พิมพ์หน้านี้ - วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: tensoplata ที่ 20-04-2014 15:24:40

หัวข้อ: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 20-04-2014 15:24:40
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

พึ่งเคยสมัครสมาชิกค่ะ แต่อ่านนิยายที่นี้บ่อยมาก นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของคนเขียนล้วนๆเลยค่ะ ฝากติดตามด้วยนะค่ะ
 :mew2:


:::  :::
หลบเข้ามาในห้องนอน กลิ่นน้ำหอมของกันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในห้อง ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มือกุมหน้าอกแน่น ทุบแรงๆ เหมือนระบายอารมณ์...   หัวใจไม่รักดี


++เพลง++
http://www.youtube.com/watch?v=Drus79gNU6g#t=35
http://www.youtube.com/watch?v=l1u2cYFwVlA
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 20-04-2014 15:27:42



ตอนที่ ๑ : เจ้าสาวเปื้อนน้ำตา



            ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนอยากให้ลูกเป็นเกย์ นอกจากความอับอายขายขี้หน้าแล้วยังไม่สามารถมีทายาทสืบสกุล...แต่ความจริงสำหรับคนส่วนใหญ่คงผิดแปลกไปจากคนที่เรียกว่า ‘พ่อ’ ของผมสักหน่อย

            ผมเหม่อมองผู้ชายตรงหน้า ชายหนุ่มร่างสูง ผิวสีแทนเนียน ดวงตาสีดำเข้มสนิท เขามองมาที่ผมเช่นกัน แต่ผมไม่สามารถจะบอกได้ว่า สายตาที่เขามองมานั่นหมายความว่าอะไร

            “ผมจะจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด” สิ้นเสียงพูด เหมือนกับชีวิตผมถูกกำหนดให้เดินทางนั่นเสียแล้ว ผมก้มหน้านิ่ง อยากบอกปัดปฏิเสธความจริงตรงหน้าไปซะให้พ้น ถ้าไม่ติดคำขู่...นั่น



            “นิ่ม ไปเดินเล่นกับพี่เขาสิลูก” เสียงพูดเมตตา ผมมองผู้พูดด้วยแววตาว่างเปล่า เขาคือพ่อของว่าที่เจ้าบ่าวผม อยากบอกปัดคำพูดนั่นใจแทบขาด แต่สายตาดุดันที่จ้องมองมาทำให้ผมรู้สึกกลัว จำต้องลุกขึ้นเดินตามชายร่างสูง ‘ว่าที่เจ้าบ่าว’

            ผมเดินตามหลังเขาเงียบๆ ไม่อยากพูดอะไร ผมคิดว่าผู้ชายคนนี้คงไม่เตรียมใจจะแต่งงานเหมือนกัน แต่คงปฏิเสธไม่ได้ เพราะมันคือ ‘ธุรกิจ’



            เขาหยุดเดิน ผมหยุดตาม ไม่อยากมองหน้าเขาสักนิด ไม่เข้าใจว่าเขาไม่มีศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเลยหรือไงถึงไม่ปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ แต่พอหวนนึกถึงตัวเองแล้ว...เหตุผลที่ถูกบังคับให้แต่งงานคงไม่ต่างกันนักหรอก คิดได้แบบนี้ใจมันรู้สึกเจ็บหนึบ อยากหนีไปจากที่ตรงนี้เสียให้พ้น

            “นายน่ะ...ไม่เต็มใจจะแต่งงานใช่ไหม” คำถามเรียบง่าย พร้อมกับมือที่หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ

            “ครับ” ผมตอบเขาพร้อมเสียงหัวเราะสมเพชตัวเอง

            ผมนิ่งเงียบหลังจากตอบคำถาม นึกถึงคนอีกคนที่คงเจ็บปวดไม่ต่างกัน เขาคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ? จะเสียใจจนอยากร้องไห้เหมือนผมหรือเปล่า?



            “กลับกันเถอะ” พูดจบ ชายร่างสูงไม่รอช้า หันหลังกลับ ผมมองควันบุหรี่สีขาวขุ่นที่ลอยวนในอากาศ นึกถึงคนที่เป็นที่รัก

            ‘ผมคิดถึงพี่ อาร์ม’

 

                                                                   >W e d d I n g<

 



            และวันแต่งงานของเราก็มาถึง ผมอยู่ในชุดสูทสีขาว บนหัวสวมมงกุฎดอกไม้สีขาว มือถือช่อกุหลาบขาวช่อใหญ่ ข้างกายเป็นคุณพ่อบังเกิดเกล้าที่ยิ้มเยือนต้อนรับแขกเหรื่อ

            “พ่อครับ...ยกเลิกการแต่งงานเถอะ” ผมอ้อนวอนขอเป็นครั้งสุดท้าย หวังว่าคนที่ได้ชื่อว่าพ่อจะเข้าใจบ้าง

            “หุบปาก...ปั้นหน้ายิ้มซะนิ่ม ไม่งั้นฉันจะส่งไอ้อาร์มไปปารีส” คำขู่จริงจัง หยดน้ำตาเม็ดใสคลอบนใบหน้าผมไม่รู้ตัว

            “พ่อไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ ผมจะเลิกกับพี่อาร์มก็ได้ แต่ทำไมพ่อต้องให้ผมแต่งงานกับคนที่ไม่รักด้วย” ผมตัดพ้อ



            “เพื่อที่จะให้แกกลับไปคบกับพี่ชายตัวเองอีกนะหรอ!?” คำพูดตัดรอน ลึกร้าวเข้าไปในใจ

            ผมมันเป็นคนเลว คนชั่ว รักกับพี่ชายตัวเองก็จริง...แต่ผิดด้วยหรือที่เรารักกันเกินคำว่าพี่น้อง ผิดด้วยหรือที่เรามีรักบริสุทธิ์ที่มอบให้กัน ผิดด้วยหรือที่ผมรักพี่ชายตัวเอง ในเมื่อเขาก็รักผม...ไม่ต่างกัน

            “พวกเรารักกัน” ผมตอบกลับเสียงแผ่ว



            “หึ! ฉันไม่มีทางให้พวกแกคบกันเด็ดขาด สิยะวงศ์ต้องมีทายาทสืบสกุล แกเป็นเกย์ฉันไม่ว่าซ้ำยังช่วยหาผัวให้ แต่ลูกชายคนโตของสิยะวงศ์ต้องมีทายาทสืบสกุล!”

            “พ่อ” ผมครางแผ่ว

            “ขอเชิญคู่บ่าวสาวขึ้นมากล่าวคำสาบาน” เสียงประกาศจากพิธีกร ผู้เป็นพ่อฉุดกระชากผมขึ้นปรัมพิธี

            ชายหนุ่มร่างสูง ผิวสีแทน ว่าที่เจ้าบ่าว...ยังคงเป็นเหมือนเดิม ความเย็นชาที่มีมาแต่ต้นยังไม่เคยเปลี่ยน...เขาอยู่ในชุดเจ้าบ่าวผูกหูกระต่าย แววตาที่มองมาไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกได้

            “เจ้าบ่าวกล่าวคำสาบาน”

            “ผมกิตติรัตน์ ธำรงค์คุณ ขอรับ คุณนิราพันธ์ สิยะวงศ์ เป็นภรรยา นับแต่นี้เป็นต้นไปและขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ทั้งในเวลาป่วย และเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่อง ให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ นี่คือคำปฏิญาณและสัญญาที่ผมให้ไว้กับคุณ” คำพูดยาวเหยียดหากใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก ผมรู้สึกถึงความร้อนผ่าวตรงขอบตา

            “เจ้าสาวกล่าวคำสาบาน” ผมนิ่งเงียบ น้ำตาค่อยๆไหลผ่านร่องแก้มช้าๆ รู้สึกถึงแรงบีบและคุมคามตรงต้นแขน คุณพ่อบีบแขนผมแน่น ท่านส่งสายตาดุดัน เย็นชาออกคำสั่ง ผมปล่อยให้น้ำตาหยดไหลออกมาโดย ปราศจากเสียงสะอื้น

            “ผม...นิราพันธ์ สิยะวงศ์ ขอรับ คุณกิตติรัตน์ ธำรงค์คุณ เป็นสามี นับ...นับแต่นี้...ฮึก...ขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ทั้งในเวลาป่วย และเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่อง ให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่...” ผมหยุดพูด นึกถึงใบหน้าของใครอีกคนที่ลอยเข้ามาในห้วงความทรงจำ

            “นิ่ม...” แรงบีบที่แขนเหมือนจะบีบแขนผมให้แหลกเหลวคามือ ผมมองเจ้าบ่าวของตัวเองผ่านม่านน้ำตา ตัดสินใจพูดประโยคสุดท้ายให้จบๆ เพื่อยุติเหตุการณ์บ้าๆ ตรงหน้านี้

            “...นี่คือคำปฏิญาณและสัญญาที่ผมให้ไว้กับคุณ”

            จบแล้ว...จบแล้วสินะ

             เหมือนจิตวิญญาณถูกบดให้แหลกสลายอยู่ ณ ที่ตรงนั้น ไม่รู้ตัวอีกเลยว่าตัวเองถูกทำยังไงต่อ พาไปไหนต่อ รู้เพียงว่าพิธีแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว ผมได้กลายเป็นภรรยาของชายแปลกหน้าที่ผมไม่รู้จักชื่อเล่นเขาด้วยซ้ำ

             ...

             ...

            ในตอนนั้น...ถ้าหากผมมีสติกว่านี้อีกสักหน่อย ผมคงได้เห็นใบหน้าของชายคนรัก วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา และพูดคำว่า...

            “ผมขอคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้”

            แต่มันคงสายไปแล้ว...สินะ


                                                                    >W e d d I n g<

 
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 20-04-2014 15:32:45
ตอนที่ ๒ : ครอบครัว

            ไม่รู้นานเท่าใด ที่น้ำตาถูกปล่อยให้ไหลไม่หยุด ผมนอนร้องไห้บนเตียงนอนขาวสะอาด...เรือนหอ...คงพูดคำนี้ได้เต็มปากเต็มคำ ผมแต่งงานแล้ว...

            “หยุดร้องไห้ได้แล้ว” คำพูดเบาๆ ทว่าหนักแน่น ผมเงยหน้า สบกับนัยน์ตาสีตำมืดคู่นั่น

            ทรมานจะขาดใจ ชายที่อยู่ข้างผมไม่ใช่คนที่ผมรัก แต่เขาเป็นชายแปลกหน้าที่ผมสาบานจะครองคู่ด้วย

            “ผม...ผมไม่รักคุณ” ตัดสินใจพูดคำนั่นออกไปแล้ว คงไม่ผิดอะไรนัก เพราะเขาคงไม่ต่างจากผม

            “นายกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว...นายเป็นภรรยาของฉัน...นิ่ม” คำพูดหนักแน่นและจริงจัง

            คืนนั้นทั้งคืน ผมนอนร้องไห้ ข้างกายคือสามีที่นอนหันหลัง...ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่น ห่วงใย มีเพียงความเย็นชาที่มอบให้กัน

            ไม่ต่างกับตายทั้งเป็น...

 

                                                                    >W e d d I n g<

 

            “พี่อาร์ม...นิ่มหนาว...”

             ในฝัน ผมนอนหลับข้างกายพี่ชาย เขาจูบผม กอดผม ปลอบประโลมผมจากฝันร้าย พี่อาร์มห่มผ้าให้ผม กอดผมแนบแน่น กระซิบบอกคำว่ารักข้างหู ความอบอุ่นและความรักอยู่รอบกายเราสองคน

            รู้ว่ามันเป็นเพียงความฝัน...

            แต่ผมไม่อยากตื่นจากฝันเลย...

            “คุณผู้หญิง”

            อ่า...เสียงใครกัน

            “ตื่นเถอะค่ะ คุณผู้หญิง” เสียงเรียกกับการเขย่าเบาๆ ผมค่อยๆ เปิดเปลือกตา

            “อาหารเช้าเตรียมพร้อมแล้วค่ะ” คนปลุกย้ำอีกรอบ ผมตื่นเต็มตา มองหญิงวัยกลางคนที่เข้ามาปลุก

            “เอ่อ...ผม”

            “แปดโมงเช้าแล้วค่ะ คุณผู้ชายให้ขึ้นมาปลุกคุณผู้หญิงลงไปรับประทานอาหารเช้า”

            “คุณผู้หญิง” ผมถามกลับงงๆ

            “ค่ะ รีบอาบน้ำแต่งตัวดีกว่า เดียวคุณผู้ชายจะรอนาน”

            “เรียกผมว่า นิ่มก็ได้ครับ...ผมเป็นผู้ชาย” ผมบอกเบาๆ

            “เอ่อ...ค่ะ คุณนิ่ม ป้าชื่อ ป้าบัว เป็นพี่เลี้ยงคุณหนู...เอ่อ คุณผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก”

            “ครับป้าบัว ผมขออาบน้ำ เดียวตามลงไป”

            “ค่ะ ถ้ามีอะไรให้รับใช้ เรียกเลยนะค่ะ ยังไงคุณนิ่มก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกับคุณผู้ชายแล้ว” รอยยิ้มเมตตานั่นทำผมชะงัก

            ครอบครัว...คำๆ นี้เหมือมีดกรีดใจผม

            ผมเดินลงบันได มองบรรยากาศรอบๆ ตัว บ้านหลังนี้กว้างขวาง ไม่ถึงกับใหญ่โต อาจเป็นเพราะ ‘เขา’ ไม่จำเป็นต้องสร้างบ้านหลังใหญ่ให้ลูกหลานวิ่งเล่น ในเมื่อเราไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้

            “คุณนิ่มค่ะ” เสียงป้าบัวเรียกหา ผมสาวเท้าไปยังโต๊ะกินข้าว ชายร่างสูงนั่งจิบกาแฟรออยู่

            “ขอบคุณครับป้า” ผมบอกเบาๆ ป้าบัวคดข้าวให้

            เราสองคนรับประทานอาหารด้วยความเงียบ เขากินข้าวเสร็จ อ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ในขณะที่จะลุกขึ้นไปเตรียมตัวทำงาน เสียงห้าวเรียกขัดไว้ก่อน

            “นายทำงานอะไร”

            น่าสมเพชชะมัด...นี่คือคำถามของคนที่เป็นสามี

            “ผมเป็นครูสอนเด็กมหาลัย” ผมตอบเขากลับ ห้วนสั้น

            “ตอนเช้าเราจะตั้งโต๊ะตอนแปดโมง อาหารเย็นตอนทุ่มตรง”

            “อืม ถ้าผมตื่นไม่ทันคุณกินก่อนได้เลย ส่วนตอนเย็นบางครั้งผมอาจกลับดึกเพราะตรวจงานเด็ก”

            “ผมต้องทำงานตอนเก้าโมงเช้า กลับสี่โมงครึ่ง” เขาบอก สายตายังไม่ละจากหนังสือพิมพ์

            “อืม” เหมือนกับการบอกเรื่องทั่วๆ ไปให้ฟัง ผมลุกขึ้น

            “นิ่ม...ถ้าต้องการอะไรบอกป้าบัว”

            “ครับ...ผมไปล่ะ คุณ...กิตติรัตน์”

            แย่จริง...ผมยังไม่รู้จักชื่อเล่นเขาเลยด้วยซ้ำ!

            “กัน ชื่อเล่น” เขาพูดเหมือนล่วงรู้ว่าผมคิดอะไร ผมพยักหน้ารับ ก้าวขาที่หนักอึ้งขึ้นห้องนอน...กัน...สามีของผมเขาไม่ใช่เป็นคนใจร้าย เขาไม่แม้จะแสดงท่าทีไม่พอใจกับการแต่งงาน แต่ว่า...

            แต่ว่า...ทุกการกระทำ...เหมือนกับคนไร้หัวใจ!

 

                                                                  >W e d d I n g<

 

            ผมสอนวิชาประวัติศาสตร์ มันตรงกับสาขาที่ผมเรียนจบมา มันอาจเป็นวิชาที่ใครหลายๆ คนไม่ชอบเพราะต้องจำ แต่ผมชอบมันมากทีเดียว

            “พี่แทน นายพัท เด็กพี่เล่นผมอีกแล้ว” ผมหันเก้าอี้ไปหาชายหนุ่มร่างสูงของเพื่อนร่วมงาน

            “หือ” พี่แทน อาจารย์ร่วมแผนกหันมาหาผมงงๆ

            “กระดาษเปล่า เข้าห้องสอบแต่ส่งกระดาษเปล่า ครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย” ผมบ่น วงกลมคะแนนเลขศูยน์บนหัวกระดาษ

            “ฮะๆ นายพัทนั่นนะ อย่าไปยุ่งเลย ก็เงี้ย เป็นแบบนี้ทุกวิชานะแหละ”

            “แต่วิชานี้เป็นวิชาเอก...” ผมแย้ง ขมวดคิ้ว ยังไงก็ถือว่าเป็นศิษย์คนหนึ่ง

            “จะเอาไงก็เอาเถอะ แต่ถึงเราเรียกมาคุยผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิม” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เด็กเกเรียน จะประถม มัธยม มหาลัย ถึงจะเรียนสูงถึงระดับไหน ก็มีเด็กประเภทนี้อยู่หมด

            ตกเย็น ผมนั่งรอเด็กเจ้าปัญหาอยู่ในห้องพักอาจารย์ เวลาล่วงเลยถึงหกโมงเย็น ไม่มีแม้แต่วี่แววของ นายพัท  ประกาศเสียงตามสายเรียกก็แล้ว กำชับเพื่อนก็แล้ว ยังไม่มาอีก...ทำร้ายตัวเองแท้ๆ

            ผมสายหัว เก็บของบนโต๊ะ เตรียมตัวกลับบ้าน...บ้านหลังใหม่ ที่เหมือนกับผมเป็นเพียงส่วนเกิน

            “โอ๊ย!”

            “เฮ้ย!”

            เสียงร้องพร้อมกัน แต่ให้ตายเถอะ ทำไมผมถึงลงไปนั่งจุ่มปุ๊กอยู่กับพื้นได้!

            “เป็นไรเปล่านาย...เฮ้ย! จารย์” เสียงเรียกตกใจหน่อยๆ

            “ไม่เป็นไรหรอก แค่ล้ม” ผมปัดฝุ่นที่มือตัวเอง ยันกายลุกขึ้น  มองเด็กตรงหน้าเต็มตา คงเป็นเด็กในคลาส ที่รู้ว่าผมเป็นอาจารย์ หน้าคุ้นๆแฮะ...

            “ผมไปล่ะ...” คนที่ชนผมบอกอยากรีบร้อน ผละจากไป แต่มันก็สายไปแล้ว ผมดึงข้อมือนั่นไว้

            “นายพัท!?”

            “เอ่อ...แหะๆ จารย์มีไรกับผมเปล่า” นายพัท หันมามองผมหัวเราะเจื่อนๆ โลกนี้มันกลมจริง รอเป็นชั่วโมงไม่เจอ ตอนไม่รอเจอซะงั้น

            “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ เรื่องเทส...”

            “คราวหน้าได้ไหมครับ ตอนนี้ผมหิวมาก...ก” เสียงยียวน ผมนึกขึ้นมาได้ถึงประวัติของเด็กคนนี้ บ้านจน ต้องทำงานเลี้ยงตัวเอง...เฮ้อ ยุ่งยากชะมัด

            “เดียวผมเลี้ยงข้าวเย็น ตามมา” พูดจบ ผมลากเด็กหนุ่มให้ตามมาทันที อดรู้สึกสงสารหน่อยๆ ไม่ได้

            “เฮ้ย! จริงดิ ฟรีนะจารย์” นายพัทเบิกตากว้างๆ

            “เออ!”

            ผมมาจบที่ร้านเคเอฟซี นั่งมองเด็กหนุ่มตรงหน้าสวาปามข้าวยำไก่แซ่บจานที่สอง...นี่มันคงไม่รู้จักคำว่ามารยาทสินะ

            “โหยจารย์ อิ่มว่ะ ไม่ได้กินแบบนี้มานานแล้วเนี่ย”

            “...” ผมจ้องเขม็ง เคืองกับคำพูดไม่สุภาพ

            “แหะๆ โทษทีครับ ว่าแต่จารย์มีไรเปล่า”

            “เฮ้อ...เรื่องเทสย่อย นายส่งกระดาษเปล่ามา เรียนปีสุดท้ายแล้ว ไม่อยากจบหรือไง”

            “...ผมหลับ” สารภาพผิด

            “หลับ? คุณไม่ห่วงเลยหรือไงว่าจะจบไหม วิชาผมเป็นวิชาเอก คุณก็รู้?”

            “โธ่ จาร์ย กว่าทำงานเสร็จก็เพลียขนาดหนัก แถมจารย์ยังเทสไม่บอกล่วงหน้า...” นายพัทโอดคราญ

            “อ๋อ แสดงว่าผมผิด”

            “เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ ผมก็แค่...ผมผิดเองล่ะ” เด็กหนุ่มสารภาพตรงๆ

            “เอาเถอะ...ที่ผมอยากคุยด้วยคือคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า คุณปรึกษาผมได้นะ ถึงยังไงคุณก็เป็นลูกศิษย์คนหนึ่ง ถึงคุณจะเรียนห่วยมาก และผมไม่ปลื้ม”

            “...” นายพัทเงียบ

            “ผมไม่อยากให้คุณตก นี่ปีสุดท้ายแล้ว พัท” ผมเตือนสติเขา

            “ครับ...ผม”

            และเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง...ผมรับฟังเงียบๆ เท่าที่รู้ตอนนี้ มันดราม่ามาก...นายพัทเป็นเด็กเรียนเก่ง ตอนปีหนึ่งถึงปีสาม ผลการเรียนเขาอยู่ในขั้นดี แต่พอมาปีสี่ ครอบครัวพัทเริ่มมีปัญหา พ่อเขาเป็นมะเร็ง แม่ต้องทำงานหาเงินรักษาพ่อ รวมถึงพัทที่ต้องหาเงินเอง ส่งเสียตัวเองเรียน ทั้งค่าเทอม ค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์เรียน

            ...นี่คงเป็นสาเหตุที่เขาชอบหลับในคาบบ่อยๆ ทำงานทั้งกะดึก กะเช้า

            “เฮ้อ...รู้อะไรไหมนายพัท ถ้านายเอาเรื่องพวกนี้มาปรึกษาอาจารย์ นายคงได้เรียนฟรีนานแล้วล่ะ”    “เรียนฟรี...หมายความว่าจารย์มีวิธีช่วยผม” นายพัทตาโต

            “ใช่....ทุนมหาลัย ทำงานเสร็จแล้วค่อยใช้คืน”

            “ทำไมผมเพิ่งรู้!”

            “ทำไมนายไม่ถามตัวเองล่ะ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ จบแล้วกับการแนะแนวทางเด็ก...ให้ตายเถอะ เสียเวลาจริงๆ

            “เอาเป็นว่าพรุ่งนี้มาหาครูที่ห้องพัก ครูจะแจกแจงรายละเอียก...อ้อ และกรุณาอย่ามาสาย” ผมบอก ลุกขึ้นจากโต๊ะ

            “จารย์! เดียวก่อน ขอบคุณครับ” นายพัทรั้งไว้ ผมยิ้มบางๆ   

            “ไม่เป็นไร...”

            “เออ จารย์...เลี้ยงข้าวผมอีกจานได้ไหม”

            ???

            ผมส่ายหัวหงุดหงิด...เด็กนี่มันหน้าด้านมาก แต่สุดท้ายก็ยอมควักแบงค์ร้อยจ่ายเงินค่าข้าวให้จนได้...สงสารตัวเองที่ใจดีเกินไปจริงๆ

 

                                                                   >W e d d I n g<

 

              ผมมองนาฬิกาข้อมือ เข็มสั้นกับเข็มยาวชี้ไปที่เลขเจ็ดเหมือนกัน ไม่นึกว่าจะอยู่คุยกับลูกศิษย์นานขนาดนั้น ป่านนี้คนที่ ‘บ้าน’ คงรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว

              ผมไขกุญแจบ้าน ไม่อยากรบกวนป้าบัวให้มาเปิดประตูให้ เดินผ่านสวนหน้าบ้าน มีบ่อปลาเล็กๆ อยู่มุมขวา ผมเพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน...มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยชินมากก่อน

            “พี่อาร์ม” ผมหลับตา นึกถึงใบหน้าของคนที่รัก คิดถึงแทบบ้า ทั้งวันทำงานไม่หยุด ก็เพราะไม่อยากนึกถึงเรื่องปวดร้าว

            ป่านนี้พี่อาร์มจะเป็นยังไงบ้างนะ...

            ติ๊ด...ติ๊ด...

            เสียงโทรศัพท์ปลุกผมจากภวังค์ โทรศัทพ์ทัสกรีนมียี่ห้อส่งเสียงดังอยู่หลายหน ผมมองเบอร์คนโทรเข้า ตื่นเต้นระคนดีใจ

            ที่รัก

            “อาร์ม พี่อาร์ม ผมคิดถึงพี่!” ทันทีที่รับสาย ผมไม่รอช้าที่จะส่งความคิดถึงผ่านคำพูด

            “นิ่มอยู่ไหน ตอนนี้นิ่มอยู่ไหน พี่จะไปหานิ่ม เราจะหนีไปด้วยกัน!” ปลายสายร้อนรน เร่งเร้า

            “พี่อาร์ม...” ผมครางเสียงแผ่ว คิดถึงเสียงนี้ใจแทบขาด คำพูดของเขาเหมือนกระแสน้ำเย็นชื่น ทำให้ผมรู้สึกกระปี้กระเป่า

            “พี่หนีพ่อมานิ่ม นิ่มอยู่ไหน พี่คิดถึงนิ่มใจแทบขาด” เสียงของพี่อาร์มอ่อนระโหย ผมบีบโทรศัพท์แน่น

            “นิ่มคิดถึงพี่อาร์ม พี่อาร์มมารับนิ่มที่...”

            วูบ

            สัมผัสเย็นชาตรงไหล่ทำให้ผมสะดุ้งตกใจ เงยหน้ามองคนที่เข้ามาด้วยสายตาตื่นตระหนก กำโทรศัพท์แน่นยิ่งกว่าเดิม

            “นิ่ม! นิ่มได้ยินพี่ไหม...โธ่เว้ย! ตามมาทำไมอีกว่ะ”

            ติ๊ดดด....

            สัญญาณตัดขาดไปแล้ว แต่ผมยิ่งร้อนใจยิ่งกว่า ชายตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีมองผมด้วยสายตานิ่งเฉย มือหนาบีบไหล่ผมแน่นจนรู้สึกเจ็บ

            ผมรอคำด่า การลงมือที่รุนแรง...ผมรู้ว่าเขาคงไม่พอใจ ภรรยาตามกฎหมาย คุยกับใครคนอื่น...เขาคงโมโห

            “ไปกินข้าว” เสียงห้าวบอกเรียบเฉย หันหลังกลับเดินเข้าบ้าน

            ไม่มีคำด่าทอหรือการลงมือรุนแรง มีเพียงคำพูดที่เป็นทางการและเย็นชา ผมละสายตาจากร่างสูง กดหมายเลขที่คุ้นเคยกลับรวดเร็ว

            เสียงติ้ดๆ ดังยาวนาน ใจผมร้อนระอุ...ทำไมพี่อาร์มไม่รับโทรศัพท์ และทำไมพี่อาร์มถึงโทรหาผมได้ ทั้งๆ ที่พ่อน่าจะคุมพี่อาร์มอยู่แต่ในบ้าน

            ทำไม ทำไม ทำไม

            คำๆ นี้วนเวียนอยู่ในหัว ผมร้องไห้ออกมาอย่างอึดอัด เขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งด้วยอารมณ์โมโห กรีดร้องเสียงดังอยู่ในลำคอ ความทรมานอึดอัดอยู่ภายใน คำถามที่สงสัยถูกถามขึ้นมาในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

            ทำไมเรื่องทั้งหมดถึงกลายเป็นนี้!

 

                                                                   >W e d d I n g<

 
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 20-04-2014 15:35:39

ตอนที่ ๓ : งานเลี้ยง

            แสงสีทองอ่อนๆ แยงเข้าตาจนผมรู้สึกว่าต้องตื่น ทั้งๆ ที่เป็นวันอาทิตย์แท้ๆ ดันหลับต่อไม่ลง ผมเอนหลังพิงกับหัวเตียง ข้างกายเหลือเพียงรอยยับผ้าปูที่นอนยู่ๆ กันคงตื่นนานแล้ว

            ผมลุกขึ้นจากเตียง อาบน้ำ แต่งตัว วันนี้ตั้งใจหยุดผักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ ใจมันรู้สึกเหนื่อย ไม่อยากวุ่นวายกับเรื่องราวหนักหนา

            “ป้าบัว วันนี้มีผลไม้อะไรบ้างครับ”

            “มีแตงโมค่ะ ของโปรดคุณผู้ชาย คุณนิ่มรอเดียว ป้าไปเอามาให้” เสียงอ่อนโยนบอก ก่อนรีบกุลีกุจอไปทางห้องครัว

            ผมนั่งบนโต๊ะอาหาร มองรอบๆ ตัว ไม่เห็นเงาคนที่นอนเคียงข้างสักนิด ผมมาอยู่บ้านหลังนี้ได้ประมาณอาทิตย์หนึ่งในช่วงสองวันแรก ผมยอมรับว่ามีปัญหา ผมไม่ชอบท่าทีเย็นชาไร้ความรู้สึก ไม่รู้จักผูกมิตรกับคนอื่นของกัน แต่ป้าบัวก็อธิบายให้ฟัง สามีในใบสมรสผมเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

            จากการสังเกต กันเป็นคนพูดน้อย บ้างาน เขาเป็นคนที่อารมณ์เย็นมากถึงมากที่สุด นั้นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มรู้สึกวางใจที่จะอยู่กับเขา วางใจว่าการแต่งงานมันก็เป็นเพียงการแต่งงานในนามเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของคุณพ่อและครอบครัวของกัน มันจะไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น

            “แตงโมเหลือง คุณผู้ชายชอบนะค่ะ” เสียงอ่อนโยนดังขึ้นข้างหลัง ผมมองแตงโมที่ปลอกอยู่ในจาน เนื้อสีเหลืองดูแปลกตา แต่ก็ดูน่ากินทีเดียว

            “ขอบคุณครับ”

            “คุณผู้ชายมาพอดี กินแตงโมไหมค่ะ ป้าเห็นว่าคุณผู้ชายชอบทาน เลยซื้อเก็บไว้” ผมหันไปมอง กันเดินเข้ามาในสภาพชุดสูทเต็มยศ ทั้งๆ ที่เป็นวันอาทิตย์แท้ๆ แต่หมอนี่ต้องไปทำงานอีก

            “อืม” ร่างสูงตอบรับ นั่งตรงข้ามผม

            “วันนี้ต้องไปทำงานอีกหรอครับ” ผมเงยหน้ามองเขา ถามเสียงสงสัย



            “วันนี้มีงานเลี้ยงปลดเกษียณ ต้องไปดูแลงาน” กันตอบ เขามองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนยืนการ์ดเชิญสีฟ้าอ่อนมาให้



            ผมรับการ์ดเชิญนั้นขึ้นมาอ่าน งานเลี้ยงปลดเกษียณกรรมการผู้บริหาร ดูท่าคงเป็นงานใหญ่โต อ่านไปเรื่อยๆ เตะตาตรงชื่อของตัวเองในใบสีฟ้าอ่อน...ตอนแรกผมยังแปลกใจ ทำไมถึงต้องเชิญผม ในเมื่อผมไม่ได้ทำงานที่เดียวกับเขา แต่พอนึกถึงสถานะ ‘ภรรยาตามกฎหมาย’ ของนายกิตติรัตน์ ก็เข้าใจได้ทันที

            บริษัทพ่อผม บริษัทกัน ดองด้วยการแต่งงานของผมกับเขา ผมมันก็ไม่ต่างกับสะพาน ที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมให้สองฝ่ายทำงานอย่างไม่มีการคลางแคลงใจ...แค่ต้องการถ่วงดุลประโยชน์ของบริษัทตัวเอง ถึงกับต้องทำร้ายชีวิตของผมอย่างไม่ใยดี...

            ผมชิงชัง...แต่พูดออกมาไม่ได้...

            เพราะตัวผมมันก็ไม่ได้ดีไปกว่า...



            “กี่โมง” ผมถามเขา วางการ์ดลงบนโต๊ะ จิ้มแตงโมสีเหลืองเขาปาก

            “ทุ่มตรง ผมจะมารับ”

            “ผมไปเตรียมตัวล่ะ” อารมณ์ดีๆ หายวับไปหมดแล้ว เหลือเพียงความคุกกรุ่นในใจ

            เพราะมันย้ำถึงสถานะของตนเอง และทำให้ห้วนคิดไปถึงวันที่แต่งงาน ใบหน้าของผู้เป็นบิดาที่มองมาด้วยแววตาเย็นชาวาววับ กับความเฉยชาไม่ยินดียินร้ายของคนที่สมรสด้วย และคนรักที่ต้องห่างไกลกัน

            วาดฝันว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ความจริง ตื่นขึ้นมาจะพบกับร่างกายอุ่นหนาที่นอนหลับเคียงข้าง ไม่ใช่คนเย็นชาไร้หัวใจ...



            “เดียว” เสียงทุ้มรั้งไว้ ผมหันกลับมามองหน้ากัน เลิกคิ้วเป็นเชิงถามไถ่



            “...?”

            “งานเลี้ยง พ่อคุณจะมาด้วย” กันพูด เขามองหน้าผมนิ่งๆ

            “นั่นผมเดาได้อยู่แล้ว” ตอบเขาเสียงห้วน

            “นายอยู่ในสถานะไหน...อย่าลืม” คำพูดที่ออกมาจากปาก ย้ำสถานะผมจนใจรวดร้าว

            เป็นแค่ เมีย ซ้ำยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีก ช่วยรักษาหน้าตาฉันด้วย ธุรกิจที่ทำต้องรักษาภาพลักษณ์ อย่าทำตัวงี่เง่า นี่อาจเป็นคำพูดที่อยู่ในหัวของกัน เพียงแค่เขาไม่พูดออกมา...ผมยิ้มข่มขื่น สมเพชตัวเอง

            “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำให้งานของคุณล่มหรอก วางใจเถอะ”

            ผมร้องไห้...ไม่มีน้ำตาไหลออกมา ความเจ็บปวดมันรวดร้าวอยู่ภายใน และหากน้ำตาไหลออกมาได้ มันคงเป็นสีแดงเข้ม สมกับความทรมานที่ได้รับ

 

                                                                  >W e d d I n g<

 



            ห้องจัดงานเลี้ยงใหญ่มาก ธีมงานสีขาว บนเวทีมีชายหัวล้านภูมิฐานกล่าวพูดอำลาตำแหน่ง ทว่าผมไม่ใส่ใจสักนิด อาจเพราะความสนใจของผมอยู่กับคนที่ได้ชื่อว่าพ่อบังเกิดเกล้า

            พ่อนั่งโต๊ะเดียวกันกับผมและกัน สายตาที่มองมาไม่มีเค้าความใจดีเช่นแต่ก่อน มีเพียงความรังเกียจและ...ขยะแขยง

            “คุณกัน นิ่มเป็นยังไงบ้างครับ” พ่อถามกัน

            “สบายดีครับ” กันตอบพ่อด้วยท่าทีสุภาพและห่างเหิน จากนั้นสายตาของร่างสูงก็หันไปสนใจการกล่าวอำลาตำแหน่งต่อ

            ผมประสานนิ้วที่ตัก บีบนิ้วตัวเองแน่นๆ รู้สึกเหงื่อชื้นๆ ตรงฝ่ามือ ผมมองหน้าพ่อ ตัดใจถามคำถามเสียงเบา แม้ในใจหวาดกลัว

            “พ่อครับ...พี่อาร์ม...”

            “หยุดพูด” พ่อตัดบทประโยคผม เขาวางมือที่แขนผมและจิกนิ้วแรงๆ ย้ำเตือน

            “พ่อ นิ่มเจ็บ”

            “ไอ้อาร์มมันสบายดี แกมีผัวแล้วอย่ามายุ่งกับมันอีก”

            “พ่อทำร้ายผม...พ่อไม่รักนิ่มเลย ทำไม” ผมอดไม่ได้ที่จะตัดพ้อ



            “แกทำร้ายพ่อก่อน สิ่งที่พวกแกทำมันเลวทราม น่าอับอาย!” เสียงที่ถูกกดให้ต่ำในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย

            “นิ่ม” เสียงห้าวฉุดผมจากบรรยากาศน่าอึดอัด กันฉุดแขนผมให้ลุกขึ้น ลากไปยังโต๊ะอีกโต๊ะ ผมตามเขาไปทั้งที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

            “นิ่ม” เสียงของชายร่างสูงดึงรั้งสติผม



            “ครับ?”

            “นี่คุณพิชัย ลูกค้ารายใหญ่ของเรา เพื่อนผม” คำอธิบายของร่างสูง



            ผู้ชายที่กันแนะนำให้รู้จัก เป็นชายหนุ่มรูปร่างใหญ่ ถ้าเรียกแบบหยาบคายหน่อยก็ต้องบอกว่า ‘กอลิล่า’ เขาตัวสูงใหญ่ ผิวคล้ำ ตาคม มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นคนทางตอนใต้ของประเทศไทย จะว่าไปเหมือนจับกอลิล่าใส่สูทเลย

            ความคิดนั่นเรียกรอยยิ้มจากผมได้ดีทีเดียว ยิ่งมองผู้ชายตรงหน้า ผมยิ่งต้องกลั้นขำ เปลี่ยนอารมณ์หมองเศร้าในตอนแรกได้ดีทีเดียว

            “สวัสดีครับ” ผมทักกอลิล่าชุดสูท พยายามกลั้นรอยยิ้มที่หน้าเต็มที่



            “สวัสดี เมียไอ้กันสินะ” นั่น...นอกจากหน้าตาน่ากลัว คำพูดยังแสดงออกว่า ‘เถื่อน’ จริงๆ ผมรับฟังในตอนแรกยอมรับว่าโกรธกับคำพูดไม่สุภาพ แต่เขินมากกว่า แต่...แต่ก็นั่นล่ะ ผมก็ยังขำอยู่ดี คนอะไร หนวดเครารุงรัง แต่ใส่สูท

            “นิ่มนั่งตรงนี้ก่อน ผมไปทำธุระสักครู่ พิช มึงดูแลนิ่มด้วย” ผมไม่รู้ว่ากันจะไปไหนและไม่รู้จุดประสงค์ที่เขาพาผมมานั่งโต๊ะนี่ด้วย จะว่าไป โต๊ะนี่มีแต่นายกอลิล่านั่งอยู่คนเดียวนี่น่ะ

            “เออๆ”

            กันขอตัวไปทำธุระแล้ว เขามองผมเป็นเชิงเตือนให้อยู่เงียบๆ ผมมองหน้าเขาแข็งๆ หมอนั่นถอนหายใจ ก่อนเดินไปทางหลังเวที

            “ว่าแต่เมียกันทำไมวันแต่งถึงเศร้าจังฮึ” คำถามจากชายร่างยักษ์

            “คุณมาด้วยหรอ” ผมถามกลับไปงงๆ

            “มาสิ เพื่อนรักแต่งงานทั้งที่ แถมกับผู้ชายด้วย ก็นะ วันงานแต่งยังกะวันงานศพ เจ้าสาวหน้าเศร้าขนาดนั่น”

            “นั่นสินะ” ผมตอบเขา ระบายรอยยิ้มเศร้าๆ

            “ช่างเถอะ ว่าแต่เมียกันชื่ออะไร จะให้เรียกชื่อจริงไหม จำได้ว่าชื่อ นาๆ อะไรนี่ล่ะ” คำพูดของเขาเหมือนคนสมองสั้น ขนาดกันเรียกชื่อผมไปตั้งหลายครั้ง เขายังจำไม่ได้ แต่ท่าทีดูเป็นกันเองต่างกับขนาดตัวทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

            “ผมชื่อนิ่ม ว่าแต่คุณชื่อ พิช หรอฮะ” ผมถามทวน จำได้ว่ากันเรียกชายตรงหน้าด้วยชื่อนี่ ตลกดี หน้าตาโหดๆ แต่ชื่อเหมือนฝรั่ง

            “ใช่ ไม่ใช่ชื่อฝรั่งหรอก พอดีพ่อเอาตัวอักษรสองตัวแรกมารวมกัน เลยได้ชื่อเล่นนะ ไม่เข้ากับหน้าใช่ม่ะ” เขาพูดพลางถลึงตา มองมา

            “ฮะ ฮะ ไม่เข้ากับหน้าอย่างแรง” ผมหัวเราะ



            “เคยบอกไหม คนที่หัวเราะชื่อไอ้พิช ตายศพไม่สวยสักราย”



            เฮือก!

            เสียงขู่โหดๆ กับสายตาจริงจัง ผมเริ่มเบ้หน้า เริ่มกลัวจริงๆ

            “โทษ โทษ” ผมขอโทษ อยากยกมือไหว้ซะด้วยซ้ำ



            “ฮะ ฮะ ขวัญอ่อนจริง หนูนิ่ม” เขาตบไหล่ผมเบาๆ ความจริงผมต้องย้ำว่ามัน ‘แรง’ มากๆ เหมือนผู้ชายชื่อฝรั่งคนนี้หลุดมาจากบ้านป่าเมืองเถื่อนจริงๆ

            เราคุยไปสักพัก พิชยังทำหน้าโหดแต่คำพูดชวนหัวเราะเหมือนเดิม

            “คุณนี่ตลกดีนะ ถ้าโกนหนวดหน่อย คงดูดี” ตอนนี่ผมกับเขาพูดเรื่องหน้าตาครับ เขาว่าผมชอบทำหน้าเศร้า ผมก็ว่าเขาชอบทำหน้าโหด



            “หน้าตาไม่ดี แต่จิตใจดี พอม่ะ?” นั่นละครับ ผมหัวเราะกร๊ากเลย หลงตัวเองจริงๆ

            “ฮ่า ฮ่า...ให้ตายเหอะ นายนี่มันตลกดีอ่ะ” ผมพูดพลางตบไหล่พิชแรงๆ



            “เฮ้ย! ไอ้กัน เมียมึงหัวเราะแล้วน่ารักว่ะ” คำพูดโพลงพลางสมกับเป็นผู้ชายที่ชื่อพิชดี ว่าแต่เขาพูดถึงกัน เอ๊ะ? มาตอนไหนเนี่ย

            “ไปนิ่ม กลับบ้าน” เขาพูดกับผมเสียงนิ่งๆ เหมือนเคย

            “โหยๆ หวงเมียนี่หว่า นิ่มกลับบ้านซะกลับไปก็เป็นเด็กดีของไอ้กันซะนะ ยิ้มบ่อยๆด้วย” พิชบอก ตบไหล่ผมป๊าบๆ

            “อะ อืม” ผมหน้าร้อน ไม่ชินกับการถูกล้อ

            กันพาผมไปที่รถ เขาไม่ได้ลาพ่อผม อันที่จริงผมก็อยากให้มันเป็นแบบนั่น บรรยากาศระหว่างเราก็เหมือนเดิม ต่างคนต่างเงียบ ปกติผมคงอกแตกตาย แต่ตอนนี้ชินเสียแล้ว

            “แวะเซเว่นหน่อยได้ไหม อยากซื้อขนม” ผมบอกเขา

            “พิชมันเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มได้ก็ดี” คำตอบของร่างสูงสวนกับประโยคผมเลย กันขับรถเลี้ยวเข้าเซเว่น ผมพิจารณาคำพูดของเขา ไม่มีน้ำเสียงแดกดันอะไรเลย มีเพียงน้ำเสียงเรียบๆเท่านั้น

            “ขอบคุณครับ”

            อ่า...ไม่รู้ว่าผมขอบคุณเขาทำไม...แต่ว่าเขาเป็นคนทำให้ผมยิ้มได้ ก็เขาพาผมไปนั่งคุยกับพิชนี่เนอะ

            ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า...กรอบบางๆ ที่คนข้างๆกั้นไว้ เริ่มละลายออกมาแล้ว

            เฮ้อ...คิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย

 

                                                                    >W e d d I n g<
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 20-04-2014 15:37:07
ต้อนรับเรื่องใหม่
กลิ่นมาม่าโชยมาแต่ไกล เนื้อเรื่องดูน่าสนใจดีนะคะ
โอย...รักต้องห้ามสินะ รักกับพี่ชายแท้ๆของตัวเอง

แล้วจะยังโดนบีบบังคับให้แต่งงานกับใครก็ไม่รู้อีก (จะใช่พระเอกมั้ย)
ตอนเข้าหอละ  :hao6: :hao6: จะเป็นยังไงหนอ


คำว่า "ปฏิเสธ"  <<  ต้องเขียนแบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 20-04-2014 15:52:40
ติดตามๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 20-04-2014 16:31:47
ตอนที่ ๔ : ฮันนีมูน



            อากาศตอนเช้าสดชื่นจริงๆ ผมตื่นมาตั้งแต่หกโมงเช้า และก็เหมือนเดิม คนข้างกายลุกจากเตียงไปนานแล้ว ผมบิดขี้เกียจ ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ลงไปข้างล่าง วันนี้เป็นวันหยุดนักขัตกฤษ์ครับ ผมเลยสบายนิดหน่อย ได้หยุดด้วย

            แต่ไม่เหมือนคนบางคน ต้องไปทำงานอีก...คิดแล้วก็ต้องส่ายหัว หลังจากกลับจากงานเลี้ยง กันก็บ้างานหนักขึ้นกว่าเดิม บางวันกลับบ้านดึกดื่น ข้าวมากินไม่ทัน จนผมอดห่วงไม่ได้

            อย่างน้อยเราก็อยู่บ้านเดียวกัน จดทะเบียนสมรสกัน ถึงแม้เราจะไม่ได้รักกันเลยก็ตาม

            “กัน” ผมเผลอเรียก เมื่อเห็นใบหน้าคุ้นตาเดินเข้ามา

            “...”

            เขาเดินเข้ามาใกล้ วางนมอุ่นๆ ไว้ตรงหน้าผม ว่าแต่...ให้ผม?

            “ขอบคุณครับ” กินนมอุ่นๆ ตอนเช้าก็ไม่เลวนักหรอก

            “...”

            บรรยากาศยังคงเป็นเหมือนเคย เงียบสงบ แต่...ทำไมผมรู้สึกได้ถึงสายตาคนจ้องกันนะ ผมเงยหน้าจากนมถ้วยอุ่นๆ ปะทะกับดวงตาคมเข้มที่จ้องมองมา

            “มีอะไรหรือเปล่า”

            “นมเลอะปาก” คำตอบสั้นๆ ผมยกมือเช็ดคราบนมริมฝีปาก อดรู้สึกอายไม่ได้ โตจนมีงานมีการทำแล้ว แต่ยังกินเลอะเทอะ

            “อะ อืม”

            “ไปฮันนีมูนกัน”



            พะ...พรวด!



            “แค่ก แค่ก” ให้ตายเหอะ! นมมันไหลผ่านจมูกผม น้ำนมไหลผ่านจมูก ทั้งๆ ที่ผมกินมันทางปาก บ้าจริง แสบจมูกชะมัด

            ผมคว้านหากระดาษทิชชู่ ซับนมขาวๆ ออกจากปากและจมูก หันไปมองคนตรงข้ามที่ตีหน้านิ่งเหมือนเดิม

            “พ่อนายให้บัตรพักรีสอร์ทที่ภูเก็ตมา ท่านบอกว่าเรายังไม่ได้ฮันนีมูน” คำอธิบายจากคนตัวโต ผมชะงักเมื่อได้ยินชื่อพ่อของตัวเอง

            “นี่ กัน ผมพูดตรงๆ นะ คุณไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของพ่อผมหรอก คุณก็รู้ การแต่งงานของเรามันเกิดขึ้นเพราะ...”

            “ผมจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด” ร่างสูงพูดตัดประโยค ผมนิ่งฟัง หน้าที่ของกัน...ไม่เข้าใจว่าทำไมคำพูดสั้นๆ มันทำให้ในอกผมรู้สึกปวดแปลบ

            หน้าที่ของสามีหรือเปล่า...คำนั้น ที่เขาตั้งใจจะบอก

 

                                                                   >W e d d I n g<

 

            ครับ...จนแล้วจนรอดผมก็ทนสายตาที่จ้องมองมาไม่ไหว บวกคำยุยงของป้าบัวนิดๆ กระเป๋าเดินทางสำหรับหนึ่งวันก็ถูกจัดเสร็จภายในเวลาเก้าโมงเช้า

            ตอนนี้สิบโมงเช้าครับ และแน่นอน เราจองตัวเครื่องบินไปภูเก็ตเสร็จเรียบร้อยและกำลังขึ้นเครื่อง ผมไม่ทราบได้ว่าเวลากะทันหันแบบนี้กันเตรียมทุกอย่างพร้อมได้ยังไง แต่ถึงให้อยากรู้ผมคงไม่กล้าถาม

            เอาเป็นว่า ทริปลุยเดี่ยวหรรษากับก้อนหินเดินได้

            เฮ้อออออออออ...



            “เฮ้ย!” ผมคว้านหาโทรศัพท์ครับ กะเอามาเช็คเวลา เพราะตอนนี้เราอยู่ภูเก็ตแล้ว

            “มีอะไร”

            “โทรศัพท์ ผมหาไม่เจอ”

            “ช่างเถอะ มันไม่สำคัญนักหรอก” คำพูดตัดบทเหมือนเรื่องไร้สาระ

            “คุณก็พูดได้นิ คุณไม่ใช้ผมที่บ้ารอพี่อาร์มโทร...” เผลอหลุดปากพูดไปแล้ว

            นับจากวันที่พี่อาร์มโทรมาหา ผมก็ติดโทรศัพท์มากยิ่งขึ้น เผื่อว่าจะมีสักวันหนึ่งที่เขาโทรหา ผมมันคงบ้า แต่ก็บ้าเพราะรัก

            “ไปจ้องโรงแรมกัน” คำพูดตัดประโยค เอาแต่ใจ ร่างสูงลากผมไปขึ้นแท็กซี่

            “เราไม่ได้ค้างซักหน่อย คุณจะจ้องโรงแรมทำไม” ผมถาม

            “เราค้าง สองวัน” คำตอบยังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม



            “เฮ้ย! พรุ่งนี้ผมมีสอนนะกัน”

            “...”

            ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก



            “กัน!” ผมขึ้นเสียงครับ

            “...”

            ร่างสูงยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม และมันคงเหมือนคำประกาศิต

            “ค้างก็ได้...ว่ะ”

            จบคำพูด คนข้างกายยกยิ้มมุมปาก...ยิ้มครับ กันยิ้ม...เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขายิ้ม เป็นครั้งแรกที่มนุษย์เย็นชาคนนั้นยิ้ม...

            ว่าแต่...ผมเพิ่งสังเกตนะครับว่ากันหล่อ...

            ...เฮ้อ คิดได้แบบนี้ก็ต้องถอนหายใจ กันหล่อแต่ยังไงก็หล่อสู้พี่อาร์มไม่ได้หรอก



            ‘พี่อาร์มหล่อ เดียวโตเป็นผู้ใหญ่ต้องมีผู้หญิงติดเยอะแน่ๆ’



            ‘ไม่หรอกครับ พี่มีนิ่มคนเดียว’



            ผมนึกถึงอดีต...นึกถึงปัจจุบัน

            ความสัมพันธ์ผมกับกัน ดีขึ้นมากในความรู้สึกผม แต่มันไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น เพราะผมยังคงรักและรอพี่อาร์ม คนเดียว

            ตอนที่ผมเห็นรอยยิ้มของกันครั้งแรก...ผมคิดแบบนั้นจริงๆ

 

                                                                   >W e d d I n g<

 

            โรงแรมขนาดใหญ่มาก...ก มีสระว่ายน้ำในตัว มีอาคารสามหลัง ตั้งเรียงเป็นรูปตัวยู ตรงกลางเป็นสระว่ายน้ำกับโต๊ะนั่ง สามารถมองเห็นวิวทะเลได้ พวกผมเดินเข้ามาข้างใน ตรงไปยังเคาท์เตอร์

            “ห้องสวีท” กันพูดพร้อมยื่นบัตรพักที่ได้จากคุณพ่อให้พนักงาน

            “ค่ะ เบอร์ 1286” พนักงานต้อนรับยิ้มพร้อมยืนกุญแจให้



            “ห้องสวีท?” ผมไม่รู้สึกแปลกอะไรนักหรอกนะ เพราะปกติก็นอนกับกันอยู่แล้ว นอนหันหลังให้กันทุกคืน

            “มีปัญหาหรอ” ครับ...ผมเงียบครับ

            ทำไมรู้สึกว่าช่วงนี้ก้อนน้ำแข็งเดินได้พูดบ่อยจัง??

            “กัน ผมจะลงไปเล่นน้ำนะ คุณไปด้วยไหม”

            ห้องพักของที่นี้สวยมากครับ เตียงนอนขนาดใหญ่ บรรยากาศดูคลาสสิคหรูหรา เมื่อมาถึงห้อง ผมไม่รอช้าที่จะเข้าห้องน้ำจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า บล็อกเซอร์กับเสื้อยืดตัวบางๆ ตั้งใจเต็มที่ว่าจะแช่น้ำให้สนุก

            “รอผมแปป” พูดจบร่างสูงก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า ตรงหน้าผมเลยครับ...ผมหันหลังหลบ รู้สึกอาย แต่น้ำแข็งเดินได้อย่างหมอนั่นคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก

            และแล้วเราก็ลงมาข้างล่าง กันอยู่ในชุดบล็อกเซอร์ตัวเดียว เปลือยท่อนบน ผมไม่อยากขัดอะไรหรอกนะ แต่หมอนี่เอาความมั่นใจที่จะโชว์รูปร่างตัวเองให้คนอื่นเห็นมาจากไหน

            “ผมเล่นน้ำนะ” ผมบอกกัน ก่อนลงสระ ว่ายน้ำเล่นคนเดียว ความจริงมันก็เหงาอยู่เหมือนกัน ถือซะว่ามาผักผ่อน

            สระที่นี้ไม่ค่อยมีคนหรอก มีไม่ถึงยี่สิบคนด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะมาเที่ยวทะเลเลยไปเล่นน้ำทะเลกันหมด มีแต่ผมนี่ละที่บ้ามาเล่นน้ำในสระ แต่ผมกลัวทะเลนี่ครับ ตอนเด็กๆ จำได้ว่าเคยเกือบจม แต่พี่อาร์มมาช่วยไว้

            ผมนอนลอยตัว สายลมที่พัดมาทำให้รู้สึกดีจริงๆ เหมือนผมจะลืมใครบางคนไป...ตอนนี้กันนั่งจิบเบียร์อยู่ตรงเคาท์เตอร์กลางแจ้ง บรรยากาศดูเงียบสงบเหมือนมาพักผ่อนจริงๆ



            โป้ก!

            “แค่ก แค่ก”

            และแล้ว...เหตุการ์ณไม่คากฝันก็เกิดขึ้น แรงกระแทกตรงหัว ผมตกใจ พลิกตัวกะทันหัน แน่นอนครับ ผมลอยตัวอยู่บนน้ำ เหตุการณ์ต่อมาคือน้ำเข้าจมูก ดีที่สระนี่ผมยังพอหยั่งขาถึง ไม่งั้นมีว่ายท่าหมาตกน้ำ



            “เฮ้ คุณ” ผมที่กำลังสำลักน้ำอยู่ก็เงยหน้ามองคู่กรณีแวบหนึ่ง ไม่สนใจอะไรมาก เพราะน้ำมันเข้าจมูกจนแสบไปหมดเลย

            “ผมไม่เป็นไร แค่ก แค่ก” ผมบอกพร้อมถดตัวหนี กลับขึ้นฝั่ง ตรงไปหากันที่เคาท์เตอร์บาร์

            “นิ่ม” กันพูดชื่อผม น้ำเสียงเหมือนตกใจหน่อยๆ ผมรู้ตัวว่าสภาพมันแย่มาก เพราะผมกลืนน้ำคอลีนไปด้วย แสบจมูกไปหมด อยากฮัดเช้ย อยากร้องไห้ปนๆ กันไป

            “ผมขึ้นห้องก่อนนะ” ผมบอก ทำท่าจะผละไป แต่กันจับแขนผมไว้ก่อน

            “เดียวผมไปส่ง” กันบอก ผมขืนตัวหนีจากการจับข้อมือ บอกเขาพร้อมรอยยิ้มทั้งๆ ที่ยังแสบจมูก

            “ไม่ต้อง คุณมาผักผ่อนนะกัน ตามสบาย ผมจะขึ้นไปอาบน้ำ หมดอารมณ์เลยจริงๆ” หลังๆผมแอบบ่นพึมพัมเองคนเดียว

            “เดียวผมไปส่ง” คำพูดซ้ำเหมือนเดิม พร้อมแรงบีบตรงข้อมือ ผมอยากปฏิเสธ แต่ร่างสูงกลับลากผมไปซะแล้ว

            รู้สึกผิด เหมือนตัวเองทำเรื่องยุ่งยากให้กันยังไงไม่รู้

            ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น           

           

                                                                   >W e d d I n g<





ความจริงนิยายเรื่องนี้เขียนไว้เยอะแล้ว แต่ตอนที่เอามาลงคือตอนที่ตรวจคำผิดแล้ว เพราะของเก่าคำผิดเยอะแยะมากมาย (แต่ถ้ามีคำผิดอีกขอโทษด้วยน้า )


หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 20-04-2014 16:53:20
ตอนที่ ๕ : ความสัมพันธ์

            ผมรู้สึกมึนหัวนิดๆ หลังขึ้นจากสระน้ำ ผมที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จล้มตัวลงนอนไปเลย ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว แถมยังรู้สึกหนักๆ ที่หัว

            “หลับนานเลยแหะ” ผมมองดูนาฬิกาในห้องพัก ก่อนสะดุดตาผ้าชุบน้ำ กับร่างใหญ่ที่นั่งคุดคู้อยู่ข้างเตียง

            “กัน” ผมเรียกเขา เขย่าตัวร่างสูงเบาๆ ไม่นานคนที่เพิ่งจะพล่อยหลับไปก็ตื่นเต็มตา

            “นายมีไข้”

            กันบอก เขาเอื้อมมือแตะบนหน้าผากผม ใบหน้าเราใกล้กันมาก ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ถ้าเป็นปกติผมคงผลักเขาให้พ้นไปแล้ว แต่ดวงตาที่ห่วงใยกับท่าทางจริงจังทำให้ผมไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้เลย

            “อืม” ผมตอบเขาเบาๆ กันพยักหน้ารับรู้ เขาหยิบพารามาให้พร้อมน้ำเปล่า

            “กินซะ แล้วนอนต่อ”  ผมทำตามอย่างว่าง่าย ล้มตัวลงนอนต่อ ยังมีอาการมึนๆ หัวอยู่ แต่เห็นคนตัวโตยังนั่งอยู่ที่เดิมก็อดที่สะกิดเรียกไม่ได้

            “กันก็นอนด้วยสิ” ผมบอกเขา กันพยักหน้าน้อยๆ คำพูดของผมมันไม่มีอะไรแอบแฝง เพราะเราสองคนนอนด้วยกันทุกคืนอยู่แล้ว

            “...”

            บรรยากาศเงียบสงบเริ่มกลับมา ผมลืมตาโพล่งในความมืด รู้สึกได้ถึงเสียงลมหายใจที่ดูขัดๆ ไม่ประติดประต่อ กันยังไม่หลับ เหมือนกับผม

            “นายรักผู้ชายคนนั้น...คนที่ชื่ออาร์ม”

            “ใช่” ผมตอบคนข้างกายแผ่วเบา ทว่าชัดเจน

            เราสองคนนอนลืมตาโพล่งในความมืด เสียงลมหายใจแผ่วๆ มือผมสัมผัสกับมือกันโดยบังเอิญ ความรู้สึกในแวบแรกมันช่างเยียบเย็นจนน่ากลัว

            “แต่งงานทำไม” สัมผัสเย็นเชียบบีบข้อมือผมแน่น ผมรู้สึกแย่มากเมื่อคิดถึงคืนวันที่ตัวเองนอนร้องไห้แทบตาย

            ผมถูกบังคับให้แต่งงานเพราะพ่อต้องการขัดขวางความรัก

            ผมถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายด้วยกันทั้งๆ ที่ผมไม่เคยรักผู้ชายด้วยกันนอกจากพี่อาร์ม

            ผมถูกบังคับให้กล่าวคำสาบานต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า

            ทำไม ทำไม คำถามแบบนั้นสมควรเป็นผมที่ถามสิ ถึงจะถูก

            ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลก

            “คำถามแบบนั้น ผมควรจะถามคุณมากกว่า แต่งงานกับผมทำไม” ผมตอบเขา รู้สึกหายใจลำบาก

            เราต่างคนต่างเงียบ เสียงแอร์ร้องเบาๆ ในความมืด ความเย็นตรงมือจากไปแล้ว ผมจิกนิ้วลงกับฝูก รู้สึกอยากร้องไห้ อาจเป็นเพราะอาการไข้ขึ้น มันเลยทำให้ผมพาลรู้สึกโกรธและเกลียดผู้ชายคนข้างๆ นี้จับใจ

            ถ้าไม่ใช่เพราะเขาตกลงเรื่องแต่งงาน

            ถ้าเขา...

            “นอนเถอะ”

            คำพูดตัดบทสั้นๆ กันพลิกตัวหันหลังให้ผม จากตอนแรกที่รู้สึกอยากร้องไห้ฝูมฝาย ความรู้สึกนั้นสงบลงอย่างน่าประหลาด ผมเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ ก่อนทำเหมือนกับเขา

            ผมไม่เคยรู้ สิ่งที่กันคิด และผมไม่เคยเข้าใจเขา

            ตอนนี้...ผมเพียงแค่รอ...รอเวลาที่จะได้เจอพี่อาร์มอีกครั้ง

            เพราะนี้ไม่ใช้บทบาทในนิยาย...เจอกันสักพัก ตกหลุมรัก บังคับข่มขืน...ความรักที่ผมมอบให้พี่อาร์มไม่ใช้เรื่องล้อเล่น ผมรักเขาถึงขนาดยอมตัดเรื่องสายเลือดเดียวกัน

            คุณว่าความรักของผมกับพี่อาร์ม...มันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน...

 

                                                                    >W e d d I n g<

 

            การฮันนีมูนของเราจบลงแบบไม่สวยสักเท่าไหร่ หลังจากคืนวันที่ผมไม่สบาย กันก็พาผมกลับทันที ถึงบ้านป้าบัวยังถามด้วยซ้ำว่าทำไมกลับเร็ว

            ไม่รู้เวลาผ่านไปช้าหรือเร็ว สำหรับผมมันเหมือนกับเข็มนาฬิกามันตายด้าน กว่าจะหมุนครบวัน ช่างยาวนาน สภาพของผมกับกันตอนนี้นะเหรอ...ก็ดี

            บางทีนี้อาจจะดีสำหรับผมแล้วก็ได้ แต่จะว่าไปก็สงสารกัน เขาต้องแต่งงานกับผม แทนที่จะได้จดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงดีๆ เพียบพร้อม อย่างเช่น...คุณไอรยา

            โต๊ะกินข้าวที่เงียบเหงา ที่มีคนเพียงสองคนนั่งรับประทานอาหารเงียบๆ ตอนนี้กลับดูสนุกสนานผ่อนคลายด้วยเสียงหัวเราะรื่นเริงของผู้หญิงอีกคน

            ไอรยา เธอเป็นผู้หญิงสวยมาก นัยน์ตากลมโต เส้นผมเล็กละเอียด รูปร่างสมส่วน เธอเป็นเพื่อนของกัน เพิ่งกลับมาจากสหรัฐฯ ริมฝีปากเธอทาลิปสติกสีแดงเข้ม แต่กลับดูไม่น่าเกลียดเหมือนนางมารร้ายเลยสักนิด

            ผู้หญิงคนนี้ เป็นเพื่อนสนิทของกัน...และเคยเป็นแฟนเก่า

            ผมเพิ่งรู้ เมื่อไม่นานนี้เอง

            “นิ่มสอนเด็กเป็นยังไงบ้าง เด็กมหาลัยดื้อมากไหม” เธอถามผม

            “เด็กมหาลัยโตแล้ว มีแค่ไม่กี่คนที่งี่เง่า นิดหน่อย” ผมตอบ พลางนึกไปถึงลูกศิษย์อีกคนที่ช่วงนี้เข้ามากวนใจผมบ่อยๆ

            “ไอเรียนมหาลัยที่เยล ไม่ได้เรียนที่ไทย เสียดายอยู่เหมือนกัน ไปอยู่ที่นั่นมีแต่พวกฝรั่งมังค่า ดีนะที่กันเรียนที่เดียวด้วย ไม่งั้นไอลืมภาษาไทยแล้วแหงๆ”

            อ้อ...ผมเพิ่งรู้ว่าพวกเขาเคยเรียนมหาลัยเดียวกัน

            “ผมเคยศึกษางานที่เยล ที่นั่นเป็นมหาลัยเก่าแก่ ระบบการเรียนการสอนดีทีเดียว” ผมตอบพลางนึกถึงตอนไปศึกษาดูงาน หรือจะเรียกว่าไปเที่ยวกับพี่อาร์มดี?

            เราคุยกันไปเรื่อยๆ ไอรยาเล่าประสบการณ์ตอนมหาลัย กับเรื่องโก๊ะๆ ของกันให้ฟัง เธอเล่าให้ฟังว่ามีครั้งหนึ่งกันเข้าห้องน้ำผิดด้วย เขามองสัญลักษณ์ผิด พอเข้าไปปุ๊บก็กลับออกมาพร้อมรอยนิ้วห้านิ้วแดงเถือก ผมหัวเราะ คิดสภาพกันแบบนั้นคงน่าตลก

            ผมคิดว่ากันกับไอรยาคงสนิทกันมาก เหมือนเขารู้เรื่องของกันทุกอย่าง

            ตอนนั้นผมคิดว่าน่าเสียดายมากๆ ถ้ากันได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ ชีวิตของเขาคงดี กว่านี้

            “ไอกลับแล้วล่ะ นี่ นิ่มไปส่งไอได้ไหม” ผมหันไปมองหน้ากัน เขาพยักหน้า ผมเลยเดินไปส่งไอรยาที่รถ ทั้งที่ผมคิดว่าหน้าที่นี้ควรเป็นของกันด้วยซ้ำ

            “แปลกใจสินะทำไมไอชวนนิ่มให้ออกมาส่ง” เธอถาม ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            “นิดหน่อยครับ”

            “ไอเคยเป็นแฟนกัน ตอนกลับมาไทยรู้ว่ากันแต่งงานแล้ว ไอเซอร์ไพรซ์มากๆเลย ยิ่งแต่งงานกับผู้ชายด้วยแล้ว แบบว่า มันเกิดขึ้นได้ยังไง กันไม่ใช่พวกเบี่ยงเบน...”

            ผมสะอึกกับคำพูดของเธอ รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าหลายสิบครั้ง คำพูดเอื่อยๆ ของเธอกระตุ้นความคิดผมดี เธอพูดถูก เท่าที่ผมรู้ กันตกลงแต่งงานกับผมเพราะธุรกิจของพ่อด้วยส่วนหนึ่ง

            “ความจริงไอก็ไม่อยากเป็นนางมารร้ายหรอกนะ แค่ดูก็รู้ว่านิ่มไม่ได้รักกัน ถามจริงๆ แต่งงานกับกันทำไมค่ะ” ไอรยาจ้องหน้าผม

            “ผมถูกบังคับ” ผมตอบเธอไปตามตรง

            “ว่าล่ะ! งั้นเอางี้ ในเมื่อนิ่มไม่รักกัน ไอขอดูแลกันเหมือนเดิมได้ไหม”

            ผมจ้องหน้าผู้หญิงตรงหน้าอย่างตะลึง เธอพูดด้วยความมั่นใจ เหมือนเธอกำลังขอขนมชิ้นหนึ่ง ทั้งๆที่ของที่เธอขอเขาเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของผม

            ...ผมไม่ได้รักกัน และมันคงดีสำหรับกันด้วย แต่...

            “กันไม่ใช่ของผม ผมให้เขาไม่ได้หรอก ถ้าคุณไอรยาอยากมาที่บ้าน ดูแลกัน ผมไม่ขัดข้อง ดีซะอีก...ผมไม่ได้ประชดนะ ผมกับกัน เราไม่ได้มีอะไรกัน” ผมกับไอรยาเล่นจ้องตากันสักพัก จนในที่สุด เธอก็ฉีกยิ้มจนเห็นฝันขาวที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ

            “นิ่มน่ารักจริงๆ ไอขอบคุณนิ่มนะ ที่ไอกล้าขอก็เพราะไอรู้ว่านิ่มไม่ได้รักกัน ถึงจะแต่งงานกันก็เถอะ พรุ่งนี้ไอจะมาใหม่ ไปล่ะ” ไอรยายิ้มหวานครับ เธอจูบแก้มผมเบาๆ แล้วขึ้นรถของเธอกลับไป

            ผมยืนนิ่งค้าง ถูแก้มตัวเองเบาๆ ไอรยาหอมแก้มผม มันคงเป็นธรรมเนียมต่างชาติ แต่ผมเป็นคนไทย ไม่ผิดใช่ไหมที่ผมจะเขิน? แถมไอรยายังเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ เลยด้วย

            “นิ่มไม่ได้นอกใจพี่อาร์มนะ แค่เขินนิดหน่อย” ผมบอกคนอีกคนในห้วงความคิด

            ผมเดินเข้าบ้าน ยังรู้สึกร้อนตรงแก้ม กันยืนจังกล้าอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน ผมรู้สึกถึงบรรยากาศมึนตึงของเราเล็กน้อย ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมไม่อยากทะเลาะ

            จะว่าไปผมก็ไม่เคยทะเลาะกับกันหรอกนะ

            “ไอบอกอะไรคุณบ้าง” กันถามผม

            “เขาขอดูแลคุณ” ผมตอบไปตามตรง เดินผ่านเขาไปเปิดตู้เย็นหาน้ำกิน

            “ผมกับไอเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

            “ไม่ต้องห่วงกัน ถ้าคุณจะคบกับคุณไอรยาผมไม่ว่าหรอก คุณก็รู้ เรื่องระหว่างเรา...”

            “ผมไม่เคยผิดคำสัญญา...ในวันแต่งงาน ผมกล่าวคำสาบาน”

            คำตอบของกัน มันชัดเจนอยู่แล้ว ความรู้สึกผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายผม มันเป็นความรู้สึกเสียวแปลบที่ข้อมือ มันปวดจนน้ำตาจะไหล...ผมเป็นอะไรไป

            ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่โอบรอบตัวผม ผมยืนนิ่งแข็ง กันไม่เคยเป็นแบบนี้ เขากอดผมเบาๆ ความรู้สึกในตอนนั้นประมาณว่า ช็อค ไม่เข้าใจ

            “จะซื่อสัตย์กับคุณ...ตลอดชีวิต”

            ...

            ...

            ...

            “ขอโทษนะ กัน”

            ผมตอบเขาด้วยเสียงแผ่วเบา...

            แย่...ความรู้สึกมันแย่มากจริงๆ

            น้ำตาพาลจะไหล มันจะอะไรหนักหนา

            ชีวิต...ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

            ผมไม่รู้ว่ากันทำแบบนั้นเพราะอะไร

            ผมไม่รู้ใจของกัน

            แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้คือใจตัวเอง

            ‘นิ่มรักพี่อาร์ม’

 
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 20-04-2014 17:23:18
http://www.youtube.com/watch?v=Drus79gNU6g

ตอนที่ ๖ : ลักลอบ [ตอนต้น]


            หลังจากวันนั้น ทุกอย่างเหมือนเดิม เปลี่ยนไปแค่เล็กน้อย เพราะตอนนี้ ผมกับไอรยาสนิทกันมากทีเดียว เธอเป็นคนเฟรนด์ลี่ แต่ข้อเสียของไอรยาคือชอบกรอกหูผมเรื่องกันอย่างนู่นอย่างนี้

            “นิ่มดูสิ กันชอบเค้กดาร์กช็อกโกแลตแล้วก็วานิลา เลือกไม่ถูกอ่ะ นิ่มเลือกให้หน่อย”

            ตอนนี้ผมกับไอรยาสนิทกันมาก...ก และวันนี้เรามาเลือกเค้กครับ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดกัน พวกผมจัดแผนเซอร์ไพรซ์

            “งั้นเอาเค้กวานิลา แต่ท๊อปปิ้งดาร์กชอกโกแลต” ผมชี้เค้กอีกก้อน รสวานิลา ข้างบนเป็นท๊อปปิ้งดาร์กชอกโกแลต

            “โหย คิดได้ไง” ไอรยาฉีกยิ้มกว้าง เธอลูบหัวผมแรงๆ

            “เธอคิดไม่ถึงละสิ แต่เราคิดถึงน่ะ”

            อ้วกกกก...ก

            ไอรยาทำหน้าประมาณว่า เล่นมุขนี้เลยหรอ ผมหัวเราะคิกคักเดินไปจ่ายเงิน

            “เอาเค้กเก็บไว้กับไอก่อน พรุ่งนี้ไปเซอร์ไพรซ์ นิ่มก็กักตัวกันออกจากห้องทำงานด้วยล่ะ หมอนี่วันๆ เอาแต่ทำงาน น่าเบื่อจริงๆ” ไอรยาบ่นไปเรื่อย ผมฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง

            พวกผมกำลังจะกลับ แต่สายตาผมดันเหลือบไปเห็นร่างสูงคุ้นตา เขาอยู่ท่ามกลางคนชุดดำมากมาย ผมจำโครงสร้างร่างกายที่คุ้นเคยนั้นได้ดี

            ทันทีที่ผมมองเห็นเขา สายตาเราสบกัน ผมเบิกตากว้าง เช่นเดียวกันกับเขา

            วินาทีนั้นมันเหมือนความทรมานทั้งหมดมันหายวับ อยากปาเค้กที่ถือไว้ในมือทิ้งแล้ววิ่งไปหาผู้ชายคนนั้น

            ‘พี่อาร์มของนิ่ม’

            เขาเห็นผม สายตาของเราสบกัน รู้สึกน้ำตามันรื้นออกมา พี่อาร์มหันซ้ายหันขวา การ์ดพวกนั้นคงเป็นคนของพ่อ ผมอยากจะถลาไปหา กอดคนรัก ทว่าสายตาที่จ้องมองมาห้ามปรามไว้

            พี่อาร์มอาจบ้าในบ้างครั้งเมื่อทนไม่ไหว แต่ปกติเขาเป็นคนรอบคอบ สุขุม ผมรู้จักนิสัย ‘คนรัก’ ผมดี ผมยืนนิ่ง รู้สึกถึงแรงสะกิดของไอรยา ความสนใจผมจับจ้องเพียงร่างสูงคุ้นตาเท่านั้น

            พี่อาร์มหยิบกระดาษโน้ตเล็กๆ ออกมาจากเสื้อ เขาจดข้อความขยุกขยิก แล้วขย้ำเป็นก้อนกลมๆ ก่อนโยนมันทิ้งลงถังขยะ การ์ดที่อยู่รอบตัวพี่อาร์มทำท่าสงสัย แต่คงไม่มีใครกล้าถาม ไม่นานร่างนั้นก็หายลับไปจากตาผม

            ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนานทีเดียว เราสองคนยืนอยู่ไม่ห่างกัน เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวก็สามารถโอบกอดกันได้แล้ว แต่ความจริงมันทำไม่ได้...

            “นิ่ม! นิ่ม!”

            “หะ หือ อ้อ โทษทีไอ”

            “ป่ะ เรากลับกันเถอะ เมื่อกี้เป็นไรอ่ะ เหม่อนานเชียว” ผมไม่ตอบ สายตาจ้องถังขยะ ผมส่งถุงเค้กในมือให้ไอรยา

            “ไอกลับไปก่อนนะ นิ่มมีธุระ” ผมบอกเธอ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

            “อะไรกันเนี่ย”

            “โทษจริงๆ เดียวนิ่มไปส่งที่รถ” ผมดุนหลังไอรยา พาเธอไปส่งที่รถ

            ไอรยาทำหน้างง แต่เหมือนเห็นท่าทางผมรีบๆ เลยไม่ซักถามอะไรมาก ส่งไอรยาเสร็จ ผมก็รีบไปหาของที่พี่อาร์มโยนทิ้งไว้

            ในตอนนั้น ผมวิ่งเข้าห้างเหมือนคนบ้า หูอื้อตาลาย มันเป็นสภาพที่แบบว่า ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ สิ่งที่ทำให้ผมช็อคยิ่งกว่านั้นก็คือถุงขยะมันหายไปแล้ว ผมเจอแค่ถุงยะอันใหม่

            ผมทรุดนั่งลงกับพื้น หมดแรง  เหมือนชีวิตมันเหนื่อย จนเกินทานทน

            เหนื่อยจริงๆ

            แต่...ถ้าเพื่อคนที่ผมรัก ผมจะสู้

            ผมลุกขึ้น...ปัดคราบน้ำตาออก รู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมา คงเห็นของแปลก นั่งร้องไห้ข้างถังขยะในห้าง ผมไม่สนสายตาคนอื่น...ผมไม่เคยแคร์ว่าใครจะมองผมเป็นเกย์ ชอบเพศเดียวกัน สิ่งที่ผมแคร์มีเพียงแค่พี่อาร์ม ต่อให้คนทั้งโลกเกลียด ขอแค่เพียงเรารักกัน เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับผม

            “พี่ครับ พวกแม่บ้านที่ทำความสะอาดเขาอยู่ตรงไหน” ผมถามพนักงานแถวนั้น เขาบอกผม ไม่รอช้าผมก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องของพวกแม่บ้าน

            “โทษครับ เมื่อกี้มีใครเก็บขยะจากชั้น 4 มาบ้าง” ผมถามแม่บ้าน

            “เพิ่งเอาไปทิ้งเมื่อกี้เองจ๊ะ มีอะไรหรือเปล่า”

            “ผมเผลอทิ้งของสำคัญไปนะครับ”

            “ป้าเอาไปรวมกับขยะกองอื่นแล้ว...เอ่อ งั้นเดียวป้าพาไปดูละกัน แต่ไม่รู้นะว่าถุงไหน มันเยอะ” แม่บ้านบอก ผมพยักหน้าตกลงทันที

            แม่บ้านพาผมมาลานทิ้งขยะ กลิ่นมันเหม็นแทบอ้วก ขยะถุงดำๆ กองบนเป

            “ป้าเพิ่งเอามาทิ้งเมื่อกี้นะ คงอยู่แถวๆ กองเนี่ย ไอ้ถุงขยะชั้นสี่” แม่บ้านชี้มาที่กองขยะที่เพิ่งถูกทิ้งรวมกันไว้

            ผมขอบคุณ ส่งรอยยิ้มฝืนๆ ให้แม่บ้าน เธอมองแปลกๆ ผมไม่รอช้ารีบเทขยะออก รื้อหาเศษกระดาษนั่นทันที ถ้าหากเป็นนิ่มคนก่อนที่มีพี่อาร์มคอยปกป้อง ผมคงเป็นคุณหนู ไม่หยิบจับสิ่งพวกนี้ แต่เวลามันขัดเกลาชีวิตเรา

            “พ่อหนุ่มเอ้ย พอเถอะ ห้างจะปิดแล้ว” เสียงของป้าแม่บ้าน ผมหันกลับไปยิ้มฝืนๆ รู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นตามเสื้อผ้า

            “ผมขอเวลาอีกสิบนาที ถ้าผมหาไม่เจอพรุ่งนี้ผมขอมาหาใหม่ได้ไหม”

            “คงเป็นของสำคัญ ของคนรักหรือ...” ป้าแม่บ้านพูด น้ำเสียงแกเหมือนสงสาร

            “แค่กระดาษแผ่นเดียว แต่มันมีค่ากับผมมากที่สุด”

            ผมตอบ ป้าแม่บ้านกลับไปเก็บของแล้ว ผมพยายามหา ไม่ปริปากบ่น กลิ่นเหม็นพวกนี้ผมทนได้เป็นชั่วโมง แต่ถ้าต้องทนเจ็บปวดเจียนตายเหมือนที่ผ่านมา ผมไม่ยอม

            “กลับเถอะ ป้าจะกลับแล้ว” เสียงของป้าแม่บ้านฉุดผมขึ้นจากกองขยะ ผมลุกขึ้นยืน ขาสั่นๆ คงเป็นเพราะคุกเข่านานเกินไป

            “พรุ่งนี้ผมจะมาหาใหม่”

            “ได้ แต่รถขยะมันมาเก้าโมงนะ”

            “ครับ”

            ตุบ!

            “กุญแจหล่นครับ” ผมก้มลงหยิบของให้ป้าแม่บ้าน รู้สึกปวดขาตุบๆ

            “ขอบใจจ๊ะ พ่อหนุ่มนี่เป็นคนดีจริงๆ กระดาษแค่แผ่นเดียว หาได้เป็นชั่วโมง นั่น อาจเป็นกระดาษแผ่นนั่นก็ได้นะ” ป้าแกยิ้ม พูดเหมือนล้อเล่นขำๆ ผมหันไปมองไม่จริงจังอะไรนัก เพราะทั้งวันผมผิดหวังมามากเกินพอ

            แผ่นกระดาษเล็กๆ ติดอยู่ตรงเหล็กกั้นท่อระบายของเสีย ผมก้มลงไปหยิบ คลี่กระดาษแผ่นนั่นออกมาดู

            พรุ่งนี้ ห้าทุ่ม สวนกลางเมือง

            รักนุ่มนิ่ม

            ข้อความสั้นๆ สองบรรทัด ผมปล่อยโฮทันทีเมื่ออ่านจบ น้ำตาไหลทะลักเหมือนทำนบแตก คว้าตัวป้าแม่บ้านมากอด พร่ำพูดขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า

            วินาทีนั่น ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับนัดตอนห้าทุ่ม สวนกลางเมืองอีกแล้ว

 
                                                               >W e d d I n g<

ตอนที่ ๖ : ลักลอบ [ตอนกลาง]

            อาหารทะเลหลากหลายชนิด กุ้งเผา ปลาหมึกย่าง ปูผัดผงกระหรี่ ถูกจัดเรียงบนโต๊ะเยอะแยะสวยงาม ส่วนหนึ่งเป็นฝีมือทำอาหารของป้าบัว ผมหยิบจาน จัดเรียงกุ้งตัวโตๆ ใส่จาน เพิ่งรู้จากไอรยาว่ากันชอบอาหารทะเล วันเกิดเขาเราจึงทำอาหารเลี้ยงกันเองในบ้าน

            “ป้าบัวๆ นิ่มยกไปสวนเลยนะ” ผมพูดพร้อมหยิบจานกุ้งเผากับปลาหมึกย่าง พวกเราตกลงว่าจะกินเลี้ยงกันในสวน ประมาณทุ่มกว่าๆ มีคนร่วมงานไม่กี่คน เพราะกันเพื่อนน้อยมาก

            “ถือระวังๆ นะค่ะคุณนิ่ม...นานๆ ป้าจะเห็นคุณนิ่มอารมณ์ดีแบบนี้ สงสัยว่าเป็นวันเกิดคุณผู้ชาย คุณนิ่มถึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ” เสียงป้าบัวพูดไปเรื่อย

            “ฮะ ฮะ” ผมหัวเราะเจื่อนๆ วูบหนึ่งความรู้สึกผิดคับแน่นเต็มอก

            ผมอารมณ์ดี เพราะจะได้เจอพี่อาร์ม แต่ถึงไม่มีเหตุการณ์นั่นแทรกเข้ามา ผมก็คิดว่า วันเกิดกันผมก็จะยิ้มอย่างมีความสุขให้เขาอยู่ดี อาจแปลกแค่ผมยิ้มกว้างกว่าปกติ ร่าเริงกว่าเดิม

            ผมผิดด้วยเหรอ?

            บนโต๊ะในสวนมีชายร่างยักษ์นั่งรออยู่ก่อน ผมยิ้มกว้าง คิดว่าวันนี้เป็นวันดีจริงๆ กอลิล่าชุดสูทตอนนี้เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์นั่งอ้าขาอ้าซ่า กระดกเหล้าเข้าปากเอาเป็นเอาตาย

            “ดื่มขนาดนี่ กลัวคนอื่นไม่รู้เหรอไงว่าเมา” ผมเย้าคนตัวโต พิชหันมายิ้มให้ตาเยิ้ม กอลิล่าตัวโตเริ่มเลื้อยเป็นปลาหมึก เอาหัวมาซบไหล่ผม แต่ตานี้จ้องกุ้งตัวโตๆ ที่ผมยกมาตาเป็นมัน

            “ไม่กลัวคร้าบ เมาไม่กลับ หลับสนิทห้องเมียเพื่อนคร้าบ...บ”

            “ฮะ ฮะ” ผมหัวเราะ พร้อมๆ กับร่างสูงของกันโผล่มา

            ผมสลัดตัวออกจากพิชเล็กน้อยให้ไม่น่าเกลียด วางจานกุ้งเผากับปลาหมึกไว้ ไม่นานไอรยาก็มาถึงครับ เธออยู่ในชุดสีแดง เป็นเดรสตัวเดียว สั้นเลยเข่า ชุดของเธอแหวกอกจนเห็นเนินอกขาวอวบอิ่ม ผิวขาวๆ ยิ่งถูกขับเน้นเมื่อเจอเพชรเม็ดเล็กบนคอระหง

            ไอรยาสวยมาก ขนาดผมมีคนรักเป็นตัวเป็นตนยังเผลอมองเธอตาค้าง

            “...” แรงบีบแน่นตรงไหล่ ผมละสายตาจากไอรยา มองคนตัวโตที่จับไหล่ ส่งสายตาปรามๆ มาให้ ผมหัวเราะแหะๆ กันหน้าตามึนตึง

            ผมคงจ้องไอรยามากเกินไป แฟนตัวจริงของเธอถึงได้ออกอาการ

            “มาช้าจัง” ผมทักไอรยา

            “แต่ก็มาทันใช่ปะละ...ปะ นิ่ม ไปเอาของ นี่กัน...เดียวไอมานะ” เธอส่งยิ้มหวานให้กัน แล้วลากผมไปครับ

            ไอรยาพาผมมาที่รถเธอ มีเค้กกล่องใหญ่วางไว้อยู่ ไอรยาดูตั้งใจและมีความสุขมาก เธอตั้งใจปักเทียนแต่ละเล่ม ผมมองไอรยาแล้วนึกถึงตัวเอง ผมรู้แล้วว่าไอรยานิสัยเหมือนใคร...เธอก็เหมือนผม ถ้าเพื่อคนรัก ทุกสิ่งที่ทำต่อให้ลำบากแค่ใน ก็สุขใจ...

            “วันนี้ไอขอค้างที่นี้ได้ไหม” ไอรยาถามผม ขณะจุดเทียน

            “หือ มีอะไรหรือเปล่า”

            “เฮ้อ...กระดากปากไงไม่รู้ นิ่มเป็นภรรยากัน จะให้พูดแบบนี้มัน...เอาเป็นว่า ไออยากอยู่กับกันเป็นคนสุดท้ายในวันเกิดเขา”

            “ได้สิ เดียวนิ่มจะออกไปข้างนอกพอดี” ผมตอบรับง่ายดาย ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร

            “ไม่ๆ ไอไม่ได้ตั้งใจไล่นิ่มออกจากบ้านนะ...ทำเหมือนไอเป็นตัวร้ายไปได้” ไอรยาห่อปาก

            “นิ่มมีธุระพอดี คงกลับมาดึกๆ”

            “ธุระวันนี้เนี่ยนะ?”

            “อ่าฮะ...นี่เปิดทางให้สุดๆ เลยนะ ถ้าเป็นคนอื่นขออยู่กับสามีตัวเองแบบนี้โดนตบล้างน้ำไปหลายรอบล่ะ” ผมบอกไอรยาอย่างอารมณ์ดี

            “โหย ใจกว้างอ่ะ” เธอกอดคอผม ยิ้มกว้าง

            เราสองคนพากันเข้าไปในบ้าน คนยกเค้กเป็นไอรยาครับ กันทำหน้าตกใจนิดหน่อย ผมกับกันเราสมตากับหน่อยหนึ่ง ผมหลบตากัน ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ก้มหน้ามองเค้ก

            การเป่าเค้กจบลงด้วยดี ผมเหลือบตามองนาฬิกาเป็นระยะๆ ตอนนี้พวกเราสี่คนนั่งกินกับแกล้มคุยเรื่องสับเพเหระ ไอรยานั่งอยู่หัวโต๊ะกับกัน เธอคอยเอาอกเอาใจเขา ทั้งตักทั้งป้อน ใบหน้าแย้มเยื้อนมีความสุข

            เห็นคู่นั่นมีความสุขแล้วทุกข์ใจจัง...

            เป็นผมเองซะอีกที่ต้องติดแหงกอยู่กับกอลิล่าหน้าโหดเนี่ย

            “น้องจ๊ะ แกะกุ้งอะเป็นไหม ทำเร็วๆ สิน้อง เดียวพี่ให้ติ๊บ”

            เขาว่าคนเราเมาแล้วมีสภาพเหมือนหมา

            ปวดใจจริงๆ เพราะตอนนี้ไอ้คุณพิชัยมันกลายเป็นหมาไปแล้ว

            เกาะแข้งเกาะขา อ้อนนู่นอ้อนนี่ จะโมโหก็โมโหไม่ลง

            “พี่แกะเป็นก็เกะเองสิครับ ผมไม่ใช่เมียพี่นะครับ” พูดจบผมอดใจไม่ไหว ยัดกุ้งใส่ปากไอ้ลิงตัวโต

            “ใช่ซี้ๆ สามีเจ้านั่งป้อสาวอยู่นู่น ไอ้เรามันก็ตัวสำรอง กระซิก...กระซิก” ปากพูดทั้งๆ ที่มีกุ้งอยู่ในปาก

            เห็นไหม...ใครจะโกรธหมอนี่ลง ผมเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง เข็มสั้นชี้เลขสิบ นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มแล้ว หัวใจผมพองโต

            ผมจะได้เจอพี่อาร์มแล้ว

            ผมผละจากวงข้างล่าง ขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว ผมใส่ชุดมิดชิด กางเกงขายาวแบบหลวมๆ แต่ก่อนผมเป็นพวกชอบใส่กางเกงขาสั้น แต่พี่อาร์มบอกว่าหวง ตั้งแต่นั้นผมก็ใส่กางเกงขายาวมาตลอด น้ำหอมกลิ่นโปรดของผมก็เป็นกลิ่นขนมหวานเลี่ยนๆ ผมชอบกลิ่นนี้ เพราะพี่อาร์มอีกนั่นแหละ พี่อาร์มบอกว่าเวลาได้กลิ่นนี้จากตัวผมที่ไรเป็นอยากกินทุกที

            ชีวิตนี้ผมมีแต่พี่อาร์มจริงๆ

            ระยะเวลาขับรถไปสวนกลางเมืองใช้เวลาสิบนาทีกว่าๆ ดึกแล้วคนใช้ถนนเลยไม่เยอะ ผมลงมาจากห้อง ไม่อยากจะโม้ว่าวันนี้แต่งตัวซะหล่อเชียว เห็นทุกคนยังนั่งกินเหล้ากันอยู่เหมือนเดิมเลยไม่อยากเข้าไปขัด ผมเดินไปเปิดประตูบ้าน

            “ไปไหน” เสียงเข้มดังขึ้นด้านหลัง ผมชะงักมือที่กำลังเปิดประตูรถ

            “...ผมมีธุระ”

            สายตาที่จ้องมองมาวาววับ ความรู้สึกผิดแล่นพล่านในอก นี่ไม่ใช่บทในหนังที่ภรรยาแอบมีชู้ สวมเขาให้สามี แต่ถึงจะไม่ใช่ละครหรือหนัง บทบาทมันก็ไม่เปลี่ยนไปมากนัก ผมโกหกกัน และเขาก็เชื่อ...

            “ดึกแล้ว...กลับดึกไหม” ผมฟังจากประโยคที่ถูกตัดจนสั้น กันเป็นคนพูดน้อยมาก ระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมา ทำให้ผมพอเข้าใจว่า เขากำลังเป็นห่วงผมอยู่ เพราะนี้มันสี่ทุ่มครึ่งแล้ว

            “เอ่อ...ไม่มั้ง”

            “จะรอ”

            คำพูดสั้นๆ กันหมุนตัวเดินกลับไปแล้ว ผมมองแผ่นหลังเดินจากออกไปด้วยความหวาดวิตก กันจะรอผมกลับมา...ผมไม่รู้ว่าจะได้กลับมาไหม ไม่รู้ว่าพี่อาร์มจะเอายังไง ‘เรื่องของเรา’ เราสองคนอาจหนีไปด้วยกัน

            แต่...กัน...

            ผมสลัดเรื่องไรสาระออกจากหัว ตอนนี้ในหัวมีเพียงใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายในสายเลือด ถ้าหากเราเจอกัน มันจะเป็นยังไงนะ...

            ที่แน่ๆ ผมคงกอดพี่อาร์มแน่นๆ

            บอกเขาว่าผมรักเขา และคิดถึงเขา

            ผมเตรียมประโยคต่างๆ ไว้มากมาย รู้ตัวอีกที ร่างกายมันก็หยุดอยู่ตรงม้าหินอ่อนสวนสาธารณะเสียแล้ว ผมจ้องนาฬิกา ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวัน เพ่งมองแล้วมองอีก

            “นิ่ม”

            สัมผัสอ่อนโยนที่ผมเฝ้าหามาตลอด กลิ่นน้ำหอมเคยคุ้น ร่างกายอุ่นหนา ไม่ต้องหันไปมองผมก็รู้ว่าชายคนรักกำลังกอดผมอยู่

            ความร้อนไหลแตะตรงไหล่ พี่อาร์มกำลังร้องไห้ แรงกอดรัดจากด้านหลังแนบแน่นกว่าเดิมเมื่อร่างสูงกำลังปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมา

            “นิ่มอยู่ตรงนี้นะครับ อย่าร้องไห้ ที่รัก” ผมอยากร้องไห้ ทำใจแข็งฝืนปลอบคนตัวโต พี่อาร์มอยู่กับพ่อตลอดคงต้องทนเจอคำพูดเสียดสีต่างๆ นาๆ

            พี่อาร์มเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อคงทนรับมันเอาไว้อย่างเงียบๆ แต่คนตรงหน้าผม เป็นคนที่ผมรัก คนที่ผมรู้จักมาทั้งชีวิต เขาคงคิดเหมือนผม เขาถึงปล่อยน้ำตาที่อดกลั้นออกมา...แบบนี้

            “พี่ไม่อยากทนแล้ว พี่เกลียดพ่อ พี่รักนิ่มคนเดียว พ่อไม่เคยเข้าใจเราสองคน” เสียงพูดเบาๆ ข้างหู ผมหันหน้ากลับไป มองใบหน้าพี่อาร์มร้องไห้

            “นิ่มรักพี่อาร์ม”

            ผมบอกเขา คำพูดแรกที่ตั้งใจจะพูดกับพี่อาร์ม เราสบตา สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายอย่างห่วงแหน จากนั้น ริมฝีปากผมสัมผัสกับริมฝีปากเขา เราจูบกัน

            ร่างกายตอบสนองอย่างเคยคุ้น ริมฝีปากของผมเป็นของพี่อาร์มคนเดียว เหมือนกับที่เขาเป็นของผมเพียงคนเดียว ความร้อนจากการถูกสัมผัส ร่างกายตอบสนองโดยอัตโนมัติ ผมเอื้อมมือคล้องคอร่างสูงแกร่ง บดเบียดริมฝีปากแนบชิดกว่าเดิม เรียวลิ้นอุ่นภายในเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อ ผมถดตัวถอยจากสัมผัสดังกล่าว

            กลัว...กลัวว่าผมจะปล่อยตัวปล่อยใจ ให้พี่อาร์มสัมผัสตัวเองตามใจชอบ...ไม่ใช่ไม่ต้องการ...ทว่าบางสิ่งบางอย่างคอยกระตุ้นเตือนอยู่เสมอว่าการกระทำแบบนี้มันไม่สมควรเกิดขึ้น

            ผมไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร...แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

            เราได้สบตากัน

            เราได้โอบกอดกัน

            เราได้จูบกัน

            นั่นคือความปรารถนาของผม

            “อย่าร้องไห้สิค่ะ เด็กดี” ผมเงยหน้ามองร่างสูงให้เต็มตา พี่อาร์มที่กลับมาเข้มแข็งคนเก่า ในขณะที่ผมกำลังปล่อยให้น้ำตาร่วงหล่น

            “นิ่มหาทางออกไม่เจอแล้ว พี่อาร์มรู้ไหมพ่อให้นิ่มแต่งงาน...แต่งงานกับผู้ชาย! พี่อาร์มรู้ไหม!” ผมถามเขาเสียงดัง มือทุบอกเขา ระบายความคับแค้นใจ

            “รู้สิค่ะ นิ่มรู้ไหมวันนั้นนิ่มสวยมาก สวยจนพี่ตะลึงไปเลย”

            “แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พี่อาร์ม! พี่อาร์มไม่หึงนิ่มบ้างหรอ”

            “หึงทำไมคะ...ตรงนี้ของเรา เป็นของพี่ไม่ใช่หรอคะ”

            พี่อาร์มชี้ไปที่หน้าอกของผม โอบตัวผมไว้อีกครั้ง และมอบสัมผัสเล็กๆ ตรงริมฝีปากอีกหน ผมอาจบ้า คำพูดเพียงไม่กี่คำของเขาทำให้ผมรู้สึกเขินอาย มุดหน้าลงกับอกแข็งแกร่ง มือโอบกอดรอบตัวร่างสูงไว้แน่น พี่อาร์มสูงกว่าผมมาก เมื่อผมได้โอบกอดเขา จึงรู้สึกเหมือนได้รับการปกป้อง

            “พี่อาร์มดูจะไว้ใจนิ่มจังน่ะ” ผมล้อเขา

            “พี่ไว้ใจคนที่รัก แต่ถ้าวันหนึ่งนิ่มเปลี่ยนไป พี่คง...”

            “แค่นั่นก็พอแล้วครับ” ผมพูดแทรกประโยคต่อมา

            แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

            ผมพยายามย้ำเตือนหัวใจของตัวเอง ด้วยคำพูดนั้น

 

                                                                   >W e d d I n g<

ตอนที่ ๖ : ลักลอบ [ตอนจบ]

            วีออสสีเทาขับแล่นท่ามกลางความมืดอันเงียบสงบ เสียงเครื่องยนต์ครางเบาๆ ต่างกับใจอันระทึกของคนขับ ผมกำพวงมาลัยแน่น หวนนึกถึงร่างกายอบอุ่นของคนรัก และคำพูดเหมือนดังคำสั่งกลายๆ

            ‘หย่ากับผู้ชายคนนั้นให้ได้ภายในครึ่งปีนี้ ส่วนพี่จะทำงานเก็บเงินให้มากที่สุด เราจะหนีไปต่างประเทศด้วยกัน’

            ยอมรับว่าได้ยินคำพูดของพี่อาร์ม แวบแรกที่นึกถึงคือใบหน้าคมกร้านของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี คนที่นอนเคียงข้างมาตลอดเดือน ใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก ทว่าการแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ผู้ได้รับ รับรู้ถึงความรู้สึกห่วงใย

            บ่วงบางอย่างเริ่มพันธนาการร่างกายตัวเองไว้

            หัวใจ...ทั้งหมด...มอบให้ชายคนรัก ทว่าร่างกาย...ตามกฎหมาย...กลับเป็นของผู้ชายอีกคน

            เสียงในหัวใจย้ำเตือนสถานภาพของตัวเอง

            การทำแบบนั้น ไม่ต่างกับการสวมเขาให้สามี...แต่ว่า...กันมีไอรยาแล้ว

            ทั้งที่ควรจะดีใจ...มีความสุข...ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวด...มาก...ขนาดนี้

            ผมคิดว่าควรจะบอกเรื่องทั้งหมดให้กันรู้หรือเปล่า หากบอกไปก็รู้สึกกลัว...กลัวคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี...การแสดงออกของกันมากขึ้นเรื่อยๆ แม้เพียงเล็กน้อย...

            กันเริ่มรักผม

            เพราะผมคือคนที่เขาแต่งงานด้วย ส่วนผมมองเขาเป็นเพียงตัวขัดขวางความสุข มองเขาเป็นเพียงอุปสรรคความรัก คิดได้แบบนี้ เริ่มรู้สึกถึงความผิดชอบชั่วดี

            “ป่านนี้แล้วยังไม่กลับบ้านกันอีกหรอเนี่ย” ผมบ่น เมื่อเห็นแสงสว่างจากหลอดไฟในสวน

            เวลาตอนนี้ประมาณตีหนึ่งกว่าๆ คิดว่าทุกคนคงหลับหมด จึงพกกุญแจบ้านติดตัวไปด้วย ที่ไหนได้ กลับมาถึง ประตูหน้าบ้านเปิดอาซ่า ไฟทั้งหลังยังสว่างจ้า

            ผมแวะไปสวนก่อน ไม่มีใครนั่งอยู่ มีเพียงซากจานถูกทิ้งไว้ ผมขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกไม่พอใจนิดๆ

            “ให้ตายเหอะ”

            ปกติผมเป็นคนเจ้าระเบียบ ตามนิสัยครูทั่วๆ ไป จะปล่อยทิ้งไว้ก็ดูน่าเกลียด เก็บจาน เทขยะทิ้ง ดูเวลาปาเข้าไปตีสอง จานกองพะเนินยังไม่ได้ล้าง อยากล้างเสียตอนนี้ แต่หนังตาเริ่มปิด กองจานแยกไว้เป็นสัดส่วน พรุ่งนี้ป้าบัวตื่นมาคงเป็นคนล้าง

            ผมล้างมือ เดินไปห้องรับแขก เสียงโฆษณาทีวีดังแว่วออกมา ผมส่ายหัว เดินไปปิดทีวี พร้อมกันนั้น ผมเห็นสามีตัวเองนั่งถือแก้วเหล้าอยู่ตรงนั่น

            ตกใจ...กลัว

            ความรู้สึกหวาดหวั่นแล่นพล่าน

            “ไอ...ไอรายากลับไปแล้วเหรอ” ผมถามกันเสียงตะกุกตะกัก

            “ให้กลับไปนานแล้ว” เสียงที่ตอบกลับมาไม่เหมือนคนเมาสักนิด ทั้งๆ ที่ผมเห็นขวดเหล้าหมดไปเกือบขวด ผมเดินเลี่ยงไปปิดประตูบ้าน กลับมาอีกทีกันยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มีเพียงสายตาที่จ้องเขม็งมา

            “นอนก่อนนะ” ผมบอกเขา

            “ธุระ สำคัญมากหรือไง” น้ำเสียงที่ถามไม่ต่างกับเวลาพูดปกติ ผมไม่หันกลับไปมอง เดินเลยร่างสูงไป

            “ก็มากอยู่”

            “ทางไปยุงคงเยอะ รอยแดงเต็มคอ”

            ผมชะงักเท้า ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด หยุดนิ่งอยู่บนทางขึ้นบันได ก้มมองลำคอ รอยตีตราเป็นเจ้าของเด่นชัดเจน ผมลูบร่องรอยบนลำคอ ไม่กล้าหันไปเผชิญหน้ากับคนตัวโตบนโชฟา

            “นะ นั่นสิ...”

            “คราวหลังทายากันยุงด้วย” ผมรู้สึกอยากหัวเราะ อยากร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน เสียงของกันราบเรียบเสมอ ไม่รู้ว่าเขากำลังประชดหรือพูดจริง

            “ผมไปนอนก่อนนะ” ผมบอกเขา สาวเท้าขึ้นบันได หลบเลี่ยงการเผชิญหน้า

            ผมอาบน้ำลวกๆ เปลี่ยนเป็นชุดนอน ล้มนอนลงบนเตียง พยายามข่มตาหลับ แต่เสียงเปิดประตูทำให้ผมสะดุ้ง กลิ่นเหล้าคละคุ้งโชยเข้ามากระทบจมูก กันเดินไปโต๊ะเครื่องแป้ง เขาค้นหาของในนั้นสักครู่ ผมมองท่าทางเขาด้วยความมึนงง

           “เจ็บไหม” เสียงถามแผ่วเบา กันทรุดลงนั่งคุกเข่าข้างเตียง มือหนาไล้เบาๆ บนรอยแดงบนลำคอ

           “ไม่ ไม่เจ็บ” ผมตอบเขาเสียงสั่น

           “ทายา” พูดจบ กันบีบครีมในมือทาบนลำคอให้ มองเสี้ยวหน้าคมเข้มก้มทายาบนลำคออย่างตั้งใจ

          ผมเริ่มรู้สึกใจไม่ดี

          กันกำลังประชด...หรือผมกลัวจนคิดมากไปเอง

          “ดึกแล้ว นอนเถอะ” เขาพูด พลางลุกขึ้นไปปิดไฟ กลิ่นเหล้ายังคงโชยออกมาจากร่างสูง ผมพยายามข่มตาให้หลับ เตียงอีกด้านยุบลงไปพร้อมกับร่างสูงที่นอนลง

          ความรู้สึกเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัว ณ ตอนนี้ คือ ความรู้สึกผิด ต่อผู้ชายที่ชื่อ กัน

 

                                                                  >W e d d I n g<

 
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 20-04-2014 18:56:30
โอ้ยยย สงสาร ถ้านิ้มรักกันขึ้นมา แล้วอาร์มหล่ะ สงสัยคงต้องให้พ่อยักษ์  :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 20-04-2014 19:25:56
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 20-04-2014 19:41:02
เมียจะลักลอบเล่นชู้ กันก็ยังใจเย็นอยู่ได้ น่าสงสารกันนะ คงรักนิ่มมาก แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้
เพราะตัวอยู่กับเขา แต่ใจอยู่กับอีกคน
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-04-2014 19:45:59
สงสารทุกคนเลย T.T
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-04-2014 20:15:50
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 20-04-2014 21:52:29
โอ๊ยตายยยย
ดราม่าลงตับบบบบ
T T
สงสารกัน สงสารนิ่ม สงสารอาร์ม
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 20-04-2014 21:53:37
สงสารกันอะ


พ่อใจร้ายคนที่ต้องเจ็บปวดหลายคน



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 20-04-2014 22:02:10
ชอบมากๆๆๆๆ
ชอบการดำเนินเรื่อง
ชอบภาษา
ชอบกัน ที่ซื่อสัตย์และรักษาสัญญา การวางตัว บุคลิกโดยเฉพาะตอนหึง
ชอบนิ่ม ที่ยังรักมั่นคง รู้ว่าตนทำผิดและมีความละอายใจ
ชอบพิช เป็นเพื่อนที่ดี
ชอบไอ  จริงใจ ซื่อตรง

ชอบที่สุดคือ คนเขียนเรื่องนี้  :L2:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เอาไว้เป็นยาคลายเครียด

หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-04-2014 23:34:00
 :เฮ้อ: ใครผิด?
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 21-04-2014 00:43:32
ตอนที่ ๘ : คำสารภาพ

                บางครั้งผมรู้สึกสนุกสนานเวลาหนังหรือละครฉายตอนที่พระเอกกับนางเอกกำลังแอบลอบพบกัน มันเป็นความรู้สึกตื่นเต้น เร้าใจ หากความเป็นจริงมันตรงกันข้าม มีเพียงความหวาดกลัว หวาดหวั่น

                “เหม่ออีกแล้ว” คำพูดเบาๆ พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ผบแนบแก้มกับฝ่ามือใหญ่

                “พ่อจะรู้ไหม” ผมถามชายร่างสูงข้างกาย

                “รู้ไปก็เท่านั้น พี่ทำให้พ่อได้แค่นี้ ที่ผ่านมาพี่อดทนมากแค่ไหน นิ่มก็รู้” เสียงถอนหายใจจากคนข้างกาย

                พี่อาร์มใช้กำปั้นทุบแรงๆ ตรงคอนโซลรถ เสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด ก่อนหน้าที่เราจะแอบออกมาด้วยกัน ผมฝากกระดาษเปล่าข้อความให้ประชาสัมพันธ์ข้างล่าง พร้อมยัดเงินนิดหน่อย ข้อความข้างในเป็นรหัสตัวเลขภาษาอังกฤษแบบกลับด้าน อาจจะง่ายมากๆ ถ้าจะถอดข้อความ แต่สำหรับคนอื่นมันคงไม่มีความหมายอะไร

                พี่อาร์มรู้ว่าไม่สามารถไปไหนมาไหนโดยปราศจากการติดตามของการ์ด เขาจึงตอบตกลงเลี้ยงดินเนอร์ผู้หญิงที่พ่อเลือกมาให้ พ่อปล่อยให้พี่อาร์มมา แม้จะแปลกใจ แต่ก็นั่นแหละ การเลี้ยงดินเนอร์จบลงอย่างรวดเร็ว พี่อาร์มปลีกตัวมาหาผม เรามีเวลาให้กันไม่เกินเที่ยงคืน เพราะพี่อาร์มต้องกลับบ้าน แต่เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับเรา

                “ไอศกรีมน่ากินนะ” คำพูดจากผู้ชายร่างสูง เรานั่งกินไอศกรีมกัน ร้านคาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศสบายๆ

                “ของตัวเองก็มี”

                “แต่อยากกินของนิ่ม อร่อยกว่านี่ค่ะ” ผมแพ้คำพูดค่ะๆ ของพี่อาร์มจริงๆ ยิ่งเคยชินกับมันเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกเขินอายมากขึ้นเท่านั่น

                ผมมองพี่อาร์มลุกขึ้นมานั่งข้างผม เราเลือกที่นั่งแถบมุมๆ ตรงข้ามหน้าผมเป็นกำแพง ด้านหลังเป็นโต๊ะนั่ง และผมพอเข้าใจว่าพี่อาร์มต้องการอะไร เขาอุ้มผมให้นั่งบนตัก เราสองคนนั่งเบียดเกาอี้ตัวเดียวกัน ผมหันไปจ้องพี่อาร์ม รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว เขาเลียไอศกรีมแถวริมฝีปากผม อาจใช้คำว่าเรากำลังจูบกัน แต่ความจริงพี่อาร์มกำลังกินไอศกรีมอยู่ต่างหาก

                “ไอศกรีมรสกาแฟนี่หวานดีนะ”

                ผมงุดหน้ากับอกแกร่ง ลมหายใจขาดห้วง เขินอายกับการกระทำกลางที่สาธารณะ ถึงคนอื่นจะไม่เห็น แต่ผมเห็นนี่

                “กินนี่ให้หมดด้วย อร่อยดีนัก” ผมยื่นแก้วไอศกรีมที่เหลือให้พี่อาร์ม เขาหัวเราะ

                “ไอศกรีมในถ้วยธรรมดาๆนี้ จะอร่อยสู้ไอศกรีมที่พี่กินเมื่อกี้ได้ยังไง”

                เรานั่งกินไอศกรีมพลางหยอกล้อ ผมรู้สึกเหมือนเราย้อนกลับไปวันวาน วันคืนที่เรารักกันอย่างหวานชื่น มีเพียงเรา และความรักของเรา
                 กินไอศกรีมเสร็จพี่อาร์มชวนผมไปเดท

                “นิ่ม อยู่นิ่งๆ” เสียงห้าวหยุดไว้ ผมหันหลังกลับไป มองพี่อาร์ม เขาทรุดตัวลงกับพื้น เข่าข้างหนึ่งแตะพื้นปูนซีเมนต์ มือหนาเอื้อมมาจัดระเบียบขากางเกงที่หลุดลุ่ย

                “ขอบคุณครับ”

                “ขากางเกงลากพื้นหมดแล้ว โตมีงานมีการทำยังทำตัวเหมือนเด็กๆ” ร่างสูงเขกหัวผมเบาๆ

                “นิ่มเป็นเด็กกับพี่อาร์มคนเดียวเท่านั้นหรอก”

                เรารู้จักกับมาตั้งแต่จำความได้ เราเริ่มต้นด้วยความรักของพี่น้อง คอยห่วงใยกันและกัน จนเริ่มถลำลึกมาเป็นความรักฉันท์ชายหญิง ผมรักผู้ชายคนนี้

                คนที่พร้อมจะดูแลผมตลอดเวลา

                เพียะ!

                “อยู่นิ่งๆ สิพี่อาร์ม” ผมดุพี่อาร์มเสียงเข้มกับมือปลาหมึก

                “ที่รัก...ยั่วแบบนี้เดียวจบที่เตียงนะคร้าบ”

                ผมหัวเราะ เบียดตัวเองชิดอกแกร่ง ได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย เงยหน้ามองพลุหลากสีบนท้องฟ้า เสียงเพลงรื่นเริงจากงานวัดดังสนั่นหวั่นไหว ตลกไหมกับการมาเดทที่งานวัด สำหรับผมเฉยๆ เพราะพี่อาร์มมักมีเรื่องเซอร์ไพร์ซบ่อยๆ อย่างคราวที่แล้วเราไปเดทกันฟาร์มจระเข้ เชื่อผมเถอะ คนที่กำลังกอดผมอยู่เนี่ย ไม่มีเซนต์เรื่องการเที่ยวกับแฟนเลย

                “คิดอะไรอยู่คะ” คำถามพร้อมแรงกอดรัด

                “เดทครั้งที่แล้ว พี่อาร์มพานิ่มไปดูคุณอัลลิเกเตอร์ แถมยังซื้อเปลือกไข่ไอ้เข้มาโชว์ไว้ในห้องอีก ตัวทำเขาอยากบ้า”

                “นึกว่าชอบอ่ะ เห็นมองมันบ่อยๆ”

                “มองเพราะกลัวต่างหาก” ผมตอบเขาเสียงสะบัด นั่งมองดูพลุที่จุดต่อเนื่องอย่างคึกคัก

                มีความสุขจัง...

                “...นิ่ม”

                “อือ”

               “ผู้ชายคนนั้น เขาเป็นยังไง” คำถามขัดกับบรรยากาศ ผมหยุดชะงัก พี่อาร์มอยากรู้เรื่องของกัน

               “ก็ดีนะ เขามีแฟนแล้วล่ะ”

               ผมพูดปด...อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของพี่อาร์มและตัวผมเอง

              “ แต่เขายอมแต่งงาน...” เสียงถามคาดคั้นสงสัย

              “เรื่องธุรกิจไง พี่อาร์มอย่าคิดมากนะ นิ่มจะทำตามสัญญา เอาใบหย่าจากเขาให้ได้ภายในครึ่งปี”

              “...”

              “อย่าทำหน้าเครียดสิ เอางี้ ถ้าเขาไม่ยอมหย่า นิ่มฟ้องศาลเลยดีมะ”

              จบคำพูด พี่อาร์มเริ่มยิ้มออก ผมมองรอยยิ้มเขา ใจเต้นตึกตัก เห็นกี่ที่ก็ยังไม่ชินอยู่ดี ผมเอื้อมมือจับใบหน้าของพี่ชาย สัมผัสริมฝีปากพี่อาร์มอย่างอดใจไม่ไหว

              “ยั่วพี่เหรอครับ”

              “เปล่ายั่วนะ นิ่มแค่อยากจูบ” ผมตอบพี่อาร์ม ยิ้มเขิน

              “งั้นตาพี่จูบบ้าง เอ้า หลับตา...เจ้าชายกำลังมอบจุมพิตแสนหวานแล้ว”

              “ฮะๆ ตลก...อื้อ” เสียงพูดถูกกลื่นหายไปในลำคอด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวที่ทาบทับเอาไว้ มีเพียงเสียงลมหายใจดังระรัว แข่งกับเสียงเต้นตึกตักของหัวใจ

 

                                                                >W e d d I n g<

 

                เที่ยงคืนสิบห้านาที

                ผมมองแสงไฟในบ้านสว่างจ้า ใจเริ่มเต้นระทึกด้วยความกลัว...

                ประตูบ้านไม่ได้ล็อค คนในบ้านยังไม่นอน...

                “คุณนิ่ม! หายไปไหนมาค่ะ คุณผู้ชายกังวลแทบแย่ ป้าอยากจะบ้า”

                “เอ่อ...นิ่มไปทำธุระนะครับป้าบัว” ผมตอบ ป้าบัวมองมาตรงผมด้วยสีหน้าห่วงใย เหมือนกับผู้ชายอีกคนไม่ผิด

                “โธ่ อย่างน้อยก็รับโทรศัพท์บ้างสิค่ะ”

                “นิ่มขอโทษ นิ่มปิดเสียงโทรศัพท์ไว้นะ”

                “ป้าบัวไปนอนก่อนเถอะครับ” ไม่ใช่ผมพูด แต่เป็นชายร่างสูงผิวแทนสามีตามกฎหมาย

                ป้าบัวทำหน้าอิดออด แต่ก็ยอมผละไป นี่ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว คงไม่หลับไม่นอนเพราะเป็นห่วงผมแน่ๆ

                “เป็นห่วง รู้บ้างไหม” คำถามเรียบนิ่งจากกัน

                “ขอโทษ...ผมมีธุระ”

                กึก...

                ผมได้ยินเสียงแปลกๆ จากชายร่างสูง กันขบฟันแน่นจนเป็นสันนูน นัยน์ตาวาววับขึ้นมาในทันที แต่ไม่นานมันก็อ่อนแสงลง เขาหันหลัง ขึ้นไปบนห้อง ใช้เวลาเพียงไม่กี่วิก็ลงมาพร้อมครีมกระปุกใหญ่

                “รอยช้ำตรงนี้ เจ็บมากไหม...คราวที่แล้วทายาให้ยังไม่หายอีกหรอ” คำพูดยาวๆ พร้อมกับมือหนาถูแรงๆ ที่ลำคอผม

                โอเค...มันไม่สนุกเลยสักนิด ท่าทางของกันทำให้ผมเป็นบ้าแล้วจริงๆ เขาโง่หรอ? รอยคิสมาร์กพวกนี้…

                “กัน! ผมเจ็บ” ผมบอกเขา มือหนาถูรอยช้ำแรงเกินไป

                “ขะ ขอโทษ” 

                “ผมง่วง” ผมบอกเขาเสียงห้วน เดินขึ้นบันได อาบน้ำแต่งตัว ล้มตัวลงนอนบนเตียง เช่นเดียวกับชายร่างสูง ผมพยายามข่มตาให้หลับ

                มีเรื่องมากมายให้คิด

                ผมอาจเป็นคนเลว...เพราะผมตัดสินใจจะบอกเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง...ตอนนั้นผมตัดสินใจโดยไม่ยั้งคิด

                “ธุระของผม...ผมไปเจอพี่อาร์มมา คนที่ผมรัก...กัน...ผมอึดอัดนะกับสภาพของเราตอนนี้ คุณเปลี่ยนไปจากวันแรกที่เจอ คุณห่วงผมมากขึ้น อาจถูกว่าผมเป็นภรรยาคุณตามกฎหมาย แต่คุณก็รู้ว่าใจผมนะเป็นของพี่อาร์ม...คุณมีไอรยา ผมมีพี่อาร์ม...เรามาจบเรื่องนี้ดีไหม...กัน” ผมถามเสียงแผ่ว รอคำตอบจากเขา

                เงียบ...มีเพียงความเงียบที่ปกคลุม

                เขย่าร่างสูงเบาๆ เปิดไฟตรงหัวเตียง...

                กันหลับแล้ว...

                ผมถอนหายใจออกมาดังเฮือก รู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ ปิดไฟหัวเตียง ซบหน้าลงกับหมอน เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนผมยังมีความสุข หัวเราะร่าเริง แต่ตอนนี้มันเศร้าจนอยากร้องไห้ นอนร้องไห้เสียงแผ่วในความมืด ระบายความเศร้าให้ออกมาด้วยน้ำตาเม็ดสีใส...

                ...ไม่ต่างกับใครอีกคนที่นอนอยู่ข้างกาย


 

                                                               >W e d d I n g<


บางครั้งคนเราก็ยอมโง่ เพื่อรักษาคนรักไว้ข้างกาย
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 21-04-2014 01:04:29
ตอนที่ ๙ : คำโกหกกับคนแกล้งโง่

            ครั้งหนึ่งในคลาสเรียน ผมสอนประวัติศาสตร์ของอเล็กซานเดอร์มหาราช มีนักเรียนถามว่า อเล็กซานเดอร์อายไหมที่คนรุ่นหลังรู้ว่าเขาเป็นเกย์ ทั้งๆ ที่เป็นกษัตริย์ชาตินักรบ

            ผมคิดอยู่ครู่ ตอบคำถามนั้นด้วยรอยยิ้มละไม ‘ไม่อาย เพราะความรักไม่จำกัดเพศ วัย สถานะ คนรอบข้าง คำนินทา ดูถูก มันไม่สำคัญเท่าความรักที่อเล็กซานเดอร์มีต่อเฮพาเอสเซียน ความรักเป็นเรื่องหัวใจของคนสองคน’

            ความรัก ประกอบด้วยคนสองคน ผูกพันจนเป็นความรู้สึกที่เรียกว่ารัก และพัธนาการเป็นโซ่คล้องกาย เรียกว่าความห่วงใย

            พันธนาการคนสองคนไว้

            ยิ่งอยากหลุดพ้น โซ่ยิ่งรัดแน่น

            เสียดสี เป็นแผล จนเจ็บปวด

            “ตกลงเอาไง สีไหนว่ามา...นิ่ม?”

            “อ๊ะ อืม..สีเขียว” ผมตอบ แล้วมองนักกีฬาสองสีแข่งกันฉุดกระชากเชือกเส้นหนึ่ง

            วันนี้เป็นงานกีฬา คล้ายๆ กับกิจกรรมรับน้องไปในตัว พวกรุ่นพี่แบ่งรุ่นน้องออกเป็นสี่กลุ่ม เขียว แดง ฟ้า เหลือง ไม่แบ่งแยกเป็นคณะ ใครจับได้สีไหนก็อยู่สีนั่น

            “งั้นพี่ลงสีเหลือง ใครแพ้เคเอฟซีชุดสุดคุ้ม” คนที่พูดอยู่กับผมเป็นเพื่อนร่วมงาน ค่อนข้างสนิทมากทีเดียว เขาชื่อแทน เป็นรุ่นพี่ผมสองปี

            นักกีฬาสองสีฉุดกระชากเชือกไปมา ผมเลือกสีเขียวเพราะดูท่าว่าจะแรงเยอะกว่า...แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ไม่นานสีเหลืองก็เป็นฝ่ายชนะ ผมเบะปากหน่อยๆ

            การพนันเป็นสิ่งไม่ดี ถ้าชนะก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าแพ้นี้สิ

           “ชุดสุดคุ้ม 399 นะ โอเคไหม ฮ่าๆ” เสียงพี่แทนหัวเราะน่าเกลียดมาก

           “199 ก็พอแล้วมั้ง...ตะกละ”

            ปึ๊ก!

           เสียงมือกระทบหัว ผมแทบหน้าคะมำ พี่แทนแรงควายจริงๆ ตบมาได้

           “เจ็บนะพี่” ผมบ่นนิดหน่อย ลูบหัวตัวเอง

           ผมพาพี่แทนมาเลี้ยงเคเอฟซี มองเงินในกระเป๋าแล้วเสียดายจริงๆ

            “นั่งหน้ามุ่ยเป็นตูด บ้านรวยไม่ใช่หรอเรานะ” ผมมองเพื่อนร่วมงานกินไก่ ไม่เกรงใจคนจ่ายเงิน

            “บ้านนิ่มรวย แต่นิ่มจนหนิ”

            “งั้นบ้านสามี ได้ข่าวเป็นเจ้าของบริษัท”

            “นั่นของเขา ไม่ใช่ของนิ่มสักหน่อย”

            ผมตอบ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คนอื่นรู้ว่าผมกับกันแต่งงานกับกัน มันก็คงเป็นเรื่องแปลก ผู้ชายสองคนแต่งงานกัน

            “เงินสามีถ้าไม่คุมให้ดี หลุดไปถึงมืออีหนูไม่รู้ด้วยนะ”

            “นั่นก็เรื่องของเขาอีกนั่นแหละ” ตอนตอบคำถามผมใส่อารมณ์ในน้ำเสียงเล็กน้อย

            “ใจกว้างจริง นิ่มเอ้ย...ถามจริง คนที่แต่งงานด้วยเนี่ย รักจริงหรือเปล่า ตอนพี่รู้ข่าวยังงงๆ ไปตกลงปลงใจกันท่าไหน” พี่แทนถามสีหน้าจริงจัง

            “ท่าปกติครับ พ่อสั่งให้แต่ง”

            “กวนละเรา”

            “เฮ้อ...” ผมถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน

            “คนไม่รักกัน อยู่ด้วยกันมันไปไม่รอดหรอกนิ่ม พี่ไม่รู้ว่าคนอย่างพวกนิ่มนะ ใช้ชีวิตกันแบบไหน แต่พี่ขอเตือนด้วยความหวังดี อย่าฝืน อะไรที่มันควรจะปล่อยวางก็ปล่อยซะ” คำพูดยาวเหยียดจากพี่แทน ผมนั่งฟัง เขี่ยหลอดในแก้วไปมา

            คนอย่างพวกผม...เกย์...พี่แทนใช้คำพูดได้ถนอมน้ำใจสุดๆ

            “มันเป็นสิ่งที่ผิดพลาด...ถ้าวันนั้นพ่อไม่เข้ามาเห็นผม...”

            กับพี่อาร์มจูบกัน...ผมย้อนนึกไปถึงวันที่พ่อรู้ว่าผมกับมีอาร์มมีอะไรเกินเลยพี่น้อง พ่อรับฟังพวกเราอธิบายความรักผิดจารีตด้วยใบหน้าถมึงทึง

            พ่อโกรธมาก...โกรธมากที่สุดในชีวิต พ่อตบหน้าพี่อาร์ม แต่ตอนหันมาเล่นงานผม พ่อชะงักมือ...แล้วร้องไห้ น้ำตาของพ่อไหล พ่อคุกเข่าลงต่อหน้าผม ขอร้องให้โกหกว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง...ตอนนั้นผมถือทิฐิตะโกนใส่หน้าพ่อ บอกว่าเรารักกัน นั้นคือความจริง พ่อเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้

            ...และพ่อก็เปลี่ยนไป พ่อจับผมแยกกับพี่อาร์ม ผมรู้มาบ้างว่าตอนนั่นพ่อซ้อมพี่อาร์มด้วย พี่อาร์มเป็นคนไม่ยอมใคร ปกติเขาต้องสู้ แต่เป็นพ่อแท้ๆ พี่อาร์มถึงยอม

            เหตุการณ์นั่นทำให้ชีวิตผมต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ผู้ชายที่ชื่อ กัน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวงโคจรชีวิต...ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ข้างกายผม มักจะมีเขาอยู่ข้างๆ เสมอ...

            “นิ่มกลับบ้านก่อนนะพี่ เย็นแล้ว” ผมบอก เก็บข้าวของบนโต๊ะ

            “เฮ้ย นิ่ม...เดียว...” เสียงพี่แทนตะโกนพร้อมอาหารในปาก ผมเดินออกจากร้าน เปิดประตูวีออสสีเทา และเหยียบคันเร่ง

            จอดรถนิ่งๆ หน้าบ้าน ไม่นานประตูถูกเปิดออก ผมเดินเข้าบ้าน ถอดรองเท้า เข้าไปในห้องนั่งเล่น กันนั่งอยู่ตรงนั้น เขาดูทีวี ในมือถือดัมเบลล์ยกน้ำหนัก

            “วันนี้กลับเร็วนะค่ะคุณนิ่ม”

            “สวัสดีครับป้าบัว” ผมยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่า

            “เห็นคุณผู้ชายพูดถึงอยู่”

            “ครับ?” ผมขึ้นเสียงสูงเชิงคำถาม

            “ป้าบัว ผมอยากกิกเต้าทึง” เสียงพูดเรียบเฉย ผมเงยหน้า มองกันเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา

            “เดียวป้าเอามาให้ รอสักครูนะคะ” ป้าบัวกุลีกุจรเข้าห้องครัว

            ผมมองผู้ชายตรงหน้า เขามองผมนิ่มๆ ไม่นานร่างสูงก็สัมผัสเบาๆ ตรงฝ่ามือ กันจูงมือผมไปนั่งโต๊ะรับแขก ผมทรุดตัวลงนั่ง ผละมือออก

            “พ่อกับแม่อยากเจอนิ่ม”

            “ผม? พ่อแม่คุณอยากเจอผมหรอ” ผมถามกลับอย่างมึนงง นึกถึงชายสูงวัยผู้มีรอยยิ้มใจดี พ่อของกัน

            “อืม...ท่านอยากรับขวัญลูกสะใภ้”

            “...วันไหน” ผมถาม ไม่ขัดข้องอะไรกับการเจอญาติผู้ใหญ่

            “เช้าวันเสาร์-อาทิตย์ เชียงใหม่” ผมพยักหน้ารับรู้ คงต้องไปเตรียมตัวเก็บเสื้อผ้า

             -ก็มันเหงา....ใจเหลือเกิน หัวใจก็ดวงเท่าเดิม แต่เหมือนอะไรมันขาดหายไป—

            ริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้น พร้อมๆ กับที่ป้าบัวยกเต้าทึงมา ผมมองชื่อคนโทรเข้า /sweet heart/ ผมหัวเราะเบาๆ กับชื่อที่เมมไว้ พี่อาร์มซื้อซิมใหม่ อย่างน้อยพ่อก็ไม่รู้ว่าเราแอบติดต่อกัน ผมลุก เดินเลี่ยงไปทางสวนหลังบ้าน

            “ว่างจากลูกคุณหญิงนิรดาแล้วหรือไง ถึงได้โทรมา” ผมล้อคนปลาย

            ‘หึ...กว่าจะหลบออกมาได้ พี่เกือบเสียตัวให้แม่นั่นหลายรอบแล้ว’ พี่อาร์มตอบ น้ำเสียงหงุดหงิด

           “แล้วเสียหรือเปล่าล่ะ” ผมย้อมกลับเสียงใส 

           ‘แค่เกือบครับ...แต่กับคนที่คุยด้วยเนี่ย เสียทั้งตัว เสียทั้งใจ’ ผมอมยิ้มกับคำหยอด

          “โทรมามีอะไร” ผมพูดเสียงดุหน่อยๆ

          ‘เสียงดุเป็นแม่เสือ เมียใครว่ะ’

          ผมหัวเราะ จริงอยู่ที่เราเป็นพี่น้อง แต่สำหรับผมกับพี่อาร์ม สถานะของเราคือคนรัก ผมอาจหึงพี่อาร์ม ดุพี่อาร์ม ตามประสาคู่รักทั่วๆ ไป มันก็คือเรื่องปกติ

          “เมียใคร อย่าให้ตอบ เดียวงอนนิ่มอีก”

          ‘แล้วตกลงเมียใคร’ น่าน เริ่มขึ้นเสียงแล้ว เอาแต่ใจจริงๆ

          “เมียใครไม่รู้ แต่รักคนคุยด้วย”

          ‘รักมากไหมคะ’

         “พอๆ โทรมาหานิ่มมีอะไรหรือเปล่า” ผมขัดคนปลายสาย โทรคุยแบบนี้ อีกชั่วโมงก็คงไม่จบ พาออกนอกทะเลเรื่อย

         ‘เสาร์นี้ไปเที่ยวกันนะครับ พ่อไปดูงานที่สิงค์โปร’ วันเสาร์ ผมเงียบไปครู่ วันเดียวกับที่กันจะพาผมไปเชียงใหม่...

         “พี่อาร์ม นิ่มต้องขึ้นเหนือไปหาพ่อแม่กันวันเสาร์-อาทิตย์นี้” ผมกลั้นใจพูด

         ‘...ไม่ให้ไป!’ พี่อาร์มเข้าโหมดจริงจังแล้ว ผมถอนหายใจเอื้อมๆ

        “แต่...”

        ‘พี่ไม่ให้นิ่มไป ใครจะปล่อยคนรักตัวเองไปเที่ยวกับชู้!’

        “พูดเบาๆก็ได้! นิ่มก็ไม่อยากไปเท่าไหร่ แต่มันน่าเกลียด ถ้าปฏิเสธ”

        ‘ถ้าเกิดมันทำอะไรนิ่ม...’ ปากหาเรื่องอีกแล้วที่รักผม

        “นิ่มว่าเราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะ ถ้ากันจะทำอะไรนิ่มเขาทำไปตั้งนานแล้วหรอก พี่อาร์มบ้า!” ผมตวาดเบาๆ

        “...เฮ้อ แต่พี่อยากเจอนิ่มนี่ครับ” คนปลายสายตอบเสียงอ่อน ผมถอนหายใจ

        “เดียวนิ่มคิดดูก่อน”

        ‘คิดถึงนะ’

        “อือ เดียวโทรกลับ” ผมตอบ กดตัดสาย

        พี่อาร์มงี่เง่ามากๆ เวลาหึง แถมยังเจ้าอารมณ์เหมือนคุณชายอารมณ์ร้อน ผมส่ายหัวหวืด รู้สึกปวดหัวตุบๆ

        “อ๊ะ กัน!” ผมอุทานเมื่อเห็นชายร่างสูงถือแก้วเต้าทึง ผมเดินไปหากัน

        “...” มีเพียงความเงียบ

        “วันเสาร์คุณไปเหนือตอนเช้าใช่ไหม” ผมเริ่มบทสนทนา

        “อืม”

        “เราแยกกันไปได้ไหม ผมจะไปไฟท์ตอนเย็นๆ เดียวผมจองตั๋วเอง”

        “ทำไม?” ผมรู้สึกหวั่นกับน้ำเสียงที่ถาม

       “เอ่อ...งานด่วนนะ” ตอบเสียงตะกุกตะกัก เลี่ยงการสบตา

       ...ผมโกหก

       “จะรอรับที่สนามบิน” กันเดินกลับเข้าบ้าน

       ผมมองแผ่นหลังหนากว้างเดินจากไปเงียบๆ...

       มันเป็นความรู้สึกแย่...

       บางครั้ง รู้สึกผิดกับการกระทำหน้าไหว้หลังหลอก...

       แต่...มันไม่มีทางเลือกให้ผมมากนัก...

       ถ้าเลือกได้ ผมคงไม่ทำ...แบบนี้   

        …และ...ถึงจะมีทางเลือก...ผมก็ยังคงเลือกที่จะทิ้งสิ่งของที่สำคัญน้อยกว่า เพื่อรักษาสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับตัวเองเอาไว้...

 

 

                                                                  >W e d d I n g<
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 21-04-2014 01:18:51
ตอนที่ ๑๐ : สัมผัสเบาๆ

            ย้ายไฟท์บินไปเชียงใหม่เร็วกว่ากำหนด ในอกหนักอึ้งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งที่อุสส่าห์ได้เจอ แต่ต้องมาทะเลาะด้วยเรื่องไร้สาระ

            มองข้อความถูกส่งมาเรื่อยๆ ง้องอนตามประสาคู่รักทั่วไป แต่มันอดจะโมโหไม่ได้

            เวลาอยู่ด้วยกัน ต้องแอบพบ ลักลอบ แทนที่จะมีความสุข กลับทุกข์

            และมาทะเลาะกันด้วยเรื่องที่ว่า ‘นิ่มเปลี่ยนไป’

            ทั้งๆ ที่คำว่าเปลี่ยนของไอ้บ้างี่เง่านั้นก็คือ ผมไม่ยอมให้มันกินเหล้า เพราะกลัวขับรถไม่ไหว

            ไอ้งี่เง่า...ด่าในใจจนไม่รู้จะด่าอะไร

            /ที่รักครับ ขอโทษนะๆ คืนดีกันเถอะนะเด็กดี/

            /อย่างอนมากได้ไหมครับ คนง้อใจไม่ดี/

            หลายๆ ข้อความถูกส่งและถูกลบทิ้งไปรวดเร็วพอๆ กับอ่าน

            ลำพังแค่ว่านิ่มเปลี่ยนไปยังพอว่า ที่โกรธสุดๆ คือไอ้คำพูดปากไม่มีหูรูด หลงมันแล้วหรือไง ฟังไปทีนี้เจ็บจนกระอัก

            ไอ้พี่อาร์มบ้าบอปัญญาอ่อน

            หยิบมือถือกดส่งข้อความกลับไป จะงอนแล้วหนีหายไปเฉยๆ ก็อดเป็นห่วงคนรักไม่ได้ ยิ่งขี้หึง เหมือนหมาบ้า!

            /สำนึกผิดซะ นิ่มจะไม่รับโทรศัพท์จนกว่าตัวจะสำนึกผิดได้จริงๆ ถ้าโทรมา โกรธ!/ ข้อความไม่ถึงบรรทัด จริงจังและอัดแน่นด้วยอารมณ์โมโห

            ไอ้พี่อาร์มมันบ้า...โตจนมีงานมีการทำ ไม่ใช่เด็กมหาลัย ยังหึงมืดฟ้ามัวดิน อะไรนิดหน่อยเป็นค่อนแคะ อยากด่าให้หายแค้น

            ...แต่มุมปากกลับยกยิ้มขึ้นบางๆ

            ...โกรธไม่ลง...

            เครื่องบินเป็นยานพาหนะที่รวดเร็วที่สุดในตอนนี้ และมันก็พาผมมาถึงเชียงใหม่ได้เร็ว พอๆกับความคิดวุ่นวายไร้สาระ

            ผมโทรบอกให้กันมารับ นั่งรอไม่เกินครึ่งชั่วโมง ร่างสูงของเขาก็ปรากฏ วันนี้กันใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนต์ขายาว เป็นลุกค์สปอตแมน

            ผู้ชายคนนั้น...สามีของผม เขาเด่นจริงๆ ผู้หญิงหลายคนเหลียวมองจนน่าเกลียด แต่คงเป็นเพราะบรรยากาศรอบตัวดูอึมครึม ถึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เท่าไหร่

            “ขึ้นรถสิ”

            เราพูดกันไม่กี่คำ ผมตามเขาขึ้นรถ กันไม่ถามว่าทำไมมาเร็วกว่ากำหนด ส่วนอารมณ์ผมค่อนข้างคงทีแล้ว อาจกังวลนิดหน่อยกับการเจอพ่อแม่ของกัน วันแต่งงาน...ผมแทบไม่ได้คุยกับพวกเขา...นี่อาจเป็นการพบกันแบบเป็นทางการในฐานะ ลูกสะใภ้

            ผม...รู้สึกรังเกียจ คำจำกัดความแบบนั้น ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพฤติกรรมของตัวเอง...น่ารังเกียจ...แต่...ตอนแรก...กันก็ไม่ได้แต่งงานกับผมเพราะความรัก...เพราะงาน เพราะเงิน...นั่นคือสิ่งที่ผมรู้

            เราแต่งงานกันในนาม...

            ไม่มีความสัมพันธ์ทางร่างกาย...

            นั่นคือ...ความจริง

            “มาแล้วหรือจ๊ะ หนูนิ่ม” เสียงเรียกอ่อนโยน ผมมองแม่กันเต็มตา เธอเป็นหญิงสูงอายุที่มีความสง่างาม และยังมีเค้าความเมตตาเต็มเปี่ยม

            “สวัสดีครับ คุณหญิง” ผมยกมือไหว้

            “เรียกแม่เถอะจ๊ะ โตขึ้นเยอะเลยนะหนูนิ่ม น่ารักเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด” ผมรับฟังอย่างมึนงง

            “เอ่อ”

            “เรื่องมันนานมาแล้ว หนูนิ่มจำไม่ได้หรอกคุณ คราวที่แล้วที่เจอ นิ่มยังจำพ่อไม่ได้เลย” เสียงห้าวเข้มจากอีกคน...พ่อของกัน คนที่มีรอยยิ้มใจดีที่ผมเจอในวันงานแต่ง

            “เราเคยเจอกันมาก่อนหรือครับ” ผมถาม พลางมองชายหนุ่มข้างกาย

            ผมจำไม่ได้ เคยเจอพวกเขาที่ไหน

            “จ๊ะ ตอนนั้นนิ่มอายุสักแปดขวบได้ แม่ไปหาพ่อของหนูคุยธุระนิดหน่อย ตากันก็ไปด้วย ตอนนั้นตากันอายุสักสิบสี่ ป้าก็นึกไม่ถึง จะได้หนูนิ่มเป็นลูกสะใภ้” ผมรู้สึกผิดไม่น้อย คนพวกนี้ไม่รังเกียจที่ลูกตัวเองแต่งงานกับผู้ชาย...กลับดีใจด้วยซ้ำ

            “แม่ครับ ขนมที่แม่ทำไว้อยู่ไหน ผมจะเอามาให้นิ่มชิม” เสียงห้าวหยุดบทสนทนาไว้

            “จริงซิ แม่ทำบราวนี่ไว้ หนูนิ่มรออยู่ตรงนี้ก่อนนะจ๊ะ ตากันไปช่วยแม่ถือของหน่อย” หญิงสูงวัยผละไปแล้ว

            ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ พ่อของกันก็นั่งอยู่ ผมค่อนข้างอึดอัด ไม่มีอะไรจะคุย

            “ชิมชาดูไหม ชาสี่ฤดู พ่อเพิ่งซื้อมา รสชาติขมหน่อย แต่กลิ่นหอม” ผมรับแก้วชาใบเล็กๆ

            “ค แค่ก” เพียงแค่จิบคำแรกก็รู้ว่าค่อนข้างข่ม แต่กลิ่นหอมมากเลยทีเดียว

            “ค่อยๆ ชิม”

            “เอ่อ...ชาหอมมากเลยครับ” ผมตอบ พ่อกันยิ้มรับ ฝ่ามืออุ่นของคนสูงวัยวางทาบทับที่ศีรษะ รอยยิ้มแลดูอ่อนโยน

            “อยู่กับเจ้ากันแล้วมีความสุขไหม หนูนิ่ม” ผมมองรอยยิ้มอ่อนโยน เสหลบสายตาที่จ้องมองมา

            “ครับ” รับคำเสียงแผ่ว

            ความสุข...ผมกับกัน...จะให้ตอบยังไง?

            “เจ้ากันมันคนพูดน้อย รักใครรักจริง มันไม่ชอบพูดแต่ชอบแสดงออกผ่านการกระทำ หนูนิ่มรู้ใช่ไหม นิสัยของมันนะ” ผมพยักหน้าเบาๆ เชิงตอบรับ

            “คนอื่นอาจมองว่าพ่อแปลก ให้ลูกชายตัวเองแต่งงานกับผู้ชายด้วยกัน แต่หนูนิ่มรู้ไหม...พ่อไม่รังเกียจลูกชายที่เป็นแบบนี้ กันมันรักลูกมากนะ หนูนิ่ม”

            กันรักผม...ใช่...เขารักผม...ตั้งแต่เมื่อไหร่...

            นั่นไม่จำเป็นต้องรู้...เพียงแต่ การกระทำของผม...ที่ทำต่อเขา

            โกหก หลอกลวง ไม่สัตย์ซื่อ

            ผมแค่กำลังเถียงกับตัวเอง...ไม่เข้าใจ...ผมทำอะไรผิด

            ผู้ชายคนนั้น เดินเข้ามาในชีวิต...โดยที่ผมไม่ต้องการ

            เข้ามาในวันที่ผมเจ็บปวด-ที่สุด

            เขามีสถานะที่สามารถเรียกร้องสิทธิทุกอย่างจากผม แต่ก็ไม่ทำ มีเพียงการกระทำที่อ่อนโยน การกระทำเพียงเล็กน้อยที่ทำให้ผมรู้ว่าเขาห่วงใย

            ผมเจ็บปวดเหลือเกิน

            ถ้าหาก...กันรักผมมาก เขาจะรู้สึกยังไง เขาจะเจ็บปวดมากไหม เหมือนที่ผมทรมานเมื่อต้องแยกกับพี่อาร์มหรือเปล่า

            ผมไม่รู้...ตอนนี้ ผมหาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ...สักทาง

            “ลองชิมดูซิจ๊ะ” น้ำเสียงเมตตาเอ่ยขึ้นเบาๆ ผมยื่นมือรับขนมไว้ในมือ กัดชิมคำเล็กๆ ไม่กล้าสบตาคนที่เดินเข้ามาด้วย

            “อร่อยมากครับ” ตอบไปทั้งๆ ที่ไม่รับรู้รสชาติของมันสักนิด ในหัว คิดแต่เรื่องของตัวเอง วนเวียนเต็มไปหมด

            จะทำยังไง

            จะทนได้สักแค่ไหน

            “นี่ก็เย็นแล้ว กันพาหนูนิ่มไปดินเล่นซิจ๊ะ อากาศตอนเย็นบนดอยเนี่ย เย็นสบายทีเดียว” ผงกหัวรับคำอย่างเลื่อนลอย

            ในตอนนั้น...รู้สึกเพียงสัมผัสอุ่นร้อนที่จับจูงไม่ปล่อยห่าง มือของเขา ร้อน...แต่ก็ไม่ร้อนเหมือนแผดเผา มันอุ่น สัมผัสเบาๆ บีบกระชับแนบแน่น ความรู้สึกที่ส่งผ่านมืออุ่นคู่นี้ มันดูหนักแน่น และเข้มแข็ง

            ความเงียบครอบคลุม กันหยุดเดิน ผมหยุดเดิน เขาหันหน้ากลับมา ผมมองใบหน้าคมกร้านที่คุ้นเคยมาเกือบเดือนกว่าๆ คนที่นอนด้วยกัน คนที่กินข้าวเย็นด้วยกันทุกมื้อ...พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้ม ผมแทบไม่สนใจบรรยากาศรอบตัว เพราะใบหน้าของผมถูกมือหนาสัมผัสไว้

            กันจับแก้มผมเบาๆ บังคับให้จ้องมองไปที่ตาของเขา ผมสบกับนัยน์ตาสีดำคู่นั่น

            “...จูบกัน” คำขอ...ผมไม่ได้ปฏิเสธและตอบรับ

            สัมผัสเบาๆ ตรงริมฝีปาก ไม่มีการล่วงล้ำเข้ามาข้างใน มันแทบไม่เรียกว่าจูบ เพราะเป็นเพียงแค่การสัมผัสริมฝีปากเท่านั้น แต่...แต่ถึงจะพูดแบบนั่น มันก็ร้อน ร้อนจนรู้สึกแปลกในอก

            เบือนหน้าหลบ สัมผัสตรงเรียวปากจึงตกไปที่แก้ม ผมไม่โวยวาย ทั้งที่ควรจะทำ แต่นั่นก็เพราะ ผมกำลังรู้สึกผิดอยู่ต่างหาก

            ผมยอม ถ้ากันจะทำแบบนั้น จะจูบ หรือ กอด ถ้ามันทำให้ความรู้สึกผิดที่อยู่ในอกบรรเทาลง

            ผมจะยอม

            แต่ถ้าหาก เขาเรียกร้อง ขอในสิ่งที่ผมให้ไม่ได้

            ผมคงไม่มีทางเลือก...นอกจากจบเรื่องทุกอย่าง โดยการเดินออกไปจากชีวิตของเขาเร็วกว่าเดิม

            “ทำไมทำแบบนี้”

            “บางคำถาม...มันก็หาคำตอบไม่เจอหรอก”

            คำตอบ

           ผมจะเดินออกไปจากชีวิตเขา ก่อนที่ตัวผม หัวใจผม จะถูกเขาแย่งชิงไปครอบครอง...

 

                                                                  >W e d d I n g<


หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 21-04-2014 01:32:40
เฮ้อ  ถ้าถามว่าใครผิด  ก็ต้องโทษพ่อที่จับนิ่มแต่งงาน
แต่ถามว่าพ่อผิดอะไร  ก็คงตอบได้แค่ว่า  พ่อคงไม่อยากให้ลูกชายทั้งสองรักกันในเชิงชู้สาว
แต่ก็รู้สึกสงสารกันน่ะ

ว่าแต่เหมือนเรื่องนี้เคยอ่านเลย 555+
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 21-04-2014 01:46:23
ตอนที่ ๑๑ : คำพูด

            บ้านของกัน เปิดรีสอร์ทขนาดกลาง กันบอกว่านี้เป็นกิจการของแม่ แม่เป็นคนดูแลทั้งหมด รีสอร์ทที่มีทั้งห้องพัก สถานที่กางเตนท์

            “ไฟไม่ติด” ผมร้องเรียกร่างสูงเบาๆ กันกำลังกางเตนท์อยู่

            “เดียวดูให้” พูดจบก็หันมาดูแก๊ซ ปิดๆ เปิดๆ ไม่นานไฟก็ลุก ผมมองหม้อสแตนเลสในมือ นึกเวียนหัวขึ้นมาดื้อๆ แทนที่จะได้นอนห้องอุ่นๆ มีอาหารอร่อยๆ ให้ทานกลับต้องมาตกระกำลำบาก เพราะปากแท้ๆ

            อาหารยังต้องทำกินเอง แต่คงไม่ลำบากมาก ก็แค่ต้มมาม่า

            ตอนกลับจากเดินเล่น ผมเปรยๆ ว่าถ้าได้นอนสูดอากาศเย็นๆ คงรู้สึกดีไม่น้อย แม่ของกันเลยคะยั้นคะยอให้ผมมานอนที่ลานลานชมวิว กางเตนท์นอน หาอาหารกินเอง ห้องน้ำก็มี แต่เดินไกลหน่อย

            เหมือนมาตกระกำลำบากยังไงไม่รู้

            “นิ่ม จับตรงนี้หน่อย”ผมละจากหม้อต้มน้ำ ช่วยกันกางเตท์ ค่อนข้างลำบากทีเดียว แสงไฟสลัวๆ ทำให้มองสภาพรอบกายไม่ชัดนัก

            “แม่คุณเหมือนวัยรุ่นจริง” ผมอดบ่นออกมาไม่ได้ อีกฝ่ายทำเพียงกระตุกมุมปาก

            เรากางเต็นท์กันเสร็จแล้ว กันเข้าไปจัดที่นอนข้างใน ผ้านวมหลายพื้นถูกเตรียมมาอย่างดี กันกางเตนท์เสร็จก็พอดีกับที่ผมทำมาม่าเสร็จพอดี ข้างใต้เต็นท์ถูกปูด้วยผ้ายางแผ่นหนา

            ผมว่าบรรยากาศค่อนข้างรันทนมากทีเดียว แต่...มันก็เป็นความรู้สึกแบบใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

            “ผมล้างจานเอง กันไปอาบน้ำก่อนไหม” ผมเริ่มบทสนทนา

            “อืม” เสียงตอบรับดังขึ้นเบาๆ ผมผละไปที่รถ ค้นพวกสบู่ อุปกรณ์อาบน้ำมาครับ แล้วมาเอาให้กัน เขารับไปเงียบๆ พร้อมรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปาก

            จานถูกล้างเสร็จเรียบร้อย กันโผล่มาในชุดนอนตัวหนาๆ ผมพยักหน้าเมื่อเห็นร่างสูง ก่อนเปิดรถรื้อเสื้อผ้าออกมา แย่หน่อยตรงที่เสื้อที่ผมเตรียมมามีแต่ตัวบางๆ

            “ไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมบอก กันพยักหน้ารับ

            ห้องน้ำคนไม่เยอะ อาจเพราะตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเทศกาล คนเลยน้อย ผมเริ่มขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกแปลกๆ และเมื่อหันไปด้านหลัง ร่างหนาของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็ยืนอยู่ตรงนั้น

            “มีอะไรหรือเปล่า” ผมถาม

            “มันมืด” คำตอบ พร้อมรอยยิ้มมุมปากเช่นเคย

            “อะ อื้อ” ตอบรับ พลางเดินเข้าไปในห้องน้ำ

            อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายด้วยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายตามองเห็นรองเท้าที่ลอดผ่านจากช่องลมด้านล่างทำให้รู้ชายร่างสูงเจ้าของใบทะเบียนสมรสไม่ได้จากไปไหน กันยื่นนิ่งๆ อยู่ข้างหน้าประตูห้องน้ำ

            ช่วงเวลาที่ทำความสะอาดร่างกายรู้สึกเชื่องช้าไปหมด จะหยิบจับอะไรดูเก้งกาง เหมือนห้องอาบน้ำนี้ไม่มีประตูปิดกั้น รู้สึกเหมือนถูกจับจ้องด้วยดวงตาคมกริบคู่นั่น ความอับอายแล่นพล่าน ยิ่งสถานะของคนที่ยืนเฝ้าประตูอยู่คือสามี...สามีที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของเรือนร่างตามกฎหมาย ตามศีลธรรมจรรยา

            ร่างกายร้อนผ่าว...มือลากไล้ผ้าเช็ดตัวเช็ดน้ำออกจากร่างกาย โรยแป้งฝุ่นเบาๆ มองตัวเองในกระจก ผิวขาวๆ ขึ้นสีเรื่อเพราะไอร้อนจากน้ำอุ่น

            “เสร็จแล้ว” ทันทีที่เปิดประตู สายตาก็ปะทะกับนัยน์ตาคมกริบคู่นั่น สายตาที่แสดงออกถึงความต้องการอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น

            “อืม” กันรับคำในลำคอ สายตาที่จ้องมองมา แม้จะกวาดผ่านนิ่งๆ ก็รู้ว่าเขากำลังจับจ้องอยู่ตรงส่วนไหน สายตาที่จ้องมองมาตรงคอเสื้อบางๆ

            บ้า! …ผมไม่ใช่เด็กสามขวบที่จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

            กันอดทนได้ดีมาตลอด...เขาเป็นแบบนั้นเสมอมา

            แต่ตอนนี้ ผมชักไม่แน่ใจ

            ผู้ชายตรงหน้า คนที่ใช้ความนิ่งเงียบเป็นเครื่องมือ แต่สายตากลับลุกล้ำอุกอาจ

            เร่งฝีเท้าเพื่อให้พ้นจากร่างสูงข้างกาย ก็เหมือนหนีเงาตัวเอง ไปไม่พ้น หยุดหอบแฮ่กอยู่ตรงหน้าเตนท์ ระยะทางไปห้องน้ำไม่ไกลมาก แต่ก็ใช่ว่าจะใกล้ เสียงหัวเราะเบาๆ จากคนข้างกาย ผมหันขวับ ไม่ต่างกับตอนเห็นกันยิ้มครั้งแรก

            “นอนเถอะ” คำพูดสั้นห้วนเหมือนเดิม

            มือหนาจับจูงชักชวนเข้าเตนท์ ผมรับคำ มุดตัวเข้าเตนท์ หยิบโทรศัพท์ เอามาตั้งนาฬิกาปลุก แต่มีมิสคอลสิบกว่าสายที่ไม่ได้รับ ชื่อของคนที่โทรเข้าทำผมชะงักนานที่เดียว

            ไอรยา

            ผมชั่งใจ นาฬิกาบอกเวลาสามทุ่ม ตอนนี้ไอรยาคงยังไม่นอน ผมกดโทรกลับ กันหันมาจ้อง ผมไม่สนใจนั่งฟังเสียงรอสาย

            ‘โทรไปตั้งหลายสาย ทำไมไม่รับเลยนิ่ม’ เสียงไอรยาโวยวายหน่อยๆ

            “ขอโทษๆ ไอมีธุระหรือเปล่า” ผมขอโทษ ขอโพย

            ‘…โทษทีนิ่ม ไอหงุดหงิดไปหน่อย เรื่องงานนะ พอดีไอโทรหากันไม่ติด เลขากันบอกว่าเขาไปเยี่ยมพ่อแม่กับนิ่ม’ ผมฟังไอรยาพูด เสียงที่ลงตอนท้ายดูแปลกพิกล

            “อ้อ คุยไหม กันก็อยู่ ยังไม่นอน”

            ‘ขอบคุณ’ เสียงตอบรับดูแผ่วบาง ผมยื่นโทรศัพท์ให้กัน บอกชื่อคนโทรมา เขาชักสีหน้าเล็กน้อย แต่ก็รับโทรศัพท์ไปคุย ความจริงผมไม่อยากเสียมารยาทฟังคนเขาคุยกัน แต่นี่มันก็มืดแล้ว แถมอากาศข้างนอกก็เย็นเชียบ

            กันรับโทรศัพท์ไปคุย ไม่นานเขาก็ส่งมันกลับมา ถ้าผมฟังไม่ผิด ผมได้ยินแค่เสียง อือ อือ รู้แล้ว วนไปวนมาไม่มีอะไรนอกจากนี่

            ฟุบ...

            “เฮ้ย”

            ผมทรงตัวไม่อยู่ เมื่อมีมือปริศนากระชากลงให้ล้มตัวลงนอน ผมหันขวับ ถลึงตาใส่คนข้างกาย ใบหน้าคมกร้านยิ้มนิดๆ มือหนากวาดไปตรงเอวผม ก่อนดันให้แนบชิด

           “ปล่อย อึดอัด” ผมบอกตามตรง

           "นอนด้วยกัน” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมกลายเป็นคนที่ไม่กล้าขัดคำสั่งของกัน ผมล้มตัวลงนอน ข้างในเตนท์ยังมีไอของความอบอุ่นเพราะผ้านวมพื้นหนา เสียงลมหายใจของเราสอดคล้องในความมืด

           ตี๊ด...

           เสียงโทรศัพท์ ไม่ใช่เสียงโทรเข้า แต่เป็นข้อความที่ถูกส่งเข้ามา ผมมองชื่อคนส่งข้อความ ที่รัก..พี่อาร์ม มือที่จับชะงักงัน หันไปมองคนข้างกาย เตนท์นี้แคบยิ่งกว่าเตียงนอน เห็นดวงตาที่เบิกโพล่งอยู่ในความมืด

           สายตาแบบนั้น...มันทำให้ผมรู้สึกผิด...สะเทือนใจ

          “นิ่ม...” กันเรียกชื่อผม เขาพูดเสียงแผ่วในลำคอ ทว่าผมก็ยังคงได้ยินในสิ่งที่เขาพูดชัดเจน มือกำโทรศัพท์แน่น คำพูดแผ่วเบานั้นมันเหมือนมือหนาได้ตบเพี้ยะลงบนหน้าผม

         คำพูดเพียงคำเดียว

         “ความซื่อสัตย์”

         เสียงแผ่วเบาดุจเสียงกระซิบกระซาบจากสายลม

         ทว่าเนื้อความคมกริบเหมือนมีดเฉือนเนื้อ

         กันกำลังฆ่าผม ด้วยคำพูดคำเดียว

         คำ...ที่ไม่ใช่คำด่า...ผมตีความหมายของมันไปเอง

         แค่คิดถึงตรงนั้น คำqหนึ่งก็แล่นวาบเข้ามาในหัว

         ‘เล่นชู้’

                                                               >W e d d I n g<



*นิยาายเรื่องนี้เคยลงที่เด็กดีมาก่อนคะ (แต่งไว้ตั้งแต่ปีก่อนแต่ก็หยุดแต่งไปนานเหมือนกันเพราะ...ติดเกมส์ = =) ละก็เอามาลงที่นี้ด้วย แต่งไว้หลายตอนแล้วเหมือนกัน แต่ทยอยเอาลงคือตอนที่ตรวจคำผิดไปค่อนข้างจะเรียบร้อยแล้ว ยังไงฝากอ่านต่อด้วยน้า 
:mew1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๑ : คำพูด)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-04-2014 03:05:08
เจ็บกันทุกคน
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๖ : ลักลอบ)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 21-04-2014 03:21:19
สนุก แต่แบบดราม่าอ่ะ สงสารกัน
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๑ : คำพูด)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 21-04-2014 06:02:20
 :mew1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๑ : คำพูด)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 21-04-2014 09:42:51
อ่านแล้วหน่วงงง มันปวดใจแทนง
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๑ : คำพูด)
เริ่มหัวข้อโดย: ~l3aml3ery~ ที่ 21-04-2014 10:46:42
ติดตามเรื่องนี้ด้วยคน ให้กำลังใจคนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๑ : คำพูด)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 21-04-2014 10:52:42
อ่านแล้วรู้สึกหน่วงจริงๆ สงสารทุกคนอดคิดแทนนิ่มไม่ได้ว่าจะแก้ปัญหาทั้งหลายยังไง
แต่อยากบอกว่าชอบผู้ชายแบบกันมากกว่าอาร์ม -///- คือแบยชอบคนเย็นชาพูดน้อยแอบเป็นห่วง แต่ปากหนักอะไรแบบนี้ :mew3:
คนแต่งส่งอารมณ์มาให้ได้ดีจริงๆเลยค่ะ คือแบบคิดว่าตัวเองเป็นนิ่ม นิ่มจะทำไงดี!?! (มโน)
รอติดตามอ่านตอนต่อไปนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๑ : คำพูด)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-04-2014 12:39:17
ชอบกันอ่ะ
อยากจะเชียร์นะ
แต่ก็สงสารอาร์มแฮะ

เฮ้อ~ปวดหัวใจ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๑ : คำพูด)
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 21-04-2014 14:04:14
กัน เท่านั้น
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๑ : คำพูด)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 21-04-2014 14:38:20
มันหน่วงๆแฮะ สงสารหมดเลยทุกคน
เอนไปทางกันมากกว่า คำว่าซื่อสัตย์
นี่เจ็บจี๊ดดดดเลยนะ แล้วตอนที่ถามว่า
ยุงกัดหรอนี่สุดๆอั สงสารกันจริงๆ


รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๑ : คำพูด)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 21-04-2014 14:38:43
ตอนที่ ๑๒ : สงสัย

                อากาศตอนเช้าเย็นจริงๆ หมอกลงเยอะมากจนเห็นทะเลหมอก ผมภาพตรงหนาด้วยความตื่นเต้นเล็กๆ ข้างกายมีชายร่างสูงจิบกาแฟร้อนๆ

                ตั้งแต่ตื่นเช้ามา ในหัวคิดแต่คำพูดของกันตลอด ทุกการกระทำของกัน...มันเป็นความจริงที่ว่า เขาย้ำเตือนถึง ‘สถานะ’ ของผมบ่อยเพียงใด

                ผมแต่งงานกับเขา ถึงแม้ใจไร้รัก ความจริงคือผมเป็นของๆ กัน ตามที่กฎหมายระบุ การที่ผมมีความสัมพันธ์กับคนอื่นนอกจากสามีตนเอง ไม่ต่างกับการมีชู้ แม้ผมไม่อยากยอมรับ...แต่ความจริงคือความจริง

                ถ้าหากผมสามารถกลับไปแก้ไขอดีต ในวันนั้น...ผมคงจำยอมโกหกเรื่องผมกับพี่อาร์ม

                อย่างน้อย...การแอบคบกัน ก็ยังดีกว่าการทำร้ายใครคนอื่น

                ทั้งที่ใจไม่รัก แต่ต้องพันผูก

                “ไปตลาดกัน” คำชวนเรียบง่ายจากชายร่างสูง ผมพยักหน้าตกลง

                เดินถัดออกจากรีสอร์ทจะมีตลาดอยู่ ที่นั่นขายอาหารเช้าหลายๆ อย่าง โจ๊ก ขนมปังปิ้ง ของฝากต่างๆ นาๆ อาจเป็นเพราะดอยแห่งนี้มีชื่อเสียงพอสมควร ร้านรวงถึงได้มากมาย

                กันพาผมมากินร้านข้าวต้มกุ้ย ผมคิดว่ากันคงเคยมา เพราะท่าทางเขาดูคุ้นเคยกับพื้นทีแถบนี้ กันเข้าไปนั่งในร้าน ผมจำใจเดินตาม...ถ้าหากผมมากับพี่อาร์ม ร้านข้าวต้มกุ้ย คงเป็นร้านสุดท้ายทีเราจะมา เพราะผมเกลียดข้าวแหยะๆ มากที่สุด

                กันสั่งข้าวมาสองจาน กับพวกปลาหมึกทอด ผักผักบุ้ง ผมมองอาหารตรงหน้าด้วยสีหน้าแหยงๆ ถ้าหากเป็นข้าวเปล่า คงพอกินได้ แต่นี้มันข้าวเปล่าใส่น้ำร้อน แค่เห็นมันก็...

                “ไม่ชอบข้าวต้ม?” เหมือนกันจะรู้ ผมพยักหน้าเบาๆ เขาคงเห็นผมนั่งเขี่ยข้าวต้มไปมาไม่กินสักที    “โทษที ผมไม่ชอบข้าวแหยะๆ” ผมบอกพลางมองไปที่ ‘ข้าวแหยะๆ’

                ฟุ่บ...ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะ ขณะจะเอ่ยถาม ร่างกายใหญ่โตก็เดินไปจนลับสายตา ผมนั่งมองอาหารบนโต๊ะ ถอนหายใจเฮือก หยิบปลาหมึกรสชาติเค็มๆ ขึ้นกัดคำเล็กๆ

               นั่งรอไม่นานคนที่หายไปกลับมาพร้อมกับจานข้าวสวยร้อนๆ ผมมองไปที่กันอย่างงุนงง เขาคลี่ยิ้มบางๆ วางจานข้าวให้ ทรุดตัวลงนั่ง

               “ขอบคุณ” ผมพูดเสียงแผ่วในลำคอ

               กัน...เขาอาจไม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นผม แต่เขาทำให้ผมรู้สึกถึงคำว่า ห่วงใย เขาพร้อมมอบให้เสมอ และมันมักมาพร้อมกับความว่า ดูแล และ เอาใจใส่

               อาจฟังดูว่าผมมันน่ารังเกียจ แต่ส่วนลึกในใจปฎิเสธไม่ได้ว่า กันเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ถ้าหาก ผมไม่รักพี่อาร์มมาก่อน กันอาจเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมหลงรัก

              ผู้ชายคนนี้ดีเกินไปสำหรับผม เราไม่เหมาะสมกัน ใช่...ผมย้ำกับตัวเองแบบนั้น

               “คุณกิตติรัตน์! ไม่เจอกันนานนะครับ” เสียงทักดังขึ้นด้านหลัง ผมชะงักมือที่กำลังตักข้าวสวยร้อนๆเข้าปาก

               ชายสูงอายุในชุดเสื้อแจกเกตตัวใหญ่ รอบคอทาบทับด้วยทองเส้นเท่านิ้ว ท่าทางดูเป็น ป๋า เต็มตัว ข้างหลังของ ป๋า มีชายหนุ่มร่างสูงเพียวตามติด
 
              “สวัสดีครับ คุณพร้อมไท” กันทักตอบ ผมเห็นมุมปากเขากระตุกขึ้นนิดหนึ่ง แต่ไม่ทันจะพูดอะไร ตาแก่ใส่ทองเส้นใหญ่ก็ถือวิสาสะนั่งโต๊ะตัวเดียวกับพวกเขา
 
             “ไม่คิดว่าจะเจอคุณกันที่นี่นะครับ คราวที่แล้วแยกตัวออกมาตั้งบริษัทเองก็ยังกลัวว่าคุณกันจะโกรธอะไรซะอีก ที่แท้มานั่งกินลมชมวิวกับหนุ่มน้อยหน้ามนคนนี้สบายใจเฉิ่ม” ผมตากระตุกกับคำพูดของคุณพร้อมไท

             “ภรรยาผมครับ คุณนิ่ม” กันแนะนำผม ผมพยักหน้ากล่าวสวัสดี แต่ไม่ยกมือไหว้

             “สวัสดีครับ”

            “ฮ่าๆ งั้นข่าวที่คุณกันแต่งงานกับผู้ชายเพื่อกระชับมิตรทางธุรกิจก็จริงนะสิ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอคุณนิ่มตัวเป็นๆ” ผมมองคนพูดด้วยสายตาดุดันขึ้นมานิดหน่อย

                ตาแก่ไร้มารยาท!

                “คุณพร้อมไทมาเที่ยวหรือครับ” คำชวนสนทนาจากชายร่างสูง

                “มาทำงานนะครับคุณกัน พอดีลูกค้า...คุณวิสิทธิ์นะครับ แต่ก่อนเขาก็ติดต่องานมาที่บริษัทเก่าผมบ่อยๆ พอดีแกอยากได้ธีมงานแนวป่าแนวดอย ให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่อนุรักษ์ธรรมชาติ ผมเลยมาดอยเพื่อปิ๊งไอเดียใหม่ๆ คุณกันก็รู้นิครับ วงการของเรา มันขายความคิดใหม่ๆ ซ้ำๆ จำเจ ลูกค้าหนีหายหมด”

                “ครับ” กันตอบรับในลำคอ

                “ยังไงผมขอตัวก่อน เปรม...ไป” คุณพร้อมไทหันไปบอกเด็กหนุ่มข้างกาย ผมมองเด็กหนุ่มที่ติดตามคุณพร้อมไทมาด้วยสายตาชวนสงสัย

                ทำไมถึงรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนเคยเจอที่ไหน...?

                เด็กหนุ่มที่ชื่อเปรมหันไปบอกลากัน ขณะหนึ่ง ผมได้สบตาสีดำสนิทของเขา รอยยิ้มมุมปากของ เปรม กระดกขึ้นนิดหนึ่ง...มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนเคยเจอกันมาก่อน

                เปรม...ทำไมชื่อนี้ถึงไม่มีอยู่ในความทรงจำผมกันนะ?

                “คุณพร้อมไทเคยเป็นพนักงานในบริษัท แต่แยกตัวออกไปตั้งบริษัทเอง ดึงลูกค้าจากเราไปด้วย” คำบอกเล่าจากคนตัวสูง

                “แล้วคนที่มากับเขา...” กันสบตาพบนิดหน่อย ก่อนก้มลงไปกินข้าวต้มกุ้ยต่อ แล้วอธิบายให้ฟัง

                “รู้แค่ว่าชื่อเปรม เป็นคนสนิทของคุณพร้อมไท”

                ผมผงกหัว ไล่ความคิดฝุ่งซ่านออกไป กินข้าวเสร็จ พวกเราจิบกาแฟร้อนๆต่อที่ร้านริมเขา จากนั้นกันก็พาผมไปเดินดูตลาดชาวดอย มีเด็กใส่ชุดกระเหรี่ยงมาบริการถ่ายรูป ถือกล่องรับบริจาค ผมกับกันเราได้รูปมาใบหนึ่ง เด็กชายหญิงชาวกระเหรี่ยงยืนอยู่ตรงหน้า โดยมีผมกับกันยืนซ้อนข้างหลัง

                ทริปมาเที่ยวครั้งนี้ค่อนข้างสนุก เพราะผมไม่เคยเที่ยวแบบนี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เวลามาเที่ยวจะนอนโรงแรมมากกว่ากางเตนท์ และนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยืนชิดกับเด็กดอยตัวเป็นๆ

                “ผมซื้อของไปฝากพี่ที่ทำงานหน่อยนะ” ผมบอกร่างสูงที่กำลังจะเดินเลยไป เขาพยักหน้ารับ ผมซื้อที่วางดินสอมา ทำจากไม้ มีรูปปั้นเด็กกระเหรี่ยงหน้าตาน่ารัก แล้วก็ซื้อพวกขนมแพคมาสามสี่ถุง กะจะเอาไปฝากพี่แทนสักหน่อย

                “...อ๊ะ เดียวผมถือเอง” กันแย่งของที่ผมถือไปหมด เขาคลี่ยิ้มบางๆ มือหนาสองข้างพะรุงพะรังด้วยของใช้ ของกินนานาชนิด จะว่าไป มันก็มีแต่ของๆ ผมทั้งนั้น

                “ถือให้” คำตอบพร้อมรอยยิ้มของคนร่างสูง ที่ช่วงนี้ดูจะขยันยิ้มบ่อยเสียเหลือเกิน

                เราเดินมาสักพักเกือบสุดตลาด ผมเจอร้านขายพวกเฟอร์นิเจอร์ไม้ มีแต่สวยๆ ทั้งนั้น ตาเลยมาจนเห็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงดินเผาตัวขนาดกลางๆ และถ้าผมจำไม่ผิด มันคล้ายๆ กับตัวที่ตั้งอยู่ที่บ้านเปี๊ยบ แค่ต่างกันที่บ้านเป็นตุ๊กตาเด็กชาย

                “กัน ซื้อไปเข้าคู่กับตัวที่บ้านได้ไหม” ผมถามความเห็นเขาด้วยเสียงตื่นเต้นนิดๆ

                “อืม” กันตอบรับ เขาเข้าไปคุยกับคนขาย และออกมาพร้อมกับตุ๊กตาที่ผมเล็งไว้

                “ขอบคุณ” ผมบอก พลางจะแย่งของมาถือเอง แต่กันไม่ยอม

                “ตุ๊กตาที่อยู่ที่บ้าน แม่ผมเป็นคนซื้อมาฝาก นิ่มซื้ออีกตัว เอาไปวางไว้ที่บ้านของเรา มันจะได้มีคู่เสียที”

                คำพูดเน้นย้ำ...หากเป็นปกติผมคงโกรธ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกหน้าร้อนผ่าว เหมือนจะอาย...

                “อะ อืม”

                “ไปไหว้พ่อ แม่ แล้วกลับกันเถอะ” คำชวนจากคนร่างสูง ผมพยักหน้า ตอบกลับไปงงๆ เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนข้างกายระหว่างทางกลับรถ

                เวลาประมาณเที่ยง พวกเรามาถึงบ้านของกัน แม่กันเรียกผมไปคุยในห้อง ส่วนกันถูกพ่อเรียกไปคุยปรึกษาเรื่องงานที่บริษัท

                ผมเดินตามแม่ของกันจนมาถึงห้องนอนของท่าน แม่กันนั่งบนเตียง ผมที่ยืนค่ำหัวผู้ใหญ่ก็ดูไม่ดี เลยคุกเข่าอยู่กับพื้น แม่ของกันยิ้มให้อย่างเมตตา

                บรรยากาศดูแปลกๆ

                “นิ่ม ยืนมือมานี่สิลูก” เสียงเบาๆ เอ่ยเรียก ผมยื่นมือไปตามคำสั่ง

                กำไรทองวงเล็กๆ ถูกสวมเข้ากับข้อมือ ตรงกลางเป็นเพชรเม็ดเล็กๆ ถูกห้อยประดับ ผมมองการกระทำของแม่กันอย่างงุนงง

                “เอ่อ...”

                “กำไรวงนี้ ปู่ของกันมอบให้ย่า คุณย่าก็มอบให้แม่ที่เป็นลูกสะใภ้อีกที ถึงมันจะราคาไม่แพงมาก แต่มันก็เป็นน้ำพักน้ำแรง เงินก้อนแรกของคุณปู่ เป็นสมบัติชิ้นแรกของธำรงค์คุณ แม่ยกให้นิ่มดูแลต่อนะจ๊ะ”

                “คุณแม่...” ผมเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก

                “ถึงนิ่มจะเป็นผู้ชาย แต่แม่ก็ยอมรับเราในฐานะลูกสะใภ้ แม่ไม่มีอะไรจะมอบให้มากกว่านี้แล้ว นอกจากคำสอนเล็กๆ น้อยๆ นิ่มต้องเป็นภรรยาที่ดีรู้ไหมลูก ป้าบัวเคยโทรมาคุยกับแม่ ต่อไปนี้แม่จะให้นิ่มเป็นคนเก็บเงินตากันไว้ทั้งหมด เวลาใช้จ่าย เรื่องในบ้าน หนูนิ่มต้องเป็นคนจัดการ ควบคุมเงิน ทำรายรับรายจ่าย ทำให้แม่ได้ไหม” คำขอ...จากหญิงสูงวัย

                “นิ่มกลัวทำไม่ได้”

                “หน้าที่ของเมีย นิ่มเข้าใจไหมจ๊ะ แม่จะให้ป้าบัวสอนหนูเอง ได้ไหมจ๊ะ”

                “เอ่อ...ครับ” อดตอบรับเสียไม่ได้ เมื่อเห็นรอยยิ้มแสดงความคาดหวัง ผมก้มหน้าลงเล็กน้อย มองกำไรข้อมือที่คนสูงวัยกว่ามอบให้มา

                เหมือนภาระที่ถูกผลักมาให้โดยไม่เต็มใจจะรับมัน

                “เวลาทะเลาะกันต้องพยายามใจเย็นๆ ถ้าเขาร้อนเราต้องเย็นไว้ การที่ชีวิตคู่จะไปรอดต้องอาศัยความเข้าใจกันและกัน และความซื่อสัตย์ แม่รู้ว่ากันกับนิ่มแต่งงานกันค่อนข้างเร็ว แต่แม่เชื่อว่าเราต้องผ่านจุดนี้ไปได้แน่ๆ ตากันอาจเป็นคนพูดน้อย แต่เขาสามารถเป็นสามีที่ดีได้แน่นอน” คำสอนจากหญิงสูงวัย ผมนั่งฟังเงียบๆ

                “...”

                “ต่อไปนิ่มต้องเรียกกันว่าพี่ ได้ไหมจ๊ะ ตากันอายุมากกว่าหนูนิ่มตั้งหลายปี”

                “คือ คือว่านิ่มไม่ชิน”

                “มันอาจฝืนบ้าง แต่แม่เชื่อว่าหนูทำได้” คำสั่ง...มันอาจจะเป็นแบบนั้น แต่ผมว่าสิ่งที่แม่กันพยายามจะทำคือการสอนให้ผมรู้จักหน้าที่ของภรรยาที่ดี

                คิดแบบนั้น ในหัวมันพาลสมเพชตัวเอง

                ผมไม่ใช่ภรรยาที่ดี...รู้อยู่แก่ใจ

                “ครับ นิ่มจะพยายาม”

                แต่ถ้าหาก...ความพยายามเล็กๆ น้อยๆ จะทำให้ใครคนอื่นดีใจ ก็จะทำ

                สักเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี...ก่อนที่จะจากกันไป โดยไม่เหลือเยื่อใยต่อกัน
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๑ : คำพูด)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 21-04-2014 14:49:52
ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี



                หลังจากผ่านเหตุการณ์รับขวัญลูกสะใภ้ เกือบทุกอย่างในชีวิตประจำวันเปลี่ยนแปลงขึ้นมาก ทุกตอนเย็นต้องจ่ายเงินค่าอาหาร ตรวจดูความเรียบร้อยความสะอาดของบ้าน จะไม่ทำก็เกรงใจแม่ของกัน และป้าบัวที่ทำหน้าตาดีใจเมื่อเห็นผมสนใจงานบ้านงานเรือน

                วันนี้ก็เช่นกัน ผมกำลังนับเงินจำนวนหนึ่งส่งให้ป้าบัว เป็นเงินเดือน กับค่าซื้อวัตถุดิบทำอาหารสำหรับอาทิตย์นี้ ส่วนเงินที่ผมให้ป้าบัวกันก็เอามาให้ผมอีกที และสิ่งที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ กันเริ่มให้เงินผมใช้...

                นอกจากค่าจ้างแรงงาน ค่าอาหาร ค่าซื้อข้าวของเครื่องใช้ ค่าไฟค่าน้ำ กันก็ให้เงินผมมาอีกจำนวนหนึ่ง เขาบอกสั้นๆ เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวขอองผม

                เราทำเหมือนเป็นครอบครัวกันจริงๆ...

                บางครั้งก็เริ่มอึดอัด เพราะผมก็มีงานทำ มีเงินเดือน พอกินพออยู่พอใช้ ถ้าพูดตามตรง...ผมไม่จำเป็นต้องแบมือขอเงินสามี จะไม่รับ กันก็ยิ้มบางๆ และส่งมาให้ พร้อมกับพูดคำว่า ‘มันเป็นหน้าที่’

                คำสั้นๆ และการกระทำที่แสดงออกอย่างชัดเจน

                “กันค่ะ จะทำยังไงดี งานนี้เราโดนแย่งอีกแล้วนะ” เสียงสนทนาจากห้องรับแขก

                ไอรยามาบ้านหลังนี้ เธอบอกว่าจะมาคุยงานด้วยนิดหน่อย แต่ก็นั่นล่ะ เลยเวลาจนถึงมื้อเย็นทุกที ผมเข้าใจความรู้สึกของเธอดี การที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก เวลามักผ่านไปเร็วเสมอ

                “ทำเหมือนเดิม แค่ทำงานในส่วนของเราให้ดีที่สุดก็พอ” เสียงทุ้มตอบกลับ

                “กันทนได้ยังไง! ตาคุณพร้อมไทมันแย่งงานไปหน้าด้านๆ แบบนี้ เอาลูกค้าเก่าเราไปหมดเลยนะ ถึงมันจะเป็นธุรกิจเล็กๆ ในเครือธำรงค์คุณ แต่มันเสียศักษิ์ศรี!” ไอรยาขึ้นเสียงใส่

                “ไอ...ลูกค้าเก่าไปก็หาลูกค้าใหม่ งานของเราไม่ใช้งานเกรดต่ำ มั่นใจในฝีมือตัวเองสิ” คำแนะนำจากคนตัวสูง ไอรยานิ่งเงียบไม่นานก็คลี่ยิ้มกว้าง ร่างบางเดินเข้าไปเบียดกับคนตัวโตที่โต๊ะทำงาน หน้าอกอวบอิ่มแทบแนบชิดกับไหล่กว้าง

                ผมมองคนสองคน ในใจเริ่มร้อนผ่าว ความรู้สึกแปลกๆ หวนกลับมาอีกครั้ง...

                ไม่ใช่ไม่พอใจ...พวกเขาเหมาะสมกัน

                ผมก็แค่...

                “คุณนิ่ม” เสียงเบาๆ ปลุกผมจากภวังค์ ป้าบัวถือทานขนมคุ้กกี้เนยสดเข้ามา

                “เดียวนิ่มไปจดค่าใช้จ่ายของอาทิตย์นี้ก่อนนะ” ผมบอก กลัวว่าคนสองคนที่นั่งคุยกันจะหันมาเห็น

                มือจดรายการของที่ซื้อไป แต่ใจกลับคิดถึงเรื่องของใครคนอื่น...มันซ้ำซาก จำเจ ไม่อยากคิด แต่ก็ต้องคิด ทั้งๆ ที่รู้คำตอบของคำถาม แต่ก็ไม่อาจยอมรับได้...

                ผมรู้ใจตัวเองดี

                ทุกครั้งที่ใกล้ชิด พยายามย้ำเตือนตัวเองไม่ให้เผลอไผลไปกับความอ่อนโยนของคนๆ นั้น ไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นคนใจโลเล แต่ใจไม่เข็มแข้งพอที่จะตัดขาดอย่างจริงจัง ทั้งที่รักใครอีกคน แต่ความใกล้ชิดกลับทำให้หัวใจเปิดรับผู้ชายคนนั้นเข้ามา ทั้งที่ย้ำเตือนตัวเองตลอดแท้ๆ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้...

                เห็นเขาสนิทกับผู้หญิงคนอื่นก็รู้สึกแย่จนแทบบ้า แต่ก็ไม่สามารถรั้งไว้ได้ เพราะชื่อของใครอีกคนที่ติดอยู่ในหัว...

                ผมรักพี่อาร์ม เกือบห้าปีที่เราคบกัน ผมไม่เคยนอกใจพี่อาร์ม แต่ตอนนี้ ผมกลับทำตัวเหมือนคนหน้าไม่อาย แต่งงานกับกันแต่ลอบพลอดรักกับใครอีกคน สัญญากับคนรักว่าจะไม่นอกใจ แต่ก็เผลอไปกับสัมผัสที่อ่อนโยน

                ผมมันทำตัวน่ารังเกียจ

                ครืน...

                ผมมองหน้าจอโทรศัพท์กำลังส่องแสงสว่างวาบ หน้าจอแสดงชื่อของคนที่โทรเข้ามา เหมือนน้ำแข็งที่ทุบหัวจนมึนงง

                พี่อาร์ม

                (นิ่มครับ พี่ขอโทษ) เสียงปลายสายเอ่ยขึ้นมาแทบจะทันที

                “พี่อาร์ม นิ่มขอโทษ” พูดออกไปแทบจะพร้อมกัน เสียงที่เอ่ยออกดูแผ่วเบา คนปลายสายดูเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย

                (พี่ต่างหากที่งี่เง่า ดีกันนะ คนดี) คำง้องอนจากพี่ชายในสายเลือด มือกำโทรศัพท์แน่น คำขอโทษที่เอ่ยออกไป ขอโทษเหมือนกัน แต่ความนัยของมัน ช่างต่างกันสิ้นเชิง

                ยอมแพ้ใจตัวเอง ผู้ชายคนนั้นเข้ามาข้างในได้แล้ว

                เขาเข้ามาแทรก ในโลกที่มีแต่ผมกับพี่อาร์ม

                “อื้อ” ตอบกลับไปเบาๆ

                (รู้ไหมวันนั้นพี่โมโหตัวเองมากแค่ไหน เมื่อวานเนี่ยคิดถึงนิ่มจนเดินตกบันไดเลยรู้หรือเปล่า) คำบอกเล่าจากคนปลายสาย ทันทีที่ได้ยิน ดวงตาเบิกโพล่ง ถามกลับอย่างรวดเร็ว

                เป็นห่วง...

                “พี่อาร์มเป็นอะไรมากหรือเปล่า! เจ็บตรงไหน”

                (ตกบันไดสามขั้นสุดท้ายนะ หน้าทิ่มไปกับพื้นเลย ฮ่าๆ) คนปลายสายหัวเราะร่าเริง

                “พี่อาร์ม!” ขึ้นเสียงใส่อย่างหงุดหงิด

                (...)

                “เอ่อ...นิ่มขอโทษ” เพิ่งรู้ว่าตัวเองใส่อารมณ์ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แค่เดาก็รู้ว่าพี่อาร์มคงกำลังทำหน้านิ่งๆ อยู่แน่

                (เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ที่รัก) คำถามแสนจริงจัง

                “...พี่อาร์ม นิ่มไม่อยากทนแล้ว” ไม่รู้ว่าเสียงที่พูดออกไปอ่อนระโหยเพียงใด รู้แค่ว่า มันเป็นความรู้สึกจากใจล้วนๆ

                ไม่อยากทน กับสภาพแบบนี้

                (...ครึ่งปี มันคงนานเกินไป)

                ใช่...แค่สองเดือน กันก็ทำให้ผมเป็นแบบนี้แล้ว

                “นิ่ม...”

                (พี่ขอโทษที่ทำให้นิ่มลำบาก พี่ขอเวลาอีกแค่เดือนเดียว งานกำลังไปได้สวย...ถ้าหากพี่ทำงานชิ้นนี้เสร็จ เราก็พอมีเงินไปอยู่ออสเตรเลีย พอที่จะสร้างครอบครัวเล็กๆ กันได้แบบสบาย)

                “นิ่มขอโทษที่เร่งพี่อาร์ม นิ่ม...” ลมหายใจเหมือนขาดห้วง เมื่ออยู่ๆ น้ำตามันพาลไหลลงมาดื้อๆ

                กลั้นเสียงสะอื้นไว้ในอก ไม่อยากให้คนปลายสายวิตกกังวล

                (พี่รักนิ่มนะครับ) คำบอกรัก และตอกย้ำ ผมพยักหน้ารับแรงๆ

                “นิ่มรักพี่อาร์ม”

                (ชื่นใจจริง พี่ทำงานต่อนะครับ พรุ่งนี้พี่จะโทรมาหาใหม่)

                “อือ...นิ่มจะรอ” บอกไป กดตัดสาย

                มือกุมศีรษะ อยากหาทางออกของปัญหา รู้สึกเหมือนถูกกดดันจากคนรอบข้าง อยากหลีกหนีปัญหาบ้าๆ ไปให้พ้น ไม่อยากยอมรับ ความจริงในตอนนี้

                ขยี้ตา เช็ดคราบน้ำตาก่อนลุกขึ้นจากโต๊ะ สายตาก็ปะทะกับร่างสูงโปร่งของใครอีกคน...ไอรยา

                “อะ ไอ ทำงานเสร็จแล้วหรอ” ร่างกายเย็นวูบ ไอรยามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอได้ยินบทสนทนาของผมกับพี่อาร์มหรือเปล่า?

                “อือ ไอจะกลับแล้ว” เสียงที่ตอบกลับยังฟังดูสดใส

                “วันนี้ไม่รอกินข้าวเย็นด้วยกันล่ะ” ผมถาม

                “ฮือ อยากอยู่ แต่พอดีว่าที่บ้านเรียกตัวกลับด่วน ไอไปล่ะ” เธอบอกเสียงใส

                “กลับบ้านดีๆ นะ” ไอรยาพยักหน้ารับ ผมมองแผ่นหลังของเธอที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก

                “ป้าบัว นิ่มทำบัญชีเสร็จแล้ว ป้าบัวช่วยเอาไปดูทีนะ” ผมใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงนั่งจมปลักกับตัวเลขรายรับ รายจ่าย มันก็ไม่ยากมากนัก แต่คงทำเสร็จเร็วกว่านี้ หากหัวไม่คิดมากเรื่องอื่น

                “คุณนิ่มค่ะ เมื่อครู่เห็นคุณกันเธอเรียกหาอยู่” ป้าบัวรับสมุดบัญชีไปดู แล้วบอกผม

                “อะ อืม” ตอบรับ ก่อนเดินไปทางห้องทำงานของกัน

                ห้องนอน กับห้องทำงานอยู่ใกล้กัน ผมมองประตูไม้ ก่อนตัดสินใจเคาะ

                “ครับ” เสียงขานตอบรับจากคนด้านใน เปิดประตูเข้าไป กันนั่งอยู่ตรงโต๊ะ ยุ่งกับเอกสารกองโตเป็นภาพที่เห็นจนชินตา

                “เรียกหานิ่มมีอะไรหรือเปล่า...พี่กัน” คำสรรพนามเรียกขานที่แปลกออกไป ทำให้รู้สึกกระดากอายกว่าเดิม แทนชื่อคนตัวโตด้วยคำว่าพี่ แทนตัวเองด้วยชื่อ แค่คิดริ้วแดงๆ ก็ปรากฏตามใบหน้า

                “พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงผู้ถือหุ้นครับ นิ่มไปกับพี่นะครับ” น้ำเสียงอ่อนโยน ประโยคยาวๆ ที่นานๆ จะถูกส่งผ่านริมฝีปากหนาสักครั้ง

                “คือ...”

                “พี่จะมารับที่บ้าน” คำย้ำจากกัน ริมฝีปากหนาเม้มยิ้ม สายตาที่มองมาทอดต่ำ อ่อนโยนและเต็มเปรี่ยมจนทำให้ต้องหลบเลี่ยงนัยน์ตาคู่นั้น

                “ฮื่อ” ตอบรับก่อนหันหลังรีบเดินหนีออกจากห้อง

                “อ๊ะ” แรงรัดรอบเอวจากด้านหลัง หัวใจกระตุกวูบ มือหนาเกี่ยวพันส่วนโค้งรอบเอวแน่น ร่างกายใหญ่โตแนบชิดด้านหลังจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนลุ่ม

                ริมฝีปากหนาเฉี่ยวผ่านแก้ม ก่อนซุกตรงที่ไหล่ ผมตัวสั่นกับสัมผัสที่ได้รับ

                “รักนะครับ” คำพูดจากคนตัวโต สมองมึนงง รีบผละตัวเองจากอ้อมกอด เปิดประตู วิ่งออกไปแทบทันที

                หลบเข้ามาในห้องนอน กลิ่นน้ำหอมของกันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในห้อง ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มือกุมหน้าอกแน่น ทุบแรงๆ เหมือนระบายอารมณ์

                หัวใจไม่รักดี

















ขอบคุณทุกคนนะค่ะที่ติดตาม  :กอด1:
เปรี่ยม เปี่ยม ...สองคำนี้ใช้ต่างกันยังไงหว่า   :katai1:   :katai4:  :ling1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 21-04-2014 15:02:56
โอยยยยย มันบีบบบหัวใจเหลือเกิน
สงสารพี่กันนนนนน
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 21-04-2014 15:28:21
สงสารพี่กันอ่ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-04-2014 15:58:26
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 21-04-2014 16:37:48
อ่านแล้วหน่วงๆ
เชียร์พี่กันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :hao5:
ปล.อยากอ่านดวงใจทรราช เอามาลงในเล้าด้วยจิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 21-04-2014 17:35:48
ฮึกๆๆๆ ฮืออออ  :sad4:  :sad4:  :sad4:
มันหน่วงอ่า (แต่ก็ยังอ่านนะ)
ตอนแรกสงสารพี่กัน มาตอนนี้สงสารพี่อาร์ม
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 21-04-2014 17:55:09
พี่อาร์มชักมีกลิ่นไม่ค่อยดีแล้วสิ

พี่กันรุกฆาตไปเลย ตอนนี้น้องหวั่นไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 21-04-2014 18:05:38
ตอนที่ ๑๕ : คาตา

            เคยคิดว่าใจตัวเองมันแข็งพอ ไม่อ่อนแอ พูดกับคนอื่นเสมอว่าหากเรารักจริงจะต้องไม่นอกใจคนที่รัก แต่พอเจอเหตุการณ์จริงกับชีวิตตัวเอง สิ่งที่เคยพูด เคยย้ำเตือนตัวเองตลอดที่ผ่านมามันก็ไม่ต่างกับพูดลอยลม

            คำว่ารักที่บอกผ่าน หากเป็นเมื่อก่อน คงไม่รู้สึกรู้สา แต่ตอนนี้กลับทำให้ใจเต้นระรัวไหวหวั่น เพียงสัมผัสที่ชิดใกล้ เร่งให้ร่างกายร้อนผ่าว ไม่ต่างจากอ้อมกอดของคนที่รักเพียงสักนิด

            รู้สึกสมเพชตัวเองเป็นบ้า ตีอกชกหัว หวังให้หัวใจไม่รักดีกลับมาเป็นเหมือน แต่ก็ทำไม่ได้ หวังเพียงหลีกหนีสัมผัสจากคนๆ นั้น กลับไปอิงแอบแนบกายกับความรักเดิม

            หนีไม่พ้น...เจอทุกวัน ต่างกับอีกคน ที่ทั้งรัก ทั้งห่วง ก็ทำได้เพียงแค่ฟังเสียงผ่านโทรศัพท์

            ชายร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิท เนคไทด์ที่ติดตรงทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าเจ้าระเบียบมากแค่ไหน ผมมองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกคู่กับเขา กันตัวสูงมาก สูงจนหัวผมอยู่เพียงไหล่เขา

            กันยังเป็นคนที่พูดน้อย ตั้งแต่รู้จักเขามาสิ่งที่เปลี่ยนแปลงสำหรับเขามีไม่กี่อย่าง เห็นได้ชัดก็คือดวงตาคมโตที่อ่อนโยนจนคนมองรู้สึกอ่อนไหว เขาจับมือผมแผ่วเบา จูงผมมายังข้างล่างของบ้าน ไม่มีการขืนใจ ผมเดินตามเขาอย่างว่าง่าย

            BMW Z4 สีดำแล่นผ่านบรรยากาศที่เริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงค่ำคืน คนขับเป็นกัน ผมนั่งข้างเขา ปกติเวลาผมไปไหนมาไหนกับพี่อาร์ม ถ้าเป็นงานแบบทางการ พี่อาร์มมักจะใช้คนขับรถส่วนตัว ต่างกับกัน เขาชอบขับไปไหนมาไหนเอง วันนี้ก็เช่นกัน เขากำลังพาผมไปงานเลี้ยงผู้ถือหุ้น ในฐานะภรรยาประธานบริษัท

            “มากันเร็วจัง กันค่ะ ผู้ถือหุ้นคนอื่นอยากคุยกับคุณ” เสียงใสเอ่ยทัก ไอรยาอยู่ในชุดเดรสสีดำ สร้อยเพชรเม็ดโตยิ่งขับเน้นความขาวของเธอมากจนน่าหลงใหล

            “อืม” ร่างสูงพยักหน้าตอบรับ กันจับมือผมแน่น ขณะกำลังเดินตามไป มือก็ถูกฉุดโดยข้อมือเรียวบางของไอรยา

            “กันไปคนเดียวได้ไหม ไอขอยืมตัวนิ่มสักพักนะ” ผมมองเธออย่างงงๆ กันมองมาผมปราดหนึ่ง บีบข้อมือผมแน่น ก่อนเดินไปทางชายใส่สูทสูงวัย

            “มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามเธอ ไอรยาฉีกยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่แปลกจากปกติ รอยยิ้มที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจากเธอ

            “มีคนอยากเจอนิ่มนะ” ร่างบางดันหลังผมให้พ้นจากโซนงานเลี้ยง ไอรยาพาผมเดินออกห่างจากงานมาพอสมควร เป็นซอกเล็กๆ ที่ไม่มีใครเข้ามาเพ่นพ่าน ไม่นานสายตาผมก็ปะทะกับชายร่างสูงที่เคยคุ้น

            พี่อาร์ม

            ถ้าการเจอกันโดยบังเอิญระหว่างเราผมคงไม่แปลกใจเท่าใดนัก เพราะพี่อาร์มเป็นผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่งในเครือธำรงค์คุณ แต่การถูกชักชวนให้มาพบโดยหญิงสาวร่างบอบบางข้างกาย ทำให้สมองสับสนงุนงง

            พี่อาร์มกับไอรยา รู้จักกัน?

            “ไอได้ยินนะ วันนี้ที่นิ่มคุยโทรศัพท์ ไอช่วยนิ่มแล้วนะ” เธอกระซิบที่ข้างหู ก่อนเดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอย่างงุนงง

            “คิดถึงนะครับ” เสียงที่เคยคุ้น สัมผัสที่อบอุ่น แทบจะทันที มือทั้งสองข้างโอบกอดอีกฝ่าย เหมือนเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกาย

            แรงกอดรัดแน่นๆ จากคนที่รัก ไม่มีอะไรอุ่นใจเท่านี้อีกแล้ว ผมซุกหน้าลงกับอกแกร่ง สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย...พี่อาร์มของนิ่ม

            “อือ” ตอบรับเสียงอู้อี้

            “ไปเที่ยวดอย สนุกไหม” เสียงถามหวานหู คงเป็นเพราะอยากเอาใจจากเรื่องผิดพลาดเมื่อหลายวันก่อน ผมฉีกยิ้มเล็กน้อย ก่อนขมวดคิ้วงงๆ พี่อาร์มรู้ได้ยังไงว่าผมไปเที่ยวดอย?

            “เอ๊ะ พี่อาร์มรู้ได้ไงว่านิ่มขึ้นดอย” ผมถามหลังจากผละใบหน้าออกจากหน้าอกแข็งแรง

            “พี่มีสายสืบ” คนตัวสูงบอกพลางยิ้มกว้าง ผมหัวเราะ มือบีบจมูกโตๆ นั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว

            “ใคร? นิ่มรู้จักหรือเปล่า” ผมถาม

            “อือ เด็กคนนั้นที่พี่เคยส่งเงินให้อยู่ช่วงหนึ่ง จำได้ไหม” คำพูดจากร่างสูง

            ผมย้อนนึกไปถึงช่วงที่เราอยู่บ้านหลังเดียวกัน จำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่ง พี่อาร์มมาปรึกษาว่าจะให้เงินเด็กคนหนึ่งเรียน เขาเป็นเด็กอัจฉริยะ แต่ครอบครัวมีหนี้สินติดตัวล้มละลาย ความจริงเด็กคนนั้นต้องถูกส่งไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่พี่อาร์มไปเจอเข้าพอดี เพราะพ่อแม่เด็กคนนั้นติดหนี้เครือสิยะวงศ์อยู่ และนับแต่นั่นพี่อาร์มจะส่งเงินให้เป็นค่ากิน ค่าเรียน โดยมีข้อแม้ว่าเรียนจบต้องมาทำงานให้กับสิยะวงศ์

            ผมจำอะไรไม่ได้มากนัก ชื่อก็จำไม่ได้ จำได้แค่เพียงเป็นเด็กร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเท่านั้น

            “นิ่มจำชื่อไม่ได้”

            “ชื่อเปรม เปรมปรีย์ ติณณานันท์” คำตอบจากพี่อาร์มทำให้หัวผมสว่างวาบ

            ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ตามติดคุณพร้อมไท คนที่หันมายิ้มให้ผมบางๆ คนนั้น

            “อ๋อ...อ” ลากเสียงยาว

            พี่อาร์มหัวเราะเบาๆ จากนั้นบทสนทนาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อคนตัวสูงดันหลังผมติดกำแพง ใบหน้าที่ตอนนี้อยู่ใกล้แค่คืบ สายตาที่มองมาเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ และวาววับ

            “คิดถึงพี่ไหมครับ” คำถามพร้อมกับริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่ตรงจมูกจนรู้สึกจักกะจี้

            “ไม่มั้ง...ง” ยิ้มอย่างหยอกล้อ เหมือนเรื่องทุกข์ใจทั้งหมดจะหายไปเมื่อกลับมาอยู่ในบรรยากาศเก่าๆ ที่คุ้นเคย

            “แต่พี่คิดถึงแทบขาดใจตาย” สิ้นเสียงพูด ก็ตามมาด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวที่ทาบทับลงมา

            เพียงสัมผัสแผ่วเบาก็ฉุดหัวใจให้เต้นตุบตับ ความร้อนผ่าวของริมฝีปากที่ไม่ว่ากี่ครั้งก็ยังร้อนแรงไม่เปลี่ยนแปลง ผมเปิดปากให้เรียวลิ้นหนาแทรกเข้ามาตวัดเกี่ยว พี่อาร์มใช้มือโอบรอบเอว รั้งเอวให้เข้ามาแนบชิด ริมฝีปากของเราแนบสนิทกัน

            “ฮื้อ” ปะท้วงออกมาเหมือนคนกำลังจะขาดอากาศ

            “อีกแค่เดือนเดียว เราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะครับ” คนพูดใช้ริมฝีปากคลอเคลียที่ใบหู ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังยิ้มดีใจ ทว่าส่วนลึกในใจปฎิเสธไม่ได้ ผมกำลังเสียใจต่อการกระทำของตัวเอง

            “นิ่มรักพี่อาร์มนะ” พูดย้ำอย่างที่ตัวเองชอบพูดบ่อยๆ พี่อาร์มยิ้มหวาน จูบผมแผ่วเบา ใช้ริมฝีปากงับเล่นปากของผม ก่อนเลื่อนลงมายังซอกคอ

            ผมจับบ่าคนตัวสูงแน่น แม้ตรงนี้จะเป็นมุมอับ แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าจะไม่มีใครผ่านมา

            “อ...อื้อ...” ผมครางเสียงแผ่ว อยากผลักไสคนตัวสูงที่กำลังใช้ลิ้นลากเลียตรงลำคอให้ออกไป แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะสัมผัสรัญจวนใจที่เคยคุ้น

            “พี่อยากกอดนิ่ม” คำพูดเสียงสั่นพร่า พร้อมกับมือหนาที่ค่อยๆ ลูบไล้แขนมาจนถึงไหล่ ริมฝีปากขบเม้มเบาๆ

            “พี่อาร์ม อย่าดูด!” ผมเอ่ยเตือนเสียงเข้ม แต่ร่างสูงคงไม่สนใจหรอก ผมส่ายหัวอย่างระอาใจ พี่อาร์มเอาแต่ใจที่สุด! แต่ผมก็ยอมทุกครั้ง...

            ผลัก!

            “เฮ้ย!”

             แรงกระชากอย่างรุนแรงเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว กว่าจะได้สติก็เห็นเพียงร่างของชายคนรักล้มลงไปนอนกองกับพื้น สายตาที่มองพี่อาร์มอยู่เบิกกว้าง ตื่นตระหนก ทันทีที่มีสติ ผมรีบถลาเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แต่สิ่งที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นแล้ว...มือข้างหนึ่งถูกดึงอย่างแรง ผมเซไปซบกับหาคนที่ดึงแขนไว้ ดวงตายิ่งเบิกกว้างยิ่งกว่า

             กัน

             ใบหน้ายิ่งซีดเผือด กัดริมฝีปากแน่นเมื่อสายตาบังเอิญมองเห็นใครอีกคนที่อยู่ด้านหลัง... พ่อ!

              ผมเลิกลั่ก มองพี่อาร์มที่ลงไปนอนกองกับพื้น ยิ่งหวาดหวั่นขึ้นไปอีกกับสายตาแข็งกร้าวจากกัน

              ถ้าหากใช้สายตาเป็นอาวุธ ผมแน่ใจว่า สายตาของกันที่มองมา มันสามารถฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น

              “ไอ้อาร์ม” เสียงคำรามลั่นจากคนเป็นพ่อ

              พ่อเข้าไปหาพี่อาร์ม กระชากคนที่ล้มตัวลงอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้น พ่อตบหน้าพี่อาร์มจนเห็นรอยแดงเถือก พ่อไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียว พ่อตบพี่อาร์มหลายครั้ง ผมยืนตะลึงเมื่อเห็นคนเป็นพ่อทำร้ายลูกชายตัวเอง

              “พ่ออย่าทำพี่อาร์ม!” กรีดร้องเสียงดัง อยากเข้าไปคว้าร่างสูงที่ปล่อยให้โดนตบอยู่ฝ่ายเดียวใจแทบขาด แต่ไม่อาจผละจากมือหนาที่ล็อคแขนตนเองไว้ราวคีบเหล็ก

               ผมสะบัดแขนแรงๆ หลายครั้ง ไม่สนใจกันที่ยืนนิ่งในบรรยากาศมาคุ หัวใจยิ่งบีบคั้นเมื่อเห็นเลือดสีแดงข้นไหลออกมาจากริมฝีปากที่ช้ำเจ่อ

               “ปล่อยผมสิกัน ปล่อยผม!” ผมดึงแขนตัวเองแรงๆ อย่างคนไร้สติ มองคนตัวโตที่ยืนนิ่งจนน่าประหลาด

               “...” มีเพียงแรงดึงจากร่างสูง ผมขืนตัว ไม่ยอมไปตามแรงกระชาก

                “ผมจะไปหาพี่อาร์ม! ปล่อยผมสิกัน ปล่อย!” ตะโกนบอกเสียงดัง ห่วงคนที่โดนทำร้ายใจแทบขาด

                “หุบปาก!!!” กันตวาดเสียงดัง ผมสะดุ้งกับใบหน้าแข็งกร้าวและสายตาน่ากลัว แรงบีบที่มือแรงเสียจนปวดไปหมด
 
                “มึงปล่อยเมียกู!” พี่อาร์มที่ผลักพ่อลงไปนอนกับพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เข้ามาคว้ามือผมไว้อีกข้าง

                “พี่อาร์ม...” ผมครางเสียงแผ่ว สายตามองพ่อที่ล้มลงไปนอนกับพื้นเพราะแรงผลัก สลับกับใบหน้าแดงกร่ำและเลือดตรงริมฝีปากของคนรัก หยดน้ำตาร่วงลงมาเพาะ

                  ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ได้

                   “ไอ้สารเลว!” คำด่าของคนที่เงียบขรึมมาตลอด พร้อมกับหมัดลุ้นๆ ที่ปล่อยออกไป ผมร้องเรียกชื่อพี่อาร์มเสียงหลง

                   “ทำบ้าอะไรของคุณ” ตะโกนด่าคนที่ลงมือรุนแรง

                   “หน้าด้าน”

                    อะไรกัน...

                     ผมกำลังโดนกันด่าใช่ไหม

                    “ค คุณไม่มีสิทธิ์พูดแบบนั้น! คุณ...คุณไม่รู้อะไรเลย!”

                    “แค่นี้ก็เกินพอ...” ผมสะอึกนิ่งกับคำพูดของเขา

                     “ไม่! ผมจะไปหาพี่อาร์ม” ออกแรงสะบัดตัวเองจากคนตัวโตอย่างรุนแรง ทิฐิในหัวทำให้ผมไม่ยอมโอ่นอ่อนให้เขาง่ายๆ

                     เพียะ!

                     อารมณ์โมโหฉุดรั้งสติไว้ ผมเผลอตัวใช้มือฝาดใบที่ใบหน้าของกัน ใบหน้าคมสันหันไปตามแรงกระแทก ผิวสีแทนแดงขึ้นเป็นรอยฝ่ามือ ผมรั้งมือตัวเองกลับ ป้องปากไว้อย่างตกใจ

                     ขอโทษ...อยากพูดคำนี้ใจแทบขาด เมื่อเห็นตนตัวโตแค่นยิ้มอย่างเย็นชา

                     “...” กันลากผมออกมาากบริเวณนั้น ผมไม่ขัดขืนปล่อยให้ตัวเองถูกลากไป สายตามองพี่อาร์มที่โดนพ่อระดมหมัดใส่ใบหน้าด้วยสายตาเว้าวอน

                     ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ได้

                     ทำไมถึงเป็นแบบนี้

                     ทำไม... 



















ดวงใจทรราชยังไม่มีไอเดียแต่งต่อเลยค่ะ กำลังไล่แต่งนิยายที่แต่งค้างๆเอาไว้  :hao5:   
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 21-04-2014 18:16:32
ตอนที่ ๑๖ : เหตุการณ์เลวร้าย

            รอยแดงบนใบหน้าของกันเด่นชัดในสายตาผม มันย้ำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องจริง ผมมองคนที่ลากตัวเองกลับบ้าน ใบหน้าคมสันที่ช่วงนี้ยิ้มบ่อยขึ้นกลับกลายเป็นบึ้งตึงและเมินเฉย

            อยากเอ่ยปากขอโทษ แต่ทิฐิที่มีอยู่ทำให้กัดปากไม่เปล่งเสียงอะไรออกไป ยิ่งมือหนาที่บีบแขนแทบแหลกคามือแล้วด้วย คนตัวโตไม่มีท่าทีจะหยุดเดิน เขาลากผมขึ้นห้อง ผ่านสายตาของป้าบัวที่จ้องมองอย่างห่วงใย แต่ไม่กล้าเข้ามายุ่ง

            “จะทำอะไรนะกัน!” ผมร้องเสียงหลง เมื่อคนตัวโตขึ้นมาถึงห้องแล้วเหวี่ยงผมลงเตียงทันที

            “ทำร้ายกันเกินไปแล้ว” คำพูดแผ่วเบาอ่อนระโหง ต่างกับกิริยารุนแรงสิ้นเชิง กันค่อมตัวผมไว้ ขาสองข้างเบียดเข้ามาตรงกึ่งกลาง มือหนาล็อกมือผมแน่นกับเตียง

            “ปล่อยผมนะกัน! คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”

            แทนคำตอบ คนตัวโตกลับบดเบียดริมฝีปากลงมาทาบทับ ผมดิ้นหนี จูบที่รุนแรงและก้าวร้าว ที่ผ่านมากันไม่เคยเป็นแบบนี้ เขากดใบหน้าผมไว้ด้วยจูบดุดัน มือหนาที่ล็อคแขนผมไว้เลื่อนมาปลดกระดุมที่ละเม็ดๆ พร้อมๆ กับเรียวลิ้นที่ตวัดเล่นในปากอย่างดุดัน

            ผมทุบไหล่กันปึกๆ แต่มันไม่ได้ผล กันยังคุกรุกล้ำอย่างอุกอาจ มือหนาถอดเสื้อผมออกไปได้สำเร็จ ผมกลัว...กับสิ่งที่กันกำลังจะทำ ความรู้สึกหวาดผวา และกลัวผู้ชายที่กำลังบ้าคลั่งคนนี้ ผมเฝ้าถามคำถามกับตัวเองในใจ

            กันที่ดูแลผมมาตลอดหายไปไหน...

            กันที่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนอยู่ที่ไหน...

            กันที่เคยบอกรักผมอย่างอ่อนโยน เขาอยู่ส่วนไหนของจิตใจชายคนนี้...

            เมื่อความอดทนและอดกลั้นหมดสิ้น ผมร้องไห้โฮ ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินผ่านร่องแก้ม มองคนตัวโตที่กำลังจูบผมอย่างรุนแรงผ่านม่านน้ำตา

            ...กันผงะไปเมื่อเห็นน้ำตาผม ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า...แววตาสีดำเข้มนั้นเจือแววเจ็บปวด

            กันผละไปแล้ว แต่ร่างกายเขายังทาบทับตัวผมอยู่ ผมไม่อยากจะดิ้นหนี ความรู้สึกในตอนนี้มันเจ็บปวดมากจริงๆ คนที่ผมคิดว่าเขา เป็นคนดี กำลังจะข่มขืนผมอยู่

            ถึงผมจะเป็นเมียเขาตามกฎหมาย แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับผมแบบนี้! เขาไม่มีสิทธิ์ทำกับผม

            “ขอร้อง อย่าร้องไห้เลยนะ” คำพูดแผ่วๆ จากคนที่แสดงกิริยาป่าเถื่อน กันเอานิ้วมาถูตรงร่องตาผมเบาๆ น้ำเสียงของเขาเหมือนคนอัดอั้นอะไรสักอย่าง

            “ผมจะร้อง! ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม เอาซี้ อยากได้ร่างกายนี้ก็ตามสบาย ใช้กำลังบังคับผม เอาสิ!” คำพูดเหมือนคนสำนึกผิดจุดชนวนความโมโหของผม ผมรวบรวมความกล้า ท้ายคนตัวโตที่แน่นิ่งไป

            ถ้ากันจะทำจริงๆ ...ผมคงหนีไม่รอด

            แต่ผมจะประกาศกร้าว สิ่งที่เขาได้ไป มันก็เพียงแค่ร่างกาย...

            ซึ่งผมไม่เต็มใจ!

            ...กันทำในสิ่งตรงข้ามกับความคิดผม เขาผละตัวออกไป ทรุดลงนั่งข้างเตียง มือข้างหนึ่งกุมขมับ นั่งกับพื้นด้วยท่ายันเข่าข้างหนึ่งไว้ เมื่อคนตัวโตผละไป ผมก็ก้มหน้า ปล่อยให้น้ำตาไหลผ่านร่องแก้มเรื่อยๆ คิดถึงพี่อาร์ม...ที่ป่านนี้เป็นยังไงก็ไม่รู้ นึกสมเพชตัวเอง ที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา

            ผมร้องไห้ สำนึกในของจิตใจทำให้ผมร้องออกมาอย่างสุดกลั้น ผมทำผิดกับกันไว้ทุกๆ อย่าง ผมเห็นแก่ตัว ผมเอาเปรียบเขา ผมแหกหน้าเขาด้วยการคลอเคลียกับพี่อาร์มต่อหน้าต่อตาเขา

            ผมทำผิดกับกันอย่างไม่น่าให้อภัย...

            ทว่าสิ่งเล่านั้นมันก็ไม่อาจลบล้างการกระทำของกันที่มีต่อผมในวันนี้ได้! บังคับ และยังทำร้ายพี่อาร์มอีก...

            ผมเกลียดกัน! ...ประกาศกร้าวกับตัวเองในหัว แต่กลับซบหน้าตัวเองลงฝ่ามือ ร้องไห้ออกมาสุดเสียง

            ผมต่างหากที่เป็นคนผิดต่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

            “ฮึก...มันเจ็บจนจะช้ำใจตายอยู่แล้ว” เสียงแผ่วที่มาพร้อมเสียงสะอื้น ...ไม่ใช่ผม

            กันก้มหน้าซบเข่า ผมเห็นไหล่เขาสั่นสะท้านขึ้นน้อยๆ เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้ผมรู้ว่าเขาร้องไห้อยู่

            “ทั้งๆ ที่รักมาก ข ขนาดนี้ ทำไม ทำแบบนี้...ฮึ...ยอมมาตลอด ข ขอแค่ไม่เห็นกับตาตัวเอง...ทำไมถึงทำแบบนี้” คำพูดแทบไม่ได้สรรพ เพราะเสียงสะอื้นกลบไว้ ผมที่ร้องไห้อยู่แล้วยิ่งร้องหนักกว่าเก่า

            ต่างคนต่างร้องไห้...หัวใจหนักอึ้งเหมือนถูกหินทับ

            หาทางออกไม่เจอ...สักที

 

                                                                     >W e d d I n g<

 

            คืนนั้น ความอึดอัดระหว่างผมกับกันจบลงด้วยการที่ป้าบัวเคาะประตูเรียก และแจ้งข่าวน่าตื่นตระหนกให้ผมได้รับฟัง

            พ่อของผม...ล้มหัวกระแทกพื้น...อาการตอนนี้ คาดว่าจะเป็นเจ้าชายนิทรา...

            “ฮ่ะ ฮ่ะ” ผมหัวเราะออกเหมือนคนสติหลุด มองพ่อตัวเองผ่านกระจก ท่านนอนหลับอยู่บนเตียง

            ผมแค่นหัวเราะ ข้างๆ ผมเป็นพี่ชายในสายเลือด พี่อาร์มร้องไห้อย่างหนัก ตาบวมช้ำ เมื่อมาถึง พี่อาร์มกอดผมแน่นและพร่ำคำขอโทษ ส่วนกัน เขายืนอยู่ด้านหลังผม นัยน์ตาที่แดงช้ำเหมือนกันแต่สาเหตุการร้องไห้แตกต่างสิ้นเชิง

            พี่อาร์มบอกผมด้วยเสียงสะอื้น พี่อาร์มกับพ่อทะเลาะกันเรื่องผม พ่อเข้ามายกมือจะตบพี่อาร์ม แต่อยู่ๆ ท่านก็มีอาการเหมือนเข่าทรุด ล้มลงไป และที่ร้ายแรงกว่านั้น พ่อหัวกระแทกขอบซีเมนท์ ที่เขาโบกขึ้นเพื่อไว้วางของ ตอนนี้พ่อนอนสลบ ไม่ได้สติ

            ผมรับฟังพร้อมน้ำตาที่วันนี้มันไหนออกมาไม่หยุด

            ผมทำกรรมอะไรไว้ ทำไมชีวิตผมมันถึงได้เป็นแบบนี้

            ผมทรุดลงกับพนังเก้าอี้ ร่างกายเหมือนหมดแรงยืน

            วูบ...อ้อมกอดแผ่วๆ จากคนที่เงียบมาตลอด กันกอดผมแน่นต่อหน้าพี่อาร์ม เหตุการณ์ที่ประดังประเดเข้ามาทำให้ผมร้องไห้โฮไม่สนใจใคร กันกอดผมไว้อย่างอบอุ่นและปลอบประโลม อย่างน้อยเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตผมก็ยังมีเขาอยู่เคียงข้าง บีบมือและให้กำลังใจ

            เขาไม่ใช้คนรักของผม เกือบทำร้ายผมอย่างไม่น่าให้อภัย และ...กันไม่ใช่พี่อาร์มที่คุกเข่านั่งร้องไห้ตรงหน้า...สภาพไม่ต่างจากผมสักนิดเดียว

 

                                                                 >W e d d I n g<

 

            ผมมาทำงาน สอนหนังสือ เป็นวัฎจักรเดิมๆ แต่ที่เปลี่ยนคือผมต้องไปหาพ่อทุกเย็น...นี้ผ่านมากี่เดือนแล้ว ผมไม่ได้นับสักนิด

            เวลาไหลผ่าน เชื่องช้า คนที่รัก คนที่ห่วงมาตลอดก็หายหน้าหายตาไป ทั้งๆ ที่เวลานี้ผมควรจะอยู่กับเขามากที่สุด...พี่อาร์มหายไปไหนไม่รู้ งานที่บริษัทเครือสิยะสงศ์กันก็รับไปดูแล

            จากที่ผมห่วงมาก จนแทบสติแตก ก็กลายเป็นเฉยๆ กลับกัน ตอนนี้ข้างกายเป็นผู้ชายอีกคนที่คอยห่วงใยเสมอมา

            “อาทิตย์นี้พี่ไปเฝ้าคุณนิรุธเป็นเพื่อน” คำบอกจากคนตัวโต ผมพยักหน้ารับเบาๆ

            “แวะกินข้าวที่แคนทีนโรงพยาบาลเลยแล้วกัน” ผมบอกกัน

            กันพยักหน้ารับ เขาเดินไปบอกป้าบัวไม่ต้องทำอาหารเย็น ทุกอาทิตย์ผมต้องไปเฝ้าพ่อ นอนกับท่านคืนหนึ่ง แม้งานสอนเด็กจะลำบาก และเหนื่อย แต่ผมก็สามารถปลีกเวลามาดูแลพ่อได้ พ่อซูบลงไปมาก ร่างกายที่เคยแข็งแรงบัดนี้ซูบผอมจนน่าเวทนา

            อาหารที่ได้รับก็ต้องให้ผ่านสายยาง...

            “นิ่ม...คุณนิรุธต้องฟื้น พี่เชื่อ”

            ผมยิ้มให้กัน อย่างขอบคุณ ลืมอดีตที่ผ่านมา ลืมความบาดหมางทั้งหมด เพราะผมเหนื่อยเกินจะแบกรับทุกสิ่ง เหตุการณ์ในชีวิตผมมันหนักหนาจนไม่อยากแบกรับมันไว้ทั้งหมดคนเดียว

สถานะของผมกับกัน มันคืออะไรผมไม่ทราบ

            แต่เหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตที่ผ่านมา

            ทำให้ผมรู้ว่า...เขาไม่เคยทิ้งผมไปไหนเลย
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 21-04-2014 18:24:46
 ตอนที่ ๑๗ : รักที่ถูกกีดกัน

                เวลาผ่านไปเรื่อย ผมในสภาพที่ปล่อยวางเรื่องเกือบทุกอย่างได้แล้ว ตอนนี้ก็เริ่มสนิทกับกันมากขึ้น ผมจะปฏิเสธเขาได้ยังไง ในเมื่อเข้าดีกับผมทุกอย่าง คนนิ่งๆ ที่ไม่ค่อยแสดงความห่วงใยออกมาแต่ทุกการกระทำที่ทำบ่งบอกชัดว่าเขารักผมมากเพียงไร

                ...หากเป็นเมื่อก่อน ผมคงปฏิเสธความคิดนี้ และไม่ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่กันทำให้ แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะคิดอะไรอีกแล้ว ผมรู้แค่ว่า ผมอยู่กับกัน ผมมีความสุข

                ผมอาจจะล้าเกินไปที่จะไล่ตามความรักของตัวเอง

                แต่มันคงไม่ยากอะไรกับการยอมรับความรักที่อยู่ข้างกาย...

                “ซื้อเสื้อยืดไหม ในตู้พี่มีแต่สูทกับเสื้อเชิร์ตเองนะ” ผมเปิดประเด็น วันนี้ผมกับกันมาเดินซื้อของใช้ส่วนตัวกันครับ หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล

                “อืม” คำตอบสั้นห้วนตามสไตล์

                “เอาตัวนี้นะ” ผมหยิบเสื้อยืดที่สกรีนลายหนุมานมาทับตัวกัน

                “พี่ใส่ได้หมด ถ้านิ่มชอบ” พนักงานเริ่มหันมามองพวกเราแปลกๆ ผมหน้าแดงนิดๆ

                ผมเลือกซื้อของให้กันตามใจชอบ เหมือนเป็นวันผ่อนคลาย กันเคียร์งานยุ่งๆ และหาเวลามาเดินซื้อของเข้าบ้าน ผมก็ซื้อพวกของใช้ ยาสระผม สบู่เอ่ย แป้งอะไรพวกนี้ ความจริงอันนี้เป็นหน้าที่ของป้าบัว แต่ผมอยากชวนกันมาเที่ยวบ้าง อย่างน้อย เขาจะได้หายเครียดจากงาน

                หลายๆคนคงคิดว่าการที่เรามีเงิน มีงานทำเยอะๆ มันมีความสุข แต่สำหรับผมมันไม่ใช่เลย ทุกวันนี้การที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันทำให้รับรู้ว่าเขาเหนื่อยแค่ไหน เขาทำงานหนัก ไหนก็มาห่วงเรื่องผมอีก

                และวันนี้ก็พิเศษอยู่นิดหน่อยคือแขกไม่ได้รับเชิญอยู่ๆก็โพล่มาตอนเรากำลังนั่นทานโออิชิ ราเมน

                ครืด...เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังจากฟังตรงข้าม ผมที่ตาจ้องเมนูที่อยู่ในมือกันรีบเงยหน้าขึ้นทันที

                “พิช? คุณเปรม?” ผมเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ เห็นพิชว่าตกใจแล้ว แต่เห็นคนที่มาด้วยยิ่งตกใจยิ่งกว่า

                เปรม...เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เคยเจอในคราวนั้นกับคุณพร้อมไทนั่งหน้าซีดอยู่ตรงหน้าผม ที่น่าสงสัยยิ่งกว่าคือข้อมือหนากำยำของพิชจับมือเล็กๆนั่นแน่น

                “โลกมันแคบจริงๆ เอ้า ไอ้หนูบอกเรื่องนั่นให้ไอ้กันกับนิ่มฟังสิ” เปรมอึกอัก ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดเผือด

                “มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามขึ้น

                “เอ่อ คือ...” เมื่อเห็นคนร่างโปร่งไม่พูดขึ้นมาสักที พิชที่อารมณ์ร้อนอยู่แล้วก็ตบโต๊ะดังปัง คนทั้งร้านหันมามองเป็นจุดเดียว ผมตกใจ แต่นั่นยังไม่เท่าคำพูดที่ออกมาจากปากคนตัวโต

                “พี่ชายนิ่มรถคว่ำ สปอร์ตคันหรูสีแดงเละไม่เป็นท่า เมื่อเดือนก่อน”

                อะไร

                “อะไร” เสียงที่เปร่งออกไปมันไม่ดังเลย แต่มันแหบแห้ง และจุกอยู่ที่คอ ใจผมเริ่มเต้นรัว มือที่วางอยู่ข้างกายจิกแน่น

                “พี่อาร์มเป็นอะไร เขาอยู่ที่ไหน” จำได้ว่าความรู้สึกในตอนนั้นมันทรมานมาก รู้สึกกระวนกระวายกับคำตอบที่ได้รับ

                “เขาแค่ความจำเสื่อม” คำตอบเบาๆ ออกมาจากปากคุณเปรม

                “...” ความรู้สึกเครียดในตอนแรงจางหายไป

                ผมห่วงพี่อาร์ม...ถึงยังไง เขาก็เป็นคนรัก...

                คนรัก...ผมยังจะใช้คำนี้ระหว่างเราได้อยู่ไหมนะ...

                มันเหมือนบทละคร เหมือนชีวิตเล่นตลก คำพูดของของคุณเปรมยิ่งตอกย้ำว่าการที่พี่อาร์มหายตัวไปนั่นเพราะเขาประสบอุบัติเหตุ ความจำเสื่อม ผมอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข ปรับความเข้าใจกับกันดูแลพ่อไปพลาง ในขณะที่พี่อาร์มไม่เหลือใคร

                ผมควรจะทำยังไงดีนะ...

                แรงบีบหนักๆที่ข้อมือฉุดรั้งสติที่กำลังตะเลิด ผมหันมามองกัน เขามีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้ผม แต่ทว่าในความตึงเครียดมือหนาที่บีบแน่นไม่ยอมปล่อย...กันให้กำลังใจผม

                “ทำไมคุณไม่มาบอกผม” ผมถามชายหนุ่มสูงเพียวตรงหน้า อยากกระชากคอเสื้อมาและตะโกนถามดังๆด้วยซ้ำ

                “คุณมีท่านประธานกิตติรันต์เป็นสามีอยู่แล้วนี้ อีกอย่างผมดูแลพี่อาร์มได้” ร่างสูงเพียวตอบอย่างเชิดๆ

                “นายเป็นอะไรกับพี่อาร์ม!” ผมถามสะบัดมือกัน กระชากคอเสื้อของคนตรงหน้า

                “ผมหวังดีกับพี่อาร์ม อย่าคิดว่าคนอื่นเขาไม่รู้เรื่องของคุณ...หึ จับปลาสองมือ น่ารังเกียจ”

                คำพูดตอกย้ำ เหมือนโดนต่อยด้วยหมัดหนักๆ 

                  “นายไม่เข้าใจ!”

                 “ที่เป็นแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องมายุ่งวุ่นวายกับพี่อาร์มอีก เขาแค่ความจำเสื่อม ไม่ได้พิการ พี่อาร์มดูแลตัวเองได้...บอกตรงๆนะคุณนิ่ม พี่อาร์มคงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ถ้าไม่มีคุณ”

                ผมไม่อยากจะทน!

                 คนตรงหน้าพูดอะไรออกมากัน...ผมนะน่ะ ผมน่ะ ไม่ใช้ตัวถ่วงพี่อาร์มนะ ผมนะเป็น...

                “ฉันเป็น...!” คำพูดที่จะประกาศกร้าวแสดงความเป็นเจ้าของคนรักถูกหยุดไว้กะทันหันเมื่อผมยังไม่ลืมว่าข้างหลังผมมีใครที่ยืนอยู่

                 “จะพูดอะไรเกรงใจคนข้างหลังคุณเถอะ” คนตัวสูงกว่าโต้กลับอย่างไม่ลดละ

                เปรม...คนที่พี่อาร์มเคยช่วยเหลือเรื่องการเงินเมื่อคราวนั้น เขากำลังทำให้ผมรู้สึกหึง ในขณะเดียวกันก็ตอกย้ำแผลเป็นข้างในหัวใจ

                กัน...ผมสบสายตานิ่งเรียบของเขาที่ตอนนี้มันออกจะไร้ความรู้สึก

                “เปรม! พูดอะไรเกรงใจนิ่มบ้าง” พิชพูดเสียงดุ ชายตัวโตร่างยักษ์คงเห็นผมหน้าซีดอยากร้องไห้เลยออกโรงปกป้อง แต่นอกจากคำพูดเชือดเฉือนของเปรมที่ทำร้ายผมอย่างสาหัสแล้ว มันคงเป็นความจริงในคำพูดนั้นที่เป็นสิ่งย้ำเตือนการกระทำเลวทรามของผม

                “ทบทวนสิ่งที่คุณทำให้ดีเถอะคุณนิ่ม คุณรักพี่อาร์มจริงก็ควรให้เขามีความสุขที่แท้จริง…สักที”

                “โว้ย...เปรม ทำไม...แมร่ง” พิชสบถดังลั่นก่อนขอตัวกลับโดยลากชายร่างสูงไปด้วย

                ผมเห็น...สายตาของเปรม เขามองมาที่ผมอย่างตำหนิ ดูแคลน

                “กลับบ้านเถอะ” คำพูดห้วนสั้น

                ผมพะวักพะวนอยากไล่ตามเปรมไปเพื่อถามที่อยู่ของพี่อาร์ม เป็นห่วงจนอยากจะบ้า แต่กัน...ผมไม่อยากทำให้เขาเสียใจไปมากกว่านี้

                ทั้งที่คิดแบบนั้นขากลับก้าวตามแผ่นหลังกว้าง แต่หัวใจมันเจ็บปวดจนแทบจะทานทน
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 21-04-2014 18:35:44
ดราม่าโคตร :sad4:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 21-04-2014 18:52:38
ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส

                ผมอยากหย่า

                ถ้าหากผมกล้าพูดคำนั้น มันคงทำร้ายจิตใจของกัน ผมพิงใบหน้ากับกระจกรถ หลับตาลง คำสัญญาของคนรักลอยเข้ามาในหัว

                ‘หย่ากับผู้ชายคนนั้นให้ได้ภายในครึ่งปีนี้ ส่วนพี่จะทำงานเก็บเงินให้มากที่สุด เราจะหนีไปต่างประเทศด้วยกัน’

                อุปสรรคมันมากมายเหลือเกิน ผมไม่ต้องการทำให้ใครเจ็บปวด แต่ทำไมผมต้องทนด้วย ทำไมผมต้องแคร์ความรู้สึกกัน ทำไมการที่ผมมั่นคงกับคนรักมันถึงทำให้ผมรู้สึกผิด

                นั้นคงเป็นเพราะ ‘ทะเบียนสมรส ’

                กระดาษแผ่นเล็กๆที่ตีตราร่างกายนี้ พันธนาการรักไว้ด้วยคำว่าศีลธรรม

                “เลิกรักมัน...ได้ไหม”

                เสียงเครื่องยนต์รถดับสนิท ผมได้ยินชัดเจน กันจับมือผมที่วางบนที่พิง มือของกันเย็นชืด ผมมองหน้าเขา ไม่ได้หลบตา

                “คุณเลิกรักผมได้ไหมล่ะ...ปล่อยผมไปหาคนที่ผมรัก คนที่ผมรักจริงๆ” ถามกลับเสียงแข็งพร้อมย้ำเตือนตัวเองด้วยคำพูด

                “เราแต่งงานกันแล้วนะนิ่ม” คนตัวโตกว่าพูดเสียงเว้าวอน

                “...ผมไม่รู้” ...ไม่รู้จะตอบเขายังไง

                ก๊อก ก๊อก

                เสียงเคาะกระจกรถ เป็นไอรยา ผมเปิดประตูออกจากรถยิ้มทักทายไอรยาเล็กน้อย รีบเดินเข้าบ้าน...ผมลืมไปได้ยังไง กันมีไอรยา หญิงสาวที่เพียบพร้อมทุกอย่าง

                กึก

                ขาที่ก้าวเดินหยุดชะงัก กันวิ่งมากอดผมแน่น

                “รักนิ่ม...รัก” คำพูดแผ่วเบาข้างหูกับสัมผัสอบอุ่น ผมน้ำตาไหลทะลัก

                “ทำอะไรนะกัน!” เสียงหวานของไอรยากรีดร้องดังไล่หลัง ผมแกะข้อมือหนาที่รัดเอวแน่น ผลักร่างสูงด้วยแรงทั้งหมดที่มี

                ไอรยาวิ่งมาหาพวกเราด้วยใบหน้าซีดเผือด

                “หย่ากับผมนะกัน ผมขอโทษทุกอย่างที่ผ่านมา” ตัดสินใจพูดคำนั้นออกมาจนได้ ผมยกมือปิดปาก สะอื้นฮึกฮัก หันหลังวิ่งเข้าบ้าน

                ไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้น

                อยากวิ่งหนีจากปัญหา 

                “ไปกับไอนะกัน” ไอรยาพูดกับเพื่อนชายที่ยืนนิ่ง สายตากันว่างเปล่า หญิงสาวรู้ดี กันกำลังเจ็บ ไอรยาก็เจ็บ แต่เจ็บใจที่คนที่กันรักไม่ใช่เธอ!

                “อย่ามายุ่ง” กันเค้นเสียงตอบ เขาจะไปตามนิ่ม อ้อนวอนนิ่ม ขอความรักจากคนที่รัก

                “ไม่! เลิกบ้าสักทีกัน นายจะยื้อความรักบ้าๆนี้ไปทำไม! นายเคยหันมาสนใจไอบ้างไหม ไอคนที่รักนายมาตลอด!” ไอรยาตะโกนใส่หน้ากัน หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่มแน่น

                “ฉันรักนิ่ม ฉันไม่เคยรักเธอ ไอรยา” กันตอบไอรยา ผลักร่างบางจนเซ

                “รัก...คำนี้มันต้องใช้ใจของคนสองคนมันถึงจะเรียกรักได้ มีแค่ใจดวงเดียว ความหมายมันก็ไม่สมบูรณ์...กันจะทนอยู่กับความเจ็บปวดไปทำไม...ทั้งๆ ที่...ทั้งๆที่นิ่มไม่เคยรักคุณ...กัน...คุณมันโง่!”

                “งั้นเธอก็ออกไปจากชีวิตฉันซะไอรยา เธอจะได้เลิกโง่สักที!” กันตวาดใส่ไอรยา

                เพียะ!

                “ศักดิ์ศรีคุณมันหายไปหมดแล้วกัน! คุณมันน่าสมเพชไม่ต่างกับฉัน คุณจะไม่มีวันได้รับความรักจากนิ่ม” ใบหน้าคมหันตามแรงตบ

                ไอรยาพละจากไปพร้อมความโกรธ กันคว้าตุ๊กตาดินเผาหน้าบ้าน ปามันลงพื้นอย่างแรง

                “โธ่โว๊ยย!!!”

 

                                                                    >W e d d I n g<

                สวบ

                เตียงนอนอีกข้างยุบลงตามน้ำหนักคนทิ้งตัวนอน ผมนอนหันหลังเหมือนเดิม กันใช้มือหนาโอบเอวผมผ่านผ้าห่มหนา ใบหน้าเขาเกือบแนบชิดใบหู

                “พี่ไม่มีวันหย่ากับนิ่ม” คนตัวโตกว่าพูดเสียงหนักแน่น มือหนากอดรัดรอบเอวผมแน่นกว่าเดิม

                “จะยื้อไว้ทำไม...วิวาห์ที่เกิดขึ้นเพราะความไม่เต็มใจ พี่ไม่ควรยึดติดกับมัน”

                “นิ่มไม่สงสารพ่อของนิ่มบ้างหรอ” คำพูดของกันเหมือเข็มทิ่มแทงกลางใจ

                พ่อ...ที่นอนไม่ได้สติอยู่โรงพยาบาล

                ผมทำสิ่งที่ผิดกับพ่อมากจนเกินให้อภัย

                “ฮึ...แล้วจะให้นิ่มทำยังไง...พี่กันคิดว่านิ่มมีความสุขนักหรือไงที่เป็นแบบนี้ มันเจ็บจนแทบบ้า ตรงนี้...” ผมจับมือหนาแนบหน้าอก รู้สึกจุกที่อก

                “ลืมมัน และเปิดใจรับพี่เข้าไปข้างใน” กันพูดอย่างเห็นแก่ตัว

                “พี่จะทนได้หรอ...ในเมื่อผมไม่เคยรักพี่” ผมถามคำถามแย่ๆ

                “พี่สัญญา..พี่จะทำให้นิ่มรักพี่”

                อ้อมกอดแสนอบอุ่นกับคำสัญญาที่หนักแน่น...จะผิดไหม...หากความเจ็บปวดที่ผมกำลังแบบรับตอนนี้ทำให้ผมอยากลืม...อยากโยนปัญหาต่างๆนั้นทิ้งและวิ่งเข้าหาที่พักพิงแสนอบอุ่นและมั่นคง

                                                                    >W e d d I n g<
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๔ : หัวใจไม่รักดี)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-04-2014 19:18:38
ถึงจะหมั่นไส้เปรมนิดหน่อย

แต่เป็นอย่างนี้คงดีกับทุกฝ่าย

คิดว่านะ :mew2:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-04-2014 19:25:21
เปรมทำไมมันน่าหมั่นไส้นักว่ะ :z6:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 21-04-2014 20:36:12
ปล่อยให้พี่อาร์มเขาความจำเสื่อมไปเถอะนะจ๊ะนิ่ม  :mew4:
ทั้งนิ่ม พี่อาร์ม กันเองจะได้ไม่มีใครทุกข์ใจอีก รวมพ่อของนิ่มด้วย ไอก็ปล่อยไปตามทางของเธอละกันนะจ๊ะ  :laugh:
ห้ามหย่ากับกันนะ พ่อพระเอกขรึมของเดี้ยนน่าสงสาร  :ling3:

หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 21-04-2014 20:59:47
อึนมากค่ะ เรื่องนี้ แต่ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 21-04-2014 21:30:55
สงสารทุกคนเลย   :hao5:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 21-04-2014 21:35:23
ตัดใจจากพี่อาร์มเถอะนะนิ่ม รักพี่กันดีกว่า พี่กันเค้าน่าสงสารนะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 21-04-2014 21:44:47
 :o12: :o12: โอยยยย....ทำไมมันเศร้าอย่างนี้  :m15:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-04-2014 21:56:45
อาจจะดีจริงๆน่ะให้เปรมดูแลอาร์มเถอะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 21-04-2014 22:11:08
 :mew1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: Feporchz ที่ 21-04-2014 22:57:15
เปิดใจให้พี่กันเถอะนิ่ม  :hao5:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 21-04-2014 23:29:28
ตอนแรกที่พี่อาร์มหายไป แอบดีใจ หวังว่าคงจะไปอยู่กับเปรม
พอรู้ความจริงว่าเกิดอุบัติเหตุ เริ่มสงสารขึ้นมา
อ่านไปก็ลุ้นให้พี่อาร์มทำผิดกับนิ่มสักเรื่อง จะได้เชียร์กันได้อย่างสนิทใจ
แต่ถ้าทำผิดเพราะความจำเสื่อม คนที่น่าสงสารมากที่สุดคงเป็นอาร์ม

ข้อแก้ไขคำศัพท์ค่ะ
ปฎิเศษ > ปฏิเสธ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 21-04-2014 23:43:15
ข้อแก้ไขคำศัพท์ค่ะ
ปฎิเศษ > ปฏิเสธ
บอกพิกัดได้ไหมค่ะ = = คำนี้แก้ไปหลายบทแล้ว แต่อาจมีอันที่หาไม่เจอ
 :sad4:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 21-04-2014 23:56:53
โอ้ จริงด้วย  ว่าแล้วคุ้นๆ  เพราะลงเด็กดี

นิ่มตัดใจจากอาร์มเถอะ  รักกันดีกว่า
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 22-04-2014 00:09:15
บอกพิกัดได้ไหมค่ะ = = คำนี้แก้ไปหลายบทแล้ว แต่อาจมีอันที่หาไม่เจอ
 :sad4:

ตอนที่ 17 บรรทัดแรกสุดท้าย กับบรรทัดที่ 3
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 22-04-2014 00:52:45
ถอนหายใจไปหลายเฮือก และเฮ้อไปอีกหลายครั้ง แต่สนุกมากเลยคะ

และนั้นคือทางออกของเรื่องนี้ใช่รึเปล่า  ลุ้นจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 22-04-2014 01:04:37
อ่านไปร้องไห้ไป คนเขียนทำเราตาบวม  :m15:

ใจเราเชียร์กันค่ะ และก็เข้าใจด้วยว่านิ่มลำบากใจม๊่กกกก กับการต้องเลือกคนใดคนนึง

เพิ่งเจอเรื่องนี้ ตามอ่านรวดเดียวจนจบ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: piing fuen ที่ 22-04-2014 02:01:44
นิ่มเห็นแก่ตัวไปนะ คิดจะมองแต่ความรู้สึกตัวเอง ไม่มองความรู้สึกคนอื่นเลย แม้กระทั่งคนเป็นพ่อ ให้กำเนิดเลี้ยงดูมา บอกเลยว่าเลว มีลูกอย่างนี้ ไม่มีดีกว่า
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 22-04-2014 11:12:00
ไอคงทำอะไรไม่ดีๆต่อไปแน่ๆ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 22-04-2014 13:53:36
อึน...หน่วงโคตรๆ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 24-04-2014 02:17:55
แต่ละตอน ดราม่าได้อีก
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 24-04-2014 09:39:55
บอกพิกัดได้ไหมค่ะ = = คำนี้แก้ไปหลายบทแล้ว แต่อาจมีอันที่หาไม่เจอ
 :sad4:

มาช่วยบอกเพิ่มค่ะ

บทที่ 12

อาจฟังดูว่าผมมันน่ารังเกียจ แต่ส่วนลึกในใจปฎิเศษไม่ได้ว่า กันเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ถ้าหาก ผมไม่รักพี่อาร์มมาก่อน กันอาจเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมหลงรัก

บที่ 15

“อีกแค่เดือนเดียว เราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะครับ” คนพูดใช้ริมฝีปากคลอเคลียที่ใบหู ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังยิ้มดีใจ ทว่าส่วนลึกในใจปฎิเศษไม่ได้ ผมกำลังเสียใจต่อการกระทำของตัวเอง
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: thaibuff053 ที่ 24-04-2014 11:09:43
อยากบอกว่าคนแต่งๆเก่งมากนะ
แต่เค้ารับไม่ได้ อ่านจนถึงตอน คาตา
บีบหัวใจมากเลย

เค้ารับเรื่องไร้ศีลธรรมไม่ได้นะ พระเอกโดนสวมเขา
นางเอกยังทำเหมือนไม่คิดถึงใครคิดถึงผลที่จะต้องออกมา
ไม่คิดถึงพ่อ ไม่คอกถึงครอบครัว นางเอกเห็นแก่ตัวมาก

เค้าเลยเลิกอ่าน ลาก่อน

สงสารพระเอกมากๆ งือๆ อิตอนทายาที่รอยดูด โคตรเศร้าเลย
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 24-04-2014 12:38:59
เศร้า .................    :mew2:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-04-2014 13:26:04
เศร้าได้ใจมากเลย

แต่คำผิดส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องวรรณยุกต์นะคะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: akira334 ที่ 24-04-2014 14:20:32
อ่านไปอ่านมาเริ่มไม่ชอบนิ่มแฮะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 24-04-2014 14:27:39
ทางออกจะเป็นเช่นไร
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 24-04-2014 15:22:45
มันสงสารไม่สุด เกลียดไม่ลง เฮ้อ.....เพลียจริง
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 24-04-2014 15:23:29
สนุกอ่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๘ : ฉวยโอกาส)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 24-04-2014 17:03:47
ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม

                กี่วันแล้วที่พ่อนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว ถามอาการหมอคำตอบก็ชวนให้ใจสั่น คำตอบที่ได้รับคือพ่อมีความเสี่ยงเป็นอัมพาตครึ่งซีก ถ้าพ่อรู้สึกตัว พ่ออาจจะเดินไม่ได้ไปชั่วชีวิต หรือทำไม่ได้แม้กระทั้งช่วยเหลือตัวเอง

                ผมเกลียดพ่อ...เกลียดพ่อที่ไม่เคยยอมรับในรักผมของผม

                แต่ในสถานะของคนเป็นลูก การเห็นพ่อนอนแน่นิ่งบนเตียงคนไข้ มันไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำใจยอมรับ

                ...มันคงเป็นวิบากกรรม…เวรกรรมแต่ชาติก่อนจนชาตินี้...ความเจ็บปวดที่ได้รับ...คงต้องก้มหน้าและยอมรับมันสถานเดียว

                “พ่อ...วันนี้นิ่มทำกุ้งกระเทียมของโปรดพ่อมาด้วย กลิ่นหอมๆของมันคงทำให้พ่ออยากตื่นขึ้นมากิน” ผมพูดกับพ่อน้ำตาร่วงเผาะๆ

                ประตูถูกเปิด ผมปาดน้ำตาทิ้ง กันเดินเข้ามาหาพร้อมกระเป๋าโน้ตบุ๊ก

                “นิ่มฝากพ่อนะ ขอไปห้องน้ำก่อน” ผมบอกกัน ไม่อยากให้เขาเห็นผมในสภาพตาบวมช้ำ

                ห้องน้ำอยู่ฝั่งซ้ายของลิฟต์ ผมใช้น้ำเปล่าล้างคราบน้ำตา หวังว่าความสดชื่อมันจะพัดพาความเศร้าหมองที่เกาะกุมจิตใจออกไป

                ทำธุระตัวเองเสร็จ ขณะจะเดินออกจากประตู เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมชะงักกึก

                “พี่ขอบคุณเปรมมากที่ดูแลพี่” เสียงอบอุ่นที่เคยพร่ำบอกรักผมตลอดเวลา

                ผมจำเสียงของคนรักผมได้...

                ประตูถูกเปิดพร้อมกับการปรากฏตัวของคนสองคน

                พี่อาร์มกับเปรม

                “พี่อาร์ม...”

                “สวัสดีครับ คุณรู้จักผมหรอครับ” รอยยิ้มผูกมิตรของคนตรงหน้าถูกส่งมาให้

                จะเรียกว่าสาสมกับความผิดที่ผมทำไปรึเปล่า

                ความเจ็บปวดจากการที่คนรัก...ลืมเราไป

                ลืม...คำว่ารักที่เคยพร่ำบอกกัน

                ลืม...คำสัญญาที่เคยให้ไว้

                ลืม...ว่าเราเป็นใคร

                ลืม...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราฝ่าฝันมาด้วยกัน

                เปรม...ผมเกลียดมัน!

                “สารเลว!!!” ผมปราดเขาไปหาคนสูงกว่า เปรมผงะ แต่ไม่ทันแล้ว ฝ่ามือของผมตบลงบนหน้าซีดขาวของเปรมจนเป็นรอยแดงเถือก เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก รู้ตัวอีกที่กลายเป็นผมที่ถูกผลักให้ล้มกองกับพื้น  “เจ็บมากไหม?” คำถามแสดงความห่วงใยของพี่อาร์ม เขาไม่ได้ถามผม แต่ถามอีกคน

                เจ็บมาก

                พี่อาร์ม...นิ่มเจ็บมาก เจ็บตรงหัวใจนี่

                แค่พี่ลืมนิ่ม...นิ่มก็เจ็บจนไม่อยากจะทน

                แต่นี้พี่ยังห่วงใยใครคนอื่น ทั้งๆที่คนที่พี่บอกรักมาตลอดห้าปีเต็มนั่งน้ำตาคลออยู่กับพื้นสกปรก...

                “ทำไมเขาต้องทำร้ายเปรมด้วย” สายตาไม่พอใจถูกส่งตรงมา

                ผมร้อง น้ำตาไหลออกมา ไม่มีเสียงสะอื้น

                “คนบ้ามั้ง กลับกันเถอะครับพี่อาร์ม” มือคนสูงเพรียวลูบแก้มที่มีรอยแดง ถูเบาๆอย่างไม่ใส่ใจ ลากคนตัวสูงกว่าออกจากห้องน้ำ

                มองคนรักผ่านคราบน้ำตา แผ่นหลังกว้างที่เลือนลาง

                ผมไม่ยอมให้มันจบแบบนี้หรอก!

                ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี ลุกขึ้นจากพื้น กระโจนเข้าไปกอดพี่อาร์ม

                “พี่อาร์มจำนิ่มได้ไหม นิ่มน้องของพี่ไง คนรักของพี่ไง พี่อาร์ม” ผมถามเสียงเครือ   

                “ทำไมไม่เข้าใจสักที!” ผมโดนผลักอีกรอบ เปรมผลักผมโดยมีสายตาเฉยชาของอีกคนมองมา

                “พ่อคุณก็นอนพะงาบอยู่บนเตียง แต่คุณก็ยังทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้! หึ! อะไรนิดหน่อยรับไม่ได้ เอาแต่ร้องๆๆๆ เห้อ! ถือว่าสงสารพี่อาร์มเถอะ เขาเจ็บปวดกับคุณมามากแล้วคุณนิ่ม กลับไปอยู่กับคนที่รักคุณเหอะ”

                “นายต่างหากที่ทำตัวน่ารังเกียจ! แย่งคนรักคนอื่นไปหน้าด้านๆ” ผมตะคอกกลับ

                “พี่อาร์มเต็มใจอยู่กับผม!” เปรมตะคอกกลับมาเสียงดังไม่แพ้กัน เปรมดึงพี่อาร์มให้หันหลังกลับ

                ผมไม่ยอมหรอก!

                “ไม่ให้ไป! พี่อาร์มลืมนิ่มได้ยัง ลืมนิ่มได้ยังไง!!” ผมกรีดร้องถามพี่อาร์มเสียงดังลั่น ไม่สนใจว่าใครจะได้ยินหรือใครจะมอง

                “เลิกยุ่งกับพวกเราสักที” เสียงที่ตอบกลับแข็งไม่แพ้กัน สายตาเย็นชาที่ชาตินี้ไม่เคยคิดว่าจะได้รับ

                “ฮือ…ทำไมลืมนิ่ม ทำไมจำนิ่มไม่ได้ ฮือออ...” ผมทุบไหล่คนตัวโตพลั่กๆ

                “ชัดเจนพอไหม” คำถามเยาะเย้ย

                “ไม่! พี่อาร์มต้องจำนิ่มได้ นิ่มรักพี่อาร์มนะ...นะ”

                “พอได้แล้ว! ทำไมคุณทำตัวน่ารำคาญแบบนี้!”

                เขาไม่สนใจผม ผลักผมให้สิ้นเรี่ยวแรงกองกับพื้นเหมือนขยะที่ไม่ต้องการ พี่อาร์มเลือนลับหายไปจากสายตาพร้อมกับใครอีกคน

                “ฮือออ...ไม่...ไม่จริง!!!” ผมกรีดร้อง

                มันไม่ใช่ความจริง...

                มันไม่ใช่ความจริง...

                มันไม่ใช่...

                “กลับบ้านเรากันนิ่ม” อ้อมแขนอบอุ่นฉุดรั้งผมขึ้นมาจากพื้นสกปรก มือหนาลูบเบาๆบนศีรษะ กล่าวคำพูดแสนอ่อนโยน 

                “ฮึก...ผมไม่เหลือใครแล้วกัน พี่อาร์มไม่สนใจผมแล้ว พี่อาร์มไม่รักผมแล้ว...ฮือออ”

                “นิ่มยังมีพี่” คนตัวโตกว่าจูบแผ่วเบาที่หน้าผาก

                “วันนี้นิ่มอาจจะร้องไห้เพราะมัน...รักมัน...แต่พี่จะรอ...รออยู่ข้างๆนิ่ม รักนิ่มในวันที่นิ่มเจ็บ...พี่รักนิ่ม”

                หยดน้ำตาที่เคลื่อนไหวถูกปลอบประโลมด้วยความรักที่อบอุ่น ผมไร้เรี่ยวแรงที่จะปฏิเสธ...หลับตาและเลิกคิด...จมอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น มั่นคงและไม่เคยแปรเปลี่ยน

                กระซิบบอกตัวเองแผ่วเบา

                ...ให้รัก...คนที่รักเรา


                                                                   >W e d d I n g<



http://www.youtube.com/watch?v=UCDB74X00_E

คำผิดเจอตรงไหนบอกได้เลยนะค่ะ
ปล. แอบเกลียดเปรมนิดๆ  = =
ปลล.แอบบช็อคกับ #66  ไม่รู้จะปลาบปลื้มหรือจะร้องไห้ดี
 :m15:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 24-04-2014 17:27:21
ต้องทำใจค่ะ
เรื่องแนวนี้มันดราม่า
อาจจะทำใจอ่านได้ยาก
สถานการณ์ทุกอย่างบีบคั้นมาก
ตัวละครไม่ขาวไม่ดำ สีเทากันหมด
ไม่มีใครดีที่สุด หรือเลวที่สุด
ต่างคนก็มีเหตุผลของตัวเอง

คิดเสียแต่งให้คนอ่านอิ๊นอินนนละกันเน๊อะ :laugh:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: jessiblossom ที่ 24-04-2014 18:14:03
ทั้งเปรม ทั้งนิ่ม :z6:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-04-2014 18:31:43
ให้กำลังใจคนเขียนแล้วก็ทุกตัวละครในเรื่องนะคะ
ชีวิตคนก็เหมือนละครนี่แหละค่ะ
เรากำหนดได้บางส่วน แต่หลายๆอย่างเราก็กำหนดมันไม่ได้
บางเรื่องที่เกิดขึ้นอาจดูเหมือนไม่มีเหตุผล ไม่มีใครอยากทำผิด ไม่มีใครอยากจะเป็นคนเลวในสายตาของคนอื่น
แต่ ณ สถานการณ์ของคนคนนั้น ไม่มีใครเข้าใจเขาที่สุดเท่าตัวเขาเองหรอกค่ะ
คนเขียนสู้ๆนะคะ

หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 24-04-2014 19:00:03
ฮือออออออออออออ ปวดใจ สงสารนิ่ม
นิ่มไม่ได้เลวที่รัก เพราะรักห้ามกันไม่ได้
เปรมไม่ได้เลวที่โกหก เพราะเปรมเองก็ทำไปเพราะรัก
พี่อาร์มไม่ได้ผิดที่เปลี่ยนไป เพราะมันเป็นกรรมล่ะมั้ง
กันจ๋า น่าสงสารสุด แต่รักเท่านั้นที่จะทำให้กันทนได้ รอนิ่มได้
นิ่มจ๋าลืมพี่อาร์มเถอะนะ รักคนที่เขาจะรักเราได้ดีกว่า  :mew4:

อิอิ มันอินมากคิดว่าตัวเองเป็นศิราณี คริ!
ขอบคุณนะค้า คนแต่ง  :L2:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-04-2014 20:07:47
พี่กันสู้ๆนะ
 :really2:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 24-04-2014 20:17:52
เปรมเหมือนแอบร้ายยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกเหมือนเปรมนี่อยากได้พี่อาร์มมากๆดูมีความแอบแฝง
ไม่ได้อยากจะเชียร์นิ่มให้กลับมารักพี่อาร์ม แต่นี่เปรมไม่บอกพี่อาร์มเลยว่านิ่มคือน้องชายน่ะ
มันดูแย่
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: Feporchz ที่ 24-04-2014 20:22:40
พี่กันของน้องงงงง พี่ตกมาจากสวรรค์รึเปล่าเนี่ยยยย ถถถถถถถถ เทให้หมดใจเลยๆ  :-[
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 24-04-2014 21:15:15
การกระทำจะพิสูจน์ความจริงใจของนายเอง
แล้วจะชนะใจเขาในที่สุด
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 24-04-2014 21:53:02
กันก็สู้สู้แล้วกันนะเป็นกำลังใจให้เอาชนะใจนิ่มให้ได้
ส่วนนิ่มก็ตัดใจจากพี่อาร์มเถอะเขาไม่ใช่คู่ของเราตั้งแต่แรก เพราะเขาคือพี่ชาย
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 24-04-2014 22:48:52
แล้วยังไง สุดท้ายเปรมได้อาร์ม แต่อย่าลืมว่ายังไงนิ่มก็เป็นน้องชาย การเป็นศัตรูกับคนในครอบครัวคนรักเป็นเรื่องที่โง่มาก
อีกอย่างความลับไม่มีในโลก ถ้าอาร์มรู้ความจริงขึ้นมาตัวเปรมแหละที่จะพัง
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 24-04-2014 23:46:52
พี่กัน เทพบุตรสุดๆอ่ะ

เปรม นายขนาดถึงเนรคุณไปอยู่บริษัทคู่แข่ง ที่เป็นคู่ค้าของคนที่มีบุญคุณกับนายน่ะ

มาหลอกใช้อาร์มหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 25-04-2014 01:24:40
กรี๊ดดดดดดดด มันสั้น  :ruready
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 25-04-2014 01:43:38
ตอนก่อนหน้าี้เรายังคงเข้าข้างนิ่มนะ
แต่ทำไมตนนี้เราเกลียดดมาก รับไม่ได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 25-04-2014 02:26:09
เกลียดเปรมอ่ะ  :fire:
ทั้งทรยศไปอยู่กับคู่แข่ง ทั้งฉวยโอกาสแย่งอาร์มแล้วพูดกรอกหู

อยากให้อาร์มรู้ความจริง พอจำได้ก็ลงโทษมันให้สาสมกับที่เนรคุณ
ไม่อยากให้เปรมคู่อาร์มเลยอ่ะ ถึงจะบอกว่าเปรมรักอาณมถึงทำแบบนี้
แต่แม่งเลวมาก ปากบอกทำเพื่ออาร์มไม่อยากให้อาร์มเจ็บปวด
แม่งทำเพื่อตัวเองชัดๆ เกลียดมันนนนนนนน  :angry2:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 25-04-2014 09:23:57
แบบดราม่ามากเลย สงสารกันมากกอะ
แต่เราว่านิ่มก็รักกันแล้วนะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 25-04-2014 09:38:15
ขอถามคำถามเดียวเท่านั้นค่ะ

เรื่องนี้...จบแฮปปี้มั้ยคะ?

T^T
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: caramely ที่ 25-04-2014 17:46:54
อิเปรมแม่งเลวมากกกกกกกกก  เกลียดมัน :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 25-04-2014 19:23:32
จะเป็นลม ไม่รู้จะสงสารใครดี
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 25-04-2014 21:24:29
น่าสงสารและเห็นใจกันทุกคน  ยกเว้นนังเปรมมมมมมมมมมมมม  :fire:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 25-04-2014 23:30:44
เป็นกำลังใจให้นะคะ

เมื่อก่อน ถ้ารู้ว่าเป็นนิยายรักร่วมสายเลือด จะไม่อ่านทันที
แต่เรื่องนี้ดูแววแล้ว พระเอกไม่ใช่พี่ชาย
ที่ติดตามเรื่องนี้เพราะอยากรู้ว่า
คนแต่งจะทำอย่างไรให้ "นิ่ม" ซึ่งรัก "พี่ชาย" มากๆ แยกจากกัน
ตอนแรกแอบคิดว่าพี่ชายจะนอกใจ แต่มันก็ไม่ใช่กลับแสดงให้เห็นว่ารักนิ่มมาก (ซึ่งเป็นเสน่ห์ ทำให้ยังตามอ่านอยู่)
ตอนนี้ก็เฉลยแล้วว่า "สิ่ง" ที่ทำให้ นิ่มและพี่ชายห่างกันเป็นเพราะอะไร
เมื่อเลือกแนวทางนี้ จะทำให้ นิ่มดูใจง่ายอย่างสมควร (รับรักกัน เมื่อเขามาในเวลาที่เราเจ็บ) และพี่ชายก็ได้รับความเห็นใจ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 26-04-2014 02:44:09
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
อยากอ่านต่ออีกค่ะคุณนักเขียน มาต่อไว้นน้าาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๑๙ : ซ้ำเติม)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 26-04-2014 04:44:15
ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว

                อากาศตอนเช้าฤดูหนาว ไม่ได้เย็นมากอย่างที่คิด อาจเพราะไออุ่นจากคนข้างกายทำให้หน้าหนาวไม่หนาวจนจับจิต ผมพลิกท่านอน สายตามองเห็นใบหน้ายามหลับของกันผ่านแสงอาทิตย์ที่เล็ดลอดเข้ามาตามม่าน

                ใบหน้าคมเนียนใส จมูกโด่ง ร่างกายกำยำ กันหล่อ ปกติผมคิดว่ากันหล่อมากอยู่แล้ว แต่พอมาพิจารณาอย่างจริงจัง กันหล่อแบบแฟมิลี่แมน เขาไม่ได้มีลุคที่ดิบเถื่อนเหมือนพิช หรือลุคเพย์บอยแบบพี่อาร์ม 

                กันเป็นผู้ชายที่อดทนและซื่อสัตย์ และความเป็นกันนั้นมันสามารถทำลายกำแพงหัวใจผมได้อย่างไร้ข้อกังขา

                “อ๊ะ...อุ๊บ!”

                ริมฝีปากถูกจู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ผมมึนงง กว่าจะรู้รสสัมผัสก็ตอนลิ้นหนาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อ ผมใช้มือดันไหล่หนา แต่กันแข็งแรงกว่า เขาโอบรอบตัวผมและยกผมขึ้นไปนอนบนอก ผมกับเขาอยู่ในท่าทางที่ล่อแหลมเลยทีเดียว

                “Morning Kiss” ผมทุบหน้าอกคนตัวโตกว่าไม่แรงหนัก ใครจะรู้ว่าเขาจะรุกเร็วขนาดนี้

                “เฮ้ย! อะไรนะพี่กัน” ผมร้องถามเสียงหลง ไม่ได้ตกใจกับจูบรับตอนเช้า แต่เป็น ‘อะไร’ ที่มันกำลังทิ่มขาผมอยู่ต่างหาก

                “...” กันไม่ตอบผม แต่สายตาที่มองมามันสื่อได้ทุกอย่าง

                กันบ้า!

                “ลุกไปเข้าห้องน้ำเลย!” ผมบอกเขาเสียงดุ หลบสายตาคู่นั่น

                “หึหึ” เสียงหัวเราะในลำคอมันยั่วโมโหผมจริงๆ

                ผมดันหลังคนตัวโตให้ลุกจากเตียง กันขืนตัว ใบหน้าหล่อเหลาโน้มตัวเข้ามาหา ผมเบี่ยงหน้าหลบ กันไม่ได้จูบผมหรอก แต่เขากระซิบแผ่วเบาข้างหูผมต่างหาก

                “อย่าลืมแปรงฟัน”

                พลั่ก!

                หมอนนอนถูกเขวี้ยงโดยมีเป้าหมายคือหัวคนพูด กันยิ้ม ยิ้มมมมมกว้างงงงง จนน่าหมั้นไส้

                “ไอ้พี่กันบ้า!” และผมก็ได้ด่ากันต้อนรับเช้าวันใหม่อันแสนสดใส 

 

                                                                     >W e d d I n g<

 

                วันนี้ผมมีสอนตอนสายๆ ผมเลยไม่ต้องรีบออกจากบ้านเร็วนัก แต่น่าแปลกที่กันก็ไม่รีบแต่งตัวไปทำงานเหมือนกัน

                “วันนี้หยุดหรอครับ” ผมถาม

                “มีนัดพบลูกค้า ออกช้าหน่อย” ผมพยักหน้ารับรู้

                ไม่นานป้าบัวก็ยกสำหรับอาหารมา ผมมองของกินบนโต๊ะ ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ต้มยำรวมมิครทะเล ไข่เจียว ไส้กรอกทอด

                “ป้าบัวกะขุนผมกับพี่กันให้อ้วนเลยหรอครับ”

                “คุณนิ่มอ้วนก็ดีสิค่ะ ช่วงนี้ป้าเห็นคุณนิ่มรับข้าวนิดเดียวเอง” คนสูงวัยกว่าบอกอย่างเป็นห่วง

                “ป้าบัวทำแบบนี้ทุกวันนิ่มอ้วนแน่นอน” คนสูงวัยกว่าไม่ได้ตอบกลับเพียงยิ้มจางๆอย่างเอ็นดู

                กินข้าวเช้าเสร็จ ผมเตรีมตัวออกไปทำงาน กันอาสาไปส่ง แต่ผมไม่อยากรบกวน อีกอย่างตอนกลับถ้าจะให้กันมารับมันก็เสียเวลา

                หลังจากผ่านเหตุการณ์วันนั้น ผมเริ่มคิดอะไรได้หลายๆอย่างๆ ประสบการณ์ที่พบเจอมัน ‘สอน’ ให้ผมทำในสิ่งที่เหมาะสม

                การ ‘เลิกรัก’ คนที่รักมันไม่ง่าย...ไม่ง่ายเลยสักนิด

                “จารย์จะแทะประตูรถไงครับ? จ้องนานไปนะ” น้ำเสียงทะเล้นแทรกเข้ามาในความคิด

                “หะ?” ผมหันขวับ เจอหน้ายิ้มแป้นแล้นของลูกศิษย์ตัวดี

                “เห็นจ้องประตูรถนานแล้ว ผมนึกว่าจารย์จะแทะรถซะอีก”

                “คนนะ ไม่ใช่ปลวก” ผมว่าดุๆ พลางรับของที่ลูกศิษย์ตัวดีช่วยขนมาใส่รถ

                “ปลวกมันไม่แทะรถนะจารย์” คนโดนดุยิ้มร่า ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี

                “นายจะได้แทะมือจารย์นะสินายพัด” ผมบอกก่อนยกมือโขกหัวนายพัดเต็มแรง

                “โอ้ยยยย เจ็บนะจารย์” นายพัดร้องโอดโอยเกินเหตุ

                “เดียวนี้ชักจะลามปาม...”

                “นิ่ม”

                เสียงเรียกชื่อขัดเวลาผมสั่งสอนลูกศิษย์ ผมหันไปตามเสียงเรียก...ไอรยา ใบหน้าสวยๆของไอรยาดูซีดสลด ต่างกับครั้งแรกที่เจอลิบลับ

                “ไอ...” ไอรยาคงมาดักรอเจอผม แต่เธอรู้ได้ยังไงว่าผมทำงานที่ไหน ผมไม่เคยบอกเธอ

                “ขอคุยด้วยสักเดียวนะ” เธอขอร้อง

                “อะ อืม...นายพัดกลับได้แล้วละ จารย์จะคุยธุระกับเพื่อน” ผมบอก

                “ครับๆ ผมกลับก่อนนะจารย์” นายพัดขอตัวกลับไปก่อน

                ผมพาไอรยามาคุยร้านคอฟฟี่ช้อปเล็กๆข้างมหาลัย บรรยากาศระหว่างเราอึมครึม...ไอรยารักกัน ข้อนั้นผมรู้ดี และที่สำคัญ กันรักผม นั้นผมก็รู้อยู่เต็มอก

                “หย่ากับกันได้ไหม” ไอรยาถามเสียงเรียบ

                “...” ผมเงียบ จะให้ตอบว่าไงละ

                “เรารู้ว่านิ่มรักผู้ชายคนนั้น นิ่มไม่ได้รักกัน...ใช่ไหม”

                “พี่อาร์มจำนิ่มไม่ได้แล้ว” ผมตอบ

                ผมจะเห็นแก่ตัวมากไหมที่จะใช้กัน...เป็นตัวแทนของใครอีกคน…ยอมรับว่ารัก...รักพี่อาร์มมาก...แต่รักของผมมันไม่มีค่าเมื่อคนๆ นั้นจำรักของเราไม่ได้

                แค่ต้องการมีใครสักคน...อยู่ข้างๆ

                ผมมันเห็นแก่ตัว

                “ไอช่วยนิ่มได้” คำพูดของไอรยาสะกิดความสงสัย

                “ไอจะทำอะไร?” ผมถาม

                “สัญญากับไอได้ไหม...ถ้าพี่อาร์มจำนิ่มได้ นิ่มจะหย่ากับกัน”

                ผมลังเล...ไอรยาบอกอย่างจริงจัง ไอรยาเป็นสาวเก่ง เมื่อเธอพูดอะไร เธอจะทำให้ได้ตามนั้น

                “ไอให้เวลานิ่มคิด ถ้าตกลงนิ่มโทรหาไอนะ จำเบอร์ไอได้นะ” เธอบอกก่อนจะว่างแบงค์หาร้อยลงบนโต๊ะ

                ไอรยากลับไปแล้ว ข้อเสนอของไอรยาทำให้ผมคิด คิด คิดจนสมองแทบระเบิด

                หย่ากับกัน

                ผมจะทนได้หรอถ้าต้องเห็นกันต้องเจ็บปวดอีก...

                แต่ผมก็เจ็บ...ผมก็เจ็บเหมือนกัน

                แต่กันเขารักผม...เขาสัญญาว่าจะรอ...

                แล้วพี่อาร์มละ? เขาก็รักผม พี่อาร์มคนนั้นที่รักนิ่ม...

                …จะให้เลือกยังไง...

                ผมหยิบโทรศัพท์ และกดโทรออก

 

                                                               >W e d d I n g<






จะต้องทำยังไงถึงจะเขียนตอนหวานๆได้ทั้งตอนโดยไม่มีดราม่าเข้ามาแทรก?
แฮ่แฮ่...เกลียดนิ่มมากไหมคะ? /me ขอโทษนะหนูนิ่ม นี่ก็แต่งตามพล็อตเดะๆเลย T0T





ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ  :call: 
ปกติชอบดองนิยายแต่ได้กำลังใจเยอะรีบปั่นเลย  (แต่ละตอนอาจสั้นไปหน่อย = =) :katai4:
#90 ไม่เศร้าค่ะ ย้ำกับตัวเองว่า ตอนจบต้องไม่เศร้า (พูดด้วยนิ่ม)  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 26-04-2014 09:33:45
อ่านตอนนี้จบ แล้วมีความคิดนึงเข้ามา ว่าตอนจบต้องมีการตายของใครซักคน. แต่เห็นบรรทัดสุดท้ายว่า แฮบปี้ ก็เบาใจล่ะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 26-04-2014 10:18:05
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 26-04-2014 10:55:26
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 26-04-2014 11:01:04
 :really2:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 26-04-2014 12:13:26
เห็นตอนที่ 20 มาอ่านอย่างไว...

แต่สั้นจังเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 26-04-2014 12:19:23
นิ่มเลือกกันน้า  :mew6:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 26-04-2014 12:35:36
ไม่เกลียดนิ้มหรอกก  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 26-04-2014 12:42:22
อ่า  :hao5:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 26-04-2014 12:43:14
นิ่ม คิดไตร่ตรองดูดีๆนะ
จะทำอะไรต้องรอบครอบ ถามตัวเองก่อนว่าต้องการอะไร
อย่าให้สถานการณ์บีบบังคับให้เลือกในสิ่งที่สมควร แต่ไม่ตรงใจเรา
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 26-04-2014 15:09:18
นิ่มรักพี่กันเหอะ ปล่อยอาร์มไปซะ

สงสารพี่กันนะบอกตรงๆ จะมีผู้ชายที่ไหนยอมได้ขนาดนี้ มันหาไม่ได้อีกแล้วในโลกใบนี้
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 26-04-2014 15:29:38
บอกตรงๆชักจะเบื่อยัยไอแค่กๆนี่มาก
จะเอาผู้ชายคนนี้ให้ได้เลยใช่ไหม
ถึงจะรักยังไงมันก็น่าเกลียดเกินไปว่ะ
ต่อไปยัยไอแค่กๆนี่ต้องทำเรื่องเลวร้ายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 26-04-2014 15:35:29
นิ่มปล่อยพี่อาร์มไปเหอะนะ นี่อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว :hao4:
รักคนที่รักเราดีกว่า ยังไงๆ เราว่ากันก็คงรักนิ่มมานานแล้วแหละ
รอตอนต่อไป
ปล.ถ้านิ่มจะหย่ากับกันจริงๆ วันนี้แหละจะได้ตื๊บนายเอก หึๆ o18
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 26-04-2014 15:46:14
นิ่มเครียดเลยอะ น่าสงสารรเลือใครไม่ได้กะควบสองเลยนิ่ม
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 26-04-2014 23:11:34
ไม่ชอบนิ่มตรงที่ใช้ความรักของกันเป็นตัวแทน
แต่ไม่ชอบเปรมจนถึงขั้นเกลียดที่ฉวยโอกาส ถึงมันจะบอกว่าทำเพราะรักก็เหอะ  :fire:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 28-04-2014 13:11:35
มาม่า ชามโต กำลังจะมาอีกแล้วสินะ
ติดตามค้าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 29-04-2014 10:18:14
ตามไปอ่านที่เด็กดีแล้ว ในตอนแรก ๆ แบบว่า ลงแต่ละตอนไวไปไหม เว้นระยะบ้างก็ได้ เพราะบางทีแต่งไม่ทัน ไม่ได้แต่ง หรือก็ไม่มาลงอีกนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน เลยก็มี
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Feporchz ที่ 29-04-2014 19:34:43
นิ่มเลือกพี่กันเถอะ  :z3:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๐ : คนโลเลที่เห็นแก่ตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 03-05-2014 00:27:42
ตอนที่ ๒๑ : คำรัก

                ทรยศ...หักหลัง...ปกปิด...สิ่งเลวร้ายที่ผมทำลับหลังชายที่รักผมมาตลอด ผมทำเลวหลายอย่าง แต่ทุกครั้งที่เห็นใบหน้านิ่งๆ แต่ยิ้มมุมปากนิดๆ มันทำให้ผมรู้สึกผิดปนเศร้า

                ในยามที่ผมไม่เหลือใคร แต่ผมก็ยังมีเขาคอยอยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจ

                กันไม่เคยบังคับ กันไม่เคยทำร้ายผม มีแต่ผมต่างหากที่คอยทำลายความรักที่เขามอบให้

                เพราะผมมันเลว...เห็นแต่ความรักของตัวเองสำคัญ ในยามที่รักทิ้งผมไป ในวันที่ผมสูญเสีย รัก สิ่งที่ผมไขว่คว้า คือตัวแทนของใครอีกคน ความอ่อยโยนที่ทำให้ผมไหวหวั่นจนคล้อยตาม

                ผมทำร้ายคนที่รักผม

                “กลับมาแล้วหรอ” คำถามเรียบง่าย กันเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ เขายิ้มนิดๆ ตบเบาะข้างๆ เหมือนชวนให้ผมไปนั่ง

                “อื้อ พี่กันทำอะไรอยู่” ผมไม่อยากขัดใจ

                กันหันจอคอมมาทางผม คลิปงานแต่งบนยูทูป ธีมงานนั้นน่าสนใจที่เดียว สถานที่จัดคือหน้าผา ลมแรงจนซุ้มเจ้าบ่าวเข้าสาวพริ้วสะบัด แต่คู่บ่าวสาวก็ยิ้มแย้มหน้าชื่นตาบาน

                “เพื่อนสมัยเรียนขอให้ช่วยออกแบบธีมงานแต่ง นิ่มชอบแบบไหน?” กันถามผมเฉย

                “ถามอะไรนิ่มละ”

                “นิ่มชอบสีอะไร” คนตัวโตไม่ตอบ แต่เปลี่ยนคำถาม

                “นิ่มชอบสีเทา มันสบายตาดี เอ๊ะ นี่หลอกถามหรือเปล่าเนี่ย?”

                ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างกาย กันหันไปจ้องจอคอมเขาเปิดอีเมล์และเขียนข้อความสั้นๆ ผมที่นั่งข้างๆเขาเห็นชัดเจน

                ‘ธีมเทา เหลือง แนว vintage เรียบหรู ให้คนของเราออกแบบรายละเอียดหลายๆแบบให้ผมเลือกภายในสองวัน’

                ข้อความถูกส่ง

                “พี่กัน! คนที่ไหนจัดงานแต่งตัวเองธีมงานสีเทา” ผมว่าเขาแบบตกใจ

                “พี่มีของจะให้” คนตัวโตเบี่ยงประเด็น ผมปรับอารมณ์ตามไม่ถูก

                 กันหยิบของบางอย่างจากกระเป๋ากางเกง มันคืออัญมณีสีขาวน้ำนมอมฟ้า รูปทรงรี พันด้วยเหล็กเส้นเล็กๆเป็นจี้ห้อยคอ กันสวมมันลงบนคอผม

                “จันทรกานต์” กันบอก

                “ซื้อให้นิ่มหรอ” ผมถามเขาเสียงเบา

                “ความเชื่อโบราณ...มันจะช่วยให้คู่รักปรับความเข้าใจกัน” คำพูดของกันทำให้ผมรู้สึกเหมือนก้อนสะอึกแล่นตรงมาที่คอ

                กันใช้นิ้วลูบ ‘จันทรกานต์’ ที่ตอนนี้มันอยู่บนคอผม สายตาที่มองมามันแสดงออกถึงความจริงใจและรักใคร่ กับจูบเบาๆบนหน้าผากผม

                “พี่จะรอจนกว่านิ่มจะรักพี่ จะรอจนกว่าเราจะเข้าใจกัน”

                คำมั่นสัญญา

                ...ผมเคยได้รับเพชรเม็ดงามจากคนที่รัก มันสวยใส วาววับ ราคาแพงและมีค่า ผมปลาบปลื้มกับมัน ดูแลรักษามันอย่างดี แต่สิ่งที่กันให้ผม ราคามันคงแพงสู้เพชรเม็ดนั้นที่พี่อาร์มให้ผมมาไม่ได้

                แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสและรับรู้มันได้

                “ขอบคุณครับ”

                ความรักที่กันมอบให้...มันไม่ได้ร้อนระอุแผดเผาเหมือนเปลวเพลิงที่เผาไหม้ แต่มันเหมือนสายน้ำเย็นชื่นที่ค่อยๆไหลรินผ่านและซึมซับเข้ามาในธารหัวใจ

                กันเป็นคนโง่ที่รักผม...และผมเป็นคนโลเลที่รับรักของเขาเข้ามาในหัวใจ

                “...นิ่มรักพี่ นิ่มรักพี่กัน” คำสารภาพอย่างคนไร้ยางอาย

                ผมมองเห็นสีหน้าของคนตัวโตกว่า กันทำหน้าตกใจ พร้อมๆกับริมฝีปากที่ฉีกยิ้มกว้าง กันกอดผมแนบแน่น ผมดีใจที่ทำให้กันมีความสุข ผมมองข้ามเรื่องเลวๆที่ทำไว้และสนใจเฉพาะเหตุการณ์ตรงหน้า

                ผมรักกัน...ผมซื่อสัตย์กับคำพูดของตัวเอง

                ผมไม่เสียใจที่จะบอกให้เขารับรู้

                “พี่รักนิ่มครับ”     

                กันจูบผมแผ่วเบา ริมฝีปากของเราแนบแน่น ไม่มีการลุกล้ำล่วงเกิน มีเพียงสัมผัสอ่อนโยนและทะนุถนอม

                ไม่มีครั้งใดที่ผมจะเต็มใจยอมรับจูบของกันมากเท่านี้ 

                เขาจูบผม ผมจูบตอบเขาด้วยความเต็มใจ

                ผมไม่เสียใจ...ที่จะมอบความรักของตัวเองให้กันและเปิดเผยความรู้สึกให้กันรับรู้

                แต่สิ่งที่ผมเสียใจที่สุด...คือผมไม่ได้รักกันแค่คนเดียว…

                ตอนที่ริมฝีปากเราสัมผัสกันแนบแน่น ในหัวนึกถึงใครอีกคนที่รักมากมายไม่แพ้กัน...ยามที่คำรักลอยผ่านเข้าหู กลับนึกถึงรสจูบที่เร่าร้อนของใครอีกคน

                ไม่ว่าผมจะเลือกรักใครสักคน ก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งต้องเจ็บ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากรักเขาสองคนพร้อมๆกัน

                ถ้าเป็นไปได้...แม้จะโดนใครด่าว่าเลว ผมก็ยอม




....
ส้านนนสั้น แฮ่ๆๆๆ :katai4:
คำถามท้ายบท นิ่มในความรู้สึกของทุกคนเป็นยังไงคะ?
ปล. อย่าใจร้ายกะนิ่มมากน้า T T
http://image.ohozaa.com/view2/xyZjyPYjvviRqreN มูนสโตน/มุกดาหาร/จันทรกานต์
http://www.youtube.com/watch?v=XSvmxB3VNSo
http://www.youtube.com/watch?v=FyJXj3TtIOs (แถมฮาๆ)
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 03-05-2014 01:54:54
นิ้มใจอ่อนแล้วววว  :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 03-05-2014 09:54:06
สองใจ...แต่สุดท้ายก็จะต้องรักได้แค่คนๆเดียว
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-05-2014 10:09:44
เอาใจช่วยนิ่ม
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-05-2014 10:30:33
สองรักฉันรับไม่ไหววววว นี่แถมให้นิ่มอีกเพลงนะะะะ

ป.ล.สงสารพี่กันมากอะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 03-05-2014 11:17:11
โหย ปวดใจ  :ling3:
เด๋วปั้ดขับรถชนนิ่มให้ความจำเสื่อมมั่ง จะได้รักแค่กัน จำแค่กัน
พี่อาน์มก็ปล่อยให้นางเปรมเขาไป  :katai1:

หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-05-2014 11:27:18
 :a5:
นิ่มเลือกเถอะนะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 03-05-2014 13:47:57
นิ่ม - เป็นคนปกติทั่วไปที่มีความโลภ หาสิ่งที่ดีให้ตัวเอง
มีความคิดเหมือนชายไทยทั่วไป ซ้ายก็รักขวาก็ทิ้งไม่ได้ (ชายได้ได้ชื่อว่าเจ้าชู้ที่สุดในโลก)

โดยส่วนตัวแล้ว เข้าใจนะว่าทุกคนล้วนมีด้านมืด
ตอนนี้เรื่องต่างๆรุมเร้ามากมาย นิ่มอาจอยากได้ที่พึ่งที่พักใจ
แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เราควรเก็นด้านมืดไว้ข้างในแล้วทำสิ่งที่ถูกต้องใช่หรือไม่
นิ่มควรเลือกทางเดินได้แล้ว
ถ้าเลือกพี่ชาย ก็พยายามให้เต็มที่เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาอาจเป็นเดือน เป็นปี หรือตลอดชีวิตถ้ารักกัน เรื่องแค่นี้เราทำให้เขาได้อยู่แล้ว
ถ้าเลือกกัน ก็ไปจัดการเรื่องพี่ชายให้เรียบร้อย อย่าให้คาราคาซังกันแบบนี้
ถ้าเลือกทั้งสองคน...ระวังจะหลุดมือไปทั้งคู่
ถ้าไม่เลือกใคร ก็ทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: yearrayoeng ที่ 03-05-2014 13:57:55
นิ่มเห็นแก่ตัวมาก ไม่สนใจใคร เอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่ ใครจะเป็นจะตายก็ช่าง ขอแต่ได้ทำตามใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 03-05-2014 15:03:17
เอาจริงๆ เจ๊อยากตบนิ่มมากกกกก :beat:
ก็เข้าใจแหละว่ารักพี่ชายมานาน
แต่ตอนนี้แต่งงานเป็นเมียกัน แถมพี่ชายก็ความจำเสื่อม
ปล่อยไปเหอะ รักคนที่รักเราตอนนั้มีความสุขกว่านะ :เฮ้อ:
บอดตรง เป็นเจ๊คงไม่อดทนเหมือนพี่กันหรอก รักแค่ไหนก็เหอะ ชิ!!! :m16:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: caramely ที่ 03-05-2014 22:02:23
3P เถอะจะได้ไม่เป็นภาระของคนอ่าน 

:laugh: :laugh: :laugh: 

ส่วนอีเปรมก็ปล่อยมันไปที่ชอบๆ ซะ  :laugh3: :katai3:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-05-2014 22:38:48
สงสารกันแฮะ......ไม่รู้สิ

บางทีคงต้องใช้เวลาเยียวยากันไป
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 03-05-2014 22:40:18
ไม่ค่อยชอบนิ่มตรงที่เก็บกันไว้เผื่อเลือก
คือเหมือนจะรู้ว่าตัวเองชอบพี่อาร์มมากกว่าแต่ก็ยังกั๊กกันไว้เผื่อวันที่ตัวเองไม่มีอาร์ม
ถ้าอาร์มจำนิ่มไม่ได้ก็คงอยู่กับกัน อาจจะแฮปปี้ภายหลังแต่ระหว่างนั้นกันจะต้องเจ็บปวดอีกมากแค่ไหน

แต่เราไม่ชอบเปรมมากๆๆๆๆๆๆๆๆ มันฉวยโอกาสชัดๆ เหมือนหวังจะเคลมพี่อาร์มเลยอ่ะ  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 03-05-2014 22:41:04
คือนิ่มจ๊ะ เลือกเอาสักคนสิ 

ปากบอกว่ารักพี่กัน แต่ใจก็ยังคิดถึงอยู่อีกคน

เธอจะละโมภไปไหม  ผู้ชายยิ่งมีน้อย ช่วยใช้สอยอย่างประหยัดนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 04-05-2014 00:31:46
อย่างน้อยนิ่มก็รู้ใจตัวเองว่ารักทั้งสองคน
อย่างนี้ไม่เรียกว่าโลเล แต่เลือกทิ้งคนใดคนหนึ่งไม่ได้ต่างหาก

รออ่านตอนต่อไปจ้า  o13
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Feporchz ที่ 04-05-2014 15:07:52
หวังว่านิ่มจะลืมอิพี่อาร์มได้เร็วๆนะ ไม่อยากให้พี่กันเจ็บอีก...
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 15-05-2014 23:46:52
เฮ้ ยังอยู่ไหม
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๑ : คำรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 07-06-2014 19:12:43
ตอนที่ ๒๒ : เลือก (1)

                บ่ายวันหนึ่งหลังจากเลิกคลาสสอนนักศึกษา ผมวางโปรแกรมเข้าบริษัทเพื่อศึกษางานในส่วนของพี่อาร์ม ผมมีเวลาว่างช่วงเย็นๆ คงจะใช้เวลานี้ดูแลงานที่ตัวเองละเลยและทิ้งเป็นภาระให้กัน เสร็จจากนั่นผมจะไปเยี่ยมพ่อและมีนัดดูหนังกับกันดึกๆ ค่อยกลับบ้าน

                ถ้าจะเรียกว่าเดท ก็ได้มั้ง

                ผมเคยไปเที่ยวกับกันแค่ครั้งเดียว ตอนฮันนีมูน และมันจบไม่สวยเท่าไหร่ เพราะตอนนั้นผมยังอคติกับกัน 

                ผมโทรหากัน คุยเรื่องที่ผมจะไปศึกษางานบริษัทของพ่อ กันอาสาจะดูแลให้แต่ผมปฏิเสธ ตอนที่เราแต่งงานกัน พ่อยกตำแหน่งระดับสูงให้กัน กันต้องทำงานบริษัทของตัวเองกับบริษัทพ่อผม ภาระคงเยอะ สังเกตได้จากกองเอกสารที่ตั้งเรียงรายที่บ้าน ยิ่งตอนนี้ ทั้งพ่อ ทั้งพี่อาร์ม...ทำงานในส่วนนี้ไม่ได้ กันคงเหนื่อยมาก และผมอยากแบ่งเบาภาระนั่น 

                ‘เดียวไปรับ’ คนในสายบอก

                “ไม่ต้อง ทางไปบริษัทกับโรงพยาบาลคนละทางเลยนะ พี่กันรอนิ่มที่โรงพยาบาลดีกว่า” ผมบอกเสียงแข็ง ปลายสายเงียบเสียงไปสักพัก

                ‘พี่ตามใจนิ่ม เจอกันครับ’

                “อื้อ เจอกันครับ” ผมตอบกลับ ยิ้มกับเสียงคนตัวโต กันคงหน้านิ่งเหมือนเคย แต่คงขมวดคิ้วเซงๆ

                ผมเดินไปหน้าลิฟต์ขึ้นไปหาคุณลุงวิเชียร ที่ปรึกษาบริษัท ลูกน้องคนสนิทของพ่อ แต่ห้องรับแขกกระจกใสที่อยู่ด้านข้างลิฟต์ทำผมต้องหยุดกึก

                ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง คนที่ชอบใช้คำพูดเชือดเฉือน และแย่งคนรักผมไปอย่างหน้าด้านๆ เปรม...หมอนั่นมาทำอะไรที่นี้? ในห้องกระจกผมเห็นเขาคุยกับคนอีกคนด้วยใบหน้าโมโห ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรแต่คงสำคัญมากที่เดียว

                เหมือนจะคุยกันไม่รู้เรื่อง เปรมเดินหนีออกมาจากห้อง ผมหลบมุม ไม่อยากให้เปรมเห็น

                “ไหนคุณเปรมสัญญาถ้าผมแย่งงานนี้มาจากไอ้พวกนั้น คุณจะจ่ายเงินให้ผม” เสียงคนที่เถียงกับเปรมดังตามหลังร่างโปร่งที่เดินหนี จากมุมที่ผมอยู่ผมเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจน และนั่นทำให้ผมงงขึ้นไปอีก

                คุณพร้อมไท? ศัตรูทางธุรกิจของกัน คนที่แย่งงานของบริษัทกันไปบ่อยๆ กับ เปรม?

                “ผมไม่มี ตอนนี้คุณก็น่าจะรู้สถานะการเงินของผม” เสียงที่ตอบกลับหงุดหงิด ขุ่นมัว

                “อย่ามาอ้าง เราตกลงกันไว้แล้ว ไม่งั้นผมแฉแน่”

                “อย่า! ก็ได้ ผมขอเวลาคุณสองอาทิตย์ ตอนนี้ผมไม่มีเงินจริงๆ”

                “สองอาทิตย์ ถ้าเกินกว่านี้ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่”

                “ได้ ได้ ได้!”

                บทสนทนาของคนสองคนทำผมสงสัยเต็มไปหมด เปรมหงุดหงิด เดินปึงปังออกจากบริษัทไป ส่วนคุณพร้อมไทยหน้าบึ้งเดินหนีไปอีกทาง

                พวกเขามาทำอะไรบริษัทของผม?

                ผมคิดว่าเปรมเป็นลูกน้องคุณพร้อมไท แล้วทำไมบทสนทนาตะกี้มันฟังดูแปลกพิกล

                “คุณนิ่ม มานานยังครับ” เสียงทักดึงความสนใจของผมไป คุณวิเชียรเดินมาข้างหลังพร้อมด้วยหญิงสาวสูงวัยอีกคน

                “สวัสดีครับคุณลุง” ผมไหว้คนสูงวัยกว่า

                “สวัสดีครับ เรื่องที่คุณนิ่มจะมาศึกษางาน ท่านประธานกรรมการบอกผมมาแล้ว” คุณวิเชียรพายมือไปข้างหลัง แนะนำผู้หญิงคนนั่นในผมรู้จัก “นี่คุณประไพ เธอเป็นผู้ช่วยของผม เธอจะแนะนำงานในส่วนของบัญชีให้คุณนิ่มทราบ”

                “สวัสดีค่ะ” คุณประไพยกมือไหว้ ผมยกมือรับแทบไม่ทัน

                “วันนี้ผมมีเวลาสักสามชั่วโมง ยังไงฝากด้วยนะครับ” ผมบอก

                “โชคดีนะครับที่คุณนิ่มมาช่วยงานพวกนี้ เรื่องสำคัญใหญ่ๆ อำนาจแค่ที่ปรึกษาแบบผมตัดสินใจอะไรได้ไม่มาก ทำงานไม่ค่อยสะดวก คุณท่านมาป่วยแบบนี้ คุณอาร์มหายไปอีก ลำบากคุณนิ่มนะครับ” คุณวิเชียรพูดอย่างเห็นใจ

                “ครับ” ผมตอบรับ ฝืนยิ้ม

                “ยังไงขอตัวไปทำงานก่อน ประไพดูแลคุณนิ่มด้วย” คุณวิเชียร์กำชับเลขา

                คุณประไพพาผมไปห้องทำงาน เธออธิบายรายละเอียดการดูแล ตัดสินใจ ตรวจสอบงบบัญชีให้ผมฟังอย่างละเอียด บรรยากาศที่จริงจังทำเอาผมลืมถามเรื่องที่สงสัยไปเสียสนิท

                “ปกติ ทางคู่ค้าจะสั่งสินค้าทางเรามากกว่านี้ประมาณเท่าหนึ่ง แต่ตอนนี้เศรษฐกิจค่อนข้างแย่เลยลดจำนวนที่สั่ง ปกติจะมีแผนกที่คุยตกลงกับลูกค้าโดยตรงและทำรายงานให้ท่านรองประธานเซ็นอนุมัติค่ะ”

                ผมพยักหน้ารับ ท่านรองกรรมการคงเป็นพี่อาร์ม คิดพลางเหลือบตามองนาฬิกาพนังห้อง ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะนั่งฟังสิ่งที่คุณประไพบอกได้นานขนาดนี้ เพราะส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบธุรกิจที่ยุ่งยากพวกนี้ ผมชอบสอนมากกว่า ผมมีความสุขกับการโต้เถียงกับพวกเด็กรุ่นใหม่นิสัยหลากหลาย

                “คุณนิ่มคงมีธุระต่อ วันหน้าค่อยลงมือทำงานเอกสารจริงๆก็ได้ค่ะ” คุณประไพเอ่ยปากบอก

                “ผมคงมีเวลาประมาณพุธหน้านะครับ ขอบคุณคุณประไพที่สอนงานครับ” ผมบอกยิ้มๆ ก่อนพละตัวออกมา มือกดโทรศัพท์จะโทรหากัน แต่มิสคอลที่โทรมาทำผมลังเลที่จะกดโทรกลับไปดีไหม

                ไอรยา

                สัญญาระหว่างผมกับไอรยาเป็นเรื่องหนึ่งที่ผมกลุ้มใจ

                -ก็มันเหงา....ใจเหลือเกิน หัวใจก็ดวงเท่าเดิม แต่เหมือนอะไรมันขาดหายไป—

                เสียงเพลงเรียกเข้า หน้าจอโชว์เบอร์ของไอรยา ผมตัดสินใจรับสาย

                “สวัสดีครับ”

                ‘ไอเองนะนิ่ม เรื่องวันนั้นที่เราคุยกัน จำได้ไหม’ คนปลายสายถามเสียงใส

                หัวใจผมหนักอึ้ง

                “อื้อ แล้ว...” ผมถอดเสียง

                ‘มาหาไอหน่อย ไอเชิญหมอจิตวิทยาชื่อดังมา เขาต้องรักษาอาการของคุณอาร์มได้แน่’ เสียงของไอรยาเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น

                “แล้วพี่อาร์มล่ะ” ผมถามกลับ

                ‘อยู่กับไอ กว่าจะพามาได้นี้ลำบากนะ นายปรงนายเปรมอะไรนั่น กว่าจะล่อให้ออกห่างจากคุณอาร์มได้ วางแผนหัวแทบระเบิด’ ผมได้ยินคนปลายสายหัวเราะ คำบอกเล่าของไอรยากับเหตุการณ์ที่ผมเจอมันทำให้ความสงสัยมากมายประทุขึ้นในหัว

                “นิ่มจะรีบไปหา” ผมถามสถานที่นัดพบเก็บคำถามในหัวไว้ ตอนนี้ต้องรีบหาไอรยา ผมเป็นห่วงพี่อาร์ม ตัดสินใจได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ

                กัน

                ‘เสร็จหรือยัง’ กันถาม

                “วันนี้นิ่มคงไปหาพ่อไม่ได้นะ ติดธุระที่มหาลัย มีเรื่องด่วนนะ” ผมพูดปด

                ‘เย็นขนาดนี่แล้ว...’ กันถามเสียงไม่เข้าใจ

                “อื้ม ยังไงพี่กันดูพ่อให้นิ่มเลย เราเจอกันที่โรงหนังเลยละกันนะ”

                ‘…ครับ ดูแลตัวเองด้วย’

                ยังไงกันก็ยังคงเป็นกัน ตลอดเวลาที่ทำความรู้จัก ผมรู้ว่าเขาเป็นยังไง เขาเป็นห่วงผม อยากรู้ว่าผมไปทำอะไร แต่นิสัยของกันไม่ใช้คนถามเรื่องจุกจิก เขาอยากให้ผมเล่า แต่ผมก็ลำบากใจที่จะเล่า

                “แล้วเจอกับครับ” ผมตัดสาย

                ผมขับรถไปสถานที่นัดพบด้วยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในสมองมีคำว่า ‘ถ้า ถ้า ถ้า’ เต็มไปหมด

                ถ้าพี่อาร์มจำทุกอย่างได้ ผมจะทำยังไง

                ถ้าไอรยาท้วงสัญญา ผมจะทำยังไง

                ถ้ากันรู้ความจริง ผมจะทำยังไง

                แล้วไหนจะเรื่องของเปรมกับคุณพร้อมไท ความหงุดหงิดทำผมทุบพวงมาลัยแรงๆ แตรรถแผดเสียงดังลั่น

                ปี๊ดดดดด ปี๊ดดดดด

                ผมตกใจหักรถเลี้ยวเข้าข้างทาง ใจเต้นรัว โชคดีไม่มีรถตามหลังมา ผมทุบพวงมาลัยแรงๆอีกสองสามที ไม่รู้จะระบายความอัดอั้นตันใจยังไง

                เรื่องราวหลายเรื่องร้อยเรียงจนเป็นปมที่ยากจะคลี่คลาย

                ท้อ...ผมอดรู้สึกท้อแท้กับปัญหาที่ประดังประเดเข้ามา ถ้าหากมีแค่ปัญหารัก ผมคงแค่เหนื่อย แต่ยังมีพ่อที่นอนอยู่โรงพยาบาล ท้อจนอยากหนีปัญหาที่ตัวเองก่อไปให้พ้นๆ

                “ไม่อยากอยู่แล้ว ไม่...”  ถ้าหากเมื่อกี้ผมหักรถหลบจนไปชนกับต้นไม้ข้างทาง และถ้าหากผมตายไป ผมจะมีความสุขไหมนะ

                ถ้าหากผมตายไป ปัญหาทุกอย่างจะจบลงหรือเปล่า?

                แต่ถ้าผมไม่อยู่ พี่อาร์มจะเสียใจไหม...แล้วใครจะดูแลพ่อ ในหัวคิดถึงใบหน้าของกัน รอยยิ้มที่อบอุ่นนั่นขึ้นมา น้ำตาที่ค่อยๆไหลอย่างไม่รู้ตัว หยดน้ำตาเล็กๆกระทบกับอัญมณีบนลำคอ

                ในความสลัวของบรรยากาศยามเย็น จันทรกานต์ที่อยู่บนลำคอเปล่งประกายแสงแวววาวออกมาบางเบา

                “นิ่มจะต้องผ่านเรื่องร้ายๆไปให้ได้” ผมไล้อัญมณีบนลำคอ ปลุกปลอบกำลังใจให้ตัวเอง

                ในส่วนลึกนึกถึงคนที่คอยดูแลและห่วงใยตัวเองมาตลอด ผมเชื่อว่า...ไม่ว่าจะทำผิดอะไร เขาคนนั่นพร้อมที่จะยอมรับ ให้อภัยและจะคอยยืนอยู่เคียงข้าง...กันจะต้องไม่ทิ้งผม

                เสียงโทรศัพท์จากไอรยาปลุกผมจากภวังค์ 



.................
ตอนนี้ติดนิยายจีน กำลังอ่านมังกรคู่สู้สิบทิศ อ่านเป็นหนังสือเสร็จไปดูซีรีย์ต่อ กว่าจะมาแต่งนิยายต่อได้ =/\=
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 1)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 07-06-2014 19:46:20
เฮ้อออ สงสารกันนน
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 1)
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 07-06-2014 22:03:29
นิ่มมมม เฮ้ออออออ :z3:
สงสารกันสูดดดดด

ขอบคุณนะค้า
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 1)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 07-06-2014 23:14:41
อิเปรมนี่มีแผนหวังจะเอาสมบัติจากอาร์มรึเปล่านะ ไม่ชอบมันจริงๆเลย  :m31:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 1)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-06-2014 22:39:04
 :hao5: กันมาหาเราเถอะ  นิ่มเหมือนจะมองกันเป็นของตายแล้วนะ5555
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 1)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 08-07-2014 00:45:30
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 1)
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 22-07-2014 17:25:54
ตอนที่ ๒๒ : เลือก (2)

                คลินิกเล็กๆ ย่านชานเมือง ผมมองแผนที่ เมื่อเห็นชื่อป้ายคลินิกตรงกับที่ไอรยาบอก ผมเลี้ยวรถหาที่จอดพลางมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ

                ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป กลิ่นโรงพยาบาล...จะว่ายังไงดี จมูกได้กลิ่นเหมือนกลิ่นยาฆ่าเชื้อ คลินิกที่นี้เล็กกะทัดรัด มีคนไข้รอรักษาสองคน ผมก้าวขาเดินไปเคาเตอร์ กำลีงจะถามตำถามพยาบาลวัยกลางคนเสียงคุ้นเคยดังแทรกขึ้นมา

                “นิ่ม!” ผมหันไปทางเสียงเรียก ไอรยายังเป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเพศหญิง เธอยิ้มกว้าง ควักมือเรียกผมไปหา

                “พี่อาร์มละ?” ผมถาม ไม่อยากพิรี้พิไร

                “แหม มาถึงก็ถามถึงคนรักเลยน่ะ ตามไอมาสิ” เธอหัวเราะคิกคัก เดินนำผมไป

                เดินขึ้นบันไดมาสองชั้นจนเห็นห้องๆ หนึ่ง เธอผลักประตู ผมเดินตามเข้าไปอย่างเงียบเชียบทั้งที่ใจเต้นแรงแทบบ้า หัวคิดถึงพี่อาร์มที่มองตัวเองอย่างเย็นชา ถ้าหากพี่อาร์มยังมองผมแบบนั้น ผมจะรู้สึกยังไงนะ?

                ข้างในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ กำแพงถูกทาด้วยสีฟ้าอ่อนสบายตา บรรยากาศสดชื่น ผมมองหาพี่อาร์ม เขานอนหลับอยู่บนเตียง ข้างกายมีชายสูงวัยในชุดกาวน์เหมือนหมอ

                “มาแล้วค่ะ” ไอรยาส่งเสียงเบาๆ ชายสูงวัยซึ่งน่าจะเป็นหมอควักมือเรียกผมให้เข้าไปหา

                “คุณเป็นคนรักของคุณอาร์ม?” คำถามแรกที่หมอถามผม

                “ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ

                “ตอนหมอถามเขาตอนหลับ ได้ยินเขาเรียกแต่ชื่อคุณ ‘นุ่มนิ่ม’ วนซ้ำไปซ้ำมา” คุณหมอพูด เขามองลึกเข้ามาในตาผม

                นุ่มนิ่ม...เป็นชื่อที่พี่อาร์มเรียกผมด้วยความรัก เป็นชื่อที่เขาเรียกผมเพียงคนเดียว

                “เขาคือคนที่ผมรัก” ผมบอกหมอเสียงเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ

                “หมอจะอธิบายวิธีการรักษา ผู้ป่วยความจำเสื่อมการที่เขาลืมเรื่องของคุณไม่ใช้เพราะเขาอยากลืม แต่เป็นเพราะเขาต้องการปิดกั้นตัวเองจากความเจ็บปวด เลยปิดกั้นตัวเองจากสิ่งต่างๆ วิธีรักษาของหมอคือการสะกดจิตเขาให้นึกย้อนถึงความทรงจำในส่วนลึก ถามวนซ้ำๆ จนกว่าเขาจะจำได้ และต้องใช้เวลาทุกวันสม่ำเสมอ”

                “ครับ”

                “ถ้าหากการรักษาไม่ต่อเนื่อง คนไข้อาจจะจำอะไรไม่ได้อีกเลย ปกติคนความจำเสื่อมต้องใช้เวลารักษาค่อยๆคิด ค่อยๆนึก แต่การสะกดจิตจะยุ่งยากกว่า แต่ได้ผลเร็วกว่า คนไข้จะจำได้ ในยามที่เขาสติไม่อยู่กับตัว แต่จะลืมไปเมื่อเขาลืมตา เพราะว่าเวลาเขามีสติ เขาจะพยายามปิดกั้นตัวเองจากความทรงจำที่เจ็บปวด...การรักษาด้วยวิธีนี้ไม่ต้องใช้เวลานานเป็นปี แค่เดือนเดียวหรืออาทิตย์เดียวคนไข้อาจจะได้ทุกอย่าง เพียงแต่คุณต้องอยู่กับคนไข้ 24 ชม. เพื่อเร่งให้เข้าเปิดใจยอมรับความทรงจำ”

                ผมนิ่งคิด ถ้าผมอยากรักษาผมต้องอยู่กับพี่อาร์ม หากเป็นปกติผมคงรีบรับโอกาสนั่น แต่ตอนนี้...ผมนึกถึงกัน...ผมจะหาข้ออ้างอะไรอีกล่ะ?

                ผมเค้นยิ้ม

                “คุณทำได้หรือเปล่า?” หมอถาม

                อะไรกัน! …ผมอยากได้เวลาคิดอีกสักนิด จะให้ผมตัดสินใจตอนนี้ได้ยังไง...ผมก้มมองนาฬิกา ป่านนี้กันคงรอผมอยู่แน่

                “นิ่ม...” เสียงเรียกจากไอรยา ผมเงยหน้ามองเธอ ไอรยากำลังยิ้ม แต่ทำไมผมถึงเห็นรอยยิ้มของเธอมันดูเว้าวอนและขอร้อง

                ไอรยารักกัน...ใช่ 

                 แต่...

                ‘รักนะครับ’ ภาพคำบอกรักเรียบง่ายที่กันเคยบอก

                ‘มันเจ็บจนจะช้ำใจตายอยู่แล้ว’ คำพูดที่ออกมาพร้อมเสียงสะอื้นของกัน

                ‘เราแต่งงานกันแล้วนะนิ่ม’ น้ำคำที่ย้ำถึงสถานะของเราสองคน

                ‘พี่สัญญา..พี่จะทำให้นิ่มรักพี่’ คำสัญญาที่มั่นคงและหนักแน่น

                คำพูดที่กันเคยบอก...ทุกๆคำผุดเข้ามาในหัวเหมือนเขื่อนทำนบแตก

                ‘พี่จะรอจนกว่านิ่มจะรักพี่ จะรอจนกว่าเราจะเข้าใจกัน’

                พี่กัน...นิ่มขอโทษ มือผมลูบจี้บนคออย่างแผ่วเบา

                “ครับหมอ...ผมทำได้”

                ผมคงไม่ต้องมองนาฬิกาแล้วตอนนี้ ผมเห็นหมอทำอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่สนใจ ผมมองใบหน้าของพี่อาร์มที่นอนลับสนิทสลับกับไอรยาที่ยิ้มมาให้...มันเป็นยิ้มที่ไม่จริงใจสักนิด

                ผมขอตัวออกมาจากห้อง หยิบโทรศัพท์กดหาเบอร์ของกัน

                เสียงรอสายก้องข้างหู...ผมไม่อยากให้กันรับสายเลย...

                ‘ทำไมมาช้าครับ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า’ เสียงทุ้มหนาถามอย่างห่วงใย

                กัน...เขาไม่เคยพูดคำว่า ‘ค่ะ’ เพื่อเอาใจผมเหมือนพี่อาร์ม คำพูดของเขาไม่เคยเกินความจำเป็นหรือพูดพร่ำเพื่อ เพราะเขาคือกัน...

                “ขอโทษครับ พี่กันทำอะไรอยู่” ผมถาม มือบีบแขนข้างหนึ่งของตัวเองแน่น

                ‘พี่รอนิ่มหน้าโรงหนังแล้วครับ มาทันหรือเปล่า’ ผมก้มมองนาฬิกาอีกครั้ง ทั้งๆที่คิดว่าคงไม่ต้องมองมันแล้ว

                “พี่กัน...นิ่มมีธุระต้องไปทำ อาจไปดูหนังไปทัน”

                ‘…’ ปลายสายเงียบเสียงไปสักพัก ‘กลับบ้านดึกหรือเปล่า’

                “คงไม่กลับ...อาจจะสักอาทิตย์หรือเดือนหนึ่ง” ผมตอบกลับ

                ‘ธุระของนิ่ม ...เรื่องพี่ชายหรอ’ เสียงของกันแตกพร่า

                “...นิ่มขอโทษ”

                ‘ทำไม’

                ผมเกลียดคำถามนี้

                “นิ่มพาพี่อาร์มมาหาหมอ...” ผมสูดลมหายใจเข้า รู้สึกแย่ชิบหาย “...หมอบอกว่าถ้าอยากให้พี่อาร์มจำได้ ต้องทำการรักษา...นิ่มต้องอยู่กับพี่อาร์มตลอดเวลา จนกว่าจะรักษาหาย”

                ‘ถ้ารักษาหาย...นิ่มจะอยู่กับมันเลยรึเปล่า’

                ผมหายใจสะดุด น้ำตาไหลลงมาอีกรอบ รู้สึกเหมือนตัวเองเหมือนนางเอกละคร น้ำตามันออกมาง่ายเหลือเกิน

                “...นิ่มรักพี่กันนะ...นิ่มรักพี่” ผมไม่ตอบคำถาม แต่บอกความรู้สึกตัวเองออกไป

                ‘พี่จะรอ’

                “นิ่มขอเวลาอีกสักพักนะ”

                ผมให้ความหวังกัน...ผมเลวเกินไปที่จะปล่อยเขา เป็นผมเองที่ฉุดรั้งกันไม่ให้ไปไหน

                เพราะหากต้องเลือกใครสักคน...

                ‘พี่ให้เวลานิ่มได้ทั้งชีวิต ขอแค่นิ่มกลับมาหาพี่ รักพี่เหมือนที่รักมัน...ดูแลตัวเองด้วย’ ปลายสายตัดสัญญาณโทรศัพท์ไปแล้ว

                คำพูดของเขายังคงเป็นห่วงผม ยังคงเว้าวอนและรอคอย

แต่ผมกลับทำสิ่งเลวร้ายกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

                ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นมาก แต่ผมก็ทำลายมันไปอีกครั้ง

                ผมทำอะไรลงไป...

 

                                                                             >W e d d I n g<

               

                “จะพาพี่ไปไหนคับ?” เสียงพูดร่าเริง

                ผมหันไปมองคนที่นั่งข้างกาย พี่อาร์มจำได้ว่าผมเป็นน้องชายของเขา เป็นความจำเสี้ยวหนึ่งในชีวิตของเราสองคน แต่แค่นั่นผมก็ดีใจแล้ว

                “กลับบ้านเราฮะ” ผมตอบ ยิ้มมุมปากจางๆ

                “แล้วนี่บอกเปรมหรือยัง จริงสิ พี่ขอโทษที่คราวก่อนทำร้ายๆกับนิ่ม พี่ลืมไปหมดเรื่องที่เราเป็นพี่น้องกัน”

                คำพูดของพี่อาร์มทำผมรู้สึกแย่ แย่นิดหน่อยตอนที่เขาบอกจำผมไม่ได้ แต่แย่โคตรๆตอนเขาถามถึงใครคนอื่น

                “นิ่มบอกเปรมแล้ว เขาก็อยากให้พี่อาร์มจำทุกอย่างได้ เลยยอมให้พี่มารักษาตัวกับนิ่ม” ผมโกหก

                “ก็ดีนะ พี่อยากจำได้ช่วงที่พี่คบกับเปรม พี่ไม่อยากอยู่เป็นภาระเปรม” คำพูดที่เอ่ยถึงอีกคนฟังอ่อนโยน ผมกำพวงมาลัยแน่น

                หรือนี้คือการลงโทษผมที่ทำร้ายจิตใจคนที่รักตัวเอง!?

                ต้องทนฟังคนรักพูดถึงคนอื่นด้วยความรัก

                สาสมแล้ว...

                “บางทีก่อนที่พี่จะจำทุกอย่างได้ พี่อาจสูญเสียคนรักจริงๆของพี่ไปก็ได้นะฮะ” ผมประชด ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาจำเรื่องของเราไม่ได้

                “ไม่หรอก...พี่เป็นคนหวงของ พี่ไม่ยกของๆ ตัวเองไปให้ใครแน่นอน...พี่เริ่มจำได้นะ แต่ก่อนตอนเราเด็กๆ ลูกชายบ้านข้างๆแย่งของเล่นนิ่มไปซ่อน พี่ยังตามหามาจนได้ ตอนนั้นนิ่มเอาแต่ร้องไห้บอกพี่ว่า ‘ไอ้คนไม่ดีเอาของขวัญพี่อาร์มที่ให้นิ่มไปซ่อน’ แถมร้องไห้เสียงดังอีกต่างหาก”

                “พี่อาร์มจำได้ด้วย” ผมอุทาน เรื่องที่พี่อาร์มเล่าเป็นเรื่องตั้งแต่ตอนผมอายุเจ็ดขวบ

                “ช่าย พี่เลยไปหาของขวัญมาให้นิ่มแถมชกหน้าเด็กข้างบ้านไปหนึ่งหมัดจนโดนคุณพ่อดุ”

                “นิ่มจำได้” ผมอมยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องตอนเด็ก

                “นิสัยพี่ไม่ยอมเสียของรักให้ใครง่ายๆหรอก ยิ่งเป็นคนรักน่ะ ไม่มีทาง ฮะๆ” คนตัวโตบอกพลางกลั้วหัวเราะ

                พี่อาร์มของนิ่ม...คนตรงหน้าคือพี่อาร์มจริงๆ คือคนที่ผมหลงรักมาตั้งแต่เด็ก พี่ชายตัวโตที่ปกป้องและดูแลผมมาตลอด

                จะดีแค่ไหนถ้าหากเขาจำเรื่องของเราได้

                ผมมองเสี้ยวหน้าคมที่หัวเราะร่าเริง ยิ้มตามรอยยิ้มของเขา

                “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ” ผมยิ้มกว้าง เลี้ยวรถเข้าบ้านของเราที่อาศัยตั้งแต่เกิดจนโต







>หายไปนาน ขอโทษค่ะ ._.
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 2) 22/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-07-2014 18:13:54
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 2) 22/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 22-07-2014 21:55:48
ปวดใจจริงๆน้อออออออ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 2) 22/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-07-2014 21:57:18
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 2) 22/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: mkyok5 ที่ 22-07-2014 23:36:51
 :ling1: :ling1: :ling1:เค้าอยากอ่านอีกอะมาต่อเถอะนะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 2) 22/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 23-07-2014 13:05:57
อ่านแล้วก็สงสารกัน พอมาคิดอีกทีนิ่มก็น่าสงสาร
แต่ทำไมต้องทำให้ความรักมันแย่ลงด้วยนะนิ่ม
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๒ : เลือก 2) 22/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 23-07-2014 16:48:39
ตอนที่ ๒๓ : อดทนรอ

                บ้านหลังใหญ่แต่เจ้าของบ้านไม่ได้กลับมานานแล้ว ที่อาศัยในบ้านคงมีแค่คนใช้ คนสวนไม่กี่คน ผมไม่ได้มาเหยียบบ้านหลังนี้ตั้งแต่แต่งงาน

                “คุณหนูนิ่ม” เสียงอุทานตกใจ ผมหันไปตามเสียง หญิงวัยกลางคนยกมือนาบอกตกอกตกใจ “ป้านึกว่าจะไม่เจอคุณหนูนิ่มเสียแล้ว แล้วนั่น...คุณพระ! คุณหนูอาร์มของป้า นี่ นี่...”

                “ใจเย็นฮะ ป้าแหวน พวกผมไม่ใช้ผี” ผมกระเซ้าแม่นมที่เลี้ยงตนเองมาตั้งแต่เด็ก

                “โอ๊ยยย ไม่ได้เจอคุณหนูทั้งสองคนพร้อมหน้าพร้อมตาตั้งนานแล้ว ขอป้ากอดหน่อยเถอะค่ะ” เธอพูดพร้อมเข้ามากอดผม ผมยิ้มขำ กอดป้าแหวน ไม่ได้เจอกันนานมากจริงๆ

                “คุณอาร์มของป้า ผอมลงไปเยอะเลยนะค่ะ” ป้าแหวนกอดพี่อาร์ม

                “ทำไมป้าแหวนแก่ขึ้นเป็นกองเลย” คนตัวโตพูดขึ้นมางงๆ ป้าแหวนหน้างอ ส่วนผมระเบิดเสียงหัวเราะ

                “ฮ่าๆ พี่อาร์มดูป้าแหวนสิ หน้างอ คอหัก เป็นปลาทูแม่กลองแล้ว”

                ตอนพวกเราเด็กๆ ป้าแหวนสวยกว่านี้ แต่เพราะกาลเวลา ริ้วรอยเลยขึ้นตามวัย พี่อาร์มความจำเสื่อมเลยลืมเรื่องพวกนี้ไป

                “ล้อเล่นครับๆ ผมจะบอกว่าป้าแหวนสวยขึ้นเป็นกอง” คนตัวโตประจบคนสูงวัยกว่าอย่างเอาใจ ผมหัวเราะขำในความกะหล่อนของคนเป็นพี่

                “ฮึ คำพูดของผู้ชายเจ้าชู้อย่างคุณอาร์มเชื่อได้ทีไหนกัน”

                “โธ่...” พี่อาร์มลากเสียงยาว

                “พี่อาร์มเดินเล่นแถวนี้ก่อนนะ นิ่มจะคุยเรื่องบ้านกับป้าแหวนหน่อย” ผมบอก พี่อาร์มพยักหน้า ก่อนเดินเข้าไปสำรวจบ้าน

                ผมเดินนำป้าแหวนมายังห้องรับแขก บนโซฝาไม่ฝุ่นสักนิด ป้าแหวนกับคนอื่นๆคงทำความสะอาดทุกวัน

                “ขอโทษนะครับที่ต้องให้ป้าจัดการเรื่องงานบ้านคนเดียว”

                “ตั้งแต่คุณผู้ชายเข้าโรงพยาบาล บ้านหลังนี้ก็เงียบขึ้นมากเลยค่ะ แต่ป้าก็ดีใจที่วันนี้คุณหนูทั้งสองคนกลับบ้านมาพร้อมหน้าพร้อมตา คุณผู้ชายท่านก็คงดีใจ” ป้าแหวนถอนหายใจ

                ผมเหยียดยิ้ม ถ้าพ่อรู้ว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้คงโวยวายบ้านแตก คนในบ้านไม่เคยรู้ความสัมพันธ์ของผมกับพี่อาร์มนอกจากแค่เป็นพี่น้องที่รักกันมาก

                “แล้วเรื่องเงิน...”

                “โอ๊ย เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ คุณกันสามีคุณหนูท่านเปิดบัญชีให้ป้าถอนเงิน ทั้งเงินเดือนคนใช้ ค่าน้ำค่าไฟ จิปาถะ ให้ทุกเดือนไม่ขาดตกบกพร่อง ว่าแต่คุณกันไม่มาด้วยหรือคะ?”

                กัน...?

                “อะไรนะครับ พี่กันเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายในบ้าน...”

                “ค่ะ ตั้งแต่คุณผู้ชายเข้าโรงพยาบาลคราวนั่น คุณกันเธอก็เข้ามาจัดการเรื่องที่บ้านนี้ให้ ตอนแรกป้าก็ไม่เข้าใจ นึกว่าคุณหนูจะเข้ามาจัดการเรื่องในบ้านเอง แต่คุณกันเธอบอกว่าคุณหนูนิ่มยุ่งๆอยู่ แต่ก็จริงๆ นะค่ะ ป้านึกว่าคุณอาร์มเธอจะมาดูแลเรื่องในบ้านซะอีก ก่อนหน้านี้หายจ้อย ป้าละนึกว่าคุณหนูอาร์มเธอติดสาวที่ไหนเสียอีก บ้านช่องไปยอมกลับ” ป้าแหวนพูดไปเรื่อยประสาคนช่างจ้อ

                ตั้งแต่คุณพ่อเข้าโรงพยาบาล ผมเปลี่ยนไปมากจริงๆ ไหนจะเรื่องพี่อาร์มอีก...กันคงไม่อยากให้ผมกังวลเรื่องอื่นเพิ่มเลยจัดการเรื่องบ้านหลังนี้ให้ ทั้งๆที่ ผมควรเป็นคนเข้ามาดูแลเองแท้ๆ

                “พี่กันดีกับนิ่มมากจริงๆ” ผมพึมพำ

               “ป้าก็ว่าคุณกันเธอเป็นคนเก่ง คนดีจริงๆค่ะ ได้ข่าวแว่วๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิง เธอกำลังเปิดโครงการสร้างบ้านจัดสรรหรูหรา พวกคนใช้สาวๆนี่เพ้อถึงเธอไม่เว้นวันเชียวค่ะ”

                ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากันทำงานเกี่ยวกับอะไร ไม่นึกว่ากันจะดังขนาดมีข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์ คิดว่าตัวเองสนใจกันมากแล้ว แต่ไม่ใช่ผมจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา เป็นกันซะอีก ที่รู้เรื่องทุกอย่างของผม

                “ว่าแต่คุณนิ่มมาอยู่ที่นี้กี่วันค่ะ” ป้าแหวนถาม

                “จริงสิ นิ่มจะมาอยู่ที่นี้อาจจะสักเดือนหนึ่ง...พี่อาร์มประสบอุบัติเหตุ พร้อมกับตอนคุณพ่อเข้าโรงพยาบาล”

                “พุทโธ่! จริงหรือคะ? แต่เมื่อกี้ป้ายังเห็นคุณอาร์มดูปกติ”

                “พี่อาร์มความจำเสื่อมครับ ต้องพาไปหาหมอทุกวัน นิ่มต้องอยู่ดูแล” ผมบอก

                “ป้าไม่อยากจะเชื่อเลย” ป้าแหวนดูท่าทางตกใจไม่น้อย

                “ถ้ามีเวลาป้าช่วยเล่าเรื่องของพี่อาร์มให้เขาฟังด้วยนะครับ จะได้จำอะไรเร็วขึ้น”

                “แน่นอนค่ะ แต่ไม่อยากจะเชื่อ คุณหนูอาร์มน่าสงสารจริงๆ”

                “ป้าแหวนเตรียมอาหารมือดึกให้หน่อยได้ไหมครับ ผมกับพี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย” ป้าแหวนรับคำ

                ผมเดินหาพี่อาร์มทั่วบ้าน ขึ้นบันไดมาชั้นสอง เห็นประตูห้องเก็บภาพแง้มออกเลยเข้าไปดู เห็นแผ่นหลังหนาหยุดยืนมองรูปแขวนพนัง

                รูปครอบครัว...คุณพ่อนั่งบนเก้าอี้ใบหน้าดุๆที่เห็นจนชินตา ผมมองกล้องแล้วยิ้มอย่างร่าเริง ในขณะที่สายตาพี่อาร์มกำลังมองผม...จำได้ว่าตอนอัดภาพนั้นลงกรอบรูป คุณพ่อโวยวายพี่อาร์มใหญ่ ทำไมไม่มองกล้อง

                ตอนนั้นท่านคงคิดว่าสายตาที่พี่อาร์มมองผม มันเป็นสายตาพี่ชายที่มองน้องชายคนหนึ่ง

                ตึง!

                เสียงดังเรียกสายตาผมที่มองรูปภาพ ผมเห็นพี่อาร์มทรุดไปนั่งกับพื้น มือกุมศีรษะแน่น ใบหน้าของเขาดูเจ็บปวด

                “พี่อาร์ม!” ผมเรียกชื่อพี่ชายเสียงร้อนรน

                “ปวดหัวจี๊ดเลย” คนตัวโตบอกเสียงเบาพอได้ยินกันสองคน ผมเอามือประครองแผ่นหลังกว้างไว้

                “จำ จำอะไรได้หรอ” ผมถามเขาเสียงสั่น

                “พี่มองรูปคุณพ่อ อยู่ๆ ในหัวมันก็เห็นภาพตัวเองโดนพ่อตี ท่านมองพี่อย่างดุดันและโกรธเคือง เหมือนพี่ทำให้ท่านผิดหวัง”

                “บางทีพ่อกับพี่ก็ทะเลาะกันเพราะเข้าใจไม่ตรงกัน แต่วามจริงพ่อรักพี่นะ” ผมพูดปลอบ

                “ขอบคุณนะนิ่ม ที่มาดูแลพี่” พี่อาร์มลูบหัวผมเบาๆ ผมมองลึกไปในนัยน์ตาสีดำคู่นั่น แววตาไหววูบ

                “...นิ่มรักพี่อาร์มนะ นิ่มอยากให้พี่จำทุกเรื่องได้เร็ว” ผมบอกก่อนกอดคนตัวโตไว้ในอ้อมกอด

                ถึงเขาจะกอดผมในฐานะพี่ชาย แต่อ้อมกอดของพี่อาร์มอบอุ่นสำหรับผมเสมอมา

                ผมคิดว่า...ถ้าในเดือนนี้พี่อาร์มจำเรื่องของเราไม่ได้...ผมจะไม่ดันทุรังอีกต่อไป

                อาจเพราะ...ที่พี่อาร์มลืม เพราะเขาอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่

                เขาคงอยากลืมคนที่เขาเคยบอกว่ารัก สุดหัวใจ

                “อ้อนพี่เป็นเด็กเลยนะ” แขนหนากอดรัดผมตอบ

                “พี่อาร์มเคยบอกว่านิ่มเป็นของพี่ และพี่เป็นของนิ่ม...ถึงตอนนี้พี่อาร์มจะจำไม่ได้ แต่นิ่มจะพยายามทำให้พี่อาร์มจำได้ไวๆ”

                ถ้าเขาเลือกที่จะลืม ผมก็พร้อมจะเดินจากไปและให้คนที่ผมรักเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีความสุข

                และเพราะว่าผมรักเขา...รักมากจริงๆ...

                ...และถึงจะรักมากขนาดไหน...บางที...ผมก็ท้อเกินไป...ที่จะ...อดทนรอ...












> ยังมีคนอ่านอยู่ดีใจจัง เย้ ><  (เหมือนตอนจะสั้นๆ ฮ่าๆ)
นั่งคิดว่า เมื่อไหร่จะแต่งเรื่องนี้จบสักทีน้า อยากแต่งตอนหวานๆจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๓ : อดทนรอ) 23/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 23-07-2014 17:42:38
น่าสงสารคนทุกคนยกเว้นยัยชะนี
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๓ : อดทนรอ) 23/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 23-07-2014 18:23:26
ถึงว่า ฝนแล้ง เลย มาต่อ 2 ตอน ในเวลาไม่กี่วัน แล้งจัด ๆ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๓ : อดทนรอ) 23/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 23-07-2014 19:11:23
อ่านรวดเดียวแล้วหน่วงจิต แต่สนุกมากเลยค่าาา ติดตามม
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๓ : อดทนรอ) 23/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Opoln Miyabi ที่ 23-07-2014 19:32:34
 :o12: :o12: :o12: :o12:  สงสารพี่กัน   
ปล.เราพยายามเข้าในนิ่มน่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๓ : อดทนรอ) 23/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 23-07-2014 19:36:26
นิ่มเอ๊ย ขนาดตัวเองยังท้อแล้วกันล่ะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๓ : อดทนรอ) 23/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 23-07-2014 20:30:23
 :sad4:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๓ : อดทนรอ) 23/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥인사다소♥ ที่ 24-07-2014 04:57:35
นิ่มใจร้ายกับพี่กันมากกกก!  :katai1:

อยากให้นิ่มโดนเหมือนพี่กัน o18

 :pig4: รักคนแต่งจ้า
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๓ : อดทนรอ) 23/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 24-07-2014 10:15:08
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

บีบหัวใจ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๓ : อดทนรอ) 23/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-07-2014 13:57:33
ไม่รู้จะสงสารใครดี
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๓ : อดทนรอ) 23/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 24-07-2014 14:22:49
เป็นช่วงดราม่า จริงๆ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 24-07-2014 20:23:21
ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน

                ผมสำรวจห้องนอนของพี่อาร์ม ที่นี้ยังเหมือนเดิม ในตู้เสื้อผ้านั่นแบ่งไว้สองส่วน เสื้อผ้าผมกับเสื้อผ้าพี่อาร์ม จำได้ว่าพี่อาร์มให้ผมขนของย้ายมานอนห้องเขา ทั้งๆที่ห้องเราก็แค่กำแพงกั้น แต่คนเอาแต่ใจก็ดื้อจนผมยอมทำตามใจ

                ถึงจะอยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่บ้านหลังนี้ใหญ่เกินไป ห้องนอนพ่ออยู่ติดบันได ส่วนห้องผมกับพี่อาร์มอยู่ลึกเข้ามาข้างใน คนใช้สามารถขึ้นชั้นสองได้ก็ต่อเมื่อถึงเวลาทำความสะอาดที่กำหนดตายตัวตอน 12.00 นาฬิกา ความลับที่เรานอนห้องเดียวกันไม่มีใครรู้มาห้าปีเต็ม

                ผมค้นของในลิ้นชักส่วนตัวของพี่อาร์มที่เราใช้ร่วมกัน กล่องกำมะหยี่สีแดงหลบมุมอยู่ในนั่น ผมเปิดมันออก ข้างในมีแหวนเพชรลายเรียบๆ ตัวเรือนแหวนทำจากแพลทตินั่มประดับด้วยเพชรเรียงต่อกัน มันคือของขวัญครบรอบคบกันหนึ่งปีที่พี่อาร์มซื้อให้ เป็นเงินก้อนแรกที่เขาพยายามหาด้วยตัวเอง

                จำได้ว่ากว่าจะได้เงินก้อนมาซื้อเพชรเม็ดนี้เป็นของขวัญ พี่อาร์มยุ่งหัวหมุนขนาดไหนตอนทำงาน ถึงเขาจะทำงานบริษัทพ่อตัวเอง แต่ทำงานแลกเงิน ไม่ใช่ขอ มันเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของคนเป็นแฟน ที่คนรักเอาใจใส่เรา

                ในสายตาคนอื่นพี่อาร์มอาจดูเจ้าชู้ กะหล่อน แต่สำหรับผมที่อยู่เคียงเขาตลอด พี่อาร์มเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ต้นทุนพี่อาร์มอาจจะดี เขามีพ่อรวย แต่กว่าจะได้ยืนขึ้นในตำแหน่งใหญ่โตเขาก็ต้องทำตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งนั่น

                “อ้าว นิ่ม” ผมหันไปตามเสียงเรียก เก็บแหวนเพชรลงกล่องกำมะหยี่

                พี่อาร์มในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวเดินออกจากห้องน้ำ ตามเนื้อตัวเปียกซกเพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จ ผมหน้าแดงก่ำ ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่มองหุ่นพี่อาร์มผมมักจะจินตนาการ ตอนเราสองคน...

                “เดียวนิ่มเช็ดผมให้นะ!” บอกตะโกนบอก ปัดความคิดไร้สาระในหัวออกไป

                “ฮะๆ ตะโกนเสียงดังเชียว เขินพี่หรอนิ่ม” พี่อาร์มหัวเราะ นั่งบนเตียง ผมคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กๆมา เช็ดผมให้พี่ชาย

                “อยู่นิ่งๆสิ นิ่มจะเช็ดผมให้”

                “พี่นึกว่านิ่มนอนไปแล้ว” คนตัวโตพูดขึ้น

                “ยังไม่ง่วงน่ะ” ผมน่าจะนอนแล้ว...แต่ตั้งแต่เราคบกันผมแทบไม่เคยเข้าไปนอนห้องตัวเองเลย

                เพราะตอนเราคบกัน ถึงมีบางครั้งทะเลาะกันรุนแรง แต่ไม่มีสักครั้งในยามค่ำคืน พี่อาร์มจะปล่อยให้ผมนอนคนเดียว

                “ปกติเรานอนห้องเดียวกันหรอ” ผมชะงักมือตัวเอง

                “อื้ม...จำได้ด้วยหรอ”

                “ห้องน้ำมีของใช้สองชุดนะ ในตู้เสื้อผ้ายังมีเสื้อผ้านิ่มด้วย แถมเตียงนอนลายหมีพูห์ นี่มัน...”

                “...ฮึ!” ผมขึ้นเสียง เช็ดผมพี่อาร์มแรงๆ

                “นิ่มคงเป็นน้องชายที่พี่รักมาก” พี่อาร์มคว้ามือผมที่กำลังขยี้เส้นผมเขาแรงๆ

                “รักมากเกินไปด้วยซ้ำ” ผมตอบเขาเบาๆ

                ผมถูผ้าเช็ดผมแรงๆสองสามครั้ง เดินไปหยิบชุดนอนให้พี่อาร์มอย่างคล่องแคล่ว             

                “งั้นนิ่มไปนอนก่อนนะ ดึกแล้ว” ผมบอกเขา พี่อาร์มพยักหน้า “อย่าลืมกินยา” ผมกำชับพี่อาร์มให้กินยาที่หมอให้มา

                ผมเดินออกจากห้อง รู้สึกขามันหนักๆชอบกล ความจริงที่ควรยอมรับ ผมควรลืมความเคยชินต่างๆ ในอดีต เพราะปัจจุบัน...มันไม่เหมือนเดิม

                “เดี๋ยว” มือหนาจับข้อมือผมไว้ ผมหันไปมองอย่างุนงง

                “มีอะไรครับ”

                “ยังไงแต่ก่อนเราก็นอนด้วยกันอยู่แล้ว ตอนนี้นิ่มก็มานอนกับพี่เถอะ” พี่อาร์มยิ้มกว้าง ฉุดมือผมเข้ามาในห้อง มือหนาปิดสวิทช์ไฟ

                ทั้งที่เมื่อกี้ผมยังรู้สึกแย่...

                แต่ตอนนี้ผมกำลังยิ้มกว้าง...

                ท่ามกลางความมืด ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรง ตึกตัก ตึกตัก มือหนาพาดลำตัว กอดผมแน่นด้วยอ้อมกอดที่คุ้นเคย อ้อมกอดที่เคยพูดพร่ำคำว่ารักข้างหู คลอเคลียไม่ยอมห่าง

                “ตัวนิ่มหอมจัง” คำพูดเบาๆกับปลายจมูกที่ขยุกขยิกแถวลำคอทำผมตัวแข็งทื่อ “ถึงว่าพี่ชอบนอนกอดนิ่ม”

                “อะ อื้ม”

                ปี๊บบ

                หน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบ ผมสะดุ้ง เอื้อมมือคว้าโทรศัพท์มาดู แมสเสจเข้าเป็นข้อความของกัน ผมเปิดดูข้อความ

                ‘อยากได้ยินเสียง’

                “มีอะไรหรือเปล่า” คนข้างกายถามขึ้นเบาๆ

                “เปล่า เปล่า ข้อความอัตโนมัติจากระบบนะ” ผมพูดปด...โกหกจนเคยชิน

                “งั้นนอนเถอะ พี่ง่วงแล้ว”

                พี่อาร์มกำชับอ้อมกอดแน่น แผ่นหลังผมอยู่ติดกับหน้าท้องของเขา ไม่นานก็รู้สึกถึงจังหวะการหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ

                ผมลืมตาโพล่งในความมืด ข้อความที่ส่งมาวนเวียนในหัว ในหัวผมคิดถึงแต่กัน กัน กัน ความเย็นของแอร์ไม่ทำให้ผมร้อนน้อยลงสักนิด ผมร้อนใจ

                ผมรอจนแน่ในว่าคนข้างกายหลับสนิท ผมดันมือหนาที่กอดตัวเอง ฉวยหยิบโทรศัพท์เดินออกนอกห้องเงียบๆเหมือนพวกโจรย่องเบา

                มือกดเบอร์ที่คุ้นเคยอย่างรวดเร็ว ตาจ้องสัญลักษณ์โทรศัพท์สีเขียวด้วยความชั่งใจ ก่อนแตะเบาๆ ได้ยินเสียงรอสายดังตามมา...เสียงรอสายหายไปได้ยินเสียงซ่าๆ เหมือนเสียงลมตีเข้ามาแทน

                “...ยังไม่ถึงบ้านหรอ” ผมถามคนปลายสาย

                ‘พึ่งดูหนังจบ...ขับรถอยู่’ คำพูดของกันทำผมรู้สึกแย่ทุกครั้งในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป

                “ขับรถตอนกลางคืนมันอันตรายนะ ระวังด้วย”

                ‘พี่นี้แย่เนอะ...บอกว่าจะรอ ไม่ทันข้ามวันก็ส่งข้อความไปรบกวนแล้ว แค่คิดว่าไม่เจอหน้าได้ยินเสียง ก็ยังดี...’

                “ไม่รบกวนอะไรสักหน่อย นิ่มซะอีก...ขอบคุณเรื่องที่ช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายที่บ้านให้นะครับ”

                ‘ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก  พี่เต็มใจทำให้นิ่ม’

                “ขอบคุณที่ทำทุกอย่างเพื่อนนิ่มนะ”

                ‘พี่บอกแล้วไง ไม่ต้องขอบคุณ...พี่ฟังแล้วเหมือนนิ่มจะทิ้งพี่ยังไงไม่รู้ หึหึ’ คนปลายสายหัวเราะในลำคอ

                “นิ่มขอเวลาอีกแค่เดือนเดียว นิ่มจะทำทุกอย่างให้ชัดเจนกว่านี่ พี่กันอย่าท้อที่จะรักนิ่มนะ” ผมขอร้อง

                ถ้าหากวันที่ผมต้องเลือกมาถึง...ถ้าทั้งพี่อาร์มและกันเลือกที่จะทิ้งผมไปเพราะนิสัยโลเลหลายใจ ผมคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้

                ‘พี่ไม่เคยผิดคำสัญญา ดึกแล้ว นอนได้แล้วครับ’

                “ฝันดีครับ”

                ‘ฝันดี’

                ผมเชื่อคำพูดของกัน เพราะเขาแสดงให้ผมเห็น ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันมา กันทำให้ผมเชื่อมั่นในตัวเขา เชื่อในความหนักแน่นและมั่นคง

                เพราะกันคือผู้ชายอีกคนที่ผมรัก...คนที่ผมยอมมอบความรักให้ทั้งๆที่รู้ว่าการรักกันจะต้องเจ็บปวด ทั้งตัวเขาและผม

                และผมก็ไม่คิดที่จะเสียใจ

 

                                                                >W e d d I n g<

 

                -กัน-

                เสียงสัญญาณโทรศัพท์ตัดไปนานแล้ว แต่ผมยังไม่คิดจะปล่อยโทรศัพท์ทิ้ง เสียงของคนที่รักยังดังก้องหู

                'นิ่มขอเวลาอีกแค่เดือนเดียว นิ่มจะทำทุกอย่างให้ชัดเจนกว่านี่ พี่กันอย่าท้อที่จะรักนิ่มนะ'

                ผมฟังคำพูดนั่นด้วยความรู้สึกหน่วงหัวใจ...ผมรับคำ และสัญญา...ผมเต็มใจที่จะรอวันที่นิ่มกลับมาหาผม...กลับมาพูดคำว่ารักผม พูดคำว่ารักโดยปราศจากความกังวลใดๆ

                ผมรอเสมอมา...รอจนบางครั้งคิดว่าตัวเองมันเป็นแค่ไอ้หน้าโง่คนหนึ่ง

                ทั้งๆที่รู้ว่าตอนนี้เมียตัวเองอยู่กับคนรักเก่า แต่ก็ยอมปล่อยไป...เป็นไอ้หน้าโง่ตัวหนึ่งที่ทำทุกอย่างเพื่อหวังว่าวันหนึ่งคนที่รักจะหันมามองและรักผมคนเดียว

                ผมรู้ดีว่าตัวเองมาทีหลัง...แย่งนิ่มจาก ‘มัน’ ด้วยการบังคับ ตีตราจองร่างกายด้วยใบทะเบียนสมรส เศษกระดาษแผ่นเล็กๆที่ผูกมัดนิ่มไว้ข้างกาย เป็นคนเห็นแก่ตัวที่ทำดีเพื่อหวังผลตอบแทน

                เคยคิดว่าถ้าตัวเองเลวกว่านี้ได้อีกสักนิด ผมคงข่มขืน ผูกมัดคนที่ตัวเองรักไว้ไม่ให้ไปไหน ไม่ต้องทนคิดภาพคนที่รักคลอเคลียกับมันในหัว ไม่ต้องนึกภาพนิ่มหัวเราะต่อกระซิกกับใครคนอื่น

                แต่แค่เห็นใบหน้าหวานๆของคนที่รักพรั่งพรูด้วยหยาดน้ำตาสีใส จ้องมองมาด้วยความโกรธ ใจผมมันก็อ่อนยวบ...ยอมทรมานตัวเอง ยอมทนปล่อยคนที่รักไปดีกว่าต้องทนมองสายตาคู่นั่นจ้องมองมาด้วยความเกลียดชัง

                ผมรอ...รอคอยโอกาสแย่งนิ่มมาด้วยความใจเย็น

                ผมไม่ใช่คนดี...ก็แค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ที่ยอมทรมานตัวเองด้วยคำว่ารัก...อดทนรอสักวันที่หัวใจดวงนั่นจะเป็นของผมแค่คนเดียวตลอดกาล








#144 นิยายเรื่องนี้ชะนี่ไร้จุดยืนค่ะ 555
#145 ที่บ้านเราฝนตกเหมือนฟ้ารั่วเลยค่ะ ช่วงนี้คึก แหะๆ
#146 ติดตามกันนานๆค่ะ ><
#147 นิยายเรื่องนี้ทุกคนน่าสงสารค่ะ TT
#148 พี่กันท้อแต่ไม่ถอย อิอิ
#149 ร้องไห้ด้วย  :o12:
#150 สงสารพี่กันแต่อย่าใจร้ายกันหนูนิ่มน๊า รักคนอ่านเหมือนกันนนน   o18
#151 บีบหัวใจด้วยคน  :mew6:
#152 สงสารทุกคนเลย  :hao5:
#153 ตอนนี้ก็ดราม่า  :heaven
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 24-07-2014 20:34:07
สงสารพี่กัน
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 24-07-2014 20:37:54
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

บีบหัวใจ ไม่รุ้จะเลือกใคร(เสมือนเป็นนายเอก)
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-07-2014 20:55:51
โอ๊ยย ใครยังไงไม่รู้แต่เราแม่ยกพี่กันนะ
 แล้วบางทีก็แอบคิดว่า ให้พี่กันไปจากนิ่มซะดีกว่า อยู่อย่างนี้มันแย่จริงๆ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: mkyok5 ที่ 24-07-2014 20:57:20
 :hao5: :hao5: :hao5:3pเถอะนะจะได้ไม่ทำร้อยใจคนอ่านแง่ๆๆๆๆๆๆๆๆ :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 24-07-2014 21:32:57
กลับมาอ่าน เรื่องนี้ไม่ได้อ่านนานแล้ว

พี่กันน่าสงสารดีเนอะ ยอมทุกอย่างเพื่อคนที่รัก

อยากเห็นพี่กันบทร้ายๆ มั่ง เป็นคนดีแล้วมันไม่ได้ดี ก็ร้ายไปเลยสะใจดี
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 24-07-2014 22:54:24
ไร้หนทางทุกคนเลย เหอะๆ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 24-07-2014 23:14:00
อยากให้นิ่มชัดเจนกว่านี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 24-07-2014 23:26:08
อร๊ายยยยย  :hao5:
ปล่อยพี่กันไปเถอะหนูนิ่ม

ถ้าต้องเลิกกับอาร์มจริงก็ไม่เท่าไหร่นะ แต่กลัวอิเปรมจะคาบไป อินี่มันเลว ให้อภัยไม่ได้  :beat:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-07-2014 23:49:53
โอ๊ยยย  สุดๆไปเลย
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: kissu111 ที่ 25-07-2014 01:27:50
 “นิ่มขอเวลาอีกแค่เดือนเดียว นิ่มจะทำทุกอย่างให้ชัดเจนกว่านี่ พี่อาร์มอย่าท้อที่จะรักนิ่มนะ” ผมขอร้อง"

มันน่าจะเป็นพี่กันมากกว่านะคะ นิ่มคุยกับกัน

 “พี่กันอย่าท้อที่จะรักนิ่มนะ” ผมขอร้อง

ปล.ก็ไม่รู้สินะ คิสอยากให้นิ่มโดนทิ้ง  :katai3:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 25-07-2014 02:03:39
#164 แก้อย่างไว ขอโทษด้วยนะคะ :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 25-07-2014 13:05:10
ผัวดีขนาดนี้ "นิ่ม"จะทิ้ง"กัน"ลงหรอ?

รักพี่กันเถอะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๔ : นอนด้วยกัน) 24/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥인사다소♥ ที่ 25-07-2014 17:30:39
สงสารพี่กันนน ฮรือออ  :hao5:

 :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๕ : วันหวาน) 26/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 26-07-2014 22:53:18
ตอนที่ ๒๕ : วันหวาน

                เกือบสิบวันแล้วที่ผมดูแลพี่อาร์ม ตื่นมาเจอเขานอนหลับ กินข้าวด้วยกัน หากิจกรรมอะไรต่างๆทำร่วมกันเพื่อสร้างความคุ้นเคย ตกเย็นผมจะพาพี่อาร์มไปหาหมอ ส่วนเรื่องงาน ผมตัดสินใจยืนใบลาออก โดยมีพี่แทนเป็นจัดการธุระทุกอย่างให้ ทั้งเรื่องเด็กในคลาส เรื่องตรวจงาน ต้องขอบคุณพี่แทนจริงๆที่ช่วยผมไว้ทุกอย่าง ทั้งที่ตอนแรกห้ามไม่ให้ผมลาออก แต่เมื่อผมบอกความจำเป็นของตัวเอง พี่แทนก็ไม่ขัดข้องอะไร ให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง

                ความจริงผมอดใจหายไม่น้อยเมื่อตัดสินใจลาออก แต่ภาระหลายอย่างที่ต้องดูแล ไหนจะเรื่องบ้าน เรื่องงานที่บริษัท เรื่องดูแลพ่อ ถึงจะมีกันช่วย แต่ผมเกรงใจ เพราะถ้าพี่อาร์มฟื้นฟูความจำบางส่วนได้ ผมจะให้เขาเข้าไปเริ่มทำงานต่อ

                แต่ตอนนี้อีกเรื่องที่ทำให้ผมค่อนข้างหนักใจและหมดปัญญาจะหาข้ออ้าง...

                “พี่อยากเจอเปรม”

                “นิ่มบอกแล้วไง จนกว่าพี่อาร์มจะหายถึงจะให้ไปเจอได้!” ผมตะคอกกลับอย่างหงุดหงิด

                เปรม! ...ผมเกลียดมัน...คนฉวยโอกาส...พี่อาร์มเล่าให้ผมฟังว่า เปรมบอกว่าพี่อาร์มกับเปรมคบกันมาได้สามปีแล้ว ทั้งสองคนเริ่มรักกันตอนพี่อาร์มช่วยเหลือเปรมที่ครอบครัวล้มละลาย ความรักของ ‘พวกเรา’ สดใสราบรื่น พี่อาร์มค่อนข้างจะอยู่ติดเปรมแจด้วยซ้ำ ตอนฟังที่พี่อาร์มเล่าบอกได้เลยว่าผมรู้สึกอยากสะบันหน้าขาวๆนั่นสิบที

                “ทำไมห้ามไม่ให้พี่เจอ!” พี่อาร์มขึ้นเสียงกลับ

                “อยากเจอมันมากเลยหรือไง! ทุกวันพี่พูดแต่ชื่อเปรมๆๆ บอกตรงๆ นิ่มชักทนไม่ไหวแล้วนะ!” ผมขึ้นเสียงตอบไม่ยอมแพ้

                “งี่เง่าแล้วนะนิ่ม พี่เป็นแฟนเปรมพี่ก็อยากคุย อยากเจอ นี่พี่ก็ตามใจนิ่มมากแล้วนะ” ผมชักสีหน้า

                ถึงจะรู้ว่าเขาจำไม่ได้ แต่ความโกรธ หงุดหงิดมันจุกอก ถ้าเขาเป็นพี่อาร์มคนเก่า สาบานเลยผมจะตะบันหน้าหล่อๆนี้ให้เลือดกบปากสักที

                พูดถึงคนอื่นอยู่ได้ น่ารำคาญ!

                “ใครจะดีเหมือนเปรมของพี่ละ! เออ นิ่มมันงี่เง่า...โคตรงี่เง่าเลย”

                “อย่ามาประชด พี่ไม่ชอบ” คนตัวโตพูดกลับเสียงนิ่งๆ

                “คนที่พี่ชอบไม่ใช้นิ่มนี่ เปรมปรีย์โน่น! ทั้งๆที่นิ่มพยายามอดทนนะ แต่พี่อาร์มก็ยัง...โธ่เว๊ย!” จำไม่ได้! จะให้ผมเรียกร้องความสนใจอะไรจากคนรักที่ลืมกัน! “ก็แค่อย่าไปนึกถึงเปรมแค่เดือนเดียว จนกว่าจะรักษาตัวเองหาย แค่นั่นพี่อาร์มทำไม่ได้หรือไง...หรือจะต้องให้นิ่มคุกเข่าขอร้องเลยหรือไง...ก็แค่เดือนเดียว...”

                “...” พี่อาร์มนิ่งเมื่อผมโวยวาย

                “แล้วเมื่อไหร่จะจำได้สักที เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นพี่อาร์มคนเดิม...จะเป็นคนความจำเสื่อมไปตลอกชาติเลยหรือไง!” ผมต่อว่าพี่ชายตัวสูงอย่างหนัก ทุบปักๆ บนไหล่หนา กิริยาปกติที่ทำเมื่อโกรธเคือง

                “หยุดโวยวายได้แล้วนิ่ม!”

                “อึ่ก...คนที่ว่านิ่มอยู่ตรงหน้าเนี่ย คนนี้” ผมทุบมือลงบนหน้าอกข้างซ้าย “คนนี้ไม่ใช้พี่อาร์มของนิ่ม! เป็นใครก็ไม่รู้ เพราะพี่อาร์มของนิ่มนะ ไม่มีวันทำให้นิ่มเสียใจ!”

                “พอสักที!” พี่อาร์มตวาดเสียงดัง มือหนาจับแขนผมที่ทุบเค้าไว้แน่น

                “...ฮึ...” ผมเม้มปาก มองใบหน้าที่คุ้นเคยผ่านม่านน้ำตา

                “จะร้องไห้ทำไม เรื่องแค่นี้”

                “...”

                “หยุดร้อง” คนตัวโตว่าเสียงดุ

                “นิ่มจะร้อง แล้วพี่อาร์มจะสนทำไม”

“ทำตัวเป็นผู้หญิง” ผมกัดฟันแน่น มองใบหน้าหล่อๆด้วยสายตาวาวโรจน์   

                “แล้วใครละที่ทำให้นิ่มเป็นแบบนี้!”

                “...เฮ้อ...” พี่อาร์มถอนหายใจออก ขยี้ผมตัวเองแรงๆ เหมือนหงุดหงิด “โอเค...พี่ไม่เซ้าซี้แล้ว หยุดร้อง พี่ขอโทษ...เห็นนิ่มร้องแล้วพี่รู้สึกไม่ดี” พี่อาร์มใช้มือเช็ดน้ำตาให้

                “นิ่มไม่ชอบที่พี่ตะคอกนิ่ม” 

                “พี่ขอโทษ พี่หงุดหงิด พี่เบื่ออยู่บ้าน”

                “แล้วจะให้นิ่มทำยังไง นิ่มไม่รู้จะวางตัวยังไงแล้วนะ พี่อาร์มเปลี่ยนไป...รู้หรือเปล่า พี่เคยบอกนิ่มว่า พี่จะไม่ทำให้นิ่มร้องไห้ พี่จะตามใจนิ่มทุกอย่าง...แล้วดูนี้ดิ พี่เป็นคนตะคอก พี่ขึ้นเสียงกับนิ่ม...พี่อาร์มแมร่งแย่วะ” ผมด่าคนความจำเสื่อมอย่างสุดทน

                รู้ว่าตัวเองงี่เง่า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพาลใส่

                “ยืนอยู่ตรงนี้ก่อน เดียวพี่มา” พี่อาร์มสั่งก่อนหายเข้าไปในบ้าน เหมือนพี่อาร์มจะไม่สนใจที่ผมพูดไปเลยสักนิด ผมกระทืบเท้าเดินตามคนตัวสูงไป

                “อย่าเดินหนีสิ” ผมตะโกนว่าคนตัวโตตามหลัง

                เสียงของผมคงดังไป ป้าแหวนที่อยู่แถวนี้เดินเขามาหาด้วยสีหน้าตื่นๆ ยิ่งเห็นผมตาแดงๆยิ่งตกใจไปใหญ่

                “ทะเลาะอะไรกันเสียงดังคะคุณหนู”

                “พี่อาร์มนิสัยไม่ดี โคตรแย่!” ผมเน้นเสียงคำหลังดังๆ

                “ป้าแหวน ผมไม่อยู่บ้านสองวันนะ” พี่อาร์มลงมาจากชั้นสองพร้อมกระเป๋าเดินทาง ผมตกใจตาตื่น ยิ่งได้ยินที่เขาพูดยิ่งตกใจ น้ำตาร่วงเพาะเลยเมื่อคิดว่าพี่อาร์มจะกลับไปหาเปรม

                “นิ่มไม่ให้พี่ไปหาเปรมนะ ไม่ให้ไป!” ผมรั้งแขนหนานั้นไว้ น้ำตาหยดเพาะๆ

                “อะไรกันคะ คุณหนู?” ป้าแหวนถามเสียงตกใจ

                “มานี่” พี่อาร์มจูงแขนผมออกนอกบ้าน ผมเดินตามเขา รู้สึกแย่สุดๆ ใจมันหวั่นๆ พี่อาร์มจูงผมมาที่ออดี้สีขาว รถอีกคันที่เขาเคยใช้

                มือหนากดปุ่มเปิดประตู ยัดผมนั่งที่นั่งข้างคนขับ โยนกระเป๋าเดินทางไว้เบาะหลัง

                “พี่อาร์มจะไปหาเปรมหรอ ไม่ไปได้ไหม นิ่มขอนะ ฮึก...นิ่มขอโทษก็ได้ นิ่มขอโทษที่ทำนิสัยแย่ๆ นิ่มจะไม่ทำอีกแล้ว...ฮึก...” ผมทั้งขอร้องทั้งขอโทษทั้งน้ำตา

                “หยุดร้องได้แล้ว พี่ไม่ได้ไปหาเปรม” คำพูดของเขาเหมือนกดปิดสวิสน้ำตา ผมชะงัก มองใบหน้าหล่อๆด้วยความงุนงง

                “อ้าว แล้วพี่อาร์มจะไปไหน” ผมถามกลับด้วยความงุนงง

                “ไปเที่ยว พี่เบื่ออยู่บ้าน” คนตอบของพี่ชายยิ่งทำผมงงเป็นไก่ตาแตก

                ออดี้สีขาวถูกเร่งเครื่องพร้อมทะยานออกนอกบ้านทันทีที่จบประโยคพูดของคนขับ ผมมองใบหน้าพี่ชายด้วยความงุนงง คำถามหลายๆอย่างประดังประเดเข้ามาในหัว

                “พี่อาร์มจำวิธีขับรถได้แล้วหรอ”

                “อืม...จำได้ถึงตอนขับรถชนอุบัติเหตุด้วย สยองดี...สปอร์ตคันเก่าคว่ำหลายตลบ ตอนนั้นนึกว่าตัวเองต้องตายซะแล้ว”   

                “จำได้ด้วย” ผมตาโต “แล้วเรื่องอื่นละ พี่อาร์มจำได้หรือยัง” ผมเขย่าแขนพี่ชายรัวๆ

                “ยังจำไม่ได้” พี่ชายพูดเสียงเรียบ

                “...แล้ว นี่จะไปไหน” ผมอดรู้สึกผิดหวังไม่น้อย

                “ไปเที่ยวไง...ฟาร์มจระเข้ดีไหม”

                ข้อเสนอของพี่อาร์มทำผมเบิกตากว้าง...ฟาร์มจระเข้! ให้ตายเถอะ ถึงจะความจำเสื่อม แต่เซนต์เรื่องไปเที่ยวนี้ไม่เสื่อมไปด้วยเลย

                “เดี่ยว เดี่ยวสิ นี่บ่ายแล้วนะ ไปฟาร์มจระเข้มันเดินทางตั้งไกล พี่อาร์มต้องไปหาหมอนะ!” ผมขัด

                “ไปเที่ยวกันนะครับ สองวันเอง” แค่ได้ยินประโยคนี้ก็รู้ตัวว่าผมเป็นฝ่ายแพ้

                “อะ อื้ม!”

                คำพูดหวานๆของคนข้างกาย ทำผมใจอ่อน ถึงจะกังวลนิดหน่อยเรื่องไปหาหมอ แต่ผมไม่อยากขัดใจ เพราะเราพึ่งทะเลาะกัน...ดีแค่ไหนแล้วที่พี่อาร์มไม่ไปหามัน

 

                                                                   >W e d d I n g<

               

                ผมเหม่อมองคนข้างกายที่กำลังยิ้มกว้างดูโชว์แสดงครูฝึกจระเข้...ที่ๆ เขาพามา ที่ๆเขายืนดู ตอนที่เขาหัวเราะ มันเหมือนตอนที่เรามาเดทด้วยไม่มีผิด

                “รู้รึเปล่า ทำไมจระเข้ไม่งับหัวครูฝึก” พี่อาร์มถามขึ้นเมื่อการแสดงถึงตอนที่ครูฝึกเอาหัวใส่ปากจระเข้

                “ไม่ นิ่มไม่รู้หรอก” ผมยิ้มกว้างกับคำถามนั้น ทำไมจะไม่รู้ เพราะตอนที่เรามาเดทกันพี่อาร์มก็เคยถามคำถามนี้

                “ครูฝึกต้องรู้จังหวะการแสดงกับจระเข้ อย่างแรกเลยเวลาแสดงต้องเวลาที่มันอิ่มแล้ว และผ่อนคลาย จระเข้เป็นสัตว์ที่ใช้สัญชาตญาณในการล่า แต่ส่วนใหญ่จระเข้แสดงจะถูกเลี้ยงในบ่อ ฝึกจนครูฝึกรู้จังหวะ เวลามือง้างตรงนี้จระเข้จะอ้าปาก เวลาจะเอาหัวเข้าปากจระเข้ก็ต้องระวังไม่ให้เหงื่อโดนลิ้นจระเข้ ไม่งั้นมันจะงับหัวครูฝึกเอา แล้วเวลาแสดงจะต้องมีครูฝึกอีกคนคอยดึงหางจระเข้ตลอดเพื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินน่ะ พวกคลิปจระเข้กัดหัวครูฝึก เคยดูหรือเปล่า”

                “เคยสิ” ผมมองหน้าคนพูดจนเพลิน

                “อาชีพนี่ก็น่ากลัวนะ ไม่รู้วันไหนฟ้าไม่เป็นใจ โดนงับหัวที สยองน่าดู” พี่อาร์มพูดพลางจ้องครูฝึกจระเข้ที่กำลังจะจบการแสดง คนดูรอบบ่อพากันโยนแบงก์ลงบ่อเป็นทิปรางวัลการแสดงโชว์ ผมก็ควักกระเป๋าสตางค์ตัวเองจะทำมั่ง

                “เอ๋” ผมขมวดคิ้ว กางเกงไม่มีกระเป๋าสตางค์“อ๋า! กระเป๋าสตางค์นิ่มหาย” ผมร้องขึ้นตกใจ ล้วงซ้ายล้วงขวาก็ไม่เจอ

                “ไม่ได้หายหรอกมั้ง ไม่ได้เอามาซะมากกว่า” พี่อาร์มพูดขึ้นก่อนเขกหัวผมเบาๆ เขาเป็นฝ่ายยืนแบงก์มาให้ผมโยนลงบ่อ

                นึกขึ้นได้เหมือนกันว่าตอนออกจากบ้านมัวร้องไห้ฟูมฟาย ไม่ได้เตรียมเอาอะไรออกมาเลย นี่ถ้าโดนหลงทางผมคงต้องไปสถานีตำรวจสถานเดียว เงินก็ไม่มี บัตรประชาชนก็ไม่มี โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอามา

                “เอาโทรศัพท์มาเปล่า นิ่มจะโทรไปบอกหมอก่อน” ผมถามอย่างนึกขึ้นได้

                “เอามาแค่ตัวกับหัวใจ รถหนึ่งคันกับกระเป๋าสตางค์หนึ่งใบ” พี่อาร์มบอกยิ้มๆ ผมหัวเราะร่วน

                การแสดงจบแล้ว ผมชวนพี่อาร์มไปดูของที่ระลึก จับจูงมืออีกฝ่ายอย่างเคยชิน ผมไม่เคยอายที่จะแสดงความเป็นเจ้าของพี่อาร์ม เวลาที่เราต้องระวังก็แค่ตอนอยู่กับคุณพ่อ ซึ่งตอนนี้ไม่จำเป็น

                “อยากได้หรอ เห็นเอาแต่จ้อง” พี่อาร์มถาม

                “ไม่ๆ นิ่มแค่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ สงสาร” ผมปฏิเสธ

                สินค้าที่วางขายคือกระเป๋าทำจากหนังจระเข้ ส่วนตัวแล้วไม่ได้รังเกียจ แค่สงสารจระเข้ที่ถูกลอกหนังมาทำสินค้าฟุ่มเฟื่อยสนองความต้องการคนมีเงิน

                “มันเป็นอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวเขา แต่เราเลือกได้ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ”

                “เอาตุ๊กตาจระเข้ดีกว่า ผูกหูกระต่าย น่ารักดี” ผมบอกชี้ไปที่ตู้กระจก ข้างในวางตุ๊กตาจระเข้ตัวใหญ่ขนาดลูกฟุตบอล มันใส่หูกระต่าย ตาโต ตลกๆ

                “ไปจ่ายเงินก่อน”พี่อาร์มพูดเบาๆ ผมมองคนข้างกายฉงน ก่อนรู้ตัวว่าตัวเองจับมือหนาแน่น พี่อาร์มหยิบกระเป๋าสตางค์ไม่ได้ ผมยิ้มแห้งๆ เก้อเขินปล่อยมือตัวเองออก

                “หึหึ” เสียงหัวเราะหึหึในลำคอเรียกใบหน้าร้อนซู่ ไม่ต้องมองกระจกก็รู้ว่าหน้าขาวๆของตัวเองคงแดงแปร๊ด ยิ่งพี่อาร์มคว้ามือผมจับเหมือนเดิมแล้วล้วงล้วงกระเป๋าสตางค์ทั้งที่มือของเรายังจับกันแน่น ผมยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองย้อนเวลาไปตอนจีบกันใหม่ๆ

                ผมเดินออกจากฟาร์มจระเข้ไปลานจอดรถ มือหนึ่งกอดตุ๊กตา อีกมือหนึ่งจับแขนพี่อาร์มแน่น นักท่องเที่ยวหันมามองแต่ผมไม่สนใจหรอก การแสดงออกว่ารักใครสักคน ทำไมต้องสนใจสายตาของคนที่เราไม่รู้จัก ผมคิดว่ามันไม่แฟร์สักนิดที่สังคมมองความรักของเพศเดียวกันเป็นเรื่องแปลก ทั้งที่เนื้อแท้แล้ว ความรู้สึกรัก มันไม่ต่างจากความรักชายหญิงคนธรรมดา

                “พี่อาร์ม ก้มหัวลงมาหน่อย” ผมบอกเบาๆ พี่อาร์มก้มหัวลงมานิดๆ ผมฉวยโอกาสหอมแก้มคนตัวโตเร็วๆหนึ่งฟอด “แทนคำขอบคุณ สำหรับตุ๊กตาคุณจระเข้” ผมบอก ยิ้มเขินๆ ไม่กล้าสบตา

                “น้องใครเนี่ย น่ารักจริง” พี่อาร์มพูดยิ้มๆ มือหนาบีบจมูกผมส่ายไปมา

                “จมูกแดงหมดแล้วมั้งเนี่ย”

                ผมร้องโวยวาย เงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเราสองคนใกล้กันแค่คืบ ใบหน้าแดงก่ำสะท้อนในดวงตาสีดำคู่นั่น ผมหยุดชะงักไปเมื่อหน้าเราใกล้ชิดจนได้ยินเสียงลมหายใจชัดเจน

                “...พอมองใกล้ๆ แล้วพี่พึ่งรู้ว่าปากนิ่มแดงขนาดนี้” คำพูดเบาๆมาพร้อมกับมือหนาที่สัมผัสเบาๆตรงริมฝีปาก “พี่จำได้ลางๆ เหมือนว่าเคยจูบ...คนที่ริมฝีปากแดงๆ เหมือนนิ่ม”

                “คะ ใคร! เปรมหรอ!?” ผมโพล่งขึ้นถามเสียงดังอย่างลืมตัว

                “ฮะๆ ไม่น่าใช่เปรม...แค่ใครสักคนที่พี่ยังคิดไม่ออก” พี่อาร์มพละใบหน้าออกเพราะเสียงรถที่เลี้ยวเข้ามาจอด   

                “บางทีคนที่พี่อาร์มลืม เค้าอาจจะรอให้พี่นึกออกอย่างทรมานใจก็ได้” ผมพูดเสียงแผ่ว

                “พี่ขอโทษ...เย็นแล้ว ไปหาที่พักกันเถอะ”  พี่อาร์มพูดตัดบท

                ผมไม่รู้ว่าพี่อาร์มขอโทษเพราะอะไร...วันนี้เค้าทำให้ผมร้องไห้...ทำให้ผมใจเต้น...ทำให้ผมหน้าแดง...และทำให้ผมหวัง...หวังว่าสักวันหนึ่งความรักของเราจะเป็นเหมือนเดิม

                และไม่รู้ด้วยซ้ำ...ถ้าวันนั่นมาถึง...ผมจะเลือก...ใคร








>ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ
มีของแถมนิดหน่อย
เพลงบิวอารมณ์   ( http://www.youtube.com/watch?v=Xx92HqeyXvY&list=RDckWicQxlmCo&index=2 )
กับ ตุ๊กตาจระเข้น่ารักๆ (ไปจิ๊กรูปในเนตมา ขออนุณาติลงลิงค์ร้านเขาด้วยนะค่ะ http://trtintertrade.igetweb.com/product/141551/%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89.html )

(http://image.ohozaa.com/i/71e/Cdo6Ev.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xJU1CKkG9QVZOIvg)

.............................
นอกบท จินตานาการคาแรคเตอร์ในนิยายกับดาราชาย
(http://image.ohozaa.com/i/666/I0hncV.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xJUaQy2JxGPOIABz)
อันนี้สำหรับเรานะ
กัน ผู้ชายที่อบอุ่น พร้อมดูแลเรา นึกถึงพี่ก้อง สหรัฐ เป็นผู้ชายที่เราว่าเพรียบพร้อม และอยากกอดมากกกกก
นิ่ม ดาราชายที่นึกถึงหน้าหวาน ผิวขาว นึกถึงธาวินค่ะ ไม่รู้จะมีใครรู้จักหรือเปล่า 555
อาร์ม หล่อ ขี้เล่น ดูเจ้าชู้ อารมณ์ดี ณเดชเอาไปเลย
แต่หน้าตาสองพี่น้องนี้ไม่เหมือนกันเลยเยอะ ฮ่าๆๆ   
.............................
#155 นิยายเรื่องนี้พระเอกน่าสงสารค่ะ T T
#156 เลือกไม่ถูกเหมือนกัน พี่อาร์มก็หลง พี่กันก็รัก ซบอกทั้งสองคนเลยยย
#157 ให้พี่อาร์มทิ้งนิ่มไป สงสารน้องนิ่มงะ T.T
#158 3P คนเขียนขออนุณาติจินตนาการเขียนเองอ่านเองนะค่ะ  :hao6:
#159 ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน อิอิ นิสัยของกันบางทีก็คิด ถ้ามีผู้ชายสักคนที่รักเราไม่ยอมทิ้งเราไปไหนทั้งๆที่เราทำตัวแย่ๆใส่ มันจะฟินแค่ไหนน๊า
#160 สนใจรับพี่อาร์มรูปหล่อคารมดีไปเลี้ยงสักคนไหมเอ่ย (เปิดทางให้นิ่มกะกัน)  :z1:
#161 ยังไงนิ่มก็ต้องเลือกค่า แต่การจะเลือกใครสักคนอีกคนก็ต้องเจ็บ  :m15:
#162 พูดถึงเปรมแล้วหมั่นไส้  :fire: :fire: :fire:
#163 ตอนนี้มาหวานนิดๆจ้า
#164 สองหนุ่มทิ้งนิ่มไม่ลง อิอิ
#166 โอ๊ยยยยย ชอบบบบบประโยคนี้ อ่านแล้วเขิลอะะะะ  :haun4:
#167 ช่วงนี้พี่กันไร้บท :hao5:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๕ : วันหวาน) 26/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥인사다소♥ ที่ 27-07-2014 03:10:28
ไร้เงาพี่กันนนนน  :a5: :m31:
นิ่มเอ๊ย..  :ruready ปล่อยพี่อาร์มไปไม่ได้เร๊อ
แล้วไปทำหน้าที่ศรีภรรยาที่ดีต่อพี่กันได้แล้วนะ

 :กอด1: :L2:   o13
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๕ : วันหวาน) 26/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-07-2014 10:27:53
 :o12:

หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๕ : วันหวาน) 26/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 27-07-2014 12:32:19
นิ่มจะทุ่มเวลาทั้งหมดให้พี่อาร์มหมดเลยเหรอ

สงสารพี่กันบ้างเหอะ  คนที่รออยู่ข้างหลัง อย่างมีความหวัง

อยากให้นิ่มได้รู้ว่าใครที่รักจริงโดยไม่หวังอะไร
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๕ : วันหวาน) 26/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 27-07-2014 15:09:41
เห็นอิเมจแล้ว   อืมมมม  เลือกยากแทนนิ่มจริงๆ  แต่ยังไงก็เชียร์พี่กันนะจ้ะ 
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๕ : วันหวาน) 26/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 28-07-2014 00:40:01
ที่ขอโทษนี่คือเริ่มจะจำนิ่มได้รึเปล่า  :ruready
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๕ : วันหวาน) 26/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-07-2014 05:12:43
เราว่าพี่อาร์มจำได้ก็ไม่น่าจะกลับมารัก..สังหรณ์แปลกๆ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๕ : วันหวาน) 26/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: jj_girl ที่ 28-07-2014 22:21:42
เรื่องนี้นี่แบบว่า  รักซ้อนหลายทบหลายชั้นมากค่ะ  คนนี้รักคนนั้นแต่รักกันไม่ได้ แล้วคนโน้นก็มารักคนนี้ แต่คนนี้ไม่ได้รักคนโน้น แล้วก็มีคนโน้นโน้นมารักคนโน้น แต่คนโน้นไม่ได้รักคนโน้นโน้น แล้วก็มีคนนั้นนั้นมารักคนนั้น แต่คนนั้นรักแต่คนนี้   :mew5:


เรามองว่าคนที่ผิดมากที่สุดมีอยู่ 2 คนคือ   นิ่มกับอาร์ม     ผิดศีลธรรม   เห็นแก่ตัว     เห็นแก่ตัวมากเกินไปด้วย

ถ้าไม่มองแบบคนโลกสวยนะ  มองแบบโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีพ่อแม่คนไหนยอมรับได้หรอกที่ลูกแท้ๆ  ของตัวเองรักกันเกินพี่น้อง  รักกันแบบชู้สาวมีสัมพันธ์ความใคร่กัน   มันผิดศีลธรรม  ผิดจารีต   ไม่แปลกหรอกที่พ่อของนิ่มกับอาร์มจะทำแบบนี้เพื่อที่จะแยกทั้งสองคนออกจากกัน   

นิ่มกับอาร์มควรที่จะหยุดความสัมพันธ์เกินเลย  ควรจะมีจิตใจระลึกถึงความเป็นไปได้ของชีวิต ถ้าเป็นแค่ญาติกัน ไม่ใช่พี่น้องพ่อแม่เดียวกันก็ว่าไปอย่าง  ควรจะมีความละอายใจต่อพ่อแม่ ต่อตนเองบ้าง น่าจะหักห้ามใจตั้งแต่แรก ไม่น่าจะปล่อยให้ความสัมพันธ์มันเลยเถิดจนเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้
คือจะอ้างความรักอย่างเดียวไม่ได้  คุณต้องมองด้วยว่าสิ่งที่ทำมันผิด  คุณสามารถที่จะหยุดความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวให้มาเป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องธรรมดาด้วยการละอายต่อบาป และนึกถึงพ่อแม่ว่าจะเสียใจมากแค่ไหนถ้ารู้ว่าลูกทำแบบนี้   ความกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญมากนะ 


กัน เป็นคนที่น่าสงสารและเห็นแก่ตัวไปพร้อมๆ กัน   แต่เป็นความเห็นแก่ตัวที่อยู่บนความชอบธรรม   คือใช้โอกาสที่ตัวเองได้รับเข้ามาแทรกกลางความรักของคนอื่น

เปรม เห็นแก่ตัวและฉวยโอกาส


ชอบเรื่องนี้ที่ตัวละครทุกตัวไม่มีใครดีเลิศ  คนเขียนนำเสนอด้านมืดในจิตใจของทุกตัวละคร   (แต่บางทีเราก็อยากได้โมเม้นท์สีชมพูของกันกับนิ่มโดยที่ไม่มีโมเม้นท์มืดๆ โผล่มาบ้างอ่ะนะ  อิอิ)
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๕ : วันหวาน) 26/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-07-2014 16:13:33
หน่วงทุกตอน
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 30-07-2014 21:51:15
ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก

                วันนี้ฝนตก เสียงฟ้าร้องดังครืน สายฝนเทกระหน่ำลงมามืดฟ้ามัวดิน กระจกหนากั้นไว้ทำให้ผมไม่สามารถสัมผัสละอองชื้นจากสายฝน แต่เดียวไม่นานคงได้ตัวเปียกแน่ๆ ผมกำแก้วกาแฟหอมกรุ่น จิบเล็กๆ เพราะความร้อน สูดกลิ่นหอมของกาแฟเข้าจมูก

                “...”

                ผมมาหาหมอตามปกติ แต่เผอิญวันนี้เจอกับไอรยา เธอ ‘ตั้งใจ’ มารอผม แต่จนแล้วจนรอด เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีเธอก็ยังไม่พูดอะไรออกมา

                ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนวันนี้ สิ่งหนึ่งที่พบรู้ว่าไอรยาเปลี่ยนไปคือเธอผอมลง ใบหน้าของเธอไม่สดใสเปร่งปลั่งเหมือนแรกเจอ มันกลับซีดเซียว รอยใต้ตาเธอลึกจนเห็นได้ชัดถึงมันจะถูกปิดทับด้วยคอนซีลเลอร์สีเดียวกับผิว แต่โดยรวมแล้วเธอโทรมลงน่าจนแปลกใจ

                “แปลกนะว่าไหมคนเรา” เธอขึ้นประโยคด้วยเสียงราบเรียบ ดวงตาลึกโหลจ้องมาทางผม “ต่อให้รู้ว่าเขาไม่รัก แต่ก็ดันทุรัง ทำร้ายตัวเองด้วยความรัก รู้ว่าเจ็บแต่ก็ไม่จำ”

                “...” ผมเป็นฝ่ายเงียบ ไม่รู้จะตอบอะไร

                “เมื่อวานไปเซ้าซี้กันจนเขารำคาญ เขาตะคอกไล่ไอกลับบ้าน ไอก็ไม่ยอมกลับ ทำเขาโมโหหงุดหงิดจนป้าบัวเข้ามาห้ามตอนเราทะเลาะกัน...แต่รู้ไหม กันหยุดอาละวาดเพราะอะไร” เธอถาม

                “ไม่รู้” ผมตอบเสียงแผ่ว

                “ข้อความ...เสียงเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์ทำให้เขาหยุดชะงักการกระทำทุกอย่าง เขากดอ่านข้อความ ใบหน้าที่เครียดขรึมพลันอ่อนโยน มุมปากยิ้มนิดๆ” ไอรยาบรรยายให้ผมเห็นภาพ เธอยิ้มขื่นๆ

                “...ไอ...”

                “ต่อให้รักแทบตาย ถ้าไม่ใช่คนที่เขารัก ทุกการกระทำมันก็ไร้ความหมาย” เธอพูดพร้อมหยดน้ำตาเม็ดเล็กหยดตรงหางตา

                “นิ่มขอโทษ”

                “ยอมทนให้เขาพูดใส่หน้าป่าวๆว่าไม่เคยรัก ยอมให้เขามองด้วยความเฉยชา ยอมทนรับความเจ็บช้ำจากรักด้วยความเต็มใจ ในใจก็แค่หวังขอให้ได้อยู่ใกล้ อยู่เคียงข้าง เห็นเขายิ้ม เขาหัวเราะ”

                เธอ...ไม่ต่างจากผม

                “นั่นละคือความสุข” เธอพูดถูก ผมเข้าใจดี

                รัก...บางทีก็เหมือนยาพิษ เวลารักพลิบาน สุขลึกล้ำ หวานปานน้ำผึ้ง ทว่าเมื่อรักข่มขืน ทุกข์ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น เป็นความรู้สึกราวกับถูกกรีดด้วยเข็ม ค่อยๆ เสียดแทงในอก ทิ่มเข้ามาในอกที่ละเล่มจนนับไม่ถ้วน...น่าแปลกที่บ้างคนก็ยอมทนมันเพียงเพราะรสหวานเล็กน้อยเพียงปลายลิ้น

                “ไอต้องทำยังไง กันถึงจะรักไอ...” เธอถามผมพร้อมจ้องหน้า

                ผมยิ้มให้เธอฝืดๆ มือจับแก้วกาแฟแน่นจนกลัวว่าหูจับจะหัก เสียงฟ้าร้องดังแทรกเข้ามาจนน่าหวาดหวั่น

                “นิ่มไม่รู้ นิ่มไม่รู้” ผมตอบเธอ รู้สึกหวิวในอกเมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ตกลงกับเธอไว้ก่อนหน้า

                “นิ่มไม่ควรได้ความรักจากกันด้วยซ้ำ!” เธอตะคอก ใบหน้าเศร้าหมองเปลี่ยนเป็นขุ่นแค้นโกรธเคือง  “จะให้ไอยอมรับได้ยังไง! ในขณะที่กันรักนิ่มจนไม่เคยเห็นค่าความรักของไอ นิ่มกลับทำร้ายกันซ้ำแล้วซ้ำซาก!”

                “...” ผมนิ่ง

                “เคยเห็นเวลากันร้อนใจไหม เคยเห็นตอนเขาห่วงคนรัก กระวนกระวายจนแทบบ้า เคยเห็นไหม? ตอบมาสิ!”

                “...สำหรับนิ่ม...กัน...กันเป็นผู้ชายที่หนักแน่น มันคง และจริงใจ...”

                “แต่ไอเห็น! เห็นทุกความทรมานของกัน” ไอรยาตะโกนตอบผมมาสุดเสียง ใบหน้าเธอบิดเบี้ยวตามแรงโมโห  “...ไอมั่นใจว่าจะดูแลกันได้ดีกว่า...ดีกว่านิ่ม” คำพูดเธอเจือแววดูถูกอยู่ในที ผมจุก...ผู้หญิงตรงหน้าคือคนที่ผมชมมาตลอดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดี แต่วันนี้เธอกลับทำลายความรู้สึกผมจนไม่เหลือชิ้นดี

                “สิ่งผิดพลาดในชีวิกันอย่างเดียวคือการรักนิ่ม” ผมรู้สึกหน้าร้อนเป็นริ้วๆ

                ผมสงสาร ผมเห็นใจในความรู้สึกของไอรยาที่มีให้กัน แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมทนให้เธอพูดจาทำลายน้ำใจ

                “เธอต้องการอะไร” ผมเค้นเสียงถาม

                “ฮะๆๆๆ เสียงแข็งเลยนะ...สิ่งที่ไอต้องการก็แค่ให้นิ่มรักษาสัญญา” ไอรยาหัวเราะเหมือนเรื่องตลก

                “แค่นี้ใช่ไหม...” ผมถามเสียงเรียบ ผุดลุกขึ้น

                ทันทีที่ผมลุกขึ้น ไอรยาก็ลุกตาม เธอจับข้อมือผมไว้ กัดริมฝีปากตัวเองแน่น ก่อนที่เธอจะทำสิ่งที่น่าตกตะลึง ไอรยาคุกเข่าลุกกับพื้น

                “ขอละนิ่ม...ได้โปรดปล่อยกันไป...ไอไม่อยากใช้ทั้งชีวิตรักกันข้างเดียว...ไอทนไม่ได้จริงๆ...ทนไม่ได้จริงๆ” ผมอึ้ง...มองผู้หญิงตรงหน้าที่พึ่งด่าผมเมื่อครู่ ตอนนี้เธอคุกเข่าอ้อนวอน

                ผมใจแข็ง ไม่สนใจการอ้อนวอนของเธอ ฝืนพูดกับไอรยาด้วยเสียงราบเรียบ

                “ผมเคยคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง” ผมใช้สรรพนามที่ห่างเหินกับไอรยา “แต่ที่เธอทำแบบนี้มันเท่ากับทิ้งศักดิ์ศรีของเธอไป”

                “คิดว่าไออยากทำแบบนี้หรือไง!...กันไม่เคยสนใจไอเลย...มันเจ็บใจแค่ไหนรู้ไหม! ...เพราะขนาดนิ่มทำผิดกับกันแค่ไหนเขาก็ยังรักนิ่ม... รักโดยไม่เคยแหกตามองความจริง!” เธอพูดพร้อมเสียงสะอื้น

                ผมไม่อยากคุยกับไอรยาแล้ว...ผมไม่อยากยืนให้เธอด่า...ถึงแม้ที่เธอพูดจะเป็นเรื่องจริง

                “สิ่งเดียวที่ผมทำให้ไอได้ ผมจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้” ผมตัดบทเสียงเรียบ

                ผมจะหย่า...กับกัน

                ถ้าหากพี่อาร์มความจำฟื้นคืนมา...

                คำพูดไอรยาตอกย้ำความรู้สึกของผม...ผมทำร้ายกัน

                กันคือช้อยส์ตัวเลือกอันดับสองที่ผมจะเลือก...มันคือความจริงที่ผมไม่อยากจะยอมรับ

 

                                                                >W e d d I n g<

 

                ผมมองเสี้ยวหน้าคมขับรถด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ใบหน้าที่คุ้นเคยซีดเผือดจนน่าตกใจ แถมพี่อาร์มยังไม่ยอมคุยกับผมสักคำหลังจากออกมาจากห้องหมอ

                ออดี้สีขาวค่อยๆ จอดลงในโรงจอดรถ ผมแกะเบลท์รัดเข็มขัด ชะงักเมื่อคนข้างกายหันมาจ้องด้วยแววตาคมปราด

                “พี่อาร์มเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามคนที่จ้องผมจนน่ากลัว ใช้มือลูบใบหน้าคมสันแผ่วเบา

                “นิ่ม” เสียงที่เรื่องชื่อผมฟังดูปวดร้าว

                “พี่อาร์มเป็นอะไร!?” ผมฟังเสียงทุ้มหนาของพี่ชายแล้วใจไม่ดีเลย

                “เราเคย...มีเซ็กส์กันไหม” คำถามน่าละอาย ผมตะลึงงัน มือที่กำลังเอื้อมไปจับใบหน้าที่คุ้นเคยหยุดชะงักแน่นิ่ง

                “จำได้ด้วยหรอ” เสียงของผมสั่นไหว ทั้งที่ควรจะดีใจ แต่ท่าทีของพี่อาร์มไม่ทำให้ผมรู้สึกดีสักนัก

                ใบหน้าคมจ้องมองมาด้วยแววตาปวดร้าว มือหนาจับคอนโซลรถแน่นจนเกือบจะเป็นเนื้อเดียว

                “พี่ทำบ้าอะไรลงไปว่ะ!!!” พี่อาร์มตะโกนออกมาเสียงดัง มือหนาทุบคอนโซลรถดังปัง เสียงแตรรถดังตามแรงอารมณ์ของคนตัวโต ผมรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล

                พี่อาร์มจำได้? …แต่ทำไมเขาถึง...โมโห

                การแสดงออกของพี่อาร์มทำผมรู้สึกแย่ เขาพูดเหมือนเรื่องของเราไม่ได้เกิดจากความรัก พูดเหมือนทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความผิดพลาด พูดเหมือนไม่อยากยอมรับความจริง

                “พี่อาร์ม” ผมครางเรียกชื่อเขาแผ่วเบา “เรารักกัน พี่จำไม่ได้จริงๆหรอ” คำพูดที่ยากเย็นที่สุดที่ผมพูดกับเขา

                “พี่ทำให้พ่อเป็นอัมพาต!?” พี่อาร์มกระชากไหล่ผมเข้าไปหา ถามผมเสียงลอดไรฟัน

                “ไม่ใช่! มันเป็นอุบัติเหตุ พี่อาร์มอย่าโทษตัวเองเลย” ผมพูดปลอบเสียงสันเครือ

                “ระยำ!” พี่อาร์มตะคอกเสียงดังลั่น ศีรษะหนากระแทกอย่างแรงบนคอนโซลรถ ไหล่หนาสั่นเทาขึ้นลง

                “พี่อาร์มร้องไห้ทำไม?” ผมถามเขาด้วยหัวใจปวดร้าว “เรื่องของเรามันเกิดขึ้นเพราะความรักไม่ใช่หรอ?” ผมถามคำถามนั่นวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ซบศีรษะลงบนไหล่หนาที่ร้องไห้อย่างปลอบประโลม

                “พี่ขอโทษ” พี่อาร์มขอโทษผมอีกครั้ง

                คำพูดของเขากรีดความรู้สึกข้างในผมเป็นชิ้นๆ วินาทีนั่นผมรู้ได้ว่า เรื่องของเรามันจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก











>>>>กรีดร้องงงงงงง ฉันแต่งอะไรลงไป T T

#169 T T สงสารนิ่มมมมม
#170  :hao5:
#171 กว่าจะรู้ก็คงเจ็บกันหมดทุกคน t t
#172 คนเขียนยังเลือกยากเลยค่ะ แต่ละคน แซ่บ  :haun4:
#173 พี่อาร์มเริ่มจำได้ แต่ม่ทั้งหมด เลยออกอาการแบบนี้T T
#174 พี่อาร์มจำได้ไม่หมดค่า เลยจำความรู้สึกรัก ไม่ได้
#175 นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะคำพูดหนึ่งค่ะ 'ความรักบนความเห็นแก่ตัว และบรรทัดฐานของสังคม' ที่แต่งให้รักแบบเป็นพี่น้องอันนี้เป็นความชอบส่วนตัว (= = ความจริงแล้วการแต่งงานสายเลืดเดียวกันเคยเกิดขึ้นนะค่ะ พวกราชวงศ์ของอียิปต์ เป็นการแต่งงานในครอบครัวเพื่อคงความบริสุทธิ์ของสายเลือด แต่พอผ่านยุคนั่นมา ความเชื่อนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยวิทยาศาสตร์ (ช-ญ)) แต่จะดราม่าตรงที่ว่า รักแท้ ต่อให้มีอุปสรรคมากมายแค่ไหน จะผ่านอุปสรรถนั้นไปได้ไหม จะทนได้ไหมกับเสียงส่วนใหญ่ของสังคม (อันนี้คิดจริงๆ) ส่วนพี่กัน บุคลิกที่เรามองคือคนที่หนักแน่นมั่นคงและจริงจัง เป็นคนที่ตอบโจนทย์ ตรงคำที่ว่า จะทนได้ไหมกับเสียงส่วนใหญ่ของสังคม ที่เมียตัวเองมีชู้ และต้องทนมองภาพนั้นตำตา  อยากเขียนตอนหวานๆเหมือนกันค่า (ตอบยาวเลย ขอโทษด้วยน้า)
#176 จริงจริงง T T
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 30-07-2014 22:17:15
ชอบเรื่องนี้มากนะ แต่ดูเหมือนว่าแต่ละตอนมันสั้นลงทุกวัน
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 30-07-2014 22:46:45
พี่อาร์มเปลี่ยนไปเยอะเชียวนะ

แต่นิ่มก็สมควรแล้ว ที่โดนไอมาต่อว่า

โดนซะมั่ง จะได้คิดอะไรได้สักที
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 30-07-2014 23:06:58
โอ้ยยยย เครียด
รักกันเถอะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 30-07-2014 23:10:46
 :mew4: :hao5:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-07-2014 23:19:32
ท่าทางพี่อาร์มจะไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม
แต่ก็ดีแล้วล่ะ เริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะ
นิ่มก็เลิกเห็นแก่ตัวได้แล้ว
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 30-07-2014 23:22:12
เพลียกับนิ่มจริงๆ ถ้าเจอคนแบบกันจะกระโดดเกาะเลย :ling1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥인사다소♥ ที่ 30-07-2014 23:58:32
ไม่มีอารายมากกก แค่อยากได้ยินเสียง "พี่กัน" ก็แค่นั้นจริงๆ  :a5:
 :pig4: ขอบคุณค่ะ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 31-07-2014 00:43:02
สงสารกัน
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 31-07-2014 06:46:53
มันเป็นสถานการณ์ที่แย่มาก เลิกทั้งสองฝ่ายเลยนิ่ม
มันมาถึงจุดที่ไปไหนไม่รอด  ไม่เอาสักคนแล้วตั้งหลักใหม่
ชีวิตจะยุ่งยากน้อยลง
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 31-07-2014 10:54:11
นิ่มจ้ะ  เราว่านิ่มอย่าปล่อยให้ตัวเองทำร้ายคนที่รักเถอะ  ทั้งพี่อาร์ม เขาควรอยู่กับคนที่เขารักในปัจจุบัน  ปล่อยให้เวลาคอยเยียวยาหัวใจของเขา ถ้าเขารักนิ่มและพร้อมจะเริ่มกับนิ่มจริงๆ จิตใต้สำนึกหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เป็นความทรงจำด้านความรัก มันน่าจะทำให้อาร์มจดจำความรักที่มีต่อนิ่มบ้างสิ  อันนี้เขาไม่ได้แสดงออกมา  แถมยังจำได้เพียงแค่ว่า เปรมคือคนที่เขารัก ...



อีกคนที่เธอทำร้ายเขาคือพี่กันนะนิ่ม เธออย่าลืมสิ เขาคือผู้ชาย  ผู้ชายคนนึงที่ยอมแต่งงานกับผู้ชายด้วยกัน ผ่านคืน ผ่านวัน เขาเริ่มมีใจกับเธอแล้ว  เหนือสิ่งอื่นใดที่คู่ชายกับชายต้องอิจฉาเธอ คือ พ่อกับแม่ฝ่ายนั้นเขารับเธอได้  ดูจริงจังจริงใจกับสะใภ้ชายอย่างเธอมาก  พี่กันเขาต้องทนรอเธอ ต้องทำหน้าที่แทนเธอทุกอย่าง ทั้งเรื่องต่าใช้จ่าย ทั้งงานที่บริษัท  ไหนจะเสียงรบเร้าจากหญิงไอ  คำนินทาส่อเสียดเรื่องชีวิตคู่แบบ ชายชายจากสังคม  พี่กันเขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะ







ปล  รึเธอจะมาไฝว้กับฉันนิ่ม

หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 31-07-2014 11:54:19
บวชเลยมั้ยนิ่ม
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 31-07-2014 12:47:38
เม้นท์ก่อนรออ่านจบไม่ไหว "เกลียดนิ่มมาก"
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 31-07-2014 14:16:43
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 31-07-2014 14:52:28
นิ่มกลับไปหาผัวเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ๆๆๆๆ
พี่กัน รออยู่จบค่ะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 31-07-2014 15:48:58
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๖ : แตกหัก) 30/7/14
เริ่มหัวข้อโดย: jj_girl ที่ 03-08-2014 22:28:19
คือ ขอบอกจากใจจริงเลยว่า  ตอนนี้เป็นตอนที่เราสะใจมากกกกกกก


สะใจที่นิ่มโดนไอว่า   สะใจที่อาร์มจำได้แล้ว แล้วอาร์มมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิด  ทำให้นิ่มเงิบบบบบบ


ที่สะใจเพราะหมั่นไส้นิ่มมาก  หมั่นไส้ที่นิ่มเป็นพวกเห็นแก่ตัวเลือกได้มาตลอด(คล้ายๆกับสวยเลือกได้)   เอาแต่ตัวเองตลอด ไม่เคยคิดถึงใจใคร   นิ่มก็ควรจะได้รับบทเรียนราคาแพง เผื่อว่าทัศนคติจะดีขึ้น  ความเห็นแก่ตัวจะน้อยลง


แนะนำว่าอาร์มไม่ควรจะพบจิตแพทย์เพียงฝ่ายเดียว   แต่นิ่มก็ควรจะพบจิตแพทย์ด้วย  จะได้รักษาตรรกะป่วยๆ ความคิดแย่ๆ  ปรับทัศนคติ และชะล้างจิตใต้สำนึกแห่งความเห็นแก่ตัวของนางให้ดีขึ้น


ปล. ถ้าท้ายที่สุดแล้วนิ่มจะไม่เหลือใครเลย มันก็คือสิ่งที่ดีงามมาก
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 20-08-2014 22:18:36
ตอนที่ ๒๗ : ของกัน

                ผมยืนอยู่ข้างออดี้คันสีขาว ทันทีที่ปิดประตู คนบนรถก็เร่งเครื่องขับออกไปทันที่ ผมจับมือตัวเองที่มันปวดเพราะเมื่อกี้ยังจับกลอนประตูรถ

                ความรู้สึกข้างในมันโหวง กลวง ไม่น่าเชื่อว่าแค่อุบัติเหตุครั้งเดียวจะเปลี่ยนความรู้สึกของคนที่สะสมมานับปี บางทีผมก็คิดเหมือนว่าชาติก่อนตัวเองทำผิดอะไร ทำไมถึงต้องรักพี่ชายตัวเอง...รักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรทัดฐานที่สังคมไม่ยอมรับ

                ทั้งที่คิดว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน ต่อให้เจอเหตุการณ์เลวร้ายมากเพียงไหน แต่ก็ไม่อาจฝ่ากระแสอันเชี่ยวกราด สุดท้ายกลายเป็นคนที่ถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง

                ภาพใบหน้าคนรักมองมาด้วยแววตารวดร้าวและผิดหวังทำผมหัวใจเต้นหนึบ...มันไม่ใช่ผม...ที่เป็นคนเริ่มต้นเรื่องนี้ แต่เป็นเราต่างหากที่ฝืนรักกันมาจนถึงวันนี้...ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยเสียใจที่จะมอบทั้งหัวใจให้พี่อาร์ม แต่วันนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะรักได้อีกต่อไปหรือเปล่า

                ผมไม่อยากเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรัก ผมฟุ้งซ่านเมื่อคิดว่าเขาทรยศความรักของเรา...ความจริง...ผมก็แค่อยากย้อนเวลาไปวันที่เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง วันที่เราบอกรักด้วยสายตาลึกซึ้ง บอกความรู้สึกผ่านดวงตาโดยไร้เสียง

                “ฮืออ ฮือออ...”

                ผมปล่อยน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้น...คนอยากผมมันก็ทำได้แค่นี้...ร้องไห้ระบายความรู้สึกเศร้า...ทั้งที่ผมอยากให้ใครสักคนมากอดปลอบผมให้หยุดร้อง โอบกอดผมด้วยความรักโดยปราศจากความกังวลใดๆ

                ภาพของคนที่เคยยิ้มอย่างอบอุ่นตลอดเวลาปรากฏขึ้นในหัว กัน เขาเคยสัญญาว่าจะรอจนกว่าผมจะรักเขา...เขาเป็นคนวิ่งเข้ามาหาผมเอง...ถ้าหากผมยอมรักเขาคนเดียว

                กันจะไม่ทิ้งผมใช่ไหม


                                                               >W e d d I n g<

 

                ผมหยุดยืนหน้าบ้านที่อาศัยมาเกือบครึ่งปี ก้มมองกุญแจเปิดประตูรัวในมือ มันเป็นของผม…ผมไขและเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า เสียงแมลงหวีดร้องยามค่ำคืนปั่นป่วนความรู้สึกข้างในท้อง

                ห้องนั่งเล่นไม่มีใคร…ไฟในบ้านปิดหมดแล้ว ตอนนี้ค่อนข้างดึกพอสมควร ผมเดินทามกลางความมืด ด้วยความคุ้นชิน เดินขึ้นมาชั้นสอง แสงไฟเล็ดลอดจากห้องทำงานของกัน

                กันทำงานดึกเป็นนิสัย เขาบ้างาน ทำทุกอย่างได้สมบูรณ์และเพอร์เฟค สิ่งเดียวที่ผมอดคิดอย่างนึกรังเกียจตัวเองไม่ได้ จุดด่างพล่อยเพียงอย่างเดียวในชีวิตกันคือการที่เขารักคนอย่างผม

                ผมจับลูกบิดประตูไว้ รู้สึกละอายแก่ใจกับความคิดตัวเอง ผมรู้ตัวว่าโดนปฎิเสธจากคนรัก ผมเลยหาคนที่พอเป็นที่พึ่งให้ผมได้ คนสักคนที่รักผมโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ

                แกร๊ก

                ประตูถูกแง้มเปิดจากด้านในห้องอย่างช้าๆ ร่างสูงใหญ่หน้าประตูผงะเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของผม

                “นิ่ม” คำพูดออกมาแค่นั่น ก่อนร่างใหญ่จะโถมเข้ามากอดผมไว้แน่น

                อ้อมกอดของกัน…อ้อมกอดนี้ที่ผมทิ้งไป ถึงจะไม่ใช่เวลาที่นานแต่ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้รับไออุ่นจากร่างกายของกัน

                “พี่กัน” ผมเรียกชื่อคนรักเสียงเบาหวิว “นิ่มไม่เหลือใครแล้ว” ผมบอกเขา สะอื้นลงบนไหล่หนา

                “ยังมีพี่” เขาตอบผมอย่างรวดเร็ว กระชับอ้อมกอดแน่นกว่าเดิม

                กันไม่ถามผมสักคำว่าผมเป็นอะไร เขาแค่กอดผมแน่นๆ ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองจะร้องไห้ฟูมฟายมากกว่านี้เสียอีก ผมดันเขา เงยมองใบหน้าคมสันของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีตามกฎหมาย

                เขย่งปลายเท้าขึ้นไปหาริมฝีปากกร้าน ริมฝีปากผมแตะเบาบางอย่างเชิญชวน ร่างสูงตรงหน้างุนงงเล็กน้อยกับท่าทีแปลกๆ ที่ผมไม่เคยเป็นมาก่อน แต่กันก็ตอบรับจูบผมด้วยความยินดี

                “นิ่มเป็นของพี่”

                ผมแค่อยากผูกมัดกันไว้ทุกวิธีทาง ผมเหลือแค่กันคนเดียว และผมก็ไม่สนใจคำขอร้องพร้อมน้ำตาของไอรยา ผมปัดมันทิ้งไม่เก็บเอามาใส่ใจ

                ไอรยาน่าสงสารก็จริง แต่ผมไม่ใช่คนดี ผมยอมตลบตะแลงคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ เพราะผมไม่อยากถูกกันทิ้ง ความกลัวจากการกระทำเลวๆที่ผ่านมาของตัวเองคอยเตือนให้ผมระแวงตลอดเวลาว่าสักวันกันจะทิ้งผมไป

                ผมเห็นแก่ตัว

                คำนี้ที่ผมพร่ำย้ำเตือนถึงความเลวทรามของตัวเองเสมอมา เป็นความจริงที่ว่าผมยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บช้ำอยู่คนเดียว

                หลังผมแนบชิดเตียงขนาดใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไฟในห้องนอนสว่างจ้า กันคร่อมทับร่างกายผม เขาจ้องมองผมเนิ่นนาน จนเป็นผมเสียอีกที่ใช้แขนคล้องโน้มลำคอหนาลงมา

                “แน่ใจหรอ” เขาถามผมเสียงพร่า

                “นิ่มแน่ใจ” ผมตอบเขา “พี่รักนิ่มใช่ไหม” ผมถามเขากลับ

                “พี่รักนิ่มคนเดียว รักมาตลอด” กันตอบรับผมอย่างง่ายดาย

                เขายืนยันคำพูดด้วยการจูบผม ลิ้นร้อนรุกไล้เขามาแทนคำรักที่เอ่ยออกมาจากปาก ผมตอบรับเหมือนกับตอนจูบกับพี่อาร์ม ลุกไล้ปลายลิ้นกลับด้วยจังหวะที่พี่ชายเคยสอน

                กันผละจากริมฝีปาก เขาลากลิ้นลงตามลำคอ มือหนาปลดกระดุมบนเสื้อผมออก เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเรียบแบน ริมฝีปากหนาแตะเบาๆ บนยอดอก ผมส่งเสียงออกมาเมื่อกันใช้ลิ้นดูดดุนรุนแรง

                มือหนาลูบไล้ตามแนวสะโพก ก่อนปลดกางเกงยีนต์บนตัวผมทิ้ง…เราไม่ได้ปิดไฟ ผมเลยเห็นใบหน้าของกันชัดเจน ได้ยินเสียงหายใจเข้าออกดังขึ้นถี่รัว

                กันปลดซิบของตัวเองออก สิ่งใหญ่โตปรากฏขึ้นตรงหน้า ตลอดเวลาที่แต่งงานกันมา เราไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ากันสักครั้ง อยากมากก็แค่กอดหรือจูบ ผมรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เสหลบนัยน์ตาสีดำที่จ้องมองมา

                “อ๊ะ”  ผมอุทานขึ้นมาแผ่วเบาเมื่อปราการด่านสุดท้ายถูกปลดออก

                ร่างกายผมเปลือยเปล่า กันจูบผมอีกครั้ง ก่อนมือหนาจะล่วงล้ำเข้ามาภายใน ผมตัวสั่นระริก ในใจนึกหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิด ความลังเลปรากฏบนใบหน้าจนกันชะงักงัน

                “พี่รักนิ่ม” กันย้ำอีกครั้ง

                มือหนาขยายความต้องการจากด้านหลัง ผมบิดตัวไปตามความเสียวซ่านที่ได้รับ ช่องทางด้านหลังไม่ใช่ไม่เคยใช้แต่มันร้างลาเรื่องอย่างว่ามาเนิ่นนาน ผมกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อจำนวนนิ้วถูกเพิ่มขึ้น

                กันถอนนิ้วออกมา เขายกขาผมพาดไหล่เขา น่าแปลกที่ใบหน้าของคนรักคนแรกซ้อนทับกับคนตรงหน้า ผมหลับตา รับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่สอดใส่เข้ามา

                “อ๊า พะ พี่กัน” ผมเรียกชื่อคนด้านบนที่กำลังรุนรานเข้ามาภายใน

                ความรู้สึกคับแน่นบริเวณช่วงล่าง ยิ่งรู้สึกจุกเมื่อร่างสูงดันส่วนนั้นเข้ามาเรื่อยๆ ผมร้องเสียงหลงเมื่อกันขยับกายเข้าออกรวดเร็วเหมือนคนอดอยากปากแห้ง

                “นิ่มเป็นของพี่”

                ใช่…ผมเป็นของเขา ผมแต่งงานกับเขาถูกต้องตามกฎหมาย…ผมไม่ได้ทำผิดอะไรต่อใครทั้งนั้น

                “…กะ กัน…กัน”

                ผมครางเรียกชื่อเขาเมื่อร่างกายของเราแนบสนิท ความร้อนที่เคลื่อนไหวในกายรุนแรงรุกเร้า ส่วนร้อนผ่าวกระแทกกระทั้นเข้ามาเร็วบ้างช้าบ้างสลับกัน ร่างกายผมตอบรับกันเท่าที่จะทำได้ รู้สึกตัวเองอ่อนยวบเหมือนขี้ผึ้งโดนไฟลน

                จังหวะรักของกันทำให้ผมได้รับรู้ตัวตนของเขา มันไม่ได้นุ่มนวลมากมายอย่างที่คิด และไม่ได้ตะบี้ตะบันป่าเถื่อน แต่มันเต็มไปด้วยความโหยหาและอยากครอบครอง

                นี่ไม่ใช่คืนแต่งงานของเรา…และผมไม่ใช่เจ้าสาวบริสุทธิ์ไร้ราคี

                แต่กันก็ยังกอดผมอย่างทะนุถนอมเหมือนของมีค่า

               "นิ่มเป็นของพี่ ของพี่คนเดียว..."

                กันพร่ำบอก พร้อมปลดปล่อยหยาดหยดความต้องการเข้ามาในร่างกายผม ร่างกายใหญ่โตทาบทับลงมา ลมหายใจร้อนระอุกระทบไหล่ลาด

                ผมเอนหน้าซบลงบนหมอน น้ำใสๆ หยดลงมาที่หางตา...

               แทบบอกความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก

                ที่ผ่านมาผมทั้งหลอกลวง ทั้งโกหก สวมเขาใส่กันสารพัด แต่เขาก็ยังรักผม…ผมควรจะดีใจที่มีคนรักหัวปักหัวปล้ำหรือสมเพชความโง่ของคนๆ นั้นดี?

                แต่ก็เพราะกันเป็นแบบนี้…ผมถึงได้วางใจที่รักเขา

                มันไม่ใช่รักที่เกิดจากความผูกพัน…แต่เป็นรักที่ค่อยๆ ทลายปราการหัวใจที่แน่นหนา…ถึงแม้หัวใจดวงนั่นจะไม่ได้มีสีสันสดใส แต่เขาก็ยังแย่งชิงมาครอง

                “พี่กันอย่าทิ้งนิ่มนะ”

                ผมกระซิบบอกเขาเสียงแผ่วเบา









สั้นเนอะ แหะๆ   (ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาเลยคะ ขอโทษน้า )  :z6:
#178  คิดเหมือนกันเลย  :o8:
#179  หนูนิ่มหนีไปซบอกกันแล้ววว
#180  ตอนนี้ก็แอบเครียด
#181   :-[
#182  พี่อาร์มยังจำได้้ไม่ครบทุกความรู้สึกคะ แต่นิ่มหนีไปซบอกพี่กันแล้ววว
#183  ถ้าชีวิตจริงมีคนแบบหนูนิ่มนี่ก็น่าหมั้นไส้เนอะ เลือกได้จริงๆ  :katai3:
#184  ได้ยินแล้วนะ อิอิ
#185  สงสารนิ่มด้วยน้า  :z3:
#186  นิ่มเลือกที่จะไปหากัน พระเอกมักมาที่หลัง  :z3:
#187  จริงค่ะ บางทีอดคิดไม่ได้ว่านิ่มไม่คู่ควรกับคนดีๆแบบกันเลย T T
#188  กี่พรรษาดี  o22
#189  แหะๆ นิยายเรื่องนี้มีแต่คนเกลียดหนูนิ่มจริงๆ  :z6:
#190  ไม่เป็นไรจ้า คอมเมนท์ได้ทุกอย่าง คนเขียนรับได้ แค่มีคนอ่านก็ดีใจแล้ววว
#191   :katai2-1:
#192  กลับไปแล้วจ้า  :impress2:
#193   :katai2-1:
#194   ตอนท้ายๆ นิ่มจะได้รับผลกรรมคะ (แค่เค้าตั้งใจว่าจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง  :3123:)
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 20-08-2014 22:43:29
ในที่สุดกันก็ได้รับรักจากนิ่ม การรอคอยของกันคงจบแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 20-08-2014 22:57:46
นี่นิ่มเอา sex เป็นข้อผูกมัดเลยเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 20-08-2014 23:03:24
นิ่มเอ๊ยยยย
นี่แหละนะคนเรา
ยังไงเรื่องของตัวเองก็ต้องมาที่หนึ่ง
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 20-08-2014 23:25:26
ดีใจกับพี่กัน แต่ก้อยังสงสารพี่กัน  :mew4: :mew4: เป็นอารมณ์ที่หดหู่มากเลยค่ะ ถึงแม้จะรักกันแล้ว
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: aooi_ja ที่ 20-08-2014 23:29:06
 :เฮ้อ: กัน
ขอเถอะคิดใหม่ได้ไหมอย่าเอาเลยคนโลเลแบบนี้  ตอนนี้นิ่มเลือกกันไม่ได้หมายความว่าเค้าจะไม่กลับไปไปหาพี่อาร์มนะ

พี่อาร์มอาจจะรู้ทุกอย่างที่ผ่านมาแล้วรับตัวเองไม่ได้ก็จริง  ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้วเวลานั้นเค้ากลับมาง้อนิ่ม

แล้วอะไรจะเป็นตัวพิสูจน์ว่านิ่มจะไม่กลับไปหาพี่อาร์มอีก :เฮ้อ:


 :katai1:คือไม่อยากให้นิ่มสมหวังกับใครเกลียดคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้จริงๆถึงแม้ว่าจะมีสาเหตุก็เถอะ :katai1:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: cocomilk ที่ 21-08-2014 00:17:16
หน่วงอ่ะ  คือมันมาคุ แต่ก็แบบ หยุดอ่านไม่ได้ลุ้นว่านิ่มจะทำยังไง
นิ่มเอ้ยยย ไปบวชไป๊ ชีวิตเธอน้ำเน่ามาก
เราดีใจนะที่พี่อามร์เค้าคิดได้ว่าทำผิด อยากให้พี่หันกลับไปรักหญิงเลยยิ่งดี เปรมนี้เลวอย่าไปยุ่ง มีลูกมีเมียให้พ่อได้ชื่นใจ
ส่วนนิ่มควรได้ผลกรรม สักหน่อยโลเลมากขนาดนี่้
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: jj_girl ที่ 21-08-2014 01:38:14
 :เฮ้อ:  นิ่มศรี    ณ จุดๆ นี้ นางได้เดินมาไกลมากแล้ว 

นางไม่สามารถกลับไปยังจุดๆ เดิม ทั้งๆ ที่ยังมีแค่มือเปล่าๆ ได้เลย 

นางต้องคว้าอะไรติดไม้ติดมือของนางไว้บ้าง  ปรบมือรัวๆ ให้นิ่มศรีค่ะ   :katai2-1:


อาร์มอย่ากลับมาหานิ่มอีกเลยนะ  ถึงความรู้สึกจะหวนคืนมาก็อย่ากลับมาหานิ่มอีกเลย  ไม่อย่างนั้นเรื่องก็ไม่มีวันจบสิ้นแน่ๆ เลย

ขอถอนหายใจอีกครั้ง    :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 24-08-2014 11:42:52
ทำให้เป็นปล่อยตัว(แต่ไม่รู้ปล่อยใจรึเปล่า) ให้กับสามีที่ถูกต้องตามกฏหมาย

พอไม่เหลือใคร ก็กลับมาตายรังเก่า เห็นพี่กันเป็นของตาย

ใจร้ายมากเลยนะนิ่ม  พี่กันก็คนดีเกินไป๊  อะ แต่ก็พูดยาก พี่กันก็รักของเค้านี่เนอะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 25-08-2014 12:49:52
ก็ดีแล้วที่ได้กัน เป็นผัวเมียอย่างสมบูรณ์//ผัวดีๆแบบพี่กัน ไม่นานหรอก น้องนิ่มต้องรักพี่กันอย่างหมดหัวใจ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 17-01-2015 01:14:50
หายไปไหนน้าาาาา......(เอื้อมือแกะพลาสเตอร์ติดแผลยี่ห้อหนึ่งทิ้ง!)
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: Lovelyjess ที่ 17-01-2015 03:48:06
สรุปนิ่มเลือกกัน? คือจบแล้ว?
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 17-01-2015 06:10:08
เพิ่งได้มาอ่าน หน่วงตั้งแต่แรกจนหน้าล่าสุด

เริ่มที่พ่อเลยนะ พ่ออาร์มและนิ่มพยายามที่สุดแล้วที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด ถ้าหากว่าลูกคนเดียวก็ยังพอว่าแต่นี่ 2 คน แถมตามด้วยเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดด้วย เป็นตราบาป 3 ชั้น เห็นมาตลอดว่าพ่อไม่ได้ลงมือกันนิ่มเลย พ่อพยายามห้ามอาร์มซึ่งเป็นคนที่นำน้อง
พ่อบังคับนิ่มให้แต่งงานกับคนที่รักนิ่ม - พ่อใจร้ายเนอะ (แดกดันนะคะ) จะไปสังคมไหน เชื้อชาติไหนก็ไม่มีพ่อคนไหนรับได้หรอก

อาร์มรักนิ่มมากๆ ใช่ ความสัมพันธ์กับเปรมก็ไม่แน่ใจว่ามีแบบไหน แค่อุปถัมป์การศึกษากันแบบเดียวหรือ? แต่ทั้งอาร์มและนิ่มเห็นแก่ตัวมากๆ คือเกิดอะไรกรูก็ไม่สนตราบใดที่กรูได้ในสิ่งที่กรูต้องการ ตอนที่พ่อกับกันมาเจอแล้วอาร์มโดนพ่อตบ อาร์มก็ทำพ่อจนพ่อล้ม ก่อนที่ทีหลังพ่อจะล้มไปจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่อาร์มจะอยากลึม จากนี้ไปความรักของอาร์ม-นิ่มจะไม่ได้เป็นแค่ความรักแต่มันจะมีความสำนึกผิดปนเข้ามาตลอด อาร์มและเปรมอาจจะพยายามเก็บเงินเพื่อไปตั้งตัวหรือไปอยู่ที่อื่นกัน อาร์มอยุ่ต่อไม่ได้หรอก

คำพูดของเปรมและสายตาดูแคลนที่มีให้นิ่มเป็นสิ่งหนึ่งที่บอกตรงๆสะใจมาก สำหรับเราสองอย่างนั้นเป็นความเป็นจริงที่สังคมมองอาร์มกับนิ่ม แล้วนิ่มก็เถียงเปรมไม่ได้เพราะว่ามันจริงเป๊ะ นิ่มจับปลาสองมือจริงๆ

เปรมจะรักอาร์มไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะว่าอาร์มเคยช่วยเปรม การที่เปรมช่วยงานพร้อมไทน่าจะเป็นเพราะอยากเก็บเงินเพื่อเอาไปดูแลอาร์ม อยากคิดแบบนี้เพราะว่าอยากให้มีส่วนที่ดีกันบ้าง เปรมอาจจะเลวก็ได้ *ยักไหล่*

กัน - ก้อนน้ำแข็งเดินได้ ในด้านความรักกันพยายามทำดีที่สุด ถึงได้แต่งงานกับนิ่มแต่หันพยายามทำให้นิ่มรักตัวเองโดยที่ไม่ได้หักหาญน้ำใจ ให้เวลาให้โอกาสนิ่มมาตลอดเสียแต่ว่าเป็นโอกาสที่นิ่มไม่เคยอยากได้จนวันที่นิ่มไม่มีใครแล้วถึงได้ซมซานกลับมาหากัน พ่อพระคนนี้ที่ได้แต่อ้าแขนรับ ถ้าหากว่านิ่มทำลายโอกาสนี้อีกก็กรุณาไปลงนรกที่ไหนก็ไปเถอะนะคะ คุณนิ่ม

ความรักทำให้คนเห็นแก่ตัว - ใช่ ถึงไหนกันล่ะ? อย่างไอนี่มาคุกเข่าขอผัวคนอิ่น ลึมไปว่าถึงไม่มีนิ่มกันก็ไม่เอานางเพราะว่ากันไม่ได้รักนางถึงไม่เอานางไม่ใช่เพราะว่ามีนิ่มอยู่   ความสุขอยู่ตรงไหนกัน? เลิกรักเป็นเรื่องที่ยาก ใช่แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ คนที่รักเราเจ็บบ่อยๆก็เลิกรักเราได้เหมือนกันนะนิ่ม สักวันคุณจะไม่เหลือใครเพราะว่าความเห็นแก่ตัวของคุณ ขอติงหน่อยว่า EQ นิ่มนี่ของอาจารย์สอนคนหรือ?

ว่าตัวละครมาเสียเยอะ มาชมบ้าง คนเขียนคะ คุณเขียนได้ดีมากค่ะ ภาษา+การดำเนินเรื่องดี หน่วงใจคนอ่านมาตลอด เอาใจช่วยในการเขียนนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: นกกาฝากก่า ที่ 17-01-2015 06:55:21
เข้วใจนิ่มนะเพราะเราก็เคยเห็นแก่ตัวมาก่อน :katai3:
...จะผิดอะไรหรือเปล่าถ้าเราเข้าข้างนิ่ม :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: tensoplata ที่ 02-03-2015 06:22:11
ขอโทษนะคะ รออีกสักหน่อยจะมาแต่งต่อ
ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานเลย
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 05-03-2015 12:37:48
เอ้า หลงเข้ามาอ่าน ฮือออ มาต่อด้วยนะคับเดี๋ยวนิยายโดนย้าย
หัวข้อ: Re: วิวาห์ลวงรัก (ตอนที่ ๒๗ : ของกัน) 20/8/14
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 05-03-2015 20:40:44
เขาอยากอ่าน มาต่อน้าา จะรอ