พิมพ์หน้านี้ - LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เขมกันต์ ที่ 13-03-2018 19:36:34

หัวข้อ: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 13-03-2018 19:36:34
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



-------------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามแล้วค่ะ ขอฝากผลงานเรื่องนี้ด้วยนะคะ


ผลงานเรื่องเก่าๆ ค่ะ

กว่าจะเข้ากันได้ END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51505.0)
-- รอตีพิมพ์

เมฆ ฤ จะเหนือภูเขา™  END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54963.0)

That's Wine I Love You  END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59232.0)
-- กำลังรีไรท์และรอตีพิมพ์

Wishing You  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66313.0)
-- ON AIR


เรื่องสั้นค่ะ

ลูกแก้ว END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55897.0)

ฝากทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คเพื่อพูดคุยหรือติดตาม ได้ที่นี่ค่ะ จิ้มตามไปเลย
Twitter (https://twitter.com/khemmakan)
Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)

:mew1: :mew1: :mew1:

ไปอ่านกันเลยค่ะ


*** เล่นหวยกันมั้ยจ๊ะ ***

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดแรกมันก็จะลุ้นหน่อยๆ 13 Mar 2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 13-03-2018 19:55:16
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/03/12/ttigoE.md.jpg) (https://www.picz.in.th/image/ttigoE)


งวดแรกมันก็จะลุ้นหน่อยๆ


"เลขขึ้นยังป้า" น้ำเสียงปนเหน่อของชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีดังมาจากด้านหลังของป้าที่ชายหนุ่มนั้นเพิ่งได้

ถามออกไปที่ต้องถามแทนที่จะเห็นด้วยตาตัวเองก็เพราะรูปร่างป้านั้นอ้วนเทอะทะ ทำให้เขาแทรกตัวหรือชะโงกหน้าเข้าไปดูได้ค่อนข้างลำบาก





         “เดี๋ยวสิวะ” ป้าหันมาตอบอย่างขัดใจ



"เห็นมั้ยป้า ฉันเห็นแล้วแต่ไม่ค่อยมั่นใจ" เขาเร่งซ้ำด้วยความใจร้อน



“โอ๊ย อะไรกัน ไอ้น้ำ เลขเพิ่งขึ้น เอ็งก็อยากรู้เดี๋ยวนี้เลยหรือไง” ป้าบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก



 "เลขไรป้า บอกหน่อยดิ"  ไอ้น้ำยังไม่ยอมแพ้ ถามอีกครั้ง



“บ๊ะ! ไอ้น้ำ ข้าเพิ่งพูดอยู่หยกๆ ถ้าเลขข้าเคลื่อนนะ ข้าจะแพ่นกบาลเอ็ง” ป้าบ่นอีกครั้งตามวิถีคนบ้าหวย



“ฉันก็ใจร้อนอยากรู้เหมือนกันนี่” ชายหนุ่มบ่นอุบ และพยายามยื่นหน้าข้ามศีรษะของป้าไป



“ได้แล้วๆ นางสาย เอ็งมาดูสิว่า เอ็งเห็นเลขเดียวกันกับข้าไหม” ป้าแถวหน้าคนเดิมร้องเรียกเพื่อนสนิทที่ขายของด้วยกันในตลาดให้เข้ามาดูอีกแรง

         

          “แปดกับเก้า ใช่หรือเปล่าวะ นางแช่ม” ป้าสายที่มาใหม่พูดตัวเลขขึ้น

         

          “ใช่ๆ แปดกับเก้า เอ็งนี่มันเพื่อนข้าจริงๆ เดี๋ยวให้นางเล็กมาดูด้วย ถ้าเห็นเหมือนกันสามคนข้าว่า งวดนี้มาแน่”



            “ร้อนจริง นี่กว่าจะเดินมาถึง เหงื่อซ่กเลย ไหนๆ นางสาย นางแช่ม เห็นเลขหรือยัง” นางเล็กผู้มาทีหลังสุดเบียดแทรกทุกคนเข้าไปโดยไม่สนใจ



            “เออ ข้ากำลังมองหาเอ็งอยู่พอดี เอ้า เข้ามาดูสิ” ป้าแช่มบอกเพื่อนร่วมอุดมการณ์ พลางใช้ร่างอันเทอะทะนั้นกันคนอื่นให้ออกไปเพื่อให้นางเล็กแทรกเข้ามาได้



            “อืม ตัวหลังนี่ เก้าแน่ๆ แต่ตัวหน้า แปดเหรอวะ ข้าไม่แน่ใจ” นางเล็กพึมพำ



            “เห็นไหม นางสาย งวดนี้แปดเก้า แน่ๆ ข้าจะเล่นให้หนักๆ เลย เห็นเหมือนกันสามคนขนาดนี้” นางแช่มพูดขึ้น ประกายตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง



 “แต่...ผมว่า ตัวหน้าไม่ใช่แปดหรอก ป้า” ชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่เหล่าป้า หันมามองทางเขา แล้วแทรกตัวเข้าไปหน้าต้นไม้นั้นที่มีแป้งสีขาวๆ ทาอยู่



“เนี่ย สามชัวร์” ชายหนุ่มบอกด้วยความมั่นอกมั่นใจ พร้อมชี้นิ้วไปบริเวณวงรอบแป้งสีขาวบนต้นไม้ ที่ป้าไปลูบแป้งไว้

         

          “ฮึ่ย มันจะเป็นเลขสามไปได้ยังไง ไอ้น้ำ เอ็งดูดีๆ เห็นหรือเปล่า” ป้าแช่มคนเดิมชี้นิ้วไปจิ้มต้นไม้ย้ำๆ หลายครั้ง ด้วยความขัดใจ



            “ก็ที่เดียวกันนั่นแหละป้า สามกับเก้า ชัดๆ”



            “เรื่องของเอ็งละกัน ตาใครตามัน ดวงใครดวงมันเว้ยไอ้หนู ถ้าไม่ถูกก็อย่ามาอิจฉาพวกข้าก็แล้วกัน" ป้าแช่มพูดจบพลางเรียกเพื่อนของตนเองกลับตลาดเพื่อกลับไปขายของต่อ พรุ่งนี้ก็จะรวยกันแล้ว



            ไอ้น้ำ ชื่อที่ป้าแช่มเรียก ยังยืนดูเลขบนต้นไม้ด้วยความไม่เข้าใจ



            มันจะเป็น แปดกับเก้าไปได้อย่างไร



            ในเมื่อมันคือสามกับเก้าชัดๆ !!



"แม่ง จะเข้าบ้านได้ไหมวะเนี่ย ป่านนี้แม่กับฝนนอนแล้วแน่เลย สงสัยคืนนี้ได้นอนกะไอ้ด่าง อีปุยแหง" ชายหนุ่มพึมพำบ่นระหว่างเดินกลับบ้าน เขามัวแต่เถลไถล เดินหาล็อตเตอร์รี่จนมืดค่ำ กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้ว



"สามเก้า หาแถววัดไม่เจอสักใบ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปดูแถวตลาดดีกว่า อาจจะโชคดีเจอสักใบ ว่าแต่ลอตเตอรี่จะเหลือเลขให้ซื้อไหมวะ"



            เสียงหมาบางแก้วพากันเห่าแข่งกันขรมเมื่อเห็นเงาดำทะมึนของไอ้น้ำเดินเข้ามาในเขตของบ้าน แต่เมื่อพวกมันพบว่าเป็นคนคุ้นหน้า เจ้านายของมันเอง ก็ต่างพากันครางหงิงแล้ววิ่งเข้ามาพันแข้งพันขาทันที



            “คืนนี้ข้าขอนอนด้วยได้ไหมวะ ไอ้ด่าง อีปุย” ไอ้น้ำถามเจ้าหมาสองตัวที่ไม่ได้เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย





ถ้าเวลานี้ที่กรุงเทพฯ ล่ะก็ แค่เพียงเริ่มต้นราตรีกาลเท่านั้น แต่ทว่าต่างจังหวัดแบบนี้ แค่ตะวันตกดินชาวบ้านก็เตรียมเข้านอนกันแล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าตรู่ ลุกขึ้นทำมาหากิน แม่ของเขาเองก็เช่นกัน



            “ถ้าไม่อยากมานอนบนบ้าน พี่น้ำจะนอนกับพวกมันก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำให้พี่น้ำนั้นสะดุ้งขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว พอหันไปทางต้นเสียงก็เจอใบหน้าขาวใสเปื้อนรอยยิ้มส่งมาให้



            “อ้าว น้ำฝน ยังไม่นอนหรือ”



            “ยัง ฉันกำลังอ่านหนังสือ ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว” หญิงสาวตอบ



            “เหรอ ตั้งใจเข้าล่ะ” พี่น้ำตอบพร้อมกับร่ำลาเจ้าหมาสองตัว



            “แล้วพี่จะขึ้นบ้านไหม หรือจะนอนกับหมา ฉันจะได้ปิดประตู” น้ำฝนพูดพลางเตรียมปิดประตูจริงๆ



            “เฮ้ย เดี๋ยวก่อน ไปดิวะ นี่เอ็งเป็นน้องหรือแม่ข้ากันแน่วะ ทั้งโหดทั้งดุ” ไอ้น้ำบ่นก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดไม้ที่อยู่หน้าบ้านเพื่อขึ้นบ้าน



            “ฉันเป็นน้องพี่นั่นแหละดีแล้ว เพราะถ้าต้องเป็นแม่ ฉันคงเหนื่อยน่าดู ที่มีลูกแบบนี้” น้องสาวของไอ้น้ำตอบคำถามนั้นโดยไม่ถนอมน้ำใจพี่ชายเลยแม้แต่น้อย



            “เออ ข้ามันไม่ดี รู้แล้ว เอ็งไม่ต้องมาย้ำ”



            “ถ้ารู้แล้วก็รีบกลับกรุงเทพฯ ไปหางานทำใหม่สักที ถ้าไม่คิดจะกลับไปแล้วก็มาช่วยฉันกับแม่ทำสวน มัวแต่ไปขูดหาเลข ไร้สาระ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย” หญิงสาวตอบหลังจากที่ปิดประตูเสร็จเรียบร้อย



            “ตอนนี้ ข้าเล่นหวยก็สนุกดี ไว้ข้าเบื่อเมื่อไหร่ก็จะกลับกรุงเทพฯ เองนั่นแหละ เอ็งไม่ต้องบ่นแล้ว แม่ชลาลัย อายุแค่สิบเจ็ด ทำมาบ่นสอนข้ายังกับ คนชรา” คำสุดท้าย พี่ชายตั้งใจพูดกระทบน้องสาวว่าทำตัวแก่เกินวัยไปเสียเหลือเกิน เขาไม่ได้โกรธที่ถูกน้องสาวดุด่า แต่กลับขำขันมากกว่าจึงตั้งใจพูดเย้าแหย่อีกฝ่ายออกไป



            “ฉันจะพูดเหมือนคนแก่ก็ช่าง พี่ไม่ต้องยุ่ง” หญิงสาวสะบัดหน้าเตรียมเข้านอนของตัวเอง



            “บ๊ะ! ทีเรื่องข้านั้นเอ็งยุ่งจังเลย ว่าแต่แม่ล่ะ นอนแล้วเหรอ” เขาถามเพราะไม่เห็นแม่



            “ก็แหงสิ แม่ทำงานทั้งวัน จะให้ตื่นมารอรับพี่เหรอ”



            “อ้อ..” ชายหนุ่มรับคำในคอ พยักหน้าว่าเข้าใจ



            “กินข้าวมาหรือยังล่ะ แม่เก็บอาหารไว้ในครัว ถ้าพี่ไม่กินก็เอามันเข้าตู้เย็นด้วย อย่าให้มันบูดเน่าเสียก่อน เข้าใจไหม” น้ำฝนสั่ง



            “เข้าใจแล้วครับ คุณน้ำฝน”



            “ฉันจะอ่านหนังสือต่อ อย่าทำเสียงดังล่ะ” น้ำฝนกล่าวย้ำก่อนจะปิดประตูห้องนอนของตนเองลง





            พี่น้ำของน้ำฝน ยิ้มให้น้องสาว แม้ว่าเธอจะไม่เห็นเลยก็ตาม ชายหนุ่มรู้ดีว่า น้องสาวของเธอเป็นคนพูดจาตรง โผงผาง จนรู้สึกเหมือนกำลังถูกดุหรือด่าตลอดเวลา แต่เขาก็รู้ดีว่า น้ำฝนนั้นปากร้ายไปอย่างนั้น แต่ใจจริงแล้วนั้นรักและห่วงพี่ชายคนนี้มากแค่ไหน





            ช่วงสายวันถัดมา ไอ้น้ำ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเรียบง่าย เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์ขาสั้นประมาณเข่า ระหว่างที่เขากำลังใส่รองเท้าแตะอยู่หน้าบ้านนั้นก็มีใครบางคนเรียกชื่อเขาขึ้นมา



            “อ้าว เจ้าน้ำ แต่งตัวจะไปไหนอีกล่ะ” แม่น้อย แม่ของไอ้น้ำถามขึ้น หญิงสาวเพิ่งกลับจากการไปดูสวนมาตั้งแต่เช้า



            “วันนี้วันอะไร แม่จำไม่ได้หรือจ๊ะ” น้ำย้อนถามแม่บังเกิดเกล้าของตน



            “วันอะไร ข้าจำไม่ได้หรอก”



            “แม่ก็ วันนี้วันหวยออกไงจ๊ะ แม่ลืมใช่หรือเปล่า” ไอ้น้ำหรี่ตามองแม่แล้วเฉลยให้ฟัง



            “เออ จริงด้วย ข้าลืมเสียสนิทเลย แล้วนี่จะไปไหน ข้ายังไม่ได้จดเลขให้เลย เอาเลขของข้าไปด้วย เมื่อคืนนี้ก็ฝันดีเชียว”



            “เดี๋ยวฉันก็กลับมาอีกรอบ” น้ำบอกเพื่อให้แม่ไม่ต้องรีบ



            “ตอนเอ็งกลับมา ข้าก็กลับไปสวนแล้ว กลัวจะคลาดกันเสียเปล่าๆ”



            “ฉันบอกแม่แล้วว่าเดี๋ยวนี้ มีอินเทอร์เน็ต ถ้าแม่ยอมใช้ ก็ส่งข้อความให้ฉันได้ทุกที่ทุกเวลาเลย” ไอ้น้ำทวนความจำให้แม่อีกครั้ง เขาบอกแม่หลายต่อหลายครั้งแล้วว่ามันมีบริการการส่งข้อความฟรีๆ ไม่เสียตังหลายรูปแบบ เพียงแค่เรามีอินเทอร์เน็ต แล้วเขาก็จัดการซื้อโปรโมชั่นอินเทอร์เน็ตพร้อมลงแอปพลิเคชั่นให้แม่แล้วด้วย แต่ทว่าแม่ของเขาก็ไม่ยอมใช้มันเสียที



“โอ๊ย เน็ต เหนิดอะไร ข้าใช้ไม่เป็นหรอก มันยุ่งยาก จดลงกระดาษแบบนี้แหละดีแล้ว รอก่อน” แม่น้อยพูดพลางรีบเดินขึ้นบันไดเพื่อจะเขียนเลขที่ตนเองฝันเมื่อคืนให้ลูกชาย



ไอ้น้ำรออยู่ไม่นาน แม่ของเขาก็เดินลงมาจากบันไดในมือถือกระดาษใบประมาณนามบัตรมาด้วยพร้อมยื่นให้ น้ำรับมาดูก่อนจะพูดว่า



“แม่...เมื่อวานฉันเห็นเลขบนต้นไม้ในวัดที่พวกป้าแช่ม ป้าสาย ป้าเล็กที่อยู่ในตลาดชอบไปขูดเลขกันอะ”



“เหรอ แล้วเอ็งเห็นเลขมาหรือเปล่า เจ้าน้ำ” แม่น้อยถามเสียงเบาเกือบจะกระซิบ พร้อมประกายตาระยิบระยับ ราวกับว่าเรื่องที่จะได้ยินนั้นเป็นเรื่องที่เป็นความสุขของชีวิตทั้งหมดแล้ว



“เห็นสิจ๊ะ แม่ แต่ฉันเห็นเลขไม่เหมือนสามป้านั่นนะ” ไอ้น้ำกระซิบตอบแม่เบาพอกัน



“เลขไม่เหมือนกันทุกตัวเลยเหรอ”



“เปล่า แม่ ไม่เหมือนแค่ตัวหน้าตัวเดียว ฉันเห็นสามกับเก้า แต่ป้าเขาเห็น แปดกับเก้าจ้ะ แม่จะเชื่อฉันหรือพวกป้าๆ ล่ะ”



“ข้าก็ต้องเชื่อเอ็งสิวะ ลูกข้าทั้งคนจะไม่เชื่อได้อย่างไร ข้าเอาด้วย ใส่เลขที่เอ็งเห็นไปให้ข้าด้วย บนล่างเลยนะ” แม่น้อยบอกลูกชาย โดยละตัวเลขไว้ไม่ยอมพูดเพราะกลัวเลขเคลื่อน



“ได้จ้ะ เอาตัวละกี่บาท เอาเท่าเดิมที่แม่เล่นไหม ยี่สิบบาท”



“ห้าสิบบาทเลย” แม่น้อยตอบอย่างแน่วแน่ ท่าทางของเจ้าน้ำที่กำลังจะจดตัวเลขลงบนกระดาษแผ่นเล็กใบนั้นหยุดชะงักลง



“ห้าสิบบาทเลยเหรอ แม่ เยอะไปหรือเปล่า” ไอ้น้ำท้วงเพราะถ้าไม่ถูกขึ้นมา เขาโดนแม่ด่าเปิงแน่



“ทำไมล่ะ งวดเดียวเท่านั้นแหละ เห็นว่าเป็นเลขจากเอ็ง ข้าทุ่มหมดตัว”



“ก็ฉันกลัว ถ้าไม่ถูกขึ้นมา เดี๋ยวแม่จะด่าฉัน”



“ไม่ด่าหรอก เรื่องหวย นี่มันดวงใครดวงมัน”



“แม่รับปากจะไม่ด่าฉันแล้วนะ งั้นฉันเอาหวยไปส่งก่อน” ไอ้น้ำทวนคำสัญญาของแม่น้อย ก่อนจะเขียนตัวเลขลงทันทีแล้วเดินผิวปากออกจากบ้านไป





แม่น้อยเห็นลูกชายเดินออกจากบ้านไปก็เดินขึ้นบันไดเข้าบ้านเช่นกัน ระหว่างนั้นก็นึกขึ้นได้ สีหน้ากังวลขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงทันที



‘แล้วมันกินข้าวหรือยังเนี่ย!!!’



ไอ้น้ำ เดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังตลาดก่อน เจ้าตัวตั้งใจไปหาซื้อล็อตเตอรี่ก่อน จังหวะที่เขากำลังเลือกหาซื้อล็อตเตอรี่นั้นก็ได้ยินแม่ค้าหลายคนในตลาดพากันพูดเรื่องตำรวจคนใหม่ที่มาแทนคนเก่าเพราะเกษียณอายุไปเมื่อเดือนก่อน



“นี่น้า มีตำรวจคนใหม่มาเหรอ” ไอ้น้ำแทรกถามคนขายแผงล็อตเตอรี่ที่มันยืนเลือกอยู่



“ใช่ เอ็งยังไม่รู้เรื่องเหรอ”



“ยังจ้ะ ยัง น้าเล่าให้ฉันบ้างสิ” สกิลการเผือกของไอ้น้ำไม่เป็นรองใคร บ้านนอกแบบนี้หูตาต้องไว



“ได้ เขาว่ามาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วนะ ยังหนุ่มยังแน่น เห็นว่าโดนย้ายมาเพราะ..เพราะ..” เจ้าของแผงหวยพูดติดขัดขึ้นมาคล้ายว่าคิดคำพูดไม่ถูก



“เพราะอะไรอะ น้า” เด็กหนุ่มคนซื้อหวยถามด้วยความอยากรู้



“อะไรวะ มันติดอยู่ที่ปาก อะไร คติ .. ติ .. โอ๊ย ข้านึกไม่ออก”



“ทัศนคติ ใช่มั้ยน้า” ไอ้น้ำ ลองเดาคำบอกอีกฝ่าย



“เออ พูดยากจังเว้ย คำนั้นแหละ เห็นว่าไม่ตรงกับคนใหญ่คนโต ในกรุงเทพฯ ก็เลยโดนส่งมาที่นี่”



“งั้นเหรอจ๊ะ”



“มานี่ก็ไม่รู้ว่าทำอะไรเป็นบ้างหรือเปล่า อยู่ที่กรุงเทพฯ คงไม่ได้ลำบากเหมือนอยู่ที่นี่”



“เขาอาจจะเก่งก็ได้นะน้า ของแบบนี้ต้องดูกันไปก่อน” ไอ้น้ำยังไม่อยากตัดสินใครเพียงคำพูดของคนอื่น



“ขอให้จริงอย่างเอ็งว่า แล้วนี่ได้หรือยัง หรือหาเลขไหนอยู่ บอกข้ามาสิ เดี๋ยวข้าช่วยดูให้” คนขายเสนอตัวทำหน้าที่คนขายได้เป็นอย่างดี



“แปดเก้า มีไหม น้า”



“เลขเด็ดจากนางแช่ม ใช่ไหมล่ะ เอ็งจะเอาเหรอ หมดตั้งแต่เช้า โดนเหมาไปทั้งตลาดแล้วล่ะ เอ็งมาช้าไป”



“เปล่าหรอก ฉันก็แค่ถามดู” ไอ้น้ำตอบพลางยิ้มในหน้า ดีเหลือเกิน ทำให้เลขที่เขาต้องการนั้นยังอยู่ดีมีสุข



มาอยู่กับพี่นะจ๊ะ หวยจ๋า ดวงใจของพี่



“แล้วเอาใบไหนล่ะ”



“เจอพอดีเลยจ้ะ เอาใบนี้แหละ” ไอ้น้ำเจอพอดี เขาชี้บอกให้คนขายดึงแผ่นนั้นมาให้



“แปดสิบบาท” คนขายยื่นกระดาษมีค่าก่อนบ่ายสี่โมงนั้นให้เขา



“นี่จ้ะ” ไอ้น้ำรับมันมาอย่างทะนุถนอมพร้อมกับยื่นเงินจำนวนพอดีให้กับอีกฝ่าย



“โชคดีนะ ไอ้น้ำ”



“ขอบใจจ้ะ น้า”





หลังจากสมหวังกับหวยรัฐบาลที่ถูกกฎหมายแล้วก็ถึงคราวที่จะต้องทำเพื่อหวยที่ไม่ถูกกฎหมายกันบ้าง ไอ้น้ำเดินลัดเลาะไปในตลาดเพื่อไปหาลูกค้าประจำของเขา



“ว่าไงจ๊ะ ป้า พร้อมไหม” ไอ้น้ำแสร้งถามอีกฝ่าย ทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นเตรียมพร้อมนานแล้ว



“มาช้านะวันนี้ ข้านึกว่าจะไม่มาแล้ว เกือบจะส่งให้คนอื่นแล้วเชียว” ป้าขายหมูในตลาดบ่นพลางยื่นกระดาษมีคราบน้ำมันมาให้เขา น้ำรับมันมาอย่างไม่รังเกียจ



“จะไม่มาได้ยังไง ถ้าไม่มาแล้วป้าถูกหวยรวยเปรี้ยงปร้างขึ้นมา ฉันจะเอาเงินที่ไหนให้ป้าล่ะ จริงไหม” เขาหยอดความหวังพร้อมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินจากไปยังลูกค้าคนอื่นต่อ



“ป้าจ๊ะ ฉันมาแล้วจ้ะ” ไอ้น้ำร้องบอกเสียงไม่ดังนัก



“มาแล้วหรือ รอแป๊ป” ป้าขายไก่ ค้นหาอะไรกุกกักในกระปุกเก็บตังก่อนจะหยิบกระดาษส่งมาให้เขาเช่นกัน



“ขอบใจจ้ะ เฮงๆ นะป้า”



“สมพรปากเถอะว่ะ จะได้หมดหนี้กับเขาบ้าง” ไอ้น้ำยิ้มให้ป้าขายไก่ พลางคิดว่า ป้าก็มีหนี้กับเขาเหรอ แล้วทองหยองเต็มคอ เต็มแขนนั่น ถ้าป้าไม่รวยแล้วใครจะรวย เขานี่สงสัยจริงๆ





เดินไล่ไปตามแผงในตลาดจนครบลูกค้าแล้ว ไอ้น้ำก็เดินกลับบ้านเพื่อไปจดหวยลงโพยใหม่ทั้งหมด เขาต้องทำเวลา วันนี้เขาเสียเวลาไปค่อนข้างมากจริงๆ ตอนนี้ก็สิบโมงกว่าแล้ว ต้องเร่งมือหน่อย เดี๋ยวจะไม่ทันหวยปิดรับ ถ้าเจ้ามือหวยไม่รับขึ้นมา เขาซวยแน่ ถ้าหากมีคนในตลาดเกิดถูกหวยขึ้นมา





ไอ้น้ำเปิดโน้ตบุ๊ค แล้วพิมพ์หวยลงในนั้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมตรวจทานอย่างรอบคอบ เขามองตัวเลขในคอมฯ นั้นอย่างพอใจ เขาส่งหวยให้เจ้ามือแบบนี้ อาศัยการกินเปอร์เซ็นต์จากการขายแล้วเอาเงินที่ได้นั่นแหละมาซื้อหวย แต่งวดนี้ เขาจะลงทุนเป็นพิเศษเลยล่ะ





ไอ้น้ำ บรรจงพิมพ์ตัวเลขที่แยกออกมา





บน   39 100 บาท

         



ล่าง  39 100 บาท





ทุ่มทุนไปเลย ไอ้น้ำ!!






     ================================



พี่น้ำ จะถูกหวยไหมล่ะ พี่ ถ้าถูกหวย อย่าลืมเลี้ยงขนมเราด้วยนะ เราอยากกินอะ



เปิดเรื่องใหม่ค่ะ ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018



ซื้อหวยกันมั้ยจ๊ะ



เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 บ้าหวยงวดแรก 13 Mar 2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 14-03-2018 00:57:04
ระวังนะน้ำเดี๋ยวคุณตำรวจจับ
ข้อหาเดินโพยหวยผิดกฎหมาย
พล๊อตเรื่องน่าสนุกติดตามจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดที่สอง ถูกหวยกันมั้ยจ๊ะ 16 Mar 2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 16-03-2018 20:11:17
งวดที่สอง ถูกหวยกันมั้ยจ๊ะ

            “เจ๊แสง” ไอ้น้ำเรียกเพื่อเป็นการส่งเสียงให้อีกฝ่ายรู้ตัวก่อนจะตกอกตกใจจนขวัญกระเจิง

            “มาแล้วหรือ เกือบไม่ทันนะเอ็ง” เพราะตอนนี้เกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว เจ้ามือกำลังจะปิดรับ

            “รีบสุดๆ แล้วเนี่ย เอ้านี่เจ๊ ของงวดนี้” ไอ้น้ำยื่นกระดาษที่ปริ้นท์ออกมาสดๆ ร้อนๆ ให้เจ๊แสง

            “งวดนี้เยอะนี่หว่า ได้เปอร์เซ็นต์เยอะแน่เอ็ง”

            “อันนี้ของฉันนะ เจ๊ หักเงินที่ต้องให้ฉันไปเลย” เจ๊แสงรับกระดาษอีกใบมาพร้อมทำตาโต

            “งวดนี้หนักมือนะ ไอ้น้ำ”

            “งวดนี้ งวดเดียวแหละเจ๊” คำพูดเหมือนแม่น้อยเป๊ะ นี่แหละแม่ลูกตัวอย่าง

            “ไม่อยากพูดหรอก แต่ก็ขอให้ถูกหวยนะ ไอ้น้ำ” แน่ล่ะ การที่มีลูกค้าหวยถูกหวย ย่อมแปลว่าเจ๊แสงจะต้องควักเงินจ่ายไปนั่นเอง

            “ขอบใจนะ เจ๊”

            “อืม”

            “เจ๊แสง” ไอ้น้ำเรียก ระหว่างที่เจ๊แสงกำลังก้มหน้าก้มตากดเครื่องคิดเลขคำนวณเงินนั้นอย่างมันมือ

            “อะไร” เจ๊แสงตอบโดยไม่เงยหน้า มือก็กำลังเขียนอะไรยิกๆ ลงในสมุดเล่มใหญ่

            “เจ๊ ไม่คิดที่จะเปลี่ยนวิธีรับโพยหวยบ้างเหรอ สมัยนี้อะ เขาส่งผ่านเน็ตกันหมดแล้ว” ไอ้น้ำเสนอความคิดเห็น

            “ข้าเคยคิด แต่คนแถวนี้ใช้กันเป็นที่ไหนล่ะ มีแต่คนแก่ทั้งนั้น ใครเขาจะยอมเปลี่ยน เห็นไหมล่ะ กระดาษล้นบ้านไปหมด ปิดงวดทีข้าต้องเผาทำลายทิ้งทันที”

            “ค่อยๆ เปลี่ยนดูไหม แล้วเจ๊เองก็ลองใช้คอมฯ คอมพิวเตอร์อะ เพื่อมาเก็บเลขหวยที่เขาส่งมา ใช้งานไม่ยากหรอก เดี๋ยวฉันสอนให้ก็ได้”

            “ยุ่งยากเปล่าๆ ไม่ล่ะ” เจ๊แสงบอกอย่างขี้เกียจ

            “เจ๊ไม่กลัวตำรวจเหรอ”

            “ไอ้น้ำ ไอ้ปากเสีย ตบปากเลยนะเอ็ง”

            “เจ๊อะ ฉันก็เสนอด้วยความหวังดี”

            “ขอบใจเอ็งมาก แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าจ่ายไว้หลายตังอยู่ ไม่มีตำรวจหน้าไหนมาจับข้าหรอก ถ้าจะจับก็ไปจับ อีภานู่น” เจ๊แสงหมายถึงเจ้ามือหวยรายใหญ่อีกคนของหมู่บ้าน เขาชื่อเจ๊ภา อายุอานามพอๆ กัน

            เคยได้ยินคนในตลาดเล่าว่า ที่สองคนไม่ถูกกันไม่ใช่เพราะว่าทำธุรกิจอาชีพเดียวกันหรอก แต่เพราะเจ๊ทั้งสองเคยแย่งผู้ชายคนเดียวกันต่างหาก ถามว่าผู้ชายเลือกใครไหม ก็เปล่า ไม่เลือกเลย ทั้งที่อกหักกันทั้งคู่แต่ก็ยังเกลียดกันอยู่ดี

            ไอ้น้ำฟังแล้วไม่เข้าใจเลย ทำไมผู้หญิงถึงเข้าใจยาก

            “แล้วนี่จะกลับเลยหรืออยู่รอลุ้นหวยกับข้าที่นี่” เจ๊แสงพูดขึ้นทำลายภวังค์ของไอ้น้ำ

            “กลับเลยดีกว่าเจ๊ มีงานค้างอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวแม่กลับมาบ่นอีก ฉันไม่อยากหูชา”

            “กลับบ้านดีๆ ล่ะ ถ้าถูกหวยเดี๋ยวข้าให้คนเอาเงินไปให้”

“ขอบใจเจ๊” ไอ้น้ำตอบพลางลุกขึ้นเตรียมจะกลับบ้าน

“เอ็งก็นะ กลับไปหางานทำที่กรุงเทพฯ ไม่ดีกว่าหรือ มาเป็นเด็กเดินโพยหวยให้ข้า มันก็ไม่ได้ดีไม่มีอนาคตขึ้นมา เสียดายความรู้ที่แม่เอ็งอุตส่าห์ส่งไปร่ำเรียนมา ที่พูดเนี่ยเพราะข้าเป็นห่วง เห็นเอ็งมาตั้งแต่เด็ก” เจ๊แสงถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

            “ขอบใจเจ๊มากนะที่ห่วงฉัน แต่ช่างฉันเถอะน่าเจ๊ เดี๋ยวฉันเบื่อก็กลับเองแหละ เจ๊ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก” ไอ้น้ำรีบบอกปัด เมื่อคืนเขาก็เพิ่งน้องสาวบ่นมาเอง เช้านี้ยังไม่อยากฟังซ้ำอีก

            เมื่อกลับมาถึงบ้าน ไอ้น้ำก็เข้าห้องนอน ปิดประตูเงียบ เขาเปิดโน้ตบุ๊คอีกครั้งและเริ่มลงมือทำงานที่พี่จากที่ทำงานเก่าให้ความเมตตาส่งงานนอกมาให้เขา ทำให้เขามีเงินมาประทังชีวิตในระหว่างที่ตกงานอยู่อย่างนี้ เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกใครเพราะคิดว่าไม่มีใครเข้าใจในงานที่เขาทำอยู่

            “พี่เก่ง ผมส่งงานเฟสที่สองให้ทางเมลแล้วครับ” ไอ้น้ำโทรหาพี่บาส คนหางานให้เขาโดยไม่มีสำเนียงที่เหน่ออย่างปกติที่พูดกับคนแถวบ้าน

            “ขอบใจมาก ถ้าติดอะไรจะเมลกลับไปบอกแล้วกัน ถ้าเรียบร้อยไม่ติดอะไรจะโอนเงินเข้าบัญชีให้”

            “ขอบคุณครับ”

            “เป็นยังไงบ้างน้ำ เบื่อบ้านหรือยัง อยากกลับมาทำงานที่นี่อยู่ไหม” พี่บาสถาม

            “ยังไม่เบื่อเลยพี่ ตอนนี้ผมหาอะไรสนุกๆ ทำได้แล้ว อีกอย่างผมยังไม่พร้อมกลับไปเลย” น้ำตอบเสียงเบา เขายังไม่อยากกลับกรุงเทพฯ

            “อย่าคิดมากล่ะ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง เชื่อพี่”

            “ขอบคุณครับ”

            “ถ้ามากรุงเทพฯ ก็โทรหาพี่ด้วยล่ะ”

            “แน่นอนครับ” น้ำพูดคุยกับปลายสายอีกสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป

            เขาหันไปมองนาฬิกาอีกครั้ง

            ฉิบหาย สี่โมงแล้ว หวยออกอะไรวะ!!

            ไอ้น้ำรีบละล่ำละลักเปิดเว็บตรวจหวยทันที เมื่อเห็นตัวเลขที่ออก ดวงตาของเขาก็พร่างพราวระยิบราวกับดวงดาว

            งวดรางวัลประจำวันที่ 01 เดือน xx พ.ศ. 25xx

            เลขท้าย 2 ตัว ได้แก่ 39

            เชี่ยยยย!! กูถูกหวยเว้ยยยยย

            ชายหนุ่มกรีดร้องราวกับถูกรางวัลที่หนึ่ง ทั้งที่เขาถูกแค่เลขท้ายสองตัวเท่านั้น แต่มันคือการถูกหวยครั้งแรกในชีวิต และมันมาจากน้ำพักน้ำแรงที่เขาตามป้าๆ ไปขูดเลขมา

            ดวงคนจะดี มันช่วยไม่ได้นะครับ

ดวงใครดวงมันเนาะ ป้า

            ไอ้น้ำกล่าวไว้อย่างนั้น เขานึกถึงคำพูดของป้าๆ เมื่อวานแล้วขำจนหัวเราะเสียงดัง ป่านนี้บรรดาสามป้านั่นและคนในตลาดที่เชื่อป้า คงพากันร้องไห้น้ำตาแตกไปแล้วแน่ๆ

            รีบไปบอกแม่ดีกว่า

            “แม่!!..แม่!!” ไอ้น้ำตะโกนเรียกแม่ตั้งแต่วิ่งลงจากบันไดบ้านจนถึงสวน

            “อะไรกัน เจ้าน้ำ เสียงดังมาตั้งแต่ไกล หูข้าจะแตกอยู่แล้ว”

            “แม่.. แม่จ๊ะ” เพราะวิ่งมาไม่หยุด ไอ้น้ำเลยต้องกลืนน้ำลาย ปรับการหายใจจากความเหนื่อยหอบ

            “อะไรวะ เรียกอยู่นั่น แล้วนี่วิ่งมาตลอดทางเลยสิท่า เจ้าฝน ไปตักน้ำให้พี่เขาหน่อย”

            “แม่ อย่าเอาใจพี่น้ำมากได้ไหมเนี่ย ตัวเองอยากวิ่งมาตลอดทางทำไมกันล่ะ” น้ำฝนบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ลุกไปตักน้ำจากกระติกให้พี่ชายแต่โดยดี

            “อย่าบ่นนัก แค่เจ้าน้ำคนเดียวข้าก็ปวดกบาลมากแล้ว”

            “แม่..แม่” น้ำเรียกแม่ซ้ำอีก เมื่อการหายใจกลับมาเป็นปกติ

            “อะไรวะ เรียกข้าอยู่นั่น ทำไมมีอะไร”

            “ฉันถูกหวยจ้ะ แม่” น้ำบอกแม่ด้วยความดีใจ

            “เออ ถูกหวยก็ดีแล้ว มาบอกข้าทำไม” แม่น้อยไม่เห็นว่าการที่ลูกชายถูกหวยนั้นจะต้องรีบกระวีกระวาดวิ่งมาหานางแต่อย่างใด

            “แม่ก็เหมือนกันไงจ๊ะ เลขนั้น...น่ะ” ไอ้น้ำทิ้งท้ายไว้เสียงเบา ดวงตามีเลศนัย ความลับระหว่างสองแม่ลูก

            “โอ๊ย เจ้าน้ำ อภิชาตบุตรของแม่ เอ็งไม่ทำให้ข้าผิดหวัง โอ๊ย ข้าหายใจไม่ทัน” แม่น้อยถึงกับหายใจกระหืดกระหอบด้วยความดีใจที่นางใจป้ำลงทุนซื้อหวยไปตั้ง

            ห้าสิบบาท!!

            ปล่อยให้น้ำฝนยืนงง เกาหัวแกรก แกรก กับปฏิกิริยาของมารดาว่ากะอีแค่พี่ชายถูกหวยทำไมต้องทำท่าดีใจจนจะเป็นลมแบบนั้นด้วย

            หลายวันต่อมา ไอ้น้ำนอนอยู่บนบ้านตรงชานเรือน ชายหนุ่มนอนพิงหมอนอิงอยู่ชานบ้าน ยกขาขึ้นมากระดิกอย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับกำลังแทะเมล็ดแตงโมอย่างเมามัน ท่านอนแบบนี้ถ้าน้ำฝนมาเห็นคงโวยวายว่านอนกระดิกตีนสบายเลยนะ แต่เดชะบุญของเขา น้ำฝนไม่ได้มาเห็นกลับเป็นแม่ของเขาไปซะได้

            “โอ้โห ลูกข้า กระดิกตีนเพลินนะมึง” ก็คิดว่าไม่ใช่เจ้าฝนแล้วเขาจะรอด แต่ไอ้น้ำก็คิดผิด องค์แม่นั้นหนักกว่าน้องสาวอีกมากนัก

            “โห แม่อะ” ไอ้น้ำ พูดได้เท่านี้ก็เงียบกริบทันที ไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะเห็นสีหน้าของแม่แล้วเขาก็รู้สึกขยาดเสียวหลังไม่น้อย กลัวจะไม่ได้กินข้าวเย็น ชายหนุ่มเลยยกขาลง และลุกขึ้นนั่งให้หลังตรงอีกนิด ทั้งที่กำลังสบาย

            “เมื่อไหร่จะกลับไปทำงานทำการที่กรุงเทพฯ เสียที อยู่นี่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์เล้ย มีแต่เปลืองข้าวเปลืองน้ำ อ้อ เปลืองไฟอีกต่างหาก” แม่น้อยบ่นเสียงดังพลางลงนั่งข้างไอ้น้ำ เจ้าตัวรู้ความรีบบีบนวดขาแม่อย่างเอาใจ

            “อย่าบ่นฉันสิแม่” น้ำพูดเสียงอ่อยๆ หวังจะให้แม่เห็นใจและเลิกพูด

            “ข้าไม่รู้หรอกว่าเอ็งมีปัญหาอะไรที่กรุงเทพฯ ถึงได้กลับมาบ้านอย่างกะทันหันแบบนี้ แต่ก็เอาเถอะ โตๆ กันแล้ว ข้าก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของเอ็งนักหรอก แต่มันเปลืองไฟ เปลืองข้าวเว้ย”

            “ขอบใจจ้ะ แต่ฉันกินไม่จุหรอกแม่ ยัยฝนนู่นกินเยอะกว่าฉันอีก” ไอ้น้ำถือคติว่าใครไม่อยู่ก็ซวยไป

            “เอ้อ ได้ยินว่าบ้านที่อยู่ตรงท้ายตลาด ลูกนางสอน ซ้อมเมียอีกแล้ว ข้าล่ะสงสาร”

            “บ้านไหนเหรอ” ไอ้น้ำถาม เพราะเขาไม่รู้เรื่องเลยว่ามีเหตุการณ์แบบนี้ด้วย

            “ก็บ้านนางสอน ลูกชายที่ชื่อสินไง จำได้ใช่ไหม มันแต่งเมียเข้าบ้านเมื่อปีก่อน อันที่จริงไอ้สินก็อายุอานามยังไม่มากนักหรอกแค่สามสิบปลายๆ แต่เมียที่แต่งเข้ามาน่ะสิ ยังสาวอยู่เลย รุ่นเอ็งๆ ล่ะมั้ง พอแต่งเมียเด็ก ก็หึงหน้ามืดตามัวไปหมด หนักเข้าก็เริ่มซ้อมเมีย เมียมันชื่อพัด ถ้าไม่ตาเขียวก็แขนขาเขียวเป็นจ้ำตลอด ไม่รู้ทนอยู่ได้ยังไง”

            “ฉันไม่รู้เลยจ้ะ ว่าพี่สิน เขาแต่งงานใหม่” น้ำรู้จักสินเพราะคนในละแวกนี้ก็คุ้นหน้ากันทั้งนั้น

            “เออ ข้าก็ลืมไป ว่าเอ็งคงไม่ทันรู้เรื่องกับเขาหรอก เพราะเพิ่งกลับมา”

            “จ้ะ แล้วพี่สินก็ซ้อมเมียอีกแล้วเหรอ แม่”

            “อืม เห็นว่า แฟนเก่านางพัดมาหา คงมาขอคืนดีหรือเปล่า ข้าก็ไม่ค่อยรู้หรอก ไอ้สินมันก็หึงตามปกติของมันนั่นแหละ นางพัดก็เจ็บตัวเหมือนเคย”

            “ขนาดแม่ไม่ค่อยรู้นะจ้ะ ฉันนึกว่าแม่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านนั้นเสียอีก”

            “บ๊ะ! ไอ้น้ำ ไอ้ลูกตัวดี” แม่น้อยค้อนลูกชายวงใหญ่

            “แม่เพิ่งบอกฉันว่าเป็นลูกอภิชาตบุตรเมื่อวันก่อนเองนะจ๊ะ” ไอ้น้ำล้อเลียนคำพูดของแม่ในวันที่ถูกหวย

            “ว่าข้า ระวังนรกจะกินหัวเอ็ง”

            “ขอโทษจ้ะ” น้ำยกมือไหว้แม่ แต่ก็ไม่ได้สำนึกอะไรนัก แค่ทำพอเป็นพิธีให้แม่เลิกบ่น

            “เอ็งก็เหมือนกัน ถ้ามีเมียก็อย่าไปทุบตีเขาเข้าล่ะ ลูกใครใครก็รัก พ่อแม่เขามาเห็น มาเจอเข้าจะรู้สึกยังไง แม่ก็ไม่ชอบเหมือนกันถ้าจะมีคนมาทุบตีเอ็งหรือยัยฝน”

            “ฉันรู้จ้ะ และไม่มีวันทำแบบนั้นหรอก” น้ำตอบแม่ ประกอบกับใบหน้าของชายหนุ่มที่เศร้าหมองลง

            “อย่าลืมกินข้าวกินปลา ข้าเข้าไปสวนก่อน”

            “จ้ะ แม่” คล้อยหลังแม่ไป น้ำก็รู้สึก อ่อนแรง ร่างกายค่อยๆ เอนตัวลงจนพิงหมอนได้นั่นแหละ เจ้าตัวจึงเริ่มแทะเมล็ดแตงโมต่ออีกครั้ง ไปพร้อมกับนิ้วเท้าที่กระดิกไม่หยุด

            เพลาดีเวียนบรรจบ ประสพพบอีกครา

สิบสี่หมุนเวียนมา จะรอช้า อยู่ทำไม

            พูดมาขนาดนี้แล้ว วิ่งสิครับ หวยเด็ดอยู่ทางไหน รอพี่ด้วย...

            ไอ้น้ำวิ่งมาเต็มฝีเท้า พอเข้าตลาดก็เริ่มชะลอความเร็วลง แสร้งทำเหมือนมาเดินจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อของเท่านั้น แต่หูที่คั่นสมองนั้นกับกางออกราวกับจะแผ่เรดาร์เพื่อหาเลขเด็ด ชายหนุ่มเดิมเมียงๆ มองๆ เข้าไปใกล้แผงขายผักของนางแช่ม ใกล้หวยออกแบบนี้ มันต้องมีเลขมาบ้างสิวะ

            “นี่นางเล็ก นางสาย ข้าได้ยินมาว่ามีคนกู้ซากเรือเก่าได้ตรงท่าน้ำหน้าวัดว่ะ อาจจะมีเลขเด็ดก็เป็นได้นะเว้ย” นางแช่มเริ่มฝอย

            “ก็ซากเรือธรรมดาๆ หรือเปล่าวะนางแช่ม ไม่เห็นต้องทำดีอกดีใจอะไรขนาดนี้” นางเล็กทำท่าไม่ค่อยสนใจพลางบ่นนางแช่ม

            “เอ็งไม่รู้อะไร ซากเรือธรรมดาที่ไหนกัน ไม้ตะเคียนเชียวนะเอ็ง เจ้าแม่ตะเคียนหรือเปล่า แล้วข้ายังได้ยินมาอีกว่า มีคนถูกผู้หญิง ใส่ชุดไทย หน้าตาสะสวยเข้าฝัน บอกให้ช่วยเอานางขึ้นจากน้ำที นางหนาว ถ้าช่วยนางได้ นางจะตอบแทนเป็นลาภก้อนโต”

            “จริงเหรอวะ นางแช่ม” นางสายพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น

            “ฮึ้ย ข้าเคยหลอกเอ็งรึ” นางแช่มพูดอย่างไม่สบอารมณ์

            “ข้าก็แค่ถามดู ไม่ได้จะหาว่าเองมุสาอะไรหรอกน่า แล้วไงต่อล่ะ” นางสายรีบพูดประจบเอาใจเพราะกลัวนางแช่มจะไม่เล่าต่อ

            “วันนี้ข้าเลยกะว่าจะไปดูเลขเสียหน่อย ทั้งเอ็งและนางเล็ก ต้องไปกับข้าด้วยล่ะ”

            “แน่นอน” นางเล็กและนางสาย รับปากพร้อมกัน

            “จะไปไหนกันเหรอจ๊ะ ป้าทั้งสามคน” ถึงเวลาแล้วที่ไอ้น้ำจะแสดงตัวออกมา

            “ท่าน้ำหน้าวัด” นางแช่มพยายามตอบให้สั้นที่สุด เพราะไม่อยากบอกไอ้น้ำ หวยงวดก่อนมันก็ทำนางพลาดหวยไปรอบหนึ่งแล้ว คิดแล้วยังโมโหไม่หาย ลงทุนไปตั้งหลายร้อย

            “ไปทำอะไรกันจ๊ะ” ไอ้น้ำถามต่อทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

            “ก็ไปหาเลขน่ะสิ เผื่อเป็นเจ้าแม่ตะเคียนอาจถูกหวยชุดใหญ่ เอ็งไปไหมล่ะไอ้น้ำ” นางสายผู้ไม่เคยคิดอะไรจึงกล่าวชักชวนเด็กหนุ่มออกไป

            “นางสาย ไปชวนมันทำไม เดี๋ยวพวกเราก็ไม่ถูกหวยอีกหรอก” นางแช่มหันไปโวยวายใส่นางสาย

            “แหม ป้าอย่าโกรธฉันเลย ก็ป้าบอกเองว่าดวงใครดวงมัน ป้าให้ฉันไปด้วยเถอะนะจ๊ะ ถ้าฉันเห็นเลข ฉันจะบอกป้าแน่นอนจ้ะ” ไอ้น้ำพยายามเอาหน้าตาขาวๆ ซื่อๆ นั้นออดอ้อนป้าแช่ม

            “ก็ได้ๆ คืนนี้ อย่าลืมล่ะ”

            “ได้เลยป้า ฉันไม่ลืมแน่นอน” ไอ้น้ำรับปากพร้อมกับเดินผิวปากออกจากตลาด พลางคิดในใจคืนนี้สนุกแน่เว้ย

ภารกิจตามหาหวยเด็ดเริ่มขึ้นแล้ว

“แม่จ๊ะ นี่จ้ะ” ไอ้น้ำยื่นอะไรบางอย่างให้แม่น้อย

“อะไรของเอ็ง”

“แม่ดูไม่ออกหรือ เงินไงแม่”

“แล้วมาบอกข้าทำไม” แม่น้อยไม่เข้าใจยังก้มหน้าตักข้าวเข้าปากอยู่

“อะไรของพี่น้ำ” น้ำฝนบ่นออกมาเหมือนกัน

“ก็เงินไง นี่ฉันให้ ไว้เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน ค่าอะไรก็แล้วแต่แม่เลยจ้ะ” น้ำจับมือแม่ขึ้นมาก่อนวางเงินจำนวนหนึ่งลงไป

“เงินอะไรวะ ข้าไม่เอาหรอก เอ็งตกงานอยู่ไม่ใช่หรือไง” แม่น้อยทำท่าจะไม่รับน้ำใจจากบุตรชาย

“รับไปเถอะ ฉันอยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่ได้อยู่เปล่าๆ ปลี้ๆ ฉันมีงานพิเศษทำจ้ะ” ไอ้น้ำตอบ

“งานพิเศษ วิ่งหาเลขและซื้อหวยน่ะเหรอ พี่น้ำ” น้ำฝนพูดประชดพี่ชาย เพราะเธอไม่เห็นพี่ชายทำอะไรนอกจากหาเลขเด็ดไปวันๆ

“จริงอย่างยายฝน มันว่า เอ็งเอาแต่ไปเสาะหาเลขเด็ด จะเอาเวลาไหนไปทำงาน”

“โห แม่ เห็นฉันเป็นลูกไม่ได้ความเลยเหรอ ฉันก็มีงานพิเศษอยู่จ้ะ จากที่ทำงานเก่า”

“เหรอวะ” แม่น้อยถามซ้ำเพราะยังไม่ปักใจเชื่อ

“จ้ะ ฉันเพิ่งได้เงินมาสดๆ ร้อนๆ ก็เอามาให้แม่เลย”

“ไม่เป็นไรหรอก มีเอ็งเพิ่มมาอีกคน ข้าก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ไม่เห็นหรือว่าข้าเลี้ยงพวกเอ็งจนโตมาได้ขนาดนี้แล้ว”

“ฉันอยากให้นี่จ้ะ ก่อนหน้านี้ฉันก็ให้แม่เสมอ ยิ่งฉันกลับมาบ้าน เงินทองก็แทบไม่ได้ใช้ พอฉันได้เงินมาก็เอามาให้ ฉันจะบอกให้นะแม่ อยู่ที่นี่เงินเหลือมากกว่าตอนที่ฉันอยู่กรุงเทพฯ อีก แถมยังได้อยู่กับแม่กับยายฝนอีก แม่ว่าไม่ดีหรือ”

“เอ็งกลับมาอยู่บ้าน ข้าก็ดีใจ แต่ไม่อยากให้เอ็งลอยไปลอยมา อายุก็เพิ่มขึ้นทุกวันๆ ไม่มีอนาคตเป็นหลักแหล่งถ้าไปขอเมียบ้านไหน ใครเขาจะยกลูกสาวให้” แม่น้อยเตือนด้วยความเป็นห่วง และความหวังดีในตัวลูกชาย

“ฉันไม่แต่งงานหรอก อยู่กับแม่ฉันก็มีความสุขแล้ว”

“จะอ้วก ฉันจะคอยดู วันไหนเจอผู้หญิงบ้านไหนแล้วมาบอกให้แม่ไปขอให้ฉันจะเอาคำพูดนี้มากรอกหูพี่” น้ำฝนพูดพลางตักข้าวเข้าปาก

“รับไว้นะแม่ ให้ฉันสบายใจ” ไอ้น้ำหรี่ตามองน้องสาวแต่ก็ไม่ได้สนใจจะตอบกลับไปคะยั้นคะยอให้แม่รับเงิน

“เออ ก็ได้ ถ้าไม่มีเงินแล้วมาขอ ข้าไม่ให้คืนนะเว้ย” ในที่สุดแม่น้อยก็ใจอ่อนยอมรับเงินนั้น

“...” ไอ้น้ำไม่ตอบ แค่เพียงยิ้มกว้างเพราะเขารู้ดีว่าแม่ให้เขาได้ทั้งหมดนั่นแหละ

            คืนนั้นพอเก็บสำรับอาหารเย็นเสร็จ ไอ้น้ำก็รีบกุลีกุจอช่วยแม่น้อยล้างจาน ท่าทางกระตือรือล้นเกินปกติจนน้ำฝนยิ่มแปลกใจความขยันของพี่ชายเข้าไปใหญ่ ร้อยวันพันปี มีแต่ใช้น้ำฝนไปล้างจานแทนตัวเอง

            วันนี้อะไรกันวะ ไหนจะเอาเงินให้แม่ ช่วยแม่ทำงาน มันไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า



=========================================

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

เรื่องนี้พยายามลงให้ได้ทุกวันอังคารและศุกร์นะคะ

ขอบคุณค่าาา
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดที่สอง ถูกหวยกันมั้ยจ๊ะ 16 Mar 2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 20-03-2018 12:00:51
งวดสาม เลขเด็ดงวดนี้

ณ บริเวณ ศาลาท่าน้ำหน้าวัด  คืนนี้ ผู้คนคึกคัก อย่างกับว่ามีงานวัด ผู้คนมากมายมารวมกันอยู่ที่แห่งนี้ แต่เป้าหมายของเหล่าผู้มาชุมนุมในวันนี้คือการหาเลขเด็ด



"ไอ้น้ำ คืนนี้เห็นเลขอะไรบอกพวกข้าด้วยนะโว้ย งวดก่อนเลขเอ็งเข้า พวกข้าไม่ได้ตาม คิดแล้วมันเสียดายจริง รู้อย่างนี้ ตามสัก สิบ ยี่สิบ ก็ยังดี เนอะ นางสาย นางแช่ม" นางเล็กเต็มไปด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่าเสียดายเลขเด็ดงวดก่อน จึงพูดดักทางเอาไว้เพราะกลัวไอ้น้ำงุบงิบ



“ใช่ คิดแล้วเสียดาย” นางแช่ม นางเล็กตอบโดยพร้อมเพรียงกัน



“ถ้าฉันเห็นฉันบอกแน่จ้ะ” ไอ้น้ำที่ยืนรั้งท้ายป้าเช่นเคยส่งยิ้มและตอบข้ามหัวสามป้าออกไป



"ว่าแต่ เอ็งไม่เข้ามาลูบบ้างล่ะ เผื่อแม่ตะเคียน อยากได้สัมผัสจาก หนุ่มๆ บ้าง" นางแช่มแกล้งเย้าไอ้น้ำ



"ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันดูอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว" ไอ้น้ำทำท่าจะเข้าไปลูบแต่พอป้าแช่มพูดประโยคต่อท้ายตามมา เขาเลยเริ่มกลัว หากเจ้าแม่ตะเคียนอยากตามเขาไปที่บ้านด้วยจะทำอย่างไร คิดแล้วไอ้น้ำก็ลูบแขนตัวเองเบาๆ ขนลุกชูชันไปหมดแล้ว



"เออ ตามใจเอ็ง ข้าถูต่อก่อน"



"ป้า เห็นยัง เร็วๆ สิ ยุงจะหามฉันอยู่แล้ว"  ไม่ถึงนาที ไอ้น้ำก็ถามขึ้น



"ยังไม่เห็นเลยว่ะ หรือคืนนี้จะไม่มีดวง" นางแช่มหันมาบอกไอ้น้ำ



"ไม่มีดวงได้อย่างไร ไม่ได้ๆ เปลี่ยนที่หาไหม ป้า" ไอ้น้ำไม่ยอม คืนนี้เขาจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้ น้ำพูดพลาง เกา

แขนขาที่คันจากยุงกัดไปด้วย จะตบยุงให้ตายก็ไม่กล้า ไม่อยากทำบาป ก่อนวันหวยออก เขาต้องสั่งสมบุญไว้ให้มากเข้าไว้

         

         “เออ ก็ดี” นางแช่มขยับหาที่ใหม่แล้วเริ่มลงมืออีกครั้ง





ผ่านไปอีกสักพัก ไอ้น้ำคิดคืนนี้สงสัยจะชวดแล้วล่ะมั้ง บรรดาสามป้า ยังไม่ได้เลขสักตัวเลย น้ำชะโงกหน้ามองแป้งขาวๆ พลางทอดถอนใจ หรือว่าวันนี้ต้องกลับบ้านมือเปล่าแล้ววะ





ทันใดนั้น เสียงป้าแช่มก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความดีใจ ที่มโนภาพจนเห็นเป็นตัวเลข



"ไอ้น้ำโว้ย มาดูตรงนี้ซิ ว่าเลขอะไร ป้าเห็นเลขหนึ่งกับสองว่ะ มา เข้ามาใกล้ๆ" สามป้ากวักมือเรียกไอ้น้ำ พร้อมใจกันแหวกพื้นที่ตรงกลางว่างเอาไว้ให้ไอ้น้ำเข้าไปเห็นตัวเลขได้อย่างชัดเจน



"เลข! เลขมาแล้วนี่จ๊ะ ป้า" น้ำรีบดิ่งเข้าไปตรงที่ป้าเรียก ชายหนุ่ม เพ่งดูเลขตรงที่ป้าบอก พร้อมกับพูดขึ้นว่า



"ป้า ฉันเห็นเลขหนึ่งกับห้าอะ" น้ำพูดพลางขมวดคิ้ว สองกลับข้างเปล่าวะ แต่ก็ห้าชัดๆ อยู่นา



"โอ้ย หนึ่งห้า มานเพิ่งออกไปงวดที่แล้ว จะมาออกอะไรอีก แต่เอาเถอะ เดี๋ยวซื้อติดไว้สิบบาทละกัน"  นางสายพูดด้วยความเซ็งคิดว่าจะได้เลขดีๆ แต่กลับได้เลขงวดที่เพิ่งออกไปงวดก่อน โอกาสจะออกอีกครั้งมันยากเต็มทน



"ตามใจป้าเลย”



“แล้วนี่เอ็งจะเดินดูของอะไรก่อนไหม หรือจะกลับเลย” นางเล็กถามขึ้นหลังจากกลุ่มทะลวงหาเลขเด็ดกำลังจะสลายตัว



“ฉันว่าจะเดินดูของแถวนี้ก่อน” ไอ้น้ำตอบสามป้ากลับไปตั้งใจจะหาอะไรกินเล่น แต่จู่ๆ หน้าตาที่กำลังยิ้มแย้มก็หุบยิ้มลงทันควัน



“ฉันให้เลขห้านะจ๊ะ พ่อน้ำ....” เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นข้างหูไอ้น้ำ



“ป้า..” น้ำตะโกนเรียกสามป้าได้ทันก่อนที่ป้าจะเดินหายไป



“อะไรวะ” นางแช่มหยุดเดินแล้วหันมาถามตามเสียง



“ฉันเปลี่ยนใจ ขอกลับพร้อมกับป้าๆ นะจ๊ะ”



“ไม่ดูของแล้วหรือ” นางเล็กถามบ้าง



“จ๊ะ ดึกแล้วเดี๋ยวแม่ฉันปิดบ้านหนีฉันเสียก่อน”



“เออ ไปสิ”



“จ้ะๆ” ไอ้น้ำรีบตอบรับคำแล้วเดินแทรกกลางระหว่างสามป้าทันที โดนป้าสายบ่นนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้ไอ้น้ำเดินตรงกลาง





“ฮ่าๆ พ่อน้ำ พ่อรูปหล่อ กลับแล้วเหรอ งวดนี้ฉันให้สามตัวตรง ศูนย์ หนึ่ง ห้า เลยนะจ๊ะ พ่ออย่าลืมซื้อ แล้วงวดหน้ามาหาฉันอีกนะ”





ไอ้น้ำได้ยินเสียงดังขึ้นไล่หลังก็ขนลุกซู่หนักไปกว่าเดิม ในใจสวดภาวนา นะโมตัสสะ อย่างรวดเร็ว ไม่ลืมแผ่เมตตาต่อท้ายอีกสักบท





เห็นทีงวดหน้าต่อให้แม่นขนาดไหน เขาคงจะไม่กล้ามาอีกแล้ว



ยกโทษให้ฉันเถอะนะจ๊ะ แม่ตะเคียน ฉันกลัวแล้วจ้า

         

         เช้าวันรุ่งขึ้น ไอ้น้ำรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำภารกิจสำคัญของวันนี้ วันที่ยิ่งใหญ่ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเก็บหวยในตลาด น้ำก็ตะโกนถามแม่น้อยที่เพิ่งกลับมาจากสวนว่างวดนี้จะซื้ออะไร



         “หน้าตาเอ็งเป็นอะไร ซีดเซียวอย่างกับโดนผีหลอก ตาก็คล้ำเชียว นอนไม่พอเหรอ” แม่น้อยถามเพราะลูกชายมีสีหน้าอิดโรยอย่างกับคนอดนอน



            “ฉะ..ฉันก็แค่นอนดึกไปหน่อยเอง” น้ำติดอ่างตอบ แม่พูดอย่างกับตาเห็นแน่ะ รู้ได้ไงว่าเขาเจอผีหลอก



"เออ เข้านอนให้มันแต่หัวค่ำ เอ็งอะเอาแต่ตะลอนไปวันๆ เอ้านี่ เอาไป แล้วซื้อตามเอ็ง ตัวละร้อย" แม่น้อยบอกอย่างใจป้ำเช่นเคย พร้อมยื่นกระดาษใบเล็กให้บุตรชาย



“ตัวละร้อยเลยเหรอแม่ งวดที่แล้วแม่ซื้อแค่ห้าสิบบาทเอง” ไอ้น้ำพูดด้วยความเป็นห่วง เขาไม่อยากให้แม่ติดหวย ทุ่มทุนเล่นจนเกินไปนัก น้ำรับกระดาษใบนั้นมาพับให้เล็กลงไปอีกแล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงช่องที่ไว้เก็บเศษเหรียญ



“อะไรกันเล่า นิดหน่อยน่า ก็ถือว่าข้าเอาจากงวดที่แล้วมาเล่นไง” แม่โบกมือประมาณว่านิดๆ หน่อยๆ



“มันจะดีเหรอแม่” ไอ้น้ำถามย้ำ



“ไม่เป็นไร งวดเดียวเท่านั้นแหละ”





"แม่” อยู่ๆ ไอ้น้ำก็กระซิบเสียงเบา จนแม่น้อยต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้



“อะไรวะ” แม่น้อยกระซิบถาม



“งวดนี้ฉันได้มาสามตัวตรง แม่จะเอาด้วยไหม"



“พูดอะไรของเอ็งวะ ใส่เข้าไปเลย อย่าลืม” แม่น้อยรีบบอก



“ได้เลยจ้ะ แม่” ไอ้น้ำยิ้มตอบ ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงบันไดขั้นล่างสุดของบ้านเพื่อใส่รองเท้าผ้าใบ วันนี้เขานึกครึ้มอยากใส่รองเท้าผ้าใบคู่โปรดบ้าง ไม่ได้ใส่นานแล้ว กลัวมันจะน้อยใจไปเสียก่อน



“นี่ ไอ้น้ำ เอ็งเล่นหวยหนักหรือเปล่า อย่าให้มันเยอะเกินไปล่ะ ข้าเป็นห่วง”



"ไม่เยอะ ไม่กี่สิบเอง แม่ไม่ต้องห่วงฉันว่าจะเล่นจนหมดตัวหรอกนะเพราะฉันเอาเงินที่ได้จากการเดินหวยมาเล่นแค่นั้นเอง"



"อืม แล้วไปส่งหวยก็ระวังไว้บ้างนะ แม่ไม่อยากไปประกันตัว รู้ไหม"



"อวยพรฉันแต่เช้าเลยนะ ขอบใจจ้ะ ฉันจะระวัง ฉันไปก่อนนะ”



“ไปดีมาดี”





            ไอ้น้ำเดินลัดเลาะจากบ้านตรงมาถึงทางเข้าตลาด บ้านไอ้น้ำกับตลาดนั้นอยู่กันคนละฝั่ง อาศัยสะพานข้ามคลองนี้เดินทางอยู่เป็นประจำ ในฝั่งทางบ้านของเขาจะค่อนข้างเงียบไม่ครึกครื้นเพราะชาวบ้านมักจะทำสวนไร่นากัน แต่ฝั่งตรงข้ามหรือฝั่งตลาดจะมีร้านค้ามากมาย เป็นศูนย์กลางการเงินของหมู่บ้านนี้เลยก็ว่าได้





            ชายหนุ่มเดินมาถึงสะพานข้ามไปตลาดก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบตำรวจสีกากี กำลังยืนมองสายน้ำด้านล่างอยู่ น้ำประเมินจากสายตา ตำรวจคนนี้เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย ทั้งอายุก็ดูยังไม่ค่อยมากเท่าไหร่ อาจจะพอๆ กับเขาหรือไม่ก็มากกว่าเขาไม่กี่ปี





            น้ำรีบเดินผ่านเลยตั้งใจไม่หยุดทักทายอะไรตำรวจผู้นี้ทั้งสิ้น เพราะเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาเรื่องใส่ตัวเอง ของกลางโพยหวยยังอยู่ในกระเป๋า พอดีพอร้ายคืนนี้นอนซังเต ได้สมพรปากของแม่แน่



            “เดี๋ยว ไอ้หนู” แต่จังหวะที่สวนกลางน้ำก็ถูกอีกฝ่ายเรียกไว้ เขาเลยหยุดชะงักลง ข่มอาการตื่นกลัวเพราะกลัวจะเป็นพิรุธให้อีกฝ่ายจับได้



            “หือ? เรียกฉันเหรอ....ลุง” ไอ้น้ำฉุน นี่เขาอายุไม่ใช่เด็กแล้ว มาเรียกไอ้นง ไอ้หนู ดูถูกหน้าหล่อๆ นี้ชะมัด แล้วดูตัวคนเรียก เหอะ อายุก็คงไม่ได้มากกว่าเขาเท่าไหร่นัก ลดอายุให้เขาใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเขาจะเพิ่มอายุให้อีกฝ่ายเอง



            “ใช่” ฝ่ายนั้นตอบห้วนสั้น คงสะดุดกับคำว่า ลุง ที่เด็กหนุ่มเรียกเหมือนกัน ไอ้น้ำมองคนตรงหน้าแล้วคิดว่าทำไมตำรวจต้องขี้เก๊กด้วยวะ



            “จะไปไหน”



            “จะไปไหนแล้วทำไมต้องตอบลุงด้วยล่ะ ประชาชนที่หมู่บ้านนี้ก็มีสิทธิ์เสรีภาพไปไหนมาไหนได้ทั้งนั้น” เพราะตั้งใจจะกลบเกลื่อนความผิดในตัว ไอ้น้ำเลยตอบโต้คุณตำรวจไปแบบนั้น แต่เขาไม่คิดเลยว่าคำตอบนั้นมันจะนำภัยสู่ตัวเอง



            “ตอบเฉไฉ ไม่ตรงประเด็น มีอะไรปิดบังเจ้าหน้าที่ตำรวจใช่หรือเปล่า” ตำรวจหนุ่มพูดลอยๆ ขึ้นมา ไอ้น้ำก็เป็นเหมือนชาวบ้านคนอื่น เวลาอยู่ต่อหน้าตำรวจก็มักจะทำตัวไม่ถูก ยิ่งทำเรื่องผิดกฎหมายอยู่ มือไม้ยิ่งอยู่ไม่สุข





            ทางด้านตำรวจหนุ่ม  ด้วยความที่เขาเพิ่งย้ายมาใหม่ เลยออกเดินลัดเลาะจากสถานีตำรวจเรื่อยมา เพื่อดูสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านนี้ ระหว่างนั้นก็เฝ้าสังเกตพฤติกรรมหรือชีวิตความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านนี้ไปด้วย เขาต้องเริ่มศึกษาชาวบ้านตั้งแต่ต้น มิเช่นนั้นเขาอาจจะเข้าไม่ถึงประชาชนเลยก็เป็นได้



            “มะ....ไม่....ไม่มี” ไอ้น้ำตอบตะกุกตะกัก เอามือไพล่หลังราวกับมีของซุกซ่อน กิริยาทำไปโดยอัตโนมัติทั้งที่ในมือของเขาไม่มีของอะไรเลยแม้แต่น้อย คุณตำรวจเห็นก็ยิ่งสงสัยในพฤติกรรม



            “ท่าทางแบบนี้ มีของผิดกฎหมายอยู่กับตัวหรือไง” ตำรวจหนุ่มถามชี้เปิดทาง ในทีแรกที่เขาเรียกเด็กคนนี้ก็แค่เพียงเพื่อจะพูดคุยเรื่องทั่วไป สอบถามเรื่องราวในหมู่บ้านจึงเปิดคำถามไปว่า อีกฝ่ายจะไปไหน แต่ไม่นึกเลยว่า พิรุธของเด็กหนุ่มจะเด่นชัดขนาดนี้



            “เปล่า ฉันไปก่อนนะ พอดีรีบ เดี๋ยวจะสาย ไว้คุยกันวันหลังนะลุง”



            “สาย? มีนัดอะไรตั้งแต่เช้า” ตำรวจหนุ่มยังไม่รามือจากเด็กหนุ่มตรงหน้าไปง่ายๆ เขาสัมผัสได้ว่าคนคนนี้มีอะไรปิดบังเขาอยู่



            “ก็จะไปหาข้าวกินในตลาด หิว” ไอ้น้ำรีบตอบส่งๆ ไป เขาอยากไปให้พ้นจากตรงนี้แล้ว



            “ร้อนรนแบบนี้ ทำยังไงก็ปล่อยไปไม่ได้จริงๆ ถ้าไอ้หนู บริสุทธิ์ใจจริง ขอฉันค้นตัวหน่อยได้ไหม” ตำรวจหนุ่มเดินเข้ามาหาผู้ต้องสงสัย ไอ้น้ำรีบถอยเท้าโดยอัตโนมัติ



            “เดี๋ยวก่อน ลุง...นี่คุณตำรวจ ไม่มีสิทธิ์มาตรวจค้นฉันในที่สาธารณะนะ มันผิดกฎหมาย ไม่รู้หรือไง” ไอ้น้ำโต้ตอบกลับไปด้วยความหัวหมอ



            “รู้กฎหมายด้วยหรือเรา” ตำรวจเลิกคิ้วแล้วถามคนตรงหน้า



            “เห็นว่าอยู่บ้านนอก อย่าคิดว่าไม่มีความรู้” ไอ้น้ำได้ที ถือไพ่เหนือกว่า จึงรีบพูดต่อ



            “แล้วรู้ด้วยหรือไม่ว่า ถ้าบุคคลนั้นมีเหตุให้น่าสงสัยหรือมีพิรุธนั้นย่อมทำได้” ตำรวจหนุ่มอธิบายไอ้น้ำด้วยความใจเย็นและพลิกกลับมาถือไพ่อย่างเป็นต่อ



            “ฉะ...ฉันมีอะไรน่าสงสัย ตรงไหน” ไอ้น้ำยังตะแบงต่อไม่หยุด



            “เอางี้ ฉันจะบอกให้คุณประชาชนทราบ พอดีทางตำรวจได้รับรายงานมาว่าที่หมู่บ้านนี้มีเจ้ามือหวยใต้ดินอยู่ และวันหวยออก จะมีเด็กเดินโพยหวยไปส่งเจ้ามือ และฉันสงสัยว่า นายกำลังเข้าข่ายนั้น”



            “ลุงพูดแบบนี้ จะกล่าวหาว่าฉันมีส่วนร่วมกับเจ้ามือหวยเหรอ ฉันฟ้องหมิ่นประมาทลุงได้นะ” ไอ้น้ำทำใจดีสู้เสือ พูดๆ ไปเถอะ เดี๋ยวนี้ใครก็ชอบขู่ว่าจะฟ้องหมิ่นประมาททั้งนั้น



            “ฉันเชื่อแล้วว่าคุณประชาชนมีความรู้ด้านกฎหมาย แต่ด้วยเกียรติของอาชีพที่ฉันทำอยู่ ถ้าหากว่าฉันค้นตัวนายแล้วไม่พบหลักฐานอะไร ฉันจะยอมให้นายฟ้องกลับทุกข้อกล่าวหา ข้อตกลงแบบนี้ โอเคไหม...ครับ” นายตำรวจหนุ่มยิ้มให้คนตรงหน้าพร้อมประกาศข้อตกลงระหว่างกันออกมาอย่างชัดเจน เขายอมแลกเพราะมั่นใจและเชื่อในสายตาตนเองเหลือเกินว่า เด็กหนุ่มต้องมีอะไรซุกซ่อนอยู่แน่ๆ



            “เอ่อ...คือ..” ไอ้น้ำตะกุกตะกัก จะให้เขาตอบอย่างไรได้ล่ะ ปฏิเสธก็ไม่ได้ ยอมรับก็ไม่ได้ หรือว่าจะถึงคราวซวยของเขาแล้วจริงๆ



            “ผู้กองปรานต์ครับ ได้รับแจ้งความว่ามีคนตายครับ” เสียงจ่าสมคิดและจ่าชอบดังขึ้นพร้อมกันด้านหลังผู้กอง



            “คนตาย? ที่ไหนหรือจ่า” ผู้กองหันไปถามจ่าทั้งสองคน



            “บ้านนางสอนที่อยู่ท้ายตลาดครับ” จ่าสมคิดตอบ แต่กระนั้นนายตำรวจยศใหญ่กว่าก็ไม่รู้จักอยู่ดี



            “อืม รีบไปกันเถอะ” ผู้กองบอกจ่าทิ้งท้ายก่อนจะหันกลับมายังผู้ต้องสงสัย



“วันนี้ถือว่าดวงของนายยังโชคดี รอดไปได้”  ผู้กองพูดจบก็รีบตามจ่าไปทันที ในใจก็พลันคิดว่าเด็กหนุ่มเมื่อสักครู่นี้ พูดจาไม่เหมือนชาวบ้านที่นี่ ซ้ำดูมีความรู้อยู่ไม่เบา หรือจะหัวหมอก็ไม่รู้เหมือนกัน



            “เฮ้อ..เกือบซวยแล้วไหมล่ะ ไอ้น้ำ ตำรวจใหม่นี่มันฉลาดชะมัด” ไอ้น้ำที่ยังยืนอยู่บนสะพานข้ามคลองถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะถ้าโดนค้นตัวล่ะก็ ไม่พ้นวันนี้ยังไงเขาก็ต้องเข้าไปนอนในห้องขังแน่นอน พอดีพอร้ายหวยก็ไม่ได้ส่ง





            พอนึกถึงหวย ชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ เขารีบวิ่งไปบ้านเจ๊แสงราวกับติดจรวจเพราะใกล้หมดเวลาปิดรับหวยแล้ว



            “เจ๊แสง เจ๊แสง อย่าเพิ่งปิดนะเจ๊ ฉันมาแล้วจ้ะ” ไอ้น้ำกระหืดกระหอบวิ่งร้อยเมตรมาบ้านเจ๊แสง



            “เอ้อ อีกนาทีเดียวข้าจะปิดแล้ว ไหนๆ เอามาให้ข้าดู ทำไมรอบนี้เป็นลายมือวะ” น้ำรีบส่งกระดาษให้ พร้อมกับหวยของตัวเองที่เพิ่งจะเขียนเพิ่มในใบของแม่น้อย เจ๊แสงรับไปอ่าน จดอะไรยิกๆ ลงสมุดเล่มใหญ่เช่นเดิม ทิ้งให้ไอ้น้ำได้ปรับการหายใจ



            “ก็ฉันไม่มีเวลา แค่นี้ก็เกือบจะเก็บมาส่งเจ๊ไม่ทันแล้วเนี่ย” ไอ้น้ำพูดทั้งที่ยังกระหืดกระหอบอยู่



            “อะไรของเอ็ง เวลาตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมถึงจะไม่ทัน มัวแต่เถลไถลที่ไหนมาล่ะ” เจ๊แสงบ่นไม่จริงจังนัก ไอ้น้ำก็ไม่ได้คิดจะแก้ตัวอะไร



            “เออ นี่เจ๊” ไอ้น้ำพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหายเหนื่อย



            “อะไรวะ”



            “ตำรวจที่เพิ่งย้ายมาใหม่อะ เจ๊รู้จักปะ” ไอ้น้ำเริ่มเลียบเรียงเคียงถาม



            “รู้จัก ได้ยินมาว่าชื่อผู้กองปรานต์ ทำไมวะ”





ไอ้น้ำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสิร์ชว่า ผู้กองนี่ยศอะไร แล้วเขาก็ถึงบางอ้อ



            อ่อ... ร้อยตำรวจเอก





            “ฉันเจอเขามาตะกี้จ้ะ”



            “อืม แล้วมาบอกข้าทำไม” เจ๊แสงย้อนถามด้วยความไม่เข้าใจ ก็แค่ตำรวจ จะมาถามนางทำไม



            “จะไม่ให้ฉันบอกได้อย่างไรล่ะเจ๊ ก็ตำรวจใหม่นั่นน่ะ สงสัยว่าฉันจะเดินโพยหวยให้เจ๊ วันนี้ก็เกือบจะค้นตัวฉันแล้ว”



            “หา!! จริงเหรอวะ เป็นไปได้อย่างไร ข้าจ่ายเงินไปงวดๆ หนึ่ง ตั้งเยอะตั้งแยะ ไฮ้ อะไรวะ แบบนี้ก็เท่ากับหลอกเงินข้าไปฟรีๆ น่ะสิ”



            “เจ๊จ่ายให้ใคร ตำรวจเพิ่งย้ายมาใหม่ เขาจะรู้ด้วยไหมล่ะ” ไอ้น้ำถาม



            “เออว่ะ ไม่ได้การแล้ว เดี๋ยวข้าจะต้องไปถามให้รู้เรื่อง จ่ายไปแล้วยังจะมาจับเอ็งได้อย่างไร”



            “เจ๊จำที่ฉันบอกได้ไหมว่าให้เปลี่ยนการส่งหวยอะ”



            “เออ”  เจ๊แสงตอบแล้วนิ่ง



            “เจ๊แสงจ๊ะ” ไอ้น้ำเรียกเพราะเห็นเจ๊แสงเงียบไป



            “เออๆ ข้ารู้แล้ว นี่กำลังใช้ความคิดอยู่ ว่าจะเอาอย่างไรดี ถ้าเอ็งหรือคนอื่นโดนจับไปล่ะ เรื่องใหญ่เลย วงการหวยในหมู่บ้านเราต้องสั่นสะเทือนแน่”



            “ถ้าเปลี่ยนได้ก็ดีนะเจ๊ เพราะมันทำลายหลักฐานได้ง่าย แค่ลบทิ้งเอง” ไอ้น้ำเสนอความคิดเห็นออกไป จริงๆ แล้วการใช้ระบบส่งข้อความผ่านอินเทอร์เน็ต ถ้าตำรวจต้องการตรวจสอบย้อนหลังก็อาจจะทำได้ไม่ยาก แต่เบื้องต้นมันก็ง่ายมากที่จะลบข้อมูลทิ้ง ไม่ต้องมาเผาทำลายหลักฐาน ไหนจะเตรียมฟืน ก่อไฟ ตำรวจก็แจ้นมาไหนถึงไหนแล้ว



            “อืม เดี๋ยวข้าไปคุยกับตำรวจที่ข้าจ่ายไปก่อน ถ้าได้เรื่องอย่างไรข้าจะบอกเองให้รู้ก็แล้วกัน เร็วๆ นี้แหละ วันสองวัน”



            “จ้ะ”



            “เอ้อ แล้วทำไมผู้กองเขาถึงยอมปล่อยเอ็งมาล่ะ” เจ๊แสงถามด้วยความสงสัย



            “โชคช่วยฉันไว้นะสิ จ่าสมคิดกับจ่าชอบบอกว่ามีคนมาแจ้งความว่ามีคนตาย”



            “อ้อ ใช่ ข้าก็เพิ่งรู้เหมือนกัน บ้านนางสอนน่ะ ลูกสะใภ้มันตายเมื่อเช้ามืดวันนี้เอง”



            “จริงเหรอจ๊ะ” ไอ้น้ำถามด้วยความตกใจเพราะเขาเพิ่งได้ยินชื่อนี้จากแม่เมื่อไม่กี่วันก่อน ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะมีจุดจบที่รวดเร็วเช่นนี้



            “เออสิวะ”



            “เจ๊รู้ไหมว่าทำไมเขาถึงตาย ป่วยตายเหรอจ๊ะ” ไอ้น้ำไม่กล้าคิดเป็นอื่นว่าอีกฝ่ายตายเพราะช้ำในตายหรือเปล่า



            “ไหลตาย เอ็งรู้จักไหม ไอ้น้ำ”



            “ไอ้ที่ นอนหลับแล้วตายไปเสียเฉยๆ น่ะหรือ”





            “นั่นแหละ”



            “น่าสงสารเขาน่ะเจ๊ เห็นแม่ฉันบอกว่า อายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน ไม่น่าตายเร็วเลย”



            “โอ๊ย ข้าว่า นางพัดมันตายไปเสียได้จะดีกว่าอยู่นะไอ้น้ำ โดนไอ้สินซ้อมเช้าซ้อมเย็น ใครมันจะไปทนไหว”



            “แล้วคุณพัด เอ่อ เมียพี่สินน่ะ ทำไมไม่เลิกกับพี่สินไปให้รู้แล้วรู้รอดล่ะเจ๊ จะทนทำไม” ไอ้น้ำไม่รู้จะเรียกคำนำหน้าพัดว่าอย่างไร เพราะเขาไม่เคยคุยหรือพบหน้าอีกฝ่ายมาก่อน



            “ใครว่ามันทน มันหนีไปตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็โดนไอ้สินตามตัวกลับมาได้ทุกครั้งไป เอาตัวกลับมาได้ก็จับซ้อมจนแทบจะหยอดน้ำข้าวต้ม”



            “แล้วไม่มีใครแจ้งตำรวจเหรอ” ไอ้น้ำไม่เข้าใจ เพื่อนบ้านก็ปล่อยให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร



            “เรื่องของผัวเมีย ใครเขาจะอยากยุ่ง ถ้าพวกมันดีกัน คนที่แส่เข้าไปก็หมาน่ะสิวะ”



            “แต่มันไม่ถูกนะเจ๊ นี่มันทำร้ายร่างกายชัดๆ”



            “เออ ก็อย่างว่าเรื่องผัวเมีย แล้วไอ้สินก็ดุอย่างกับหมาใครจะกล้าเสี่ยง แล้วนี่เอ็งจะกลับแล้วรึ นึกว่าจะอยู่ลุ้นหวยกับข้าก่อน” เจ๊แสงถามเพราะเห็นไอ้น้ำเดินไปหน้าประตูเตรียมจะกลับออกไป



            “ไม่ล่ะเจ๊ ฉันขอไปเผือกเรื่องบ้านนั้นก่อน”



            “เอ็งจะไปทำไม คนตายไม่มีอะไรน่าดู”



            “ช่างฉันเถอะเจ๊ ไปล่ะนะ”



            “เออ ไปดีมาดี”





            ไอ้น้ำออกจากบ้านเจ๊แสงตรงดิ่งไปไปท้ายตลาด เขาไม่คุ้นบ้านป้าสอน พี่สินเท่าไหร่นักเพราะไม่ค่อยได้รู้จักมักจี่กันบ่อย แต่เมื่อมาถึงก็สังเกตเห็นบ้านที่เกิดเหตุได้ไม่ยากเลยเพราะชาวบ้านในละแวกนั้นต่างพากันมุงอออยู่บริเวณหน้าบ้านของป้าสอน





=======================   



คุณพระเอกของเรามาแล้ววววววววววว น้ำตาจะไหล


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018



เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

       




REF : https://www.lawphin.com/detail/law/criminal_procedure_code-93

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา 93 ห้ามมิให้ทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถาน เว้นแต่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้น ในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิดหรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสาม เลขเด็ดงวดนี้ 20/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 20-03-2018 14:25:56
รอติดตามงวดหน้าจ้า
พระเอกมางวดนี้บทน้อยแต่คูล
 :z13:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสาม เลขเด็ดงวดนี้ 20/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 23-03-2018 12:40:11
งวดสี่ เห็นเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ๊ะ

           

            “บ้านหลังไหนหรือจ่า” ผู้กองปรานต์เดินตามสองจ่ามาจนถึงท้ายตลาดจึงเอ่ยปากถามผู้ใต้บังคับบัญชา



            “หลังนี้ครับผู้กอง ตามผมมาเลยครับ” จ่าสมคิดเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกเพราะกลัวไม่ทันใจเจ้านาย



            “ถึงแล้วครับ” จ่าชอบบอกหลังจากเดินมาอีกไม่ถึงนาทีก็ถึงบ้านที่แจ้งว่ามีคนตาย



            “อืม จ่าสมคิด เดี๋ยวไปรับคุณหมอมาด้วยนะ ผมไม่รู้ว่าที่นี่เขาจัดการเรื่องคนตายยังไง”



            “ได้ครับ ปกติเราก็จะไปรับมาอยู่แล้วครับ แต่เห็นว่าผู้กองยังไม่ชินพื้นที่ ผมเลยมาส่งก่อน”



            “ขอบใจ” พอส่งผู้กองหนุ่มเสร็จจ่าสมคิดก็ขอตัวไปรับคุณหมอที่โรงพยาบาล



            “สวัสดีครับ ผม ร.ต.อ. ปรานต์ เพิ่งย้ายมาประจำที่สถานีตำรวจที่นี่ครับ” จังหวะเดียวกับเจ้าของบ้านออกมาที่หน้าบ้านพอดี ผู้กองปรานต์จึงแนะนำตัวพร้อมท่าวันทยาหัตถ์กับชายหญิงคู่หนึ่งตรงหน้า



            “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อสิน เป็นผัวนางพัด คนตาย” ไอ้สินพูดด้วยน้ำเสียงเหน่อเป็นปกติของคนพื้นที่นี้



            “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อสอน เป็นแม่ของไอ้สินมัน” หญิงสูงวัยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดูเป็นหญิงสาวที่เรียบร้อย



            “ครับ ผมขออนุญาตเรียกคุณสินและคุณป้า เพื่อความสะดวก”



            “จ้ะ” ทั้งแม่ลูกพร้อมใจกันตอบโดยไม่ปฏิเสธ



            “ใครเป็นคนเจอศพคนแรกครับ”



            “ฉันเองจ้ะ เมื่อเช้าฉันเห็นว่านางพัดยังไม่ลงมาทำกับข้าว เห็นว่าผิดปกติเลยขึ้นไปตามจ้ะ” นางสอน อธิบาย



            “ครับ ตอนนี้ศพอยู่ที่ไหนครับ” ผู้กองหนุ่มเริ่มลงมือทำงาน



            “อยู่ชั้นสอง ที่ห้องนอนจ้ะ”



            “ผมขออนุญาตขึ้นไปนะครับ”



            “จ้ะ” นางสอนพูดจานอบน้อม เป็นธรรมดาของคนตามต่างจังหวัดมักจะกลัวและเกรงใจกับเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ ยิ่งเป็นคนแก่ด้วยอีกความเกรงใจยิ่งมากขึ้น



            “จ่าชอบ เดี๋ยวถ้าจ่าสมคิดรอคุณหมออยู่ตรงนี้นะ ถ้าคุณหมอมาแล้วให้พาขึ้นไปเลย”



            “ครับ”





            ผู้กองหนุ่มเดินตามหลังนางสอนและสินไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่ลืมที่จะสังเกตสิ่งอื่นที่อยู่โดยรอบด้วย เขาต้องบันทึกทุกอย่างเอาไว้ให้มากที่สุด ไม่ได้ตั้งใจที่จะสังเกตมากขนาดนี้แต่มันเป็นปฏิกิริยาทางร่ายกายโดยอัตโนมัติ





            ตำรวจหนุ่มไฟแรงเดินมาถึงห้องนอนของผู้ตายแล้ว ห้องนอนนี้เป็นห้องนอนระหว่างสินและพัดที่เป็นผู้ตาย เขามองรอบห้อง ข้าวของที่อยู่ในห้องนั้นดูยังอยู่ในสภาพดี ไม่มีอะไรเสียหาย ผู้กองเบนสายกลับมาที่เตียงก็พบกับร่างของนางพัดที่นอนสงบนิ่งอยู่แต่ทว่าปราศจากลมหายใจ





            เขายังไม่เริ่มลงมือตรวจอะไรมากเพราะต้องให้คุณหมอมาตรวจเพื่อแจ้งสาเหตุการตายเสียก่อน ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปภายในห้องเอาไว้ระหว่างที่รอ



            “ผู้กองครับ คุณหมอหัสนัยมาแล้วครับ” จ่าสมคิดบอกผู้กองให้รู้ถึงการมาเยือน



            “สวัสดีครับ คุณหมอหัสนัย ผม ร.ต.อ. ปรานต์ ครับ”



            “สวัสดีครับ ผู้กอง ถ้างั้นผมขอตรวจเลยนะครับ เดี๋ยวจะเสียเวลา” คุณหมอรีบใส่ถุงมือแล้วลงมือตรวจเพราะกลัวเสียเวลาอย่างที่บอก คนไข้ของเขาที่รออยู่โรงพยาบาลนั้นยังมีอีกหลายคน



            “เชิญครับ”





            คุณหมอเริ่มตรวจสภาพโดยรอบแล้วจดลงไปในใบชันสูตร เขาเริ่มเขียนบรรยายสภาพศพโดยทั่วไปตามที่เห็น ศพอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีเลือดออกตามร่างกาย เมื่อคลำกระดูกตามใบหน้า แขนและขา ไม่พบรอยหักของกระดูกบริเวณดังกล่าว และมือมีอาการเกร็งเล็กน้อย





            เมื่อคุณหมอเปิดเปลือกตาของผู้ตายต่อไป มีเลือดออกในนัยน์ตาขาว จมูกมีรอยแดงช้ำ ดูคล้ายมาจากการกดทับ และตรวจบริเวณภายในช่องปากพบว่ามีแผลในช่องปาก มาถึงตรงนี้คุณหมอก็เริ่มเอะใจเพราะว่ามันเริ่มเข้าเค้าอะไรบางอย่าง



            “ผู้กองครับ ตามผมมาทางนี้หน่อย” คุณหมอลุกขึ้นจากเตียงของผู้ตายแล้วเดินออกไปด้านนอก ทิ้งให้คนในห้องมองตามออกมา



            “ครับ คุณหมอ มีอะไรหรือเปล่าครับ”



            “ผมรู้สึกว่าจะไม่ใช่การตายตามธรรมชาติ” คุณหมอพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก



            “คุณหมอช่วยขยายความเพิ่มหน่อยได้ไหมครับ”



            “คืออย่างนี้ครับผู้กอง ถ้าเป็นอาการไหลตายหรือโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ พักผ่อนน้อย ดื่มเหล้า ทำให้สารจำพวกเกลือแร่นั้นมีน้อยกว่าปกติ ถ้าอธิบายทางการแพทย์ก็อาจจะยาวและผู้กองเองอาจจะไม่เข้าใจ ผมสรุปสั้นๆ เลยว่า ปกติเราก็จะเห็นว่ามันคือการนอนหลับแล้วจากไปเสียเฉยๆ”



            “ครับ แล้วยังไงต่อครับ”



            “ทีนี้บริเวณตา จมูก และปาก มันมีลักษณะเหมือนกับถูกอุดเอาไว้ อาจจะฟังดูแค่เล็กน้อยว่าทำไมผมถึงสันนิษฐานแบบนี้ แต่ผมแนะนำว่าให้ส่งศพไปที่กรุงเทพฯ แล้วให้ทางนิติเวชตรวจหาสาเหตุการตายที่แท้จริงเถอะครับ”



            “คุณหมอกำลังจะบอกผมว่า ผู้ตายรายนี้ถูกฆาตกรรม?”



            “ผมไม่อยากจะฟังธงตรงๆ เพราะผมไม่ใช่หมอนิติเวช แต่ถ้าผู้กองจะถามแบบนั้นผมคงต้องตอบว่า ใช่ครับ”



            “คุณหมอแน่ใจแล้วหรือครับ”



            “ค่อนข้างแน่ใจครับ”



            “ครับ โอเคครับคุณหมอ เดี๋ยวผมจะคุยกับญาติผู้ตายเอง”



            “ครับ เดี๋ยวผมจะเขียนลงใบชันสูตรยืนยันการตายให้เจ้าของบ้านก่อนนะครับ”



            “เชิญครับ” คุณหมอโค้งศีรษะให้เล็กน้อยก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของผู้ตายอีกครั้ง



            “เสร็จแล้วใช่ไหม หมอ” ไอ้สินพูด



            “ครับ” คุณหมอหนุ่มตอบก่อนจะขอตัวกลับ ผู้กองหนุ่มเลยเดินลงมาส่งอีกฝ่าย



            “เดี๋ยวนายสินไปรับใบแจ้งความที่สถานีตำรวจแล้วเอาใบแจ้งความนั้นไปให้ผู้ใหญ่บ้านล่ะ จะได้ไปทำเรื่องขอใบมรณบัตร อ้อ อย่าลืมเอาเอกสารไปด้วย จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาหลายรอบ” จ่าชอบบอกญาติผู้ตายด้วยคุ้นเคยในหน้าที่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการตายเกิดขึ้นในหมู่บ้าน







            ไอ้น้ำมาถึงหน้าบ้านคนตาย ก็แทบมองอะไรไม่เห็นเลยเพราะคนมุงกันแน่นเหลือเกิน เดชะบุญความสูงที่มีจึงสามารถมองข้ามศีรษะเหล่าบรรดาคนอยากรู้เรื่องชาวบ้านเหมือนกับเขา ไอ้น้ำเห็นผู้กองที่ตั้งใจจะจับเขาเข้าคุกตั้งแต่เช้ากำลังเดินมาจากบันไดพร้อมกับจ่าสมคิดและคุณหมอคนหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นหน้า



            “นี่น้า ทำไมคนมุงเยอะขนาดนี้อะ” ไอ้น้ำถามผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ



            “ก็เมียไอ้สินมันตายไง ทำไมรึ พ่อหนุ่ม”



            “ฉันได้ยินมาว่ามีคนตายแต่ไม่คิดว่าคนจะเยอะแยะขนาดนี้”



            “คนไม่ได้ตายกันบ่อยๆ ทั้งข้าและเอ็งก็มาที่นี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น คนอื่นก็คงเหมือนกันแหละว้า”



            “จริงด้วยเนาะ แล้วเขาเป็นอะไรตายอะน้า ไหลตายใช่ป่ะ”



            “เขาว่ากันอย่างนั้นแหละ”





   ไอ้น้ำคุยกับน้าคนข้างๆ อยู่สักพักตำรวจทั้งสองนายพร้อมคุณหมอในเสื้อเชิ้ต กางเกงแสล็คสีดำก็ออกมาจากในบ้านเสียที

         

           “ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ” ผู้กองปรานต์ว่าพลางยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่ายเพราะตอนนี้เขาไม่ได้สวมหมวกของตำรวจแล้ว



           “ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี เดี๋ยวผมจะให้ทางโรงพยาบาลมาเคลื่อนย้ายศพไปนะครับ ถ้ายังไงผมขอตัวกลับโรงพยาบาลก่อนนะครับ”



            “ครับ เดี๋ยวผมให้จ่าชอบขับรถไปส่ง”



            “ขอบคุณครับ” คุณหมอหนุ่มขอบคุณและเอ่ยลาเพราะต้องรีบกลับไปตรวจคนไข้ต่อ



            “จ่าสมคิด ฉันฝากไปส่งคุณหมอด้วยนะ”



            “ครับ ผู้กอง” จ่าสมคิดรับคำแล้วหันไปบอกคุณหมอและออกเดินนำคุณหมอไปยังรถยนต์ของทางราชการที่จอดอยู่หน้าตลาด







            บทสนทนานั้นไม่มีทางเล็ดรอดต่อมอยากรู้ของไอ้น้ำไปได้ หูของเขากางออกจนถึงขีดสุดแล้ว





            จิตวิญญาณของนักสืบบอกเขาว่า นี่มันต้องไม่ใช่การนอนหลับแล้วตายไปเฉยๆ แน่เลย เรื่องสืบสวนขอให้บอก เขาชื่นชอบมันนัก





            ฆาตกรรม ชัวร์! ไอ้น้ำสะบัดธง ยืนยันได้เลย





            ผู้กองหนุ่มหมุนตัวเตรียมจะกลับเข้าไปข้างในบ้านก็ได้ยินเสียงของใครสักคนเรียกชื่อของเขาทำให้เขาชะงักเท้าที่จะกลับเข้าไปข้างใน



            “นี่จ่า รู้ปะเขาเป็นอะไรตาย” ด้วยความเกรียนและอยากเอาคืนของไอ้น้ำ มันเลยตั้งใจลดยศของผู้กองหนุ่ม



            “ฉัน ร.ต.อ. ปรานต์ ไม่ใช่จ่าครับคุณประชาชนที่มีสิทธิ์เสรีภาพ” ผู้กองรู้ตัวว่าโดนแกล้ง เขาจึงตั้งใจบอกยศของตัวเองออกไปและเรียกอีกฝ่ายตามสิทธิ์ที่เจ้าตัวเคยพูด



            “อ้อ โทษทีนะ ไม่รู้อะ แล้วรู้ปะ เขาเป็นอะไรตาย” ไอ้น้ำขี้เกียจกวนอารมณ์อีกฝ่ายต่อ เพราะเขาอยากรู้แล้วว่าสิ่งที่เขาคิดไว้มันถูกหรือไม่



            “ไม่หายใจ” คำตอบกวนๆ กลับมา น้ำรู้ตัวทันทีว่ากำลังโดนเอาคืน



            “โอเคๆ เมื่อตะกี้นี้ ผมขอโทษจริงๆ เรามาปรองดองกันนะ ผมชื่อน้ำ ตอนนี้เรารู้จักกันแล้วใช่ไหม ผู้กองปรานต์” ถ้าไม่ใช่เพราะความอยากรู้อยากเห็น ไอ้น้ำไม่มีอ่อนข้อให้ก่อนแน่ๆ



            “ก็ได้ครับ คุณน้ำ” ผู้กองปรานต์มองรอยยิ้มซื่อๆ ที่เจ้าตัวพยายามมอบให้เขา แต่คุณน้ำคนนี้ยังเล่นละครไม่ผ่านนะ ดูก็รู้ว่าไม่อยากเป็นมิตรกับเขาสักเท่าไหร่



            “สรุปว่าเขาเป็นอะไรเหรอ” น้ำปรับคำพูดให้ดูรื่นหูขึ้น



            “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ผู้กองหนุ่มกล่าวปิดท้ายแล้วเตรียมจะเดินต่อทันที แต่ก็ถูกไอ้น้ำดึงแขนเอาไว้เสียก่อน



            “ฆาตกรรมใช่ปะ” น้ำโพล่งขึ้นมา ไม่สนใจที่ถูกว่าว่าเป็นเด็ก



            “....” ปรานต์แปลกใจเพราะเขายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ



            “ใช่ปะ ผมเดาถูกใช่ไหม จะบอกให้นะ คนที่เจอศพคนแรกนั่นแหละคือฆาตกร” น้ำพูดต่อจนจบ



            “นายรู้ได้อย่างไร” ผู้กองกำลังประเมินเด็กหนุ่มตรงหน้า เด็กคนนี้นอกจากจะรู้กฎหมายบ้างแล้วยังวิเคราะห์เรื่องพวกนี้ได้ด้วยเหรอ





            คุณน้ำคนนี้เป็นใคร มาจากไหนกันแน่





            “ไม่ยากๆ เดาง่ายจะตายไป” น้ำโบกมือราวกับว่าการหาคนร้ายนั้นไม่ใช่ปัญหา



            “ครับ?” ผู้กองสงสัยว่าคนคนนี้รู้รายละเอียดมากแค่ไหน



            “โคนันบอกไว้อย่างไรล่ะ”





            ความฝันของผู้กองดับวูบ ไม่น่าสนใจฟังเล้ย!





            ไอ้น้ำอยู่เมียงมองแถวนั้นต่ออีกสักพักก็ดิ่งตรงกลับบ้านไปทำงานต่อ งานในเฟสสุดท้ายของเขาใกล้จะเสร็จเต็มที เจ้าตัวเลยอยากรีบทำให้เสร็จไปเสียที งานเสร็จเร็ว เงินก็ตามมาเร็วด้วย



            “น้ำ ไอ้น้ำโว้ย” เสียงของเจ๊แสงตะโกนเรียกชายหนุ่มอยู่หน้าบ้าน ทำให้เขาหยุดชะงักงานที่กำลังอยู่ลง



            “ว่าไงเจ๊ มีอะไรมาหาฉันถึงนี่”



            “จะอะไร นี่เอ็งไม่รู้เรื่องเลยหรือไง” เจ๊แสงพูดพลางเดินขึ้นบ้านมานั่งพักด้วยความเหนื่อยเพราะเดินมาค่อนข้างไกล ไอ้น้ำรีบกุลีกุจอหาน้ำดื่มไปให้แก้กระหาย



            “ไม่เลยจ้ะ อ๋อ เจ๊จะเอาเงินที่ฉันเดินหวยมาให้ใช่ปะ ทำไมไม่ฝากเด็กมาล่ะ มาเองทำไม”



            “อะไร แค่นั้นซะที่ไหน ข้ามาหาเอ็งเพราะเอ็งถูกหวยโว้ย ไอ้นี่ สามตัวตรง ศูนย์ หนึ่ง ห้า ไงวะ”



            “จริงอะ เจ๊”



            “เออสิวะ ข้าจะหลอกเอ็งทำไม” ไอ้น้ำได้ยินรีบเข้าห้องไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูผลหวยประจำงวดนี้ทันที





            งวดรางวัลประจำวันที่ 16 เดือน xx พ.ศ. 25xx

            รางวัลที่ 1 ได้แก่ 367015





            ฉิบหาย งวดนี้ตรงอย่างเจ้าแม่ตะเคียนว่าจริงๆ เว้ย



            “เจ๊ ไหนเงินฉันอะ” ไอ้น้ำได้สติรีบทวงเงิน





            หนึ่งร้อยบาท สามตัวตรง ได้เป็นหมื่นละเว้ย คราวนี้





            “เอาไป นี่ของเอ็ง และนี่ของแม่เอ็ง” เจ๊แสงยื่นเงินให้ปึกหนึ่ง แบงค์พันล้วนๆ หอมเตะจมูกไอ้น้ำนัก



            “เดี๋ยวเจ๊ ทำไมของฉันมันน้อยนิดเบาโหวงเหวงแบบนี้ละ” แบงค์พันหกใบเท่านั้น มันใช่ที่ไหนกัน





            “ก็เอ็งซื้อสิบบาท แล้วก็สองตัว อีกสิบบาท ค่าเดินหวยให้ข้าอีก รวมๆ แล้วมันก็เท่านี้ปะวะ”



            “ไม่ใช่ร้อยหนึ่งเหรอเจ๊”



            “อะไรของเอ็ง ข้าไม่โกงเอ็งหรอก ดีนะที่ข้าถือโพยเอ็งติดมาด้วย เอ้า เอาไปดู” เจ๊แสงค้นกุกกักในกระเป๋าที่ถือมาก่อนจะยื่นเศษกระดาษที่เริ่มยับยู่ยี่นั้นให้



            “ศูนย์หนึ่งห้า ตัวละ สิบบาท”





            10 บาท ไม่ 100 บาท ศูนย์หายไปไหน ไอ้น้ำยกมือตีหน้าผากเสียงดัง ไอ้ตำรวจเฮงซวยเอ๊ย ถ้าไม่ถูกเรียกเขาไว้จนเกือบส่งหวยไม่ทันแล้วล่ะก็ เขาคงไม่รีบเขียนหวยตกหล่นแบบนี้



            โมโหเว้ย ไอ้ตำรวจบ้า เจอหน้าจะด่าให้





            “ใช่ไหม” เจ๊แสงถามย้ำ



            “ใช่จ้ะ ขอบใจนะเจ๊ ที่เอาเงินมาให้ฉัน” น้ำตอบรับด้วยใบหน้าสลด ชวดเงินไปด้วยความเสียดาย



            “เออ ไม่เป็นไร ข้ามีธุระแถวนี้พอดี  ถามจริง เอ็งเอาเลขมาจากไหนวะ ข้าล่ะเสียวหลังวาบจริงๆ เอ็งซื้อถูกมาสองงวดแล้ว”



            “ฉันก็ไปหาเลขตามป้าๆ ในท้ายตลาดเขาน่ะ เห็นเลขอะไร ฉันก็ซื้อไปตามนั้นแหละ ไม่คิดว่าจะถูกหรอก” น้ำตอบตามจริง



            “เออ เห็นว่าคนคุ้นเคย เอ็งถูกหวยก็ดีแล้ว จะได้มีกินมีใช้ ข้าไปล่ะ” เจ๊แสงพูดยาวก่อนเอ่ยลา



            “จ้ะ เจ๊”



            “แม่จ๊ะ” ช่วงเย็นระหว่างที่แม่น้อยกำลังทำกับข้าวอยู่ ไอ้น้ำก็เข้าไปเสนอหน้า



            “อะไรวะ”



            “หวยจ้ะ หวย”



            “ทำไม ข้าถูกไหมวะ” แม่น้อยวางมีดลงบนเขียนทันที หันมาถามบุตรชายด้วยสายตาเป็นประกาย



            “นี่จ้ะ แม่ว่า แม่ถูกหวยไหม” น้ำส่งเงินปึกหนึ่งที่ได้จากการถูกหวยให้ แม่น้อยรีบคว้าไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอให้ไอ้น้ำพูดซ้ำ สายตาไอ้น้ำก็สังเกตเห็นแม่มือสั่นตอนที่รับเงินอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าแม่จะไม่เคยหาเงินได้ขนาดนี้ แต่แม่แค่ไม่เคยถูกหวยแล้วได้เงินมากเท่านี้ต่างหาก



            “ไอ้น้ำ เอ็งอยากกินอะไรอีกไหม บอกข้ามาเลย ข้าจะไปซื้อมาให้กิน”



            “ฉันอยากกินหมูกระทะอะ แม่ วันนี้เราไปกินในตลาดกัน แม่เลี้ยงนะ”



            “ได้ๆ เอ็งอยากกินอะไรข้าก็จะพาไป กินอีกสิบมื้อก็ได้ เดี๋ยวรอยายฝนกลับมาจากโรงเรียนก่อน” แม่น้อยหยุดมือทำอาหารทันที โชคดีว่ายังไม่ได้เริ่มทำอะไรมากนัก ยกยอดไปทำพรุ่งนี้เช้าทีเดียวเลยก็แล้วกัน



            “จ้ะ เออแม่ เมื่อไหร่จะวันพระ”



            “พรุ่งนี้ ทำไมหรือ” แม่น้อยถามขณะเก็บของสดคืนตู้เย็น



            “ไปทำบุญกันนะแม่ ถูกหวยมาสองงวดละ ฉันอยากทำบุญ”



            “ดี ข้าก็นึกอยากทำบุญอยู่เหมือนกัน”



            “วันพระ แม่อย่าลืมปลุกฉันด้วยนะ”



            “เออ ไม่ตื่นล่ะน่าดู”









============================================



ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018








เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสี่ เห็นเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ๊ะ 23/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-03-2018 20:24:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสี่ เห็นเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ๊ะ 23/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-03-2018 21:56:37
 o13
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสี่ เห็นเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ๊ะ 23/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-03-2018 12:11:13
 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสี่ เห็นเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ๊ะ 23/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-03-2018 23:40:19
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสี่ เห็นเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ๊ะ 23/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 27-03-2018 12:21:53
งวดห้า งวดนี้ผีขอเอี่ยว
 

            เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นไอ้น้ำก็ถูกแม่น้อยเรียกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เขางัวเงียต่อสู้ระหว่างที่นอนกับการฝืนลุกขึ้นอย่างหนัก มันทำใจได้ยากเหลือเกินที่จะลุกไปอาบน้ำในเวลานี้

           

“ไอ้น้ำ ถ้าข้าเข้าไปตามอีกรอบ ข้าจะไม่ปลุกเอ็งแล้ว วัด เวิดไม่ต้องไป” แม่น้อยขู่อยู่นอกห้อง ไอ้น้ำลืมตาฉับแล้วรีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วไปห้องน้ำทันที



            “อะไรกัน ทำไมปลุกยากเย็นขนาดนี้ ตอนไปอยู่กรุงเทพฯ ไปทำงานทันหรือเปล่า” แม่น้อยบ่นระหว่างทางที่เดินไปวัด



            “แม่ปลุกฉันตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน ใครมันจะตื่นได้เลยอย่างใจแม่ล่ะ”



            “ไม่ไหวจริงๆ ลูกคนนี้ ไปขอผู้หญิงบ้านไหนเขาจะเอา ฮึ”



            “ให้ถึงวันนั้นก่อนค่อยว่ากันจ้ะ รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่หวยไปก่อน” ไอ้น้ำพูดหน้าเป็น ในมือก็ถือตะกร้าสานที่บรรจุทั้งข้าวสวยเพิ่งหุงมาร้อนๆ กับข้าวกับปลา และผลไม้อีกสามสี่อย่าง และไม่ลืมดอกไม้ที่จะไปถวายด้วย



            “เอ้อ จะว่าไปวันนี้เอ็งก็แต่งตัวดูเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้างเหมือนกันนะเนี่ย” แม่น้อยเปรยขึ้นมา เพราะตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน ลูกชายของนางก็ใส่แต่เสื้อยืดกลางเก่ากลางใหม่ แถมค่อนไปทางเก่า มีรอยหนูแทะบ้างก็หลายตัว ใส่กางเกงก็ขาสั้นทั่วไป คีบแตะไปไหนมาไหนตลอดเวลา



            “ฉันหล่อใช่ไหมล่ะแม่” ไอ้น้ำโอ้อวดหนังหน้าของตัวเอง วันนี้ไอ้น้ำใส่เสื้อยืดสภาพดี ที่เจ้าตัวคิดว่าดีแล้วกับกางเกงยีนส์ขายาวและสวมรองเท้าผ้าใบ อ้อ ไม่ลืมใส่ถุงเท้าด้วย



            “ข้าบอกหรือว่าเอ็งหล่อ เพิ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าดูเป็นผู้เป็นคนเหมือนคนอื่น”



            “แม่ก็ ชมฉันหน่อยสิจ๊ะ นี่ลูกชายแม่เลยนะ” ไอ้น้ำพูดเสร็จก็ก้มดูตัวเองวันนี้เขาหล่อจะตายชัก



            “ไม่ล่ะ เดี๋ยวเอ็งจะเหลิงเสียเปล่าๆ” แม่น้อยตัดบท สองแม่ลูกก็เดินมาถึงวัดพอดี



            “เสียดายที่ยายฝนไม่ได้มาด้วยกันกับเราเนอะแม่”



            “มันต้องไปโรงเรียน ไว้วันพระเป็นวันหยุดก็ค่อยมาก็ได้ บุญน่ะ ทำได้เรื่อยๆ”



            “จ้ะ”



            “ไปๆ ถอดรองเท้าแล้วเข้าศาลาได้แล้ว พระเริ่มใกล้สวดเดี๋ยวจะไม่ทันการ”





            พอเดินเข้ามาในศาลาวัดที่ใช้ปฏิบัติศาสนกิจในวันนี้ ไอ้น้ำก็เห็นเหล่าบรรดาป้าๆ ทั้งหลายที่ขายของในตลาด และคนในหมู่บ้าน เพราะที่นี่มีวัดเพียงแค่แห่งเดียว เมื่อถึงวันสำคัญทุกคนก็จะมาร่วมตัวกันที่นี่ แทบจะเรียกได้ว่าเห็นหน้าครบทุกคนเลยล่ะ





            เขาได้ยินเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ดังไปทั่วศาลา ไอ้น้ำถูกแม่สะกิดเรียกให้ไปตักบาตรให้เรียบร้อยเสียก่อนจะมานั่งฟังพระสวด ชายหนุ่มรวบรวมจิตใจและสมาธิให้สงบระหว่างตักบาตร เมื่อเสร็จแล้วเขาจึงกลับไปนั่งที่เดิมอีกครั้งและเริ่มสำรวจรอบๆ อีกครั้ง





            ไอ้น้ำไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านนานหลายปีแล้ว แม่ส่งเขาไปเรียนตั้งแต่เขาสอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ ภายหลังเมื่อเรียนจบก็ทำงานต่อที่นั่นด้วยเลย ถ้าไม่มีเหตุบางอย่าง เขาคงยังไม่กลับมาอยู่ที่บ้านในเวลานี้หรอก ลุงป้าหลายคนแก่ตัวไปมากกว่าเดิมเพราะเวลาแปรเปลี่ยนไปหลายปี





            กลับมาครั้งนี้เขารู้สึกว่าในหมู่บ้านก็มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ เพราะที่นี่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว ความเจริญจึงยังไม่จู่โจมเข้ามา ช่างแตกต่างกับแสงสีในกรุงเทพฯ อย่างสุดขั้ว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย เพราะวันๆ เขาก็สรรหาทำอะไรตั้งหลายอย่างมากมาย





พูดกันตามตรง ตักบาตรครั้งสุดท้าย ก็คงตอนเรียนมัธยมปลายก่อนไปเรียนในกรุงเทพฯ ล่ะมั้ง น้ำเกือบลืมไปแล้วว่าวีถีชาวบ้านที่เรียบง่ายนั้นเป็นอย่างไร ผู้คนพูดจายิ้มแย้มต่อกัน ใครทำอะไรก็รู้เห็นเสียหมด ถึงมันจะเป็นเส้นกั้นบางๆ ของคำว่าอยากรู้อยากเห็นก็เถอะ แต่ถ้ามีอะไรคนที่นี่ก็ยินดีช่วยเหลือกันเสมอ



“นี่แม่น้อย มากับไอ้น้ำสองคนหรือ” ป้าที่ไอ้น้ำจำชื่อไม่ได้ กำลังชวนแม่คุยและหันมายิ้มให้เขา ไอ้น้ำจึงยกมือไหว้โดยอัตโนมัติ



“จ้ะ ยายฝนไปโรงเรียนจ้ะ พี่”



            “ข้าก็ลืมไป ไม่ใช่วันหยุดนี่นา แล้วเป็นไงล่ะ พ่อน้ำ สบายดีนะ ไม่เจอกันเสียนาน ลูกชายแม่น้อยหล่อขึ้นมาก ถ้าไม่ได้มากับแม่น้อย ข้าคงจำไม่ได้”



            “สบายดีจ้ะ” ไอ้น้ำตอบ



            “หน้าตามันก็เหมือนเดิมแหละจ้ะ พี่ ขี้เหร่อย่างไรก็อย่างนั้น ดูสิ วัยเข้าเบญจเพสแล้ว ไม่มีแฟนเหมือนใครคนอื่นเขา” แม่น้อยบ่นลูกชายเสียงเบา



            “เด็กสมัยนี้แต่งงานช้า ไม่เหมือนวัยอย่างเราหรอกแม่น้อย ปล่อยมันไปเถอะ ให้มันคิด ตัดสินใจอะไรของมันเอง โตแล้วล่ะนะ”



            “จ้ะ ฉันก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย ไม่รู้จะได้อุ้มหลานเหมือนใครเขาบ้างไหม”



            “เดี๋ยวก็มีเอง หน้าตาอย่างพ่อน้ำ ขี้คร้านสาวๆ จะตามมาเป็นเกรียว”



            “ฉันก็รออยู่จ้ะ” แม่น้อยหัวเราะออกมา เพราะรู้ว่าไม่มีสาวไหนมาตามไอ้น้ำ ลูกชายของเธอหรอก เพราะไอ้น้ำกลับมาร่วมเดือนแล้ว ยังไม่มีใครมาหาเลย



            “แล้วนี่กลับมาอยู่ที่บ้านเลยหรือว่ากลับมาเที่ยวบ้านล่ะ พ่อน้ำ” ป้าที่ไอ้น้ำก็ยังไม่รู้จักชื่อ แล้วแม่ก็ไม่เรียกชื่อสักคำ ถามเขาต่อ



            “ก็กลับมาอยู่ที่บ้านก่อนจ้ะ”



            “งั้นเหรอ ถ้าว่างๆ ก็มาทำงานที่บ้านป้าได้นะ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระแม่น้อยเขา”



            “ขอบคุณจ้ะ..ป้า”  ไอ้น้ำรับคำ ไม่อยากปฏิเสธให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจ แค่ทุกวันนี้เขาก็ภารกิจเต็มแน่นทั้งวัน จะเอาเวลาไหนไปทำงานบ้านป้าคนนี้อีกได้เล่า



            “ไม่เป็นไรๆ คนกันเอง พระท่านมาพอดีกำลังจะขึ้นธรรมาสน์ละ”





            เมื่อหลวงตาเดินเข้ามาในศาลา ผู้คนก็ต่างพากันเงียบเสียงโดยมิได้นัดหมายใดๆ และเมื่อเสียงสวดดังขึ้นทุกคนก็พร้อมใจกันพนมมือสวดมนต์กัน





            ไอ้น้ำเริ่มกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ทั้งคุณพัดและไม่ลืมที่จะให้แม่นางตะเคียนที่ใจดีให้หวยเขาเสียตรงเป๊ะ ถึงเขาจะกลัวขนลุกไม่หายแต่ก็อยากให้นางได้รับผลบุญด้วย น้ำคิดว่าคนได้รับคงดีใจไม่น้อย 



            “น้ำ เดี๋ยวเอาน้ำไปเทตรงต้นไม้ใหญ่นะ” แม่น้อยบอกลูกชายหลังจากพระสวดจบ ทุกคนกำลังเตรียมแยกย้าย



            “จ้ะ แล้วแม่จะไปไหนเหรอ”



            “แม่จะเข้าไปตลาดเสียหน่อย”



            “เดี๋ยวฉันไปด้วยจ้ะ” น้ำบอกเพราะเขาจะได้ไปช่วยแม่ถือของ



            “ไม่ต้องๆ ข้าคงไปนาน วันนี้มีเรื่องคุยกับคนในตลาดเยอะแยะเลย”





            “อ่อ ..ไปเมาท์นี่เอง ก็ได้ งั้นฉันตรงเข้าบ้านเลยนะ”



            “เออ ถ้าหิวก็ต้มมาม่าไปก่อนนะเอ็ง”



            “จ้ะ” ไอ้น้ำลุกขึ้น หยิบที่กรวดน้ำกับตะกร้าสานขึ้นมาอย่างระวัง เขาเดินลงมาจากศาลาวัด วางที่กรวดน้ำไว้ข้างตัวอย่างระวัง ระหว่างที่ใส่รองเท้าผ้าใบ เมื่อเสร็จแล้วจึงหยิบที่กรวดน้ำตรงไปต้นไม้ใหญ่ตามคำแม่บอก



            “สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ....” ไอ้น้ำท่องบทแผ่เมตตาระหว่างเทน้ำลงดินอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วนำที่กรวดน้ำวางลงในตะกร้าตั้งท่าจะเดินกลับบ้าน





            “ขอบคุณนะจ๊ะ พ่อน้ำ ฉันรู้สึกดีมากๆ เลยจ้ะ”







            ไอ้น้ำสัมผัสความเย็นได้แถวบริเวณใบหู เหมือนมีใครพูดที่ข้างหู แต่ถึงแม้จะได้ยินเสียงแค่ในคืนนั้น ไอ้น้ำก็จำได้แม่น ไม่ใช่เสียงใคร เสียงของแม่นางตะเคียน เจ้าเดิมนั่นเอง



            ในวัดก็เข้ามาได้หรือ!!





            ช่างไม่กลัวพลังอำนาจของวัดเลย ไอ้น้ำทำตัวไม่ถูก นี่มันกลางวันแสกๆ แม่นางตะเคียนก็ยังพูดคุยกับเขาได้เป็นปกติ ชายหนุ่มจึงหลับหูหลับตาคว้าแขนใครสักคนที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดเอาไว้เพื่อให้อุ่นใจ





            “ฉันขอกลับด้วยนะจ๊ะ” น้ำพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตา



            “ตามใจ...แต่คงไม่ถึงกับต้องจับแขนไปตลอดทางล่ะมั้ง” เสียงนี้ก็คุ้นหูไอ้น้ำ มันจึงลืมตาขึ้นดูแล้วจึงพบว่าเป็นตำรวจที่ไม่ถูกชะตาของมันนั่นเอง





            ไอ้ตำรวจที่ทำให้เขาชวดเงินหมื่่น





            น้ำรีบปล่อยมือออกทันทีราวกับจับต้องของร้อนก็ไม่ปาน ส่วนตำรวจนอกเครื่องแบบก็ไม่พูดอะไรนอกจากเดินหน้าต่ออย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ติดว่าไอ้น้ำกลัวผีล่ะก็ เข้าไม่มีทางวิ่งตามผู้ชายแบบนี้หรอก



            “นี่ ลุง” น้ำเรียกอีกฝ่ายหลังจากที่ก้าวเท้าตามมาจนทัน



            “....” คนถูกเรียกไม่ตอบนอกจากปรายตามองเท่านั้นก่อนจะหันกลับไป 





            “คดีคุณพัดเป็นไงบ้างอะ”  ไอ้น้ำไม่สนใจท่าทีเย็นชานั้น รีบถามเรื่องที่อยากรู้ต่อ ใจจริงก็อยากจะถามด้วยว่ามาทำบุญกับเขาด้วยเหรอ ชาวกรุงไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้เป็น



            “ยังไม่รู้ข่าวเหรอ นึกว่าชาวบ้านพูดกันทั่วแล้วเสียอีก ในวัดก็คุยกันแต่เรื่องนี้”



            “จริงอะ ผมไม่เห็นได้ยิน บอกหน่อยสิ” น้ำไม่เห็นได้ยินอะไรเลย





อ้อ...ป้าที่จำชื่อไม่ได้ชวนเขาคุยนี่นา





“ฉันจะพูดเท่าที่พูดได้ละกัน คุณโคนัน อย่างที่นายเข้าใจตอนนี้ศพถูกส่งเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว รอผลการชันสูตรให้ชัดเจนเสียก่อน”



“แล้วมันเป็นคดีฆาตกรรมปะลุง...เอ๊ย...ผู้กอง” ไอ้น้ำถูกอีกฝ่ายล้อเลียนมาก็เลยล้อเลียนกลับ แต่เขาก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากเพราะเขาอยากรู้เรื่องคนตาย



“ผมยังบอกไม่ได้ จนกว่าผลตรวจจะออก ผมสามารถพูดได้เท่านี้ครับ”



“เซ็งอะ”  ไอ้น้ำบ่น อุตส่าห์ได้คุยกับคนใกล้ชิดกับเรื่องนี้ทั้งที แต่กลับไม่รู้เรื่องอะไรเพิ่มเลย



“อ้อ บอกได้อีกอย่าง”



“อะไรครับ อะไร” น้ำกระตือรือร้นสุดๆ



“เรื่องเมื่อวันก่อนตรงสะพานข้ามตลาด ฉันยังไม่ลืมนะ” ผู้กองเตือนความจำ



“เรื่องอะไร ลืมๆ มันไปเสียบ้างเถอะ รกสมองเปล่าๆ ผู้กอง” ไอ้น้ำสะบัดมือบอกอีกฝ่ายว่าให้แล้วต่อกันไป แล้วจึงรีบเดินทิ้งระยะห่างคนข้างๆ อย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผู้กองมองตามหลังอีกฝ่าย





คน คนนี้ช่างแปลก อยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้าน ซ้ำยังช่างสังเกตไม่น้อย แค่เขายืนคุยกับคุณหมอเพียงไม่กี่ประโยคก็กลับเข้าใจสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เวลาคุยกับเขาคำพูดคำจาก็ไม่เหมือนคนในหมู่บ้าน เขาได้ยินชายหนุ่มคุยกับคนในวัดก็ใช้คำพูดอีกทั้งน้ำเสียงราวกับเจ้าของพื้นที่ ไม่รู้ว่าลูกหลานบ้านไหน ทำมาหากินอะไร เดาว่าคงเข้าไปเรียนในเมืองล่ะมั้ง



ผู้กองปรานต์คิดอยู่สักพักแล้วก็เดินกลับที่พักของตนเองเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้เริ่มทำงานสำหรับวันนี้เสียที หมู่บ้านนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่ก็จริง แต่เรื่องในหมู่บ้านนี้ดูจะมีไม่น้อยเลยทีเดียว



“สวัสดีครับ ผู้กอง” จ่าชอบและจ่าสมคิดทำความเคารพผู้บังคับบัญชาของตนเอง



“มีอะไรคืบหน้าบ้างล่ะ จ่าชอบ” ผู้กองปรานต์เอ่ยถามขณะที่เขากำลังชงกาแฟมาดื่มเป็นการกระตุ้นสมองในเช้านี้



“เรื่องคดีนางพัด เมื่อสักครู่นี้ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าได้รับศพแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ถ้าตรวจเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่จะรีบติดต่อกลับมาครับ”



“อืม ถึงจะยังไม่ค่อยแน่ใจเรื่องคดีนัก แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าผู้ตายไม่ได้ตายอย่างปกติหรือตามธรรมชาติ”



“ทำไมผู้กองถึงมั่นใจล่ะครับ” จ่าสมคิดถามเพราะนอกจากคำพูดของคุณหมอแล้ว ก็ดูไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ศพผู้ตายก็อยู่ในสภาพที่นอนนิ่งจากไปอย่างสงบ



“มือของผู้ตายค่อนข้างหงิก เกร็งเหมือนก่อนน่าที่จะตายได้จับอะไรไว้บางอย่าง ถ้าตายตามปกติ มือไม่น่าหงิกเกร็งมากขนาดนี้”



“ผู้กองสงสัยใครหรือเปล่าครับ ไอ้สิน?” จ่าสมคิดถามต่อ



“ผมยังไม่เริ่มสงสัยว่าใครเป็นคนลงมือกระทำ ถามทำไมหรือจ่า”



“คนทั่วหมู่บ้าน เขารู้กันทั้งนั้นครับผู้กองว่าไอ้สินมันชอบทุบตีเมียจนปางตายไปก็หลายที”





“อืม ผมเห็นตามลำตัวมีรอยฟกช้ำอยู่ แล้วทำไมเขาถึงซ้อมผู้ตายล่ะ”



“รักมากก็หึงมากครับ ไอ้สินโชคดีได้เมียสวยและสาวก็เลยขี้หึงเป็นธรรมดา”



“ก็ไม่ถึงกับต้องลงมือเลย” ผู้กองปรานต์บ่นพลางส่ายหน้า เรื่องการทำร้ายคนอื่น ไม่เคยมีอยู่ในหัวเขาเลย ยิ่งเขาที่เคารพมารดามากอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีวันจะทำร้ายผู้หญิงแน่นอน รวมถึงผู้ชายด้วย



“แล้วอีกเรื่องล่ะจ่าสมคิด” ผู้กองปรานต์ถามต่อ



“ครับ เรื่องหวย คิดว่าเจ้ามือหวยเริ่มจะรู้ตัวแล้วนะครับ”



“อืม ก็หวังว่าเขาจะรู้ตัวจริงๆ แล้วเลิกซะ แต่ถ้าไม่ ก็คงต้องลงมือกัน”



“ครับ”



“ผมเองก็เพิ่งย้ายมาใหม่ ไม่ได้อยากจะทำอะไรให้คนในหมู่บ้านไม่พอใจหรอก แต่กฎหมายก็คือกฎหมายนะจ่า”



“ครับ”



“เอาล่ะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็เข้ามารายงานผมที่ห้องได้เลยครับ” ผู้กองกล่าวก่อนจะเดินเข้าห้องประจำตำแหน่งของตนเอง





ร้อยตำรวจเอก ปรานต์ ถูกย้ายมาประจำตำแหน่งที่หมู่บ้านแห่งนี้ สาเหตุที่ถูกย้าย คนในตลาดอาจจะรู้ดีกว่าเขาอีกก็เป็นได้ ถ้าไม่มีมูลไม่มีข่าว ก็คงใช่ เขาถูกย้ายมาเพราะไม่ลงรอยกับผู้บังคับบัญชา สาเหตุที่เขาไม่ให้ความร่วมมือเพื่อร่วมกระทำปกปิดอะไรบางอย่าง





ผู้กองรู้ดีว่าสังคมของตำรวจนั้นมีทั้งตำรวจที่ดีและไม่ดี ตำรวจบางคนก็ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง และก็มีบางคนที่อยากเป็นตำรวจเพื่อปกป้องประชาชนจากใจจริง และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น





เขาเป็นตำรวจก็จริง ถ้าจะบอกว่าไม่เคยทำผิดเลยก็คงไม่ใช่ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ให้น่าหนักใจเท่านั้น เช่น บางครั้งความรีบเร่งก็ทำให้เขาต้องข้ามถนนแทนการใช้สะพานลอย มันไม่ดีและไม่ปลอดภัยแต่บางทีเขาต้องรีบตามจับผู้ร้าย วอนคนอ่านโปรดเข้าใจ





ตำรวจหนุ่มย้ายมาได้เกือบเดือนแล้ว ตอนที่มาถึงเขายังไม่ได้แสดงตัวที่ไหนมากนักเพราะไล่อ่านสำนวนและคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ถามข้อมูลต่างๆ จากจ่าทั้งสองเพื่อศึกษาเอาไว้ให้มากที่สุด เขายังใหม่กับที่นี่และจ่าทั้งสองก็เป็นที่ปรึกษาได้ดี





มารดาของเขาโทรถามสารทุกข์สุกดิบบุตรชายแทบทุกวันด้วยความเป็นห่วง คงเพราะเขาไม่เคยห่างบ้านมาทำงานไกลขนาดนี้และไม่ใช่ชั่วคราวแต่ยังอยู่ยาวแบบไม่มีกำหนด ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ย้ายกลับไปกรุงเทพฯ บ้านเกิดเมืองนอนของตนเองหรือเปล่า





อยู่มาได้ร่วมเดือนก็ยอมรับว่าที่นี่น่าอยู่ไม่น้อยเลย ธรรมชาติล้อมรอบโดยไม่ถูกความเจริญเข้าครอบครองไว้ มันก็ทำให้คนกรุงอย่างเขาตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เขาคิดว่าเขาชอบที่นี่นะ ชอบมากกว่าเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียอีก ชายหนุ่มยังจำได้ว่าถ้าหากเขายังอยู่กรุงเทพฯ ในเวลานี้ล่ะก็ หลังเลิกงานเขาคงต้องไปรับไปส่ง หรืออยู่เป็นดูแลเวลาที่คนนี้เที่ยวสถานเริงรมย์ตามค่ำคืน คนที่เขาต้องคอยดูแลอยู่เสมอ คน คนหนึ่งที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอดีตคนรัก



“พี่ปรานต์จะย้ายไปอยู่บ้านนอกนั่นจริงๆ เหรอ” วรันต์ถาม ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ



“มันไม่ใช่ความต้องการของพี่เสียหน่อย รันก็รู้”



“พี่ลาออกจากการเป็นตำรวจอะไรเนี่ยไม่ได้เหรอ พี่จะได้ไม่ต้องไป”



“การเป็นตำรวจมันคือความฝันของพี่ เรื่องนี้รันก็รู้ดีอยู่แล้ว” ผู้กองปรานต์พยายามบอกอีกฝ่าย



“รันไม่เข้าใจความคิดพี่เลย พี่โอเคได้อย่างไร ถ้าเราต้องอยู่ไกลกันขนาดนี้”



“แค่สองชั่วโมง ไม่ถึงดีด้วยซ้ำ รันไปหาพี่ทุกวันหยุดได้อยู่แล้ว หรือจะให้พี่กลับมาหารันก็ยังได้เลย” ผู้กองปลอบอีกฝ่ายว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร



“จากคนที่เคยเจอกันเกือบทุกวัน เหลือแค่สัปดาห์ละสองสามวันเนี่ยนะ รันไม่เอาอะ”



“รัน ใจเย็นก่อน”



“ไม่อะ พี่ปรานต์ก็รู้ว่ารันมีสังคมมากมาย แล้วเสาร์อาทิตย์ รันก็ไม่ค่อยว่างอยู่แล้ว ไม่งั้นรันจะให้พี่ไปกับรันตลอดเวลาเหรอ” วรันต์พูดด้วยความเอาแต่ใจ ตั้งแต่เด็กจนโต เขาเคยชินกับการถูกตามใจมาตลอด และปรานต์ก็แทบไม่เคยขัดใจเขาเลย



“พี่รู้ พี่รู้ แต่รันต้องยอมรับให้ได้สิ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ”





“พี่เลือกมาระหว่างไปอยู่ที่นั่น กับรัน พี่จะเลือกอะไร” วรันต์ยื่นตัวเลือกให้อีกฝ่ายต้องเลือก



“ทำไมพี่ต้องเลือกด้วย รันคือคนที่พี่รัก และอาชีพตำรวจก็คืออาชีพที่พี่รัก”



“รันไม่รับรู้ ถ้าพี่ยังยืนกรานที่จะไป แสดงว่าพี่ไม่เลือกรัน”



“...” ผู้กองหนุ่มไม่ตอบ เขายังไม่อยากให้ทุกอย่างมันจบแบบนี้ ถึงแม้ว่าหลายครั้งที่เขาพยายามประคับประคองความรักของเขาให้อยู่ได้ แต่วรันต์ดูเหมือนจะไม่ค่อยเห็นค่ามันเท่าไหร่





ยอมรับว่าวันนี้เขาไม่ได้รักวรันต์เท่าวันก่อนแล้วเพราะความเอาแต่ใจของเจ้าตัว แต่ก็ไม่ได้อยากจบความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายเลย เขาอยากให้รักของเราทั้งคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ เขาคงไม่ยื้อมันต่อไว้ไม่ได้เช่นกัน



“พี่ปรานต์พี่เลือกที่จะเงียบ แปลว่า...เลือกที่จะทิ้งรันใช่ไหม” วรันต์มั่นใจในตัวเองว่าเขาจะยึดปรานต์ให้อยู่กับตัวเองได้ พอได้เห็นท่าทางเหล่านั้น เจ้าตัวก็แทบจะไม่เชื่อว่าปรานต์จะยอมทิ้งเขาจริงๆ





วรันต์ก็ไม่ต่างจากปรานต์ ชายหนุ่มก็ไม่ได้ถูกใจผู้ชายตรงหน้ามากเหมือนวันก่อนอีกแล้ว แต่เพราะผู้กองปรานต์มีภาษีดีกว่าผู้ชายอื่นที่เข้ามาหาวรันต์ แล้วมันผิดหรือไรที่เขายังเก็บคนที่ดีที่สุดไว้





“พี่ขอโทษ”



=====================================

พี่ปรานต์ของเราหัวใจเพิ่งว่างเหรอเนี่ยยย


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดห้า งวดนี้ผีขอเอี่ยว 27/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-03-2018 19:42:26
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดห้า งวดนี้ผีขอเอี่ยว 27/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-03-2018 20:23:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดห้า งวดนี้ผีขอเอี่ยว 27/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-03-2018 23:01:09
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดห้า งวดนี้ผีขอเอี่ยว 27/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 30-03-2018 11:52:51
งวดหก วิ่งหน้าตั้งก็ยังรักเธอ



            ไอ้น้ำนอนแทะเมล็ดแตงโมด้วยอิริยาบถเดิมที่เน้นความสบายเป็นหลัก เจ้าตัวกำลังกัดแทะอย่างเมามัน พอเห็นแม่น้อยเดินขึ้นบันไดบ้านมาเท่านั้น ท่าทางเรียบร้อยลุกขึ้นมานั่งหลังตรงก็ถูกกระทำเข้ามาแทนที่ทันที



            “แม่ หิวน้ำมั้ย เดี๋ยวฉันไปเอามาให้” ลูกชายคนโตของแม่น้อยถามเอาอกเอาใจ เห็นในมือแม่น้อยมีของพะรุงพะรัง ไอ้น้ำรีบลุกไปรับถุงในมือแม่อย่างรวดเร็ว นางหรี่ตามองลูกชายตรงหน้าด้วยความไม่ไว้ใจ วันนี้มันมาแปลก แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากมายนัก



            “ขอบใจ ข้ากำลังหิวน้ำอยู่พอดี” แม่น้อยพูดเสร็จ ไอ้น้ำก็รีบลุกไปรินน้ำใส่แก้วมาให้ถึงมือแม่ทันที



            “ในตลาดเขาคุยอะไรกันบ้างอะแม่ ได้ข่าวเรื่องที่มีคนตายมั้ย” ไอ้น้ำเปิดประเด็นความอยากรู้ต่อทันที เช้านี้เขาไม่ได้ข้อมูลอะไรมาจากนายตำรวจเลย



            “พูดกันทั้งวัด เอ็งไม่ได้ยินหรือ วันนี้นางสอนกับไอ้สินก็ไม่ได้มาวัด”



            “เหรอจ๊ะ ฉันไม่เห็นทั้งสองคนเลย คิดว่าเขากำลังยุ่งอยู่กับงานศพ”



            “งานศพอะไรล่ะ เอ็งเห็นข้าไปสวดศพเมื่อคืนมั้ยล่ะ ไอ้น้ำ”



            “ฉันไม่รู้เลยจ้ะ เมื่อวานฉันเร่งทำงานอยู่ในห้อง” เมื่อคืนเขามัวแต่ขลุกอยู่ในห้องน้ำ รีบปั่นโปรเจ็คเฟสสามให้เสร็จ จะได้รับเงินไว กว่าจะออกมาจากห้องมาหาข้าวกินก็ดึกแล้ว เขาเลยไม่รู้เรื่องราวภายนอก



            “งานอะไรวะ แต่เอาเถอะ ช่างมัน อย่าลืมกินข้าวกินปลาด้วยล่ะ เมื่อวานให้ยายฝนไปเรียก เอ็งก็ไม่ออกมา”



            “ฉันออกมากินตอนดึกจ้ะ แม่ไม่ต้องห่วง แล้วเรื่องนั้นเป็นยังไงต่อจ๊ะแม่” ไอ้น้ำรีบดึงประเด็นกลับเข้ามา



            “เรื่องอะไรวะ” แม่น้อยของไอ้น้ำลืมเสียแล้ว



“เรื่องคนตายอะแม่”



“อ๋อ...นางพัด.. เออเขาก็ส่งนางพัดเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว เห็นว่าไปตรวจไรสักอย่าง”



            “ชันสูตรศพน่ะเหรอ”



            “เออ อย่างนั้นแหละมั้ง”



            “แล้วจะรู้ผลเมื่อไหร่อะ” ไอ้น้ำใจร้อนอยากรู้ผล



            “บ๊ะ! ข้าจะไปรู้ได้ยังไง” แม่น้อยโวยวายบุตรชายเพราะศพเพิ่งส่งเข้ากรุงเทพฯ เมื่อวานช่วงเย็นเอง



            “อ้าว ฉันก็นึกว่าแม่จะรู้ เห็นแม่รู้ทุกเรื่อง” ไอ้น้ำย้อนมารดา เพราะในหมู่บ้านนี้มีเรื่องไหนบ้างที่แม่เขาจะไม่รู้



            “ข้าไม่ใช่เทวดานางฟ้าที่จะรู้เห็นทุกอย่าง ข้าก็รู้เท่าๆ กับคนที่เขาเล่าให้ฟังนั่นแหละ เอ็งอย่าถามให้มากความ”



            “ก็ได้จ้ะ” ไอ้น้ำเลยต้องรับคำสั่งเสียงเอื่อยๆ เพราะกลัวแม่น้อยจะดุเอาอีก



            “เออ ก่อนจะกลับจากตลาด ข้าเจอนางแสง มันฝากมาบอกเอ็งว่า อีกวันสองวันให้เอ็งเข้าไปหามันหน่อย เห็นมันพูดว่าจะให้สอน เน็ต เนิ่ด อะไรสักอย่าง”



            “อินเทอร์เน็ตจ้ะแม่”



            “เออ เรียกยาก ข้าพูดไม่ถนัดปาก”



            “จ้ะ ไว้ฉันจะแวะเข้าไปหาเจ๊แสง ขอบใจแม่มากจ้ะ วันนี้แม่ไม่เข้าสวนเหรอ”



            “ไม่ล่ะ วันนี้วันพระ ข้าจะพัก” ไอ้น้ำฟังคำตอบแล้วงง



            “ทำไมต้องวันพระอะแม่”



            “ข้าพอใจ เอ็งจะทำไม” บางทีไอ้น้ำก็พอรู้แล้วว่านิสัยกวนๆ นี้ เขาได้มาจากใคร ต้นฉบับอยู่ข้างๆ เขาเนี่ยแหละ



            “ปีหน้ายัยฝนก็ขึ้นมอ.หกแล้ว แม่จะให้มันเข้าไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เหมือนคราวฉันหรือเปล่าจ้ะ” ไอ้น้ำเริ่มเรียบๆ เคียงๆ ถาม





   เขาหาโอกาสคุยเรื่องนี้กับแม่น้อยหลายวันแล้ว เพราะน้ำฝนเข้ามาคุยกับเขาวันก่อน เจ้าตัวอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตอนนี้ก็มุมานะ ค่อยๆ อ่านหนังสือเพราะอยากสอบที่นั่นติด หรือถ้ามีประกาศรับตรง น้ำฝนก็อยากสมัคร น้องสาวคนเดียวของเขาเลยมาขอให้เขาช่วยพูดให้เพราะกลัวแม่จะไม่ให้ไปเรียนต่อไกลบ้าน



“จะขึ้นม.หกแล้วหรือ ไวจริงเชียว”



“จ้ะ” น้ำรับคำสั้นๆ เพราะไม่อยากเร่งเรื่องนี้กับแม่น้อย รู้ดีว่าแม่ห่วงน้องสาวมากเพียงใด พอดีพอร้ายน้ำฝนจะอดไปเรียนต่อในเมืองกรุงได้



“ข้าน่ะตั้งใจว่าจะให้น้ำฝนมันเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ แล้วไปพักอยู่กับเอ็งที่นู่น จะหาห้องหับใหม่ ให้ใหญ่กว่าเดิมอะไรก็ตามแต่เอ็งและน้อง”



“จ้ะ”



“แต่เอ็งกลับบ้านมาคราวนี้ เหมือนเอ็งไม่อยากกลับไปที่กรุงเทพฯ แล้ว ข้าเลยไม่แน่ใจว่าให้ยายฝนมันไปเรียนต่อที่นั่นดีมั้ย หรือจะเรียนวิทยาลัยแถวบ้านก็พอ” แม่น้อยเปรยออกมา ท่าทางหนักใจอยู่ไม่เบา น้ำเอ็งก็สะดุ้งเหมือนกัน นี่แม่ก็ดูเขาออกด้วยหรือว่าเขาเป็นยังไง



“ฝนเข้ามาคุยกับฉันวันก่อน มันอยากเรียนคณะเกี่ยวกับพวกยาหรือไม่ก็พยาบาลจ้ะ มันยังไม่ได้ตัดสินใจ เดี๋ยวคงมาคิดอีกที แต่วิทยาลัยแถวบ้านเราไม่มีสองคณะนี้หรอกแม่”



“งั้นเหรอ เรียนพยาบาลนี่ข้าพอเข้าใจ เรียนพวกยา จะทำมาหากินอะไร”



“ก็คนขายยาไงจ๊ะ จริงๆ แล้วคือเภสัชกรจ้ะ”



“มันจะดีเหรอวะ ข้าเห็นแถวนี้ ใครๆ ก็ขายยาได้ ทั้งแปะทั้งเฮียที่ไหนๆ ยังขายยาจีนเพิ่มด้วยซ้ำ”



“แม่จ๊ะ ฟังฉันก่อน จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ก็ได้ที่จะขายยาได้นะแม่ มันผิดกฎหมาย คนจะขายยาได้ต้องมีใบอนุญาตก่อนนะจ๊ะแม่” น้ำพยายามอธิบายให้ง่ายเพื่อให้แม่น้อยเข้าใจมากที่สุด



“จบแล้วจะมีงานทำมั้ย” แม่น้อยถามด้วยความเป็นห่วงอนาคตลูกสาว



“ได้หลายอย่างจ้ะ ทำงานในโรง’บาล ก็ได้จ้ะ ยัยฝนไม่ตกงานหรอกจ้ะแม่”



“อย่างนั้นข้าก็เบาใจ มันอยากเรียนอะไรข้าก็ตามใจ ดูเอ็งสิ เรียนอะไรก็ไม่รู้ ข้าเห็นแต่เหล็กสี่เหลี่ยมแบนๆ”



“เขาเรียกโน้ตบุ้คจ้ะแม่”



“ข้าไม่รู้จักหรอก แต่ข้าเป็นห่วงมันไปเรียนไกลหูไกลตา”



“ถ้าแม่ห่วงยายฝน เมื่อถึงเวลานั้นฉันกลับไปอยู่กรุงเทพฯ ก็ได้จ้ะ” ไอ้น้ำพูดเพราะไม่อยากให้น้องสาวต้องถูกดับหวังตั้งแต่แรก



“ถึงตอนนั้น ค่อยว่ากันใหม่ ข้าก็ไม่ได้อยากบังคับให้เอ็งต้องกลับไปกรุงเทพฯ ถ้าเอ็งลำบากใจ”



“จ้ะ”



“แล้วมาคุยกับข้าอีกทีแล้วกันว่าจะเอายังไง ระหว่างนี้ถ้ายายฝนมันจะเรียนจะสอบอะไร ก็ให้มันไป ข้าจะหาลู่ทางเอง”



“จ้ะ เดี๋ยวฉันบอกมันให้ ถ้ามันรู้ว่าแม่อนุญาตมันคงดีใจ”



“เออ ข้าก็มีแค่เอ็งกับฝน ก็ต้องตามใจสิวะ”





สองวันให้หลังไอ้น้ำก็เข้าไปในตลาดหาของกินตั้งแต่หัวตลาดจนท้ายตลาด ได้ของกินขนมมาเต็มไม้เต็มมือ แถมเต็มปาก เด็กไม่ยอมโตเดินกินมาตลอดทาง พอถึงบ้านเจ๊แสงก็ยกน้ำดำใส่น้ำแข็งที่อยู่ในถุงหิ้วดูดเต็มแรง





แหม มันชื่นใจไอ้น้ำนัก





“เจ๊แสง ฉันมาแล้ว” ไอ้น้ำตะโกนบอกให้เจ้าของบ้านรู้ตัว



“เออ เข้ามาเลย” เจ๊แสงตะโกนตอบออกมาเช่นกันจากหลังบ้าน



“เห็นแม่บอกว่าเจ๊ให้ฉันมาหาใช่มั้ย”



“ใช่ เรื่องหวยไงล่ะ”



“ทำไมเหรอเจ๊ะ”



“ข้าไปถามมาแล้ว เงินที่ข้าให้ตำรวจไป ตอนนี้ไอ้ตำรวจคนนั้นมันถูกย้ายไปอีกอำเภอแล้ว ย้ายไปก็ไม่บอกข้า แล้วหลอกให้ข้าโอนเงินให้งวดที่แล้ว มันน่าเจ็บใจ”



“กะทันหันเลยเหรอเจ๊”



“เออสิวะ เด้งแบบไม่ทันตั้งตัว”



“ใครจะกล้าทำอะ”



“ก็จะใคร๊ ผู้กองหน้าอ่อนคนใหม่ไงล่ะ แหมข้าคิดแล้วโมโห คนที่นี่อยู่อย่างสงบมาตั้งนาน พอตำรวจนั่นมาชีวิตข้าเริ่มไม่สงบแล้ว” เจ๊แสงพูดพาลอย่างคนเสียผลประโยชน์



“เจ๊ อย่าหาว่าฉันเข้าข้างอีกฝ่ายเลยนะ เพราะยังไงฉันก็อยู่ฝั่งเจ๊อยู่แล้ว หวยใต้ดินมันผิดกฎหมาย ตำรวจคนใหม่เขาคงไม่ชอบจะจัดการให้มันหมดสิ้นไปก็คงไม่แปลกนะเจ๊”



“ไอ้น้ำ ถ้าเอ็งไม่ออกตัวว่าอยู่ฝั่งข้าเสียก่อน ข้าคงเข้าใจว่าเอ็งก็รู้เห็นเป็นชอบกับทางตำรวจ หรือว่าใช่วะ”



“ปะ..เปล่านะเจ๊ จะใช่ได้ยังไงล่ะ ฉันเพิ่งเกือบจะโดนจับอยู่เมื่อหลายวันก่อนเอง เจ๊จำไม่ได้เหรอ” ไอ้น้ำรีบปฏิเสธ ถ้าเจ๊แสงคิดว่าเขาเป็นหนอนบ่อนไส้ขึ้นมา จะพานให้เกลียดหน้าไปกันอีก



“ข้าก็ถามเผื่อดูเฉยๆ เอ็งไม่น่าแกล้งข้าหรอก”



“จ้ะ ฉันไม่เคยคิดแกล้งเจ๊เลย”



“ที่ข้าให้เอ็งมาวันนี้ก็เรื่องที่เอ็งเคยบอกว่าอยากให้ข้าเปลี่ยนวิธีการส่งหวย”



“จ้ะๆ เจ๊แสงจะเปลี่ยนแล้วใช่มั้ย” ไอ้น้ำพูดด้วยความหวัง ถ้าเปลี่ยนเป็นแบบใหม่ได้มันจะสะดวกไอ้น้ำคนนี้ไม่น้อย”



“เอ็งช่วยสอนข้าหน่อยสิวะ แล้วก็ไปบอกป้าๆ ในตลาดลูกค้าเอ็งด้วย ข้าก็จะทยอยบอกทางฝั่งข้าเหมือนกัน”



“ได้เลยจ้ะ เจ๊เอาโทรศัพท์มาเลย เดี๋ยวฉันสอนให้”





เสร็จสิ้นภารกิจเปลี่ยนชีวิตในวันนี้ เพื่อชีวิตที่กว่าในวันหน้า ไอ้น้ำก็เดินผิวปากเข้าไปในตลาดอีกครั้งแล้วเริ่มเข้าไปแทรกซึมบรรดาลูกค้าหวยของเขาทั้งหลาย อธิบายไม้แก่ดัดยากทั้งหลายให้เข้าใจถึงเหตุผลที่ต้องปรับเปลี่ยน ป้าๆ ก็ยอมทำตาม เพราะกลัวไปนอนในคุกด้วยกันทั้งนั้น





ปฏิบัติการณ์รูปแบบใหม่เริ่มขึ้นแล้ว ไอ้น้ำสบายใจเป็นที่สุด เขาบอกเหล่าบรรดาป้าที่เป็นลูกค้าในตลาดว่า จะขอเก็บหวยก่อนวันหวยออกจริงหนึ่งวันเช่น ถ้าหวยออกวันที่หนึ่ง ป้าต้องส่งหวยก่อนบ่ายโมงวันที่สามสิบหรือสามสิบเอ็ดแล้วแต่เดือนนั้นๆ หรือถ้าหวยออกวันที่สิบหก จะต้องส่งหวยภายในวันที่สิบห้าก่อนบ่ายโมงเช่นกัน





เห็นทุกคนปรองดองเข้าใจได้เป็นอย่างนี้ไอ้น้ำก็เริงร่า สดใส ซาบซ่า





ก่อนวันหวยออกไอ้น้ำจัดแจงส่งข้อความไปให้เจ๊แสงเรียบร้อย เจ๊แสงก็น่ารักตอบกลับมาด้วยสติ๊กเกอร์ ผู้หญิงทำสัญลักษณ์ว่าโอเค ตามด้วยคำอวยพรที่ไอ้น้ำเห็นแล้วต้องส่ายหน้าเบาๆ





‘ขอให้วันนี้มีแต่ความสุข’





ข้อความที่ใส่มาในดอกไม้สักชนิดหนึ่ง ไอ้น้ำไม่เข้าใจทำไมป้าๆ แม่ๆ ชอบกันนักนะ





งวดนี้เป็นงวดที่เขาไม่ต้องไปขูดเลขตามหาอะไรให้ยุ่งยาก แหม มันช่างสบายเสียเหลือเกิน เพราะงวดนี้ทั้งหมู่บ้านเทคะแนนซื้ออายุของนางพัด คนตายรายล่าสุด





เจ๊แสงและเจ๊ภา เจ้ามือหวยรายใหญ่อีกเจ้าหนึ่ง รู้ทันอยู่ก่อนแล้วประกาศกร้าวมาอย่างชัดเจน





ซื้อได้ แต่ข้าจ่ายครึ่งหนึ่งโว้ย





“เรียบร้อยดีมั้ยเจ๊” ไอ้น้ำเอ่ยทักเจ้าของบ้านเมื่อเดินมาบ้านเจ๊แสง ตั้งใจว่างวดนี้จะลุ้นหวยอยู่กับผู้ว่าจ้างคนปัจจุบัน



“ดี ดีมาก แบบนี้ข้าก็สะดวกดีเหมือนกันนะเนี่ย” เจ๊แสงกำลังก้มหน้าจดหวยลงสมุดเล่มโตเหมือนเดิม



“เจ๊ยังจดลงสมุดอยู่เหรอ เอาลงคอมฯ มั้ย” ไอ้น้ำชี้ไปที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่วางอยู่ข้างๆ เจ๊แสง



“ข้าใช้ไม่เป็นหรอก นี่ลูกชายข้ามันเอาไว้เล่นเกมส์เวลามันกลับมาบ้าน”



“เหรอ ถ้าเจ๊อยากใช้เมื่อไหร่ก็บอกฉันนะ เดี๋ยวฉันสอนให้”



“เออ ขอบใจเอ็งมาก แต่ข้ามีสมุดเล่มนี้เล่มเดียวแหละ ง่ายดี เวลาหนีตำรวจ”



“ยังไงเหรอเจ๊”



“ทุกอย่างอยู่ในเล่มนี้ ไม่ต้องทำลายหลักฐานอะไรให้ยุ่งยาก”



“ก็ดีเหมือนกันแฮะ เจ๊ก็ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย” ไอ้น้ำพูดเห็นด้วยกับสิ่งที่เจ๊แสงว่า ไม่วายจะลืมชมเจ๊แสงเพื่อเป็นกำลังใจ



“เห็นอย่างนี้ข้าก็ฉลาดเหมือนกันเว้ย”



“แล้วเจ๊จะรู้ได้ยังไงว่าตำรวจมา”



“เอ็งนี่ไม่รู้อะไรเลย ข้าก็ต้องเตรียมของข้าบ้างสิวะ”



“เตรียมอะไรเหรอ” ไอ้น้ำถาม



“เจ๊แสง เจ๊แสง” เสียงร้อนรนของผู้ชายคนหนึ่งดังใกล้เข้ามาถึงบ้านเจ๊แสง ไอ้น้ำหันไปตามเสียงก็เจอไอ้ดำ คนในตลาด



“นั่นไง ไอ้ดำนั่นแหละที่ข้าเตรียมไว้กันตำรวจ มีอะไรวะไอ้ดำ ทำไมไม่ดูต้นทางให้ข้า” เจ๊แสงบอกไอ้น้ำเสร็จก็ตะโกนขานรับไอ้ดำ



“ตะ..ตำรวจจ้ะ” ไอ้ดำตะกุกตะกักพูด



“อะไร ตำรวจทำไม มีอะไรก็รีบพูดมา จะได้รีบกลับไป เดี๋ยวข้าไม่จ่ายเงินเสียหรอก” เจ๊แสงเริ่มรำคาญ พูดจาไม่รู้เรื่องสักที



“ตะ..ตำรวจมา!!” ไอ้ดำตะโกนออกมาได้ในที่สุด



“อะไรวะ แล้วมัวแต่ยืดยาดไม่รีบพูด เดี๋ยวก็ได้นอนคุกกันหมด” เจ๊แสงลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้ หยิบสมุดเล่มนั้นใส่มือไอ้น้ำทันที



“อะไรเนี่ยเจ๊ เอาของกลางมาให้ฉันทำไม ไม่เอาอะ เอาคืนไป” ไอ้น้ำพยายามยัดเยียดคืนให้เจ้าของที่แท้จริง แต่เจ๊แสงก็ไม่รับ



“เอ็งเอาสมุดนี่ไปแล้ว เอ้านี่ด้วย” เจ๊แสงหยิบรองเท้าของไอ้น้ำมายัดใส่มือไอ้น้ำอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนไอ้น้ำตั้งตัวไม่ติด



“อะไรเนี่ย” ไอ้น้ำงงงวยไปหมดแล้ว



“เอ็งรีบออกทางหน้าต่างหลังบ้านแล้ววิ่งผ่านไปทางป่า เสร็จแล้วระหว่างทางจะผ่านกระท่อมไม้หลังหนึ่ง ก็โยนไอ้สมุดนี่ไปในกระท่อม แล้วก็ตรงกลับบ้านไปเลย”



“อะไรนะเจ๊” เจ๊แสงพูดรัวเร็วจนไอ้น้ำเริ่มจะฟังไม่ทัน



“ยังมาถามซ้ำ อยากนอนคุกหรือไงวะ”



“ไม่ ไม่จ้ะ”



“รีบไปสิ ไป ไอ้น้ำ พ่อเอ็งมานู่นแล้ว” ไอ้น้ำเห็นชุดสีกากีกำลังมุ่งตรงบ้านเจ๊แสง เท่านั้นสองขาก็จ้ำอ้าวไปหน้าต่างหลังบ้านแล้วปีนออกไปอย่างรวดเร็ว





รีบวิ่งสิครับ รออะไรเล่า รอให้พ่อมาจับหรือไง





ไอ้น้ำวิ่งร้อยเมตร ขาแทบลอยจากพื้นดิน มุ่งหน้าเข้าป่าตามที่เจ๊แสงว่า โชคดีของไอ้น้ำเหลือเกินที่รู้จักพื้นที่ในหมู่บ้านนี้เป็นอย่างดี ไม่มีตรงไหนที่ไม่รู้จัก ไม่งั้นเขาต้องหลงแล้วตายอยู่ในป่าแน่ๆ วิ่งมาได้ครึ่งทางไอ้น้ำก็เห็นกระท่อมหลังหนึ่งตามที่เจ๊แสงบอก มันโยนสมุดเข้าไปในกระท่อมแล้วก็วิ่งตัวปลิวจนถึงบ้าน



“กระหืดกระหอบหนีอะไรมา ไอ้น้ำ ดูสิเหงื่อเต็มตัว” แม่น้อยถามเมื่อเห็นลูกชายวิ่งขึ้นบ้านมาใบหน้ามีแต่เหงื่อ อีกทั้งเสื้อด้านหลังก็ยังเปียกชุ่มอีก



“ก็หนีตำรวจมาน่ะสิแม่”



“อะไร หนีทำไม”



“ตำรวจไปบ้านเจ๊แสงน่ะ”



“อะไรกัน!” แม่น้อยอุทานด้วยความตกใจ



“แล้วเอ็งกับเจ๊แสงโดนจับหรือเปล่า”



“แม่ถามอะไรแปลกๆ ถ้าฉันโดนจับฉันจะมาคุยกับแม่ตรงนี้ได้เหรอ”



“เออ จริงว่ะ แล้วเจ๊แสงล่ะ”



“ไม่รู้เลยแม่ เดี๋ยวหลังหวยออกค่อยโทรไปถาม”



“อะไรกันวะ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีตำรวจมาจับหวยในหมู่บ้าน”



“ก็ตำรวจเปลี่ยนคนแล้ว ทุกอย่างมันก็ต้องเปลี่ยนบ้างน่ะแม่”



“จริงของเอ็ง แบบนี้ข้าต้องซื้อแต่หวยบนดินเหรอวะ” แม่น้อยทำท่าหนักใจกว่าที่ไอ้น้ำจะถูกตำรวจจับเสียอีก



“ทุกอย่างมีทางออก แม่ไม่ต้องกังวล เชื่อมือฉันได้เลย”



ทางด้านเจ๊แสง คล้อยหลังไอ้น้ำวิ่งออกไปหน้าต่างทางหลังบ้านแล้ว ตำรวจก็มาถึงพอดี



“สวัสดีจ้ะ คุณตำรวจ มาหาฉันถึงบ้าน มีอะไรหรือจ๊ะ” เจ๊แสงต้อนรับขับสู้ผู้มาเยือนอย่างดี ไม่มีทีท่าพิรุธใดๆ แม้แต่น้อย ทั้งที่มือนั้นเย็นเยียบ



“เราได้รับแจ้งมาว่า บ้านนี้มีการรับซื้อหวยใต้ดิน” จ่าสมคิดบอก



“อุ้ย อย่างนั้นหรือจ๊ะ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย”



“ผมมีหมายค้นมาด้วย นี่ครับคุณป้า” ผู้กองยื่นหมายค้นที่เขาเดินเรื่องขอทำเอกสารนี้มาหลายสัปดาห์ก่อน



“ไม่ต้องเอามาให้ดูหรอกจ้ะ ฉันไม่เข้าใจหรอก ถ้าอยากค้นก็ค้นเลยจ้ะ ประชาชนที่ดีต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจใช่มั้ยจ๊ะ เห็นลูกชายฉันพูดให้ฟังบ่อยๆ”



“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาต”



“จ้ะๆ เข้ามาเลย เอาน้ำด้วยมั้ย” เจ๊แสงมอบไมตรีจิตร เชื้อเชิญนายตำรวจให้ดื่มน้ำแก้กระหาย



“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณครับ” ผู้กองหนุ่มตอบปฏิเสธอย่างสุภาพแล้วเริ่มตรวจค้น



ค้นจนหมดบ้าน จนหวยออกไปแล้ว เจ๊แสงก็นั่งโบกพัดสบายใจ



ไม่เจอใช่มั้ยล่ะ!











=====================================


TaLK :

เขม : ไอ้น้ำ

น้ำ : ว่าไงลูกพี่

เขม : บอกแม่ตะเคียนให้หน่อยดิ

น้ำ : บอกไรอะ ไม่เอากลัวผี ไปบอกเอง

เขม : น่านะ บอกให้หน่อย

น้ำ : บอกไร จะขอหวยเหรอ

เขม : เปล่า บอกแม่ตะเคียน ขอคนอ่านเมนท์กำลังใจให้หน่อยดิ

น้ำ : บอกให้ก็ได้

เขม : น่ารักมากเลยเอ็ง ถ้ายังไง เดี๋ยวพี่เอา สไบไปถวายนะจ๊ะ

น้ำ : จัดไปพี่



ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดหก วิ่งหน้าตั้งก็ยังรักเธอ 30/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-03-2018 15:07:55
เรื่องสนุกดี ติดตามอ่านต่อเรื่อยๆจ้า
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดหก วิ่งหน้าตั้งก็ยังรักเธอ 30/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 30-03-2018 17:33:05
แม่ตะเคียนบอกให้มาเม้นค่ะ เนื้อเรื้องน่ารักดีจัง รอลุ้นว่าจะโดนตำรวจจับวันไหนนะคะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดหก วิ่งหน้าตั้งก็ยังรักเธอ 30/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-03-2018 18:22:22
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดหก วิ่งหน้าตั้งก็ยังรักเธอ 30/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 30-03-2018 20:53:17
มาเม้นเพราะเจ้าแม่ตะเคียน
เป็นกำลังใจให้คนเขียน  :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดหก วิ่งหน้าตั้งก็ยังรักเธอ 30/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-03-2018 22:32:34
 :katai2-1:




ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดหก วิ่งหน้าตั้งก็ยังรักเธอ 30/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 30-03-2018 23:26:52
 :mew3:i ติดตามค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดหก วิ่งหน้าตั้งก็ยังรักเธอ 30/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 31-03-2018 14:12:56
 :m7:
มารอจ๊ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดหก วิ่งหน้าตั้งก็ยังรักเธอ 30/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-03-2018 19:36:14
 :L2: :pig4: :L2:


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดหก วิ่งหน้าตั้งก็ยังรักเธอ 30/03/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 03-04-2018 11:50:53
งวดเจ็ด ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ใช่ไอ้น้ำน่ะสิ



            ผลบุญที่อุตส่าห์ทำมาเมื่อวันพระครั้งก่อน คงจะไม่ช่วยไอ้น้ำเลยสินะเพราะงวดนี้ เลขอายุคนตาย ทำคนเจ๊งทั้งบาง ไม่มีใครถูกเลยแม้แต่สักคนเดียว


            เจ๊แสง ไม่ถูกตำรวจจับ ไม่ต้องวิ่งหนีตำรวจ ยังรับเงินเข้ากระเป๋าเต็มๆ ไม่เสียให้ใครสักกะบาท


            แล้วไอ้น้ำล่ะ


            ทั้งวิ่งหนีตำรวจ ทั้งกลัวตำรวจจะจับ หวยก็ยังไม่ถูกอีก!!


            “แม่ๆ แม่จ๊ะ” ไอ้น้ำรีบเดินขึ้นมาบนบ้าน อารามที่รีบร้อนจึงไม่ได้ระวังน้ำหนักที่เท้า ตอนนี้บ้านทั้งหลังสั่นไหวเพราะการเดินของไอ้น้ำ

            “อะไรวะ เรียกข้าทำไม แล้วเดินบนบ้านให้มันเบาๆ หน่อย มือเท้าหนักแบบนี้ ใครเขาจะอยากได้เอ็งไปเป็นผัววะ” แม่น้อยที่กำลังอุ่นอาหารไว้เพื่อมื้อเที่ยงนั่น ตะโกนลั่นออกมาจากครัว

            “ใครจะเอาฉันเป็นผัวหรือไม่เอา ก็ช่างมันก่อนเถอะแม่ ฉันได้ยินคนในตลาดพูดกันว่ารู้ผลตรวจศพแล้ว” ไอ้น้ำไม่สนใจคำค่อนขอดของมารดา เขาเข้าไปในครัวเพื่อคุยกับแม่ในเรื่องที่ได้ยินมา

            “อ๋อ ศพนางพัดใช่มั้ย”

            “ใช่จ้ะ แม่รู้แล้วเหรอ”

            “เออสิวะ มีเรื่องไหนที่ข้าไม่รู้ล่ะ ทำไมล่ะ เอ็งไม่รู้รึ” แม่น้อยหันมาถาม แต่สีหน้าไม่ได้ถามเพราะเป็นห่วงบุตรชาย แต่กลับแฝงไว้ด้วยความเป็นต่อ

            “จ้ะ ฉันมันหูตาไม่ค่อยรวดเร็วอย่างแม่ ไหนเลยจะทันแม่ได้ล่ะ” ไอ้น้ำหมั่นไส้มารดา จึงแสร้งย้อนกลับไป

            “บ๊ะ!เดี๋ยวไม่เล่าเสียหรอก”

            “เล่าจ้ะเล่าเถอะนะ ฉันอยากรู้” ไอ้น้ำเข้าไปนวดตามแขนแม่น้อยอย่างประจบเอาใจ แต่แม่น้อยสะบัดแขนออก ไม่ใช่ว่ารำคาญ แต่เพราะนางกำลังอุ่นหมูที่อยู่ในกระทะต่างหาก

            “เขาลือกันทั้งตลาดว่านางพัดถูกฆ่าตายจริงๆ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า น่ากลัวจริง จริ๊ง ตั้งแต่ข้าเกิดมาจนแก่หมู่บ้านเราไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เลย ดูสิแค่พูดข้ายังขนลุก” แม่น้อยลูบแขนทั้งสองข้างด้วยความกลัว

            “ตำรวจเขาเริ่มสอบปากคำไปหรือยังอะแม่”

            “เมื่อวันก่อนเรียกนางสอนกับไอ้สินไปให้ปากคำ”

            “แล้วเป็นยังไงบ้างจ๊ะ”

            “เรื่องตำรวจถามว่าไง ข้าไม่รู้หรอก แต่คนที่ตลาดก็คงแห่ไปถามนางสอนกับไอ้สินนั่นแหละ”

            “เขาว่าไง แม่” ไอ้น้ำต้อนถามอย่างร้อนใจ เรื่องพวกนี้เขาชอบมาก เขาน่ะเป็นแฟนคลับโคนันตัวยงเลยล่ะ

            “คนในตลาดมันก็เล่าต่อๆ กันมาว่านายสอนถูกเรียกตัวไปแล้วกลับมาเล่าให้คนในตลาดฟังว่ามันไม่เห็นรู้เรื่องว่าใครจะเข้ามาทำร้ายนางพัดจนตายถึงในบ้านเลย มันหลับสนิทตลอดคืน พอตอนเช้าเอะใจ นางพัดไม่ใช่คนเกียจคร้านแต่สายโด่งยังไม่ลงมาทำกับข้าว นางสอนเลยขึ้นไปปลุก ก็นั่นแหละไปถึงก็ตัวแข็งหมดแล้ว”

            “แล้วพี่สินล่ะ เขาไปไหน”

            “คืนนั้นไอ้สินมันไปนอนเฝ้าบ่อกุ้งน่ะสิ ไม่ได้อยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็น่าสงสารมันนะ ถึงมันจะหึงโหดแต่ก็รักเมียมากนี่เมียตายกลับไม่รู้เรื่องเลย มันยังเสียใจไม่เลิก ข้าวปลาไม่กิน ข้าเห็นเมื่อวันก่อน ใบหน้าลำตัวผอมแห้งไปหมดอย่างกับคนตรอมใจ ข้าล่ะกลัวมันจะตายตามเมียมันไปอีกคน”

            “ไม่ถึงอย่างนั้นหรอกมั้งแม่” ไอ้น้ำไม่อยากเชื่อว่าพี่สินจะตรอมใจจริงๆ

            “ใครมันจะไปรู้วะ คนมันรักมากก็ยิ่งเสียใจมากเป็นธรรมดา”

            “ไม่ทุกคนหรอกจ้ะ” น้ำยืนยัน

            “พูดอย่างกับรู้ดี”

            “ไม่ใช่ว่าฉันรู้ดี ฉันแค่เห็นตัวอย่าง”

            “ตัวอย่างอะไรของเอ็งวะ” แม่น้อยไม่เข้าใจ

            “ก็ตอนที่พ่อตายอะ แม่ยังไม่ตายตามไปเลยนี่นา หรือว่าแม่ไม่รักพ่อ” ไอ้น้ำพูดพลางทำหน้าทะเล้น

            “เอ็งนี่มันเอาตะหลิวแพ่นกะบาลจริงๆ คิดหรือว่าข้าไม่อยากตามไป แต่เพราะมีภาระอย่างเอ็งกับยายฝนแบบนี้ ถ้าข้าตายตามพ่อเอ็งไป ใครจะอยู่เลี้ยงพวกเอ็งวะ”

            “แหะๆ ก็จริงของแม่จ้ะ”

           “ข้าไม่คุยกับเอ็งแล้ว อารมณ์เสีย แล้วนี่เอ็งก็อย่าไปเชื่อให้เรื่องนางพัดให้มันมากล่ะ คนเขาเล่ากันมาไม่รู้กี่ปากต่อกี่ปาก ยิ่งเล่าเรื่องมันก็ยิ่งเปลี่ยน” แม่น้อยเตือนด้วยความหวังดี

           “แน่นอนจ้ะ ฉันฟังหูไว้หูอยู่แล้ว” ไอ้น้ำบอก สัญชาตญาณนักสืบที่ดีต้องหาข้อมูลให้มากที่สุด และอย่าปักใจเชื่อในคราวเดียว

           “เออ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว ข้าจะกลับไปสวนอีกรอบ”

           “ไปทำไมล่ะ ก็เมื่อเช้าแม่เพิ่งบอกฉันว่าตอนบ่ายจะทำงานบ้านไม่ใช่เหรอ” ไอ้น้ำถามเพราะทีแรกแม่ของเขาตั้งใจจะไม่ไปที่สวนแล้ว

           “เออ ข้าลืมไปว่าวันนี้พ่อค้าเขาจะมาซื้อผลไม้ที่สวน เลยต้องไปดูเสียหน่อย”

          “ก็ให้พี่กุ้งขายแทนก็ได้นี่จ๊ะ ปกติแม่ก็ทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอ” พี่กุ้งเป็นมือขวาของแม่ ช่วยงานแม่มาตั้งแต่ยันสาวจนตอนนี้ลูกโตพอๆ กับยายฝนแล้ว”

         “ก็ใช่ แต่สวนของเราก็ต้องเข้าไปดูบ้างสิวะ จะปล่อยให้เขาทำอย่างเดียวได้ยังไงกัน”

         “นี่แม่” ไอ้น้ำถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเก็บอาหารจากมื้อเที่ยงเรียบร้อย

         “อะไรอีกวะ เรียกแม่ๆ ทั้งวัน” แม่น้อยบ่นไม่จริงจังนัก ระหว่างที่หยิบหมวกมาสวมเพื่อเตรียมจะออกไปที่สวนอีกรอบตามที่ได้บอกไปแล้ว

         “ฉันสงสัยว่าเมื่อก่อนนี้ที่แม่ยังไม่มีพ่อค้ามาติดต่อซื้อที่สวน แม่เอาผลไม้ ผักพวกนี้ไปขายยังไงจ๊ะ”

         “ก็ไอ้แก่ข้างล่างไง” แม่น้อยหมายถึงรถกระบะคันที่จอดอยู่ใต้ถุนบ้าน ที่มันใกล้จะปลดระวางเร็วๆ นี้ พักหลังมันเริ่มสตาร์ทไม่ค่อยติดเพราะไม่มีคนใช้ แม่น้อยก็คร้านจะตามคนมาซ่อมเพราะอายุอานามของมันก็เกินสิบปีแล้ว

        “อ๋อ...ไอ้แก่บรรทุกผลไม้ไปส่งที่ตลาดใช่มั้ยแม่”

        “นั่นมันทีแรกหลังแล้วก่อนนี้ตอนที่เพิ่งทำสวนใหม่ๆ ไม่มีเงินซื้อรถหรอก ก็ใช้ไอ้จ่อยกับไอ้จ้อยลากไป” แม่น้อยหมายถึงวัวกับควายที่เคยเลี้ยงเอาไว้ ไม่ได้เอามันมาไถนาหรือทำสวนอะไรหรอก แม่บอกเอาไว้ลากของหนักๆ พวกเกวียนแบบนี้มากกว่า

       “ฉันจำได้ พูดแล้วคิดถึงมันเนาะ เราฝังมันไว้ตรงไหนนะแม่” เพราะอายุอานามที่หลายปีพอวันหนึ่งมันสองตัวจึงพากันล้มตายด้วยความชราตามวัย

       “ไม่ได้ฝังหรอก”

      “หืม?” ไอ้น้ำงง จำได้ว่าฝังมันเองกับมือ

      “ขายมันไปทั้งคู่ จำไม่ได้หรือ ไอ้น้ำ” แม่น้อยพูด ไอ้น้ำยิ่งงง ก็ฝังเองนี่นา หลุมที่ฝังก็แถวๆ หลังบ้านนั่นแหละ

      “ขายมันไปได้ยังไง ฉันยังจำได้ว่าเราฝังมันเองนะแม่”

      “ก็ขายวัวขายควายส่งลูกเรียนหนังสือแล้วกลับมานอนกระดิกตีนอยู่ที่บ้านไง” แม่น้อยทิ้งท้ายแล้วเดินลงบันไดไปเข้าสวนทันที


           หึ รู้จักแม่น้อย น้อยไปนะเว้ย
         


        หลังจากส่งงานโปรเจ็คส่วนสุดท้ายเสร็จ ช่วงนี้ไอ้น้ำเลยว่าง เมื่อเช้าเขาได้รับโทรศัพท์จากพี่บาสว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีเขามาเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มเช็คยอดจากโทรศัพท์ก็พบว่าเงินโอนเข้ามาแล้วจริงๆ เขาเลยถือโอกาสนี้จะนั่งรถเข้าไปในเมืองเสียหน่อย ไปซื้อของ เดินเล่น หาอะไรอร่อยๆ กิน แวะอัพเดทสมุดบัญชีด้วย แล้วเย็นๆ รอกลับบ้านพร้อมยายฝนดีกว่า

            “แม่ วันนี้ฉันจะเข้าไปในเมืองเสียหน่อย เย็นๆ จะกลับมาพร้อมกับยายฝนนะ แม่จะเอาอะไรในเมืองหรือเปล่า” ไอ้น้ำถามแม่ก่อนจะลงบันไดออกจากบ้าน

            “ไม่เอา วันก่อนยายฝนมันก็เพิ่งซื้อมาให้ ขอบใจมาก” แม่น้อยบอกเพราะยายฝนเรียนพิเศษอยู่ในเมืองทุกเสาร์ แม่น้อยมักจะฝากซื้อหลังเลิกเรียนเสมอ

            “งั้นฉันไปก่อนนะแม่”

            “เออ นั่งรถดีๆ ล่ะ” ไอ้น้ำยกมือไหว้ลาแม่น้อยแล้วเดินผิวปากลงจากบ้านไป หมู่บ้านของเขามีรถประจำทางขับผ่านอยู่ที่หน้าถนนใหญ่ตลอดเวลา ขอแค่ไม่กลับดึกเกินไปยังไงก็มีรถมาหมู่บ้านตลอดเวลา และถ้าหากสุดวิสัย กลับดึกจริงๆ ก็มีรถเหมาให้ไปรับได้เสมอเพราะระยะทางจากหมู่บ้านเข้าเมืองนั้นไม่ไกลมากนักแค่สามสิบนาทีหรือประมาณยี่สิบห้ากิโลเมตรเท่านั้นเอง


            น้ำเดินทอดน่องเดินไม่รีบร้อนไปถนนใหญ่หน้าหมู่บ้านนัก วันนี้เขาค่อนข้างอารมณ์เดิน จิตใจแจ่มใส เพราะได้รับเงินงวดสุดท้าย


            ทุกอย่างจะเยียวยาได้ด้วยเงิน


            น้ำเชื่ออย่างนั้น


            เสียงแตรจากรถยนต์ดังขึ้น ทำให้ไอ้น้ำรีบหลบเข้าข้างทางกะทันหัน และชายหนุ่มจึงพบว่ามีรถยนต์สีดำมันปลาบคันหรูจอดนิ่งอยู่ข้างตัว ไอ้น้ำสงสัยจนกระทั่งกระจกรถด้านหน้าข้างคนขับนั้นถูกลดลง เขาจึงเห็นหน้าเจ้าของรถยนต์คันนั้น

            “จะไปไหน ไอ้หนู” ผู้กองหนุ่มทักมาจากในรถยนต์ ประโยคเดียวกันเป๊ะเหมือนวันที่เจอกันครั้งแรก

            “ในเมือง” ไอ้น้ำตอบเสียสั้นเพราะไม่อยากเสวนาด้วย

            “เหรอ นึกว่ากำลังจะไปส่งโพยหวย”

            “ผมไปล่ะ” ไอ้น้ำฟังแล้วฉุน จึงตัดบททันที

            “เดี๋ยวก่อนสิ ฉันก็จะเข้าไปในเมืองเหมือนกัน ไปด้วยกันสิ” ผู้กองหนุ่มเอ่ยชวนด้วยควาหวังดี ไปทางเดียวกัน ประหยัดน้ำมัน

            “ไม่เป็นไร ขอบคุณ” น้ำปฏิเสธความหวังดีนั้นทิ้งลงอย่างไม่ใยดี

            “แล้วนายจะไปยังไง”

            “รถประจำทางผ่านหน้าหมู่บ้านเยอะแยะ” นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดของน้ำในวันนี้แล้ว


            “ไปด้วยกันก็ได้นี่” ผู้กองยังคงหยิบยื่นน้ำใจให้

            “ไม่ล่ะ ขอบคุณ”

            “อืม ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนก็แล้วกัน ฉันก็แค่อยากหาคนคุยด้วยก็เท่านั้นเอง เรื่องคุณพัดมันซับซ้อนเหลือเกิน” ผู้กองหนุ่มพูดพลางกดปุ่มให้กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้นเพื่อปิด

            “เดี๋ยวๆ ขี้เกียจเดินแล้ว มันร้อน ไปด้วยนะ” ไอ้น้ำหูผึ่ง วิญญาณนักสืบออกล่าทันที เขาจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้

            “เปลี่ยนใจแล้ว?”

            “ใช่ ปลดล็อคสิ จะได้ขึ้นไป” ผู้กองปรานต์ไม่ได้พูดอะไร เลื่อนมือปลดล็อคฝั่งข้างคนขับ ไอ้น้ำก็กระโดดขึ้นรถโดยไม่ต้องให้เจ้าของรถเอ่ยชวนซ้ำอีก

            “เงินเดือนตำรวจ เขาว่าไม่ได้มากมายอะไร แต่ขับรถยนต์เสียแพงเลยแฮะ” ไอ้น้ำบ่นกับตัว
เอง ไม่ได้ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน แต่คงลืมไปว่าบนรถตอนนี้มันช่างเงียบเหลือเกิน

            “รถคันนี้เป็นของที่บ้าน” ผู้กองปรานต์คร้านจะอธิบายว่าคันนี้ดูมีมูลค่าน้อยสุดแล้วในบรรดารถยนต์ที่จอดอยู่ที่บ้านที่กรุงเทพฯ ของเขา

            “อ่อ..ลูกคนมีกะตัง” ขนาดตอบเลี่ยงแบบนี้ ไอ้น้ำยังหาเรื่องเขาได้ ผู้กองได้แต่ส่ายหน้า คนที่ถูกมองในแง่ลบ ทำอะไรมันก็ลบไปทั้งหมด

            “พอมีบ้าง” ผู้กองเลือกตอบให้เป็นกลางมากที่สุด เขาไม่อยากโดนอีกฝ่ายค่อนแคะอีก

            “นี่ เล่าสิ”

            “เล่าอะไร?” ผู้กองหนุ่มพาซื่อย้อนถามกลับไป

            “อ้าว ก็เรื่องคุณพัด ที่ตายไปไง สรุปเป็นฆาตกรรมจริงใช่ปะ”

            “รู้จากที่ไหนมาล่ะ” ผู้กองไล่ถามเพราะเขาก็อยากรู้ว่าคนข้างๆ นี่รู้อะไรมาบ้าง มากน้อยแค่ไหน

            “ในตลาดเขาพูดกันให้ทั่ว”

            “แล้วเชื่อหรือเปล่า”

            “ไม่รู้อะ นี่เล่าซะทีสิ จะได้รู้เสียทีว่าอะไรมันเป็นอะไร อุตส่าห์ขึ้นรถมาด้วยเพราะอยากรู้เรื่องนี้เลยนะเนี่ย” ประโยคหลังไอ้น้ำลดเสียงลงพูดกับตัวเอง แต่ในรถมันไม่ได้กว้างขวางอะไร ไอ้น้ำคงลืมอีกแล้วว่าผู้กองได้ยินทั้งหมดที่มันพูดนั่นแหละ

            “น่าภูมิใจที่คนในหมู่บ้านให้ความสนใจคดีมากขนาดนี้”

            “คนตายทั้งคนจะไม่สนใจได้ยังไง พูดแปลกๆ เมื่อไหร่จะเล่า ถ้าโยกโย้ ไม่เล่าก็จอด จะได้ลง เสียเวลาชะมัด”

            “เล่าน่ะเล่าแน่ แต่ก่อนที่ฉันจะเล่าให้นายฟัง ฉันขอถามนายก่อน”

            “ได้ ถามมาเลย จะได้จบๆ”

            “ชื่อน้ำใช่มั้ย อายุเท่าไหร่”

            “จะอยากรู้ไปทำไม เอาไปทำประวัติเหรอ” ไอ้น้ำไม่เข้าใจ คำถามพวกนี้มันเกี่ยวกับคดีคุณพัดตรงไหน

            “ตอบมาเถอะ”

            “อืม ชื่อน้ำ อายุยี่สิบห้า” น้ำตอบอย่างขอไปที

            “ยี่สิบห้าแล้วเหรอ ไม่น่าเชื่อ” ผู้กองถาม เพราะเด็กหนุ่มดูเหมือนเด็กกะโปโลมากกว่าวัยที่เริ่มทำงานไปได้สักพักแล้ว

            “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เถอะ” ไอ้น้ำขี้คร้านจะเถียง

            “แล้วชื่อน้ำนี่ชื่อจริง?”

            “ไม่ใช่”

            “แล้วชื่ออะไร”

“จะอยากรู้ไปทำไมเนี่ยผู้กอง ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับคดีเลยนะ”

“ตอบมาเถอะ ตอบเสร็จแล้วฉันจะบอกว่าถามทำไม”

“นที”

            “นทีแปลว่าแม่น้ำ ชื่อเล่นชื่อน้ำ เข้ากันนี้ แล้วตอนนี้นายทำงานอะไร”

            “ตอนนี้ไม่ได้ทำงาน ตกงานอยุ่” ถึงจะไม่ได้เต็มใจตอบแต่น้ำก็ยอมตอบให้อีกคนฟัง เพราะเขาอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะถามเขาไปทำไมกันแน่

            “ก่อนหน้านี้นายทำงานอะไร...ที่ไหน”

            “กรุงเทพฯ” คำตอบห้วนสั้นของน้ำทำให้ผู้กองหนุ่มหันมามองคนนั่งข้างชั่วครู่ก็หันกลับไปมองถนนตามเดิม เอาสิถ้าจะเล่นยี่สิบคำถาม ถามคำตอบคำ เขาก็ยินดีที่จะถามแบบนี้ไปเรื่อยๆ

            “ทำงานอะไร” เมื่อไม่ได้ยินว่าคนข้างๆ ตอบว่าทำงานอะไร ผู้กองเลยถามอีกครั้ง

            “ผมไม่ตอบแล้ว ถ้าคุณไม่ยอมบอกว่าที่ถามไปเนี่ยมันเกี่ยวกับคดียังไง” น้ำเริ่มไม่สบอารมณ์ เขาไม่เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับคดีคุณพัดเลย

            “ก็ไม่ได้บอกว่ามันเกี่ยวกับคดีนั้นเลยนี่”

            “อ้าวลุง พูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง” โมโหเสียดีมั้ย นี่มันตั้งใจหากวนประสาทเขาชัดๆ

            “อยากรู้ก็เลยถาม”

            “อยากรู้ไปทำไม” ไอ้น้ำย้อนถามกลับทันควัน

            “ฉันเพิ่งย้ายมาใหม่ จะเรียนรู้ศึกษาประวัติคนในหมู่บ้านก็ไม่น่าแปลกอะไรหรอกจริงมั้ย”

            “ไปคุยกับแม่ค้าในตลาดเยอะๆ สิ ผู้กองได้รู้จักประวัติทุกคนแน่” ไอ้น้ำแนะนำแหล่งรวมข่าวน่ะอยู่ที่นั่น

            “ไว้จะลองไป เรื่องคดีคนตาย” ผู้กองหนุ่มทิ้งท้ายเท่านั้น น้ำหันมามองผู้กองหนุ่มด้วยตาเป็นประกายดังเดิม ลืมไปหมดว่าเพิ่งไม่พอใจคนข้างๆ อยู่เมื่อสักครู่นี้

            “เล่ามาเลย รอฟัง” ไอ้น้ำบอกด้วยความตื่นเต้น

            “ทางตำรวจเรียกป้าสอนกับสินมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจเมื่อหลายวันก่อน”

            “นอกจากที่ป้าสอนไปตามคุณพัดที่ห้องนอนกับพี่สินไปนอนเฝ้าบ่อกุ้ง มีอะไรนอกเหนือจากนี้อีกมั้ย”

            “รู้เยอะเหมือนกันนี่”

            “อืม รู้แค่นี้แหละ”

            “ปกติป้าสอนชอบหรือไม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้มั้ย”

            “หือ?”

            “ก็แบบเหมือนปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้” ผู้กองปรานต์พยายามอธิบาย

            “อันนั้นเข้าใจ หมายถึงว่า นึกยังไง ผู้กองถึงถามแบบนั้น”

            “ตอนนี้ทุกคนตกเป็นผู้ต้องสงสัย”

            “รวมผมด้วยหรือเปล่า”

            “ใช่”

            “แล้วมาบอกผมอย่างนี้ไม่กลัวผมหนีเหรอ”

            “ถ้านายจะหนีก็มีแค่เรื่องเดียว” ผู้กองปรานต์หันมาบอก

            “เรื่องอะไร”

            “หวย”

            “หวย..หวยอะไร ไม่หนีหรอก หนีทำไม” ไอ้น้ำเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเพื่อปกปิดความตื่นเต้น

            “นายนี่นะ เกือบจะดีทุกอย่างแล้วเชียว แต่ปิดบังตำรวจทำได้ไม่เนียนเอาเสียเลย” ผู้กองหนุ่มหัวเราะเสียงเบา

            “ผมเปล่าไม่ได้ปิดบังอะไรเสียหน่อย”

            “นั่นล่ะ ทำให้ผมมั่นใจว่าคุณไม่ใช่ฆาตกรแน่”

            “เพราะอะไร” ไอ้น้ำสงสัย

            “ก็ถ้านายเป็นฆาตกรจริง นายไม่น่าจะอยู่กับฉันที่นี่แน่ นายมันตื่นเต้นง่ายเกินไป”

            “พูดเพ้อเจ้อแล้วผู้กอง” ไอ้น้ำรีบปฏิเสธ เขาควบคุมตนเองได้ดีตลอดเวลาน่า

            “นายช่วยฉันหน่อยสิ ฉันต้องการนาย” คำพูดห้วนสั้นไม่มีที่มาที่ไปทำให้ไอ้น้ำดันตัวเองติดประตูอีกฝั่งทันที

            “อะไรผู้กอง ให้ช่วยอะไร ผมไม่ได้เป็นเกย์ ผู้กองเป็นเหรอ เฮ้ย ผมช่วยไม่ได้หรอก ไปหาคนอื่นเถอะ ผมต้องแต่งงานมีลูกมีเมียให้แม่” ไอ้น้ำพูดรัวเร็วเป็นชุด เขาไม่อยากจะเป็นสามีผู้กองหรอก มีหวังถูกผู้กองข่มเหงแน่นอน เขายังไม่อยากถูกเมียข่ม เขาต้องเป็นผู้นำให้กับครอบครัว

            “เป็นอะไร  คิดอะไรของนายเนี่ย” ผู้กองปรานต์ขมวดคิ้วหันมามองคนลนลาน

            “ก็ผู้กองพูดอะไรออกมาล่ะ”

            “ฉันต้องการให้นายช่วยในคดีนี้ นี่นายคิดไปถึงไหน”

            “จะไปรู้เหรอ จู่ๆ ก็บอกว่าช่วยฉันหน่อย ฉันต้องการนาย ก็นึกว่าลุงอยากเล่นอะไรในรถน่ะสิ” ไอ้น้ำพูดไปก็หน้าแดงไป มันใช่เรื่องมั้ยที่จะมาคุยเรื่องพรรค์นี้กับคนที่เจอกันไม่กี่ครั้งและคุยในที่สองต่อสองเสียด้วย

            “นายนี้เพ้อเจ้อมากกว่าฉันเสียอีก แล้วมาหาว่าฉันเพ้อเจ้อ ตกลงจะช่วยมั้ย”

            “ขอฟังข้อเสนอก่อนแล้วจะลองพิจารณาดูว่าจะช่วยดีมั้ย”





================================================


Talk::

เขม : ไอ้น้ำ

น้ำ : ว่าไงลูกพี่

เขม : คนเมนท์เยอะเลยว่ะ

น้ำ : แม่ตะเคียนนี่ขลังจริง

เขม : เออ เดี๋ยวจะฝากสไบไปให้แม่ตะเคียนนะ

น้ำ : ไปให้เองไม่ได้เหรอ

เขม : ได้ไงล่ะ เอ็งเป็นคนไปบอก ก็ต้องเอาไปให้สิ

น้ำ : ฉันทำตามที่พี่บอกนี่นา

เขม : เถอะน่า น่านะ ช่วยหน่อย

น้ำ : ........

แม่ตะเคียน : มาไวๆ นะจ๊ะ พ่อน้ำ ฉันรอ




ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเจ็ด ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ใช่ไอ้น้ำน่ะสิ 03/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-04-2018 13:39:29
ตกลง น้ำกลัวลุงตำรวจเหรอ บอกแม่ตะเคียนช่วยดิ
 :hao3:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเจ็ด ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ใช่ไอ้น้ำน่ะสิ 03/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-04-2018 15:47:28
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเจ็ด ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ใช่ไอ้น้ำน่ะสิ 03/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 03-04-2018 16:08:30
นักเขียนสู้ๆ พล็อตน่าติดตามมาก
รอพ่อน้ำอยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเจ็ด ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ใช่ไอ้น้ำน่ะสิ 03/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-04-2018 17:14:38
 :laugh:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเจ็ด ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ใช่ไอ้น้ำน่ะสิ 03/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-04-2018 23:04:17
 :mew1:เราก็ชอบ

สนุกดี


 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเจ็ด ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ใช่ไอ้น้ำน่ะสิ 03/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: kaoru404 ที่ 04-04-2018 13:17:31
 :katai2-1: :katai2-1: สนุก

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเจ็ด ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ใช่ไอ้น้ำน่ะสิ 03/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-04-2018 13:57:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเจ็ด ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ใช่ไอ้น้ำน่ะสิ 03/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-04-2018 16:13:48
ชอบน้ำตลกดี
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเจ็ด ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ใช่ไอ้น้ำน่ะสิ 03/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 06-04-2018 10:49:02

งวดแปด งานเผือกคืองานถนัด


           “ผมต้องทำอะไรบ้างอะ” ไอ้น้ำพูดไป มือก็คีบแซลมอนผสมวาซาบิเข้าปากไปอย่างเอร็ดอร่อย ทีแรกก็ตั้งใจจะฟังแค่ประเดี๋ยวประด๋าว แต่ในเมื่อมีเจ้ามือเสนอตัวเลี้ยงอาหารทั้งที มีหรือที่คนชอบกินอย่างเขาจะปฏิเสธ


            “คอยสังเกตคนในหมู่บ้านก็พอ”

            “สังเกตยังไง แค่มองๆ ดูๆ ก็ได้ใช่มั้ย”

            “เข้าไปตีสนิทด้วย ฟังที่พวกเขาคุยกันให้มากที่สุด” ผู้กองอธิบายเพิ่ม

            “อ้อ... เผือกให้มากที่สุดสินะ” ไอ้น้ำสรุปความหมาย

            “แล้วแต่นายจะเรียก แค่นี้ทำได้หรือเปล่า”

            “ก็คงได้แหละมั้ง ไม่ได้ยากอะไรนี่ ปกติก็ยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว” ไอ้น้ำพูดด้วยท่าทีสบายๆ เพราะนั่นมันก็เป็นวิถีประจำวันของเขาอยู่แล้ว

            “อย่างนั้นก็ดี”

“นี่ลุง..เอ๊ย..ผู้กอง” ไอ้น้ำรีบปรับการเรียกเพราะเห็นสายตาของผู้กองจ้องมองมาที่เขาดูแล้วไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่

“แล้วถ้าผมทำงานนี้สำเร็จ จะได้อะไรตอบแทนอะ” ของฟรีไม่มีในโลก ไอ้น้ำเชื่ออย่างนั้น

“อะไรดีล่ะ” ผู้กองพูดแล้วทำท่าคิด

“ได้อะไรล่ะ” ไอ้น้ำเร่ง

“ไม่เอาผิดเรื่องที่นายเดินโพยหวย...เป็นไง ดีมั้ย” ผู้กองพูดข้อเสนอออกมา

“จริงนะ โอเค ตกลงเลย งานนี้ทุ่มให้สุดตัว” ไอ้น้ำพูดออกมาด้วยความดีใจ ที่อย่างน้อยตัวเองก็รอดพ้นจากคุกจากตาราง


เดี๋ยวนะ ทำไมผู้กองถึงมองเขาแล้วทำหน้ายิ้มแบบมีเลศนัยอย่างนั้นด้วยล่ะ



ฉันพลันให้น้ำก็ตาโตเบิกกว้างอย่างกับไข่ห่าน .... ฉิบหาย ควายแท้ๆ โง่ไม่มีอย่างอื่นผสม นี่เท่ากับว่าเขายอมรับสารภาพไปโดยไม่รู้ตัว ไอ้น้ำด่าตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรออกไป

“ผู้กอง อย่าจับผมนะ” น้ำพูดอย่างหวาดๆ

“ไม่จับหรอก บอกแล้วไง ว่านี้คือข้อตกลง...ถ้านายตกลงเหมือนกัน” ผู้กองพูดด้วยความเป็นต่อ

“โอเค ดีล” ไอ้น้ำยื่นมือออกไปเพื่อจับมือกับอีกฝ่าย ผู้กองมองมือตรงหน้าก่อนจะยื่นมือออกมาจับมืออีกฝ่ายเช่นกัน


“ดีล”


อาหารบนโต๊ะใกล้หมด แต่ดูเหมือนผู้ช่วยมือใหม่ของผู้กองนั้นยังทานไม่อิ่ม เพราะคนตรงหน้ากำลังจ้องมองแซลมอนชิ้นสุดท้ายที่วางอยู่บนจานด้านหน้า ผู้กองเห็นดังนั้นเขาเลยคีบแซลมอนไปวางให้เสียเลย

            “เอ่อ ไม่ต้องคีบมาให้ก็ได้ เกรงใจ” ไอ้น้ำอึกอัก ปกติมีแต่เขาที่คอยเป็นคนคีบคนตักอาหารให้คนฝ่ายตรงข้าม


            ไม่ใช่ผู้กองนะ หมายถึง ผู้หญิงน่ะ


            “คีบคืนมาก็ได้ถ้าเกรงใจ” ผู้กองพูดทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางที่คนอยากกินจะคืนให้แน่นอน

            “เรื่องอะไรล่ะ ให้แล้วก็ให้เลยสิ” ไม่ผิดอย่างที่ตำรวจหนุ่มคิด ไอ้น้ำเอาตะเกียบมาปิดป้องแซลมอนเอาไว้อย่างหวงแหน

            “ถ้าอยากกินอีก สั่งเพิ่มก็ได้นะ” ผู้กองปรานต์บอกอย่างใจป้ำ คนรอบข้างที่เขาเคยคุ้นเคยนั้นไม่ค่อยมีใครทานกันเยอะสักเท่าไหร่ เพราะกลัวหุ่นจะไม่ได้รูปทรง ใส่เสื้อผ้าไม่สวยอะไรเทือกๆ นั้น แต่คนตรงหน้าดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ


            มันไม่ใช่ภาพที่เขาจะได้เห็นบ่อยนัก


            “ไม่เอาแล้ว” น้ำตอบทั้งที่แซลมอนยังเต็มปาก

            “อิ่ม?”

            “เปล่า แค่คิดว่าอันนี้ก็กินไปแล้วไง สั่งอย่างอื่นมากินดีกว่า ผู้กองอยากกินอะไรเพิ่มอีกมั้ยล่ะ” ดูเหมือนไอ้น้ำจะถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย คนเห็นแก่กินอย่างมันเลือกเมนูอาหารไม่ได้ต่างหากเลยหาคนมาช่วยเลือกแทน

            “ฉันกินได้ทุกอย่าง นายสั่งมาเถอะ”

            “อืม...งั้นเอาอันนี้ก็ได้” ผู้กองปรานต์มองคนตรงหน้าที่กำลังแน่วแน่อยู่กับเมนูอาหาร ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

            “ยิ้มอะไร ผู้กอง เป็นบ้าเหรอ....น้องๆ เอาอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้” ไอ้น้ำเงยหน้ามาเจอคนบ้ากำลังยิ้มก็ด่าออกไปตรงๆ แล้วเรียกพนักงานสาวที่คาดว่าอายุน้อยกว่าตัวเองมาสั่งอาหารเพิ่ม

            “สั่งเพิ่มเยอะแบบนั้น กินหมดเหรอ” ผู้กองถามด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวจะเหลือทิ้งหากทานไม่หมด

            “หมดสิ หรือว่างก เดี๋ยวช่วยจ่ายก็ได้นะ ไม่ต้องเลี้ยงหรอก” ทีแรกไอ้น้ำตั้งใจจะให้ผู้กองเป็นเจ้ามือเลี้ยงจริงอย่างที่เจ้าตัวพูด แต่ดูจากจานอาหารตรงหน้าแล้ว เขาก็รู้สึกเกรงใจถ้าคนที่ไม่ได้สนิทกันสักเท่าไหร่ต้องมาเสียเงินเสียทองให้เขา

            “เปล่า ฉันจ่ายไหว แค่กลัวนายกินไม่หมด”

            “หมดๆ แค่นี้ไม่พอยาไส้หรอก ผู้กองก็กินด้วยสิหรือว่ากลัวอ้วน กลัวใส่ชุดตำรวจแล้วพุงจะยื่นใช่ปะ” ไอ้น้ำเดา ถึงแม้วันนี้ผู้กองจะใส่ชุดแบบประชาชนทั่วไป แต่ชุดตำรวจฟิตเปรี๊ยะขนาดนั้น กินอะไรเข้าไปนิดหน่อยคงตะเข็บแทบปริออกจากกัน

            “ไม่ใช่หรอก แค่มื้อเดียว ท้องคงไม่ขยายเร็วขนาดนั้นหรอก”


            ไม่ผิดอย่างที่ไอ้น้ำคุยโม้ไว้เพราะอาหารที่สั่งมานั้นหมดเรียบไม่เหลือให้ผู้กองหนุ่มต้องเสียดายเลย ไอ้น้ำตบท้องปุๆ เป็นสัญญาณบอกว่า ตอนนี้เจ้าตัวอิ่มแล้ว ผู้กองเลยเรียกพนักงานมาเก็บเงินสำหรับมื้อนี้

            “ผู้กองจะไปไหนต่อ” ไอ้น้ำถามหลังจากที่ออกมายืนอยู่หน้าร้าน

            “ฉันคงไปทำธุระแถวๆ นี้ นายล่ะ?”

            “ไปธนาคารอะ”

            “คงเสร็จพอๆ กัน ถ้าอย่างนั้นนายไปรอฉันที่รถก็แล้วกัน เสร็จแล้วจะได้กลับหมู่บ้านพร้อมกัน”

            “ไม่ต้องหรอก ผมจะไปดูหนังสักเรื่องแล้วไปรับยายฝน เอ่อ..น้องสาวน่ะ ที่โรงเรียน ผู้กองกลับไปเถอะ ไม่ต้องรอ” ไอ้น้ำบอกเพราะวันนี้เขาตั้งใจจะใช้เวลาอยู่ในเมืองทั้งวัน

            “ดูหนัง?”

            “อือ” ไอ้น้ำรับคำ

            “จองตั๋วหนังให้ฉันอีกใบด้วยก็แล้วกัน”

            “ห๊ะ! ผู้กองจะไปดูหนัง” ไอ้น้ำถามอย่างไม่เชื่อหู นี่เขาแค่ตกลงจะเป็นสายสืบในคดีให้อีกฝ่าย แต่ไม่ถึงกับต้องตามติดเขาขนาดนี้ก็ได้มั้ง

            “ใช่ ฉันเองก็ไม่ได้ดูหนังนานแล้ว อีกอย่างฉันเลี้ยงข้าวนายไปแล้ว คราวนี้นายก็เลี้ยงหนังฉันไง เอามือถือนายมาสิ” ไอ้น้ำทำตามคำพูดตำรวจ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมายื่นให้อีกฝ่ายอย่างงงๆ

            “....”

            “ฉันเมมเบอร์ฉันลงไปที่เครื่องนายแล้ว ได้ตั๋วรอบกี่โมง โรงที่เท่าไหร่ ก็ส่งข้อความมาบอกฉันด้วย ไปล่ะ” ผู้กองหนุ่มจัดการอย่างคล่องแคล่วแล้วก็ส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้


            ทิ้งไอ้น้ำ ที่ยังงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูกเอาไว้ นับจากที่ดูหนังกับเพื่อนผู้ชายในรั้วมหาวิทยาลัยแล้วไอ้น้ำก็ไม่เคยดูหนังกับผู้ชายคนไหนอีกเลย


            กว่าจะนึกได้ เขาก็รู้สึกเหมือนคนกำลังจีบกันใหม่ๆ เลยหรือเปล่า ฉันเลี้ยงข้าวนาย นายเลี้ยงหนังฉัน


            ไม่เอาแบบนี้โว้ยยยย


            บ่นกระปอดกระแปดหงุดหงิดไปมากแค่ไหน สุดท้ายพอออกมาจากโรงหนัง ไอ้น้ำก็แฮปปี้เริงร่าสุดๆ หนังวันนี้สนุกสุดๆ ไปเลย

            “นี่ ผู้กอง ฉากที่พระเอกขับรถไล่ตามผู้ร้ายอะ มันมากเลยนะว่ามั้ย”

            “ก็สนุกดี”

            “มันสุดๆ เลยต่างหากแถมยังขำด้วย ยิ่งตอนที่รถพระเอกกระเด็นไปเหลือแต่ตัวพระเอกยืนเท่อะ ตลกมาก”

            “ใช่ ฉากนั้นตลกมาก” ผู้กองไม่ได้พูดตามอีกฝ่าย เขารู้สึกสนุกไปกับหนังวันนี้จริงๆ


            นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ ทั้งผ่อนคลาย ทั้งสบายใจ


            “เดี๋ยวไปรับน้องสาวนายใช่มั้ย ที่ชื่อฝน?”

            “ใช่ น้ำฝน แต่ผู้กองกลับไปก่อนก็ได้นะ ผมคงไปเตร่แถวหน้าโรงเรียน ยายฝนก่อน เพราะตอนนี้โรงเรียนยังไม่เลิกคงอีกสักชั่วโมงนู่นแหละ” น้ำหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูเวลาก่อนจะบอกผู้กองไป

            “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับพร้อมกันนั่นแหละ ไหนๆ วันนี้ก็ลางานทั้งวัน แล้วนี่นายจะรีบไปทำไม ในเมื่อโรงเรียนน้องสาวนายยังไม่เลิก”

            “ผู้กองไม่รู้อะไร หน้าโรงเรียนมีของกินเพียบ” ไอ้น้ำพูดพลางลูบท้องตัวเอง

            “นายเพิ่งกินป๊อปคอร์นไปถังใหญ่ไม่ใช่เหรอ” ผู้กองพูด เขารู้ว่าคนตรงหน้าดูจะชื่นชอบการกินเป็นอย่างมากแต่ไม่น่าจะกินได้มากหรือกินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มแบบนี้

            “เดี๋ยวมันก็ย่อย แล้วถ้าผู้กองยืนยันว่าจะกลับด้วยกัน ก็ตามผมมาอย่าบ่น” ไอ้น้ำหันมาดุ พลางเดินนำเจ้าของรถไปที่รถของผู้กองเอง


            ระหว่างทางไปโรงเรียนไอ้น้ำคอยบอกทางผู้กองเป็นระยะ ไม่นานรถยนต์ก็ขับมาถึงหน้าโรงเรียน น้ำบอกผู้กองว่า ให้จอดรถทิ้งไว้บริเวณนี้เพราะเป็นพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จอดได้ ก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วเดินไปหน้าโรงเรียนของน้ำฝน

            ไอ้น้ำตื่นตาตื่นใจกับอาหารที่มาขายหน้าโรงเรียนเป็นอย่างมาก บ้างก็เป็นร้านตั้งโต๊ะง่ายๆ บ้างก็เป็นรถเข็นมาขาย เขากำลังเลือกมันอย่างมีความสุข


สุขใดเล่าจะเท่ากับการได้กิน


นั่นคือ....คติประจำตัวไอ้น้ำ


“ฝน ยายฝน” ไอ้น้ำตะโกนเรียกพร้อมโบกไม้โบกมือให้น้องสาวที่เดินออกมาจากโรงเรียน เขาตะโกนทั้งที่ลูกชิ้นยังเต็มอยู่ในปาก ผู้กองมองภาพนั้นด้วยความระอา

“อาหารยังเต็มปากนายอยู่เลย” ผู้กองปรานต์เอ่ยเตือน

“มัวแต่กินให้หมด เรียกยายฝนไม่ทันพอดี” ไอ้น้ำกลืนลูกชิ้นหมดแล้วจึงหันมาตอบโต้ผู้กอง ประกอบกับน้ำฝนที่เห็นพี่ชายยืนอยู่กับใครคนหนึ่งแล้ว หญิงสาวก็มีสีหน้าแปลกใจแต่ก็เดินตรงเข้าไปหาคนทั้งคู่แต่โดยดี

“มาได้ไงอะ พี่น้ำ แล้วนี่ใครคะ...” น้ำฝนทักพี่ชายก่อนจะมองคนข้างๆ

“ก็มาทำธุระในเมืองเลยแวะมารับเอ็งด้วย นี่ผู้กองปรานต์ ที่ย้ายมาประจำอยู่หมู่บ้านเราไง” ผู้กองได้ยินสำเนียงของน้ำก็แปลกใจ เพราะระหว่างที่คุยกัน น้ำจะพูดกับเขาด้วยสำเนียงแบบคนกรุงเทพฯ นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินสำเนียงท้องถิ่นของเจ้าตัว

“อ่อ.. สวัสดีค่ะ ผู้กอง” น้ำฝนทักด้วยน้ำเสียงติดจะแปร่งเล็กน้อยพร้อมกับยกมือทำความเคารพคนที่อาวุโสกว่า ตำรวจหนุ่มก็รับไว้ทันที

“สวัสดีน้ำฝน”

“กลับเลยปะ หรือกินอะไรก่อนมั้ย” ไอ้น้ำพูดแทรกขึ้นมา

“อือ กลับเลยดีกว่า ไม่ค่อยหิว โชคดีนะเนี่ยวันนี้ไม่มีเรียนพิเศษ ไม่งั้นพี่ได้รอฝนอีกนาน”

“รถอยู่ทางนี้ครับ” ผู้กองบอกหญิงสาวแล้วเดินนำไปที่รถยนต์ของตัวเอง

“ผู้กองกับพี่น้ำมาด้วยกันได้ไงอะ” น้ำฝนถามพี่ชายจากทางเบาะด้านหลัง หญิงสาวยื่นหน้าออกมาตรงกลางระหว่างคนทั้งสองที่นั่งอยู่ด้านหน้า

“ข้าจะไปทำธุระในเมืองแล้วเจอผู้กอง ก็เลยขอติดรถมาด้วย”

“พี่กำลังจะเข้าไปทำธุระพอดีครับ น้องฝน” ผู้กองตอบหญิงสาวอย่างสุภาพ ทำให้ไอ้น้ำนึกหมั่นไส้ ทีกับเขา คำก็ไอ้หนู คำก็นาย ทีพูดกับน้องสาวเขา พูดเสียเพราะเลย โอ๊ย ไอ้หนุ่มชาวกรุง

“ไปรู้จักกันตอนไหนอะ” น้ำฝนยังสงสัย

“ตอนไหนก็ช่างเถอะน่า ไปทางเดียวกัน ไปด้วยกันก็ประหยัดน้ำมันดีไม่ใช่หรือไง” พี่ชายน้ำฝนตอบ ขอยืมคำพูดของผู้กองมาใช้หน่อยก็แล้วกัน

“เหรอ แล้ววันนี้พี่น้ำไปทำอะไรมาบ้างล่ะ”

“มัวแต่อยากรู้เรื่องของข้า เอ็งล่ะ วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง”


“เหมือนเดิมแหละ” น้ำฝนตอบเอื่อยๆ

“เหมือนเดิมอะไร”

“ก็เหมือนตอนที่พี่เรียน พี่เรียนเป็นยังไงล่ะ ฉันก็เรียนอย่างนั้นแหละ”

“เหมือนข้าเหรอ เอ็งไปสูบบุหรี่หลังห้องน้ำชายด้วยเหรอ” ไอ้น้ำแกล้งแหย่น้องสาว

“พี่น้ำ! ฉันจะฟ้องแม่”

“ผ่านมาจะสิบปี นานขนาดนี้ ฟ้องไปตอนนี้ แม่ก็ไม่ด่าข้าแล้ว” ผู้กองฟังบทสนทนาของคนข้างๆ กับน้องสาวก็รู้สึกถึงความรักและความสนิทสนมของคนทั้งคู่ได้ดี ไม่เหมือนเขามีพี่ชายแต่ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะโทรศัพท์หากัน

“เออ...พี่...แล้วเรื่องที่ฉันพูดกับพี่เมื่อวันก่อน เรื่องเรียนต่ออะ พี่พูดกับแม่ให้หรือยัง”

“ยายฝน เกรงใจผู้กองด้วย” ไอ้น้ำเตือนเพราะตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เขากับน้องสาวสองคนที่อยู่ภายในรถ แต่มีเจ้าของรถด้วย

“รู้น่า แต่ไม่ถามตอนนี้แล้วจะถามตอนไหนล่ะ กลับบ้านก็เจอแม่แล้ว” น้ำฝนบ่นเพราะหาโอกาสคุยกับพี่ชายตามลำพังนั้นยากเหลือเกิน

“ถ้าไม่ได้ถือว่าเป็นความลับหรือเห็นว่าพี่เป็นคนนอกอะไร จะพูดตรงนี้ก็ได้ครับน้องฝน” ผู้กองอนุญาต ฟังสองพี่น้องคุยกันก็เพลินไปอีกแบบ

“เห็นมั้ย ผู้กองยังไม่ว่าอะไรเลย เร็วดิพี่น้ำ แม่ว่ายังไงบ้าง”

“แม่บอกว่าแล้วแต่เอ็ง”

“จริงเหรอ เย่! แม่พูดอย่างนั้นจริงนะพี่ อย่าหลอกให้ฉันดีใจเก้อนะ” น้ำฝนโห่ร้องด้วยดีใจลั่นรถ

“เบาๆ หน่อย ขอโทษนะผู้กอง” ไอ้น้ำหันไปดุน้องสาวแล้วก็หันมาขอโทษเจ้าของรถด้วย

“ไม่เป็นไร คนดีใจจะให้เก็บกลั้นไว้ก็คงลำบาก” ผู้กองปรานต์ตอบอย่างอารมณ์ดี

“พี่น้ำ แม่พูดจริงนะ” น้ำฝนถามย้ำ

“เออ จริง ทีแรกจะไม่ให้เอ็งไปหรอกเพราะเห็นว่าข้ากลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว แต่พอพูดไปเรื่อยๆ แม่ก็ใจอ่อน”

“พี่จะไม่กลับกรุงเทพฯ จริงๆ เหรอ”

“ยังไม่รู้ว่ะ อีกปีแน่ะ เอ็งถึงจะเข้าเรียนมหา’ลัย เวลานั้นค่อยดูก็แล้วกันว่าจะเอายังไง” ไอ้น้ำตอบปัด เขายังไม่อยากอธิบายหรือพูดถึงอะไรต่อหน้าบุคคลที่สาม

“จ้ะ”

“อย่าลืมเลือกคณะที่อยากเรียนที่สุดไว้ด้วยล่ะ”

“ถึงจะยังลังเลอยู่ แต่ก็จะรีบเลือกเร็วๆ นี้แหละ” น้ำฝนตอบ

“น้องฝนอยากเข้าคณะอะไรครับ” ผู้กองที่ขับรถนั่งฟังพี่น้องมานาน ถามขึ้นบ้าง

“ฝนอยากเรียนเภสัช ไม่ก็พยาบาลค่ะ”

“อืม ทั้งสองคณะน่าสนใจทีเดียว น้องฝนลองชั่งน้ำหนักดูนะ ว่าทำไมถึงอยากเรียนคณะเภสัช ทำไมถึงอยากเรียนคณะพยาบาล ลองลิสต์ข้อดีข้อเสียของสองคณะนี้มาก็ได้นะ เผื่อจะได้เป็นแนวทางเลือกให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น”

“ขอบคุณค่ะผู้กอง”

“เรียกพี่ปรานต์ก็ได้ครับ”

“ค่ะพี่ปรานต์” ไอ้น้ำฟังน้องสาวของตนเองกับผู้กองหนุ่มคุยกันแล้วก็อยากเข้าไปฉีกโมเมนท์มุ้งมิ้งอะไรแบบนี้


พี่ปรานต์ น้องฝน เหอะ อย่ามาทำให้น้องสาวข้าต้องหลงเสน่ห์นะเว้ย ไอ้ผู้กองขี้เก๊ก


“พี่น้ำเป็นอะไร หน้าตาบึ้งเชียว”

“เปล่า ผู้กองขับเร็วๆ หน่อย ช้าเป็นเต่าคลานแบบนี้ เมื่อไหร่จะถึง” ไอ้น้ำตอบน้องสาวสั้นๆ แล้วหันไปบอกผู้กองข้างตัว ตอนนี้เขากำลังพาลมั่วไปหมดทุกคน

“พี่ปรานต์รู้มั้ยคะ ว่าพี่น้ำเป็นอะไร”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”

“สงสัยผีเข้า เราอย่าไปสนใจเขาเลยค่ะ” น้ำฝนรำคาญพี่ชายที่จู่ๆ ก็อารมณ์เสียอย่างปัจจุบันทันด่วน

“ครับ” ผู้กองก็รับคำแต่โดยดี

“แล้วทำไมพี่ปรานต์ถึงเป็นตำรวจคะ”


“อืม ตอนเด็กๆ พี่เคยพลัดหลงกับคุณแม่ โชคดีได้คุณตำรวจมาช่วยไว้ คงประทับใจตั้งแต่ตอนนั้นล่ะมั้ง ก็เลยตั้งเป้าว่าอยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็ก”

“สุดยอดเลยค่ะ มีเป้าหมายตั้งแต่เด็กเลย”

“เหอะ โม้หรือเปล่าก็ไม่รู้” ไอ้น้ำบ่นเบาๆ แต่คนในรถก็ยังได้ยิน

“พี่น้ำ ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ เดี๋ยวฉันจะฟ้องแม่ ว่าพี่น้ำเสียมารยาท” น้ำฝนดุพี่ชายคืน

“ไม่เป็นไร น้องฝน พี่ไม่โกรธหรอก เขาบอกว่าอย่าถือสา คนบ้าอย่าว่าคนเมา” ผู้กองไม่ลืมที่จะตอบโต้อีกฝ่ายกลับไป


หนอย ไอ้ผู้กองปรานต์ ฮึ่ย ไอ้น้ำได้แต่คาดโทษไว้ในใจ


“ถ้าไปส่งฝนกับพี่น้ำที่บ้านแล้วพี่ปรานต์ไปไหนต่อหรือเปล่าคะ”

“ยังไม่มีแพลนไปไหน คงกลับไปที่พักเลยครับ”

“ถ้าอย่างนั้น อยู่ทานข้าวที่บ้านฝนก่อนดีมั้ยคะ แม่น้อยคงอยากเจอพี่ปรานต์ ผู้กองคนใหม่ของหมู่บ้านเหมือนกัน”

“อย่าดีกว่าครับ เกรงใจน้องฝนกับแม่น้อย”

“ใช่...ยายฝน อย่าชวนผู้กองไปบ้านเราเลย เขาอาจจะลำบากใจก็ได้” ไอ้น้ำรีบสนับสนุนความคิดผู้กองทันที เพราะเขาก็ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายมาที่บ้าน

“เหรอคะ พี่ปรานต์ เสียดายจัง” ไอ้น้ำลอบยิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตนเองหวังไว้ น้ำฝนนั่งอยู่ทางด้านหลังจึงไม่เห็นรอยยิ้มของพี่ชายแต่ก็ไม่สามารถเล็ดรอดจากสายตาผู้กองที่หันมาเห็นพอดี


“พี่เปลี่ยนใจแล้ว ถ้าน้องฝนยังยินดี พี่ก็อยากไปทานข้าวฝีมือแม่น้อยสักมื้อ”


“ยินดีเลยค่ะ แม่ของฝนอะทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลกเลย”


ตอนนี้ ไอ้น้ำอยากตะโกนว่า เวรกรรมอะไรของกูเนี่ย!



=====================================

HAPPY LONG WEEKEND ค่าา

วันนี้มาเร็วหน่อยค่ะ ไอ้น้ำคะยั้นคะยอ ให้พาไปหาเลขเด็ดอยู่นั่นเอง


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดแปด งานเผือกคืองานถนัด P2 06/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-04-2018 11:31:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดแปด งานเผือกคืองานถนัด P2 06/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 06-04-2018 11:47:31
อะไรๆๆ หึงหรอจ๊ะพ่อเด็กเดินโพยหวยย5555
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดแปด งานเผือกคืองานถนัด P2 06/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 06-04-2018 11:59:30
หึงผู้กอง หรือ หวงน้องสาวเอ่ยยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดแปด งานเผือกคืองานถนัด P2 06/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-04-2018 13:14:42
น้ำสับสนตัวเองสินะ ไม่รู้ตัวว่าเป็นอะไร อิอิอิ
ไม่ต้องคิดมากนะ เดี๋ยวตำรวจจับ
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดแปด งานเผือกคืองานถนัด P2 06/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-04-2018 13:34:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดแปด งานเผือกคืองานถนัด P2 06/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 06-04-2018 15:45:31
สนุกค่ะ เนื้อเรื่องน่ารัก ไม่่หยาบคาย
ถ้าได้เลขเด็ดจากเจ้าแม่ อย่าลืมบอกกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดแปด งานเผือกคืองานถนัด P2 06/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-04-2018 16:01:18
 :laugh:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดแปด งานเผือกคืองานถนัด P2 06/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: pranliew ที่ 06-04-2018 16:38:25
ชอบบบ ตลกน้องน้ำ 55555 อยากรู้แล้วว่าทำไมกลับมาบ้านที่ต่างจังหวัดนะน้องน้ำ ไม่ใช่โดนสาวหักอกมาใช่ป่าววววว
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดแปด งานเผือกคืองานถนัด P2 06/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 06-04-2018 20:15:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดแปด งานเผือกคืองานถนัด P2 06/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 10-04-2018 11:45:08


งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย





           แม่น้อยดูปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมากที่ผู้กองหนุ่มให้เกียรติมาทานอาหารที่บ้านของนาง ตอนที่เห็นว่าลูกชายกับลูกสาวลงมาจากรถยนต์คันงามนั้น แม่น้อยก็แปลกใจ พอเห็นหน้าเจ้าของรถเท่านั้น แม่น้อยแทบจะลงบันไดบ้านมาต้อนรับแทบไม่ทันเลยทีเดียว ทีแรกก็ไม่แน่ใจว่าใช่ผู้กองปรานต์ที่เพิ่งย้ายมาประจำการหรือเปล่า เห็นทีไร ชายหนุ่มก็ยืนอยู่ลิบๆ มาเห็นใกล้ๆ วันนี้



            พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย หล่อไม่หยอกเลยทีเดียว แม่น้อยล่ะอยากลดอายุไปอีกสามสิบปี



            “พอทานได้มั้ย ผู้กอง” แม่น้อยถามด้วยความเป็นห่วง

            “ทานได้ครับแม่น้อย อาหารฝีมือแม่น้อยอร่อยมาก” นอกจากจะรูปร่างหน้าตาหล่อเหล่ากระชากใจสาวน้อยสาวใหญ่ คำพูดคำจาของผู้กองก็ไม่เป็นรองใคร หัวใจคนแก่มันกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที

            “แหม ยอคนแก่ก็เป็น อาหารพื้นบ้านทั้งนั้นแหละจ้ะ น้ำพริก ผักลวก” แม่น้อยถ่อมตัว

            “แค่น้ำพริก ผักลวก แล้วใครที่วิ่งไปผัดหมูกับทอดไข่เจียวเพิ่มอีก ทีกับลูกสองคนไม่เคยได้กินดีขนาดนี้” ไอ้น้ำอดค่อนขอดมารดาไม่ได้

            “ไอ้น้ำ!เสียมารยาท” แม่น้อยดุ แต่ไม่ได้ทำเสียงดังเกินไปเพราะเกรงใจแขกร่วมโต๊ะ

            “ก็จริงนี่แม่” ไอ้น้ำยังเถียงต่อ

            “พี่ปรานต์อย่าไปสนใจเลยค่ะ พี่น้ำก็ทำตัวเป็นเด็กขี้อิจฉาเท่านั้นเองแหละค่ะ ขนาดฝนกอดแม่นะคะ พี่น้ำยังมาแย่งกอดแม่เลยค่ะ” น้ำฝนได้โอกาสขายพี่ชายเสียเลย

            “ยายฝน!” ถึงคราวที่ไอ้น้ำต้องดุน้องสาวบ้าง แต่มีหรือที่น้ำฝนจะกลัว

            “ทั้งคู่ อย่าเสียมารยาทได้มั้ย แม่อายผู้กองเขา” แม่น้อยบ่นลูกทั้งสองคน

            “ไม่เป็นไรหรอกครับ แม่น้อย เห็นอย่างนี้แล้วสนุกดีครับ ไม่เหมือนที่บ้านผม ต่างคนต่างทานข้าว แทบไม่ได้ทานพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้สักเท่าไหร่” ผู้กองหนุ่มบอกแม่น้อยเพราะที่บ้านของเขามีแต่นักธุรกิจอีกทั้งแม่ก็เป็นคุณหญิงออกงานไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนเขาก็คอยไปรับไปส่งวรันต์

            “โถ พ่อคุณ หน้าเศร้าเชียว มาทานข้าวที่นี่บ่อยก็ได้นะ ถือซะว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้านผู้กองก็ได้ ผู้กองมาบ่อยๆ เผื่อจะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลยายฝนบ้าง ฉันเองก็เป็นห่วงลูกสาวคนเล็กเหลือเกิน” ด้วยความเห็นใจและสงสารผู้กอง แม่น้อยจึงอนุญาตให้เข้านอกออกในบ้านของนางได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งฝากพ่วงบุตรสาวของตนไปอย่างแนบเนียน

            “แม่ ชวนตาลุงนี่ทำไม”

            “ไอ้น้ำ! เรียกผู้กองแบบนี้ได้ยังไง คิดว่าโตแล้วข้าไม่กล้าตีหรือ เดี๋ยวจะตีให้ก้นลายเลย” คราวนี้แม่น้อยดุจริงจังเสียแล้ว จนไอ้น้ำหน้าเสียไม่กล้าต่อความกับแม่อีก ส่งผลให้น้ำฝนไม่กล้าพูดอะไรให้มากความด้วยเช่นกัน

            “ไม่เป็นไรครับ” ผู้กองเริ่มกระอักกระอ่วน ไม่อยากให้แม่ลูกหมางใจกัน

            “ยังไม่ขอโทษ ผู้กองอีก” แม่น้อยพูดแกมสั่ง

            “ขอโทษ ผู้กอง” น้ำเอ่ยขอโทษพร้อมยกมือไหว้ผู้กองแต่โดยดี แต่ก็ยังหน้ามุ่ยอยู่


            “ต่อไปนี้ถ้าข้าได้ยินเอ็งเรียกผู้กองไม่ดีอีก ข้าจะตีเอ็ง จำไว้”


  แม่น้อยไม่เข้าใจว่าทำไมบุตรชายของนางถึงเรียกผู้กองไปแบบนั้น ปกติแล้วน้ำไม่ได้มีนิสัยอันธพาลหรือพูดจาไม่ดี ยิ่งกับแขกหรือคนนอกด้วยแล้ว น้ำมีมารยาทมากกว่ายายฝนเสียด้วยซ้ำ เพราะเป็นพี่ชายและอยู่ในเมืองกรุงมาหลายปี ไม่รู้ว่าโกรธอะไรผู้กองคนนี้นักหนา ดูจากภายนอก ก็ไม่เห็นว่าผู้กองจะแกล้งหรือไม่ชอบไอ้น้ำเลย

“ฉันไม่โกรธหรอก” ผู้กองยกโทษให้ไอ้น้ำอย่างง่ายดายเพราะไม่ได้คิดโกรธแค้นอะไร การที่อีกฝ่ายถูกมารดาดุต่อหน้าคนนอกหรือแขกอย่างเขา ก็ถือว่าเสียหน้ามากพอแล้ว

“ผู้กองปีนี้อายุเท่าไหร่จ๊ะ ท่าทางยังเด็กอยู่เลย”

“ปีนี้ผมอายุยี่สิบแปดครับ”

“อืม ก็ไม่มากไม่น้อย ผู้กองคงทำงานเก่งไม่เบาถึงได้เลื่อนขั้นเร็วขนาดนี้” แม่น้อยพูดซื่อไปตามประสา ดูจ่าสมคิดกับจ่าสมหมายสิ อายุปูนนี้ทั้งสองยังเป็นแค่จ่าอยู่เลย

“เลื่อนขั้นตามปกติครับ ผมเรียนนักเรียนนายร้อยมาก่อน ยศตั้งแต่แรกคือว่าที่ร้อยตรี แล้วก็เลื่อนขั้นตามอายุงานครับ” ผู้กองหนุ่มอธิบาย เขาไม่อยากให้เข้าใจผิดว่าตนเองใช้เส้นสายใดๆ เพื่อให้ได้มาในลาภยศตำแหน่ง

“เก่งจริงนะพ่อ” แม่น้อยชื่นชมผู้กองคนนี้ยิ่งนัก เห็นแล้วรู้สึกถูกชะตายังไงก็บอกไม่ถูก

“พี่ปรานต์เก่งจริงๆ ค่ะ” น้ำฝนเอ่ยชมตามมารดา
         
         “ไม่หรอกก็เหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละครับ น้องฝน” ผู้กองอดกระดากไม่ได้เมื่อถูกชมตรงๆ
     
         “เอ้า เจ้าน้ำเงียบไปเลยหรือเอ็ง” มารดาถามบุตรชายที่เงียบไป นางจึงชวนไอ้น้ำคุยบ้างด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ดุไอ้น้ำต่อหน้าคนนอก
   
         “ก็ฉันกลัวพูดไม่ถูกหูแม่อีก” มันงอนจริงๆ อย่างที่แม่น้อยคิด


            “เอ็งลองคิดดูว่าสมควรแล้วหรือเปล่าที่ถูกข้าดุ” แม่น้อยพูดพลางตักไข่เจียวให้ไอ้น้ำเพื่อเอาใจบุตรชาย

            “สมควรจ้ะ”

            “คิดได้ก็ดี แล้วก็เลิกงอนเสียเถอะ เป็นผู้ชายขี้งอนมันดูไม่ค่อยเหมาะหรอก จริงมั้ยผู้กอง”  ผู้กองสะดุ้งในใจ ไฉนถึงโยนเรื่องนี้มาให้เขากันล่ะ

            “เอ่อ...ก็คงงั้นมั้งครับ” ผู้กองตอบด้วยความลำบากใจ เพราะคนรอบข้างเขาส่วนใหญ่ก็งอนเก่งเหลือเกิน เขาเลยชินกับการคอยตามง้อ



            หลังจากเก็บสำรับเรียบร้อยแล้ว แม่น้อยก็ชวนผู้กองคุยอีกสักพักก็ขอตัวเข้าไปนอน ก่อนจะลุกไปก็ย้ำนักย้ำหนาให้ผู้กองมาทานข้าวที่นี่บ่อยๆ โดยไม่ลืมให้ไอ้น้ำลงไปส่งผู้กองที่หน้าบ้านด้วย

            “ขอบใจมากที่เลี้ยงข้าว แม่น้อยของนายน่ารักและใจดีมาก” ผู้กองเอ่ยขอบคุณเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงรถยนต์

            “อือ ก็ใจดีกับทุกคนแหละ ยกเว้นลูกตัวเอง” ไอ้น้ำตอบหน้ายังมุ่ยอยู่บ้าง

            “ขอโทษที่ทำให้นายโดนดุ อย่าโกรธแม่น้อยเลย”

            “ไม่เป็นไร ผมไม่โกรธทั้งคุณและแม่หรอก ก็จริงอย่างที่แม่พูดนั่นแหละ” ไอ้น้ำเป็นประเภท ถ้าไม่ผิดมันจะเถียงหรือหาวิธีและเหตุผลมาสู้จนกว่ามันจะชนะ แต่ถ้ามันรู้แก่ใจว่าผิดมันจะไม่ดื้อเถียงต่อ

            “ขอบใจนะ” ผู้กองพูดพลางยกมือขึ้นมายีศีรษะของคนอ่อนกว่าด้วยความลืมตัว เขามักจะทำแบบนี้กับวรันต์เวลาที่นึกเอ็นดู


แต่น้ำ ไม่ใช่วรันต์ เขารีบยกมือออกเมื่อนึกขึ้นได้


“ผู้กองทำอะไรเนี่ย ผมยุ่งหมด แล้วขอบใจเรื่องอะไรอีก อ่อ.. เรื่องคดีใช่ปะ ยังไม่ต้องขอบใจหรอก คอยดูผลงานผมก่อนก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นค่อยมาขอบใจก็ยังไม่สาย” ไอ้น้ำพูดพลางจัดทรงผมคืนให้เข้าที่

“อืม ถ้าได้เรื่องอะไรมาก็ส่งข้อความมาหาฉัน ว่าได้เรื่องมาแล้วก็พอ ไม่ต้องใส่รายละเอียด แล้วฉันจะมาหานายเอง”

“เอางั้นเหรอ อืม...ก็ได้ แล้วแต่ผู้กองเถอะ”

“ฉันไปล่ะ”


“อืม” ไอ้น้ำพูดจบก็เดินขึ้นบ้านโดยไม่สนใจว่ารถยนต์จะเคลื่อนตัวไปหรือยัง ผู้กองไม่ใช่หญิงสาวที่เขาต้องเอาใจเสียหน่อย


แต่อีกฝ่ายกลับมองหลังของไอ้น้ำจนหายเข้าไปในบ้าน แล้วจึงขับรถออกไป


ขอบใจนะที่ทำให้เขานึกถึงความสุขได้อีกครั้ง


หวยงวดใหม่ใกล้เข้ามาเต็มที ไอ้น้ำยังไม่รู้ว่าจะไปหาเลขจากที่ไหนดี สงสัยต้องกลับไปโรยแป้งที่ต้นไม้ในวัดแล้วล่ะมั้ง หมู่บ้านเราไม่มีอะไรแปลกๆ ให้ตีเลขเลยเหรอ หรือจะฝันแทนแล้วจะตีหวยได้มั้ยล่ะ ไอ้น้ำตีเลขจากฝันไม่เป็น ถ้าบอกแม่แล้วถอดความออกมา เลขนั้นจะถูกมั้ย


เรื่องของหวย แต่มันไม่ใช่เรื่องหวยๆ นะเว้ย มันยาก ศาสตร์นี้ล้ำลึกยิ่งนัก


ไอ้น้ำนั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปด้วยคิดเรื่องหวยไปด้วย ยังไม่มีอะไรสำเร็จสักอย่าง เขาเพิ่งได้รับโปรเจ็คใหม่มาหมาดๆ พี่บาสดีลงานมาให้ แต่ลูกค้าคนนี้ดูจะเรื่องเยอะไม่เบา บางทีเขาอาจจะต้องขึ้นไปกรุงเทพฯ บ้างเป็นครั้งคราวเพื่อคุยงานเกี่ยวกับโปรเจ็คนี้ สรุปนี่เขาคิดผิดคิดถูกวะ ที่รับมา


เอาเข้าไป ไอ้น้ำเอาทุกอย่างเข้ามาตีในหัวจนพันวุ่นไปกันใหญ่แล้ว

 “ไอ้น้ำ ไอ้น้ำโว้ย อยู่มั้ยวะ” เสียงเรียกจากหน้าบ้านดังขึ้นมาถึงบนบ้าน ไอ้น้ำที่กำลังทึ้งหัวตัวเองอยู่ ต้องหยุดชะงักมือลง และเตรียมจะลุกออกไปดู

“ใครวะ ใครมาถามหาลูกข้า” แม่น้อยเดินออกไปดูพลางตะโกนถามแข่งกับข้างล่าง

“ข้าเอง นางน้อย” นามแช่มร้องบอก

“อ้อ พี่แช่ม พี่สาย พี่เล็ก นี่เอง”

“เออ พวกข้าเอง”

“มาถามหาไอ้น้ำ มีธุระอะไรกับมันจ๊ะ หรือมันไปสร้างเรื่องอะไรให้พวกพี่” แม่น้อยมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที

“โอ๊ย เปล่า ไอ้น้ำลูกเอ็ง มันเป็นเด็กนิสัยดี คนในตลาดก็เอ็นดูมันทุกคน” นางสายรีบปฏิเสธพร้อมหยอดคำพูดเคลือบน้ำผึ้งให้กับนางน้อยอย่างรวดเร็ว

“งั้นหรือจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นที่พวกพี่มาวันนี้คือ...” เท่านั้นแม่น้อยก็โล่งใจที่ไอ้น้ำไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรไว้

“ก็...ใกล้ถึงวันหวยออกแล้ว” นางเล็กพูดเสียงเบา ทั้งสี่คนสบตากันแล้วก็เป็นอันว่ารู้กัน

“อ๋อ จริงด้วยจ้ะ .... ไอ้น้ำ ไอ้น้ำเว้ย ป้าๆ เขามาหาเอ็งแน่ะ” แม่น้อยตอบพี่ทั้งสามแล้วร้องบอกลูกชายให้ออกมาจากห้อง

“จ้ะๆ ฉันออกไปเดี๋ยวนี้แหละ” ไอ้น้ำตะโกนตอบกลับไป

บ้านนี้นี่มันยังไง คุยกันเบาๆ ไม่ได้เหรอ ต้องตะโกนเสียงดังคุยกันตลอด ไอ้น้ำไม่เข้าใจ

“สวัสดีจ้ะ ป้าแสง ป้าแช่ม ป้าเล็ก” น้ำยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่า จริงๆ เห็นหน้าค่าตาในตลาดกันแทบทุกวัน หากไม่ยกมือไหว้ ป้าๆ ก็คงไม่ได้ตะขิดตะขวงใจ แต่คนที่ไม่พอใจนี่ไม่พ้นมารดาเขาที่อยู่ข้างๆ แน่

“ไหว้พระเถอะเอ็ง”

“มีอะไรจ๊ะป้า” ไอ้น้ำถาม

“ข้าจะชวนเอ็งไปหาเลข”

“เมื่อไหร่อะป้า”  ไอ้น้ำตอบรับดวงตาสุกสกาว เขากำลังเบื่ออยู่พอดี

“คืนนี้”

“ที่ไหนบอกมาเลยจ้ะ ฉันพร้อมแล้ว”

“แม่ตะเคียน ที่ท่าน้ำหน้าวัด” ได้ยินคำตอบของป้าทั้งสาม ไอ้น้ำก็ไม่พร้อมเสียแล้ว เขากลัวแม่ตะเคียนไม่อยากไป ให้ตายสิ

“เอ่อ...ฉันว่า...ฉันขอผ่านดีกว่าจ้ะ” ไอ้น้ำอ้อมแอ้มตอบออกมา

“ได้ไงวะไอ้น้ำ ไหนบอกว่าเอ็งพร้อม” นางแช่มถามออกมา ไฉนไอ้น้ำถึงเปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้

“ฉันกลัวจ้ะ” สีหน้าของไอ้น้ำไม่สู้ดีนัก ให้ไปเผชิญหน้ากับแม่ตะเคียนอีกงานนี้มันคงจะจับไข้แน่นอน

“กลัวอะไรของเอ็งวะ”

“กลัวแม่ตะเคียนจ้ะ ยิ่งไปตอนค่ำฉันยิ่งกลัว” มันตอบพลางลูบแขน อุปาทานว่ารู้สึกเย็นเยือก

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวไปเร็วหน่อยก็ได้ ไม่ต้องถึงกับมืดค่ำหรอก แม่น้อยจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงลูกด้วยดีมั้ย” นางเล็กพยายามหาทางเลือก หาข้ออ้างต่างๆ มาพูด

“ถึงอย่างนั้นก็ยังกลัวอยู่ดีจ้ะ” ไม่กลัวได้ยังไง ขนาดกลางวันแสกๆ ในวัด แม่ตะเคียนยังมาคุยกับเขาได้ นับประสาอะไรกับถิ่นฐานของแม่ตะเคียนในช่วงเวลากลางคืน

“ฮ้าย ไม่ต้องกลัวหรอก คนไปเยอะแยะ ไม่ใช่มีแต่พวกข้านะ คนในตลาดไปกันทั่ว งวดก่อนนั้นที่พวกข้าถูก คนในตลาดถามว่าได้เลขจากที่ไหนมา ข้าก็บอกไปว่าเอ็งตีเลขจากเจ้าแม่ตะเคียนมา” นางสายบอกให้น้ำคลายกังวล

“แต่...”

“จะแต่อะไรอีกเล่า คนในหมู่บ้านฝากความหวังไว้ที่เอ็งเลยนะไอ้น้ำ เอ็งจะทำให้พวกข้าผิดหวังงั้นหรือ” นางแช่มบ่นพร้อมยกภาระอันหนักอึ้งให้ไอ้น้ำแบกไว้

“ถ้าฉันบอกผิดล่ะจ๊ะ”

“หวยพวกนี้ไม่ใช่ใครซื้อตามก็จะถูกได้ทุกคน ดวงใครดวงมัน เอ็งก็ไม่ใช่คนเจ้าคนทรงอะไร ที่จะดูเลขได้ ไปเถอะนะ” นางสายพูดปลอบใจคนบอกเลข

“ไปเถอะนะ ไอ้น้ำ” นางเล็กพูดตาม

“ไปเถอะนะ ไอ้น้ำ เห็นใจพวกข้าด้วย” นางแช่มเสริมเป็นกำลังสุดท้าย

“ไปเถอะ ข้าก็อยากรู้เลข เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวของโปรดของเอ็งรอไว้” นั่นไง คนสุดท้าย คำขอร้องของแม่น้อย แต่ทำไม ไอ้น้ำรู้สึกเหมือนเป็นคำสั่ง


เหอะ เอาของกินมาล่อลวงเขา แต่ก็นะ มันได้ผลอยู่เหมือนกัน


กลัวผีก็กลัว ของอร่อยก็อยากกิน โอ๊ย ไอ้น้ำเครียด


“ไปกันเยอะแน่นะป้า” น้ำถามย้ำ

“เยอะ เชื่อข้า” นางแช่มบอก

“ก็ได้จ้ะ”

“ห้าโมงครึ่งวันนี้ เอ็งจะไปเองหรือไปพร้อมกับพวกข้า” นางเล็กถาม

“เดี๋ยวฉันเดินไปเองจ้ะ” ไอ้น้ำบอกใจจริงก็อยากไปพร้อมป้าๆ แต่มันยังไม่มืดมาก เขาคิดว่าน่าจะพอทนไหวอยู่



โพล้เพล้เย็นนั้น ไอ้น้ำก็อาบน้ำปะแป้งเสียหล่อ ผมเผ้าที่เพิ่งสระถูกสะบัดให้แห้งพอเป็นพิธีแล้วก็เตรียมลงจากบ้านไป อาบน้ำเร็วแบบนี้ไม่ใช่อะไร



คืนนี้จะได้ไม่ต้องกลัวเวลากลับมาอาบน้ำยังไงล่ะ


“จะไปแล้วหรือ” แม่น้อยถามดังออกมาจากในครัว

“จ้ะ แม่” น้ำกล้ำกลืนฝืนตอบ ไม่ได้อยากไปเลย แม่เข้าใจไอ้น้ำบ้างมั้ย



‘แล้วฉันเลือกอะไรได้มั้ย เลือกให้ฉันไม่ไปได้หรือเปล่า’


“แม่ทำกับข้าวของโปรดเอ็งไว้หลายอย่าง กลับมาแล้วก็มากินข้าวด้วยนะลูก” แม่น้อยพูดเอาใจลูกชาย แต่มีหรือไอ้น้ำจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของมารดา

“จ้ะ ฉันจะกลับมากินให้เรียบเลย” สรุปว่าถอยหลังกลับไม่ทันแล้ว



น้ำเดินค่อนข้างช้า เหมือนว่าขาทั้งสองข้างถูกถ่วงด้วยอะไรสักอย่าง ไม่ได้อยากจะไปถึงท่าน้ำหน้าวัดเร็วเลย อยากจะถ่วงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด เรื่องแบบนี้ไม่เจอกับตัวไม่มีวันเข้าใจหรอก ไอ้น้ำคิดอย่างปลงๆ ก่อนจะเดินต่อไปเรื่อยๆ

“ไปไหนน่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลัง ทำให้ไอ้น้ำสะดุ้งสุดตัว โอ๊ย คนยิ่งกลัวผีอยู่

 “เฮ้ย ตกใจหมด ทำไมไม่ส่งเสียงมาก่อนล่ะวะ ถ้าตกใจจนหัวใจวาย ตายไปจะทำยังไง อ้าว ผู้กองเองเหรอ” น้ำด่ารัวเพื่อระงับอาการตกใจพอหันกลับไปดูจึงเห็นว่าเป็นผู้กอง

“ฉันเอง เป็นอะไร ขวัญอ่อนจริง”

“ช่างเถอะ ผู้กองมาทำอะไรแถวนี้ เลิกงานแล้วเหรอ” ไอ้น้ำถามพลางมองชุดที่ผู้กองสวมใส่ ไม่ใช่ชุดตำรวจแต่อย่างใด กลับเป็นเสื้อยืด กางเกงยีนส์ง่ายๆ

“เลิกแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เลยมาเดินดูคนในหมู่บ้านเสียหน่อย เผื่อมีใครต้องการความช่วยเหลือ”

“ช่วยเหลือคนหรือหาข่าวคนกันแน่” ไอ้น้ำย้อนถาม

“ก็เหมือนกันนั่นแหละ ถ้าเจอคนร้ายก็จะได้ช่วยเหลือคุณพัด” ผู้กองหนุ่มตอบอย่างไม่ยี่หระ

“อืม” ไอ้น้ำไม่เถียงต่อเพราะผู้กองพูดได้อย่างถูกต้อง ผู้กองหนุ่มคนนี้ดูใส่ใจงานจากใจจริง ขนาดเลิกงานก็ยังไม่ได้ทำตัวหยุดพักจากทำงาน

“แล้วนายล่ะ กำลังจะเดินไปไหน”

“ท่าน้ำหน้าวัด” ไอ้น้ำตอบแล้วก็ออกเดินต่อ คิดในใจว่าคงจะไปช้ากว่าที่พวกป้าๆ นัดแล้วล่ะ ไปถึงคงโดนบ่นเสียหูชา แต่ไม่เป็นไรหรอก

“มีอะไรถึงไปที่นั่น” ผู้กองพูดไปพร้อมกับเดินข้างไอ้น้ำไปด้วย เขาตัวสูงกว่าน้ำเลยก้าวขาให้สั้นลง ไม่อย่างนั้นคงเดินนำหน้าอีกฝ่ายไปไกล

“ไปขูดเลข ขอหวย”

“หืม? ขอหวย” ปรานต์สงสัย มีเรื่องพวกนี้ด้วยจริงๆ สินะ เคยแค่ได้ยินแต่ชื่อ แต่ไม่เคยเห็นกับตา

“อือ หวยที่คุณตั้งใจจะจับผมเข้าคุกนั่นแหละ” ไอ้น้ำตอบประชดผู้กองกลับไป

“ขูดเลข ขอหวย เป็นยังไง ขอไปดูด้วยได้มั้ย” ผู้กองถามเพราะไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้ห้ามคนนอกหรือเปล่า

“วันนี้คนน่าจะเยอะ ถ้าผู้กองจะไม่ไปจับพวกเขา ก็ไปเถอะ”

“ไม่จับหรอก ไม่ได้ทำผิดกฎหมายสักหน่อย แล้วจะขูดเลขยังไงล่ะ” ผู้กองหนุ่มถาม เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจึงนึกภาพไม่ค่อยออกนัก

“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง” น้ำขี้เกียจอธิบาย ตั้งใจให้ผู้กองไปเห็นเองกับตาคงจะเหมาะที่สุด

“นี่ ผู้กอง” ระหว่างทางเมื่อเดินใกล้ถึงที่หมาย น้ำก็ถามผู้กองเสียงเบา

“ครับ?” คำพูดสุภาพ น้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้ไอ้น้ำชะงักเล็กน้อย ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่หมู่บ้านก็มีแต่คนเสียงดังตะโกนคุยกัน จนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เขาต้องใช้คำพูดพวกนี้เวลาคุยงานหรือพบเจอคนอื่น

“ผู้กองกลัวผีปะ” ถึงคำพูดสั้นๆ ของผู้กองจะทำให้น้ำนึกถึงชีวิตในกรุงเทพฯ แต่เขาก็ไม่ลืมเป้าหมายที่จะถามแต่ทีแรก

“ไม่รู้สิ ไม่เคยเจอ”

“ไม่ได้กวนใช่ปะ?” ไอ้น้ำหรี่ตามองอีกฝ่าย

“ไม่ได้กวน ไม่เคยเจอจริงๆ เลยไม่รู้ว่าต้องกลัวมั้ย” ผู้กองบอก ไม่ได้ตั้งใจกวนอารมณ์คนถามเลย

“เหรอ” ไอ้น้ำคิดหลายตลบเพื่อหาตัวช่วย ใครจะรู้ตัวออกใหญ่โต ถ้าเจอผีอาจจะกรีดร้องอย่างกับผู้หญิงก็เป็นได้


เฮ้อ จะฝากความหวังได้มั้ย เพราะสามป้านั่น ไอ้น้ำมั่นใจว่าถ้าเจอผีต้องเป็นอันวิ่งป่าราบแน่นอน

“ถามทำไม”

“ถามเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก” ใครจะกล้าบอกล่ะว่า มีผี ขืนอีกฝ่ายทิ้งเขาไว้กลางทาง เขาก็ซวยน่ะสิ สองหัวยังไงก็ดีกว่าหัวเดียว

“ถึงแล้ว” ไอ้น้ำบอกอย่างไม่จำเป็น มองจากสถานการณ์ตรงหน้า ผู้กองก็คงเข้าใจ ไทยมุงเยอะขนาดนั้น

“พวกเรา...ไอ้น้ำมาแล้วเว้ย” นางแช่มหันมาเห็นไอ้น้ำก่อนเป็นคนแรกจึงตะโกนบอกทุกคนที่เหลือ



เห็นมั้ยล่ะ คุยกันตะโกนกันทุกที




=======================

มาเร็ว เคลมเร็ว โชว์เร็วหน่อยนะคะ วีคนี้งานเยอะ ก่อนจะหยุดยาวค่ะ

เอ็นดู ดูเอ็น ไอ้น้ำแค่ไหน คอมเมนท์ใส่มาได้เลยค่ะ

Have a Great Day naka !!


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018



เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-04-2018 11:49:55
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-04-2018 13:36:13
มีตำรวจมาช่วยดูด้วย คงได้เลขเต็ดแน่น้องน้ำ อิอิอิ
 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 10-04-2018 15:31:55
อ่านจับไข้ เป็นจับไข่ โอ๊ยยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-04-2018 15:37:37
ได้เลขอะไรบอกกันหน่อยเด้อ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-04-2018 15:56:10
 :hao7:




 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-04-2018 21:56:30
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: pranliew ที่ 11-04-2018 16:37:38
น้องน้ำ จะพาพี่ผู้กองเจอผีเหรอเนี่ยยยย แม่นางตะเคียนคงชอบ 5555 ผู้กองหล่อๆ อิอิ ขอให้ได้เลขเด็ดๆมานะจ้ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 11-04-2018 19:17:29
สนุกมาก ๆ เลยค่าา รอติดตามตอนต่อไปน้า 
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 11-04-2018 19:51:29
ผู้กองไปขูดหวยเร็วว ให้น้ำสอนๆ5555
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-04-2018 20:04:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 12-04-2018 01:43:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 12-04-2018 04:42:00
รอเลขเด็ดเอ๊ยรอน้องน้ำกะผู้กองคร่าาาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 12-04-2018 12:33:31
พาตำรวจไปขูดหวย คิดได้ไงเนี่ย
เดาว่าเจ้าแม่อาจเป็นสาววาย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดเก้า โชว์ให้พี่เขาเห็นหน่อย P2 10/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 13-04-2018 14:02:17

งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ




            “ไอ้น้ำ ข้าคิดว่าเอ็งจะไม่มาเสียแล้ว” นางแช่มบ่นเบาๆ ไอ้น้ำที่เตรียมแคะหูรอถึงกับ     โล่งอก อ้อ...แค่นี้เองเหรอ

            “ขอโทษจ้ะ ฉันมาช้าไปหน่อย” ไอ้น้ำกล่าวขอโทษทุกคน

            “ไม่เป็นไร มาช้ายังดีกว่าไม่ว่า อ้าว แล้วนี่เอ็งพาผู้กองมาด้วยหรือ” นางเล็กทักขึ้นบ้าง

            “พอดีฉันเจอผู้กองระหว่างทาง ผู้กองอยากรู้เลยขอตามมาด้วย”

            “สวัสดีครับ” ผู้กองปรานต์เอ่ยทักทายทุกคน

            “ตามสบายนะผู้กอง คนกันเองทั้งนั้น เรื่องหวยๆ น่ะ” นางสายพูดจบก็เริ่มภารกิจโรยแป้งขาว


            กลุ่มชาวคอหวยถูไม้ตะเคียนกันอย่างเมามันและตั้งใจ ทุกงวดคือความหวัง

            “เขาทำกันแบบนี้เหรอ” ผู้กองก้มลงไปถามน้ำที่ยืนอยู่หลังสุด ไม่ได้แทรกตัวเข้าไปข้างใน

            “ส่วนใหญ่ก็แบบนี้แหละ เอาแป้งโรย มือถูๆ ลูบๆ ดู ตาดีก็เห็น ตาไม่ดีก็ไม่เห็น แค่นั้น” น้ำอธิบาย

            “แล้วปกติเห็นมั้ย” ผู้กองยังสงสัย

            “ก็เห็นนะ แต่ก็เห็นเลขไม่เหมือนกันหรอก แปลกดี” น้ำตอบกลับ

            “เลขขึ้นแล้วๆ” เสียงนางแช่มร้องตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจ

            “เลขอะไรวะ ไหนให้ข้าดูสิ” นางเล็กเพื่อนคู่ใจถามพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เลขเลือนรางคู่นั้น

            “ศูนย์กับแปดเหรอวะ” นางสายพูดขึ้นมาด้วยความไม่แน่ใจ

            “คนอื่นว่าไงกัน” คนที่มุงอยู่ด้านหลังก็เริ่มทยอยเข้าไปดู เสียงบริเวณนี้จึงดังอื้ออึงเซ็งแซ่เพราะทุกคนต่างพากันแย่งพูด

            “พอ หยุดพูด เห็นไม่ตรงกันสักคน” นางแช่มตะโกนให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

            “ก็แล้วจะเอายังไงล่ะ” ผู้ชายคนหนึ่งถามนามแช่ม

            “ไอ้น้ำ เอ็งมาดูสิ” นางแช่มโบกมือเรียกน้ำให้เข้าไป น้ำเข้าไปได้โดยง่ายเพราะทุกคนพร้อมแหวกทางเดินออกเป็นวงกว้างราวกับนี่คือพรมแดงอย่างไรอย่างนั้น

            “ฉันไม่ค่อยแน่ใจเลยจ้ะป้า”

            “ทำไมพูดอย่างนั้นวะ ไม่แน่ใจได้ยังไง เอ็งดูดีๆ ไม่ต้องรีบ พวกข้ารอได้” นางเล็กไม่สบายใจ เห็นเลขไม่ตรงกันแล้วไอ้น้ำยังไม่แน่ใจอีก

            “ไม่ใช่ว่าเอ็งรู้แล้ว แต่กลัวพวกข้าจะถูกเหมือนกันนะเว้ย” นางแช่มพูดอย่างไม่ไว้ใจ

            “ป้าก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนแบบนั้น กี่งวดต่อกี่งวด ถ้าฉันเห็น ฉันก็บอกทุกที”

            “นางแช่ม เอ็งก็ปากไม่ดี พูดว่าร้ายมัน เดี๋ยวมันงอนไม่บอกเลขพวกเราหรอก” นางสายที่ได้สติหันไปต่อว่านางแช่มเพื่อนรัก เดี๋ยวจะกลายเป็นปากพาจน อดกันหมดเสียหรอก

            “ขอฉันดูอีกครั้งนะป้า” น้ำพูดพลางก้มลงไปดูเลขอีกครั้ง


            “สองกับแปดจ้ะ ฉันให้สองกับแปด”เสียงเย็นๆ กระซิบดังข้างหู ไอ้น้ำสะดุ้งสุดตัวพร้อมขนแขนที่ลุกตั้งชันทันที

            “สะ...สองกับแปดจ้ะ ฉันกลับก่อนนะ” ถึงจะกลัวผีแค่ไหน แต่ก็กลัวพวกป้ารุมยำเขาด้วยเช่นกัน ไอ้น้ำบอกเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวออกจากบริเวณนั้น

            “จะกลับเลยหรือ” นางสายถาม

            “จ้ะ ฉันหิวข้าวแล้ว”

            “เออๆ ขอบใจเอ็งมากไอ้น้ำ” สามป้าบอกขอบคุณไอ้น้ำพร้อมกัน



            ไอ้น้ำเดินออกมาไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงคิกคักดังขึ้นจากด้านหลัง เขารับรู้ได้จากสัญชาตญาณเลยว่า มาอีกแล้ว แม่ตะเคียนมาอีกแล้ว ไอ้น้ำหันซ้ายหันขวา ไม่เจอใคร ป้าสามคนยังอยู่ตรงเรือที่ทำจากไม้ตะเคียนอยู่ที่เดิม จะให้เขาวิ่งกลับไปเหรอ ฟังดูไม่เข้าทา ถ้าวิ่งร้อยเมตรตรงกลับบ้านน่าจะเข้าทีกว่า


            “เดี๋ยว จะกลับทำไมไม่เรียกฉันด้วย” ผู้กองปรานต์คว้าแขนของน้ำไว้ ตอนมาก็มาด้วยกัน พอตอนกลับ ทำไมจึงคิดจะกลับไปคนเดียวกัน


            “ไม่รู้ว่าคุณจะกลับด้วย ก็ดี..กลับด้วยกันสิ ถ้าอย่างนั้นไปส่งผมที่บ้านด้วยได้มั้ยครับ” สาบานเถอะต้องมาขอร้องผู้ชายให้ไปส่งที่บ้าน คนอย่างไอ้น้ำมีแต่ไปส่งสาว แต่ช่างมันก่อน เรื่องผีไม่ใช่เรื่องตลก ไอ้น้ำอาศัยจังหวะนี้กอดแขนผู้กองปรานต์แน่น ผู้กองมองการกระทำนั้นด้วยความแปลกใจ ตอนขามาไม่ได้มีทีท่าอยากจะเดินใกล้ชิดเขาเลย เมื่อกี้ก็ดูจะอยากกลับคนเดียว แต่ตอนนี้กลับกอดแขนเขาเสียแน่น



            “ได้ เดี๋ยวฉันเดินไปส่งนายที่บ้าน” ปกติผู้กองมักจะได้ยินเสียงคนข้างๆ พูดจาไม่ค่อยอ่อนหวานหูสักเท่าไหร่นัก แต่ทำไมคราวนี้กลับขอร้องให้เขาไปส่งที่บ้าน ทั้งคำพูดและน้ำเสียงที่เหมือนกำลังออดอ้อนเขาอีกล่ะ



            “แฟนเหรอจ๊ะ ว้า...แย่เลย ฉันก็อกหักแล้วล่ะสิ  ไม่นึกว่าแฟนพ่อน้ำจะหล่อขนาดนี้ ทิ้งเขาไว้ที่นี่สักคืนสิจ๊ะ ฉันจะดูแลให้อย่างดีเลย” แม่ตะเคียนเอ่ยแซวพลางขอให้คุณตำรวจอยู่ที่นี่

            “ไม่!” น้ำตอบแม่ตะเคียนเสียงดัง

            “ไม่อะไรหรือ น้ำ” ผู้กองถาม ด้วยความประหลาดใจ จู่ๆ น้ำก็ตะโกนขึ้นมา ทั้งท่าทางคำพูดประกอบกัน ไม่แน่ใจว่าตอนนี้น้ำยังปกติดีอยู่หรือเปล่า ผู้กองเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว


            “ไม่ใช่แฟนหรือไม่ให้เขาอยู่กับฉันล่ะ พ่อ ฮ่าๆ”แม่ตะเคียนยังแซวไม่หยุด ไอ้น้ำอยากจะบอกว่าไม่ใช่ทั้งคู่นั่นแหละ แต่หูก็พลันได้ยินเสียงเด็กคนหนึ่งร้องดังขึ้นเสียก่อน


            “โอ๊ย ฉันเจ็บนะป้า” ไอ้น้ำหันกลับไปตามเสียง ลืมแม่ตะเคียนไปชั่วครู่

            “ไอ้ไก่ เอ็งมายืนทำอะไรตรงนี้ เกะกะพวกข้า เห็นมั้ยเกือบจะโดนข้าเหยียบ กลับบ้านไปได้แล้วไป” นางแช่มบ่นรูปร่างเทอะทะของป้าแช่มตอนที่ขยับดันเบียดร่างของเด็กอย่างไอ้ไก่เสียล้ม

            “ฮือ..ฮือ..” ไอ้ไก่ลุกขึ้นยืน ร้องไห้แล้วออกเดินกลับบ้าน จังหวะที่เดินมาถึงไอ้น้ำก็ถูกรั้งตัวเรียกเอาไว้

            “ไอ้ไก่”

            “ฮือ... จ๊ะ พี่น้ำ” ไก่ยังร้องไห้ไม่หยุด

            “ทำไมถึงมาที่นี่ได้ แล้วแม่เอ็งล่ะ”

            “แม่ป่วยจ้ะ ฉันได้ยินว่าเขามีขูดเลขขอหวยที่นี่ ฉันเลยมาดูเผื่อว่าจะได้เลขไปซื้อ จะได้ถูกหวยกับเขาบ้าง”

            “อายุแค่นี้ หัดเล่นหัวแล้วหรือวะ ถ้าเอ็งถูกหวยแล้วเอาเงินไปทำอะไร ติดการพนันหรือ” ไอ้น้ำมองไอ้ไก่อย่างคาดโทษ หวยไม่ใช่เรื่องที่ดี เขาย่อมรู้ดี เด็กอย่างไอ้ไก่ไม่ควรจะเข้าวังวนนี้เร็วนัก

            “เปล่าจ้ะ ฉันจะเอาเงินไปให้แม่ เผื่อแม่จะยอมไปหาหมอเสียที”

            “แล้วแม่เอ็ง ทำไมไม่ไปหาหมอ นี่ไอ้ไก่...หยุดร้องไห้ได้แล้ว” ไอ้น้ำละมือที่กอดแขนผู้กองไว้ มาเช็ดน้ำตาให้ไอ้ไก่ ผู้กองมองภาพเหล่านั้นด้วยสายตาอ่อนโยนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร


  เด็กคนนี้ใจดี
         

           “แม่บอกจะเก็บเงินไว้ให้ฉันไปโรงเรียนจ้ะ พี่น้ำ”

            “แป๊ปนึงนะ” ไอ้น้ำล้วงกระเป๋ากางเกงพบว่าตัวเองมีเงินติดกระเป๋ามาแค่หนึ่งร้อยบาทเท่านั้น จึงหันไปทางผู้กอง

            “ผู้กอง พกเงินมาด้วยมั้ย”

            “อืม ทำไม”

            “ผมขอยืมสักห้าร้อยก่อนได้มั้ย เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะคืนให้” ไอ้น้ำถาม

            “ได้สิ” ผู้กองหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วหยิบเงินให้ตามที่อีกฝ่ายขอ

            “ขอบคุณครับ” ผู้กองยิ้ม พลางคิดพูดเพราะๆ ก็เป็นเหมือนกันนะเด็กนี่

            “ไม่เป็นไร”

            “เอาเงินนี่ไป แล้วพาแม่ไปหาหมอ จ้างลุงข้างบ้านให้เอารถไปส่งแม่ รู้มั้ย”

            “จ้ะ รู้จ้ะ”

            “ส่วนนี่ร้อยหนึ่ง” ไอ้น้ำพูดแล้วเงียบลง ไอ้ไก่และผู้กองมองที่น้ำเพราะรอฟังว่าน้ำจะพูดอะไรต่อ



            “แม่ตะเคียนจ๊ะ ฉันขอสามตัวตรงได้มั้ย ฉันไม่ซื้อเองหรอกแต่จะให้ไอ้ไก่เอาไปซื้อหวย จะได้มีเงินเอาไปกินเอาไปใช้ ระหว่างที่แม่มันป่วย”ไอ้น้ำอธิษฐานบอกแม่ตะเคียน



            “นอกจากรูปหล่อแล้วยังใจบุญ พ่อขอขนาดนี้มีหรือฉันจะไม่ให้ ห้าสองแปดนะจ๊ะ จำให้แม่น”


            “ขอบใจแม่ตะเคียนมากจ้ะ”


            น้ำบอกขอบใจแม่ตะเคียนในใจแล้วย่อตัวลงกระซิบบอกที่หูของไอ้ไก่


            “จำได้มั้ย” น้ำถามไอ้ไก่ตอนที่ลุกขึ้นยืนแล้ว

            “จำได้จ้ะพี่น้ำ”


            “รู้ใช่มั้ย ต้องไปที่ไหน” น้ำถามอีก

            “จ้ะ”

            “หนึ่งร้อยเนี่ย เอาไปที่นั่น เข้าใจนะ”

            “ขอบคุณพี่น้ำมากจ้ะ ฉันไม่รู้จะตอบแทนยังไง ถ้างั้นฉันขอให้พี่สองคนรักกันนานๆ นะจ๊ะ” ไอ้ไก่บอกแล้วรีบวิ่งกลับบ้าน

            “ไม่เป็นไร” ไอ้น้ำพูดไล่หลังไอ้ไก่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ

            “กลับเลยนะ?” ผู้กองที่ยืนรออยู่หันมาถาม

            “อือ กลับ”



            “พ่อน้ำ หวยที่ฉันให้ พ่อน้ำก็ต้องซื้อด้วยนะ แล้วฉันขอชุดไทยสวยๆ สักชุดสองชุด ได้มั้ยจ๊ะ”เสียงแม่ตะเคียนดังขึ้นอีก เมื่อสักครู่นี้เขาไม่กลัวเพราะอยากช่วยไอ้ไก่ แต่ตอนนี้เขากลัวขึ้นมาอีกแล้ว มือไอ้น้ำคว้าหมับเข้าที่แขนของผู้กองอีกครั้ง


            “ได้จ้ะ ฉันจะซื้อมาให้”ไอ้น้ำตอบในใจ

            ผู้กองปรานต์ชักเริ่มสงสัยแล้วสิว่า คนข้างๆ นี่เป็นอะไร เดี๋ยวก็พูดเพราะ เดี๋ยวก็มาเกาะแขนเขา คิดอะไรเกินเลยกับเขาหรือเปล่าหรือจริงแล้วเป็นคนแปลกๆ แบบนี้เอง ผู้กองนึกอยากรู้จึงแกล้งดึงแขนที่ถูกน้ำเกาะแน่นไว้ให้หลุดออก ไอ้น้ำยื่นมือตามแขนข้างนั้นไป แต่แขนของผู้กองก็หลุดรอดไปได้ น้ำนึกเสียดายไม่มีหลักให้ยึดเกาะเพราะแม่ตะเคียนยังวนเวียนอยู่แถวนี้

            จังหวะที่ไอ้น้ำมัวแต่พะวงกลัวแม่ตะเคียนอยู่นั่นเอง ผู้กองก็ยกมือคว้าไหล่ของน้ำเข้ามาแนบกับอกตัวเอง น้ำไม่รู้ว่าจะจัดการมือไม้ที่เงอะงะของตัวเองยังไง หูก็ได้ยินเสียงแม่ตะเคียนขึ้นข้างตัวอีกครั้ง


“ขอบใจจ้ะ พ่อน้ำจะบอกแม่น้อยซื้อหวยด้วยก็ได้นะ ฉันใจดี”ได้ยินประโยคยาวแบบนั้น เขาเลยตกใจกอดเอวผู้กองเสียแน่น


ผู้กองปรานต์มองคนที่เอาหัวมาแนบกับไหล่เขาแล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจ น้ำมีท่าทางชอบกลจริงๆ ดูจากบรรยากาศโดยรอบแล้วเขาก็ไม่ควรถามให้มากความ บางเรื่องไม่รู้จะดีกว่า อีกทั้งกลิ่นสบู่ของอีกฝ่ายนั้นมันกระทบเข้าจมูกเขาอย่างจัง มันไม่เหมือนกับกลิ่นน้ำหอมที่ใครหลายคนพากันประโคมจนฉุน ผู้กองปรานต์อดไม่ได้ก้มหน้าลงไปเล็กน้อย หมายจะพิสูจน์กลิ่นนั้นว่ามันมาจากคนข้างๆ จริงหรือเปล่า



และมันก็ใช่..


“ไม่คุยแล้ว พอเถอะ” น้ำพึมพำพูดออกมา

“ไม่คุยๆ ปะ กลับบ้านกัน” ผู้กองไม่ได้คุยอะไรกับน้ำเลยสักคำ แต่ก็ยอมเออออตามอีกฝ่ายไป

“อือ” สติของน้ำแทบจะไม่เหลือแล้ว เขาอาจจะต้องป่วยไข้แล้วจากโลกนี้ไปตั้งแต่อายุยี่สิบห้าก็เป็นได้ ทำบุญให้เขาเยอะๆ นะ แม่ตะเคียนยังได้บุญ เขาก็คงได้เหมือนกันแหละ



            เดินล่องลอยไร้สติมาสักพักผู้กองก็หยุดเท้าลง ไอ้น้ำเหลือบมองบันไดตรงหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าถึงบ้านของตัวเองแล้ว


            “ขอบคุณผู้กองที่มาส่ง” ไอ้น้ำพอเห็นหน้าบ้านก็เหมือนได้สติกลับคืนมา นึกขึ้นได้ก็รีบผละออกมาจากอ้อมแขนนั้นราวกับถูกของร้อน ด้วยความผลุนผลันทำให้เขาหน้าคะมำโชคดีที่จับบันไดยันตัวเองไว้ได้

            “เสียงดังเอะอะ อะไรจากข้างล่าง” เสียงแม่น้อยดังอยู่บนบ้าน

            “ฉันเองจ้ะแม่” ไอ้น้ำเลยตะโกนตอบมารดากลับไป

            “ไอ้น้ำเองเรอะ แล้วทำอะไรอยู่ข้างล่างนานสองนานไม่ขึ้นมา” แม่น้อยถามพลางเดินออกมาที่หน้าประตูจึงเห็นว่าบุตรชายของนางไม่ได้มาคนเดียว

            “อ้าว ผู้กอง สวัสดีจ้ะ ไปไงมาไงล่ะพ่อ” แม่น้อยใช้เสียงสองถามตำรวจหนุ่ม


            “พูดกับชายอื่นล่ะเสียงหวาน ทีกับลูกชายล่ะเสียงเข้ม” ไอ้น้ำอดไม่ได้ที่เย้าแหย่แม่น้อย

            “เรื่องของข้า”

            “ผู้กอง อย่าเพิ่งไปนะ เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาเงินบนบ้านมาให้” ไอ้น้ำพูดเพราะนึกขึ้นได้ว่ายืมเงินของผู้กองไปให้ไอ้จ้อย

            “ไม่เป็นไร”

            “ไม่ได้ ยืมก็คือยืม รับปากไว้แล้ว” ไอ้น้ำบอกอีกฝ่ายแล้วรีบขึ้นบ้านไปอย่างรวดเร็ว อากัปกริยาที่ดูแน่วแน่แบบนั้น พลันให้ผู้กองนึกถึงวรันต์ อดีตคนรัก รายนี้ก็ชอบหยิบยืมเงินเขาอยู่เป็นประจำ แต่ไม่เคยคืนเขาอย่างที่พูด ตัวเขาเองก็ไม่เคยทวงหรือคิดอะไรเพราะเขาเต็มใจให้


            “แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังจ๊ะ” แม่น้อยชวนผู้กองคุยระหว่างที่รอบุตรชายไปหยิบเงิน

            “ยังครับ แม่น้อย เดี๋ยวค่อยกลับไปกินที่บ้านพัก” ผู้กองตอบ

            “อะไรกัน ได้ยังไง จะไปกินที่บ้านพักมีอะไรให้กินกันล่ะ กินที่นี่แหละผู้กอง กว่าจะเดินถึง
บ้าน ท้องจะหิวจนเกินไป”

            “ไม่เป็นไรครับแม่น้อย”

            “ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก  ฉันกับข้าวทำไว้เยอะแยะ ทำเอาใจไอ้น้ำมัน” แม่น้อยเอ่ยชวนอย่างอารมณ์ดี

            “กินที่นี่เถอะผู้กอง อะ นี่ห้าร้อยที่ยืมมา หายกันแล้วนะ” ไอ้น้ำกลับออกมาทันได้ยินแม่น้อยชวนผู้กองกินข้าวพอดี เขาชวนอีกฝ่ายอีกครั้งเพราะเห็นแก่ที่อุตส่าห์เดินมาส่งเขาที่บ้าน เป็นเพื่อนระหว่างทางพอให้เขากลัวน้อยลงจากแม่ตะเคียน


            “ถ้าอย่างนั้น ก็ได้ครับ” ผู้กองตกปากรับคำแล้วรีบขึ้นบันไดเข้าบ้าน


            แม่น้อยเดินไปที่ครัว ผู้กองอาสาจะช่วยแต่ก็ถูกปฏิเสธเสียก่อน จังหวะนั้นก็ได้ยินไอ้น้ำบอกแม่ว่า ไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวน้ำจะจัดการเอง แต่แม่น้อยก็ไม่ยอม อุ่นอาหารให้บุตรชายและตัวผู้กอง อ้างว่าอาหารมันเย็นแล้ว กินเย็นๆ มันไม่อร่อยเท่าอาหารร้อนๆ หรอก

            “แล้วเอ็งไปยืมเงินผู้กองได้ยังไง หืม เที่ยวยืมเงินคนอื่นไปทั่ว” แม่น้อยบ่นบุตรชายและด้วยความที่บ้านค่อนข้างเงียบ ผู้กองจึงได้ยินเสียงแม่ลูกคุยกันอย่างชัดเจน

            “เจ๊สาวป่วย แม่รู้หรือเปล่า ไอ้ไก่มันไปแถวท่าน้ำหน้าวัดที่เขาขูดเลขกัน กะจะเอาไปซื้อหวย ฉันก็เลยยืมเงินผู้กองให้ไอ้ไก่ไป” เจ๊สาวที่ไอ้น้ำว่าคือคนงานในสวนของแม่น้อย

            “รู้สิวะ คนงานข้าทั้งคน เอ้อ ข้าก็ลืมไป นางสาวมันลาไปตั้งแต่เมื่อวาน นี่มันป่วยหนักเลยเหรอวะ” แม่น้อยพูดพลางยกมือทาบอกด้วยความตกใจ

            “ไม่รู้ว่าเป็นหนักหรือเปล่า แต่ไม่ยอมไปหาหมอจ้ะ กลัวไม่มีเงินให้ไอ้ไก่ไปเรียนหนังสือ”

            “อะไรอย่างนั้น พรุ่งนี้ เดี๋ยวข้าหารถคนแถวนี้ไปพานางสาวไปโรงพยาบาล เจ็บป่วยไม่ดูแลตัวเองได้ยังไง ถ้าเป็นอะไรหนักหนาจริงๆ แล้วใครจะดูแลไอ้ไก่กัน” แม่น้อยบ่นพลางตักอาหารขึ้นจากกระทะ

            “แล้วแม่ไม่ต้องหักค่าแรงเจ๊สาวนะ ฉันให้เองห้าร้อยนั่นน่ะ” ไอ้น้ำบอกก่อนเพราะกลัวแม่จะหักเงิน

            “เออ ไม่หักหรอก ต่อให้เอ็งไม่ให้ ข้าก็ไม่ใจดำอยู่ดี คนเห็นหน้ากันทุกวัน ช่วยได้ก็ช่วย    เอ้านี่ ยกออกไป ป่านนี้ผู้กองหิวแย่แล้ว” แม่น้อยส่งจานมาให้ ไอ้น้ำที่ตักข้าวรออยู่ก่อนแล้วจึงรอ  ยกออกไปพร้อมกัน

            “กับข้าวง่ายๆ นะผู้กอง” แม่น้อยบอกผู้กอง

            “ขอบคุณครับ ผมทานได้”

            “ถ้าอย่างนั้นก็ตามสบายนะพ่อ ทานกันไปเถอะ ฉันขอตัวเข้านอนก่อนล่ะ เหนื่อยมาทั้งวัน”

            “ขอบคุณครับ”

            “ไหว้พระเถอะจ้ะ” แม่น้อยรับไหว้ก่อนจะเดินหายเข้าห้องนอนของตนเอง ทิ้งไอ้น้ำให้กินข้าวกับผู้กองตามลำพัง

            “ไหนดูสิ ของโปรดของนายคืออะไรบ้าง” ผู้กองกวาดตามองกับข้าวสามสี่อย่างตรงหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองน้ำ

            “อะไร กินไม่ได้เหรอ ผมกินล่ะนะ” น้ำถามไปอย่างนั้น เริ่มลงมือตักกับข้าวมาใส่ในจานของตนเอง เลิกสนใจ      ผู้กองอย่างแท้จริง

            “กินได้แต่ไม่คิดว่าจะเป็นอาหารเด็ก”

            “อาหารเด็กก็ไม่ต้องกินก็ได้นะ ผู้กอง” ไอ้น้ำว่าพลางจะยกจานกับข้าวหนี แต่ก็ถูกกองดึงมือเอาไว้ก่อน

            “ล้อเล่น แค่นี้ก็ทำโกรธไปได้”

            “แล้วไป รีบกินสิเดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน กินให้หมดนะ ถ้าเหลือเดี๋ยวแม่เสียใจ” ไอ้น้ำพยักเพยิดให้ผู้กองเริ่มลงมือกินข้าวเสียที

            “อืม”

            “นี่ผู้กอง เรื่องคดี...” ไอ้น้ำตั้งท่าจะถามเรื่องคุณพัดที่เจ้าตัวรับผิดชอบหน้าที่สืบข่าว

            “อย่าเพิ่งพูดที่นี่ มีอะไรให้ทำตามอย่างที่เคยบอก” ผู้กองหมายถึงให้น้ำส่งข้อความไปให้ตนเอง

            “ไม่ได้จะพูดอะไร แค่บอกว่าถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมจะช่วยได้อีก ก็บอกละกัน”

            “ขอบใจนายมาก” ผู้กองสังเกตได้ว่าน้ำเป็นคนจิตใจดี แค่ฟังสองแม่ลูกคุยกันในครัวก็ทำให้เขาสัมผัสได้แล้วว่า ที่น้ำเป็นแบบนี้ก็เพราะมารดาของเขาสอนมาอย่างดี ถึงจะไม่ได้พูดจาด้วยถ้อยคำหวานหูกัน แต่ด้านจิตใจนั้นกลับตรงกันข้าม เขาถึงว่าคนเรามองกันที่ภายนอกไม่ได้

            “ไม่เป็นไร ผมเต็มใจ”



            มื้อนี้ผู้กองอาสาช่วยน้ำล้างจาน ทีแรกน้ำก็ปฏิเสธเหมือนกับแม่น้อยที่ไม่ให้เขาช่วยเหลือ แต่น้ำนั้นใจอ่อนง่ายกว่าแม่ของตนเองมากนัก พอพูดย้ำๆ มากเข้า น้ำก็ให้เขาเข้ามาช่วยล้างจานในครัวจนได้

            “ล้างเบาๆ นะผู้กอง ถ้าจานแตกไปผมถูกแม่ด่าอีก”

            “รู้แล้ว ไม่ทำแตกหรอก” น้ำล้างมือแล้วเดินหายเข้าไปข้างใน ผู้กองไม่ได้ถามอะไรจนกระทั่งอีกฝ่ายกลับมา

            “เอาไฟฉายนี่ติดตัวไปด้วย” น้ำวางไฟฉายไว้ข้างๆ ผู้กอง

            “เอามาทำไม”

            “กลางคืนทางเดินมันเปลี่ยว อันตราย” น้ำบอกวัตถุประสงค์

            “โทรศัพท์ก็มีแฟลช” ผู้กองบอกด้วยความเกรงใจ

            “เอาไปเถอะ ไฟฉายมันส่องได้ไกลกว่า เหลือดีกว่าขาด”

            “ขอบใจนะ วันหลังจะเอามาคืน”

            “อืม”


            ผู้กองรับไฟฉายนั้นไว้ พลางก็คิดในใจ วรันต์เคยห่วงเขาแบบนี้บ้างหรือเปล่า




=======================

็HAPPY Songkran's Day ค่ะ !!
ขอให้มีความสุขกับวันนี้แล้วก็ดูแลตัวเอง
รักษาเนื้อรักษาตัวให้ปลอดภัยด้วยค่ะ

เมาไม่ขับนะคะ

ด้วยรักและห่วงใยจากเขมค่ะ



Talk :::


ตอนนี้จะว่าไปก็เหมือนไม่น่าเชื่อแต่ก็เชื่อค่ะ เรื่องหวยที่แม่ตะเคียนให้
เขมแต่งตอนนี้ก่อนวันหวยออกหนึ่งวันและหวยออกเลขที่เขียนในเรื่องนี้ไปจริงๆ ค่ะ
เสียดายมากกกกกกก ไม่ซื้อเป็นเลขประจำเลยล่ะค่ะ

ห้ามแจ้งตำรวจมาจับเขมนะคะ พลีสสสสสสสส  :mew6:





ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan



หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-04-2018 14:06:43
 :L2: :pig4:

เปรียบเทียบตลอดเลยนะ คิดไรหรอ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-04-2018 14:17:58
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-04-2018 14:46:57
จะขายบ้านขายรถซื้อเลยเนี่ย528 เลขแม่ตะเคียนทอง 5555
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 13-04-2018 14:53:54
จะขายบ้านขายรถซื้อเลยเนี่ย528 เลขแม่ตะเคียนทอง 5555

82 เพิ่งออกไปนะคะ >< งืดดดด สองงวดก่อนไม่แน่ใจค่ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 13-04-2018 15:24:34
ตอนหน้าขอก่อนหวยออกนะ555
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 13-04-2018 16:09:17
528 งวดนี้หรือเปล่าค๊ะ เรื่องสนุกดีนะค๊ีะ ชอบ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-04-2018 16:21:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 13-04-2018 16:55:00
ผู้กองทำไมชอบเปรียบเทียบแฟนเก่าตัวเองกับน้ำหรอคะ คิดอะไรกับน้ำป่ะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-04-2018 18:12:28
น้ำน่ารักนะ อ่านแรกๆ รู้สึกว่าติ้งต๊อง แต่จริงๆแล้วจิตใจดี มิน่าละแม่ตะเคียนถึงได้มาจีบ
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-04-2018 23:24:28
 :katai2-1:
 
528
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 14-04-2018 03:13:20
หรือว่าเรื่องนี้จะใบ้หวยได้จริงๆ อิฉันต้องซื้อตามแล้ว!!
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 14-04-2018 10:18:11
น้ำน่ารัก บ้านนี้จิตใจดีกันทั้งบ้านเลย
ผู้กองเริ่มรูสึกดีกันน้องน้ำแล้ว
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 14-04-2018 14:29:21

สนุกมว๊ากกกก    :m1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบ เห็นอย่างนี้ก็ใจดีนะ P2 13/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 17-04-2018 19:56:52


งวดสิบเอ็ด อยากรู้แต่ไม่อยากถาม

 

            หวยออกไปไม่กี่วัน ไอ้น้ำก็ไปทำบุญที่วัดอีกครั้ง คราวนี้แม่น้อยปวดท้องตั้งแต่เช้ามืดเลยให้ไอ้น้ำ บุตรชายมาวัดตามลำพังเพราะไม่อยากให้ของที่เตรียมถวายพระตั้งแต่เมื่อคืนนั้นต้องเสียความตั้งใจ และเมื่อถึงวัดไอ้น้ำก็รีบปฏิบัติตัวและทำตามขั้นตอนอย่างเวลาที่มาวัดทุกครั้ง





            ไอ้น้ำมองซ้ายมองขวาหาใครสักคนในศาลาวัด เขากำลังจะหาตัวช่วย และเขาก็เจอเป้าหมายนั่งถัดจากข้างหลังเขาไปสักสามแถวนั่นเอง



            “ผู้กอง..เดี๋ยวก่อน” น้ำเห็นผู้กองเดินเข้ามาใกล้แล้วจึงเรียกอีกฝ่ายออกไป ในขณะที่ไอ้น้ำ คนเรียกรีบเทน้ำลงบริเวณใต้ต้นไม้ภายในวัด



            “ครับ?” ไอ้น้ำไม่ค่อยชินเวลาที่ผู้กองพูดจาสุภาพแบบนี้สักเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไมใจมันสั่นแปลกๆ บอกไม่ถูก



            “เรื่อง...” น้ำยังพูดไม่จบก็ถูกผู้กองพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน



            “อืม ฉันกำลังจะมาถามนายเรื่องนี้อยู่พอดี ไม่เห็นส่งข้อความมาสักที แล้วสะดวกที่ไหน” ผู้กองหนุ่มพูดต่อ คราแรกน้ำยังจับต้นชนปลายไม่ถูก และเขาก็คิดได้เองว่าคงเป็นเรื่องคดีคุณพัดเป็นแน่ แต่เรื่องที่เขาจะพูดมันไม่ใช่เรื่องนี้สักหน่อย เป็นเรื่องของแม่ตะเคียนต่างหากล่ะ



            “ไปส่งที่บ้านหน่อย จะไปเอาของแล้วเดินไปท่าน้ำศาลาหน้าวัดด้วยกัน ตกลงปะ” น้ำเนียนหาคนไปเป็นเพื่อนเอาชุดไทยไปให้แม่ตะเคียน



            “ได้” ผู้กองคิดว่าน้ำคงหาสถานที่คุยจึงตอบตกลงโดยไม่รู้ว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือ



            “แม่เด็กเป็นยังไงบ้าง” ออกเดินจากวัดไปที่บ้านน้ำด้วยกันสักครู่ ผู้กองก็ถามขึ้น



            “แม่เด็ก?” น้ำไม่เข้าใจ ผู้กองหมายถึงใคร



            “ก็แม่เด็กที่นายเคยยืมเงินฉันให้เด็กไป จำได้มั้ย” ปรานต์ทวนความจำคนข้างๆ



            “อ๋อ.. สบายดี ตอนนี้กลับไปทำงานแล้วล่ะ” แม่ของไอ้จ้อยไม่ได้ป่วยเป็นอะไรมาก พอได้กินยา นอนหลับพักผ่อน ทานอาหารที่มีประโยชน์ ร่างกายก็ฟื้นฟู แต่น้ำขี้เกียจขยายความให้คนที่ถามฟังเพิ่ม



            “อย่างนั้นก็ดี”



            “รอตรงนี้แป๊ปนะ เดี๋ยวผมไปหยิบของก่อน” ไอ้น้ำบอกผู้กองหนุ่ม แล้วก็ผลุบหายขึ้นไปบนบ้าน ก็ได้ยินเสียงคนที่เพิ่งหายไปคุยกับแม่



            “แม่เป็นยังไงบ้าง หายปวดท้องหรือยังจ๊ะ กินข้าวกินยาหรือยัง” น้ำถามมารดาด้วยความเป็นห่วง แม่ของเขาไม่ค่อยป่วยบ่อยเท่าไหร่นัก ผู้กองที่ยืนรออยู่ด้านล่างได้ยินเสียงคนข้างบนคุยกับมารดาก็คลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว







            จะว่ายังไงดีล่ะ เขาชอบเวลาครอบครัวนี้คุยกัน คำพูดไม่ได้อ่อนหวานแต่มันกลับเต็มไปด้วยความห่วงใยคนในครอบครัวอย่างล้นเหลือ ไม่ใช่ว่าบ้านของเขาจะไม่รักกัน แต่ละคนงานยุ่งเหลือเกินจึงต้องฝากคนในบ้านเป็นหูเป็นตาแทนให้





            “ดีขึ้นแล้ว ข้าเพิ่งกินข้าวไปเมื่อตะกี้เอง” น้ำเสียงของแม่น้อยติดจะแหบเล็กน้อย เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่สบาย ผู้กองไม่แน่ใจว่าถ้าขึ้นไปหาแม่ของน้ำในเวลานี้จะเหมาะหรือเปล่า เพราะแม่น้อยอาจจะไม่พร้อมรับแขกก็ได้ อย่างนั้นเขาควรรอถามน้ำก่อนน่าจะดีกว่า



            “ทำไมจู่ๆ ถึงปวดท้องได้ กินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า แม่ไปหาหมอมั้ย เดี๋ยวฉันพาไป”



            “ปวดท้องของผู้หญิงเขา เอ็งไม่ต้องสนใจหรอก” แม่น้อยอธิบายเพิ่ม น้ำเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว



            “งั้นวันนี้ไม่ต้องเข้าไปที่สวนล่ะ ถ้าฉันกลับมาแล้วแม่ไม่อยู่บ้าน ฉันจะตามไปตีแม่ถึงสวนเลย” ไอ้น้ำขู่





            “ไอ้ลูกคนนี้ ข้าเป็นแม่เอ็งนะโว้ย จะกล้ามาตีข้าได้ยังไง”



            “ไม่รู้ล่ะ แม่บอกเองถ้าดื้อก็ต้องถูกตี” น้ำย้อนคำพูดของมารดาเวลาที่เขากับน้ำฝนนั้นดื้อหรือแสดงฤทธิ์เดชต่อมารดา



            “ไม่เหมือนกันนี่หว่า”



            “ครอบครัวเดียวกัน กฎเดียวกันทั้งบ้านจ้ะ แม่นอนพักล่ะ ถ้าไม่ไหวโทรบอกฉันทันทีเลยนะ เดี๋ยวฉันกลับมา แป๊ปเดียว”



            “แล้วเอ็งจะไปไหน”



            “นี่ไง แม่ตะเคียนขอไว้” น้ำชูชุดไทยที่ใส่อยู่ในไม้แขวนเสื้ออย่างดี ชุดไทยที่เขาไปซื้อมาหลังวันหวยออกได้สองสามวัน ทว่าผู้กองที่ได้ยินบทสนทนานั้น ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยว่า น้ำพูดถึงอะไร



            “อืม ขอเลขมาด้วยล่ะ”



            “ยังจะห่วงหวยอีก นอนได้แล้ว ฉันไปนะ”



            “เออ”



            “โทษทีที่ให้รอนาน พอดีแม่ฉันไม่ค่อยสบาย เป็นห่วงเลยถามไถ่ก่อนออกมา” น้ำรีบกระวีกระวาดลงบันไดลงมาพร้อมยกมือขึ้นสูงเพื่อไม่ให้ชุดไทยต้องมาด้วย และผู้กองก็เข้าใจแล้วว่า คำว่า ‘นี่ไง’ของน้ำ หมายถึงอะไร



            “ไม่เป็นไร ฉันควรขึ้นไปไหว้แม่น้อยมั้ย” ผู้กองถาม



            “อย่าเพิ่งเลย ถ้าผู้กองขึ้นไป แม่ก็ต้องลุกมาต้อนรับด้วยความเกรงใจอีก ให้แกนอนสบายๆ เถอะ”



            “อืม แล้วนี่อะไร” ผู้กองชี้ไปยังชุดไทยที่ไอ้น้ำถือมา



            “ชุดไทย ไม่รู้จักเหรอ” น้ำย้อนถาม



            “รู้จัก แต่เอาไปทำไม” ผู้กองอยากจะกลอกตาให้คำตอบที่กลายเป็นคำถามของอีกฝ่ายนั้นเหลือเกิน



            “เอาไปให้แม่ตะเคียน ตรงเรือไม้ที่ไปขูดหวยเมื่อวันก่อนอะ”



            “อ่อ... เอาไปให้ทำไม”



            “อยากให้ โอเคมั้ย” น้ำอยากพูดว่าเลิกถามได้มั้ย มันเรื่องของเขา แต่ก็ดูจะเสียมารยาทเกินไป เขาเลยออกเดินนำอีกฝ่ายออกมาจากบ้านทันทีเพื่อตัดบท



            “โอเค” ปรานต์ดูเข้าใจว่าน้ำไม่อยากพูด เขาจึงเดินตามไปเดินขนาบข้าง



            “ฉันถือให้มั้ย” ผู้กองถามเพราะเห็นท่าทางของน้ำที่ต้องชูแขนขึ้นไป เพื่อไม่ให้ชุดไทยต้องเลอะพื้นดิน เขาเองก็ตัวสูงกว่าน้ำพอประมาณ น่าจะถือได้สบายกว่า



            “ไม่เป็นไร เกรงใจ” น้ำตอบพลางบ่นตัวเองในใจ ไม่น่าซื้อความยาวของชุดที่ยาวที่สุดเลย ใครจะไปรู้ว่าแม่ตะเคียนตัวสูงเท่าไหร่กันล่ะ จะซื้อตัวสั้นหน่อยก็กลัวไม่สวย แถมสไบก็จะสั้นไปด้วย



            “ฉันถือให้ดีกว่า ชุดจะได้ไม่เปื้อน” ผู้กองยืนยันคำเดิม





            “ขอบคุณครับ” น้ำเลิกเล่นตัว เลิกเกรงใจ ยื่นชุดไทยให้อีกฝ่ายเพราะเขาก็อยากให้แม่ตะเคียนได้ใส่ชุดสวยๆ ไม่เลอะเปรอะเปื้อนไปก่อน ซ้ำพอเห็นหน้าของผู้กองตอนที่เอ่ยปากจะช่วยนั้น ไอ้น้ำก็รู้ได้ว่าผู้กองยินดีช่วยจริงๆ ทั้งแววตาและน้ำเสียงไม่ได้ประชดประชันหรือรำคาญอะไรเขาเลย



            “เรื่องคดี” ผู้กองรับชุดไทยไปถือแล้วก็ถามถึงคดีคุณพัด ไอ้น้ำหันไปมองอีกฝ่ายก็เห็นว่าคนมีน้ำใจถือง่ายกว่าเขาจริงๆ แค่ยกแขนนิดหน่อย สไบก็สูงจากพื้นพอประมาณเลย ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อยที่พูดตัดบทด้วยความรำคาญตอนที่  ผู้กองถามที่เขาเอาชุดไทยไปให้แม่ตะเคียนทำไม





            “ผมเอาชุดไทยไปให้แม่ตะเคียนเพราะรับปากแม่ตะเคียนว่าจะเอาชุดไทยมาให้ ส่วนเรื่องคดีนั้นผมฟังๆ ถามๆ คนในตลาดมา เรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ ป้าสอนก็ใจดีกับคุณพัดอยู่นะ มีแต่พี่สินที่ชอบทุบตีคุณพัดด้วยความหึงหวง” ไอ้น้ำพูดโดยไม่มองหน้าผู้กอง เอาแต่มองทางข้างหน้า ผู้กองได้ยินก็ยิ้มนิดๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้านิ่ง สุดท้ายน้ำก็ยอมอธิบายเรื่องชุดไทย เด็กแสบนี่จะพูดเฉยๆ ก็กลัวเสียหน้าสินะ



            “อืม แล้วไงอีก” ผู้กองปรานต์ตอบเสียงขรึมกลบเกลื่อน ทำให้น้ำรู้สึกว่าเวลานี้อีกฝ่ายคงจริงจังกับเรื่องงาน น้ำเหลือบมองผู้กองเห็นใบหน้าด้านข้าง ดวงตาที่มองตรงไปด้านหน้า ไม่ได้มองมายังเขา กับริมฝีปากที่หุบสนิท





  คิดในใจว่า น่ากลัวเหมือนกันแฮะ

         



          “แฟนเก่าคุณพัดกลับมาวนเวียนอยู่แถวบ้านป้าสอน หลังจากที่คุณพัดโดนทุบตีจากพี่สินบ่อยๆ คนในตลาดพูดว่าคุณไม้ แฟนเก่าคุณพัดน่ะ คงกลับมาเพราะเป็นห่วงคุณพัดเพราะทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก”



            “หมายถึง เป็นเพื่อน กลายเป็นแฟน แล้วก็กลับมาเป็นเพื่อน ใช่มั้ย” ผู้กองทวนความเข้าใจพร้อมคิดตามไปด้วย



            “ใช่”



            “อย่างนั้นสองคนนี้คงยังติดต่อกันอยู่เสมอ”



            “ลุงขายขนมในตลาดบอกแบบนั้นนะ” ไอ้น้ำบอก เรื่องพวกนี้คือเรื่องที่เขาได้ยินมาทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องที่มาจากที่เขาคิด



            “อืม”



            “คุณได้เรียกคุณไม้มาสอบปากคำหรือยังล่ะ”



            “เรียกมาแล้ว พอให้ปากคำเสร็จหลังจากนั้นเขาก็หายไป”



            “อย่างนั้นเหรอ ผู้กองสงสัยคุณไม้หรือเปล่า” น้ำถามด้วยความอยากรู้



            “เวลานี้ใครก็น่าสงสัยทั้งนั้น มีเรื่องอีกอื่นมั้ย” ผู้กองตอบกำกวมอีกแล้ว ไอ้น้ำรู้สึกเซ็ง นึกว่าจะได้รู้อะไรเพิ่ม



            “ก็...หลังจากที่คุณพัดตาย วันต่อมาไอ้สัน หลานป้าสอน ก็ไปซื้อยาทาที่ร้านขายยา” น้ำเล่าต่อ



            “รู้ได้ยังไง” ผู้กองนิ่วหน้าพลางถาม



            “ผมได้ยินเภสัชกรถามไอ้สันที่มาซื้อขนมในตลาดว่า อาการดีขึ้นมั้ย แต่ไอ้สินไม่ตอบ ผมเห็นว่าแปลกๆ เลยถามเภสัชกร เขาเลยเล่าให้ฟัง”



            “รู้มั้ย ว่าซื้อยาอะไร”



            “ไม่รู้อะ ผมไม่ได้ถาม อยากรู้เพิ่มเหรอ ไว้จะไปถามให้”



            “ไม่เป็นไร นายทำงานเก่งมาก ไว้ฉันจะเรียกเภสัชกรคนนี้มาให้ปากคำ” ผู้กองปรานต์เอ่ยชมคนสืบข่าวคนนี้ ทำให้ไอ้น้ำ อดไม่ได้ที่จะยิ้มหน้าบานออกมา เหมือนตัวเองทำงานสำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี







ผู้กองเองก็ดีใจเช่นกัน เพราะเภสัชกรคนนี้เป็นตัวละครใหม่ในคดี อาจจะมีเบาะแสให้เขาสืบเพิ่มมากกว่านี้ ตอนนี้จ่าสมคิดและจ่าสมหมาย ต่างพากันผลัดไปเฝ้านายไม้ ทำให้ผู้กองทำงานไม่ค่อยถนัดนักเพราะขาดลูกมือไปหนึ่งคน แต่ว่าไม่ใช่จะไม่มีอะไรคืบหน้า





“ถึงแล้ว ขอชุดไทยคืนด้วย” น้ำบอกเมื่อถึงปลายเท้าหยุดอยู่ที่เรือของแม่ตะเคียน



“.....” ผู้กองหนุ่มยื่นให้อัตโนมัติ แต่สมองกำลังคิดอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องคดี ทำไมสินถึงไปซื้อยาที่ร้าน และยาที่ว่านั่นเป็นยาอะไร







ไอ้น้ำถือชุดไทยแล้วมองหาที่ที่พอจะแขวนชุดไทยแล้วก็แขวนให้





“ขอบใจจ้ะ พ่อน้ำ วันนี้ก็พาแฟนรูปหล่อมาหาฉันอีกแล้วเหรอ”เสียงเย็นๆ ของแม่ตะเคียนดังขึ้น ไอ้น้ำขนลุกซู่ทันที เพราะอากาศบริเวณนี้เย็นลงอย่างรวดเร็ว







“ทำไมอากาศถึงหนาว” แม้แต่ผู้กองที่กำลังคิดเรื่องคดีอยู่ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของบริเวณนี้



“จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาแบบนี้ ฉันกลัวนะ ทำไมฉันต้องได้ยินเสียงแม่ตะเคียนคนเดียวล่ะ” อารามตกใจ น้ำรีบจับมือของผู้กองแน่น มือของไอ้น้ำเย็นจนผู้กองรับรู้ได้ทันที เขาจึงบีบมือตอบอีกฝ่ายและก็ได้ยินเสียงคนที่เขากำลังจับมืออยู่พูดขึ้น





‘พูดคนเดียว งั้นเหรอ’ ผู้กองหนุ่มคิดในใจ





“พ่อน้ำเป็นคนจิตใจดีจ้ะ ฉันเลยสื่อจิตกับพ่อได้ง่าย”แม่ตะเคียนตอบ





“ฉันไม่ได้เป็นคนจิตใจดีหรอกแม่ตะเคียน แล้วรู้มั้ยงวดนี้สามตัวไม่เห็นถูกเลย” ไอ้น้ำกล่าวโทษแม่ตะเคียนด้วยเสียงไม่ดังนัก แต่เงียบขนาดนี้ คนยืนอยู่ใกล้ๆ ย่อมได้ยิน ผู้กองก็เช่นกัน





‘คุยกับใคร’ ผู้กองสงสัย







“ฉันขอโทษจ้ะ แต่สองตัวก็ถูกนี่จ๊ะ” แม่ตะเคียนขอลุแก่โทษด้วยความรู้สึกผิด





“ก็ใช่ งั้นเอางวดหน้ามาแก้ตัวเลย ถ้าถูกเดี๋ยวเอาชุดไทยมาให้อีก” น้ำบอกให้แม่ตะเคียนบอกเลขไถ่โทษมา







“ไม่ไหวล่ะพ่อ ฉันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ” แม่ตะเคียนบ่นออกมา





“อะไรกันล่ะ ให้หวยไม่ถูก ยังกล้าเหนื่อยอีกเหรอ” น้ำต่อว่าแม่ตะเคียน ในใจก็กลัวอยู่เหมือนกันถ้าแม่ตะเคียนโกรธขึ้นมาเขาจะทำยังไง







ผู้กองได้ยินแต่เสียงของน้ำ ไม่ได้ยินเสียงคู่สนทนา





“อย่าโกรธฉันเลยนะพ่อน้ำ”







“ฉันล้อเล่นจ้ะ รู้มั้ยว่างวดที่แล้วเพราะเลขของแม่ตะเคียน เด็กที่ชื่อไอ้จ้อยมันเลยถูกหวยมีเงินให้แม่มัน” น้ำบอกความดีความชอบของแม่ตะเคียนให้เจ้าตัวฟัง









มาถึงตรงนี้ ผู้กองคิดว่าเขากำลังเข้าใจอะไรได้ลางๆ แล้วล่ะ มือที่เย็นเฉียบและคำพูดของอีกฝ่ายนั้นบอกเขาได้ดี





“จริงเหรอจ๊ะ ดีแล้วล่ะ”





“วันนี้ทำบุญกรวดน้ำไปให้ ได้รับหรือเปล่า”



“ได้รับจ้ะ ขอบใจพ่อมากนะ ชุดไทยนี่ด้วย”



“ไม่เป็นไร ขอหวยแม่นๆ ก็พอ ฉันคงไม่ได้มาบ่อยหรอกเพราะแม่ตะเคียนกับฉันอยู่คนละโลกกัน” น้ำตอบด้วยเสียงหวาดๆ







            “นึกว่าไม่กลัวฉันแล้ว ดูพ่อหนุ่มข้างหลังยังไม่กลัวเลย เห็นมั้ยจ๊ะ”



            “เขาไม่ได้ยินเสียงแม่ตะเคียนเหมือนฉันนี่”



            “แต่ฉันคิดว่าเขารู้นะจ๊ะว่าพ่อน้ำกำลังคุยกับฉัน”



            “เออว่ะ ลืมเลย” กว่าจะรู้ตัวไอ้น้ำก็คุยกับแม่ตะเคียนไปไม่รู้กี่บท กี่คำแล้ว ถ้าผู้กองไม่คิดว่าเขาบ้า ก็ต้องรู้ว่ากำลังคุยอยู่กับใครอย่างที่แม่ตะเคียนพูดนั่นล่ะ







            ไอ้น้ำหันไปมองคนที่จับมือเขาไว้พร้อมกับยิ้มแหยๆ ให้อีกฝ่าย และเขาก็ได้พบสายตาของผู้กองที่มองนิ่งๆ มาที่เขาได้เป็นอย่างดี







            เขายังไม่ถูกจับส่งโรงพยาบาลจิตเวชใช่มั้ย





            “เอ่อ..คือ ผู้กอง..คือ” น้ำตะกุกตะกักเพราะกำลังหาจุดเริ่มต้นที่จะอธิบายเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้



            “นายคุยกับแม่ตะเคียน?”





            “ก็..ไม่เชิงคุย..แต่ก็คือคุย..” น้ำตอบวกวนไปมา





            “คุยหรือไม่คุย?” ผู้กองถามย้ำ



            “คุย..คุย”



            “ที่เลือกมาคุยเรื่องคดีระหว่างทางก็เพราะจะให้ฉันมาเป็นเพื่อน?” ผู้กองยังถามไล่ต้อนไอ้น้ำต่อ



            “แหะ...ใช่..” น้ำหัวเราะไม่เต็มเสียงพร้อมกับยอมรับโดยสดุดี



            “คราวหน้าถ้าจะมาที่นี่ก็บอกกันตามตรง อย่าโกหกอีก ฉันไม่ชอบ” ผู้กองดุไอ้น้ำเพื่อเป็นการเตือนว่าไม่ให้ทำอีก



            “ครับ ผมขอโทษ” น้ำตอบรับอย่างสงบเสงี่ยม พูดให้น้อย พูดให้เพราะ ทำท่าทางสำนึกผิดออกมาให้มากที่สุด เขากำลังงัดลูกไม้ทั้งหมดเวลาที่อ้อนแม่ให้หายโกรธมาใช้



            “ไม่เป็นไร” เดิมทีผู้กองปรานต์ก็ไม่ได้คิดจะบ่นอะไรน้ำมากมายอยู่แล้ว แต่พอเห็นคนสำนึกผิดดูเสียใจจริง เขาก็ยิ่งไม่อยากจะบ่นอะไรอีก ทำท่าทางว่าเสียใจขนาดนี้ ถ้าเขายังต่อว่าไม่หยุด เขาคงจะกลายเป็นฝ่ายที่ไม่ยอมจบมากกว่า



            “ผู้กองไปทำงานต่อเลยหรือเปล่า” น้ำเป็นฝ่ายชวนคุยเมื่อเห็นว่าคลื่นมรสุมที่ก่อตัวนั้นได้หายไปอย่างสงบแล้ว



            “ใช่ เดี๋ยวไปส่งนายที่บ้านแล้วก็จะกลับไปเปลี่ยนชุด” ผู้กองตอบแล้วเดินตรงไปทางบ้านไอ้น้ำ



            “นี่ผู้กอง มาอยู่ที่นี่ ไม่คิดถึงบ้าน คิดถึงแฟนเหรอ...” น้ำไม่รู้จะถามอะไร ก็เลยสอบถามความรู้สึกของคนที่มาอยู่ต่างถิ่น



            “อืม”



            “อืม นี่แปลว่าคิดถึงหรือเปล่า” น้ำถามย้ำอีกครั้งเพราะอีกฝ่ายตั้งใจไม่ตอบคำถาม



            “บ้านน่ะต้องคิดถึงอยู่แล้ว แต่แฟนน่ะไม่....เพราะไม่มีแฟน” ผู้กองตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ



            “อ้าว เหรอ ไม่น่าเชื่อ” น้ำพูดตรงอย่างที่ใจคิด ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีรูปร่าง หน้าตา พร้อมทั้งหน้าที่การงานดีอย่าง  ผู้กองจะไม่มีแฟน



            “เพิ่งเลิก” ผู้กองพูดออกมาอย่างกับรู้ความคิดของไอ้น้ำ คนที่ได้ยินถึงกับอึ้งไป



            “ขอโทษ พอดีผมไม่รู้” น้ำขอโทษอีกฝ่ายเพราะเขาถามทีเล่นทีจริงแต่กลายเป็นทำให้อีกคนต้องเสียความรู้สึก



            “ไม่เป็นไร” นับเป็นคำที่สองของวันที่ผู้กองให้อภัยคนที่ขอโทษเขา



            “ถ้าอย่างนั้น ถามต่อได้หรือเปล่า ว่าเลิกกันเพราะอะไรอะ” และผู้กองก็เข้าใจผิดคิดว่าคนข้างๆ จะสลดที่ถามเรื่องไม่ควรถาม แต่หน้าตามที่อยากรู้อยากเห็นนั้น ท่าทางคงไม่ได้สำนึกจริง



            “คอยสืบเรื่องคดีในตลาดก็พอแล้วมั้ง ไม่ต้องอยากรู้เรื่องส่วนตัวฉันหรอก” ผู้กองตอบพร้อมกับถอนหายใจใส่คนข้างๆ



            “อ่อ เผือกให้ถูกเรื่อง...แต่ว่าผู้กอง” น้ำพูดพลางเสียดาย อดรู้เลย แต่จิตวิญญาณอยากรู้มันไม่ยอมหยุดแค่นั้น เขาตั้งท่าจะถามต่อ แต่ก็เห็นผู้กองหยิบโทรศัพท์มือถือที่กำลังแผดเสียงขึ้นมาเสียก่อน



            “ไม่รับอะ” น้ำบอกอีกฝ่าย เพราะโทรศัพท์ในมือของคุณตำรวจยังส่งเสียงดังต่อเนื่องไม่หยุด ผู้กองก็เอาแต่มองโทรศัพท์แต่ไม่กดรับเสียที น้ำขัดใจ



            “....”



            “ผู้กอง รับสายเสียที โทรมาสองรอบแล้วนี่ ท่าทางจะเป็นธุระด่วนหรือเปล่า” น้ำก็อยากจะเฉยอยู่หรอก แต่เสียงโทรศัพท์มันดังไม่หยุด พอตัดไปแล้วรอบแรก เสียงก็ดังขึ้นมาอีก ปลายทางอาจจะมีเรื่องร้อนรนก็เป็นได้ ว่าก็ว่าเถอะ ไอ้น้ำเองก็อยากรู้เหมือนกัน



            “....” ผู้กองยังนิ่งไม่ตอบ



            “อ้าว ถ้าไม่รับก็ตัดสายไปสิ จะปล่อยให้ดังทำไม” เมื่อเสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาเป็นครั้งที่สาม คราวนี้ น้ำเริ่มทนไม่ไหว เขารำคาญขึ้นมาบ้างแล้ว





            “แฟนเก่าน่ะ” ผู้กองบอกสั้นๆ  ไอ้น้ำที่เลิกสนใจแล้วหันกลับมามองตาโต





            “พูดถึงแฟนเก่า แฟนเก่าก็โทรมาเลยแฮะ ไม่สะดวกใจจะรับเหรอ”



            “ไม่เชิง เคยโทรมาก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่งและก็รับไปแล้ว” ตอนนั้นผู้กองรับสายของวรันต์เพราะคิดว่าวรันต์อาจจะมีเรื่องเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ทว่าไม่ใช่ อีกฝ่ายโทรมาเพื่อขอให้กลับมาคบกันเหมือนเดิม



            “โทรมาขอคืนดีแน่เลย” น้ำเดาจากสถานการณ์



            “อืม...ใช่”









            ‘เดาถูกด้วยเว้ย’   ไอ้น้ำคิด









            “แล้วผู้กองอยากคืนดีปะ อยากล่ะสิ ถึงทำท่าลำบากใจแบบนี้ อยากคืนดีก็บอกเขาไปเลย คิดอะไรมากเรื่องแค่นี้เอง” ไอ้น้ำตอบประหนึ่งเป็นกูรูเชี่ยวชาญด้านความรัก



            “รับสายให้หน่อยสิ” ผู้กองปรานต์ยื่นโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นเป็นครั้งที่สี่ให้น้ำ



            “รับทำไม ไม่เอาอะ เรื่องคนสองคน ผมไม่ยุ่งหรอก ไม่อยากเป็นหมา” น้ำปฏิเสธ ไม่ยอม

ช่วย



            “ฉันยังช่วยนายมาหาแม่ตะเคียน นายก็ช่วยฉันคืนหน่อยไม่ได้เหรอไง” ผู้กองหนุ่มทวงบุญคุณจากอีกฝ่าย



            “ช่วยอะไร ช่วยยากๆ ไม่เอานะ” น้ำบ่น เขายอมช่วยก็ได้เห็นว่าผู้กองช่วยเขามาก่อน



            “รับสายรัน แล้วบอกเขาว่าฉันไม่ว่างรับสาย”







น้ำฟังอีกฝ่ายอย่างงุนงง ทำไมถึงใช้คำว่า ‘เขา’ แทนคำว่า ‘เธอ’  กันล่ะ







            ผู้กองปรานต์ตอบและกดรับสายส่งโทรศัพท์มือถือให้น้ำทันที









            งานเข้ากูแล้วมั้ยล่ะ ไอ้น้ำเอ๊ย ตายแน่ๆ





=======================

เขม : น้ำ
น้ำ : ว่าไงลูกพี่
เขม : ชุดไทยน่ะ ฝากแก้บน แม่ตะเคียนด้วยนะ
น้ำ : เจ๊ไปเองดิ ฉันฝากด้วย
เขม : เฮอะ มีผู้กองไปด้วยแล้ว ไม่ต้องมาเนียน
น้ำ : .....
เขม : อย่าทำเป็นเงียบ ไปจัดการเลย
น้ำ: โหด
เขม : ขอบน้ำใจเอ็งมาก (ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้)


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเอ็ด อยากรู้แต่ไม่อยากถาม P3 17/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-04-2018 20:10:38
เกือบจะซื้อตามแล้วนะเนี่ย มองแผงลอตเตอรี่บ่อยมาก 528 แต่ออก 526
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเอ็ด อยากรู้แต่ไม่อยากถาม P3 17/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-04-2018 20:32:52
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเอ็ด อยากรู้แต่ไม่อยากถาม P3 17/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 17-04-2018 21:40:33
เอ้าน้ำช่วยผู้กองเขาหน่อยยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเอ็ด อยากรู้แต่ไม่อยากถาม P3 17/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-04-2018 22:13:58
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเอ็ด อยากรู้แต่ไม่อยากถาม P3 17/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-04-2018 22:40:13
คราวนี้น้ำคงทำตาโต ที่รู้ว่าแฟนผู้กองเป็นผู้ชาย
 :hao3:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเอ็ด อยากรู้แต่ไม่อยากถาม P3 17/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-04-2018 22:46:08
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเอ็ด อยากรู้แต่ไม่อยากถาม P3 17/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 17-04-2018 23:14:13
หึ่มหึ่ม
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเอ็ด อยากรู้แต่ไม่อยากถาม P3 17/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 17-04-2018 23:50:07
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากกกกกกก

น้ำนี่ฮามากๆ ชอบเวลากวนกับผู้กอง ฮ่าๆ

ว่าแต่สงสัยตอนที่กินข้าว อาหารที่น้ำชอบ
แล้วผู้กองบอกว่าอาหารเด็ก  อยากรู้มีอะไรบ้างอ่ะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเอ็ด อยากรู้แต่ไม่อยากถาม P3 17/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 24-04-2018 10:33:03

งวดสิบสอง  อยากรู้นะเนี่ย


 
            “เฮ้ย...ฮะ...ฮัลโหล” ไอ้น้ำตกใจเกือบโวยวายแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไปแล้วมั้ยล่ะ
 


           “พี่ปรานต์ครับ ติดธุระเหรอ รันโทรหาตั้งหลายครั้งแต่พี่ไม่รับเลย เอ๊ะ ไม่ใช่พี่ปรานต์นี่ นั่นใคร” วรันต์ดีใจที่อีกฝ่ายรับ จึงเรียกชื่อคนรักเก่าด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่เมื่อสักครู่นี้ เสียงที่พูดกลับมา ไม่ใช่เสียงของพี่ปรานต์ของเขาเลย น้ำเสียงของวรันต์แปรเปลี่ยนทันที เขาตะคอกถามปลายสายเสียงดัง


            “แล้วใครว่าใช่” น้ำยียวนกลับไป คนไม่รู้จักกันสักหน่อย ทำไมถึงไม่พูดกันดีๆ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร ก็โวยวายตะคอกถามเขาเสียแล้ว


            “แกเป็นใคร มารับโทรศัพท์ของพี่ปรานต์ได้ยังไง แล้วเขาไปไหน เอาโทรศัพท์นี่ไปให้เขาคุยเดี๋ยวนี้!” วรันต์โวยปลายสาย รัวออกมาเป็นชุด ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ปกติแล้วปรานต์ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายของใช้ส่วนตัวถ้าเจ้าตัวไม่อนุญาต แม้กระทั่งเขาเอง ยังไม่มีโอกาสได้แตะโทรศัพท์อีกฝ่ายเลย



             จังหวะนั้นไอ้น้ำก็รีบดึงโทรศัพท์ออกจากหูทันที กลัวว่าหูจะหนวกไปเสียก่อน เขามองผู้กองอย่างคาดโทษ ให้เขามาคุยกับคนบ้าที่ไหนเนี่ย



            “ช่วยพูดดีๆ หน่อยได้มั้ย แล้วผมจะเป็นใครก็ช่างเถอะ คุณไม่ต้องสนใจหรอก รู้ว่าเขาให้ผมรับโทรศัพท์แทนก็พอ และเขาฝากให้ผมบอกคุณว่าตอนนี้เขาไม่สะดวกรับสาย เข้าใจนะครับ ผมวางสายนะ” น้ำพยายามพูดสุภาพกับอีกฝ่ายให้มากที่สุด การที่คนคนหนึ่งพูดไม่ดีกับเขา เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องพูดไม่ดีกลับไป

            “เดี๋ยว!! ฉันรู้ว่าเขาอยู่ข้างๆ แกใช่มั้ย เอาโทรศัพท์ไปให้เขา!” น้ำลดโทรศัพท์ลงแล้วถามผู้กอง

            “ถามเขาให้หน่อยว่ามีธุระอะไร” ผู้กองหนุ่มฝากถาม

            “ทำไมไม่คุยกันเองวะ” น้ำบ่นพึมพำ แต่ก็ยอมถามให้

            “เงิน...เรื่องเงิน” วรันต์ตอบห้วน

            ไอ้น้ำถอนหายใจก่อนจะกลายเป็นผู้ส่งสาร เป็นตัวกลางส่งข้อความให้ผู้กอง

            “ส่งโทรศัพท์มา เดี๋ยวฉันคุยเอง” ด้วยความเป็นห่วงคนโทรมา ผู้กองจึงตัดสินใจรับสาย

            “คุยกันแต่แรกก็จบ โยนไปโยนมาให้มากความ” ไอ้น้ำบ่นตามหลังผู้กองที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยเพื่อคุยกับสายปลายทาง

            “ว่าไงครับ” ผู้กองกรอกเสียงลงไป ไอ้น้ำได้ยินคำแรกถึงกับเบ้ปาก พูดเพราะเหลือเกินนะพ่อคุณ

            “ไม่ต้องคืนเงินพี่หรอก เรื่องคอนโดกับรถ พี่ตั้งใจซื้อให้รันตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว”




           ‘โอ้โห สายเปย์ตัวพ่อนี่หว่า’     น้ำได้ยินแล้วก็อุทานอยู่ในใจ




             น้ำบอกตัวเอง เขาไม่ได้แอบฟังคนคุยโทรศัพท์กันเสียหน่อย แต่อีกฝ่ายคุยเสียงดังจนเขาได้ยินเอง ช่วยไม่ได้



            “ไม่ต้องเกรงใจ รับไว้เถอะ”




            ‘อื้อหือ ใจป้ำ ป๋าสุดๆ’   น้ำยังคิดต่อ เรื่องนี้สนุกแฮะ



            “พี่ไม่เคยโกรธรันเลยครับ”




            ‘จะคืนดีกันมั้ยวะ’      น้ำคิดว่าถ้าดีกัน ตัวเขาคงจะกลายเป็นหมาตามปากแน่นอน




            “อย่ามาเลย ที่นี่ไม่มีที่เที่ยว พี่ไม่อยากให้รันเบื่อ”





            ‘โอย อยากรู้จริงๆ ว่าคุยอะไรกัน เผือกไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย ขัดใจโว้ย’



            “ไม่งอนนะครับ พี่ต้องกลับไปทำงานแล้ว แค่นี้นะครับ” ผู้กองพูดจบก็กดวางสาย หันกลับมาเจอคนอายุน้อยกว่าจ้องมองเขาตาแป๋ว ผู้กองมองแล้วคิดขึ้นมา นี่เจ้าเด็กคนนี้ได้ยินอะไรไปบ้างมากน้อยแค่ไหน แต่ทำหน้าทำตาอยากรู้อยากเห็นเพิ่มแบบนี้สงสัยจะได้ยินเรื่องทั้งหมดล่ะมั้ง ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้ว


           .
           .
           .
           .
           .

            “นี่ผู้กอง” หลังจากผ่านวิกฤติโทรศัพท์สายจากแฟนเก่ามาแล้ว น้ำก็ถามอีกฝ่ายขึ้น เมื่อเดินใกล้จะถึงบ้านของตัวเองแล้ว

            “ครับ?” ไอ้น้ำเริ่มจับทางของน้ำเสียงนี้ได้แล้ว คำพูดคำเดียวกัน แต่น้ำเสียงกลับต่างกัน ตอนที่ผู้กองคุยกับแฟนเก่าหรือกลับมาเป็นแฟนคนปัจจุบันนั้น น้ำเสียงติดจะอ่อนโยนกว่านี้มาก ผู้กองคงรักแฟนมากเหมือนกันนะ



            มันช่างคล้ายกันเหลือเกิน คล้ายตัวเขาเวลาที่พูดกับแฟนเหมือนกัน



            แฟน....เก่า....



            “แฟนผู้กองเป็นผู้ชายเหรอ” หลังจากหายตกใจและปะติดปะต่อได้แล้วว่าทำไม ผู้กองถึงใช้คำว่า ‘เขา’แทนคำว่า ‘เธอ’เขาก็เข้าใจ

            “ใช่ ตกใจมั้ย” ผู้กองถาม เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ใครได้ยินแล้วจะยอมรับมันได้ง่าย


            “ทีแรก งง ต่อมาตกใจ ตอนนี้หายละ” น้ำไล่ตอบความรู้สึกของตัวเองที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

            “ดีแล้ว”

            “ผู้กองโอเคนะ” น้ำอยากรู้เรื่องอื่นๆ ด้วย แต่มารยาทและสามัญสำนึกมันค้ำคออยู่ เขาจึงทำได้เพียงถามอีกฝ่ายแค่คำพูดนี้เท่านั้น

            “อืม ฉันไม่เป็นไร” ผู้กองเองก็ไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้เหมือนกัน ไม่เคยมีใครถามเขาว่าเป็นยังไง รู้สึกยังไง แม้กระทั่งวรันต์ คนรักเก่าของเขาเองก็ไม่เคยจะถามเขาสักคำว่า เขาโอเคหรือสบายดีหรือเปล่า เลยสักครั้งเดียว

            “มีอะไรก็บอกผมมาได้ตลอดนะ” น้ำบอกด้วยความเต็มใจ

            “เป็นห่วง?”

            “ใช่ ในฐานะเพื่อนมนุษย์”

            “เปล่าหรอก...ที่ถามแบบนั้นว่าเป็นห่วงฉันหรือเปล่า เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นห่วงหรืออยากรู้กันแน่”


            “อย่ารู้ทันได้มั้ยเล่า” น้ำโวยวายเรื่องที่เขาหว่านพืชหวังผลนั้นถูกจับได้ เขาเลยรีบขึ้นบันไดเข้าบ้านทันทีโดยไม่บอกอีกลาอีกฝ่ายเพราะมันน่าอายที่ถูกมองออก แล้วยิ่งน่าโมโหไปอีกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังไล่หลังตามมา




            ทางด้านของวรันต์หลังจากที่วางสายของคนรักเก่า เขาก็อยากจะทำลายข้าวของภายในห้องทิ้งให้หมด ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร พี่ปรานต์ถึงให้มันมารับโทรศัพท์ได้ เขาจะต้องไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาให้ได้ พี่ปรานต์จะไปจากเขาไม่ได้ เขาไม่ยอม และเขาไม่มีวันยกพี่ปรานต์ให้ใครเป็นอันขาด




            วรันต์ขอประกาศไว้ตรงนี้เลย!



            ชายหนุ่มอยากจะทึ้งหัวตัวเองออกมาให้หายโง่นัก เขาไม่น่าพลั้งปากท้าให้ปรานต์ต้องเลือกระหว่างเขากับงานเลย ปรานต์ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็ก จนบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้แล้ว ยังไงก็ต้องเลือกงานที่ตัวเองรักมากว่าคนรักแน่นอน



            ตอนนั้น วรันต์เองก็มีชายหนุ่มหน้าใหม่เข้ามา คนใหม่คนนั้นมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแล้วน่าจะมีเงินทองไม่น้อยกว่าปรานต์ ยิ่งพอปรานต์บอกเขาว่าจะถูกย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดที่เข้าขั้นเป็นชนบทหรือหมู่บ้านเล็กๆ นั้นก็ทำให้เขากลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายขอให้ตามไปอยู่ด้วย เขาทนอยู่ที่นั่นไม่ได้หรอก ยิ่งตอนที่ปรานต์เลือกงานมากกว่าเขาตอนนั้นลึกๆ แล้วเขารู้สึกดีใจเหลือเกิน




            ชีวิตของวรันต์มันต้องเจิดจรัส ไม่ใช่ไปลำบากที่บ้านนอกคอกนาอย่างนั้น



            เขาโมโหที่เดินหมากผิด เพราะไม่คิดว่าผู้ชายคนใหม่นั้นมันก็มาแต่ตัวเหมือนกับเขานั่นแหละ กว่าจะรู้เช่นเห็นชาติก็ผ่านไปร่วมเดือน ทิ้งเพชรงามในมืออย่างผู้กองปรานต์ไปแล้ว โชคยังดีที่เขาไหวตัวทันว่าแฟนใหม่ของเขานั้นเริ่มมีพฤติกรรมขอหยิบยืมเงิน จากหลักพันแล้วเริ่มเข้าหลักหมื่น ทีแรกก็คืนเงินเขา พอเงินเป็นหมื่นก็เริ่มบ่ายเบี่ยงอ้างนั่นอ้างนี่




            เขาแน่ใจแล้วว่ามันต้องไม่มีเงินแน่ๆ ทำไมเขาถึงแน่ใจน่ะเหรอ




            ก็....เพราะนี่มันเป็นมุกเดียวกันกับเขา เวลาที่เขาจะขอเงินจากปรานต์ยังไงล่ะ!



            วรันต์นึกย้อนกลับไป เขายังจำได้ดีว่าวันนั้นเขากำลังเดินอยู่ในซอยกำลังจะกลับบ้าน ระหว่างนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อรับสายจากเจ้าหนี้ที่ชอบโทรมา ทวงเงินอยู่เป็นประจำ เขาไม่ได้หนีหนี้ ถ้ามีก็ให้ ถ้าไม่มีก็ไม่ให้ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย จะทำอะไรเขาล่ะ เขาสะดวกแบบนี้ แต่จังหวะที่รับสายก็ถูกมอเตอร์ไซค์ฉกมือถือของเขาไปต่อหน้าต่อตา



            เขาไปถึงสถานีตำรวจก็แจ้งความกับร้อยเวรคนหนึ่ง แต่ด้วยความร้อนใจ วรันต์กลัวไม่ได้โทรศัพท์คืนเพราะรู้ตัวว่าไม่ได้มีเงินมากมายอะไรนัก บ้านของเขายากจนแค่อยู่รอดไปวันๆ เขาเองเรียนไม่จบและไม่อยากทำงานด้วย งานหนักเงินน้อย เขาไม่อยากทำ แล้วถ้าต้องหาเงินมาซื้อโทรศัพท์ใหม่คงจะต้องเดือดร้อนอย่างหนัก แต่ที่เขาห่วงมากที่สุดก็คือเบอร์โทรศัพท์ในเครื่องต่างหาก ถ้ามีลูกค้าโทรหาเขาแล้วไม่ติด เขาจะเอาเงินที่ไหนมาใช้กันล่ะ คิดแล้วก็อยากอาละวาดเพื่อระบายอารมณ์จริงๆ



            “แล้วคุณตำรวจจะจับตัวคนร้ายได้เมื่อไหร่” วรันต์ถามเสียงขุ่น ไร้หางเสียง ไม่มีความสุภาพใดๆ ตอนนี้เขาร้อนใจจะแย่แล้ว ความคุกรุ่นกำลังก่อตัวอยู่ภายใน

            “ทางเราจะรีบจับตัวคนร้ายมาให้ได้ครับ” ตำรวจตอบอย่างสุภาพ

            “ก็แล้วเมื่อไหร่ล่ะ” วรันต์เร่งอีก

            “ทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอนครับ”

            “ขั้นตอนอะไรล่ะ ผมอยากได้โทรศัพท์คืนเร็วๆ” วรันต์เริ่มเสียงดังจนคนรอบข้างมอง แต่เขาไม่อายหรอก เขาเรียนรู้มาว่า คนเรามักหน้าบางเพราะเกรงกลัวต่อสายตาคนอื่น แต่เขาไม่กลัวเพราะมันจะทำให้เขาได้สิ่งที่ต้องการเร็วขึ้น


            “มีเรื่องอะไรเหรอ หมวด” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของวรันต์ ทำให้ชายหนุ่มต้องเอี้ยวตัวหันไปมอง

            “คุณคนนี้ มาแจ้งความว่าถูกกระชากโทรศัพท์จากคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ครับ หมวดปรานต์” ร้อยเวรรายงานเพราะตอนนั้นร้อยเวรยศตำแหน่งเป็นร้อยตำรวจตรีแต่คนที่เขากำลังพูดด้วยนั้นยศสูงกว่าเขาหนึ่งขั้น



            วรันต์มองคนถามแล้วก็ถูกใจในรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณก็ดี แต่เสียดายที่เป็นแค่หมวดต๊อกต๋อย มาดแบบนี้น่าจะมียศใหญ่กว่านี้ คิดแล้วก็เสียดาย แต่ถ้าเขาจีบคนนี้ติดแล้วเอาไว้ควงโชว์เพื่อนๆ ก็น่าจะถูกอิจฉาไม่น้อย วรันต์ยิ้มให้ผู้หมวดพร้อมส่งยิ้มหวานไปให้



            เขาดูออกว่าผู้ชายคนตรงหน้าก็เป็นคนมีรสนิยมประเภทเดียวกันกับเขา



            วรันต์หาทางตีสนิทผู้หมวดคนนี้ โดยใช้เรื่องคดีเป็นข้ออ้าง จนในที่สุดปรานต์ที่ตอนนั้นยังเป็นแค่ผู้หมวดก็ใจอ่อน เขาไม่ค่อยรู้เรื่องของปรานต์มากนักเพราะอีกฝ่ายไม่ค่อยพูดถึงเรื่องตัวเองเท่าไหร่ วรันต์จึงรบเร้าขอให้ปรานต์พาเขาไปกราบคุณพ่อคุณแม่ของอีกฝ่ายสักครั้ง อย่างน้อยสถานภาพของตัวบ้านหรือสภาพแวดล้อมก็น่าจะบ่งบอกว่าเขาควรจะทำยังไงต่อกับความสัมพันธ์ของเขากับผู้หมวดปรานต์ และอย่างที่ใจคิด ปรานต์ไม่ได้ขัดใจ



            บ้านหลังใหญ่เด่นตระหง่าน กินพื้นที่ไม่รู้กี่ไร่ต่อกี่ไร่ กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา วรันต์คิดในใจว่าบุญหล่นทับเขาแล้ว ถ้าอยู่กับปรานต์ได้เขาไม่มีวันอดตาย นอกบ้านดูโอ่อ่ายิ่งใหญ่ พอเข้าไปในบ้านก็ยิ่งตะลึง ตื่นตากับเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ที่ล้วนเป็นของมีค่ามีราคา ยังไม่นับของเก่าที่วางตั้งโชว์ หรือรูปภาพที่แขวนไว้ มูลค่าคงตีเป็นตัวเลขไม่ได้

            “สวัสดีครับ ผมชื่อวรันต์” วรันต์ยกมือไหว้บิดามารดาของปรานต์ เขามีทำหน้าเลิ่กลั่กเล็กน้อยเพราะคนทั้งคู่ดูมีอายุค่อนข้างมากเลยทีเดียว ดูไม่น่าจะเป็นพ่อแม่ของปรานต์เลยด้วยซ้ำ

            “ไหว้พระเถอะจ้ะ น้องรัน แปลกใจหรือเปล่า พ่อกับแม่ดูเป็นปู่ย่าของตาปรานต์ใช่หรือเปล่าจ๊ะ” คุณหญิงรับไหว้พร้อมกับยิ้มแย้มดูเป็นมิตรกับแฟนของลูกชาย พลางเอ่ยถามราวกับเจอกับเรื่องพวกนี้เป็นปกติ

            “ปะ..เปล่าเลยครับ” วรันต์ปฏิเสธ  ใครจะกล้ายอมรับกันล่ะ


            “ปรานต์ เขาเป็นลูกหลงจ้ะ หลังจากที่แม่คลอดตาปรัชญ์มา พี่ชายของปรานต์เขาน่ะ แม่ก็พยายามที่จะมีลูกให้พ่อเขาอีกคน พยายามทุกทางจนหมดหวัง ไม่นึกว่าผ่านมาอีกสิบห้าปี ฟ้าจะส่งปรานต์มาเกิดจ้ะ”

            “เหรอครับ”

            “ทุกคนเลยรุมเอาใจใหญ่เลยล่ะ ยิ่งพ่อกับพี่ชายเขานะ ทั้งรักทั้งหลงเขาเลยล่ะ” คุณหญิงเล่าด้วยความเอ็นดู

            “มีแต่ผมเสียที่ไหนที่เห่อลูก คุณเองก็ใช่ย่อย ประคบประหงมตาปรานต์จนเกือบจะเสียคน ยิ่งพอรู้ว่าอยากเป็นตำรวจ ใครกันล่ะที่ร้องไห้จนเหนื่อย เพราะกลัวลูกจะเจ็บ” คุณปราบ เจ้าของบ้านทนอยู่เฉยไม่ไหว เลยพูดชี้แจงขึ้นมาบ้าง

            “พ่อกับแม่ อย่าเล่าเลยครับ รันเขางงไปหมดแล้ว” ปรานต์รู้สึกเขินที่พ่อกับแม่พูดเรื่องของเขาให้คนรักฟัง

            “ไม่เป็นไรครับ น่ารักดี คุณแม่เล่าเยอะๆ สิครับ พี่ปรานต์ เขาไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเองให้รันฟังเลย” วรันต์ตอบพลางประจบมารดาของอีกฝ่าย ในใจก็คิดว่าเขาช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ พ่อแม่ทั้งรุมรักตามใจ เขาคงจะหาเงินจากอีกฝ่ายได้ไม่ยาก




            บทสนทนาดำเนินต่อไปได้อย่างไหลลื่นเพราะวรันต์มีเป็นคนคุยเก่งอยู่แล้ว เขาชวนเจ้าบ้านและทุกคนคุยด้วยไม่มีอาการเก้อเขินแต่อย่างใด ปรานต์เห็นอย่างนั้นก็เบาใจที่วรันต์เข้ากับครอบครัวของเขาได้ นอกเสียจากสายตาของคนอาบน้ำร้อนมาก่อนทั้งสองคนจะมองออกว่า เรื่องที่วรันต์คุยมันมีแต่ทรัพย์สิน หุ้น บริษัทของบ้านนี้ต่างหากล่ะ



            แต่เอาเถอะ คุณหญิงถือคติว่า ลูกเรารักใคร เราก็ต้องรักด้วย


            “พี่ปรานต์ วันนี้ว่างหรือเปล่าครับ” วรันต์โทรหาคนรักในวันหนึ่งพร้อมใส่น้ำเสียงหวานลงไปเล็กน้อย

            “วันนี้พี่ว่างช่วงบ่ายครับ ตอนเช้าพี่จะพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลก่อนครับ”

            “คุณแม่เป็นอะไรหรือครับ” วรันต์ถามไปตามมารยาท แสร้งใส่ความร้อนรนลงไปด้วย ปรานต์ได้ยินก็ดีใจที่คนรักเป็นห่วงมารดาของเขา


            “คุณแม่สบายดี พี่พาคุณแม่ไปตรวจสุขภาพประจำปีเฉยๆ”


            “เหรอครับ โล่งอกไปที”

            “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวช่วงบ่าย พอส่งคุณแม่เสร็จแล้วให้พี่เข้าไปรับที่บ้านมั้ย” ปรานต์เสนอตัว
เหมือนเช่นเคย


“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวรันให้คนที่บ้านไปส่ง พี่ปรานต์อย่าลำบากเลย ไปเจอกันที่นี่นะครับ” วรันต์บอกสถานที่พร้อมกับเลือกปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง จะให้อีกฝ่ายมาเห็นบ้านซอมซ่อของเขาได้ยังไง ความก็แตกกันพอดี


            “ครับ”

            “รันจะดูคอนโดเหรอ” สถานที่นัดหมายของวรันต์คือโชว์รูมคอนโดแห่งหนึ่ง

            “ครับ ที่อยู่ที่เดิมมันแคบแล้วของรันก็เยอะ เข้าไปดูกันนะครับ”

            “เอาสิ พี่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพวกนี้ รันอาจจะเบื่อแต่ถ้ารันอยากดูก็เข้าไปดูกันก่อนก็ได้ครับ”

            “ครับ” วรันต์ตอบพลางกดจมูกลงแก้มอีกฝ่ายเพื่อเอาใจ แผนการแรกกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี

            “ชอบหรือเปล่า” เดินดูห้องตัวอย่างจนครบ ปรานต์ก็เอ่ยถามวรันต์

            “ชอบครับ แต่...”

            “หืม อะไรเหรอ”

            “รันอยากย้ายตอนนี้เลย แต่ติดว่าคุณแม่อยากให้รันขายห้องเก่าให้ได้ก่อน บ่นว่าไม่อยากให้รันเคยตัว ได้ของอะไรมาง่ายๆ รันเลยต้องรอขายห้องก่อนแล้วสมัยนี้ห้องก็ขายยากเหลือเกิน” วรันต์ตีหน้าเศร้า ห้อง เหิ้ง เขามีที่ไหนกันล่ะ มันก็เป็นแค่ข้ออ้างที่จะขอเท่านั้นแหละ

            “มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า”

            “คือ...รันอยากจะขอยืมเงินพี่ปรานต์ก่อน ระหว่างนี้รันจะผ่อนกับพี่เอง แล้วถ้าห้องขายได้เมื่อไหร่ รันจะโอนเงินให้พี่คืนหมดเลย ได้มั้ยครับ” วรันต์สบโอกาสเหมาะรีบบอกความต้องการพร้อมกับช้อนตามองปรานต์ ดวงตาและท่าทางแบบนี้มันใช้ได้ผลทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูจะเป็นเงินมูลค่าของที่สูงไปเสียหน่อย แต่วรันต์ก็มั่นใจว่า ปรานต์ไม่น่าจะติดใจเรื่องเงิน

            “อืม...เอาอย่างนั้นเหรอ”

            “นะครับ รันอยากได้จริงๆ” วรันต์ส่งลูกอ้อนไปอีกหนึ่งลูก

            “ตกลง ถ้าอย่างนั้นรอแป๊ปพี่ไปหยิบสมุดเช็คที่รถก่อน”

            “ขอบคุณครับ พี่ปรานต์ ใจดีที่สุดเลย วันนี้รันจะดูแลพี่ปรานต์อย่างดีเลยนะครับ” วรันต์กระโดดกอดพร้อมทั้งหอมแก้มอีกฝ่าย โดยไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่น โชคดีว่าทั้งคู่อยู่ในห้องตัวอย่างและพนักงานที่มาแนะนำก็เพิ่งเดินออกไปเมื่อสักครู่นี้

            “ไม่เป็นไร พี่เต็มใจ”




            ในที่สุดเช็คใบนั้นก็มาอยู่ในมือของวรันต์ คนรักของเขาใจดีพร้อมกับบวกเงินค่าตกแต่งมาให้ด้วย วรันต์มองตัวเลขเจ็ดหลักในกระดาษใบนั้นแล้วก็ยิ้มให้กับความโชคดีของตัวเอง  เห็นตัวเลขแล้วก็พลันเสียดาย ด้วยกลัวว่าปรานต์จะไม่มีเงินสดจ่ายคอนโด เขาเลยเลือกไกลเมืองออกมาสักหน่อยเพราะจะได้ราคาถูกลง แต่ที่ไหนได้อีกฝ่ายกลับมีสมุดเช็คพร้อมเซ็นอยู่ในรถ น่าจะเอาที่แพงกว่านี้อีกสักหน่อย ถ้าอย่างนั้น ของชิ้นใหม่ รถยนต์ต้องราคาสูงสักหน่อยล่ะ




            วรันต์หาวิธีที่จะเอาเงินจากปรานต์มาได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะทำเป็นขอยืม ทำเป็นเงินขาดมือกะทันหัน สารพัดจะเอาข้ออ้างต่างๆ นานามาใช้ ตั้งแต่คบกับอีกฝ่าย ทำให้เขาก็ไม่เคยต้องรับลูกค้าอีกเลย เพราะปรานต์จ่ายให้เขามากกว่าเสี่ยพวกนั้นเสียอีก เขาอยากได้อะไร ปรานต์ก็ซื้อให้โดยไม่เคยขัด แม้แต่เรื่องบนเตียง เห็นผู้หมวดนิ่งๆ แบบนั้น ลีลาแพรวพราวไม่เบา ถ้าจะมีข้อเสียก็คงเป็นอย่างเดียว



            ปรานต์น่าเบื่อเกินไป ผู้หมวดใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ค่อยแสดงฐานะของตัวเอง วันๆ ทำแต่งาน ทำให้คนชอบเข้าสังคมอย่างเขารู้สึกอึดอัดไม่น้อย ยิ่งเวลาไปเที่ยวกลางคืน ปรานต์จะมาทำหน้าที่แค่มารับเขากลับคอนโดเท่านั้น แต่ไม่เข้ามาร่วมวงด้วย มันทำให้เขาค่อนข้างเบื่อชีวิตที่ไร้รสชาติของคนรัก




            ชายหนุ่มเคยคิดที่จะตีตนออกห่างจากปรานต์หลังจากที่ได้ทั้งคอนโดและรถ เพราะความน่าเบื่อ แต่เขาก็ตัดใจเลิกอีกฝ่ายไม่ลงสักทีเพราะข้อดีของผู้หมวดปรานต์ก็ทำให้เขาลังเล



            เพราะผู้หมวดนั้นโง่



            โง่ที่ให้เขาหลอกง่ายเหลือเกิน



            ถ้าเขาหาข้าวสารถังใหม่ได้เมื่อไหร่ เขาคงจะสลัดผู้ชายคนนี้ไปอย่างไม่ใยดี วรันต์มั่นใจว่าเขาฉลาดดูคนออก แต่เขาก็พลาดที่คิดว่าถังใบใหญ่ใบใหม่นั้นคงมีข้าวสารเต็มถัง แต่พอเปิดดูกลับพบว่าถังนั้นว่างเปล่า ซ้ำถังใบเก่า เขาก็เทข้าวสารนั้นทิ้งไปจนหมดแล้ว



            ตอนนี้เขาจึงไม่เหลือข้าวสารสักถัง





            ไอ้น้ำพอขึ้นบันไดบ้านมาก็ข่มอาการเขินของตนเองไว้ได้แล้ว จึงเดินไปเคาะประตูห้องเพื่อเข้าไปหามารดา ตั้งใจจะถามไถ่อาการอีกครั้ง เคาะได้สองสามครั้งก็เงียบ เขาจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป พบแม่น้อยนอนหลับอยู่แต่เหงื่อซึมผุดเต็มหน้าผาก น้ำเห็นก็เอะใจ รีบจับตัวแม่น้อย ตัวเย็นเฉียบ เขาจะต้องรีบพาแม่ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้




            เขาจะต้องรีบหารถเพื่อพาแม่ไปในเมืองอย่างเร่งด่วน ข้อเสียที่เขาลืมคิดที่ไม่ซื้อรถยนต์ไว้
ติดบ้านก็คือเรื่องนี้ เขาน่าจะคิดได้ พอมาถึงนาทีฉุกเฉินแบบนี้ มันก็ไม่ทันแล้ว



            “แม่ๆ แม่จ๊ะ ตื่นสิแม่ แม่ตื่นขึ้นมาก่อน แม่อย่าเป็นอะไรนะ ฉันอยู่ไม่ได้นะแม่” น้ำตะโกนปลุกแม่เสียงดังพร้อมเขย่าตัวไปด้วย แต่มารดาก็ไม่ได้สติ เขาร้อนรนจะทำอะไรจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว

            “เกิดอะไรขึ้น น้ำ” ผู้กองที่กำลังจะเดินกลับไปบ้านพักได้ยินเสียงของน้ำดังลั่นบ้าน เขาจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดไปดูตามต้นเสียงที่ดัง

            “แม่.. แม่เป็นอะไรไม่รู้ ตัวเย็นเฉียบเลย” น้ำรีบบอกผู้กอง

            “รอฉันอยู่นี่ เดี๋ยวฉันไปเอารถก่อน”

            “อือ มาเร็วๆ นะ” เขาออกคำสั่งกับผู้กอง คนที่มีน้ำใจช่วยเหลือ นาทีนี้น้ำไม่สนใจแล้ว ความปลอดภัยของแม่น้อยสำคัญต่อเขาที่สุด



            ไม่รู้ว่าผู้กองรีบไปแค่ไหน ถึงขับรถมาจอดหน้าบ้านเขาได้ภายในเวลาไม่กี่นาที แต่เขารู้สึกว่าการรอคอยนั้นมันยาวนานเหลือเกิน เขากำลังจะขาดใจเพราะผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด




            ความเจ็บปวดมันกัดกินใจเขาอย่างรวดเร็ว มันทรมานเหลือเกิน ความรู้สึกนี้มันเทียบไม่ได้เลยกับตอนนั้นที่เขาอกหัก จากผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา คนที่เขาเคยคิดว่ารักมากที่สุดเช่นกัน




            น้ำอุ้มแม่น้อยลงบันไดไปขึ้นรถที่เปิดประตูด้านหลังรอไว้อยู่แล้ว เขานั่งอยู่ด้านหลังโดยมีแม่นอนหนุนตักเขาอยู่
เขาลูบเนื้อลูบตัวของมารดา พลางเรียกอีกฝ่ายเป็นระยะ หวังให้แม่น้อยได้ยินเสียงของตนเอง


            “น้ำ” เสียงเรียกดังจากผู้กองที่กำลังขับรถให้



            “หือ” น้ำเอ่ยรับ โดยไม่ละสายตาจากแม่น้อยเลย



            “อย่าร้องไห้เลย แม่น้อยไม่เป็นไรอะไรหรอก” ผู้กองปลอบ





            น้ำไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังร้องไห้อยู่ จนกระทั่งผู้กองทักขึ้นมา





=======================

ขออภัยที่หายไปในวันศุกร์นะคะ พอดีเขมไปทำภารกิจ ตามปู้จาย ไอ้น้ำของทุกคนเลยมาช้าไปหน่อย  :mew3:

และเราก็ได้รู้จักชีวิตรักของผู้กองมากขึ้นอีกนิดแล้ววววววววววว กับความเผือกของไอ้น้ำนั้น ฮ่าาา
ตอนนี้มีหลายโหมดหน่อย ปรับอารมณ์กันทันมั้ยคะ

อ่านอย่างมีความสุขนะคะ

รักค่าา // เขมกันต์


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสอง อยากรู้นะเนี่ย P3 24/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 24-04-2018 12:00:07
คุณแม่อย่าเป็นอะไรนะ แต่แฟนเก่าผู้กองนิสัยแย่มากนะ ผู้กองดูไม่ออกจริงๆเหรอ หรือความรักมันบังตา
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสอง อยากรู้นะเนี่ย P3 24/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-04-2018 13:06:35
 :a5:
คุณแม่อย่าเป็นอะไรนะ สงสารน้ำจัง แฟนเก่าผู้หมวดนี่ร้ายไม่เบาเลยนะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสอง อยากรู้นะเนี่ย P3 24/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-04-2018 16:36:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสอง อยากรู้นะเนี่ย P3 24/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 24-04-2018 18:14:01
แม่น้ำเป็นอะไรฮืออ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสอง อยากรู้นะเนี่ย P3 24/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-04-2018 23:12:55
 :hao4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสอง อยากรู้นะเนี่ย P3 24/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 24-04-2018 23:59:16
แม่น้อย อย่าเป็นไรนะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสอง อยากรู้นะเนี่ย P3 24/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 27-04-2018 14:22:45


งวดสิบสาม อยู่ๆ ก็มีแต่เธอปรากฎในหัวใจ





 
            น้ำกระวีกระวาดอุ้มแม่น้อยลงจากรถเมื่อถึงที่หมาย บุรุษพยาบาลรีบเข็นเตียงมารับคนไข้และเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไปอย่างรวดเร็ว ไอ้น้ำที่เตรียมจะเข้าไปด้วยก็ถูกกันไว้ให้ยืนรออยู่ด้านนอก เขาไม่รู้จะทำตัวยังไง จะนั่งเฉยก็ทนไม่ไหว จึงลุกขึ้นเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องนั้นไม่หยุด



            “จ่าสมคิด วันนี้ผมติดธุระนิดหน่อย จะเข้าไปที่สถานีตำรวจสายหน่อย ถ้ามีเรื่องด่วนโทรเข้ามือถือผมได้ตลอดเวลาเลยนะจ่า” ผู้กองปรานต์โทรศัพท์บอกผู้ใต้บังคับบัญชา


            “ครับ ผู้กอง”

            “จับตาดูเภสัชกร ร้านขายยาที่ตลาดให้ด้วย”

            “ผู้กองสงสัยคนขายยาเหรอครับ”

            “ใครก็น่าสงสัยทั้งนั้น จริงมั้ยจ่า” ผู้กองตอบเหมือนกับที่ตอบไอ้น้ำไม่ผิดเพี้ยน ถ้าไอ้น้ำได้ยินคงดีใจว่าผู้กองไม่ได้ตั้งใจปิดบังคดีกับเขาเพียงคนเดียว

            “ครับ” จ่าสมคิดรับคำ ผู้กองได้ยินแล้วจึงกดวางสายเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงก็พลันเห็นคนเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ตรงหน้าห้องฉุกเฉิน

            “น้ำ หยุดเดินได้แล้ว” ผู้กองเข้าไปจับไหล่ของน้ำเอาไว้ เพราะเด็กห่วงแม่คนนี้กำลังทำให้เขาตาลาย

            “แม่จะเป็นอะไรมั้ย ผู้กอง”

            “ถึงมือหมอแล้วไม่ต้องห่วง แม่น้อยไม่เป็นอะไรหรอก แล้วก็หยุดร้องไห้เถอะ ไม่อายคนอื่นเหรอ” ผู้ชายคนหนึ่งอายุอานามก็เข้าสู่เบญจเพส มายืนร้องไห้แบบนี้ คนก็พากันมอง

            “ผู้กองว่าอย่างนั้นเหรอ” ไอ้น้ำยกมือเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มลวกๆ เขาไม่ใช่คนที่ชอบร้องไห้เท่าไหร่ นับจากครั้งสุดท้ายที่อกหักแล้ว ก็ไม่เคยร้องไห้อีกเลย

            “เช็ดเบาๆ สิ เช็ดแรงแบบนั้น หน้าก็ช้ำหมดพอดี” ผู้กองหนุ่มฉวยข้อมือของอีกฝ่ายได้ทัน ก่อนจะล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้คนร้องไห้อย่างเบามือ น้ำที่ไม่รู้ตัวเลยมีอาการตกใจ ยืนตัวแข็งทื่อตรงหน้าผู้กอง เขาไม่คิดว่าจะได้รับความอ่อนโยนจากผู้กองในสถานการณ์แบบนี้

            “เอ่อ..ผู้กอง.. ดะ...เดี๋ยวฉันเช็ดเอง” น้ำบอกเมื่อหายตกใจ แต่ความเขินอายกลับเข้ามาแทนที่

            “อืม...เอ้านี่” ผู้กองหนุ่มก็ได้สติคืนมาเหมือนกัน เลยยื่นผ้าเช็ดหน้าของตนเองให้ไป พร้อมกับดึงร่างของน้ำให้มานั่งเสียที



            บุตรชายของแม่น้อยนั่งกระสับกระส่ายรอคุณหมอออกมาจากประตูห้องฉุกเฉิน เขาอยากจะลุกเดินไปเกาะหน้าประตูนั้นเสียจริง ถ้าไม่ติดสายตาของผู้กองที่มองปรามมาที่เขาเป็นระยะ ทำให้เขาต้องพยายามทำตัวนั่งเฉยๆ ให้มากที่สุด แต่ในใจแทบทะลุไปหลังประตูกั้นนั้นแล้ว



            ในที่สุดประตูที่เขารอคอยเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลาก็ถูกเปิดออกมา น้ำรีบปรี่เข้าไปหาคุณหมอโดยไม่รอช้า เขาเป็นห่วงอาการของแม่น้อยจนเกินจะทนอดทนไหวแล้ว ผู้กองเห็นก็ไม่ว่าอะไร ลุกขึ้นตามอีกฝ่ายไป

            “คุณหมอ แม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ” น้ำถามคุณหมออย่างรวดเร็ว

            “แม่ของคุณตอนนี้ หมอคงต้องให้นอนพักที่โรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการสักคืนสองคืน อ้าวผู้กองปรานต์ สวัสดีครับ” คุณหมอบอกคนตรงหน้าที่เป็นญาติของคนไข้ เมื่อมองเลยมาทางด้านหลังจึงพบผู้กองที่เขาเคยเจอเมื่อครั้งก่อนที่ไปชันสูตรศพของคุณพัด

            “สวัสดีครับ คุณหมอหัสนัย”

            “มาด้วยกันเหรอครับ” คุณหมอถาม

            “ใช่ครับ พอดีแม่ของน้ำเขาไม่สบาย ผมอยู่แถวนั้นพอดีเลยพามาส่งโรงพยาบาล” ผู้กองอธิบาย

            “อ่อ ผู้กองนี่เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริงเลยนะครับ” คุณหมอกล่าวชมจากใจ

            “ไม่ถึงอย่างนั้นหรอกครับ ช่วยอะไรได้ก็ช่วยๆ กันไปครับ” ผู้กองหนุ่มตอบแก้ความกระดากที่ถูกชมต่อหน้า

            “กลับไปคุยกันที่บ้านมั้ยครับ ผมขอถามอาการของคุณแม่ของผมก่อนได้มั้ย” น้ำเหล่มองคนทั้งคู่ อะไรกัน เขาเป็นห่วงแม่แทบแย่ ทั้งสองคนยังมายืนคุยด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้

            “ขอโทษครับ คุณน้ำใช่มั้ย เมื่อสักครู่นี้ผมได้ยินผู้กองเรียก”

            “ครับ”

            “คืออย่างนี้ครับ คนไข้เป็นอาหารเป็นพิษครับ โชคดีมากที่คุณพาคนไข้มาได้ทันก่อนจะช็อคไปเสียก่อน” คุณหมออธิบายด้วยท่าทีนิ่งสงบเพราะไม่อยากให้ญาติคนไข้ตกใจ แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเพราะดวงตาของไอ้น้ำเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจอย่างที่สุด

            “แม่ไม่เป็นไรอะไรแล้วเหรอครับ” คุณหมอบอกไม่ต้องเป็นห่วงแม่น้อย ได้รู้ว่าเป็นโรคอะไรแบบนี้จะไม่ห่วงได้ยังไง ถึงกับนอนไม่ได้สติแบบนั้น

            “หมอยังตอบไม่ได้ครับ เลยอยากให้คนไข้พักที่นี่เพื่อรอดูอาการครับ ถ้าไม่มีอะไรน่าวิตก วันสองวันก็กลับบ้านได้”

            “แม่ผมจะไม่เป็นไรใช่มั้ย คุณหมอ” ไอ้น้ำถาม เขาไม่มีอะไรรับประกันได้เลยนอกจากคำพูดของคุณหมอที่จะทำให้เบาใจขึ้น

            “ผมจะให้พยาบาลเฝ้าดูอาการอย่างไม่ให้คลาดสายตาเลยนะครับ ยังไงแล้วรบกวนคุณน้ำไปทำเรื่องจองเตียงกับพยาบาลได้เลย ไม่ติดอะไรใช่มั้ยครับ” คุณหมอถามเพราะเขาบอกไปตามหน้าที่ แต่เรื่องเงินก็มีความจำเป็นเหมือนกัน เลยต้องสอบถามญาติคนไข้ก่อน

            “ไม่ติดครับ เดี๋ยวผมจะไปทำเรื่องเดี๋ยวนี้เลยครับ ขอบคุณครับคุณหมอ”

            “ไม่เป็นไรครับ หน้าที่ของหมออยู่แล้ว ขอตัวนะครับ คุณน้ำ ผู้กอง” คุณหมอหัสนัยผงกศีรษะเป็นเชิงขอตัวกลับไปทำงานต่อ

            “เชิญครับ” ผู้กองตอบแล้วหันไปมองไอ้น้ำที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับเขา

            “ผู้กองกลับไปก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องอยู่รอฉันหรอก เสียเวลาเปล่าๆ ฉันยังต้องไปทำเรื่องอีกหลายอย่าง”

            “ไม่เป็นไร นายไม่ต้องห่วงฉันหรอก”

            “ไม่ได้เป็นห่วงผู้กอง แต่ไม่อยากให้ขาดงาน”

            “ฉันบอกจ่าที่ สน. เอาไว้แล้ว”

            “อืม ถ้าอย่างนั้นฉันไปทำเรื่องจองเตียงก่อน”

            “ฉันไปด้วย” ทั้งสองคนเดินตามพยาบาลไปทำเรื่องจนทุกอย่างเรียบร้อย



            ไอ้น้ำจองห้องที่ดีที่สุดให้มารดาเท่าที่เขาจะจ่ายไหว โชคดีว่าเป็นโรงพยาบาลตามต่างจังหวัดมันเลยไม่ได้แพงจนหูฉี่เมื่อเทียบเท่ากับราคาห้องในกรุงเทพฯ บวกกับความรอบคอบของแม่น้อยที่ทำประกันไว้มากมายนั้นก็ช่วยสถานการณ์พวกนี้ได้ดีทีเดียว เขาแค่สำรองจ่ายไปก่อน ภายหลังก็ทำเรื่องเบิกเงินคืน


            เขาเดินเข้าห้องพักที่แม่ของเขาถูกย้ายเข้ามานอนอยู่ก่อนแล้ว แม่น้อยมีสีหน้าดีขึ้นมาก ไม่ขาวซีดอย่างทีแรก คาดว่าอาการปวดท้องคงจะทุเลาลงบ้างแล้ว แต่ยังหลับอยู่เพราะฤทธิ์ยาที่คุณหมอจ่ายให้ผ่านทางสายน้ำเกลือ เห็นใบหน้าของแม่เริ่มสดใส ไอ้น้อยก็เริ่มหายใจคล่องคอ

            “รู้สึกดีขึ้นมั้ย” ผู้กองปรานต์ถามน้ำที่ยืนจับมือแม่ของตนเองอยู่ข้างเตียง

            “อืม ขอบคุณนะผู้กองที่พามา ถ้าไม่ได้ผู้กอง ฉันคงต้องไปหารถมารับแม่อีกพักใหญ่ ไม่รู้ตอนนั้นแม่จะเป็นยังไงบ้าง” พอพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้า ไอ้น้ำก็ใจหายอีกครา ใจของเขาลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม มันทรมานแค่ไหนไม่มีใครจะรู้ซึ้งได้เท่าเขา

            “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องกลับไปคิดอีกหรอก” ผู้กองบอก

            “ครับ”

            “แล้วนี่จะกลับบ้านหรือยังไง”

            “ฉันตั้งใจจะกลับไปเอาของแล้วจะมานอนเฝ้าแม่”

            “ถ้าเอ็งมาเฝ้าแม่แล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนยายฝนล่ะ ไม่ได้นะ แม่เป็นห่วง” จู่ๆ คนที่คิดว่ากำลังหลับก็พูดขึ้น

            “แม่ ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ”

            “ยัง ข้าละเมอ” แม่น้อยถึงจะเจ็บแต่ก็ไม่ลืมที่จะมีอารมณ์ตลกขบขัน

            “แม่ก็ ยังล้อฉันเล่นอีก แล้วเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนมั้ย หรือไม่สบายตัวตรงไหนหรือเปล่า” น้ำถามด้วยความเป็นห่วง

            “ดีขึ้นแล้ว ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก เอ็งก็วิตกเกินไป” แม่น้อยตบหลังมือของบุตรชาย

            “จะไม่ให้วิตกได้ยังไง แม่นอนไม่ได้สติแบบนั้น ฉันก็กลัวสิ”

            “สวัสดีครับ แม่น้อย” ผู้กองยกมือไหว้

            “อ้าว ผู้กองมาได้ยังไงจ๊ะ”

            “ผู้กองเขาขับรถมาส่งเราสองคนจ้ะแม่” น้ำอธิบายให้มารดาฟัง

            “จริงเหรอ ขอบคุณมากนะจ๊ะผู้กอง” แม่น้อยประหลาดใจรีบกล่าวขอบคุณในน้ำใจของผู้กอง

            “ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ”

            “คืนนี้ฉันมานอนเฝ้าแม่นะ”

            “ได้ยังไง แล้วยายฝนเล่า อยู่บ้านคนเดียว อันตรายๆ น้องเป็นผู้หญิง ไม่ได้ แม่เป็นห่วง”
แม่น้อยอดไม่สบายใจไม่ได้ น้ำฝนยิ่งอยู่ในวัยกำลังโตอยู่ด้วย นางยิ่งเป็นห่วงเหลือเกิน

            “ฉันก็เป็นห่วงแม่เหมือนกันนี่นา” น้ำบ่นอุบ

            “เอาอย่างนี้ ให้ยายฝนมานอนกับแม่ ส่วนเอ็งก็นอนเฝ้าบ้านไปดีมั้ย” แม่น้อยออกความเห็นที่พอจะแก้ปัญหาได้ทั้งสองฝ่าย


            “ไม่ดีจ้ะ ถ้าอย่างนั้น ฉันกับยายฝนมานอนที่นี่เลยละกัน” น้ำไม่เห็นด้วย เขาก็อยากมานอน
เฝ้าแม่เหมือนกับน้องสาว

            “จะนอนได้ยังไง เอ็งเห็นมั้ย ที่นอนมีพอแค่สำหรับคนเดียว แถมยังเป็นโซฟาอันเล็ก ขืนเอ็งมานอนก็จะได้นอนขดเป็นกุ้งพอดี พอดีพอร้ายจะปวดหลังไปอีก ไม่ต้องหรอกให้ยายฝนมานอนเป็นเพื่อนแม่น่ะดีแล้ว” แม่น้อยตัดสินใจสรุปเรื่อง

            “แม่...แต่ฉันอยากมาเฝ้า” น้ำยังไม่ยอมละความพยายาม

            “อย่าทู่ซี้เถียงข้าเป็นเด็กๆ ได้มั้ย เอ็งโตแล้วนะไอ้น้ำ ไม่อายผู้กองเขาบ้างหรือ” เห็นว่าลูกชายของตนเองคงจะดื้อแพ่งต่อไปแน่ๆ แม่น้อยจึงดุบุตรชาย

            “ก็ได้จ้ะ” น้ำรับคำแต่ก็หน้ามุ่ยลง เขาก็อยากเฝ้าแม่เหมือนกันนี่นา

            “ข้ารู้ว่าเอ็งหวังดี อยากเฝ้าข้า แต่ให้ยายฝนมาดูแลข้าดีกว่า ผู้หญิงเหมือนกัน เอ็งก็เฝ้าบ้านเถอะ ถ้าเอ็งไม่อยู่ข้าก็คงอดห่วงบ้านไม่ได้” แม่น้อยลูบหลังมือของบุตรชายเบาๆ เป็นการปลอบใจ

            “จ้ะ แล้วแม่อยากได้อะไรมั้ย ฉันจะกลับไปเตรียมไว้ให้ พอยายฝนกลับบ้านก็จะให้ถือติดมือมาที่นี่ด้วย”

            “อืม ข้าวของเครื่องใช้นั่นแหละ ยายฝนมันรู้ บอกมันก็ได้ เดี๋ยวมันจัดการเอง เอ็งไปหยิบเงินให้ยายฝนแล้วกัน มาเป็นค่าใช้จ่ายของข้า” แม่น้อยบอก เรื่องเงินพวกนี้ ไอ้น้ำรู้ที่อยู่ของมันเป็นอย่างดี นางเลยไม่ต้องกระอักกระอ่วนบอกที่เก็บเงินต่อหน้าคนนอกอย่างผู้กอง



            ก๊อก...ก๊อก...



            “ขอวัดความดันหน่อยค่ะ” พยาบาลเคาะประตูบอกเป็นสัญญาณแล้วลากรถเข็นที่มีเครื่องวัดความดันเข้ามา พร้อมส่งรอยยิ้มมาให้คนในห้องขณะที่เดินเข้ามา

            “จ้ะ”

            “ถ้าอย่างนั้นฉันกลับบ้านก่อนนะแม่ ขาดเหลืออะไรก็โทรบอกฉันได้เลย เดี๋ยวฉันจดเบอร์ทิ้งไว้ตรงนี้” ไอ้น้ำจดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงบนกระดาษที่อยู่ตรงข้างโทรศัพท์ใกล้ๆ เตียงของแม่

            “อืม กลับดีๆ ล่ะ”

            “จ้ะ”

            “ขอบคุณมากนะ ผู้กอง” แม่น้อยไม่ลืมขอบคุณผู้กองปรานต์อีกครั้ง

            “ครับ” ผู้กองยิ้มให้แม่น้อย จังหวะเดียวกับที่นางพยาบาลที่อายุอานามน่าจะรุ่นๆ เดียวกับไอ้น้ำหันมาพอดี ถึงกับมองผู้กองอย่างกับโดนมนต์สะกดยังไงอย่างนั้น



            ไอ้น้ำเห็นแล้วก็เบ้ปาก เสน่ห์แรงจริงพ่อคุ๊ณ


            ชายหนุ่มคันปากยิบๆ อยากบอกนางพยาบาลคนนั้นว่า ต่อให้คุณพยาบาลจะสวยหยาดฟ้ามาดินมากแค่ไหน ผู้กองคนนี้ก็ไม่มองหรอก เพราะเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง อกหักตั้งแต่ไม่เริ่มเลยล่ะนะ ขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้

            “ไปไหนต่อ หรือต้องไปรอรับน้ำฝนที่โรงเรียน” ผู้กองถามพลางขณะขับรถออกมาจากโรงพยาบาล

            “กลับบ้านเลย ขืนไปรอตอนนี้คงรอหลายชั่วโมงกว่าโรงเรียนจะเลิก” น้ำหันไปบอกคนข้างๆ เพราะตอนนี้ เพิ่งจะเที่ยงตรง

            “แล้วน้ำฝนจะกลับบ้านยังไง”

            “มีรถประจำมารับมาส่งระหว่างบ้านกับโรงเรียน ผู้กองไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก”

            “อย่างนั้นเหรอ เหมือนรถตู้โรงเรียนใช่มั้ย” ผู้กองปรานต์ถาม เขาเคยเห็นรถตู้ที่เขียนข้างหลังว่ารถโรงเรียน ไม่รู้ว่าที่ต่างจังหวัดก็จะมีแบบนั้นด้วย

            “อืม ใช่แบบนั้นนั่นแหละ” น้ำตอบก่อนจะหันไปมองข้างทางที่รถกำลังวิ่งผ่าน

            “เป็นอะไร”

            “ใจมันยังแกว่งอยู่เลย ฉันไม่เคยเห็นแม่เป็นลมแบบนี้มาก่อน” น้ำพูดเบาๆ เขายังจำความรู้สึกในเวลานั้นได้ดี

            “อย่าคิดมาก ตอนนี้แม่น้อยก็ดูหน้าตาสดใสขึ้นแล้ว พูดคุยได้เป็นปกติ ไม่น่ามีอะไรวิตกแล้วล่ะ”

            “ก็จริงอย่างที่ผู้กองว่า”

            “เลิกคิดมากได้แล้ว”

            “ขอบคุณมากนะครับ ถ้าผู้กองมีอะไรให้ผมช่วย ผมจะไม่ปฏิเสธเลย” น้ำหันไปทางคนขับ พร้อมพนมมือไหว้ ไม่ได้สนใจว่าผู้กองจะเห็นหรือเปล่า แค่คิดว่าอยากทำก็เท่านั้น เรื่องที่ผู้กองช่วยถึงมันจะดูเล็กน้อย แต่ในตอนนั้นมันเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขามาก



            น้ำเลยตั้งใจว่า จากนี้เขาจะพูดจากับผู้กองดีเสียที ไม่ใช่แค่พูดดีเพราะแม่น้อยบอกเหมือนที่ผ่านมาแต่ถ้าผู้กองกวนเขาก่อน ก็ช่วยไม่ได้นะ เขาไม่ยอมถูกกระทำฝ่ายเดียวแน่

            “เฮ้ย ไม่ต้องไหว้หรอก ฉันเต็มใจ” ผู้กองหันมาเห็นพอดี รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยกมือไหว้เขา ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครมาไหว้เขา ด้วยยศ ด้วยตำแหน่ง ใครๆ ก็พากันไหว้เขาทั้งนั้นเพราะผลประโยชน์ต่างๆ นานา จะมีสักกี่คนกันที่ทำออกมาจากใจอย่างที่เขารู้สึกว่าน้ำตั้งใจไหว้เพื่อขอบคุณเขาจากใจจริง
           

            “ผมก็เต็มใจ” ทีแรกได้ยินอีกฝ่ายขอบคุณก็นึกว่าหูฝาดที่น้ำแทนตัวเองว่า‘ผม’ทั้งที่ปกติจะแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’พอได้ยินอีกครั้ง เขาเลยคิดว่าได้ยินไม่ผิดแล้ว เกิดอะไรกับคนข้างๆ เนี่ยกันล่ะ หรือเป็นเพราะที่เขาช่วยเหลือครั้งนี้ อย่างนั้นเหรอ

            “แล้วน้ำฝนจะไปโรงพยาบาลยังไง” ผู้กองถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง บ้านนี้ไม่มีรถยนต์ใช้ไม่ใช่หรือ

            “ก็เดี๋ยวจ้างคนแถวนี้ไปน่ะผู้กอง เรื่องแค่นี้ไม่ต้องเป็นห่วง”

            “ขับรถเป็นหรือเปล่า”

            “เป็นสิ ก็แม่บังคับให้ไปเรียนตั้งแต่อายุทำใบขับขี่ได้นั่นแหละ พออีแก่ที่บ้านมันเสียก็เลยไม่ได้ขับอีก ถามทำไมเหรอ” น้ำสงสัย ผู้กองจะอยากรู้ไปทำไมว่าเขาจะขับรถได้หรือไม่ได้

            “ระหว่างนี้ก็เอารถฉันไปใช้สิ”

            “ไม่เอาหรอก รถของผู้กองดูก็รู้ว่าราคาไม่ได้ธรรมดา ขืนขับไปแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา แม่ด่าผมบ้านแตก แถมไม่มีปัญญาชดใช้อีก” น้ำรีบบอก ขนาดเขาไม่ใช่คนรู้เรื่องรถอะไรมากนัก ยังดูรู้เลยว่าคันนี้เนี่ย ต้องมีหลักล้านขึ้นไป เผลอๆ จะมากกว่านี้ไม่รู้กี่มากน้อยด้วยซ้ำ

            “ก็อย่าขับให้มันเกิดอุบัติเหตุสิ อีกอย่างรถมันจอดทิ้งไว้เฉยๆ เอาไปใช้เถอะ ฉันไม่ได้มีธุระอะไร”

            “ไม่เอาๆ” น้ำยืนกรานปฏิเสธ

            “ไม่ต้องเกรงใจหรอก ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนที่ฉันให้นายช่วยตามสืบคดีคุณพัดดีมั้ย”

            “จะดีเหรอ” น้ำเริ่มเอนเอียงเมื่อรู้ว่าผู้กองไม่ได้ให้ยืมใช้ฟรีๆ แต่เป็นเพราะตอบแทน ไอ้น้ำ
ก็หูผึ่งเพราะรู้สึกไม่ได้เป็นฝ่ายที่เอาเปรียบผู้กองอยู่เพียงฝ่ายเดียว



            เป็นอย่างที่ตำรวจหนุ่มคิด น้ำเกรงใจเขาถ้าบอกให้ยืมเปล่าๆ อีกฝ่ายไม่มีทางที่จะยอมตกลงแน่นอน


            “อืม ใช่สิ ฉันให้เงินนายไม่ได้ ก็ให้รถคันนี้ช่วยก็แล้วกัน”

            “ถ้าอย่างนั้น ขอบคุณนะครับ” น้ำบอกอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องหารถไปส่งน้ำฝนตอนกลางคืน

            “ไม่เป็นไร”

            “ตอนค่ำ ผมจะเข้าไปเอารถนะ” น้ำบอกช่วงเวลาให้อีกฝ่ายได้รับรู้

            “ไม่ต้องหรอก เอารถไปไว้ที่บ้านนายเลย เดี๋ยวฉันขับไปที่บ้านพักแล้วจะเปลี่ยนชุดไปทำงานต่อ นายก็ขับรถออกไปเลย ไม่ต้องรอ”

            “จะดีเหรอ”

            “อืม ตามนี้แหละถ้าฉันจะใช้รถเมื่อไหร่จะบอกเอง”

            “ขอบคุณครับ” ผู้กองเหลือบมองคนข้างๆ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพูดจากับเขารื่นหูมากขึ้น ไม่รู้ว่าอะไรดลใจหรืออาจะเป็นเพราะเรื่องที่เขาช่วยอีกฝ่ายในวันนี้ก็ได้ล่ะมั้ง



            ผู้กองหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก แบบนี้ก็ดี เขาก็เหมือนกับทุกคนนั่นแหละที่ชอบฟังสิ่งที่เป็นมิตรกับหูมากกว่าคำพูดที่ไม่น่าฟัง



            พูดแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน



            เอ๊ะ... น่ารักอย่างนั้นเหรอ



            ปรานต์ประหลาดใจในความคิดของตัวเอง ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขามองว่าการกระทำหรือคำพูดของคนข้างๆ ของไอ้เด็กแสบ เถียงคำไม่ตกฟากนี้มันน่ารัก



           น้ำเองก็เหลือบมองคนที่กำลังขับรถเหมือนกัน คนด้านข้างเดี๋ยวก็ทำท่าทางเหมือนกำลังยิ้ม สักพักก็สลับเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวด สักพักก็กลับมาทำหน้านิ่ง ไม่รู้ว่าผู้กองคิดผิดหรือเปล่าที่อนุญาตให้เขาเอารถของเจ้าตัวมาใช้ได้ แต่ไม่รู้ล่ะ คำพูดต้องเป็นคำพูด ให้ยืมก็แปลว่าให้ยืม




            ห้ามกลับคำล่ะ เพราะไอ้น้ำขี้เกียจไปหารถ และเขาขอบอกกับตัวเองเลย ถ้าแม่ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ จะต้องไปซื้อรถยนต์มาติดบ้านไว้ใช้งานเผื่อเวลาฉุกเฉินเหมือนกับคราวนี้สักคันหนึ่งให้ได้ ไม่ว่าแม่จะค้านยังไงเขาจะต้องพูดให้แม่ใจอ่อนให้ได้



 
             เพราะเงินที่ซื้อรถนั่นน่ะ มันเป็นเงินแม่!






=======================

นั่นแน่ ผู้กองปรานต์ คิดอะไรอยู่ค้า


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสาม อยู่ๆ ก็มีแต่เธอปรากฎในหัวใจ P3 27/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-04-2018 14:54:58
ไอ้น้ำน่ารักกว่าคนเก่าเยอะ อย่าคิดมาก :katai3:

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสาม อยู่ๆ ก็มีแต่เธอปรากฎในหัวใจ P3 27/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 27-04-2018 15:03:15
ต่างคนเริ่มเห็นอะไรดีๆในตัวอีกฝ่ายแล้วล่ะสิ คึคึ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสาม อยู่ๆ ก็มีแต่เธอปรากฎในหัวใจ P3 27/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 27-04-2018 16:12:44
แฟนเก่าผู้กองนิสัยแย่มาก ไม่ชอบเลย
ผู้กองจบ rpca เชียวนะ
ต้องมองออกสิว่าแฟนเก่าเสแสร้งหรืออาจจะความรักบังตาเนอะ
หวังว่าจะไม่มาตามตื้อผู้กองนะ หึ

ตอนนี้เหมือนเริ่มเรียนรู้นิสัยกันเลยน้ำกับผู้กอง น่ารักดี
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสาม อยู่ๆ ก็มีแต่เธอปรากฎในหัวใจ P3 27/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 27-04-2018 16:15:37
เริ่มมองเห็นความดีของผู้กองแล้วสิน้ำ ไม่ต้องยิ้มมากนะเดี๋ยวรันต์ก็จะมาแล้ว ระวังให้ดี หุหุหุ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสาม อยู่ๆ ก็มีแต่เธอปรากฎในหัวใจ P3 27/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-04-2018 18:14:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสาม อยู่ๆ ก็มีแต่เธอปรากฎในหัวใจ P3 27/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-04-2018 22:40:32
 :katai2-1:


ใสๆ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสาม อยู่ๆ ก็มีแต่เธอปรากฎในหัวใจ P3 27/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-04-2018 02:02:26
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสาม อยู่ๆ ก็มีแต่เธอปรากฎในหัวใจ P3 27/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-04-2018 04:09:00
สะดุดใจเลยใช่ไหมละ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสาม อยู่ๆ ก็มีแต่เธอปรากฎในหัวใจ P3 27/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 28-04-2018 10:40:08
น้ำน่ารักล่ะสิผู้กอง เราเชียร์คนนี้ คนเก่าก็ลืมๆไปนะผู้กอง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสาม อยู่ๆ ก็มีแต่เธอปรากฎในหัวใจ P3 27/04/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 04-05-2018 11:34:11

งวดสิบสี่ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่โกง

 
            อาการของแม่น้อยดีขึ้นมาก ไม่มีอะไรรุนแรงให้คนเป็นห่วงต้องอกสั่นขวัญแขวนอีก แม่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสามคืน คุณหมอก็ให้แม่น้อยกลับบ้านได้ น้ำขับรถของผู้กองมารับแม่ในวันจันทร์ ทีแรกน้ำฝนจะหยุดโรงเรียนมารับแม่ด้วยพร้อมกัน แต่น้ำปฏิเสธเสียงแข็งไม่อยากให้น้องสาวขาดเรียนเพราะช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว น้ำฝนจึงต้องยอมตามพี่ชายเพราะไม่มีเหตุผลอื่นที่จะมาต่อรองได้



            “น้ำ นี่เอ็งไปเอารถใครเขามา แม่คุ้นว่าหมู่บ้านเราไม่มีใครมีรถแบบนี้หรอก” แม่น้อยถามระหว่างทางกลับบ้าน

            “รถผู้กองเขาน่ะแม่”

            “เอ็งไปสนิทกับเขาแค่ไหน ถึงกล้ายืมมาแบบนี้ ใช้ไม่ได้เลย” แม่น้อยเอ็ดบุตรชายด้วยความเกรงใจ

            “แม่อย่าเพิ่งดุฉันสิ ฉันไม่ได้ขอยืมเสียหน่อย ผู้กองให้ยืมเอง”

            “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาอาจจะให้ยืมเป็นมารยาทก็ได้ ทำไมไม่รู้จักปฏิเสธ”

            “ฉันช่วยงานผู้กองเขานิดหน่อย ผู้กองเลยให้ยืมรถเป็นค่าตอบแทนจ้ะ” น้ำอธิบาย

            “ช่วยงานอะไรของเอ็งวะ” แม่น้อยมุ่นคิ้ว ผู้กองและบุตรชายของนางไม่น่ามีส่วนเชื่อมโยงใดๆ ต่อกัน

            “เถอะน่า ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกจ้ะ” น้ำบอกปัดเพราะไม่สามารถบอกภารกิจให้ผู้เป็นแม่ทราบได้

            “เออ ไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็แล้วไป ตอนเอารถไปคืนเขาอย่าลืมเติมน้ำมันให้เต็มถังแล้วเอาผลไม้ในสวนไปฝากผู้กองด้วยรู้มั้ย”

            “จ้ะ แม่”



            น้ำทำตามคำสั่งของแม่เคร่งครัดไม่ตกหล่น อยากแถมบริการด้วยการล้างรถให้ด้วยซ้ำ แต่เขารู้มาว่า รถเนี่ยไม่ใช่จะสุ่มสี่สุ่มห้าล้างได้เลยเสียเมื่อไหร่ ถ้าอุปกรณ์ทำความสะอาดนั้นไม่สะอาด แทนที่รถจะสะอาดก็อาจจะได้รอยกลับมาอีก และไม่รู้ว่าเจ้าของรถถือเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน พอดีพอร้ายความหวังดีจะกลายเป็นหวังร้ายไปเสีย



            ชายหนุ่มมองนาฬิกาที่แผงคอนโซลหน้ารถแล้วคิดว่าเวลานี้เหมาะกำลังดีที่จะเอารถมาคืนอีกฝ่ายเพราะเป็นเวลาเลิกงาน จะได้ไม่เป็นการรบกวนการทำงานของผู้กอง  ไอ้น้ำจอดรถในช่องจอดหน้าสถานีตำรวจอย่างเรียบร้อยแล้วจึงดับเครื่อง มันผิวปาก ควงกุญแจรถยนต์เดินขึ้นบันไดสถานีตำรวจ

            “อ้าว ว่าไงไอ้น้ำ ลมอะไรหอบเอ็งมาถึงที่นี่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ” จ่าสมคิดทักด้วยความสนิทเพราะเห็นไอ้น้ำมาตั้งแต่เด็ก จะว่าไปคนในหมู่บ้านนี้ค่อนข้างจะรู้จักมักจี่กันหมด

            “สวัสดีจ่า ฉันมาหาผู้กองอะ อยู่มั้ย”

            “เอ็งมีธุระอะไรกับผู้กองวะ” จ่าสมคิดถามด้วยความสงสัย

            “ฉันเอารถผู้กองมาคืน”

            “อ๋อ ข้าก็ว่าทำไมเห็นผู้กองเดินมาสน. ทุกวัน ที่แท้ให้เอ็งยืมไปนี่เอง แล้วนี่แม่เอ็งหายดีแล้วหรือ”

            “ขอบคุณจ้ะ ฉันไปรับแม่กลับบ้านเสร็จแล้ว ก็เลยเอารถมาคืน”

            “ผู้กองอยู่ในห้องแน่ะ เอ็งเข้าไปเถอะ”


            “ขอบใจจ้ะ” น้ำบอกพลางเดินไปห้องที่มีป้ายเขียนหน้าประตูแสดงชื่อและยศตำแหน่งของอีกฝ่าย เขาเคาะประตูสองสามครั้ง แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบมา จึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป




            ไอ้น้ำเห็นผู้กองนั่งพิงเก้าอี้ ดวงตาปิดสนิท ไอ้น้ำสงสัยเลยเดินเข้าไปใกล้ หลับจริงหรือว่าเหนื่อย มันโบกมือผ่านหน้าผู้กองเพื่อทดสอบ แต่ทันใดนั้นมือที่กำลังโบกอยู่ก็ถูกมือของคนที่หลับตาอยู่จับไว้เสียก่อน

            “ขอโทษ ผู้กองตกใจเหรอ ผมแค่อยากพิสูจน์ว่าผู้กองหลับจริงหรือเปล่า” ไอ้น้ำรีบพูดพร้อมกับดึงมือออกมาจากอีกฝ่าย ถูกจับได้อีกแล้ว

            “เมื่อสักครู่นี้หลับจริง แต่ตื่นตอนมีเงาเข้ามาใกล้” ผู้กองปรานต์สลัดศีรษะสองสามครั้งเพื่อไล่ความง่วงงุนออกไป


            “หลับในหน้าที่เปล่าเนี่ย”

            “เดี๋ยวฟ้องหมิ่นประมาทเสียเลย เพิ่งหลับหลังเลิกงาน” ผู้กองหรี่ตามองพร้อมกับขู่ไอ้น้ำ

            “แหม้ กลัวแล้วจ้า” ไอ้น้ำบอกการกระทำขัดกับคำพูดเหลือเกิน

            “มาทำอะไรที่นี่”

            “เอารถมาคืนครับ อะ นี่ กุญแจ รถไม่บุบสลายแต่อย่างใด ไม่มีการชนและเติมน้ำมันให้แล้วเต็มถัง แต่ไม่กล้าล้างรถให้นะกลัวจะเป็นรอย อ้อ มีผลไม้อยู่ในรถด้วย แม่ให้เอามาฝากผู้กอง ห่อมาอย่างดี รับรองรถผู้กองไม่เลอะ” น้ำตอบและอธิบายความตามที่แม่สั่งมาอย่างครบถ้วน

            “เรื่องรถน่ะช่างเถอะ จะเลอะก็ไม่เป็นไร เช็ดออกได้ ยังไงก็ฝากขอบคุณแม่น้อยด้วย”

            “แล้วผมจะบอกให้ ทำไมผู้กองถึงมาหลับที่ สน. ไม่กลับไปนอนที่บ้านพักล่ะ”

            “กลับไม่ได้และไม่ควรกลับ” ผู้กองหนุ่มตอบกำกวมจนไอ้น้ำงง

            “พูดอะไรของผู้กอง ไม่เข้าใจอะ”

            “ช่างเถอะ จะไปไหนต่อ”

            “กลับบ้านครับ ไปดูแม่” น้ำตอบ

            “เดี๋ยวฉันไปส่ง”

            “ไม่เป็นไร เดินกลับเองได้ ใกล้แค่นี้”

            “เดี๋ยวเดินไปส่ง ถือว่ายืดเส้นยืดสายไปด้วย” ผู้กองหนุ่มยืนยัน

            “อือ” น้ำตอบพลางรอผู้กองเก็บของแล้วเดินลงจากสถานีตำรวจไปด้วยกัน

            “แม่น้อยอาการเป็นยังไงบ้าง” ผู้กองถามระหว่างทางที่เดิน

            “ดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวก็หาย ช่วงนี้แค่อ่อนเพลียเพราะไม่ค่อยได้กินอะไร สองสามวันก็กลับมาบ่นได้อย่างเดิมแล้วล่ะ” ไอ้น้ำตอบปนตลก

            “ดีแล้ว โล่งใจแล้วใช่มั้ย”

            “อืม ขอบคุณนะผู้กอง เอ้อ....เรื่องคดีอะ ช่วงนี้ผมคงไปหาข้อมูลไม่ได้ รอแม่หายก่อนได้มั้ย”

            “ได้สิ ตอนนี้ก็ได้เบาะแสเพิ่มขึ้นบ้าง วันนี้ก็เพิ่งเชิญเภสัชกรคนที่นายพูดถึงมาสอบปากคำ ก็ได้เรื่องเพิ่มหลายอย่างเลย”

            “เล่าให้ฟังบ้างสิ” น้ำกระตือรือร้นถามด้วยความอยากรู้

            “ความลับทางราชการ บอกไม่ได้”

            “เซ็งว่ะ อะไรๆ ก็บอกไม่ได้” น้ำบ่นกับตัวเอง

            “ถ้าชอบสืบคดีก็ลองไขคดีจากข้อมูลที่ตัวเองมีอยู่สิ แล้วน้ำคิดว่าใครเป็นฆาตกรล่ะ” ผู้กองถาม

            “ใครดีล่ะ... ขอไปคิดก่อน แล้วจะมาบอกก็แล้วกัน”

            “ได้สิ จะได้รู้ว่าคิดเหมือนที่ฉันคิดหรือเปล่า”

            “ผู้กองก็คิดไว้เหมือนกันเหรอ” น้ำว่า ก็ไหนผู้กองเคยบอกว่าใครๆ ก็น่าสงสัยล่ะ

            “ก็ต้องมีสงสัยตั้งสมมติฐานไว้บ้างอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็มืดบอดคลำทางไปไม่ถูก”

            “ก็จริง ว่าแต่ผู้กองไม่ค่อยได้นอนเหรอ ทำไมหน้าตาเหมือนคนอดนอน เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาทำงานตลอดเลยเหรอ” น้ำถามเพราะเห็นใต้ตาดำคล้ำของอีกฝ่าย

            “เปล่า ไม่ได้ทำงานหรอก แต่....”

            “ผู้กองแวะขึ้นบ้านก่อนมั้ย” น้ำขัดขึ้นเมื่อถึงบ้านของตนเอง

            “ไม่ล่ะ เดี๋ยวกลับเลย”

            “เมื่อตะกี้ผู้กองจะพูดว่าอะไรนะ”  น้ำคุ้นว่าผู้กองทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่เขาดันแทรกขึ้นก่อน

            “ไม่มีอะไรหรอก”

            “มี บอกมาเถอะ”

            “รันมาที่นี่...” ผู้กองตัดสินใจบอก

            “รัน? เมียเก่า เอ๊ย แฟนเก่าผู้กองอะนะ” ไอ้น้ำตกใจถามเสียงดัง

            “นั่นแหละ”

            “ตอนนี้เขาอยู่ไหนอะ นั่นแน่...ถึงว่าตาคล้ำเชียว ทำอะไรกันไม่หลับไม่นอน” น้ำหลิ่วตาถามคนตรงหน้าอย่างรู้ทัน

            “คิดอะไรของนาย” ผู้กองดีดหน้าผากน้ำไปหนึ่งทีข้อหาคิดอกุศล

            “เจ็บนะ ผู้กอง” ไอ้น้ำลูบหน้าผากป้อยๆ

            “ดีดเพื่อให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะดีดทำไม จริงมั้ย” ผู้กองว่าพลางยิ้ม

            “มือหนักชะมัดเลยอะ”

            “ตอนนี้รัน เป็นแฟนเก่า  ฉันเลยให้เขาพักที่บ้านพักนั่นแหละ ตัวฉันเลยต้องไปอยู่ที่อื่นไง”

            “แล้วผู้กองไปนอนที่ไหน”

            “สน.” ผู้กองตอบสั้นๆ

            “ปวดหลังแย่เลยสิ แล้วทำไมไม่ไปหาที่นอนดีๆ”

            “ฉันไม่รู้จักใครที่นี่ จะไปนอนบ้านจ่าก็เกรงใจ แค่ลูกเมียจ่าก็น่าจะเต็มบ้านแล้ว”

            “แล้วทำไมไม่ขับรถไปหาโรงแรมนอน” น้ำพูด ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้กองถึงคิดอะไรไม่ได้ เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะหาทางออกไม่ได้

            “....”

            “เอ้อ ขอโทษ ลืมไปว่ารถอยู่ที่ผม” น้ำรู้สึกผิดที่ต่อว่าอีกฝ่าย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเพราะอะไรผู้กองถึงไม่มีทางเลือกมากนัก

            “ไม่เป็นไร ตอนนี้ได้รถมาแล้ว เดี๋ยวฉันคงเข้าไปหาโรงแรมในเมืองนอน”

            “เสียงใครข้างล่าง ไปโรงแรมอะไรที่ไหน ใครจะไปทำอะไรที่นั่น” เสียงดังมาจากบนบ้าน ถ้าแม่น้อยอาการปกติ คงเสียงดังกว่านี้ แต่เพราะยังไม่หายดี เสียงเลยเบาลงตามอาการป่วย แต่ก็ยังดังพอให้คนข้างล่างได้ยิน

            “ผู้กองคงต้องขึ้นไปบนบ้านแล้วล่ะ” น้ำบอก ดูท่าคงจะหลีกเลี่ยงยาก

            “อืม”


            “สวัสดีครับแม่น้อย ดีขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ” ผู้กองขึ้นไปถึงก็เจอแม่น้อยนอนพิงหมอนอยู่ตรงที่นั่งเล่นของบ้าน

            “ไหว้พระเถอะจ้ะ ดีขึ้นแล้ว ขอบคุณผู้กองจริงๆ ที่ให้ไอ้น้ำยืมรถไปรับฉัน”

            “ไม่เป็นไรครับ”

            “แล้วตะกี้คุยอะไรกัน ไอ้น้ำ ข้าได้ยินโรงรงโรงแรม จะพากันไปไหน” แม่น้อยย้อนไปถามเรื่องก่อนหน้านี้

            “ไม่ใช่ฉันหรอกแม่ ผู้กองเขาจะไปนอนโรงแรมในเมืองอะ พอดีที่บ้านพักผู้กอง มีแขกมาพัก” น้ำพยายามตอบเลี่ยงให้มากที่สุด

            “จะไปนอนโรงแรม ทำไมให้เปลืองสตุ้งสตางค์ ถ้าผู้กองไม่รังเกียจก็นอนห้องไอ้น้ำมันก็ได้นะพ่อ ห้องไอ้น้ำใหญ่ที่สุดของบ้านแล้ว เตียงมันก็กว้างขวาง”

            “จะดีเหรอแม่” ไอ้น้ำท้วง ตั้งแต่โตมาเขาไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใครเลย

            “ไม่เป็นไรครับ รบกวนเปล่าๆ” ผู้กองตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ เพราะดูเจ้าของห้องจะไม่อยากต้อนรับเขาเสียเท่าไหร่

            “รบกวนอะไรกัน ผู้กองช่วยเหลือเราตั้งมาก ใช่มั้ยไอ้น้ำ” แม่น้อยปรายสายตามาทางบุตรชาย เพื่อถามความเห็นแกมบังคับ

            “จริงจ้ะ เอาอย่างนี้ ผู้กองก็นอนห้องผมก็ได้ครับ” น้ำตอบโดยขัดใจมารดาไม่ได้

            “ถ้าอย่างนั้น รบกวนด้วยนะครับ” ผู้กองไม่ปฏิเสธให้เสียเวลาอีก ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องไปหาโรงแรมในเมือง เช้าก็ต้องขับรถกลับมาอีก

            “กินข้าวกินปลามาหรือยังล่ะพ่อ ถ้ายังก็กินพร้อมไอ้น้ำเสีย แล้วจะได้ไปเอาเสื้อผ้ามาค้างที่นี่ จะนอนกี่วันก็แล้วแต่ผู้กองเลยนะ ฉันยินดี” แม่น้อยว่าพลางเรียกน้ำฝนมาช่วยพยุงตนเองเข้าห้องนอนไปเพื่อพักผ่อนให้คลายความอ่อนเพลีย

            “ผู้กอง เดี๋ยวไปเอาของที่บ้านพักปะ” น้ำถามหลังจากเก็บสำรับอาหารเรียบร้อยแล้ว

            “ใช่”

            “ผมไปด้วยนะ”

            “ไปทำไม ไม่ต้อง” ผู้กองบอก

            “ไม่เป็นไร อยากเดินไปเป็นเพื่อน”

            “แน่ใจ?” ผู้กองถามด้วยความรู้ทัน อย่างเด็กแสบเนี่ยไม่น่าจะหวังดีโดยไร้ผลประโยชน์

            “แน่ใจสิ ผู้กอง กลางค่ำกลางคืนมันอันตราย”

            “งั้นก็แล้วแต่ละกัน”

            “โอเค ไปเลยมั้ย” น้ำถามเร็ว ใจมันอยากรู้อยากเห็นแทบแย่แล้ว

            “ไปเลยก็ได้ เดี๋ยวรันนอนก่อน นายจะทันไม่เห็นหน้า” ผู้กองมองคนรีบร้อน

            “รู้ทันจริงโว้ย” ไอ้น้ำบ่น ทำไมผู้กองดูออกเสมอเลยวะ จะมีครั้งไหนมั้ยที่คนคนนี้จะดูไม่ออกว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่

            “จะตบตาเล่นละครหลอกตำรวจ เร็วไปสิบปีไอ้น้อง” ผู้กองพูดข่ม

            “เหอะ วันหลังจะให้แม่ตะเคียนมาหลอก” น้ำเริ่มพาลเพราะเอาชนะไม่ได้

            “บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้ยินเสียงแม่ตะเคียน มีแต่น้ำนะที่ได้ยิน”

            “.....” จริงว่ะ พลั้งปากพูด งานจะเข้าตัวเองมั้ยเนี่ย

            “ไปกันหรือยังล่ะ หรือจะรอแม่ตะเคียน” ผู้กองพูดพลางลงบันได

            “ไปๆ”

           "ฮ่าๆ อืม ไปเอารถที่สน. ก่อนแล้วกัน"



            ฝากไว้ก่อนเถอะ ผู้กอง ไอ้ตำรวจขี้แกล้ง



            “พี่ปรานต์” วรันต์รีบออกมาจากในบ้านเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ของผู้กอง รถคันนี้วรันต์ไม่เคยเห็นพี่ปรานต์ของเขาขับเลยสักครั้งในช่วงที่คบกัน ดูท่าทางคันนี้น่าจะราคาถูกกว่าคันที่ปรานต์ซื้อให้เขาอีกล่ะมั้ง ทำไมถึงเอาคันที่ราคาถูกมาใช้ วรันต์ไม่เข้าใจ


            “รัน ยังไม่นอนเหรอ” ผู้กองถามเมื่อลงจากรถยนต์คู่ใจ ระหว่างทางที่มา เขาแวะไปขับรถจากหน้าสถานีตำรวจมายังที่พัก ตอนที่ขนสัมภาระตัวเองไปจะได้ไม่ต้องหอบไปพะรุงพะรัง

            “ยังครับ รันรอพี่ปรานต์อยู่” วรันต์รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันทีเมื่อเห็นว่าผู้กองขับรถกลับบ้าน แล้วก็หน้าหน้าหงิกงออย่างเร็วพลันเมื่อเห็นใครบางคนลงมาจากรถยนต์อีกคนด้วย

            “รอพี่ทำไมครับ มีอะไรหรือเปล่า”

            “พี่ปรานต์พาใครมาด้วยอะครับ” วรันต์ไม่ได้อยากรู้ว่าคนนี้ชื่ออะไร แต่อยากรู้ว่าคนนี้เป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับปรานต์มากกว่า

            “เพื่อนพี่เอง ชื่อน้ำ” ผู้กองหนุ่มแนะนำ

            “สวัสดีครับ” น้ำบอกแต่ไม่ได้ยกมือไหว้อีกฝ่าย

            “สวัสดี ผมชื่อวรันต์ เรียกรันก็ได้” วรันต์ตอบไม่ได้อยากพูดกับอีกฝ่ายเท่าไหร่นักหรอก แต่
ก็ต้องแสร้งแสดงว่าตัวเองเป็นมิตรต่อหน้าคนรักเก่า

            “ครับ”

            “พี่ปรานต์จะกลับมานอนที่นี่ใช่มั้ยอะ รันนอนคนเดียวกลัวผีมากเลย” วรันต์ส่งเสียงออดอ้อนอีกฝ่าย โดยไม่สนใจน้ำที่ยืนอยู่เยื้องไป

            “เปล่าครับ พี่มาเก็บของ เดี๋ยวไปนอนที่บ้านของน้ำ”

            “ไปนอนที่นั่นทำไม พี่ปรานต์นอนที่นี่กับรันสิครับ รันกลัวผี นะครับพี่ปรานต์” วรันต์กอดแขนของผู้กองแน่น น้ำฟังเสียงสองคนคุยกัน ก็เบ้ปากเล็กๆ ยิ่งน้ำเสียงที่แสนจะบาดหูนั้น น้ำฟังแล้วก็ขนลุกเหลือเกิน



             รสนิยมผู้กองชอบแบบนี้เหรอเนี่ย ชอบแบ๊วๆ หน้าหวานๆ ช่างฉอเลาะ ปากจิ้มลิ้มคอยเอาอกเอาใจอย่างนี้น่ะเหรอ


             “ไม่ดีหรอก พี่ขอไปเก็บของใช้ในบ้านก่อนนะครับ” ผู้กองบอกปัดอย่างนุ่มนวล พลางปลดมือของอีกฝ่ายออกแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้วรันต์เผชิญหน้ากับไอ้น้ำตามลำพัง

            “นี่นายชื่ออะไรนะ น้ำใช่มั้ย” วรันต์ถามไร้หางเสียง

           “ใช่ ทำไม” ตอนคุยกันครั้งก่อนผ่านทางโทรศัพท์ น้ำยังไม่รู้จักหน้าค่าตาอีกฝ่าย แต่วันนี้รู้จักกันแล้ว ยังพูดกันไม่ดี ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดดีด้วย


            “เป็นอะไรกับพี่ปรานต์ มากับเขาได้ยังไง”

            “ทำไมต้องบอกด้วยอะ” มีคนเคยบอกมั้ยว่าเรื่องกวนประสาทหรือเรียกง่ายๆ ว่ากวนตีนนั้น ไอ้น้ำถนัดนัก

            “นายใช่มั้ย ที่เป็นคนรับสายฉันแทนพี่ปรานต์” พอได้โต้ตอบกัน วรันต์ก็เริ่มคุ้นเสียงของอีกฝ่าย

            “ใช่ ทำไม”

            “มีสิทธิ์อะไรถึงมารับสายพี่ปรานต์” วรันต์เข่นเขี้ยว

            “ถามเขาเองสิ ว่าผมมีสิทธิ์อะไร” น้ำโยนคำตอบไปให้คนต้นเรื่อง

            “ฉันถามนาย นายก็ต้องตอบฉัน”

            “เป็นใครอะ ทำไมผมต้องตอบ”

            “ฉันเป็นแฟนพี่ปรานต์” วรันต์อยากจะอาละวาดถามเสียงดัง แต่ก็ต้องเค้นถามเสียงเบา เพราะไม่ต้องการให้ผู้กองหนุ่มนั้นได้ยิน

           “แฟน....เก่า ไม่ใช่เหรอจำผิดหรือเปล่าครับ” น้ำพูดเว้นระยะ ก่อนจะทิ้งหนักตรงคำว่าเก่า

            “แก... ไอ้...” วรันต์ชี้หน้าอีกฝ่ายที่กวนอารมณ์ของเขา ตั้งใจไม่ตอบคำถามสักคำถาม

           “ขอความสุภาพทางวาจาเฉกเช่นคนมีการศึกษาด้วยนะครับ” น้ำเตือนด้วยเสียงนุ่ม

           “คนอย่างแก ไม่สมควรได้รับมันหรอก”

           “เอาล่ะๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว จะบอกให้ว่าผมเป็นอะไรกับพี่ปรานต์ของคุณดีมั้ยครับ” น้ำเห็นคนที่ถูกพูดกำลังเดินออกมาข้างใน เขาจึงฉวยโอกาสนี้บอกวรันต์ที่อยากรู้ความสัมพันธ์ของเขากับผู้กองคนนี้เหลือเกิน


           “อะไร พูดมาเร็วๆ”


           “เขาเก็บของเพื่อไปนอนกับผม คิดว่าเราเป็นอะไรกันล่ะ”



           น้ำหย่อนระเบิดทิ้งไว้ หวังว่า วรันต์ จะไม่อกแตกตายไปก่อนนะ



           สะใจไอ้น้ำจริงโว้ย


=======================

ตัวแสบของเราสร้างเรื่องอีกแล้วมั้ย เรื่องกวนอารมณ์โมโหชาวบ้านล่ะก็ ไว้ใจฝีมือไอ้น้ำเถิดค่ะ
น่าตีจริงๆ ไปแกล้งวรันต์ ได้ยังไง

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสี่ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่โกง P4 04/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-05-2018 12:17:09
หูยยย น้ำทำดีๆ ไล่แฟนเก่าผู้กองไปเลยนะน้ำ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสี่ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่โกง P4 04/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-05-2018 12:40:31
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสี่ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่โกง P4 04/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 04-05-2018 14:42:24
ดีมากลูกกกก
นังรันทำตัวดีๆนะ ถ้าไม่อยากเจอแม่ตะเคียน
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสี่ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่โกง P4 04/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 04-05-2018 16:50:36
จัดการเลยน้ำ
ทิ้งท้ายแบบนี้หวังว่าคงไม่อกแตกตายก่อนนะจ๊ะแฟน..เก่า
 :hao7:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสี่ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่โกง P4 04/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-05-2018 19:14:49
จัดการเลยน้ำ ถ้าไม่ไหวเรียกแม่ตะเคียนมาช่วยนะ อันนี้ได้ผลแน่นอนขอบอก
 :hao3:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบสี่ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่โกง P4 04/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 08-05-2018 12:56:00


งวดสิบห้า ไม่พูดใช่ว่าไม่รู้

            “คุยอะไรกับรัน” ผู้กองถามขึ้นขณะที่ยืนแขวนผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องนอนของเจ้าบ้าน หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว

            “เปล่า” น้ำบอกปัด

            “เปล่าได้ยังไง รันทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่านายเสียให้ได้”

            “ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ไอ้น้ำยังเนียนทำเป็นไม่เข้าใจ

            “พูดกับรันว่ายังไง”

            “หวงเหรอ ไม่ได้พูดไรสักหน่อย เขาก็ถามว่าผู้กองไปนอนที่ไหน ผมก็บอกไปนอนที่บ้านผมเท่านั้นเอง” น้ำตอบเลี่ยงคัมภีร์ ไม่ได้โกหกสักหน่อย แค่พูดความจริงไม่หมดเท่านั้นเอง

            “แค่นี้?”

            “แค่นี้จริงๆ...เอ้อ...เหมือนมีคนโทรศัพท์มาหาผู้กองอะ ผมไม่ได้รับนะ” น้ำบอกอีกฝ่ายเมื่อนึกขึ้นได้พอดี

            “ขอบใจนะ” ผู้กองเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็ออกจากห้องไป


            น้ำเองก็อาศัยจังหวะนี้ หยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเช่นกัน


            “สวัสดีครับ แม่” ปรานต์กดโทรศัพท์ออกไปยังเบอร์ที่คุ้นเคย รอสายสักพักมารดาก็กดรับ

            “แม่โทรไปเมื่อกี้ แต่ปรานต์ไม่รับ งานยุ่งเหรอ แม่กลัวจะรบกวนเลยไม่กล้าโทรไปอีกรอบ”

            “ผมไปอาบน้ำมา แม่โทรหาผมได้ตลอดเวลาเลยครับ”

            “เหรอจ้ะ เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ยลูก” คุณหญิงถามบุตรชายเหมือนทุกครั้งที่คุยกัน

            “สบายดีครับ เหมือนเดิมทุกอย่างเลย”

            “ปรานต์ ทำไมเสียงไม่ค่อยดีเลยล่ะลูก” แม่ที่เฝ้าเลี้ยงฟูมฟักลูกชายมาตั้งแต่เกิด แค่ความผิดปกติเล็กน้อยก็รับรู้ได้แล้ว

            “ผมนอนไม่พอนิดหน่อย แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ปรานต์พูดให้แม่ไม่คิดมาก คุณหญิงของบุตรชายคนนี้ขี้กังวลเกินกว่าเหตุเสียด้วย

            “ทำไมนอนไม่พอ หรือว่างานเยอะ ลาออกมั้ย” และเหมือนเช่นเคย เมื่อไหร่ก็ตามที่นางคิดว่าลูกชายจะได้รับความลำบาก เธอก็พร้อมที่จะให้ลูกชายลาออกจากราชการทันที

            “เอาอีกแล้วนะคุณ ลูกโตแล้ว ปล่อยให้ลูกได้คิด ได้ตัดสินใจเอง” เสียงประมุขของบ้านดังเล็ดรอดเข้ามาในสาย ทำให้ปรานต์อดยิ้มออกมาไม่ได้ พ่อมักเตือนแม่แบบนี้เสมอเวลาที่แม่เริ่มจะสปอยล์เขา

            “คุณก็...ฉันเป็นห่วงลูกนี่นา” แม่หันไปบ่นพ่อเบาๆ แล้วก็กลับเข้ามาคุยต่อในสาย “ลาออกมั้ย ปรานต์” คุณหญิงยังไม่ละความพยายาม ถามบุตรชายด้วยเสียงที่เบาลงกว่าเดิม

            “แม่ครับ ผมชอบอาชีพนี้ แม่ก็รู้” ปรานต์ตอบคำถามนี้เหมือนเดิม เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มารดาขอให้เขาลาออก

            “รู้น่ะรู้ แต่อาชีพอื่นลูกอาจจะชอบก็ได้ จริงมั้ยจ๊ะ” คุณหญิงพยายามหว่านล้อมเหมือนเช่นทุกครั้งที่ได้คุยกับบุตรชาย

            “ผมรักอาชีพนี้จริงๆ”

            “แล้วทำไมถึงนอนไม่พอ มีอะไรคิดมากหรือเปล่า ยังไม่ตอบแม่เลย” เมื่อเห็นว่าไม่สำเร็จ คุณหญิงจึงวกกลับไปถามเรื่องที่ยังไม่ได้คำตอบ

            “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ”

            “ปรานต์อย่าปิดบังแม่ ถ้างั้นแม่เดาเอง ใช่เรื่องของหนูรันหรือเปล่าลูก” ถ้าบอกว่าคุณหญิงมีตาทิพย์ หูทิพย์ ปรานต์ก็คงจะไม่เถียง เพราะเรื่องที่แม่ของเขาเดาออกมานั้นมันถูกต้อง

            “ก็...ครับ”

            “ทำไมเหรอ รันเขากลับมาขอคืนดีกับลูกหรือเปล่าจ๊ะ” คุณหญิงถาม ภาวนาขอให้ไม่ใช่อย่างที่คิด ขณะเดียวกัน ประมุขของบ้านก็ลดหนังสือในมือลงด้วยเช่นกัน ราวกับกำลังรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

            “ไม่เชิงครับ ผมกับน้อง เรายังไม่ได้คุยกันเลย ผมให้น้องพักที่บ้านพัก ส่วนผมเลี่ยงไปนอนที่ สน.” ปรานต์อธิบายมารดา คุณหญิงทำปากโดยไร้เสียงบอกกับสามีว่ายังไม่คืนดีกัน เท่านั้นเจ้าของบ้านก็เริ่มอ่านหนังสือที่ค้างนั้นต่อ

            “ตายแล้ว ต้องนอนไม่สบายตัวแน่เลย แม่ล่ะเป็นห่วง แล้ววันนี้ยังนอนที่ สน. หรือเปล่าลูก ย้ายไปนอนที่โรงแรมดีมั้ย ไปเลือกห้องแพงๆ เลย ปรานต์นอนแบบนั้นมันไม่ดีต่อสุขภาพนะลูก” ผู้เป็นมารดาบ่นยืดยาวด้วยความเป็นห่วง

  “เอาไงดีคะคุณ ลูกเรา นอนลำบาก ซื้อบ้านที่นั่นเลยดีมั้ยคะ ไปทำเรื่องพรุ่งนี้เลยนะคะ” คุณหญิงหันไปบอกสามีอย่างรวดเร็ว

            “ใจเย็นก่อนคุณ ฟังเจ้าปรานต์มันก่อน” ประมุขของบ้านรีบค้านเพราะรู้จักนิสัยภรรยาของตนดี

            “วันนี้ผมมานอนบ้านของคนที่นี่ครับ เขาใจดีให้ผมพักระหว่างที่น้องยังอยู่ที่บ้านพัก” ปรานต์รีบบอกให้แม่หายห่วงก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างใจที่แม่ของเขาต้องการ

            “อ้าว บ้านใครน่ะลูก จะลำบากเขาหรือเปล่า”

            “ไม่รู้ว่าเขาลำบากหรือเปล่า แต่เขาบอกเต็มใจ ผมนอนที่ห้องของลูกชายเขา แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ปรานต์ไม่กล้าบอกมารดาตรงๆ ว่า คนเป็นแม่ที่เป็นเจ้าของบ้านนี่น่ะเต็มใจ แต่เจ้าของห้องดูไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่

            “ฝากขอบคุณน้องด้วยนะลูก เขาใจดีกันจังเลย” คุณหญิงได้แต่ดีใจที่ลูกชายเธอยังพอมีทางออกอยู่บ้าง

            “ได้ครับ”

            “เรื่องน้องรัน แม่อยากให้ปรานต์ลองคิดลองตรองดูนะลูก ว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อไปดี จะกลับไปคบหรือไม่ ก็แล้วแต่ปรานต์นะ” มารดาบอกบุตรชาย แต่ก็ภาวนาว่าขอให้เลิกกันแล้ว ก็เลิกกันไปเลย อย่ากลับมาคบกันอีกจะเป็นการดีที่สุด

            “ครับ ผมเองตั้งแต่ถูกย้ายมาที่นี่ ก็คิดเรื่องรันหลายครั้ง คงจะไม่กลับไปคบกับน้องอีกหรอกครับ” ปรานต์ตอบสิ่งที่แม่ของตนนั้นเป็นกังวล



            ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า ทั้งบิดามารดาของเขา ไม่ได้รักชอบอะไรในตัววรันต์เท่าไหร่นัก แต่เป็นเพราะว่ารักเขา ทั้งสองจึงไม่อยากให้เขาลำบากใจ แม่ของเขารู้ว่าเขาสูญเงินไปไม่น้อยกับวรันต์ แต่ก็ไม่เคยบ่นหรือว่าอะไร เพราะเคารพการตัดสินใจของตัวเขาเอง


            เลิกกันครั้งนี้ เขาก็คิดว่ามันก็ดีเหมือนกัน แม่กับพ่อดูสบายใจเป็นอย่างมากที่รู้ว่าเขากับอีกฝ่ายนั้นจบความสัมพันธ์กันแล้ว รวมถึงตัวเขาเองพอได้ไตร่ตรองและทบทวนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาก็ตระหนักได้ว่า อันที่จริง เขาควรเลิกกับอีกฝ่ายได้ตั้งนานแล้ว แต่เพราะไม่อยากให้วรันต์ลำบากและเสียใจ เขาจึงยังอยู่เป็นกองเงินกองทองให้คนรักเก่า


            คบกันไปสักพัก เขาก็รู้แล้วว่า วรันต์ไม่ได้เป็นลูกคนรวยหรือมีอันจะกินแต่อย่างใด รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งโกหกยืมเงินเขา โดยไม่คิดจะคืนเงิน และรู้มาตลอดว่าก่อนหน้านี้วรันต์ทำงานอะไร เขารู้มาตลอด แต่เขาไม่เคยพูดให้วรันต์รู้เลย เขาอยากให้วรันต์คิดว่าเขาไม่รู้และมีความทรงจำและภาพดีๆ ของอีกฝ่ายเอาไว้


           เขาจึงแกล้งโง่เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจว่าหลอกเขาสำเร็จ ก็เท่านั้นเอง


           “ให้ฉันนอนฝั่งไหน” ผู้กองหนุ่มกลับเข้าห้องมาอีกทีก็เห็น เจ้าของห้องอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมเปียกหมาดๆ กับเสื้อผ้าที่เปลี่ยนเป็นชุดนอนนั้นเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกได้ดี

           “ฝั่งไหนก็ได้ แต่ผมติดหมอนข้าง ผู้กองเหลือไว้ให้ผมอันหนึ่งนะ” น้ำที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานตรงปลายเตียง หันกลับไปบอกคนร่วมห้อง

           “ฉันนอนก่อนแล้วกัน” ผู้กองปรานต์หยิบหมอนข้างที่อยู่บนที่นอนวางไว้กับพื้นอันหนึ่ง เหลือไว้เพียงหนึ่งอันตามที่เจ้าของห้องร้องขอเอาไว้ พร้อมเอ่ยบอกลา ฝืนถ่างตาแทบไม่ไหวแล้ว

          “ง่วงแล้วเหรอ อ้อ ลืมไป ไม่ค่อยได้นอนสินะ” ไอ้น้ำพูดออกมาเพราะเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่าย

          “อืม”

         “แสงไฟแยงตาหรือเปล่า เดี๋ยวผมปิดจอคอมฯ นี้ก็แล้วกัน” ปกติน้ำจะใช้จอคอมพิวเตอร์อันใหญ่ของยี่ห้อหนึ่งทำงาน แต่แสงมันค่อนข้างสว่างมาก และส่องไปทางที่นอนเต็มๆ เขาเองก็กลัวว่าคนที่พักผ่อนน้อยจะนอนหลับไม่สนิท

         “ไม่เป็นไรหรอก ฉันนอนได้ จะเปิดหรือปิดไฟก็ได้ทั้งนั้น ตามสบายเจ้าของห้องเถอะ”

         “ปิดไฟดีกว่า จะได้นอนหลับสนิท” น้ำปิดไฟกลางห้องรวมถึงดับหน้าจอคอมพิวเตอร์จอใหญ่นั้นด้วย คงเหลือไว้เพียง    โน๊ตบุค

         “ทำงานเหรอ” คนที่คิดว่าหลับไปแล้วถามขึ้นท่ามกลางความมืด

         “ครับ”

        “งานอะไร”

        “ขีดๆ เขียนๆ มั่วไปเรื่อย ไหนว่าง่วง นอนได้แล้วผู้กอง” น้ำเปลี่ยนเรื่อง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่อยากบอกว่าตัวเองทำงานอะไร


        น้ำแปลกใจตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะบอก ไม่ใช่หรือไง


        “ฝันดีครับ” ผู้กองไม่โต้แย้ง พูดบอกลาอีกฝ่ายตามความเคยชิน แล้วก็หลับลงไปอย่างรวดเร็ว


         ทิ้งให้คนฟังใจเต้นกับคำพูดนั้น บ้าจริง


          “น้ำ เอ๊ย ไอ้น้ำ ตื่นหรือยัง ปลุกผู้กองเขาลุกมาทานข้าวก่อนไปทำงานได้แล้ว” รุ่งเช้า แม่น้อยมาเคาะประตูเรียกเบาๆ ไม่กล้าเปิดเข้ามาเพราะมีแขกพักอยู่ร่วมกับบุตรชาย


          “จ้ะ ตื่นแล้ว” ไอ้น้ำสะลึมสะลือตอบผู้เป็นมารดาที่รักยิ่ง


          เขาขยี้ตาเป็นอย่างแรก เมื่อคืนกว่าจะนอนก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว ตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อตอนที่เขาปิดโน๊ตบุคและลากสังขารมานอนบนเตียงฝั่งที่ว่างไว้และกอดหมอนข้าง นอนหันหลังให้คนร่วมเตียงก่อนจะหลับไป


          แต่เช้านี้มันนอนในสภาพนี้ได้ยังไง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปก็สบตาเข้ากับนัยน์ตาคมของคนทำหน้าที่แทนหมอน ผู้กองยิ้มให้คนในอ้อมแขน รอดูปฏิกิริยา ไอ้น้ำเห็นอย่างนั้น ก็ตั้งท่าเตรียมจะแหกปากด้วยอารามตกใจตั้งแต่เช้า แต่ก็ถูกมือของผู้กองเลื่อนมาปิดปากเอาไว้ได้ทันเสียก่อน


          “อย่าเสียงดัง เดี๋ยวแม่น้อยตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น” ผู้กองที่สังเกตอาการของน้ำตั้งแต่ตอนที่ตื่นนอนใหม่ๆ อยู่ก่อนแล้ว คิดไว้ไม่มีผิด ว่าเจ้าตัวจะต้องแสดงออกมาแบบนี้แน่ๆ

          “อื้อ ปล่อย” น้ำพยักหน้าว่าโอเคพร้อมกับส่งเสียงในลำคอให้ปล่อย ผู้กองจึงค่อยละมือออกมาจากปากของคนที่เพิ่งสงบจากการเตรียมโวยวาย


          น้ำพยายามสงบจิตใจ จะไม่ให้เขาตกใจได้ยังไง ในเมื่อสภาพของเขาตอนนี้คือนอนกอดผู้กองเต็มตัว ขาขวาก่ายเกยขึ้นมาแทบจะเกินครึ่งตัวของคนร่วมเตียง ยังศีรษะ ที่หนุนแขนคนข้างๆ ต่างหมอนนั่นอีก มือขวาก็ไม่วายพาดผ่านที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ


          หมอนข้างล่ะ หมอนข้างหายไปไหน ทำไมผู้กองถึงกลายเป็นหมอนข้างของเขาไปได้


          “ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” น้ำยิ้มแหยพร้อมกับค่อยๆ ขยับร่างของตัวเองกลับมาที่นอนฝั่งของตัวเอง หางตาเหลือบไปเห็นหมอนข้างที่ตกลงไปข้างเตียง

          “เชื่อแล้วว่าติดหมอนข้างจริงๆ”

          “นอนหลับสนิทหรือเปล่า ผมนอนดิ้น นอนกรน หรือเปล่า” น้ำถามเพราะเขาไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใคร เลยไม่สามารถบอกได้ว่าตนเองเวลานอนนั้นเป็นประเภทไหน

         “ไม่ดิ้น ไม่กรน แต่ตัวอุ่นดี” ผู้กองตอบพลางลุกขึ้น ยิ้มด้วยความอารมณ์ดีเพราะคิดว่าเช้านี้แกล้งอีกฝ่ายพอแล้ว

         “ผู้กอง!!” อายุจนเข้าวัยนี้ ไอ้น้ำก็คิดว่าหน้าแดงจนร้อนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

         “ถือว่า ตอบแทนที่ให้นอนด้วยก็แล้วกัน” ผู้กองพูดสองแง่สองง่ามแล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปก่อนที่จะไอ้น้ำจะโวยวายตามหลังได้ทัน


         ผู้กองหัวเราะกับตัวเอง น้ำคงตกใจแทบแย่ ที่ตื่นมาในอ้อมกอดของเขา ทีแรกตอนที่เขาตื่นมาก็ตกใจเหมือนกัน เตรียมจะดึงอีกฝ่ายออกจากตัวของเขา แต่พอเห็นเด็กหนุ่มอ่อนวัยกว่านอนหลับสบายเลยไม่อยากจะขยับตัวให้เจ้าของห้องนั้นต้องตื่นก่อนเวลา


         รู้สึกดีเหมือนกัน


         ในขณะที่คนสองคนในห้องของไอ้น้ำต่างนอนหลับสนิท แต่คนที่อยู่บ้านพักของผู้กองนั้นกลับนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะกลัวผีตามที่บอกคนรักเก่าไว้ แต่เพราะสมองของเขาเฝ้าคิดสงสัย น้ำ เด็กหนุ่มที่อายุอานามไล่เลี่ยกับเขา ที่มากับ  ผู้กองเมื่อคืนนี้ เขาเดินวนเวียนอยู่ในบ้านคิดไปคิดมาทั้งคืนว่าสองคนนั้นมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกว่าที่เห็นหรือเปล่า


         วรันต์คิดไม่ตก คนนั้นดูไม่น่าไว้ใจ อยู่บ้านนอกแท้ๆ อาจจะพอรู้ว่าผู้กองปรานต์ร่ำรวยจนอยากจะจับอีกฝ่ายไว้เหมือนเขาก็ได้ โอ้ย นี่เขาต้องมาแข่งกับคนแบบนี้เหรอเนี่ย เขาจะแพ้ไม่ได้


         ตั้งแต่มาที่นี่ เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับคนรักเก่าจริงจังเสียที ผู้กองเองก็เหมือนรู้ว่าเขามาหาด้วยจุดประสงค์อะไรจึงพยายามหลีกเลี่ยงอยู่ตลอดเวลา คงจะกลัวใจอ่อนสินะ วรันต์กระหยิ่มยิ้มด้วยความเป็นต่อ ผู้กองปรานต์รักเขามากแค่ไหน ไม่มีทางที่เวลาเพียงเดือน สองเดือน จะทำให้ผู้กองนั้นตัดใจจากเขาได้หรอก


            เอาล่ะ เขาจะมัวใจเย็นต่อไปไม่ได้แล้ว คงจะเดินหน้าเต็มขั้นเสียที


            “สวัสดีครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ” จ่าสมหมายทักทายต้อนรับประชาชนที่ไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย

            “อืม ฉันมาหาพี่ปรานต์ เขาอยู่มั้ย” วรันต์ถาม

            “ผู้กองปรานต์อยู่ในห้องครับ”


            “ขอบใจ” วรันต์ยิ้มให้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่เคาะบอก

            “พี่ปรานต์ครับ” อดีตคนรักเก่าอย่างวรันต์ส่งเสียงหวานเรียกชื่ออีกฝ่ายทันทีที่เปิดประตู

            “แค่นี้ก่อนนะจ่า” ผู้กองปรานต์ไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะระหว่างที่คุยงานกับจ่าสมคิด แต่จะให้เอ่ยปากไล่ตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เขาจึงตัดบทกับผู้ใต้บังคับบัญชาไปก่อนเพราะอันที่จริงก็คุยเสร็จเรียบร้อยแล้ว

            “ครับ ผู้กอง” จ่ารับคำแล้วออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

            “มีอะไรหรือรัน มาหาพี่ถึงที่นี่” ผู้กองถามขึ้นเมื่ออยู่ตามลำพัง

            “รันเหงา ก็เลยมาชวนพี่ปรานต์ไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน”

            “แต่พี่....” ปรานต์อยากจะปฏิเสธ แต่เพราะเขาไม่ใช่คนที่โกหกเป็นปกตินิสัย จึงคิดหาข้ออ้างไม่ทัน

            “นะครับ ตั้งแต่รันมาที่นี่ รันยังไม่ได้กินข้าวกับพี่ปรานต์เลย”

            “ตอนบ่ายพี่มีงาน”

            “รันทราบครับ รันรู้ว่าพี่คงโกรธรัน คงไม่อยากแม้แต่จะมองหน้ารันแล้วใช่มั้ยครับ” วรันต์ทำหน้าเศร้าให้คนรักเก่านั้นใจอ่อน

            “เปล่า พี่ไม่ได้โกรธรัน” อยากปฏิเสธไร้เยื่อใย แต่เห็นใบหน้าคนเคยรักแล้วผู้กองก็ลำบากใจไม่น้อยทีเดียว

            “ถ้าไม่ได้โกรธ ก็ไปกินข้าวกับรันนะครับ แค่มื้อเดียวก็ยังดี” วรันต์พยายามเดินหน้าไล่รุกอีกฝ่าย

            “พี่...”

            “นะครับ ... รันคิดถึงพี่ปรานต์”


            ผู้กองหนุ่มใจอ่อนจนได้


            “พี่ปรานต์อยากทานอะไรครับ วันนี้รันจะบริการพี่เอง” วรันต์ถามอย่างเอาใจ ขณะที่พลิกหน้าเมนูอาหาร

            “พี่ทานอะไรก็ได้ แล้วแต่รันเลย”

            “อืม ถ้าอย่างนั้นรันสั่งของโปรดพี่ปรานต์ละกันนะครับ” ปรานต์เองก็ต้องยอมรับว่า ถึงวรันต์จะเอาแต่ใจ แต่การเอาใจของอีกฝ่ายนั้นก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันเลย


            อาหารหลายเมนูถูกจัดวางลงตรงหน้าในเวลาไม่นานนัก ปรานต์เริ่มลงมือทาน ส่วนวรันต์ก็คอยตักอาหารแต่ละอย่างเอาใจอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา

            “รัน ทานด้วยสิ อย่ามัวแต่ห่วงตักให้พี่”

            “ก็วันนี้รันบอกแล้วไงครับจะดูแลพี่ปรานต์เอง”

            “ทานเข้าไปบ้าง เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะเอาได้” ผู้กองเตือนด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับตักอาหารไปให้วรันต์ด้วย

            “ขอบคุณครับ นึกว่าพี่ปรานต์จะไม่ห่วงรันเสียแล้ว” วรันต์ตอบเสียงสั่น พอเงยหน้ามาใบหน้าหวานก็เต็มไปด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า

            “พี่ห่วงรันเสมอนะครับ” ผู้กองเห็นแล้วก็ใจไม่ดี เกลี่ยน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ

            “พี่รู้มั้ย รันรักพี่ รักพี่ปรานต์นะครับ รันขอโทษที่วันนั้นรันพูดไม่คิด รันโกรธ รันน้อยใจ ก็เลยพูดจาพล่อยๆ แบบนั้นออกไป” วรันต์คิดว่านี่แหละถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เขาเลยรีบพูดเรื่องระหว่างเขากับปรานต์ทันที ก่อนที่โอกาสนี้จะหลุดมือไป

            “พี่รู้ว่ารันไม่ตั้งใจ”

            “รันเสียใจ เสียใจจริงๆ พี่ปรานต์ยกโทษให้รันนะครับ” รันขยับตัวเข้ามาใกล้อีกฝ่ายพร้อมกับจับแขนของผู้กองเอาไว้ราวกับยึดเป็นที่พึ่งของตัวเอง

            “พี่ไม่เคยโกรธรัน พี่เคยบอกรันไปแล้วนี่ครับ” ผู้กองวางมือข้างที่ว่าง ลงบนมือของอีกฝ่ายเพื่อเป็นการปลอบใจ

            “ถ้าอย่างนั้น เรากลับมาคบกันดีมั้ยครับ รันสัญญาจะไม่ทำตัวงี่เง่าแบบนี้อีก แล้วจะมาอยู่ที่นี่กับพี่ปรานต์นะครับ” วรันต์ยื่นข้อเสนอที่คิดว่าปรานต์น่าจะสนใจ



            ถ้าปรานต์ตอบตกลงแล้ว ภายหน้าเขาค่อยหาทางเลี่ยงก็ได้ ตอนนี้อะไรที่คิดว่าพูดดีแล้วจะดีกับตัวเอง เขาต้องเค้นมันออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้


            “พี่คิดว่า ที่เป็นอยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว” คำตอบของปรานต์ ทำให้วรันต์หน้าผิดสี นี่ผู้กองปฏิเสธเขาอย่างนั้นเหรอ


            “ทำไมพี่ปรานต์ ถึงพูดอย่างนั้นล่ะครับ” วรันต์กลั้นใจถาม

            “พี่รู้ว่ารันเองอยากทำเพื่อพี่ แต่พี่ก็ทิ้งอาชีพนี้ไปไม่ได้ และพี่ไม่อยากปิดโอกาสของรัน ถ้ามีคนดีๆ เข้ามา รันจะได้ไม่ต้องลำบากใจเพราะพี่”

            “รันไม่ต้องการคนอื่น รันต้องการพี่คนเดียว” วรันต์กอดแขนอีกฝ่ายแน่นขึ้น ซบใบหน้าลงบนต้นแขนของอดีตคนรัก น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย

            “รันเชื่อพี่เถอะนะ ชีวิตรันจะต้องได้เจอคนดีๆ อีกมาก”

            “ครับ” วรันต์รับคำได้ค่อนข้างสงบ จนผู้กองปรานต์แปลกใจ






            ภายใต้คราบน้ำตา ใบหน้าซ่อนความคิด วรันต์ให้สัญญากับตัวเองว่า เขาจะต้องเอาบ่อเงินบ่อทอง กลับมาอยู่ในอุ้งมือเขาให้ได้!!




====================================

ผู้กองรู้มากนะเนี่ยยยยย

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบห้า ไม่พูดใช่ว่าไม่รู้ P4 08/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-05-2018 13:23:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบห้า ไม่พูดใช่ว่าไม่รู้ P4 08/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 08-05-2018 13:32:28
โอ้ยย ขัดใจผู้กอง เรื่องอื่นก็เห็นเก่งดี ทำไมเรื่องนี้ไม่ทำให้จบล่ะคะ ตัดบัวอย่าให้เหลือใยสิผู้กองง น้ำมาช่วยอิผู้กองขี้ใจอ่อนที
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบห้า ไม่พูดใช่ว่าไม่รู้ P4 08/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-05-2018 15:09:43
ผู้กองไม่เด็ดขาดเลยนะ ปล่อยคาราคาซังไปได้
ว่าแต่น้ำ หมอนข้างมีชีวิตกอดอุ่นไหมนะ อิอิอิ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบห้า ไม่พูดใช่ว่าไม่รู้ P4 08/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 08-05-2018 16:05:42
ผู้กองใจดีเกินไป ถ้ารู้แบบนี้แล้วควรจัดการแฟนเก่าให้เด็ดขาดไปเลย ไม่ต้องถนอมน้ำจงน้ำใจกันแล้ว

มาด้วยความไม่จริงใจแค่ต้องการเงิน หึ
ผู้กองควรเด็ดขาดกับคนแบบนี้
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบห้า ไม่พูดใช่ว่าไม่รู้ P4 08/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-05-2018 16:50:33
ผู้กองเป็นคนดีนะดีแล้ว แต่จะดีกะรันไม่เอาอะ ดูความคิดสิ โห๊ะ... "เลว" ใช้คำนี้ยังน้อยไปนะเนี้ย
แล้วยังจะมาคิดว่าน้องน้ำจะเป็นเหมือนตัวอีก ผู้กองต้องเด็ดขาดค่ะ ไล่ไปเลย อย่างนี้อ่ะ
สนุกมากค่ะ เข้ามาหลายรอบแล้วไม่ได้อ่านสักที่ วันนี้อ่านรวดเดียวเลย ไม่มีเป็ดให้บวก เดะไปให้กำลังใจอีกทีเน๊าะ  :mew1:
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบห้า ไม่พูดใช่ว่าไม่รู้ P4 08/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 08-05-2018 17:31:14
 :fire:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบห้า ไม่พูดใช่ว่าไม่รู้ P4 08/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-05-2018 22:25:53
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบห้า ไม่พูดใช่ว่าไม่รู้ P4 08/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-05-2018 00:41:35
 :z3:


แม่ตานี ช่วยน้ำด้วยยยยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบห้า ไม่พูดใช่ว่าไม่รู้ P4 08/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 11-05-2018 16:12:46


งวดสิบหก กลับมาทำไม
 


            “วันนี้พาแม่น้อยไปวัดมาเหรอ” ผู้กองหนุ่มถามขึ้นขณะที่กำลังอ่านอะไรบางอย่างในโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้ผู้กองปรานต์กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงกับผนังเตียงด้วยอิริยาบถที่ค่อนข้างผ่อนคลายทีเดียว


            “ใช่ คนแก่ล่ะนะ คิดว่าที่ป่วยส่วนหนึ่งก็มาจากบาปบุญของตัวเอง เลยพาไปทำบุญเสียหน่อย” น้ำตอบโดยไม่หันหน้ากลับมา ชายหนุ่มตอบจากโต๊ะทำงานที่ผู้กองมักจะเห็นคนที่นั่งหันหลังนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้นเสมอตั้งแต่เขามานอนที่นี่ตั้งแต่คืนแรกจนล่วงเข้าคืนที่สาม

            “แม่ฉันก็ชอบเข้าวัดทำบุญเหมือนกัน แค่นี้?” ผู้กองหนุ่มยังชวนคุยต่อ

            “อืม ก็ไหว้พระ ถวายสังฆทาน ไปเสี่ยงเซียมซีมาด้วย”

            “หืม? เซียมซี เชื่อเรื่องดวงพวกนี้ด้วย?” ผู้กองถามด้วยความสนใจ

            “แม่ให้เสี่ยงดวงลองดูอะ ก็ทำตามแม่ไป”

            “ได้เลขอะไรมาล่ะ”

            “สิบเจ็ด พรุ่งนี้จะเอาไปซื้อหวย” น้ำบอกด้วยความมุ่งมั่น พรุ่งนี้หวยออกแล้ว นึกว่างวดนี้จะไม่ได้เลขอะไรมาเสียแล้ว ยังดีที่ได้เลขจากการเสี่ยงเซียมซี

            “พูดว่าไงนะ?”

            “บอกว่าจะเอาเลขสิบเจ็ดเนี่ยอะ ไปซื้อล็อตเตอรี่ไง” โชคดีที่เจ้าตัวไหวตัวทันจึงเอาตัวรอดไปได้

            “แล้วไป ฉันไม่จับที่นายเดินโพยหวย แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่จับที่ซื้อหวยหรอกนะ” ผู้กองขู่ หวังว่าอีกฝ่ายจะกลัวคุกกลัวตะรางบ้าง

            “ไม่ซื้อหรอก ใต้ดง ใต้ดินอะไร โอ๊ย เล่นไม่เป็น ซื้อล็อตเตอรี่ช่วยรัฐบาล ช่วยชาติดีกว่า จริงมั้ย” เรื่องแถเนี่ย ไอ้น้ำถนัด

            “บ้าหวยจนเข้าเส้นแล้วใช่มั้ย” ผู้กองพูดกึ่งประชด เพราะคนตรงหน้าเขาเนี่ย มันพูดไปอย่างนั้นเอง เขาได้ยินเสียงเจ้าของห้องคลิ๊กเมาสัรัวๆ อยู่ครู่ใหญ่ เจ้าตัวก็พับหน้าจอโน้ตบุคลง

            “ผู้กองจะนอนหรือยัง ผมปิดไฟนะ”

            “อืม ปิดเถอะ จะนอนแล้วเหมือนกัน” น้ำเดินไปปิดไฟแล้วทรุดตัวลงนอนฝั่งประจำของตัวเอง


            หลังจากเช้าวันแรกที่ตื่นมาในอ้อมกอดของอีกฝ่าย ไอ้น้ำก็ท่องพร้อมกับสวดภาวนาบอกตัวเองทุกคืนว่าจะไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีก ชายหนุ่มนอนกอดหมอนข้างแน่น พยายามไม่ขยับเขยื้อนตัวเองให้มากที่สุด วันแรกยังพอทน ถ้ามีวันอื่นด้วย กลัวผู้กองจะหาว่าเขาจงใจไปกอดอีกฝ่ายก็ได้


            แต่เช้าวันที่สอง เขาก็ตื่นขึ้นมาพบว่า ตัวเขาก็นอนกอดเอวของผู้กองอยู่ดี แถมมีการพัฒนาก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นด้วย ศีรษะที่เคยหนุนแขนของอีกฝ่ายในวันแรก คราวนี้ขึ้นไปนอนบนอกเลยเว้ย แล้วผู้กองทำหน้ายังไงล่ะ ก็เหมือนเดิม ยิ้มนิดๆ ให้เขา ตางี้หวานเชียว น้ำแทบเด้งตัวออกจากอีกฝ่ายแทบไม่ทัน


            ไอ้น้ำจะบ้าตาย


            “นี่...ผู้กอง หลับยัง” น้ำที่นอนกอดหมอนข้างหันหลังให้ผู้กองถามขึ้นท่ามกลางความมืด

            “ยัง เรียกทำไม”  ผู้กองหนุ่มตอบเสียงเบา ฟังจากเสียงแล้วคงง่วงจวนหลับเต็มที

            “คุณรัน เขายังไม่กลับเหรอ”

            “อืม ถ้ากลับแล้ว ฉันยังจะมานอนที่นี่ต่อได้ยังไง ถามอะไรแปลกๆ” ผู้กองว่า

            “ก็จริง แล้วคุยกันยังอะ”

            “คุยอะไร”

            “เรื่องผู้กองกับคุณรันไง”

            “คุยแล้ว” ผู้กองตอบสั้น เพราะรู้ว่าไอ้คนร่วมเตียงเนี่ยมันถามเพราะมันอยากรู้อยากเห็น มากกว่าที่ถามเพราะเป็นห่วง

            “จริงดิ” ไอ้น้ำรีบพลิกตัวกลับมาหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ต่อมอยากรู้มันทำงานหนักมากจนเขาต้านทานมันไม่ไหวแล้ว


            แต่แล้วไอ้น้ำก็ต้องหยุดชะงักลง เขากลับเจอดวงตาของผู้กองที่จ้องมองเขาอยู่แต่แรกแล้ว ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าดวงตาของทั้งคู่ต่างจ้องมองกันเงียบๆ ในความมืด

            “เอ่อ...เล่าให้ฟังหน่อย” น้ำคิดว่า เดดแอร์มันเกิดขึ้นนานไปแล้ว จึงพูดเรื่องที่ค้างคาไว้เพื่อทำลายความเงียบ

           “เรื่อง?” ผู้กองถามกลับ

           “เอ้า ก็เรื่องผู้กองกับคุณรันไง”

           “ไม่มีอะไร” ไม่ใช่ว่าปรานต์จะเฉไฉแกล้งไม่ตอบ แต่เรื่องของเขามันไม่มีอะไรน่าเล่าจริง และเขาก็เป็นอย่างที่ วรันต์พูดอยู่บ่อยๆ ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะคอยมาเล่าเรื่องตัวเองเท่าไหร่

           “มีสิ มันต้องมี ผู้กองเขินใช่มั้ย มาๆ เดี๋ยวผมจะสัมภาษณ์เอง เห็นอย่างนี้ ผมเคยรับจ๊อบงานสัมภาษณ์นายแบบ นางแบบมาแล้วนะ ตอนที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ” น้ำลืมตัว เผลอเล่าเรื่องราวสมัยอดีตของตัวเองออกมา

           “เหรอ ทำงานอะไรล่ะ”

           “อย่ามาหลอกถาม ทีผู้กองยังไม่พูดเรื่องตัวเองเลย”

          “เล่ามาสิ แล้วฉันจะเล่าคืน ตกลงมั้ย” ผู้กองต่อรอง



          เขาสังเกตพฤติกรรมของอีกฝ่ายมาสองสามคืน เห็นว่าเจ้าของห้องนี้ ไม่ได้ลอยชายไปมา หรือเป็นคนไม่ทำการทำงาน เจ้าตัวมีงานทำ แต่ไม่เคยป่าวประกาศหรือเปิดเผย เห็นได้ชัดจากที่แม่ของน้ำ บ่นลูกชายว่าให้ไปหางานทำสักที แต่น้ำก็บ่ายเบี่ยง อ้างความสบายหรืออ้างว่าไปขูดหวยเล่นก็เพลินไปอีกแบบ


           ทำไมต้องกลัวว่าคนจะรู้ว่าตัวเองมีงานมีการทำ


          “ฉันอยากเป็นตำรวจตั้งแต่เด็ก ก็มุ่งมั่นเรื่องนี้มาตลอด จนเข้ารับราชการ มาจนถึงทุกวันนี้” ผู้กองคิดว่าถ้ารออีกฝ่ายรับข้อตกลง คงจะยากเขาเลยเริ่มเรื่องของตัวเองก่อนก็แล้วกัน

          “ทำไมถึงอยากเป็นตำรวจ”

          “อย่าข้ามสเต็ปสิ นายล่ะ ทำงานอะไรตอนอยู่ที่นั่น” ปรานต์หมายถึง ช่วงที่น้ำใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุง

          “กราฟฟิค ดีไซเนอร์” คำตอบของน้ำ ทำให้ผู้กองผิวปากออกมา

          “ไม่เบาเลยนะเนี่ย ตอนเด็กที่อยากเป็นตำรวจเพราะเห็นว่าอาชีพนี้เท่ดี เจ๋งด้วย คิดแบบเด็กๆ ล่ะนะ แต่พอโตขึ้นฉันอยากช่วยคนจริงๆ”

          “สุดยอดว่ะผู้กอง ปณิธานแน่วแน่มาก” น้ำปรบมือในความมืด ระวังเสียงไม่ให้ดังเกินไป เพราะกลัวแม่น้อยกับน้ำฝนจะด่าข้ามห้องมา

            “นายล่ะ ชอบอาชีพนี้แต่แรกเลยเหรอ”
         
           “เปล่าหรอก ผมเป็นเด็กสมัยใหม่ที่เรียนโดยไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เรียนตามเพื่อน ว่าตามเพื่อน แต่โชคดีว่าเผอิญเรียนได้ไม่โดนรีไทร์ เลยเรียนจบ เท่านั้นแหละ”

            “แล้วอยากทำอะไร”

            “ไม่รู้ เล่นหวยมั้ง อ๊ะๆ แค่พูดเฉยๆ อย่าเพิ่งมาจับกัน” ไอ้น้ำรีบท้วง เขาไม่อยากนอนหลับไปพร้อมกับกุญแจมือของตำรวจหรอกนะ

            “ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ร้อนตัวไปได้ แล้วทำไมไม่ทำงานต่อที่นั่น” ผู้กองถาม จังหวะเดียวกันน้ำก็ถามขึ้นมาเหมือนกัน

            “แล้วทำไมผู้กองไม่กลับไปคบกับคุณรันล่ะ”

            “รู้ได้ไงว่าไม่กลับไปคบ”

            “ถ้าคบกัน ผู้กองจะมานอนหนาวคนเดียวเหรอ ป่านนี้แจ้นไปนอนกับแฟนแล้ว” ไอ้น้ำพูด เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ทำไมจะดูไม่ออก

            “ก็ไม่หนาวนะ ทุกเช้าก็อุ่นดี”

            “คนหลับจะไปรู้ตัวได้ไง แล้วบอกไว้ก่อนนะ ไม่ได้อยากกอดสักหน่อย อย่าได้ใจไปเลยเหอะ”

            “ไม่ได้ว่าอะไร ตลกดีนะ เวลาที่นายมีพิรุธมันออกมาหมด ไม่ต้องถึงมือตำรวจ ใครเห็นก็ดูออก”

            “ผะ...ผม..ไม่ได้โกหกนะ” น้ำพยายามปฏิเสธแต่พิรุธมันก็ยิ่งเด่นชัด คำพูดติดขัดเป็นคำตอบที่เห็นได้อย่างชัดเจน

            “รู้ว่าไม่ได้โกหก แต่ปฏิเสธไม่ได้ใช่มั้ยว่า ไม่ได้เขิน”

            “.....” น้ำเงียบ ก็มันถูกต้องอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ เบื่อผู้กอง ไอ้คนรู้ทันโว้ย รู้ทันไปหมดทุกเรื่อง


            ถ้ารู้ทันแบบนี้ก็น่าจะรู้ทันวรันต์ด้วยหรือเปล่า ไอ้น้ำเริ่มสงสัย เขาไม่รู้หรอกว่า ทั้งสองคนมีเรื่องอะไรภายในมากน้อยแค่ไหน ก็แค่เดาเอาจากสถานการณ์ แต่ขอโทษเถอะ ความรักมันทำให้คนตาบอด ผู้กองอาจไม่รู้เรื่องอะไรก็ได้

            “คิดอะไร” ผู้กองถามขึ้นเมื่อเห็นไอ้น้ำ จ้องเขาตาแป๋ว แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ

            “ทำไมไม่กลับไปคบกับคุณรันล่ะ ผู้กองไม่ได้รักเขาแล้วเหรอ”

            “ตอบตรงๆ ก็คงต้องบอกว่า อย่างนั้นล่ะมั้ง”

            “ยังไงอะ”

            “รันไม่ได้รักฉันอย่างที่เป็นฉัน เขาควรไปเจอคนที่เขารักจริงๆ” ผู้กองตอบ


            พระเอกไปอีก ไอ้น้ำคิด คำพูดมันดูสุภาพเกินไปเปล่าวะ มันไม่ใช่อะ

            “พูดตรงๆ เถอะ ปกป้องคุณรันเหลือเกิน” น้ำไม่อยากจะประชด แต่มันก็ชวนให้หมั่นไส้

            “รันไม่ได้รักฉัน เขารักที่ฉันตามใจเขา และให้สิ่งที่เขาต้องการได้ก็เท่านั้น”

            “อ้อ รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์ รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย” ไอ้น้ำร้องเพลง เพลงหนึ่งขึ้นมาลอยๆ กะแล้วไม่มีผิด ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น


            อืม ถ้าเป็นตัวเขาเอง หลุดพ้นมาได้ก็คงจะดีเหมือนกันล่ะมั้ง


            “เพลงอะไร”

            “ไม่เคยฟังเหรอ เพลงดังนะ ถึงจะดังในสมัยก่อนก็เถอะ แล้วคุณรันเขาจะกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่อะ”


            “ไม่รู้เหมือนกัน นายคงลำบากใจใช่มั้ย ที่ฉันมานอนร่วมห้องด้วย เอาอย่างนี้ เดี๋ยวยังไงฉันบอกแม่น้อยเองแล้วกันว่าขอไปนอนโรงแรม” คำถามของน้ำ ทำให้ผู้กองฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าวรันต์ไม่กลับล่ะ เขาจะมานอนค้างอยู่ที่นี่ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้

            “ไม่ใช่ๆ ผมไม่ได้ลำบากอะไร แล้วห้ามไปพูดแบบนี้กับแม่นะ แม่ได้มาด่าผมบ้านแตกว่าทำตัวให้ผู้กองรู้สึกว่าไม่เต็มใจ พอดีพอร้ายไล่ผมกลับกรุงเทพฯ ไปหางานทำอีก ผู้กองนอนได้ นอนไปเถอะ” ไอ้น้ำรีบท้วงก่อนที่งานจะเข้าตัวเอง

            “พูดถึงเรื่องกลับไปกรุงเทพฯ นายไม่คิดกลับไปทำงานที่นั่นเหรอ”

            “ตอนนี้ยังอะ”

            “อยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันไม่ค่อยดีหรอก” ผู้กองเตือนด้วยความหวังดี ถึงจะมีงานทำหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในห้อง แต่มันก็ยังไม่ได้เป็นหลักประกันว่าทุกอย่างจะไปได้ดี ไม่เหมือนกับมีงานทำเป็นหลักแหล่ง

            “ช่างผมเถอะน่า”

            “ทำใครท้องอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือไง ถึงไม่กล้ากลับไป”

            “เฮ้ย บ้าเหรอ ไม่เคยเลยเหอะ” ไอ้น้ำเสียงดัง ได้ยินเสียงแม่น้อยตะโกนขึ้นมาว่า


            ‘เสียงดังอะไรกลางค่ำกลางคืน เดี๋ยวข้าลุกไปด่าเลย’


            “ขอโทษจ้ะ แม่” ไอ้น้ำตอบทั้งที่มารดาคงไม่ได้ยินหรอกเพราะพูดเสียงเบาแทบจะเป็นกระซิบ

            “เรื่องผู้หญิง?”

            “....”

            “อกหักสินะ” ผู้กองสรุปจากอาการนิ่งเงียบนั้น อย่างที่เขาเคยบอก น้ำเป็นคนโกหกไม่เก่งเลย

            “....”

            “ระยะทำใจ เรื่องนี้ฉันก็พอเข้าใจ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมนายต้องปิดบังแม่น้อยเรื่องงานด้วย”

            “ก็...” น้ำถอนหายใจ “ พูดแล้วอย่าหัวเราะล่ะ”

            “ไม่หัวเราะ”

            “สัญญา?”


            “อืม สัญญา”

            “เป็นตำรวจห้ามผิดคำพูดด้วย” น้ำขู่ก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเอง

            “คนที่นี่แต่งงานกันเร็ว ถึงแม่ผมจะไม่ได้หัวเก่าที่เร่งรัดให้รีบแต่งงาน แต่คนอื่นไม่ได้คิดแบบนี้ด้วย แล้วถ้าเขารู้ว่าผมมีงานทำ มีเงินเลี้ยงครอบครัวได้ ผู้กองว่าผมจะรอดจากลูกสาวบ้านอื่นมั้ย ไม่ได้อยากคุยนะ แต่หน้าตาอย่างผม สาวๆ ก็สนเพียบนะครับ” น้ำไม่อยากคุย แต่ก็คุยออกมาอยู่ดี

            “ไม่อยากแต่งงาน?”

            “เพิ่งจะอกหักมา ใครเขาจะอยากแต่งงานกัน ขอทำใจก่อนได้มั้ย”

            “แล้วมันดีขึ้นหรือยัง”

            “อะไรดีขึ้น” น้ำถามไม่เข้าใจว่าผู้กองจะถามอะไร

            “หัวใจน่ะ มันดีขึ้นหรือยัง”

            “ผู้กองก็เพิ่งโดนหักอกเหมือนกันมาไม่ใช่เหรอ มันก็คงพอๆ กันนั่นแหละ” ของพวกนี้มันอธิบายเป็นความรู้สึกไม่ได้ น้ำเลยย้อนถามผู้กองกลับเพราะคิดว่าความรู้สึกก็คงไม่ต่างกัน

            “ผิด ไม่ใช่เสียหน่อย”

            “ผิดได้ไงล่ะ”

            “ฉันไม่ได้โดนหักอกมา แต่เป็นคนบอกเลิกรันเอง แล้วอีกอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว”

            “ไม่เสียใจเลยเหรอ”

            “ก็มีบ้างช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”

            “ลืมเร็วว่ะ” เขารู้สึกอิจฉา เพราะเขาผ่านมาก็หลายเดือนแล้ว อาการมันแค่ดีขึ้น แต่มันยังไม่ลืม

            “ไม่มีใครลืมความรักได้หรอก แต่พอดีมันมีอะไรที่น่าสนใจกว่าเท่านั้นเอง” ผู้กองจงใจตอบกำกวมให้น้ำคิดเอง

            “งานสินะ” น้ำเดา

            “ก็คงงั้น” ผู้กองเลือกตอบสั้นๆ ตั้งใจให้อีกฝ่ายคิดอย่างที่เจ้าตัวบอก



            แล้วต่างฝ่ายต่างเงียบกันไป น้ำได้ยินเสียงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะของคนข้างๆ ก็รับรู้ได้ว่าบัดนี้ผู้กองหนุ่มที่ทำงานมาทั้งวันได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปพบกับพระอินทร์เสียแล้ว แต่เขานี่สิตอนนี้ตาแข็ง นอนไม่หลับ เพราะมัวแต่คิดถึงผู้หญิงที่หักอกเขา



            ทุกวันนี้เขายังไม่เข้าใจว่า อีกฝ่ายบอกเลิกเขาเพราะอะไร บอกผ่านตัวอักษรในโทรศัพท์มือถือมาว่า ‘ขอโทษนะ เราเข้ากันไม่ได้’ อะไรคือการเข้ากันไม่ได้วะ ไอ้น้ำ งง เวลาไปเที่ยวด้วยกัน เธอก็ยิ้มแย้ม ดูมีความสุขดี ตอนที่เขาเลี้ยงข้าว พาไปดูหนัง หรือซื้อของให้ เธอก็ดูชอบอกอกชอบใจดี แต่แล้วก็มาบอกว่าเข้ากันไม่ได้


            เข้ากันไม่ได้อะไร ยังไม่ได้เข้ากันเลยเว้ย



            ไอ้น้ำพลิกตัวไปมา กระสับกระส่ายอยู่ค่อนคืน เฝ้าคิดแต่เหตุผลว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงบอกเลิกตัวเอง เรื่องนี้เขาหยุดถามตัวเองมาสักพักใหญ่แล้ว แต่เพราะผู้กองมากวนจิตใจให้มันขุ่นขึ้นมาอีก เขาจึงหวนกลับมาถามตัวเองอีกครั้ง
ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะบอกเลิกกันที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ



            เขารู้ว่าเขาคงมีนิสัยเหมือนเด็กไปบ้าง เขาไม่เคยมีแฟน ไม่เคยจีบใคร ผู้หญิงคนนี้ทำงานที่เดียวกับเขา เธอเข้ามาจีบเขาก่อน จนในที่สุดเราก็เป็นแฟนกัน เขาตกหลุมรักเธอจริงๆ เธอน่ารัก ยิ้มของเธอสดใส โลกของน้ำและอดีตคนรักรายล้อมไปด้วยความสุข เขารู้สึกดีใจทุกครั้งที่จะได้เจอกับเธอ  ภูมิใจทุกครั้งที่ได้ทำอะไรเพื่อเธอ



            แต่แล้วเธอก็บอกเลิกเขา



            เลิกกับเธอใหม่ๆ เขายังทำใจไม่ได้ เขาเหมือนคนบ้า ขาดงานเกินความจำเป็น พี่บาสพยายามมาลากเขาไปทำงานเพราะกลัวถูกไล่ออก แต่เขาไม่สนใจในที่สุดก็ตัดสินใจลาออกจากงานเอง เขาโดนพี่บาสด่าว่าทำตัวเหมือนเด็กไม่มีหัวคิด ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต แต่เขาไม่ฟัง ไม่สนใจ พี่บาสจะว่าอะไรเขาก็ว่าไป เพราะเขากำลังอกหัก และสุดท้ายไอ้น้ำก็กลับบ้านมารักษาแผลใจ



            เมื่อคิดย้อนกลับไป น้ำตาก็ไหลรินหยดลงหมอน หยดแล้วหยดเล่า น้ำอยากจะสูดน้ำมูกที่กำลังเริ่มตันรูจมูกนี้ แต่ก็กลัวว่าคนข้างๆ จะตื่นขึ้นมา เลยต้องหายใจทางปากแทน ทรมานเสียจริง อยากจะเสียใจ อยากจะร้องไห้ แต่ดันกลัวตายได้อีก

            “เป็นอะไร ทำไมไม่นอน” คนที่หลับไปแล้วกลับตื่นเพราะเสียงอะไรบางอย่าง ผู้กองตื่นมาสักพักเพื่อฟังว่าเสียงนั้นเป็นเสียงอะไร จนแน่ใจแล้วจึงถามคนร่วมเตียง

            “ไม่ง่วง”

            “หลับตา นับแกะ นับอะไรก็ได้ จะได้หลับ” ผู้กองแนะนำ

            “นับแล้ว แต่ไม่หลับ” น้ำเถียงกลับมา

            “เฮ้อ...” ผู้กองอยากจะทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นที่อีกฝ่ายกำลังร้องไห้ แต่ดูแล้วอีกคนไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย

“ร้องไห้ทำไมกัน เลิกร้องได้แล้ว”

            “เปล่าสักหน่อย” น้ำปฏิเสธเสียงอู้อี้เพราะเริ่มหายใจไม่ออก

            “เป็นอะไร บอกฉันได้หรือเปล่า” ผู้กองคิดว่าเขาคงต้องยอมเสียเวลานอนเพื่อมาถามหาสาเหตุของคนมีปัญหานี้แล้วล่ะ

            “ผู้กองมาถามเรื่องแฟนเก่าทำไมอะ รู้มั้ยผมไม่ได้คิดถึงมันมาสักพัก ตอนนี้นึกถึงมันอีกแล้วเนี่ย” ไอ้น้ำโวยวาย เขาอยากหาใครสักคนมาเป็นแพะรับบาปที่ทำให้เขาต้องร้องไห้

            “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ต้องขอโทษด้วย” ในเมื่ออีกฝ่ายใส่ร้ายเขาอย่างนั้น ช่างเถอะ ถ้ามันจะทำให้คนพูดสบายใจ

            “มันไม่หาย เห็นมั้ยนอนไม่หลับเลย”

            “เขยิบตัวมาทางฉันสิ”


            “ทำไมอะ”

            “อยากนอนหลับมั้ยล่ะ ถ้าอยากหลับก็เขยิบมาเถอะ” น้ำไม่เข้าใจว่าแค่เขยิบตัวไปหาอีกฝ่าย มันจะทำให้เขาหลับได้ตรงไหน แต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายว่าด้วยความสงสัย

            “แล้วไงต่อ”

            “ทีนี้ก็ทำแบบนี้” ผู้กองปรานต์เขยิบตัวเข้ามาเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มรั้งร่างของน้ำขึ้นเพื่อให้เข้าสู่อ้อมกอดของตัวเองได้โดยง่าย

            “คราวนี้ก็หลับตา ไม่ต้องไปคิดอะไรอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู พลางลูบศีรษะคนขี้แยไปพร้อมกัน

            “เลิกถามตัวเองด้วยคำว่า ‘ทำไม’ได้แล้ว เลิกกันก็คือเลิก จะเป็นเหตุผลอะไรก็ช่างมัน ไม่ต้องไปคิดถึง เพราะบทสรุปมันก็คือเลิกกัน เข้าใจหรือเปล่า” ผู้กองหนุ่มพูดกว้างๆ เขาไม่รู้ว่าน้ำร้องไห้ด้วยเพราะเหตุผลอะไร แต่บางทีคำพูดนี้ก็อาจจะช่วยอีกฝ่ายได้บ้าง

            “อืม จะพยายาม”

            “ฝันดี เด็กน้อย หยุดร้องไห้ได้เถอะ”

            “ผมขอยืมตัวผู้กองมากอดแทนหมอนข้างละกัน คิดว่าเป็นค่าที่พัก” น้ำบอกเสียงอู้อี้อยู่กับอกคนใจดี โดยไม่ลืมที่จะรักษาฟอร์มของตัวเอง ผู้กองหนุ่มยิ้มในความมืดให้กับมาดที่พยายามสร้างไว้ของอีกฝ่าย

            “อืม คิดได้เต็มที่เลย ถ้ามันจะทำให้นายดีขึ้น”


            ผู้กองได้แต่คิด หวังว่าคืนนี้เขาจะได้นอนเต็มตาเสียที ทั้งยังได้กอดคนตัวอุ่นก็ดูเป็นค่าที่พักที่น่าสนใจดีเยี่ยมไม่น้อยเลย





=============================

โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ เข้มแข็งหน่อยสิ ใกล้พี่เขาหน่อยเดียว เขื่อนแตกได้ไงลูกเอ๊ย
มาถึงตอนนี้คนที่เคยสงสัยว่าน้องน้ำกลับบ้านมาทำไงคงจะพอเข้าใจเหตุผลของเจ้าตัวแล้วใช่มั้ยคะ
เห็นใจเด็กอกหักหน่อยนะคะ

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบหก กลับมาทำไม P4 11/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-05-2018 16:33:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบหก กลับมาทำไม P4 11/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-05-2018 17:06:35
รู้เพิ่มขึ้นมาอีกนิดนึง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบหก กลับมาทำไม P4 11/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-05-2018 18:32:57
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบหก กลับมาทำไม P4 11/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-05-2018 19:40:15
ตายแล้ว ปลาย่างน้ำนี่ไม่รู้ตัวเลยหรือว่าไปกอดแมวอย่างผู้กอง เดี๋ยวก็โดนกินหรอก  :hao4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบหก กลับมาทำไม P4 11/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 11-05-2018 20:30:37
งื้อ เอ็นดูน้ำ ร้องไห้เลย
ผู้กองนี่ก็อบอุ่นเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบหก กลับมาทำไม P4 11/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 11-05-2018 21:11:03
ก็นอนกอดกันทุกคืนอ่ะนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบหก กลับมาทำไม P4 11/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-05-2018 00:04:22
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบหก กลับมาทำไม P4 11/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 12-05-2018 00:37:59
เอ้าๆๆ อารมณ์อ่อนไหวยามค่ำคืนก็มา
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบหก กลับมาทำไม P4 11/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 13-05-2018 17:54:47
นอนกอดกันขนาดนี้ หวั่นไหวรึยังน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบหก กลับมาทำไม P4 11/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 15-05-2018 12:59:35


งวดสิบเจ็ด ก.ข.ค.


 
            เช้านี้อากาศดี ไม่ร้อนจนเกินไป ท้องฟ้าแจ่มใส ทำให้จิตใจของน้ำที่หม่นหมองเมื่อคืนนี้จางหายไปพร้อมกับแสงสว่างของวันใหม่


            เขากลับมาเป็นไอ้น้ำบ้าหวยคนเดิมแล้ว


            ชายหนุ่มใส่รองเท้าคีบแตะออกจากบ้านในช่วงสาย ตั้งใจจะไปหาอะไรกินเล่นในตลาดคลายเครียด พร้อมกับสืบข่าวของคุณพัดเพิ่มเติมเสียหน่อย เดินไปได้ไม่ถึงห้านาที น้ำสีแดงใส่น้ำแข็งพร้อมถุงหิ้วก็มาอยู่ในมือ ไอ้น้ำดูดปื้ดด้วยความชื่นใจ


            แวะละรายทางไปเรื่อย สุขใจยิ่งนัก


            “อ้าว ไอ้น้ำ หายหน้าไปหลายวันเลยนะเอ็ง” ป้าขายไก่สด ตะโกนถามมาแต่ไกล เมื่อเห็นไอ้น้ำย่างขาเข้ามาในถิ่นตลาดของป้า

            “จ้ะ แม่ไม่สบาย ฉันเลยอยู่ดูแลแม่”

            “แม่เอ็งน่ะ หายดีแล้วใช่มั้ยวะ เมื่อวานข้าเห็นมาซื้อกับข้าว” ป้าที่กำลังเอาน้ำรดผักในแผงของตัวเอง พูดขึ้นโดยไม่เงยหน้ามามอง

            “จ้ะ หายดีแล้ว ด่าฉันได้คล่องเหมือนเดิมแล้วจ้ะป้า”

            “เออ ก็เอ็งมันเป็นไอ้ตัวแสบนี่หว่า นางน้อยคงปวดกะบาลกับเอ็งอยู่มากหรอก” ป้าขายผักหัวเราะขำในคำตอบของไอ้น้ำ


            “อะไรอะ ป้า ฉันออกจะเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรที่ไหน”

            “วีรกรรมเอ็งมันน้อยเสียเมื่อไหร่ จำไม่ได้เหรอ ตอนรุ่นๆ เอ็งเคยล้มแผงผักข้าพัง จนแม่เอ็งต้องมาตามจ่ายเงินให้ข้าทีหลัง แหม้ วันนั้นนางแช่มขายผักจนหมดเกลี้ยง” ป้าคนนี้ขายผักเหมือนกับป้าแช่ม จะว่าไปก็เป็นคู่แข่งทางการค้ากันนั่นแหละ

            “เรื่องนั้นมันก็นานเก่าเก็บแล้วหรือเปล่าป้า ตอนนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจนี่นา ใครใช้ให้หนูมาวิ่งผ่านขาฉันไปล่ะ ฉันก็ตกใจสิ พอหลังจากนั้นก็ไม่มีแล้วนะ”

            “แล้วที่ไปมีเรื่องชกต่อยกับลูกเฮียเล้ง ร้านทองนั่นล่ะ” ป้าแช่มตะโกนดังข้ามมา

            “ฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนนะป้า ไอ้เหวินมันมาหาเรื่องฉันก่อนอะ ฉันไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่นอน”

            “เฮอะ จนวันนี้พวกข้าก็ยังไม่รู้ว่าทำไมเอ็งถึงไปต่อยลูกเฮียเล้งเสียเลือดกลบปากแบบนั้น” ป้าแช่มพ่นเสียงออกมาเพราะเรื่องนี้ใครก็รู้ทั้งนั้นว่าไอ้น้ำมันเป็นคนก่อเรื่อง

            “ฉันก็โดนแม่ตี โดนโรงเรียนทำทัณฑ์บนไปไปแล้ว ลืมๆ มันไปเถอะน่า” น้ำบอกปัดพร้อมโบกมือไล่


เรื่องนี้มันเกิดขึ้นสมัยที่เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่ห้า


            น้ำจำได้แม่นว่า เหตุนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียน เย็นวันนั้นระหว่างที่เขากำลังทำความสะอาดห้องเรียนตามเวรอยู่          ไอ้เหวิน มันไม่ค่อยชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่ ก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเพื่อนสนิทหรือสมุนซ้ายขวาของมัน อีกสองคน เหมือนในการ์ตูนเลยว่ามั้ยที่ตัวร้ายของเรื่องต้องมีลูกน้องประกบ แล้วมุ่งมาทำร้ายพระเอกอย่างเขา


            เขาคนที่ถูกกลั่นแกล้ง


            ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก



            ไอ้เหวินมันเดินเข้ามาแล้วเริ่มขีดเขียนกระดานที่เขาเพิ่งลบไปหมาดๆ นั้นเล่น เขาได้แต่มองดูการกระทำของมันเฉยๆ แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ตั้งใจปล่อยให้มันเล่นจนพอใจ ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ก็คงจะเลิกไปเอง แต่เขาคิดถูกครึ่งเดียว พอ       ไอ้เหวินเห็นว่าเขาไม่สนใจ มันก็เลิกเขียนกระดานจริงๆ แต่เปลี่ยนมาทำอย่างอื่นแทน

            “ไอ้น้ำ” ไอ้เหวินเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าเขาตอนที่เขากำลังกวาดพื้นห้อง

            “อะไร” น้ำตอบทั้งที่ยังก้มหน้ากวาดพื้นอยู่อย่างนั้น เพราะรู้ว่าไอ้เหวินไม่ได้มาดีแน่ๆ ไอ้นี่มันชอบหาเรื่องเขาอยู่เป็นประจำ

            “พวกมึง” ไอ้เหวินมันพยักเพยิดบอกสมุนลูกน้องของมัน เท่านั้น ไอ้ซ้ายไอ้ขวา ชื่ออะไรไม่รู้ เพราะไอ้น้ำไม่อยากจะจับ ก็เข้ามายึดแขนของเขาไว้ทั้งสองคน

            “เฮ้ย จะทำอะไรกูวะ” ไอ้น้ำร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ มันสะบัดแขนหมายจะให้แขนทั้งสองข้างนั้นหลุดพ้นเป็นอิสระ แต่เขาคนเดียวก็สู้แรงสองคนไม่ไหว ไอ้น้ำเลยพยายามดิ้นแต่ก็ดูจะเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์

            “เป็นอะไร กลัวกูเหรอ” ไอ้เหวินมันเอาหน้าเข้ามาใกล้ไอ้น้ำ ไอ้เหวินจ้องมองเพื่อนร่วมห้องด้วยสายตาที่ตั้งใจจะหาเรื่องอย่างชัดเจน

            “อย่างมึงเนี่ยนะ เก่งแต่ปาก ใครจะกลัว” ไอ้น้ำในวัยเลือดร้อนนั้น หรี่ตามองไอ้เหวินแล้วเบ้ปาก ความกวนตีนของเขาไม่เป็นสองรองใคร และในช่วงอายุนั้น เขายิ่งไม่มีลิมิตชีวิตเกินร้อยอีกด้วย เขายังทำอะไรโดยขาดความยั้งคิดมากกว่าตอนนี้

            “ปากดี เดี๋ยวดูสิว่า อีกเดี๋ยวจะยังปากดีอยู่แบบนี้หรือเปล่า”

            “เฮอะ มึงไม่กล้า ตัวต่อตัวกับกูใช่มั้ย” ไอ้น้ำท้าอีกฝ่ายเพราะเขารู้ว่าถูกจับแบบนี้ยังไงเขาก็เสียเปรียบแน่นอน

            “กูไม่ลดตัวไปสู้กับคนอย่างมึงหรอก” เหวินยิ้มดูมีเลศนัย รอยยิ้มนั้นเริ่มสร้างความไม่น่าไว้ใจให้ไอ้น้ำเสียแล้ว

            “ถ้าอย่างนั้น มึงต้องการอะไร”

            “กูก็แค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง” คำพูดกำกวมของเหวิน ยิ่งทำให้น้ำสงสัยเพิ่มขึ้นไปอีก

            “พิสูจน์อะไรวะ”

            “พวกมึง จับมันให้แน่นๆ ล่ะ เดี๋ยวมันดิ้นหลุด”

            “ได้เลย ลูกพี่เหวิน” สองเสียงสมุนคู่กายตอบรับพร้อมกันราวกับเป็นคำที่ใช้เป็นประจำจนติดปาก แขนของพวกมันจับแขนของไอ้น้ำแน่นขึ้นไปอีก จนไอ้น้ำเริ่มรู้สึกเจ็บ

            “ไอ้เหวิน มึงจะพิสูจน์อะไรกู” ไอ้น้ำถามย้ำอีก

            “ก็พิสูจน์แบบนี้ไง” ไอ้เหวินก้มหน้าเข้ามาใกล้ไอ้น้ำจนริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกัน ไอ้น้ำเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ เขากัดริมฝีปากอีกฝ่ายเต็มแรงพร้อมกับขาทั้งสองข้าง ถีบตัวขึ้นจากพื้นแล้วถีบขาคู่ไปที่ไอ้เหวินตรงหน้าจนมันล้มครืนลงไปนอนกับพื้นด้วยความจุกที่ท้อง


            “เหี้ย!!!มึงทำเหี้ยอะไรวะ” ไอ้น้ำด่าเสียงดัง


            สมุนซ้ายขวา เห็นลูกพี่ล้มลงไปนอนกองกับพื้นก็รีบปล่อยแขนไอ้น้ำแล้ววิ่งเข้าไปดูอาการลูกพี่ด้วยความเป็นห่วง


            “เป็นอะไรมั้ย ลูกพี่เหวิน ไหวมั้ย”


            ไอ้น้ำ พอร่างกายของตัวเองเป็นอิสระไร้การจับกุมแล้ว เขาก็พุ่งเข้าไปถีบ ไอ้ซ้ายไอ้ขวานั้นให้กระเด็นออกไป พร้อมกับก้าวขึ้นไปคร่อมอีกฝ่าย ลงมือต่อยอีกฝ่ายกระหน่ำไม่ยั้งมือเลยแม้แต่น้อยด้วยความโกรธแค้น

            “มึงอยากพิสูจน์อะไรวะ ไอ้เหวิน มึงเป็นบ้าไปแล้วเหรอ”

            “ถ้ามึงไม่ชอบผู้หญิง มึงก็อย่ามาแย่งผู้หญิงที่กูจีบได้มั้ยวะ” ไอ้เหวินพูดด้วยความโมโหไม่แพ้กัน เขาปัดป้องหมัดของคนข้างบน ไม่ได้ยอมอยู่เฉย หาโอกาสต่อยอีกฝ่ายคืนกลับบ้างเหมือนกัน

            “กูไปแย่งผู้หญิงของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ กูอยู่ของกูเฉยๆ” ไอ้น้ำไม่เข้าใจ เขาไม่เคยทำอะไรให้อีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ

            “เมย์ห้องหก ที่กูชอบ เขาก็มาชอบมึง”

            “กูไม่ได้ทำอะไร เขามาชอบกูเอง”

            “มึงให้ความหวังเขา มึงสอนการบ้านให้เขา แต่พอเขาชอบ มึงกลับไม่เอา”


            “แค่ผู้หญิงคนเดียว มึงก็หาว่ากูไม่ชอบผู้หญิงเนี่ยนะ” ไอ้น้ำหยุดต่อยเพราะความเหนื่อย

            “ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีน้องส้ม ม.สี่ แล้วพี่เตย ม.หกอีก”

            “อะไรวะ กูแค่ไม่ชอบเขา กูเลยกลายเป็นคนที่ไม่ชอบผู้หญิงเลยงั้นดิ”

            “เออ”

            “มึงนี่บ้าจริงๆ ไอ้เหวินปัญญาอ่อน กูไม่รู้ว่าเขาชอบกู และกูก็ไม่ชอบเขา เข้าใจมั้ย”

            “กูไม่เข้าใจ และกูก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนด้วย มึงห้ามมาด่ากู” ไอ้เหวินยกขาขึ้นมาเตะไอ้น้ำจนมันกลิ้งตกจากร่างของไอ้เหวินไปนอนที่พื้นแทน

            “เพราะผู้หญิง มึงก็เลยไม่ชอบหน้ากู” ไอ้เหวินเปลี่ยนเป็นฝ่ายขึ้นมาคร่อมตัวเขาแทน คราวนี้เลยเป็นไอ้น้ำที่กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขาพยายามปัดป้องหมัดจากไอ้เหวิน

            “เออ มึงแม่ง...”

            “คำนี้ควรเป็นของกูต่างหาก ไอ้เหวิน มึงนี่แม่ง...”

            “พอเถอะ ลูกพี่ เดี๋ยวอาจารย์มา” ได้เวลาของลูกกระจ๊อกที่จะเข้ามาห้ามก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายไปมากกว่านี้

            “ฉันมายืนอยู่ตรงหน้านี้นานแล้ว รอดูว่าเมื่อไหร่พวกเธอจะเลิกตีกันเสียที” น้ำเสียงพิโรธของอาจารย์ญาดาดังขึ้นหน้าประตู ไอ้น้ำมองไม่เห็นร่างของอาจารย์ แต่หน้าไอ้เหวินตอนนี้เหวอเต็มทีแล้ว

            “อาจารย์!!” ไอ้เหวินเรียกอาจารย์ญาดาเสียงดังด้วยความตกใจที่ถูกจับได้

            “ใช่ ฉันเอง ลุกขึ้นทั้งคู่ แล้วบอกฉันมาว่าใครเป็นคนใช้ความรุนแรงก่อน”



            ไอ้น้ำยิ้ม เมื่อนึกถึงช่วงสมัยเรียนในตอนนั้น และมันกลายเป็นว่าเหตุการณ์นั้นเขาเป็นฝ่ายผิดเพราะเป็นคนถีบไอ้เหวินก่อน เขาถูกพักการเรียน แม่น้อยถูกเรียกพบผู้ปกครอง และเขาถูกแม่ตีไปอีกหลายที


            คิดแล้วก็ตลก เรื่องแค่นี้ ถึงกับต้องตีกัน วัยรุ่นขนาดสติแท้ๆ ใช้กำลังมากกว่าสมองมาตัดสินใจ


            “ป้าแช่ม แล้วไอ้เหวินตอนนี้เป็นไงบ้างล่ะ” จะว่าไปตั้งแต่เรียนจบ เขาก็ไม่เคยเจอไอ้เหวิน คู่ปรับของเขาอีกเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ตาม

            “เฮียเล้ง เขาส่งลูกไปเรียนต่อที่เมืองนอก ที่ไหนนะ..เอ.. ข้าจำไม่ได้”

            “ที่เมกา นางแช่ม” ป้าขายไก่สดตะโกนตอบแทน

            “เออๆ ใช่ ที่เมกา ข้านึกออกแล้ว”

            “อ่อ เหรอจ๊ะ ขอบใจจ้ะ” น้ำตอบแล้วเดินตรงไปเข้าไปในตลาดอีกหน่อย เขายังไม่บรรลุ
ภารกิจ



            ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ร้านขนมในตลาด ขนมในวัยเด็กเริ่มหายากแล้ว แต่ที่นี่ยังมีขายอยู่ เขาหยิบขนมปังขึ้นมาห่อหนึ่ง ก่อนจะเปิดฝาขวดโหล เพื่อหยิบลูกอมในนั้นมาอีก สิบเม็ด ก่อนจะแกะห่อพลาสติกของขนมปังนั้นกินรองท้อง

            “ขนมปังนี่ ห้าบาทปะ ลุง” น้ำถามลุงเจ้าของร้าน พลางยื่นเงินพร้อมกับราคาลูกอมไปด้วย

            “เจ็ดบาท ขึ้นราคาแล้ว” ลุงตอบพร้อมกับทอนเงินกลับมาให้

            “จริงดิลุง อันนิดเดียว เจ็ดบาทเลยเหรอ”

            “เออสิวะ รับมาแพง”

            “ร้านไหนเนี่ย ขายส่งแพงจัง”

            “ไม่ใช่ร้าน แต่เป็นบ้านต่างหาก บ้านนางสอน”

            “ป้าสอน ปกติขายขนมถูกกว่านี้นี่นา”

            “อืม ตั้งแต่นางพัดตายไปแล้ว ไอ้สินก็เมาหัวราน้ำทุกวัน นางสอนมันเลยต้องหาเงินเลี้ยงสามปาก”

“พี่สินอาการหนักเลยเหรอลุง” น้ำกลืนน้ำลาย พิษรักนี่มันโหดนัก

“เออ อีกพักล่ะวะ มันถึงจะทำใจได้”

“นี่ลุง แล้วคดีคุณพัด คืบหน้ามั้ย” ไอ้น้ำเริ่มถามเข้าประเด็น ทำชวนคุยเหมือนชวนคุยเรื่องทั่วไป

“ดูเงียบๆ นะ รอบก่อนก็เรียกหมอยา ร้านตรงนั้นไปทีหนึ่งแล้ว” ลุงชี้มือไปร้านขายยา ที่ไอ้สันมันเคยไปซื้อยาหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไป

“เรื่องมันจะเงียบเหรอลุง”

“ไม่หรอกมั้ง ตำรวจที่มาใหม่ก็ดูหน่วยก้านดี เขาไม่น่าจะทิ้งคดีให้เงียบ และถ้าเงียบจริง คนในหมู่บ้านก็ไม่ยอมหรอก จับผู้ร้ายไม่ได้ หมู่บ้านเราก็อันตราย เอ็งว่ามั้ยล่ะ”

“จริงของลุง”

“นี่ข้าก็สงสารนางสอน ข้อมือมันเพิ่งกลับมาหายดี ก่อนหน้านี้เห็นว่าซ้นอะไรก็ไม่รู้ ทำขนมไม่ได้ไปพักใหญ่ แล้วลูกก็ยังมาเมาเหล้าเช้าเย็น หลานก็เกเรอีก เวรกรรมไรของมัน” ลุงเจ้าของร้านส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความเห็นใจ

“ข้อมือ?”

“อืม เห็นบอกยกของหนัก วางมือยกของผิดท่า มันเลยซ้น”

“อ่อ ที่ไอ้สินมาซื้อยาไปก็ให้ป้าสอนเหรอลุง” น้ำเริ่มปะติดปะต่อเรื่อง

“ใช่ เอ็งรู้ได้ไงวะ”

“อ้าว ก็วันก่อน เภสัชเขามาเล่าให้ฟัง ว่าไอ้สินมันมาซื้อยาไปนี่จ้ะ” น้ำรีบบอกโดยละประเด็นหลักว่ารู้ได้ไงเรื่องเอายาไปให้นางสอน

“งั้นเหรอวะ”

“จ้ะ ถ้างั้นฉันไปหาอะไรกินต่อก่อนนะลุง เริ่มหิวละ”

“เออ”


ระหว่างทาง น้ำแปลกใจ มือของป้าสอนซ้นอย่างที่บอกใครต่อใครจริงหรือเปล่า เขาไม่ได้อยากสงสัยคนแก่ แต่คดีใครก็น่าสงสัยทั้งนั้นอย่างที่ผู้กองเคยกล่าวไว้ แม้กระทั่งพี่สินเอง น้ำก็สงสัย แกล้งทำตัวเมาเพื่อให้รอดพ้นคดีหรือเปล่า ตอนนี้ไม่มีใครรู้ทั้งนั้นว่าฆาตกรเป็นใคร นอกจากเจ้าตัวเองเท่านั้น



“น้ำ จะไปไหนล่ะ” ระหว่างที่เดินคิดอย่างใจจดใจจ่ออยู่ ก็ได้ยินเสียงเรียกออกมาจากรถคันที่ไอ้น้ำค่อนข้างคุ้นเพราะเคยหยิบยืมไปใช้ ทางฝั่งตรงข้ามถนน เพราะถนนที่นี่ไม่ได้กว้างใหญ่นักแค่เพียงขนาดรถสวนกันได้พอดิบพอดี เขาเลยมองเห็นอีกฝ่ายได้ชัด



“อ้าว ผู้กอง สวัสดี” น้ำตอบพลางมองลอดเข้าไปในรถ ก็เห็นตุ๊กตาหน้ารถนั่งข้างผู้กองมาด้วย เขายิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย แต่ทางนั้นไม่ยิ้มตอบกลับมองเขาอย่างไม่พอใจ

“อืม จะไปไหน ให้ฉันไปส่งมั้ย”

“เดินกลับบ้านน่ะ ว่าจะไปหาไรกินมื้อเที่ยง หิวแล้ว ผมไปนะ” น้ำตอบเตรียมจะเดินต่อแต่ก็ถูกผู้กองเรียกรั้งเอาไว้อีกรอบเสียก่อน

“ไปกินด้วยกันสิ ฉันกับรันกำลังจะไปหาอะไรกินในเมือง” ผู้กองเอ่ยชวน

“ผม..ไม่..” น้ำตั้งท่าจะปฏิเสธผู้กอง แต่ก็ได้ยินเสียงใครอีกคนแทรกขึ้นมาก่อน

“เขาจะกลับไปกินข้าวบ้าน พี่ปรานต์จะไปชวนเขาทำไมครับ ปล่อยเขาไปเถอะ เขาคงเกรงใจไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอเรา” วรันต์ตอบพลางยิ้มให้น้ำ และเดาว่ารอยยิ้มของวรันต์นั้น น้ำเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของรอยยิ้มต้องการอะไร

“อย่างนั้นเหรอ” ผู้กองทำท่าเหมือนเข้าใจ


“ผมเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้แม่ไม่ทำกับข้าว ยังไงผมไปกินข้าวด้วยได้มั้ยครับ” น้ำยิ้มให้ผู้กองแต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งรอยยิ้มนั้นไปให้วรันต์ด้วย ทำให้วรันต์ถึงกับหน้าตาบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจ

“ได้สิ ไม่งั้นฉันจะชวนนายเหรอ”

“ครับ ขอบคุณ” น้ำตอบรับพลางกระวีกระวาดรีบข้ามฝั่งมาขึ้นรถตรงที่นั่งทางด้านหลังด้วยความรู้งานอย่างรวดเร็ว

“พี่ปรานต์!” วรันต์เรียกคนชวนด้วยน้ำเสียงที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามความต้องการของตน

“กินข้าวหลายคนก็สนุกดี รันคิดเหมือนพี่มั้ยครับ” ผู้กองพูดมาแบบนี้ วรันต์เลยจำต้องเงียบแทน

“ไปกันหรือยังครับ” น้ำถามขึ้นมาโดยไม่สนใจว่ามามีอะไรเกิดขึ้น

“อืม” ผู้กองหนุ่มรับคำพร้อมกับออกตัวไปอย่างนิ่มนวล

“มีร้านแนะนำมั้ย เจ้าของถิ่น” ผู้กองมองกระจกหลังแล้วเอ่ยถาม

“อยากกินแบบไหนครับ อาหารทะเล ข้าวแช่ อาหารทั่วไป ตามสั่ง ร้านอาหาร ภัตตาคารใหญ่หรือในห้าง” สาบานว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะกวน แต่ไม่รู้รสนิยมนี่นาว่าอยากทานแบบไหนกัน

“ว่าไงครับ รัน วันนี้อยากกินอะไร” ผู้กองถามคนนั่งข้างเสียงนุ่ม ถึงกับให้ไอ้น้ำเบ้ปากเล็กๆ


เสียงสองใช่ปะ?


“อะไรก็ได้ครับ รันตามใจพี่ปรานต์” วรันต์ตอบผู้กองเสียงหวานด้วยความเอาใจเหมือนเช่นเคย


โอ้ อันนี้เสียงสี่ เสียงห้า นะเนี่ย ถ้าจะฟังแล้วขนลุกขนาดนี้ ไอ้น้ำลูบแขนเบาๆ ประหนึ่งว่าเป็นอุปาทานไปเอง
         

   “รัน ตามใจพี่มาตั้งหลายมื้อแล้ว มื้อนี้เปลี่ยนกันนะ” น้ำคิดได้ว่า บางทีเขาอาจจะคิดผิดจริงๆ ที่ตั้งใจแกล้งวรันต์โดยการมานั่งเป็นก้างเนี่ย

“รัน อยากกินอาหารทะเล”

“หืม รันแพ้อาหารทะเลนะ จะทานได้ไง”

“ก็แค่กุ้งเองครับ อย่างอื่นรันกินได้ พี่ปรานต์ก็รู้นี่นา”

“อย่างนั้นก็ได้ ว่าไงน้ำ อาหารทะเลได้มั้ย แพ้หรือเปล่า”

“ผมได้หมดอยู่แล้ว ชนะอาหารทุกอย่าง กินได้หมดครับ” ไอ้น้ำตอบ ตัวแถมอย่างเขาจะเลือกอะไรได้ ขืนตอบว่าไม่อยากกินล่ะก็ มีหวัง ท่านตุ๊กตาหน้ารถได้หันมาค้อนเป็นวงใหญ่แน่ๆ

“ตกลงตามนี้ แล้วมีร้านไหนแนะนำมั้ย”


“มีร้านหนึ่งครับ รสมือดีทีเดียวเลย เดี๋ยวผมบอกทางให้”

“มากับคนรู้จักทางก็ดีแบบนี้” ผู้กองหนุ่มตอบ



น้ำล่ะไม่อยากจะนึกว่าหน้าของคนข้างๆ ผู้กองจะหงิกแค่ไหน









=================

นิสัยไม่ดีใหญ่แล้วนะน้ำ เดี๋ยวตีเลย

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเจ็ด ก.ข.ค. P5 15/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 15-05-2018 14:11:23
รำคาญแฟนเก่าผู้กอง เมื่อไหร่จะไปซักที
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเจ็ด ก.ข.ค. P5 15/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 15-05-2018 15:32:50
ตอนหน้าคงสนุก ทานอาหาร สามคน คงวุ่นน่าดู
5555
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเจ็ด ก.ข.ค. P5 15/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 15-05-2018 16:08:36
ผู้กองไล่มันไปซักทีสิ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเจ็ด ก.ข.ค. P5 15/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-05-2018 18:34:47
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเจ็ด ก.ข.ค. P5 15/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-05-2018 20:51:15
ไหนๆ ก็ไปก่อกวนเขาแล้ว เอาให้สุดๆ ไปเลยนะน้ำ
 :z2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเจ็ด ก.ข.ค. P5 15/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-05-2018 23:57:30
 :laugh:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเจ็ด ก.ข.ค. P5 15/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 16-05-2018 01:12:01
ผู้กองก็ฉลาดนะ รู้ว่าโดนหลอก
แต่ทำไมยังปล่อยให้แฟนเก่ามานัวเนียอยู่ได้
น่ารำคาญ ..

เดี๋ยวยุให้น้ำไปจีบเหวินซะเลยนี่
ไหน ๆ ก็เสียจูบแรกให้เหวินแล้ว
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเจ็ด ก.ข.ค. P5 15/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-05-2018 12:46:51
ผู้กองคะ แฟนเก่านี่เมื่อไหร่จะไปคะ ไม่รักแล้วนะ แต่ก็ไม่ไล่ไปสักที จ้ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเจ็ด ก.ข.ค. P5 15/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 17-05-2018 00:43:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเจ็ด ก.ข.ค. P5 15/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 18-05-2018 13:18:01

งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที


 
            ถึงจะอยากมาเป็นก้างขวางคอ เพื่อแกล้งวรันต์ แต่เอาเข้าจริงไอ้น้ำก็ไม่ได้พิสมัยบรรยากาศแบบนี้สักเท่าไหร่ การเป็นส่วนเกินมันไม่น่าอภิรมย์เลยแม้แต่น้อย ผู้กองไม่ได้แสดงออกอะไรมากนัก แต่อีกคนนั่นล่ะ ไม่เบาเลยทีเดียว เดี๋ยวก็อ้อนให้ตักปลาให้ เดี๋ยวก็บอกให้แกะปู เขากำลังดูฉากรักที่เขาดันเข้ามามีส่วนร่วมไปเสียได้ เขาเลยต้องก้มหน้าก้มตากินไปอย่างเงียบๆ
 

           ไม่น่าเลยไอ้น้ำ ไม่น่ามาเลย


            “พี่ปรานต์ทานด้วยต้มยำนี้สิครับ รสชาติเข้มข้น เผ็ดกำลังดี พี่ปรานต์ต้องชอบมากแน่ๆ อย่างที่พี่ชอบเลย” ไอ้น้ำมองวรันต์ที่กุลีกุจอตักต้มยำรวมมิตรทะเลใส่ถ้วยเล็กให้ผู้กอง ปากก็ว่าสรรพคุณต่างๆ นานา ไอ้น้ำฟังแล้วถึงกับ งง วรันต์รู้ได้อย่างไรว่าต้มยำนี่รสชาติเป็นอย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวแพ้กุ้งไม่สามารถทานของพวกนี้ได้

            “ขอบใจนะ” ปรานต์รับถ้วยใบเล็กนั้นมาจากวรันต์ก่อนจะลองซดน้ำจากถ้วยนั้นเข้าปาก เข้มข้นดีจริง น้ำมองตามแล้วได้แต่กลืนน้ำลาย

            “ไม่ลองหน่อยเหรอ นายกินยัง” ผู้กองหันมาเห็นคนที่มองเขาตาแป๋วเลยถามออกไป ได้คำตอบเป็นการส่ายหน้าน้อยๆ

            “ไม่ชอบเหรอ อร่อยนะ”

            “ผมไม่กินอาหารรสจัด”

            “หือ?อ่อ เข้าใจละ” ทีแรกผู้กองดูเหมือนจะสงสัยอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ทำท่าว่าเข้าใจอย่างที่พูด

            “เข้าใจอะไร” ไอ้น้ำถามกลับ

            “อาหารเด็กไง เหมือนที่บ้านนาย แล้วก็ไม่บอก อย่างอื่นกินได้มั้ย ปลาทอดน้ำปลา ผัดคะน้าใส่กุ้ง หรือสั่งอย่างอื่นอีกมั้ย พอหรือเปล่า” ผู้กองยิ้ม พูดเย้าแหย่คนตรงหน้า

            “เอาไข่เจียวปู” น้ำตอบอย่างไม่เกรงใจด้วยความที่ถูกแกล้ง

            “กินเผ็ดไม่ได้เหรอ” วรันต์ถามขึ้นมาบ้าง

            “อืม” น้ำตอบ

            “เด็กจัง อยู่บ้านนอกน่าจะกินของพวกนี้เก่งนะ”

            “เกี่ยวอะไรกับอยู่ที่ไหนแล้วจะไม่กินเผ็ด” น้ำตอกอีกฝ่ายกลับไป

            “ไม่รู้สิ คนบ้านนอกเขาไม่ได้ชอบกินน้ำพริกหรือผักข้างทางไรงี้เหรอ” วรันต์ถามต่อ

            “เขาก็กินเหมือนคนกรุงนั่นแหละ แต่ผักสดมันหาง่ายและปลอดภัย ดีต่อสุขภาพและ ไม่เรื่องมากดี”

            “นี่!” วรันต์ฉุนที่รู้สึกเหมือนโดนว่า

            “กินข้าวต่อกันเถอะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นเสียหมด” และผู้กองก็เข้ามาห้ามทัพก่อนมื้อเที่ยงจะพังพินาศไปกันหมด เขาก็อยากกินข้าวแล้วรู้สึกอร่อยไม่ใช่ว่ามาคอยระแวง คนร่วมโต๊ะจะวางมวยกัน

            “ครับ พี่ปรานต์ทาน...” วรันต์เริ่มเอาใจอีกฝ่ายอีกครั้ง แต่ก็ถูกเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

            “ขอตัวสักครู่นะครับ พี่ปรานต์” วรันต์บอกแล้วรีบลุกขึ้นออกจากโต๊ะไป

            “ตามสบายครับ”  ผู้กองหันไปมองวรันต์ที่ออกไปยืนอยู่นอกร้านเพื่อคุยโทรศัพท์

            “หึงเหรอ..” น้ำถามขึ้นมาลอยๆ ด้วยใบหน้าทะเล้น

            “หึงอะไร” ผู้กองหันกลับมาสบตากับคนช่างซัก

            “กลัวเขามีคนโทรมาจีบล่ะสิ ใช่ม้า” น้ำยังพูดล้อเลียนอีกฝ่ายพลางตักต้มยำเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

            “เปล่า”

            “แล้วเป็นอะไร ทำไมดูเหมือนไม่สบายใจ”

            “เป็นห่วงต่างหาก”

            “อ่อ ถ่านไฟเก่า ถ้ายังรักก็กลับไปคบเถอะผู้กองดีกว่ามานั่งลำบากใจเปล่าๆ อยู่แบบนี้”


น้ำพูดไปตามความรู้สึก แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆ จี๊ดๆ ในใจด้วยนะ ทั้งที่มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้ายังรักกันก็กลับไปคบกันจะดีกว่า อีกฝ่ายก็มาง้อผู้กองถึงที่นี่แล้ว แสดงว่าก็ยังมีเยื่อใย ตัดไม่ขาด ไม่อยากเลิก

            “ไม่ใช่หรอก วรันต์มีอะไรที่น่าห่วงกว่าที่นายรู้อีกมาก”

            “แหง อยู่แล้ว ผมไม่รู้จักเขามาก่อน แล้วจะไปรู้จักเขาดีเท่าคุณได้ยังไง”


            น้ำตอบ แต่ในใจก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกแล้ว อะไรกัน ความรู้สึกนี้อีกแล้ว หรือเขาจะป่วย


            หรือเขาจะเป็นโรคหัวใจ


            ไม่นะ!!! ไม่!!! เขายังไม่อยากตาย


            “เป็นอะไร ทำหน้าตาเหมือนคนปวดท้อง” ถึงคราวผู้กองถามกลับคืนบ้างเพราะอีกฝ่ายทำหน้าตาแปลกๆ

            “ปะ..เปล่า กินข้าวต่อสิ ผู้กองหรือรอคุณรัน”

            “รอรันกลับมาก่อน”

            “พระเอกจริงๆ ถ้าแบบนี้ก็เลิกเล่นตัว อย่าใจแข็งเลย” น้ำพูด เขาไม่เข้าใจทำไมผู้กองต้องปฏิเสธตัวเองด้วย

            “บอกว่าไม่ใช่ ฉันก็แค่เป็นห่วงรัน เขามีเรื่องต่างๆ มากมายที่ต้องแบกรับเอาไว้”

            “ผู้กองพูดเหมือนสิ่งที่เขาแสดงออกมามันไม่ใช่ตัวเขา?”

            “ลองวิเคราะห์ดูสิ คุณนักสืบโคนัน”

            “ผมทำงานไอที แค่ชอบการ์ตูนโคนัน ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอย่างผู้กองสักหน่อย” ไอ้น้ำบ่น เขาแค่ชอบแต่ไม่ได้เรียนมาจะรู้เท่าคนตรงหน้าได้ยังไง

            “น่าเสียดาย นึกว่าอยากลองท้าทาย”

            “พูดแบบนี้ ดูถูกกันชัดๆ”

            “ฉันจะรอดูก็แล้วกัน ถ้ามีกาสก็ลองมองวรันต์ดีๆ วิเคราะห์เขาให้มากๆ ก็อาจจะเพราะรู้มากกว่านี้ก็ได้มั้ง” ผู้กองหนุ่มพูดทิ้งท้ายเอาไว้ให้ไอ้น้ำอยากรู้



            น้ำมองออกไปนอกร้านเห็นวรันต์ยืนคุยโทรศัพท์ คนคนนั้น มีรูปร่างไม่สูงไม่เตี้ยจนเกินไป ผิวพรรณก็ดีอย่างชาวกรุง ใบหน้าก็ดูหวานหยด แถมดูจะเอาใจเก่ง คำพูดจาไพเราะอ่อนหวาน ไม่มีขาด แต่ก็คงแค่เฉพาะที่รายนั้นอยากทำล่ะมั้ง แต่ทำไมตอนนี้ คนคนนั้นถึงมีใบหน้าเคร่งเครียด เหมือนกำลังมีปัญหาอะไรสักอย่างล่ะ


            ตัดไปได้เลยความคิดที่ว่าจะมีคนโทรมาจีบวรันต์ แบบนี้ล่ะมั้งผู้กองถึงดูไม่หลงกลที่เขาพยายามยุแยงไปเมื่อสักครู่นี้


            เอ... เรื่องอะไรกันนะ


            คนเราจะมีเรื่องให้กลุ้มใจอยู่กี่อย่างกัน ไอ้น้ำพยายามครุ่นคิด เรื่องครอบครัว เรื่องเงิน เรื่องงาน หรือว่าเรื่องแฟน น้ำไล่คิดออกมาแต่ยังไม่อยากฟันธงชัดๆ เรื่องอะไรกันวะ อยากรู้จริงๆ การแสดงสีหน้าของน้ำไม่รอดพ้นสายตาของผู้กองที่มองมาอยู่ตลอดเวลา ดูเหมือนน้ำคงกำลังคิดเรื่องที่เขาท้าทายไปแน่ ถึงคิดหนักขนาดนี้


            อยากรู้เรื่องชาวบ้านจริงๆ ไอ้เด็กนี่ แต่การกระทำของอีกฝ่าย มันกลับให้หัวใจของเขาเบิกบาน

            “อืม ว่าไง”

            “พี่รัน..” เสียงปลายสายเครือมา คนฟังก็รับรู้ได้ทันทีว่าคนที่โทรศัพท์มาหาเขานั้นกำลังร้องไห้

            “เป็นอะไร รง”

            “ยาย..พี่...ยาย”

            “ยายเป็นอะไร รง บอกพี่ เดี๋ยวนี้!” เขาเสียงดังใส่วรงค์ ผู้เป็นน้องชาย วรันต์อยากรู้ใจจะขาดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับยาย

            “ยายไม่ได้เป็นอะไรหรอกพี่”

            “เอ้า ไม่ได้เป็นอะไรแล้วเสียงสั่นร้องไห้แบบนี้ทำไม รงพูดแบบนี้ รู้มั้ยพี่ใจไม่ดีเลย” วรันต์พูดออกมาด้วยความ    โล่งอก

            “คือ..โรงพยาบาลโทรมาหาผมเมื่อกี้ว่าอยากให้พายายไปเข้าไปตรวจร่างกายอีกรอบวันพรุ่งนี้”

            “ทำไม โรงพยาบาลไม่โทรหาพี่” วรันต์แปลกใจ เขาให้เบอร์ของน้องชายไว้กับทางโรงพยาบาลเป็นเบอร์สำรองเท่านั้น

            “เขาบอกว่าโทรหาพี่ แต่พี่ไม่รับ”

            “เอ๊ะ อย่างนั้นเหรอ ขอโทษนะ พี่คงไม่ได้ยินเสียง แค่ไปตรวจร่างกาย ทำไมรงต้องร้องไห้ด้วย”

            “ก็ถ้าไปโรงพยาบาลแปลว่าพี่ต้องเสียเงินอีกแล้ว ผมรู้ว่าพี่เหนื่อยที่ต้องหาเงินมารักษายาย มาส่งผมเรียน”

            “พูดจาไร้สาระจริงๆ พี่เป็นพี่นายนะรง พี่ก็ต้องดูแลน้อง ไม่ใช่หรือไง”

            “ผม..ช่วยอะไรพี่รันไม่ได้เลย” วรงค์บอกพี่ชายด้วยความรู้สึกผิด

            “ไม่ใช่ความผิดของนาย แล้วหน้าที่ของรงคือเรียนให้จบ เรียนแทนในส่วนของพี่ด้วย เรื่องนี้เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ” กลายเป็นวรันต์ต้องปลอบน้องชายอีกคน

            “ครับ”

            “ดีมาก เอาล่ะ เก็บข้าวของให้เรียบร้อยล่ะ พรุ่งนี้พี่จะเข้าไปรับที่บ้าน”

            “ครับ”

            “แค่นี้ก่อนนะรง พี่ต้องไปทำธุระก่อน”

            “ครับพี่รัน”


            ปลายสายตัดไปแล้ว แต่วรันต์ยังมองโทรศัพท์ในมืออยู่แบบนั้นอีกสักครู่ ตรวจสุขภาพครั้งนี้คงไม่ลำบากเงินที่เขายังพอมีอยู่ แต่ถ้าผลตรวจออกยังออกมาไม่ดีล่ะก็ เขาคงต้องขายสิ่งที่แปรเป็นเงินได้ไปก่อน ไม่ว่าจะรถ คอนโด หรืออะไรก็ตามที่เขามี



            เพื่อคนที่เขารักที่สุดในชีวิต


            ชายหนุ่มปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นแจ่มใสก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้านอาหาร


            “อิ่มหรือยังครับพี่ปรานต์” วรันต์ยิ้มให้ปรานต์ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ชายหนุ่ม

            “ยังเลย พี่รอรันกลับมากินพร้อมกัน”

            “น่ารักจังเลย แบบนี้สิครับ รันถึงตัดใจจากพี่ไม่ได้สักที” วรันต์บอกคนรักเก่าโดยไม่กระดากอาย ผิดกับไอ้น้ำที่อายแทน

            “กินข้าวก่อนเถอะรัน เดี๋ยวจะปวดท้อง”


            “ครับ” วรันต์ตอบรับพลางเริ่มลงมือทานมื้อเที่ยงสักที ส่วนไอ้น้ำที่กินอิ่มแล้วก็ได้ถามตัวเองในใจว่า เขาไม่น่ามาด้วยจริงๆ เมื่อไหร่จะกลับกันเสียที

            “พี่ปรานต์ พรุ่งนี้รันคงจะต้องกลับกรุงเทพฯ ก่อนนะครับ” ระหว่างทางกลับวรันต์ก็พูดขึ้น

            “อย่างนั้นเหรอ”

            “พี่ปรานต์ไม่ว่าอะไรรันนะครับ”

            “พี่ไม่ว่าอะไรรันอยู่แล้ว รันมีสิทธิ์ไปไหนมาไหน หรือทำอะไรได้ทุกอย่าง” ปรานต์หันไปยิ้มตอบให้รู้ว่าเขาพูดจากใจจริง ไม่ได้แฝงความประชดใดๆ

            “แล้วรันจะมาหาพี่ปรานต์อีกนะครับ”

            “ไม่เป็นไรหรอก รัน ไว้เราเจอกันที่นั่นก็ได้ พี่ไม่อยากให้รันต้องขับรถมาลำบาก”

            “ไม่ลำบากเลยครับ รันเต็มใจ” วรันต์ยังคงคอนเซ็ปต์เอาใจอีกฝ่ายโดยไม่ให้ขาดตกบกพร่อง


            ‘อย่ามาบ่อยเลยคุณรัน ผมนี่แหละคนที่ทำลำบาก’



            ไอ้น้ำเถียงอยู่ ในใจ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีใครได้ยิน


            “พรุ่งนี้ รันตั้งใจจะออกแต่เช้า คงไม่ได้เจอพี่ปรานต์ รันลาพี่ตอนนี้เลยนะครับ” วรันต์ยกมือไหว้อีกฝ่าย ตอนที่ผู้กองหนุ่มขับรถมาส่งวรันต์ถึงหน้าบ้านที่พักของตัวเอง

            “ขับรถดีๆ ล่ะ ถึงแล้วก็บอกพี่ด้วย อย่าให้พี่เป็นห่วง”

            “รันไปนะ ผมไปก่อนนะคุณน้ำ”

            “ครับ บายนะ คุณรัน” น้ำตอบอีกฝ่าย พูดดีกับเขา เขาก็พูดดีด้วยนั่นล่ะ


            ‘ไม่เข้าใจจริงๆ ห่วงกันขนาดนี้ ทำไมยังไม่กลับไปคบอีกวะ’


            น้ำไม่เข้าใจการกระทำของผู้กองเลยแม้แต่น้อย เพราะอะไรกันแน่


            น้ำเห็นผู้กองเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักตรงที่นั่งข้างคนขับหลังจากวรันต์ลงไป ชายหนุ่มหยิบเล่มสมุดอะไรไม่รู้สักอย่างออกมาก่อนจะเปิดไปหน้าที่ยังมีอยู่ในเล่มนั้น แล้วจรดปากกาเขียนบางอย่างลงไป สร้างความอยากรู้ให้ไอ้น้ำนักหนาว่ามันคืออะไร  เขาพยายามชะโงกหน้าข้ามไปข้างหน้าและเขาก็เห็นมันอย่างชัดเจน


            ‘500,000.00 -’ ไอ้น้ำตาโตกับตัวเลขในนั้น


            ‘นี่มันห้าแสนเลยนะเว้ย เฮ้ยยย แค่ขอกลับกรุงเทพฯ ก็ได้รับเงินขวัญถุงกลับบ้าน สุดยอดอะ สายเปย์เรียกพ่อ สุดๆ’


            น้ำเห็นผู้กองรีบฉีกกระดาษใบนั้นออกมาจากเล่มแล้วรีบลงจากรถไปเพื่อเรียกอีกฝ่ายออกมาจากในบ้าน และ วรันต์ก็เดินออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

           “รัน นี่พี่ให้”

           “อะไรครับพี่ปรานต์” วรันต์ถามออกไปเป็นมารยาท พอเห็นว่า ‘นี่’มันคืออะไร เขาก็รู้สึกตกใจพอสมควร เขาไม่ได้เอ่ยขอเงินอีกฝ่าย ทำไมปรานต์ถึงเอามันมาให้เขา

           “พี่ให้”

           “รัน รับไม่ได้” วรันต์ไม่ได้อยากทำตัวเป็นคนดีหรือเกรงใจ แต่เขามาครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อจะขอเงินอีกฝ่าย

           “รับไปเถอะ พี่รู้ว่ารันต้องใช้”

           “ต้องใช้?” วรันต์แปลกใจที่ปรานต์รู้ว่าเขาต้องใช้เงิน เขายังไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใครเลยแม้แต่คนเดียว แล้วปรานต์จะรู้ได้ยังไง

           “อืม ต้องใช้”


           “พี่รู้ได้ไง ว่ารันต้องใช้เงิน” วรันต์ถามย้ำ

           “พี่รู้ทุกเรื่องของรันนั่นแหละ เรื่องยายหรือน้องชายล่ะ” ปรานต์เฉลยออกมา ในที่สุดเขาตัดสินใจจะบอกวรันต์แล้วว่าเขารู้เรื่องทุกอย่าง

           “พี่รู้?” วรันต์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ แล้วที่ผ่านมาล่ะ ที่ผ่านมา ปรานต์ก็รู้อย่างนั้นเหรอ

           “ใช่ พี่รู้ตั้งแต่แรก ไม่สิ หลังคบกันไม่นาน พี่ก็รู้เรื่องของรันทั้งหมด” ปราต์บอกราวกับรู้ว่าตอนนี้วรันต์คงจะตกใจจะแย่แล้ว

          “พี่รู้?” วรันต์ยังพูดจาซ้ำๆ ราวกับคนไม่มีสติ

          “รัน อย่าลืมสิว่าพี่เป็นตำรวจ ถ้าโดนแฟนหลอกด้วยเรื่องแค่นี้ก็ขายหน้าแย่เลย จริงมั้ย”

          “ระ..รัน” วรันต์พูดไม่ออก แล้วทั้งหมดที่เขาทำ แสดงว่าปรานต์ก็รู้หมด

          “เป็นอะไร ไม่ต้องตกใจ พี่ไม่โกรธรัน ไม่เคยโกรธเลยจริงๆ”

          “รันขอโทษ” วรันต์บอกอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเสียใจ เขาไม่เคยถูกจับได้ เขามั่นใจว่าเล่นละครได้เก่งจนอีกฝ่ายไม่มีทางรู้แน่นอน

          “ไม่ต้องขอโทษหรอก รู้มั้ยทำไมพี่ถึงคบกับรันหลังจากที่รู้ความจริง”

          “เพราะอะไรครับ”

          “เพราะยายกับน้องของรันไงล่ะ พี่รู้ว่ารันทำทุกอย่างเพื่อพวกเขาสองคน แล้ววันนี้น้องโทรมาใช่หรือเปล่า”

          “จะมีเรื่องไหนที่รันปิดพี่ปรานต์ได้มั้ย ใช่ครับ วรงค์ น้องชายรันเอง” วรันต์ยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ดวงตาก็ยังเศร้าอยู่ดี

          “เรื่องเงินใช่มั้ย”

          “ครับ” เขาไมได้อธิบายเพิ่มเพราะปรานต์ก็คงรู้ดีอยู่แล้ว

          “พี่ถึงเอามันมาให้รัน เพราะรันคงต้องใช้” พูดจบชายหนุ่มก็วางกระดาษใบนั้นลงในมือของวรันต์
 
          “แต่มัน...” เขาอายเกินกว่าจะรับเช็คใบนี้

          “รันอย่าดื้อ รับไว้เถอะ พี่อยากช่วย”

          “พี่ปรานต์ ทำให้รันละอายใจ”

          “รันเก่งจะตายไป รันไม่ได้อยากเป็นอย่างที่แสดงออกมาหรอก จริงมั้ย”

          “รันไม่ได้เรื่องต่างหากล่ะ พี่ปรานต์” รันพูดออกมาทั้งที่น้ำตาเริ่มไหลรินออกมา ตั้งแต่บีบน้ำตามาครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวร้องไห้ด้วยความจริงใจออกมาจากข้างใน ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำอย่างที่แล้วมา

          “รับเอาไว้ ถ้าติดขัดอะไรก็บอกพี่ อย่าเกรงใจ พี่ยินดีและเต็มใจจะช่วยเหลือรันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา พี่จะช่วยรันจนกว่าพี่จะช่วยรันไม่ได้” ปรานต์บอกอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ

          “ขอบคุณครับ”

          “เรื่องยายบอกพี่มาได้ตลอด พี่จัดการค่าใช้จ่ายตรงนี้เอง”

          “รันไม่อยากรบกวนพี่”

          “อย่าเกรงใจพี่” ปรานต์บอกพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้อีกคนตรงหน้าอย่างเบามือ อย่างน้องวรันต์ก็เป็นคนที่เขาเคยรัก เขาเต็มใจเสมอ

         “ถ้ารันไม่มีทางออกจริงๆ รันจะมารบกวนพี่ปรานต์นะครับ”

         “ยินดีครับ” ปรานต์ยิ้มให้อีกฝ่ายพลางลูบศีรษะอีกฝ่าย วรันต์ก็ยิ้มตอบกลับมาให้เขาเหมือนกัน และครั้งนี้มันคงเป็นยิ้มที่มาจากตัวตนของวรันต์จริงๆ



          ไอ้น้ำมองเห็นทุกการกระทำจากในรถ เขาเห็นผู้กองยื่นกระดาษเช็คใบนั้นให้วรันต์ ทีแรกวรันต์เหมือนจะปฏิเสธไม่ยอมรับ แต่ผู้กองก็คว้ามือของอีกฝ่ายขึ้นมาแล้ววางกระดาษนั้นลงบนมืออีกฝ่าย


          ต่อมาก็เห็นวรันต์ยกมือไหว้ที่อกของผู้กองและก็ได้เห็นผู้กองยกมือเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายด้วยท่าทีที่อ่อนโยน มันช่างเหมือนเหตุการณ์ที่อีกฝ่ายก็เคยเช็ดน้ำตาให้เขาแบบนี้เหมือนกัน


          คงเป็นความอ่อนโยนของเจ้าตัวล่ะมั้ง ที่ปฏิบัติกับทุกคนเหมือนกันหมด เขาไม่ได้พิเศษกว่าใคร ไม่ได้เหนือกว่าใคร เขาก็เป็นเหมือนคนอื่นๆ


          แค่คนอื่นๆ ก็เท่านั้น


         ทั้งที่พยายามสั่งให้ใจมันคิดแบบนี้ แต่ทำไมมือข้างขวาต้องกำเสื้อตรงหน้าอกข้างซ้ายแน่นขนาดนี้ด้วยล่ะ


         ทำไมมันเจ็บจังเลย


          หรือว่าเขาจะเป็นโรคหัวใจจริงๆ


========================


โรคหัวใจกำเริบ เลิฟ เลิฟ เลิฟ

ตอนนี้เหมือนเฉลยในหลายๆ อย่างของเรื่องค่ะ น้ำที่รู้ใจตัวเอง (มั้ง)
ทำไมผู้กองไม่ไล่วรันต์ไป ปล่อยให้คนอ่านโมโหแล้วโมโหอีก
และอีกตัวละครหนึ่งที่เขมก็รักนะเออ วรันต์ ทำไมถึงนิสัยแบบนี้ มีเหตุอะไรให้ทำแบบนี้
จะมีเล่าส่วนของวรันต์เพิ่มขึ้นอีกค่ะ น่าจะหลังจากนี้อีกสองสามตอน

ปล หนึ่ง อยากให้ผู้กองมาเปย์บ้างงงงงง
ปล สอง แต่ละตอนสั้นไปมั้ยคะ ถ้าสั้นไปอยากให้เขมรวบไปของวันอังคาร
มาลงพร้อมกันในวันศุกร์ดีมั้ยคะ หรือค่อยๆ อ่าน มันก็ลุ้นดีนะ
ปล สาม หวยไม่ถูกอะเกนค่ะ เศร้า


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018
เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที P5 18/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-05-2018 13:57:22
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที P5 18/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-05-2018 14:24:49
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที P5 18/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 18-05-2018 15:07:54
ก็นะ แล้วแต่ผู้กองเลย เงินผู้กองจะทำอะไรก็ทำไป
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที P5 18/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-05-2018 17:55:21
ผู้กองอยู่สน.ไหน จะได้แวะไปทำความรู้จักด้วย  :really2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที P5 18/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 18-05-2018 19:22:42
น้ำน่าสงสาร ไปตรวจหัวใจซะนะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที P5 18/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 18-05-2018 21:46:51
คิดถึงเจ้าแม่ตะเคียนค่ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที P5 18/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 18-05-2018 22:47:42
สายเปย์สุดๆ ถ้ามีแฟนใจดี ใจกว้างแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ
ปล.จากชื่อตอนและ ตอนท้ายยังมีโรคหัวใจกำเริบเลิฟ เดาว่าคนเขียนคงรุ่นเดียวกับเรา
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที P5 18/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 18-05-2018 22:54:56
เว่อร์ไปหน่อยกับ "ความเป็นผู้กอง"
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที P5 18/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Boom890 ที่ 18-05-2018 23:00:51
มาต่อด่วนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที P5 18/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 19-05-2018 23:10:04
ดีเกินไปแล้ว
 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบแปด เจ็บแปลบขึ้นมาทันที P5 18/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 22-05-2018 13:33:24


งวดสิบเก้า ต่างคนต่างไป


            “ผู้กองครับ” ไอ้น้ำเรียกผู้กองตอนที่ทั้งคู่อยู่ในห้องนอนของน้ำ
           
            “ครับ?” ปรานต์ตอบอีกฝ่าย โดยไม่ละมือจากเสื้อผ้าที่กำลังเก็บลงกระเป๋า พรุ่งนี้เขาจะย้ายกลับไปนอนที่บ้านพักของตัวเองแล้ว

            “เรื่องคดีคุณพัด ผมได้ข้อมูลเพิ่มมาแล้วนะ”

            “อย่างนั้นเหรอ เรื่องเป็นยังไงบ้าง” พอพูดถึงเรื่องคดี ผู้กองหนุ่มหยุดพักสิ่งที่กำลังทำอยู่สักครู่เพื่อรับฟังจากอีกฝ่ายด้วยความตั้งใจ

            “ถามจริงๆ นะ ผู้กองสงสัยพี่สินบ้างมั้ย” น้ำถามอีกฝ่ายหลังเล่าจบ

            “นายว่ายังไงล่ะ”

            “ถามกลับอีกละ เบื่อจริง ...” น้ำบ่นแต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี “ผมไม่สงสัยพี่สิน”

            “คิดเหมือนกัน ฉันเองก็ไม่สงสัยนายสิน อย่างน้อยก็ในตอนนี้”

            “ทำไมล่ะครับ”

            “อย่างที่นายรู้ เรื่องที่นายสินชอบทุบตีทำร้ายร่างกายภรรยา มันก็มีส่วนที่ทำให้ชวนสงสัย แต่พอสืบคดีดู จากประวัติแล้ว นายสินไม่เคยบีบคอหรือทำร้ายบริเวณคอของคุณพัดเลยสักครั้งเดียว ซึ่งครั้งนี้นายก็รู้ว่าสาเหตุการตายคืออะไร”

            “ขาดอากาศหายใจ? แล้วเกี่ยวอะไรกับบีบคอครับ” น้ำถามด้วยความสงสัย

            “นายสินไม่เคยบีบคอคุณพัดแปลว่า ไม่เคยลงมือถึงขั้นให้ขาดอากาศมาก่อน แต่ครั้งนี้จากผลชันสูตร ภายในช่องปากมีร่องรอยเลือดออก เหมือนถูกกัดทับด้วยของบางอย่างจนหายใจไม่ออกจนตาย”

            “...”

            “แล้วรูปร่างอย่างนายสิน ไม่น่าจะต้องพึ่งอุปกรณ์อะไรมาทุ่นแรง ถ้าหากจะพลั้งมือฆ่าคนตาย จริงมั้ย นายลองคิดดู” น้ำคิดทบทวนอย่างผู้กองว่าก็คิดว่าจริง เขายังไม่อยากคิดถ้าโดนพี่สินต่อยหมัดเดียวคงจอดไม่ต้องแจวเลย

            “ก็จริง” น้ำพึมพำตอบ

            “ฉันเองก็พอจะเดาสถานการณ์ออกบ้างแล้วล่ะ ขอเก็บรวบรวมหลักฐานอีกนิดคงจะออกหมายจับได้เร็วๆ นี้”

            “เดี๋ยวนะ อย่าบอกว่าผู้กองรู้แล้วว่าใครคือฆาตกร”

            “ก็ไม่เชิง แค่คิดว่าใช่ ถึงขอรวบรวมหลักฐานอีกนิด”

            “ใครอะ”

            “บอกแล้วไง ว่าลองคิดสิว่าเป็นใคร สืบดูหน่อย”

            “ใจร้าย แค่นี้เอง บอกหน่อยก็ไม่ได้” ไอ้น้ำบ่นอุบเพราะมันอยากรู้มาก

            “ไม่ได้ใจร้าย แต่ผลยังไม่สรุป ไม่อยากปรักปรำใคร”

            “อยากรู้...” เสียงครวญชวนสงสารดังมาจากเจ้าของห้อง แต่ผู้กองก็ไม่ใจอ่อน

            “อย่างอนไปเลย”

            “ไม่ได้งอนสักหน่อย”

            “แล้วทำหน้าแบบนั้นคือไม่งอน?”

            “หน้าแบบไหน”

            “ปากคว่ำ หน้ามุ่ย ไม่รู้เหรอตัวเองทำหน้าแบบไหนอยู่ ลองส่องกระจกสิ” ไม่พูดเปล่า ผู้กองเดินเข้ามาจับใบหน้าของไอ้น้ำหันเข้าหน้ากระจกบานใหญ่ในห้อง เจ้าของใบหน้าถึงกับตกใจเมื่อเห็นใบหน้าตัวเอง

            “เฮ้ย น่าเกลียด ทำหน้าอะไรของแกวะไอ้น้ำ แหวะ อย่างกับผู้หญิง” น้ำด่าตัวเองพลางตบหน้าตัวเองไม่เบานัก เขาเคยเห็นสีหน้าแบบนี้เวลาที่ผู้หญิงถูกขัดใจหรือไม่ได้อะไรดังใจ

            “ตีตัวเองทำไม ช้ำหมด” ปรานต์เห็นอีกฝ่ายกำลังทำร้ายใบหน้าของตัวเองอยู่ก็รีบดึงมือคู่นั้นออก หน้าขาวจะไปตีตัวเองให้แดงทำไม


            เพราะแรงของสองคนที่สวนทางกัน คนหนึ่งอยากจะเอาฝ่ามือพุ่งเข้าหาตัวเอง อีกคนอยากจะดันฝ่ามือนั้นออกจากกัน ทำให้มีแรงกระชากเกิดขึ้น ไอ้น้ำรู้สึกว่าใบหน้าของผู้กองตอนนี้ทำไมมันอยู่ใกล้เขาเหลือเกิน ดวงตาสองคู่สบตากันนิ่ง

            “เอ่อ...ไม่ตีแล้ว แค่เมื่อกี้หน้าผมมันน่าเกลียดไปก็เท่านั้นแหละ” น้ำดึงมือออกจากอีกฝ่าย

            “อืม พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปนอนที่บ้านพักเหมือนเดิมแล้ว ขอบใจนายกับแม่น้อยมากที่ให้ฉันพักอยู่ด้วยในช่วงที่วรันต์อยู่ที่นี่” ผู้กองหันกลับไปเก็บของใช้ต่อ

            “ไม่เป็นไร แม่ยิ่งกว่าเต็มใจเสียอีก”

            “แม่น้อยของนายน่ารักนะ”

            “ใช่ แม่ใจดี ถึงจะเสียงดังแต่ใจดีและน่ารักมาก” น้ำบอกอย่างภูมิใจ แม่ของเขาเป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลก ต่อให้เอาอะไรมาแลกกับแม่ของเขา ก็ไม่มีวันยอมแลกเป็นอันขาด

            “เห็นด้วย นายเองก็เหมือนกัน”

            “หืม?” แปลว่าอะไร ไอ้น้ำไม่เข้าใจ

            “น่ารักเหมือนกัน” คนถูกชมรู้สึกเหมือนเลือดสูบฉีดทั่วใบหน้า ตอนนี้หน้าเขาคงแดงแปร๊ดเป็นแน่

            “ผะ..ผม..ป..ไป อาบน้ำก่อนแล้วกัน เชิญคุณเก็บของตามสบายเถอะ” เขารีบลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วเพื่อข่มอาการเขินอายของตัวเอง


            โดยไม่ทันเห็นว่าคนที่เก็บของมือไม่ว่างอยู่นั้น ใบหูของเขาก็ดูแดงๆ เหมือนกัน


            เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้กองหนุ่มก็หิ้วกระเป๋าขนาดใบไม่ใหญ่นักออกมาจากห้องนอนของบุตรชายเจ้าของบ้านเพื่อมาขอบคุณที่แม่น้อยให้ความเมตตาหยิบยื่นที่พักให้เจ้าตัว

            “ขอบคุณครับ แม่น้อยที่ให้ผมมาพักด้วยตั้งหลายคืน”

            “ไม่เป็นไรเลย ไม่เป็นไร แค่นี้เองจ้ะ น่าเสียดาย พักต่ออีกสักหลายๆ คืนก็ได้นะ” แม่น้อยบอกอย่างใจดี

            “ขอบคุณครับ แต่เพื่อนของผมเขากลับกรุงเทพฯ วันนี้แล้ว คงไม่รบกวนต่อ”

            “ตามใจเถิดจ้ะ ที่นี่ต้อนรับเสมอ แล้วนี่จะไปเลยใช่มั้ย” แม่น้อยเห็นกระเป๋าเดินทางที่แขกมาพักถือออกมาด้วยก็พอจะเข้าใจ

            “ครับ แวะเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่บ้านพักก่อนแล้วจะไปที่สน. เลยครับ”

            “อืม แล้วนี่ไอ้น้ำ มันไปไหนล่ะ ไอ้น้ำ ไอ้น้ำเว้ย ไปส่งผู้กองเขาหน่อย”  แม่น้อยตะโกนเรียกบุตรชาย

            “ไม่เป็นไรครับ แม่น้อย ผมไปเองได้อย่าลำบากเลย”

            “เอาอย่างนั้นเหรอ”

            “ครับ ผมไปก่อนนะแม่น้อย” ผู้กองหนุ่มว่าพลางยกมือไหว้

            “จ้ะ ไหว้พระเถิดพ่อ แวะมากินข้าวที่นี่บ่อยๆ นะ”

            “แน่นอนครับ” ชายหนุ่มบอกลาอีกครั้งก่อนจะเดินหิ้วกระเป๋าลงบันไดไป


            เสียงรถยนต์แล่นห่างตัวบ้านไปสักพัก ไอ้ตัวดีของแม่น้อยถึงค่อยแหยมหน้าออกมาจากห้อง


            “หนอย ไอ้น้ำ พอเขาไปล่ะเพิ่งออกมา เอ็งนี่มันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ขายหน้าข้าไปหมด”

            “อะไรกันอะแม่ ผู้กองก็อยู่แถวนี้ จะต้องทำเรื่องให้มันเอิกเกริกทำไม” น้ำเถียง

            “บ๊ะ! เถียงข้า เดี๋ยวเถอะ ก็แขกจะไปจะมา เราเป็นเจ้าของบ้านก็ต้องต้อนรับขับสู้ให้มันดีๆ หน่อย เดี๋ยวเขาจะมาว่าเราได้”

            “นี่ก็ต้อนรับดีสุดๆ แล้วถ้ายังมาบ่น เดี๋ยวฉันนี่แหละจะไปจัดการถึงสน.เลย” น้ำทุบอกบอกอย่างไม่กลัว

            “เฮอะ เหม็นน้ำลาย แล้วนี่แต่งตัว หิ้วกระเป๋ามาด้วย จะไปไหน” แม่น้อยมองของในมือไอ้น้ำแล้วก็ถามออกมาด้วยความสงสัย

            “ฉันมีธุระจะเข้าไปกรุงเทพฯ สักสองสามวันนะแม่”

            “อะไรของเอ็ง จู่ๆ มาบอกข้า ปุบปับจะไป”

           “จ้ะ มีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย”

           “เออ โตแล้วจะไปจะมาก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน”

           “แน่นอนจ้ะ”

           “ว่าแต่กลับมาก่อนหวยออกใช่มั้ยวะ”

           “แน่นอนจ้ะ” น้ำรับคำอย่างมาดมั่น ไม่มีทางพลาดเสียหรอก

          “เออ ถ้าอย่างนั้นข้าก็เบาใจ”

          “นี่แม่ไม่ห่วงฉันเลยเหรอ” น้ำพูดเย้าแหย่ด้วยน้ำเสียงเชิงน้อยใจ

          “พูดอะไรอย่างนั้นวะ ข้าต้องห่วงเอ็งอยู่แล้ว”

          “ห่วงหวยหรือห่วงฉันกันแน่”

          “มันก็ทั้งสองอย่างแหละวะ ข้าว่าเอ็งอย่าถามให้มันช้ำใจเลย”

          “แม่!!”

          “ไปๆ รีบไปกินข้าวกินปลา เสร็จแล้วจะได้ไปรอรถ เดี๋ยวจะไปถึงมืดค่ำเสียก่อน” แม่น้อยเป็นห่วง

          “จ้ะแม่”


           ไม่เกินเก้าโมงดี ไอ้น้ำก็นั่งชูคออยู่บนรถตู้มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงดินแดนศิวิไลซ์ ภารกิจแรกที่เขามาถึงก็คือเข้าไปเก็บกวาดห้องพักที่เขาเคยอาศัยอยู่ เสร็จแล้วจึงออกไปพบกับพี่บาสแล้วจึงพากันไปหาลูกค้าอีกที

           “เป็นไงบ้างวะ ไอ้น้ำ สบายดีนะ” พี่บาสถามขึ้นระหว่างทางที่กำลังนั่งรถไปหาลูกค้าที่โรงแรมแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่พวกเขาสองคนนัดเจอกันนัก

           “สบายดีพี่ แล้วพี่ล่ะ แต่ดูแล้วน่าจะสบายดีแหละ”

          “กวนเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยน พี่ก็เหมือนเดิมแหละ แกไม่อยู่ก็เหงาเหมือนกัน”

          “คิดถึงผมล่ะสิ” น้ำแซว

          “เปล่า เหงาหู ออฟฟิศเงียบมาก ไม่มีคนปากหมา”

          “โห่ ควรดีใจมั้ยเนี่ย” เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลั่นไปทั่วรถ ก่อนจะเงียบลงเปลี่ยนไปอีกบรรยากาศหนึ่ง

          “พี่..แล้วคือ..คนนั้น..สบายดีมั้ย” น้ำเอ่ยถามบุคคลที่สามขึ้นมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

          “เฮ้อ” พี่บาสเหล่มองคนด้านข้างแล้วถอนหายใจ ไม่ต้องเอ่ยชื่อเขาก็รู้ว่าน้ำ หนุ่มรุ่นน้องนั้นกำลังพูดถึงใคร

         “พี่บาส...” น้ำเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบา เขารู้ว่าพี่บาสคงไม่ค่อยชอบใจนักหรอก แต่เขาก็อยากรู้ข่าวคราวของเธอคนนั้นบ้างนี่นา

         “ก็..ยังไงดีล่ะ...มันก็ค่อยจะดีหรอก...” พี่บาสเว้นระยะไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “คือ..ไอ้เจน มันเลิกกับแฟนแล้ว”

         “เลิกกันแล้วเหรอ? เธอเลิกกับเขาแล้วเหรอ” น้ำถามเสียงตื่นเต้น

         “ใช่ หลังจากแกกลับไปอยู่บ้านไม่นาน”

          “ทำไมพี่ไม่บอก ไม่เล่าอะไรให้ผมฟังเลยอะ” น้ำถามตัดพ้อ

         “ให้พี่โทรไปบอกนายเพื่ออะไร ให้บอกว่า ‘เออ เจนเลิกกับแฟนแล้วนะ แกจะกลับมาหาเจนมั้ย’แบบนี้น่ะเหรอ เพ้อเจ้อ”

         “ก็จริง ขอโทษทีพี่”

         “ที่ไม่พอใจพี่แบบนี้ อย่าบอกนะว่าคิดจะกลับไป อย่าเชียวนะ ไอ้น้ำ พี่ขอเตือนแกด้วยความหวังดี”

         “เปล่า ไม่ใช่สักหน่อย ผมก็แค่เป็นห่วงเจน”

         “ไม่ต้องไปยุ่งกับเจน ปล่อยมันท้องแบบนั้นแล้วให้มันรอเลี้ยงลูกของมันไป”

         “ห๊ะ!? อะไรนะพี่ เจนมีลูก?”

         “เอ้า แกไม่รู้เหรอเนี่ย ก็ที่เจนมันขอเลิกกับแกก็เพราะมันท้อง” พี่บาสหันมาถามด้วยความงงงวย เรื่องมันยังไงกันวะเนี่ย

        “ไม่..ไม่รู้เลยพี่ เจนไม่เคยบอกผมเรื่องนั้น”

          “อืม มันท้องกับแฟนที่เพิ่งเลิกไปนั่นแหละ”

          “กี่เดือนแล้วอะพี่”

          “อะไร”

          “เจนท้องกี่เดือนแล้ว”

         “ห้าเดือน”

          “ห้าเดือน...” น้ำทวนคำตอบของพี่บาส ห้าเดือนได้ไงวะ เขาเลิกกับเจนมาได้ห้าเดือนเหมือนกัน แล้วจะท้องห้าเดือนมาจากไหนวะ เลิกปุ๊ปท้องปั๊ป แบบนี้น่ะเหรอ

          “คิดอะไรของแก เจนมันคบซ้อน ดูไม่ออกเลยเหรอ ไอ้น้องไอทีอีกคนที่เข้ามาใหม่คนนั้นที่ไอ้เจนมันไปสอนงาน อย่าบอกว่าเรื่องนี้ แกก็ไม่รู้อีก”

         “ไม่รู้อะ” คำตอบของไอ้น้ำ ทำให้พี่บาสอยากตะโกนถามไอ้น้ำว่า อะไรของมึงเนี่ย ไม่รู้จริงดิ

         “ไม่รู้?ไม่รู้ได้ไง หลงไอ้เจนจนตาบอดเหรอ” พี่บาสถึงขั้นหลุดปากด่าน้ำออกมาเพราะอารมณ์ที่โมโหแทน

          “ก็ไม่เชิง คือผมก็สงสัยแหละ แต่เจนบอกว่าไม่มีอะไร”

         “แล้วแกก็เชื่อ?”

          “แน่นอน ผมต้องเชื่อเจนอยู่แล้ว”

         “ควายเลยมั้ยล่ะ”

          “เจ็บเว้ย พี่บาส ก็ควายดิ ควายเป็นๆ ไม่มีวัวผสมเลย”

          “เจ็บก็ดี จำไว้ด้วย ห่วงไอ้เจนมันได้ แต่ไม่ต้องสอดมือเข้าไปยุ่ง เข้าใจ๋?”

          “ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ได้ปะพี่” น้ำต่อรอง

          “นี่ยังอยากเป็นเพื่อนกับมันอีกเหรอวะ ยอมใจนับถือพลังรักของมึงจริงๆ เลยว่ะ ยังรักมันอยู่เหรอวะ” ปกติแล้วพี่บาสไม่นิยมพูดจามึงกูอะไรนักเท่าไหร่ แต่คราวนี้คงเหลืออดจริงๆ

          “ก็ไม่ขนาดนั้น แต่ถ้าบอกว่าลืมได้แล้ว มันก็ไม่ใช่”

          “ไอ้น้ำเอ๊ย ปากเก่งทุกเรื่อง พอเรื่องนี้ตายสนิท ให้พี่แนะนำมั้ย” พี่บาสเสนอแนะด้วยความหวังดี

          “แนะนำอะไรพี่”

          “รีบหาแฟนใหม่ซะ แล้วมึงจะลืมผู้หญิงที่ชื่อเจนไปเลย”

          “หาง่ายแบบนั้นก็ดีดิวะพี่ เกิดมาผมยังไม่เคยจีบใครเลย”

         “ไอ้อ่อนหัด ไม่เคยจีบก็ลองจีบดูสิวะ ไม่ยากอะไรหรอก”

         “จีบผู้หญิงเนี่ยนะ ไม่ยาก?”

          “เออ เอาใจเขาเยอะๆ พาไปเที่ยวบ่อยๆ แค่นั้นก็ใจอ่อนแล้ว”

          “อืม อย่างนั้นเหรอ” ไอ้น้ำครุ่นคิดกับคำแนะนำของรุ่นพี่ ทำไมในหัวของเขาถึงไม่มีค่อยภาพเจนเลย แต่กลับมีภาพของ   ผู้กอง คนที่ไม่เคยบอกข้อมูลราชการให้เขาฟังเลย ใจของเขากำลังบอกอะไรกับเขากันแน่

          “ทำไมต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนั้น แค่จีบสาว ถ้าไม่เป็นเดี๋ยวพี่ช่วยสอนให้ก็ได้” บาสพูด เรื่องจีบสาว เขานี่ถนัดสุด ไม่ได้คุยโม้นะ ตำแหน่งเจ้าชู้ตัวพ่อ ชื่อนี้เขาไม่ได้มาฟรีๆ บอกไว้เลย

          “ผมแค่คิดว่า แล้วจีบผู้ชายมันจะเหมือนจีบผู้หญิงด้วยมั้ย”

          “อันนั้น พี่ก็ไม่รู้ว่ะ ไม่เคยจีบผู้ชายซะด้วย พูดแล้วขนลุก ถามแบบนี้หมายความว่าไง” พี่บาสถามตามความสงสัย แต่แล้วเขาก็เบิกตากว้างขึ้น “อย่าบอกนะว่า จะจีบผู้ชาย”

          “อืม พี่ว่าไง ถ้าผมจะจีบผู้ชาย”

         “น้ำ แกสมองกลับใช่มั้ยเนี่ย อกหักจากไอ้เจนเลยคิดจะประชดรักเหรอ ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้เว้ย”

          “เปล่าพี่ ผมไม่ได้ประชด คือมันยังไม่ค่อยแน่ใจหรอก แต่มันก็แปลกๆ อะ เวลาอยู่ใกล้เขาแล้วรู้สึกยังไงไม่รู้ แบบไม่ได้รังเกียจอะไรอย่างนี้” น้ำพูดไปตามความรู้สึก

          “โธ่ ถังกาละมัง น้องกู อกหักรักคุดเมินหญิงไปซบอกผู้ชายเสียแล้ว แน่ใจแล้วเหรอวะ”

          “ซบอกอะไรล่ะ เขาสิต้องซบอกผม ถ้ายังไง ผมลองจีบดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่เวิร์คเดี๋ยวค่อยเปลี่ยนใจ”

          “ท่าจะบ้าจริงๆ จะจีบใครเขาก็ดูให้มันดีๆ ล่ะ จะได้ไม่เป็นมือที่สามของใคร เข้าใจมั้ย”

          “ครับ ขอบคุณพี่ แล้วจีบผู้ชายต้องทำไงอะ”

          “จะไปรู้เรอะ ไม่เคยจีบโว้ย หาวิธีเอาเอง” พี่บาสปฏิเสธเสียงดังลั่น จนไอ้น้ำเอามือปิดหูแทบไม่ทัน

          “ไม่รู้ ก็ไม่รู้ ทำไมต้องตะโกนด้วย ที่บ้านก็ตะโกนคุยกัน มากรุงเทพฯ ยังเจอคนตะโกนเสียงดังอีก เฮ้อ” น้ำถอนใจปนระอา


           คุยกันด้วยเสียงธรรมดาไม่ได้เหรอไง น้ำไม่เข้าใจ


           จบบทสนทนาไม่นาน ทั้งคู่ก็มาถึงโรงแรมที่เป็นจุดหมายเพื่อเข้าไปคุยกับลูกค้ารายนี้ พี่บาสจอดรถอย่างนิ่มนวลเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วพากันเข้าไปด้านใน


           จริงๆ แล้วด้วยหน้าที่ของน้ำ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาคุยกับลูกค้าเอง พี่บาสเองก็ช่วยพูดรับหน้าให้แล้ว แต่ลูกค้าก็ยังยืนยันว่าอยากจะคุยกับคนทำงานในส่วนนี้ เขาเลยจำเป็นต้องมา

           “สวัสดีค่ะ” เสียงทักทายสดใสดังขึ้นตอนที่พวกเขาเพิ่งมาถึง

           “สวัสดีครับ” น้ำและพี่บาส ไหว้อีกฝ่ายกลับไป ไอ้น้ำเองก็พอจะเข้าใจลางๆ แล้วว่าทำไมลูกค้าคนนี้เรื่องเยอะนัก ที่แท้ก็เพราะเป็นผู้หญิงนี่เอง

           “คุณนทีหรือน้ำครับ กราฟฟิคดีไซเนอร์ของเรา” พี่บาสแนะนำไอ้น้ำให้อีกฝ่ายรู้จักเพราะพี่บาสกับผู้ว่าจ้างเจอกันหลายครั้งแล้ว

           “สวัสดีค่ะ คุณน้ำ ดิฉัน อรนะคะ”

           “สวัสดีครับ”

          “เรามาเริ่มคุยกันเลยดีมั้ยครับ” พี่บาสแนะขึ้นมา น้ำเดาว่าพี่บาสคงไม่อยากอยู่คุยกับอีกฝ่ายนานนัก

          “คราวก่อนที่คุยกันกับคุณบาส อรโอเคแล้วนะคะ เหลือแค่ส่วนออกแบบโลโก้หรือตรงที่อยากให้เคลื่อนไหว ที่อรอยากจะแก้น่ะค่ะ มันยังไม่ค่อยถูกใจ” คำตอบของคุณอร ทำให้ไอ้น้ำลอบกลืนน้ำลาย งานเข้ากูแล้วมั้ยล่ะ เขาแก้งานนี้มาหลายรอบแล้ว ไม่อยากแก้อีก

           “ส่วนนี้เราก็แก้มาสามรอบแล้ว คุณอรยังอยากปรับตรงไหนอีกเหรอครับ ขอให้เป็นการแก้ไขครั้งสุดท้ายนะครับ”

           “ค่ะ นั่นแหละค่ะเป็นเหตุผลว่าทำไมอรถึงให้เชิญคุณน้ำมาด้วย แล้วถ้าอรโอเค ก็จะโอนเงินงวดนี้ให้คุณบาสเลยค่ะ ไม่อิดออดแน่นอน” หญิงสาวบอก

           “ครับ คุณอรว่ามาได้เลยครับ” น้ำบอกอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เขาเองก็ไม่ได้อยากคุยนานเท่าไหร่

           “ค่ะ ตรงโลโก้ที่เป็นตัวการ์ตูน อรอยากปรับตรงนี้หน่อยค่ะ”


           คุณอร ผู้ว่าจ้างเริ่มตั้งแต่ตัวการ์ตูนโลโก้เป็นอันดับแรก น้ำนิ่งฟังพร้อมจดรายละเอียดลงไปในโน้ตบุคอย่างละเอียด เขาจะไม่ยอมให้มันหลุดอีก เพราะคุณอรอยากเปลี่ยนแม้กระทั่งสเกลของเส้นผมที่มันกระดกขึ้น อยากให้มันต่ำลงกว่านี้สักห้าองศา


            เฮ้ย อะไรวะ ห้าองศาก็เอาเหรอ


            ไอ้น้ำก็อดทนและตั้งใจฟังมันจนจบเพื่อให้หลุดพ้นออกมาจากคุณอรแสนละเอียดและเรื่องมาก เขาแทบจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อรู้ว่าการพูดคุยงานในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว

            “เป็นอะไรวะ” พี่บาสถามขึ้นตอนที่กลับเข้ามาในรถยนต์กันแล้ว

            “เปล่าพี่ แค่โล่งใจ”

            “เออ เหมือนกัน แล้วเดี๋ยวไปไหนต่อวะ ไปกินเหล้ากับพี่มั้ย”

            “ไม่เป็นไรพี่บาส เรื่องพวกนั้นผมไม่ค่อยถนัด พี่ก็รู้ เดี๋ยวผมจะรีบกลับไปแก้ไข เส้นผมกระดกของเจ๊เขา ให้เสร็จ พรุ่งนี้ผมส่งให้นะ จะได้เสร็จๆ ไป”

             “เออ ตามใจ ไม่ต้องรีบล่ะ เก็บงานให้ละเอียดๆ ด้วย จะได้ไม่ต้องแก้อีก”

             “รู้แล้วพี่ ผมเบื่อแก้แล้ว”

            “อืม แล้วนี่พักที่ไหน ที่เดิม?”

             “ใช่พี่”

            “เดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วกัน”

            “ขอบคุณครับ



                    ==========================================

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเก้า ต่างคนต่างไป P5 22/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-05-2018 15:02:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเก้า ต่างคนต่างไป P5 22/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-05-2018 15:49:34
แหม น้ำมีใจให้ผู้กองแล้ว แถมยังเปิดใจกับพี่ร่วมงานอีก
ว่าแต่ เจ้เจ้าของงานทำละเอียดเหลือหลายขนาดผมกระดก 5 องศาก็เอา
สู้ๆ นะ น้ำ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเก้า ต่างคนต่างไป P5 22/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-05-2018 16:20:20
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเก้า ต่างคนต่างไป P5 22/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-05-2018 16:25:17
จีบเลยน้ำ ลุยเองก่อนเลยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเก้า ต่างคนต่างไป P5 22/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 22-05-2018 16:27:40
น้องน้ำนี่รู้ใจตัวเองปุ๊บ ก็จีบปั๊บเลย ขอให้จีบติดไวๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเก้า ต่างคนต่างไป P5 22/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-05-2018 17:21:02
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเก้า ต่างคนต่างไป P5 22/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 22-05-2018 17:59:52
น้ำน้อน้ำ
คุณอรคะ
อะไรจะละเอียดปานนั้น
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเก้า ต่างคนต่างไป P5 22/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 22-05-2018 19:52:59
น้ำจะจีบผู้กองจริงหรอ
รอๆๆ เอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสิบเก้า ต่างคนต่างไป P5 22/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 25-05-2018 11:18:17


งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง

            “น้ำ...คุณอรโอนเงินมาให้แล้วนะ” เช้าวันเสาร์ บาสโทรหาหนุ่มรุ่นน้องหลังจากที่ไอ้น้ำเฝ้าอดหลับอดนอนแก้งานจนถึงวันศุกร์ เมื่อได้ไฟล์มา บาสก็รีบเช็ค ตรวจสอบอย่างดีแล้วส่งต่อให้คุณอรอย่างรวดเร็ว หญิงสาวก็ทำตามอย่างที่พูดไม่บิดพลิ้ว พอตกลงโอเค ไม่แก้ไขอะไรแล้วก็โอนเงินมาให้คืนวันศุกร์นั้นเลย


            บทจะรวดเร็วก็เร็วใจหาย พอจะเรื่องมากก็เรื่องเยอะจนอยากถอนตัว


            “ไวแฮะ พี่บาสโอนเงินเข้าบัญชีผมเหมือนเดิมก็ได้ครับ ขอบคุณพี่มาก”

            “ไม่โอนว่ะ”

            “เอ้า ไหงงั้นอะพี่ จะยักยอกเงินผมเหรอ อย่าเลยนะ ผมคนบ้านนอกพี่อย่าแกล้งผมเลย” น้ำโอดครวญ เงินนั้นโปรดมอบให้เขาเถิด เขาอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเงิน

            “อะไรของแก คิดเองเป็นเรื่องเป็นราวไปได้ ไปกินข้าวกันหน่อยดิวะ ใจคอจะไม่กินข้าวด้วยกันกับพี่หน่อยเหรอ”

            “ลืมเลย เอาสิพี่ กินอะไรดีอะ”

            “ไม่รู้ ไปถึงห้างค่อยเลือกแล้วกัน ไปห้างแถวที่ทำงานนะ ไปถูกมั้ย”

            “พี่บาส ดูถูกกันชะมัด”

            “ฮ่าๆ จะไปรู้เรอะ กลับบ้านไปตั้งหลายเดือน อาจจะลืมทางไปออฟฟิศแล้วก็ได้”

            “เจอกันที่นั่นนะพี่ ผมไปอาบน้ำก่อน”

            “สิบเอ็ดโมงนะ เจอกันหน้าห้าง” พี่บาสนัดแนะเวลา สถานที่ก่อนจะวางสายลง

            “ครับ”

            “กลับบ้านเป็นไง แฮปปี้ดีมั้ย” บาสชวนคุยพลางเปิดเมนูอาหารจากร้านอาหารที่ไอ้น้ำเป็นฝ่ายเลือกว่าอยากกิน

            “ดีพี่ มีความสุขมาก เงินแทบไม่ได้ใช้ งานก็มีทำ หวยก็ถูก โคตรดีของคำว่าดีอะ ไม่รู้จะบอกว่าดียังไง” น้ำเล่าด้วยความสุขอย่างที่เจ้าตัวพูด นัยน์ตาสดใส เปร่งประกาย

            “พอๆ ไม่ต้องพรรณนาแล้ว ดีเกินไป พี่ไม่อยากฟัง อิจฉาว่ะ”

            “อิจฉาผมได้เยอะๆ เลย ผมเต็มใจ”

            “ไอ้นี่”

            “พี่กินอะไรอะ”

            “สั่งเลย เลือกร้านนี้เพราะอยากกินไม่ใช่เหรอไง” บาสตามใจหนุ่มรุ่นน้อง ไม่ใช่เพราะเขาอยากได้ตามใจแต่เพราะอยู่ในที่ทำงานเขาเป็นพี่ใหญ่ จึงมักจะตามใจน้องๆ จนเคยชิน

            “ใช่ ที่จังหวัดผมยังไม่มีร้านนี้ไปเปิดอะ เสียดาย”

            “ไก่ทอดเนี่ยนะ?”

            “อือ”

            “บ้านนอกจริงๆ” พี่บาสแซว ไม่ได้หมายความอย่างที่พูดจริงๆ

            “ไก่ทอดเกาหลี มันมาจากเกาหลี มันไม่ได้มาง่ายๆ นะพี่ โห่ ไม่เข้าใจคนชอบกินเลย” น้ำบอกอีกฝ่าย ส่ายหน้าเบาๆ ทำหน้าเหมือนว่าบาสนี่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย

            “ถ้าชอบก็สั่งไปเยอะๆ จะสั่งกลับบ้านด้วยมั้ยล่ะ” พี่บาสถาม

            “ประชดปะ”

            “ก็นิดหน่อย”

            “ก็ว่างั้น กำลังจะพูดพอดีว่าเดี๋ยวสั่งกลับบ้านด้วยนะ”

            “ไม่ผิดจากที่คิด กูว่าแล้ว” พี่บาสบอก ไอ้น้ำมันเคยสนใจคำประชดประชันซะที่ไหน เกินเบอร์ทุกอย่างล่ะ

            “เรื่องเงิน..พี่โอนให้แล้วนะ” พี่บาสบอกหลังจากพนักงานมารับออเดอร์รายการอาหารไป ไอ้น้ำผู้สั่งทุกอย่างมากกว่าขนาดตัวเสมอ แต่เขาก็เชื่อว่ามันกินหมด

            “อ้าว ตอนไหน”

            “ก่อนแกจะมาถึงห้างสักพัก”

            “แล้วไม่บอก”

            “ถ้าบอกก่อน กลัวแกจะมาไม่ถึงแล้วนั่งรถกลับห้องแทน”


            “ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก นี่เห็นน้องคนนี้เป็นยังไง”

            “ก็เพราะรู้เช่นเห็นชาติแกแล้ว พี่ก็เลยเข้าใจว่า ประมาทคนอย่างแกไม่ได้นะ ไอ้น้ำ”

            “ผมออกจะใสๆ เรียบร้อย”

            “ไสหัวไปไกลๆ น่ะสิ”

            “พี่ก็จริงจังไป นี่น้องน้ำไงครับ น้องน้ำ”

            “มาให้พี่ถีบมั้ยครับ น้องน้ำ” พี่บาสโก่งคอเหมือนจะอ้วก ที่ต้องเรียกไอ้น้ำจอมกวนของแผนกว่าน้องน้ำ

            “กินข้าวกันดีกว่าครับพี่ ไก่ทอดมาละ” น้ำเห็นท่าไม่ดี ประกอบกับพนักงานมาเสิร์ฟไก่ทอดที่ไอ้น้ำนับวันรอก็มาทันเวลา เขาจึงเปลี่ยนเรื่องได้ทันอย่างหวุดหวิด

            “กลับบ้านวันไหน”

            “พรุ่งนี้อะพี่”

            “มาแค่สามสี่วันเองเหรอวะ อยู่หลายๆ วันหน่อยดิ อยากเข้าไปที่ออฟฟิศมั้ยล่ะ พวกพี่ๆ เขาบ่นคิดถึงแกอยู่”

            “ไม่ได้อะพี่บาส คราวหน้านะ รอบนี้ไม่ได้รับปากกับแม่ไว้ว่าต้องกลับไปก่อนหวยออก ขอโทษจริงๆ” น้ำกลืนไก่ลงคอแล้วปฏิเสธพี่บาสด้วยความเกรงใจเพราะเขาก็สนิทสนมเฮฮากับคนในบริษัทนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว

            “ก่อนหวยออก? ทำไมต้องก่อนหวยออกวะ”

            “เรื่องของคนเล่นหวย พี่ไม่เข้าใจหรอกน่า” น้ำบอกปัดเพราะคร้านที่จะอธิบาย

            “แม่พี่ก็เล่นหวย ยังไม่เห็นมีปัญหาอะไร นอกจากบ่นเวลาถูกหวยกิน”

            “ศาสตร์นี้มันลึกซึ้ง เอาเป็นว่าผมต้องกลับบ้านพรุ่งนี้ คราวหน้านะพี่ สัญญาเลย”

            “เออๆ พี่จะไม่บอกที่ออฟฟิศก็แล้วกันว่าแกมากรุงเทพฯ ไม่งั้นพากันน้อยใจแน่”

            “ขอบคุณครับพี่บาส พี่นี่ใจดีจริงๆ”

            “ไม่ต้องมาปะเหลาะเอาใจ แกไม่ใช่ผู้หญิง พี่ไม่ดีใจหรอก”

            “พี่บาสใจดีจังเลยค่ะ น้ำขอบคุณพี่มากๆ เลยนะคะ” น้ำกลายร่างเปลี่ยนเสียงเป็นผู้หญิงตามใจอีกฝ่าย

            “หยุดๆ อย่าดัดจริตทำเสียงแบบนั้น เดี๋ยวได้ล้มโต๊ะ ไก่เก่ยไม่ต้องกิน”

            “สนุกๆ ขำๆ น่าพี่”

            “มากไป ขำไม่ออก คิดแล้วพานให้กินไก่ไม่ลง”

            “พี่บาสตลกว่ะ” น้ำเห็นหน้าพี่บาสที่ดูเหวอจริงจังก็เลิกแกล้งอีกฝ่าย แค่นี้เขาก็ก็กลั้นเสียงหัวเราะจนจะทนแทบไม่ไหวแล้ว

            “ชอบแกล้งพี่ นิสัยไม่ดี ถ้ามีแฟน เชื่อเถอะโดนแฟนแกล้งแน่” พี่บาสขู่

            “ไม่กลัว” น้ำคิดว่าตัวเองก็แน่พอตัว เขาจะไม่ยอมโดนแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวหรอก

            “พูดถึงเรื่องแฟน ตกลงเรื่องนั้นเอาจริงดิ”

            “เรื่องนั้น? เรื่องไหนอะ”

“เรื่องที่จะจีบผู้ชายไง โอย ไม่อยากพูด มันกระดากปาก”

“อ่อ.. พี่ว่าไงอะ เห็นด้วยมั้ย” น้ำขอความคิดเห็น

            “จะไปรู้ได้ไงวะ เขาเป็นคนยังไง นิสัยหน้าตา เป็นยังไง พี่ยังไม่รู้เลย จะแนะนำได้ไงเล่า”

            “ไม่ใช่หมายถึงที่ผมจะจีบผู้ชาย”

            “ชีวิตใคร ชีวิตมัน แกตัดสินใจยังไง พี่ก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้นแหละ ห่วงแต่บ้านแกนั่นแหละไอ้น้ำ แม่จะโอเคมั้ย คุยกันดีๆ ล่ะ”

            “เออจริงด้วย” น้ำฟังคำของพี่บาสแล้วก็คิดได้ว่าแม่ของเขาล่ะจะรู้สึกยังไง

            “เขาหน้าตาเป็นไง นิสัยยังไง คนที่แกอยากไปจีบน่ะ” พี่บาสถามรายละเอียดเป้าหมายของไอ้น้ำ

            “หน้าตาเหรอ..ดีมั้ง ดีแหละ แต่น้อยกว่าผมหน่อย นิสัยก็ดีนะ ใจดี ชอบช่วยเหลือคน บางทีก็ช่วยซะเวอร์” น้ำคิดถึงเหตุการณ์ที่ผู้กองเซ็นเช็คให้วรันต์แล้วยังขนลุกไม่หาย ห้าแสน ไม่ธรรมดา

            “เหรอ แล้วเขาทำงานอะไรหรือยังเรียนอยู่”

            “ทำงานแล้วๆ เป็นตำรวจอะ”

            “ชอบคนในเครื่องแบบเหรอวะ” พี่บาสถาม เพราะปกติเท่าที่คลุกคลีกับผู้หญิงมานาน เขาสังเกตได้ว่าผู้หญิงมักจะสนใจอาชีพที่อยู่ในเครื่องแบบเป็นพิเศษ

            “เปล่าสักหน่อย”

            “แล้วชอบตำรวจคนนั้นตรงไหนล่ะ” พี่บาสถามเพราะอยากรู้ว่ามันต้องมีอะไรที่ทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนจากชอบผู้หญิงมาชอบผู้ชาย

            “ไม่รู้สิ เวลาอยู่กับเขามันสบายใจ มันเหมือนเขาจะแก้ไขปัญหาให้เราได้ น้ำเสียงเวลาที่เขาคุยกับผม โอ๊ย ไม่รู้อะพี่ บอกไม่ถูก” น้ำรีบตัดบท ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพูดถึงแต่เพราะเขากำลังเขินต่างหาก


            ให้มานั่งบรรยายว่าชอบคนคนหนึ่งเพราะอะไร มันก็ยากเหมือนกันนะเฮ้ย


            “เออๆ แล้วจากนี้จะไปไหนต่อ” พี่บาสเปลี่ยนเรื่องให้เพราะเขาก็พอเข้าใจหนุ่มรุ่นน้องอยู่บ้างเหมือนกัน  ชายหนุ่มเรียกพนักงานมาคิดเงิน

            “ไม่รู้ คงเดินเล่น เดินดูของอะไรงี้มั้งพี่ ไม่ก็ไปหาไอติมกิน พี่ไปด้วยกันมั้ยล่ะ”

            “ได้ วันนี้พี่ไม่ได้มีนัดอะไรที่ไหน”

            “แปลกสุดๆ พี่บาสคิวทองจะว่างจากสาว” น้ำพูดอย่างไม่เชื่อหู เจ้าชู้ตัวพ่ออย่างพี่บาสจะโดดเดี่ยว ไม่มีสาวไหนมาเดินเป็นเพื่อน

            “คนเรามันก็ต้องมีช่วงที่ว่างบ้างสิวะ”

            “ว่างหรือพักเพราะสับรางไม่ทัน”
            “รู้ดี เอ้าปะ ลุก ไปกินติมไรที่แกพูด”

            “ไอติมร้านนั้นนะพี่ ที่บ้านผมก็ยังไม่มียี่ห้อนี้” น้ำชี้ไปร้านไอศกรีมที่หมายตาไว้ พี่บาส   พยักหน้าว่าตกลงแล้วเป็นฝ่ายเดินนำไปที่เมนูที่ถูกวางโชว์อยู่หน้าร้าน

            “ไอ้น้ำ ไอติมสมัยนี้แพงเหมือนกันนะ” พี่บาสบ่นพลางขอความเห็นจากคนข้างๆ ปกติแล้วเขาไม่ได้พาสาวมาทานไอศกรีมยี่ห้อแพงสักเท่าไหร่ มักจะทานยี่ห้อทั่วไปที่ไม่แพงนัก อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาประหยัดเงินในกระเป๋าได้บ้าง

            “...” บาสไม่ได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย เขาเลยมองหนุ่มรุ่นน้องก็พบว่าหนุ่มรุ่นน้องข้างๆ นั้น กำลังมองคนสองคนที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่ลูกกันที่กำลังยืนคุยกันอยู่หน้าร้าน

            “แม่อยากลองกินยี่ห้อนี้เหรอครับ”

            “จ้ะ ปรานต์ แม่อะอยากกินหลายครั้งแล้วแต่พ่อเขาไม่ชอบของหวาน แม่ก็เลยไม่ได้ลองสักที”

            “เราเข้าไปเลยกันดีมั้ยครับ”

            “จ้ะ”

            “น้ำ?มาได้ไง มากรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อไหร่” จังหวะที่ผู้กองกำลังประคองหลังคุณหญิงเพื่อพาเข้าไปในร้าน เขาก็ได้พบกับสายตาของคนหนึ่งที่รู้จักกัน

            “เอ่อ.. ผู้กอง ..เอ่อ สวัสดีครับ คุณน้า” เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอโดยบังเอิญ ไอ้น้ำจึงปฏิบัติตัวไม่ถูก รู้สึกมือไม้เกะกะยังไงไม่รู้ เขาเลยยกมือไหว้อีกฝ่ายแล้วเลยไปทางผู้หญิงข้างๆ ของชายหนุ่มอีกด้วย


ทางด้านคุณหญิงก็รับไหว้เด็กหนุ่มพร้อมกับยิ้มให้ พี่บาสที่ยืนเก้กังเหมือนเป็นส่วนเกินอยู่ก็รีบไหว้ผู้ใหญ่ตามไอ้น้ำอย่างอัตโนมัติ สถานการณ์แบบนี้มันดูกระอักกระอ่วนไปหน่อยสำหรับคนอย่างเขา

            “เรียกคุณป้าก็ได้จ้ะ ป้าน่าจะอายุมากกว่าแม่ของหนูแน่ๆ แล้วนี่ปรานต์รู้จักกับน้องเหรอจ๊ะ” คุณหญิงหันไปถามบุตรชาย

            “ครับ ที่ผมเคยเล่าให้แม่ฟังที่ไปพักบ้านเขา”

            “อ๋อ อย่างนั้นเหรอจ๊ะ โลกกลมจริงๆ แล้วนี่หนูก็มาทานไอติมเหมือนกันเหรอ” พอได้รู้เรื่องว่าน้ำคือคนที่ให้ที่พักพิงกับปรานต์เวลาที่ลำบากนั้น คุณหญิงก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณในความบังเอิญ

            “ครับ”

            “ดีจ้ะ ถ้าอย่างนั้นมาทานด้วยกันเลยดีมั้ยจ้ะ ป้าจะได้เลี้ยงขอบคุณที่ช่วยเหลือปรานต์ตอนอยู่ที่นู่น”

            “ไม่เป็นไรครับ ผู้กองก็ช่วยเหลือบ้านผมเหมือนกันครับ” น้ำปฏิเสธด้วยความเกรงใจ พี่บาสที่เป็นคนนอก เขากำลังปะติดปะต่อเรื่องราวของคนทั้งสามคนและเขาคิดว่าเขากำลังจะเข้าใจแล้ว


            คนนี้นี่เอง !!!!!!!


            พี่บาสมองคนสองคนสลับไปมา พอเห็นผู้กองที่ไอ้น้ำเรียกชัดๆ แล้ว พี่บาสก็อยากจะตะโกนใส่หน้าไอ้น้ำว่า หนอย!แล้วบอกจะให้เขามาซบอกตัวเอง เขาตัวสูงใหญ่แบบนี้ ประเมินตัวเองสูงไปแล้วไอ้น้ำ โอย พี่บาสจะเป็นลมแทน


            ถ้าผู้กองเขาไม่ได้ชอบมันเหมือนกัน พี่บาสคิดว่างานนี้น่ะงานหินชัดๆ เผลอๆ จะโดนจับเข้าไปนอนในคุกโดยไม่รู้ตัว สู้ๆ นะเว้ย ไอ้น้ำ

            “อย่าเกรงใจเลย ถือซะว่ามานั่งทานไอติมเป็นเพื่อนคนแก่ ปรานต์จะได้ไม่เหงา มีหนูเป็นเพื่อนคุยด้วย คุยกับคนแก่มากๆ ก็กลัวเขาจะเบื่อเสียก่อน”

            “ผมจะเบื่อแม่ได้ไง อีกอย่างน้ำเขาอาจจะอยากคุยกับเพื่อนเขาสองคนก็ได้นะครับ” ปรานต์ส่ายหน้าเพราะเขารู้ว่าแม่ของเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่แน่ๆ


พี่บาสยิ่งยืนอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินสุดๆ เขาไม่ควรมายืนอยู่ตรงนี้ คำพูดของผู้กองดูเหมือนจะไม่ได้มีอะไรในกอไผ่ แต่เขาสัมผัสได้ เขารับรู้ได้ ไม่ต้องมีญาณทิพย์อะไร พี่บาสก็รู้สึกได้ เพราะมันเหมือนเวลาที่เขาไปจีบสาวแล้วผัวของผู้หญิงพุ่งมาหาเขาน่ะแหละ


เหมือนกันเล้ย ไอ้น้ำ งานนี้แกน่าจะสมหวังแล้วว่ะ วอนอย่าเล่นตัวกันนักก็แล้วกัน


            “เอ่อ.. พี่ว่าก็ดีนะน้ำ กินไอติมกับผู้กองแล้วก็คุณป้าเถอะ”

            “แล้วพี่อะ ไหนว่าจะกินไอติมด้วยกันก่อนไง” ไอ้น้ำพูดทวงสัญญา ส่วนพี่บาสก็มองเด็กที่มันบื้อไม่รู้ตัวว่าคอกำลังจะขาด

            “พี่เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วน ต้องขอตัวก่อน ผมขอตัวก่อนนะครับ” บาสไม่รอให้ไอ้น้ำมีสติรั้งเขาได้ทัน ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้ทุกคนแล้วออกมาจากบริเวณนั้นทันที

            “เอ้า พี่บาส... อะไรของเขาวะ” น้ำเรียกชื่ออีกฝ่าย แล้วก็บ่นกับตัวเองด้วยความไม่เข้าใจในการกระทำของคนที่เพิ่งกลับไปเมื่อสักครู่นี้

            “ถ้างั้นเราเข้าไปกันเลยดีมั้ยจ๊ะ” แล้วไอ้น้ำก็ต้องเดินตามเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

            “หนู ชื่อ น้ำใช่มั้ย” คุณหญิงถามหลังจากที่ทุกคนได้ไอศกรีมกันคนละถ้วยแล้ว

           “ครับ”

           “เวลาปรานต์อยู่ที่นั่น มีสาวๆ เข้ามาเกาะแกะเขามั้ยจ๊ะ” น้ำได้ยินแล้วก็เสียวหลังวาบ สาวๆ น่ะไม่มีหรอก ตอนนี้มีแต่เขาที่คิดนอกลู่นอกทางจะจีบลูกชายคุณป้าเนี่ยแหละ คุณหญิงถามอย่างกับไม่รู้เหรอว่าลูกชายคุณหญิงชอบผู้ชาย น้ำสงสัย

           “เท่าที่รู้...ไม่มีเลยครับ”

           “อย่างนั้นเหรอจ๊ะ ไม่ได้เลยเหรอ ได้ยังไงกัน หนูว่าลูกชายป้ามีเสน่ห์มั้ย”

           “แม่ครับ...” ปรานต์เรียกมารดาเพื่อปรามไม่อยากทำให้น้ำลำบากใจ

          “ก็แม่อยากรู้นี่นา” นอกจากคุณหญิงจะไม่ฟังบุตรชายแล้วยังเถียงกลับไปอีกด้วย

         “เอ่อ...” คุณป้าเล่นถามออกมาแบบนี้ ไอ้น้ำก็ยากที่จะตอบจริงๆ ตอบอย่างไหนถึงจะตรงใจอีกฝ่ายกันล่ะ

         “ป้าล้อเล่นจ้ะ ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น”
         
         “อะ..ครับ”

            “เห็นปรานต์เคยเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นให้ปรานต์พักอยู่ด้วยที่บ้าน เขาสร้างความวุ่นวายให้หรือเปล่า บอกป้าได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

            “ไม่มีเลยครับ ผู้กองไม่ได้สร้างความวุ่นวายอะไรเลย แม่ของผมยังชอบใจเสียอีกที่ผู้กองมาพักที่บ้านของเรา”

            “เหรอจ๊ะ ใจดีกันจริงๆ เลย”

            “ไม่ใช่หรอกครับ ที่หมู่บ้านของเราไม่ใช่หมู่บ้านใหญ่โตอะไร คนที่นั่นมีอะไรก็ช่วยเหลือกัน ถ้าไม่มีบ้านผมก็ยังมีอีกหลายบ้านที่เต็มใจให้ผู้กองไปพักครับ” น้ำตอบตามความสัตย์จริง

            “ดีจ้ะ ปรานต์ไปอยู่ที่นั่นป้าก็จะได้เบาใจ นี่ก็เป็นห่วงเขาทุกวี่ทุกวัน”

           “ที่หมู่บ้านสงบเงียบ ปลอดภัยครับ คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” น้ำตอบเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ

           “ไว้วันหลังป้าต้องขอไปเที่ยวที่นั่นหน่อยแล้ว”

          “ถ้าแม่จะไปก็บอกผมก่อนนะครับ ผมจะได้ลางานล่วงหน้า พาแม่เที่ยวได้เต็มที่”

           “ไม่ต้องลางานก็ได้มั้งจ๊ะ เดี๋ยวแม่ให้หนูน้ำพาแม่เที่ยว ได้มั้ยจ้ะ หนูน้ำ” คุณป้าหันมาขอร้องเสียงหวาน เรียกชื่อไอ้น้ำซะไพเราะ

          “ได้ครับ ได้แน่นอน” แล้วมีหรือที่ไอ้น้ำจะกล้าปฏิเสธทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายได้ลงคอ ผู้กองได้ยินคำตอบของน้ำแล้วก็ลอบถอนหายใจ ติดกับแม่เขาไปอีกคน

         “แล้วแม่จะบอกปรานต์ไว้นะจ๊ะ หนูน้ำจะได้เตรียมตัวทัน”



          บทสนทนามักจะเป็นคุณหญิงที่ผูกขาดการพูดคุยเอาไว้เกือบทั้งหมด คุณหญิงน่ารักพูดคุยอย่างเป็นกันเอง จนไอ้น้ำที่คุยกับคุณหญิงอย่างเกร็งๆ ในทีแรก คุยไปคุยมาอาการเหล่านั้นหายไปตอนนั้นก็ไม่รู้ คุณหญิงหัวเราะกับมุกตลกๆ ของเขา เขาเองก็ฟังเรื่องที่คุณหญิงเล่าอย่างสนุกสนานเช่นกัน


          “พอเวลาที่เราเจอคนคุยถูกคอ เวลาก็จะผ่านไปเร็วเหลือเกิน อยากจะคุยกับหนูต่ออีกนิด แต่ติดว่าแม่กับปรานต์ต้องไปงานที่บ้านเพื่อนต่อ พรุ่งนี้มาทานข้าวกลางวันกันสักมื้อมั้ยจ้ะ แม่ยังอยากคุยต่ออยู่เลย” สนิทถึงขั้นไหนก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้คุณหญิงเลื่อนขั้นเรียกตัวเองว่าแม่ แทนคำว่าป้าในครั้งแรก

          “พรุ่งนี้ผมต้องกลับบ้านแล้ว ขอโทษด้วยครับ”

          “เหรอจ๊ะ กลับไวจังเหมือนปรานต์ เลย ก็ต้องกลับไปทำงานต่อ แม่คิดออกแล้ว อย่างนั้น ปรานต์ไปรับน้องที่บ้านด้วยนะ จะได้กลับพร้อมกัน ดีมั้ยลูก” คุณหญิงเสนอไอเดียพร้อมจัดการให้เสร็จสรรพ

         “เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ครับ คุณป้า” คุณหญิงมองคนเรียกคุณป้าตาเขียว จนไอ้น้ำต้องรีบแก้คำเสียใหม่

        “คุณแม่”

         “ดีมากจ้ะ เรียกไว้จะได้ชิน เอาล่ะ เรื่องกลับบ้านด้วยกัน ไม่ต้องเกรงใจ สมัยนี้ทางเดียวกันไปด้วยกัน ประหยัดน้ำมัน ตกลงตามนี้นะ ส่วนกี่โมง หนูกับปรานต์ก็นัดกันเองนะจ๊ะ”

         “ครับแม่ ผมยังไงก็ได้ แต่ไม่รู้ว่าน้องน้ำของแม่ว่ายังไง” ปรานต์รู้ชัดเจนว่าปฏิเสธแม่ของเขาไม่ได้ เขาเลยต้องรับปากไป ไม่ใช่ว่าเขาอยากอิดออดหรือไม่เต็มใจจะกลับพร้อมกับน้ำ แต่เจ้าตัวทางนั้นต่างหากล่ะ อยากจะกลับไปกับเขาหรือเปล่า หรืออยากไปกับคนที่ชื่อบาสมากกว่า

        “ว่าไงจ๊ะ หนูน้ำ กลับกับพี่เขานะ” คุณหญิงถามซ้ำ

       “เอ่อ..ครับ ได้ครับ”

       “ตกลงตามนี้นะจ๊ะ แม่ไปก่อน”

       “สวัสดีครับ” น้ำยกมือไหว้ทั้งสองคนก่อนจะแยกย้ายกัน

       “แม่ชอบหนูน้ำนะ” เมื่อมาถึงลานจอดรถ คุณหญิงก็บอกบุตรชายตามความรู้สึก

       “แม่ก็ชอบทุกคนนะครับ ผมไม่เคยเห็นแม่ไม่ชอบใคร”

       “อย่าบอกแม่ว่าปรานต์ไม่ได้คิดอะไรกับน้อง ถ้าปรานต์ไม่ได้ชอบน้อง เป็นไปไม่ได้เลยที่ปรานต์จะไปยอมรับคำเชิญจากบ้านของเขาแล้วไปนอนที่นั่น แม่รู้จักลูกของแม่ดีจ้ะ”

       “แต่...น้ำเขาไม่ได้ชอบผม”

       “แต่...เขาไม่ได้รังเกียจลูกของแม่” คุณหญิงพูดอย่างมั่นใจ

      “คืองี้ครับ...น้ำเขาชอบผู้หญิงมาก่อน เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน”

       “เรื่องนั้นให้เป็นเรื่องอนาคต ถ้าลูกเดินหน้าแล้วน้องยังไม่ชอบลูก ก็ถือว่าลูกล้มเหลว ยอมแพ้แล้วก็เดินหล่อๆ ออกมาก็พอ” คุณหญิงแนะนำบุตรชาย

       “แม่ไฟเขียว?”

       “สำหรับปรานต์ แม่เคยไม่โอเคเหรอ แต่คนนี้แม่ชอบ ถ้าพ่อมาวันนี้พ่อก็ต้องคิดเหมือนแม่ จีบเขาให้ติดล่ะ”

       “ขอบคุณครับ” ปรานต์สวมกอดมารดา จะมีกี่ครอบครัวที่พ่อแม่จะพยายามเข้าใจลูกมากขนาดนี้


       และเขาก็หวังว่าถ้าน้ำชอบเขาบ้าง ก็อยากให้แม่น้อยเข้าใจน้ำเหมือนอย่างที่แม่เขาบ้างก็คงจะดีไม่น้อย







==========================================


ขุ่นแม่ก็มาค่าา เจ้าน้ำมาป๊ะกับคุณแม่สามี เอ๊ย คุณแม่ผู้กองแล้ว แถมไฟเขียวอีกต่างหาก
ผู้กองเดินเครื่องหน่อยนะคะ คนอ่านอยากรู้จะแย่แล้ว ใช่มั้ยเอ่ย

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-05-2018 12:30:11
ทางโล่งแล้วลุยโล้ด
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-05-2018 12:59:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-05-2018 14:31:56
 :L2: :L1: :pig4: เริ่มเข้าทาง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 25-05-2018 15:11:57
หุหุ คุณแม่ไฟเขียว ผู้กองก็เดินหน้าเต็มกำลังเลย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 25-05-2018 15:46:48
มีคุณแม่เป็นแบ็คใหญ่ สมหวังแน่นอนนน
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-05-2018 17:15:27
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 25-05-2018 17:32:05
ทางโล่งงงงงงงงง
ขำพี่บาส ที่น้ำบอกคนมาซบอก แต่ดูแล้วอีกฝ่ายตัวใหญ่ยักษ์กว่าน้ำ
ไม่ต้องห่วงน้ำหรอกพี่บาส น้องน้ำเขามีวิธีซบของเขาก็แล้วกัน
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 25-05-2018 18:15:20
ทางเริ่มเข้ามาบรรจบกันแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 25-05-2018 19:43:22
เอาล่ะ
ลุยโลด
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 25-05-2018 23:20:08
คุณหญิงแม่ชนะเลิศ    :m4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 26-05-2018 22:32:06
เลิฟๆ คุณหญิงแม่เลยค่าาา
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-05-2018 00:01:07
 :laugh:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง P6 25/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 29-05-2018 12:08:49


งวดยี่สิบเอ็ด อีกด้านหนึ่ง


            “รง...ยายล่ะ” วรันต์รีบถามหาหญิงชราทันทีเมื่อเห็นหน้าน้องชายเดินออกมาจากบ้าน

            “นั่งรออยู่ในบ้านครับ”

            “อืม  รงเก็บของเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”

            “เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วพี่รัน”

            “ถ้างั้นรงเข้าไปเอากระเป๋ามาไว้ที่รถก่อน พี่จะเข้าไปกล่อมยาย” วรันต์พูดเหมือนกับเคยชินกับเหตุการณ์นี้มาหลายต่อหลายครั้ง

            “ครับ” วรงค์เดินกลับเข้าไปในตัวบ้านทันที

            “ยาย ดูสิว่าใครมา” วรงค์ถามยายที่กำลังสัปหงกอยู่เพื่อให้เจ้าตัวรับรู้การมาเยือนของหลานชายอีกคนก่อนจะปลีกตัวไปหยิบกระเป๋าตามคำสั่งของพี่ชาย

            “ยายจ๋า รันเองไง ยายจำรันได้หรือเปล่า” ยายของวรันต์และวรงค์มีอายุไม่มากประมาณหกสิบปีเท่านั้น แต่สภาพหน้าตาและริ้วรอยต่างๆ ราวกับคนอายุ เจ็ดแปดสิบ เพราะเจ้าตัวทำงานหนักมาตั้งแต่รุ่นสาว กว่าจะได้หยุดพักก็เมื่อร่างกายประท้วงว่าไม่ไหวแล้วนั่นแหละ

            “รัน หายไปไหนมา ทำไมไม่มาหายายบ้างเลย” ยายพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ

            “รันไปทำงาน จะได้มีเงินพายายไปหาหมอไง”

            “ไม่ต้องไปหรอก โรงบง โรงบาลอะไรนั่น มันสิ้นเปลือง ยายรู้ว่าอยู่ได้อีกไม่นาน เก็บเงินไว้ใช้เถอะนะ”

            “ไม่ได้ๆ จ้ะ ยายต้องอยู่กับรันและรงไปนานๆ ห้ามทิ้งกันก่อน รันโกรธยายจริงๆ ด้วย”      วรันต์แกล้งพูดขู่ยายแต่ก็แฝงด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

            “ยายรู้ว่ามันหลายตังค์ รันก็เหนื่อยเพื่อยายเพื่อรงมามากพอแล้ว เอาเงินไปทำอะไรอย่างที่ตัวเองอยากทำบ้าง”

            “ยายรู้ได้ไงว่ารันไม่ได้ใช้เงินเพื่อตัวเอง ไม่เอานะ ไม่ดื้อน้า ไปโรงพยาบาลกับรัน ทำให้รันสบายใจหน่อยได้มั้ย” เขาว่ากันว่าเมื่อคนเราแก่ตัวขึ้นจิตใจก็เข้าใกล้ความเป็นเด็กมากขึ้น แต่ระดับความดื้อนั้นมากกว่าเวลาเป็นเด็กนั้นค่อนข้างเยอะ วรันต์จึงกำลังพูดหลอกล่อเด็กคนหนึ่งให้ไปโรงพยาบาล

            “ไม่ต้องไปหรอก ยังไงยายก็ไม่หาย”

            “ถ้ายายไม่ไป รันจะไม่มาหายายอีก แล้วก็จะโกรธยายจริงๆ ด้วย” หลานชายจำเป็นต้องขู่ยายอีกครั้ง

            “ไปเถอะนะ ยายไม่อยากให้พี่รันมาหาบ่อยๆ เหรอครับ” วรงค์ที่เอากระเป๋าไปไว้ในรถเรียบร้อยแล้ว กลับเข้ามากล่อมยายอีกแรง

            “เอ้อ..ก็ได้ ไปก็ได้” ในที่สุดยายก็ใจอ่อนเหมือนทุกครั้ง สองพี่น้องต่างยิ้มให้กันในความสำเร็จที่เกลี้ยกล่อมยายสำเร็จ

            “ถ้างั้นเดี๋ยวผมอุ้มยายเข้าไปในรถเอง”

            “ตกลง พี่จะไปเปิดประตูรถรอ” วรันต์ตอบแล้วรีบลุกออกไปทำอย่างที่พูดไว้


            ผลการตรวจไม่ได้ผิดจากที่วรันต์คิด ยายเขาต้องรับการผ่าตัดหัวใจเพื่อแก้ไขภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบก่อน หลังจากที่อาการดีขึ้นแล้วค่อยรักษาเรื่องอื่นเป็นลำดับต่อไป



            ทุกการรักษา มันต้องใช้เงิน



            เงินห้าแสนที่ได้รับมาจากปรานต์ มันเป็นจำนวนเงินที่มากระดับหนึ่ง แต่ไม่มากพอ และเขาก็ไม่กล้าที่จะเสนอหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายทั้งที่ถูกจับได้



            เขาไม่กล้าหรอก



            เรื่องปรานต์นั้น เขาเองก็ผิดหวังที่กลับมาคบกันเหมือนเดิมไม่ได้ แต่ตอนนี้ถ้าคบกันอยู่แล้วถูกจับได้ล่ะก็เขาก็คงเลือกที่จะเดินออกมาอีกอยู่ดี เขาไม่อยากได้สายตาสงสารคู่นั้น เขารู้ว่าปรานต์หวังดีและห่วงเขาแต่เขาทนสายตาแบบนั้นไม่ได้หรอก เขาไม่อยากสมเพชตัวเอง


            ส่วนไอ้เด็กหน้าใหม่ที่มันเข้ามาเกาะแกะพี่ปรานต์ของเขา ดูไปดูมา มันก็หน้าตาน่ารักดีอยู่ และเขาก็พอจะเดาออกได้ว่าปรานต์ดูชื่นชอบในตัวเด็กบ้านนอกนั่นไม่น้อย ออกจะผิดหวังในสายตาของปรานต์เล็กน้อย แต่ก็ช่างเถอะ เด็กคนนั้นก็ไม่ได้แย่เกินไปนัก เอ.. เด็กกว่าหรือรุ่นเดียวกันนะ?


            วรันต์มีรูปร่างไม่สูงใหญ่ตั้งแต่เด็กผิดกับวรงค์ และนั่นทำให้เขามักถูกเพื่อนในห้องแกล้งและล้อเลียนว่าเขาเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่อยู่เป็นประจำ เขาเติบโตมากับคำว่าลูกชู้ เขาเคยเถียงมันแทบขาดใจว่าไม่จริงแต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่านั่นแหละคือความจริง



            แม่ของเขาเป็นชู้กับชายที่แต่งงานแล้ว


            เขาเป็นผลผลิตของ ชายโฉด หญิงชั่ว ที่ขาดศีลธรรม แม่พยายามทำแท้งหลายครั้ง แต่เพราะเขาหัวแข็งเลยรอดมาได้ ตัวก็เลยเล็กแบบนี้ วรงค์นั้นโชคดีกว่าเขาหน่อยตรงที่พ่อของน้องชายเขามันดันเป็นคนละคนกับเขา และครั้งนี้แม่ของเขาไม่ได้เป็นชู้กับใคร ถึงแม่จะไม่ได้เต็มใจอยากมีวรงค์ ทว่าครั้งนี้เธอก็ไม่ได้พยายามที่จะทำแท้ง เหมือนคราวที่เกิดขึ้นกับเขาเพราะคำขอร้องจากพ่อของวรงค์

            วรันต์เฝ้าโทษโชคชะตาที่ทำให้ชีวิตเขาไม่เหมือนคนอื่น ทำไมเขาไม่มีครอบครัวอบอุ่นเหมือนคนอื่น ทำไมไม่มีบ้านหลังใหญ่เหมือนคนอื่น ทำไมไม่มีพ่อแม่ที่เหมือนคนอื่น และทำไมเขาถึงเป็นเป็นลูกชู้ ไม่ได้เป็นแค่แค่ลูกของพ่อกับแม่เหมือนคนอื่น


คำถามมากมายวนเวียนในหัว ทำไม ทำไม ทำไม


โลกใบนี้มันบิดเบี้ยวเหลือเกินในความรู้สึกของวรันต์


            ชายหนุ่มเริ่มใช้ชีวิตไม่มีจุดหมาย ใช้อารมณ์ ใช้ความเกรี้ยวกราด เป็นเกราะกำบังความอ่อนแอของตัวเอง เป็นเกราะป้องกันความโชคร้ายของตัวเอง และเมื่อวันที่เขาเหลือเพียงแค่น้องชายและยายแล้ว เขาก็ตระหนักเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน



            นอกจากเงินตรา เท่านั้น


            เขาเรียนไม่เก่ง ทำอะไรก็ไม่เก่ง เล่นกีฬาก็ไม่เก่ง ไม่เหมือนวรงค์ รายนั้นหัวดี จนได้ทุนเรียนฟรี กีฬาเด่น เป็นตัวแทนของโรงเรียนบ่อยๆ เขาภูมิใจในตัววรงค์มาก น้องชายของเขาเหมือนแสงสว่างให้กับตัวของวรันต์ เป็นตัวแทนในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ เขารักน้องและอยากให้น้องคนนี้มีอนาคตดีที่ดี ไม่เหมือนตัวเขา


            สิ่งที่เขาคิดว่าเขาทำได้ดีคงมีเพียงอย่างเดียวล่ะมั้ง


            เขาเอา...ใจเก่ง


            “อืม..อา..” เสียงครวญครางภายในห้องห้องหนึ่งของโรงแรมที่มีราคาต่อห้องค่อนข้างสูงมากกว่าที่คนทั่วไปจะมาพักเพียงเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันบางอย่างเท่านั้น

            “ยกตัวขึ้นอีก” เสียงคำสั่งจากคนที่อยู่ด้านบนเอ่ยเสียงเบาแต่หอบหนักในจังหวะอารมณ์

            “อา..ครับ” คนด้านล่างใช้ข้อศอกทั้งสองข้างดันตัวเองขึ้นมาให้สูงอีกนิดเพื่อรองรับอีกฝ่ายได้ถนัดถนี่

            “เก่งมาก เด็กดี” ของรางวัลคือคำพูดชมเชยจากอีกฝ่ายพร้อมกับรอยจูบที่คอด้านหลัง

            “อ๊ะ” เมื่อคนด้านบนหยัดตัวเข้ามาจนสุด มันทำให้ร่างภายใต้ถึงกับหลุดเสียงออกมาอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ ท่วงท่าที่ลึกแน่นเกินไป แทบจะทำให้เจ้าของร่างกายเกือบจะควบคุมอารมณ์นั้นไม่ได้

            “หันหน้ามาหน่อย” เสียงทุ้มหนักดังขึ้นบอกให้อีกฝ่ายทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาคว้าคอคนใต้ร่างให้หันมากดจูบบดเบียดให้แนบสนิทจนไร้ซึ่งช่องว่าง สอดลิ้นเข้าไปประสานกับอีกคนไร้ความรุนแรงแต่ก็ไม่ได้นุ่มนวล มันเหมือนพายุลูกเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้น


            เตียงหลังใหญ่คุณภาพดีสั่นไหวไปตามแรงจังหวะของคนทั้งคู่ที่ดำเนินต่อไปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย คนที่เคยอยู่ด้านล่างบัดนี้ถูกปรับเปลี่ยนให้มานั่งอยู่เหนือร่างอีกฝ่ายที่นั่งพิงหัวเตียงนั้นไว้พร้อมกับมือใหญ่ที่จับสะโพกเพรียวนั้นแน่นเพื่อควบคุม


            เหงื่อซึมผุดพรายไปทั่วใบหน้าคนทั้งคู่ทั้งที่อากาศภายในห้องนั้นเย็นเยียบไปด้วยอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่ลดมาต่ำกว่ายี่สิบองศา แต่มันไม่สามารถดับความร้อนรุ่มภายในกายนั้นได้เลย คนด้านบนยึดไหล่ของคนอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ยิ่งแน่นเท่าไหร่ อารมณ์มันก็เตลิดไปแล้วเท่านั้น


เขากำลังเหนื่อยแทบขาดใจ คนด้านบนจึงเชิดคอขึ้นหมายจะโกยอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด ท่าทางนั้นมันช่างเหมือนการท้าทายหรือยั่วยวนคนที่เห็น คนด้านล่างจึงโน้มใบหน้าเข้าไปที่ต้นคอขาวนั้น หวังจะทำอะไรบางอย่างตามแรงดึงดูด

            “อย่าทำรอยนะครับ ผมขอ” คนด้านบนที่ยังมีสติเหลืออยู่บ้าง ร้องห้ามเสียงสั่นเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกับคอของตัวเอง

            “ไม่ทำหรอก แค่อยากกัดคอเธอเท่านั้น”

            “ถ้าไม่ทำรอย จะทำอะไรกับผมก็ได้ครับ คุณเต” เตชัสยิ้มออกมานิดหนึ่งด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะขบกัดคอขาวนวลเอาไว้ เขาไม่ได้กัดแรงนักเพราะไม่อยากให้เป็นรอยแผลเสียดายผิวขาวๆ นี้หมด

            เสียงหอบเหนื่อยดังสอดประสานดั่งเช่นร่างกาย มันจวนที่จะสิ้นสุดแล้วหรือยัง?

            “ใกล้หรือยัง” เตชัสถามคนที่นั่งคร่อมร่างสูงใหญ่ของตัวเอง

            “ใกล้แล้วครับ” ถ้าไม่ใช่คนรักกันจะมีสักกี่คนที่จะสนใจความรู้สึกของคู่นอน

            “อืม กอดคอฉันไว้สิ” เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้อีกฝ่ายที่ยังจับสะโพกเขาไว้แน่น ซบใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนแรงลงบนบ่าอันกว้างใหญ่ก่อนที่เขาจะถูกจับพลิกเปลี่ยนท่วงท่าอีกครั้งให้เป็นนอนหงาย



            โค้งสุดท้ายของแรงปรารถนาใกล้จะจบลงเต็มที เมื่อคนที่ชอบนำเกมส์นั้นกำลังพาใครอีกคนไปให้ถึงอีกฝั่งฝันพร้อมกัน มือหนาขยับรูดรั้งแก่นกายคนใต้ร่างไปพร้อมกับร่างกายที่ยังขยับต่อเนื่องไม่หยุด ลมหายใจที่แทบจะหมดออกไปจากปอดแล้วกำลังเร่งรัดให้พวกเขาจบเกมส์นี้เสียที

            “ไม่น่าเชื่อที่เธอจะว่างรับนัดฉัน” จบสิ้นห้วงตัณหา คนสองคนก็กลับคืนสู่สติอีกครั้ง คนถามสูบบุหรี่นั่งพิงหัวเตียงในท่วงท่าที่สบายๆ

            “ผมเคยปฏิเสธคุณด้วยหรือครับ ใส่ร้ายกันจัง” คนเล็กกว่ายังคงใช้นิ้วมือขีดๆ เขียนๆ ที่ช่วงท้องของอีกฝ่ายเล่น เหมือนหาอะไรสักอย่างทำ

            “ไม่เคยปฏิเสธฉันแต่ไม่รับแขกคนไหนเลย หรือว่าฉันกำลังเข้าใจผิด หืม วรันต์”

            “ก็ตอนนั้นผมมีแฟน แล้วเขาก็จ่ายหนัก” วรันต์ตอบตามความเป็นจริง เงยหน้ายิ้มให้อย่างเอาใจ

            “เธอคงไม่ได้บอกเขาว่าเธอทำงานแบบนี้?” อีกฝ่ายรู้ทันเขาทุกที และไม่เคยปิดบังว่าตัวเองรู้ทุกอย่าง

            “คุณเต คุณคิดว่าเราควรจะบอกแฟนเหรอว่า ‘นี่คุณ อาชีพของผมคือนอนกับแขกนะ’”

            “ฉันก็คิดอย่างนั้น แสดงว่าตอนนี้เธอกับเขา?”


            “ใช่ ผมกับเขา เราเลิกกันแล้ว ผมก็เลยกลับมาทำอาชีพเก่าไงล่ะครับ คุณไม่ดีใจเหรอ”

            “คิดว่าฉันควรดีใจหรือเปล่าล่ะ”

            “ผมว่าคุณควรดีใจนะ ที่ได้นอนกับผมอีก ไม่งั้นวันนี้คุณจะร้อนแรงขนาดนี้เหรอครับ” วรันต์ตอบพลางยืดตัวไปจูบคางของอีกฝ่าย

            “เดาได้เก่ง เอาเป็นว่าจริงๆ มันก็น่าดีใจที่เธอกลับมาทำงานและมันก็ไม่น่าดีใจเท่าไหร่ เธอควรมีอนาคตที่ดีกว่านอนกับแขกไปเรื่อยๆ” เตชัสเป็นอย่างนี้เสมอ มักพูดอะไรออกมาให้คนฟังได้คิด

            “เอาน่า..คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องผมหรอก คุณแค่ดีใจที่ผมกลับมาทำงานนี้ก็พอ”

            “กลับมาคราวนี้จะรับแขกสัปดาห์ละกี่คนล่ะ” และเตชัสก็เป็นอย่างนี้เสมอ มักจะถามอะไรให้คนฟังหน้าม้านหลายต่อหลายครั้ง

            “ถามตรงประเด็นเสียไม่กล้าตอบเลยล่ะครับ”

            “ไม่ตอบก็ได้นะ”

            “ตอบได้ครับ ขอตอบว่ายังไม่รู้เพราะผมเพิ่งกลับมารับงานนี้แล้วนอนกับคุณเป็นคนแรก”

            “น่ายินดีเหลือเกิน”

            “คุณถามไปทำไมครับ”

            “สนใจทำงานอื่นมั้ยล่ะ”

            “งานอะไรครับ” วรันต์ถามเอื่อยเฉื่อย เขาถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้ใส่ใจจริงจังเพราะคงไม่มีงานไหนที่จะได้เงินง่าย เยอะ และรวดเร็วแบบนี้

            “ก็งานแบบนี้แหละ แค่เปลี่ยนจากนอนกับแขกไปเรื่อย เหลือแค่มานอนกับฉันคนเดียว” คนจ้างงานพูดลักษณะงานออกมาเรียบง่ายเหมือนงานที่จะจ้างนั้นเป็นงานที่ใครๆ ก็ทำเป็นปกติ

            “หือ? คุณล้อเล่นผมหรือเปล่า” วรันต์หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มที่ปกคลุมร่างกายร่วงหล่นมาที่เอวไว้อย่างหมิ่นเหม่เต็มที

            “ฉันไม่ใช่คนที่ชอบพูดเล่น”

            “ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายถึงคุณเอาจริงดิ คิดอะไรของคุณอยู่ แล้วภรรยาคุณล่ะ? คนที่บ้านคุณ? หรือใครๆ ก็ตามแต่ที่คุณมีอยู่”

            “ฉันไม่มีใครๆ อย่างที่เธอพูด”

            “คุณตอบไม่ครบ ผมรู้คุณมีภรรยานะคุณเต”

            “ก็ไม่ปฏิเสธ”

            “เดี๋ยวนะ คือผมก็ไม่ใช่คนมีศีลธรรมอันดีอะไรหรอกนะครับ แต่ถ้าคุณจะจ้างผมให้นอนกับคุณคนเดียวนี่มันอยู่ในสัมพันธ์แบบไหนครับ ลูกจ้าง? แขกกับลูกค้า เหมือนอย่างนี้ หรือยังไง”

            “ก็แล้วแต่เธอจะตัดสินใจว่ามันคือสัมพันธ์แบบไหน จะเป็นแบบลูกจ้างนายจ้าง หรือแขกกับลูกค้าก็ตามใจเธอ”

            “ผมไม่เข้าใจคุณเต เอาใหม่นะคือคุณจะซื้อผม ให้ผมนอนกับคุณคนเดียวเท่านั้น ผมเข้าใจถูกมั้ย” เพราะวรันต์รู้ว่าตัวเองหัวช้า เขาเลยต้องทวนคำถามนั้นให้มากที่สุด

            “ถูกต้อง”

            “ถ้างั้นก็ไม่เห็นต้องพูดอะไรอย่างนี้นี่ครับ กระเป๋าหนักอย่างคุณซื้อชั่วโมงผม ทั้งสัปดาห์ ทั้งเดือนก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกจริงมั้ย คุณต้องการเมื่อไหร่ก็แค่โทรหาผม โอเคมั้ยครับ” วรันต์ตกลงกับลูกค้าที่เขาค่อนข้างจะสนิทมาด้วยเป็นพิเศษนี้อย่างง่ายๆ



            วรันต์นอนกับลูกค้ามากมาย แต่เตชัสเป็นแขกคนแรกที่เขาอยากแสตนด์บายรออยู่เสมอเพราะความไม่เรื่องมากและความใส่ใจในคู่นอน ทั้งยังเม็ดเงินที่ควักมาให้เขาในแต่ละครั้งมันไม่น้อยเลย ไม่นับที่จ่ายผ่านนายหน้าที่ครอบคลุมราคาค่าตัวของเขาไปแล้ว แต่เตชัสยังให้เขาพิเศษทุกครั้งเสมอที่เจอกัน เขาได้ทิปหนักเสมอ แล้วมีหรือที่เขาจะไม่ชอบ

            “นั่นแค่ส่วนหนึ่ง”

            “อ้าว...คุณพูดจุดประสงค์ของคุณมาดีกว่าครับ”

            “ฉันรอเธอพูดคำนี้อยู่พอดี เอาล่ะ ง่ายๆ เลยก็คือ ฉันจะจ่ายเงินให้เธอเป็นรายเดือน รับรองว่าเธอไม่ขาดทุนหรอก แค่แลกกับอิสระบางอย่าง”

            “อิสระอะไรครับ”

            “ย้ายไปอยู่ที่บ้านฉัน ในช่วงที่ฉันจ่ายเงินให้เธอ และดูแลลูกฉันด้วยอีกคน งานง่ายๆ แค่ไปรับส่งเขาที่โรงเรียนเท่านั้น นอกนั้น กลางวันเธออยากทำอะไรก็ทำไป อยากหยุดวันไหนก็บอก เดือนละแปดวัน เหมือนพนักงานบริษัท”

            “แล้วภรรยาคุณ?”

            “เมียฉันก็อยู่ที่บ้าน บ้านเดียวกับฉันและจะเป็นบ้านเดียวกับเธอ ถ้าเธอตกลงรับงานนี้”

            “ผมว่าไม่ดีมั้งครับ” วรันต์ทักท้วงเพราะเขาคิดว่ามันกำลังจะเป็นปัญหาแน่ๆ ถ้าเขาเข้าไปในบ้านหลังนั้น เขาต้องกลายเป็นหมากตัวหนึ่งให้สองผัวเมียคู่นี้แน่ๆ

            “ล้านหนึ่ง”

            “อะไรนะครับ!?” วรันต์ตกใจนี่มันเป็นตัวเลขที่สูงเกินกว่าจะคาดคิด

            “หนึ่งล้านบาทต่อเดือน”

            “....” วรันต์กำลังคิด เพราะรู้ว่าเงินนี่มันจำนวนเยอะมาก ตัวเลขมันล่อตาล่อใจเหลือเกิน และเขากำลังลังเลกับมันอยู่

            “เพื่อให้เธอตัดสินใจง่ายขึ้น เรื่องยายของเธอ ฉันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้เอง
ส่วนน้องชายเธอคงเอาเงินล้านหนึ่งเนี่ยไปจ่ายให้ได้ล่ะมั้ง” นักธุรกิจจะยอมเสี่ยงลงทุนโดยไม่มีข้อมูล คงไม่มีสินะ เตชัสสืบเรื่องของเขาจนรู้ทุกอย่างหมดแล้ว แต่แกล้งถามเขาไปอย่างนั้นเอง


            เหอะ ร้ายเหลือเกิน คุณเต


            “คุณพูดถึงขนาดนี้ ถ้าผมไม่รับงานนี้ก็คงแย่เต็มที่ ผมต้องทำอะไรบ้างเรื่องภรรยากับลูกของคุณ”

            “ข้อแรก ระหว่างนี้เธอห้ามนอนกับใครอีกนอกจากฉัน ข้อสองเรื่องเมียฉัน เธอสามารถทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามลงมือทำร้ายร่างกายเขาก็พอ ส่วนข้อสามไปรับไปส่งลูกชายฉันและถ้าไม่ลำบากเกินไปนักก็เล่นกับเขาหรือสอนการบ้านเขาบ้างก็ได้ ตอนนี้เขาอายุสิบสามแล้ว ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยฉันจะให้ทนายร่างสัญญามาให้เธออ่านอีกที”


            “เรื่องอื่นไม่มีปัญหา แต่ที่บอกว่าทำอะไรกับภรรยาคุณและเล่นอะไรกับลูกคุณนี่ยังไง” วรันต์เหล่มองอีกฝ่ายตอนที่พูดขึ้น

            “เธอรู้ดีพอๆ กับฉันว่ามันคืออะไร เธอนอนกับผู้หญิงไม่ได้หรอกและเธอไม่มีรสนิยมชอบเด็ก”

            “รู้ดียิ่งกว่าตัวผมอีก”

            “ระวังปากหน่อย อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็เป็นลูกค้าของเธออยู่” และเมื่อถูกเตชัสเตือนซึ่งหน้านั่นแหละ วรันต์เลยรู้ว่าเขากำลังลำเส้นอีกฝ่าย

            “ขอโทษครับ”

            “ไม่เป็นไร อย่าทำอีกก็พอ”

            “ครับ” วรันต์ยกมือไหว้อีกฝ่าย เตชัสพูดถูกยังไงคนนี้ก็ยังเป็นลูกค้าของเขา เขาไม่ควรปีนเกลียวว่าอีกฝ่ายไปขนาดนั้น และด้วยวัยของเตชัสแล้ว เขายิ่งไม่ควรพูดออกไปแบบนั้น



            ผู้ชายที่มีลูกชายอายุสิบกว่าขวบถ้าไม่มีลูกเร็วก็ต้องอายุไม่น้อยแล้ว เตชัสเป็นอย่างหลัง เขาเป็นผู้ชายอายุสี่สิบกว่า ที่เชี่ยวชาญในกิจกรรมบนเตียง ซ้ำยังมีเขี้ยวเล็บแหลมคมในแวดวงธุรกิจ ยึดคติไม่มีคำว่าขาดทุนในพจนานุกรมของเขา และเป็นผู้ชายที่ดูดีมากคนหนึ่งอีกด้วย



            วรันต์ไม่รู้ว่า การตอบรับงานในครั้งนี้ของเขาจะเป็นผลดีหรือผลร้ายมากกว่ากัน


            เพราะเขากำลังกลายเป็นเบี้ยตัวหนึ่งในเกมส์ของเตชัส


=========================================

พักชมสิ่งที่น่าสนใจสักครู่นะคะ
อีกมุมหนึ่งของวรันต์กับ คุณเตของเขา

ปล หนึ่ง ตอนของวรันต์ จะมีงวดหน้าอีกหนึ่งงวดนะคะ
ปล สอง เอ็นดูเด็กคนนี้ด้วยน้า อีกมุมหนึ่งของนาง
ปล สาม ยังไม่ได้ตรวจทานอะไรเลยค่ะ รีบมาลงให้ก่อนค่ะ วันนี้มีเหตุไปนู่นมานี่ทั้งวันค่า

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเอ็ด อีกด้านหนึ่ง P6 29/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 29-05-2018 15:01:49
ดูเหมือนว่ารันต์ก็ไปตามทางของตัวเองได้ดีนี่นา
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเอ็ด อีกด้านหนึ่ง P6 29/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-05-2018 15:46:32
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเอ็ด อีกด้านหนึ่ง P6 29/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-05-2018 19:54:59
ในมุมที่ร้ายๆ ของอีกคน ก็มีมุมที่หดหู่ซ่อนอยู่ ชีวิตต้องสู้นะ
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเอ็ด อีกด้านหนึ่ง P6 29/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-05-2018 21:55:48
 :katai2-1:


อด และ ทน
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเอ็ด อีกด้านหนึ่ง P6 29/05/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 01-06-2018 10:18:46

งวดยี่สิบสอง งานใหม่



วรันต์เลี้ยวรถเข้ามาในตัวบ้านของเตชัส หลังจากที่ได้โลเคชั่นมาจากอีกฝ่ายในวันที่เซนต์สัญญาว่าจ้างงานเมื่อสามวันก่อน
 
“อ่านดูก่อนสิ เผื่อเธออยากปรับอะไรตรงไหนก็จะได้แก้ไขเลย จะได้ไม่เสียเวลา แล้วนี่ทนายเจษณ์ เขาจะเป็นคนจัดการเรื่องให้ทุกอย่าง รวมไปถึงเรื่องเงินต่างๆ ของเธอด้วย มีอะไรก็แจ้งเขาได้เลย”

“ครับ” วรันต์พยายามอ่านมันอย่างระวัง แต่เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไหร่ แค่หนังสือทั่วไปเขายังไม่ค่อยเข้าใจ นับประสาอะไรกับศัพท์เฉพาะทางกฎหมายนี่เล่า เขาทำหน้าเหยเกเหลือบมองทนายเจษณ์เพราะเขาไม่เข้าใจอะไรเลย

“ผมขออนุญาตอ่านรายละเอียดและอธิบายสัญญาฉบับนี้ให้คุณวรันต์ฟังนะครับ” ทนายเจษณ์หันไปขอเชิงขออนุญาตจากเตชัส

“อืม ถ้าเสร็จแล้ว บอกด้วยก็แล้วกัน ผมขอตัวไปประชุมก่อน”

“ครับ” เตชัสบอกทนายเจษณ์แล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจวรันต์เลยแม้แต่น้อย

“สบายใจขึ้นบ้างมั้ยครับ คุณเต ก็เป็นอย่างนั้นเอง” เป็นอย่างนั้นเองของทนายเจษณ์นั้นหมายถึงบุคลิกของเจ้าตัวที่นิ่งขรึม ทุกอย่างเหมือนเดินอยู่บนเส้นด้าย ดูเคร่งเครียดตลอดเวลา

“ดีขึ้นแล้วครับ ผมไม่เคยเจอคุณเตเวลาที่เขาทำงานมาก่อนเลย พอมาเจอโหมดนี้ก็ไปไม่ค่อยถูก” วรันต์คร้านจะอธิบายว่าเขากับเตชัสปกติแล้วเจอกันในโหมดไหน มันคงไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าฟังนัก ถึงแม้ว่าทนายจะรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน



จะไม่รู้ได้ยังไง แค่ข้อแรกที่เขาได้อ่าน สัญญานี้มันก็ระบุถึงการนอน การมีสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณเตชัสแล้ว รายละเอียดลงลึกแค่ไหน เขายังอ่านไม่ถึง ก็มึนเสียก่อน

“อย่างนี้นะครับคุณรัน ผมจะพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายมากที่สุด”

“ครับ”

“ข้อแรก คือระหว่างที่คุณกับคุณเตมีสัญญาต่อกัน ห้ามคุณมีเพศสัมพันธ์กับใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตามครับ รวมไปถึง...เอ่อ...” ทนายเจษณ์เริ่มตีความในข้อที่หนึ่ง

“พูดต่อเลยครับ”

“รวมไปถึงการช่วยเหลือตนเองกับผู้อื่นครับ หมายความว่า ถึงแม้จะไม่มีการสอดใส่คุณก็ไม่สามารถที่จะไปช่วยคนอื่นได้ อธิบายแบบนี้พอเข้าใจมั้ยครับ”

“ฮ่าๆ เข้าใจครับ ไม่มีปัญหา แล้วคุณเตล่ะครับ” วรันต์หัวเราะในท่าทีลำบากใจของทนายเจษณ์ ตอนเขียนคงกระอักกระอ่วนเต็มที ยังต้องมาอ่านอะไรให้เขาฟังแบบนี้อีก

“คุณเตสามารถมีเพศสัมพันธ์ หรือพูดกันง่ายๆ ก็คือ คุณเตจะทำอะไรกับใครก็ได้ครับ แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธคุณเตชัสทุกกรณีนะครับ”

“ไม่แฟร์เลย แต่ก็สมเป็นคุณเต ข้อนี้ผ่านครับ ข้อสองเลยครับ” วรันต์บอก เพราะเตชัสเป็นคนว่าจ้าง ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนเขา

“ข้อสอง เรื่องภรรยาของคุณเตชัส ห้ามคุณทำร้ายร่างกายเธอเด็ดขาด แต่สามารถทำร้ายทางวาจาได้ครับ” วรันต์ฟังแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในความคิดของเตชัส คิดจะทำอะไรกันแน่ ห้ามตบตีแต่ด่าได้เนี่ยนะ?

“เธออายุเท่าไหร่ แล้วนิสัยเป็นยังไงเหรอครับ”

“คุณชินภัทรา ปัจจุบันเธออายุ สามสิบห้า เธอเป็นผู้หญิงที่เวลาอารมณ์ดีก็ดีใจหาย เวลาร้ายก็ร้ายได้น่ากลัวเหมือนกันครับ” ทนายเจษณ์เหลือบมองใบหน้าของวรันต์ เขายังก็ยังแปลกใจตอนที่เตชัสให้เขาร่างหนังสือสัญญาฉบับนี้ เขาพิมพ์สัญญาโดยไม่เข้าใจแม้กระทั่งจุดประสงค์ของ    เตชัสเลยแม้แต่น้อย

“ขอบคุณครับ ตกลง ข้อต่อไปเลยครับ” วรันต์บอกผ่านอย่างง่ายดาย เขาเดินหน้ามาถึงจุดนี้ถ้าจะถอยหลังคงจะไม่ทันเสียแล้ว ผู้หญิงที่ร้ายที่สุดในชีวิตของเขาก็คือแม่ คงไม่มีใครจะร้ายไปมากกว่านี้อีกแล้วมั้ง

“ข้อสาม เรื่องลูกชายของคุณเตชัส คือคุณเตชินท์ ระหว่างที่มีสัญญากันอยู่ คุณต้องไปรับ-ส่ง คุณเตชินท์ทุกเช้าและเย็นที่โรงเรียนครับ ไม่จำเป็นต้องเล่นกับเขา อยู่เป็นเพื่อนหรือสอนการบ้านอีกฝ่าย เว้นเสียแต่ว่าคุณอยากทำ”

“ถ้าผมจำไม่ผิด ลูกชายคุณเตอายุสิบสามแล้วใช่มั้ยครับ”

“ใช่ครับ”

“อืม งั้นก็คงอยู่ราวๆ ม.หนึ่ง ล่ะมั้ง”

“ถูกต้องครับ คุณชินตอนนี้อยู่ชั้นม.หนึ่ง ตามที่คุณเข้าใจครับ”

“ก็โตพอระดับหนึ่ง แปลกคนอย่างคุณเต น่าจะให้คนรถไปส่งลูกชายเขานี่ครับ ทำไมต้องเป็นผม”

“ข้อนี้ผมไม่ทราบครับ คุณเตไม่ได้แจ้งอะไรไว้เลย คุณรันคงจะต้องถามเจ้าตัวเอง”

“จริงๆ ผมก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไรหรอกครับ แค่สงสัยนิดหน่อย แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่าไม่มีปัญหาครับ” วรันต์ยักไหล่ ก่อนจะบอกผ่าน

“ข้อที่สี่ คุณมีวันหยุดเหมือนพนักงานที่บริษัทนี้เลยครับ คือแปดวันต่อเดือน หรือบางเดือนมีห้าสัปดาห์ก็ได้หยุดสิบวันครับ ปกติแล้วพนักงานที่นี่จะหยุดวันเสาร์และอาทิตย์ ไม่รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดต่างๆ ตามที่รัฐบาลกำหนด แต่สำหรับคุณ คุณสามารถเลือกที่จะหยุดได้เลยครับ แค่อย่าเกินแปดวันหรือสิบวันในหนึ่งเดือนก็พอ”

“แล้วถ้าผมลาป่วย ลากิจล่ะครับ”

“เรื่องนี้ คุณเตให้ผมเขียนเป็นข้อสี่จุดหนึ่งไว้แล้วครับ คุณสามารถลาได้เท่าที่กฎหมายกำหนดไว้คือสามสิบวัน ในกรณีที่คุณป่วยจริงหรือมีกิจธุระจำเป็นจริงๆ” วรันต์ยิ้ม ในใจคิดว่าคุณเตชัสจอมเขี้ยว หลบเลี่ยงป่วยการเมืองไม่ได้เลยสินะ รอบคอบจริงพ่อคุณ

“ผ่านครับ ยังมีอีกมั้ยครับ”

“ครับ ข้อที่ห้า เงินเดือนจะโอนเข้าบัญชีของคุณทุกวันที่สามสิบของแต่ละเดือน เดือนละหนึ่งล้านบาทครับ”

“ถ้าผมจำเป็นต้องใช้เงินด่วน สามารถขอเบิกเงินล่วงหน้าได้มั้ยครับ”

“ได้ครับ ข้อที่ห้าจุดหนึ่ง กรณีที่คุณมีเหตุต้องการใช้เงินด่วนให้ติดต่อคุณเตโดยตรง ซึ่งการอนุมัติจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณเตชัสครับ”

“ครับ

“ข้อสุดท้าย ข้อที่หกครับ หากคุณทำผิดข้อตกลงไม่ว่าจะข้อใดข้อหนึ่ง สัญญาฉบับนี้ถือเป็นโมฆะทันทีครับ”

“ครับ ตามนั้น” ไม่รอบคอบถี่ถ้วนคงไม่ใช่คุณเตชัส

“คุณรันอยากเพิ่มอะไรตรงไหนบ้างมั้ยครับ”

“ไม่มีครับ ผมหัวช้า คิดไม่ทัน คิดตอนนี้ไม่ออกหรอกครับ” วรันต์รับออกมาอย่างตรงๆ เขาไม่ได้อายที่จะยอมรับกับใครต่อใครว่าเขาโง่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะพูดเรื่อยเปื่อย คงไม่สนุกนักกับการป่าวประกาศบอกใครต่อใครว่าโง่ไปเรื่อย


เขารับสัญญาฉบับนั้นมาก่อนจะจรดปากกาเซนต์มันลงไปอย่างง่ายๆ เชื่อใจในเตชัสว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดจะหมกเม็ดหรือปิดบังอะไรเขาภายใต้สัญญานั้นหรอก...มั้ง



และตอนนี้เขาก็หิ้วกระเป๋ามายืนอยู่หน้าบ้านของผู้ว่าจ้างเขา ให้ความรู้สึกเหมือนวันที่พจมานเดินเข้าบ้านทรายทองยังไงยังงั้น ต่างกันตรงที่พจมานมาทวงมรดก แต่เขาอะมาขอเงิน

“มาแล้วหรือ” ถือว่าเขาได้รับเกียรติอันสูงส่งใช่มั้ย ที่คุณเตชัสยอมสละเวลาทำงานแล้วอยู่บ้านเพื่อรอรับเขาในวันแรกแบบนี้

“ครับ รถติดเลยมาถึงช้าหน่อย”

“ไม่เป็นไร รู้กันไว้สิ ภัทร นี่วรันต์ เขาจะมาอยู่ที่นี่ แล้วนี่ชินภัทรา เมียฉัน”

“สวัสดีครับ” วรันต์ยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมยกมือไหว้ แต่ชินภัทราไม่มีทีท่าแม้แต่จะเหลือบมองเขาเลยแม้แต่น้อย

“ปลุกภัทรมาด้วยเรื่องที่คุณพาเด็กของคุณมาอยู่ที่นี่น่ะเหรอคะ ทีหลังไม่ต้องปลุกภัทรมาหรอกนะคะ เสียเวลา!ภัทรขอตัวไปนอนก่อนนะครับ อ้อ..แล้วเธอ วรันต์ใช่มั้ย อยู่ที่นี่ก็อย่าทำให้ฉันเกะกะลูกตาล่ะ จะหาว่าไม่เตือน” ชินภัทราพูดจบก็สะบัดตัวกลับจนผ้าคลุมที่สวมทับชุดนอนสะบัดไปตามแรงของเจ้าตัว

“ต้อนรับกันอบอุ่นเลยใช่มั้ย” เตชัสมองวรันต์ เขากำลังคาดคะเนอีกฝ่ายภายในใจว่าจะรับมือกับอารมณ์ของภรรยาเขาไหวหรือเปล่า

“อุ่นจนร้อนเลยล่ะ เมียคุณเป็นแบบนี้ประจำหรือครับ”

“ไม่หรอก พอดีว่าภัทรเพิ่งกลับบ้านเมื่อรุ่งสาง แล้วนี่ก็เพิ่งสิบเอ็ดโมงแต่ฉันให้คนไปปลุกก็เลยหงุดหงิดเป็นธรรมดา แต่ปกติก็นิสัยน่ารักพอควร” วรันต์ฟังแล้วรู้สึกตงิดนิดหน่อย พอควรในที่นี้คือแค่ไหนกัน

“เหรอครับ”

“ของวางไว้นี่แหละ เดี๋ยวฉันให้เด็กยกไปไว้ให้ที่ห้องนอน หิวหรือยัง”

“ยังครับ”
   
“ก็ดี ถ้างั้นตามฉันมาสิ ฉันจะพาไปดูห้องนอนของเธอ”

“ครับ วันนี้คุณไม่ไปทำงานหรือ”

“ไม่ไป วันนี้ฉันลางานเพื่อเธอเลย”

“ถือเป็นเกียรติอย่างมากครับ” วรันต์ตอบ เขาควรจะดีใจใช่มั้ยที่เจ้าของบ้านต้อนรับขับสู้เขาดีขนาดนี้

“เพราะช่วงบ่ายฉันจะพาเธอไปรับชิน เตชินท์ลูกชายฉันที่โรงเรียน หลังจากวันนี้ไป เธอต้องไปรับเขาเอง”

“อ่อ...” วรันต์ครางรับในคอ เพราะลูกชายคุณเตชัสนั่นเอง เขาไม่น่าคิดไปเองเลยว่าอีกฝ่ายตั้งใจมาต้อนรับเขาขนาดนั้น

“ถึงแล้ว ห้องนี้ล่ะ” เตชัสเดินนำมาถึงห้องที่อยู่ใกล้บันไดชั้นสองของบ้านมากที่สุด นั่นคือขึ้นบันไดมา ก็ถึงห้องเขาเป็นห้องแรก ชายหนุ่มเปิดประตูให้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง วรันต์จึงเดินตามอีกฝ่ายเหมือนเคย

“ถูกใจหรือเปล่า”

“ก็ดีครับ” เขาตอบอย่างไม่ยี่หระ เพราะเขาแค่มาอยู่ชั่วคราว แบบไหนก็เหมือนกัน ขอแค่มีที่นอน หมอน ผ้าห่ม ห้องน้ำ ก็เพียงพอแล้ว

“อยากเปลี่ยนหรืออยากเพิ่มอะไรก็บอกแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ”

“เวลาขอบคุณต้องทำยังไง จำไม่ได้เหรอ”

“อะ ขอโทษครับ ผมลืมไป” วรันต์ก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ก่อนจะยกมือโอบล้อมลำคอของเตชัสเอาไว้เพื่อโน้มใบหน้าคนที่สูงกว่าเขาค่อนข้างมากให้ต่ำลงมา ปลายเท้าของวรันต์เองก็ต้องเขย่งขึ้นเช่นกัน เพื่อให้ริมฝีปากของเขาได้บรรจบลงบนปากบางของเตชัส


รูปปากบางเฉียบเขาว่าวาจาเฉือนคมได้อย่างนิ่มนวล เจรจาก็เก่ง ซ้ำยังไม่แยแสเรื่องความรัก ดูเหมือนทุกอย่างที่เคยได้ยินมาจะตรงกับเตชัสเกือบหมด ถึงกระนั้นจูบของเตชัสก็ร้อนแรงกว่าใครที่วรันต์เคยสัมผัส


แรงบดเบียดของคนสองกันแนบแฟ้นแน่นสนิทไม่มีใครยอมอ่อนมือให้ใคร มือขวาของเตชัสจับยึดมั่นที่ต้นคอของวรันต์เอาไว้ บังคับให้เงยหน้ารับจูบอย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ มือซ้ายก็จับเอวคนตัวเล็กเอาไว้แน่น วรันต์ที่เคยผสานมือกอดคอของอีกฝ่ายไว้ ต้องปรับเปลี่ยนมาจับไหล่หนาเอาไว้แน่น เพราะกลัวขาจะอ่อนจนพับลงไปกองกับพื้นเสียก่อน


หนักหน่วงทางด้านอารมณ์เหลือเกิน


ร่างกายถูกผลักดันให้เดินถอยหลัง จนเมื่อขาติดกับเตียงนอนอันกว้างขวางแล้วนั่นแหละเขาถึงทิ้งตัวลงนอนบนนั้น โดยไม่ลืมที่จะรั้งอีกฝ่ายด้านบนให้ล้มตัวตามไปด้วย นิ้วมือเรียวยาวของเตชัสเคลื่อนมือสอดล้วงเข้าไปในเสื้อของคนที่กำลังหายใจไม่ค่อยสะดวก


เสียงลมหายใจของวรันต์สะดุดลงเมื่อเตชัสใช้ปลายนิ้วสัมผัสบนเม็ดทับทิมสีชมพู หลังขาวนวลแอ่นขึ้นตามความรู้สึก เขาอ้าปากเบือนหน้าหนีจากริมฝีปากของคนสูงวัยกว่าเพื่อสูดอากาศเข้าปอด แต่ความพยายามดูยากเต็มทนเพราะอีกฝ่ายไม่ก็ละไล่ใบหน้าเขามาติดๆ

“อื้อ..” วรันต์ขัดใจเพราะเขากำลังจะทนไม่ไหว

“อยู่เฉยๆ เด็กดี” เสียงทุ้มกระซิบบอกที่ข้างหู ไม่พลาดที่จะขบกัดใบหูบางนั้นให้วรันต์ต้องสะดุ้งขึ้นอีกครา

“พะ..พอก่อนเถอะครับ” เด็กหนุ่มพยายามที่จะหาโอกาสยับยั้งอีกฝ่าย

“ทำไม”

“ผมหิวข้าว”

“เป็นถึงขนาดนี้แล้วเธอยังจะอยากกินข้าวมากกว่า..ฉัน..อีกหรือ” เตชัสเลื่อนมือลงไปที่เป้ากางเกงของวรันต์ เขาขยำมันโดยแรงโดยไม่สนว่าเจ้าของร่างกายนั้นจะรู้สึกอย่างไร

“คุณเต!...ผมเจ็บ” วรันต์โวยวายเสียง

“โทษที มันยั้งมือไม่ไหวน่ะ เอาล่ะ...ไปดูห้องต่อไปดีกว่า” แล้วคนอย่างเตชัสก็เปลี่ยนเรื่องง่ายๆ อย่างนั้นเอง วรันต์ลอบถอนหายใจ เขายังไม่อยากขึ้นเตียงกับเตชัสกลางวันแสกๆ พร้อมทั้งเมียของอีกฝ่ายที่ยังนอนหลับอยู่ในบ้าน และประตูห้องนอนของเขายังเปิดอ้าซ่าอยู่แบบนี้


วรันต์พยักหน้าเพื่อตอบรับอีกฝ่าย เตชัสลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะยื่นมือให้เด็กหนุ่มได้อาศัยมือของเขาลุกขึ้นตามมาได้โดยง่าย “ขอบคุณครับ”

“ด้วยความยินดี” อีกหนึ่งคำพูดที่วรันต์ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากของเตชัส ชายหนุ่มที่ดูเย็นชา ชวนอึดอัดในเวลาทำงาน เร่าร้อนเวลาอยู่บนเตียง แต่กลับมีอีกโมเมนท์ของความอ่อนโยนเวลาที่เจ้าตัวอยากแสดงน้ำใจ


เตชัสทำให้เขาประหลาดใจทุกครั้งที่เจอ


เจ้าของบ้านพาผู้อาศัยคนใหม่สำรวจพื้นที่บริเวณชั้นสองต่ออีกครั้งเมื่อทุกอย่างกลับมาอยู่ในสถานการณ์ปกติ


“ถัดจากห้องของเธอคือห้องของภัทร” เตชัสกับวรันต์เดินมาถึงห้องของชินภัทรพอดี แต่พวกเขาก็เดินผ่านเลยไปโดยไม่หยุดฝีเท้าลง

“ห้องนี้เป็นห้องของฉันและตรงข้ามนั้นเป็นห้องของชิน”

“ครับ”

“อยากเข้าไปดูห้องฉันมั้ย?” เตชัสหรี่ตาลงเหมือนหมาป่าอยากขย้ำเหยื่อ

“ไม่ล่ะครับ ผมไม่อยากถูกกินตอนนี้”

“โอเค งั้นเราลงไปกินข้าวที่เธออยากกินดีกว่า เสร็จแล้วเธอจะได้มีเวลาพักผ่อนก่อนจะออกไปรับชินที่โรงเรียนกับฉัน”

“ครับ”


อาหารมื้อกลางวันของบ้านนี้ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเท่าไหร่ ทุกอย่างดูเรียบง่าย นั่นก็ทำให้วรันต์ค่อนข้างโล่งใจเพราะเขาไม่ค่อยชอบพิธีการบนโต๊ะอาหาร โชคดีเตชัสไม่ได้เป็นพวกกินอาหารที่ต้องมีความวิจิตรหรือหรูหราอะไร เจ้าของบ้านค่อนข้างกินเรียบง่ายด้วยซ้ำ ชายหนุ่มบอกเขาว่า ถ้าชอบกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกแม่ครัวให้ทำมาให้กินได้เสมอ ไม่ต้องเกรงใจ แต่กระนั้นก็ยังกระซิบบอกเขาว่าแต่ถ้ามื้อนั้นมีชินภัทรอยู่ร่วมโต๊ะล่ะก็ ทุกอย่างจะไม่ใช่อย่างที่เห็น


ตอนนี้เขากำลังจัดเสื้อผ้ามาแขวนใส่ในตู้ ทีแรกเตชัสจะให้เด็กในบ้านมาจัดการให้ แต่เขาเลือกปฏิเสธ เพราะเขาอยากทำอะไรด้วยตัวเองและอยากสำรวจภายในห้องอย่างอิสระโดยไม่ต้องมีสายตาอยากรู้อยากเห็นของใคร


เขาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างไม่มีกำหนด ไม่รู้ว่าเตชัสบอกกับคนในบ้านว่าอย่างไร แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของเขา ชายหนุ่มแค่ทำงานตามสัญญา รับเงินก็พอแล้ว ระหว่างที่เขามาอยู่ที่บ้านของเตชัส วรันต์เลยตัดสินใจขายคอนโดห้องนั้นที่ปรานต์ซื้อให้เขา จริงๆ แล้วเขาตั้งใจจะขายมันมาสักพักเพราะอาการป่วยของยายที่มันทำร้ายจิตใจเขาทุกครั้งเวลาที่เห็นยายไม่สบาย และวรันต์ก็คาดหวังว่าเขาจะขายมันได้ในเร็ววันนี้


เสียงเคาะประตูดังขึ้น วรันต์เหลือบมองนาฬิกาบนผนังของห้อง


ตรงเวลาเหลือเกิน เตชัสบอกเขาว่า บ่ายสองครึ่งจะมาเรียกให้ไปรับลูกชายของอีกฝ่ายด้วยและตอนนี้นาฬิกาเรือนหรูก็กำลังบอกเวลานั้นอย่างเถรตรง

“ครับ” เขารีบจัดเผ้าผมให้เข้าที่เล็กน้อยก่อนจะคว้าโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ออกไป ชายหนุ่มตั้งใจไม่หยิบกุญแจรถยนต์ไปด้วยเพราะเขามั่นใจว่า เขากับเตชัสคงไม่แยกกันไปด้วยรถคนละคันเป็นแน่

“เรียบร้อยครับ” วรันต์ยิ้มให้อีกฝ่ายเมื่อเขาเปิดประตูมาเจอกับอีกฝ่ายที่ยืนรออยู่

“สาย”

“นาทีครึ่งเอง รีบไปดีกว่านะครับ” บทจะอะลุ่มอล่วยก็ง่ายแสนง่าย บทจะเข้มงวดก็เข้มงวดเหลือเกิน วรันต์รีบเปลี่ยนเรื่องรุนหลังอีกฝ่ายให้ลงบันไดนำไป


เป็นอย่างที่เขาคาดเดา เตชัสเลือกที่จะขับรถไปรับลูกชายด้วยตัวเองพร้อมกับเขาที่กลายเป็นตุ๊กตาหน้ารถจำเป็น วรันต์ไม่เคยนั่งรถของอีกฝ่ายมาก่อน ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นท่วงท่าสไตล์การขับรถของคนข้างๆ


เขาว่ากันว่าการขับรถของคนเราก็บ่งบอกนิสัยในส่วนที่แย่ได้เหมือนกัน บางคนนิสัยสุภาพอ่อนโยน แต่พอได้จับพวงมาลัยกับผรุสวาทด่าทอเพื่อนร่วมท้องถนนตลอดการเดินทาง บางคนชอบช่วยเหลือคนอื่นแต่เมื่อมีอำนาจของวงล้อวงกลมนั้นกลับทำให้เห็นแก่ตัวเอาเปรียบเพื่อนร่วมถนนก็มีมาเยอะแล้ว


สำหรับเตชัส...วรันต์สังเกตได้ว่าชายหนุ่มค่อนข้างเงียบ ไม่บ่น ไม่โวยวาย แต่อาศัยจังหวะช่วงชิงเอาคืน ช่างสมกับเป็นนักธุรกิจ มีไหวพริบปฏิภาณดีเยี่ยม บางคราวชายหนุ่มก็ขับรถเหมือนสบายๆ แต่ไม่ละต่อโอกาสที่สามารถจะทำให้เวลาที่ต้องเสียอยู่บนท้องถนนไปนั้นลดน้อยลง ช่างสมเป็นเตชัสยามที่ชายหนุ่มลุกเป็นไฟเมื่ออยู่บนเตียง ไม่ยอมเสียเวลาที่จะเริ่มเกมส์


เตชัสน่าค้นหาอยู่เสมอ


รถยนต์ถูกดับเครื่องยนต์ลงในพื้นที่ที่อนุญาตให้จอดได้ในบริเวณแถวหน้าโรงเรียน ตอนที่เขามาถึงก็มีรถยนต์หลายคันจอดนิ่งเรียงรายอยู่พอสมควร เป้าหมายคงจะเหมือนกันกับเขาและเตชัส นั่นคือมารับบุตรหลานของตนเอง วรันต์ก้าวลงจากรถยนต์เพื่อเดินตามเตชัสเข้าไปในโรงเรียน

“สวัสดีค่ะ คุณเต วันนี้มารับน้องชินด้วยตัวเองเลยเหรอคะ”

“ครับ พอดีพาพี่เลี้ยงคนใหม่ของชินมาด้วย อย่างนั้นก็ดีเลย เขาชื่อวรันต์ครับ คุณริสา ต่อไปผมจะให้เขามารับชินที่โรงเรียนนะครับ” เตชัสอาศัยจังหวะนี้ในการแนะนำวรันต์ให้รู้จักกับอาจารย์ที่อยู่หน้าประตูและยังเป็นอาจารย์ประจำชั้นของเตชินในปีการศึกษาปัจจุบัน

“สวัสดีค่ะ คุณรัน ริสานึกว่ามารับวรงค์เสียอีกค่ะ”

“สวัสดีครับคุณสา วรงค์โตแล้ว กลับบ้านเองได้แล้วล่ะครับ พอดีตอนนี้ผมรับจ๊อบเพิ่มน่ะครับ” วรันต์เห็นท่าทางแปลกใจของริสาเล็กน้อยเขาจึงขยายคำในช่วงประโยคหลังเพื่อให้หญิงสาวได้เข้าใจอะไรขึ้นบ้าง

“ค่ะ เชิญค่ะ” ริสายิ้มรับพลางว่าดูเข้าใจ ทั้งคู่ขอตัวลาคุณครูสาวก่อนจะเดินเข้าไปด้านในโรงเรียน

“น้องชาย เธอเรียนที่นี่?”

“คุณสืบเรื่องผมมาจนหมด ผมไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้คุณจะไม่รู้นะครับ”

“ก็ถูก นึกว่าเธอจะตามไม่ทันทุกอย่าง” เตชัสตอบเสียงเรียบ นี่ใช่มั้ยที่เขาเรียกว่าหลอกด่า วรันต์กลอกตาไปมาที่จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนโดนด่ายังไงไม่รู้ ก็พอรู้ตัวหรอกว่าไม่ค่อยฉลาดแต่บางเรื่องมันก็พอเดาได้บ้างแหละ

“....” วรันต์เงียบ เขาเดินตามเตชัสจากด้านหลังไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงเรียกของเด็กผู้ชายที่เสียงยังไม่แตกเนื้อหนุ่มดังขึ้น

“พ่อ!! มาได้ไง มารับชินเหรอครับ โอย โคตรดีใจอะ” เด็กวัยสิบสามวิ่งมาโถมเข้ากอดที่เอวของผู้เป็นบิดาเต็มแรง เตชัสก็ตั้งหลักรับการกริยาของลูกชายดีอยู่แล้ว เขาเลยกอดบุตรชายไว้ได้อย่างถนัด



โมเมนท์ของพ่อลูกก็มา เมื่อไหร่เตชัสจะเลิกเซอร์ไพรส์เขาสักทีนะ



แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์สุดๆ ก็คือ ดวงตาของเด็กชายที่เหมือนกับผู้เป็นพ่อราวกับแกะนั้นจ้องมาที่เขาด้วยความไม่พอใจ


ให้ตายเถอะ ไม่ชอบงานยากแบบนี้เลย ถอนสัญญาตอนนี้ทันมั้ย



==========================================

ถอนสัญญาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วลูก สู้เขานะวรันต์

ตอนหน้าเราจะกลับไปเจอนายนทีและผู้กองของเขากันน้า

ปล เขมกำลังมีปัญหากับการจัดหน้าในเล้า ฮือ

ติด Tag พูดคุยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสอง งานใหม่ P6 01/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-06-2018 10:30:35
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสอง งานใหม่ P6 01/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 01-06-2018 12:58:53
คิดถึงนทีแล้วววววววววววววววววววว
น่าจะมาก่อนหวยออก
จากตามสักงวด
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสอง งานใหม่ P6 01/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 01-06-2018 18:15:29
คุณเตนี่อยากจะเลิกกับภรรยาหรือไงถึงจ้างรัน แต่งานยากสุดคือลูกชายคุณเตค่าา ดูท่าทางจะไม่ยอมง่ายๆซะด้วยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสอง งานใหม่ P6 01/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-06-2018 19:12:16
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสอง งานใหม่ P6 01/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 01-06-2018 19:56:18
กลัวน้องเตชินจะไปลงกับพี่วรงค์อ่ะนะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสอง งานใหม่ P6 01/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 01-06-2018 21:29:37
คุณเตอยากเป็นอิสระหรอ
อยากหย่ากับเมีย แต่เมียไม่ยอม
เลยจ้างวรันต์ มาทำให้เมียทนไม่ไหว ขอหย่าเองงี้ป่ะ
อืม..ถ้าใช่ก็งานหนักเหมือนกันนะนี่

แต่ชอบคุณเตนะ ดูสุขุมนุ่มลึก
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสอง งานใหม่ P6 01/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 04-06-2018 19:51:44
Fc เจ้าแม่ตะเคียนค่ะ แอบรอเธออยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสอง งานใหม่ P6 01/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 05-06-2018 11:46:21


งวดยี่สิบสาม ความแตก



และในวันอาทิตย์ไอ้น้ำก็มานั่งชูคอเป็นตุ๊กตาหน้ารถของผู้กองในระหว่างทางกลับบ้าน ถึงแม้ไอ้น้ำจะบอกผู้กองในบทสนทนาในแอปพลิเคชั่นสีเขียวตั้งแต่แรกแล้วว่า


‘ไม่เป็นไร ผมกลับบ้านเองได้’


แต่ก็ได้คำตอบว่า  ‘กลับด้วยกันแหละดีแล้ว ฉันเป็นห่วง’


ไอ้น้ำจึงไม่ได้ปฏิเสธอีกฝ่ายต่อไป เพราะในใจลึกๆ แล้วก็ตั้งใจว่าจะลองเดินหน้าจีบผู้กองดูสักที เขาก็คงต้องหาโอกาสจีบให้มากที่สุด


เดี๋ยวก่อน ปกติแล้วเขาต้องไปรับอีกฝ่ายสิ ก่อนหน้านี้ที่เขาคบกับเจน เขาก็ไปรับไปส่งเจนอยู่เสมอ คราวนี้ทำไมมันถึงกลับตาลปัตรเป็นแบบนี้ไปได้ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนๆ กัน แต่ตำแหน่งมันจะสลับแบบนี้ไม่ได้ ปลอบใจตัวเองไปก่อน เดี๋ยววันหน้าถ้าหากไอ้น้ำมีรถโก้ๆ ขับ เขาจะเป็นฝ่ายไปรับผู้กองเอง


ผู้กองไม่ต้องเสียใจไปนะ


วันนี้ตอนที่เขากำลังยืนรอผู้กองมารับอยู่บริเวณจุดที่ไอ้น้ำและผู้กองได้นัดแนะกันไว้นั้น เขาก็แปลกใจที่เวลาผ่านมากว่าห้านาทีแล้ว คนที่รับปากว่าจะมานั้นยังไม่มา กลับมีรถยนต์ของใครไม่รู้มาจอดอยู่ข้างหน้าเขา จะมาจอดทำอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ แล้วยังไม่รีบไปเสียที ถ้าหากผู้กองปรานต์มาแล้วไม่มีที่จอดหรือไม่เห็นว่าเขายืนรออยู่จะทำยังไง


ไอ้น้ำคนดี หงุดหงิดเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ถนนตรงนี้จอดได้และเป็นสาธารณะ ใครก็มีสิทธิ์มาจอดได้ทั้งนั้น เขายกข้อมือมาดูเวลาอีกครั้ง จวนจะสิบนาทีแล้ว ผู้กองไม่น่าเป็นคนไม่ตรงเวลาหรือว่าจะมีอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า เขานึกห่วงขึ้นมาทันใด มันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหมายจะโทรออกไปยังเบอร์อีกฝ่าย แต่กระจกรถยนต์ฝั่งคนขับก็ถูกเลื่อนลงเสียก่อน

“ขึ้นรถสิ”

“อ้าว ผู้กอง” น้ำประหลาดใจ รถยนต์คันที่เขาได้ด่าในใจไปแล้วนั้น กลายเป็นรถของผู้กองเองเหรอเนี่ย


ไอ้น้ำรีบอ้อมไปอีกฝั่งแล้วก้าวขึ้นรถทันที ส่วนสัมภาระที่เป็นเป้ใบหนึ่งก็ถูกนำไปวางไว้ข้างหลังอย่างเรียบร้อย

“มาแล้วทำไมไม่บอกล่ะครับ” อยากจะบ่นอีกฝ่ายมากกว่านี้แต่เขาควรทำคะแนน


ข้อแรก ไม่ควรจู้จี้ขี้บ่น ไม่มีใครชอบคนขี้บ่น ถึงแม้การจะห้ามปากไม่ให้บ่นนั้นมันยากเต็มที


“ขอโทษที เมื่อสักครู่นี้จ่าสมคิดโทรเข้ามารายงานเรื่องบางอย่าง” ผู้กองหนุ่มอธิบาย ไอ้น้ำได้ยินก็รีบฉีกยิ้มดับอารมณ์ที่คุกรุ่นทุกอย่างลงทันที


ข้อสอง รอยยิ้มหว่านเสน่ห์ โปรยเข้าไปเยอะๆ เขาจะได้ชอบเราได้ง่ายขึ้น ใครๆ ก็ชอบคนยิ้มง่าย


ผู้กองหนุ่มออกตัวอย่างนุ่มนวลเมื่อเห็นว่าคนร่วมทางจัดการตัวเอง คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้ว


“รอนานหรือเปล่า” ผู้กองถามเสียงนุ่มเป็นการทำลายความเงียบภายในรถ ตอนนี้รถยนต์กำลังมุ่งหน้าทำความเร็วตามความสามารถของมันอยู่บนท้องถนนที่วันนี้ดูจะโล่งเป็นพิเศษ

“ไม่นานครับ” น้ำปฏิเสธ ถึงจะรอเกือบสิบนาทีเพราะเหตุอะไรที่ผู้กองบอกก็เถอะ


ข้อสาม อย่าเอาทุกอย่างมาเป็นอารมณ์ อะไรช่างมันได้ก็ช่างมันเถิด เรื่องเล็กน้อยอย่าเก็บเอามาใส่ใจ

“เกือบเรียกนายไม่ทันตอนที่เห็นว่านายจะเดินไปที่อื่น”

“ผมไม่รู้ว่าเป็นรถของผู้กอง กลัวว่าถ้าผู้กองมาแล้วจะไม่เห็นผม” น้ำบอก

“แม่ฉันขี้กังวล ก็เลยให้คนเอารถคันนั้นไปตรวจเช็คสภาพ” ผู้กองหนุ่มถือโอกาสอธิบาย

“อ่อ...ครับ” น้ำฟังแล้วก็พอจะเข้าใจ นิสัยของคุณหญิง

“พอนั่งได้นะ?” ผู้กองถามขึ้นด้วยความกังวล

“นั่งได้สิครับ รถอะไรผมก็นั่งได้ ขามาผมยังนั่งรถประจำทางต่อด้วยรถตู้เลย” น้ำรีบท้วง ผู้กองถามว่าพอนั่งได้มั้ย นี่มันที่สุดของที่สุดแล้วมั้ง ประเมินด้วยตาก็พอรู้ คันนี้หรูหรากว่าคันเดิมเสียอีก ถ้าจะนั่งไม่ได้ก็เพราะขี้กลากมันลามขึ้นที่ตูดเขานั่นแหละ

“ขึ้นมากรุงเทพฯ ทำไมไม่บอกกันบ้าง” ผู้กองเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“...” น้ำเงียบ เจ้าตัวกำลังหาคำตอบดีๆ ให้กับคำถามนี้อยู่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะบอก เรื่องของเขา ผู้กองจะอยากรู้ไปทำไม แต่พอจะทำคะแนนหัวใจ มันเลยยากไปหมดเลยวุ้ย

“ฉันถามยากไปเหรอ” ผู้กองถามอีกครั้งเพราะเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ

“ไม่ใช่อย่างนั้น ผู้กอง แต่คือ..ผมไม่รู้จะตอบยังไง เอาจริงๆ ผมไม่รู้ว่าจะต้องบอกผู้กองด้วยว่าผมจะไปที่ไหน ทำอะไร เมื่อไหร่ ยังไง” ไอ้น้ำตอบ สาบานต่อหน้าช่องแอร์รถยนต์เลยก็ได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจกวนผู้กองเลยแม้แต่น้อย


ทว่า..คำตอบมันดูกวนป่ะ ไม่หรอกเนอะ


“ก็จริงของนาย...ฉันก็แค่คิดว่าเราก็สนิทกันระดับหนึ่ง...มั้ง” ผู้กองตอบอีกฝ่ายอย่างถ่อมตัว ทำให้ไอ้น้ำยิ่งรู้สึกผิดเพิ่มไปอีก

“ไม่ใช่ๆ ผู้กองอย่าคิดมากสิ คือปกติเราสองคนก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันอยู่แล้ว นอกจากเรื่องคดี ก็เลยไม่รู้ว่าต้องบอกด้วย เอางี้ คราวหน้าผมจะบอกผู้กองดีมั้ยครับ” ไอ้น้ำพยายามหว่านล้อม ให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น

“ไม่เป็นไร”

“ปากบอกไม่เป็นไร แต่หน้านิ่งแบบนี้ มันเป็นชัดๆ” น้ำบ่น วิชาวิเคราะห์บุคคลตามการ์ตูนที่เคยอ่านมากำลังแสดงผล

“ไม่เป็นไรจริงๆ ที่ฉันถามไปแบบนั้น ก็เผื่อว่าครั้งหน้าหากฉันต้องมากรุงเทพฯ เหมือนกันจะได้มาพร้อมกัน ก็เท่านั้นเอง” น้ำจับอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ทัน เขามั่นใจว่าทีแรกดูเหมือนผู้กองหนุ่มดูน้อยอกน้อยใจอยู่บ้าง แต่ประโยคล่าสุดที่เจ้าตัวพูด เขาสัมผัสมันไม่ได้เลย เหมือนที่เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไร ก็คือไม่เป็นไรจริงๆ ไม่มีอะไรให้คิดซับซ้อนกว่านั้น

“ครับ ไว้ครั้งหน้าผมจะบอกผู้กอง”

 “แล้ว...สนุกมั้ย มารอบนี้” ผู้กองยังชวนคุยเรื่องเดิม ไอ้น้ำที่ยังเดาใจอีกฝ่ายไม่ออก ก็เริ่มจะทำตัวไม่ถูก ที่ถามน่ะ ไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆ ใช่มั้ย

“ผมมาทำงานอะ ไม่ได้มาเที่ยว”

“เหรอ ก็เห็นเมื่อวันเสาร์ไปเดินห้าง ที่ไปเจอฉันกับคุณแม่ เลยนึกว่ามาเที่ยวเสียอีก”

“อ๋อ งานเสร็จแล้วครับ ผมมากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันพฤหัสฯ ไปคุยงานโปรเจ็คที่ผมทำอยู่ในห้องอะ ผู้กองจำได้เปล่า” น้ำหมายถึงช่วงที่ชายหนุ่มมาพักที่ห้องนอนของไอ้น้ำ นั้นจะเห็นเจ้าของห้องนั่งทำงานอยู่จนดึกดื่นเสมอ

“จำได้”

“นั่นแหละครับ พอดีลูกค้าเขา เรื่องมากนิดหน่อยอยากคุยกับผมโดยตรง ผมก็เลยต้องมาที่นี่อย่างกะทันหัน”

“อืม”

“วันศุกร์ ผมก็เร่งแก้งานข้ามคืนไม่ได้นอนเลย บ่ายวันศุกร์ก็หลับเป็นตาย มาฟื้นอีกทีเอาเช้าวันเสาร์”

“อืม ถึงว่าวันศุกร์ฉันทักแชทไปหา แต่นายไม่ตอบเลย”

“อ้อ..ผมหลับยาวไม่ได้ดูโทรศัพท์เลย ขอโทษด้วย คุณส่งมาว่ายังไง เดี๋ยวผมดูก่อน” นายนทีเตรียมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะเปิดดูแต่ก็ถูกห้ามไว้

“ไม่เป็นไร ฉันแค่บอกนายว่าจะกลับกรุงเทพฯ เผื่อว่านายอยากได้อะไรจะได้ซื้อมาให้”

“ขอบคุณนะครับ”

“อืม มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันเห็นนายเงียบไปไม่อ่านเลย ก็กังวลอยู่ว่าจะเป็นอะไรหรือโกรธฉันเรื่องวรันต์หรือเปล่า ก็พอดีดันเจอนายที่ร้านไอติมเสียก่อน”

“วันนั้นผมไม่ได้ตั้งใจไปหรอกครับ แต่พี่บาส เขาจะโอนเงินให้ผมแต่ท่าเยอะอยากกินข้าวด้วย ตามประสาคนเคยทำงานด้วยกัน ผมเองก็อยากกินไอติมเลยชวนพี่บาสไป เรื่องก็มีเท่านี้จริงๆ”

“เสียดายที่วันนั้น พี่บาสของนายติดธุระ เลยไม่ได้อยู่กินไอติมด้วยกัน” ผู้กองตอบ แต่ทำไมไอ้น้ำถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงของคนพูดนั้นเย็นเยียบเป็นที่สุด

“พี่บาสของผมอะไรกันล่ะ สาวๆ เขาได้มาแหวกผมกระเจิงสิครับ พี่บาสนี่อาชีพหลักเป็นนายสถานีรถไฟ วันๆ สับรางเป็นว่าเล่น พี่บาสติดธุระ นั่นเป็นเรื่องปกติ ผมจะแปลกใจมากกว่าถ้าหากเขาว่าง อีกอย่างผมจะบอกผู้กองให้รู้ไว้เลย คนอย่างพี่บาส เจ้าชู้ตัวพ่อแบบนี้ ใครได้ไปช้ำใจตาย ผมคนหนึ่งล่ะ ให้ฟรีแถมข้าวสารยังขอโบกมือลา”
           
“เข้าใจแล้ว ขอบใจที่บอกฉัน” แล้วผู้กองก็ยิ้มมาให้ ไอ้น้ำงงเข้าไปอีก ผีเข้าผีออกหรือไง ตะกี้เสียงยังเย็น หน้านิ่งอยู่เลย
         
         
คำพูดประโยคไหนของเขาที่ทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้


และข้อที่สี่ มีอะไรก็รายงานออกมาให้หมด อย่ากั๊กไว้ เพื่อรักษาชะตาชีวิตของตัวเองให้อยู่รอดยาวนานที่สุด


เดี๋ยวก่อน รอบสอง ไอ้น้ำฉุกใจขึ้นมาอีกครั้งจะจีบผู้กอง ทำไมถึงทำตัวเหมือนเจนอีกแล้วล่ะ จะจีบคนคนหนึ่งทำไมมันยากแบบนี้วะ ก็แค่เกิดมาไม่เคยจีบใครเท่านั้นเอง


เหมือนเกิดสิ่งมหัศจรรย์ในการเดินทาง ผู้กองยิ้มสดใสตลอดเวลาที่ขับรถ ผิดกับตอนที่มารับเขา ทำหน้านิ่งราวกับท้องผูก ราวกับคนละคน

“ยายฝน พี่ชายเอ็งมันบอกว่าจะกลับวันนี้ไม่ใช่เหรอ” แม่น้อยที่กำลังนั่งดูรายการแข่งขันร้องเพลงลูกทุ่งอยู่หันมาถามลูกสาวที่นั่งทำการบ้านอยู่ข้างๆ

“ใช่จ้ะ แม่”

“แล้วป่านนี้ทำไมมันยังไม่ถึงบ้านสักทีวะ”

“แม่ไม่โทรถามพี่น้ำล่ะ มาถามฉันแล้วฉันจะไปรู้หรือ” น้ำฝนตอบพลาง ทดเลขลงในสมุดต่อ

“บ๊ะ!ยอกย้อนเหมือนพี่เอ็งไม่มีผิด” แม่น้อยดุไม่จริงจัง อย่าคิดว่าน้ำฝน ลูกสาวคนเล็กของนางน้อยจะเรียบร้อย มันก็แก่นแก้วกะโหลกกะลา เถียงเก่งไม่แพ้พี่ชายของมันหรอก เด็กนิสัยเสีย ไม่รู้ว่าทำไมพ่อแม่มันถึงไม่ยอมสั่งสอนลูก

“ก็เป็นพี่น้องกันนี่นา”

“เดี๋ยวให้อดข้าวเย็นทั้งคู่”

“โห แม่ใจร้ายอะ แม่น้อยใจดีของพี่ปรานต์ไปอยู่ที่ไหนแล้วน้า” น้ำฝนแซว เพราะผู้กองหนุ่มมาทีไร แม่ของเธอก็เสียงอ่อนเสียงหวานคุยด้วยทุกที

“พูดถึงผู้กองเขา พักนี้ก็เงียบไปเลยนะ ไปไหนน้า...” แม่น้อยคิดถึงระคนถามหา ลูกชายก็ไม่อยู่ ผู้กองก็หายไป

“กลับบ้านหรือเปล่าแม่ พี่ปรานต์เขาไม่ใช่คนที่นี่ วันหยุดก็อาจจะกลับไปหาพ่อแม่เขา เหมือนเวลาพี่น้ำมาหาแม่ตอนที่ยังอยู่กรุงเทพฯ”

“เออว่ะ ที่เอ็งพูดก็ดูมีเหตุผลเป็นไปได้”

“จ้ะ ดูทีวีต่อเถอะแม่ เดี๋ยวไม่ทันได้ยินเขาประกาศคนร้องเพลงชนะหรอก”

“เออๆ ไม่อยากคุยกับข้าก็บอกมา” แม่น้อยพูดติดอาการงอนเล็กน้อย ผินหน้าไปดูทีวีต่อ

“เปล่าสักหน่อย แต่ฉันอยากทำการบ้านให้เสร็จเสียทีจะได้มานั่งคุยกับแม่สะดวกๆ” น้ำฝนไม่ได้รำคาญแม่แม้แต่น้อย เจ้าตัวรีบทำการบ้านให้เสร็จอย่างที่ตั้งใจแล้วจะได้เข้าไปกวนแม่ได้ถนัดๆ เต็มที่เสียที

“เอ๊า คนนี้ชนะได้ไงวะ อีกคนร้องเก่งกว่าตั้งเยอะ ข้าไม่ยอมนะเนี่ย เชียร์มาตั้งแต่รอบแรก จะมาตกรอบแบบนี้ได้ยังไง” แม่น้อยบ่นเมื่อผลประกาศผู้เข้าแข่งขันว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายชนะ

“ก็แม่ลำเอียง เชียร์ฝั่งนั้น พอเขาไม่เข้ารอบก็โวยวาย”

“ทำการบ้านเสร็จแล้วเรอะ ถึงมาคุยกับข้าได้” แม่น้อยเหล่มาบอกแล้วก็รีบดูทีวีต่อ

“เสร็จแล้วสิจ๊ะ ถึงมาคุยกับแม่ได้...เอ่อนี่แม่”

“อะไรวะ”

“แม่รู้สึกอะไรบ้างมั้ย”

“รู้สึกอะไร พูดมาให้ครบๆ ให้จบทีเดียว อย่ามายึกยักได้มั้ย” แม่น้อยพูด ทีวีก็อยากดู หูก็อยากฟัง ปากก็อยากพูด ลำบากแท้หนอชีวิต

“แม่ว่าที่พี่ปรานต์เขามาบ้านเราบ่อยๆ เขาตั้งใจมาใคร”

“อะไร เขาก็ตั้งใจมาหาข้าสิวะ” แม่น้อยอวดตัวเอง

“แม่..ฉันไม่อยากว่าให้แม่เจ็บช้ำหรอกนะ แต่แม่แก่แล้ว พี่ปรานต์เขาไม่น่าจะมาจีบแม่”

“คิดบาปนะเอ็ง ข้าหมายถึงเขาก็คงคิดถึงแม่เขา ก็อาจจะเห็นข้าเป็นเหมือนแม่เขาล่ะมั้ง” แม่น้อยอธิบาย

“ฉันว่าพี่ปรานต์มาหาพี่น้ำ” น้ำฝนเบาเสียงกระซิบกระซาบบอกมารดา

“ไฮ้ จะมาหาไอ้น้ำมันทำไมวะ” แม่น้อยโบกมือปัดไปมาเชิงว่าน้ำฝนพูดจาไร้สาระ

“ก็นั่นไงแม่ แล้วพี่ปรานต์เขาจะมาพี่น้ำทำไม ถ้าไม่ใช่ว่าชอบ...” น้ำฝนทวนย้ำ

“หยุดเลยไอ้ฝน เอ็งกำลังคิดไม่ดีกับผู้กอง แล้วคนที่เอ็งคิดอีกคนน่ะพี่ชายเอ็งนะโว้ย” แม่น้อยห้ามความคิดของลูกสาว

“ฉันรู้จ้ะ แต่แม่...ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ใส่ร้ายหรืออยากคิดอกุศล แค่อยากให้แม่ลองสังเกตดูบ้าง ฉันก็แค่สงสัยของฉันเท่านั้นเอง ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่เท่านั้นเอง”

“ข้าไม่เชื่อ พี่ชายเอ็งเคยบอกว่ามีงานที่ผู้กองมอบหมายให้มันทำ ถ้าผู้กองจะมาหาไอ้น้ำมันก็เพราะเรื่องงานล่ะว้า”

“ฉันว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น”

“ทำไมเอ็งไม่คิดว่าที่ผู้กองเขามา จริงๆ แล้วเขาอาจจะสนใจเอ็งบ้างล่ะวะ” แม่น้อยถาม ถ้าผู้กองมารักมาชอบกับบุตรสาวของตัวเองคงจะดีไม่น้อย

“เป็นไปไม่ได้เลยจ้ะ ฉันเจอพี่ปรานต์นับครั้งได้ แล้วทุกครั้งที่เจอเขา พี่น้ำอยู่ด้วยตลอด” น้ำฝนแย้ง

“ก็...อืม” แม่น้อยหมดคำจะโต้แย้ง แต่เธอก็ไม่ปักใจเชื่อหรอก

“บ่ายสี่แล้ว ข้าไปทำกับข้าวก่อนดีกว่า ไอ้น้ำกลับมาจะได้มีของอร่อยๆ กิน” แม่น้อยตั้งใจเปลี่ยนเรื่องหนี น้ำฝนทำได้แต่ยิ้ม แม่ของเธอดูปากร้ายกับลูกๆ แต่แท้จริงแล้วนึกถึงลูกทั้งสองคนก่อนเสมอ

“บ่ายสี่แล้วจริงด้วยอะแม่ ปกติพี่น้ำน่าจะถึงบ้านเที่ยงๆ นะ ทำไมช้าจัง”

“เอ ทำไมถึงช้าแบบนี้ โทรถามมันดีมั้ย” แม่น้อยพูดเป็นกังวล วกกลับมาเรื่อแรกที่คุยกัน

“งั้นเดี๋ยวฉันไปหยิบโทรศัพท์ก่อน” จังหวะที่น้ำฝนลุกขึ้นจะไปหยิบโทรศัพท์ในห้องนอน เธอก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาพอดี

“ใครมาล่ะเนี่ย..น้ำฝน เอ็งออกไปดูหน่อย” ร่างที่กำลังก้าวเดินของบุตรสาว ชะงักหยุดลงเปลี่ยนทิศทางไปที่ชานหน้าบ้านเสียก่อน

“จ้ะ”

“ขอบคุณนะผู้กองที่มาส่ง” ไอ้น้ำเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย เตรียมตัวจะลงจากรถ

“ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องมาอยู่แล้ว” ผู้กองตอบพลางเปิดประตูรถทางฝั่งตนเองเหมือนกัน

“ไม่ต้องลงก็ได้ครับ แม่ไม่ว่าอะไรหรอก” น้ำเข้าใจว่าผู้กองตั้งใจจะขึ้นไปทักทายมารดาของตน จึงเอ่ยห้ามอีกฝ่ายเอาไว้เพราะอยากให้ผู้กองได้พักผ่อน

“...” ผู้กองไม่ตอบ เขาก้าวลงมาแล้วเดินอ้อมมายังด้านหลังรถก่อนจะเปิดประตูแล้วหยิบเป้ของน้ำส่งให้

“ขอบคุณครับ จริงๆ แล้วผมหยิบเองก็ได้” น้ำบอกเพราะไม่จำเป็นเลยที่ผู้กองจะต้องมาทำอะไรให้แบบนี้ เขาหยิบเองได้สบายๆ อยู่แล้ว

“ฉันอยากทำให้”

“เอ่อ...ครับ” ได้ยินคำตอบแบบนั้น ไอ้น้ำก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน ใบหน้าซับสีเรื่อจางๆ ด้วยความเขินอายที่ได้รับการดูแลจากอีกฝ่าย

“ขึ้นบ้านดีๆ ล่ะ ฉันกลับก่อน” ผู้กองหนุ่มยกมือลูบศีรษะของคนที่ยังถืออุ้มเป้นั้นเอาไว้แน่น

“ผู้กองก็เหมือนกัน ขับรถดีๆ ล่ะ” น้ำตอบ อีกฝ่ายขับรถมาตลอดทาง พาเขาแวะนั่นแวะนี่หลายที่ คงจะอ่อนเพลียพอสมควร

“แค่นี้ก็..หายเหนื่อยแล้ว” ผู้กองตอบ ยิ้มให้ไอ้น้ำจนตัวเองรู้สึกว่ากำลังตกลงไปในหลุมที่ลึกกว่าเดิมอีก

“ค..ครับ ขอบคุณครับ”

“ฉันไปล่ะ” ผู้กองบอกลาเป็นครั้งที่สอง

“จะไปก็ขึ้นรถสิครับ” ไอ้น้ำบอกเจ้าของรถ เขาคิดว่าถ้ายังยืนพูดตอบกันไปมาอยู่แบบนี้ วันนี้ผู้กองคงไม่ได้กลับบ้านพักแน่ๆ

“ตกลง” ผู้กองบอกก่อนจะกลับไปขึ้นรถ น้ำเห็นแบบนั้นก็หันหลังกลับเพื่อขึ้นบ้าน


ใบหน้าของเขา มันหยุดยิ้มไม่ได้เลย บ้าจริง! หยุดยิ้มไม่ได้จริงๆ  น้ำตลกตัวเองที่เขากำลังทำตัวเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นที่ไม่เคยมีความรัก สาวแตกเลยเว้ย โอ๊ย หมดกัน มาดแมนของเขา


ขาที่กำลังเดินขึ้นบันได เตรียมจะก้าวเข้าไปในบ้านต้องหยุดชะงักลง เมื่อเห็นน้องสาวยืนนิ่งอยู่ตรงประตูทางขึ้นบ้าน เขารีบปรับสีหน้า เอ่ยถามน้องสาวเสียงขรึม

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ยายฝน”

“แม่ให้ฉันมาดูว่าใครมา”

“อ่อ.. ผู้กองมาส่ง” น้ำตอบทำใจดีสู้เสือ  ไม่รู้ว่าน้ำฝนเห็นแค่ไหน

“มาด้วยกันได้ไงอะ” น้องสาวที่เคารพเริ่มทำการซักถาม

“บังเอิญเจอกันที่กรุงเทพฯ” น้ำตอบไปตามความจริง

“กรุงเทพฯ นี่มันแคยจังเลยอะ เจอกันง๊ายง่าย”

“บังเอิญจริงๆ ไม่เชื่อเหรอ” น้ำตอบมองน้ำฝนนิ่งๆ

“ไม่ต้องทำเป็นเคร่งขรึมหรอก เชื่อก็ได้”

“อืม ผู้กองก็จะกลับมาทำงานต่อ ก็เลยอาสามาส่งพี่ด้วย” น้ำอธิบายต่อ

“ก็ไม่แปลกใจหรอก คงสนิทกันพอควรแหละ ไม่งั้นคงไม่กล้าเล่นหัวพี่น้ำหรอก จริงมั้ย” น้ำฝนพูดอย่างเป็นต่อ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ไอ้น้ำกำลังกลัวนั้น ถูกน้องสาวเห็นเข้าเสียแล้ว

“น้ำฝน..เอ็งตั้งใจจะพูดอะไร” น้ำถามเสียงเข้มไปอีกเพราะตั้งใจให้น้องเกรงกลัวตัวเองบ้าง แต่ไอ้น้ำคงลืมไปว่า น้ำฝนมันก็รู้เช่นเห็นชาติพี่ชายคนนี้ดี

“ฉันไม่บอกแม่หรอก แต่อย่าให้แม่เห็นล่ะ ไม่งั้นพี่น้ำกับพี่ปรานต์คงลำบาก”

“พูดอะไรของเอ็ง ข้ากับผู้กองไม่มีอะไรกัน”

“อย่างนั้นเหรอออออ” น้ำฝนย้อนถามเสียงยานคาง จ้างให้ก็ไม่เชื่อ

“ก็จริง ไม่ได้คบกันสักหน่อย”

“ชอบผู้กองเหรอ” น้ำฝนถาม

“คิดว่าไงล่ะ”

“คิดว่า..พี่ก็คงชอบพี่ปรานต์แหละ ไม่งั้นจะเขิน เดินตัวแทบม้วนแบบนี้เหรอ”

“อะไรน้ำฝน เดินตัวแทบม้วนอะไร ไม่มี” ไอ้น้ำปฏิเสธเสียงแข็ง

“ช่างเถอะ นึกว่าจะได้พี่สะใภ้ สุดท้ายก็ได้พี่เขยมาแทนซะงั้น” น้ำฝนยักไหล่ ราวกับผิดหวังในตัวไอ้น้ำมาก

“พี่สะใภ้สิวะ ยังไงก็พี่สะใภ้” น้ำบอกน้องสาวด้วยความมั่นใจ

“พี่น้ำ ที่พูดออกมาเนี่ยไม่รู้ตัวเองจริงๆ เหรอ” น้ำฝนถามกลับพลางส่ายหน้าในความคิดของพี่ชาย

“...”

“ตกลงว่าใครมาหรือเปล่า น้ำฝน ออกไปดูนานจริง” เสียงแม่น้อยตะโกนถามออกมาจากในครัว

“พี่น้ำจ้ะ พี่น้ำมา” น้ำฝนตะโกนตอบกลับไป

“แม่... ฉันกลับมาแล้ว” ไอ้น้ำจึงตะโกนกลับไปให้แม่น้อยรับรู้เป็นการยืนยันตัวตน

“เออ มาถึงแล้วเรอะ โล่งอกไปที” แม่น้อยพูดจบก็ได้ยินเสียงเคาะตะหลิวกับกระทะดังลั่นครัว

“ฉันเตือนพี่แล้วนะ เรื่องพี่กับพี่ปรานต์ ลองเก็บไปคิดดูดีๆ ล่ะ” น้ำฝนพูดทิ้งท้ายแล้วเดินกลับไปดูทีวี


ทิ้งไอ้น้ำให้เอาคำพูดของน้องสาวมาคิด แค่สองสามวันกลับมีทั้งพี่บาสและน้ำฝนมาเตือนเขา ทั้งคู่ต่างพูดด้วยความหวังดีทั้งนั้น


แล้วแม่ล่ะ จะเข้าใจเขาหรือเปล่า


==========================================

ฉายแววคนกลัวสามีออกมาชัดเจนเลยไอ้น้ำ อะไรนะ!? ไม่ใช่เหรอ ท่ดดดดด ท่ดดดด ต้อง ภรรเมีย สินะ

ทำตามกฎสี่ข้อให้มั่นแล้วชีวิตคุณจะปลอดภัย ไอ้น้ำได้กล่าวไว้ (มั้ง)

----

ขอบคุณทุกการอ่านและคอมเมนท์มากๆ ค่ะ เป็นกำลังใจสุดๆ เลย
คอมเมนท์ได้เต็มที่เล้ย ชอบอ่านอยู่แล้วค่ะ  :hao6:

ติด Tag พูดคุยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสาม ความแตก P6 05/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-06-2018 12:25:40
คนดีดีก็เหมาะกัน
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสาม ความแตก P6 05/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-06-2018 13:02:54
น้องน้ำยังไม่รู้ตัวอีก แน่ใจเหรอที่จะไปปล้ำผู้กองร่างยักษ์ได้
ขนาดน้ำฝนยังเห็นแววแล้ว กลับความคิดใหม่ได้นะน้ำ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสาม ความแตก P6 05/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 05-06-2018 15:36:27
น้องน้ำกับพี่ปรานต์ กระดูกมันคนละเบอร์กันนะ  :mew5:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสาม ความแตก P6 05/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-06-2018 17:15:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสาม ความแตก P6 05/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 05-06-2018 18:45:19
แค่จีบกะมีกฎซะแล้ววว
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสาม ความแตก P6 05/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 05-06-2018 20:30:25
น้องน้ำมาแล้ว คิดถึงจัง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสาม ความแตก P6 05/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-06-2018 23:10:50
โถ่น้ำ เรื่องจีบไม่ต้องไปกังวลเดี๋ยวผู้กองเขาจัดการเอง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสาม ความแตก P6 05/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-06-2018 00:39:57
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสาม ความแตก P6 05/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2018 01:19:16
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสาม ความแตก P6 05/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 08-06-2018 10:48:40



งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน



            “หวัดดีจ้ะแม่ ทำอะไรอะ หอมเชียว” น้ำเข้าไปสวัสดีแม่น้อยในครัว พลางหยิกเอวเป็นการหยอกเอินมารดาเล่นอีกด้วย

            “ไข่ชะอม หมูทอด เห็นวันก่อนเอ็งบ่นอยากกิน ไม่รู้ตอนนี้ยังอยากกินอยู่มั้ย อาหารที่เมืองกรุงมีแต่ของอร่อยๆ” แม่น้อยพูด ทำไมไอ้น้ำจะไม่เข้าใจความหมาย

            “อาหารที่ไหนก็สู้ฝีมือแม่น้อยของฉันไม่ได้เลย ไม่ได้เลย ไม่ได้เลยเจ้าค่ะ” น้ำล้อเลียนละครที่แม่น้อยติดงอมแงมอยู่ตอนนี้

            “มาทำปากหวานใส่ข้า นี่ข้าไม่ใช่สาวๆ ของเอ็งนะเว้ย”

            “ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ คนนี้อะ สวยที่สุดในบ้านแล้ว” น้ำยังไม่หยุดเย้ามารดาให้เขินอายต่อ

            “พอๆ ไม่ต้องทำเป็นประจบเอาใจ แล้วนี่ทำไมมาเสียเย็น เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

            “เปล่าจ้ะ พอดีฉันเจอผู้กองโดยบังเอิญที่กรุงเทพฯ เขากำลังจะกลับมาหมู่บ้านเราเหมือนกัน เลยรอมาพร้อมกัน” ไอ้น้ำตอบมารดา โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่ามือที่กำลังจับตะหลิวพลิกหมูไปมาอยู่นั้นมันชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง ชั่วครู่เดียวจริงๆ

            “เหรอ แล้วทำไมไม่ชวนผู้กองขึ้นมาทานข้าวด้วยกัน”

            “อย่าเลยแม่ ผู้กองขับรถมาเหนื่อยๆ คงอยากพัก ฉันเกรงใจ”

            “เกรงใจอะไร เขาอุตส่าห์ขับรถมาส่งเรา วันหลังเอ็งก็อย่าลืมชวนผู้กองเขามาทานข้าวที่บ้านเราล่ะ ข้ามีเรื่องอยากคุยด้วย” ไอ้น้ำสบตากับน้ำฝนที่เดินมาเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่มพอดี สองพี่น้องพากันนิ่ง น้ำฝนส่ายหน้าว่าตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเลย

            “แม่อยากคุยกับผู้กองเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ”

            “ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญอะไร แค่อยากขอบคุณที่มาส่งเอ็งเฉยๆ พวกเอ็งเป็นอะไรกันไปวะ ยื่นทื่อเชียว” แม่น้อยถามพลางมองหน้าบุตรสาวบุตรชายของตน

            “เปล่าจ้ะ” สองพี่น้องตอบพร้อมกัน น้ำฝนรีบหยิบแก้วมาเทน้ำแล้วยกดื่มทันที อารามที่ทำด้วยความรวดเร็วจึงสำลักน้ำขึ้นมา

            “แค่ก แค่ก”

            “เอ้า รีบดื่มเร็วอะไรอย่างนั้น ไม่รู้จักระวังเลยนะ ยายฝน” แม่น้อยบ่นไปเรื่อย มือข้างที่ว่างก็หยิบจานเปล่าขึ้นมาแล้วตักหมูลงไปในนั้น

            “ฉันช่วยจ้ะ” ไอ้น้ำกระวีกระวาดเข้าไปรับของโปรดจากมือแม่น้อย แล้วไปวางบนโต๊ะอาหารให้ อย่างรู้หน้าที่

            “วางเสร็จแล้วก็เข้าไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า จะอาบน้ำอาบท่าอะไรก็ไปทำก่อนเถอะ มาเหนื่อยๆ คงเหนียวตัว” แม่น้อยบอก ไอ้น้ำรีบเข้าไปกอดเอวแม่น้อยทีหนึ่งแล้วก็ผละไป

            “ยายฝน” น้ำฝนที่กำลังจะเดินออกไปเช่นกันต้องหยุดชะงักตามเสียงเรียกของมารดา

            “จ้ะ แม่” หญิงสาวรับเสียงอ่อย พอจะเดาได้ว่างานต้องเข้าตัวเองแน่

            “พี่ชายเอ็งเขากลับมากับผู้กองจริงใช่มั้ย” แม่น้อยถาม

            “ใช่จ้ะ”

            “สองคน?”

            “สองคนจ้ะ แม่อย่าไปสนใจที่ฉันพูดก่อนหน้านี้เลยนะ ฉันก็แค่ปากพล่อยไปเรื่อย” น้ำฝนรีบแก้ตัว ยังไงเธอก็เป็นห่วงพี่ชาย

            “ข้ายังไม่ได้ว่าอะไร แค่ถามเอ็งเฉยๆ ทำไมต้องลุกลี้ลุกลนด้วย”

            “ก็ฉันกลัวแม่จะว่าฉันว่าคิดอะไรไร้สาระอีก” น้ำฝนหาคำตอบมาอธิบายให้มารดาฟังอย่างรวดเร็ว

            “ยกแกงส้มออกไป เดี๋ยวพี่เอ็งอาบน้ำเสร็จแล้วจะได้กินข้าว” แม่น้อยเปลี่ยนเรื่องใหม่ ทำให้น้ำฝนโล่งใจขึ้นมาก

            “จ้ะ แม่”



            .
            .
“เออ..ยายฝน ตกลงเรื่องคณะ เลือกได้ยังอะ” น้ำถามระหว่างที่สมาชิกในครอบครัวกำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน เพราะระหว่างที่เขาอาบน้ำ เขาก็เพิ่งนึกได้ว่านี่มันเข้าเทอมสอง เทอมสุดท้ายของชีวิตการเรียนมัธยมปลายของน้ำฝนแล้วนี่นา

            “อือ ได้แล้ว ตกลงฉันจะเรียนเภสัชฯ”

            “แล้วพยาบาลอะ ไม่อยากเป็นแล้ว?” น้ำถาม ตักชะอมไข่แล้วตามด้วยน้ำแกงส้มอีกนิด เข้าปากไปอีกคำ อร่อยจัง ฝีมือแม่

            “ไม่แล้ว ก็ตอนที่แม่ป่วย แล้วฉันไปเฝ้าแม่ที่โรง’บาล ใช่ปะ งานโคตรหนักเลยพี่ ไม่เอาอะ เหนื่อยไป ตายแน่”

            “อะไรของเอ็ง ยายฝน หนักไม่เอา เบาไม่สู้แบบนี้ แล้วจะไปทำมาหากินอะไรไหว” แม่น้อยสอนเตือนสติบุตรสาวคนเล็ก

            “โธ่ แม่ก็เห็นว่าฉันไม่ได้ขี้เกียจ งานในสวนฉันก็ไม่ยั่นหรอก แต่ในเมื่อตอนนี้ยังเลือกได้ แล้วทำไมฉันต้องเลือกงานหนักแบบนั้นไปทั้งชีวิตด้วยล่ะ จริงมั้ย”

            “เอ็งจะคิดแบบนี้ก็ไม่ค่อยถูก ถ้าใครๆ ก็คิดแบบเอ็ง แล้วใครล่ะจะอยากเป็นหมอ เป็นพยาบาล” น้ำเตือนน้องสาวอีกทาง

            “ไม่ใช่อย่างนั้นพี่น้ำ คือฉันไม่ได้ชอบอาชีพพยาบาลสักเท่าไหร่ ถ้าฉันชอบ งานหนักแค่ไหนฉันก็ไม่เกี่ยง”

            “แล้วเภสัชล่ะ ที่จะเรียนนี่ชอบหรือไม่ชอบ?” น้ำถามกลับ สรุปน้องสาวเขาเรียนเพราะอะไรกันแน่

            “เภสัชอะไรที่พวกเอ็งคุยกันนี่มันคืออะไร หา น้ำฝน ใช่ที่เป็นคนขายยา อย่างที่ไอ้น้ำเคยพูดหรือเปล่าวะ” แม่น้อยถาม นางกำลังงงกับสิ่งที่น้ำฝนเลือกเรียนเต็มที

            “ใช่จ้ะ แม่” น้ำตอบแทนน้องสาว

            “อ๋อ... เอ็งชอบอาชีพนี้รึ” แม่น้อยถามย้ำเหมือนไอ้น้ำ

            “เอาจริงๆ นะแม่..พี่น้ำ” น้ำฝนทำเสียงหนักใจก่อนจะพูดต่อ “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าฉันชอบอะไรจ้ะ”

            “ปัญหาเด็กไทย” น้ำบ่นเบาๆ ทำไมเขาจะไม่เข้าใจเพราะตัวเขาเองก็ผ่านมันมาแล้วเหมือนกัน

            “ที่โรงเรียนมีไปค่ายอะไรแบบนี้บ้างมั้ย” น้ำถาม เพราะถ้าไม่ได้ลองหรือไปคลุกคลีเลย จะไม่มีวันรู้เลยว่าเราชอบมันหรือเปล่า

            “มี แต่มันเป็นค่ายแบบวิทยาศาสตร์​ ค่ายโปรแกรมเมอร์ ค่ายสถาปัตย์ฯ ฉันไปดูๆ แล้ว ไม่ชอบ”

            “เอ็งไม่ชอบคำนวณและศิลปะ?”

            “ฉันไม่ชอบคำนวณสุดๆ อะ แล้วพี่กับแม่ก็คงเห็นฝีมือวาดรูปของฉันแล้ว” น้ำฝนไม่อยากจะอวด ฝีมือวาดรูปของเธอเข้าขั้นติดลบเลยทีเดียว วาดรูปเสร็จ ยังต้องเขียนชื่อบอกเป็นการกำกับว่าเธอวาดอะไรออกมา

            “เออ เลี่ยงไปเลย” น้ำสนับสนุนเห็นด้วย น้ำฝนควรห่างไกลคำว่าศิลปะทุกแขนงให้มากที่สุด

            “ทีนี้มันก็จะเหลือไม่กี่อย่าง แต่ฉันชอบท่องจำ”

            “อืม พอเข้าใจละ” น้ำหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรบางอย่างลงไป แม่น้อยกับน้ำฝนได้แต่นั่งกินข้าวเงียบๆ ไม่กล้ารบกวนพี่ชาย

            “เจอละ นี่ไง มันมีพวกค่ายเกี่ยวกับเภสัชฯ หมอยาเนี่ยอยู่หลายที่เลย เดี๋ยวข้าส่งลิงค์พวกนี้ให้เอ็งนะยายฝน แล้วก็เลือกมาว่าจะไปค่ายไหน จะได้เตรียมตัวสมัคร”

            “แม่จ๊ะ...ค่ายพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งนั้น แม่จะว่าอะไรมั้ย ถ้าฉันก็อยากให้ยายฝนมันเรียนที่นั่นเหมือนฉัน” น้ำเริ่มเรื่องที่เคยคุยค้างไว้กับแม่เมื่อหลายเดือนก่อน

            “เอ็งคุยกันถึงขนาดนี้ ยังจะถามข้าอีกหรือไง” แม่น้อยค้อนวงใหญ่

            “ก็ฉันเป็นห่วงน้องนี่นา” น้ำอ้อนมารดา

            “เอาๆ อยากเรียนอะไรที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น มีข้อแม้อย่างเดียว ข้าไม่ไว้ใจให้น้องอยู่ที่กรุงเทพฯ คนเดียวตามลำพัง”

            “จ้ะ แม่ ถ้าถึงตอนนั้น ยายฝนมันสอบติด ฉันจะไปอยู่ที่นั่นเป็นเพื่อนมันเอง”

            “ไปอยู่เป็นเพื่อนมันเฉยๆ ไม่ได้ ต้องทำงานด้วย”

            “จ้ะ แม่” น้ำรับคำเสียงอ่อย

            “ถ้างั้นข้าก็ตกลง”

            “เย่!!  ขอบคุณนะจ๊ะแม่ ขอบคุณนะพี่น้ำ” คนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดในเหตุการณ์นี้คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากลูกสาวคนเล็กของบ้านนี้ เพราะไอ้น้ำบัดนี้ทำหน้าทำตาละห้อยด้วยที่ต้องกลับไปหางานทำอีกแล้ว

            “เออ ไม่เป็นไร” น้ำตอบเซ็งๆ

            น้ำฝน ครั้งนี้เอ็งติดหนี้บุญคุณข้าเหมือนกันนะเว้ย ถ้าวันหน้าข้ามีปัญหาเอ็งก็ต้องช่วยเหลือด้วยล่ะ
 
แล้วเพลงพี่ชายที่แสนดี ก็ลอยแว่วเข้ามาในหูของไอ้น้ำในบัดดล

“ผู้กองนอนหรือยัง”น้ำทักผู้กองไปในแอพลิเคชั่นสีเขียว ตอนที่เขาเตรียมตัวจะเข้านอนแล้ว ส่งข้อความไปไม่นาน บนหน้าจอเขาก็แสดงผลว่าอีกฝ่ายได้อ่านข้อความเขาแล้ว

“ยัง นายก็ยังไม่นอนเหมือนกันหรือ”

“อืม แต่กำลังจะนอนแล้วล่ะ”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“วันนี้แม่บ่น นิดหน่อยที่ไม่ชวนผู้กองมากินข้าวด้วย”น้ำตอบกลับไป พลางคิดว่าจริงๆ แล้วมันก็ไม่มีเรื่องคุยขนาดนั้นหรอก แต่ของแบบนี้มันต้องเดินหน้าใช่ปะ ปล่อยไว้เฉยๆ คงยากที่จะได้อีกฝ่ายมา

“อ่อ..เรื่องนั้น เดี๋ยววันหลังฉันจะไปกินแน่นอน บอกแม่น้อยไม่ต้องห่วงหรอก”

“แล้วจะบอกให้ นอนแล้วนะ”น้ำบอก อยากคุยต่อแต่มันไม่มีเรื่องคุยไง เวลาคนเขาจีบกัน มันทำยังไงวะ
           
              “ครับ ฝันดี”
         
               “ฝันดีผู้กอง”น้ำตอบกลับอย่างรวดเร็ว น้ำวางโทรศัพท์ลงไว้ข้างเตียง คว้าหมอนข้างมากอดเหมือนเช่นเคย น่าแปลกที่เขากลับตาสว่างทั้งที่ควรจะง่วงได้แล้ว
           

               นอนไม่หลับ


            น้ำพลิกตัวไปมารอบเตียง ย้ายตัวไปนอนแทบจะทุกมุมของเตียงแล้ว แต่มันก็ไม่หลับ ทำยังไงดี แค่ผู้กองมานอนด้วยไม่กี่คืนนี่กลายเป็นว่าไม่มีอีกฝ่าย เขาก็นอนไม่หลับไปแล้วได้ยังไง เตียงนอนที่เขาเคยบอกแม่ว่ามันเล็กไป เวลานี้ทำไมมันดูใหญ่เกินไปล่ะ น้ำดึงผมตัวเองด้วยความขัดใจ


เป็นเอามากแล้วนะไอ้น้ำ
       

         กว่าไอ้น้ำจะยอมเยื้องกรายออกจากบ้านในวันต่อมาก็จวนเย็น อีกสองวันจะถึงวันหวยออก แต่พรุ่งนี้เป็นวันเก็บหวย แม่น้อยบ่นว่ายังไม่ได้เลขเด็ดงวดนี้เลย เดือดร้อนบุตรชาย ต้องออกไปตามหาเลขให้มารดาที่รัก นายนทีเดินเท้ามุ่งหน้าเข้าตลาด ด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยม ตลาดสดนี่แหละคือแหล่งรวมความรู้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องของชาวบ้าน หวย ทิศทางการเงินต่างๆ หรือแม้แต่ข่าวที่ออกในทีวี เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวก็ครบวงจร ฟูลเซอร์วิส

            “อ้าว ไอ้น้ำ กลับมาแล้วเรอะ” เสียงป้าแช่มตะโกนทักดังขึ้น เมื่อเห็นไอ้น้ำย่างเท้าเข้ามาในตลาด

            “จ้ะ กลับมาเมื่อวาน”

            “แหม โชคเป็นของพวกเราแล้วนางสาย นางเล็ก”

            “อะไรเหรอป้า” น้ำสงสัยในคำพูดของป้าแช่ม

            “ก็เอ็งกลับมาทันวันส่งหวยพรุ่งนี้ เดี๋ยวค่ำๆ ไปหาเลขเด็ดด้วยกันไง”

            “ป้าๆ ยังไม่ได้เลขกันเลยเหรอ นี่ฉันกะมาขอจากป้าเลย” น้ำบอกด้วยความผิดหวัง สิ่งที่เขารอคอยนั้นมันกลับล่มสลายอยู่ตรงหน้า

            “ยังเลย หมู่นี้ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย ตั้งใจจะเข้าไปขูดต้นไม้ในวัด หลวงพ่อก็ขอนิมนต์อีก ครั้นพอจะขอดูขันน้ำมนต์ท่าน ท่านก็ไม่ให้ บอกว่าอย่างมงายกับสิ่งพวกนี้ เฮ้อ พวกข้าหมดทางไปแล้วล่ะว่ะ” นางเล็กบอกเสียงเศร้า ทำท่าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

            “ป้าเล็กใจเย็นๆ ไม่ต้องร้องไห้นะจ๊ะ แล้วที่จะไปกันค่ำนี้ จะไปที่ไหนล่ะ ฉันไปด้วยก็ได้จ้ะ” น้ำเสนอตัวเข้าไปช่วยเหลือ

            “แม่ตะเคียน” นางสายกระซิบบอกเสียงเบา น้ำอยากจะถอนคำพูดเสียเดี๋ยวนั้น ไม่น่าพลาดหลงกลป้าๆ เลยไอ้น้ำ


            “แม่..ตะ..เคียน..เหรอ..จ๊ะ” น้ำพูดออกมาทีละคำเป็นการเน้นย้ำ


            “เออ รับปากข้าแล้วต้องไปนะเว้ย” ป้าแช่มได้ทีตะโกนพูดเสียงดัง คนในตลาดได้ยินกันทั่ว จบกันกลับคำไม่ทันแล้ว

            “จ้ะ” น้ำรับปากไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ ปากพาซวยจริงๆ นะเอ็ง

            “อ้าว นางสอน ลุกไหวแล้วเหรอ ได้ยินว่าไม่ค่อยสบาย” เป็นป้าแช่มเจ้าเดิม ที่ตะโกนถามคนมาใหม่


            น้ำอยากรู้ อยากจะขอถามสักหน่อย  ป้าแช่มเคยเจ็บคอบ้างมั้ย


            “เออ ดีขึ้นแล้ว” ได้ยินเสียงตอบไม่ดังนักกลับมา น้ำเลยหันไปตามเสียงก็เห็นใบหน้าอิดโรย ติดจะซีดด้วยซ้ำ เดินเข้ามาใกล้ๆ อย่างช้าๆ

            “ป้าสอน ป้าไม่เป็นไรใช่มั้ย มาจ้ะ ให้ฉันช่วยถือของดีกว่า ป้าดูเหนื่อยๆ เพลียๆ” ไอ้น้ำรีบปรี่เข้าไปช่วยเหลือ พลางฉวยถุงในมือมาถือไว้เสียเองและจังหวะที่เขาจับแขนของป้าเพื่อประคองแต่กลับถูกป้าสอนสะบัดทิ้งราวกับถูกของร้อน

            “ไม่เป็นไรๆ ป้าเดินไหว” ป้าสอนหน้าเจื่อนด้วยความไม่ตั้งใจ

            “ถ้างั้น เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้านนะป้า” น้ำเก็บอาการที่ตกใจนั้นไว้แล้วรีบบอกอย่างมีน้ำใจ

            “อืม ขอบใจ”

            “ฉันไปก่อนนะป้าๆ” น้ำบอกลาสามป้าก่อนจะเดินไปขนาบข้างป้าสอน

            “เออ แล้วคืนนี้เจอกัน อย่าเบี้ยวข้าล่ะ” ป้าแช่มไม่ลืมที่จะอาศัยจังหวะนี้ตะโกนทิ้งท้าย

            “ป้าสอนไหวแน่นะ ฉันเป็นห่วง” น้ำบอกคนข้างๆ ป้าสอนดูอิดโรยมากจริงๆ

            “ไหวๆ เอ็งไม่ต้องเป็นห่วง ข้างหน้าก็บ้านข้าแล้ว ขอบใจเอ็งมากนะ ไอ้น้ำ นางน้อยได้ลูกดีๆ อย่างเอ็งก็เหมือนมีบุญไปสิบชาตินั่นล่ะ”

            “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้ะป้า ฉันก็สร้างเรื่องให้แม่ปวดหัวไว้มากเหมือนกัน” น้ำพูดแก้เขิน ถูกชมต่อหน้าแบบนี้ เขาก็ทำตัวไม่ค่อยถูก

            “จำคำข้าไว้นะ จะมีเมียสักคนก็หาที่ดีๆ อย่าให้แม่ต้องเป็นทุกข์เป็นร้อนล่ะ”

            “เอ่อ..จ้ะ” น้ำรับคำอย่างอึ้งๆ ป้าสอนตั้งใจจะบอกอะไรเขา

            “ถึงบ้านข้าแล้ว เอ็งก็กลับบ้านดีๆ ล่ะ”

            “จ้ะ” น้ำยื่นถุงพลาสติกที่ป้าสอนซื้อมาจากตลาดส่งคืนให้ นางรับถุงนั้นไว้แล้วก็หายเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ทิ้งไอ้น้ำให้จมอยู่กับคำพูดนั้นเพียงลำพัง


            ไอ้น้ำเดินออกมาจากบ้านป้าสอน เขายังไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปที่บ้านของตัวเองทันทีกลับเลี้ยวไปอีกทาง ไปบ้านของคน คนหนึ่งที่พักนี้เขาไม่ได้ไปหานานหลายงวด เอ๊ย หลายวันแล้ว

            “หวัดดีจ้ะ เจ๊แสง” ไอ้น้ำยื่นหน้าเข้าไปในบ้านเพื่อทักทายเจ้าของบ้าน

            “อ้าว ไอ้น้ำ หายหัวไปหลายงวดเลยนะเอ็ง เข้ามาก่อนสิ” เจ๊แสงละสายตาจากการคิดบัญชีมามองคนที่ทำหน้าทะเล้นอยู่หน้าประตูบ้าน

            “หลายงวดอะไรกันเล่า แค่สองสามงวดเอง”

“งานยุ่งเหรอวะ”

            “งานที่ไหน ฉันว่างงาน เจ๊ก็รู้  พอดีแม่ไม่ค่อยสบาย แล้วต้องไปทำธุระในกรุงเทพฯ อีก”

            “อย่างนั้นรึ แล้วนี่มาหาข้ามีอะไรล่ะ”

            “เปล่าจ้ะ ก็มาหา คิดถึงเฉยๆ ได้หรือเปล่า” น้ำทอดเสียง หยอดคนแก่เสียงนุ่ม

            “เรอะ เอ็งนี่นะ พูดจาแบบนี้ เดี๋ยวสาวๆ ในหมู่บ้านก็ไปหาที่บ้านจนหัวกระไดไม่แห้งหรอก”

            “นั่นเขาใช้กับผู้หญิงไม่ใช่หรือ ฉันเป็นผู้ชายนะเจ๊”

            “โลกสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเว้ย นี่ข้าเปิดทีวีดูนะ ช่องไรก็ไม่รู้ ยังเห็นเด็กผู้ชายมันจีบกันเองแล้วว่ะ” น้ำสะดุ้ง หรือว่าเจ๊แสงจะรู้ว่าเขาชอบผู้ชาย สายตาของไอ้น้ำเริ่มไม่ไว้ใจคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะ

            “มีด้วยหรือเจ๊” น้ำลองเลียบเรียงถามดู

            “เอ๊า ไปอยู่ที่ไหนมา ทีวีเปิดกันโครมๆ ชวนแม่เอ็งดูสิ ข้าว่ามันก็สนุกดีนะ สมัยข้าไม่ค่อยมีหรอก” เจ๊แสงพูดไปอย่างใจคิด ทำให้ไอ้น้ำโล่งใจขึ้นมาบ้าง

            “ถ้าเปิดให้ดู แม่คงจะด่าฉันเปิงแน่ๆ”

            “บอกแม่เอ็งใจกว้างๆ หน่อย” เจ๊แสงพูดติดตลกก่อนจะคิดบัญชีต่อ ไอ้น้ำนั่งเถลไถลชวนคุยเล่นอยู่สักครู่ก็ขอตัวกลับบ้าน

            “กลับมาแล้วจ้ะ” น้ำบอกเมื่อเท้าข้างขวาก้าวข้ามผ่านธรณีประตูบ้าน

            “มาแล้วเรอะ ได้เลขอะไรมาบ้างมั้ย” แม่น้อยละสายตาจากทีวีมาสนใจบุตรชายทันที

            “ไม่ได้เลยแม่”

            “อะไรอย่างนั้นวะ”

            “ป้าๆ ในตลาดก็ยังไม่มีเลขเหมือนกัน”

            “จะเป็นไปได้ยังไง พวกมันไม่อยากบอกเอ็งมากกว่ามั้ง”

            “ไม่หรอกจ้ะ ยังไม่ได้จริงๆ เพราะค่ำนี้ป้าๆ ชวนฉันให้ไปขูดเลขที่แม่ตะเคียน” น้ำบอกอย่างเซ็งๆ

            “เหรอ เออ เอ็งไปใช่มั้ยวะ”

            “ไม่ไปได้มั้ยแม่”

            “ลูกน้ำของแม่ อยากกินอะไรมื้อนี้ แม่จะไปเตรียมไว้ให้” น้ำเบ้ปากในสรรพนามที่แม่น้อยใช้แทนตัวเองและเรียกตัวเขา

            “ไร้ซึ่งความจริงใจสุดๆ วันนี้แม่ทำกับข้าวไว้หลายอย่างหน่อยละกัน ฉันจะชวนผู้กองมากินข้าวที่บ้านด้วย”

            “ได้เลย ถ้าเป็นความประสงค์ของลูกน้ำแล้ว แม่ก็พร้อมจะยินดีทำให้” น้ำหัวเราะกับคำพูดของแม่น้อยเพราะคำพูดนี้มันอยู่ในละครที่แม่เขาเพิ่งดูเมื่อคืน

            “แม่ติดละครอะ”

            “เอ๊า คนบ้านนอกดึกดื่นจะให้ทำไร ก็ต้องดูละครสิวะ”

            “จ้ะ เดี๋ยวฉันเข้าไปในห้องก่อนแล้วกัน แม่อย่าลืมของโปรดฉันนะ”

            “เออ กลับมาได้กินแน่นอน”


            “ผู้กอง ยุ่งอยู่หรือเปล่า”น้ำทักอีกฝ่ายด้วยแอพลิเคชั่นตัวเดิม ครั้งนี้ผู้กองไม่ได้อ่านอย่างรวดเร็วเหมือนเมื่อคืน


ไอ้น้ำยังคงคอนเซ็ปต์จีบไม่เป็น แต่ก๊อปปี้เป็น เขาเลยก๊อปปี้พฤติกรรมของเจนที่เคยใช้กับเขามาก่อน และหวังว่ามันน่าจะช่วยได้ ในเมื่อเจนยังเคยทำให้เขาชอบเจนได้เลย ผู้กองก็น่าจะชอบเขาก็ได้...มั้ง


            น้ำเริ่มร้อนรน ยังไงดีล่ะ ไม่มีปฏิกิริยาจากข้อความพวกนั้นเลย เพราะตอนนี้ใกล้จะหกโมงแล้วผู้กองยังไม่อ่านข้อความเลย ไอ้น้ำคว้าผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำเหมือนเคย คืนนี้กลัวผีจะได้ไม่ต้องอาบอีกรอบ หวังว่าอาบน้ำเสร็จผู้กองจะตอบข้อความเขานะ


            แล้ว...สรุปว่า อาบน้ำเสร็จก็แล้ว ปะแป้งหน้าขาวตัวหอมก็แล้ว ผู้กองก็ยังไม่อ่านข้อความเขาเลย สงสัยเขาจะต้องไปถิ่นของแม่ตะเคียนเพียงลำพัง เอาวะ อย่างน้อยขากลับก็กลับพร้อมป้าๆ ก็คงพอไหวอยู่ล่ะมั้ง

            “จะไปแล้วเหรอ” แม่น้อยถามขึ้น เมื่อเห็นบุตรชายเปิดประตูห้องนอนออกมา

            “จ้ะ แม่ เดี๋ยวป้าๆ เขารอนาน บ่นหูชาอีก”

            “ดีแล้ว ให้ผู้ใหญ่คอยนานๆ ไม่ดีหรอก” ทำไมน้ำรับรู้และสัมผัสได้ว่า แม่ไม่ได้ห่วงเรื่องมารยาทที่ว่าอะไรนั่นเลย แต่ห่วงตัวเลขเพื่อชีวิตวันพรุ่งนี้มากกว่า

            “ฉันไปนะ”

            “ไปดีมาดี” แม่น้อยอวยพรส่งท้าย ไอ้น้ำได้แต่ทอดถอนหายใจลงเดินบันไดบ้านไป


            น้ำเดินทอดน่อง ไม่อยากไปเป็นที่สุด ยิ่งคราวนี้เดินคนเดียว ขนก็ลุกซู่โดยไม่ตั้งใจอยู่ตลอดเวลา แต่ระยะทางมันไม่ได้ยาวไกลจนเกินไปนัก ในที่สุดอีกไม่ถึงห้าสิบเมตร เขาก็จะเดินมาถึงที่หมาย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกทีว่าผู้กองอ่านข้อความหรือยัง



            คำตอบคือ...ยัง



            ไอ้น้ำกำลังจะเอาโทรศัพท์ใส่คืนลงไปในกระเป๋ากางเกง แต่มันกลับสั่นและส่งเสียงขึ้นมาเสียก่อน เป็นสัญญาณว่ามีสายเข้ามา อารามไม่ตั้งตัว เขารีบกดรับโดยไม่ได้ดูเบอร์ของปลายสาย

            “ครับ” ไอ้น้ำกรอกเสียงลงไป         

            “น้ำ ฉันเอง ปรานต์”

            “ผู้กอง!” น้ำเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างปิดเอาไว้ไม่อยู่

            “ดูนายจะดีใจที่ฉันโทรมา”

            “แน่ล่ะ”

            “ฉันเห็นข้อความของนายโชว์อยู่หน้าจอแต่ยังไม่มีโอกาสตอบ ขอโทษที วันนี้มีเรื่องยุ่งหลายอย่าง เลยคิดว่าโทรมาน่าจะง่ายกว่า”

            “ไม่เป็นไรผู้กอง คือผู้กองเคยบอกใช่มั้ยว่าถ้ามีอะไรให้บอกอย่าโกหก”

            “อืม มีอะไร”

            “คือวันนี้ผมถูกป้าๆ ขอร้องให้มาตรงท่าน้ำอีกแล้ว”

            “เข้าใจละ กลัวใช่มั้ย” สมเป็นผู้กอง เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

            “ครับ”

            “อีกสักชั่วโมง พอทนไหวมั้ย เดี๋ยวฉันไปรับ” ผู้กองยื่นความช่วยเหลือให้

            “แต่ถ้าผู้กองยุ่งอยู่ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวผมกลับพร้อมป้าๆ ก็ได้” เขาเริ่มเกรงใจเพราะผู้กองอยู่แต่แรกว่าวันนี้งานยุ่งมาก

            “อีกสักชั่วโมงเจอกัน แต่ถ้าเสร็จก่อนจะกลับพร้อมพวกป้าเขา ก็ส่งข้อความมาบอกฉันด้วยแล้วกัน”

            “ครับ”

            “ไม่ต้องกลัว...เดี๋ยวฉันไปรับ” ผู้กองปลอบใจไอ้น้ำทิ้งท้ายก่อนจะวางสายลง


            คำพูดของผู้กองมันกำลังทำให้ภูมิต้านทานความรู้สึกชอบมันเกินลิมิตไปไม่ไหวแล้ว ทำไมถึงทำตัวน่ารักแบบนี้
 



==========================================


ขอเบิกตัวผู้กองปรานต์เพิ่มอีก 1 อัตราค่ะ

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน P7 08/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-06-2018 10:54:00
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน P7 08/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2018 11:15:40
 :hao7:  รอเลขเธออยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน P7 08/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 08-06-2018 12:15:54
อีก10แม่ตะเคียน
น้ำกะสู้ไหว
สนับสนุนแฟนเล่นหวยหรอผู้กอง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน P7 08/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-06-2018 12:22:26
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน P7 08/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-06-2018 12:55:58
เอาเลขมาเผื่อด้วยนะน้ำ ไม่งั้นจะแกล้งโทรบอกผู้กองไม่ให้มาหา
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน P7 08/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-06-2018 13:13:15
 :z1:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน P7 08/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-06-2018 00:12:33
 :katai2-1:


อ้อนเก่ง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน P7 08/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-06-2018 00:45:56
รอเจอแม่ตะเคียนจ้ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน P7 08/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 10-06-2018 01:01:23
 :mew3: คิดถึงความอ่อยของตะเคียนจริงจริ๊งงงง
รอติดตามโมเม้นต์ของพี่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน P7 08/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 12-06-2018 11:01:58


งวดยี่สิบห้า ถึงเวลาแล้ว


            เมื่อได้กำลังใจ นายนทีเดินมุ่งหน้าไปท่าน้ำหน้าวัดอย่างแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ผิดกับก่อนจะได้รับโทรศัพท์ลิบลับ เมื่อมาถึงใกล้สถานที่ในระยะสายตามองเห็นจับภาพได้ ไอ้น้ำก็พบว่าตอนนี้องค์ประชุมน่าจะมาครบถ้วนแล้ว



            “ป้าจ๊ะ” มันพูดโพล่งขึ้นจากด้านหลังของทุกคนที่กำลังมุงกับไม้ตะเคียนที่เรือเก่า

            “โอ๊ย ผีๆ กลัวแล้วเจ้าค่ะ” ป้าแช่มอุทานดังลั่นด้วยความตกใจ มือไม้ก็รีบยกท่วมหัว หลับตาปี๋เพราะกลัวจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเอาได้

            “กลัวแล้วเจ้าค่ะ” พลอยให้ป้าๆ คนอื่นทำตาม ชาวบ้านที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการขูดหวยก็ไม่รอช้าที่จะทำตามเช่นกัน


            ไอ้น้ำได้แต่ยืนหัวเราะขำท่าทางคนกลัวผีทั้งหลาย


            “ฉันเอง ไอ้น้ำจ้ะ” ชายหนุ่มสะกดอาการหัวเราะนั้นแล้วค่อยๆ บอกหมู่เหล่าข้างหน้าตนเอง


            “อ้าว ไอ้น้ำเองเรอะ โอย ทำข้าเกือบหัวใจวาย” ป้าแช่มบ่นพลางลูบอกเรียกขวัญของตัวเองกลับมา

            “ตกใจอะไรขนาดนั้น ร้อยวันพันปีไม่เห็นป้าจะกลัวนี่นา”

            “เอ็งไม่รู้หรือว่าคนในหมู่บ้านลือกันให้แซ่ดว่าเจ้าแม่ตะเคียนนั้นเฮี้ยนนักเฮี้ยนหนา”

            “จริงเหรอป้า แล้วเราจะมาที่นี่กันทำไม กลับบ้านกันเถอะ” น้ำลูบแขนทันทีที่ได้ยินป้าแช่มบอก ปากก็ชวนอีกฝ่ายกลับ

            “ไม่ได้ๆ พรุ่งนี้ต้องซื้อหวยแล้ว นี่ก็อยู่กันตั้งหลายคน ถ้าเจ้าแม่ตะเคียนมาอย่างน้อยก็มีเพื่อนล่ะวะ ลองดูหน่อยแล้วกันนะ” ป้าแช่มยื้อไว้ จะกลับบ้านมือเปล่าไม่ได้ เสียเที่ยวแย่

            “เอาอย่างนั้นเหรอ” ไอ้น้ำถามเสียงเบาหวิวกลับไป

            “เอาอย่างนั้นสิวะ มาๆ เริ่มเลย จะได้ไม่เสียเวลา ดีมั้ย”

            “ดีๆ” น้ำไม่ได้ตอบแต่เป็นบรรดาเหล่าผู้กล้าร่วมกันออกเสียงกันพร้อมเพรียงกันราวกับจะลงประชามติอย่างไรอย่างนั้น



            บรรยากาศและเหตุการณ์ก็เหมือนครั้งก่อนๆ ที่เวลาจะขูดหวยกันก็จะเริ่มโรยแป้งฝุ่น จะยี่ห้อไหน หรืออยากได้กลิ่นอโรมาเธอราปี หรือกลิ่นเด็กแบเบาะแรกเกิด ก็ตามแต่สะดวก ส่วนใหญ่ก็เอามาจากบ้านนั่นแหละ ส่วนไอ้น้ำก็ดันคิดไปว่าถ้าเอาแป้งเย็นมาโรย แม่ตะเคียนจะเย็นซ่าตามโฆษณาด้วยมั้ย


            เสียงคุยกันเริ่มเบาลง กลายเป็นเสียงของลมหายใจที่กำลังเฝ้ารอเลขเด็ดมากกว่า นางเล็กกับนางสายคุยกันหงุงหงิงเสียงเบา แว่วๆ ว่า ลูบแป้งจนเนื้อไม้ตะเคียนจะเนียนเรียบ ไร้ผิวขรุขระแล้ว ทำไมเลขยังไม่ออกมาให้ยลโฉมเลย


            “เจ้าแม่ตะเคียนเจ้าคะ ได้โปรดเมตตาให้ลูกมีเงินไว้กินไว้ใช้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” นางเล็กยกมือไหว้บอกกล่าวไปถึงเจ้าแม่อันโด่งดังของหมู่บ้าน

            “ป้า พูดอะไรอะ” ไอ้น้ำจะห้ามไว้ก็ห้ามไม่ทัน ไปทักไปบอกแบบนั้นได้อย่างไร เดี๋ยวก็มาจริงๆ หรอก

            “เออ ก็เผื่อเจ้าแม่จะเห็นใจไง”

            “จะมาหาแทนน่ะสิไม่ว่า”

            “เอ็งว่าไงนะ ไอ้น้ำ”

            “เปล่าๆ ป้ารีบลูบต่อเถอะ เผื่อเลขมาแล้ว”

            “นานไปจริงๆ นะนางสาย เอ็งว่ามั้ย” นางแช่มพูดขึ้นมาบ้าง

            “อืม หรือว่าวันนี้ เจ้าแม่ตะเคียนจะไม่ว่างวะ” นางสายบอก

            “ฉันว่าถ้าเลขไม่มาก็กลับกันเถอะจ้ะ ไปฝันเอาก็แล้วกันนะ หรือไม่ก็ดูข่าวคืนนี้ก็ได้ น่าจะมีอะไรให้ตีเลขอยู่หรอก” น้ำยื่นข้อเสนอ


            กลับกันเถอะนะ ทุกคน น้ำขอวิงวอน


            “เฮ้ยๆ พวกเอ็ง มาแล้วว่ะ มาแล้ว” เป็นเจ้าเดิม ป้าแช่มตะโกนเสียงดัง ผู้กล้าที่ถอดใจนั่งอยู่รอบๆ บริเวณต่างกรูเข้ามายังจุดหมายเดียว

            “ไหนๆ เลขอะไร” ลุงซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ถามขึ้นพลางยื่นหน้าเข้ามา

            “เอาหน้าเอ็งออกไปเดี๋ยวนี้!ให้ไอ้น้ำมาดู” ป้าแช่มเจ้าเดิมผู้แน่นอน ผลักหน้าลุงซ่อมรถออกไปให้ห่างแล้วดึงแขนไอ้น้ำเข้าไปแทน

            “ไอ้น้ำ ดูสิเห็นเลขมั้ย” น้ำเพ่งมอง ฟ้าก็เริ่มมืด เขามองไม่ค่อยเห็นเลย

            “ป้าเห็นเลขอะไร ฉันมองไม่ค่อยออก มันลางเหลือเกิน”

            “เลข 6 กับ 3เอ็งไม่ค่อยเห็นเหรอ”

            “จ้ะ มันลางๆ”

            “โรยแป้งเพิ่มมั้ย” นางเล็กเสนอความเห็น

            “ไม่ได้ๆ ถ้ามันลบของเก่าไปเล่า นางเล็ก เอ็งนี่มันไม่รู้เรื่อง” ป้าแช่มหันไปดุเพื่อนรัก เอาแป้งมาเทเพิ่มเดี๋ยวร่องรอยก็หายไปพอดี โชคดีๆ อาจมีมาแค่ครั้งเดียว

            “แล้วจะเอายังไงล่ะ ไอ้น้ำก็มองไม่ค่อยเห็น”

            “เดี๋ยวฉันลองเอาไฟฉายส่องดูจ้ะ” น้ำหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดไฟฉาย



  เมื่อไฟสว่างดีแล้วเขาเตรียมจะส่องแต่แสงไฟมันดันสาดไปเห็นร่างในชุดไทยนั่งอยู่บนกาบเรือเสียก่อน เท้าที่โผล่พ้นเลยมาจากผ้าถุงกำลังแกว่งไปมาอย่างสนุกสนาน น้ำยกโทรศัพท์สูงขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ตั้งใจแต่เพราะมือมันไปเอง จนกระทบเข้ากับผมยาวสีดำ ผมทางด้านขวาทัดหูไว้ บนหูมีดอกไม้สีแดงทัดอยู่



เขากลืนน้ำลาย ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย ชายหนุ่มเลื่อนแสงไฟจากโทรศัพท์ให้ตกลงมา คงจะใช่แล้วล่ะมันเป็นชุดไทยสีเดียวกันกับที่เขาเคยเอามาถวายให้แม่ตะเคียนเมื่อหลายงวดก่อน น้ำกำลังหายใจไม่ทั่วท้อง เขากลั้นหายใจเอาไว้โดยไม่รู้ตัว


“เป็นอะไรไอ้น้ำ มือเย็นเชียว แล้วทำไมจับแขนข้าเสียแน่น” ป้าแช่มถามเพราะแรงบีบจากไอ้น้ำที่จับตนเองแน่น

“ปะ..ป้า..หะ..เห็นใครตรงนั้นมั้ย” น้ำถามเสียงกระท่อนกระแท่น

“ไหนวะ” ป้าแช่มถามกลับ ไอ้น้ำเลยส่องไฟไปยังบริเวณนั้นและเขาก็หลับตา

“ไม่มีนี่ เอ็งเห็นอะไรวะ”

“มะ..ไม่เห็นเหรอจ๊ะ”

“เออ ไม่เห็นมีอะไร เอ็งเห็นอะไร หรือว่า...” สิ้นเสียงป้าแช่ม เขาค่อยๆ ลืมตาไปมอง แต่ไม่พบอะไรเลย ไอ้น้ำพรูลมหายใจออกมา

“ไม่มีจ้ะ ฉันก็ถามเฉยๆ”

“ทำข้าตกอกตกใจหมด นึกว่าเอ็งโดนเจ้าแม่ตะเคียนเล่นเข้าให้แล้ว”

“เปล่าจ้ะ เปล่า” ไอ้น้ำอยากบอกเหลือเกิน เขาโดนมาตั้งแต่งวดแรกแล้ว แต่ถ้าบอกไปตอนนี้วงต้องแตกแน่นอน


ผู้กอง...รีบมาได้มั้ย ไอ้น้ำภาวนาด้วยความร้อนใจ


“สรุปเอ็งเห็นเลขหรือยัง” ป้าแช่มเตือนสติมัน ไอ้น้ำรีบเอาแสงไฟมาส่อง

“เอ..เลขอะไรนะ” ชายหนุ่มพึมพำ เขาไม่แน่ใจว่าเลขตรงหน้าคือเลขอะไรกันแน่ จะบอกว่าเหมือนเลขหกกับเลขสามตามที่ป้าแช่มก็ไม่ผิดนัก แต่มันดูไม่ใช่ บางอย่างมันกำลังบอกเขาว่าไม่ใช่แน่ๆ

            “39 จ้ะ 39”  เสียงเย็นเยียบของหญิงสาวดังขึ้นข้างหู ไอ้น้ำสะดุ้งโหยง มือทั้งคู่บีบกันแน่น

            “เลขอะไรวะ ไอ้น้ำ ยืนนิ่งเป็นอะไรเนี่ย” ป้าแช่มบ่นที่ไอ้น้ำเงียบไปนาน

            “สามกับเก้าจ้ะ ป้า” เขาพูดออกไป อากาศค่อนข้างเย็น แต่เหงื่อกาฬกับผุดพรายเต็มหน้าผาก ขัดกับมือที่เย็นอย่างผิดปกติ

            “เรอะ เออ ขอบใจเอ็งมาก เอ้า พวกเรามาประชุมกัน” ป้าแช่มเรียกรวมพลไปอีกมุมหนึ่ง ทิ้งไอ้น้ำยืนตัวแข็งอยู่ตรงหน้าเลขเด็ด


            “เมื่อไหร่จะเลิกกลัวฉันล่ะพ่อ”  เสียงเย็นดังขึ้นอีกครั้ง น้ำอยากจะวิ่งหนี แต่ขามันก้าวไม่ออก

            ‘ทำไมฉันต้องได้ยินเสียงแม่ตะเคียนคนเดียวด้วย’  น้ำเถียงในใจ ทำไมโลกนี้ไม่ยุติธรรมกับเขาเลย

            “พ่อน้ำใจดี ฉันเคยบอกไปแล้วไง”

            ‘คนอื่นก็ใจดี’

            “คนอื่นก็ใจดี แต่จิตของเขาไม่ตรงกับฉัน นี่พ่อน้ำพัฒนาจนเห็นร่างของฉันแล้วนะ ดีใจที่มีคนเห็นฉันสักที”แม่ตะเคียนพูดอย่างดีใจ

            ‘แต่ฉันไม่อยากเห็น ไม่มีใครอยากเห็นคนที่ไม่ใช่มนุษย์หรอก’

            “เหรอจ้ะ พ่อน้ำไม่ดีใจเหรอ”แม่ตะเคียนบอกด้วยความน้อยใจ

            ‘อย่าโกรธเลยแม่ตะเคียน’น้ำปลอบอีกฝ่าย ถ้าโกรธขึ้นมาแล้วกลายร่างมาหลอกเขา ไอ้น้ำคิดว่าเขาคงต้องตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ

            “ฉันไม่โกรธหรอก แล้วมาคนเดียวเหรอ แฟนล่ะ?”

            ‘ไม่ใช่แฟน’

            “ไม่ใช่แฟนได้ยังไง ฉันดูออกนะ พ่อน้ำชอบเขาไม่ใช่เหรอ”

            ‘รู้ได้ไง’

            “ฉันรู้ ฉันเห็นจ้ะ ไม่งั้นฉันจะบอกหวยถูกหรือ”

            ‘ถ้าอย่างนั้น บอกหน่อยสิ ว่าผู้กอง เอ่อ..ผู้ชายคนนั้นชอบฉันด้วยมั้ย’น้ำคิดกลัวก็กลัว แต่เรื่องความอยากรู้ มันห้ามไอ้น้ำไม่ไหว

            “ไม่บอกหรอกจ้ะ”

            ‘อ้าว ทีนี้กลับไม่ยอมบอก’

            “ถามเขาเองเลย หันกลับไปสิจ๊ะ ดูสิว่าใช่คนที่เพิ่งลงจากรถตรงนั้นหรือเปล่า”ไอ้น้ำหันกลับไปตามที่แม่ตะเคียนบอก เขามองก็รู้ว่าคนนั้นเป็นใคร เหมือนพ่อพระมาโปรด ไอ้น้ำวิ่งสี่คูณร้อยทำลายสถิติโลกไปหาอีกฝ่ายทันที

            “ผู้กอง!!” เสียงกระหืดกระหอบเรียกเจ้าของชื่อดังลั่น

            “เป็นอะไร..น...” ไม่ทันได้เรียกชื่อคนที่วิ่งมา ผู้กองก็รู้สึกจุกเพราะไอ้น้ำไม่ผ่อนแรงพุ่งเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น

            “ผู้กอง” เสียงพูดอู้อี้อยู่บนไหล่ของปรานต์

            “เป็นอะไร วิ่งหนีแม่ตะเคียนมาเหรอ”

            “ผู้กองรู้ได้ไงอะ” น้ำเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ

            “ก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่นายจะทำแบบนี้ แล้วจริงหรือเปล่า”

            “อือ คราวนี้เห็นร่างของแม่ตะเคียนด้วย” น้ำพูดถึงเจ้าแม่สาวก็ขนลุกซู่ขึ้นมาอีกรอบ ขนคอตั้งชันเหมือนมีลมหายใจรดต้นคออยู่อย่างไรอย่างนั้น

            “หน้าเป็นยังไงล่ะ” ผู้กองถามไปตามประสาคนที่ไม่ค่อยกลัวผีสักเท่าไหร่

            “ไม่เห็นหน้าหรอก ผู้กองอย่าเพิ่งถามเลย กลัวอะ” น้ำบอกคนไม่กลัวผีจะเข้าใจความรู้สึกคนกลัวผีบ้างมั้ยนะ

            “ขึ้นรถก่อนก็แล้วกัน” พอเจ้าของรถปลดล็อครถ ไอ้น้ำไม่รอให้ผู้กองหนุ่มบอกซ้ำสอง มันก็รีบโดดขึ้นรถอย่างรวดเร็วปานพายุ

            “ขึ้นรถแล้วคงไม่มีอะไรแล้วล่ะ” ผู้กองปลอบใจ

            “ครับ เป็นอย่างนั้นก็คงดี” น้ำบอกเพราะแม่ตะเคียนนั้นอยู่ทุกที่ เอเวอรี่แวร์ วิท ยู จริงๆ

            “ยังไง ก็อย่าเผลอมองกระจกล่ะ” ผู้กองพูดทิ้งท้ายก่อนจะสตาร์ทรถออกตัว

            “ผู้กอง!! จะพูดทำไมเนี่ย คนยิ่งกลัวๆ อยู่” น้ำโวยวาย ถ้าอย่างนั้นเขาจะขอหลับตาไปตลอดทางเลยก็แล้วกัน

            “ถึงแล้ว ลืมตาเถอะ” น้ำไม่รู้หลับตามานานเท่าไหร่ จนกระทั่งได้ยินเสียงผู้กองบอกว่าถึงที่หมาย

            “ถึงแล้วจริงๆ อะ”

            “อืม ลืมตาได้แล้ว”

“ไม่อะ ผู้กองหลอกผมใช่มั้ย”

“ไม่ได้หรอก ถึงแล้วจริงๆ” ผู้กองขยับตัวเข้ามาใกล้คนไม่ยอมเชื่อ เขาจับมืออีกฝ่ายออกมาให้มือนั้นพ้นจากใบหน้าคนกลัวผี


น้ำค่อยๆ ลืมตา สิ่งแรกที่เขาเห็นคือใบหน้าของผู้กอง เดี๋ยวนะ! ใบหน้าคมคายนั้นมันใกล้เกินไปแล้ว สบตากันแล้วมันทำให้เขาใจสั่น น้ำไม่กล้าสบตาผู้กองหนุ่มต่อ สถานการณ์มันดูสุ่มเสี่ยงเกินไป ในรถก็คับแคบ เขาไม่ไว้ใจตัวเอง ถ้าเผลอคว้าผู้กองมาจูบก่อน จะทำยังไง เขาเลยเสไปมองนอกกระจกรถแทน


เขาพบว่ามันไม่ใช่บ้านไม้ใต้ถุนสูง มีบันไดเดินขึ้นบ้านแบบบ้านเขา แต่มันกลายเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ดูแล้วคุ้นๆ เหมือนเป็น


            บ้านพักของผู้กอง!ใช่ บ้านพักของผู้กอง


            “เอ่อ..พาผมมาที่นี่ทำไม” น้ำเปลี่ยนเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนอาการตื่นเต้นของหัวใจตัวเอง

            “ขออาบน้ำก่อนได้หรือเปล่า เสร็จแล้วจะไปส่ง” ผู้กองหนุ่มละมือออกจากอีกฝ่ายก่อนจะถามออกมา

            “ทำไมไม่ไปส่งผมก่อนแล้วผู้กองก็กลับมาอาบน้ำอะ” ไอ้น้ำ ตัวภาระเริ่มโวยวาย

            “ฉันรู้ว่าแม่น้อยทำกับข้าวไว้รอนายแน่ๆ ก็เลยจะขออาศัยฝากท้องสักมื้อ”

            “อ่อ เห็นแก่กินสินะ” น้ำแหย่ด้วยความคะนองปาก

            “น้ำ!!” ผู้กองหนุ่มดุ

            “ขอโทษ ก็แซวเล่นเฉยๆ เอง ผมรู้น่าว่าแม่ผมทำกับข้าวอร่อยใช่มั้ยล่ะ”

            “อืม”

            “จริงๆ ผมก็ตั้งใจจะชวนผู้กองกินข้าวด้วยกันที่บ้านอยู่แล้ว บอกแม่ไว้แล้วว่าให้ทำอาหารเผื่อผู้กองด้วย”

            “อย่างนั้นเหรอ ขอบใจนะ ลงมารอในบ้านก่อนสิ”

            “ครับ”


            น้ำเดินเข้ามานั่งรอบนโซฟาขนาดคนนั่งประมาณสามคนที่ตั้งอยู่บริเวณกลางบ้าน ผู้กองบอกให้น้ำทำตัวตามสบาย หาน้ำหาท่าดื่มที่ตู้เย็นเองในครัวได้เลย แล้วเจ้าตัวก็หายเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำอย่างที่ได้บอกไว้ในทีแรก ไอ้น้ำเดินสำรวจไปรอบๆ บ้าน ก็ไม่เห็นมีอะไรสะดุดตาเลย ไม่มีของอะไรประดับตกแต่งเป็นพิเศษ ดูเหมือนจะมีแค่ของใช้พื้นฐานตามที่รัฐบาลได้จัดสรรเอาไว้ให้ก็เท่านั้น


            เรียบง่ายเหลือเกิน


นายนทีลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เย็นตั้งใจจะดื่มน้ำเย็นๆ สักแก้ว ตอนนี้เขารู้สึกคอแห้งผาก พูดกับแม่ตะเคียนก็พูดในใจ แทบไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ทำไมหิวน้ำมากขนาดนี้


เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ยังทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่เลย ใจมันยังสั่นรัวเหมือนจะหลุดออกมา น้ำไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน โรคหัวใจเขากำลังกำเริบอีกแล้วเหรอ พอได้แล้วคิดเรื่องอื่นบ้างเถอะ ลืมๆ ไปได้แล้วเรื่องนี้ น้ำบอกกับตัวเอง พอพยายามจะเปลี่ยนเรื่องคิด ใจก็พลันหวนไปคิดเรื่องก่อนหน้า เขานึกถึงแม่ตะเคียนขึ้นมาจนได้


            ยอมรับว่าหากยังเจอแม่ตะเคียนอยู่แบบนี้เรื่อยๆ สักวันหนึ่งไอ้น้ำคงอาจจะหัวใจวายแน่นอน ขึ้นชื่อว่าไม่ใช่คนไม่ใช่มนุษย์ เป็นวิญญาณ เป็นเทพเจ้า เป็นผี หรือเป็นอะไรก็ตามแต่ น้ำไม่ประสงค์จะเจอทั้งนั้น ไม่ควรจะมาให้เห็นหรือให้ได้ยินเสียงเลยด้วยซ้ำ

            “น้ำ” เจ้าของชื่อกำลังคิดเพลินๆ อยู่ ก็ได้ยินเสียงทุ้มจากด้านหลังขึ้น

“เฮ้ย!” อารามตกใจ ไอ้น้ำปล่อยแก้วในมือร่วงสู่พื้น เดชะบุญโชคดียังเป็นของเขา เพราะแก้วน้ำนั่นเป็นแก้วพลาสติกมันจึงไม่แตกแต่อย่างใด

“ใจลอยคิดอะไรอยู่” ผู้กองพูดพลางไปหาผ้าแห้งมาเช็ดน้ำที่หกไปทั่วบริเวณ

            “ผู้กอง มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด” น้ำแย่งผ้ามาจากมืออีกฝ่าย เขาเป็นฝ่ายทำหก ก็ควรที่จะเช็ดมันเสียเอง แต่ผู้กองก็ไม่ปล่อยมือจากผ้านั้น กลายเป็นสถานการณ์เหมือนคนสองคนกำลังจับผ้าไว้คนละมุม

            “เดี๋ยวฉันเช็ดเอง นายไปรอข้างนอกเถอะ” ปรานต์บอกตามมารยาทของเจ้าบ้านที่ดี

            “ไม่ได้ ผมเป็นคนทำหก เช็ดเองดีกว่า” น้ำก็บอกตามที่ตนเองเป็นผู้ที่สร้างปัญหาและอยากจะแก้ไขปัญหานั้น

            “เป็นเด็กอย่างเถียง”

            “ฮื้อ ผู้กองแก่กว่าผมกี่ปีกัน ถึงมาว่าผมเด็ก ปล่อยผ้าครับ” คนที่ว่าไม่เด็กกำลังยื้อแย้งผ้าผืนนั้นจากมือของอีกฝ่ายด้วยความดื้อรั้น

            “เดี๋ยวฉันเช็ดเองน่า”

            “ก็บอกว่าไม่เอา จะเช็ดเองไง ทำไมผู้กองไม่เข้าใจ” น้ำดึงผ้าจากมือผู้กองอย่างแรงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผู้กองจงใจปล่อยผ้า แรงที่กระชากมันจึงมากมายจนทำให้น้ำเสียหลักเพราะความลื่นจากพื้นน้ำด้วย

            “เฮ้ย!!”

            “น้ำ” โชคครั้งที่สองของไอ้น้ำยังมี ผู้กองหนุ่มคว้าแขนของเขาเอาไว้ได้

            “ขอบคุณผู้กอง” น้ำถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่อยากจะคิดถ้าผู้กองคว้าไว้ไม่ทัน เขาต้องล้มลงไปแน่ๆ แล้วอาจจะหัวฟาดพื้นด้วย เลือดเจิ่งนองเต็มพื้น แล้วก็ตายไปในที่สุด


            โอเวอร์เสียจริงไอ้น้ำ คิดอะไรเป็นตุเป็นตะ


            “ไม่เป็นไร” ปรานต์ตอบ มองใบหน้าใสที่บัดนี้เต็มไปด้วยแรงสูบฉีดบนใบหน้าที่มาจากการตกใจของเจ้าตัว มันทำให้น้ำ เด็กหนุ่มตรงหน้าดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม มากกว่าใครที่เขาเคยรู้จัก

            “ปล่อยแขนและก็ถอยไปได้แล้วผู้กอง เดี๋ยวผมจะเช็ดน้ำตรงนี้” เขากำลังจะย่อตัวลงไปที่พื้นเพื่อเช็ดน้ำ แต่ก็ถูกมือของผู้กองจับไว้อยู่อย่างนั้น

            “ผู้กองปล่อยก่อ....” ไม่ทันจบประโยค ไอ้น้ำก็ถูกดึงให้เข้าไปประชิดกับร่างของอีกฝ่าย


            ใบหน้าผู้กองก้มต่ำลงมา ไอ้น้ำตกใจจนไม่กล้าขยับตัว ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นหน้าของ ผู้กองใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาคิดว่าเขาควรจะเบือนหน้าหนีดีมั้ย แต่ปรานต์ก็เหมือนรู้ทัน ชายหนุ่มจับล็อคต้นคอของไอ้น้ำไว้แน่นเพื่อไม่ให้ขยับไปไหน


            ไอ้น้ำกำลังจูบกับผู้กอง เอ๊ย ไม่ใช่สิ ไอ้น้ำกำลังถูกผู้กองจูบ


            สถานที่โคตรโรแมนติกเลยเหอะ หน้าตู้เย็น ไอ้น้ำคิดในใจอย่างเซ็งๆ


            น้ำขอแนะนำ


            ย้ายที่ดีมั้ยผู้กอง



==========================================

คุณขา เขาจูบกันแล้วค่าาาาาาาาา แม่จะจุดพลุฉลอง เลี้ยงโต๊ะจีนเลย

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบห้า ถึงเวลาแล้ว P7 12/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-06-2018 11:24:25
 :L2: :pig4: :-[
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบห้า ถึงเวลาแล้ว P7 12/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-06-2018 12:27:59
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบห้า ถึงเวลาแล้ว P7 12/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-06-2018 12:32:27
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบห้า ถึงเวลาแล้ว P7 12/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 12-06-2018 12:45:07
น้ำ .. ต้องระวังคำพูดหน่อยนะ
พูดไม่คิดบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ลงหลุมดราม่าหรอก
เพราะยังไงผู้กองก็อายุเยอะกว่าน้ำเยอะเลยน้าาาา :hao4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบห้า ถึงเวลาแล้ว P7 12/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-06-2018 18:03:39
ผู้กองนี่ สงสัยแท็กมือกับเจ้าแม่ตะเคียนเป็นแน่ ซักสงสัยแล้วสิ
 :jul3:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบห้า ถึงเวลาแล้ว P7 12/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 12-06-2018 20:02:24
งื้ออออ เขิลหนักมาก  เขาจูบกันแล้ววววว
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบห้า ถึงเวลาแล้ว P7 12/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 12-06-2018 20:56:20
เจ้าแม่มาแล้ว เราเป็นแฟนคลับนาง นางชงเก่ง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบห้า ถึงเวลาแล้ว P7 12/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-06-2018 17:04:24
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบห้า ถึงเวลาแล้ว P7 12/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 15-06-2018 10:44:02


งวดยี่สิบหก ถามอะไรแบบนี้


สติสัมปชัญญะกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว


ในเวลานี้ไอ้น้ำคิดอะไรไม่ออก ทีแรกยังออกความเห็นจะชวนผู้กองย้ายที่อยู่เลย มาถึงเวลานี้ หูอื้อตาลาย แข้งขาที่เคยมั่นคงบัดนี้ก็ดูสั่นคลอน ราวกับว่าโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงกำเริบเสียอย่างนั้น ไอ้น้ำเลยต้องเอามือคล้องคอผู้กองไว้ไม่ให้ตัวเองล้มลงไป


ไม่เพียง เป็นแค่โรคเดียว แต่โรคหัวใจก็ดูเหมือนจะกำเริบขึ้นมาเหมือนกัน หัวใจเต้นรัวสนั่นหวั่นไหวแทบจะพุ่งออกมาจากอก ไอ้น้ำไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงควบคุมตัวเองไม่ได้เลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเขากันแน่


ระหว่างที่ยังหลับตาพริ้มอยู่นั้น เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเขากำลังชนกับอะไรสักอย่างหนึ่งที่บริเวณด้านหลังบริเวณช่วงเอว น้ำละมือจากคอของผู้กองมาจับที่บริเวณนั้น สัมผัสดูก็พบว่าน่าจะเป็นขอบโต๊ะ


เอ เขาไม่เห็นจำได้ว่ามีโต๊ะอยู่แถวนี้ด้วย         


ไอ้น้ำคงลืมไปว่าขายาวของตัวเองอ่อนแรงเพียงใด พอละมือออกมา ขาก็แทบจะพับลงไปที่พื้น โรคนี้มันเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ร้ายกาจเหลือเกิน เสร็จจากตรงนี้เขาคงต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจดูอาการเสียหน่อยแล้ว ปล่อยไว้นานเกรงว่าจะเป็นอันตราย น่ากลัวว่าจะล้มลงตรงนี้แต่กลับมีมือที่ไม่ใช่ของไอ้น้ำกอดเอวเขาแน่นไว้อยู่


ไม่ทันได้ตั้งตัวร่างของไอ้น้ำถูกยกลอยขึ้นมานั่งอยู่บนโต๊ะที่น้ำเพิ่งจะรู้จักว่ามันตั้งอยู่ตรงนี้ ด้วยความตกใจมือไม้ของมันก็เลยจับไหล่ผู้กองเสียแน่น ถ้าตกลงไปจะทำยังไงล่ะ ปลอดภัยไว้ก่อนสิเป็นดี หรือว่าเขาจะได้โรคกลัวความสูงมาด้วยอีกโรค เดี๋ยวก่อน แค่ความสูงจากพื้นโต๊ะเอง ไม่น่าจะสูงขนาดนั้นหรอกมั้ง


น้ำรู้สึกถึงแรงจับแน่นอยู่ที่เอวของเขา ก่อนที่มือข้างใดข้างหนึ่งของอีกฝ่าย ที่ไอ้น้ำก็แยกไม่ออกแล้วว่ามันเป็นข้างไหนกันแน่ ก็กำลังลูบเข้ามาในเสื้อของเจ้าตัว รู้สึกแปลกหน่อยๆ  แต่ก็...เอาเถอะ ลูบแล้วมันก็รู้สึกดีเหมือนกัน ในช่องท้องของเขาเหมือนมีอะไรก่อตัวอยู่ภายใน เขากำลังรู้สึกเหมือนเวลาที่ดูหนังโป๊ อย่างไรอย่างนั้นเลย


อย่างที่รู้กันดี ไอ้น้ำคนจริง ลูบมาลูบกลับไม่โกง มันเลือกมือข้างถนัดข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อผู้กองเหมือนกัน โชคดีเป็นบ้า ที่ผู้กองอาบน้ำแล้วเปลี่ยนมาใส่เสื้อโปโลสบายๆ ง่ายๆ ถ้ายังเป็นชุดตำรวจต้องเสียเวลาปลดกระดุมไม่ก็ดึงชายเสื้อออกจากกางเกงอีก แล้วดูสิตัวผู้กองเรียบเนียนดีเป็นบ้าเลย ตัวก็เย็นๆ ด้วย สบายมือจัง


“อืม..อีก..เอาอีก” น้ำได้ยินเสียงครางด้วยความพอใจ เขารู้สึกลำพองอยู่ในใจที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี


เดี๋ยวๆ ฟังดีๆ สิ นั่นมันเสียงของเขาเองหรือเปล่า...


ไอ้น้ำ!! ปลุกอารมณ์อีกฝ่ายสิวะ ไม่ใช่ถูกเขาปลุกอารมณ์ ขอพยายามก่อน รอสักครู่นะผู้กอง


“ได้สิ” เขาได้ยินเสียงทุ้มต่ำหัวเราะเบาๆ คราวนี้มั่นใจเลยว่าเป็นเสียงของผู้กอง ไม่ใช่ของไอ้น้ำ


ไอ้น้ำเดินหน้าเร่งเครื่องเต็มสูบ เขาบดเบียดริมฝีปากกับอีกฝ่ายให้แน่นกว่าเดิม ปลายลิ้นเกี่ยวเกาะกันเป็นพัลวัน น้ำสำรวจโพรงปากของผู้กอง อืม ผู้กองแปรงฟันมาด้วยอะ รสมินต์ก็หอมดีนะ เวรละ เขายังไม่ได้แปรงฟันเลยนี่หว่า ผู้กองไม่ว่าอะไรหรอกใช่ไหม ไม่งั้นคงเลิกจูบไปแล้ว จริงมั้ยล่ะ


“อ๊ะ..” น้ำสะดุ้งเพราะแรงสะกิดเบาๆ ที่ยอดอกของตัวเอง สติของเขากำลังกระเจิงขึ้นอีกครั้ง

“พอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกับข้าวแม่น้อยจะน้อยใจเสียก่อน” เสียงทุ้มเจ้าเดิมกระซิบเรียบอยู่ข้างหู ไม่มีแม้แต่ลมหายใจที่หอบเหนื่อยเลย


ผิดกับไอ้น้ำ ที่ปากเจ่อ หน้าแดง หายใจแทบไม่ทัน นี่มันอะไรกัน ไอ้น้ำงงงวย ทำไมผู้กองดูไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยล่ะ ไม่ได้นะ เขาจะติดลบตั้งแต่เริ่มแบบนี้ไม่ได้

“คนเก่งของฉัน” ผู้กองก้มหน้าลงไปหอมแก้มแดงนั้นอีกครั้งก่อนจะผละออกมา แล้วย่อตัวลงไปหยิบผ้าสะอาดที่น้ำเคยถือไว้ แต่มันร่วงไปอยู่ที่พื้นตอนไหนไม่รู้


ผู้กองเช็ดพื้นจนแห้ง เขาลุกขึ้นนำผ้าไปซักกับน้ำสะอาดอีกครั้งก่อนจะผึ่งไว้แถวๆ บริเวณนั้น ขายาวเดินกลับมาหาน้ำที่ยังทำตัวนิ่งอยู่บนโต๊ะ ปรานต์ก็นึกแปลกใจ


“เป็นอะไรหรือเปล่า ลงมายืนได้มั้ยหรืออยากให้ฉันอุ้มลงมา”

“ไม่เป็นไร ผมโอเค” น้ำตอบก่อนจะลงจากโต๊ะมายืนบนพื้น ทีแรกก็กลัวขาจะพับ แต่เขากลับยืนได้อย่างมั่นคง 


ดีมากลูกพ่อ ไม่ทำพ่อขายหน้า น้ำชมเชยขาของตัวเอง


“ตกใจหรือเปล่า” ผู้กองถามอีกฝ่ายเมื่ออยู่บนรถยนต์แล้ว เขาสังเกตน้ำไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย แม้กระทั่งตอนที่ถูกเขาจูงมือออกมาจากบ้านแล้วพาเจ้าตัวขึ้นนั่งบนรถยนต์

“เรื่องอะไร”

“เรื่องนี้ไง” ไม่พูดเปล่า ปรานต์ยื่นหน้าเข้าไปจูบเตือนความจำอีกฝ่ายอีกครั้ง


และครั้งนี้น้ำก็เหมือนเรียนรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว เจ้าตัวเปิดปากให้ผู้กองหนุ่มได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ไม่ได้ปัดป้องผู้กองแต่อย่างใด ปรานต์ได้แต่คิดว่านั่นก็ถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาแล้ว อย่างน้อยเขาก็ไม่ถูกน้ำปฏิเสธ


ปรานต์ยอมรับว่าอยากจะจูบน้ำตั้งแต่อยู่บนรถยนต์ตอนที่ไปรับอีกฝ่ายจากท่าน้ำหน้าวัดแล้ว เขาทั้งยั้งใจและห้ามใจไว้มากแค่ไหน น้ำไม่มีทางรู้ได้เลย พอเกิดเหตุในบ้านที่หน้าตู้เย็นนั้น เขาจึงห้ามใจไว้ไม่ได้อีกต่อไป แค่เห็นหน้าของน้ำแล้วมันอดไม่ได้ที่จะไม่จูบปากแดงๆ นั้น ผู้กองหนุ่มเลยปล่อยเลยตามเลย ทำตามใจของตัวเองดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย หากน้ำไม่ชอบหรือรังเกียจสัมผัสเขา ใจของเขาจะได้หยุดเอาไว้ทันไม่ให้มันเลยเถิดไปมากกว่านี้

“พอก่อน ผู้กอง เดี๋ยวไม่ได้ไปกินข้าว” เป็นน้ำที่เป็นฝ่ายหยุดก่อน เขาเลือกที่จะลอกคำพูดของอีกฝ่ายมาใช้ในครั้งนี้

“ตกลง สรุปว่าไม่ตกใจนะ” ผู้กองถามอีกครั้ง

“อือ ไม่อะ ทีแรกแค่งงนิดหน่อย ”

“แล้วรังเกียจ...พี่...หรือเปล่า” น้ำสะดุดในคำพูดของอีกฝ่าย ปรานต์แทนตัวเองว่า ‘พี่’กับเขาเหรอ

“ไม่อะ ถ้ารังเกียจผมถีบผู้กองไปแล้ว”

“แล้วโกรธพี่หรือเปล่า”

“ไม่อะ ถ้าโกรธจะคุยกับผู้กองเหรอ”

“แล้ว...” ผู้กองตั้งท่าจะถามต่ออีกแต่ก็พูดไม่จบ

“ไม่ต้องถามต่อ เลิกกังวลนะครับ ผมโอเค ผู้กอง ผมโอเค สบายใจเถอะครับ” น้ำขัดผู้กอง ก่อนที่อีกฝ่ายจะถามขึ้นมา

“พี่จะถามว่า ถ้าไม่โกรธ ไม่รังเกียจ แล้วชอบพี่บ้างหรือเปล่า”

“ถามอะไรเนี่ย” น้ำโวยวาย ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เขากำลังเขิน มาถามกันตรงๆ แบบนี้ได้อย่างไร

“พี่อยากรู้”

“ผู้กองอยากรู้ความรู้สึกคนอื่น แล้วทำไมไม่พูดก่อน” น้ำพูด

“ที่พี่ทำไปก็น่าจะบอกความรู้สึกได้แล้ว แต่ถ้าน้ำอยากได้ยิน พี่ก็จะบอกว่า พี่ชอบน้ำครับ” เสียงแบบนี้ ทำหน้าแบบนี้ เอาหัวใจของไอ้น้ำไปเลยเถอะ ผู้กอง สายตาแบบนี้ใครจะต้านทานไหว

“....”

“ถึงตาของน้ำ ที่ต้องตอบแล้ว” ผู้กองทวงคำตอบ

“ก็..ชอบนะ..คิดว่าชอบ” น้ำตอบกล้าๆ กลัวๆ แต่ไอ้น้ำก็คนจริงไง พูดมาพูดกลับไม่โกงเช่นเคย

“ถ้างั้นก็เรียกพี่ปรานต์ แทนผู้กองได้แล้ว”

“เรียกพี่แล้วจะได้หมื่นห้าปะ” น้ำล้อเลียนตามเนื้อเพลงเพลงหนึ่งที่เขาเคยได้ยินแม่น้อยเปิดสมัยเขายังเป็นเด็กๆ



‘เรียกพี่ได้มั้ย แล้วพี่จะให้กินขนม หมื่นห้า’


“เพลงนี้ ทันด้วยเหรอ” ผู้กองยิ้มให้ไอ้น้ำ พลางถามกลับ

“พูดอย่างกับตัวเองแก่กว่าผมมากอย่างนั้นแหละ เกิดน่ะไม่ทันหรอก แต่แม่ชอบเปิด แล้วผู้กองอะ ทันเพลงนี้ด้วยเหรอ” ไอ้น้ำตอบ แต่ในใจก็คิด อย่ายิ้มอย่างนี้ได้มั้ย ใจเขามันเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ไม่ทันเหมือนกัน แต่คนสวนที่บ้านชอบเปิดเพลงฟัง” ผู้กองหนุ่มอธิบายแค่นั้นก่อนจะเงียบลง


ผู้กองหนุ่มมองอีกฝ่ายนิ่ง ไม่พูดอะไรต่ออีก ทำให้ไอ้น้ำสงสัย ว่าเมื่อสักครู่นี้เขาพูดอะไรผิดหูอีกฝ่ายหรือเปล่า น้ำมองผู้กองกลับคืนบ้าง เขากำลังไม่เข้าใจสถานการณ์

“ผู้กอง..ทำไมเงียบไปอะ”

“ก็รอฟังอยู่”

“รอฟัง?”

“อ้าว ลืมซะแล้ว บอกว่าให้เรียกพี่แทนผู้กองได้แล้ว ลืมง่ายจริง” ผู้กองดีดหน้าผากน้ำเบาๆ

“อ้าว ลืมซะแล้ว ก็ถามไปอยู่หยกๆ ว่าเรียกพี่แล้วจะได้หมื่นห้ามั้ย” น้ำเลื่อนตัวเข้าไปจะดีดหน้าผากอีกฝ่ายคืนบ้าง แต่ก็ชะงักมือค้างอยู่อย่างนั้น


ผู้กองมองเขายิ้มๆ แบบนี้ เขาไม่กล้าหรอก ใจมันเต้นรัวกลองไม่หยุดเลยเว้ย


“ได้สิ มากกว่านี้ก็ให้ได้ อยากได้เท่าไหร่ก็ให้ได้” ปรานต์ตอบเสียงเรียบ

“พอๆ รู้แล้วว่ารวย ผมแค่ถามเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจังสักหน่อย” น้ำรีบพูด เขารู้ดีเลยล่ะว่าผู้กองใจป้ำ มือเติบ กระเป๋าหนักแค่ไหน หลักฐานก็จากที่เห็นให้เงินวรันต์ไป แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจริงจังขนาดนี้

“อย่างนั้นเหรอ”

“ผมจะพูดครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ผมไม่ใช่คุณวรันต์ ผมกับเขาคือคนละคนกัน ถ้าผมต้องการเงินผมก็จะหาของผมเอง และห้ามเอาผมไปเปรียบกับเขาด้วย เข้าใจนะครับ พี่ปรานต์”

“โอเค นายกับรัน เป็นคนละคนอยู่แล้ว พี่ไม่มีวันจะเอามาเทียบกันแน่นอน เอาสมุดเช็คมาหน่อย เดี๋ยวเซ็นเช็ค เท่าไหร่นะ หมื่นห้าใช่มั้ย”

“ผู้กอง!”

“อย่าโวยวายน่า คนเก่ง พี่แค่ล้อเล่น” ผู้กองคว้าร่างของน้ำเข้าไปกอดอีกครั้ง กดจูบลงบนขมับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ราวกับปลอบขวัญ

“อย่าแกล้งแบบนี้อีกละกัน” น้ำคาดโทษ

“ยังไม่ทันไร เริ่มขู่กันเสียแล้ว”

“มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะพูดก่อน” น้ำพูดขึ้นเมื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายได้

“เรื่องอะไรครับ”

“อย่าเพิ่งให้แม่รู้นะเรื่องของเรานะครับ ผมยังไม่อยากให้แม่ตกใจ”

“ได้สิ ถ้าน้ำพร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยบอกแม่น้อยก็ได้”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง เอาล่ะไปกินข้าวกันดีกว่า หิวแล้วใช่มั้ย”

“หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว”

“พี่อนุญาตให้กินคนได้นะ สัญญาว่าจะไม่จับเข้าคุก ขอแค่คนนั้นต้องเป็นพี่ก็พอ” ผู้กองพูดหน้านิ่งไม่เข้ากับคำพูดสองแง่สองง่ามนั้นเลย

“ไม่ขำ” น้ำตอบเสียงเรียบพอกัน พร้อมกับใบหน้าขาวที่หันไปมองนอกรถทันที ผู้กองไม่รู้หรอกว่าเขาต้องกลั้นยิ้มแค่ไหน

“พี่เห็นน้ำยิ้มในกระจกนะ” ผู้กองบอกปนหัวเราะพร้อมกับรถยนต์คันหรูที่มุ่งหน้าไปบ้านคนที่ถูกจับได้
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“แม่จ๋า ฉันกลับมาแล้วจ้ะ” น้ำบอกให้สัญญาณรับรู้การมาของเจ้าตัว

“เออ มาแล้วเรอะ ไปกินข้าวกินปลาไป ข้าอุ่นให้อีกรอบแล้ว กำลังร้อนๆ พอดีเลย” แม่น้อยตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากละคร จึงไม่เห็นว่าบุตรชายของตนไม่ได้กลับมาตามลำพัง

“สวัสดีครับ แม่น้อย” ผู้กอง

“อ้าว ผู้กอง ไหว้พระเถิดพ่อ แล้วไปไงมาไง ถึงมาพร้อมกับเจ้าน้ำได้ล่ะ” แม่น้อยหันกลับมาตามเสียงก็พบผู้กองหนุ่มไหว้ จนนางเกือบรับไหว้แทบไม่ทัน

“ฉันบอกแม่แล้วไง ว่าจะชวนผู้กองมากินข้าวด้วย แม่ลืมแล้วเหรอจ๊ะ” น้ำรีบตอบแทนผู้กอง

“จริงของเอ็ง ข้าก็แก่แล้วเริ่มหลงๆ ลืมๆ”

“แก่ที่ไหนกันเล่า คนแก่ที่ไหนสวยขนาดนี้ล่ะ ยาหยี” น้ำแกล้งเย้าแม่น้อย

“ทำมายอข้า เฮอะ แล้วนี่ไปทำอะไรมา ทำไมหน้าตาแดงแบบนี้”

“ฉัน..ฉัน..” คำถามของแม่น้อย ทำให้คนที่เพิ่งทำเรื่องมาตะกุกตะกักตอบไม่ถูก

“อะไรของเอ็ง”

“แม่ตะเคียนน่ะครับ แม่น้อย” ผู้กองหนุ่มตอบช่วยอีกคน

“ใช่จ้ะ แม่ นี่แม่รู้หรือเปล่า แม่ตะเคียนเฮี้ยนมากเลยนะ”

“จริงเหรอวะ ข้าก็ได้ยินมาแว่วๆ แต่ไม่คิดว่าจะจริง”

“จริงสิจ๊ะ ฉันไม่อยากเล่าให้แม่ฟัง กลัวแม่จะกลัว”

“ถ้าเฮี้ยนจริง วันหน้าวันหลังก็ไม่ต้องไปที่นั่นแล้ว”

“ดีจ้ะ ดี ฉันไม่อยากไปเลย” น้ำรีบรับทันที เขากลัวจะตายไป ไม่ไปนั่นแหละคือสิ่งที่ต้องการ

“สวัสดีค่ะ พี่ปรานต์” น้ำฝนเพิ่งสบโอกาสที่จะทักทายผู้มาเยือน

“สวัสดีครับ น้องฝน สบายดีใช่มั้ย”

“สบายดีค่ะ”

“เจ้าน้ำ ยายฝนไปยกกับข้าวมาตั้งโต๊ะได้แล้วไป” แม่น้อยพูดแทรกขึ้นกลางวงเพราะนางกลัวทุกคนจะหิวกันหมด

“จ้ะ แม่” สองพี่น้องรับคำแล้วไปทำตามคำสั่งของมารดาแต่โดยดี

“วันก่อน ขอบใจผู้กองมากนะ ที่รับไอ้น้ำ มันกลับมาจากกรุงเทพฯ ด้วยกัน” แม่น้อยถามระหว่างที่รอสองคนนั้นยกอาหารมาตั้งโต๊ะ

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี ยังไงผมก็ต้องกลับมาทำงานที่นี่อยู่แล้ว”

“กรุงเทพฯ จะว่าเล็กมันก็ไม่เล็กนะ บังเอิญไปเจอกันรึ”

“ใช่ครับ ผมพาแม่ไปที่ห้างพอดีแล้วเจอน้ำไปกับพี่ที่ทำงานเก่า”

“โลกกลมจริงๆ ไอ้น้ำก็ไปกรุงเทพฯ ผู้กองก็กลับกรุงเทพฯ พอดี” คำพูดของแม่น้อยทำให้ผู้กองรู้สึกแปลกใจแต่เขาก็ไม่ได้เก็บมาคิดมากอะไร แม่น้อยคงพูดไปอย่างนั้นเอง

“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำไปกรุงเทพฯ ตอนที่เจอกันยังแปลกใจว่ามาอยู่ที่นั่นได้ไง” ผู้กองหนุ่มอธิบาย

“เหรอ แล้วช่วงนี้งานยุ่งมากมั้ย ผู้กอง” แม่น้อยชวนคุยต่อหรือเรียกว่าซักถามต่อก็ได้

“ครับ ใกล้จะปิดคดีของคุณพัดแล้ว”

“จริงเหรอเนี่ย ใครเป็นฆาตกรล่ะ” แม่น้อยถามด้วยความอยากรู้ สายตาท่าทางแบบนี้ช่างเหมือนบุตรชายไม่มีผิด ไม่ใช่สิ ถ้าพูดให้ถูกก็คือเวลาที่น้ำถามเขาแบบนี้มันถอดแบบแม่น้อยมาชัดๆ

“บอกไม่ได้ครับ ยังเป็นความลับราชการอยู่”

“อะไรกัน บอกนิดบอกหน่อยก็ไม่ได้” นั่นปะไรล่ะ คำพูดที่พูดต่อมายังเหมือนกันเป๊ะ

“ต้องรอให้แน่ใจก่อนครับ”

“อดรู้ก่อนเลย” แม่น้อยพูดออกมาด้วยความเซ็ง

“เสร็จแล้วค่ะ พี่ปรานต์คะ ทานข้าวก่อนค่ะ” น้ำฝนเชื้อเชิญแขกให้ไปทานมื้อเย็นด้วยกัน

“ไปกินข้าวเถิดพ่อ ฉันง่วงแล้วเดี๋ยวขอตัวไปนอนก่อนนะ เจ้าน้ำ ข้าเปิดทีวีทิ้งไว้นะ ละครอะไรก็ไม่รู้มีแต่วัยรุ่นผู้ชายจีบกัน ข้าล่ะงงเด็กสมัยนี้เสียจริง จะปิดทีวีทิ้ง ก็กลัวว่าบ้านจะเงียบเกินไป” แม่น้อยบ่นละครที่ตัวเองเปิดค้างอยู่พลางลุกขึ้นบอกบุตรชาย

“อ้าว แม่กินข้าวแล้วเหรอ” น้ำสบตากับผู้กองก่อนจะถามมารดา พยายามปิดบังพฤติกรรมอิหลักอิเหลื่อของตัวเอง

“กินตั้งแต่หัวค่ำแล้ว เอ็งกลับมาช้าขนาดนี้ใครจะรอ”

“ขอโทษจ้ะ”

“ข้าไปนอนล่ะ เอ็งสองคน กินเสร็จก็เก็บให้เรียบร้อยด้วย”

“จ้ะแม่” สองพี่น้องตอบรับพร้อมกันอีกครั้ง

“เอ็งก็ยังไม่ได้กินเหรอฝน” น้ำถามเมื่อเห็นน้องสาวร่วมวงด้วย

“ใช่ ฉันเพิ่งทำการบ้านเสร็จ”

“น้องฝนเลือกคณะที่เรียนได้แล้วหรือยัง” ผู้กองเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง

“ได้แล้วค่ะ ฝนตั้งใจจะเรียนเภสัชค่ะพี่ปรานต์” น้ำฝนตอบพลางเริ่มตักข้าวแจกจ่ายทุกคน

“ที่ไหนล่ะครับ”

“ฝนยังไม่รู้เลยค่ะ กลัวสอบไม่ติด ถ้าได้ที่ไหนคงเรียนที่นั่นแหละค่ะ”

“แบบนั้นก็ถูกตามความสามารถของเรา แต่ที่น้องฝนอยากเข้าเรียนน่ะไม่มีเหรอ”

“ค่ะ ก็มีอยู่ที่หนึ่ง” น้ำฝนบอกชื่อสถานที่และตำแหน่งของมหาวิทยาลัย

“แถวนั้น...ใกล้บ้านพี่เลย” ปรานต์บอก

“จริงเหรอคะ”

“ครับ ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วย น้ำฝนบอกพี่มาได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณค่ะ” น้ำฝนตอบแล้วเริ่มลงมือทานข้าวไปเงียบๆ

“กินนี่ด้วยสิ” ผู้กองตักอาหารที่อยู่ใกล้ตนเองไปให้น้ำก่อน เสร็จแล้วจึงตักให้น้ำฝนเช่นกัน หญิงสาวบอกขอบคุณพร้อมกับสังเกตอาการของสองคนนั้นต่อ

“ไม่เอา ไม่ค่อยชอบ นี่มันของชอบยายฝน ไม่ใช่ของผม” น้ำบ่น ตั้งท่าจะเขี่ยทิ้ง

“กินไปเถอะน่า มันมีประโยชน์”

“ก็ได้” ถึงน้ำจะบ่น แต่ก็ยอมตักมันเข้าปากไปแล้วรีบกลืนอย่างรวดเร็ว

“พี่ปรานต์เก่งมากเลยค่ะ บังคับพี่น้ำกินมะระได้ ปกตินะ พี่น้ำตักแต่หมูออกมา ทิ้งมะระเต็มหม้อเลย แม่เลยชอบทำมะระยัดไส้หมูสับบ่อยๆ หวังว่าพี่น้ำจะกินมันบ้าง” น้ำฝนได้โอกาสจึงขายพี่ชายเสียเลย

“ยายฝน” น้ำปรามน้องสาว เพราะเขาไม่อยากขายหน้าไปมากกว่านี้

“ปกติไม่กินเลยเหรอ” ผู้กองหันไปถามผู้ต้องสงสัยในคดี

“ก็..ไม่ชอบอะ มันขม” น้ำอ้อมแอ้มตอบ

“รู้ใช่มั้ยว่ามันมีประโยชน์”

“รู้ แต่คนไม่ชอบนี่นา” น้ำยังคงโอดครวญ

“กินบ้างเถอะน่า” ผู้กองบอกด้วยความหวังดี

“แม่รู้ว่าพี่ไม่ชอบกินแต่ก็ยังชอบทำ” เห็นว่าพึ่งผู้กองไม่ได้ จึงย้ายฝั่งมาทางน้ำฝน

“ก็จริง แม่รู้ว่าพี่ไม่ชอบแต่แม่อยากให้พี่กินไง เรื่องไหนๆ แม่ก็รู้หมดแหละ แล้วพี่คิดว่าตอนนี้แม่รู้หรือยังว่าพี่สองคนคบกัน      แล้วน่ะ” เสียงช้อนหล่นจากมือไอ้น้ำหล่นลงบนจาน

“ฝน...” เหลือเพียงเสียงเรียกชื่อน้องสาวแผ่วเบาจากปากของไอ้น้ำ





==========================================

อ้าววว หวานแหววกันอยู่ดีๆ ทำไมน้ำฝน ทำกับพี่น้ำแบบนี้ล่ะจ๊ะ

ปล น้ำของพรี่นั้น คนจริง พอชัดเจนในความรู้สึกก็เลิกกระมิดกระเมี้ยนเลย มันน่าตีจริงๆ


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018  มาเมาท์กันน้า


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบหก ถามอะไรแบบนี้ P7 15/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-06-2018 11:30:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบหก ถามอะไรแบบนี้ P7 15/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 15-06-2018 11:35:26
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบหก ถามอะไรแบบนี้ P7 15/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 15-06-2018 11:51:59
 :hao7: :hao7: เขินนนนนนน แล้วตกลงขอคบกันรึยังจ๊ะพ่อ #FCเจ้าแม่ตะเคียน
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบหก ถามอะไรแบบนี้ P7 15/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-06-2018 12:17:39
 :L2: :L1: :pig4:

น้ำคนจริง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบหก ถามอะไรแบบนี้ P7 15/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-06-2018 16:40:21
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบหก ถามอะไรแบบนี้ P7 15/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 15-06-2018 17:34:14
ใจตรงกัน
จะยืดยาดกันทำไม
ใจใจ
ชอบบบ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบหก ถามอะไรแบบนี้ P7 15/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-06-2018 22:27:57
แหม..น้องน้ำฝนนี่เป็นคนตรงจริงนะ แต่ตรงมากกกกจนพี่ๆ เขาตกใจ
เอานะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ให้รู้กันไปเลยว่าจะได้พี่เขยสุดหล่อ
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบหก ถามอะไรแบบนี้ P7 15/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 16-06-2018 13:25:43
วันนี้หวยออก เจ้าแม่ตะเคียนจะมามั้ยคะ 555555
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบหก ถามอะไรแบบนี้ P7 15/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 19-06-2018 11:39:44


งวดยี่สิบเจ็ด ลาก่อนนะทุกคน


“ฝน...” เหลือเพียงเสียงเรียกชื่อน้องสาวแผ่วเบาจากปากของไอ้น้ำ

“อะไรพี่น้ำ” น้ำฝนพูดโดยไม่หยุดตักข้าวเข้าปาก

“แม่...คือ...แม่รู้แล้วเหรอ” น้ำกระซิบถาม

“พี่คิดอะไรไปถึงไหน ฉันแค่ถามว่าแม่รู้หรือยังเท่านั้นเอง”

“น้ำ อย่าเพิ่งวิตก พี่คิดว่าแม่น้อยยังไม่รู้หรอก” ผู้กองปลอบคนที่กำลังกังวล

“ครับ” สองหนุ่มมองหน้ากันเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จังหวะที่เงียบกริบกันอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของน้ำฝนหัวเราะขึ้นทะลุกลางวงอาหาร

“เป็นอะไรยายฝน จู่ๆ ก็หัวเราะ” น้ำบ่นน้องสาว

“ฉันขำพี่น่ะแหละ”

“ขำข้า?”

“อือ ทำหน้าตาตลกดี จะบอกให้นะ แม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ สบายใจได้ ฉันแค่แหย่เล่นเฉยๆ”

“ไอ้ฝน! เล่นบ้าไรเนี่ย รู้มั้ยข้าใจหายใจคว่ำหมด”

“ช่วยไม่ได้ ทำตัวมีปัญหาเองอะ” น้ำฝนยักไหล่ตอบ ไม่สนใจท่าทีเดือดร้อนใจของพี่ชาย

“บวกหนึ่ง” น้ำบอกน้องสาว เขาคาดโทษน้ำฝนไว้แล้ว

“เต็มที่เลย พร้อมเมื่อไหร่ก็มาเอาคืนนะ” หญิงสาวคนเดียวของวงสนทนาลอยหน้าลอยตาท้าทายพี่ชาย

“ผู้กองไม่ต้องไปสนใจยายฝนมัน รีบกินข้าวเถอะ เดี๋ยวจะเย็นชืดเสียก่อน”

“อืม” ผู้กองตอบรับคำสั้นๆ เขาไม่อยากพูดอะไรให้มากความในตอนนี้ ดูเหมือนว่าช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง คนข้างกายเขาจะเจอกับอะไรมามากเหลือเกิน



หลังมื้อเย็นค่อนไปทางดึกสำหรับคนต่างจังหวัด น้ำฝนก็ไล่พี่ชายให้ออกมาต้อนรับดูแลผู้กอง โดยหญิงสาวอาสาจะเก็บสำรับและล้างจานเองเพียงลำพัง น้ำสบโอกาสไม่ขัดศรัทธาของน้ำฝน เขารีบละมือเดินตัวปลิวลงมาส่งผู้กองข้างล่างที่หน้าบ้านทันที


“อาหารฝีมือแม่น้อยอร่อยเหมือนเดิม” ผู้กองเอ่ยชม ตอนที่เขานั่งอยู่ในรถยนต์คู่ใจ ลดกระจกลงมาเพื่อบอกลาอีกฝ่าย

“แล้วผมจะบอกแม่ให้ ขับรถดีๆ ล่ะ” น้ำบอกจบก็ตั้งท่าจะเดินขึ้นเรือนตามความเคยชิน

“เดี๋ยวสิ”

“หืม?”

“ขยับเข้ามาใกล้ๆ หน่อย”

“มีอะไรล่ะ” ถึงจะสงสัยแต่ไอ้น้ำก็ยอมลดหน้าลงเข้าไปใกล้ผู้กอง

“ไม่มีอะไร แค่อยากจูบก่อนกลับ” พูดจบผู้กองก็รีบทำตามคำพูดอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้ไอ้น้ำได้ปฏิเสธหรือตั้งตัวได้ทัน


คนมียศจับแขนของไอ้น้ำเอาไว้ป้องกันการหลบหนี ไอ้น้ำถึงจะตกใจที่ถูกจู่โจมในทีแรกแต่มันก็ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องอาศัยแรงจับรั้งของผู้กองอีกต่อไป เป็นไอ้น้ำ คนไวไฟต่างหากที่มันยึดไหล่กว้างของ    ผู้กองไว้แน่นทั้งสองข้าง


ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมแพ้ น้ำประกาศกร้าวไว้แบบนั้น


และเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างไอ้น้ำ ในที่สุดผู้กองก็ยอมเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน ปล่อยให้ไอ้น้ำที่กำลังตกอยู่ในภวังค์อารมณ์ล่องลอยละล่องบนปุยเมฆ ตกลงจากบัลลังก์เมฆนั้นโดยไม่รู้ตัว


“อะ..อะไรอะ ยะ..ยอมแพ้แล้วเหรอ” มันโวยวายทั้งที่หายใจหอบแต่เพราะไม่พอใจที่ถูกฉุดกระชากอารมณ์นั้นออกไป

“ไม่ได้ยอมแพ้ พี่แค่กลัวเฉยๆ” ผู้กองตอบ มือมันคนละชั้น ผู้กองพูดด้วยน้ำเสียงปกตินิ่งเรียบ

“กลัวอะไร ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย” น้ำยังบ่นอยู่ มันยังไม่เข้าใจสถานการณ์

“พี่กลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้”

“เลยเถิดอะไร ไม่เห็นเป็นไรสักหน่อย ผู้กองกลัวจะเป็นเมียไอ้น้ำคนนี้เหรอ” มันทุบอกตัวเองพลางบอกอีกฝ่ายตามความคิด

“อะไรนะ!?”

“โอ๋ๆ ไม่เป็นไร เขินใช่มั้ยล่ะ เป็นเมียไอ้น้ำ ไม่น่าอายหรอกผู้กอง” น้ำยืดตัวแล้วพูดออกมาอีกครั้ง เขาไม่เห็นใบหน้าของผู้กองที่อยู่ในรถยนต์เพราะมันค่อนข้างมืด ผิดกับเขาที่มีแสงไฟจากตัวบ้านส่องเข้าหา

“คิดอย่างนั้นเหรอน้ำ”

“ไม่ต้องกลัวนะ” มือใหม่พยายามปลอบขวัญผู้กอง

“พี่จะไม่กลัว” ผู้กองยิ้มนิดๆ แต่ไอ้น้ำก็ไม่เห็นอยู่ดี มันเลยเข้าใจว่าผู้กองคล้อยตามคำพูดของมันแล้ว

“ขับรถไหวมั้ย หรือจะให้ผมขับไปส่งแทน” เจ้าของบ้านเสนอตัวอย่างใจดี

“ไม่เป็นไร พี่ขับเองคนเดียวน่าจะปลอดภัยกว่า ขืนให้น้ำไปส่ง คืนนี้คงไม่ได้กลับบ้าน”

“อะไรนะ” มันถามซ้ำเพราะได้ยินผู้กองพูดไม่ถนัด

“รีบเข้าบ้านเถอะ”

“อ่อ...อืม ผู้กองขับไปก่อน เสร็จแล้วผมจะขึ้นบ้าน”

“มันอันตราย” ผู้กองพูด เขาเป็นห่วงชายหนุ่มเหมือนกัน ไม่อยากให้ยืนอยู่ตรงนี้นานๆ คนเดียว

“ไม่เป็นไร หน้าบ้านผม ปลอดภัยเหมือนกัน มีไอ้ด่างกับอีปุย นั่งเฝ้ากันหน้าสลอน” มันชี้นิ้วไปทางใต้ถุนบ้าน สองหมาก็เหมือนจะเข้าใจว่าเจ้านายเรียกชื่อมัน จึงพากันเห่ารับ

“ตกลง งั้นพี่ไปล่ะ” ผู้กองบอกก่อนจะออกตัวไป

น้ำยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสักพัก ไม่ใช่มันอาลัยอาวรณ์ผู้กอง แต่เพราะขามันสั่น ก้าวขาไม่ออกต่างหากเว้ย พูดไปก็เหมือนขายขี้หน้าคนอื่นเขาเปล่า




.

.

“แม่จ๊ะ” ช่วงเย็นวันหนึ่ง น้ำฝนเรียกมารดา

“อะไร” แม่น้อยที่กำลังหยิบวัตถุดิบจากตู้เย็นออกมานั้นหยุดชะงักมือ

“พี่น้ำฝากฉันบอกแม่ว่าไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อนะ วันนี้ไม่กินข้าวที่บ้าน”

“อีกแล้วเรอะ เอ...หมู่นี้ทำไมพี่เอ็งถึงไปกินข้าวนอกบ้านบ่อยๆ มีอะไรหรือเปล่าวะ หรือเบื่ออาหารฝีมือข้า” นางบ่นพลางเก็บเนื้อหมูและผักคะน้าอีกสองสามต้นใส่คืนในตู้เย็นก่อนจะปิดมันลง

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ แม่น้อยใจเหรอ” น้ำฝนเย้ามารดา

“น้อยจง น้อยใจอะไร ไม่มีหรอก ดีเสียอีกประหยัดข้าวไปตั้งมากโข” แม่น้อยตอบแล้วหันไปล้างผักในอ่างน้ำ

“น้อยใจก็บอกมาเถอะน่า ช่วงนี้พี่น้ำคงมีธุระยุ่งๆ มั้งจ๊ะ ฉันเองก็ไม่ได้ถาม ไว้คราวหน้าฉันจะถามมาให้แม่นะ” น้ำฝนบอกแม่ ถึงแม้เธอจะพอรู้มาบ้างว่าพี่ชายของเธอกำลังติดผู้ชายอย่างกับอะไรดี น้ำฝนส่ายหน้าเล็กน้อยกับพฤติกรรมของพี่ชาย

“ไม่เป็นไร ข้าก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง ไอ้น้ำมันก็โตๆ แล้ว เมื่อก่อนเคยอยู่ในเมือง มาอยู่บ้านนอกนานๆ เข้า คงจะเบื่อล่ะวะ ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยเจอหน้ามันเลยก็แค่นั้นล่ะ มันกลับมาทีไรข้าก็นอนแล้ว เช้ามาข้าไปสวนมันก็ยังไม่ตื่น” แม่น้อยตอบตามประสาคนรักลูก

“จ้ะ ให้ฉันช่วยหั่นผักมั้ยแม่” น้ำฝนอาสา

“ก็ดีเหมือนกัน หั่นผัก หั่นไก่ ตรงนี้ให้ข้าหน่อย หั่นชิ้นสวยๆ พอดีคำนะ อย่าทำลวกๆ”  แม่น้อยสั่งบุตรสาวเสร็จก็หันไปตั้งหม้อรอน้ำเดือด

“จ้ะ แม่” 

“เออ นี่เพราะข้าไม่ค่อยได้เจอไอ้น้ำมัน ถ้าเอ็งเจอพี่เอ็งก็ฝากบอกมันด้วยว่าร้านชุดไทยในตลาดบอกว่ามีชุดใหม่ๆ มาแล้ว ให้พี่เอ็งไปเลือก”

“พี่น้ำจะเลือกชุดไทยไปทำไมอะแม่ เอามาใส่เองหรอ” น้ำฝนถามด้วยความสงสัย

“เอามาใส่เองมะเหงกสิ เอาไปให้เจ้าแม่ตะเคียนต่างหาก”

“เอาไปให้ทำไมอะ” เจ้าหนูจำไมยังไม่วายเลิกสงสัย

“ก็งวดที่แล้ว คนในหมู่บ้าน รวมถึงแม่กับพี่เอ็งก็ถูกหวยกันโครมๆ ก็ต้องเอาของไปถวายเจ้าแม่ตะเคียน ท่านเสียหน่อย” แม่น้อยพูดพลางยกมือไหว้เหนือศีรษะ

“อ่อ...”

“หั่นเสร็จหรือยังล่ะ จะได้เอามาลงหม้อ” แม่น้อยทวง เมื่อเห็นน้ำเดือดได้ที่แล้ว

“เสร็จพอดีเลยจ้ะ”



มื้อค่ำวันนั้นจึงเหลือเพียงสองแม่ลูก สาวน้อยหนึ่งคน สาวใหญ่หนึ่งคน นั่งทานอาหารกันอย่างง่ายๆ อยู่หน้าโทรทัศน์ ไม่ใช้โต๊ะอาหารตามปกติ เพราะแม่น้อยเริ่มติดละครที่เจ้าตัวบ่นเมื่อวันก่อน

“แม่ชอบดูเหรอ” น้ำฝนถาม มองหน้าแม่น้อยด้วยความแปลกใจ

“ดูไปดูมาก็สนุกดี”

“ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยนะแม่” น้ำฝนถามซ้ำให้แน่ใจ

“เออสิวะ”

“มันสนุกยังไง”

“ไม่รู้เหมือนกัน ตอนแรกข้าก็ว่ามันแปลกประหลาดไปหรือเปล่า พอดูๆ ไปมันก็เพลินดี คนแสดงที่เขาเอามาเล่นก็ยังวัยรุ่นหน้าตาน่ารักดี”

“แล้วช่องอื่นแม่เบื่อแล้วเหรอ ถึงไม่ดู”

“ก็ต้องมีเบื่อบ้างสิวะ นักแสดงรุ่นใหญ่บางคนเขาก็เลยบทคล้ายๆ เดิม หน้าเดิมๆ บางเรื่องก็เป็นเรื่องเก่า เอามาทำใหม่ซ้ำ แล้วซ้ำเล่า ข้าดูวนซ้ำมาสามสี่รอบตั้งแต่สาวยันแก่”

“แม่ๆ” น้ำฝนเรียกด้วยเสียงตื่นเต้น

“อะไรวะ” แม่น้อยยอมตอบหลังจากที่ละครพักเข้าสู่ช่วงโฆษณา

“สมมตินะแม่ สมมติเฉยๆ”

“เออ จะสมมติอะไรนักหนา รู้แล้ว จะพูดก็พูดมาสิวะ”

“ก็สมมติว่า ถ้าเกิดว่าพี่น้ำอะ ชอบผู้ชายด้วยกันอย่างในละครที่แม่ดู แม่จะว่าไงอะ”

“ถามอะไรประหลาดแท้ พี่ชายเอ็ง เขาจะเป็นอย่างในทีวีได้อย่างไรกันเล่า มันกลับมาอยู่บ้านยาวแบบนี้ดูก็รู้อกหักมา”

“อกหักมา ก็ไม่ได้บอกว่าคนที่หักอกพี่น้ำจะเป็นผู้หญิงนี่จ๊ะ”

“ไฮ้ เป็นไปไม่ได้” แม่น้อยโบกมืดปัดเป็นพัลวัน “พี่ชายเอ็งน่ะ ชอบผู้หญิง”

“เอาใหม่นะแม่ ฉันหมายถึง สมมตินะ สมมติ ถ้าพี่น้ำชอบผู้ชาย แม่จะว่าอย่างไร”

“ถ้าไอ้น้ำมันชอบผู้ชายเหรอวะ” แม่น้อยนิ่งเงียบไป น้ำฝนก็เฝ้ารอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางว่ะ”

“อ้าว แม่อะ เรื่องสมมติ ไม่ใช่เรื่องจริง”

“ไม่รู้อะ จะสมมติหรือเรื่องจริง ข้าก็ไม่รับรู้เว้ย” แม่น้อยบอกปัด พอดีละครกลับเข้ามาเล่นต่อพอดี แม่น้อยจึงเบนสายตาไปสนใจละครนั้นต่อ


ในขณะที่น้ำฝนยังคิดไม่ตกว่าแม่จะมีปฏิริยาอย่างไร ทำหน้าแบบไหน ถ้าหากรู้ความจริงว่าลูกชายสุดที่รักของนางน้อยนั้นกำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยกับผู้กองอยู่ที่บ้านพักตำรวจอยู่ในเวลานี้

“ผู้กองกินนี่สิ คนในตลาดบอกอร่อย” น้ำตักต้มจืดฟักไก่ให้ผู้กอง

“ขอบใจ” ผู้กองก็ตักไก่ขึ้นมากินทันที น้ำมองตามอากัปกิริยานั้นไม่วางตา


แหม มันช่างหวานชื่นเหลือเกิน น้ำคิดอย่างนั้น

“อร่อยมั้ย”

“ก็อร่อยดีนะ แต่ฝีมือแม่น้อยอร่อยกว่า น้ำก็กินด้วยสิ” ปรานต์บอกพลางตักคืนให้บ้าง

“แน่นอน แม่ผมทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกแล้ว” เมื่อได้ที น้ำรีบอวด

“มากินข้าวที่นี่บ่อยๆ แม่น้อยจะไม่บ่นหรือ” ผู้กองหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง


ปรานต์เองก็ไม่ค่อยสบายใจนัก เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับน้ำที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผย ตัวเขาน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก คุณหญิงแม่ของเขา ชอบน้ำ เปิดไฟเขียวให้อย่างเต็มใจ แต่ที่เขาเป็นห่วงก็คือแม่น้อย แม่ของน้ำต่างหาก เขาเกรงว่าแม่น้อยอาจจะไม่เข้าใจในความสัมพันธ์รูปแบบนี้ก็เป็นได้


เมื่อถึงวันนั้น ถ้าหากแม่น้อยรับความรักของพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้

พวกเขาจะทำอย่างไรดี



“ไม่รู้สิ ก็คงบ่นบ้างแหละ แต่ยังหาโอกาสบ่นไม่ได้ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอ แม่เข้านอนตอนผมกลับ แม่ออกไปสวนตอนผมตื่น คลาดกันตลอด ผู้กองไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” น้ำจะรู้ไหมว่าคำพูดของตัวเองในประโยคท้ายนั้นช่างเหมือนกับใครอีกคนที่เจ้าตัวพูดถึงอยู่ สมที่เป็นแม่ลูกกันจริงๆ

“ไม่ทวงถามก็เรียกแต่ผู้กอง ผู้กอง พี่ชื่อปรานต์ เรียกให้มันถูกๆ ได้แล้ว” ผู้กองหนุ่มท้วง

“ช่างผมเถอะน่า ไว้อยากเรียกเมื่อไหร่จะเรียกเอง”

“ทำไมต้องมีลูกเล่นเยอะขนาดนั้น” ผู้กองหนุ่มมองคนตรงข้ามโต๊ะด้วยสายตาแน่นิ่ง เขากำลังต้องการคำตอบ

“ก็...กลัวติดปากแล้วเรียกพี่ปรานต์ต่อหน้าแม่ ยังไม่อยากให้แม่สงสัย” น้ำตัดสินใจอธิบายเหตุผลของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้

“เรื่องนี้เหรอ...อืม...พี่เข้าใจ” ก็จริงอย่างที่น้ำพูด ในเมื่อแม่น้อยยังไม่รู้เรื่องของพวกเขา การที่ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมมันก็คงจะเหมาะที่สุด

“นะ ไม่โกรธนะครับ คนเก่งของพี่น้ำ” น้ำอยากจะปลอบอีกฝ่ายโดยการเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเหมือนที่ปรานต์ชอบทำเสมอๆ แต่เขาก็ไม่กล้าหรอก


อ้าว ใครจะกล้าอะ


แค่คำพูดนิดเดียวก็ทำให้ปรานต์หัวเราะออกมา น้ำสบายใจคิดว่าชายหนุ่มหายจากอาการไม่พอใจได้แล้ว แต่ดูเหมือนไอ้น้ำจะเข้าใจอะไรผิดไปอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าผู้กอง เขาหายโกรธ แต่เพราะเขาขำในคำพูดของมันต่างหาก


‘คนเก่งของพี่น้ำ’  ดูเอาสิ นายนทีมันคิดได้อย่างไร


“พรุ่งนี้พี่ไปกินข้าวที่บ้านน้ำดีไหม” ผู้กองถาม

“อืม จะไปเหรอ ก็ได้นะ เดี๋ยวบอกแม่ให้ทำกับข้าวเผื่อ พี่ปรานต์อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า จะได้บอกแม่ไปพร้อมกัน” น้ำพูดชื่ออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว มันยังไม่ชินปากสักเท่าไหร่

“พี่กินได้หมด กินอย่างที่น้ำกินก็กินได้” ชายหนุ่มบอกอย่างตามใจ เขาไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องอาหารอยู่แล้ว

“ได้”

“น้ำ” ปรานต์ตักข้าวเข้าปากอีกสองสามคำก็เรียกชื่ออีกฝ่าย

“ครับ?”

“พี่รู้นะว่าเรายังส่งหวยให้เจ้ามืออยู่”

“อะไรๆ ผู้กอง อย่าปรักปรำสิ หลักฐานไม่มีนะ” ไอ้น้ำหน้าซีด รักกันอยู่หลัดๆ ทำไมจู่ๆ     ผู้กองจะหาเรื่องพาไอ้น้ำ  มันไปเข้าคุกแล้วล่ะ

“อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ ตบตาตำรวจน่ะยาก”

“ไม่มีหลักฐาน พูดลอยๆ ไม่โอเคอะ” น้ำกำลังแถไปเรื่อย ตอนนี้สีข้างของมันน่าจะเริ่ม    ถลอกแล้วมั้ง

“อย่าให้พี่หาหลักฐานมาจับน้ำเลย เลิกเดินโพยหวยเถอะ พี่ยังไม่อยากจับแฟนพี่เข้าคุก”    ผู้กองเตือน

“แฟน เฟินอะไร ไม่ใช่สักหน่อย” น้ำเถียงอีก ก็เขาทั้งคู่ยังไม่เคยตกลงกันเป็นแฟนเลยด้วยซ้ำ

“น้ำ เลิกเถียง เลิกได้มั้ย พี่ไม่ห้ามเรื่องเล่นหวย รู้ว่าน้ำชอบเล่น แต่ต้องเป็นหวยที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น” ปรานต์มองหน้าของน้ำ


‘อะไรกันเนี่ย ทำไมถึงโดนเรื่องนี้ไปได้ ไปเหยียบตาปลา ผู้กองตอนไหนวะ’ ไอ้น้ำได้แต่คิดในใจแต่การแสดงออกมานั้นมันเป็นการยิ้มที่แห้งแล้งให้ผู้กองสิ้นดี


“เอ่อ.. ผม”

“พี่ขอนะ”

“เล่นลอตเตอร์รี่ก็พอ ได้มั้ย”

“ผู้กอง มันยากอะ” น้ำพูดอย่างลำบากใจ

“พี่เป็นคนรักษากฎหมาย แล้วถ้าแฟนพี่ทำผิดกฎซะเอง แล้วต่อไปใครจะเชื่อพี่จริงมั้ยครับ” ปรานต์บอกน้ำเสียงนุ่ม หวังให้ไอ้เด็กที่กำลังดื้อนี้มันยอมเชื่อเขา

“....”

“น้ำครับ” เสียงทุ้มยังเรียกชื่อไอ้น้ำเสียงนุ่มดังเดิม

“เออ..ก็ได้ครับ ผมจะเลิกก็ได้ แต่ของวดหน้าเป็นงวดสุดท้ายนะ”

“น้ำ..” คราวนี้เสียงทุ้มที่นุ่มนวลกลับแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย

“ครึ่งทางนะพี่ปรานต์ ขอร้องล่ะ ให้ผมไหว้ก็ได้ คือแบบ สั่งลา ทิ้งทวน บอกลาลูกค้าอะไรประมาณนี้ จู่ๆ จะทิ้งไปเลย เขาก็ด่าผมแย่น่ะสิ” น้ำหาข้ออ้างต่างๆ นานามาฉุดรั้งให้อีกฝ่ายเข้าใจ

“ได้ แค่งวดหน้างวดเดียว และเป็นงวดสุดท้าย” น้ำมองใบหน้าของปรานต์ที่กำลังใช้ความคิดอยู่สักครู่ก่อนจะพยักหน้าว่าตกลง

“ได้ๆ ขอบคุณนะครับ”


น้ำบอกอีกฝ่ายอย่างลิงโลด แต่ในใจนั้นน้ำตากำลังตกใน


โบราณกล่าวไว้ว่า มีผัวผิด คิดจนตัวตาย


แต่สำหรับเขาคงเป็น


มี (ว่าที่) เมียผิด อดเล่นหวยตลอดชีวิต ก่อนมีแฟนได้โปรดดูอาชีพของแฟนด้วยครับว่ามันเหมาะกับตัวเองมั้ย น้ำอยากขอเตือนทุกคน


บัดนี้ ไอ้น้ำได้โบกมือเลขหวยใต้ดินในอนาคต สมัครเข้าชมรมคนกลัวเมียเรียบร้อย



ลาก่อนทุกคน
           




==========================================

โบราณว่าไว้ แหมมม ไอ้น้ำ ทำพูดดีไป
ทุกคนคะ โบกลาวงการหวยกับไอ้น้ำด้วยค่า
ใครให้เลือกแฟนเป็นตำรวจล่ะ


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเจ็ด ลาก่อนนะทุกคน P8 19/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-06-2018 11:49:37
น้ำเอ้ย  :m20: มโนไปไกลมากกก  :katai3: ปล่อยให้น้องน้ำมโนไปก่อนเดะอิพี่ค่อยจัดการนะ :z1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเจ็ด ลาก่อนนะทุกคน P8 19/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-06-2018 13:49:40
น้ำก็คิดไปได้นะ ว่าจะได้กลัวเมีย 55
 :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเจ็ด ลาก่อนนะทุกคน P8 19/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 19-06-2018 15:17:20
 :hao6: :hao6: อะไรทำให้น้ำมโนไปว่าจะได้เป็นสามีจ๊ะพ่อ ทิ้งทวนแล้วต้องถูกเยอะๆนะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเจ็ด ลาก่อนนะทุกคน P8 19/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 19-06-2018 18:46:08
น้ำลูกหนูกำลังเข้าใจสถานะผิดนะลูกนะ เอาใหม่ๆ คิดใหม่ลูกกก
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเจ็ด ลาก่อนนะทุกคน P8 19/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-06-2018 19:13:26
 :m20: :m20: น้ำก็คิดได้เน๊อะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเจ็ด ลาก่อนนะทุกคน P8 19/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 20-06-2018 18:07:22
ขำน้ำมาก ใจเย็นๆ นะน่ำ
เดี่ยวใครเป็นเมียใครเดี๋ยวรู้แน่

ลาก่อนโพยหวย ดีแล้ว เป็นแฟนตำรวจต้องอดทน
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเจ็ด ลาก่อนนะทุกคน P8 19/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-06-2018 18:21:08
 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเจ็ด ลาก่อนนะทุกคน P8 19/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 22-06-2018 10:57:14


งวดยี่สิบแปด กำเริบเสิบสาน


            วรันต์กำลังยืนรอใครบางคน ตอนนนี้เขาปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาการว่าจ้าง ชายหนุ่มมารับลูกชายของเตชัสหลังเลิกเรียน ตอนนี้เขายืนรอขาแข็งมากว่าสิบห้านาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะเดินออกมา หรือว่าเขาควรจะเดินเข้าไปตามเด็กชาย


            “คุณเป็นคนมารับผมสินะ” ในขณะที่คิดๆ อยู่นั้น วรันต์ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากด้านล่าง เตชินทร์ ในวัยสิบสามขวบ เด็กหนุ่มยังตัวเล็กกว่าวรันต์อยู่ประมาณหนึ่ง

            “ใช่ ฉันเอง” วรันต์ตอบอีกฝ่าย

            “พ่อให้คุณมารับ?”

            “ใช่”

            “อ่อ ลูกจ้างคุณพ่อ” เตชินทร์บอกวรันต์ด้วยน้ำเสียงติดจะเยาะ

            “ใช่ จะไปยังอะ” วรันต์ไม่ได้สนใจ ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าที่ไม่ได้ต้อนรับเขาสักเท่าไหร่ ทำไมเขาถึงจะต้องทำดีด้วยล่ะ คนให้เงินเขาคือพ่อของเด็กนี่

            “เดี๋ยวก่อน” เตชินทร์ท้วงอีกฝ่ายเอาไว้

            “มีอะไร”

            “รออยู่ตรงนี้ก่อน”

            “ฉันยืนรอจนเมื่อยแล้ว ไปนั่งรอในรถนะ เสร็จแล้วก็เดินไปที่รถเองด้วย ที่จอดประจำของคุณพ่อเธอนั่นแหละ” วรันต์พูดจบก็เดินตรงไปที่รถโดยไม่มีการรอเด็กชายเลยแม้แต่น้อย


            ขึ้นมาในรถได้ วรันต์ก็ติดเครื่อง เปิดแอร์ เร่งกำลังความเย็นเต็มสปีด เขานั่งรอในรถจนตัวเย็นอยู่ครู่ใหญ่ๆ ลูกชายของเตชัสจึงเคาะประตูทางด้านหน้าฝั่งข้างคนขับ เขาปลดล็อคประตูให้ แต่เจ้าตัวกลับเลือกไปเปิดประตูแล้วนั่งลงที่ข้างหลังแทน

            “มานั่งข้างหน้า ฉันไม่ใช่คนขับรถ” วรันต์ออกคำสั่ง

            “ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ คุณเป็นลูกจ้างคุณพ่อไม่ใช่หรือไง” เตชินทร์เถียงกลับ วรันต์ได้ยินก็คร้านจะเถียงกับเด็ก เขาเลยออกรถไปทั้งอย่างนั้น


            เมื่อรถจอดสนิทอีกครั้ง เตชินทร์ก็เปิดประตูลงจากรถโดยไม่ได้สนใจวรันต์เช่นเคย ชายหนุ่มเดินเล่นแถวหน้าบ้านอยู่พักหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจเดินเข้ามา วรันต์เห็นบุตรชายของเตชัสเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้านเรียบง่าย กำลังนั่งขีดๆ เขียนๆ อะไรกับสมุดตรงโต๊ะเล็กหน้าโทรทัศน์

            “ทำอะไรอยู่อะ” วรันต์ถามเมื่อหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา เขาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้เด็กชาย ก็พอดูออกว่าน่าเป็นการบ้าน แต่ก็ยังเลือกถามอีกฝ่ายเพื่อทำลายความเงียบ

            “ไม่เห็นหรือไงว่าทำการบ้านอยู่” เป็นอย่างที่คิดเตชินทร์ไม่ได้คิดญาติดีกับคนถามเลยแม้แต่สักนิดเดียว

            “ก็เห็น แต่อยากถาม ไม่ได้หรือไง”

            “...” เด็กชายไม่ตอบ เขาหันไปใส่ใจกับการบ้านตรงหน้าอีกครั้ง วรันต์เห็นเตชินทร์เขียนๆ แล้วก็ลบมันอยู่หลายครั้งเลยทีเดียว

            “ยากเหรอ”

            “อืม ยาก”

            “หัวไม่ดีเหรอ” วรันต์ตั้งใจถามอีกฝ่าย เตชินทร์วางดินสอลงก่อนจะหันมามองเขาอย่างไม่พอใจ

            “ว่าใคร”

            “อ้าว พูดกับใครอยู่ล่ะ”

            “ฉันแค่ไม่เข้าใจโจทย์ข้อนี้ ไม่ได้แปลว่าหัวไม่ดี”

            “อย่างนั้นเหรอ”

            “แล้วคุณพูดแบบนี้ เก่งนักหรือไง ถ้าเก่งมากนักก็ลองแก้โจทย์ข้อนี้ให้ดูหน่อยสิ” เตชินทร์ท้าวรันต์ พลางพ่วงด้วยจุดประสงค์ที่จะหลอกใช้อีกฝ่ายไปในตัว ถึงเขาจะไม่ได้เรียนเก่งมาก แต่เรื่องความเจ้าเล่ห์เขาก็ได้จากพ่อมาบ้างล่ะ

            “ข้อไหนล่ะ” วรันต์ถาม เตชินทร์ลอบยิ้มที่เห็นคนกำลังตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว

            “ข้อนี้” เตชินทร์ชี้ไปยังข้อที่มีปัญหานั้น

            “อืม ข้อนี้นะ” วรันต์หยิบสมุดมาอ่านโจทย์คร่าวๆ แล้วก็ส่งคืนให้อีกฝ่าย

            “ทำได้มั้ย” เตชินทร์ถามไปด้วยความหวังลืมไปแล้วว่าทีแรกตั้งใจจะแกล้งคนอายุมากกว่าอยู่เลย

            “สบาย”

            “ทำได้เหรอ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ เหมือนได้พบเจอกับแสงสว่าง

            “เปล่าอะ ทำไม่ได้ ต่อให้ทำได้ ก็ไม่ทำให้หรอก อย่ามาหลอกใช้เสียให้ยากเลย” ความหวังหล่นวูบ เพราะอีกฝ่ายรู้ทัน



            วรันต์ได้ยินเสียงฮึดฮัดของคนที่ถูกขัดใจแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง เด็กหนอเด็ก คิดว่าจะหลอกผู้ใหญ่ง่ายๆ มันเร็วไปสักร้อยปีนะน้องเอ๊ย ถึงเขาจะไม่ฉลาด แต่เรื่องพวกนี้เขาก็พอดูคนออกอยู่นะ ไม่งั้นจะอยู่มาได้จนถึงป่านนี้เหรอ จะหลอกเขาน่ะยาก

            “ถ้าพูดกันดีๆ ก็สัญญาว่าจะช่วย โอเคปะ” วรันต์เสนอข้อเสนอออกมา เขาเองก็ไม่ได้อยากจะมาสู้รบปรบมือกับคนในบ้านนี้ทุกคนหรอก ขอแค่ต่างคนต่างอยู่เขาก็พอใจมากแล้ว

            “ขอถามอะไรหน่อยดิ” เตชินทร์ออกปากถาม

            “ได้”

            “คุณเข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อจะมาจับคุณพ่อใช่มั้ย” วรันต์มองเด็กตรงหน้าด้วยความแปลกใจเล็กน้อย คำถามตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม ถอดแบบคนเป็นพ่อไม่ผิดเพี้ยน

            “ไม่ใช่ อย่างที่เธอรู้ว่าฉันทำงานให้พ่อของเธอแล้วพ่อของเธอจ่ายเงินให้ฉัน”

            “คนอื่นๆ ที่มาอยู่ที่นี่ก็ตอบเหมือนคุณทั้งนั้น”

            “คนอื่น?ก่อนหน้านี้?”

            “ใช่” ความรู้ใหม่สำหรับวรันต์เลยทีเดียว เขาไม่ใช่ตัวเลือกแรกสำหรับเตชัส เคยมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้น เตชินทร์จะไม่ชอบเขาก็คงไม่แปลก

            “แต่ว่า...”  เด็กชายทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เลือกที่จะหยุดคำพูดลง

            “แต่อะไร พูดมาเถอะ จะได้เคลียร์ๆ”

            “คนก่อนๆ เป็นผู้หญิง มีคุณคนแรกที่เป็นผู้ชาย”

            “แสดงว่า คนก่อนๆ ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อจะจับคุณพ่อของเธอ” วรันต์คิดว่าเขากำลังเริ่มเข้าใจอะไรได้ลางๆ แล้ว

            “ใช่ล่ะมั้ง ไม่มีใครบอกผมตรงๆ ว่าจุดประสงค์เขาคืออะไร”

            “ก็จริง เธอก็เลยตั้งท่าไม่ชอบฉันตั้งแต่ทีแรก”

            “คุณก็น่าจะเหมือนกับคนอื่นนั่นแหละ”

            “แค่ฉันเป็นผู้ชายก็ไม่เหมือนคนอื่นแล้ว” วรันต์อธิบาย

             “แล้วคุณเข้ามาอยู่บ้านนี้ทำไม”

            “คำถามนี้ฉันตอบเธอไม่ได้ นอกจากคุณพ่อของเธอนะ เตชินทร์”

            “เอาเป็นว่า ฉันไม่ได้คิดจะจับพ่อเธออะไรทั้งนั้น ฉันมาทำงานที่นี่เพื่อแลกเงิน”

            “จะลองเชื่อดู” เตชินทร์ตอบอย่างไม่ค่อยไว้ใจ

            “โจทย์ที่มีปัญหาเอามานี่สิ จะช่วยแก้ให้” วรันต์แบมือขอสมุดเล่มนั้นอีกครั้ง

            “ทำไมถึงจะช่วย”

            “ถือเสียว่าตอบแทนที่เธอกล้าถามฉันตรงๆ ก็แล้วกัน ทำให้ฉันเข้าใจอะไรขึ้นมานิดหนึ่ง ถึงแม้จะนิดเดียวก็เถอะ ส่งมาสิ” วรันต์ทวงอีกครั้ง ก่อนจะยกโทรศัพท์มาถ่ายรูปโจทย์ข้อนั้น

            “คุณทำอะไร” เตชินทร์ถามด้วยความไม่เข้าใจ ไหนว่าจะช่วยแก้โจทย์ ไฉนเลยจึงถ่ายรูป

            “เถอะน่า รอแป๊ปนึง” ไม่เกินสิบนาที ก็มีเสียงเตือนจากข้อความในโทรศัพท์มือถือของวรันต์ เขาเปิดขึ้นดูก่อนจะยื่นมันให้เด็กหนุ่มที่มองหน้าเขาด้วยความงุนงง

            “รับไปสิ” วรันต์บอกเมื่อเห็นเตชินทร์ไม่รับโทรศัพท์ของเขา

            “อะไรล่ะ”

            “คำตอบข้อนั้นไง”

            “เอามาแค่คำตอบไม่ได้นะ ต้องมีวิธีทำด้วย”

            “อ่านๆ เอาเถอะน่า พูดเยอะจริง” วรันต์บ่น เตชินทร์เลยรับโทรศัพท์นั้นไป ก่อนที่ดวงตาที่เหมือนกับพ่อของเขาจะเบิกกว้างขึ้นด้วยความดีใจ


            เด็กหนุ่มรีบเขียนวิธีทำพร้อมคำตอบลงสมุดนั้นอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเขาก็คืนมันให้กับเจ้าของตัวจริง แล้วก็หันกลับไปทำข้ออื่นต่อ

            “นี่” วรันต์เรียก หลังจากรับโทรศัพท์คืนมา

            “อะไรอีกล่ะ” เด็กชายวัยสิบสามตอบโดยไม่หันมาอีก

            “คำขอบคุณล่ะ”

            “...”

            “เตชินทร์ ไหนคำขอบคุณล่ะ” วรันต์ทวงซ้ำ

            “ขอบ..คุณ” เด็กหนุ่มพูดอย่างเสียไม่ได้

            “ขอบคุณครับ ไม่ใช่ขอบคุณเฉยๆ”

            “...”

            “เร็วสิ” วรันต์เร่ง เขารู้ว่าเตชินทร์ไม่ชินกับคำพูดพวกนี้นักหรอก คนที่อยู่เหนือทุกคน บางครั้งการเลี้ยงดูก็ทำให้มองข้ามหัวทุกคนไปได้โดยไม่สนใจหรือใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

            “...”

            “พูดออกมา มันไม่ได้ยากหรอก คนอื่นทำอะไรให้เราก็ต้องขอบคุณ แล้วต้องขอบคุณเพราะๆ ไม่ใช่ขอบคุณอย่างขอไปที ถ้าคนอื่นเขาได้ยิน เขาจะคิดว่าพ่อแม่เธอไม่สั่งสอน รู้หรือเปล่า”

            “ขอบคุณครับ”

   “เก่งมาก คำขอโทษก็เช่นกันนะ พูดเพราะๆ ใครก็ชอบ” วรันต์สอนเตชินทร์ไปทั้งที่ตัวเองก็ไม่มั่นใจหรอกว่า        เตชินทร์จะเชื่อตนเองหรือไม่ เขาเป็นคนนอก ซ้ำยังไม่ได้สนิทกัน เขาดันบังอาจสอนลูกชายนายจ้างไปเสียแล้ว ถ้าคุณเตชัสมาเขาอาจจะโดนไล่ออกก็เป็นได้


            แต่ก็เอาเถอะ ถ้าหากถูกไล่ออกจริง ถือว่าเขามาทำงานระยะสั้นก็แล้วกัน ถึงเขาจะไม่ใช่แบบอย่างเรื่องอื่นที่ดีนักในเรื่องพวกนี้ นิสัยก็แย่ เหวี่ยงวีนอะไร เขาก็ทำมาหมดแล้ว พฤติกรรมก็ไม่ดี น่ารังเกียจ เพราะเขารู้ดีไง เขาจึงไม่อยากให้คนอื่นเป็นเหมือนตัวเอง

            “ทำอะไรกันอยู่” เสียงเรียกดังจากข้างหลังคนทั้งคู่ วรันต์สะดุ้งอย่างไม่ตั้งใจ ได้ยินที่เขาสอนลูกอีกฝ่ายหรือเปล่าเนี่ย


            ทำไมเรื่องแย่ๆ มาถึงไวจัง วรันต์ถามตัวเอง


            “คุณพ่อ” เด็กชายโยนดินสอทิ้งแล้วลุกไปหาบิดาทันที วรันต์ทำได้แค่ลุกขึ้นแล้วหันไปดูพ่อลูกเขากอดกัน

            “ว่าไง ทำอะไรกันอยู่”

            “ผมกำลังทำการบ้าน” เตชินทร์ตอบผู้เป็นพ่ออย่างกระตือรือร้น เตชัสพยักหน้าว่ารับรู้แล้วหันมามองที่วรันต์

            “ผมก็ไม่ได้ทำอะไร นั่งเฉยๆ” วรันต์ตอบตรงๆ ยกเว้นที่สอนลูกชายอีกฝ่ายไปนะ

            “ชิน” คุณพ่อลูกหนึ่งเรียกชื่อบุตรชายเสียงนิ่งเรียบก่อนจะพูดต่อ “เรื่องที่พี่รัน เขาสอน พ่อชอบนะ ลูกจะต้องใช้คำว่าขอบคุณให้มากกว่าขอโทษ และต้องใช้มันจากความรู้สึกของลูก ไม่ใช่สักๆ แต่พูด รู้มั้ยครับ”

            “ครับ” เด็กหนุ่มรับคำ และวรันต์ก็อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เสียจริงๆ สิ่งที่กังวลนั้นถูกคลายข้อสงสัยไปหมดแล้ว เตชัสได้ยินพวกเขาสองคนคุยกัน ได้ยินครบถ้วนไม่ตกหล่นเลยแม้แต่นิดเดียว

            “คุณแม่ล่ะ” เตชัสถามบุตรชายต่อ

            “คุณแม่ไม่อยู่ครับ คงไปข้างนอกเหมือนเคย” เหมือนคำตอบจะเป็นคำพูดติดปากของเด็กน้อยวัยนี้ มีไม่กี่ครั้งหรอกที่กลับบ้านมาแล้วจะเจอมารดารอรับอยู่ที่บ้าน ยิ่งเรื่องไปรับที่โรงเรียนนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย

            “ไม่เป็นไร ชินรีบทำการบ้านเข้าล่ะ เสร็จแล้วจะได้ทานข้าวกัน”

            “ครับ แล้วทำไมวันนี้คุณพ่อกลับเร็วจัง”

            “วันนี้งานเสร็จเร็ว พ่อเลยรีบกลับ ไม่ดีใจเหรอ”

            “ดีใจสิครับ ชินอยากให้พ่อกลับมาเร็วๆ แบบนี้ทุกวันเลย”

            “พ่อจะพยายาม เอาล่ะ ไปทำการบ้านต่อได้แล้ว”

            “ครับ”

            “รัน ตามฉันมา ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย” เตชัสสั่ง วรันต์จึงเดินตามอีกฝ่ายไปหน้าบ้าน

            “ครับ คุณเต” วรันต์ถามออกไป ตอนนี้เหลือพวกเขาเพียงลำพังสองคนบนศาลาที่ตั้งอยู่บนสนามหน้าบ้าน ใจก็เต้มตุ๊มๆ ต่อมๆ ไม่รู้คุณเตชัสจะบ่นอะไรเขาบ้าง

            “เธอกับเตชินทร์เป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ผิดคาด เตชัสกลับถามเรื่องความสัมพันธ์ของเขาไปเสียได้

            “ก็..โอเคมั้งครับ”

            “หมายความว่าไง”

            “ผมเพิ่งรับคุณชินมาจากโรงเรียน แค่วันแรกเอง ยังบอกอะไรไม่ได้หรอกครับ”

            “เขาทำท่าทาง หรือมีกิริยาอะไรไม่ดีใส่เธอหรือเปล่า ถ้าเตชินทร์ก้าวร้าวใส่เธอก็ขอให้บอกฉันได้ ฉันไม่ใช่พ่อที่จะเข้าข้างลูกตัวเองเสมอ แต่ก็ไม่ทุกครั้งไป” คำพูดของเตชัสเกือบจะช่วยทำให้วรันต์โล่งใจได้บ้าง เขาได้แต่ภาวนาว่าขอให้เตชัสเป็นอย่างที่ปากพูดจริงๆ ละกัน

            “ปกติครับ ถ้ามีอะไร ไว้ผมจะบอกคุณก็แล้วกัน”

            “อืม”

            “เรื่องการสอนเขา ฉันไม่ว่าถ้าเธอจะไม่สอนสิ่งแย่ๆ ให้เตชินทร์ หวังว่าคงเข้าใจ” วรันต์กลืนน้ำลายดังเอื๊อก คิดว่าอีกฝ่ายจะลืมไปแล้วเสียอีก แต่นี่เหมือนกำลังขู่เขาชัดๆ

            “แน่นอนครับ”

            “เอาล่ะ เธอไปพักเถอะ อีกสักพักก็จะตั้งโต๊ะแล้ว ตรงเวลาด้วยล่ะ”

            “ครับ” วรันต์รับคำแล้วกลับเข้าไปข้างในบ้านอย่างเดิม



            ระหว่างทางที่เขาเดินขึ้นบันไดจนมาถึงห้องพักของตัวเอง วรันต์ก็คิดได้หลายอย่างเลยทีเดียว วันแรกเขาก็ได้รับรู้แล้วว่าเตชัสเคยจ้างคนมาทำหน้าที่นี้แทนเขามาหลายคนแล้ว


            น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้จ้างผู้หญิงทำงานมาโดยตลอด แล้วทำไมครั้งนี้ถึงเลือกเขาที่เป็นผู้ชายล่ะ


            เขาคิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายจ้างเขามาที่นี่เพื่อทำอะไรกันแน่


            ใครจะรู้ได้ แล้วใครจะกล้าถามล่ะ


            “รงค์?ว่าไง” วรันต์รับโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในมือ ทำให้ความคิดของเขาหยุดชะงักลง

            “พี่แอบไปรับงานติวเตอร์เหรอ” คำถามของวรงค์แทบอยากจะทำให้เขาทิ้งตัวลงบนพรมแล้วหัวเราะกลิ้งไปกลิ้งมา

            “รงค์ คิดว่าพี่ฉลาดเป็นติวเตอร์ได้จริงเหรอ”

            “ผมแปลกใจ”

            “ถึงกับทนไม่ไหว โทรมาถามเลย”

            “จู่ๆ พี่ส่งโจทย์ของเด็กม.ต้น มา ผมก็งงสิ”

            “การบ้านของลูกชายเจ้านายที่เขาจ้างพี่มาทำงานก็เท่านั้นเอง”

            “อ่อ”

            “ขืนให้พี่ไปเป็นติวเตอร์ สอบตกกันทั้งประเทศแน่” วรันต์หัวเราะกับความคิดของน้องชาย         

            “ครับ”

            “แล้วยายเป็นไงบ้าง สองสามวันนี้พี่คงยังเข้าไปหายายไม่ได้ วันหยุดพี่จะแวะเข้าไป”

            “ยายสบายดีครับ ถามหาพี่ทุกวันแล้วก็บ่นว่าเบื่อโรงพยาบาลแล้วอยากกลับบ้าน”

            “ไม่ได้นะ รงค์รั้งยายไว้ด้วย อย่าให้ยายหนีกลับบ้านไปล่ะ”

            “ครับ”

            “หมอนัดวันผ่าเป็นสัปดาห์หน้า รงค์รู้แล้วใช่มั้ย”

            “รู้แล้วพี่รัน”

            “อืม ถ้าช่วงนี้มีกิจกรรมหรืองานอะไรตอนเย็น ขออาจารย์เขางดหรือกลับเร็วหน่อยนะ”

            “ผมบอกอาจารย์ไว้แล้วครับ”

            “เก่งมาก พี่ก็คิดว่ารงค์ต้องเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว”  วรันต์ชมน้องชาย วรงค์เป็นน้องชายที่ไม่เคยทำให้เขาต้องเหนื่อยใจด้วยเลยสักครั้ง

            “ผมไม่อยากให้พี่รันต้องมาเครียดเรื่องผมอีก”

            “ขอบใจมากนะ ที่ห่วงพี่”

            “ผมห่วงพี่เสมอนะ”

            “ขอบใจ พักผ่อนเยอะๆ อย่าอ่านหนังสือดึกล่ะ เรื่องสอบไม่ต้องกังวลจนเครียด ถ้าสอบไม่ติดก็ไม่เป็นไร พี่ส่งเราเรียนเอกชนได้”

            “พี่รัน พี่ลืมได้ไง ผมเป็นนักเรียนทุนนะพี่ ไม่อยากจะคุยหรอกนะ แต่ตอนนี้ผมมีที่เรียนเยอะเลย” เสียงน้องชายหัวเราะลอดผ่านมาจากปลายสายมา วรันต์ได้ยินก็อดอมยิ้มไม่ได้

            “อ้าว โทษที ลืมไปได้ยังไง ว่าน้องชายของพี่เก่งแค่ไหน”

            “เดี๋ยวผมกลับเข้าไปดูยายก่อน พี่ทานข้าวเยอะๆ นะ”

            “อืม รงค์ก็เหมือนกัน” วรันต์บอกก่อนจะวางสายลง

            ชีวิตของเขา ขอแค่น้องชายดูแลตัวเองได้ ยายแข็งแรง เขาก็พอใจแล้ว



==========================================


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบแปด กำเริบเสิบสาน P8 22/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 22-06-2018 11:06:11
 :กอด1: ขอให้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในชิวิตนายบ้างนะวรันต์ ตอนแรกก็เกลียดนะ แต่รู้ก็น่าสงสาร เฮ้อ...

 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบแปด กำเริบเสิบสาน P8 22/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-06-2018 11:38:24
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบแปด กำเริบเสิบสาน P8 22/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-06-2018 12:45:55
คนเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ อยู่ที่ใจ และสภาพแวดล้อม
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบแปด กำเริบเสิบสาน P8 22/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 22-06-2018 14:03:00
 :hao3:
ค่อยคลายความไม่ชอบหน้าลงได้หน่อย
เมื่อ "วรันต์" รู้จักเอาพฤติกรรมไม่ดีของตัวเอง มาทบทวน
และปรับเป็นบทเรียนสอนเด็ก .. ถือว่าสอบผ่าน

นี่ถ้าน้องชายเก่งอย่างนี้ คุณพ่อน่าจะจ้างมาติวลูกชายนะ
เด็กจะได้อยู่กับคนรู้คิดอย่างนักเรียนทุนบ้าง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบแปด กำเริบเสิบสาน P8 22/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-06-2018 09:19:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบแปด กำเริบเสิบสาน P8 22/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 26-06-2018 10:29:55


งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย



            “วันนี้ทำอะไรกินดี” แม่น้อยพูดกับตัวเองพลางเดินตลาดอย่างขะมักเขม้น

            “ฉันเอาไข่เจียวหมูสับด้วยนะแม่” แต่เสียงไอ้น้ำลูกชายคนโตโพล่งขึ้นมาโดยไม่สนใจ

            “เฮอะ มาบอกข้าทำไม” แม่น้อยแค่นเสียงใส่ มือก็หยิบผักที่วางขายบนแผงขึ้นมาเลือก

            “อ้าว ถ้าฉันไม่บอกแม่แล้วจะให้บอกใคร แม่ของฉันเนี่ย ทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลกเลยนะ”

            “ไม่ต้องมายอข้า ทำมาเป็นพูดอย่างนั้นอย่างนี้ หมู่นี้กินข้าวที่บ้านหรือไง ฝากยายฝนมา บอกข้าอยู่เรื่อยว่าไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน”

            “แหม...แม่ก็ทำน้อยใจไปได้ วันนี้ฉันกินข้าวที่บ้านไง”

            “แล้วจะกินอะไรอีก” ทำเสียงแข็งบ่นไปแบบนั้น แต่คนเป็นแม่ก็ยังเป็นแม่วันยังค่ำ

            “ตามใจแม่เลยจ้ะ อ้อ..วันนี้ผู้กองมากินข้าวที่บ้านเราด้วยนะ” ไอ้น้ำบอก แม่น้อยปรายตา มองบุตรชายชั่วครู่ก่อนจะถอนใจออกมาแผ่วเบาแล้วเลือกผักในมือต่อ

            “เอ็งว่า..” แม่น้อยชั่งใจ มองหน้าไอ้น้อยเล็กน้อยก่อนจะถามออกไป “ผู้กองชอบกินผักอะไร”

            “ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ แต่ฉันเห็นผู้กองชอบกินผัดกะหล่ำปลี ยิ่งกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา เห็นมีบนโต๊ะทีไร หมดเรียบทุกที แต่ผักอะไร ผู้กองก็กินได้หมดแหละ เขาไม่ใช่คนกินยาก” น้ำบอกยืดยาวด้วยความมั่นใจ

            “อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นก็เอาผักนี้อย่างที่เอ็งว่าละกัน” แม่น้อยหยิบผักตามที่ไอ้น้ำบอก กะหล่ำปลีหัวใหญ่ หนึ่งหัว พร้อมกับผักอื่นๆ ที่ตนเองได้เลือกไว้แล้วส่งให้แม่ค้าคิดเงิน

            “จ้ะ”

            “หมู ไก่ ปลา กุ้ง หมึก ผู้กองเขาชอบกินอะไร” เดินไปจนถึงร้านขายพวกกุ้งหอยปูปลา แม่น้อยก็ถามอีก

            “อืม ชอบอะไรเหรอ” ไอ้น้อยขมวดคิ้วเพราะกำลังนึกถึงอีกคน “อะไรก็ได้มั้งแม่ ผู้กองกินหมดแหละ วันนี้แม่เป็นอะไร ถามเยอะแยะ” น้ำบอกหลังจากนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

            “ก็จะได้ทำอาหารให้ถูกปากผู้กองไง”

            “อ้อ ทำไปเถอะจ้ะ แม่ทำอร่อยอยู่แล้ว ผู้กองเขาชอบฝีมือแม่” แม่น้อยเลือกไก่และกุ้งขึ้นมาอย่างละครึ่งกิโลกรัม เสร็จแล้วก็ส่งให้แม่ค้าคิดเงินเหมือนเดิม

            “อืม ยังขาดเครื่องปรุง” แม่น้อยพูดพลางเดินต่อไปร้านขายพวกพริก กระเทียม เครื่องปรุงต่างๆ นางเลือกอย่างตั้งใจ ไม่ใช่เพราะวันนี้ผู้กองจะมากินข้าวที่บ้าน แต่ความสดใหม่และความสะอาดต่างหากที่นางต้องการ


            ทำกับข้าวกินเอง ก็ควรใส่ใจ


            สองแม่ลูกกำลังเลือกอาหารที่จะเตรียมไว้มื้อเย็นก็พากันสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงใครสักคนในตลาดดังลั่นไปทั่วบริเวณ


            “ไปเร็ว!!!พวกเรา นางสอนมันบ้าไปแล้ว” เสียงนางแช่มวิ่งเข้ามาในตลาดแล้วตะโกนบอก และเจ้าตัวก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกของนางอย่างแท้จริง

            “มีอะไรกันวะ” นางน้อยถามด้วยความงงงวย

            “มีอะไรป้าแช่ม” ไอ้น้ำจำใจตะโกนถาม ขืนช้าไปกว่านี้จะไม่ทันรู้ความ

            “นางสอนกับตำรวจน่ะสิ รีบไปดูเร็ว ช้าไม่ทันนะเฮ้ย” นางแช่มตะโกนตอบกลับมาได้ทันก่อนที่ขาของนางจะพ้นตลาด

            “แม่..” น้ำหันไปเรียกแม่

            “ไปเร็ว ไอ้น้ำ ขืนชักช้าตลาดวาย” แม่น้อยยัดสายถุงผ้าที่บรรจุมื้อเย็นเอาไว้ให้บุตรชายถือแล้วกระชากลากแขนไอ้น้ำให้เดินตามนางแช่มไปอย่างรวดเร็ว

            “แม่..แม่ มอบตัวเถอะ” เมื่อไอ้น้ำเดินไปถึงที่เกิดเหตุ หน้าบ้านนางสอน มันก็ได้ยินเสียงของบุตรชายนางสอนหรือไอ้สินกำลังอ้อนวอนมารดา

            “ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด” นางสอนตอบเสียงเครียด

            “ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด เอ็งก็ไปกับข้าดีๆ เถอะวะ นางสอน” จ่าสมหมายบอกเสียงเรียบ

            “ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมข้าต้องไปด้วย พวกเอ็งนั่นแหละ ตั้งใจจะจับข้า แต่ข้าไม่ได้ทำ เรื่องอะไรข้าจะต้องไป” นางสอนตอบวนเวียนไปมา ใบหน้าเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา


            น้ำไม่ค่อยสบายใจเอาเสียเลย เมื่อเห็นวัตถุในมือของนางสอนที่กวัดแกว่งอยู่นั่นแหละ มีดเล่มเบ้อเร่อ มันอันตรายน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ ชายหนุ่มมองผู้กองที่ยืนอยู่ข้างหน้ากำลังประจันหน้ากับนางสอน ยิ่งพลอยทำให้มันกระวนกระวายใจ

            “แม่” น้ำเรียกมารดา

            “อะไรวะ”

            “มีดจ้ะ มีด”

            “เออ ข้าเห็นแล้ว ทำไม เอ็งเป็นอะไร ทำไมจับแขนข้าแน่นขนาดนั้น แล้วมือยังเย็นเฉียบแบบนี้” นางน้อยถามบุตรชาย ไอ้น้ำดูผิดปกติ

            “ปะ...เปล่า”

            “เอ็งกลัวหรือ ถ้ากลัวงั้นก็กลับบ้านกันก่อน” นางบอกอย่างเป็นห่วง

            “เปล่าจ้ะ แม่เห็นหรือเปล่า ผู้กองกำลังคุยกับป้าสอนอยู่ มันอันตรายนะแม่”

            “ก็หน้าที่ตำรวจเขา เอ็งจะกังวลทำไม” นางปลอบ

            “ก็มันอันตราย” น้ำพูดซ้ำ

            “ผู้กองเขาเก่ง ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก เอ็งอย่าเป็นห่วงไปเลย” นางถอนหายใจ พลางกระชับมือบนหลังมือบุตรชายแน่น

            “แม่ว่าอย่างนั้นหรือ” มันยังไม่วางใจ

            “เออสิวะ ถ้าเขาไม่มีฝีมือ เขาจะมาเป็นผู้กองได้หรือ” เมื่อเห็นบุตรชายยังไม่ยอมเชื่อ นางเลยจำต้องดุไอ้น้ำ เผื่อว่ามันจะยอมฟังบ้าง

            “อย่าเข้ามา ข้าสู้จริงๆ ด้วย” นางสอนยังแกว่งมีดในมือไม่หยุด

            “แม่ ถ้าแม่ไม่ได้ทำ ทำไมไม่ยอมไปกับตำรวจเขาดีๆ” ไอ้สินถาม อยากให้แม่ใจอ่อน

            “ฮึ เอ็งไม่รู้อะไร ตำรวจพวกนี้มันหัวหมอ มันจะยัดข้อหาให้ข้าน่ะสิ”

            “ข้ารู้จักกับเอ็งมากี่ปี นางสอน คิดเหรอว่าข้าจะใจร้ายใส่ร้ายเอ็งได้ลงคอ” จ่าสมคิดพูดขึ้นบ้าง

            “เวลานี้ข้าไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น จู่ๆ มาจับข้าแบบนี้หลักฐานก็ไม่มี จะให้ข้าเชื่อได้ยังไงกัน”

            “ใจเย็นๆ ครับ ป้าสอน วางมีดลงก่อนเถอะ มีอะไรค่อยคุยกัน ถ้าไม่อยากไปสถานีตำรวจ ก็ไม่ต้องไปครับ” ผู้กองปรานต์บอกพลางปลอบ เพราะไม่อยากให้นางสอนเครียดจนสติแตก

            “ไม่เชื่อ ข้าไม่ได้โง่นะ ขืนวางมีดอย่างที่พวกเอ็งบอก ข้าก็โดนจับน่ะสิ”

            “แล้วป้าสอนจะถือมีดไว้แบบนี้ตลอดเหรอครับ ไม่เมื่อยมือบ้างเหรอ” ผู้กองกำลังชวนอีกฝ่ายคุย

            “เรื่องของข้า”

            “หิวน้ำมั้ยครับป้าสอน” ผู้กองถามพลางหันไปหาจ่าสมหมาย “จ่า เดี๋ยวหาน้ำให้ป้าสอน เขาหน่อย”

            “ไม่เอา ไม่ต้องเอามาให้ข้า พวกเอ็งจะใส่ยานอนหลับมาในน้ำแล้วให้ข้ากินมันใช่ไหม ข้ารู้ทันพวกเอ็กหรอกน่า”

            “ป้าสอนไม่ต้องกังวล เป็นน้ำขวดใหม่ แกะพลาสติกต่อหน้าป้าสอนเลยครับ” ผู้กองบอก นางถือมีดมาร่วมครึ่งชั่วโมง เหงื่อคงออกเต็มมือและคงเมื่อยมือเต็มทีแล้ว

            “....” นางสอนไม่ตอบ ผู้กองสังเกตว่าคงจะยอมเชื่อตนเองขึ้นบ้างแล้ว ยิ่งอากาศวันนี้ค่อนข้างอบอ้าว เจ้าตัวคงกระหายน้ำไม่น้อยเลยทีเดียว

            “ผู้กอง นี่ครับ” จ่าสมหมายยื่นน้ำขวดใหม่ให้ผู้กอง เขารับมาก่อนจะบอกคนที่กำมีดแน่น

            “ป้าสอนดูนี่นะครับ เดี๋ยวผมจะเปิดให้ดูต่อหน้าเลย” นางสอนมองตามน้ำขวดนั้น ที่ผู้กองได้บอกนางสอนไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

            “รับไปนะครับ” ผู้กองหนุ่มยื่นขวดน้ำที่พร้อมดื่มเรียบร้อยแล้วให้

            “....” นางสอนไม่กล้ารับ เพราะนางกลัวว่าอีกฝ่ายจะอาศัยจังหวะนี้เข้าจับกุมนาง

            “ป้าสอนกลัวผมใช่มั้ย เอาอย่างนี้นะครับ ผมจะวางน้ำไว้ตรงหน้าป้า แล้วผมกับจ่าจะถอยออกไป ดีไหม” ผู้กองค่อยๆ วางขวดน้ำ ตรงหน้านางสอน เสร็จแล้วก็ค่อยๆ ถอยออกมาเช่นกัน



            นางสอนมองตามการกระทำนั้นไม่ห่าง สายตาจับจ้องอยู่ที่ผู้กอง จนลืมสังเกตว่าด้านหลังผู้กองมีเพียงจ่าสมหมายเพียงคนเดียว ไร้เงาของจ่าสมคิด



            เมื่อเห็นผู้กองถอยออกไปแล้ว นางค่อยๆ ก้มตัวหยิบน้ำขึ้นมา ผู้กองสบตารอให้สัญญาณกับจ่าสมคิดที่อยู่ด้านข้างของนางสอน คนละฝั่งกับที่ผู้กองและจ่าสมหมายยืนอยู่



            ผู้กองหนุ่มรอนางสอนดื่มน้ำจนใกลหมดขวดแล้วนั่นแหละจึงให้สัญญาณกับจ่าสมคิดพุ่งเข้าชาร์จนางสอนที่ไม่ทันระวังตัว หากเมื่อจ่าสมคิดเข้าไปใกล้นางแล้ว นางสอนจึงได้สติ โยนขวดน้ำทิ้ง จังหวะเดียวกัน ผู้กองก็พุ่งเข้าไปหานางสอนจากอีกฝั่งเช่นกัน


            “ผู้กอง!” น้ำที่ยืนอยู่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ ตกใจกับเหตุการณ์และการกระทำตรงหน้าของผู้กอง เขาจึงส่งเสียงเรียกออกไปด้วยความกังวล


            ทว่านั่นทำให้ผู้กองชะงักตามเสียง เสียจังหวะที่จะเข้าจับกุมนางสอน


            และประกอบกับมีดที่อยู่ในมือนางสอน ได้แกว่งมาโดนแขนของผู้กองอย่างไม่ตั้งใจ เผยให้เห็นเลือดที่ซึมออกมา ไอ้น้ำก็อยากจะเป็นลมด้วยความเป็นห่วง ผู้คนรอบข้างพากันส่งเสียงฮือด้วยความตกใจไม่แพ้กัน


            “ไม่ต้องเป็นห่วงผม!จับป้าสอนให้ได้” ผู้กองบอกจ่าสมหมายที่เกือบจะหยุดชะงักที่เห็นบาดแผลของผู้บังคับบัญชา



            หนึ่งผู้กองและสองจ่าร่วมมือทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ผู้กองคว้าข้อมือของนางสอนเอาไว้ได้ในจังหวะที่นางสอนกำลังตกใจเพราะพื้นฐานจิตใจของนางไม่ใช่คนที่ชอบใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด ชายหนุ่มออกแรงบีบที่ข้อมือให้มือนั้นคลายมีดออกจนมันตกลงพื้น จ่าสมหมายเตะมีดออกไปให้พ้นรัศมีของนางสอน ส่วนจ่าสมคิดเข้าจับล็อคด้านหลังของนางเอาไว้แน่น จนไม่มีโอกาสให้หนีไปได้


            “ข้าเปล่านะ ข้าไม่ได้ทำ ไม่ได้ฆ่านางพัดนะ” นางสอนเมื่อถูกจับก็เริ่มโวยวาย ร้องไห้อีกรอบ

            “แม่.. เกลียดนางพัดมันเหรอ ทำไมถึงฆ่ามันได้ลงคอ” ไอ้สินก็ร้องไห้ออกมาไม่แพ้มารดา มันรักเมียคนนี้มากแค่ไหน ทำไมแม่สอนจะไม่รู้

            “ข้าไม่เคยเกลียดมันเลย แต่มันไม่ได้รักเอ็ง ได้ยินมั้ยว่ามันไม่รักเอ็งแล้ว” นางสอนพร่ำบอก

            “ถึงมันจะไม่รักฉันแล้ว แม่ก็ไปฆ่ามันไม่ได้”

            “ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ฆ่ามัน เอ็งต้องเชื่อข้านะ ไอ้สิน” นางพยายามจะเข้าไปหาบุตรชาย แต่ก็ถูกจ่าสมหมายรั้งตัวเอาไว้ก่อน

            “แม่..ฉันอยากเชื่อแม่จริงๆ แต่ฉันทำไม่ได้” ไอ้สินยกมือปิดหน้าร้องไห้แล้วรีบเดินเข้าบ้านไป เขาร้องไห้ที่ตรงนี้ต่อไม่ไหว

            “ข้าเปล่าทำนะ ข้าเปล่า ไอ้สิน เชื่อข้านะ”

            “พาป้าสอนไปที่ สน. เดี๋ยวผมตามไป” ผู้กองบอกหลังจากใส่กุญแจมือนางสอนเรียบร้อยแล้ว จ่าสมหมายรีบพาตัวผู้ต้องหาไปขึ้นรถทันที

            “รีบห้ามเลือดก่อนดีไหมครับ ผู้กอง ผมโทรตามเจ้าหน้าที่มาแล้ว” จ่าสมคิดถามด้วยความเป็นห่วงเจ้านาย

            “ขอบใจมาก จ่าสองคนไปที่ สน. ก่อนได้เลย” ผู้กองหนุ่มบอกซ้ำ

            “ไม่เป็นไรแน่นะครับผู้กอง” จ่าสมคิดถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ดูจากแผลแล้วก็ลึกไม่น้อยเลยทีเดียว

            “ครับ” จ่าสมคิดจัดแจงหาเก้าอี้มาให้ผู้กองนั่งพักระหว่างรอเจ้าหน้าที่อนามัยมา

            “คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ขอให้ออกไปให้พ้นบริเวณนี้ได้แล้ว” จ่าสมหมายเอ่ยปากบอกประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ครู่เดียว กลุ่มไทยมุงก็แยกย้ายไปกันคนละทิศละทาง บ้านใครบ้านมัน

            “ไปเถอะ ไอ้น้ำ” แม่น้อยบอกบุตรชายที่ยังยืนนิ่งอยู่

            “แม่กลับไปก่อนได้ไหม” น้ำบอกแม่น้อยเสียงเรียบ

            “อืม ได้ เอาถุงผ้ามา เดี๋ยวข้าถือไปเอง” ไม่รู้ว่านางถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวัน นางดึงถุงผ้าออกจากไอ้น้ำ แล้วเดินออกจากบริเวณนี้ไป

            “ผู้กอง เป็นไงบ้าง เจ็บหรือเปล่า” ไอ้น้ำ พอเห็นแม่น้อยเดินไปแล้ว เขารีบก้าวเท้ายาวเข้าไปหาอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มืออีกข้างก็มีผ้าสะอาดที่ใครสักคนหวังดีหามาให้เพื่อกดแผลห้ามเลือด

            “ไม่เป็นไร”

            “ขอโทษ ตอนนั้น ผมไม่น่าเรียกผู้กองเลย” น้ำบอกอย่างรู้สึกผิด ถ้าเขาจะเชื่อมั่นในหน้าที่ของผู้กองมากกว่านี้ คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้



            ชายหนุ่มปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากของอีกฝ่ายให้ออกไป โดยไม่สนใจว่าใครจะเห็นบ้างหรือไม่ วินาทีนี้ไอ้น้ำก็ไม่สนใจแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าการที่เห็นคนที่ตัวเองรักนั้นบาดเจ็บ มันจะเจ็บที่ใจมากขนาดนี้ โรคหัวใจของเขามันกำเริบไม่หยุดหย่อน


            แม่น้อยหันกลับมามองบุตรชายด้วยความเป็นห่วง ภาพตรงหน้าไม่ต้องบอกก็คงพอจะเดาอะไรได้ลางๆ ไม่ผิดจากที่ยายฝนเคยถาม เคยบอก อะไรที่นางเคยสงสัย ในวันนี้มันกระจ่าง ชัดเจนแล้ว


            ลูกชายของนางกับผู้กอง


            “ผมขอโทษ” น้ำยังพร่ำบอกอีกฝ่ายอย่างไม่รู้เหนื่อย เขารู้สึกผิดจริงๆ

            “เลิกขอโทษ และเลิกโทษตัวเองได้แล้ว พี่ปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว”   ผู้กองยิ้มให้ ไม่ได้โกรธคนตรงหน้าแม้แต่น้อย

            “แต่..” น้ำทำท่าจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ถูกผู้กองขัดขึ้นมาก่อน

            “อย่าเถียงพี่ ถ้าน้ำคิดว่าตัวเองผิดและอยากให้พี่ยกโทษให้ พี่ขออย่างเดียว”

            “ครับ?”

            “ถ้าวันหน้ามีเหตุการณ์อะไรแบบนี้อีก น้ำอย่ามาได้ไหม”

            “ทำไมล่ะ” น้ำสงสัย เขาก็อยากรู้เหมือนกันนี่นา

            “พี่จะได้มีสมาธิจับคนร้าย ไม่ต้องพะวงเป็นห่วงน้ำ แค่นี้ได้ไหม”

            “เอ่อ...”

            “ได้หรือเปล่า” ผู้กองขอ เพราะตอนที่เขาได้ยินเสียงน้ำเรียกเขาในตอนนั้น นั้นใจของเขาหล่นวูบ ถ้าหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เขาจะทำอย่างไร เขาเลยไม่อยากให้น้ำเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยง

            “ได้ครับ”

            “เก่งมาก”



            ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่จากอนามัยมาแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก น้ำยืนมองเจ้าหน้าที่ห้ามเลือดและล้างแผลให้อีกฝ่ายเรียบร้อย และตอนนี้เขากำลังพาผู้กองไปที่โรงพยาบาลในตัวเมืองเพื่อให้คุณหมอตรวจดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ


            “ไม่ต้องไปโรง’บาลหรอก”

            “ไม่ได้ครับ ไปเถอะ ผมอยากสบายใจ”

            “พี่ยังมีงานต้องกลับไปทำต่อ” ผู้กองต่อรอง

            “ให้จ่าเขาทำแทนไปก่อนก็ได้มั้งครับ ป้าสอนก็ถูกจับแล้วนี่นา” น้ำเถียง

            “เดี๋ยวนี้เริ่มออกคำสั่งกับพี่แล้วเหรอ” ผู้กองแซวไอ้น้ำที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถของผู้กองอย่างตั้งใจ

            “อะไรล่ะ ออกคำสั่งอะไร ไม่มีสักหน่อย ผมก็แค่พูดไปตามสถานการณ์” น้ำเฉไฉ

            “ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร”

            “ผู้กอง เรื่องป้าสอน เรื่องมันเป็นมายังไง”

            “คนที่นายสงสัย ใช่ป้าสอนหรือเปล่าล่ะ”

            “ผมก็คิดๆ อยู่ แต่ในหัวก็บอกว่า คนอย่างป้าสอนเนี่ยนะจะฆ่าคนได้ เลยไม่ปักใจเชื่อเต็มที่” น้ำบอก

            “ป้าสอน แกไม่ได้ตั้งใจหรอก พลั้งมือเสียมากกว่า”

            “หืม?จริงดิ”

            “ต้องรอแกสารภาพอีกที คนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ วันนั้น ก็คงมีเพียงแค่ป้าสอนกับคุณพัด สองคนเท่านั้น และตอนนี้เหลือแค่เพียงป้าสอน”

            “น่าสงสาร”

            “สงสารใคร?”

            “ทุกคนล่ะครับ ทั้งคุณพัด พี่สินและป้าสอน ทุกคนไม่ได้อยากให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเลย”

            “อืม เมื่อคนเราขาดสติก็มักจะนำมาด้วยปัญหาแบบนี้ล่ะ น้ำก็ต้องมีสติให้มากล่ะ ฉันไม่อยากกลายเป็นคนที่จับน้ำเข้าคุก”

            “อ้าว ผู้กอง ทำไมมาแช่งกันแบบนี้ล่ะ” น้ำโวยวายลั่น

            “แค่บอกไว้เฉยๆ”

            “บอกเฉยๆ ก็ไม่ต้องเปรียบกันอย่างนี้ก็ได้มั้ง อะไรกัน อยากจับผมเข้าคุกอย่างเดียว นี่แฟนนะ แฟน ไม่ใช่ผู้ร้าย” น้ำบอกให้อีกฝ่ายระลึกว่าเขาเป็นใคร

            “รู้แล้วว่าเป็นแฟน ไม่งั้นจะให้มาออกคำสั่งแบบนี้เหรอ”

            “อ้าว....เข้าตัวเฉยเลย”



            น้ำไม่ตอบ สถานการณ์เริ่มลำบาก เขาได้ยินเสียงผู้กองหัวเราะแผ่วเบา พอหันกลับไปดูอีกที อีกฝ่ายก็คอพับหลับไปแล้ว คงเพลียจากการเสียเลือด ไอ้น้ำเลยเหยียบคันเร่งเพิ่มอีกนิด

 
            โรงพยาบาลรอก่อน ไอ้น้ำกำลังจะพาผู้กองไปหาแล้ว



==========================================

กระซิบ ใกล้จบแล้วนะ T-T

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-06-2018 11:51:53
อย่าเพิ่งจบเลย อ่านเพลินๆ ฮื่อออ

 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-06-2018 11:53:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 26-06-2018 11:54:52
แม่น้อยน่าจะรับได้นะ ก็ผู้กองดีจะตาย~

แม่! ลูกเขยอย่างนี้ต้องรีบคว้าไว้นะ

 :hao7:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-06-2018 12:11:32
 o13
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-06-2018 14:25:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 26-06-2018 14:39:04
แม่น้อยจะต้อนรับลูกเขย(ลูกสะใภ้ในความคิดน้ำ) ยังไงน่อ  :katai3:
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-06-2018 16:26:10
มื้อนี้แม่น้อยทำอาหารสุดฝีมือต้อนรับลูกเขย
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 26-06-2018 17:59:10
แม่น้อยรู้แล้วว น้ำพาลูกเขยไปแนะนำตัวเร็วว
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 26-06-2018 23:59:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 27-06-2018 01:48:00
ไม่อยากให้จบเลยยย มันสนุกมากกก ชอบๆๆๆๆๆ ขอฉากNCบ้างก็ดีค่ะ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรรร ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้นะคะ เดี้ยวว่างจะไปตามอ่านเรื่องเก่าๆที่พี่แต่งไว้น้าา :กอด1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-06-2018 12:05:15
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 27-06-2018 12:54:05
สถานีตำรวจใน ตจว จะเรียกว่า สถานีตำรวจภูธร หรือ สภ ส่วน สถานีตำรวจนครบาล หรือ สน จะใช้ในเขตกรุงเทพเท่านั้น (แค่ออกไปเขตนนฯ ก็เรียกว่า สภ ละครับ) ฝากไว้ด้วยครับ คนอ่านจะได้อ่านสมูทขึ้น
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 27-06-2018 17:34:16
รอมื้ออาหารจากแม่น้อย
เฮ้อ หวังว่าคงผ่านเรื่องวุ่นๆจากคดีไปแล้วเนอะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 27-06-2018 23:07:23
 :katai2-1:.
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 28-06-2018 15:31:16
ทำไมพึ่งมาอ่านเรื่องนี้เนี่ย
สนุกมาก ชอบค่ะ
แม่น้อยจะว่าไงน้าา
รอนะคะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย P8 26/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 29-06-2018 11:35:51


งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค



“ผู้กองมากินข้าวแน่นะเอ็ง ไม่ใช่หลอกให้ข้าทำกับข้าวเก้ออย่างคราวก่อนอีกล่ะ” แม่น้อยถาม ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับผัดกะหล่ำปลีในกระทะอย่างเมามัน

“โธ่ แม่ก็.. คราวก่อนมันเหตุสุดวิสัยนี่จ๊ะ ไหนจะเรื่องป้าสอน ไหนจะเรื่องผู้กองที่บาดเจ็บในหน้าที่” น้ำประจบเอาใจ พลางเสนอหน้ายื่นจานให้มารดา

“อันนั้นข้าก็เข้าใจ แล้วกับข้าวที่ข้าทำไปฝากผู้กองนี่ถึงมือเขาแน่ใช่ไหม เอ็งเอาให้เขาใช่ไหมวะ” แม่น้อยถามย้ำ

“แม่มาถามฉันอะไรตอนนี้ ต่อให้ฉันไม่เอาไปให้ ก็ไม่ทันแล้วมั้ง” น้ำบอก กับข้าวมื้อเย็นไม่ได้เพิ่งผ่านมาวันสองวัน แต่เป็นสัปดาห์แล้ว

“ข้าก็ถามเพื่อความแน่ใจ”

“ถึงมือแน่นอน ผู้กองคนโปรดของแม่ กินหมดเกลี้ยงเหลือแต่ปิ่นโตเถาเปล่าๆ กลับมาไงจ๊ะ”

“เออ เอ็งไม่ได้เอาไปทิ้งก็แล้วไป แล้วนี่ผู้กองจวนใกล้เลิกงานหรือยัง” แม่น้อยถาม ไอ้น้ำหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงมาดู

“เลิกแล้ว อีกสักพักคงมาถึง แม่ทำกับข้าวเสร็จยังล่ะ”

“เหลือแกงหม้อนี้ ผู้กองมาคงได้ที่พอดีล่ะ เอ้า..นั่นเสียงรถใช่หรือเปล่า” แม่น้อยเงี่ยหูฟังให้ได้ยินชัดๆ

“น่าจะใช่จ้ะ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” น้ำทิ้งทุกอย่าง แล้วรีบเดินออกจากครัวไปหน้าบ้านทันที

“ดูพี่เอ็งเถอะนะ ยายฝน” น้ำฝนที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัว ถึงกับงง แม่บอกให้ดูอะไร น้ำฝน ไม่เข้าใจ

“เป็นอะไรของแม่” หญิงสาวพูด พลางหยิบจานชามช้อนส้อมต่างๆ เพื่อเตรียมออกไปวางที่โต๊ะ


น้ำเดินออกไป พอเห็นว่าใช่คนที่กำลังรอ เขาก็รีบลงบันไดไปหาอีกฝ่ายทันที


“มาแล้วเหรอ ผู้กอง”

“อืม ขอโทษทีมาช้าไปหน่อย”

“ไม่เป็นไร แม่ยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลย แต่ใกล้แล้ว ผู้กองหิวหรือยัง” น้ำรายงานชายหนุ่ม

“ยังไม่ค่อยหิว”

“ปะ งั้นขึ้นบ้านก่อน” น้ำเอ่ยชวนตามมารยาทของเจ้าของบ้าน


หายหน้าหายตาไปร่วมเดือน วันนี้ผู้กองปรานต์จึงมีโอกาสมากินข้าวเย็นที่บ้านนายนทีอีกครา


“สวัสดีครับ แม่น้อย สวัสดีน้ำฝน” ผู้กองยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าก่อนจะทักทายน้องสาวคนเล็กของบ้าน

“สวัสดีค่ะพี่ปรานต์” น้ำฝนยกมือไหว้

“ไหว้พระเถิดพ่อ นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน เดี๋ยวค่อยกินข้าวนะ กับข้าวจะเสร็จแล้ว” แม่น้อยเดินออกมาทันรับไหว้ผู้มาเยือน

“รบกวนด้วยนะครับ”

“รบกง รบกวนอะไร คนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก” แม่น้อยโบกมือแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว

“ขอบคุณครับ”

“แขนหายดีแล้วใช่ไหมคะพี่ปรานต์” เป็นน้ำฝนที่เอ่ยถามออกมา

“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่โดยรวมก็เกือบปกติแล้วครับ ขอบคุณน้ำฝนที่เป็นห่วงพี่”

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ปรานต์หายไวๆ ก็ดีแล้ว คนแถวนี้จะได้ไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง”

“ยายฝน!” ไอ้น้ำดุ รีบสกัดน้องสาวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหลุดปากเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับผู้กอง

“ใครร้องไห้อะไรวะ น้ำฝน” แม่น้อยเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารพอ

“ไม่มีอะไรจ้ะ” ไอ้น้ำรีบแย่งน้องสาวตอบเสียเอง

“เอ้าๆ งั้นก็กินข้าวกันเถอะ” เจ้าภาพเปิดพิธี

“ครับ/จ้ะ แม่”

“เออ...จริงสิ...คดีของนางสอนเรียบร้อยแล้วเหรอผู้กอง” แม่น้อยถามขึ้นในช่วงที่เริ่มต้นทานมื้อเย็นกันไปสักครู่

“ครับ”

“ยุ่งเลยใช่ไหม หายหน้าไปเลย”

“ครับ ต้องจัดการเรื่องคดีของป้าสอน ลำบากใจเหมือนกัน ป้าสอนเป็นคนดี” ผู้กองตอบ

“ฉันได้ยินคนในตลาดพากันพูดต่างๆ นานา ก็ฟังมาอยู่บ้าง แต่อยากจะรู้จากผู้กองมากกว่า ครั้นจะถามไอ้น้ำ มันก็ปิดปากเงียบสนิทไม่ยอมบอก มันให้ฉันรอถามผู้กองเอง ดูมันเถอะ กับแม่มันก็ไม่เห็นใจ” แม่น้อยถาม ไม่ลืมที่จะค่อนขอดบุตรชายของตนเองไปด้วย

“กว่าจะยอมสารภาพก็ทำเอาเหนื่อยพอควร จริงๆ แล้วป้าสอนแกไม่ได้ตั้งใจจะลงมือฆ่าคุณพัดหรอกครับ แต่พลั้งมือทำลงไป วันเกิดเหตุ เพราะสินไปทำงานข้างนอก คุณพัดเลยตั้งใจจะหนีสามีกลับไปอยู่ที่บ้านของเธอเอง แต่เธอคิดผิดตรงที่ให้แฟนเก่า อย่างนายไม้ มารับ”

“เหรอ แล้วไงต่อล่ะพ่อ” แม่น้อยถามด้วยความสนใจ ส่วนไอ้น้ำกับน้ำฝนก็ตักอาหารเข้าปากไปด้วยก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ ถึงแม้ไอ้น้ำจะรู้เรื่องทั้งหมดมาแล้ว เขาก็นั่งฟังเงียบๆ ไม่ขัดผู้กองที่กำลังเล่าเรื่องราวให้แม่น้อยฟัง

“โชคไม่ดีที่ป้าสอน แกดันมาเห็นคุณพัดที่เก็บกระเป๋ากำลังจะออกจากห้อง เลยมีปากเสียงกัน แกพยายามรั้งไม่ให้คุณพัดทิ้งลูกชายแกไปน่ะครับ และเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่อยากจะรั้งคนรักของลูกเอาไว้ เลยออกแรงมากไปหน่อย เรื่องก็เลยเป็นอย่างที่เกิดขึ้นครับ”

“แล้วมันเกี่ยวกับนายไม้ยังไงล่ะผู้กอง ไม่เห็นรายนั้นจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง มันจะโชคไม่ดียังไง”

“เพราะถ้าคุณพัดหลบหนีออกมาเอง คงจะออกจากบ้านเร็วหรือช้ากว่าเดิม ไม่ใช่ช่วงเวลานั้นหรอกครับ แล้วที่นายไม้เพิ่งมาเวลานั้นก็เพราะเป็นเวลาหลังเลิกงานของตนเอง”

“คนมันถึงคราวเคราะห์นะ” แม่น้อยถอนหายใจแล้วพูดออกมา

“ทุกคนก็มีส่วนผิดกันทั้งนั้น ทั้งทางจิตใจหรือจะร่างกายก็ตาม”

“อืม”

“นายสินก็ผิดที่หึงหวงจนทำร้ายร่างกายภรรยาตลอดเวลา ความรักมันไม่ใช่การทำร้าย ส่วนป้าสอนก็รักลูกชาย จึงลงมือทำร้ายใครอีกคนไป แม้กระทั่งนายไม้ ที่รักคุณพัด แต่ก็พยายามยื่นมือเข้ามาเป็นมือที่สาม ก็เป็นสาเหตุหนึ่งให้คุณพัดถูกทำร้ายร่างกายอยู่เป็นประจำ”

“โธ่” นางน้อยยิ่งปวดใจ บุญกรรมของแต่ละคนจริงๆ

“ตรงกับที่คนในตลาดเล่ามาบ้างไหมครับ” ผู้กองเอ่ยถาม ทีเล่นทีจริงกับแม่น้อย

“ก็มีเหมือนบ้างไม่เหมือนบ้างล่ะพ่อ แต่...เอ..ก็ไม่ถึงกับต้องหายหน้าหายตาไปเลยนี่นา ดูสิ ผอมลงหรือเปล่า” แม่น้อยถามด้วยความเป็นห่วง

“นอกจากเรื่องคดีแล้ว ผมก็กำลังทำเรื่องย้ายกลับไปกรุงเทพฯ อยู่ด้วยครับ” ประโยคนี้ของ  ผู้กอง ทำให้ไอ้น้ำที่กำลังซดน้ำอยู่สำลักออกมา


ทำเรื่องย้าย? กลับกรุงเทพฯ?


ทำไมผู้กองไม่เคยปริปากพูดอะไรกับเขาเลย มันไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน ไอ้น้ำเงยหน้าสบตากับผู้กองที่มองมาพอดี ดวงตาอีกฝ่ายฉายแววกังวลอยู่พอประมาณ และคำตอบในดวงตานั้นก็บอกไอ้น้ำว่า เรื่องนี้จะคุยกันทีหลัง


“อ้าว ย้ายกลับ อะไรหรือพ่อ มาอยู่ยังไม่ครบปีเลย”

“ผมไม่รู้ว่าแม่น้อยพอจะทราบไหมว่าผมถูกย้ายมาที่นี่เพราะไปขัดแข้งขัดขาหัวหน้าเก่าของตัวเองที่กรุงเทพฯ เขาเลยส่งผมมาที่นี่หรือเรียกกันตามประสาชาวบ้านว่าถูกเด้งมาที่นี่น่ะครับ”     ผู้กองพูดยาวเหยียด

“ก็พอได้ยินมา แล้วมันยังไงกัน”

“เรื่องของผมถูกนำมาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง จึงพบว่าผมไม่มีส่วนผิดหรือเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องที่หัวหน้าได้ทำไว้ ก็เลยจะย้ายผมกลับ”

“จะย้ายเมื่อไหร่” คำถามของแม่น้อย ถูกใจไอ้น้ำเป็นอย่างยิ่ง มันคันปากยุบยิบอยากถาม ชำระความกับคนตรงหน้าให้หมดสิ้น

“ยังไม่ทราบวันเวลาที่แน่ชัดครับ ต้องรอคำสั่งอีกที”

“เฮ้อ อะไรกัน ปุบปับเหลือเกิน” แม่น้อยบ่นด้วยความเสียดาย

“ผมมาหาแม่น้อยได้บ่อยๆ อยู่แล้วครับ กรุงเทพฯ กับที่นี่ห่างกันนิดเดียว สองสามชั่วโมงก็ขับรถมาถึง” ผู้กองบอก แต่ความนัยที่อยากจะมอบให้คือคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ คนนี้

“คงจะคิดถึงผู้กองเหมือนกัน คนเคยเจอกันทุกวัน เอาล่ะๆ ถ้าได้วันย้ายเมื่อไหร่ ก็เห็นแก่คนแก่คนนี้มาบอกฉันบ้างนะ”

“แน่นอนครับ ผมต้องบอกแน่ๆ”

“กินเยอะๆ นะพ่อ ผอมลงจริงๆ ด้วย นี่ผัดกะหล่ำเห็นไอ้น้ำบอกผู้กองชอบ คราวก่อนทำไว้ก็ไม่ได้กิน รอบนี้กินเยอะๆ นะ ไม่ต้องเกรงใจ” แม่น้อยตักกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาใส่จานผู้กองอย่างเต็มที่

“ขอบคุณครับ” ผู้กองหนุ่มยิ้มให้อีกฝ่ายในความอาทรนั้น


แต่มื้อนี้ของไอ้น้ำ มันรู้สึกว่าไม่อร่อยเหมือนทุกที ไม่อร่อยเหมือนเวลาที่กินข้าวกับผู้กอง ไม่อร่อยที่ได้กินข้าวฝีมือแม่ ไม่อร่อยเลย ไข่เจียวหมูสับที่เขาชอบ มันก็ไม่อร่อย ข้าวสวยที่หุงใหม่ๆ มันก็ไม่หอม ไม่อร่อยเหมือนเคย ลิ้นมันขมปร่า ลิ้นมันฝาด กินอะไรก็ไม่อร่อยเลย


ทำไมแค่จะย้ายกลับบ้านถึงไม่ยอมบอกเขา


ทำไมเขาต้องรู้เรื่องนี้เหมือนมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร


เหมือนเขาไม่ใช่คน  ‘สำคัญ’



“น้ำ เดี๋ยวลงไปผู้กองเขาด้วยนะ ไอ้ด่างอีปุยมันชอบแฮ่ๆ ใส่” แม่น้อยบอก ไอ้น้ำเกาหัว ร้อยวันพันปี แม่ไม่เคยพูดถึงเรื่องหมา อีกทั้งผู้กองก็มาที่นี่บ่อยจนหมาสองตัวนี้มันคุ้นหน้าอีกฝ่ายไปตั้งนานแล้ว


แต่ถึงแม้ แม่จะไม่บอก เขาก็ตั้งใจจะลงไปส่งอีกฝ่ายอยู่แล้ว


“จ้ะ”


“ผมลานะครับ อาหารฝีมือแม่น้อยอร่อยเหมือนเดิม พี่ไปก่อนนะน้ำฝน” ผู้กองยกมือไหว้บอกลา

“มาบ่อยๆ นะ” แม่น้อยบอกรับไหว้อีกฝ่ายแล้วก็กลับไปสนใจโทรทัศน์ต่อ

“สวัสดีค่ะพี่ปรานต์” น้ำฝนยิ้มให้ แล้วก็ลงนั่งดูละครเป็นเพื่อนนางน้อย

“ผู้กอง” ไอ้น้ำเรียกอีกฝ่ายตอนที่ทั้งคู่เดินมาถึงรถของผู้กอง

“ครับ?”

“ครับ?แค่นี้? ผู้กองจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” น้ำถาม มันไม่เข้าใจอะไรเลย

“ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน แต่มันยังไม่แน่นอน พี่เลยยังไม่อยากบอก”

“ทำไมล่ะ แล้วถ้าถึงตอนนั้น ถึงเวลาที่แน่นอนของผู้กอง มันจะไม่ช้าไปเหรอ” น้ำว่าอีกฝ่าย

“พี่...ยังไม่แน่ใจ เรื่องราชการพวกนี้มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

“เหมือนที่ผู้กองจะย้ายกลับไปปุบปับน่ะเหรอ”

“อย่าพูดแบบนี้ พี่เองก็ไม่ได้สบายใจ พี่เลยยังไม่อยากบอกให้น้ำไม่สบายใจไปด้วย”

“ผมไม่อยากรู้เรื่องอะไรพวกนี้ทีหลัง หรือผมไม่สำคัญสำหรับพี่เลย?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น น้ำสำคัญสิ สำคัญกับพี่มาก พี่ถึงไม่สบายใจ พี่ไม่ได้อยากย้ายกลับไปตอนนี้ แต่ถ้ามีคำสั่งมาพี่ก็ขัดไม่ได้” ผู้กองหนุ่มกำลังอธิบาย เขาหวังว่าน้ำจะเข้าใจ

“โอเค ผมไม่ได้อยากโวยวายอะไร ผมแค่ตกใจ” น้ำสารภาพ อารามที่เขาวิตกว้าวุ่นในใจทำให้เขาคิดอะไรในแง่ลบไปหมด

“ถ้าพี่ต้องย้ายกลับไป พี่จะมาหาน้ำบ่อยๆ แล้วน้ำฝนจะย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ อีก น้ำก็ต้องตามไปด้วยไม่ใช่เหรอ”

“อืม”

“ลองคิดดู ถึงตอนนั้น ถ้าพี่ยังประจำอยู่ที่นี่ การทำเรื่องย้ายกลับไป มันยากเหมือนกัน แบบนี้ไม่ดีเหรอ ที่พี่ได้ย้ายกลับไปก่อน ยังไงน้ำก็ตามพี่ไปทีหลังได้อยู่แล้ว จริงมั้ยครับ”

“อืม”

“อย่าเอาแต่รับคำสิ คิดยังไง บอกพี่ได้หรือเปล่า”

“ไม่รู้สิ ตอนนี้คือไม่รู้จริงๆ ทุกอย่างมันดูเกิดขึ้นเร็วไปหมด”

“พี่เข้าใจ พี่ถามน้ำสักคำ น้ำไม่อยากกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ เหรอ” ผู้กองหนุ่มถามเสียงนุ่ม

“ไม่ ผมไม่อยากกลับไปที่นั่น แต่..”

“แต่อะไรครับ”

“แต่ถ้าผู้กอง..พี่ปรานต์ย้ายกลับไปที่นั่น ผมก็คงต้องกลับไปด้วย” น้ำบอกออกมาจากใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ความคิดของตัวเอง

“เก่งจริง แฟนพี่ เรื่องแม่น้อยไม่ต้องกังวล เราจะมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ หรือน้ำอยากจะพักที่นี่นานๆ พี่ก็ไม่ว่าหรอก พี่ตามใจ ยังไงพี่ก็มาหาน้ำได้อยู่แล้ว”

“อือ ก็ได้”

“ไม่โกรธแล้วใช่ไหม”

“อือ”

“มาให้จูบหน่อย คิดถึงนะเนี่ย ไม่ได้เจอหลายวันเลย วันนี้ก็ไม่ค่อยได้คุยอีก”

“อะไรเล่า ก็ผู้กองงานยุ่งเองอะ”

“อย่าเล่นตัว พี่จะต้องกลับแล้ว เดี๋ยวแม่น้อยจะว่าทำไมน้ำลงมาส่งพี่นานเกินไป”

“ก็ได้”



ปรานต์ก้มหน้าลงจูบคนที่คิดถึงเพื่อให้คลายความคิดถึงลงบ้าง ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาค่อนข้างยุ่งอย่างที่   ไอ้น้ำบ่น มันมีคดีเก่าๆ ที่เขาอยากสะสางก่อนจะย้ายกลับไป หรือปัญหาเก่าๆ ที่ยังค้างคาอยู่ในหมู่บ้านนี้ เมื่อถึงเวลาที่มีคนใหม่มาประจำที่นี่ต่อจากเขา คนใหม่นั้นจะได้ทำงานต่อได้อย่างราบรื่น


“ไอ้น้ำ! เอ็งกำลังทำอะไร!” อารมณ์ที่กำลังเคลิ้มของไอ้น้ำสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงมารดา ดังเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหลังของเขา


“แม่!” มันหันไปตามเสียงเรียก ไอ้น้ำเห็นแม่น้อยยืนมองมาจากหน้าต่างบนบ้าน

“ฉิบหายแล้ว” มันพึมพำบอกตัวเองเสียงเบา งานนี้มันตายแน่ แม่เสียงแข็งขนาดนั้น

“ไม่เป็นไร น้ำ” ผู้กองบอก พลางลูบศีรษะปลอบใจ

“ขึ้นมาบนบ้านเดี๋ยวนี้!! ผู้กองด้วย” เหมือนคำสั่งประกาศิต สองหนุ่มจึงต้องเดินกลับขึ้นบ้านไป

“แม่...” ไอ้น้ำเรียกมารดาเสียงขยาด ยามที่มันขึ้นมายืนบนบ้านพร้อมกับผู้กองแล้ว

“ทำอะไรกัน ทั้งสองคน” แม่น้อยถามเสียงเข้ม ตั้งแต่วีรกรรมล่าสุดที่ไอ้น้ำเคยตีกับเพื่อนแล้ว เขาก็ไม่ได้ยินแม่ใช้น้ำเสียงแบบนี้อีกเลย

“แม่...”

“ข้าถามว่าทำอะไรกัน ทั้งสองคน”

“ผมกับน้ำ คบกันครับแม่น้อย เราสองคนเป็นแฟนกัน” ผู้กองหนุ่มรีบตอบอีกฝ่าย เขาไม่รู้ว่าคำตอบของเขาจะทำให้แม่น้อยโกรธน้อยลงหรือเพิ่มมากขึ้นกันแน่

“คบกัน!!??ทั้งผู้กองและไอ้น้ำ ต่างก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ แล้วมาบอกข้าว่ากำลังคบกัน สติยังดีกันอยู่ใช่มั้ย” ไม่ต้องถามก็พอเดาได้ แม่น้อยโกรธมากขึ้นกว่าเดิม

“แม่...ใจเย็นๆ ฟังฉันก่อน”

“ฟังอะไร จะให้ข้าฟังเอ็งพูดอะไรหรือ ฮึ ไอ้น้ำ”

“แม่ ใจเย็นๆ ก่อนจ้ะ พี่น้ำอาจจะมีเหตุผลอยู่จ้ะ” น้ำฝนพยายามช่วยพี่ชายพูด

“หุบปากของเอ็งไปเลย ยายฝน ถ้านั่งเงียบเฉยๆ ไม่ได้ล่ะก็ กลับเข้าห้องของเอ็งไปซะ” น้ำฝนสะดุ้ง คราวนี้แม่โกรธจริงๆ


พี่น้ำขอโทษนะ ฉันช่วยอะไรพี่ไม่ได้ โชคดีนะพี่


“แม่อย่าโกรธฉันกับผู้กองเลยนะ”

“เอ็งเป็นผู้ชาย มันต้องรักต้องชอบพอกับผู้หญิง ไม่ใช่รักชอบเพศเดียวกันเอง”

“ยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วนะแม่” น้ำพยายามเถียง

“จะสมัยไหนก็ช่างมัน ข้าไม่สนใจ แต่เอ็งจะทำแบบนี้ไม่ได้ ผู้กองเขามีพ่อมีแม่ เอ็งจะไปล่อลวงเขามาแบบนี้ไม่ได้”

“แม่น้อย เรื่องนี้ผมผิดเองครับ ผมเป็นฝ่ายชอบน้องเขาก่อน” ผู้กองออกรับแทน ยังไงแล้วเขาไม่อยากให้น้ำต้องมีปัญหากับแม่

“ถามหน่อยเถอะ พ่อแม่ผู้กองไม่ว่าอะไรหรือ ที่ผู้กองชอบผู้ชาย แล้วยิ่งมันเป็นเด็กบ้านนอกแบบนี้” แม่น้อยชี้ไปที่หน้าไอ้น้ำ นางสบตากับผู้กอง ดวงตาของนางนิ่งเสียจน ผู้กองยังรู้สึกหวาด ให้ไปจับผู้ร้าย ยังไม่น่ากลัวเท่ากับเผชิญหน้ากับแม่น้อยในเวลานี้เลย

“ไม่ว่าครับ พ่อแม่ผมรู้ว่าผมเป็นแบบนี้ อีกอย่างแม่เคยเจอน้องแล้ว แม่ชอบน้ำครับ”

“อ้อ อย่างนั้นหรือ ฉันไม่รู้นะว่าทำไมพ่อแม่ผู้กองถึงรับได้ แต่สำหรับฉัน ฉันรับไม่ได้ ฉันรับไม่ได้หรอกที่ไอ้น้ำมาชอบผู้ชายด้วยกันเอง และฉันอยากอุ้มหลานที่มาจากมัน”

“แม่...” น้ำเรียกแม่เสียงอ่อน เขากำลังมองเห็นอนาคตของตัวเองลางๆ

“...” ผู้กองในเวลานี้ก็ดูท่าจะสิ้นคำพูดเช่นกัน ดูเหมือนแม่น้อยจะไม่ยอมรับเรื่องของพวกเขาง่ายๆ

“ฉันล่ะเอะใจมาสักพักแล้วว่าทำไมทั้งสองคนจึงดูสนิทกันเหลือเกิน ที่แท้ก็แอบคบกันลับหลังฉัน”

“ไม่ได้ตั้งใจจะคบกันลับหลังแม่หรอก ฉันบอกผู้กองเองแหละว่าอย่าเพิ่งบอกแม่ เพราะกลัวว่าแม่จะเสียใจ ฉันเลยพยายามหาวิธีให้แม่เข้าใจฉัน” น้ำอธิบาย

“ถ้ากลัวข้าเสียใจแล้วทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้ หา ไอ้น้ำ” แม่น้อยตวาดถามบุตรชายดังลั่น น้ำเงยหน้ามองมารดา ตอนนี้แม่น้อยไม่ได้ร้องไห้ออกมา จึงมีเพียงไอ้น้ำกับน้ำฝนที่กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้าของนาง

“แม่...ฉันขอโทษ อย่าโกรธฉันเลยนะจ๊ะ” น้ำทรุดตัวเข้าไปกอดขามารดา

“จะเอายังไง จะคบกับผู้กองต่อไหม”

“ได้มั้ยจ๊ะ แม่ได้มั้ย” มันเงยหน้าถามแม่ทั้งน้ำตา มองแม่น้อยอยากให้แม่เห็นใจความรักของมัน
“ได้สิ”

“จริงเหรอจ๊ะ” มันถามด้วยความดีใจที่แม่กำลังจะเปิดใจให้

 “ถ้าเอ็งจะคบกับผู้กองต่อ แต่เอ็งต้องไม่มีข้า แค่เอ็งคนเดียว ข้าจะพยายามตัดใจ” แม่น้อยบอกอย่างเด็ดเดี่ยว คำตอบของนางยิ่งทำให้ไอ้น้ำใจสลาย น้ำฝนก็ได้แต่ปล่อยโฮออกมาเพราะสงสารพี่ชายจับใจ


ผู้กองมองน้ำด้วยความเศร้าใจ ตาของเขาแดงก่ำเพราะกำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้เหมือนกัน แต่เขาไม่อยากร้องไห้ให้น้ำต้องเห็นและเสียขวัญมากไปกว่านี้


“แม่..ฉันรักผู้กอง ฉันรักแม่ ทำไมฉันถึงรักทั้งแม่และผู้กองไปด้วยไม่ได้” น้ำถามหาความยุติธรรมจากมารดา

“ข้าอายขี้ปากคนที่นี่ ถ้าเอ็งจะรักชอบกันก็ไปเถอะ ข้าจะไม่ห้าม แต่เอ็งไม่ต้องกลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีกก็พอ”

“แม่...” น้ำเลือกไม่ได้ มันยากเกินไปสำหรับเขา

“เลือกมา ว่าจะเอายังไง” แม่น้อยยื่นคำขาด


คนหนึ่งก็แม่ อีกคนหนึ่งก็คนรัก ทำไมแม่ต้องให้เขาเลือกอะไรแบบนี้ด้วย


“น้ำ” ผู้กองทรุดตัวลงนั่งข้างอีกฝ่าย

“หือ”

“เราหยุดกันแค่นี้เถอะ” ผู้กองก้มลงไปพูดกับอีกฝ่ายเสียงเรียบ แต่ใครจะรู้ว่าเขาปวดใจแค่ไหน เขาไม่เคยบอกเลิกใครมาก่อน น้ำคงเป็นคนสำคัญของเขาจริงๆ เขาถึงได้มีโอกาสบอกเลิกอีกฝ่ายเป็นคนแรก

“ไม่... ไม่เอา” น้ำส่ายน้ำพลางปฏิเสธ มือก็ยังจับชายผ้าถุงของแม่ไว้

“เชื่อพี่ ในเวลานี้มันเป็นทางออกที่ดีที่สุด” เขาบอกน้ำก่อนจะยืดตัวเต็มความสูงอีกครั้ง

“ผมไม่สบายใจถ้าหากน้ำต้องผิดใจกับแม่น้อย ผมยินดีที่จะเดินออกไปเอง ผมขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวแม่น้อย ผมขอโทษ” ผู้กองหนุ่มบอกยืดยาวด้วยความรู้สึกผิด เขาควรมีความยับยั้งชั่งใจตั้งแต่แรกไม่น่าปล่อยให้ความรู้สึกมีเหนือเหตุผล จนเป็นเรื่องราวแบบนี้

“ถ้าผู้กองว่าอย่างนั้น ฉันก็ยินดี แต่ถ้าลูกชายฉันมันยังอยากจะคบกับผู้กองต่อ ฉันก็จะปล่อยมันไปเหมือนกัน ไม่รั้งเอาไว้” แม่น้อยบอกอย่างใจป้ำ

“แม่...ผู้กอง” น้ำรู้สึกเหมือนตนเองพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี นอกจากเรียกผู้กองและมารดา

“ขอโทษอีกครั้งครับ” ผู้กองหนุ่มบอกพลางยกมือไหว้ เขาทรุดตัวลงใกล้น้ำที่นั่งอยู่ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่าย

“พี่ปรานต์” น้ำเรียกชื่ออีกฝ่าย

“หืม?” ผู้กองยิ้มให้

“ผมขอโทษ” ในที่สุดน้ำก็ตัดสินใจ เขารักผู้กองแต่มารดาก็สำคัญที่สุดในชีวิต

“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ” ผู้กองบอกแค่นั้นแล้วเดินจากมา


เพราะถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเขาบ้าง ปรานต์เองก็คงต้องเลือกครอบครัวของตนเองเช่นเดียวกันกับน้ำ ความรักมันเจ็บปวด แต่เราก็จะผ่านมันไปได้ แม้จะใช้เวลาก็ตาม



==========================================

ชื่อตอนนี้ปุบปับ รับโชคจริงๆ ค่ะ เหมือนขึ้นรถไฟเหาะที่ทิ้งตัวดิ่งลงมา
ดูเหมือนทุกอย่างจะไปได้ดีแท้ๆ
แต่จู่ๆ ก็เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาอย่างไรก็อย่างนั้น

อ่านแล้วอาจจะงง ว่าทำไมผู้กองตัดใจง่าย มีหลายเหตุผลอยู่ค่ะ
อย่าเพิ่งต่อว่าผู้กองนะคะ กว่าจะรักกันมันไม่ง่าย แล้วจะจากไปง่ายๆ จริงๆ เหรอ (จริงสิ?)

อ่านแล้วก็อาจจะงงอีก ทำไมตอนก่อนๆ ดูเหมือนแม่น้อยจะยอมรับ ความสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ
มันคล้ายกับ ไม่เห็น เท่ากับ ไม่รู้ ประมาณนั้นค่ะ เพราะต่อหน้าต่อหน้า ก็ลำบากใจหน่อย

อีกนิดดดดดดค่า ที่บอกว่าใกล้จบคือ 80-85% ของเรื่องแล้วค่ะ
แต่ยังมีอีกหลายตอนนักแล
ไม่ต้องกังวลไปค่า ยังได้อ่านอยู่หลาย ต่อ หลายตอนค่า

สำหรับคนที่ถามหา NC ขอคิดดูก่อนค่ะ แต่ตอนพิเศษมันต้องมี!
อยากอ่าน ต้องได้อ่าน ค่ะ

ขอบคุณคุณ PsychePie มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ที่เตือนมาเรื่อง สน. และ สภ. เขมแก้ในต้นฉบับเรียบร้อยค่ะ
ขออภัยในความผิดพลาดด้วยค่ะ

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-06-2018 11:57:47
 :sad4: :o12:

เสียใจ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-06-2018 12:43:35
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-06-2018 13:05:07
 o22
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 29-06-2018 13:43:46
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
ไม่นะ
ทำไมเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 29-06-2018 14:21:58
อ้าวว นึกว่าแม่น้อยจะรับได้ หรือแม่น้อยกำลังลองใจ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-06-2018 16:28:24
สงสารน้ำ แต่คิดว่าโดนแม่น้อยลองใจมากกว่านะ เพื่อจะได้รู้ว่าคนทั้งคู่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ไหม
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-06-2018 19:20:45
 :a5:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 29-06-2018 20:23:12
เอ้าาาา แม่น้อยยยยยยยยยยยยยยยยย
สงสารผู้กองกับน้องน้ำอ่าา
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 29-06-2018 22:00:49
รออออ :o8: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 29-06-2018 22:48:00
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 29-06-2018 22:51:29
โชคร้ายยยยยยย


แม่ไม่ยอมรับ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค P9 29/06/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 03-07-2018 10:17:18


งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ


            สองสัปดาห์ต่อมา ไอ้น้ำเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง นอกจากเวลากินข้าวมันแทบไม่ออกจากห้อง ไม่ใช่ว่ามันอยากกินข้าวหรอก แต่มันกลัวตาย มันกลัวไม่ได้เจอกับผู้กองอีก อย่างน้อยขอแค่มันได้เห็นผู้กองระยะไกลๆ ก็ยังดี ทว่าในความเป็นจริง โหดร้ายนัก หลังจากเกิดเรื่องมันไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย กระทั่งเรื่องของผู้ชายคนนั้นมันยังไม่ได้ยินเลย


            เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเหลือเกิน


            คำพูดที่ไอ้น้ำขอโทษอีกฝ่ายไป ทั้งผู้กองปรานต์และนายนทีต่างเข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดี ทำให้ทั้งสองคนไม่มีแม้แต่จะส่งข้อความหากันเหมือนเคย น้ำใกล้จะบ้าเต็มที มันมองแอปพลิเคชั่นสีเขียว ชื่อผู้กองอยู่ทั้งวี่ทั้งวันโดยไม่รู้เบื่อ


            มันทำได้แค่มอง และ มองชื่อของผู้กองเท่านั้น


            ไอ้น้ำเอ๊ย อกหักอีกแล้ว...อีกแล้วจริงๆ เหรอ


            หากสถานการณ์ยังคงทรุดและย่ำแย่อยู่แบบนี้ ในเมื่อทางโลกนั้นมันร้อนใจนัก คงต้องไปพึ่งทางธรรมเสียแล้วกระมัง ไอ้น้ำคิดออกมาก่อนจะสลัดหัวแรงๆ


            ‘บ้าจริง อย่าเอาปัญหาไปให้ศาสนาสิวะ’


            น้ำฝนมองประตูห้องที่ปิดสนิทของพี่ชายก่อนจะถามมารดาขึ้น “แม่จ๊ะ”


            “อะไรวะ” แม่น้อยตอบ ในขณะที่มือกำลังรูดชะอมออกจากก้าน วันนี้จะได้ทำน้ำพริกกะปิ กับไข่เจียวชะอม


            “เรื่องพี่น้ำกับพี่ปรา...” น้ำฝนเริ่มเอ่ยยังไม่ทันจบดี แม่น้อยก็สั่งห้ามเสียก่อน

            “หยุดเลย ยายฝน ข้าไม่อยากฟังเรื่องนี้ของพี่ชายเอ็ง”

            “แต่แม่จ๊ะ แม่จะใจร้ายกับพี่น้ำแบบนี้จริงๆ เหรอ” เธอเลือกใช้ไม้อ่อนเข้าพูดก่อน

            “ข้านี่นะ ใจร้าย แล้วพี่เอ็งล่ะ จะรักชอบพอใครข้าไม่เคยว่า ไม่เคยห้าม แล้วทำไมถึงเลือกผู้ชาย” แม่น้อยโยนก้านชะอมทิ้งลงกะละมังด้วยความโมโห


            คราวนี้น้ำฝนไม่ยอมลดละ เธอขอยืนหยัดสู้เพื่อพี่ชายอีกสักครา “พี่น้ำซึมลงไปทุกวันๆ ข้าวปลาก็กินน้อยลงไปมาก ชวนคุยอะไรก็ถามคำตอบคำ แม่พูดเหมือนแม่ไม่เห็นอาการของพี่น้ำ แบบนี้แล้วแม่ยังไม่สงสารพี่น้ำบ้างหรือไง”

            “ครั้งก่อนที่พี่เอ็งอกหักกลับมา มันก็ซึมแบบนี้ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น” แม่น้อยบอกปัด

            “ฉันว่าครั้งก่อนกับครั้งนี้ มันต่างกันนะจ๊ะ ผู้กองทำให้พี่น้ำยิ้มได้ หัวเราะร่าเริงจนลืมรักครั้งก่อนได้ แล้วครั้งนี้ล่ะ แม่จะใช้อะไรมาเยียวยาพี่น้ำ”

            “เวลาไง ตอนที่พ่อเอ็งตาย ข้าก็ใช้มันเยียวยาตัวข้าเหมือนกัน”

            “ฉันเชื่อว่าเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่แน่ใจหรือจ๊ะแม่ ว่ามันจะช่วยได้ทั้งหมด แม่กล้ายอมรับกับฉันตรงๆ ไหมว่าที่แม่เข้มแข็งทุกวันนี้เพราะว่าพี่น้ำกับฉัน” น้ำฝนเถียงเสียงแข็ง

            “นังฝน!! เอ็งกล้ามาสอนข้ารึ!?ข้าเลี้ยงเอ็งมาให้เติบใหญ่เพื่อให้เอ็งลุกขึ้นมาด่าข้าปาวๆ แบบนี้น่ะเหรอ” แม่น้อยไม่พอใจ ก่นด่าลูกสาวเสียงดัง

            “ฉันขอโทษ” น้ำฝนหน้าเสีย ยกมือไหว้มารดา “ฉันก็แค่พูดไปตามที่ฉันคิดเพราะฉันรักแม่และพี่น้ำจริงๆ ฉันมีแค่แม่กับพี่น้ำนะ”

            “พอได้แล้ว ข้าไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้อีก เอ็งก็อย่าได้พูดเรื่องนี้ให้ข้าฟังอีก”

            “จ้ะ” น้ำฝนรับปาก เพราะเธอรู้ว่านี่คือคำสั่งของมารดา

            “แล้วเอ็งจะไปกรุงเทพฯ เมื่อไหร่” แม่น้อยเปลี่ยนเรื่องเพราะอยากให้บรรยากาศมันดีขึ้น

            “อังคารหน้าจ้ะ ไปก่อนเข้าค่ายสักสองสามวัน”

            “เข้าค่ายกี่วันล่ะ”

            “สี่วันจ้ะแม่ ศุกร์ ถึง จันทร์ กลับอีกทีคงวันอังคารหน้าเลยจ้ะ” น้ำฝนบอก

            “อืม สัปดาห์หนึ่งสินะ ก็ดี พี่ชายเอ็งจะได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”

            “แม่ให้พี่น้ำไปกับฉันเหรอ” น้ำฝนถาม

            “เออสิวะ จะให้เอ็งไปคนเดียวได้อย่างไร พี่เอ็งต้องไปด้วย”

            “จ้ะ งั้นฉันจะได้ไปกำชับกับพี่น้ำอีก เผื่อพี่น้ำลืม”

            “ไปบอกพี่เอ็งด้วยว่า ข้าจะไปตลาดไปซื้อของเพิ่ม ให้มันไปหิ้วตะกร้าช่วยข้าถือของหน่อย”

            “จ้ะ แม่”


            น้ำฝนลุกขึ้นตรงไปยังห้องพี่ชาย ไอ้น้ำที่ยืนพิงประตูห้องรีบผละจากบริเวณนั้นทันที มันรีบเข้าไปนอนบนเตียง พยายามทำท่าทางไม่ให้มีพิรุธ

            “พี่น้ำ” น้ำฝนเคาะประตูสองสามครั้ง “ฉันเข้าไปนะ”

            “อืม”

            “พี่น้ำ” น้ำฝนเรียกอีกครั้งเมื่อเธอก้าวเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ทำงานของพี่ชาย

            “ว่าไง”

            “วันอังคารหน้าไปส่งฉันไปเข้าค่ายเภสัชฯ หน่อย พี่จำได้หรือเปล่า”

            “จำได้ๆ วันอังคารเหรอ อืม วันนี้วันเสาร์?”

            “ใช่”

            “อืม ได้”

            “นี่พี่น้ำ พี่โอเคนะ” น้ำฝนถามด้วยความเป็นห่วง

            ไอ้น้ำยิ้มให้น้องสาว “ข้าสบายดี เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

            “แม่ให้ฉันมาบอกพี่ว่าเดี๋ยวไปตลาดถือตะกร้าให้แม่หน่อย”

            “ได้”

            “พี่โอเคแน่นะ?” น้ำฝนยังไม่ค่อยอยากวางใจสักเท่าไหร่ พี่ชายของเธอดูว่าง่ายผิดปกติ ไม่เถียง ไม่กวนอารมณ์กลับ แต่ก็พอเข้าใจล่ะนะ ว่าความรู้สึกของพี่ชายตอนนี้ไม่ค่อยปกติ

            “เออ โอเคน่า ออกไปได้แล้ว บอกแม่ด้วยเดี๋ยวพี่ออกไป” น้ำไล่น้องสาว น้ำฝนจึงได้แต่เดินออกจากห้องนั้นไปอย่างเงียบๆ


             มารดาและบุตรชายเดินไปตลาดด้วยกันสองคนอย่างเงียบเชียบ ไร้บทสนทนาพูดคุยกันอย่างทุกที น้ำอึดอัดแต่เขายังไม่อยากพูด จนทั้งคู่เดินมาถึงตลาดสดแล้ว จึงได้ยินเสียงแห่งความคึกคักในตลาดดังลั่นอยู่ทั่วบริเวณ

            “อ้าว นึกว่าใคร ไอ้น้ำ วันนี้นึกอย่างไรมากับแม่เอ็งได้วะ เห็นนางน้อยบอกว่าเอ็งไม่ค่อยสบายเหรอ หายดีหรือยังล่ะ” นางแช่มถามเมื่อเห็นหน้าสองแม่ลูก ไอ้น้ำมองหน้าแม่น้อยด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ยอมเออออตามคนถามไปโดยดี

            “หายดีแล้วจ้ะ วันนี้ฉันเลยมาตลาดช่วยแม่ถือของ”

            “เออ ดีแล้วล่ะ แม่เอ็งก็อายุมากขึ้นไปทุกวัน หิ้วของหนักๆ มันไม่ดีต่อหลัง ต่อเข่าหรอก”

            “จ้ะ” น้ำรับคำแล้วไม่พูดต่อ

            “นี่เอ็งสองแม่ลูก รู้เรื่องกันหรือยัง เขาพูดกันทั่วตลาดแล้วนะ”

            “เรื่องอะไรวะ” นางน้อยรีบถามทันที

            “เรื่องผู้กองน่ะสิ”

            “อย่างนั้นหรือ” สีหน้าอยากรู้อยากเห็นของแม่น้อยลดลงจนไอ้น้ำเห็นได้ชัดเจน

            “อะไรกัน เอ็งไม่อยากรู้หรือ แต่ข้าก็คันปาก อย่างไรก็ต้องพูด นี่คนอื่นเขารู้กันหมด พวกเอ็งจะตกข่าวไม่ได้นะ”

            “เรื่องอะไรล่ะ” นางน้อยเลยจำต้องถามเสียงเรียบ

            “เมื่อเช้านี้ ผู้กองเขาย้ายกลับไปบ้านเกิดเขาแล้วล่ะ” ไอ้น้ำรู้สึกหูอื้อ เมื่อได้ยินคำตอบของนางแช่ม

            “ยะ..ย้ายกลับไปแล้วเหรอจ๊ะ” น้ำถามซ้ำ

            “ใช่ เมื่อเช้านี้เอง จะเลี้ยงส่งอะไรก็ไม่เอา แล้วก็กลับไปซะเงียบๆ อย่างนั้นเองล่ะ แปลกจริงๆ”

            “ย้ายกลับไปก็ดี ที่นี่ไม่เหมาะกับผู้กองเขาหรอก” เป็นแม่น้อยของไอ้น้ำที่พูดขึ้นมา

            “ข้าว่าผู้กองก็ดีกับหมู่บ้านเรานะ ช่วยเหลือตั้งหลายอย่าง ติดเรื่องหวยเรื่องเดียวนั่นแหละ ไม่อยากให้กลับไปเลย แต่กลับไปก็ดี” นางแช่มกล่าว ฉับพลันดวงตาของนางก็สุกใสขึ้นมา นางหันมาทางไอ้น้ำทันที “นี่..ไอ้น้ำ กลับมาเดินโพยหวยอย่างเดิมดีไหมวะ ข้าล่ะคันมือจริงๆ” นางแช่มถามด้วยความหวัง

            “เออ จริงด้วย กลับมาเถอะไอ้น้ำ” นางเล็กเพื่อนซี้นางแช่มรีบสมทบ

            “ใช่ๆ” คนในตลาดที่เคยเป็นลูกค้าของไอ้น้ำพากันเห็นด้วยรีบช่วยพูดเป็นการใหญ่

            “ขอโทษป้าๆ ด้วยเถอะจ้ะ ฉันเลิกแล้ว เลิกจริงๆ” น้ำพูดพลางยกมือขอโทษ

            “อะไรของเอ็งว้า ผู้กองไม่อยู่แล้วแท้ๆ” นางแช่มพูดด้วยความเสียดาย

            “รีบไปซื้อของเถอะ” นางน้อยบอกบุตรชายก่อนจะบอกลานางแช่มแล้วเดินเลือกซื้อของต่อ


            ชายหนุ่มเดินตามมารดาไปเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกสั่งการบันทึกไว้ในสมอง เขาเดินตามแม่น้อยต้อยๆ เมื่อแม่น้อยหยุดเดิน มันก็หยุดเดิน เมื่อแม่น้อยออกก้าวเดิน มันค่อยเดินตาม ทำแบบนี้จนกระทั่งถึงบ้าน มันรีบวางตะกร้าใบใหญ่ลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ในครัว เสร็จแล้วจึงรีบเข้าห้องปิดประตูลงกลอนเหมือนเช่นเคย



            ‘ไม่คิดแม้แต่จะบอกลากันเลยเหรอ’


            น้ำตาที่กลั้นไว้ตลอดทาง ตอนนี้มันไหลรินลงเป็นสายด้วยความเสียใจและน้อยใจ



            .
            .
            น้ำฝนกำลังนั่งมองพี่ชายอยู่ไม่วางตา ตอนนี้เธอกับพี่ชายนั่งอยู่บนรถตู้ น้ำฝนในเวลานี้มีสีหน้าไร้แววความตื่นเต้น มันมีแต่ความไม่สบายใจ พี่ชายของเธอหน้าเศร้าเหลือเกิน ตาก็ดูช้ำๆ เหมือนคนร้องไห้มาอย่างหนัก



            ‘พี่น้ำ พี่ไหวไหม แต่ฝนกำลังจะไม่ไหวแล้วนะพี่’


            อาการครั้งนี้ของน้ำ มันหนักหนากว่าครั้งก่อนมากโข ตอนนั้นพี่ชายของเธอทำเป็นเข็มแข็งไม่ให้ใครสงสัยและคอยเป็นห่วง ตอนนี้อาการพวกนั้นไม่มีแล้ว พี่ชายของเธอสร้างรอยยิ้มให้ตัวเองไม่ได้เลย น้ำฝนเสียใจ เธอไม่มีเบอร์ติดต่อของผู้กอง เธอร้อนรนอยากติดต่ออีกฝ่ายให้พี่ชายของตัวเองเหลือเกิน แต่เพราะทำไม่ได้จึงได้นั่งกระสับกระส่าย ร้อนรนอยู่ในใจอย่างนี้ จะช่วยพี่น้ำอย่างไรดี

            “ยายฝน อยากไปเที่ยวที่ไหนก่อนไปเข้าค่ายไหม” น้ำถามน้องสาว จริงๆ มันไม่ได้อยากไปไหนเลย แต่จะให้น้องสาวมาอุดอู้ตามมันก็คงจะไม่เข้าที

            “ได้หรือพี่น้ำ” เธอก็อยากไปเหมือนกัน แต่พอรู้ว่าพี่ชายคงไม่อยากไปไหนหรอก แต่การออกไปข้างนอกอาจจะทำให้พี่ชายหายคิดถึงเรื่องเศร้าๆ ก็ได้

            “อืม ได้สิ”

            “ถ้างั้นไปแถวมหา’ลัยที่ฉันอยากเข้าได้ปะ”

            “ไปสำรวจสถานที่เหรอ”

            “แน่นอน จะได้รู้ว่าน่าเรียนอย่างที่เห็นในรูปหรือเปล่า”

            “แบบไหนก็ดีทั้งนั้นแหละน่า” พี่ชายยีผมของน้ำฝนเจือไปด้วยรอยยิ้มจางๆ

            รอยยิ้มนี้ครั้งสุดท้ายมันเมื่อไหร่กันนะ นานไปหรือเปล่าที่น้ำฝนไม่เห็นรอยยิ้มของพี่ชาย


            ‘แม่จ๋า เมื่อไหร่แม่จะยอมใจอ่อนเสียที’  น้ำฝนได้แต่สวดภาวนาในใจ หวังว่าคำขอของเธอจะส่งผลถึงมารดาบ้าง อย่างน้อยเพียงแค่นิดเดียว นิดเดียวก็ยังดี


            พี่บาสขับรถมารับอดีตน้องชายร่วมสายงานถึงที่พัก ตอนที่ไอ้น้ำโทรหา เขาก็ดีใจมากแล้ว แต่พอมันบอกว่าจะมากรุงเทพฯ ด้วย เขายิ่งดีใจเพิ่มเข้าไปอีก แล้วพอมันบอกว่าจะพาน้องสาวมันด้วย เขาเหมือนทริปเปิ้ลความดีใจ ความสุขคูณสาม ตัวพี่มันหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร น้องสาวคงจะหน้าตาดีไม่น้อย

            “อย่าคิดแม้แต่จะจีบ ผมจับพี่หักคอจริงๆ ด้วย” พี่บาสหน้าสลดลงเมื่อนึกถึงคำพูดของไอ้น้องชายตัวดีที่มันขู่เขาไว้ก่อนจะให้เขามารับ

            ‘ดุจริงเว้ย’พี่บาสได้แต่คิด ไม่กล้าพูดต่อหน้าหรอก

            “ไง สบายดีนะเว้ย” พี่บาสทักไอ้น้ำเป็นคำแรกที่เจอหน้า

            “สบายดีพี่” น้ำตอบพลางยกมือไหว้ เสร็จแล้วจึงแนะนำน้องสาวของตนให้อีกฝ่ายรู้จัก พี่บาสยิ้มร่ารับไหว้น้องสาวของไอ้น้ำ ถึงจะทำท่าทางดีอกดีใจแบบนั้นแต่พี่บาสก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของน้องชาย

            “แล้วนี่แกจะไปไหน บอกมาเลย วันนี้พี่เป็นสารถีขับรถให้เอง น้องน้ำฝนก็บอกมาได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจพี่” พี่บาสกล่าวอย่างคนอัธยาศัยดี

            “ขอบคุณค่ะ ฝนอยากไปแค่มหา’ลัยตามที่พี่น้ำบอกเท่านั้นก็พอแล้วค่ะ” น้ำฝนพยายามตอบด้วยสำเนียงภาคกลางที่เธอไม่ค่อยได้ใช้บ่อย ถึงแม้อีกฝ่ายจะบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ แต่การที่จะสนิทใจกับคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่นาทีนั้น มันก็ออกจะง่ายไปหน่อย

            “แกล่ะ ไอ้น้ำ อยากไปที่ไหนไหม”

            “ไม่ล่ะพี่ ไปตามที่ยายฝนบอกก็พอแล้ว” น้ำตอบเรียบง่าย

            “ไอ้น้ำ..” พี่บาสคันปากอยากถามยิบๆ แต่ก็ต้องกลั้นใจไว้เพราะไม่อยากถามต่อหน้าน้องสาวของไอ้น้ำมัน ท่าทีหมดอาลัยตายอยากแบบนั้น มันเป็นอะไรกันแน่วะ

            “ถึงแล้วจ้า น้องน้ำฝน” พี่บาสหันมาพูดกับคนนั่งทางด้านหลังอย่างอารมณ์ดี

            หญิงสาวมองออกไปจากภายในรถด้วยความตื่นเต้น “ที่นี่เหรอคะ ใหญ่จัง”


            “ใช่แล้ว สอบเข้าให้ได้ล่ะ แม่กับพี่ชาย จะได้ภูมิใจ”

            “ฝนจะพยายามค่ะ”

            “อยากลงไปดูไหม”

            “เข้าไปได้เหรอคะ” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ

            “ได้สิ ต้องได้แน่นอน”

            “ฝนอยากเข้าไปค่ะ” เธอบอกอย่างกระตือรือร้น

            “พี่ให้เวลาน้องฝนเข้าไปเดินชมได้อย่างเต็มที่เลย พี่กับพี่น้ำจะจอดรถรออยู่ตรงนี้โอเคไหมครับ เผื่อว่ามีตำรวจมาไล่ที่พวกเราจะได้ย้ายทันไม่เสียค่าปรับ” พี่บาสบอก แต่คำว่า‘ตำรวจ’ก็ทำให้สองพี่น้องสะดุ้งอยู่ในใจ น้ำฝนยังดูเก็บอาการได้มากกว่าพี่ชายด้วยซ้ำ เพราะไอ้น้ำน่าเศร้าลงไปอีก

            “ได้ค่ะ” เธอบอกพร้อมกับเตรียมเปิดประตูรถลงไป

            “อย่าไปนานนะ ยายฝน เกรงใจพี่บาสเขา” ชายหนุ่มเตือนน้องสาว

            “อืม” หญิงสาวรับคำแล้วลงจากรถทันที

            “เป็นอะไรวะ ไอ้น้ำ ทำไมแกดูซึมๆ เศร้าๆ มีอะไรหรือเปล่า” เมื่อเหลือกันเพียงแค่สองคน พี่บาสรีบรัวคำถามกับอีกฝ่ายทันที

            “ไม่มีอะไรนี่ ก็ปกตินะ” น้ำบอกปัด

            “อย่ามาโกหกพี่เลยว่ะ เห็นหน้าก็รู้ว่าอกหัก” พี่บาสพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามันจี้ใจของน้องชายคนนี้เข้าอย่างจัง

            “พี่คิดมากไปหรือเปล่า” น้ำยังคงเลือกเลี่ยงที่จะยอมรับ

            “อย่าโกหก ทำไมวะ ผู้กองไม่รับรักหรือไง”

            “พี่บาส...” เขากำลังเหนื่อย

            “ข้าพูดถูกใช่ไหม”

            “ไม่ใช่ ผู้กองเขา โอเคกับผม แต่มันมีเรื่องยากกว่านั้น ผมไม่รู้จะอธิบายพี่อย่างไรดี” เขาไม่รู้จะต้องเริ่มต้นจากจุดไหน

            “แล้วถ้าแกรักเขา เขารักแก แล้วมีอะไรให้น่าเศร้าวะ หรือผู้กองเขามีคนอื่น”

            “ไม่ใช่”

            “ผู้กองมีลูกมีเมียแล้ว”

            “ไม่ใช่พี่”

            “แล้วอะไรวะ ข้าจนปัญญาจะถามแล้วเนี่ย” พี่บาสบ่น

            “.....”

            “อะไรวะ ไอ้น้ำ ทำไมไม่ตอบ” ชายหนุ่มเรียกนายนที

            “.....”

            “ไอ้น้ำ” พี่บาสยังคงเรียกซ้ำ

   “.....”
           
            “เฮ้ย นี่กูเรียกมึงอยู่นะ ไม่ได้ยินหรือไง ไอ้น้ำโว้ย” พี่บาสตะโกนเรียกน้ำเสียงดังลั่นอยู่ภายในรถ จากที่อยากรู้ตอนนี้เขากำลังจะหงุดหงิดอีกฝ่ายแทนแล้ว


            มีอะไรทำไมไม่พูด เอาแต่เงียบอยู่นั่น แล้วใครมันจะรู้ได้วะ


            “ไอ้น้ำ กูจะถามมึงเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ตอบจะไม่ถามแล้วนะ” พี่บาสยื่นคำขาด

            “พี่บาส..” เสียงไอ้น้ำดังลอดออกมาแผ่วเบา



            ไอ้พี่บาสมองคนที่ดูเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดออกมาสักที แต่ที่น่าประหลาดใจคือมันไม่ได้สนใจจะคุยกับเขาต่างหาก มันแค่เรียกชื่อเขา แล้วมันกลับเลือกมองออกไปทางหน้ารถ พี่บาสเลยมองตามสายตาของไอ้น้ำไป



            ‘ฉิบหายแล้ว’พี่บาสอุทานอยู่ในใจ


            นั่นใครวะ คนที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียนแห่งนั้น มันใช่ผู้กอง สุดที่รักของไอ้น้ำ หรือเปล่า พี่บาสกำลังเพ่งมองคนตรงหน้าให้แน่ชัด ก่อนจะบิงโกออกมา ถ้าไม่ใช่ ไอ้น้ำคงไม่นั่งนิ่งตัวแข็งขนาดนี้หรอก


            แล้วนั่นใครอีกคนวะ ตัวเล็กๆ หน้าใสๆ น่ารักชะมัด ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายว่ะ ใช่ไหมวะ พี่บาสสับสน


            เดี๋ยวๆ ผู้กองคนนั้น จับหัวอีกฝ่ายด้วยว่ะ ส่งยิ้มให้กัน ราวกับโลกนี้มีเราแค่สองคน ทุกอย่างรอบตัวอบอวลไปด้วยสีชมพู ดอกรักโรยล้อมกาย


            พี่บาสหันกลับมามองไอ้น้ำ ที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นไปแล้ว



            “ไอ้น้ำ ไหนว่าผู้กองไม่มีคนอื่นไงวะ” ไวเท่าความคิด พี่บาสหลุดปากถามหนุ่มรุ่นน้องออกไปแล้ว




==================================


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ P9 03/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 03-07-2018 10:39:02
อ้าวๆๆ อันนี้เรียกปุ๊บปั๊บรับโชค จิงๆ นะเนีย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ P9 03/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-07-2018 10:46:42
ตอกย้ำน้องน้ำเข้าไป จะตายอยู่แล้ว สงสารมากมาย
 :mew4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ P9 03/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-07-2018 10:58:44
 :hao7: :เฮ้อ: :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ P9 03/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-07-2018 11:04:36
 :เฮ้อ: :o12:

เศร้าเลย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ P9 03/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 03-07-2018 11:55:53
ให้มันผ่าน เลยไป ใจเข้มแข็ง
ถึงแม้มัน จะอ่อนแรง แฝงหิวโหย
ไม่มีทาง จะให้เห็น ว่าแผ่วโรย
ไม่คร่ำครวญ ไม่โอดโอย ให้เห็นใจ

คิดซะว่า ที่ผ่านมา ทำให้สุข
คิดซะว่า เคยเปลื้องทุกข์ สนุกใส
ถึงเวลา ก็ต้องจาก พรากกันไป
ในเมื่อใคร คนหนึ่ง พึงจากลา

ก้าวเดินต่อ ไม่ยอมท้อ ขอแข็งแกร่ง
ไม่ยอมหมด ออมอดแรง แห่งหนหน้า
ทำได้เพียง เลี้ยงใจตน อดทนมา
และหวังว่า หน้ายิ้มใส ในพรุ่งนี้

กอดน้ำ..แน่นๆ ให้กำลังใจนะหนุ่มน้อย
อุปสรรคในวันนี้จะทำให้เราแข็งแกรงในวันหน้า

ปล่อยให้คนไม่จริงใจ โลเลในความรัก
กลับไปคบชู้สู่ชายกับคนเดิมนั่นละ..เหมาะสมกันแล้ว

ควายยังไงก็ยังเป็นควาย
เขาย่อมงอกอยู่บนหัว ยังไงก็ยังงั้น

ไอ่ผู้กอง.....บัฟ
ถ้าเป็นตรู..ผีก็ไม่เผาอ่ะ

ปากอย่างใจอย่าง
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ P9 03/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 03-07-2018 12:21:53
เรื่องแม่ยังไม่จบเลย มีเรื่องใหม่มาซ้ำอีก หวังว่าตอนหน้าเรื่องต่างๆจะดีขึ้น ไม่อยากให้น้ำเสียใจนาน
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ P9 03/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 03-07-2018 19:13:23
เอาล่ะ ช้ำใจซ้ำไปอีก สงสารน้ำจัง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ P9 03/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-07-2018 19:19:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ P9 03/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 03-07-2018 21:25:34
แม่น้ำนี่ยังไงทำเป็นเหมือนรับได้แต่ก็มาขัดเฉย ย้อนแย้งไหม ความสุขของลูกไม่สำคัญความรู้สึกตัวเองสำคัญที่สุดงั้นดิ ความแม่แค่ความเสียสละให้ลูกมีความสุขไม่ได้เหรอสงสารนะถ้าต้องเจอแบบนี้นี่
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ P9 03/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 04-07-2018 18:35:41
ค้างงงงงง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ P9 03/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 06-07-2018 11:42:46


งวดสามสิบสอง มันไม่ใช่อย่างที่คิด



            วรันต์กำลังยืนรอเด็กนักเรียนมัธยมต้น ลูกชายนายจ้าง ระหว่างนั้นเขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในเครื่องแบบสีกากีเดินตรงเข้ามาหาเขา “พี่ปรานต์?” วรันต์หลุดปากเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ

            “พี่เอง เป็นไงบ้าง หายไปเลย ยายเป็นไงบ้าง” ผู้กองหนุ่มถามรัว เขาไม่ได้ข่าวคราวอดีตคนรักอย่างวรันต์มานาน

            “สบายดีครับ แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ อีกนิดจะวิ่งแข่งกับผมได้แล้ว” คนอ่อนวัยกว่าตอบพลางยิ้มให้ เขาหันกลับเข้าไปมองในโรงเรียน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของคนที่กำลังรอจะออกมา

            “ผม?”

            “คนเคยสนิทก็ต้องลดขั้นตัวเองลงสิครับ แทนตัวเองว่าผมดีกว่า เผื่อคนสำคัญของผู้กองมาได้ยินคงจะไม่พอใจ” วรันต์อธิบาย

            “ห่างเหินไปเลย แต่ไม่เป็นไร ถ้ารันโอเค พี่ก็โอเค”

            “แล้วผู้กองมาแถวนี้ได้ไง แล้วมาอย่างไร”

            “พี่จอดรถอยู่ข้างหน้า พอดีขับผ่านแล้วเห็นคนหน้าคุ้นๆ เหมือนจะเป็นคนรู้จักเลยหยุดลงมาทักทาย” ผู้กองหนุ่มบอกด้วยท่าทีเป็นกันเอง

            “ขอบคุณครับ”

            “แล้วรันมาทำอะไรแถวนี้ รับวรงค์?” ผู้กองหนุ่มเดา

            “ไม่ใช่ครับ มารับลูกเจ้านายน่ะ”

            “ลูกเจ้านาย?”

            “ใช่ครับ มีคนจ้างผมทำงาน เขาชื่อคุณเตชัส”

            “คุณเตชัส” ผู้กองทวนชื่อพลางทำท่าคิด จนวรันต์สงสัย

            “ผู้กองรู้จักคุณเตชัสเหรอครับ”

            “ไม่แน่ใจ คนเราก็มีชื่อซ้ำกันได้ พี่ขอถามหน่อย คุณเตชัสนี่ ใช่ที่ทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์หรือเปล่า”

            “ผู้กองรู้ได้ไง”

            “ใช่สินะ พี่เตเป็นเพื่อนกับพี่ปรัชญ์”

            “เหรอครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อน” วรันต์บอก แต่เขาก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเขาเจอหน้า  พี่ชายของผู้กองปรานต์นับครั้งได้ แล้วนับประสาอะไรจะรู้จักเพื่อนของคุณปรัชญ์

            “เขาโอเคใช่ไหม ไม่ได้บังคับอะไรรันนะ” ปรานต์ถามด้วยความเป็นห่วง

            “ผู้กองถามอย่างกับคุณเตเป็นคนไม่ดี” วรันต์พูดขำๆ กับคนตรงหน้า เขาไม่อยากให้ผู้กองต้องเป็นกังวล

            “ไม่ใช่หรอก พี่เตเป็นคนดี แต่นักธุรกิจไม่ได้มีแต่ด้านดีเสมอไป” ปรานต์พยายามบอกอย่างเป็นกลาง

            “ผมโอเค ผู้กองไม่ต้องเป็นห่วง”

            “ถ้ามีอะไรก็บอกพี่มาได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจ”


            “ขอบคุณครับ”

            “พี่ไปนะ ดูแลตัวเองด้วย” ปรานต์บอกลาพลางลูบศีรษะวรันต์ก่อนเดินกลับไปขึ้นรถ

            “ครับ ผู้กองก็เหมือนกัน” วรันต์โบกมือลา



            เขายืนรออยู่หน้าโรงเรียนต่ออีกห้านาทีก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เลยเวลาเลิกเรียนไปร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว ทว่ายังไม่เห็นร่างของเตชินทร์เดินออกมาจากโรงเรียนเสียที



            คงต้องเข้าไปตามเสียหน่อย



            วรันต์เดินเข้าไปในโรงเรียน ทักทายอาจารย์ที่คุ้นหน้ากันอยู่แล้วเป็นพิธี พลางถามว่าพอจะเห็นเตชินทร์บ้างหรือเปล่า อีกฝ่ายบอกกลับมาว่าเด็กชายอยู่ที่ไหนซึ่งเป็นที่ประจำของเจ้าตัว     วรันต์กล่าวขอบคุณแล้วมุ่งหน้าไปจุดหมายตามที่ได้ยินมาอย่างรวดเร็ว


            “เตชินทร์ ทำไมยังไม่ออกเสียที ฉันยืนรอเธอนานแล้วนะ” วรันต์บ่นอีกฝ่ายมาแต่ไกล ตั้งท่าจะบ่นซ้ำสอง สายตาก็เห็นเด็กชายที่เขามารับกำลังยืนคุยกับเด็กนักเรียนอีกคนหนึ่ง ใบหน้าของเตชินทร์ระบายไปด้วยรอยยิ้ม


            วรันต์คิดว่าเขากำลังจะเข้าใจอะไรลางๆ


            “ว่าไง รง” วรันต์ก้าวเข้าไปแทรกคนสองคนตรงกลาง

            “พี่รัน สวัสดีครับ พี่มาได้ไงอะ มาหาผมเหรอ” วรงค์ถามพี่ชาย เขาแปลกใจ ปกติแล้ว      วรันต์ไม่เคยมาหาเข้าที่โรงเรียนเลย นอกจากวันสำคัญที่โรงเรียนเรียกก็เท่านั้น ส่วนเตชินทร์ก็เงยหน้ามองคนสองคนด้วยความสงสัย

            “เปล่า พี่มารับเด็กคนนี้”

            “เด็กคนนี้?”


            “ใช่ ลูกชายเจ้านายพี่”

            “เหรอครับ”

            “แต่ดูเหมือนจะรู้จักกัน ดี อยู่แล้วนี่ ไม่ต้องแนะนำเนอะ” วรันต์บอก เขาเน้นย้ำคำว่าดีเป็นพิเศษ เพื่อสะกิดให้เตชินทร์เข้าใจความหมาย

            “ครับ ผมมาสอนการบ้านให้น้องชินบ่อยๆ อะพี่รัน”

            “อย่างนั้นเหรอ ถึงว่าพี่ยืนรอเขาตั้งนาน ไม่เห็นออกมาสักที” วรันต์แสร้งบ่นไม่จริงจัง

            “ผมไม่รู้ว่าพี่รันมารับ ไม่งั้นจะบอกให้น้องกลับไปเร็วกว่านี้”

            “ไม่เป็นไรหรอก เพราะน้องของรง คงอยากให้รงสอนการบ้านให้ล่ะมั้ง” วรันต์เหล่มองคนข้างกาย เตชินทร์ยังทำเงียบ ไม่พูดอะไร

            “เสร็จแล้ว” เจ้าตัวที่ถูกพาดพิงถึงเอ่ยปากบอกเป็นประโยคแรก

            “กลับเลยไหม”

            “อืม”

            “ถ้างั้น ฉันไปรอที่รถ จอดอยู่ที่เดิม พี่ไปก่อนนะรง” วรันต์บอกเสร็จ ก็เดินจากตรงนั้นมา ปล่อยให้สองคนนั้นได้พูดคุยกันอีกสักเล็กน้อย


            รอเพียงไม่นาน เตชินทร์ก็ขึ้นรถมา คราวนี้อีกฝ่ายไม่นั่งด้านหลังอย่างที่เคย ครั้งนี้ขึ้นมานั่งข้างคนขับ วรันต์เหลือบมองคนข้างๆ มุมปากยกยิ้ม แต่เขาก็ไม่พูดอะไร



            เด็กหนอเด็ก


            “นี่” รถเคลื่อนตัวไปสักพัก วรันต์ก็ได้ยินเสียงเด็กชายที่เส้นเสียงยังไม่แตกเอ่ยขึ้น

            “...” เขาตั้งใจไม่ตอบ

            “นี่ เรียกไม่ได้เหรอไง”

            “ได้ยินว่าเรียก แต่ไม่รู้ว่าเรียกใคร”

            “ก็อยู่กันแค่สองคน ไม่เรียกคุณแล้วจะเรียกใคร บ้าหรือเปล่า”

            “ฉันตั้งใจไม่ตอบ เพราะฉันมีชื่อ อีกอย่างฉันทำงานให้พ่อของเธอ ไม่ใช่ลูกจ้างเธอ” วรันต์แย้งกลับ

            “นี่...” เตชินทร์เรียกอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อวรันต์ก็ยังไม่ตอบ เด็กชายจึงจำใจเรียกชื่อออกมา “คุณรัน”

            “จะเรียกฉันว่าพี่รันเหมือนอย่างที่รงเรียกก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” วรันต์บอกเด็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขาใจดีแต่เพราะเขากำลังแกล้งอีกฝ่ายเล่นต่างหาก

            “คุณเป็นอะไรกับพี่รง”

            “ชอบน้องชายฉันเหรอ” คำถามสองคำถามถูกถามขึ้นมาพร้อมกัน เด็กชายหน้าเปลี่ยนสีเข้มขึ้นเล็กน้อย วรันต์ละสายตาจากถนนมองคนนั่งข้าง


            เขิน?ดูง่ายจริงๆ


            “ว่าไง ชอบน้องชายฉันเหรอ” ชายหนุ่มถามย้ำ

            “คุณยังไม่ตอบว่าคุณเป็นอะไรกับพี่รง”

            “ก็ได้ ฉันบอกให้ก่อนก็ได้ แต่เธอต้องตอบคำถามฉันด้วยล่ะ”

            “ตกลง”

            “ฉันเป็นพี่ชายของวรงค์”

            “จริงอะ” เตชินทร์ไม่เชื่ออย่างแท้จริง ทั้งสองคนไม่มีอะไรเหมือนกันเลย

            “จริง”

            “หน้าไม่เห็นเหมือน พี่รงตัวออกจะใหญ่ คุณตัวแค่นี้ เตี้ยกว่าพี่รงตั้งเยอะ”

            “จะเหมือนไม่เหมือน ก็พี่น้องกันนั่นแหละ ตอบมา ว่าเธอชอบน้องชายฉันใช่หรือเปล่า”     วรันต์รีบตัดบท มาจี้ใจดำเรื่องความสูงกับเขาได้อย่างไรกัน เพราะส่วนสูงที่ไม่สูงมากเนี่ยแหละ ทำให้เขาถูกเหมาว่าเป็นผู้หญิงอยู่บ่อยครั้ง มันน่าภูมิใจตรงไหน

            “...”

            “สัญญาต้องเป็นสัญญาสิ จะเบี้ยวเหรอไง” วรันต์ทวงเมื่อเห็นเตชินทร์นิ่งเงียบ

            “...”

            “โอเค จะถือว่าเธอผิดสัญญา แต่ถึงจะไม่ตอบ ฉันก็พอรู้ว่าเธอชอบน้องชายฉัน แล้วถ้าไม่อยากให้ฉันขัดขวางหรือออกคำสั่งกับวรงค์ให้เลิกคุยกับเธอล่ะก็ เชื่อฟังฉันให้ดีๆ ล่ะ” วรันต์บอกแกมขู่

            “ฉันจะบอกคุณพ่อให้ไล่คุณออก”

            “ตามใจ”

            “แต่เธอก็จะไม่ได้คุยกับวรงค์อีก ก็เท่านั้นเอง”

            “คุณมันนิสัยไม่ดี!” เด็กชายชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเกรี้ยวกราด

            “ฉันไม่เคยพูดว่านิสัยดีสักหน่อย ทำตัวให้น่ารักๆ เข้าไว้ แล้วฉันจะให้รงมาคุยกับเธอบ่อยๆ”

            “คุณขู่ฉัน”

            “เปล่า ก็แค่พูดลอยๆ จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ” วรันต์บอกแล้วก็ขับรถต่อโดยไม่สนใจคนข้างๆ ที่กำลังโมโหเขาอยู่ไม่น้อย



            กลับจากค่ายเภสัชฯ คราวนั้น น้ำฝนก็เห็นพี่ชายซึมลงมากกว่าเดิมอีก วันที่เธอไปสำรวจมหาวิทยาลัยที่อยากเข้า เมื่อกลับมาขึ้นรถ เธอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ภายในรถ มันดูเศร้าสร้อย หงอยเหงา และอึดอัด จนเธอไม่กล้าพูดอะไรมาก นอกจากบอกคนที่นั่งข้างหน้าทั้งสองคนว่าเธอกลับมาแล้ว



            แม้กระทั่งพี่บาสที่ชวนเธอคุยอย่างเฮฮา ก็กลับเงียบไปเหมือนกัน



            ช่วงเวลาที่เธอไม่อยู่ มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่


            “พี่น้ำ” หญิงสาวเคาะประตูห้องนอนของพี่ชาย

            “หืม”

            “ฉันเข้าไปได้หรือเปล่า”

            “เข้ามาสิ ประตูไม่ได้ลงกลอน”



            น้ำฝนเปิดประตูเข้ามาก็เห็นพี่ชายของเธอนอนคว่ำอยู่ ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก ท่านอนนี้ดูเป็นท่าประจำของพี่ชายเธอในช่วงนี้เสียแล้ว



            แล้วที่เธอหมั่นเข้ามาที่ห้องพี่ชายบ่อยๆ ไม่ใช่อะไร เธอกลัวไอ้พี่น้ำจะคิดสั้นแล้วจากโลกนี้ไปโดยไม่บอกใคร


            “มีอะไรหรือเปล่า”

            “ไม่มีอะ แค่อยากเข้ามาหาเฉยๆ ได้ปะ”

            “ว่างหรือไง ไม่อ่านหนังสืออะ” น้ำถามน้องสาว

            “อ่านจนเบื่อแล้ว เลยมาคุยกับพี่น้ำไง”

            “แล้วแม่ล่ะ” น้ำถามอีก

            “ไปสวน”

            “อืม” ไอ้น้ำครางรับคำก่อนจะฟุบหน้าลงกับหมอนเหมือนเดิม

            “พี่อะ ไม่ออกไปไหนเหรอ”

            “ไม่ไป ไม่รู้จะไปไหน”

            “แม่บอกฉันมาสักพักแล้ว แต่ฉันก็ลืม ร้านชุดไทยในตลาดฝากบอกมาว่ามีชุดไทยใหม่ๆ มาเพียบ รอให้พี่ไปเลือก”

            “ขอบใจ พี่ลืมไปแล้วนะเนี่ย เดี๋ยววันไหนไปตลาดจะซื้อมาหลายๆ ชุด แล้วเอาไปให้แม่ตะเคียนทีเดียวละกัน”

            “ทำไมต้องทีเดียว” น้ำฝนสงสัย

            “อีกหน่อยคงไม่ได้ไปแล้ว”

            “ทำไม พี่พูดให้เคลียร์ๆ ในคราวเดียวได้ไหมเนี่ย ฉันเริ่มงง” หญิงสาวเริ่มโวยวายที่พี่ชาย
ของเธอดันกลายเป็นคนที่ถามคำตอบคำ


            มันไม่ทันใจ น้ำฝนเซ็ง



            “ก็เลิกส่งหวยแล้ว”

            “แค่เลิกส่งหวย แต่ไม่ได้เลิกเล่นหวยนี่”

            “รู้ แต่ไม่อยากเล่นแล้ว มันเบื่อ”

            “เบื่อหวย หรือเบื่ออะไร เอาให้แน่”

            “เบื่อโลก ไม่อยากอยู่แล้ว”

            “พี่ว่าอะไรนะ”

            “เบื่อโลก มันเบื่อ” ไอ้น้ำตอบอย่างเซ็งๆ มันเบื่อจริงๆ

            “อ่า..เหรอ” น้ำฝนทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะออกจากห้องไป



            แล้วเย็นนั้น ระหว่างที่กินข้าวกันอยู่กับแม่น้อยตามลำพังสองคนเหมือนเช่นเคย น้ำฝนก็เปรยขึ้นมา


            “แม่จ๊ะ”

            “หืม อะไร”

            “วันนี้ฉันเข้าไปคุยกับพี่น้ำมา” แม่น้อยชะงักมือเล็กน้อยก่อนจะตักข้าวเข้าปาก

            “มันว่าอย่างไรบ้าง”  นางถามเรียบๆ เหมือนคุยเรื่องทั่วไป ทำเหมือนไม่มีปัญหาระหว่าง
กัน

            “ก็บอกว่าเบื่อจ้ะ”

            “ถ้ามันเบื่อก็ให้มันไปช่วยงานในสวน ไม่ก็หางานทำซะ” แม่น้อยบอก

            “ไม่ใช่อย่างนั้นจ้ะ พี่น้ำบอกว่าเบื่อโลก ไม่อยากอยู่แล้ว”

            “หา!? มันว่าอะไรนะ ไม่อยากอยู่แล้วรึ” แม่น้อยยกมือทาบอกด้วยความตกใจ

            “ใช่จ้ะ แม่” น้ำฝนหย่อนระเบิดลงไป แล้วลงมือกินข้าวต่ออย่างไม่ทุกข์ร้อน เธอไม่อยากมองหน้ามารดา เพราะเธอคงจะเดาสีหน้าของแม่น้อยไม่ออกอยู่ดี



==========================

ตอนที่แล้ว
เข้าใจผิดผู้กองเต็มเลย ใจเย็นๆ นะคะ
ผู้กองของเราเลือกแล้วก็เลือกเลยค่า

และ แด่น้ำฝน เก่งมากจ้ะ

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018 


 ===============================
RIP ขอไว้อาลัยให้กับ จ.อ. สมาน กุนันท์ หน่วยซีลนอกราชการ จากการท่าอากาศยานไทย (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - เชียงใหม่ -เชียงราย) ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่ตั้งใจมอบให้นะคะ


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสอง มันไม่ใช่อย่างที่คิด P9 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-07-2018 11:51:54
 :L2: :pig4:

เราต้องไซโคคุณแม่
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสอง มันไม่ใช่อย่างที่คิด P9 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-07-2018 12:04:26
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสอง มันไม่ใช่อย่างที่คิด P9 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 06-07-2018 12:24:24
ถึงไม่เลิก ไม่ตั้งใจ ก็เหมือนเลิก
เห็นบานเบิก ลููบหัว กลัวใครเห็น
เจอรักเก่า ไม่เน่าแล้ว มันจำเป็น
รีบจอดรถ กอดแน่นเน้น ไม่เว้นวาย

แสนอ่อนโยน นุ่มละมุน กระตุ้นรัก
ยังน่ารัก ทักทายอยู่ ไม่รู้หาย
ยังจำจด กำหนดไว้ จนวันตาย
ความกระหาย รายล้อมอยู่ คู่กับตัว

คนหนึ่งเศร้า เคล้าน้ำตา อยากจากโลก
แต่อีกคน กลับโบยโบก โยกยิ้มหัว
กลัวอะไร ก็ไม่เท่า ใจเมามัว
ต่อหน้าดี ลับหลังชั่ว มั่วหลายใจ

#ทีมน้องน้ำ#บอกไว้เลย#หล่อรวยแล้วไง#รักแต่ไม่คิดจะทำอะไรให้มันดีขึ้นเลย
#จ๊าดดดดดง่าวผู้กองหัวฟวย
 :z6:

+1 ฮับคนแต่ง เราแวะเข้ามาเยี่ยมเรื่องนี้ทุกวันเลย ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสอง มันไม่ใช่อย่างที่คิด P9 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-07-2018 12:43:15
สงสารน้องน้ำ แต่ว่าผู้กองไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือ
แต่ก็นะ ผู้กองก็ไม่อยากให้แม่น้อยเสียใจ
แต่อีกคนก็ โอ้ยยยย บรรยายไม่ถูก
ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อให้นะ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสอง มันไม่ใช่อย่างที่คิด P9 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 08-07-2018 22:48:06
เรามารอเธอที่หน้าเล้าทุกวันเลย
ซิก..ซิก
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสอง มันไม่ใช่อย่างที่คิด P9 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 10-07-2018 09:34:16

งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้


            กลับมาจากกรุงเทพฯ ได้เป็นสัปดาห์แล้ว แต่ไอ้น้ำก็ยังมีท่าทีซึมเศร้าเหมือนเดิม ไม่ร่าเริง เอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน แต่วันนี้ไม่รู้อะไรดลใจมัน ไอ้น้ำถึงเปิดประตูห้องออกมาด้วยชุดที่พร้อมจะไปออกไปข้างนอกอย่างไรอย่างนั้นแหละ สร้างความแปลกใจให้กับแม่น้อยที่กำลังดูข่าวทางโทรทัศน์อยู่มากโข


            “แต่งตัวจะไปไหนวะ ไอ้น้ำ” นางรีบทักถามก่อนลูกชายตัวดีจะเดินลงบันไดบ้านไป

            “อ้าว แม่อยู่บ้านเหรอ” น้ำชะงักค้างอยู่ตรงประตู ออกมาจากห้องเมื่อสักครู่นี้ มันแน่ใจว่าไม่เห็นใครอยู่ในบ้านเลย

            หรือว่าจริงๆ แล้ว มันไม่ได้รับรู้สิ่งรอบข้างเลยต่างหาก

            “เออ สิวะ เอ็งเดินดุ่มๆ ข้าเรียกเกือบไม่ทัน แล้วนี่จะไปไหน”

            “ฉันตั้งใจจะเข้าไปตลาดสักหน่อย ยายฝนบอกฉันหลายวันก่อนแล้วว่าร้านในตลาดเขามีชุดไทยใหม่ๆ มาหลายชุด เลยกะจะไปเลือกเสียหน่อยจ้ะ” น้ำบอก

            “ข้านึกว่าไปเลือกมาแล้ว”

            “ยังเลยจ้ะ”

            “ทำอะไรอยู่ ถึงไม่ได้ไป” แม่น้อยพูดออกไปแล้วก็ชะงัก พลางโบกมือไล่ “เอ้า จะรีบไปก็ไปสิ แล้วจะกลับมากินข้าวเที่ยงไหม ข้าจะได้อุ่นไว้ให้ก่อนออกไปสวน”

            “กลับจ้ะ ฉันไปก่อนนะแล้วจะรีบไปรีบมา”

            “อืม เดินไปก็ระวังๆ หน่อยล่ะ รถราเริ่มเยอะขึ้นทุกวัน” แม่น้อยพูดด้วยความเป็นห่วง แต่ในความเป็นจริง ถนนในหมู่บ้าน แทบไม่มีรถวิ่งผ่านเลยด้วยซ้ำ

            “จ้ะแม่” น้ำบอกแล้วเดินลงจากบันไดบ้านไปทันที



            น้ำออกเดินมุ่งหน้าไปยังตลาด จิตใจของเขาแทบไม่ได้สนใจเส้นทางที่เท้าของตนนั้นก้าวเดิน ในหัวสมองกับจิตใจมันคอยจะคิดถึงแต่เรื่องของผู้กองและภาพของอีกฝ่ายกับวรันต์ ความสนิทสนมที่เขาได้เห็นในวันนั้น มันทำให้ใจของเขา นั้นหดหู่เพิ่มขึ้น



            เพราะวรันต์ใช่หรือเปล่า ที่ทำให้ผู้กองตัดใจจากเขาไปได้อย่างง่ายดาย ใบหน้ายิ้มแย้มดูมีความสุข นั่นคือสิ่งที่   ผู้กองต้องการทั้งหมด ถูกต้องใช่ไหม


            มือข้างขวายกมือปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว เขาอยากจะเลิกร้องไห้กับความรู้สึกนี้แล้ว แต่ทำไมมันถึงทำไม่ได้ ทำไมเขาถึงทำไม่ได้เหมือนกับตอนที่เลิกกับเจน ทำไมครั้งนี้มันกลับเจ็บปวดมากกว่าเดิม ยิ่งพยายามหยุดร้องไห้แค่ไหน น้ำตามันยิ่งไหลออกมา


            น้ำตาทะลักออกมาเป็นสาย ไอ้น้ำเริ่มมองไม่เห็นทาง มันเลยเลือกหาที่พอจะนั่งได้แถวนั้น เพื่อสงบจิตสงบใจของมันให้ดีกว่านี้สักหน่อย แล้วค่อยไปตลาดตามความตั้งใจทีแรก


            ไม่รู้ว่านั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ไปนานเท่าไหร่ ตอนนี้น้ำตาที่มันร่วงหล่นลงมาจึงเหือดแห้งไปแล้ว น้ำนั่งมองสายตาที่ไหลเอื่อยไปเรื่อยๆ น้ำในคลองเล็กค่อนข้างใสสะอาด เพราะคนในหมู่บ้านพยายามรณรงค์ไม่ให้ทิ้งน้ำเสียลงคลอง น้ำมองปลาตัวเล็กใหญ่ แหวกว่ายกันอย่างสบายใจ เพราะติดกับเขตวัด จึงไม่มีใครกล้าเข้ามาจับปลาหรือตกปลาบริเวณนี้


            ‘ไม่สบายใจหรือจ๊ะ หน้าเศร้าเชียว’ เสียงเย็นเยียบดังขึ้นข้างตัว


            “อืม”


            ‘เรื่องผู้กองรูปหล่อใช่ไหม’


            “อืม”


            ‘เขาไปก็ไม่ลา เสียใจแย่เลยเนาะ’


            “อืม มากเลยล่ะ” น้ำตอบคำถามไปเรื่อยโดยไม่รู้ตัว


            ‘ไม่เป็นไรนะพ่อน้ำ ให้ฉันช่วยดีไหม’


            “ขอบใจมากนะ แต่เรื่องนี้คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” น้ำบอกอีกฝ่ายอย่างปลงตก


            ‘ฉันอยากช่วยจริงๆ นะ ถึงฉันจะไม่สมหวังกับพ่อน้ำ แต่ฉันก็หวังดีให้พ่อน้ำมีความสุขกับแฟนนะจ๊ะ’


            “อดีตแฟนต่างหาก เขากลับไปคบกับแฟนเก่าแล้ว” พูดออกไปด้วยอารมณ์ที่ร้อนรุ่ม


            ‘จริงเหรอ พ่อน้ำรู้ได้อย่างไร’


            “ข้าเห็นมากับตา หน้าผู้กองงี้บานเป็นจานเชิง ยิ้มทีแทบจะเห็นฟันครบสามสิบสองซี่เลยล่ะมั้ง”


            ‘โอ้ อย่างนั้นเลยเหรอ’ เสียงที่ยังคงเยือกเย็น หัวเราะออกมาทำเสียงเหมือนไม่เชื่อที่ไอ้น้ำพูด


            “ข้าไม่ได้โกหกนะ” น้ำแค่นเสียงบอก


            ‘แล้วทำไมตอนนั้นไม่แสดงออกตัวไปเลยล่ะจ๊ะ ว่าผู้กองเป็นของพ่อน้ำ’


            “จะทำได้อย่างไรกันล่ะ คนเลิกกันแล้ว” น้ำบอกถึงจะโมโหอีกฝ่ายอยู่บ้างแต่ความเศร้าในใจก็จางหายไป


            ‘แน่ใจเหรอ ว่าเลิกกันแล้ว’


            “แน่ใจ ผู้กองเป็นฝ่ายบอกก่อนด้วยซ้ำ”


            ‘ฉันหมายถึงพ่อน้ำไม่รู้จริงๆ เหรอว่าแท้จริงแล้วเลิกหรือไม่’


            “ตอนนี้ไม่ว่าจะเลิกจริงหรือปลอม มันก็คือเลิก โอเคนะ”



            น้ำตัดบทเพราะอย่างไรเขาก็ไม่ได้ผู้กองคืนมาหรอก ต่อให้ได้ผู้กองคืนมาจริงก็ยังติดปัญหาเรื่องแม่น้อยอยู่ดี ความรักของพวกเขามันช่างเป็นเส้นขนาน ไร้ทางบรรจบ



            ประหนึ่งโรมิโอ จูเลียต



            ขวัญ..เรียม


            หรือจะเป็นโกดำและครูกิ๋ว ในสะพานรักสารสินดี



            น้ำขยี้หัวตัวเอง ฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ เรื่องราวตำนานเหล่านั้น คนทั้งคู่รักกันจริง แต่คู่ของเขาคงไม่ใช่อย่างนั้นกระมัง เขามีแต่สามวันจากนารีเป็นอื่น นี่เขาไม่ใช่ผู้หญิง ผู้กองยังเป็นอื่นเหมือนกัน คิดแล้วมันน่าจะผูกคอตายใต้ต้นถั่วงอกจริงๆ


            ‘ฮ่า...ฮ่า’ เสียงหัวเราะของผู้หญิงดังขึ้นมา น้ำขมวดคิ้ว


             “หัวเราะอะไรอะ”


             ‘ฉันหัวเราะพ่อน้ำน่ะ คิดอะไรเลื่อนเปื้อนจริงๆ เลย’


             “รู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไร”


             ‘ขนาดหวย ฉันยังรู้ล่วงหน้าได้เลย นับประสาอะไรกับใจมนุษย์ ฉันรู้ ฉันเห็นจ้ะ’


             “ขนาดนั้นเลย โม้หรือเปล่า” น้ำตอบขันๆ


            ‘เอาเถอะจ้ะ พ่อน้ำตอนนี้จิตใจไม่ปกติ เดี๋ยวรู้ตัวเมื่อไหร่ก็จะเข้าใจฉันเอง’


             “พูดอะไรของเอ็ง”


            ‘ให้ฉันช่วยเถิดจ้ะ เชื่อมือฉัน รับรองพ่อจะสมหวังแน่นอน’


             “จะทำให้เรื่องมันยุ่งขึ้นล่ะสิไม่ว่า” น้ำพูดด้วยความไม่เชื่อ


             ‘ไม่ลองไม่รู้ จริงไหมจ๊ะ’


             “ไม่ต้องหรอก อะไรมันจะเกิดก็ให้มันเป็นไป ถ้าผู้กองต้องกลับมาเพราะคนอื่น ข้าก็ไม่ชอบหรอก”


            ‘จริงสินะ ไม่ภูมิใจ’


             “ใช่ เกียติยศศักดิ์ศรีและความภูมิใจ กินไม่ได้แต่มันสำคัญเว้ย” น้ำกล่าวมุ่งมั่น


             ‘เห็นด้วยจ้ะ เป็นลูกผู้ชายจงยึดมั่นในเกียรติของตนไว้ให้มากนะจ๊ะ’ เสียงหญิงสาวบอก ไอ้น้ำพยักหน้าหงึกหงักรับฟัง ‘อุ้ย อยู่นั่นเอง’ ทันใดนั้น เสียงเย็นๆ เสียงเดิมก็ส่งเสียงตกใจเหมือนเจออะไรบางอย่าง


             “อะไรเหรอ”


             ‘เชือกเส้นนั้นจ้ะ ไปตกอยู่ตรงนั้นได้อย่างไรกัน อีกนิดก็จะตกคลองกลายเป็นขยะ’  น้ำมองตามที่หญิงสาวว่าก็พบเชือกยาวประมาณหนึ่งเมตร หนาประมาณสักนิ้วสองนิ้วตรงริมตลิ่งพอดี


            “ของใครอะ รู้ไหม” น้ำถาม


            ‘ของฉันเองจ้ะ อย่างไรฉันวานพ่อน้ำไปหยิบให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ’  ถึงไอ้น้ำจะสงสัยไปบ้างว่าทำไมอีกฝ่ายไม่ไปเก็บเอง แต่ก็ไม่จริงจังอะไรนัก มันลุกขึ้นจากท่าน้ำแล้วไปหยิบเชือกเส้นนั้นขึ้นมา


           “ให้เอาไปไว้ไหน”


           ‘เอาไปคล้องกับกิ่งไม้ตรงนั้นทีจ้ะ’ น้ำมองมือขาวชี้ไปที่กิ่งไม้ที่อยู่สูงจากพื้นเกือบสองเมตรได้


           “สูงจัง”


           ‘พ่อน้ำก็เหวี่ยงเชือกข้ามไปสิจ๊ะ’


           “อย่างนี้เหรอ” น้ำลุกทำตามที่หญิงสาวบอกอย่างตั้งใจ มันกระโดดขึ้นจากพื้น พลางเหวี่ยงปลายเชือกข้ามกิ่งไม้นั้นไป


           ‘ใช่จ้ะ ใช่ พ่อน้ำเก่งมากเลย’ หญิงสาวเอ่ยชม ตอนนี้สาบเชือกคล้องยังกิ่งไม้เรียบร้อยแล้ว


          “แค่นี้ใช่ไหม”


          ‘ยังจ้ะ ขืนปล่อยไว้แบบนั้น เดี๋ยวมันจะปลิวตกลงมาอีก อย่างไรฉันอยากให้พ่อผูกปลายเชือกทั้งสองข้างเข้าด้วยกันหน่อยได้ไหมจ๊ะ’


          “ได้ เอาเงื่อนตายเลยไหม จะเอาไปใช้งานทีหลังหรือเปล่า”


          ‘เงื่อนตายเลยจ้ะ หลายๆ ทบหน่อยนะจ๊ะ จะได้รับน้ำหนักไหวจ้ะ’


          “น้ำหนักอะไร เดี๋ยวเอาของมาถ่วงเหรอ”


          ‘ประมาณนั้นจ้ะ’


          “อะ เสร็จแล้ว” น้ำบอกอย่างไม่จำเป็น


          ‘ขอบใจจ้ะ แล้วทีนี้ก็...’ หญิงสาวหยุดเงียบปล่อยให้ไอ้น้ำสงสัย


          “ทีนี้อะไรอะ”


          ‘พ่อน้ำเอาหน้าไปใกล้ๆ ห่วงนั้นหน่อยสิจ๊ะ’


          “ทำไปทำไมอะ” มันสงสัย


          ‘เถอะจ้ะ ฉันหวังดีกับพ่อนะ เชื่อฉันหน่อย’


           “อืมๆ ก็ได้” น้ำค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เชือกนั้น ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาทำแบบนี้เหมือนกัน


           “ไอ้น้ำ!! เอ็งทำอะไร”


           “หนูน้ำ!!”


           “น้ำ!!”



            สามเสียงดังขึ้นพร้อมกัน น้ำจับไม่ได้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร แต่มันตกใจที่ตนเองถูกเรียกชื่อเสียงดัง มันเลยปล่อยมือจากเชือก แล้วดันลืมว่าคอของมันหลุดเข้าไปในบ่วงเชือกแล้ว


           “แค่ก..แค่ก” เสียงคนที่สามวิ่งเข้ามาอุ้มน้ำให้สูงขึ้นจนหลุดจากบ่วงเชือกนั้น

           “ขอบคุณครับ” น้ำบอกอีกฝ่ายเมื่อเท้าของตนแตะถึงพื้น

            “ทำอะไรของเอ็ง หา ไอ้น้ำ จะทำให้ข้าอกแตกตายเลยใช่ไหม ไอ้ลูกบ้า ไอ้เด็กไม่รู้จักคิด” แม่น้อยสาวเท้าเข้ามาหาบุตรชายอย่างรวดเร็วพลางกระหน่ำกำปั้นน้อยๆ ลงบนไหล่ไอ้น้ำไม่ยั้ง

            “อะไรเนี่ย แม่เป็นไร ฉันทำอะไรให้แม่โกรธล่ะ ถึงตีฉันแบบนี้” น้ำลูบแขนป้อยๆ ระหว่างที่แม่น้อยหยุดพักเพื่อหายใจ

            “เอ็งคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย โกรธข้าใช่ไหมหรือเกลียดข้าที่ไม่ทำให้ความรักเอ็งสมหวัง” แม่น้อยร่ำไห้ออกมา ใจนางเกือบจะแหลกสลาย เมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกำลังจะผูกคอตาย


            ทุกอย่างมีทางออก ทำไมไม่คุยกับนาง ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้


            “แม่หยุดร้องไห้ก่อน ฉันไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายสักหน่อย ฉันก็แค่ทำตามที่..” น้ำหยุดแล้วหันไปมองรอบๆ เขาไม่เห็นใครนอกจาก สามเสียงที่เรียกเขา

            “ทำตามอะไร บอกข้ามาเดี๋ยวนี้”

            “ช่างมันเถอะจ้ะ ฉัน..ฉันผิดเอง” น้ำบอกแม่ เขาสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด พลางลำดับความคิด


           ฉิบหาย!! แม่ตะเคียนใช่ไหม


            ‘ฮ่าๆ ฉันเองจ้ะ เชื่อฉันแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น’


            ‘แม่ตะเคียนหลอกฉันอีกแล้วเหรอ’


            ‘เปล่าสักหน่อย นี่กลางวันแสกๆ เป็นไงจ๊ะ ฉันสวยไหม ชุดสไบที่ใส่มาก็จากพ่อน้ำเลย จำได้ไหม’


            ‘จำได้จ้ะ สวยจ้ะ แม่ตะเคียนสวยมากเลยจ้ะ’
           
           
            ‘อา ดีจัง มีผู้ชายหล่อๆ มาชม ฉันคงอายุยืนไปอีกพันปีเลยทีเดียว’
           

            “ไอ้น้ำเป็นอะไรของเอ็ง ตัวแข็ง เหงื่อซึมเชียว” แม่น้อยพูดพลางจับแขนลูกชาย แต่มันก็นิ่งไม่ไหวติง “หรือมันจะตกใจจนไม่มีสติไปแล้ว ไอ้น้ำ!! ไอ้น้ำ!!” แม่น้อยก็พลอยตกใจไปด้วย นางรีบเขย่าแขนบุตรชายอีกครั้งอย่างรุนแรง ปากก็เรียกชื่อไอ้น้ำไปด้วย หวังจะให้สติกลับมา
           
            “ผมขอคุยกับน้ำหน่อยได้ไหมครับ แม่น้อย” ผู้กองขออนุญาต

            “อืม” แม่น้อยบอกพลางถอยออกมาอยู่ทางด้านหลัง

            “น้ำ ได้ยินเสียงพี่หรือเปล่า” ผู้กองเข้าไปพูดกับคนตรงหน้า

            “...”

            “คุยกับแม่ตะเคียนอยู่หรือไง พี่อยู่นี่แล้ว เลิกกลัวได้แล้ว”


            ‘นั่นไง ผู้กองคนหล่อมาง้อแล้ว ฉันไม่กวนแล้วนะจ๊ะ แต่คราวหน้าอย่าลืมซื้อชุดสวยๆ มาฝากฉันอีกนะจ๊ะ พ่อ’           แม่ตะเคียนบอกพร้อมกับดีดนิ้วให้ไอ้น้ำมีสติ


            ใช่ว่าเจ้าแม่ตะเคียนจะไม่รู้ว่าไอ้น้ำพ่อรูปหล่อกลัวผีแค่ไหน แล้วคราวนี้มาคุยกับนางที่ไม่ใช่มนุษย์อยู่นานสองนาน แถมพูดคุยแบบเห็นหน้าค่าตา ออพชั่นเสริมแบบจัดต้องได้อีกพักใหญ่ แค่ยืนนิ่งอยู่ได้ก็ประหลาดมากเต็มที ไม่ช็อคตายไปเสียก่อน ก็บุญแค่ไหนแล้ว

            “น้ำ นี่พี่ปรานต์เองจำได้ไหม”

            “ผ..ผู้กอง..ผู้กองตัวจริง?” น้ำตกใจที่คนตรงหน้าเป็นผู้กอง หรือเขาจะคิดถึงอีกฝ่ายมากจนเห็นภาพหลอน มันยกมือขยี้ตาทั้งสองข้างเต็มแรง

            “พอได้แล้ว ตาช้ำหมด นี่พี่เอง”

            “ผู้กอง ตะกี้นะ แม่ตะเคียน ผมเห็นแม่ตะเคียนด้วย โอย แล้วคุยกับแม่ตะเคียนนานมาก โอ๊ย ไม่รู้ตัวเลย ผมจะเป็นบ้าไหม” น้ำโผเข้ากอดผู้กองอย่างเต็มแรง ละล่ำละลักบอกกับไหล่ของอีกฝ่าย


             แม่น้อยเห็นภาพบุตรชายพุ่งเข้าหาผู้กองก็ยกมือทาบอกแทบไม่ทัน โถ ลูกชายข้า... ส่วนทางด้านคุณหญิง มารดาของผู้กองนั้นกลับยิ้มแก้มแทบปริอย่างพึงพอใจ

            “ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไร ขวัญเอ๊ยขวัญมานะ” ปรานต์ลูบศีรษะเพื่อปลอบประโลมและเรียกขวัญของอีกฝ่ายให้กลับคืนมา


            ไม่ได้กอดคนในอ้อมกอดนี้นานแค่ไหนแล้ว


            “แล้วผู้กองมาได้ไง มาทำไมอะ ไม่ใช่ว่าทิ้งผมไปแล้วเหรอ กลับไปก็ไม่บอก รู้ไหมผมน้อยใจมากเลยนะ ทำแบบนี้ได้ไง”

            “อย่าเพิ่งโกรธพี่ได้หรือเปล่า ตอนนี้ไม่ใช่มีแค่เราสองคนนะ แม่น้อยก็อยู่ที่นี่นะน้ำ”

            “จริงดิ!?” ฉิบหายกำลังสอง ไอ้น้ำตกใจผละออกมาจากอ้อมกอดนั้นทันที

            “เออ แม่ ตะ..ตะกี้ไม่มีอะไรนะ ฉะ..ฉันกลัวผีเฉยๆ” น้ำอธิบายตะกุกตะกัก ใครเห็นเหตุการณ์ก็รู้ว่า คำพูดของมันน่ะฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย

            “เออ ไปคุยที่บ้าน”

            “แล้วแม่มาที่นี่ได้ไง”

            “ข้าสิต้องถามเอ็งมากกว่า บอกว่าจะไปตลาด ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ รีบกลับบ้านก่อน มีอะไรไปคุยกันที่นั่น เห็นไหมว่าผู้ใหญ่ คุณพ่อ คุณแม่ของผู้กอง เขายืนรอเอ็งนานแล้ว”

            “อะไรนะแม่” น้ำตกใจ มันมองเลยไปอีกนิดก็เจอพ่อแม่ของผู้กองเข้าจริงๆ “สวัสดีครับ คุณแม่ เอ่อ..ท่านนั้นคงเป็นคุณพ่อของผู้กอง สวัสดีครับ แล้วก็ขอโทษด้วยครับ” น้ำรีบยกมือไหว้ ทั้งทักทายและขอโทษในคราวเดียวกัน

            “ไม่เป็นไรจ้ะ”

            “ท่านมาได้อย่างไร” น้ำกระซิบถามคนตรงหน้าเสียงเบา

            “กลับบ้านก่อนอย่างที่แม่น้อยบอก แล้วน้ำจะเข้าใจเอง”

            “มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”

            “กลับบ้านก่อน”

            “ก็คนอยากรู้อะ” น้ำกระตุกเสื้อตรงเอวของผู้กอง

            “บอกแล้วไง กลับบ้านก่อน”

            “ขัดใจจริงๆ”

            “ถ้าไม่กลับ ก็คุยกับแม่ตะเคียนไปละกัน” ผู้กองพูดจบก็เดินออกไปทันที


            “เฮ้ย ได้ไง ไม่เอา รอก่อน รอผมด้วย อย่าทิ้งกัน!” น้ำตะโกนไล่หลัง กระวีกระวาดรีบตามอีกฝ่ายไป




            ‘ฮ่า..ฮ่า.. ขอให้สมหวังนะจ๊ะพ่อน้ำ’ และเสียงเย็นก็ดังขึ้น ไอ้น้ำรีบสับขาถี่เพื่อเพิ่มความเร็ว




===================
ในเมื่อไม่ทันใจ แม่ตะเคียนเลยจัดให้ค่ะ น่ารักจริงๆ เลยนะเจ้าคะ

ปล ค่อยๆ เฉลยแต่ละเหตุการณ์และการกระทำของแต่ละคนไปเนาะ ใจเย็นๆ กันน้า

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 10-07-2018 09:59:05
 o13  ต้องจัดชุดใหญ่ถวายจ้า เอาชุดสวยๆ ด้วย แม่ตะเคียนทำดีมากจ้า รับรองอยู่ไปอีกหลายพันปีเลย ฉันไหว้จ้า  :call:
เอาเป็นมาสู่ขอ เอ้ยมาเคลียกันเน๊าะ แต่งเมื่อไร เราจะไปตัดชุดรอ  :mc4:

น่ารักทั้งผู้แต่ง ตัวละครทุกคนจ้า  :กอด1:  :pig4:  :mew1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-07-2018 10:55:37
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 10-07-2018 11:29:11
 :ling1: :ling1: :ling1:
แต่กะดีใจ
จะได้รักกันแล้ว
สงสารน้ำ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 10-07-2018 11:59:14
ไม่ว่าคน หรือว่าผี ก็มีหลอก
คนหลายใจ ไปกลับกลอก บอกชิ่งหนี
แม่ตะเคียน นี่เฮี้ยนจริง กลับเป็นดี
เอาจริงแล้ว คนหรือผี ดีกว่ากัน

ชิสสสสสสสส..ลำไยไม่หายเว้ยยยยยยยย#ผู้กองหัวฟวย

+1 ให้แม่ตะเคียนทอง คนแต่งคนดี อิอิ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-07-2018 13:53:32
ตอนนี้แม่ตะเคียนเด่นสุดๆ น่ารักมาก ที่ทำให้น้ำสมหวัง
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 10-07-2018 16:16:14
#FCเจ้าแม่ตะเคียน +1 ไปเลยค่ะเจ้าแม่ สมกับที่รอมานาน
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-07-2018 18:56:56
เจ้าแม่ตะเคียนทำดีมากๆเจ้าค่ะ แม่น้อยต้องยอมรับแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 10-07-2018 19:19:45
กดบวกให้แม่ตะเคียนเลยจร้าา :call:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 10-07-2018 19:40:24
เเม่ตะเคียนสื่อรักๆ
โอ้ยยยยย น่่รักอ่ะนิยายอะไร
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 10-07-2018 19:54:41
ชอบแม่ตะเคียนอ่ะ หาคู่ให้นางที
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 10-07-2018 22:01:08
พี่ปรานต์พาพ่อกับแม่มาขอหนูน้ำแน่เลย......งื้อออออ  :-[
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-07-2018 22:40:32
 o13


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 11-07-2018 23:43:37
 :m32:
ขอหวยงวดหน้าต่อเลยได้ไหม

แม่ตะเคียนทองคนงาม
อิอิ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสาม งวดนี้เจ๊จัดให้ P10 10/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 13-07-2018 12:26:04


งวดสามสิบสี่ ช่วงแม่ๆ ปรับทุกข์


            “ทานน้ำกันก่อนจ้ะ” แม่น้อยยกน้ำออกมาแจกจ่ายแขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสามคน

            “ขอบใจจ้ะ” คุณหญิงเอื้อมมือไปรับโดยปราศจากท่าทีรังเกียจกับแก้วน้ำพลาสติกธรรมดา

            “นั่งพักกันไปก่อนนะจ๊ะ ฉันขอคุยกับไอ้น้ำสักครู่” พูดจบแม่น้อยก็ลากบุตรชายเข้าไปในห้องของไอ้น้ำอย่างรวดเร็ว

            “แม่..พาฉันเข้ามาในห้องทำไม”

            “เอ็งเรียกพวกเขามาที่นี่กันรึ” แม่น้อยถามด้วยความไม่พอใจ

            “เปล่านะจ๊ะ ฉันไม่รู้เรื่องเลย นี่ก็ตั้งใจจะถามแม่เหมือนกัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

            “เปล่าแน่นะ” แม่น้อยชี้หน้า

            “ฉันสาบานเลยก็ได้ ไม่ได้มุสาแม่จริงๆ” น้ำยกมือชูสามนิ้วทำท่าประกอบ

            “เออ...ไม่ใช่ก็ไม่ใช่”

            “เรื่องมันอย่างไรอะแม่”

            “ข้าก็ไม่รู้ คล้อยหลังเอ็งไปครู่ใหญ่ ผู้กองก็พาพ่อแม่เขาขึ้นมาบนบ้าน คงตั้งใจมาคุยเรื่องเอ็ง ยังติดต่อกันอยู่หรือ” แม่น้อยมองไอ้น้ำนิ่ง

            “ไม่เลยจ้ะ ตั้งแต่เหตุการณ์ตอนนั้น...” น้ำตั้งใจละคำทิ้งไว้ เขาไม่อยากเอ่ยถึงมัน “ผู้กองและฉันก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย แม้คำเดียวก็ไม่เคย”

            “แล้วจะมาหาทำไม”

            “ฉันก็ไม่รู้จ้ะ” น้ำบอกด้วยความซื่อ เพราะมันก็ไม่รู้จุดประสงค์นี้จริงๆ

            “เฮ้อ...” แม่น้อยถอนหายใจพลางนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ตัว

            “แล้วแม่กับผู้กอง ทำไมถึงไปท่าน้ำหน้าวัดได้ล่ะ ไหนจะคุณพ่อคุณแม่ของผู้กองเขาอีก”

            “เขามารอเอ็งสักพักใหญ่ เลยเที่ยงก็แล้ว เอ็งก็ยังไม่กลับมา ข้าเป็นห่วงตั้งใจจะไปตาม แต่พวกเขาก็อยากไปพร้อมกัน”

            “แล้วไม่ขับรถไปล่ะ”

            “ข้ารึ เป็นข้าอย่างนั้นหรือที่อยากให้เป็นแบบนั้น” แม่น้อยทำหน้าเหนื่อยจะอธิบาย

            “จ้ะ ไม่ใช่แม่ ก็ไม่ใช่”

            “เขาอยากไปเดินชมท้องทุ่งของคนบ้านนอก”

            “ฉันว่า..เราควรออกไปก่อนดีไหมจ๊ะ จะได้ไม่เสียมารยาท”

            “มันเสียไปตั้งแต่ทีแรกแล้วเว้ย..แต่เอาเถอะ ออกไปกันได้แล้ว” แม่น้อยบ่นแต่ก็ยอมลุกไปเปิดประตูแล้วออกไปหาแขกที่กำลังนั่งรอ

            “ขอโทษที่ให้รอนะจ๊ะ” แม่น้อยกล่าวตามมารยาทที่ทิ้งแขกไว้ตามลำพัง

“พี่ก็สงสัยมาตั้งนานว่าหนูน้ำหน้าตาน่ารักเหมือนใคร พอเจอแม่น้อย ก็รู้คำตอบเลย” คุณหญิงเอ่ยชม

“เอ่อ..ขอบใจจ้ะ ว่าแต่คุณทั้งหลายมีธุระอะไรกับฉันหรือว่าไอ้น้ำมันหรือจ๊ะ” แม่น้อยเริ่มเปิดประเด็นถามทันที

            “ก่อนอื่น พี่ต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาทมาโดยไม่ได้บอกกล่าวนะจ้ะ แม่น้อย” คุณหญิงเลือกใช้คำพูดที่ให้ความรู้สึกเป็นกันเองกับอีกฝ่ายมากที่สุด

            “ไม่เป็นไรจ้ะ อย่างไรก็มากันแล้ว”

            “ถ้าอย่างไรเราลงไปเดินกันข้างล่าง คุยกันตามประสาผู้หญิงดีไหมจ๊ะ” คุณหญิงเอ่ยชวน น้ำรีบมองที่มารดาของตนทันที กลัวว่าแม่น้อยจะโวยวาย แต่ไม่น่าเชื่อว่า แม่น้อยจะทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วเดินลงบันไดบ้านไปพร้อมคุณหญิง

            “เรื่องเด็กๆ บางทีก็ทำให้คนเป็นแม่ไม่สบายใจใช่ไหม” คุณหญิงเริ่มพูดบ้าง “หลายต่อหลายอย่าง บางครั้งก็ไม่ได้อยากยื่นมือเข้าไป แต่ก็ทนลูกเจ็บปวดไม่ไหว”

            “จ้ะ” แม่น้อยรับคำแล้วนิ่งฟัง

            “ตาปรานต์กลับบ้านไปงวดนี้ ซึมลงผิดหูผิดตา ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอก ทีแรกพี่ก็คิดว่าคงเครียดเรื่องงาน เพราะถูกย้ายกลับกะทันหัน จนไม่ได้เจอกับหนูน้ำ แต่นี่ผ่านไปเป็นเดือนก็ยังอาการเหมือนเดิม พี่เองก็อดเป็นห่วงไม่ได้ หนูน้ำคงมีอาการนี้เหมือนกันใช่ไหมจ๊ะ แม่น้อย”

            “ฉัน...”

            “พี่เข้าใจจ้ะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับ” คุณหญิงพูดด้วยความเห็นใจ

            “คุณหญิงไม่เข้าใจหรอก ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไอ้น้ำมันจะชอบผู้ชาย”

            “หนูน้ำไม่ใช่แฟนคนแรกของตาปรานต์ ตอนนั้นที่พี่รู้เรื่องจากปากลูกชายว่าเขาชอบผู้ชาย มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พี่อยากจะยอมรับเช่นกัน แล้วทำไมพี่จะไม่เข้าใจว่าแม่น้อยคิดอย่างไรกับเรื่องนี้”

            “....”

            “พี่เชื่อว่าหัวอกคนเป็นแม่ คงอยากเห็นลูกๆ ของเรามีความสุข มีครอบครัวที่ดี มีลูกที่น่ารัก และเราก็ขอแค่มีโอกาสอุ้มหลานสักคนหนึ่งก็พอ”

            “แล้วไอ้น้ำมันจะมีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง” แม่น้อยยืนกรานตามความคิด

            “ความสุขก็คือความสุขไม่ใช่หรือ คนเราตัดสินความสุขจากอะไรหรือแม่น้อย เวลาเราถูกหวย เราก็มีความสุขใช่ไหม ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเราเล่นหวยใต้ดิน ผิดกฎหมาย มันก็ไม่ถูกต้อง แล้วทำไมเรายังมีความสุขล่ะ”

            “...” แม่น้อยไม่ตอบ คำพูดของคุณหญิงฟังดูแปลกๆ เกี่ยวอะไรกับหวย แต่ก็ถูกของคุณหญิงล่ะนะ ถูกหวยก็มีความสุข แม่น้อยได้แต่คิดในใจ

            “พี่เคยทุกข์ใจมากที่รับรู้เรื่องของตาปรานต์ เคยไม่ยอมรับ เคยไล่ตะเพิดลูกชาย แต่พอเห็นเขาเจอกับเหตุการณ์อกหักหลายๆ ครั้งเข้า พี่กลับมาคิดได้ว่าตาปรานต์คงจะโชคร้ายเรื่องความรัก แค่ไม่รักผู้หญิง ก็กลายเป็นไม่ถูกต้องอย่างที่แม่น้อยคิดนั้นมากแล้ว แค่คนที่จะรักเขาสักคน ยังไม่มีเลย แล้วครอบครัวยังไม่รักเขาอีกหรือ พี่เจ็บที่ใจมากกว่าอีกจ้ะ ที่รู้ว่าลูกจะไม่มีความสุข” คุณหญิงพูดเสียงเรียบแต่ลึกๆ ก็แฝงไปด้วยความเสียใจ

            “....”

            “พี่เลยไม่อยากให้แม่น้อยต้องเสียใจกับอดีตที่เราทำร้ายความรู้สึกลูกชายโดยไม่ตั้งใจ”

            “ถึงอย่างนั้นก็เถอะจ้ะ ฉันก็ลำบากใจจริงๆ”

            “ถ้าเพราะลูกชายพี่เป็นผู้ชาย เอาอย่างงี้ดีไหม ให้ตาปรานต์เป็นผู้หญิงเสียเลย” คุณหญิงพูดติดตลก

            “โธ่ คุณหญิงก็พูดอะไรก็ไม่รู้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”

            “เรียกพี่เถิดจ้ะ ถึงพี่จะแก่กว่าแม่น้อยสิบกว่าปี แต่ก็ยังอยากเป็นพี่จ้ะ” คุณหญิงยิ้มกว้างให้แม่น้อย ทุกอย่างที่นางทำคือความจริงใจและหวังว่ามันจะส่งผลให้แม่น้อยใจอ่อนลงบ้าง

            “จ้ะ คุณพี่” แม่น้อยกลัวว่าเรียกพี่เฉยๆ จะดูสนิทสนมเกินไป นางจึงเพิ่มคำนำหน้าไว้

            “จริงๆ แล้ว ตาปรานต์ก็ค้านพี่ไม่ให้เข้ามาวุ่นวายเรื่องนี้หรอกเพราะกลัวแม่น้อยลำบากใจแต่พี่เองก็ทนไม่ได้” คุณหญิงมองออกไปที่ทุ่งนากว้างแล้วพูดต่อ “ที่พี่มาก็อยากจะขอร้องให้แม่น้อยเข้าใจและขอความกรุณายอมรับความรักของทั้งคู่ด้วย พี่ไม่สบายใจที่เห็นลูกเป็นอย่างนี้ พอเห็นหนูน้ำ พี่ก็คิดว่าหนูน้ำก็คงเสียใจทุกข์ใจไม่น้อยกว่าตาปรานต์เช่นกัน”

            “....”

            “แต่ถ้าแม่น้อยทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ พี่ก็จะบอกให้ปรานต์เขาตัดใจจากหนูน้ำเสีย และพี่คงเสียดายเพราะพี่ชอบหนูน้ำมากๆ เลยล่ะจ้ะ ตาปรานต์มีแฟนกี่คน ก็สนใจแค่เงินกับอาชีพของเขาเท่านั้น มีหนูน้ำนี่แหละจ้ะที่พี่เบาใจ”

            “แฟน ผู้กองก่อนหน้านี้ก็เป็นผู้ชายหรือจ๊ะ”

            “ใช่ ผู้ชายทั้งนั้น สมัยนี้โลกเปลี่ยนไป แม้แต่ผู้ชายก็ยังอยากจะจับผู้ชายที่มีเงินเหมือนกัน”

            “แล้วคุณหญิง...เอ๊ย..คุณพี่ก็ไม่ว่าหรือที่คนพวกนั้นไม่หวังดี”

            “พี่ไม่ชอบแล้วทำอย่างไรได้ ชีวิตเป็นของเขา ถึงเราจะให้เป็นคนคลอดเขาออกมาก็จริง เราก็แค่ให้กำเนิด แต่ไม่สามารถเลือกชีวิตให้เขาได้”

            “แต่คนพวกนั้นไม่หวังดี”

            “พี่รู้ แต่ปรานต์ก็โตแล้ว เขาย่อมรู้ดีว่าอะไรควรและไม่ควร หนูน้ำเองก็เช่นกันใช่ไหมจ๊ะ”

            “ปกติ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าไปยุ่มย่ามชีวิตมันหรอก”

            “คิดเสียว่าเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตของน้ำสิ แม่น้อย เผื่อว่าจะทำให้สบายใจขึ้น”

            “ถ้ามันคิดง่ายอย่างงั้นก็ดีสิจ๊ะ” แม่น้อยตอบ เรื่องจิตใจมันบังคับได้ง่ายเสียเมื่อไหร่

            “ฉันฝากให้แม่น้อยคิดดูนะจ๊ะ เรื่องของเด็กๆ”

            “จ้ะ”

            “หวังว่าจะเป็นข่าวดีนะ”

            “ผู้กองๆ ...” น้ำสะกิดเรียกคนข้างๆ

            “ครับ?”

            “มาที่นี่กันทำไมอะ”

            “เดี๋ยวก็รู้”

            “เดี๋ยวก็รู้อะไรอีก ทำไมรู้เลยไม่ได้ แล้วนี่แม่กับคุณแม่คุยอะไรกันนานสองนาน ลงไปตามดีไหม” น้ำบอกอย่างเป็นห่วง

            “ที่พูดเนี่ยอยากรู้หรือว่าห่วงจริงๆ”

            “รู้ทันไปหมด” บ่นพึมพำกับตัวเอง “แต่เป็นห่วงจริงๆ นะ มันนานเกินไปแล้ว” น้ำบอก

            “พ่อหนูนี่ ช่างคุยเหมือนกันนะ” คุณพ่อของผู้กองพูดขึ้นมากลั้วด้วยน้ำเสียงหัวเราะ

            “เอ่อ..ขอโทษครับ” น้ำหดคอลง เขาลืมไปว่า ที่ตรงนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เขากับผู้กองตามลำพัง

            “ไม่ ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย ได้ยินแต่ชื่อ เพิ่งจะเคยเห็นตัวจริงวันนี้”

            “พ่อชอบไหมครับ”

            “ถามพ่อได้อย่างไร แม่แกนู่น ถูกใจเขาเป็นหนักหนา ไม่งั้นไม่ดิ้นรนมาที่นี่ด้วยตัวเองหรอก”

            “...” น้ำนิ่งฟัง เพื่อปะติดปะต่อเรื่องราว

            “ผมบอกแม่แล้วว่าไม่เป็นไร” ปรานต์บอกอย่างอ่อนใจ

            “แกคงไม่อยากให้เขาคิดว่าแกเป็นเด็ก เอะอะอะไรก็หาเรื่องฟ้องผู้ใหญ่ แต่แกก็รู้นิสัยแม่แก ห้ามเขาไม่ได้หรอก ยิ่งถูกใจลูกสะใภ้ขนาดนี้ แม่แกไม่ยอมรามือง่ายๆ”

            “...” น้ำฮึดฮัดอยากจะเถียงคุณพ่อของอีกฝ่ายมาก เขาไม่ใช่ลูกสะใภ้สักหน่อย เขาจะเป็นลูกเขยต่างหาก

            “ก็จริงนี่ครับ อีกปีสองปีผมก็จะสามสิบแล้ว แต่พอมีปัญหายังให้พ่อแม่มาเคลียร์อยู่เลย” ปรานต์พูดอย่างขัดใจ น้ำมองอีกฝ่ายก็ลอบยิ้ม นานๆ จึงจะได้เห็นมุมเป็นเด็กของผู้กองบ้าง

            “อย่าไปคิดอย่างนั้น ถ้าเราเจรจาสำเร็จ ก็ถือเสียว่ามาสู่ขอไปเลย ไม่ดีหรือไง”

            “...” น้ำตกใจแต่ยังตะครุบปากได้ทัน


สู่ขอ!? วอท สู่ขออะไร ไม่ได้ เขาจะเป็นคนยกสินสอดไปสู่ขอผู้กองเอง มันไม่ถูกต้อง


“ถ้าแม่เขาคุยสำเร็จ พ่อน้ำย้ายไปอยู่กับพ่อไหม” คุณพ่อเบนสายตาหันมาถามไอ้น้ำ

“เอ่อ...ผม..คุณลุง” น้ำไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายว่าอย่างไรดี เขายังไม่เคยคิดไปถึงขั้นนั้นเลย จะว่าไป...แค่ขั้นแรกยังก้าวข้ามผ่านไปไม่ได้เลย

            “น่าน้อยใจจริงๆ เรียกแม่เขาว่าคุณแม่ ทีกับพ่อเรียกคุณลุง” คุณพ่อส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความน้อยใจ

            “ขะ..ขอโทษครับ คุณพ่อ” น้ำรีบยกมือขอโทษอีกฝ่ายทันที

            “พ่อน้ำน่ารักเหมือนกันนะปรานต์” คุณพ่อหันไปยิ้มให้บุตรชายก่อนจะมองเลยมาทางไอ้น้ำ
อีกรอบ “ว่าอย่างไรล่ะ ไปอยู่กับพ่อไหม”

            “ผม...”

            “พ่อก็อย่าเพิ่งไปเร่งน้ำได้ไหมครับ ไม่รู้ว่าแม่น้อยจะตอบว่าอะไรเลยด้วยซ้ำ”

            “ก็ถามเผื่อไว้ก่อนไง” คุณพ่อพูดอย่างอารมณ์ดี

            “ทีหลังเถอะครับ” ปรานต์ตัดบท



             ระหว่างนั้นหญิงสาวสองคนก็กลับขึ้นมาบนบ้านพอดี คุณหญิงนั่งพักพลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ใบหน้ามีเหงื่อเกาะบ้างประปราย แก้มแดงเล็กน้อย ผู้กองมองมารดาและเดาว่าคงเดินไปไกลพอสมควร

             “เหนื่อยหรือเปล่าครับ” ผู้กองถามมารดา

             “ไม่เลยจ้ะ ไม่เลย ที่นี่สวยมาก อากาศก็ดีมากๆ แม่ชอบจ้ะปรานต์ แม่ชอบที่นี่” คุณหญิงบอกอย่างตื่นเต้น

             “เดินไปถึงไหนกันมาหรือ” สามีของคุณหญิงเอ่ยถาม

             “ก็ไปตรงแถวสวนของแม่น้อยค่ะ มีผลไม้หลายชนิดเลย”

             “อย่างนั้นหรือแม่น้อย” คนถามหันไปถามแม่น้อยด้วยราวกับจะขอคำยืนยัน

             “ใช่จ้ะ”

             “ขอบใจแม่น้อยมากนะ แล้วได้ความว่าอย่างไร รีบบอกเลยนะจ๊ะ พี่รอฟังข่าวดี”

             “จ้ะ” แม่น้อยตอบ

             “อะไรหรือครับแม่” ผู้กองถามมารดา

             “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ”

             “อ่า..ครับ” ปรานต์เลือกไม่เซ้าซี้มารดา คิดว่าคุณแม่ของเขาคงอยากจะพูดเมื่ออยู่ตามลำพังเสียมากกว่า

             “เอ..พี่คุ้นว่าแม่น้อยมีลูกสาวด้วยไม่ใช่หรือจ๊ะ แล้วนี่ไปไหนล่ะ”

             “ไปโรงเรียน่ะจ้ะ อีกประเดี๋ยวคงจะกลับมาแล้ว”

             “จริงสิ พี่ก็ลืมไป วันนี้ไม่ใช่วันหยุดนี่นา พี่ก็ร้อนใจเลยให้ตาปรานต์ลางานเร่งด่วน” คุณหญิงยกแก้วน้ำดื่มอีกอึกก่อนจะพูดต่อ “อย่างไรดีล่ะ วันนี้เราไปกินข้าวด้วยกันดีไหม”

             “ขอโทษจ้ะ แต่อย่าดีกว่า ฉันมีเรื่องอีกนิดหน่อยที่ต้องการจัดการต่อ” แม่น้อยบอกพลาง    ขอลุแก่โทษ

             “เหรอ ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นก็ส่งหนูน้ำไปเป็นตัวแทนได้ไหม” คุณหญิงบอก

             “แม่...” น้ำเรียกแม่น้อยเสียงเบา พลางดูสีหน้าของมารดาเพื่อหยั่งเชิง

             “เรื่องนั้นก็แล้วแต่ไอ้น้ำมันเถิดจ้ะ ถ้ามันอยากไปฉันก็ไม่ห้าม”

             “หนูน้ำ ไปกินข้าวกับแม่นะ แม่คิดถึง” เมื่อได้ยินคำอนุญาต คุณหญิงก็หันมารุกไล่ไอ้น้ำทันที

             “ผม...”

            “ไปกินข้าวกับแม่นะ” คุณหญิงชวนซ้ำ

            น้ำทำท่าลำบากใจ เหตุผลหลักก็คือแม่น้อย ถึงนางจะอนุญาตแล้วก็ตามแต่ไอ้น้ำก็ไม่กล้าอยู่ดี

            “ถ้าเอ็งอยากไป ข้าก็ไม่ว่าหรอก” แม่น้อยบอกบุตรชายเสียงเรียบเพื่อให้ไอ้น้ำเบาใจ

            “ขอบคุณจ้ะแม่” มันบอกมารดา พลางหันไปทางคุณแม่ว่าที่แม่ยายในอนาคตของมันทันที “ไปครับ” ไอ้น้ำฉีกยิ้มกว้างให้


            จากเหตุการณ์ครั้งนั้น นี่คงเป็นรอยยิ้มที่สดใสที่สุดของไอ้น้ำแล้วกระมัง



==============================================

ตอนนี้สบายๆ ปลอดโปร่งกันไปเนาะ


สอบถามนิดนึงค่ะ ถ้าจะรวมเล่มจะมีคนสนใจมั้ยคะ


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสี่ ช่วงแม่ๆ ปรับทุกข์ P10 13/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-07-2018 12:52:12
 :hao3:นี่ยังคิดว่าจะเป็นเขยอยู่นะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสี่ ช่วงแม่ๆ ปรับทุกข์ P10 13/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-07-2018 13:02:48
 :pig4: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสี่ ช่วงแม่ๆ ปรับทุกข์ P10 13/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-07-2018 15:38:47
เดี๋ยวนะๆ..ใครลูกเขย ใครว่าที่แม่ยาย
ฮ่าฮ่า อินู๋น้ำเอ้ยยยยยยย คนอ่านโคตรจะขำ กร๊ากกกกกกกกก

งอนผู้กองเป็นสาวน้อยขนาดนี้ ยังริอ่านจะไปเป็นปั๋วเค้า
ฮาาาาาาาาาาาาาาาาา

ใกล้สำเร็จ เสร็จถึงฝั่ง ยังจุดหมาย
ค่อยยิ้มพราย คลายเงื่อน เปื้อนยิ้มหัว
วันข้างหน้า ใกล้จะถึง พึงใจตัว
สั่นระรัว คลายกลัวแล้ว เจ้าแก้วตา

ถือว่าเป็นงานดีต่อเนื่องของเจ้าแม่ตะเคียนทอง
ถวายชุดใหม่ให้ 10 ชุด
อิอิ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสี่ ช่วงแม่ๆ ปรับทุกข์ P10 13/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-07-2018 19:19:52
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสี่ ช่วงแม่ๆ ปรับทุกข์ P10 13/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 13-07-2018 20:04:51
โถ่ๆๆๆ น้ำคิดว่าจะไปเป็นลูกเขยเค้าหรอ555
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสี่ ช่วงแม่ๆ ปรับทุกข์ P10 13/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 14-07-2018 01:57:05
โอ้ยน้ำลูกก ลูกกำลังเข้าใจผิด คนเป็นเขยต้องผู้กองถูกแล้วลูก5555445
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบสี่ ช่วงแม่ๆ ปรับทุกข์ P10 13/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 17-07-2018 11:01:55


งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ


“ไปกินข้าวกับว่าที่สามี เอ๊ย กับผู้กองมาเป็นไงบ้างอะ” น้ำฝนเอ่ยทักตรงเชิงบันไดบ้าน ถึงปากจะคันอยากแซวพี่ชายเสียงดังมากกว่านี้ แต่น้ำฝนก็ไม่ลืมว่าตอนนี้แม่ไม่ปลื้ม จึงต้องกระเซ้าพี่ชายเสียงเบา

“ว่าที่สามีอะไรล่ะ มะเหงกไหม” น้ำตั้งท่าจะเคาะหัวน้องสาว แต่น้ำฝนก็รู้ทันหลบเลี่ยงหนีได้อย่างว่องไว

“ดีไหมอะ แต่ท่าทางคงจะดีเนาะ ดูสิ หน้างี้บานเป็นกระด้งเลย”

“ใคร อะไร หน้าบานอะไร”

“หึ อยากจะเอากระจกมาให้ส่องนัก ตอนเข้าบ้านก็ทำหน้าดีๆ ล่ะ หุบยิ้มหน่อย แม่ยังไม่นอน บอกไว้ก่อน”

“ป่านนี้ ยังไม่นอนอีกหรือ ปกติละครจบก็นอนแล้วนี่” น้ำพูดด้วยความแปลกใจ

“คิดว่าเรื่องอะไรล่ะ ที่ทำให้แม่ยังไม่นอน ถ้าไม่ใช่เรื่องที่พี่ไปกินข้าวกับครอบครัวพี่ปรานต์”

“แม่รออยู่เหรอ”

“เข้าไปสิ ทำหน้าเศร้าๆ ด้วย เล่นละครหน่อย” น้ำฝนเตือน

“เออๆ คร้าบ คุณน้องสาว” น้ำประชดน้ำฝนแล้วเดินนำอีกฝ่ายไป


.
.

“ฉันกลับมาแล้วแม่” น้ำส่งเสียงทักทายเป็นสัญญาณให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนดูโทรทัศน์รู้ตัว

“กลับมาแล้วเรอะ” แม่น้อยหันมาเห็นบุตรชายจึงกดปิดจอสี่เหลี่ยมนั้นเสีย ในบ้านจึงเกิดความเงียบเข้าครอบงำไปทั่วบริเวณ น้ำกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากเย็น ไม่รู้ว่าแม่น้อยคิดอะไรอยู่

“จ..จ้ะ แล้วนี่...แม่ยังไม่นอนหรือ”

“ถ้านอนแล้วจะเห็นข้านั่งอยู่นี่เรอะ...​แต่ก็ เออ.. ใช่.. ข้ายังไม่นอน รอเอ็งอยู่”

“รอฉัน? รอทำไมจ๊ะ ถ้ามีอะไร ค่อยคุยพรุ่งนี้ก็ได้” น้ำถาม

“วันนี้แหละ รอพรุ่งนี้ข้ากลัวไม่ทันการณ์”

“ไม่ทันการณ์? ไม่ทันอะไรอะ” น้ำฝนที่ไปดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน ปิดประตูหน้าบ้านทุกบานจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงกลับมาสมทบ ทำให้ทันได้ยินประโยคสุดท้ายของมารดาพอดี

“ข้าไม่อยากพูดเดี๋ยวจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก” คำตอบของแม่น้อยทำให้สองพี่น้องมองหน้ากัน พากันเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ

“อะไรของแม่เนี่ย งั้นฉันไปนอนก่อนนะ” น้ำฝนบอกเพราะไม่อยากจะขัดการสนทนาของแม่และพี่ชาย

“อย่าเพิ่งไป เอ็งก็อยู่ฟังด้วยกันนี่แหละ ตัวดีที่คอยเสี้ยมให้ข้าคิดมากตลอดเวลา” แม่น้อยร้องห้ามพลางค่อนขอดบุตรสาว

“อ้าว” น้ำฝนพูดด้วยความงง เท้าที่กำลังมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของตนเอง จึงต้องเปลี่ยนทิศทางมานั่งลงข้างมารดาอย่างเรียบร้อย น้ำเลยทรุดลงนั่งฝั่งตรงข้ามของแม่และน้องสาว

“วันนี้...” แม่น้อยเกริ่นมาหนึ่งคำ เสร็จแล้วนางก็กระแอมเล็กน้อย จึงพูดต่อ “ที่บ้านผู้กองพากันมาเนี่ย เอ็งรู้เรื่องนี้หรือไม่ไอ้น้ำ” แม่น้อยถาม

“ไม่รู้เรื่องเลยจ้ะ” น้ำสงบเสงี่ยมตอบ

“ไม่ได้มุสาโกหกข้านะ”

“ฉันสาบานได้เลยจ้ะ” น้ำทำท่าจะชูมือแล้วเตรียมกล่าวคำปฏิญาณให้คำสัตย์ แต่แม่น้อยก็ห้ามไว้เสียก่อน

“เออ..ข้าเชื่อเอ็ง ...แล้วยายฝนล่ะ?”

“ฉันยิ่งไม่รู้เลย ถ้าฉันรู้เรื่องคงให้มาพรุ่งนี้ จะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน พลาดเรื่องดีๆ แบบนี้” หญิงสาวตอบ

“พอ..ข้าถามนิดเดียว อธิบายเสียยืดยาว” แม่น้อยรีบยกมือบอก

“ก็ฉันกลัวแม่ไม่เชื่อเหมือนพี่น้ำ” น้ำฝนบอกเพิ่มเติม

“เอาเป็นว่าข้าเชื่อพวกเอ็งทั้งสองคน เลี้ยงพวกเอ็งมา ข้าก็พอรู้หรอกว่านิสัยพวกเอ็งเป็นอย่างไร แต่ก็ถามเผื่อไว้เฉยๆ เท่านั้น”

“จ้ะ” สองพี่น้องรับคำพร้อมกัน

“เรื่องระหว่างเอ็ง...” แม่น้อยมองหน้าน้ำก่อนจะพูดต่อ “..กับผู้กอง”

“จ้ะแม่”

“คิดดีแล้วหรือ” แม่น้อยถามเสียงเรียบแต่ทว่าเต็มไปด้วยความจริงจัง

“คิดดีอะไรแม่” น้ำทวนคำถามซ้ำ

“ข้าว่าเอ็งรู้ดีว่าผู้กองเป็นผู้ชาย”

“ใช่แม่ ฉันรู้ดีและเข้าใจทุกอย่างดี”

“เอ็งเป็นผู้ชาย และเขาก็เป็นผู้ชาย ถ้ารักกันชอบกัน อยู่กันไปมันก็ไม่เหมือนคู่คนอื่นเขา ไหนจะสายตาคนอื่นที่มองมา ไหนจะลูกเต้าที่ไม่มีทางมีได้ แล้วยังอีกว่าแก่ตัวไปจะอยู่อย่างไร ที่ข้าไปพูดไปเข้าใจความหมายของข้าหรือเปล่า” แม่น้อยพยายามพูดให้บุตรชายเข้าใจสถานการณ์ต่อจากนี้

“ฉันเข้าใจที่แม่พูด รู้ว่าแม่ห่วงฉันแค่ไหน แต่ก่อนที่ฉันจะคบกับผู้กอง ฉันคิดมาดีหมดแล้วทุกอย่าง ตามที่แม่เป็นกังวล ฉันรับได้หมดทุกอย่าง ขอแค่แม่เข้าใจฉันก็พอ”

“สังคมเขาจะมองพวกเอ็งอย่างไร ผู้กองก็มียศ มีหน้ามีตา”

“ฉันไม่มีปัญหาหรอก จะอย่างไรฉันก็จะอยู่กับมันให้ได้ สังคมสมัยนี้เปิดกว้างขึ้นมาก คนทั่วไปเข้าใจกันมากขึ้น เหมือนละครที่แม่ดูไง ก็มีหลายต่อหลายเรื่อง ส่วนเรื่องผู้กอง เขาก็คงคิดมาดีแล้วล่ะ กับแฟนเก่า เขายังไม่มีปัญหาเลย” น้ำพูดอธิบายแต่ประโยคสุดท้ายเสียงกลับแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด แม่น้อยกับน้ำฝนก็เอะใจแต่เข้าใจว่าเป็นเรื่องของแฟนเก่า แฟนใหม่ ปัญหาโลกแตกเท่านั้น

“ยายฝนล่ะ?”

“ฉัน..” น้ำฝนชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพร้อมท่าทางที่งงงวย “ฉันทำไมอะแม่”

“ก็ที่พี่เอ็งเป็นแบบนี้ เอ็งว่าอย่างไร”

“โอ๊ย ฉันไม่มีปัญหาหรอก ตัวพี่น้ำเองนี่นา ไม่เกี่ยวกับฉัน ตัวใครตัวมัน ขอแค่แฟนพี่น้ำดีกับพี่น้ำ ฉันก็พอใจแล้ว เรื่องอื่นๆ ปล่อยให้เป็นเรื่องของพี่น้ำกับแฟนเขาเถอะ คนนอกไม่เกี่ยว”

“นี่เอ็ง..หลอกด่าข้าหรือเปล่าวะ ยายฝน” แม่น้อยฟังจบก็ตงิด ทำไมคำพูดมันสื่อความนัยแปลกๆ

“เปล๊า.. เปล่าเลยจ้ะแม่ ใครจะกล้าด่าแม่ บาปตาย จริงไหมพี่น้ำ” น้ำฝนเสียงสูงปฏิเสธมารดา ฟังอย่างไรก็รู้ว่าลูกสาวของนางน้อยพ่นพิษใส่แม่เสียแล้ว

“ยายฝนจริงจังหน่อย” น้ำอยากจะขำกับเรื่องที่น้องสาวพูด แต่สถานการณ์ของมันยังไม่สู้ดีนัก จึงแกล้งทำเสียงขรึมปรามน้องสาว

“ไม่อยากมีลูกหรือเจ้าน้ำ” แม่น้อยถาม

“สำหรับฉันตอนนี้...ก็..ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากมีหรือเปล่า แต่ฉันก็ตัดสินใจแล้ว เมื่อเลือกเดินทางนี้ก็คงมีลูกไม่ได้ ฉันน่ะกลัวแค่แม่จะผิดหวังเท่านั้น...แต่หลังจากนี้ ต่อให้ไม่ใช่ผู้กอง ฉันก็คงไม่เลือกผู้หญิงมาแต่งงานด้วยหรอกจ้ะแม่ ไม่อยากหลอกลวงเขา” น้ำบอก แต่คำพูดของมันก็บอกเป็นนัยอีกเช่นเดียวกันว่า แม่น้อยคงไม่มีทางได้อุ้มหลานจากไอ้น้ำในชาตินี้แน่นอน ให้เลิกหวังไปได้เลย

“เรื่องนี้แม่ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไม่ได้อุ้มหลานนะ เดี๋ยวฉันจะมีหลานให้แม่อุ้ม แม่เลี้ยงเอง ดีไหม”


โป๊ก!!


“โอ๊ย พี่น้ำมาเขกหัวฉันทำไม” น้ำฝนร้องเสียงดังเพราะความเจ็บจากที่ถูกพี่ชายเขกหัวไม่เบามือ

“แก่แดดนัก” แม่น้อยว่า

“เรียนยังไม่จบ ยังไม่ต้องคิด อีกอย่างการที่จะมีลูกได้ ต้องมีผัวก่อน มโนเองไม่ได้ เรียนมาคงรู้ใช่ไหม” น้ำบอกแกมด่าน้องสาว

“รู้สิ รู้..โอยเจ็บจัง พี่น้ำมือหนักชะมัด”

“เรียนให้จบก่อน เรื่องหลานเหลินอะไร ข้าไม่รีบ ไม่มีก็ไม่มี ช่างมัน” แม่น้อยบอกน้ำฝน พานเลยไปทางไอ้น้ำให้รู้ตัว ว่านางเข้าใจทั้งหมด

“จ้ะแม่” สองพี่น้องรับคำอีกครั้ง

“บ้านผู้กองเขาจะมาที่นี่อีกไหม”

“มาพรุ่งนี้จ้ะ”

“มาทำไมเร็วจัง นี่ให้เวลาข้าคิดน้อยจริง” แม่น้อยบ่น

“เขาจะมารับฉันแล้วให้พาไปเที่ยวในเมืองจ้ะ” น้ำอธิบาย

“อ่อ..มารับว่าที่ลูกสะใภ้ โอ๊ยแม่ผัวรักเหลือเกิน” สิ้นคำของน้ำฝน ก็ถูกมะเหงกของแม่น้อยเข้าไปแทนบ้าง

“โอ๊ย อะไรเนี่ยแม่”

“ไปพูดอย่างนั้นกับพี่เขาได้อย่างไร ผู้ชายเหมือนกัน สะพ้ง สะใภ้อะไร ยายฝน เอ็งนี่มันพูดอะไรไม่รู้เรื่อง” แม่น้อยดุ

“ใช่ ถูกอย่างที่แม่พูด ข้าเป็นพี่เอ็ง เป็นผู้ชายมีหรือจะไปเป็นสะใภ้ เอาอีกสักทีดีไหม” น้ำตั้งท่าจะเคาะหัวน้องสาวอีกครั้งแต่น้ำฝนหลบได้ทัน

“เข้าขากันดีเหลือเกินนะสองแม่ลูก หายงอนกันแล้วเหรอ” น้ำฝนค่อนขอด แต่ไม่ได้จริงจังอะไรนัก เธอไม่ได้โกรธคนทั้งคู่เลยแค่หมั่นไส้ที่เข้ากันได้ดี



คำพูดของน้ำฝนทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนหยุดชะงักลง แม่น้อยกระแอมขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาเพื่อทำลายความกระอักกระอ่วนตรงนี้


“ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้ก็รีบเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้คงต้องคุยเรื่องของเอ็งกับผู้กองจริงจัง” แม่น้อยบอกเป็นการปิดการประชุมของบ้านแต่เพียงเท่านี้


แม่น้อยลุกขึ้นเข้าห้องไปแล้ว เหลือเพียงสองพี่น้องที่ยังมองหน้ากันว่าที่เรียกมาคุย คือแค่นี้?


แค่นี้จริงดิ?


คืนนั้น ไอ้น้ำรีบเข้านอนจริงตามที่มารดาพูด แต่มันก็นอนไม่หลับ พลางคิดถึงเรื่องในวันนี้ มันมีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเหลือเกิน มันไม่นึกไม่ฝันว่าผู้กองจะกลับมาที่นี่อีก ซ้ำยังไม่ได้มาเพียงลำพังแต่พาคนในครอบครัวมาด้วย สร้างความตื่นเต้นและตกใจให้กับไอ้น้ำไม่น้อยเลยทีเดียว


นายนทีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองหน้าจอกับไอคอนสีเขียว มันกดเข้าไป เลื่อนนิ้วไล่หาข้อความจากคนที่มันอยากเห็นมากที่สุดแต่ไม่มีข้อความจากคนที่มันคิดถึงอยู่เลย เพราะข้อความจากอีกฝ่ายไม่เคยถูกส่งมาเลยสักครั้ง นับตั้งแต่เหตุการณ์สาหัสนั้น ชื่อคนคนนั้นรวมไปถึงรูปของคนคนนั้นที่ตั้งเป็นโปรไฟล์ยังเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่สนใจที่จะอัพเดทมันหรือว่าจริงๆ ก็คืออีกฝ่ายกลับบล็อกเขาไปแล้วต่างหาก

“อาหารที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลใช่ไหมจ๊ะ” คุณหญิงแม่ถาม ตอนนี้น้ำคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เขาเข้าไปร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นกับครอบครัวของผู้กอง

“จริงๆ แล้วก็มีหลายอย่างเลยครับ”

“อย่างนั้นหรือ ทำไมแม่คุ้นว่าที่นี่ของทะเลขึ้นชื่อ”

“ที่นี่มีของทะเลเยอะครับ แล้วไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อีกด้วย” น้ำอธิบาย

“อ้อ..ก็จริงนะ ขับรถมาแป๊ปๆ ก็ถึงแล้ว” คุณหญิงยิ้มให้น้ำแล้วหันไปถามสามี “อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ก็จริง แต่แปลกนะคะคุณ ที่คนบางคนไม่ค่อยกลับบ้าน”

“จะว่าผมก็หันมาถามผมสิครับ แม่” ผู้กองเอ่ยขึ้นมาบ้าง

“แม่ไม่ได้ว่าเราสักหน่อย เอ..หรือว่าแม่เอ่ยชื่อปรานต์ออกมางั้นเหรอ” คุณหญิงทำเฉไฉไม่รับรู้

“พ่อว่างานนี้เราตกกระป๋องแล้วล่ะ ปรานต์” คนเป็นพ่อหันไปแซวบุตรชาย

“คงอย่างนั้นครับคุณพ่อ” ปรานต์เห็นด้วยเพราะเข้าใจความหมายที่พ่อสื่อมาอย่างดี


ถ้าหากจะมีคนไม่เข้าใจคงจะมีแต่ไอ้น้ำที่มันนั่งงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ว่า คุณพ่อหมายถึงใคร หรือจะ วรันต์?


“เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ สบายดีใช่ไหม” คุณหญิงเอ่ยถามคนโปรดคนใหม่พลางตักหอยเชลล์ผัดฉ่าให้สามีของนางอย่างรู้ใจ

“สบายดีครับ” น้ำตอบ

“แม่ขอถามหน่อย ตอนที่แม่ไปเจอหนูอยู่ตรงแถวท่าน้ำน่ะ คิดจะทำอะไรล่ะ”

“ครับ?” น้ำยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

“แม่เห็นเราเอาเชือกคล้องกับกิ่งไม้ใช่ไหม ตั้งใจจะทำอะไรลูก”

“อ้อ...เรื่องนั้น...คือ” น้ำมีสีหน้าและท่าทางลำบากใจที่จะอธิบาย

“ไม่ได้คิดสั้นใช่ไหม” คุณหญิงตัดสินใจถามตรงๆ

“แม่ครับ..” ปรานต์เอ่ยเตือนมารดาเพราะกลัวจะเป็นการละลาบละล้วงอีกฝ่ายมากเกินไป

“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้คิดสั้น...ไม่เคยคิดเลยครับ” น้ำรีบตอบ ถึงจะอกหักเสียใจแค่ไหน เขาก็ไม่เคยคิดอะไรแบบนี้เลยแม้แต่น้อย นอกจากคิดเล่นๆ ว่าอยากจะหนีไปบวช แต่ก็จะเป็นการเพิ่มภาระให้ศาสนา ก็เลยได้แค่คิด ไม่มีวันไปทำจริงอย่างแน่นอน

“ถ้าอย่างนั้นแม่ก็เบาใจ”

“น้ำคงเห็นเชือกตกอยู่เลยจะเก็บไว้เท่านั้นแหละครับ แม่ทานกุ้งหน่อยนะครับ ผมแกะให้แล้ว” ผู้กองหนุ่มช่วยไอ้น้ำอธิบายอีกแรงและรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ขอบใจจ้ะ” คุณหญิงบอกบุตรชายแล้วก็หันมายังคนโปรดต่อ “ตาเศร้า น่าหมองเชียว เสียใจมากใช่ไหม พี่เขาก็ไม่ต่างกันหรอก ขวัญเอ๊ยขวัญมานะ ลูกนะ”

“แม่พอเถอะครับ...” ปรานต์พยายามห้ามมารดาอีกครั้ง

“ขอบคุณครับ” น้ำไม่รู้จะตอบว่าอะไร ทำได้เพียงใช้คำสากลตอบรับความห่วงใยของอีกฝ่าย


ตลอดมื้ออาหารคุณหญิงทำหน้าที่เป็นฝ่ายชวนทุกคนคุยเพราะนางไม่อยากให้น้ำต้องรู้สึกเคอะเขิน และตกอยู่ในบรรยากาศที่ยังเต็มไปด้วยความเศร้า

“ของหวานที่นี่ก็อร่อย แน่นท้องเหมือนกันนะคะ คุณคะ ออกไปเดินแถวๆ นี้ดีไหมคะ เขาตกแต่งร้านสวยเชียว ถ่ายรูปเล่นก็ยังดี”

“อายุปูนนี้แล้วยังอยากถ่ายรูปอยู่อีก แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้เดินย่อยด้วย”

“ค่ะ ให้หนุ่มๆ เขาเฝ้าโต๊ะไปละกัน” คุณหญิงลุกจากที่นั่งแล้ววางมือบนบ่าของน้ำก่อนจะเริ่มพูดต่อว่า “ถ้ายังไม่อิ่มก็สั่งกันต่อเลยนะจ๊ะ แม่จะไปเดินย่อยอาหารกับพ่อเขาเสียหน่อย คนแก่ก็แบบนี้แหละจ้ะ กินอะไรนิดๆ หน่อยๆ ท้องก็จะพานอืดเอาได้ง่าย”

“ครับ”

“เป็นไงบ้าง” เมื่ออยู่ตามลำพัง ผู้กองจึงเอ่ยถามคนนั่งข้างขึ้น เขารู้ว่าแม่ของเขาตั้งใจเปิดโอกาสให้เขาได้พูดคุยอยู่กับน้ำตามลำพัง

“แม่ผู้กองถามไปแล้ว และผมก็ตอบว่าสบายดี” น้ำบอกเสียงเรียบ

“พี่ได้ยินแล้ว สบายกายแล้วสบายใจด้วยไหม”

“ก็ดี”

“ไม่มีพี่แล้วสบายใจอย่างนั้นหรือ น่าน้อยใจชะมัด” ผู้กองบ่น น้ำปรายตาไปมองก็เห็นว่าเป็นทีท่าแกล้งพูดไปอย่างนั้นเอง การละครเหลือเกิน

“คนที่น่าน้อยใจควรจะเป็นผมหรือเปล่า ผู้กองย้ายกลับไปก็ไม่บอกสักคำ พอกลับไปกรุงเทพฯ ก็คงมีความสุขเหมือนกันนั่นล่ะ” สาบานให้ลิ้นขาด มันไม่ได้อยากจะประชด แต่มันน้อยใจจริง


จะไปจะมา ไม่บอกกันสักคำ


“ที่ไม่ได้บอกเรื่องย้ายกลับ น้ำก็รู้ หลังจากที่เกิดเรื่องนั้น พี่ไม่กล้าติดต่อไปหรอก พี่กลัวน้ำลำบากใจแล้วถ้าแม่น้อยรู้ว่าพี่กับน้ำยังติดต่อกันอยู่ ปัญหาอีกมากมายจะตามมา”

“อือ..” พอลองได้คิด น้ำก็คิดว่าถูกต้องอย่างที่ผู้กองพูด

“ส่วนที่กลับไปกรุงเทพฯ แล้วพี่มีความสุขหรือเปล่า ทำไมถึงคิดว่าพี่จะมีความสุขล่ะ แล้วตัวน้ำเองมีความสุขไหม ถ้าสุข พี่ก็สุข แต่ถ้าไม่ พี่ก็เป็นเหมือนที่น้ำเป็นนั่นล่ะ” ผู้กองเลือกที่จะตอบคำถามด้วยคำถาม

“....”

“พี่หายไปนานเพราะกลับไปแล้ว มีงานที่คั่งค้างอีกมาก มีเรื่องหลายเรื่องหลังจากที่พี่ถูกย้ายมาที่นี่จนย้ายกลับไป”

“แล้วกลับมาที่นี่ทำไม ถ้าเราเลิกกันแล้ว” น้ำถาม มีหลายเรื่องอย่างที่ผู้กองบอก แต่ที่เขาอยากรู้มากที่สุดก็คืออีกฝ่ายกลับมาที่นี่เพื่ออะไร

“พี่ไม่ได้ต้องการที่จะเลิก”

“แต่ก็เลิกแล้ว” น้ำเถียง

“ใช่เพราะเราเลิกกันแล้ว”

“...” ตอนที่เป็นฝ่ายพูดไม่ค่อยเจ็บ แต่พอผู้กองพูดมา ไอ้น้ำรู้สึกโรคหัวใจกำเริบอีกแล้ว มันเจ็บจี๊ดกะทันหัน

“แต่เพราะพี่ไม่ได้ต้องการเลิกกับน้ำ..พี่เลยกลับมาทำให้เราเป็นเหมือนเดิม”

“....” นายนทีไม่ตอบ


เพราะคำถามมันก้องอยู่ในหัวว่า ภาพที่เขาเห็นเมื่อวันก่อนที่กรุงเทพฯ ระหว่างผู้กองกับวรันต์นั่นล่ะ


มันยืนยันอะไรได้บ้าง ไอ้น้ำไม่เข้าใจ


พอกลับถึงบ้าน มันก็เลยต้องปั้นหน้ายิ้มเป็นชามสังคโลกไง




==============================================

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018
 
ปล คำผิดเยอะเหลือเกิน ขออภัยค่ะ จะดูให้ดีกว่านี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ P10 17/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-07-2018 11:19:00
 :z6:

ช่วงนี้พระเอกของเราติดลบนะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ P10 17/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-07-2018 12:29:09
เรียกแม่ตะเคียนมาช่วยอีกแรงนะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ P10 17/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-07-2018 13:15:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ P10 17/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 17-07-2018 13:20:58
เป็นกำลังใจให้น้ำนะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ P10 17/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 17-07-2018 13:26:31
 :mew1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ P10 17/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 17-07-2018 16:53:30
โอ้ยยย ผู้กองงง เบื่อจริง
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ P10 17/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-07-2018 16:59:43
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ P10 17/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 17-07-2018 21:07:27
ผู้กองน่าเบื่อ+บื้อ
น้ำคิดใหม่ดูใหม่เหอะนู๋

#คนไร้น้ำยา#จืดชืดจริง

แม่ตะเคียนทองจ๋า..เห็นทีจะต้องออกโรงเองอีกซักตอนไหมจ๊ะ
อิอิ

+1 พร้อมจะถวายชุดให้ใหม่
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ P10 17/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 18-07-2018 03:16:09
ถ้าเข้าใจกันแล้ว อย่าลืมกลับไปขอบคุณ แม่ตะเคียนละ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ P10 17/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 20-07-2018 01:50:45
แม่ตะเคียนโหดจริงๆ55555
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบห้า ไม่แน่ใจ P10 17/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 20-07-2018 10:33:27


งวดสามสิบหก แบบนี้ก็ได้เหรอ



“......อายุวัณโณ สุขัง พลัง” คำสวดให้พรของหลวงพ่อดังขึ้นอยู่หัว

“สาธุ เจ้าค่ะ/ครับ หลวงพ่อ” เสียงประสานดังขึ้นพร้อมกันอยู่หน้าบ้าน มีสมาชิกประกอบแม่น้อย ไอ้น้ำและยายฝน ที่กำลังนั่งคุกเข่า พนมมือจรดหัวจรดเกล้า รับศีลรับพร ขอสิ่งดีๆ เข้าสู่ชีวิต


วันนี้ แม่น้อยลุกขึ้นมาทำกับข้าวเพื่อมาตักบาตรตั้งแต่เช้าตรู่ และปลุกลูกทั้งสองคนให้ลุกขึ้นมาใส่บาตรโดยพร้อมเพรียงกันทั้งครอบครัว


“ลูกสาวของโยมน้อย ปีนี้อยู่ชั้นอะไรแล้วล่ะ”

“ม.หกแล้วเจ้าค่ะ จะเข้ามหา’ลัย ปีหน้านี้แล้ว” แม่น้อยตอบด้วยความนอบน้อมสำรวมในกิริยา

“ตั้งใจเรียน จบมาแล้วก็หางานทำ อย่าเกียจคร้าน แม่เขาจะได้ไม่เป็นห่วง” หลวงพ่อสอนน้ำฝน

“ค่ะ หลวงพ่อ”

“แล้วนี่ ลูกชายคนโตใช่ไหม ไอ้น้ำหรือ”

“เจ้าค่ะ ไอ้น้ำเจ้าค่ะ” แม่น้อยเป็นฝ่ายตอบอีกเช่นเคย

“โตเป็นหนุ่มแล้ว หน้าตาเค้าโครงไม่ค่อยเหมือนทางพ่อเขา เหมือนทางโยมน้อยเสียมาก”

“เจ้าค่ะ ใครๆ ก็ว่าไอ้น้ำ มันหน้าตาเหมือนอิฉัน”

“เด็กผู้ชายเหมือนแม่ โบราณว่าไม่อาภัพ”

“ขอให้เป็นตามโบราณว่าไว้เถิดเจ้าค่ะ” แม่น้อยยกมือไหว้จรดหัวอีกครั้ง

“ตอนนี้ทำงานทำการอยู่ที่นี่ไหนล่ะ โยม” หลวงพ่อสอบถามไอ้น้ำ แต่มันกลับไม่รู้เรื่องจนแม่น้อยสะกิดที่แขน มันจึงรีบลนลานตอบ

“ไม่ได้ทำครับ ผมเพิ่งลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ มา”

“อย่างนั้นหรือ คนหนุ่มสาวก็แบบนี้...ทางโลกบางทีก็ทำให้คนเราทุกข์โศกได้เสมอ..” หลวงพ่อมองไอ้น้ำนิ่งก่อนจะพูดต่อ “เมื่อจิตใจปลอดโปร่งดีขึ้นแล้ว จงกลับไปทำงานดังเช่นเดิม อย่างน้อยก็เพื่อตัวเราเอง อย่าให้แม่เขาต้องคอยเป็นห่วง”

“ครับ”

“เรื่องอะไรที่มันหนักใจ จงอย่ากังวลจนเกินไป ทุกอย่างมีทางออกเสมอ”

“ครับ” น้ำรับคำ

“คนดีผีคุ้มน่ะ รู้จักไหม” หลวงพ่อพูดยิ้มๆ ไอ้น้ำรู้สึกเย็นวาบที่หลังขึ้นมาทันที

“เขาคอยช่วยอยู่เสมอ หมั่นทำบุญให้เขาบ่อยๆ ล่ะ อย่าไปกลัวเขาเลย อีกไม่นานอาตมาก็จะพาเขาไปแล้ว เอาล่ะ...ไปก่อนนะโยม” หลวงพ่อทิ้งท้ายเป็นความนัยไว้เพียงเท่านี้ก็ออกเดินบิณฑบาตต่อ

“เอ่อ...ครับ”

“สาธุเจ้าค่ะ” แม่น้อยกับน้ำฝนพูดพร้อมกัน เหลือเพียงไอ้น้ำที่ยังตกใจคำพูดของหลวงพ่ออยู่

“หลวงพ่อ ท่านพูดแบบนั้น หมายถึงอะไร ไอ้น้ำเอ็งเข้าใจหรือเปล่า” แม่น้อยถามพลางเก็บข้าวของที่ใส่บาตรตอนเช้า เพื่อเอาขึ้นไปล้างบนบ้าน

“ไม่รู้สิแม่” มันไม่แน่ใจจึงเลือกตอบไปแบบนั้น

“อ้าว อะไรอย่างนั้นวะ แล้วบ้านผู้กองเขาจะมากี่โมง จะกินข้าวที่นี่ไหม ข้าจะได้ไปทำอาหารเตรียมไว้”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เขามากันสายๆ สักสิบโมง สิบเอ็ดโมงนู่นแหละ” น้ำบอก

“งั้นหรือ อืม เอ็งสองคนไปอาบน้ำอาบท่ากันได้แล้ว เดี๋ยวเขามาจะหาว่าลูกบ้านนี้ขี้เกียจ ตื่นสาย น้ำท่าไม่อาบ หมดกัน ขายไม่ออกพอดี” แม่น้อยบ่นเร็วๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว

“จ้ะ” น้ำฝนตอบรับ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มทั้งอาการที่กลั้นขำสุดขีด สายตาคู่สวยจ้องมองมาที่หน้าพี่ชาย

“อะไร ยิ้มอะไร” ไอ้น้ำถามน้องสาวเสียงเบาเพราะกลัวแม่ได้ยิน

“เห็นคนจะมีผัว ก็เลยดีใจ”

“ผัว เผอ ไรวะ ตบปากเลย เด็กนี่ ปากเสีย” น้ำตั้งท่าจะตบปากน้องจริงๆ แต่ก็ตามเคย น้ำฝนหลบได้อย่างคล่องแคล่ว

“ไม่พูดละ รู้ว่าอาย เอาเป็นว่า เห็นคนจะออกเรือนก็เลยดีใจแทนละกัน” น้ำฝนพูดรัวเร็วออกมา ก่อนจะวิ่งปรูดหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเองอย่างรวดเร็ว จนไอ้น้ำด่าไล่หลังไม่ทัน






.
.
“บ้านแม่น้อย นี่น่าอยู่เสียจริง ร่มรื่นมาก ลมพัดเย็นตลอดเวลาเลย ใช่ไหมคะคุณ” คุณหญิงเอ่ยถามความเห็นสามี ก่อนจะหันไปถามแม่น้อยต่อว่า “จะว่าอะไรไหม หากพี่จะขอแวะมาเที่ยวที่นี่บ่อยๆ” คุณหญิงทักทายอีกฝ่ายเป็นประโยคแรกเมื่อขึ้นเรือนมา

“สวัสดีครับ” ทางด้านผู้กองก็ยกมือไหว้เจ้าของบ้าน แม่น้อยพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการรับรู้ท่าทีจากผู้กอง นางอยากมีพิธีรีตองมากกว่านี้ แต่ก็ต้องตอบมารดาของผู้กองก่อน

“ตามสบายเลยจ้ะ ฉันยินดี เชิญนั่งก่อนจ้ะ” แม่น้อยทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี ออกปากเชิญแขกเหรื่อให้ลงนั่งอย่างเรียบร้อย น้ำฝนก็รู้หน้าที่ยกน้ำออกมาต้อนรับโดยไว

“ขอบใจจ้ะ แล้วหนูน้ำล่ะจ๊ะ แม่น้อย” คุณหญิงถามหาอีกคน

“ยังอยู่ในห้อง เห็นว่ามีงานด่วนเข้ามา เดี๋ยวฉันให้ยายฝนไปตาม” แม่น้อยตอบ พลางบอกกับบุตรสาว “ยายฝนไปตามพี่เขาให้ออกมาได้แล้ว ผู้ใหญ่มาถึงกันแล้ว” ซ้ำกระซิบบอกบุตรสาวอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่เบาบางต่อว่า

“รีบไปบอกมันเลย ให้ผู้ใหญ่มารอมันไม่ดี งานอะไรให้หยุดมือไว้ก่อน”

“จ้ะ แม่” น้ำฝนรับคำ

“ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่เป็นไร พี่รอได้” คุณหญิงตอบแม่น้อย และเบนสายตาเหลือบมองไปยังบุตรชายของตน ที่กำลังจ้องมองประตูบานหนึ่งของบ้านด้วยความรอคอย



ความจริงแล้ว คุณหญิงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความตั้งใจของแม่น้อยเลยด้วยซ้ำ แต่เธออยากจะให้ลูกชายของเธอรออีกสักหน่อย เพราะเธอไม่รู้ว่าภายใต้เบื้องหลังประตูนั้น หนูน้ำของเธอ กำลังทำงานด่วนอย่างที่บอก หรือกำลังคิดไตร่ตรองคิดอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่า ปฏิกิริยาของเด็กคนนั้นตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจ

“ระหว่างรอหนูน้ำ...เรามาคุยเรื่องสำคัญกันเลยดีไหม” คุณหญิงเอ่ยปากถาม

“คุณแม่..” ปรานต์ห้ามมารดาเพราะกลัวจะเป็นการเร่งรัดอีกฝ่ายมากจนเกินไป

“คุณหญิง.... รอให้น้ำเขาออกมาก่อนไม่ดีกว่าหรือ” สามีคุณหญิงก็เห็นด้วยกับบุตรชาย เอ่ยปากห้ามปรามภรรยาคู่ชีวิตด้วยเหมือนกัน

“ไม่เป็นไรจ้ะ จะช้าหรือเร็ว ก็คงเลี่ยงไม่ได้แล้ว เข้าเรื่องเลยก็ได้” แม่น้อยบอก

“แม่น้อยนี่ตรงไปตรงมาดีจัง พี่ชอบ เอาล่ะ เริ่มเลยนะ จะได้ไม่เสียเวลา” คุณหญิงยิ้มชอบอกชอบใจ ท่าทีนิสัยของแม่น้อยแบบนี้ หนูน้ำคงได้มาจากแม่พอสมควรเลย

“หน้าที่ของผู้ใหญ่ ควรจะเกิดขึ้นหลังจากที่ เด็กๆ ตกลงกันได้” คุณปราชญ์ เกริ่นก่อนจะเว้นระยะสักนิดหนึ่ง มองไปที่แม่น้อยกับน้ำฝน ที่รับฟังอย่างสงบด้วยสีหน้าเรียบเฉย จึงพูดต่อ “แต่เพราะมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด พวกเราจึงตัดสินใจมาที่นี่ ต้องขอโทษ คุณน้อยอีกครั้งที่ทางเรามาโดยพลการ เสียมารยาท ไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า” ถึงคุณหญิงจะเคยพูดขอโทษในทำนองนี้มาแล้ว แต่ครั้งนี้หัวหน้าครอบครัวคิดว่าควรที่จะพูดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

“ผมเองก็แก่จนหัวดำเป็นหัวขาวจนหมดหัวแล้ว จริงๆ แล้วไม่ได้อยากจะเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องของเด็กๆ เลยแม้แต่น้อย ปรานต์เองก็บอกผมกับคุณหญิงอย่างชัดเจนแล้วก็ตามว่าเขาอยากจะจัดการเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่เราก็อดทนไม่ไหว” คุณปราชญ์อธิบาย เขาเคารพการตัดสินใจของบุตรชาย ให้พูดกันตามตรงคงเป็นคุณหญิง ภรรยาของเขามากกว่าที่ร้อนรนจนทนไม่ไหว กลัวจะเสียว่าที่ลูกสะใภ้ไป

“ผมรู้ว่าเรื่องความรักระหว่างเพศเดียวกันมันไม่ใช่เรื่องที่ใครจะรับได้ง่าย แต่อยากจะให้เห็นใจเด็กทั้งสองคนด้วยครับ ถึงเขาจะรักชอบเพศเดียวกัน แต่เขายังเป็นคนดีของสังคม เป็นลูกคนเดิมของพวกเราเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”

“จ้ะ” แม่น้อยรับคำเพียงสั้นๆ

“หมายความว่าอย่างไรจ๊ะ”

“หมายความว่าอนุญาตจ้ะ”

“ห๊ะ!?” สามเสียงประสานพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเพราะคำตอบของแม่น้อยที่เหนือการคาดหมายเป็นอย่างมาก


‘บทจะง่าย ทำไมง่ายงี้วะ’  น้ำฝนคิดพลางลอบมองสีหน้ามารดาที่ยังนิ่งไร้ความรู้สึก


“จริงเหรอครับ แม่น้อย” ผู้กองที่เพิ่งดึงสติกลับมาได้รีบถามซ้ำทันที

“จริงจ้ะ” คราวนี้ว่าที่แม่ยายยิ้มหวานให้กับผู้กองอย่างเต็มที่ จนปรานต์คิดว่าเขากำลังฝันไปหรือเปล่า

“แล้วทำไมตอนนั้น..” เขากำลังอยากจะถามย้อนไปว่าแล้วเหตุการณ์นั้นที่แม่น้อยถึงขั้นจะตัดแม่ตัดลูกนั่นล่ะ


ทำไมตอนนี้เหมือนกับเป็นหนังคนละม้วน คนละแผ่นอย่างนั้นไปได้


“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า แม่น้อยอนุญาตให้ตาปรานต์และหนูน้ำคบกันแล้วใช่ไหมจ๊ะ” คุณหญิงแทรกขึ้นมา นางพูดทวนความต้องการอีกครั้งเพราะกลัวจะเข้าใจผิดพลาดหรือไม่ตรงกัน

“ใช่จ้ะ” แม่น้อยยิ้มยืนยัน

“เย่!!” น้ำฝนดีใจถึงกับตะโกนออกมาอย่างลืมตัว ทุกสายตาจึงมองไปที่เธอเพียงจุดหมายเดียว “เอ่อ..ขอโทษค่ะ หนูดีใจมากไปหน่อย” น้ำฝนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเขินอาย

“ไม่เป็นไร พี่ก็ดีใจ...ดีใจมาก” ผู้กองยิ้มให้น้ำฝนพร้อมบอกความรู้สึกของตนเอง

“ขอบคุณครับแม่น้อย” ผู้กองหนุ่มบอกแม่น้อยด้วยรอยยิ้มทั่วใบหน้า คาดว่าให้อีกฝ่ายหุบยิ้มคงจะยากเต็มที

“ขอบใจจ้ะ/ขอบใจนะ” สามีภรรยากล่าวขอบคุณแม่น้อยพร้อมกัน

“พี่ขอถามหน่อยได้ไหม ทำไมแม่น้อยจึงเปลี่ยนใจล่ะ นี่พี่เตรียมหาคำพูดมาหว่านล้อมแม่น้อยตั้งครึ่งค่อนคืนเลยนะเนี่ย” คุณหญิงถามอย่างอารมณ์ดี

“ก็อย่างที่พี่พูดแหละจ้ะ ฉันไม่อยากให้ลูกเสียใจ ยิ่งเมื่อวาน ถึงแม้ไอ้น้ำจะไม่ได้คิดสั้น แต่ฉันก็กลัวจริงๆ จ้ะ ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมา ฉันคงรู้สึกผิดและเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ” แม่น้อยตอบ

“หนูน้ำเข้มแข็งไม่คิดสั้นง่ายๆ หรอก ใช่ไหมจ๊ะ น้ำฝน” คุณหญิงถามน้องสาวของหนูน้ำ เห็นท่าทางดีใจของน้ำฝนที่แสดงออกนอกหน้าชัดเจนขนาดนั้น ดูท่าว่าพี่น้องคู่นี้น่าจะสนิทกันพอควร

“ใช่จ้ะ พี่น้ำอะ ละครเยอะ”

“ละครอะไรเหรอ” คุณหญิงถามอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่มีอะไรค่ะ หนูก็พูดไปเรื่อย พี่น้ำไม่มีวันคิดสั้นหรอกค่ะ” เธอยืนยัน

“แบบนี้ก็เบาใจเหลือแค่รอหนูน้ำออกมาฟังข่าวดีใช่ไหม” คุณหญิงถามโดยไม่ได้ระบุเจาะจงว่าถามใคร จึงไม่มีใครตอบ นอกจากรอยยิ้ม

“อืม..ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเรียบร้อยลงตัว ได้เวลาทำหน้าที่ของผู้ใหญ่จริงๆ เสียที” คุณปราชญ์พูดขึ้นท่ามกลางวงสนทนา

“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะจ๊ะ แม่น้อย ..เรื่องหนูน้ำน่ะ แม่น้อยจะคิดสินสอดเท่าไหร่ อะไร อย่างไร ว่ามาได้เลยจ้ะ ฉันยินดี ไม่เกี่ยง” คุณหญิงบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง

“เอ่อ...เรื่องนั้น” แม่น้อยไปต่อไม่ถูกเพราะว่านางไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน

“ไม่ครับ” ไม่ใช่เสียงคุณปราชญ์ และเสียงผู้กองปรานต์ แต่กลับเป็นไอ้น้ำที่เปิดประตูออกมาจากห้องนอนของมันมาปฏิเสธเองต่างหาก

“น้ำ/หนูน้ำ/ไอ้น้ำ/พี่น้ำ/พ่อน้ำ” ยิ่งกว่าการประสานเสียงครั้งไหนๆ ทุกคนต่างพร้อมใจกันเรียกชื่อของมัน

“ครับ” น้ำเดินออกมาจากห้องแล้วลงนั่งข้างๆ น้องสาว

“งานเสร็จแล้วหรือ” ผู้กองถาม

“ครับ” น้ำตอบสั้น มันไม่อยากบอกหรอกว่างานน่ะมันเสร็จไปตั้งแต่ครอบครัวของผู้กองเดินทางมาถึงบ้านเขาแล้ว แต่ที่มันยังไม่ออกมาเพราะใจหนึ่งมันก็กลัวคำตอบของมารดา ส่วนอีกใจหนึ่งมันก็อยากจะขอคิดอีกสักหน่อย มันไม่แน่ใจ



เรื่องระหว่างผู้กองกับคุณวรันต์ ตราบใดที่มันไม่มั่นใจ มันก็ไม่กล้าที่จะเดินหน้าต่อ


“ออกมาพอดีเลย แม่น้อยอนุญาตเรื่องของหนูน้ำกับตาปรานต์แล้วนะจ๊ะ” คุณหญิงบอกอีกฝ่ายด้วยความดีใจ

“ครับ ผมได้ยินจากในห้องแล้ว” น้ำตอบ มันยิ้มรับเพียงเล็กน้อย “ขอบคุณนะจ๊ะ แม่” แต่จังหวะที่ไอ้น้ำหันไปบอกแม่ มันหันไปกอดแม่น้อยเต็มแรง ยิ้มกว้างกับไหล่ของแม่ เรื่องผู้กองกับวรันต์ก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่แม่อนุญาตในความรักของมันกับผู้กองก็อีกเรื่องหนึ่ง มันจะไม่ดีใจได้อย่างไร

“เจ็บโว้ย ข้าเจ็บ” แม่น้อยบอกพลางตีแขนบุตรชายที่แกล้งกอดนางแน่นขนาดนั้น คนอื่นๆ ที่เห็นต่างพากันหัวเราะกับพฤติกรรมของแม่ลูกคู่นี้ น่าเอ็นดูไม่หยอก

“แล้วที่ว่าไม่ คือไม่อะไรจ๊ะ หนูน้ำ” คุณหญิงถาม

“เรื่องสินสอด รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ด้วยครับ ผมคิดว่าค่อยพูดถึงเรื่องนี้กันทีหลังดีกว่า”

“รออะไรล่ะ” สามีคุณหญิงเป็นฝ่ายถามบ้าง

“รอจนกว่าผมจะแน่ใจ”

“อ้าว อะไรเนี่ย” น้ำฝนพูดออกมา คดีพลิกกลายมาเป็นคนที่ทำตัวเซ็งโลก หน้าไม่รับแขกมาหลายเดือนอย่างพี่ชายของเธอไปได้

“แน่ใจอะไร” ผู้กองถาม เพราะเขาแน่ใจเสียยิ่งกว่าแน่ว่าระหว่างเขากับน้ำนั้นรู้สึกตรงกัน

“แน่ใจในตัวผู้กองครับ” น้ำตอบ

“หึๆ ไอ้ลูกชาย พิสูจน์ตัวเองหน่อยละกัน ก็อย่างว่าล่ะนะ หายหัวไปเป็นเดือนๆ จู่ๆ กลับมาขอเขา เขาคงยอมง่ายๆ ล่ะ เล่นตัวเยอะๆ นะพ่อหนุ่ม”

“พ่อ ทำไมเปลี่ยนข้างกันง่ายๆ แบบนี้ล่ะครับ” ผู้กองมองบิดา รู้สึกเหมือนตัวเองถูกโยนทิ้งเอาไว้กลางทาง

“เอาใจช่วย อย่าให้เสียชื่อลูกพ่อล่ะ” บิดาตบบ่าให้กำลังใจบุตรชายสองสามทีพอเป็นพิธี

“เอาล่ะ ไหนๆ ก็วันนี้ฤกษ์ดี อากาศก็ดี ไปเดินเล่นกัน ดีไหมคะคุณ” คุณหญิงชวนสามี

“ก็ดีเหมือนกัน ออกกำลังบ่อยๆ ด้วยการเดินก็น่าจะดี”

“ถ้าอย่างนั้น แม่น้อยพาพี่ไปดูสวนอีกหน่อยสิจ๊ะ พี่ชอบมากเลย” คุณหญิงยิ้มบอกแม่น้อยแล้วหันไปพูดกับน้ำฝน “น้ำฝนพาป้าไปเที่ยวสวนหน่อยนะจ๊ะ”

“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวหนูเป็นไกด์ท้องถิ่นให้เองค่ะ” น้ำฝนยิ้มรับ อย่างน้อยเธอก็ฉลาดพอที่จะเดาได้ว่าคุณหญิงอยากเปิดโอกาสให้ผู้กองและพี่ชายของเธอปรับความเข้าใจกันหรือพิสูจน์อะไรกันก็ว่าไป

“อ้าว..แล้วเรื่องการไปตลาดน้ำล่ะครับ” น้ำถาม เขาจำได้ว่าคุณหญิงบอกให้เขาพาไปเที่ยวในวันนี้

“ไปกับพี่เขานะลูก แม่ร้อนอะ ไม่อยากเดินเบียดเสียดกับคนอื่น” คุณหญิงตอบ


เมื่อสักครู่นี้ คุณหญิงเพิ่งพูดว่าอากาศดี ทำไมกลายเป็นอากาศร้อนไปแล้วล่ะ ไอ้น้ำคิดในใจ


“ขอฉันไปเปลี่ยนชุดสักประเดี๋ยวนะจ๊ะ” แม่น้อยบอกพลางลุกหายเข้าไปในห้อง ทีแรกเธอไม่ได้คิดไปไหน แต่เพราะมีแขกจึงแต่งตัวออกมาต้อนรับ หากเมื่อมีความเปลี่ยนแปลง นางจึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะสม ส่วนน้ำฝนแต่งตัวพอที่จะไปสวนได้อยู่แล้ว เธอจึงนั่งรออยู่ที่เดิม





.
.
“ปรานต์ดูแลน้องด้วยล่ะ” คุณหญิงบอกแกมขู่บุตรชายไว้ก่อนจะเดินลงจากบ้านไป


ถอดความนัยออกมาได้ว่าอย่าทำให้แม่เสียหน้าล่ะ เจ้าตัวดี


“เหลือแค่เราสองคนแล้ว อยากจะต่อว่าอะไรพี่ก็พูดมาเลยครับ” ผู้กองพูดขึ้นหลังจากที่ ครอบครัวของเขาและของน้ำพากันเดินลงไปจากบ้านสักพัก

“ต่อว่า?” น้ำยืนมองผู้กองอยู่กลางบ้านหลังจากที่ไปส่งพวกพ่อๆ แม่ๆ ทั้งหลายเมื่อสักครู่นี้

“น้ำมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่แน่ๆ หรือจริงๆ แล้วโกรธที่พี่หายเงียบไป หืม?” ผู้กองใช้นิ้วเกลี่ยแก้มขาวอย่างเบามือแต่ไอ้น้ำก็เลือกเบี่ยงทั้งหน้าและตัวเพื่อหลบเลี่ยง


มันกำลังเล่นตัว ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้น ไอ้น้ำคิดว้าวุ่นในใจ ก็แค่ยังไม่สะดวกใจนิดหน่อย ภาพผู้กองกับวรันต์ยังติดตาอยู่เลย

“คิดว่าผมต้องโกรธหรือเปล่า” มันพูดเสียงนิ่ง พยายามเก็บอาการ ผู้กองไม่ลดละคว้ามือของมันขึ้นมาจับไว้ข้างหนึ่ง

“เรื่องที่พี่หายเงียบไป พี่ก็อธิบายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไม่ใช่หรือ เรายังโกรธอะไรพี่อีก ไหนบอกพี่หน่อยสิครับ ไม่บอกพี่ก็ไม่รู้นะ” ผู้กองบอกเสียงนุ่ม มองหน้ามันด้วยดวงตาที่อ่อนโยน มือก็ยังจับมือไอ้น้ำเขี่ยเล่นไปมา


เจอสายตาแบบนั้น น้ำเสียงแบบนั้น โอ๊ย ไอ้น้ำอยากตาย มันอยากจะตะโกนใส่หน้าผู้กองว่า เออ ช่างมัน วรันต์ก็ช่าง ใครก็ช่าง มันจะจับผู้กองทำเมียเวลานี้แหละ


ไม่อยากทนแล้วโว้ย


“ผม..ผม” แต่เอาเข้าจริง มันเป็นแค่คนปากดี ทำได้แค่ตะกุกตะกัก ติดอ่างแม้กระทั่งคำพูดของตัวเอง


“พูดมาสิครับ” ผู้กองได้ใจ อาศัยจังหวะไอ้น้ำสติแตกแหกกระเจิงก้มหน้าลงไปใกล้ พูดเสียงกระซิบติดชิดริมฝีปากของอีกฝ่าย

“เรื่องคุณ..” น้ำรวบรวมสติให้กลับมา ตั้งใจเค้นคำพูดออกไป

“เรื่องอะไรครับ” ผู้กองถามซ้ำ ดวงหน้าเคลื่อนเข้าใกล้มากว่าเดิมอีก ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนแล้ว ไอ้น้ำหลับตาปี๋

“คุณวรั...” มันพยายามพูดชื่อให้จบ

“จูบกันดีกว่า เดี๋ยวค่อยบอกพี่ทีหลังแล้วกันว่าโกรธพี่เรื่องอะไร”

‘อ้าว เฮ้ย’  แบบนี้ก็ได้เหรอ



==============================================

ตอนหน้า พักเนื้อเรื่องหลักสักครู่ เขมจะพาทุกท่านไปพบกับบบบบบบบ

ตอนพิเศษ !!

ใช่แล้วค่ะ ตอนพิเศษ

แต่จะพิเศษยังไง มารอวันอังคารด้วยกันนะคะ


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบหก แบบนี้ก็ได้เหรอ P11 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-07-2018 11:59:06
เรื่อยๆแต่ ปากว่ามือถึงจริงๆ :katai5:

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบหก แบบนี้ก็ได้เหรอ P11 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-07-2018 14:06:33
 :mc4:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบหก แบบนี้ก็ได้เหรอ P11 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 20-07-2018 14:12:37
น่ารักกกกกกก
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบหก แบบนี้ก็ได้เหรอ P11 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-07-2018 16:47:30
น้ำเอ้ยยย ขนาดผู้กองขยับเข้าหาใกล้ๆ ยังหลับตาปี๋เลย
แล้วเรื่องที่จะจับผู้กองทำเมียนะไหวหรือจ๊ะ พ่อน้ำ
 :hao6: :hao6:
เรียกกองหนุนแม่ตะเคียนด่วนเลยนะน้ำ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบหก แบบนี้ก็ได้เหรอ P11 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 20-07-2018 17:12:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบหก แบบนี้ก็ได้เหรอ P11 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 20-07-2018 20:57:39
มันยังคง ค้างคาใจ เอาไม่ออก
เหมือนถูกหลอก บอกว่ารัก กันหนักหนา
แต่เจ้ากรรม ดันมารู้ จากสองตา
ประคองหน้า พาลูบหลัง ยังร่าเริง

มีใครบ้าง จะไม่เชื่อ ตาเราเห็น
มีใครบ้าง ยังใจเย็น ไม่ยุ่งเหยิง
มีใครบ้าง ไม่ฟุ้งซ่าน ใจกระเจิง
ไม่เอะอะ กระเซอะเซิง เจิ่งน้ำตา

ผู้กองรู้#ไอ่น้ำไม่รู้#ต้องพึ่งพาแม่ตะเคียน


มาช่วยกันอีกซักตอนนะ คนงามเจ้าแม่ตะเคียน
อิอิ

+1 ร้อยพวงมาลัยมาถวายเจ้าแม่จ้า
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบหก แบบนี้ก็ได้เหรอ P11 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 21-07-2018 05:03:34
อีตาผู้กองเจ้าเลห์ ตอนพิเศษนี่หรือว่าแม่ตะเคียนจะไปแล้วว
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบหก แบบนี้ก็ได้เหรอ P11 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 21-07-2018 08:18:51
คงต้องรอเข้าหอนู่น น้ำถึงจะรู้ว่าใครเป็นเมียกันแน่
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบหก แบบนี้ก็ได้เหรอ P11 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 24-07-2018 09:52:36


ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน



            “เฮ้อ..เบื่อจัง” หญิงสาวในชุดไทยสไบเฉียงสีสันสดใสนั่งอยู่บนกาบเรือบ่นออกมาเบาๆ

            “ไม่มีใครผ่านมาเลยเหรอเนี่ย”

            “พอไม่ใช่วันหวยออกก็จะไม่มีคนมาเลยสินะ”

            “เฮ้อ..เบื่อจัง” หญิงสาวคนเดิมยังบ่นไปเรื่อย นางลุกขึ้นยืนเดินตรงมาที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีเชือกคล้องกิ่งไม้ต้นนั้นไว้ ก่อนที่เธอจะหลุดยิ้มขำออกมา

            “พ่อน้ำจะมาอีกไหมน้า คิดถึง อยากเห็นหน้าจัง เห็นคนหล่อๆ แล้วมันกระชุ่มกระชวย อายุยืน”

            “แต่..พ่อน้ำคงไม่กล้ามาคนเดียวแน่ๆ” นางพูดแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า พ่อน้ำหรือไอ้น้ำมันกลัวผีขนาดไหน


            รู้อยู่เต็มอกนั่นแหละ แต่ก็อดที่จะไปคุยด้วยไม่ได้


            ก็คนมันเหงานี่นา


            “ไปบอกผู้กองให้พามาดีไหม”

            “เอ..แล้วจะบอกยังไงดีล่ะ พ่อหนุ่มนั่นก็จิตแข็งเหลือเกิน ไม่เปิดรับสาวสวยอย่างฉันบ้างเลย” นางสะบัดผมไปด้านหลังเล็กน้อย อวดไหล่ขาวนวลของตนเอง


            ไหล่ขาว ใบหน้าสวยที่ไม่มีใครมองเห็นได้สักคน


            “อีกตั้งหลายวัน ถึงจะเป็นวันหวยออก”

            “ระหว่างนี้ไปทำอะไรดีล่ะ” เธอยังบ่นเอื่อยเฉื่อยต่อไป

            “นั่งสมาธิ ฝึกจิตใจดีไหมล่ะ โยมตะเคียน”

            “อุ้ย หลวงพ่อหรือเจ้าคะ กราบนมัสการเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบทรุดนั่งลงพื้นแล้วก้มลงกราบโดยไม่สนใจพื้นดินว่าจะทำให้สไบสวยนั้นต้องสกปรก

            “อาตมาเอง บ่นงึมงำอะไรหรือ” หลวงพ่อถาม

            “เบื่อน่ะเจ้าค่ะ” แม่ตะเคียนบอกตามความรู้สึก

            “เมื่อตอนเป็นมนุษย์ก็เบื่อ พอเป็นผีตะเคียนก็ยังเบื่ออีกหรือ”

            “เจ้าค่ะ”

            “อยากไปเกิดไหม”

            “ก็อยากอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ” ไม่มีใครอยากจะเป็นผีไปตลอดปีตลอดชาตินักหรอก

            “เลิกให้หวยก่อนดีไหม”

            “ก็มีคนมาหาเยอะๆ มันครื้นเครงดีนะเจ้าคะ” แม่ตะเคียนบ่นอิดออด

            “การเล่นการพนันมันไม่ถูกต้องหรอกนะโยมตะเคียน”

            “ดิฉันไม่ได้เล่นเลยนะเจ้าคะ”

            “อาตมารู้ว่าโยมเล่นไม่ได้ แต่เป็นการชี้นำต่างหากล่ะ”

            “แหม นั่นมันก็เป็นความโลภของมนุษย์นะเจ้าคะ” แม่ตะเคียนเถียง

            “โยมตะเคียน” หลวงพ่อบอกเสียงเรียบให้คนที่ตะแบงเถียงนั้นได้ฉุกคิด

            “เจ้าค่ะๆ ดิฉันจะพยายามนะเจ้าคะ”

            “มันดีต่อตัวโยมเอง”

            “เจ้าค่ะ” แม่ตะเคียนรู้ว่าหลวงพ่อหวังดีกับตนเองจึงตอบรับเสียงอ่อย

            “เรื่องที่กำลังห่วงอยู่ หลังจากที่เรียบร้อยแล้วย้ายที่อยู่ดีไหม” หลวงพ่อแนะ

            “ย้ายที่อยู่หรือเจ้าคะ จะไล่ดิฉันไปที่อื่นหรือคะ หลวงพ่อ” แม่ตะเคียนเสียงสั่นเข้าใจว่าตนเองถูกขับไล่

            “ไม่ใช่อย่างนั้นโยม แค่ย้ายเข้ามาอยู่ในวัดดีไหม ตรงนี้เป็นท่าน้ำของวัด คนที่ใช้เรือสัญจรทางน้ำ เขาก็ไม่สามารถมาขึ้นเรือตรงท่านี้ได้ มันไม่สะดวก”

            “ยะ..ย้ายได้หรือเจ้าคะ”

            “ได้สิ อาตมาจะไปเกณฑ์ลูกศิษย์วัดมาช่วยย้ายเรือนี้ไปอยู่ในวัดเป็นที่อยู่ของแม่ตะเคียน”

            “ให้พ่อน้ำมาช่วยด้วยได้ไหมเจ้าคะ” ได้คืบจะเอาศอก แม่ตะเคียนเอ่ยขอ


            “อยู่กันคนละโลกกันแล้ว ยังไม่วายชอบมนุษย์อีกหรือ”

            “เจ้าค่ะ คนมันโสดนี่เจ้าคะ หลวงพ่อไม่เข้าใจหรอกเจ้าค่ะ”

            “อืม อาตมาไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละ เอาล่ะ เดี๋ยวใกล้ถึงวันนั้นอาตมาจะฝากลูกวัดไปบอกบ้านนั้นก็แล้วกัน”

            “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ หลวงพ่อ”

            “พอย้ายมาแล้ว ก็หมั่นนั่งสมาธิ คิดดี ทำความดี จะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี”

            “เจ้าค่ะ” นางก้มกราบหลวงพ่ออีกครั้ง เงยหน้ามาอีกทีหลวงพ่อก็เดินหายเข้าไปในพื้นที่ทางวัดแล้ว


            นางลุกขึ้นจากพื้นแล้วพลันคิดถึงเรื่องแก้เบื่อ


            “เฮ้อ..เบื่อจังไปเดินตลาดเล่นดีกว่า” หากใครได้ยินคงได้ยินเสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณ

            “ไหนดูสิ มีชุดไทยสวยๆ ไหมน้า” นางเข้าไปในร้าน เห็นชุดไทยสวยๆ มากมาย

            “เอ..ทำไมฉันต้องใส่แต่ชุดไทยด้วยล่ะ ดูชาวบ้านพวกนี้ยังใส่ชุดอื่นเลย” แม่ตะเคียนบ่น
พลางคิด

            “เปลี่ยนดีไหมน้า ไปใส่อย่างพ่อน้ำจะดีไหม”

            “เอายังไงดี” ถึงจะลังเล แต่มือก็ยังละผ่านชุดไทยไปทีละชุดๆ

            “ชุดไทยอย่างเดิมก็ดีแล้วมั้ง เดี๋ยวผิดแบบแม่ตะเคียน” นางยิ้มก่อนจะออกมาจากร้านชุดไทย

            “วันนี้ตลาดมีอะไรน่ากินบ้าง จะได้บอกพ่อน้ำให้เอามาให้” แม่ตะเคียนคิดพลางลอยละล่องไปแต่ละล็อคของตลาด

            “นี่..เห็นว่าผู้กองคนเก่าเขามาหาไอ้น้ำมันอีกแล้วนะ มาบ่อยเหลือเกิน” เสียงป้าคนหนึ่งดังขึ้นเหมือนกำลังตะโกนคุยกับใครสักคน


            แม่ตะเคียนจำชื่อไม่ได้ แต่คุ้นหน้าว่ามาขูดหวยกับพ่อน้ำเสมอ


            “เออ ฉันก็เห็นรถยนต์ผ่านหน้าบ้านไป ก็ว่ารถใครคุ้นๆ ตา ที่แท้ของผู้กองปรานต์ เองน่ะหรือ”

            “ใช่สิวะ”

            คนสองคนกำลังคุยกันอย่างต่อเนื่อง แม่ตะเคียนเลยอยากจะไปเห็นหน้าพ่อน้ำเสียหน่อย


            “ไหนดูสิ ทำอะไรอยู่น้า” นางมาถึงบ้านของไอ้น้ำ เห็นไอ้ด่างและอีปุย นอนเงียบอยู่ใต้ถุนบ้าน พร้อมกับรถยนต์คันหนึ่งก็เดาว่าคงเป็นของพ่อหนุ่มคนนั้นตามที่คนในตลาดพูด แม่ตะเคียนก็ยิ้มหวาน มาทีเดียวเห็นหน้าทั้งสองคนเลย วันนี้คงไม่เบื่อแล้วสินะ

            “เหมือนทางจะสะดวกด้วย” แม่ตะเคียนพูดขึ้นก่อนจะรีบยกมือไหว้บอกผีบ้านผีเรือนก่อนจะเข้าไปในในบ้านข้างบน “ขอเข้าไปหาพ่อน้ำแป๊ปเดียวนะจ๊ะ แป๊ปเดียวเองแล้วจะรีบออกมา ไม่มีใครตอบเลย อ่า ถือว่าขอแล้วน้า” พูดจบก็หายวับไปทันที

            “เอ..ไม่อยู่เหรอ” แม่ตะเคียนยืนอยู่ตรงกลางบ้าน แต่กลับไม่เห็นเงาของใครเลย “หรือว่าอยู่ในครัวน้า” พริบตานางก็ย้ายกายละเอียดมายืนในครัว แต่ทว่าก็ไม่เจอเป้าหมายเช่นกัน

            “เล่นอะไรเนี่ย ผู้กอง ฮ่าๆ จักจี้” ได้ยินเสียงหัวเราะของน้ำแว่วมา แม่ตะเคียนก็ยิ้มร่าเพราะรู้แล้วว่าพ่อน้ำของตนนั้นอยู่ที่ไหน

            “อุ๊ย..” นางตะครุบปากแทบไม่ทันเมื่อเข้ามาในห้องนอนของพ่อน้ำที่รักยิ่ง

            “ไม่จับ ไม่เอาๆ” แม่ตะเคียนยืนอยู่ปลายเตียงเห็นน้ำพยายามปัดมือพ่อหนุ่มหรือผู้กองนั้นออกจากในเสื้อตนเอง นางยกสองมือปิดหน้าทันที


            ‘สองคนนี้เล่นอะไรกัน บัดสีบัดเถลิง แม่ตะเคียนรับไม่ได้’


            แม่ตะเคียนพูดในใจ นางกลัวว่าถ้าพูดส่งเสียงออกมาแล้วพ่อน้ำของนางจะได้ยินเสียงจนอดเห็นภาพดีๆ ไปด้วย ดังนั้นนิ้วมือทั้งห้าของนางจึงค่อยๆ กางออกจากกัน


            ‘ก็อยากเห็นเหมือนกันนี่นา’


            ‘ไหนขอดูหน่อย ไม่โกรธกันนะจ๊ะพ่อน้ำคนดี’


            “อย่าเล่นแบบนี้” พ่อน้ำของนางยังพยายามปัดป้องมือของอีกคนออกจากเสื้อ แม่ตะเคียนเริ่มสงสัย พ่อน้ำปฏิเสธจริงจังหรือไม่กันแน่

            “ทำไมล่ะครับ พี่แค่จับตรงนี้นิดเดียวก็ไม่ได้เหรอ” แม่ตะเคียนหน้าแดงเล็กน้อย นางไม่เคยได้ยินเสียงทุ้มอ่อนหวานแบบนี้มาก่อน


            ‘อยากให้มีคนมาพูดด้วยเสียงแบบนี้บ้างจัง’


            “นิดเดียวนะ” คิดเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงพ่อน้ำเอ่ยอนุญาต


            “อืม นิดเดียว”


            แม่ตะเคียนรีบหลับตาลง นางไม่ขอบรรยายภาพตรงหน้าว่านิดเดียวนั้นมันแค่ไหนเพราะนางเลือกที่จะหลับตาลง กลัวเห็นแล้วจะเป็นฝ่ายที่ต้องเขินอายเอง


            “พอเลย ไหนว่านิดเดียวเอามือออกไปครับ” แม่ตะเคียนได้ยินเสียงของพ่อน้ำที่น่าจะจริงจัง ดุอีกฝ่าย นางจึงลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง สายตาก็เห็นใบหน้าของพ่อน้ำออกจะแดงเล็กน้อย

            “พอ..ก็..พอ” พ่อหนุ่มนั้นพูดเน้นย้ำทีละคำก่อนจะผละตัวออกจากพ่อน้ำที่นอนอยู่บนเตียง กลายเป็นสองร่างสองคนกำลังนอนอยู่บนเตียงคนละฝั่ง

            “ไม่โกรธสิครับพี่ปรานต์” เสียงพ่อน้ำของแม่ตะเคียนดูอ่อนโยนลงผิดกับเมื่อสักครู่อย่างไม่น่าเชื่อ


            ‘โอ้ พ่อหนุ่มนั่นคงงอนสินะ’


            ‘งอนจริงหรือแสดงกันนะ’  แม่ตะเคียนคิดต่อ


            “น้ำบอกให้พี่พอ พี่ก็พอแล้วครับ” ผู้กองพูดเสียงเรียบ

            “ไม่โกรธสิครับ..คือ..เดี๋ยวสักพักแม่จะกลับมาจากสวนแล้ว” พ่อน้ำอ้อมแอ้มอธิบาย

            “พี่รู้ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย” ผู้กองยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงโทนเดิม

            “ไม่อะ โกรธแน่ๆ เลย” แม่ตะเคียนเห็นพ่อน้ำพลิกตัวไปหาอีกฝ่าย มือขวาวาดลงไปบนเอว ขาขวาก็ก่ายเกยไปบนขาขวาพ่อหนุ่มนั่น


            ดูก็รู้ว่าคนทั้งคู่สนิทสนมกันดีแค่ไหน


            “ไม่โกรธนะครับ” พ่อน้ำของนางพูดอีกครั้งก่อนจะเห็นพ่อน้ำยืดตัวขึ้นไปจูบที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย อารามตกใจแม่ตะเคียนรีบหันหลังให้ทั้งคู่ทันที


            ‘โอย พ่อน้ำ’  จิตใจของนางกระเจิงไปหมด


            นางยังไม่กล้าหันกลับไป เพราะเสียงลมหายใจทางด้านหลังมันเด่นชัดเหลือเกิน ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าภาพนั้นคงจะร้อนแรงหนักหน่วงแค่ไหน


            แม่ตะเคียนหน้าแดงอย่างต่อเนื่อง เสียงสวบสาบของเสื้อผ้าดังกระทบโสตประสาทหู ดังไปทั่วห้องนอนแห่งนี้ หางตาของนางเห็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวตกอยู่ข้างตัว ดูจากลักษณะรูปทรงแล้ว คงเป็นของพ่อน้ำ เพราะพ่อหนุ่มนั่นใส่เสื้อสีดำ


            ‘โถ พ่อน้ำ’ แม่ตะเคียนยกมือทาบอก


            เอาไงดี ออกไปดีไหม แต่ใจก็อยากรู้ต่อ


            แม่ตะเคียนคิดยังไม่ตก เข็มขัดและกางเกงปลิวตามลงมาบนเสื้อสีขาวนั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนโยนมาแต่ขอนับถือทิศทางการโยนเสื้อผ้าว่าลงตำแหน่งเดิมเหมาะเหม็งมาก ในอดีตอาจจะเคยเป็นนักกีฬาตะกร้อลอดห่วงก็เป็นได้ แต่เดี๋ยวนั่นเขาใช้ขาเตะลูกตะกร้อเข้าห่วงหรือเปล่า


            “อ๊ะ นั่น!” มัวแต่คิด จนมาเห็นชั้นในสีขาวโยนมาทีหลังสุด แม่ตะเคียนจึงหลุดปากออกไปด้วยความตกใจอีกครั้ง เป็นผีมาก็นาน นี่คงเป็นการตกใจเยอะที่สุดของนางแล้วล่ะมั้ง

            “พี่ปรานต์ หยุด..ก่อน..ครับ” เสียงพ่อน้ำหอบหายใจเสียงดังกว่าจะพ่นออกมาได้แต่ละคำ

            “หืม?”

            “หยุดก่อนนะครับ คนดี เดี๋ยวพี่น้ำคนนี้มาต่อให้นะจ๊ะ อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย” แม่ตะเคียนไม่กล้าหันกลับไปอยู่ดี แต่เหมือนว่าพ่อน้ำจะควบคุมเสียงตัวเองได้แล้ว

            “ว่าไงครับ เป็นอะไร”

            “ตะกี้พี่ได้ยินเสียงอะไรไหมป” น้ำถาม

            “เสียง? เสียงอะไรครับ ไม่เห็นได้ยิน”

            “อย่างนั้นเหรอครับ”

            “ทำไม น้ำได้ยินเสียงอะไร” ผู้กองถามกลับ

            “ผมได้ยินเสียงผู้หญิง พูดเหมือนคนตกใจ”

            “พี่ไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงน้ำ”

            “เสียงผมอะไรเล่า ผมไม่ได้ส่งเสียงอะไรสักหน่อย” แม่ตะเคียนได้ยินเสียงพ่อน้ำบอกอีกฝ่ายเหมือนสะบัดในน้ำเสียงเล็กน้อย

            “ต่อให้พี่ได้หรือยัง คนเก่ง เดี๋ยวแม่น้อยมานะ”

            “โอเคๆ ต่อให้ก็ได้” แม่ตะเคียนได้ยินเสียงคล้ายๆ เดิมอีกครั้ง

            ‘เข้ามาในห้องคนอื่นแบบนี้ วันหลังจะไม่อนุญาตให้ขึ้นมาแล้ว’ใครสักคนหนึ่งพูดลอยๆ ภายในห้อง แต่มีเพียงแม่ตะเคียนเท่านั้นที่ได้ยิน


            ‘ขอเข้ามาแป๊ปเดียวเองจ้ะ ไม่รู้นี่นาว่าพ่อน้ำอยู่ในห้องนอน’ แม่ตะเคียนตอบ


            ‘หมดเวลาแล้ว ออกไปได้แล้ว’


            ‘จ้ะๆ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ’


             แม่ตะเคียนรีบหายตัวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว นึกขอบคุณผีบ้านผีเรือนในใจที่ช่วยมาตัดสินใจสิ่งที่นางคิดไม่ได้สักที


             เสียดายจัง แต่...


             ไม่ได้ดู ก็ดีเหมือนกัน



==============================================

คนโสดก็จะปวดใจหน่อยๆ ค่ะ

ตอนนี้เป็นเหตุการณ์หลังจากที่เรื่องนี้ได้จบลงนะคะ
เป็นเหตุการณ์ระหว่างที่น้ำฝนยังเรียนไม่จบ ยังไม่เข้ากรุงเทพฯ เลยค่ะ
ผู้กองเลยต้องไปมาหาสู่คนแถวนี้ทุกสัปดาห์

ตอนหน้ากลับไปพบกับตอนหลักกันต่อค่ะ


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 24-07-2018 10:07:53
แม่ตะเคียนซุกซนไม่เบานะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 24-07-2018 11:43:57
แหมเสียดายจัง เราก็อยากดูต่อเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: vermillian ที่ 24-07-2018 12:45:54
fc แม่ตะเคียนค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-07-2018 13:16:27
แม่ตะเคียนนี่ ไม่ดูเพื่อเป็นการศึกษาบ้างเหรอจ๊ะ
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 24-07-2018 19:51:59
โอ้ยยยยย แม่ตะเคียนนนน เฟี้ยวฟ้าวมากกกจ้า
มีการเที่ยวตลาดดูของด้วยนะจ้ะ สุดยอดไปเลยยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 24-07-2018 20:28:12
เขินแทนแม่ตะเคียนเลย :hao6:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 24-07-2018 20:54:14
#FCเจ้าแม่ตะเคียน
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-07-2018 21:30:32
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 25-07-2018 00:01:00
เจ้าบ้านเจ้าเรือนไม่น่ารีบมาขัดเล๊ยยยยย
เจ้าแม่ตะเคียนกำลังศึกษาวิชารัก y อยู่นะ

อดรู้อดเห็นเลยมั้ย
น้องน้ำทำหน้าที่สามีให้ภรรยาอย่างผู้กอง ชิมิ ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 25-07-2018 06:35:49
แม่ทำไมไม่ขออยู่ต่ออีกสักหน่อย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 25-07-2018 12:50:14
555555555
แม่ตะเคียน น่าถ่ายคลิปมาปล่อยให้เราดูมั่งนะ
เสียดายยยยยย :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 26-07-2018 00:33:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน P11 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 26-07-2018 23:05:51


งวดสามสิบเจ็ด บอกสิว่ามันไม่จริง


“พอ..พอก่อน” ไอ้น้ำยันหน้าอกของผู้กองให้ถอยห่างออกไป มันผละตัวเองถอยออกมาเช่นกัน ยืนพูดกระหืดกระหอบ หายใจไม่ทัน

“โอเค”

“เรื่องคุณวรันต์กับผู้กอง” น้ำรีบพูดก่อนจะไม่ได้พูดอีก

“ครับ?ทำไมล่ะ” ปรานต์ชะงักเล็กน้อยก่อนถาม พลางดึงมือน้ำให้เข้ามาใกล้ตน

“ผมเห็น..เห็นผู้กองกับคุณวรันต์ยืนอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ”

“เมื่อไหร่? อ่อ..สงสัยตอนนั้น ..เอ๊ะ น้ำมากรุงเทพฯ ด้วยเหรอ” ผู้กองทั้งพูดและถามกับตัวเองก่อนจะย้อนกลับไปถามน้ำด้วยความแปลกใจ

“ใช่”

“แล้วยังไงล่ะ เพราะแบบนี้ก็เลยโกรธพี่?”

“ไม่ใช่ ผมเห็นมากกว่านั้น ทั้งผู้กองกับคุณวรันต์ดูสนิทกันมาก เหมือน..เหมือนกับ..” มันค้างไว้เท่านั้นไม่อยากพูดต่อ

“เหมือนกับอะไรครับ? เหมือนกับยังไม่เลิกกัน? เหมือนกับยังรักกัน?หรือเหมือนกับกลับมาคบกัน?” ผู้กองส่งตัวเลือกให้คนตรงหน้า

“ผมไม่ว่าอะไรหรอกถ้าผู้กองจะกลับไปคบกัน”

“ถ้าไม่ว่าแล้วโกรธทำไมล่ะ” ผู้กองย้อนถามเสียงนุ่ม มือก็ยังจับมือของไอ้น้ำไว้แน่น ไม่ปล่อย

“โอเคๆ ยอมรับก็ได้ ผมไม่โอเคหรอกที่เห็นผู้กองกับคุณวรันต์อยู่ด้วยกันที่นั่น” น้ำพูดความจริงที่ตัวเองคิดออกไป ถ้าไม่พูดออกมาสักที อีกเดี๋ยวก็คงถูกผู้กองไล่ต้อนกันจนมุมแน่นอน

“หน้าโรงเรียนอะนะ?” ผู้กองเย้าแหย่แกล้งถามอีก

“ที่ไหนก็ช่างเถอะครับ ผมไม่ได้อยากเห็นอะไรแบบนั้น ถึงเราจะเลิกกันแล้วก็ตาม” น้ำพูดประโยคสุดท้ายเสียงเบา

“ไม่หรอก เราไม่เคยเลิกกันเลย เราแค่รอเวลา” ผู้กองลูบหลังไอ้น้ำเพื่อปลอบใจอีกฝ่าย


แต่ไอ้น้ำงง ไม่เลิกกันได้ไง ก็บอกเลิกกันกลางบ้าน มันก็ต้องเลิกแล้วสิ คิ้วยาวเข้มขมวดแน่นแทบจะเป็นปมด้วยความฉงน


“แล้วคุณวรันต์” น้ำพูดอยู่แถวไหล่ของผู้กองมันไม่อยากสบตาอีกฝ่าย

“วันนั้นพี่บังเอิญผ่านไปแถวนั้น แล้วเจอรันเข้าพอดี พี่ก็ลงไปทักเขา เพราะ...คืออย่างนี้..พี่ไม่อยากปิดบังเรานะน้ำ พี่จะพูดตรงๆ พี่ยังห่วงเขาอยู่”

“...” น้ำไม่รู้จะตอบว่ายังไง การเป็นห่วงแฟนเก่า มันเป็นเรื่องคาราคาซังไม่จบสิ้น ไม่รู้ว่าเป็นห่วงทำไม ห่วงเพราะห่วงอย่างคนเคยรักกัน หรือห่วงเพราะยังรักกันอยู่

“พี่ไม่ได้ห่วงเพราะยังรักเขาเหมือนที่พี่รักน้ำ แต่พี่ห่วงเขาเหมือนน้องคนหนึ่ง รันมีภาระและมีปัญหาหลายอย่างที่พี่ยังเป็นห่วงอยู่ แต่พอรู้ว่าเขาแก้ปัญหาพวกนี้ได้แล้ว พี่ก็หายห่วง” ปรานต์เหมือนรู้ว่าน้ำกำลังคิดอะไร จึงตอบได้ตรงใจของมันเข้าพอดี


แต่เดี๋ยวนะ? คำพูดของผู้กองเมื่อสักครู่นี้ ใช่บอกรักมันหรือเปล่า น้ำมองพื้นกระดานอย่างใช้ความคิด


ใช่หรือไม่ใช่วะ


ต้องใช่สิ ก็เขาบอกอยู่ว่ารักน้ำ ก็ต้องมันแหละ


“ไม่เชื่อพี่เหรอ ถ้างั้นลองคุยกับรันนะ ถามเขาในสิ่งที่น้ำสงสัยหรืออยากรู้เลย”


เพราะมัวแต่คิดเรื่องรัก ไม่รัก ทำให้ไอ้น้ำคิดช้า กว่าจะจับเรื่องได้ก็เห็นผู้กองต่อสายไปหาใครสักคนแล้ว


“รันเหรอ พี่เอง” ผู้กองเปิดลำโพงโทรศัพท์ ถือมันไว้ตรงกลางระหว่างพวกเขาสองคน น้ำเห็นชื่อในโทรศัพท์ก็เพิ่งจะรู้ว่าอีกฝ่ายโทรหาใคร

“ครับ มีอะไรหรือเปล่า”

“พี่มีเรื่องอยากให้รันช่วยหน่อย พอดีมีคนแถวนี้เขาไม่แน่ใจในตัวพี่นิดหน่อย”


ไอ้น้ำได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมา จากปลายสายก่อนที่ทางนั้นจะพูดขึ้น “โอเค เก็ทละ เดี๋ยวอีกสักสิบห้านาทีผมโทรกลับได้ไหมครับ พอดีผมพายายมาโรงพยาบาลใกล้เสร็จแล้ว”

“ได้ พี่จะรอ”

“ครับ” ปลายสายบอกพร้อมกับวางไปทันที น้ำร้อนใจกลัววรันต์จะไม่โทรกลับมาอีก

“จริงๆ ไม่เห็นจำเป็นต้องโทรหาเลย” น้ำบอกผู้กอง


นี่ล่ะหนา ใจคิดอย่าง ปากก็พูดอย่าง ช่างสวนทางกันจริงๆ


“ถ้ามันจะทำให้น้ำเชื่อมั่นในตัวพี่มากขึ้น พี่ก็ยินดี” น้ำได้ยิน มันก็เดินเข้าไปในห้องนอนด้วยความขัดเขิน ผู้กองก็เดินตามเข้าไปด้วยเช่นกัน


ด้วยความที่มันค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวผู้กอง พอคิดว่าเขาบริสุทธิ์ใจมันก็ยิ่งใจอ่อนเพราะใจมันเอนเอียงมาทางผู้กองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


ใจง่ายไปไหมวะ?ความรักทำให้คนตาบอดใช่ไหมวะ? น้ำคิดระหว่างที่มันนั่งลงบนเตียงที่มันนอนอยู่ทุกคืน

“ไม่ได้เข้ามาห้องนี้เสียนาน คิดถึงเหมือนกัน”

“คิดถึงห้องหรือครับ” เสียงผู้กองทำให้มันหลุดจากความคิดออกมาตอบอีกฝ่าย

“ใช่ คิดถึงห้องนี้” ผู้กองมองไอ้น้ำนิ่ง จนมันเกือบจะหลบตา กระทั่งผู้กองพูดต่อ “แต่..คิดถึง...เจ้าของห้องมากกว่า”


ไอ้น้ำรู้สึกหน้าร้อนเห่อขึ้นมาทันที อะไรเนี่ย ยิงมาแต่ละนัด พูดมาแต่ละคำ ตั้งใจทำให้มันตายไปเลยใช่ไหม


“เอ่อ..ห้องก็เหมือนเดิม”


ผู้กองมองไปรอบๆ ก่อนจะพูด “อืม ห้องเหมือนเดิม แต่เจ้าของห้องเกือบจะไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว”

“ครับ?”

“เกือบจะทิ้งพี่ไปจริงๆ”

“ไม่ใช่ผมสักหน่อย ผู้กองต่างหาก ผมยังรอโทรศัพท์จากคุณวรันต์อยู่นะครับ” น้ำบอกกึ่งโกรธเล็กๆ มาใส่ร้ายเขาได้อย่างไร ที่เขาต้องร้องไห้แทบทุกวันไม่ใช่เพราะผู้กองหรือไง

“ไหนว่าจริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องโทร”

“มารยาทไงครับ มารยาทพูดไปงั้นแหละ” น้ำบอกตามตรง ผู้กองได้แต่ยิ้ม

“พี่ก็ว่างั้น”

“ผมได้ยินผู้กองพูดกับคุณลุง..เอ๊ย คุณพ่อว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้ผู้กองอยากจัดการเองเหรอครับ”

“เรียกแม่พี่ว่าแม่ เรียกพ่อพี่ว่าพ่อแล้ว ก็เรียกลูกชายเขาว่าพี่ได้แล้วนะ” ผู้กองแนะ

“ก็..เถอะน่าเดี๋ยวเรียกเอง ว่าไงครับเรื่องนั้น” น้ำบอกปัด มันกระดากปากเกินกว่าจะเรียกกันง่ายๆ นี่นา

“เรื่องของพี่กับน้ำ ก็ควรเป็นพี่ที่จัดการเองถูกไหม”

“ผมเห็นผู้กองทำท่างอแงเหมือนเด็กๆ เลย”

“น่าอายใช่ไหม จะสามสิบอยู่แล้ว”

“เปล่าครับ แค่จะบอกว่าน่ารักดี” น้ำเอ่ยชมตรงๆ และคงไม่บ่อยนักที่จะเห็นผู้กองมีรอยเรื่อสีแดงขึ้นที่หู

“ร้ายจริง..” ผู้กองบีบจมูกน้ำเบาๆ ทีหนึ่ง

“เล่าสิครับ ผมรอฟังอยู่” น้ำทวง

“เล่าอะไรล่ะ”

“ผมอยากรู้ว่าถ้าเป็นผู้กองจัดการเอง จะทำยังไง”

“ก็รอไปอีกสักสิบปี ยี่สิบปี พอแม่น้อยปลงแล้วก็ค่อยกลับมาหาน้ำ”

“โห ผมไม่รอผู้กองแล้วตอนนั้นอะ”

“นั่นไง ใครกันแน่ที่คิดจะทิ้งพี่ไปจริงๆ” ผู้กองทำเสียงน้อยใจพลางลงนั่งข้างๆ แล้วรั้งกระชับเอวเด็กหนุ่มให้เข้ามาใกล้ตนเอง

“สิบ ยี่สิบปี ไม่รอหรอกครับ ผมไม่อยากนอนคนเดียวไปตลอด”

“พูดแบบนี้ คืนนี้ไม่ควรนอนคนเดียว” ผู้กองพูดใกล้หูของไอ้น้ำ มันหดคอด้วยความจักจี้

“ตอนนี้ยังโอเคครับ นานกว่านั้นไม่เอาอะ”

“พี่...” ผู้กองเริ่มเปิดปากเล่า “ถูกย้ายกลับไปก็เร่งเคลียร์งาน จะได้มาจัดการเรื่องของเราอย่างเต็มที่ แต่งานกลับเดินหน้าไปอย่างช้าๆ เพราะพี่ไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่”


น้ำไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าทำไมผู้กองถึงไม่มีสมาธิ เพราะถ้าพูดมาถึงขนาดนี้แล้วเขายังไม่รู้ก็คงจะแย่เต็มที


“หลังจากเคลียร์งานเสร็จ แม่น้อยก็คงใจเย็นขึ้นมาก พี่ตั้งใจจะมาพูดกับท่านอีกครั้งหนึ่ง พี่อยากแสดงให้แม่น้อยเห็นว่าพี่จริงใจ รักลูกท่านจริงๆ อยากดูแล ไม่เคยคิดทิ้งขว้างอะไรเลย”

“พูดอย่างกับจะมาขอผู้หญิง”

“จะผู้หญิงหรือผู้ชาย น้ำก็เป็นลูกของแม่น้อย ท่านต้องเป็นห่วงลูกอยู่แล้ว พี่อยากให้แม่น้อยสบายใจ”

“แล้วถ้าแม่ไม่ยอมอะ”

“พี่ก็จะตื๊อจนกว่าแม่ยายจะยอมนั่นแหละ”

“แม่ยายอะไรเนี่ย” น้ำบ่น


ทำไมใครๆ ก็เห็นเขาควรเป็นลูกสะใภ้ ขนาดผู้กองยังเห็นแม่เขาเป็นแม่ยายเลย อะไรเนี่ย


“หึหึ...” ผู้กองจูบขมับไอ้เด็กดื้อไปหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยว “เรื่องนี้มันยากพี่รู้ดี มันมีไม่กี่วิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนและยอมรับในตัวเราหรอก ยกเว้นโชคดีมีเหตุให้เขาให้ได้เห็นความรู้สึกของพี่กับน้ำอย่างชัดเจน”

“อืม จริง คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบ รับไม่ได้ก็คือรับไม่ได้” น้ำเห็นด้วย

“พี่ก็ทำได้แค่พิสูจน์ตัวเองให้ท่านได้รับรู้ และรอคอยด้วยความหวังว่าท่านจะเห็นใจและขอแค่น้ำยังรอพี่”

“ไม่บอกผมบ้างเลย ปล่อยให้ผมปล่อยเวลาทิ้งไปแบบนั้น เพราะคิดว่าผู้กองคงเลิกแล้วจริงๆ”

“น้ำก็ช่วยพี่ได้เยอะเลยนะ ช็อตผูกคอนั่นน่ะ” ผู้กองพูดติดตลก

“ใช่ความตั้งใจของผมที่ไหนกันเล่า ของแม่ตะเคียนต่างหาก โอย ขนลุก” แค่คิดไอ้น้ำก็ใจแป้วแล้ว นั่งคุยกับแม่ตะเคียนเป็นนานสองนาน


ผู้กองรีบรับขวัญ ดึงน้ำเข้ามาใกล้ตนเองพลางลูบแขนไปมาอย่างตั้งใจ น้ำคิดว่าพฤติกรรมแบบนี้ดูไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ มันเงยหน้าขึ้น ก็เจอหน้าหล่อๆ มองมาก่อนแล้ว กว่ามันจะตั้งตัวได้ทัน หลังของมันก็สัมผัสกับที่นอนตนเองอย่างเรียบร้อย


สถานการณ์ล่อแหลม เมย์เดย์ เมย์เดย์ น้ำเรียกเหตุฉุกเฉิน…… แต่... ใครจะช่วยกูวะ!!!


ไอ้น้ำยังไม่ได้เตรียมใจ แต่มันก็หลับตา เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เสร็จแล้วค่อยว่ากัน


ทว่า..เดชะบุญ การเสียตัวไม่บังเกิด เสียงโทรศัพท์ของผู้กองดังขึ้น มันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกระคนเสียดาย

“รันเหรอ...” ผู้กองรับสายพร้อมเปิดลำโพงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

“ครับ ผมเอง”

“โทรมาได้จังหวะพอดี”

“จังหวะพอดีหรือขัดจังหวะพอดีครับ” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ราวกับเห็นภาพในห้องนี้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้

“เรียบร้อยแล้วหรือเรื่องโรงพยาบาล” ผู้กองไม่ตอบแต่เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องแทน

“ครับ ตอนนี้ให้รงค์พายายไปที่รถก่อน ผมเลยรีบโทรกลับมา กลัวผู้กองจะรอนาน ว่าไงครับมีเรื่องอะไรจะให้ช่วยเหรอ”

“จำวันที่เราเจอกันที่หน้าโรงเรียนรงค์ได้ไหม”

“ได้ครับ มีอะไรหรือเปล่า” วรันต์ถามอย่างสงสัย

“วันนั้น น้ำก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาเห็นเราสองคน”

“แล้ว?” วรันต์ตั้งท่าจะถามต่อแต่ฉับพลันก็พลันนึกได้ “อ่อ..ก็เลยคิดเตลิดเลยเถิดสินะครับ โอเคผมเข้าใจละ ถ้ายังไงผมขอคุยส่วนตัวกับเขาได้ไหมครับ”


ผู้กองปิดลำโพงแล้วยื่นโทรศัพท์ไปให้คนตรงหน้า น้ำทำท่าลำบากใจแต่ก็ยอมรับไปโดยดี


“ครับ”

“น้ำ? นายใช่ไหม”

“ครับ”

“ถ้ายังอยู่กับผู้กองก็ขอตัวแยกออกมาหน่อย” วรันต์สั่ง

“ทำไมผมต้องทำด้วย” น้ำไม่ค่อยพอใจจึงถามกลับไป

“นายคงไม่อยากให้เขารู้ว่าเรากำลังจะคุยอะไรกันหรอก อย่าถามเซ้าซี้ได้ไหม เดี๋ยวไม่เล่าอะไรเด็ดๆ ให้ฟังหรอก” วรันต์บอกแกมยื่นข้อเสนอ แล้วมีหรือคนที่อยากรู้อยากเห็นอย่างมันจะไม่อยากรู้

“ก็ได้” น้ำบอกปลายสายแล้วหันไปบอกผู้กองว่า “ผมขอตัวไปคุยกับคุณรัน ข้างล่างนะครับผู้กอง”

“หือ?”

“แป๊ปเดียว เดี๋ยวผมมา”

“ห้านาที อย่านาน” ไม่ใช่ว่าปรานต์กลัววรันต์จะเอาเรื่องของเขาไปขายหรือใส่ร้ายอะไร แต่เขากลัววรันต์จะแกล้งน้ำน่ะสิ รายนั้นเรื่องแกล้งคนด้วยคำพูดก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

“ครับ” ไอ้น้ำรับคำแล้วรีบออกจากห้องลงจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

“ลงมาแล้ว” น้ำบอกปลายสาย

“โอเค เอาเรื่องหลักก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวผู้กองจะว่าฉันได้ ฉันกับผู้กองเราเลิกกันแล้วตั้งแต่วันนั้นที่นายเห็น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น และฉันไม่เคยติดต่อเขาเลย จนกระทั่งเจอกันบังเอิญที่หน้าโรงเรียน ผู้กองมาคุยกับฉันก็แค่นั้น”

“ผมเห็นเขาจับหัวคุณด้วย”

“โอ๊ย แค่นั่นเองก็เหมือนนายจับหัวน้องสาวนั่นแหละ คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้เดี๋ยวก็โดนทิ้งเข้าสักวัน” วรันต์พูดอย่างรำคาญ

“แล้วคุณคิดเล็กคิดน้อยไหม เพราะเขาก็ทิ้งคุณมาหาผม” น้ำไม่ใช่คนยอมอยู่แล้ว ถ้าดีกับเขา เขาก็ดีด้วย แต่ถ้ามาว่าเขา เขาก็ไม่ยอม

“ปากเสีย ฉันทิ้งเขาก่อนต่างหาก”

“สรุปก็คือไม่มีอะไรใช่ไหม” น้ำตัดบท ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง

“ใช่ มันไม่มีอะไรเลย แล้วช่วยวางใจเถอะ ผู้กองกับฉันไม่กลับไปคบหรือติดต่อกันลับหลังนายหรอก ยกเว้นเรื่องเงินๆ ทองๆ อะนะ”

“คุณ..จะปอกลอกผู้กองต่อเหรอ” น้ำถามด้วยความไม่สบายใจ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นห่วงเงินของปรานต์ แต่เขาไม่ชอบเห็นคนรักถูกใครคนอื่นมาหลอกให้เอาเงินไปให้

“ผู้กองฉลาดจะตาย นายคิดว่าฉันหลอกเขาได้จากความสามารถตัวเองเหรอ คิดผิดแล้ว เขาอยากให้เมื่ออยากให้ก็เท่านั้นแหละ เขารู้ว่าฉันมีปัญหาเรื่องที่บ้านก็เลยยื่นมือเข้าช่วย ฉันเองก็เพิ่งรู้วันที่เลิกกันนั่นแหละว่าเขารู้มาตลอด คิดว่าเขาโง่ ที่ไหนได้ตัวฉันเองเนี่ยแหละโง่มาตลอด”

“ก็สมเป็นเขาและสมเป็นคุณ”

“อะไร หมายความว่าไง”

“ช่างเถอะครับ แล้วไหนเรื่องที่คุณจะเล่าให้ฟังอะ” น้ำทวง นี่เป้าหมายหลักของมันเลยนะ

“ถามอะไรหน่อย”

“ว่ามาครับ”

“นอนกับเขาหรือยัง”

“ถามอะไรเนี่ย เรื่องชาวบ้านคุณก็อยากรู้เหรอ” น้ำต่อว่าเพราะมันเขินที่ถูกถามตรงๆ

“ไม่ได้อยากรู้ว่านอนกันท่าไหนสักหน่อย แค่ถามว่านอนด้วยกันหรือยัง”

“...” น้ำเงียบ

“โอเค สรุปว่ายัง”

“รู้ได้ไง” น้ำตกใจที่อีกฝ่ายเดาออกมาได้อย่างถูกต้อง

“ถ้านอนด้วยกันแล้วนายคงบอกมาแล้วล่ะ เงียบแบบนี้ มือใหม่ ยังอายๆ อยู่”

“มันเรื่องของผม” มันเถียง

“แต่คงเคยจูบกันแล้วล่ะมั้ง ผู้กองไม่ปล่อยนายหรอก” วรันต์ยังพูดต่อ

“อืม”

“เขาจูบเก่งใช่ไหมล่ะ เห็นนิ่งๆ แบบนั้น แต่เรื่องบนเตียงไม่ธรรมดาหรอก ร้อนแรงมาก”

“ผมวางนะ ไม่ได้อยากรู้เรื่องผู้กองกับคุณ” น้ำคิดว่าเขากำลังหึง แค่คิดว่าต้องมาฟังเรื่องผู้กองขึ้นเตียงกับคนอื่น เขายิ่งไม่อยากฟัง

“อย่าเพิ่งวางสิ แค่จะเตือนไว้เฉยๆ”

“เตือนอะไร”

“นายไม่รอดจากมือเขาแน่นอน และบอกไว้เลย หลังจากนั้น นายจะลุกไม่ขึ้นจากเตียง อย่างช้าเจ็ดวัน อย่างเร็วก็สามวัน”

“อะไร” น้ำมึนงง อะไรสามวันเจ็ดวัน

“มาเตือนด้วยความหวังดี ตามประสาคนรักเก่าเพราะว่าตรงนั้นของผู้กองน่ะใหญ่มาก” วรันต์ลากเสียงคำว่ามากยาวออกไปอีกหลายวินาทีก่อนจะพูดต่อ “ที่สำคัญ เขาน่ะอึดมาก คืนหนึ่งสี่ห้ารอบก็ไม่พอ กลางคืนถึงเช้า เช้าถึงเย็น จนนายอาจจะตายคาเตียงเลยก็ได้ เตือนแค่นี้แหละ ขอให้โชคดี”



เสียงตัดสายดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าวรันต์วางสายไปแล้ว มันได้ยินเสียงหัวเราะของวรันต์ก่อนที่สายจะถูกตัด แต่ไอ้น้ำยังถือสายค้างไว้แบบนั้น มันกำลังอึ้งกับสิ่งที่ วรันต์ได้บอกมันเมื่อสักครู่นี้


จริงเหรอวะ! ไม่ใช่แล้วมั้ง ไม่จริงหรอก ไอ้น้ำกำลังคิดเข้าข้างตัวเอง


เมื่อมันกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง มันเห็นผู้กองยึดเตียงนอนของมันไปเรียบร้อยแล้ว หัวสมองไม่อยากจะคิด แต่สายตาก็มองเป้ากางเกงของผู้กองโดยไม่ตั้งใจ คำพูดของวรันต์ยังวนเวียนอยู่ในหัว


“คุยเสร็จแล้วเหรอ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ผู้กองลืมตาขึ้นมาเพราะสัมผัสได้จากแรงยวบของที่นอน

“ครับ”

“ไม่โกรธพี่แล้วใช่ไหม” ผู้กองลุกขึ้นนั่งดึงน้ำเข้ามากอดเช่นเคย

“ไม่แล้วครับ”

“แล้วทำไมมือเย็นแบบนี้ล่ะครับ” ผู้กองจับมือน้ำขึ้นมาจูบที่หลังมือ

“ไม่มีอะไรครับ ผมว่าเราออกไปนั่งข้างนอนหรือตามแม่ไปสวนกันดีไหม”

“ได้สิ น้ำจะไปไหนพี่ก็ไปด้วย”


“ถ้างั้นไปสวนกันนะ” ไอ้น้ำบอกออกไปอย่างรวดเร็ว

“ครับ”

ให้ตายสิ มันหยุดมองเป้ากางเกงผู้กองไม่ได้เลย


.
.
แต่เดี๋ยวก่อน เขาจะกังวลไปทำไม ถึงจะใหญ่โตแค่ไหนแต่ถ้าไม่ได้ใช้ มันก็ไม่มีประโยชน์หรือเปล่า


==============================================

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเจ็ด บอกสิว่ามันไม่จริง P11 26/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-07-2018 23:38:16
 :m20:

ยังไม่เก็ท

 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเจ็ด บอกสิว่ามันไม่จริง P11 26/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 26-07-2018 23:46:44
เกือบแล้ว เกือบแล้วไอ้น้ำ เกือบจะลุกจากเตียงไม่ได้ 7 วันละ 5555555555   :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเจ็ด บอกสิว่ามันไม่จริง P11 26/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 27-07-2018 06:57:44
น้ำชอบล่ะสิ555
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเจ็ด บอกสิว่ามันไม่จริง P11 26/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-07-2018 09:42:55
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเจ็ด บอกสิว่ามันไม่จริง P11 26/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-07-2018 09:56:36
ชวนไปสวนน้ำจะแอบเหล่เป้าผู้กองละซิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเจ็ด บอกสิว่ามันไม่จริง P11 26/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 27-07-2018 14:33:05
โอ้ยยย คิดภาพตามรันต์ไปแล้วนะเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเจ็ด บอกสิว่ามันไม่จริง P11 26/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 31-07-2018 11:49:42



งวดสามสิบแปด บอกอะไรไม่เคยฟัง


            “แม่จ๊ะ ฉันขอถามอะไรหน่อย” น้ำฝนเอ่ยถามมารดา หลังอาหารมื้อเย็น สมาชิกของครอบครัวต่างมานั่งพร้อมหน้ากันอยู่บริเวณหน้าโทรทัศน์อันเป็นที่นั่งประจำของแม่น้อย

            “อะไรวะ” แม่น้อยถาม มือก็กดรีโมทหารายการทีวีดูไปเรื่อย

            “เรื่องพี่น้ำกับผู้กองน่ะจ้ะ”

            “ทำไมวะ ข้าก็อนุญาตแล้วไง” แม่น้อยบอก กดจนหมดช่องแต่ไม่มีรายการไหนน่าดู นางจึงกดปิดโทรทัศน์เสียเลยแล้วหันมามองบุตรสาวตรงๆ เสียที

            “ก็ใช่..แต่มันง่ายไปหรือเปล่าแม่”

            “ใช่” น้ำเห็นด้วยกับคำพูดของน้ำฝน

            “ตอนนั้นแม่ดูเดือดร้อนยิ่งใหญ่มาก จะตัดแม่ตัดลูก แล้วพอครอบครัวของพี่ปรานต์มา แม่ก็อนุญาตง่ายๆ นี่เลยเหรอจ๊ะ บอกตรงๆ ฉันทั้งงง ทั้งอึ้งไปหมด”

            “ใช่” น้ำยังพูดคำเดิม

            “งั้นเปลี่ยนใจ ไม่อนุญาตละ” แม่น้อยกลับคำ

            “อ้าว” สองพี่น้องพูดพร้อมกันออกมา

            “ไม่ได้นะแม่ อนุญาตแล้วก็ต้องตามนั้นสิ” น้ำรีบพูดต่อ

            “ใช่จ้ะ เป็นผู้ใหญ่แล้วจะมาพูดกลับไปกลับมาไม่ได้นะแม่” น้ำฝนย้ำ

            “สองพี่น้องนี่ ทำมาเป็นพูดดี ประเดี๋ยวเขกหัวให้ทั้งคู่” แม่น้อยพูดพลางทำท่าจะยกมือมาเขกหัวอย่างที่พูดจริงๆ น้ำฝนกับไอ้น้ำรีบถอยห่างออกมา

            “ฉันถามจริงๆ นะแม่ ทำไมล่ะ” น้ำพูดด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน บอกให้รู้ว่ามันกำลังจริงจัง

            “ข้าอนุญาตแล้ว เอ็งไม่ดีใจหรือ ถึงได้ถามข้าเซ้าซี้อยู่แบบนี้” แม่น้อยถามกลับ

            “ดีใจสิ ฉันดีใจมาก แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงเปลี่ยนใจ”

            “ข้าไม่ได้คิดจะกีดกันเอ็งกับผู้กองแต่แรกอยู่แล้ว”

            “ห๊ะ!!?” สองพี่น้องประสานเสียงพร้อมกันอีกครั้งด้วยความ งง ไม่คิดกีดกันแต่จะตัดแม่ตัดลูกเนี่ยนะ

            “ตกใจ?”

            “จ้ะ ตกใจมาก ของมาก มากที่สุด” น้ำบอก

            “ฟังให้ดีล่ะ ข้าจะพูดครั้งเดียว” แม่น้อยบอก สองพี่น้องนั่งนิ่งเตรียมฟังหน้าสลอนอย่างตั้งใจ

            “ข้าแกล้งเล่นบทร้ายไปแบบนั้นเองแหละ”

            “แม่!!!!!” น้ำตะโกนเสียงดังลั่นทั่วบ้าน

            “เบาๆ สิวะ มืดค่ำข้างบ้านเขาเข้านอนหมดเร็ว เดี๋ยวได้ลุกมาด่าแม่หรอก”

            “ด่าแม่ก็ด่าไปสิ ไม่ได้ด่าฉันนี่” น้ำบอกด้วยความฉุน

            “เอ้า โกรธข้ารึ”

            “มันน่าโกรธไหมล่ะ แม่เล่นแรงมากเลยนะ” น้ำบอก

            “แม่เล่นเกินไปอะ แม่ก็เห็นพี่น้ำเศร้าเวอร์” น้ำฝนพูดย้ำอีกคน

            “อ้าว ทีนี้ล่ะมาโกรธข้า ไม่คิดว่า แอบรักกัน คบกัน แล้วให้ข้ามารู้มาเห็นทีหลังบ้างล่ะ ข้าไม่ควรโกรธมากกว่าหรือ” ถึงคราวแม่น้อยพูดบ้าง

            “...”

            “ข้าไม่เคยยุ่งชีวิตของเอ็งเลย ใช่ไหมเจ้าน้ำ ไม่ว่าเอ็งจะเลิกกับแฟนอกหักกลับบ้านมา ลาออกจากงาน หรือเลือกเรียนอะไร มีสักครั้งไหมที่ข้าจะด่าหรือห้ามเอ็งว่าอย่าทำอย่างนั้นอย่างนี้”

            “ไม่เคยจ้ะ”

            “ข้ายอมรับว่าการที่เอ็งมารักมาชอบผู้ชายมันทำให้ข้าเครียดและตกใจไม่น้อย ข้าเอาแต่คิดเรื่องของเอ็ง นอนไม่หลับก็หลายคืนเพราะห่วงเอ็ง รอให้เอ็งมาพูดกับข้า แต่เอ็งก็ไม่บอก จนข้าต้องเห็นเอง”

            “ขอโทษจ้ะ ฉันกลัวแม่รับไม่ได้อะ ก็เลยกะว่าหาจังหวะดีๆ แล้วค่อยบอก แต่แม่จับได้เสียก่อน”น้ำยกมือไหว้พลางบอกหน้าสลด

            “ข้าก็เสียใจเหมือนกัน ที่ลูกมีความลับอะไรก็ไม่บอก” แม่น้อยบอกพลางหันหน้าไปอีกทาง น้ำใจเสียเพราะคิดว่าแม่น้อยอาจจะร้องไห้ออกมา ก็เลยรีบโผเข้าไปกอดแม่น้อย

            “ฉันขอโทษ ขอโทษแม่จริงๆ ต่อไปฉันมีอะไรจะบอกแม่ทุกอย่าง” น้ำกอดแม่ ละล่ำละลักพร่ำบอกแม่ไม่ให้เสียใจ

            “กอดข้าทำไมเนี่ย ข้าไม่ได้จะร้องไห้โว้ย” แม่น้อยหัวเราะเสียงดังกับท่าทีบุตรชาย

            “อ้าว”

            “คิดเหรอว่าข้าจะโกรธเอ็งได้ลงคอ ยายฝนก็ด้วย ฮึ ข้าคิดอยู่ค่อนคืนจะเอาคืนเอ็งอย่างไรดี แล้วข้าก็ได้แผนนี้มา ฮ่าๆ”

            “แม่เล่นใหญ่มากอะ” น้ำฝนพูด

            “เออ มันเรียกอะไรนะ รัชดาเตอร์ๆ ไรอะ”

            “รัชดาลัย เธียเตอร์จ้ะ” น้ำบอก

            “นั่นล่ะๆ ข้าเลยต้องให้สมจริง”

            “ตีบทแตกรับตุ๊กตาทองไปเลยจ้ะ” น้ำฝนอดค่อนขอดมารดาไม่ได้ เธอเชื่อเลย

            “ถ้างั้นแม่ตั้งใจจะแกล้งฉันตั้งแต่แรกสินะ”

            “อย่าเพิ่งใส่ร้ายข้า มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด ที่ข้าทำไปส่วนหนึ่งก็หวังดีกับเอ็งด้วย”

            “ยังไงอะ” ไอ้น้ำกำลังจะถามแต่ไม่ทันน้ำฝนที่ชิงถามตัดหน้า

            “เอ็งมั่นใจได้อย่างไรว่าผู้กองเขาจะจริงจังกับเอ็ง ขนาดชายหญิงยังมีปัญหา แล้วความรักแบบของเอ็งน่ะ แน่ใจได้อย่างไรกัน ข้าเลยอยากให้พวกเอ็งได้ห่างกันดูบ้าง ดูสิว่ามันเข้มแข็งพอไหม แล้วผู้กองน่ะ ถ้าเจออุปสรรคแค่นี้แล้วถอดใจก็แสดงว่าเขาไม่ได้คิดจะจริงจังกับเอ็งสักเท่าไหร่”

            “...”

            “แล้วดูไม่ทันไร เอ็งยังไม่มั่นใจในตัวเขาเลย”

            “แม่รู้ได้ไง” น้ำถามเพราะตั้งแต่ที่มีปัญหากัน เขาไม่เคยพูดกับแม่เลย แค่จะพูดกันยังนับคำได้ด้วยซ้ำ

            “นี่ใคร ดูหน่อย นี่แม่เอ็งนะ ไม่รู้ได้ไงวะ” แม่น้อยบอกอย่างภูมิใจ

            “รู้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” ไอ้น้ำท้า

            “เฮอะ เอ็งไป กรุงเทพฯ หนนั้นเจออะไรล่ะ ถึงได้ทำหน้าเซ็งอย่างกับคนหมดอาลัยตายอยากขนาดนั้น ทำเหมือนผู้กองเขาไปแต่งงาน”

            “...”

            “ข้าพูดถูกล่ะสิ”

            “แม่ใครเนี่ย โคตรเก่งอะ” น้ำฝนสมทบทั้งที่ยังไม่รู้ว่าแม่น้อยเดาถูกไหม

            “เอ็งไปเจอมาอะไรฮึ”

            “ฉันเห็นผู้กองกับแฟนเก่าเขาอะ”

            “แค่นั้นเอ็งก็ทุกข์แล้วเหรอวะ ทำไมไม่เข้มแข็งหน่อย แฟนเก่าจะเจอกันมันก็ไม่แปลกหรอก” แม่น้อยเตือนสติ

            “เขาเหมือนกลับมาคบกัน”

            “คิดเองเป็นตุเป็นตะน่ะสิ เอ็งน่ะ ต้องถามให้มากรู้ไหม ความรักมันตั้งอยู่บนความเชื่อใจ ถ้าระแวงแล้วยังปิดปากเงียบ มันจะสั่นคลอน น้ำฝนเอ็งก็ฟังไว้ด้วย ถึงจะไม่มีแฟนตอนนี้ก็จำที่ข้าสอนไว้”

            “ฉันจะไปถามเขาได้อย่างไรล่ะแม่ ตอนนั้นก็เลิกกันอยู่นี่”

            “ก็ยิ่งเลิกกันเอ็งไม่ควรเก็บมาคิดมาก เพราะถ้าเอ็งไม่ได้อยากเลิกเอ็งต้องพยายามหน่อย ข้ารู้ว่าวันนั้นข้าพูดแรงให้เอ็งเลือกระหว่างข้ากับผู้กอง แต่ถ้าเอ็งอยากรักกับผู้กองจริงๆ เอ็งควรจะลงมือทำอะไรบ้างเหมือนกัน ไม่ใช่รอแต่ฝ่ายนั้นฝ่ายเดียว”

            “ถูกของแม่จ้ะ ฉันเองกลับไม่ได้ทำอะไรเลย” น้ำบอก เขาเอาแต่โทษผู้กองเต็มๆ แต่ลืมนึกไปว่า ตัวเองเลือกที่จะเศร้าแล้วอยู่เฉยโดยไม่ทำอะไรเลย

            “แล้วนี่เคลียร์กันหรือยัง”

            “เรียบร้อยแล้วจ้ะ”

            “ดีแล้ว มีอะไรต้องถามต้องคุยกัน อย่าเก็บไปคิดเอง”

            “จ้ะ แม่”

            “อีกอย่างหนึ่ง จริงๆ ข้าก็ตั้งใจว่าถ้าผู้กองไม่มาหาเอ็ง ข้าก็ตั้งใจจะพูดกับเอ็งว่าข้าอนุญาตแล้วอยู่พอดี”

            “ทำไมล่ะ”

            “ก็ยายฝนน่ะสิ มันชอบเอาเรื่องเอ็งมากรอกหูข้าอยู่เรื่อย คราวนั้นก็บอกเอ็งพูดเบื่อโลก ไม่อยากอยู่ ข้าก็ใจเสียสิ” แม่น้อยสารภาพ

            “อ่อ.. ได้ผลจริงด้วย” น้ำพูดลอยๆ

            “อะไรวะ”

            “ก็ฉันรู้ว่ายายฝนมันต้องเอาเรื่องฉันไปเล่าให้แม่ฟังแน่ๆ ก็เลยพูดไปแบบนั้นล่ะจ้ะ เผื่อว่าแม่จะได้เห็นใจฉันไวๆ”

            “หนอย ไอ้น้ำ เอ็งก็ไม่เบานะนั่น”

            “พอกันจริงๆ แม่ลูกคู่นี้” น้ำฝนหัวเราะ

            “เอ็งก็ด้วย ยายฝน ร้ายนักชอบสรรหาคำมาเป่าหูข้า” แม่น้อยคาดโทษ

            “สรุปว่าเราสามคนควรได้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมสินะ” น้ำฝนบอก

            “ไม่ใช่แค่เราสามคนหรอก ยายฝน” แม่น้อยยิ้มอย่างมีเลศนัย

            “ใครอีกล่ะแม่” น้ำฝนถามกลับด้วยความสงสัย ก็มีกันแค่นี้จะมีใครอีกได้

            “ทางบ้านผู้กองไง ก็เล่นใหญ่ไม่แพ้พวกเราหรอก หึหึ”

            “นี่ฉันจะเชื่อใจใครได้บ้าง” น้ำฝนถึงกับตาโตเมื่อรู้ความจริง

            “นี่แม่” น้ำเรียกหลังจากที่เหตุการณ์ผ่านพ้นไปด้วยดี ทุกอย่างถูกเฉลยออกมา

            “อะไรวะ”

            “ฉันรักแม่นะ” น้ำบอก

            “ฉันก็รักแม่นะ” น้ำฝนพูดบ้าง

            “พูดอะไรของพวกเอ็ง ขนลุกไปหมด” แม่น้อยโบกมือปัดไปมา ทำท่าเหมือนรำคาญสองคนนี้เสียเต็มประดา

            “ดีใจล่ะสิ คนสวย แน่ะๆ จะยิ้มก็ยิ้มมาเลย ไม่ต้องเขิน พี่น้ำไม่ว่าอะไรหรอก” น้ำพูดเย้ามารดา

            “เออ..ข้าก็รักพวกเอ็ง”

            “...” สองพี่น้องได้แต่นั่งยิ้มกับคนปากแข็งกว่าจะพูดออกมาได้

            “ง่วงแล้ว ข้าไปนอนล่ะ ปิดประตูดีๆ ล่ะ” แม่น้อยเตรียมเลี่ยงเข้าห้องนอน

            “จ้ะแม่” น้ำฝนรับคำ

            “อ้อ เกือบลืม”

            “อะไรเหรอ” น้ำถามกลับ

            “กลางดึกกลางดื่น ไม่ใช่ว่าแอบเปิดประตูแล้วไปหาลูกเขยข้าล่ะ” แม่น้อยพูดจบก็รีบเข้าห้องนอนไปทันที ได้ยินเสียงน้ำฝนพูดไล่หลัง

            “โอ๊ะ ลูกเขยยย เต็มปากเต็มคำจริง” น้ำฝนแซว

            “แม่..พูดอะไรเนี่ย ฉันต่างหากที่เป็นลูกเขย”

            “พี่น้ำก็..พี่ปรานต์เขาก็เป็นผู้ชาย ก็ต้องเป็นลูกเขยเหมือนพี่นั่นแหละ”

            “เออ..”

            “ตัวเองดูก็รู้ว่าเป็นสะใภ้แท้ๆ ยังอยากจะเป็นลูกเขย” น้ำฝนพูดเบาๆ กับตัวเอง

            “เอ็งว่าอย่างไรนะ ยายฝน”

            “เปล๊า ฉันไปปิดประตูบ้านก่อนนะจ๊ะ” น้ำฝนปฏิเสธแล้วรีบลุกไปทำอย่างที่บอก น้ำจึงลุกขึ้นบ้างแล้วเข้าไปนอนในห้องของตัวเอง

            “นอนหรือยังครับ” น้ำได้ยินเสียงแอพพลิเคชั่นสีเขียวดังเลยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พอเห็นชื่อคนที่ถามมาก็แอบอมยิ้มโดยไม่รู้ตัว

            “ยังอะ เพิ่งคุยกับแม่เสร็จ แล้วผู้กองล่ะครับ ยังไม่นอนเหรอ”

            “พี่นอนไม่หลับ”

            “หืม?” น้ำมองนาฬิกาในมือถือพบว่าเป็นช่วงสองทุ่มเท่านั้นเอง ยังไม่ดึกมากสำหรับคนกรุง “หาอะไรทำสิครับ”

            “ไม่มีอะไรทำเลย”

            “แล้วคุณพ่อคุณแม่ล่ะครับ”

            “แยกกับพี่แล้วล่ะ ส่งพวกท่านกลับโรงแรมแล้ว”

            “ผู้กองอยู่ไหนครับ” น้ำอ่านข้อความในแชทแล้ว สัมผัสได้ว่า คนในนั้นน่าจะอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่โรงแรม

            “ข้างนอก”

            “ข้างนอกน่ะที่ไหนครับ”

            “แถวๆ โรงแรม” น้ำสังหรณ์ใจ เขาค่อยๆ แง้มหน้าต่างห้องนอนของตัวเองออกไป ก็เจอแสงไฟเล็กๆ วาบอยู่ข้างล่าง เกือบจะคิดว่าเป็นผีแล้วเชียว ดีนะที่ตั้งสติได้ทันก่อน

            “ข้างนอกที่ผู้กองอยู่ คงมีหมาสองตัวมานั่งเฝ้าด้วย” น้ำพิมพ์กลับไป

            “ฮ่าๆ ถูกจับได้เสียแล้ว”

            “เดินอ้อมมาหน้าบ้านหน่อยครับ”

            “ครับ” ผู้กองไม่ถามอะไร ทำตามคำบอกของน้ำแต่โดยดี


            น้ำกดปิดหน้าจอแล้วออกจากห้องไป เจอน้ำฝนกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่


            “ฝน เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกหน่อย” น้ำบอกอีกฝ่ายด้วยเสียงไม่ดังนัก โชคดีที่มีเสียงโทรทัศน์ช่วยกลบเสียงของตนเอง

            “ลูกคนนี้ แม่เพิ่งบอกอยู่หยกๆ ว่าดึกดื่นอย่าเปิดประตูลงไปหาผู้ชาย” น้ำฝนทวนคำพูดพร้อมกับใช้น้ำเสียงของมารดา

            “เออ แป๊ปเดียวเองน่า ไปนะ” น้ำบอกถึงจะเขินนิดหน่อยที่น้องสาวรู้ทัน แต่มันก็ต้องหน้าด้านเดินต่อไป

            “เดี๋ยวก่อนพี่น้ำ” ขาที่กำลังจะเดินหยุดชะงักลง

            “อะไร”

            “คืนนี้กลับบ้านหรือเปล่า”

            “ถามอะไรแปลกๆ  ก็ต้องกลับสิวะ” น้ำพูดแต่ก็รู้สึกเหมือนตัวเองหน้าร้อนเห่ออย่างไรก็ไม่รู้

            “แน่ใจ?” น้ำฝนถามย้ำ

            “แน่สิ”

            “ฉันล็อคบ้านดีกว่า แล้วถ้ากลับมาจริงก็โทรมาบอกฉันดีกว่า”

            “ไม่เอาๆ เดี๋ยวเอ็งก็ต้องตื่นมาอีก”

            “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า แต่ฉันน่ะห่วงบ้าน เผื่อพี่ไม่กลับ บ้านก็เปิดทิ้งไว้น่ะสิ” น้ำฝนเงียบกลืนน้ำลายไปอึกหนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยสายตาเป็นประกาย “แม่ตื่นเช้ามากนะ ถ้าตื่นมาเห็นประตูบ้านไม่ล็อคล่ะก็ แม่จับได้แน่”

            “....” น้ำเงียบเพราะถูกต้องอย่างที่น้ำฝนบอก

            “เอาไงๆ” น้ำฝนเร่ง

            “อย่าลืมล็อคบ้านด้วยล่ะ” น้ำบอกแล้วรีบเดินไปที่ประตู

            “ก็แค่นั้นเอง ทำท่าเยอะ” น้ำฝนยิ้มก่อนจะเร่งเสียงโทรทัศน์ให้ดังขึ้นอีก รอจนพี่ชายออกจากบ้านไปแล้ว จึงลุกขึ้นไปล็อคประตูลงดังเดิมพร้อมลดเสียงโทรทัศน์ลงให้ดังเท่าเก่า

            “ทำไมไม่อยู่ที่โรงแรมล่ะครับ” น้ำลงจากบันไดบ้านมาก็ถามผู้กองเป็นคำแรก

            “อยากเจอ คิดถึง” ผู้กองบอกพลางจับมือของไอ้น้ำ

            “คิดถึงอะไรเนี่ยเพิ่งแยกกันตอนเย็นเอง”

            “แค่นั้นก็นานพอที่จะคิดถึงแล้ว” น้ำยิ้ม จะบอกว่ามันเขินก็คงใช่ ใครจะรู้ว่าผู้กองก็ช่างหยอด ช่างพูดกับเขาเป็นเหมือนกัน

            “เวอร์จริง” น้ำว่าอีกฝ่ายเพื่อปิดความรู้สึกของตัวเอง

            “ไม่คิดถึงพี่เหรอไง”

            “ถามอะไรเนี่ย...ว่าแต่ผู้กองมายังไง ผมไม่เห็นได้ยินเสียงรถ”

            “พี่จอดรถไว้ไกลเลยล่ะ กลัวแม่น้อยจะว่า เกรงใจแม่น้อย”

            “แล้วเดินมามืดๆ เนี่ยเหรอ งูเงี้ยวเขี้ยวขอ อันตรายนะครับ วันหลังมาจอดหน้าบ้านนะ อย่าไปจอดไกลๆ อีก” น้ำบอกด้วยความเป็นห่วง


            “ตกลงครับ แม่น้อยล่ะ” ผู้กองไม่ปฏิเสธเพราะรู้เจตนาของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

            “เข้านอนแล้วครับ”

            “อ่อ..เข้านอนเร็วจัง” ผู้กองพูดจบก็เหมือนนึกขึ้นได้ “ลืมไป แม่น้อยคงไปเข้าสวนแต่เช้าสินะ”

            “ไปครับ ผมเดินไปส่งที่รถ”

            “พี่ยังไม่อยากกลับ แล้วไม่ต้องไปส่งพี่หรอก ถ้าน้ำไปส่ง พี่ก็จะห่วงน้ำจนวนรถกลับมาส่งแล้วแม่น้อยตื่นเพราะเสียงรถอีก” ผู้กองบอก

            “แล้วใครบอกพี่ปรานต์ว่าผมไปส่งแล้วจะกลับบ้านล่ะ” น้ำพูดเสร็จก็เดินนำออกไปทันที

            “น้ำ..” ผู้กองอยากเรียกอีกฝ่ายเสียงดังแต่ก็กลัวแม่น้อยจะตื่นขึ้นมา

            “รถอยู่ไหน เร็วสิครับ”

            “ทางนี้ ตามพี่มา” ผู้กองยิ้มก่อนจะคว้ามือของไอ้น้ำอย่างรวดเร็ว


ตอนนี้คนเดินนำกลายเป็นคนตามอีกฝ่ายไปเสียแล้ว




==============================================


เด็กไม่รักดี!!! จับตีเสียให้เข็ด


ปล เรื่องนี้จบอยู่ที่ 40 ตอน อย่างนั้น อีกสองตอนก็จบแล้วน้า

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบแปด บอกอะไรไม่เคยฟัง P12 31/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 31-07-2018 12:07:25
แอบหนีไปกับผู้ชายเสียแล้วน้องน้ำ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบแปด บอกอะไรไม่เคยฟัง P12 31/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 31-07-2018 12:21:26
 :L2: :L1: :pig4:

ไอ้น้ำใจแตกกกกกกก
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบแปด บอกอะไรไม่เคยฟัง P12 31/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 31-07-2018 12:53:39
โอ้โหน้ำ ตามผู้กองไปอย่างไวเลยน้าาา รีบกลับมาให้ทันก่อนแม่น้อยตื่นล่ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบแปด บอกอะไรไม่เคยฟัง P12 31/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 31-07-2018 15:56:59
น้ำๆๆๆจะหนีตามเขาหนอออ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบแปด บอกอะไรไม่เคยฟัง P12 31/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-07-2018 16:14:59
 :laugh:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบแปด บอกอะไรไม่เคยฟัง P12 31/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 31-07-2018 18:08:59
นี่น้ำมันอ้อยผู้กองนิหว่า 5555

ตีๆๆๆๆๆ :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบแปด บอกอะไรไม่เคยฟัง P12 31/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 31-07-2018 18:34:15
ไม่ไหวแล้วพ่ะะ NCต้องมาละโว้ยยยยยย เยสสส ดีจายย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบแปด บอกอะไรไม่เคยฟัง P12 31/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 31-07-2018 21:30:06
แม่ก็รู้ทันพูดดักไว้แล้ว แต่น้ำก็หนีไปหาผู้กองจนได้ มีน้องสาวเป็นใจอีกต่างหาก ชอบครอบครัวนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบแปด บอกอะไรไม่เคยฟัง P12 31/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 03-08-2018 11:42:42


งวดสามสิบเก้า ในที่สุด...


สิ้นเสียงประตูห้องพักในโรงแรมปิด ร่างของไอ้น้ำถูกดันให้แนบชิดกับประตูบานนั้น


‘สี่สองเก้า’ อืม มันเหลือบมองและจำไว้อยู่ในใจ


“พะ..พี่...เดี๋ยวนะ..ใจเย็นก่อน” มันพูดกระท่อนกระแท่น อาศัยจังหวะที่ริมฝีปากเป็นอิสระจึงพอจะพูดออกมาแต่ละคำได้

“ครับ?” คนตรงหน้าทำท่าเหมือนจะรับฟัง แต่มันกลับไม่สอดคล้องกับการกระทำเอาเสียเลย

“เฮ้ย” ร่างของไอ้น้ำ ถูกพาดขึ้นบ่าโดยไม่รู้ตัว อารามตกใจมันร้องเสียงหลงเพราะกลัวตกลงมา ดวงตาของมันเห็นเพียงพื้นพรมของโรงแรมเท่านั้น


ก็พอรู้ล่ะนะ ว่าผู้กองคงจะแข็งแรงกว่าเขา ช่วงที่มาประจำการอยู่ที่นี่ เขามักจะได้เห็นตำรวจพากันวิ่งไปรอบๆ หมู่บ้านเพื่อออกกำลังกายหรือเตรียมความพร้อมให้กับร่างกาย และการผ่อนคลายในการวิ่งที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นเสียงเพลงที่พร้อมเพรียงกันทั้งหมู่คณะ มันเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างตื่นตาตื่นใจให้กับคนพบเห็นไม่น้อย


ถึงแม้ว่าจ่าสมคิดและจ่าสมหมายจะทำหน้าเหยเกทุกครั้งที่จะต้องพาร่างสมบูรณ์พุงพลุ้ยออกวิ่ง


ทั้งหมดที่กล่าวมา ก็ไม่คิดว่าอีกคนจะยกร่างของไอ้น้ำได้สบายๆ แบบนี้ต่างหาก


ใจลอยคิดไปไกล รู้สึกตัวอีกที แผ่นหลังของมันก็สัมผัสเข้ากับเตียงนุ่มของห้องเข้าเสียแล้ว คนที่อุ้มมันมาวางร่างของไอ้น้ำลงบนเตียงไม่เบานักเพราะพื้นที่วางก็ไม่ใช่ของแข็งจนกลัวว่ามันจะเจ็บปวด


ผู้กองปรานต์ทิ้งร่างทับลงมาบนตัวไอ้น้ำ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เทน้ำหนักลงที่คนข้างใต้เสียงหมด แขนข้างถนัดของ  ผู้กองนั้นค้ำยันอยู่บนเตียงนุ่มนั้นเอาไว้ ส่วนมือข้างที่ไม่ถนัดก็จัดการเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าของไอ้น้ำให้มันออกไปพ้นทาง อวดใบหน้าขาวๆ อย่างเต็มที่


ใบหน้าคมก้มลงเข้ามาใกล้ ไอ้น้ำทำอย่างที่เคยทำ เป็นอย่างที่เคยเป็น มันหลับตารอรับรสสัมผัสของอีกฝ่าย แต่รอจนแล้วจนรอดความรู้สึกดังกล่าวนั้นก็ไม่มาเยือนเสียที จนมันต้องลืมตาขึ้นมามองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไอ้น้ำเห็นสีหน้าของผู้กองดูแปลกๆ


ทว่าในจังหวะที่มันจะเปิดปากถาม ปรานต์ก็พูดขึ้นมาเสียก่อน


“ปกติพี่ไม่เคยต้องขอ แต่พี่ไม่รู้ว่ากับน้ำต้องยังไง” ปรานต์กำลังพูดอะไรบางอย่างที่ไอ้น้ำไม่เข้าใจ


“ครับ?”

“ถ้าพี่จะขอจากน้ำ...” ผู้กองเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้าลำบากใจ “ได้ใช่ไหม หรือต้องรอแม่น้อยอนุญาตก่อน”


‘ขออะไร’ ไอ้น้ำจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ทิ้งเวลาสักครู่ หน้าของมันก็ร้อนเห่อขึ้นมาอย่างปกปิดไม่มิด เมื่อมันเข้าใจในความหมายนั้น

‘จะมาขออะไรตอนนี้เนี่ย’


“โตขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องรอแม่อนุญาตแล้วมั้ง” มันตอบ

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า?”

“คิดเอาเองบ้างไม่ได้หรือไง” มันเขินปากเกินกว่าจะบอกว่ามันตกลงเลยแสร้งพูดเฉไฉไปเรื่อย

“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จะคิดอย่างที่อยากคิด” ผู้กองบอกพร้อมกับก้มหน้าเข้ามาใกล้มันอีกครั้ง

“เดี๋ยว!” มันเอ่ยห้ามเสียงดัง

“อะไรครับ”

“ผมมีเงื่อนไขข้อเดียว”

“เอาสิ ต่อให้น้ำมีกี่ข้อพี่ก็จะไม่ปฏิเสธ” ไอ้น้ำยกยิ้มมุมปากก่อนจะบอกอีกฝ่ายไป

“ผมไม่ขออะไรมาก ขอแค่ผู้กองต้องยอมเป็นของไอ้น้ำคนนี้นะ ให้ผมจัดการเอง” นายนทีมันไม่กล้าบอกว่าจะให้ผู้กองเป็นเมียมัน ถึงแม้คำนี้จะไม่ใช้กับผู้ชายก็จริง แต่ก็นั่นแหละ ถ้าตามปกติ ถ้ามันคบกับผู้หญิงคนอื่น ท้ายที่สุด คนนั้นก็ต้องเป็นเมียของมันไม่ใช่หรือไง


ผู้กองหยุดคิดไปสักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มตอบมันและพูดว่า “ได้สิครับ” ไอ้น้ำยิ้มร่าด้วยความปลื้มปริ่ม แม่น้อยจะต้องดีใจที่สุดท้ายมันก็พาลูกสะใภ้เข้าบ้านได้สำเร็จ เดี๋ยวกลับไปพรุ่งนี้มันค่อยไปทาบทามเรื่องสินสอดกับอีกฝ่ายทีหลังก็แล้วกัน


พี่น้ำสัญญา พี่น้ำจะรับผิดชอบทุกการกระทำครับ!!


“คราวนี้ผู้กองก็ลงไปนอนดีๆ ได้แล้ว เดี๋ยวผมจัดการเอง” ไอ้น้ำพูด ด้วยความตื่นเต้นมันจึงไม่เห็นอากัปกิริยาของผู้กองที่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ


ชายหนุ่มยิ้มให้ไอ้น้ำเต็มที่ “ก่อนจะเป็นของพี่น้ำคนดี ให้พี่ได้ปรนนิบัติพี่น้ำก่อนดีไหม”


“หืม ยังไง”

“ก็ให้พี่เริ่มก่อนแล้วน้ำค่อยสานต่อในตอนท้ายไงครับ ไม่ดีเหรอ” ผู้กองยื่นข้อเสนอ

“อ่อ..” มันคิดครู่เดียวก็บอก “ก็ได้ ถ้าหากผู้กองอยากดูแลพี่น้ำก่อน” มันคิดก็ดีเหมือนกัน
เก็บแรงไว้จัดการอีกฝ่ายในตอนจบ จะได้โชว์ฝีมือ



ผู้กองยิ้มอีกแล้ว ไอ้น้ำคิด คนตรงหน้าเขามันยิ้มบ่อยไปไหม หรือว่าดีใจที่จะตกเป็นของไอ้น้ำคนนี้ เอาเถอะ ยิ้มก็ดีแล้ว ผู้กองยิ้มแล้วน่ามองจะตาย ดูดีไปหมด


มันเอื้อมมือไปแตะแก้มของผู้กอง ก็ไม่เคยคาดคิดว่าสุดท้าย มันจะได้คนคนนี้มาครอง จากครั้งแรกที่เจอกันเกือบถูกอีกฝ่ายค้นตัว เกือบจะติดคุก ความรู้สึกที่ไม่ค่อยถูกชะตาสักเท่าไหร่เพราะอีกฝ่ายมาทำให้เส้นทางการเดินหวยของมันต้องสั่นคลอน ติดขัดไปหมด


แต่เพราะเหตุการณ์จากหวยไม่ใช่หรือ ที่มันได้รับการดูแล การเห็นใจและการปลอบโยนจากผู้กอง


ดีใจ ที่เป็นคนนี้


ดีใจ ที่มันได้รักคนนี้ และเขาก็รักมัน


ผู้กองเห็นท่าทางของน้ำนิ่งไป เขาไม่รู้ว่าตอนนี้น้ำกำลังคิดอะไรอยู่ นอกจากมือที่แนบอยู่ทางแก้มด้านขวาของเขา ปรานต์จับมือข้างนั้นออกมาแล้วจูบลงที่กลางฝ่ามือ


ถึงจะดูเป็นคนช่างโวยวาย เหมือนไม่สนใจอะไร แต่จริงๆ แล้ว เด็กชายนทีของเขาใจดี เห็นใจและอ่อนโยนต่อผู้อื่นมากทีเดียว ภายนอกดูเป็นคนเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว แต่ในใจลึกๆ กลับคิดมาก หวาดกลัวอยู่ไม่น้อย


ขอบคุณคำสั่งจากเบื้องบนที่ทำให้เขาได้ย้ายมาที่นี่ ได้มาเจอคนที่นี่


และเจอคนคนนี้


ปรานต์ก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากคนข้างใต้ กว่าจะได้กลับมาเจออีกครั้งก็ยากเหลือเกิน ส่วนหนึ่งก็เพราะเกิดจากเขาที่ไม่สามารถเลือกความรักโดยละทิ้งหน้าที่ได้ทันที ต้องรอเวลาทุกอย่าง ร้อนใจแค่ไหนก็ทำตามใจไม่ได้


อย่างน้อยโชคดีก็ยังอยู่ข้างเขาที่น้ำไม่ใช่คนเหลาะแหละ และเลิกรักเขาไปในทันที พูดตามตรงก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวรอเขาหรือเปล่า แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ตัดใจจากเขา และโชคของเขายังดีมากกว่าเดิมที่น้ำเป็นคนที่ค่อนข้างจะปากตรงกับใจในความรู้สึกเลยทำให้ทุกอย่างนั้นง่ายขึ้น


ถึงจะมีอายบ้างตามประสา แต่มันก็น่ารักดีนะ


ผู้กองจูบไล่ละลงจากหน้าผากมาที่จมูกโด่งที่ได้รูปพอดีรับกับใบหน้า จนมาบรรจบกับริมฝีปากที่บวมเจ่อเล็กน้อยจากแรงบดจูบจากเขาก่อนหน้านี้ เขาเดินหน้าไปเรื่อยไม่เร่งรัด ไม่ยัดเยียดเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายตกใจ ทุกอย่างมันควรจะสวยงามและอิ่มเอมไปพร้อมกัน


มือข้างที่ยังว่างอยู่ ค่อยๆ ดึงเสื้อออกไปให้พ้นตัวของไอ้น้ำ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ร่างกายที่ไม่ผอมไม่อ้วนจนเกินไปนัก อาจจะมีเนื้อหนังบ้างนิดหน่อย ตามวิถีคนขี้เกียจออกกำลังกาย จดจ้องอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์มากกว่าออกไปนอกบ้าน คนนี้กำลังนอนมองหน้าเขา


ปรานต์หยัดตัวขึ้นมามองน้ำให้เต็มตา รูปร่างแบบนี้ เขาชอบ แต่ต่อให้น้ำจะรูปร่างแบบไหน เขาก็คงชอบอยู่ดี เมื่อมีความรักแล้วเวลามองทุกอย่างก็จะดูลำเอียงไปหมด ถึงจะเคยเห็นร่างกายของอีกฝ่ายตั้งแต่ตอนที่เขาเคยไปอาศัยนอนที่ห้องของเจ้าตัวบ้าง ได้เพียงแค่เคยเห็น และแม้จะเคยสัมผัสก็ยังสัมผัสผ่านเสื้อผ้าอยู่ดี แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสผิวของอีกฝ่ายใต้ร่มผ้าตรงๆ


หลังจากมองร่างกายของอีกฝ่ายจนพอ เขาโน้มตัวลงเข้าไปหาอีกฝ่ายอีกครั้ง ใจ กดจูบลงไปที่สันกรามของเจ้าตัว น้ำหดคอเล็กน้อย คงจะจักจี้หรือไม่อีกฝ่ายคงไม่คุ้นกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น เรื่อยไล่ลงมาถึงไหปลาร้าคู่สวย น้ำของเขากลับเงยหน้าราวกับหายใจติดขัด ผู้กองยกยิ้ม นั่นล่ะคือสิ่งที่เขาพอใจ


และไอ้น้ำคนอยากเป็นสามีนั้นมันก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เข็มขัดและกระดุมกางเกงของมันได้ถูกปลดออกไปแล้วเพราะมันมัวแต่หลงเพลิดเพลินในรสสัมผัสจากอีกฝ่าย


สัมผัสจากด้านล่างแทบจะทำให้ไอ้น้ำเกือบลืมตัว มันเหมือนได้ยินเสียงแก้วในหูลั่นเปรี๊ยะ ขาของมันขยับไปมาเหมือนถูกไฟร้อนเผา ความรู้สึกจากจุดนั้น มันรู้จักว่าคืออะไร มันก็เหมือนเวลาที่มันอยู่คนเดียวและดูแลน้องชายไปพร้อมกัน แต่เมื่อมันผ่านจากมือผู้กองแล้วมันรู้สึกดีกว่ามาก


ให้ตายสิ ความรู้สึกแบบนี้ ช่างดีเหลือเกิน


ดวงตาของมันพร่าเบลอ ราวกับล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ มันไม่เคยขึ้นไปบนนั้นหรอก แต่ก็อนุมานเอา เห็นภาพมัวๆ ของคนตรงหน้า เดี๋ยวสิ ในขณะที่มันไม่เหลือผ้าผ่อนติดตัวแล้ว แต่ผู้กองยังอยู่ในชุดหล่อเต็มยศแบบนี้ ไม่ได้ เอาเปรียบกันชัดๆ นี่นา มันสะกดกลั้นอารมณ์จากด้านล่าง พยายามยืดตัวขึ้นไปจับชายเสื้อผู้กอง หวังจะดึงเสื้อออกไปให้พ้นตัวอีกฝ่ายเหมือนกับตัวเอง       ผู้กองก็เหมือนจะเข้าใจ ถอดเสื้อนั้นเองกับมือ น้ำยิ้มอย่างพอใจเพราะมันไม่ต้องพูดอะไรมากมาย


ปราการถัดไป นายนทีหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกับเลื่อนมือลงบริเวณกางเกงของผู้กอง มือมันสั่นเล็กน้อยตอนที่ปลดหัวเข็มขัดของอีกฝ่าย มันทำอยู่พักใหญ่ก็ไม่สำเร็จเสียที เข็มขัดแบบไหนกันเนี่ย ปลดยากชะมัด มันคิดอย่างเซ็งๆ แต่ก็เหมือนผู้กองจะรู้ใจมันอีกแล้ว อีกฝ่ายเป็นคนจัดการเข็มขัดให้
 

สบายจัง ไม่ต้องทำไรเลย น้ำคิดในใจ


น้ำได้ใจ มันพร้อมแล้วที่จะดึงกางเกงอีกฝ่ายลงมาเฉกเช่นเดียวกับมัน หวังว่าจะได้โยนกางเกงของผู้กองลงไปกองที่ปลายเตียงเหมือนกับของมันบ้าง แต่ในเมื่อตัวของผู้กองกึ่งเอนตัวเข้าหา กึ่งคุกเข่าอยู่แบบนี้ ดูจะยากแฮะ ทำไงดี มันครุ่นคิด แต่คิดไปก็คิดไม่ออกเพราะความรู้สึกด้านล่างก็ยังท่วมท้น อีกทั้งริมฝีปากของมันก็ถูกสำรวจจนไม่เหลือช่องว่างอะไรแล้ว


จะไม่ให้มันไม่เตลิดได้อย่างไรกัน


“ถอดสิครับ” จังหวะที่มันเบือนหน้าหนีมาจากผู้กองได้ มันก็รีบพูด

“ได้สิ” น้ำได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาจากผู้กองก่อนจะตามมาด้วยดวงไฟที่ถูกปิด เหลือเพลงแสงสว่างจากห้องน้ำที่ทะลุผ่านจากกระจกฝ้ามาลางเลือนเหลือเกิน แสงจากตรงนั้นมันแค่ช่วยพอให้มองเห็นว่าห้องน้ำอยู่ไหน แต่ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดอื่นๆ ให้ชัดได้เลย


ขัดใจ


“ปิด..ไฟ..ทำไม” เสียงมันกระท่อนกระแท่น ขาดๆ เกินๆ น้ำได้แต่แปลกใจมันก็คิดว่าพูดเป็นปกตินะแต่ทำไมเสียงถึงขาดห้วงแบบนั้น ไม่เข้าใจ

“ปิดดีกว่า”

“มองไม่เห็นอะไรเลย”

“พี่กลัวน้ำอาย” ผู้กองบอก แต่ตอนนี้สมองของนทีมันประมวลผลไม่ทันหรอก มันลืมไปว่า เขาเห็นของมันจนหมดแล้ว มันอายไม่ทันแล้วล่ะ

“เหรอ”

“อีกอย่าง พี่เองก็อายเหมือนกัน” น้ำแทบจะขาดใจ ว่าที่ภรรยาของเขาเขินอายเพราะกลัวเขาเห็นร่างกาย ไม่เป็นไรนะคนดี ครั้งหน้าพี่น้ำจะทำให้พี่ปรานต์ลืมตัวลืมอายไปเอง

“ก็ได้ครับ”


เมื่อมองไม่เห็นอะไร ก็รู้สึกราวกับถูกปิดตา ไม่ว่าจะถูกผู้กองจับตรงไหน มันก็ตื่นเต้นไปกับร่องรอยนั้นอยู่ตลอดเวลา อารมณ์ของมันกำลังจะพุ่งสูงจนแทบจะทนไม่ไหว แต่แล้วผู้กองก็หยุดมือลง มันแทบอยากจะจัดการต่อด้วยตัวเองแต่ก็ถูกผู้กองดึงมือไว้เสียก่อน น้ำฮึดฮัดที่ถูกขัดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้กองถึงชอบหัวเราะนัก


“เด็กดี รอพี่แป๊ปหนึ่งนะ” ผู้กองเรียกน้ำไว้ก่อนจะผละตัวออกมา น้ำนอนนิ่งตามคำขอ มันได้ยินเสียงกุกกักเหมือนเสียงรูดซิบของกระเป๋า ได้ยินเสียงสวบสาบเหมือนกระดาษห่ออะไรบางอย่าง มันมองไม่เห็น มันไม่รู้ว่าผู้กองกำลังทำอะไร และมันก็ได้ยินเสียงเปิดฝาขวดอะไรสักอย่างอีกเช่นเดียวกัน ก่อนจะได้ยินเสียงฝานั้นปิดลง

“อย่าเกร็งนะรู้ไหม” ผู้กองบอก เดี๋ยวๆ เกร็งทำไม


ความเย็นวาบกระทบเข้ากับด้านหลังของไอ้น้ำ มันขยับหนีตามสัญชาตญาณ ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง


คนโกหก ไหนว่าจะยอมเป็นของพี่น้ำไง


“อย่าหนีพี่สิครับ อย่ากลัวพี่”

“ผู้กองหลอกผมทำไม” น้ำพูดด้วยความไม่พอใจ

“พี่หลอกอะไรครับ”

“ก็ไหนบอกว่ายอมเป็นของผมไง แล้วนี่อะไรอะ ถึงผมจะไม่เคยแต่ผมก็รู้นะว่าพี่กำลังทำอะไร”

“พี่หวังดีกับน้ำ”

“หวังดีอะไร” ถ้ามันลุกขึ้นไปตอนนี้ผู้กองจะโกรธไหม

“ก็เพราะว่าน้ำไม่เคย พี่จะสอนน้ำให้ดูเป็นตัวอย่างไงครับ” ไอ้น้ำได้ยินก็คิดอีกครั้ง

“...”

“และพี่สัญญา พี่จะไม่บอกใคร”

“จริงนะ”

“พี่จะเป็นของพี่น้ำครับ”

“ครั้งเดียวนะ” น้ำบอกอีกฝ่าย

“ครับ” ผู้กองรับปาก

“งั้นก็ได้” น้ำยอมตกลงเพราะมันก็ไม่อยากให้จบแบบนี้เหมือนกัน อุตส่าห์ไม่กลับบ้านคืนนี้ ถ้ายังคว้าน้ำเหลวกลับไป ขายหน้าแย่



และการปลอมประโลมขวัญที่กระเจิงไปของไอ้น้ำก็ถูกปลุกปั่นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกอีกฝ่ายล่อลวงให้ติดกับจนดิ้นไม่หลุด จนเมื่อความเจ็บเข้ามาในตัวของมัน ไอ้น้ำคิดว่ามันน่ารอดแน่ๆ มันได้ยินเสียงทุ้มพูดปลอบให้มันหายใจเข้าลึกๆ ให้มันอย่ากลัว แต่คำพูดพวกนั้นไม่เข้าหูเลย


นอกจากคำพูดของวรันต์ที่เคยบอกมันไว้ผ่านทางโทรศัพท์



“ที่สำคัญ เขาน่ะอึดมาก คืนหนึ่งสี่ห้ารอบก็ไม่พอ กลางคืนถึงเช้า เช้าถึงเย็น จนนายอาจจะตายคาเตียงเลยก็ได้ เตือนแค่นี้แหละ ขอให้โชคดี”



ไอ้น้ำหน้าซีดในความมืด


ทำอย่างไรดี


มันยังไม่อยากตายคาเตียงโว้ย!!






.
.
แสงในยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามากระทบกับดวงตาที่ยังหลับอยู่บนเตียง น้ำนอนหันหน้าไปทางแสงสว่างบวกกับความคุ้นเคยที่ตื่นเช้าเป็นปกติตามแม่น้อยนั้นจึงรู้สึกตัวก่อน มันผงกหัวขึ้นมาจากหน้าอกที่มันหนอนหนุนอยู่ทั้งคืน คิ้วเข้มเรียงสวยขมวดปมทันทีที่สติกลับคืนมา


นอนท่านี้ไปได้ไงวะ


จำได้ว่าหลังจากที่ผู้กองยังเมตาตาเขาบ้างเมื่อจบรอบสอง ก็พากันเข้าห้องน้ำไปและเมื่ออาบน้ำเรียบร้อยผู้กองก็นอนกอดเขาจากทางด้านหลังไม่ใช่หรือไง เพราะเมื่อคืนปิดไฟมืดทำให้มันไม่เห็นอะไรเลย เช้าวันนี้จึงเห็นอะไรชัดเจน จริงแล้วตัวผู้กองก็ขาวเหมือนกันนะเนี่ย ขาวพอกันๆ กับเขาเลย เอ หรือผู้กองจะขาวกว่านะ ปกติเห็นแต่ผิวสีจากแขนที่พ้นขอบเสื้อมามีสีคล้ำแดดนิดๆ คงเพราะตากแดดล่ะมั้ง จริงด้วย สีผิวสองสีตัดกันเลย


“มาเตือนด้วยความหวังดี ตามประสาคนรักเก่าเพราะว่าตรงนั้นของผู้กองน่ะใหญ่มาก”


จู่ๆ ในหัวก็แล่นคิดย้อนไปถึงคำพูดของวรันต์อีกครั้ง น้ำกลอกตาไปมา บ้าชะมัด นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่


ไอ้น้ำขยับตัวอย่างลำบาก แต่ความอยากรู้ของมันไม่สามารถยับยั้งความลำบากเหล่านั้นได้ ขอดูนิดเดียวน่า เมื่อวานไม่เห็นอะไรเลย ผู้กองคงไม่ว่าอะไรหรอก มือไวเท่าความคิดมันค่อยๆ เปิดผ้าห่มออกดูแล้วรีบปิดมันลงอย่างรวดเร็ว


ฉิบหาย ยัดเข้าไปได้อย่างไรวะ


ถึงว่าเมื่อคืนต้องปิดไฟ ไอ้น้ำขอสาบานเลยว่าถ้ามันเห็นสภาพโตเต็มวัยของผู้กองในยามสว่างล่ะก็ ให้ตายอย่างไร มันก็ไม่มีวันยอม

“แอบดู เดี๋ยวคิดค่าปรับเลย” คนที่คิดว่ากำลังหลับกลับพูดขึ้นมา น้ำสะดุ้งโหยงแต่ต้องเก็บอาการให้นิ่งไว้ให้มากที่สุด

“หวงเหรอครับ” แกล้งพูดกลบเกลื่อน

“ไม่หรอก ถ้าน้ำอยากดู มากแค่ไหนพี่ก็ไม่ว่า” ผู้กองบอกอย่างใจป้ำ

“อาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวไปส่งผมที่บ้านที”

“ได้ครับ กินข้าวเช้ากับพี่ก่อนไหม”

“แล้วคุณพ่อคุณแม่?” น้ำถาม

“อืม ท่านก็ต้องมากินพร้อมกับเราด้วยสิ”

“งั้น ไม่เอาอะ”

“ทำไมล่ะ เป็นอะไร”

“จะให้ผมบอกแม่พี่ว่าไงอะ จู่ๆ อยากมากินข้าวเช้ากับพี่งี้เหรอ ไม่เอาอะ”

“อาย?”

“แหงสิ”

“ท่านไม่แซวหรอกน่า คนรักกันมาหากัน ไม่เห็นแปลก”


และท้ายที่สุดไม่ว่าผู้กองจะหว่านล้อมอย่างไร ไอ้น้ำก็ยืนกรานจะกลับท่าเดียว จนเมื่อรถยนต์แล่นมาจอด มันก็รีบลาผู้กองแล้วรีบเดินขึ้นบ้านไปอย่างรวดเร็ว ผู้กองพอเห็นว่าน้ำขึ้นบ้านปลอดภัยแล้ว จึงออกรถไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน เพราะถ้าเขาขึ้นไปทักแม่น้อยตอนนี้ เด็กชายนทีของเขาต้องโกรธเขาแน่นอน

“ไปไหนมาแต่เช้า” ไอ้น้ำชะงัก ขาที่กำลังจะก้าวข้ามประตู้ห้องไปแล้ว ต้องถอยกลับออกมา


จะรอดพ้นอยู่แล้ว มันขัดใจที่ผิดแผน


“เอ่อ...ไปข้างนอกมาอะแม่”

“งั้นเหรอ”

“จ้ะ แล้วแม่กำลังจะไปสวนเหรอ”

“เออ กับข้าวกับปลาอยู่ในตู้ หิวก็ไปอุ่นมากินล่ะ”

“จ้ะ แม่”

“ข้าไปล่ะ”



น้ำโล่งใจที่แม่ไม่พูดทักอะไรมาก มันเข้าไปในห้องนอนสำเร็จแล้ว แต่แล้วในจังหวะที่มันกำลังจะปิดประตู หูมันก็ผึ่งได้ยินเสียงมารดาดังขึ้นมาอีกระลอก

“พูดจนปากถึงหู ว่าอย่าแอบไปหาลูกเขยข้า ที่ไหนได้ คล้อยหลังข้าไปนิดเดียว กลับมาอีกทีตอนเช้า”


“งามหน้าไหมล่ะ” น้ำได้ยินเสียงมารดาก็หน้าซีด เพราะกลัวอีกฝ่ายจะโกรธ


แต่ประโยคต่อมามันก็ยิ้มกว้างที่ไม่ได้ถูกแม่น้อยโกรธจริงๆ “ไอ้ลูกไม่รักดี เห็นผู้ชายดีกว่าคำพูดแม่” แม่น้อยพูดพลางทำเสียงร้องไห้เล็กน้อยเป็นพิธีก่อนจะเดินลงจากไป

แม่น้อยน่ารักสำหรับเขาเสมอ


แต่กระนั้นเมื่อมันปิดประตูห้องนอน พร้อมกับค่อยๆ ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอย่างนุ่มนวล มันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


มันไม่กล้านั่ง


ฝืนนั่งลงบนรถยนต์ผู้กองมาตั้งนาน จะแสดงท่าทางให้ผู้กองเห็นก็จะหาว่าไอ้น้ำอ่อนแอ ไม่มีวันเสียหรอก


ทำไมไม่มีใครบอกเลย ว่าครั้งแรกมันจะเจ็บแบบนี้!!




==============================================


เจ้าน้ำ ไม่เคยทันผู้กองเล้ยยยยย

ปล ตอนหน้าจบแล้วค่าาา


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-08-2018 12:40:24
 :L2: :pig4:

 :hao7:ไอ้น้ำเอ๊ยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 03-08-2018 12:43:57
โถๆๆ พี่น้ำจ๊ะไหนว่าจะพาสะใภ้มาฝากแม่น้อยไง ทำไมถึงได้ลูกเขยมาแทนล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-08-2018 13:29:11
ว่าไงน้ำ กลายเป็นสะใภัเสียเองนะ แหม..เชื่อผู้กองว่าจะสอนให้ว่าทำอย่างไร เป็นไงละ อิอิอิ
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 03-08-2018 13:32:50
 :mc4: จะสงสารดีไหมน๊าา เคยทันอะไรพี่เขาบ้าง น้องน้ำค่ะแนะนำให้ทำใจเลยจ้า  :m20:
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-08-2018 16:52:48
 :z1: :mc4: :z1:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 03-08-2018 17:14:15
 :m20: จะหาลูกสะใภ้ให้แม่น้อยหรือน้องน้ำ :jul3:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 03-08-2018 20:26:10
55555 น่ารักไปหมดเลนยยยยตลกตรง
แอบดูของผู้กองเนี่ยล่ะน้ำเอ้ยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-08-2018 23:48:17
เพราะน้ำไม่เคย พี่จะสอนให้ดูเป็นตัวอย่าง... :hao6: 55555555555 สงสาร

ไอ่น้ำ เอ็งเป็นเมียผู้กองโดยสมบูรณ์แล้วล่ะ !!!
แล้วอย่าริคิดจะไปเป็นหลัวเค้าอีกนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 04-08-2018 00:48:50
ชะโดใหญ่ หัวแตก แหวกว่ายน้ำ
พุ่งทะยาน ตระหง่านง้ำ ย้ำที่หัว
มโหฬาร บานสะพรั่ง ทั่วทั้งตัว
ใครมาเห็น ต้องร้องกลัว ยั้งยั่วพลัน

เจ้างามสรรพ แต่ดับไฟ ไยจะเห็น
มือสัมผัส ฟัดกระเด็น เป็นหุนหัน
รู้ชำแรก แทรกแก่นกาย ย้ายไม่ทัน
ขึ้นสวรรค์ ฝันลอยล่อง มุดคล่องจริง

#เจ้าแม่ตะเคียนทอง
อิอิ

+1 ให้พี่ปรานต์#ของผู้กองเค้าดีจริงๆ

#น้องน้ำได้ปั๋วแล้ว
ถูกใจคนอ่าน ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-08-2018 09:08:44
 :laugh: ในที่สุด
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 04-08-2018 09:38:25
อ่านยังไงก็อดสมน้ำหน้าไม่ได้
กลัวผีไม่พอ ยังซื่อจนเซ่ออีก น้ำเอ้ยยยยยย
เอาเหอะ … ยอม ๆ พี่ผู้กองไปซะเหอะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสามสิบเก้า ในที่สุด... P12 03/08/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 07-08-2018 10:50:05


งวดสุดท้าย


หลังอาการฟื้นตัวของไอ้น้ำ สุดสัปดาห์ก็วนมาอีกครั้ง น้ำมีนัดกับผู้กองจะนำชุดไทยสวยๆ ไปถวายเจ้าแม่ตะเคียน ผัดผ่อนก็หลายครั้งแล้ว กลัวแม่ตะเคียนจะเสียใจ ครั้งนี้มันเลยมายืนเลือกชุดอยู่ในร้านค่อนข้างนานทีเดียว

“ซื้อไปถวายเจ้าแม่เหมือนเดิมเรอะ” คนขายเอ่ยทัก

“จ้ะ เลื่อนมาหลายทีแล้ว เดี๋ยวเจ้าแม่จะโกรธ” น้ำอธิบาย มือก็ยังเลือกสีชุดไปเรื่อย

“สนใจชุดไหนล่ะ ไอ้น้ำ”

“ยังไม่รู้เลยจ้ะ ฉันไม่ค่อยถนัดเลย หลายชุดเหลือเกิน ตาลาย” น้ำสารภาพ มันแยกสี แยกแบบไม่ได้หรอก ชุดไหนๆ ก็เหมือนกันหมด

“ให้เจ๊ช่วยเลือกไหมล่ะ”

“เอาสิจ้ะ แนะนำฉันมาเลย” น้ำยิ้มรับความหวังดี

“เดี๋ยวเจ๊หยิบแบบใหม่มาให้ดู เพิ่งมาเมื่อวาน ยังไม่ได้แขวนเลย” นางหายเข้าไปหลังร้านอยู่ครู่หนึ่งก็เดินออกมาพร้อมกับชุดไทย สไบเฉียงสีต่างๆ สองสามสี


น้ำรับมาแล้วมองสลับกับชุดไทยที่แขวนอยู่บนราวไปมาอย่างใช้ความคิด


“แยกออกไหมล่ะ”

น้ำยิ้มแหย พลางบอกว่า “ไม่ออกเลยจ้ะ”

“นี่ เอ็งดูตรงนี้ สไบตรงนี้จะมีลายด้วย เหมือนชุดเวลาใส่ออกงาน ส่วนชุดไทย จะเรียบๆ เหมือนชุดอยู่บ้าน” เจ๊เจ้าของร้านพยายามอธิบายอย่างง่ายๆ ให้ไอ้น้ำฟัง

“อืม เห็นเจ้าแม่กี่ที กี่ทีก็มีแต่สไบธรรมดาแบบอยู่บ้าน” น้ำคิดพลางพูดกับตัวเอง

“เอ็งว่าไงนะ”

“เปล่าจ้ะ งั้นเอาชุดออกงานอย่างเจ๊ว่า สักสองชุด เอาสีอะไรก็ได้ที่ผู้หญิงเขาชอบเลย ส่วนชุดอยู่บ้าน เอามาสามชุดจ้ะ เจ๊เลือกสีเลยเหมือนเดิม” มันสั่งเสร็จเตรียมจะควักเงินแล้วนึกขึ้นได้อีก

“อ้อ..เจ้ ไม่เอาสีชมพู” น้ำพยายามระลึก สีที่มันเคยเห็นอยู่สองสามครั้ง สีชมพูน่ะ มันแน่ใจ แต่มันออกเข้มหน่อยๆ คงใช่ล่ะมั้ง “สีชมพูบานเย็นจ้ะ แม่ตะเคียนเขาใส่บ่อยแล้ว ฉันกลัวจะเบื่อเอา” เจ๊เจ้าของมองหน้าไอ้น้ำ คันปากอยากถามเหลือเกินว่ามันรู้ได้อย่างไรว่าแม่ตะเคียนใส่จนบ่อย


แต่อนิจจาบางอย่างไม่รู้จะดีกว่ารู้


“นี่จ้ะ แล้วเอ็งจะถือไปอย่างไร ตั้งหลายชุด” เจ๊ถามหลังจากจ่ายเงินเสร็จสรรพเตรียมจะแยกย้าย

“นั่นสิ ฉันก็ลืมไป”

“เดี๋ยวพี่ช่วยถือไปไว้ในรถ” เหมือนได้ยินเสียงเจ้าชายขี่ม้าขาว ถึงจะเป็นแค่การแก้ปัญหาชุดไทย แต่ไอ้น้ำในช่วงที่กำลังหลงนั้น ไม่ว่าผู้กองจะทำอะไรมันก็เห็นดีเห็นงามไปหมด


ผู้กองเดินเข้าไปในร้านแล้วช่วยไอ้น้ำถือชุดสไบออกมา เพราะครั้งนี้ซื้อมากกว่าปกติ ไอ้น้ำเลยขอแบ่งมาถือเองสักสองชุด พร้อมกับใช้มืออีกข้างรองชุดเอาไว้ไม่ให้ชายผ้าถุงละพื้นดินจนเลอะ

“มาถึงนานยังครับ” น้ำเริ่มถามเมื่อรถออกตัวมาได้ครู่หนึ่ง

“สักพัก พี่แวะเข้าไปบ้านเราก่อน เจอน้ำฝนกำลังเล่นกับด่างกับปุยอยู่หน้าบ้าน”

“อ่อ” น้ำครางรับในลำคอ คาดว่าคงเป็นน้ำฝนเองล่ะที่บอกว่าเขาอยู่ไหน


“ไปหาเจ้าแม่ตะเคียนเลยไหม” ผู้กองถามขึ้นบ้าง

“ไม่อยากไปเลย” ผู้กองหันมามองน้ำเล็กน้อยเพราะเข้าใจความรู้สึกของคนหวาดกลัวได้ดี

“พี่ไปด้วย ไม่มีอะไรต้องกลัว”

“ขอแค่พี่ปรานต์ไม่ทิ้งผมไว้คนเดียวก็พอ”

“พี่เคยทำด้วยเหรอ” ผู้กองย้อนถาม

“ไม่รู้ครับ บอกเผื่อไว้ก่อน”

“พี่ไม่มีทางทิ้งน้ำหรอกน่า อย่าห่วงไปเลย”


นั่งมาในรถเงียบๆ กันอีกสักพักก็ถึงจุดหมายที่ทั้งคู่ต้องมา ผู้กองดังเครื่องก่อนจะลงจากรถเพื่อมาเตรียมชุดไทยให้อีกฝ่ายก่อนระหว่างที่รอคนดีของเขาตั้งสติเตรียมใจ เตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ข้างหน้านี้

“มาเถอะ พี่ถือเอาชุดมาให้หมดแล้ว”

“คะ..ครับ” น้ำรับคำเสียงเบา เหงื่อเริ่มผุดพรายหน้าผากบ้างเล็กน้อย พลางก้าวลจากรถ มือก็เกาะแขนผู้กองไว้แน่น ราวกับว่าชั่วชีวิตนี้มันจะไม่ยอมให้มือของมันหลุดออกจากแขนของผู้กองได้เป็นอันขาด

“ไม่เป็นไร” ผู้กองคอยปลอบอีกฝ่าย


น้ำไม่ได้เกลียดแม่ตะเคียน ข้อนี้เขารู้ดี แต่ความกลัวของคนเรา มันก็เป็นอีกเรื่อง ห้ามกันไม่ได้


“แม่..แม่ตะเคียนจ้ะ..ฉันเอาชุดไทยมาถวาย รอบนี้ฉันเอามาถวายให้หลายชุดเลย” น้ำพูดขึ้นเมื่อหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเรือไม้เก่า ส่วนผู้กองที่ไอ้น้ำยอมปล่อยให้แขนให้เป็นอิสระนั้นก็นำชุดไทยไปแขวนแทนคนขี้กลัว

“คนขายบอกว่ามีทั้งชุดใส่ไปงาน แล้วก็ชุดอยู่บ้านด้วย หวังว่าแม่ตะเคียนคงจะชอบนะจ๊ะ” น้ำอธิบายเพิ่มเติม


‘อุ๊ย เกือบมาไม่ทัน ขอโทษทีจ้ะ ฉันเผลอหลับไปหน่อย’เสียงเย็นดังขึ้นอีกแล้ว ไอ้น้ำผวา โผเข้าเกาะแขนผู้กองทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ เด็กชายนทีของผู้กองคงกำลังเผชิญหน้ากับเสียงของแม่ตะเคียนเป็นแน่


‘ไหนดูหน่อยซี สวยๆ ทั้งนั้นเลย แบบนี้ก็ชอบ ชุดนี้ก็ชอบ ชอบทุกชุดเลย’น้ำเสียงของแม่ตะเคียนเต็มไปด้วยความดีใจที่มีชุดใหม่ๆ

“ชอบใช่ไหมจ๊ะ” น้ำกลั้นใจถามออกไป

‘ชอบจ้ะ ชอบมาก พ่อน้ำของฉันรู้ใจฉันที่สุด’

“เจ๊เจ้าของร้านเขาเลือกให้” น้ำรีบปฏิเสธเพราะกลัวแม่ตะเคียนจะเข้าใจผิด

‘ไม่เป็นไรจ้ะ ถึงพ่อน้ำไม่ได้เลือกเองแต่ก็ไปนำมันมาให้ฉันเอง’แม่ตะเคียนยังพูดอย่างอารมณ์ดีเช่นเดิม

“ฉันกลับก่อนนะ”

‘เดี๋ยวสิพ่อ อะไรกันเพิ่งมาครู่เดียว จะกลับแล้วเหรอ’

“หมดธุระฉันแล้วนี่นา”

‘อยู่คุยกับฉันก่อนสิจ๊ะ’นางเอ่ยชวน

“ไม่เอาอะ”

‘เถิดหนาพ่อ ครู่เดียวก็ยังดี ฉันเหงา ไม่มีคนคุยด้วยเลย’แม่ตะเคียนขอร้องคนหนุ่มตรงหน้า

“ก็คุยกับผู้กองสิ” ผู้กองได้ยินชื่อตัวเองก็หันมามองน้ำอย่างไม่ไว้ใจ

‘โธ่ พ่อน้ำก็รู้ดีว่าฉันคุยกับพ่อรูปหล่อสูงใหญ่ได้ซะทีไหนกันเล่า’

“ทำไมกันล่ะ ทำไมต้องคุยกับฉันได้คนเดียวด้วย” น้ำครวญ

‘สมัยนี้เขาเรียกอะไร อ่อ..ใจของเราไม่คลิ๊กกันไงจ๊ะ’

“รู้คำสมัยนี้กับเขาด้วย”


‘ก็ต้องมีเรียนรู้ไว้บ้าง เวลามีคนมาขออะไรจะได้เข้าใจไม่ผิด’แม่ตะเคียนบอก

“หลวงพ่อจะพาแม่ตะเคียนไปที่ไหนเหรอ”

‘พ่อน้ำรู้มาจากไหนจ๊ะ’

“หลวงพ่อบอกมาน่ะ วันก่อนตอนตักบาตร”

‘ฉันยังไม่รู้เรื่องเลยจ้ะ’

“มีเรื่องที่แม่ตะเคียนไม่รู้ด้วยเหรอ”

‘แน่นอนสิจ๊ะ ฉันคาดเดาชะตาตัวเองไม่ได้หรอกจ้ะ’แม่ตะเคียนบอกเสียงเศร้า

“ไม่เสียใจนะ ฉันจะหาโอกาสทำบุญให้แม่ตะเคียนบ่อยๆ แล้วกัน” น้ำพยายามหาทางออกให้ตัวเองและดีกับแม่ตะเคียนมากที่สุด

‘ขอบใจนะจ้ะ พ่อน้ำคนดีของฉัน’

“เอ่อ..” น้ำชะงักจะรับคำก็กลัวจะเป็นคนของแม่ตะเคียนไปจริงๆ

‘เอาล่ะๆ ฉันไม่กวนคู่รักข้าวใหม่ปลามันแล้ว’

“พูดอะไรเล่า ไม่ใช่สักหน่อย”

‘หึหึ ฉันแค่ไม่รู้เรื่องตัวเอง แต่ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อน้ำหรอกนะจ๊ะ’

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นล่ะ ฉันกลับล่ะ แล้วจะทำบุญไปให้”

‘ขอบใจจ้ะ อย่าลืมว่ามีปัญหาอะไร มาบอกให้ฉันช่วยได้ทุกเมื่อเลยนะจ๊ะ เรื่องของพ่อน้ำ สำหรับฉันแล้ว ฉันยินดีช่วยทุกเรื่อง’แม่ตะเคียนบอกอย่างคนใจกว้าง

‘ขอบใจแม่ตะเคียนเหมือนกัน เรื่องที่ช่วยฉันกับผู้กองด้วยนะ’น้ำบอกแม่ตะเคียนในใจเสร็จแล้วจึงกระตุกแขนคนข้างๆ “กลับกันเถอะครับ”

“อืม”




.
.
“อะไรกันลูกคนนี้ ทำไมไม่ให้ผู้กองเขาพักอยู่ที่นี่ล่ะ คนเขาอุตส่าห์มาหายังให้เขาไปนอนโรงแรมในเมืองอีก”      แม่น้อยบ่นไอ้น้ำเสียยกใหญ่ที่มารู้หลังทานอาหารเสร็จว่าผู้กองได้จองที่พักเป็นโรงแรมในเมืองสำหรับค้างคืนไว้เรียบร้อยแล้ว

“นั่นสิ คนเป็นแฟนกันแท้ๆ ยังให้ไปนอนที่อื่น” น้ำฝนเข้าผสมโรง

“ไม่เป็นไรหรอกน่าแม่ ให้เขามาพักบ่อยๆ มันจะดูไม่ดี เดี๋ยวคนแถวนี้จะมาว่าแม่ได้” น้ำบอกพยายามพูดเสียงเรียบให้ทุกอย่างดูเย็นเข้าไว้

“วัวหายล้อมคอกหรือไง” น้ำฝนประชดใส่พี่ชาย

“ใคร๊ ใคร มันกล้าพูด ลองไอ้ อีที่ไหนปากมากสิ ข้าจะตามไปด่าให้ถึงหน้าบ้าน กล้าดีอย่างมาว่าลูกเขยข้า” แม่น้อยถามอย่างหาเรื่อง

“แม่..ไม่ใช่ลูกเขยสิ เขาจะว่าฉันกับแม่ ไม่ใช่ผู้กองหรอก” น้ำส่ายหน้าเล็กน้อย ตกลงใจคอจะไม่ห่วงลูกชายคนนี้ใช่ไหม

“ถ้าคนนอกมันจะมาว่าเอ็งหรือข้า ก็ช่างหัวมันเถิด ข้าไม่เห็นจะสนใจ แต่ถ้ามาด่าผู้กองล่ะก็ ข้าไม่ยอมแน่”


น้ำเหลือบตามองเพดานเล็กน้อย สรุปแม่รักผู้กองมากกว่าลูกชายที่แม่เบ่งออกมาอย่างเขาใช่ไหมเนี่ย


“คราวหน้าคราวหลังก็ให้ผู้กองเขาพักที่นี่” แม่น้อยสั่ง

“แม่...”

“เอ็งกลัวอะไร กลัวคนจะมานินทาพวกเราหรือไอ้น้ำ ไม่ทันแล้วล่ะ เขารู้กันหมดตั้งแต่ที่เอ็งตามผู้กองไปนอนที่โรงแรมแล้ว ข้าไม่จับเอ็งมัดแล้วตีก็ดีเท่าไหร่แล้ว” ไอ้น้ำกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

“ยุคสมัยไหนแล้ว แม่ก็พูดเหมือนจะเฆี่ยนตีฉันอย่างนั้นแหละ”

“เออ ข้าเพิ่งดูละครมา ก็ว่าจะทำตาม” แม่น้อยว่าติดตลก

“แม่..” น้ำเรียกก่อนจะถามออกไปกล้าๆ กลัวๆ “จริงเหรอที่แม่บอกว่าคนเขารู้กันหมดแล้ว”

“พี่น้ำก็เชื่อแม่ไปได้ จะมีใครรู้ถ้าไม่ป่าวประกาศน่ะ แม่พูดไปอย่างนั้นเองแหละ” น้ำฝนเฉลย ทำให้ไอ้น้ำค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย

“ทำตามที่ข้าสั่ง ให้ผู้กองมาพักที่นี่ เพราะสิ่งที่ข้าต้องกลัวหรือกังวลมันหมดไปตั้งแต่คืนที่เอ็งไปกับเขาแล้วโว้ย” แม่น้อยประชดเสียงดัง

“แม่ก็..” น้ำขยับเข้าไปบีบนวดแขนขาเอาใจแม่น้อย

“อะไรเล่า” นางแสร้งหดขาหนีไม่ให้ลูกชายมาถูกเนื้อตัว

“แม่อย่าโกรธฉันสิ”


“โกรธอะไร เปล๊า ไม่โกรธเลย เอ็งโตแล้ว” แม่น้อยพูด

“ก็แม่พูดเหมือนโกรธ”

“พี่น้ำนี่วัวสันหลังหวะจริงๆ ดูไม่ออกหรือไงว่าแม่แกล้งเล่น ฉันก็พอเข้าใจว่าความรักมันทำให้คนตาบอด แต่ไม่คิดว่าจะตาบอดถาวรดูอะไรไม่ออกเอาเสียเลย” น้ำฝนได้ทีรีบถล่มทับพี่ชาย แต่ไอ้น้ำรอบนี้ไม่พลาดมันรีบเขกหัวของน้ำฝนจนเกิดเสียงดัง

“โอ๊ยย เจ็บนะพี่น้ำ”

“ดี เจ็บจะได้จำ พี่เอ็งนะไอ้ฝน เดี๋ยวเถอะ” เป็นแม่น้อยที่คราวนี้เข้าข้างลูกชาย

“เรื่องเรียนยายฝนที่กรุงเทพฯ จะพักที่ไหนยังไง” แม่น้อยถามเรื่องใหม่

“ฉันยังคิดอยู่เลยจ้ะ ใจหนึ่งก็อยากให้พักที่เดิมที่ฉันอยู่ แต่อีกใจคุณแม่ผู้กองเขาก็อยากให้น้ำฝนไปอยู่ที่นั่น”

“เขาก็คงเอ็นดูทั้งเอ็งและยายฝนนั่นแหละ” แม่น้อยบอก

“แล้วแม่ว่าไง ฉันควรจะไปดีไหม น้ำฝนล่ะ” น้ำถามความเห็น

“ฉันยังไงก็ได้” น้ำฝนบอกเพราะกรณีนี้จริงๆ แล้วเธอไม่มีสิทธิ์เสียงเลยด้วยซ้ำ แค่พี่ชายของเธอต้องกลับไปกรุงเทพฯ เพื่อดูแลเธอ ก็ต้องขอบคุณอีกฝ่ายมากแล้ว

“จากที่เดิมที่พักมันค่อนข้างไกลจากมหา’ลัย ยายฝนอยู่ไม่น้อย ปีหนึ่งเรียนก็เยอะ รับน้อง กิจกรรมต่างๆ ก็เยอะ น้ำฝนไม่ได้อยู่หอ ไปกลับจะดึกและอันตราย แต่ถ้าไปพักกับที่บ้านผู้กอง ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง น้ำฝนก็ถึงบ้านอย่างปลอดภัย” น้ำลำดับความคิดออกมา

“ข้าก็เกรงใจบ้านนั้นเขาเหมือนกัน เอ็งลองเลียบๆ เคียงๆ ถามเขาดูอีกทีก็แล้วกัน ดูปฏิกิริยาเขาด้วยล่ะ ว่าเขาชวนตามมารยาทหรือตั้งใจจริงๆ จะพักที่ไหนข้าก็ไม่ว่าหรอก ขอแค่เป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับพวกเอ็งทั้งคู่ก็พอ” แม่น้อยพูดด้วยความเป็นห่วง กรุงเทพพฯ อันตรายน้อยเสียเมื่อไหร่กันล่ะ

“จ้ะแม่” น้ำรับคำ

“แล้วพรุ่งนี้จะพาผู้กองเขาไปไหนหรือเปล่าล่ะ” แม่น้อยชวนคุยไม่ได้คาดหวังคำตอบอะไรในคำถามนั้นอยู่แล้ว

“ไม่ล่ะจ้ะ”

“อืม พาเขาไปเที่ยวบ้างก็ดี เมื่อก่อนมาประจำอยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนไม่ใช่หรือ”

“จ้ะ ไว้คราวหน้านะ”

“คราวหน้าให้เขานอนที่นี่” แม่น้อยสำทับอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้น บอกเป็นนัยว่าเตรียมจะไปเข้านอน “พวกเอ็งก็รีบเข้านอน โดยเฉพาะไอ้น้ำ เพราะพรุ่งนี้ข้าว่า ลูกเขยข้าคงมาแต่เช้านั่นล่ะ”


เช้าวันต่อมา ปรานต์มาหาน้ำแต่เช้าอย่างที่แม่น้อยคาดการณ์เอาไว้จริงๆ ชายหนุ่มพยายามไม่ให้เช้าเกินไปนักเพราะเกรงใจ แต่ที่ผิดคาดคือเมื่อมาถึงเขาก็ไม่เจอน้ำอีกแล้วกลับเจอน้ำฝนเช่นเคยและได้รับคำตอบว่าวันนี้เป็นวันหวยออก และน้ำคงไปแถวตลาด เขาตัดสินใจจอดรถยนต์ไว้ที่บ้านของน้ำก่อนจะเดินเท้าไปยังจุดหมายที่ได้รับมา


ผู้กองเดินมาเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน หวนนึกถึงครั้งแรกที่มาที่นี่ มีแต่ความไม่เข้าใจว่าการที่เขาไม่ร่วมมือทำความผิด นี่คือสิ่งที่เขาได้รับตอบแทนมาหรือ ได้รับความเจ็บปวดในใจที่ต้องเลิกรากับคนรักเก่า ถึงจะไม่ได้รักอีกฝ่ายเท่าเดิม แต่ความรักมันก็ยังมีหลงเหลืออยู่ มีแต่ความเป็นห่วงที่ต้องจากที่บ้าน พ่อกับแม่ที่ห่วงเขา พอๆ กับที่เขาเป็นห่วงพวกท่าน


ลึกๆ แล้ว เขาอยากบอกกับทุกคนว่าเขาไม่ได้อยากจะย้ายมาเลย แต่เขาก็หลีกเลี่ยงหน้าที่ของตนเองไม่ได้ แต่ในความโชคร้าย ก็มีความโชคดีเสมอ ที่นี่ทำให้เขาได้เจอคนคนหนึ่ง ที่สะพานข้ามไปตลาดตรงนี้ ครั้งแรกที่เราเจอกัน


ผู้กองอดยิ้มไม่ได้ กับเหตุการณ์ที่เจอน้ำครั้งแรก เจ้าตัวมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด แววตาหลุกหลิก ไม่ต้องเป็นตำรวจหรือผู้เชี่ยวชาญใดๆ ก็คงประเมินได้อย่างแน่นอนว่ามันมีอะไรผิดปกติ

“เดี๋ยว ไอ้หนู” คำพูดที่เคยพูดเมื่อครั้งหนึ่งกลับมาอีกครั้ง เมื่อผู้กองมาถึงสะพานแล้วเห็นคนคุ้นตากำลังจะเดินผ่านเขาไป

“หือ? เรียกฉันเหรอ....ลุง” คำตอบกวนๆ ที่เคยถามก็ถามอีกฝ่ายไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ปรานต์ไม่ได้รู้สึกฉุนอะไรแล้ว เขากำลังขำกับบทละครที่เด็กชายนทีชวนเขาเล่น

“ใช่..จะไปไหน” ปรานต์ถามอีกฝ่าย

“จะไปไหนแล้วทำไมต้องตอบลุงด้วยล่ะ ประชาชนที่หมู่บ้านนี้ก็มีสิทธิ์เสรีภาพไปไหนมาไหนได้ทั้งนั้น”

“ตอบเฉไฉ ไม่ตรงประเด็น มีอะไรปิดบังเจ้าหน้าที่ตำรวจใช่หรือเปล่า” ปรานต์สาวเท้าเข้าไปใกล้

“ไม่มี” รอบนี้ไม่มีความขลาดกลัวใดๆ มีแต่ความกล้าหาญพร้อมจะท้าทาย

“ค้นตัวหน่อยก็แล้วกัน” ปรานต์ตัดบทคว้าร่างของไอ้น้ำเข้ามาใกล้ แล้วเริ่มทำการตรวจค้นทันที ส่วนน้ำของเขาก็ยืนนิ่งให้เขาค้นตัวเช่นกัน


เจ้าตัวคงมีแผนอะไรแน่นอน ปรานต์คิดในใจแต่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา


เขาค่อยๆ ค้นตัวอีกฝ่ายตามตัวแต่ก็ไม่พบอะไร แต่คนถูกค้นตัวที่ไหนถึงยืนล้วงกระเป๋าแบบนี้กันล่ะ ปรานต์ดึงมือของอีกฝ่ายออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ แล้วแทนที่ด้วยมือของเขาเอง

“นี่อะไร โพยหวยงั้นเหรอ” เขาคีบกระดาษใบจิ๋วนั้นออกมาพร้อมกับชูให้คนตรงหน้าเห็น ไอ้น้ำไม่ได้มีทีท่ากังวลแล้วยังยิ้มกว้างอีก


มันน่านัก เขาบอกให้เลิกเดินโพยหวยแล้วไม่ใช่หรือไง


“จับไปนอนในคุกสักทีดีไหม” ปรานต์ขู่

“เอาสิ ถ้าเป็นโพยหวยจริงล่ะก็ จะจับผมไปนอนในคุกหลายๆ คืนก็ได้นะ” นอกจากไม่กลัวคำขู่แล้วยังท้าเขากลับอีกด้วย


ปรานต์คลี่กระดาษแผ่นนั้นออก ใบหน้ายากเกินกว่าที่น้ำจะคาดเดาได้ว่า อีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นมัน เจ้าตัวยืนนิ่งอ่านกระดาษแผ่นนั้นอยู่พักใหญ่ก็พับกระดาษลงดังเดิม พลางเก็บลงกระเป๋ากางเกงของตัวเองแทนเสียเอง

“จะยังจับอยู่ไหม”

“จับสิ..”


น้ำเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เงยหน้ายิ้มกว้างให้ผู้กองพลางพูดคำที่ขัดกับรอยยิ้มเหลือเกิน “ใจร้าย”

“ยังไงก็คงต้องจับน้ำไว้ ปล่อยให้ไปยิ้มกับคนอื่นแบบนี้เห็นทีจะไม่ไหวแล้ว” ผู้กองบอกเสียงพร่า

“เลยจะจับเข้าคุกสินะ”

“ใช่ คุกของพี่คนนี้แหละ เข้ามาแล้ว ออกไม่ได้ รู้ไหม”

“ต่อให้มีคนมาประกันตัว ผมก็จะไม่ยอมออกจากคุกของพี่หรอก”

“แน่นอน เพราะพี่ก็จะไม่ให้ใครเข้ามาประกันตัวน้ำเช่นกัน”


 
จบ


==============================================

จบแล้วค่ะ
อยู่ด้วยกันมาหลายเดือนเลย

จุดเริ่มต้นจากหวย จบลงที่แม่ตะเคียน แฟนคลับเจ้าแม่เยอะมากเลยค่ะ
ครั้งแรกไม่มั่นใจเลยว่าจะแต่งแนวนี้ได้ไหม เพราะพื้นฐานของเขม
ไม่ได้เป็นคนตลกและกวนอย่างไอ้น้ำหรือแม่น้อยเลย
ก็พยายามอย่างเต็มที่ให้ทุกคนได้หัวเราะ ได้เฮฮา ได้ผ่อนคลายจากการเรื่องนี้

ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาแต่งแบบนี้ได้อีกไหม เพราะดูเหมือนจะง่าย
แต่สำหรับเขม การเขียนคอเมดี้ ไม่ง่ายเลย
และถ้าไม่คอเมดี้ ก็ขอให้เป็นฟีลกู๊ดเนาะ (แถไปเรื่อย)
><

ดีใจที่ทุกคนชอบ ดีใจที่ทุกคนได้อ่านเรื่องนี้นะคะ
ดีใจมากๆ เลย มีแต่คำว่าดีใจเต็มไปหมด

เวลาที่เห็นคอมเมนท์หรือแทกในทวิตดีใจมากๆ เช่นกันค่ะ

สุดท้ายขอบคุณทุกคนเลยนะคะ ไม่ว่าจะคนที่แวะผ่านมาเฉยๆ
หรือจะแวะแล้วพูดคุย
ก็ยินดีและขอบคุณทั้งหมดเลยค่ะ

จริงๆ มีเรื่องที่อยากบอกอีกมากมาย แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน

ติชมได้เสมอนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ปล เจอกันเรื่องหน้านะคะ อาจจะฉีกแนวไปบ้าง
แต่ก็อยากให้ลองได้อ่านค่ะ

ปล สอง เขมแต่งตอนพิเศษ สำหรับเรื่องนี้ไว้ ห้าตอน
รวมแม่ตะเคียนที่ลงในเวบไปแล้วด้วยค่ะ
หาก สุดท้ายไม่ได้รวมเล่ม เขมจะเอามาลงให้อ่านกันนะคะ

บุญรักษาและรักเสมอค่ะ


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 07-08-2018 12:54:12
เราก็เป็นแฟนคลับเจ้าแม่เหมือนกัน 555
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆ อ่านแล้วยิ้มตามตลอดเลยรอเรื่องต่อๆไปจ้า
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-08-2018 13:00:20
น้ำ คนหลงแฟน

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 07-08-2018 13:16:57
น่ารักกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 07-08-2018 16:40:22
จบซะแล้วว ความรักของเด็กเดินโพยหวยกับผู้กองไฟแรง ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 07-08-2018 23:41:06
สนุกกกกกกมาก อ่านกี่รอบก็ไม่เบื่อ  :mew1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: _tosssalad ที่ 08-08-2018 01:41:01
 :pig4: :pig4: ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องนี้ให้อ่าน น่ารักมากเลยยย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 08-08-2018 15:11:29
เรื่องนี้คือ อิจฉา นางตะเคียน ตอนไปบ้านน้ำ เราอยากเข้าไปมั่งอะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 09-08-2018 18:20:15
ฟิน  :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 09-08-2018 23:37:53
ลุ้นให้น้ำตายคาอกผู้กองมาก อิอิอิ ชอบมากกกก ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-08-2018 18:41:19
 :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 10-08-2018 19:52:49
น่ารักอ่ะ น้องน้ำคนซื่อกับผู้กองคนเจ้าเล่ห์​ อยากอ่านตอนพิเศษจัง ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆให้ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 10-08-2018 21:10:10
โอ้ยยยยย !!! จบเสียแล้วหรือนี่่่่่
ชอบความขี้เล่นของแม่ตะเคียนกับไอ่น้ำจริงๆ เล้ย :mew1:
ปล.งวดหน้าออกเลขไรจ๊ะแม่ตะเคียนคนงาม o18
..ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ ให้ได้หัวเราะนะคะ  :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 12-08-2018 09:31:09
ฮือออ เป็นเรื่องที่น่ารักมาก ขอบคุณนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-08-2018 13:32:05
พอเค้าสองคนลงเอยกันดีแล้ว
ชิสสสส หลงลืมเจ้าแม่ตะเคียนทองของเราไปเลย

อย่าให้เจ้าแม่กลับมาช่วยอีกแล้วกัน
หุหุ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 13-08-2018 12:14:20
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้จ้า   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 19-08-2018 22:11:27
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆด้วยนะครับ เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 25-08-2018 08:12:35
สนุกค่ะ ขอบคุณมากๆเลย  :katai2-1:
ชอบเจ้าแม่ตะเคียนมากๆเลยอะ เจ้าแม่จอมแก่น 55555
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-08-2018 21:13:16
 :man1: :man1: :man1:


 :กอด1: :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: Boom890 ที่ 27-08-2018 08:25:07
หว่า จบซะแล้ว ขอตอนพิเศษได้ไหมเออ  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 งวดสุดท้าย P12 07/08/2018 จบ
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 01-09-2018 10:57:40
*****ป้ายไฟ***** (FC แม่ตะเคียน)  :hao7:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 จบ || สอบถามความสนใจหนังสือค่ะ หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 18-09-2018 23:08:48
สวัสดีค่ะ เขมขอฝากประชาสัมพันธ์เรื่องแบบสำรวจ LOTTO สื่อรัก ที่จะรวมเล่มค่ะ
รายละเอียดและลงชื่อ (แค่ลงชื่อเพื่อความสนใจ ไม่ได้เป็นการสั่งจองค่ะ)
ตามด้านล่างค่ะ

https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdjSLihpYcxdR-_t6Gzhu2bcp52hx1IHzltXOA8fojEvuzlDg/viewform

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 จบ || สอบถามความสนใจหนังสือค่ะ หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 20-09-2018 20:10:52
 
ตอนพิเศษ สายลับจับบ้านเล็ก


“หนูน้ำกลับมาแล้วหรือจ๊ะ” มารดาของผู้กองปรานต์เอ่ยทักเมื่อเห็นคนรักของลูกชายเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ครับ คุณแม่”

“เอ กลับมาคนเดียวหรือจ๊ะ ตาปรานต์ล่ะ”

“พี่ปรานต์โทรบอกผมให้กลับเองครับ พอดีมีเหตุด่วนเกิดขึ้นแถวสน.”

“อ้าว ใช้ได้ที่ไหนกันลูกคนนี้ อย่างนั้นก็น่าจะให้คนที่บ้านไปรับ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ไม่ลำบากอะไร” น้ำบอกอย่างสุภาพ จะเรียกว่าตอบสร้างภาพก็ไม่เชิง เพราะเขาก็ไม่ได้ลำบากอะไรจริงๆ

ถ้าเกิดว่าวันหน้าต้องไปกลับเองล่ะก็ คงจะต้องพิจารณากันใหม่

“น้ำฝนกลับมาหรือยังครับ”

“จ้ะ อยู่บนห้องเห็นว่ามีรายงาน แม่กำลังจะให้เด็กไปตามมากินข้าวอยู่พอดี แม่ฝากไปตามน้องหน่อยได้ไหม” คุณหญิงบอก

“ได้สิครับ ว่าแต่คุณแม่หิวมากหรือเปล่า ผมขออาบน้ำก่อนได้ไหมครับ สัญญาว่าจะวิ่งผ่านน้ำ แป๊ปเดียวจริงๆ ครับ” น้ำตอบพลางทำหน้าทะเล้นตามคำพูด

“จ้ะ แม่รอได้” นายนทีรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วไม่ให้เสียชื่อที่โม้มารดาของปรานต์เอาไว้เลยแม้แต่น้อย เขาเดินตรงไปห้องน้องสาว เคาะประตูตามมารยาทแล้วเปิดเข้าไปอย่างไร้มารยาท

“พี่น้ำ!” เสียงน้ำฝนโวยวาย

“อะไรเหรอ” น้ำทำเสียงยานคางกวนประสาทน้องสาว

“เคาะประตูแล้วก็รอให้ฉันอนุญาตก่อนสิ”

“อ้าวเหรอ ยังไม่ได้อนุญาตเหรอ สงสัยไม่ได้ยินอะ เอาไงดี ให้ปิดแล้วรอเอ็งอนุญาตแล้วข้าค่อยเข้ามาใหม่ดีไหม” น้ำตอบน้องสาวตามนิสัยของมัน

“พอเลย ไม่ทันแล้วมั้ง แล้วพี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงรถหรือเสียงพี่ปรานต์”

“อยู่ในห้องจะได้ยินด้วยเหรอ” น้ำถามด้วยความสงสัย อันนี้มันไม่ได้กวน

“ได้ยินอยู่แล้ว ถ้ามีรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านอะ ห้องฉันมันอยู่ใกล้หน้าบ้านที่สุดแล้ว”

“อ้อ ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย”

“แล้วพี่กลับมาอย่างไรอะ”

“แท็กซี่อะดิ เปลืองตังชิบ ถามทำไมอะ” น้ำพูดหาที่นั่งแถวๆ โต๊ะหนังสือของน้ำฝนแล้วนั่งพัก เขาขี้เกียจยืน มันเมื่อย

“เปล่า แล้วทำไมไม่กลับกับพี่ปรานต์อะ”

“ข้าโดนเท นาทีสุดท้าย”

“อ้าว อีกแล้วเหรอ”

“เออ พักนี้ถี่มาก อีกหน่อยสงสัยต้องซื้อรถแล้ว” น้ำครุ่นคิด เพราะมันจะไม่คุ้มค่าแท็กซี่เอา

“พี่ปรานต์เขาไปไหนล่ะ ทำไมไม่มารับพี่หรือเรื่องงาน?” น้ำฝนตั้งข้อสงสัย

“อืม จะเรื่องอะไรได้ งานทั้งนั้นแหละ ทำไมตำรวจถึงงานยุ่งขนาดนี้วะ หาใหม่เสียดีไหม” น้ำบ่น

“เหอะ ก่อนที่ตัวเองจะทิ้งเขา มีหวังจะถูกเขาทิ้งก่อนไหม” น้ำฝนย้อนกลับ

“ไม่มีทางโว้ย”

“ตัวเองทำอะไรดีบ้างให้พี่ปรานต์ไม่ทิ้ง ไหนบอกน้องคนนี้หน่อยสิ”

ไอ้น้ำคิด เขามีอะไรดีบ้างวะ?


เรื่องงานบ้านเหรอ ก็พอได้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำเพราะคนที่บ้านของผู้กองทำหมดแล้ว เขาเคยเข้าไปช่วยอยู่ครั้งหนึ่งถูกคุณแม่บ่นเลยเพราะไปแย่งงานหน้าที่ของคนอื่น

ข้อนี้ตัดไป


เรื่องงานนอกบ้านเหรอ ก็เก่งนะ เขาว่าเขาทำงานเก่งระดับหนึ่งเลยล่ะ แต่เอ่อ..มันไม่เกี่ยวกับงานผู้กองนี่หว่า

ข้อนี้ก็ตัดไป


เรื่องนิสัยเหรอ เฮ้ย เห็นอย่างนี้ พี่น้ำนิสัยดีนะเว้ย โอบอ้อมอารี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ครบเลยเหอะ

ข้อนี้บวกหนึ่ง



เรื่องหน้าตาเหรอ ไม่อยากคุยอวด แต่เขาก็หน้าตาดีไม่แพ้ใคร อ่า ยอมให้ผู้กองคนหนึ่งก็ได้
         
ข้อนี้ก็บวกหนึ่ง


สุดท้ายเรื่องบนเตียงเหรอ อืม ยากแฮะ แต่ต้องดีแหละ ไม่งั้นผู้กองคงไม่ชมเขาหรอกว่า น้ำคนเก่ง น้ำเก่งมาก อะไรแบบนั้น

โอ๊ย เขิน แต่ข้อนี้ให้เป็นข้อดีบวกหนึ่งพลัสพลัส แถมไปเลย

สรุป เขามีแต่ข้อดีนะเออ น้ำว่าอย่างนั้น




“ตกลงคิดได้ยัง ว่ามีข้อดีอะไรบ้าง” น้ำฝนทวง

“เยอะมาก และดีมากด้วย” น้ำตอบอย่างมั่นใจ

“ถ้าดีมากขนาดนั้น ทำไมช่วงนี้พี่ปรานต์ถึงกลับบ้านตีสองตีสามตลอด”

“เอ็งรู้ได้อย่างไร” น้ำขมวดคิ้ว

“อย่าบอกนะว่า นี่ไม่รู้เลยว่าสามีกลับบ้านกี่โมง”

“สามีอะไรเล่า” น้ำปัดคำพูดนั้นทิ้ง ยังไงก็ไม่ชินกับคำนี้สักที พี่น้ำคนนี้ต่างหาก ที่เป็นสามี.  ผู้กอง “เอ็งว่าไงนะ พี่ปรานต์กลับบ้านกี่โมง”

“ตีสองไม่ก็สาม ประมาณนี้แหละ”

“ทำไมเอ็งรู้ มั่วเปล่า” น้ำว่า

“ก็ช่วงนี้ฉันอ่านหนังสือดึก ใกล้สอบแล้ว เลยจะเข้านอนเวลานี้แหละ”

“เหรอ”

“แล้วนี่อย่างไร โห..นี่พี่น้ำหลับไม่รู้เรื่องเลยหรือไง ถ้ามีโจรขึ้นบ้านพี่ตายไปแล้วเนี่ย” น้ำฝนต่อว่าพี่ชายที่นอนขี้เซา จนไม่รู้เรื่องว่ามีคนเข้าออกห้องนอนของตัวเอง

“คนมันง่วงนี่หว่า”

“อะไรจะไม่รู้ตัวขนาดนั้น” น้ำฝนส่ายหน้า “คืนนี้พี่ลองดูสิ ฉันว่าพี่ปรานต์น่าจะกลับบ้านเวลาเดิม”

“จะดีเหรอ พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า” น้ำบ่นเล็กน้อย ถ้าคืนนี้นอนดึก พรุ่งนี้ก็ง่วงอะสิ

“แล้วแต่นะ ไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร”

“....”

“ถ้าไม่อยากรู้ว่าเรื่องงานจริงหรืองานนอก ก็ตามใจ” น้ำฝนหย่อนระเบิดไว้ให้ไอ้น้ำคนอยากรู้ต้องรู้ให้ได้

“เออๆ ก็ได้ คืนนี้เดี๋ยวข้าตั้งมือถือปลุกไว้ เผื่อข้าหลับ”

“อืม แล้วนี่เข้ามาหาฉันมีเรื่องอะไร”

“ลืมไปเลยเนี่ย” น้ำยกมือตบหน้าผากตัวเองเบาๆ “แม่ให้มาตามเอ็งไปกินข้าว ป่านนี้รอแย่แล้ว”

“อ้าว แล้วก็ไม่รีบบอก ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอ” น้ำฝนชิงด่าพี่ชายก่อนจะรีบปิดหนังสือแล้วผลุนผลันออกจากห้องไปทันที โดยไม่รอพี่ชายเลยแม้แต่น้อย


...
         
คืนนั้น ไอ้น้ำต้องหาอะไรอ่านฆ่าเวลา สัปหงกก็แล้ว ลุกไปนั่งจนหัวโขกโต๊ะก็แล้ว ล้างหน้าก็แล้ว ผู้กองปรานต์ก็ยังไม่กลับ ไอ้น้ำหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา ตีสองสิบนาที โอ้โห นี่ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า แต่เขาอะจะไม่ไหวแล้วโว้ย ไอ้น้ำ รู้สึกตาใกล้จะปิดอีกครั้ง พลันประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกมาพอดี


ภารกิจจับผิดของน้ำเริ่มขึ้น มันรีบหลับตาลงทันทีเพราะกลัวปรานต์จะรู้ว่ามันไม่ได้หลับอยู่ ใจของมันเต้นโครมคราม เพราะตั้งแต่คบกันมา ไอ้น้ำไม่ได้ทำอะไรอย่างนี้นานแล้ว


ไอ้น้ำได้ยินเสียงผู้กองเปิดตู้เสื้อผ้าและประตูห้องน้ำ เดาว่าอีกฝ่ายคงจะหายไปอาบน้ำ มันพยายามข่มใจไม่ให้หลับอีกนิดเดียวมันอาจจะรู้เรื่องก็เป็นได้ รออย่างใจจดใจจ่อไม่รู้กี่นาที ก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกอีกครั้ง มันรีบหลับตาลงอีกครั้ง


"ฝันดีนะครับ” เสียงผู้กองกระซิบใกล้ไอ้น้ำเหลือเกิน และอึดใจต่อมา หน้าผากของมันก็ถูกคนร่วมเตียงจูบเบาๆ ที่บริเวณนั้น จนมันเกือบจะหลุดยิ้มออกมา แต่ต้องรีบห้ามไว้ไม่งั้นมันจะถูกจับได้


‘ก็ไม่เห็นมีอะไร พี่ปรานต์ของเขาดูปกติทุกอย่าง น้ำฝน เอ็งอะคิดมากไปแล้ว พานให้ข้าคิดตามไปด้วย’


น้ำคาดโทษน้องสาวอยู่ในใจกะว่าพรุ่งนี้จะไปบ่นน้ำฝนให้หูดับไปเลยข้างหนึ่ง เอาล่ะคืนนี้เขาพยายามเต็มที่แล้ว จะขอลาไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เสียที เห็นท่านกวักมือเรียกเขาอยู่ไกลๆ ว่ามานอนได้แล้ว


‘ฝันดีนะพี่ปรานต์’



น้ำบอกคนรักอยู่ในใจ ลมหายใจผ่อนคลายมากขึ้น จังหวะที่มันเคลิ้มใกล้จะหลับอยู่นั่นเอง มันกลับได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นอยู่แถวๆ นี้ กำลังคิดว่าเป็นโทรศัพท์ของมันเองหรือเปล่า ผู้กองปรานต์ก็เฉลยคำตอบให้เสียแล้ว


“ว่าไงครับ” เสียงทุ้มรับสายด้วยเสียงที่เบาถึงเบามากที่สุด แต่ห้องมันเงียบ น้ำเลยได้ยิน

“อืม..รอพี่เดี๋ยวนะ”รออะไร รออะไร บอกมานะ น้ำถามไร้เสียง

“เดี๋ยวเขาตื่น”เขา? นี่ใช่ ตัวไอ้น้ำไหม เฮ้ย เขายังไม่อยากมีเขาเป็นของตัวเองเว้ย



น้ำได้ยินเสียงคล้ายผู้กองจะลุกออกจากเตียงไป ประตูกระจกตรงระเบียงถูกปลดล็อกก่อนจะตามมาด้วยเสียงเปิดประตู น้ำรีบลืมตาหันไปทางระเบียง เขามองเห็นไม่ชัดเพราะมีผ้าม่านผืนบางบดบังสายตา

...




“เป็นอะไรจ๊ะ หนูน้ำ ตาคล้ำเชียว นอนไม่หลับหรือ” คุณหญิงเอ่ยทักในยามเช้าที่เห็นหนูน้ำของเธอนั้นมีตาอิดโรยคล้ายคนนอนไม่เพียงพอ

“เอ่อ..นิดหน่อยครับ”

“เมื่อคืนพี่กลับถึงบ้าน น้ำก็หลับแล้วไม่ใช่หรือ” ผู้กองปรานต์สงสัย

“ผมฝันร้าย มาสะดุ้งตื่นใกล้เช้า”


“อย่างนั้นเหรอจ๊ะ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูก” คุณหญิงปลอบ

“ขอบคุณครับ”

“แล้วนี่อิ่มแล้วหรือจ๊ะ”คุณหญิงถามอีกเมื่อเห็นอาหารพร่องไปนิดเดียว

“ครับ รู้สึกตื้อๆ น่ะครับ”

“ระวังป่วยเอาน่ะลูก”

“ไม่เป็นไรครับ กลางวันคงดีขึ้น” น้ำบอก

“เดี๋ยวกินยาดักไว้หน่อยดีกว่านะครับ”ผู้กองพูดด้วยความเป็นห่วง   

“ครับ”

“ปะ พี่น้ำ ไปเอายากับฝนที่ห้องครัวกัน” น้ำฝนสบโอกาสชวนพี่ชายลุกออกไปจากบริเวณโต๊ะอาหาร

“อืม ก็ดี”


สองพี่น้องพากันเข้ามาในห้องครัว น้ำฝนหยิบยาและน้ำให้พี่ชายก่อนเป็นอันดับแรก รอจนกระทั่งพี่ชายกินไปเรียบร้อย หญิงสาวจึงหันซ้ายหันขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงถามขึ้น

“ตกลงเมื่อคืนพี่ปรานต์กลับบ้านตามเวลาที่ฉันบอกไหม”

“อืม ตีสองสิบสองนาที”น้ำจำได้แม่น

“เป๊ะแฮะ แล้วเป็นไงอะ ปกติไหม”

“จะปกติอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าก่อนนอนมีคนโทรหาพี่ปรานต์”

“เรื่องงานหรือเปล่า”น้ำฝนพูดอย่างเป็นกลาง

น้ำเลยเล่าสถานการณ์และคำพูดของเมื่อคืนให้น้องสาวฟังจนหมด“คิดว่ายังเป็นเรื่องงานอยู่ไหม”

น้ำฝนจึงส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“นี่ข้ากำลังจะมีเขาจริงหรือวะ จะโดนพี่ปรานต์ทิ้งจริงเหรอวะ” น้ำเริ่มวิตกกังวล

“เอ้อ.. มันอาจจะไม่ใช่ขนาดนั้นก็ได้มั้ง” น้ำฝนรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ให้พี่ชายไปจับผิดพี่เขยแบบนั้น“แล้วพี่จะทำไงต่อ”

“อยากมีแฟนเป็นตำรวจมันต้องมีหลักฐานเว้ย ข้าจะสังเกตการณ์อีกสองสามวัน ถ้ายังเหมือนเดิม ข้าจะรีบไปหาหลักฐาน”

“พี่น้ำ อย่าหาว่าฉันแช่งเลยนะ ถ้าเกิดว่าพี่ปรานต์นอกใจจริงๆ พี่จะทำไง”

“ถ้าพี่ปรานต์มีคนอื่น อย่างแรกเอ็งก็คงต้องย้ายกลับไปอยู่ที่ห้องข้าอีกฝั่งหนึ่ง ลำบากเดินทางหน่อย แต่คงอยู่ที่นี่ไม่ได้”

“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องของฉันเสียหน่อย หมายถึงพี่ต่างหาก” น้ำฝนพูดอย่างอ่อนใจ จนถึงเวลานี้พี่ชายยังห่วงเรื่องของเธออยู่อีก

“ข้าก็จะจัดการคนกลางก่อน”น้ำพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เฮ่ย พี่คิดจะทำอะไร อย่าให้ถึงขนาดต้องฆ่าต้องแกงกันนะ” น้ำฝนตกใจรีบเตือนสติพี่ชาย

“จะบ้าหรือไง โมโหแค่ไหนก็กลัวติดคุกเว้ย”

“อ่อ..พี่จะจัดการอย่างไร”

“ถ้าพี่ปรานต์คิดนอกใจข้าจริง เอ็งคอยดูละกัน” แววตาเด็ดเดี่ยวของน้ำน่ากลัวจนน้องสาวไม่กล้าตอแยต่อ


เรื่องผัวเมีย น้ำฝนจะไม่ยุ่ง น้ำฝนกลัว



....


คืนนั้นเป็นอีกคืนที่น้ำกลับบ้านเองและมันยังไม่หลับ เมื่อวานมันง่วงแทบตาย วันนี้กลับตาค้างเพราะเรื่องของผู้กองปรานต์มันรบกวนจิตใจไอ้น้ำเหลือเกิน วันนี้ทั้งวันมันก็ไม่ค่อยหิว นี่มันเข้าข่ายกินไม่ได้ นอนไม่หลับหรือยัง


ผู้กองปรานต์กลับบ้านเวลาเดิมคือตีสองนิดๆ ไอ้น้ำแกล้งหลับเหมือนเคย ประสาทสัมผัสการได้ยินของมันทำงานอย่างดีเยี่ยม คอยฟังว่าผู้กองทำอะไรอยู่ ณ เวลานี้

เนื้อเรื่องเหมือนย้อนไปเมื่อวานเป๊ะ ผู้กองบอกฝันดี และสักพักไม่นานต่อจากนั้น โทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น และผู้กองก็ลงจากเตียงออกไปนอกระเบียงเหมือนเดิม

‘เอาไงดี เดินออกไปถามเดี๋ยวนี้เลยดีไหม’ น้ำคิด

‘ลุกไปถามเลย จะได้รู้เรื่อง’ มารดำกระซิบข้างหูซ้ายบอกไอ้น้ำ

‘อย่าเพิ่งเลย เรายังไม่มีหลักฐานนะ’ มารขาวกระซิบข้างหูขวา

‘แล้วจะให้ทำไงอะ’ น้ำถาม

‘ไปถามเลย’ มารดำยังยุยงต่อ

‘ถ้าน้ำไปถามตอนนี้ ผู้กองอาจปฏิเสธก็ได้ แล้วอาจจะจับไม่ได้นะ’ มารขาวบอกอย่างมีเหตุผล

‘ตกลง ข้าเชื่อเอ็ง มารขาว ข้าจะรอ’


เช้าวันเสาร์ หน้าของไอ้น้ำอิดโรยกว่าเดิม ถ้าคืนนี้มันยังไม่หลับอีก มันคงจะตายแน่ๆ ถ้าเป็นสมัยเรียน มันทำงานเพื่อส่งโปรเจ็กอยู่สามคืน ยกกระทิงแดงเข้าปากไป ไอ้น้ำยังบ่ยั่น แต่พออายุมากขึ้น แค่ครึ่งคืนไอ้น้ำก็จะตายแล้ว

“ยังไม่ตื่นหรือ ขี้เซาจังเลย” เสียงผู้กองดังวนเวียนอยู่ข้างตัวมัน แต่ไอ้น้ำไม่คิดจะลืมตา

“น้ำครับ ตื่นมาคุยกับพี่หน่อย” ผู้กองยังพูดต่อ ไอ้น้ำอยากจะด่าอีกฝ่ายเสียเดี๋ยวนั้น เพราะใครกันเล่าที่ทำให้เขาหนังตาหนักขนาดนี้ มันไม่ได้หลับแค่ยกเปลือกตาไม่ขึ้นเท่านั้นเอง

“อืม ว่าไงครับ” น้ำตอบทั้งที่ไม่ลืมตา

“วันนี้พี่จะออกไปข้างนอกนะครับ พี่มีธุระ” ปรานต์บอกเสียงนุ่ม

แต่คนที่ฟังขมวดคิ้ว ธุระอะไรวะ

“ธุระอะไรหรือครับ” มันกลั้นใจถาม

“เกี่ยวกับคดีนิดหน่อย น้ำนอนต่อนะ พี่ไม่กวนแล้ว”

“อือ”

“พี่ไปนะ” ผู้กองปรานต์หอมแก้มขาวนั้นหนึ่งทีก่อนจะผละจากไป สิ้นเสียงประตูห้องปิด มันตะลีตะลานลืมตาให้ได้แล้วรีบเข้าไปอาบน้ำแต่โดยเร็ว


วันนี้แหละ มันอาจจะจับตัวผู้ร้ายพร้อมหลักฐานได้ก็เป็นได้


คล้อยหลังผู้กองขับรถออกไปจากบ้าน มันรออีกครึ่งชั่วโมงจึงตามอีกฝ่ายออกไป เพราะกลัวว่าถ้ามันรีบตามไปเร็ว อีกฝ่ายจะรู้ตัว ไอ้น้ำไปอ้อนขอยืมรถคุณหญิงมาได้หนึ่งคัน ซึ่งนางก็อนุญาตด้วยความเต็มใจ


ขึ้นไปในรถได้ ไอ้น้ำก็รีบเปิดมือถือ ยังไงดี มันต้องขอบคุณเทคโนโลยี ตามหาโทรศัพท์ใช่ไหม ที่มันแอบทำไว้เมื่อเช้านี้  เหอะ! แค่นี้การติดตามผู้กองก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แล้วมันก็อยากตบหัวตัวเองที่เพิ่งจะมาฉลาดในตอนนี้


แล้วทำไมก่อนหน้านี้ไม่เช็ควะ ป่านนี้ก็รู้เรื่องแล้ว



มันขับรถออกไป ตามจุดสัญลักษณ์ไปเรื่อยๆ จนเห็นว่ามันคือห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ไกลออกมาจากบ้านของ      ผู้กองพอสมควร มานัดแนะชู้เสียไกล กลัวมีคนเห็นใช่ไหม ถึงว่าแต่งตัวเสียหล่อ น้ำหอมฟุ้งไปทั่วห้อง


ไอ้พี่ปรานต์ ถ้านอกใจจริงๆ เขาจะ..


เขาจะ..


เขาจะอะไรวะ ไม่รู้เว้ย เอาจริงๆ ไอ้น้ำยังคิดไม่ออก



นายนทีจอดรถมือไม้สั่น ไม่เคยคิดจะจับผู้ร้ายมาก่อนเลย พอมีโอกาสได้ลงมือคนนั้นกลับเป็นภรรยาของเขาเสียนี่ ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย ไอ้น้ำโมโห แต่ด้วยความอยากรู้ เขาเลยต้องเดินหน้าต่อไป อีกอย่างหนึ่งแม่น้อยเคยบอกว่ามีอะไรให้ถาม แต่เขาขอหลักฐานก่อนละกันค่อยถาม


มันเหลือบมองจุดในมือถือเป็นระยะๆ จนอีกไม่ไกลมันจะถึงผู้กองอยู่แล้ว แต่กลับมีใครคว้าแขนมันเอาไว้ได้ก่อน

“เฮ้ย” น้ำตกใจ

“พี่น้ำ ผมเอง มาร์คไง”

“อ้าว น้องมาร์ค มาได้ไงเนี่ย” น้ำถามกลับไป เวลานี้เขายังไม่อยากเจอคนรู้จักเว้ย

“ผมมาซื้อของอะ ห้างนี้มันใกล้คอนโดผม”

“อ่อ..เหรอ” น้ำไม่รู้จะตอบว่าอะไร สายตาของมันไม่ได้มองน้องมาร์คเลย มันจับจ้องไปเส้นทางตรงหน้า

นั่นไง! มันเห็นผู้กองแล้ว ยืนอยู่ลิบๆ นั่น มันจำเสื้อผู้กองได้ แล้วอีกคนนั่นใคร มันมองเห็นไม่ถนัด หรือว่า... ดวงตาของไอ้น้ำเบิกกว้างขึ้น


ชู้! จับได้แล้ว ไอ้น้ำรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บหลักฐานเอาไว้


“พี่มองอะไร” น้องมาร์คถาม เห็นท่าทีของพี่น้ำดูร้อนรน

“มองคนเล่นชู้”

“ห๊ะ!?” น้องมาร์คคิดว่าตัวเองน่าจะหูฝาด

“เอ่อ.. พี่มาหาพี่ปรานต์น่ะ”

“เหรอครับ” น้องมาร์คมองตามสายตาของพี่น้ำไป “อ้าวคุณปรานต์อยู่ตรงนั้นนี่ครับ มาครับเข้าไปหาเขาด้วยกัน”

“เดินเข้าไปเงียบๆ นะ อย่าให้เขารู้ตัว”

“ทำไมครับ” น้องมาร์คสงสัย กับการเดินไปหาแฟนทำไมถึงต้องทำตัวลึกลับด้วย


“เถอะน่า เชื่อพี่” น้ำพูดแค่นั้นแล้วออกเดินจนรุ่นน้องเดินตามไปเรื่อยๆ


ไอ้น้ำเห็นชู้คนใหม่ของผู้กองยืนกอดแขนคนรักเขาอย่างสนิทสนม ในหัวของไอ้น้ำปวดจี๊ดขึ้นมาทันที ใครมีปืนแถวนี้ไหม จะเอามายิงสองคนนี้ น้ำสลัดหัว ไม่ได้ๆ ฆ่าคนตายต้องติดคุกอีก มารขาวกับมารดำในหัวของไอ้น้ำกำลังตีกันให้วุ่น

“โอ๊ย จะทนไม่ไหวแล้วโว้ย” น้ำกดเสียงต่ำให้มากเข้าไว้ กลัวจะโมโหจนเสียงดัง

“พี่น้ำ เป็นอะไรไหม” น้องมาร์คเป็นห่วง แค่มองจากตรงนี้ก็รู้แล้วว่าผู้กองกำลังนอกใจพี่น้ำของเขา น้องมาร์คแอบสะใจเล็กๆ คนที่ทำท่าว่ารักพี่น้ำเป็นมั่นเป็นเหมาะ สุดท้ายก็ดีแตกออกมา

“พี่โอเคๆ” น้ำบอกแต่ในใจเขาไม่โอเค

แล้วจังหวะที่เขาไม่โอเคที่สุดก็ตอนที่ชู้หน้ามนนั่นใช้นิ้วมาเกลี่ยแก้มคนรักของเขานั่นแหละ นี่มันกลางวันกลางห้างแท้ๆ ยังกล้าทำอะไรแบบนี้ ไอ้น้ำไม่ทงไม่ทนแล้ว

“ทำอะไรน่ะ!!” ไอ้น้ำเดินเข้าไปถามพยายามไม่ทำเสียงดัง ซึ่งดูจะยากเต็มที

“น้ำ มาได้ไงครับ” ผู้กองถามด้วยใบหน้าที่น้ำก็วิเคราะห์ไม่ออก ว่าอีกฝ่ายกลัวที่ถูกเขาจับได้ หรือเพราะอะไรกันแน่

“ไหนว่ามีธุระ มีธุระที่นี้งั้นเหรอ”

“กลับไปบ้านก่อนได้ไหมนะ พี่ขอ”

“ไม่ได้ ผมมีหลักฐานนะ”

“ถ้าอยากเลิกกับผมก็บอกผมก็ได้นี่นา หลอกกันแบบนี้ทำไม” น้ำสูดน้ำมูก แต่มันยังไม่ร้องไห้ มันไม่กล้า มันอาย

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น น้ำกลับไปก่อนนะ” ผู้กองพูดอีกครั้ง

“ไม่”

“คือ..มันไม่ใช่” ชู้ของผู้กองพูดขึ้นบ้าง

“หยุดเลย มือที่สามไม่ต้องมายุ่ง” น้ำหันไปบอก

“มันไม่ใช่นะครับ” ชู้คนนั้น ปล่อยแขนที่จับผู้กองไว้ ตั้งใจจะถูกตัวน้ำ ด้วยความที่ไอ้น้ำไม่ไว้ใจอยู่แล้ว มันเลยปัดมือนั้นทิ้งตามสัญชาตญาณ จนอีกฝ่ายเซไปเล็กน้อย

“มึงตาย!!” เสียงของใคร ไอ้น้ำงง สาบานไม่ใช่เสียงของไอ้น้ำแน่นอน แต่มันรู้สึกว่าเสียงนั้นเหมือนจะพุ่งมาหามัน

“น้ำหลบ” ผู้กองตะโกนบอก พลางดึงแขนของคนรักให้เข้ามาใกล้ตัว “จ่า!! เร็ว จับไว้”เสียงผู้กองดังขึ้นอีกข้างหูไอ้น้ำ

นายนทีเห็นตำรวจที่สวมเครื่องแบบเต็มยศหลายคนพุ่งเข้ามาจากหลายทิศทาง คนที่เดินห้างอยู่บริเวณนั้นต่างกรีดร้องพากันแตกฮือด้วยความตกใจ


คนที่พูดว่า‘มึงตาย’ถูกจับในที่สุด ไอ้น้ำ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนในเหตุการณ์ถูกพามาโรงพักเพื่อให้ปากคำ


เมื่อเหตุการณ์สงบ ผู้กองก็ให้น้ำขับรถกลับบ้านก่อน และตอนนี้มันกำลังทำหน้าสลดอยู่ในห้องนอน รอการประหาร


“น้ำไปหาพี่ที่ห้างถูกได้ไงครับ” เจ้าหน้าที่อย่างผู้กองปรานต์เริ่มลงมือสอบสวน

“ผมมีสิทธิ์ที่จะไม่พูดหรือเปล่า”

“พี่ถามน้ำอย่างคนเป็นแฟนกัน” ผู้กองยิ้มพลางพูดเสียงเรียบ

“ผมรู้ก็พอ ผมเป็นเด็กไอทีนะครับ” น้ำตอบเลี่ยง ถ้าขืนบอกไป สุดท้ายเขาจะกลายเป็นคนผิด
น่ะสิ

“พี่รู้ เอาไว้พี่จะลองไปถามเด็กไอทีคนอื่นดูบ้างว่าเขาทำไงถึงรู้ว่าแฟนไปไหนมาไหน”

“พี่ปรานต์จะไปถามใคร” น้ำไม่ชอบใจ ผู้กองตั้งใจทำให้เขาไม่พอใจชัดๆ

“ไม่รู้สิ ก็เด็กสักคนหนึ่ง ดีไหม”

“ถ้าหาเด็กใหม่นะ น่าดู”

“หึงพี่เหรอ”

“เปล่า แค่ไม่ชอบ” ไอ้น้ำปากแข็ง

“พี่รับรองว่าจะไม่มีอะไรให้น้ำต้องกังวลเพราะพี่จะถามต่อหน้าน้ำเลยนะครับ”ผู้กองยังยิ้ม แต่ตาไม่ยิ้ม จนไอ้น้ำรู้สึกอยากจะป่วยและเป็นลมไปเสียตอนนี้

“ผมบอกแล้ว บอกแล้ว” น้ำกระชากเสียงตอบ เพราะขืนยังดื้อแพ่งต่อไป เขาอาจจะถูกลงโทษสถานหนัก

“ครับ?”

“คือเครื่องผู้กองมันมีติดตามโทรศัพท์หาย ผมแอบทำตอนผู้กองอาบน้ำ”

“อ้อ..ไม่ไว้ใจพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“แล้วที่พี่ทำมันน่าไว้ใจหรือเปล่าล่ะ”

“พี่ทำอะไรให้น้ำไม่ไหวใจ บอกพี่หน่อยคนดี” ผู้กองดึงไอ้น้ำให้ขยับมานั่งใกล้ๆ

“พี่ให้ผมกลับบ้านเองติดต่อกันตั้งหลายวัน แล้วพี่ก็กลับบ้านตีสองตีสาม แล้วพอกลับมาพี่ยังคุยโทรศัพท์กลับใครต่อไม่รู้ที่ข้างนอกนั้น ผมควรจะไว้ใจพี่ใช่ไหม” น้ำระบายออกมาด้วยความอัดอั้น

“พี่แค่กำลังทำคดีหนึ่งเท่านั้นเอง”

“โดยการเอาตัวไปเล่นละครกับเหยื่องั้นหรือครับ ไม่ตลกเลยอะ ผมคิดว่าพี่นอกใจจริงๆ”

“พี่คิดว่าจะไม่มีโอกาสเห็นน้ำหึงเสียแล้ว” ชายหนุ่มยิ้ม

“จะบ้าหรือไง ไม่มีหรอกคนที่ไม่เคยหึงอะ ยกเว้นว่าไม่รักกันแล้ว” น้ำรีบพูด

“ไม่รู้สิ ตั้งแต่คบกันมา น้ำไม่ค่อยแสดงอาการว่าหึงพี่ จนพี่ไม่แน่ใจ”ผู้กองพูด น้ำดูเหมือนเด็กโวยวายแต่เจ้าตัวค่อนข้างจะดื้อเงียบและนิ่งพอสมควร

“ไม่แน่ใจอะไรครับ”

“ไม่แน่ใจว่ารักพี่หรือเปล่า”

“นี่ทำคดีจนเพี้ยนหรือไง ถ้าไม่รักป่านนี้ก็ย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นแล้ว ไม่ยอมให้ถูกกดอยู่แบบนี้หรอก” น้ำทำตาขวาง อยากจะพ่นไฟไปให้ถึงดาวอังคาร

“พี่ขอโทษนะครับ”

“รู้ตัวก็ดี วันหลังอย่าทำอีกก็แล้วกัน” น้ำบอกทำเสียงเหมือนผู้ใหญ่ให้อภัยเด็ก

“ว่าแต่พี่ขอโทษเรื่องอะไร เรื่องที่ทำให้ผมเข้าใจผิดใช่ไหม” มัวแต่รีบรับคำขอโทษ พอนึกได้ก็งงว่าคนรักของเขาขอโทษเรื่องอะไร

“ใช่ ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด เพราะพี่ตั้งใจ”

“ตั้งใจ?”

“ครับ จ่าที่สน. บอกให้พี่ลองดู พี่ก็เลยลอง”

“ลองอะไร? เดี๋ยวนะอย่าบอกว่าพี่เอาผมไปคุยกับที่สน.”น้ำขยับถอยออกมาเล็กน้อยด้วยความระแวง

“ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย พวกจ่าๆ ถามพี่ว่า พี่กลับบ้านดึกดื่น เมียที่บ้านไม่ว่าหรือ พี่เลยบอกเขาว่า ไม่ว่าเลย จ่าก็เลยถามว่าสงสัยเมียพี่จะไม่รัก”

“พี่ก็เลยทำให้ผมหึง” น้ำถามอีก

“ก็ไม่เชิงล่ะนะ โอกาสเหมาะพอดี น้ำรู้ใช่ไหมว่าคนที่น้ำเห็นเขาเกาะแขนพี่วันนี้น่ะ เขาถูกคนโรคจิตคุกคาม แต่เขาไม่รู้ว่าใคร”

“อื้อ แต่ผมไม่เห็นว่าทำไมพี่ต้องนัดกันไปที่ห้างด้วยอะ”

“คนมันเยอะดี คนร้ายจะระวังตัวน้อยกว่าเพราะเวลาหลบหนีก็จะอาศัยฝูงชนเหล่านั้นหายไป”

“ผมยังโกรธพี่นะ ห้ามไปทำอะไรแบบนี้อีก คนในสน. ตั้งเยอะทำไมไม่ให้พวกเขาไปทำ” น้ำบ่น

“ก็เพราะพี่ดูเข้าเค้าสุดไง เพราะพี่หล่อที่สุดในสน.แล้ว”

“หลงตัวเอง”

“น้ำคิดว่าไงล่ะ” ผู้กองตอบไอ้น้ำด้วยคำถามแทน

“ก็..งั้นๆ แหละ แพ้พี่น้ำหน่อยหนึ่ง ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวให้ผมหึงอย่างไร”

“โทรศัพท์ตอนกลางคืนนั่นไง เพราะเหยื่อต้องทำงานกลางคืนที่พี่ต้องกลับบ้านดึกๆ เพราะพี่ไปรอรับเขา”

“ทำงานดีจนน่าเลื่อนขั้นให้เหลือเกิน” น้ำสาบานว่ามันไม่ได้ประชดเลยแม้แต่น้อย

“คนอื่นพี่ก็ไม่ไว้ใจอีกอย่าง เพราะเมียพี่ไม่ว่าที่พี่กลับบ้านดึก พี่ก็ใจแป้วแล้วนะเพราะน้ำไม่โทรตามพี่เลย”

“บอกว่าทำงาน ผมจะโทรไปกวนได้ไงล่ะ”

“จนกระทั่งโทรศัพท์นั่นแหละ เขาโทรมาหาพี่เพราะแค่กลัวมีอันตรายเกิดขึ้นกับพี่ เราอยู่ในที่สว่างไม่รู้คนร้ายจะมาไม้ไหน”

“แล้วทำไมต้องออกไปคุยลับๆ ล่อๆ ข้างนอกด้วย”

“น้ำแกล้งหลับไม่ใช่หรือ นั่นแหละที่พี่ตั้งใจ แล้วดันได้ผลดีเสียด้วย”ผู้กองยิ้มกว้างจนไอ้น้ำอยากบิดปากนั้นสักที

“ดูออกด้วยหรือว่าผมไม่ได้หลับ”

“น้ำดูออกง่ายน่ะ” น้ำอยากจะกลอกตาสิบตลบ นี่มันเป็นความโชคร้ายที่ติดตัวเขาไปตลอดใช่ไหม

“ข้อหาที่พี่ทำให้ผมนอนไม่หลับ เพราะงั้นพี่ปรานต์ต้องถูกลงโทษ”

“จะลงโทษพี่อย่างไรครับ”

“คืนนี้ต้องยอมให้ผมกดพี่”

“เอาสิ” ผู้กองอนุญาต

“จริงๆ นะ”

“อืม ถ้าทำได้นะ”
 


จบ




===============================


มาต่อตอนพิเศษให้ค่ะ จากในแบบสำรวจมีคนอยากอ่านเน้อ

หวังว่าตอนนี้คงจะถูกใจนะคะ

เหตุการณ์ในเรื่องเป็นช่วงที่ผู้กองและน้ำคบกันได้สามสี่ปีแล้วค่ะ

อ๊ะๆ มีตัวละครใหม่ด้วยคือ น้องมาร์ค เขาเป็นใครหนอ เขามาจากไหน

ตอนพิเศษในเล่มได้กล่าวไว้ค่ะ ^^



ปล 1 ว่าจะแต่งสั้นๆ แต่ทำไมมันกลับยาวเล่า

ปล 2 เมื่อไหร่ไอ้น้ำจะรู้ตัวเสียทีว่ากดผู้กองไม่ได้ลูก





HASHTAG #LOTTOสื่อรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Facebook และ Twitter



และ และ และ



เขมขอฝากประชาสัมพันธ์เรื่องแบบสำรวจ
LOTTO สื่อรัก ที่จะรวมเล่มค่ะ
รายละเอียดและลงชื่อ
(แค่ลงชื่อเพื่อความสนใจ ไม่ได้เป็นการสั่งจองค่ะ)

ตามด้านล่างค่ะ


https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdjSLihpYcxdR-_t6Gzhu2bcp52hx1IHzltXOA8fojEvuzlDg/viewform



หากมีข้อสงสัย สามารถถามทางทวิตและเฟซบุ๊กได้เลยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 |ตอนพิเศษ สายลับจับบ้านเล็ก P13 UP!! 20180920
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-09-2018 21:15:45
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 |ตอนพิเศษ สายลับจับบ้านเล็ก P13 UP!! 20/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-09-2018 22:38:01
น้ำ..กดกดกด..นั่งซบนอนซบอยู่บนอกผู้กอง
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 |ตอนพิเศษ สายลับจับบ้านเล็ก P13 UP!! 20/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 23-09-2018 18:54:07
กดอย่างไรตัวเองถึงได้เป็นเมียละไอ่น้ำ 5555555

 :really2:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 |ตอนพิเศษ สายลับจับบ้านเล็ก P13 UP!! 20/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 26-09-2018 10:53:22
งานนี้ไม่รู้ใครจะกดใครกันแน่
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 |ตอนพิเศษ สายลับจับบ้านเล็ก P13 UP!! 20/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 15-01-2019 07:47:41
อ่านเพลินเลยค่ะ นอกจากหลงรักน้ำแล้วเรายังรักแม่ตะเคียนด้วยเป็นผีที่น่ารักมาก  :กอด1: :กอด1: :กอด1
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 |ตอนพิเศษ สายลับจับบ้านเล็ก P13 UP!! 20/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 19-01-2019 18:43:36
ขอบคุณคนเขียนมาก เรื่องน่ารักดี
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 |ตอนพิเศษ สายลับจับบ้านเล็ก P13 UP!! 20/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 11-03-2019 19:06:01
สวัสดีค่ะ

เขมมาแจ้งข่าวค่ะ



ชื่อเรื่อง: Lotto สื่อรัก (เล่มเดียวจบ)
ผู้แต่ง: เขมกันต์
ภาพปก: HIRUNA
ประเภทนิยาย: Love Comedy
ราคา: 419 บาท (ราคาปกติ 439)
วางจำหน่ายที่งานหนังสือเป็นที่แรกค่ะ


(https://sv1.picz.in.th/images/2019/03/12/ttigoE.md.jpg) (https://www.picz.in.th/image/ttigoE)

เรื่องย่อ:
นายนที หรือน้ำ ชายหนุ่มผู้อกหักรักคุดจากกรุงเทพฯ
เมืองฟ้าอมร หอบเอาหัวใจช้ำๆ กลับไปรักษาแผลใจที่บ้านเกิด
แล้วก็ได้ค้นพบความสนุกของการเล่น ‘หวย’
คนเราจะทำอะไรต้องไปให้สุด
ไอ้น้ำคนบ้าหวยเลยเอาหมดทั้งขูดเลข เดินโพย
ก่อนแจ็กพอตจะมาแตก
เพราะดันเดินไปเจอะเข้ากับนายตำรวจหนุ่มที่เพิ่งย้ายมาใหม่
น้ำอาจจะเอาตัวรอดมาได้ในครั้งแรก แต่ครั้งต่อๆ ไปก็ไม่แน่
ดังนั้นเขาจึงต้องเปลี่ยน...
ไม่ใช่เปลี่ยนอาชีพเลิกเดินโพย
แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีส่งหว
รวมถึงเปลี่ยนใจผู้กองหนุ่ม
ให้เลิกคิดที่จะจับตัว...มาเป็นจับหัวใจเขาแทน!


กระซิบ ตอนพิเศษ เยอะมาก อิ่มจุใจแน่นอน


อัปเดตรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14) ของเขม

และ สนพ นาบู (https://www.facebook.com/Nabupublishing) ค่ะ



รายละเอียดโปรโมชั่นในงานหนังสือค่ะ


โปรพิเศษเฉพาะงานสัปดาห์หนังสือฯ
ยังมีอีกมากมาย ให้เลือกช้อปกันแบบ จุก จุก
พร้อมของแถม ยั่ว ยั่ว กันไปเลยค่ะ
- เมื่อซื้อสินค้า ครบ 500 บาท รับฟรี Button badge set ขนาด 5.8 cm. 2 ชิ้น ลาย ROUTE + LOTTO
- เมื่อซื้อ ครบ 1200 บาท รับฟรี เซ็ตที่คั่นพลาสติก Advance Bravely
- เมื่อซื้อครบ 1700 บาท รับฟรีถุงผ้าสปันบอร์น + ตัวอย่างนิยายเรื่อง ไม่มีใครรู้ว่าคุณหนูเป็น ET พร้อมส่วนลดสำหรับซื้อนิยายของมี่มี่มูลค่า 50 บาท

แถมเพิ่ม จุก จุก กับ Co-Promotion สุดพิเศษ
- เพียงนำใบเสร็จจาก Pubat และ Meb mobile book มูลค่า 500 บาท ต่อ 1 สิทธิ์ (สามารถใช้สูงสุด 3 สิทธิ์/วัน และไม่สามารถรวมใบเสร็จได้)
ร่วมสนุกกับบูธ meb X-04 โคโปรโมทชั่นกับ Meb mobile book
- ซื้อครบ 500 บาท สามารถนำใบเสร็จไปลุ้นของที่ระลึกจากทางสมาคมได้ที่โซนรักคนอ่านโคโปรโมทชั่นกับ Pubat
Nabu@งานสัปดาห์หนังสือฯ แพลนนารีฮอลล์ บูธ H14


แล้วเจอกันในงานนะคะ

รัก

เขมกันต์
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 13-03-2019 21:45:15
 :impress2: ชอบพล็อตมากกกกกกกกก เเหวกเเนวสุดๆ เปิดเรื่องมาน้องก็ขูดหวยเรย :hao7:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 11-05-2019 01:09:42
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ นิยายสนุกมาก เรื่องนี้มีความเรียลหลายอย่างเลย fcแม่ตะเคียน
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-05-2019 23:00:59
ชอบเจ้าแม่ตะเคียนมากเลยค่ะ นิสัยดี น่ารักมากด้วย คนในหมู่บ้านรวมทั้งป้าๆก็สร้างสีสัน น่ารัก ทั้งผู้กองและน้ำเลย ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ รัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 19-05-2019 14:21:43
งื้อออออ เขินมาก น้ำน่ารัก น่ารักมากกกกกกก ส่วนพี่ปรานต์ก็น่ารัก แม่ตะเคียนก็ตลก 555555 ผู้กองชอบทำให้เขิน อยากให้พี่ปรานต์กอดน้ำให้สลบคาอก ลุกจากเตียงไม่ได้เลย 55555555 เขินมากจริงๆ สนุกมากด้วย ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆสนุกแบบนี้นะครับผม รักเรื่องนี้ จุ๊บๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TiGgeRLuMOs62 ที่ 17-06-2019 06:06:42
FC เจ้าแม่ตะเคียนค่ะ เจ้าแม่น่ารัก แต่ไม่อยากเจอตัวจริงนะคะเจ้าแม่
บุคลิกนายเอกน่ารักมากเลยค่ะ ชอบความระแวงสาของน้องน้ำ คนพี่ก็ร้าย อยากแกล้งให้น้องหึงซะงั้น
:เป็นกำลังใจให้นะคะ:D
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 17-06-2019 14:19:12
อยากมีแม่ตะเคียนเป็นของตัวเอง

55555
ผู้กองสายเปย์มาก
เปลี่ยนอาชีพเป็นเด็กเดินโพยดีมั้ยยย
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 05-07-2019 14:25:39
สนุกมากกก ผู้กองเจ้าเล่ห์มากกก

หนูน้ำตามไม่เคยทันเลย 5555

จริงๆอยากเห็นน้ำตามผู้กองทันบ้าง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 06-07-2019 18:34:29
 o13
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 08-07-2019 09:09:48
 :mew1:น่ารักจริงคู่นี้
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 12-07-2019 17:44:12
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 22-08-2019 15:15:35
ปมเรื่องวรันต์ เปิดไว้เฉย ๆ หรือครับ

น่ารักครับ  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 30-08-2019 09:19:48
หวยใกล้ออกแล้วจ้า ขอแม่ตะเคียนสักงวดนะ เอฟซีแม่ตะเคียนเด้อ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 12-10-2019 18:55:49
สงสารน้องน้ำไม่ได้กดผู้กองสักที :laugh:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:16:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 17-04-2020 13:27:19
น้ำยังไม่เลิกล้มความตั้งใจจะกดผู้กอง 5555+
ไอ้น้ำเอ้ย เองนี่มัน 55555
น่ารักดีค่ะเรื่องนี้
ชอบแม่ตะเคียน
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: psyche ที่ 20-04-2020 16:35:21
เนื้อเรื่ิองแปลกๆดี สนุกค่ะ คลายเครียดเลย  สถานการณ์โควิด ต้องอ่ค่ะ ได้หายเครียดกัน อยู่บ้านว่างๆ ก็หานิยานอ่าน ไม่ค่อยเจอถูกใจ  อ่านมาหลายปีแนวซ้ำๆเยอะ เจอเรื่องนี้ สนุกๆค่ะ แนะนำคนเครียดๆมาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 25-04-2020 01:22:09
ขอบคุณค่ัะ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 26-04-2020 21:47:18
สนุกมากเรื่องนี้ เบา ๆ ดี

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 21-08-2021 00:52:38
:)  :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Vergintomza ที่ 22-08-2021 01:01:59
รักนที รักผู้กองเจ้าเสน่ห์
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 31-08-2021 13:00:48
ขอบคุณครับ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 02-01-2022 09:30:30
ขอบคุณนะคะ :3123: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 05-01-2022 19:15:53
โคตรน่ารักเลยครับพี่น้ำ สุดยอดจริงๆครับบ
หัวข้อ: Re: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 12-01-2022 14:49:17
น่ารักกกก เอ็นดูพี่น้ำ :m20: :m20: