม่พอใจ เพื่อนคนอื่นร่วมกิจกรรมหมดแต่ตัวเองมายืนคุยกับผมเนี่ยนะ

ขนาดโซโล่ยังไม่เดินมาหาผมเลย แล้วทำไมเขากล้าเดินมา

“คือผมไม่ได้เป็นตัวแทนก็เลย…”เคพูดเสียงอ่อย หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย

“ไม่ได้เป็นตัวแทนก็ไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ครับ กลับไปเถอะ”อาจจะดูใจร้ายแต่ผมว่าการแสดงท่าทีคลุมเครือน่าจะทำให้เขาเจ็บกว่าเดิม แล้วก็ดีแต่จะทำร้ายเขามากขึ้นไปอีก

เคเดินคอตกกลับไปหาเพื่อน ผมมองพวกโจ้ที่ตบไหล่เคเหมือนให้กำลังใจแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าผมไปให้ความหวังไว้ก็อาจจะเข้าใจเขามากกว่านี้ แต่นี่ผมตัดโอกาสชัดเจนขนาดนั้นไม่รู้ว่าทำไมถึงยังไม่ยอมหยุด

“มึงทำถูกแล้ว”เสียงเบียร์ที่อยู่ใกล้ๆดังขึ้นพร้อมกับที่มันยื่นมือมาตบบ่าผมเบาๆ

“กูไม่อยากให้เขาพยายามทั้งที่ไม่มีความหมาย มันไม่ดีต่อทุกฝ่าย”ไม่ว่าจะตัวเคเอง ผม หรือโซก็ตาม

“มันคิดว่ายังมีหวังไง”เบียร์ยักไหล่แล้วหันไปมองพวกรุ่นน้องที่กำลังฟังบทลงโทษ

“มีหวังทั้งที่กูพูดขนาดนั้นอะนะ”

“ก็มึงยังไม่มีใคร”

“กูมี…”โซ

ไม่ใช่สิ…ยังพูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ถึงสถานะตอนนี้สำหรับเราจะชัดเจนแต่ก็แค่ชัดเจนกับเราทั้งคู่ แล้วผมก็ไม่เคยแสดงออกให้คนอื่นเห็นสักครั้ง มันเหมือนกับมีแค่เราที่รู้กันเอง

 พอเห็นผมเงียบเบียร์มันก็เหยียดยิ้มใส่แล้วหัวเราะ

“ถ้ามึงยังไม่ชัดเจน ใครมันก็คิดว่ายังมีหวังได้ทั้งนั้นแหละวะ”

คำพูดของเบียร์ทำให้ผมคิดมากจนแทบไม่ได้สนใจกิจกรรมหรือเสียงเฮฮาของคนอื่นอีกเลย เหมือนเบียร์มันก็รู้ว่าผมต้องการเวลาคิดอะไรเงียบๆมันเลยกันพวกไอ้ไวน์ไว้ให้ ผมเลยเดินหลบมานั่งที่เก้าอี้หน้ารีสอร์ทคนเดียว

ผมไม่ชัดเจนเหรอ…ผมมั่นใจว่าผมชัดเจนกับโซ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องบอกให้ใครรู้ แต่จะว่าไป…ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆโซ จะมีแต่เขาที่เข้ามาใกล้ๆผมก่อน แล้วก็เป็นฝ่ายเดียวที่แสดงให้ทุกคนเห็น

‘มึงใจดีเกินไป’

คำพูดที่ไอ้โนว์เคยบอกแวบเข้ามาในหัว แน่นอนว่าผมรู้ตัวเองว่าความใจดีที่มีให้แต่ละคนมันไม่เหมือนกัน…แต่คนอื่นจะรู้หรือเปล่า พวกเขาอาจมองว่าผมใจดีเฉยๆก็ได้

มิน่าพวกดุริยางค์ถึงพยายามช่วยโซขนาดนั้น…

“รู้ตัวแล้วสิมึง”

ผมเงยหน้ามองเบียร์แล้วพยักหน้า มันยิ้มนิดหน่อยก่อนจะนั่งลงข้างๆ

“กูไม่ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“มันไม่ใช่มึงไม่ชัดเจน แต่ภาพลักษณ์มึงมันเป็นคนใจดีแต่แรกแล้ว พวกเพื่อนๆก็คงพอรู้ว่าจริงๆมึงเป็นไง แต่ไอ้พวกเด็กปีหนึ่งปีสองที่ไม่ค่อยได้เจอมึงมันคิดว่าใครๆก็เข้าหามึงได้ทั้งนั้นแหละ”

“ต้องทำขนาดไหนวะ”ต้องแสดงออกขนาดไหนพวกเขาถึงจะรู้ ผมมีความสุขกับที่เป็นอยู่ก็จริง แต่ผมก็กังวลเรื่องโซไม่แพ้กัน

เพราะเขาชัดเจนมาตลอดว่าคิดอะไรไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าใครก็ตาม แต่คนอื่นกลับไม่รู้เลยว่าผมก็รู้สึกแบบเดียวกับเขา แล้วแบบนี้โซจะรู้สึกยังไง…

“มึงไม่คบกันไปเลยวะ”เบียร์ว่าเสียงเรียบเหมือนกำลังพูดเรื่องทั่วไป

“คบเหรอ…”จริงๆผมก็เพิ่งเจอกับโซโล่ไม่นานเท่าไหร่ แม้ว่าความรักมันจะไม่เกี่ยวกับเวลา และถึงจะมั่นใจกับความรู้สึกทั้งคู่แต่… “ก็เขาไม่เคยพูดออกมา”

“มึงรอไรล่ะ ก็พูดก่อนเลยสิวะ”

มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นสักหน่อย โซโล่อาจจะพอใจกับสิ่งที่เราเป็นอยู่อยู่แล้วก็ได้ อีกอย่าง…

“เอาไว้รอโอกาสก่อน…”

“รอไมวะ”

ผมหันหน้าหนีรอยยิ้มรู้ทันของไอ้เบียร์

“กูเขิน”

“หึหึ…มึงอยากรู้ปะว่าควรแสดงออกชัดเจนขนาดไหน”

ผมหรี่ตามองรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจของมันแล้วส่ายหน้า

“ไม่อยาก”

“ไม่ทันละเพื่อน”ว่าจบมันก็ยื่นมือมาจับคางผมไว้แล้วขยับหน้าเข้ามาจนติด “ดูแล้วจำ ต่อจากนี้คือความชัดเจนที่มึงควรแสดงออกนะครับเพื่อน”

“3”

นับอะไร…

“2”

“1”

“กีตาร์‼‼”

ผมดันหน้าไอ้เบียร์ออกแล้วขมวดคิ้วเมื่อเข้าใจว่ามันต้องการทำอะไร แต่ตอนนี้ยังไม่มีเวลาด่า ผมรีบหันไปหาเจ้าของเสียงทุ้มที่ตวาดออกมาเสียน่ากลัว ห่างออกไปจากผมพอควรโซโล่ยืนอยู่บนหาดโดยมีเก้ากับเพื่อนอีกคนดึงแขนไว้คนละข้าง กิจกรรมที่นั่นดูหยุดชะงักไปหมดเพราะทุกสายตากำลังมองมาทางผมกับเบียร์

“มึงทำอะไรลงไปเนี่ย”ผมว่ามันเสียงแผ่ว แต่นอกจากจะไม่สำนึกแล้วมันยังมีหน้ามาหัวเราะใส่ผมอีก

“เข้าใจยังว่าการแสดงออกของมึงกับมันต่างกันขนาดไหน แล้วจะไม่ให้คนอื่นคิดว่ามีโอกาสได้ไงวะ”

ผมพยักหน้าเข้าใจโดยไม่พูดอะไรอีก ตอนนี้ที่ต้องสนใจคือคนที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามาได้ทุกเมื่อต่างหาก โซโล่ไม่ได้มองผมแต่จ้องหน้าเบียร์เขม็ง ใบหน้าแม้ยังคงเรียบนิ่งแต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าเขากำลังโมโหสุดขีด

“ปล่อยกูสิวะ!”

“ปล่อยมึงไปต่อยพี่เขาหรือไงวะ!”

ผมรีบเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นสายตาขอความช่วยเหลือของเก้าที่กำลังจะรั้งเพื่อนไว้ไม่ไหว

“โซ”ผมเรียก แต่คนที่กำลังโกรธไม่แม้แต่จะหันมามอง สายตาของเขายังจ้องไปที่เบียร์ที่นั่งอยู่ที่เดิม

“โซ…”ผมแตะมือที่กำแน่นเบาๆแล้วหันไปพยักหน้าให้เก้ากับน้องที่ช่วยดึงโซโล่ไว้ พวกเขาเลยถอนหายใจแล้วยอมปล่อยแขนออก

“ทำกิจกรรมต่อเลย พี่ขอยืมตัวโซโล่ก่อนนะครับ”ผมหันไปยิ้มให้น้องๆที่พยักหน้ากลับมางงๆ ก่อนจะดึงแขนอีกคนให้เดินตามมาหน้ารีสอร์ทที่เดิม ส่วนเบียร์ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว

“โซ…”เจ้าของชื่อมองหน้าผมด้วยใบหน้านิ่งเฉยเย็นชา โซโล่กัดฟันกรอดเหมือนกำลังระงับอารมณ์เต็มที่

“ครับ”

ผมยิ้มบางเมื่อเห็นว่าเขาโมโหแต่ก็ยังพูดจาดีและรอฟังที่ผมพูด โซโล่มองหน้าผมด้วยสายตาอ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังดูโมโหอยู่

“เพื่อนพี่มันแกล้งโซ”

“แกล้ง?”โซโล่ทำหน้าประหลาดใจและดูคลายความโกรธลงไปมาก บรรยากาศมืดมนเมื่อครู่จางลงไปกว่าครึ่ง

“แกล้งให้โซเป็นแบบนี้ พี่จะได้รู้ว่าเวลาโซแสดงออกมันชัดเจนขนาดไหน”ผมอมยิ้มเมื่อใบหน้านิ่งๆนั่นกำลังแสดงออกว่าไม่เข้าใจ

เหมือนหมางง

“ทำไม”

“เพราะมีคนเข้าหาพี่…อย่าเพิ่งทำหน้าบึ้งสิครับ”ผมยกมือแปะแก้มคนหน้าบึ้งแล้วกดแรงๆจนอีกคนปากจู๋ก่อนจะหัวเราะออกมา

“ไอ้นั่นอีกแล้วเหรอ”

ผมพยักหน้าตอบโดยไม่ปิดบัง โซโล่ดึงมือผมไปกุมไว้แล้วชักสีหน้าหงุดหงิด

“เพราะมีคนเข้าหาพี่…เบียร์มันเลยอยากให้พี่รู้ว่าควรแสดงออกยังไงให้คนพวกนั้นไม่คิดว่าตัวเองมีหวัง…ก็เลยให้โซแสดงให้เห็น”ผมบีบมือโซโล่เบาๆแล้วพูดต่อ “คิดมากหรือเปล่าครับที่พี่ไม่เคยแสดงออกให้คนอื่นเห็นเหมือนที่โซทำเลย”

“ไม่…”โซโล่ส่ายหน้าแล้วยิ้มน้อยๆที่มุมปาก “ผมไม่ได้ต้องการให้ใครมารู้เรื่องของเราทั้งนั้น ก็แค่ไม่ปฏิเสธถ้าโดนถาม ที่แสดงออกก็ไม่ใช่ว่าต้องการให้ใครเห็น แค่อยากทำก็เลยทำโดยไม่สนใจใครก็เท่านั้น”

นั่นสินะ…ผมอาจจะคิดมากไปเอง เพราะเขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีไม่พอใจอะไรเลย

แค่ทำเพราะอยากทำโดยไม่ต้องสนใจใครก็พอ

“กีตาร์ไม่ต้องสนใจใครหรอก…”

“…”

“เป็นกีตาร์ของผมคนเดียวก็พอ”

พูดเฉยๆไม่ต้องยิ้มอ่อนโยนแบบนั้นจะได้ไหม…

ผมหันหน้าหนีรอยยิ้มหายากนั่นแล้วยกมือตบอกซ้ายตัวเองเบาๆ เพราะรู้สึกเหมือนก้อนเนื้อข้างในมันกำลังจะทะลุออกมา

“หูแดง…”เสียงกระซิบกับลมหายใจร้อนข้างหูทำให้ผมตัวแข็งค้างไปสามวิ สมองว่างเปล่าไปหมด แต่พอได้สติก็รีบหันกลับไปดันหมาขี้แกล้งออกไปทันที “…หน้าก็แดง”

“โซ!”

 

 

หลังจากหมดกิจกรรมแล้วทุกคนก็แยกกันไปอาบน้ำก่อนจะมาเจอกันที่ลานกิจกรรม ตอนเย็นเป็นช่วงการแสดงของพวกดุริยางค์ ส่วนกลางคืนแน่นอนว่าต้องเป็นวงเหล้า ผมยืนอยู่แถวหน้าสุดของเวทีรีสอร์ทมองดูพวกดุริยางค์จัดการเครื่องดนตรีกัน ข้างๆมีแค่ไอ้โนว์ที่มายืนเป็นเพื่อนเพราะสองแฝดมันบอกยืนใกล้ไปเสียงดัง

ที่ผมต้องอยู่หน้าสุดแบบนี้ก็เพราะทันทีที่เดินเข้ามาในลานทุกคนแลดูพร้อมใจกันเปิดทางให้หมด พอจะเดินหลบออกก็กลายเป็นโดนลากมาหน้าเวที จริงๆตอนแรกก็งงไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง แต่พอได้หันไปมองรอยยิ้มน้อยๆของคนที่ยืนต่อสายกีตาร์อยู่บนเวทีแล้วก็เข้าใจทันที

ไอ้พวกทำงานเป็นทีม

“สวัสดีครับผมมม”เสียงใสๆดังขึ้นพร้อมร่างของเก้าที่วิ่งขึ้นมาบนเวที “มาสนุกกันเลยยยยยยย!”

เสียงเพลงเริ่มดังขึ้นเป็นจังหวะสนุก ผมโยกตัวตามจังหวะเบาๆ เก้าที่เป็นเด็กร่าเริงพออยู่บนเวทีกลับดูจริงจังและมีเสน่ห์เหมือนคนละคน เสียงใสๆเป็นเอกลักษณ์ทำให้เพลงที่ร้องออกมาดูน่าฟังและเพลินมาก ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมได้ขึ้นเวทีตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง

สายตาผมเบนไปมองมือกีตาร์ตัวสูงดีกรีเดือนมหา’ลัยก่อนจะยิ้มออกมา เวลาโซโล่เล่นกีตาร์เขาดูแปลกไปจากทุกที จริงๆผมก็สังเกตมาตั้งแต่เห็นเขาเล่นกีตาร์ที่ห้องแล้ว ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะนิ่งแต่บรรยากาศที่แผ่ออกมามันทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเขากำลังมีความสุข

“พี่กีล์”เสียงคุ้นหูดังขึ้นพร้อมร่างของเคที่เดินเข้ามาหาผม

“ครับ”

“ให้โอกาสผม…ไม่ได้เหรอครับ”เคพูดด้วยเสียงสั่นและใบหน้าที่เหมือนกำลังขอร้อง

มาถึงตอนนี้ผมคิดว่าผมน่าจะเคยไปทำอะไรให้เขาแน่ๆเขาถึงได้พยายามมากขนาดนี้ บางทีอาจต้องพูดกันตรงๆให้ชัดเจนกว่าเดิม แต่ก่อนที่ผมจะหันไปตอบ เสียงดนตรีขึ้นเพลงใหม่กลับดึงดูดความสนใจของผมให้กลับไปมองเวทีอีกครั้ง…

บนเวทีที่เคยมีเก้ายืนอยู่ตรงกลาง ตอนนี้แทนที่ด้วยร่างของเดือนมหา’ลัยที่กำลังมองมาที่ผมพร้อมรอยยิ้ม ในขณะที่เก้าไปยืนเล่นกีตาร์แทน แปลกที่โซโล่ไม่ได้ดูโมโหที่เห็นเคยืนอยู่ข้างๆผม หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะ…

ตอนนี้เขามองผมแค่คนเดียว

“รู้สึกเหมือนฉันเพิ่งตื่นจากฝันของคนอื่น
ชีวิตเหมือนได้คืนบ้างห้วงที่หายไป
เพิ่งได้รู้ว่าฝันที่เคยไขว่คว้า
มันช่างไร้สาระขนาดไหน

เมื่อชีวิตที่ฉันเคยมีไม่ว่าดีสักเท่าไร
มันกลับเทียบกันเลยไม่ได้กับในเวลานี้
ตอนที่ใกล้ๆกันมีอีกคน
หนึ่งคนที่ดี คอยเข้าใจ…”

เสียงทุ้มต่ำที่ดังออกมาไม่ได้เรียกว่าเพราะเลยสักนิด แต่มันกลับมีเสน่ห์จนทำให้ผมละสายตาไปจากเขาไม่ได้เลย

“สิ่งที่ฉันนั้นไม่รู้มาก่อน
เธอบอกให้ฉันได้รับรู้ด้วยการสวมกอด
ว่าสิ่งที่ฉันนั้นค้นหา
ที่ชีวิตนี้ไขว่คว้ามาตลอดก็คือเธอ
เมื่อเธอหันมาจ้องมองที่ฉันแล้วยิ้มให้
ตอนนั้นฉันเข้าใจโลกนี้ทุกๆ สิ่ง
ที่ดูสวยมันเพียงแค่ลวงหลอกตา
มีแค่เธอตรงหน้าที่เป็นของจริง…”

ผมหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อโซโล่ชะงักไปเล็กน้อยเพราะร้องเพี้ยน แต่ก็มีเก้าคอยสนับสนุนทำให้เขาร้องต่อไปได้ ดวงตาคมคู่นั้นเป็นประกายระยิบระยับเหมือนกำลังขำตัวเองไม่แพ้กัน

“เพราะชีวิตที่ฉันเคยมีไม่ว่าดีสักเท่าไร
มันกลับเทียบกันเลยไม่ได้กับในเวลานี้
ตอนที่ใกล้ๆกันมีอีกคน
หนึ่งคนที่ดีคอยเข้าใจ
สิ่งที่ฉันนั้นไม่รู้มาก่อน
เธอบอกให้ฉันได้รับรู้ด้วยการสวมกอด
ว่าสิ่งที่ฉันนั้นค้นหา
ที่ชีวิตนี้ไขว่คว้ามาตลอดก็คือเธอ…”

สายตาอ่อนโยนที่มองมาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากทำให้ผมรู้สึกร้อนที่ใบหน้าไปหมดจนได้แต่ยิ้มกว้างกลบเกลื่อน สิ้นประโยคนั้นเสียงดนตรีก็พร้อมใจกันเงียบลง เหลือแต่โซโล่ที่ถือไมค์เดินมาหน้าสุด…และก้มลงมองผมที่อยู่ตรงหน้าเขา

“ทุกอย่างที่เธอทำคืนรอยยิ้มให้กับฉัน”

สิ้นประโยคนั้นโซโล่ก็หยุดไปชั่วขณะแล้วยิ้มออกมา…รอยยิ้มกว้างที่ทำให้โลกสดใส

“ราวกับเสียงเพลงที่นานมาแล้วไม่ได้ฟัง
เตือนให้ฉันจำว่าที่เคยคิดต้องการก็เพียงแค่นี้
สิ่งที่ฉันนั้นไม่รู้มาก่อน
เธอบอกให้ฉันได้รับรู้ด้วยการสวมกอด
ว่าสิ่งที่ฉันนั้นค้นหา
ที่ชีวิตนี้ไขว่คว้ามาตลอดก็คือเธอ…”

 
“Happy birthday my guitar.”

ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังยิ้มหรือมองโซโล่ด้วยสายตาแบบไหน ไม่ได้สงสัยเลยด้วยซ้ำว่าทำไมเสียงรอบข้างถึงได้เงียบขนาดนี้ ในสายตาตอนนี้เต็มไปด้วยภาพรอยยิ้มของคนที่ผมสบตาอยู่

ทำไมต้องซ้อมหนักขนาดนั้น…

‘ทำไมโซถึงซ้อมหนักทั้งๆที่ก็เล่นดนตรีเก่งอยู่แล้วล่ะครับ’

ทำไมไม่ดูแลตัวเอง…

‘มันไม่ถนัดเพลงไทยเพราะเพิ่งกลับมาจากนอกอะพี่’

คำพูดที่เก้าบอกตอนที่ผมแอบถาม…

‘ผมมีเวลาซ้อมไม่เท่าเพื่อน แล้วเวทีนี้ก็ขึ้นเป็นเวทีแรก แถมยังเป็นคณะกีตาร์ด้วย’

‘ไปนะ’

‘ไปนะ’


ตอนนี้คำตอบมันชัดเจนหมดแล้ว

“โซ…”

“ครับ”

ผมยิ้มให้เขา…

ยิ้ม…ที่มีสำหรับคนๆเดียว

“พี่ชอบโซ”

------------------------------------

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 07-01-2017 14:28:20
โอ๊ยบทจะตรงก็ตรงเหลือเกินพ่อคุณ เขิน :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 07-01-2017 14:49:57
เขินเลยยย  :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-01-2017 14:57:17
ละลาย~~
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 07-01-2017 15:06:34
หวานแหววมากกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-01-2017 16:49:07
 :o8: :-[ :m1: :m17: :m4: :m3:
พี่กีลล์ทำดี :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 07-01-2017 17:28:16
อ้ากกกกก หัวใจช้านนนน ตายเรียบตายสนิท ตายยยยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 07-01-2017 17:42:17
พี่กีล์ชัดเจนมากกกกกกกกกก

ดีที่สุดค่ะพี่

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 07-01-2017 17:47:11
โอ๊ย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด แม่คะะะะ เขาไปทะเลที่ไหนกันคะแม่ หนูจะไปด้วยยยยย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แรกๆว่าน่ารักแล้วนะคะ พออ่านมาถึงประโนคสุดท้าย... ไปหมดแล้วค่ะสมงสมอง ลืมแรกๆไปหมดแล้ว 5555555555555555 ก่อนอื่นเรื่องความใจดีของพี่กีล์ ก็เนอะ เพราะเราอ่านมุมโคลสอัพอ่ะค่ะ เราเลยไม่รู้ว่าคนนอกเขามองกันยังไง แต่มุมคนใกล้นี่คือใกล้ชิดจริง พิเศษจริง แต่โซนี่ก็นะคะ เธอๆ เธอดูไม่เคยคิดเลยอ่ะว่าถ้าขอเป็นแฟนแล้วจะประกาศความเป็นเจ้าของได้ เธอลืมเหรอ 5555555 แกซื่อจริงๆนะคะเนี่ย ลุคแบดไปเพื่ออะไรคะถ้าจะทำตัวน่ารักตลอด ฮื้ออออ ส่วนเคนี่เราก็ไม่รู้อ่ะค่ะ ส่วนตัวเรามองว่าแกจีบแบบแกน่าจะมาเป็นเคะให้พี่กีล์นะคะ? เอ... พี่เขาเป็นถึงคนหล่อของมหาลัยเชียวนะคะ จะมีใครมาจีบแบบโซโล่อีกเหรอ เออจริง คิดไปคิดมา โซโล่เมะใช่ไหมคะ เดี๋ยวปรากฎรู้ตัวอีกทีพี่กีล์เมะ แอร๊ยยยยยย คนบ้า จะว่าไปที่บอกพี่ชอบโซนี่เขาบอกกันหน้าเวทีเลยใช่ไหมคะ เอ้า คนดีคะ นี่รับน้องหรือพรีเวดดิ้งคะเอาดีๆ มดลงทะเลไปกันหมดแล้วค่ะคุณ เกรงใจเพื่อนบ้าง หวานกันตลอดดดด พี่กีล์คะ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะคะ ขอน้องเป็นแฟนให้จบไปค่ะ เผื่อจะได้เห็นโซโล่เขินบ้างนะคะ.... ความจริงคือเซลล์ประสาทบนใบหน้าแกตายหรือเปล่าคะ มีอย่างเดียวที่กระตุ้นให้ทำงานได้คือกีต้าร์ ฮื้ออออ นึกไปถึงกีต้าร์ที่น้องโซบอกคุณแม่ตอนเด็กว่าเป็นความสุขของตัวเองแล้วเราก็แบบ... พรหมลิขิต... พี่กีล์ดันชื่อกีล์อีก เหมือนถูกกำหนดมาให้เป็นของโซอยู่แล้ว คุณแม่คะ คุณแม่ส่งพี่เขามาให้คุณลูกเหรอคะ พอจะมีอีกสักคนไหมคะ ส่งมาให้เราบ้าง 5555555 ไหนๆตอนนี้ก็ชัดเจนมากแล้ว เราจะรอตอนต่อไปนะคะะะะะะ รอเขินต่อ ดูเถอะค่ะ ทำเราเขินตามตลอด ถ้าเรากลั้นยิ้มจนตีนกาขึ้นคุณนักเขียนควรต้องรับผิดชอบเราด้วยนะคะ 5555555555555555555555555

ปล. ที่พูดถึงเพจคราวก่อนคือเค้าหมายถึงเพจในเรื่องที่น้องขิมชอบดูค่ะ 555555555555 เพจคุณนักเขียนเค้าไปกดไลค์ไว้แล้ว อิอิ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 07-01-2017 17:58:02
โอ๊ย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด แม่คะะะะ เขาไปทะเลที่ไหนกันคะแม่ หนูจะไปด้วยยยยย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แรกๆว่าน่ารักแล้วนะคะ พออ่านมาถึงประโนคสุดท้าย... ไปหมดแล้วค่ะสมงสมอง ลืมแรกๆไปหมดแล้ว 5555555555555555 ก่อนอื่นเรื่องความใจดีของพี่กีล์ ก็เนอะ เพราะเราอ่านมุมโคลสอัพอ่ะค่ะ เราเลยไม่รู้ว่าคนนอกเขามองกันยังไง แต่มุมคนใกล้นี่คือใกล้ชิดจริง พิเศษจริง แต่โซนี่ก็นะคะ เธอๆ เธอดูไม่เคยคิดเลยอ่ะว่าถ้าขอเป็นแฟนแล้วจะประกาศความเป็นเจ้าของได้ เธอลืมเหรอ 5555555 แกซื่อจริงๆนะคะเนี่ย ลุคแบดไปเพื่ออะไรคะถ้าจะทำตัวน่ารักตลอด ฮื้ออออ ส่วนเคนี่เราก็ไม่รู้อ่ะค่ะ ส่วนตัวเรามองว่าแกจีบแบบแกน่าจะมาเป็นเคะให้พี่กีล์นะคะ? เอ... พี่เขาเป็นถึงคนหล่อของมหาลัยเชียวนะคะ จะมีใครมาจีบแบบโซโล่อีกเหรอ เออจริง คิดไปคิดมา โซโล่เมะใช่ไหมคะ เดี๋ยวปรากฎรู้ตัวอีกทีพี่กีล์เมะ แอร๊ยยยยยย คนบ้า จะว่าไปที่บอกพี่ชอบโซนี่เขาบอกกันหน้าเวทีเลยใช่ไหมคะ เอ้า คนดีคะ นี่รับน้องหรือพรีเวดดิ้งคะเอาดีๆ มดลงทะเลไปกันหมดแล้วค่ะคุณ เกรงใจเพื่อนบ้าง หวานกันตลอดดดด พี่กีล์คะ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะคะ ขอน้องเป็นแฟนให้จบไปค่ะ เผื่อจะได้เห็นโซโล่เขินบ้างนะคะ.... ความจริงคือเซลล์ประสาทบนใบหน้าแกตายหรือเปล่าคะ มีอย่างเดียวที่กระตุ้นให้ทำงานได้คือกีต้าร์ ฮื้ออออ นึกไปถึงกีต้าร์ที่น้องโซบอกคุณแม่ตอนเด็กว่าเป็นความสุขของตัวเองแล้วเราก็แบบ... พรหมลิขิต... พี่กีล์ดันชื่อกีล์อีก เหมือนถูกกำหนดมาให้เป็นของโซอยู่แล้ว คุณแม่คะ คุณแม่ส่งพี่เขามาให้คุณลูกเหรอคะ พอจะมีอีกสักคนไหมคะ ส่งมาให้เราบ้าง 5555555 ไหนๆตอนนี้ก็ชัดเจนมากแล้ว เราจะรอตอนต่อไปนะคะะะะะะ รอเขินต่อ ดูเถอะค่ะ ทำเราเขินตามตลอด ถ้าเรากลั้นยิ้มจนตีนกาขึ้นคุณนักเขียนควรต้องรับผิดชอบเราด้วยนะคะ 5555555555555555555555555

ปล. ที่พูดถึงเพจคราวก่อนคือเค้าหมายถึงเพจในเรื่องที่น้องขิมชอบดูค่ะ 555555555555 เพจคุณนักเขียนเค้าไปกดไลค์ไว้แล้ว อิอิ  :mew3:

กำหน้าแตกแรงมาก ยาวค่ะอ่านเพลินเลยไม่ทันคิดว่าเพจอะไร 5555555555555555 เรื่องเป็นแฟนนี่ใจเย็นๆดูกันต่อไปก่อน แค่บอกชอบเอ๊งงง จริงๆนางก็รู้กันอยู่แล้วบอกไปก็ไม่มีไรมั้งงง ไม่มีพลิกแน่นอนค่ะพี่กีล์เกิดมาเป็นเคะอ่อนโยนที่แข็งแกร่งเท่านั้น แกร่งมากด้วยบอกเลยยิ่งนานยิ่งแกร่ง 5555555555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 07-01-2017 18:56:13
ตายยยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 07-01-2017 19:11:17
เค : กุยังยืนอยู่ตรงนั้นช่วยมองกูหน่อย โครม โดนโซเตะกระเด็น

ฟินนนนนนนน พี่กีส์บอกชอบโซ โอ้วววมายก็อด
https://scontent.fbkk2-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/15871913_1638025323159181_2188696285974791610_n.png?oh=e4936071547c250aabc7bdc61a950a14&oe=58E32911 (https://scontent.fbkk2-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/15871913_1638025323159181_2188696285974791610_n.png?oh=e4936071547c250aabc7bdc61a950a14&oe=58E32911)
เอารูปโซโกรธตอนเคเข้ามาใก้มาฝาก
ป.ล.เข้าลิ้งค์มั้ยอ่ะ  เราลงรูปในเล้าไม่เป็น55
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-01-2017 20:41:42
กรี๊ดดดดดดดดด ประโยคสุดท้าย!! >\\\\\\<
พี่กีล์คือสุดยอด โซโล่ดีใจตัวแตกแน่ ฮ่อลลลล
ปล. แอบสงสารเคนะ นางโดนเมิน นางดูเป็นตัวประกอบ นางเป็นแค่ตัวเร่งปฏิกิริยาให้เค้าได้กัน 555555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: uri uri ที่ 07-01-2017 21:19:45
  :katai5: :ling1: :ling1: :ling1:

กรีดร้องงงงงงงงงงงงงง
เขินมากมายยยยยย

 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mjpnta ที่ 07-01-2017 22:21:49
นี่แหนะะะ!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mississippi ที่ 07-01-2017 22:45:47
โอ้ยยกรี๊ดดดดดด ชอบนายเอกแบบพี่กีล์มากค่าาาตามหามานานน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
ปล มีแผนรวมเล่มมั้ยคะ รอซื้อเลยย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-01-2017 23:06:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 07-01-2017 23:18:21
หาคู่ให้เคด่วนเลย น่าสงสารเกิ๊น

ปล.พี่กีล์หวานเว้ย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-01-2017 23:24:03
 :hao7: :hao7:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 07-01-2017 23:33:38
ละลายเป็นน้ำแล้วค่ะคุณขาาา
พี่กีล์คนจริงงงอะ โลกนี้มีเพียงเราสองสุดๆ
หน้าเวที คนทั้ง2คณะ โซพูดออกไมค์ไปอีก
จุดนี้เคน่าสงสารสุดค่ะ อากาศเลยมั้ยล่ะคะคุณ โถถ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 08-01-2017 00:58:14
อยู่ๆบรรยากาศก็พาเคหายไป :hao7:

บอกชอบกันแล้วคะคุณ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 08-01-2017 02:16:55
ตายค่ะตายพี่กีล์บอกกันแบบนี้เลยหรอ

โอ๊ยเขินแทนโซโล่ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 08-01-2017 04:08:03
ฮอลลลลล บรรยายไม่ถูก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 08-01-2017 09:20:39
กรี๊ดๆๆๆ ดันมาตามอ่านอิตอนชวนค้างซะงั้นนนนน ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 08-01-2017 09:45:54
หวานอะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER13 P.10 [07/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 08-01-2017 13:03:10
-14-

 

“พี่ชอบโซ”

เอ่อ…

“ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววว”

“กูว่าแล้วไง”

“ไม่แห้วแล้วนะน้องรัก”

“ขอบคุณกูเลยนะมึง”

“เพื่อนกูไม่ธรรมดาว่ะ”

ก็ไม่ใช่ว่าพูดไปแบบไม่คิดหรอกนะ แต่พอมาได้ยินแซวกันโต้งๆแบบนี้ก็เขินอยู่เหมือนกัน

ผมยกมือเกาหัวแล้วหัวเราะเบาๆ ส่วนคนที่โดนบอกว่าชอบนี่ก็นิ่งค้างไปแล้ว ผ่านมาสักพักก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ

“เฮ้ย!”เก้าเดินเข้ามาสะกิดโซโล่ยิ้มๆจนเจ้าตัวสะดุ้ง

รอยยิ้มกว้างที่เพิ่งได้รับมาจนทำให้ผมพูดคำว่าชอบออกไปตรงๆปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง โซโล่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมามากกว่านั้น เจ้าตัวหุบยิ้มในเวลาอันรวดเร็ว แล้วกระโดดลงจากเวทีมาดึงแขนผมให้เดินตาม

ผมสบตาเคที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วก็ก้มหัวให้เขาเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษ ถึงจะตอบรับไม่ได้แต่อีกฝ่ายก็ยังเป็นรุ่นน้องแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับผมด้วย ยังไงผมก็อยากจะรักษาความสัมพันธ์ดีๆไว้ ซึ่งเคก็ไม่พูดอะไรนอกจากส่งยิ้มเศร้ามาให้

“พาเพื่อนกูไปไหนวะน่ะ”

ผมได้ยินเสียงไอ้โนว์ตะโกนตามหลังมาแว่วๆพร้อมเสียงแซวจ้อแจ้จนจับใจความไม่ได้ว่าเป็นของใคร

โซโล่ที่ลากผมเดินไวๆเริ่มผ่อนแรงและความไวลงจนกลายเป็นหยุดนิ่งในที่สุด ดูเหมือนจะเดินมาไกลพอควร เพราะเมื่อผมหันกลับไปก็ไม่เห็นเงาคนแล้ว เห็นแค่ตัวรีสอร์ทอยู่ไกลๆ

“โซ…”

โซโล่หันกลับมาหาผมแล้วปล่อยมือออก ใบหน้านิ่งจนผมดูไม่ออกว่าคิดอะไร

ปฏิกิริยาแบบนี้มันคืออะไรล่ะเนี่ย…

“กีตาร์…”โซโล่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกมือเสยผมแล้วเงยหน้ามองฟ้า มองนานจนผมต้องเงยหน้ามองบ้าง

ก็แค่ฟ้ามืดๆ ไม่เห็นจะมีอะไร

“โซมองอะ…”คำพูดที่ตั้งใจจะถามหยุดชะงัก เมื่อผมก้มหน้ากลับลงมาแล้วพบกับรอยยิ้มที่กว้างยิ่งกว่าตอนอยู่บนเวทีของคนตรงหน้า

“ผมก็ชอบกีตาร์”

“…”

เวลาโดนบอกชอบมันรู้สึกแบบนี้เองสินะ…

ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมโซโล่ถึงยืนนิ่งอยู่บนเวทีตั้งนาน เพราะตอนนี้ผมก็กำลังทำไม่ต่างกัน หัวมันว่างเปล่าไปหมด แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกมา

อยู่ๆก็พูด…

ไม่ให้เวลาตั้งตัวเลยคนเรา…

“อย่าเอามือปิดหน้า”

ผมถลึงตาใส่คนที่ดึงมือผมลงอย่างเคืองๆ ผมปิดหน้าไม่ได้…แล้วที่ตัวเองเงยหน้ามองฟ้าตั้งนานนั่นมันอะไรกัน

“ยิ้มอะไรครับ”

“ก็กีตาร์เขิน”

“แล้วตัวเองไม่เขินหรือไง”

“ก็เขิน…”โซโล่ยักไหล่ตอบง่ายๆ ผมอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางฝืนๆที่เจ้าตัวพยายามทำให้ดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร “แต่ไม่ได้เขินแล้วน่ารักเหมือนกีตาร์”

โห…เล่นงี้เลยเหรอ

ผมยิ้มออกมานิดๆแล้วจ้องตาโซโล่เขม็ง เขาเองก็มองกลับมาเหมือนกำลังสงสัยว่าผมจะทำอะไร

“แล้วใครบอกว่าโซไม่น่ารักครับ”

“…”

“สำหรับพี่…ออกจะน่ารัก”

เขาเรียกว่า Counter Attack

โซโล่ดูจะอึ้งไปหน่อยๆเหมือนทำอะไรไม่ถูก ท่าทางนั่นทำให้ผมหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างอดไม่อยู่

“กีตาร์หัวเราะผมเหรอ”โซโล่เปลี่ยนกลับมาทำหน้าบึ้ง

“ก็ท่าทางโซมัน…ฮ่าๆ”

“ท่าทางผมทำไม”โซโล่ยิ้มมุมปากก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาหา เล่นเอาผมหยุดหัวเราะแทบไม่ทัน เท้าก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว…ก็ท่าทางนั่นมันดูน่ากลัวน้อยเสียเมื่อไหร่

“เอ่อ…”

“ทำไมครับกีตาร์”สายตาคมๆนั่นจ้องผมเหมือนจะมองให้ทะลุ

“ก็มันเหมือน…หมาเอ๋อ”ผมหัวเราะเสียงดัง ขำจนตัวงอเมื่อหมาตัวที่ว่ากำลังทำท่าทางแบบที่บอกออกมาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว

“กล้าว่าผมเหรอกีตาร์!”

ผมเผลอถอยห่างเมื่อคนตรงหน้าแสยะยิ้มแล้วยื่นมือมาหา ท่าทางไม่น่าไว้ใจนั่นมันอะไรกัน

“โซจะทำอะไรครับ”

“เดี๋ยวก็รู้”

ถามว่าจะรอจนรู้ไหม…ขอตอบว่าไม่

“ไม่อยากรู้!”ผมออกตัววิ่งเต็มฝีเท้าไปตามแนวหาด แต่เพราะมันเป็นทรายเลยทำให้ลำบากไปหน่อย สุดท้ายเลยต้องสลัดรองเท้าทิ้งแล้ววิ่งเท้าเปล่าแทน

“หยุดวิ่งนะกีตาร์!”

“ไม่เอา!”

หยุดก็โง่แล้ว ทำหน้าตาไม่น่าไว้ใจชัดเจนขนาดนั้น

“ถ้าไม่หยุดโดนสองเท่า!”

ไม่รู้เพราะกลัวไอ้ประโยคที่ว่าหรือเพราะตกใจเลยทำให้ผมชะงักไปวูบหนึ่ง วูบเดียวเท่านั้น แต่…

หมับ!

พลาดแล้ว

“จับได้แล้ว”

ผมถูกดึงแขนจนหงายหลังไปทับอีกคนเข้าอย่างจัง ดูเหมือนเจ้าหมานี่จะลืมไปว่าผมไม่ได้ตัวบางถึงขนาดที่เขาจะรับน้ำหนักได้เต็มๆ เลยกลายเป็นว่าเราล้มลงไปกองกับพื้นกันทั้งคู่

“โซปล่อยพี่เลย”ผมดิ้นเมื่อแขนอีกคนกอดไว้รอบเอวไม่ยอมปล่อย แถมยังไม่ยอมลุกขึ้นด้วย “ไม่หนักหรือไง”

“กีตาร์ต้องโดนทำโทษ”โซโล่พูดเสียงเข้มแล้วพลิกตัวให้ผมลงไปนอนด้านล่างแทน ตาคมนั่นเป็นประกายวิบวับ

และขอบอกซ้ำอีกครั้งว่ามันไม่น่าไว้ใจสุดๆ!

“จะทำอะไรครับ”ผมพูดเสียงสั่นเมื่อเขาก้มหน้าลงมาใกล้จนจมูกเกือบชนกัน

“จะทำแบบนี้ไง”

“โอ๊ยยยย โซหยุดนะ!ฮ่า…โซ….ฮ่าๆ”

“หึ…”

“โซ…ฮ่า…ฮ่าๆ…พี่เหนื่อย…”

“ทำไงก่อน”

“ขอโทษครับ!”

ผมหยุดขำแล้วจ้องหน้าหมาหน้านิ่งที่พัฒนาเป็นหมาเจ้าเล่ห์อย่างเคืองๆ

หมาบ้านี่มันจี้เอวผม!

“ไม่ต้องยิ้มเลย!”ผมดึงแก้มขาวนั่นอย่างแรง ไม่สนใจคนที่ทำหน้าเจ็บปวด

 “มือเลอะทรายแล้วเอามาจับหน้า”โซโล่บ่นแบบไม่จริงจังนักก่อนจะเอาคืนด้วยการดึงแก้มผมบ้าง

“โซ!”

หลังจากบีบแก้มกันไปมาสักพักไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันกลายเป็นเสียงหัวเราะของเราทั้งคู่ ผมเพิ่งเคยเห็นเจ้าหมานี่หัวเราะแบบนี้เป็นครั้งแรก หัวเราะด้วยใบหน้าที่ดูมีความสุขเหมือนคนละคนกับเวลาปกติ

โซโล่ล้มตัวลงนอนข้างๆผม เรามองขึ้นไปบนท้องฟ้ามืดมิดที่พอจะมีดาวให้เห็นอยู่บ้าง ผมไม่แน่ใจนักว่าครั้งสุดท้ายที่รู้สึกสบายใจแบบนี้มันคือเมื่อไหร่

ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศสบายๆหรือเพราะคนข้างๆ แต่ถ้าถามผมตอนนี้ก็คงต้องตอบแบบไม่คิดว่าทั้งสองอย่าง

“โซรู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้วันเกิดพี่”ผมถามด้วยรอยยิ้มมีความสุข ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มองอยู่

ไม่มีคนอวยพรวันเกิดให้นานแค่ไหนแล้วนะ…บางทีอาจจะตั้งแต่แยกกับแม่ใหญ่

ผมไม่เคยบอกใครว่าเกิดวันไหน พวกเพื่อนเองก็อาจจะลืมเพราะผมไม่เคยพูดถึงแล้วก็ไม่เคยตั้งค่าแสดงวันเกิดในเฟส โซโล่เป็นคนแรกในรอบสี่ปีที่พูดคำนี้ออกมา

“ผมแอบเปิดกระเป๋าตังค์กีตาร์ตั้งแต่วันที่ไปหาที่ร้านวันแรก…”

แอบเปิด!?

แล้วที่สำคัญไปเปิดตอนไหน ปกติผมจะวางกระเป๋าไว้หลังเคาน์เตอร์ตลอด แล้วเจ้าหมานี่เอาเวลาที่ไหนไปเปิดเนี่ย

ผมหันขวับไปมองดุๆ แต่เพราะโซโล่เอาแต่มองท้องฟ้าเลยไม่เห็น ไม่รู้ว่าที่มองนี่คือหนีความผิดหรือเหม่อจริงๆ

“จริงๆแค่อยากรู้ว่ามีใครอยู่ในใจหรือเปล่า เก้าบอกว่าพวกคนมีแฟนหรือมีคนที่ชอบชอบเอารูปเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ ผมเปิดดูก็เลยเห็นรูปกีตาร์ที่มีวันเกิดเขียนไว้”

ผมหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างอดไม่อยู่กับคำพูดของคนที่เชื่อเพื่อนไปเสียทุกอย่าง

เก้านี่มันเด็กแสบจริงๆ…

รูปที่โซโล่บอกคือรูปถ่ายตอนผมอายุสิบสาม เป็นภาพถ่ายรวมของผมกับน้องๆคนอื่นๆที่ยืนอยู่หน้าเค้กก้อนเล็กๆที่เราต้องแบ่งกันกินคนละคำ ด้านหลังภาพเขียนอวยพรวันเกิดและลงวันที่ไว้ด้วยลายมือสวยๆของแม่ใหญ่

และนั่น…เป็นภาพสุดท้ายที่เราได้ถ่ายด้วยกัน

“ขอบคุณมากนะครับ…”ผมพูดด้วยความจริงใจ ไม่ได้หันไปมองว่าโซโล่กำลังทำหน้าแบบไหน “โซเป็นคนแรกที่ทำเพื่อพี่ขนาดนี้”

ไม่ใช่แค่พูดว่าHappy birthday my guitar แต่ผมหมายถึงทุกเรื่องที่เขาทำ ทั้งการที่ซ้อมหนักเพื่อผม เตรียมแผนนี้ รวมถึงแสดงออกให้ทุกคนเห็น

จะว่าไปดูเหมือนไอ้คำว่ามายกีตาร์มันจะติดหัวไม่ยอมหายไปเสียที

“ยิ้มอะไร”เสียงถามดังขึ้นพร้อมกับนิ้วมือที่จิ้มลงมาที่มุมปากของผม

“มีความสุขก็ยิ้มสิครับ”ผมหันหน้าไปฉีกยิ้มกว้างใส่โซโล่ และมันคงตลกน่าดูอีกคนถึงได้หัวเราะออกมา ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าเวลายิ้มตัวเองดูดีขนาดไหน ถ้าคนในเพจหรือขิมมาเห็นนี่สงสัยกรี๊ดตายแน่ๆ

“กีตาร์…”

“ครับ”

“ผมไม่เคยมีความรัก”

“พี่ก็ไม่เคย”จะเอาเวลาที่ไหนไปมี วันๆเอาแต่เรียนกับทำงานไม่หยุด เพิ่งจะได้พักบ้างก็ปีนี้เอง อีกอย่างผมก็ไม่เคยสนใจใครเป็นพิเศษด้วย

แล้วนี่อยู่ๆมาถามทำไมล่ะเนี่ย

“เราชอบกัน”

“อือฮึ”

“ควรจะคบกันไหม”

ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินประโยคคำถามนั่น ซึ่งอีกคนก็ลุกขึ้นมานั่งตามโดยไม่พูดเร่งเอาคำตอบอะไร

“ทำไมโซถึงถามว่าควรจะคบกันไหมล่ะครับ”ผมยิ้ม ในขณะที่โซโล่ขมวดคิ้วเหมือนกำลังครุ่นคิด

“ผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้แต่ก็รู้ดีว่ามันคืออะไร แล้วเก้าก็บอกว่าถ้าอยากมีสิทธิ์ต้องเป็นแฟนกัน”

“สิทธิ์?”

“อืม…สิทธิ์ที่จะอยู่ข้างๆกีตาร์ได้แค่คนเดียว”

“อ่า…”

หมาบ้านี่จะทำให้ผมยิ้มอีกสักกี่ทีถึงจะพอ

“กีตาร์เข้าใจความหมายของคำว่ารักไหม”

ผมมองหน้าโซโล่นิ่งงันเพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี ในขณะที่เจ้าตัวเงยหน้ามองฟ้าแล้วหลับตาลงเหมือนรอคำตอบของผม

“รักก็คือรัก…มีความรู้สึกดีๆให้กัน อยากดูแลกันล่ะมั้ง”ผมพูดอย่างไม่มั่นใจนัก

ถึงจะว่าแบบนั้นแต่คำตอบที่ตอบไปนั่นผมเอามาจากที่เคยได้ยินผ่านๆมาทั้งนั้น มาถามความหมายของคำว่ารักจากคนไม่เคยมีความรัก…แล้วจะตอบได้ยังไง

“มีคนบอกว่าเราจะเข้าใจความหมายของคำว่ารักตอนที่เรารู้จักมัน…”โซโล่พูดลอยๆเหมือนกับพูดคนเดียว

น่าแกล้งชะมัด

“ถ้างั้นอีกไม่นานพี่คงรู้ความหมายของมัน”

ผมจ้องหน้าคนที่ยังไม่หันมาสบตาแล้วยิ้มรอ โซโล่เวลาเขินน่ารักน้อยเสียเมื่อไหร่ อยากเห็นอาการแบบนั้นก็ต้องเอาแบบนี้ล่ะ…

แต่แทนที่เจ้าตัวจะเขินหรือแสดงอาการอะไรออกมา เขากลับหันมาสบตาผมแล้วยกยิ้มมุมปากมาให้

“กีตาร์บอกว่าอีกไม่นานคงเข้าใจ…แต่ว่า…”

“…”

“ผมคิดว่าผมเข้าใจมันแล้ว”

“…”

สถานการณ์เลวร้ายสุดๆ…

หน้าแดงหูแดงแบบที่ต่อให้ไม่ได้มองตัวเองยังรู้สึก หนักกว่ามายกีตาร์หรือตอนบอกว่าชอบก็ตอนนี้เอง

ผมกัดปากแน่น หันไปหันมาเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี

“ผมไม่เร่งหรอก”

ผมหันกลับไปมองหน้าที่เจือด้วยรอยยิ้มน่าหลงใหลของคนข้างๆ มองเพลินจนแม้แต่ตอนที่อีกคนยกมือมาเกลี่ยผมที่ปรกหน้าออกให้ก็ยังไม่รู้ตัว

“ผมรู้ดีว่าเราเพิ่งเจอกันไม่นาน…ผมจะรอจนกว่ากีตาร์จะพร้อม ผมอยากให้ความรู้สึกที่กีตาร์มีมันเท่ากับผมก่อน ไม่งั้นถ้าคบกันกีตาร์ก็เอาเปรียบผมสิ…”

ผมหัวเราะออกมากับคำพูดนั่นแล้วยิ้มกว้างรอฟังเขาพูดต่อ

“เพราะงั้นผมจะรอให้ความรู้สึกของกีตาร์มันมากกว่านี้…ความรู้สึกจริงๆที่ไม่ใช่แค่ความชอบผิวเผิน…”

“…”

“กีตาร์อยากรู้ความหมายคำว่ารักของผมไหม”

ผมระบายรอยยิ้มแล้วพยักหน้า

“ความรักของผมคือการครอบครอง ต้องอยู่กับผม และต้องเป็นของผมคนเดียว…เห็นแก่ตัวใช่ไหม”

ผมส่ายหน้า…จริงๆมันก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่พอเป็นคนๆนี้พูด…ไม่รู้ทำไมมันถึงทำให้ผมยิ้มได้

“เราจะยังไม่คบกัน…”ผมพูดช้าๆพยายามเรียบเรียงถ้อยคำที่คิดว่าตรงใจที่สุดออกมา “โซอยากให้พี่รู้สึกเท่าที่โซรู้สึก…อยากให้มันมั่นคงใช่ไหมครับ”

โซโล่พยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

“เข้าใจแล้ว…”ผมพยักหน้าเข้าใจ ไม่ว่าใครจะว่ายังไงแต่ผมรู้ดีว่าโซโล่เป็นคนที่อ่อนโยนขนาดไหน

ไม่ใช่แค่อยากให้ผมรู้สึกเท่าที่เขารู้สึกแล้วค่อยคบ แต่เขาอยากให้ผมมั่นใจก่อนว่าความรู้สึกที่มีมันจะมากกว่าชอบทั่วไป ไม่ใช่แค่เหมือนเวลาถูกใจใครสักคน

เขามั่นใจแต่ผมยังไม่ใช่ เพราะผมแค่บอกว่าชอบเฉยๆ และตอนนี้ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นรักหรืออาจจะยังไม่รู้ตัว เขาเองก็เข้าใจดีว่าเวลามันสั้นเกินไปและผมยังไม่แน่ใจว่ารู้สึกถึงขั้นไหนเลยไม่อยากบีบบังคับ

และนอกจากนั้น…

“โซมีเหตุผลที่ยังไม่อยากให้คบกันแค่เพราะคำว่าชอบใช่ไหมครับ”ผมมองแววตาไหววูบของโซโล่แล้วยกมือลูบหัวอีกคนเบาๆ

ผมมองออกว่าเขามีอะไรในใจ ถึงจะไม่แน่ใจนักว่าเรื่องอะไรแต่คงมีอิทธิพลกับเขามากพอดู

แต่ถ้ายังไม่อยากพูดผมก็จะไม่ถาม…

“ถ้างั้น…”ผมมองหมาตัวโตที่จ้องมาตาแป๋วแล้วก็ขำออกมา เจ้าหมานี่ทำผมหัวเราะไปกี่รอบแล้วนะวันนี้ “พี่จองโซไว้ก่อน”

“หือ?”

“เรายังไม่ได้คบกัน แต่เป็นคนพิเศษของกันและกัน”

ยังไม่ต้องคบ…แค่เป็นคนพิเศษก็ได้

“โซบอกว่าถ้าอยากมีสิทธิ์ต้องคบกัน ถ้าอย่างนั้น…พี่มอบสิทธิ์ให้โซตอนนี้เลยแล้วกัน”

จะให้สิทธิ์ตอนไหนก็เหมือนกัน เพราะตอนนี้อาจจะยังไม่รัก…แต่ผมกลับมั่นใจว่าจะต้องรักเขาแน่ๆ แต่ในเมื่อเจ้าตัวตัดสินใจว่าจะรอให้รักแล้วค่อยคบ ผมก็จะเคารพการตัดสินใจนั้น

“ถ้างั้นผมก็จะจองกีตาร์ไว้ก่อนเหมือนกัน”

ผมไม่ได้ว่าอะไรเมื่อคนข้างๆยื่นมือมาแตะคางให้เงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่ขยับเข้ามาใกล้จนติดซ้อนทับกับภาพในความทรงจำเหมือนกับครั้งนั้น ดวงตาคมเป็นประกายเหมือนกับดวงดาวตรึงผมให้หยุดอยู่กับที่และไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้

ผมหลับตาลงช้าๆเมื่อหน้าผากกับปลายจมูกของเราสัมผัสกันเหมือนกับตอนนั้น…

“กีตาร์เป็นของผมคนเดียว”

สิ้นประโยคนั้นริมฝีปากอุ่นร้อนก็กดทับลงมาที่ริมฝีปากของผมอย่างอ่อนโยน

...แตกต่างจากตอนนั้นตรงที่ตอนนี้ไม่มีนิ้วคั่นไว้อีกแล้ว…

------------------------------

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 08-01-2017 14:04:02
อุ.... แม่คะะะะะะะะ เขาจูบกันแล้วววววววววววววววววว โอ๊ยย กรี๊ดดดดดดดดดด บ้าที่สุดดด บ้าจริง ทำเราเขินตามอีกแล้ววว ฮือออออออ คุณคะช่วยเราที สรุปนี่มันทะเลแถวไหนคะ เราจะไป เราจะไปปปป 555555555555 แต่ตอนวิ่งไล่กันนี่เราเห็นเป็นฉากแบบในหนังเลยค่ะ ต้องวิ่งเป็นภาพช้าด้วยนะคะ อึ้ยยยย หวานกันเหลือเกิน นี่ก็แอบสงสารเคนะคะ ไปเถอะค่ะ ไปหาคนอื่นเถอะ เขาจองตัวกันไปแล้วค่ะ เราขำอ่ะ จริงๆโซโล่นี่ไม่ได้ซื่อเลยนะคะ เราสัมผัสได้ แกเจ้าเล่ห์มาก ฮือออออ หมาป่าห่มหนังแกะชัดๆ อีกไม่นานพี่กีล์ก็จะโดนกิน..... อ่ะนะ แต่เราเดาว่าจริงๆที่ยังไม่คบคงเพราะพ่อโซโล่ด้วยมั้งคะ รอดูต่อไปค่ะ ยังไงพี่กีล์ก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ค่ะะะะะ นี่โซโล่เขินแล้วนะ เขินปุ๊บก็ไปทำพี่เขาเขินตาม คนบ้าาาา คนเจ้าเล่ห์ พี่กีล์ของน้องไม่รอดแล้วแน่ๆ แต่อีกไม่นานเขาต้องรักกัน เราก็เชื่ออย่างนั้นนะคะ ฮื้ออออ ขยันจีบขนาดนี้ เดี๋ยวพี่กีล์ก็ตกหลุมแล้ว แต่ว่าก็ว่าเถอะค่ะ หนีตามกันมาแบบนี้มันต้องมีคนแอบตามมาส่องแน่ๆ แล้วทุกคนก็จะเข้าใจว่าเขาคบกันแล้วทั้งๆที่ยังไม่ได้คบ 555555555 แต่พอโซโล่บอกความรักของตัวเองคือการครอบครองนี่หัวเรานึกไปถึงนั่นเลยค่ะ โซ่แซ่กุญแจมือ ต้องกักขังหน่วงเหนี่ยวพี่เขาไว้แน่ๆ โอ๊ยยยย เรานี่บัดสีมาก 55555555555 แต่รวมเล่มก็อยากได้ตอนพิเศษแบบนี้สักตอนจังนะคะ แบบแสดงความเอสออกมาให้สุดอะไรงี้ แอร๊ยยยย  :mew3: แล้วยังค่ะ เรามีข้อสังเกต การจั๊กจี้พี่เขานี่คือแผนการนะคะ... พอถูกจั๊กจี้คนเราก็ต้องดิ้น ดิ้นแล้วไงคะ คนทำก็ยังตามจี้ต่อ นี่มันการฉวยโอกาสชัดๆเลยค่ะ!! เป็นการแอบเนียนกอดพี่เขาอย่างแนบแน่นทางอ้อม กรี๊ดดดดดดดดดดด คนข้า คนเจ้าเล่ห์!!! พี่กีล์จะไว้ใจโซโล่ไม่ได้แล้วนะคะ 555555 แล้วนี่อวยพรวันเกิดกันแล้วของขวัญคืออะไรคะ ตัวโซโล่เหรอ? 55555555555555 พี่กีล์คะ สุขสันต์สันเกิดย้อนหลังนะคะ พี่ไม่ต้องอยู่แบบเหงาๆแล้วค่ะะะะ พี่ได้หมามาเลี้ยงแล้วววว เราก็ไม่รู้ต่อไปจะเป็นยังไง แต่เขาใส่ใจกันขนาดนี้เราก็สบายใจนะคะว่ามันไม่น่าจะมีอะไรมาขัดขวางทางรักของเขาได้อีก เพื่อนก็เชียร์กันขนาดนี้ แล้วนี่โซล่ต้องไปขอบคุณพี่โนว์ไหมคะ เหมือนพี่เขาส่งพี่กีล์ใส่พานให้ยังไงไม่รู้  :hao7:

ปล. เราว่าคำว่า เพิ่ง มันน่าจะเขียนว่า เพิ่งอ่ะค่ะ เราเห็นในพจนานุกรมล่าสุดเพิ่มคำว่า พึ่ง ไว้แล้ว แต่ก็คิดว่าใช้ เพิ่ง น่าจะดีกว่านะคะ ไม่งั้น พึ่ง มันเหมือ พึ่งพาอะไรแบบนี้เลยอ่ะค่ะ แต่อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ แล้วแต่วิจารณญาณและที่คุณนักเขียนเห็นว่าเหมาะสมดีกว่าค่ะ แล้วก็คำว่าสิทธิ์ เราว่ามันน่าจะมีการันต์นะคะ เราอ่านตามเว็บนี้มา http://www.royin.go.th/?knowledges=%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4-%E0%B9%92%E0%B9%97-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95%E0%B9%94 เขาบอกว่าสิทธิ (สิด-ทิ) มักใช้ในภาษาฎหมายมากกว่า ส่วน สิทธิ์ (สิด) ใช้ในภาษาทั่วไปอ่ะค่ะ

สุดท้ายนี้.... นี่คือมองๆกันอยู่...
(http://img.kapook.com/u/2016/Jarosphan/Pet/Husky/hk01.jpg)

แล้วก็จูบ กินพี่เขา 5555555555555555555555

(http://img.kapook.com/u/2016/Jarosphan/Pet/Husky/hk02.jpg)

เลวร้ายมากค่ะ เจอรูปนี้ทีอารมณ์หวานหายไปเลย 55555555555555555555

ปล. เรารอซื้อเล่มนะค้าาาาาา ขอให้ออกเร็วๆนะคะ อิอิ  รอตอนต่อไปค่าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 08-01-2017 14:35:09
ตายแล้วๆๆๆๆๆๆ หวานกันเกินไปแล้ววววว
นี่ยังไม่เป็นแฟนค่ะ นี่เป็นแค่คนพิเศษค่ะ แต่ว่าเป็นคนพิเศษที่มีสิทธิเหมือนแฟนค่ะ
มันต่างจากแฟนตรงไหนคะคุณขาาาาา หวานมดท่วมจอ น้ำตาลอาย คนอ่านเบาหวานขึ้น
พี่กีล์ขี้แกล้งมากกกก พยายามหาช่องแกล้งให้น้องอายตลอดๆ มีความพยายามสูงมากกก
แต่เพราะคนที่โดนแกล้งคือโซโล่ของชาวเรา เลยโดนสวนกลับจนน้อคไปทุกรอบ55555
เป็นหมาน้อยขี้อ้อนน แต่เจ้าเล่ห์มากกกนะ แต่ถ้าเจ้าเลห์แล้วฟินขนาดนี้ ก้ยอมค่ะ!!!
พี่กีล์จงตกเป็นเหยื่อของน้องมันต่อไปปปปป
ยังไม่เป็นแฟนยังขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟนกันแล้วคนอ่านต้องเป็นเบาหวานจริงๆแน่ๆเลยค่ะ555
ในส่วนของน้องเคนั้นนน จะว่าสวสารก้สวสาร แต่พี่กีล์ก้เตือนหลายรอบแล้วก้ไม่ยอมฟังเอง
ถือว่าดื้อรั้นจนเจ็บตัวเองจริงๆอะ โชคดีอาจะมีคนมาดามใจก้ำด้นะ555
รอตอนหน้าค่าา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-01-2017 14:48:19
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

อีกเหตุผลของโซคือคุณพ่อหรือเปล่า



 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 08-01-2017 15:26:44
ปมเรื่องคุณพ่อสินะคะ   :hao5:
ชัดเจนมากขึ้นแล้ว ที่เคทำเหมือนชอบกีลเพราะก็กีลเคยช่วยอะไรไว้หรือเปล่าคะ กีลนี่ใจดีจริงๆ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 08-01-2017 15:41:35
ไม่ได้คบกันก็เหมือนคบกันแหละ
โซมันหวงตลอดเวลา55555
น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 08-01-2017 15:51:12
อุ.... แม่คะะะะะะะะ เขาจูบกันแล้วววววววววววววววววว โอ๊ยย กรี๊ดดดดดดดดดด บ้าที่สุดดด บ้าจริง ทำเราเขินตามอีกแล้ววว ฮือออออออ คุณคะช่วยเราที สรุปนี่มันทะเลแถวไหนคะ เราจะไป เราจะไปปปป 555555555555 แต่ตอนวิ่งไล่กันนี่เราเห็นเป็นฉากแบบในหนังเลยค่ะ ต้องวิ่งเป็นภาพช้าด้วยนะคะ อึ้ยยยย หวานกันเหลือเกิน นี่ก็แอบสงสารเคนะคะ ไปเถอะค่ะ ไปหาคนอื่นเถอะ เขาจองตัวกันไปแล้วค่ะ เราขำอ่ะ จริงๆโซโล่นี่ไม่ได้ซื่อเลยนะคะ เราสัมผัสได้ แกเจ้าเล่ห์มาก ฮือออออ หมาป่าห่มหนังแกะชัดๆ อีกไม่นานพี่กีล์ก็จะโดนกิน..... อ่ะนะ แต่เราเดาว่าจริงๆที่ยังไม่คบคงเพราะพ่อโซโล่ด้วยมั้งคะ รอดูต่อไปค่ะ ยังไงพี่กีล์ก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ค่ะะะะะ นี่โซโล่เขินแล้วนะ เขินปุ๊บก็ไปทำพี่เขาเขินตาม คนบ้าาาา คนเจ้าเล่ห์ พี่กีล์ของน้องไม่รอดแล้วแน่ๆ แต่อีกไม่นานเขาต้องรักกัน เราก็เชื่ออย่างนั้นนะคะ ฮื้ออออ ขยันจีบขนาดนี้ เดี๋ยวพี่กีล์ก็ตกหลุมแล้ว แต่ว่าก็ว่าเถอะค่ะ หนีตามกันมาแบบนี้มันต้องมีคนแอบตามมาส่องแน่ๆ แล้วทุกคนก็จะเข้าใจว่าเขาคบกันแล้วทั้งๆที่ยังไม่ได้คบ 555555555 แต่พอโซโล่บอกความรักของตัวเองคือการครอบครองนี่หัวเรานึกไปถึงนั่นเลยค่ะ โซ่แซ่กุญแจมือ ต้องกักขังหน่วงเหนี่ยวพี่เขาไว้แน่ๆ โอ๊ยยยย เรานี่บัดสีมาก 55555555555 แต่รวมเล่มก็อยากได้ตอนพิเศษแบบนี้สักตอนจังนะคะ แบบแสดงความเอสออกมาให้สุดอะไรงี้ แอร๊ยยยย  :mew3: แล้วยังค่ะ เรามีข้อสังเกต การจั๊กจี้พี่เขานี่คือแผนการนะคะ... พอถูกจั๊กจี้คนเราก็ต้องดิ้น ดิ้นแล้วไงคะ คนทำก็ยังตามจี้ต่อ นี่มันการฉวยโอกาสชัดๆเลยค่ะ!! เป็นการแอบเนียนกอดพี่เขาอย่างแนบแน่นทางอ้อม กรี๊ดดดดดดดดดดด คนข้า คนเจ้าเล่ห์!!! พี่กีล์จะไว้ใจโซโล่ไม่ได้แล้วนะคะ 555555 แล้วนี่อวยพรวันเกิดกันแล้วของขวัญคืออะไรคะ ตัวโซโล่เหรอ? 55555555555555 พี่กีล์คะ สุขสันต์สันเกิดย้อนหลังนะคะ พี่ไม่ต้องอยู่แบบเหงาๆแล้วค่ะะะะ พี่ได้หมามาเลี้ยงแล้วววว เราก็ไม่รู้ต่อไปจะเป็นยังไง แต่เขาใส่ใจกันขนาดนี้เราก็สบายใจนะคะว่ามันไม่น่าจะมีอะไรมาขัดขวางทางรักของเขาได้อีก เพื่อนก็เชียร์กันขนาดนี้ แล้วนี่โซล่ต้องไปขอบคุณพี่โนว์ไหมคะ เหมือนพี่เขาส่งพี่กีล์ใส่พานให้ยังไงไม่รู้  :hao7:

ปล. เราว่าคำว่า เพิ่ง มันน่าจะเขียนว่า เพิ่งอ่ะค่ะ เราเห็นในพจนานุกรมล่าสุดเพิ่มคำว่า พึ่ง ไว้แล้ว แต่ก็คิดว่าใช้ เพิ่ง น่าจะดีกว่านะคะ ไม่งั้น พึ่ง มันเหมือ พึ่งพาอะไรแบบนี้เลยอ่ะค่ะ แต่อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ แล้วแต่วิจารณญาณและที่คุณนักเขียนเห็นว่าเหมาะสมดีกว่าค่ะ แล้วก็คำว่าสิทธิ์ เราว่ามันน่าจะมีการันต์นะคะ เราอ่านตามเว็บนี้มา http://www.royin.go.th/?knowledges=%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4-%E0%B9%92%E0%B9%97-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95%E0%B9%94 เขาบอกว่าสิทธิ (สิด-ทิ) มักใช้ในภาษาฎหมายมากกว่า ส่วน สิทธิ์ (สิด) ใช้ในภาษาทั่วไปอ่ะค่ะ

สุดท้ายนี้.... นี่คือมองๆกันอยู่...
(http://img.kapook.com/u/2016/Jarosphan/Pet/Husky/hk01.jpg)

แล้วก็จูบ กินพี่เขา 5555555555555555555555

(http://img.kapook.com/u/2016/Jarosphan/Pet/Husky/hk02.jpg)

เลวร้ายมากค่ะ เจอรูปนี้ทีอารมณ์หวานหายไปเลย 55555555555555555555

ปล. เรารอซื้อเล่มนะค้าาาาาา ขอให้ออกเร็วๆนะคะ อิอิ  รอตอนต่อไปค่าาา :mew1:

ในจุดนี้ขอพูดถึงโซ่แซ่กุญแจมือ....ไม่ไหวนะคะ ถามว่าเห็นหน้าพี่กีล์แล้วทำนางลงหรอ เราทำไม่ลงงง //กอดแรง

สิทธิ์นี่ผิดจริงค่ะขอโทษด้วยแก้ไขแล้ว ส่วนพึ่งนี่เท่าที่ดูมาคือใช้แทนเพิ่งได้นะคะ แต่เพื่อความชัวร์ถ้าไปหาข้อมูลแล้วผิดพลาดจะกลับมาแก้ให้น้า ขอบคุณค่ะ

ปล.รูปน่ารักมากอะ5555

ตายแล้วๆๆๆๆๆๆ หวานกันเกินไปแล้ววววว
นี่ยังไม่เป็นแฟนค่ะ นี่เป็นแค่คนพิเศษค่ะ แต่ว่าเป็นคนพิเศษที่มีสิทธิเหมือนแฟนค่ะ
มันต่างจากแฟนตรงไหนคะคุณขาาาาา หวานมดท่วมจอ น้ำตาลอาย คนอ่านเบาหวานขึ้น
พี่กีล์ขี้แกล้งมากกกก พยายามหาช่องแกล้งให้น้องอายตลอดๆ มีความพยายามสูงมากกก
แต่เพราะคนที่โดนแกล้งคือโซโล่ของชาวเรา เลยโดนสวนกลับจนน้อคไปทุกรอบ55555
เป็นหมาน้อยขี้อ้อนน แต่เจ้าเล่ห์มากกกนะ แต่ถ้าเจ้าเลห์แล้วฟินขนาดนี้ ก้ยอมค่ะ!!!
พี่กีล์จงตกเป็นเหยื่อของน้องมันต่อไปปปปป
ยังไม่เป็นแฟนยังขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟนกันแล้วคนอ่านต้องเป็นเบาหวานจริงๆแน่ๆเลยค่ะ555
ในส่วนของน้องเคนั้นนน จะว่าสวสารก้สวสาร แต่พี่กีล์ก้เตือนหลายรอบแล้วก้ไม่ยอมฟังเอง
ถือว่าดื้อรั้นจนเจ็บตัวเองจริงๆอะ โชคดีอาจะมีคนมาดามใจก้ำด้นะ555
รอตอนหน้าค่าา

โซมันเริ่มออกลายแล้ววว ในส่วนของต่างกันยังไงนั้น....เราก็ตอบไม่ได้รอเขาถามกันเองแล้วกัน 55555


:o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

อีกเหตุผลของโซคือคุณพ่อหรือเปล่า



 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่รู้เหมือนกัน :laugh:


ปมเรื่องคุณพ่อสินะคะ   :hao5:
ชัดเจนมากขึ้นแล้ว ที่เคทำเหมือนชอบกีลเพราะก็กีลเคยช่วยอะไรไว้หรือเปล่าคะ กีลนี่ใจดีจริงๆ

 :pig4: :pig4:

มีคนสนใจเคด้วยดีใจจจจ //โยนให้

ไม่ได้คบกันก็เหมือนคบกันแหละ
โซมันหวงตลอดเวลา55555
น่ารักมากๆ

หมามันชอบแสดงความเป็นเจ้าของ 5555

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-01-2017 16:01:29
เอ่อมมมม.  เบาหวานขึ้นตา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-01-2017 17:01:50
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 08-01-2017 17:24:28
โอ้ยยย เขินเลยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 08-01-2017 18:10:34
รออออออออออ เราจะเก็บไตไว้ให้โซกับพี่กีส์ อิอิ
 ตอนนี้หวานเว่อออออออออ 55
 :katai5: :katai5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 08-01-2017 21:43:36
 :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 09-01-2017 00:59:38
อ่านมาถึงตอนนี้มีแต่คนกังวลเริ่องพ่อโซ  เราแนะนำให้จ้างคนมาอุ้มบุญไปเลยคะ จะได้หมดปัญหาเรื่องทายาท555 อันนี้แค่แซวเล่นเฉยๆนะคะอย่าซีเรียส แค่เห็นบรรยากาศน่ารักของทั้งสองคนเลยไม่อยากให้มีเรื่องให้ดราม่า สงสารพี่กีล์ อ่านแล้วรู้สึกหยุดอ่านไม่ได้ ทั้งยิ้ม ทั้งฟิน ทั้งหยิกหมอน ดีต่อใจจริงๆคะ นิยายเรื่องนี้ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 09-01-2017 01:02:19
นังหมาช่างน่ารักตะมุตะมิชอบอ่ะดำเนินเรื่องได้ดีต่อใจมากค่ะโอ้ยยยนางน่ารักจริงๆพี่กีล์โคตรเท่ชอบอิจเมจมากดูมีความค่อยเป็นค่อยไปดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-01-2017 02:19:16
มันดีต่อใจมากจริงๆค่ะ เค้าจูบกันแล้วด้วย ดีใจ
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 09-01-2017 15:52:54
เขาเป็นคนพิเศษกันแล้ว มีจงมีจุ๊บ
ดีต่อใจ :-[  :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER14 P.11 [08/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 09-01-2017 21:32:31
-15-

 

ผมยกมือแตะริมฝีปากตัวเอง...ทั้งที่ผ่านมาสักพักแล้วแต่กลับรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น สัมผัสอบอุ่นที่กดทับลงมายังคงติดอยู่ไม่จางหายไปไหน

เป็นเหมือนตราที่ประทับไว้และจะไม่มีวันลบเลือน…

ผมไม่รู้ว่าเขาเคยทำแบบนั้นกับใครมาแล้วกี่คน แต่…นั่นเป็นครั้งแรกของผม

ผมมองไปรอบด้าน ก่อนจะหยุดสายตาลงตรงริมสระน้ำด้านหนึ่ง ซึ่งตรงนั้นมีคนๆหนึ่งกำลังทำหน้าที่เล่นกีตาร์อยู่ในวงเหล้าของพวกดุริยางค์ โซโล่มองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว และถึงมือจะยังเล่นกีตาร์อยู่ แต่รอยยิ้มมุมปากกับสายตาที่มองมามันก็ทำให้ผมหน้าร้อนได้อยู่ดี

เวร…ยังเอามือแตะปากอยู่เลย

ผมเบนสายตาออกมาจากคนที่ยังทำหน้าตาล้อเลียนไม่เลิกแล้วมองไปรอบๆ ดีที่คนอื่นๆเมากันหมดแล้วเลยไม่มีใครพูดอะไร

ตอนที่ผมกับโซโล่กลับมาก็พบว่าทุกคนนั่งกินเหล้ากันอยู่รอบสระว่ายน้ำอยู่แล้ว พอเดินเข้ามาไม่ทันไรก็มีเด็กดุริยางค์ที่น่าจะเมาอยู่เดินมาลากโซโล่ไปเล่นกีตาร์ในวงเหล้าทันที ส่วนผมที่หาพวกไอ้โนว์ไม่เจอก็ได้แต่นั่งเล่นอยู่ริมสระ

จะว่าไป…เพื่อนผมทั้งสามคนมันหายไปไหนกัน

“อ้าว…ไอ้กีล์”พูดถึงพวกมันพวกมันก็มา…แถมยังเดินเรียงแถวมาจากทางหาดอีก

แล้วนั่นเก้าไม่ใช่เหรอ

“พวกมึง…”ผมหรี่ตามองไอ้พวกที่ไม่ยอมสบตาด้วยสายตาจับผิด ปกติถ้ามีเรื่องเหล้าไอ้โนว์มันไม่มีทางพลาด แต่นี่ดูเหมือนมันยังไม่ได้แตะอะไรเลยด้วยซ้ำ

“ผมไปหาเพื่อนก่อนนะพี่!”เด็กแสบแก้ตัวแล้ววิ่งจู๊ดไปคนแรก

“กูหิวเหล้าละ”โนว์วิ่งตามไปอีกคน

“กูอยากว่ายน้ำว่ะ”ไวน์ว่าจบก็โดดลงสระทันที มันนิ่งไปสักพักก่อนจะเดินเข้าไปหาพวกที่อยู่ในสระ

เพิ่งรู้ตัวหรือไงว่ามึงว่ายน้ำไม่เป็น…

ผมหรี่ตามองคนที่เหลืออยู่และดูจะปกติที่สุด เพราะนอกจากมันจะไม่หลบสายตาแล้วมันยังจ้องหน้าผมพร้อมกับส่งยิ้มมุมปากมาให้อีกต่างหาก

“ไม่มีไรหรอก…”เบียร์มันว่าแล้วเดินมาตบไหล่ผม “แต่กูก็อยากมีคนพิเศษบ้างจังเลย…”

“ไอ้เชี้ยเบียร์!”

ผมคงประมาทพวกมันมากเกินไป จริงๆก็น่าจะเดาได้ว่าเรื่องแบบนี้พวกมันไม่น่าพลาด

“อย่าให้ถึงทีมึงบ้างนะเบียร์!”ผมได้แต่ตะโกนตามหลังมันที่วิ่งหนีไปหาโนว์

ว่าแต่ถ้ามันได้ยิน…แล้วมันเห็นหรือเปล่า

“เออกีล์!”

ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปมองไอ้โนว์ที่ตะโกนมาจากอีกด้าน

“ว่า”

“พวกกูไม่เห็นอะไรเลยจริงจริ๊งงง”

ไอ้เพื่อนเลว!

ที่ยิ่งกว่าเพื่อนล้อคือคนเล่นกีตาร์ที่มือก็ไม่ได้หยุดเล่นหรอก…แต่มองหน้าผมแล้วแอบหัวเราะนี่หมายความว่ายังไง

บางทีคืนนี้ผมน่าจะลองถีบหมาฮัสกี้ตกเตียงดูสักที…

พวกดุริยางค์นี่ก็สมกับเรียนดุริยางค์ดี นอกจากโซโล่ที่เล่นกีตาร์แล้วพวกนั้นก็ร้องเพลงไปดื่มไปไม่ได้หยุดพักเลย ที่สลบไปก็มีเป็นส่วนน้อย ไม่เหมือนฝั่งผมที่ดื่มหนักจนสลบไปหลายราย ไม่ได้สนใจเก็บบรรยากาศอะไรกับเขาเลยสักนิด ผมน่าจะเป็นคนสุดท้ายของวิศวะที่ไม่ได้แตะเหล้าเลยแม้แต่นิดเดียว

“กีตาร์ไม่ดื่มกับเพื่อนเหรอ”โซโล่เดินเข้ามาหาแล้วนั่งหย่อนเท้าลงไปในสระน้ำข้างๆผม ก่อนจะเอากีตาร์ที่ถือมาด้วยมาเล่นต่อ

“พี่ไม่ค่อยชอบดื่มครับ แต่ถ้าตามมารยาทก็พอได้”

ผมเคยดื่มหนักแค่ครั้งเดียวคือตอนเฉลยสายตั้งแต่ปีหนึ่ง ตอนนั้นคือโดนสายรหัสบังคับให้ดื่ม ดีที่ผมเป็นพวกเมาแล้วแค่เดินเซกับปวดหัวแต่รู้สึกตัวตลอดเวลาว่าทำอะไรพูดอะไร พวกพี่ๆยังบอกเลยว่าผมดูไม่เหมือนคนดื่มเหล้าเป็นครั้งแรก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ชอบดื่มอยู่ดี

“ดีแล้ว”

“แล้วโซล่ะ…ไม่ดื่มเหรอ”ผมหันไปถามบ้าง ดูจากลักษณะท่าทางแล้วเจ้าหมานี่ไม่น่าจะพลาดเรื่องเหล้าแน่นอน

“ไม่ดีกว่า…อยู่เป็นเพื่อนกีตาร์”

ผมหัวเราะหึหึโดยไม่พูดอะไร บอกว่าไม่ดีกว่าแสดงว่าก็คงอยากอยู่เหมือนกันแต่ต้องห้ามตัวเองไว้ ถ้าคิดว่าผมจะเชียร์ให้ไปดื่มเพราะพูดแบบนี้ก็คิดผิดแล้ว

“ครับ อยู่เป็นเพื่อนพี่ดีแล้ว…ดื่มมากไม่ดีหรอก”ผมแอบเหลือบมองคนข้างๆเมื่ออยู่ๆเสียงกีตาร์ก็เงียบไป แล้วก็พบว่าเจ้าฮัสกี้กำลังทำหน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจ กีตาร์ในมือก็วางลงข้างตัวแล้วเรียบร้อย

“อืม…ไม่ดื่มหรอก”

ผมทำเป็นมองไม่เห็นคนที่ปากบอกไม่ดื่มแต่ขยับตัวเข้ามาใกล้

“ดีแล้ว”

“ผมไม่ดื่มแน่นอน…ถ้ากีตาร์ไม่อนุญาต”คนบอกไม่ดื่มว่าเสียงอ้อนแล้วเขี่ยนิ้วผมที่วางอยู่ข้างตัวเบาๆ

“ครับ…เก่งมากเลยเจ้าหมา”ผมหันไปจ้องหน้าโซโล่แล้วแกล้งทำหน้าจริงจัง มือก็ยกลูบหัวเขาเหมือนให้รางวัล แต่กลายเป็นคนโดนชมพยักหน้าหงอยๆแล้วช้อนตาอ้อนใส่

“อืม…”

“โซจะดื่มสักหน่อยก็ได้นะ”

“ไม่ดื่มหรอก”ปฏิเสธทันทีแต่ไอ้หน้าหงอยๆเมื่อสิบวิก่อนหายไปแล้ว

“ดื่มเถอะ”

“ไม่เป็นไรจริงๆ”ไม่เป็นไรเลยแต่หูกับหางนี่กระดิกรัวๆ

“เก้า…เหล้าจะหมดแล้วเหรอครับ!”ผมมองเลยไปด้านหลังโซโล่ซึ่งเป็นทางที่เก้ากำลังนั่งสุมหัวกับเพื่อนผมอยู่ เจ้าของชื่อหันมามองงงๆแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่ายังไม่หมด แต่คนที่หันหลังให้เก้าอย่างโซโล่ย่อมมองไม่เห็น

“เก้า!กูบอกให้มึงเก็บไว้ให้!…”

ผมเลิกคิ้วมองคนที่หันไปตะโกนใส่เพื่อนแล้วยิ้มให้ โซโล่กระพริบตาปริบๆแล้วหันมาทำหน้าอ้อนใส่ผมเหมือนเดิม

“ไปสิครับ”

“เดี๋ยวมานะกีตาร์…”เจ้าฮัสกี้ว่าเสียงอ้อนแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนไปไม่วายยื่นมือมาบีบมือผมเหมือนกลัวโดนโกรธอีกที

นี่แหละนะคนบอกไม่ดื่ม…

ว่าแต่เก้ากับเพื่อนผมมันไปสนิทกันตอนไหน…

ผมเดินเข้าไปหาพวกเพื่อนที่นั่งดื่มกันอยู่ที่โต๊ะหินก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างโซโล่ซึ่งเป็นที่ว่างที่เดียว ท่าทางพวกมันน่าจะเริ่มเมากันแล้ว เพราะขนาดผมเดินเข้ามานั่งพวกมันยังไม่หันมาแซวตามที่ปกติมักจะทำเลย

ครืด ครืด

โทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นไม่หยุด ผมหันไปมองเจ้าของมันแล้วก็พบว่าเขากำลังนั่งดื่มแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่ผมรู้สึกเหมือนท่าทางของโซโล่ดูแปลกไปตั้งแต่ที่เขาเดินแยกไปคุยโทรศัพท์ตอนระหว่างทางเดินกลับมาที่รีสอร์ท

ท่าทางของเขาตอนนั้นดูเหมือนคนหงุดหงิด ถึงตอนหันกลับมาคุยกับผมจะทำหน้าอ้อนสักแค่ไหนก็เถอะ แต่ผมก็รับรู้ได้ว่ามันไม่เหมือนเดิม จะว่าไปแล้วหลังจากที่คุยโทรศัพท์ พอเดินกลับมาหาผมอยู่ๆเขาก็พูดเรื่องนั้นขึ้นมา…

 

‘กีตาร์…ถ้าต้องการจะไปตอนไหนก็บอกผมตรงๆนะ ขอแค่บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วก็พอ’

“…”

‘คบหรือไม่คบต่างกันที่ถ้ายังเป็นแบบนี้ผมยังปล่อยกีตาร์ไปได้ แต่ถ้าคบกันผมจะไม่หยุดความรู้สึกไว้แค่นี้…’

“…”

‘และผมจะไม่มีวันปล่อยกีตาร์ไปอีก…ต่อให้กีตาร์ไม่ต้องการผมแล้วก็ตาม’

 

คำพูดของโซโล่ยังวนเวียนอยู่ในหัวผมไม่จางหาย พอผมตั้งใจจะพูดอะไรไปเขาก็ห้ามไว้แล้วยิ้มจางๆมาให้ ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาคิดแบบนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงกลัวว่าผมจะหยุดความรู้สึกไว้ที่คำว่าชอบมากนัก ทั้งที่ผมมั่นใจว่าอีกไม่นานมันต้องเป็นความรักแน่ๆ

ถึงจะเข้าใจเรื่องที่ยังไม่อยากเล่าอะไร แต่ผมไม่อยากให้เขาคิดอะไรเศร้าๆแบบนั้น

จะทิ้งไปได้ยังไง…แค่เห็นใบหน้าหมองๆนั่นผมก็รู้สึกเศร้าตามแล้ว

แต่ในเมื่อเขามั่นใจว่าจะเอาแบบนั้น…

 

‘รอพี่นะครับโซ พี่จะต้องบอกความหมายของคำคำนั้นกับโซได้แน่นอน’

 

“โซครับ”ผมหันไปสะกิดแล้วชี้ไปที่โทรศัพท์ของเขา ตอนแรกเขาก็หันมาส่งสายตาอ้อนให้ แต่ทันทีที่หันไปมองตามที่ผมชี้ก็เหมือนกลายเป็นคนละคนแทบจะทันที

“อะไรนักหนาวะ!”โซโล่สบถก่อนจะหยิบโทรศัพท์ลุกเดินออกไปทางหาด

ผมไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้ดีว่าเจ้าตัวคงกำลังโมโห ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรแต่ตอนนี้ผมรู้สึกเป็นห่วงมากกว่า โซโล่ไม่เคยแสดงอาการแบบนั้นมาก่อน แล้วยิ่งเป็นต่อหน้าผมเขายิ่งดูเหมือนหมาฮัสกี้ที่ไม่มีพิษมีภัยกับใครเข้าไปใหญ่

“พี่ไปดูมันหน่อยเถอะ”เก้าส่งยิ้มให้ผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงขอร้องหน่อยๆ “ทำให้มันใจเย็นทีนะ ผมกับเจไดไม่เคยเอามันอยู่เสียที”

“เคยเกิดเรื่องแบบนี้แล้วเหรอครับ”ผมหันไปถามเก้า

“สองสามทีแล้วพี่ ระหว่างเรียนอยู่ก็มี”

ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเด็กนี่ก็ห่วงเพื่อนไม่แพ้กัน ผมดีใจที่อย่างน้อยโซโล่ก็มีเพื่อนสนิทที่เป็นห่วงเขา ไม่ต้องพูดถึงนิสัยเลย…เอาแค่บุคลิกภายนอกของเจ้าหมานั่นนอกจากเก้ากับเจไดแล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเข้ากับเขาได้อีกหรือเปล่าด้วยซ้ำ

“พี่ไปดูโซก่อนนะครับ”

“พี่กีล์…”

“ครับ”ผมหันกลับไปตามเสียงเรียก เก้าสะบัดหัวสองสามทีเหมือนกำลังตั้งสติแล้วเปลี่ยนสีหน้าให้ดูจริงจังมากขึ้น

“โซมันไม่ใช่คนใจเย็น…ยิ่งเป็นเรื่องนี้มันยิ่งใจร้อน คนที่เอาอยู่คงมีแค่พี่คนเดียว ฝากดูแลมันด้วยนะครับ”

ไม่ใช่คนใจเย็นเหรอ…อันที่จริงก็พอเดาได้ตั้งแต่ตั้งท่าจะเข้าไปต่อยเบียร์เมื่อเช้าแล้ว แต่ที่ผมอยากรู้คือเรื่องนี้ที่ว่าคือเรื่องไหนกันแน่

“พี่จะดูแลให้ครับ”ทันทีที่ผมพูดจบเก้าก็ส่งยิ้มมาให้แล้วฟุบลงไปกับโต๊ะเหมือนไม่ต้องการรับรู้อะไรอีก

“พี่จะดูแลให้ครับ”

“พี่จะดูแลให้ครับ”

“พี่จะดูแลให้ครับ”

คิดว่าพวกมันจะหลับไปแล้ว…ไอ้พวกเนียนพวกนี้มันน่าถีบจริงๆ

ผมเดินหนีเสียงแซวของเพื่อนสามตัวมาตามทางที่เห็นโซโล่เดินมา แต่เดินมาสักพักแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่รู้ว่าเดินไปถึงไหนแล้ว ยิ่งฟ้ามืดแถมลมแรงแบบนี้ยิ่งน่าเป็นห่วง

ถ้าป่วยอีกคงต้องลองไม่คุยด้วยดูสักวัน จะได้รู้จักห่วงตัวเอง

“ไม่”เสียงเย็นเยียบแต่คุ้นเคยดังมาจากใต้ต้นมะพร้าวไม่ไกลนัก

ผมเดินเข้าไปหาร่างคุ้นตานั่น แต่ดูเหมือนโซโล่จะไม่เห็นว่าผมเดินเข้ามาใกล้เขาขนาดนี้แล้ว

“ก็บอกว่าไม่ไงวะ!”โซโล่ตวาดก้องด้วยน้ำเสียงเย็นชาและโมโหสุดขีด ผมสะดุ้ง ได้แต่กระพริบตามองวัตถุบางอย่างลอยออกจากมือเจ้าหมาไปแบบคนทำอะไรไม่ถูก

ปาโทรศัพท์ลงทะเลไปแล้ว…

“กีตาร์…”น้ำเสียงเหนื่อยอ่อนที่ดังขึ้นมาทำให้ผมรู้สึกตัว แต่ดูเหมือนโซโล่จะเรียกออกมาทั้งที่ไม่เห็นว่าผมยืนอยู่ ร่างสูงโปร่งทิ้งตัวพิงต้นมะพร้าวเหมือนคนอ่อนแรงจนผมรู้สึกหน่วงๆในใจ

ทำไมถึงเป็นขนาดนี้…

“ครับ”ผมยิ้มเมื่อคนที่ยืนพิงต้นมะพร้าวหันหน้ามามองอย่างตกใจ “เรียกพี่พี่ก็มา เจ๋งปะ”

ผมไม่ใช่คนตลกที่สามารถทำให้ใครๆอารมณ์ดีได้ แต่ก็อยากจะพยายามทำให้เจ้าหมานี่กลับมากระดิกหูกระดิกหางได้เหมือนเดิม ถึงจะไม่รู้ว่าแบบนั้นเขาเรียกว่าตลกหรือเปล่าก็เถอะ…

สงสัยจะไม่…

ผมได้แต่ยิ้มแห้งเมื่อเจ้าฮัสกี้เอาแต่จ้องหน้าผมเงียบๆโดยไม่พูดอะไร แต่เมื่อผ่านไปสักพักเขาก็ค่อยๆส่งยิ้มฝืนๆมาให้

ถ้าจะยิ้มแบบนั้นอย่ายิ้มเลยดีกว่า…

หมับ!

ผมเดินเข้าไปกอดคนที่สูงกว่าเอาไว้ ใช้มือข้างหนึ่งกดหัวเขาให้ซุกลงมาตรงไหล่ ส่วนมืออีกข้างก็ใช้ลูบหัวให้เหมือนที่ชอบทำมาตลอด โซโล่ตัวแข็งอยู่ครู่เดียวก็ผ่อนแรงลงแล้วกอดกลับแน่น

“พี่อาจจะทำให้โซกลับมาอารมณ์ดีไม่ได้…แต่พี่กอดโซแบบนี้ได้เสมอนะครับ”ผมหัวเราะเบาๆเมื่อเจ้าหมาซุกหน้าเข้ามามากกว่าเดิมจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆและสัมผัสเบาๆของปลายจมูกโด่งที่ทำให้จั้กจี้ แขนที่กอดเอวผมไว้กระชับแน่นขึ้นเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป

“อยู่แบบนี้ก่อนนะ”

“โซ…”

“อย่าเพิ่งถามเลยนะ…”โซโล่พูดเสียงอู้อี้แต่กลับอ่อนล้าจนผมรู้สึกได้

“ครับ…พี่จะไม่ถาม”

“ผมสัญญาว่าถ้าพร้อมแล้วจะเล่าให้กีตาร์ฟัง”

ผมยิ้มรับคำพูดนั้นโดยไม่ตอบอะไร เชื่อว่าถ้าพร้อมแล้วเขาจะเล่าให้ผมฟังเองตามที่พูด

ไม่รู้ว่าเรากอดกันนานแค่ไหน…แต่ผมกลับรู้สึกชอบบรรยากาศแบบนี้ เพราะมันเหมือนโซโล่กำลังระบายความอัดอั้นออกมาโดยไม่ต้องพูด…แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ถึงแม้ว่าถ้าพูดออกมามันอาจจะดีกว่าก็ตาม

“ไม่อยากกลับเลย”

เสียงงอแงทำให้ผมเริ่มใจชื้นขึ้น อย่างน้อยเขาก็ไม่โมโหหรือทำเสียงเศร้าแบบนั้นแล้ว

“ต้องกลับไปเรียนนะ…”

“เวลาเรียนแทบไม่ได้เจอกีตาร์เลย”

นั่นสิ ผมเรียนหนักโซโล่ก็ภาคปฏิบัติเยอะ เวลาอยู่มหา’ลัยเราแทบไม่ได้เจอกันระหว่างวันเลยด้วยซ้ำ มีเวลาเจอกันคุยกันก็แค่ช่วงก่อนนอน วันไหนที่ผมไม่ได้ทำงานก็ต้องลุยทำโปรเจคนั่นนี่เยอะแยะไปหมด เขาเองก็ต้องซ้อมดนตรีหรือออกเวทีไปแสดงเหมือนกัน

“ต้องทนนะครับ”

ผมเองก็ต้องทนเหมือนกัน

“แล้วถ้ากีตาร์ไปฝึกงาน…”โซโล่ส่งเสียงไม่พอใจทั้งที่ยังซุกหน้าอยู่ที่ไหล่ผม จนผมต้องยกมือลูบหัวเขาอีกทีเป็นการปลอบ

ผมเคยบอกเรื่องฝึกงานไปแล้วและมันก็ใกล้เข้ามาทุกที ตอนแรกเจ้าหมานี่ก็เคยงอแงอยู่เหมือนกัน แต่พอผมให้กินนมก็เลย…

เดี๋ยวนะ

ผมผละออกมาช้าๆก่อนจะหรี่ตามองคนที่กำลังทำหน้าเหมือนหมางง

“ที่นี่ไม่มีนมอุ่น…”ผมเกริ่นแล้วลอบมองท่าทีอีกฝ่าย

“ก็ไม่มีไง”

“แล้วเราหลับได้หรือไง”

คนฟังเบิกตาน้อยๆวูบเดียวแล้วก็เปลี่ยนมาหาวอย่างรวดเร็วจนน่าหมั่นไส้

“เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ…”

“ครับ…”

“วันนี้ก็เลยต้องกินเหล้าเยอะๆจะได้ง่วงไง”

ผมมองคนที่ยืนฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้แล้วก็พยักหน้ารับ แต่แอบหยิกมือเจ้าหมาขี้อ้างไปทีจนเจ้าตัวร้องออกมาเบาๆ

อย่างน้อยเขาก็กลับมายิ้มได้แล้ว…จะทำเป็นไม่รู้เรื่องสักวันแล้วกัน

“กินเยอะๆเลยนะครับจะได้นอนหลับ”ผมพูดด้วยเสียงอ่อนโยน โซโล่ยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกหงัก หางกับหูนี่กระดิกแรงจนผมอยากจะหยิกอีกสองสามที

ผมเดินจูงมือหมาที่แลดูอารมณ์ดีแตกต่างจากตอนคุยโทรศัพท์อย่างกับคนละคนกลับไปตามทางเดิมที่เดินมา พอเรามาหยุดอยู่หน้ารีสอร์ทแล้วผมก็หยุดเท้ากะทันหันจนโซโล่หันมามองงงๆ

“โซ”ผมส่งยิ้มไปให้แล้วบีบมือเขาเบาๆ

“ครับ”

“วันนี้พี่ไปนอนห้องเพื่อนนะครับ”

ถึงจะบอกว่าจะทำเป็นไม่รู้เรื่อง…แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ทำโทษเจ้าหมาขี้โกหกนี่หรอกนะ

-------------------------------------

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 09-01-2017 22:04:19
 :laugh: :laugh:โซโดนทำโทษ

 :katai5: :katai5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-01-2017 22:13:46
ทำร้ายน้องแบบนั้นได้ไง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-01-2017 23:28:47
ไม่วายโดนลงโทษ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-01-2017 23:54:16
เจ้าหมาจะทนได้มั้ย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 09-01-2017 23:57:32
ชูสองแขน ขอเดาค่ะ

เราขอเดาว่าฮัสกี้น้อยคุยกะป๊ะป๋า เลยอารมณ์เสีย

ปล.ถ้าจะมีมาม่า ขอชามเล็กๆนะคะ ไม่เอาซองจัมโบ้นะคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-01-2017 00:15:28
หมาโซโดนทำโทษ นางต้องงอแงแน่ๆ 55555555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2017 00:33:35
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 10-01-2017 07:31:43
ใครโทรมานะ คุณพ่อหรือเปล่า  :katai1:
หมาน้อยโดนทำโทษซะแล้ว จะอาละวาดไหมเนี่ย

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 10-01-2017 11:57:09
ลูกฮัสกี้แปลงร่างง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-01-2017 12:13:47
น้องโซเด็กไม่ดีขี้โกหก พี่กีล์ทำโทษเยอะๆเลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 10-01-2017 13:54:42
ลงโทษเบาๆ โซคุยกับพ่อแหงม
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 10-01-2017 14:22:38
ลงโทษบ้างก็ดีพี่ีกีล์ นางชอบทำมึนกลบเกลื่อนความผิด 5555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-01-2017 14:58:18
หมาคงไม่อยากยอมให้พี่กีลล์ไปนอนกับเพื่อนแต่คงไม่กล้าขัดใจเจ้าของแน่ๆ :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 10-01-2017 21:13:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-01-2017 21:36:23
พี่กีล์ดีต่อใจจังเลยค่ะ เอาอยู่ทุกสถานการณ์  :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 10-01-2017 21:39:49
อยากจะขำดังๆ 5555555
หมาน้อยโดนลงโทษซะแล้ว
ถึงจะขัดใจแค่ไหนแต่กล้าขัดคำสั่งพี่กีล์หรออ
แน่นอนว่าไม่ 5555555
เรื่องโทรศัพท์นี่น่าจะมีกลิ่นดราม่ามาแล้วว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-01-2017 07:51:43
พี่กีล์ลงโทษจัดหนักไปเลยคร้าาาา ^0^
แตาก้ออยากรู้ว่าโซคุยอะไรจังเลยอ่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER15 P.12 [09/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 11-01-2017 20:21:44
-16-

 

สัปดาห์สอบกลางภาคมาถึงไวกว่าที่คิด อาทิตย์ก่อนเพิ่งไปเที่ยวมาแท้ๆ แต่พอกลับมาทุกคนก็ดูจะหัวหมุนกับการสอบไปหมดรวมถึงผมเองด้วย ที่แย่คือผมต้องทำงานพิเศษทำให้มีเวลาน้อยกว่าคนอื่นก็เลยต้องทุ่มเทมากกว่าใคร ส่วนโซโล่เองก็ดูจะซ้อมหนักไม่น้อย เขาบอกว่าสอบของเขาส่วนใหญ่เป็นปฏิบัติทั้งนั้น จากที่เคยมีเวลามานั่งเฝ้าผมทำงานก็กลายเป็นต้องซ้อมดึกดื่น พอเลิกแล้วค่อยมารับกลับพร้อมกัน

กิ๊ง…

ผมหันไปส่งยิ้มให้คนที่เพิ่งมาแล้วถือแก้วนมเข้าไปหาเหมือนทุกครั้ง โซโล่เหลือบมองแวบเดียวแล้วก็ยื่นมือมาหยิบแก้วไปจากมือผมโดยไม่ยอมสบตาหรือพูดอะไรสักคำ

นี่ขนาดผมทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วเอานมให้ทุกวันเหมือนเดิมก็ยังไม่หายงอนอีก

ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วที่เรากลับมาจากทะเล แต่เจ้าหมานี่ก็ยังทำหน้านิ่งไม่ยอมคุยกับผมเสียที ถามอะไรก็ตอบสั้นๆไม่ยอมมองหน้า ยิ้มให้ก็หันหน้าหนีตลอด แต่เพราะเขายังทำทุกอย่างเหมือนเดิมไม่ว่าจะไปรับไปส่งหรือรอกินนม ผมเลยมองว่ามันเป็นการงอนที่น่ารักจนไม่อยากง้อ

เหตุผลที่เจ้าหมานี่งอนก็เพราะวันนั้นที่ทะเลผมหนีไปนอนห้องเพื่อนจริงๆ อีกคนร้องเรียกเท่าไหร่ก็ไม่เปิดประตูให้ พอวันต่อมาก็ต้องมานั่งรู้สึกผิดเมื่อเห็นหน้าตาเหมือนคนไม่ได้นอนของเขา แถมตอนขึ้นรถเตรียมกลับคนที่นั่งข้างๆผมก็หันหน้าหนีไม่ยอมคุยด้วยแล้วฟุบหัวไปกับหน้าต่างอีก ผมบอกให้พิงไหล่ก็ไม่ฟังจนต้องเป็นฝ่ายดันหัวนั่นมาพิงไหล่ด้วยตัวเอง ตอนแรกเจ้าหมาก็ทำท่าจะขยับออกอยู่หรอก แต่พอโดนทำหน้าดุเข้าหน่อยก็หงอยจนหูลู่ยอมนอนแต่โดยดี

ขนาดงอนก็ยังเชื่อฟังอยู่…ผมถึงได้บอกว่าน่ารัก

โซโล่ลุกขึ้น ถือแก้วนมไปล้างที่อ่างล้างจานเหมือนทุกวันที่ผ่านมา พอล้างเสร็จก็หยิบกระเป๋าผมกับกุญแจร้านจากบนเคาน์เตอร์แล้วออกไปยืนรอข้างนอก รอจนผมเดินตามออกไปแล้วเขาก็เข้าไปไขกุญแจปิดร้าน

หมาหน้านิ่งยัดกุญแจใส่กระเป๋าผมแล้วเหลือบมองโดยไม่พูดอะไร พอผมส่งยิ้มไปให้ก็รีบหันหน้าหนีแล้วเดินนำไปที่รถเหมือนเดิม

สงสัยคงต้องพอแค่นี้…

ถึงท่าทางนั่นจะน่ารักขนาดไหน แต่ดูเหมือนถ้ายังปล่อยไปนานกว่านี้แล้วเจ้าหมานี่งอนจริงจังขึ้นมาผมคงไม่รู้ว่าจะง้อยังไง

“โซครับ”เจ้าของชื่อไม่แม้แต่จะหันมามอง ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ทำเหมือนไม่ได้ยินจนผมต้องยื่นมือไปสะกิดเบาๆถึงได้เหลือบตามามองสองวิ

ถือว่ายังดี

“อ่านหนังสือด้วยกันไหม”ผมอมยิ้มเมื่อเห็นว่าหน้านิ่งๆเริ่มมีปฏิกิริยา “พี่อ่านที่หอก็ร้อน…ถ้าเอาไปอ่านกับโซได้ไหมครับ”

“…”ยังเงียบแต่ตาเริ่มเป็นประกาย มุมปากยกน้อยๆ และที่สำคัญคือหูเริ่มกระดิก

“ไม่ได้เหรอครับ…”ผมแสร้งทำเสียงอ่อนแล้วถอนหายใจเบาๆ “ไม่เป็นไร พี่ไม่…”

“ใครบอกไม่ได้!”โซโล่แทรกอย่างรวดเร็ว ผมรีบเบือนหน้าไปนอกหน้าต่างเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะ

“ก็ถ้าโซยังไม่หายโกรธพี่ไม่ไปดีกว่า…พี่ไม่อยากให้โซอึดอัด”

“หาย…”

“อะไรนะครับ”

“หายก็ได้”

“หายแน่นะ ไม่กลับมาโกรธแล้วนะ”

“ไม่โกรธแล้ว”สิ้นคำนั้นผมก็หันกลับมาหัวเราะเสียงดัง เจ้าหมามองมาอย่างงงๆก่อนใบหน้าจะเริ่มบูดบึ้งขึ้นเรื่อยๆ

“โซรับปากแล้วนะ ห้ามคืนคำ”ผมรีบย้ำ

“กีตาร์นิสัยไม่ดี”ปากก็ว่าแต่เขากลับส่งยิ้มบางๆมาให้

“ก็พี่ไม่รู้จะง้อยังไงดี”

“รับปากแล้วห้ามคืนคำนะ”เจ้าหมาหรี่ตามอง ใบหน้าจริงจังเหมือนจะบอกว่าถ้าไม่ยอมไปแต่โดยดีก็จะลากไปให้ได้

“ครับผม!”ผมพยักหน้าแข็งขันจนเกินจริง จากนั้นก็มองภาพเจ้าหมาหัวเราะด้วยรอยยิ้ม

เขารู้ตัวหรือเปล่านะว่าตัวเองแสดงอารมณ์มากขึ้น…ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะเลย

“กีตาร์…”โซโล่ขมวดคิ้ว ทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่เต็มใจเท่าไหร่ “ผมเองก็ต้องซ้อม แล้วกีตาร์จะอ่านหนังสือได้เหรอ อยู่อ่านที่หอดีกว่าไหม”

ถึงจะไม่พอใจแต่ก็ยังรู้จักเป็นห่วงกันอีก เจ้าหมานี่น่าเอ็นดูจริงๆ

“ห้องโซก็ออกจะกว้าง เสียงคงไม่ได้ดังไปทั่วหรอกครับ”ผมพูดตามความจริง และทันทีที่พูดจบโซโล่ก็ยื่นมือมาจับมือผมไว้ ผมบีบมือเขากลับเบาๆก่อนจะหันไปเปิดประตู แต่กลายเป็นโดนรั้งมือไว้ไม่ยอมปล่อย

เจ้าหมานี่นะ…

ผมดึงมือออกช้าๆ ใช้เวลาอยู่สักพักถึงจะเป็นอิสระ พอลงมาแล้วโซโล่ก็เปิดประตูรถตามมาแล้วยืนพิงรถรอเหมือนทุกที

เห็นจนน่าจะชินได้แล้วแต่มองกี่ทีผมก็รู้สึกหมั่นไส้ไอ้ท่าทางดูดีทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจนั่นเหลือเกิน นี่ถ้าไม่ได้รู้จักกันผมคงมองว่าเดือนมหา’ลัยปีนี้เป็นคนสมบูรณ์แบบไปหมด ทั้งหน้าตา ท่าทาง แค่ยืนเฉยๆยังดูดีได้ แต่พอรู้จักกันแล้ว…

ไม่พูดถึงแล้วกัน…

ผมหยิบเอกสารกับหนังสือที่จะใช้อ่านแล้วก็เสื้อผ้านักศึกษากับชุดนอนอีกชุดใส่กระเป๋าก่อนจะลงมาข้างล่าง โซโล่ยังยืนอยู่ท่าเดิมเหมือนหุ่นขี้ผึ้ง หน้านิ่งๆก็ยังนิ่งเหมือนเดิมจนผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้ามีแมลงวันเกาะหน้า เจ้าหมานี่จะปัดออกหรือจะยืนให้มันเกาะ

คิดแล้วก็ขำจนคนที่ผมกำลังนินทาในใจหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

ผมไม่ตอบอะไรแต่เดินอมยิ้มไปขึ้นรถ เวลาเห็นโซโล่ทำหน้าเป็นหมาฮัสกี้แล้วแสดงอาการออกมาทางสีหน้าทีไรรู้สึกอารมณ์ดีทุกที

 

 

ห้องกว้างที่ไม่ได้มาเหยียบเป็นอาทิตย์ยังดูสะอาดเหมือนเคย ผมวางหนังสือกองไว้ตรงโซฟากลางห้องเพราะมุมที่ผมชอบเจ้าหมาน่าจะใช้เป็นที่ซ้อม

“กีตาร์”โซโล่เรียกแล้วกวักมือให้เดินไปทางห้องนอน

“ครับ”

“ของขวัญวันเกิด”

“ของขวัญ…”ผมตาโตมองคนพูดด้วยความแปลกใจ เพราะคิดมาตลอดว่าของขวัญคือเพลงที่เขาร้องให้ฟังบนเวที “ทำไมถึงมาให้พี่วันนี้ครับ”

“มันขนไปไม่ได้”โซโล่ยิ้มน้อยๆแล้วพาผมเดินไปหน้าตู้เสื้อผ้า

“ถึงขนาดขนไม่ได้เลยเหรอ”ผมยิ้มกว้าง รู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆเพราะไม่ได้ของขวัญอะไรมานานมากแล้ว

ว่าแต่ทำไมต้องใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าทั้งที่เจ้าตัวก็พามาเอง…ไม่ได้คิดจะเซอร์ไพรส์อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง

“เปิดเลย”

ผมเปิดประตูตู้ตามคำบอกโดยตัดความสงสัยทิ้งไป หัวใจเต้นรัวเพราะลุ้นจนตัวโก่ง

“กีตาร์เหมือนเด็กเลย”โซโล่พึมพำขำๆ แต่ตอนนี้ความอยากรู้ของผมมันแลดูจะมีมากกว่าเลยไม่ได้ตอบอะไร ผมรีบสอดส่องสายตาหาของขวัญในตู้อย่างรวดเร็ว

ไม่เห็นมีอะไร…นอกจากเสื้อผ้าที่ดูเยอะขึ้น

เดี๋ยวนะ

จำได้ว่าครั้งก่อนที่มาเสื้อผ้าโซโล่ไม่ได้เต็มตู้ขนาดนี้

ผมเปิดดูทุกส่วนของตู้เสื้อผ้า นอกจากเสื้อผ้าที่แขวนอยู่แล้ว เสื้อผ้าลำลองหรือแม้แต่บ็อกเซอร์ก็มีเยอะขึ้นด้วย

อย่าบอกนะ…

ผมหันกลับไปหาคนที่กำลังยืนยิ้ม พอเห็นหน้าตาเหมือนคาดหวังนั่นแล้วก็พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

“โซซื้อเสื้อผ้าให้พี่เหรอครับ”

จะให้เสื้อผ้าก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่ไม่เห็นต้องเยอะขนาดนี้เลย แถมยังดูมีราคาทั้งนั้น…

“ใช่”โซโล่พยักหน้าหงึกหงัก

“ไม่เห็นต้องซื้อเยอะขนาดนี้เลยครับ แค่เสื้อตัวเดียวก็พอแล้ว”

“ถ้าไม่ซื้อเยอะ…”โซโล่ขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ “แล้วกีตาร์จะใส่อะไรอยู่ที่นี่”

“โซหมายความว่า…”

“ผมซื้อเสื้อผ้าให้กีตาร์ไว้ใช้อยู่ที่นี่ จริงๆก็ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า ในครัวมีแก้วคู่ด้วยนะ”

ในขณะที่ผมกระพริบตาปริบๆและพยายามเรียบเรียงเรื่องในหัว โซโล่ก็ยิ้มกว้างแล้วจูงผมที่กำลังงงสุดขีดให้เดินตามไปที่ครัว

นี่ผมไปบอกตอนไหนว่าจะมาอยู่ที่นี่ ที่ซื้อของครบขนาดนี้มันหมายถึงให้มาอยู่ด้วยกันใช่ไหม

“กีตาร์…”

ผมหันไปมองเจ้าของเสียงแล้วก็หลุดขำออกมาเสียงดัง

เจ้าหมาฮัสกี้ชูแก้วน้ำสองใบไว้แนบแก้ม แต่ละใบเป็นรูปหมาหันข้างแล้วยื่นปากเหมือนจะจูบกัน พอเขาเอามาแนบแก้มแบบนี้มันเลยเหมือนหมาที่แก้วกำลังจูบแก้มเขาอยู่

น่ารักจนอยากถ่ายรูปเก็บไว้…

“โซอยู่แบบนี้ก่อนนะครับ”ผมบอกแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่โซฟา โซโล่ทำหน้างงแต่ก็ยอมยืนนิ่งๆให้ถ่ายรูปแต่โดยดี

เอาไว้ตั้งเป็นภาพโทรเข้าก็แล้วกัน

“น่ารักไหม”

ผมพยักหน้าให้คำถามนั้น รู้ดีว่าเขาไม่ได้หมายถึงตัวเองแต่หมายถึงแก้ว แต่ที่พยักหน้าไปจริงๆผมหมายถึงเขาต่างหาก

“นี่ของผม…นี่ของกีตาร์”โซโล่ว่าแล้วยื่นแก้วที่เป็นหมาใส่ปลอกคอสีชมพูมาให้ ส่วนที่เขายังถืออยู่เป็นหมาใส่ปลอกคอสีฟ้า

ผมรับแก้วมาถือไว้ด้วยรอยยิ้ม มองใบหน้ามีความสุขของเขาแล้วก็รู้สึกดีไปด้วย

แต่ว่า…

“แล้วพี่บอกโซตอนไหนครับว่าจะมาอยู่ที่นี่”

ทันทีที่คำถามหลุดออกไปใบหน้ามีความสุขก็เปลี่ยนเป็นหน้าอมทุกข์อย่างรวดเร็วจนผมเกือบจะยกมือตบปากตัวเอง

รู้สึกผิดจนลืมสงสัยไปเลยว่าทำไมเจ้าฮัสกี้ถึงได้เปลี่ยนสีหน้าไวนักอย่างกับเตรียมไว้แล้ว

“ผม…เอากลับไปไว้ห้องกีตาร์ให้ก็ได้”โซโล่วางแก้วที่ถือไว้ลงบนโต๊ะแล้วส่งยิ้มจางมาให้ก่อนจะเดินผ่านหน้าผมไป

ผมมองแก้วหมาที่อยู่บนโต๊ะสับกับที่ตัวเองถืออยู่แล้วก็รู้สึกเหมือนหมาในแก้วกำลังทำหน้าเสียใจใส่

อยู่ๆก็ใจแป้วแถมยังตาลายมองแก้วมีชีวิต…

“คือพี่หมายถึงจะให้มาอยู่ด้วยตลอดเลยคงไม่ดีมั้งครับ…รบกวนโซด้วย”ผมพูดโดยไม่หันไปมอง รู้สึกว่าเสียงฝีเท้าด้านหลังเงียบไปแล้ว “คือเรา…ก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“เป็น…”เสียงตอบรับดังขึ้นพร้อมกับความอบอุ่นจากแผ่นอกของคนที่เดินมากอดผมจากทางด้านหลัง

“เป็น?”

แขนที่โอบรอบเอวผมกระชับแน่นขึ้น ความอบอุ่นจากร่างกายและลมหายใจร้อนๆของคนที่วางคางไว้บนไหล่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนร่างกายร้อนไปหมด ผมไม่กล้าหันไปมองเพราะแค่นี้ก็รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นตึกตักจนแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว

“เป็นคนพิเศษของกันและกัน”

นั่นมันคำพูดผมไม่ใช่เหรอ…

รู้สึกเหมือนโดนตีกลางแสกหน้า

ทำไมตอนตัวเองพูดก็ไม่ได้รู้สึกเขินเท่าไหร่ แต่พอเจ้าหมานี่พูดแล้วมันต่างกันแบบนี้…

ผมถือแก้วไว้ด้วยสองมือที่สั่นเทาโดยไร้สาเหตุ พยายามเพ่งสมาธิไปกับการจับแก้วให้แน่นเพราะกลัวว่าถ้าเผลอไปนิดเดียวจะทำมันตกแตก

“กีตาร์ไม่ได้รบกวน…ผมอยากอยู่ใกล้ๆเพราะรู้ว่าไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน อีกไม่นานกีตาร์ก็ต้องไปฝึกงานแล้วด้วย มาอยู่ใกล้ๆผมนะ ได้เจอตอนนอนทุกวันก็ยังดี”

ผมพยายามไม่สนใจอ้อมกอดอบอุ่นแล้วเพ่งความสนใจไปที่คำพูดของเขา

“แต่หอพี่…”แล้วเสียงจะสั่นทำไม…

เจ้าหมาได้ทีหัวเราะเบาๆแล้วขยับหน้าเข้ามาจนแนบกับแก้มผม

“ทิ้งไว้แบบนั้น…ไม่สิ ย้ายออกเลยดีกว่า”

“คือพี่ว่า…”

“นะครับ”

“…”

 

[สวัสดีค่ะ]

“นี่กีล์นะครับป้า คือผมจะย้ายออกจากหอพรุ่งนี้นะครับ”

[อ้าว…แล้วกีล์จะไปอยู่ที่ไหนล่ะลูก]

“คือผมจะไปอยู่กับเพื่อน…เอ่อ…กับคนพิเศษครับ”

[ตายแล้ว…น้องกีล์ของป้ามีคนพิเศษแล้วเหรอเนี่ย]

“…ครับ”

[งั้นก็โชคดีนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกป้าได้นะลูก]

“ขอบคุณมากครับป้า”

 

ผมถอนหายใจขณะมองโทรศัพท์ที่เพิ่งวางไป ไม่รู้เลยว่าชีวิตจากนี้จะเป็นแบบไหน ผมรู้สึกเหมือนแคร์เจ้าหมานี่มากขึ้นทุกวัน ขนาดคุยโทรศัพท์แล้วจะบอกว่าเป็นเพื่อนยังต้องแก้ใหม่เพราะกลัวอีกคนจะได้ยินแล้วเก็บไปคิดมาก ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ได้หันมามองเลยด้วยซ้ำ

โซโล่ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก แต่ตัวผมเองนี่ล่ะท่าทางจะเป็นเอามาก…

“กีตาร์น่ารัก”

นั่นไง…ว่าแล้วว่าต้องฟังอยู่

ผมทำทีเป็นไม่สนใจแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ ถึงจะมีเสียงกีตาร์แทรกมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ปกติผมก็เป็นคนอ่านหนังสือไปฟังเพลงไปอยู่แล้ว แถมโซโล่ยังเล่นเบามากจนแทบไม่ได้ยินเหมือนต้องการจะให้ผมมีสมาธิด้วย ผมเลยไม่คิดจะย้ายเข้าไปอ่านในห้องนอนหรือที่อื่น

ก็อยู่ใกล้ๆมันรู้สึกดีกว่านี่นะ…

ครืด ครืด

ผมมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ของโซโล่ที่เจ้าตัวไปซื้อหลังกลับจากทะเลด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ช่วงนี้เห็นโทรศัพท์เขาสั่นทีไรภาพอารมณ์แปรปรวนวันนั้นฉายเข้ามาในสมองทุกที

“โซครับ โทรศัพท์”ผมหันไปเรียกคนที่ยังนั่งดีดกีตาร์ไม่เลิก

“ใคร”โซโล่ถามโดยไม่หันกลับมามอง

“ไม่ได้เมมไว้ครับ”

“เก้ามั้ง…มันบอกจะโทรมา กีตาร์รับเลย”

“รับทราบครับคุณโซ”ผมหัวเราะแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับตามคำสั่ง

“สวัสดีครับ”

[…]

“สวัสดีครับ ได้ยินไหม”ผมย้ำ ไม่ได้ยินเสียงอะไรดังกลับมาแม้แต่นิดเดียว…หรือเพราะสัญญาณไม่ดี

[สวัสดีครับ]

ผมหันไปมองแผ่นหลังของคนที่นั่งเล่นกีตาร์ทันทีที่ได้ยินเสียงปลายสาย

ไม่ใช่เก้า…

“เอ่อ…ไม่ทราบใครโทรมาครับ ผมจะบอกโซโล่ให้”

[ไม่ต้องหรอกครับ…เดี๋ยวเขาจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งอีก]

ผมชะงักแทบจะทันที ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในใจ

ผมมั่นใจว่าเหตุการณ์นั้นมีแค่ผมกับโซโล่ที่รู้เรื่อง แล้วเขารู้ได้ยังไง…

หรือโซโล่จะบอก? แต่ถ้าโซโล่บอกจริงอีกคนจะกลัวโดนขว้างโทรศัพท์ทิ้งทำไม

“ถ้างั้น…”

[ไม่ทราบว่าคุณคือคุณเก้าหรือคุณเจไดครับ]

ผมเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นอาการสั่นไหวจากภายใน ไม่รู้ทำไมเสียงเรียบนิ่งของอีกฝ่ายถึงทำให้ผมรู้สึกกังวลโดยไร้สาเหตุ

“ไม่ใช่ครับ…”

[คุณกีล์?]

เขา…รู้ได้ยังไง

“ครับ…”ผมกลั้นหายใจตอบเสียงแผ่ว รู้สึกใจสั่นแปลกๆ ความรู้สึกไม่ดีตีรวนอยู่ในอกทั้งที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

[แบบนี้นี่เอง…]

“…”

[รบกวนคุณช่วยบอกคุณชายทีนะครับ…]

“…ครับ”

[ถ้ายังเห็นแก่เพื่อนคนนี้บ้าง โปรดอย่าขัดคำสั่งคุณท่านอีก…]

“…”

[อะไรที่รู้ว่าไม่ควรก็หยุดตั้งแต่ตอนนี้]

“…”

[แล้วก็…]

“…”

[คุณท่านบอกว่าถ้ายังไม่ยอมติดต่อกลับไปเอง ท่านจะเดินทางไปหาคุณชายถึงที่]

“ผม…จะบอกให้ครับ”

[ขอบคุณครับ]

ผมมองโทรศัพท์ในมือนิ่งงันด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นความกังวลแปลกๆที่อยู่ข้างในจิตใจ

คนในสายคือคนของพ่อโซโล่

ที่เขาพูดมา…มันเหมือนเขาจะบอกว่าคุณท่านคนนั้นเฝ้าดูโซโล่อยู่ตลอดเวลา

“กีตาร์…”

ผมมองมือที่สั่นเทาของตัวเอง ไม่เข้าใจว่ามันเกิดจากอะไร

กลัว?

“กีตาร์…”

ผมเงยหน้ามองเจ้าของมือที่จับมือผมไว้แน่น ใบหน้าที่มักนิ่งเฉยฉายแววเป็นห่วงเหมือนต้องการถามว่าเป็นอะไร

“ไม่สบายเหรอ”โซโล่วางมือข้างหนึ่งลงบนหน้าผากผมแล้วขมวดคิ้วกังวล ในขณะที่ผมทำได้เพียงมองหน้าเขาไม่ละสายตา

“โซ…”

“ครับ”

“ยิ้มให้พี่หน่อย”

โซโล่ทำหน้างงแต่ก็เผยรอยยิ้มบางเบาที่เต็มไปด้วยความจริงใจออกมา ผมมองมือตัวเองที่อีกคนดึงไปจูบเบาๆแล้วก็รู้สึกเหมือนหัวใจที่สั่นไหวได้รับการเยียวยา

ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองไม่เคยรู้เรื่องของโซโล่เลยแม้แต่นิดเดียว…แต่ตอนนี้ผมกำลังก้าวเข้าไปในโลกของเขาทีละนิด

ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเรื่องที่ทำให้โซโล่โมโหทุกครั้งที่รับโทรศัพท์คืออะไร

ถึงจะยังไม่รู้รายละเอียดนัก แต่มันต้องเป็นเรื่องพ่อของเขาแน่นอน และผมก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่รู้ว่าท่านคือสิ่งที่ทำให้โซโล่กังวลเกี่ยวกับเรื่องของเรา

ทันทีที่เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของเขาผมก็เข้าใจ…

ที่ใจสั่น มือสั่น หรือความรู้สึกกังวลเมื่อครู่ มันไม่ได้เกิดจากความกลัวที่จะต้องเผชิญกับอะไร

ไม่ได้เกิดจากความกลัวพ่อของเขาหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ไม่ได้เกิดจากความกลัวที่รู้ว่าคนๆนั้นเฝ้าดูและรู้เรื่องทุกอย่าง

แต่มันคือความกลัว…

กลัวว่าผมจะเสียเขาไป

-----------------------------------

 

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-01-2017 21:17:02
อย่ากลัวจนคิดปล่อยมือน้องโซนะพี่กีลล์ สงสารน้องอ่ะ
ไม่ว่าพ่อน้องจะว่าจะพูดอะไรยังไงก็ตาม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-01-2017 21:21:26
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 11-01-2017 21:23:16
คุณพ่อทำไมทำแบบนี้คะ อ๊๊าก อยากกรีดร้อง
 :katai1: :katai1:

ติดตามค่ะ เริ่มดราม่าล่ะ  :ling3:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 11-01-2017 21:24:23
พี่กีล์อย่ากังวลเลยนะ
มาๆ เดี๋ยวกอดปลอบ
เผชิญหน้ากับปัญหาอย่างมีสตินะ
ทั้งเจ้าหมา ทั้งพี่กีล์
แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 11-01-2017 21:28:16
แล้วไปเรากลัวดีาม่าเยอะอ่ะ

รอตอนต่อไป

 :katai5: :katai5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 11-01-2017 22:02:16
ทั้งสองคนจะต้องผ่านไปได้แน่นอน รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-01-2017 23:10:29
ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 11-01-2017 23:37:51
ดราม่าแน่ๆเธอเอ้ย ไม่มากก็น้อย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-01-2017 00:11:10
สู้ๆนะ ขอแค่อยู่ด้วยกันเชื่อใจกันก็พอ เดี๋ยวก็จะผ่านปัญหาครั้งนี้ไปได้นะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 12-01-2017 01:03:42
ถือพู่ไว้สองมือ พร้อมโบกสะบัดเชียร์พี่กีล์น้องโซ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 12-01-2017 11:10:39
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 12-01-2017 18:28:36
อ่านเรื่องนี้อย่างมีความสุข
ยิ้มเพราะความน่ารัก จิกหมอนเพราะความอบอุ่นละมุนหัวใจ
น้ำตาไหลเพราะแอบอิจฉา (อยากมีแบบนี้บ้าง) ว่าช่างเป็นรักที่น่าฝันใฝ่ รักที่แค่สบตาก็รู้ภาษาของหัวใจ
เข้าใจกันแม้ไม่ได้พูดหรือถึงพูดก็ช่างเล็กน้อยถ้อยคำ รักที่แค่ขยับต่างก็ปรับเข้าหากันได้อย่างพอเหมาะ
รักที่รักเป็นเรื่องของคนสองคนจริงๆ รักที่มีดวงตาไว้เพื่อต่างจ้องมองกันและกัน
รักที่ช่างให้ความสบายใจที่จะเป็นตัวของตัวเอง รักที่ไม่ต้องลังเลสงสัยว่าจะทำตัวถูกใจอีกฝ่ายหรือเปล่า
รักที่มองอีกคนในอิริยาบทไหนๆก็จะอดยิ้มไม่ได้เพราะเห็นแต่ความน่ารักของเขาเสมอ
รักพร้อมจะทำให้คนที่รักมีแต่รอยยิ้มเพราะรักที่จะเห็นความสุขของอีกคนมีอยู่ตลอดไป
คืออ่านแล้วอิ่ม อ่านแล้วอมยิ้ม อารมณ์ดี อ่านแล้วอยากเดินไปหอมแก้มตาลุงข้างๆ :hao3:
รักของทั้งคู่มันช่างมากมายจนเผื่อแผ่กระจัดกระจายให้ป้าอยากจะแบ่งปันให้คนรอบข้างบ้าง
ขอบคุณมากๆนะคะ feel very very goodมากๆจริงๆ
รออ่านต่ออยู่นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 13-01-2017 00:25:46
จับมือก้าวไปด้วยกันนนน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-01-2017 18:15:53
ยิ่งกลัวจะเสียไป ยิ่งต้องจับให้แน่นๆนะพี่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER16 P.12 [11/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 13-01-2017 22:34:18
-17-

 

ตั้งแต่ที่ผมมองไปที่โทรศัพท์ตลอดเวลาก็ดูเหมือนโซโล่จะเริ่มเข้าใจช้าๆว่าสายที่โทรมาเมื่อครู่ไม่ใช่เก้าอย่างที่คิด ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วที่เรานั่งกันนิ่งๆอยู่แบบนี้ ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก โซโล่เองก็ไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน เราแค่มองหน้ากันเงียบๆรอเวลาว่าใครจะเริ่มพูดออกมาก่อน

“หิวไหม”สุดท้ายก็เป็นผมที่ทำลายความเงียบและความอึดอัดก่อน

“กีตาร์…”โซโล่มองผมด้วยสายตาอ้อนวอน ดวงตาที่มักเฉยชากับคนอื่นที่ไม่ใช่ผมวูบไหว

“คนที่โทรมา….”ผมเริ่มพูด โซโล่มองกลับมาด้วยดวงตาที่ดูดุดันขึ้นทันที “เขาบอกว่าถ้ายังเห็นแก่เพื่อนคนนี้ก็อย่าขัดคำสั่งคุณท่านอีก อะไรที่รู้ว่าไม่ควรก็ให้หยุด…”

ผมดึงมือของเขาที่ทำท่าจะทุบโต๊ะไว้ได้ทันเพราะคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้

“เขาบอกว่านายท่านจะเดินทางมาหาเองถ้ายังไม่ยอมติดต่อกลับไป”

“เจย์…”โซโล่กัดฟันกรอด กำมือผมแน่นจนรู้สึกเจ็บนิดๆ

“โซ…”ผมยิ้มและเปลี่ยนเป็นฝ่ายจับมือเขาไว้แทน “โซบอกว่าถ้าพร้อมจะเล่าให้พี่ฟัง…และพี่จะเคารพการตัดสินใจนั้น”

ในเมื่อเขาไม่ต้องการให้ผมรู้ ผมก็จะทำเป็นไม่รู้ต่อไป และต่อให้สงสัยก็จะไม่ถาม

“แต่โซรู้เอาไว้อย่างนะครับ…ถ้าไม่อยากเจอทางตันเราต้องคุยกัน ต้องแก้ปัญหาไปพร้อมๆกัน ถ้าโซอยากให้พี่อยู่ตรงนี้โซต้องบอกพี่ เราจะได้ช่วยกันคิด”ผมลูบมือที่กำแน่นเบาๆจนเขายอมคลายออก โซโล่มองหน้าผมไม่ละสายตา ซึ่งผมเองก็มองกลับไป…ส่งต่อสายตาเข้าใจไปให้เขา

เข้าใจทุกอย่างถึงจะไม่ได้พูดอะไร…เข้าใจว่าเขามีเหตุผลของเขา

“ถ้าโซมีความสุขแค่กับจุดนี้ที่เรายืนก็ปล่อยมันไป พี่เองก็จะมีความสุขกับวันนี้เหมือนกัน…แต่วันไหนที่ปัญหามาถึงกะทันหันโดยที่พี่ไม่รู้อะไรเลย โซรู้ใช่ไหมครับว่าทุกอย่างมันจะกลายเป็นทางตันที่ทำยังไงก็หาทางออกไม่เจอนอกจากจะปล่อยมือกัน”ผมไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากยิ้มให้คนที่หลุบตาลงต่ำ

เขาต้องตัดสินใจเอง…

โซโล่เป็นแค่เด็กผู้ชายอายุสิบแปดสิบเก้า เขายังเด็ก และถ้าเทียบกับคนที่ดูแลตัวเองมาตลอดตั้งแต่จำความได้อย่างผมเขายิ่งเด็กเข้าไปใหญ่…ถึงอย่างนั้นผมก็ทำได้แค่ช่วยให้เขาคิดแต่ตัดสินใจแทนไม่ได้

ผมไม่รู้ว่าเขาแบกปัญหาอะไรหนักหนาแค่ไหน ไม่รู้ว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาของเขายังไง เพราะเขาไม่เคยพูดออกมา

แต่ถ้าเขาบอก…ถ้าเขาพูดออกมา ผมจะเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆและแก้ปัญหาไปพร้อมกับเขาแน่นอน

“ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไง…”โซโล่พูดออกมาช้าๆ ใบหน้าก้มต่ำจนผมมองไม่เห็นดวงตาของเขา

“บอกพี่สิครับ”

“ผมกลัวจะเสียกีตาร์ไป…ถึงพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเก็บปัญหาไว้คนเดียว”มือที่จับมือผมไว้บีบแน่นขึ้นเหมือนกลัวว่าผมจะเดินหนีไป

“…”

“ผมเคยบอกไว้ว่าถ้ายังไม่คบกันแล้วกีตาร์อยากไปก็จะยอมปล่อยไป แต่เอาเข้าจริงผมกลัว…กลัวว่ากีตาร์จะเดินหนีไป”

“โซ…”

“มีสองเหตุผลที่ทำให้ผมยังไม่อยากคบกับกีตาร์”โซโล่เงยหน้า ดวงตาของเขาฉายแววเจ็บปวดแบบที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บตามไปด้วย “ผมอยากให้ทางเลือกกับกีตาร์…ผมรู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น รู้ว่าพ่อจะเป็นยังไง วันไหนที่พ่อเข้ามายุ่งกีตาร์จะต้องเจ็บปวด ผมไม่อยากรั้งกีตาร์ไว้ถ้าอยากจะไป แต่ถ้าเราคบกัน…ถึงตอนนั้นกีตาร์จะร้องไห้ผมก็คงไม่ยอมปล่อยไป”

“…”ผมพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินเหตุผลที่ไม่คาดคิด สิ่งที่ทำได้มีเพียงการจับมือเขาให้แน่นกว่าเดิม

“ผมเห็นแก่ตัวตั้งแต่วันแรกที่เข้าหากีตาร์แล้ว ผมรู้ตั้งแต่แรกว่ามันต้องมีปัญหาแต่ก็ยังทำ รู้ว่ากีตาร์ต้องเจ็บสักวันแต่ก็ยังไม่หยุด ผม…ไม่ควรดึงกีตาร์เข้ามาเกี่ยวเลย”

ผมรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นช้าลง ความเจ็บปวดทิ่มแทงไปทั่วแค่เพราะเห็นใบหน้าเศร้าหมองของเขา

“อีกเหตุผลไม่เกี่ยวกับปัญหา แต่เกี่ยวกับเรื่องแม่…ผมยังไม่อยากพูดถึง”

ผมไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพยักหน้า เพราะใบหน้าของโซโล่ดูเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมทันทีที่เขาพูดถึงเรื่องแม่

“ถ้ากีตาร์อยากไปจากผมตอนนี้…ผมจะไม่รั้งไว้”มือที่จับมือผมไว้แน่นในตอนแรกคลายออกช้าๆ โซโล่ส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนเตรียมใจยอมรับไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ผมปล่อยมือออกช้าๆ มองใบหน้าที่แสนเจ็บปวดแล้วส่งยิ้มให้เหมือนทุกทีก่อนจะตบที่ขาตัวเองเบาๆ

“เล่าให้พี่ฟังสิครับ”

“กีตาร์…”โซโล่เรียกเสียงแผ่ว รอยยิ้มมีความสุขเล็กๆปรากฏขึ้นมาแทนที่ความเจ็บปวด และมันทำให้ผมอบอุ่นในใจตามไปด้วย

ผมลูบหัวคนที่ล้มตัวลงมานอนตักเบาๆ โซโล่มองหน้าผม ผมมองหน้าเขา แล้วเราก็ยิ้มให้กัน ยังไม่ต้องพูดอะไรแต่การกระทำที่ผมแสดงออกมันชัดเจนและส่งไปถึงเขาแล้ว

ผมเลือกจะอยู่ตรงนี้…

“ผมไม่ชอบพ่อ ไม่ได้รัก ไม่ได้ผูกพันอะไรทั้งนั้น…”โซโล่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตาของเขาทอประกายแข็งกร้าว แต่เมื่อผมส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้ท่าทางนั้นก็อ่อนลงแทบจะทันที

“ตั้งแต่แม่ตายไปเมื่อสี่ปีก่อน คนที่อยู่เป็นเพื่อนผมมาตลอดก็มีแค่เจย์ ถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนของพ่อแต่ผมก็ยังเคารพเขามาก เป็นเหมือนเพื่อน พี่ชาย เป็นคนในครอบครัว…”

ผมพยักหน้า มือยังลูบหัวเขาอยู่แต่ในหัวกำลังไม่เข้าใจ

คนที่โทรมาคงเป็นเจย์...และน่าจะเป็นคนเดียวกับที่โทรหาโซโล่ที่ทะเล แต่ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมโซโล่ถึงขว้างโทรศัพท์แถมยังมีท่าทางโมโหขนาดนั้นในเมื่อสนิทกัน

“พ่อเอาตัวเจย์กลับไปเมื่อสองปีก่อน เขาทำทุกอย่างตามที่พ่อสั่ง ยอมกลับไปง่ายๆทั้งที่รู้ว่าผมไม่เหลือใคร…และนั่นทำให้ผมเข้าใจว่าที่เจย์มาเป็นเพื่อนผมก็เพราะคำสั่งพ่อเหมือนกัน”โซโล่จับมือข้างที่ว่างของผมไว้แล้วลูบเบาๆ

“ผมเหลือตัวคนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียว เจย์ไม่ได้ติดต่อมาอีก พ่อเองก็ไม่ได้สนใจ ผมทำตัวเหลวแหลกเป็นปี…”

ผมเริ่มเข้าใจช้าๆ รับรู้ถึงความเสียใจที่แฝงมากับน้ำเสียงที่พยายามทำให้นิ่ง

คนที่ไม่เจอไม่มีทางเข้าใจ

ผมรู้สึกดีที่เขาระบายออกมาแม้จะเข้าใจไม่หมด ถึงช่วงชีวิตของผมจะลำบากอยู่มาก แต่ผมก็มีน้องๆและแม่ใหญ่อยู่เคียงข้างเสมอ เพราะงั้นต่อให้ไม่มีพ่อแม่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

แต่โซโล่ไม่มีใคร…

เขามีที่พึ่งแค่สองคนในชีวิต แต่อยู่ๆทั้งคู่ก็หายไป

เขาคงจะเสียใจมาก…

“ผมกินเหล้า เที่ยวกลางคืน ทำทุกอย่างที่คิดว่ามันไม่ดี ครั้งไหนมีเรื่องจนเข้าคุกก็มีคนของพ่อมาพาออกไป พ่อไม่เคยโผล่มาให้เห็นหรือฝากคำพูดอะไรมาสักอย่าง เขาก็แค่พาผมออกไปแล้วก็เอาไปปล่อยไว้ที่บ้านหลังใหญ่ที่น่าอึดอัดเหมือนเดิมทุกครั้ง”

โซโล่แค่นหัวเราะเหมือนจะตอกย้ำตัวเอง ผมลูบหัวเขาเบาๆ ส่งยิ้มให้กำลังใจ อยากให้เขารู้ว่าผมอยู่ตรงนี้

“วันที่ผมต้องเลือกทางเดินชีวิต วันนั้นเป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่เจย์ติดต่อมา เขาบอกว่าพ่อจะยอมให้เรียนแบบที่ต้องการตามคำสั่งเสียของแม่ก่อนตาย ผมเลยเลิกทำตัวเละเทะเพราะนึกถึงหน้าแม่ จัดการข้าวของแล้วเดินทางมาที่นี่ เข้าเรียนแบบที่แม่เคยเรียน…”

ผมไม่ได้พูดแทรกเมื่อเห็นโซโล่นิ่งไป ผมเองก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี อาจจะต่างตรงที่เขานึกถึงคนที่จากไปแล้ว แต่ผมนึกถึงคนที่ยังอยู่แต่ไม่มีโอกาสได้เจอ

“ผมรู้ว่าคนของพ่อตามดูอยู่ตลอด รู้ว่าเขาต้องการอะไร ทุกอย่างเป็นเพราะผมเป็นลูกคนเดียวของมหาเศรษฐีที่มีกิจการใหญ่โต และมหาเศรษฐีคนนั้นต้องการให้ผมเดินไปตามเส้นทางที่เขาเลือก เขาโทรมาเพื่อเตือนเรื่องกีตาร์ เตือนเรื่องเพื่อน เตือนว่าอย่าเข้าใกล้ใครมากไป เตือนว่าผมต้องทำอะไรและต้องมีชีวิตแบบไหน…พ่อกำลังจะขยายกิจการมาที่นี่ และเขาจะให้ผมดูแลมัน”

ผมรับฟังเขาด้วยใจที่หนักอึ้ง บ่าของเขาแบกภาระหนักหน่วงกว่าที่ผมคิดไว้มาก และมันทำให้ผมรู้สึกหนักตามไปด้วย

“ผมไม่มีความสุขเลย ผมนอนไม่หลับ ผมเหนื่อย รำคาญทุกอย่าง”

โซโล่หลับตาลงเหมือนต้องการควบคุมอารมณ์ ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

“แล้วผมก็ได้เจอกีตาร์…”

เขาลืมตา ส่งรอยยิ้มบางที่ดูมีความสุขมาให้ผม

“วันที่แม่จากไป แม่เอารอยยิ้มกับความสุขของผมไปด้วย…”

“โซ…”

“แต่วันที่กีตาร์เข้ามา…กีตาร์สอนให้ผมรู้จักมันอีกครั้ง”

ผมยิ้ม…เป็นเวลาเดียวกันกับที่เห็นหยดน้ำหยดแหมะลงบนแก้มของคนที่นอนอยู่ที่ตัก ความรู้สึกหนักหน่วงที่สะสมมาตั้งแต่เริ่มฟังกลั่นออกมาเป็นน้ำตาแทนคนที่ไม่ยอมร้องไห้

“โซจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร หรือจะไม่ร้องไห้ก็ไม่เป็นไร…พี่จะร้องแทนเอง”

“กีตาร์…”โซโล่ลุกขึ้นนั่ง ยกมือเช็ดน้ำตาให้ผมแล้วดึงเข้าไปกอด

“โซ…”ผมกอดกลับ ไม่ได้สะอึกสะอื้น แค่รู้สึกว่าอยากเสียใจแทนเขาจนน้ำตามันไหลออกมา

“ครับ”

“เหนื่อยหรือเปล่าครับ”ผมหลับตา รับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจหนักแน่นของคนที่กอดผมไว้ “ที่แบกไว้…เหนื่อยไหม”

“…เหนื่อย”โซโล่กระซิบ อ้อมกอดกระชับแน่นขึ้น

“งั้นแบ่งมาให้พี่นะครับ…ให้พี่ช่วยแบกนะ”

ผมไม่รู้ว่าโซโล่ทำหน้าแบบไหนเพราะซุกหน้าอยู่กับอกเขา แต่ผมรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นอย่างชัดเจน

“กีตาร์…ไม่ไปเหรอ”คนที่วางคางไว้บนหัวผมพูดเสียงแผ่ว

“ถ้าพี่ไปใครจะอ้อนพี่ล่ะครับ…ฮัสกี้ตัวไหนก็แทนไม่ได้หรอกนะ”ผมพูดขำๆ ได้ยินอีกคนหัวเราะเบาๆก็รู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นกอง

“ขอบคุณครับ”

“โซ…”ผมดันตัวออกมามองใบหน้าของคนที่กำลังยิ้มบางแล้วยกมือแตะแก้มเขา “ฟังพี่นะครับ”

“ครับ”

ผมหัวเราะมองคนที่พยักหน้าแข็งขันด้วยรอยยิ้ม

“ในเมื่อโซบอกให้พี่ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว แถมยังแบ่งสิ่งที่แบกไว้มาให้พี่ด้วย เพราะงั้นต่อไปเวลามีปัญหาอะไรเราต้องบอกกันนะครับ…”

โซโล่วางมือซ้อนลงบนมือผมที่แตะแก้มเขาไว้ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

“พ่อโซจะไม่ยอมเรื่องของเราใช่ไหม”

“ใช่…”

“พี่ขอบอกตรงๆว่าตอนนี้พี่ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไง ไม่รู้ว่าจะช่วยโซยังไง ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องพ่อโซ พี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เรื่องนี้เราคงเตรียมรับมือกับมันไม่ได้จนกว่ามันจะเกิดขึ้น…”

ผมพูดออกไปตามความรู้สึกในใจ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อเขาเป็นคนแบบไหนหรือคิดจะทำอะไรต่อไป แต่ว่า…

“…แต่พี่อยากให้โซมั่นใจว่าเราจะผ่านมันไปด้วยกัน โซทำในส่วนที่โซทำได้ พี่ก็จะทำในส่วนที่พี่ทำได้”

โซโล่มองผมด้วยดวงตาที่บ่งบอกความหมายได้มากมายโดยไม่ต้องพูดออกมา

“ครับ…”

“เรามาแก้ปมกันทีละนิดนะครับ…แก้ไปด้วยกัน”

ทั้งเรื่องพ่อของเขา…และเรื่องเขาเองด้วย

“ครับ”

“อยากโทรหาเขาเลยไหม”ผมเตือนเรื่องที่คุณเจย์ฝากข้อความมา โซโล่ไม่ได้มีท่าทีโมโห เขาแค่พยักหน้าเงียบๆ

“ผมจะโทรหาเขา”โซโล่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายแล้วกดเปิดลำโพง ผมยิ้มเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรอีกต่อไป

[สวัสดีครับคุณชาย]

เสียงคนๆเดิมกับที่ผมรับสายครั้งก่อนดังขึ้นหลังจากสัญญาณดังแค่ครั้งเดียว…เหมือนกับเขากำลังรออยู่

“พ่อล่ะ”โซโล่พูดเสียงห้วน ผมลูบมือเขาเบาๆแล้วส่งยิ้มให้จนท่าทางแข็งๆดูอ่อนลง

[คุณท่านประชุมครับ แต่บอกธุระไว้กับผมแล้ว]

“มีอะไร”

[คุยกับคุณกีล์แล้วสินะครับ]

“อย่ายุ่ง!”โซโล่ตวาด แต่เมื่อหันมาสบตาผมอีกครั้งเขาก็ถอนหายใจหนักๆเหมือนต้องการระงับอารมณ์

[ผมแค่อยากเตือนในฐานะเพื่อน…ไม่อยากให้คนสำคัญของคุณต้องเดือดร้อน]

“หุบปากแล้วบอกมาว่าพ่อมีธุระอะไรกันแน่เจย์”

[คุณท่านก็ต้องการเตือนคุณชายเรื่องสถานะตัวเองเหมือนเดิมนั่นล่ะครับ อีกอย่างคือท่านจะเลื่อนการเดินทางที่บอกว่าจะไปไทยเดือนหน้าไปก่อน งานทางนี้เสร็จเมื่อไหร่ถึงจะเดินทางไป]

หมายความว่าจะไม่มาเร็วๆนี้สินะ

“รู้แล้ว”โซโล่ถอนหายใจ ท่าทางโล่งใจไม่แพ้กัน “แค่นี้ใช่ไหม”

[คุณชาย…ผมยังเป็นเพื่อนคุณเสมอนะครับ และอยากเตือนคุณอีกครั้งว่าตอนนี้คุณท่านทราบเรื่องคุณกีล์แล้ว ถ้าคุณไม่อยากให้เขาเดือดร้อนก็หยุดเถอะครับ]

โซโล่หันมามองหน้าผมเหมือนจะถามย้ำ ผมส่งยิ้มจางเป็นคำตอบไปให้ สุดท้ายเขาก็ยิ้มออกมาแล้วตั้งท่าจะตอบ

“ไม่…”

ผมหยุดคำพูดนั้นไว้ด้วยการยกมือจับใบหน้าอีกคนไว้ทั้งสองมือ ยื่นหน้าเข้าไปจนติดและสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

“ในเมื่อโซบอกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวที่เดินเข้ามาหาพี่ทั้งที่รู้ว่าพี่จะต้องลำบาก งั้นพี่ขอเห็นแก่ตัวบ้างโดยการไม่สนใจเหตุผลทั้งสองข้อของโซ…”

“…”

“คบกับพี่นะครับ…และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็อย่าปล่อยมือพี่”

ต่อให้ต้องร้องไห้…ต่อให้ท้อจนอยากเดินหนีหรือจะเจออะไรก็ตาม

ผมตัดสินใจแล้ว…

“คำตอบล่ะ”ผมอมยิ้ม เขี่ยจมูกตัวเองกับจมูกโด่งของอีกคนเบาๆเหมือนจะทวงถาม

ความเงียบดำเนินอยู่แค่ชั่วอึดใจ…และวินาทีต่อมาผมก็ได้ทราบคำตอบ โดยริมฝีปากที่กดลงมาหนักๆคือคำตอบของคำถามทั้งหมด

หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับคุณเจย์

[เข้าใจแล้วครับ แล้วเจอกัน]

 

 

“กีตาร์…”

“ครับ”

มือปลาหมึกของหมาตัวโตเลื้อยมากอดเอวทันทีที่ผมตอบรับ ผมหันไปมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนที่นอนอยู่ข้างๆแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้

“คบกันแล้ว…”

“ครับ”

“ต่อให้อยากไปก็ไม่ให้ไปแล้วนะ”โซโล่ย้ำเป็นรอบที่สาม ผมหัวเราะเบาๆกับคำพูดของเขาจนคนพูดหน้ามุ่ย

“ต่อให้ไล่ก็ไม่ไปครับ”ผมยกมือบีบแก้มอีกคนเบาๆ

โซโล่หลับไปทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ผมมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มที่หุบไม่ได้เหมือนกัน นึกถึงคำพูดที่เขาบอกทีไรก็รู้สึกอบอุ่นในใจทุกครั้ง

ผมคือความสุขของเขา

แต่มันไม่ใช่แค่นั้น…

ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาที่ร้านจนกระทั่งวันนี้ที่กอดผมจนหลับไป…

ยิ่งนานวันก็ยิ่งมั่นใจ…

“โซก็เป็นความสุขของพี่เหมือนกัน”

-----------------------------

 

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 13-01-2017 23:13:41
ชอบความแอบดาร์กนิดๆของโซ ตรงที่ว่ายังไงก็ไม่ยอมให้ไป ฮิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 13-01-2017 23:16:29
 โถ่ พี่กีล์ ทูนหัวของบ่าวววววว  :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 13-01-2017 23:16:34
สู้ๆนะทั้งสองคน กำลังใจล้นเปี้ยม
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 13-01-2017 23:39:31
ตอนนี้พี่กีล์มาเอสใจเราไปทั้งดวงเลยเหอะ
พี่เจ๋งสุดๆอะ



พี่กีล์เหมาะกับการเป็นเจ้าของฮัสกี้ตัวนี้จริงๆค่ะ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 13-01-2017 23:45:46
พี่กีล์มีเหตุผลดีพอที่จะทำให้เรื่องนี้จบโดยที่ทุกคนจะกลับมาเข้าใจกันแน่นอน โดยเฉพาะพ่อกับโซ

เอาใจช่วยนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 13-01-2017 23:58:25
พ่อก็พ่อเถอะ :z3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 14-01-2017 00:14:31
พี่กีล์เท่มากกก หนูฮัสกี้คงต้องแบกอะไรมากจริงๆ สู้ๆนะ ตอนนี้มีพี่กีล์อยู่ข้างๆแล้ว สู้ไปด้วยกันนะทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 14-01-2017 00:24:58
พี่กีล์คือเดอะเบสสสสอะ
ชอบบความมีเหตุผลเหนือทุกสิ่งอะ
คือสตรองมากจริงๆ
กี่สิบพ่อก้ต้องพ่ายแพ้แน่ๆ555555
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-01-2017 00:54:00
พี่กีล์คนดีของน้อง สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-01-2017 01:00:06
เครียดแทนเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 14-01-2017 01:01:30
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-01-2017 02:44:43
อย่าปล่อยมือนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-01-2017 09:05:55
พี่กีลล์อย่างเท่ห์ อย่าปล่อยมือกันนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 14-01-2017 09:52:00
กลัวพ่อโซจะทำร้ายพี่กีล์จัง
สู้ๆนะโซโล่ พี่กีล์ จับมือกันไว้ให้แน่นๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 14-01-2017 11:25:36
รัก :L2: #โซโล่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-01-2017 13:15:16
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 14-01-2017 14:12:51
งุ้ยยย เราหายไปหลายตอนเลยยยยย มาอีกทีเขาคบกันแล้ว!! นี่ล่ะค่ะ ในวิกฤติย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ 555555 เราว่าแน่เลยค่ะ โซโล่นี่ไม่ใช่คนซื่อแน่ๆแล้ว คนเจ้าเล่ห์! นี่ทำให้เราเริ่มคิดว่าแกวางแผนจะงาบพี่กีล์มาแต่ต้นเลยรึเปล่านะคะ ที่ทำหน้ามึนไปขอนมทุกวันงี้ มีนั่งรอตอนมืดๆ เดินไปส่ง โอ๊ยยย แผนแน่ๆค่ะ เรามั่นใจแล้ว แต่จะยังไงพี่กีล์กใจอ่อนตลอดอ่ะค่ะ นี่แพ้ทางโซโล่มากนะคะ นิดหน่อยนี่พี่กีล์ยอมตลอด แค่น้องงอนพี่ก็ตามง้อแล้ว โอ๊ยยยย พี่คะะะะะ แล้วดูค่ะ ยังจะมากอดปลอบจับมือ ฮื้ออออ แต่ก็ดีนะคะ เราเชื่อว่าพี่กีล์ตะผ่านด่านคุณพ่อไปได้ เรื่องที่น่ากลัวกว่าน่าจะเป็นปมคุณแม่นะคะ นี่ก็เดาไปว่าคุณพ่อคุณแม่โซโล่อาจจะไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก อาจจะมีอะไร พอค่ะ ไม่เอา ไม่เดา เราอ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขจังค่ะ เราเชื่อว่าจะไม่มีดราม่านะคะ คุณนักเขียนว่าไงเราก็ว่างั้นค่ะ เท่าที่ดูต่อให้ดราม่าพี่กีล์ก็จะอยู่ข้างๆโซโล่ตลอดแหละค่ะ แล้วพออยู่ข้างกันมันก็จะกลายเป็นหวานซะเฉย กลายเป็นเย็นตาโฟไปอีก 555555 แต่ก็ดีค่ะ เราชอบดราม่าที่ทำให้เขาได้ใกล้กันมากขึ้นนะคะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 14-01-2017 21:11:17
โอ๊ยยพี่กีล์ :L1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 14-01-2017 21:27:59
โโอ๊ยอะไรคือน้้ำกำลังกลั่นตัวแล้วมาตัดแบบนี้ ม่าก็ม่าไม่สุด แต่ก็ดีแล้ว 555  :mew6:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 14-01-2017 22:51:48
รอเป็นทัพเสริมให้โซกีล์ค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 15-01-2017 06:54:38
อะไรคือการตื่นมาอ่านเล่นซ้ำตอนหกโมง5555555 รออออ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER17 P.13 [13/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 15-01-2017 19:58:02
-18-

 

หลังจากการสอบผ่านพ้นไปแล้วชีวิตผมก็เข้าสู่โหมดปกติอีกครั้ง…และน่าจะรวมถึงคนอื่นๆด้วย ช่วงนี้ลูกค้าในร้านดูบางตาลงไปมากถ้าเทียบกับช่วงสอบที่มักขนหนังสือมานั่งอ่านกันจนดึก พอหมดสอบก็หมดความเครียด กลับไปใช้ชีวิตตามจุดต่างๆที่โหวกเหวกได้เหมือนเดิม ไม่ต้องหาที่เงียบๆเพื่ออ่านหนังสือกันแล้ว

วันนี้ผมเองก็มาที่ร้านเหมือนกัน แต่แตกต่างจากปกติตรงที่วันนี้ผมไม่ได้มาในฐานะพนักงาน แต่มาในฐานะลูกค้า ซึ่งจะว่าไปแล้ว…ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้น่าจะเป็นกะของ…

“พี่กีล์ สวัสดีค่า”

“สวัสดีครับขิม”ผมยิ้มให้น้องแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ๆกับเคาน์เตอร์

“ไม่เจอนานเลย คิดถึงมากเลยค่ะ”ขิมว่าแล้วนั่งลงข้างๆผมก่อนจะทำหน้าตาแปลกๆ…ที่แลดูไม่น่าไว้วางใจ

“ไม่ทำงานเหรอเรา”

“ให้เต้ทำไปก่อนค่ะ”ขิมบอกปัดแล้วนั่งจ้องหน้าผมนิ่ง

บางทีผมน่าจะให้พวกน้องทำงานกันกะละคนจะได้ไม่มีเวลามานั่งว่างแบบนี้ เพราะนอกจากผมที่ทำงานคนเดียวแล้วปกติกะทำงานช่วงเปิดเทอมจะมีพนักงานกะละสองคน เหตุผลเพราะไม่อยากให้น้องๆเหนื่อยเกินไป รวมถึงเวลามีปัญหาอะไรจะได้มีคนช่วยด้วย

“พี่บอกให้พี่แก้วหักเงินเราน่าจะดี”

“ไม่เอานะคะพี่กีล์…ขิมแค่สงสัยเฉยๆเอง”ขิมทำหน้าบึ้งแวบเดียวก็กลับมานั่งจ้องหน้าผมด้วยสายตาจับผิดเหมือนเดิม

“สงสัยอะไรครับ”ผมยิ้มกลับ ไม่ได้รู้สึกโดนกดดันเท่าไหร่เพราะยังไม่รู้ว่าเรื่องที่น้องบอกว่าสงสัยคือเรื่องอะไร

“เรื่องพี่กีล์…กับโซโล่”

ก็คิดไว้แล้วล่ะนะว่าต้องเรื่องนี้…

“สงสัยอะไรครับ”

“ใครๆเขาก็บอกว่าพี่กีล์กลับบ้านกับโซโล่ทุกวันเลยนี่คะ นี่มีคนลือว่าพี่กีล์กับโซโล่คบกันด้วยนะ ถึงขนาดบอกว่าอยู่ด้วยกันแล้วก็มี”ขิมทำตาโตเหมือนกำลังรอคอยว่าผมจะพูดอะไร ซึ่งผมก็ยังคงรอยยิ้มไว้เช่นเดิมโดยไม่ได้พูดปฏิเสธ

ก็มันความจริงทั้งนั้น…

กิ๊ง

ผมเมินสายตาสงสัยของขิมแล้วหันไปมองประตูร้าน เพื่อนสามคนที่นัดกันไว้เดินตรงมาหาผมตามด้วยคนที่ผมไม่ได้เจอมานานอีกคน

“สวัสดีกีล์”

“สวัสดีครับซัน”ผมทักซันที่ยังไม่ได้เจอกันเลยสักครั้งตั้งแต่เปิดเทอม คงเพราะเขาเรียนหนักไม่มีเวลาไปไหนมาไหนโนว์มันถึงต้องเป็นฝ่ายไปหาตลอด ผมเลยไม่มีโอกาสได้เจอตามไปด้วย

“พวกพี่มาผิดเวลากันจังเลย”ขิมทำหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมลุกขึ้นให้พวกเพื่อนผมนั่งแทนที่

“ทำไมอะ คุยไรกัน…”ยังไม่ทันพูดจบไวน์มันก็โดนขิมดึงไปคุยกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน

ลืมไปเลยว่าไม่ควรปล่อยให้สองคนนี้อยู่ด้วยกัน…

ถ้าให้เดา…อีกเดี๋ยวผมคงต้องเจอพวกมีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่ามนุษย์ทั่วไปถามคำถามจนกว่าจะยอมตอบ

“หืม…..”ผมหยิบแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ไม่สนใจสายตาที่เหลือบมองมาแบบแปลกๆของไวน์กับสายตาไม่เข้าใจของคนอื่น สุดท้ายพอคุยกันจบขิมก็ยืดตัวตรงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ส่วนไวน์ก็หันมาถามผมตามที่คาดไว้ “สรุปว่าไงกีล์ ตอบคำถามเลยดิ พวกกูก็อยากรู้เหมือนกัน”

“พูดเรื่องอะไรกัน”

“เดี๋ยวมึงก็รู้ซัน…ถ้ากีล์มันตอบนะ”

ผมกรอกตาอย่างอดไม่ได้กับการโยนขี้ของไวน์ กลายเป็นสายตาสงสัยใคร่รู้ของซันเบนมามองผมอย่างคาดหวัง

จริงๆเมื่อก่อนซันก็ไม่ใช่คนขี้สงสัยแบบนี้หรอก แต่รู้สึกความขี้เสือกของโนว์มันจะถ่ายทอดไปถึงแฟนมันด้วย

“ก็ตามนั้น”

“ตามไหนคะ!”

ผมเหลือบมองขิมที่ยืนดี๊ด๊าอยู่หลังไวน์แล้วหัวเราะเบาๆ

เอาเถอะ…ไม่ได้คิดจะปิดอะไรอยู่แล้ว

“ก็ตามที่ขิมพูด…จริงทุกอย่าง”

“กรี๊ดดดดดดดดดด!”

“เพื่อนกูคนจริงอยู่แล้ว”ไวน์ตบบ่าผมเบาๆแล้วชูนิ้วโป้งให้

“เดี๋ยวนะ แล้วไอ้ที่บอกว่าตามนั้นตามนี้อะไรของมึงนี่คืออะไรวะ”โนว์ดึงแขนผมไว้แล้วมองมาด้วยสายตาไม่เข้าใจเช่นเดียวกับอีกสองคนที่ยังดูงงๆ ซันนี่เหวอไปแล้วตั้งแต่ได้ยินขิมกรีดร้องชักดิ้นชักงอ ส่วนเบียร์มันเลิกคิ้วแล้วมองมาอย่างกดดัน

“คืองี้ค่ะพี่!”ขิมที่ลงไปดิ้นกับพื้นเกาะโต๊ะแล้วมองหน้าเพื่อนผมด้วยหน้าตาสดใสผิดปกติ “ขิมถามพี่กีล์เรื่องโซโล่ค่ะ คือมีคนบอกว่ากลับด้วยกันทุกวัน คบกันแล้ว แล้วก็น่าจะอยู่ด้วยกันด้วย ทีนี้ขิมเลยเอามาถามแล้วพี่กีล์ก็บอกว่าตามนั้นทุกอย่าง…ฮืออออ”

“เข้…เปิดเผย”

ผมยักไหล่รับคำพูดโนว์ ถึงจะไม่ได้ประกาศให้ใครรู้แต่ผมก็ไม่เคยคิดปิดบัง ยังยืนยันคำเดิมที่เคยพูดกับมันไว้ว่าถ้าใครถามก็จะตอบตามตรง

“มึงอย่าลืมนะกีล์…ถ้าพูดออกมาแล้วมันจะไม่ได้รู้กันแค่นี้”เบียร์เตือนแล้วเหลือบมองขิมที่กำลังเดินกดโทรศัพท์ดี๊ด๊ากลับไปทำงาน

“ไม่เป็นไร”ผมยิ้มให้เพื่อนรวมถึงซันที่มองมาอย่างอึ้งๆ

รู้หรือไม่รู้มันต่างกันตรงไหนในเมื่อผมไม่คิดจะปิดบังอะไร

“สรุปพวกมึงนัดมาที่นี่ทำไม”ผมถามเข้าเรื่อง จริงๆวันนี้เลิกเร็วกว่าปกติ ตอนแรกก็แยกย้ายกันไปแล้ว แต่ไปๆมาๆพวกมันก็เรียกมารวมกันที่ร้านนี้อีกรอบ ผมไม่มีปัญหาอะไรเพราะรอโซโล่เลิกเรียนอยู่แล้ว แต่พวกมันที่กลับไปถึงบ้านแล้ววนมาอีกรอบนี่สิ

แสดงว่าคงมีอะไรสำคัญสักอย่าง

“กีล์…นี่มึงไม่รู้เหรอ”เบียร์มองหน้าผมแล้วถอนหายใจ

ไม่รู้อะไร…

จะว่าไปก็รู้สึกเหมือนลืมอะไรไปสักอย่าง

“กีล์…วันนี้มีแข่งบอลมหา’ลัยนะ”ซันที่นั่งข้างๆหันมากระซิบบอกผม

แข่งแล้วทำไม…ปกติผมก็ไม่ได้ไปเข้าร่วมหรือดูการแข่งอยู่แล้วนี่

“วันนี้วิศวะเจอดุริยางค์ เป็นการแข่งของพวกปีหนึ่ง พวกกูเป็นคนคัดตัวน้องไงเลยต้องมาดู”เบียร์อธิบายแล้วมองหน้าผม

“แล้วตอนแรกพวกมึงกลับกันไปทำไม”

“พวกกูกลับไปเปลี่ยนชุด ส่วนไอ้โนว์ไปรับเมีย นี่รอบชิงแล้วกะว่าจะพาพวกมันไปเลี้ยงด้วยเลยไม่ว่าจะแพ้จะชนะ”

ผมพยักหน้าเข้าใจที่ไวน์พูด แต่ก็ยังไม่เห็นเหตุผลว่าผมเกี่ยวอะไรด้วยอยู่ดี

“กีล์ อาทิตย์ที่แล้วมึงบอกพวกกูว่าจะไปดูบอลรอบนี้ด้วยไม่ใช่เหรอ”เบียร์ทำหน้าเนือย มองผมด้วยสายตาเหมือนมองคนโง่

ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเหมือนลืมอะไรไป…

“ตอนแรกกูก็ไม่แน่ใจว่าทำไมมึงอยากไปแต่ตอนนี้รู้ละ…กูไปอ่านชื่อตัวจริงรอบนี้มา รู้สึกฝั่งดุริยางค์จะมีคนที่โอนชื่อจากตัวสำรองมาเป็นตัวจริงอยู่คน ที่น่าสนใจคือเหมือนจะลงนัดชิงเป็นนัดแรก…”เบียร์มันลากเสียงเหมือนต้องการให้ผมนึกออก และแน่นอนว่าฟังมาขนาดนี้แล้วผมย่อม… “ชื่อโซโล่ ศิวโลคินทร์”

จำได้แล้ว…

 

“กีตาร์…”

“ครับ”

“ศุกร์หน้าผมลงบอลนัดชิงด้วยนะ”

“ทำไมมาลงนัดชิงล่ะครับ”

“ในทีมมีคนเจ็บมาจากรอบที่แล้ว ผมเพิ่งเคลียร์งานเดือนเสร็จเลยโดนบังคับลงเพราะดุริยางค์คนน้อยมีตัวสำรองอยู่ไม่กี่คน เหมือนผมจะเป็นคนเดียวที่เตะบอลเป็นในกลุ่มตัวสำรอง”

“งั้นพี่จะไปดูนะ แต่จะให้เชียร์ออกนอกหน้าคงไม่ได้เพราะเราแข่งกับคณะพี่ใช่ไหมครับ”

“แค่มาดูก็พอแล้ว”

“ครับ ต้องไปอยู่แล้ว ถ้าไม่ไปจะกลับยังไงล่ะ”


 

ผมยังจำใบหน้ายิ้มดีใจนั่นได้อยู่เลย แล้วทำไมถึงลืม…

อาจจะเพราะเรียนหนัก ทำงานหนัก แถมยังติดต่อเรื่องฝึกงานสารพัดเลยทำให้มึนๆจนลืมอะไรไปบ้าง แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่ลืมจะเป็นเรื่อง ‘สำคัญ’ แบบนี้

“บอลแข่งกี่โมง”ผมหันไปถามเบียร์แล้วลุกขึ้นยืน

“น่าจะใกล้จบครึ่งแรกแล้ว นี่พวกกูก็จะไปดูครึ่งหลัง”

จบครึ่งแรกไปแล้ว!?

ผมวิ่งออกมาจากร้าน ไม่ได้สนใจเสียงเพื่อนที่ดังไล่หลังมา มุ่งหน้าไปที่สนามบอลที่อยู่ใกล้คณะศึกษาศาสตร์ที่ห่างออกไปพอควร

ตั้งแต่คบกันเราก็ยังทำตัวกันเหมือนเดิม ไม่เคยทำให้ลำบากใจกันเลยสักครั้ง นี่คือเรื่องผิดพลาดเรื่องแรก เพราะผมสัญญาไปแล้วแต่กลับลืม…ไม่รู้ว่าโซโล่จะคิดอะไรไหม

ขอให้ไปถึงก่อนเริ่มครึ่งหลังด้วยเถอะ…

สนามบอลเต็มไปด้วยคนมากมายที่เข้ามาดู และดูเหมือนผู้หญิงจะเยอะผิดปกติ ผมเดินแหวกทางเข้าไปด้านในแล้วก็กวาดสายตามองหาเป้าหมาย ดีที่ผมมาถึงตอนอยู่ในช่วงพักครึ่งพอดี…

“พี่กีล์!”

ผมสะดุ้ง หันไปตามเสียงเรียกแล้วก็เห็นว่าเป็นเอสที่โบกมือมาให้

“เอสคือพี่…”

“มาดูเหมือนกันเหรอครับพี่ ตอนนี้เสมอกันอยู่1-1 เบอร์สี่ฝั่งนู้นแม่งน่ากลัวโคตร พวกผมนี่ขนลุกไม่อยากเข้าใกล้เลยอะ”

ผมยืนหอบมองเอสพูดรัวไม่หยุดแล้วก็ไม่รู้จะแทรกยังไง

“นี่ถ้ามันไม่ใช่เดือนมหา’ลัยผมคงคิดว่ามันลงสนามมาฆ่าใครอะ ยิ่งไอ้เคนี่โดนมองหนักจนร่างจะพรุนอยู่ละ”

“เอสว่า…ใครนะครับ”

“เคไงพี่ ที่อยู่ภาคเดียวกับพี่อะ”เอสว่าแล้วชี้ไปทางเคที่กำลังมองมาที่ผมพอดี

“ไม่ใช่ครับ พี่หมายถึงเบอร์สี่ฝั่งนั้น”

“อ๋อ…โซโล่อะพี่ เดือนมหา’ลัยไง พี่ก็รู้จักมันไม่ใช่เหรอ ยังไงฝากบอกมันหน่อยนะว่าหยุดส่งออร่ามืดเถอะ ผมกลัวจนไม่กล้าแย่งบอลมันแล้วเนี่ย”

ผมไม่ได้ฟังเสียงเอสพูดต่อแต่เลือกที่จะวิ่งไปทางฝั่งดุริยางค์ที่กำลังพักกันอยู่แทน ร่างคุ้นตาของคนที่ผมตามหานั่งหลบมุมอยู่ริมเก้าอี้ ใบหน้านิ่งสนิทน่ากลัวอย่างที่เอสว่ากำลังจ้องมองพื้นเหมือนกำลังมองหาอะไร

ผมรู้สึกปวดใจนิดๆกับท่าทางนั้น ไม่ได้สนใจพวกดุริยางค์ที่มองมางงๆเพราะคิดว่ายังไงก็รู้จักกันอยู่แล้วตั้งแต่ไปทะเล

“พี่กีล์…ฝากหน่อยนะพี่”เก้าที่อยู่ในชุดบอลเบอร์หนึ่งเดินเข้ามาหาผมแล้วยื่นผ้าเย็นให้พร้อมรอยยิ้ม

“ขอบคุณครับ”

ผมเดินเข้าไปหาคนที่นั่งก้มหน้าแล้ววางผ้าเย็นแปะลงบนหัวอีกคน โซโล่เงยหน้าแล้วจ้องมองมาด้วยดวงตาเฉยชา แต่พอเห็นว่าเป็นผมเขาก็เบะปากน้อยๆแล้วก้มหน้าลงเหมือนเดิม

“กีตาร์มาช้า”

“ขอโทษครับ”

“ผมไม่อยากเตะแล้ว”

“ขอโทษครับ”ผมย่อตัวลงนั่งยองๆข้างหน้าโซโล่แล้วเงยหน้ามองคนที่ก้มหน้าทำให้สายตาเราประสานกันพอดี โซโล่ยังคงทำหน้าบึ้งแต่ก็ไม่ได้หันหน้าหนี

“หึ”

“พี่ยอมรับว่าลืมจริงๆ ขอโทษนะครับ”ผมใช้มือซ้ายจับนิ้วที่อยู่บนขาของเขาแกว่งไปมาเบาๆแล้วยิ้มให้

“…”

“ช่วงนี้พี่วุ่นวายทั้งเรื่องเรียน เรื่องทำงาน แล้วก็เรื่องฝึกงานอีกเลยลืมไปบ้าง…ถึงจะเหมือนแก้ตัวแต่พี่ก็อยากบอกเหตุผล ขอโทษนะครับ”ผมมองหน้าโซโล่ พยายามเลียนแบบสายตาอ้อนๆของเขาแต่กลับได้รับรอยยิ้มขันกลับมาแทน

ขำนี่หมายความว่าไง…แต่เอาไว้ก่อนละกันเพราะมีความผิดติดตัว

“ผมไม่ได้โกรธ…”โซโล่เกี่ยวนิ้วกลับแล้วมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน “อาจจะหงุดหงิดไปบ้างที่กีตาร์ไม่มาแต่ไม่เคยโกรธ ผมรู้ว่ากีตาร์เหนื่อยแค่ไหน…”

“ลงสนามๆ!”

“เดี๋ยวค่อยคุยนะ”โซโล่ยิ้มบางแล้วลุกขึ้นยืนจนผมต้องลุกตาม ผมรั้งแขนเขาไว้ตอนที่กำลังจะเดินเข้าไปในสนาม

“สู้ๆนะครับ พี่จะเชียร์อยู่ตรงนี้”ผมหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นอีกคนมองเป็นเชิงถามว่าแน่ใจนะ

วิ่งมาหาโจ่งแจ้งขนาดนี้แล้ว จะให้เดินกลับไปสงสัยคงได้โดนแซวหนักกว่าเดิม ไหนๆก็ไหนๆแล้วอยู่ตรงนี้ไปเลยน่าจะดีกว่า

บอลครึ่งหลังเริ่มแล้วแต่เหมือนสายตาคนดูจะสับไปสับมาระหว่างบอลในสนามกับผมที่นั่งหลบมุมอยู่ที่ที่พักดุริยางค์ เพื่อนสี่ตัวที่ยืนอยู่ฝั่งวิศวะเองก็มองมาที่ผมด้วยสายตาที่เหมือนจะด่าว่าไอ้ทรยศ แต่ปากมันนี่มีแต่รอยยิ้มแซว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเดินกลับไปหาเมื่อไหร่จะเจออะไร

จะโทษใครก็ไม่ได้นอกจากตัวเองที่วิ่งมาฝั่งนี้แล้วก็คนในสนามที่เตะบอลไปหันมามองไปจนโดนซุบซิบยังไม่รู้ตัว…หรืออาจจะรู้แต่ไม่ได้สนใจ โซโล่ก็ไม่ได้ดูผิดปกติอะไรนอกจากหน้าที่นิ่งเสมอต้นเสมอปลาย เขาดูโดดเด่นทั้งที่ก็แต่งชุดบอลเหมือนคนอื่น ผู้หญิงรอบสนามนี่แทบจะกรี๊ดทุกครั้งที่โซโล่ได้บอล

อยากจะเห็นท่าทางก่อนหน้านี้ที่ทำให้เอสกลัวจริงๆ…

ไม่รู้เจ้าหมานั่นจะรู้ตัวไหมว่าโดนถ่ายรูป ยิ่งตอนที่เจ้าตัวเสยผมเพราะเหงื่อออกผมได้ยินเสียงกดชัตเตอร์รัวมากจนน่ากลัว

และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น…

ห้องที่คอนโดว่างมากไม่มีรูปเจ้าของห้องสักรูป ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ผมเลยคิดว่าจะจัดการเอง อีกอย่างเก้าแอบมาบอกเมื่ออาทิตย์ก่อนว่าสิ้นปีนี้เป็นวันเกิดเจ้าหมา ผมก็เลยอยากทำอะไรให้เขาบ้าง

จะให้ของขวัญสมฐานะเจ้าตัวคงไม่ไหวเลยได้แต่ใช้วิธีนี้…

ปี๊ดดดดดด!

ผมสะดุ้งกับเสียงนกหวีด พอหันไปมองในสนามก็เห็นว่าจบเกมส์แล้วและกำลังจับมือกันอยู่ บอลจบลงโดยที่วิศวะเป็นฝ่ายชนะไป2-1 พวกดุริยางค์ก็ดูไม่ได้เสียใจอะไร สนิทกันถึงขั้นเดินไปตบหัวลูบหลังกับเด็กวิศวะบางคนที่อยู่ภาคผมหลังจบเกมส์ด้วยซ้ำ

คงต้องขอบคุณค่ายรับน้องที่ทะเลที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้

“กีตาร์…”

“ครับ”ผมยืนขึ้นแล้วยิ้มให้คนที่เดินมาหาก่อนจะเอาผ้าที่ยังไม่ได้ใช้เช็ดหน้าเช็ดตาให้หมาตัวโตที่ส่งสายตาอ้อนๆมาให้

“พวกนั้นชวนไปเลี้ยง…ทั้งวิศวะทั้งดุริยางค์ กีตาร์จะไปไหม”

ส่งสายตาแบบนี้มาให้แล้วยังจะถามอีกนะเจ้าหมานี่

“ถ้าโซไปพี่ก็ไปครับ”

โซโล่ยิ้มนิดๆก่อนจะยกมือลูบแก้มผมเบาๆแล้วเดินไปคุยกับพวกดุริยางค์คนอื่น ผมยิ้มฝืดเมื่อเห็นว่าพวกดุริยางค์หันมาส่งสายตาล้อเลียนให้ทั้งแถบ ไหนจะพวกรอบสนามที่กรีดร้องหนักหน่วงตอนที่โซโล่ลูบแก้มผมอีก

“ไปกัน”โซโล่สะพายกระเป๋าแล้วจูงมือผมเดินออกจากสนามโดยไม่สนใจใคร…รวมถึงผมด้วย

ถึงจะบอกว่าเปิดเผยแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เขินนะ…ไม่รู้หน้าเจ้าหมานี่ทำด้วยอะไร แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ปฏิเสธมือที่จับไว้แต่อย่างใด กลายเป็นเดินตามแรงจูงอีกคนไปง่ายๆเสียอีก

“โซ…”ผมเรียกเบาๆแล้วรั้งมือคนที่กำลังเดินข้างๆให้เดินช้าลง “เดี๋ยวพี่บอกแล้ววิ่งเลยนะครับ”

โซโล่หันมามองงงๆ แต่พอมองตามสายตาผมไปแล้วก็เหมือนจะเข้าใจเลยหัวเราะออกมาเบาๆ จะอะไรซะอีกถ้าไม่ใช่พวกเพื่อนผมที่เล่นยืนออกันเต็มประตูทางออกอย่างกับตั้งใจ

“เอานะ…”ดูเหมือนไวน์มันจะเห็นผมแล้วเลยชี้ให้คนอื่นหันมามอง รอยยิ้มล้อเลียนกับเสียงแซวโหวกเหวกดังมาแต่ไกล

“แหม เพื่อนกูนี่…”

“วิ่ง!”

“ไอ้กีล์!”

ผมไม่สนใจเสียงเรียกด้วยความตกใจของไวน์แต่ออกแรงดึงมือคนที่จับอยู่ให้วิ่งตามผ่านหน้าเพื่อนออกมานอกสนามอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงมันดังตามมาแว่วๆ

“อย่าคิดว่าจะหนีพ้นนะมึง!”

“เจอแน่ไอ้กีล์!”

“พี่เอาเพื่อนผมไปไหนอะ!”

ก็รู้อยู่หรอกว่าหนีไม่พ้น แต่รอดจากที่ที่คนเยอะอย่างกับอะไรดีมาได้ก็ดีกว่าโดนแซวกลางสนามต่อหน้าฝูงชนก็แล้วกัน

“กีตาร์…”โซโล่เรียกเสียงหอบ ผมหยุดเท้ากะทันหัน พอหันไปมองหน้าที่ยังนิ่งแต่ดูเหนื่อยสุดๆของเขาแล้วก็ต้องด่าตัวเองในใจ

ลืมไปเลยว่าเจ้าหมานี่เพิ่งเตะบอลมาเหนื่อยๆ

“ขอโทษนะครับ โซไหวไหม”ผมรีบเอาผ้าที่พาดอยู่ที่คอเช็ดเหงื่อให้โซโล่ ส่วนคนที่ยืนหอบอย่างหนักก็ยังมีแรงพยักหน้ากลับมาให้เหมือนจะบอกว่าไหว

ผมยืนรอจนเขาเริ่มกลับมาหายใจปกติแล้วก็จับมืออีกคนไว้ คิดว่าจะพาเดินไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกล แต่กลายเป็นว่าโซโล่รั้งมือผมไว้

“กีตาร์…”โซโล่ยืดตัวตรงแล้วทำหน้าจริงจัง ดึงแขนผมให้เดินหลบเข้าไปในมุมตึก “ผมมีเรื่องต้องคุยกับกีตาร์ต่อจากตอนนั้น”

“ครับ”

“กีตาร์บอกว่าถ้ามีอะไรต้องบอกกันใช่ไหม”

ผมพยักหน้า ถึงจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไรแต่ก็ไม่มีทางลืมสิ่งที่ตัวเองพูด

“มันไม่ใช่แค่ผมต้องบอกกีตาร์…แต่กีตาร์มีอะไรก็ต้องบอกผมเหมือนกัน เรามีอะไรต้องบอกกันใช่ไหม”โซโล่พูดเสียงอ่อน ดึงมือผมไปจับไว้

“ครับ”

“ผมรู้ว่าช่วงนี้กีตาร์เหนื่อยแค่ไหน ทั้งเรื่องเรียน เรื่องทำงาน เรื่องที่ฝึกงาน เราอยู่ด้วยกันแท้ๆแต่กีตาร์ไม่เคยพูดอะไรให้ผมฟังเลย”

“โซ…”

“ถ้าผมจะโกรธ ผมจะโกรธเพราะกีตาร์ไม่บอกอะไรผมเลย ทำเป็นไหวทั้งที่เหนื่อย ทำเป็นไม่เป็นไรทั้งที่มีผมอยู่ข้างๆ…”

ผมมองใบหน้าของคนที่พูดเสียงอ่อนนิ่งงัน พูดอะไรไม่ออกเพราะมันเป็นไปตามที่เขาบอกทุกอย่าง

“ผมแบ่งภาระของผมให้กีตาร์แบกแล้ว…แล้วกีตาร์แบ่งภาระของกีตาร์ให้ผมบ้างได้ไหม”

“ขอโทษครับ”ผมดึงมือที่จับไว้มาแนบแก้มเหมือนที่เขาชอบทำ พอได้ทำแล้วถึงเข้าใจ

มันอบอุ่นแบบนี้นี่เอง…

“สัญญานะว่าจะบอก…”

“สัญญาครับ”

โซโล่ยกอีกมือลูบแก้มผมเบาๆแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

“ผมเป็นคนรักของกีตาร์นะครับ”

--------------------------------

 

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 15-01-2017 20:09:03
อิจฉาคนมีความรัก !!!!

หวานกันตลอด  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-01-2017 21:18:31
เขินแทนพี่กีลล์ตอนโซลูบแก้ม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-01-2017 21:21:03
ดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 15-01-2017 21:42:24
ขี้อ้อนกันทั้งสองคนเลย น่ารักกันเกินไปแล้วน้าาาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 15-01-2017 22:12:49
ช่วยด้วยค่ะ น้ำตาล โอ๊ย สาดน้ำตาลใส่เราทำไมคะ 55555555555555555 โอ๊ยยย หวานอย่างต่อเนื่อง โซโล่นี่เริ่มเหมือนพี่กีล์ทำอะไรก็ไม่โกรธแล้วอ่ะค่ะ ดูๆไปไม่ใช่แค่พี่กีล์ที่ใจอ่อนตลอดหรอก โซโล่นี่ก็ใจอ่อนตลอดเหมือนกัน แล้วดูค่ะ พี่กีล์คนจริง เขารู้กันทั้งมหาลัยแล้วทีนี้ พี่ไม่ได้อวดแฟนใช่ไหมคะ พี่แค่ใส่ใจความรู้สึกโซโล่มากที่สุดใช่ไหมคะ ไม่ได้อวดเลยยย แต่เราก็ชอบนะคะ น่ารัก เราเข้าใจขิมนะคะ เป็นเราก็ดิ้น อู๊ยยย เขามาประกาศต่อหน้าขนาดนี้ าค่ะ สนามบอลอยู่ที่ไหนนะคะ นี่ก็จะตามไปทุกที่ 5555 ตอนนี้เราชอบที่โซโล่บอกว่าตัวเองแบ่งปัญหาให้พี่กีล์ไปแล้ว พี่กีล์ก็ต้องแบ่งคืนมาบ้างนะคะ นี่แหละค่ะ ร่วมทุกข์ร่วมสุข นี่แต่งงานกันแล้วรึเปล่าคะ ทำไมเหมือนขนาดนี้ นี่ไม่ได้รู้สึกกังวลกับดราม่าคุณพ่อเลยนะคะ ทำไมแบบนี้ล่ะคะ รักกันขนาดนี้ อะไรจะมาแยกเขาจากกันได้นะคะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 15-01-2017 23:14:38
อ้อน. อ้อนกันเข้าไป ทั้งคนเลี้ยงน้องหมา ทั้งน้องหมาเลย
อ้อยจะหมดไร่อยู่แล้วจ้า 555  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 15-01-2017 23:39:52
เขินนนนนนน  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 16-01-2017 00:18:41
น่ารักมัอะไรก็คุยกันเนอะ :-[

่แต่....ห้ามตัดเข้าโคมไฟนะ..เรา อยากรู้ทุกตอน :hao6:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-01-2017 02:01:41
โอ้ย เขิน หวานมาก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-01-2017 10:16:58
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-01-2017 11:39:20
ดี~~~
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 16-01-2017 17:30:29
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-01-2017 23:19:09
มีความละมุนมีความน่ารัก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 16-01-2017 23:36:50
น่ารักเหมาะกัน คนหนึ่งขี้อ้อน อีกคนก็แสนใจดี พี่กีล์น่ารักมาก คนอยู่ใกล้มีความสุข
โดยเฉพาะน้องโซ แฟนเด็กสดใสจริงๆ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 18-01-2017 06:57:17
 :hao7:   ชอบมากกกกกกกกกก. น่ารักมาก ๆ เคะเราแข็งแกร่งจริง ๆ 55555. ส่วนโซ เหมือนหมาป่าห่มหนังแกะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER18 P.13 [15/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 18-01-2017 17:38:50
-19-

 

“โซ…”ผมเรียกคนที่กำลังทำท่าจะเดินไปอาบน้ำไว้ หลังจากที่คิดว่าถึงเวลาที่จะต้องพูดเรื่องนี้เสียที ตลอดระยะเวลาที่ขับรถกลับผมนึกถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด ยิ่งหันไปมองคนที่ทำหน้าที่ขับรถให้ก็ยิ่งคิดเยอะ

“ครับ”

“พี่เรียนขับรถดีไหม”

จริงๆก็คิดแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ตอนแรกผมไม่มีเวลาแถมไม่มีรถเลยคิดว่าไม่จำเป็น แต่พอมาอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วให้โซโล่ขับรถให้ตลอดก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นอกจากนั้น…

“พี่ไม่อยากเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้ตอนที่โซไม่สบายอีก”

ถึงจะไม่ได้พูดแต่ภาพตอนที่โซโล่ไม่สบายครั้งก่อนยังติดอยู่ในหัวผมไม่ไปไหน ถ้าตอนนั้นไม่มีเจไดกับเก้าผมก็ไม่รู้จะทำยังไง ให้พาโซโล่ออกไปขึ้นแท็กซี่หน้ามหา’ลัยก็ดูลำบาก อดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมขับรถเป็นมันคงจะดีกว่านี้

ผมอยากเป็นที่พึ่งพิงให้เขาได้ในทุกๆความหมาย

“ไม่เป็นไรหรอก”โซโล่หันมายิ้มน้อยๆแล้วเดินเข้ามาหาผมที่ยืนพิงโต๊ะกินข้าวอยู่ “แต่ถ้ากีตาร์อยากขับเป็นจริงๆผมจะสอนให้”

“ครับ ถ้าว่างแล้วสอนพี่หน่อยนะ”

ถึงจะไม่รู้ว่าตอนไหนจะว่างก็เถอะ…

“โซไปอาบน้ำก่อนครับ เดี๋ยวพี่หาอะไรให้ทานรองท้อง”ผมบอกแล้วผลักไหล่คนที่ยังใส่ชุดบอลให้เดินไปทางห้องน้ำ

“ไปกินที่นั่นก็ได้นี่”

“ไม่ได้ครับ”ผมปฏิเสธ ไม่ลืมขมวดคิ้วเพื่อดุคนที่ไม่ยอมเป็นห่วงสุขภาพตัวเอง “เหล้ากินแทนข้าวไม่ได้นะครับ ทำไมไม่ห่วงสุขภาพตัวเองบ้าง”

“กีตาร์…”โซโล่เรียกเสียงอ่อยแล้วเดินเข้ามาจับแขนผมไว้เหมือนจะอ้อน “ขอโทษ”

“พี่ไม่ได้โกรธ”ผมถอนหายใจแล้วส่งยิ้มให้หมาตัวโตที่กำลังทำหน้าหงอย

“แต่กีตาร์ดุ”

“ก็เราไม่ค่อยสนใจตัวเองเลยนี่ครับ…พี่เป็นห่วง เข้าใจคำว่าเป็นห่วงไหมเจ้าฮัสกี้”ผมปรับเสียงให้เป็นเหมือนเดิมแล้วยกมือลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆเพื่อให้เขารู้ว่าผมเป็นห่วงจริงๆ

ตั้งแต่แรกๆที่รู้จักกันโซโล่ก็เป็นแบบนี้มาตลอด ไม่ห่วงตัวเอง ไม่รักษาสุขภาพ หลังจากฟังเรื่องของเขามาแล้วผมถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพราะไม่มีใครคอยห่วงหรือคอยดูแลเขา เจ้าตัวถึงได้เป็นแบบนี้

แต่ตอนนี้กับตอนนั้นมันต่างกัน

“เมื่อก่อนโซอาจจะไม่มีใครคอยห่วงคอยดูแล…แต่ตอนนี้โซมีพี่นะครับ”

“กีตาร์…”

“พี่เป็นห่วงโซ…แต่โซจะให้พี่คอยดูแลตลอดไม่ได้ โซต้องดูแลตัวเองด้วย เข้าใจไหมครับ”

คนฟังพยักหน้าหงึกหงักแต่ก็ยังขมวดคิ้วเหมือนกำลังไม่เข้าใจ

จริงๆผมคิดว่าไม่ใช่เขาไม่ค่อยดูแลตัวเองหรอก โซโล่ดูใส่ใจกับคำพูดของผมมาก ตอนนั้นผมเคยบอกเขาไปแล้วเรื่องดูแลตัวเองและเจ้าตัวก็รับปาก ผมรู้ว่าเขาจำได้ แต่คิดว่าเขาไม่รู้ว่าอะไรคือการดูแลตัวเองมากกว่า

“ถ้าโซคิดไม่ออกว่าต้องดูแลตัวเองแบบไหน งั้นโซก็คิดว่าจะดูแลพี่ยังไงดูนะครับ”พอผมพูดจบคนที่กำลังขมวดคิ้วเมื่อครู่ก็ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มทันที

“ผมจะพยายามนึกถึงตัวเองให้มากขึ้น…”โซโล่ยิ้มกว้างขึ้นแล้วแกว่งแขนผมที่เขาจับไว้เบาๆ “แต่กีตาร์ก็ต้องดูแลผมด้วยนะ”

“ครับผม”

ไม่บอกก็จะทำอยู่แล้ว…

“ผมก็จะดูแลกีตาร์เหมือนกัน”

เรายิ้มให้กัน ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจ

ผมหัวเราะออกมาเมื่อคนที่ทำท่าจะเดินไปอาบน้ำออกแรงลากให้ผมเดินตามมาจนถึงห้องนอน จะดึงแขนยังไงก็ไม่ยอมปล่อย จนผมต้องตีมือเขาเบาๆแล้วผลักให้เดินเข้าไปในห้องน้ำถึงจะได้ออกมาทำอาหาร

ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่โซโล่ก็ไม่ได้กินอาหารสำเร็จรูปอีกเพราะผมคอยทำอาหารให้ทุกมื้อ ส่วนผมก็ไม่ได้นอนดึกอีกเพราะโดนลากไปเป็นหมอนข้างของหมาขี้เซาทุกคืน

ชีวิตประจำวันของเราเปลี่ยนแปลงไปช้าๆ จากตัวคนเดียวพอมีใครมาอยู่ข้างๆมันก็เริ่มไม่เหมือนเดิม แปลกที่มันไม่ได้สร้างความอึดอัดให้ผมแม้แต่น้อย แต่กลับสร้างความรู้สึกดีๆและความสุขให้มากขึ้นทุกวันจนทำให้ผมรู้สึกเหมือน…

ผมกำลังจะขาดเขาไม่ได้

“กีตาร์…”อ้อมกอดอบอุ่นที่ซ้อนมาจากด้านหลังทำให้ผมที่กำลังวางจานข้าวสะดุ้งน้อยๆ ผมส่ายหน้าเบาๆอย่างระอาใจกับคนที่ชอบทำให้ตกใจทุกที สุดท้ายก็ได้แต่ยื่นมือไปบีบจมูกหมาตัวโตด้วยความหมั่นไส้

นี่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอีกอย่าง…เจ้าหมาเช็ดตัวทุกครั้งที่อาบน้ำ ไม่ปล่อยให้ตัวเปียกในห้องแอร์แล้ว

“พี่บอกให้เช็ดหัวด้วยไม่ใช่เหรอครับ”ผมพลิกตัวกลับมาแล้วพิงตัวกับโต๊ะกินข้าวก่อนจะดึงผ้าเช็ดหัวที่อีกคนพาดไว้ที่คอมาเช็ดหัวให้

เจ้าหมานี่ไม่ยอมเช็ดหัวเองเสียที ผมก็เคยพูดไปแล้วหลายครั้ง แต่ว่า…

“อยากให้เช็ดให้”ว่าจบก็เท้าแขนสองข้างคล่อมตัวผมไว้กับโต๊ะกินข้าวจนใบหน้าแทบจะติดกัน

ผมดึงแก้มสองข้างของเจ้าหมาขี้อ้อนแต่ก็ยอมเช็ดหัวให้เจ้าตัวต่อเพราะรู้ดีว่าถ้ายังไม่เสร็จเจ้าหมานี่ไม่มีทางยอมผละออกไปแน่นอน

“ไม่อยากไปแล้ว”

“หืม”

“ขี้เกียจไปแล้ว”

“ตอนแรกเราก็ดูอยากไปไม่ใช่เหรอครับ”ผมเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย ตอนแรกดูท่าทางอยากไปดื่มจะตาย มาตอนนี้บอกไม่อยากไปแล้วเสียอย่างนั้น

“อยากอยู่กับกีตาร์”

“พี่ก็ไปด้วยนี่ครับ”

“อยากอยู่สองคน”

“อยู่สองคนทุกวัน ยังไม่เบื่อเหรอครับ”ผมอมยิ้มเมื่อคนที่หลับตาพริ้มให้เช็ดหัวลืมตามองแล้วขมวดคิ้วฉับเหมือนไม่พอใจ

“ไม่มีทาง”

“พี่ล้อเล่นครับ…”ดูเหมือนโซโล่จะไม่ได้ฟังที่ผมบอกว่าล้อเล่นแม้แต่น้อย เพราะอีกฝ่ายเล่นจ้องกลับมานิ่งๆ แถมดวงตาคมยังฉายแววกังวลออกมาอย่างชัดเจนอีกต่างหาก

“กีตาร์พูดเพราะเบื่อผมเหรอ”

นั่นไง…

“ไม่ครับ…พี่แค่ล้อเล่นจริงๆ”ผมมองหน้าเจ้าหมาคิดมากแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าต่อไปไม่ล้อเล่นเรื่องแบบนี้อีกจะดีกว่า…หน้าตึงไม่ยอมยิ้มเลย

“…”

“จริงๆนะครับ พี่ขอโทษนะ”ผมมองคนคิดมากแล้วยิ้มให้บางๆ มือโคลงหัวอีกคนไปมาให้รู้ว่าล้อเล่นจริงๆ โซโล่เงียบไปสักพักสุดท้ายก็ยอมพยักหน้าแล้วคลายความกังวลลง

“ไม่พูดแบบนี้แล้วนะ”

“ครับ…ไม่พูดแล้ว”ผมรับปาก เริ่มใจชื้นเมื่อเห็นว่าเขากลับมายิ้มได้เหมือนเดิมแล้ว

“เรื่องไปร้านเหล้า…”

“นานๆจะได้ไปกับเพื่อนที แล้วโซก็ไม่ได้ไปมานานแล้วด้วย ยังไงก็ไปสักหน่อยเถอะครับ”

ตั้งแต่ที่มาอยู่ด้วยกันผมก็ไม่เคยเห็นโซโล่ไปไหนเลยนอกจากมหา’ลัยกับคอนโด ผมรู้ว่าเขาก็อยากกินเหล้าอยู่เหมือนกัน แล้วก็เข้าใจดีด้วยเพราะเพื่อนตัวเองก็กินกันทุกคน ผมไม่เคยบังคับให้เขาทำหรือไม่ทำอะไร แต่ดูเหมือนโซโล่เลือกที่จะไม่ทำเอง

มันทำให้ผมรู้ว่าเจ้าหมานี่ให้ความสำคัญกับผมขนาดไหน…เพราะงั้นผมเองก็จะเข้าใจและให้ความสำคัญกับเขาเหมือนกัน

“พี่ก็จะไปดูแลเราด้วย เพราะงั้นไม่ต้องห่วงนะครับ”ผมดึงผ้าเช็ดหัวออกจากหัวหมาตัวโตที่กำลังจ้องมานิ่งๆแล้วดันอกอีกฝ่ายให้ถอยออกจะได้ทานข้าวกันเสียที

โซโล่รั้งตัวไว้ไม่ยอมถอยจนผมต้องเลิกคิ้วมองเป็นเชิงถาม เขาไม่ได้พูดอธิบายอะไรออกมา ผ่านไปสักพักถึงได้ยกยิ้มนิดๆก่อนจะกดริมฝีปากลงบนหน้าผากผมเบาๆ

“ขอบคุณครับ”

 

 

ร้านบออาบาร์

“เพื่อน!”

ผมรีบดึงคนข้างๆให้เดินตามเข้าไปด้านในร้านที่ไวน์ตะโกนเรียกอยู่ เพราะร้านนี้เป็นร้านติดมหา’ลัยลูกค้าส่วนใหญ่เลยเป็นพวกนักศึกษาทั้งนั้น ไม่แปลกเลยที่คนในร้านจะมองพวกผมกันเป็นแถบโดยเฉพาะเจ้าหมาหน้านิ่งที่โดนจ้องจนเจ้าตัวขมวดคิ้วหงุดหงิด

ตั้งแต่โซโล่เริ่มงานในฐานะเดือนมหา’ลัยและมีผลงานออกมาเขาก็มีคนตามมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงขนาดมีเพจแยกเป็นของตัวเอง ผมยังจำชื่อเพจที่ขิมส่งมาให้ดูได้อยู่เลย

โต๊ะที่พวกมันนั่งกันอยู่เป็นโต๊ะที่เอามาต่อกันจนยาวเหยียด มีคนนั่งอยู่ไม่น่าต่ำกว่าสามสิบคน ทั้งจากคณะผมแล้วจากคณะโซโล่

“ไอ้เค!เอาเหล้าให้เพื่อนกูเร็ว”

ผมยังไม่ทันปฏิเสธคำพูดไอ้โนว์ เคที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยื่นแก้วมาให้พร้อมรอยยิ้มที่ดูจริงใจ ผมเลยยิ้มกลับไปตามมารยาท

ดูเหมือนเคจะเข้าใจแล้ว…แต่หมาฮัสกี้ข้างตัวผมไม่เข้าใจแทนเพราะเล่นแย่งแก้วมาถือเองแล้วขมวดคิ้วฉับจ้องเคนิ่งเหมือนพร้อมจะพุ่งเข้าไปหาเรื่องได้ทุกเมื่อ

“โซ…”ผมลูบมือคนข้างตัวเบาๆเป็นเชิงเตือน ซึ่งโซโล่ก็ยอมคลายความหงุดหงิดแล้วหยุดจ้องเค…แต่กลายเป็นมานั่งพิงผมกระดกเหล้าเข้าปากเงียบๆแทน

ผมรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆที่เห็นว่าเคมีท่าทางปกติไม่ได้คิดจะเข้าหาเหมือนตอนแรกแล้ว ด้วยฐานะ ‘หลานรหัส’ ของเขาผมไม่ค่อยอยากให้เรามองหน้ากันไม่ติดนัก

ตอนแรกผมก็คิดไม่ถึงว่าหลานรหัสจะออกมาเป็นเคเหมือนกัน

วันนั้นที่ทะเลผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าลืมไปสนิทเพราะน้องรหัสตัวเองไม่ได้ไปด้วย แต่กลายเป็นอาทิตย์ก่อนวินที่เป็นน้องรหัสผมโทรมาบอกว่าจะเลี้ยงสาย พอถามว่าได้ใครเข้าสายก็บอกมาว่าชื่อเค

เจ้าหมาไม่ได้โวยวายอะไรแต่ผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึมจนตัดสินใจบอกปัดนัดเลี้ยงไป

“เพื่อนกีล์ครับ”

ผมหันไปมองหน้าไอ้ไวน์แหยงๆ รู้สึกไม่ไว้ใจคำพูดสุภาพของมันสุดๆ มันพูดแบบนี้ทีไรไม่เคยเห็นเป็นเรื่องดีสักที

“ไม่ทราบว่ามึงวิ่งหนีพวกกูทำไมครับ”

“วิ่งหนี?”ผมแสร้งถามเหมือนไม่รู้เรื่อง รู้สึกเหมือนทุกสายตาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้กำลังจับจ้องมาที่ตัวเองด้วยสายตาล้อเลียนที่แสนน่าถีบ

ผมหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือและฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะตั้งแต่ที่ผมมาเมื่อรู้สึกเหมือนเขาเอื้อมมือมาสะกิด คนหัวยุ่งเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มให้ผมด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ก็ที่พี่ลากเพื่อนผมวิ่งหนีไง”

เก้า…ไอ้เด็กแสบ

“คือ…”

“มึงอย่าไปถามคำถามที่มันหาข้ออ้างได้เลย”เสียงหัวเราะหึหึของคนที่นั่งเงียบมานานเรียกให้ทุกสายตาหันไปมอง เบียร์มันมองโทรศัพท์ในมือก่อนจะเงยหน้ามองผมแล้วพูดเสียงเรียบ “สรุปตอนนี้มึงเป็นอะไรกัน สงเคราะห์ให้พวกผู้ช่วยทั้งหลายรู้หน่อย”

ผู้ช่วย?

ผมไล่สายตามองรอบโต๊ะ ดูเหมือนทุกคนจะหลบตากันเป็นพิเศษ ผมเลยต้องหันไปมองโซโล่ที่นั่งกระดกเหล้าไม่สนใจใครแทน

“ผมไม่ได้คิด”

ผมพยักหน้าเพราะรู้ดีว่าเจ้าหมานี่ไม่มีทางโกหก แต่รอยยิ้มมุมปากเล็กๆนั่นมันบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวรู้เรื่องแน่นอน

“ผมปวดท้องอะ”

“เก้าครับ”

ผมดึงชายเสื้อของเด็กผู้ชายหน้าแดงที่น่าจะกินเหล้าเข้าไปเยอะพอควรแล้วออกแรงดึงให้คนที่ทำท่าจะลุกนั่งลงที่เดิม

“ไหนบอกพี่มาสิ”

“ผมก็แค่ให้คำปรึกษาเพื่อนเฉยๆเอง”เก้าเบะปากแล้วทำท่าจะเลื้อยไปกับโต๊ะอีกรอบจนผมต้องดึงคอเสื้อไว้

“มึงบอกมันไปเหอะเก้า ไอ้นี่มันอยากรู้อะไรมันไม่ยอมหยุดง่ายๆหรอก”

ผมยิ้มรับคำพูดของเบียร์อย่างเต็มใจเพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้นจริงๆ

“ผมก็แค่ช่วยเหลือเพื่อน”เก้าพูดแล้วเหลือบตามองผมก่อนจะถอนหายใจ “จำไม่ได้แล้วอะ…ที่จำได้ก็ช่วยแนะนำมันเรื่องเปลี่ยนเพลงตอนประกวด ตอนไปทะเลก็แค่ขอความร่วมมือจากพวกวิศวะกับพวกดุริยางค์นิดๆหน่อยๆเอง”

“ขอความร่วมมือ?”

“ก็เรื่องเปลี่ยนที่นั่ง เรื่องให้ลากพี่ไปหน้าเวที บอกให้คนอื่นเงียบเสียงตอนไอ้โซร้องเพลง ห้ามขำมัน ห้ามแซวจนกว่าพี่กับมันจะคุยกันจบ ชวนพวกเพื่อนพี่ไปแอบดู จำได้แค่นี้อะ”

ผมเงียบกริบพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้คนพูดไหลไปกองกับโต๊ะเหมือนเดิมท่ามกลางเสียงขำของคนอื่นๆ

เด็กบ้านี่!

“รู้แล้วก็บอกผลจากการช่วยเหลือของพวกมันได้แล้วเพื่อนกีล์”ไอ้ไนว์ว่าแล้วยักคิ้วกวน

บางทีผมน่าจะเอาเรื่องที่มีผู้หญิงยัดเบอร์โทรใส่กระเป๋าเสื้อมันไปบอกซัน

“ก็ตามที่คิด”ผมว่าเสียงเรียบ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากคนข้างๆวูบหนึ่งก่อนพวกที่กำลังอึ้งรอบโต๊ะจะส่งเสียงโหวกเหวก

“เอาจริงดิ!”

“จริงปะพี่!”

“ดีใจด้วยไอ้โซโล่!”

“ขอชัดๆอีกที ตามที่คิดนี่หมายความว่าไงวะ”

ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้เบียร์ที่นั่งอมยิ้มไม่แคร์โลกก่อนจะกรอกตาเมื่อเห็นสายตาของพวกอยากรู้อยากเห็นมองมาจากทั่วโต๊ะ

“คบกันแล้ว”

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!”

“บอกแล้วว่าจริง!”

“ฉันบอกแกแล้วว่าแอดมินเพจไม่มั่วหรอก!”

“เต็มสองหูเลยเป็นไงยะ!”

ดูเหมือนพวกอยากรู้อยากเห็นที่ว่าจะไม่ได้มีเฉพาะโต๊ะนี้…

 

 

Admin Page Cute :

มีคนยืนยันแล้วนะพวกเธอว่าคู่นี้คบกันจริง สรุปคู่เรียลค่ะไม่ต้องชงอีกต่อไป เขารักกันแล้วววววว อะไรคือการที่โซโล่มีเตะบอลแล้วพี่กีล์ตามมาเชียร์คะ ได้ข่าวว่าแข่งกับคณะตัวเองแต่ไปนั่งฝั่งน้องคืออะไรคะพี่ คือฟิน คืองานดี คือเช็ดหน้า คือแตะแก้ม คืออะไรรรรรรร กรีดร้องหนักมากชะนีตายเรียบ

*แนบรูปภาพถ่ายด้านข้าง โซโล่ยกมือแตะแก้มกีล์ด้วยรอยยิ้ม

12.2kถูกใจ 7.3ความคิดเห็น 1026Shares

บิวตี้ เซ็กซี่ซูซ่า :

จริงปะ! คือเชียร์มานาน ถ้าจริงจะกรีดร้องหนักมาก ใครมีหลักฐานบอกที #โซโล่กีล์

595ถูกใจ 25ความคิดเห็น

สวย อินเตอร์ :

อัพเดทสถานการณ์ ณ ร้าน บออาบาร์ สดๆร้อนๆ พวกดุริยางค์กับวิศวะมากินเหล้าค่ะ คือพี่กีล์มากับโซโล่แล้วคือแบบว่าได้ยินเต็มสองหูว่าคบแล้ว พยานเป็นร้อยบอกเลย! #โซโล่กีล์

592ถูกใจ 165ความคิดเห็น

Beer Warakul :

หึหึ @Gui Jirayu

152ถูกใจ 65ความคิดเห็น



ผมถอนหายใจเมื่อได้อ่านที่เบียร์แท็กมา ไม่ได้รู้สึกโกรธหรืออะไรเพราะพวกเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้แถมยังช่วยให้มีลูกค้ามาที่ร้านมากขึ้นด้วย ต้องบอกว่าพวกเขาไม่เคยทำให้ผมลำบากใจเลยดีกว่า อย่างมากก็แค่มองแต่ไม่เคยเข้ามารบกวนเวลาส่วนตัว ถ้าอยากถ่ายรูปหรืออะไรก็เข้ามาขอเวลาที่เห็นว่าผมว่างตลอด

ผมไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเสียหายเลยสักนิด ยังไงทุกอย่างมันก็เรื่องจริง

“กีตาร์…”

ผมชะงักมือที่กำลังจะกดอ่านต่อแล้วหันไปมองหมาตาปรือที่เดินมาเกาะแขน ปากยังเลอะนมอยู่เลย…

“ทานยังไงให้เลอะปากครับเนี่ย”ผมหัวเราะแล้วใช้มือเช็ดปากให้หมาหน้าง่วงเบาๆ

“นอนกัน”

“พี่คิดว่านอนไปแล้วเสียอีก”

“รอกีตาร์”

“รอทำไมครับ”

“อยากนอนกอด”

ผมยิ้มให้คำตอบนั้นแล้วเดินตามไปนอนแต่โดยดี โซโล่กอดผมแล้วนอนหลับไปอย่างรวดเร็วเหมือนตุ๊กตาหมาถ่านหมด ปกติเขาไม่ได้ยอมนอนง่ายๆแบบนี้ แต่นี่คงเพราะเหนื่อยจากการเตะบอลแล้วก็เพราะเหล้าด้วยถึงทำให้รู้สึกง่วงจนหลับไปง่ายๆ

ต่างจากผมที่รู้สึกค้างคาใจจนนอนไม่หลับ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านต่อจากที่อ่านไว้อีกครั้ง รู้สึกว่าจำนวนแท็กเพิ่มขึ้นจนต้องกดเข้าไปดู

 

Ray Rayray :

กีล์ ยังไงวะ พวกมึงเป็นอะไรกัน กูยังไม่รู้เลยยยยย @Gui Jirayu

149ถูกใจ 60ความคิดเห็น

ตัวประกอบ1 :

ขอโทษที่รบกวน แต่ตอบหน่อยได้ไหมคะ อยากรู้จริงๆนะฮือออ @Gui Jirayu

ตัวประกอบ2 :

พี่กีล์ หนูขอร้องด้วยคนนะคะ อยากรู้ไว้เพิ่มความฟินให้ตัวเอง สัญญาจะไม่สร้างความรำคาญเลยค่ะ @Gui Jirayu

ตัวประกอบ3 :

ผมก็อยากรู้เหมือนกัน @Gui Jirayu

 

ไอ้เรย์นี่มันแกนนำจริงๆ…

จะว่าไปก็นานแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้อัพเดทหรือพิมพ์อะไรในเฟสบุคเลย

ผมหันไปมองคนที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่ข้างๆ อยากรู้ว่าถ้าเขาเห็นข้อความพวกนี้แล้วจะอยากให้ผมตอบยังไง แต่มองไปมองมาชักรู้สึกเหมือนเห็นความคาดหวังอยู่ภายใต้ดวงตาที่ปิดสนิทนั่นยังไงก็ไม่รู้

 ครับๆ รู้แล้ว…

ผมละสายตาจากคนที่กำลังหลับ หันมากดโทรศัพท์ตามที่ตั้งใจไว้ หลังสำรวจความถูกต้องของตัวหนังสือเรียบร้อยก็กดโพสต์แล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ สุดท้ายก็หันมากอดคนข้างกายหลับไปเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา

 

Gui Jirayu :

เป็นคนรักครับ : )


------------------------------------------

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 18-01-2017 17:54:21
พี่กีล์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  เป็นคนรักกันครับ :)
เริ่ดสุดๆ ยอมกับคำตอบแบบตรงไปตรงมา :-[
อิจฉาโซมากกก

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 18-01-2017 18:36:45
กรีดร้องไปกับตัวช่วยทั้งหลาย เขินมากกกกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-01-2017 19:24:12
พี่กีล์จัดให้เสมอ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-01-2017 19:31:36
แม่ยกฟินยกเพจ. คนรักกันอะนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 18-01-2017 20:26:04
รู้สึกเหมือนว่าตัวเองคือหนึ่งในตัวประกอบของเรื่อง  ฟิลแบบตะแคงหูฟังอยู่ตลอดๆ 555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-01-2017 21:43:06
 ตัวประกอบคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ :
             กรีดร้องและจิกหมอนแทบขาดกับคำตอบของพี่กีลล์ :m3: :m3: :m3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 18-01-2017 21:51:40
 :hao7: โอ้ยยย ไม่รู้จะพูดอะไร มันอบอุ่น เต็มอิ่ม 555555 รู้แค่ว่าชอบบบบบบบบ ล้านตัว ดูละมุนละไม พี่กี คือแบบ ดีอะ ยอมรับความรู้สึกตัวเองแบบนี้ มันใช่ ไม่ต้องอะไรเยอะแยะ ง่าย ๆ เรียบ ๆ แบบนี้และ ได้ใจ เลย มันดูเรียบแต่แฝงอะไรเยอะแยะ แต่ไม่ดูเยอะ เป็นรายละเอียดที่ดี ดีจริง ๆ คนเขียน เก่งจัง ชอบแบบนี้
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 18-01-2017 22:08:25
ตายตาหลับแล้ววว  :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 18-01-2017 22:29:20
กรีดร้อง มันดีต่อใจ พี่กีล์ชัดเจนฟุดๆฟินนมากกก :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-01-2017 22:56:50
ชัด มาก เลยค่ะ

ไปฟินแปบ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 18-01-2017 23:00:35
ep.นี้พี่กีล์จัดเต็ม
พี่กีล์ขา หนูฟินนนนนน  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ktsingto ที่ 18-01-2017 23:45:42
อ่านไปยิ้มไป ทำไมน่ารักขนาดเน้นะะ!!! :กอด1: :bye2: :hao6: :serius2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-01-2017 00:26:38
 :oni1: :oni1: ฟินไปดาวอังคารเลยค่ะ แอร๊ยยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-01-2017 00:59:40
กรีดร้องหนักมาก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 19-01-2017 08:25:14
ตกหลุมรักซ้ำๆ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mystory.gig ที่ 19-01-2017 09:39:33
เพิ่งเห็นว่าลงในเล้าด้วย ตามมาให้กำลังใจค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 19-01-2017 16:25:53
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 19-01-2017 22:43:05
 o13. พี่กีล์นี่คนจริงเปิดเผย น่ารักกกกอะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-01-2017 23:46:11
กรี๊ดดดดด >\\\\\\\<
พี่กีล์นี่มันเท่จิงๆเบยอ่ะ ประกาศออกสื่อแบบชัดเจน!!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 20-01-2017 00:02:40
น่ารักอบอุ่น ถ้าดราม่าเราจะรับไหวไหมเนี่ย แต่กีล์เป็นคนดีมาก เป็นผู้ใหญ่มากด้วย น่าจะโอเคอยู่นะ
โซโล่ขี้อ้อนจริงๆ น่ารัก ฟินกันทั้งเพจค่ะตอนนี้

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-01-2017 18:50:41
ฟินนนน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER19 P.14 [18/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 21-01-2017 20:50:44
-20-

 

ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง

“อือ…จะนอน”

ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง

“โซ…ปิดเสียงให้พี่หน่อยครับ”

ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง

“โซ…”

ผมพยายามอย่างหนักในการลืมตาให้ขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือนาฬิกาที่ตั้งอยู่ข้างโคมไฟ ถึงภาพจะยังไม่ชัดนักแต่ผมมั่นใจว่าตัวเลขข้างหน้ามันคือเลขห้า

ตีห้า…ง่วงชะมัด เพิ่งนอนไปสามสี่ชั่วโมงเอง

ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง

“โซ!”ผมเพิ่มระดับเสียง ผุดลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองเจ้าของชื่อที่นั่งพิงหัวเตียงมองโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มที่กว้างเกินเหตุ สายตาเขายังคงไม่ละจากจอ เหมือนไม่ได้ยินที่ผมเรียกด้วยซ้ำ

“โซครับ”ผมขมวดคิ้ว ยื่นมือไปสะกิดขาอีกคน รู้สึกหงุดหงิดทั้งจากการโดนปลุกด้วยเสียงไม่พึงประสงค์และการที่เจ้าหมาสนใจโทรศัพท์มากกว่าผม

“กีตาร์?”โซโล่ยอมละสายตาจากจอแล้วหันมามองหน้าผม เจ้าหมาฮัสกี้ทำหน้าตาแปลกๆเหมือนเหวอๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแล้วเริ่มหัวเราะออกมา

ถ้าเป็นปกติผมคงดีใจที่เห็นเขาหัวเราะ….แต่ไม่ใช่ตอนนี้!

“หัวเราะอะไรครับ”ผมถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่รู้ตัวชัดเจนและไม่พยายามปกปิด

สิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดได้ดีที่สุดคือการโดนปลุกตอนง่วง!

ที่สำคัญคือเป็นวันหยุด!

และที่ยิ่งกว่านั้นคือตอนตีห้า!

“โซ!”ผมเรียกซ้ำ โซโล่เริ่มหยุดหัวเราะแล้วยกโทรศัพท์มากดถ่ายรูปโดยไม่พูดอะไร

“กีตาร์น่ารัก”เขาพูดยิ้มๆยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปผมขมวดคิ้ว ตาแดง แถมหัวยังยุ่งเหยิงมาให้ดู

“น่าเกลียด ลบเลยนะ”

“ไม่เอา…ของผม”โซโล่หน้าบึ้ง โยกตัวหลบผมที่พยายามเข้าไปแย่งโทรศัพท์มาลบรูปเอง

“โซ!”

“กีตาร์ลบผมกัดนะ”

อะไรนะ…

ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเหวอสุดๆ อารมณ์ง่วงๆจากการโดนปลุกเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง คนขู่ยิ้มพอใจก่อนจะจ้องหน้าจอด้วยแววตามีความสุขที่ทำเอาผมพูดไม่ออก

“โซเป็นหมาเหรอครับ”ผมแกล้งถาม ยกมือลูบหน้าลูบหน้าแล้วขยับเข้าไปนั่งพิงหัวเตียงข้างๆเจ้าหมา

อยู่ๆก็หายง่วง หายหงุดหงิดเฉยเลย

“ก็กีตาร์ชอบคิดแบบนั้น…”โซโล่ละสายตาจากจอโทรศัพท์แล้วหันมามองผม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าวูบหนึ่งแล้วหายไปเมื่อผมกระพริบตา “ถ้าเป็นหมาแล้วกัดกีตาร์ได้…ผมเป็นหมาก็ได้”

“โซ!”ผมตีแขนคนข้างๆเมื่อเห็นสายตาแปลกๆที่มองขึ้นมองลงราวกับจะแสกนตัวผม

“หึหึ”

ตึ๊ง

ผมถอนหายใจ รู้สึกเกลียดเสียงนี้ขึ้นมากะทันหัน พอหันไปมองคนข้างๆก็พบว่าเขากำลังจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว

ว่าแต่ดวงตาแพรวพราวกับมุมปากที่ยกเป็นรอยยิ้มนั่นหมายความว่ายังไง

“โซตื่นมาทำอะไรตั้งแต่ตีห้าครับ”

“ตอนแรกจะตื่นมาปิดเสียง…”โซโล่ตอบแล้วก้มลงกดโทรศัพท์ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าผม “พอเห็นคนแท็กมาเต็มไปหมดก็เลยเข้าไปดู”

ผมเลิกคิ้ว รับโทรศัพท์มาดูด้วยความไม่เข้าใจ แต่พอเห็นหน้าข้อความบนหน้าจอเท่านั้นล่ะ…

 

Gui Jirayu :

เป็นคนรักครับ : )

5.3kถูกใจ 1.1kความคิดเห็น

 

สเตตัสที่ผมอัพเดทไปก่อนนอน

ผมรู้สึกเหมือนหูอื้อตามัว ความร้อนแล่นผ่านไปทั่วใบหน้า ยิ่งยามสบตากับคนที่กำลังมองมายิ้มๆยิ่งรู้สึกอยากมุดผ้าห่มหนี

ให้ตายเถอะ…คนพวกนี้ไม่หลับไม่นอนกันหรือไง ขนาดโพสต์ดึกขนาดนั้นยังไลค์กันเร็วเหลือเกิน

หรือผมจะตัดสินใจผิด…ไม่ควรเปิดเป็นสาธารณะหรือเปล่านะ

“กีตาร์…”เสียงเรียกอ่อนโยนดังขึ้นพร้อมกับที่โดนรวบตัวเข้าไปกอดไว้แน่น

“ครับ”ผมยกมือกอดกลับ ซุกหน้าลงกับช่วงไหล่ของคนที่สูงกว่า

“ขอบคุณครับ”

ไม่สิ…

ถ้าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความสุขของเจ้าหมานี่…มันก็ถูกที่สุดแล้ว

“ผมนั่งมองจนนอนต่อไม่หลับ”โซโล่กระซิบ น้ำเสียงที่ดูมีความสุขนั่นทำให้ผมยิ้มตาม

“แค่ประโยคสั้นๆเองนะครับ”

“ถึงจะเป็นประโยคสั้นๆ…”เขาหัวเราะเบาๆ ผละตัวออกแล้วยกมือจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้ผม “…แต่ก็มีความหมายที่สุด”

ผมยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรต่อแต่นั่งให้หมาตัวโตสางผมให้เรื่อยๆ

มันเป็นความสุขที่เรียบง่ายเพียงแค่ได้อยู่ด้วยกัน…

“กีตาร์นอนต่อเถอะ ผมปิดเสียงแล้ว”โซโล่มองผมตาแป๋ว บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงไม่หลับอีกรอบแน่ๆ

แล้วแบบนี้จะให้หลับต่อได้ยังไงกัน

“ถ้าโซไม่หลับพี่ก็ไม่หลับแล้วครับ”

เจ้าหมาพยักหน้าหงึกหงัก ขยับตัวมานั่งหันหน้าเข้าหาผมแล้วดึงมือไปกุมไว้

“กีตาร์เป็นยังไงบ้าง”

ผมเลิกคิ้วแปลกใจ มองใบหน้าของคนถามงงๆ

“ก็สบาย…”ผมชะงักไป ความรู้สึกไม่ถูกต้องตีรวนเข้ามา และอยู่ๆคำพูดที่อีกคนเคยบอกก็ไหลเข้ามาในหัว

 

‘ผมแบ่งภาระของผมให้กีตาร์แบกแล้ว…แล้วกีตาร์แบ่งภาระของกีตาร์ให้ผมบ้างได้ไหม’

‘สัญญานะว่าจะบอก…’

 

“เหนื่อยครับ”ผมยิ้มจาง มองใบหน้านิ่งๆที่กำลังแสดงออกว่าเป็นห่วงผ่านการลูบมือแล้วก็รู้สึกว่าตัดสินใจถูกที่พูดออกมา “พี่เรียนหนักมากเพราะใกล้จะจบแล้ว ไหนจะเรื่องฝึกงาน เรื่องงานพิเศษอีก พี่รู้สึกเหมือนเวลาไม่พอ รู้สึกเหมือนในหัวคิดอะไรปนกันไปหมด มันลำบากมากเลยกับการต้องตัดสินใจอะไรสักอย่าง”

“ผมช่วยงานกีตาร์ได้”

“ช่วยยังไงครับ”ผมมองหน้าหมาที่ขมวดคิ้วครุ่นคิดด้วยความรู้สึกอุ่นในใจ

“ถ้าสอน…น่าจะทำได้”โซโล่มองมาด้วยแววตามุ่งมั่นแม้เสียงจะไม่มั่นใจเท่าไหร่

“ไม่ต้องหรอกครับ”ผมหัวเราะเมื่อเจ้าหมาทำหน้ามุ่ยอัตโนมัติเหมือนตั้งโปรแกรมไว้

ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องช่วยอะไร…

 

‘ผมเป็นคนรักของกีตาร์นะครับ’

 

“แค่อยู่ข้างๆพี่ก็พอแล้ว”

ผมยิ้ม มองหน้าของคนที่ยิ้มกลับมาให้อย่างมีความสุข รู้สึกเหมือนความหนักหนาจากภาระที่ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็นเบาลงอย่างน่าประหลาด

แม้จะยิ้มอยู่เสมอแต่ไม่เคยมีใครรู้ว่าผมเหนื่อยแค่ไหน ได้แต่เก็บไว้คนเดียว ไม่เคยมีใครเห็น ไม่เคยมีใครพยายามเข้าใจ หรืออาจเป็นผมเองที่ไม่เคยอยากให้ใครมาเข้าใจ วางกำแพงกั้นทุกคนออกห่าง ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็แค่รู้สึกว่าไม่จำเป็น

แล้วคนๆหนึ่งก็เดินเข้ามา…

หรือจะบอกว่าหมาตัวหนึ่งดี

ผมหัวเราะกับความคิดตัวเอง ส่วนคนโดนนินทาโดยไม่รู้ตัวก็มองมาอย่างงงๆ

จู่ๆความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัว

ผมบีบมือคนที่ยังนั่งนิ่งไม่เปลี่ยนแล้วยกยิ้มให้

“ไปเที่ยวกันไหมครับ”

 

 

ถึงจะบอกว่าไปเที่ยวก็เถอะ…

เอาจริงๆก็แค่ไปห้างแถวๆคอนโดนั่นล่ะ

“โซ”ผมหันไปสะกิดคนขับรถที่นั่งหน้าบูดหลังจากถึงที่หมายแล้ว

ตอนแรกก็ดูดีใจอยู่หรอก ผมบอกว่าให้นอนก่อนแล้วค่อยไปตอนสิบโมงก็ยอมนอนง่ายๆ แต่พอบอกว่าจะไปห้างเพื่อซื้อของใช้กับวัตถุดิบทำอาหารเท่านั้นล่ะ หน้าบูดแทบจะทันที

“ดูหนังกันไหมครับ”ผมยิ้มเมื่อคนที่นั่งหน้านิ่งหันมามองแล้วกระพริบตาปริบๆลืมมาดนิ่งไปชั่วครู่ ท่าทางน่ารักจนต้องเอื้อมมือไปลูบหัวเบาๆ

“ไม่ใช่แค่ซื้อของเหรอ”

“ก็พี่บอกว่ามาเที่ยวนี่ครับ ถึงจะบอกว่ามาซื้อของแต่มันก็น่าจะมีอะไรให้เราเที่ยวบ้างแหละ…พี่ไม่เคยได้มาเดินเที่ยวห้างเลยนะ”ผมบอกตามความจริง เพราะแม้แต่ห้างผมก็ไม่เคยได้มาเดินเที่ยวอย่างสบายใจสักครั้ง มีเวลาว่างได้นอนก็ดีมากแล้ว

“ครับ”เจ้าหมายิ้มออก ยอมเดินลงจากรถแต่โดยดี

เพราะทานข้าวกันไปแล้วก่อนจะออกมาทำให้ผมโดนลากไปหน้าโรงหนังอย่างกระตือรือร้นในทันทีที่เดินเข้ามาในตัวห้าง โซโล่ทำหน้านิ่งเหมือนเคยแต่ผมมองเห็นรอยยิ้มนิดๆจุดอยู่ที่มุมปากของเขาตลอดเวลา ซึ่งมันทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังมีความสุข

แค่นี้ก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว…

“กีตาร์อยากดูเรื่องอะไร”โซโล่หันมาถาม ตาจับจ้องไปที่โปรแกรมหนังที่กำลังเข้าฉายเหมือนกำลังประเมิน

“แล้วแต่โซเลยครับ พี่ดูได้ทุกแนว”ผมโยนหน้าที่ให้อีกคน โซโล่พยักหน้าเงียบๆแล้วพาเดินไปทางที่ซื้อตั๋ว

ผมแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปทั้งด้านข้างด้านหลังของเจ้าหมาไว้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่สิ่งนี้กลายเป็นนิสัยไปแล้ว แอบถ่ายทั้งเวลานอน เวลากิน ไม่ให้เขารู้ตัว

ผมชะงักเมื่อโซโล่หยุดเท้าแล้วหันมามอง รีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วส่งยิ้มให้เหมือนเคย เจ้าหมาไม่พูดอะไรแต่ดึงมือผมไปจับไว้แล้วออกเดินต่อ พอผมมองไปรอบๆแล้วเห็นคนมองมาก่อนจะหันไปซุบซิบกันผมก็เริ่มเข้าใจ

เจ้าหมาขี้หวง…ไม่รู้หรือไงว่าคนมองตัวเองมากกว่าผมเสียอีก ลุคแบบนั้นมันดึงดูดคนน้อยเสียเมื่อไหร่ ยิ่งเอาหมวกมาใส่ให้ผมก่อนลงจากรถยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าเจ้าของเป้าสายตานั่นไม่ใช่ผมแน่นอน

ผมถอดหมวกออก ส่งยิ้มให้หมาหน้าบึ้งแล้วเขย่ามือเบาๆให้รู้ว่าเรายังจับมือกันอยู่เลย เท่านั้นล่ะหน้าตึงๆเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มน้อยๆแทบจะทันที

“ถ้าอยากให้พี่ใส่หมวกทีหลังโซก็ใส่ด้วยสิครับ”

เพราะผมก็ไม่ชอบให้คนมองไปที่เขาเหมือนกัน

“หึ”โซโล่หัวเราะเบาๆ จับมือผมแน่นขึ้น

“สวัสดีค่ะ”

“เรื่อง…รอบสิบเอ็ดโมง”

ผมหันขวับไปมองคนซื้อตั๋วอย่างตกใจเมื่อได้ยินชื่อเรื่อง

นั่นมัน…

“สองที่นะคะ ที่นั่งตรงไหนดีคะ”

เดี๋ยว…

“บนสุดตรงกลาง”

“เป็นฮันนีมูนตรงนี้นะคะ”

ผมมองคนยื่นบัตรให้พนักงานด้วยความงุนงง รู้สึกเหมือนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ จะยื่นมือไปรั้งไว้ก็ไม่ทันเพราะทุกอย่างดูรวดเร็วเหลือเกิน

“โซ…”ผมกระซิบ รู้สึกว่าเสียงตัวเองสั่น

“ครับ”คนโดนเรียกรับตั๋วหนังแล้วหันมายิ้มให้ผม

“คือพี่…”

“มีความสุขมากๆนะคะ”

ผมหันไปยิ้มแห้งแล้งให้คนขายตั๋วที่มองมาที่มือพวกเราตาไม่กระพริบตั้งแต่ที่เดินเข้าไปซื้อ เพียงแต่ตอนนั้นผมไม่มีเวลาใส่ใจเพราะ…

“กีตาร์…”

“พี่กลัวผีครับ”

“…”โซโล่กระพริบตาปริบๆก่อนมุมปากจะยกเป็นรอยยิ้ม และสุดท้ายก็กลายเป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วมองอย่างเคืองๆ

ตอนอยู่บ้านเด็กกำพร้าพวกคุณครูกับแม่ใหญ่ชอบเอาเรื่องผีมาเล่าให้เด็กๆกลัวจะได้ไม่ดื้อ แน่นอนว่าผมเองก็เป็นหนึ่งในเด็กที่กลัวผีสุดๆ…จนถึงทุกวันนี้ก็ยังกลัวอยู่

“หยุดขำพี่เลย”ผมใช้มือข้างที่ว่างบีบแก้มคนที่ยืนหัวเราะไม่หยุดด้วยความไม่พอใจ

“ขอโทษ”โซโล่หยุดขำแต่รอยยิ้มยังคงอยู่ “ผมแค่ไม่คิดว่าคนอย่างกีตาร์จะกลัวอะไรด้วย…เมื่อเช้าตื่นมาโวยวายผมก็แปลกใจแล้วนะ แต่นี่…”

“แปลกเหรอครับ”

“ไม่”โซโล่ส่ายหน้า “ผมแค่ดีใจที่ได้รู้เรื่องของกีตาร์มากขึ้นเรื่อยๆ ได้รู้จักกีตาร์ในทุกๆด้าน”

ผมนิ่งค้างไปกับคำตอบนั้น

จริงอย่างที่เขาพูด…โซโล่เป็นคนเดียวที่ได้เห็นทุกด้านของผม

“เราไปซื้อเรื่องใหม่กันไหม”

“ไม่ต้องหรอกครับเปลืองเงิน พี่เป็นคนบอกโซเองว่าดูได้ทุกแนว ถ้าโซอยากดูพี่ก็จะดูด้วย คนเราต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองจริงไหม”

เรายิ้มให้กัน เดินไปซื้อข้าวโพดโดยที่ผมเป็นฝ่ายออกเงินบ้างเพราะไม่อยากใช้เงินของเจ้าหมานี่ทุกอย่าง กว่าจะตกลงกันได้ผมแทบจะยัดเงินใส่มือพนักงาน

แค่นี้เขาก็ออกเงินให้ผมเยอะมากจนผมรู้สึกไม่ดีแล้ว…

เราเดินถือของเข้าไปในโรงหนัง นั่งรอจนหนังเริ่มโดยที่ไม่ได้ปล่อยมือจากกันแม้แต่วินาทีเดียว

ผมรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานเป็นปีทั้งที่หนังยาวไม่ถึงชั่วโมงครึ่งด้วยซ้ำ แต่ฉากไหนที่ผมสะดุ้งเพราะตกใจมือที่จับไว้จะกระชับแน่นขึ้นจนผมรู้สึกอุ่นวาบ

มันเป็นความหวาดกลัวที่ปะปนไปกับความสุข เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าแม้จะอยู่กับสิ่งที่น่ากลัวแค่ไหนก็จะมีคนๆหนึ่งอยู่ข้างๆเสมอ

ผมออกจากโรงหนังด้วยความรู้สึกเหมือนคนป่วย รู้สึกได้ว่าตัวเองหน้าซีดแบบไม่ต้องมองกระจก ส่วนคนที่เลือกหนังเรื่องนี้หน้าตาปกติดีทุกอย่าง ตอนที่กำลังดูหนังเจ้าหมานี่ก็นั่งนิ่งสนิทเป็นหุ่นขี้ผึ้ง ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไรกับเขาสักนิด ถ้าไม่ได้จับมือกันไว้ผมคงไม่รู้ว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆ

การดูหนังผีครั้งแรก…และจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตผ่านไปด้วยดี

“สนุกไหมครับ”

“เฉยๆ”

โซเฉยๆแต่พี่จะตายครับ…

“ผมดูหนังที่ไทยเป็นครั้งแรกเลย”โซโล่บอก จูงมือผมเดินไปทางซุปเปอร์ “ได้ดูกับกีตาร์ด้วย”

“พี่ก็ดูหนังเป็นครั้งแรกเหมือนกันครับ”ผมยิ้มเมื่ออีกคนหันมามองเหมือนแปลกใจ “ครั้งแรกจริงๆครับ พี่ไม่เคยมาดูหนังเลย มันเปลืองน่ะ”

นอกจากนั้นเวลาก็ไม่มีด้วย จะให้มาดูคงยาก

“ผมจะพามาอีก”

“ไม่เอาหนังผีแล้วนะครับ”ผมแกล้งทำหน้าบูด โซโล่หัวเราะเบาๆแล้วพยักหน้ารับ

ผมเดินเลือกของในขณะที่มีหมาตัวโตเข็นรถตาม หลักๆแล้วก็เป็นผักผลไม้ กับพวกเครื่องปรุงอาหารที่ใกล้หมด ส่วนเวลาไหนที่โซโล่เดินนำผมก็มักหยิบโทรศัพท์มาแอบถ่ายรูปเขาไว้เหมือนเดิม

“อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”ผมหยิบนมที่อีกคนยังดื่มทุกคืนใส่ตะกร้าแล้วหันไปถาม เพราะไม่ว่าจะทำอะไรโซโล่ก็มักกินจนหมด ผมเลยไม่แน่ใจว่าสรุปเขาชอบอะไรกันแน่

“อะไรก็ได้ที่กีตาร์ทำ”

“เอาที่โซชอบบ้างสิครับ ชอบทานอะไร”

“จริงๆก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ…”โซโล่ทำหน้าครุ่นคิด

“โซ…”ผมยื่นมือไปสะกิดคนที่อยู่ๆก็เหม่อไป หน้าตาของเขาดูหมองแปลกๆจนผมอดห่วงไม่ได้

“อยากกินแกงเขียวหวาน…”โซโล่ยิ้มให้ผม แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงดูเศร้านัก “ตอนอยู่อังกฤษแม่เคยทำให้กิน”

“ตอนเย็นพี่จะทำให้ทานนะครับ”ผมดึงมือคนที่ยังไม่หยุดยิ้มเศร้ามากุมไว้ “ทานด้วยกัน”

ผมไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรแต่รู้ดีว่าโซโล่รักคุณแม่มากแค่ไหน…และผมก็รู้สึกดีที่เขาเลือกที่จะพูดเรื่องคุณแม่ให้ผมฟังถึงแม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม

“ไปซื้อวัตถุดิบกันครับ”ผมพยายามทำเสียงสดใส เดินเข้าไปช่วยเข็นรถให้โซโล่เดินตามแทน เห็นหน้าเขากลับมาเป็นปกติแล้วก็รู้สึกดีตามไปด้วย

พอพูดเรื่องครอบครัวเขาผมก็นึกถึงอีกเรื่องที่ผมสงสัยมาสักพักแล้ว ตั้งแต่วันที่ผมคบกับโซโล่ผมยังไม่เห็นเขารับโทรศัพท์อีกเลย ซึ่งมันก็ดีแล้วที่เขาไม่ต้องมาหงุดหงิดกับคนที่โทรมาจากฝั่งนั้น

แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกกังวลแปลกๆ

ผมปัดเรื่องในหัวทิ้ง คิดเสียว่ากังวลไปก็เท่านั้น

ใช้เวลาไม่นานก็ได้ของครบทุกอย่าง ผมมองเจ้าหมาหยิบขนมลงรถเข็นเต็มไปหมดแล้วก็อดส่ายหัวไม่ได้

ซื้อขนาดนี้ไม่รู้จะกินกี่ปี

ผมยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน ส่วนเจ้าของบัตรที่แย่งกระเป๋าตังค์ผมไปเก็บไว้แล้วยื่นของตัวเองมาให้ก็ยืนกดโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ

“โซทำอะไรครับ”ผมหันไปถามเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมเงยหน้าจากโทรศัพท์สักที แถมรอยยิ้มที่จุดอยู่ที่มุมปากนั่นก็แลดูไม่น่าไว้ใจ…ปกติเล่นโทรศัพท์แล้วเจ้าหมานี่เคยยิ้มที่ไหนกัน

“ผมเข็นให้”โซโล่ว่า หลังจากยัดโทรศัพท์ตัวเองใส่มือผมแล้วก็เข็นรถนำไปด้านหน้าปล่อยให้ผมมองตามหลังงงๆ

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอที่เปิดทิ้งไว้ พอเห็นข้อความบนนั้นก็รู้สึกเหมือนทั้งร่างกลายเป็นหินไปชั่วขณะ รับรู้ถึงความร้อนที่แล่นผ่านไปทั่วใบหน้า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้าง

 

Solo Siwalokin :
Mine
*แนบภาพถ่ายข้างหลังกีล์


-------------------------------------------

 

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-01-2017 20:57:47
เจ้าหมาแอบร้ายนะเนี่ย. น่ารักจริงขู่จะกัดด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-01-2017 21:25:01
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 21-01-2017 21:29:48
เจ้าหมารเายกาจจจจจ
 :katai5: :katai5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: เล็กต้มยำ ที่ 21-01-2017 21:32:28
น่ารัก  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-01-2017 21:39:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 21-01-2017 22:29:22
เหมือนจะหวาน...แต่กังวนใจเรื่องคุณพ่อแปลกๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 21-01-2017 22:41:55
Mine~~~ วรั้ย น่ารัก มีความจับจองคนนี้ของช้านนนนน
หวานมากคู่นี้ น่ารักตลอดเวลา
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-01-2017 23:05:01
 :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 21-01-2017 23:08:29
มีความเปิดใจ มีความแบ่งเบาภาระ มีความห่วงใย
คือดีงามมมมมมมมม.  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-01-2017 23:11:06
หวานกันตลอดอิจฉาจริง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-01-2017 00:02:59
น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-01-2017 01:01:23
น่ารักกกกก  :m3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 22-01-2017 06:21:18
อ่านไปก็ระกวงไปว่าพ่อโซจะโผล่ออกมาตอนไหน555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-01-2017 06:31:00
อ่านเรื่องนี้ทีไรเบาหวานขึ้นตาทุกที พอความหวานขึ้นตาก็เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีให้ตาไฟลุกไหม้ อิจฉาไปอีกกกก :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 22-01-2017 06:33:56
น่ารัก  งื้ออออ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 22-01-2017 07:02:12
ทำให้อมยิ้มได้ตลอดเลย เรื่องนี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-01-2017 13:08:16
 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 22-01-2017 14:00:15
หวานนมากก :-[
แอบกลัวดราม่าคุณพ่อของโซ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 23-01-2017 06:42:09
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER20 P.15 [21/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 24-01-2017 20:52:24
-21-

 

“เก้า…มึงนั่งตรงนี้ไม่ได้นะ”

“ไมอะพี่ไวน์”

“ไม่มีพื้นที่ให้คนโสดว่ะน้อง สีชมพูฟรุ้งฟริ้งเต็มไปหมด กูเห็นแล้วตับไตสั่นไหว”

“คนมันมีความรักก็งี้อะพี่”

“กูย้ายที่ให้ไหม”ผมพูดตัดบท แตะแขนคนที่ฟุบตัวอยู่กับโต๊ะให้เงยหน้าขึ้นมามองแล้วทำท่าจะลุกจริงๆ…ถ้าไอ้ไวน์ไม่ดึงแขนเสื้อไว้ก่อนนะ

“กูแซวเล่น นี่เช้าคนเลยไม่มี มีคนเมื่อไหร่มึงโดนเยอะกว่านี้แน่นอนครับเพื่อน”ไอ้ไวน์ว่าแล้วหันไปซุบซิบกับเก้าต่อ เห็นท่าทางพวกมันเข้ากันได้ดีแทนที่จะดีใจผมกลับรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ

ความวุ่นวายบังเกิดแน่ๆ…ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้ามีไอ้โนว์อีกคนจะเป็นยังไง

จริงๆวันนี้การที่พวกเรามาเช้าผิดปกติเป็นเรื่องบังเอิญสุดๆ ปกติผมตื่นเช้าอยู่แล้วเพราะต้องเผื่อเวลาปลุกหมาขี้เซาตื่นยากแล้วก็ต้องเตรียมอาหาร แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมเจ้าหมาถึงได้ตื่นไวนัก เรียกทีเดียวลุกไม่ต้องเปลืองแรงเหมือนวันก่อนๆ

“แล้วทำไมมากันเช้า”ผมหันไปถามเบียร์ที่นั่งว่างอยู่คนเดียว ปล่อยให้คู่หูคู่ใหม่นั่งคุยกันไป

เรามานั่งรวมกันที่โรงอาหารกลางตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว ซึ่งเหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเรียน ตอนที่มาถึงโซโล่ก็ได้รับการติดต่อจากเก้าว่าอยู่ที่นี่ พวกไวน์กับเบียร์ที่มาพร้อมกันเลยตามมาด้วย

“พวกกูแวะเอาเสื้อผ้าไปให้แม่ที่โรง’บาลแต่เช้าเลยมาไว”

“แล้วคุณพ่อเป็นไงบ้าง”ผมถามด้วยความเป็นห่วง พ่อพวกมันเข้าโรง’บาลมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่ได้ออกเสียที เพราะรู้สึกเหมือนพวกมันไม่อยากพูดถึงผมเลยไม่เคยถาม รู้แค่คร่าวๆเท่านั้น

“ดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนเดี๋ยวคงได้ออกจากโรง’บาลเร็วๆนี้”

“ฝากความเป็นห่วงไปด้วยนะ”

“ขอบใจมาก”

ผมพยักหน้าไม่ได้พูดอะไรต่อ หันไปให้ความสนใจกับหมาตัวโตที่ดึงมือผมไปซุกแก้มแล้วฟุบพับไปกับโต๊ะอีกครั้งแทน

“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าได้ล่ะครับ พอมาถึงก็ยังง่วงเหมือนเดิมนี่นา”ผมใช้มือข้างที่ว่างเท้าคางมองคนนอนยิ้มๆ พอได้ยินผมถามคนที่คว่ำหน้าเมื่อครู่ก็ตะแคงหน้ามาหาแทนโดยใช้มือผมเป็นที่รองแก้มตัวเอง

“ได้กลิ่นอาหาร”โซโล่ตอบทั้งตาปรือ

“เมื่อวานก็ทานตั้งเยอะ ยังจะหิวเร็วอีกนะ”ผมยิ้มขำ เมื่อวานเจ้าหมานี่เล่นแกงเขียวหวานเสียหมดหม้อ ผมเลยไม่คิดว่าจะตื่นเพราะกลิ่นอาหาร ปกติช่วงเช้าผมจะทำอาหารย่อยง่ายๆไม่ค่อยมีกลิ่น สงสัยเมื่อเช้าจะเล่นหนักไปหน่อยจนทำให้อีกคนตื่น

“หอม”พูดไว้แค่นั้นคนตาปรือก็ปิดเปลือกตาลงทันที ปล่อยให้ผมเท้าคางมองแถมยังไม่ยอมคืนมือที่ยึดไปเป็นหมอนอีกต่างหาก

“เบื่อพวกสองมาตรฐานอะพี่”เก้าเหลือบตามองคนที่นอนอยู่ข้างๆผมเหยียดๆแต่ริมฝีปากกลับปรากฏรอยยิ้มล้อเลียน

“เพื่อนกับแฟนมันไม่เหมือนกันไอ้น้อง”ไวน์ว่าแล้วตบบ่าเก้าเบาๆ ทำหน้าเข้าอกเข้าใจกันจนน่าหมั่นไส้

“คนเริ่มเยอะละ”เบียร์เงยหน้าจากโทรศัพท์มองไปรอบๆก่อนจะหันมาหาพวกผม “ถ้ามึงไม่อยากโดนมองหนักๆก็แยกย้ายเลยก็ได้”

“ว่างั้น”ผมละสายตาจากเพื่อนมาสะกิดคนที่กำลังหลับแทน หมาขี้เซาขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ยอมลืมตาขึ้นมานั่งดีๆ

“ง่วง”โซโล่ทำท่าจะขยี้ตา แต่พอมองหน้าผมก็ลดมือลงแล้วเปลี่ยนเป็นกระพริบตาถี่ๆแทน

น่ารักจริงๆ

“คนเริ่มเยอะแล้วครับ โซไปนอนต่อบนห้องดีกว่านะ”ผมบอกแล้วลุกขึ้น ช่วยฉุดแขนอีกฝ่ายให้ยืน โซโล่เดินตามให้ผมจูงอยู่อย่างนั้น ท่าทางเหมือนจะฟุบหลับได้ทุกเมื่อถ้าผมปล่อยมือ

ผมไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นคนหันมามองแล้วซุบซิบกัน ทำเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น การที่ทั้งโซโล่และผมเป็นที่รู้จักแน่นอนว่าย่อมทำให้เป็นที่สนใจ ผมรู้อยู่แล้วแต่ก็เลือกที่จะเปิดเผยเอง เพราะงั้นก็ต้องรับผลของการกระทำนั้น ไม่ว่าคนรอบข้างจะมองในแง่ดีหรือไม่ดีก็ตาม

“กูก็ว่าแล้วว่าต้องแดกกันเอง”

“มึงพูดเบาๆดิวะ”

“เป็นไรไปวะ ถ้าแม่งไม่ได้ได้กันแล้วจะตามไปเฝ้ากันขนาดนั้นเหรอไง”

“เรื่องมันก็ผ่านไปตั้งนานแล้วนะมึง”

ผมหันไปมองต้นเสียงที่พูดเหมือนจงใจจะให้ได้ยิน เดาไม่ผิดเท่าไหร่เพราะเป็นเด็กคนเดียวกับที่เคยต่อปากต่อคำกับผมตอนที่ไปดูโซโล่ถ่ายงานมหา’ลัย

ประโยคพวกนั้นไม่ได้ทำให้ผมโมโหหรือไม่พอใจอะไร ผมไม่ได้คิดจะหันไปพูดอะไรกับเขาด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนคนรอบข้างผมจะไม่ได้คิดแบบนั้น…

“มึงมีปัญหาไรกับเพื่อนกูปะ”ไวน์ที่เดินนำหน้าหันไปหาคนพูด ผมรั้งแขนมันไว้เมื่อมันทำท่าจะพุ่งเข้าไป

“ก็แค่พูดความจริง”ผู้ชายคนนั้นยักไหล่ มองผมเหยียดๆ “หรือมีอะไรจะปฏิเสธล่ะ พวกโรคจะ…”

“เหี้ยโผล่มาอีกตัวละ”เสียงพูดเนือยๆดังขึ้นข้างๆโซโล่ ทุกสายตาหันไปมองคนพูดแทรกรวมถึงผมด้วย เก้าที่ยืนอยู่ข้างโซโล่กรอกตา ท่าทางเบื่อหน่าย

“มึงว่าใคร!”

“ก็ถ้ามึงเหี้ยกูก็ว่ามึงอะ”

ผมยืนหัวเราะเงียบๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครได้เปรียบ คนหนึ่งหัวร้อน ส่วนอีกคนพูดด้วยเสียงเนือยๆแต่เจ็บถึงกระดูก คนอารมณ์ร้อนกว่าต้องเสียท่าก่อนอยู่แล้ว

“แล้วมึงเสือกอะไรวะ!”

“จริงๆกูช่วยมึงอยู่นะ”เก้าพูดเสียงเรียบ หันมามองผมแล้วยิ้มให้นิดๆเหมือนจะบอกอะไร และนั่นทำให้ผมรู้ตัว…

เมื่อครู่ตอนที่ผมรั้งไอ้ไวน์ไว้ผมเผลอปล่อยมือโซโล่…และตลอดเวลาเก้าช่วยดึงแขนเจ้าหมาไว้แทนมาตลอด

“โชคดีนะ”สิ้นคำมือนั้นก็ปล่อยแขนของคนหน้านิ่งที่ดูนิ่งผิดปกติ

ผมถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้เข้าไปห้ามเมื่อโซโล่เดินเข้าไปหาคนๆนั้นแล้วกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเข้าหาตัว เพราะเขาเป็นคนตัวสูงเลยดูเหมือนเด็กนั่นแทบจะลอยจากพื้นมาตามแรงกระชาก

ไม่ใช่ว่าโดนพูดแบบนั้นแล้วผมไม่รู้สึกอะไร ผมก็แค่ไม่อยากยุ่งยาก แต่ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วพูดมากอยู่อย่างนี้จะไม่ให้ทำอะไรเลยก็ดูจะโลกสวยไปหน่อย…คงต้องได้รับบทเรียนอะไรบ้าง

“อย่าทำร้ายร่างกายนะมึง เดี๋ยวเรื่องเยอะ”เก้าพูดลอยๆเหมือนพูดเรื่องทั่วไป ริมฝีปากก็ยกยิ้มก่อนจะหัวเราะหึหึ

ผมยิ้มบางเมื่อเห็นเจ้าหมายอมเอามือลงตามที่เพื่อนบอก

เป็นคู่เพื่อนซี้ที่เข้ากันดีเหลือเกิน…

จะว่าไปเรื่องบอกให้มาเปิดกระเป๋าตังค์ผมนี่ยังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าเด็กแสบนี่เลย…

“อะ…อะไรวะ”คนที่สั่นไปทั้งตัวพยายามเรียกสติตัวเองกลับมาโดยการจัดคอเสื้อตัวเองให้เรียบร้อย

โซโล่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากจ้องหน้าอีกคนด้วยดวงตาคมที่นิ่งสนิทผิดปกติจนดูน่ากลัว ไม่เหลือวี่แววของหมาขี้อ้อนตอนอยู่กับผมเลย

“มีอีกที มึงเจอดี”

สั้น ง่าย ได้ใจความ

ผมยิ้มนิดๆ ดึงคนที่ดูโมโหแม้หน้าจะนิ่งออกมา ไม่ได้หันไปสนใจสถานการณ์ที่ทิ้งไว้ด้านหลังอีก พวกเพื่อนผมเองก็ไม่ได้คิดจะพูดถึง คงคิดตรงกันว่าพูดไปก็ทำให้เสียอารมณ์กันเปล่าๆ เราเดินกันมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่หน้าตึกดุริยางค์

“โซ ทีหลังอย่าใจร้อนนะครับ”ผมเตือนแล้วลูบหลังมือเขาเบาๆ

ถ้าตรงนั้นไม่มีพวกผมอยู่ ไม่มีเก้าหรือผมคอยเตือน ผมว่ามันคงไม่จบที่โซโล่พูดทิ้งไว้แค่นั้น

“มันว่ากีตาร์…สองทีแล้ว”

“ครับ…พี่รู้”ผมแกว่งมือคนที่ดูอารมณ์เย็นขึ้นแล้วพูดต่อ “แต่โซมีตำแหน่ง เป็นหน้าเป็นตาของมหา’ลัย มีหน้าที่ที่ยังต้องทำอยู่ ถ้าไม่มีคนคอยห้ามก็ต้องควบคุมตัวเองรู้ไหม”

“แต่…”

“พี่ไม่ได้บอกให้ยอมคนครับ แค่บอกให้ระวังตัวเองอย่าให้กระทบถึงสิ่งอื่นๆ พยายามอย่าใช้กำลัง…ถ้าเขาไม่ได้เริ่มก่อน เข้าใจที่พี่จะสื่อหรือเปล่า”

“ครับ”โซโล่ยิ้มแล้วบีบมือผมเบาๆ

“ฝากโซด้วยนะครับเก้า”ผมหันไปบอกเก้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งดูจะเป็นอีกคนที่น่าจะเตือนโซโล่ได้ แต่… “เอาแค่เรื่องที่จำเป็นนะครับ ให้มาเปิดกระเป๋าตังค์พี่อะไรแบบนั้นไม่เอาแล้วนะ”

“เปิดกระเป๋าตังค์อะไรเหรอ”เด็กแสบทำตาโต ท่าทางไม่รู้เรื่องจนน่าเตะ “เออใช่….ผมนึกได้ว่าลืมส่งงาน ไปก่อนนะพี่ ดีครับ”

ผมส่ายหัวหน่ายๆเมื่อเห็นท่าทางของคนที่เนียนวิ่งเข้าตึกไปแล้ว ขนาดเบียร์กับไวน์ที่ยืนอยู่ข้างๆยังขำเลย

เก้าทำให้ผมนึกถึงน้องๆที่อยู่ด้วยกันตอนเด็กๆ แต่ละคนแสบๆกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าโตขึ้นมาแล้วตอนนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง ถ้าเป็นแบบเด็กนี่คนรอบข้างคงปวดหัวน่าดู

โซโล่หันมายิ้มบางๆแล้วยกมือแตะแก้มผมเป็นเชิงลา พอผมพยักหน้าแล้วยิ้มกลับเขาก็เดินตามเพื่อนเข้าไปในตึกเงียบๆ

ผมยกมือแตะแก้มตัวเอง รู้สึกเหมือนสัมผัสอบอุ่นที่อีกคนทิ้งไว้ยังติดอยู่ และท่าทางคงจะไม่หายไปง่ายๆด้วย ไม่รู้ว่าการแตะแก้มแบบนี้กลายเป็นเหมือนการลากันตั้งแต่เมื่อไหร่…แต่ผมก็รู้สึกดีทุกครั้งที่เขาทำอยู่ดี

“ยิ้มหวานเชียวเพื่อนกู หมั่นว่ะ”

 

 

 “วันนี้มึงไม่ได้ทำงานใช่ปะ”

“ไม่ได้ทำ”ผมหันไปตอบไอ้โนว์ที่บิดขี้เกียจอยู่ข้างๆก่อนจะหันไปมองนาฬิกามุมห้อง

เลยเวลาเลิกมาเกือบชั่วโมงแล้ว....

“พวกกูจะไปกินชาบูอะ ไปด้วยกันปะ”

“ไปกันหมดเลยเหรอ”

“อือ หมดเลย ซันก็ไปด้วย”

จะว่าไปผมก็ไม่เคยได้ไปกินข้าวกับเพื่อนสักที ได้มีเวลาพักกับเขาบ้างก็ปีนี้ นานๆจะใช้เงินทีก็ไม่น่าเป็นอะไร แต่ว่า…

“กูถามโซก่อนแล้วกัน”ไม่รู้ว่าเจ้าหมาจะอยากไปหรือเปล่า

“กูลืมไปว่าเพื่อนต้องขออนุญาตสามี”โนว์ว่าแล้วหันมาส่งสายตาล้อเลียนให้ผม ซึ่งนอกจากยักไหล่กลับผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบอะไรกลับไปดี

สุดท้ายเราก็เดินออกมาพร้อมกัน ผมเดินเข้าไปหาโซโล่ที่นอนอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะผมเหมือนทุกวันที่ต้องมารอ ข้างๆมีเก้านั่งใส่หูฟังหลับตาโยกหัวอยู่

“เก้า ยังไม่กลับเหรอเรา”ผมทักเก้าแล้วนั่งลงข้างๆคนที่ฟุบหัวอยู่กับโต๊ะ

“พวกผมก็เลิกเมื่อกี้เองพี่ นี่เดินผ่านผมเลยมานั่งพักก่อนกลับ”เก้าแกะหูฟังออกแล้วหันมาตอบผมด้วยใบหน้าที่ดูเหนื่อยๆ

“เก้า ไปแดกชาบูด้วยกันดิ”ไวน์หันไปชวนน้อง

“ไม่ไหวว่ะพี่ วันนี้พวกผมเจอศึกหนักแทบไม่ได้พักเลยทั้งวัน ตีกลองกันเกือบแปดชั่วโมง โคตรเหนื่อย”

ผมสะกิดคนที่นอนอยู่ด้วยความเป็นห่วง โซโล่ขมวดคิ้วท่าทางหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นหน้าผมก็เปลี่ยนเป็นหน้าอ้อนๆแล้วเข้ามาพิงไหล่แทน

“กีตาร์…เหนื่อย”

“พวกมึง…”ผมหันไปหาพวกไอ้โนว์ที่มองมาก่อนแล้ว

“เออๆ พวกกูเข้าใจ ยังไงเดี๋ยวมึงก็ไม่ได้ทำงานแล้วนี่ เอาไว้คราวหน้าก็ได้”

“โอเค…”

“เดี๋ยวพวกกูไปส่งไอ้เก้าให้เอง มึงพาเด็กมึงไปพักเหอะ”

ผมพยักหน้าขอบคุณพวกมันแล้วหันไปลาเก้าที่โบกมือหยอยๆกลับมาให้ กว่าจะพาร่างหมาตัวโตที่เกาะแขนผมไว้แน่นมาถึงรถได้เล่นเอาหมดแรงไปเกือบครึ่ง ไหนจะสายตากับเสียงกรีดร้องของพวกนักศึกษาที่มองมาอีก

สงสัยวันนี้คงได้มีรูปลงเพจอีกแน่ๆ

“ขับไหวนะครับ”

“ไหว…”โซโล่หันมามองหน้าผม ใบหน้าไม่ได้ดูแย่เท่าที่คิด “ตอนนั้นแค่อ้อนเฉยๆ อยากกินข้าวฝีมือกีตาร์มากกว่า”

“เรานี่นะ”ผมหัวเราะ ยกมือขยี้หัวคนที่ยอมรับออกมาง่ายๆไปหนึ่งที

“แล้วก็…”โซโล่ดึงมือผมลงมาจากหัวตัวเองแล้วยกยิ้ม “อยากกลับไปกอดกีตาร์ไวๆ”

ผมรู้สึกว่าตัวเองยิ้มกว้างจนเหมือนคนบ้า พูดอะไรไม่ออกแต่ก็หุบยิ้มไม่ได้เสียที สุดท้ายก็ได้แต่มองตาอีกคนเงียบๆเพื่อสื่อให้รู้ว่าความรู้สึกของเราไม่ได้ต่างกันเลย

อยากกอดเหมือนกัน…

 

 

รถของโซโล่จอดที่ที่ประจำเหมือนทุกวัน เป็นที่จอดรถที่ดูแตกแยกจากคนอื่นและมีรถหรูจอดเรียงกันอยู่สี่ห้าคัน ผมก็ไม่เคยถามเหมือนกันว่าทำไมต้องจอดตรงนี้ แต่คิดว่าน่าจะเพราะฐานะของเขา

“คุณชายคะ!”ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดพนักงานของที่นี่วิ่งเข้ามาหาในทันทีที่พวกผมก้าวเข้ามาด้านใน

คุณชายเหรอ…ดูเหมือนคนที่ชื่อเจย์ก็เรียกโซโล่แบบนี้เหมือนกัน หรือว่า…

“ช่วยมาทางนี้หน่อยนะคะ คุณท่านติดต่อเข้ามา ดูเหมือนจะมีปัญหานิดหน่อย”เธอดูลนลานแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาทักทายผมอย่างมีมารยาท

ผมแตะแขนคนข้างๆเบาๆเมื่อเห็นเขาขมวดคิ้วมุ่น

ดูท่าทางที่คิดไว้คงไม่ผิด

คอนโดนี้เป็นของเจ้าหมานี่…มิน่าตอนที่ผมพาโซโล่ที่ไม่สบายมาครั้งแรกพวกพนักงานถึงดูตกใจกันขนาดนั้น

“กีตาร์…”

“ไปเถอะครับ”

“กีตาร์ขึ้นไปรอผมบนห้องก่อนก็ได้”

“เดี๋ยวพี่นั่งรอที่นี่ก็ได้ครับ…แล้วเราขึ้นไปพร้อมกันนะ”ผมยิ้มบาง ไม่ลืมที่จะบีบมืออีกคนเบาๆเป็นเชิงเตือนให้เขาใจเย็นๆ โซโล่พยักหน้าแล้วบีบมือผมกลับก่อนจะเดินตามพนักงานไป

ผมนั่งลงที่โซฟาติดประตูทางเข้า เห็นโซโล่เดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วคุยกับคนที่น่าจะเป็นผู้จัดการด้วยความเคร่งเครียด ท่าทางผู้จัดการคนนั้นดูกังวลไม่น้อย ผมก็ได้แต่หวังว่าเจ้าหมานั่นจะใจเย็นอย่างที่เตือนไป

ผมละสายตาออกแล้วมองไปนอกกระจกใส เป็นเวลาเดียวกับที่ผู้ชายคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถหรูสีดำสนิทพอดี ผมสบตากับเจ้าของดวงตาสีฟ้านั่นอย่างจัง เขาเป็นชาวต่างชาติหน้าตาดี น่าจะแก่กว่าผมสามสี่ปี ใส่ชุดสูทสีดำ ผมสีทองละต้นคอเซตเป็นระเบียบจนเหมือนพวกผู้ดีที่จะไปออกงาน

ชายคนนั้นมองหน้าผมนิ่งก่อนจะคลี่ยิ้มส่งมาให้ ผมยิ้มกลับตามมารยาทแล้วละสายตากลับมาด้านใน เจ้าหมากำลังหันมามองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง ไม่ยอมหันกลับไปเสียทีจนผมต้องส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้อีกคนถึงยอมหันกลับไปคุยงานต่อ

“สวัสดีครับ”

ผมหันไปตามเสียงทัก พบว่าเป็นชายต่างชาติที่ผมสบตาไปเมื่อครู่

“ครับ”

“ขอผมนั่งด้วยคนได้ไหม”

เป็นคนต่างชาติที่พูดไทยชัดมาก…

ผมเลิกคิ้ว มองตาเจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความสงสัย แต่มองเท่าไหร่ก็ไม่พบวี่แววของอะไรนอกไปจากความเป็นมิตร

ถ้าไม่ใช่เขามาแบบเป็นมิตรและไม่คิดอะไรจริงๆ…ก็แสดงว่าเขาเก็บมันไว้มิดจนผมมองไม่ออก

 “ถ้าคุณไม่ได้ต้องการอะไรจากผมก็เชิญครับ”ผมยิ้ม เลือกที่จะพูดออกไปตามตรง ชายตรงหน้าทำหน้าตาประหลาดใจหน่อยๆก่อนจะหัวเราะออกมา

“งั้นผมคงนั่งได้เพราะไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณจริงๆ…ขอบคุณครับ”

“ครับ”

“ผมย้ายมาที่นี่วันนี้เอง…”ชายผมทองพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ เขาถอดเสื้อนอกออกแล้วพาดไว้ข้างตัว “ขึ้นเครื่องมาจากอังกฤษโดยตรงเลยครับ”

“อ่า…ครับ”ผมตอบรับ ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้นแต่เลือกที่จะมองไปทางคนที่ยืนคุยอยู่ที่เคาน์เตอร์แทน

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ…คงคุยเรื่องการบริหารจัดการ”

ผมหันมามองคนพูดด้วยความประหลาดใจ เขาส่งยิ้มมาให้แล้วก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ

“เป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของกิจการใหญ่โตก็แบบนี้แหละครับ ภาระมากตามไปด้วย”

“ดูคุณรู้เรื่องดีนะครับ”

“ครับ ผมเข้าใจดีเพราะวนเวียนอยู่ในโลกแบบนี้มานาน”

“เข้าใจส่วนไหนล่ะครับ…เข้าใจบทบาทของลูกชายเจ้าของกิจการใหญ่โตหรือเข้าใจความรู้สึกของผู้ชายที่ชื่อโซโล่”ผมยิ้มเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเงียบไป “บางทีเขาคงไม่ได้อยากให้ใครเข้าใจบทบาทหน้าที่ของเขานักหรอกครับ…คุณว่าแบบนั้นไหม”

“นั่นสินะ”เขากลับมายิ้มอีกครั้ง ทอดสายตามองไปที่แผ่นหลังของคนในประโยคสนทนา “แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นหรอกครับ”

“…”

“เพราะตอนนี้…”เขาหันมาหาผม ส่งยิ้มที่ดูจริงใจและขอบคุณมาให้ “เขามีคุณแล้ว”

“คุณ…”

“คนเราเกิดมามีบทบาทและหน้าที่ของตัวเอง เป็นสิ่งที่ยังไงก็ต้องทำต่อให้หนีไปไกลแค่ไหนก็ตาม เหมือนที่เขาเกิดมารับบทบาทเป็นทายาทคนเดียวของนักธุรกิจพันล้าน หรือเหมือนที่ผมรับบทบาทเป็นคนใจร้ายที่โดนเกลียด มันอยู่ที่เราจะเลือกทางไหน…”

“…”

“ระหว่างการจำใจทำทั้งที่ไม่ชอบ…หรือพยายามเติมบางสิ่งลงไปเพื่อมีความสุขกับมัน”

“ทำไมคุณไม่พูดกับเขา”ผมจ้องหน้าคนตรงหน้านิ่ง พยามยามค้นหาความจริงในดวงตาคู่นั้นแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า สิ่งที่ชัดเจนมีเพียงความจริงใจที่ส่งออกมา

“เรื่องบางเรื่องไม่ใช่ใครก็พูดได้หรอกครับ…กับคนบางคนต่อให้คำพูดเหมือนกันแค่ไหน แต่ผลที่ได้มันแตกต่างกันมากจริงๆ”

“คุณพอใจที่มันเป็นแบบนี้เหรอครับ”เป็นครั้งแรกที่ผมมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ

“ผมมีหน้าที่ของผมครับ…และทางที่ผมเลือกคือการจำใจทำทั้งที่ไม่ชอบ”เขายิ้มเศร้า มองผมด้วยสายตาขอร้อง “เด็กคนนั้นเป็นเหมือนน้องชายคนสำคัญของผม จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมอยากให้คุณช่วยอยู่ข้างๆเขา”

“ต่อให้คุณขัดขวางเหรอครับ”

“ครับ…”ดวงตาสีฟ้าดูอ่อนล้าจนผมรู้สึกถึงความหนักใจของเขา “ไม่ว่าจะผม…หรือใครก็ตาม”

“ผม…”

“กีตาร์!”

ผมหันไปหาเจ้าของเสียง โซโล่วิ่งเข้ามาหา เหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมเลยสักนิด

“คุยธุระเสร็จแล้วเหรอครับ”

“ครับ”เขายิ้มอ่อนโยน เอื้อมมือมาจับแขนผมไว้ “กลับห้องกันนะ”

“โซ…นั่น”ผมรั้งแขนไว้ มองไปทางคนที่คุยค้างไว้ โซโล่เลิกคิ้วเหมือนไม่เข้าใจแต่ก็หันไปตามสายตาผม และเมื่อพวกเขาสบตากัน สายตาของคนที่ยืนอยู่ข้างๆผมก็เปลี่ยนไป

“สวัสดีครับคุณชาย”

นั่นเป็นครั้งแรก...ที่ผมเห็นโซโล่มองใครสักคนด้วยสายตาแบบนี้

ไม่ใช่สายตาโกรธเคืองหรือโมโห ไม่ใช่สายตานิ่งหรือดุร้าย

แต่เป็นสายตาเย็นชาเหมือนกำลังมองสิ่งที่ไร้ตัวตน

“เจย์”

----------------------------------



 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์

Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 24-01-2017 21:17:08
เตย์ไม่สงสารโซโล่เลยหรอออ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 24-01-2017 21:47:04
ม่ายเอามาม่า คุณพ่ออย่าเพิ่งมา หวานมากๆ ชอบๆจ้า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-01-2017 21:54:57
จะมาม่าเรื่องครอบครัวแล้วหรอ โซโล่กีล์สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 24-01-2017 21:57:08
เฮ้ยยยยย ทำไมตอนนี้รู้สึกเป็นFcเก้า  :laugh:
พี่เจย์มาแล้วววววว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-01-2017 22:19:12
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 25-01-2017 00:19:22
อูยย เริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วใช่มั๊ยคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 25-01-2017 00:27:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 25-01-2017 00:35:40
หากผ่านด่านครอบครัวไปได้ก็สบายแล้วล่ะ

สู้ๆพี่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 25-01-2017 00:46:20
มีพี่กีล์ขายที่ไหนบ้างคะ อยากได้  :z6:  :z6: โดนโซโล่ถีบ
พี่กีล์สู้ๆ   :mew1:

 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-01-2017 01:05:18
กีล์เท่อย่าบอกใครเลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 25-01-2017 01:32:07
กีตาร์ของโซล
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 25-01-2017 10:39:01
งู้ยยย พี่กีล์~~~~
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 25-01-2017 18:08:46
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 25-01-2017 18:25:47
 :katai4: ไอหมาาา ใจเย็น ๆ นะ เจย์มาดี แต่ดูเจย์หล่อมาก.  5555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-01-2017 07:45:45
เจย์ดูเป็นคนดี โซเคืองไรเขานะ พี่กีล์น่ารักตามใจน้องเสมอ

ขอบคุณต
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 26-01-2017 20:37:09
เราจะอึ๊บไว้ เราจะไม่ก่อกองไฟต้มมาม่า (แม้ว่าเค้าลางจะมาเป็นระยะๆๆ)
พี่กีล์สู้ๆ โซโล่สู้ๆ อุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันกำลังใกล้เข้ามาทุกทีทุกที ><
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 27-01-2017 11:30:21
นี่ว่าเจย์น่าสงสาร นางดูไม่ได้เลวร้ายอะไรอะ
ดูรักโซโล่จริงๆอะ
ปัญหาน่าจะอยู่ที่คุณพ่อออคนเดียวเลย
พี่กีล์ต้องสู้ๆ ต้องเข้มแข็งงง!!
รอค่าา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 27-01-2017 19:42:43
มาม่ากำลังมา เรารู้สึกได้ กีลพูดได้จี๊ดมากค่ะ ปักตรงกลางอกเลย ท่านนักเขียนคะ โปรดสงสารตับไตและเครื่องในของข้าพเจ้าด้วยค่ะ 555

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-01-2017 19:28:22
 อ่านไปยิ้มไป รุ้สึกเป็นนิยาย feel gooddddddจริงๆ ( มาม่ามาค่อยว่ากัน)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER21 P.15 [24/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 28-01-2017 22:26:39
-22-

 

ผมเคยคิดว่าลิฟต์ของที่นี่มันดูใหญ่โตเกินความจำเป็น โดยเฉพาะลิฟต์วีไอพีที่โซโล่พาผมขึ้นอยู่ทุกวัน แต่มาวันนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันคับแคบสุดๆ โดยเฉพาะบรรยากาศที่อึดอัดเกินคำบรรยาย

โซโล่ยืนอยู่มุมด้านในสุดของลิฟต์ข้างๆผม ใบหน้ายังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง แถมยังแผ่บรรยากาศกดดันออกมาจนผมรู้สึกได้ อีกฝั่งของลิฟต์คือคุณเจย์ที่ยืนชิดกำแพงอีกด้านเงียบๆ ส่วนผมที่เป็นคนกลางก็ยืนอยู่ระหว่างทั้งคู่

เป็นความอึดอัดใจที่ทำให้พูดไม่ออกจริงๆ…

“คุณพักอยู่ชั้นไหนเหรอครับ”ผมหันไปถามคุณเจย์ทำลายความเงียบ จะบอกว่าชั้นเดียวกับผมก็ไม่น่าใช่ เพราะเจ้าหมานี่ดูจะคลองพื้นที่ทั้งหมด ส่วนห้องที่อยู่ตรงข้ามซึ่งมีแค่ห้องเดียวก็ไม่เคยเห็นใครเข้าพักมาก่อน

“ผมพักอยู่ชั้นล่างคุณครับ”เขาหันมาแล้วยิ้มจางให้ผม พอดีกับที่ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นของเขา “ไว้เจอ…”

“มาที่นี่ทำไม”

ไม่ใช่แค่ผมที่ชะงัก ดูเหมือนคุณเจย์ที่กำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ก็นิ่งไปเช่นกัน เขาหันหน้ากลับมา จ้องตากับโซโล่ที่ยืนอยู่ข้างผม

“ผมกลับมาตามคำสั่งครับ”เขาพูดเสียงเรียบ ผมหันไปมองโซโล่ เห็นว่าเจ้าตัวกำลังกัดฟันแน่นเหมือนต้องการระงับอารมณ์ ผมดูออกว่าเขากำลังโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ “ผมไม่ได้จะ…”

“ไสหัวไป”

“โซ…”ผมเรียก แตะมือที่กำแน่นเบาๆแล้วหันไปหาคุณเจย์ เขาพยักหน้า ยิ้มจางให้ผมก่อนจะเดินออกไป

ผมจูงมือคนที่ยังคงเงียบกริบให้เดินตาม จนกระทั่งมาถึงห้องแล้วอีกคนก็ยังเงียบอยู่

“ทานอะไรดีครับ”ผมถามทันทีที่วางของลง พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด

“อะไรก็ได้”โซโล่ตอบเสียงเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมรู้ดีว่ามันมีอะไรสุดๆ ถ้าเป็นปกติเข้าห้องมา อย่างแรกที่เจ้าหมาทำคงเป็นการเดินมากอดผมหรืออ้อนให้ทำนั่นทำนี่ แต่นี่เข้ามาแล้วเดินไปริมกระจก จะบอกว่าปกติก็คงไม่ใช่

ผมเดินเข้าไปหาคนที่ยืนนิ่งอยู่ริมกระจก มองใบหน้าที่พยายามทำเป็นไม่รู้สึกอะไรจากด้านข้างแล้วก็ต้องถอนหายใจ ไม่ว่าเขาจะรู้สึกอะไรหรือคิดอะไรอยู่ก็ตาม แต่ความไม่ปกติของเขาทำให้ผมปวดใจตามไปด้วย

ผมเดินไปยืนอยู่ด้านหน้าโซโล่ เจ้าตัวไม่ได้ว่าอะไรนอกจากขยับสายตาจากนอกกระจกมาหา ดวงตาเรียบสนิทดูอ่อนแสงลงเมื่อมองหน้าผม

“กีตาร์…”

ผมโน้มคอคนที่สูงกว่าลงมา ใช้มือข้างหนึ่งกดศีรษะนั้นให้ซุกอยู่ที่ไหล่ ส่วนมืออีกข้างก็ใช้ลูบหลังปลอบ

ผมไม่ได้พูดอะไรนอกจากรอ…รอให้เขาพูดออกมาเอง

โซโล่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สักพักเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ ซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอผมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆ และโอบเอวผมให้เข้าไปแนบชิดมากขึ้น

“ไม่เคยสู้กีตาร์ได้เลย…”

“สู้ได้พี่ก็แย่สิครับ”ผมหัวเราะ ผละตัวออกแล้วจูงอีกคนไปนั่งด้วยกันที่โซฟาตัวโปรด หมาตัวโตที่คลายอารมณ์ผิดปกติไปหมดแล้วเอนตัวลงนอนตักผมทันทีที่ผมนั่งลง

เจ้าหมานี่ทำเหมือนตักแข็งๆของผมเป็นหมอนนุ่มๆ ไม่เข้าใจจริงๆว่าติดใจอะไรนัก

“ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง”

“เล่าเรื่องโซกับคุณเจย์ให้พี่ฟังสิครับ”

“กีตาร์อยากฟังเหรอ”

“พี่อยากฟังทุกเรื่องที่เกี่ยวกับโซ”

ทุกเรื่องที่จะทำให้เขาสบายใจเมื่อได้พูดออกมา…

“ผมจำไม่ได้ว่าเจย์มาจากไหน…”โซโล่เริ่มพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย “รู้แค่ว่าเวลามองหาใครไม่เจอ นอกจากแม่แล้วก็มีแค่เจย์ ผมรักเจย์เหมือนคนในครอบครัว แม่เองก็รักเจย์มาก”

“คุณเจย์นี่อายุเท่าไหร่เหรอครับ”

“มากกว่าผมสิบปี”

ผมเบิกตากว้าง ไม่น่าเชื่อว่าคนๆนั้นจะอายุเกือบสามสิบแล้ว ดูภายนอกเหมือนแก่กว่าผมแค่สองสามปีเท่านั้นเอง

“ถ้ากีตาร์เห็นพ่อคงตกใจกว่านี้”โซโล่ยกยิ้ม ยื่นมือมาจิ้มมุมปากผมเบาๆ

“แล้วที่โซบอกว่าคุณเจย์กลับไปหาคุณพ่อ…”ผมลูบหัวคนที่นอนตักอยู่ เจ้าหมาดูผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ พอเห็นท่าทางสบายใจของเขาแล้วก็ได้แต่คิดว่าเจ้าตัวแลดูเหมือนหมามากขึ้นทุกวัน

“ตอนที่แม่เสียผมติดเจย์มาก…เจย์มักจะกอดผมไว้แล้วบอกว่าไม่เป็นไร เขาอยู่ตรงนี้”โซโล่ยิ้มน้อยๆ แล้วก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเหยียดในชั่วพริบตา “ผ่านไปสองปีเขาก็ทิ้งผมไป กลับไปหาพ่อ ต่อให้ผมอ้อนวอนและพยายามติดต่อไปเขาก็ไม่เคยเหลียวแล”

“เป็นคำสั่งคุณพ่อหรือเปล่าครับ”

“ผมก็คิดแบบนั้น…ผมพยายามแล้ว บอกเขาว่าอย่าไป บอกว่าผมจะไม่ยอมให้พ่อทำอะไร แต่เจย์ก็ไม่ตอบรับ”โซโล่กัดฟัน ดวงตาแข็งกร้าวขึ้น “ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ที่เขาเข้ามาหาผมก็คงเพราะคำสั่งพ่อนั่นล่ะ ผม…”

“โซ”ผมตัดบท ยิ้มบางให้คนที่กำลังทำหน้าตาเย็นชา โซโล่เงยหน้ามองผม ใบหน้าแข็งกร้าวของเขาดูอ่อนลงเล็กน้อย “พี่ถามอะไรหน่อยนะครับ”

“ครับ”

“โซรู้จักคุณเจย์มากี่ปีแล้ว”

“ตั้งแต่จำความได้ก็มีเจย์อยู่ข้างๆมาตลอด น่าจะตั้งแต่สี่ขวบ”

“แล้วเขาทิ้งโซไปกี่ปีครับ”

“สอง…”

“เขาบอกเหตุผลโซไหม”

“ไม่…”

“แล้วตอนคุณแม่เสียไปเขาเป็นคนที่กอดโซไว้แล้วบอกว่าไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

“…”

“เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างๆโซมาตลอดสองปีหลังคุณแม่เสียไปใช่ไหม”

“…”

ผมคลี่ยิ้ม มองคนที่ค่อยๆเงียบไปด้วยสายตาอ่อนโยน ใบหน้าของคนที่เคยเย็นชาฉายแววสับสนและไม่มั่นใจ

“แล้วทำไมโซถึงเอาระยะเวลาแค่สองปีมาตัดสินคนที่รู้จักกันมามากกว่าสิบปีล่ะครับ”ผมใช้มือข้างหนึ่งดันใบหน้าเจ้าหมาให้เงยขึ้นมอง “เขาไม่ได้บอกเหตุผล ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเหตุผล เขาหายไป ไม่ได้หมายความว่าเขาทิ้ง พี่พูดถูกหรือเปล่าครับ”

โซโล่เงียบไป ไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองผมด้วยสายตาสับสน…และโทษตัวเอง

“คุณเจย์บอกว่าโซเป็นน้องชายคนสำคัญ…เขาขอร้องให้พี่อยู่ข้างโซไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม”ผมมองคนที่เบิกตาน้อยๆด้วยความตกใจนิ่งๆ ค่อยๆพูดต่อช้าๆ “พี่รู้จักเขาวันนี้เป็นวันแรก แต่กลับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดี…แล้วโซรู้จักเขามาเป็นสิบปี โซไม่รู้เลยเหรอครับว่าเขาเป็นคนยังไง”

ผมปล่อยให้โซโล่คิด ให้เขาอยู่กับตัวเอง ไม่ได้ทำอะไรนอกจากมองหน้าเขาเหมือนต้องการส่งกำลังใจไปให้

“เจย์เป็นคนยิ้มเก่ง…”โซโล่พูดช้าๆแล้วค่อยๆหลับตาลง “แม่บอกว่าอยากให้ผมโตมาเป็นคนดีเหมือนเจย์ แม่มักจะมองเจย์ด้วยสายตารู้สึกผิดเสมอ…แม่บอกว่าทำผิดต่อเจย์ไว้”

“ครับ”

“เจย์ชอบทำอาหาร แม่ชอบบอกว่าเจย์ทำอาหารอร่อยกว่าแม่”คนที่หลับตาหัวเราะเบาๆ “จริงๆผมก็คิดว่างั้น แต่ไม่อยากให้แม่เสียกำลังใจเลยไม่พูดไป”

“หืม…พูดแบบนี้พี่ชักอยากทานฝีมือคุณเจย์แล้วสิ”

“ผมจะบอกให้เจย์ทำให้”

“ครับ”ผมยิ้มเมื่อเริ่มมองเห็นความเปลี่ยนแปลง

“นอกจากนั้นเจย์ยังเรียนเก่งสุดๆ…แม่ชอบให้เจย์มาสอนการบ้านผม”โซโล่ทำหน้ามุ่ยทั้งที่ยังหลับตา “ปกติก็ใจดี แต่พอเป็นครูดุอย่างกับหมา”

“ว่าคนอื่นได้เหรอเรา”ผมหยิกแก้มขาวๆด้วยความหมั่นไส้ ส่วนคนที่กล้าว่าคนอื่นเป็นหมาก็หน้าหงิกไปตามระเบียบ แต่ผ่านไปแค่แวบเดียวเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา

“เจ็บนะ”

“ก็หยิกให้เจ็บครับ”ผมหัวเราะ เปลี่ยนเป็นลูบแก้มที่โดนหยิกให้แทน

“นอกจากนั้น…”โซโล่หุบยิ้มช้าๆ ลืมตามองผมด้วยดวงตาสั่นไหว “เจย์ไม่เคยบอกใครเลยว่ารู้สึกอะไรอยู่ แม่บอกว่าเจย์ชอบเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเอง”

“แล้วโซรู้เหตุผลที่โกรธคุณเจย์หรือยังครับ”

“ผมโกรธที่เจย์ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว โกรธที่เจย์เลือกพ่อ…”

“…”

“แต่ผมไม่เคยเกลียดเจย์”

“แล้วโซคิดว่าควรทำยังไงดีครับ”

“ผม…”โซโล่หลุบตาลงต่ำ ผมมองเห็นความรู้สึกผิดอยู่ในดวงตาคู่นั้น

“โซจำที่พี่บอกว่าเราจะช่วยกันแก้ปัญหาทีละปมได้ไหมครับ”ผมยิ้มบางเมื่อเขาพยักหน้า “พี่หมายความถึงทุกเรื่อง…รวมถึงเรื่องนี้ด้วย”

เริ่มจากการแก้ปัญหาความไม่เข้าใจของพี่น้องสองคนนี้ที่ดูรักกันจะตาย แต่กลับไม่มีใครยอมพูดอธิบายอะไรออกมา

“…”

“โซจะไม่มีวันรู้ความจริงถ้ายังไม่ยอมเปิดใจ จะไม่มีทางรู้เหตุผลถ้ายังไม่ยอมถาม โซรู้จักคุณเจย์ดีที่สุด รู้ว่าเขาเป็นคนที่ชอบเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเอง ถ้าอย่างนั้นลองคุยกับเขาดีไหมครับ ต่อให้เขาบอกเหตุผลเราไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าการคิดไปเอง”

ผมพูดไว้แค่นั้นแล้วก็เงียบไป ปล่อยให้เขาได้คิดเอง ผมรู้ดีว่าโซโล่เป็นคนแบบไหน เจออะไรมาบ้าง ต่อให้ฉลาดแค่ไหนแต่เรื่องของความรู้สึกมันเป็นอะไรที่เปราะบาง ถ้าเขาไม่ใช่คนชอบถาม ในขณะที่คุณเจย์ก็ไม่ใช่คนชอบอธิบาย มันคงเป็นอะไรที่ง่ายดายถ้าจะเข้าใจผิดกัน

โซโล่ยังเด็ก ยิ่งตอนนั้นเขายิ่งเด็กเข้าไปใหญ่ ไม่แปลกถ้าจะใช้ความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง พอไม่มีคนเตือนมันถึงได้เลยเถิดมาไกลขนาดนี้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่…

“โซมีพี่นะครับ”

“กีตาร์…”

“เราจะแก้ปัญหาไปด้วยกัน…”ผมเกลี่ยแก้มเขาเบาๆ “ถ้าอยากคุยกับคุณเจย์ พี่จะอยู่ข้างๆโซเอง จะคอยเตือน คอยเข้าใจ…ถ้าโซต้องการ”

“กีตาร์…”โซโล่มองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ริมฝีปากขยับยกเป็นรอยยิ้มช้าๆ “ผมจะคุยกับเจย์…”

“…”

“กีตาร์อยู่ข้างๆผมนะ”

“ครับผม!”ผมพยักหน้าแข็งขัน จริงจังเสียจนเจ้าหมาหัวเราะออกมา พอเห็นเขายิ้มได้ผมก็เริ่มคลายความเครียดลง กลายเป็นเสียงหัวเราะของเราทั้งคู่

ผมก้มหน้าลงไปตามแรงชักจูงของคนที่ยื่นมือมากดหัวเบาๆ ริมฝีปากของเราสัมผัสกันช้าๆทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ความอบอุ่นนุ่มนวลที่ถ่ายทอดความรู้สึกมากมายผ่านมาให้ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจ ผมผละออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะหมดลมหายใจ ปลายจมูกแตะอยู่ที่ปลายจมูกโด่งของคนที่มองมาด้วยสายตาเป็นประกาย

“ผมโชคดีจริงๆที่มีกีตาร์”

 

 

ผมขยับตัวด้วยความอึดอัด ความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วห้องมากว่าสิบนาทีทำให้บรรยากาศดูเย็นยะเยือกแปลกๆ มองไปทางซ้ายเจอหมาหน้านิ่งที่นั่งเงียบกริบ มองไปทางขวาเจอชาวต่างชาติหน้าเด็กที่แม้จะยิ้มน้อยๆแต่ก็เงียบสนิทไม่ต่างกัน

แล้วทำไมผมต้องเป็นคนที่นั่งตรงกลาง…

ผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ขยับมือสะกิดขาหมาหน้านิ่งเป็นการเตือน โซโล่เหลือบมองก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆ แต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกมา

“ทำไมถึงหายไป”

“ผมจำเป็นครับ”คุณเจย์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ผมแอบอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเขาดูกระตือรือร้นมากจนผิดปกติ

“เพราะพ่อใช่ไหม”

“ไม่ใช่ครับ…ไม่ใช่คุณท่าน”คุณเจย์ปฏิเสธ ส่ายหน้ารัวจนผมแอบแปลกใจกับท่าทีนั้น

“แล้วที่นายมาอยู่กับผมเพราะอะไรกันแน่”โซโล่หันมาจ้องหน้าคู่สนทนาด้วยความจริงจัง

“นั่นเพราะ…คุณท่านบอกให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนคุณชาย”

“หึ..”

ผมลูบมือโซโล่เบาๆ ส่ายหน้าเป็นเชิงเตือนให้เขาฟังต่อ

“…แต่ผมรักคุณชายเหมือนน้องชายจริงๆ ไม่ใช่ด้วยคำสั่งอะไรทั้งนั้น”สายตาของคุณเจย์ดูจริงจังและมั่นคง โซโล่คลายมือที่กำแน่นช้าๆ สายตาแข็งกร้าวดูอ่อนลง

“ทำไมไม่บอกอะไรสักคำ…ทำไมไม่ติดต่อมา”

“ผม…”เขาหลุบตาลง ท่าทางดูไม่มั่นใจ

“ถ้าเห็นผมเป็นน้องก็บอกมา”โซโล่พูดเสียงแข็ง ท่าทางจริงจังแต่ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนตอนแรก กลับกันมันดูเหมือน…กำลังขอร้อง

“คุณชาย”คุณเจย์ยืดตัวตรง ความไม่มั่นใจในดวงตาของเขาหายไป “ที่ผมมาอยู่กับคุณชายเป็นความต้องการของคุณท่าน และที่ผมไปจากคุณชาย…เป็นความต้องการของคุณหญิง”

ผมมองโซโล่ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทีตกใจของเขา พยายามบีบมือให้กำลังใจแต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ตอบสนองสักนิด

“หมายความ…ว่ายังไง”

“ก่อนคุณหญิงจะจากไป ท่านบอกให้ผมกลับไปหาคุณท่านตอนที่คุณชายทำใจได้แล้ว…คุณชายอาจจะไม่รู้ตัว แต่จริงๆนอกจากผมกับคุณหญิง ยังมีคนมากมายอยู่รอบตัวคุณ”คุณเจย์ถอนหายใจแล้วยิ้มบาง “เพราะปิดใจมาตลอดเลยไม่เคยเห็น”

“…”

“แต่คุณท่านไม่มีใคร…ทำงานคนเดียว ไว้ใจใครไม่ได้”คุณเจย์พูดเสียงสั่น ใบหน้าเศร้าหมอง “คุณหญิง…ขอร้องให้ผมกลับไปอยู่กับคุณท่าน”

“แม่จะห่วงพ่ออีกทำไม…ในเมื่อพ่อไม่เคยสนใจผมกับแม่เลย!”โซโล่ตวาด ใบหน้าดูโกรธจัด ถ้าผมไม่ได้ดึงตัวไว้เขาคงลุกขึ้นทุบโต๊ะไปแล้ว

พอเห็นใบหน้าโกรธเคืองที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของคนข้างๆผมก็รู้สึกหน่วงๆตามไปด้วย ความเศร้ามากมายกระจายออกมาทางน้ำเสียงทั้งที่เจ้าตัวกำลังโกรธ

โกรธเพื่อปิดกั้นความเสียใจไว้

“ผมไม่รู้จริงๆ…ผมบอกได้แค่ว่าผมไม่เคยอยากทิ้งคุณชายเลย”

“แล้วทำไมถึงไม่บอกอะไรผมเลย…ทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนนั้น”โซโล่กำมือผมแน่น จ้องมองคุณเจย์ด้วยสายตาเจ็บปวด

“เพราะผมรู้สึกผิด…ทั้งต่อคุณและต่อคุณหญิง”เขาหลับตาลง ดูเจ็บปวดไม่ต่างกัน “ถึงผมจะไม่เคยอยากทิ้ง แต่ผม…ก็ยินดีกลับไปหาคุณท่านเอง”

“หมายความว่ายังไง”

“ผมไม่อยากให้คุณท่านโดดเดี่ยวอีกแล้ว…”

“…”

“ผมรักคุณซี”

“!!”

“ผมรักพ่อคุณ…รักมานานแล้ว”

ไม่ใช่แค่โซโล่ที่ชะงักไป เพราะแม้แต่ผมเองที่เพิ่งรู้เรื่องไม่นานก็ตกใจไม่แพ้กัน ผมไม่รู้ว่าโซโล่รู้สึกแบบไหนเพราะเขานิ่งสนิทไปแล้ว ไม่มีความรู้สึกใดๆปรากฏออกมานอกจากความว่างเปล่า

“เพราะรู้สึกผิดผมถึงไม่ติดต่อไป คิดว่าให้คุณเกลียดไปเลยอาจจะดีกว่า แต่ก็อดไม่ได้…สุดท้ายก็ต้องแอบไปดูทุกวัน ให้แมรี่ที่เป็นแม่บ้านคอยโทรบอก คอยดูแลคุณแทน”

“พอ…”

“ผมไม่เคยคิดบอกความจริง แต่พอคุณมาถามก็ทนไม่ได้ ไม่อยากโกหก ไม่อยากให้เข้าใจผิดอีกแล้ว…”

“พอ…”

“ผม…”

“บอกให้พอไง!”

“โซ!”ผมตะโกนด้วยความตกใจเมื่อคนข้างๆลุกขึ้นแล้วเดินไปกระชากคอเสื้อคุณเจย์ขึ้นมา

“จะทำอะไรผมกะ…”

หมับ!

คุณเจย์เบิกตากว้าง ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของโซโล่ที่กอดเขาไว้

“ขอโทษ”เสียงของคนที่กำลังหันหลังให้ผมสั่นเทา “ขอโทษที่เข้าใจผิด”

“ทำไม…”คุณเจย์พึมพำเสียงแผ่ว ไม่นานนักใบหน้าไม่เข้าใจนั้นก็เปลี่ยนไปช้าๆ น้ำตามากมายไหลออกมาจากดวงตาสีฟ้าคู่สวย “คุณชาย…”

“ผมโง่เองที่ไม่เคยเข้าใจเจย์เลย”

“ไม่…ไม่เป็นไรครับ”คุณเจย์ผละออก ยกมือเช็ดน้ำตาแล้วส่ายหน้าปฏิเสธทั้งรอยยิ้ม “แค่ไม่รังเกียจผมก็พอแล้ว”

“ผมคงเข้าใจทุกอย่างไม่หมด…ถ้ายังไม่ได้คุยกับพ่อใช่ไหม”โซโล่ถามเสียงสั่นไหว เขาเดินกลับมายืนข้างๆแล้วจับมือผมไว้

“เรื่องบางเรื่อง…มันมีอะไรมากกว่าที่คิด”คุณเจย์ยิ้มบาง มองมาที่ผมด้วยสายตาขอบคุณ “บางทีคุณน่าจะลองคุยกับท่านตอนที่ท่านมาที่นี่”

“ผมจะพยายาม”

สถานการณ์ดูดีขึ้นเรื่อยๆ โซโล่ดูคุยกับคุณเจย์ได้เป็นปกติ ถึงเจ้าตัวจะทำท่าทางนิ่งเฉยแค่ไหนแต่ผมรู้ดีว่าเขากำลังมีความสุข ไม่ต่างจากคุณเจย์ที่ยิ้มอย่างจริงใจมากขึ้น…ไม่เหมือนตอนแรกที่ยิ้มเศร้าๆ

ผมเองก็นั่งยิ้มไม่ต่างกัน รู้สึกดีที่พวกเขาเข้าใจกันแม้จะยังกังวลกับเรื่องพ่อของโซโล่ไม่น้อย

“คุณท่านกำลังจะมาที่นี่ใช่ไหมครับ”ผมถามคุณเจย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ มีหมาตัวโตนั่งพิงไหล่เล่นเกมส์ในโทรศัพท์เงียบๆ

“น่าจะอีกสักพักครับ…ที่ผมมาก่อนก็เพราะท่านสั่งให้มาจัดการเรื่องคุณชาย”

“จัดการ…”

คุณเจย์ยิ้มน้อยๆก่อนจะพยักหน้า

“ครับ…เรื่องคุณชายกับคุณกีล์ ท่านอยากให้พวกคุณเลิกติดต่อกัน…แต่ผมคงทำไม่ลง”

“แล้วอย่างนี้คุณจะไม่เป็นไรเหรอครับ”ผมถามอย่างอดห่วงไม่ได้ ดูท่าทางแล้วคุณท่านคงน่ากลัวน่าดู ไม่รู้ว่าถ้าคุณเจย์ทำไม่สำเร็จจะเป็นอะไรไหม

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านไม่ทำร้ายร่างกายผมหรอก…”ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ดวงตาของคุณเจย์กลับดูสั่นเทาราวกับเขากำลังเจ็บปวด “ท่านคงมาจัดการเองมากกว่า”

“งั้นเหรอครับ”ผมถอนหายใจ

“ไม่ต้องห่วงหรอก…”เสียงเรียบๆมาพร้อมสัมผัสเบาๆที่แก้ม ผมหันไปหา สบตากับเจ้าหมาที่ดูแตกต่างไปจากทุกที “ผมจะไม่ยอมให้เขาทำอะไรกีตาร์”

สายตาของโซโล่ดูจริงจังและหนักแน่น เขาไม่ยอมละสายตาไปไหนเหมือนจะบอกให้ผมมั่นใจ และสัมผัสอบอุ่นที่แก้มก็ทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมากจริงๆ

“พี่ไม่ได้กลัวว่าคุณท่านจะทำอะไรพี่หรอกครับ”ผมอมยิ้ม ดึงมือโซโล่มากุมไว้แล้วบีบเบาๆ “พี่แค่กลัวว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน”

“ผมไม่ยอมแน่ๆ”

“ครับ…”ผมรับคำด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าหงุดหงิดของเจ้าหมา

“…”

“พี่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน”

-------------------------------------

 

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 28-01-2017 22:42:57
มีแฟนแบบกีต้าร์นี้โชคดีกว่าถูกรางวัล :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 28-01-2017 22:56:25
พี่กีล์สุดยอด ช่วยใพี่น้องเขาเปิดใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 28-01-2017 22:58:51
 :katai2-1: แอบคิดไใ้ก่อนนี้ว่าพ่อกะเจย์จะมีซัมติง
ลุ้นๆตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 28-01-2017 23:00:36
แอบน้ำตาซึ้ม สงสารเจย์อะ รักข้างเดียววว :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 28-01-2017 23:05:33
ขอยกตำแหน่งเคะราชินีให้พี่กีล์ค่ะ  :hao3:
สามารถจัดการได้หมดทุกปัญหา เจ้าหมาน้อยยังสงบลงเลย คิดดู!!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-01-2017 23:39:35

 :katai2-1:  มันช่างดีต่อใจ.
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 28-01-2017 23:45:41
พี่กีล์อะไรจะดีปานนั้น

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-01-2017 00:17:08
พี่กีล์อยู่เหนือทุกปัญหา จัดการได้ทุกอย่างแน่นอน  :z2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 29-01-2017 01:14:02
 :katai4: สงสารเจย์อึดอัดน่าดูจะบอกใครก็ไม่ได้ กีต้าร์น่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-01-2017 01:16:53
แบบพี่กีล์มีขายที่ไหนบ้างคะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 29-01-2017 01:26:00
พี่กีล์ชนะเลิศ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 29-01-2017 06:59:03
พี่กีล์สุดยอดไปเลยอะ  ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 29-01-2017 07:44:27
คิดถูกด้วยเรืื่งเจย์กับพ่อของโซ
สู้ไปด้วยกันนะคะ
พอมีกีลอยู่เหมือนได้เห็นอีกเเง่มุมของเรื่องราวต่างๆ ปลื้มกีลมาก ตอนแรกเรากลัวมาม่าเกือบไม่กล้าอ่าน พอเข้ามาอ่านรู้สึกดีค่ะ สอนให้รู้ว่าอย่าพึ่งด่วนตัดสินใจบางเรื่อง

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 29-01-2017 11:02:55
พี่กีล์สุดยอดดดดดด ได้เมียดีมีชัยไปกว่าครึ่งนะโซโล่~~~~!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-01-2017 11:04:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 29-01-2017 11:26:09
พี่กีล์สุดยอดฮีโร่
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-01-2017 11:30:13
ไม่รู้ว่าถ้าคุณพ่อมาพี่เจย์จะเป็นยังไง แต่ตอนนี้พี่กีลล์สุดยอด o13 o13 o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-01-2017 15:13:23
เดาความสัมพันธ์ของเจย์กับพ่อโซถูกด้วย
ค่อยๆแก้ปัญหากันไปเนอะ พี่กีล์สุดยอดมากเลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-01-2017 21:12:20
หวังว่านะ หวังว่าคุณท่านจะเข้าใจ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 29-01-2017 21:31:00
มีพี่เจย์ช่วยอีกแรง หวังว่าเหตุการณ์จะไม่เลวร้าย
พี่กีบ์อบอุ่นมาก น่ารักที่สุด

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-01-2017 02:45:42
มีแฟนเป็นพี่กีล์นี่ก้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วอะ
คนอะไรจะดีงามมมขนาดนี้ งืออออ
สงสารเจย์อะ นางน่าสงสารเหมือนที่ดูไว้ตอนแรกจริงด้วย
แต่ไม่นึกว่าจะเป็นประเด็นนี้เลยย
คุณพ่อต้องร้ายกาจมากแน่ๆเลยอะ แต่อยากให้เจย์มีความสุขนะ
สุขในตอนพิเศษก้ได้ค่าาา ยังไงก้ได้
รอค่าา เดาทางไม่ออกแล้วค่าา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MeWeaw ที่ 30-01-2017 07:46:04
ละมุนมากค่ะอยากได้พี่กีล์มากค่ะ
อย่างกับอาบวิปโฟม
#สังคมต้องการคนแบบนี้  o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 31-01-2017 17:35:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER22 P.16 [28/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 31-01-2017 21:20:58
-23-

 

วันสอบไฟนอลใกล้เข้ามาทุกที นั่นหมายความว่าใกล้เวลาที่ผมจะต้องไปฝึกงานแล้ว หลังจากสอบเสร็จผมจะมีเวลาประมาณเกือบหนึ่งเดือนในการพักผ่อนก่อนจะต้องไปฝึกงานเต็มเทอม ผมคิดไว้แล้วว่าจะใช้ช่วงหยุดปลายปีนี้ไปเยี่ยมแม่ใหญ่ แต่มีปัญหาอยู่อย่าง…

วันที่ผมสอบเสร็จและจะเดินทาง โซโล่ต้องอยู่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์เพื่อสอบปฏิบัติตัวสุดท้าย

“อย่าทำหน้าบึ้งสิครับ”ผมว่าแล้วยื่นมือไปจิ้มแก้มหมาหน้าบึ้งที่กำลังกอดอก ใบหน้านิ่งๆแสดงออกว่าไม่พอใจชัดเจน

“ทำไมต้องสอบไม่พร้อมกันด้วย”

“ทำไงได้ล่ะครับ โซก็ตามพี่ไปทีหลังก็ได้นี่นา”

“ผมไม่อยากให้กีตาร์ไปคนเดียว”

ผมถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร รู้ดีว่าอีกคนเป็นห่วงมากแค่ไหน ถ้าเป็นเขาต้องเดินทางไกลๆคนเดียวผมก็คงเป็นห่วงไม่แพ้กัน

“พี่ไม่เป็นไรหรอกครับ”ผมพูดด้วยความมั่นใจ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่เชื่อเท่าไหร่

“กีตาร์”โซโล่ถอนหายใจ ปลดสายคาดนิรภัยออก รวมถึงยื่นมือมาปลดให้ผมด้วย ดีที่กระจกรถมืดสนิทคนข้างนอกเลยมองไม่เห็นข้างใน

“ครับ”

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าชอบห่วงคนอื่น…”โซโล่ถามด้วยสีหน้าจริงจัง เห็นใบหน้านั้นแล้วผมก็นิ่งไป ดูเหมือนผมจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ยิ่งเป็นคนใกล้ชิดก็ยิ่งห่วง จะพยายามช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว คงเพราะในสถานรับเลี้ยงผมเป็นพี่ใหญ่เลยคอยดูแลคนอื่นจนชิน

“รู้ครับ”

“แล้วรู้ตัวหรือเปล่า…ว่ากีตาร์ไม่ค่อยห่วงตัวเอง”

“…”

ผมพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไปดี จะบอกว่าไม่ใช่ก็พูดได้ไม่เต็มปาก จะหาเหตุผลอะไรมาพูดก็ดูว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก

“กีตาร์บอกให้ผมดูแลตัวเอง แล้วกีตาร์ล่ะ...ถึงจะไม่ได้ละเลยตัวเอง แต่พอเป็นเรื่องแบบนี้กีตาร์ชอบคิดว่าจะไปเผชิญกับมันเองตลอด…”โซโล่จ้องหน้าผมนิ่ง ไม่มีวี่แววของการล้อเล่น “ลืมไปหรือเปล่าว่าสี่ปีมานี้กีตาร์เอาแต่เรียนกับทำงาน ยังไม่เคยไปไหนไกลๆคนเดียวเลยสักครั้ง…แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมห่วงได้ยังไง”

“คือพี่…”จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำเสียงหงอหรอก แต่พอโดนพูดเสียงนิ่งใส่ด้วยความเป็นห่วงแล้วก็เป็นไปเอง

ที่โซโล่พูดมาก็จริงทุกอย่าง ผมไม่เคยไปไหนไกลๆคนเดียว นั่งรถอะไรก็ไม่เป็นเท่าไหร่ ถึงจะไม่เคยละเลยตัวเองแต่ก็เป็นคนประเภท ‘ถึงเวลาก็ทำได้เอง’ จริงๆนั่นแหละ

“ถ้ากีตาร์นั่งรถเลย ขึ้นผิดที่ เดินทางผิดสายจะทำยังไง โทรศัพท์ก็ไม่มีเน็ต ผมจะให้เปิดก็บอกว่าเปลือง”

ก็แถวมหา’ลัยมันมีไวไฟอยู่แล้ว…

“ผมอยากเอาแต่ใจตัวเองด้วยการบอกให้รอผมสอบเสร็จแทบตาย แต่ก็อยากให้กีตาร์มีเวลาอยู่กับคุณแม่เยอะๆ”

น่ารัก…

“ผมรู้ว่ากีตาร์เป็นผู้ชาย แถมยังโตแล้วด้วย แต่มันก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี…”

จริงๆก็ดีใจที่ห่วง…

“เลิกทำหน้าหงอยได้แล้ว…”เสียงหัวเราะหึหึมาพร้อมกับมือที่ยื่นมาบีบแก้มผมเบาๆ อยากจะบอกว่าไม่ได้ทำหน้าหงอย แต่พอเห็นประกายตาขบขันของอีกคนก็พูดไม่ออก

“แล้ว…”ผมมองหน้าคนที่เลิกคิ้วรอฟัง “เราจะแก้ปัญหานี้ยังไงดีครับ”

“หืม…”

“เราจะทำยังไงให้วินวินทั้งคู่ดี”

ทำยังไงให้ผมได้ไปตามกำหนดการเดิมเพื่ออยู่กับแม่ใหญ่นานๆ แต่ในทางกลับกันก็ไม่ต้องทำให้โซโล่เป็นห่วงเรื่องการเดินทางด้วย…

“ก็โซเปิดประเด็น…เพราะงั้นก็หาทางแก้ให้พี่เลย”ผมว่าแล้วโยนขี้ให้คนที่นั่งกระพริบตาปริบๆ

“กีตาร์…”โซโล่ส่ายหน้า หัวเราะเบาๆแล้วดึงตัวผมไปกอด “น่ารัก”

“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”ถึงจะว่าแบบนั้นแต่ผมก็ยกมือกอดกลับด้วยรอยยิ้ม รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้คนๆนี้

“ก่อนออกมาผมคุยกับเจย์”โซโล่ผละออกแต่ยังไม่ได้กลับไปนั่งที่เดิม เขายกมือข้างหนึ่งลูบแก้มผมเบาๆเหมือนที่ชอบทำ

“คุยอะไรกันครับ”

“เจย์บอกว่าจะไม่ติดต่อกับพ่อ…จะถือว่ามาเที่ยวพักผ่อน”

“หมายความว่า…”

“ให้เจย์ไปเป็นเพื่อนกีตาร์ก่อนนะ…แล้วผมจะรีบตามไป”

“ถ้าคุณเจย์ยินดี พี่ก็ไม่มีปัญหาครับ”ผมรับคำด้วยความเต็มใจ มีเพื่อนไปด้วยก็ดีเหมือนกัน แถมคุณเจย์ยังได้ไปพักผ่อนด้วย

พอได้ยินผมตอบโดยไม่ลังเลเจ้าหมาก็ยกยิ้มพอใจ กดจูบเบาๆที่หน้าผากผมแล้วผละออก

“ตั้งใจเรียนนะ”

“เราบอกตัวเองดีกว่าไหม”ผมหัวเราะ บีบแก้มสองข้างของคนที่บอกให้ตั้งใจเรียนด้วยความหมั่นไส้

“ขี้ฟ้อง…”โซโล่บ่นเบาๆ ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าเจ้าตัวหมายถึงใคร เวลาเจอเก้าทีไรเจ้าเด็กแสบมาฟ้องตลอดว่าเจ้าหมานี่ชอบหลับในห้องเรียน ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทั้งที่ตอนกลางคืนก็หลับสนิทตลอดแท้ๆ

“ฟ้องดีแล้ว โซนอกลู่นอกทางจะได้มีคนบอกพี่”ผมอมยิ้มรอดูปฏิกิริยาของอีกคน แต่พอได้เห็นรอยยิ้มมุมปากนั่นแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองพลาดไป

หมาหน้านิ่งหัวเราะหึหึ ขยับหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกชนกัน

“ทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้จะนอกลู่นอกทางได้ยังไง”

“…”

ปัง!

“กีตาร์!”

ผมสะดุ้งเฮือก หันไปมองคนที่เปิดประตูรถตามลงมาด้วยใบหน้าร้อนผ่าว

“เขินจนลืมกระเป๋าเลยเหรอ”คำพูดแซวพร้อมมือที่ชูกระเป๋าให้ดูนั่นทำให้หน้าที่ร้อนอยู่แล้วร้อนหนักกว่าเดิม แถมยังมี…

สายตาหลายสิบคู่ของคนหน้าคณะที่มองมาเป็นแถบอีก

“ขี้แกล้ง”ผมจิ้มอกคนที่ยื่นกระเป๋ามาให้ไปหนึ่งที จากนั้นก็รีบคว้ากระเป๋ามาแล้ววิ่งหลบสายตารอบด้านเข้าตึกเรียนอย่างรวดเร็ว

หมาอะไร…นอกจากหน้านิ่งแล้วยังหน้าด้านอีก

 

 

“เพื่อนกีล์ ไปทำวีรกรรมอะไรไว้หน้าคณะวะ”

ผมไม่ตอบคำถามของไวน์แต่เลือกที่จะฟุบหน้าลงกับโต๊ะหนีมันแทน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโทรศัพท์ที่ต่อไวไฟโดยอัตโนมัตินี่สั่นเพราะอะไร หนีไม่พ้นเพจเดิมเพิ่มเติมคือโดนแซวหนักขึ้น

คิดว่ารู้สถานะกันแล้วจะเลิกสนใจ…แต่กลายเป็นโดนสนใจมากกว่าเดิมอีก

“มาเป็นคลิปยังจะถามมันอีกทำไม”

“อะไรนะ”ผมยกหัวขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดเบียร์ อะไรคือมาเป็นคลิป…

“ก็คลิปไง…ตั้งแต่มึงลงจากรถยันวิ่งเข้าตึกอะ”มันว่าแล้วยื่นโทรศัพท์มาจ่อหน้าผมด้วยรอยยิ้มแซว “กูนี่อยากขอกล้องมาก ชัดโคตร…ชัดจนเห็นมึงหน้าแดงอะ เป็นประเด็นไปหมดแล้วเนี่ย”

“ประเด็นอะไรวะ”ผมถาม รับโทรศัพท์มันมาเปิดดูแล้วก็พบว่าคลิปมันชัดอย่างที่ว่าจริงๆ แต่พอเห็นแคปชั่นแล้วก็ว่าคนถ่ายไม่ลง

น่ารักจังเลยอ่าคู่นี้ พี่กีล์หน้าแดงน่ารักมากๆเลยค่ะ โซโล่ยิ้มด้วยอ่า ฮือออ

ผมเองก็ไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แถมเจ้าหมาก็ไม่เคยแคร์อยู่แล้วด้วย อีกอย่าง…

ดันมีฉากที่หมาหน้านิ่งยิ้มจริงๆ แบบนี้…แล้วจะขอให้ลบได้ยังไง

“เดี๋ยวกีล์…นั่นโทรศัพท์กู มึงจะเซฟทำไม”

ลืมตัว…

ผมรีบส่งโทรศัพท์ให้มัน ฟุบหน้าลงกับโต๊ะเหมือนเดิม พยายามไม่สนใจสายตาที่พุ่งมาจากรอบห้อง นั่นล่ะ…ไม่ใช่แค่เพื่อนสองสามตัวข้างๆ แต่ดูเหมือนจะรอบห้องจริงๆ

ไอ้พวกนี้ก็อยากรู้ไปทั่ว ถึงจะไม่ได้หันหน้ามามอง แต่หูนี่เหมือนมีที่รับสัญญาณอันโตๆโผล่ออกมา

“เข้าเรื่องจริงจังก่อน…สรุปพวกมึงฝึกไหนวะ”ไอ้โนว์ถามด้วยเสียงเคร่งเครียด ผมเลยยืดตัวตรงจริงจังไปกับมันด้วย ปกติมันไม่ใช่พวกมีสาระหรือจริงจัง ถ้ามาแนวนี้คงเครียดจริงๆ

“กูที่เดิม ในจังหวัดนี่ล่ะ”ไอ้ไวน์ตอบ มันยักไหล่ชิวๆ ดูเหมือนมันจะเป็นคนแรกที่ติดต่อไปที่ที่สนใจแล้วได้งานไวที่สุดในภาคผม

“มึงก็ได้ที่แล้วไม่ใช่เหรอ”ผมหันไปถามไอ้โนว์ จำได้ว่าวันนั้นอาจารย์เรียกมันไปคุยอยู่

“ก็ได้แล้วแหละ”มันว่า แต่หน้าตานี่บูดเหมือนไม่พอใจ “แต่มันไกลว่ะ…ไกลจากซัน”

“สรุปที่มึงเครียดเพราะต้องไกลเมีย”ไอ้ไวน์ถาม มือนี่ยกขึ้นมาเตรียมพร้อมเรียบร้อย

“เออ”

“ไอ้ควาย!”ไวน์ว่าเสียงดังแล้วก็ดึงหัวคนที่ทำตัวห่อเหี่ยวแรงๆหนึ่งที “ไอ้กีล์กับไอ้เบียร์ไปต่างจังหวัด กูยังไม่เห็นพวกมันว่าอะไรสักคำ”

“ห่ากูเจ็บ!”โนว์ปัดมือเพื่อนออกแล้วนั่งหน้ามุ่ย บางทีผมก็สงสัยว่าคนอย่างซันชอบมันลงได้ยังไง…จะบอกว่าหล่อก็ไม่ใช่เพราะมันออกไปทางน่ารักน่าถีบ เอาตรงๆซันยังใช้คำว่าหล่อได้มากกว่ามันเยอะเลย

“ไม่ต้องด่ากูทางสายตาเลยไอ้กีล์!”มันหันมาชี้หน้าผมเหมือนรู้ทัน “แล้วสรุปพวกมึงไปฝึกไหน ใช่ที่จารย์นพแนะนำให้ปะ”

“กูตกลงแล้ว ส่วนกีล์มันกำลังตัดสินใจ”

“นั่นมันภูเก็ตเลยไม่ใช่เหรอวะ”

นั่นล่ะปัญหา…

เมื่อสองสามวันก่อนอาจารย์นพซึ่งเป็นอาจารย์ในภาคติดต่อมาหาผมกับเบียร์ อยากให้พวกผมไปฝึกที่บริษัทต่างชาติที่เข้ามาเปิดใหม่ที่ภูเก็ต ดูเหมือนทางนั้นเขายื่นเรื่องขอรับนักศึกษามาทางนี้ด้วยตัวเอง อาจารย์แกไม่อยากให้เสียโอกาสเพราะบริษัทนั้นเป็นบริษัทใหญ่ ผมกับเบียร์ที่ดูจะคะแนนสูงสุดในภาคเลยได้รับเลือกก่อน

ใจจริงผมก็อยากปฏิเสธอยู่เหมือนกัน เพราะผมไม่คิดจะไปทำงานต่อที่นั่นอยู่แล้ว มันไกลเกินไป  ผมคิดไว้ว่าถ้าไม่ได้ทำงานในจังหวัดนี้ ผมก็อยากจะไปทำงานในจังหวัดที่ใกล้กับแม่ใหญ่มากกว่า

ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทRKนี่เท่าไหร่ รู้แค่เป็นบริษัทของเจ้าของกิจการโรงแรมและที่พักระดับโลก ดูเหมือนจะขยายฐานมาที่ไทยแล้วก็กำลังจะมาตั้งบริษัทแม่ที่นี่ ใครจะไปคิดว่าบริษัทระดับนั้นจะยื่นเรื่องขอตัวเด็กฝึกงานด้วยตัวเอง…

“ถ้ามึงไปฝึกไกลแบบนั้น…แล้วคนที่บ้านอะ”โนว์มันหันมาถามผม แน่นอนว่าคนที่บ้านที่มันว่าไม่ได้หมายถึงครอบครัว เพื่อนผมทุกคนรู้ดีว่าผมเป็นเด็กกำพร้าและอยู่คนเดียวมาตลอด…จนไม่กี่เดือนก่อนที่มีหมาบอกให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันนั่นล่ะ

“ถ้ากูไป โซเข้าใจอยู่แล้ว…”ใช่ โซโล่เข้าใจผมอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องอนาคตหรืออะไรแบบนี้เจ้าหมานั่นยิ่งเข้าใจแน่นอน…แต่กลายเป็นผมเองที่กังวล

นี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้ผมอยากปฏิเสธ…ไม่ใช่แค่โซโล่ที่ไม่อยากห่างจากผม แต่ผมเองไม่อยากห่างจากเขาเหมือนกัน

“กูก็เครียดว่ะ ซันมันเต็มใจให้กูไปก็จริง แต่กลายเป็นกูไม่อยากไปเสียเอง”โนว์ว่าแล้วถอนหายใจ ดูเหมือนเรื่องที่มันคิดจะไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ “ทำไงได้วะ…ก็ต้องทนไป”

“นั่นสินะ”

“ถ้าเกิดคนของมึงไม่อยากให้ไป มึงจะทำยังไงวะกีล์”

เรื่องนั้น…

“กู…”

 

 

“ทำไมไปฝึกงานไกลขนาดนั้นล่ะ”เสียงอ่อยๆของหมาหน้านิ่งทำให้ผมใจเสีย ยังไม่ทันได้พูดอะไรมือที่ถือแก้วคู่ก็วางแก้วลงกับโต๊ะแล้วเดินไปนั่งที่โซฟากลางห้อง ผมรีบวางแก้วลายเดียวกันลงแล้วเดินตามไปนั่งข้างๆ

“พี่ยังไม่ได้ตัดสินใจครับ”ผมรีบพูด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่อยากให้อีกคนคิดมากทั้งที่ตัวเองก็มีเหตุผลแท้ๆ “พี่ว่าจะลองดูในจังหวัดก่อน ที่นั่นไว้เป็นตัวเลือกสุดท้าย…”

“กีตาร์…”โซโล่หันหน้ามาหาผมแล้วยิ้มบางๆ “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ไม่ต้องรีบพูดก็ได้”

“ก็พี่…ไม่อยากให้โซคิดมาก”

“แค่นั้นเองเหรอ”

“ก็…”ผมมองหน้าเขา พอได้เห็นใบหน้าที่เหมือนกำลังรอคอยแล้วสุดท้ายก็ยอมพูดออกไปตามความจริง “พี่ก็ไม่อยากห่างโซด้วย”

“ผมก็ไม่อยากห่าง”เจ้าหมายิ้มน้อยๆก่อนจะหลับตาลง ถอนหายใจแผ่วเบา “แต่ก็เข้าใจ”

“โซ…”

“ถ้าที่นั่นไม่น่าสนใจ กีตาร์คงไม่เก็บเอามาคิดด้วยซ้ำ…แสดงว่าต้องมีอะไรดีใช่ไหม”

“ครับ…”ผมยอมรับเสียงค่อย จับมืออีกคนมาวางไว้บนตักแล้วอธิบายต่อ “อาจารย์พี่อยากให้พี่กับเบียร์ไปฝึกที่นี่ ทางนั้นเขายื่นเรื่องขอรับคนไปฝึกเอง เป็นบริษัทใหญ่จากต่างประเทศที่เข้ามาเปิดใหม่ที่ไทย ที่สำคัญดูเหมือนกำลังจะกลายเป็นบริษัทแม่ด้วย พี่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยื่นเรื่องขอเด็กฝึกงานจากที่นี่ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากจริงๆ ถ้าได้ฝึกงานที่นี่ตอนหางานน่าจะหาได้ง่าย”

โซโล่เงียบไป เขาหรี่ตาลงเหมือนกำลังคิดหรือสงสัยอะไรบางอย่าง พอเห็นคิ้วที่ขมวดนั่นผมก็รีบเขย่ามืออีกคนเบาๆให้หันมามองแล้วพูดต่อ

“แต่พี่ไม่ได้คิดจะทำงานที่นั่นอยู่แล้วนะครับ…พี่ไม่อยากทำงานไกลๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอยู่ในจังหวัดหรืออยู่ใกล้ๆแม่ใหญ่มากกว่า”

“ผมเข้าใจ”

“แต่พี่…”

“กีตาร์”โซโล่เรียกเสียงอ่อนแต่หนักแน่น “ผมเข้าใจจริงๆ”

“…”

“ปกติก็เป็นคนใจเย็น…แล้วทำไมตอนนี้ถึงดูลนลานนัก”

ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าบึ้ง เผลอบีบมืออีกคนแรงๆด้วยความหงุดหงิด รู้แล้วยังจะถามอีก…

“ก็โซสำคัญ…”

“ครับ…”โซโล่หัวเราะ “กีตาร์ก็สำคัญเหมือนกัน”

“…”

“เพราะงั้นผมถึงบอกว่าเข้าใจ ผมรู้ว่ากีตาร์อยากไปฝึกงานที่นั่น ถ้ามันมีโอกาสที่ดีกว่าผมก็ไม่ห้ามหรอก ตกลงกับอาจารย์ไปเถอะ”

ผมยิ้มรับ รู้สึกเหมือนคำพูดที่เบียร์มันพูดทิ้งไว้ก่อนแยกกันวนเวียนอยู่ในหัวเต็มไปหมด

‘พวกมึงควรจะดีใจมากกว่าที่คนที่อยู่ข้างๆเข้าใจ…เขาต้องใช้ความอดทนแค่ไหนกับการยอมให้มึงห่างตัวไป รู้แล้วก็อย่าเสือกคิดเยอะแล้วตั้งใจทำให้ดีๆสิวะ’

ไม่ใช่ว่าเขาอยากให้ไป…แต่เพราะเข้าใจเรา เพราะงั้นต้องทำให้ดี อย่าให้เขาผิดหวัง

จะได้รีบกลับมาหากันไวๆ

“โซจะไม่เป็นไรแน่นะครับ”ผมถามย้ำด้วยความไม่มั่นใจ โซโล่ทำหน้าเหมือนโดนดูถูกแล้วยื่นมือมาดึงแก้มผม

“ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ…ไม่เป็นอะไรหรอก”

แต่พี่เป็น…

“แล้วถ้าเกิดผมบอกว่าไม่อยากให้ไป กีตาร์จะทำยังไง”

ผมมองใบหน้าของคนที่กำลังเลิกคิ้วรอคำตอบแล้วก็ยิ้มบางๆ รู้สึกเหมือนคำตอบที่บอกเพื่อนไปชัดเจนยิ่งกว่าเดิมเสียอีกเมื่อมาอยู่ต่อหน้าเจ้าตัวแบบนี้

“พี่ก็จะไม่ไป”

“…”

“ที่ฝึกงานดีๆหาใหม่ได้ครับ อาจจะไม่ดีเท่าที่นั่นแต่ก็มีชื่อเสียงเยอะแยะ แถมพี่เก่งอย่างนี้ใครจะไม่รับ”ผมพูดกลั้วหัวเราะ เห็นคนฟังขำตามแล้วก็รู้สึกดี “แต่หมาตัวนี้…”

“หืม…”

“หาใหม่ไม่ได้แล้ว”

เพราะไม่ได้คิดจะทำงานที่นั่นอยู่แล้ว จะหาที่ฝึกงานใหม่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ ถ้าได้ที่นั่นอาจจะมีโอกาสได้ที่ทำงานดีๆมากขึ้นก็จริง แต่ผมก็เชื่อมั่นในความสามารถตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะหางานดีๆได้ต่อให้ฝึกที่อื่นก็ตาม

แต่หมาตัวนี้มีอยู่ตัวเดียว…

ต่อให้งอแงใส่บอกว่าไม่ให้ไปทั้งที่ไม่มีเหตุผล…ถ้าผมอธิบายแล้วยังไม่ยอมอีกผมก็พร้อมจะเลือกคนข้างๆมากกว่าอยู่ดี

“อีกอย่าง…ถ้าพี่ไม่มีงานทำก็ให้โซเลี้ยงแทนก็ได้”ผมพูดเล่นไปอย่างนั้น แต่กลายเป็นคนฟังพยักหน้าจริงจังเหมือนจะเอาแบบนั้นจริงๆ

“ก็ดี…จริงๆผมก็อยากให้กีตาร์อยู่บ้านมากกว่า”

“พี่ล้อเล่นนะครับ อย่าทำหน้าจริงจังสิ”ผมรีบพูด กลัวว่าเจ้าหมาจะเอาไปคิดจริงจังแล้วขังผมไม่ให้ไปทำงานจริงๆ ก็หน้าตานิ่งๆนั่นมันบอกชัดๆว่ากำลังคิดอยู่

“ผมก็ล้อเล่น”

เหรอ…หน้าตานี่ไม่ได้บอกว่าล้อเล่นเลยนะ

เรานั่งเล่นคุยเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงหาเรื่องมาคุยกันได้ทุกวันไม่มีเบื่อ ทั้งที่เจอกันทุกวันตอนตื่นตอนนอน แยกกันก็แค่ตอนเรียน พอตกเย็นก็มาเจอกันอีก รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นความสุขเล็กๆที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว

“แล้ว…โซจะไม่คิดถึงพี่เหรอครับ”ผมแกล้งถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

เจ้าหมายกยิ้มมุมปาก มองผมด้วยดวงตาเป็นประกาย

“คิดถึงสิ…”

“…”

“แต่ผมรวย…”

“…”

“เพราะงั้นผมไม่โง่ปล่อยให้ตัวเองคิดถึงโดยไม่ทำอะไรหรอก”

------------------------------

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-01-2017 21:38:31
แหม่ พ่อคนรวย ประโยคสุดท้ายนี่น่าหมั่นไส้เจ้าหมาโซมาก 55555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 31-01-2017 21:55:29
ตอนแรกจะซึ้งละ
แต่ผมรวย......
เจ้หมั่นไส้!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 31-01-2017 22:29:06
เดาว่า บริษัทที่ภูเก็ต เป็นบริษัทพ่อเจ้าฮัสกี้แน่นอน
พี่กีล์จะโดนคุณพ่อทดสอบมั๊ยเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 31-01-2017 22:37:47
หืมมมม บริษัทที่ภูเก็ตทำไมแปลกๆ ได้กลิ่นตุๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-01-2017 22:53:52
จ้า พ่อคนรวยถ้าว่างนี่คงบินไปหาพี่กีลล์แน่ๆใช่ไหมโซ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-02-2017 01:13:05
เกือบจะดีละโซ
แต่ประโยคสุดท้ายนี่มัน...
จ้าๆๆ พ่อคนรวยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 01-02-2017 01:38:48
"ผมรวย" มีความชัดเจน...  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 01-02-2017 06:31:47
แต่ผมรวย <<< หมั่นไส้มากเจ้าหมา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 01-02-2017 08:09:10
สรุปกีร์สินะที่ติดน้องอะ. 5555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 01-02-2017 09:04:27
บริษัทของพ่อโซแน่ๆ  :z1: อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น เจย์ก็บินตรงมาจากอังกฤษ บริษัทก็พึ่งเข้ามาเปิด เราคิดว่าคุณพ่อโซน่าจะมีเหตุผลบางอย่างอาจประมาณว่ารักกับเจย์แต่ต้องแต่งกับแม่โซหรือเปล่า
#มโนล้วนๆ

 โชคชะตามักวนเวียนอยู่รอบตัวเราเสมอค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-02-2017 09:55:30
ฮิ้วววววววววว~~~~~!!!
"ผมรวย" เกร๋มากอ่ะแกร มีความใช้เงินแก้ปัญหานะโซโล่ 555555555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 01-02-2017 15:40:23
ชอบคำตอบน้องหมา รวยยยยยย
แต่สงสัยว่าบริษัทที่คนพี่จะไปฝึกเป็นของคุณพ่อหรือป่าวน้า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-02-2017 18:16:26
จ้ะ พ่อคนรวย!!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-02-2017 19:24:23
แหมหมั่นไส้หมาตรงผมรวยนี่ล่ะ
แต่บ.นี่น่าจะเป็นบ.ของพ่อใช่มะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-02-2017 19:58:32
น่ากลัวจัง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 01-02-2017 20:08:53
จริงหรอ
ไม่เชื่อหรอก
ทำให้ดูสิ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 01-02-2017 20:59:41
555  ขอหมั่นไส้คำว่าแต่ผมรสยของเจ้าหมานี่หน่อยเถอะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-02-2017 21:20:48
หล่อและรวยมาก พระเอกเรื่องนี้ 5555 เรื่องจริงทั้งนั้นค่ะ
พี่กีล์น่ารัก ชมร้อยรอบพันรอบ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 01-02-2017 21:22:39
หมั่นไส้จริงๆ 5555+
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 02-02-2017 06:38:12
 :hao7:อิหมา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-02-2017 10:18:03
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-02-2017 16:22:36
โอ๊ยยยย หวานหวานจนจะหมั่นไส้ละนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 03-02-2017 09:19:20
ตามทันแล้วจ้าาาา อ่านเรื่องนี้แล้วหุบยิ้มไม่ลงเลย แถมยังต้องต้องนั่งบิดไปบิดมาอีก น่ารัก อบอุ่น ฟิลกู้ดมากกกก เขินมากจริง :-[

หมั่นเจ้าฮัสกี้ตอนล่าสุดมากอ่ะตอนบอกว่าผมรวย อ่อจ้าาาา พ่อคนหล่อรวยยยย ว่าแต่บริษัทนั้นของพ่อเจ้าฮัสกี้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 03-02-2017 17:39:54
ยังไงน๊าาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER23 P.17 [31/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 04-02-2017 22:09:42
-24-

 

“คุณกีล์!”

ผมหันไปตามเสียงเรียก เห็นชายหัวทองโดดเด่นโบกมือมาแต่ไกล ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าหน้าตาคุณเจย์ดูสดใสขึ้น คงเป็นเพราะได้เคลียร์ปัญหากับโซโล่ไปแล้ว

ว่าแต่เขามาทำอะไรหน้าคณะผม…

เวลาเลิกเรียนแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าคนหน้าคณะจะเยอะขนาดไหน นี่ก็มองคุณเจย์กันคอแทบหัก ดีที่ผมรีบลงมาก่อนเพื่อนเพราะต้องไปทำงาน ถ้าพวกมันมาด้วยสงสัยได้โดนถามยาวจนไปทำงานสายแน่ๆ

“คุณเจย์ มาทำอะไรครับ”ผมเดินเข้าไปหาคนที่กำลังยืนยิ้มรออยู่ รู้สึกแปลกตานิดหน่อยเพราะเขาอยู่ในชุดเสื้อคอวีกางเกงขายาวธรรมดา ทั้งยังไม่ได้เซตผมเหมือนทุกวัน วันก่อนๆเวลาเจอกันทีไรเขามักจะใส่ชุดสูทอยู่เสมอ โซโล่บอกผมว่าคุณเจย์ต้องเดินทางไปดูงานแทบทุกวัน พอมาเจอแบบนี้ดูเด็กลงกว่าเดิมเสียอีก

“มาหาคุณกีล์ครับ”คุณเจย์ว่าแล้วมองไปรอบๆ สบตาใครเจ้าตัวก็ยิ้มให้ไปหมดจนพวกผู้หญิงหน้าแดงกันเป็นแถบ “พอดีวันนี้ผมว่างเลยมาเที่ยวเล่น เห็นคุณชายบอกว่าวันนี้จะไปเล่นดนตรีที่งานวันเกิดรุ่นพี่ เขาเลยวานให้ผมมาบอกคุณกีล์แล้วไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟรอเขาพร้อมคุณ”

“วันนี้โซจะไปเล่นดนตรีข้างนอกเหรอครับ”ผมถามอย่างแปลกใจ ก้าวเท้าเดินไปพร้อมกับคุณเจย์ ปกติโซโล่ไม่ได้เล่นดนตรีที่อื่นนอกเหนือจากในมหา’ลัย ผมไม่เคยได้ยินเขาพูดเรื่องนี้มาก่อนเลย

“คุณชายบอกว่าคุณเก้าบังคับน่ะครับ”คุณเจย์ว่าแล้วหัวเราะเบาๆ ผมเองก็ยิ้มตามไปด้วยเพราะพอจะคิดภาพเด็กแสบนั่นบังคับเพื่อนออกอยู่เหมือนกัน “คุณเก้าเองก็โดนรุ่นพี่บังคับให้ไปงานวันเกิดเพราะเป็นรุ่นพี่ในสาย เห็นว่าโดนบังคับให้เล่นดนตรีเพราะไม่มีของขวัญวันเกิดให้น่ะครับ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ เหมือนจะเคยได้ยินโซโล่พูดมาว่าคณะเขาแทบจะไม่มีคนที่ร้องเพลงเพราะเลยนอกจากเก้ากับรุ่นพี่อีกสองสามคน เพราะงั้นเด็กปีหนึ่งแถมยังร้องเพลงเพราะอย่างเก้าเลยโดนใช้งานหนักเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องของขวัญนั่นคงเอาเป็นข้ออ้างเสียมากกว่า

“แล้วนี่พวกนั้นยังไม่เลิกกันเหรอครับ”

“เห็นว่าอยู่คุยเรื่องเพลงอีกหน่อยครับ น่าจะมีวงดนตรีจากข้างนอกมาเล่นด้วยเลยต้องนัดคิวกัน พวกคุณชายน่าจะขึ้นเวทีกันตอนห้าทุ่ม”

“แล้วคุณเจย์ไปด้วยหรือเปล่าครับ”

“โดนคุณชายบังคับให้ไปครับ เห็นบอกว่าอยากให้พักผ่อนบ้าง”

“ดีแล้วล่ะครับ”จริงๆก็อยากจะบอกว่าไม่ต้องตามใจเจ้าหมาก็ได้อยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นใบหน้าเปื้อมยิ้มของคุณเจย์แล้วผมก็เข้าใจทันที…ที่บอกว่าโดนบังคับก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง อีกอย่างจะว่าคุณเจย์ก็คงไม่ได้…

เพราะดูเหมือนผมจะตามใจเจ้าหมานั่นมากกว่าคุณเจย์เสียอีก

“คุณเจไดเองก็ไปด้วยนะครับ เห็นว่าว่างอยากปลดปล่อย เดี๋ยวก็จะติดรถไปพร้อมกันหมด”

ผมหัวเราะเมื่อได้ยินอย่างนั้น จะว่าไปก็ไม่ได้เจอเจไดมานานแล้วเหมือนกัน ท่าทางจะอ่านหนังสือหนักน่าดูถึงได้บอกว่าอยากปลดปล่อย

“แล้วอย่างนี้จะไปกันยังไงหมดครับ ให้ผมนั่งรถกลับเองก็ได้นะ”เพราะตอนเช้ามารถโซโล่ ยังไงที่นั่งก็ไม่พอถ้าไปด้วยกันหมด

“ผมกลับไปเปลี่ยนรถมาแล้วครับ”คุณเจย์ว่าแล้วหันมามองหน้าผมยิ้มๆ “คุณกีล์เองก็ต้องไปนะครับ คุณชายไม่มีทางให้คุณกลับเองคนเดียวอยู่แล้ว”

“ผมก็ว่าแล้ว”ผมรับคำ ไม่ได้ปฏิเสธอะไร พรุ่งนี้ผมเองก็ไม่มีเรียนอยู่แล้วเพราะอาจารย์ท่านเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด ส่วนเจ้าหมาก็บอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่ายกคลาส ไม่อย่างนั้นผมเชื่อว่าคุณเจย์คงโดนบอกให้พาผมไปส่ง แล้วรอดูจนกว่าผมจะเข้านอนมากกว่าพาไปงานด้วย

กิ๊ง

ผมเดินนำคุณเจย์เข้าไปในร้าน ทักทายน้องผู้ชายที่กำลังจะออกกะก่อนจะพาคุณเจย์ไปนั่งที่โต๊ะใกล้ๆเคาน์เตอร์ ผมจัดการเรื่องคนที่จะมาทำงานแทนเรียบร้อยแล้วเพราะอีกแค่อาทิตย์เดียวผมก็จะเลิกทำงานพิเศษ เงินเก็บที่ออมมาตั้งแต่ปีหนึ่งดูเหลือเฟือเพียงพอที่จะให้ผมอยู่ได้จนถึงช่วงทำงาน แถมช่วงนี้ผมแทบไม่ได้ใช้เงินเลยเพราะมีคนคอยออกแทนให้ตลอดอีกต่างหาก

พนักงานที่เข้ามาใหม่ชื่อโต้ง ดูเหมือนจะเป็นญาติพี่แก้วที่ว่างงานอยู่ ช่วงนี้เขาจะเข้ากะทำงานพร้อมผมเพื่อเรียนรู้งาน พอผมออกจากงานแล้วก็จะทำแทนผมพร้อมกับน้องอีกคนที่อยากได้เวลางานเพิ่ม

ผมทำงานพร้อมกับสอนงานโต้งไปด้วย ส่วนคุณเจย์ก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ ผ่านไปสักพักเจไดก็เข้ามาในร้าน ทักทายผมเสร็จก็ฟุบลงกับโต๊ะข้างๆคุณเจย์อย่างเหนื่อยอ่อน ผมไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวไปทำอะไรมา แต่ถ้าให้เดาก็คงเรื่องเรียนเหมือนเดิม

กิ๊ง

ผมหันไปยิ้มให้คนที่เดินเข้ามาในร้านโดยอัตโนมัติ พอเห็นว่าเป็นใครก็รู้สึกเหมือนรอยยิ้มตัวเองจะกว้างขึ้นนิดหน่อย เก้าทำหน้าบูดยกมือทักทายผมแล้วก็เดินไปนั่งฟุบข้างๆเจได ส่วนโซโล่ยังคงหน้านิ่งเหมือนเคย พอหันมาสบตาผมก็ยิ้มน้อยๆแล้วเดินมาหา

“เป็นยังไงบ้างครับ”ผมถามตามความเคยชิน แล้วก็ได้รับรอยยิ้มอ้อนๆกับมือที่ยื่นมาหาเหมือนทุกครั้ง

“เหมือนเดิม…แล้วกีตาร์ล่ะ”

“เหมือนเดิมเช่นกันครับ”ผมวางมือแปะลงบนมือที่ยื่นมาหา บีบเบาๆแล้วปล่อยออก โซโล่พยักหน้าพอใจก่อนจะเดินไปที่โต๊ะ

ผมหันมาจัดการเครื่องดื่มกับขนมหวานให้ทั้งคู่ที่มาใหม่ ไม่ลืมเผื่อแผ่ถึงเจไดที่โดนเก้าถีบเก้าอี้จนต้องลุกขึ้นมาขยี้ตาด้วย

“เป็นยังไงบ้างครับ”

ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเจไดพูดด้วยเสียงแปลกๆ มือวางแก้วน้ำกับขนมที่ใส่ถาดมาลงที่โต๊ะ

“เหมือนเดิม…แล้วตัวเองล่ะ”ตามมาด้วยเสียงเก้าที่พยายามทำให้ดูนิ่งจนน่าหมั่นไส้

“เหมือนเดิมเช่นกันครับ”เจไดว่าแล้วเหลือบตามองผมทีโซโล่ที “แล้วทำไมตัวเองถึงเหมือนเดิมล่ะ”

หืม…นอกจากเปลี่ยนเป็นคำว่าตัวเอง ยังมีการเพิ่มเติมบทเข้าไปอีกเหรอเนี่ย

ผมหัวเราะเบาๆ ยืนกอดอกมองบทละครที่เด็กสองคนกำลังเล่นด้วยความสนใจ คุณเจย์เองก็วางหนังสือในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองยิ้มๆ ต่างกับเจ้าหมาหน้านิ่งที่นั่งตักเค้กไม่สนใจใครโดยสิ้นเชิง

“แหม…เค้าจะไม่เหมือนเดิมได้ไงอะ ก็เค้าใช้ให้เพื่อนเก้าเรียนแทน จดแทน แล้วเค้าก็นอนหลับทั้งวันเลยอะตัวเอง นี่ขนาดอาจารย์ถามเค้ายังใช้ให้เพื่อนเก้าตอบแทนเลยนะ สบายสุดๆเลยอะ”เก้าพูดเสียงนิ่งทั้งที่รูปประโยคดูแปลกๆ และไม่ลืมที่จะเหลือบมองคนที่กำลังกินเค้กด้วยสายตาจิกกัด

ผมเกือบกลั้นขำไม่ทันเมื่อเห็นคนที่โดนพูดถึงเงยหน้ามองเพื่อนเงียบๆ มือที่กำลังจะตักเค้กเข้าปากเปลี่ยนเป็นยื่นให้เพื่อนที่นั่งหน้าบูดแทน

ดูก็รู้ว่าโซโล่แคร์เก้าขนาดไหน…เหมือนกับคนที่บ่นไม่หยุดแต่ก็ยังทำให้ตลอดนั่นล่ะ

“มึงคิดว่าเค้กคำเดียวจะทดแทนบุญคุณกูได้เหรอวะ!”เด็กแสบว่า หน้าตาบึ้งตึงขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็ยื่นปากมางับเค้กคำโตเมื่อเห็นว่าโซโล่จะดึงมือกลับ “ครั้งสุดท้ายแล้วนะเว้ย…กูโดนป้าสมรด่าเพราะไปตอบคำถามแทนมึงเลยเนี่ย!”

ที่แท้ก็โดนอาจารย์ว่าเพราะไปตอบคำถามแทนเพื่อนทั้งที่ไม่ได้โดนถาม

“แล้วพวกเราจะนั่งกันแบบนี้เหรอครับ…อีกนานเลยนะกว่าพี่จะเลิกงาน”ผมถามเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเข้าสู่ปกติ

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมเอาหนังสือมานั่งอ่านอยู่แล้ว”เจไดว่าแล้วชี้ไปที่ตั้งหนังสือด้วยใบหน้าแหยงๆ

“ผมเองก็ไม่มีปัญหาครับ”คุณเจย์พูดยิ้มๆแล้วยกหนังสือภาษาอังกฤษในมือให้ดู

“แล้วเก้าล่ะครับ”ผมมองไปมองเก้าเป็นคนสุดท้าย ส่วนโซโล่มารอผมจนชินแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร เห็นเอาอุปกรณ์ติดไม้ติดมือมาด้วยตลอด

“ผมนั่งฟังเพลงได้เป็นวันอะพี่”เก้าว่าแล้วหยิบสายหูฟังที่เจ้าตัวมักจะพาดไว้ที่คอเสมอชูให้ผมดู

“ครับ งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ”

ผมเดินกลับไปทำงานหน้าเคาน์เตอร์ หันไปมองที่โต๊ะเป็นระยะเมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังมองมา พอผมมองกลับก็เจอเข้ากับหน้านิ่งๆของคนๆเดิมทุกครั้งจนต้องยิ้มกลับไปทุกที

ขี้อ้อนจริงๆ…

 

 

เรามาถึงที่งานวันเกิดกันตอนเกือบห้าทุ่มแล้ว ที่จัดงานดูเหมือนจะเป็นบ้านของใครสักคนที่ใหญ่พอควร มีรถจอดเรียงกันเป็นทางยาวเต็มหน้าบ้านไปหมด คุณเจย์ต้องหาอยู่นานกว่าจะได้ที่จอดรถ

พูดถึงเรื่องรถ…พอผมเห็นรถคันนี้และจำได้ว่ามันเคยจอดอยู่ตรงโซนวีไอพีที่ที่พักผมเลยไปถามคุณเจย์…สรุปว่ารถตรงโซนวีไอพีที่ผมเห็นมันไม่ใช่รถของพวกคนรวยๆที่มีแต่รถแพงๆอย่างที่ผมคิด แต่รถเกือบสิบคันตรงนั้นเป็นของโซโล่ทั้งหมดต่างหาก

ฟังแล้วก็อึ้งไปเหมือนกัน ดูเหมือนเจ้าหมานี่จะไม่ใช่แค่รวยตามที่เจ้าตัวพูดหรอก จะใช้คำว่าเศรษฐีผมยังไม่แน่ใจว่าใช้ได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ

“กีตาร์…”เสียงเรียกอย่างเป็นห่วงดังขึ้นจากด้านข้าง ไม่รู้โซโล่เปลี่ยนจากการเดินนำหน้ามาเดินข้างผมเมื่อไหร่

“ไม่เป็นไรครับ”ผมยิ้มให้แต่ดูเหมือนเจ้าหมาจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ผมเลยใช้นิ้วตัวเองเกี่ยวนิ้วอีกคนแล้วแกว่งไปมาเบาๆ “พี่แค่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับ”

“คิด?”

“คิดว่าหมาตัวนี้รวยจริงๆด้วย”ผมว่าเสียงยานคาง ยื่นมือไปขยี้หัวหมาตัวที่ว่าด้วยความหมั่นไส้จนเจ้าตัวหน้ามุ่ย

“น้องกูพาแฟนมาด้วยว่ะ”เสียงเฮฮาจากด้านหน้าเรียกให้ผมหันไปมอง แล้วก็พบว่าเป็นเด็กดุริยางค์หน้าตาคุ้นๆกำลังชูแก้วเหล้าทักทาย น่าจะเคยเห็นตอนไปทะเล เขานั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำด้านหน้าเวที มีคนที่ผมคุ้นคุ้นตาอยู่หลายคนนั่งอยู่รอบๆ

“สวัสดีครับ”ผมทักทาย ส่งยิ้มให้ตามมารยาท ไม่ได้ว่าอะไรเมื่อได้ยินเสียงแซวจากรอบทิศทาง

“ตามสบายนะกีล์”ผู้ชายที่คาดที่คาดผมรูปเค้กซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของวันเกิดพูดขึ้น ดูจากคำเรียกแล้วคงอยู่ปีสี่เหมือนผม

“ขอบคุณครับ”

โซโล่พาผมกับคุณเจย์มานั่งตรงเก้าอี้แถวหน้าเวที ส่วนเจไดนี่วิ่งทักคนนั้นคนนี้ไปทั่วงาน ดูๆไปแล้วท่าทางเขาเหมือนเด็กดุริยางค์มากกว่าเด็กแพทย์เสียอีก

ผมมองตามโซโล่ที่เดินขึ้นไปบนเวทีกับเก้าด้วยรอยยิ้ม โซโล่นี่ไม่แปลกเท่าไหร่เพราะนิ่งยังไงก็ยังอย่างนั้น แต่เก้านี่ผมรู้สึกเหมือนเวลาอยู่บนเวทีทีไรเปลี่ยนเป็นคนละคนตลอด ท่าทางแสบๆนั่นหายไปหมดเลย

ดูเหมือนจะมีแค่สองคนนั้นบนเวที เพราะโซโล่กำลังรับกีตาร์โปร่งมาจากผู้ชายคนหนึ่งแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนเก้าก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างกัน

“โหลๆ เทสๆ”น้ำเสียงขี้เล่นจากบนเวทีเรียกให้ทุกสายตาหันไปมอง เก้ายิ้มน้อยๆก่อนจะมองไปทางเจ้าของวันเกิดซึ่งนั่งอยู่ริมสระน้ำ “พวกผมมาเล่นให้ละนะพี่บี ห้ามบ่นแล้วนะเว้ย”

“ไอ้ห่า! มึงหลานรหัสกูก็ต้องมาอยู่แล้วปะวะ”คนที่เก้าเรียกว่าบีซึ่งเป็นเจ้าของวันเกิดตะโกนกลับแล้วยกมือที่ถือแก้วเหล้าชี้หน้าเก้า

“ผมง่วงนอนจะตายห่าอยู่แล้ว กว่าจะลากไอ้โซมาได้ แม่ง…”เก้าบ่นอุบอิบออกไมค์ ทั้งผมทั้งคุณเจย์หัวเราะเบาๆกับท่าทางน่าเอ็นดูของเขา

“ไม่ต้องพูดเลยมึง ของขวัญวันเกิดกูก็ไม่มี”

“นี่ไงของขวัญ…”เก้าว่าแล้วยืดอก “ค่าตัวพวกผมไม่ใช่ถูกๆนะครับผม นี่มาเล่นให้ฟรีๆเลยนะเนี่ย”

“ไอ้…”

เสียงหัวเราะดังลั่นทั่วงานเมื่อเก้าหันไปสะกิดขาคนหน้านิ่งด้านข้างให้เริ่มดีดกีตาร์ ซึ่งมันเท่ากับเป็นการตัดบทคำพูดของบีพอดี ส่วนคนโดนตัดบทก็ด่าทอเสียงดังแต่มุมปากก็ฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นที่รักของทุกคน…

เสียงเพลงจังหวะเบาๆที่ดังออกมาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ต้องยอมรับว่าเสียงของเก้ามีเสน่ห์มากจริงๆ พอได้จับไมค์แล้วก็กลายเป็นคนที่ดูน่ามองขึ้นมาทันที คงยากที่ใครจะละสายตาไปจากเจ้าตัวได้

ผมขยับสายตาไปมองคนที่นั่งเล่นกีตาร์ โซโล่มองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มนิดๆ นอกจากก้มลงไปมองกีตาร์แล้วก็ไม่ได้มองไปที่อื่นอีก น่าแปลกที่ผมรู้ว่าสายตานั่นกำลังบอกว่าอยากลงมาหาไวๆ

ตอนจบเพลงที่สี่ผมเห็นโซโล่สะกิดเก้าแล้วซุบซิบกันอยู่สองคน เก้ากรอกตาทำหน้าบูดก่อนจะพูดออกไมค์เสียงดังจนผมสะดุ้ง

“พี่บี! โซมันถามว่าอีกนานปะกว่าจะมีคนมาเปลี่ยน มันจะลงไปหาแฟน!”

เล่นแบบนี้เลยเหรอเด็กแสบ…

“เล่นให้ครบสิบเพลงเลยมึง!”บีตะโกน ท่าทางน่าจะเมาพอควร “ไม่เอาของขวัญมาก็รับผิดชอบเลยห่า”

ผมอมยิ้มเมื่อไม่ใช่แค่เก้าที่ทำหน้าบูด ตอนนี้เจ้าหมาที่นั่งเล่นกีตาร์ก็ทำหน้าบูดไม่แพ้กัน

สมเป็นเพื่อนกันจริงๆ…

“คุณชายดูมีความสุขมากเลยนะครับ”คุณเจย์พูดลอยๆ ตามองไปบนเวทีพร้อมรอยยิ้ม “ผมไม่ได้เห็นคุณชายเป็นแบบนี้มานานแล้ว”

“งั้นคุณเจย์ก็อยู่ด้วยกันนานๆสิครับ”ผมยิ้มให้เมื่อเขาหันมามอง

“ที่คุณชายมีความสุขเพราะคุณกีล์ต่างหากครับ”

“ก็อาจจะใช่ครับ”ผมไม่ปฏิเสธเพราะโซโล่เองก็บอกว่าผมเป็นความสุขของเขา “แต่โซดูมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมตอนที่คุณมาที่นี่”

ผมอยู่กับโซโล่แทบจะตลอดเวลา ไม่แปลกที่ผมจะรู้ดีว่าเขามีความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง อย่างช่วงหลังจากที่เข้าใจกับคุณเจย์แล้วเขาก็ดูมีความสุขมากขึ้นจริงๆ ต่อให้หน้านิ่งแค่ไหน แต่ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆของเขาผมรู้สึกถึงมันชัดเจน

“คุณกีล์ก็รู้ว่าผมทำไม่ได้”คุณเจย์ยิ้มเศร้า เอนตัวพิงกับพนักพิงแล้วเงยหน้ามองฟ้า

“แต่คุณท่านก็กำลังจะมาไทยไม่ใช่เหรอครับ”

“ครับ…แต่คงไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณท่านน่าจะไปอยู่แถวบริษัทใหม่มากกว่า”

“อย่างน้อยก็ยังอยู่ในไทยนะครับ คุณน่าจะขอมาหาโซได้”ผมพยายามมองโลกในแง่ดี คิดว่าคุณท่านไม่น่าใจร้ายกับคุณเจย์

“ผม…ไม่ค่อยแน่ใจครับ ถ้าคุณท่านยอมก็อาจจะมาได้”

“คุณยอมท่านมากเลยนะครับ”ผมพูดยิ้มๆ ยังจำได้ชัดเจนถึงสิ่งที่คุณเจย์เคยพูด…ไม่ใช่แค่คำสั่งของคุณแม่โซโล่เขาถึงกลับไป…แต่เพราะตัวเขาเองด้วย

“ถ้าเรื่องอยู่ใกล้ ผมก็คงยอมรับว่าเต็มใจครับ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ “แต่ผมไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านจะทำกับพวกคุณ ผมไม่รู้เลยว่าท่านคิดอะไรอยู่”

“คุณเจย์…”

“ผมไม่อยากให้คุณชายเสียใจเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”ผมพูดอย่างมั่นใจ ไม่ได้หลบตาเมื่อคุณเจย์หันมามอง “ผมยังยืนยันคำเดิม…”

“…”

“ผมไม่มีวันทิ้งโซ”

ต่อให้ ‘ใคร’ มาขวางก็ตาม...

 

 

“โซซซซซ…ถึงคราวกูเมื่อไหร่มึงไม่ช่วยกูขโมยพี่กีล์แน่”

ผมพยายามช่วยโซโล่ดึงตัวเพื่อนที่เมาแล้วทำท่าจะไหลไปกับเก้าอี้ขึ้นมานั่งเหมือนเดิม หลังลงมาจากเวทีสองเพื่อนซี้ก็กินเหล้ากันรัวๆ โซโล่ไม่เท่าไหร่เพราะค่อยๆจิบ แต่เก้านี่กระดกเอาๆ ผมดูแล้วเด็กนี่ไม่ใช่คนคออ่อนหรอก แต่กินเหมือนกินน้ำแบบนี้คอแข็งขนาดไหนก็คงทรงตัวอยู่ยาก

ที่ผมไม่ห้ามเพราะคิดว่านอกจากทรงตัวไม่อยู่แล้วเจ้าเด็กแสบก็ยังพูดคุยรู้เรื่องเหมือนปกติ เอาไว้พูดไม่รู้เรื่องเมื่อไหร่ค่อยห้ามก็แล้วกัน

“เรียกพี่ก็ไม่ได้อะ ทำไมวะ”

แต่ดูเหมือนควรจะห้ามได้แล้ว…พูดเรื่องอะไรล่ะเนี่ย

“แล้วหายไปไหนตั้งนาน…หาไม่เจอเลยอะ”เก้ายังบ่นไม่หยุด คิ้วก็ขมวดมุ่นเหมือนคนไม่พอใจ

“พูดเรื่องอะไรครับเก้า”ผมถามเบาๆ ไม่ได้คาดหวังคำตอบเท่าไหร่ แค่ชวนคุยเพื่อเช็คว่าเมาขนาดไหน

“เจอเมื่อไหร่นะ...โดนแน่”

โดน?…

“โซ…”ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่น่าจะพึ่งได้ที่สุด โซโล่ขมวดคิ้วหน่อยๆแต่ก็ยอมวางแก้วเหล้าแล้วดึงเพื่อนให้นั่งดีๆ

“พูดอะไรของมึง”

“ใครวะ”เก้าหน้าบึ้ง ขยับตัวนั่งแล้วขยี้หัวตัวเอง “จ๋า…คนนั้นหายหัวไปเลยอะ เราอยากเจอ”

“เก้า!”โซโล่เรียกเสียงดัง ดันหัวเพื่อนที่เริ่มเอียงให้กลับไปตั้งตรง

“อ้าวโซ…มึงเจอคนนั้นบ้างปะวะ”

ท่าจะเมาหนัก

“ผมว่าพากลับก่อนดีกว่าครับ”คุณเจย์หัวเราะก่อนจะลุกจากโต๊ะมาช่วยพยุงเก้า

“ดีเหมือนกันครับ”ผมส่งเก้าให้โซโล่กับคุณเจย์พยุงแล้วเดินไปลาบีที่ท่าทางเมาไม่รู้เรื่อง ส่วนเจไดก็บอกว่าเดี๋ยวมีคนมารับที่นี่ ปัญหาคือเก้าที่โซโล่บอกว่าอยู่หอคนเดียวแถวๆมหา’ลัย ถ้าจะย้อนกลับไปก็ดูจะดึกเกิน แถมเก้าก็หลับไปแล้วเรียบร้อย ไม่รู้ว่าเอากุญแจไว้ไหนแล้วจะขึ้นหอได้หรือเปล่าอีก

สุดท้ายพวกผมก็เอาเก้ากลับมาด้วยกัน คุณเจย์ขอตัวกลับห้องไปแล้ว ส่วนเก้าก็เข้าไปนอนอีกห้องซึ่งไม่มีคนใช้ เจ้าหมาบอกว่าเป็นห้องเผื่อไว้เฉยๆยังไม่เคยมีใครมานอน จริงๆก็จะเอาไว้รับแขกแต่ตัวเองไม่ชอบให้ใครมาอยู่แล้วเลยปล่อยว่างไป

ผมปล่อยให้โซโล่ไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองมาเตรียมนมอุ่นไว้ พอเห็นแก้วที่วางอยู่คู่กันแล้วก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

น่ารัก…

อยากเห็นตอนเจ้าหมาไปซื้อแก้วคู่นี่จริงๆ

หลังจากได้แก้วมาก็กลายเป็นผมกินนมอุ่นกับโซโล่อยู่ทุกคืน เรียกได้ว่าติดไปด้วยอีกคนเลยก็ว่าได้ ตอนแรกผมไม่ได้กินนมตลอดแบบนี้ ที่มีติดไว้ในตู้เย็นที่ร้านกับที่หอนั่นก็เพราะผมชอบเอาไว้กินเวลานอนดึกแล้วหิว ไม่ได้ถึงขนาดต้องกินทุกวัน

ดูเหมือนอะไรๆก็เปลี่ยนไป…ในทางที่ดีขึ้น

ผมสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นจากผิวหนังของคนที่เดินมากอดจากด้านหลัง หมาขี้อ้อนวางคางลงบนไหล่ผมเหมือนทุกทีแล้วกอดไว้แน่น ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ยืนกอดอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย

“อ้อนอะไรครับ”ผมถามแล้วจับแขนที่กอดเอวตัวเองไว้ ไม่ได้ดึงให้ปล่อยแค่จับไว้นิ่งๆอยู่อย่างนั้น

“คิดถึง”

“เรายังไม่ได้ห่างกันเลยนะครับ…นอกจากตอนเรียน”ผมหัวเราะ แกะแขนเจ้าหมาออกแล้วหันไปเผชิญหน้า

“แค่ตอนเรียนก็คิดถึงแล้ว”เจ้าหมาทำหน้าตึง ยื่นมือมากอดเอวผมแล้ววางคางไว้บนไหล่เหมือนเดิม

“ตอนพี่ฝึกงานต้องห่างนานกว่านี้อีกนะครับ”ผมอดพูดไม่ได้เพราะยังไงก็เป็นความจริง อยากให้เจ้าหมาเตรียมใจเอาไว้บ้างว่าจะไม่ได้เจอกันทุกวันเหมือนเคย

ถึงจะบอกว่าตัวเองรวยบินไปหาได้ตลอดก็เถอะ

“นั่นสิ…นี่แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็แย่แล้ว นั่นตั้งห้าวัน”

หมายความว่าจะบินมาทุกอาทิตย์สินะ

“อดทนหน่อยนะครับ”

“ครับ”เจ้าหมาถอนหายใจแต่ก็ยอมรับคำอย่างว่าง่าย

“พี่…”

“หิววววววววววววววววววววววววววว!”

ผมสะดุ้ง ผละตัวออกจากโซแทบไม่ทัน ลืมไปเสียสนิทว่ามีแขกอีกคนอยู่ในห้อง ใครจะไปคิดว่าคนที่ดูท่าทางเมาแบบนั้นจะลุกขึ้นมาบ่นหิวได้ในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง

“หิว!”เก้ายืนพิงประตูห้องมองมาทางพวกผม ท่าทางเมาๆหายไปหมดเหลือแต่ใบหน้ามุ่ยๆเหมือนคนง่วงนอน

“ไอ้เก้า!”โซโล่เรียกเสียงดังหมดมาดนิ่งๆ ก่อนจะเดินไวๆไปหาเพื่อนแล้วล็อคคอลากไปที่โซฟา

“ไอ้โซ! ปล่อยยยยยยยย”

ผมยืนพิงโต๊ะมองสองเพื่อนซี้ทะเลาะกันขำๆ มันไม่ใช่การทะเลาะกันแบบหาเรื่อง แต่เป็นการทะเลาะกันที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยเห็น

โซโล่ที่ตัวใหญ่กว่าล็อคคอเก้าแล้วขยี้หัวทุยๆนั่นด้วยความหงุดหงิด ส่วนเก้าก็พยายามดิ้นให้หลุด พอไม่ได้ผลก็กัดแขนโซโล่เสียอย่างนั้น

“กูหิว!”

“มึงขัดจังหวะกู!”

“ก็กูหิวอะ!”

“ครับๆ…เดี๋ยวพี่ทำอาหารง่ายๆให้ทานนะ”ผมตัดบท ปล่อยให้สองเพื่อนซี้กัดกันต่อ ส่วนตัวเองแยกมาทำอาหารง่ายๆให้เก้ากิน

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองหุบยิ้มไม่ได้ คิดว่าเจ้าหมาคงเข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว รอบกายเขายังมีคนอีกมากมายอยู่เคียงข้าง

ผมไม่อยากนึกเลยว่าถ้าโซโล่ไม่ได้กลับมาที่ไทยแล้วจะเป็นยังไง

แต่มันไม่สำคัญแล้ว

ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่และได้พบกับความสุข…แค่นั้นก็พอแล้ว

----------------------------------

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-02-2017 22:28:40
เจ้าเพื่อนซี้ทั้งสองน่ารักกันจริงๆเลยยยย
บริษัทที่ภูเก็ตของคุณป๋าน้องโซจริงๆใช่มั้ยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-02-2017 22:58:27
 :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-02-2017 00:30:17
เริ่มกลัวตอนที่พ่อมาแล้วสิเนี่ย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 05-02-2017 00:30:59
ฮัสกี้เวลาอยู่กับเก้าแล้วเหมือนเด็กๆเลยอะค่ะ
อยากลงไปหาแฟนก็บอกเก้า ง่วงนอนก็ให้เก้าเรียนให้   :hao3:

ไม่อยากให้ความสุขแบบนี้หายไปจากฮัสกี้ขี้อ้อนตัวนี้เลยค่ะ มาม่าอย่าชามใหญ่นักนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-02-2017 00:58:56
เก้าละเมอถึงใครร
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 05-02-2017 02:34:44
ยังน่ารักและอบอุ่นเหมือนเดิม หวั่นใจคุณพ่อจังเลย  :z3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 05-02-2017 05:52:20
 :hao7:  อยากจะให้มาต่อทุกวันเลย 555555. กีต้าร์ทำไมดีขนาดนี้ แล้วยังงี้นายหมาจะไปไหนได้  แต่ไ่ม่อยากให้กีต้าร์แทนตัวว่าพี่แล้ววว น่าจะแทนว่ากีต้าร์ไปเลยยย มันกร้าววววววใจ 5555555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 05-02-2017 06:33:04
เก้านี่ยังไงคะ บ่นแฟนหรอ?



พี่กีล์ยังดีเสมอต้นเสมอปลายตลอด ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 05-02-2017 07:04:14
สองเพื่อนซี้ เก้ากะโซแกลล้งกันน่ารัก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-02-2017 07:32:06
โซอ้อนพี่กีล์ตลอด
โซดูมีความสุขมากขึ้น สดใสขึ้นเยอะ
ดราม่าคุณพ่อสงสัยมาตอนพี่กีล์ไปฝึกงาน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 05-02-2017 09:30:56
หวานก่อนเจอคุณพ่อ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-02-2017 09:49:50
คุณพ่อวางแผนทำอารายน๊าาาา >[   ]<
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-02-2017 11:34:16
ขำาาา 'มึงขัดจังหวะกู'
5555555555555555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 05-02-2017 11:54:31
น่ารักกันจังเลยน้าาาาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-02-2017 11:55:46
 o13  มันช่างดีต่อใจ   :กอด1: 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-02-2017 12:24:59
เพื่อนซี้อยู่ด้วยกันน่ารักน่าปวดหัวดีนะ ว่าแต่เก้าเพ้อถึงใครอ่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-02-2017 15:16:00
 :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 05-02-2017 21:39:14
เก้าน่ารักกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 05-02-2017 21:49:20
เก้าบ่นถึงใครคะ แฟน?
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 06-02-2017 12:56:52
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 06-02-2017 19:17:59
จ๋าคือใคร กลัวแล้วนะ ทั้งเรื่องคุณพ่อทั้งเรื่องบุคคลนิรนาม

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 07-02-2017 07:52:01
อ่านข้ามตอนโซไป ทำไมอิหมามันน่ารักงี้ ฮุ่ยยย อัพต่อเลยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 07-02-2017 11:31:20
สองเพื่อนซี้นี่น่ารักอ่ะ :-[ :impress2:
 :katai5: :katai5:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-02-2017 03:16:51
คุณพ่อน้องโซอย่าใจร้ายกับลูกๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 08-02-2017 10:13:25
บริษัทที่กีตาร์จะไปฝึกงานนี่ต้องเป็นของพ่อโซแน่ๆ เลย  :mew4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER24 P.18 [04/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 08-02-2017 19:16:20
-25-

 

อีกไม่ถึงสองอาทิตย์ก็จะเข้าช่วงสอบแล้ว ผมทั้งตื่นเต้นแล้วก็ดีใจ เพราะนอกจากจะหมดการเรียนการสอนแล้วผมยังต้องไปฝึกงานจริงจังด้วย อีกอย่างที่สำคัญคือผมกำลังจะได้เจอแม่ใหญ่

แค่คิดก็รู้สึกมีความสุข ไม่รู้สี่ปีที่ผ่านมาท่านเป็นยังไงบ้าง เพราะนอกจากจดหมายที่ส่งมานานๆทีผมก็แทบไม่รู้ข่าวท่านเลย แม่ใหญ่เคยบอกว่าจะส่งจดหมายต้องรอเวลามีคนเข้าเมือง ซึ่งบางทีก็เป็นปีกว่าจะเข้าเมืองที ในช่วงเกือบสี่ปีนี่ผมก็ได้จดหมายมาแค่สามฉบับเอง

อยากให้สอบเสร็จวันนี้เลย ผมจะได้เอาความสำเร็จไปให้ท่านดูไวๆ

“ไอ้โซ!ไอ้ขี้โกง!”

“มึงโกงก่อน”

“กูโกงไรวะ”

“มึงชนะติดกัน”

“นั่นเรียกเก่ง ไม่ใช่โกง!”

“โกง”

“ถ้าเก่งอย่างกูเรียกโกง แล้วเล่นๆอยู่มาปิดตากูนี่เรียกไร”

“ฉลาด”

“ไอ้เลวววววววววว!”

ผมส่ายหน้ามองสองเพื่อนซี้ที่นั่งเล่นเกมส์กันไปเถียงกันไปหน่ายๆ ตอนแรกก็เล่นกันดีๆอยู่หรอก แต่พอเก้าเริ่มชนะติดกันเจ้าหมาเลยงอแง ยื่นมือไปปิดตาเพื่อนเสียอย่างนั้น

“คุณเก้านี่เก่งหลายด้านเลยนะครับ”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคุณเจย์ เก้าเก่งหลายอย่างจริงๆ…ทั้งร้องเพลง เล่นดนตรี เล่นเกมส์ เห็นว่าเรียนก็เก่งด้วย แล้วยังเล่นกีฬาอีก

“แต่ดูแสบจริงๆ”

“นั่นสิครับ ใครเอาอยู่ได้นี่คงเก่งน่าดู”ผมพูดขำๆ วางมีดปอกผลไม้ลงแล้วเลื่อนจานไปให้คุณเจย์ “แต่ก่อนจะเอาอยู่คงปวดหัวสุดๆ”

“ผมก็ว่าแบบนั้นครับ”คุณเจย์หัวเราะแล้วดันจานชมพู่คืนให้ผม “เอาไปให้เด็กๆเถอะครับ ผมอิ่มแล้ว”

หลังจากตื่นมาตอนเช้าผมก็พบว่ามีแขกที่ควรจะสลบและตื่นสายสุดนั่งดูการ์ตูนอยู่ที่โซฟาอยู่แล้ว น่าแปลกมากที่เก้าตื่นก่อนผมเสียอีก แถมท่าทางยังไม่เหมือนคนเมาค้างอะไรแม้แต่นิดเดียว เรียกได้ว่าแข็งแกร่งจนน่าตกใจ

พอผมทำอาหารอะไรเสร็จคุณเจย์ก็มาเคาะประตู ส่วนเจ้าหมาที่ตื่นสายสุดก็เดินออกมาจากห้องเหมือนได้กลิ่นอาหารพอดี หลังจากกินข้าวเช้ากันหมด สองเพื่อนซี้ก็ไปนั่งเล่นเกมส์กันอย่างที่เห็น ผมเลยต้องแยกมานั่งปอกผลไม้ให้เพราะไม่อยากกวน ดีที่มีคุณเจย์คุยเป็นเพื่อน

“กีตาร์ ป้อนหน่อย”คนที่กำลังจดจ่อกับเกมส์เรียกผมโดยไม่หันมามอง มือหนึ่งเล่นส่วนอีกมือยังพยายามยื่นไปกวนเพื่อนให้แพ้เหมือนเดิม

“อ่อนว่ะ”เสียงเหยียดๆจากคนเก่งดังขึ้นขัดจังหวะที่โซโล่กำลังอ้าปากพอดี

“อะไร”

“แค่นี้ก็แดกเองไม่ได้ โคตรกาก”ว่าแล้วก็โชว์การใช้มือเดียวเล่นส่วนอีกมือหยิบชมพู่กินอย่างสบายใจ แถมยังหันมายักคิ้วให้เพื่อนหมาหัวร้อนเล่นอีก

“เก้า...”ผมเรียกเสียงอ่อน แต่ดูเหมือนที่กำลังจะห้ามคงไม่ทันแล้ว เมื่อหมาตัวโตละทิ้งทุกอย่างในมือแล้วพุ่งเข้าไปฟัดกับเพื่อนด้วยความหัวร้อน

เอาเถอะ...ร่าเริงกันทั้งคู่ก็ดีแล้ว

“คุณกีล์ไม่เอาด้วยเหรอครับ”คุณเจย์พูดไปขำไป ดูมีความสุขที่เจ้าหมาอารมณ์ดี

“สู้เด็กไม่ไหวแล้วครับ แก่ขึ้นเรื่อยๆ”ถึงจะต่างกันแค่สามปีก็เถอะ แต่กับเด็กที่ยังไม่พ้นยี่สิบตั้งสองคน…ถ้าไปเล่นด้วยกระดูกคงจะหักเอาเสียก่อน

“เข้าใจดีเลยครับ ยิ่งคุณชายนี่แรงเยอะมาตั้งแต่เด็กเลยด้วย”

“ผมก็พอจะเดาได้ครับ”ก็ไม่เคยสู้แรงได้เลยสักครั้งนี่นะ…

“แต่นี่ก็ใกล้ได้เวลาแล้วนะครับ”คุณเจย์เงยหน้ามองนาฬิกา “เดี๋ยวจะถึงเวลานัดแล้ว”

“ประชุมเหรอครับ”

“ครับ แต่ดูเหมือนต้องไปคุยธุรกิจต่อด้วย ผมคิดว่าจะให้คุณชายตามไปดูงานเสียหน่อย”

“ก็ดีเหมือนกันครับ เรียนรู้ไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน”ผมพยักหน้าเห็นด้วยเพราะยังไงโซโล่ก็คงหนีไม่พ้น ถึงจะดูโหดร้ายไปหน่อยเพราะเขาเป็นแค่เด็กปีหนึ่ง แต่ก็ควรจะเรียนรู้ไว้แต่เนิ่นๆจะได้ไม่ลำบากทีหลัง

เมื่อวานคุณเจย์บอกผมว่าโซโล่ต้องเข้าประชุมกับเขาวันนี้ อยากให้ไปดูงานเต็มๆเพราะยังไงวันนี้ก็ว่างอยู่แล้ว ส่วนเรื่องต้องไปคุยธุรกิจนี่คงหลังประชุมเสร็จ

นั่นเป็นเหตุผลที่เก้ายังอยู่ที่นี่ ดูเหมือนเจ้าหมาจะกลัวผมเหงา…แต่ก็ดีเหมือนกัน ผมมีเรื่องให้เก้าช่วยพอดี

“โซ ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วครับ”ผมเรียกคนที่ยังกัดกันไม่เลิก พอได้ยินอย่างนั้นเจ้าหมาก็ยอมปล่อยเพื่อนแล้วเดินหน้ามู่ทู่เข้าไปอาบน้ำแต่โดยดี

ดีที่โซโล่เป็นคนพูดง่าย ถึงจะดูเซ็งๆแต่ก็ไม่เคยปฏิเสธ เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นอะไรที่ต้องทำ ตอนที่คุณเจย์บอกให้ไปด้วยกันก็รับคำแต่โดยดี แค่มาถามผมว่าอยู่ได้หรือเปล่าก็เท่านั้น

“งานเสร็จหมดแล้วโทรบอกพี่นะครับ จะเตรียมอาหารไว้ให้”ผมจัดปกเสื้อให้คนที่เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับส่งยิ้มให้

“อือ...ไปนะ”เจ้าหมาทำหน้าหงอย ยกมือแตะแก้มผมเป็นเชิงลาแล้วหันหลังเดินออกไปพร้อมคุณเจย์

“สู้ๆนะครับ”ผมพูดไล่หลังไป พออีกคนหันมามองก็ชูกำปั้นขึ้นสองข้างเป็นเชิงให้กำลังใจ เจ้าหมาส่งยิ้มน้อยๆมาให้ก่อนจะปิดประตูห้อง

ผมเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างคนที่ยังเล่นเกมส์ไม่เลิก เพิ่มเติมจากเดิมคือลุกไปหยิบขนมมากินตอนไหนไม่รู้

“พี่มีไรจะพูดกับผมเหรอ”

“หืม...”ผมหันไปมองคนที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

ยังไม่ได้พูดอะไรเลย

“ตั้งแต่เช้าก็เห็นมองผมเหมือนจะพูดอะไรอยู่ตลอด พอไอ้โซออกมาก็เงียบ แสดงว่าไม่อยากให้มันรู้ชัวร์”เก้าพูดทั้งที่ยังไม่หันมามอง

รู้สึกว่าเด็กนี่จะฉลาดไปแล้ว…ช่างสังเกตจริงๆ

“จริงๆพี่ก็มีเรื่องให้เก้าช่วยนิดหน่อยครับ แต่ยังหาเวลาไม่ได้สักที”ผมยอมรับไปตามตรง ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องปิดบังเพราะยังไงก็อยากให้ช่วยอยู่แล้ว

“เรื่องอะไรอะ”ว่าแล้วก็ยอมกดหยุดเกมส์ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับผม

“คือ...”

“เดี๋ยวพี่”

“ครับ?”ผมมองคนที่ยกมือขัดจังหวะงงๆ อยู่ๆก็ทำหน้าตาจริงจังใส่เสียอย่างนั้น

“ผมไม่ทรยศเพื่อนนะ”

“อะไรนะ”

“ถ้าพี่จะพูดอะไรไม่ดีหรือทำร้ายความรู้สึกมันลับหลัง ผมขอให้พี่หยุดเดี๋ยวนี้เลย”

“เอ่อ...”ผมเงียบไปชั่วขณะ รู้สึกเหมือนมีจุดสามจุดอยู่ในหัว แต่สุดท้ายก็เข้าใจความหมาย

ต่อหน้าก็กัดกันแทบตาย แต่จริงๆห่วงกันสุดๆเลยนี่นะ

“เก้าคิดว่าพี่จะพูดอะไรครับ”ผมอมยิ้มถามอย่างนึกสนุก อยากรู้ความคิดเด็กนี่อยู่เหมือนกัน

“ถ้าแง่ดีก็น่าจะปรึกษาผมเรื่องอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับมัน...หรือขอให้ผมช่วยเรื่องของมัน”

ผมตาโต รู้สึกเหมือนเด็กนี่จะเก่งไปแล้ว ขนาดเดายังถูกเลย

“ถ้าแง่ร้ายก็อาจจะบอกผมว่าไม่โอเคเรื่องพ่อมัน กังวลนั่นนี่ จะไปจากมัน เจอคนใหม่ มีคนมาจีบ อยากให้ช่วยทำให้เลิกกัน ให้ช่วยปิดบังอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็...”

“หยุดๆๆเลยครับเก้า”ผมยกมือห้ามคนที่พูดความเป็นไปได้ทั้งหมดออกมาอย่างรวดเร็ว บางทีก็อยากไปแงะหัวเด็กนี่ดูว่าในสมองจุอะไรไว้บ้างจริงๆ “พี่มีเรื่องให้เก้าช่วยจริงๆครับ...”

“ผมไม่...”

“แต่มันเป็นแง่ดี”ผมรีบพูดตัดก่อนอีกคนจะคิดไปว่าจะให้ช่วยอะไรแย่ๆอีก เก้าสลายใบหน้าจริงจังแทบจะทันที กลับไปนั่งไขว่ห้างหยิบขนมเข้าปากด้วยท่าทางเนือยๆเหมือนเดิม

พอรู้ว่าไม่ได้จะพูดอะไรไม่ดีกับเพื่อนตัวเองแล้วนี่เปลี่ยนท่าทางไวจริงๆ

“ช่วงวันเกิดโซพี่จะไปหาคุณแม่ครับ โซเองก็จะไปด้วย”ผมมองท่าทางผ่อนคลายของเด็กแสบแล้วก็ลอบยิ้ม "พี่คิดไว้แล้วว่าจะให้อะไรโซ"

“ให้อะไรอะ”

“ไม่ใช่ของมีราคาอะไรหรอกครับ พี่เองก็ไม่ใช่คนรวย จะให้ซื้ออะไรให้คงยาก อีกอย่างของมีราคายังไงเจ้าหมานั่นก็ซื้อเองได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”ผมหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นของเก้า “ก็เรื่องของขวัญนี่ล่ะที่พี่อยากให้เก้าช่วย”

“ให้ผมช่วย?”

“พี่…อืม…ได้ยินว่าพวกเด็กดุริยางค์ต้องเล่นดนตรีได้หลายอย่างสินะครับ

“ก็ใช่…”เก้าทำหน้าสงสัยแต่ก็พยักหน้าตอบ “เราเรียนกันหลายอย่างไม่ใช่แค่เฉพาะของเอกตัวเอง ประมาณว่าต้องเล่นให้ได้ทุกอย่างก็ว่าได้”

“แล้วเก้าเล่นอะไรได้บ้างเหรอครับ”ผมถามด้วยความอยากรู้ส่วนตัว

“อย่าให้พูดว่าอะไรบ้างเลยพี่ เอาเป็นว่าเล่นได้ทุกอย่างที่คนทั่วๆไปพอจะนึกชื่อออกก็แล้วกัน คนเรียนคณะนี้ต้องเล่นได้หลายอย่างอยู่แล้ว อย่างน้อยก็สองสามอย่าง ยิ่งผมที่อยู่กับเครื่องดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ…จะเครื่องดนตรีสากลอะไรก็เล่นได้หมดอะ”เก้าว่าแล้วยืดอกภูมิใจเหมือนจะอวด นี่ถ้าเจ้าหมายังอยู่สงสัยได้มีพูดแขวะจนกัดกันตายไปข้างแน่นอน

แต่เอาเถอะ…ดูท่าจะเก่งจริงๆ คงว่าอะไรไม่ได้

“คือ…พี่ว่าจะร้องเพลงเป็นของขวัญ”ผมเริ่มพูดเข้าเรื่องด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก

“พี่จะร้องเพลงให้มัน…ที่ถามเรื่องดนตรีแสดงว่าอยากเล่นด้วยใช่ปะ”เก้าปะติดปะต่อเรื่องอย่างรวดเร็ว ผมพยักหน้าหงึกหงักตอบกลับไป “แล้วพี่จะให้ผมช่วยอะไรเหรอ อยากเล่นอะไรอะ”

“คือช่วงวันเกิดโซพี่จะขึ้นไปหาคุณแม่บนเขาครับ ท่านเคยเขียนจดหมายมาบอกว่ามีคนเอากีตาร์มาบริจาคไว้ นอกจากกีตาร์แล้วก็คงหาอย่างอื่นไม่ได้ เพียงแต่ว่า…”

“ว่า…”

“เพียงแต่ว่าพี่ไม่ค่อยจะมีความสามารถด้านนี้สักเท่าไหร่”ผมว่าแล้วหัวเราะเขินๆ ไม่ใช่แค่กีตาร์หรอก แต่ผมแทบจะไม่เคยแตะเครื่องดนตรีอะไรสักอย่าง ตอนประกวดเดือนก็เคยพยายามแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่ไหว จนสุดท้ายรุ่นพี่ต้องบอกให้พอแล้วร้องเพลงอย่างเดียว ซึ่ง…

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมว่าจริงๆร้องเพลงอย่างเดียวก็ได้นะ”

“คือจริงๆ…”ผมยกมือเกาแก้มแล้วหลบสายตาเก้าที่มองมา “จริงๆแล้วนอกจากการเรียนกับการทำงานพี่ก็ไม่เก่งอะไรเลยครับ…รวมถึงการร้องเพลงด้วย”

ผมพยายามหลีกเลี่ยงคำว่าห่วย แต่ดูเหมือนสีหน้าที่แสดงออกไปจะทำให้เก้าพอเดาได้ เด็กแสบทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับมามองผม

“คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งพี่ ไม่ต้องร้องให้เพราะอะไรหรอก เอาแค่ไม่เพี้ยนก็พอแล้ว”

“เก้าคือ…”

คือมันไม่ใช่แค่นั้น…คำว่าห่วยที่ว่าผมหมายความตามนั้นจริงๆ ตอนปีหนึ่งที่ประกวดเดือนนี่เสียงผมแทบจะกลืนไปกับเสียงดนตรี เพราะมันทั้งเพี้ยนแล้วก็ไม่มีความเพราะ ที่ได้ตำแหน่งมานี่ผมยังแอบเสียวๆอยู่เลยว่าจะมีใครคิดว่าเส้นหรือเปล่า

“เอาน่ะพี่ ลองกันก่อน”เก้ายกเท้าขึ้นมานั่งขัดสมาธิแล้วหันมามองหน้าผม “ไหนพี่ลองร้อง โด เร มี ฟา ซอล ลา ที ตามผมนะ”

พอผมพยักหน้าแล้วเก้าก็เริ่มร้องออกมา เขาทำเหมือนมันเป็นแค่เรื่องง่ายๆที่ใครก็ทำได้ ขนาดแค่ไล่เสียงไม่กี่คำผมยังรู้สึกว่ามันเพราะเลย

“เอาเลยพี่”

ผมหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติตัวเอง ก่อนจะเปล่งเสียงออกมา

“ดะ…โด”

“…”

“เร”

“…”

“มี”

“…”

“ฟา”

“…”

“ซะ...เอ่อ…เก้าครับ”ผมหยุดเสียงตัวเองไว้ พอมองหน้าเก้าที่เหมือนสติหลุดไปแล้วก็รู้สึกเขินๆขึ้นมา ก็พอจะรู้หรอกว่ามันทั้งเพี้ยนทั้งห่วย ไม่งั้นจะอยากให้ช่วยหรือไงเล่า

“เอ่อ…พี่กีล์”เก้ากระพริบตา ยกมือเกาหัวตัวเองเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก “จริงๆพี่แค่ร้องไปตามความรู้สึกยังไงโซมันก็น่าจะชอบแล้วนะพี่”

“คือจริงๆพี่ก็อยากร้องๆไปตามความรู้สึกนะครับ แต่พี่กลัวโซจะขำมากกว่าซึ้ง…”ผมก้มหน้าต่ำ เผลอกัดปากขมวดคิ้วเครียดๆเพราะไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง

“ทำไมพี่ถึงอยากร้องเพลงอะ”เก้าถามด้วยสีหน้าจริงจัง

ผมมองหน้าคนถามงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมอยู่ๆถึงถามขึ้นมา แต่ก็ตอบไปตามความจริงโดยไม่ปิดบัง

“ตอนวันเกิดพี่…ที่โซร้องเพลงให้”ผมพูดช้าๆ เผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น “พี่รู้สึกมีความสุขมากเลยครับ ใจเต้นแรง ตื้นตัน เขิน มันตีกันหลายอย่าง…”

“…”

“พี่แค่คิดว่าอยากให้โซรู้สึกแบบพี่ตอนนั้นบ้าง อยากให้เขามีความสุขเหมือนที่พี่มี อยากทำอะไรตอบแทนให้เขาแบบที่เขาทำให้พี่บ้าง อยากให้มันเป็นความทรงจำดีๆที่เก็บไว้ได้ก่อนพี่จะไปฝึกงานแล้วต้องห่างกัน”

“มันจะบินไปหาทุกอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ”

ผมหัวเราะกับคำพูดของเก้า มองใบหน้ารู้ทันแถมยังมั่นใจเกินเหตุก็พอเข้าใจแล้วว่าต้นแบบความคิดนั่นมาจากใคร

“เก้าเป็นคนแนะนำโซสินะครับ”

“แนะนำอะไร!”เก้าทำตาโต ส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ใช่ผมนะ”

“ถ้าให้พี่เดา…เก้าน่าจะรู้ก่อนพี่บอกโซอีก เพื่อนพี่สักคนคงไปบอกล่ะสิ”ผมว่ายิ้มๆ จริงๆก็พอจะเดาออกแต่แรกแล้วว่าเพื่อนสักคนน่าจะเอาไปพูดกับเก้า เพราะตอนที่ผมบอกโซเจ้าหมาก็แค่ทำเสียงอ่อยใส่ ไม่ได้ดูแปลกใจหรือหงุดหงิดอะไร ท่าทางตอนนั้นเหมือนคนที่คิดแผนมาแล้ว

และแผนกับคำพูดคำจาแบบนั้นไม่น่าจะมาจากความคิดคนอย่างโซโล่แต่แรก มันต้องมีอะไรสักอย่างไปสะกิดต่อมก่อนแน่ๆ

“ก็พี่ไวน์บอก”เก้าตอบอ้อมแอ้ม พอเห็นผมมองขำๆก็หันมาปฏิเสธข้อกล่าวหาเดิม “แต่ผมไม่ได้บอกให้มันบินไปทุกอาทิตย์นะพี่”

“เล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้พี่ฟังได้หรือเปล่าครับ”ผมถามด้วยความอยากรู้ ไม่ได้ติดใจอะไร แค่อยากรู้ว่าตอนนั้นอาการของโซโล่เป็นยังไง และเด็กนี่ไปสะกิดต่อมอะไรไว้เจ้าหมาถึงได้บอกจะบินมาหาทุกอาทิตย์

“ก็พอรู้จากพี่ไวน์ผมก็บอกมัน…”

“แล้วโซไม่หงุดหงิดเหรอครับ”

“หงุดหงิดนี่น้อยไปอะ!”เก้าว่าแล้วกรอกตา “มันเงียบทั้งวันเลย ทำเหมือนคิดอะไรตลอด พูดด้วยก็ไม่พูด ถามอะไรก็ไม่ตอบ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ผมก็หงุดหงิดที่มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

“แล้วเก้าทำยังไงครับ”

“ตอนนั้นหัวร้อนเลยเข้าไปดึงผมมันแล้วด่าไอ้โง่ไปที…”ว่าแล้วก็อมยิ้มเหมือนภูมิใจกับวีรกรรมตัวเอง “ตอนแรกมันก็มองหน้าผมเคืองๆ แต่ตอนนั้นผมหงุดหงิดมากกว่ามันอีกเลยชิงพูดก่อนที่มันจะด่า”

“พูดว่า…”

“ผมบอกว่า…รวยก็รวยจะคิดมากทำส้นตีนอะไร เขามาหาไม่ได้มึงก็ไปเองสิวะ…เห็นปะพี่ ผมไม่ได้บอกให้มันบินไปทุกอาทิตย์เลยนะ”

ผมส่ายหน้ามองคนที่ยังแก้ตัวไม่เลิก จะว่าขำก็ขำ จะว่าเพลียก็เพลีย

“ครับๆ โซคิดเองนั่นแหละ”พอผมยอมเก้าก็พยักหน้าพอใจแล้วนั่งพิงโซฟาด้วยท่าทางสบายๆเหมือนเดิม “แต่เก้ารู้ใช่หรือเปล่าว่ามันเป็นไปไม่ได้…”

“เรื่องบินไปหาทุกอาทิตย์สินะ”

“ใช่ครับ”

“พี่ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องนี้ต่อให้ผมไม่บอกโซมันก็เข้าใจ มันก็แค่พูดให้ตัวเองรู้สึกดีไว้ก่อนเท่านั้นล่ะ พอถึงเวลาก็ต้องผ่านไปให้ได้อยู่ดี”

พอได้ยินเก้าพูดแบบนั้นผมก็โล่งใจ ผมกังวลเรื่องที่เจ้าหมาพูดไม่น้อย โซโล่จริงจังกับคำพูด ถ้าเขาบอกว่าจะทำก็คงทำจริงๆ ผมกลัวว่าเจ้าตัวจะละเลยการเรียนหรือหน้าที่ตัวเองเพื่อมาหาผมทุกอาทิตย์ ตอนแรกคิดว่าจะให้เก้าช่วยเตือนอีกแรงเจ้าหมาจะได้เข้าใจ แต่พอเก้าว่าอย่างนั้นแล้วผมก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ผมผิดเองที่มองว่าโซโล่เป็นเด็ก…ทั้งที่จริงๆมันไม่ใช่แบบนั้นเลย

 “เอาเรื่องของขวัญพี่ก่อนดีกว่า…”เก้าวกกลับมาเรื่องเดิม ผมที่นั่งสบายๆอยู่เลยยืดหลังตรงโดยอัตโนมัติ “ถ้าพี่ไม่อยากให้โซมันรู้ จะให้ผมมาหาหรือมาหาผมตลอดก็คงไม่ได้…แถมใกล้ช่วงสอบแล้วด้วย”

“นั่นสินะ…”ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย ถ้าจะให้เก้าสอนหรือช่วยอะไรก็ต้องเจอกัน แบบนี้โซโล่ต้องรู้แน่ๆ

“เอางี้…เรื่องแรกพี่ตัดเรื่องการเล่นดนตรีทิ้งก่อนเลย เพราะถ้าพี่ไม่มีพื้นฐานมาก่อนแล้วมาฝึกใหม่โดยมีระยะเวลาจำกัดแถมยังต้องหลบๆซ่อนๆนี่…ผมว่าไม่ทันวันเกิดมันแน่นอน”

“ครับ”ผมพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็กังวลหน่อยๆที่ต้องร้องเพลงสดๆโดยไม่มีดนตรีช่วย

“ส่วนเรื่องร้องเพลง…ผมว่าน่าจะช่วยทางโทรศัพท์ได้นะ หรือเอาไว้มีโอกาสก็แอบนัดเจอกันไม่ให้โซมันรู้”

“ได้ครับ”ผมพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นถ้าพี่ว่างเมื่อไหร่จะลองทักไปก่อน ถ้าเก้าว่างตรงกันแล้วโซไม่ได้อยู่ด้วยค่อยติดต่อกันนะครับ”

“โอเคครับ”

หวังว่าจะผ่านไปด้วยดี…

 

 

ครืด ครืด

ผมหยิบโทรศัพท์ตัวเองที่ยังสั่นไม่หยุดขึ้นมาดู แปลกใจหน่อยๆเพราะร้อยวันพันปีนอกจากเพื่อนที่เมมไว้หมดแล้วกับโซโล่ก็ไม่เคยมีใครโทรมาหาผมเลย แต่นี่เบอร์แปลก…

“กีตาร์…”คนที่นอนหนุนตักผมปรือตามอง ผมรีบกดรับโทรศัพท์ไม่ให้อีกคนรำคาญแล้วลูบหัวให้นอนต่อ

หลังกลับมาจากไปคุยงานเจ้าหมาก็มีสภาพอ่อนล้า พอเข้ามาอ้อนขอนอนตักรวมถึงไล่เก้ากลับหอแล้วก็หลับไปทันที  นี่ก็หลับไปได้ไม่นานเอง

พอหลับตาลงไปอีกทีคราวนี้ดูเหมือนเจ้าหมาจะหลับสนิทจริงๆ ผมขยับตัวแล้วก็ยังไม่กระดุกกระดิก ท่าทางดูเหนื่อยจนน่าสงสาร

[กะ….]

เสียงที่ดังแว่วๆมาจากในโทรศัพท์ทำให้ผมรู้สึกตัวว่ากดรับสายเบอร์แปลกนั่นไว้

“สวัสดีครับ”

[นั่นใช่กีล์ไหม]

“ครับ ไม่ทราบว่านั่นใครครับ”

[เต้ เอามาให้กูคุยบ้างดิ]

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรกลับไปทางฝั่งนั้นก็เหมือนจะแย่งโทรศัพท์กันไปมา ผมได้ยินเสียงผู้ชายสองคนเถียงกันเหมือนจะแย่งกันมาคุย เอาจริงๆผมยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาเป็นใคร…

“เอ่อ…”

[กีล์! กีล์จะคุยกับเต้หรือมุข พูดมาเลย!]

เดี๋ยวสิ…เต้กับมุขที่ว่าคือใครผมยังไม่รู้เลย

“ไม่ทราบว่าพวกคุณปะ…”

[เอาโทรศัพท์มานี่]

จู่ๆก็มีเสียงใครอีกคนดังเข้ามาแทน น่าแปลกที่คนชื่อเต้กับมุขที่เถียงกันอยู่เงียบไปแทบจะทันที

[กีล์]

“ครับ”

[ผมจักรพรรดิ จำกันได้หรือเปล่า]

จักรพรรดิ…

“จักรพรรดิ?พี่น้องสามคิงเหรอครับ!”ผมเผลอเสียงดังด้วยความตกใจ ดูเหมือนจะขยับตัวแรงไปหน่อยจนคนที่นอนอยู่ลืมตาขึ้นมามองหน้า

[ยังเรียกแบบนั้นอีกนะ…]

ปลายสายส่งเสียงหัวเราะผ่านมาเบาๆ

“กีตาร์?”โซโล่เขย่าแขนผม มองมาด้วยความไม่เข้าใจ ผมเห็นตาแดงๆของอีกคนแล้วก็รู้สึกผิด อยากจะให้นอนต่อเลย แต่พอดูท่าทางที่โซโล่จ้องมาที่โทรศัพท์แล้วผมก็ยิ้ม รู้สึกว่าถ้ายังไม่เคลียร์เรื่องนี้เจ้าตัวคงไม่ยอมนอนต่อแน่ ผมเลยเปลี่ยนมากดเปิดลำโพงให้เขาฟังด้วย

[มุข กูได้ยินเสียงใครอยู่กับกีล์ด้วยว่ะ…..เออได้ยินเหมือนกัน]

ผมขำเบาๆกับประโยคสนทนาจากทางนั้น ส่วนคนที่นั่งฟังอยู่กับผมนี่ก็ขมวดคิ้ว หันมามองเป็นเชิงถามว่านี่อะไร

[กีล์ เป็นยังไงบ้าง]

เป็นจักรพรรดิที่กลับมาพูดอีกครั้ง

“สบายดีครับ แล้วสามคิงเป็นยังไงกันบ้าง”ผมรอบยิ้มโล่งอกเมื่อไม่เห็นโซโล่แสดงท่าทีอื่นนอกเหนือจากความไม่เข้าใจ

ดีที่ไม่หงุดหงิด…

[สบายดี…]

“แล้วนี่…”

[กีล์]

“ครับ”

[มาเจอกันหน่อยไหม]

เอ่อ…

น่าจะหงุดหงิดแล้วล่ะ…

-----------------------------------

 

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 08-02-2017 19:41:09
ทำพี่น่ารักแบบนี้ ขอพี่กีล์ห่อกลับบ้านค่ะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 08-02-2017 19:54:02
พี่กีล์ไม่ต้องร้องเพลงหรอกแค่เอาพี่กีล์ผูกโบว์โซก็ตีใจแล้วววววว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 08-02-2017 20:24:41
ง่ำๆ สามคิงนี่ใครเอ่ยย พี่น้องจากบ้านกำพร้าเดียวกับพี่กีล์หรออ???
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 08-02-2017 20:26:44
เด็กงอแง ฮ่าๆๆ พี่กีล์น่ารักจังงงง สามคิงคือใครอ่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 08-02-2017 20:34:10
พี่น้อง3คิง เกี่ยวข้องยังไงกับกีล์อีกล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 08-02-2017 20:47:43
น้องเก้านี่ควรได้ตำแหน่งศิรานีประจำเรื่อง เพราะช่วยทุกคน    แล้วอิพวกศิรานีมันเก่งแค่เรื่องคนอื่นแต่โง่เรื่องตัวเอง  เชื่อเราเราเคยเป้น 5555 


ส่วนสามคิงจะเแนใครมีบทบาทอย่างไร อันนี้รอลุ้นอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-02-2017 21:36:52
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 08-02-2017 22:08:58
ตัวละครมาอีกสาม เด็กๆจากบ้านเดียวกับพี่กีล์ป้ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-02-2017 22:21:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 08-02-2017 22:57:11
 :L2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-02-2017 23:04:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-02-2017 00:04:42
สามคิง?
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 09-02-2017 06:51:49
 :hao7: กีต้าร์ช่างน่ารักอะไรขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 09-02-2017 07:18:36
อย่ามีมาม่ามากนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-02-2017 08:23:32
 :L1:  ละมุนจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-02-2017 11:33:59
อะไรยังไงๆๆๆ >{   }<
อิสามคิงคือใคร มีโทรมานัดเจอด้วยอ่ะ!!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 09-02-2017 19:08:12
อ่านรวดเดียวแม้พรุ่งนี้สอบค่ะ!!! สนุกมาก 555555 ชอบบบบบ ช่วงนี้จิตใจอ่อนแอ ต้องการสายฮีลแรงๆค่ะ ><
กำลังติ่งเกรทพอร์ชในทวิตด้วยอ่า เจอเรื่องนี้เข้าไปแบบแงงงงง ขอให้คู่นั้นเค้าจริงจังแบบคู่นี้ได้ไหมคะ (ฮา)
ชอบพี่กีล์มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เป็นเคะที่แบบ โหย สุดยอดอ่ะ
เราว่าพี่เค้ามีความ tough ในตัวเองนะ (ไม่รู้จะใช้คำไทยยังไง แบบ เข้มแข็ง/แข็งแกร่ง อะไรแบบนี้อ่ะค่ะ)
ฉากที่ไปปกป้องน้องนี่อย่างหล่อเลยยยยย กรี๊ดมาก เท่มาก ; /////////// ;
คู่นี้เค้ารักกันแบบมีจังหวะดีค่ะ เราชอบ <3

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ เชื่อว่าถึงจะมีเรื่องพ่อหรือเรื่องอะไรเข้ามาพี่กีล์ก็เอาอยู่ค่ะ!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 09-02-2017 23:37:39
สนุกดีครับ...
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 10-02-2017 12:20:26
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER25 P.19 [08/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 10-02-2017 21:49:39
-26-

 

“ทำหน้าบูดอะไรเรา”ผมหัวเราะก่อนจะยื่นมือไปดึงแก้มของคนที่ขมวดคิ้วไม่เลิกมาตั้งแต่ขึ้นรถ จนตอนนี้จะลงรถอยู่แล้วก็ยังขมวดอยู่

“เพื่อนจริงนะ”โซโล่หันมาถามด้วยใบหน้าจริงจัง ผมพยักหน้ากลับไปอย่างมั่นใจ พอได้รับคำตอบที่พอใจแล้วเจ้าตัวก็ถอนหายใจเบาๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วก็ตั้งท่าจะลงจากรถ…แต่ผมรั้งแขนไว้ก่อน “กีตาร์?”

“สามคนนั้นเป็นลูกชายของผู้มีพระคุณกับสถานรับเลี้ยงของพี่ครับ”ผมลูบมือโซโล่เบาๆ คิดว่าควรจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้นจะได้ไม่คิดมาก

ดูเหมือนเมื่อวานเจ้าหมาจะง่วงมากจริงๆ พอผมบอกว่าแค่เพื่อนสมัยเด็กก็ยอมหลับต่อ แถมยังยอมรับปากให้มาเจอง่ายๆด้วย…แน่นอนว่าเจ้าตัวต้องตามมาอยู่แล้ว ผมก็คิดว่าจะไม่อะไร ที่ไหนได้…แค่เปลี่ยนจากหน้ามุ่ยตอนกลางคืนมาเป็นตอนเช้าแทนเท่านั้นเอง

“พวกเขาชื่อจักรพรรดิ ฮ่องเต้ แล้วก็ประมุขครับ…ตอนเด็กๆพี่เลยเรียกว่าสามคิง”ผมยิ้มตามเมื่อเห็นเจ้าหมายกมุมปากนิดๆเป็นรอยยิ้มขัน “คุณพ่อของพวกเขามักจะแวะมาบริจาคของบ่อยๆ มาแต่ละทีก็พาสามคิงมาด้วยตลอด เพราะอายุพอๆกันก็เลยเข้ากันได้ พี่เป็นพี่คนโตของบ้าน อายุต่างจากคนอื่นเยอะ เวลาเรียนก็รีบกลับมาดูแลน้องต่อเลยไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นมากเท่าไหร่ แต่พอพวกนั้นมาทีไรก็จะลากพี่ไปเล่นด้วยทุกที เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กก็ได้ล่ะมั้ง”

โซโล่พยักหน้าแล้วบีบมือผมเบาๆ เขาคงคิดว่าผมจะเศร้ากับเรื่องพวกนี้ ผมส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้ก่อนจะส่ายหน้า เพราะผมไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นปมด้อยหรืออะไรเลย ผมมีครอบครัวที่อบอุ่น เพราะงั้นถึงจะไม่มีเพื่อนก็ไม่เป็นไร แถมพอพวกสามคิงนี่โผล่มาก็เรียกได้ว่าชีวิตผมมีความสุขมากกว่าที่คิดเสียด้วยซ้ำ

“พวกนั้นมาเล่นกับพี่ได้ในช่วงปิดเทอมครับ ดูเหมือนพ่อของพวกเขาจะมีบ้านพักอยู่แถวนั้นเลยมาหาได้ทุกวัน แต่ที่มาก็แค่มาพักผ่อนปิดเทอม พอเปิดเทอมก็จะไม่ได้มาอีกยกเว้นแต่จะมีวันหยุดยาว…”ผมยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงสมัยเด็ก นึกถึงวีรกรรมที่พวกนั้นเคยสร้างแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าจะโตมาเป็นแบบไหนกัน “ตอนแรกๆพวกนั้นแสบมาก เกเรสารพัดจนถูกคุณพ่อส่งมาให้แม่ใหญ่อบรมบ่อยๆ พี่ที่อยู่กับแม่ใหญ่ตลอดเลยสนิทไปด้วย”

แรกๆผมนี่โดนแกล้งตลอดเลย ไม่รู้ทำไมอยู่ๆกลายมาเป็นเพื่อนกันได้เหมือนกัน

“เป็นแบบนั้นประมาณสามปี สุดท้ายตอนพี่อายุสิบเอ็ดสิบสองพวกเขาก็มาหาด้วยหน้าเศร้าๆ ไม่ร่าเริงเหมือนเคย บอกว่าครอบครัวจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย”และพอพวกนั้นจากไปไม่นาน สถานรับเลี้ยงก็ปิดไป…

“กีตาร์…อย่าทำหน้าเศร้า”คนที่บอกว่าอย่าทำหน้าเศร้านั่นแหละที่กำลังทำหน้าเศร้าอยู่ แต่น่าแปลก…ที่เพียงแค่สัมผัสอ่อนโยนของมือที่ลูบแก้มกลับทำให้ผมลืมเลือนความเศร้าไปได้หลายส่วน

“โซก็อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ”ผมจับมือเขาไว้แล้วส่งยิ้มไปให้ แต่ไม่รู้ว่ายิ้มแบบไหนออกไปเขาถึงได้ไม่หยุดทำหน้าแบบนั้นเสียที ผมเลยจับมือที่แนบแก้มมาจ่อไว้ที่ปากแล้วเลิกคิ้วมอง “ถ้าไม่หยุดทำหน้าแบบนั้นพี่กัดนะ”

ว่าแล้วผมก็งับนิ้วชี้ของเจ้าหมาเบาๆก่อนจะส่งยิ้มกวนๆไปให้ ไม่รู้ว่าทำได้ดีพอหรือเปล่าเพราะไม่เคยยิ้มแบบนี้เหมือนกัน แต่เสียงหัวเราะที่หลุดออกมาน่าจะเป็นคำตอบได้ดี

จะออกมาเป็นยิ้มกวนหรืออะไรก็ตาม แค่เจ้าหมานี่ยิ้มได้ก็พอแล้ว

“ถ้าจะกัด…ต้องทำแบบนี้”ไม่ต้องรอให้ผมสงสัยนาน เพราะทันทีที่พูดจบเจ้าหมาก็ดึงมือผมไปกัดทันที

“โซ!”ผมร้องด้วยความตกใจเมื่อกัดที่ว่ามันคือการกัดจริงๆ แถมยังกัดตรงเนื้อสันมือด้วย

“เจ็บเหรอ”

“ไม่ต้องถามเลย!”ผมขมวดคิ้วหน่อยๆ ลูบมือตัวเองป้อยๆ มีอย่างที่ไหนถามเหมือนจะห่วงแต่มองด้วยสายตาขบขัน “หมาบ้า!”

“งั้นกีตาร์ก็เป็นแม่หมาสิ”

“แม่หมา?”ผมทวนคำงงๆ แต่พอนึกได้ว่าหมายถึงอะไรความร้อนก็พุ่งขึ้นมาถึงใบหน้าแทบจะทันที “ลงรถเลยครับ จะได้เวลานัดแล้ว”

“รอด้วยสิแม่หมา”

“โซ!”

 

 

จักรพรรดินัดผมที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวบ้านเขา ตอนแรกเหมือนบอกว่าจะมาหาแถวมหา’ลัย แต่ฮ่องเต้แย่งโทรศัพท์ไปแล้วขอให้มาที่นี่แทนเพราะจำเป็น ผมไม่ได้ถามอะไรไปเพราะคิดว่าเอาไว้ค่อยมาถามตอนเจอเอาก็ได้ แถมตอนนั้นหมาข้างตัวยังหน้าบูดเป็นตูดเป็ด ถ้ายังไม่ยอมวางโทรศัพท์สงสัยผมคงต้องโดนหมาบ้ากัด

“กีล์!”ผู้ชายคนหนึ่งโบกมือให้ผมจากโต๊ะไกลๆ ผมพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปหาพร้อมกับคนข้างกาย

ที่โต๊ะมีผู้ชายนั่งอยู่สองคน อายุรุ่นราวคราวเดียวกับโซโล่ คนที่ทักผมเมื่อครู่และกำลังส่งยิ้มร่าเริงมาให้คงเป็นประมุข ส่วนคนที่กำลังหรี่ตาสำรวจโซโล่อยู่น่าจะเป็นฮ่องเต้ สองพี่น้องนี่เกิดปีเดียวกันแต่เป็นลูกหัวปีท้ายปี หน้าตาก็คล้ายๆกัน เอาจริงๆเมื่อก่อนผมแทบจะแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าสามคิงนี่ใครเป็นใครบ้าง เพียงแต่จักรพรรดิที่อายุพอๆกับผมจะดูโตกว่าเพื่อนเลยแยกง่ายหน่อย

สงสัยไปอยู่ต่างประเทศแล้วจะกินดีอยู่ดี จากเด็กตัวเล็กๆที่เดินตามแกล้งผมต้อยๆกลายเป็นผู้ชายตัวโตหน้าตาดีกันไปหมดแล้ว

“สวัสดีครับ”ผมทักแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม เจ้าหมาเองก็นั่งตามโดยไม่พูดอะไร “มากันนานหรือยัง”

“ไม่นานหรอก”ประมุขว่าแล้วยักไหล่ แต่ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่อย่างที่เจ้าตัวว่าเลยสักนิด

“ขอโทษทีครับ ผมขับรถมาไกลนะ ประมุขอย่าลืมสิ”ผมแก้ตัว แต่จริงๆแล้วที่นานเพราะจอดรถคุยกับเจ้าหมาอยู่ต่างหาก “แล้วจักรพรรดิล่ะครับ”

“เดี๋ยวก็มา”

“อ่อ…”

“แล้วนี่…”ฮ่องเต้ที่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำหรี่ตามองโซโล่เป็นเชิงถาม ส่วนคนข้างกายผมก็มองกลับไปนิ่งๆตามนิสัยโดยไม่ตอบอะไร

“นี่โซ…”

“กีล์”เสียงคุ้นเคยดังตัดคำพูดของผมมาจากด้านหลัง เป็นเสียงที่ดูอ่อนแรงไม่ต่างจากในโทรศัพท์เท่าไหร่ ผมคิดว่าคิดไปเอง แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่…

จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์มองมาที่ผม ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับน้องทั้งสองคนดูซีดเซียว อีกสิ่งที่แตกต่างจากฮ่องเต้กับประมุขคงเป็นบรรยากาศ… เมื่อก่อนต่อให้โตกว่าแค่ไหนจักรพรรดิก็เป็นเด็กสดใสไม่แพ้อีกสองคน แต่ตอนนี้…เขาดูเปลี่ยนไปมาก

“จักรพรรดิ?”ผมเรียกเสียงแผ่ว ทั้งแปลกใจและไม่แน่ใจ

“อืม”เขาพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงตอบรับก่อนจะเข็นรถมาที่โต๊ะ “ขาผมมีปัญหานิดหน่อย ไม่ต้องใส่ใจหรอก”

ผมพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรต่อ ลองบอกมาแบบนี้แล้วก็คงจะไม่อยากพูดถึง ยิ่งเห็นสายตาเย็นเยียบนั่นยิ่งแล้วใหญ่ เหตุผลที่สองคนนั้นบอกให้ผมมาร้านแถวบ้านตัวเองก็คงเป็นเพราะเรื่องนี้

“แล้วนี่…”จักรพรรดิมองไปที่คนที่นั่งหน้านิ่งอยู่ข้างตัวผม

“นี่โซโล่ครับ”ผมแนะนำตัวแทนอีกคน “เป็น…คนรักของผม”

“คนรัก!?”ประมุขตาโต มองสับระหว่างผมกับเจ้าหมาด้วยสายตาตกใจไม่ต่างจากฮ่องเต้ มีแค่จักรพรรดิที่พยักหน้าเข้าใจเงียบๆ

จะว่าเขินมันก็เขินอยู่หน่อยๆ แต่ผมก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะนั่งหน้าแดงหรือแสดงออกให้คนอื่นเห็นง่ายๆอยู่แล้ว จะหลุดก็เวลาที่หมาหน้านิ่งแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆนั่นล่ะ…ไม่ว่ายังไงก็ไม่ชินเสียที

ผมสะดุ้งน้อยๆเมื่อคนข้างๆยื่นมือมากุมไว้ใต้โต๊ะ พอหันไปมองก็พบว่าเจ้าหมากำลังมองมาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

กลายเป็นพูดอะไรไม่ถูก จะเอามือออกก็ไม่อยากอีก…

“แล้วนี่กลับมากันเมื่อไหร่ครับ”ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง พร้อมกับพลิกมือหงายเพื่อจับมืออีกคนกลับ ต้องขอบคุณที่เจ้าหมาไม่พูดหรือทำอะไรมากกว่านี้ผมถึงยังควบคุมตัวเองได้ ประมุขยังแลดูอยากพูดเรื่องเดิมต่อ แต่พอเห็นสายตาพี่ชายคนโตของตัวเองแล้วก็เงียบไป

“พวกผมกลับมาหลายเดือนแล้วเพราะมาเรียนต่อที่นี่ แต่พี่จักรมาเมื่ออาทิตย์ก่อน…”ฮ่องเต้เป็นคนตอบ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าท้ายประโยคของเขาดูหม่นหมองแปลกๆ

“แล้วนี่รู้เบอร์ผมได้ยังไงกันครับ”

“ก็ครู…”

“ผมให้คนสืบน่ะ”จักรพรรดิพูดแทรก “พอติดต่อได้ก็เลยอยากเจอ ยังไงก็ไม่ได้เจอกันนานแล้ว”

“แล้วครั้งนี้มาอยู่กันนานแค่ไหนเหรอครับ”

“ผมกับมุขคงอยู่ยาว ส่วนพี่จักร…”ฮ่องเต้มองไปทางพี่ชายตัวเองเหมือนไม่แน่ใจ

“ยังไม่แน่ใจ”จักรพรรดิตอบเสียงเรียบ “แต่สภาพแบบนี้กลับไปก็ทำงานอะไรไม่ได้”

“พี่จักร…”ประมุขเรียกเสียงอ่อย ผมเองได้ยินน้ำเสียงเย็นๆเหมือนไม่ใส่ใจตัวเองแบบนั้นก็นิ่งไปเหมือนกัน จักรพรรดิถอนหายใจเบาๆก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวน้อง ประมุขถึงได้กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม

ถึงเมื่อก่อนจะสนิทกันแค่ไหนเราก็ไม่ได้เจอกันมานานมากอยู่ดี เขาดูเปลี่ยนไปมาก เหมือนไม่ใช่คนๆเดิม และผมรู้สึกว่าความสนิทสนมตอนเด็กมันไม่เพียงพอให้ผมยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา เพราะงั้นอย่าถามดีกว่า

“กีล์ได้เจอครูใหญ่บ้างหรือเปล่า”

“ไม่ได้เจอเลยครับ ตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง”ผมมองจักรพรรดิอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเขาถอนหายใจ ส่วนสองคนที่นั่งด้านข้างก็มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร

และท่าทางพวกนั้นมันทำให้ผมรู้สึก…ใจหาย

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่มีอะไร…กีล์จะไปเยี่ยมท่านหรือเปล่า”

“ผมคิดว่าจะขึ้นไปหาท่านตอนปิดเทอมปีใหม่นี้ครับ”

“ปิดตอนไหน”

“อีกประมาณสามอาทิตย์ครับ…”

“อืม…สอบเสร็จแล้วก็รีบไปล่ะ”

“จักรพรรดิ…มีอะไรหรือเปล่าครับ หรือแม่ใหญ่เป็นอะไร”ผมถามอย่างจริงจัง พยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ท่าทางของพวกเขามันเหมือนคนที่รู้อะไรมา…และมันทำให้ผมรู้สึกแย่ขึ้นเรื่อยๆ

“กีล์…”

ผมหันไปมองฮ่องเต้เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากจักรพรรดิ แต่นอกจากหลบสายตาผมแล้วสามคิงก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ

ผมรู้สึกเหมือนร่างกายเย็นเฉียบ ความกังวลคือสิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนที่สุดในความรู้สึก

แม่ใหญ่เป็นอะไร…

“ทำไมถึงไม่ตอบ แม่ใหญ่เป็นอะไร!”ผมเผลอขึ้นเสียงเหมือนคนขาดสติ จ้องหน้าจักรพรรดิที่มองกลับมาเงียบๆ

“ครูใหญ่ไม่ได้เป็นอะไร…”คำตอบของจักรพรรดิไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นสักนิด

“ไม่ได้เป็นอะไรแล้วทำหน้าอย่างนั้นกันทำไมครับ…”ผมยกมือขึ้นลูบหน้า พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองแต่มันกลับแย่ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคิดว่าต้องกดมันเอาไว้มันกลับยิ่งปะทุ

“กีล์…”

“ว่ายังไงครับ”

“…”

“บอกผมเถอะ”ผมอ้อนวอน รู้สึกปวดในอกจนหน่วงไปหมด

อย่าคิดไปก่อน…พวกเขายังไม่ได้ตอบเลย แม่ใหญ่อาจจะแค่ไม่สบายก็ได้

“ผมว่าให้กีล์สอบเสร็จก่อนดีกว่า”ประมุขพูดเสียงอ่อน มองผมเหมือนอยากให้เข้าใจ แต่ไม่เลย…ผมไม่เข้าใจสักนิด ทำไมพวกเขาถึงไม่บอกว่าแม่ใหญ่เป็นอะไร ทำไมถึงต้องปิดบังผม

“บอกผมมาเลยเถอะครับ ปล่อยให้ค้างคาแบบนี้ผมคงไม่มีอารมณ์อ่านหนังสือสอบหรอก”ผมพยายามยิ้ม แต่กลับรู้สึกว่ามันแห้งแล้งเหลือเกิน อารมณ์มากมายตีรวนอยู่ในอกจนรู้สึกปวดไปหมด

“กีล์…”

“บอกมาเถอะ….”

“…”

ปึง!

“บอกมาสิวะ!”ผมทุบโต๊ะเสียงดัง ไม่ได้สนใจว่าใครจะหันมามอง ความรู้สึกมากมายที่รวมกันอยู่ถูกแสดงออกมาในรูปแบบของความโกรธ ผมรู้สึกเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ อยากจะกระชากคอเสื้อพวกนั้นขึ้นมาถามให้รู้เรื่อง

ทำไมไม่บอก บอกว่าแค่ไม่สบาย…บอกว่าเหนื่อยง่าย บอกว่าอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่…

“กีตาร์”

ทุกอย่างชะงักไปเพียงแค่ได้ยินเสียงอ่อนโยนดังแทรกเข้ามา ผมหันไปมองด้านข้าง มองคนที่กำลังมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง มือที่กระชับแน่นขึ้นทำให้ผมรู้ตัวว่าเผลอจับมือเขาแน่นแค่ไหน ความอบอุ่นจากฝ่ามือนั้นราวกับจะบอกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว

“โซ…”ผมไม่แน่ใจว่าทำไมเสียงตัวเองถึงสั่นขนาดนั้น โซโล่ยกมือที่ว่างขึ้นแตะใบหน้าผมโดยไม่พูดอะไร บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน สิ่งที่เหมือนพยายามจะถ่ายทอดมาให้โดยไม่ใช้คำพูด

ผมอยู่ตรงนี้

ผมหลับตาลง สูดหายใจเข้าเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอารมณ์ที่แปรปรวนเมื่อครู่ก็หายไปเกือบจะหมด ผมเขย่ามือที่จับมืออีกคนไว้เบาๆแล้วส่งยิ้มให้เป็นเชิงขอบคุณ

“บอกมาเถอะครับ…ผมไม่เป็นไรจริงๆ”ผมหันไปมองจักรพรรดิ พูดด้วยน้ำเสียงปกติ ส่งยิ้มให้เขาเป็นเชิงขอโทษที่เสียมารยาท อีกฝ่ายเพียงแค่พยักหน้าไม่ถือสาแล้วหันไปมองฮ่องเต้

“พี่จักรไม่รู้อะไรมากหรอกกีล์…มีแค่ผมกับมุขที่รู้เรื่อง”ฮ่องเต้มองหน้าผมแล้วยืดตัวขึ้น “อาทิตย์ก่อนผมกับมุขกลับไปที่สถานรับเลี้ยง พวกผมไม่รู้ว่าที่นั่นปิดไปแล้ว ตอนที่ทำอะไรไม่ถูกก็จำได้ว่าเคยไปบ้านครูนิดที่อยู่แถวนั้น”

ครูนิดที่เขาว่าคือครูพี่เลี้ยงที่เคยอยู่ที่สถานรับเลี้ยงตอนที่ยังไม่ปิด ครูนิดเคยพาพวกผมเดินเล่นแล้วชี้บอกว่านั่นเป็นบ้านของครู พวกเราเลยไปเล่นที่บ้านครูบ่อยๆ

“เราไปหาครูนิดที่บ้าน ครูบอกว่าครูใหญ่ไปเป็นครูอาสาอยู่บนเขานานแล้ว ส่วนกีล์ก็กำลังเรียนมหา’ลัยอยู่ พวกเราไม่รู้ว่าจะติดต่อกีล์ยังไงเลยเดินทางไปหาครูใหญ่บนเขาตามที่ครูนิดบอก แต่คนบนนั้นบอกว่าครูใหญ่อยู่ที่โรงพยาบาลในเมือง อาทิตย์ก่อนที่พวกเราจะไปถึงครูใหญ่เป็นลมจนพวกชาวบ้านต้องแบกลงเขาไปโรงพยาบาล…”

“กีตาร์…”โซโล่บีบมือผมเบาๆจนผมรู้สึกตัว รู้สึกเหมือนร่างกายไร้เรี่ยวแรงแต่ก็พยายามฝืนส่งยิ้มจางไปให้

“ครูใหญ่ไม่ได้เป็นอะไรนอกจากโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ แต่…ท่านก็อายุมากแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะ…”ฮ่องเต้หยุดพูดไป เช่นเดียวหัวใจผมที่เหมือนจะหยุดเต้นตาม ผมเข้าใจความหมายของสิ่งที่เขาจะสื่อดี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม “แต่ท่านก็ยังพูดคุยกับพวกผมได้นะ! แค่เขียนจดหมายไม่ไหวแล้วเลยให้เบอร์กีล์มา บอกให้พวกผมติดต่อไปหากีล์ ท่านอยากให้กีล์ไปหาหลังสอบเสร็จ…แต่ไม่ให้พวกผมบอกว่าท่านเป็นอะไร ท่านไม่อยากให้กีล์คิดมาก”

ผมเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น แม่ใหญ่ยังคงเป็นคนอ่อนโยนที่เป็นห่วงผมอยู่เสมอ…

“แต่ท่านก็บอกไว้แล้วว่าถ้าปิดกีล์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ให้บอกกีล์ว่าถ้ายังสอบไม่เสร็จจะล็อคห้องไม่ให้เจอ”

ผมหัวเราะออกมาเบาๆ นึกภาพใบหน้าแม่ใหญ่ตอนที่พูดแบบนั้นออกแทบจะทันที…ผมคิดถึงท่านเหลือเกิน

“ท่านบอกว่าจะไม่ไปไหนจนกว่าจะได้เจอกีล์อีกครั้ง”

ประมุขส่งยิ้มมาให้ผม เช่นเดียวกับอีกสองคนที่มองมาเหมือนจะเพิ่มความมั่นใจให้

“ขอบคุณครับ”

ขอบคุณที่มาบอก

ขอบคุณที่แม่ใหญ่ยังไม่ไปจากผม

ขอบคุณที่ยังรอเจอผม…อีกครั้ง

 

 

“ผมจะรีบตามไป”

ผมละสายตาจากวิวนอกกระจกห้อง หันไปมองเจ้าของเสียงอย่างแปลกใจ โซโล่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆแล้วส่งยิ้มบางมาให้

“ถ้าสอบเสร็จ…ผมจะรีบตามไป”เขาขยายความ ยื่นมือมาโอบไหล่ผมแล้วดันเบาๆให้ล้มตัวลงนอนตักตนเอง

“โซ?”ผมขยับตัวให้หงายขึ้นแต่ก็ไม่ได้ลุกหนี แค่รู้สึกแปลกๆเพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้นอนตักใครสักคนแบบนี้

“ผมชอบนอนตักกีตาร์…”โซโล่พูดด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแทน “จริงๆก็ชอบทุกอย่างที่ได้ทำกับกีตาร์นั่นล่ะ”

ผมหัวเราะออกมาทันทีที่เขาพูดจบ เช่นเดียวกับคนพูดที่หัวเราะตาม น่าแปลกที่คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคกลับทำให้ความรู้สึกหม่นหมองที่ปกคลุมไปทั่วจิตใจจางลงไปมากจนรู้สึกได้ เมื่อสิ้นเสียงหัวเราะความเงียบก็เข้ามาปกคลุมอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ผมไม่ได้คิดมากเหมือนเคย คงเป็นเพราะสัมผัสแผ่วเบาจากฝ่ามือที่กำลังลูบหัวอยู่มันส่งต่อความรู้สึกอบอุ่นมาจนถึงจิตใจ

“เวลาที่ผมนอนตักกีตาร์…ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้ง”

เหมือนกับที่เป็นอยู่เลย…

“ผมมีความสุข รู้สึกดี”

เหมือนกัน…ทั้งมีความสุข ทั้งรู้สึกดี

“ผมอยากให้กีตาร์รู้สึกแบบนั้นบ้าง…ขอโทษที่เสียมารยาท ทั้งที่กีตาร์โตกว่าแท้ๆ”ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่ใบหน้านั่นไม่เห็นจะบ่งบอกว่ารู้สึกผิดสักนิด แต่เอาเถอะ…

“พี่ไม่ถือครับ”

เพราะงั้นอย่าหยุดนะ…

“กีตาร์…แม่ใหญ่อายุเท่าไหร่เหรอ”เสียงนิ่งๆเอ่ยถามเหมือนไม่มั่นใจนักว่าควรหรือเปล่า ผมเองก็เข้าใจดีว่าเขาอยากรู้อะไรถึงได้ยิ้มกลับไปเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

“แปดสิบปลายๆครับ”ตอนที่อยู่ที่สถานรับเลี้ยงแม่ใหญ่ก็อายุหกสิบกว่าแล้ว ท่านบอกว่าสถานรับเลี้ยงเป็นมรดกที่พ่อท่านทิ้งไว้ให้ เป็นสถานที่ที่มีแต่ความอบอุ่น…และผมก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ “ตั้งแต่พี่เด็กๆแม่ใหญ่ก็ไม่สบายบ่อยๆ ครูนิดบอกว่าคนอายุมากแล้วก็เป็นแบบนี้”

เพียงแต่ไม่เคยหนักถึงขนาดเข้าโรงพยาบาล…

“กีตาร์…”

“ไม่เป็นไรครับ”ผมยกมือขึ้นลูบแก้มของคนที่ก้มลงมองเบาๆ ใบหน้าเคร่งเครียดและน้ำเสียงจริงจังของเขาช่วยคลายความหน่วงในอกให้ผมได้หลายส่วน “พี่โอเค”

ยังโอเคอยู่…

“มันจะผ่านไปได้ด้วยดี”

ผมยิ้มรับคำโดยไม่พูดอะไร และผมเชื่อว่าโซโล่เองก็รู้ดีไม่ต่างจากผม สำหรับเรื่องนี้…

คำว่าผ่านไปได้ด้วยดี…มันไม่มีจริง

“ผมจะอยู่ข้างๆกีตาร์”คำพูดหนักแน่นมาพร้อมกับความอบอุ่นของมือที่วางทับลงบนมือผมซึ่งอยู่บนแก้มเขา มันเป็นความรู้สึกอุ่นวาบที่ไม่ใช่แค่ที่มือ…แต่ฝังลึกลงไปถึงใจ

“ขอบคุณนะครับ”

“กีตาร์คือความสุขของผม”

“โซ…”

“ตอนที่กีตาร์มีความสุข ผมก็มีความสุข แต่ตอนที่กีตาร์ทุกข์ ผมเองก็ทุกข์ไม่ต่างกัน”มือที่จับมือผมแนบแก้มไว้สั่นเทา ดวงตาคมที่มักเฉยชาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนผมรู้สึกปวดใจ

“อย่าทำหน้าแบบนั้น…”

“งั้นกีตาร์ยิ้มให้ผมหน่อยนะครับ…ยิ้มให้ผม ยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้มเศร้าแบบนั้น”โซโล่เอียงหัวแนบแก้มเข้ากับฝ่ามือผมมากขึ้น จ้องมองมาด้วยดวงตาที่เหมือนจะขอร้อง “อย่าเป็นแบบนี้…”

“…”

“ผมปวดใจจะตายอยู่แล้ว”

ผมลุกขึ้นนั่ง โถมตัวเข้ากอดอีกคนไว้แน่น แนบแก้มไว้กับอกอุ่นๆจนรู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่หนักแน่นมั่นคง มืออุ่นๆที่ทำให้รู้สึกสบายใจลูบหัวผมราวกับจะปลอบโยน

ผมไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งที่เจ็บปวดเหลือเกิน ไม่ได้พูดว่ารู้สึกอะไรทั้งที่เสียใจจนบรรยายไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่เป็นไร ไม่ใช่เพราะคิดว่ามันยังมาไม่ถึง แต่คนที่กอดผมไว้แน่นคือคำตอบของทุกอย่าง

เพราะคนๆนี้ผมถึงอยากเข้มแข็ง ผมไม่อยากให้เขาเศร้า ไม่อยากให้เขาเสียใจไปด้วย

ผมผละตัวออกมาจากอ้อมกอด จับมือทั้งสองข้างของโซโล่ขึ้นแนบแก้มตัวเอง ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ส่งต่อความรู้สึกทั้งหมดที่มีไปให้

“ถ้าโซยังอยู่ตรงนี้…พี่จะไม่เป็นไร”

แค่โซ…

--------------------------------

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 10-02-2017 22:12:07
งื้อออออ....ชอบดมเมนนี้
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 10-02-2017 22:14:38
 :hao5: :hao5: :hao5:
เค้าสงสารกีตาร์อ่ะ
แต่แม่ใหญ่ก็อายุมากแล้ว..อ่านแล้วน้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2017 22:36:50
น้ำตามาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-02-2017 23:00:42
ผ่านไปให้ได้นะทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-02-2017 07:52:51
โถ่วววว กีล์ แต่ละเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต TT
ขอให้แม่ใหญ่ไม่เปนอะไร (แต่เราก้อต้องทำใจไว้ด้วยเนอะ)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 11-02-2017 08:52:24
มันจะผ่านไปด้วยดีนะกีล์   :mew2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 11-02-2017 09:20:59
พ่อก็แค่รออยู่ที่โรงแรมเองไม่มีไรหรอกใช่มะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-02-2017 09:30:22
 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 11-02-2017 11:15:46
ไม่เป็นไรนะพี่กีล์ เดี๋ยวก็ได้เจอแม่ใหญ่แล้ว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 11-02-2017 19:42:49
แล้วมันจะผ่านไปด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 11-02-2017 21:51:35
มาม่ากองตรงหน้า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 11-02-2017 22:24:04
อ่านตอนนี้จบ รักเจ้าฮัสกี้จนบอกไม่ถูกเลยค่ะ
เรารู้สึกว่าเค้าคือความสุขของกันและกันอะค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-02-2017 02:18:19
พี่กีล์สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 12-02-2017 04:11:26
 :ling1: กีต้าร์ สู้ ๆ นะ มีเจ้าหมาอยู้ข้าง ๆ ไม่เป็นไรหรอก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 12-02-2017 12:21:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER26 P.19 [10/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 12-02-2017 13:25:48
-27-



ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ผมค่อนข้างยุ่งเพราะเข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคแล้ว ผมที่ไม่ได้ทำงานที่ร้านแล้วเลยโดนเพื่อนลากมาติวหนังสือกันที่หอไวน์ โซโล่เองก็เหมือนจะวุ่นๆอยู่กับการซ้อมดนตรี เขาบอกว่ามีสอบดนตรีไทยที่ตัวเองไม่ถนัดสุดๆเลยต้องให้เก้าช่วย ผมเลิกสงสัยไปแล้วว่าทำไมต้องเป็นเก้า เพราะรายนั้นดูจะทำได้ทุกอย่างตามที่เคยโฆษณาไว้จริงๆ

การที่ได้แยกมาติวหนังสือทำให้ผมพอมีเวลาโทรคุยกับเก้าอยู่บ้าง เก้าจะคอยแนะนำอะไรต่างๆให้ ตอนแรกผมรู้สึกเหมือนไม่มีจิตใจทำอะไรเท่าไหร่ ยอมรับว่ายังมีความกังวลเรื่องแม่ใหญ่อยู่ไม่น้อย แต่ผมก็รู้ดีว่าตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้…และผมต้องไม่ทำให้ท่านผิดหวัง

ต้องขอบคุณเก้าที่ช่างสังเกตเหลือเกิน พอรู้ว่าผมไม่ปกติก็ส่งเสียงบ่นอุบอิบผ่านมาทางโทรศัพท์ บอกว่าตอนซ้อมโซโล่ก็ดูไม่มีจิตใจซ้อมเหมือนกัน เอาแต่มองนาฬิกาเหมือนรอเวลาเลิก

นั่นทำให้ผมรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียว และถ้าผมท้อหรือคิดมากจะมีอีกคนที่เศร้าไปด้วย

ผมพยายามมองโลกในแง่ดี นึกถึงแต่สิ่งดีๆและทำตัวให้เป็นปกติ ไปติวกับเพื่อน พอว่างก็ซ้อมร้องเพลงกับเก้าทางโทรศัพท์เป็นการคลายเครียด ตกเย็นก็กลับไปหาเจ้าหมาที่มักจะนั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว จากนั้นก็ทำกับข้าวให้ กินข้าวพร้อมกัน กินนมด้วยแก้วคู่ นั่งคุยกันจนง่วง สุดท้ายก็นอนกอดกันจนถึงวันใหม่

มันเป็นความสุขเล็กๆที่ช่วยให้ผมคลายความกังวลไปได้มาก

“เหลือสอบอีกตัวเดียวปะวะ”ไวน์ฟุบตัวลงกับโต๊ะแล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้เหมือนจะบอกว่าไม่ไหวแล้ว ท่าทางมันดูแย่ที่สุดในพวกเราทั้งหมด

“ใช่”ผมตอบมันเพราะน่าจะเป็นคนเดียวที่ว่าง โนว์มันไปคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียง ส่วนเบียร์นี่นอนหลับไปนานแล้ว มันบอกว่าก่อนผมกับโนว์จะมามันติวให้ไวน์ตั้งแต่เมื่อคืน ทำยังไงก็ไม่ฉลาดขึ้นเสียทีเลยโยนหน้าที่มาให้ผมแทน

ในบรรดาพวกเราสี่คนรวมถึงในภาคเบียร์คือคนที่เรียนเก่งที่สุด ส่วนไวน์ก็อ่อนสุดในกลุ่ม ไม่ใช่ว่ามันโง่หรืออะไร แต่มันเป็นพวกขี้เกียจ โดดเรียนบ่อย เวลาเรียนในห้องก็ไม่ตั้งใจเลยต้องให้พี่ตัวเองติวให้ สุดท้ายคะแนนก็ออกมาโอเคทุกที แค่เหนื่อยหน่อยตอนติวให้เพราะเหมือนเริ่มสอนใหม่หมดเท่านั้นล่ะ โนว์มันยังเคยพูดอยู่เลยว่าพวกมันเป็นฝาแฝดกันได้ยังไง สงสัยพ่อแม่เอาส่วนดีๆไปให้เบียร์หมด แต่โนว์มันก็พูดกัดไปงั้น เพราะถ้าไวน์มันไม่เจ๋งจริงมันคงไม่ได้ที่ฝึกงานเป็นคนแรกหรอก…แถมยังเป็นที่ที่มีชื่อเสียงด้วย

“กูเหนื่อยยยย”มันโวยวายแล้วปัดข้าวของจนหล่นลงจากโต๊ะ ถ้าทำแล้วเก็บเองนี่จะไม่ว่าสักคำ แต่กลายเป็นมาลำบากผมต้องนั่งเก็บให้ทุกที

“ทนหน่อย อีกวันเดียว”ผมปลอบมัน

“กู…”

“หุบปากสักที!”

ทั้งผมทั้งไวน์สะดุ้งกันทั้งคู่ เมื่อคนที่นอนอยู่ไม่ไกลลุกมาพูดอย่างหัวเสียพร้อมกับปาหมอนใส่หัวคนที่ยังบ่นไม่เลิก ไวน์มันทำหน้ามุ่ยแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรกลับไป มันน่าจะรู้ดีที่สุดว่าพี่มันเวลาหงุดหงิดน่ากลัวขนาดไหน

สุดท้ายไวน์ก็ยอมนั่งเงียบๆให้ผมติวหนังสือให้แต่โดยดี ผ่านไปไม่นานโนว์ก็เดินเข้ามานั่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันคงได้กำลังใจมาจากซันเหมือนทุกวันนั่นล่ะ ต่อให้เครียดแค่ไหนพอได้ออกไปรับโทรศัพท์แล้วกลับเข้ามาอารมณ์ดีทุกที

“งงตรงไหนปะ”ผมหันไปถามไวน์ พอเห็นมันส่ายหน้าแล้วนอนแผ่ไปกับพื้นก็ปิดหนังสือลง ถือว่าช่วยเท่าที่ช่วยได้แล้ว พรุ่งนี้ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมก็แล้วกัน

ผมเดินแยกตัวออกมาที่ระเบียงก่อนจะทักแชทเก้าไปเหมือนทุกวัน ข้อความที่ผมส่งไปถูกอ่านอย่างรวดเร็ว เก้าคงกำลังเล่นโทรศัพท์หรือฟังเพลงอยู่พอดี แต่รอสักพักแล้วก็ยังไม่ตอบอะไรกลับมา จนผมจะเก็บโทรศัพท์ถึงขึ้นว่ามีคนคอลมาทางเฟส

“สวัสดีครับ”

[ดีพี่ ทำไมวันนี้ไวอะ]

“เนื้อหาวันนี้ไม่เยอะเท่าไหร่ครับ เบียร์ติวให้ไวน์มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วด้วย”ปัญหาหลักๆก็มีมันอยู่คนเดียว โนว์มันหัวไวอยู่แล้ว แค่พูดนิดหน่อยก็เข้าใจ “ว่าแต่เก้าว่างแล้วเหรอครับ”

[ว่างแล้วพี่ นอกจากช่วยดูโซก็ไม่ได้ทำไรละ เมื่อกี้คอลช้าเพราะรอมันออกไปอยู่]

จริงด้วย…ปกติเวลานี้ทั้งฝั่งผมทั้งฝั่งเก้าจะยังไม่เลิกกัน ผมก็ลืมดูเวลาไปเลย ตอนแรกก็คิดว่าเลิกไวกว่าเดิมแค่นิดหน่อย แต่นี่ดูเหมือนจะไวกว่าเดิมสองสามชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

“พรุ่งนี้หลังสอบพี่จะไปเหนือ คิดว่าคงไม่ได้ติดต่อไปให้ช่วยแล้วนะครับ”ผมบอกตามแผนที่วางไว้ เพราะผมอยากจะใช้เวลากับแม่ใหญ่เยอะๆ ไม่น่าจะมีเวลาโทรไปหาเก้าอีก

[พี่ทำได้แล้วแหละ ผมว่าวันนี้ไม่ต้องซ้อมหรอก เอาเท่าที่ได้นั่นก็ดีแล้ว ใส่ความรู้สึกลงไปยังไงมันก็ชอบ]

“วันนี้เก้าไม่ว่างเหรอครับ”ผมถามอย่างแปลกใจ จริงๆก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังร้องห่วยอยู่หรือเปล่า ถึงจะดีขึ้นจนรู้สึกได้เพราะได้เก้าช่วยบอก แต่ผมก็ยังเกร็งๆอยู่เลย

[ผมอะว่าง…แต่พี่กำลังจะไม่ว่าง]

“ทำไม…”

“กีล์! เด็กมึงมาหาอะ”

พอได้ยินเสียงโนว์ตะโกนมาจากในห้องผมก็เข้าใจที่เก้าพูดแทบจะทันที

[ไปหามันเหอะพี่ เรื่องร้องเพลงก็ทำเต็มที่ เชื่อเหอะ…ต่อให้พี่ร้องเสียงเหมือนควายออกลูกมันก็ยังบอกว่าเพราะ]

จะไม่กล้าร้องก็เพราะคำพูดแบบนี้นี่ละไอ้เด็กแสบ!

[ผมไปกินติมละพี่ บาย]

ผมมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปอย่างพูดไม่ออก…อยากจะรู้จริงๆว่าใครจะเอาเด็กแสบนี่อยู่

“ไอ้กีล์!”

“รู้แล้ว!”ผมตะโกนกลับก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเปิดประตูเข้าไป แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะคนหน้านิ่งเปิดประตูระเบียงมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

“กีตาร์…ออกไปทำอะไร”

“ออกมายืดเส้นยืดสายครับ”ผมตอบไปตามที่คิดไว้ในใจ พยายามสังเกตบนใบหน้าอีกคนว่ามีความไม่พอใจอะไรไหม แต่ดูยังไงก็ไม่พบอะไรสักอย่าง โซโล่พยักหน้าก่อนจะเดินออกมาที่ระเบียงแล้วปิดประตู “โซ…”

“ครับ”

ผมถอนหายใจ มองใบหน้าของคนที่ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรแล้วยิ้มน้อยๆ ผมเป็นคนโกหกไม่เก่ง เจ้าหมาเองก็รู้ว่าที่ผมพูดคือการโกหกแต่ก็ยังไม่ถามอะไร

สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ทนไม่ได้…

“พี่ออกมาคุยโทรศัพท์ครับ”ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแล้วกวักมือให้อีกคนนั่งตาม โซโล่หันมาหาผม มองด้วยสายตาเป็นคำถามแต่ก็ยอมนั่งลงข้างๆ “พี่ยังบอกโซไม่ได้…”

“ผมเข้าใจ”

เข้าใจ…แต่เสียงกับหน้าหงอยๆนั่นไม่เห็นเหมือนคนเข้าใจเลย

“อย่าเข้าใจผิดสิครับ…”ผมอมยิ้ม เอนหัวพิงไหล่ของคนขี้งอนไว้ เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยแต่ก็ยังยื่นแขนมาโอบไหล่ผมอยู่ดี

“เข้าใจอะไรผิด”

“พี่ไม่ได้อยากปิดบัง…แต่มันเป็นเซอร์ไพรส์”

“เซอร์ไพรส์ผม?”เจ้าหมาทำหน้างง พอเห็นผมยิ้มให้ก็เริ่มยิ้มตาม “เซอร์ไพรส์อะไรเหรอ”

“บอกไม่ได้ครับ…นี่พี่บอกแค่นี้ก็จะไม่เซอร์ไพรส์อยู่แล้ว”

แต่ทำไงได้…จะให้โกหกก็ไม่อยากทำอยู่ดี

“แต่ผมอยากรู้…กีตาร์บอกหน่อย”

“ไม่เอา”ผมผละตัวออกมา ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบทั้งที่ยิ้มอยู่

“กีตาร์…”เจ้าหมาทำหน้าอ้อน โอบไหล่ผมแน่นขึ้นเหมือนไม่ต้องการให้ลุกหนี

“เสียใจด้วยครับ ครั้งนี้ไม่ได้ผลหรอก”

“บอกหน่อยนะ…”

ผมส่ายหน้า ยกมือทำท่ารูดซิบปากจนเจ้าหมาหัวเราะ

“นะครับ…”

“โซ!”ผมถลึงตามองหมาขี้อ้อนที่พูดคำต้องห้าม รีบดึงแขนคนที่ยังไม่ทันตั้งตัวออกแล้วลุกหนีทันที

ให้ตายเถอะ…ลองอยู่นานกว่านี้ผมได้หลุดหมดแน่

ผมเดินหนีเข้ามาในห้องซึ่งมีศพเพื่อนสามคนนอนตายอยู่ โซโล่เองก็เดินตามเข้ามา ใบหน้านี่ยิ้มแย้มต่างจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง ผมนั่งลงที่โซฟา แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นหน้าอ้อนๆของคนที่เดินมา

“กีตาร์…”

“ว่าไงครับ”ผมตอบรับแต่ไม่หันไปมอง

“ไม่บอกจริงๆเหรอ”

“อือฮึ”

“อืม…”

สิ้นเสียงนั้นทุกอย่างก็เงียบไปจนผมแปลกใจ คิดว่าจะอ้อนจนกว่าจะได้คำตอบเสียอีก…ผิดคาด

“โซ…”ผมกำลังจะหันไปดูว่าเจ้าของชื่อกำลังทำอะไรอยู่ แต่ยังไม่ทันได้หันอ้อมแขนของคนที่เงียบไปก็สวมกอดมาจากทางด้านหลังเสียก่อน ผมยกมือแตะแขนหมาขี้อ้อนไว้แล้วยืนยันคำเดิม “จะอ้อนอะไรครับ…พี่บอกไม่ได้จริงๆนะ”

“รู้แล้ว…”เจ้าหมาขยับแขนนิดหน่อยให้เข้าที่มากขึ้น ไม่รู้ว่าโน้มตัวมากอดผมทั้งที่ยืนอยู่ไม่เมื่อยหรือยังไง ตัวเองก็สูงมากแท้ๆ

“ไม่เมื่อยเหรอครับ เดี๋ยวปวดหลังเอานะ”

“ไม่”หัวที่วางไว้บนไหล่ผมส่ายไปมา อ้อมแขนที่กอดช่วงไหล่ผมไว้กระชับแน่นขึ้น

“โซ…”

“ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณ?”

“ขอบคุณที่นึกถึงผม…ทั้งที่กีตาร์อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากแท้ๆ”

ผมพิงตัวไปด้านหลัง ริมฝีปากยกยิ้มโดยไม่รู้ตัว ผมเข้าใจดีว่าโซโล่จะสื่ออะไร แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่แค่การนึกถึง…ไม่ใช่แค่เพื่อโซโล่ แต่เพื่อตัวผมเองด้วย

การได้พยายามทำอะไรเพื่อเขา…คือสิ่งที่ทำให้ผมยังยิ้มได้

เป็นเหมือนการพักผ่อน เหมือนการผ่อนคลาย เพียงแค่คิดว่าจะได้รับรอยยิ้มดีใจนั่นกลับมาก็แทบจะลืมทุกอย่าง

“พี่เต็มใจครับ”เต็มใจทำให้ทุกอย่าง…

 

 

ผมหันไปมองคนที่กำลังขับรถอย่างแปลกใจเมื่อเส้นทางที่กำลังไปไม่ใช่เส้นทางเดิม ปกติช่วงสอบโนว์มันจะแวะไปส่งผมหลังติวเสร็จ แต่ก็มีสองสามครั้งที่โซโล่เลิกไวแล้วแวะมารับเอง เพราะงั้นผมถึงรู้ว่านี่ไม่ใช่ทางกลับเหมือนทุกที

“แวะซื้อของก่อน”โซโล่พูดลอยๆทั้งที่ผมยังไม่ทันได้ถาม

“รู้ได้ยังไงครับว่าพี่จะถามอะไร”

“ก็ผมเป็นคนรักของกีตาร์”

เดี๋ยว…

“แล้วกีตาร์ก็เป็นคนรักของผมด้วย”

มันก็ใช่…

“คนรักกัน…แค่หายใจร่วมกันก็รู้ใจ”

เขามีแต่มองตาก็รู้ใจ…

“เนอะ”

ตบท้ายด้วยการหันมายิ้มหวานให้

ผมทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ จะว่าอึ้งก็ใช่ จะว่าขำก็ใช่ แถมยังกลั้นยิ้มไม่ไหวจนสุดท้ายหลุดออกมาเป็นรอยยิ้มกว้างเกินเหตุอีกต่างหาก

และมันคงเป็นรอยยิ้มที่กว้างที่สุดนับตั้งแต่ผมรู้เรื่องแม่ใหญ่…

“ยิ้มเยอะๆ”คนที่กำลังขับรถหันมาหา ยกมือบีบแก้มผมเบาๆแล้วมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน

มันเป็นการกระทำเล็กๆน้อยๆที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากจริงๆ…

 

 

โซโล่จอดรถที่ห้างประจำที่เราชอบมาซื้อของกัน เราเดินไปข้างๆกันโดยไม่ได้พูดอะไรมากมาย พอมีคนใส่ชุดนักศึกษามองมาผมก็แค่ยิ้มให้ตามมารยาท ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วกับการมาเดินห้างแล้วโดนคนมอง พวกเขาคงรู้จักพวกผมจากเพจหรือตำแหน่งนั่นล่ะ

ผมรีบดึงชายเสื้อคนที่เดินเยื้องไปด้านหน้าไว้เมื่อเห็นว่าเราไม่ได้กำลังเดินลงไปที่ซุปเปอร์อย่างทุกที

“โซ…นี่มันโซนเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอครับ”

“ใช่”

“จะซื้อเสื้อผ้าใหม่เหรอครับ”ผมดึงเสื้อแรงขึ้นจนเจ้าหมายอมหยุดเดิน จริงๆเสื้อผ้าเจ้าหมาที่ห้องก็เยอะอยู่แล้ว เขายังใส่ไม่ครบทุกตัวเลยด้วยซ้ำ แถมแต่ละตัวก็ราคาแพงๆทั้งนั้นด้วย บอกตรงๆว่าผมเสียดายแทน

“ใช่…แต่ผมไม่ได้ซื้อให้ตัวเอง”คนที่เดินนำหันมาหาแล้วดึงมือผมไปกุมไว้แทน พอเห็นผมมองงงๆก็ออกแรงดึงให้เดินต่อโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่ม

ถ้าไม่ซื้อให้ตัวเองแสดงว่าซื้อให้ผม…ซึ่งมันหนักกว่าเดิมอีก!

“หยุดเลยโซ…เสื้อผ้าที่ซื้อให้พี่ตอนวันเกิดพี่ยังใส่ไม่ถึงครึ่งเลยนะครับ”

เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้ใส่เลยดีกว่า เสื้อผ้าผมเองที่ขนมาจากหอก็มีอยู่แล้ว…ถึงจะไม่ได้เยอะก็เถอะ จะเอาเสื้อผ้าแพงๆพวกนั้นมาใส่ทีไรผมเสียดายทุกที กลัวจะไปทำขาดเอาเลยได้แต่ปล่อยไว้ในตู้อยู่อย่างนั้น

โซโล่ลากผมเข้าไปในร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง หลังจากหลบมุมมาอยู่ตรงที่ไม่มีคนก็หันมาเผชิญหน้าแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้

“ผมไม่ได้จะซื้อเสื้อผ้าธรรมดาพวกนั้น…รู้อยู่แล้วว่ากีตาร์ไม่ยอมหรอก”

แล้วจะซื้ออะไรล่ะนั่น

“รู้หรือเปล่าว่าช่วงนี้ที่เหนืออากาศหนาว…”ว่าแล้วก็จูงมือผมเดินไปที่โซนเสื้อผ้าฤดูหนาว “แล้วกีตาร์ก็ไม่มีเสื้อผ้าหนาๆสักตัว”

อย่างนี้นี่เอง…ที่มารับไวก็เพราะจะพาผมมาซื้อเสื้อผ้า

จะว่าไปผมก็ลืมเรื่องอากาศไปเลย อยู่ที่นี่นอกจากฤดูร้อนก็แทบไม่รู้สึกถึงความหนาวเลยลืมคิดไปสนิทว่าภาคเหนือตอนนี้อากาศกำลังหนาว แถมผมยังไปถึงจังหวัดเชียงใหม่เลยด้วย

“ผมบอกแล้วว่ากีตาร์ไม่ชอบนึกถึงตัวเอง”เจ้าหมาบ่น มือหยิบเสื้อตัวนั้นตัวนี้มาทาบกับตัวผมแล้วโยนใส่ตะกร้าที่มีพนักงานมายืนถือให้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ผมมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มจนลืมไปเลยว่าควรจะห้ามไม่ให้ซื้อเยอะเกินไป แต่พอเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคนกำลังตั้งใจนั่นแล้วก็พูดไม่ออก

“นี่ถ้าผมไม่จัดกระเป๋าให้ด้วยกีตาร์คงเอาแต่เสื้อผ้าของตัวเองไปไม่กี่ชุดอีกล่ะสิ”คนที่หยิบเสื้อผ้าตัวนั้นตัวนี้พูดไปเรื่อยด้วยความไม่พอใจ “ซื้อให้แล้วไม่ยอมใส่…ผมน้อยใจนะ”

“ขอโทษครับ”ผมพูดทั้งที่ยังยิ้มอยู่ เดินตามหลังเจ้าหมาต้อยๆโดยไม่ปฏิเสธอะไร

“วันนี้กลับไปผมจะเลือกเสื้อผ้าให้เอง…ไม่ต้องเถียงเลย”โซโล่หันหน้ามาดุ ทำเอาปากที่กำลังจะอ้าเพื่อเถียงของผมหุบลงทันที “เสื้อผ้าที่ห้องมีแต่บางๆ…เอาพวกนี้ไปทั้งหมดนั่นล่ะ”

“แต่มันแพง…”

“ผมรวย”

“…”

รู้แล้วว่ารวย แต่คนประหยัดมาทั้งชีวิตเสียดายแทนนี่นา…

โซโล่หันมาหาเมื่อเห็นว่าผมหยุดเดิน เจ้าตัวเดินกลับมาอยู่ตรงหน้าแล้วถอนหายใจ

“เสื้อผ้าพวกนี้มีคุณภาพ ถ้าเก็บรักษาก็ใช้ได้อีกนาน ผมซื้อเพราะเป็นห่วงกีตาร์ ถ้ากีตาร์เสียดายเงินก็ดูแลของที่ผมให้ดีๆแล้วใช้ไปนานๆ…นะครับ”

พูดแบบนี้แล้วใครจะปฏิเสธลง

“ไม่ต้องเยอะนะครับ…เอาเท่าที่จำเป็นพอ”ผมพูดเสียงอ่อยจนเจ้าหมายิ้มออก หลังยกมือขยี้หัวผมเหมือนเด็กแล้วก็หันไปเลือกต่อ

สรุปใครแก่กว่าใครกันแน่ล่ะเนี่ย…

ผมแอบอาศัยจังหวะที่เจ้าหมากำลังเลือกเสื้อผ้าหยิบบางส่วนที่พนักงานถือไว้ออกไปหลายตัว ต้องขอบคุณที่พนักงานอมยิ้มมองโดยไม่ฟ้องอะไร แต่ผ่านไปสักพักผมถึงรู้ว่ายิ่งหยิบออกไปมากเท่าไหร่อีกคนจะใส่มาใหม่มากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายเลยกลายเป็นต้องเดินตามเป็นหุ่นลองเสื้อแต่โดยดี ไม่กล้าหยิบอะไรออกอีก

เราเดินไปซื้อของต่อที่ซุปเปอร์เพราะกับข้าวจะหมดแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้คนเดินนำเอาแต่หยิบอาหารแช่แข็งออกมาจนผมต้องตีมือไปหนึ่งที

“ก็กีตาร์ไม่อยู่…ผมทำไม่เป็น”ว่าแล้วก็ส่งสายตางอแงมาให้

“ไปซื้อทานข้างนอกก็ได้ครับ ชวนเก้าไปก็ได้ แต่อย่าทานอาหารแช่แข็งเยอะแบบนี้ มันไม่ดีต่อสุขภาพเลย”ผมจับมือที่ถูกตีดังเพี๊ยะมาลูบให้เบาๆจนคนงอแงยอมพยักหน้า เอาอาหารแช่แข็งไปวางเก็บไว้ที่เดิม

สุดท้ายนอกจากนมแล้วก็ไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มอีก เรากลับมาถึงห้องกันช่วงค่ำ โซโล่ตรงดิ่งเข้าไปคว้าเป้มาจัดกระเป๋าให้ผมจริงๆอย่างที่เขาว่าไว้ ผมได้แต่ยืนขำมองคนที่พยายามม้วนเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ลงเป้ แต่เพราะมันเยอะเกินไปเลยยัดไม่ลงเสียที พอกดลงไปมันก็เด้งขึ้นมาใหม่จนเจ้าหมาหัวเสีย แต่ก็ไม่ยอมละความพยายามจนสุดท้ายก็ทำได้สำเร็จ หลังเอาพวกเครื่องอาบน้ำที่เขาบอกว่าแวะซื้อให้ก่อนมาหาใส่ลงไปแล้วเจ้าหมาก็ปิดกระเป๋า มองดูผลงานตัวเองด้วยใบหน้าพอใจ

“กีตาร์”

“ครับ”ผมเดินเข้าไปหา นั่งลงตรงพื้นข้างๆกัน

“พรุ่งนี้ผมเลิกช้ากว่า…คงไปส่งไม่ได้”

“ไม่เป็นไร…”

“เดี๋ยวเจย์ไปรับหน้าคณะ มีคนขับรถไปส่งที่สนามบิน”

ผมพยักหน้าเพราะรู้ดีว่าปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว ตอนแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะนั่งเครื่องบินไป จนเมื่อวานคุณเจย์มาบอกว่าจองเรียบร้อยพร้อมเดินทางตั้งนานแล้วผมถึงได้รู้ว่าเจ้าหมานี่เตรียมการไว้ล่วงหน้าให้ทุกอย่าง นอกจากจะไม่ปฏิเสธแล้วผมยังรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำที่ช่วยคิดอะไรแทนผมมากขนาดนี้

เขาเต็มใจให้ และผมก็เต็มใจรับความห่วงใยนั้นไว้

“ห้าวัน…”โซโล่พึมพำ เอนหัวมาพิงอกผมไว้

“ห้าวันเอง…ตั้งใจสอบนะครับ”

“รู้แล้ว”เขายกหัวขึ้น แต่ไม่ได้ผละออก เปลี่ยนมาเป็นจ้องหน้ากันใกล้ๆแทน

“มองอะไรครับ”ผมอมยิ้มถาม รู้สึกเขินหน่อยๆเมื่อเห็นสายตาแพรวพราวที่เก็บอะไรไว้มากมายของอีกคน

“มองกีตาร์ไง”

“เหรอ…พี่ก็มองหมาอยู่”

“กีตาร์ก็เป็นหมานี่นา…”เจ้าหมายิ้มกว้างเมื่อเห็นผมทำหน้าบึ้ง “แม่หมา”

“โซ!”ผมเรียกเหมือนไม่พอใจ แต่นอกจากจะไม่สำนึกแล้วโซโล่ยังหัวเราะออกมาเสียงดัง ดูอารมณ์ดีจนผมต้องยิ้มตาม สุดท้ายก็หัวเราะใส่กันโดยไร้เหตุผล

“กีตาร์…”

ผมหลับตาลงเมื่อคนตรงหน้าโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากร้อนกดจูบเบาๆบนหน้าผาก ไล่ลงมายังปลายจมูก และสิ้นสุดอยู่ที่ริมฝีปาก…แผ่วเบาทว่าเนิ่นนาน ความร้อนจากจุดที่โดนสัมผัสทำให้ผมปวดในอก…ต้นเหตุคงมาจากหัวใจที่เต้นรัวแรงจนเหมือนจะทะลุออกมา

ผมกำแขนอีกคนแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าจะหมดลมหายใจ เขาถอนจูบออกครู่หนึ่งแล้วกดลงมาซ้ำๆเหมือนจะเผื่อไว้ในเวลาที่เราต้องห่างกัน…จวบจนถึงจูบสุดท้ายที่หนักแน่นไม่ต่างจากความรู้สึกของเราทั้งคู่ โซโล่ดูดริมฝีปากล่างของผมเบาๆแล้วผละออก พิงหน้าผากของเราไว้ด้วยกัน

“รอผมนะ…”

“ครับ”

“แต่ถ้าทนไม่ไหว ถ้ากีตาร์ต้องการ…ขอแค่บอกมา”

“โซ…”

“ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่…”

“…”

“ผมจะไปกอดกีตาร์”

-------------------------

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 12-02-2017 15:02:41
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 12-02-2017 18:00:46
ตอนแรกก็ไม่คิดเยอะ แต่พออ่านtalkจบ อ้าวมะใช่ละ มีดราม่าชุดใหญ่ของแม่ใหญ่แน่ กีล์สตรองไว้นะลูก ชีวิตก็งี้  :hao5: *ยัง!*
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-02-2017 19:37:27
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-02-2017 20:04:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 12-02-2017 20:26:36
ชอบคำพูดโซอ่ะ พี่กีล์ไม่ต้องกังวลเนอะ ขอแค่บอกเดี๋ยวหมาตามไปกอดพี่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 12-02-2017 20:31:35
อบอุ่นตลอด โอ๊ยยยยอิจฉาตาร้อนคู่นี้มันดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 12-02-2017 21:57:46
น้องโซสายเปย์ :laugh:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 12-02-2017 22:34:49
ขอให้สู้นะทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 12-02-2017 22:42:37
เจ้าหมาของพี่กีล์มันน่ารักเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 12-02-2017 22:44:17
กังวลไปกับกีล์ด้วยเลย สู้ๆนะกีล์  :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 12-02-2017 23:57:05
ผมรวย คำเดียวจบ....
โซรีบๆตามไปนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 13-02-2017 13:27:55
 :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 13-02-2017 15:51:40
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 14-02-2017 01:41:04
ตั้งห้าวันน้องหมาจะคลั่งมั้ยเอ่ยยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: wickedwoman ที่ 14-02-2017 08:18:24
ร่ารักมากๆเลยค่ะ
น้องโซขี้อ้อนมากกก
อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 14-02-2017 12:29:54
ละมุน ละไม มากมาย   :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 14-02-2017 20:20:09
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 15-02-2017 15:00:18
สามวันแหล่ววว :ling3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER27 P.20 [12/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 15-02-2017 18:29:34
-28-

 

ตอนเช้าโซโล่ออกไปก่อนผม หลังจากรู้ว่าผมสอบเที่ยงส่วนตัวเองสอบเช้าก็สั่งให้ผมนอนต่อ บอกเหตุผลว่าต้องพักผ่อนเยอะๆเพราะรู้ว่าถ้าไปเชียงใหม่ไม่มีตัวเองลากไปนอนผมต้องไม่ยอมนอนแน่ๆ ซึ่งก็ไม่ผิดเท่าไหร่…ผมนึกภาพตอนที่ต้องนอนคนเดียวไม่ออกเหมือนกัน

ตอนที่ผมเดินไปส่งหน้าประตูห้อง คนที่บังคับให้นอนต่อก็คว้าตัวเข้าไปกอดแน่นโดยไม่พูดอะไร อาจเพราะเมื่อคืนเราก็พูดกันไปหมดแล้ว เจ้าหมาเดินคอตกออกไปโดยไม่ยอมหันมามองอีก ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว…เพราะถ้าเขาหันมาอาจจะเป็นผมเองที่วิ่งเข้าไปรั้งไว้

รู้ตัวว่าเป็นโรคขาดหมาไม่ได้ก็วันนี้นี่ล่ะ

คุณเจย์กับคนที่เขาแนะนำว่าเป็นคนขับรถแวะไปส่งผมที่คณะ บนรถมีกระเป๋าอยู่สองใบซึ่งน่าจะเป็นของผมกับของคุณเจย์ เขาบอกว่าจะรอจนผมสอบเสร็จแล้วออกเดินทางเลย เห็นว่าเจ้าฮัสกี้ย้ำนักย้ำหนาให้พาผมไปไวๆแต่ต้องปลอดภัย

ผมใช้เวลาสอบไม่นาน ทุกอย่างตรงกับที่อ่านมา หลังจากลาเพื่อนเรียบร้อยแล้วเราก็แยกย้ายกันหน้าคณะ พอได้ขึ้นมาบนรถผมก็รู้สึกใจหายหน่อยๆ ถึงจะเข้าใจดีว่าเจ้าหมามาส่งไม่ได้เพราะติดสอบต่อเนื่องก็เถอะ แต่ด้วยความที่ไม่เคยห่างกันเลยมาหลายเดือน อยู่ๆก็ต้องห่างกันห้าวันแบบนี้…

อดคิดไม่ได้ว่าตอนฝึกงานจะเป็นยังไง…เพราะคงไม่ใช่แค่โซโล่ที่อาการหนัก

 “คุณสองคนนี่เหมือนกันเลยนะครับ”น้ำเสียงเจือรอยยิ้มของคุณเจย์ดังตัดความคิดเรื่อยเปื่อยของผม ผมหันไปมองหน้าคุณเจย์ด้วยความไม่เข้าใจ เขายิ้มแล้วยื่นโทรศัพท์ตัวเองมาให้ “ขี้กังวลเหมือนกันเลย”

ผมรับโทรศัพท์มาดู บนหน้าจอเป็นโปรแกรมไลน์ที่เจ้าหมาส่งมาตั้งแต่ชั่วโมงก่อน

SOLO : เจย์ รอกีตาร์อยู่หน้าตึกหรือเปล่า

JAY : รออยู่แล้วครับคุณชาย ว่าแต่คุณสอบอยู่ไม่ใช่เหรอครับ

SOLO : สอบปฏิบัติ ยังไม่ถึงคิว ผมแอบเล่น

JAY : คุณชาย…

SOLO : บอกให้คนขับรถขับดีๆนะ ถึงแล้วทักมาบอกผมด้วย

JAY : ทำไมคุณชายไม่ทักไปล่ะครับ

SOLO : ผมกลัวกีตาร์สอบอยู่

JAY : ผมจะบอกให้นะครับ

SOLO : อืม

SOLO : ดูแลกีตาร์ให้ผมด้วยนะ

JAY : ครับคุณชาย

หลังจากนั้นก็เป็นข้อความที่คุณเจย์ส่งไปบอกว่าผมขึ้นมาบนรถแล้ว โซโล่ยังไม่ได้อ่าน น่าจะกำลังสอบอยู่ ว่าแต่คนปกติเวลารอสอบนี่ต้องเครียดกันไม่ใช่เหรอ ยิ่งเป็นสอบปฏิบัติด้วย เจ้าหมานี่ยังกล้าแอบเล่นโทรศัพท์อีก น่าตีจริงๆ

“คุณชายกังวลเรื่องคุณมาก…เป็นห่วงไปทุกเรื่อง ตอนแรกผมก็กังวลว่าคุณจะไม่พอใจอะไรหรือเปล่าเลยอยากจะขอให้เข้าใจเขา คุณชายไม่เคยอยากดูแลใครมาก่อน พอได้เจอคนๆนั้นถึงได้ทำอะไรไม่ถูก”คุณเจย์รับโทรศัพท์คืนไปแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม “แต่ดูเหมือนผมจะคิดมากไปเองสินะครับ…เพราะตั้งแต่ขึ้นรถมาคุณก็ดูกังวลไม่แพ้คุณชายเลย”

ผมหัวเราะรับคำถามนั้น จริงอย่างที่คุณเจย์ว่าทุกอย่าง ผมเคยชินกับการดูแลคนอื่นก็จริง แต่อาการกังวลใจเพราะต้องห่างกันแบบนี้เกิดขึ้นครั้งแรกเหมือนกัน บางทีถ้าเป็นโซโล่ที่เดินทางไกล ผมอาจจะมีอาการมากกว่าเขาด้วยซ้ำ

“เป็นห่วงน่ะครับ”ผมอมยิ้ม มือจับโทรศัพท์ไว้แน่นเพราะไม่อยากพลาดถ้าคนที่รอโทรมา

“ห่วงคุณชายเหรอครับ”

“ครับ…เป็นห่วงคนที่ไม่ชอบดูแลตัวเอง”

“จริงด้วย…คุณชายไม่ชอบดูแลตัวเองจริงๆนั่นล่ะครับ”คุณเจย์พยักหน้าเห็นด้วย

“ถ้าผมไม่บังคับก็คงไปซื้อข้าวกล่องสำเร็จรูปมากินทุกมื้อแน่ๆเลยครับ นี่ผมก็ส่งข้อความไปให้เก้าช่วยดูให้ ดีที่เก้าเต็มใจช่วย เห็นบอกว่าดีเหมือนกันจะได้กินฟรีทุกมื้อ…”ทั้งผมทั้งคุณเจย์หัวเราะแทบจะทันทีที่นึกถึงเด็กแสบนั่น ตอนที่ผมบอกว่าให้ดูโซโล่ให้หน่อย เจ้าเด็กนั่นรับปากแทบจะทันที เห็นว่าจะโทรไปจิกทุกมื้อให้มารับไปกินข้าวเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนเด็กแสบจะโดนคุณแม่หักค่าขนมเพราะไม่ยอมโทรกลับไปที่บ้าน

“ดีแล้วล่ะครับที่คุณชายมีคุณเก้าเป็นเพื่อน”

นั่นสิ…ถ้าไม่มีเก้าก็ไม่รู้ว่าโซโล่จะเป็นยังไงบ้าง

ถึงจะแสบไปหน่อยแต่ก็เป็นคนที่พึ่งพาได้…มั้ง

 

 

ผมกับคุณเจย์ขึ้นเครื่องบินโดยใช้เวลาประมาณชั่วโมงเดียวก็ถึงเชียงใหม่ ช่วงแรกที่ลงมาก็ยังไม่หนาวเท่าไหร่ แต่พอได้ยืนไปครู่เดียวเท่านั้นล่ะผมถึงขนาดต้องหยิบเสื้อมาใส่ทับ คิดไม่ออกเลยว่าถ้าโซโล่ไม่ได้พาไปซื้อแล้วเอามาแต่เสื้อผ้าตัวเองจะเป็นยังไง

คุณเจย์ยืนกดโทรศัพท์อยู่ข้างผม ตอนแรกน่าจะคุยกับโซโล่อยู่ แต่พอมีสายเรียกเข้าเขาก็กดตัดสายแล้วปิดเครื่องทันที

“ต่อไปคุณชายจะติดต่อมาทางคุณกีล์นะครับ”เขาหันมายิ้มขอโทษให้ผม

“ครับ”

ที่คุณเจย์ต้องปิดโทรศัพท์น่าจะเพราะไม่ต้องการติดต่อกับคุณท่าน ตอนนั้นโซโล่ก็เคยบอกผมว่าที่คุณเจย์มากับผมก็เพราะจะพักผ่อน จะปิดโทรศัพท์ไม่รับสายคุณท่าน…ถึงผมจะกังวลแทนหน่อยๆแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เชื่อว่าคุณเจย์คงคิดมาดีแล้ว

ผมเดินทางไปที่โรงพยาบาลตามทางที่สามคิงจดไว้ให้ พวกนั้นบอกว่าหลังจากสอบเสร็จจะขึ้นมาหา ส่วนจักรพรรดิที่เรียนจบแล้วก็จะขึ้นมาพร้อมน้อง ฮ่องเต้บอกผมว่าจักรพรรดิยังไม่หายดี ยังต้องการพักผ่อนอยู่

“คุณกีล์ไปอยู่กับคุณแม่เถอะครับ เดี๋ยวผมซื้อซิมใหม่แล้วจะติดต่อไป”

“เที่ยวให้สนุกนะครับคุณเจย์”

ผมแยกกับคุณเจย์หน้าโรงพยาบาล ตอนอยู่บนเครื่องผมบอกเขาไว้ว่าคงจะอยู่กับแม่ใหญ่ตลอดไม่น่าได้ไปไหน เราเลยตกลงกันว่าจะแยกกัน ให้เขาไปเที่ยว ส่วนผมก็คงอยู่แต่ที่โรงพยาบาล โซโล่เองก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ย้ำว่าถ้าจะไปไหนนอกจากโรงพยาบาลให้รอเขามาถึงก่อน

ผมหยุดยืนอยู่หน้าห้องพิเศษของแม่ใหญ่ ต้องขอบคุณสามคิงที่ช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด พวกเขาบอกว่าแม่ใหญ่ก็เป็นเหมือนแม่ตัวเองเหมือนกัน ผมเองก็ขอบคุณและรับโอกาสนั้นไว้เพราะผมอยากให้แม่ใหญ่อยู่ห้องดีๆ…แต่ลำพังตัวเองคงออกค่าใช้จ่ายไม่ไหว

“ไม่เข้าไปเหรอคะ”

ผมหันไปตามเสียง เห็นเป็นคุณพยาบาลท่าทางใจดียืนยิ้มให้อยู่ เธอถือถาดอาหารของโรงพยาบาลเอาไว้

“นี่เวลาทานอาหารเหรอครับ”

“ค่ะ…คุณยายแกทานได้มากที่สุดก็เวลานี้ ถ้าให้ทานหลังจากนี้แกจะทานไม่ลงเลย”

ผมพยายามมองข้ามดวงตาสงสารของคุณพยาบาลแล้วเปิดประตูให้เธอ ด้านในก็สมกับเป็นห้องพิเศษ ดูสะอาด กว้างขวาง ผมวางกระเป๋าลงที่โซฟาแล้วเดินเข้าไปชิดเตียง

บนเตียงมีร่างของคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมนอนอยู่ แม่ใหญ่ดูชราลงจากสี่ปีก่อนมาก ใบหน้าที่เคยสดใสของท่านดูซีดเซียวเต็มไปด้วยริ้วรอย ร่างกายที่เคยผอมอยู่แล้วผอมยิ่งกว่าเดิม เส้นผมบนศีรษะกลายเป็นสีขาวทั้งหมด ท่านดูเปราะบางและอ่อนแอจนน่าใจหาย

“เดี๋ยวก็ตื่นค่ะ…ผู้สูงอายุวัยนี้ไม่ควรปลุกให้ตื่น ควรให้พักผ่อนให้เต็มที่ แต่ปกติแกจะตื่นเวลานี้ตลอด”คุณพยาบาลหันมายิ้มให้ผมอย่างใจดี “คุณคงเป็นลูกหลานของท่าน…”

“ครับ…”ถึงจะไม่ใช่แม่ลูกแท้ๆก็เหมือนใช่

“เหมือนกันเลยนะคะ”คุณพยาบาลวางถาดข้าวลงแล้วหันมามองผม “รอยยิ้มแล้วก็บรรยากาศค่ะ…อ่อนโยนแต่เข้มแข็ง”

“งั้นเหรอครับ”ผมยิ้มออกมา แตะปลายนิ้วลงที่ฝ่ามือผอมแห้งของแม่ใหญ่

“อยากป้อนท่านเองหรือเปล่าคะ”

“ครับ…เดี๋ยวผมให้ท่านทานเองครับ”

 “งั้นเดี๋ยวดิฉันจะเข้ามาเก็บนะคะ ส่วนยานี่ให้ทานหลังอาหาร”

“ขอบคุณมากนะครับ”

ผมนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงเมื่อคุณพยาบาลออกไปแล้ว จากนั้นก็ค่อยๆจับมือแม่ใหญ่มากุมไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง มือของท่านไม่ได้นุ่มนวล มันทั้งเหี่ยวย่นและหยาบกระด้างจากการทำงานหนัก แต่ก็เป็นมือที่คอยอุ้มชูผมมาตลอดตั้งแต่จำความได้

‘ถ้ากีล์โกรธน้องไปอีกคน แล้วใครจะคอยห้ามเวลาน้องทะเลาะกัน กีล์อยากเห็นน้องร้องไห้เหรอลูก’

‘กีล์เป็นพี่คนโต พี่คนโตต้องดูแลน้อง แม่อยากให้กีล์เข้มแข็ง รู้จักอดทน กีล์ไม่อยากเป็นฮีโร่ของน้องแล้วเหรอ’

ตอนที่ผมโกรธน้อง ตวาดใส่น้องจนน้องร้องไห้ แม่ใหญ่คือคนที่เข้ามาสอนผมโดยไม่เคยใช้ไม้แม้แต่ครั้งเดียว ท่านสอนให้ผมรู้จักอดทนและเข้มแข็ง

“กีล์…”

“แม่ใหญ่!”ผมผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ แม่ใหญ่กำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาอ่อนโยน

ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าต่อให้ภายนอกแม่ใหญ่เปลี่ยนแปลงไปสักแค่ไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม

สายตาและรอยยิ้มของท่าน…

ผมช่วยปรับเตียงของแม่ใหญ่ให้ตั้งขึ้นเล็กน้อย และมันทำให้ผมสังเกตเห็นว่า…นอกจากดวงตากับปากแล้ว…ไม่มีร่างกายส่วนไหนของท่านที่ขยับเลย

“เป็น…ยังไง”

เสียงแผ่วเบาขาดห้วงของแม่ใหญ่ทำให้ผมต้องขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้นเพื่อให้ได้ยินท่านชัดๆ ผมไม่อยากพลาด ไม่อยากให้ท่านพูดซ้ำ เพราะแค่พูดแต่ละคำออกมาก็ดูเหมือนท่านต้องใช้แรงมากเหลือเกิน

“สบายดีครับ”ผมกุมมือของท่านมาแนบแก้มแล้วส่งยิ้มให้

“ดี…”

“แม่ใหญ่ทานข้าวทานยาก่อนนะครับ กีล์มีเรื่องจะคุยด้วยเยอะเลย”ผมหยิบชามอาหารมาวางไว้บนตักตัวเอง พยายามบังคับมือไม่ให้สั่นแล้วป้อนอาหารที่เละจนเป็นน้ำให้แม่ใหญ่ทาน “ทานหน่อยนะครับ”

ผมช่วยป้อนอาหารแล้วก็เช็ดปากให้แม่ใหญ่ช้าๆ ท่านมองมาที่ผมตลอดเวลา ส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ถึงจะดูไร้เรี่ยวแรงขนาดไหนก็ตาม จวบจนผมป้อนอาหารคำที่ห้าท่านก็หยุดทาน ดูเหมือนที่คุณพยาบาลบอกว่าทานได้มากที่สุดคงจะได้แค่นี้จริงๆ สุดท้ายผมก็ต้องให้ท่านทานยาทั้งที่ทานข้าวไปแค่ห้าคำ

“แม่…อยากคุย”

“ครับแม่ใหญ่”ผมกลับมากุมมือแม่ใหญ่ไว้อีกครั้ง พยายามส่งยิ้มที่เป็นธรรมชาติที่สุดไปให้

“เล่า…”

“แม่ใหญ่อยากฟังเรื่องของกีล์เหรอครับ”ผมอมยิ้ม ถูแก้มกับมือของแม่ใหญ่เบาๆแล้วส่งสายตาอ้อนที่เรียนรู้มาจากหมาบางตัวไปให้ท่าน แม่ใหญ่ไม่ได้ตอบแต่ยังคงมองมาที่ผมเหมือนจะบอกว่าใช่

“ตอนเข้ามหา’ลัยก็ลำบากหน่อยครับ ดีที่คุณป้าเจ้าของหอท่านใจดียอมให้กีล์ค้างค่าหอไว้ก่อน ตอนปีหนึ่งกีล์ทำงานเยอะแยะเลยครับแม่ใหญ่ ทำร้านกาแฟ ล้างจานที่ร้านอาหาร ส่งของให้ลูกค้า แล้วก็รับจ้างทำความสะอาดห้องให้พวกนักศึกษา…มีครั้งหนึ่งที่กีล์โดนจับก้นตอนกำลังขัดห้องน้ำด้วย ดีที่หนีออกมาทัน”

แม่ใหญ่ส่งสายตาขบขันมาให้ ทว่าไม่มีเสียงหัวเราะหลุดออกมา…ท่านคงจะไม่มีแรง แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมยิ้มกว้างได้แล้ว

“กีล์ได้เป็นเดือนมหา’ลัยด้วยนะครับ ไม่รู้ว่ารุ่นพี่เห็นอะไรในตัวเหมือนกัน ตอนโชว์ก็ร้องเพลงห่วยจนเขินตัวเองเลย แต่สุดท้ายก็ได้ตำแหน่งมางงๆ”ผมหัวเราะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น แม่ใหญ่เองก็ยังคงมองมาที่ผมเหมือนเดิม “กีล์เก็บเงินมาเรื่อยๆ ดีที่เป็นเด็กทุนเลยไม่ต้องเสียค่าเทอม ปีหลังๆมาก็ทำงานที่เดียวแล้ว แถมได้เงินดีด้วยเพราะเป็นร้านของย่ารหัสกีล์ครับ กีล์คิดไว้ว่าถ้าอยู่ปีสี่เมื่อไหร่น่าจะมีเงินพอไปหาแม่ใหญ่ กีล์จะพาแม่ใหญ่ไปทานอาหารอร่อยๆ ไปเที่ยวที่ที่แม่ใหญ่อยากไป…”

“ไว้แม่ใหญ่หายเราไปด้วยกันนะครับ กีล์อยากฟังแม่ใหญ่เล่าเรื่องบนเขาด้วย…”ผมหลับตาลงเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของแม่ใหญ่ สายตาที่ส่งมาให้ผมเป็นสายตาอาทรที่ทำให้ผมรู้สึกใจสลาย

“กีล์…”

“ครับแม่ใหญ่”ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง จับมือแม่ใหญ่แน่นขึ้นแล้วยิ้มให้ท่านเหมือนปกติ

“เล่า…ต่อ”

“แม่ใหญ่อยากฟังเรื่องอะไรครับ”

“ความ…”จู่ๆเสียงของท่านก็หายไป ผมมองภาพที่แม่ใหญ่พยายามอ้าปากหลายครั้งให้เสียงดังออกมาโดยไม่พูดอะไร…ทำได้เพียงฝืนยิ้มทั้งที่ใจสั่นเทา “…สุข”

ความสุข…

ภาพใบหน้าของคนๆเดียวปรากฏชัดในความทรงจำที่ว่างเปล่าของผม

“กีล์เจอคนๆหนึ่งตอนเปิดเทอมปีสี่ครับแม่ใหญ่ เขาเข้ามาซื้อกาแฟ แต่พอกีล์แนะนำให้ดื่มนมอุ่นแทนเขาก็เชื่อ เขาบอกว่าถ้าไม่ได้ดื่มมนมอุ่นที่กีล์ให้แล้วเขาจะนอนไม่หลับ…เขาเป็นเด็กปีหนึ่งตัวสูง หน้านิ่งๆง่วงๆ แต่พออยู่กับกีล์แล้วชอบทำตัวเป็นหมาฮัสกี้ขี้อ้อน…”ผมหัวเราะเมื่อนึกภาพคนหน้านิ่งทำตัวเป็นหมาแล้วเดินเข้ามาอ้อน “เขาชื่อโซโล่ เป็นเด็กดุริยางค์ปีหนึ่ง…”

“อีกห้าวันเขาจะมาหากีล์ที่นี่ กีล์อยากให้เขามาเจอแม่ใหญ่ครับ”

“…แฟน”

“ครับ…เราเป็นคนรักกัน”ผมยิ้ม ลูบมือแม่ใหญ่เบาๆ “แต่ดูเหมือนพ่อเขาจะไม่อยากให้เราคบกัน เขาเป็นลูกคนเดียวของคนมีฐานะครับแม่ใหญ่”

“อย่า…”

อย่ายอม…

“กีล์ไม่ยอมหรอกครับ”ผมพูดแทนเมื่อเดาได้ว่าสิ่งที่ท่านจะสื่อออกมาคืออะไร “เรารักกัน เราต้องสู้ไปด้วยกัน ถ้าเขาไม่ปล่อยมือกีล์ กีล์ก็จะไม่มีวันปล่อยมือเขา เหมือนที่แม่ใหญ่เคยสอนกีล์ไงครับ”

‘อย่าหาข้ออ้างมาบังหน้าแค่เพียงเพราะเราไร้ความสามารถ’

“ถ้ากีล์ไร้ความสามารถจะเป็นลูกแม่ใหญ่ได้ยังไงเนอะ”ผมลุกขึ้นยืน ปรับเตียงแม่ใหญ่ให้เอนลงเหมือนเดิม ท่านอมยิ้มส่งมาให้ ผมมองเห็นความภูมิใจในดวงตาคู่นั้น

“โทร…ศัพท์”

“โทรศัพท์ทำไมเหรอครับแม่ใหญ่”

“อยากคุย…”

“แม่ใหญ่อยากคุยกับโซเหรอครับ…รอให้โซมาที่นี่ก่อนก็ได้ครับ อีกห้าวันเอง”

“ไม่ทัน…”

“แม่ใหญ่พักนะครับ พรุ่งนี้กีล์จะโทรหาโซให้”ผมพูดตัดประโยคที่แม่ใหญ่กำลังจะพูดแล้วห่มผ้าให้ท่าน

ผมรู้จักแม่ใหญ่ดี…และผมตีความได้ว่าสายตาและรอยยิ้มที่หายไปของท่านกับคำพูดสั้นๆที่สื่อออกมามันหมายความว่าอะไร

ผมยังไม่พร้อม…ยังไม่ใช่ตอนนี้

 

 

ครืด ครืด

ผมละสายตาออกจากแม่ใหญ่ที่หลับไปได้สักพักมามองโทรศัพท์ที่กำลังสั่น ชื่อที่ปรากฏบนจอทำให้ผมยิ้มออก

“สวัสดีครับ”

[กีตาร์ เปิดกล้องหน่อย]

ผมเสียบหูฟังแล้วเปิดกล้องตามที่โซโล่บอก ฝั่งนั้นกล้องสั่นอยู่สักพักก็เข้าที่ ดูเหมือนเขาจะหามุมวางโทรศัพท์ได้แล้ว จากที่ผมดูแล้วน่าจะเป็นหัวเตียง ส่วนตัวคนพูดก็นอนคว่ำเท้าคางมองผมอยู่บนเตียง

[นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เปิดกล้องเลย]

“พี่ก็เหมือนกันครับ”ถ้าโซโล่ไม่ได้เปิดเน็ตให้ผมเราคงไม่ได้คุยกันแบบนี้ แต่กว่าจะขอออกเงินได้นี่แทบจะต้องเอาไปแอบยัดใส่กระเป๋าตังค์อีกฝ่ายเอง สุดท้ายก็กลายเป็นออกกันคนละครึ่ง

[คุณแม่ล่ะ]

“หลับไปแล้วครับ”ผมถือโอกาสกลบรอยยิ้มเศร้าของตัวเองด้วยการหันกล้องไปทางเตียงให้โซโล่เห็นแม่ใหญ่ หลังจากสูดลมหายใจเข้าและเปลี่ยนกลับมาเป็นยิ้มที่ผมคิดว่าปกติแล้วก็เบนกล้องกลับมาที่โซฟาที่ผมนั่งอยู่เหมือนเดิม

[ง่วงหรือเปล่า]

“ยังครับ โซกลับมานานแล้วเหรอ”

[เมื่อกี้เอง พาเก้าไปกินชาบู…แดกยิ่งกว่าหมูอีก]

“ดีแล้วครับ”ผมหัวเราะออกมาเบาๆกับท้ายประโยคที่โซโล่บ่นอุบอิบ

[หัวเราะจริงๆเสียที]

“จริงๆ?”

[คิดว่าผมดูไม่ออกเหรอว่ากีตาร์ฝืนยิ้ม] โซโล่วางคางไว้กับหมอน หรี่ตามองผมด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“ปิดอะไรโซไม่ได้เลย ขอโทษน้า”ผมลากเสียงยาวเป็นการง้อคนหน้าบึ้ง สุดท้ายเจ้าหมาก็ยกมุมปากขึ้นนิดๆเป็นรอยยิ้ม

[คงต้องขอบคุณไอ้เก้าที่เรื่องของมันทำให้กีตาร์ยิ้มได้]

“ถ้าไปขอบคุณพรุ่งนี้โซอาจจะได้เลี้ยงหมูกระทะ…”

[มันบ่นว่าอยากกินโออิชิแกรนด์…] โซโล่ทำหน้ายุ่ง ท่าทางเหมือนจะรู้อนาคตตัวเอง

“ดีแล้วครับ พี่จะได้มั่นใจว่าโซทานข้าว แต่โออิชิแกรนด์นี่จะเปลืองเงินไป…”ผมยั้งปากตัวเองไว้เมื่อนึกได้ว่าอีกคนจะตอบกลับมาว่าอะไร แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน…

[ผมรวย]

“รอบที่สามแล้วนะครับประโยคนี้”ผมกลั้นขำจนปวดท้อง คำพูดอาจไม่เท่าไหร่ แต่หน้านิ่งๆเหมือนไม่รู้สึกรู้สาตอนที่พูดคำว่าผมรวยออกมานี่มันน่าหมั่นไส้สุดๆ

[ก็มันจริงนี่ แล้วอีกอย่าง…]

“ครับ?”

[ทุกครั้งที่ผมพูด…มันทำให้กีตาร์ยิ้มได้]

อา…

จริงด้วย

ผมกำลังยิ้มอยู่จริงๆนั่นล่ะ

“ขอบคุณนะครับ”

[ครับ…แล้วคุณแม่เป็นไงบ้าง]

“ก็…ดูเหมือนท่านจะไม่มีแรงขยับแล้วครับ นี่ท่านก็หลับไปสักพักแล้ว”

[กีตาร์…]

“ครับผม”ผมส่งยิ้มให้เจ้าหมาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร เขาส่งสายตาเป็นห่วงมาให้แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ “ท่านอยากคุยกับโซด้วยนะครับ”

[ท่านรู้จักผมด้วยเหรอ] โซโล่ทำตาโต ท่าทางดูตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ

“พี่เล่าให้ท่านฟังครับ”

[บอกหรือเปล่าว่าผมหล่อและรวยมาก] ว่าแล้วก็ยกยิ้มมุมปากเหมือนจะอวด

“ใครจะบอกแบบนั้นครับ”ผมหัวเราะออกมาอีกครั้ง เห็นอีกคนยิ้มพอใจก็เข้าใจทันทีว่าที่พูดประโยคขี้อวดพวกนั้นออกมาก็แค่อยากให้ผมยิ้ม “พรุ่งนี้สอบหรือเปล่า”

[ไม่สอบ…แต่มีซ้อมดนตรี แล้วก็น่าจะโดนเก้าลากไปเลี้ยงข้าวตามคำสั่งกีตาร์] เจ้าหมาทำหน้ามุ่ย น่าเอ็นดูจนผมอยากลูบหัว เสียดายที่อยู่ไกลเกินไป

“ดีแล้วครับ รวยนักนี่”ผมแกล้งกัด แต่นอกจากไม่สะทกสะท้านแล้วเขายังเชิดหน้ายิ้มรับอีกต่างหาก “พรุ่งนี้ถ้าแม่ใหญ่ตื่นพี่จะติดต่อไปนะครับ”

[รอผมไปหาจริงๆก็ได้]

“…”ผมพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดที่มีความหมายเดียวกันกับที่ผมพูดกับแม่ใหญ่ไปก่อนหน้านี้

[เปิดกล้องให้แม่ใหญ่ดูด้วยนะ สงสัยท่านทนไม่ไหวอยากเห็นหน้าพ่อหมาลูกเขย] ดูเหมือนโซโล่จะเข้าใจความหมายของการที่ผมเงียบ ถึงได้กล้าพูดประโยคน่าตีนั่นออกมา

“พ่อหมาลูกเขยคืออะไรครับ”

[ก็กีตาร์เป็นแม่หมา ผมเลยต้องเป็นพ่อหมา]

“พี่ไม่ใช่หมาเสียหน่อย”ผมบ่นเบาๆ

[ต้องใช่สิ…ส่วนลูกเขยก็คือลูกเขย]

“เป็นลูกเขยตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ”

[ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นหรอก…แต่พรุ่งนี้คงได้เป็นแล้ว] คนหน้าด้านหน้าทนส่งยิ้มมั่นใจมาให้

“ใครอนุญาตเรา”ผมถามเสียงดุทั้งที่ตัวเองกำลังยิ้มกว้าง

[ก็คอยดูแล้วกัน]

“ครับ…จะคอยดูนะ”

เรามองหน้ากัน พูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อย ทั้งเรื่องสอบของโซโล่ที่เจ้าตัวอวดว่าง่าย เรื่องกินชาบูที่บอกว่าเก้ากินจนโดนพนักงานมองแรง เรื่องที่ผมกินข้าวของโรงพยาบาลไปเมื่อเย็นซึ่งโซโล่เบะปากแล้วบอกว่าห่วยแตก แค่ไม่ถึงวันที่ไม่ได้เจอกันเรากลับมีเรื่องคุยกันมากมายไม่รู้เบื่อ และมันทำให้ผมรู้สึกดีมากจริงๆที่มีเขาอยู่ด้วย

ผมมองใบหน้าของคนที่หลับคาโทรศัพท์ไปแล้วเงียบๆ นึกอยากลูบใบหน้านั่นเบาๆแต่ก็ทำได้เพียงสัมผัสหน้าจอ ความห่างไกลทำให้ผมทรมาน แต่การได้มองหน้าเขาแม้ว่าจะผ่านหน้าจอกลับทำให้ผมลืมความเจ็บปวดในจิตใจไปได้มากเหลือเกิน

ผมเอนตัวลงนอนกับโซฟา ถือโทรศัพท์มองดูใบหน้าที่กำลังหลับสนิทของอีกคน แค่หวังให้ความสุขช่วยให้ผมทำใจได้เร็วขึ้นบ้างสักหน่อยก็ยังดี

‘กีล์ต้องเข้มแข็งนะลูก’

แล้วเมื่อไหร่กีล์ถึงจะอ่อนแอได้ล่ะครับแม่ใหญ่…

----------------------------

 

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 15-02-2017 19:12:57
กีล์ ยิ้มไว้นะลูก แม่ใหญ่เห็นหนูแบบนี้ แม่คงหมดห่วงแล้ว // หนูอยู่กับโซโล่ หนูอ่อนแอได้นะลูก *ตบไหล่ปุปุ*
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 15-02-2017 19:15:28
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 15-02-2017 19:25:17
แงงงงง ไม่ม่าแต่ดูหน่วงๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 15-02-2017 20:14:43
เข้มแข็งนะกีล์  :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 15-02-2017 20:26:55
 :hao5:   :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 15-02-2017 21:25:12
สงสารกีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 15-02-2017 21:41:07
กีล์สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-02-2017 22:00:32
พี่กีล์สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 15-02-2017 22:05:07
เข้มแข็งไว้แม่หมากีล์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 15-02-2017 22:19:52
ยิ้มเข้าไว้นะกีล์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 16-02-2017 06:41:01
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 16-02-2017 12:58:35
 :hao5: :hao5: :hao5:
ุเตรียมทิชชู่ไว้รอตอนหน้าเลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-02-2017 19:04:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER28 P.20 [15/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 17-02-2017 18:55:26
-29-

 

ผมตื่นตั้งแต่เช้าทั้งที่เมื่อคืนก็หลับๆตื่นๆ คุณพยาบาลบอกว่าผู้สูงอายุแบบแม่ใหญ่จะนอนเยอะ บางทีก็ตื่นไม่เป็นเวลา ผมกลัวว่าแม่ใหญ่จะตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใครเลยลุกขึ้นมาดูตลอด ดีที่ท่านไม่ได้ตื่นมาเลย แต่ก็กลายเป็นผมที่ได้นอนน้อยแทน

คุณพยาบาลเอาข้าวเช้ามาให้แล้วก็ออกไป แม่ใหญ่ตื่นมาเห็นผมอยู่ข้างๆท่านก็ส่งยิ้มมาให้ รอจนผมป้อนอาหารท่านเสร็จแล้วผมก็กลับมานั่งกุมมือท่านเหมือนเดิม

"วันนี้แม่ใหญ่ดูสดใสขึ้นนะครับ"ผมเช็ดปากให้ท่านด้วยรอยยิ้ม เพราะนอกจากท่านจะยิ้มให้ผมกว้างกว่าเดิมแล้วท่านยังดูสดใสขึ้นมากด้วย

"โซ..."

"รอให้เขาติดต่อมาดีกว่าครับแม่ใหญ่ กีล์กลัวว่าเขาจะนอนอยู่"ผมยิ้มด้วยความสุขใจ รู้สึกเหมือนแม้แต่การพูดของแม่ใหญ่ก็ดูมีแรงมากขึ้น

ครืด ครืด

"พูดถึงก็โทรมาเลย"ผมชูโทรศัพท์ให้ท่านดู ขึ้นสายเป็นคนที่กำลังรอคอลมาทางเฟส ผมกดรับแล้วเปิดลำโพง พอภาพขึ้นก็หลุดหัวเราะแทบจะทันที

[เรียบร้อยยัง]

ภาพที่เห็นคือโซโล่ที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะคอม มือจัดปกเสื้อตัวเองเหมือนกลัวว่าจะยับ แถมผมยังดูจัดทรงเรียบร้อยกว่าทุกวันด้วย

"จัดเต็มอะไรเบอร์นั้น"

[ตอนแรกคิดอยู่ว่าจะใส่สูท...แต่กลัวคุณแม่หาว่าเยอะ]

"ดีแล้วครับ อย่าถึงขั้นสูทเลย"ผมหัวเราะ เหลือบตามองแม่ใหญ่แล้วก็เห็นว่าท่านกำลังยิ้มอารมณ์ดี ท่าทางฝั่งนั้นจะยังไม่รู้ตัวว่าผมเปิดลำโพงให้แม่ใหญ่ฟังอยู่

[ท่านยังไม่ตื่นเหรอ]

“ยัง...มั้ง"ผมให้คำตอบโดยการขยับตัวไปนั่งข้างแม่ใหญ่แล้วหันกล้องให้เห็นเราทั้งคู่ เจ้าหมาทำตาโตนั่งตัวตรง ดูเกร็งจนผมหลุดหัวเราะเสียงดังออกมาอีกครั้ง

[กีตาร์แกล้งผม] คนที่รู้ตัวแล้วว่าผมเปิดลำโพงแต่แรกทำหน้าบูด

"พี่เปล่านะครับ"

[ไม่ต้องเลย...สวัสดีครับคุณแม่] โซโล่ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ถึงจะไม่ได้ยิ้มมากมายแต่หน้านิ่งๆก็จุดรอยยิ้มไว้ที่มุมปากตลอดเวลา ดูสุภาพกว่าปกติประมาณสิบเท่า

"สวัสดีลูก"แม่ใหญ่ตอบรับด้วยความอ่อนโยน

"วันนี้แม่ใหญ่พูดเยอะขึ้นด้วยนะครับโซ หน้าตาก็ดูสดใสมากด้วย"ผมอวดคนในกล้อง

โซโล่ไม่ได้ตอบอะไรแต่มองหน้าแม่ใหญ่นิ่งๆ บนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความกังวลจนผมต้องหุบยิ้มลงช้าๆ

ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น ต้องดีใจไม่ใช่เหรอ...

[กีตาร์บอกว่าคุณแม่อยากคุยกับผมเหรอครับ]

"ทำอะ...อยู่"

"ท่านถามว่าทำอะไรอยู่ครับ"ผมช่วยขยายความ พยายามมองข้ามใบหน้ากังวลของโซโล่ไปและไม่นึกถึงมันอีก

[ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ ผมตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตีห้า สายๆถึงจะออกไปซ้อมดนตรี]

"ตีห้า..."

[กลัวว่าถ้าดูไม่ดีคุณแม่จะไม่ยอมยกลูกชายให้ครับ]

"โซ!"ผมหน้าแดงหูแดง ถลึงตาใส่คนที่ยกยิ้มไม่สะทกสะท้าน

[คุณแม่อายุเท่าไหร่แล้วครับ]

ผมเก็บอารมณ์ตัวเองกลับมาแล้วเงียบเพื่อให้ทั้งคู่คุยกัน

“เก้า…สอง”

[เก้าสิบสอง!] อย่าว่าแต่เจ้าหมาเลย แม้แต่ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน นี่ผม…ลืมเรื่องของแม่ใหญ่ไปมากขนาดนี้ได้ยังไง ขนาดอายุยังไม่รู้เลย [กีตาร์มั่ว]

“ขอโทษครับ”ผมแค่รู้อายุคร่าวๆแต่ไม่เคยถามแม่ใหญ่สักครั้งว่าท่านอายุเท่าไหร่แล้วกันแน่…

[กีตาร์ไม่ผิดหรอก…ก็คุณแม่ดูอ่อนกว่าวัยขนาดนี้ เป็นผมก็คงเข้าใจผิดได้ง่ายๆ…เนอะ] เจ้าหมาเอามือเท้าคาง ส่งยิ้มมาให้ผม

“ขอบคุณนะครับ…”

ขอบคุณที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น

[คุณแม่ทานข้าวแล้วเหรอครับ]

“แล้ว…”

“หน้าตาไม่น่าทานเลยครับ”ผมฟ้องแล้วเบนกล้องไปที่ชามข้าวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างๆ

[ดูก็รู้แล้วว่าไม่อร่อยสุดๆ] คนที่ดูรสชาติจากหน้าตาอาหารเบะปาก

“แม่ใหญ่ว่ายังไงครับ”ผมหันไปถามความเห็นจากคนที่ได้ทานโดยตรงแทน

“จืด..”

[ว่าแล้ว]

“โซก็ดูแลตัวเองดีๆสิครับ จะได้ไม่ต้องมาทานข้าวโรงพยาบาล”

[ให้กีตาร์ดูแล]

“โซ…”ผมเรียกเสียงอ่อย มือที่ถือโทรศัพท์สั่นเทา ส่วนคนหน้าไม่อายก็ยกยิ้มถูกใจ…นี่ขนาดต่อหน้าแม่ใหญ่นะ

[ผมอยากไปหาคุณแม่ไวๆจังเลยครับ…แต่ผมยังติดสอบอยู่] โซโล่เมินผมแล้วหันไปอ้อนแม่ใหญ่แทน ผมมองภาพนั้นยิ้มๆโดยไม่ได้ว่าอะไร และคิดว่าแม่ใหญ่ก็คงเอ็นดูเจ้าหมาไม่ต่างจากผม

“อ่าน…”

[ไม่ต้องอ่านหนังสือแล้วครับ ผมเหลือสอบปฏิบัติตัวเดียว ที่บอกว่าไปซ้อมดนตรีก็ไปซ้อมเพื่อสอบนี่ล่ะครับ]

“เก่งอยู่แล้วนี่ครับ”ผมแซวคนที่ชอบชมตัวเองจนอีกคนทำหน้าบูดแล้วบ่นอุบอิบ

[ดนตรีไทยไม่ไหวอะ ยากมากเลย ขนาดซ้อมมาหลายอาทิตย์แล้วผมยังห่วยแตกอยู่เลย]

พอเห็นผมยิ้มเจ้าหมาก็ทำหน้าบูดกว่าเดิม แต่ผ่านไปไม่ถึงสิบวิก็เปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปาก…ท่าทางเจ้าเล่ห์จนผมขนลุก

“โซมองอะไรอยู่ครับ”ผมถามเมื่อเห็นว่าโซโล่จ้องเลยจอโทรศัพท์ไปด้านหลังด้วยสายตาแปลกๆ

[แม่ใหญ่มองเห็นชัดหรือเปล่าครับ]

ผมหันไปมองแม่ใหญ่เพราะไม่แน่ใจเหมือนกัน ดูเหมือนท่านจะรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนแต่ผมไม่มั่นใจว่าท่านเห็นชัดแค่ไหน

“พอ…เห็น”

“ท่านบอกว่าพอเห็นครับ…โซมีอะไรเหรอ”

[ก็…จะเอานี่ให้ท่านดู] ว่าแล้วมุมกล้องก็หมุนเปลี่ยนไปเป็นถ่ายหน้าจอคอมพิวเตอร์แทน ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่บนจอ

“โซ…”

[คุณแม่ครับ วันนั้นกีตาร์งอแงเพราะโดนปลุกจากเสียงโทรศัพท์ด้วยล่ะ พอลุกขึ้นมาก็โวยวายใส่ผม ดูสิครับ…]

“ไอ้หมาบ้า!”

ภาพบนจอที่โซโล่ให้แม่ใหญ่ดูคือภาพที่เจ้าหมาเคยถ่ายไว้ตอนที่ผมตื่นเพราะเสียงแจ้งเตือนจากเฟสของเขา เป็นภาพผมตอนหัวฟูๆตาแดงๆหน้าตาบึ้งตึงที่อีกคนไม่ยอมลบนั่นล่ะ

[น่ารักจะตาย]

เราคุยเล่นกันอยู่สักพัก แม่ใหญ่ท่านก็โต้ตอบบ้าง ใบหน้าของท่านดูสดใสอารมณ์ดี ที่สำคัญท่านมองหน้าโซโล่มากกว่าหันมามองผมเสียอีก

ผมคงโดนเขี่ยทิ้งเร็วๆนี้…

[คุณแม่ครับ...] อยู่ๆโซโล่ก็เอ่ยด้วยเสียงจริงจัง ดวงตาคู่นั้นมีแต่ความแน่วแน่ เขาเบนสายตามาสบตาผมเหมือนจะขอกำลังใจ ก่อนจะหันไปมองแม่ใหญ่ที่กำลังมองไปที่เขาด้วยสายตาอ่อนโยน

"..."

[ผมกับกีตาร์รู้จักกันได้ไม่นานก็จริง แต่มีคนบอกผมว่าถ้ามันคือรักจริงๆ มันไม่ต้องใช้เหตุผลหรือเวลาอะไรทั้งนั้น อยู่ที่เราว่าจะกล้าเข้าไปหาเพื่อให้ได้เขามาหรือมัวคิดถึงเหตุผลแล้วปล่อยเขาไป…ผมยอมรับว่ายังไม่รู้ทุกเรื่องของกีตาร์ ไม่ได้รู้ไปหมดว่ากีตาร์ชอบหรือไม่ชอบอะไร...แต่ผมเชื่อว่าต่อจากนี้ไปในทุกๆวันเราจะรู้เรื่องของกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ…]

"..."

[ผมรู้ว่าผมมีแต่ปัญหา ทั้งเรื่องพ่อที่ยังไม่แน่ชัด ทั้งเรื่องอนาคตหลายๆอย่าง แถมยังเด็กกว่ากีตาร์...ชอบเอาแต่ใจตัวเอง] เขาหันมามองผมครู่หนึ่ง ยกยิ้มน้อยๆเหมือนจะบอกว่าขอโทษ

"..."

[ผมอาจไม่รู้อนาคต แต่ผมอยากสัญญากับคุณแม่อย่างหนึ่ง...]

"โซ..."ผมพูดอะไรต่อไม่ออก ความรู้สึกมากมายมันเอ่อล้นจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

[ผมจะอยู่ข้างๆกีตาร์ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น…]

"..."

[ให้ผมดูแลกีตาร์นะครับ]

โซโล่มองหน้าผมเหมือนจะย้ำว่าที่พูดเมื่อวานเขาเอาจริง…

ผมมองใบหน้ามุ่งมั่นของคนในจอโทรศัพท์ด้วยดวงตาสั่นเทา รู้สึกเหมือนตาพร่าจนต้องหลับตาลงเพื่อบดบังมันไว้ แม่ใหญ่เองก็มองไปที่โซโล่ด้วยสายตาอาทรและ…

"จ้ะ…ฝากด้วยนะ"

…หมดห่วง

[ไงล่ะกีตาร์…]

“…”

[กีตาร์…กีตาร์!]

“คะ…ครับ”ผมสะดุ้ง เงยหน้ามองจอโทรศัพท์ที่มีเสียงอีกฝั่งตะโกนออกมา

[เป็นอะไร]

“เปล่าครับ”ผมส่งยิ้มไปให้ แต่ผมเชื่อว่าโซโล่คงรู้ดีว่าผมเป็นอะไร เขายกมือขยี้หัวเหมือนคนที่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็หันมามองจอแล้วยกยิ้ม

[ผมเป็นลูกเขยคุณแม่แล้วนะ]

“…”ผมมองคนที่ยืดอกอวดโดยไม่พูดอะไร ต้องบอกว่าพูดอะไรไม่ออกดีกว่า ก็เล่นพูดมาแบบนี้แล้วจะให้ตอบยังไงเล่า…

“โซ…”แม่ใหญ่เรียกคนในจอด้วยเสียงที่แผ่วเบาลง แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันสดใสยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

[ครับคุณแม่]

“…ไป”แม่ใหญ่พยายามพูดออกมา แต่ดูเหมือนเสียงท่านจะหายไปเป็นช่วงจนผมจับใจความแทบไม่ได้ ผมกัดริมฝีปากมองแม่ใหญ่ ฝืนบอกตัวเองให้ยิ้มทั้งที่อยากร้องไห้ “บนเขา…”

[คุณแม่ว่ายังไงบ้างกีตาร์]

“ท่านบอกให้ไปบนเขาครับ…น่าจะหมายถึงให้พี่กับโซขึ้นไปบนเขา ที่ๆท่านเคยอยู่”ผมอธิบายแล้วหันมามองแม่ใหญ่ ใช้มือข้างที่ว่างแตะมือของท่านเบาๆ “กีล์ไปไม่ได้หรอกครับ…กีล์ต้องดูแลแม่ใหญ่”

ผมหลบสายตาเมื่อสบกับสายตาของท่าน สายตา…ที่เหมือนจะบอกว่าผมเองก็รู้ดีอยู่แล้ว

[ผมจะพากีตาร์ไปเองครับคุณแม่]

“โซ!”ผมหันไปเรียกโซโล่ด้วยเสียงสั่นเทา รู้สึกร้อนที่ขอบตาจนแสบไปหมด

[อย่าร้องนะกีตาร์…อย่าร้องตอนที่ผมไม่ได้อยู่ด้วย] โซโล่มองมาที่ผมด้วยสายตาเจ็บปวด ผมหลับตาลง ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ไม่อยากยอมรับอะไรทั้งนั้น

ทั้งที่ผมก็รู้ดีว่าพวกเราเข้าใจกันทั้งหมด ทั้งผมทั้งโซโล่…เพียงแต่ผมยอมรับมันไม่ได้ ในขณะที่โซโล่รู้ดีว่ามันต้องมาถึงและเลือกที่จะรับคำแม่ใหญ่

ผมมันเห็นแก่ตัว…

 

 

ผมลงมาหาอะไรทานเพราะแม่ใหญ่ไม่ยอมมองหน้าผม พอคุณพยาบาลเอาอาหารกลางวันเข้ามาให้ถึงได้อมยิ้มแล้วบอกว่าท่านคงโกรธที่ผมไม่ยอมไปทานข้าว สุดท้ายผมเลยต้องลงมาที่ร้านกาแฟชั้นล่างของโรงพยาบาล ส่วนคุณพยาบาลก็ช่วยดูแลแม่ใหญ่ให้

ผมไม่รู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด แต่เพราะโซโล่โทรมาหาเรื่องกินข้าวพอดีเลยโดนสั่งให้กินให้ได้ พอบอกว่ากินไม่ลงจริงๆฝั่งนั้นเลยบอกว่าขนมหวานหรือโกโก้สักแก้วก็ยังดี ผมทำตามเพราะไม่อยากให้เขาเป็นห่วงไปมากกว่านี้

โซโล่วางสายไปเพราะมีคนมาตามไปซ้อม เขาบอกว่าค่ำๆจะโทรมาใหม่ ผมได้แต่นั่งมองไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย รู้สึกเหมือนมีความคิดมากมายที่บรรยายออกมาไม่ได้วนเวียนอยู่ในหัว แต่พอตั้งใจคิดก็กลายเป็นมันว่างเปล่าไปหมด

“ขอโทษนะจ้ะ ขอนั่งด้วยคนได้หรือเปล่า”

ผมหันไปมองต้นเสียงด้วยสายตาเลื่อนลอย คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นคุณยายที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์ ข้างๆกันเป็นเด็กผู้หญิงผมเปียในชุดนักเรียนที่กำลังยกมือไหว้ผม

“เชิญครับ”

น้องผู้หญิงเข็นรถของคุณยายมาชิดโต๊ะก่อนตัวเองจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามผมแล้วส่งยิ้มมาให้

“มาเยี่ยมญาติเหรอลูก”

“ครับคุณยาย”ผมพยักหน้า พยายามยกยิ้มส่งไปให้ท่าน

“ถ้าไม่อยากยิ้มก็ไม่ต้องยิ้มหรอก ยายไม่ถือ”ท่านหัวเราะอารมณ์ดี ส่วนน้องผู้หญิงที่นั่งอีกฝั่งก็ยังคงยิ้มแป้นโดยไม่พูดอะไร

“อร่อยนะครับ…พี่ให้”ผมดันจานขนมที่ยังไม่ได้ทานไปให้น้องผู้หญิง เธอส่ายหน้ารัวๆแล้วดันคืนมาให้ผม ยกมือชี้ที่ปากตัวเองแล้วเปลี่ยนมาชี้ผม

“มันบอกให้กินเถอะ…ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าล่ะสิเรา”

“ดูชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอครับ”ผมพยายามหัวเราะ แต่เสียงที่ออกมากลับแหบแห้ง

“หนูก็ดูสิ…ขนาดเด็กมันยังดูออกเลย”

“น้องเขาคงกลัวผม…เลยไม่ยอมคุยด้วย”เอาแต่มองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างเดียว โดนเด็กมองแบบนี้รู้สึกแปลกๆ เหมือนจะโดนตำหนิที่ไม่ยอมกินข้าวยังไงไม่รู้

“ยัยโมหลานยายมันพูดไม่ได้หรอกจ้ะ”

“พูดไม่ได้เหรอครับ”ผมหันไปมองคุณยายด้วยความแปลกใจ ท่านพยักหน้าแล้วส่งรอยยิ้มใจดีมาให้

“พูดไม่ได้ตั้งแต่เกิดแล้ว…ยายเองก็เป็นโรคหัวใจ”ท่านยกมือลูบหัวน้องโมด้วยความเอ็นดู “ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน…”

“…”ผมเบนสายตาไปนอกหน้าต่าง  เห็นบุรุษพยาบาลกำลังเข็นเตียงคนป่วยลงมาจากรถพยาบาล ห่างไปไม่มากมีคุณตาคุณยายที่กำลังเดินจูงมือกันไปขึ้นรถ ข้างๆกันมีเด็กที่กำลังร้องไห้กอดพ่อแม่เอาไว้แน่น

“เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเป็นเรื่องธรรมชาติ…”

ผมหันกลับมามองคุณยาย ท่านยังคงมองมาที่ผมด้วยสายตาอาทรและอ่อนโยน…เหมือนกับที่แม่ใหญ่ใช้มองผม

“คนที่อยู่อาจจะเจ็บปวด…แล้วคนที่จากไปเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ถ้าคนที่เขารักไม่ยินยอมให้เขาไป”

“…”

“เราบังคับให้ใครอยู่กับเราไปตลอดไม่ได้…”

“…”

“แต่เราทำทุกช่วงเวลาที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุดได้นะลูก”

 

 

ผมกลับขึ้นมาบนห้องแม่ใหญ่โดยที่สมองยังเต็มไปด้วยคำพูดของคุณยายท่านนั้น ที่ท่านพูดมาไม่มีอะไรที่ผมเถียงได้เลย ทุกๆอย่างคือความจริงที่ผมต้องยอมรับ…

“แม่ใหญ่ยังไม่นอนเหรอครับ”ผมหันไปขอบคุณคุณพยาบาลที่เดินสวนออกไปก่อนจะเดินเข้าไปหาแม่ใหญ่ ท่านมองมาที่ผมด้วยความอ่อนโยนเหมือนเคย

“โซ…”

“โซไปซ้อมดนตรีไงครับ…นี่แม่ใหญ่รักโซมากกว่ากีล์แล้วเหรอ”ผมแกล้งทำหน้าบึ้ง แต่แล้วก็ต้องยิ้มตามเมื่อเห็นว่าดวงตาของท่านเป็นประกายเหมือนกำลังขบขัน

“ใช่..”

“ไม่เป็นไรครับ…กีล์ยอมก็ได้ถ้าเป็นโซ”ผมหัวเราะ เอนหัวนอนลงบนเตียงแล้ววางแก้มซ้ายของตัวเองทับมือท่านไว้ “แม่ใหญ่ยังไม่นอนก็ดีแล้วครับ กีล์จะคุยกับแม่ใหญ่ยาวๆเลย”

“…จ้ะ”

ผมสนุกอยู่กับการเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้แม่ใหญ่ฟัง เวลาผมเล่าเรื่องโซโล่ท่านจะมองมาด้วยดวงตาเป็นประกายเหมือนถูกใจอยู่เสมอ นั่นทำให้ผมเลือกแต่เรื่องของโซโล่มาเล่า พอผมบ่นว่าน้อยใจที่อยากฟังแต่เรื่องโซโล่ท่านก็จะมองโดยไม่ยอมปฏิเสธอะไร

บางทีอาจเป็นเพราะเวลาผมเล่าเรื่องโซโล่…ผมเองก็มีความสุขไม่แพ้กัน

“โซมีเพื่อนสนิทชื่อเก้าครับ…เด็กนั่นแสบมากๆเลย กีล์คิดไม่ออกจริงๆว่าคนที่อยู่ข้างๆเด็กแสบแบบนั้นได้จะต้องเป็นคนแบบไหน…”

บรรยากาศในห้องผู้ป่วยเต็มไปด้วยความสุข แม่ใหญ่โต้ตอบกับผมบ้างโดยการตอบเป็นคำสั้นๆ ถึงแม้จะแผ่วเบาลงเรื่อยๆแต่ผมก็ยังฟังรู้เรื่องอยู่

“เด็กแสบนั่นบอกให้โซมาเปิดกระเป๋าตังค์กีล์ด้วยครับ…เห็นบอกว่าถ้ามีแฟนหรือคนที่ชอบมักจะใส่รูปไว้ในกระเป๋าตังค์ ที่ยิ่งกว่าความคิดตลกๆนั่นก็คือโซของแม่ใหญ่ดันเชื่อเพื่อนทุกคำเลย…”

แม่ใหญ่ดูอารมณ์ดีมากเวลาผมพูดเรื่องเก้า นี่ขนาดยังไม่เคยเจอกันก็ดูเหมือนจะกลายเป็นลูกรักไปเสียแล้ว…

“กีล์มีแก้วคู่ด้วยนะครับ โซซื้อมาแล้วบอกให้ใช้ด้วยกัน ของโซเป็นลายหมาใส่ปลอกคอสีฟ้า ส่วนของกีล์เป็นสีชมพู กลายเป็นตั้งแต่มีแก้วคู่กีล์เลยต้องกินนมอุ่นกับโซทุกคืนเลยครับแม่ใหญ่…”

ดวงตาของแม่ใหญ่ที่มองมาที่ผมหรี่ลงเล็กน้อย แต่ผมยังคงมองเห็นประกายความสุขในดวงตาคู่นั้น และมันคงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมยังยิ้มและพูดต่อไปได้

“ทานก่อนค่อยคุยกันต่อนะคะ”

ตอนเย็นเวลาเดียวกับเมื่อวานคุณพยาบาลเอาอาหารเข้ามาให้ ผมยิ้มให้เธอเมื่อเห็นว่าเธอมองไปที่แม่ใหญ่ด้วยความเป็นห่วง เธอไม่ได้พูดอะไรนอกจากส่งสายตาให้กำลังใจผมแล้วเดินออกไป เธอคงจะสังเกตว่าแม่ใหญ่ไม่ได้นอนเลยตั้งแต่ตื่นมาตอนเช้า…ทั้งที่ปกติท่านต้องนอนเยอะ

ผมป้อนข้าวแม่ใหญ่เหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ท่านกินเพียงสองคำก็เลิกกิน ผมไม่ได้ขอให้ท่านกินเพิ่มเหมือนทุกวัน แต่เลือกที่จะวางจานลงแล้วจับมือท่านนั่งเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ต่อ

“กีล์จะไปฝึกงานที่ภูเก็ตครับแม่ใหญ่…”

ผมยังคงพูดต่อไปแม้ว่าท่านจะไม่ได้โต้ตอบกับผม ดวงตาเป็นประกายของท่านขุ่นมัวขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากของท่านก็ไม่ได้เปิดออกอีกแล้ว

“แม่ใหญ่ง่วงแล้วเหรอครับ…”เสียงของผมสั่นเทาทั้งที่คิดว่าตัวเองควบคุมมันได้ดีมาตลอด แม้แต่ร่างกายก็ยังสั่นเทาโดยไร้สาเหตุ

ผมยกมือท่านขึ้นมาแนบแก้มตัวเองแล้วหลับตาลง

“กีล์ยังไม่อยากให้แม่ใหญ่หลับเลยครับ”

เพราะถ้าท่านหลับครั้งนี้…

“แม่ใหญ่ไม่หลับไม่ได้เหรอครับ”

ท่านคงจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก

“กีล์…”เสียงของแม่ใหญ่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“ครับ…”ผมวางมือของท่านที่กุมมาทั้งวันลงเบาๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นโน้มตัวไปหาแล้วเอนหูไปจนชิดริมฝีปากของท่าน

“หะ…”

ผมหลับตาลง กำมือไว้แน่นจนเจ็บ

“ให้…”

“…”

“ให้…แม่ไปนะลูก”

.

.

.

.

‘ทำไมบูบู้ต้องไปด้วยครับแม่ใหญ่…บูบู้ไม่รักกีล์เหรอ’

‘บูบู้อายุมากแล้ว มันถึงเวลาที่บูบู้ต้องไปแล้วนะลูก’

‘แต่กีล์เหงา’

‘กีล์รักบูบู้หรือเปล่า’

‘รักครับ’

‘กีล์อยากให้บูบู้เป็นห่วงกีล์เหรอครับ’

‘ไม่อยากครับ…’

‘งั้นกีล์ก็ต้องปล่อยให้บูบู้พักผ่อน”

‘…’

“บูบู้เหนื่อยมามากแล้ว…กีล์ไม่สงสารบูบู้เหรอ’

“สงสารครับ”

‘ให้บูบู้ไปนะลูก’

.

.

.

.

เห็นแก่ตัวพอหรือยัง…

พอแล้ว…

พอได้แล้ว…

“ครับแม่ใหญ่”

--------------------------------

 

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 17-02-2017 19:17:01
 :m15: งืออ น้ำตาไหลเลย น้องกีล์ ฮรืออออ /นึกถึงแม่ตัวเองทันที
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 17-02-2017 19:27:41
สงสารกีล์ โซตามมาเร็ววววว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 17-02-2017 19:37:55
 :hao5: แงๆๆ สงสารน้องกีล์
แม่ใหญ่เหนื่อยมามากแล้ว..ปล่อยให้ท่านได้พักผ่อน
รอหมาโซมาปลอบเนอะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 17-02-2017 20:01:45
 :hao5: :hao5: ร้องไห้เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 17-02-2017 20:27:07
แม่ใหญ่ไปแบบหมดห่วงแล้ว ได้เจอได้ลาได้ฝากฝังกีล์ให้โซดูแลแล้ว ให้แม่ใหญ่พักผ่อนเถอะนะกีล์ คนอยู่ก็สู้ต่อไป
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-02-2017 20:35:34
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-02-2017 20:41:11
นี่สินะครับ คนที่แม่ใหญ่รัก และเป็นห่วงมากที่สุด จนวาระสุดท้าย จนลมหายใจสุดท้าย  :ling3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-02-2017 20:53:23
เกิด แก่ เจ็บ ตาย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 17-02-2017 21:07:56
กีล์เข้มแข็งนะ เดี๋ยวโซก็มาแล้ว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 17-02-2017 21:18:00
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 17-02-2017 21:39:24
 :o12: :o12: :o12: :sad4: :sad4: :sad4: เศร้าจังงง เพิ่งอ่านทัน สนุกมากๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 17-02-2017 22:14:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-02-2017 22:23:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 17-02-2017 23:08:00
โซโล่รีบมาปลอบพี่กีล์เร็วๆนะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 17-02-2017 23:14:09
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-02-2017 23:18:08
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-02-2017 23:37:13
ร้องไห้หนักมาก TT
ยิ่งกีล์เล่าทุกอย่าง  อย่างมีความสุขมาแค่ไหน เราก้อรู้ว่าเวลาแห่งการจากลาใกล้เข้ามาทุกที
.........จนนาทีสุดท้าย...........
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 17-02-2017 23:52:51
น้ำตาท่วมห้องตอนอ่านตอนนี้เลย  :sad4:
สงสารกีล์ สงสารเจ้าหมาด้วยคงปวดใจน่าดูที่มาอยู่ข้างๆไม่ได้
แต่แม่ใหญ่น่ารักมากเลยนะคะ อ่านไปร้องไห้ไปอะ

เราชอบข้อความนี้
“แต่เราทำทุกช่วงเวลาที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุดได้นะลูก”  :hao3:

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 18-02-2017 00:52:53
น้ำตาไหลเลยยย  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 18-02-2017 11:16:36
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 18-02-2017 12:20:52
พี่กีล์ของน้อง เข้มแข็งมากๆนะคะ

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 18-02-2017 19:18:54
-30-

 

งานศพแม่ใหญ่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ไม่ได้ใหญ่โตมีพิธีอะไรมากมาย คนที่มาร่วมงานก็มีแค่ไม่กี่คน มีชาวบ้านจากบนเขาที่เป็นตัวแทนลงมาร่วมงานสองคน คุณเจย์ที่รีบมาทันทีที่ทราบข่าว และพี่น้องสามคิงที่มาถึงวันที่แม่ใหญ่เสียและเป็นธุระจัดการเรื่องงานศพให้

เผลอแค่วูบเดียวก็ถึงวันเผาแล้ว ผมรู้สึกว่างเปล่า ไม่ได้ร้องไห้อะไรออกมาแม้แต่ครั้งเดียว มันแค่คิดอะไรไม่ออก...เหมือนไร้จุดหมายในชีวิต

ผมใช้เวลาทุกวันไปกับการนั่งอยู่หน้าโรงศพแม่ใหญ่ มองภาพถ่ายขาวดำของท่านเงียบๆ พอตกดึกก็เดินตามสามคิงกับคุณเจย์กลับไปที่พักโดยไม่ได้ว่าอะไร…เพราะรู้ว่าสายตาทุกคนมองมาด้วยความเป็นห่วงผมถึงได้ยิ้มให้พวกเขาเสมอ

โซโล่โทรมาทุกวัน เขาไม่ได้บอกให้ผมเปิดกล้อง แค่คุยเรื่อยเปื่อย ถามว่าผมทำอะไรบ้าง สุดท้ายเราก็เงียบกันไปทั้งคู่โดยไม่ได้วางโทรศัพท์ เขาอาจจะคิดว่าผมหลับไปแล้วถึงไม่ได้พูดอะไร แต่จริงๆผมไม่เคยนอนหลับสนิทเลยสักคืน ตอนที่รู้ข่าวคุณเจย์บอกว่าโซโล่แทบจะทิ้งทุกอย่างมาหาผม ตอนนั้นผมโทรไปหาเขา พูดด้วยน้ำเสียงปกติและหัวเราะเหมือนไม่เป็นไร

‘ถ้ายังไม่ได้สอบแล้วมาพี่จะโกรธนะครับ’

‘พี่ไม่เป็นไร’

‘พี่ทำใจได้แล้วครับ ท่านไปสบายแล้ว’

จำได้ว่าผมบอกเขาไปแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่ผมควรพูดและเลือกที่จะพูดออกไป แต่ไม่รู้ทำไม...

ทุกๆครั้งเวลาอยู่คนเดียว...

โซ...

พี่อยากให้โซอยู่ตรงนี้...

ผมเก็บงำความเห็นแก่ตัวไว้ในใจ กดมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด ผมจะไม่ยอมให้โซโล่ต้องเสียการเรียนเพราะตัวเองเด็ดขาด

ผมทนได้...

ผมต้องเข้มแข็ง

อีกแค่วันสองวันก็ได้เจอกันแล้ว

"คุณกีล์ครับ"

"ครับคุณเจย์"ผมตอบรับเสียงคุณเจย์ที่ดังมาจากด้านนอกห้อง มองสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกอีกครั้ง

ภาพสะท้อนของตัวผมในกระจกคือผู้ชายที่ใส่ชุดสูทสีดำสนิท ผมที่มักปล่อยตามธรรมชาติในวันนี้ถูกเซตเสยเก็บอย่างดี และคงเพราะเหตุผลนั้นที่ทำให้มองเห็นใบหน้าที่ดูซีดเซียวและอ่อนล้าราวจะล้มลงได้ทุกเมื่อชัดเจนกว่าทุกวัน

ผมพยายามยกยิ้มให้เหมือนปกติแต่มันกลับดูไม่เหมือนยิ้มเสียที หลังจากยกมือตบหน้าตัวเองเบาๆเรียกสติสองสามครั้งผมก็ลองยกยิ้มใหม่อีกครั้ง

พอได้...

"คุณกีล์ โอเคนะครับ"คุณเจย์ถามด้วยความเป็นห่วงทันทีที่ผมก้าวเท้าออกมาจากห้องพักของโรงแรม

"ครับ"ผมยิ้มให้เขาตามที่ซ้อมมา ไม่รู้ว่ามันดูแย่หรือดีเขาถึงได้มองไม่วางตา

"คุณกีล์ดูแปลกตาไปนะครับ"

"ผมก็ว่างั้น"ผมหัวเราะ มือขยับไทด์สีดำของตัวเองให้เข้าที่ "ต้องขอบคุณประมุขที่ช่วยหาชุดมาให้ตามที่ขอ...ผมแค่อยากดูเรียบร้อยที่สุดตอนไปส่งแม่ใหญ่น่ะครับ"

"คุณดูดีมากครับ"คุณเจย์ยิ้มบาง ยกมือบีบไหล่ผมเบาๆเหมือนต้องการให้กำลังใจ "ท่านต้องภูมิใจในตัวคุณ"

ผมเงียบไปเพราะไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นเพราะไม่อยากสบตาเขา

"ไปเถอะครับ"ผมหันหลังแล้วเดินนำออกมาโดยไม่ทันได้ยินเสียงพึมพำของคุณเจย์

"รีบมาเถอะครับคุณชาย...เขาจะแตกสลายอยู่แล้ว"

 

 

ภาพถ่ายของแม่ใหญ่ดูสดใส รอยยิ้มใจดีของท่านซ้อนทับกับภาพในความทรงจำของผม ผมลูบกรอบรูปที่อยู่หน้าโรงศพเบาๆ เสียงใครสักคนที่อธิบายขั้นตอนพิธีการให้ฟังไม่ได้เข้าหัวแม้แต่น้อย ผมไม่ได้คิดถึงอะไร ในหัวยังคงมีเพียงความว่างเปล่าเช่นเดียวกับทุกวันที่ผ่านมา

"กีล์...ไหวนะ"ฮ่องเต้เดินมานั่งตรงหน้าผม สายตาเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

"มีอะไรหรือเปล่าครับ"ต่อให้บอกว่าโอเคก็คงไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว ผมเลยเลือกถามเขาแทน

"มาดูสิว่าใครมา"ฮ่องเต้ยิ้ม ดึงมือผมให้เดินตามไปด้านหน้า

วูบหนึ่งในใจผมหวังให้เป็นคนที่คิด หัวใจที่เงียบสงบจนผมคิดว่ามันอาจหยุดเต้นไปแล้วเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มของจริงที่ไม่ใช่การฝืนปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัว

แต่แล้ววินาทีที่ฮ่องเต้ปล่อยมือ รอยยิ้มของผมก็เริ่มจางหายไปช้าๆ กลายเป็นรอยยิ้มฝืดตามมารยาทที่บรรจงปั้นขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่ใช่โซ…

"จำพวกนั้นได้หรือเปล่า"ฮ่องเต้หันมายิ้มแล้วเดินเข้าไปใกล้ขึ้น

ผมพิจารณาคนสี่ห้าคนที่ยืนอยู่เป็นกลุ่มเงียบๆ สองคนในนั้นเป็นผู้หญิงผมยาว ส่วนอีกสามคนเป็นผู้ชาย ทั้งห้าคนใส่ชุดนักศึกษาสุภาพเรียบร้อย ดูแล้วน่าจะเด็กกว่าผมกันทุกคน

"พี่กีล์!"น้องผู้หญิงคนหนึ่งหันมาเห็นผม เธอเรียกเสียงดังแล้ววิ่งมาหา ดวงตากลมแดงช้ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

สี่คนที่เหลือพอหันมาก็ทำท่าตกใจไม่แพ้กัน พอเดินเข้ามาใกล้จนหมดแล้วผมถึงได้นึกออก

"พริก..."

พวกนี้ล้วนเป็นเด็กๆที่เคยอยู่สถานรับเลี้ยงเดียวกับผมแล้วโดนรับตัวไปอุปการะ ถึงจะโตขึ้นมากแค่ไหนแต่ผมไม่มีทางจำน้องตัวเองไม่ได้

"มากันได้ยังไงครับ"ผมกอดปลอบน้องที่เริ่มร้องไห้กันอย่างหนัก แม้แต่พวกผู้ชายที่คิดว่าโตขึ้นมากแล้วก็ยังเช็ดน้ำตาป้อยๆ มีเพียงคนเดียวที่ยืนตาแดงยังไม่ถึงขั้นร้องออกมา

ผมย้ำกับตัวเองในใจให้เข้มแข็ง ส่งยิ้มปลอบน้องๆทั้งที่เจ็บยิ่งกว่าใคร

"อย่าร้องเลยครับ...ท่านไปสบายแล้ว"

"พี่...ไม่เสียใจเหรอคะ"

เสียใจสิ...

"พี่กีล์เก่งจัง...ตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยร้องไห้เลย หนูอยากเข้มแข็งเหมือนพี่"

ไม่เลย...

ผมไม่ได้เข้มแข็งเลยสักนิด

ผมก็แค่...

"งั้นก็หยุดร้องนะครับ เดี๋ยวแม่ใหญ่จะไม่สบายใจ"

ผมก็แค่อ่อนแอไม่ได้เท่านั้นเอง

ผมพาน้องไปนั่งคุยกันที่ศาลาริมน้ำ ยังพอมีเวลาจนกว่าพิธีจะเริ่ม ฮ่องเต้พยักหน้าให้เป็นเชิงเข้าใจแล้วบอกว่าจะดูตรงนี้ให้ พริกกับขิงร้องไห้กอดผมไม่ยอมปล่อย ส่วนอีกสามคนก็ตาแดงทำท่าจะปล่อยโฮตาม

“ไม่เป็นไร”ผมลูบหัวน้อง บอกทั้งน้องบอกทั้งตัวเอง แต่เราต่างรู้ดีว่ามันไม่มีคำว่าไม่เป็นไร

บางทีคนที่เป็นอะไรที่สุดคงเป็นผม

“หยุดร้องแล้วเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิครับ…พวกเราเป็นยังไงกันบ้าง”ผมพูดเสียงอ่อน พริกกับขิงที่กอดผมไว้ผละตัวออกไปเช็ดน้ำตาอย่างตั้งใจ พยายามสูดหายใจไม่ให้ร้องออกมาอีกครั้ง

ทุกคนยังเชื่อคำพูดของผมเหมือนเดิมไม่ต่างจากเมื่อก่อน…

“ครอบครัวของหนึ่งกับสองใจดีมาก ตอนที่คุณพ่อรู้ข่าวจากครูนิดท่านอยู่ต่างประเทศเลยมาไม่ได้ หนึ่งกับสองสอบเสร็จวันนี้แล้วก็รีบมาเลย…”หนึ่งกับสองที่เป็นพี่น้องกันและถูกรับไปเลี้ยงด้วยกันนั่งคุกเข่าตรงหน้าผมแล้วเล่าเสียงใส ผมจำได้ว่าวันที่โดนรับตัวไปน้องร้องไห้กันเสียงดังจนผมกับครูนิดต้องตามไปส่งถึงบ้าน กว่าจะกลับมาได้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน

“พริกกับขิงอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเลยค่ะพี่กีล์…พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน แล้วคุณพ่อคุณแม่ของพวกเราก็เป็นเพื่อนกันด้วย ขนาดเข้ามหา'ลัยยังมาเจอกันได้เลยค่ะ”พริกกับขิงกอดแขนผมเหมือนที่ตอนเด็กๆชอบทำ จากเด็กน้อยที่ชอบร้องไห้ขี้มูกโป่งทุกวัน ตอนนี้โตเป็นสาวสวยกันหมดแล้ว

“แล้วกรล่ะครับ”ผมหันไปหาเด็กผู้ชายตัวสูงที่ยืนพิงเสาอยู่เงียบๆมาตั้งแต่ตอนแรก มังกรคือเด็กคนสุดท้ายที่ออกจากสถานรับเลี้ยง เพราะเด็กกว่าผมแค่ปีเดียวเขาจึงเป็นคนที่รู้เรื่องทุกอย่างเหมือนที่ผมรู้

“ก็ดี…”เขาตอบมาสั้นๆ สะบัดหน้าหนีเหมือนไม่ต้องการมองผม

ยังเหมือนเดิมเลย…

ผมลุกจากที่นั่ง เดินเข้าไปหาเด็กผู้ชายที่ตอนนี้สูงตามผมทันแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะเป็นคนเดียวกับเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ชอบเดินตามผมต้อยๆ ปากแข็ง ชอบทำท่าดุ แต่กลับใจดีกับน้องยิ่งกว่าใคร

ผมโน้มหัวมังกรให้ซุกลงที่ช่วงไหล่ตัวเอง เขาตัวแข็งเกร็งแต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน

“อยากร้องก็ร้องเถอะครับ…พี่อยู่ตรงนี้”ทันทีที่ผมเอ่ยคำอนุญาตร่างกายของคนที่ตัวเกร็งมาตลอดก็ทิ้งน้ำหนักมาที่ไหล่ผม ความอุ่นชื้นที่เสื้อทำให้ผมรู้ว่าอีกคนกำลังร้องไห้ เสื้อสูทตัวนอกของผมถูกเขากำไว้แน่น เสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นเรื่อยๆจนเด็กๆที่เหลือเริ่มร้องไห้ตามอีกรอบ

ก็ขนาดพี่มังกรคนเก่งของน้องๆยังร้องไห้เลยนี่นะ…

กว่าทุกคนจะหยุดร้องไห้ก็ใช้เวลาพักใหญ่ ผมนั่งมองน้องคุยกันเงียบๆ ถึงจะตาแดงกันจนน่าสงสารแต่ก็ดีแล้วที่ทุกคนยิ้มได้

“แล้วพวกเรารู้ข่าวกันจากไหนล่ะ”ผมหันไปถามน้องเมื่อเห็นว่าพวกนั้นเริ่มเงียบกันไป

“พวกเรารู้จากครูนิดกันหมดเลย”หนึ่งหันมาตอบคำถามผม

ไม่แปลกเท่าไหร่…ปกติครูนิดจะเป็นคนติดต่อกับผู้รับอุปการะ ตอนที่รู้ว่าสถานรับเลี้ยงต้องปิดตัวลงแม่ใหญ่พยายามทำทุกวิธีเพื่อให้เด็กทุกคนมีที่อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่ได้ละเลยเรื่องการตรวจสอบ ทุกครอบครัวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้แต่ตอนที่รับตัวไปแล้วก็ยังคอยโทรมาบอกความเป็นอยู่ของเด็กๆอยู่เสมอ ไม่แปลกที่จะรู้จักและติดต่อกับครูนิดได้ ขิงบอกผมว่าคุณแม่น้องแวะไปหาครูนิดอยู่บ่อยๆด้วยซ้ำ

“ครูนิดท่านไม่สบายค่ะ ลูกสาวท่านเลยฝากแสดงความเสียใจมาแล้วขอให้ครูพักผ่อน ขิงกับคุณแม่ไปหาครูมาเมื่อวาน”

“แล้วนี่มากันเองหมดเลยเหรอครับ”ผมถามอย่างแปลกใจเพราะยังไม่เห็นผู้ปกครองของใครสักคน จะบอกว่าให้มากันเองก็ไม่น่าใช่ ถึงสภาพทุกคนจะดูเหมือนรีบมาเพราะใส่ชุดนักศึกษามากันหมดก็เถอะ

“พริกกับขิงมากับคุณแม่ขิงค่ะ เมื่อครู่ที่ไม่เห็นเพราะท่านเดินไปคุยโทรศัพท์”

“หนึ่งกับสองมากับคนดูแลครับ”

“กรมาเอง พ่ออนุญาตแล้วแต่ติดธุระเลยมาด้วยไม่ได้”

ผมพยักหน้า ปล่อยให้น้องคุยกันต่อส่วนตัวเองก็นั่งฟัง การที่ได้เจอกับครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันมานานทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย แต่ทันทีที่ก้มหน้าลงมองเครื่องแต่งกายตัวเองหรือมองบรรยากาศรอบๆความรู้สึกเดิมๆก็กลับมา

ความว่างเปล่า…

ดูเหมือนน้องๆเองก็สังเกตถึงได้พยายามชวนผมคุยกันทุกคน เดี๋ยวถามนั่นถามนี่ไม่หยุด ผมตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่ก็ยิ้มนิดๆเพื่อไม่ให้น้องเป็นห่วง…ทั้งที่ใจไม่ได้ยิ้มตาม

“คุณกีล์…ถึงเวลาแล้วครับ”

พอคุณเจย์มาตามสีหน้าของทุกคนที่ดูสดใสก็หม่นหมองลง ผมเดินเข้าไปปลอบพริกที่ดูคล้ายจะร้องไห้อีกรอบ น้องมองหน้าผมแล้วสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะส่งยิ้มมาให้

“เก่งมากครับ”



เราเดินกลับมาที่เดิม ผมไม่ได้ทำอะไรนอกจากเดินตามในขณะที่กำลังเคลื่อนศพเดินรอบเมรุ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมากี่รอบแล้ว คุณเจย์แตะบ่าผมหลายครั้งเหมือนต้องการปลอบ ส่วนคนอื่นก็ส่งกำลังใจมาให้ ผมได้แต่ยิ้มกลับไปน้อยๆเหมือนที่ทำมาทั้งวัน

ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขา…แต่ผมอยากบอกเหลือเกินว่าสายตาหรือคำพูดเหล่านั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมไม่ได้ต้องการความสงสาร เห็นใจ หรือความเป็นห่วง แต่ผมก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเองต้องการอะไร ได้แต่ปล่อยให้ถ้อยคำมากมายลอยผ่านหูแล้วส่งรอยยิ้มขอบคุณไปให้

ผมมองภาพทุกคนเดินขึ้นบันไดไปวางดอกไม้จันทน์อย่างไร้ความรู้สึก ทั้งพริกที่เดินกอดกับขิงขึ้นไปด้านบน คุณแม่ของน้องที่กำลังเดินตาม ฮ่องเต้กับประมุขที่ช่วยกันพยุงจักรพรรดิขึ้นไป ชาวบ้านจากบนเขาที่กำลังเช็ดน้ำตา และคุณเจย์ที่มองมาที่ผมด้วยสายตาเป็นห่วง

ผมก้าวเท้าขึ้นไปด้านบนช้าๆ แต่ละก้าวหนักเหมือนมีหินถ่วง คงไม่ต่างจากใจผมที่รู้สึกหนักขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนเท้าที่ก้าวเดิน วินาทีที่ยืนอยู่ด้านบนและวางดอกไม้จันทน์ลงผมรู้สึกเหมือนจะล้มลง ความปวดหัวที่สะสมไว้ตีรวนเข้ามาจนตัวเซ ผมจิกเท้าไว้กับพื้นแน่น กดข่มความปวดนั้นลงไปในขณะที่มองไปด้านหน้า

“หลับให้สบายนะครับ…”

กีล์จะไม่ทำให้แม่ใหญ่เป็นห่วง…กีล์จะเข้มแข็ง

ผมไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น แต่เลือกที่จะหันหลังแล้วมองลงไปด้านล่าง ที่ซึ่งสายตาหลายคู่จ้องมองมาเหมือนจะย้ำเตือน ความคาดหวังมากมายเกาะกินอยู่ในใจ การได้เจอน้องๆทำให้ผมต้องบอกกับตัวเองตลอดเวลาว่าจะอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด ต้องเข้มแข็ง ต้องเป็นหลักยึดให้ทุกคน

“น้าจะจัดการเรื่องที่เหลือเอง ไปนั่งพักหน่อยเถอะลูก”คุณแม่ของขิงเดินเข้ามาจับมือผม

“ขอบคุณมากนะครับคุณน้า”ผมยกมือไหว้ท่าน ขอบคุณจากใจจริงที่มาและขอบคุณที่จะดูแลเรื่องอัฐิของแม่ใหญ่ให้

ท่านคงรู้ว่าแม้แต่แรงยืนผมก็แทบไม่มีเหลือแล้ว…

“คุณกีล์ไปพักแถวศาลาริมน้ำเถอะครับ”คุณเจย์เดินเข้ามาหาผม ส่งโทรศัพท์ที่ผมลืมไว้ที่รถมาให้

ผมรับโทรศัพท์มาแล้วพยักหน้าขอบคุณเขาโดยไม่พูดอะไร ความรู้สึกเหมือนโดนหินหนักๆถ่วงขายังไม่จางหายไป กลับกันเหมือนมันจะมากขึ้นทุกที ตอนนี้แม้แต่แรงจะพูดก็แทบไม่มีแล้ว

ผมนั่งลงที่ศาลาริมน้ำที่เดิมกับที่พาน้องๆมานั่ง ทอดสายตาไปไกลๆเพราะคิดว่าอาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่…

ครืด ครืด

‘โซโล่’

อยู่ๆก็รู้สึกร้อนที่กระบอกตาเมื่อก้มลงมองโทรศัพท์แล้วเห็นชื่อที่ปรากฏบนจอ ผมสูดหายใจ กลืนความรู้สึกทั้งหมดลงไปแล้วยิ้มให้ตัวเองก่อนจะกดรับ

“สวัสดีครับ”

[เป็นไงบ้าง]

ผมหลับตาลงเพื่อกลั้นไม่ให้เผลอแสดงความรู้สึกอะไรออกไป เพราะแค่ได้ยินเสียง…ก็เหมือนกำแพงที่มีแทบจะถล่มลงมา

“ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีครับ”

[กีตาร์…]

“มีน้องๆจากสถานรับเลี้ยงมาร่วมงานด้วยนะครับ พี่ดีใจมากๆเลย ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน เล่นเอาจำแทบไม่ได้”ผมแสร้งหัวเราะทั้งที่เสียงสั่นไหว

[กีตาร์…]

“น้องๆร้องไห้กันใหญ่เลย เล่นเอาพี่ทำอะไรไม่ถูกตั้งนาน สงสารน้อง…”

[พอเถอะ…]

“แล้วโซเป็นยังไงบ้างครับ ซ้อมดนตรีไปถึงไหนแล้ว พรุ่งนี้สอบแล้วนี่นา”ผมเงยหน้าทั้งที่ยังหลับตา กลืนความรู้สึกที่หลุดออกมากลับลงไป

[…]

“โซกินข้าวครบทุกมื้อหรือเปล่าครับ…”

[…แล้วกีตาร์กินบ้างหรือเปล่า]

“กินสิครับ พี่กินข้าวทุกมื้อเลยนะ”

[โกหก]

“ไม่ได้โกหก…”

[เรื่องดีใจที่เจอน้องก็โกหก]

“ไม่ได้…”

[เรื่องไม่เป็นไรก็โกหก]

“…”

[ทำใจได้แล้วก็โกหก]

“โซ…”

อย่าพูดอีกเลย…จะทนไม่ไหวแล้ว

จะเข้มแข็งไม่ไหวแล้ว

[กีตาร์…]

“…”

[จำที่ผมบอกก่อนไปได้ไหม]

ที่บอก…ก่อนไป

[ถ้าทนไม่ไหว…]

‘ถ้ากีตาร์ต้องการ…ขอแค่บอกมา’

‘ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่…’

‘ผมจะไปกอดกีตาร์’

“โซ…”

[ครับ]

“มาหาพี่…”

[…]

ผมซุกหน้าลงกับเข่าตัวเอง พูดสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอดออกไปด้วยเสียงรวดร้าว

“มาหาพี่นะครับ”

[…]

“พี่ไม่ไหวแล้ว…”

ผมกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นไม่ให้เสียงร้องของตัวเองดังออกมา

แค่นี้ก็เห็นแก่ตัวพอแล้ว…

โซยังต้องสอบ…อย่าเห็นแก่ตัวมากไปกว่านี้

ผมสูดหายใจเข้าเพื่อเตือนสติตัวเอง พยายามฝืนยิ้มจอมปลอมอีกครั้งและพูดด้วยเสียงที่เหมือนจะหัวเราะทั้งที่มันไม่ตลกแม้แต่น้อย

“พี่พูดเล่น…”

“กีตาร์”

 ไม่ใช่เสียงจากโทรศัพท์…

ผมลุกขึ้นแล้วหันไปมองด้านหลัง ไม่ได้สนใจโทรศัพท์ที่หลุดมือไปหรืออาการปวดหัวที่หนักมากขึ้นเรื่อยๆ

วินาทีที่ได้เห็นใบหน้าอันแสนคุ้นเคย ผมปล่อยให้น้ำตาหยกแรกไหลลงมาโดยไม่คิดกลั้น เท้าก้าวเข้าไปหาคนที่คิดถึงมาตลอดโดยไม่รู้ตัว ผมไม่กล้ากระพริบตาเพราะกลัวว่าจะฝันไป กลัวว่าแค่ไม่ถึงวินาทีที่หลับตาลงเขาจะหายไป

“โซ…”

ราวกับจะตอกย้ำว่าผมไม่ได้คิดไปเอง โซโล่อ้าแขนออก มองมาด้วยสายตาอ่อนโยน

“ขอโทษที่ให้รอครับ”

กำแพงทุกอย่างที่มีถล่มลงมาทันทีที่เขาพูดจบ ผมโผตัวเข้าหาอ้อมกอดที่อ้ารับอย่างรวดเร็ว ความเข้มแข็งที่หลอกตัวเองว่าต้องมีมาตลอดพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี

“โซ…ฮึก…พี่เจ็บ…พี่เจ็บครับ”ผมกดหน้าลงกับอกกว้าง ร้องไห้โฮไม่อายใครทั้งนั้น ความเจ็บหน่วงที่เก็บสะสมมาหลายวันระเบิดออกมาจนหมด

“ผมอยู่นี่…อยู่ตรงนี้”อ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นราวจะย้ำคำพูดตัวเองไม่ได้ทำให้ผมหยุดร้อง กลับกันมันทำให้ผมร้องหนักกว่าเดิมเสียอีก

รอยจูบปลอบโยนที่หน้าผากยิ่งทำให้ผมกอดเขาแน่น อาการปวดหัวที่มีราวกับจะทวีมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อผมร้องไห้และเลิกเข้มแข็ง

โซโล่พาผมไปนั่งลงทั้งที่ยังกอดกันไม่ปล่อย ผมร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่กำลังลูบหัวลูบหลังให้ เขาไม่ได้พูดหรือถามอะไรนอกจากบอกว่าเขาอยู่ตรงนี้ซ้ำไปซ้ำราวจะให้ซึมลึกเข้าไปในใจผม…และมันได้ผลเหลือเกิน

“กีตาร์…ตัวร้อนมากเลย กลับกันนะครับ”โซโล่วางมือบนหน้าผากผม ผละตัวออกแต่ผมไม่ยอมปล่อย ยังคงซุกหน้าเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นนั่นเหมือนเดิมราวกับมันเป็นที่พึ่งสุดท้าย

“ไม่…”ผมสะอื้น ถึงจะไม่มากเท่าตอนแรกแต่น้ำตาที่ไหลออกมาก็ยังไม่ยอมหยุดลงง่ายๆ

โซโล่ปล่อยให้ผมร้องจนพอใจ เขาเพียงแค่ปลอบอยู่ข้างๆโดยไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่แค่ความอบอุ่นที่ได้รับก็มากพออยู่แล้ว

“ผมได้คุยกับพวกน้องกีตาร์ก่อนจะเดินมาหา”โซโล่พูดขึ้นช้าๆเมื่อผมเลิกสะอื้น ผมยอมผละตัวออกตามแรงดันของเขาแต่ไม่ยอมปล่อยเสื้อที่กำไว้แน่น เขาเองก็ไม่ได้ดันผมออก แค่ให้พอมองหน้ากันได้ “พวกเขาบอกว่ากีตาร์เข้มแข็ง…”

“…”

“เจย์บอกว่ากีตาร์เหมือนจะแตกสลาย”สัมผัสอ่อนโยนของมือที่ประคองใบหน้าผมไว้ทำให้น้ำตาที่ยังไม่แห้งดีไหลออกมาอีกครั้ง

“…”

“ทุกคนเป็นห่วงกีตาร์ แต่เพราะกีตาร์ทำเป็นเข้มแข็ง พวกเขาถึงไม่รู้ว่าควรทำยังไง”ปลายนิ้วของเขาเกลี่ยน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน

“…”

“พอเถอะ…กีตาร์ไม่ต้องเข้มแข็ง ไม่ต้องเป็นหลักยึดให้ใครทั้งนั้น พวกเขามีครอบครัวที่อ่อนโยน มีคนที่รักมากกว่าใครแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่กีตาร์ต้องหาหลักยึดให้ตัวเองเสียที”

“โซ…”

“เป็นผมนะ”

“…”

“ให้ผมเป็นคนที่เห็นกีตาร์อ่อนแอ”

“โซ…”

“ให้ผมเป็นคนดูแลกีตาร์”

“…”

“นะครับ”

ผมจับมือสองข้างที่วางอยู่บนหน้าตัวเองไว้แน่น จ้องมองคนที่ขอดูแลด้วยสายตาพร่ามัว เขาเองก็มองกลับมาราวจะขอคำตอบ

ยอมแล้ว

ทุกอย่างเลย

สิ่งที่ผมต้องการที่สุดในเวลานี้อยู่ตรงหน้านี่เอง…

“ครับ”

กีล์จะอ่อนแอได้ตอนที่มีคนๆนี้อยู่ข้างๆใช่ไหมครับแม่ใหญ่

----------------------------


 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 18-02-2017 19:45:56
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 18-02-2017 19:47:59
ฮือออออ บรรยายดีมากค่ะ ดีจนน้ำตาตก สู้ๆนะกีล์  :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 18-02-2017 20:10:42
กว่าจะมาได้นะโซ  :hao5:  สงสารพี่กีล์ 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-02-2017 20:18:50
บางคนต้องทำเป็นเข้มแข็ง แต่หารู้ไม่ข้างในอ่อนแอ พร้อมที่จะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-02-2017 20:22:22
สงสารพี่กีลล์ :sad11: :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-02-2017 20:23:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 18-02-2017 20:39:35
ฮือออออ โซดูแลพี่กีล์ด้วยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 18-02-2017 20:49:35
ซึ้งได้อีก!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 18-02-2017 21:59:06
น้ำตาร่วงตอนที่กีล์ร้องไห้
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 18-02-2017 23:11:54
ว่าจะไม่ร้อง ก็ร้องไห้้ตามจนได้้ :hao5:
หายเศร้าไวๆนะพี่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 18-02-2017 23:33:36
ร้องไปพร้อมกับกีล์เลย ฮืออออ บีบคั้นมาก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER29 P.21 [17/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 18-02-2017 23:56:51
โซโล่รีบมาปลอบพี่กีล์เร็วๆนะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 19-02-2017 00:06:54
ร้องไห้ตามพี่กีล์เลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 19-02-2017 01:28:21
ร้องไห้ตามเลย  :monkeysad:
โซดูแลพี่กีล์ดีๆนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-02-2017 10:27:28
อยากเข้าไปกอดให้กำลังใจพี่กีล์จังเลย โซดูแลพี่กีล์ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-02-2017 11:00:32
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 19-02-2017 14:41:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-02-2017 17:22:16
ดีจิงๆ ที่ในที่สุดโซก้อมา
ยิ่งเห็นกีล์แกล้งเข้มแข็ง คนอ่านยิ่งเศร้า ฮืออ TT
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 20-02-2017 21:50:59
"รีบมาเถอะครับคุณชาย...เขาจะแตกสลายอยู่แล้ว"

ประโยคนี้ทำเอาเราน้ำตาไหลเลยค่ะ คนแต่งเขียนได้ดีมาก
ยิ่งเนื้อเรื่องในตอนนี้คนแต่งบรรยายได้ดีจนทำเราอินมาก ปวดใจไปพร้อมกับกีล์เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 21-02-2017 00:28:48
ไม่ต้องทำเป็นเข้มแข็งตลอดหรอกนะ อ่อนแอบ้างก็ได้ ร้องไห้บ้างก็ได้  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 21-02-2017 05:32:20
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 21-02-2017 18:54:22
โอ้ย สงสารพี่กีล์ :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER30 P.22 [18/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 21-02-2017 19:01:37
-31-

 

ผมตื่นมาด้วยความรู้สึกปวดหัวจนแทบทนไม่ไหว ความเย็นจากบนหน้าผากช่วยให้รู้สึกดีขึ้นแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ หลังจากกระพริบตาติดกันหลายครั้งและตั้งสติได้แล้วถึงรู้ว่าสิ่งที่อยู่บนหน้าผากมันคือแผ่นเจลลดไข้

ผมกวาดสายตาไปรอบด้านแล้วก็พบว่าที่นี่คือห้องพักกว้างขวางซึ่งน่าจะอยู่ในโรงแรม แต่มันไม่ใช่ห้องพักที่ผมเคยอยู่

ความว่างเปล่าของห้องทำให้รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ ผมผุดลุกขึ้นยืนทั้งที่ร่างกายโซเซ ความปวดหัวที่พาดผ่านทำให้ต้องหลับตาเพื่อระงับมันเอาไว้ หลังจากฝืนตัววิ่งออกจากห้องนอนแล้วก็พบห้องรับแขกกว้างขวาง ดูจากตราสัญลักษณ์ถึงได้รู้ว่ายังอยู่โรงแรมเดิม ผมเปิดประตูห้องน้ำ ประตูระเบียง แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่ตามหา

ความวูบโหวงเริ่มเกาะกุมจิตใจ รู้สึกเหมือนอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก เพราะน้ำตามันเหือดแห้งไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมอยากตะโกนเรียกแต่คอกลับแห้งผากไม่มีเสียงอะไรหลุดออกมาแม้แต่นิดเดียว หัวใจเต้นรัวแรงขึ้นเรื่อยๆพร้อมกันกับเรี่ยวแรงที่ใกล้จะหมดลง

โซ…

หายไปไหน...

ราวกับจะตอบคำถามนั้น คนที่ตามหาเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดข้าวในมือ ใบหน้านิ่งดูตกใจเมื่อเราสบตากัน วินาทีต่อมาเขาก็รีบวางถาดข้าวลงแล้วเดินเข้ามาประคองผมไว้

"ทำไมมาอยู่ตรงนี้"เสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้เรี่ยวแรงที่มีหายไปจนหมด ผมทิ้งตัวลงในอ้อมแขนกว้าง หัวใจที่สั่นเทาราวกับได้รับการเยียวยา มันค่อยๆกลับมาเต้นเป็นจังหวะอีกครั้ง

โซโล่พาผมกลับมาที่เตียงแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ พอได้นั่งพิงอยู่กับที่แล้วอาการปวดหัวก็บรรเทาลงไปมาก เหลือแค่ความรู้สึกหนักๆจนอยากล้มตัวลงนอน

"กินข้าวกินยาก่อนนะ"

ผมยอมพยักหน้าทั้งที่ไม่รู้สึกอยากอาหาร เอาแต่จ้องภาพคนที่ตักข้าวป้อนราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป

ความทรงจำสุดท้ายของเมื่อวานคือตอนที่ผมอยู่ในอ้อมกอดของโซโล่ที่วัด ผมจำได้ว่าเหนื่อยมากจนตาแทบปิด ได้ยินเสียงคนข้างๆบอกให้พักผ่อน แล้วก็รู้สึกเหมือนตัวลอยจากพื้น จากนั้นภาพทุกอย่างก็หายไป

"อีกหน่อยนะกีตาร์"โซโล่คะยั้นคะยอจนผมยอมอ้าปากทานอีกสองคำก็ส่ายหน้า

"ไม่ไหวแล้วครับ"

เขาพยักหน้าเข้าใจ วางชามลงข้างๆ ส่งยามาให้ทาน พอเห็นผมทานยาจนครบแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้น

"กีตาร์?"โซโล่มองหน้าผมอย่างแปลกใจ ก่อนจะไล่สายตามองไปที่ชายเสื้อตัวเอง ผมมองตามแล้วก็ตกใจไม่ต่างกันเมื่อเห็นว่ามือตัวเองกำลังรั้งเสื้อเขาไว้

"ขอโทษครับ"เสียงของผมสั่นเทา แม้แต่มือตัวเองที่ปล่อยจากเสื้อเขาแล้วก็ยังสั่น ผมทำได้แค่ก้มหน้า ตำหนิความงี่เง่าของตัวเองในใจ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆก่อนจะรู้สึกถึงแรงยุบข้างตัว

"ไหนดูหน่อยกีตาร์คนเก่งของผมเป็นอะไร..."โซโล่จับคางผมให้หันไปหา วางหน้าผากแนบลงมาเหมือนต้องการวัดไข้ "อืม...รู้แล้วว่าเป็นอะไร"

"เป็นอะไรครับ"

"เป็นคนที่ขาดผมไม่ได้ไง"

ผมหัวเราะกับคำพูดนั้นเบาๆ โซโล่ยิ้มตาม กดจูบเบาๆที่ริมฝีปากแล้วดันตัวผมให้นอนลง ก่อนจะเอนตัวนอนตาม

"นอนได้แล้วครับ...ผมไม่ไปไหนหรอก"คนพูดรวบตัวผมเข้าไปกอด ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทำให้อุ่นวาบไปถึงใจ

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หินหนักๆในใจมันค่อยๆหายไป...บางทีอาจจะตั้งแต่ที่ได้เห็นหน้าคนๆนี้

"พี่งี่เง่าหรือเปล่าครับ"ผมซุกตัวเข้าไปหามากขึ้น ต้องการสื่อว่าต่อให้ตอบว่างี่เง่าก็จะไม่ยอมผละออกมาเด็ดขาด

"งี่เง่าตรงไหน ผมดีใจที่กีตาร์อ่อนแอบ้าง..."เขาลูบหัวผมเบาๆ "และดีใจยิ่งกว่าที่ผมเป็นคนเดียวที่ได้เห็น"

"ขอบคุณนะครับ"

"กีตาร์ดูแลผมมามากแล้ว คราวนี้ตาผมบ้างไง"โซโล่ยิ้มอ่อนโยน ดันหัวผมออกเล็กน้อยให้สบตาเขา "นอนได้แล้วครับ"

ผมพยักหน้า หลับตาลงอย่างว่าง่ายโดยไม่ลืมกำเสื้ออีกคนไว้แน่น วินาทีที่สติกำลังจะหายไปรู้สึกเหมือนมือตัวเองโดนแกะออก ผมเกือบลืมตาขึ้นมอง แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้นความอบอุ่นของฝ่ามือคุ้นเคยที่จับมือผมไว้ก็เข้ามาแทนที่เสียก่อน…ซึ่งมันรู้สึกดีกว่าการกำเสื้อเป็นไหนๆ

 

 

เย็น…

เย็น…เอาออกไปที

"กีตาร์…ตื่นมากินข้าวกินยาก่อนนะ”

“อือ…”

“ไม่ตื่นกัดนะ”

“ตื่นแล้ว”ผมงึมงำ เสียงอู้อี้จนตัวเองยังจำไม่ได้ ใช้ความพยายามในการลืมตาอยู่นานก็ยังไม่สำเร็จ ยิ่งสัมผัสของผ้าชุบน้ำเย็นๆที่ตามเช็ดหน้าหายไปแล้วยิ่งรู้สึกเหมือนสติจะหลุดไปอีกรอบ จนกระทั่ง…

“โซ!”ผมเด้งตัวขึ้นจากเตียงแบบลืมความง่วง รีบเอามือกุมจมูกตัวเองไว้แล้วถลึงตามองหมาบ้าที่กัดจมูกผมเสียแรง

“ครับ”คนที่ยื่นหน้าเข้ามารอไว้อยู่แล้วยิ้มอารมณ์ดี ใบหน้าที่ห่างกันเพียงคืบทำให้อารมณ์ขุ่นเคืองทั้งหมดสลายไปแบบไร้สาเหตุ

“กัด…พี่”

“เจ็บเหรอ”

“เจ็บสิครับ!”ผมหน้าบึ้ง พยายามไม่สนใจสายตาวาววับที่จ้องมาเสียใกล้ จะถอยออกก็ตัวแข็งจนขยับไม่ได้อีก

“งั้น…”คนที่ทำตัวเป็นหมาจุ๊บที่ปลายจมูกผมเบาๆแล้วผละออก “หายเจ็บยัง”

“…”ผมอ้าปากค้างกับการกระทำนั้น ยังไม่ทันได้ตอบอะไรหมาตัวโตก็จุ๊บลงมาอีกที

“ยังไม่หายเหรอ”

“หะ…หาย…”ผมรู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งไปทั่วใบหน้า แต่ยังไม่ทันได้พูดจนจบประโยคคนตรงหน้าก็กดจูบลงมาเบาๆที่ปลายจมูกเสียก่อน

“ทานข้าวก่อนนะครับ”คนขี้แกล้งทำเสียงอ่อนโยน เลื่อนใบหน้าขึ้นกดจมูกลงที่หน้าผากผมแล้ววางทิ้งไว้อย่างนั้น ผมทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ยินยอมรับสัมผัสอ่อนโยนที่ทำให้ใจเต้นแรงนั่นไว้

มันรู้สึกเหมือนได้พลังกลับมา…

“ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่า”โซโล่ผละออก พอเห็นผมส่ายหน้าก็ขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อ

ก็มันไม่ปวดแล้วจริงๆ…

“พี่จะปวดหัวแค่ตอนเครียดๆครับ…เวลามีไข้หรือไม่สบายไม่ค่อยปวดหรอก”ผมพูดตามความจริง ปกติก็เป็นคนที่ไม่สบายยากมากอยู่แล้ว เวลาเป็นทีก็ไม่ได้หนักอะไร อย่างมากก็แค่ตัวร้อนหรือหนักหัว

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เป็นหนักขนาดนี้ ถึงจะยังหน่วงๆหรือเพลียๆอยู่แต่ก็ไม่ได้ปวดหนักเท่าเมื่อวานหรือตอนเช้าแล้ว

“เจย์ฟ้องว่ากีตาร์ไม่ยอมทานข้าว”โซโล่ทำหน้าดุ ปากพูดส่วนมือก็ตักข้าวต้มป้อนผมไปด้วย

“พี่ทานไม่ลงจริงๆครับ”

ทั้งเครียด ทั้งอึดอัดใจ ฝืนกินไปก็อ้วกออกมาอยู่ดี

“แต่ตอนนี้กินลงแล้วนี่”

ผมชะงักไปกับคำพูดนั้น เงยหน้ามองแล้วก็เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งมาให้อย่างจริงใจ จริงอย่างที่เขาว่า…ตอนนี้ผมกินข้าวลงแล้ว ถึงจะไม่หมดแต่ก็ถือว่ามากกว่าสองสามวันที่ผ่านมารวมกันเสียอีก

“เพราะโซอยู่ตรงนี้ไงครับ”

เพราะโซอยู่ตรงนี้…ทุกอย่างถึงดีขึ้น

“งั้นแสดงว่าถ้าผมอยากให้กีตาร์กินข้าว…”คนพูดลากเสียง วางชามข้าวต้มลงเมื่อผมส่ายหน้าบอกว่ากินไม่ไหวแล้ว “ผมต้องอยู่ตรงนี้ไปตลอดสินะ”

“…”

“ว่าไงครับ”

ผมมองคนที่ยังถามไม่เลิกนิ่งๆ พูดไม่ถูกว่ารู้สึกอะไรอยู่ แต่สุดท้ายพออีกคนเอานิ้วมาเขี่ยมือเหมือนจะบอกให้ตอบผมก็ยิ้มแล้วพยักหน้ากลับไป

“ครับ…อยู่ตรงนี้ตลอดไปนะ”

คนฟังยิ้มกว้าง ไม่ได้พูดอะไรกลับมาแต่ยื่นยามาให้แทน ผมอมยิ้มเมื่อเห็นหูแดงๆของคนที่หันหน้าหนีไปอีกทาง

หมาเขิน…น่ารัก

“นอนไปเลย”

“ไม่เอา”

“คนป่วยต้องนอนเยอะๆ”

“พี่ไม่ได้ขี้เซาเหมือนโซเลยไม่ต้องนอนเยอะครับ”ผมหัวเราะเมื่อโดนผลักหัวเบาๆจนเซไปอีกทาง คนโดนว่าขมวดคิ้วมุ่นเหมือนไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

ผมเพิ่งรู้ว่าการได้รับการดูแลจากคนอื่นมันดีอย่างนี้นี่เอง ไม่ต้องขยับตัวไปไหนก็แทบจะมีทุกอย่างที่ต้องการมากองอยู่ตรงหน้า ทั้งที่บอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน โซโล่อยู่กับผมตลอดเวลา เขาคอยเช็ดตัว หาข้าวมาให้กิน ทำให้ทุกอย่าง

ผมรู้ดีว่าเขาไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียว และการที่เขาชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ตลอดเวลาก็ทำให้ผมไม่คิดมากจริงๆ ไม่ว่าจะแกล้ง จะทำให้เขิน หรือจะงอนอะไร ทุกอย่างเขาทำเพื่อผมทั้งนั้น เพราะอย่างนั้นผมถึงพยายามไม่นึกถึงเรื่องของแม่ใหญ่ ไม่ใช่ไม่คิดถึงท่าน แต่ตอนนี้ผมยังอ่อนแอเกินไป สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้คือการลืมทุกอย่างแล้วใส่ใจแค่ปัจจุบันของตัวเอง…เพื่อให้คนรอบข้างไม่ต้องเป็นห่วงไปมากกว่านี้

“อยากกินไอติม”ผมยื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่แตกร้าวให้เจ้าหมาดู เมื่อวานตอนที่ทำหลุดมือมันดันกระแทกกับหินเข้าอย่างจัง ดีที่คุณเจย์เก็บมาให้แล้วยังใช้ได้อยู่

Kao Ashira : โซมันบอกพี่ไม่สบาย หาไอติมกินซะนะจะได้หายดี

นั่นคือข้อความที่ส่งมาพร้อมรูปภาพไอศกรีมหน้าตาน่าทาน จริงๆของพวกนี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกหิวหรืออยากกินมากมายอยู่แล้ว แต่ที่ยื่นให้คนขี้ห่วงดูก็เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาน่ามองของเขา

“ไอ้เก้า…”โซโล่ขมวดคิ้ว ดึงโทรศัพท์ออกไปจากมือผมแล้วขว้างไปไว้บนโซฟา “ไม่ต้องเลย…ไม่สบายแล้วจะกินได้ไง”

“หายแล้วครับ”เอาจริงๆให้ลุกขึ้นเดินก็พอไหว ยิ่งถ้าเป็นพรุ่งนี้ผมว่าอาจจะวิ่งได้แล้วด้วยซ้ำ

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้”คนห้ามทำหน้ามุ่ยไม่พอใจ

“ไม่กินก็ไม่กิน”ผมอมยิ้มจนเจ้าหมาสังเกตเห็น คงรู้ตัวแล้วว่าโดนแกล้งให้ทำท่าทางไม่พอใจถึงได้ยื่นมือมาขยี้หัวผมจนเละเทะ

“หมั่นไส้”

“นี่แก่กว่านะเนี่ย”ผมบ่นไม่จริงจังนัก ยกมือลูบหัวตัวเองให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง

“ไม่รู้…ก็ตอนนั้นอนุญาตแล้ว”

อืม…เหมือนจะจำได้ลางๆอยู่เหมือนกัน

“แล้วโซมาได้ยังไงครับ ยังสอบไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ”ผมขยับตัวพิงเตียงถามสิ่งที่สงสัยออกไป เมื่อวานตอนที่เจอกันนอกจากรู้สึกเหมือนความอดทนและความเข้มแข็งหายไป ผมก็ไม่ได้สงสัยหรือนึกถึงเหตุผลอะไรอีกเลย

คิดแค่ว่าเขาอยู่ตรงหน้าแล้ว…จะอะไรก็ช่างมัน

“ผมไปขออาจารย์สอบก่อน”

“ได้ด้วยเหรอครับ”

“มันเป็นสอบปฏิบัติเดี่ยวอยู่แล้วจะตอนไหนก็ไม่ต่างกัน ประเด็นคือตอนผมโทรไปอาจารย์อยู่ต่างจังหวัดผมเลยมาตั้งแต่วันแรกไม่ทัน เมื่อวานพออาจารย์มาผมก็ไปสอบเลย…อาจารย์บอกว่าไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว กำหนดการจริงๆคือกลับเมื่อวาน ที่ตอนแรกนัดสอบวันนั้นก็เพราะเผื่อมีอะไรฉุกเฉินแล้ววันกลับล่าช้าจะได้ไม่กระทบกับการสอบ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ยอมเอนตัวลงตามแรงดันของอีกคนแต่ไม่ยอมหลับตา

ยังอยากคุยอยู่เลย

“แล้วสอบเป็นยังไงบ้างครับ”

คนรู้ทันหรี่ตาจับผิด แต่พอเห็นผมยิ้มให้ก็ลุกจากเก้าอี้มานอนคว่ำข้างๆแล้วเท้าคางมอง

“ยิ้มอ้อนเป็นด้วยเหรอ”ว่าแล้วก็ยื่นมือมาบีบแก้มผมเบาๆ ปล่อยให้ผมมองอย่างไม่เข้าใจว่าไปยิ้มอ้อนตอนไหน…ไม่รู้ตัวเลยสักนิด

“ไม่ได้อ้อนนะ”

“อืม…คงเพราะตาบวมๆกับปากแดงๆนี่ล่ะมั้ง”โซโล่ยิ้มน้อยๆ มือก็แตะเบาๆไปตามส่วนที่ตัวเองบอก “อีกอย่างไม่อยากนอนไม่ใช่เหรอ…เพราะงั้นถึงได้ยิ้มอ้อนออกมาไม่รู้ตัวไง”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก เหตุผลที่สองดูน่าจะเป็นไปได้อยู่

“พี่ไม่อยากนอนครับ อยากคุยกับโซ”

มันสบายใจและรู้สึกดีกว่าการอยู่เงียบๆหรือนอนเฉยๆเป็นไหนๆ

“แล้วยังบอกไม่ได้อ้อนอีก”โซโล่บีบจมูกผมเบาๆ จากนั้นก็ทำหน้าบูด “เรื่องสอบ…ก็น่าจะพอไหว แต่ก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ผมไม่ไหวกับดนตรีไทยจริงๆ มันยาก”

“วิชาบังคับเหรอครับ”

“ใช่…ก็ดีแล้วล่ะที่เจอตอนปีหนึ่ง จะได้จบๆไป”

ผมนอนคุยกับโซโล่อย่างสบายใจ เขาเล่าเรื่องตอนที่อยู่คนเดียวให้ฟังว่าไปทำอะไรมาบ้าง แถมยังฟ้องว่าโดนเก้าถีบตกเก้าอี้ตอนซ้อมดนตรีด้วย

“ก็ไม่ตั้งใจซ้อมนี่ครับ”

“ก็เพราะใครไม่รับโทรศัพท์ล่ะ”

ผมขอโทษเสียงอ่อย หมาหน้าบึ้งงอนได้ครู่เดียวก็หาย เปลี่ยนเป็นบ่นเรื่องเก้าให้ผมฟังแทน หลักๆไม่พ้นเรื่องกินเยอะกับการบังคับให้เจ้าหมาซ้อมดนตรีส่วนตัวเองหนีไปเล่นเกมส์ เขาคงเห็นว่าเวลาพูดเรื่องเก้าแล้วผมจะยิ้มตลอดเวลาถึงได้พูดบ่อย

“เก้าอาจจะเกิดมาเพื่อสร้างความบันเทิงก็ได้นะครับ”ผมหัวเราะ คิดตามที่พูดจริงๆ ทั้งที่เจ้าตัวก็ดูไม่ได้ตั้งใจแต่ไม่รู้ทำไมเวลาทำอะไรมันถึงได้ดูน่าขำไปหมด

“ผมว่ามันเกิดมาเพื่อสร้างความวิบัติมากกว่า”โซโล่เบะปาก หน้าตาบ่งบอกชัดเจนว่าที่พูดออกมานั่นความจริงล้วนๆ

ผ่านไปสักพักเสียงพูดคุยก็เริ่มเงียบลง ผมพอจะเดาได้ว่าเราจะคุยเรื่องอะไรกันต่อ สังเกตจากสีหน้าที่ดูจริงจังและเครียดขึ้นเล็กน้อยของเจ้าหมาก็รู้แล้ว แต่น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือรู้สึกแย่เหมือนเคยเมื่อรู้ว่าต้องพูดถึงเรื่องนี้

“กีตาร์อยากไปหรือเปล่า”

“ไป?”

ผมอมยิ้มมองคนที่ขยับตัวอย่างอึดอัดเหมือนไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด จริงๆก็รู้อยู่แล้วว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร แต่เห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกนั่นแล้วผมรู้สึกอารมณ์ดีแปลกๆ

“ก็…ที่คุณแม่บอก”

“ก็…”

ผมหยุดพูดเมื่อโดนดันคางให้หันไปสบตาคนข้างๆ โซโล่ทำหน้ากังวล คิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนคนคิดไม่ตก

“ถ้าไม่อยากไปก็บอก อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้น”

“พี่อยากไปจริงๆครับ”

“เพราะผมไปรับปากไว้หรือเปล่า”

“พี่ต้องขอบคุณที่โซช่วยรับปากให้ด้วยซ้ำ”แค่คิดภาพของท่านตอนนั้นผมก็รู้สึกปวดใจแล้ว ถ้าตอนนั้นโซโล่ไม่ได้รับปากแม่ใหญ่ให้ ผมคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่ดื้อด้านไม่ยอมทำตามที่ท่านพูด

ตอนนั้นผมก็แค่ยอมรับไม่ได้ว่าท่านจะไป ถึงได้หลอกตัวเองทุกอย่างเพื่อรั้งให้ท่านอยู่

“งั้นรอให้กีตาร์หายก่อน…ผมคุยกับพวกชาวบ้านไว้แล้ว เขาบอกว่าจะรอพาเราขึ้นไป”โซโล่ยิ้มให้ผม ยื่นมือมาเกลี่ยผมออกจากใบหน้าให้

“ไปวันนี้เลยไม่ได้เหรอครับ”

ผมอยากไปเห็นที่นั่นไวๆ อยากรู้ว่าที่ๆแม่ใหญ่รักเป็นแบบไหน

“รอให้หายก่อน”

“แต่…”

“กีตาร์”โซโล่ทำเสียงดุจนผมหงอ จะเถียงต่อก็เถียงไม่ออก พอเห็นผมเงียบเขาก็ถอนหายใจเบาๆ “พรุ่งนี้...โอเคไหม”

“เช้าๆเลยนะครับ”ผมต่อรองจนคนข้างๆหรี่ตา แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี

“ครับ”

"ขอบคุณครับ"ผมยิ้มจนแก้มตุ่ย คนมองหัวเราะหึหึแล้วยกมือมาบีบแก้มผมเหมือนหมั่นเขี้ยว

"ยิ้มได้ก็ดีแล้ว"

"เพราะโซไง...ขอบคุณนะครับ"

"นี่ขอบคุณกี่รอบแล้วเนี่ย"

"หลายอยู่นะ"นึกๆไปแล้วก็ขอบคุณไปหลายทีอยู่เหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่พูดผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไม่มีครั้งไหนเลยที่พูดไปเฉยๆ

"รู้สึกดีขึ้นหรือเปล่า"

ผมนิ่งไปสักพักกับคำถามนั้น รู้ตัวดีว่ายังไงก็โกหกไม่ได้อยู่แล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดคงเป็นการบอกไปตามความจริง

"ดีขึ้นครับ...แต่คงไม่ได้เรียกว่าหาย"

"ผมเข้าใจ"โซโล่พยักหน้า "มันต้องใช้เวลา กีตาร์คิดถึงได้…แต่อย่ายึดติด"

"ยึดติด?"

"ยึดติดกับความเสียใจ…ผมผ่านมาแล้ว รู้ดีว่ามันเป็นยังไง"ดวงตาที่มองมาที่ผมสั่นไหววูบหนึ่งแล้วกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว "ตอนนั้นผมยึดติดอยู่กับความเสียใจ แรกๆเจย์อยู่ด้วยยังพอมีคนห้าม แต่พอเจย์ไปผมกลายเป็นเด็กเกเรไปเลย"

"หมายถึง..."

"อืม...หมายถึงตอนที่แม่ผมเสีย"โซโล่ยิ้มให้ผมเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร เมื่อผมขยับมือไปจับแขนเขาด้วยความเป็นห่วง "ผมใช้เวลาเกือบสี่ปีถึงจะคิดได้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็แค่เลิกยึดติดกับความเสียใจ ใช้ชีวิตต่อไป คิดถึงท่านก็ดูสิ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้ ตอนนั้นมันยากมากแต่ผมก็ผ่านมาได้..."

"..."

"แต่สำหรับกีตาร์ไม่ยากหรอก...เพราะผมอยู่ตรงนี้"

ผมยิ้มรับคำพูดนั้นโดยไม่ปฏิเสธ รู้ดีที่สุดว่ามันจริงแค่ไหน ผมอาจจะยังเจ็บและเสียใจเพราะเป็นเหตุการณ์สดใหม่ แต่คนเราจมอยู่กับความเศร้าตลอดไปไม่ได้ สิ่งที่ผมควรทำไม่ใช่การยึดติดอยู่กับความเสียใจ แต่เป็นการใช้ชีวิตที่แม่ใหญ่เลี้ยงดูมาต่อไปให้ดีที่สุด…โดยมีคนๆนี้อยู่ข้างๆ

คนที่ผมเลือกและเขาก็เลือกผม

ถึงเวลาทำจริงจะยากแค่ไหนแต่ในเมื่อเขาบอกว่าไม่ยากเพราะมีเขาอยู่ ผมก็จะเชื่อตามนั้น

"พี่จะพยายามนะครับ...ช่วยพี่หน่อยนะ"

ถึงตอนนี้จะยังกลับไปยิ้มได้ไม่เต็มที่ แต่แค่ได้ร้องไห้หนักๆโดยมีโซโล่อยู่ข้างๆก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมากแล้วจริงๆ ถ้าเขายังอยู่ตรงนี้ ผมเชื่อว่าตัวเองจะกลับมายิ้มได้เต็มที่แน่นอน

"รับทราบ"โซโล่ยิ้มมุมปาก ยื่นมือมาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จนถึงอก "ถึงเวลานอนแล้ว"

"แต่พี่ไม่ง่วง"ผมเถียง พยายามจะดึงผ้าห่มลงแต่ก็สู้แรงอีกคนไม่ได้ ตอนสบายดีก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งตอนไม่มีแรงแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

"ไม่ง่วงก็ต้องนอน เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงนะ"

"แต่...อื้อ!"ผมขมวดคิ้วเมื่อโดนหมาบีบแก้มจนปากจู๋ ถลึงตาใส่แล้วก็ยังไม่ยอมปล่อย

"ไออ๋า!"ไอ้หมา!

"พูดไรอะ"คนฟังไม่รู้เรื่องหัวเราะหึหึ ผมไม่ต้องเห็นหน้าตัวเองยังรู้เรื่องว่ามันต้องดูตลกมากแค่ไหน

"อ๋าโอ!"หมาโซ!

"ทำไมเด็กชายกีตาร์ดื้อจัง...ไม่นอนผมจูบนะ"

บีบปากกันแบบนี้แล้วยังบอกให้นอนอีก ไอ้หมานี่

"ยังไม่หลับตาอีก..."

"อื้อ!"ผมเบิกตากว้างมองคนฉวยโอกาสที่ก้มหน้าลงมาจูบไวๆแบบไม่ให้ตั้งตัวทั้งที่ยังบีบแก้มผมอยู่

"นอนไม่นอน"

ผมรีบพยักหน้าหงึกหงัก พอคนขู่ปล่อยมือก็หมุนตัวไปอีกทางแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงทันที

น่าอับอายที่สุด...เกลียดจริงๆเวลาไม่มีแรงแบบนี้

หมาบ้า...

"เดี๋ยวหายใจไม่ออก"คนพูดดึงผ้าห่มด้านหลังเบาๆเป็นเชิงบอกให้โผล่หัวออกมา หลังจากยื้อกันไปมาอยู่สักพักผมก็ยอมโผล่หน้าออกมาแต่ไม่หันกลับไป

"พี่จะนอนแล้วครับ"

ไม่ได้จะหลับหนีอาการเขินอะไรจริงๆนะ เพราะยาเริ่มออกฤทธิ์ถึงได้รู้สึกง่วงขึ้นมากะทันหันต่างหาก วินาทีที่ตาจะปิดรู้สึกเหมือนถูกดึงไปกอดไว้จากทางด้านหลัง ความอบอุ่นที่เผื่อแผ่มาทำให้ผมรู้สึกง่วงหนักกว่าเดิมจนฝืนตัวเองไม่ไหวในที่สุด

.

.

ผมรู้สึกเหมือนฝันร้าย…รอบกายมีแต่ความว่างเปล่า และเพราะมันว่างเปล่าทั้งที่เป็นความฝันมันถึงได้น่ากลัวยิ่งกว่าอะไร มันเป็นความฝันที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแม่ใหญ่ แต่ตอกย้ำให้รู้ว่าผมอยู่คนเดียว ไม่มีแสงไฟ ไม่มีอะไรนำทาง มองไม่เห็นแม้แต่ร่างกายของตัวเอง

ตอนที่ความสิ้นหวังครอบคลุมไปทั่วจิตใจ ผมได้ยินเสียง…

“อย่าร้อง”

ผมรู้สึกตัว ลืมตาจากความว่างเปล่ามาเจอความจริงที่มีคนๆหนึ่งอยู่ข้างๆ เขากำลังเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือและมองมาด้วยสายตาเจ็บปวด

“ผมอยู่ตรงนี้…”เขากระซิบ

ผมหลับตาลง แนบใบหน้าเข้ากับอกกว้าง รับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจที่กำลังเต้น…ทั้งของตัวเองและของคนข้างๆ

ของเรา…

ผมรู้แล้วว่าความว่างเปล่าที่ผมเห็นในความฝันมันคืออะไร

เป็นเพราะผมไร้จุดหมายในชีวิต ไม่มีแม้กระทั่งความฝัน ทุกๆอย่างถึงได้หายไป เพราะแบบนั้นผมถึงมองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว

แม่ใหญ่เคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม

เพราะท่านจากไปทุกสิ่งทุกอย่างของผมถึงหายไปด้วย

แต่ตอนนี้ผมมองเห็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญและมีค่าไม่แพ้กัน

ท่ามกลางความว่างเปล่า…

มีหมาฮัสกี้ตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้น

------------------------------------



ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 21-02-2017 19:18:55
มีหมาฮัสกี้ตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้น.....เขินวุ้ย  :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-02-2017 19:20:33
จับมือกันไปตลอดนะครับ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 21-02-2017 19:34:38
ดูแลกันไปแบบนี้นานๆเนอะ  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 21-02-2017 19:46:38
 :sad11:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 21-02-2017 20:05:48
กีล์โชคดีมากแล้ว ในวันที่อ่อนแอ ยังมีคนดูแลข้างๆ ไม่โดดเดี่ยวแล้วนะกีล์ :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 21-02-2017 20:52:54
กรณีจำเป็นจริงๆบางครั้งก็ขอสอบก่อนได้นะ
ดีจังที่มีเจ้าหมาอยู่เคียงข้าง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-02-2017 22:33:25
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-02-2017 22:47:14
เข้มแข็งในเร็ววันนะพี่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-02-2017 23:28:50
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 21-02-2017 23:46:54
อูยยยย ตอนนี้น้องฮัสกี้เท่ห์และอบอุ่นมากค่ะ  :hao3:
อิจฉาพี่กีล์เบาๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 22-02-2017 00:21:35
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-02-2017 00:54:38
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 24-02-2017 14:49:42
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER31 P.22 [21/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 24-02-2017 23:48:57
-32-

 

เราออกเดินทางกันแต่เช้า ลุงหมายกับลุงมั่นที่เป็นคนนำทางบอกว่าต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย เพราะแค่จากโรงแรมไปก็ไกลแล้ว ไหนจะต้องขึ้นเขาอีก ผมบอกลาสามคิงกับน้องๆในตอนเช้า ไม่ลืมบอกว่าจะติดต่อไปถ้ามีโอกาส

ตอนนี้สิ่งที่มองเห็นในสายตานอกจากท้องฟ้าแล้วก็มีแค่ต้นไม้เขียวชะอุ่มรอบด้าน ผมรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้มานานจนแทบลืมไปแล้วว่าธรรมชาติจริงๆเป็นแบบไหน

ยิ่งขึ้นมาสูงเท่าไหร่อากาศก็ยิ่งหนาวมากเท่านั้น ผมไม่ค่อยชินกับอากาศหนาวเพราะอยู่ในเมืองมาหลายปี ต่างจากคนข้างๆที่เดินชิวๆโดยสิ้นเชิง โซโล่อยู่เมืองนอกมาตลอด ไม่แปลกที่เขาจะเคยชินกับอากาศแบบนี้ เผลอๆอาจจะหนาวน้อยกว่าที่ๆเขาเคยอยู่ด้วยซ้ำ

"หนาวมากไหม"คนขี้ห่วงถามเป็นรอบที่สาม ทั้งที่รู้ว่าถามไปก็ทำอะไรไม่ได้ ผมถูกจับใส่เสื้อหลายทับจนใส่มากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว

"นิดหน่อยครับ"เอาจริงๆที่ตัวก็พอจะอุ่นอยู่หรอก แต่มือนี่เย็นจนจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว

"คุณลุงบอกว่าจะถึงแล้วครับ"คุณเจย์ที่เดินนำอยู่ด้านหน้าหันมาบอก ผมพยักหน้ากลับไปเพราะรู้สึกเหมือนเวลาพูดทีไรปากสั่นเสียงสั่นทุกที

"กีตาร์"โซโล่เรียกเบาๆ ดึงมือผมไปจับไว้แล้วหันมาทำหน้าดุใส่ "มือเย็นแล้วไม่บอก ผมเพิ่งเห็นว่าเสื้อกีตาร์ไม่มีกระเป๋า"

ผมไม่ตอบอะไรแต่ใช้สองมือจับมืออีกคนแน่น พอได้จับมืออุ่นๆแล้วก็เหมือนจะได้รับการถ่ายทอดความอุ่นมาด้วย

"ทำไมมือโซไม่เย็น"ผมมองดูแล้วเสื้อกับกางเกงเขาก็ไม่มีกระเป๋า แถมยังใส่เสื้อแขนยาวทับแค่ชั้นเดียวด้วยซ้ำ

"ผมชิน...อีกอย่างมันก็ไม่ได้อุ่นขนาดนั้นหรอก แต่เพราะมือกีตาร์เย็นเกินไปต่างหาก"

ผมพยักหน้า รู้สึกเหมือนจะพูดต่อไม่ไหวแล้ว โซโล่เองก็เข้าใจและไม่ได้ถามอะไรอีก เขาแค่เดินจับมือผมไปตามทางเรื่อยๆ สุดท้ายผมก็ได้แต่เดินตามมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย จนในที่สุดก็มองเห็นกลุ่มคนอยู่ไกลๆ พวกเขากำลังชูไม้ชูมือเรียกพวกเรา

"พวกนั้นมารอรับครับคุณ"ลุงหมายหันมาบอกพร้อมรอยยิ้ม

ยิ่งเราเดินเข้ามาใกล้เท่าไหร่ผมก็ยิ่งเห็นกลุ่มคนตรงนั้นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ มีผู้หญิงวัยกลางคนยืนอยู่ตรงนั้น ข้างๆกันคือกลุ่มเด็กต่างวัยกันเกือบยี่สิบคน พวกเขาใส่เสื้อผ้าเก่าๆ สวมเสื้อหนาวทับกันแค่คนละตัว ทั้งที่ดูน่าจะหนาวแต่เด็กพวกนั้นกลับยิ้มแย้มโบกมือมาให้อย่างอารมณ์ดี

ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ตัวเองก็เคยอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกัน แต่ผมโชคดีที่มีโอกาส มีแม่ใหญ่คอยสนับสนุนจนมาถึงวันนี้ได้

"กีตาร์..."มือที่จับมือผมไว้ออกแรงบีบน้อยๆจนผมรู้สึกตัว โซโล่มองมาด้วยความเป็นห่วง คงเพราะเห็นผมเหม่อและหยุดเดิน "ไม่เป็นไรนะ"

"ไม่ครับ"ผมส่ายหน้า ยิ้มน้อยๆให้เขาสบายใจแล้วรีบออกแรงลากคนที่ยืนนิ่งให้เดินต่อ

"ครูๆ...ครูมาแล้ว!"

"เขาเป็นแขก ไม่ใช่ครู!"

คุณป้าที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเด็กๆหันมายิ้มขอโทษพวกผม ท่านปรามให้พวกเด็กๆอยู่นิ่งๆแล้วเดินเข้ามาหา

"ลูกหลานครูใหญ่ใช่ไหมจ๊ะ"

ผมกำลังจะตอบว่าใช่ แต่ก่อนจะได้ทำอย่างนั้นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆสองคนก็วิ่งเข้ามาจับมือผมเขย่าไปมาเสียก่อน

"ครูๆผมท่อง ก.ไก่ ถึงฮ.นกฮูกได้แล้วนะ"

"ผมก็ท่องได้แล้ว"

ผมฟังสำเนียงแปร่งๆของเด็กๆด้วยรอยยิ้ม ถึงจะฟังดูแปลกและไม่ชัดไปบ้างแต่ก็รู้เรื่องว่าพูดอะไร คุณป้าทำท่าจะเข้ามาห้ามแต่ผมส่ายหน้ากลับไปเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ท่านจึงหยุดยืนอยู่ที่เดิม

ผมวางกระเป๋าที่สะพายลงกับพื้น ขยับตัวนั่งยองๆให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกับเด็กสองคนที่มองมาตาแป๋ว

"ทำไมถึงเรียกพี่ว่าครูล่ะครับ"

"ก็ครูเป็นครูนี่ ครูใหญ่บอกว่าคนที่จะขึ้นมาหาจะมาสอนหนังสือพวกเรา"

"เดี๋ยวป้าอธิบายให้ฟังเองจ้ะ...ไปเล่นกันก่อนไป!"คุณป้าเดินเข้ามาห้าม ช่วยดึงมือเด็กสองคนออกไปจากผม

"แต่พวกเราอยากเรียนแล้วนะยาย!"น้องผู้ชายอีกคนตะโกนมาจากในกลุ่ม ท่าทางเหมือนไม่อยากให้รู้ว่าใครพูด แต่เพราะตัวสูงกว่าคนอื่นเลยถูกคุณป้าชี้หน้าคาดโทษอย่างรวดเร็ว

"ไอ้พวกนี้!จะไม่ให้เขาพักกันเลยหรือไง...ไปๆไปช่วยเก็บผักไป"คุณป้าโบกมือไล่ พอโดนนิ่งใส่ก็ยกไม้ที่ถือไว้แต่แรกขึ้น กลุ่มชนถึงได้แตกกระจายกันไปคนละทิศคนละทางจนเหลือแค่พวกผมที่ยังยืนอยู่

"ขอโทษด้วยนะจ๊ะ...ไอ้พวกนี้มันอยากเรียนหนังสือมากจริงๆ"คุณป้าหันมายิ้มใจดีให้พวกผม พาเดินแยกจากพวกลุงหมายมาทางตรงข้ามกับที่พวกเด็กๆวิ่งไป

"คุณป้าพูดชัดจังเลยนะครับ"ผมชวนคุย ปล่อยให้โซโล่เดินตามกับคุณเจย์อยู่ด้านหลัง

"เรียกป้าจิตก็ได้จ้ะ...ป้าเคยเป็นคนในเมืองมาก่อน พูดได้แต่เขียนไม่ได้หรอก อย่างดีก็ทำได้แค่สอนพวกมันพูด อยากให้พวกมันรู้ภาษาเผื่อวันหน้ามีอะไรจะได้คุยกับเขารู้เรื่อง"

"อ๋อ..."ผมเห็นด้วยกับความคิดนั้นไม่น้อย ถ้าวันใดวันหนึ่งมีปัญหาหรือได้ลงไปทำงานที่เมืองพวกเด็กๆจะต้องเอาตัวรอดได้ดีกว่าแน่นอนถ้ารู้ภาษา

"นอกจากป้า ไอ้หมายแล้วก็ไอ้มั่น คนที่เหลือก็เป็นชาวเขาหมด คนที่นี่ฝึกพูดภาษากลางกันเป็นกิจวัตรเพราะอยากเข้ากับคนนอกได้ ถ้าคำไหนฟังไม่ชัดก็ถามได้เลยนะจ๊ะ"

"ขอบคุณมากครับป้าจิต"

ป้าจิตเดินนำผมมาจนถึงหน้าบ้านไม้ไผ่หลังไม่ใหญ่นัก อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านอีกฝั่งที่ผมเห็นตอนขึ้นมา แต่ก็ถือได้ว่าแยกตัวเป็นเอกเทศพอควร รอบด้านเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวที่ให้ความรู้สึกสดชื่น หน้าบ้านมีที่นั่งพักซึ่งทำจากไม้ไผ่ น่าจะเอาไว้นั่งเล่นหรือนั่งคุย ถ้ามานั่งดูตอนกลางคืนคงจะเห็นดาวชัดเจน

"นี่เป็นบ้านของครูใหญ่..."

ผมชะงักเท้า สายตาหันมามองป้าจิตที่กำลังทำหน้าเศร้าโดยอัตโนมัติ วินาทีที่ความคิดของผมกำลังจะล่องลอย ฝ่ามืออบอุ่นคุ้นเคยก็ขยับมากอบกุมไว้อีกครั้งจนรู้สึกตัว โซโล่กำลังกวาดสายตามองไปรอบด้านอย่างสำรวจ ดูเหมือนที่เข้ามาจับมือจะเป็นสัญชาติญาณหมาฮัสกี้…อย่างกับจับสำรวจได้ว่าผมกำลังรู้สึกไม่ดี

หลังจากเอากระเป๋าเข้าไปเก็บพวกผมก็ออกมานั่งคุยกับป้าจิตด้านนอก ป้าจิตบอกว่าที่นี่ไม่ค่อยจะมีใครมาเพราะไม่เป็นที่รู้จัก ถึงจะพูดได้เพราะมีป้าจิตกับลุงสองคนช่วยสอนพูด แต่ก็ไม่มีความกล้าพอจะไปคุยกับใครในเมือง ทั้งยังไม่มีความรู้ จะแนะนำที่นี่ให้คนรู้จักก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

“ที่นี่ไม่มีไฟฟ้ากับน้ำประปาใช้หรอกนะลูก ถ้าอยากอาบน้ำก็เดินไปที่ลำธาร เอาไว้เดี๋ยวป้าจะให้เด็กๆมันพาไปดูอีกที แล้วนี่จะมาอยู่กันกี่วันล่ะ ครูใหญ่บอกว่าสักอาทิตย์ใช่ไหม”

“ผมยังไม่แน่ใจครับ บางทีอาจจะสองอาทิตย์”ผมตอบเสียงค่อย ในใจกำลังนึกว่าควรจะถามในสิ่งที่สงสัยออกไปไหม แต่สุดท้ายก็ห้ามความอยากรู้ของตัวเองไม่ได้อยู่ดี “ป้าจิตครับ ไม่ทราบว่าแม่ใหญ่ท่าน…”

ผมเงียบไปเมื่อไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรต่อ มันมีความสงสัยมากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรออกมาก่อน ป้าจิตยิ้มให้ผมเหมือนเข้าใจดีว่าผมอยากจะพูดอะไร

“ครูใหญ่แกบอกทุกคนไว้ก่อนจะเข้าโรงพยาบาล…บอกว่าลูกของแกจะมาที่นี่ บอกว่าถ้ามาแล้วให้ช่วยดูแลให้ที”

“แม่ใหญ่รู้ตัวอยู่แล้วใช่ไหมครับ…ว่าท่านจะไป”ผมยิ้มเศร้า มองเข้าไปในบ้านที่ท่านเคยอยู่

“ไม่ใช่แค่ท่านรู้หรอก…แต่เราทุกคนรู้ต่างหาก”ป้าจิตจับมือผมไว้ ส่งรอยยิ้มใจดีมาให้ “หนูพร้อมจะฟังจริงๆหรือเปล่าลูก”

“กีตาร์…”โซโล่เรียกเบาๆ พอผมหันไปมองเขาก็ส่ายหน้าให้ เหมือนจะบอกว่าถ้ายังไม่ไหวก็อย่าฝืน

“พี่โอเคครับ…”ผมยิ้มจากใจจริง ไม่ได้ฝืนแต่อย่างใด ผมอยากรู้จริงๆว่าท่านใช้ชีวิตแบบไหน ท่านทำอะไรหรือเป็นอะไรบ้าง “บอกผมเถอะครับป้าจิต”

ป้าจิตพยักหน้าทอดสายตาออกไปด้านนอก แล้วเริ่มพูดขึ้นช้าๆราวกับกำลังนึกถึงวันเก่าๆ

“ตอนครูใหญ่มาที่นี่เมื่อสี่ปีก่อนท่านยังแข็งแรงอยู่เลย ดูเหมือนคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำจนร่างกายแข็งแรง…”

ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนเจ็บ รู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะท่านออกกำลัง แต่เป็นเพราะท่านทำงานหนักจนชิน ที่ดูไหวก็ฝืนตัวเองทั้งนั้น เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งช่วงที่พาผมออกมาอยู่กันสองคนท่านยิ่งทำงานหนัก ถ้าไม่ได้คนที่รู้จักรับท่านทำงานก็ไม่รู้จะมีใครยอมให้คนอายุมากแบบท่านทำงานอีก

“ตอนแรกพวกป้าก็เป็นห่วง เห็นว่าแกอายุมากแล้วแล้วยังจะมาช่วยสอนเด็กๆอีก กลัวว่าแกจะไม่ไหว แต่เพราะแกทำตัวเหมือนคนอายุห้าสิบหกสิบเดินไปนั่นไปนี่สบายๆเลยไม่มีใครสงสัยอะไร พวกเราเริ่มรู้กันเมื่อปีก่อน…ไอ้จามันเห็นครูใหญ่ไอหนัก ทำท่าจะไม่ไหว พอถามแกก็บอกว่าเป็นโรคคนแก่ ให้เข้าเมืองยังไงก็ไม่ยอมไป พวกเราได้แต่เชื่อเพราะไม่รู้จะบังคับยังไง”

ผมหลุบตาลงต่ำ ไม่อยากมองหน้าป้าจิตที่กำลังเศร้า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสิ่งที่ท่านจะพูดต่อไปต้องไม่ใช่เรื่องดี

“จนเมื่อครึ่งปีก่อนแกก็อาการแย่ลง เดินเหินไม่ได้เหมือนปกติ เด็กๆมันก็คิดว่าครูใหญ่ของมันไม่สบาย ขนหนังสือหนังหาจากห้องเรียนมาหาที่นี่ ให้ครูใหญ่แกสอนที่นี่แทน เพราะแกยังพูดไหวอยู่ถึงยังพอสอนเด็กๆได้ กลางคืนก็ผลัดกันมานอนเฝ้า ช่วยป้อนข้าวป้อนน้ำให้แก จนเมื่ออาทิตย์ก่อนครูใหญ่ลุกขึ้นเดินออกมาจากบ้าน พวกเราดีใจกันมาก แกบอกว่าถ้าลูกแกจะมาที่นี่ให้ช่วยดูแลแทนที…แล้วแกก็ล้มลง”

ผมหลับตาลง ไม่อยากนึกภาพตามเหตุการณ์ที่ป้าจิตพูด ความรู้สึกวูบโหวงในอกทำให้ผมเลือกที่จะเบนความสนใจไปที่คำถามอื่นแทน

“แม่ใหญ่ฝากบอกอะไรผมอีกหรือเปล่าครับ…”

“ไม่มีหรอกลูก”

“แล้ว…ตอนอยู่ที่นี่ท่านทำอะไรบ้างเหรอครับ”

“ถ้าหนูหมายถึงครูใหญ่ทำอะไรเพื่อพวกเราบ้าง…”ป้าจิตทอดสายตาออกไปด้านนอก ผมมองตาม เห็นเด็กๆกว่าสิบคนกำลังวิ่งมาทางนี้ “มันมากมายจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้หรอก”

“…”

“หนูคงต้องไปดูด้วยตาตัวเองถึงจะเข้าใจ”

“ครู!”

“ครู…เราเอาข้าวมาให้”

ผมละสายตาจากเด็กๆที่วิ่งมาหา หันกลับมามองป้าจิตที่กำลังยิ้ม

“ลองสัมผัสดูสิลูก…”ท่านลุกขึ้นเดินจากไปพร้อมคำพูดที่ทิ้งไว้ในใจผม

“ทำไมครูคนนี้สูงจังอะ”

“คนนี้สีหัวแปลกจัง”

ผมมองภาพฝูงเด็กที่เข้าไปรุมโซโล่กับคุณเจย์ด้วยรอยยิ้ม เห็นคุณเจย์เล่นกับเด็กๆแล้วก็สบายใจ แต่พอหันกลับมามองหมาหน้านิ่ง…ดูเหมือนเขาจะเป็นที่รักของเด็กตัวเล็กๆมาก ถึงได้มีแต่เด็กอายุน้อยๆปีนตัวไปมาจนดูน่าปวดหัว ซึ่งคนที่โดนปีนก็ทำตัวเป็นหุ่นขี้ผึ้งยอมนั่งนิ่งๆแต่โดยดี

“นี่…”

ผมหันมาตามเสียงเรียก เห็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักอายุราวห้าหกขวบกำลังกัดเล็บมอง มือข้างหนึ่งดึงแขนเสื้อผมเป็นเชิงเรียก บนตักมีตุ๊กตาพระจันทร์สีเหลืองเก่าๆวางอยู่

“ครูใหญ่ไปไหน…”

ผมเงียบไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนั้นว่าอะไร สุดท้ายก็เริ่มจากการดึงมือเล็กๆนั้นออกจากปาก รีบใช้อีกมือลูบหัวน้อยๆเมื่อน้องทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ พอผมยิ้มให้เขาก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ

“ครูใหญ่อยู่บนฟ้าครับ”ผมหัวเราะเมื่อตากลมๆนั่นรีบมองขึ้นไปบนฟ้าตามคำที่ผมพูด

“ไม่เห็นมีเลย”ผมดึงเขามานั่งตักแล้วลูบหลังปลอบเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเริ่มเบะปากทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ และนั่นทำให้ผมเห็นชื่อที่เขียนอยู่บนปกเสื้อสีขาวของน้อง

‘น้องมูน’

ผมดันตัวน้องออกเบาๆ ช่วยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้ เพิ่งจะสังเกตว่าน้องใส่เสื้อที่มีรูปพระจันทร์อยู่ด้านหน้า ถึงจะเก่าไปหน่อยแต่ก็ดูเข้ากับชื่อดี

“มูนแปลว่าอะไรรู้ไหมครับ”

“รู้ครับ…มูนแปลว่าพระจันทร์”น้องมูนตอบเสียงน่ารัก ใบหน้ายิ้มเหมือนภูมิใจในชื่อตัวเอง “ครูใหญ่บอกว่าให้ชื่อมูน…ให้มูนเป็นพระจันทร์ที่ดูเย็นตา ทำให้ทุกคนสบายใจ”

“น้องมูนอายุเท่าไหร่แล้วครับ”ผมถามอย่างแปลกใจ ดูแล้วน้องน่าจะอายุมากกว่าสี่ขวบ แม่ใหญ่เพิ่งมาอยู่ที่นี่สี่ปี แล้วทำไมถึงตั้งชื่อให้น้องได้

“หกขวบครับ…ครูชอบชื่อมูนไหม”

“ชอบครับ”

“มูนก็ชอบ จาบอกว่าแม่ไม่รักมูนเลยไม่ยอมตั้งชื่อให้ ทุกคนเรียกแต่ไอ้ขาวๆเพราะมูนตัวขาว”น้องมูนทำหน้าบึ้งเหมือนไม่พอใจ แต่มันกลับดูน่ารักเสียเหลือเกิน

“ทำไมพูดถึงคุณแม่อย่างนั้นล่ะครับ”

“ก็แม่ไม่รักมูน…ไม่อย่างนั้นจะทิ้งมูนไปเหรอครับ”น้องมูนเอียงคอเหมือนไม่เข้าใจ ผมเงียบไปกับคำพูด ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจน้อง แต่เพราะเข้าใจดีต่างหากถึงรู้ว่าไม่ควรพูดถึงมัน

“น้องมูนเคยเห็นพระจันทร์ไหมครับ”ผมถามเสียงอ่อนโยน ยื่นมือไปลูบหัวเล็กๆเบาๆเมื่อน้องทำหน้านึกตาม

“ครูใหญ่เคยให้มูนดู…แต่ก็นานมากแล้ว ครูใหญ่ไม่ยอมลุกจากที่นอนเลย มูนไม่อยากดูพระจันทร์คนเดียวเลยรอดูพร้อมครูใหญ่…แล้วครูใหญ่จะกลับมาตอนไหนครับ”

ผมได้แต่ยิ้มเพราะไม่รู้ว่าจะตอบแบบไหน ในขณะที่กำลังคิดว่าจะเลือกคำตอบที่ทำให้น้องสบายใจตัวน้องมูนก็ถูกอุ้มออกไปจากตักผมเสียก่อน

“โซ?”

โซโล่ที่กำลังยืนอุ้มน้องมูนอยู่มองมาที่ผมแล้วยิ้มนิดๆ ผมลุกขึ้นยืนตาม หันไปมองอีกทางแล้วเห็นว่าเด็กๆกำลังนั่งเรียงแถวฟังคุณเจย์พูดอยู่ก็สบายใจ รีบเดินตามโซโล่ที่อุ้มน้องมูนออกไปด้านนอก

“มูนแปลว่าพระจันทร์ใช่ไหม”

ผมยืนพิงต้นไม้แอบมองคนที่กำลังคุยกับเด็กด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดูจากท่าอุ้มก็รู้แล้วว่าเจ้าหมานั่นต้องไม่เคยดูแลเด็กแน่นอน ใบหน้านิ่งๆฉายแววยุ่งยากใจ เขาวางน้องมูนลงกับพื้น เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักเพื่อตอบคำถาม

“ครูใหญ่จะไม่กลับมาแล้ว”

“โซ…”ผมเรียกด้วยความตกใจ แต่โซโล่หันมาหาแล้วยกมือห้าม ไม่ยอมให้ผมเดินเข้าไปปลอบน้องที่เริ่มเบะปาก ผมได้แต่มองด้วยความไม่สบายใจ ไม่อยากให้น้องร้องไห้แต่ก็คิดว่าเจ้าหมาคงมีวิธีจัดการอยู่แล้ว

"อย่าร้องไห้ง่ายๆสิ"คนที่กำลังทำหน้าบึ้งจนน้องกลัวกว่าเดิมว่าแล้วคุกเข่าลง ใช้มือเช็ดน้ำตาให้น้องป้อยๆ "เดี๋ยวครูใหญ่ก็เสียใจหรอก"

"ฮึก...ครู"น้องมูนเม้มปาก หลับตาปี๋เหมือนจะกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

"อยากเจอครูใหญ่ใช่ไหม..."

"ครับ"

"คืนนี้มาหา...เดี๋ยวพาไปเจอ"

"จริงนะ!"เด็กชายตัวเล็กทำหน้าตื่นเต้น พอโซโล่พยักหน้าก็วิ่งไปวิ่งมาอย่างอารมณ์ดี

โซโล่หันมาสบตาผมเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร เขาปล่อยให้น้องมูนวิ่งกลับไปรวมกับเพื่อนๆเหมือนเดิมแล้วเดินมาหาผม

"เด็กคนที่โตที่สุดในกลุ่มบอกว่ามูนติดครูใหญ่ที่สุด"โซโล่มองไปทางบ้าน ตอนนี้คุณเจย์กำลังพูดอะไรสักอย่างที่ทำให้เด็กๆหัวเราะกันเสียงดัง "ผมไม่อยากให้กีตาร์โกหกว่าคุณแม่จะกลับมา"

"แต่เขายังเด็ก..."

"เด็กก็มีสิทธิ์รู้ความจริง...ผมไม่ได้จะปล่อยให้เขาร้องไห้ ไม่ได้จะทำร้ายจิตใจ แต่มันมีวิธีที่จะทำให้เขารู้สึกดีได้โดยไม่ต้องโกหก ถ้าโกหกไปแล้วครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อไปเรื่อยๆ น้องคนอื่นๆยังไม่พูดถึง เด็กคนอื่นๆเข้าใจว่าครูใหญ่ของพวกเขาจะไม่กลับมาแล้ว พอมีคนมาสอนหนังสือแทนก็ไม่ได้ถามต่อหรือสงสัยอะไร แต่ถ้ามูนไปร้องไห้เพราะเรื่องครูใหญ่ให้เด็กๆเห็นพวกเขาคงคิดตาม เผลอๆอาจจะร้องไห้ตามกันไปด้วย"

ผมคิดตามสิ่งที่เขาพูด ที่พาน้องมูนออกมาก็คงเพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็นน้องร้องไห้เพราะเรื่องแม่ใหญ่ โซโล่ดูจริงจังกับเรื่องนี้มากจนผมมองใบหน้าที่ดูนิ่งผิดปกติของเขาด้วยความกังวล

"ผมรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วพอมารู้ความจริงทีหลังมันจะเจ็บปวดแค่ไหน"

"โซ..."ผมแตะนิ้วเย็นเฉียบลงบนฝ่ามือของคนที่ยืนนิ่ง เขารู้สึกตัว หันมายิ้มให้แล้วจูงมือผมเข้าไปด้านในโดยไม่พูดอะไรต่อ

"มาทานข้าวกันเถอะครับ เด็กๆบอกว่าพวกชาวบ้านทำมาให้เรา"คุณเจย์กวักมือเรียก มีเด็กๆนั่งเรียงแถวมองอยู่ด้านหลัง ด้านหน้าของเขาเป็นปิ่นโตที่ใส่กับข้าวเอาไว้สำหรับสามคน

“แล้วเด็กๆทานกันแล้วเหรอครับ”ผมหันไปถามเด็กๆที่นั่งตัวตรงอยู่ด้านหลังคุณเจย์ หนึ่งในนั้นมีน้องมูนที่ตัวเล็กที่สุดอยู่ด้วย พวกเขาพยักหน้าหงึกหงัก ท่าทางตั้งอกตั้งใจจนผมอดขำไม่ได้ “นี่มันอะไรกันครับคุณเจย์…เหมือนหัวหน้าฝูงเลย”

“ให้พวกเขาอธิบายดีกว่าครับ…ในฐานะพี่คนโต จาไหนลองอธิบายชัดๆสิ”

“ครับเฮีย”เด็กผู้ชายที่ตัวสูงกว่าเพื่อนขยับตัวมาด้านหน้า ท่าทางนั่งเรียบร้อยจนหมดมาดลิงภูเขาตอนแรกไปเลย

“เฮีย?”โซโล่ทวนคำ มองไปที่คุณเจย์ด้วยสายตาสงสัย

“เฮียบอกให้เรียกว่าเฮียแล้วถึงจะช่วยคุยกับครูให้…”

“เฮ้ย!ตกลงกันว่าไง!”คุณเจย์หันไปปิดปากน้องจาไว้แล้วหันมายิ้มแห้งให้พวกผม “คือ…ผมแค่อยากให้มีคนเรียกแบบนี้บ้าง”

ผมหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่สงสัยจะดังไปหน่อยทุกคนถึงได้หันมามองกันเป็นแถบ โซโล่ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ หันไปมองคุณเจย์ด้วยสายตาล้อเลียน

“ถ้าเจย์เป็นเฮีย…พ่อผมต้องเป็นเจ๊ใช่ไหม”

“คุณชาย!”คุณเจย์ทำหน้าตาตกใจ มองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวใครจะได้ยิน ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนได้ยินกันหมด พอเขาหันมาสบตาผมที่กำลังมองกลับไปด้วยสายตาขบขันก็รีบมองไปอีกทางทันที หน้าขาวๆตามแบบฉบับฝรั่งแท้ขึ้นริ้วแดงจนเห็นชัดเจน “จา…รีบอธิบายเร็ว”

“ครับๆ”น้องจาทำหน้างง เหมือนจะไม่เข้าใจผู้ใหญ่ที่รีบเปลี่ยนเรื่องแต่ก็ยอมเชื่อฟัง “เฮียบอกว่าถ้าพวกเราทำตัวดีๆครูจะสอนหนังสือพวกเรา”

“สอนหนังสือ?”

“ใช่ๆ พวกเราอยากเรียนหนังสือแล้ว ผมทำการบ้านเสร็จแล้วนะครู”น้องผู้ที่ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังน้องจาพูดขึ้นมา สิ้นเสียงของเขาแล้วเด็กคนอื่นๆก็ส่งเสียงดังกันใหญ่ พยายามจะหยิบสมุดยื่นมาให้ผมดู บางคนที่โตหน่อยก็ส่งเสียงภาษาบ้านเกิดออกมาจนผมงงว่าเขาพูดอะไร

“บอกให้ทำตัวเรียบร้อยแล้วอ้อนดีๆไงไอ้พวกลูกแกะ”คุณเจย์หันไปดุจนเด็กๆที่ดูดี๊ด๊ากลับมานั่งหลังตรงจ้องผมตาแป๋วเหมือนเดิม

“ครู…เฮียบอกว่าครูอยู่ได้สองอาทิตย์ สอนพวกผมหน่อยนะครับ”

“นะครับครู”

“นะครับ”

พอพูดนะครับกันจนครบทุกคน พวกลูกแกะที่คุณเจย์เรียกก็จ้องผมกันใหญ่ ทำตัวเหมือนกำลังรอคำตอบ แม้แต่เจ้าหมาก็หันมามองผมด้วยสายตาแบบเดียวกับพวกเด็กๆ

จริงๆที่ผมมาที่นี่ก็เพราะแม่ใหญ่อยู่แล้ว ถ้าช่วยอะไรได้ก็อยากจะช่วย ผมอยากจะทำทุกอย่างที่แม่ใหญ่เคยทำด้วยซ้ำ

“ได้สิครับ พี่จะสอนพวกเราเอง”

“เย้!”

ผมมองภาพเด็กๆที่กำลังดีใจด้วยรอยยิ้ม แต่ก็อดห่วงไม่ได้…ไม่รู้ว่าถ้าพวกผมกลับไปแล้วใครจะมาสอนหนังสือพวกเขาแทน ลำพังพวกชาวบ้านก็คงสอนได้แค่ภาษาพูดของคนเมืองเท่านั้น

“อย่าคิดมาก”เสียงจากคนข้างๆทำให้ความกังวลของผมเบาบางลง รู้สึกตัวว่าไม่ควรกังวลกับอะไรที่ยังมาไม่ถึง ทุกปัญหาต้องมีทางออกแน่นอน ผมหันไปพยักหน้าให้โซโล่ เขามองกลับมา ยกมือโยกหัวผมเบาๆแล้วหันไปอุ้มน้องมูนที่เดินเข้ามาหา

ดูเหมือนจะติดเจ้าหมานี่แล้วสิเนี่ย

“แต่วันนี้ขอพี่สำรวจที่นี่ก่อนได้ไหมครับ”ผมพูดตัดเสียงโหวกเหวก เด็กๆหันมาพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะพากันออกไปวิ่งเล่นด้านนอก ปล่อยให้พวกผมนั่งกินข้าวกัน มีแค่น้องมูนที่ยังนั่งตักโซโล่กอดตุ๊กตาพระจันทร์ไม่ยอมลุกไปไหน

“ไปสนิทกับพวกลูกแกะเฉยเลยนะครับคุณเจย์”ผมหันไปแซวคนที่กำลังนั่งกินข้าว เขาหัวเราะเสียงดัง ดูอารมณ์ดีต่างจากตอนปกติ เหมือนกับเขาทิ้งทุกอย่างไว้ที่เมืองตามที่ตัวเองเคยพูดจริงๆ

“เห็นแล้วนึกถึงคุณชายตอนตัวเล็กๆน่ะครับ ซนเหมือนกันไม่มีผิด นี่ก็เหมือนมีคุณชายวิ่งไปวิ่งมาหลายๆคน”คุณเจย์ยิ้มอารมณ์ดี ส่วนคนที่โดนพูดถึงก็นั่งหน้าบูดเป็นตูดลิง

“ผมไม่ซนสักหน่อย”โซโล่เถียงไม่เต็มเสียงนัก

“แล้วคุณกีล์จะสอนไหวเหรอครับ”

ผมไม่ตอบคำถามคุณเจย์แต่หันไปจ้องตากับน้องมูนแทน เจ้าตัวเล็กกระพริบตาปริบๆก่อนจะวางตุ๊กตาไว้บนตักโซโล่แล้วเดินไปหาคุณเจย์ พอเขามองอย่างไม่เข้าใจน้องมูนก็ทรุดตัวลงนั่งตักแล้วเงยหน้ายิ้มให้

“ครูเฮีย”

“จริงๆผมคนเดียวก็น่าจะไหวนะครับ ก็ขนาดแม่ใหญ่ยังไหวเลย…แต่ดูเหมือนน้องจะเรียกคุณเจย์ว่าครูไปด้วยเสียแล้ว”ผมส่งยิ้มกว้างไปให้ คนโดนยัดเยียดยังดูงง แต่พอก้มหน้ามองน้องมูนก็หลุดยิ้มออกมา

“ครับผม…ครูก็ครู แต่อย่าขึ้นเสียงสูงมากนะ”คุณเจย์ขยี้หัวน้องมูนจนยุ่งเหยิง สุดท้ายก็ต้องมานั่งจัดทรงให้น่ารักเหมือนเดิม

“ครูๆไปเดินเล่นกัน!”

ผมหันไปมองโซโล่กับคุณเจย์เป็นเชิงถามเมื่อมีเด็กคนหนึ่งหันมาตะโกนเรียกเรา พวกเขาพยักหน้าตอบรับ ช่วยกันเก็บปิ่นโตเข้าที่แล้วลุกขึ้นยืน

สายตาของเด็กๆที่กำลังยืนรออยู่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ พวกเขาดูตื่นเต้นและดีใจมากจนผมอดรู้สึกดีตามไม่ได้ แม้แต่โซโล่กับคุณเจย์ก็ดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเด็กๆที่บริสุทธิ์พวกนี้กำลังช่วยให้เราลืมเรื่องแย่ๆในใจโดยไม่รู้ตัว

แต่บางทีอาจจะไม่ใช่แค่เด็กๆ…คงเป็นบรรยากาศและความเป็นธรรมชาติทุกอย่างของที่นี่ทั้งหมด

ผมจะลองสัมผัสสิ่งที่แม่ใหญ่ทำให้คนที่นี่ทีละนิด

เด็กๆที่สดใสพวกนี้คงจะเป็นก้าวแรกของผม…ในการเข้าไปรู้จักกับความฝันอันยิ่งใหญ่ของแม่ใหญ่

--------------------------------------

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-02-2017 23:59:50
จะร้องไห้อ่ะ T^T
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 25-02-2017 00:14:02
น้องมูนน่ารักกจังง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 25-02-2017 00:32:16
คุณเจย์เป็นเฮีย คุณพ่อเป็นเจ๊
 :impress2: ว้าววว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 25-02-2017 00:41:01
เป็นกำลังใจให้ทุกคน คนเขียนด้วยน้าาา   :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-02-2017 01:14:36
เด็กๆน่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 25-02-2017 01:16:07
เพิ่งเข้ามาอ่าน ขอติดตามด้วยคนนนนน

ฉากแม่ใหญ่ทำเอาเราร้องไห้เลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 25-02-2017 02:47:31
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
มันดูละมุนในช่วงเวลาหม่นๆ
พี่กีล์สู้ๆ โซโล่สู้ๆ


พี่เจย์เป็นเฮีย นึกภาพพ่อโซเป็นเจ๊ โอ้ม่ายยยยยยย :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 25-02-2017 07:30:28
อ่านแล้วมันรู้สึกละมุน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 25-02-2017 08:36:52
น้องมูนน่าเอ็นดูมากๆ >\\\<
กีล์สู้ๆนะ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีนะกีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-02-2017 15:25:12
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 25-02-2017 19:32:36
ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
คือมันจุกไปหมดเลย

มันเศร้านะ เศร้าตั้งแต่คุณแม่เสียนั่นล่ะ
แต่พอมาถึงตอนนี้ เรากลับยิ้มได้ ยิ้มทั้งน้ำตาเลย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอนะ ขอบคุณมากค่ะ :')
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 25-02-2017 21:09:23
อิ่มใจ  แม่ก่อลูกสานต่อ แม้จะเพียงเวลาสั้นๆที่กีล์จะทำตามรอยแม่แต่มันดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-02-2017 21:14:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 26-02-2017 08:50:05
สู้ๆนะกีล์ เป็นตอนที่บีบคั้นอารมณ์มาก
สงสารกีล์ ดีนะที่โซโล่มาไว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Dezzerr ที่ 26-02-2017 15:20:38
เอาใจช่วยกีตาร์น้าาา เจ้าฮัสกี้โตขึ้นเป็นหลักยึดให้กีล์ได้แล้ว น้ำตาจะไหล  :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-02-2017 16:50:42
มันเป็นความอบอุ่นแบบปนน้ำตาอ่ะ
อ่านไปเช็ดน้ำตาไป ไม่มีคนเช็ดให้เหมือนกีล์นินะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 26-02-2017 18:05:00
คนเขียนทำเราเสียน้ำตาไปหลายตอนแล้วนะคะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: 1andonly ที่ 26-02-2017 20:54:34
It's a good story. Very touching. And.....I love Eunwoo, ASTRO.
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 27-02-2017 17:53:55
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER32 P.23 [24/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 27-02-2017 18:38:47
-33-

 

"นี่ๆครูอาบน้ำตรงนี้ได้เลย" น้องจาชี้ไปที่ลำธารที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านของผมนัก เดินมาไม่กี่นาทีก็ถึง แต่ถึงจะพยักหน้าเข้าใจหรืออะไรก็ตาม ผมก็ยังทำใจอาบน้ำไม่ลงอยู่ดี

"พวกเราก็อาบกันตรงนี้เหรอครับ"ผมหันไปถามน้องจา แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นว่าเจ้าตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆกำลังเดินดุ๊กดิ๊กไปที่ลำธารก็เกือบจะพุ่งตัวเข้าไปหา ดีที่คนข้างๆผมไวกว่า โซโล่อุ้มน้องมูนขึ้นมา ทำท่าเหมือนจะดุอะไรสักอย่างจนน้องเบะปาก พอเขาทำท่าจะปล่อยน้องลงพื้น น้องก็กอดคอแล้วเม้มปากแน่นเหมือนกำลังกลั้นน้ำตาสุดความสามารถ

"เปล่าครับครู ปกติบ้านพวกเราอยู่อีกฝั่งก็จะอาบกันฝั่งโน้น ไม่ค่อยมีใครมาอาบแถวนี้กันหรอก"

ผมพยักหน้าเข้าใจ ปล่อยให้น้องจาเดินไปเล่นกับเพื่อน ส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปหาพ่อหมากับลูกหมาที่ยืนกอดกันอยู่ น้องมูนไม่ร้องไห้แต่ตาแดงจนน่าสงสาร แขนเล็กๆกอดคอโซโล่ไม่ยอมปล่อย ผมก้มลงหยิบตุ๊กตาพระจันทร์ที่น้องปล่อยตกไว้ที่พื้นขึ้นมา ช่วยปัดเศษฝุ่นออกแล้วยื่นให้น้อง

"เป็นอะไรกันครับ"

"เด็กนี่ทำท่าจะวิ่งลงน้ำ พอดุก็ทำท่าจะร้องไห้"โซโล่หันมาตอบ เขาแค่อุ้มน้องไว้เฉยๆไม่ได้ลูบหัวลูบหลังปลอบอะไร "ผมเลยบอกว่าถ้าจะร้องก็ร้องไปคนเดียว"

"ใจร้ายจังเลย"ผมแกล้งว่า คราวนี้เจ้าหมาเบะปากบ้าง ยิ่งเห็นผมยื่นมือไปหาแล้วน้องโผเข้ามาให้ผมอุ้มแทน เจ้าหมาตัวโตก็ยิ่งหน้าบูด

"กีตาร์ใจดีไป เดี๋ยวก็นิสัยเสีย"

"พี่สงสารนี่นา"

เห็นเด็กๆแล้วก็นึกถึงช่วงที่ผมต้องดูแลน้องๆตัวเอง เพราะเป็นพี่คนโตถึงต้องสอนหรือคอยห้าม แต่พอน้องร้องไห้ทีไรก็ใจอ่อนยวบจนต้องปลอบอยู่ดี

"ผมถึงต้องคอยดุแทนไง"โซโล่ขยี้หัวน้องจนยุ่งเหยิง เจ้าตัวเล็กก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากหัวเราะคิกคักเหมือนกำลังสนุก

"น้องมูนอยู่กับใครครับตอนนี้"ผมเมินคนขี้บ่น หันมาถามน้องที่กำลังกอดตุ๊กตาแทน

"อยู่กับคุณยายจิตครับ"

"น้องมูนเป็นน้องชายของพี่จาเหรอครับ"ผมถามอย่างแปลกใจ เหมือนตอนแรกป้าจิตจะเคยบอกว่าน้องจาเป็นหลานของแก แต่ดูแล้วน้องสองคนหน้าไม่เหมือนกันเลยสักนิด

"เปล่าครับ"น้องส่ายหน้า ทำท่าทางครุ่นคิดจนแก้มป่อง "คุณยายบอกว่าน้องมูนไม่มีพ่อไม่มีแม่เหมือนคนอื่น แต่คุณยายจะเลี้ยงน้องมูนให้โตมาเป็นเด็กดีเอง"

ผมเงียบไปครู่หนึ่งจนคนข้างๆคงสังเกตเห็น โซโล่ยื่นมือมาแตะมือผมที่อุ้มน้องมูนอยู่ สัมผัสอุ่นๆที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ที่พักพิงทำให้สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

ผมไม่ได้เศร้าหรือเสียใจอะไรกับการไม่รู้จักพ่อแม่ตัวเอง อาจเพราะความเคยชินและตัวเองก็มีแม่ใหญ่อยู่แล้ว แค่คิดว่าเวลามองภาพน้องมูนแล้วเห็นน้องซ้อนทับกับตัวเองตอนเด็กๆก็เท่านั้น

"พวกลูกแกะ ไปต่อเร็ว!"คุณเจย์ตะโกนเรียกเด็กๆอยู่ไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ ผ่านไปครู่เดียวฝูงลูกแกะก็วิ่งเข้ามาหาอย่างว่าง่าย

"ยายบอกให้พาครูไปหาคนอื่นๆ"น้องผู้ชายคนหนึ่งดึงมือคุณเจย์ให้เดินตาม พวกผมเลยต้องเดินตามเขาไปด้วย

ตอนแรกผมไม่แน่ใจนักว่าคนอื่นๆที่ว่าหมายถึงใคร แต่พอได้เดินไปตามทางถึงได้รู้ว่าพวกเขาหมายถึงคนในหมู่บ้านที่กำลังทำงานกันอยู่

สถานที่แรกที่พวกผมเห็นเมื่อเดินตัดผ่านหมู่บ้านมาคือแปลงผักกว้างขวางที่ปลูกเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ตรงนั้นมีชาวบ้านกำลังทำงานอย่างแข็งขันอยู่หลายคนซึ่งหนึ่งในนั้นมีลุงมั่นอยู่ด้วย

"พ่อ!"เด็กคนหนึ่งวิ่งออกจากกลุ่มเข้าไปหาลุงมั่น

"มาทำอะไรไอ้เสา อ้อนครูได้แล้วหรือไง"ลุงมั่นยิ้ม ยกตัวน้องขึ้นสูงแล้วหมุนไปมาจนน้องหัวเราะเสียงดัง

"ครูบอกว่าจะทำความรู้จักกับที่นี่ก่อน พวกผมเลยพามาไงพ่อ"

ลุงมั่นพยักหน้า ท่านหันมาทางผมแล้วเดินเข้ามาหา พอเห็นว่าผมกำลังอุ้มน้องมูนอยู่ก็ลูบหัวน้องเบาๆ

"เด็กนี่มันขี้อ้อนหน่อยนะครับครู"

"ไม่เป็นไรครับ"ผมยิ้มให้ลุงมั่น วางน้องลงกับพื้น พอเห็นผมปล่อยลงร่างเล็กๆก็อุ้มตุ๊กตาเดินไปเกาะขากางเกงโซโล่ไว้แทน

"มาทางนี้สิครับครู"ลุงมั่นเรียก พาผมเดินเข้าไปใกล้แปลงผักมากขึ้น มีชาวบ้านหลายคนหันมาหา พวกเขาส่งเสียงทักทายด้วยภาษาไทยที่ไม่ชัดนัก แต่รอยยิ้มจริงใจบนใบหน้ากลับชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

"กว้างจังเลยนะครับ"ผมบอก ทอดสายตาออกไปยังแปลงผักที่กินพื้นที่มากพอควร

"เมื่อก่อนเป็นแค่แปลงเล็กๆเท่านั้นเองครับครู...มีแต่ผักที่เอาไว้เก็บทานเลี้ยงชีพกันไปวันๆ"

ผมมองผักใบเขียวที่ดูมีคุณภาพด้วยสายตาแปลกใจ

"ดูมีคุณภาพมากเลยนะครับ คนที่นี่เก่งมากเลย"

"ไม่ใช่หรอกครับ"ลุงมั่นส่ายหน้า ก้มลงหยิบดินที่พื้นขึ้นมาอย่างไม่รังเกียจ "คนที่นี่ไม่มีความรู้ ที่หากินทำกินได้ก็เป็นเพียงสัญชาติญาณ ดินดีแต่คนใช้ประโยชน์ไม่เป็นมันก็เป็นได้แค่ของตกแต่งธรรมชาติ"

"แล้วทำไม..."

"เมื่อสี่ปีก่อนผมเข้าเมืองไปหางาน ลำพังพวกเราผู้ชายไม่เท่าไหร่ แต่พวกผู้หญิงจำเป็นต้องมีของใช้ส่วนตัว เราจำเป็นต้องใช้เงิน ลำพังแค่ขนผักเหี่ยวๆลงมาขายก็ไม่มีคนซื้อ ผมสิ้นหวังเพราะไม่มีใครรับเข้าทำงาน แต่แล้วก็มีผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งเข้ามาถามทางขึ้นมาที่นี่ ท่านบอกว่าท่านเคยบริจาคสิ่งของขึ้นมาบนนี้ ท่านอยากมาเป็นครูอาสา อยากมาช่วยเหลือ"

"..."

"ผมไม่เคยเข้าใจว่าคนในเมืองจะมาต้องการอะไรจากเรา ไม่เคยเข้าใจว่าคำว่าช่วยเหลือที่ท่านว่ามันหมายถึงอะไร วันที่ผมพาครูใหญ่เดินขึ้นมาที่นี่ ท่านพูดว่ามันเป็นที่ที่วิเศษมาก"ลุงมั่นเกลี่ยดินในมือไปมาจนมันล่วงหล่นลงไปที่พื้น "ท่านนั่งลง หยิบดินบนแปลงผักเฉาๆขึ้นมา แล้วบอกว่าแม้แต่ธรรมชาติก็ยังเป็นใจ ทุกสิ่งมันวิเศษไปหมด"

"ครูใหญ่ไม่ได้สอนแค่เด็ก ท่านสอนทุกๆคนที่นี่ ตอนที่ผมถามว่ารู้วิธีปลูกผักด้วยเหรอ ท่านหัวเราะ บอกว่าท่านก็ไม่ได้รู้ดี แต่มีสิ่งหนึ่งที่ท่านสอนเราได้..."ลุงมั่นหันมาหาผม ส่งรอยยิ้มจริงใจที่เป็นเอกลักษณ์ของคนที่นี่มาให้ "ลองผิดลองถูก"

"ลองผิดลองถูก?"

"ครับ...หลังจากนั้นทุกวันที่สอนเด็กๆเสร็จแล้วครูใหญ่จะมาที่นี่ ช่วยเราปลูกผักด้วยตัวเอง ลองผิดลองถูกด้วยกัน ใช้ของเท่าที่มี ลำบากมากทีเดียว…แต่พอเวลาผ่านไปเราก็เริ่มมีกิน จากแปลงผักเล็กๆก็ขยายขึ้นตามความคิดกว้างไกลของท่าน จากที่ต้องลงเขาเอาผักไปขายก็กลายเป็นมีพ่อค้าคนกลางขึ้นมารับด้วยตัวเอง"

"ท่านเป็นคนเก่งครับ"ผมยิ้มยามนึกถึงใบหน้าใจดีของแม่ใหญ่ ท่านเคยบอกผมว่าท่านไม่ใช่คนเรียนสูงอะไร ท่านเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าคนอื่นก็เท่านั้น คงเพราะท่านทำมาแล้วทุกอย่าง ลองผิดลองถูกมานับไม่ถ้วน สิ่งที่ท่านให้พวกผมจึงไม่ใช่แค่ความรู้ แต่เป็นประสบการณ์ที่มีค่ายิ่งกว่าตัวอักษรในตำรา

"ตอนที่ครูใหญ่มาที่นี่ท่านเป็นเหมือนผู้ช่วยชีวิตของเราทุกคน และตอนที่ผมเห็นครูมาที่นี่…ผมมองเห็นภาพของครูซ้อนทับกับครูใหญ่ตอนนั้น แม้แต่ที่ที่ครูยืน ครูใหญ่ก็เคยยืนมาก่อน"

ผมเงียบเพราะไม่รู้ว่าควรพูดอะไร สายตามองลงไปที่พื้นดินที่กำลังยืนอยู่โดยอัตโนมัติ ผมนั่งยองๆ วางมือแตะผืนดินด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งเศร้าใจ ดีใจ คิดถึง แต่เหนือสิ่งอื่นใด...

มันคือความภูมิใจ

"ความช่วยเหลือที่ท่านเคยพูด มาวันนี้ผมเข้าใจชัดเจนทีเดียว มันคือความช่วยเหลือจริงๆ ความช่วยเหลือที่ไม่หวังอะไรตอบแทน"

"ครับ"ผมตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา คลี่ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ "ไม่ทราบว่าลุงมั่นพอจะเหลือพื้นที่กับเมล็ดพันธุ์บ้างไหมครับ"

"เรื่องนั้นครูใหญ่ให้เตรียมไว้นานแล้วครับ"ลุงมั่นชี้ไปที่พื้นที่ว่างๆไม่ไกลนัก แต่กว้างพอจะปลูกผักได้หลายต้น "ท่านไม่ได้บอกว่าให้เหลือไว้ทำอะไร แต่ผมคิดว่าครูน่าจะรู้"

ที่ตรงนั้น...คงเป็นที่ๆท่านเตรียมไว้ให้ผม

"กีตาร์..."

ผมหันไปหาเจ้าของเสียง คลี่ยิ้มอารมณ์ดีส่งไปให้

"โซเคยปลูกผักหรือเปล่าครับ"

"ไม่เคย"

"เรามาลองกันหน่อยไหม"

โซโล่เลิกคิ้วแปลกใจ แต่สุดท้ายก็ส่งรอยยิ้มกลับมาให้พร้อมการพยักหน้าตกลง

"เด็กๆมานี่เร็ว"ผมหันไปเรียกเด็กๆที่ยืนอยู่กับคุณเจย์ พอคุณเจย์เดินมาก็เกินตามกันมาเป็นกลุ่ม ผมมองภาพพวกเขาเคลื่อนตัวเข้ามาพร้อมๆกันแล้วก็ได้แต่ขำ…อย่างกับฝูงแกะจริงๆเลย

"เรามาเริ่มเรียนกันเลยดีกว่า"ผมเริ่มพูด พอเด็กๆได้ยินก็ทำตาโต ส่งเสียงดีใจกันยกใหญ่ พวกเขาดูกระตือรือร้นมากจนน่าเอ็นดู

"เรียนเลยๆ"

"ห้องเรียนอยู่บนเขา ผมพาครูไปเอง"

"ไม่ใช่ครับ"ผมส่ายหน้า เด็กๆรวมถึงโซโล่กับคุณเจย์มองมาเหมือนไม่เข้าใจ

"ทำไมล่ะครับครูยิ้ม"

"ครูยิ้ม?"ผมหันไปมองคุณเจย์อย่างไม่เข้าใจ เขาแค่หัวเราะเบาๆแล้วทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้

"นี่ไงยิ้มๆ"เด็กๆชี้นิ้วที่หน้าตัวเองแล้วฉีกยิ้มออกมาเหมือนจะบอกว่านี่ไงยิ้ม

"ครับ...ครูยิ้มก็ได้ แล้วนี่ล่ะครูอะไร"ผมชี้ไปที่คนข้างๆ โซโล่หัวเราะหึหึก่อนจะมองไปที่น้องมูนแล้วพยักหน้าให้น้อง

น้องมูนกระพริบตา แก้มกลมๆพองขึ้นกว่าเดิมเมื่อน้องยกยิ้มกว้าง

"ครูหล่อ!"

"อะไรนะ..."ผมมั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำหน้าเหวอสุดๆ หันไปมองโซโล่ก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังยกนิ้วโป้งให้น้อง

"ครูหล่อรวย!"น้องมูนพูดซ้ำ คราวนี้คุณเจย์หัวเราะเสียงดัง แถมยังยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาด้วย มีแค่ผมที่ยังยืนนิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูก

"ครูหล่อรวยๆๆๆ"เด็กๆส่งเสียงเรียกตามกันยกใหญ่ แต่สุดท้ายก็เงียบลงเมื่อโซโล่ยกมือห้าม

"หล่อพอ...รวยมันเหมือนอวดไป"

"เหรอออออออออ"ผมหันไปลากเสียงใส่คนข้างๆอย่างอดไม่อยู่ มารู้ตัวว่าขี้อวดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วมั้ง พูดไปตั้งกี่ครั้งแล้ว

"หรือไม่จริง"โซโล่ยกยิ้มน่าหมั่นไส้ ก่อนจะยื่นมือมาจิ้มแก้มผม "ว่าไงครับครูยิ้ม"

"พี่ไม่คุยกับโซดีกว่า"ผมหันหน้าหนี ไม่อยากให้คนขี้อวดได้ใจ…เพราะผมไม่แน่ใจนักว่าตัวเองเผลอทำหน้าแดงออกไปหรือเปล่า โซโล่ไม่ได้เซ้าซี้ แต่ผมได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีนั่นชัดเจนทีเดียว ผมตัดเรื่องของหมาบ้าออกจากหัว หันหน้ามาสนใจเด็กๆที่มองมาตาแป๋วแทน

"แล้วจะเรียนอะไรครับครู"

ผมมองไปที่ลุงมั่น ก่อนจะชี้ไปที่แปลงผักว่างๆ

"ปลูกผักครับ...เด็กๆปลูกผักเป็นไหม"

"ผมเคยเห็นพ่อทำนะ"

"ผมเคยช่วยแม่รดน้ำ"

เด็กๆแย่งกันตอบเสียงดัง ดูเหมือนทุกคนจะเคยช่วยพ่อแม่ตัวเองทำงานเวลาว่างกันหมด พวกเขาดูภูมิใจกับการได้พูดถึงสิ่งที่ตัวเองทำได้มากจนผมรู้สึกดีตามไปด้วย

"แต่วันนี่เราจะปลูกผักของตัวเองกันครับ"ผมยิ้มเมื่อทุกคนมองมาเหมือนไม่เข้าใจ "วันนี้พวกพี่จะเป็นนักเรียนด้วย ให้ลุงมั่นช่วยสอนพวกเราปลูกผัก"

"น้องมูนจะมีผักเป็นของตัวเองเหรอครับครู"น้องมูนทำตาโตแล้วเดินมากอดขาผม

"ครับ...ทุกคนจะมีผักเป็นของตัวเอง"

"ผมอยากปลูกผักกาด!"

“ผมด้วยๆ”

"แต่มีข้อแม้ครับ เป็นบทเรียนแรกของเรา"ผมแกล้งทำหน้าตานิ่งๆ เกือบหลุดยิ้มเหมือนกันเมื่อเห็นว่าเด็กๆตั้งใจฟังมากแค่ไหน "ผักของใครคนนั้นต้องปลูกเอง ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเองไปตลอด คิดว่าผักที่ปลูกเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแล ห้ามหงุดหงิด ห้ามเปลี่ยนชนิด สัญญากับพี่ได้หรือเปล่า"

"สัญญาครับ"

"ลุงมั่น..."ผมหันไปหาลุงมั่นอย่างเกรงใจ แต่นอกจากยิ้มแล้วลุงมั่นก็ไม่ได้ตอบอะไร ท่านหันไปบอกให้คุณลุงคนหนึ่งจัดหาของมาให้แล้วบอกให้พวกผมรอ

คุณลุงขนเมล็ดพันธุ์และอุปกรณ์มาให้จนครบ พวกเด็กๆเข้าไปเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ตัวเองต้องการ พอแย่งกันก็โดนเจ้าหมาดุจนหน้าหงอย สุดท้ายคนที่ทำตัวดุก็ช่วยแบ่งของให้เท่าๆกันเด็กๆถึงยิ้มได้

น้องที่โตหน่อยรู้วิธีการทำดีอยู่แล้วถึงได้ทำทุกอย่างไวไปหมด แม้แต่ผมเองยังต้องให้น้องจามาสอน ถึงจะเคยอ่านหรือเรียนมาบ้างแต่การลงมือทำมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ยิ่งกลางอากาศหนาวๆแบบนี้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่

"น้องมูนทำอะไรครับ"ผมนั่งยองๆข้างน้องมูนที่กำลังจ้องหลุมผักด้วยดวงตากลมๆ

"พี่จันทร์จะเลอะไหมครับ"

"พี่จันทร์?"

"นี่ครับ"น้องชูตุ๊กตาพระจันทร์ในมือให้ผมดู มือเล็กๆพยายามจะใช้มือเดียวในการขุดหลุมซึ่งดูเหมือนจะยากเกินไป

"อืม...งั้นให้พี่ช่วยดีไหมครับ"

"ไม่เอา...ครูหล่อบอกว่าน้องมูนต้องทำเอง"

ผมหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าตั้งอกตั้งใจของน้อง สุดท้ายก็ได้แต่ดึงตุ๊กตาของน้องออกมาถือไว้ให้

"พี่ทำเสร็จแล้ว จะช่วยรับฝากพี่จันทร์ไว้ให้นะครับ"

น้องมูนยิ้มแฉ่ง ก้มลงขุดหลุมด้วยความตั้งใจโดยมีน้องจาที่ทำเสร็จก่อนใครเพื่อนช่วยดูให้ ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปหาคนหน้าบึ้งที่กำลังมองหลุมผักของตัวเองอยู่ไม่ไกลนัก

"เจย์ ทำให้หน่อย"

"คุณกีล์บอกว่าต้องทำเองนี่ครับ คุณชายยังบอกน้องมูนให้ทำเองอยู่เลย"

"ผมทำมาแปดหลุมแล้วนะ"

"ก็คุณชายอวดพวกลูกแกะว่าตัวเองทำได้เป็นร้อยๆหลุมเองนี่ครับ"

ผมแอบขำเมื่อได้ยินประโยคสนทนาของพวกเขา โซโล่ขมวดคิ้วมุ่นแต่มือก็ยังทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ เสื้อผ้าราคาแพงของเขาเลอะเทอะไปหมดจนผมเสียดายแทน ได้แต่คิดว่าเดี๋ยวคงต้องเอาไปซักให้สะอาดด้วยตัวเอง ส่วนเจ้าของเสื้อผ้าที่ตอนแรกนั่งยองๆตอนนี้ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นดินแบบไม่กลัวเลอะไปแล้วเรียบร้อย

"ให้พี่ช่วยไหมครับ"

คนหน้าบึ้งเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นเป็นผมเขาก็ยิ้มนิดๆ

"ของกีตาร์เสร็จแล้วเหรอ"

"เรียบร้อยแล้วครับ เด็กๆก็ช่วยกันอยู่"

"ผมต้องทำอีกเก้าสิบหลุม"

"พี่ว่าพื้นที่แค่นี้คงทำถึงร้อยไม่ได้หรอกครับ"ผมหัวเราะแล้วมองไปรอบๆ นับดูแล้วคงปลูกได้สักสี่สิบหลุม แค่เด็กๆก็ปาไปยี่สิบแล้ว "เอาเป็นว่าเรามาทำให้มันเต็มก็พอเนอะ"

"ครับ"โซโล่ตอบรับ ก้มหน้าก้มตาทำต่อ ผมมองมือเลอะๆของเขาด้วยความรู้สึกแปลกๆ

มันเหมือนเขาอยู่ผิดที่...

"สนุกดี"

"อะไรนะ"

"ที่ทำอยู่นี่ไง...สนุกดี"โซโล่ดึงมือของผมไปวางไว้ในหลุมที่เขาขุด "ผมเพิ่งรู้ว่าดินให้ความรู้สึกแบบนี้"

ผมไม่แน่ใจว่ากำลังมองหน้าคนความรู้สึกไวด้วยสายตาแบบไหน แต่คำพูดที่เขาพูดออกมาดูราวกับจะปฏิเสธสิ่งที่ผมคิด เหมือนจะบอกว่าผมคิดผิด

"ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้กำลังเรียนรู้...และมันรู้สึกดีมาก"เขาย้ำ กำมือผมแน่นจนรู้สึกอุ่น

ผมเห็นภาพโซโล่อยู่กับความสะดวกสบายจนชิน ทุกๆสิ่งรอบตัวเขาแม้แต่เสื้อผ้าล้วนเป็นของมีราคา พอมาเห็นเขาต้องทำอะไรแบบนี้ผมเลยเผลอคิดแทน...แต่ดูเหมือนผมจะลืมคิดไปว่าเขาเต็มใจจะทำมันหรือเปล่า

"ครับ...มาเรียนรู้ไปด้วยกันนะ"ผมนั่งลงข้างๆ ปล่อยให้เสื้อผ้าราคาแพงที่เขาซื้อให้เลอะไปด้วย เดี๋ยวค่อยเอาไปซักก็แล้วกัน

ผมใช้เวลาอยู่ที่แปลงผักอยู่นาน ช่วยเด็กๆปลูกผักจนเสร็จแล้วก็ช่วยกันปลูกหลุมที่ว่างต่อ เป็นการร่วมมือกันที่มีความสุขมากจนอยากจะเก็บภาพเหล่านี้ไว้นานๆ รู้ตัวอีกทีก็มีคนมาเรียกพวกเรากลับบ้านเพราะเริ่มมืดแล้ว

ผมใช้เวลานานกว่าจะทำใจอาบน้ำได้ ถึงปีนี้จะไม่หนาวขนาดอาบน้ำไม่ได้แต่ก็เย็นเกินไปสำหรับผมอยู่ดี จะไม่อาบก็ไม่ไหวเพราะเปื้อนไปทั้งตัว หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเราก็นั่งทานข้าวที่บ้าน เป็นกับข้าวที่ลุงมั่นเอาใส่ปิ่นโตมาให้ ข้างๆมีน้องมูนเดินกอดตุ๊กตาตามมาด้วย

"ผมไปบ้านไอ้จามา เห็นมูนมันบอกว่าจะมาหาครูให้ได้เลยพามาส่งครับ"ลุงมั่นบอกแล้วส่ายหน้าหน่ายๆ "สงสัยจะติดครูมากจริงๆ"

"ไม่เป็นไรครับ พอดีผมบอกให้น้องมาหาเอง"ผมแก้ตัวแทน จำได้ว่าโซโล่เป็นคนบอกให้น้องมาหาเอง "ถ้าอย่างนั้นให้น้องนอนกับผมที่นี่ก็ได้ครับลุง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปส่งแล้วเรียกเด็กๆไปเรียนทีเดียว"

เพราะมัวแต่เพลินกับการปลูกผักกันผมเลยลืมไปเลยว่ายังไม่ได้นัดเวลาเด็กๆ

"ได้ครับครู ผมจะไปบอกแม่จิตให้เอง"

พอลุงมั่นเดินไปแล้วผมก็หันมาสนใจน้องมูนที่ยังกอดตุ๊กตาตัวเดิม น้องใส่เสื้อผ้าที่ดูเก่าแต่สะอาดสะอ้าน ใบหน้าเล็กๆดูสดใส พอเห็นว่าใครเดินออกมาจากในบ้านก็วิ่งเข้าไปหาแล้วกอดขาไว้แน่น

"น้องมูนทานข้าวหรือยังครับ"

"ทานแล้วครับ"

ผมพยักหน้า หันไปเรียกโซโล่กับคุณเจย์แทน น้องมูนเดินเกาะขากางเกงโซโล่ตามมานั่งข้างๆ ตากลมๆมองพวกผมทานข้าวโดยไม่พูดอะไรแทรก

พอทานเสร็จโซโล่ก็จูงมือน้องเดินออกไปด้านนอก ชี้ชวนกันดูอะไรก็ไม่รู้ พอก้มหน้าแล้วหันไปมองอีกที เจ้าของแผ่นหลังกว้างก็เดินไปไกลกว่าเดิมเสียแล้ว

"ผมจัดการตรงนี้ให้เองครับ"คุณเจย์ยิ้มให้ผม มองตามทางที่โซโล่เดินไปเป็นเชิงบอกให้ผมตามไป

"ขอบคุณนะครับ"

ผมวิ่งไปตามทางที่เห็นทั้งคู่เดินไป พอเห็นแผ่นหลังคุ้นตาอยู่ในระยะที่มองเห็นก็หยุดวิ่งแล้วเดินตามไปเงียบๆ ได้ยินเสียงน้องมูนพูดเจื้อยแจ้วอยู่คนเดียวไม่หยุดตลอดทาง สุดท้ายโซโล่ก็หยุดเท้าแล้วนั่งลง

ผมเดินไปนั่งข้างๆ มองสำรวจรอบด้านด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ที่ตรงนี้มองเห็นท้องฟ้าชัดเจน ไม่มีต้นไม้หรืออะไรมาบดบัง นอกจากอากาศดีแล้ววิวยังสวยมากจนคิดว่าต่อให้นั่งมองนานแค่ไหนก็คงไม่เบื่อ

"รู้จักที่นี่ได้ยังไงครับ"ผมหันไปถามคนข้างๆ ระหว่างเรามีน้องมูนนั่งคั่นอยู่ตรงกลาง

"ไม่ได้รู้จักหรอก แค่เดินมาเรื่อยๆจนเจอ"

ผมไม่ได้ถามอะไรต่อ รอบกายมีเพียงความเงียบกับเสียงพูดของน้องมูนที่กำลังคุยกับพี่จันทร์ในอ้อมแขน

"นั่นไงพระจันทร์"โซโล่ทำลายความเงียบ ชี้ชวนให้น้องมูนมองไปที่ดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้า

"พระจันทร์ตัวเท่าพี่จันทร์เลย"น้องมูนยกตุ๊กตาขึ้นซ้อนทับกับดวงจันทร์บนฟ้า

"อืม...ต่อไปถ้าคิดถึงครูใหญ่ก็มาดูสิ"

ผมหันไปมองหน้าโซโล่ เช่นเดียวกับน้องที่หันไปมองอย่างไม่เข้าใจ

"ครูยิ้มบอกว่าครูใหญ่อยู่บนฟ้าใช่ไหม"โซโล่ก้มลงถามน้องมูน "พระจันทร์สำคัญกับนายใช่หรือเปล่า"

"ใช่ครับ"

"ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ครูใหญ่คงดูนายอยู่บนนั้น"

"แล้วทำไมน้องมูนเข้าไปหาครูใหญ่ไม่ได้"

"อืม...บางทีอาจเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลา"

"แต่น้องมูนอยากเจอครูใหญ่"

"ท่านก็มองอยู่นั่นไง แค่เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปกับพูดไม่ได้มันจะทำให้นายรักท่านน้อยลงหรือไง"

น้องมูนส่ายหัว ตามองไปยังดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้า

"ครูใหญ่อยู่ที่ไหน เป็นแบบไหน พูดได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร น้องมูนพูดคนเดียวก็ได้!"

ผมหัวเราะออกมากับคำพูดของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะไม่ได้เข้าใจอะไรเท่าไหร่ พูดจบแล้วก็เริ่มเล่าเรื่องของตัวเอง คุยจ้อกับดวงจันทร์บนท้องฟ้าไม่สนใจใคร

"ท่านไม่ได้เป็นแค่พระจันทร์หรอก"โซโล่หันมาหาผม เราสบตากันท่ามกลางความมืดมิด "ท่านเป็นทุกอย่าง...ที่คนๆหนึ่งอยากให้เป็น"

"..."

"อยู่ที่ว่ากีตาร์อยากให้ท่านอยู่ในรูปแบบไหนก็เท่านั้น"

รูปแบบไหน...

ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า สำหรับน้องมูนคงเห็นแม่ใหญ่เป็นดวงจันทร์ สำหรับคนที่นี่แม่ใหญ่คงเป็นผู้มีพระคุณ และสำหรับผม...

"ท่านเป็นครอบครัว...และจะยังคงอยู่ในใจพี่ตลอดไปครับ"

ผมคงไม่มีสิ่งของอะไรมาแทนเหมือนที่น้องมูนมี ผมจะเก็บท่านไว้ในใจ เป็นคนที่ครั้งหนึ่งเคยสำคัญที่สุดในชีวิต...แต่ท่านไม่ใช่ปัจจุบันของผม ผมจะไม่ยึดติดกับท่าน เพราะถ้าทำอย่างนั้นผมคงต้องเสียใจและร้องไห้ไปกับความสูญเสียครั้งนี้ตลอดชีวิต

"วันนี้น้องมูนได้เจอคุณครูสามคนด้วยนะครับครูใหญ่ มีครูเฮีย ครูยิ้ม แล้วก็ครูหล่อ"

ผมหันไปยิ้มให้โซโล่ เขาเองก็มองกลับมา น่าแปลกที่แม้ไม่ได้สัมผัสกันแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนเข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร

'คิดถึงได้แต่อย่ายึดติด...'

"น้องมูนคิดถึงครูใหญ่มากๆเลย"

ผมก็คิดถึงแม่ใหญ่เหมือนกันครับ

------------------------------------------

 

ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 27-02-2017 18:48:36
น้องมูนน่ารักน่าเอ็นดูมากอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-02-2017 19:08:28
น่ารักกกกก   อยุ่กันอย่างนี้นานๆนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 27-02-2017 19:56:19
แม่ใหญ่เป็นผู้หญิงที่มหัศจรรย์มากๆ  :mew6:
น้องมูนเป็นลูกหมาของโซโล่ไปแล้ว
ครบพ่อหมา แม่หมาและลูกหมาแล้วววว
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 27-02-2017 21:02:31
หลงน้องมูนน่ารักกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-02-2017 21:18:00
น้องมูนน่ารัก แต่ถ้าครูทั้งสามพากันกลับนี่น้องมูนน่าสงสารทันที :mew6: :mew6: :mew6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 27-02-2017 21:36:58
น้องมูนน่ารักมากๆ
ถ้าครูๆกลับไปคงเหงาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 27-02-2017 21:44:30
น้องมูนน่ารักกกกกกก ><
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 27-02-2017 22:40:01
อยากให้กีตาร์กับโซโล่ พาน้องมูนไปเลี้ยงด้วยจัง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 27-02-2017 23:15:21
Yคิดถึงครูใหญ่
สงสารกีล์มาก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-02-2017 00:37:30
น้ำตาซึมเลยครับ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-02-2017 01:05:31
น้องมูนน่ารักน่าเอ็นดูมากเลย พี่กีล์กับโซจะพาน้องมาอยู่ด้วยไหมนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-02-2017 07:30:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 28-02-2017 19:03:17
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 28-02-2017 21:05:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-02-2017 23:05:22
ฮืออออ อ่านไปร้องไห้ไป ตอนเล่าถึงแม่ใหญ่นี่ดีมากๆเลยค่ะ รู้สึกได้ถึงความรักของทุกคนจริงๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: loukmoo ที่ 01-03-2017 00:56:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-03-2017 10:25:56
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 01-03-2017 17:28:16
งุ้ยยยยยย เอาน้องมูนไปเลี้ยงด้วยเลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER33 P.24 [27/02/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 03-03-2017 21:09:44
-34-

 

ผมใช้เวลาไปกับการสอนหนังสือเด็กๆเสียส่วนมาก วันแรกค่อนข้างลำบากเพราะเราทั้งสามคนไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน แต่พอผ่านเข้าสู่วันที่สามก็เริ่มชิน ช่วยกันแบ่งสอนคนละวิชา ส่วนมากจะเป็นเรื่องภาษากับสิ่งที่ใช้ได้ในชีวิตจริง จนมาถึงตอนนี้ก็เกือบอาทิตย์แล้วที่ผมอยู่ที่นี่

"ครูครับๆ แล้วเราจะได้ใช้ภาษาอังกฤษตอนไหนเหรอครับ"

โซโล่ทำหน้ายุ่งกับคำถามของน้องเสา สุดท้ายก็เป็นคุณเจย์ที่เข้ามาตอบคำถามแทน

"วันหนึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่ครับ ถึงเวลานั้นเด็กๆต้องช่วยคุณพ่อคุณแม่คุยกับนักท่องเที่ยวนะ"

"นักท่องเที่ยวไม่ได้พูดภาษาไทยเหรอครับ"

"นักท่องเที่ยวมีหลายชาติครับ และภาษาอังกฤษที่พวกเราเรียนอยู่ก็เป็นภาษากลางที่คนหลายประเทศใช้..."คุณเจย์ตอบอย่างใจเย็น กว่าจะอธิบายให้พวกลูกแกะช่างสังสัยเข้าใจได้ก็ใช้เวลาไปมากพอดู

"พักก่อนนะครับเด็กๆ อย่าลืมไปดูแลผักของตัวเองนะ"ผมเตือน คั่นความสงสัยต่อๆไปของเด็กๆไว้ คุณเจย์ถึงขนาดถอนหายใจ หันมาพยักหน้าขอบคุณกันเลยทีเดียว

ห้องเรียนของเด็กๆทำจากไม้ไผ่ที่พวกชาวบ้านช่วยกันสร้างให้ ไม่มีเก้าอี้ มีแค่โต๊ะที่ทำจากไม้ไผ่ง่ายๆเป็นโต๊ะคู่ประมาณสิบตัว ที่นี่ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ไกลจากแปลงผักเท่าไหร่นัก เวลาผมบอกว่าให้พักพวกเขาจะวิ่งไปที่แปลงแล้วดูแลผักของตัวเองกันอย่างตั้งใจ เห็นแล้วผมก็ดีใจ...

การจะดูแลอะไรสักอย่างให้ได้ดี ควรจะเริ่มจากสิ่งเล็กๆใกล้ตัว...เหมือนที่แม่ใหญ่บอกไว้

"พวกเขาหัวไวกันมากเลยนะครับ"คุณเจย์เดินเข้ามาหา สายตามองตามหลังพวกเด็กๆไป

"ครับ...ถ้ามีโอกาสที่ดีพวกเขาคงเป็นคนที่มีความสามารถมาก"

แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยตรงไหนได้บ้าง อีกไม่นานก็ต้องกลับแล้ว

"กีตาร์...ดูเด็กๆไปก่อนนะ เดี๋ยวผมกับเจย์มา"

ผมหันไปพยักหน้าให้โซโล่ วันสองวันมานี้เวลาพักเขากับคุณเจย์จะไปหาป้าจิตกันเป็นประจำ พอถามก็ได้ความว่าคุยกันเรื่องธุรกิจอะไรสักอย่างที่ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก เขาบอกแค่ว่าถ้าเรียบร้อยแล้วจะอธิบายให้ฟัง แค่รู้ว่าเขาหวังดีกับที่นี่ผมก็ดีใจมากแล้ว ตามไปฟังด้วยตอนนี้ก็คงไม่เข้าใจอะไร แถมเจ้าหมายังย้ำว่าให้เขาจัดการเองด้วย

ผมรู้ดีว่าโซโล่อยากให้ผมพักผ่อน เขาไม่อยากให้ผมคิดมาก เพราะงั้นผมถึงไม่อยากปฏิเสธความหวังดีนั้น เอาไว้ให้เขาพร้อมแล้วค่อยมาบอกก็ไม่สาย

ผมเดินตามเด็กๆมาทีแปลงผัก หลังจากดูผักของตัวเองแล้วก็เดินมาหาเจ้าตัวเล็กที่นั่งยองๆยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เข้าไปเล่นกับพี่ๆ

"น้องมูนทำอะไรครับ"

"ป้ายชื่อครับ"มือเล็กๆชี้ไปที่หลุมผักของตัวเอง บนนั้นมีกระดาษที่ถูกวาดเป็นรูปทรงกลมๆแล้วระบายสีเหลืองวางไว้ "ป้ายชื่อว่าเป็นของน้องมูน"

ที่แท้ก็วาดรูปพระจันทร์...

"แต่น้องมูนวางตรงนี้ไม่ได้นะครับ"ผมหัวเราะ ช่วยขยับกระดาษที่ถูกห่อด้วยถุงพลาสติกกันน้ำออกมา "ถ้าน้องมูนวางตรงนั้นก็ทับรอยคุณผักแล้วคุณผักจะขึ้นได้ยังไงล่ะครับ"

"จริงด้วย!"น้องยิ้มกว้างจนแก้มป่อง ขยับป้ายตัวเองออกมาไกลกว่าเดิม

"แล้วนี่น้องมูนทำเองเหรอครับ"

"ครับ..."น้องตอบรับเสียงใส แต่แล้วก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ส่ายหัวตามลำดับ "ไม่ใช่ๆ น้องมูนทำกับครูหล่อครับ"

อย่างนี้นี่เอง คนที่ห่อถุงกันน้ำให้ก็คงจะเป็นครูหล่อของน้องมูนสินะ

ผมหันไปไหว้ลุงมั่นที่เดินเข้ามาหา ท่านรับไหว้แล้วถอดหมวกออก ดูไปแล้ววันนี้การแต่งกายของลุงมั่นแลดูเรียบร้อยกว่าทุกวัน

"ครู...เดี๋ยวผมจะลงไปทำธุระในเมือง ครูอยากได้อะไรหรือเปล่าครับ"ลุงมั่นยิ้มใจดี วางหมวกสานใบโตลงบนหัวน้องมูนที่กำลังหัวเราะคิกคัก

"ไม่รบกวนดีกว่าครับ แล้วนี่ลุงมั่นลงไปคนเดียวเหรอครับ"

"เห็นครูเฮียของเด็กๆบอกว่าจะลงไปทำธุระด้วยน่ะครับ"

"งั้นเดินทางปลอดภัยนะครับ"

"ขอบคุณครับครู ฝากเด็กๆด้วยนะครับ"

ลุงมั่นเดินกลับไปทางหมู่บ้านแล้ว ส่วนพวกเด็กๆก็วิ่งเล่นกันเหมือนเดิม พวกเขาเป็นเด็กดีและเชื่อฟังผู้ใหญ่ บอกอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ไม่แปลกที่ใครๆก็เอ็นดู รวมถึงผมด้วย

โดยเฉพาะ...

"ครูครับ ซักทำยังไงเหรอครับ"เจ้าตัวเล็กเอามือเกาะขาผม ตากลมๆกระพริบปริบๆเหมือนสงสัยเสียมากมาย

"ทำไมถึงถามล่ะครับ"

"ครูหล่อบอกว่าพี่จันทร์เหม็น...ถ้าไม่ยอมซักจะไม่อุ้มน้องมูนแล้ว"น้องมูนก้มหน้าลงดมตุ๊กตาตัวโปรดแล้วทำหน้าไม่เข้าใจ สุดท้ายก็ยื่นมาให้ผมดมบ้าง จริงๆมันก็ไม่ได้เหม็นอะไรมากมาย แต่ก็ดูมีคราบดำๆจากฝุ่นอยู่พอควร คงเกิดจากเวลาที่น้องทำหล่น

"งั้นให้พี่ซักให้ดีไหมครับ"

"ไม่เอาครับ"น้องมูนส่ายหน้ารัวๆ แก้มป่องๆสะบัดไปมาดูน่ามอง "ตอนแรกน้องมูนขอให้ครูหล่อซักให้ แต่ครูหล่อบอกว่าน้องมูนต้องทำเองเพราะพี่จันทร์เป็นของน้องมูน"

จะว่าไงดี...คำสอนมันก็ดูดีอยู่หรอก แต่ผมคิดว่าเจ้าหมาน่าจะพูดเพราะขี้เกียจมากกว่า

"งั้นหลังเลิกเรียนพี่จะพาไปซักนะครับ"

"ครับ!"

เรากลับขึ้นมาบนห้องเรียน ถึงอากาศจะหนาวหรือเรียนกันนานแค่ไหนเด็กๆก็ไม่เคยบ่น พวกเขาดูมีความสุขกับการเรียนมาก และมันทำให้ผมมีความสุขกับการสอนตามไปด้วย พวกเขาดูสนใจกับเรื่องตัวเลขเป็นพิเศษ น้องจาบอกว่าเขาอยากฟังเรื่องที่พวกคนรับซื้อผักคุยกับชาวบ้านที่นี่ออก

"เด็กๆมีความฝันกันหรือเปล่าครับ"

นั่นคือคำถามที่ผมให้เด็กๆเขียนลงในกระดาษ พวกเขาเขียนหนังสือได้ ถึงจะช้าและต้องใช้เวลานึกแต่สุดท้ายก็ทำได้ แม้แต่น้องมูนที่ตัวเล็กที่สุดก็เขียนได้ พวกเขาบอกผมว่าแม่ใหญ่สอนมานานแล้ว

พอถึงเวลาเลิกเรียนผมก็ปล่อยให้เด็กๆกลับบ้าน ส่วนตัวเองก็นั่งอยู่กับพื้น จ้องมองกระดาษที่มีความฝันของเด็กๆเขียนเอาไว้

"กีตาร์..."โซโล่เดินเข้ามา ที่ขามีน้องมูนเกาะติดเป็นลูกหมาตามคาด

"คุยเสร็จแล้วเหรอครับ"

"อืม..."โซโล่พยักหน้า นั่งลงที่พื้นข้างๆผม ส่วนน้องมูนก็นั่งลงอีกฝั่งอย่างรู้หน้าที่ "เดี๋ยวเล่าให้ฟัง รอเจย์กลับมา"

"ครับ"

"กีตาร์ทำอะไรอยู่"

"พี่กำลังดูความฝันของเด็กๆครับ มาดูด้วยกันสิ"ผมยิ้ม ขยับตัวให้โซโล่เข้ามาใกล้มากขึ้น ไม่ลืมดึงเจ้าตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตัก

เด็กที่โตที่สุดอย่างน้องจาไม่ได้เขียนสั้นๆแล้ววาดรูปเหมือนคนอื่น น้องเขียนความฝันของตัวเองเป็นประโยคยาวๆแล้ววาดรูปเล็กๆที่ใต้ภาพ

'ความฝันของผมคือการพัฒนาที่นี่ ผมอยากให้พ่อแม่มีความสุข อยากให้มีคนมาที่นี่เยอะๆ ครูเฮียบอกว่าถ้ามีคนมาเราจะมีรายได้ มีเงินซื้อยากับของใช้จำเป็น แต่ครูบอกว่าเราอยู่เฉยๆไม่ได้ เราต้องพยายามด้วย'

ใต้ภาพของน้องเป็นรูปเด็กผู้ชายที่กำลังถือไม้ชี้ไปที่กระดาน...เหมือนตอนที่เห็นพวกลุงมั่นประชุมกับชาวบ้านคนอื่นๆ

ของน้องเสาลูกชายลุงมั่นเป็นภาพภูเขาที่มีสีเขียวเต็มไปหมด ตรงกลางเป็นรูปคนมากมายที่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า

'ผมอยากปลูกผักให้ได้เยอะๆเหมือนพ่อ เอาให้เต็มเขาเลย!'

ผมอมยิ้มเมื่อได้อ่านความฝันของน้อง ยิ่งเปิดกระดาษไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งยิ้มมากขึ้นเท่านั้น

'ผมอยากเป็นเหมือนครูเฮีย ครูเฮียเท่มากเลย'

"ทำไมเจย์หัวโล้น"

"นั่นสิครับ"ผมหัวเราะกับคำถามของโซโล่ เขาเองก็หัวเราะไม่ต่างกัน น้องมูนเองก็พลอยหัวเราะคิกคักตามไปด้วยทั้งที่ไม่น่าจะเข้าใจ

ผมพลิกไปที่กระดาษแผ่นต่อไปเรื่อยๆ ความฝันมากมายทั้งที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะดังไปทั่วห้องเรียนเล็กๆ

จนมาถึงแผ่นสุดท้าย...

"ของน้องมูนๆ!"เจ้าตัวเล็กส่งเสียงดัง ท่าทางตื่นเต้น ผมสบตากับโซโล่ขำๆ ก่อนจะก้มลงมองแผ่นกระดาษที่ถืออยู่

รูปวาดดูจะเป็นองค์ประกอบหลักของกระดาษแผ่นนี้ ผมไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรเพราะรายละเอียดมันเยอะจนดูไม่ออก...หมายถึงสีที่ปนกันจนคิดว่าน้องน่าจะใช้ครบทั้งกล่องนะ ด้านล่างกระดาษมีตัวอักษรหยึกหยักที่ไม่ได้สวยนักแต่ก็พออ่านออกกำกับไว้

'ความฝันของน้องมูนคือเป็นพระจันทร์ให้ทุกคน'

"หมายความว่ายังไงเหรอครับ"ผมก้มลงถามเจ้าตัวเล็กที่ตัก น้องมูนหัวเราะฮิฮิ ขยับนิ้วจิ้มไปที่รูปภาพ

"นี่พระจันทร์...พระจันทร์คือน้องมูน"น้องขยับมือชี้ไปที่กลุ่มคนที่มีหลากสี "นี่ทุกคน มีครูหล่อ ครูยิ้ม ครูเฮีย ครูใหญ่ พี่จา พี่เสา ยาย แล้วก็คนอื่นๆเยอะแยะเลย"

"แล้วนี่อะไรเหรอครับ"ผมชี้ไปที่กองอะไรสักอย่างสีเขียวๆ

"เงิน"

"เงิน?"

"ครูหล่อบอกว่าถ้าอยากให้ทุกคนสบายต้องมีเงินด้วย"

ผมหันขวับไปมองคนสอน โซโล่ยกยิ้ม ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้

"แล้วที่เขียนล่ะครับ"ผมชี้ไปที่ตัวหนังสือ น้องมูนยิ้มแป้น เงยหน้าขึ้นอธิบายเสียงสดใส

"น้องมูนอยากเป็นพระจันทร์ให้ทุกคน อยากเป็นความอ่อนโยนที่ทำให้ทุกคนมีความสุข...แต่ครูหล่อบอกว่ามันไม่พอ ครูหล่อบอกว่าน้องมูนต้องขยัน ตั้งใจเรียน มีงานทำ มีเงินใช้ แล้วก็จะช่วยทุกคนได้"

ผมมองหน้าโซโล่อย่างคาดโทษ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่เขาสอนน้องมูนได้ ที่เขาพูดเป็นความจริงทุกอย่าง สิ่งสำคัญในโลกปัจจุบันคือเงินจริงๆ มีเงินก็ทำได้แทบทุกอย่าง

แม้แต่ผมก็คิดแบบนั้น

"มีเงินแล้วจะทำให้ทุกคนสบายก็จริง...แต่น้องมูนห้ามลืมความอ่อนโยนและความรู้สึกที่อยากทำให้ทุกคนมีความสุขนะครับ"ผมลูบหัวน้องมูนเบาๆ ยื่นนิ้วก้อยไปให้

"ครับ!"น้องรับคำด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนจะยื่นนิ้วเล็กๆมาเกี่ยวนิ้วผมไว้

"แล้วความฝันของกีตาร์ล่ะ"

ผมเงียบไปกับคำถามของโซโล่ ที่เงียบก็เพราะกำลังคิดว่าควรตอบแบบไหน ถ้าหมายถึงอยากเป็นอะไร แล้วตอบเป็นชื่ออาชีพเหมือนที่ใครชอบตอบกันก็คงไม่มี แต่ถ้าตอบแบบที่เด็กๆที่นี่ตอบ...

"อยากเป็นคนรวยครับ"

โซโล่ทำหน้าแปลกใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง หน้าตาของเขาแสดงออกชัดเจนว่ากำลังคิดว่าผมล้อเล่น

"กีตาร์ไม่ได้อยากเป็นวิศวกรเหรอ"

"จะว่าไงดี..."ผมหัวเราะเบาๆกับคำถามที่เพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก "พี่ไม่ได้อยากเป็นวิศวกรหรอกครับ"

"แล้วกีตาร์อยากเป็นอะไร"

"ถ้าโซถามว่าอยากทำอาชีพอะไร พี่คงต้องตอบว่า อะไรก็ได้"ผมลูบหัวน้องมูนที่กำลังมองมาตาแป๋ว ดูไม่เข้าใจที่ผู้ใหญ่พูดแต่ก็พยายามจะฟัง "ก็เหมือนที่โซบอกน้องมูน เงินเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับใครหลายๆคน นั่นรวมถึงพี่ด้วย"

"แล้วทำไมต้องวิศวะ"

"พีไม่ได้มีอาชีพที่ฝัน หรือมีคนให้เดินรอยตาม แต่พี่มีสิ่งที่ทำได้ดี เพราะงั้นพี่ถึงเลือกเรียนสิ่งที่พี่คิดว่าตัวเองทำได้ดีที่สุด เวลาจบไปจะได้มีงานดีๆทำ และทำตามความฝันที่อยากเป็นคนรวยของตัวเองได้"ผมมองหน้าน้องมูน นึกถึงความฝันของน้อง และความฝันของเด็กๆหลายๆคน

"ความฝัน..."

"ความฝันคือสิ่งที่ทั้งเป็นไปได้และไม่ได้ สำหรับบางคนก็นึกถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เขาถึงได้เรียกว่าความฝัน เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง แต่สำหรับบางคนที่นึกถึงสิ่งที่เป็นไปได้ มันก็ขึ้นอยู่กับจะทำตามความฝันของตัวเองได้หรือเปล่า ความฝันของพี่เป็นความไม่แน่นอน มันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้...แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า"

"แล้วทำไมกีตาร์ถึงอยากรวย"หมาขี้สงสัยถามต่อ มือก็ดึงตุ๊กตาพี่จันทร์ของน้องมูนออกแล้วทำหน้าแหยง

"ใครๆก็อยากรวยไม่ใช่เหรอครับ"

"ก็ใช่..."โซโล่ละสายตาจากน้องมูน หันมาจ้องหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง "แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะฝันแบบนั้นแล้วจริงจังเหมือนที่กีตาร์เป็น"

ผมยกยิ้มให้เจ้าหมาที่บางทีก็ทำตัวเป็นพ่อหมาที่รู้ทันไปเสียทุกอย่าง แต่บางทีก็ทำตัวเป็นลูกหมาขี้อ้อนน่าหยิก

"ที่พี่อยากมีเงิน ก็เพราะอยากให้แม่ใหญ่สบายครับ จะงานอะไรก็ได้ แต่ถ้าจบวิศวะที่พี่ถนัดแล้วได้เกรดดีๆ ได้เป็นวิศวกรก็คงจะได้เงินดี"

ผมเห็นแม่ใหญ่ลำบากมาตลอด ทั้งที่อายุมากแต่ก็ต้องดูแลเด็กหลายสิบคน ไม่รู้ตั้งกี่คนที่ได้ครอบครัวดีๆรับไปเลี้ยงดู แต่แม่ใหญ่ก็ยังอยู่ที่เดิม ดูแลคนอื่นๆต่อไป

"แต่ตอนนี้ท่านก็ไม่อยู่แล้ว..."

ความฝันเลยเหมือนจะหยุดชะงักตามไปด้วย

"กีตาร์..."

"ครูครับ!"

เสียงตะโกนโหวกเหวกมาพร้อมกับร่างของน้องเสาที่วิ่งหอบมาแต่ไกล ผมรีบดันร่างน้องมูนไปหาโซโล่แล้วลุกขึ้นไปหาน้องที่ทรุดตัวลงกับพื้น

"น้องเสา เป็นอะไรครับ ทำไมรีบขนาดนี้"

"ครู...ครูช่วยด้วยครับ"น้องพูดไปหอบไป ตาแดงเหมือนจะร้องไห้

"เกิดอะไรขึ้นครับ"

"ทะ...ที่หมู่บ้าน"

ผมสบตากับคนข้างๆ โซโล่อุ้มน้องมูนขึ้น เราวิ่งตรงไปทางหมู่บ้านโดยมีน้องเสาวิ่งหอบตามมาไกลๆ ผมไม่มีเวลาห่วงเพราะกำลังกลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่หมู่บ้าน กลัวว่าใครจะเป็นอะไรไป

ภาพแรกที่เห็นคือกลุ่มคนไม่คุ้นตากว่าสิบคนที่กำลังยืนประจันหน้าอยู่กับพวกชาวบ้าน มีแค่ลุงหมายกับป้าจิตที่ยืนอยู่ด้านหน้า ถึงจะยืนหยัดแต่ผมเห็นความหวาดกลัวจากพวกเขา โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่กอดเด็กๆเอาไว้

"มึงเป็นแค่ชาวเขา จะไปรู้อะไรเรื่องการค้าขาย"ผู้ชายตัวใหญ่ใส่เสื้อผ้าดูดีมีราคากว่าคนอื่นตวาดเสียงดัง ผมขมวดคิ้ว เดินเข้าไปใกล้กว่าเดิม

"ครูใหญ่สอนหมดแล้ว ทำไมเราจะไม่รู้ว่าพวกคุณโกง"ป้าจิตพูดกลับด้วยเสียงสั่นๆ ผมมองออกว่าป้าแกไม่ได้กลัวพวกนั้น แต่กลัวคนอื่นจะโดนทำร้ายมากกว่า

"แล้วอีครูใหญ่แก่จวนจะลงโลงนั่นไปไหนเสียล่ะ เถียงพวกกูเหมือนมีความรู้ พอกูมาด้วยตัวเองล่ะหดหัว"

"ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับ"ผมเดินเข้าไปหา พยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติธรรมดา ทั้งที่ตอนนี้ในใจเดือดกว่าใคร

คนทั้งหมดหันมาทางผม พวกชาวบ้านมองมาด้วยสายตาขอร้องและดีใจ ส่วนอีกฝั่งที่ผมว่าน่าจะเป็นนายหน้าค้าขายมองมาเหมือนไม่พอใจโซโล่ปล่อยให้น้องมูนวิ่งไปรวมกับกลุ่มเด็กๆ แล้วเดินมาอยู่ข้างๆ

"มึงเป็นใคร เสือกอะไร"คนจากกลุ่มนั้นสักคนตะโกนถาม ผมรั้งแขนโซโล่ไว้เมื่อเขาทำท่าเหมือนจะหงุดหงิดกว่าเดิม

"ผมเป็นครูของเด็กๆครับ"ผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่ดูเหมือนฝั่งนั้นจะไม่สนใจฟังอะไรสักอย่าง

"เหอะ...ต่อจากอีแก่นั่นก็เป็นพวกท่าทางปวกเปียกเนี่ยนะ"

ผมยิ้มน้อยๆ ไม่สนใจท่าทางกับคำพูดดูถูกที่ได้รับ

"ไม่ทราบว่าพวกคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ"

ใครสักคนทำท่าจะโวยวาย แต่ผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหน้ายกมือห้ามไว้เสียก่อน

"มึงไปคุยกับชาวบ้าน บอกให้พวกมันขายของให้กูตามราคาที่กูบอก แล้วจะไม่มีใครเจ็บตัว"

ผมไม่ได้ตอบอะไร ดึงแขนโซโล่ให้เดินตามไปหาป้าจิต

"เกิดอะไรขึ้นครับป้า"

"ไอ้พวกนี้มันมาขอซื้อของเราหลายทีแล้วจ้ะครู ปกติไอ้เหลียงหัวหน้ามันไม่ได้มาด้วย มันมากันสี่ห้าคน จะแบกเอาของไป แต่ปกติมีครูใหญ่คอยขู่คอยเตือนพวกมันเลยกลัว ท่านพูดจาแบบคนมีความรู้ ไอ้พวกนักเลงแบบมันเลยไม่กล้า ป้าอธิบายแล้วว่าเราส่งขายให้คุณเฟื่องเจ้าเดียว แต่พวกมันก็ไม่ฟัง ยังจะกดราคาเรา ขอซื้อราคาต่ำกว่าคุณเฟื่องหลายเท่าตัว"ป้าจิตว่าทั้งน้ำตาคลอ "ป้ากลัวแต่มันจะทำร้ายเรา จะขายให้แต่ขอราคาที่สมเหตุสมผล พวกมันก็ไม่ยอม อาทิตย์ก่อนก็ทีแล้วที่โดนโกงไป ครั้งนี้มันยังมาอีก"

"ไม่เป็นไรนะครับป้า"ผมจับมือป้าจิตไว้ ดึงตัวท่านให้ถอยไปรวมกับชาวบ้านคนอื่นๆ ลุงหมายเองก็เดินตามมา

"จะขายไม่ขาย!"

ผมหันไปหาคนที่ตะโกน ถึงจะไม่พอใจแต่สติน่าจะสำคัญที่สุดตอนนี้

"เราค้าขายกันแบบเป็นธรรมจะดีกว่าไหมครับ เรื่องพวกนี้ผิดกฏหมาย การบังคับขู่เข็ญไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย ถ้าแจ้งความพวกคุณจะเข้าคุกได้นะครับ"ผมพูดเสียงเรียบ พยายามไม่ให้ตัวเองแสดงความไม่พอใจออกไปทางคำพูด

พวกคุณเหลียงมองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดัง ถึงจะไม่เข้าใจว่ามีอะไรน่าขำแต่ผมก็มีมารยาทมากพอที่จะรอให้พวกเขาหัวเราะเสร็จ

"นี่มึงคิดว่ากฏหมายจะมาสนใจพวกบนเขาบนดอยแบบไอ้พวกนี้เรอะ ไอ้หน้าอ่อน"

"ถึงที่นี่ความเจริญจะมาไม่ถึง แต่ก็ไม่ได้ความว่าคุณจะเอาเปรียบใครก็ได้นะครับ"

"แล้วมึงจะมาเสือกอะไร เป็นครูก็อยู่ส่วนครูไปสิวะ พวกมึงไปจัดการมัน!"

ผมถอนหายใจ ยื่นมือไปจับแขนเสื้อโซโล่แล้วหันไปกระซิบ

"พี่ไม่ค่อยถนัดเรื่องการพูดคุยกับพวกไร้การศึกษาเลยครับ"

"มึงพูดอะไร!"

ดูเหมือนจะกระซิบดังไปหน่อย...แต่เอาเถอะ ยังถ่วงเวลาได้ผลอยู่

"ขอโทษด้วยครับ ปกติผมไม่ค่อยได้คุยกับคนไม่มีการศึกษา...กรุณาอย่าเข้าใจผิด คนบางคนไม่ได้เล่าเรียนแต่มีความคิด ตรงกันข้ามกับคนมีการศึกษาบางคนที่ทำตัวเหมือนไร้การศึกษา"ผมนิ่งไปเล็กน้อยเพราะไม่แน่ใจว่าจะใช้คำพูดแบบไหน ต้องขอบคุณฝั่งนั้นที่มัวชะงักค้างเลยมีเวลาพอให้ผมเรียบเรียงคำพูด "ต้องบอกว่าพวกไร้การศึกษาที่ผมว่า ผมไม่ได้วัดจากได้เรียนหรือไม่ได้เรียน แต่ผมหมายถึงพวกไร้พัฒนาการทางสมอง ไม่ค่อยจะคิดอะไรสักอย่าง ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ใส่ใจความรู้สึกคนอื่นน่ะครับ"

"มึง!"

ผมยกมือเกาแก้ม ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าคำพูดมันหาเรื่อง แต่จะให้ยืนนิ่งรอคนมาด่ามาหาเรื่องอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ อีกอย่างที่พูดไปผมก็คิดว่ามันจริงทุกอย่าง และคิดว่าอธิบายแบบสุภาพชนมากที่สุดแล้วนะ ตอนมีปัญหากับเด็กที่มหา'ลัย ใช้คำพูดก็พอจะรู้เรื่องกันอยู่ เพราะเด็กนั่นยังพอมีความคิด แต่กับคนพวกนี้...

ผมโดนดันให้ถอยไปอยู่ด้านหลังด้วยฝีมือของคนข้างๆ โซโล่ยืนบังอยู่ด้านหน้า เขาหันมามองผมแล้วยกยิ้มน้อยๆ มือก็ยกขึ้นขยี้หัวผมเบาๆ

"กีตาร์นี่นะ"

"เขาว่าแม่ใหญ่"ความอดทนมันมีขีดจำกัด โดนพูดรัวๆใส่แบบนั้นเป็นพ่อพระมาจากไหนก็คงทนไม่ได้ทั้งนั้น

"ครับ รู้แล้ว"โซโล่หันกลับไป ดันตัวผมให้ถอยไปอีกก้าว

"พวกมึงไปทำให้มันหายปากดี!"คุณเหลียงตะโกนเสียงดัง หน้าแดงก่ำน่าจะด้วยความโมโห

วินาทีที่คนของคุณเหลียงจะพุ่งเข้ามา ผมมองเห็นเงาร่างของคนหลายๆคนที่กำลังมุ่งตรงมาทางนี้ชัดเจนมากขึ้น และถ้าผมคิดไม่ผิด...น่าจะเป็นคุณเจย์

"ไม่ตายดีแน่มึง!"

ผมขมวดคิ้ว มองดูคนฝั่งนั้นที่พุ่งเข้าหาเจ้าหมา ก้อนหินในมือที่ผมถือไว้แต่แรกเขวี้ยงใส่หน้าของผู้ชายคนนั้นจังๆ แต่ผลที่ได้คือโดนเพ่งเล็งมาทางนี้แทน

ผัวะ!

เพราะโซโล่เข้ามาขวางผมถึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่หน้าของคนขวางโดนต่อยเต็มแรง

"โซ!"ผมเข้าไปประคองคนตัวเซไว้ พวกชาวบ้านผู้ชายลุกขึ้นมาช่วยกันพวกนั้นไว้ให้ แต่คนในอ้อมแขนผมแลดูจะสติหลุดไปแล้ว ดวงตาคมนิ่งที่เห็นเป็นประจำทอประกายกร้าว วินาทีต่อมาโซโล่ก็ดันผมออกแล้วเดินผ่านชาวบ้านเข้าไปถีบคนที่ต่อยเขาเต็มแรง

ผมช่วยกันไม่ให้พวกผู้หญิงกับเด็กๆโดนลูกหลง พอมองภาพความวุ่นวายตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ร้อนใจ

ผมไม่คิดว่าคุณเจย์จะมาถึงช้าขนาดนี้ ถึงจะไม่รู้ว่ามีใครบ้างแต่กลุ่มคนที่เดินมากับคุณเจย์มีมากกว่าสิบคนแน่นอน ผมมองเห็นพวกเขาแต่แรกแล้วและคิดจะถ่วงเวลาจนกว่าพวกเขาจะมา เพียงแต่ว่าสถานการณ์ทุกอย่างมันไวเกินไป ผมนึกเสียใจอยู่เหมือนกันที่ไม่พูดถ่วงเวลาให้นานกว่านี้

"โซ!"ผมเรียกเสียงดังเมื่อโซโล่พลาดท่าโดยต่อยเข้าที่หน้าอีกหมัด อยากจะพุ่งเข้าไปหาแทบตายแต่เด็กสองสามคนที่เกาะผมไว้ก็ปล่อยไปไม่ได้

"เจย์!"โซโล่ตะโกนเสียงดัง น้ำเสียงเจือความหงุดหงิดชัดเจน

"จัดการให้หมด!"เสียงออกคำสั่งของคุณเจย์ดังขึ้นพร้อมกับร่างของผู้ชายหลายคนที่เดินเข้ามา จากการต่อสู้กันสองฝ่ายเริ่มเป็นฝ่ายคุณเหลียงที่โดนเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว

ผมส่งตัวน้องๆให้พวกคุณลุงที่เดินถอยมา ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่ทำหน้าตาเหมือนอยากจะฆ่าใครตาย โซโล่กำมือแน่น มองภาพพวกนั้นที่โดนยำจนเละเทะด้วยสายตาเย็นชา

"โซ..."ผมเรียกเบาๆ แตะหลังมือของคนที่ยืนนิ่ง โซโล่หันมาหา สายตาอ่อนลงแทบจะทันที "เจ็บไหมครับ"

"ไม่เป็นไร"

ไม่เป็นไร...แต่ปากแตก

"คุณชาย"คุณเจย์เดินเข้ามาหา หน้าตาเคร่งเครียดผิดปกติ

"จัดการพวกมัน อย่าให้มายุ่งกับที่นี่อีก"โซโล่สั่งเสียงเรียบ ก้มหน้าให้ผมใช้ผ้าชุบน้ำที่ชาวบ้านส่งมาให้เช็ดหน้าให้เบาๆ

"ครับ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง แต่เรื่องที่สำคัญกว่านั้น..."

โซโล่ผละหน้าออก หันไปจ้องหน้าพวกที่เดินมาพร้อมคุณเจย์ ซึ่งกำลังจัดการกับพวกคุณเหลียงอยู่

"พวกนั้นมาได้ไง"

"พวกนั้นถูกส่งให้มาหาตัวคุณชายครับ"คุณเจย์ตอบด้วยเสียงเคร่งเครียด ท่าทางของเขาดูไม่ดีจนผมอยากถามว่าเป็นอะไรไหม แต่ก็ไม่อยากแทรกบทสนทนา

"ปกติพ่อไม่เคยยุ่งกับผมขนาดนั้นนี่"โซโล่ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ แต่พอได้สบตากับคุณเจย์เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น "หรือว่า..."

คุณเจย์พยักหน้า ใบหน้าของเขาดูเจ็บปวดเหมือนจะร้องไห้

"คุณท่านมาถึงไทยเมื่อวานนี้ครับ...มาพร้อมกับคุณลินดา"

---------------------------------------

 

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-03-2017 21:35:28
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-03-2017 21:54:05
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 03-03-2017 23:06:20
รอออออ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 03-03-2017 23:15:37
ง๊อออออ...ใครอะไรยังไง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 03-03-2017 23:30:49
น่ารักที่สุดดด อุตส่าห์มาลงให้อ่าน สู้ๆนะคะ!!

พ่อโซมาแล้ว จะเป็นยังไงต่อนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 03-03-2017 23:34:50
 :hao5: คุณพ่อสามี(รวย)กำลังมา!!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 03-03-2017 23:47:04
มารอน้องมูนทุกวันนน ขุ่นพามาแล่ววว มาดีใช้มั้ยคะ กดดันๆๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: zonpine ที่ 04-03-2017 00:06:45
ฉันค้างงงงงงงง!!!!
แง่! จะเกิดอะไรขึ้นต่อล่ะนี้. ลุ้นๆ
มาต่อไว้นะคะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 04-03-2017 03:09:34
 :a5: เอ๊ะ ลินดาคือใคร มาทำไม????
 น้องมูนนี่น่ารักน่าหยิกมากลูก แบบว่าน่าหมั่นเขี้ยว  :mew3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 04-03-2017 12:09:07
ชอบน้องมูนน้องน่ารัก
ชีวิตรักของกีล์จะดร่าม่าไหมเนี้ย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-03-2017 12:12:43
พ่อโซมาแล้ว ว่าแต่ลินดาคือใครอ่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 04-03-2017 17:25:59
ฮืออออออออออ
น้ำตาคลอตลอดเวลาเลย
รักน้องมูนจัง ทำไมอ่อนโยนแบบนี้

แล้วคุณพ่อมาแล้ว ยังไงดี ยังไงงงงงง

มีความลุ้นมากเลยค่ะตอนนี้
เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-03-2017 19:50:06
หวังว่าจะไม่ต้องถึงชีวิตกันนะครับ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 05-03-2017 00:45:08
 :ling1: :katai1: :ling2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER34 P.24 [03/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 07-03-2017 21:11:20
-35-

 

หลังจากพวกชาวบ้านแยกย้ายไปแล้ว ผม โซโล่ คุณเจย์ รวมถึงคนของพ่อเขาก็เดินกลับมาคุยกันที่บ้าน โดยมีน้องมูนที่ร้องไห้งอแงเพราะเห็นครูหล่อเจ็บตามติดมาด้วย คราวนี้โซโล่อุ้มน้องแล้วลูบหัวปลอบต่างจากทุกที พวกเราเข้ามานั่งคุยกันอยู่ในบ้าน ดีที่คนของพ่อเขารออยู่ด้านนอกไม่ได้ตามเข้ามาด้วย

"น้องมูน...ให้พี่ทำแผลให้ครูหล่อก่อนนะครับ"ผมแตะแขนน้องที่กอดคอโซโล่ไว้ น้องมูนหันมามอง พยักหน้าหงึกหงักแล้วผละออกมานั่งกอดพี่จันทร์อยู่ข้างๆ

ผมทำแผลให้โซโล่โดยใช้ยาที่ชาวบ้านเอามาให้ ดีที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ปากแตกกับแก้มช้ำ

"ไม่เจ็บหรอก"โซโล่ยกมือโคลงหัวผมเบาๆ คงเพราะผมเผลอแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกไปเขาถึงพูดแบบนั้น ผมพยักหน้าเหมือนจะรับรู้ แต่ก็ยังเจ็บแทนทุกครั้งที่แตะยาลงไปบนแผลของคนที่นั่งนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร

พอจัดการเรื่องแผลเสร็จแล้วเราก็หันกลับมามองคุณเจย์ที่นั่งเหม่ออยู่ ผมสบตากับโซโล่ เขาขมวดคิ้ว ดูท่าทางเป็นห่วงคุณเจย์ไม่แพ้กัน

"เจย์"

"ครับ"คุณเจย์ตอบรับ ส่งยิ้มอ่อนล้ามาให้

ตั้งแต่กลับขึ้นมาที่นี่ครั้งนี้เขาก็เปลี่ยนกลับไปเป็นคุณเจย์คนเดิม เป็นคนที่ดูยิ้มไม่สุด เหมือนแค่ฝืนยิ้มเพื่อปิดบังตัวเองไว้ ดูเหมือนกับคิดอะไรตลอดเวลา หรือบางที...อาจจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรครูเฮียที่ร่าเริงของเด็กๆถึงเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเดาไม่ผิดคงเพราะ...

"ไม่ต้องสนใจผู้หญิงคนนั้นหรอก"โซโล่พูดเสียงเรียบ "ก็แค่ผู้หญิงง่ายๆที่พ่อควงนานกว่าคนอื่น"

ผมมองพวกเขาอย่างไม่เข้าใจ พอจะเดาได้จากคำพูดโซโล่ว่าผู้หญิงที่ชื่อลินดาเป็นใครแต่ก็ไม่เข้าใจทั้งหมด และคงเพราะคุณเจย์ไม่ยอมตอบอะไรโซโล่เลยหันมาอธิบายให้ผมฟังแทน

"เป็นเรื่องธรรมดาที่คนระดับพ่อจะมีคนนั้นคนนี้มาเกาะแกะเยอะ ลินดาเป็นหนึ่งในนั้น"โซโล่เหลือบตามองคุณเจย์เมื่อเห็นว่าเขาหันหน้าหนี "เรียกว่าคู่ควงก็คงได้...ถึงผมจะไม่ได้เจอพ่อเท่าไหร่แต่ก็ได้ยินมาเยอะว่าพ่อเปลี่ยนคู่ควงบ่อยขนาดไหน แต่ผู้หญิงคนนี้พ่อควงมาหลายเดือนแล้ว...น่าจะตั้งแต่ผมบินมาไทย"

และถึงกับพามาไทยด้วย มิน่าคุณเจย์ถึงดูเจ็บปวดแบบนั้น

"แล้วโซ..."ผมหันไปมองโซโล่อย่างเป็นห่วง แต่เจ้าตัวแค่หันมายิ้มแล้วส่ายหน้าให้

"ผมไม่เป็นไรหรอก กีตาร์ก็รู้ว่าสถานการณ์ระหว่างผมกับพ่อไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เขาจะเอาใครมาแทนที่แม่ก็เรื่องของเขา คนที่น่าเป็นห่วงอยู่นั่นต่างหาก"โซโล่หันไปมองคุณเจย์ สุดท้ายพอไม่มีใครพูดอะไรออกมาเขาก็ถอนหายใจ "พ่อรู้หรือเปล่า"

"รู้อะไรครับ"คุณเจย์เงยหน้าขึ้นมาถาม

"รู้ว่าเจย์รัก"

"คุณชาย!"คุณเจย์พูดด้วยความตกใจ รีบยกมือปิดปากโซโล่ไว้ "เบาๆสิครับ"

โซโล่แกะมือเขาออก ขมวดคิ้วเมื่อคุณเจย์ไม่ยอมตอบ

"ว่าไง"

"ผม...ไม่แน่ใจ"

"ไม่เคยบอกสินะ"

"ครับ"

พอเห็นหน้าคุณเจย์สลดลงผมก็แอบตีขาหมาหน้านิ่งเบาๆ โซโล่หันมามองแล้วทำหน้าบึ้ง แถมยังพาลไปดึงพี่จันทร์ของน้องมูนออกมาอีก เจ้าตัวเล็กก็คิดว่าจะเล่นด้วย รีบขยับตัวจะเอาพี่จันทร์คืนแล้วหัวเราะยกใหญ่

"เรื่องของผมช่างมันเถอะครับ เอาเรื่องของพวกคุณก่อนดีกว่า"คุณเจย์เปลี่ยนสีหน้าให้ดูจริงจัง โซโล่เองก็หยุดเล่นกับน้องมูน ส่งพี่จันทร์คืนน้องแต่โดยดี

"เล่ามาสิ"

"ตอนเข้าเมืองผมไปเจอพวกนั้น เห็นว่าเพราะติดต่อเราไม่ได้คุณท่านเลยส่งคนตามหา"คุณเจย์ทำหน้าเครียด กำมือแน่น "พวกนั้นบอกว่าคุณท่านต้องการเจอคุณชาย"

"เหอะ...ร้อยวันพันปีไม่เคยสนใจ พอจะใช้งานก็จิกหัวเรียก"โซโล่แค่นเสียง ใบหน้าเย็นชาจนผมต้องแตะหลังมือเขาไว้

"คุณชาย..."คุณเจย์ถอนหายใจ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนเรื่อง "ผมจะถ่วงเวลาไว้ให้"

"ถ่วงเวลา?"ผมทวนคำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือการถ่วงเวลา

"ครับ...ถ้าท่านต้องการจะเจอ มันหมายความว่าท่านต้องเจอเดี๋ยวนั้น นี่พวกนั้นก็คงส่งข่าวไปบอกแล้วว่าเจอผมแล้ว ถ้ายังไม่ยอมไปเจอท่านอีก ท่านคงสั่งให้คนบังคับพาไปแทน"คุณเจย์มองออกไปทางช่องหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ ผมมองตาม เห็นว่าคนพวกนั้นกำลังเดินสำรวจรอบบ้าน เหมือนกลัวว่าพวกเราจะหนี

"ผมจะกลับอาทิตย์หน้า"โซโล่พูดเสียงแข็ง คิ้วขมวดมุ่นไม่พอใจ

"คุณชายคงไม่อยากให้คุณกีล์เดือดร้อนไปด้วยนะครับ"

ผมสบตากับโซโล่ เห็นความกังวลใจของเขา จริงๆก็อยากจะบอกว่าไม่เป็นไรหรอก แต่ผมคิดว่าที่คุณเจย์พูดก็เพื่อให้เขาหยุดดื้อมากกว่าเลยไม่พูดอะไรออกไป

"ผมยังไม่อยากกลับ"

"เพราะงั้นผมถึงบอกว่าจะถ่วงเวลาให้ไงครับ"คุณเจย์ยิ้มบาง ยื่นมือมาลูบหัวโซโล่ด้วยความเอ็นดู เหมือนกับกำลังปลอบเด็กไม่รู้จักโตคนหนึ่ง "ผมจะกลับไปก่อน เรื่องคนพวกนั้นกับคุณท่านผมจะจัดการให้เอง"

"คุณเจย์จะไม่เป็นไรเหรอครับ"ผมถามด้วยความเป็นห่วง ถึงจะไม่เคยเจอพ่อโซโล่แต่ก็พอเดาได้ว่าท่านเป็นคนแบบไหน

"ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมอยากให้พวกคุณพักผ่อนก่อน อีกแค่สามวันก็สิ้นปีแล้วด้วย"เขามองผมด้วยสายตาเป็นประกายเหมือนรู้ทัน

อีกสามวันก็สิ้นปีแล้ว...และเป็นวันเกิดโซโล่ด้วย

"ตอนนี้คุณท่านไปดูงานที่ภูเก็ต ผมจะทำให้ท่านอยู่ที่นั่นให้ได้สามวัน แต่หลังจากนั้นคุณชายคงเลี่ยงไม่ได้อีก"

หมายความว่าเรามีเวลาอยู่ที่นี่อีกแค่สามวันสินะ

"แต่กำหนดกลับ..."

"โซ"ผมพูดแทรกคนที่กำลังหัวเสีย "กลับไวกว่าเดิมไม่กี่วันเอง ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาไว้มีเวลาค่อยมาใหม่ก็ได้"

ถึงจะไม่รู้ว่าจะมีเวลาอีกตอนไหนก็เถอะ

โซโล่ถอนหายใจ มองหน้าผมอยู่สักพักแล้วก็ยอมพยักหน้า

"เรื่องธุระที่คุยกันผมจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะครับ"

"ธุระอะไรกันครับคุณเจย์"

"เรื่องนี้ผมว่าให้คุณชายอธิบายดีกว่า"

ผมหันไปหาโซโล่อย่างต้องการคำตอบ เขาวางมือลงบนหัวน้องมูนที่นั่งเงียบๆมาตั้งแต่แรกแล้วโคลงไปมา

"เรื่องที่ผมเข้าไปคุยกับป้าจิต"

"อ่า...ที่โซบอกว่าจะบอกพี่"

"อืม...ผมรู้มาว่าคุณแม่ของกีตาร์เคยส่งหนังสือเกี่ยวกับที่นี่เข้าไปในเมือง เรื่องรับครูอาสา น่าจะส่งไปตั้งแต่ท่านรู้ว่าตัวเองป่วย"

ผมพยักหน้า เข้าใจว่าท่านคงส่งเรื่องไปเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่สอนเด็กๆได้นานแค่ไหน

"ผมให้เจย์ไปจัดการให้ เพราะลำพังแค่จดหมายฉบับเดียวคงไม่มีใครสนใจ เผลอๆจะไม่ถูกเปิดอ่านด้วยซ้ำ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรมีอยู่มากก็จริง แต่พื้นที่ที่ขาดการดูแลก็เยอะพอกัน แล้วก็มีบางองค์กรที่อยากช่วยเหลือแต่ไม่มีทุน ผมเลย...ช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้นิดหน่อย"โซโล่ยิ้มขณะที่มองน้องมูน แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม "เขาจะเริ่มเปิดรับอาสาสมัครอาทิตย์นี้ อาจต้องใช้เวลาหน่อยแต่ก็มั่นใจได้ว่าเด็กๆจะได้เรียนแน่นอน"

ผมนั่งนิ่งเป็นหินอยู่ครู่หนึ่ง เพราะสมองประมวลผลตามคำพูดของเขาไม่ทัน แต่หลังจากเข้าใจจนกระจ่างรอยยิ้มกว้างจากใจก็ปรากฎออกมาแทบจะทันที

เอาอีกแล้ว...หมาตัวนี้

ผมมองหน้าโซโล่ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ที่ชัดเจนคงเป็นความตื้นตัน ในใจอัดแน่นไปด้วยคำพูดมากมายที่อยากจะบอกให้ฟัง

"ขอบคุณนะครับ"สุดท้ายก็ได้แต่พูดคำสั้นๆที่พูดเท่าไหร่ก็คงไม่สมกับสิ่งที่เขาทำให้ โซโล่ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยื่นมือมาจับมือผมไว้แทนคำตอบ

ไม่รู้ว่าจะทำให้ความรู้สึกของผมมากขึ้นขนาดไหนเจ้าตัวถึงจะพอใจ...แค่นี้ก็มากจนไม่รู้จะมากยังไงแล้ว

"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้เจอกันที่กรุงเทพ"คุณเจย์ส่งยิ้มมาให้ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกไปนอกบ้าน

ผมพับเรื่องที่คิดทั้งหมดเก็บไว้แล้วเดินออกมาส่งคุณเจย์หน้าบ้าน เขาเดินเข้าไปคุยกับคนพวกนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันมาทางเรา กลุ่มคนพวกนั้นหันมาค้อมหัวให้โซโล่อย่างนอบน้อม

ผมเพิ่งสังเกตว่าพวกเขาใส่เสื้อผ้าธรรมดาเหมือนคนทั่วไป ตอนแรกผมคิดว่าพวกเขาจะต้องใส่สูทสีดำกับแว่นกันแดดสีดำเหมือนกันหมดเสียอีก...นี่ถ้าเจ้าหมารู้ว่าผมคิดแบบนี้สงสัยโดนขำตายแน่ๆ

"ผมคงไปลาเด็กๆไม่ได้ ฝากด้วยนะครับ บอกพวกเขาว่าผมจะมาหาใหม่"

"ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณเจย์"

"อย่าลืมบอกเรื่องนั้นนะครับคุณชาย"คุณเจย์หันมาตะโกน โบกมือให้อีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้หมาหน้าบึ้งยืนบ่นอุบอิบอยู่ข้างผม

"บอกว่าอย่าเพิ่งบอกไง"

"บอกเรื่องอะไรเหรอครับ"

โซโล่เมินคำถามผม หันไปอุ้มน้องมูนที่เกาะขาอยู่ขึ้นมาแทน

"โซ บอกเรื่องอะ..."

"ครูเฮียไปไหนเหรอครับ"

ผมชะงัก หันไปสบตากับโซโล่ ไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามน้องแบบไหน

"กลับไปแล้ว ถ้าว่างจะมาหาใหม่"โซโล่ตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ผมรีบมองน้องมูนเพราะกลัวน้องร้องไห้ แต่น่าแปลกที่น้องแค่พยักหน้าเข้าใจ

"อีกสามวันครูก็จะกลับเหมือนกันใช่ไหมครับ"

"น้องมูน?"

"น้องมูนฟังไม่รู้เรื่อง แต่รู้ว่าอีกสามวันครูต้องกลับแล้ว น้องมูนไม่เป็นไรหรอกครับ"เด็กน้อยที่บอกว่าไม่เป็นไรกอดพี่จันทร์ไว้แน่น ตาแดงก่ำจนดูน่าสงสาร

"เอาไว้ถ้ามีโอกาสพี่จะมาหาอีกนะครับ"ผมรีบพูดแล้วยื่นมือไปลูบหัวน้องเบาๆ

"ครับ น้อง..."

"อยากไปอยู่ด้วยกันไหม"เสียงนิ่งๆตามแบบฉบับดังแทรกคำพูดของน้องมูน ผมหันไปมองหน้าโซโล่อย่างตกใจกับประโยคที่เขาเพิ่งพูดขึ้นมา "ที่จะบอกกีตาร์ก็คือเรื่องนี้ ไปหมู่บ้านกันก่อนเถอะ ทุกคนคงรออยู่แล้ว ผมจะพูดต่อหน้าทุกคน"

โซโล่เดินนำไปทางหมู่บ้านเหมือนยังไม่อยากให้ถามอะไร ผมรีบเดินตามไป พอเดินมาจนใกล้ถึงแล้วถึงได้เห็นว่าตอนนี้พวกชาวบ้านยังรวมตัวกันอยู่ ไม่ได้แยกย้ายกันไปแล้วแบบที่ผมคิด แม้แต่เด็กๆก็นั่งอยู่กับพื้นดูเรียบร้อยกว่าทุกที คงยังกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดไม่น้อย

"ครู!เป็นไงบ้างครับ"ลุงมั่นรีบเดินเข้ามาหา แล้วมองสำรวจโซโล่อย่างเป็นห่วง

"ไม่เป็นไร เรียกคนอื่นมาฟังเถอะ"

ผมรับน้องมูนมาอุ้มไว้เองแล้วมายืนฟังอยู่ข้างๆชาวบ้านกับเด็กๆที่ล้อมวงเข้ามา

"วันก่อนผมไปเดินสำรวจพื้นที่บริเวณนี้มา เห็นว่ามีพื้นที่หลายจุดที่เหมือนมีการเตรียมการเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ใช้งานอะไรใช่ไหม"

"ครับครู ครูใหญ่เคยคุยกับพวกเราเรื่องการปรับปรุงที่ดินทำกินของเราทั้งหมดใหม่ให้เหมาะสมกว่าเดิม เผื่อวันหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวหรือใครขึ้นมาเราจะได้มีพื้นที่รองรับเขามากขึ้น แล้วก็มีพื้นที่ทำงานอย่างอื่นเพิ่มขึ้นด้วย แต่ยังไม่ทันได้คุยรายละเอียดมากกว่านั้นครูใหญ่ก็ป่วยเสียก่อนพวกผมเลยไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ"ลุงมั่นอธิบาย

"บางเรื่องพวกคุณไม่ต้องใช้ผู้รู้หรอก อาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมาก็พอแล้ว"โซโล่ไม่ได้บอกแค่กับลุงมั่น แต่เขามองไปที่ชาวบ้านทุกคน

"แต่ถ้าเราพลาดไปมันอาจจะส่งผลเสียไปหมดเลยนะครับครู"

"ผมหมายถึงในกรณีที่ไม่มีใครคอยให้คำปรึกษา ยังไงก็ต้องพึ่งกันเอง ลองทำดูดีกว่าอยู่เฉยๆไม่ใช่เหรอ ผมดูก็รู้ว่าแค่การขายผักพวกนั้นไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายของคนทั้งหมู่บ้าน"โซโล่พูดเสียงเรียบ ไม่ได้สนใจพวกชาวบ้านที่มีสีหน้าสลดลง ไม่มีใครปฏิเสธสิ่งที่เขาพูดสักคำ "ตอนนี้อาจพอถูไถไปได้ แต่วันต่อไปที่ต้องมีรายจ่ายเยอะขึ้น ลำพังของพวกนั้นยังไงก็ไม่พอ ถ้าพวกคุณมัวแต่ทำสิ่งที่ครูใหญ่นำทางไว้ให้อย่างเดียวโดยไม่คิดขวนขวายเพิ่ม พวกคุณนั่นล่ะที่จะลำบาก"

"โซ..."ผมเรียกเสียงค่อย กังวลว่าคำพูดของเขาจะทำให้พวกชาวบ้านรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า แต่พอโซโล่หันมายิ้มผมก็นิ่งไป เพราะนึกได้ว่าทุกสิ่งที่เขาพูดเป็นเพราะเขาหวังดีจริงๆ

"ผมแค่อยากให้พวกคุณพึ่งพาตัวเอง แต่เอาเถอะ...ตอนนี้ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านนี้เหมือนกัน เพราะงั้น...ในเมื่อพวกคุณมีประสบการณ์การทำงาน ส่วนผมรู้หลักการบริหารงาน แล้วเราก็มีว่าที่วิศวกรคนเก่งอยู่ด้วยอีกคน"โซโล่สบตาผมแล้วยกยิ้ม "ผมว่าเราน่าจะช่วยกันวางแผนได้"

มาถึงตอนนี้ผมคิดว่าเจ้าหมาที่ผมคิดว่าเขาเป็นเด็กมาตลอด บางทีอาจจะไม่ใช่เด็กอย่างที่คิด สิ่งที่เขาพูดออกมาเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลย

"ผมอาจจะอยู่ช่วยไม่ได้เพราะอยู่ที่นี่ได้อีกแค่สามวัน แต่จะช่วยหาของจำเป็นส่งมาให้ พวกคุณเห็นด้วยหรือเปล่าครับ"โซโล่หันไปถามชาวบ้าน พวกเขามองไปที่เจ้าหมาของผมอย่างซึ้งใจ พากันพยักหน้าเป็นทิวแถว

"แล้วก็อีกเรื่อง...ผมช่วยจัดการเรื่องจดหมายครูใหญ่ให้แล้ว อีกไม่นานจะมีครูอาสาขึ้นมาสอนเด็กๆตามที่ครูใหญ่ต้องการ"

"จริงเหรอครับครู!"

"จริงเหรอครับ!"

เด็กๆที่นั่งงงส่งเสียงโหวกเหวกทันทีที่ได้ยินคำว่าครู พวกเขาดูตื่นเต้นดีใจไม่ต่างจากตอนเจอผมครั้งแรก

"อืม...อาจจะต้องรอสักพักแต่จะมีมาแน่"

"เย้!"

"เรื่องสุดท้าย..."โซโล่เงียบไปแล้วขยับให้ป้าจิตเดินมายืนแทนที่

"สองสามวันมานี้ฉันได้คุยกับครูมาตลอด ครูมาปรึกษาเรื่องการให้ทุนกับเด็กที่นี่ ฉันเองไม่มีปัญหาเพราะอยากให้พวกมันได้เรียนสูงๆกันอยู่แล้ว ลูกใครก็ถามความสมัครใจแล้วตัดสินใจกันเอาเองก็แล้วกัน"

ผมเบิกตากว้าง หันไปมองโซโล่ด้วยความแปลกใจ เขาเองก็มองกลับมาแล้วยกมุมปากนิดๆเป็นรอยยิ้ม

"ผมจะให้เด็กๆกับครอบครัวตัดสินใจเอง ถ้าอยากเข้าไปเรียนในเมืองผมจะส่งเสียเรื่องค่าเรียนให้ แต่ไม่ได้ให้ฟรีๆ เมื่อไหร่ที่มีงานทำมีเงินใช้จะต้องหาเงินมาคืน เป็นเหมือนการใช้ทุน หรือถ้ายังไม่ต้องการตอนนี้ อยากเข้าเรียนเมื่อไหร่ก็ติดต่อมา ผมจะช่วย"

พวกชาวบ้านหันไปคุยกันเสียงดัง แต่ผมไม่ได้สนใจที่พวกเขาคุยกันเท่าไหร่ ตอนนี้สายตาของผมจับจ้องไปที่คนๆเดียว...คนที่เป็นที่พึ่งให้มาตลอด

เขาแก้ปัญหาให้ทุกอย่างและช่วยเหลือคนที่นี่อย่างจริงใจ เหมือนรู้ว่าตอนนี้ผมไม่พร้อมจะคิดหรือช่วยเหลือใคร ถึงได้คอยคิดและทำแทนทุกเรื่อง เขาแสดงออกให้เห็นว่าเขารักที่นี่เหมือนที่แม่ใหญ่รัก...เหมือนที่ผมรัก

ให้พูดว่าขอบคุณอีกกี่ล้านครั้งก็คงไม่พอ

ไม่ใช่แค่เอ็นดูน้องมูนคนเดียว แต่เขาเผื่อแผ่โอกาสที่หาได้ยากให้กับเด็กๆทุกคน

"เขาเรียกว่าใช้ความรวยให้เป็นประโยชน์"โซโล่กระซิบ ผมหัวเราะเสียงดัง แอบตีแขนคนขี้อวดด้วยความหมั่นไส้

"โซรู้เรื่องการบริหารด้วยเหรอครับ"ผมถามด้วยความสงสัย รู้ว่าเขาต้องศึกษางานของครอบครัว แต่ก็ไม่คิดว่าจะศึกษามาแล้ว ตอนที่คุยงานกับพนักงานที่คอนโด หรือตอนไปดูงานกับคุณเจย์ ผมคิดว่าเขาเพิ่งเริ่มเรียนรู้เสียอีก

"ไม่อยากรู้ก็ต้องรู้ ผมเรียนรู้เรื่องพวกนี้มานานมากแล้ว พ่อส่งคนมาสอนน่ะ"โซโล่พูดเสียงเรียบเหมือนตอบเรื่องทั่วไป แต่ผมพอจะมองออกว่าเขาไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่เลยไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ

พวกชาวบ้านปล่อยให้เด็กๆไปวิ่งเล่น ส่วนพวกเราก็ล้อมวงกันคุยเรื่องการวางแผนจัดการพื้นที่ใช้สอยของที่นี่ ผมรับหน้าที่วาดรูป พยายามวาดให้เข้าใจและเขียนคำกำกับสั้นๆกับตัวเลข เพราะคนที่นี่อ่านหนังสือกันไม่ค่อยออก เผลอๆคงต้องให้เด็กๆอ่านให้ฟัง

"พื้นที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรอยู่ไกลไปนะครับ สัตว์ต้องได้รับการดูแล เอาไว้ใกล้กว่านี้น่าจะดี แถมพื้นที่ที่ใช้อยู่ก็ใหญ่เกินไปสำหรับจำนวนสัตว์ที่มีอยู่ด้วย"ผมชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดของที่นี่ในกระดาษอีกใบที่ชาวบ้านช่วยกันวาดขึ้นมา เป็นเหมือนภาพจำลองที่ที่เราอยู่ตอนนี้

"เรามีพื้นที่ว่างพอควรอยู่หลังบ้านผมครับครู"

"เราน่าจะย้ายได้ ไก่ไม่ได้ย้ายลำบากอยู่แล้ว"

"พื้นที่เดิมทำเลน่าจะเหมาะกับการเพาะปลูก เราปลูกผักเพิ่มดีไหม"

"ครูใหญ่เคยบอกว่าเราน่าจะลงทุนปลูกผลไม้นี่ เอาตรงนั้นเป็นที่ปลูกดีไหม"

"ต้องศึกษาด้วยว่าควรปลูกอะไรดี อะไรปลูกง่ายขึ้นง่ายมีประโยชน์"

"ผมเคยเห็นหนังสือบริจาคที่อยู่ที่ห้องเรียนเด็กๆมีเรื่องพวกนี้อยู่นะครับ ลองให้เด็กๆอ่านให้ฟังก็ได้ ทุกคนจะได้ถือโอกาสเรียนรู้ไปด้วยเลย"ผมให้คำแนะนำ พอทุกคนตกลงก็เรียกเด็กๆมาพาไปที่ห้องเรียน แล้วค่อยๆถอยออกมาจากกลุ่มช้าๆ

ผมคุยกับโซโล่แล้วว่าพวกเราจะช่วยแค่แนะนำกับวางแผนเท่านั้น ส่วนที่เหลือพวกชาวบ้านต้องเรียนรู้กันเอง พึ่งพากันเอง ต้องลองคิดสร้างสิ่งใหม่ๆบ้าง ผมไม่ได้กังวลเท่าไหร่เพราะคิดว่าพวกเขามีสิ่งสำคัญที่เรียกว่าประสบการณ์อยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่เคยดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ก็เท่านั้น

ทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้ด้วยดีแน่

"น้องมูนไปอยู่กับครูได้เหรอครับ"

"อืม"

ผมละสายตาจากพวกชาวบ้าน หันกลับมามองพ่อหมากับลูกหมาที่เกาะติดกันไม่เลิกแทน

"ได้จริงเหรอ"

"อืม"

"ทำไมถึงได้ล่ะ"เจ้าตัวเล็กเอียงหัวสงสัย แต่ดูเหมือนพ่อหมาจะขี้เกียจตอบแล้วถึงได้หันหน้าหนี

"เพราะครูหล่อใจดีไงครับ"ผมเดินเข้าไปหา น้องมูนหันมามองแล้วเดินมาเกาะขาผมแทน คงเพราะรู้ว่าถามผมแล้วน่าจะได้คำตอบมากกว่า

"คนอื่นจะไปด้วยหรือเปล่าครับ"

"ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเขาครับ"ผมนั่งยองๆแล้วยิ้มให้น้อง "แต่ถ้าไปที่นั่นน้องมูนจะไม่ค่อยได้เจอคนที่นี่แล้วนะ จะทนได้หรือเปล่าครับ"

"ถ้าไปแล้วน้องมูนได้เรียนหนังสือดีๆ มีเงินเยอะๆมาให้ทุกคน น้องมูนก็ทนได้ครับ ครูหล่อบอกว่าเป็นผู้ชายต้องอดทน"น้องทำหน้ามุ่งมั่นจนแก้มพอง ผมเลยหอมแก้มน่าฟัดนั่นไปทีจนเจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกคัก

"ถ้ายังยุ่งกับกีตาร์จะไม่พาไปแล้ว"เจ้าหมาที่กำลังยืนกอดอกพูดแทรกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด หน้านบูดกว่าปกติประมาณสิบเท่า

"พาลอะ"ผมแซว

"หมั่นไส้"

แม้แต่เด็กก็ด้วยเหรอเนี่ย

"โซ ถ้ามีแค่น้องมูนที่อยากไปคนเดียวจะทำยังไงครับ"ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนอีกคนจะหน้าบูดหนักกว่าเดิม โซโล่เหลือบตามองแล้วทำเหมือนไม่ได้ยิน แต่พอผมส่งยิ้มให้เขาก็ยอมตอบด้วยน้ำเสียงสะบัดๆ

"ตอนแรกคิดไว้ว่าโรงเรียนประจำน่าจะสะดวกถ้าเด็กหลายคน หรือไม่ก็หาที่ให้อยู่ด้วยกันแล้วหาคนมาดูแล แต่ถ้ามีแค่เด็กพระจันทร์นี่คนเดียว...ผมคิดว่าเลี้ยงไหว"

เด็กพระจันทร์ที่ว่าเงยหน้ามาสบตาแล้วเดินไปกอดขาคนพูดอ้อนๆ ส่วนคนที่พาลอยู่เมื่อครู่ก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่มือนี่ลูบหัวน้องไม่หยุด

"จะให้น้องไปอยู่กับโซเหรอครับ"

"เปล่า..."โซโล่ปฏิเสธ เดินเข้ามาจับมือผมแล้วมองด้วยสายตาจริงจัง "จะให้มาอยู่กับเราต่างหาก"

ผมอมยิ้มกับคำตอบที่ได้รับ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ถึงจะยังกังวลเรื่องพ่อเขาอยู่บ้างแต่ผมก็ตัดสินใจไปนานแล้ว ตอนนี้ก็กำลังพยายามไม่นึกถึงเรื่องแย่ๆ หรือมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไปอยู่

ผมแค่อยากคิดถึงแต่ความสุขที่มีอยู่ตอนนี้ก่อน เพราะหลังจากกลับจากที่นี่คงมีเวลาให้กังวลอีกเยอะ

"ถ้ามีแค่เด็กพระจันทร์นี่คนเดียวจริงๆ ผมจะให้กีตาร์ฝึกงานกลับมาก่อนค่อยให้คนมารับเด็กนี่ ไม่มีคนช่วยห้าม ถ้าดื้อขึ้นมาผมคงโยนออกนอกระเบียงเข้าสักวัน"โซโล่แกล้งขู่ แต่นอกจากน้องมูนจะไม่กลัวแล้วยังส่ายหัวดุ๊กดิ๊กอีก

"น้องมูนไม่ดื้อนะ"

"เหรอ"

ผมหัวเราะกับน้ำเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อของเจ้าหมา ส่วนน้องมูนก็พยักหน้ายืนยันอย่างขันแข็ง

เราเดินเล่นกันไปเรื่อยๆตามทาง พอผ่านแปลงผักเจ้าตัวเล็กก็วิ่งไปดูผักของตัวเองอย่างร่าเริง แถมยังคุยจ้อกับผักตัวเองไม่เลิก ไม่สนใจพวกผมที่ยืนมองอยู่สักนิด

"ป้าจิตบอกว่าเมื่อก่อนเด็กนี่เงียบมาก"โซโล่พูดด้วยเสียงเบาๆเหมือนไม่อยากให้น้องมูนได้ยิน "กว่าเด็กคนอื่นจะช่วยกันทำให้เปิดปากได้ก็ใช้เวลามากพอควร เห็นว่าเคยโดนแม่ตัวเองทำร้ายร่างกายมาก่อนเลยกลัวคนอื่นๆไปหมด พอคุณแม่ของกีตาร์มาดูแลถึงยอมเปิดใจ กลายเป็นเหมือนเด็กทั่วไป"

แบบนี้นี่เอง...

"ที่มาอยู่ใกล้ๆแล้วติดพวกเราขนาดนี้ คงเพราะกีตาร์เหมือนคุณแม่มาก"

ผมยิ้มรับคำพูดนั้น เรื่องเหมือนแม่ใหญ่ก็อาจจะจริงอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องติด...

"พี่ว่าน้องมูนติดโซมากกว่านะครับ"

"ไม่เห็นอยากให้ติดเลย"

"ปากแข็งอะ"ผมแกล้งแซว แต่นอกจากจะไม่รู้สึกอะไรแล้วคนปากแข็งยังหัวเราะหึหึอีก

"ก็ไม่แข็งนะ..."โซโล่ยื่นหน้าเข้ามาจนเกือบชิดหน้าผม "กีตาร์ก็เคยชิมไม่ใช่เหรอ"

"ไอ้หมานี่!"ผมรีบผลักหน้าคนขี้แกล้งออกห่าง ดีที่เจ้าตัวยอมถอยไปหัวเราะแต่โดยดีผมเลยไม่ต้องอายมากไปกว่านี้

"หน้าแดง..."

"น้องมูน ไปเดินเล่นกันดีกว่าครับ"ผมอ้าแขนรับน้องมูนที่เดินเข้ามาหาแล้วอุ้มขึ้นมา โดยพยายามไม่สนใจคนที่ยืนหัวเราะอยู่ข้างหลัง

"ตั้งหกขวบแล้ว เดินเองก็ได้มั้ง"คนขี้อิจฉาหยุดหัวเราะแล้วบ่นเสียงงุ้งงิ้ง

"โซอุ้มบ่อยกว่าพี่อีกนะรู้สึก"พอผมพูดจบคนขี้อิจฉาก็เงียบไป แน่นอนว่าเพราะเถียงไม่ได้

"น้องมูนเดินเองก็ได้นะครับ"เจ้าตัวเล็กพูดอย่างไร้เดียวสา ผมหันไปมองคนที่เดินมาอยู่ข้างๆดุๆจนอีกฝ่ายหน้าหงิก

"ไม่เป็นไรครับ น้องมูนตัวนิดเดียวเอง พอตัวโตขึ้นพี่ก็อุ้มไม่ได้แล้ว ตอนที่ยังอุ้มได้ก็อุ้มไปก่อนเนอะ"

น้องมูนตัวเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันพอสมควร เวลาอุ้มผมเลยไม่รู้สึกหนักเลยสักนิก ยิ่งประกอบกับผิวขาวๆเหมือนจะเรืองแสงได้กับแก้มแดงๆเหมือนมะเขือเทศยิ่งทำให้น้องดูน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ 

"ถ้ากีตาร์รักเด็กพระจันทร์หน้าตาน่าเกลียดนี่มากกว่าเมื่อไหร่ ผมเอาไปปล่อยข้างถนนแน่"เสียงคนบ่นอุบอิบดังมาจากด้านหลัง คือทำเหมือนจะบ่นคนเดียวนะ แต่จงใจให้ได้ยินชัดๆ

"พาลสุดๆเลยเนอะน้องมูน"ผมก้มลงถามเจ้าตัวเล็กที่มองมาตาแป๋ว

"ครูหล่อดื้อ"น้องว่าแล้วหัวเราะคิกคัก

"เดี๋ยวโดน"โซโล่หรี่ตาแล้วทำท่าจะเข้ามาดึงน้องมูนไปจากแขนผม

"ห้ามทำน้องนะโซ!"ผมหมุนตัวหนีก่อนที่มือเจ้าหมาจะจับโดนน้อง ส่วนคนที่จะโดนทำอะไรก็ไม่รู้นี่ก็หัวเราะไม่ยอมหยุดเหมือนกำลังสนุก

ไม่รู้นานแค่ไหนที่เรายืนเล่นกันอยู่ตรงนั้น หมุนไปหมุนมาเหมือนคนไม่มีอะไรทำ แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข

"งั้นเอาแบบนี้ก็ได้ครับ"ผมหยุดสงครามเอาไว้ด้วยการหันหน้าเข้าหาโซโล่ ส่งน้องมูนให้เขาอุ้ม แล้วเปลี่ยนไปจับแขนเสื้อเขาไว้ "โอเคไหม"

โซโล่มองงงๆอยู่ครู่หนึ่ง พอผ่านไปสักพักก็ก้มหน้าลงมองแขนเสื้อตัวเองที่ผมจับไว้แล้วเผยรอยยิ้มพอใจ

"โอเคก็ได้"

เส้นทางที่เราเดินผ่านเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ผมไม่แน่ใจว่าหลังจากสามวันนี้อะไรจะเกิดขึ้น

แต่ตอนนี้ความรักของผม...คงไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไป

เพราะตอนนี้นอกจากเราสองคนแล้วยังมีลูกหมาอีกตัวติดมาด้วย

และลูกหมาตัวนี้คงจะเป็นเชือกเส้นหนา...ที่จะมัดผมกับโซโล่เอาไว้ด้วยกันให้แน่นกว่าเดิม

-------------------------

 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-03-2017 21:47:02
อื้อหือออ ใช้ความรวยให้เป็นประโยชน์เนอะเจ้าหมาเนอะ

ทำดีๆ ยกกีต้าร์ให้ไปนอนกอดเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-03-2017 21:54:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 07-03-2017 22:07:05
คิดไม่ผิดว่าโซต้องรับน้องมูนไปอยู่ด้วยย ชอบน้องมูนนน เด็กแก้มพองตั้ลล้ากกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-03-2017 22:08:06
ดีแล้วครับ ที่ใช้ความรวยให้เกิดประโยชน์กับทุกๆ คน จะได้มีที่ทำกิน หารายได้กัน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 07-03-2017 22:53:11
ไม่ทันไรกีล์มีลูกโต 6 ขวบซะละ
เหมือนครอบครัว น่ารักกก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 07-03-2017 23:34:18
เป็นพระเอกหล่อรวยที่มีหัวคิด o13
แล้วต่อไปก็จะมีพ่อหมา ลูกหมา และแม่หมาสินะ
น่ารักอ่ะ
ปล.ข้ามเรื่องพ่อไปก่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 08-03-2017 00:14:25
น้องมูล น่าร้ากกกก!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-03-2017 00:27:52
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 08-03-2017 07:41:41
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 08-03-2017 09:27:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
โซก็มีมุมหล่อเท่เหมือนกันนะ นึกว่ามีแต่โหมดมึนอ้อนพี่กีล์อย่างเดียว 5555
เด็กพระจันทร์ดูเขาเรียกชื่อดิ พ่อคนซึน อยู่ด้วยกันแล่วน่ารักมากกก
 :katai1: แอบหมั่นไส้พ่อพระเอกหล่อรวย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-03-2017 10:12:33
 o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 08-03-2017 11:17:44
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 08-03-2017 16:41:41
ครอบครัวเล็ก ๆ น่ารักจัง  โซโล่*กีล์*น้องมูน  :mew1:  :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 09-03-2017 06:07:05
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-03-2017 14:43:11
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 10-03-2017 13:14:20
น้องมูนน่าร๊าาาาากกกกกกกกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 11-03-2017 17:43:26
-36-

 

ผมตื่นไวกว่าปกตินิดหน่อยเพราะวันนี้เป็นวันพิเศษ นอกจากจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่นี่แล้ว วันนี้ยังเป็นวันสุดท้ายของปีด้วย

และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น...วันนี้เป็นวันเกิดของหมาตัวโตที่ยังนอนหลับสนิทอยู่

ผมขยับตัวลุกออกจากที่นอนอย่างเงียบเชียบ พยายามอย่างยิ่งไม่ให้โซโล่รู้ตัว เพราะรู้ดียิ่งกว่าใครว่าเจ้าหมานี่ความรู้สึกไวขนาดไหน โชคดีที่เมื่อวานเราคุยงานกับชาวบ้านจนดึกเขาถึงได้เพลียกว่าปกติ

ปกติคนที่นี่ตื่นเช้ามาก แค่เดินออกมาด้านนอกเข้าไปทางหมู่บ้านก็จะได้ยินเสียงคนทำนั่นทำนี่ แต่วันนี้กลับเงียบกริบ เหมือนกับยังไม่มีใครตื่นทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้ ผมเดินไปที่บ้านป้าจิตซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของหมู่บ้าน ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งได้ยินเสียงพูดคุยชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

"เวลาถึงวันปีใหม่คนในเมืองเขาทำอะไรกันเหรอยาย"

"เขาไปฉลองกัน..."

ผมยืนฟังเสียงพูดคุยอยู่นาน ได้ยินเสียงเด็กๆหลายคนถามคำถามป้าจิตกันไม่หยุด แอบมองเข้าไปก็เห็นว่าเด็กๆกำลังนั่งล้อมวงช่วยกันทำอะไรสักอย่างอยู่

"ทำอะไรกันครับ"ผมโผล่หน้าเข้าไปมองแต่ไม่ได้เดินเข้าไป เด็กๆหันมาทักทายกันเป็นแถวก่อนจะตั้งหน้าตั้งหน้าขยับมือกันต่อ ที่แท้ก็กำลังช่วยกันคัดแยกผักอยู่

"ครูอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าจ๊ะ"ป้าจิตหันมายิ้มใจดีให้ผมแล้วชี้ไปที่บรรดาวัตถุดิบทำอาหารที่แลดูเยอะกว่าทุกวัน

"ไม่หรอกครับ ตามสะดวกเลยดีกว่า ป้ามีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ"

"ไม่มีหรอกจ้ะครู แค่พวกเด็กๆพวกนี้ก็พอแล้ว มีกับข้าวอีกหลายอย่างที่บ้านอื่นช่วยกันทำอยู่ ครูไปเดินเล่นก่อนก็ได้จ้ะ"

ผมพยักหน้า โบกมือลาเด็กๆแล้วเดินออกมา ป้าจิตบอกว่าพวกเขาจะมีวันหยุดกันปีละครั้งก็คือวันปีใหม่ และปกติก็จะจัดเลี้ยงกันตอนวันที่สามสิบเอ็ด ถึงจะบอกว่าจัดเลี้ยงแต่จริงๆก็เป็นแค่การเอากับข้าวมาแบ่งทานพร้อมกันเฉยๆ

พวกชาวบ้านบอกผมกับโซโล่เมื่อวานว่าถ้าเรียบร้อยแล้วจะมาปลุกให้ไปทานด้วยกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมตื่นแต่เช้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากมาช่วย และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะ...

ผมมีเรื่องที่ต้องทำ...ถ้าไม่ใช่ตอนเช้าก็คงปลีกตัวมาจากเจ้าหมาไม่ได้แน่ๆ

ที่ที่ผมเคยมานั่งดูพระจันทร์กับโซโล่แล้วก็น้องมูนคือจุดหมาย ที่ตรงนั้นมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่แยกตัวออกจากต้นไม้ต้นอื่นๆ ผมหยิบอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ตั้งแต่อยู่กรุงเทพออกมาจากกระเป๋าสะพาย ร้อยกระดาษทุกใบเข้ากับเชือกที่เตรียมไว้ เอาไปมัดห้อยไว้ตามจุดต่างๆของต้นไม้

มันก็ไม่ใช่อะไรที่ลำบากหรือพิเศษนัก แต่ผมก็หวังว่าเขาจะดีใจ

หลังจากยืนยิ้มกับผลงานอยู่สักพักผมก็หันหลังเดินกลับมา ป้าจิตบอกว่าวันนี้ทุกคนจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันยันเที่ยงคืน แล้วปกติทางนี้ก็ไม่ค่อยมีใครมาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่น่าจะมีใครเดินผ่านมาเจอสิ่งที่ผมเตรียมไว้

วันนี้อากาศดีมากเป็นพิเศษ อาจเพราะผมเริ่มชินกับอากาศแบบนี้แล้วเลยมองว่ามันสบายแทนที่จะหนาวเหมือนวันก่อนๆ หรือคงเพราะวันนี้เป็นวันพิเศษอะไรๆมันถึงได้ดีไปหมดก็ไม่รู้

ยืนขำกับความคิดตัวเองได้สักพักผมก็เดินกลับไปทางหมู่บ้าน

"เจอไหม!"

"ไม่เจอเลยยาย!"

ผมมองสถานการณ์ในหมู่บ้านด้วยความประหลาดใจ ผู้คนในหมู่บ้านรวมถึงเด็กๆกำลังวิ่งวุ่นกันไปหมด แถมยังตะโกนเสียงดังกันไม่หยุด จับใจความแล้วเหมือนจะมีแค่สองประโยคคือเจอไหมกับไม่เจอวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น

ผมคว้าแขนน้องเสาที่กำลังจะวิ่งผ่านหน้าไปเอาไว้ น้องหันกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วพูดรัวๆด้วยความกังวล

"อย่าขวางสิ หาครูยิ้มอยู่!"

ผมกระพริบตาปริบๆมองน้องที่วิ่งไปอีกทางด้วยสายตางงๆ ครูยิ้มที่ว่านั่นมันผมไม่ใช่เหรอ

"กีตาร์!"เสียงตะโกนเรียกด้วยความร้อนใจดังมาไกลๆ ผมกำลังจะหันไปขานแต่ก็พบว่าคนเรียกกำลังหันซ้ายหันขวาอยู่อีกทาง ดูเหมือนจะยังไม่เห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ แต่กำลังตะโกนเพื่อตามหาอยู่

ผมเดินเข้าไปหาโซโล่ที่กำลังดูตื่นตระหนก เหมือนคนอื่นๆจะเริ่มเห็นแล้วถึงได้หยุดวิ่งวุ่นวายแล้วหันมามอง แต่คนที่กำลังร้อนรนที่สุดกลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย

"โซ..."ผมวางมือลงบนบ่ากว้างของคนที่หันหลังอยู่ วินาทีที่เขาหันมาผมรู้สึกเหมือนกำลังมองหมาฮัสกี้ตัวน้อยๆที่ตัวสั่นเทาเพราะความกลัว "เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"

ผมยื่นมือไปหา จะแตะใบหน้าของคนที่ยืนนิ่งให้รู้สึกตัว แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้นทั้งร่างก็ถูกกระชากเข้าไปกอดไว้แน่น

"หายไปไหนมา"เสียงกระซิบของคนที่กอดผมไว้สั่นเทาจนรู้สึกได้ "ผมคิดว่าใครมาแยกกีตาร์ไปจากผม"

ถึงใครที่เขาว่าอาจจะหมายถึงใครก็ได้ แต่ผมเข้าใจดีว่าโซโล่หมายถึงใคร

"พี่ไปเดินเล่นมาครับ ขอโทษที่ไม่ได้บอก"ผมยกมือกอดตอบด้วยความรู้สึกผิด โซโล่ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น เขากอดผมนิ่งๆอยู่พักหนึ่งแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะผละตัวออก

"อย่าหายไปโดยไม่บอกใครแบบนี้อีก"โซโล่พูดเสียงดุ แถมด้วยการหยิกแก้มผมเบาๆเหมือนจะเอาคืนที่ทำให้เป็นห่วงอีกที

"ครับผม"ผมพยักหน้ารับรู้แล้วรีบหันไปขอโทษพวกชาวบ้านที่ทำให้วุ่นวาย พวกเขาไม่ได้ว่าอะไรนอกจากหัวเราะคิกคักก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปที่บ้านตัวเอง

เหลือแต่ผมกับหมาหนึ่งตัว...

"โกรธเหรอ"ผมสะกิดแขนคนที่กลับมาดูนิ่งเหมือนปกติ…หรืออาจจะนิ่งกว่าปกตินิดหน่อย เอาเป็นว่าขนาดน้องมูนที่ทำท่าจะเดินมาหายังเลือกเดินหนีกลับบ้านไปกับป้าจิตแทนที่จะเดินมาเกาะแกะแล้วกัน

"เปล่า"

เปล่า...แต่เสียงนี่ไปแล้วเรียบร้อย มีความประชดและสะบัดแรงมาก

"ขอโทษครับ"ผมง้อด้วยการส่งยิ้มไปให้เหมือนที่เคยได้ผลมาทุกครั้ง และแน่นอนว่าครั้งนี้...

"ไม่ได้โกรธ...แต่เป็นห่วง"

ย่อมได้ผลเหมือนเดิม

ยืนยันได้จากคำพูดกับแขนอุ่นๆที่เอื้อมมากอดไหล่ผมไว้

เราเดินไปรวมกับคนอื่นๆที่กำลังถือของขึ้นไปที่ห้องเรียนซึ่งเป็นจุดรวมคนของวันนี้ จริงๆนอกจากอาหารมากมายหลากหลายจากทุกครอบครัวที่จะเอามาแบ่งกันแล้วก็ไม่มีอะไรอีก

บนห้องเรียนมีพวกผู้ชายยืนรออยู่ก่อนแล้ว ผมกับโซโล่มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้พวกชาวบ้านกับเด็กๆกำลังยืนเรียงกันแล้วส่งยิ้มมาให้

"นี่มันอะไรกันครับ"ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาที่บังทางเข้าห้องเรียนไว้

"พรุ่งนี้ครูก็จะกลับแล้วใช่ไหมครับ"ลุงมั่นเดินออกมาด้านหน้า ส่งยิ้มมาให้

"ครับ"

"พวกเราไม่รู้ว่าจะตอบแทนครูยังไงดี...ก็เลยทำให้ได้แค่สิ่งเล็กๆน้อยๆพวกนี้"

พวกเขาเปิดทางออก ปล่อยให้ผมกับโซโล่เดินเข้าไปด้านใน สิ่งแรกที่สะดุดตาคือสภาพของห้องเรียนที่เปลี่ยนแปลงไป โต๊ะไม้ของเด็กๆถูกเอาไปวางต่อกันเป็นโต๊ะใหญ่อยู่ตรงกลางห้อง ห้องเรียนที่ไม่มีแม้แต่ผนังตอนนี้มีแผ่นไม้วางตั้งไว้รอบๆ บนนั้นมีภาพวาดความฝันของเด็กๆแปะเอาไว้จนทั่ว พื้นห้องที่เคยว่างเปล่าตอนนี้มีต้นไม้เล็กๆประดับอยู่จนดูสบายตากว่าทุกที บนกระดานที่เคยวางเปล่าเพราะผมจะทำความสะอาดทุกครั้งหลังเลิกเรียนถูกขีดเขียนด้วยลายมือหยึกหยักมากมายหลายสิบลายมือ

'ขอบคุณ'

'ผมรักครู'

'มาอีกนะครับ'

'ความฝันของผมอยู่ที่นี่'

ผมยืนยิ้มอ่านข้อความบนกระดานอยู่นาน มารู้ตัวก็ตอนที่รู้สึกเหมือนมีใครเดินมาจากทางด้านหลัง

"ทุกคนคิดว่าอยากจะอยู่ช่วยที่นี่มากกว่าจ้ะครู"ป้าจิตเดินมายืนข้างๆผม จ้องมองกระดานด้วยรอยยิ้ม "เจ้ามูนมันยังเด็ก มันยังฝันได้อีกไกล ป้าเองก็อยากให้มันมีอนาคตที่ดี ฝากครูด้วยนะจ๊ะ"

"ครับ"ผมรับคำด้วยความหนักแน่น อยากให้ป้าจิตสบายใจว่าผมจะดูแลน้องเป็นอย่างดี

ถึงจะไม่ใช่ครอบครัวแท้ๆแต่ท่านก็เลี้ยงน้องมาตั้งหลายปี ความห่วงใยย่อมไม่ต่างจากคนในครอบครัว ถ้าน้องมูนโตกว่านี้อีกนิดก็คงตัดสินใจเหมือนคนอื่น แต่เพราะน้องยังเด็ก และป้าจิตก็หวังดีกับน้องถึงได้ยอมให้น้องมากับผม มันคงเป็นความรักในแบบของท่าน

"ถ้าพร้อมแล้วผมจะให้คนมารับเด็กนั่น"โซโล่หันมาพูดกับป้าจิต หลังจากยืนนิ่งมองกระดานอยู่นานไม่ต่างจากผม "ขอเวลาให้ผมจัดการเรื่องที่นั่นให้พร้อมก่อน"

ป้าจิตพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ทุกคนนั่งลง กับข้าวที่ทำไว้ถูกวางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ

"ทานเยอะๆนะจ๊ะครู"

"กลับไปไม่มีอาหารแบบนี้แล้วนะ"

ผมหัวเราะกับคำพูดของพวกเขา เราเริ่มทานข้าวกันไปพูดคุยกันไป หลักๆหนีไม่พ้นการตอบคำถามเรื่องวันปีใหม่ของเด็กๆที่ช่างสงสัยเสียเหลือเกิน ผมทานทุกอย่างจนรู้สึกแน่น ท่าทางโซโล่เองก็แน่นไม่แพ้กันถึงได้ทำหน้าเบ้ขนาดนั้น

ผมใช้เวลากับพวกชาวบ้านตั้งแต่เช้ายันค่ำ พอถึงเวลาทานข้าวกลางวันหรือข้าวเย็นก็กลับหมู่บ้านไปช่วยทำอาหารแล้วก็มานั่งทานด้วยกัน บรรยากาศทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุขจนรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน พอถึงเวลาที่ฟ้ามืดทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันกลับ เพราะลำพังแสงจากตะเกียงคงไม่เพียงพอ ไหนจะแมลงอะไรอีก

ผมลาชาวบ้านและเด็กหลายๆคนที่เดินมากอด พวกเขาคงรู้ว่าผมจะกลับแต่เช้า บางทีอาจจะไม่ได้เจอกันพรุ่งนี้แล้วถึงได้ทำแบบนี้ ซึ่งมันก็ถูก...ผมคุยกับโซโล่ว่าเราจะลาทุกคนกันที่นี่แล้วจะออกเดินทางกลับพรุ่งนี้เช้าเงียบๆ ผมไม่ชอบการจากลา และไม่อยากเห็นช่วงเวลาแบบนั้นเท่าไหร่ ผมอาจทนได้เพราะโตแล้ว แต่กับเด็กๆพวกนี้ถ้าผมเห็นพวกเขาร้องไห้ตอนจะไป ผมคงทำใจเดินหันหลังไปไม่ลง

"น้องมูนต้องเป็นเด็กดีนะครับ"ผมลูบหัวเจ้าตัวเล็กที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายโดยมีน้องจายืนรออยู่ไม่ไกล น้องมูนเม้มปากกลั้นน้ำตา พยักหน้าหงึกหงักแล้วกอดพี่จันทร์แน่น "ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพี่จะมารับ ระหว่างนี้ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ เข้าใจไหมครับ"

"ครับ"น้องว่าแล้วกอดผมแน่น หลังจากกระพริบตากลั้นน้ำตาอยู่หลายทีก็เดินไปกอดโซโล่โดยไม่พูดอะไร รายนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากลูบหัวน้องเบาๆแล้วผละออก

น้องมูนเดินกลับไปพร้อมกับน้องจาแล้ว ตอนนี้ที่นี่จึงเหลือเพียงผมกับโซโล่ที่ยังยืนอยู่ ตะเกียงที่เขาถือไว้เป็นเพียงแสงสว่างเดียวที่เหลืออยู่ของเรา

"เราก็กลับกันเถอะ"โซโล่เดินมาจับมือผม ทำท่าจะพาเดินกลับบ้าน แต่ผมรั้งมือเขาไว้ก่อน

"ไปเดินเล่นกันครับ"

“เดินเล่น?”

“ครับ เดินเล่นแถวนี้นี่ล่ะ…ไปนะ”ผมยืนนิ่งรอฟังคำตอบจากคนที่กำลังทำหน้าไม่เข้าใจ พอเห็นผมยังไม่ขยับเขาก็พยักหน้าเป็นอันตกลง

ผมพาโซโล่เดินตัดมาอีกทางเพื่อให้ไปถึงที่ที่เป็นจุดหมายไวขึ้น เจ้าหมานี่ก็เดินตามแรงจูงมาโดยไม่ถามอะไรสักคำ นี่ถ้าผมจะพาไปหมกป่าก็คงทำได้ง่ายๆ

"โซถือตะเกียงไว้นะครับ"ผมปล่อยมือออกจากมือเจ้าหมาที่ลากมาตลอดทาง ก่อนจะเดินไปอยู่ด้านหลังแล้วยกมือปิดตาเขาไว้

"กีตาร์?"

"เดินตรงไปเลยครับ"

คนโดนปิดตาที่ควรจะสงสัยไม่ได้พูดอะไรต่อแต่เดินตรงไปเรื่อยๆตามที่ผมบอก ดีที่พื้นตรงนี้เป็นบริเวณพื้นที่ราบเลยไม่มีอะไรให้สะดุด ต้นไม้ที่ดูแปลกตากว่าต้นอื่นๆอยู่ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จวบจนเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าต้นไม้แล้วผมก็ปล่อยมือออกช้าๆ

ผมไม่แน่ใจว่าโซโล่ทำหน้าแบบไหนอยู่เพราะตัวเองยืนอยู่ด้านหลัง แต่เขายิ่งนิ่งอยู่นานมากจนผมเริ่มไม่แน่ใจว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า

ต้นไม้ที่ไม่ได้ใหญ่นักมีเชือกเส้นยาวพันอยู่จากกิ่งหนึ่งไปอีกกิ่งหนึ่งและพันไปทั่วลำต้น ตามเส้นเชือกมีภาพถ่ายที่ผมแอบถ่ายโซโล่เอาไว้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาแขวนอยู่ เป็นภาพที่ผมส่งให้ไอ้โนว์ช่วยจัดการให้และพกติดตัวไว้ตั้งแต่ก่อนมาที่นี่ ตอนที่มันเห็นนี่ผมโดนล้อจนแทบมุดดิน ดีที่ตอนไปเอามีซันคอยช่วยห้ามผมถึงไม่โดนแซวจนเละมาก

"โซ..."ผมเรียกเบาๆ ขยับไปยืนข้างๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อตะเกียงที่เขาถือไว้ก็ถูกปล่อยลงพื้นจนกลิ้งไปไกล รอบกายของเรามีเพียงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวล้อมรอบ

ผมสบตากับเจ้าของดวงตาเป็นประกายตรงหน้า กำลังคิดจะถามว่าทำไมถึงปล่อยตะเกียงลงพื้น แต่ยังไม่ทันได้ถามผมก็ได้คำตอบ...เมื่อหมาตัวโตขยับตัวมากอดผมไว้

"ขอบคุณครับ"

ไม่ได้แน่น...แต่กลับมั่นคงยิ่งกว่าครั้งไหน

"สุขสันต์วันเกิดครับ"ผมยกมือกอดตอบ รู้สึกอบอุ่นใจจนอยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ

อยากขอโทษที่ทำให้ได้แค่นี้ แต่เชื่อว่าถ้าพูดไปคงโดยปฏิเสธกลับมา

โซโล่ผละออกไปจับมือผมไว้แทน เขาเดินไปใกล้ๆต้นไม้ มองดูรูปตัวเองในอิริยาบถต่างๆด้วยรอยยิ้มกว้าง

"แอบถ่ายตอนไหนเนี่ย"

"ตอนไหนโซเผลอพี่ก็ถ่ายครับ"โดยเฉพาะเวลานอนนี่น่าจะเป็นร้อยรูป

“หึหึ”

“เอาไว้ไปแปะในห้องโซไง”

“อืม…รูปกีตาร์ก็ด้วย”

“อะไรนะครับ”

“เปล่า”

ผมขมวดคิ้วเพราะได้ยินไม่ชัด พอจะถามว่าพูดอะไรอีกคนก็หันหน้าหนีไปดูรูปตัวเองอย่างสบายใจ ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ถามอะไรอีก สุดท้ายก็ได้แต่ยอมปล่อยไปเพราะคงไม่ได้คำถามอยู่ดี

หลังจากยืนดูรูปอยู่นานเราก็เปลี่ยนมานั่งคุยกันแทน ผมมองออกไปทางท้องฟ้ากว้างที่มีดวงดาวประดับประดาอยู่มากมาย อยากซึมซับบรรยากาศอันหาได้ยากเหล่านี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำแสนสำคัญที่มีต่อแม่ใหญ่และคนที่นี่

ตอนแรกผมคิดว่าผมคงทำตามความฝันอันยิ่งใหญ่ของแม่ใหญ่ให้สำเร็จไม่ได้ แต่มาตอนนี้ผมรู้แล้ว...ท่านคงไม่ได้อยากให้ผมสร้างหรือทำอะไรให้คนที่นี่ ท่านเพียงแค่อยากให้คนที่นี่พึ่งพาตัวเองได้เมื่อไม่มีคนชี้นำ

และอยากให้ของขวัญกับผม...ให้ผมได้มาเรียนรู้ ได้ดูการมีความสุขในอีกมุมมองที่ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเลย

มันเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากจริงๆ

"ตั้งแต่จำความได้ ผมก็มีแค่แม่ที่สำคัญที่สุด..."

ผมหยุดคิดเรื่องในหัว หันไปมองคนพูดด้วยความไม่เข้าใจ โซโล่หันมายิ้มน้อยๆแล้วทอดสายตากลับไปมองฟ้า

เขาไม่เคยพูดเรื่องคุณแม่ให้ผมฟังเลยสักครั้งและผมก็ไม่เคยคิดถาม เพราะเขาจะดูเจ็บปวดทุกครั้งที่พูดถึง

"แม่ผมทำงานเป็นนักดนตรีในผับที่ตัวเองเป็นเจ้าของ แม่เป็นผู้หญิงสวย มีเสน่ห์ ทำอาหารอร่อย ถึงจะไม่ได้รวยมากแต่ก็พอมีฐานะ แม่บอกว่าทุกสิ่งในชีวิตของแม่มันสมบูรณ์แบบไปหมด สิ่งเดียวที่แม่ไม่มีคือคนรัก..."น้ำเสียงที่ดูมีความสุขของเขาทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย แต่ไม่นานนักมันก็กลายเป็นเสียงที่นิ่งขึ้นเรื่อยๆ "ความผิดพลาดเดียวในชีวิตของแม่...คงเป็นการที่แม่รักพ่อ"

ผมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากขยับตัวเข้าไปใกล้กว่าเดิมแล้วจับมือเขาไว้

"แม่แก่กว่าพ่อหลายปี ตอนที่แม่ตั้งท้องผม…ตอนนั้นพ่อก็อายุแค่18 ต่อให้แม่ไม่ยอมเล่ารายละเอียด ผมก็รู้ดีว่าพ่อไม่ได้รักแม่สักนิด ทุกอย่างมันคือความผิดพลาด"โซโล่พูดเสียงแข็ง ใบหน้านิ่งดูน่ากลัวกว่าปกติจนผมต้องลูบมือเขาเบาๆให้ใจเย็นลง "จำที่ผมบอกว่ามีสองเหตุผลที่ยังไม่อยากให้เราคบกันแค่เพราะคำว่าชอบได้ไหม..."

ผมพยักหน้า จำได้ว่าตอนนั้นเขาบอกว่าเหตุผลแรกคืออยากให้โอกาสถ้าผมต้องการจะเดินหนีไป ส่วนอีกเหตุผลคือเรื่องของแม่

"อีกเหตุผลก็เพราะพ่อผมคบกับแม่ทั้งที่ไม่ได้รัก เขาก็แค่ถูกใจแม่ เลือกแม่แค่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ที่มันเลยเถิดก็แค่เพราะแม่ท้องผมก็เท่านั้น…ตอนนั้นคนใช้ปากเปราะที่เอามาพูดให้ผมฟังโดนแม่ไล่ออกแทบจะทันทีเลย”โซโล่แค่นเสียงเหมือนจะเย้ยหยันตัวเอง “ผมไม่อยากให้เราเป็นแบบนั้น…ผมกลัวว่าถ้ากีตาร์ไม่จริงจัง สุดท้ายจะมีแค่ผมที่เสียใจ"

"พี่ไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นนะครับ"ผมรีบบอกคนที่กำลังทำหน้าเศร้า

"ครับ...รู้แล้ว"โซโล่พยักหน้าแล้วหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นผมขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อ

“รู้แล้วแน่นะ”

“แน่…”

“ดีมาก”ผมให้รางวัลโดยการยกมือลูบหัวหมาหน้านิ่งเบาๆ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เริ่มพูดต่อ

"ผมอยู่กับแม่สองคนก็มีความสุขดี แม่สอนผมเล่นกีตาร์ สอนให้ทำทุกอย่าง ตอนเจย์เข้ามาก็ยิ่งมีความสุขเพราะรู้สึกเหมือนมีเพื่อน มีพี่ชายเพิ่มเข้ามาอีกคน แต่แล้ววันหนึ่งแม่ก็เข้าโรงพยาบาล ท่านประสบอุบัติเหตุต้องนอนอยู่ในนั้นหลายเดือน ผมไปหาแม่ทุกวัน ไม่เคยหมดหวัง ตลอดเวลาที่แม่เข้าโรงพยาบาลผมไม่เคยเจอพ่อเลยสักครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไปผมก็เจอพ่อยืนอยู่ข้างๆแม่ ประโยคแรกที่ผมได้ยินแม่พูด...คือการขอให้ผมได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองต้องการ"

"โซ ถ้าไม่อยากเล่า…"ผมเรียกเขาเบาๆ เขย่ามือให้รู้ว่ายังอยู่ตรงนี้ โซโล่ส่ายหน้า เหม่อมองไปที่ท้องฟ้าแล้วพูดต่อ

"ผมไปเรียนทุกวันเพราะแม่ขอไว้ แต่แล้วตอนที่ต้องไปเข้าค่ายแม่ก็จากไป ไม่มีใครบอกความจริงกับผมสักคน ทั้งแม่บ้าน คนสวน ทุกๆคนเอาแต่โกหกบอกว่าแม่หลับอยู่ แม้แต่ตอนที่ผมกลับไปแล้วพวกเขายังโกหกอยู่เลย ตอนที่ผมรู้ความจริง มันเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงไปตรงหน้า"

เหมือนกับตอนที่แม่ใหญ่จากไป...นี่คงเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากให้ผมโกหกน้องมูน

"ผมเองก็เคยเจอกับการจากลาที่แสนเจ็บปวดมาแล้วเหมือนกัน ผมเคยเคว้งคว้าง เคยรู้สึกแบบที่กีตาร์รู้สึก ที่ผมเล่าก็เพราะอยากให้รู้ว่าผมเข้าใจ แล้วก็อยากให้กีตาร์รู้ทุกเรื่องของผม"

"..."

"ผมก็แค่เด็กเกเรมีปัญหาคนหนึ่ง ใช้ชีวิตไปวันๆไม่มีจุดหมาย ไม่มีความสุข...จนได้มาเจอกีตาร์"โซโล่หันมาสบตา แล้วยกมือเกลี่ยแก้มผมเบาๆ "ผมเคยบอกว่ากีตาร์คือความสุขของผม แต่ไม่เคยบอกเหตุผลว่าทำไมถึงเรียกกีตาร์ว่ากีตาร์ เหตุผลที่ผมเรียกแบบนี้ก็เพราะกีตาร์เป็นสิ่งเดียวที่พอจะทำให้ผมยิ้มได้อยู่ เป็นความสุขอย่างเดียวที่แม่เหลือไว้ให้"

นี่ก็คือ…คำตอบของคำถามที่ผมสงสัยมาตลอด ที่เรียกผมว่ากีตาร์ เป็นเพราะผมคือความสุขของเขา เป็นเหมือนกับกีตาร์ของเขา

"อีกเหตุผลคือผมไม่อยากเหมือนใคร"เจ้าหมายักไหล่ท่าทางน่าตีจนเกือบหมดความซึ้ง ผมหัวเราะเสียงดัง โซโล่เองก็ยิ้มกว้างไม่แพ้กัน

"แม่ผมชอบกีตาร์มาก"โซโล่พูดช้าๆตอนที่เสียงหัวเราะของเราเงียบลง

"แม่ลูกเหมือนกันเลยนะครับ"

"ไม่เหมือนหรอก"

"หืม"ผมเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ กำลังจะถามต่อ แต่ก็ต้องหยุดคำพูดไปเมื่อโซโล่ขยับตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม

"ผมไม่ได้ชอบกีตาร์เหมือนแม่"

"..."

"แต่ผมรักกีตาร์"

"!!!"

"ไม่ว่าจะตอนยิ้ม ตอนโกรธ ตอนหน้ามุ่ย ตอนเสียใจ จะตอนไหนๆ...ก็รัก"

"..."
.
.
.
[มีต่อด้านล่าง]

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER35 P.25 [07/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 11-03-2017 17:44:52
"กีตาร์?"

"..."

"กีตาร์...สติไปไหนแล้ว"คำพูดเจือเสียงหัวเราะกับมือที่ยื่นมาบีบแก้มเบาๆทำให้ผมรู้สึกตัว

คือได้ยินนะแต่เรียบเรียงคำพูดออกมาเป็นคำไม่ได้ ง่ายๆเลยคือผมพูดไม่ออก พอรู้สึกตัว…ทีนี้หัวใจที่เมื่อครู่เหมือนจะหยุดเต้นไปเลยกลับมาเต้นระรัวเหมือนมีใครมาตีกลองอยู่ข้างใน

"สติหายจริงๆสินะ"คนอารมณ์ดีหัวเราะแล้วแซวไม่หยุด ผมรีบเอามือกุมอกตัวเองไว้แล้วหันหน้าหนีด้วยความหมั่นไส้

ขี้โกงจริงๆ...ทั้งที่ผมเตรียมการมาก่อนแท้ๆ

โซโล่ไม่ได้พูดอะไรให้ผมเขินไปมากกว่านั้น เราหันกลับไปมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก

ผมมีเรื่องที่อยากบอกเขามากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหนดี

'ผมรักกีตาร์'

เป็นคำที่มีอิทธิพลมากจริงๆ แค่คิดก็เหมือนสมองว่างเปล่าไปหมด

"ไม่รู้ว่าจะขึ้นปีใหม่ไปหรือยัง"

ผมสะดุ้งไปทั้งตัวจนโซโล่ที่นั่งข้างๆหัวเราะออกมาอีกรอบ มือใหญ่ๆนั่นลูบหัวผมเบาๆเหมือนกำลังปลอบเด็กที่กำลังเสียขวัญ

"น่าจะยังนะครับ ถ้าขึ้นปีใหม่แล้วเราน่าจะเห็นพลุบ้าง"ผมตอบตามความจริง พยายามไม่สนใจสายตาล้อเลียนของอีกคน

"เป็นวันปีใหม่และวันเกิดที่ผมมีความสุขมาก"โซโล่หยุดหัวเราะ เปลี่ยนเป็นส่งยิ้มจริงจังมาให้แทน "เพราะผมมีกีตาร์"

ผมยิ้มรับคำพูดนั้น รู้สึกหน้าร้อนขึ้นอีกสองเท่าจากที่ตอนแรกก็ร้อนมากอยู่แล้ว ต้องขอบคุณที่มันมืดเกินกว่าจะมองเห็น ไม่งั้นคงได้โดนแซวหนักกว่าเดิม

นี่ก็คงใกล้พ้นวันนี้ไปทุกทีแล้ว…น่าจะถึงเวลาสำหรับสิ่งที่ผมเตรียมไว้เสียที

"จริงๆ...พี่มีของขวัญอีกอย่างจะให้โซครับ"

"จริงเหรอ"โซโล่เบิกตาน้อยๆ ท่าทางคาดหวัง แต่ผมนี่รู้สึกเหมือนใจแป้วล่วงหน้าไปแล้วเรียบร้อย แต่ก่อนจะต้องทำอะไรน่าขายหน้า ผมมีสิ่งที่ต้องบอกเขาก่อน

สิ่งที่เก็บไว้ในใจมาหลายวัน

"ก่อนอื่นพี่อยากจะขอบคุณโซอีกครั้งสำหรับทุกอย่างที่โซทำให้..."คำพูดดูทางการไปนิดหรือเปล่านะ เอ่อ…น่าจะไม่นิดแล้ว เพราะตอนนี้คนฟังกำลังกลั้นขำสุดความสามารถ

"ไม่เป็นไร"

ผมสูดหายใจลึก ปัดความกังวลทุกอย่างทิ้งไปแล้วมองหน้าโซโล่ด้วยสายตาจริงจัง

"แม่ใหญ่เคยเป็นทุกอย่างของพี่ครับ...ทุกความฝัน ความหวัง อนาคต ทุกๆอย่างพี่ทำเพื่อท่านมาตลอด"

เป็นที่พักพิงอันยิ่งใหญ่ เป็นผู้มีพระคุณที่สำคัญที่สุดในชีวิต

"ตอนพี่เจอโซ ได้คบกัน ชอบกัน พี่คิดว่าตัวเองเจออีกสิ่งที่สำคัญ คิดว่าตอนนี้พี่มีสองสิ่งแล้วที่อยากปกป้อง อยากให้ความสำคัญ แต่แล้วแม่ใหญ่ก็จากไป...ความฝันทุกอย่างของพี่เหมือนจะพังทลาย พี่ฝืนเข้มแข็งเพราะตัวเองต้องเป็นหลักยึดให้คนอื่น…"

ไม่อยากร้องไห้ให้น้องๆเศร้าไปมากกว่าเดิม ไม่อยากทำให้ใครเป็นห่วง

"แล้วโซก็มา...บอกว่าจะเป็นหลักให้พี่ ทำทุกอย่างให้พี่ยิ้มได้ ทำเพื่อพี่ เพื่อคนที่นี่ เพื่อแม่ใหญ่ ทำในสิ่งที่พี่ทำไม่ได้"ผมยิ้มอย่างมีความสุข ยื่นมือไปแตะแก้มที่เย็นจัดเพราะอากาศหนาวของเขาเบาๆ "ที่โซเคยถามความหมายของคำว่ารัก...พี่คิดว่าพี่ตอบได้แล้ว"

ที่ผมให้เก้าช่วยตอนแรก ก็แค่อยากให้วันเกิดของเขาพิเศษ อยากทำอะไรเพื่อเขาบ้าง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เพราะทุกสิ่งที่ผมจะทำต่อจากนี้มันเต็มไปด้วยความหมายที่แฝงไว้ เป็นการร้องเพลงที่ผมเลือกจะเปลี่ยนเพลงในวินาทีสุดท้าย

"วันที่ไม่มีใคร
ในวันที่โลกมันเปลี่ยนจนฉันไม่เหลืออะไร
ในวันที่ดาวและดวงอาทิตย์ก็มืดลงไป
ไม่เหลือแม้แสงใดๆที่ส่องทาง"
ผมมองดวงตาเป็นประกายของคนที่กำลังฟังด้วยสายตาอ่อนโยน อยากให้เขารับรู้ว่าผมกำลังรู้สึกอะไร

"ร้อนหรือหนาวเพียงใด
มีมือของเธอที่จับมือฉันให้ก้าวเดินไป
เพียงเธอผู้เดียวที่อยู่ข้างฉันไม่ทิ้งกันไป
จะทุกข์หรือท้อเพียงใดก็พร้อมอยู่เคียงข้างฉัน"

'ถ้าทนไม่ไหว ถ้ากีตาร์ต้องการ ขอแค่บอกมา ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ผมจะไปกอดกีตาร์'

"จากหนึ่งหัวใจ รักของเธอช่วยต่อลมหายใจ
วันนี้แม้ต้องผ่านเส้นทางที่แสนยาวไกล
จะไม่กลัวนับจากนี้
แค่หนึ่งหัวใจ ก็พอทดแทนทุกอย่างที่หายไป
เพียงแค่เธอยังอยู่ตรงนี้ที่ข้างๆใจ
จะอยู่เพื่อเธอ ด้วยทั้งหัวใจ"

อุปสรรคบนทางที่เราเลือกคงจะไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็กำลังจะมาถึง แต่ผมเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้ ตราบเท่าที่เรายังจับมือกันไว้แบบนี้

"ชีวิตไม่เคยแน่นอน
ไม่ใช่ทุกตอนที่เราจะยิ้มได้เหมือนดังใจ
แต่แม้เรื่องราวจะดีจะร้ายสักเท่าไร
ก็รู้ว่าจะมีใครที่พร้อมอยู่เคียงข้างฉัน"

ผมอาจต้องเสียใจแบบที่เขานึกกลัวในตอนแรก แต่ผมจะไม่มีทางเสียใจ...ที่เลือกอยู่ตรงนี้

"จากหนึ่งหัวใจ รักของเธอช่วยต่อลมหายใจ
วันนี้แม้ต้องผ่านเส้นทางที่แสนยาวไกล
จะไม่กลัวนับจากนี้
แค่หนึ่งหัวใจ ก็พอทดแทนทุกอย่างที่หายไป
เพียงแค่เธอยังอยู่ตรงนี้ที่ข้างๆใจ
จะอยู่เพื่อเธอ ด้วยทั้งหัวใจ
จะตอบแทนเธอ หมดทั้งหัวใจ"

[หนึ่งหัวใจ : โดม จารุวัฒน์]

ผมส่งยิ้มแทนความรู้สึกทุกอย่างไปให้ แต่ไม่ได้เลือกที่จะให้เขาเข้าใจเอง เพราะในบางครั้ง…คำพูดก็สำคัญไม่แพ้การกระทำ

"ตอนที่โซเดินมาอยู่ข้างๆพี่ในเวลาที่ความฝันของพี่หายไป มันทำให้พี่รู้ว่าตัวเองยังมีอีกสิ่งหนึ่งเหลืออยู่"ผมกำมือเขาแน่นขึ้นเพื่อบอกว่าสิ่งนั้นคืออะไร "ตอนนี้จะอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ความฝันจะหายไป อะไรจะหายไปก็ช่าง เพราะตอนนี้..."

"..."

"โซคือทุกอย่างของพี่"

"..."

"คือความฝัน ความหวัง คือทุกสิ่ง และมันรวมถึงความรักด้วย"

"ความรัก?"

ผมพยักหน้า ยกยิ้มนิดๆเมื่อเห็นใบหน้าที่เหมือนกำลังไม่เข้าใจของเขา

"ครับ"

ความรักสำหรับผม...

"พี่รักโซ"

หมายถึงผู้ชายที่ชื่อโซโล่

"!!!"โซโล่เบิกตากว้าง ท่าทางตกใจและอึ้งยิ่งกว่าตอนโดนบอกว่าชอบเสียอีก

"สติครับสติ"ผมแกล้งแซวกลับ เหมือนเป็นการแก้แค้นที่เขาแซวผมตอนแรก แต่จริงๆที่ทำนี่เพราะเขินอยู่

โซโล่นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมา เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ยกมือเราที่กุมกันไว้แต่แรกขึ้นมา กดจูบเบาๆที่หลังมือผมแทนคำพูดทุกอย่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน

ในดวงตาคู่นั้นมีความรู้สึกมากมายซ่อนอยู่...และผมเองก็คงมองเขาด้วยสายตาแบบเดียวกัน

เสียงพลุที่ดังมาจากที่ไกลๆทำให้ผมกับโซโล่ละสายตาออกจากกัน เราหันไปมองทางที่มีพลุถูกจุดขึ้นฟ้า ถึงจะไกลแต่ก็ยังพอมองเห็น มันทำให้ผมรู้ว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปจะเป็นเวลาของปีใหม่แล้ว

มีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมายในปีที่ผ่านมา ทั้งสุข เศร้า เสียใจ ร้องไห้ หัวเราะ ผมจะเก็บทุกเรื่องราวดีๆเอาไว้เป็นความทรงจำ และหวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดี

“สวัสดีปีใหม่กีตาร์”โซโล่กระชับมือที่เราจับกันไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม และผมเอง…ก็จับมือเขาเอาไว้แน่นเช่นเดียวกัน

เมื่อปีก่อนผมกับโซโล่จับมือกันไว้ และพากันก้าวข้ามผ่านสิ่งต่างๆมาได้มากมาย

และตอนนี้เรา…ก็ยังคงจับมือกันแน่นเหมือนปีที่ผ่านมา

"ปีนี้ก็ฝากตัวด้วยนะครับโซ"

"ทุกปีเลยก็ได้"

----------------------------------------------

แถม

CC: เก้า เพลงที่พี่กีล์มาฝึกร้องกับแกเป็นอาทิตย์นี่เพลงไรอะ
เก้า: ร้องไปแล้วเหรอ
CC: ใช่แล้ว แต่เหมือนจะเปลี่ยนเพลงกะทันหันอะ
เก้า: อ่าวเหรอ ดีแล้ว...ตอนแรกผมก็ถามอยู่ว่าจะเอาเพลงนี้จริงดิ พี่แกบอกว่ายากกว่านี้คงไม่ไหว กลัวโดนขำแทนที่จะซึ้ง
CC: แล้วตอนแรกเพลงไรอ่ะ
เก้า: happy birthday
CC: ...แล้วเพลงนี้มันซึ้งตรงไหน...

---------------



 ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์



Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 11-03-2017 18:55:44
เป็นการบอกรักที่ซึ้งมากค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-03-2017 19:06:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 11-03-2017 19:11:41
เกือบซึ้งไปกับการบอกรักของโซกับพี่กีล์แล้วนะ
นังเก้าแกมาเบรคอารมณ์ฉันด้วยการเฉลยว่าพี่กีล์ฝึกร้องเพลง  happy birthday เนี่ยนะ  :a5:

หมดกันความละมุน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-03-2017 20:58:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 11-03-2017 21:04:23
กำลังจะซึ้งแล้วพอมาอ่านพาร์ทนังเก้านี่แหละ สติฉันหายไปจริงจัง55555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 11-03-2017 21:13:59
มดไต่โทรศัพท์เลย หว๊านนนนน หวานนนน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-03-2017 22:38:20
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกก
บรรยากาศโคตรโรแมนติกอ่ะ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 11-03-2017 23:43:43
ตอนหน้าต้องลงจากดอยแล้วสิ...คิดถึงน้องมูนแย่เลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-03-2017 23:59:28
น้องมูนจะโอเคใช่ไหม? ตอนนี้รู้สึกห่วงน้องมูนมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 12-03-2017 00:23:20
อะโหววว ฝึกร้องเพลง อะโหววว happy birh day เองหรอพี่กีล์  โง่ยยยย  :mew4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 12-03-2017 17:55:00
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 12-03-2017 21:31:53
ขำ คือ ตอนแรกจะร้อง happy birthday จริงอ่ะ พี่กีล์


 :ruready
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 13-03-2017 19:27:03
ตามอ่านจนทันแล้ว ดีต่อใจมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 13-03-2017 20:53:17
เป็นเรื่องราวที่สวยงามมากจริงๆ

สู้ๆนะคะคุณคนเขียน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 13-03-2017 21:38:09
โซโล่น่าหยิก กีล์ก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER36 P.25 [11/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 16-03-2017 23:08:04
-37-

 

เวลาใครก็ตามขึ้นไปเที่ยวบนเขา มักจะมีใครคนใดคนหนึ่งพูดถึงเรื่องการดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดินอยู่เสมอ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยคิดอยากเห็นตามสิ่งที่ใครๆก็พูดถึงดูสักครั้ง แต่อาจเพราะผมขึ้นมาบนเขาด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่ใช่การมาเที่ยวเลยลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท มีโอกาสอยู่ตั้งหลายวันก็ไม่เคยไปดูเต็มๆตาเสียที คนที่มีชีวิตติดอยู่กับการทำงานในเมืองน่าจะเก็บเกี่ยวความสวยงามพวกนั้นเอาไว้เมื่อมีโอกาส แต่ในตอนที่คิดได้ว่าคงไม่ทันแล้วคนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รั้งมือผมเอาไว้เสียก่อน

ตอนนี้ผมกับโซโล่ยืนอยู่ตรงจุดที่เราพบกับพวกชาวบ้านครั้งแรก บนบ่ามีกระเป๋าเป้ที่พร้อมสำหรับการเดินทางสะพายอยู่

“เสียเวลาแค่นิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก”

“แต่…”

“พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว”โซโล่เตือน สายตาของเขามองไปยังปลายขอบฟ้าที่ซึ่งพระอาทิตย์กำลังเคลื่อนไหว

ผมหันไปมองภาพทิวทัศน์อันสวยงามแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างเหม่อลอย เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันสวยงามขนาดนี้ เหตุผลที่กลัวว่าเด็กๆจะมาเจอเอาเสียก่อนหายออกไปจากหัวจนหมดสิ้น ไม่รู้ว่าเรายืนมองพระอาทิตย์กันอยู่นานเท่าไหร่ แต่ผมรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คนข้างๆยื่นมือมาสะกิดแล้วพยักหน้าให้

ถึงเวลาต้องไปแล้ว

ผมหันไปมองทางที่เราเพิ่งเดินผ่านมาเป็นครั้งสุดท้าย แค่นึกถึงความผูกพันที่เกิดขึ้นในระยะเวลาไม่กี่วันก็รู้สึกอุ่นใจ แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่ขอให้คนที่นี่มีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น

ผมก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนกัน

'กีล์'

เสียง...

ผมหันหลังกลับไปมอง ไม่คิดว่าตัวเองหูฝาดแต่อย่างใด เสียงนั้นเป็นเสียงที่ชัดเจนมากในความทรงจำ ไม่มีทางที่ผมจะจำไม่ได้เด็ดขาด และภาพที่เห็นทำให้ผมเบิกตากว้าง เมื่อพื้นที่ที่พวกเราเดินจากมามีพวกชาวบ้านกับเด็กๆยืนโบกมือให้อยู่ ทุกคนไม่ได้ร้องไห้แบบที่ผมคิด แต่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข แม้แต่น้องมูนก็ด้วย

"โชคดีนะครับครู!"เสียงเด็กๆที่ตะโกนขึ้นพร้อมกันทำให้ผมยิ้มกว้าง รีบโบกมือกลับไป

"กีตาร์..."โซโล่กระซิบเบาๆ "ดูนั่นสิ"

ผมมองตามสายตาของเขาไป สิ่งที่โดดเด่นที่สุดที่มองเห็นคือต้นไม้ต้นใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว และตรงนั้น...มีหญิงชราใส่ชุดสีขาวคนหนึ่งยืนอยู่

เจ้าของเสียงคุ้นเคยที่ผมได้ยินจนต้องหันกลับมา...

"ท่านมาอวยพร"

สิ้นเสียงของโซโล่ ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้น รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา วินาทีต่อมาน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างเงียบเชียบโดยที่ผมไม่คิดกลั้น เพราะครั้งนี้มันไม่ใช่น้ำตาของความเศร้าเสียใจ แต่เป็นน้ำตาของความสุข ผมส่งยิ้มให้ท่าน ประนมสองมือแล้วก้มลงกราบแนบพื้นโดยไม่สนใจว่ามันจะเลอะหรือเปล่า

ขอบคุณครับแม่ใหญ่…สำหรับความทรงจำที่มีค่าและทุกสิ่งทุกอย่าง

"กีตาร์..."โซโล่ช่วยพยุงผมขึ้นจากพื้น ปล่อยให้ผมมองภาพต้นไม้ใหญ่ที่ไร้ซึ่งเงาของคนที่เห็นเมื่อครู่โดยไม่พูดขัดอะไร

"ขอบคุณครับ"ผมหันไปหาเขา เงยหน้าหลับตาให้มืออีกคนช่วยเช็ดน้ำตาได้ถนัดยิ่งขึ้น

"ตาแดงเลย"

"พี่ร้องนิดเดียวเองนะ"

"ก็เรียกว่าร้องอยู่ดี ห้ามร้อง"เจ้าหมาทำหน้าบูด

"ดีใจก็ร้องไม่ได้เหรอครับ"

"ไม่ได้..."คนพูดชะงักไป คิ้วขมวดมุ่นเหมือนกำลังครุ่นคิด "ได้ก็ได้...แต่ต้องบอกด้วยว่าร้องเพราะอะไร"

ผมมองคนขี้ห่วงด้วยแววตาขบขัน อยากหัวเราะอยู่เหมือนกันแต่กลัวโดนโกรธ สุดท้ายเลยได้แต่พยักหน้ารับคำ

"ครับ"

เจ้าหมาพยักหน้าเหมือนพออกพอใจเสียเต็มประดา เขาหันไปมองพวกชาวบ้านอีกครั้ง แล้วก็หันกลับมาจับมือผมไว้

"พร้อมยัง"

"พร้อมสำหรับอะไรดี"ผมหัวเราะเบาๆ หันหลังให้กับทุกอย่างด้วยความรู้สึกสบายใจและปลอดโปร่ง

"น่าจะอุปสรรคนะ"

"ไม่พร้อมได้ไหม"

"ไม่ได้"

แบบนี้ไม่ต้องถามก็ได้มั้ง

 

 

วินาทีที่กลับมาถึงกรุงเทพ ความรู้สึกหนักหน่วงที่หายไปหลายวันราวกับถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ความกดดันหลายๆอย่างที่ผมเกือบจะลืมไปแล้วทำให้อึดอัดใจไม่น้อย แล้วยิ่ง...

"ไม่เป็นไรหรอก"โซโล่แตะแขนผมให้เดินต่อ ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่หน้าตาของเขาก็ดูเคร่งเครียดไม่แพ้กัน

เราเดินออกมาด้านนอกสนามบิน ตอนแรกผมคิดว่าจะต้องนั่งแท็กซี่กลับ แต่ทันทีที่โซโล่หยุดเท้าเมื่อเห็นผู้ชายหน้าตาคุ้นเคยยืนขวางอยู่ตรงประตูผมก็รู้ได้ทันที...

คงไม่ต้องนั่งแท็กซี่แล้ว

"คุณชายครับ"

พวกเขาคือคนของคุณพ่อโซโล่ที่เคยขึ้นไปหาพวกผมบนเขา เพียงแต่ครั้งนี้มากันแค่สองคน

"เจย์ไปไหน"โซโล่ถามเสียงเรียบ ส่งกระเป๋าของตัวเองรวมถึงกระเป๋าของผมไปให้พวกเขาถือ

"คุณเจย์จัดการงานอยู่ครับ"

"พวกนายคงไม่ได้มารับผมแค่เพราะหน้าที่ใช่ไหม"

"คุณท่านมีคำสั่งให้คุณชายไปพบครับ"

พอได้ยินคำตอบแล้วโซโล่ก็ถอนหายใจ ดูท่าทางเขาจะหงุดหงิดไม่น้อย

"พ่ออยู่ไหน"

"ตอนนี้พักอยู่ที่คอนโดเดียวกันกับคุณชายครับ"

โซโล่หันมามองผมด้วยสายตาเป็นกังวล แต่ที่ชัดเจนยิ่งกว่าคือความเป็นห่วง ผมส่งยิ้มให้เขา พูดโดยไม่มีเสียงว่าไม่เป็นไรหรอก

ตลอดเวลาที่อยู่บนรถ โซโล่นั่งเงียบมาก เอาจริงๆผมว่าเขาดูเครียดและกังวลยิ่งกว่าผมเสียอีก ถึงหน้าจะนิ่งสนิทเหมือนไม่อยากให้ใครรู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่ผมก็ยังมองออกอยู่ดีว่าเขารู้สึกอะไร

ผมขยับเข้าไปใกล้คนข้างๆมากขึ้นแล้วทิ้งแรงพิงเขาไว้ ถ้าคนอื่นมองอาจเห็นว่าเราแค่นั่งติดกัน แต่โซโล่คงเข้าใจดีว่าผมกำลังพิงเขาอยู่

"ขอพิงหน่อย"ผมกระซิบเบาๆไม่ให้คนที่นั่งอยู่เบาะหน้าได้ยิน โซโล่ทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ครู่เดียวก็เผยรอยยิ้มออกมา เขาเลิกทำหน้าเครียด วางมือตัวเองทับมือผมไว้แล้วทิ้งน้ำหนักพิงกลับมา

"กีตาร์เครียดหรือเปล่า"

ผมส่ายหน้าทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ตอนแรกก็กังวลอยู่นิดหน่อย แต่ตอนนี้...

"โซเครียดแทนหมดแล้วครับ"ผมหัวเราะเบาๆ พลิกฝ่ามือให้หงายเพื่อจับมือเขากลับ

"ผมจะปกป้องกีตาร์"สายตามุ่งมั่นของโซโล่บ่งบอกว่าเขาพร้อมจะทำตามที่พูดจริงๆ ซึ่งมันทำให้ผมอบอุ่นใจขึ้นมาก แต่ว่า...

"ไม่ต้องหรอกครับ"ผมส่ายหน้า จ้องมองคนที่กำลังขมวดคิ้วด้วยสายตาอ่อนโยน "คราวนี้ตาพี่บ้าง"

คนที่ควรถูกปกป้องคราวนี้...คือเขาต่างหาก

"ถ้าเรื่องปกป้อง พี่จะทำเอง แต่ถ้าเรื่องทำให้คุณพ่อของโซยอมรับ...เรามาช่วยกันนะครับ"

ในเมื่อเป็นเรื่องของเขา ผมก็ควรเป็นฝ่ายช่วย...เหมือนที่เขาช่วยผมมามากมายเรื่องแม่ใหญ่ แต่การจะทำให้คุณพ่อของเขายอมรับ คงไม่ใช่เรื่องที่ผมจะทำเองได้...เราต้องช่วยกันเท่านั้น

โซโล่พยักหน้า ยกรอยยิ้มขึ้นกว้างกว่าเดิมจนผมต้องยิ้มตามไปด้วย

"ครับ"

เส้นทางที่คุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้เราใกล้ถึงคอนโดแล้ว ผมหันหน้าออกไปนอกกระจก มองดูรถที่แล่นผ่านไปมาด้วยสายตาเหม่อลอย ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่ารถบนถนนแลดูน้อยกว่าปกติ แต่ที่แน่ๆคือมันทำให้เราเดินทางกลับมาถึงคอนโดอย่างรวดเร็ว

"คุณท่านบอกให้คุณชายไปหาที่ห้องทันทีที่มาถึงครับ"

"อืม"โซโล่พยักหน้า รับกระเป๋ามาถือไว้เอง หลังจากนั้นพี่ผู้ชายที่เป็นคนขับรถก็หันมาโค้งให้โซโล่อย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินแยกไปอีกทางพร้อมกับพี่ผู้ชายอีกคน

ผมกับโซโล่เดินขึ้นมาถึงด้านบน ดูจากการที่มีคนยืนอยู่เป็นกลุ่มที่ห้องฝั่งตรงข้ามกับเราที่มีอยู่แค่ห้องเดียวแล้วก็เดาได้ไม่ยากว่าพ่อของเขาคงอยู่ในนั้น ยิ่งประกอบกับที่โซโล่เคยบอกผมว่าชั้นนี้เป็นชั้นที่ไม่ได้เปิดขายผมก็ยิ่งมั่นใจ

"คุณชาย!"เสียงคุณเจย์ดังมาจากกลุ่มคนตรงนั้น เขาเดินออกมาหาพวกเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่กลับดูหม่นหมองแปลกๆ ตอนนี้คุณเจย์กลับมาใส่ชุดสูทเรียบร้อยเหมือนปกติแล้ว หลังจากที่ไม่ได้เห็นมาหลายวันผมก็รู้สึกแปลกตาอยู่เหมือนกัน

"สวัสดีครับคุณกีล์"

"สวัสดีครับคุณเจย์"ผมมองหน้าคุณเจย์ด้วยความเป็นห่วง เขาเองก็คงสังเกตเห็นถึงได้ยิ้มให้เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

"ฝากกีตาร์ด้วย"โซโล่แตะแก้มผมเบาๆ หันไปทิ้งท้ายไว้กับคุณเจย์พร้อมกับส่งกระเป๋าให้เขา จากนั้นก็เดินเข้าไปในประตูห้องตรงข้าม

"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ตอนนี้คงคุยแค่เรื่องงาน"คุณเจย์พูดพร้อมรอยยิ้ม

"แล้วคุณท่านรู้เรื่อง..."

"ไว้คุยกันในห้องเถอะครับ ผมมีเรื่องต้องบอกคุณด้วย"คุณเจย์เหลือบมองพวกที่อยู่หน้าประตูห้องฝั่งตรงข้ามเป็นเชิงเตือน และมันทำให้ผมรู้สึกตัวว่าพวกเขาอาจฟังอยู่

หลังจากเข้ามาในห้องของโซโล่แล้ว เราก็มานั่งอยู่ตรงโซฟากลางห้อง คุณเจย์ไม่ได้ถอดเสื้อนอกออกเหมือนที่เขามักทำเวลามาที่นี่ ดูท่าทางเขาเกร็งและเตรียมพร้อมตลอดเวลา ถ้าไม่ใช่เพราะต้องไปทำงานต่อ ก็คงเป็นเพราะคนที่อยู่ในห้องตรงข้าม

"คุณกีล์โอเคแล้วใช่ไหมครับ"คุณเจย์เริ่มเปิดประโยคสนทนา

"โอเคแล้วครับ"

ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าคนที่น่าเป็นห่วงตอนนี้มันคุณต่างหาก

"เรื่องที่คุณกีล์จะถามตอนอยู่หน้าห้อง...คุณท่านรู้เรื่องคุณกับคุณชายอยู่แล้วครับ หรือถ้าจะให้พูดจริงๆคือท่านรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคุณชายเลยมากกว่า"

"แล้วท่าน..."

"ไม่มีใครทราบความคิดท่านหรอกครับ"คุณเจย์ส่ายหน้า ท่าทางของเขาดูทั้งสุขทั้งเศร้าจนผมยังรู้สึกแย่ไปด้วย "คุณท่านกับคุณชายเหมือนกันมาก ไม่ว่าจะหน้าตาหรือนิสัยก็ตาม เพียงแต่คุณท่านไม่ได้มีมุมขี้อ้อนเหมือนคุณชายตอนอยู่กับคุณก็เท่านั้นเอง"

"คงลำบากน่าดูเลยนะครับ"

ถ้านิสัยเหมือนโซโล่ตอนไม่ได้อยู่กับผม...งั้นก็คงไม่แปลกที่จะไม่มีใครรู้ความคิดของท่านเลยสักคน

"ก็พอควรครับ...เมื่อก่อนคุณท่านเหมือนคุณชายยิ่งกว่านี้อีก แต่พอต้องทำงาน...พอได้รับความกดดันหลายๆอย่าง ความเฉื่อยชาก็จำเป็นต้องแทนที่ด้วยความเด็ดขาด"คุณเจย์ก้มหน้าลงต่ำเหมือนต้องการหลบสายตาผม

"แล้วคุณเจย์มีเรื่องอะไรจะบอกผมเหรอครับ"ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้เขาเศร้าไปมากกว่านี้ ซึ่งดูเหมือนมันจะได้ผลมาก เพราะคราวนี้คุณเจย์เงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่ดูลนๆทันที

"คุณกีล์ต้องไปฝึกงานที่ภูเก็ตใช่ไหมครับ"

"ใช่ครับ...อาทิตย์หน้าก็ต้องไปแล้ว"

"ไม่ทราบว่าบริษัทที่คุณไปฝึกใช่บริษัทRKหรือเปล่าครับ"

"คุณเจย์รู้ได้ยังไงครับ"ผมถามด้วยความประหลาดใจ จำได้ว่าผมยังไม่เคยบอกเขาหรือโซโล่เลยสักครั้ง แล้วนี่เขารู้ได้ยังไง "หรือว่า..."

"RKคือบริษัทของคุณท่านครับ"

"อ๋อ...มิน่าคุณถึงดูเครียดนัก"ผมหัวเราะเบาๆ มองสีหน้างุนงงของคุณเจย์ด้วยรอยยิ้ม

"คุณกีล์...ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอครับ"

"ผมควรจะรู้สึกอะไรล่ะครับ กลัว กังวล เครียด...ถ้าคุณหมายถึงความรู้สึกพวกนั้น แน่นอนว่าผมมีมันอยู่แล้ว"ผมหยิบแก้วน้ำลายหมาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมามองเล่น ดูท่าก่อนไปเชียงใหม่เจ้าหมาจะเอาออกมาใช้แล้วไม่ยอมเก็บกลับที่ "ผมก็แค่ตัดสินใจไปแล้ว เพราะงั้นต่อให้ความรู้สึกอะไรพวกนั้นมีมากแค่ไหนผมก็ยังยืนยันคำเดิมอยู่ดี แล้วทีนี้จะร้อนรนไปเพื่ออะไรล่ะครับ"

"แต่ว่า..."

"ถ้าคุณท่านคิดจะทำอะไรผมจริงๆ ต่อให้ผมเปลี่ยนที่ฝึกงานใหม่ก็คงไม่สามารถรอดไปจากอิทธิพลท่านได้อยู่ดี และที่สำคัญ..."ผมลูบลายหมาใส่ปลอกคอสีฟ้าที่อยู่บนแก้วช้าๆ มองแล้วก็นึกถึงคนที่น่าจะกำลังหงุดหงิดอยู่ที่ห้องตรงข้าม "ผมไม่อยากให้โซคิดมาก"

เพราะถ้าผมร้อนรนไปด้วย...คราวนี้คงไม่เหลือคนใจเย็นอีก และสถานการณ์ทุกอย่างมันต้องเลวร้ายกว่าเดิมแน่นอน

"ผมคิดว่าคนระดับคุณท่านคงไม่เล่นงานกันอ้อมๆโดยใช้เรื่องงานหรอก หรือคุณเจย์คิดว่ายังไงครับ"

โซโล่เคยบอกว่าคุณพ่อมีเขาตั้งแต่อายุสิบแปด นั่นหมายความว่าตอนนี้คุณท่านก็คงยังอายุไม่มากเท่าไหร่ แต่การที่ท่านสามารถดูแลกิจการใหญ่โตขนาดนี้ได้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย และผมคิดว่าคนระดับนี้...ประกอบกับที่มีนิสัยคล้ายโซโล่ เขาไม่น่าใช้วิธีสกปรกกับผมอยู่แล้ว

"นั่นสินะครับ..."คุณเจย์ยิ้มอ่อนโยน "คุณท่านไม่ใช่คนแบบนั้น"

"ผมก็ไม่แน่ใจว่าท่านต้องการอะไร แต่ถ้ามันคือเส้นทางการพิสูจน์ตัวเองเพื่อยืนเคียงข้างโซ...ผมจะทำครับ"ผมวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ มองคุณเจย์ที่นิ่งไป "แล้วคุณ...ไม่คิดจะทำอะไรบ้างเหรอครับ"

ถ้ามีใครมายืนอยู่ตรงนี้คงต้องหาว่าผมรังแกคุณเจย์อยู่แน่ๆ เพราะตอนนี้เขากำลังหน้าซีด ชะงักค้างไปเหมือนโดนจี้จุดอะไรสักอย่าง

"ผม..."

ปัง!

ประตูที่ถูกปิดเสียงดังทำให้ผมเดาได้ไม่ยากว่าใครเข้ามาที่นี่ โซโล่เดินหน้าหงิกมาแต่ไกล พอมาถึงก็ทรุดตัวลงข้างผมแล้วขมวดคิ้วหงุดหงิด

"มีอะไรหรือเปล่าครับโซ"

"เรื่องงานอย่างเดียวเลย นี่คงไม่คิดจะให้ผมมีวันหยุดเสาร์อาทิตย์เลยมั้ง นี่ก็จะ..."โซโล่บ่นไม่หยุด สรุปแล้วที่บ่นทั้งหมดมีใจความสำคัญก็แค่เขาต้องไปคุยงานนอกสถานที่เกือบทุกอาทิตย์ และที่บ่นก็เพราะกลัวจะไม่มีเวลาบินไปหาผมที่ภูเก็ต

"เราคุยกันทางโทรศัพท์ก็ได้ครับ"ผมพยายามหาทางออก แต่กลับโดนจ้องด้วยสายตาทิ่มแทง

"แค่ไม่เจอสองสามวันก็จะแย่แล้ว!"

แล้วจะให้ทำยังไงล่ะเนี่ย...

"คุณชาย อย่าเอาแต่ใจตัวเองสิครับ"คุณเจย์หันไปเตือนโซโล่ ผมแอบอมยิ้มเมื่อเห็นเจ้าหมาหน้าหงอลงทันที

"ไม่กี่เดือนเอง ทนหน่อยนะครับ"ผมจับมือโซโล่ไว้แล้วบีบเบาๆ

"อืม...ถ้าว่างจะรีบไปหานะ อาจจะสองสามอาทิตย์ครั้ง"

"ครับ"

ต่อให้ทำเหมือนไม่พอใจยังไงเจ้าหมาตัวนี้ก็ยังพูดง่ายอยู่ดี

"คุณชาย...คุณท่านได้พูดเรื่องคุณกีล์บ้างหรือเปล่าครับ"คำถามของคุณเจย์ทำให้สีหน้าของเราทุกคนเคร่งเครียดขึ้น ผมเองก็มองไปที่โซโล่เพื่อรอคำตอบ

"นั่นล่ะที่ผมสงสัย...ทำไมพ่อไม่พูดเรื่องอะไรเลยนอกจากเรื่องงาน หรือกำลังรอให้ตายใจ?"

พูดเหมือนพ่อตัวเองเป็นผู้ร้ายเลย

"ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ คุณท่านไม่เคยบอกอะไรอยู่แล้ว"คุณเจย์เม้มปาก ท่าทางเครียดยิ่งกว่าผมกับโซโล่เสียอีก

ก๊อก ก๊อก

บทสนทนาทุกอย่างหยุดชะงัก พวกเราหันมามองหน้ากันเป็นเชิงถาม สุดท้ายก็เป็นคุณเจย์ที่ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู

ผมเห็นคุณเจย์นิ่งไป รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีจนต้องลุกขึ้นแล้วเดินไปหา

"คุณเจย์ครับ"ผมแตะบ่าเขาเป็นเชิงเรียก คุณเจย์หันมาหา ท่าทางของเขาดูตกใจ มือก็ดันไหล่ผมให้กลับเข้าไปด้านใน

"คุณกีล์เข้าไปก่อนครับ"

"ฉันบอกให้ถอยไป!"เสียงบาดหูไม่คุ้นเคยของใครสักคนดังขึ้นไม่ไกล ผมรีบเข้าไปประคองคุณเจย์ไว้เมื่อเขาตัวเซไปด้านข้าง

บริเวณประตูที่เปิดทิ้งไว้มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ดูแล้วน่าจะเป็นคนไทยที่อายุพอๆกันกับผม เธอมีผมสีน้ำตาลยาวสลวย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางดูสวยงาม ท่าทางก็ดูเป็นผู้ดีอยู่พอควร...ถ้าไม่นับเรื่องที่เธอเพิ่งผลักคุณเจย์ไปเมื่อครู่นะ

"น้องโซคะ..."

อือหือ...ทีเรียกโซโล่นี่เสียงหวานเชียว

ผมได้แต่ส่ายหน้าหน่าย ไม่นึกว่าจะได้เจอคนแบบนี้ในชีวิตจริง ขนาดยังไม่ได้พูดคุยกันก็เดานิสัยได้แล้ว ผมคิดว่าเธอคงยังไม่รู้ว่าโซโล่มีนิสัยแบบไหน เพราะถ้าเธอรู้เธอจะไม่ทำแบบนี้แน่

"คุณท่านให้มาตามค่ะ"เธอทำท่าจะคว้าแขนโซโล่ไว้ แต่ก่อนจะได้ทำอย่างนั้นก็โดนคุณเจย์ดึงแขนไว้ก่อน

"คุณลินดา กรุณาออกไปรอข้างนอกเถอะครับ"

"แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง"คุณลินดาหันไปตวาดแล้วกระชากแขนออกจากคุณเจย์อย่างแรง ทั้งยังทำท่าจะเข้าไปหาเรื่องอีก แต่...

"ผมชื่อโซโล่"น้ำเสียงเย็นๆของคนที่เงียบมาตลอดดังขัดทุกอย่าง "เรียกให้ถูกหน่อย"

"แต่ลินได้ยินคุณท่านเรียกว่าโซนะคะ ขนาด...คนรับใช้ยังเรียกลับหลังว่าโซเลย"เธอทำหน้าขยาดตอนมองไปที่คุณเจย์ นี่คงไม่ได้สังเกตเลยว่าดวงตาของโซโล่เข้มขึ้นขนาดไหน

"โซเอาไว้ให้คนสนิทเรียก ส่วนคนแบบเธอจะให้เรียกโซโล่ผมยังขยะแขยงเลย"โซโล่ว่าเสียงเรียบ ส่วนคู่สนทนาก็หน้าซีดไปตามระเบียบ

"นะ...น้อง..."

"ผมก็คิดว่าพ่อจะหาคนที่ดีกว่านี้เสียอีก หรือว่าจะเป็นแบบนี้แค่ลับหลังพ่อ พอพ่อไม่อยู่ก็วิ่งเข้าหาลูกชายแทน ถึงขนาดมาหาถึงห้องนี่ต้องการอะไร ที่เห็นเจย์แล้วโวยวายก็เพราะมาขัดจังหวะว่างั้น"

"คุณชาย..."คุณเจย์ทำท่าจะเข้าไปห้าม แต่คราวนี้ผมรั้งแขนเขาไว้เอง พอเขาหันมามองด้วยความสงสัยผมก็แค่ยิ้มให้แล้วส่ายหน้า

ดูจากการกระทำของเธอมันก็สมควรแล้วที่จะโดนตำหนิ

"พ่อบอกผมแต่แรกแล้วว่าต้องออกไปข้างนอกตอนไหน อย่าบอกนะว่าไม่รู้ว่าผมเพิ่งไปพบพ่อมา เธอก็อยู่ในห้องด้วยไม่ใช่หรือไง"โซโล่แสดงอาการไม่พอใจทั้งที่ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่มันแลดูน่ากลัวกว่าตอนปกติเสียอีก "เจย์จะเรียกผมว่าโซต่อหน้าหรือลับหลังก็ได้ตราบเท่าที่ผมอนุญาต อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม..."

พอเห็นคุณลินดาหน้าซีดยืนนิ่งไม่ขยับแล้วโซโล่ก็ขมวดคิ้ว เขาเดินออกไปที่ประตู กวักมือเรียกการ์ดที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาหา

"เอาไปไว้ไกลๆ...แล้วก็อย่าให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามายุ่มย่ามกับห้องผมอีก"

"ครับคุณชาย"คุณการ์ดรับคำแล้วดึงแขนคุณลินดาที่กำลังนิ่งค้างออกไปตามคำสั่ง

เราเดินกลับมานั่งกันที่โซฟาเหมือนเดิมหลังจากทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ผมได้แต่นั่งนิ่งมองสถานการณ์น่าอึดอัดเงียบๆ ปล่อยให้โซโล่จ้องหน้าคุณเจย์ด้วยความกดดันอยู่อย่างนั้น

"ยอมทำไม"โซโล่เริ่มประโยคสนทนาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "ปกตินายไม่ได้ยอมคนแบบนี้นะเจย์"

"คุณชายก็ทราบดีว่าคุณลินดาเป็นคนของคุณท่าน"

"นายก็เป็นคนของพ่อ"

"คนละความหมายครับ"

"หมายความว่ายังไง"

"ที่ผมยอมคุณลินดาก็เพราะคุณท่านทำให้เธอดูมีสถานะเป็นแบบนั้น การพาไปไหนมาไหนด้วยก็น่าจะเป็นคำตอบได้ดีแล้วนะครับคุณชาย"คุณเจย์ก้มหน้าแล้วยิ้มออกมา "ส่วนผมก็เป็นแค่เลขา...และอีกไม่นานอาจจะไม่ได้เป็นอะไรเลย"

"นายพูดเหมือนจะไปไหน"โซโล่ขมวดคิ้ว แต่ดวงตาของเขาดูเหมือนกำลังตกใจ

"ไม่มีอะไรหรอกครับ แล้วนี่คุณท่านนัดคุณชายออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะครับ"คุณเจย์เปลี่ยนเรื่อง ท่าทางของเขาดูปกติดีทุกอย่าง ไม่ได้มีความเศร้าอะไรเหลืออยู่ ผมมองโซโล่แล้วก็รู้ว่าเขาไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับ แต่ก็คงยังไม่อยากคาดคั้นตอนนี้ถึงได้ยอมพยักหน้า

"พ่อบอกให้เจย์ไปกับผมด้วย"

"ครับ"

"กีตาร์อยากกินอะไร ผมจะซื้อกลับมาให้"โซโล่แปลงร่างกลับเป็นหมาขี้อ้อนเข้ามาคลอเคลียผม ตาก็กระพริบปริบๆรอคำตอบ

เปลี่ยนอารมณ์ไวเหลือเกิน เมื่อครู่ยังดูเท่อยู่เลย

"เดี๋ยวพี่ทำทานเองที่ห้องครับ โซทานข้างนอกกับคุณเจย์เลย"

"เดี๋ยวผมกลับมากินด้วย"เจ้าหมางอแง

"ไม่ได้ครับ นี่ก็จะเย็นแล้ว หาอะไรทานข้างนอกเลย ถ้ากลับมาแล้วยังไม่ได้ทานพี่จะโกรธนะ"ผมแกล้งดุจนเจ้าหมาหูลู่หางตก แต่ก็ยอมพยักหน้า

"จะรีบกลับนะ"

"ครับ"

โซโล่ทำท่าไม่อยากไปจนผมต้องหันไปส่งสายตาให้คุณเจย์ เขาเองก็มองกลับมาแบบเข้าใจแล้วช่วยลากหมาตัวโตที่งอแงไม่อยากไปเจอคุณพ่อออกไปให้

เดี๋ยวก็งอแงเป็นเด็ก เดี๋ยวก็ทำตัวโหด มีหลายบุคลิกจริงๆ

พอเหลือตัวคนเดียวก็รู้สึกโหวงๆอยู่เหมือนกัน คงเพราะตัวติดกันมาหลายวันไม่ได้ห่าง แล้วยิ่งต้องมาอยู่ให้ห้องใหญ่โตขนาดนี้คนเดียว จะเหงาก็คงไม่แปลกหรอก...มั้ง

ผมใช้เวลาว่างไปกับการทำอาหาร ไม่ลืมทำเผื่อไว้สำหรับเจ้าหมากับคุณเจย์ด้วย ถ้าหิวกันอีกรอบจะได้ไม่ต้องอด

ก๊อก ก๊อก

ผมวางอาหารที่กำลังจะเอามาทานลงกับโต๊ะ หันหน้าไปมองประตูโดยอัตโนมัติ เสียงเคาะประตูไม่ได้ดังขึ้นอีก แต่ผมคิดว่าคนเคาะน่าจะยังอยู่หน้าห้อง

หลังจากส่องดูแล้วก็พบว่าเป็นพี่ผู้ชายที่ขับรถมาส่งผมกับโซโล่ที่นี่ ผมเปิดประตูแล้วส่งยิ้มให้ตามมารยาท

"มีอะไรหรือเปล่าครับ"

"มีคนอยากพบคุณครับ"เขาพูดเพียงแค่นั้นแล้วนิ่งไป แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรเขาก็ขยับตัวถอยออกไปก่อน...และนั่นทำให้ผมได้เห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง

เหมือนโซโล่อย่างกับพิมพ์เดียวกัน แตกต่างกันแค่คนๆนี้ดูสุขุมเยือกเย็นมากกว่า

ผมยกมือไหว้คนตรงหน้า ริมฝีปากเผยรอยยิ้มแบบที่มักจะมอบให้โซโล่ด้วยความเคยชิน เพราะเหมือนจะเห็นภาพเจ้าหมาตอนโตซ้อนทับกับคนๆนี้

"สวัสดีครับ...คุณท่าน"

--------------------------------



TALK : ตอนนี้กำลังตามแก้ไขตอนเก่าๆนะคะ ที่เอามาลงใหม่แล้วคือตอน0-20 ส่วน21-36ยังไม่ได้กลับไปแก้

ใกล้จบแล้วนะ น่าจะอีก5-6ตอนโดยประมาณ



ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์

Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 16-03-2017 23:16:56
พี่กีล์ได้เจอพ่อของโซโล่แล้วววว จะคุยอะไรกันบ้างน้ออ :ling1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 16-03-2017 23:27:55
คุณท่านคะ เมื่อไหรจะรู้ว่าเจย์รักสักที เดี๋ยวเจย์หนีไปแล้วจะรู้สึก ชิ  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-03-2017 23:30:44
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 16-03-2017 23:31:07
แล้วคุณพ่อก็มา
แต่ผู้หญิงของคุณพ่อนี้ไม่ไหวนะ :m16:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 16-03-2017 23:46:51
ช่วงกีล์ฝึกงาน น่าจะเป็นช่วงที่พ่อโซ ทดสอบลูกชายตัวเองกะพี่กีล์แน่ๆ เลย

ส่วนชัลนี .. ไปตรงนู้นนนนนน ในป่าเลยป่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-03-2017 00:02:16
รออีกๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 17-03-2017 00:03:02
ป๊ะป๋าเล่นบุกมาหาทีเผลออ่า  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-03-2017 00:23:40
ไม่นะ!!!
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-03-2017 00:27:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 17-03-2017 00:35:05
เกลียดชะนีแบบลินดานี่ผิดไหม  :beat:
หนีไปไกลๆเลยเจย์ เอาให้คนแก่กระอักเลือดเลย หมั่นไส้ :m16: :m16:

 :katai1: :katai1: :katai1: เริ่มเข้าสู่การต้มมาม่าแล้วใช่ไหม  :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 17-03-2017 00:55:40
ถ้าคุณท่านชอบชะนีแบบนี้มากก็เอาไปเลยนะเจย์จะได้เจอคนอื่นที่ดีกว่า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-03-2017 08:13:37
แอบดองไว้ซะนานอ่านทันจนได้
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 17-03-2017 10:27:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-03-2017 11:48:36
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 17-03-2017 23:08:38
 :L1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 18-03-2017 14:14:14
ผู้หญิงของคุณพ่อนี่ไม่ไหวเลย ส่อแววน่ารำคาญมาแต่ไกล
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER37 P.26 [16/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 19-03-2017 18:50:57
-38-

 

ดูยังไงก็เหมือนมากจริงๆ...ไม่ว่าจะลักษณะท่าทาง รูปลักษณ์ภายนอก ทุกๆอย่างดูเหมือนโซโล่ไปหมด ถ้าไม่นับท่าทางดูภูมิฐานกับบรรยากาศที่กดดันกว่า บางคนอาจคิดว่าเป็นคนๆเดียวกันหรือพี่น้องกันได้ง่ายๆ

ที่บอกว่าเห็นคุณท่านแล้วจะตกใจกว่าเห็นคุณเจย์ท่าทางจะจริง เพราะถ้าคุณเจย์อายุยี่สิบเก้าว่าหน้าเด็กแล้ว คนๆนี้ที่อายุสามสิบกว่าแล้วหน้าเหมือนเป็นพี่ชายโซโล่ก็ไม่รู้จะเรียกหน้าเด็กได้หรือเปล่า

คุณท่านเดินนำเข้าไปด้านในโดยไม่พูดอะไรสักคำ พี่ที่เป็นคนเคาะประตูไม่ได้ตามเข้ามา ผมเดาได้ไม่ยากว่าท่านคงอยากคุยกับผมเป็นการส่วนตัว หลังจากปิดประตูแล้วผมก็ไปจัดการเทน้ำดื่มใส่แก้วแล้วยกไปที่โซฟา

"รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว"คุณท่านพูดด้วยหน้าตาเรียบเฉย ไม่ได้ชอบใจแต่ก็ไม่ได้พอใจ

"ตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมครับ ตั้งแต่ที่โซเข้ามาเรียนที่นี่"

"หมายความว่าถ้าฉันอยากแยกนายออกไป ฉันต้องส่งมันกลับอังกฤษใช่ไหม"

ผมนิ่งไปกับคำถามอันเย็นชาของคุณท่าน น่าแปลกที่คนๆหนึ่งสามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย อย่างน้อยก็น่าจะแสดงอาการไม่พอใจอะไรออกมาบ้างไม่ใช่หรือไง

แต่เอาเถอะ...

ผมเองก็คงไม่ใช่คนแบบที่ท่านคิดเหมือนกัน

"ผมเกรงว่าวิธีนั้นคงใช้ไม่ได้ผลหรอกครับ"ผมยิ้มบางเมื่อเห็นคุณท่านเลิกคิ้วเหมือนจะถาม "ยิ่งท่านพยายามแยกให้เราห่างไกลกันมากแค่ไหน...มันก็ยิ่งทำให้เราอยากเข้าหากันมากเท่านั้น"

"คิดว่ามีปัญญาตามไป?"

"ไม่ทราบว่าคุณท่านรู้จักผมมากแค่ไหนครับ"

"อย่างน้อยๆก็รู้ว่านายมีฐานะแบบไหน เคยมีชีวิตยังไง ลำบากขนาดไหนก็แล้วกัน"

"แล้วนอกจากนั้นล่ะครับ"

"ฉันจำเป็นต้องอธิบายชีวประวัติที่มีเป็นเล่มของนายจนครบเลยไหม"

ผมแอบยิ้มเมื่อเห็นว่าใบหน้าเรียบสนิทเริ่มมีความไม่พอใจเกิดขึ้นเล็กน้อย...เหมือนกันมากจริงๆด้วย

"ขอโทษครับ ผมแค่อยากจะบอกว่า...จริงๆแล้วท่านไม่รู้จักผมเลยต่างหาก"ผมสบตาคุณท่านซึ่งกำลังเลิกคิ้วแปลกใจ "ถ้าท่านรู้จักผม ท่านคงจะรู้ว่าผมยึดติดกับอะไรได้ยาก แต่เมื่อไหร่ที่ยึดติดแล้ว..."

"..."

"ผมจะไม่มีทางปล่อยมือจากสิ่งนั้นเด็ดขาด"

"ฉันก็ไม่ได้บอกให้นายปล่อยมือ แต่ฉันจะพรากสิ่งนั้นไปต่างหาก"

ไม่ต่างจากที่คิดเท่าไหร่

"ที่ใครต่อใครบอกกันว่าโลกใบนี้แคบนิดเดียว ผมเองก็คิดแบบนั้นนะครับ เพราะงั้นต่อให้ท่านพาเขาไปไว้ที่ไหน ผมก็ไม่มีทางหาไม่เจอ อาจจะปี สองปี หรือสิบปี สักวันเราก็ต้องพบกันอยู่ดี แล้วผมก็คิดว่าผมคงไม่ใช่คนเดียวที่ออกตามหา"เจ้าหมาตัวนั้นไม่มีทางยอมอยู่เฉยๆอยู่แล้ว "ที่ท่านบอกว่าผมจะมีปัญญาไปหรือเปล่า...ขออนุญาตเรียนตามตรง ผมค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของตัวเองครับ"

"..."

"ต่อให้เคยจนขนาดไหน ผมก็ไม่ได้คิดจะจนตลอดไป ผมเชื่อว่าสักวันจะสร้างตัวได้ และต่อให้ลำบากหรือนานแค่ไหนผมก็มั่นใจว่าจะมีปัญญาเดินทางไปในที่ที่ท่านพาโซไปแน่นอน"

ก็ตอนแรกความฝันของผมคือการเป็นคนมีเงินเพื่อเลี้ยงดูแม่ใหญ่นี่นะ ถ้าคุณท่านจะเอาแบบนั้นจริงๆผมก็แค่เปลี่ยนเป้าหมายไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง

จากอยากเป็นคนมีเงินเพื่อใช้เลี้ยงดูแม่ใหญ่...เปลี่ยนเป็นอยากเป็นคนมีเงินเพื่อใช้บินไปหาแฟนที่เมืองนอกแทน

"แล้วถ้าอนาคตของนายไม่สดใสล่ะ"

"ผมเชื่อว่าคนระดับท่านคงไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ"ผมพูดเสียงเรียบ ยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

"นายรู้จักฉันดีแค่ไหนกัน"

ผมนิ่งไปเล็กน้อยกับคำถามนั้น แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าของใครบางคนผมก็นึกได้

"คุณท่านเหมือนโซโล่มาก และคุณท่านไม่ใช่คนแบบนั้น...นี่เป็นสิ่งที่คุณเจย์บอกผมมาครับ"ผมลอบสังเกตท่าทีของคุณท่านเงียบๆ ตอนแรกท่านยังคงนิ่งเฉย แต่เมื่อมีชื่อคุณเจย์หลุดออกมาดวงตาคู่นั้นก็เปลี่ยนแปลงไป

น่าเสียดายที่ผมแปลความหมายในดวงตาอ่านยากคู่นั้นไม่ออก แต่ก็พอจะรู้สึกได้ว่าชื่อของคุณเจย์ดูมีอิทธิพลกับคนตรงหน้าพอสมควร

"นายคิดว่าฉันต้องการมาคุยอะไร"เสียงที่เย็นเยียบกว่าเดิมเอ่ยถาม

คุณท่านเปลี่ยนเรื่อง...

ผมสูดหายใจเข้าด้วยรู้สึกถึงความกดดันที่มากขึ้นเรื่อยๆทั้งที่คุณท่านไม่ได้เปลี่ยนท่าที แต่เพราะกดดัน…ผมถึงต้องมีสติมากกว่าเดิม

"ผมคิดว่าคุณท่านต้องการให้ผมเลิกยุ่งกับโซ"ผมพูดความคิดตัวเองออกมาช้าๆ

"ใช่"

"งั้นก่อนที่ท่านจะใช้วิธีอะไรก็ตาม ผมขออนุญาตพูดบางอย่างก่อนได้ไหมครับ"

คุณท่านทำหน้าแปลกใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเหมือนจะบอกให้พูดต่อ ผมเม้มปากด้วยความกังวล เตรียมตัวจะพูดทุกสิ่งที่คิดไว้ออกมา

"คุณเจย์บอกผมว่า..."

"สนิทกันจังนะ"

"อะไรนะครับ?"ผมทวนคำถามทั้งที่เมื่อครู่ได้ยินเสียงพึมพำนั่นชัดเจน ริมฝีปากเกือบจะยิ้มกว้างเมื่อเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่าง

"..."

"งั้นข้ามเรื่องคุณเจย์ไปก่อนก็ได้ครับ"ผมลอบยิ้มเมื่อสายตาของคุณท่านกลับมาเรียบเฉยเหมือนเดิม ก็นี่มันเหมือนการบอกกลายๆว่าชื่อคุณเจย์มีอิทธิพลมากเลยไม่ใช่หรือไง

"มีเวลาอีกชั่วโมงก่อนพวกนั้นจะกลับมาที่นี่ จะพูดอะไรก็รีบพูด"คุณท่านพูดเสียงราบเรียบเย็นชา แต่ผมกลับรู้สึกดีใจ...มันเหมือนกับท่านกำลังให้โอกาส

"ผมแค่อยากจะบอกว่าตอนนี้ผมไม่มีอะไรให้ยึดติดอีกแล้ว สิ่งเดียวที่ท่านจะเอามาขู่ผมได้ก็คือโซเท่านั้น แต่ท่านคงไม่ทำร้ายลูกชายแท้ๆของตัวเองใช่ไหมครับ"ผมจ้องใบหน้านิ่งสงบของคุณท่าน คาดหวังให้สิ่งที่ตัวเองคิดเป็นความจริง ต่อให้ท่านเอาอะไรมาขู่ผมก็ไม่กลัวทั้งนั้น แต่สิ่งเดียวที่มีผลมากมายก็คือโซโล่

"ใช่"คุณท่านรับคำด้วยใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง ดวงคาคมกริบคู่นั้นมองผมเหมือนจะประเมิน "ฉันไม่มีวันทำร้ายลูกชายของตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมให้ทำทุกอย่างที่ต้องการ"

"แล้วคุณท่านต้องการให้โซทำอะไรครับ ถ้าเรื่องงานเขาก็ตั้งใจทำและไม่เคยคิดปฏิเสธอยู่แล้ว"

"คิดว่าชีวิตของพวกนายจะมีความสุขหรือไง"

"ถ้าอยู่ด้วยกันผมเชื่อว่าเราจะมีความสุขครับ"ผมพูดด้วยความมั่นใจ

"โดยที่โซต้องบินไปต่างประเทศทุกวัน ในขณะที่นายทำงานเป็นพนักงานกินเงินเดือนอยู่ที่นี่งั้นเหรอ"

"ผม..."

"ถ้านายบอกว่าไหว แล้วโซล่ะ"

"โซจะเข้าใจ..."

"เข้าใจและจำใจ"

"..."

"นายคิดภาพความสุขที่ยืนยาวนั่นออกหรือยัง"คุณท่านพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา และผม...ไม่สามารถเถียงอะไรได้เลยสักคำ

"..."

"ใบหน้าแบบนั้นมันหมายถึงยังไม่ยอมแพ้สินะ"

จะให้ยอมแพ้ได้ยังไง

"โซคือทุกอย่างของผมครับ และต่อให้อนาคตจะเป็นยังไง ผมก็เชื่อว่าเราจะมีความสุข"

 “แค่ลมปาก”คุณท่านพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

ใช่…มันเป็นแค่ลมปาก เพราะที่ท่านพูดมาคือความจริงทุกอย่าง และผมก็ไม่รู้จริงๆว่าเราจะมีความสุขกับชีวิตแบบนั้นหรือเปล่า แต่ว่า…

เรารักกัน

ผมกำมือแน่นเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง

“แม่ผมบอกว่าทุกปัญหามีทางออก และคนหนีปัญหาคือคนขี้ขลาด ผมจะไม่มีวันทิ้งโซแค่เพราะสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด ผมเชื่อว่ามันต้องมีทางแก้”

"งั้นก็ไปหาทางแก้มา"

"อะไรนะครับ"ผมเบิกตากว้าง คราวนี้นึกว่าตัวเองหูฝาดจริงๆ หากหัวใจกลับเต้นรัวด้วยความดีใจล่วงหน้าไปแล้ว

"ไปหาทางแก้มา"คุณท่านย้ำด้วยน้ำเสียงไม่เปลี่ยนแปลง "นั่นคือบททดสอบของนาย…คนที่ดีแต่บอกว่าให้อดทนโดยไม่นึกแก้ไข ส่วนไอ้คนที่ขยันแก้ไขโดยไม่อดทนนั่นก็ต้องโดนเหมือนกัน"

"คุณท่าน..."ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังยิ้มกว้าง

ท่านกำลังสอนผม ท่านกำลังให้โอกาส...

"หึ"

"ขอบคุณมากครับ"ผมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม รู้สึกขอบคุณจากใจจริงที่ท่านมอบโอกาสให้กับคนที่ไม่มีอะไรสักอย่างอย่างผม

"ฉันเคยเป็นพ่อที่ไม่ดี แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีก"คุณท่านพึมพำ

"ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สำหรับผมคุณท่านเป็นคนดีครับ"ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ ต่อให้เพิ่งได้คุยในเวลาไม่นาน ต่อให้ท่านทำตัวนิ่งขนาดไหน แต่ผมมองเห็นความรักทุกครั้งที่ท่านพูดถึงโซโล่ ที่ท่านทดสอบผมหรือให้โอกาสผม ทั้งหมดก็เพื่อโซโล่ทั้งนั้น

"งั้นเหรอ"

"คุณเจย์เองก็คิดเหมือนผมครับ"ผมพูดอีกสิ่งที่คิดออกไป และทันทีที่พูดจบผมก็มองเห็นดวงตาเฉยชาคู่นั้นไหววูบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับเป็นปกติ

"อืม"

บรรยากาศเงียบงันเริ่มเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง ถึงผมจะรู้สึกดีขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังอดกดดันกับบรรยากาศรอบตัวคุณท่านไม่ได้อยู่ดี เคยได้ยินเหมือนกันว่าพวกนักธุรกิจหรือผู้บริหารระดับสูงจะมีบรรยากาศแปลกๆรอบตัว แล้วยิ่งคนระดับนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดทำหน้าเฉยชายังกดดันขนาดนี้ ผมไม่อยากจะคิดภาพตอนท่านโมโหหรือไม่พอใจเลย เพราะท่านคงน่ากลัวกว่าโซโล่หลายเท่า

"คุณท่านทานข้าวหรือยังครับ"ผมทำลายความเงียบ นึกได้พอดีว่าตัวเองทำกับข้าวทิ้งไว้โดยที่ยังไม่ได้ทาน

"ยัง"ท่านตอบสั้นๆ ดวงตาคมมองผมเหมือนจะถามว่าทำไม

"ถ้าไม่รังเกียจ จะลองทานฝีมือผมดูหน่อยไหมครับ"ผมยิ้มเมื่อคุณท่านพยักหน้า ยอมลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะอาหารโดยไม่ได้พูดตอบอะไร

ผมจัดการยกอาหารที่ตั้งทิ้งไว้ไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เปิดเตาอุ่นอาหารใหม่ที่ทำเกินไว้แล้วยกมาให้คุณท่าน

"กินที่ตั้งไว้นั่นก็ได้"

"ไม่ได้ครับ"ผมขมวดคิ้ว ลืมความกดดันไปชั่วขณะ ทำไมสองพ่อลูกนี่ไม่ห่วงตัวเองกันเลยนะ "ต้องทานตอนกับข้าวร้อนๆถึงจะดี นอกจากนั้นยังอร่อยกว่าด้วย"

"หึ...พูดเหมือนเจย์"

คุณเจย์อีกแล้ว

"โซบอกว่าคุณเจย์ทำอาหารอร่อยมาก"ผมลองเกริ่น เป็นเวลาเดียวกับที่คุณท่านตักอาหารคำแรกเข้าปาก

"อืม..."

จะว่าไปผมก็ยังไม่เคยได้ทานฝีมือคุณเจย์เหมือนกัน ปกติพอเขามาที่ห้องผมก็ทำอาหารไว้แล้วตลอดเลยยังไม่มีโอกาสเสียที สงสัยต้องขอให้คุณเจย์ลองทำให้ทานดูสักครั้งแล้ว

"พอทานได้ไหมครับ"ผมนั่งตัวเกร็ง ลุ้นกับคำตอบยิ่งกว่าลุ้นผลสอบเสียอีก

"ได้...แต่ไม่เท่าเจย์"

อ่าว...อย่างนี้ก็ได้เหรอ

หลังจากนั่งทานข้าวกันเงียบๆจนเสร็จผมก็ยกจานไปล้างที่อ่าง คุณท่านยังนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเงียบๆเหมือนเดิม ในขณะที่ผมทนความกดดันไม่ไหวต้องหาเรื่องมาชวนคุยโดยที่ส่วนใหญ่หนีไม่พ้นเรื่องคุณเจย์ ถึงจะตอบสั้นแค่ไหนแต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความเหมือนกันของคุณท่านกับโซโล่มากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญ…ทุกครั้งที่พูดเรื่องคุณเจย์บรรยากาศกดดันรอบตัวท่านมักจะจางลงหลายส่วน

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูรอบที่สามดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ผมมองนาฬิกาดูแล้วคิดว่าไม่น่าใช่โซโล่กับคุณเจย์ เพราะตอนแรกคุณท่านบอกว่ากว่าพวกเขาจะกลับมาถึงก็เป็นชั่วโมง แต่นี่ยังผ่านไปไม่ถึงสามสิบนาทีเลย

"พี่กีล์!เปิดให้หน่อย!"คงไม่ต้องเดาแล้วว่าใคร

ผมหันไปมองคุณท่านเหมือนจะขออนุญาต ซึ่งท่านก็ทำเพียงพยักหน้าน้อยๆแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา

"ดีพี่"เก้ายกมือทักทายทันทีที่ผมเปิดประตูให้ แต่นอกจากเก้าแล้วข้างๆยังมีคุณลินดาที่ทำหน้าตาไม่พอใจยืนอยู่ด้วย

"เก้า คือว่า..."

"ผมจะมาเล่นเกมห้องมันอะ ที่หอไฟดับ โคตรเซ็ง"เด็กแสบบ่นแล้วเดินสวนเข้าไปในห้อง แต่ก่อนจะก้าวเข้าไปไม่วายหันไปมองคุณลินดาด้วยหางตา "ผมเจอป้าคนนี้ดิ้นอยู่หน้าห้อง โวยวายใส่พี่การ์ดบอกจะเข้ามาหาคุณท่านอะไรก็ไม่รู้"

"แก!"

เอาไงดีล่ะเนี่ย

"คุณท่านคะ!"คุณลินดาเปลี่ยนเป้าหมายเป็นวิ่งไปหาคนที่โซฟาแทน ผมแอบกังวลหน่อยๆเพราะโซโล่สั่งไว้ว่าไม่ให้เธอเข้าใกล้ห้องของเขาอีก ที่พี่การ์ดจำเป็นต้องปล่อยเข้ามาคงเพราะเธอเอาคุณท่านไปอ้าง

"เก้าครับ นั่นคุณพ่อโซ"ผมกระซิบกับเด็กแสบที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้าตัวมองตามคุณลินดาที่เดินไปนั่งข้างๆแล้วฟ้องอะไรคุณท่านอยู่ด้วยสายตารำคาญ

"พอเดาได้แหละ หน้าโคตรเหมือนกัน แต่ป้านั่นไม่ไหวนะ ผมปวดหูจะตายอยู่แล้ว กับอีแค่บอกว่าโวยวายรบกวนคนอื่น ไม่รู้จะกรีดร้องอะไรนัก"

"ช่างเถอะครับ เราเข้าไปทักคุณท่านก่อนดีกว่า"ผมดันหลังเก้าเบาๆเป็นเชิงเตือน ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าแล้วเดินเข้าไปหาแต่โดยดี

"พ่อโซ ดีครับ"เก้ายกมือไหว้ นั่งลงตรงโซฟาด้านตรงข้ามคุณท่านอย่างไม่เกรงกลัว

"อืม"

"คุณท่านคะ เด็กนี่แหละค่ะที่มาว่าลิน"คุณลินดาหันไปเขย่าแขนคุณท่านเบาๆเหมือนจะฟ้อง สายตาก็มองเก้าอย่างจิกกัด

ให้ตายเถอะ...ผู้หญิงแบบนี้นี่นะ

"นี่ป้า อย่าเยอะได้ไหม"เก้าขมวดคิ้ว หน้าตาไม่พอใจ "ทำตัวแบบนี้แล้วใครจะเห็นค่าวะ"

"แก!"

"หน้าตาก็ดี เงินก็มี เข้าคอร์สอบรมมารยาทกับพี่กีล์หน่อยดีปะ"

แล้วพี่เกี่ยวอะไรล่ะครับเนี่ย

"ไอ้เด็กเวร!"

ผมแตะแขนเก้าเป็นเชิงเตือนเพราะคุณลินดาเริ่มโมโห อีกอย่างผมกลัวว่าคุณท่านจะโกรธที่ไปว่าคนของท่านด้วย แต่ดูเหมือนผมจะคิดมากไปหน่อย เพราะนอกจากคุณท่านจะไม่พูดอะไรแล้วท่านยังไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลยอีกต่างหาก

"ผมถามจริงนะ พ่อไปขุดแม่นางมาจากไหนเนี่ย"คราวนี้เด็กแสบถึงขั้นหันไปถามคุณท่านโดยตรง เหมือนผมจะเห็นประกายตาขบขันวาบอยู่ในดวงตาของท่านครู่หนึ่งยังไงไม่รู้

"ลูกเพื่อน"คุณท่านตอบเสียงเรียบ ไม่ได้สนใจคุณลินดาที่เขย่าแขนฟ้องอยู่ด้านข้าง "ฝากดู"

"อ๋อ ผมก็คิดว่าเมียใหม่พ่อเสียอีก"เก้ายักไหล่ พูดออกมาง่ายๆตามนิสัย ส่วนผมนี่ได้แต่กระพริบตามองเพราะความไม่เข้าใจ

สรุปว่าคุณลินดานี่คือลูกสาวของเพื่อนคุณท่านที่ให้ช่วยดูแลให้ แต่ดูท่าทางแล้วเธอไม่น่าจะคิดแบบเดียวกันกับคุณท่านนะผมว่า แล้วนี่เจ้าหมากับคุณเจย์คิดไปถึงไหนแล้วล่ะเนี่ย…

"คุณท่านคะ!"

"ลุงไล่ป้านี่ออกไปก่อนได้ปะ"เก้าทำเสียงรำคาญแบบไม่ปิดบัง ผมแอบยิ้มขันกับความตรงไปตรงมาของเด็กแสบ สมแล้วที่ให้ฉายาแบบนี้

"ลินดา ออกไปก่อน"

แล้วคุณท่านก็ไล่ออกไปให้จริงๆเสียด้วย

"คุณท่านคะ! ทำไมไม่ให้ลินอยู่ด้วย"

"นี่ป้า รีบออกไปเหอะนะ ก่อนผมจะฟ้องว่าป้าก่อวีรกรรมอะไรไว้"

"วีรกรรม?"คุณท่านเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่คราวนี้คุณลินดาหน้าซีด เธอรีบลาคุณท่านแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนไปไม่ลืมมองเก้าที่อยู่ข้างๆผมด้วยสายตาเกลียดชังอีกที

"นี่ก็ไม่ได้จะฟ้องนะ แต่พอดีโซมันโทรมาเล่าให้ฟัง…มันบอกว่าป้าแกผลักจนเฮียเจย์เกือบล้มแล้วก็ต่อว่าไปด้วยไม่ใช่หรือไง"

ไม่ได้ฟ้องเลยเก้า

"ว่าไงนะ"เสียงคุณท่านเข้มขึ้นหนึ่งระดับ ผมเห็นดวงตาของท่านทอประกายวาววับแบบที่เจ้าหมาชอบเป็นเวลาโกรธ เพียงแต่คุณท่านดูจะเก็บอารมณ์ได้ดีกว่ามาก

"ตามนั้นเลยพ่อ พอดีโซมันโทรมาบ่นกับผมว่าแฟนมันไม่ยอมรับโทรศัพท์ มันกำลังรีบกลับแต่ก็น่าจะช้า ได้ข่าวว่าพ่อหลอกมันให้ไปกินข้าวไกลๆแล้วตัวเองไม่ไป นี่มันก็กลัวพ่อทำไรพี่กีล์เลยส่งผมมาเนี่ย ทีนี้มันเลยเล่าให้ฟังหมดเลย"เก้าเหลือบตามองผมแล้วหัวเราะหึหึ ส่วนผมนี่ก็ขนลุกไปแล้วเรียบร้อย เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในห้อง ไม่แปลกที่ฝั่งนั้นจะติดต่อไม่ได้ "หอผมไฟดับพอดีเลยยอมมา กะจะมาเล่นเกมหน่อย งั้นขออนุญาตนะพ่อ"

"เก้า อย่าเสียมารยาทสิครับ"ผมหันไปดุเด็กแสบที่ไหลตัวลงไปนั่งพื้นเพื่อเลือกแผ่นเกม

"ไม่เป็นไร"คุณท่านโบกมือ ได้ยินดังนั้นคนที่หยุดมือไปเมื่อครู่ก็ยิ้มแฉ่งแล้วหันไปเลือกแผ่นต่อ

"เก้านี่นะ"ผมบ่นไม่จริงจังนัก จะว่าน่าเอ็นดูมันก็ใช่ แต่ที่ยิ่งกว่าน่าเอ็นดูคือน่าตีนี่ล่ะ

"เรื่องจริงหรือเปล่า"เสียงคุณท่านเอ่ยขึ้นเรียบๆเหมือนพูดเรื่องทั่วไป ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร แต่พอเห็นแววตาเข้มๆนั่นแล้วก็นึกออก

"จริงครับ"เรื่องที่คุณเจย์โดนคุณลินดาผลักแล้วพูดจาไม่ดีใส่เป็นความจริงทุกอย่าง

"อืม"คุณท่านเงียบไป แต่ผมคิดว่าถ้าท่านเหมือนโซโล่จริงๆ…ใต้ความสงบนั้นจะต้องมีพายุก่อตัวอยู่แน่นอน

ผมจะบอกเรื่องนั้นกับคุณท่านดีหรือเปล่านะ

"พ่อๆ"เก้าเรียกทั้งที่ตายังจ้องจอเกม "ทำไมไม่อยากให้โซมันคบกับพวกผมอะ เหมือนพ่อไม่อยากให้มันใกล้ใครมากไป"

นี่มีเรื่องอะไรที่เจ้าหมาไม่ได้เล่าให้เด็กแสบนี่ฟังบ้างไหมเนี่ย

"ถ้าผูกพันมากไป ตอนห่างกันจะลำบาก อย่าผูกพันแต่แรกคือทางเลือกที่ดีที่สุด นั่นคือสิ่งที่คิดตอนแรก"คุณท่านเอนตัวพิงโซฟา "ฉันไม่ใช่คนที่ชอบอธิบาย"

เพราะงั้นใครๆถึงได้เข้าใจผิดไปหมด

ผมไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงไม่ได้อยู่ใกล้ๆหรือดูแลโซโล่ แต่ผมมั่นใจว่าท่านต้องมีเหตุผลแน่นอน ท่านไม่ใช่คนน่ากลัวแบบที่ผมคิดตอนแรกเลยสักนิด

"พ่อไม่ต้องห่วงหรอก ทั้งผมทั้งไอ้เจไดคงตัวติดกับมันไปตลอดนั่นล่ะ ต่อให้แยกกันแล้วก็ยังติดต่อกันได้นี่ พอดีผมมีตัง ต่อให้มันไปอยู่ต่างประเทศก็ไปหาได้อยู่ดี"

เหมือนผมจะเริ่มมองเห็นที่มาความมั่นหน้าของเจ้าหมาแล้วล่ะ

"หึหึ"คุณท่านหัวเราะเบาๆ ใบหน้านิ่งทอประกายขบขันแบบปิดไม่มิด พอเห็นแล้วผมก็อดขำตามไม่ได้

บางทีเก้าอาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่นอกจากจะเกิดมาเพื่อให้ความบันเทิงแล้วยังช่วยทำให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้นด้วย

เจ้าหมากับคุณเจย์คงคิดไว้แล้วถึงได้ส่งเก้ามาช่วย และมันทำให้ผมสบายใจขึ้นมากจริงๆ

ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าเจ้าหมาจะผ่านบททดสอบของตัวเองไปได้

“คุณท่านครับ”ผมหันไปเรียก ปรับสีหน้าให้ดูจริงจังขึ้น “ก่อนโซกับคุณเจย์จะออกไป…ผมได้คุยกับคุณเจย์”

“…”

“ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังจะไป”

“นายหมายความว่ายังไง”คุณท่านยืดตัวขึ้นตั้งตรง ในดวงตาคู่นั้นไม่มีวี่แววของการล้อเล่น

“เขาพูดเหมือนจะไม่ได้เป็นเลขาคุณท่านแล้ว”ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก จริงๆมันก็เป็นเพียงการคาดเดา แต่ถ้าคุณท่านเป็นแบบที่ผมคิดจริงๆ…ผมก็อยากช่วย

หลังจากที่ผมพูดจบก็ไม่มีเสียงพูดคุยดังขึ้นอีก เสียงเดียวที่มีในห้องตอนนี้คือเสียงการเล่นเกมของเก้า ใบหน้าของคุณท่านดูน่ากลัวจนผมไม่กล้าพูดอะไรต่อ และคิดว่าท่านคงไม่อยากฟังอะไรตอนนี้ด้วย

“ฉันจะกลับห้องแล้ว”คุณท่านพูดแล้วลุกขึ้นยืน ผมรีบลุกตาม ส่วนเด็กแสบก็หันมายกมือไหว้

“ผมไปส่งครับ”

ผมเดินไปส่งคุณท่านที่ประตู แต่ก่อนที่จะเดินออกไปท่านก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับผมก่อน

“เหตุผลที่ฉันมาคุยกับนายก็เพราะต้องการรู้ว่านายเป็นคนแบบไหน”ท่านพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันเริ่มมองนายจากประวัติ ไม่เห็นความเหมาะสมกับโซสักอย่าง ถ้านายเปลี่ยนใจฉันไม่ได้ หลังจากการคุยกันวันนี้พวกนายจะไม่ได้เจอกันอีก และนายคงรู้ว่าฉันทำได้”

รู้สิ…ถึงผมจะปากดีบอกว่ายังไงสักวันก็ต้องเจอกัน แต่จริงๆแล้วผมรู้ดีว่ามันยากขนาดไหนถ้าคุณท่านต้องการแยกเราจริงๆ

“สิ่งที่ทำให้ฉันยอมให้โอกาส นอกจากเพราะโซแล้วก็เพราะนิสัยของนาย เก็บความมั่นคงนั้นไว้ อย่ายอมแพ้ พิสูจน์ให้ฉันเห็นว่านายจะอยู่เคียงข้างเขาได้ ในเมื่อนายเลือกเองที่จะเป็นฝ่ายปกป้อง…ก็ทำให้ได้ตามที่พูด”

ผมมีคำพูดมากมายที่อยากจะเอ่ย แต่เมื่ออ้าปากกลับไร้ซึ่งเสียงใดๆ สุดท้ายก็ทำได้เพียงยกมือขึ้นไหว้คุณท่านอย่างนอบน้อมด้วยความเคารพจากใจจริง

“หวังว่าตอนฝึกงานเสร็จฉันจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ”

“ครับ”

“กีตาร์!”

ผมสะดุ้ง ละสายตาออกจากคุณท่านแล้วหันไปมองคนที่วิ่งมาหา โซโล่วิ่งหน้าตาตื่นมาก่อน ด้านหลังมีคุณเจย์ที่เดินตามมาช้าๆ

“เป็นอะไรหรือเปล่า!”เจ้าหมาจับตัวผมพลิกไปมาต่อหน้าพ่อตัวเอง ใบหน้าดูกระวนกระวายจนผมต้องจับมือเขาไว้

“แค่คุยกันครับ”

“เจย์ มานี่”คุณท่านหันไปเรียกคุณเจย์ จากนั้นก็เดินนำเข้าห้องตัวเองไปโดยไม่สนใจใคร คุณเจย์หันมาก้มหัวให้ผมก่อนจะเดินตามเข้าไปด้วยใบหน้าเศร้าๆ

“เข้าห้องก่อนครับ”ผมดึงแขนเจ้าหมาที่ยังดูเป็นห่วงไม่เลิกเข้ามาในห้อง แต่พอเข้ามาแล้วผมก็เป็นฝ่ายถูกดึงไปที่โซฟาริมกระจกแทนโดยที่เจ้าหมาไม่ได้หันไปสนใจเพื่อนที่นั่งเล่นเกมอยู่เลย

“พี่ไม่เป็นอะไรครับ”ผมชิงพูดก่อน ไม่ลืมลูบหลังมือคนข้างๆให้คลายกังวล

“เล่ามา”

ผมเล่าทุกอย่างให้โซโล่ฟังช้าๆ ทั้งเรื่องที่คุณท่านให้โอกาส เรื่องที่เราคุยกันทั้งหมด ผมเล่าโดยไม่ปิดบังแม้แต่นิดเดียว ตลอดเวลาที่พูดเจ้าหมาทำหน้าตาจริงจังจนน่ากลัว จวบจนผมเล่าจบแล้วเขาก็ยังเงียบอยู่

“โซ…”

“…”

“อย่าอคติสิครับ”ผมแตะนิ้วลงบนคิ้วที่กำลังขมวด “ทุกอย่างไม่ใช่แบบที่เราเห็นเสมอไป เรื่องคุณเจย์น่าจะทำให้โซคิดได้บ้างนะ”

เพราะโซโล่นึกถึงคุณท่านในมุมแบบนั้นมาตลอด ไม่แปลกที่เขาจะเอาสิ่งที่คิดมาเล่าและทำให้ผมมองคุณท่านแบบที่เขามองตามไปด้วย แต่เพราะผมไม่ได้อคติแบบเขา พอได้เจอจริงๆผมถึงได้มองเห็นอะไรมากกว่าที่เขาเห็น

“ท่านก็เหมือนโซที่ไม่ชอบอธิบายความจนทำให้ใครๆเข้าใจผิด”

“ผมไม่เหมือนพ่อสักหน่อย”โซโล่ทำหน้าบึ้ง

“ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน”

“ดี”

ผมหัวเราะกับท่าทางพออกพอใจของเจ้าหมา หลังจากนั่งขำอยู่สักพักก็เปลี่ยนกลับมาเป็นสีหน้าจริงจัง ผมสบตาโซโล่ อยากให้เขาเชื่อที่ผมพูด

“เปิดใจนะครับ อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป ลองมองดูดีๆว่าลึกๆแล้วมันเป็นยังไง อย่ามองแค่เปลือกนอก”

“ผมคิดแบบนี้มานานเกินไปแล้ว”โซโล่หลบสายตาผม

“พี่ไม่ได้บอกให้โซมองเรื่องในอดีตครับ แต่พี่อยากให้โซมองดูปัจจุบัน”ตอนนั้นอาจยังเด็กถึงฝังใจ แต่ตอนนี้เขาโตพอที่จะต้องมีเหตุผลแล้ว

ถ้าเขาเปิดใจอีกสักนิด เขาอาจจะรู้ว่าจริงๆตัวเองไม่ได้ไม่มีความรักความผูกพันกับคุณพ่อแบบที่เคยพูด เพียงแต่เขาอคติเกินกว่าจะมองเห็นมันมากกว่า

“โซมีเหตุผลของโซ คุณท่านเองก็มีเหตุผลของคุณท่าน ในเมื่อตอนนี้คุณท่านยอมถอยแล้ว…โซก็ลองดูบ้างเถอะครับ”

โซโล่หันกลับมา ผมยิ้มให้เขา มองดูดวงตาที่ดูอ่อนลงด้วยความอ่อนโยน

“ผมจะพยายาม”

บางทีการที่คนเราเหมือนกันมากเกินไป…ก็อาจจะทำให้เรามองข้ามบางอย่างไปได้ง่ายๆ เหมือนกับที่โซโล่ลืมมองไป ว่าจริงๆแล้วพ่อของเขา…เป็นคนที่ทำทุกอย่างได้เพื่อคนที่ตัวเองรักเหมือนเขาไม่มีผิด

นั่นเป็นเรื่องที่ผมกับโซโล่ได้รู้…ในอีกหลายเดือนต่อจากนั้น

----------------------------

 

ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์

Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 19-03-2017 19:08:24
โอยยยชอบหนูเก้า แทบรอเรื่องหนูเก้าไม่ไหวแล้ววว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-03-2017 19:17:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 19-03-2017 19:25:38
ปริ่ม อิ่มเอมมาก   :sad11:   :sad11: 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 19-03-2017 19:28:26
เก้าคือดี    :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 19-03-2017 19:47:57
น้องเก้า มนุษย์ผู้ทำให้ทุกอย่างง่าย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 19-03-2017 19:58:38
Thanks
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-03-2017 20:12:05
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 19-03-2017 20:20:01
นี่ เตรียมใจพร้อมดราม่า แต่หัวเราะอย่างกับคนบ้าเพราะนังเก้า เบรคทุกดราม่าเลยค่ะ   :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 19-03-2017 20:32:09
ชอบเก้ามากกกก
ท่าทางคุณพ่อ....รักเจย์ แน่ๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 19-03-2017 21:03:11
ตอนนี้เรายกให้เก้าเป็นตัวเอก #นางน่ารัก #นางฟ้องแบบเนียนๆ #นางมั่น #นางเป็นตัวของตัวเอง  :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 19-03-2017 21:19:56
เก้ามาบรรยากาศเปลี่ยนนน  :hao3:

คุณท่านกับเจย์นี่ยังไงๆน้อออ o18 :katai1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 19-03-2017 22:02:36
เก้าเป็นคนคลี่คลายสถานการณ์
ชอบที่มา ไม่ได้ฟ้องนี้แหละ :laugh: :laugh:
ไปช่วยหมาโซทำงานหรือเป็นเลขาก็ได้ไปด้วยกันตลอดๆแล้ว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 19-03-2017 22:33:36
อยากรู้ตอนต่อไปจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 20-03-2017 09:29:58
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 20-03-2017 12:40:28
 เก้าเก่งจัง  ทำเรื่องยากอย่างการคุยกับพ่อของโซให้เป็นเรื่องง๊ายง่าย 555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-03-2017 13:25:44
ขอบคุณค่ะ  :mew1: 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 20-03-2017 18:48:42
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 20-03-2017 21:18:52
รักเก้าว่ะคับ ที่สุดในเรื่องละ 5555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-03-2017 01:53:52
เก้านี่แสบสุดยอดจริงๆ ยอมใจ 5555555
โซโล่กีล์สู้ๆ พยายามเข้านะนะ เดี๋ยวคุณพ่อก็ยอมรับและเข้าใจแน่นอน ว่าแต่คุณเจย์จะไปไหนล่ะเนี่ย :sad4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 21-03-2017 17:11:01
รักเก้า นางเเสบดี
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SONATACHAN ที่ 21-03-2017 21:18:50
ตามอ่านทันแล้วววววว
อยากได้เจ้าหมา 1อัตรา ทำไมขี้อ้อนน่ารักได้ขนาดนี้
พี่กีล์ก็อบอุ่น อ่อนโยน อยากได้หมดเลย แต่เขารักกัน เลาจะเปิดทางให้5555555  :z6:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 23-03-2017 07:35:05
พี่กีล์สู้เค้านะ เจ้าโซโล่ด้วย

จริงๆถ้าพี่กีล์ขึ้นมาเป็นเลขาส่วนตัวของโซก็น่าจะดี
เหมือนคุณเจย์ไงที่เคียงบ่าเคียงไหล่คุณพ่อ

เอาเป็นว่าเป็นกำลังใจให้ทั้งพ่อทั้งลูกเลยยยย

ปล. #ทีมเก้า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER38 P.26 [19/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 23-03-2017 19:42:38
-39-

 

“ไปแล้วนะ”

“ไม่ให้ไป”

“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”

“ไม่ดู”

“ต้องอดทนนะ”

“ไม่ทน”

“แล้วเจอกันนะครับ”

“ไม่…”

“ไอ้โซ! ถ้ามึงยังไม่หยุดงอแงกูจะถีบมึง! พี่ก็เหมือนกัน! ถ้ายังไม่ไปอีกผมจะเอากระเป๋าไปเผา ไม่ต้องไปแม่งแล้ว!”

ผมหัวเราะเสียงดังเมื่อเจ้าหมาตั้งท่าจะหันไปกัดหัวเพื่อน ส่วนเด็กแสบก็ถลึงตาใส่ด้วยความหงุดหงิด ผมก็พอเข้าใจอยู่หรอก เพราะเราใช้เวลาในการลากันมามากแล้ว ทำไงได้ล่ะ ผมเห็นเจ้าหมาทำหน้าหงอยแล้วก็อดไม่ได้ทุกที นี่ถ้าเก้าไม่ขัดบวกกับโดนเบียร์ลากออกมาผมอาจโอ๋เขาจนตัวเองตกเครื่องก็เป็นได้

“โทรมาด้วยนะ!”เสียงโซโล่ตะโกนดังไล่หลังมา ผมรีบหันไปยิ้มแล้วโบกมือให้ ดีที่ผมเดินมาไกลเกินกว่าจะเห็นสีหน้าของเขาแล้ว เพราะถ้าเห็นสงสัยจะไม่ได้ไปแน่ๆรอบนี้

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”เบียร์พูดขึ้นมาลอยๆ มันคงเห็นว่าผมดูเป็นห่วงคนข้างหลังไม่เลิก

“ไม่รู้เก้าจะเอาอยู่ไหม คุณเจย์ก็ติดงานเลยมาไม่ได้”ผมพูดอย่างเป็นกังวล เจ้าหมาเวลางอแงนี่ดื้ออย่าบอกใคร ขนาดผมเองยังต้องใช้เวลาเลย

“นี่มึงพูดถึงใครอยู่ไอ้กีล์”เบียร์มันเหลือบตามองผมแล้วยกยิ้ม “เพื่อนแฟนมึงมันธรรมดาที่ไหน…นั่นเก้านะครับ”

ผมกระพริบตาปริบๆมองหน้าไอ้เบียร์ สุดท้ายก็ต้องพยักหน้าตามมัน

ถ้าเป็นคนอื่นก็น่าห่วงอยู่หรอก…แต่คนที่มาช่วยผมดูโซโล่วันนี้คือเก้านี่นะ  ผมลืมไปได้ยังไงกัน

ผมหันไปมองจุดที่โซโล่ยืนอยู่อีกครั้ง ถึงจะไม่เห็นหน้าก็ยังรู้ว่าเป็นเขา ผมโบกมือให้อีกครั้ง เห็นฝั่งนั้นโบกมือกลับมาก็ยิ้มกว้าง

เราอาจจะไม่ได้เจอกันหลายเดือนก็ไม่เป็นไร แค่รู้ว่ากลับมาแล้วมีใครรออยู่ก็พอแล้วจริงๆ

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาผมแทบจะขลุกอยู่ในห้องกับเจ้าหมาทั้งวัน เราคุยกัน ดูหนังด้วยกัน ทุกอย่างก็เพื่อชดเชยเวลาที่เราจะไม่ได้เจอกันล่วงหน้า ส่วนคุณท่าน…ตั้งแต่วันที่ผมได้คุยกับท่าน เราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ผมคิดว่าท่านคงทำงานหนัก คุณเจย์เองก็หายหน้าหายตาไปด้วยเหมือนกัน จะได้เจอก็แค่เวลาที่เขามาหาที่ห้องครั้งสองครั้งเท่านั้น

จะว่าไป…ผมรู้สึกเหมือนคุณเจย์ดูสดใสขึ้นนิดหน่อย แถมยังยิ้มบ่อยขึ้นด้วย บ่อยจนโซโล่แอบกระซิบบอกผมว่ามีคนห้องข้างล่างตามจีบอยู่ด้วยซ้ำ ผมแอบแปลกใจอยู่เหมือนกันที่คนที่เจ้าหมาว่ายังไม่โดนไล่ออกจากคอนโด แต่เอาเถอะ…เหตุผลที่คุณเจย์ยิ้มได้คงไม่ใช่เพราะคนที่ตามจีบเขาหรอก

ส่วนเรื่องของคุณลินดา…เป็นอะไรที่น่าแปลกใจมากทีเดียว เพราะโซโล่บอกผมว่าพ่อเขาส่งเธอกลับอังกฤษไปแล้ว ที่เขารู้ก็เพราะแอบไปถามคุณป้าแม่บ้านที่ตอนนั้นทำความสะอาดห้องให้คุณท่านอยู่พอดี ถึงเจ้าหมาจะน่าตียังไงแต่ก็ทำให้พวกเราโล่งใจกันไปหลายส่วน

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คุณเจย์ยิ้มได้คงเป็นเพราะเรื่องนี้ 

“มองไปมึงก็ไม่เห็นแล้วแหละน่า”เบียร์ที่นั่งอยู่เบาะข้างผมพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน

“กูแค่เหม่อ…นั่งอยู่บนเครื่องบินจะมองหาได้ยังไงเล่า”ผมหันไปเถียงมันแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง

สิ่งที่ติดค้างอยู่ในหัวมาหลายวันก็ยังคงเป็นเรื่องเดิม…เรื่องที่ผมคุยกับคุณท่านเอาไว้ นอกจากนั้นผมยังคิดว่าโซโล่คงไม่ได้มาหาผมที่ภูเก็ตง่ายๆด้วย จากที่ได้คุยกับคุณท่านวันนั้น ท่านบอกว่าโซโล่เป็นคนที่ไม่มีความอดทน ผมคิดว่าที่ท่านจะทดสอบ…จะสอนเขาก็คงเป็นเรื่องนี้ ผมเองก็ต้องทนและหาคำตอบเหมือนกัน

ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้…แต่เมื่อกลับมาที่นี่อีกครั้ง ผมจะต้องหาคำตอบมาให้คุณท่านให้ได้

 

 

ผมกับเบียร์เดินทางมาถึงที่พักในช่วงบ่าย เรื่องที่พักทุกอย่างก็ได้ทางบริษัทช่วยดูแลให้ทั้งหมด เมื่อวันก่อนผมมีโอกาสได้ถามคุณเจย์เรื่องนี้ เขาบอกว่าคุณท่านไม่ได้จงใจให้ผมมาทำงานที่นี่ ทั้งหมดเป็นโครงการของทางบริษัท ท่านไม่ได้มีส่วนอะไร แต่คุณเจย์บอกว่าบางทีการได้มาที่นี่อาจทำให้ผมได้รับคำตอบที่ตามหา

คงต้องขอบคุณความบังเอิญ

พวกผมจะเริ่มเข้าบริษัทกันตั้งแต่วันนี้ พี่ที่ดูแลโทรมาบอกเบียร์ว่าเขาอยากให้เราเข้าไปดูบริษัทก่อน การฝึกงานที่นี่คือการทำงานจริงๆ เพราะฉะนั้นก่อนจะได้ทำงานก็ควรจะรู้ก่อนว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง

ผมใช้เวลาตอนช่วงนั่งรถโทรไปคุยกับโซโล่ ฝั่งนั้นดูเหมือนจะโดนคุณท่านลากตัวไปทำงาน ถึงจะงอแงแต่ก็ยังทำตามทุกอย่าง และที่สำคัญ…โซโล่ยอมเปิดใจแบบที่ผมบอกจริงๆ ผมรู้ว่าเขาพยายาม ถึงผมจะไม่ได้เจอคุณท่านเลยแต่โซโล่โดนเรียกตัวไปพบตลอด ปกติเวลากลับมาเขาจะหงุดหงิดหรือไม่พอใจเสมอ แต่หลังจากวันนั้นที่ผมบอกให้ลองใหม่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการหรือบ่นอะไรอีก คุณเจย์เองก็มาขอบคุณผม เพราะเหมือนฝั่งคุณท่านก็ดูอ่อนลงเหมือนกัน ซึ่งจริงๆแล้ว…ผมคิดว่าคุณเจย์ก็คงไปพูดกับคุณท่านมาเหมือนกัน พอมีคนเตือนทั้งคู่พวกเขาถึงได้ลดกำแพงของตัวเองลงบ้าง…ก็เล่นเหมือนกันแทบทุกอย่างเลยนี่นะ

“พร้อมยังมึง”

“พร้อมสิวะ”ผมตอบรับแล้วหันไปมองบริษัทที่ตั้งอยู่ด้านหน้า พอได้เห็นความใหญ่โตของที่นี่กับตาแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ถึงจะเคยเปิดเน็ตดูแล้วแต่ก็เทียบกับของจริงไม่ได้เลย

“กลัวไรวะ ของพ่อผัว”

“ไอ้เบียร์!”ผมหันไปผลักหัวมันแล้วเดินนำเข้าไปด้านใน ได้ยินเสียงหัวเราะตามมาเบาๆก่อนมันจะวิ่งมากอดคอ

ด้านในบริษัทก็สมกับเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง ถึงจะเพิ่งก่อสร้างเสร็จไม่นานเท่าไหร่แต่ก็ดูครบครันมาก ผมเห็นพนักงานเป็นชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่แต่ก็มีคนไทยปะปนอยู่พอสมควร

“น้องฝึกงานใช่ไหมคะ”พี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเรา เธอยิ้มกว้างอย่างใจดีแล้วแนะนำตัว “พี่ชื่อแอร์ค่ะ วันนี้รับหน้าที่พาน้องๆเดินดูที่นี่ มาทางนี้ก่อนเลยค่ะ”

พวกผมเดินตามพี่แอร์ไปเรื่อยๆ ผ่านจุดไหนก็ทักทายพนักงานคนอื่นๆตามที่พี่เขาบอก จากที่ได้ฟังรายละเอียดของที่นี่ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องรู้ พี่แอร์บอกว่าจริงๆRKไม่ได้ทำธุรกิจแค่เรื่องของโรงแรมและที่พัก ยังมีการร่วมทุนในธุรกิจอีกหลายอย่าง บริษัทนี้ก็เกิดจากวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของคุณท่าน เธอบอกว่าที่นี่กำลังจะใช้เป็นบริษัทที่คุณท่านคอยดูแลโดยตรง ซึ่งอีกไม่กี่เดือนคุณท่านก็จะเดินทางมาอยู่ที่นี่แล้ว ที่ตอนนี้ยังมาไม่ได้คงเพราะยังติดภารกิจต้องคุยงานอยู่หลายที่ เห็นว่ากำลังจะเดินเรื่องสร้างเครือโรงแรมเพิ่ม

“นี่คุณแพทนะคะ ต่อไปจะเป็นคนดูแลพวกน้อง เรื่องการทำงานก็จะขึ้นอยู่กับเขาโดยตรง”พี่แอร์ผายมือแนะนำผู้ชายวัยกลางคนท่าทางเข้มงวดให้พวกผมรู้จัก

“สวัสดีครับ”

“สวัสดี”คุณแพทรับไหว้ด้วยหน้าตาเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง “คุณคงรู้อยู่แล้วว่าบริษัทเราไม่ใช่เข้ามาทำเล่นๆแล้วก็ออกไปได้ ต่อให้คุณอยากหรือไม่อยากทำงานที่นี่ต่อก็ต้องตั้งใจ หวังว่าโครงการที่ผมทำเพื่อช่วยพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถจะไม่ล้มเหลวนะ”

“แน่นอนครับ”เบียร์ตอบรับเสียงเข้ม ผมเองก็เช่นกัน คุณแพทยกยิ้มเล็กน้อยด้วยความพอใจ เขาหันไปพยักหน้าให้พี่แอร์ พอเธอเดินจากไปแล้วก็หันมาถอนหายใจเสียงดัง

“ผมก็ไม่ใช่คนดุอะไร แต่ความผิดพลาดก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น แน่นอนว่าผมจะสอนงานพวกคุณก่อน และคิดว่าพวกคุณคงทำได้ งานในลักษณะบริษัทแบบนี้ค่อนข้างจะต้องมีการประสานงานกับฝ่ายอื่นๆเยอะ พวกคุณก็เรียนรู้เอาไว้หลายๆด้านก็แล้วกัน ส่วนวันไหนที่ต้องออกข้างนอกพวกคุณเองก็อาจต้องไปช่วยด้วย เตรียมตัวเอาไว้”

“ครับ”

“เก็บเกี่ยวทุกอย่างเท่าที่จะเก็บได้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม มันจะเป็นการช่วยเหลือพวกคุณในอนาคต อาจไม่ใช่แค่งานวิศวกร แต่ผมหมายถึงทางเลือกในอนาคตของพวกคุณด้วย”คุณแพทหันมามองผมเหมือนต้องการจะบอกอะไรบางอย่าง

บางทีเขาคงมองออกว่าผมมีเรื่องให้คิด หรือเขาอาจมองออก…ว่าผมไม่ได้มีเป้าหมายชัดเจนเหมือนคนอื่น

“ผมไม่ได้พูดในฐานะหัวหน้างาน แต่ผมพูดในฐานะคนมีประสบการณ์ ลองทำหลายๆอย่างดู…แล้วคุณอาจจะพบทางออกที่ตามหา”

ทางออก…

 

 

ผมกลับมาถึงที่พักในช่วงค่ำ จริงๆคุณแพทบอกให้พวกเรากลับมาจัดของแล้วก็เตรียมตัวสำหรับการทำงานพรุ่งนี้ตั้งแต่เย็นแล้ว แต่เพราะต้องไปซื้อของใช้กันเลยกลับถึงห้องค่ำ ห้องที่ผมกับเบียร์อยู่เป็นห้องพักขนาดกลางที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัท ถึงจะไม่ได้กว้างขวางอะไรมากมายแต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสมบูรณ์มาก เตียงในห้องก็เป็นเตียงเดี่ยวสองเตียง มีมุมส่วนตัวพร้อมทุกอย่าง ถือว่าดีมากสำหรับเด็กฝึกงานอย่างพวกผม

“คิดมากเหรอวะ”เบียร์ตบไหล่ผมเบาๆแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผมหันไปมองหน้าตาชิวๆของมันแล้วก็พยักหน้าให้

“นิดหน่อย”

ตอนนี้พวกผมนั่งตากลมกันอยู่ริมระเบียง คงเพราะที่นี่ไม่ได้อยู่ไกลจากทะเลนักถึงได้มีลมพัดมาเกือบตลอดเวลาแบบนี้ อากาศแตกต่างจากที่กรุงเทพโดยสิ้นเชิง

มันทำให้ผมทั้งสบายใจ…และไม่สบายใจไปในเวลาเดียวกัน

เพิ่งรู้สึกตัวว่าเรามาอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยและห่างไกลกับคนๆหนึ่งมากขนาดไหน ถ้าวัดจากระยะเวลานั่งเครื่องบินก็คงน้อย แต่ถ้าวัดจากระยะทางทั้งหมด มันเหมือนเราห่างกันแสนไกล

แล้วถ้าเขาต้องบินไปทำงานตลอดเวลาจริงๆ มันจะไกลกันขนาดไหนนะ…

 ในขณะที่โซโล่เดินทางไปในหลายๆประเทศ เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ ผมกลับต้องจมอยู่กับงานที่ตัวเองทำ อยู่ในพื้นที่เดิมๆ เวลาเปลี่ยน แต่ความห่างไกลของเราเท่าเดิม…หรืออาจจะมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะทางไหนก็แย่ทั้งนั้น

“ค่อยๆคิด”เบียร์มันพูดลอยๆ ไม่ได้หันมาสบตาผม

“มึงรู้เหรอวะ”

“กูไม่รู้ว่ามึงคิดมากเรื่องอะไร แต่กูรู้ว่ามึงอยู่ในอารมณ์แบบไหน”น้ำเสียงชิวๆของมันทำให้ผมต้องถอนหายใจ จะบอกว่าน้ำเสียงแบบนี้มันกดดันผมได้มากยิ่งกว่าน้ำเสียงวอแวของไอ้ไวน์กับไอ้โนว์รวมกันเสียอีก

"ก่อนมาที่นี่ กูคุยกับพ่อโซมา..."ผมค่อยๆเล่าให้มันฟังตั้งแต่ต้น เบียร์มันเป็นผู้ฟังที่ดี นอกจากเสียงรับอืออามันก็ไม่ได้พูดแทรกอะไรอีก เพราะงั้นผมถึงสบายใจเวลาได้เล่าอะไรให้มันฟัง "ท่านให้กูใช้เวลาช่วงมาฝึกงานหาคำตอบ"

"อืม..."

ผมถอนหายใจ พิงตัวกับประตูกระจกด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นกว่าเดิม มันเหมือนกับได้ระบายความอัดอั้นตันใจที่สะสมมาหลายวันออกไป

"กูช่วยมึงคิดไม่ได้ว่ะ"เบียร์พูดช้าๆ มันหันมามองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง "เรื่องนี้มึงต้องหาคำตอบเอง ใครก็ช่วยมึงไม่ได้หรอก"

"กูรู้..."

"กูรู้ว่ามึงมีตัวเลือกอะไรอยู่ในใจไอ้กีล์ มึงคิดดีๆก่อนจะตัดสินใจ ใช้เวลาที่นี่ให้คุ้ม มึงเองก็รู้ว่าถ้าไม่อยากห่างจากแฟนที่บินไปทำงานต่างประเทศตลอดต้องทำยังไง มันไม่ได้มีวิธีมากมายห่าอะไรเลย"

"..."

"จำไว้ว่ามันไม่ใช่แค่การหาคำตอบที่ถูกใจไปให้พ่อแฟนมึง...แต่มันคือชีวิตมึงทั้งชีวิต"

"ชีวิต...ทั้งชีวิต"ผมเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดมิด รู้สึกเหมือนดวงดาวที่กระจัดกระจายเปรียบได้กับความคิดมากมายที่มีในเวลานี้

"แต่เรื่องบางเรื่อง คนเราก็มีคำตอบในใจแต่แรกแล้ว เพียงแต่ยังกลัวที่จะก้าวไปในทางที่ไม่คุ้นเคยก็เท่านั้นเอง มึงรู้ไหมว่าสิ่งที่คนประเภทนี้ควรทำคืออะไร"เบียร์ยกยิ้มเมื่อผมหันกลับมามองมัน ดวงตารู้ทันที่ผมเกลียดเป็นประกายวาววับเหมือนจะบอกว่ามันรู้ทุกเรื่องที่ผมคิด

"อะไร"แล้วผมก็ดันอยากรู้ตลอดจริงๆเสียด้วย

"หน้าแบบนั้นแสดงว่ามึงก็มีคำตอบแล้วไม่ใช่หรือไง"

"กูคงเป็นคนประเภทที่มึงบอกมั้ง"ผมถอนหายใจแล้วหลบสายตาของมัน

ไม่ใช่ว่าไม่รู้วิธี…แต่กลัวกับการก้าวไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย

ความเงียบปกคลุมไปรอบกายเมื่อไม่มีใครพูดอะไรต่อ ผมเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ให้มันตอบสิ่งที่สงสัย มันเองก็ไม่ได้รอให้ผมถาม แต่เหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่มากกว่า

ครืด ครืด

"สิ่งที่คนประเภทนั้นควรทำ...ไม่สิ"มันจ้องหน้าผมแล้วมองเลยไปยังโทรศัพท์ของผมที่กำลังสั่น "สิ่งที่มึงควรทำคือเลิกคิดมาก ก้าวข้ามความกลัวที่ขัดขวางความสุขของมึงไว้ แล้วเผชิญหน้ากับอะไรใหม่ๆ อย่างน้อยมันก็มีคนๆหนึ่งอยู่ข้างๆมึง ต่อให้ท้อมองไปข้างๆก็ยังยิ้มได้ ยังมีความสุข แล้ววันหนึ่งมึงก็จะเริ่มหยุดท้อแล้วก้าวเดินต่ออย่างมั่นคงได้เอง"

"..."

"ถ้ามึงไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้อยากเป็นวิศวกรเหมือนที่กูอยาก ก็แค่เก็บวันพวกนี้ไว้เป็นประสบการณ์ ตอกย้ำความมั่นใจของมึงให้มากกว่าเดิม สำหรับกูวิศวะคือความฝัน แต่ในเมื่อสำหรับมึงมันไม่ใช่ แล้วจะลังเลทำไมที่จะเดินไปอีกทางวะ"

นั่นสินะ...จะลังเลอะไร ในเมื่อใจผมมีทางเลือกเดียวมาตั้งแต่แรกแล้ว

ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ขึ้นรูปผู้ชายหน้านิ่งถือแก้วลายหมาสองใบแนบแก้มด้วยรอยยิ้ม

ผมเป็นคนชอบวางแผนชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากการคำนวณเอาไว้ว่าควรจะทำอะไร เรื่องการเลือกเรียน การทำงาน ทุกอย่างคือสิ่งผมวางแผนเอาไว้ แล้วก็ปฏิบัติได้ตามแผนมาโดยตลอด แต่ทางออกของปัญหานี้ที่ผมคิดออกและเบียร์หมายถึง…มันเป็นสิ่งที่ฉีกแผนทุกอย่างของผม

ผมเคยบอกโซโล่ว่าแม่ใหญ่คือทุกอย่างของผม ทั้งความฝัน ความรัก อนาคต และเมื่อแม่ใหญ่จากไปทุกอย่างถึงได้ว่างเปล่า แต่ตอนนี้เขาคือคนที่เข้ามาเติมเต็มสิ่งที่หายไป โซโล่กลายเป็นทุกอย่างของผม ทั้งความรัก ความฝัน...รวมถึงอนาคตด้วย

อย่างที่เบียร์ว่า...ผมมีคำตอบอยู่ในใจมานานแล้ว

"ต่อโทบริหารอีกปีสองปีจะเป็นไรไป"เบียร์พูดทิ้งท้ายแล้วเดินเข้าไปในห้อง ปล่อยให้ผมมองหน้าจอโทรศัพท์เงียบๆคนเดียว

สิ่งที่ผมควรทำตอนอยู่ที่นี่ บางทีอาจไม่ใช่การหาคำตอบให้คุณท่าน เพราะผมรู้อยู่แก่ใจแต่แรกแล้วว่าทางออกของมันคืออะไร แต่สิ่งที่ผมควรทำ...คือใช้เวลาที่คุณท่านมอบให้เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง ทั้งหมด…ก็เพื่อก้าวข้ามความกลัวทุกอย่างไป ไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจในภายหลัง

ครืด ครืด

"สวัสดีครับ"

[กีตาร์]

"ครับ"ผมตอบรับน้ำเสียงออดอ้อนด้วยรอยยิ้ม

[รับช้า]

“ขอโทษด้วยครับ พี่เหม่อๆอยู่”

[อืม…แล้วเป็นไงบ้าง]

"ดีมากเลยครับ ดูแล้วพี่คงได้เรียนรู้งานหลากหลายแน่ๆ"

[ดีแล้ว...กีตาร์ฝึกที่ไหนนะ ผมลืมถาม]

ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้บอกเจ้าหมา

"เปิดกล้องได้ไหมครับ"กันไว้ก่อนดีกว่า

[ได้] โซโล่ตอบรับด้วยน้ำเสียงร่าเริง เขากดเปิดกล้องไวกว่าผมที่เป็นคนชวนเสียอีก

"หืม...เดี๋ยวจะออกไปไหนอีกเหรอครับ"ผมเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นเจ้าหมาอยู่ในชุดเรียบร้อยกว่าปกตินิดหน่อย

[...] คนที่กำลังยิ้มหน้าบานหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินคำถาม [ต้องออกไปทานข้าวเย็นกับพ่อ]

"ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ"

[ไม่เห็นดีเลย]

ผมกลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้มเมื่อเห็นสายตาของคนหน้ามุ่ย นั่นมันสายตาดีใจไม่ใช่หรือไง...

ต่อให้ปากบอกว่าไม่ชอบ ไม่รัก ไม่ผูกพัน เอาเข้าจริงเขาก็ยังต้องการความรักจากพ่ออยู่ดี พอคุณท่านใจดี ใส่ใจ ไม่ได้ทำตัวห่างเหินแบบที่คิด ตัวเองก็เลยลดกำแพงลงด้วย

"ตารางงานเป็นยังไงบ้างครับ"

[หลังเลิกเรียนส่วนใหญ่จะซ้อมดนตรี มีงานบ้างบางวัน แต่ส่วนใหญ่เสาร์อาทิตย์ผมมีงานทุกวันเลย...] โซโล่ขมวดคิ้ว ท่าทางกังวลใจ

"ไม่เป็นไรหรอกครับ"

[แต่ผมบอกว่าจะไป...]

"พี่เองก็คงวุ่นวายกับงาน น่าจะเหนื่อยมากด้วย โซก็ตั้งใจทำงานของโซเถอะครับ"ผมยิ้มให้เขาเป็นการปลอบ เราต่างก็มีหน้าที่ จะให้มาอยู่ด้วยกันตลอดคงไม่ได้อยู่แล้ว

[อืม...แล้วสรุปทำงานที่ไหน]

ลืมไปเลย...

"ที่บริษัทRKครับ"

[ว่าไงนะ!]

"ใจเย็นสิครับโซ"ผมมองคนที่เด้งตัวลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางตกใจขำๆ ก็คิดไว้แล้วว่าต้องแสดงอาการอะไรออกมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนี้เหมือนกัน

[ก็!..]

"คุณท่านไม่ได้จงใจครับ แล้วพี่ก็ไม่ได้โดนแกล้งอะไรด้วย มันเป็นโครงการของคนในแผนก"ผมวางคางไว้บนเข่าตัวเอง มองคนในจอด้วยรอยยิ้มเหมือนเคย

[มั่นใจนะ] โซโล่ขมวดคิ้วแต่ก็ยอมนั่งลงดีๆเหมือนเดิม

"ครับผม"

[ถ้ามีอะไรก็โทรหาผม]

"รับทราบครับ"

[ผมต้องไปแล้ว เอาไว้จะหาเวลาไปหานะกีตาร์] เจ้าหมาลุกขึ้นยืนแล้วมองไปทางประตู ผมคิดว่าคงมีคนมาเรียกเขา

"ถ้าไม่ว่างหรือเหนื่อยก็ไม่ต้องฝืนมานะครับ"ผมเตือนล่วงหน้า ไม่อยากให้เขาฝืนตัวเองหรือหนีมา แต่ดูแล้วน่าจะยาก เพราะนอกจากจะไม่ตอบอะไรแล้วเจ้าหมายังทำหูทวนลมใส่ผมอีกต่างหาก

[ผมจะไปอะไรก็ห้ามไม่ได้]

"โซ..."

[ไปก่อนนะกีตาร์ บาย]

"อ้าว..."ผมมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก จะโทรกลับไปย้ำเรื่องเดิมอีกคนก็คงไม่ฟัง

ลองพูดแบบนี้แล้ว...รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นยังไงก็ไม่รู้สิ

 

 

การฝึกงานวันแรกเป็นอะไรที่เหนื่อยสมคำล่ำลือจริงๆ ผมไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร แต่ดูเหมือนผมจะเป็นคนที่โดนใช้ให้วิ่งไปวิ่งมาอยู่ตลอด ที่น่าแปลกคือไอ้เบียร์ไม่ต้องวิ่งไปไหนเลย มีแค่ผมคนเดียวที่เข้าๆออกๆจนจะจำทางได้ทั้งบริษัทอยู่แล้ว

ถ้ามองในแง่ดี…คุณแพทอาจต้องการให้ผมเห็นการทำงานที่หลากหลาย...มั้ง

"เอาเอกสารรายงานพวกนี้ไปชั้นบน"

"ครับ"ผมรับคำโดยไม่อิดออด คิดแค่ว่าหน้าที่อะไรก็ต้องตั้งใจทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะเกี่ยวกับสิ่งที่เราเรียนมาหรือเปล่าก็ตาม

"คุณแพทให้เอาเอกสารมาให้ครับ"

"อ้าว...ขอบคุณนะจ๊ะ จริงๆก็มีคนไปเอาอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นต้องลำบากขึ้นมาที่นี่เลย"

"ไม่เป็นไรครับ"

"ไหนๆก็ขึ้นมาแล้ว มาช่วยพี่หน่อยได้ไหม"พี่เก๋ที่ผมอ่านชื่อเอาจากป้ายยิ้มใจดีแล้วชี้ไปที่กองเอกสารด้านหลัง

"ได้ครับ"

"บริษัทเราเพิ่งเปิดใหม่ๆ อะไรๆก็ยังวุ่นวายอยู่บ้าง มาเอาช่วงนี้พอดี ลำบากก็ทนหน่อยนะ"

พี่เก๋อธิบายงานของเธอให้ผมฟัง เล่านั่นเล่านี่ตลอดระยะเวลาที่ผมช่วยจัดเอกสาร บางอย่างก็เป็นอะไรแปลกใหม่ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน เล่าไปเล่ามาจนจัดเอกสารหมดแล้วผมถึงรู้ตัวว่าได้ฟังอะไรมาเยอะแค่ไหน

และมันไม่ใช่แค่นั้น...

เพราะเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกสองครั้งในวันเดียว คุณแพทให้ผมวิ่งไปมาอยู่หลายครั้ง ทั้งยังบอกว่าถ้าใครให้ช่วยอะไรก็ช่วยไป ไม่ต้องปฏิเสธ ผมได้ฟังเรื่องเล่าหลายอย่างแบบเดียวกับที่พี่เก๋เล่า แค่วันเดียวได้รู้จักคนเพิ่มเป็นสิบคน

ไม่ใช่แค่นั้น เพราะในช่วงเย็นผมยังได้กลับมาทำงานของตัวเองแบบจริงๆจังๆด้วย

ไอ้เบียร์ถึงขนาดหัวเราะไม่หยุดเมื่อได้เห็นสภาพผมตอนเลิกงาน

"กูว่าถ้าแฟนมึงมาเห็นสภาพนะ...พวกคนเกี่ยวข้องโดนเล่นหมดแน่เลยว่ะ"

ผมถอนหายใจ จะปฏิเสธก็พูดได้ไม่เต็มปากเพราะคิดไม่ต่างจากมันเท่าไหร่

"กลับเถอะ กูอยากนอนจะตายอยู่แล้ว"ผมยกมือลูบหน้าลูบตาตัวเองเพื่อเรียกสติ

ถึงจะเคยทำงานหนักมาเยอะ แต่บอกตรงๆว่าหนักทั้งใช้แรงงานทั้งใช้สมองแบบนี้เพิ่งเคยเจอครั้งแรกเหมือนกัน

"แล้วสนุกไหม"

"งานอะนะ"

"เออ...อะไรที่ไม่เคยเจอ น่ากลัวแบบที่คิดไหม"

"เหนื่อย แต่มันก็...สนุก..."ผมหยุดพูด หันไปมองหน้าเบียร์ที่กำลังยักคิ้วให้

"กูบอกแล้ว"

"อืม..."

"ไม่ต้องรีบ เพิ่งจะวันแรก มึงยังมีเวลาอีกเยอะ"มันเดินมากอดคอผมไว้ ดูจากน้ำหนักแขนที่เทลงมาแล้วผมก็พอจะเดาได้ว่ามันเองก็เหนื่อยไม่แพ้กัน "ไปพักกันเหอะ พรุ่งนี้ลุยต่ออีก"

"เออ"ผมตอบรับแล้วเทน้ำหนักตัวกลับไปให้มันบ้าง

เราเดินเซไปเซมากันอยู่สักพัก กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็เสียเวลาหัวเราะกันมากพอดู

คิดไปคิดมาแล้วก็ต้องขอบคุณจริงๆที่เบียร์มันมากับผมด้วย ถ้าต้องมาคนเดียวผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไหวหรือเปล่า ยิ่งมีเรื่องให้คิดยิ่งแล้วใหญ่

ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าการฝึกงานในวันต่อๆไปจะผ่านไปได้ด้วยดี

คุณแพทคงไม่แกล้งให้ผมวิ่งไปวิ่งมาแบบนี้ทุกวันหรอก

เหรอ…

 

 

“กีล์…มึงไหวเปล่าวะเนี่ย”

ถ้าจะช่วยแสดงความเป็นห่วงด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงจริงๆ ไม่ใช่ขำสุดๆแบบที่กำลังเป็นอยู่จะดีมากเลย…

“ไหว”

“กูอยากถ่ายรูปไปแปะเพจมหา’ลัยจริงๆ ตอนนี้พี่กีล์คนดีเดือนมหา’ลัย…สภาพแม่งโคตรเหมือนศพ”ไอ้เบียร์หัวเราะเสียงดังจนแทบลงไปกลิ้งกับพื้น ส่วนผมก็ได้แต่นั่งหน้าบูดทิ้งตัวพิงเก้าอี้ไว้

“คุณแพทแกล้งกู”ผมพูดเสียงอ่อย

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกอยากลงไปนอนกลิ้งกับพื้นแล้วไม่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีก…ถ้าไม่ติดว่ากำลังอยู่ในโรงอาหารของบริษัทล่ะก็นะ

“เขาเอ็นดูมึงมั้ง”

“เอ็นดูพ่อมึง”ผมหันไปด่าอย่างรวดเร็วจนไอ้เบียร์หน้าเหวอ พอตั้งสติได้มันก็กลับไปหัวเราะต่อเหมือนถูกใจเสียเต็มประดา

“หมดมาดเลยพี่กีล์คนอ่อนโยนของประชาชน”

“…”

“เอาน่ามึง…เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็ไม่ใช้แล้วแหละ”เบียร์ว่าแล้วส่งขวดน้ำให้ผมที่ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืน

“มึงพูดแบบนี้มาสามอาทิตย์แล้วไอ้เบียร์”

สามอาทิตย์แล้วที่ผมได้ทำงานเกือบครบทุกตำแหน่ง อยากจะบอกว่าแม้แต่แผนกแม่บ้านก็ไปทำมาแล้ว ครึ่งวันกับการไปทำงานให้คนอื่น และอีกครึ่งวันกับการกลับมาทำงานที่เรียนมา

บอกตรงๆว่าโคตรเหนื่อย

“ทนหน่อย…”

“นี่ถ้าได้ขึ้นไปเป็นผู้บริหารด้วยกูคงครบละ”ผมกรอกตา คิดตามที่พูดจริงๆ

“นึกถึงหน้าแฟนไว้ดิ”

“ไม่ได้คุยมาหลายวันแล้ว”ผมถอนหายใจ ฟุบตัวลงกับโต๊ะด้วยความอ่อนล้า

นี่ก็วันที่ห้าแล้วที่ผมไม่ได้คุยกับโซโล่แบบจริงจัง ถึงจะได้ยินเสียงกันทุกคืนแต่ก็คุยกันแค่สองสามประโยค นอกจากเวลาจะน้อยแล้วผมยังเหนื่อยเกินกว่าจะพูดอะไรยาวๆด้วย พอได้ฟุบลงกับเตียงแล้วก็หลับตลอด เขาก็เข้าใจดีว่าผมคงเหนื่อยถึงไม่เคยเรียกร้องให้เปิดกล้องหรือคุยต่อเลย

“โดนถามบ้างไหมว่าทำงานเป็นไง”

“ถาม…อาทิตย์ก่อนกูเพิ่งบอกไปว่าเหนื่อยแต่สนุกดี”

“แล้วถ้ามาถามตอนนี้ล่ะ”

“จะบอกว่าโคตรเหนื่อย ขุดหลุมให้พี่ที”ผมเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ ยกมือลูบหน้าลูบตาปรับอารมณ์เพราะใกล้ถึงเวลาทำงานต่อแล้ว

“ฝังศพอะนะ”ไอ้เบียร์เลิกคิ้วแล้วยกยิ้มขัน

“เปล่า…กูจะนอน นอนแบบนอนตาย ใครปลุกจะโดดกัดหัวแม่งให้หมด”

.

.

.

“กีล์ เอาเอกสารไปให้คุณแอนนาที่ห้องประชุมผู้บริหารที”

สัปดาห์ที่สี่ของการฝึกงาน…ผมได้เข้าห้องประชุมผู้บริหาร

“กีล์ ป้าสายใจบอกว่าฝากกุญแจไว้ที่กีล์ เอาไปให้ป้าแกหน่อยนะ”

“กีล์จ๊ะ พี่อิงบอกว่าคอมเปิดไม่ติดอีกแล้ว”

“ไอ้กีล์ พรุ่งนี้ข้ามเกาะไปRK Resortนะ คุณแพทฝากบอก”

สัปดาห์ที่ห้าของการฝึกงาน…ผมได้เข้าใจความหมายของคำๆหนึ่งอย่างลึกซึ้ง

เจ็บและชินไปเอง

--------------------------


TALK : ไม่ได้หายไปไหน แต่ตอนต่อไปอาจอัพช้ากว่าปกตินิดหน่อยนะคะ ปั่นตอนพิเศษในเล่มอยู่ เนื้อเรื่องหลักเหลือปิดประเด็นเขียนไม่ยากเท่าไหร่(ตอนนี้เหลือประมาณสี่ตอนไม่น่าเกินห้า) ตอนพิเศษในเล่มน่าหนักใจกว่าค่ะ ฮ่าๆ

>>หากมีคำถามที่ต้องการคำตอบเข้ามาถามได้ในเพจหรือทวิตนะคะ จะข้อความก็ได้ไม่ว่ากัน (ในเว็บก็อ่านหมดแต่ไม่สะดวกตอบค่ะ เล่นในโทรศัพท์มันตอบกลับในเว็บลำบาก)

ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์

Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 23-03-2017 20:24:52
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: DZiik ที่ 23-03-2017 20:33:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 23-03-2017 21:02:34
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-03-2017 21:13:20
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-03-2017 21:30:42
สงสารพี่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 23-03-2017 21:37:25
โถๆๆพี่กีล์คงเหนื่อยน่าดู
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-03-2017 22:07:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-03-2017 22:26:24
ฝึกหนัก แต่เชื่อว่าพี่กีล์ได้อะไรไปเยอะแน่แนอน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Asakurayo ที่ 23-03-2017 23:04:20
อยากรู้เรื่องคุณเจย์กะคุณท่านจังเลยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-03-2017 23:06:50
พี่กีลล์สู้ๆ :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 23-03-2017 23:25:00
นี่มันเทรนว่าที่ผู้บริหารชัดๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 23-03-2017 23:40:52
งี้เเหละครับ อนาคตผู้บริหาร ต้องรู้ปัญหา สัมผัสทุกจุดมาก่อนนน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-03-2017 02:21:30
กำลังช่วยกีล์อยู่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 24-03-2017 12:23:09
สู้ๆนะกีล์ มันคือคำตอบ ขอทางเลือกที่กีล์ต้องเจอ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 24-03-2017 16:48:31
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 24-03-2017 18:21:18
เรียนรู้การเป็นผู้บริหาร เริ่มจากต้องเป็นงานระดับล่าง ขึ้นไประดับบนๆ รู้จักพนักงานทุกคนเพื่อการปกครองลูกน้องด้วยใจ

.. รึป่าวนะพี่กีส์ สู้ๆ  :really2: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-03-2017 01:07:24
ท่าทางพ่อจะแอบสั่งให้ฝึกงานมันทุกแผนกด้วยละมั้งนี่ ต่อไปจะได้ช่วยหมาน้อยบริหารงาน
ทำไมทำมาจะกลายเป็นเลขาส่วนตัวแบบเจย์ซะละมั้ง ทีนี้ก็ไม่ต้องกลีวจะห่างกัน ไปไหนไปกันทุกที่ชัวร์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 25-03-2017 04:52:44
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 25-03-2017 22:53:17
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-03-2017 00:05:00
พี่กีล์สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 26-03-2017 02:15:22
นี่คือเทรนให้คุ้นเคยกับคนในบริษัทรึเปล่า? แต่สงสาร เหนื่อยน่าดูเลยกีล์เอ๊ย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 26-03-2017 20:16:08
สู้เค้านะน้องกีล์

คุณพ่อคงอยากให้โซมีคนเคียงข้าง
อย่าถอยนะ!

น้องโซก็เป็นเด็กดีและเป็นผู้นำให้ได้เลยน้า

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอจ้า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 26-03-2017 23:16:24
สู้ๆพี่กีล์ :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 28-03-2017 03:02:02
 :o8: :mew3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER39 P.27 [23/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 29-03-2017 19:58:12
-40-

 

ในส่วนของคนที่ต้องเรียนไปทำงานไปนั้น…

“ผมจะไปหากีตาร์”

ซี ศิวโลคินทร์มองใบหน้าของลูกชายเพียงคนเดียวด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย ข้างๆกันมีเลขาคนสนิทยืนปิดปากกลั้นหัวเราะมองคุณชายของตนด้วยสายตาขบขัน

โซโล่พูดประโยคเดียวกันนี้มาสิบห้าครั้งในรอบสามชั่วโมง หรือถ้าบวกกับวันก่อนๆที่พูดไม่ต่ำกว่าห้าสิบรอบรวมๆแล้วตอนนี้อาจเกินพัน ซีคงต้องขอบคุณในนิสัยมีความรับผิดชอบของลูกชาย ที่อยากไปแค่ไหนก็ไม่ได้ทิ้งงานไปเสียเฉยๆ แต่มาพูดเอาบ่อยๆแบบนี้เขาก็ปวดประสาทเหมือนกัน

“ทน”เขาย้ำเป็นรอบที่สิบห้าของวัน

“พ่อให้ผมทนมาเป็นเดือนแล้วนะ”โซโล่ขมวดคิ้ว ท่าทางไม่พอใจ

“ฝั่งนั้นเขายังทนได้เลยไม่ใช่หรือไง”

พอได้ยินอย่างนั้นคิ้วที่ขมวดอยู่แล้วก็ขมวดยิ่งกว่าเดิม แค่นึกถึงเวลาเป็นเดือนที่ไม่ได้เห็นหน้ากีตาร์เขาก็หงุดหงิดจะแย่อยู่แล้ว มาบอกว่ากีตาร์ทนได้แบบนี้ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

ทนได้กับจำเป็นต้องทนมันไม่เหมือนกันสักนิด

“ผมจะไปวันนี้”โซโล่ย้ำความตั้งใจของตัวเอง คิดไว้แล้วว่าต่อให้ติดงานติดอะไรก็จะเททิ้งแล้วบินไปหาคนที่คิดถึงให้ได้

“วันนี้มีประชุม”ซีลุกขึ้นยืน มองเท้าที่เริ่มก้าวถอยหลังของลูกชายด้วยสายตารู้ทัน

“จะไป!”

“จับตัวคุณชายไว้!”

สิ้นคำสั่งของพ่อผู้รู้ทัน การ์ดที่กองกันอยู่หน้าประตูก็จับตัวคุณชายเอาไว้อย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้คนที่กำลังตั้งท่าจะวิ่งหนีหลุดมือไป

“ปล่อยผมนะ!”โซโล่ดิ้นอย่างแรง แต่เพราะคนที่จับตัวเขาไว้ไม่ได้มีแค่คนเดียว ทำอย่างไรก็ยังสู้แรงไม่ได้

“ถ้าไม่รู้จักอดทนจะทำอะไรสำเร็จ”ซีพูดเสียงเย็น ขาก้าวเข้าไปประชิดตัวคนที่กำลังอยู่ในอารมณ์โมโหไม่ฟังใคร

“คุณท่าน…”เจย์ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้างก้าวเข้าไปแตะแขนซีเป็นเชิงเตือน เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของพ่อลูกที่เริ่มดีขึ้นกลับไปแย่เหมือนเดิมอีก สองคนนี้นิสัยเหมือนกับแทบทุกอย่าง ถ้าซีโมโหขึ้นมาด้วยทุกอย่างคงพังหมด

“พ่อ!ปล่อย!”โซโล่ตวาดก้อง ดวงตาวาวโรจน์ตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ

“พาไปไว้ที่บ้านเล็ก ยึดโทรศัพท์ ปิดเน็ต ห้ามออกไปไหน ไม่ต้องให้ติดต่อใครทั้งนั้น เฝ้าไว้จนกว่าฉันจะสั่ง”

“พ่อ!”

“คุณท่านครับ”เจย์ที่เห็นท่าไม่ดีรีบเดินเข้าไปขวางหน้าสองพ่อลูกไว้ “คุณชายต้องไปเรียนนะครับ”

“ถ้ายังคิดไม่ได้ก็ไม่ต้องไป”

“ปล่อยสิวะ!พ่อจะไปเข้าใจอะไร!”

ซีจับใบหน้าของลูกชายที่โดนล็อคแขนไว้ให้เงยขึ้นมอง ดวงตาเย็นชาที่เหมือนกันแทบทุกประการสบกันนิ่งงัน

“อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง”พูดไว้แค่นั้นเขาก็ผละออกมา ปล่อยให้การ์ดพาตัวลูกชายที่เลิกขัดขืนออกจากห้องไป

“คุณท่าน…”

ซียกมือนวดขมับตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า การต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่เหมือนตัวเองในอดีตแทบทุกประการทำให้ภาพความทรงจำเก่าๆที่ไม่อยากจดจำปรากฏขึ้นในสมองเป็นฉากๆ

“คุณท่านครับ”เจย์เรียกซ้ำ เขาแตะแขนเจ้านายด้วยความเป็นห่วง และเมื่อดวงตาคมเบือนมาสบทั้งร่างก็ถูกรั้งเข้าไปกอดไว้แน่น

“เขาเหมือนฉันมาก”

คนที่กำลังทำอะไรไม่ถูกกระพริบตาปริบๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวจึงยกมือกอดตอบแล้วช่วยลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆเป็นการปลอบ

“เหมือนมากเลยครับ”

“เขาบอกว่าฉันไม่เข้าใจ”

“ครับ”

“รู้ได้ยังไงว่าไม่เข้าใจ”

“นั่นสิครับ”

“กับอีแค่ทนไม่กี่เดือน ฉันทนมาตั้งกี่ปี ไม่เห็นว่าใครจะเข้าใจ”

“ผมเข้าใจครับ”เจย์หัวเราะ มือก็ยังทำหน้าที่ลูบหลังให้คนที่กำลังทำตัวเป็นเด็กไม่หยุด

เขามีความสุขจนคิดว่าฝันไป หลังจากการพูดคุยกันครั้งนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ไม่มีชื่อเรียกใดๆ แต่เพียงแค่ได้อยู่ข้างกายเจ้าชีวิตของเขาตลอดไปอย่างนี้ก็ดีมากแล้ว

“แล้วให้คุณชายขาดเรียนแบบนี้จะดีเหรอครับ”เจย์ถามด้วยความเป็นห่วง ค่อยๆผละตัวออกจากอ้อมกอดแข็งแกร่งช้าๆ

“ฝากเด็กเก้านั่นลาอาจารย์ไปก่อนแล้วกัน…เพราะถ้าไม่ดัดนิสัยตั้งแต่ตอนนี้ คนที่กำลังพยายามอยู่ที่ภูเก็ตคงเหนื่อยน่าดู”ซีอธิบายโดยไม่ละสายตาจากเจย์ เขายกมือขึ้นแตะแก้มขาวตามแบบฉบับฝรั่งแท้ของเลขาคนสนิทด้วยความอ่อนโยน

พอได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าถึงได้รู้ตัว…

บางทีอีกเหตุผลที่ทำให้ซีให้โอกาสเด็กคนนั้น อาจเป็นเพราะบรรยากาศรอบตัวเด็กนั่น…ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเจย์ไม่มีผิด

อ่อนโยน...แต่ไม่อ่อนแอ

 

 

ในห้องนอนกว้างขวางที่เคยสวยงาม บัดนี้ดูเละเทะไปหมดจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ทั้งเศษแก้วที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้น หน้าจอทีวีที่แตกละเอียด ข้าวของที่ถูกขว้างปาไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งทุกสิ่งล้วนเกิดจากฝีมือของคนที่นอนขดกายอยู่บนเตียง

โซโล่ขยับกายอย่างเงียบงัน เขาซุกใบหน้าซีดเซียวอ่อนล้าลงกับหมอน ความรู้สึกปวดหัวและปวดท้องเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกปวดใจที่เป็นอยู่ในเวลานี้

หนึ่งอาทิตย์

หนึ่งอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้ยินแม้แต่เสียง…หนึ่งอาทิตย์ที่ต้องอุดอู้อยู่ในนี้

เขารู้ดีว่าพ่อเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่ใช่แค่ไม่ได้ใช้เน็ตหรือโทรศัพท์ ไม่ใช่แค่ไม่ได้คุยหรือเจอกีตาร์ แม้แต่เจย์พ่อก็ไม่อนุญาตให้เข้ามาหา เขาอยู่ตัวคนเดียวในบ้านโดยสมบูรณ์แบบ ไม่มีแม้แต่แม่บ้านคอยหาอาหารให้กิน ต้องทำทุกอย่างเองทั้งหมด มีแค่การ์ดที่คอยเดินตรวจตรารอบบ้านอยู่เป็นเพื่อน

เคยพยายามหนีแล้วแต่ก็ไม่พ้น พ่อของเขารู้ทันแทบทุกอย่าง สิ่งเดียวที่ช่วยดับอารมณ์ร้อนราวกับไฟได้มีเพียงการทำลายข้าวของ แต่ทำจนทุกอย่างเละเทะแล้วมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

“กีตาร์…”เสียงแผ่วเบาและดูอ่อนแอกว่าครั้งไหนๆเรียกชื่อคนที่คิดถึงด้วยความปวดร้าว

ก๊อก ก๊อก

"ออกไป!"เสียงทุ้มตวาดก้อง ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นจากหมอน

ก๊อก ก๊อก

"..."

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"บอกให้ไปไกลๆไงวะ!"

เพล้ง!

เสียงตะโกนด้วยความหัวเสียดังขึ้นพร้อมกับแจกันใกล้มือที่ถูกปาใส่ประตูจนแตกกระจาย

โซโล่ผุดตัวลุกขึ้นนั่ง เขาหอบหายใจด้วยความโมโห ใบหน้าที่ดูซีดเซียวบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแบบที่ไม่ได้เป็นมานานแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"กูบอกให้!..."

"ไอ้เหี้ยโซ!หุบปากแล้วเปิดประตูระเบียง!"

คนที่กำลังหงุดหงิดเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจว่าเสียงคุ้นเคยของเพื่อนสนิทที่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ดังขึ้นมาได้อย่างไร แต่เมื่อสะบัดหัวจนได้สติแล้วจึงคิดได้

เสียงไม่ได้มาจากหน้าประตู...

ขายาวก้าวลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว เขามุ่งหน้าไปที่ประตูระเบียงซึ่งมีผ้าม่านสีทึบปิดเอาไว้ก่อนจะกระชากผ้าม่านและประตูให้เปิดออก

ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือใบหน้าของเพื่อนสนิทที่กำลังทำหน้าบึ้งยืนกอดอกมองเขาอยู่ และวินาทีต่อมาที่ประตูเปิดเก้าก็พุ่งเข้ามาดึงหัวที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งกว่าเดิมด้วยความหงุดหงิด

"ทำใครเขาเดือดร้อนไปทั่วเลยนะมึง!"มือที่กำลังทึ้งหัวเพื่อนตัวโตออกแรงมากกว่าเดิมโดยไม่ออมแรง แต่เมื่อผ่านไปสักพักแล้วก็ยังไม่ได้รับปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมาเก้าก็เริ่มหยุดมือ เขากวาดตามองร่างสูงโปร่งของเพื่อนเพียงรอบเดียวแล้วผลักร่างเพื่อนเข้าไปด้านในโดยแรง หลังปิดประตูกับผ้าม่านจนห้องมืดทึบแล้วก็เดินไปเปิดไฟห้องให้สว่างแทน

สภาพห้องที่เละเทะยิ่งกว่ารังหนูทำให้คนรักความสะอาดขมวดคิ้วมุ่น และเมื่อได้กวาดตามองเพื่อนที่กำลังนั่งหมดอาลัยตายอยากใบหน้ามู่ทู่ก็บูดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม

เดือนมหา'ลัยสุดหล่อของใครๆ...บัดนี้มีสภาพเละเทะยิ่งกว่าอะไร ทั้งใบหน้าซูบซีดเหมือนคนป่วยใกล้ตาย ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนไม่ได้สระมาสิบปี แถมยังรอยแผลตามมือและเท้าที่น่าจะเกิดจากข้าวของที่กระจัดกระจายเต็มห้องอีก

"มึงมันโง่"เก้าพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แต่มือก็ควานหาอุปกรณ์ทำแผลจากเศษซากวัตถุบนพื้นเพื่อเอาไปทำแผลให้เพื่อน

"..."

"ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย"เก้าจับมือที่มีรอยแผลของคนที่นั่งนิ่งขึ้นมาดู แต่ทันทีที่เขาจะล้างแผล คนที่นิ่งมาตลอดก็กระชากมือออกอย่างแรงแล้วมองมาด้วยดวงตาวาวโรจน์

ถ้าเป็นคนอื่นคงมีช็อคกันไปบ้าง...แต่เผอิญนี่คือเก้า

"อย่ามาทำหน้าแบบนั้นใส่กู!"เก้ายกมือชี้หน้าเพื่อน มองกลับด้วยสายตาหงุดหงิดไม่แพ้กัน เขากระชากมือข้างเดิมกลับมาแล้วพูดย้ำด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "อยู่นิ่งๆ ถ้าขยับอีกมึงก็อยู่คนเดียวไปแล้วกัน"

คนฟังหยุดอารมณ์ของตัวเองแทบไม่ทัน โซโล่สะบัดหัวเพื่อไล่ความปวดหนึบออกไป เขามองหน้าเพื่อนที่กำลังทำแผลให้ด้วยความหงุดหงิด แต่ก็ทำได้เพียงขมวดคิ้วแล้วนั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

รอจนทำแผลเสร็จหมดแล้วเก้าก็กลับมานั่งจ้องหน้าเพื่อนเงียบๆ รอให้อีกคนพูดอะไรออกมาก่อน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากริมฝีปากซีดเซียว

"มึงใช่โซจริงๆเหรอวะ"เขาเปิดบทสนทนา ฝ่ายคนฟังที่เอาแต่นั่งนิ่งมาตลอดยกยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากก่อนจะหันมาสบตา

"ทำไม...สภาพกูมันเหี้ยมากล่ะสิ"

ผัวะ!

"อย่ามาประชดกู!"เก้าตวาด มือที่เพิ่งใช้ตบหัวเพื่อนไปเมื่อครู่เปลี่ยนมาใช้ชี้หน้าแทน

"มันจะมากไปแล้วไอ้เก้า"โซโล่เงยหน้ามองกลับด้วยสายตาไม่พอใจ เขาไม่ชอบให้ใครเล่นหัว มันเป็นคนแรกที่กล้าทำถึงขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพื่อนเขาคงเข้าไปบีบคอแล้ว

"กูแค่ช่วย...เผื่อขี้เลื่อยจะหลุดออกจากหัวสมองมึงบ้าง"คนโดนเขม่นยักไหล่ไม่ใส่ใจแล้วพูดต่อ "ที่ถามว่ามึงใช่โซจริงๆเหรอ...เพราะกูรู้สึกเหมือนไม่รู้จักมึง"

"มึงหมายความว่าไง"

"ก็ถ้ามันเป็นไอ้เหี้ยโซเพื่อนกู มันคงไม่มีทางยอมแพ้ ไม่หลุดอารมณ์แทบทั้งหมดออกมาง่ายๆ มันคงคิดถึงเหตุผลมากกว่านี้...หรืออย่างน้อยก็คิดถึงคนที่มันรักมากกว่าตัวเอง"ว่าจบก็เหลือบตามองคนตรงข้าม กวาดตามองขึ้นๆลงๆแล้วเหยียดยิ้ม "แต่ตอนนี้กูเห็นแค่ไอ้ขี้แพ้ โง่เง่า ไม่มีเหตุผล ทำตัวเป็นพวกเหลวแหลก ปัญญาอ่อน"

"กูไม่ได้อยากเป็นแบบนี้"โซโล่ถอนหายใจ ยกมือกุมหัว "พ่อกู..."

"อย่าเอาพ่อมึงมาอ้างไอ้โซ"เก้าตัดบทด้วยน้ำเสียงเย็นชา "มึงทำตัวเองทั้งนั้น"

"กู..."

"มึงมันคิดถึงแต่ตัวเอง"

'อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง'

คำพูดของพ่อที่วาบเข้ามาในหัวแบบเดียวกับที่เก้าพูดทำให้ใบหน้าแข็งกร้าวอ่อนลงจนไม่เหลือเค้าเดิม เขากลายเป็นเหมือนเด็กชายโซโล่ตัวเล็กๆที่ต้องการคนโอ๋

น่าเสียดายที่คนๆนั้นไม่ได้อยู่ตรงนี้ เพราะเพื่อนอย่างเก้า...

"อย่ามาทำหน้าหมาหงอยใส่กู"

ก็เป็นเสียอย่างนี้...

"แล้วจะให้กูทำยังไง"โซโล่ถามเสียงแผ่ว เขาก้มหน้าหลบสายตาเพื่อนเพราะขี้เกียจโดนด่า

"กูไม่บอกมึงหรอกไอ้โง่"เก้ายิ้มเยาะ

"..."

"แต่มีคนจะบอกมึงเอง"

"ใคร"

"ตามมา"

ตามมาที่ว่าของเก้าคือการเดินตรงไปที่ระเบียง กระชากประตูเปิดออก มองลาดเลารอบด้าน และไต่ลงจากระเบียงชั้นสองด้วยตัวเอง

โซโล่มองภาพเพื่อนตัวดีปีนลงไปง่ายๆด้วยสายตาพูดไม่ออกบอกไม่ถูก จนเมื่อเก้ากวักมือเรียกอีกครั้งเขาถึงได้ยอมปีนตามลงไป ถึงแม้จะสงสัยอยู่ว่าการ์ดบริเวณนี้หายไปไหนหมดแต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ คิดแค่ได้ออกจากที่นี่ก็ดีมากแล้ว เอาไว้ค่อยถามเก้าอีกทีก็ไม่สาย

เก้าเดินนำออกไปด้านนอกโดยผ่านการปีนรั้วอีกครั้ง เดินออกไปสักพักก็เห็นร่างเจย์ยืนรออยู่ โซโล่ไม่แน่ใจนักว่าที่นี่คือที่ไหน เพราะพ่อเขามีบ้านอยู่หลายที่ หลังนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย คงไม่มีคนใช้งานถึงได้พาเขามาขังไว้

“คุณชาย”เจย์วิ่งเข้ามาหา มองสภาพของคนที่ยืนอยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความเป็นห่วง

“เจย์”ความรู้สึกมึนหัวที่จู่โจมกะทันหันทำให้ตัวเซไปด้านข้าง ดีที่เก้าช่วยพยุงไว้ทันถึงไม่ล้มลงไป และในชั่วขณะที่กำลังลืมตาขึ้น รู้สึกเหมือนมองเห็นคนที่คิดถึงเป็นภาพลางๆ “กีตาร์…”

“ครับ”

ไม่ใช่ความฝัน

“กีตาร์!”โซโล่เบิกตากว้าง ลืมเลือนทุกความคิด มือไขว่คว้าคนที่พูดตอบรับมากอดไว้แน่น หัวใจเต้นรัวราวกับจะระเบิดออกมา กีตาร์ของเขายกมือกอดตอบโดยไม่พูดอะไร เมื่อผละออกเขาก็เอาแต่มองหน้าคนที่ไม่ได้เจอมาหลายเดือน จนโดนพาขึ้นมาบนรถแล้วก็ยังไม่รู้ตัว

“เป็นยังไงบ้าง”กีล์ถามคนข้างกายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือลูบหัวคนที่นั่งจ้องเบาๆเป็นเชิงปลอบ

“หนี…”

“ครับ?”

“หนีไปด้วยกันนะ”โซโล่จับมือคนข้างกายมากุมไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมไม่อยากห่างจากกีตาร์แล้ว ไม่อยากทำงาน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น”

คนที่นิ่งฟังมองใบหน้าของโซโล่ด้วยสายตาเรียบเฉย วูบหนึ่งที่ดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นปรากฏล่องลอยของความผิดหวัง แต่เมื่อกระพริบตาทุกสิ่งก็หายไปและกลายเป็นแบบเดิม

“ได้สิครับ”

“คุณกีล์!”เจย์ที่ขับรถอยู่หันมามองอย่างตกใจ แต่ทันทีที่เห็นสีหน้าของคนพูดชัดๆเขาก็หันกลับไปด้วยความเข้าใจ

“โซอยากไปที่ไหนครับ”

“ที่ไหนก็ได้ที่พ่อหาไม่เจอ”

 

 

จุดหมายปลายทางที่พวกเขามาคือทะเลแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เจย์ยืนพิงต้นไม้ มองคนสองคนที่กำลังจูงมือกันเดินอยู่ริมทะเลด้วยสายตาเป็นห่วง ห่วงคุณชายเขาก็ห่วง แต่ที่เป็นห่วงยิ่งกว่าคือคนที่บินตรงมาจากภูเก็ตเมื่อเช้า

“ขอบคุณคุณเก้ามากนะครับที่ยอมมาช่วย”เจย์หันไปยิ้มให้คนด้านข้าง “ลำพังผมคนเดียวคงเข้าไปหาคุณชายไม่ได้”

“ไม่เป็นไรเฮีย”

เมื่อวานเจย์ได้ทราบข่าวจากการ์ดคนสนิทว่าโซโล่ไม่ได้แตะข้าวจริงๆจังๆมาหลายวันแล้ว ทั้งยังได้ยินเสียงดังโครมครามเหมือนมีการทำลายข้าวของดังออกมาจากห้องตลอดเวลา เขาทั้งเป็นห่วงทั้งไม่รู้จะทำยังไง สุดท้ายก็โทรไปบอกกีล์ก่อนเป็นอย่างแรก เพราะไม่อยากให้ฝั่งนั้นเป็นห่วงที่ไม่ได้ติดต่อไปเป็นอาทิตย์ ตอนนั้นเขาไม่ได้เอะใจเลยสักนิดที่กีล์ถามที่อยู่ของโซโล่ไว้

วันต่อมาเขาเลยไปขอให้เก้าช่วย โดยตัวเองจะช่วยถ่วงเวลาการ์ดไว้แล้วให้เก้าเข้าไปด้านใน ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเด็กคนนั้นจะถึงขั้นปีนระเบียงขึ้นไป ทั้งยังพาโซโล่ออกมาได้อีก

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดที่สุดก็คือ…กีล์บินจากภูเก็ตมาที่นี่จริงๆ

เจย์รับโทรศัพท์กีล์ตอนที่เก้ากำลังจะลงจากรถ เขาตกใจมากเมื่ออีกฝ่ายบอกว่ากำลังจะมาหาถึงที่บ้าน ตอนที่ได้เจอกัน เขาเห็นใบหน้าอ่อนล้าของกีล์ชัดเจน แต่อีกคนก็ยังยิ้มส่งมาให้ได้เช่นเดิม และวินาทีที่โซโล่ออกมา เจย์เห็นดวงตาอ่อนล้าคู่นั้นมีประกายของความสุขวาบผ่าน แต่เมื่อเข้าใกล้กันมากขึ้น มันกลับกลายเป็นความหม่นหมองที่เข้ามาแทนที่

“ว่าแต่พี่แกจะไหวไหมนั่น”เก้ามองไปยังคนที่เดินเคียงข้างกันอยู่ริมหาด ถึงจะไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย แต่คิ้วที่ขมวดนิดๆก็บ่งบอกได้ดีว่าเขาเป็นห่วงกีล์ไม่แพ้เจย์เลย

“ผมก็เป็นห่วงอยู่ครับ…จริงๆไม่น่าโทรไปบอกคุณกีล์เลย”เจย์พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “แต่ผมก็กลัวคุณชายจะเป็นอะไรไป ข้าวปลาก็ไม่ยอมทาน ห่วงจนลืมนึกถึงไปเลยว่าจริงๆแล้วคุณกีล์เองก็กำลังเหนื่อยขนาดไหน”

“ทำไมไอ้โซมันเป็นได้ขนาดนี้”

“คงเพราะคุณกีล์เหมือนผู้ช่วยชีวิตมั้งครับ”เจย์หัวเราะเบาๆเพราะสิ่งที่พูดไปไม่ได้ต่างจากชีวิตเขาเองเท่าไหร่ “มาเติมเต็มทุกสิ่งที่ขาดหาย คุณชายก็เหมือนเด็กตัวเล็กๆที่เติบโตขึ้นมาด้วยตัวเอง จะบอกว่าขาดความอบอุ่นก็คงใช่ เพราะงั้นถึงได้เป็นเอามากขนาดนี้”

“…”

เมื่อเก้าไม่ถามอะไรต่อเจย์ก็ทำได้เพียงหันกลับไปมองภาพคนสองคนที่เดินเคียงคู่กันเช่นเดิม ทั้งคู่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แตกต่างกันเพียงความรู้สึกที่แสดงออกมา โซโล่อาจจะยิ้มอย่างมีความสุขจริงๆ แต่กีล์ไม่ใช่แบบนั้น…

“รู้ตัวสักทีเถอะครับคุณชาย”

.

.

“ผมคิดถึงกีตาร์มาก”โซโล่พูดออกมาตามความรู้สึก ใบหน้านิ่งเรียบมีเพียงความสุขที่ปรากฏบนนั้น

“พี่ก็คิดถึงโซครับ”กีล์ตอบรับ แม้คำพูดจะไม่ใช่คำโกหก แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่ได้แสดงออกว่ามีความสุขเช่นกัน เหมือนเป็นเพียงรอยยิ้มปลอมๆที่จงใจสร้างขึ้นมา น่าแปลกที่คนด้านข้างไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย

“ผมขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อไป พ่อจับผมขังไว้ที่บ้านเล็ก ใช้โทรศัพท์หรือเน็ตไม่ได้เลย”โซโล่ก้าวเท้าไปตามทาง เขาเล่าเรื่องที่เกิดกับตัวเองไปเรื่อยๆ หวาดกลัวว่าจะทำให้คนข้างๆโกรธเพราะไม่ยอมติดต่อไป

“ไม่เป็นไรครับ”

“แต่ผมเป็น…ผมคิดถึงกีตาร์”

“พี่ทราบครับ”กีล์หัวเราะเบาๆ เขารู้ดีว่าอีกคนคิดถึง เพราะเขาเองก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ “โซอยากไปที่ไหนอีกไหม”

“ไปที่ๆไกลกว่านี้”โซโล่หันมาหา ในใจคิดเพียงว่ายิ่งไปได้ไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เขาจับมือคนข้างกายไว้แน่นก่อนจะพาเดินไปที่รถซึ่งมีเจย์กับเก้ายืนรออยู่ “ไปที่ๆพ่อจะหาผมไม่เจอ”

เก้าไม่ได้พูดอะไร เพียงถอนหายใจแล้วยัดตัวเข้าไปในรถก่อนเป็นคนแรก ส่วนเจย์ที่ต้องรับคำสั่งก็มองไปที่กีล์ด้วยความเป็นห่วงเช่นเดิม

“คุณกีล์…”

“ไปตามที่เขาบอกเถอะครับคุณเจย์”กีล์ส่ายหน้าไม่ให้พูดอะไรต่อ เขาเข้าไปนั่งด้านในรถและพิงเบาะไว้นิ่งๆโดยไม่พูดอะไรอีก

รถที่แล่นไปตามทางขับเปลี่ยนเวียนสถานที่ไปเรื่อยๆตามคำสั่งของโซโล่ พอเจอที่ที่ต้องการเขาก็สั่งให้หยุดรถ พาคนรักออกไปเดินเล่น พอใจแล้วก็เปลี่ยนไปอีกที่ น่าแปลกที่ปกติโซโล่ซึ่งพูดน้อยที่สุดกลับพูดมากกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเรียกได้ว่าพูดอยู่คนเดียว

“กีตาร์หิวไหม”

“ไม่ครับ”

“อยากได้อะไรไหม ผม…”

“ไม่ครับ”

ยิ่งเส้นทางยาวไกลมากเท่าไหร่ ความหนักใจของทุกคนก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น คนนอกทั้งสองคนทำได้เพียงนั่งฟังประโยคสนทนาน่าอึดอัดไปตลอดทาง ในขณะที่ตัวต้นเหตุทั้งสองอยู่ในบรรยากาศที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

โซโล่พูดเยอะ ถึงแม้จะรู้สึกไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆก็ยังไม่เปลี่ยนท่าที แต่คนใจดีอย่างกีล์กลับเงียบผิดปกติ และยิ่งเงียบมากขึ้นเรื่อยๆตามระยะทางที่เพิ่มขึ้น

“ผมอยากแวะสวนสาธารณะด้านหน้าครับคุณเจย์”กีล์พูดขึ้นลอยๆ ไม่ได้ถามความเห็นคนด้านข้างแต่ก็มั่นใจว่าอีกคนจะยอมตามใจ

“ครับคุณกีล์”

กีล์เดินนำลงมาจากรถเป็นคนแรกโดยมีโซโล่เดินตามต้อยๆ ส่วนอีกสองคนที่เหลือไม่ได้เดินตามไป เพียงแค่ยืนพิงรถรออยู่เงียบๆ

“กีตาร์…”โซโล่เรียกเสียงแผ่ว เขาคว้ามือคนที่เดินนำไว้ รู้สึกปวดหนึบที่หัวใจโดยไร้เหตุผล

“ครับ”

“ทำไม…ไม่มองหน้าผม”สิ้นคำถามนั้นคนที่เดินนำก็หยุดเท้าลง กีล์หันหลังกลับ เขาเงยหน้าสบตาคนที่กำลังทำหน้าเศร้าด้วยสายตาเรียบเฉย ไร้ซึ่งรอยยิ้มบนใบหน้า

“โซไม่อยากเที่ยวแล้วเหรอครับ”

“ผม…”

“สนุกพอแล้วเหรอ”

“…”

“พี่ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรเลย แต่ถ้าโซต้องการ…จะพาพี่ไปไหนก็ได้ครับ”กีล์ยิ้มอ่อนล้า มองใบหน้าของคนที่เงียบไปด้วยสายตาอ่อนโยน “และถ้าพอใจแล้ว…ช่วยบอกพี่ด้วยนะครับ”

“กีตาร์…”

“นี่เหรอครับ สภาพของคนที่พี่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มายืนอยู่เคียงข้าง…ตอนนี้พี่เห็นแต่ใครสักคนที่พี่ไม่เคยรู้จัก”คำพูดเย็นชาที่ดังออกมาแตกต่างจากใบหน้าอ่อนโยนของคนพูดโดยสิ้นเชิง โซโล่รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะแตกสลาย แต่เขาก็ไม่อาจเถียงอะไรได้สักคำ “พี่ทั้งเหนื่อย ทั้งท้อ แต่ทุกๆครั้งพอนึกถึงว่าทำเพื่อใครก็มีแรงขึ้นมาตลอด แล้วโซล่ะครับ…”

“…”

“ถ้าโซคิดถึงแต่ตัวเอง อยู่คนเดียวดีกว่าไหม”

“ไม่เอานะ!”โซโล่ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เขารั้งร่างของคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้แน่น…กลัวเหลือเกินว่าจะปล่อยมือกัน

“เหตุผลที่พี่มาที่นี่เพราะพี่เป็นห่วง ไม่มีอะไรอยู่ในหัวนอกจากอยากให้โซปลอดภัย พี่คิดว่าโซโดนใครทำร้าย คิดว่าโซเป็นอะไรไป ทั้งห่วง ทั้งกังวลสารพัด สุดท้ายก็ใช้เงินเก็บขึ้นเครื่องบินกลับมาที่นี่…ทั้งที่วันนี้พี่ต้องทำงาน”น้ำเสียงสบายๆที่เอ่ยออกมาไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย กลับกัน…โซโล่รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงหดหายลงไปเรื่อยๆ ยิ่งรู้ว่าเป็นเขาที่กอดอยู่ฝ่ายเดียวก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว

นี่เขา…ลืมมองอะไรไปบ้าง

ทำไมถึงเพิ่งสังเกตเห็น…ว่าใบหน้าของกีตาร์ดูย่ำแย่ขนาดไหน ทั้งดูอ่อนล้าและอ่อนแรง ดูเหนื่อยยิ่งกว่าเขาเวลาทำงานเป็นสิบเท่า

“ผมขอโทษ”น้ำเสียงรู้สึกผิดอย่างแท้จริงทำให้ใบหน้าอ่อนล้าของคนฟังเริ่มปรากฏรอยยิ้มอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก กีล์ยกมือกอดตอบเบาๆ ฟังเสียงเด็กน้อยร้องครวญว่าขอโทษไม่หยุดด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน

ที่พูด…ใช่ว่าเขาไม่รู้สึก ใช่ว่าสามารถปล่อยมือไปได้ง่ายๆ แต่เขาต้องการเปลี่ยนแปลงนิสัยของโซโล่ ความเอาแต่ใจและไม่มีความอดทนจะทำให้ชีวิตของคนๆนี้ลำบาก เขาไม่อยากให้โซโล่มีปัญหาในอนาคต ถึงได้จำใจพูดประโยคที่ทำให้ตัวเองปวดใจไม่แพ้กันออกไป

“ทีนี้เราหยุดหนีกันได้หรือยังครับ”กีล์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดันใบหน้ายับยู่ยี่ของคนที่กอดไว้แน่นออกเพื่อเช็ดหน้าเช็ดตาให้

ไม่ได้ร้องไห้แต่กลับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แบบนี้ดูน่าสงสารยิ่งกว่าการร้องไห้ออกมาเสียอีก

“ครับ”

------------------------

 

TALK : เหลืออีก3ตอนสุดท้าย กำหนดวันลงตายตัวเลยนะคะ ตอนต่อไปจะอัพวันที่ 9 / 16 / 23 ตามลำดับ เนื่องจากเราจะเปิดคอมได้แค่วันอาทิตย์วันเดียวค่ะ งานล้นหัวเอาตัวไม่รอด น้ำตาาา อีกอย่างคือถ่วงๆให้จบใกล้เคียงกับช่วงเปิดจองด้วย



ปล. เผื่อใครยังไม่ทราบ เปิดจองปลายเดือนเมษาน้า

ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์

Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04



 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.27 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 29-03-2017 20:12:19
โป้ง!!!   โป้ง..โซละ ทำไมนิสัยเด็กจนทำพี่กีล์ต้องเหนื่อยแบบนี้
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.27 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 29-03-2017 20:26:04
เข้าใจรึยังโซโล่  :hao4:

พี่กีล์ สู้ๆ :mew3: :mew1:

โซก็สู้ๆน้าาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.27 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Past-Zeit ที่ 29-03-2017 20:32:37
พี่กีล์สายโหดครับ....55555
อึ้งเเทนโซโล่อ่ะ ตอนประโยค "ถ้าโซจะคิดถึงเเต่ตัวเองเเบบนี้ อยู่คนเดียวไหมครับ"
แบบไม่คิดว่านางจะกล้าพูด คนจริงไรจริง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.27 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-03-2017 20:37:36
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.27 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 29-03-2017 20:38:24
 o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-03-2017 22:05:27
อดทนนะทั้งพี่กีลล์ทั้งโซ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-03-2017 22:16:59
น่าตีจร้งๆเลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 29-03-2017 22:34:23
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 29-03-2017 22:50:14
น้ำตาเกือบมาละ ดีทีอ่านช่วงท้ายเลยยิ้มออก

สู้ๆ นะพี่กีล์ น้องโซ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-03-2017 00:49:04
หวังว่าจะดีขึ้น
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 30-03-2017 01:03:12
รอติดตามตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-03-2017 01:05:11
โซโล่ พี่กีล์ สู้ๆนะ อดทนกันอีกนึดนึงนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-03-2017 02:20:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 30-03-2017 13:12:29
หูยยย ตอนนี้พี่กีล์โหดมาก  o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 30-03-2017 16:15:34
 :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 31-03-2017 09:58:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-04-2017 21:14:13
ชื่อตอนคำสอนของพี่กีล์ ฮืออ หล่อทั้งกายและใจ กริยามารยาทก็งาม รัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-04-2017 07:44:16
ตอนนี่เศร้าๆแหะ พี่กีล์โหมดโหดน่ากลัวจิง
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 02-04-2017 08:07:22
สู้นะโซโล่ พยายามอีกหน่อย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 02-04-2017 09:08:00
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 02-04-2017 09:35:20
ฝากตบบ้องหูโซสักทีนะพี่กีล์ ไม่ไหวละ

ตอนหน้าต้องกลับมาเป็นพระเอกนะ
ตอนนี้เหมือนไอ้ขี้แพ้มากเลยโซเอ้ย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-04-2017 05:41:15
โซกีล์ ทั้งสองต่างเป็น Oxygen ของกันและกัน ขาดกันไม่ได้
แต่ดูท่าแล้วไมใช่แค่โซกีล์ แล้วล่ะที่ขาดกันไม่ได้
น่าจะเป็นคุณท่าน กับเจย์ ด้วยละมั้ง ที่ต้องการ Oxygen จากอีกฝ่าย

โซ เอาแต่ใจ นิสัยเด็ก ที่ไม่ได้อย่างใจ ก็อาละวาด พังข้าวของ
รู้ทั้งรู้ว่าต้องอดทน ต้องทำงาน ฝึกงาน
เพื่อสักวันหนึ่งได้มาอยู่ด้วยกัน
ไม่รู้คิดด้วยตัวเอง พ่อเตือน เจย์เตือน ก็เท่านั้น
พอโดนกีล์ เตือนแบบเหมือนตามใจแต่ไม่ตามใจ
โซ คงรู้แล้วว่าทำตัวแบบนี้จะยิ่งห่างกีล์
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 07-04-2017 16:18:24
คิดถึงกีต้าร์ :mew2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER40 P.28 [29/03/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 09-04-2017 08:35:40
-41-

“ขอโทษครับ”

“ครับ”

“ขอโทษ”

“พี่ให้อภัยแล้วครับ”ผมหัวเราะก่อนจะยกมือโคลงศีรษะหมาขี้อ้อนไปมา เล่นพูดย้ำแบบนี้มาเป็นสิบรอบแล้ว ใครมันจะไปโกรธลงกัน

“แต่ผม…”โซโล่ตั้งท่าจะพูดต่อ แต่ก่อนจะได้ทำอะไรแบบนั้นผมก็หยุดเขาไว้ด้วยการดันหัวอีกคนเข้ามาใกล้แล้วพิงหน้าผากเอาไว้กับหน้าผากของเขา

“ขอชาร์จพลังหน่อย”ผมหลับตาลง ทำเหมือนกำลังชาร์จพลังจากเขาจริงๆจนเจ้าหมาหัวเราะออกมาเบาๆ เขาจับหน้าผมกลับด้วยมือทั้งสองข้าง ทิ้งน้ำหนักของหัวลงมาเต็มที่จนเหมือนเรากำลังพิงกันไว้ด้วยแรงของอีกคน

“เหนื่อยมากไหม”โซโล่ถามขึ้นลอยๆ ผมลืมตาแล้วมองคนที่กำลังทำหน้าเป็นห่วงด้วยสายตาอ่อนโยน

“เหนื่อยมากครับ”ผมยอมรับ “แต่ก็สนุกดี ได้รู้อะไรหลายๆอย่าง”

“ขอโทษ”เจ้าหมาหน้าหงอย หลุบตาลงต่ำไม่ยอมมองหน้าผม

“รู้ตัวแล้วก็ต้องพยายามนะครับ”ผมผละตัวออก จับมือทั้งสองข้างของโซโล่ไว้แล้วเขย่าไปมาเบาๆ “พี่เองก็จะพยายามเหมือนกัน”

“ครับ”

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”ผมดึงแขนคนข้างๆให้นั่งลงบนเก้าอี้ริมสระน้ำของสวนสาธารณะ ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มหว่างคิ้วที่ขมวดเป็นปมของเขาเบาๆ

“ใครๆก็บอกว่าผมคิดถึงแต่ตัวเอง…”

“ใครบ้างเหรอครับ”

“พ่อ เก้า แล้วก็กีตาร์ด้วย”โซโล่พูดเสียงอ่อย มองผมอ้อนๆเหมือนกลัวจะโดนโกรธอีก

“อืม…จะว่ายังไงดี มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียวหรอก”ผมพยายามคิดว่าควรอธิบายแบบไหนดีเขาถึงจะเข้าใจได้ “โซคิดถึงพี่เลยอยากไปหาใช่ไหมครับ”

 “ครับ”

“โดยที่โซยอมทิ้งงาน ทิ้งการเรียนทุกอย่าง”

“ใช่ครับ”

ผมหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเจ้าหมาทำตัวเรียบร้อยผิดปกติ แม้แต่คำพูดคำจาก็สุภาพแทบทุกคำอย่างกับกลัวว่าผมจะโกรธ อยู่ๆความเหนื่อยล้าที่สะสมมาเป็นเดือนก็เบาบางลงเพียงแค่ได้เจอหน้ากัน ถึงตอนแรกจะเป็นยังไงก็ตาม แต่เมื่อเข้าใจกันแล้วผมก็รู้สึกเหมือนมีแรงขึ้นมากจริงๆ

“สิ่งที่โซกำลังทำคือการคิดถึงแต่ตัวเองครับ”

“ผมไม่เข้าใจ…”โซโล่ส่ายหน้า ขมวดคิ้วเหมือนข้องใจมากจริงๆว่าตัวเองทำอะไรผิด ผมเข้าใจเขาดี และเข้าใจเรื่องที่คุณเจย์เล่าให้ฟังเรื่องความคิดคุณท่านด้วย

 วิธีการสอนของคนเราไม่เหมือนกัน อาจเพราะโซโล่ห่างจากพ่อเขามากเกินไปถึงได้ไม่เข้าใจ แล้วคุณท่านก็เล่นเป็นคนแบบนั้น ไม่แปลกที่จะเข้าใจกันผิดไปหมด

“ตอนที่โซจะไปหาพี่ โซได้มองปัจจัยอื่นๆไหมครับ…คิดบ้างไหมว่างานจะเป็นยังไง การเรียนจะมีปัญหาหรือเปล่า ใครบ้างจะต้องตามแก้ปัญหาให้ และที่สำคัญ…”ผมยกมือเขาขึ้น มองดูพลาสเตอร์ที่แปะอยู่หลายจุดด้วยความเศร้าใจ “นึกถึงความรู้สึกของพี่บ้างหรือเปล่า”

“…”

“ทั้งเอาแต่ใจ อยากไปก็ต้องไปให้ได้ พอไม่ได้ดั่งใจก็ทำลายข้าวของ ไม่ห่วงตัวเอง ไม่ทานข้าว ทำร้ายตัวเองแบบนี้ คิดว่าคนรอบข้างจะรู้สึกยังไงล่ะครับ”ผมลูบปลายนิ้วที่เป็นแผลของเขาเบาๆ ก่อนจะมองเลยไปยังสภาพร่างกายของเขา…ทั้งใบหน้าที่ดูซีดเซียวและร่างกายที่ดูไร้เรี่ยวแรง

ขนาดผมที่ทำงานเหนื่อยมาเป็นเดือนยังต้องกินข้าวครบทุกมื้อ ถึงจะเหนื่อยหรือนอนน้อยไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร แตกต่างจากโซโล่ที่ดูเหมือนคนป่วยทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรโดยสิ้นเชิง

“โซจะคิดถึงแต่ตัวเองหรือคิดถึงแต่พี่ไม่ได้นะครับ…ต่อให้ความรักเกิดจากคนสองคน เป็นเรื่องของคนสองคน แต่มันไม่ได้มีแค่คนสองคน ยังมีองค์ประกอบอีกมากมายที่เราต้องเรียนรู้และอยู่กับมันไปด้วย”

“ครับ…ขอโทษ”เจ้าหมาพูดด้วยความรู้สึกผิด พอเห็นสายตาที่เหมือนจะบอกว่าเข้าใจแล้วของเขาผมก็ยิ้มให้

“คุณพ่อเป็นห่วงโซมากนะครับ ท่านก็มีวิธีการสอนของท่าน พี่อยากให้โซเข้าใจ”

“แต่ว่า..”

“ถ้าท่านไม่ยอม โซคิดว่าเก้า คุณเจย์ หรือพี่จะเข้าไปหาได้จริงๆเหรอ”

“…”

“เข้าใจแล้วสินะ”ผมใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าของหมาตัวโตให้เงยขึ้นมองก่อนจะหรี่ตาสำรวจ “ดูสิ…หน้าซูบไปตั้งเยอะ”

โซโล่ยกยิ้มบาง เขาหันหน้าเข้าหาฝ่ามือของผมที่ประคองหน้าเขาอยู่ก่อนจะกดจูบลงมาเบาๆ

“อยากให้ผมคุยกับพ่อเรื่องที่กีตาร์หยุดงานไหม”

“ไม่ครับ”ผมส่ายหน้า “พี่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง”

โซโล่หน้าสลด ผมรีบดันหน้าเขาให้กลับมาสบตากันเหมือนเดิม ก่อนจะส่งยิ้มให้เพื่อบอกว่าไม่เป็นอะไรหรอก

“อย่างมากก็ทำงานหนักขึ้น ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“แต่ผม…”

“ถ้าโซรู้สึกผิด งั้นพี่ขออะไรสักอย่างได้ไหม”

“ได้ทุกอย่างเลย”เจ้าหมาหูกระดิก ท่าทางตั้งอกตั้งใจ น่าเอ็นดูจนผมต้องบีบแก้มขาวอยู่หลายทีด้วยความหมั่นไส้

“คุณเจย์เคยบอกพี่ว่าคนเรามีบทบาทและหน้าที่ของตัวเอง สำหรับโซคือการเกิดมาเป็นทายาทนักธุรกิจพันล้าน ต่อให้หนีแค่ไหนก็หนีไม่พ้น แต่มันอยู่ที่เราจะเลือกทางไหน ระหว่างการจำใจทำทั้งที่ไม่ชอบ…หรือพยายามเติมบางสิ่งลงไปเพื่อมีความสุขกับมัน”

“…”

“ถึงอย่างนั้นพี่ก็อยากให้โซไปบอกคุณพ่อครับ…บางทีถ้าโซไม่อยากทำจริงๆ มันอาจมีหนทางอะไรสักอย่างที่เราคิดไม่ถึงซึ่งช่วยโซได้ พี่เชื่อว่าคุณพ่อของโซต้องรับฟังแน่นอน แต่ถ้าโซคิดว่าจะทำตามบทบาทหน้าที่ของตัวเอง…”ผมเงียบไปครู่หนึ่ง จ้องมองคนตรงหน้าเพื่อส่งผ่านความมั่นใจไปให้ “พี่จะช่วยเป็น ‘บางสิ่ง’ ที่คุณเจย์บอกให้ ถึงจะไม่แน่ใจว่าโซจะมีความสุขกับการรับหน้าที่นั้นหรือเปล่า แต่ตอนที่โซมีปัญหา พี่จะอยู่ข้างๆไม่ไปไหนแน่นอน”

ทันทีที่ผมพูดจบโซโล่ก็เงียบไป เขาทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่เหมือนกำลังทบทวนตัวเอง ผมนั่งมองเงียบๆ ไม่ได้เร่งรัดอะไร ผ่านไปสักพักเขาก็พยักหน้าแล้วส่งยิ้มมาให้

“ผมจะไปคุยกับพ่อ”

“ครับ”

“กีตาร์จะไปกับผมหรือเปล่า”

“พี่จะขึ้นเครื่องกลับตอนค่ำ ยังพอมีเวลาครับ”ผมบอกแล้วฉุดตัวคนที่กำลังยิ้มกว้างให้ลุกขึ้นตาม

เราเดินกลับมาที่รถซึ่งจอดอยู่ที่เดิม คุณเจย์ที่หันมาเห็นก่อนมองมาทางผมอย่างเป็นกังวล พอเห็นผมยิ้มให้เหมือนปกติเขาก็ถอนหายใจแล้วสะกิดเก้าให้หันมามอง ฝั่งเด็กแสบที่กำลังกดโทรศัพท์ พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมกับโซโล่ก็ก้าวเท้ายาวๆมาหาแล้วผลักหัวเพื่อนอย่างแรงจนเจ้าหมาหน้าบูด

น่าแปลกที่ครั้งนี้คนโดนทำร้ายก่อนไม่เอาคืนเหมือนเคย

“กว่าจะหายโง่นะมึง”

ผมปล่อยให้สองเพื่อนซี้ยืนคุยกันแล้วหันไปหาคุณเจย์แทน ตามจริงต้องบอกว่าเหมือนจะเป็นเก้าที่ยืนบ่นอยู่คนเดียวเสียมากกว่า เพราะโซโล่กำลังทำตัวเป็นหมาหงอย ถึงจะมีเถียงบ้างแต่พอเด็กแสบถลึงตาใส่ก็เงียบกริบทันที คงรู้ว่าตัวเองผิดถึงไม่กล้าพูดอะไร

“คุณกีล์โอเคนะครับ”

“โอเคครับ” 

คุณเจย์แลดูเป็นห่วงผมมาก ดูเขารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่โทรมาบอกผมเรื่องโซโล่จนผมต้องรีบมาหาในวันนี้ จริงๆแล้วผมต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่บอกผมคงไม่รู้เลยว่าเจ้าหมาของผมเป็นถึงขนาดไหน

ตอนแรกที่เห็นหน้าโซโล่ผมดีใจมาก แต่วินาทีต่อมาที่เห็นว่าเขาอยู่ในสภาพแบบไหนผมก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย ที่ผิดหวังไม่ใช่เพราะเขาทำผิดหรืออะไร เพราะผมเข้าใจดีว่าโซโล่โตมาแบบไหน แต่สิ่งที่ทำให้ผมผิดหวัง คือการที่เขาทำร้ายตัวเองได้โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบข้างเลย ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

“ผมจะเลือกทางที่สอง”โซโล่พูดขึ้นตัดความคิดของผม ผมหันไปมองเขา พยายามหาความลังเลในดวงตาคู่นั้น แต่มองอย่างไรก็ไม่พบ มีเพียงความมุ่งมั่นที่ส่งผ่านมาราวกับจะย้ำในคำตอบ “ขอโทษที่ทำให้กีตาร์เหนื่อยคนเดียวมาตลอด ต่อไปเรามาเหนื่อยไปด้วยกันนะครับ”

แค่นี้เองที่อยากฟัง…

ผมยิ้มด้วยความสบายใจ ค่อยๆเอนหัวพิงไหล่แกร่งของคนข้างๆไว้ รู้สึกเหมือนอาการเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาบรรเทาลงเรื่อยๆ เหมือนกับได้ที่พักพิงกลับคืนมา รวมถึง…ได้เจ้าหมาตัวเดิมของผมกลับมาด้วย

 

 

น่าจะยี่สิบนาที…ยี่สิบนาทีที่สองพ่อลูกยืนจ้องตากันเงียบๆโดยไร้ซึ่งการพูดคุยใดๆ ผมได้แต่ยืนยิ้มอยู่ข้างโซโล่ ส่วนคุณเจย์ก็เดินไปยืนอยู่ข้างๆคุณท่าน รู้สึกอย่างกับกำลังมองเงาสะท้อนในกระจก

บางทีการยืนจ้องตากันอาจยาวนานกว่านี้…ถ้าไม่มีคนความอดทนต่ำติดมาด้วยน่ะนะ

“อีกนานปะ”เก้าที่นั่งชันเข่าอยู่บนโซฟาส่งเสียงถาม เรียกให้ทุกสายตาหันไปมอง “คือถ้านานผมจะได้ไปซื้อของกินมากินด้วยเลย”

ผมอมยิ้มขำ บรรยากาศอึดอัดเมื่อครู่ดูเหมือนจะบางเบาลงแทบจะทันที ยิ่งตอนเด็กแสบกรอกตามองบนนี่ยิ่งเหมือนรอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าของทุกคนด้วยซ้ำ

จริงๆที่เก้าพูดผมคิดว่าส่วนหนึ่งก็คงอยากช่วยโซโล่เปิดบทสนทนาด้วย เพราะพวกเราเพิ่งแวะทานข้าวกันก่อนจะมาถึงคอนโด ดังนั้นเก้าไม่น่าจะหิวไวขนาดนั้น

“ยังไม่ได้ทานของหวานเลย”

โอเค…ผมคงคิดไปเอง เด็กแสบนี่ไม่ได้อยากจะช่วยเพื่อนเลยสักนิด

พอเก้าเอนตัวลงนอนบนโซฟาแบบไม่สนใจใครบรรยากาศเดิมๆก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง ถึงครั้งนี้จะไม่ได้ดูกดดันเท่าครั้งแรกแต่ก็ไม่มีใครทำท่าจะพูดอะไรออกมาอยู่ดี

“โซ…”

“คุณท่านครับ…”

ผมหันไปมองหน้าคุณเจย์โดยอัตโนมัติ เรายิ้มให้กันเหมือนจะขำตัวเองกันทั้งคู่ สุดท้ายก็เป็นผมเองที่หันไปหาโซโล่แล้วพูดต่อ

“พี่เหลือเวลาไม่มากแล้วนะครับ”

พอได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของโซโล่ก็อ่อนลง เขาหันกลับไปมองพ่อตัวเองแล้วเปิดประโยคสนทนาก่อน

“ผมจะกลับมาทำงาน”

“อืม”

เอ่อ…ยกมือกุมขมับจะเสียมารยาทหรือเปล่านะ

“ผมจะเริ่มใหม่…”โซโล่พูดต่อ เขาจ้องหน้าคุณท่านด้วยสายตาเรียบเฉย แม้จะไม่ได้แสดงออกถึงความรักแต่ก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนที่เคยเป็น “หมายถึงเรื่องของพ่อกับผม”

“…”

“ผมจะไม่ถามหาเหตุผลอะไรทั้งนั้น เรื่องเก่าๆทุกเรื่อง…ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ผมไม่ต้องการรู้เหตุผล เพราะความรู้สึกที่เสียไปแล้วมันเอากลับมาไม่ได้…แต่ผมจะเริ่มต้นใหม่ตามที่กีตาร์บอก”

“…”

“ผมจะทำงาน จะเดินตามรอยพ่อ จะดูแลสิ่งที่พ่อสร้างไว้ ต่อจากนี้จะไม่งี่เง่า ไม่เอาแต่ใจตัวเอง แต่ขอแค่อย่างเดียว…”โซโล่หยุดพูดไป เขาหันมามองหน้าผม ยกยิ้มอ่อนโยนให้ แล้วหันกลับไปพูดกับคุณท่านด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ให้กีตาร์ได้อยู่ข้างๆผม”

คุณท่านไม่ได้ตอบรับในทันที ท่านมองหน้าลูกชายด้วยสายตาที่เปลี่ยนแปลงไป วูบหนึ่งผมเห็นความอ่อนโยนสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น แต่ยังไม่ทันได้สังเกตให้ชัดท่านก็เบนสายตามาหาผมเสียก่อน

“คำตอบของนายล่ะ”

ผมก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว มองท่านด้วยสายตาที่คิดว่ามั่นคงที่สุด ไม่จำเป็นต้องรอให้ครบกำหนดฝึกงานเลยสักนิด…เพราะผมหาคำตอบให้ท่านได้แล้ว และมั่นใจว่ามันคือคำตอบสุดท้าย

“ผมอยากอยู่ข้างโซครับ…”

“โดยที่นายเป็นวิศวกร?”

“ไม่ใช่ครับ…”ผมหันไปมองคุณเจย์ เห็นเขาส่งรอยยิ้มให้กำลังใจมาให้ “ผมอยากอยู่ข้างโซ…ในแบบเดียวกับที่คุณเจย์อยู่ข้างคุณท่าน”

ดวงตาของคุณท่านอ่อนแสงลงเมื่อได้ยินผมพูดถึงคุณเจย์ ส่วนคนที่ถูกพูดถึงก็ยืนยิ้มมีความสุขอยู่ด้านข้าง เป็นรอยยิ้มมีความสุขจริงๆเหมือนกับที่เขายิ้มตอนอยู่บนเขาไม่มีผิด

“หมายความว่านายยอมทิ้งสี่ปีที่เรียนมางั้นสิ”คุณท่านถามต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ถึงจะไม่ได้กดดันเท่าตอนแรกแต่ผมก็เกร็งอยู่ไม่น้อย

“ถ้าคุณท่านหมายถึงการเริ่มใหม่ก็คงใช่ครับ เพราะการจะอยู่ข้างโซและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพผมคงต้องเรียนต่อ…แต่ถ้าใช้คำว่าทิ้งคงไม่ถูกนัก เพราะทุกสิ่งที่เรียนมาคือประสบการณ์อันมีค่าที่สามารถเอาไปต่อยอดได้แน่นอน”ผมยกยิ้มนิดๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เจอมา “ยกตัวอย่างเช่นผมสามารถทำงานได้หลายอย่าง หรืออาจจะรู้เรื่องเยอะกว่าคนทั่วไปเพราะมีประสบการณ์ที่มากกว่า แถมยังจบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์เกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วย…”

“…”

“ผมคิดว่าความสามารถและโปรไฟล์ของตัวเองดีพอที่จะยืนเคียงข้างทายาทของRKได้แน่นอนครับ”

คุณท่านเผยรอยยิ้มน้อยๆ ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นกองเมื่อเห็นว่าดวงตาคู่นั้นมีความพอใจปะปนอยู่ พอได้พูดสิ่งที่อยากพูดทั้งหมดก็เหมือนจะหมดแรงกะทันหัน ผมก้าวถอยหลังเพื่อทรงตัวไว้ ดีที่มีฝ่ามืออบอุ่นของคนด้านหลังช่วยประคองไว้อีกที

 “ไหวหรือเปล่า”โซโล่ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เขาทำท่าจะช่วยพยุงผมไปที่โซฟาแต่ผมรั้งตัวเอาไว้แล้วส่ายหน้าให้

ยังมีอีกเรื่องที่ผมอยากถามคุณท่าน

“คุณท่านครับ”ผมเม้มปาก ใจเต้นแรง พยายามเค้นแรงที่มีเพื่อถามคำถามที่คาใจมาตลอด “ไม่ทราบว่าที่ผมต้องทำงานแทบทุกตำแหน่ง…เป็นคำสั่งของคุณท่านหรือเปล่าครับ”

คือได้เข้าห้องผู้บริหารแล้ว…ตอนนี้เหลือแค่นั่งเก้าอี้ผู้บริการก็ครบแล้วจริงๆ

“แพทให้นายทำแบบนั้นเหรอ”คุณท่านเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยคุณท่านก็ไม่ได้เกี่ยวขะ… “ฉันแค่สั่งให้เขาช่วยให้นายหาคำตอบให้ได้ไวๆ…ถึงจะบอกว่าให้เวลาช่วงฝึกงานทั้งหมด แต่ฉันก็ไม่ได้มีความอดทนเท่าไหร่”

“…”

เข้าใจแล้วว่าทำไมเป็นพ่อลูกกันได้

“คุณท่าน ทำไมแกล้งคุณกีล์แบบนั้นล่ะครับ”คุณเจย์ก็พูดเหมือนจะช่วยนะ แต่เขายิ้มกว้างกว่าไอ้เบียร์ตอนเห็นสภาพผมแรกๆเสียอีก

“ก็ไม่ได้คิดว่าแพทจะใช้วีธีนี้เหมือนกัน…นายก็ทนเอาแล้วกัน อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้ว”

“เดี๋ยวนะครับ…”ผมยกมือทั้งสองขึ้นเป็นเชิงให้คุณท่านหยุด เหมือนจะลืมเลือนมารยาทไปชั่วขณะ “ที่คุณท่านพูดนี่หมายถึง…”

“อืม…”คุณท่านตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ผมนี่อยากจะเทตัวลงกับพื้นเสียเดี๋ยวนี้ “ถ้าคำตอบของนายคือการยืนข้างโซ ฉันก็จะสั่งให้ทำแบบนั้นอยู่แล้ว นายต้องรู้จักคนให้มาก รู้จักงานให้เยอะ เพราะงั้นก็ทำต่อไป”

“ผมก็ทำมาแล้วนะครับคุณกีล์”คุณเจย์ยิ้มสดใสเหมือนอยากจะช่วยให้ผมมีกำลังใจขึ้น

“กีตาร์…เบะปากทำไม เหนื่อยมากเลยเหรอ”

“หน้าพี่กีล์โคตรฮาอะ”

ขนาดเก้ายังลุกขึ้นมานั่งขำ…

ให้ตายเถอะ

 

 

ผมกำลังไม่เข้าใจว่าเรามาอยู่ที่ร้านไอศกรีมกันได้ยังไง แล้วเราที่ว่านี่หมายถึงเราทั้งห้าด้วยนะ แม้แต่คุณท่านยังมาด้วย ถึงผมจะบอกว่าเหลือเวลามากพอควรกว่าจะถึงเวลาขึ้นเครื่อง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะอยากไปไหนเสียหน่อย

"เอาอันนี้สองถ้วย"ตัวต้นเหตุที่อยากกินของหวานเป็นคนแรกชี้สั่งเมนูที่ต้องการอย่างรวดเร็ว

"คุณท่านทานอะไรดีครับ"

"กินกับนายนั่นล่ะ"

ถ้าเป็นปกติผมคงนั่งมองแล้วยิ้มให้ประโยคสนทนาพวกนี้ แต่บอกตรงๆตอนนี้ไม่มีอารมณ์

"กีตาร์กินอะไรไหม"

ผมส่ายหัว พยายามเอนหลังหาท่าที่สบายเพื่อพักสายตา แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้นคนข้างๆก็ขยับเข้ามาโอบไหล่แล้วรั้งให้ผมพิงตัวเขาไว้เสียก่อน

"ท่านี้สบายกว่า"

"ขอบคุณครับ"ผมอมยิ้ม รู้สึกดีกับความใส่ใจเล็กๆน้อยๆที่ห่างหายไปนาน

เรื่องมารยาทต่อหน้าคุณท่านขอโยนทิ้งไปสักครั้งก็แล้วกัน

"ฉันจะช่วยบอกแพทให้"อยู่ๆคุณท่านก็พูดขึ้นมา ผมที่กำลังจะหลับลืมตาโดยอัตโนมัติ หันไปมองหน้าเจ้าหมาก็เห็นแต่หัวที่ส่ายดุ๊กดิ๊กเป็นเชิงบอกว่าตัวเองไม่รู้เรื่อง

"คุณท่านหมายถึง..."

"เรื่องที่เธอหยุดงานมาวันนี้"คุณท่านพูดด้วยเสียงเอื่อยเฉื่อย "จริงๆก็ไม่ได้อยากจะยุ่ง ยังไงเธอก็มาโดยพลการเอง...ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ไม่ใช่โซหรอกที่มาขอ เพราะถ้าเจ้านี่ขอเองเธออาจจะโดนหนักกว่าเดิม"

ถ้างั้นคนที่ขอแล้วคุณท่านยอมก็คงเป็น...

"ผมเปล่านะครับ"คุณเจย์ปฏิเสธทันทีที่ผมหันไปมอง ดูจากปฏิกิริยาแล้วก็คงไม่ใช่จริงๆ งั้นก็เหลือแค่...

"ผมขอพ่อเองอะ"เด็กแสบที่กำลังคาบช้อนไอศกรีมไว้ในปากยอมรับหน้าตาย "เห็นพี่เหนื่อยไรงี้ไง แล้วก็มาเพื่อเพื่อนผมทั้งที"

"แล้วคุณท่านยอม..."

"จ๋าบอกว่าพ่อเพื่อนก็เหมือนพ่อเรา"

"จ๋า?"

"อือ...จ๋า"

ผมยกมือกุมขมับ รู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ สุดท้ายก็คิดว่าการเลิกสนใจเจ้าเด็กนี่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

"คุณท่านครับ ผมเลือกมาเอง เพราะงั้น..."

"เอาเป็นว่าฉันจะพูดให้เพราะเห็นแก่ที่เธอมาช่วยจัดการเรื่องลูกฉันแล้วกัน อีกอย่าง...ถือเป็นการไถ่โทษที่ให้โดนใช้งานหนักมานานโดยไม่ถามความเห็น ถือว่าเราหายกัน"คุณท่านพูดแค่นั้นแล้วก็ตักไอศกรีมทานเป็นการตัดบทสนทนา ไม่ปล่อยให้ผมพูดอะไรต่ออีก

"หึหึ"

ผมหันขวับไปมองหน้าเจ้าหมาข้างกาย ทันเห็นฉากที่เขาแปะมือกับเด็กแสบใต้โต๊ะพอดี

"ฝีมือเราสินะ"ผมกระซิบถาม หรี่ตามองอย่างจับผิด แต่เจ้าหมาก็ยังเนียนเอียงหัวกระพริบตาเหมือนไม่เข้าใจ "โซไปตกลงอะไรกับเก้าไว้สินะครับ"

ไม่งั้นมีหรือเด็กแสบจะยอมช่วยง่ายๆ

"กีตาร์พูดเรื่องอะไร"

"ยังเนียนอีก"ผมหยิกขาคนหน้านิ่งไปหนึ่งทีจนเจ้าตัวเบะปาก ลูบขาตัวเองป้อยๆ

"นี่ถ้าอาแพทไม่ได้สนิทกับพ่อนะ ผมจัดการด้วยตัวเองไปแล้ว"

"ยังอีก"ผมดุจนเจ้าหมาหน้าจ๋อย หันกลับไปตักไอศกรีมเข้าปากด้วยท่าทางน่าสงสาร

"..."

"ขี้อ้อนแล้วยังขี้งอนอีก"ผมบ่นเบาๆ ก่อนจะเอนหัวไปพิงไหล่หมาขี้งอนไว้เป็นเชิงง้อ

เรื่องอายเอาไว้ก่อนแล้วกัน เพราะอยู่แบบนี้แล้วมันสบายชะมัด...หมายถึงนอนน่ะนะ

.

.

ผมรู้สึกตัวตอนที่อยู่บนรถแล้ว ถึงจะยังมึนๆแต่ก็พอจำได้ลางๆว่าเดินหาวให้โซโล่จูงมาจนถึงรถ ตอนนี้ผมนอนอยู่ที่เบาะหลังคนเดียว มีเก้านั่งอยู่เบาะหน้าคู่กับโซโล่ที่เป็นคนขับ ส่วนคุณท่านกับคุณเจย์แยกไปอีกคันเพราะต้องกลับไปทำงาน

ตอนที่พวกผมมาถึงสนามบินเจ้าหมาดูเงียบมาก เขาไม่ได้งอแงแบบครั้งก่อนที่มาส่ง แม้แต่ตอนที่เดินมาถึงจุดที่ต้องแยกกันแล้วก็ยังนิ่งอยู่

“โซ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”ผมหันหน้าเข้าหาโซโล่ มองเขาด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรหรอก”

“แล้วทำไมเงียบผิดปกติ”

โซโล่เงียบไปครู่หนึ่งจนผมเริ่มใจดี แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อเขาก็จับหน้าผมไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็กดจูบลงมาบนหน้าผากเบาๆแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว

“กำลังทำใจ…”เขาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ ถึงจะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่ก็รับรู้ได้ถึงความเศร้าที่แฝงมากับน้ำเสียง “การต้องปล่อยมือจากคนสำคัญซ้ำๆไม่ใช่อะไรที่ทำได้ง่ายๆเลย”

พอได้ยินอย่างนั้นผมก็เริ่มเข้าใจความรู้สึกของโซโล่ช้าๆ ตอนแรกนอกจากเพลียและอยากนอนแล้วผมก็ไม่ได้นึกถึงอะไรเลย ไม่รู้ว่าปล่อยให้เจ้าหมาคิดมากอยู่คนเดียวมานานแค่ไหนแล้ว

ผมดึงมือเจ้าหมาออกจากหน้า ก้าวเท้าสั้นๆเข้าไปหา จากนั้นก็กอดคนหน้าเศร้าเอาไว้แน่นด้วยแรงเท่าที่ยังเหลืออยู่

“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายครับ”

ครั้งสุดท้ายที่ต้องห่างกันนานๆแบบนี้

“อืม”โซโล่กอดกลับ ถึงจะไม่เห็นสีหน้าของเขาแต่ผมก็รู้ว่าเรากำลังรู้สึกแบบเดียวกัน

เจ็บปวด…แต่ก็อยากให้มันมาถึงจะได้ผ่านไปไวๆ

เวลาคิดว่าอะไรจะเป็นครั้งสุดท้าย คนเรามักจะมีกำลังใจขึ้นมา แค่คิดว่าต่อจากนี้จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกก็พร้อมจะทำอะไรที่ไม่ชอบได้ทันที เวลาท้อก็แค่คิดว่าเดี๋ยวก็จบแล้ว เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว แค่นี้ก็จะรู้สึกมีกำลังใจทำต่อ…ซึ่งครั้งนี้เองก็เหมือนกัน

หลังจากที่เราผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ ในที่ที่มีเขาจะมีผมอยู่ด้วย ต่อให้บินไปที่ไหนผมก็อยู่ข้างๆได้เสมอ เพราะงั้นนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราต้องห่างไกลกันนานๆ

“หลังกลับมาแล้ว โซคงต้องให้พี่ยืมเงินหน่อยนะครับ”

“ได้…ว่าแต่จะเอาไปทำอะไรเหรอ”

“เอาไปเรียนต่อปริญญาโท…”ผมจับมือโซโล่ไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังที่สุดในชีวิต “แต่ขอเวลาพี่นอนสักเดือนสองเดือนนะ”

พี่จะตายแล้วครับ

-----------------------------

 แจ้งข่าว: ขณะนี้ปกเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ ใกล้เปิดจองแล้ว และเปิดยาวประมาณเกือบสองเดือน ใครต้องการก็เก็บเงินได้แล้วนะ หนังสือมี2เล่มค่ะ ส่วนเรื่องราคายังไม่ชัวร์แต่ไม่เกิน700 สามารถติดตามการอัพเดทได้ทางแฟนเพจเรา(Chesshire.) แฟนเพจสำนักพิมพ์(Yholicbooks) หรือทวิตเรา(@Chesshire04)นะคะ

นอกจากนี้ก่อนการเปิดจองเราจะมีกิจกรรมแจกหนังสือ1ชุด เร็วๆนี้ ใครที่สนใจก็ติดตามได้น้า

เหลือ2ตอนจะอัพในวันที่16 และ 23 ค่ะ ส่วนเรื่องของเก้าจะเริ่มอัพในเดือนพฤษภาคม

ขอบพระคุณที่ติดตาม



ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์

Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04

 

 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 09-04-2017 09:50:34
ไม่ต้องบรรยายอะไรมากแต่ตอนนี้มีความสุขมากที่สุดกับตอนนี้
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 09-04-2017 09:54:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 09-04-2017 09:58:27
 o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 09-04-2017 10:21:06
อ่านตอนนี้แล้วทำไมรู้สีกอิ่มใจไม่รู้ บรรยากาศมันดีขึ้นเรื่อยๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-04-2017 10:21:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 09-04-2017 11:12:46
จะจบแล้วหรอออ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-04-2017 11:31:18
 :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-04-2017 12:29:02
 :3123: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 09-04-2017 13:07:39
นางเก้าเธอจะเด่นเกินหน้าเกินตาไปแล้วนะ มาเด่นเรื่องคนอื่นไมดี๊ไม่ดีนะจ๊ะเธออออ รอไปโลดแล่นเรื่องของเธอนู่นน :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 09-04-2017 13:44:42
นั่งหยอดกระปุก  :o8: :o8: :o8: พี่กีล์......
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 09-04-2017 14:15:21
ห่างกันอีกแปปเดี๋ยวก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ววว :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2017 14:25:59
 o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 09-04-2017 14:50:33
เป็นกำลังใจให้กีล์
เพื่อการเป็นคนรวย และยืนเคียงข้างคนรวย ต้องพยายามหน่อยนะพี่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 09-04-2017 15:40:41
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 09-04-2017 16:44:24
 :pig4:                     :pig4:                     :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 09-04-2017 16:46:45
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 09-04-2017 16:47:51
ทำไมดีต่อใจอะไรเบอร์นี้   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-04-2017 19:05:29
โซโล  เข้าใจก็ดีแล้ว
กีล์ ก็ไม่หนักใจ ร่วมสู้ไปด้วยกัน
แถมคุณท่านรับรู้ ว่ากีล์พร้อมจะเดินเคียงข้างโซโล่แล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 09-04-2017 19:07:07
กีล์เป็นคนน่ารักมีเหตุผลตลอด
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 09-04-2017 22:23:48
เก้านี่เป้นกาวใจให้ทุกคนเลยเน๊อะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 10-04-2017 05:29:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-04-2017 09:13:04
ดีขึ้นมากเลย รู้สึกดี
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-04-2017 13:42:48
พี่กีล์สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 13-04-2017 04:48:25
อ่านทันแล้ว เป็นเรื่องที่ดีมากสนุกครบทุกรส ภาษาดี ตัวละครไม่งี่เง่า ดีมาก เพลินสุดๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 15-04-2017 18:14:05
สู้เค้านะทั้งคู่เลย
ช่วยส่งกำลังใจไปอีกแรงนะ

ปล.ชอบเก้ามากจริงๆ #ทีมเก้า ตลอดไปปปปป
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER41 P.29 [9/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 16-04-2017 00:03:34
-42-

 

ถึงจะใช้เวลามากไปหน่อยแต่ผมก็ค่อยๆชินกับการทำงานหนักช้าๆ คุณท่านไม่ได้โกหกแต่อย่างใด เพราะหลังจากกลับมาผมก็ไม่ได้โดนคุณแพทตำหนิอะไร และแน่นอน...ยังทำงานหนักเหมือนเดิมด้วย

ผมได้คุยกับโซโล่น้อยลง บางทีอาจน้อยกว่าช่วงที่เขางอแงด้วยซ้ำ คุณเจย์บอกผมว่าโซโล่ตั้งใจทำงานขึ้นมาก ทั้งเรียน ทั้งทำงาน เขาดูจริงจังแล้วก็เหมือนคุณท่านมากขึ้นทุกที แต่ถึงเราจะไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ก็ไม่เป็นปัญหา บางทีได้คุยกันอาทิตย์ละครั้งก็ถือว่าดีมากแล้ว และผมคิดว่าการได้คุยกันนานๆครั้งก็มีข้อดีอยู่บ้าง

เพราะมันทำให้รู้ว่าเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันมันมีค่ามากแค่ไหน

แค่ห้าหรือสิบนาทีที่ได้คุย ก็ทำให้ความรู้สึกเหนื่อยล้าเจือจางลงได้อย่างน่าประหลาด

"อีกสองวัน"ผมย้ำกับตัวเอง รู้สึกเหมือนรอยยิ้มที่มีกว้างขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที พรุ่งนี้เป็นวันหยุดที่ผมจะได้พักผ่อนอยู่เฉยๆ และวันถัดไปก็จะได้กลับกรุงเทพแล้ว

"ไม่ต้องทำท่าดีใจขนาดนั้นก็ได้มั้ง"เบียร์ที่ยืนถือม้วนกระดาษอยู่ข้างผมทัก "หมั่นไส้คนมีความรัก"

"มึงก็มีดิ"ผมหันไปแซว เบียร์มันทำหน้าแหยง โบกมือปฏิเสธ

"ไม่ล่ะ"

ผมได้ส่ายหน้ากับความคิดของคนหวงอิสระ เบียร์มันเคยพูดตั้งแต่ปีหนึ่งว่ามีแฟนก็เหมือนมีเชือกคล้องคอ ขออยู่เป็นอิสระไปตลอดชีวิตดีกว่า

ตอนนั้นผมก็เห็นด้วยกับมันอยู่หรอก แต่ชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว ความรักจะเข้ามาตอนไหนเราก็คงบอกไม่ได้ ผมเองก็เพิ่งเข้าใจตอนที่มีหมาฮัสกี้เดินเข้ามาในชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน

"ใกล้แล้วว่ะ"

ผมมองตามสายตาเบียร์ ดูรีสอร์ทที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนด้วยความภูมิใจ รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ที่นี่มาจนถึงจุดนี้ได้ ถึงผมกับเบียร์จะไม่ได้อยู่เห็นที่นี่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ดีใจที่ได้เห็นตั้งแต่มันก่อตัวจากความว่างเปล่า

"ตอนกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราคงไม่ได้มาในฐานะแบบนี้แล้ว"พูดแล้วก็ใจหายอยู่หน่อยๆที่การกลับมาครั้งหน้าผมจะไม่ได้มาในฐานะของพนักงานคนหนึ่งแล้ว แต่ผมก็เชื่อว่าความภูมิใจและมิตรภาพที่เกิดกับคนในทีมรวมถึงคนในบริษัทจะไม่จางหายไปตามวันเวลาแน่นอน

"ไอ้น้อง!วันนี้คุณแพทเลี้ยงนะ!"พี่ทีมงานคนหนึ่งตะโกนบอกพวกผม พอเบียร์มันหันไปตอบตกลงเขาก็กลับไปคุยกันต่อ

"ไม่ใช่เขาจะเลี้ยงกันหลังงานเสร็จเหรอวะ"ผมถามมันด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้คุณแพทเคยบอกอยู่ว่าจะเลี้ยง แต่นี่งานยังไม่เสร็จดีเลย ผมเลยไม่คิดว่าเขาจะเลี้ยงตั้งแต่ตอนนี้

"เห็นว่าอยากเลี้ยงเราด้วย เขาบอกว่าถ้าพวกเรากลับไปแล้วค่อยเลี้ยงทีมก็ไม่ครบดิวะ"เบียร์ว่าแล้วหันไปมองพวกพี่ๆที่กำลังทำงานกัน ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างจากมันเท่าไหร่ รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้ ได้เข้ามาทำงานที่นี่ มันเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากจริงๆ

ผมมองบรรยากาศริมทะเลด้วยความรู้สึกสดชื่น การได้มาทำงานต่างจังหวัดแบบนี้ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งไม่น้อย ยิ่งได้มาดูงานที่รีสอร์ทติดทะเลก็ยิ่งรู้สึกดีเข้าไปใหญ่ ไม่รู้จะมีโอกาสได้มาอีกตอนไหนเหมือนกัน

"ชินแล้วสิ"คุณแพทเดินมายืนอยู่ข้างๆผมแทนที่เบียร์ที่เดินไปทำงานอีกฝั่ง เขามองตรงไปทางทะเลด้วยสายตาที่ไม่ได้ดูเคร่งขรึมเหมือนช่วงแรก

"น่าจะชินแล้วครับ"ผมหัวเราะ จะบอกว่าชินกับความง่วงสะสมก็คงใช่ แต่ถ้ามีเวลาให้นอนก็นอนอยู่ดี "นี่ก็ทำงานวันสุดท้ายแล้วด้วย"

"นั่นสินะ...เจอกันอีกทีอาจเป็นผมที่ต้องฟังคำสั่งคุณแล้วล่ะมั้ง"

"ไม่หรอกครับ"ผมรีบตอบด้วยความเกรงใจ ใครจะกล้าสั่งเขากัน ดูเหมือนโซโล่จะนับถือเขาเป็นอาด้วยซ้ำ

"ผมได้ข่าวว่าลินดาทำความเดือดร้อนไว้ให้พวกคุณเมื่อหลายเดือนก่อน ต้องขอโทษจริงๆ"

"คุณแพทรู้จักคุณลินดาด้วยเหรอครับ"ผมถามด้วยความประหลาดใจ

"ลูกสาวผมเอง"คุณแพทถอนหายใจหนักหน่วง "ผมแยกทางกับภรรยาก่อนจะมาไทย เธอเป็นคนดูแลลินดา แต่เพราะเธอค่อนข้างจะไร้ความรับผิดชอบ ก่อนมาที่นี่ผมเลยขอให้คุณซีช่วยดูแลลินดาให้ เพราะลินดากำลังทดลองงานในฐานะเลขาแทนเจย์ที่ต้องมาทำธุระที่ไทย"

แบบนี้นี่เอง...ดูๆแล้วถึงคุณแพทจะอายุมากกว่าคุณท่านไม่น้อย แต่ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงอยู่ในฐานะเพื่อนมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง เพราะก่อนหน้านี้คุณท่านก็เคยบอกว่าเพื่อนเป็นคนฝากให้ช่วยดูแลคุณลินดา

"แล้วตอนนี้คุณลินดา..."ผมถามอย่างไม่มั่นใจนัก ไม่แน่ใจว่าควรพูดเรื่องที่คุณลินดาถูกส่งตัวกลับไปแล้วหรือเปล่า

"ถูกส่งกลับไปแล้ว...ผมรู้ แค่คุณซีเมตตาไล่กลับไปเฉยๆก็ดีมากแล้ว เล่นไปแตะต้องคนสำคัญ ใครก็ต้องโมโหเป็นธรรมดา"คุณแพทว่าแล้วหันมาหาผม เขาตบไหล่ผมเบาๆแล้วส่งยิ้มให้ "ผมกับคุณซีรู้จักกันตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ที่มาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะคุณซีเมตตาเห็นเป็นเพื่อนแล้วรับมาทำงานด้วย ที่ผมอยากจะบอกก็คือ ผมเห็นโซโล่มาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ เขาอาจจะทำตัวมีปัญหาไปบ้างแต่ก็เป็นคนดี คุณก็ช่วยดูแลเขาหน่อยแล้วกันนะ"

"ครับคุณแพท"ผมรับคำด้วยความหนักแน่น ต่อให้คุณแพทไม่บอกผมก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่พอได้ยินโดยตรงแบบนี้ก็อดคิดไม่ได้...

ที่คุณเจย์เคยบอกว่าโซโล่มีคนมากมายอยู่เคียงข้างแต่เขามองไม่เห็นคงเป็นเรื่องจริง

"หลังเลิกงานคุณก็เต็มที่แล้วกัน ถือว่าผมเลี้ยงส่ง"

"ขอบคุณครับ"

"ติดต่อไปหาเจย์ด้วย เขาบอกผมว่าเขาติดต่อคุณไม่ได้ ตอนนี้เลยก็ได้ เผื่อมีธุระอะไรสำคัญ"คุณแพทบอกลาผมแล้วเดินไปอีกทาง

ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ไม่แปลกที่จะไม่รู้ว่ามีคนโทรมา ปกติเวลางานผมไม่เคยเปิดเสียงอยู่แล้ว แถมคนที่จะติดต่อมาก็ไม่ได้มีมากมายอะไร จะบอกว่าผมไม่สนใจโทรศัพท์เลยสักนิดก็คงได้

2สาย...

ผมรีบกดโทรศัพท์หาคุณเจย์ ถึงเขาจะโทรมาแค่สองสายแต่ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาคุณเจย์ก็ไม่เคยติดต่อมาโดยไร้เหตุผลเลยสักครั้ง

[สวัสดีครับ]

"คุณเจย์ ผมเห็นว่าคุณติดต่อมา เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ"

[คุณชายไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ] คุณเจย์หัวเราะ น้ำเสียงรู้ทันของเขาทำให้ผมรู้สึกเขินอยู่หน่อยๆ

"แล้วมีอะไรเหรอครับ"

[ผมจะบอกว่าพรุ่งนี้ผมกับคุณท่านจะเดินทางไปอังกฤษครับ หลังจากนี้คุณชายคงวุ่นวายพอสมควร เขาอาจจะมีเวลาน้อยกว่าเดิมเพราะต้องเร่งจัดการงานให้ทันก่อนปิดเทอม]

"คุณท่านกับคุณเจย์จะไปกันนานเหรอครับ"ผมถาม เริ่มรู้สึกเป็นห่วงคนที่ต้องทำงานไปเรียนไปมากกว่าเดิม

[อาจจะอยู่จนถึงเวลาเปิดเทอมของคุณชายเลยครับ ตอนแรกคิดว่าจะรอกลับพร้อมกันตอนคุณชายปิดเทอม แต่พอดีมีปัญหานิดหน่อย...คุณพ่อของคุณท่านเสียเมื่อวานน่ะครับ]

"คุณปู่ของโซเหรอครับ"ผมถามด้วยความตกใจ รู้สึกเป็นห่วงโซโล่มากขึ้นเรื่อยๆ

[ใช่ครับ...แต่คุณกีล์ไม่ต้องเป็นห่วง คือคุณชาย...ไม่ค่อยสนิทกับคุณปู่เท่าไหร่หรอกครับ จะบอกว่าไม่เคยเห็นหน้ากันเลยก็คงไม่ผิด]

"อ่าว..."ผมสงสัยอยู่นิดหน่อยแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวเขา ไม่เข้าไปยุ่งน่าจะดีกว่า "แล้วที่บอกว่าตอนแรกจะไปพร้อมกัน..."

[ครับ...คือตอนแรกคุณท่านจะพาคุณชายกลับไปพักผ่อนที่อังกฤษในช่วงปิดเทอม นี่ก็ต้องรอคุณชายปิดเทอมแล้วค่อยให้บินตามไปทีหลัง...]

ผมรู้สึกห่อเหี่ยวอยู่นิดหน่อยเมื่อคิดว่าต้องห่างกับเจ้าหมาอีกแล้ว...ช่วงปิดเทอมนี่มันกี่เดือนกันนะ ได้เจอกันแล้วก็ต้องห่างกันอีก…

[คุณกีล์ก็ต้องไปด้วยครับ]

"อะไรนะครับ"ผมกระพริบตาปริบๆ จะบอกว่าฟังผิดก็ไม่น่าใช่

[คุณกีล์ต้องไปด้วยครับ...เป็นคำสั่งจากคุณท่าน ท่านบอกว่าหลังจากคุณฝึกงานเสร็จแล้วห้ามห่างกับคุณชายอีก ยกเว้นแค่ตอนเรียนเท่านั้น ที่ไปอังกฤษก็ให้ไปดูแลคุณชาย ถึงจะเหมือนไปพักผ่อนก็ต้องดูแล]

ทำไมรูปประโยคมันดูแปลกๆ...แล้วคนพูดก็รู้ตัวด้วยนะ เพราะเขากำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถเลยทีเดียว

[มัม!]

เสียงเด็ก?

[เอ่อ...ผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้เจอกันครับคุณกีล์]

ผมมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปด้วยความงุนงง เมื่อครู่เสียงที่ผ่านเข้ามาในสาย...มันเป็นเสียงเด็กแน่นอน แล้วมันก็ฟังดูคุ้นหูมากด้วย

เหมือนกับ...

"กีล์!มาทางนี้หน่อย!"

"ครับ!"

ผมปัดเรื่องในหัวทิ้งไปแล้วหันไปให้ความสนใจกับงานแทน เอาไว้ค่อยถามตอนเจอกันก็คงไม่สาย

 

 

“แก้วสุดท้ายไอ้น้อง”

“แก้วสุดท้ายน่ามึง”

แก้วสุดท้าย…

จะบอกว่าผมได้ยินคำว่าแก้วสุดท้ายติดต่อกันมาเป็นชั่วโมงแล้ว อาจเพราะแลดูดื่มน้อยที่สุดในกลุ่มเลยโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ นี่ก็โดนพวกพี่ๆเขาจับยัดไม่หยุดติดต่อกันมานานกว่าการได้ยินคำว่าแก้วสุดท้ายเสียอีก ส่วนไอ้เบียร์…มันก็เป็นหนึ่งในคนที่ส่งแก้วให้ผมเรื่อยๆนั่นล่ะ

พอโดนคะยั้นคะยอมากเข้าผมก็ต้องดื่มจนได้ โชคดีที่เป็นคนดื่มแล้วไม่เละเทะเหมือนเพื่อนเลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเท่าไหร่ แต่โดนติดๆกันแบบนี้ก็มึนอยู่เหมือนกัน

“กูไปเดินเล่น เดี๋ยวมา”ผมสะกิดไหล่เบียร์ กระซิบบอกมันแล้วลุกขึ้นเดินเซๆออกมาจากกลุ่ม ดีที่พวกเขาเริ่มเมากันหมดแล้วเลยไม่มีใครสนใจเท่าไหร่

ผมออกมาเดินเล่นอยู่ริมหาดเพราะจำได้ว่าพี่ๆในบริษัทเคยบอกว่าวิวหาดตรงนี้สวยมาก ช่วงแรกๆผมทำงานอยู่ในบริษัทเลยไม่มีโอกาสได้เห็นอยู่แล้ว พอช่วงหลังๆได้มาที่นี่บ่อยๆก็ทำงานจนลืมเวลา เลิกงานแล้วก็รีบกลับไปนอนเลยไม่เคยได้สังเกตเลยสักครั้ง วันนี้มีโอกาสได้มาเดินริมหาดแบบนี้ มันทำให้รู้ว่าที่ได้ยินใครๆพูดมาคงไม่ผิดนัก…ภาพท้องฟ้าที่ตัดกับน้ำทะเลตรงนี้เป็นอะไรที่สวยมากจริงๆ

ครั้งที่สาม…

ครั้งที่สามแล้วที่ผมได้มาเดินอยู่ริมทะเลแบบนี้ แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆตรงที่ข้างๆผมไม่มีใครอีกคนเดินอยู่ด้วย

ครั้งแรกที่ผมได้เดินอยู่ริมทะเลแบบนี้คือตอนรับน้อง จำได้ว่าตอนนั้นโซโล่ลากผมออกมาหลังจากผมบอกชอบเขากลางเวที เราวิ่งไล่กันจนลงไปกองกับพื้นทั้งคู่ และมันเป็นครั้งแรก…ที่เราจูบกัน

ครั้งที่สองคือตอนที่โซโล่บอกว่าจะหนี ตอนนั้นผมเหนื่อยจากการทำงานและการเร่งเดินทางมาหาคนที่เป็นห่วงมาก พอเห็นสภาพของเขาแล้วก็รู้สึกแย่ และถึงจะไม่ได้มีความทรงจำอะไรเท่าไหร่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าดีใจจริงๆที่ได้เห็นหน้า

และนี่คือครั้งที่สาม…

ผมนั่งยองๆลงกับหาดทราย มองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่มืดมิด ไม่รู้ว่าเพราะแอลกอฮอล์หรือเปล่าถึงได้คิดอะไรมั่วไปหมด เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าเวลามันผ่านไปไวขนาดไหน

ถ้ามาอยู่ข้างๆกันได้ก็คงดี…

ผมสะบัดหัว ตัดความคิดที่จะทำให้รู้สึกห่อเหี่ยวออกไป ต้องมองในแง่ดีว่าอีกสองวันจะได้เจอกันแล้วมากกว่า

แค่สองวันเอง…คิดแบบนี้ในใจมาตั้งแต่กี่เดือนกันนะ

อยู่ๆก็รู้สึกล้าจนต้องนั่งลงกับหาดทรายแล้วเอนตัวลงนอน ผมหลับตาลงเพื่อให้สามารถรับลมที่พัดเข้ามากระทบใบหน้าได้อย่างเต็มที่ หวังให้ความเย็นสบายลบล้างความรู้สึกแย่ๆออกไปจากใจ

เมาแล้วอารมณ์อ่อนไหวจริงๆ…

ผมหัวเราะกับความคิดตัวเองโดยไม่ได้ลืมตา

เพิ่งรู้ว่าการรักใครสักคน มันทำให้เราเป็นได้มากขนาดนี้

“คิดถึง…”

คิดถึงจริงๆนะ

“คิดถึงเหมือนกัน…”

นี่เพ้อถึงขนาดได้ยินเสียงเลยเหรอเนี่ย…ท่าจะเป็นเอามาก

“ถ้ากีตาร์ยังไม่ยอมลืมตา ผมจะลากลงไปกินในน้ำ”เสียงทุ้มต่ำเจือความขบขันที่อยู่ใกล้เกินเหตุทำให้ผมต้องถ่างตาขึ้นมากะทันหัน

นี่มันไม่ใช่เพ้อแล้ว…

“โซ!”

เจ้าของดวงตาคมที่กำลังก้มมองผมยกยิ้มเป็นเชิงตอบรับ ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยื่นมือสั่นเทาไปแตะแก้มขาวเบาๆเป็นการยืนยันว่าไม่ได้คิดไปเอง

ตัวจริง...

โซโล่ที่นั่งอยู่เหนือหัวใช้มือข้างหนึ่งแตะแก้มผมกลับ เขาโน้มหน้าลงมากดจูบเบาๆที่ข้างแก้มแล้วผละออก

“มารับแล้วครับ”

ผมยิ้มกว้าง รีบลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปหา เพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาดูสุขุมกว่าปกติ แต่ไม่ว่าจะเพราะชุดสูทที่ใส่อยู่หรือเพราะทรงผมที่ถูกเซต…เขาก็ยังเป็นเจ้าหมาขี้อ้อนของผมอยู่ดี

“กอดหน่อย”ผมอ้าแขนออก กระดิกนิ้วเรียกให้ขยับเข้ามาหา

“หืม…มาแปลก”โซโล่พึมพำแต่ก็ขยับเข้ามากอดผมไว้ตามที่ขอ “นี่เมาเหรอ กลิ่นหึ่งเลย”

“ครับ…เมา”ผมตอบ กระชับอ้อมแขนให้แน่นกว่าเดิมแล้วซุกตัวเข้าหาอกอุ่นๆที่ทำให้รู้สึกสบายใจ “เขาบอกว่าคนเมาทำอะไรก็ไม่ผิด”

“อ้อน…”โซโล่หัวเราะ เขาโยกตัวไปมาช้าๆเหมือนจะกล่อม “ต้องให้เมาบ่อยๆแล้วมั้งแบบนี้”

“ชอบเหรอ”

“ชอบทุกอย่างที่เป็นกีตาร์นั่นล่ะ”

“อือ…”ผมอยากมองหน้าเขาแต่ก็ไม่อยากออกจากอ้อมกอดอุ่นๆ สุดท้ายเลยเงยหน้ามองทั้งที่ยังกอดอยู่ ถึงจะเมื่อยคอหน่อยๆก็ไม่เป็นไร

“มองอะไร”โซโล่ถาม เขาใช้มือที่ไม่ได้กอดเอวผมไว้บีบจมูกผมเบาๆเหมือนจะแกล้ง

“มาได้ยังไงครับ”

“งานเสร็จเลยมา เหลือแค่รอปิดเทอมก็ไปอังกฤษกันได้แล้ว”

"ไหนคุณเจย์บอกจะยุ่งไง"

"เจย์โม้"

“ดีใจที่มา”ผมยิ้ม ขยับตัวลงไปนอนตักโซโล่แทนเพราะเริ่มเมื่อย

“นี่เหล้าทำให้กีตาร์เป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ”

“นั่นสินะ…”

จะบอกว่าจริงๆผมไม่ได้พูดไปโดยไม่รู้สึกตัวหรอก แค่มึนหัวกับเดินไม่ตรงเท่านั้นเอง ก็แค่รู้สึกว่าได้อยู่ด้วยกันแล้ว ไม่รู้จะลีลาอะไรอีก อยากกอดก็บอกว่าอยากกอดไปเลยดีกว่า ในเมื่อไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามากอดเราตอนไหน อยากได้อะไรก็ขอมันทันใจกว่าเป็นไหนๆ

แต่ก็ต้องยอมรับว่าแอลกอฮอล์ทำให้ผมหน้าหนากว่าเดิมจริงๆ…

“กีตาร์อยากสร่างเมาไหม”คนที่ยังคิดว่าผมเมาถาม ผมชะงักไปเมื่อเห็นว่าเขาถอดเสื้อสูทตัวนอกออกแล้ววางไว้ข้างตัว น่าแปลกที่รอยยิ้มของเจ้าหมาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างเคย แต่มันกำลังทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัวแปลกๆ

“ไม่ดีกว่า…”

“ไม่ทันแล้ว”

“โซ!”ผมเบิกตากว้างเมื่อถูกยกจนตัวลอย เจ้าหมาที่แรงเยอะผิดมนุษย์อุ้มผมขึ้นแล้ววิ่งไปทางทะเลอย่างรวดเร็ว

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจะเจออะไร…

ตูม!

“แค่ก…ไอ้หมา!”ผมผุดตัวขึ้นมาจากทะเลแล้วยืนสำลัก อยากจะพูดอะไรสักล้านคำแต่ตอนนี้ยังพูดไม่ออก

“น่ารักว่ะ”โซโล่หัวเราะแล้วกดชัตเตอร์ไม่หยุด ไม่รู้ไอ้หมาบ้าไปเอากล้องมาจากไหน แต่ที่แน่ๆคือเรื่องนี้เป็นการวางแผนมาแต่แรกแน่นอน

“นิสัยไม่ดี!”ผมกวักน้ำใส่คนที่ยังเปียกแค่ครึ่งตัว หลังหยุดไอแล้วก็พุ่งเข้าไปหาแล้วกดหัวคนขี้โกงลงน้ำโดยไม่ให้ตั้งตัว

สมน้ำหน้า

"เอาคืนเหรอ"โซโล่ที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำเหยียดยิ้ม ผมก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นหน้าตาไม่น่าไว้ใจของเขา แต่ก่อนจะได้เดินไปไหนก็ถูกรวบเอวไว้จากด้านหลังเสียก่อน "ผมดำน้ำเก่ง..."

"เอ่อ...ครับ"

"กลั้นหายใจได้นาน"

"..."เวรละ

"แข่งกันหน่อยไหม"

"ไม่!....อุบ"

ผมเบิกตากว้าง รีบสูดหายใจเข้าเพื่อเก็บอากาศไว้เมื่อโดนรั้งตัวให้จมลงไปใต้น้ำพร้อมกับคนข้างหลัง

ไอ้หมานี่มันเอาจริง!

แล้วไอ้รอยยิ้มตอนอยู่ใต้น้ำนี่มันอะไรกัน...

ผมพยายามชี้ที่ปากตัวเองเป็นเชิงบอกว่าจะไม่ไหวแล้ว แต่คนที่กอดเอวไว้ก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนออก

มืดแล้วยังเล่นแบบนี้อีก...นี่ถ้าไม่ใกล้กันจริงๆคงมองไม่เห็นหน้ากันด้วยซ้ำ

และในวินาทีที่ผมกำลังจะหมดลมหายใจ ริมฝีปากนุ่มของคนที่มองดูอยู่ตลอดก็กดทับลงมา ส่งผ่านอากาศเข้ามาให้ ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เผยอปากรับอยู่อย่างนั้น แม้แต่ตอนที่ถูกดันขึ้นมาจากน้ำโดยที่ยังจูบกันอยู่ผมก็ยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ

"รัก..."โซโล่กระซิบ เกี่ยวเอวผมให้แนบชิดมากขึ้น

"พี่...อื้อ"ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเขาก็กดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง อาศัยจังหวะที่ผมกำลังอ้าปากส่งผ่านลิ้นร้อนๆเข้ามาข้างใน…มันไม่ใช่จูบที่เอาปากแตะปากกันเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ก็ไม่ใช่จูบร้อนแรงเหมือนจะแผดเผากัน มันยังคงเป็นจูบอ่อนโยนตามแบบฉบับของโซโล่ที่ให้เกียรติผมเสมอ ต่างกันแค่ครั้งนี้ผมไม่สามารถทรงตัวไว้ได้ รู้สึกเหมือนแข้งขาไร้เรี่ยวแรงจนต้องกำเสื้อเชิ้ตของเขาเอาไว้แน่นเพื่อทรงตัว เราจูบกันอยู่เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เมื่อลมหนาวพัดเข้ามาจนผมตัวสั่นเขาก็หยุดทุกอย่าง

ผมยืนนิ่งทำอะไรไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง จวบจนเขาพาผมขึ้นมาบนฝั่ง หยิบเสื้อสูทที่วางทิ้งไว้มาสวมให้แล้วผมก็ยังนิ่งอยู่

"ฮัลโหล...มีใครอยู่ไหม"โซโล่เคาะหัวผมเบาๆแล้วหัวเราะเสียงดัง

"เล่นอะไรเนี่ย..."ผมหน้าตึง หันไปคนข้างๆด้วยสายตาเชือดเฉือน

"ทำเหมือนไม่เคย"

"ก็ไม่เคย!..."ขนาดนี้นี่

"ไม่เคยอะไร"คนขี้แกล้งเอียงคอถามเหมือนสงสัยเสียเต็มประดาทั้งที่ก็รู้อยู่แล้ว

"ไม่คุยแล้วครับ พี่หนาว"ผมตัดบทแล้วเดินหนี ไม่สนใจคนที่เดินตามมาด้านหลังอีก

ดีที่ตอนนี้เป็นตอนกลางคืน...ไม่งั้นผมคงโดนหมาบ้าล้อเพราะหน้าแดงแน่ๆ

"กีตาร์ยิ้มหน่อย..."คนพูดวิ่งนำมาด้านหน้าแล้วชูกล้องขึ้นก่อนจะกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็ว "อ่าว...."

"อะไรครับ"

"ยิ้มอยู่แล้วนี่นา"

"ไอ้หมา!"

ไอ้มาดลูกชายผู้บริหารตอนแรกมันหายไปไหนหมดเนี่ย…

 

 

ผมกับโซโล่เดินกลับมาที่ร้านเดิมที่พวกพี่ๆกำลังดื่มกันอยู่ คงเพราะเป็นร้านริมทะเลมันเลยมีพื้นที่ค่อนข้างเยอะ ยกตัวอย่างเช่นผมเห็นร่างของพี่บางคนนอนกองอยู่บนหาดเกลื่อนกลาดแทนที่จะเป็นเก้าอี้ร้าน ส่วนเบียร์มันยังนั่งรวมกลุ่มกับคนอื่นดื่มอยู่เลย

โซโล่โอบไหล่ผมแล้วเดินเข้าไปหาคุณแพทที่นั่งรวมอยู่กับผู้เหลือรอด ซึ่งดูเหมือนจะมีพี่ๆจากแผนกอื่นๆมาแจมด้วยมากพอควร

"อาแพท"

เรียกคนเดียวแต่หันทั้งกลุ่ม

"คุณชาย!"คุณแพทเบิกตากว้าง รีบลุกขึ้นมากอดโซโล่ "มาได้ยังไงเนี่ย"

"ผมมารับกีตาร์ครับ"

"กีตาร์?"คุณแพททำหน้างงเหมือนไม่เข้าใจ แต่พอหันมาสบตาผมเขาก็ยกยิ้ม "กีล์นี่เอง...แล้วทำไมตัวเปียกกันทั้งคู่แบบนี้ล่ะ"

"เล่นน้ำกันมาน่ะครับ"โซโล่ชิงตอบอย่างรวดเร็ว แล้วยังมีการหันมายิ้มเยาะผมด้วยนะ

"งั้นมาให้อาแนะนำให้พวกขี้เสือกพวกนี้รู้จักก่อนค่อยกลับแล้วกัน"

"โห คุณแพท...พูดงี้พวกผมก็เสียหายสิครับ"

คุณแพทส่ายหัวมองพวกพี่ที่ร้องโหยหวนกันด้วยสายตาหน่ายๆ

"ตั้งใจฟัง!"

"ครับผม!"

ผมหัวเราะเสียงดังเมื่อพวกพี่ๆที่นอนกลิ้งอยู่เมื่อครู่เด้งตัวขึ้นตั้งตรงโดยอัตโนมัติในทันทีที่คุณแพทขึ้นเสียง

"คนๆคือนี้โซโล่ ศิวโลคินทร์ ลูกชายคนเดียวของคุณซี ศิวโลคินทร์ เจ้าของบริษัทของพวกคุณ ต่อไปในภายภาคหน้าพวกคุณก็ต้องทำงานให้เขา วันนี้ผมเป็นคนพามาปลดปล่อยเอง เพราะงั้นผมจะถือว่าเป็นความผิดของตัวเอง แต่ครั้งหน้าถ้าเจอกันอีกไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน พวกคุณก็ต้องทำตัวให้เหมาะสม เข้าใจไหม!"

 "ครับ!"

ตอนแรกก็ตลกอยู่หรอก แต่พอคุณแพทเริ่มจริงจังผมชักสงสารพวกพี่ๆที่เมาหนักแล้วยังต้องฝืนนั่งตัวตรงยังไงก็ไม่รู้สิ

"โซครับ"ผมกระซิบเรียกคนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ข้างๆ "ช่วยพวกพี่เขาหน่อย"

โซโล่ส่ายหัวเหมือนจะตำหนิความใจดีของผม เขารีบกลับมากอดไหล่ผมไว้เหมือนเดิมเมื่อเห็นว่าผมเริ่มสั่นเพราะความหนาว

"ไม่เป็นไรหรอกครับอาแพท ให้พวกเขาทำตัวตามสบายดีกว่า"พอได้ยินโซโล่พูดอย่างนั้นพวกพี่ๆกว่าสิบชีวิตก็ถอนหายใจโล่งอก หล่นลงไปกองกับโต๊ะกันเหมือนเดิม

"ขอบคุณครับคุณชาย ว่าแต่...กีล์ ทำไมไปยืนตรงนั้นวะ"พี่ที่ผมสนิทคนหนึ่งถามด้วยความประหลาดใจ ยิ่งเขาเลื่อนสายตาไปเห็นแขนโซโล่ที่กอดไหล่ผมไว้เขาก็ยิ่งดูแปลกใจมากกว่าเดิม

"คือ..."

"พวกคุณไม่เคยได้ยินเหรอ"คุณแพทพูดแทรกผมที่กำลังเรียบเรียงคำพูด เขาหันไปมองพวกพี่ๆด้วยสีหน้าจริงจัง "เมียเจ้านายก็คือเจ้านาย เขายืนตรงนั้นก็ถูกแล้วนี่"

 "เมีย...เจ้านาย"พวกพี่ๆเริ่มหันมามองผมงงๆ แต่พอผ่านไปสักพักก็กลายเป็นเบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน "กีล์กับคุณชาย..."

ผมหัวเราะเสียงดัง จะว่าเขินก็เขินอยู่หรอก แต่ออกจะตลกกับท่าทางของพวกเขามากกว่า ขนาดเจ้าหมาที่ยืนอยู่ข้างผมยังหลุดขำเลย

"ตามนั้น"โซโล่ตอบรับเสียงเรียบจนผมลืมขำ รีบหันไปตีท้องคนหน้าตายเบาๆ

ยังไม่ใช่เมียสักหน่อย...

"ใครทำอะไรไว้ พรุ่งนี้ยังทัน ไปเซ่นไหว้ให้เรียบร้อยล่ะ"คุณแพทพูดติดตลก ส่วนพวกพี่ๆที่พากันขอโทษผมไม่หยุดปากก็โหยหวนกันต่อไป

"ผมไม่ได้ตั้งใจจะใช้งานคุณหนักจริงๆนะครับคุณกีล์"

คำพูดคำจา...

"ผมไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นหรอกครับ"ผมโบกมือปฏิเสธ พยายามยิ้มให้พวกเขาสบายใจ เพราะผมไม่ได้คิดจะเอาคืนหรือแกล้งอะไรกลับจริงๆ

แต่กับหมาบางตัวที่ยืนหรี่ตาจดจำใบหน้าของพวกพี่ๆอยู่ด้านข้างก็ไม่แน่ล่ะนะ

"ผมกลับก่อนนะอาแพท"โซโล่ละสายตาออกจากกลุ่มคนเมาแล้วหันไปลาคุณแพท

"เดินทางดีๆนะคุณชาย"

"ครับอา"

โซโล่พาผมเดินออกมาจากร้าน มุ่งหน้าไปที่โรงแรมที่เขาเปิดห้องไว้ ดีที่ไอ้เบียร์มันจะอยู่ยาวกับคนอื่นถึงเช้าอยู่แล้วผมเลยไม่ต้องโดนมันแซว นี่ถ้ามันรู้ว่าผมทิ้งมันไปนอนห้องเจ้าหมาผมคงโดนล้อยาวแน่ๆ

"ผมเห็นว่าโรงแรมอยู่ไม่ไกลเลยไม่ได้เอารถมา กีตาร์ไหวไหม"โซโล่หันมาถามด้วยความเป็นห่วง

"ไหวครับ"

"ผมไม่น่าทำแบบนั้นเลย"เจ้าหมาทำหน้าหงอย ท่าทางดูรู้สึกผิดจนผมต้องหยุดเดิน

"งั้นก็รับผิดชอบสิครับ"

"ยังไง"

"อย่างงี้ไง"ผมคว้าแขนข้างหนึ่งของเขามากอดไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ถึงจะไม่ได้อุ่นอะไรมากมายแต่ก็ทำให้รู้ว่ามีใครอยู่ข้างตัว...แล้วมันก็ทำให้อุ่นใจยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

"วันนี้อ้อนจริงๆนะเนี่ย...แม่หมา"โซโล่ยิ้ม เขาใช้มืออีกข้างลูบหัวผมเบาๆแล้วดันให้เดินต่อ เราเดินกันไปเรื่อยๆโดยไม่ได้รีบอะไร ถึงจะหนาวไปหน่อย...อาจจะไม่หน่อย แต่ผมก็รู้สึกดีที่มีคนๆนี้เดินอยู่ข้างๆ

ต้องบอกว่าพอได้เจอกันแล้วอะไรก็ดูเหมือนจะดีไปหมด ขนาดทางที่ผมใช้เดินกลับที่พักทุกวันยังดูน่าเดินขึ้นมาเสียเฉยๆเลย

บางทีสิ่งที่เราไม่ชอบหรือรู้สึกเฉยๆ…พอมีอะไรสักอย่างเข้ามาเติมเต็ม มันอาจกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขก็ได้

"โซจะมีความสุขกับงานที่ทำจริงๆเหรอครับ"ผมถามย้ำ ไม่ใช่แค่อยากเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง แต่ผมไม่อยากให้เขาต้องมาเสียใจทีหลังเพราะสิ่งที่ตัวเองเลือก

"ต่อให้ต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต ถ้ากีตาร์อยู่ข้างผมเหมือนที่เจย์อยู่ข้างพ่อ...ผมมั่นใจว่าผมจะมีความสุขกับมัน"

"ถ้างั้น...”

“หืม…”

“คุณได้รับแม่หมา1ea”ผมยิ้มเมื่อโซโล่หันมามองด้วยความไม่เข้าใจ "ไอเทมชิ้นนี้ผูกมัดกับพ่อหมาเท่านั้น ไม่สามารถถอดหรือทำลายได้ตลอดชีวิต"

โซโล่กระพริบตาปริบๆ ทำหน้าเหรอหราเหมือนกำลังประมวลผล สุดท้ายเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วดึงผมไปกอดไว้แน่น

"จะเก็บรักษาอย่างดีเลย"

ไม่เสียแรงที่ลองเล่นเกมตามคำชวนของเบียร์ เพราะนอกจากจะได้พูดสิ่งที่ใจคิดออกไปแล้ว ผมยังทำให้คนที่สำคัญที่สุดหัวเราะได้ด้วย

นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป...เราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว

.

.

"กีตาร์เหนื่อยเพราะพวกนั้นเหรอ"

ผมไม่ใช่พวกขี้ฟ้อง

"จริงๆก็เพราะคนทั้งบริษัทเลยครับ"

แต่ให้เขาถามเอง

"จำได้ไหมว่าใครบ้าง"

ผมไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น

"จำได้แต่คนที่ไม่เคยใช้งานพี่ครับ"

ก็ไม่ได้จำคนที่ใช้งานจริงๆนี่นะ

"รอให้ผมมีอำนาจมากกว่านี้จะจัดการให้"

ผมไม่เคยคิดจะใช้อำนาจในทางที่ผิด

"ให้ผลัดกันไปขัดส้วมวันละคนก็ดีครับ"

ก็แค่อยากช่วยให้พี่ๆทำได้ทุกอย่างเฉยๆ

 

เอาเป็นว่าสู้ๆล่วงหน้าแล้วกันครับพี่ๆ : )

-----------------------------------


TALK : ตอนหน้าจบแล้วนะ ใครยังไม่เห็นปกดูได้ในเพจนะคะ (ตัวเต็มก็เสร็จแล้ว แต่ให้ดูแค่ร่างก่อน)



ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์

Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-04-2017 00:25:14
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-04-2017 00:41:56
พี่กีลล์ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นเลยเนอะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 16-04-2017 00:52:51
ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นเลยกีล์เอ้ยยย :hao3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 16-04-2017 00:55:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 16-04-2017 01:02:57
มัม! รับเด็กน้ิอยจากบนดอยมาแล้วใช่ไหม :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 16-04-2017 01:26:02
พี่กีล์ ชีวิตดีละ ฝึกงานเสร็จ ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 16-04-2017 01:32:09
ผมไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น 55555555555 ขำพี่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-04-2017 01:37:01
ไม่คิดว่าจะเจ้าคิดเจ้าแค้นนะกีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-04-2017 02:34:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-04-2017 02:45:07
โถๆๆๆนี่ขนาดไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 16-04-2017 06:49:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 16-04-2017 06:51:22
เวลาแห่งความสุขมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 16-04-2017 08:30:02
น่ารั๊กกก  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 16-04-2017 09:55:06
ฮาพี่กีล์~~~  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 16-04-2017 09:58:54
แม่หมา ได้เวลาล้างแค้น 555555 จะจบแล้ว เสียจุยอ่ะ งืออออออ อ่านเรื่องนี้แล้วฟิลกู้ดมากเลย อ่านไปยิ้มไป ตอนพิเศษขอหวานๆเลยน้าาาา #นี่ออเดอร์ล่วงหน้าทีเดียวเชียว  :laugh:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 16-04-2017 10:08:15
ไม่มีใครเจ้าคิดเจ้าแค้นสักคน 555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-04-2017 10:33:33
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 16-04-2017 22:57:16
พี่กีล์มุ้งมิ้งมากก
อ้อนบ่อยๆนะคะพี่กีล์ ลูกหมาหูกระดิกเลย

ใจหายเนอะ ใกล้จะจบแล้ว...
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Evergreen ที่ 16-04-2017 23:51:30
อยากเผือกเรื่องคุณเจย์จังเลยค่ะ
ไปเอาลูกใครมาเลี้ยง แล้วเรียกคุณซีว่าป๊ะป๊ามั้ย
5555555 เสียดายตอนหน้าจบแล้ว
ถ้าพี่กีล์จะแก้แค้น คุณแพทคงจะโดนหนัก
555555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-04-2017 00:55:02
จะจบแล้ว T^T
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-04-2017 10:43:23
หวานซะเหลือเกินคุณแม่หมา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-04-2017 15:44:12
 ตอนนี่มาแบบหวานๆเลย ว่าแต่ว่าแม่หมาไม่ค่อยเจ้าคิดเจ้าแค้นเลยนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 17-04-2017 16:32:10
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 17-04-2017 17:11:58
แน่ใจนะว่าไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น กีต้า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-04-2017 19:35:59
มีความสุขแล้ว
โซโล กีล์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
จบการฝึกงานมหาโหด
โซโล มารับกีล์ แล้ว
เลยได้เห็นการอ้อนสุดๆ จากกีล์
โซโล ชอบกีล์ ที่อ้อนด้วย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 20-04-2017 04:55:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 22-04-2017 13:38:08
-43-

 

ในทริปพักผ่อนช่วงปิดเทอมของโซโล่ นอกจากผมแล้วยังมีสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งหน่อติดมาด้วย ผมขอเรียกว่าก้อนกลมๆแล้วกัน เพราะตั้งแต่ขึ้นเครื่อง ลงเครื่อง ยันมาขึ้นรถ เจ้าก้อนกลมๆก็ยังขดตัวเป็นก้อนกลมๆอยู่ในผ้าห่มเช่นเดิม

ตอนแรกผมไม่แน่ใจนักว่าทำไมเจ้าก้อนกลมๆที่ดูอยากนอนตลอดเวลาถึงได้ตามติดมาด้วย เพราะดูจากท่าทีแล้วเขาไม่เหมือนคนที่อยากมาด้วยเลยสักนิด แล้วก็มาได้คำตอบตอนเห็นเจ้าหมาทำการฉุดกระชากลากถูเจ้าก้อนนี่ตามมาขึ้นรถนั่นล่ะ

ที่แท้ก็โดนเจ้าหมาบังคับให้มา แต่บังคับทำไมนี่สิ…จะบอกว่าติดเพื่อนก็ไม่น่าใช่

"ทำไมโซถึงเอาเจ้าก้อนกลมๆนี่มาด้วยล่ะครับ"ผมถามพลางเอามือตบๆก้อนผ้าห่มด้านข้างที่ขดตัวนอนตักโซโล่อยู่

"พามันมาเที่ยว...ไอ้เก้า!กัดขากูทำไม!"เจ้าหมาโวยวาย ผมว่าที่โดนกัดคงเพราะไปพูดอะไรขัดหูเจ้าตัว

ดูท่าเจ้าหมานี่คงไม่ได้ถามความเห็นเพื่อนว่าอยากมาหรือเปล่าแน่ๆ

ผมหัวเราะ ขยับตัวให้เจ้าก้อนกลมๆที่หมุนตัวมานอนตักผมแทนนอนได้สบายขึ้น

"ห้ามนอนตักกีตาร์!"โซโล่หน้าหงิก พยายามดึงตัวเพื่อนออก แต่ผมเอาแขนกันไว้ก่อน

"รถโคลงเคลงหมดแล้วครับ เกรงใจพี่ๆข้างหน้าหน่อยสิ"ผมเตือน แต่เอาเข้าจริงพี่คนขับกับพี่การ์ดที่นั่งอยู่ด้านหน้าคงไม่กล้าว่าคุณชายของตัวเองหรอก

"มันนอนตักกีตาร์"โซโล่หน้าหงิกกว่าเดิม หยุดความพยายามที่จะดึงเพื่อนออก แต่ไม่วายยื่นมือมาขยี้หัวที่โผล่พ้นผ้าห่มของเก้าอีกทีด้วยความหมั่นไส้

เหมือนจะไม่พอใจ แต่จริงๆแล้วเจ้าหมาก็ยิ้มเอ็นดูเพื่อนอยู่ล่ะนะ

"ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนครับเนี่ย บนเครื่องก็นอนมาตลอดเลยนะ"ผมก้มหน้าถามเด็กแสบที่หมดฤทธิ์ไปแล้ว ตอนอยู่บนเครื่องนับๆดูแล้วเด็กนี่น่าจะหลับสนิทเกือบสิบชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมยังง่วงอีก

"เล่นเกม..."เก้าตอบเสียงงัวเงีย "เล่นเกมโต้รุ่งสี่วัน"

"ไม่ซ้อมดนตรีเหรอครับ"จำได้ว่าเมื่อวานเป็นวันสอบวันสุดท้ายของพวกเขา แล้วเอาเวลาที่ไหนไปเล่นเกมรัวๆแบบนั้นกัน

"ไอ้นี่มันไม่เคยซ้อมหรอก"โซโล่ตอบแทน ริมฝีปากเบะเหมือนจะไม่พอใจ "มันทำอะไรตามอารมณ์ นึกจะเล่นก็เล่น ไม่อยากเล่นก็ไม่เล่น แต่ตอนสอบก็ทำได้ดีตลอด"

ที่แท้ก็...

"ไอ้ขี้อิจฉา"เก้าโผล่หัวออกมายิ้มเยาะเพื่อน พอเจ้าหมาตั้งท่าจะพุ่งเข้าใส่ก็เอาผ้าห่มปิดหัวแล้วหันมาซุกตักผมเหมือนเดิม

"จะถึงแล้วครับคุณชาย"พี่การ์ดด้านหน้าที่นั่งนิ่งมาตลอดทางหันมาเตือน โซโล่พยักหน้า กลับไปนั่งด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเหมือนเดิม ทำเหมือนจะรักษาภาพพจน์ แต่ผมว่าคงไม่ทันแล้วล่ะ…

ถึงต่อหน้าคนอื่นโซโล่จะดูโตขึ้นแค่ไหน แต่พอมาอยู่กับผมหรือเก้าก็กลายเป็นหมาฮัสกี้ตัวโตอยู่ดี

ผมหันออกไปมองนอกกระจกรถ เห็นภาพต้นไม้ดอกไม้สวยงามเรียงรายเป็นทาง โซโล่บอกว่าที่ที่เรากำลังจะไปเป็นบ้านพักที่มีความสันโดษ บรรยากาศรอบด้านมีแต่ธรรมชาติ ยังไม่ต้องถึงที่หมายผมก็เริ่มเห็นแล้วว่าความสันโดษที่ว่ามันเป็นยังไง เพราะนอกจากจะไม่มีบ้านใครสักคน ทางที่เราผ่านมายังมีแต่ธรรมชาติล้วนๆตามที่เขาว่าจริงๆด้วย

แค่มองก็สดชื่นแล้ว…

ผมเปิดประตูลงจากรถ มองโซโล่ที่กำลังลากเพื่อนออกมาจากรถด้วยรอยยิ้ม พี่การ์ดกับพี่คนขับรถก็แลดูอยากเข้ามาช่วยแต่ก็ไม่กล้ายุ่งมากนัก

“ผมไหว”โซโล่กัดฟันพูด ใช้มือหนึ่งล็อคคอเพื่อนแล้วพาเดินนำเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆกับสองเพื่อนซี้ หลังจากมองสำรวจรอบกายอีกครั้งแล้วก็เดินตามพวกเขาเข้าไปข้างใน

จริงๆบ้านพักหลังนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตเป็นคฤหาสน์แบบที่ผมคิด แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นบ้านที่ดูก็รู้ว่าเจ้าของต้องมีฐานะแน่นอน การตกแต่งก็ดูดีมีระดับตามแบบฉบับคนมีเงิน ด้านข้างประดับประดาไปด้วยสวนดอกไม้ที่ห้อมล้อมตัวบ้านไว้ ต่อให้นั่งมองทั้งวันก็คงไม่เบื่อง่ายๆ

ว่าแต่หายไปไหนกันหมดแล้วล่ะเนี่ย…

ผมว่าผมก็เดินตามเข้ามาไม่ได้ห่างอะไรมากมาย แต่ไม่รู้ว่าเจ้าหมาพาเพื่อนหายไปอยู่ส่วนไหนของบ้านแล้ว คุณเจย์กับคุณท่านเองก็ไม่ได้อยู่ตรงห้องรับแขกด้วยสิ

"ขอโทษนะครับ"ผมเดินเข้าไปหาพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนทำความสะอาดชั้นวางอยู่ เธอหันมามองด้วยรอยยิ้ม ดูแล้วน่าจะเป็นคนอังกฤษแท้ "ไม่ทราบว่าเห็นพวกคุณชายบ้างไหมครับ"

"เดินไปหลังบ้านกันน่ะค่ะ คุณท่านก็อยู่ด้านหลังเหมือนกัน"เธอตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ ผมขอบคุณและยิ้มให้ตามมารยาท ก่อนจะเดินไปตามทางที่เธอชี้เมื่อครู่

ด้านหลังบ้านเป็นสวนสวยงามที่น่าจะเชื่อมต่อกับหน้าบ้าน ห่างไปไม่ไกลมีศาลาสีขาวตั้งอยู่ ผมมองภาพเจ้าหมาพยายามแกะผ้าห่มออกจากตัวเพื่อนด้วยความขบขัน ข้างๆกันมีคุณเจย์กำลังรินน้ำให้คุณท่านที่นั่งอ่านหนังสืออยู่

เป็นภาพที่น่ามองจริงๆ

ว่าแต่...นั่นมัน...

ผมเบิกตากว้าง มองร่างเล็กๆที่วิ่งอยู่ไม่ไกลจากศาลานักด้วยความตกใจ และวินาทีที่เจ้าตัวเล็กหันมาสบตาผมพอดีความตกใจก็ทวีมากยิ่งขึ้น

"ครูยิ้ม!"

"น้องมูน!"

น้องมูนปล่อยพี่จันทร์ที่ดูสะอาดตาขึ้นกว่าเดิมลงกับพื้นแล้ววิ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว ผมรีบนั่งยองๆ อ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กเข้ามากอดไว้

"น้องมูนคิดถึง"

"พี่ก็คิดถึงครับ"ผมหัวเราะ ดันหน้าน้องออกเล็กน้อยเพื่อสำรวจความเปลี่ยนแปลง

น้องมูนดูตัวโตขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ยังเหมือนเมื่อหลายเดือนก่อน โดยเฉพาะตัวขาวๆกับแก้มแดงๆที่ยังน่ากอดน่าฟัดเหมือนเดิมไม่มีผิด

"มาได้ยังไงครับเนี่ย"ผมถาม อุ้มน้องขึ้นจากพื้นแล้วเดินไปที่ศาลาซึ่งทุกคนกำลังนั่งพักผ่อนกันอยู่

"มัมไปรับน้องมูนมาครับ"

"บอกว่าไม่ให้เรียกมัมไง..."

ผมหันไปมองคนที่พูดแทรกด้วยสายตาจับผิด คุณเจย์หน้าแดงหูแดง หลบสายตาผมอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คุณท่านซึ่งอ่านหนังสืออยู่ยกยิ้มบางที่มุมปาก

ที่แท้เสียงที่ผมได้ยินในโทรศัพท์ตอนคุยกับคุณเจย์ก็คือเสียงน้องมูนนี่เอง ว่าแต่...

"มัมเหรอครับ"ผมมองคุณเจย์เป็นเชิงถาม ส่วนโซโล่ที่เหมือนจะรู้เรื่องอยู่แล้วก็นั่งอมยิ้มไม่ยอมพูดอะไร พอไม่ได้รับคำตอบผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาถามเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนแทน "ทำไมน้องมูนเรียกครูเฮียว่ามัมล่ะครับ"

"แด๊ดบอกให้น้องมูนเรียกครับ"น้องมูนตอบเสียงใสแล้วหันไปมองคุณท่าน "แด๊ดบอกว่ามัมไม่ใช่เฮียแต่ต้องเป็นมัมต่างหาก"

หืม...

"คุณชาย..."คุณเจย์มองโซโล่เป็นเชิงกล่าวโทษ แต่นอกจากเจ้าตัวจะไม่รู้สึกอะไรแล้วยังหันมาอธิบายให้ผมฟังหน้าตาเฉยอีก

"ผมแค่บอกพ่อว่าเจย์จะเป็นเฮียแล้วให้พ่อเป็นเจ๊เฉยๆเลย"

"ผมไม่ได้พูดนะครับ..."คุณเจย์โบกมือปฏิเสธ หน้าแดงเป็นมะเขือเทศ "คุณกีล์บอกคุณท่านทีสิครับว่าผมไม่ได้พูด"

คุณท่านเงยหน้าจากหนังสือแล้วมองมาที่ผมเหมือนจะรอคำตอบ หลังจากใคร่ครวญอยู่สักพักว่าควรจะตอบแบบไหนผมก็ตัดสินใจได้

"ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยครับ"

ขอโทษนะครับคุณเจย์

"คุณกีล์..."คุณเจย์ครางเสียงอ่อย หลบสายตาคุณท่านเป็นการใหญ่ ส่วนโซโล่ที่นั่งเงียบมาตลอดแอบหันมาชูนิ้วโป้งให้ผม เรายิ้มให้กันเป็นอันเข้าใจทุกอย่าง

ขืนผมบอกความจริงไปแล้วน้องมูนอดเรียกว่ามัมจะทำยังไงกัน…แบบนี้ก็น่ารักดีออก

"นี่อะไรเหรอครับ"น้องมูนเอียงคอ เดินเข้าไปหาเจ้าก้อนกลมๆที่นอนขดตัวอยู่แล้วนั่งลงข้างๆ

"คนขี้เกียจ"โซโล่หันไปตอบน้องอย่างรวดเร็ว พอน้องเริ่มถามต่อเจ้าตัวก็ได้ทีบ่นเรื่องเก้าเป็นการใหญ่ ผมได้แต่ส่ายหัวหน่ายเมื่อเห็นพ่อหมากับลูกหมานินทาเด็กแสบระยะเผาขน นี่ถ้าตื่นขึ้นมาคงโดนกันทั้งคู่แน่ๆ

"ฉันรับเลี้ยงเด็กคนนั้น"คุณท่านพูดเสียงเรียบ ผมรีบหันไปหา เป็นจังหวะเดียวกับที่ท่านปิดหนังสือแล้วดึงให้คุณเจย์นั่งลงข้างๆพอดี

"รับเลี้ยงเหรอครับ"

"อืม...ในฐานะลูกบุญธรรม จะให้โซรับเลี้ยงเองคงไม่เหมาะ ฉันเลยเป็นธุระให้"ท่านมองไปทางน้องมูนด้วยสายตานิ่งสนิทแต่ก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนปกติ "เจย์บอกว่าพวกเธอจะรับเด็กคนนั้นมาอยู่ด้วย จะทำอะไรก็ให้มันเป็นไปตามขั้นตอน จะได้ไม่ต้องลำบากทีหลัง"

"ขอบคุณมากนะครับ"ผมยกมือไหว้คุณท่านด้วยความเคารพ รู้สึกดีใจที่ท่านให้ความเมตตาน้องมูน

หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก มีแค่เสียงเจื้อยแจ้วของน้องมูนที่เล่านั่นเล่านี่ให้โซโล่ฟัง ขนาดผมเดินไปเก็บพี่จันทร์ที่หล่นอยู่มาให้ น้องยังไม่หันมาสนใจเลย

"ลูกแกะ ไปเรียนก่อนเร็ว"คุณเจย์กวักมือเรียก น้องมูนหันมามอง พอเห็นว่าใครเรียกก็ยิ้มแป้นแล้วลุกขึ้นเดินมากอด

"มัม"

ผมแอบหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าแหยงๆของคุณเจย์

"ผมขอไปสอนหนังสือเจ้าลูกแกะก่อนนะครับ"คุณเจย์หันมาลาผมแล้วทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านพร้อมคุณท่าน แต่ก่อนจะเดินจากไปเขาก็หยุดเท้าแล้วหันไปกระซิบกระซาบอะไรสักอย่างกับคุณท่านเสียก่อน

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”ผมหันไปถามเมื่อเห็นว่าคุณท่านกำลังขมวดคิ้ว ทำหน้าตาเหมือนกำลังยุ่งยากใจ

“ให้เวลาคนปากแข็งสักครู่นะครับ”คุณเจย์หัวเราะ เขามองหน้าคุณท่านยิ้มๆเป็นเชิงกดดัน มีน้องมูนที่อุ้มอยู่มองตามซ้ำอีกที

“น่ารำคาญจริงๆ”คุณท่านบ่นเบาๆแต่ก็ยอมก้าวเท้ามาตรงหน้าผมกับโซโล่ “อยู่ที่นี่ก็ทำตัวตามสบายแล้วกัน”

“คุณท่าน”

“รู้แล้วๆ”คุณท่านกรอกตาก่อนจะมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ดูอ่อนลง “ฝากดูแลเขาด้วย”

ผมเอียงคอสงสัย แต่เมื่อเห็นท่านหลบสายตาก็เข้าใจทันที ท่าทางท่านคงไม่เคยทำแบบนี้ต่อหน้าใครมาก่อน

“แน่นอนครับ”ผมตอบรับด้วยเสียงหนักแน่น คุณท่านพยักหน้า ตั้งท่าจะถอยหลัง แต่ยังไม่ทันได้ไปไหนก็โดนคุณเจย์ขวางทางไว้อีก คราวนี้ผมรู้สึกเหมือนคุณท่านอยากจะเดินหนีด้วยซ้ำ…ถ้าไม่มีมือของคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมจับชายเสื้อไว้ก่อนล่ะก็นะ

โซโล่ลุกขึ้นยืนแล้วสบตากับพ่อตัวเอง ใบหน้าที่คล้ายคลึงกันจ้องมองกันเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร แต่บรรยากาศที่วนเวียนอยู่รอบกายพวกเขากลับเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม…ในทางที่ดีขึ้น

“ผมจะพยายาม…”โซโล่เริ่มพูดก่อนด้วยน้ำเสียงสบายๆ “พยายามทำทุกอย่างให้ดี เป็นคนที่ดีในทุกๆความหมาย”

“ทุกความหมาย?”

“ทั้งเป็นคนรักที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี รวมถึง…เป็นลูกที่ดีด้วย”

คุณท่านเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่แล้วท่านก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่ผมเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกออกมา ในดวงตาที่เคยเย็นชาตอนนี้มีเพียงความภูมิใจและความรักอันมั่นคงยามมองไปที่ลูกชายตัวเอง

“ฉัน…พ่อเองก็จะเป็นพ่อที่ดีเหมือนกัน”

ไม่ต้องพูดอะไรมากไปกว่านั้น เพียงแค่โซโล่ยิ้มตอบคุณท่านก็ดึงเขาเข้าไปกอดไว้แน่น ผมได้แต่ยิ้มกับภาพที่เห็น รู้สึกดีใจที่เห็นปมเชือกในใจของโซโล่คลายลงไปแล้ว

บางทีความอึดอัดใจที่เก็บสะสมมาหลายปีอาจไม่จำเป็นต้องมีคำพูดสวยหรูหรือคำอธิบายใดๆมากมายก็ได้ ขอแค่เพียงเปิดใจ หันหน้าเข้าหากัน ยอมเป็นคนที่เสียหน้าก่อนบ้าง แค่นั้นก็พอแล้ว

จากนี้ไป…ทุกคนจะได้มีความสุขจริงๆเสียที

คุณเจย์หันมายิ้มให้ผม เขาพงกหัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณแล้วเดินออกไปพร้อมกับคุณท่าน

"เก้า เข้าไปนอนข้างในดีๆเถอะครับ"ผมหันไปสะกิดเก้า เด็กแสบเอาหัวออกจากผ้าห่ม พยักหน้าเข้าใจแล้วลุกขึ้นเดินตามคุณท่านกับคุณเจย์เข้าไปในบ้านเงียบๆ พอเห็นท่าทางเรียบร้อยๆแบบนี้ผมรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย

“รู้สึกดีขึ้นไหม”ผมหันไปถามคนที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ จริงๆแค่มองรอยยิ้มมีความสุขบนใบหน้าเขาผมก็ได้คำตอบแล้ว แต่ทันทีที่ผมถามเป็นเชิงแซวเจ้าหมาก็หุบยิ้มฉับแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทันที

“อืม”

ลืมไปเลยว่าเป็นหมาปากแข็ง…

"กีตาร์ชอบที่นี่ไหม"โซโล่เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย ผมหัวเราะเบาๆแต่ก็ยอมตามน้ำไป

"ชอบครับ มองไปทางไหนก็รู้สึกสบายตา ผ่อนคลายมากเลย”ผมตอบด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ ครั้งล่าสุดก็คงเป็นบนเขาที่เจอกับพวกชาวบ้าน แต่บรรยากาศก็ดูแตกต่างกันอยู่พอสมควร อาจเพราะเป็นต่างประเทศด้วย ดอกไม้หรือบรรยากาศต่างๆถึงให้ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย

“ไปเดินเล่นกัน”โซโล่ลุกขึ้นยืน พอผมลุกตามเขาก็ดึงมือผมไปจับไว้แล้วพาเดินไปทางสวน

ยิ่งระยะทางเดินมากขึ้นเท่าไหร่ผมก็ยิ่งแปลกใจมากเท่านั้น เพราะนอกจากดอกไม้ต้นไม้จะไม่ได้หายไปแล้ว ผมยังรู้สึกว่ามันดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

“ที่นี่คือที่ที่ผมอยู่กับแม่”โซโล่พูดด้วยน้ำเสียงขบขัน ผมยิ้มเขิน ดูก็รู้ว่าคงเผลอทำตัวตื่นเต้นจนออกนอกหน้าไปหน่อย “แม่บอกว่าพ่อยกที่นี่ให้เรา…ตั้งแต่ผมเกิดแม่ก็ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้เล่นดนตรีอีก ท่านเลยใช้เวลาไปกับการทำสวน ปลูกนั่นปลูกนี่ รู้ตัวอีกทีพื้นที่ของสวนก็กว้างขวางขนาดนี้ไปแล้ว”

“พื้นที่ตรงนี้เป็นของคุณพ่อโซหมดเลยเหรอครับ”

“ตอนแรกแม่ผมก็กลัวเหมือนกีตาร์นั่นล่ะ แต่มาสงสัยเอาก็ตอนผมแปดขวบ นับๆแล้วก็เท่ากับแปดปีที่ปลูกไปแบบไม่ได้สงสัยอะไรเลย”โซโล่หัวเราะ ท่าทางมีความสุขจนผมต้องยิ้มตาม “แต่หลังจากที่สงสัยอยู่แค่สองชั่วโมงท่านก็เดินมาบอกผมว่าไม่ต้องห่วงแล้ว พื้นที่ตรงนี้เป็นของพ่อหมดเลย ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร เพิ่งมานึกได้ก็ตอนที่พูด…”

“…”

“บางทีพ่ออาจจะไม่ได้ไม่สนใจพวกเราเหมือนที่ผมเคยคิด…อย่างที่กีตาร์เคยบอก ทุกอย่างเป็นเพราะผมมีอคติ ไม่เคยคิดหาเหตุผล จริงๆแล้วที่ผมมีทุกอย่างตั้งแต่เด็กๆก็คงเป็นเพราะพ่อ ที่แม่ตอบคำถามได้หลายๆอย่างก็คงเพราะพ่อ อย่างเรื่องพื้นที่ตรงนี้…ถ้ากีตาร์ไม่ถามผมคงลืมคิดไปเลย บางทีแม่อาจจะติดต่อกับพ่ออยู่ตลอดก็ได้…แต่มันก็เป็นแค่การคาดเดาล่ะนะ”

“โซ…”

“อย่าทำหน้าแบบนั้น”โซโล่ยิ้มให้ผม เขาปล่อยมือออก แต่เปลี่ยนเป็นเอามือมาโยกหัวผมไปมาแทน “ผมพูดก็เพราะนึกถึงแม่ แต่ไม่ต้องการรู้อะไรทั้งนั้น ผมจะเริ่มใหม่อย่างที่เคยบอกกับพ่อ ทุกๆอย่าง…ผมจะสร้างขึ้นมาใหม่”

“โซดูโตขึ้นนะครับ”ผมยิ้มด้วยความภูมิใจ รู้สึกตามที่พูดจริงๆ ถึงทุกครั้งที่ผมมีปัญหาเขาจะดูพึ่งพาได้มาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องแม่ใหญ่ เรื่องบนเขา หรืออะไรก็ตาม แต่มาถึงตอนนี้ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้ดูโตแค่เฉพาะเวลาที่ผมมีปัญหาอีกแล้ว

เจ้าหมาของผมโตขึ้นมากจริงๆ

“ก็ผมเป็นว่าที่ประธานRKนี่…”โซโล่หยุดเดิน เขาหันมาหาผม ส่งยิ้มมุมปากที่ดูน่าหมั่นไส้มากกว่าแต่ก่อนมาให้ “แถมยังมีคนข้างกายเรียนจบวิศวะเกียรตินิยม แล้วก็น่าจะจบโทบริหารเกียรตินิยมด้วย แล้วแบบนี้จะไม่พัฒนาตัวเองได้ยังไง”

“ช่างพูดนะเรา”ผมยกมือบีบจมูกเจ้าหมาด้วยความหมั่นไส้ เขาหัวเราะ จับมือผมไว้แล้วพาให้เดินต่อ

“จริงๆผมแค่คิดว่า…โดนกีตาร์โกรธจริงจังแบบนั้นครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว”โซโล่พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ “ผมผิดเองที่ลืมไป…ลืมว่าจริงๆแล้วร่างกายนี้เป็นของกีตาร์”

“เดี๋ยวๆ”

“เผลอทำให้ตัวเองเจ็บตัว ถ้าผมเป็นกีตาร์ผมก็คงโกรธ ช่วงที่ผ่านมาผมเลยพยายามไถ่โทษ ตั้งใจทำงาน ตั้งใจเรียน แค่คิดว่าในอนาคตกีตาร์จะมายืนอยู่ข้างๆ…ผมก็รู้สึกมีความสุขแล้ว”

สรุปนี่คือจะเล่นหรือจะจริงจังกันแน่เนี่ย

“รู้แล้วก็ดีครับ…ทีหลังถ้าเจ็บตัวอีกพี่จะตีให้ตายเลย”ผมแกว่งแขนไปมาเบาๆ ไม่สนใจสีหน้างุนงงของคนข้างๆ “ร่างกายของพี่ ห้ามใครทำร้าย เข้าใจไหม”

โซโล่เลิกคิ้ว สักพักก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เขาดึงมือผมไปแนบริมฝีปาก ก่อนจะกดจูบลงมาเบาๆที่ข้อนิ้วเป็นการรับคำ

“ผมอยากพากีตาร์ไปที่ที่หนึ่ง”

“ที่ไหนเหรอครับ”

โซโล่ไม่ตอบ เขาจูงมือผม พาให้เดินไปตามทางช้าๆ ยิ่งเดินมาไกลเท่าไหร่ต้นไม้ก็ยิ่งเยอะขึ้นเท่านั้น ผมคิดว่าเราคงเดินออกนอกเขตสวนมาแล้ว เพราะตอนนี้ดอกไม้ที่ปูเป็นทางเดินตามพื้นเริ่มหายไป กลายเป็นพื้นที่ที่มีแต่ต้นไม้ใหญ่อยู่แทน

“ข้างหน้าคือที่ที่คนสำคัญของผมอยู่”

คนสำคัญ…

.
.
[ต่อด้านล่าง]

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER42 P.30 [16/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 22-04-2017 13:38:47
.
.

โซโล่ปล่อยมือผม เขามองไปทางด้านหน้า พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ผมเดินเข้าไปก่อน

ผมเดินตัดผ่านต้นไม้ใหญ่ที่บดบังทิวทัศน์ออกไป ภาพแรกที่เห็นคือท้องฟ้ากว้างไกลที่ไม่มีต้นไม้หรืออะไรปกปิด ทางด้านหน้าคือเนินเขาเตี้ยๆที่มีคนสำคัญของโซโล่นอนหลับอยู่ ผมเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มองป้ายหลุมศพที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

“แม่บอกว่าที่นี่คือที่ที่แม่รัก ถ้าแม่ไปแล้ว…ก็ขออยู่ตรงนี้”โซโล่เดินเข้ามา เขาทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม มองป้ายหลุมศพด้วยสายตาอ่อนโยน “ตอนเด็กๆผมเคยวาดรูปความสุขของตัวเองให้แม่ดู ผมบอกแม่ว่านอกจากแม่แล้วก็มีกีตาร์ที่เป็นความสุขของผม”

“…”

“เวลาผมเห็นแม่เล่นกีตาร์ ผมรู้สึกอิจฉาแม่ทุกครั้ง เพราะกีตาร์ที่ผมใช้ไม่ใช่กีตาร์ของผมเอง เป็นกีตาร์ที่แม่ซื้อให้ทั้งนั้น”โซโล่หันมาหาผม เขาส่งยิ้มมาให้แล้วพูดต่อช้าๆ ”วันหนึ่งผมเลยบอกแม่ว่าสักวันผมจะมีกีตาร์เป็นของตัวเอง แล้วเมื่อถึงวันนั้น…ผมจะเอากีตาร์มาให้แม่ดู”

ผมยกยิ้ม จับมือของโซโล่เอาไว้แล้วฟังเขาพูดต่อด้วยความรู้สึกอุ่นในใจ ดูเหมือนทุกสิ่งที่เขาทำจะส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของผมมากขึ้นทุกวันยังไงก็ไม่รู้ อย่างตอนนี้ก็มาก…มากจนไม่รู้จะมากยังไงแล้ว

“ผมเคยคิดว่ากีตาร์ที่ผมบอกแม่หมายถึงเครื่องดนตรีที่ผมรัก แต่พอผ่านมาจนถึงตอนนี้ถึงได้เข้าใจ จริงๆแล้วกีตาร์ที่ผมบอกแม่ไม่ได้หมายถึงเครื่องดนตรี แต่หมายถึงกีตาร์…คนที่ผมรักต่างหาก”

ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าโซโล่อยู่อย่างนั้น เขายกมือลูบหัวผม ก่อนจะหันกลับไปหาคุณแม่ของเขาอีกครั้ง

“วันนี้ผมพากีตาร์ของผมมาหาแม่แล้วนะครับ”โซโล่วางมือลงบนป้ายหลุมศพเบาๆ ดวงตาของเขาสั่นเทาทว่ามั่นคงและแข็งแกร่งกว่าผมหลายเท่า “แม่ช่วยผมดูแลเขาด้วยนะ”

โซโล่ก็เป็นแบบนี้เสมอ…

ไม่ว่าเขาจะเคยผิดพลาดอะไรมาบ้าง ทั้งหมดก็เพราะไม่มีคนเตือน ไม่มีใครเอาอยู่ แต่พอได้ให้บทเรียน ให้เขาได้คิดและเห็นทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาก็จะไม่ทำผิดพลาดอีก และจะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งยิ่งกว่าใคร

 “สวัสดีครับคุณแม่”ผมยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม ไม่ได้สนใจคนที่นั่งทำหน้างงอยู่ด้านข้าง “ผมชื่อกีล์ เรียนจบวิศวกรรมศาสตร์ที่มหา’ลัยเดียวกับโซครับ”

“กีตาร์…”

“โซอย่าขัดสิครับ พี่คุยกับคุณแม่อยู่”ผมหันไปดุ เจ้าหมาทำหน้าเหวอ แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้า

“ไม่ขัดแล้ว”ได้ยินอย่างนั้นแล้วผมก็ทำเป็นพยักหน้าพอใจ หันกลับมาที่เดิมต่อ

“ลูกชายคุณแม่เข้ามายุ่งกับผมก่อนครับ”

“เดี๋ยวสิ”

“หรือไม่จริง”ผมหันไปเลิกคิ้วถาม คนฟังเบะปากแต่ก็ยอมพยักหน้า

“จริงก็ได้”

“ลูกชายคุณแม่เป็นเด็กดื้อมากๆเลยครับ”ผมหันไปยกมือห้ามเมื่อเจ้าหมาทำท่าจะขัด พอเห็นหน้ามุ่ยๆของเขาแล้วก็อารมณ์ดีขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ “เป็นหมาฮัสกี้ที่ขี้อ้อน ขี้งอแง ขี้งอนด้วย”

“นี่…”

“ไม่รู้ทำไมผมถึงมาลงเอยกับเจ้าหมาดื้อด้านแบบนี้ได้”

“ใช่สิ”

“แต่ว่า…”ผมหยิบของที่เอาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องออกมาวางไว้บนฝ่ามือ “นอกจากความดื้อด้าน ขี้อ้อน ขี้งอแง ขี้งอน…เขายังเป็นผู้ชายอ่อนโยน เข้มแข็ง พึ่งพาได้ แล้วก็เป็นคนเก่งมากๆเลยครับ”

ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้าถึงคราวต้องทำขึ้นมาจริงๆ ก็พึ่งพาได้เสมอ…

“เขาเคยบอกผมว่าดอกไม้ดอกนี้หมายถึงมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้”ผมมองดอกไม้ที่แห้งกรอบซึ่งเกิดจากการเอาไปทับไว้ในหนังสือนานๆด้วยความความอ่อนโยน “และคงเป็นเพราะมัน…ผมถึงได้รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เขาเหมือนกัน”

“ดอกไม้นั่น…”

“ผมอยากจะขออนุญาตดูแลสิ่งสำคัญของคุณแม่ แต่เพราะผมไม่มีอะไรที่แทนค่าสิ่งสำคัญของคุณแม่ได้เลย เพราะงั้น…”ผมวางดอกไม้ที่ถืออยู่ลงข้างป้ายหลุมศพเบาๆ “ผมขอมอบดอกไม้ดอกนี้…ดอกไม้ที่เป็นความทรงจำที่มีค่าของผมให้กับคุณแม่นะครับ”

เหมือนกับที่เขาขอแม่ใหญ่ดูแลผม ผมเองก็อยากจะดูแลเขาเหมือนกัน และการบอกกล่าวกับครอบครัวของเขา คงเป็นการยืนยันความหนักแน่นของคำพูดได้ดีที่สุด

“แม่อนุญาตแล้ว”โซโล่พูดพร้อมกับรั้งตัวผมเข้าไปกอดไว้แน่น ผมยิ้ม ยกมือกอดตอบด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี

ไม่ว่าจะกอดกันมาแล้วกี่ครั้ง แต่ทุกๆครั้งก็ยังมีค่า และมีความหมายไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ

“โซ…นั่นเสียงอะไรครับ”ผมถามด้วยความแปลกใจ ไม่แน่ใจว่าหูฝาดหรือเปล่า แต่เสียงเปียโนแบบนี้ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้

“ไปดูกัน”โซโล่ลุกขึ้นยืน ดึงแขนผมแล้วพาเดินไปอีกทาง

ยิ่งเราเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่เสียงเปียโนก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่เจ้าหมาเตรียมมา แต่ถึงรู้แล้วก็ยังหุบยิ้มไม่ได้เสียที

“รู้ตัวหรือเปล่า เธอทำอะไรให้ชีวิตของฉัน
มากมายเท่าไร ที่ได้จากการที่มีเธออยู่ข้างกัน”

ผมเลิกคิ้วเมื่อเสียงคุ้นเคยไม่ได้มาจากคนข้างๆแบบที่คิด โซโล่ยิ้ม จับมือผมไว้แล้วพาให้เดินต่อ

“เป็นความอบอุ่นในหัวใจ เป็นความยิ่งใหญ่ของทุกวัน
เป็นจุดมุ่งหมาย และเรี่ยวแรงอันสำคัญ”

“ผมหมายความตามนั้นจริงๆ”โซโล่กระซิบ เขาหยุดเท้าเมื่อเราเข้าใกล้เสียงเปียโนจนได้ยินชัดเจนมากพอแล้ว

“เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน
ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ
ต้องล้มแล้วลุกเท่าไรไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว
ขอเพียงยังมีเธออยู่ด้วยกัน ตลอดไป”

“กีตาร์คือหัวใจของผม”

“ตอนแรกเป็นความสุขไม่ใช่เหรอ”ผมหัวเราะเมื่อเจ้าหมาทำหน้ายุ่ง

“เป็นทุกอย่างนั่นล่ะ”

“รู้สึกหรือเปล่า เธอเติมอะไรให้วันคืนเหล่านั้น
เนิ่นนานเท่าไร ได้สุขจากการที่มีเธออยู่ใกล้กัน
เป็นความอบอุ่นในหัวใจ เป็นความยิ่งใหญ่ของทุกวัน
เป็นจุดมุ่งหมาย และเรี่ยวแรงใจอันสำคัญ”

“นั่นคำพูดพี่นะครับ”

“ก็ผมคิดเหมือนกันนี่”

“ขี้ลอก”

“ก็เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน
ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ
ต้องล้มแล้วลุกเท่าไรไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว”

“ผมรักกีตาร์”

“พี่ก็รักโซครับ”

"ขอเพียงยังมีเธออยู่ด้วยกัน
ขอเพียงยังมีเธอเดินเคียงข้างฉัน
ขอเพียงยังมีเราอยู่ด้วยกัน ฉันก็สุขใจ”

[เพลง เพื่อเธอ : บอยโกสิยพงษ์]

แม้เสียงดนตรีและเสียงร้องจะหยุดลงไปแล้ว แต่เราก็ยังมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น โซโล่ยกมือข้างหนึ่งแตะแก้มผมเบาๆ ส่วนมืออีกข้างรั้งเอวผมให้ขยับเข้าไปหา

“แค่กีตาร์…”

“แค่โซ”

“ขี้ลอก”เจ้าหมาบ่นทั้งที่ยังยิ้มอยู่ เขาก้มหน้าลงมาหา จ้องมองผมด้วยดวงตาเป็นประกาย

“หายกัน”ผมกระซิบตอบ ก่อนจะเงยหน้ารับจูบแผ่วเบาที่เขามอบให้ด้วยความเต็มใจ

ไม่ว่าเส้นทางต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ขอแค่เรายังอยู่ด้วยกัน เดินเคียงข้างกัน แค่นั้น…ก็พอแล้ว

“ขอขัดจังหวะหน่อย…คือจะจูบกันนานไปไหม”เสียงบุคคลที่สามซึ่งเป็นเสียงเดียวกับคนที่ร้องเพลงดังขึ้นไม่ไกล โซโล่ผละออก หันไปมองหน้าเพื่อนแล้วขมวดคิ้ว

“หมดประโยชน์แล้วก็เชิญ”

 “โซ นี่มัน…อื้อ!”ผมทุบอกคนเอาแต่ใจที่กดจูบลงมาอีกครั้งโดยไม่สนใจเพื่อนไปหนึ่งที พยายามผลักออกยังไงก็ไม่ได้ผล สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยให้เจ้าหมาได้ทำตามใจ

“เออดี…ไปลากกูจากเตียง จับกูยัดเข้าเครื่อง พากูมาถึงอังกฤษ สั่งคนให้ยกเปียโนมาตั้งไว้ ทั้งหมดคือเพื่อเอามาร้องเพลงให้เมีย เสร็จแล้วยังให้กูยืนดูมึงจูบกันอีก”

ขอโทษด้วยนะครับเก้า
.
.
ในช่วงอายุยี่สิบสองถึงยี่สิบสามปีคือช่วงเวลาที่ชีวิตของผมเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง...ผมได้พบเจอกับความเสียใจที่สุดในชีวิต ได้เผชิญหน้ากับความเหน็ดเหนื่อยแบบที่ไม่เคยเป็น แต่ก็แลกมากับการได้พบเจอความฝันใหม่ เส้นทางใหม่ และที่สำคัญที่สุด…คือการได้พบเจอคนๆหนึ่ง

ผมเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรสักอย่างแต่ก็สามารถมีความสุขกับชีวิตอันแสนเรียบง่ายของตัวเองได้ แต่การได้เจอเขาทำให้ความสุขที่ผมคิดว่าตัวเองก็มีอยู่แล้วเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผมได้รู้จักความสุขมากขึ้น ได้รู้จักคำว่ารักว่าเป็นยังไง ได้รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและควรทำอะไรกันแน่…ส่วนเขาคือคนที่มีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไม่เคยมีความสุข เขาบอกว่าการได้เจอผมทำให้เขายิ้มได้ บอกว่าผมคือความสุขของเขา…เราช่วยเติมเต็มให้กันและกัน ให้ความรู้สึกที่มีแทนที่ช่องว่างในใจ เพิ่มพูนมันให้มากขึ้น…มากขึ้นทุกวันจนต่อเติมกันได้จนเต็มในที่สุด

ถ้ามีใครสักคนถามว่าจุดเปลี่ยนในชีวิตอันแสนเรียบง่ายของผมคืออะไร ผมคงตอบได้อย่างง่ายดาย...ว่ามันเริ่มมาจากการที่มีหมาตัวหนึ่งเข้ามาขอนมอุ่นดื่มทุกคืนจนกลายเป็นความเคยชิน เขาคือลูกค้าที่ผมให้ความสำคัญเป็นพิเศษโดยไม่รู้ตัว เราถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยอะไรบางอย่างที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เราเริ่มสนิทกันช้าๆ พัฒนาความสัมพันธ์กันมาเรื่อยๆ ดูแลกัน ประคับประคองกันมาจนถึงวันที่สามารถยืนอยู่เคียงข้างกันได้อย่างมั่นคง

จากวันนั้นจวบจนมาถึงทุกวันนี้...เขาก็ยังเป็นเขา เป็นโซโล่คนเดิม เป็นหมาฮัสกี้ตัวเดิม และเป็นคน...ที่กลายมาเป็นทุกอย่างของผม

 
My Oxygen

 
E N D


แจ้งข่าว+TALK :

-ทุกอย่างที่ต้องการสื่อเราใส่ลงไปในเรื่องหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะบอกนอกจากขอบคุณที่ติดตามกันมาอย่างยาวนาน ขอบคุณมากจริงๆค่ะ : )

-เพื่อตอบแทนทุกคน เราจะมีMomentเป็นPartมาลงให้เรื่อยๆแก้เบื่อจนกว่าหนังสือจะส่งถึงมือทุกคนนะคะ ต้องขออภัยที่ไม่สามารถลงตอนพิเศษในเว็บได้

(https://68.media.tumblr.com/7d45b9d7c63eaa57d826d3d208c5298b/tumblr_oossyljeUL1w5zg0jo1_1280.jpg)

สั่งจอง : www.yholicbooks.lnwshop.com

-เปิดจองแล้วนะคะ ถึงวันที่15มิ.ย. สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ในลิงค์สั่งจองเลย เลืือกแบบที่ต้องการแล้วเลื่อนอ่านรายละเอียดด้านล่างนะคะ  [มีแบบหนังสือธรรมดากับแบบBoxset เลือกตามชอบค่ะ]

-เรื่องถัดไปถึงคิวของชายเก้าแล้ว ใครรักใครชอบเก้า สามารถติดตามเรื่องของเก้าต่อได้เลยนะคะ เจอกันเดือนพฤษภาคมที่...
 
Nitrogen ไนโตรเจน
"ไม่รักไม่ผิดเพราะพี่ไม่เคยให้ความหวังผม"
"..."
"แต่ผมจะทำให้พี่รักให้ได้ และถ้าวันไหนพี่รักผมขึ้นมา บอกไว้เลย..."
"จะเอาคืน?"
"บอกไว้เลยว่าผมไม่เล่นตัวแน่นอน!"


ขอบพระคุณจากใจ
Chesshire
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-04-2017 15:14:46
น่าร้ากกกกกก  :-[  เป็นเรื่องที่น่ารัก ปนสะท้อนเรื่องในชีวิตจริงๆ ให้ได้ซึ้งๆอีกหลายๆช้อต แอบมีน้ำตาตอนแม่ใหญ่จะเสีย งือออออ แต่ชีวิตคนเรามันก็แบบนี้เนอะ มีพบมีจาก ได้อะไรหลายอย่างจากเรื่องนี้นะ ขอบคุณคนแต่งมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-04-2017 15:36:52
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-04-2017 15:47:50
จะสงสารเก้าได้ไหม โถๆๆๆๆ โดนเจ้าหมาลากมาให้เล่นเปียโนร้องเพลงให้พี่กีลล์ฟัง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 22-04-2017 15:57:20
สงสารเก้า แต่เพื่อความสุขของทุกคนยอมอดนอนนิดนึงนะเก้า   5555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-04-2017 16:10:02
จบแล้วววววว
คิดถึงน้องมูน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 22-04-2017 16:56:58
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 22-04-2017 17:05:05
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวทีอบอุ่นนะคะ :katai2-1: :3123:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 22-04-2017 17:25:58
น่ารักมากก  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 22-04-2017 17:38:57
ขอบคุณค่ะ ที่แต่งนิยายดีๆ มาให้อ่านนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-04-2017 18:59:35
ดีต่อใจ
ขอบคุณค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-04-2017 19:08:40
 :pig4:  :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-04-2017 19:14:46
 :man1: :L1: :pig4: :L1: :man1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 22-04-2017 19:22:04
ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 22-04-2017 19:36:43
กีต้ากับโซโล่รักกันมากๆนะ แอบอยากรู้เรื่องของ
คุณท่านกับเจย์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 22-04-2017 19:58:36
หน่องเก้าผู้น่าสงสาร ถือซะว่ามาเที่ยวนะลูก    รอติดตามเรื่องของหน่องเก้าเลยนะคะน้องนี่ไม่คิดจะเล่นตัวหน่อยเหรอ? 5555     ลองแต่งให้ครบตารางธาตุเลยดีมั้ยคะ ><
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 22-04-2017 20:01:41
บรรยายไม่ถูกแต่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่ปลื้มปริ่มมาก ต้องอุดหนุนซะและ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-04-2017 20:14:39
จบแล้ว น่ารักมาก  :mew1:
โซโล่ กีตาร์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
คุณท่าน เจย์  :กอด1:
เก้า เพื่อนสนิทโซ ที่ซี้ รักเพื่อน ทำอะไรเพื่อเพื่อนตลอด
มูน น่ารัก
ขอบคุณไรท์ คนอ่านมีความสุขมากกกก
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-04-2017 20:18:20
จบแล้ว  อบอุ่นหวานละมุนละไมมาก
แต่น่าสงสารเก้านะ 5555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 22-04-2017 20:25:39
สนุกมากครับ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-04-2017 03:33:11
โชคดีที่เจอกัน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 23-04-2017 08:11:59
ขอบตุณสำหรับนิยายที่ดีนะครับ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 23-04-2017 10:31:03
จบแล้ววววว โอ๊ยๆเก้าช่างน่าสงสาร :laugh:

เรื่องต่อไปน่าสนใจจจจ น้องเก้า ก้อนกลม :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 24-04-2017 01:11:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 24-04-2017 07:52:16
เรื่องนี้เป็นเรื่องทีดีต่อใจจริงๆจะมารออ่านตอนพิเศษนะครับ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: GimNgek ที่ 24-04-2017 13:03:29
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ เนื้อเรื่องน่ารักละมุนอบอุ่นมากเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 24-04-2017 23:18:14
ดีต่อใจจจจจจจจ
เรารักพี่กีล์มาก ให้รางวัลนายเอกที่ครองสติได้ยอดเยี่ยมที่สุด สนุกมากเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 25-04-2017 14:46:35
สนุกดีครับ
ชอบช่วงแรกมากที่สุดครับ
ตอนแม่ใหญ่ก็ซึ้งสุดๆ
โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับคนที่ชอบความหวานๆครับ

ขอบคุณครับผู้แต่งสำหรับเรื่องสนุกๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: basza2x ที่ 25-04-2017 21:06:37
 :hao5: ขอบคุณมากฮ่ะ มัน feel good จริงๆ ดีต่อใจมากกกก อ่านวันเดียว รวดเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-04-2017 11:42:23


ขาดเธอเหมือนขาดใจ

เธอเป็นเช่นออกชิเจน จริงๆ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 26-04-2017 19:07:15
อื้อหือ ดีต่อใจมากมาย
เนื้อเรื่องน่ารักมากๆ
อ่านไปยิ้มไป โซโล่ กีต้าร์ หวานมาก
ชอบเก้าอ่ะ ตลกดี 5555+
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 27-04-2017 05:55:50
ชอบมากคร้าาาติดตามกันยาว ๆ ไปเลยน้าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Napa ที่ 27-04-2017 15:08:05
กีล์น่ารัก   :ling1: :ling1: :ling1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 28-04-2017 02:51:06
นิยายดีมาก ๆ เลยค่ะ

เสียน้ำตาไปช่วงแม่ใหญ่และเด็ก ๆ บนเขา ฮนือออ น้องมูนน่ารักมาก

ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายเรื่องราวดี ๆ

จะตามไปเรื่องของเก้าต่อนะคะ อิอิ

 :3123:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: pummy09 ที่ 28-04-2017 17:38:23
สนุกมากเลยนะคะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องๆๆดีที่เขียนให้อ่านกัน

ดีใจจังที่ต่อไปจะเป็นเรื่องของเก้าบ้าง แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าจะมีมั้ย

ฮ่าา จะรอนะคะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: nalavanh ที่ 28-04-2017 18:51:19
นิยายเรื่องนี้สนุกมาก รออ่านคู่ของเก้านะค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 29-04-2017 02:13:38
ชอบแรงมากกกกกกกกก
รออ่านเรื่องของเก้าเลยค่ะ  o13 o13 o13 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ CHAPTER43 P.31 [END] [22/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 29-04-2017 18:05:25

[Special] Moment : Part1

 

เด็กชายโซโล่ตอนสิบขวบ

โซโล่: มัม //เดินเข้าไปกอด//

ลลิซ: น้องโซ คุณแม่บอกว่ายังไงครับ

โซโล่: อยู่กับมัม…กับแม่ให้พูดภาษาไทย //ทำหน้ายู่//

ลลิซ: ใช่แล้ว ในตัวน้องโซมีเลือดคนไทยอยู่ด้วย เพราะงั้นถึงมาอยู่ที่นี่ก็ต้องพูดให้ได้นะครับ

โซโล่: ครับ //พยักหน้าหงึกหงัก//

ลลิซ: ไหนเอาอะไรมาให้คุณแม่ดู

โซโล่: คาบศิลปะครูบอกให้วาดรูปความสุขของฉัน //ยื่นกระดาษให้//

ลลิซ: แล้วทำไมมีแค่คุณแม่กับน้องโซล่ะครับ ไหนคุณพ่อหืม…

โซโล่: ต้องมีด้วยหรอ //ขมวดคิ้ว//

ลลิซ: คุณพ่อแค่ทำงานหนัก แต่ลืมท่านไม่ได้นะครับ //ลูบหัว//

โซโล่: คุณครูบอกให้วาดรูปความสุขแต่คุณพ่อไม่ใช่ความสุขของโซนี่

ลลิซ: //กอดทั้งน้ำตาซึม// แล้วในรูปน้องโซถืออะไรอยู่ล่ะเนี่ย

โซโล่: กีตาร์! คุณครูบอกให้วาดรูปความสุข นอกจากคุณแม่แล้วก็มีกีตาร์เป็นความสุขของโซ//ยิ้มแฉ่ง//

ลลิซ: ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูแลรักษากีตาร์ดีๆนะครับ

โซโล่: //พยักหน้าแรงๆ// โซยังใช้กีตาร์คุณแม่อยู่เลย สักวันโซจะมีกีตาร์เป็นของตัวเองแล้วจะเอาไปอวดคุณแม่ด้วยแหละ

ลลิซ: ต้อง ‘พา’ มาหาคุณแม่นะครับ //ยิ้ม//

--------------------------

 

เด็กชายจิรายุตอนสิบขวบ

ครูนิด: น้องกีล์ทำอะไรคะเนี่ย //ยื่นหน้าไปดู//

กีล์: ทำมงกุฎดอกไม้ให้แม่ใหญ่ครับ //ยิ้มอ่อนโยน//

ครูนิด: //บิดตัวเขิน(?)// ดีจังเลยน้า แต่อย่าให้น้องๆเห็นเชียว เดี๋ยวจะมางอแงขอบ้างนะคะ

กีล์: ไม่เป็นไรครับ จะทำให้น้องๆด้วยอยู่แล้ว

ครูนิด: แล้วทำให้แม่ใหญ่เนื่องในโอกาสอะไรเหรอคะ

กีล์: แม่ใหญ่ไม่สบาย กีล์เห็นแม่ใหญ่กินยาเยอะแยะเลย ครูนุชบอกว่าถ้าเอาดอกไม้ไปให้แม่ใหญ่จะหายดี //ยิ้มกว้าง//

ครูนิด: //แอบเช็ดน้ำตา// งั้นให้ครูนิดช่วยนะคะ เดี๋ยวครูนิดไปเอาดอกไม้มาเพิ่มให้

กีล์: ขอบคุณครับ

ครูนิด: //เดินกลับมาพร้อมดอกไม้// เด็กๆมาทำอะไรกันเยอะแยะคะเนี่ย

กีล์: น้องๆบอกว่าอยากช่วยครับ

นิว: แม่ใหญ่หายไวๆ

พริก: หนูช่วยด้วย

ปลา: อันหย่ายๆ

ครูนิด: //ยิ้มทั้งน้ำตาแล้วดึงน้องปลาที่เด็กสุดมากอด// เราช่วยกันทำเนอะ ครูใหญ่จะได้หายไวๆ

 

กีล์: //เดินเข้าไปหาพร้อมน้องๆ// แม่ใหญ่ครับ กีล์ให้

ครูใหญ่: //ทำตาโต// อะไรเหรอลูก

กีล์: กีล์กับน้องๆทำมาให้ หายไวๆนะครับ

ครูใหญ่: ขอบใจมากนะลูก กีล์ต้องดูแลน้องดีๆนะ //ลูบหัว//

กีล์: ครับแม่ใหญ่ กีล์จะดูแลน้องดีๆ รีบหายนะครับ

ครูใหญ่: แม่เคยบอกว่ารอยยิ้มของกีล์ทำให้คนมีความสุขจำได้หรือเปล่า

กีล์: //พยักหน้าหงึกหงัก// จำได้ครับ

ครูใหญ่: งั้นก็ยิ้มเร็วเข้า แม่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย

กีล์: กีล์เห็นคุณลุงท่าทางน่ากลัวคุยกับแม่ใหญ่...แล้วแม่ใหญ่ก็ล้มลง

ครูใหญ่: //ดึงมากอด// ไม่เป็นไรลูก แม่ไม่เป็นไร ยังอยู่กับกีล์ได้อีกหลายปีเลยเนอะ

กีล์: ครับ //กอดกลับแน่น//

ครูใหญ่: ต่อไปถ้ากีล์มีคนสำคัญแล้วก็ต้องดูแลเขาดีๆเหมือนที่ดูแลแม่กับน้องรู้ไหม

กีล์: //พยักหน้าหงึกหงัก// ถ้ากีล์มีคนนั้นแล้วกีล์จะพามาหาแม่ใหญ่นะครับ

-------------------

 

คุณอชิราตอนสิบขวบ

แม่จ๋า : คุณอชิราคะ

เก้า : อือฮึ

แม่จ๋า : คุณอชิราแมนไหมคะ

เก้า : จ๋าอยากให้เราแมนปะละ

แม่จ๋า : //ชักสีหน้าแล้วกลับมายิ้ม// คุณอชิราอย่ากวนตีนค่ะ เดี๋ยวโดนเตะ

เก้า : จ๋าชอบเล่นแรง //ทำแก้มป่อง//

แม่จ๋า : ฟังคุณแม่นะคะ ถ้าวันไหนคุณอชิราเจอคนที่ถูกใจ คุณอชิราต้องดูให้แน่ว่าเขาไม่มีใครแล้วค่อยลุยรู้ไหม

เก้า : ทำไมต้องดูอ่ะ ถ้าเราอยากได้เราก็เข้าไปแย่งเลยดิ

แม่จ๋า : //ดึงผมออกมาสามเส้น//

เก้า : เจ็บนะ! จ๋าโหดร้ายอ่ะ

แม่จ๋า : ถ้าคุณอชิราไปแย่งของคนอื่นแสดงว่าคุณอชิราไม่แมน คนแมนๆเขาไม่แย่งของใครค่ะ

เก้า : เหรอ //ลอยหน้าลอยตา//

แม่จ๋า : คุณอชิราอยากลองจมูกหักสักรอบไหม

เก้า : //ทำหน้าบึ้ง// แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเขามีใครยัง

แม่จ๋า : มีวิธีดูมากมายเลย ถ้าไม่โง่ก็สืบค่ะ ถามคนนั้นคนนี้ก็ยังได้

เก้า : //ทำหน้าครุ่นคิดจนปากยู่//

แม่จ๋า : เอาแบบนี้…คุณแม่จะบอกเคล็ดลับให้ค่ะ จำไว้ว่า เจอคนถูกใจให้ดูเป๋าตังค์

เก้า : ยังไงอ่ะ //ตาโต//

แม่จ๋า : ถ้าเขามีคนที่ชอบหรือถูกใจอยู่แล้วเขาจะชอบใส่รูปไว้ในกระเป๋าสตางค์ค่ะ

เก้า : อ๋ออออ

แม่จ๋า : แต่มันแค่เบื้องต้นนะคะ ไม่ใช่กับทุกคนหรอก คุณแม่ก็พูดให้มันดูเป็นหลักการไปอย่างนั้น

เก้า : //เข้าสู่โลกส่วนตัว ไม่ได้ยินประโยคหลัง//

แม่จ๋า : เข้าใจไหมคุณอชิรา //เขย่า//

เก้า : //พยักหน้า// เหมือนที่จ๋าเอารูปผู้ชายหล่อๆใส่ไว้หลังรูปป๋าปะ

แม่จ๋า : ไอ้เก้า!!!!

--------------------------------

 

คุณอชิรากับคุณเพื่อน

เก้า : ฟังกูนะโซ //ทำหน้าจริงจัง//

โซโล่ : ...

เก้า : จ๋าบอกว่า ต่อให้เราชอบใครสักคน ถ้าเขามีเจ้าของแล้วเราก็ไม่ควรเข้าไปเสือก

โซโล่ : ...

เก้า : เพราะงั้น...มึงจำไว้นะ //ทำหน้าตั้งใจ//

โซโล่ : ...

เก้า : เจอคนถูกใจให้ดูเป๋าตังค์

โซโล่ : ...

เก้า : มึงชอบพี่เขาใช่ปะ เปิดดูเลยเว้ย ถ้าเขามีแฟนหรือมีคนที่ชอบเขาต้องใส่รูปไว้ในเป๋าตังค์ชัวร์

โซโล่ : ... //ทำหน้าเนือย//

เก้า : แต่ถ้าเขามีแล้วมึงต้องถอยนะเว้ย จ๋าบอกว่ามันไม่แมน คนแมนไม่แย่งของคนอื่น

โซโล่ : เก้า

เก้า : ว่า

โซโล่ : ไหวไหม

เก้า : ไหวไรวะ กูสบายดี

โซโล่ : สมองอ่ะไหวไหม

เก้า : //ดึงผมเพื่อน// กล้าว่ากูเหรอ

โซโล่ : //ดึงมือเพื่อนออก// กลัวไม่สบาย

เก้า : อย่ามาพูดจาแปลกๆ กูหลอน มึงจะหลอกด่าอะไรกู //หรี่ตาไม่ไว้ใจ//

โซโล่ : กลัวเป็นบ้า บอกก่อนจะได้เลิกคบทัน

เก้า : ไอ้เพื่อนเลว! นี่จ๋าบอกกูเองเลยนะ รู้งี้กูไม่ช่วยมึงดีกว่า

โซโล่ : เรื่องแบบนั้นใครจะทำ //หันหน้าหนี//

-------------------------

 

สารคดีชีวิตฮัสกี้

กีล์: โซแนะนำตัวหน่อยครับ

โซโล่: โซโล่ ศิวโลคินทร์

กีล์: ชื่อจริงก็ชื่อนี้เหรอ

โซโล่: //พยักหน้า//

กีล์: ทำไมถึงชื่อนี้ล่ะครับมีความหมายไหม

โซโล่: …พ่อขอแม่แต่งงานตอนที่แม่กำลังโซโล่กีตาร์อยู่บนเวที //เสียงเย็นชา//

กีล์: //กระพริบตาปริบๆแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง// ที่เล่นกีตาร์เป็นเพราะคุณแม่สอนเหรอครับ

โซโล่: //พยักหน้า//

กีล์: เล่าเรื่องตัวเองหน่อยสิ

โซโล่: …

กีล์: พี่ถามเราก็ได้ โซพึ่งกลับมาจากต่างประเทศเหรอครับ //ก้มมองใบข้อมูล//

โซโล่: //พยักหน้า//

กีล์: ขยายความหน่อยสิ //ยิ้ม//

โซโล่: อยู่อังกฤษตั้งแต่จำความได้ เพิ่งกลับมาตอนจะเข้าเรียนที่นี่

กีล์: แล้วพูดภาษาไทยได้ยังไงเหรอครับ…อันนี้พี่ถามเองนะไม่มีในบท //หัวเราะสดใส//

โซโล่: แม่สอนตั้งแต่เด็กแล้ว //ยิ้มอ่อนโยน//

กีล์: พูดถึงแม่แล้วยิ้มเชียว //ลูบหัว//

โซโล่: … //เลิกคิ้วแล้วยิ้มมุมปาก//

กีล์: แล้วคุณแม่โซเป็นคนไทยเหรอครับ

โซโล่: แม่เป็นคนไทย พ่อเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ

กีล์: มิน่าล่ะ…สีผมสีตาคงได้มาจากคุณแม่หมดเลยสินะ พี่ก็ว่าแล้วว่าไม่น่าใช่คนไทยแท้

โซโล่: //พยักหน้า//

กีล์: ขี้เกียจพูดแล้วล่ะสิเรา งั้นพอก่อนก็ได้ครับ ไปทานข้าวกัน //ลุกขึ้นยืน//

โซโล่: กีตาร์… //ลุกตามแล้วเดินไปหา//

กีล์: ครับ?

โซโล่: ไม่ได้ยิ้มเพราะพูดถึงแม่สักหน่อย…

กีล์: …

โซโล่: ยิ้มเพราะกีตาร์น่ารักต่างหาก

กีล์: //แดงแปร๊ดดด//

-----------------------------------

 

คุณอชิรากับพี่กีล์

กีล์: ช่วงนี้เก้ามาแรงมากเลยนะครับ //ยิ้ม//

เก้า: หึ…อยากให้คนไปติดตามอีกเรื่องต่อล่ะสิเลยเพิ่มบทให้

กีล์: อย่าพูดแบบนั้นสิครับ เดี๋ยวก็โดนลบเรื่องหรอก

เก้า: ก็ลบสิ

กีล์: ถ้าลบคุณภูก็จะไม่มีบทนะครับ…แล้วเก้าก็จะไม่ได้เจอคุณภูด้วย

เก้า: //หรี่ตาครุ่นคิด// ขอโทษก็ได้

กีล์: ดีมาก

เก้า: ไอ้โซไปไหนอ่ะพี่

กีล์: คุยกับคุณภูอยู่ครับ

เก้า: อ๋อออ

กีล์: แล้วนี่ที่เก้าเพ้อหาในออกซิเจนหมายถึงคุณภูเหรอครับ

เก้า: //พยักหน้าหงึกหงัก// ก็ตอนนั้นเขาหายไปเลยอ่ะ! ผมหายังไงก็หาไม่เจอ

กีล์: นี่เจอกันตั้งแต่ตอนไหนเหรอครับ

เก้า: เจอกันก่อนผมเปิดเทอมปีหนึ่ง ตอนนั้นผมก็แอบหวังให้อยู่มหา’ลัยเดียวกันนะ แต่วิ่งหาทั่วมหาลัยแล้วก็ไม่เจอเลย //ถอนหายใจ//

กีล์: อ้าว…โซบอกว่าคุณภูก็อยู่มหา’ลัยเดียวกับเราไม่ใช่เหรอครับ พี่เองก็คิดว่าคุ้นหน้าอยู่ เหมือนจะเคยเจอตอนอยู่ปีหนึ่งปีสองนี่ล่ะ พอมาหลังๆก็ไม่ค่อยเจอแล้ว

เก้า: //พยักหน้า// ใช่พี่ เขาอายุเท่าพี่ไง พี่ก็น่าจะเคยเจออยู่ แต่ตอนผมอยู่ปีหนึ่งเขาไม่ได้อยู่ไทย…ได้มาเจอกันอีกทีก็ตอนผมขึ้นปีสอง เขาอยู่ปีสี่

กีล์: แล้วทำไมถึงมาเจอกันตอนปีสองล่ะครับ

เก้า: เขากลับมาไทยตอนผมอยู่ปีสอง…

กีล์: หืม…แปลกจัง อายุเท่าพี่ พี่เคยเจอตอนอยู่ปีหนึ่งปีสอง พอพี่ปีสี่เก้าบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ไทย เก้ามาเจออีกทีตอนพี่จบไปแล้ว งั้นก็เท่ากับว่าเขาดรอปไปตอนพี่อยู่ปีสี่สินะครับ

เก้า: เบื่อคนฉลาดจัง //เบะปาก//

กีล์: //หัวเราะ//

เก้า: พอเลย คุยกับพี่แล้วหลุดหมด ห้ามบอกๆ //เดินหนี//

กีล์: อ้าว…

เก้า: ไอ้โซ! พี่กีล์จะปล้ำกู!

โซโล่: กีตาร์!

กีล์: เอ่อ…

-------------------------

 

เรื่องหมาหมาของคุณอชิรา

เก้า: ที่บ้านผมเลี้ยงหมาด้วยนะ

ภู: ...

เก้า: พี่อยากรู้ปะชื่อไรบ้าง

ภู: ไม่

เก้า: หมาตัวแรกในชีวิตผมชื่อไข่อูฐ

ภู: ***

เก้า: มันมีสตอรี่นะพี่

ภู: ข้ามชื่อไอ้หมาเหี้ยนี่ไปที //กรอกตา//

เก้า: งั้นเอาหมาปัจจุบันก็ได้ คืองี้...ผมมีหมาอยู่5ตัว

ภู: จบยัง

เก้า: อย่าเพิ่งดิพี่ รู้จักชื่อก่อน ผมเอารูปให้ดู //เปิดรูป//

ภู: เออๆ สรุปชื่อไร

เก้า: ตัวนี้ชื่อแมคครี //ชี้ตัวแรก//

ภู: //เลิกคิ้วแปลกใจ//

เก้า: ตัวนี้ดีว่า //ชี้ต่อ//

ภู: //หน้าเริ่มนิ่ง//

เก้า: ส่วนนี่ฮันโซกับเก็นจิ //ชี้รูปคู่//

ภู: ...

เก้า: สุดท้ายนี่เมอร์ซี่...น่ารักปะ //ยืดอกภูมิใจ//

ภู: ไม่มีลูซิโอ้เหรอ

เก้า: //ทำหน้าตกใจ// พี่โคตรรู้ใจผมอ่ะ นี่เก็นจิกำลังท้องอยู่เลย ผมกะให้ตัวแรกชื่อลูซิโอ้พอดี

ภู: ตั้งชื่อว่าเก็นจิ...แต่ท้อง?

เก้า: ก็ใช่ไงพี่...มีแค่ดีว่ากับเมอร์ซี่ที่เป็นตัวผู้

ภู: มึงนี่...

เก้า: //ยิ้มแฉ่ง//

ภู: //ถอนหายใจแต่ก็ยิ้มแล้วยกมือขยี้หัวอีกคนจนยุ่งเหยิง//

---------

 

TALK : พาร์ทนี้มาจากแฟนเพจนะคะ เผื่อใครยังอ่านไม่ครบ ส่วนพาร์ทต่อๆไปจะเป็นพาร์ทเขียนขึ้นมาใหม่ค่ะ



 
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-04-2017 18:29:56
เก้า  น่ารัก ฉลาด เจ้าเล่ห์
ได้ความรู้จากแม่จ๋า แล้วบอกต่อโซโล่
กระเป๋าตัง บอกคนรักมีหรือไม่มี
โซโล่ กีล์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
มาหวานๆ ออกสื่อบ้างนะ คิดถึง
      :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 29-04-2017 18:56:41
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-04-2017 19:53:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-04-2017 20:11:12
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 29-04-2017 20:40:20
:) :) :)
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 30-04-2017 18:03:46
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 01-05-2017 09:53:16
เป็นเรื่องที่น่ารักมากเลย กีล์งานดีสุด ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 01-05-2017 10:31:28
นี่ชอบความเพื่อนกันของโซกะเก้า คนนึงอึน คนนึงแถ่ดดดๆๆ ลงตัวมาก  :jul3:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 02-05-2017 07:58:11
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
เดี๋ยวจะตามไปอุดหนุนหนังสือด้วย

อยู่กันมานาน ใจหายเหมือนกันเนอะ
ชอบความใจเย็นและความเด็ดเดี่ยวของกีล์จริงๆ

แล้วเจอกันในไนโตรเจนเนอะคุณคนเขียนนนน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 02-05-2017 10:12:44
น่ารักกกกก อ่านไปยิ้มไปตลอดด  :-[
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 03-05-2017 12:27:33
โซโล่กีล์ มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง กิ่งก่องแก้ว และสุภาพมากกกก แต่บทดราม่าก็เล่นเอาน้ำตาแตกไปหลายตอนเลย

ชายเก้านี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทนี่จะจิ้นกะโซโล่แล้วนะเนี่ยะะะ 555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 04-05-2017 09:56:53
 :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: jyube ที่ 05-05-2017 22:49:14
เรียกว่าต้องทำงานให้เสร็จค่อยมาอ่าน เพราะวางไม่ได้จริงๆ ค่ะ

ส่วนตัวชอบเรื่องนี้มากค่ะ โดยเฉพาะตัวละคร เป็นผู้ใหญ่ ไม่งี่เง่า ในยามที่อีกคนท้อแท้ก็อุ้มชูกัน

จริงๆ แล้วทั้งพระนายมีเรื่องราวที่จะว่าเหมือนก็เหมือน จะว่าต่างก็ต่าง ซึ่งรวมกันได้อย่างลงตัว

อ่านจบแล้ว รู้สึกอิ่มเอิบใจค่ะ ละมุนละไมดีจริงๆ ชอบแบบนี้แหละค่ะ ไม่ต้องดราม่าอะไรมากมายก็สนุกได้

ว่างๆ แวะมาแปะตอนพิเศษให้อ่านบ้างนะคะ คงจะคิดถึงพ่อหมาแม่หมาไปอีกสักพักเลยค่ะ

แล้วจะรอคอยเรื่องต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 07-05-2017 13:43:24
บรรยายเรื่องได้เข้าถึงใจมากกก ละมุนและเศร้า ซึ่งไปด้วยกัน
คือแบบมันดีมากอ่ะ นิยายเรื่องนี้
ชอบนิสัยของโซโล่ และชอบความเอาใจใส่ของกีล์
ชอบที่สุดคือเก้า 55555
ขอบคุณนักเขียนนะคะ ที่สร้างสรรค์ผลงานชั้นยอดเลยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part1 [29/04/17]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 07-05-2017 19:30:49

[Special] Moment : Part2

เจไดคนไร้ตัวตน

กีล์: จริงๆ ชื่อเจไดนี่เป็นชื่อที่คนเขียนชอบมากเลยนะครับ

เจได: ผมก็เคยได้ยินเหมือนกัน แต่คือตั้งชื่อที่ชอบให้ก็ต้องอยากให้เป็นตัวหลักดิ นี่คือกลายเป็นตัวประกอบเฉยเลย

กีล์: ไม่เป็นไรนะครับ //ยิ้ม//

เจได: ไม่เป็นก็ได้

กีล์: แต่เห็นว่ามีคนอยากให้เจไดมีคู่ด้วยนี่ครับ

เจได: ผมก็เห็นพี่ แต่ท่าจะยากอ่ะ

กีล์: ทำไมล่ะ

เจได: ผมเรียนหนัก ไม่มีเวลาไปสนเรื่องนั้นหรอก นี่เรื่องไอ้เก้าได้ออกเยอะก็ดีใจละ //หัวเราะ//

เก้า: พ่อคนหวังน้อย พ่อสุภาพบุรุษ //เบ้ปาก//

เจได: ทำไมมึงต้องมาแย่งซีนกูตลอดเลยวะ

เก้า: ทำไงได้คนมันHOT

เจได: //เมิน// แล้วนี่ไอ้โซไปไหนเหรอพี่กีล์

กีล์: เห็นว่าจะไปซื้อปลาทองนะครับ

เจได: ปลาทอง? ไอ้โซเนี่ยนะจะเลี้ยงปลา

กีล์: … //ยิ้ม//

เก้า: มันไปซื้อมาให้มึงนั่นล่ะ

เจได: ให้กูทำไมวะ //ทำหน้างง//

เก้า: ให้ปลาทองมาอยู่เป็นเพื่อนมึง มันสงสารมึงที่ไร้คู่ไงไอ้หมอ //หัวเราะอารมณ์ดี//

เจได: …

----------------

 

สามคิงเองไงจะใครล่ะ

ประมุข: เต้ พี่จักรไปไหนวะ

ฮ่องเต้: เข็นรถออกไปนอกบ้านคนเดียวเหมือนเดิม //ถอนหายใจ//

ประมุข: มีใครตามไปดูไหม

ฮ่องเต้: พี่จักรบอกว่าอยู่ในสวน ไม่ได้ไปไหนไกล ไม่ต้องให้ใครตามไปทั้งนั้น

ประมุข: มึงว่าเมื่อไหร่พี่จักรจะหายวะ…

ฮ่องเต้: ถ้าพี่จักรยังไม่เอาใคร ไม่ยอมทำกายภาพแบบตั้งใจสักที...เราก็คงทำอะไรไม่ได้

ประมุข: กูรู้สึกเหมือนเป็นน้องที่ไม่ได้เรื่องเลยว่ะ //หลุบตาลงต่ำ//

ฮ่องเต้: กูก็เหมือนกันนั่นล่ะ ทั้งที่เมื่อก่อนเราสนิทกันมากแท้ๆ

ประมุข: มึงว่าถ้าตอนนั้นกูเป็นฝ่ายไปกับแม่…

ฮ่องเต้: มึงอย่าพูดเรื่องแม่นะไอ้มุข! เดี๋ยวพี่จักรมาได้ยินก็ซวยหรอก //หันซ้ายหันขวา//

ประมุข: โทษๆ กูจะระวัง

ฮ่องเต้: อย่าพูดถึงอดีตที่แก้ไขไม่ได้อีก เรามานึกถึงอนาคตกันดีกว่า

ประมุข: หวังว่าพี่จักรจะเปิดใจให้ใครสักคน

ฮ่องเต้: ไอ้มุข! กูจำได้ว่าพ่อเราเคยรู้จักกับเจ้าของไร่อะไรสักอย่างปะวะ ที่เขามีลูกชายแล้วเคยมาเล่นกับเราอ่ะ

ประมุข: เออ...จำได้อยู่ ที่เขาปลูกดอกไม้ใช่ป่ะ

ฮ่องเต้: นั่นล่ะ มึงโทรหาพ่อเร็ว

ประมุข: เดี๋ยวๆ แล้วคุยเรื่องพี่จักรอยู่ดีๆ ไปเรื่องนั้น...เต้ มึงหมายถึง… //เบิกตากว้าง//

ฮ่องเต้: เออ ตอนเด็กๆ พี่จักรชอบดอกไม้มาก ทีนี้มึงเข้าใจที่กูจะสื่อยัง //ยิ้ม//

ประมุข: กูจะติดต่อพ่อเดี๋ยวนี้ //ยิ้มกว้าง//

----------------

 

ถ้าโซโล่ชอบเก้า

ซีน1

โซโล่: //จ้อง//

เก้า: มองเหี้ยไร

โซโล่: มองมึง

เก้า: หน้ากูเหมือนญาติมึงเหรอไง

โซโล่: …

 

ซีน2

เก้า: ไอ้เหี้ย ทำไมกูต้องมาวิ่งด้วยวะ

โซโล่: ก็มึงโดดประชุมชมรม

เก้า: แล้งมึงไม่เหนื่อยเหรอไงเนี่ย

โซโล่: เหนื่อย

เก้า: หน้านิ่งเหลือเกิน //ขมวดคิ้ว//

โซโล่: ได้คุยกับมึงก็หายเหนื่อยแล้ว

เก้า: คนเหี้ยไรคุยกับคนอื่นแล้วหายเหนื่อยได้วะ มึงบ้าป่ะ //เอามือทาบหน้าผากเพื่อน//

โซโล่: …

 

ถ้าเก้าชอบโซโล่

ซีน1

เก้า: โซ กูชอบมึง!

โซโล่: กูไม่ชอบมึง //หน้านิ่ง//

เก้า: เรื่องของมึงดิ ก็กูจะชอบอ่ะ //ยักไหล่//

โซโล่: …

 

ซีน2

เก้า: มึงกินนี่ดิ //ตักให้//

โซโล่: … //เอาเข้าปาก//

เก้า: วันนี้มึงกลับไง ไปส่งกูด้วยดิ

โซโล่: อืม

เก้า: โซ กูขี้เกียจเดิน ขี่หลังหน่อย

โซโล่: ...//ย่อตัวลงให้ขี่//

 

กีล์: เดี๋ยวนะครับ…ทำไมถ้าโซชอบเก้าดูยาก แต่เก้าชอบโซแล้วง่ายจัง //หัวเราะ//

เจได: ไอ้โซมันสู้ไอ้เก้าได้ที่ไหนล่ะพี่ เห็นกัดกันแบบนั้น จริงๆ เชื่อฟังยิ่งกว่าลูกอีก

กีล์: น่ารักจัง อยากเห็นตอนรักกันอยู่หน่อยๆ นะเนี่ย

เจได: เดี๋ยวๆ พี่กีล์ ใจเย็นนะ

--------------

 

วันๆ ของคนรักกัน

กีล์: โซ ทานข้าวครับ

โซโล่: อื้อ...//กลิ้งหนี//

กีล์: ลุกเร็วเข้า //เขย่าผ้าห่ม//

โซโล่: ง่วง…

กีล์: ปกติได้กลิ่นอาหารแล้วต้องตื่นไม่ใช่เหรอเรา //ยิ้ม//

โซโล่: //มุดหน้าลงกับหมอน//

กีล์: สงสัยเก้าแย่งทานหมดแล้วแน่เลย…

โซโล่: //ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว// มันมาได้ไง!

กีล์: //ส่ายหัวมองคนที่วิ่งออกจากห้องนอนยิ้มๆ แล้วเดินตามไป//

โซโล่: ไม่เห็นมีเลย

กีล์: พี่หลอกให้หมาขี้งอแงลุกจากเตียงเฉยๆ ครับ

โซโล่: กีตาร์ขี้โกหก //หน้างอ//

กีล์: ก็พ่อหมาของพี่ไม่ยอมลุกมาทานข้าวนี่นา //ยกมือจัดหัวที่ยุ่งเหยิงให้//

โซโล่: เมื่อคืนเล่นกีตาร์ดึกไปหน่อย //เดินเข้าไปกอดเอวแล้วเอาหน้าผากแนบหน้าผากกีล์//

กีล์: อ้อนเอาอะไรครับ //บีบแก้ม//

โซโล่: ง่วงนอน ไปนอนกันนะ

กีล์: แต่ข้าว...โซ! //โดนยกตัวลอย//

โซโล่: ไม่ฟัง //วางกีล์บนเตียงแล้วนอนทับ//

กีล์: พี่หนักนะครับ //ดันหน้าคนที่ทำท่าจะแนบหน้าลงมาด้วยไว้//

โซโล่: ไม่หนัก

กีล์: ตัวไม่ใช่เล็กเลยนะ ไม่หนักได้ยังไง

โซโล่: เปลี่ยนก็ได้ //หมุนตัวให้กีล์นอนทับแทน//

กีล์: หนักไหม //เขย่าตัว//

โซโล่: ไม่หนัก //กอดเอวไว้แน่น//

กีล์: หมาขี้โม้ //แนบใบหน้าลงที่อกอีกคน//

โซโล่: นอน

กีล์: นอนก็นอนครับ ปล่อยพี่แล้วนอนดีๆ

โซโล่: ไม่ปล่อย

กีล์: ไม่ลำบากหรือไง //ยกหัวขึ้นสบตาคนที่มองมาก่อนแล้ว//

โซโล่: ไม่ //ปล่อยแขนจากเอวแล้วใช้มือรั้งใบหน้าอีกคนเข้ามาจูบเบาๆ//

กีล์: ฉวยโอกาสจริงๆ //ส่ายหน้ายิ้มๆ//

โซโล่: นานๆ จะได้อยู่ด้วยกันตอนเช้า //หน้าบูด//

กีล์: พี่ต้องทำงานนี่ครับ //ลูบหัว//

โซโล่: ทำไมต้องไปเช้าขนาดนั้น

กีล์: มันไกลนี่นา ถ้าอยากตื่นพร้อมกันโซก็รีบเรียนให้จบแล้วมาทำงานกับพี่นะครับ

โซโล่: อืม… //ยิ้ม//

-----------------

 

สารคดีชีวิตพี่กีล์

โซโล่: //ก้มมองกระดาษคำถามแล้วขมวดคิ้ว// แนะนำตัวเอง…

กีล์: พี่ชื่อกีล์ครับ ชื่อจริงจิรายุ ส่วนกีตาร์เป็นชื่อพิเศษที่มีหมาตัวหนึ่งตั้งให้ //หัวเราะ//

โซโล่: เล่าเรื่องตัวเองหน่อย

กีล์: พี่เป็นเด็กกำพร้าครับ…มีแม่ใหญ่คอยดูแลมาตั้งแต่จำความได้ ถึงจะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่ก็เหมือนใช่ ชีวิตก็ไม่มีอะไรมาก ทำงานหาเงินเรียนอย่างเดียวเลย

โซโล่: กิจกรรมยามว่างล่ะ

กีล์: ถ้าตอนยังอยู่สถานรับเลี้ยงก็เลี้ยงน้องครับ ถ้าพวกสามคิงมาหาก็ไปเล่นกับพวกนั้น สนุกมากเลย พอโตมานอกจากเรียนกับทำงานก็ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ ที่ดูเป็นการพักมากที่สุดคงเป็นการเล่นโซเชียลในโทรศัพท์ก่อนนอนมั้งครับ

โซโล่: พูดถึงโทรศัพท์...ทำไมไม่เปลี่ยนสักที จิ้มไม่ค่อยติดแล้ว //ขมวดคิ้ว//

กีล์: พอดีมันเป็นของแพงๆ ชิ้นแรกที่พี่เก็บเงินซื้อเองน่ะครับ ถ้าต้องเปลี่ยนก็อยากให้พังก่อน ที่ต้องซื้อแบบเล่นโซเชียลได้ก็เพราะการทำงานหลายๆ อย่างเดี๋ยวนี้ต้องพึ่งพาการติดต่อทางโซเชียลทั้งนั้น ตอนนั้นกว่าจะตัดสินใจซื้อได้ก็เครียดไปหลายวันเลย พี่เลยไม่อยากเปลี่ยนง่ายๆ

โซโล่: คำถามต่อไป...สีที่ชอบ

กีล์: จริงๆ ก็ไม่ได้มีสีที่ชอบเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะให้เลือกคงเป็นสีเขียวมั้งครับ…มันให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติดี

โซโล่: อาชีพ

กีล์: ตอนนี้นอกจากเรียนโทแล้วก็ช่วยทำงานให้คุณท่านครับ //ยิ้ม//

โซโล่: พ่อใช้งานหนักใช่ไหม

กีล์: ไม่หรอกครับ เพราะท่านต้องอยู่ดูงานที่ภูเก็ตพี่เลยต้องคอยจัดการเรื่องทางนี้ให้ แค่รู้ว่าท่านไว้ใจพี่ขนาดนี้ก็หายเหนื่อยแล้ว

โซโล่: //พยักหน้าแล้วก้มมองกระดาษคำถาม// คำถามอะไรวะเนี่ย

กีล์: มีอะไรหรือเปล่าครับ

โซโล่: //ขยำกระดาษแล้วยิ้ม// สถานภาพ

กีล์: หืม...ในกระดาษมีคำถามนั้นด้วยเหรอ

โซโล่: ผมเป็นคนถาม เพราะงั้นจะถามอะไรก็ได้ //ยิ้มมุมปาก//

กีล์: เอางั้นก็ได้ครับ...ว่าแต่สถานภาพอะไรดีนะ

โซโล่: //หน้าบึ้ง//

กีล์: มีแฟนแล้วก็ได้ //ยื่นมือไปบีบจมูกคนขี้งอน//

โซโล่: แล้วไป…

กีล์: //ยิ้ม//

โซโล่: อนาคตวางแผนไว้ยังไงบ้าง

กีล์: อืม…ไม่ได้คิดอะไรมากเลยครับ แค่อยากจะใช้ชีวิตที่มีทั้งเวลาทำงานหรือเวลาว่างไปกับหมาตัวหนึ่งก็แค่นั้น

โซโล่: ผมก็เหมือนกัน //ยิ้มกว้าง//

---------------


TALK : ยังเปิดจองอยู่ถึง 15 มิ.ย.นะคะ ใครอยากเก็บสะสมอย่าลืมซื้อกันน้า : D

สั่งจอง : http://yholicbooks.lnwshop.com/





หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part2 P.32 [07/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 08-05-2017 05:53:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part2 P.32 [07/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 08-05-2017 06:25:00
เอ็นดูเด็กๆทีมนี้จริงๆ
ไปจองโลดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part2 P.32 [07/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 08-05-2017 10:59:52
น่ารักไปอีก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part2 P.32 [07/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-05-2017 22:07:35
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part2 P.32 [07/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 09-05-2017 08:38:32
น่าย๊ากกกมากกกกห :katai1: :katai2-1: :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part2 P.32 [07/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Imagine_chic ที่ 10-05-2017 11:42:05
เพิ่งมาตามอ่าน สนุกมากเลย
ตอนหวานก็หวานจนบิด ตอนเศร้าก็น้ำตาซึม
ทำให้อินไปกับตัวละครทุกอารมณ์เลย
ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้นะคะ
จะติดตามเรื่องของเก้า และเรื่องต่อๆไปค่ะ
แต่แอบอยากอ่านตอนที่โซโล่ กีตาร์ น้องมูนอยู่ด้วยกันจัง :ling1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part2 P.32 [07/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 11-05-2017 00:40:27
สนุกมากเลยค่ะ อยากได้แบบพี่กีล์
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part2 P.32 [07/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 11-05-2017 04:41:41
อ่านรวดเดียวจบเลยย แบบว่าชอบมากกกกก ละมุนสุดดดดดด อื้ออออออออออ >//////////////<
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part2 P.32 [07/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 20-05-2017 06:26:52
น่ารักมากกก ฟีลกู๊ดสุดๆ เจ้าหมาโซน่ารักมาก ถึงจะอวดรวยอวดหล่อก็ตาม แต่มันเรื่องจริงให้อภัย555555 พี่กีล์น่ารักกก อยากได้เขาาา อะไรจะเทคแคร์ดีขนาดนี้ อิจฉาเจ้าฮัสกี้
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [Special] Moment : Part2 P.32 [07/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 22-05-2017 04:00:25
คอนิยายสายละมุนต้องทางนี้เลยยย  o13
เก้าน่ารักอะ ไว้จะตามไปอ่านนะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ แจ้งข่าว[กิจกรรม] P.33 [29/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 31-05-2017 12:17:44
สรุปแล้วเรื่องนี้คนที่น่าสงสารที่สุดคือนุ้งเก้าของเรานั่นเอง 55555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ แจ้งข่าว[กิจกรรม] P.33 [29/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 02-06-2017 21:28:00
มันสนุกมากกกกกกก ดีงามที่สุด อ่านไปยิ้มไป เลิฟมาก  เก้าคือคนที่ต้องยกความดีความชอบความกวนตีนที่สุด
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ แจ้งข่าว[กิจกรรม] P.33 [29/05/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 04-06-2017 06:09:29
เป็นเรื่องที่สนุกมากกกกกกก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 26-06-2017 11:08:32
ชอบบรรยากาศของ พี่กีส์ ดูเรียบๆเย็นๆ เหมือนพี่หมอฐานทัพ ในเรื่อง ผมจีบหมอ เลย

แต่เรื่องนี้หนักกว่า มีเนื้อแน่นกว่า พี่กีส์ดูนิ่งๆ มั่นคง เป็นผู้ใหญ่มากๆ

อยากอ่าน NC น้องหมาจะจัดหนักขนาดไหนนะ 5555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-07-2017 06:33:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 10-07-2017 10:35:55
สนุกมากครับ น่ารักทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 17-07-2017 19:05:09
 :o8: :-[ รุ้สึกเหม็นความรักไปหมด แรกๆก็ง่วงซะอย่างดีเลยโซโล พอได้รุกก็หวานนนนเชียวววว อิจมากก555555 สรุกมากเลยค่ะ แต่ละฉากบรรยายได้เห็นภาพมาก มันอบอวนไปด้วยความรักจริงๆ สนุกๆมากค่ะ
ปล.อยากอ่านคุณซีพี่เจย์ มันต้องดีแน่ๆ 55555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 26-07-2017 15:32:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-08-2017 15:05:47
จบแล้ววววว น่ารักมากกกเลย
พี่กีล์คือความดีงามของโลกใบนี้จริงๆอะ โซโล่ก้เป็นหมาน้อยที่น่ารักเสมอเลยย
แอบชอบคู่คุณพ่อกับเจย์เบาๆ มีความเหมือนนน พ่อลูกเหมือนกันมากกก
คนมาปราบมาอยู่ข้างๆเลยคล้ายๆกันไปหมดด
น้องมูนก้น่ารักน่าเอ็นดูมากก
ความสำเร็จของทุกคนนี่อยู่ภายใต้การช่วยเหลือของเก้าล้วนๆเลยค่ะ
 เป็นคนที่แบบบ ไม่รุ้จะอธิบายยังไงงง
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆน่ารักๆแบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 29-08-2017 01:35:24
               :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 24-09-2017 10:36:14
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-09-2017 11:07:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-10-2017 16:52:32
 o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 03-10-2017 21:04:10
พึ่งได้มาอ่าน สนุกมากเลยยย
พี่กีล์คือผู้อยู่เหนือปัญหาทุกอย่างจริงๆ
ชอบในความขี้อ้อนของโซกับความขี้ตามใจของพี่กีล์มาก น่าร้าก
เป็นเรื่องที่อบอุ่นมากๆเลยค่ะ ของคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :mew1:

ป.ล.จะมีตอนพิเศษของคุณพ่อกับพี่เจย์มั้ยน้า
ป.ล.2 น้องมูนน่าเอ็นดูมากกกกกๆๆค่ะ แอบอยากเห็นเรื่องของน้องตอนโตจัง :impress2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 04-11-2017 19:57:32
ชั้นกลับมาหาฮัลกี้ตัวนี้อีกแล้ว คิดถึงนางจริงๆ อยากเลี้นงหมาเงย5565555 ชอบจังมึนดี นิยายดีๆที่คู่ควร
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 12-11-2017 23:01:12
น่ารักมากเลยละมุนละมอมชอบมากค่ะแต่ตอนที่คุณแม่ใหญ่เสียทำน้ำตาไหลเลยมันเจ็บปวดใจตามกีล์เลยค่ะ ขอบคณที่เขียนิยายดีๆมาให้อ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: NooMary ที่ 06-12-2017 23:16:50
ช่วงแม่ใหญ่เสีย  ซึ้งมากค่ะ  นี่ร้องไห้ตามเลย  โซโล่เป็นหมาน้อยที่น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 16-12-2017 00:45:07
ขอบคุณสำหรับนิยายที่น่ารักขนาดนี้ ^^
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [จบ.]
เริ่มหัวข้อโดย: CHESS. ที่ 01-01-2018 20:08:17


ตอนพิเศษ : Happy New Year



ตั้งแต่เล็กจนโตผมไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมตามเทศกาลต่างๆ มากนัก ถ้าไม่ใช่ว่าต้องเรียนหรือทำงาน ผมก็มักจะนอนหลับยาวเพราะอยากพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันต่อๆ ไป และถึงแม้ว่าจะเรียนจบไปแล้ว ทั้งยังไม่ได้ลำบากเหมือนเมื่อก่อน แต่การต้องบินไปบินมาเพื่อทำงานให้คุณท่านก็เหนื่อยไม่ใช่น้อย ตอนแรกผมคิดว่าถ้าโซโล่เรียนจบแล้วทุกอย่างอาจจะง่ายกว่าเดิม ที่ไหนได้...กลายเป็นว่าเจ้าหมาเรียนจบ คุณท่านก็แทบจะโยนงานทุกอย่างให้ลูกทำ ทั้งที่ตัวเองยังอายุไม่ถึงสี่สิบด้วยซ้ำ


‘ฉันจะพาเจย์ไปเที่ยว’


ผมจำไม่ได้ว่าตอนได้ยินประโยคนั้นตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป แต่ที่รู้ๆ คือมันคงไม่ใช่สีหน้าที่ดีนัก คุณเจย์ที่ยืนหน้าแดงตัวแดงอยู่ไม่ไกลถึงได้ทำราวกับสงสารผมเสียเต็มประดา

สงสารแล้วยังไงต่อ…

เอาเป็นว่าวันต่อมาทั้งสองคนก็หายหน้าไปโดยไม่บอกไม่กล่าวสักคำเลยก็แล้วกัน เพียงเท่านั้นผมก็เข้าใจได้ในทันที…

“โดนทิ้งเข้าให้แล้ว”

“โดนทิ้งอะไร” เสียงง่วงๆ ของคนที่เพิ่งตื่นนอนดังขึ้นไม่ไกลนัก และไม่ต้องรอให้หันกลับไปตอบ มือปลาหมึกของใครบางคนก็เลื้อยมากอดเอวผมไว้จากทางด้านหลังแทบจะทันที

“คุณท่านกับคุณเจย์หนีไปเที่ยวแล้วน่ะสิครับ” ผมอธิบายก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลูบแขนของคนที่กอดเอวตัวเองเอาไว้เบาๆ ส่วนมืออีกข้างก็ทำหน้าที่เคี่ยวแกงที่อยู่บนเตาต่อไปด้วยความเคยชิน

“ไปอีกแล้วเหรอ” หมาหน้าบึ้งทำเสียงหงุดหงิด “ทีผมขอไปบ้างไม่ให้ไป”

“นั่นเพราะเราพาพี่หนีเที่ยวทีไรยาวทุกทีเลยน่ะสิ”

จำได้ว่าเมื่อปีก่อนหลังจากที่เรียนจบแล้วกลับมาที่นี่ เจ้าหมาก็เคยลากผมหนีเที่ยวโดยไม่บอกคุณท่านสักคำ เล่นเอาฝั่งนั้นโกรธจนตัวสั่น เกือบจะเอามีดเชือดตุ๊กตาหมาน้อยที่อยู่บนเตียงของโซโล่ทิ้ง คนติดตุ๊กตาเลยรีบพาผมกลับมารับโทษแต่โดยดี เท่านั้นยังไม่พอ... ผ่านไปไม่ถึงเดือนเจ้าหมาก็หนีเที่ยวอีก ครั้งนี้วางแผนกับเก้าเสียดิบดี อาศัยช่วงที่งานไม่ยุ่งเทงานแบบเนียนๆ ไปให้พ่อตัวเอง จากนั้นก็ลากผมไปเที่ยวด้วยกันยาวเกือบอาทิตย์ ผมจำได้ดีว่าตอนกลับมาคุณท่านทำหน้าตาน่ากลัวขนาดไหน ดีที่คุณภูที่ไปด้วยกันออกปากให้ตามคำขอของเด็กแสบ คุณท่านถึงได้ยอมงดโทษเจ้าหมา ตอนแรกผมก็ว่าจะชมอยู่หรอก เพียงแต่ว่า…วันต่อมาก็เทงานมาให้โซโล่บ้างแล้วพาคุณเจย์หนีไปหน้าตาเฉย

นิสัยเหมือนกันจริงๆ เลย…

“แต่ผมก็เคลียร์งานหมดก่อนไปนะ” เจ้าหมาตัวโตบอกเสียงงอแงแล้วเอาจมูกถูไหล่ผมไปมา เรียกได้ว่าหมดมาดทายาท RK ที่ใครหลายๆ คนให้ความเคารพไปแล้วเรียบร้อย

“แล้วเราลืมไปหรือเปล่าครับ ว่างานยังไงก็ต้องมีมาทุกวัน” ผมปิดเตาที่อุ่นแกงไว้ ก่อนจะดึงแขนปลาหมึกออกจากเอวแล้วหันไปเผชิญหน้ากับหมาด้านหลัง

โซโล่ซึ่งยังคงอยู่ในชุดนอนเบะปากน้อยๆ เมื่อผมแกะแขนเขาออก ดวงตาทั้งสองข้างกะพริบปริบๆ จ้องผมอ้อนๆ ทั้งยังทำท่าเหมือนจะหลับได้ตลอดเวลา พอเห็นผมมองกลับยิ้มๆ โดยไม่พูดอะไรเจ้าตัวก็ยกมือเกาหัวยุ่งๆ ของตัวเองแล้วเดินเข้ามากอด

“กีตาร์...หิวแล้ว”

“ครับๆ เดี๋ยวพี่ตักข้าวให้นะ” ผมลูบหัวคนขี้อ้อนเบาๆ สองสามทีทั้งรอยยิ้ม เสร็จแล้วก็ตั้งท่าจะผละออก แต่แขนเหนียวหนึบของคนตัวสูงกว่ากลับไม่ยอมปล่อย ผมพยายามแกะได้สองสามทีก็เลิกพยายามเพราะรู้ดีว่าคงไม่ได้ผล

“อือ...ง่วง”

“สรุปเราจะง่วงหรือจะหิวเนี่ย”

“ทั้งสองอย่าง”

“ได้ด้วยเหรอ” ผมหัวเราะอารมณ์ดีเมื่อได้ยินคำตอบตามสไตล์ของเจ้าหมา

“นอนตักกีตาร์ไปกินไปได้ไหม”

“นอนกินไม่ได้ครับ”

“งั้นกอดไปกินไป” โซโล่ยังต่อลองไม่หยุด แถมเสียงยังอ้อนขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับอีกต่างหาก

“สรุปคือจะไม่ปล่อยพี่เลยสินะ” ว่าแล้วก็หันข้างไปเลิกคิ้วถาม แต่ยังไม่ทันได้รับคำตอบคนที่เมื่อครู่ฟุบหน้าอยู่กับไหล่ผมกลับเงยหน้าขึ้นมากดจมูดลงบนแก้มผมอย่างแรงโดยไม่ให้ตั้งตัว

“หอม”

ยังกล้าพูดอีก…

ผมส่ายหน้าหน่ายโดยไม่ถือสาคนฉวยโอกาสที่ทำให้ตัวเองรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า โชคดีที่ไม่มีคนเห็น…

“อรุณสวัสดิ์ครับ” เสียงเล็กๆ ของเด็กชายตัวน้อยที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาอุณหภูมิของใบหน้าที่เริ่มคงที่พลุ่งพล่านหนักกว่าเดิม ผมพยายามดันปลาหมึกออกจากตัว แต่ดูเหมือนเจ้าหมาปลาหมึกตัวนี้จะไม่ให้ความร่วมมือนัก ขนาดรู้ว่ามีคนมาเห็นก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่อีก

“โซ ปล่อยก่อนครับ น้องมูนดูอยู่นะ” ผมเตือนซ้ำ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะไม่ยอมปล่อยแล้วเขายังออกแรงกอดผมแน่นกว่าเดิมด้วย

“พี่กีล์” เสียงเรียกซ้ำของน้องมูนทำให้ผมหน้าร้อนหนักกว่าเดิม อยากจะแกะสิ่งแปลกปลอมที่แทบจะสิงเข้ามาในตัวออกแต่ก็ทำไม่ได้เสียที

“โซ…”

“อือ”

“ปล่อยก่อนครับ” ผมแกล้งทำเสียงดุจนอ้อมแขนที่กอดรัดคลายออก เจ้าหมาที่ซุกหัวอยู่กับไหล่เงยหน้ามองกลับมาด้วยสายตางอนๆ เหมือนจะต่อว่า เท่านั้นยังไม่พอ…

“ขัดจังหวะ”

ยังมีการหันไปว่าน้องอีกนะ…

“อย่าว่าน้องสิครับ”

เจ้าหมาเบะปากทันทีที่เห็นผมปกป้องน้องมูน ไม่ได้นึกเลยว่าเด็กตรงหน้าเป็นน้องเขา แม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแต่ตัวเองก็สมควรจะปกป้องน้องมากกว่าผมเสียอีก

“น้องมูนมานี่เร็ว” ผมดึงแก้มหมาข้างตัวเบาๆ เป็นเชิงง้อก่อนจะหันไปเรียกเด็กชายที่ยืนอยู่หน้าห้องครัวให้เข้ามาหา

น้องมูนมาอยู่ที่นี่ได้สามปีกว่าแล้ว จากเด็กชายตัวน้อยตากลมแก้มป่องน่ารักในวันวาน ตอนนี้ตัวโตขึ้นกว่าเดิมมาก ผิวขาวๆ ที่แสงแดงไม่สามารถทำอะไรได้ยังคงขาวสว่างราวหิมะเหมือนเช่นเคย แก้มพองๆ แดงๆ นั้นก็ยังเหมือนเดิม สิ่งที่แตกต่างคงเป็นสายตา… เดิมทีน้องมีตากลมโตสดใสที่ดูน่ารักน่าชัง ตอนนี้ผมก็ไม่ปฏิเสธว่ามันยังคงเป็นเช่นเดิม เพียงแต่…มีหลายครั้งที่ผมแอบเห็นดวงตากลมโตคู่นั้นแปรเปลี่ยนเป็นคมกริบยามจ้องมองคนที่เข้ามาแกล้งตัวเอง

ผมมีโอกาสได้เข้าไปรับน้องที่โรงเรียนอยู่หลายครั้ง แน่นอนว่าแทบทุกครั้งผมจะไปถึงก่อนเวลา บางทีน้องมูนเดินออกมาแล้วยังไม่เห็นผมก็มักจะเดินไปหาที่นั่งรอ และนั่นทำให้ผมเห็นว่าเขาโดนคนเข้ามาแกล้งบ่อยขนาดไหน แต่หลังจากนั้นไม่นานก็จะมีเด็กผู้ชายอีกคนวิ่งเข้ามาขวางแล้วผลักคนแกล้งน้องมูนออกจนวิ่งหนีไปทุกครั้ง

‘น้องระ’ หรือเด็กชายระฟ้าเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของน้องมูน เขาคอยปกป้องน้องมูนอยู่เสมอทั้งที่ตัวก็โตกว่าไม่เท่าไหร่ เวลาน้องระหันไปมอง เด็กชายที่โดนปกป้องมักจะทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ แต่ผมที่มองอยู่ตลอดย่อมสังเกตเห็น…

เห็นว่าน้องมูนเปลี่ยนดวงตากลมโตของตัวเองให้คมกริบและน่ากลัวขนาดไหนยามที่น้องระมองไม่เห็น

“ไม่น่าให้อยู่กับเก้าแล้วก็คุณท่านนานๆ เลย”

“พี่กีล์?” คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมเอียงคอสงสัย จากที่ว่าจะถามอะไรเสียหน่อย พอเห็นดวงตากลมโตอ้อนๆ ทีไรก็หมดคำพูดทุกที

เอาเถอะ...อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด

“น้องมูนหิวข้าวหรือยังครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องแล้วดึงเจ้าตัวเล็กที่เริ่มไม่เล็กเข้ามากอดไว้แบบที่ชอบทำ เหมือนจะได้ยินเสียงฟึดฟัดไม่พอใจจากคนที่ยืนอยู่ด้านหลังนิดหน่อยแต่ผมก็เลือกที่จะมองข้ามไปก่อน ต้องยอมรับว่าผมเองก็แอบชอบอยู่เหมือนกันเวลาเจ้าหมางอน

ท่าทางงอแงแบบนั้นมันน่ารักจะตายนี่นะ…

“ยังครับ” น้องมูนยิ้มนิดๆ ก่อนจะส่ายหัวดุ๊กดิ๊กในแบบที่ผมมองว่ามันน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน...น่าเอ็นดูจนสามารถทำให้ผมมองข้ามนิสัยแปลกๆ ไปได้ทั้งหมด

“แล้ววันนี้น้องระจะมาหาหรือเปล่าครับ” ผมถามถึงเพื่อนสนิทของน้องที่ชอบมาหาบ่อยๆ ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา

ช่วงนี้น้องมูนกับน้องระตัวติดกันมาก เพราะตั้งแต่คุณท่่านบอกว่าปีหน้าจะให้น้องไปเรียนต่อที่อังกฤษ น้องระก็งอแงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่บ่อยๆ ส่วนน้องมูนถึงจะทำเหมือนเชื่อฟัง แต่ผมมองออกว่าน้องเองก็คงไม่อยากแยกกับน้องระนัก

“ระโกรธผม” แม้จะเคยชินกับการที่น้องเปลี่ยนแปลงการพูดจาไปแล้ว แต่ผมก็ยอมรับว่ารู้สึกใจหายอยู่ทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดคำจาแบบผู้ใหญ่ที่น้องแสดงออกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

น้องมูนถูกเลี้ยงดูโดยคนหลายคน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคุณท่าน แม้จะมีคุณเจย์อยู่ด้วย แต่ก็คงซึบซับลักษณะนิสัยของนักธุรกิจมาไม่น้อย ทำเอาผมอดกังวลใจไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ทำได้เพียงช่วยประคับประคองให้น้องไม่กลายเป็นคนแข็งกร้าวเกินไปนัก แต่นี่ถ้าน้องได้ไปอยู่อังกฤษกับคุณท่านแล้วก็คุณเจย์ที่ต้องกลับไปเคลียร์งานฝั่งนั้นจริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน

เห็นทีคงต้องชวนเจ้าหมาไปอังกฤษบ่อยๆ เสียแล้ว...

“กีตาร์...” เสียงเรียกแผ่วเบาพร้อมแรงสัมผัสที่ไหล่ทำให้ผมรู้สึกตัว โซโล่ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองไปทางเด็กชายตัวน้อยที่เม้มปากแน่น ดวงตากลมโตของน้องมูนดูสั่นไหวเหมือนจะร้องไห้

ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา...นี่นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นน้องทำตัวเหมือนเด็กเช่นเมื่อก่อน

“จัดการสิครับ” ผมกระซิบบอกคนข้างกาย ในขณะที่คนฟังขมวดคิ้วมุ่นเหมือนจะถามว่าให้เขาเนี่ยนะจัดการ พอเห็นผมพยักหน้าย้ำก็ทำหน้าตายุ่งยากใจเหมือนไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่สุดท้ายเมื่อน้ำตาเม็ดเล็กๆ หยดลงมาจากหางตาของน้องมูน เจ้าหมาก็ทรุดตัวลงนั่งแทบจะทันที

“ร้องทำไม” หมาหน้าตายถามเสียงเรียบ แต่นอกจากจะไม่ตอบแล้วน้องมูนยังสะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิมจนกลายเป็นร้องไห้โฮ เจ้าตัวเล็กของบ้านเดินเข้าหาแล้วกอดคอพี่ชายตัวเองไว้แน่น ทำเอาคนโดนกอดทำอะไรไม่ถูก มือไม้ยกขึ้นยกลงจนน่าขำ

“ระ...ฮึก...ระโกรธ”

“โกรธก็ง้อสิ” คำปลอบใจมีหรือจะดังออกมาจากปากของโซโล่ เจ้าหมาพูดเสียงหน่าย ขัดกับมือที่ยกขึ้นลูบหลังน้องโดยสิ้นเชิง

ผมมองภาพสองพี่น้องกอดกันกลมยิ้มๆ จวบจนโดนหมาตัวโตดึงขากางเกงให้นั่งลงตามไปช่วยปลอบน้องถึงได้รู้สึกตัว จริงๆ ผมจะปลอบน้องมูนเองแต่แรกก็ย่อมได้ เพราะเข้าใจดีอยู่แล้วว่าถ้าเป็นเรื่องของเพื่อนคนสำคัญน้องจะแสดงออกไม่เหมือนเรื่องของคนอื่น ดังนั้นผมเลยรู้ดีว่าควรจัดการยังไง เพียงแต่บางคร้ังผมก็รู้สึกเหมือนน้องมูนอยากให้พี่ชายตัวเองปลอบมากกว่า

จะว่าไปก็คงตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะมั้ง...ที่น้องชอบเข้าหาโซโล่มากกว่าใคร

หลังจากนั้นไม่นานน้องมูนก็หยุดร้องไห้แล้วกลับไปทำหน้าตาอึมครึมเหมือนเดิม แม้แต่ตอนที่ทานข้าวน้องก็ยังนั่งซึมไม่ยอมพูดจา แถมยังทานนิดเดียว จนสุดท้ายผมกับโซโล่ต้องมองหน้ากันแล้วตัดสินใจลุกขึ้นยืน

“ไปหาน้องระกันครับ” ผมยื่นมือไปให้น้องมูนจับ พอได้ยินชื่อเพื่อนสนิทแล้วเจ้าตัวเล็กก็เม้มปากแน่น ลังเลอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะลุกขึ้นจับมือผมแล้วเดินออกไปนอกบ้านพร้อมกันโดยมีโซโล่เดินตามอยู่ด้านหลัง

บ้านของน้องระอยู่ไม่ห่างจากบ้านของเรานัก น้องเคยชี้ให้ดูตอนที่พวกเราออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่ผมยังไม่เคยไปหาถึงบ้าน เพราะฝั่งนั้นมักจะปั่นจักรยานมาหาเองอยู่เสมอ แม้แต่คุณพ่อคุณแม่ของน้องผมก็ไม่เคยเจอ เพราะปกติเวลาไปรับน้องมูนมักจะเห็นเป็นคุณลุงคนขับรถของน้องระที่ขับรถมารับมากกว่า

ตลอดทางที่เดินมาน้องมูนจับมือผมไว้แน่น ท่าทางของเด็กชายตัวน้อยข้างกายเหมือนจะคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาจนผมไม่อยากกวนนัก แต่พอมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านแล้วคนที่จับมือผมไว้กลับยืนนิ่งไม่ยอมขยับ ผมเองก็ไม่ได้เร่งรัดเพราะอยากให้น้องมูนคิดเอง

แต่ผมลืมไปว่ามีคนความอดทนต่ำอยู่ตรงนี้อีกคน...

“จับนานไปแล้ว” เจ้าหมาเดินเข้ามาแทรกกลางแล้วดึงมือน้องมูนออกจากมือผมหน้าตาเฉย พอผมหันไปมองก็ทำลอยหน้าลอยตาแล้วเนียนจับมือผมไว้แทน

“โซ...”

“ผมหวง”

ได้ข่าวว่านั่นน้องชาย...ยังไม่จบประถมเลยด้วยซ้ำ

“แต่…"

“หวง”

พูดซ้ำแบบนี้แล้วผมจะทำอะไรได้...นอกจากยิ้มแล้วบีบมือเขากลับ

โชคดีที่พอจับมือผมไว้แล้วเจ้าหมาก็ไม่ได้เร่งรัดน้องอีก เรายืนนิ่งกันอยู่ตรงนั้นพักใหญ่กว่าน้องมูนจะขยับไปกดออดที่หน้าบ้านน้องระ เพียงไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะเป็นแม่บ้านเดินออกมาจากด้านใน

“มาหาใครคะ”

“มาหาน้องระครับ” ผมยิ้มให้เธอน้อยๆ แต่กลับโดนหมาข้างกายกระตุกมือด้วยความไม่พอใจ

“ห้ามยิ้มนะ” โซโล่พูดด้วยเสียงไม่เบานัก

“เบาๆ สิครับ” ผมกระซิบเตือนจนคนฟังหน้าบูด สะบัดหน้าหนีเหมือนจะงอนแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ เห็นแบบนั้นแล้วผมก็ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันกลับไปอธิบาย “ผมพาน้องมูนมาหาน้องระครับ”

“อ๋อ...เพื่อนคุณหนูนี่เอง เชิญเลยค่ะ” เธอยิ้มเขินๆ แล้วรีบเปิดประตูให้ แต่พอผมจะเดินผ่านหน้าเธอกลับเหลือบมองแล้วทำหน้าแดงใส่อีก คราวนี้คนที่จับมือผมไว้ขมวดคิ้วไม่พอใจ ปล่อยมือออกแล้วเปลี่ยนเป็นโอบไหล่แทนแทบจะทันที เจ้าหมาขี้หวงยิ้มสมใจเมื่อเห็นคนมองตามทำหน้าเหวอ ผมอยากจะว่าก็ว่าไม่ลงเพราะพ่อหมาดูจะอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน สุดท้ายเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

หลังจากเข้าไปในบ้านหลังโตแล้วคุณแม่บ้านที่ผมเพิ่งรู้ว่าชื่อจิ๊บก็ไปตามคุณหนูของเธอลงมาให้ ใช้เวลาไม่นานนักน้องระก็วิ่งลงมาจากชั้นบน

“มูน!” น้องระเบิกตากว้างแล้วรีบวิ่งเข้ามาหา พอถึงตัวแล้วก็พลิกซ้ายพลิกขวาจนน้องมูนหมุนสามร้อยหกสิบองศา “เป็นอะไรหรือเปล่า ใครแกล้ง บอกระนะ”

ดูท่าทางน้องจะเข้าใจผิด แถมยังไม่หันมาสนใจผมเลยสักนิด

“ระ” น้องมูนพูดเสียงออดอ้อนจนผมกับโซโล่ต้องมองหน้ากัน ดวงตากลมใสเป็นประกายระยิบระยับเหมือนเมื่อก่อนจ้องน้องระเขม็งก่อนจะขยับเข้าไปกอดแขน

ปกติผมก็พอจะเดาได้ว่าเวลาอยู่กับน้องระแล้วเด็กคนนี้จะทำตัวไม่เหมือนเวลาอยู่กับคนอื่น แต่มาเห็นชัดเจนว่ามันต่างกันมากๆ เอาก็วันนี้เอง...

พอน้องเข้าไปอ้อนแล้วน้องระคนแมนก็กอดกลับแน่นทั้งยังลูบหัวน้องมูนเป็นเชิงปลอบไม่หยุด เหมือนจะเข้าใจไปแล้วว่าอีกฝ่ายโดนทำร้ายมา

“ระอย่าโกรธนะ”

พอทั้งคู่เริ่มเข้าโหมดงอแงใส่กันผมเลยถอยออกมายืนอยู่ห่างๆ โดยไม่ลืมลากเจ้าหมาออกมาด้วย กะว่่าอีกสักพักทั้งคู่คงหันมาสังเกตเห็นเอง แต่พอเห็นท่าทีที่เหมือนโลกนี้จะมีกันอยู่เพียงสองคน ผมเลยตัดสินใจเดินออกมาจากบ้านแล้วบอกคุณแม่บ้านว่าจะมารับน้องตอนเย็นแทน โซโล่ดูจะพอใจมากที่ผมทำแบบนั้น เจ้าตัวถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุดแม้เราจะเดินกลับมาถึงบ้านแล้ว

“โซว่าน้องมูนของเราตัวสูงขึ้นไวเกินไปหรือเปล่าครับ” ผมหันไปถามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างกายด้วยความสงสัย

“ทำไมเหรอ”

“พี่จำได้ว่าเมื่อก่อนน้องมูนตัวเล็กเอามากๆ ตอนที่รู้จักกับน้องระใหม่ๆ ยังสูงไม่ถึงอกน้องระเลยด้วยซ้ำ แต่นี่...”

“จะเท่าอยู่แล้วสินะ”

อย่าว่าแต่เท่าเลย...เร็วๆ นี้คงแซงแน่ ไม่รู้น้องมูนโตไวหรือน้องระโตช้ากันแน่

น้องระฟ้าเป็นเด็กผู้ชายตัวขาวหน้าตาดีที่ดูจะ...เถื่อนอยู่เล็กน้อย อาจเพราะอีกฝ่ายชอบปกป้องน้องมูนใครต่อใครถึงได้มองภาพเป็นแบบนั้น ทั้งยังมีแผลตามตัวอยู่เป็นประจำอีกต่างหาก จะบอกว่าเป็นเด็กที่ดูนักเลงเอามากๆ ก็คงไม่ผิดนัก ผมยังเคยเห็นน้องต่อยเพื่อนร่วมชั้นจนฟันหักกับตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ

“คิดเรื่องคนอื่นอีกแล้ว”

“หืม” ผมหันไปมองคนพูดงงๆ ก่อนจะพบว่าเจ้าตัวกำลังกอดอกทำหน้าตาบึ้งตึงมองมาอยู่เช่นกัน เจ้าหมาอ้าแขนออกกว้างๆ เป็นเชิงบอกว่าต้องการอะไร สุดท้ายเมื่อผมขยับเข้าไปหาตามความต้องการเขาก็รวบผมเข้าไปกอดไว้แน่น

“อุตส่าห์ได้อยู่กันสองคน ยังนึกถึงคนอื่นอีก”

“พี่แค่สงสัยเองนะ”

“สงสัยก็ไม่ได้”

ไม่รู้จะเรียกว่าน่ารักหรือน่าตีเหมือนกัน...

“ครับๆ ไม่คิดถึงคนอื่นแล้ว”

“ดีมาก”

ผมหัวเราะเบาๆ อยู่ในอ้อมกอดเจ้าหมาที่กระชับแน่นขึ้น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อสายตากลับเหลือบไปเห็นปฏิทินที่แขวนอยู่ไม่ไกลนักเข้าเสียก่อน...

นี่เข้าปี 2561 แล้วเหรอเนี่ย...

“โซ…"

“ครับ”

“โซเคยฉลองปีใหม่หรือเปล่าครับ”

“เคย...ตั้งแต่แม่ยังอยู่” คนที่กอดผมไว้แน่นตัวสั่นเล็กน้อยยามพูดถึงคุณแม่ แต่เมื่อผมคิดจะเงยหน้า เขากลับกดหัวผมไว้ราวกับไม่ต้องการให้เห็นสีหน้าเขาในยามนี้

“พี่เองก็ไม่ได้ฉลองนานแล้วครับ” ผมพิงหน้าลงกับแผ่นอกกว้างของใครอีกคน ก่อนจะเริ่มพูดเรื่องของตัวเองออกมา “ล่าสุดก็ตั้งแต่สมัยยังอยู่สถานรับเลี้ยงเหมือนกัน จำได้ว่าตอนนั้นเราฉลองกันด้วยโจ๊กกับขนมซองที่มีคนบริจาคให้”

“แค่นั้นเองเหรอ”

“ครับ...พี่จำได้ว่าตัวเองมีความสุขมากเลย” ผมยิ้มนิดๆ ยามนึกถึงช่วงเวลาในตอนนั้น “แต่พี่คิดว่าสิ่งที่ทำให้พี่มีความสุข ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นวันขึ้นปีใหม่หรอก...”

“…”

“แต่เป็นเพราะมันเป็นวันที่เราได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากับคนที่เรารักต่างหาก”

ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่มีความหมาย...

“นั่นสินะ”

“สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะครับโซ”

ไม่ใช่ปีแรกที่ผมกับโซโล่ต้องทำงานกันข้ามปีแบบนี้ รู้ตัวอีกที เขาก็เฉลิมฉลองกันข้ามปีไปเรียบร้อยแล้ว เราทำงานกันจนแทบลืมวันเวลา ไม่ได้มีเวลาพักผ่อนมากมายนัก พอว่างทีก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในห้องสองคนเพื่อนอนข้างๆ กันแล้วตื่นมาในเช้าวันถัดไป เพราะงั้นจึงไม่แปลกนัก ที่ผมจะมานึกได้เอาตอนนี้ว่าวันนี้เลยวันปีใหม่ไปแล้ว

“สวัสดีปีใหม่...กีตาร์” โซโล่กระซิบเสียงแผ่วข้างใบหู พอผมเงยหน้ามอง เขาก็กดจมูกและริมฝีปากลงที่หน้าผากของผมเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้ “ขอบคุณสำหรับปีที่ผ่านมา”

“…”

“และทุกปีจากนี้ไป”

“เช่นกันครับ”

วันปีใหม่ของเราก็เป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้นเอง...

วันที่เรารักกัน...มากขึ้น...เพิ่มขึ้นเหมือนทุกวัน...

และเป็นดั่งลมหายใจ...

ไม่เปลี่ยนแปลง...




——————————-


Happy New Year ค่ะ  : )






หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 01-01-2018 20:43:57
สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :pig3:

น้องมูนน้องระ น่ารักก
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 01-01-2018 20:46:23
ผ่านไปแปปๆน้องมูนเข้าประถมแล้วหรอเนี่ยยย เจ้าฮัสกี้ยังคงชอบอ้อนพี่กีล์เหมือนเดิมม
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 01-01-2018 21:00:51
พี่กีล์ของน้องงงงงงงงงงงงง
แฮปปี้ยิวเยียร์ค่ะ ขอให้มีแต่เรื่องดีๆเข้ามานะคะ
ปล.จะมีภาคของน้องมูนมั๊ยคะ? เรื่องของน้องน่าจะสนุกมาก ฮา
 :call:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: Namshine ที่ 01-01-2018 22:14:36
หมาโซยังขี้อ้อนขี้หวงไม่เปลี่ยนเลยนะ :impress2: //จะมาภาคของน้องมูนรึเปล่าน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-01-2018 22:24:39
โซโลืขี้หวงไม่เปลี่ยนเล้ยยยย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 02-01-2018 06:50:53
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ^_^
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 03-01-2018 13:08:39
ขอบคุณคนแต่งค่า
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 03-01-2018 22:54:47
อิจฉา ชีวิตดี้…ดี
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 09-01-2018 23:43:56
เนื้อหาดีเหลือเกิน ติดตามจนวางไม่ลง
ละมุนที่สุด หวานและมีหน่วงนิดๆ
ครบรส

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 14-01-2018 08:07:22
อบอุ่นจัง คิดถึง  :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 21-03-2018 15:03:01
กีตาร์กับหมาขี้ดื้อ!!!! น่ารักจริงๆเลยน้าคู่นี้
พ่อกับพี่เจย์ก็น่ารัก อยู่ดีๆก็มีน้องมูนมาเป็นลูกมีมันมีแด๊ด อิอิ ครอบครัวที่สมบูรณ์
น้องเก้านี่น่ารักมากๆอ่าบอกเลย ไม่มีอะไรที่เก้าทำไม่ได้ เรื่องยากทุกเรื่อง ง่ายหมด 555
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 23-03-2018 11:41:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 24-03-2018 07:52:37
คิดถึงเรื่องนี้อีกแล้วววข้าาาาาาาาาา ชอบบบบบบหมามึยนน
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 25-03-2018 15:58:33
 o13
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 02-06-2018 08:34:35
ดีเหลือเกิน ชอบมากก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-09-2018 10:48:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-10-2018 21:22:51
กลับมาอ่านอีกรอบ ก็น้ำตาไหลอีกรอบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: sackyjung ที่ 08-10-2018 23:38:06
กลัขมาอ่านอีกรอบแล้ววว ขอบคุณนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 19-10-2018 13:11:08
กลับมาอ่านอีกรอบก็เอ็นดูโซโล่ อ้อนพี่เค้าตลอดเลยนะคะ :-[
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 23-10-2018 22:55:48
สนุกมากๆ พี่กีล์กับโซโล่น่ารักมากๆ  :กอด1:   ตอนที่กีล์ไปเฝ้าแม่ใหญ่ก่อนสิ้นใจมันเศร้ามาก  :m15:
เราก็เคยผ่านเหตุการณ์นั้นมาเหมือนกัน  :m15:   คนเขียนเขียนเก่งอ่ะ อ่านแล้วรู้สึกตามเลย 
แต่พอหลุดจากตอนนั้นมาแล้วที่เหลืออ่านไปยิ้มไป. เก้าน่ารัก เจย์น่ารัก น้องมูนน่ารัก    :pig4:     :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 17-11-2018 02:45:57
Feel good มากกกก :L2:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 27-12-2018 10:55:47
สนุกมาก อุ่นไปทั้งใจเลย ทั้งคู่มั่นคงมากๆ น่ารักๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 11-01-2019 22:04:43
อยากเลี้ยงหมาเลย
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 20-03-2019 21:10:51
กลับมาอ่านอีกรอบ
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: Jusjus ที่ 21-03-2019 00:12:48
อ่านกี่รอบก็ชอบบบ :mew1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 24-06-2019 22:24:23
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 04-02-2020 20:12:37
สนุกสนานกันไปกับนิยายน่ารักๆ มี3kingกับภีมโผล่มานิดหน่อยพอให้นึกถึง ดีงามค่ะ อ่านเรื่องต่อไป :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 10-02-2020 22:51:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-02-2020 22:13:37
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ┌▼Oxygen ออกซิเจน▲┘ [ตอนพิเศษ HNY P.33]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 16-09-2020 21:39:31
น่ารักมาก ๆ ครับ น่ารักทั้ง 2 คู่ เลยครับ   :pig4: