พิมพ์หน้านี้ - ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่14 [8/7/61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: kete ที่ 14-06-2018 14:36:03

หัวข้อ: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่14 [8/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 14-06-2018 14:36:03
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

วิหคสุวรรณ

เมื่อเจ้านกสีทองดันไปถูกตาต้องใจประมุขมารเข้า

มันจะหนีรอดจากกรงทองนี้หรือไม่

โปรดติดตามกันต่อไป

...
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย
กะทิชาวเขา

หัวข้อ: Re: ···วิหคสุวรรณ···[14 มิ.ย.61] โดยกะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 14-06-2018 14:43:39
บทนำ
ข้าแค่มาหาผลไม้กินเองนะ


จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

เสียงนกร้องนี้ถ้ามนุษย์และสัตว์ทั่วไปฟังคงได้ยินเพียงเสียง จิ๊บ จิ๊บ ถ้านกด้วยกันเองก็ฟังเป็น



“ผลไม้จ๋า รอข้าก่อนนะข้ากำลังบินไปหาแล้ว"



จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ



“หืม เสียงนก" ชายหนุ่มที่ใครต่างก็เรียกว่าท่านประมุขพรรคมาร กำลังนอนพักอยู่บนต้นไม้ พลันก็ได้ยินเสียงนกร้องทั้งที่ปกติสัตว์ธรรมดาทั่วไปจะหลีกเลี่ยงไอปีศาจของเขา เพราะมันจะทำให้พวกมันกจะอักเลือดตายจากแรงกดดันที่ส่งไป


“นกสีทอง” นกสีทองนี้ทั่วทั้งตัวของมันปกคลุมไปด้วยขนสีทอง มีหางที่ยาว แต่ตัวเล็กนิดเดียวเสียงของมันจึงเจื้อยแจ้วแต่ฟังแล้วไพเราะ กำลังจิกกินผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย


“ข้าชอบเจ้า ไปเป็นสัตว์เลี้ยงข้าเถอะ" ว่าจบก็เกิดกรงสีทองเข้าไปล้อมรอบเจ้านกสีทองที่ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะโดนจับขังกรง



“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ” เจ้านกที่พึ่งรู้ตัวว่าถูกขังก็ตกใจกระพือปีกบินไปมา



“เจ้าคงตกใจ แต่มีนักปราชญ์กล่าวไว้ว่า เมื่อเริ่มรู้จัก จึงเริ่มวางใจ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลเดี๋ยวนานไปเจ้าจะมีความสุขเองที่มีคนเลี้ยงอย่างข้า กลับตำหนักข้ากันเถิด"



“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บบบบบบบ” (ปล่อยข้านะมนุษย์บ้า พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่องหรือจะจับข้าไปกิน ไม่นะ ใครก็ได้ช่วยข้าด้วยยยยย)

หัวข้อ: Re: ···วิหคสุวรรณ···[14 มิ.ย.61] โดยกะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 14-06-2018 14:47:24
ตอนที่ 1
นามของเจ้าคือ ฟู่ฟู่


 ภายในตำหนักลู่เฟิน

“เจ้านกน้อย อยากออกมาจากกรงหรือ งั้นข้าจะเมตตาเจ้าปล่อยเจ้าให้บินเล่นในตำหนักข้าก็แล้วกัน”




แกร๊ก




เสียงประตูกรงเปิดออก เจ้านกสีทองไม่รอช้าบินออกหน้าต่างเพื่อหนีไปจากที่แห่งนี้ทันที


ปึก จิ๊บบบบบบ (เจ็บบบบบบ)

เจ้านกที่คิดว่าจะเป็นอิสระแต่ดันคิดผิดเมื่อมันบินชนอะไรใสๆเหมือนกระจกเข้าอย่างจังทำให้มันร้องลั่น แต่ก็ไม่ละความพยายาม มันจึงบินไปที่หน้าต่างอีกที




ปึก จิ๊บ ปึก จิ๊บ ปึก จิ๊บบบบ (ปึก เจ็บ ปึก โอ้ยเจ็บ ปึก เจ็บโว้ยยย!

สุดท้ายก็นอนกลางปีกอยู่ที่พื้นห้อง





“หึ หึ เจ้านี่น่าขำเสียจริง คิดไม่ผิดที่จับเจ้ามา ข้าบอกแล้วไงว่าจะปล่อยเจ้าให้บินอยูในตำหนักข้า อย่าหวังจะได้ออกไปเลยนะเจ้านกน้อยเพราะข้ากางเขตป้องกันไม่ให้เจ้าออกไปแล้ว หึ หึ”






ชายหนุ่มรูปร่างกำยำสมสัดส่วน ใบหน้าหล่อเหลามีนัยตาสีนิลที่แค่มองก็เหมือนโดนสะกดจิต ผมยาวสีดำถูกรวบไว้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งปล่อยสยายลงมายาวถึงเอว สวมเสื้อผ้าใหมชั้นดีสีดำเช่นกัน เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นประมุขพรรคมาร เพราะพลังที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ ชื่อของเขาคือ หานเฟิง






“มานี่มา มานอนที่เตียงกับข้า" หานเฟิงเดินเข้าไปอุ้มเจ้านกน้อยที่สลบอยู่บนพื้นห้องแล้วนำมาวางลงบนหมอน






“จิ๊บ จิ๊บ" (โอ้ยมึนหัวจัง) มันรู้สึกตัวเหมือนมีใครมาอุ้มแต่ก็มึนหัวเกินกว่าจะยืนขึ้นจึงทิ้งตัวลงนอนเสียดีกว่า






เวลาผ่านไป 1จีบชา (3 นาที)

เจ้านกน้อยเริ่มรู้สึกตัว กระพือปีกนิดนึงแล้วยืนขึ้น

มันกำลังสับสนว่าอยู่ที่ไหน






“ตื่นแล้วหรือเจ้านกน้อย”  หานเฟิงที่กำลังอ่านตำราอยู่บนเตียงอีกฝั่งหนึ่ง หันมาถามเจ้านกน้อยที่พึ่งฟื้นขึ้นมา

แต่เมื่อเจ้านกได้สติก็บินเข้ามาจิกชายหนุ่มตรงหน้าทันที






“โอ้ย นี่เจ้ากล้าจิกมือข้าเหรอ" หานเฟิงที่เห็นนกบินเข้ามาหมายจะจิกตาเขาจึงเอามือมาบังทันเวลาพอดี






“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ" (คนใจร้ายปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะจิกตาเจ้า) ฝ่ายเจ้านกก็ไม่ยอมรามือตามจิกต่อ จนเกิดการปะทะกันเล็กน้อยระหว่างคนกับนก






“เจ้ากำลังทำให้ข้าโมโห จะอยู่นิ่งๆอย่างสงบหรือจะอยู่แบบไม่มีลมหายใจห๊ะ" ท่านประมุขพรรคมารเริ่มเผยความร้ายกาจ เขาดูเหมือนคนใจดีเป็นมิตรแต่ทุกคนก็รู้ว่าท่านประมุขคนนี้อารมณ์ร้อน โมโหง่ายเสียเหลือเกิน ซึ่งตอนนี้เจ้านกสีทองตัวน้อยก็ทำให้ท่านประมุขโมโหจนบีบตัวมันแทบจะแหลกคามือ






“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จะ จิ๊บ" (ปล่อย ปล่อยข้า ขะ ข้าหายใจไม่ออก) เจ้านกเริ่มสงบเพราะมันรู้ว่าเมื่อมันขยับปีกมันจะยิ่งโดนรัดแน่นขึ้น หนทางรอดมันจึงต้องอยู่นิ่งๆซึ่งนั่นมันก็คิดถูกเมื่อเจ้ามนุษย์นี้คลายแรงที่กำมือแต่ยังคงจับตัวมันไว้อย่างหลวมๆอยู่






“นั่นแหละเด็กดี อยู่นิ่งๆแบบนี้สิ" หานเฟิงเอ่ยชมเจ้านกน้อยเมื่อมันทำตามคำสั่งของเขา






“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ” (เจ้ามนุษย์ใจร้าย นั่นเจ้าพูดว่าจะจับข้ากินใช่หรือไม่ ไม่นะข้าไม่อยากตาย ปล่อยข้าไปเถอะ)

เจ้านกส่งเสียงขอความเมตตา แต่มนุษย์มีหรือจะเข้าใจเมื่อฟังเสียงจิ้บ จิ้บที่เปร่งออกมากับฟังเป็นเสียงร้องออดอ้อนเสียนี่






“หึ หึ เสียงเจ้าไพเราะนัก อ่าจริงสิข้ายังไม่ได้ตั้งชื่อให้เจ้าเลย ชื่ออะไรดีเจ้านกน้อย” มนุษย์ที่คิดว่าสื่อสารกับนกเข้าใจพูดคุยเป็นเรื่องเป็นราว






“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ" (เจ้าบ้า เจ้าเซ่อ เจ้ามันสมควรตาย)

มนุษย์พูดอะไรข้าฟังไม่เข้าใจแถมมีหน้ามาหัวเราะใส่ข้าทั้งที่เจ้านั่นพึ่งเกือบจะบีบข้าตาย เจ้ามันสมควรตายจริงๆ






“อืมๆ เจ้าอยากได้ชื่อฟู่ฟู่เหรอ ชื่อน่ารักสมกับตัวเจ้าเสียด้วย ฟู่ฟู่ ต่อไปนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าฟู่ฟู่”






“จิ๊บ จิ๊บ”(เจ้าบ้า เจ้าเซ่อ)


เมื่อเห็นเจ้านกขานรับก็คิดว่ามันชอบใจ ทั้งที่คุยคนละเรื่องราวกันเลยแท้ๆ
หัวข้อ: Re: ···วิหคสุวรรณ···ตอนที่1 [14 มิ.ย.61] โดยกะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 14-06-2018 16:13:26
ขำตรงที่นกด่าพระเอกว่าเจ้าบ้าเจ้าเซ่อ :hao3:
หัวข้อ: Re: ···วิหคสุวรรณ···ตอนที่1 [14 มิ.ย.61] โดยกะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 14-06-2018 17:54:33
ตอนที่ 2
อยู่กับเจ้าก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าใด




                ในโลกยุทธภพนี้มีการแบ่งเขตการปกครองห้าแคว้น คือแคว้นถัง แคว้นฉิน แคว้นเจ้า แคว้นอวิ้น และแคว้นเยว่ ในแต่ละแคว้นจะมีพรรค หรือสำนักที่ผู้มีวรยุธมาอยู่ร่วมกันจนก่อตั้งเป็นพรรคได้ ผู้ยึดมั่นในคุณธรรมก็จะเข้าร่วมพรรคฝ่ายธรรมะ ผู้ที่หันหลังต่อศีลธรรมก็จะเข้าร่วมพรรคฝ่ายอธรรม แต่ละพรรคก็จะมีอุดมการณ์ของใครของมัน

และพรรคมารที่มีชื่อเสียงโด่งดังในตอนนี้ก็คือ พรรคมารพยัคฆ์ทมิฬที่ตั้งอยู่ในแคว้นเยว่ แคว้นที่มีป่าลึกลับชื่อว่าป่าห้วงมิติ และพรรคมารพยัคฆ์ทมิฬก็

ตั้งหลักปักฐานที่ในป่าห้วงมิตินี้เอง






‘เฮ้อ นี่ข้าจะหนีจากเจ้านี่ไม่ได้ใช่หรือไม่’ เจ้านกสีทองยืนจับขอนไม้ข้างหัวเตียงมองดูเจ้ามนุษย์นอนหลับอย่างสบายใจ ต่างจากมันที่บินหาช่องทางหนีทั่วทุกมุมห้องก็ไม่สามารถเล็ดลอดหนีไปได้มันจึงบินมาเกาะขอนไม้มองดูเจ้ามนุษยฺ์นี่แทน




‘มองแล้วแค้นนักจับข้ามาทำไม ข้าอยากมีอิสระ ข้าอยากบินไปในโลกกว้าง ตายซะเถอะข้าจะจิกเจ้าจนตาย นี่แหนะๆ’ เจ้านกที่เกิดไฟแค้นบินไปเกาะบนอกแกร่งของร่างสูงแล้วจิกลงไปที่ตำแหน่งหัวใจ




“ฟู่ฟู่ เจ้าจิกข้าอีกแล้วนะ เป็นอะไรหืม" หานเฟิงรวบเจ้าฟู่ฟู่จอมป่วนไว้ในกำมือ ถึงจะงอยปากเล็กของมันจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้แต่มันก็ทำให้คันยุบยิบน่ารำคาญ




“จิ๊บ จิ๊บ”(ปล่อย! ข้า!)






“อืม อยากนอนกับข้างั้นหรือ ได้สิมาๆข้าจะนอนกอดเจ้าเอง" ว่าจบก็วางเจ้าฟู่ฟู่ไว้บนหน้าอกประสานมือกดมันไว้เบาๆ




“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ”(เจ้าหน้าตาย ข้าบอกให้ปล่อยข้าไม่ใช่ให้เจ้ากดข้า) เจ้าฟู่ๆส่งเสียงร้องประท้วง






“ฟู่ฟู่ ถึงข้าจะชอบเสียงเจ้าแต่ตอนนี้ข้าอยากนอนเงียบๆมากกว่า ถ้าเจ้ายังไม่เงียบข้าจะจับเจ้าขังกรงซะ" ร่างแกร่งเอ่ยเตือนเจ้านกน้อยพร้อมทั้งส่งแรงกดดันไปพร้อมน้ำเสียง




‘อึก เจ้ามนุษย์นี่ขู่ข้าอีกแล้ว คิดว่าข้ากลัวหรือไงเหอะ ข้าแค่อยากนอนแแค่นั้นแหละ ข้าถึงเงียบไม่ได้กลัวเจ้าสักนิด ชิ’

เจ้าฟู่ฟู่ที่รับรู้แรงกดดันที่ส่งผ่านมามันจึงคิดว่าทำให้มนุษย์นี่โกรธซะแล้ว ซึ่งไม่เป็นผลดีกับมันเมื่อมันยังอยู่ในอุ้งมือมาร มันอาจจะโดนบีบตายก็ได้จึงสงบเสงี่ยมลงและนอนพักเอาแรงหาทางหนีพรุ่งนี้ดีกว่าจะเลือกมาตายวันนี้





“ดีมาก หลับเสียเถิดฟู่ฟู่น้อย"






เช้าวันใหม่หานเฟิงถูกปลุกโดยเจ้าฟู่ฟู่ตัวป่วนตั้งแต่ยามเหม่า (05.00น.-06.59น.) ทำให้เขาต้องตื่นอย่างช่วยไม่ได้

“หืมตื่นเช้าเสียจริงนะฟู่ฟู่” พร้อมกับใช้นิ้วจิ้มเจ้าตัวเล็กที่เกาะบนอก






“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ!!!” (ข้าต้องออกไปหาอะไรกินนะ แต่ข้าออกไปไม่ได้เพราะเจ้า!!!) เวลานี้เป็นเวลาปกติของมันที่ต้องออกไปหาอาหารกินถ้าช้ากว่านี้มันจะหมดเอาหน่ะสิ




“อืม หรือว่าเจ้าหิวอ่าใช่สิ นกอย่างเจ้าออกหาอะไรกินตอนเช้านี่ ถ้าอย่างนั้นรอข้าประเดี๋ยวนึงนะ” เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองมีความคิดตรงกัน หานเฟิงลุกไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องอาบน้ำ ทุกเช้าจะมีสาวใช้เตรียมน้ำมาไว้ให้ที่นี่






“ไปกินข้าวกันเถอะฟู่ฟู่” ชายหนุ่มรวบเจ้านกไว้ในกำมือแล้วเดินออกไปที่ห้องรับรอง ที่มีคนเตรียมสำรับมาไว้ให้แล้ว





“มีถั่วอยู่เจ้ากินได้มั้ย"  เมื่อหานเฟิงยื่นส้มให้เจ้าฟู่ฟู่ ทีแรกมันก็หันหน้าหนีไม่ยอมกิน แต่เมื่อหานเฟิงวางถั่วไว้ตรงหน้าเจ้าฟู่ฟู่แล้วหันมากินข้าวโดยทำทีไม่สนใจมัน เจ้านกน้อยก็จิกกินอย่างเอร็ดอร่อย




ห้องทำงานประมุขพรรคพยัคฆ์ทมิฬ

“ท่านประมุข นี่คืองานว่าจ้างทั้งหมดขอรับ” ท่านรองหัวหน้าพรรคนำใบว่าจ้างจากสำนักหาข่าวมาให้ท่านประมุขตัดสินใจ พรรคพยัคฆ์ทมิฬ รับงานหาข่าว ขายข่าว ลักพาตัว มือลอบสังหาร  โดยก่อตั้งสำนักหาข่าวที่เมืองหลวงแคว้นเยว่แต่ปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าพรรคพยัคฆ์ทมิฬเป็นผู้ก่อตั้ง โดยเปิดเผยเพียงว่าสามารถติดต่อจ้างงานพรรคได้เพียงเท่านั้น งานเหล่านี้ทำให้หารายได้เข้าคลังไม่น้อย และบางครั้งก็ไปขโมยของของขุนนางที่จวนมาขายสร้างกำไรให้มากมาย






“อืม จ้างหาข่าวแคว้นฉิน เรื่องกำลังกองทัพ ให้ตงอี้ไปจัดการแล้วกันปลอมตัวไปสมัครเป็นทหารซะ ต่อไปจ้างฆ่าคุณชายรองสกุลไป๋ ให้ค่าจ้างน้อยแบบนี้ยังมีหน้ามาว่าจ้างพรรคเราอีกเหรอ ไปต่อรองราคามาใหม่”

หานเฟิงแจกแจงงานให้สมาชิกในพรรคแต่ละคน เขาเทียบงานและใตร่ตรองความสามารถของเหล่าสมาชิกว่าคนใดควรทำงานไหน หากใครทำงานดีเขาก็มีรางวัลตอบแทน หากใครทำงานพลาดเขาก็มีบทลงโทษให้มันผู้นั้น ในขณะนี้สมาชิกในพรรคมีราวๆห้าสิบคนได้ ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือ ทำงานได้รวดเร็วไร้ร่องรอยนัก แต่งานไหนอันตรายและมีผลกระทบต่อพรรคมากที่สุดแต่เงินรางวัลตอบแทนมากล้นนั้น เขาก็จะไปจัดการด้วยตัวเอง






“เอ่อท่านประมุข นกนั่นมาจากไหนหรือขอรับ สีทองทั่วทั้งตัวแบบนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน" ท่านรองหัวหน้าพรรคชงหยวนเอ่ยทักเมื่อเห็นนกสีทองแปลกตากำลังจิกกินเมล็ดถั่วอยู่บนโต๊ะทำงาน




“ข้าเจอมันที่กลางป่าห้วงมิติ เห็นสีสวยดีข้าเลยเก็บมาเลี้ยงมันชื่อว่าฟู่ฟู่”






“แล้วมันตัวผู้ หรือตัวเมียหรือขอรับ"






“ข้าก็ไม่รู้ ลืมคิดไปเหมือนกัน"หานเฟิงก็พึ่งมาคิดได้ว่าเจ้าฟู่ฟู่เป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ยิ่งเป็นนกแปลกแบบนี้ก็ยิ่งแยกไม่ออกไปกันใหญ่






“จิ๊บ จิ๊บ”(เอื้อก อิ่มจังเลย)

หัวข้อ: Re: ···วิหคสุวรรณ···ตอนที่1 [14 มิ.ย.61] โดยกะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 14-06-2018 17:54:51
 :pig2:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 3[14/6/61] กะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 14-06-2018 20:14:49
ตอนที่ 3
เทศกาลหยวนเซียว


ยามเหม่า (05.00น. - 06.59น.)

เจ้านกที่ถึงเวลาออกหากิน มันตื่นขึ้นรับเช้าวันใหมส่งเสียงจิ๊บ จิ๊บ ไพเราะดังเป็นทำนอง




“จิ๊บ  จิบ จิ้บ จิ๊บ” (ผลไม้สดใหม่ ข้าต้องได้กินก่อนใคร ลาล้าลา~)

นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่ข้าอยู่กับเจ้าบ้านี่ ถึงตอนแรกข้าพยามยามหาทางหนีทุกวิถีทาง แต่ไม่มีช่องทางหนีให้ข้าเลย เวลาเจ้านั่นพาข้าออกไปที่สวนข้างนอกก็เหมือนกับปล่อยให้ข้าบินไปได้อย่างอิสระแต่เมื่ิอข้าบินไปไกลเกินก็ชนเข้ากับอะไรไม่รู้เหมือนกระจกบางๆใสๆที่ล้อมข้าไว้ แต่มันก็มีข้อดีบ้างคือข้าได้กินผลไม้อร่อยจนพุงกางทุกวัน นั่นทำให้ข้าพอจะอยู่กับเจ้าบ้านี่ได้

เช้านี้็ก็เช่นกันมีคนเอาผลไม้มาวางไว้ให้เหมือนเดิม




อ่า ผลไม้นี่รสชาติอร่อยเสียจริง ข้าจิกกินผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย



“อืมตื่นเช้าเหมือนเดิมเลยนะฟู่ฟู่” หานเฟิงที่ได้ยินเสียงเจ้าฟู่ฟู่ขับขานท่วงทำนองอันไพเราะเหมือนทุกเช้าตื่นขึ้นมานั่งมองมันจิกกินผลไม้ที่เขาสั่งสาวใช้ให้เตรียมไว้ให้

ผ่านมาหลายวันแล้วเจ้าฟู่ฟู่ก็เลิกพยศกับเขาเสียที แต่ก็ไม่ยอมฟังคำสั่งของเขาเท่าไหร่

 


ประมุขพรรคมารลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาพร้อมบ้วนปากที่ห้องน้ำ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็มาเรียกเจ้าฟู่ฟู่ไปกินข้าว




“ฟู่ฟู่ไปกินข้าว"

“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ”(เรียกข้าเหรอ ไปกินข้าวใช่มั้ยไปสิ)

เจ้าฟู่ฟู่บินไปเกาะไหล่มนุษย์เพราะมันขี้เกียจบินเอง ที่มันรู้ว่าจะไปกินข้าวเพราะมันทำแบบนี้ซ้ำมาหลายวันแล้ว พอตื่นมาก็มากินผลไม้รองท้องรอเจ้ามนุษย์นี่ตื่น พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ถึงเวลากินอาหาร ตอนนี้ข้ารู้สีกบินไม่สูงเหมือนปกติเท่าไหร่ มันหนักท้องหรือข้าก็ไม่แน่ใจ




“เจ้าหนักขึ้นหรือฟู่ฟู่” หานเฟิงที่รับน้ำหนักเจ้าฟูฟู่ไว้บนบ่าเริ่มรู้สึกถึงความแตกต่างของบ่า เพราะข้างที่เจ้าฟู่ฟู่อยู่มันหนักเหมือนมีก้อนอะไรแปะอยู่บนบ่าเสียแล้ว



“จิ๊บ จิ๊บ”(รีบไปสิ ข้าหิวแล้วนะ)



“หึหึ อ้วนขึ้นจริงๆด้วย แต่ไม่เป็นไรเจ้าเป็นเช่นนี้ก็น่ารักดี"




หนึ่งคนหนึ่งนกนั่งกินข้าวด้วยกัน เจ้านกน้อยกินเมล็ดพืชอย่างอิ่มหมีพีมัน ท่านประมุขก็กินข้าวอย่างเจริญอาหารเพราะมีสหายร่วมโต๊ะ




“วันนี้ข้าจะไปตรวจงานที่หอข่าว ข้าจะพาเจ้าไปด้วย เจ้าอยากไปกับข้าหรือไม่ฟู่ฟู่”

ไม่มีเสียงขานรับจากเจ้านกน้อยเมื่อมันตั้งใจกินอาหารตรงหน้าอยู่




เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางหานเฟิงเลือกจะขี่ม้าไปเพราะถึงจะมีวิชาตัวเบาแต่มันก็ทำให้เปลืองแรงได้ถ้าระยะทางไกลพรรคมารพยัคฆ์ทมิฬตั้งหลักปักฐานที่ตามแนวชายป่าใกล้ลำธารเพราะป่าห้วงมิติเป็นป่าที่สร้างภาพมายาเพื่อให้คนหลงทางเดินวนอยู่ในป่านั้น ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไรภาพมายายิ่งรุนแรงเท่านั้น แต่ตามแนวชายป่าพลังเบาบางจนแทบไม่มี แต่พรรคมารก็ได้วางค่ายกลล้อมรอบอนาเขตของพรรคไว้เพื่อไม่ให้ผู้ใดพบเจอ 




เส้นทางจากแนวชายป่าเข้าเมืองหลวงแคว้นเยว่ต้องผ่านหมู่บ้านชนพื้นเมืองก่อนและเดินทางไปอีกไม่กี่ยามก็ถึงตัวเมืองหลวง




เจ้าฟู่ฟู่ตอนนี้ถูกหานเฟิงจับยัดเข้าที่เสื้อเหลือแค่หัวที่โผล่มา ที่แรกมันไม่ยอมเสียท่าเดียวจนเขาต้องใช้พลังสกัดจุดให้มันอยู่นิ่งและพูดขู่ไปอีกทีจนเจ้านกน้อยต้องยอมสงบ




‘เจ้าบ้ามันทำให้ข้าตัวแข็ง ข้ากลัวมากเลย เจ้ามันคนใจร้าย ข้าผิดอะไรข้าแค่ไม่อยากออกจากป่านั่นเอง ข้าผิดอะไรเจ้าบ้าาาา!!!’ เจ้าฟู่ฟู่ได้แต่ยอมรับชะตากรรม




ตลอดทางจากป่าห้วงมิติยังไม่มีบ้านเรือนของคนมาอาศัยมันสงบเงียบสองข้างทางเป็นทุ่งกว้าง เมื่อเดินทางมาครึ่งวันก็ถึงหมู่บ้านชนพื้นเมืองพักกินข้าวกินน้ำเสร็จก็เดินทางต่อจนถึงเมืองหลวงก็เป็นเวลายามอิ่วแล้ว (17.00-18.59น.)




“วันนี้มีเทศกาลหยวนเซียว ข้าพาเจ้ามาเที่ยวนะฟู่ฟู่” เทศกาลหยวนเซียวเป็นเทศกาลที่ชาวบ้านจะนำโคมไฟมาประดับตามบ้านเรือนสวยงาม ตรงกับวันที่พระจันทร์เต็มดวงคือ วันขึ้น15 ค่ำเดือนอ้าย




“จิ๊บ จิ๊บ”(เรียกข้าเหรอ แล้วที่เจ้าพูดนั่นหมายถึงอะไร) เจ้านกได้แต่สงสัยว่ามนุษย์พูดอะไร แต่ดูที่นี่จะมีมนุษย์เยอะกว่าที่ข้าจากมา แล้วมีแสงตอนกลางคืนเยอะมากด้วย




ทั้งสองพากันเดินชมโคมไฟที่ประดับสองข้างทางไปด้วยกันทุกครั้งที่หานเฟิงพูดกับเจ้าฟู่ฟู่มันก็ส่งเสียงตอบรับมาทำให้เขาพอใจไม่น้อยที่ดูเหมือนมันจะเข้าใจที่เขาพูด แต่ความจริงแล้วเจ้านกได้เพียงแต่ตอบว่า

เจ้าเรียกข้าเหรอ เรียกข้าใช่มั้ย เจ้าพูดว่าอะไร เจ้าช่วยพูดให้ข้าฟังรู้เรื่องได้มั้ยเล่า



หอข่าวสายลม

“นายท่านมาเสียดึกดื่นเลยนะขอรับ” ชายหนุ่มเจ้าของหอหาข่าวตัวปลอมนามว่าหลวนซานมาต้อนรับเจ้าของหอตัวจริง




“อืม แล้วช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อเข้ามาห้องทำงานของเขาแล้วก็จับเจ้าฟู่ฟู่ออกมาให้บินเล่นในห้อง แล้วก็ถามเรื่องเกี่ยวกับหอข่าว หลวนซานก็รายงานเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น รวมไปถึงข่าวที่พึ่งได้รับมา




“เมื่อหลายวันก่อนข้าได้ข่าวมาว่ามีคนพบหยกจันทราขอรับ”หลวนซานรีบเข้าประเด็นทันที



“เจอได้ยังไง แล้วแน่ใจหรือว่าใช่หยกจันทรา”

หยกจันทราคือของวิเศษที่กักเก็บพลังของสัตว์อสูรในตำนานเอาไว้ผู้ใดได้ครอบครองจะได้รับพลังมหาศาล ซึ่งหยกจันทราก็ไม่มีใครเคยพบเจอมาหลายร้อยปีจนคิดว่าเป็นตำนานหลอกเด็กเสียแล้ว



“มีชาวบ้านห้าคนไปหาของป่าที่หุบเขาพันปีแล้วเห็นแสงสว่างบนท้องฟ้าเป็นรูปมังกรขอรับ และทุกคนให้การไปในแนวทางเดียวกันว่าเห็นเป็นรูปมังกรจริงๆขอรับ” 



“หึ เรื่องไร้สาระน่ะ ถ้าเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปพักผ่อนซะคืนนี้ข้าจะนอนที่นี่”



หลวนซานเดินออกจากห้องไปพร้อมกับสงสัยว่านกสีทองนั่นมาจากไหนแต่ก็ไม่อยากถามท่านประมุขมากจึงเลือกจะเงียบเสียมากกว่า



หานเฟิงนั่งตรวจงบบัญชีไปเรื่อยๆ จนเห็นเจ้าฟู่ฟู่ยืนหลับไปแล้วเขาจึงละมือจากงานตรงหน้าแล้วเอาฟุกมาปูนอน



“มานอนได้แล้วฟู่ฟู่” หานเฟิงจับเจ้าฟู่ฟู่มานอนที่ฟุกที่ว่างข้างตัวแล้วก็หลับไปพร้อมกัน

ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามากระทบร่างเจ้านกน้อยสีทองก็ก่อให้เกิดแสงสีทองสว่างกระจ่างตาจนทำให้หานเฟิงต้องลืมตามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น


“เจ้าเป็นใคร!!!”



--------------------------------------------------------------

TALK

มาถึงตอนที่สามกันแล้ว ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะขอบคุณมากเลย เนื้อเรื่องมันจะค่อยเป็นค่อยไป และเราอัพบนมือถือขออภัยถ้ามีข้อผิดพลาดเน้อ



หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 3[14/6/61] กะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-06-2018 00:09:47
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 3[14/6/61] กะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 15-06-2018 01:34:42
น่ารักดีนกอ้วน  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 3[14/6/61] กะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 15-06-2018 01:42:44
 o13 น่าติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 3[14/6/61] กะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-06-2018 03:40:51
ตัดฉับได้ขาดใจ นกวิเศษแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 3[14/6/61] กะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 15-06-2018 08:23:12
รอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 3[14/6/61] กะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 15-06-2018 08:50:14
รอๆค่ะ  :z13:  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 4[15/6/61] กะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 15-06-2018 17:24:49
ตอนที่ 4
ข้าเป็นใคร


ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องมันสาดแสงผาดผ่านสองร่างที่นอนข้างกัน ก่อให้เกิดแสงสีทองสว่างตาทำให้หานเฟิงต้องลืมตาขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น




“เจ้าเป็นใคร!!!” แต่เมื่อหันไปมองข้างกายตน แทนที่จะมีเจ้าฟู่ฟู่จอมป่วนนอนอยู่ข้างกายกับกลายเป็นชายหนุ่มร่างบางสวมชุดสีขาวปักลวดลายสีทอง ทำให้เขากระเด้งตัวออกมาจากฟุกพร้อมตั้งท่าเตรียมโจมตี




“อะไรๆ เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มชุดสีขาวสะดุ้งตื่นจากนิทราเมื่อได้ยินเสียงดังลั่นเหมือนใครมาตะคอกข้างหู แต่เมื่อมันหันไปหันมาไม่เจอใครนอกจากเจ้ามนุษย์บ้านั่นก็เกิดความสงสัย




“เจ้าบ้า เจ้าทำให้ข้าตกใจนะ ตะโกนเสียงดังทำไมเสียเวลานอนข้าเสียจริง”



“ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร แต่สงสัยเจ้าจะมีวรยุทธสูงส่งถึงแอบเข้าห้องข้าได้” หานเฟิงถามอีกครั้ง แม้เขาจะหลับแต่ก็สร้างเขตป้องกันเอาไว้เมื่อมีศัตรูเข้ามาเขาจะสามารถรับรู้ได้ แต่เขาไม่สามารถรู้การมาถึงของชายตรงหน้าได้จึงคิดว่าฝีมือเก่งกาจนัก 



“ข้าก็เป็นนกที่โดนเจ้าจับมาไงเจ้าบ้า เจ้าเซ่อ เอ๊ะข้าฟังเจ้ารู้เรื่อง เอ๊ะ เฮ้ย ข้าเป็นอะไรเนี่ย!!!” เจ้านกตอบหานเฟิงไปด้วยความโมโหจึงแถมท้ายด้วยคำที่เรียกมนุษย์หน้าตายนี้บ่อยๆ แต่เมื่อมันคิดได้อีกครั้งว่าฟังเจ้ามนุษย์นี่เข้าใจก็เกิดความตกใจ เมื่อมันก้มมองดูตัวเองอีกครั้งก็พบว่าร่างกายมันไม่เป็นเหมือนเดิมแล้ว กลับมีนิ้วสิบนิ้ว ทั้งที่มันเคยมีแต่ปีก นี่มันเป็นอะไรเนี่ยยย



“เจ้าคือฟู่ฟู่หรือ อย่าตลกหน่อยเลยน่าทั่วทั้งยุทธภพนี้ไม่เคยมีใครพบเจอว่าสัตว์สามารถกลายร่างเป็นคนมาก่อน ตอบมาเสียดีกว่าว่าใครส่งเจ้ามาไม่อย่างนั้นเจ้าไม่ตายดีแน่”

ทั่วยุทธภพนี้หลายคนสามารถใช้พลังปราณในการสร้างสิ่งอัศจรรย์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเขตป้องกันตน พลังวิชาตัวเบาเหาะเหินเดินอากาศ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครเคยพบเจอมาก่อนคือสัตว์อสูร หรือสัตว์วิเศษต่างๆ แต่มีเรื่องเล่าว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนยุทธภพนี้เต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมาย สัตว์อสูรส่วนมากก็ออกมาทำร้่ายมนุษย์ จนมีพรรคของชาวยุทธพรรคหนึ่งไปกำจัดสัตว์อสูรเหล่านี้ และกักขังมันในป่าห้วงมิติ

แต่นั่นก็เป็นตำนานไม่ใช่เรื่องจริง



“ข้าไม่รู้ ข้าเป็นแบบนี้ได้อย่างไรข้าก็ไม่รู้เจ้าบ้า เจ้าสิต้องบอกว่าเจ้าทำอะไรข้า ข้าถึงเป็นแบบนี้ได้” ชายหนุ่มร่างบางสวนวาจากลับไป มันกำลังสับสน มันมาอยู่ในร่างมนุษย์ได้อย่างไรมันก็ไม่รู้ ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมันก็เป็นนกที่โผบินไปในอากาศ ไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้



“ฟู่ฟู่ นั่นเจ้าจริงๆหรือ” หานเฟิงปลดอาวุธลงและพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้า ชายคนนั้นมีใบหน้าเกลี้ยงเกลาติดจะออกไปทางสตรีเสียหน่อย ปากเป็นกระจับ จมูกก็โด่งรั้น ดวงตาคมเรียว ผมยาวสลวยสีดำตัดกับชุดสีขาวเมื่อพิจารณาดูให้ดีแล้วชุดนั้นปักลวดลายวิหคสีทองอยู่ มีร่างกายเหมือนกับบุรุษทั่วไปแต่บางกว่าเขานัก



“อ่ะคำนั้นอีกแล้ว เจ้าเรียกข้าใช่หรือไม่ ข้าได้ยินเจ้าพูดคำนี้บ่อย ฟู่ฟู่นั่นคือชื่อข้าหรือ” ร่างบางคิ้วขมวดสงสัยใคร่รู้



“นี่ข้าฝันไปหรือเนี่ย นกจะกลายร่างเป็นคนได้เสียที่ไหน” หานเฟิงกลับมานั่งจ้องหน้าชายหนุ่มชุดขาว พิจารณาสายตาและท่วงทีของชายตรงหน้าก็ไม่มีวี่แววของนักฆ่าเสียเลย มีเพียงสายตาสงสัยใคร่รู้เท่านั้น



“ข้าเป็นเหมือนเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับข้าเนี่ย”



“เจ้าสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์มาก่อนหรือไม่” หานเฟิงเริ่มทำการชักถามข้อสงสัยเมื่อเริ่มแน่ใจแล้วว่าชายตรงหน้าคือเจ้าฟู่ฟู่ ถึงมันจะน่าเหลือเชื่อไปเสียหน่อยก็เถอะ



“ไม่เคย ข้าเป็นนกธรรมดามาตลอด จนวันหนึ่งเจ้าก็จับข้ามา พูดถึงตรงนี้ก็อยากจะถามเจ้านัก เจ้าจับข้ามาทำไม แถมกักขังข้า ข้าอยากเป็นอิสระ แต่เจ้าก็ไม่เคยฟังคำขอของข้า ดีแต่ข่มขู่ข้า เจ้ามันคนใจร้าย ใจมาร!!!” เจ้านกปล่อยความอัดอั้นเมื่อครั้งเป็นนกไม่สามารถสื่อสารกับบุคคลตรงหน้าให้เข้าใจได้ มาคราวนี้มาอยู่ในร่างมนุษย์มันก็เอ่ยถามให้กระจ่างไปเสียเลย



“ก็ข้าถูกชะตากับเจ้า ข้าเลยจับเจ้ามาเลี้ยง ข้าก็เห็นเจ้ามีความสุขดีกินอาหารจนพุงกางขนาดนี้ อยู่กับข้าไม่ดีหรือไร” ถึงตอนแรกเจ้าฟู่ฟู่จะหาทางหนีตลอดเวลาที่อยู่กับเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่คิดหนีแล้วนี่เห็นกินอาหารทียัดจนพุงกาง



“มันกะ...ก็ดี ชิก็ข้าฟังเจ้าไม่รู้เรื่อง เจ้าชอบคิดเองไม่ถามความสมัครใจของข้าแถมเมื่อเช้านี้เจ้ายังทำข้าตัวแข็งอีก ข้าแค่ไม่อยากออกมาจากที่นั่นข้าผิดอะไรทำไมเจ้าต้องทำร้ายข้าด้วยเล่า” ฟู่ฟู่ระบายความอัดอั้นที่สะสมมา แต่มันก็ไม่ปฎิเสธที่ว่าอยู่กับเจ้ามนุษย์นี่ก็สบายดี ตั้งแต่มันลืมตาดูโลกมันอยู่ตัวเดียวไม่มีครอบครัว ออกหากินเองจนผ่านมาเนิ่นนานแสนนานซึ่งมันก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ มันต้องรีบตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อออกหากินไม่อย่างนั้นอาหารก็จะหมด แถมบางครั้งยังโดนแย่งอาหารไปเสียอีก เมื่อมาเจอกับมนุษย์นี้มันก็ไม่ต้องออกไปหาอะไรกินตั้งแต่เช้า แถมยังมีคนหาอาหารมาให้มันกินทำให้มันสบายนัก




“หึ พอได้เป็นคนแล้วพูดจ้อเสียจริงไม่ผิดกับตอนเป็นนกที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วตลอดเวลา แต่เจ้าที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์นั้นก็แปลกมาก ไม่เคยมีเหตุการณ์บันทึกเอาไว้เสียด้วย มีเพียงแต่นิทานที่เล่าให้เด็กฟังเสียมากกว่า"ร่างสูงขบคิดความเป็นไปได้ของเหตุการณ์นี้



“แต่อยู่ในร่างนี้ก็ดีอย่างหนึ่งนะ” อยู่ๆเจ้านกในร่างคนก็เอ่ยขึ้นมา พร้อมทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ส่งมาให้



“ดีอย่างไรรึ"ร่างสูงเกิดความสงสัยที่ชายตรงหน้าพูดขึ้นมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ



“ก็ดีอย่างนี้ไง!!!ย้าก!!” ร่างบางเงื้อหมัดหวังซัดเข้าใบหน้าหล่อเหลาให้ได้เลือดสักหมัดสองหมัด แก้แค้นที่มันเคยโดนกระทำมา แต่ร่างแกร่งเอียงใบหน้าหลบหมัดเล็กนั่นจนทำให้ร่างบางถลาเข้าสู่อ้อมกอด หานเฟิงพลิกตัวร่างในอ้อมกอดให้ลงนอน จับข้อมือทั้งสองข้างกดลงบนฟุก



“หึ เด็กน้อยคิดจะชกหน้าข้าหรือยังเร็วไปร้อยปีนะ หึ หึ” ร่างแกร่งกล่าววาจาเยาะเย้ยคนด้านล่าง คิดว่าเขาจะเสียท่าให้กับนกที่พึ่งกลายร่างเป็นคนได้หรือ เฮอะน่าขำเสียจริง



“ปล่อยข้านะเจ้าบ้า เจ้าเซ่อ อุ้บ!”เจ้าฟู่ฟู่ด้วยความโมโหจึงเผลอเอ่ยคำที่มันเคยต่อว่าเจ้ามนุษย์นี้เมื่ออยู่ในร่างนกออกมา



“หืม เจ้าบ้า เจ้าเซ่อรึ เมื่อสักครู่นี้เจ้าก็พูดคำนี้ออกมา ตอนอยู่ในร่างนกคงแอบกล่าววาจาว่าร้ายข้าบ่อยๆหรือ หืม”



“ไม่ใช่เสียหน่อย ปล่อยข้าได้แล้วเรามานั่งคุยกันดีๆเถอะนะ” เจ้าฟู่ฟู่พยายามออกไปจากท่าทางตรงหน้า ภาพบุรุษคล่อมกันแบบนี้ไม่งามเสียเลยนะเจ้าบ้า



“ก็ได้”



ทั้งสองผละจากกันฟู่ฟู่ร่างมนุษย์กลับมานั่งอย่างเรียบร้อย แต่ทันใดนั้นเองร่างของชายหนุ่มชุดขาวก็เกิดแสงสีทองระยิบระยับ ร่างก็หดเล็กลงจนกลายเป็นนกตัวจ้อยเหมือนเดิม 



“เจ้า! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!”หานเฟิงสถบออกมาอย่างหัวเสีย



“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ” (ข้ากลับมาเป็นแบบเดิมแล้วหล่ะ ข้าบินได้แล้ว) แถมยังบินไปรอบๆ ห้องเพื่อเป็นการยืนยัน



เช้าวันถัดมาท่านประมุขก็เดินทางกลับพรรค เมื่อคืนเขานอนไม่หลับจึงนั่งตรวจดูงานตลอดคืน ส่วนเจ้าฟู่ฟู่ถึงตอนแรกมันจะส่งเสียงเจื้อยแจ้วแต่สักพักก็เห็นยืนหลับจนเขาสงสารจับมันมานอนบนฟุกให้สบาย



เมื่อเดินทางมาถึงหมู่บ้านชนเผ่าก็แวะพัก ที่หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆไม่ใหญ่มาก หานเฟิงเดินชมตลาดเพื่อผ่อนคลายจากความประหลาดใจที่พบเจอถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนักก็ตาม หากไปเล่าให้ใครฟังคงคิดว่าเขาเป็นบ้าแน่



“นายท่าน สนใจดูดวงกับข้าหรือไม่เล่า”หญิงเฒ่าผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ตรอกแคบๆท้ายตลาดเอ่ยทักท่านประมุข



“หึ ไม่ล่ะข้าไม่หวังพึ่งดวงนำทางชีวิต” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมเดินจากมา ชีวิตเขาไม่หวังพึ่งดวงและความดีทั้งนั้น แค่มีเงินก็มีอำนาจใช้ชีวิตสุขสบาย แต่ยังไม่ทันเดินพ้นหญิงเฒ่าผู้นั้นนางก็เอ่ยประโยคแปลกๆขึ้นมา



“เรื่องที่เจ้าพบเจอมาเมื่อคืนนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น”



หานเฟิงหยุดชะงักแล้วหันมาให้ความสนใจหญิงชรา



“เรื่องราวที่คิดว่าสิ้นสุด แต่อีกฝ่ายไม่ยอมหยุด ยังฝืนโชคชะตาชักนำให้เรื่องราวเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ท่านจงโปรดระวังอย่าให้จิตมารครอบงำจิตใจของเจ้า ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์จะยิ่งเลวร้ายนัก ข้าเห็นเพียงเท่านี้ขอบคุณที่ยืนฟังหญิงเฒ่าอย่างข้าพูดจบ”



“ที่เจ้าพูดมานั้นหมายถึงเรื่องใด” ตอนนี้เขาสับสนนัก ถึงทีแรกจะคิดว่าหญิงชราคนนี้ฝันเฟื่องแต่เมื่อเธอเอ่ยประโยคแรกขึ้นมาก็ทำให้เขาอยากรู้ว่า หญิงเฒ่าผู้นี้รู้เรื่องอันใดอีก

“ข้าพูดในสิ่งที่ข้าเห็น ไม่สามารถบอกสิ่งใดได้อีก”



เมื่อไม่เห็นหญิงเฒ่าผู้นี้จะพูดสิ่งใดอีกเขาก็เลือกกลับพรรค พร้อมละทิ้งคำทำนายไว้ที่นั่น อย่าให้จิตมารครอบงำรึ ตอนนี้ใจข้าก็ไม่มีเพียงเศษเสี้ยวความดีหลงเหลืออยู่ ก็เปรียบดังจิตมารครอบงำเสียแล้วกระมัง



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TALK
หญิงเฒ่านั้นพูดเรื่องจริงหรือหลอก ให้คุ้กกี้ทำนายกัน
เรื่องพึ่งเริ่มต้น คอยติดตามกันนะว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ คอมเมนต์ของคุณทำให้เรามีกำลังใจมากเลยนะ
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 4[15/6/61] กะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-06-2018 19:24:28
หญิงเฒ่าเป็นใครแล้วฟู่ฟู่เป็นสัตว์เทพหรือเปล่าจะรออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 4[15/6/61] กะทิชาวเขา
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-06-2018 22:22:08
ติดตามจ้ะ
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 5ตำนานหรือเรื่องจริง[16/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 16-06-2018 11:46:38
ตอนที่ 5
ตำนานหรือเรื่องจริง

ตั้งแต่กลับมาจากเมืองหลวงเมื่อหลายวันที่แล้ว ท่านประมุขสั่งงานคนในพรรคให้ไปสืบข่าวเกี่ยวกับสัตว์อสูรและหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานช่างดูแปลกตาสำหรับชาวพรรคพยัคฆ์ทมิฬนัก



ภายในห้องทำงานของท่านประมุข

ร่างสูงนั่งอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่ตนให้สมาชิกในพรรคไปสืบมา ตั้งแต่คืนหยวนเซียวนั้นฟู่ฟู่ก็ไม่กลายร่างเป็นคนอีกเลย มันยังมีท่าทีคล้ายนกเหมือนเดิมซึ่งตอนนี้เขาปล่อยให้มันไปบินเล่นข้างนอกได้ แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตป้องกันของเขา เพราะในป่าห้วงมิตินี้เป็นที่รู้กันดีว่ามันสามารถสร้างภาพมายาให้คนหลงทางมานักต่อนัก จึงไม่สามารถปล่อยให้มันบินไปไกลกว่ารอบๆพรรคได้




เรื่องที่ให้ไปเสาะหามาบ้างก็เป็นเรื่องที่ถูกบันทึกในหน้าหนังสือ บ้างก็เป็นนิทาน บ้างก็เป็นคำบอกเล่า ใจความสำคัญโดยรวมคือ เมื่อห้าร้อยปีก่อนโลกยุทธภพนี้มีมนุษย์และสัตว์อสูรอาศัยอยู่ร่วมกัน จนมนุษย์เริ่มรุกรานพื้นที่ของสัตว์อสูร พวกมันจึงต้องเริ่มออกมาต่อต้านและโจมตีมนุษย์ แรกๆเหตุการณ์ไม่ร้ายแรงนัก แต่เหล่าสัตว์อสูรเริ่มเหิมเกริมจับมนุษย์ฆ่าทิ้งมากมาย แต่มีบุรุษผู้หนึ่งได้นำเหล่าชาวยุทธผู้มีฝีมือในขณะนั้น ขับไล่สัตว์อสูรเข้าไปในป่าห้วงมิติและกักขังพวกมันในป่านั้น




และมีอีกเรื่องที่เขาให้ความสนใจคือ ตำนานหยกจันทรา เรื่องนี้ก็เกิดเมื่อห้าร้อยปีที่แล้วเช่นกัน มีคนเคยบันทึกไว้แต่กลับมีเหตุการณ์ที่พวกมันโดนไฟเผาพร้อมกัน เรื่องนี้จึงเล่ากันปากต่อปากจนเรื่องอาจคลาดเคลื่อนแต่เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ว่า ช่วงนั้นมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังสามารถเล็ดลอดหนีออกจากป่าห้วงมิติมาได้มันคือมังกรดำ สัตว์อสูรที่กัดกินจิตวิญญาณความทุกข์ ความชั่วร้ายของมนุษย์ และมันสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ นั่นทำให้ไม่มีใครรู้ว่าคือสัตว์อสูรเล็ดลอดมา เมื่อมันกัดกินจิตวิญญาณ คนผู้นั้นจะเริ่มหมดแรงและตาย ในที่สุดก็มีบุรุษชุดขาวและพรรคพวกเข้ามาปราบมังกรดำตัวนี้และกักขังมันไว้ในหยกจันทรา และนำไปซ่อนไว้ที่หุบเขาพันปี และยังมีความเชื่อที่ว่าผู้ใดได้ครอบครองหยกจันทรานี้จะได้รับพลังมากมายมหาศาล…

ถึงทีแรกเขาจะคิดว่านั่นคือนิทานหลอกเด็กแต่เรื่องในคืนเทศกาลหยวนเซียวนั่นก็ทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า มันคือตำนานหรือเรื่องจริงกันแน่




“หรือเจ้าจะเป็นสัตว์อสูรรึ ฟู่ฟู่”




“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ!!!” (แย่แล้ว มีคนมา มีคนมา)

เจ้านกที่บินผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องทำงานของท่านประมุขมันกำลังส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างตื่นตระหนก



“หึ ตัวแค่นี้จะไปทำอะไรใครเขาได้” ร่างแกร่งใช้นิ้วจิ้มหัวเจ้านกตัวน้อยทำให้มันล้มลง เขาจึงโดนมันจิกที่นิ้วเพื่อเอาคืน




“จิ๊บบบบบบ!!! จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ”(เจ้าบ้าาาาา!!! มีคนมา มันกำลังมาบุกรังเจ้านะ) เจ้านกรู้สึกโมโหที่พูดอะไรไปมนุษย์ไม่เคยเข้าใจ มันล่ะอยากกลายร่างไปเป็นมนุษย์และตบกระโหลกเจ้ามนุษย์นี้สักที ตอนที่มันกำลังบินเล่นอยู่ตรงป่าด้านหลังพรรคนั้นมันก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเยอะมากๆเลยล่ะเดินมาที่นี่ แถมยังเห็นคนในพรรคเราเดินนำหน้ามาด้วยแล้วแอบหนีไปอีกทางเมื่อมาถึงที่ประตูทางเข้า




“ท่านประมุขแย่แล้วขอรับ พวกพรรคเหยี่ยวพิษเข้ามาในเขตพรรคเราได้แล้วตอนนี้มันก็ท้าทายท่านให้ออกไปสู้กับมัน”รองหัวหน้าชงหยวนเข้ามารายงาน พรรคเหยี่ยวพิษเคยมีเรื่องกันมาหลายรอบกระทบกระแทกกันบ้างแต่ดูเหมือนรอบนี้มันจะไม่อยากตายดีถึงบุกมานี่แถมยกพวกมาเกือบร้อย



“หึเข้ามาได้แบบนี้คงมีหนอนนำทาง พรรคเหยี่ยวพิษรึไปดูหน้ามันเสียหน่อยก็ดี” ว่าจบก็เดินอย่างออกไปอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมสร้างอนาเขตล้อมรอบกักขังไม่ให้ผู้ใดออกไป หนอนเน่าสวะนั่นไว้ค่อยจัดการทีหลัง

“เฮ้ยไหนหัวหน้าพวกแกวะ หรือกลัวจนมุดหัวเข้ากระดองไปเสียแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” เหล่าพวกเหยี่ยวพิษพากันหัวเราะตามหัวหน้าของมัน



“ข้าว่าเป็นเจ้ามากกว่าที่กลัวจนต้องยกพวกมาเยอะเหมือน หมาหมู่ เวลาไล่กัดผู้อื่น” อี้หานสมาชิกพรรคพยัคฆ์ทมิฬตอกกลับไป เพราะในเวลานี้พรรคของเขามีคนอยู่เพียง30 คน อีก20 คนออกไปทำภารกิจอยู่ตามแคว้นต่างๆ




“เจ้า!”



“หลีกทาง” หานเฟิงบอกให้เหล่าลูกน้องตนหลีกทางให้เขาเดินไปประจันหน้ากับพวกที่มาหาเรื่อง ชายหนุ่มเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าด้านหลังก็เจอกับคนราวๆร้อยได้ หึ น่าขำเสียจริงยกพวกมาขนาดนี้คงเก่งมิเบา




“มาได้แล้วรึ ไอ้หานเฟิง หนอยแกนี่ชอบขัดแข้งขัดขาข้าเสียจริงนะ ไม่มีงานอื่นให้ทำแล้วหรือไงวะ” ชายร่างใหญ่โตมีอาวุธเป็นค้อนหัวหน้าพรรคเหยี่ยวพิษ เริ่มเปิดประเด็นหาเรื่องทันที พรรคเหยี่ยวพิษได้งานให้คุ้มครองรถขนสินค้าของเสนาบดีผู้มีอำนาจคนหนึ่ง ใครต่างก็รู้ว่าพรรคเหยี่ยวพิษไร้ผู้ต้านทานจึงไม่มีใครกล้าลักลอบดักปล้นได้ แต่มันก็มีพรรคหนึ่งที่คอยมาขัดแข้งขัดขาเขา มันก็คือพรรคของไอ้หานเฟิง

พวกมันดักปล้นและฆ่าคนของเขาตายหมด เขาจึงโดนท่านเสนาบดีลงโทษแถมเสียค่าชดใช้แทบจะหมดคลัง




“ช่วยไม่ได้ ข้าก็ทำภารกิจเหมือนกับเจ้า ฝีมือห่วยเองยังมาใส่ความให้คนอื่นรับผิดชอบอีกรึ” พรรคของเขาได้รับภารกิจให้ไปดักปล้นรถขนสินค้าของเสนาบดีท่านหนึ่ง ค่าว่าจ้างสมน้ำสมเนื้อเขาเลยรับ ไม่คิดว่าจะเป็นพรรคเหยี่ยวพิษเพราะคนของเขาบอกว่าฝีมือธรรมดาทั่วไป



“ถ้างั้นก็อย่าเสียเวลาคุยกันเลย ข้ามาที่นี่เพื่อเอาเลือดหัวเจ้ามาล้างเท้าข้า!!!” สิ้นเสียงก็เกิดการตะลุมบอน หัวหน้าเหยี่ยวพิษทุบค้อนลงบนพื้นก่อให้เกิดแผ่นดินแยกยาวมาถึงประตูทางเข้า หานเฟิงกระโดดหลบได้ทันเขาชัดเข็มพิษเข้าใส่กลุ่มศัตรูทีเดียวล้มลงไปสิบคน



“เฮื้อก! ไอ้หานเฟิงอย่าอยู่เลยแก” หัวหน้าพรรคเหยี่ยวพิษอารมณ์ร้อนขั้นสุด โถมตัวเข้าต่อสู้กับชายหนุ่มตรงหน้า



ภาพเหตุการณ์ตะลุมบอนนี้เจ้านกเป็นผู้ชมติดขอบเวทีส่งเสียงเจื้อยแจ้วราวกับลุ้นไปด้วย



อ้ากกกกกกเจ้าบ้านั่นฆ่าคน



“จบกันสักทีข้าไม่มีเวลามาก พวกเจ้าถอยออกมา” หานเฟิงตะโกนบอกเหล่าลูกน้องให้ถอยออกมาเพราะเขาจะจัดการพวกมันเสียทีเดียว ตอนนี้มีคนยืนอยู่ราว20 คน หานเฟิงสร้างพลังเกิดเป็นลมรูปร่างเหมือนมังกรยักษ์ภายในลมนั้นมีเข็มพิษหมุนวนไปมาเป็นจำนวนมาก




“เหวอ หัวหน้าข้าไม่อยู่แล้วตัวใครตัวมันละกัน” เหล่าลูกน้องเหยี่ยวพิษเมื่อเห็นมังกรลมตัวยักษ์ก็วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น แต่ก็ไม่ลอดพ้นมังกรลมไปได้ เข็มพิษจำนวนมากทิ่มแทงร่ายกายด้วยความเร็วทำให้พวกที่พากันหนี ตายลงจนหมด ไม่เว้นหัวหน้าพรรคเหยี่ยวพิษด้วยเช่นกัน



เหล่าสมาชิกพรรคพยัคฆ์ทมิฬต่างกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับคิดว่า

จะไม่หาเรื่องท่านประมุขเด็ดขาด!




“และอีกเรื่อง พวกเจ้าจงมายืนเรียงแถวหน้าข้าให้หมด”




“ขอรับ!” ชาวพรรครับคำอย่างขันแข็งเข้ามายืนเรียงแถวหน้ากระดานสามแถว



“ไม่มีใครมาที่นี่ได้ถ้าไม่ใช่คนในพรรค เจ้ากล้ามากที่หักหลังข้า เจ้าจะบอกเองหรือไม่โทษหนักจะได้เป็นเบา”



“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ” (หาตัวคนร้ายหรือ ข้ารู้ ข้ารู้ คนนี้ คนนี้)



“เจ้านกบ้า ไปไกลๆเลยไป” เจ้าฟู่ฟู่บินมาจิกหัวสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ชายผู้นั้นก็ปัดไล่นกไปมา



“หึ ข้าว่าข้ารู้แล้วว่าใครเป็นหนอน นกมักชอบกินหนอนจริงหรือไม่”



“ท่านประมุขโปรดตรองดูใหม่เถอะขอรับเจ้านกนี่อาจจะบินมากวนเล่นก็ได้ขอรับ” ชาย

หนุ่มรีบท้วงติง



“ชงหยวนไปนำยาพูดความจริงมา” ยาพูดความจริงคุณสมบัติตามชื่อสามารถทำให้ผู้ดื่มกินพูดความจริงมีฤทธิ์เพียงหนึ่งชั่วยาม



“ท่านประมุข ข้ายอมแล้ว ข้าเองที่เป็นคนนำพวกนั้นมาแต่มันขู่บังคับข้า ท่านโปรดอภัยให้ข้าด้วยขอรับ” ชายหนุ่มยอมสารภาพความจริงเผื่อว่าโทษหนักจะได้เป็นเบา



“อืมข้าจะให้อภัยเจ้า..จากตัดคอเป็นจับขังทรมานให้สาสมกับคนทรยศอย่างเจ้า จับตัวมันไปและทรมานมันอย่าให้ตายก็พอ”



“ขอรับ”



“ม่ายยยยย นายท่านโปรดให้อภัยข้า”สมาชิกพรรคสองคนรวบตัวเจ้าคนทรยศเข้าไปยังห้องขังทรมาน ห้องนั้นมีบ่องูที่เต็มไปด้วยงูคมเขี้ยวแหลมคมมันจะกัดสิ่งที่ถูกโยนลงไปในบ่อ แต่มีมีพิษที่ทำให้คนได้รับจะเจ็บแผลที่โดนกัดเรื่อยๆไปจนตาย



“ชงหยวนจัดการนำศพไปโยนลงหน้าผาซะ และจำไว้ว่าใครทรยศข้ามันจะเป็นแบบเจ้าผู้นั้น จำไว้ แยกตัวไปจัดการทุกอย่างได้”


“ขอรับ!”



คืนนี้หานเฟิงเลือกมานั่งดื่มน้ำจันทร์ชื่นชมดวงดาราศาลากลางสวน แทนพระจันทร์ที่คืนนี้มืดมิด



“จิ๊บ จิ๊บ” (มานั่งทำอะไรตรงนี้) เจ้าฟู่ฟู่บินมาเกาะที่นิ้วเจ้ามนุษย์เมื่อคนผู้นี้ยังไม่ยอมเข้ามานอน มันเลยบินมาตามหา



“ยังไม่นอนอีกรึ”หานเฟิงถามเจ้านกน้อย แต่ทันใดนั้นก็พลันให้เกิดแสงสว่างสีทองระยิบระยับเจ้านกน้อยกลายร่างเป็นคนนั่งอยู่บนตักท่านประมุข




“เจ้า เป็นคนอีกแล้ว ข้าอยากจะเป็นบ้านัก”ร่างแกร่งลูบใบหน้าคมคายของตนหลังจากเจอเรื่องประหลาดใจอีกแล้ว




“ข้าเป็นคนอีกแล้วล่ะ เย้เย้” ต่างจากเจ้าฟู่ฟู่ที่โยนความแปลกใจทิ้งไปเพราะยังไงมันก็ไม่รู้สาเหตุอยู่ดี




กลับมาแล้วรึ เจ้าออกมาแล้วรึ ข้ารอคอยเจ้ามานานแสนนาน




“โอ้ย ใคร เจ้าเป็นใคร กลับมาอะไรกัน แล้วเจ้าเป็นใคร เสียงบ้านี่หยุดเสียที หยุด! ข้าปวดหัว อ๊ากกก” ร่างบางบนตักยกมือขึ้นมาปิดหูจากเสียงที่วนเวียนอยู่ในหัวมันทำให้เขาปวดหัวจนจะระเบิด ไม่ไหวแล้ว หยุดเสียที




“เจ้าเป็นอะไร ฟู่ฟู่ ปวดหัวรึ บอกข้าสิ"ร่างแกร่งโอบกอดร่างบนตักจนสักพักร่างนั้นก็สงบลง




“ฮึก ข้าปวดหัวมากเลยเสียงนั่นทำข้าเจ็บ”ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับร่างสูง ตาเรียวคมนั่นมีหยดน้ำใสเอ่อคลออยู่เป็นภาพที่น่าดูนัก




“ไม่เป็นอะไรแล้ว เสียงนั่นหายไปแล้วใช่หรือไม่หืม” หานเฟิงเอ่ยปลอบ ตอนนี้ทั้งสองลืมไปแล้วว่านั่งกอดกันอยู่นะ!!!




“หายแล้ว เสียงนั่นพูดแต่ว่า เจ้ามาแล้วรึ เจ้าออกมาแล้วรึ ข้ารอคอยเจ้ามานานแสนนาน พูดแบบนี้ซ้ำๆไปมาเสียงมันดังขึ้นๆจนข้าปวดหัว”



“ไม่มีสิ่งใดเป็นกังวลนัก อาจเป็นผลค้างเคียงที่เจ้ามาอยู่ในร่างคนก็เป็นได้อย่าเป็นกังวลนักเลย”



“อืม อย่างนั้นหรือ อ๊ะข้าว่าจะถามนานแล้วเจ้าชื่อว่าอะไร” ชายหนุ่มชุดขาวนึกคำถามที่สงสัยมานานเขามาอยู่ในร่างคนแบบนี้ก็เรียกเจ้าบ้า เจ้าเซ่อเหมือนก่อนไม่ได้แล้วจึงต้องถามชื่อแซ่้เอาไว้




“หานเฟิง ข้าชื่อหานเฟิง” ร่างแกร่งตอบกลับร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอด




“อืมเจ้าชื่อหานเฟิง ส่วนข้าชื่อฟู่ฟู่สินะ อ๊ะ เฮ้ย เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว"กว่าจะรู้ตัวว่าอยู่ในอ้อมกอดก็เผลอซบอิงแอบอกกว้างไปเสียแล้ว




“หึ จะตกใจไปใยข้านั่งกอดนกที่ข้าเลี้ยงแปลกตรงไหน”




“ก็แปลกตรงเจ้าเป็นบุรุษ ข้าก็เป็นบุรุษไงเล่า” ตอบกลับไปพร้อมดิ้นลงจากตักแกร่งคราวนี้ร่างสูงยอมปล่อยออกมาโดยดี พลางคิดว่าทำไมเขาไม่รู้สึกรังเกียจที่โอบกอดบุรุษด้วยกันเอง หรือเขาเพียงคิดว่าชายตรงหน้าคือนกตัวน้อยที่เขาเลี้ยงไว้



“อืมนี่คือขนมของมนุษย์งั้นรึืข้าขอกินได้หรือไม่” เจ้าฟู่ฟู่หาเรื่องพูดคุยจากอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ เขาเป็นนกทำไมถึงรู้สึกใจเต้นแรงนักเล่า ไม่ๆ มาอยู่ในร่างคนทั้งทีขอลิ้มลองอาหารมนุษย์บ้างเถอะ




“ได้ลองชิมดู” หานเฟิงยื่นขนมให้เจ้าฟู่ฟู่ เขาไม่ชอบของหวานนักจึงดื่มเพียงน้ำจันทร์



“แอกติดคอ ขอน้ำหน่อย” ร่างบางที่เผลอกินขนมเข้าไปเยอะจนติดคอรีบคว้าจอกน้ำมาดื่มกิน



“อ้าาาา น้ำอะไรเนี่ยแสบคอนัก” เมื่อกินน้ำจันทร์ไปถึงรสชาติจะหวานแต่แสบคอไม่น้อย



“หึ หึ นั่นเขาเรียกว่าน้ำจันทร์เด็กอย่างเจ้าไม่ควรดื่ม”



“ข้าไม่ใช่เด็ก มานี่ข้าจะกินให้ดู อึก อ้าาาแสบคอ” เจ้าฟู่ฟู่ไม่ยอมรับว่าเป็นเด็กจึงกินน้ำจันทร์ให้ดูว่าตัวเองก็กินได้ แต่ก็ไม่วายร้องแสบคอตอนท้ายทุกที หานเฟิงไม่ห้ามเพราะเขาจะรอดูว่าร่างบางจะคอแข็งไปถึงเมื่อไหร่



“ตุ๊บ! อ้า ข้าไม่ไหวแล้วพื้นเอียงจังเลย"สุดท้ายเจ้าฟู่ฟู่ก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ



หานเฟิงนึกขำในใจ เขาจึงอุ้มชายหนุ่มเข้าไปนอนเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว คืนนี้เจ้าฟู่ฟู่อยู่ในร่างคนนานกว่าครั้งก่อน เขาวางร่างบางลงบนเตียงนอนอีกฝั่งถึงแม้จะกินน้ำจันทร์จนเมามายแก้มแดง แต่กลิ่นกายกับหอมชวนดอมดม หานเฟิงสลัดภาพออกไปจากหัวแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ ข่มตาหลับพร้อมกับท่องในใจว่า




นั่นคือบุรุษ!!!



--------------------------------------------------

TALK

หวานวันละนิดจิตแจ่มใส :-[


หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 5ตำนานหรือเรื่องจริง[16/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 16-06-2018 13:17:52
 :hao7:ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 5ตำนานหรือเรื่องจริง[16/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-06-2018 13:45:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่ 5ตำนานหรือเรื่องจริง[16/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-06-2018 23:33:12
 :o8:ฟู่ฟู่คงน่ารักมากทำเอาใจสั่นไหว ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่6 น้ำพุร้อน[17/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 17-06-2018 14:09:35
ตอนที่ 6
บ่อน้ำพุร้อน


เหตุการณ์ฟู่ฟู่กลายร่างเป็นคนนั้น หานเฟิงพอจะสรุปได้ว่าจะเกิดเมื่อวันที่พระจันทร์เติมดวงและวันที่พระจันทร์มืดมิด ในหนึ่งเดือนจะกลายร่างเป็นคนอยู่สองครั้ง แต่ละครั้งจะอยู่ในร่างมนุษย์นานไม่เท่ากันแต่ไม่เคยอยู่จนถึงแสงสุริยันพ้นขอบฟ้าสักครา




ฤดูใบไม้ร่วง

เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วที่เจ้าฟู่ฟู่อาศัยอยู่กับหานเฟิง ถึงจะมีเหตุการณ์น่าอัศจรรย์ใจอย่างที่มันสามารถกลายร่างเป็นคนได้ มันก็ไม่เก็บมาใส่ใจออกจะชอบเสียด้วยซ้ำเพราะสามารถคุยกับมนุษย์ ได้ทำอะไรสนุกอีกมากมาย ทำให้มันไม่เหงาเหมือนตอนอยู่ตัวคนเดียว



ตอนนี้เจ้าฟู่ฟู่เป็นที่รู้จักของเหล่าสมาชิกในพรรคพยัคฆ์ทมิฬทั้งหมดแล้วในนามฟู่หลง คราแรกที่ท่านประมุขพามาแนะนำให้รู้จัก พวกเขานึกว่าท่านพาฮูหยินมาเปิดตัวเสียอีก ก็มองท่านฟู่หรงงามคล้ายสตรีขนาดนี้ ท่านฟู่หรงเป็นสหายของท่านประมุขจะแวะมาเยี่ยมเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งจะมาตอนฟ้าเริ่มมืดเสียทุกครั้ง ชั่งเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลายนักถึงพวกเขาจะสงสัยแต่ไม่มีสิทธิถามมากกว่านี้!



“หานเฟิง ข้าได้ยินชงหยวนบอกว่าที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อน พาข้าไปแช่หน่อยนะ ข้าอยากไปนานๆจะได้มาอยู่ร่างนี้สักทีนะ” เมื่อแสงสุริยันลาลับ เจ้าฟู่ฟู่ก็มาอยู่ในร่างคน แถมยังขอให้พาไปเที่ยวทันทีเหมือนเตรียมการมาแต่เนิ่นๆ




“นึกอะไรถึงอยากไปแช่บ่อน้ำพุร้อน” หานเฟิงละจากงานตรงหน้ามาคุยกับเจ้าจอมวุ่น




“ชงหยวนบอกว่าแช่น้ำพุร้อนจะทำให้สบายตัวมากเลยนะ พาข้าไปเถอะ”

 


“ก็ได้” เขาก็อยากแช่น้ำร้อนบ้างเหมือนกันเลยถือโอกาสพาเด็กน้อยไปเที่ยวด้วย




“อ๊ะ เจ้าอุ้มข้าแบบนี้อีกแล้ว”ร่างเล็กขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจ

ทั้งสองพากันเดินออกมาหน้าประตูทางเข้าพรรค หานเฟิงก็ช้อนร่างบางในท่าอุ้มเจ้าสาว

 


“ก็ข้าถนัดแบบนี้ อุ้มตั้งหลายครั้งแล้วไม่ชินอีกรึ” ร่างหนาเลิกคิ้วสูงส่งยิ้มกวนให้ เห็นคนในอ้อมกอดไม่ชอบที่เขาอุ้มแบบนี้ก็ยิ่งอยากแกล้งไปเสียทุกครั้งครา เขาถีบตั้วขึ้นวิชาตัวเบาทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงบ่อน้ำพุร้อนแล้ว



หานเฟิงใช้พลังจุดไฟที่คบเพลิงตามจุดรอบบ่อน้ำพุร้อน ก่อให้เกิดแสงสว่างสีนวลตา เมื่อมีแสงสว่างก็ทำให้เห็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีไอความร้อนลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ที่ขอบบ่อมีก้อนหินก้อนใหญ่ไว้เป็นพนักพิงด้านหนึ่ง บริเวนณรอบๆเป็นต้นไม้หนาทึบ พื้นทางเดินก็เป็นหินก้อนเล็กก้อนใหญ่วางเรียงรายกัน

“โอ้โห สวยมากเลย” ฟู่ฟู่วิ่งไปสำรวจรอบบ่อน้ำพุร้อน




หานเฟิงที่เห็นบ่อยจนชินตาแล้วจึงถอดเสื้อผ้าวางไว้ที่พื้นข้างบ่อ เผยร่างแกร่งใหญ่โตที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ผิวสีแทนยิ่งทำให้ร่างนี้ดูน่าหลงใหลขึ้นไปอีกหลายร้อยเท่า ในขณะนั้นเองเจ้าฟู่ฟู่ก็หันหน้ามาปะทะร่างชีเปลือยพอดี




“อ๊าก เจ้าบ้ามายืนแก้ผ้าอะไรตรงนี้เล่า”คนตัวเล็กหันหน้าหนีพร้อมลูบตาเป็นพัลวันหวังลบภาพอุจาดตา อ้ากเห็นไปแล้วร่างกายที่มีกล้ามเนื้อเรียงตัวสวยงามและความเป็นชายที่... อี๋ อย่าไปคิดๆ เสียสายตาหมด




“ก็ข้่าจะลงไปแช่น้ำ แล้วเจ้าจะตกใจอะไรนักหนา เจ้าก็มีเหมือนกับข้าหรือว่าไม่กันนะถึงได้อับอาย” หานเฟิงกล่าวเย้าแหย่ร่างตรงหน้าที่กำลังยืนหันหลังเอามือลูบหน้าลูบตาไปมา ว่าจบก็ก้าวลงไปนั่งพิงหินก้อนใหญ่แช่น้ำร้อนสบายอารมณ์ บ่อนี้ระดับน้ำลึกถึงอกพอดีเมื่อนั่งแช่



ฟู่ฟู่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็คิดได้ เป็นบุรุษเหมือนกันจะมาตกใจอะไรกับร่างกายบุรุษด้วยกันเอง มันคิดว่าต้องเป็นเพราะมันยังไม่ชินกับร่างกายมนุษย์นี้เป็นแน่ เมื่อหันมาก็เห็นเจ้าหานเฟิงไปแช่น้ำสบายใจแล้วแถมยังส่งยิ้มกวนมาให้ ชิปล่อยให้มันยืนตกใจได้ตั้งนาน มันจึงเริ่มถอดเสื้อผ้าเพื่อแสดงให้เห็นว่ามันก็มีร่างกายเป็นบุรุษเหมือนกัน!




อึก เจ้านี่มันน่านัก!



หานเฟิงได้แต่สบถในใจเมื่อเห็นคนตัวขาวเริ่มถอดเสื้อผ้า ยามที่สาบเสื้อร่นลงถึงต้นแขนก็เผยให้เห็นหัวใหล่เปลือยเปล่าน่าสัมผัส และเมื่อเสื้อผ้าล่วงหล่นถึงพื้นก็ยิ่งทำให้ร่างนั้นเหมือนนางไม้กำลังจะลงมาเล่นน้ำ ร่างบางตัวขาวอะไรที่ควรสีชมพูก็สีนั้น เอวคอดดั่งสตรีนี่อีกมันน่าจับให้จมมือนัก อึก นี่ข้าเป็นอะไรกันแค่เห็นเจ้านี่แก้ผ้าก็เกิดอารมณ์แล้วรึ ข้าต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ หานเฟิงเลือกที่จะหลับตาข่มอารมณ์ไว้

หานเฟิงเป็นบุรุษที่เบื่อหน่ายสตรียิ่งกว่าอะไรทั้งมวลบนโลกใบนี้พวกนางที่วันๆเอาแต่ประทินโฉม แก่งแย่งชิงดีกันเพื่อหวังเป็นที่หนึ่งทำให้เขาเลือกที่จะไม่ยุ่งกับหญิงใด มีบ้างที่ไปเที่ยวหอคณิกาเมื่ออยากปลดปล่อย แต่ไม่มีความคิดจะหาฮูหยินร่วมชีวิตคู่สักครั้ง



“หึว่าแต่ข้า แล้วเจ้าจะหลับตาทำไมหรืออับอายที่เห็นร่างกายข้า” เจ้าฟู่ฟู่เดินลงมาแช่บ่อน้ำร้อนมันเลือกมานั่งแช่ตรงหน้าร่างสูง และกล่าววาจาเยาะเย้ยสวนกลับไป ถึงร่างกายมันจะมีกล้ามเนื้อไม่เท่าก็เถอะแต่มันขาวนะ หึหึเมื่อเทียบกับเจ้าหานเฟิงก็เหมือนถ่านกับหิมะ สงสัยจะอับอายข้อนี้แน่ๆ คิกคิก




“เลิกพูดมากน่าข้าแค่อยากพักสายตา เจ้าก็แช่น้ำไปเงียบๆได้แล้ว”หานเฟิงตอบปัดไป ใครจะบอกว่าเห็นร่างกายบุรุษแล้วเกิดอารมณ์เล่า อืมข้าคงต้องไปเที่ยวหอคณิกา ไม่ได้ปลดปล่อยนานคงฟุ้งซ่านเป็นแน่




“ชิ อ่าแต่แช่บ่อน้ำร้อนแบบนี้ก็สบายเหมือนที่ชงหยวนบอกเลยนะ รู้สึกดีจังเล้ยเป็นมนุษย์เนี่ย ข้าพิงด้วยคนนะ ว้าวพอหันหน้ามาทางนี้เห็นดาวบนท้องฟ้าเต็มไปหมดเลยถึงจะมีแสงจันทร์เต็มดวงก็เถอะ”







เสียงเจื้อยแจ้วของร่างบางที่นั่งพิงหินก้อนเดียวกันพูดไม่หยุดราวกับเป็นนกน้อยส่งเสียบจิ๊บจิ๊บ ทำให้หานเฟิงลืมตาดูหมู่ดวงดาราบนท้องฟ้าตามคำบอกเล่า แสงระยิบระยับบนทองฟ้ากับความสดใสของคนข้างกายไม่รู้ว่าอะไรจะสว่างกว่ากัน




“อ๊ะดาวตกล่ะ ข้าอ่านหนังสือมาเขาบอกว่าถ้าดาวตกให้อธิษฐานแล้วจะสมหวัง”




หานเฟิงหันมองคนข้างกายกำลังยกมือกุมไว้ตรงอกหลับตาขอพร แสงจากคบไฟและดวงจันทร์ทำให้เห็นภาพตรงหน้าชวนมองยิ่งนัก โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้เลยว่าใบหน้าของตนกำลังเคลื่อนเข้าไปใกล้ร่างบางเสียแล้ว




“หานเฟิงเจ้าขออะ… อื้อ” ฟู่ฟู่เมื่อขอพรเสร็จก็หันไปถามคนตัวโตว่าขออะไรถึงในหนังสือจะบอกว่าห้ามถามกันก็เถอะ ก็เขาอยากรู้นี่นาแต่พอหันไปปากของเขาก็ไปโดนปากของเจ้านั่นเสียแล้ว

อ้าก อะไรเนี่ย




หานเฟิงที่กำลังมัวเมาไปกับภาพตรงหน้าไม่รู้เลยว่าตัวเองกับลังจูบกับบุรุษ เขาเพียงรู้สึกว่าอยากสัมผัสให้มากกว่านี้ มากกว่านี้ จึงส่งลิ้นร้อนเข้าไปทักทายริมฝีปากคนตัวเล็กบังคับให้กลีบปากนุ่มหวานนั่นเผยอขึ้น เมื่อร่างบางยอมอ้าปากขึ้นนิดหน่อยก็ถูกลิ้นร้อนเข้ามาเกี่ยวพันลิ้นของตน




“อื้อ...อืม” ฟู่ฟู่มึนเมาไปกับรสสัมผัสแปลกใหม่เขาอยากต่อต้านแต่เรี่ยวแรงกลับหายไปไหนหมดก็ไม่รู้มือทั้งสองของเขาจึงวางอยู่ตรงอกแกร่งแทน







หานเฟิงรวบคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตัก มือข้างหนึ่งบีบเอวคอดที่หมายตาไว้อย่างมันมือ มืออีกข้างลูบแผ่นหลังเนียนนุ่มอย่างหลงใหล ถึงลิ้นเล็กจะเงอะงะบ้างแต่เมื่อถูกจูบเป็นเวลานานก็เริ่มตอบรับสัมผัส ทำให้ร่างสูงพอใจยิ่งนัก




“อื้อออ…ฮ้า เจ้าจะฆ่าข้ารึไง แฮกๆ อ๊ะ อื้อ” ร่างบางที่จะหมดลมหายใจทุบอกแกร่งตุบๆ จนได้มีโอกาสผละออกมาหายใจแต่พักยังไม่ทันเหนื่อยก็โดนร่างสูงจูบอีกแล้ว น่าอายยิ่ง เจ้าบ้าข้าหายใจไม่ทันแล้ว


“ฮืมม เจ้ามันเป็นปีศาจร่ายมนต์ทำให้ข้าหลงมัวเมา”หานเฟิงผละจากกลีบปากบางออกมาให้ร่างบนตักได้พักหายใจ แล้วไล้จมูกของตนไปตามลำคอขาวนวล กลิ่นกายหอมหวานชวนให้เขาขบกัดสร้างรอยความเป็นเจ้าของ




“แฮก แฮก อื้อ...เจ้าบ้า ปล่อยข้านะ” คนบนตักเริ่มมีสติจะลุกออกไป ไม่ไหวแล้วเขาเหนื่อยแถมหัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอกแบบนี้ เจ้าทำอะไรกับข้าเนี่ยเจ้าบ้า เจ้าเซ่อ แถมอะไรมันดุนดันข้าก็ไม่รู้




ทันใดนั้นเองเหมือนสวรรค์รับฟังเจ้าฟู่ฟู่แสงสว่างสีทองเกิดขึ้น จากร่างบางบนตักก็กลายเป็นนกที่โผบินขึ้นฟ้า

“จิ๊บจิ๊บจิ๊บ"(น่าอายๆ ข้าทำอะไรลงไปเนี่ย)






“โถ่เว้ย! มากลายร่างอะไรตอนนี้เจ้าฟู่ฟู่ เจ้ามันเป็นปีศาจร้าย” หานเฟิงสบถตีน้ำกระจายอย่างคนอารมณ์ค้าง ไม่นึกว่าร่างตรงหน้าจะจุดประกายไฟกามารมณ์ในตัวเขาให้ลุกโชนขนาดนี้ ปล่อยให้เขาค้างคาแล้วบินหนีไปมันน่าจับต้มกินนัก






เขาไม่อยากยอมรับตัวเองว่ารู้สึกพอใจกับร่างบางอย่างไม่เคยเกิดกับใครมาก่อนในชีวิต แต่เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มผู้เริ่มลองรักดังนั้นจึงรู้ว่าหลงใหลคนร่างบางไปเสียแล้ว ไว้เจ้ากลายเป็นคนคราวหน้าค่อยมาพิสูจน์อีกทีก็ไม่สาย

หลังจากเหตุการณ์ที่บ่อน้ำพุนั่นเจ้าฟู่ฟู่ในร่างนกน้อยก็ไม่บินเข้ามาใกล้เขาอีกเลยและสงบเงียบไม่พูดไม่จา หานเฟิงก็ยิ่งแกล้งสร้่างเขตป้องกันให้ล้อมรอบเขาห่างกันแค่หนึ่งวา ทำให้เจ้านกไปไหนไกลไม่ได้ มันก็ขึ้นไปจิกผมบนหัวแก้แค้นแต่ทำไปก็เท่านั้นเมื่อหานเฟิงสร้างม่านพลังเล็กๆบนหัวเขาไว้ทำให้ไม่รู้สึกใดๆ



หึหึ ครั้งแรกก็แบบนี้เดี๋ยวต่อไปเจ้าก็ชินเอง




“ท่านประมุขขอรับ ข้าชงหยวนมีจดหมายลับส่งมาให้ท่านขอรับ” รองหัวหน้าพรรคขออนุญาตเข้ามาภายในห้องทำงาน เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้วก็เห็นเจ้าฟู่ฟู่กำลังเกาะอยู่บนศีรษะของท่านประมุข




ท่านประมุขชั่งรักเอ็นดูสัตว์เลี้ยงยิ่งนัก นับถือ นับถือ




ชงหยวนคิดรำพึงในใจนับถือท่านประมุขที่รักสัตว์เลี้ยงจนยอมให้ขึ้นไปนั่งบนศีรษะได้แล้วยื่นจดหมายลับให้ท่านประมุขพร้อมกับออกไปจากห้องอย่างรู้งาน




จดหมายลับ เป็นจดหมายที่ปิดผนึกโดยพลังของคนๆนั้นมันจะไม่สามารถถูกเปิดออกเมื่อไม่ถึงมือผู้รับ พลังใส่มามากเท่าใดยิ่งเปิดยากเท่านั้นเพื่อป้องกันการดักปล้น ดังนั้นบางคนจึงต้องไปจ้างหอข่าวให้ส่งจดหมายให้แทน



เมื่อหานเฟิงหยิบจดหมายขึ้นมา กระดาษก็คลี่ออกจนเป็นแผ่นกระดาษเรียบๆ



‘มีเรื่องให้ช่วย มาหาข้าที่นี่ เมื่อจบงานแล้วจะตอบแทนอย่างงามสหาย’

เหวินซาน





ถึงหน้าตาอย่างเขาจะเหมือนไม่มีสหายแต่หานเฟิงก็ยังมีสหายคนหนึ่งเป็นหัวหน้าพรรควิหคสวรรค์อยู่ตอนนี้ ถึงจะไม่น่ามาคบเป็นสหายกันได้แต่ทั้งสองก็เป็นสหายร่วมสาบานกันแล้ว และที่เขียนมาสั้นแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องสำคัญมาก เพราะถึงจะมั่นใจในพลังของตนแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะไม่มีผู้ลักลอบดักปล้นจดหมายลับได้ ดังนั้นจึงไม่บอกอะไรมากมายเพียงเขียนมาแค่ให้ผู้รับเข้าใจก็เป็นพอ



“ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวแคว้นอวิ้นนะฟู่ฟู่”


--------------------------------------
TALK
กรี๊ดกร้าด เขาจูบกันแล้วค่ะโปรดรู้ไว้ฟู่ฟู่อยู่ร่างคนเมื่อใด หานเฟิงไม่พลาดแน่(จริงรึไม่จริง แล้วแต่สวรรค์ลิขิตค่ะ 5555)
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่6 น้ำพุร้อน[17/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-06-2018 15:04:05
 :man1:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่6 น้ำพุร้อน[17/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 17-06-2018 15:30:02
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่6 น้ำพุร้อน[17/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 17-06-2018 15:35:16
สนุกมากครับ ฟู่ฟู่นี่พูดไม่หยุดจริงๆ ไม่ว่าอยู่ร่างไหน
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่6 น้ำพุร้อน[17/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-06-2018 16:47:46
ฟู่ฟู่น่ารักมากกกกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่6 น้ำพุร้อน[17/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มุมิมิ ที่ 17-06-2018 19:37:33
โอ้ยย น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่7 เดินทาง [18/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 18-06-2018 16:16:50
ตอนที่ 7

เดินทาง



หลังจากที่หานเฟิงได้รับจดหมายมาเมื่อวานนี้ เขาก็เตรียมตัวเดินทางไกล แคว้นอวิ้นเป็นแคว้นที่สหายของเขานามว่าเหวินซานตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น

 


ภูมิศาสตร์ของแผ่นดินนี้มีห้าแคว้นด้วยกันมีแคว้นเจ้าอยู่ตรงกลางของสี่แคว้นมีแม่น้ำสายใหญ่ล้อมรอบ ทำให้เป็นเมืองศูนย์กลางการค้า แคว้นเยว่อยู่ทิศใต้เป็นเมืองที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์จึงมีผลผลิตทางการเกษตรส่งออกไปขายตามแคว้นต่างๆได้ แคว้นฉินอยู่ทิศตะวันตกติดกับแคว้นเยว่และแคว้นอวิ้นโดยมีภูเขาสูงกั้นเป็นพรมแดน แคว้นฉินขึ้นชื่อด้านเหมืองแร่และเหมืองเพชรจึงเป็นแคว้นที่ร่ำรวย แคว้นถังตั้งอยู่ทิศตะวันออกติดกับแคว้นเยว่และแคว้นอวิ้น เป็นแคว้นที่มีทะเลเพียงแคว้นเดียวทำให้เป็นเมืองแห่งการประมง และท้ายสุดคือแคว้นอวิ้นตั้งอยู่ทิศเหนือเป็นเมืองที่หนาวเย็นตลอดปี มีหุบเขาพันปีเป็นที่ขึ้นชื่อมันเป็นสถานที่มีพืชสมุนไพรชั้นดีขึ้นมากมาย แต่เมื่อเข้าไปนานเท่าไรเรี่ยวแรงยิ่งลดลงเท่านั้นเหมือนกับว่าหุบเขาพันปีนี้คอยดูดกลืนพลังปราณของผู้คน ขณะนี้ทุกแคว้นกำลังอยู่ในช่วงสงบศึกจากการทำสัญญาร่วมกันของห้าแคว้นเพื่อความผาสุกของราษฎร จึงไม่มีสงครามมานานแล้วหลายปี แต่หากฝ่ายใดได้อำนาจที่เหนือกว่าแคว้นอื่นมาก็คงมิวายก่อสงครามเป็นแน่ เพราะภูมิศาสตร์ของแต่ละแคว้นนั้นมันชั่งล่อตาล่อใจของเหล่าผู้นำกระหายอำนาจนัก




การเดินทางจากใต้สุดไปเหนือสุดใช้เวลาราวๆหนึ่งเดือน หานเฟิงเลือกนั่งเรือไปเพราะใช้เวลาน้อยกว่าเดินทางบนบกที่ต้องผ่านภูเขาและป่า โดยจะไปที่แคว้นเจ้าเพื่อเติมเสบียงและเดินทางต่อจนถึงแคว้นอวิ้น ระยะทางยิ่งไกลยิ่งใช้เวลานานนั้น หานเฟิงจึงคิดว่าต้องขอของรางวัลจากสหายให้หนักพอๆกับเวลาที่เขาเสียไปจากการเดินทาง




ท่านประมุขได้กะเกณฑ์เหล่าสมาชิกในพรรคตนเอง 30 คนร่วมเดินทางในครั้งนี้ทิ้งให้ชงหยวนและคนที่เหลือดูแลงานที่นี่แทนตนเอง เพราะการเดินทางโดยเรือย่อมมีอันตรายจากโจรสลัดเช่นกันใครโชคดีก็ไม่พบเจอ ใครโชคร้่ายก็โดนปล้นจนหมดตัวและอาจหมดชีวิตได้ แม้ทางการของแคว้นต่างๆจะปราบเหล่าโจรสลัดแล้วก็ไม่สามารถกำจัดมันหมดไปได้ราวกับดอกเห็ดที่ผุดออกมาเมื่อฝนตก เพราะการดักปล้นเรือสินค้านี้มีสองทางเลือกไม่ตายก็ร่ำรวยมั่งคั่งใครจะไม่คิดมาทำบ้าง




“เตรียมตัวกันพร้อมหรือยัง เราจะเดินทางไปที่เหมืองหลวงก่อนแล้วถึงจะลงเรือพรุ่งนี้”



“พร้อมแล้วขอรับ”

เหล่าชายฉกรรจ์30นายตอบโดยพร้อมเพรียงกันราวกับทหารในกองทัพ



“เดินทาง!” สิ้นเสียงสั่งก็ควบม้าเร่งฝีเท้ากันจนฝุ่นตลบราวกับกองทหารม้าด้วยมีจำนวนถึงสามสิบคน



และครั้งนี้เจ้าฟู่ฟู่ตัวน้อยก็ซุกอยู่ในอกเสื้อของหานเฟิงเช่นเดิม ถึงแม้มันจะไม่อยากออกมาจากป่าแค่ไหนก็ถูกเจ้าหานเฟิงจับมาด้วยอยู่ดี จากที่ไม่พอใจอยู่แล้วยิ่งโมโหเจ้าบ้านี่ขึ้นร้อยเท่า



ห่างกันตั้งหนึ่งเดือนข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้ที่นี่หรอก ข้ายังไม่ได้เอาคืนครั้งที่เจ้ากลับร่างนกหนีข้าเลยนะ หึหึหึ



ความคิดชั่วร้ายของประมุขมารไม่อาจส่งผ่านถึงเจ้าฟู่ฟู่ตัวน้อยผู้น่าสงสารได้…



ครึ่งวันแล้วกลุ่มชายฉกรรจ์ก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านชาวพื้นเมือง หานเฟิงอนุญาตให้ลูกน้องไปพักได้เขาแยกตัวออกมาเดินชมตลาดและซื้อผลไม้ให้เจ้าฟู่ฟู่กิน

ถึงข้าจะยอมกินผลไม้จากมือเจ้า แต่ข้ายังไม่หายโกรธเจ้าหรอก เจ้าลามก หึ่ย!

เป็นภาพที่น่าขำสำหรับหานเฟิงนัก เพราะเจ้านกน้อยหันหน้ามากินผลไม้จากมือเขาแล้วก็เมินหน้านี้จนกลืนเสร็จถึงหันหน้ามากินอีกที ทำอย่างนี้ซ้ำไปมาจนกินหมด มันชั่งน่าหมั่นเขี้ยวนัก สงสัยยังไม่หายโกรธ หึหึหึ



“นายท่าน ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง” เป็นหญิงเฒ่าคนเดิมที่เคยทำนายโชคชะตาให้หานเฟิงครั้งที่แล้ว



“เจ้าอีกแล้วรึ”



“การต่อจากนี้ไปจะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายนัก ท่านจงโปรดระวังตัวไว้เถิดนายท่าน และข้าขอย้ำอีกครั้งว่า อย่าให้จิตมารครอบงำจิตใจ ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้น” หญิงเฒ่ายังเอ่ยประโยคเดิมที่เคยบอกกับหานเฟิงครั้งก่อน



“เช่นนั้นข้าจะระวังตัวไว้แล้วกัน ขอบคุณที่เตือนข้า ข้าต้องไปแล้ว”  หานเฟิงเรียกลูกน้องรวมตัวแล้วออกเดินทาง คำทำนายนั่นก็ปล่อยไว้ไม่้เก็บมาใส่ใจ



ยามเย็นพวกของหานเฟิงก็เดินทางถึงเมืองหลวงแคว้นเยว่เขาได้สั่งให้คนมาจัดเตรียมที่ทางให้เรียบร้อยแล้ว คืนนี้จะพักที่โรงเตี้ยมภายในเหมืองหลวงก่อน เรือและลูกเรือก็พร้อมแล้วจอดรอที่ท่าน้ำเขาสั่งให้ลูกน้องที่นี่เตรียมเสบียงให้พร้อม



เมื่อจัดการแบ่งห้องทุกอย่างแล้วหานเฟิงก็พาเจ้าฟู่ฟู่เข้าห้องพัก เจ้านกน้อยรีบบินออกจากอกเสื้อคนลามกไปยืนบนโต๊ะมุมห้อง



“คืนนี้พักที่นี่ก่อน พรุ่งนี้เราถึงจะออกเดินทางนะเจ้าฟู่ฟู่”






 

“เจ้ายังไม่หายโกรธข้าอีกรึ”






“หึหึหึ แล้วข้าจะดูว่าเจ้าจะเงียบไปถึงเมื่อใด”






หานเฟิงพูดไปก็ไร้เสียงตอบรับจากคู่สนทนา เจ้านกน้อยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่มนุษย์พูด ก็มันฟังมนุษย์พูดไม่รู้เรื่องมันเลยไม่อยากจะเสวนาด้วย



ถ้าข้าอยู่ในร่างคนเมื่อใด ข้าจะไม่อยู่ใกล้เจ้าแน่!



เช้าต่อมาเหล่าพรรคพยัคฆ์ทมิฬก็ลงเรือพร้อมออกเดินทาง เรือที่นั่งไปเป็นเรือสำเภาขนาดใหญ่ มีห้องหับให้นอน มีโถงกลางให้สังสรรค์กันได้ ทำให้ใช้ชีวิตสบายในการเดินทางไกลนี้



ยามเรือออกจากท่ามาไกลแล้ว จากแม่น้ำสายเล็กก็ขยายจนเป็นแม่น้ำสายใหญ่คดเคี้ยวไปมา สองฝั่งเป็นภูเขาเขียวขจีและลมเย็นสบายเข้ามาปะทะร่าง




หานเฟิงพาเจ้าฟู่ฟู่มาที่หัวเรือ ดูมันจะชอบใจกับบรรยากาศเงียบสงบแบบนี้




“อยากลองบินหรือไม่”









คราแรกเจ้าฟู่ฟู่ก็ไม่ส่งเสียงตอบอันใด บางทีหานเฟิงก็คิดว่าเจ้านกนี่เป็นใบ้ไปแล้ว เขาจึงแกล้งโยนเจ้าฟู่ฟู่ขึ้นฟ้า ด้วยความที่ตัวเล็กมันจึงบินต้านแรงลมไม่ไหวคล้ายจะปลิวไปได้ตลอดเวลา




“จิ๊บจิ๊บจิ๊บ จิ๊บบบบบบบบ” (เจ้าบ้าโยนข้าขึ้นมาทำไมข้าบินไม่ไหว ข้าเหนื่อยยยยย)




“หึหึหึ ยอมส่งเสียงแล้วรึ มานี่มา” หานเฟิงเอื้อมมือไปคว้าตัวเจ้านกน้อยมาหลังจากเห็นมันกำลังจะปลิวไปไกลแล้ว



-หานเฟิง-


เขาเห็นเจ้านกน้อยนี่ไม่ยอมพูดยอมจาจึงแกล้งโยนขึ้นฟ้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสร้างม่านพลังบางๆกั้นสายลมไว้ระดับหนึ่ง เขาไม่ใจร้ายให้นกตัวน้อยนี้ปะทะกับลมแรงๆได้หรอก แต่สงสัยคงหนักพุงถึงบินไม่ขึ้นเสียแล้ว นี่เขาตามใจเจ้าฟู่ฟู่ไปหรือไม่นะพักหลังมานี้มันถึงอ้วนกลมจนเหมือนลูกหนังมากกว่านก




“จิ๊บจิ๊บจิ๊บจิ๊บ” ดูเข้าเถอะสงสัยจะต่อว่าข้าอยู่เป็นแน่ ไม่พอยังจิกมือข้าอีก




“ข้ากั้นแรงลมไว้แล้วถึงครึ่งส่วน เป็นเจ้าเองที่บินไม่ไหว ข้าคงต้องงดให้อาหารเจ้านอกเวลาเสียแล้วกระมัง ไม่เช่นนั้นต่อไปเจ้าบินไม่ขึ้นแน่”




“จิ๊บจิ๊บจิ๊บ”




ภาษานกที่ข้าฟังไม่เข้าใจ และใครๆก็ไม่สามารถเข้าใจได้ นั่นทำให้บางครั้งเขาก็หงุดหงิดเช่นกัน




“ครั้งนี้ข้าจะกั้นแรงลมให้เจ้าจะได้บินสบาย หยุดจิกมือข้าได้แล้ว ลองบินเล่นดู” ว่าจบเขาก็ปล่อยให้เจ้าฟู่ฟู่บินขึ้นฟ้า ครั้งนี้เขากั้นแรงลมไว้ถึงเจ็ดในสิบส่วน แถมยังสร้างเขตป้องกันกันเจ้าฟู่ฟู่ถูกพัดบินไปไกลอีก




“จิ๊บบบบบบบ จิ๊บจิ๊บจิ๊บ” รอบนี้ดูเหมือนมันจะชอบ เขายืนมองเจ้านกน้อยสีทองบินไปบนท้องฟ้าดูชอบใจกับท้องฟ้ากว้างใหญ่นั่น มันทำให้เขาเห็นภาพนั้นแล้วรู้สึกสบายใจ


แต่ถ้าเจ้าเป็นคน ข้าจะชอบมากกว่านี้นะฟู่ฟู่น้อย

-จบ-




อีกมุมหนึ่ง

เหล่าสมาชิกพยัคฆ์ทมิฬต่างมองดูท่านประมุขกำลังเล่นกับนกที่เลี้ยงไว้




“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าท่านประมุขก็มีมุมอ่อนโยนเช่นนี้




“นั่นสิ ปกติถึงจะยิ้มก็แค่ยิ้มการค้าแค่นั้น”




“ถ้าใครจับนกของท่านประมุขไป มันผู้นั้นคงไม่ตายดีเป็นแน่ แค่คิดก็สยอง”




“วันนั้นนกของท่านประมุขมาขอผลไม้จากข้ากิน ดูท่านจะไม่ชอบถึงแผ่ไอสังหารมาให้ข้า ข้านี่รีบวางผลไม้แล้วหนีก่อนจะโดนเชือด”




“เช่นนั้นเราก็อยู่ให้ห่างจากนกสีทองนั่นดีกว่า ชีวิตจะได้ปลอดภัย”




“ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน”



------------------------------------------
TALK
 ลองมาดูฝั่งของหานเฟิงที่ฟังเจ้านกไม่เข้าใจบ้าง มันก็จะมีแต่จิ๊บจิ๊บฮีเลยต้องมโนเอา

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้าาาา
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่7 เดินทาง [18/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-06-2018 17:21:44
 o13
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่8 ปะทะ [18/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 18-06-2018 19:21:06
ตอนที่ 8

ปะทะ


ขณะนี้อีกไม่กี่วันก็จะถึงแคว้นเจ้าแล้ว การนั่งเรือเฉยๆก็ทำให้เขาเบื่อหน่ายได้เช่นกัน

“นายท่านแย่แล้วขอรับ พวกโจรสลัดมันมาล้อมเรือเราไว้ขอรับ”



“หึหึหึ ดี! ข้ากำลังเบื่อ มีคนมารองมือรองเท้าจะได้ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย”




“ท่านประมุข เอาให้ตายหรือว่าพิการขอรับ”




“แล้วแต่พวกเจ้า”



กลุ่มชายชุดดำผู้ไม่แสดงความตื่นกลัวใดๆก้าวออกไปบนเเรือ




“อั้ยหยา ครั้งนั้นเราโดนปล้นจนหมดตัวเลยนะลูกพี่ ดูพวกเขาจะไม่กลัวโจรสลัดเลยนะ”




“แกไม่รู้อะไร ข้าว่าพวกเขาต้องเป็นจอมยุทธฝีมือดีเป็นแน่”

เจ้าของเรือและลูกน้องต่างพากันคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ตรงหน้า




ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้วจึงเห็นเพียงแสงไฟตามจุดต่างๆบนเรือแต่ก็พอมองเห็นว่า เรือของโจรสลัดมีด้วยกันห้าลำ มีเรือสำเภาลำใหญ่และเรือลาดตะเวนลำเล็กสี่ลำล้อมรอบเรือของพวกหานเฟิงอยู่




“ส่งของมีค่ามาให้หมด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” เสียงของฝ่ายโจรสลัดตะโกนมา



“นั่นมันเรื่องของพวกเจ้า หลีกทางไปซะเสียเวลาข้าซะจริง” หานเฟิงตะโกนตอบไป



“ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาขอร้องชีวิตกับข้าทีหลังก็แล้วกัน โจมตี!” ฝ่ายโจรสลัดเริ่มโจมตี

โจรสลัดที่นั่งเรือลาดตระเวนถีบตัวขึ้นมาบนเรือของหานเฟิง พร้อมฟาดฟันกับศัตรูตรงหน้ากลุ่มโจรกลุ่มนี้ได้ชื่อว่าฝีมือดีที่สุดในกลุ่มพวกมันจึงเป็นหน่วยที่คอยบุกขึ้นไปฆ่าคนบนเรือก่อน แต่ละครั้งที่ทำการดักปล้นก็สำเร็จทุกครั้งกลุ่มโจรของพวกมันจึงร่ำรวยใครๆต่างก็หวาดกลัวกันทั้งนั้น



-ฟู่ฟู่-


เจ้าหานเฟิงไปไหนทิ้งให้ข้าอยู่ในห้องตัวเดียวเนี่ย! ฮึ่ย ขังข้าไว้ในห้องแต่ตัวเองออกไปข้างนอกเนี่ยนะไม่ยุติธรรมเสียเลย แล้วด้านนอกนั่นเกิดอะไรขึ้นข้าได้ยินเสียงโวยวายลอดเข้ามา



“เจ้าหานเฟิง ทำอะไรกันข้างนอกขอข้าไปดูบ้าง”




“ปล่อยข้าออกไปนะเจ้าบ้า!”




ถึงจะร้องสุดเสียงแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยินที่มันพูด แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคนเดินมาใกล้ประตูและคุยภาษามนุษย์ที่มันฟังไม่เข้าใจมันจึงส่งเสียงขอความช่วยเหลือ




“เปิดประตูให้ข้าที เปิดประตูหน่อย"(จิ๊บจิ๊บจิ๊บจิ๊บ)




“%#@+฿/๛[€#"(ลูกพี่ข้าได้ยินเสียงนก)



“€^#@=#%*+€+€@”(คงเป็นนกสีทองตัวนั้น อย่าไปยุ่งเลยรีบอยู่ในห้องดีกว่า เกิดโดนพวกโจรจับได้ตายแน่ๆไปๆ) สิ้นเสียงพูดที่มันฟังไม่เข้าใจข้างนอกก็เงียบลงไม่มีใครผ่านมาอีก




ข้า! อยาก! ออก! ไป! ข้าง! นอก! โว้ยยยย!



-จบ-



ด้านบนเรือ

การต่อสู้ยังคงดำเนินไป ฝ่ายโจรสลัดเริ่มล้มตายลงมากกว่าฝั่งของหานเฟิงที่แค่ได้แผลนิดหน่อย เพราะอาวุธของพรรคพยัคฆ์ทมิฬล้วนอาบพิษทุกเล่ม พิษจะเข้าสู่เส้นเลือดทำให้มันแข็งตัวผู้ที่ถูกพิษก็ตายในที่สุด การต่อสู้ที่ขาวสะอาดสำหรับพวกเขาล้วนไม่มีอยู่ในความคิด



“เจ้าคงเป็นหัวหน้าสินะ” ตรงหน้าของหานเฟิงคือโจรสลัดร่างใหญ่โต



“ไม่จำเป็นที่ต้องบอกเจ้า”



“บัดซบ ตายซะเถอะแก” ชายร่างตรงพุ่งกระบี่เข้ามาหมายจะแทงหัวใจด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่ระดับมันแล้วไม่เคยพลาด



“เฮ้ย” ทันทีที่ปลายดาบจะแทงเข้าผิวหนัง หานเฟิงกลับเอียงตัวแล้วหมุนตัวมาอยู่ด้านห

ลังของโจรสลัด




“กระจอก” พร้อมแทงมีดสั้นปักเข้าที่คอ



ตุบ โจรร่างโตก็ล่วงลงพื้น






“จะมุดหัวอยู่จนถึงเมื่อใด ถ้าไม่โผล่ออกมาก็ไสหัวไปไกลๆซะ” หานเฟิงตะโกนถามหัวหน้าโจรสลัดเมื่อเขาฟันร่างของศัตรูคนสุดท้ายล้มลง



ฝ่ายโจรเมื่อเห็นว่าฝั่งนั้นไม่ได้รับความเสียหายใดๆและฝ่ายของมันยังล้มตายหมดก็เกิดความคับแค้นใจ คราแรกยังไม่คิดโจมตีเรือเพราะยังไม่อยากให้เรือล่มจนกว่าจะไปขนของมีค่าออกจากตัวเรือก่อน แต่ครานี้เห็นทีมันจะต้องฆ่าหมดยกลำเสียแล้ว





“หันเรือ เตรียมยิงปืนใหญ่!” หัวหน้าโจรสั่งลูกเรือเตรียมยิงปืน



“ท่านประมุขดูเหมือนทางนั้นจะยิงปืนใหญ่ใส่เรานะขอรับ”



“บัดซบ พวกเจ้าสร้างเขตป้องกันไว้ ข้าจะจัดการมันเอง” หานเฟิงต้องใช้เวลาในการสะสมพลังปราณเพื่อสร้างพลังลูกใหญ่เขาจึงสร้างเขตป้องกันไม่ได้  เหล่าลูกน้องรวมพลังสร้างเขตป้องกันไว้ด้านหน้าเรือเพื่อรอเวลาท่านประมุขรวมพลัง



ปัง! ตุ้ม!  ระเบิดลูกแรกลอยเข้ามากระทบกับเขตป้องกันก่อให้เกิดเสียงดังไปทั่ว



“อึก ระเบิดทำไมแรงขนาดนี้วะ”



“ข้าเห็นไอพลังผสมมากับระเบิดมันถึงแรงแบบนี้ไง”



ใช่แล้วหัวหน้าโจรผสมพลังปราณของตัวเองเข้าไปในลูกระเบิดด้วยทำให้แรงระเบิดมีความรุนแรงมากขึ้นถึง10 เท่า



“ฮ่าฮ่าฮ่า ตายกันไปให้หมดซะ ยิงต่อไป”



ปัง! ปัง! ปัง! คราวนี้มาพร้อมกันสามลูก



ตุ้มมมม พลังระเบิดมากเกินไปจนทำให้เขตป้องกันที่สร้างเริ่มเกิดรอยร้าว



“ข้าจะไม่ไหวแล้ว มาอีกรอบข้าตายแน่”



“ข้าก็เหมือนกัน”



“อดทนไว้ ข้าว่าท่านประมุขรวมพลังใกล้จะเสร็จแล้ว”



หานเฟิงเค้นพลังปราณของตัวเองออกมารวมกับพลังธรรมชาติที่อยู่รอบตัวตอนนี้มันวิ่งผสมกันจนเป็นลูกแก้วยักษ์บนฝ่ามือแล้วแต่มันยังไม่มากพอจะสร้างสิ่งที่เขาต้องการ อีกนิดเดียว ขอเวลาอีกนิดเดียวเท่านั้น

ปังปังปังปัง! ระเบิดถูกยิงมาพร้อมกันทีเดียวสี่ลูก



“มาแล้ว เพิ่มพลังเข้าไป”



ตุ้มมม สิ้นเสียงระเบิดเขตป้องกันแตกเป็นเสี่ยงๆ เหล่าลูกน้องต่างนอนกระจัดกระจายไร้เรี่ยวแรงจะยืนขึ้นเมื่อใส่พลังไปกับเขตป้องกันหมดแล้ว พวกเขาหวังว่านั่นจะเป็นระเบิดรอบสุดท้าย แต่มันไม่ใช่เมื่อระเบิดถูกยิงมาพร้อมกันห้าลูก



“สร้างเขตป้องกันเร็ว” เมื่อพลังเหลือน้อยเต็มทีจึงทำให้เขตป้องกันนั้นหนาไม่เท่าครั้งแรก



เปรี๊ยะ เสียงร้าวของเขตป้องกันเมื่อโดนระเบิดลูกแรก



เพล้ง เสียงแตกของเขตป้องกันเมื่อโดนระเบิดลูกสอง



ระเบิดที่เหลือกำลังล่วงลงมาบนเรือเมื่อไม่มีสิ่งใดขวางกัน



“ไปซะ มังกรวารี” หานเฟิงปล่อยพลังที่รวบรวมไว้ออกมาเกิดเป็นรูปร่างมังกรน้ำตัวยาวที่น้ำหมุนวนภายในจนเกิดเป็นรูปร่างมันตรงไปกลืนกินลูกระเบิดทั้งสามลูกและพุ่งดิ่งไปที่เรือโจรสลัด



ตู้มมมม ระเบิดที่มังกรน้ำคาบไปมันถูกปล่อยใส่เรือโจรสลัดทำให้เรือระเบิดอย่างรุนแรง มังกรน้ำได้ทำลายเรือโจรสลัดจนแตกยับและสร้างน้ำวนดูดเรือโจรสลัดหายลับไปกับตา



“สุดยอด พลังท่านประมุขไม่มีใครเทียบได้”



“จริงขอรับท่านประมุข” เหล่าลูกน้องต่างชื่มชมท่านประมุขของตน



“แต่จบงานนี้พวกเจ้าต้องไปฝึกสร้างเขตป้องกันเพิ่ม! เกือบตายหมดทั้งลำแล้วมั้ยล่ะ”

“ม่ายยยยยยยยย” ใครๆก็รู้ว่าท่านประมุขฝึกโหดขนาดไหนเหมือนกับลงขุมนรกทั้งเป็น



เมื่อเหตุการณ์สงบลงทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมเรือแล่นไปข้างหน้า เหล่าจอมยุทธต่างเข้าไปพักในห้องของตน



แกร๊ก เสียงประตูเปิดหานเฟิงเดินเข้ามาในห้องก็เห็นเจ้าฟู่ฟู่บินตรงมาหาทันที



“จิ๊บจิ๊บจิ๊บจิ๊บจิ๊บ"( ไปไหนมา เสียงดังข้างนอกเกิดอะไรขึ้นเหรอ)

เสียงนกถูกกระหน่ำใส่หานเฟิงไม่หยุดยั้ง เจ้าฟู่ฟู่ยอมคุยกับเขาแล้วก็ช่างพูดขนาดนี้จะเงียบไม่พูดกับเขาได้นานแค่ไกนกันเชียว



“ไว้ข้าจะคุยกับเจ้านะฟู่ฟู่ แต่ตอนนี้ข้าขอพักก่อน” ว่าจบก็นอนแผ่บนเตียงแล้วหลับไป



ไปทำอะไรมา มาถึงก็หลับ



ฟู่ฟู่เมื่อไม่มีใครให้คุยจึงบินไปที่เตียงทันใดนั้นร่างของมันก็ขยายขนาดขึ้น!






อ๊า พอข้านั่งแล้วพุงก็ขยายออกมาด้านข้างเลย




นี่ข้าอ้วนขึ้นขนาดนี้เหรอเนี่ยยยยย!



...........................................................................

TALK

ไม่ น้องยังไม่แปลงร่าง น้องแค่อ้วนขึ้น 555555

เขียนฉากต่อสู้ได้ง่อยมากฮือออ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่8 ปะทะ [18/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-06-2018 19:53:38
โอ้ยยยยหนูรูกกกกก เลี้ยงดีอะไนขนาดนี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่6 น้ำพุร้อน[17/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 18-06-2018 21:06:45
เจ้านกขี้โวยวาย 555
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่8 ปะทะ [18/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-06-2018 23:30:41
ฟู่ฟู่ ขี้บ่นจริง หานเฟิงได้จับตีก้นแน่
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่8 ปะทะ [18/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2018 00:08:26
เอ็นดูน้องนก
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่9 [20/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 20-06-2018 18:21:43

 ตอนที่ 9

ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว จากที่เจอโจรสลัดเมื่อวานการเดินทางราบรื่นไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก คืนนี้ก็จะเดินทางถึงแคว้นเจ้าสักที พวกเขาจะพักที่แคว้นเจ้าหนึ่งวันเพื่อเตรียมเสบียงเพิ่ม และหาอะไรบันเทิงใจทำหลังจากนั่งเรือมานาน แม้ว่าอยากจะอยู่หลายวันแต่สหายคงรีบร้อนเขาถึงต้องรีบเดินทางไว้มาเที่ยวขากลับแล้วกัน




แคว้นเจ้าเป็นเหมือนศูนย์กลางการค้าดังนั้นมันจึงรวบรวมสินค้าเกือบทุกอย่างไว้ที่นี่ รวมไปถึงข้อมูลข่าวสารก็เช่นกัน แต่เหนืออื่นใดสิ่งที่ทำให้หานเฟิงรู้สึกอยากให้ถึงคืนนี้โดยเร็วนั้นก็ไม่พ้นเจ้านกน้อยที่จะถึงเวลามาอยู่ร่างคนสักที




พรรควิหคสวรรค์


ภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเรียบๆ มีเพียงของใช้จำเป็นเท่านั้นด้วยเจ้าของห้องมิใช่ผู้ยึดมั่นกับสมบัตินอกกาย



“ท่านอาจารย์ หลายเดือนมานี้มีผู้คนมากมายเดินทางไปที่หุบเขาพันปี หากเป็นเช่นนี้ต่อไปดูท่าจะไม่ดีนัก” ชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าหัวหน้าพรรควิหคสวรรค์กำลังวิตกกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในกาลหน้า ด้วยข่าวที่มีผู้พบเจอหยกจันทราที่หุบเขาพันปีนั้นทำให้ผู้คนเริ่มเข้าไปเสาะแสวงหา



“นั่นเป็นสิ่งที่เราห้ามไม่ได้ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่รู้ หากยิ่งห้ามยิ่งอยากรู้ นั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์” ชายชราผมขาวแต่ยังแข็งแรงดีผู้นี้เป็นท่านอาจารย์ของพรรควิหคสวรรค์สอนสั่งศิษย์ในพรรคมาหลายรุ่นแล้ว



“ข้าหวังว่าสิ่งที่ข้าจะทำนั้นจะไม่ช้าเกินไป”




ยามแสงสุดท้ายลับหายไปจากขอบฟ้า ก็ถึงคราที่เจ้านกน้อยได้มาอยู่ในร่างของชายหนุ่มชุดขาวสักที



“เป็นฟู่หลงแล้วสินะ”




“เย้เย้ ข้าเป็นคนแล้ว” หานเฟิงนั่งมองร่างบางหมุนตัวไปมาอย่างสนุกสนานกลางห้อง



“หมุนตัวไปมาไม่เวียนหัวบ้างรึ”



“อ๊ะ พอเจ้าทักข้าก็รู้สึกเวียนหัวเลย โอ้ยยย"



“นี่ข้าเป็นคนที่ทำเจ้าเวียนหัวรึ หึหึหึ มานั่งนี่มา” ฟู่ฟู่กุมขมับเดินไปนั่งข้างหานเฟิง



“เจ้าจะเดินทางไปไหนรึ” ฟู่ฟู่ถามคนข้างกายด้วยเพราะมันไม่รู้ว่ากำลังจะไปที่ใด มันพึ่งเคยออกมาจากป่ามาเจอแม่น้ำกว้างใหญ่นี้ครั้งแรก




“เรากำลังจะไปแคว้นอวิ้น สหายข้ามีเรื่องให้ช่วยแต่คืนนี้เรากำลังจะถึงแคว้นเจ้าเป็นแคว้นที่อยู่ระหว่างทางที่เราจะไปเราจะไปพักที่นั่นกันก่อนแล้วเดินทางต่อ”



 

“หืม เจ้ามีสหายด้วยรึ” ฟู่ฟูหันไปถามคนข้างกายตาใสไร้แววล้อเลียน ด้วยเพราะมันไม่เคยเห็นเจ้านี่มีสหายมาเยี่ยมเยือนสักครั้ง นอกจากมันที่เป็นสหายปลอมๆ



“หึ มีสิทำไมจะไม่มี” เขากับเหวินซานเป็นสหายร่วมสาบานถึงพวกเขาจะต่างกันราวนรกกับสวรรค์ก็ตาม คนหนึ่งเป็นประมุขพรรคมาร ชั่วช้า ไร้คุญธรรม แต่อีกคนหนึ่งเป็นหัวหน้าพรรคที่ผู้คนต่างเคารพนับถือ ด้วยเพราะเป็นพรรคที่อยู่มาเนิ่นนานและช่วยเหลือชาวบ้านในยามทุกข์ร้อน เหตุที่พวกเขาได้เจอกันนั้นเกิดจากการที่หลงอยู่ในป่าห้วงมิติครั้งที่เริ่มฝึกวิชาใหม่ๆ คราแรกก็เดินหลงคนละทางจนมาพบเจอกันและช่วยกันหาทางออกจนกลายเป็นสหายกันนั่นเอง การจะออกจากป่าห้วงมิติที่เต็มไปด้วยภาพมายานั้นจะต้องมีพลังปราณที่แกร่งกล้าคอยจับสายลมที่พัดมา ความลับของป่าห้วงมิตินั้นคือสายลมนั่นเอง สายลมพิเศษที่บางเบาแต่กลับมีไอปีศาจเจือปนอยู่เล็กน้อยมันจะพัดจากกลางป่าไปยังทางออกซึ่งมันแปลกจากสายลมปกติที่พัดจากข้างนอกเข้าสู่ข้างใน ในขณะที่หานเฟิงกับเหวินซานเดินวนรอบป่าหลายรอบจนหมดแรงนั้นหานเฟิงก็สามารถจับไอปีศาจเล็กน้อยนั่นได้พวกเขาถึงรอดออกมา ครั้นถามเหวินซานว่าสัมผัสไอปีศาจได้หรือไม่ แต่สหายตอบกลับมาว่าไม่ได้จึงทำให้เขาแปลกใจ



 “แต่ตอนนี้เจ้ามาใกล้ข้าอีกนิดสิ ข้ามีอะไรจะให้” หานเฟิงส่งยิ้มจริงใจไปให้จนทำให้ฟู่ฟู่คล้อยตามโดยไม่เอะใจ



“อะไรๆ เฮ้ย เจ้าบ้าอีกแล้วนะ” เมื่อร่างบางเขยิบเข้ามาใกล้ตามคำบอกหานเฟินก็จัดการรวบคนตัวเล็กนั่งหันข้างบนตัก แขนแกร่งรวบเอวคอดปิดทางหนี



“ครั้งที่แล้วเจ้าหนีข้าไปก่อน ข้าจะให้บทลงโทษกับเจ้า”



“เจ้าบ้า เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ข้าเป็นบุรุษเจ้าก็เป็นบุรุษ เจ้าจะกระทำข้าเป็นเยี่ยงสตรีไม่ได้! ปล่อยข้า”  ข้าเป็นนก เอ้ย เป็นคน เอ้ย ชั่งมันเถอะข้าเป็นทั้งนกทั้งคนยังรู้เลยว่ามันไม่ควร



“แล้วใครกำหนดว่าบุรุษจะจุมพิตบุรุษด้วยกันไม่ได้ ถึงมีข้าก็ไม่สน ข้ากำลังพิสูจน์อยู่นี่ไงว่าข้ารู้สึกอะไรกับเจ้ากันแน่ ถ้าจูบครั้งนี้ข้าไม่รู้สึกอะไรกับเจ้า ข้าจะไม่ทำกับเจ้าแบบนี้อีก เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่าหืมให้ข้าพิสูจน์ครั้งเดียว”




“อึก แล้วทำไมข้าต้องมาเลือกด้วยเล่า” จะเลือกทางไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น แขนนี่ก็แน่นเสียจริงดึงเท่าไหร่ก็ไม่ออก





“ชักช้า งั้นข้าเลือกเอง” สิ้นเสียงร่างแกร่งก็ประกบริมฝีปากตนเองเข้ากับริมฝีปากบางของคนตรงหน้า ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวลิ้นร้อนถึงรุกล้ำเข้าไปพัวพันกับลิ้นเล็กได้ สัมผัสที่วาบหวามในอกนี้ก็พอจะยืนยันให้หานเฟิงรู้ว่าเขาไม่ได้รังเกียจที่จะสัมผัสร่างตรงหน้า แต่กลับอยากสัมผัสมากกว่านี้




“อื้ออออ” ฟู่ฟู่พยายามพลักร่างหนาให้ออกไป พยายามกัดลิ้นร้อนที่ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนนั่นก็แล้วแต่ไล่งับเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจสัมผัสนี้ ออกจะชะ...ชอบเสียด้วยซ้ำ ฮือออนี่ข้าเป็นอะไร




หานเฟิงใช้มือข้างหนึ่งพยุงศีรษะของร่างบางให้เอียงตามองศาที่ถูกต้อง อีกข้างคอยจับสะโพกมนไว้ไม่ให้ร่างในอ้อมกอดล้มลงไป ขาข้างหนึ่งชันเข่าขึ้นไว้เป็นที่พิงของร่างบาง ส่วนตอนนี้ฟู่ฟู่น้อยจากตอนแรกพยายามขัดขืนแต่ตอนนี้แขนข้างหนึ่งโอบเข้าที่ลำคอหนา มืออีกข้างกำที่สาบเสื้อคนตัวใหญ่ไว้แน่น




“ฮ้าา อื้อออ พอแล้ว” หลังจากจูบที่ดำเนินมาอย่างยาวนานหานเฟิงก็ยอมปล่อยฟู่ฟู่ให้หายใจ ส่วนเจ้าฟู่ฟู่ก็รีบซบหน้าลงที่อกแกร่งกลัวว่าจะถูกจูบอีกครั้ง ตอนนี้มันเหนื่อยมากเกินกว่าจะรับไหวแล้ว




“หึหึหึ เหนื่อยแล้วรึ” จมูกโด่งคลอเคลียไปตามแก้มนวล



“หื้ออออ เจ้าบ้าน่าไม่อาย” 



“เงยหน้าขึ้นมา” หานเฟิงช้อนใบหน้าร่างบางขึ้นมาสบตา แต่ฟู่ฟู่กลับเสมองไปทางอื่นแทน



“อื้อออ อะไรเล่า” เมื่อโดนจับเอียงหน้าไปมาสุดท้ายก็ยอมสบตากับคนตรงหน้า โอ้ยยยเจ้าหน้าหนาไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง



“รู้สึกเหมือนกับข้าหรือไม่”



“รู้สึกอะไรเล่าข้าจะรู้เรื่องกับเจ้ารึ”




“รู้สึกชอบสัมผัสที่ข้ามอบให้”




“โอ้ยเจ้าบ้า ข้าไม่ได้ชอบ ปล่อยได้แล้ว” ใครจะยอมรับว่าชอบเล่า ไม่มีทาง



“งั้นรึ ถ้าอย่างนั้นลองพิสูจน์อีกรอบ” ว่าจบพร้อมจะก้มลงมาอีกรอบแต่โดนเจ้าฟู่ฟู่ยันหน้าไว้ได้ทัน



“อย่านะเจ้าบ้า” ครั้งนี้มันจะไม่ยอม


ตุบ




“โอ้ย ลุกไปข้าหนัก” หานเฟิงจับเจ้าฟู่ฟู่กดเตียงอีกรอบ



“ก็ข้าจะพิสูจน์อีกรอบเจ้าจะได้ตอบข้าถูก” หานเฟิงรู้ว่าฟู่ฟู่ไม่ได้รังเกียจสัมผัสจากเขาคงจะเขินอายมากกว่าถึงไม่อยากยอมรับ



“ม่ายยย ปล่อยข้าเลยนะ อ๊ากกกกยอมแล้วๆ”



“ขะ...ข้าก็...ชอบ"รับคำเสียงอ่อย แม้ฟู่ฟู่จะพูดเบาแต่เมื่อหายเฟิงอยู่ห่างแค่เพียงฝ่ามือก็สามารถได้ยิน



“หึหึหึ เจ้านี่น่ารักเสียจริง เมื่อเจ้าชอบก็หมายความว่าเจ้ายอมให้ข้าสัมผัสแล้ว ดังนั้นอย่าให้ผู้อื่นแตะต้องตัวเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้่าจะโดนลงโทษ”



“เฮ้ยมันเกี่ยวอะไรกันตรงไหนเนี่ยข้างง” เขาจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว แล้วใครอนุญาตให้มาแตะต้องข้ากัน



“หึหึ อยู่นานไปก็หายงงเอง” 




“ท่านประมุขขอรับ ถึงแคว้นเจ้าแล้วขอรับ” เรือได้มาจอดเทียบท่าแคว้นเจ้าแล้ว




“ใครจะไปไหนก็ไปข้าอนุญาต แต่ข้ายังไม่ลงไปตอนนี้”




“ขอรับ”



เนื่องจากตอนนี้เวลาดึกแล้วเขายังไม่อยากไปสำรวจอะไรข้างนอก อยู่ในห้องกับร่างบางตรงหน้าน่าสนใจกว่าเป็นไหนๆ



“หานเฟิง ข้าอยากไปเที่ยวข้างนอกนั่น” เจ้าฟู่ฟู่พยายามหาทางรอด



“มืดแล้วไว้ตอนเช้าค่อยไป ตอนนี้นอนคุยกันดีกว่าหรือไม่ หรือเจ้าอยากทำอย่างอื่น”



“นอนๆ นอนคุยกันก็ได้” การนอนเตียงเดียวกันไม่ใช่ปัญหาเจ้าฟู่ฟู่นอนกับหานเฟิงออกจะบ่อยไปตอนมันอยู่ในร่างคนนานๆ เมื่อก่อนทุกอย่างปกติจนเจ้าหานเฟิงเกิดบ้าอะไรก็ไม่รู้ที่บ่อน้ำพุร้อนจนตอนนี้เจ้านั่นก็ยังมาไล่จูบข้าอีกเสียสติไปแล้วหรือไง




“หานเฟิงข้ารู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าเรื่องอะไร” ตั้งแต่อยู่ร่างนกแล้วมันรู้สึกมีอะไรรบกวนจิตใจตลอดเวลา



“อาจจะแปลกที่ มีข้าอยู่กับเจ้าทั้งคนไม่ต้องกลัวสิ่งใดไป”



“ตอนนี้ข้ากลัวเจ้ามากกว่าอีก” ฟู่ฟู่บ่นงืมงำ



“พูดอะไรหืม” แม้จะได้ยินที่ฟู่ฟู่พูดแต่หานเฟิงก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ดึงร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด





“ทำไมช่วงนี้เจ้าปากว่ามือถึงเสียจริง” เงยหน้าถามคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ เอะอะจูบ เอะอะกอด จนเขาขี้เกียจห้าม ห้ามไปก็เปล่าประโยชน์คนตรงหน้าฟังเสียที่ไหน



“หึหึหึ ข้าก็เป็นคนเช่นนี้อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ลีลามากความเสียเวลาเปล่า” มัวแต่วางท่าไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเองก็ไม่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น



ทั้งสองนอนคุยกันไปในเรื่องต่างๆของโลกใบนี้ที่เจ้าฟู่ฟู่สงสัยใคร่รู้ โดยหานเฟิงก็ตอบด้วยความเต็มใจ



“งืมมม แล้วก็นะ ตอนข้าเป็นนกเลิกเอาหนอน มา...แกล้งข้าได้แล้ว ฮ้าวววว… ข้าไม่ชอบ” คุยไปคุยมาคนในอ้อมกอดก็หลับคาอกไปเสียแล้ว



เป็นนกอะไรไม่ชอบกินหนอน




ทุกครั้งที่หานเฟิงยื่นหนอนให้เจ้าฟู่ฟู่มันก็บินหนีกระเจิงพร้อมส่งเสียงร้องลั่นป่า หานเฟิงนอนมองร่างบางในอ้อมกอดหลับอย่างเป็นสุขนั้น ทำให้เขารู้สีกดีไปด้วย ตั้งแต่มีเจ้านกน้อยเข้ามาในชีวิตก็ทำให้โลกที่มืดมิดของเขาเริ่มสว่างขึ้น








ต่อให้เจ้าอยากจะหนีจากข้า ข้าก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไป ไม่มีวัน







มาแล้วสินะ!






เจ้าจะต้องชดใช้ข้า






อีกไม่นาน อีกไม่นานแล้ว


----------------------------------------
TALK
เกิดอาการคิดชื่อตอนไม่ออก แฮ่
ตามกันไปยาวๆ เด้อ

หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่9 [20/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 20-06-2018 20:47:54
ตอนท้ายอะไรค๊ะ มีใครจะทำร้ายฟู่ฟู่
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่9 [20/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-06-2018 01:04:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่10 [22/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 22-06-2018 21:47:17
ตอนที่ 10



ยามแสงอรุณพ้นขอบฟ้า เสียงเซงแซ่ของเหล่าชาวบ้านตรงท่าเรือดัง

ลอดผ่านเข้ามาภายในห้องที่สองร่างนอนกอดก่ายกันอย่างมีความสุข


...

เสียที่ไหนเล่า!



ถึงก่อนจะนอนยังนอนกอดกันอยู่ แต่พอตกกลางดึกหานเฟิงก็ผละตัวออกมาเพราะว่าชาแขนที่โดนนอนทับเป็นเวลานาน แล้วทั้งสองก็กลายเป็นนอนคนละฝั่งไม่เข้าใกล้กันอีกเลย


ตุบ




“โอ้ยยยเจ็บ” พอถึงเวลาเช้าเจ้าฟู่ฟู่ก็ถึงเวลาออกหากิน มันจึงบินไปที่ชามอาหารอย่างปกติ แต่วันนี้มันกลับบินไม่ขึ้นแถมยังกลิ้งตกเตียงอีกต่างหาก




“ฮือออเจ็บก้น” 




“เอ๊ะ มือ เฮ้ยเช้าแล้วนี่ ข้ายังอยู่ในร่างคน!” ขณะกำลังใช้มือลูบก้นเพื่อคลายความเจ็บ ฟู่ฟู่ก็คิดได้ว่ามันยังอยู่ในร่างคนแม้ว่าจะเช้าแล้วก็ตาม



“โวยวายอะไรแต่เช้า”

 หานเฟิงถูกปลุกโดยเสียงโวยวายของเจ้าฟู่ฟู่ มันทำให้เขาอารมณ์เสียเมื่อลุกขึ้นมาก็เห็นฟู่ฟู่นั่งอยู่ข้างเตียง เขาถึงได้ตระหนักว่า ฟู่ฟู่ยังอยู่ในร่างคน



“ข้ายังไม่กลายเป็นนกล่ะ เย้” รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้ร่างสูงตรงหน้า ฟู่ฟู่ชอบเวลาเป็นคนมากที่สุดเพราะเขาได้ทำอะไรหลายอย่างมากกว่ากินกับนอน เขาได้อ่านหนังสือที่ชอบแม้ว่าไม่รู้ว่าตัวเองอ่านหนังสือออกได้อย่างไร ได้กินอาหารอร่อยที่ขอให้หานเฟิงหามาให้กิน ได้ไปเที่ยวที่สวยๆแม้ว่าจะต้องอ้อนวอนให้หานเฟิงพาไป เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนตอนเป็นนกอย่างที่ผ่านมา



รอยยิ้มสดใสที่ส่งมาให้ทำให้ร่างสูงเลือกมองข้ามความผิดปกตินี้ไป




‘ขนาดเจ้ากลายร่างเป็นคนยังเป็นได้ นับประสาอะไรกับการจะอยู่ในร่างนี้นานกว่าเดิม’



 “หึหึ ในเมื่อเจ้ายังอยู่ในร่างนี้ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวแคว้นเจ้าดีหรือไม่”




“ดีดี ดีสิข้าอยากไปเที่ยว ว่าแต่เจ้าไม่แปลกใจบ้างหรือที่ข้าไม่กลับไปร่างนก” สายตากังวลถูกส่งไปให้ผู้ฟัง




“คราแรกข้าก็แปลกใจ แต่เมื่อไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรก็เลิกสนใจมันดีกว่าคอยกังวลหาสาเหตุ แล้วจะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานหรือไม่ข้าจะได้นอนต่อ”




“ไม่ไม่ ข้าลุกแล้วไปเตรียมตัวไปเที่ยวดีกว่า ลุกมาสิหานเฟิงจะได้รีบไปเร็วๆ” ว่าพลางตรงไปดึงแขนคนตัวโตให้ลุกขึ้นมาพร้อมพากันไปเตรียมตัวไปเที่ยว



“เสร็จหรือยัง รีบๆหน่อยสิ”ฟู่ฟู่มองคนแต่งตัวยังไม่เสร็จสักทีจึงต้องเร่ง ร่างแกร่งสวมชุดสีดำทั้งตัวในและตัวนอกไม่มีลวดลาย มัดผมไว้เพื่อความทะมัดทะแมง


“เสร็จแล้ว รีบไปไหนฮึ”




“ จะว่าไปข้าเห็นเจ้าในร่างคนเมื่อไหร่ก็ใส่แต่ชุดนี้ ขนาดตอนเจ้าแก้ผ้าแล้วกลับไปร่างนกชุดนั้นก็หายตามเจ้าไป”





“เจ้าบ้า จะพูดเรื่องนั้นทำไมเล่า” เขาอุตส่าห์แกล้งลืมไปแล้วยังมารื้อฟื้นอีก

 


“หึหึหึ ข้าไม่พูดแล้ว ไปเที่ยวกันวันนี้ข้าจะซื้อชุดให้เจ้าเปลี่ยนด้วย”

เมื่อเห็นฟู่ฟู่ตัวแดงจวนจะระเบิดได้ หานเฟิงก็เปลี่ยนเรื่องพาไปเที่ยว



แคว้นเจ้าเป็นแคว้นที่มีพื้นที่เล็กกว่าแคว้นอื่นมีภูมิศาสตร์เป็นที่ราบ คล้ายเกาะกลางน้ำ และพื้นที่เป็นวงกลม ถึงแม้ขนาดพื้นที่จะด้อยกว่าแต่เป็นแคว้นที่มีศักยภาพด้านยุทโธปกรณ์ดีเลิศเป็นอันดับหนึ่ง ตามแนวขอบพื้นดินจะสร้างกำแพงหนาสูงไว้รอบๆ มีประตูเมืองเพียงทิศใต้และทิศเหนือ บริเวณหน้าประตูนั่นเองที่เปิดเป็นท่าเรือ ตามท่าเรือจะเป็นตลาดขายของต่างๆมากมาย ภายในเขตรั้วจะเป็นบ้านเมืองมีเมืองหลวงอยู่ตรงกลางภายในจะมีของขายเช่นกัน ตอนนี้เรือของหานเฟิงได้เข้ามาจอดเทียบท่าด้านทิศใต้



“หานเฟิงข้าอยากกินหมั่นโถว” ฟู่ฟู่ชี้นิ้วไปที่ร้านขายหมั่นโถวร้อนๆหน้าตาน่าทาน



“อืมไปสิ”



“พี่สาว เอาหมั่นโถวสี่ลูกขอรับ” ถึงแม้คนขายจะเลยวัยที่เรียกพี่สาวแล้วแต่ฟู่ฟู่ก็เลือกที่จะเรียกว่าพี่สาว พร้อมส่งยิ้มหวานๆตบท้าย



‘ชงหยวนบอกว่าถ้าเห็นคนขายเป็นผู้หญิงสูงวัยแล้วอยากได้ของแถมให้เรียกคนนั้นว่าพี่สาว และอย่าลืมยิ้มหวานๆให้ด้วย ข้าเลยอยากลองทำบ้างเผื่อได้หมั่นโถวอีกลูก’



“ตายแล้วปากหวานเสียจริงนายท่าน ข้าแถมให้อีกลูกแล้วกัน” แม่ค้าที่ไม่ได้ถูกเรียกว่าพี่สาวมานานก็เกิดอาการอายม้วน แถมหมั่นโถวให้อีกลูก

“ขอบคุณมากขอรับ หานเฟิงรีบจ่ายเงินให้พี่สาวสิ”



เมื่อจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกจากร้านมาทั้งสองกินหมั่นโถวไปด้วยเดินดูของข้างทางไปด้วย ฟู่ฟู่รับหมั่นโถวที่หานเฟิงเอาไปเป่าด้วยลมปราณทำให้มันหายร้อนมากินอย่างเอร็ดอร่อย



เป็นเช่นนี้หลายร้านเมื่อฟู่ฟู่เข้าร้านอะไรก็แจกรอยยิ้มให้คนขายทุกร้านได้ของแถมจนกินอิ่มหนำสำราญ



“หานเฟิงเจ้าไม่กินบ้างหรือ”



“ข้าไม่หิว”




“แล้วเจ้าเป็นอะไรข้าเห็นเจ้าทำหน้าเหมือนโกรธข้า” ฟู่ฟู่สังเกตุเห็นคนข้างกายทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แถมแผ่ความกดดันไปรอบๆจนคนถอยห่างไม่อยากเข้าใกล้



“ข้าไม่ได้เป็นอะไรเดินต่อไปสิ” หานเฟิงบอกปัดพร้อมเลิกแผ่ความกดดันที่เผลอปล่อยออกไป




“ไม่ เจ้าบอกมาเลยว่าโกรธอะไรข้า ข้ารู้นะว่าเจ้าไม่พอใจข้า หรือข้าซื้อของกินมากไปเหรอ” สายตากังวลถูกส่งมาให้ร่างสูง



“เฮ้อ ถ้าอยากรู้นักก็มานี่”  หานเฟิงกระชากข้อมือฟู่ฟู่เดินเข้าตรอกที่ไม่มีคนผ่าน ดันหลังร่างบางติดไปกับกำแพงพร้อมใช้มือทั้งสองข้างปิดทางหนี



“เจ้ามีอะไร ทำไมต้องมาคุยกันในนี้เล่า”



“ก็เจ้าอยากรู้ไม่ใช่รึว่าข้าโกรธอะไรเจ้า” ทั้งสองสบตากันไปมา



“แล้วเจ้าโกรธอะไรข้า บอกมาสิ”





“ข้าไม่ชอบที่เจ้ายิ้มให้คนอื่นพร่ำเพรื่อ”



“คิกคิก ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าบ้า เจ้านี่มันบ้าไปแล้วแน่ๆ” ฟู่ฟู่หัวเราะท้องแข็งเมื่อได้ยินเหตุผล



“ฮ่าฮ่าฮ่า โอ้ยปวดท้อง คิกคิก อื้อออ” เมื่อทนเห็นร่างตรงหน้าหัวเราะไม่ไหวหานเฟิงก็ปิดปากร่างบางด้วยปากของเขา



เขาพยายามระงับโทษะที่มันตีตื้นขึ้นมาแล้วแต่ไม่เป็นผล เมื่อเห็นร่างตรงหน้ายิ้มให้ใครต่อใคร แม้แรกๆจะเห็นว่าเป็นเรื่องขำที่เห็นฟู่ฟู่ยิ้มให้แม่ค้าเพื่อให้ได้ของแถม แต่เจ้านี่ดันไปยิ้มให้พ่อค้านั่นด้วยสิ เขาก็เกิดความรู้สึกหึงหวงขึ้นมาทันที แล้วยังยิ้มเรี่ยราดให้ผู้อื่นตามทางเดินอีกมันหน้านักเจ้าควรยิ้มให้ข้าดูผู้เดียวก็พอ!



ลิ้นร้อนไล่ต้อนลิ้นเล็กไปทั่วโพลงปากนุ่ม จูบที่ร้อนแรงทำให้ร่างเล็กเสียการทรงตัวขาอ่อนแรงหานเฟิงจึงรวบเอวบางเข้ามาแล้วใช้หลังตัวเองพิงกับผนังแทน



ท้ายสุดหลังจากจูบกันเนิ่นนานหานเฟิงก็ยอมผละออกมาจากริมฝีปากนุ่มที่ตอนนี้บวมช้ำไปเสียแล้ว



“แฮกๆ”ไร้เสียงต่อว่าเนื่อจากเหนื่อยเกินไปตอนนี้แค่หายใจยังเหนื่อยเลย



“หึหึหึ จำไว้ต่อไปห้ามยิ้มให้ใครพร่ำเพรื่อ เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียวถ้ายังทำอีกข้าจะลงโทษให้หนักกว่านี้”  ได้รับสายตาไม่พอใจมาจากคนเหนื่อยหอบแทนคำพูด




“เจ้ามันคนเอาแต่ใจ”



“ใช่ ข้ายอมรับแล้วเจ้าต้องเอาใจข้าบ่อยๆด้วยจะดีมาก”




“เจ้าไม่ควรทำกับข้าแบบนี้!”

ตุบ ตุบ ตุบ ฟู่ฟู่โมโหเกินจะทนเขาใช้มือต่อยเข้าที่อกแกร่งจนดังตุบตุบ คิดจะจูบก็จูบ ไม่นึกถึงจิตใจกันเลย



“โอ้ย” แกร่งแค่ไหนก็แพ้พลังหมัดของเจ้าฟู่ฟู่ หานเฟิงรีบรวบข้อมือเล็กไปไขว้กันข้างหลังถ้าช้ากว่านี้เขามีสิทธิช้ำในตาย



“ก็ไหนเจ้าบอกว่าชอบที่ข้าสัมผัส”



“แต่เจ้าก็ไม่ควรทำกับข้าโดยที่ข้าไม่เต็มใจ”




“นี่เหรอไม่เต็มใจ เห็นยอมข้าตลอด”




“เจ้า!”




“ข้ารู้มาว่าที่เจ้าทำกับข้าแบบนี้ คือแบบที่สามีภรรยาเขาทำกัน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เจ้าก็อย่าทำกับข้าแบบนั้นเลย” ร่างบางอธิบายเหตุผลตามที่มันอ่านหนังสือมา ไม่อยากจะคิดว่าในห้องหนังสือของเจ้าหานเฟิงมีหนังสือแบบนี้ด้วย ข้าแค่เปิดผ่านๆแค่นั้นเองไม่ได้อ่านทั้งหมดหรอกนะ




“เจ้าไปรู้มาจากใคร” หานเฟิงถามพร้อมส่งแรงกดดันไป




“โอ้ย ข้าอ่านหนังสือจากห้องเจ้ามาอย่างไรเล่า แล้วช่วยสนใจสิ่งที่ข้าบอกด้วย มันไม่ใช่สิ่งที่เราควรทำกัน มันไม่ถูกต้อง”




“ข้าบอกแล้วว่าอย่างไร ข้าไม่สนใจกฏเกณฑ์บ้านั่น”




“...” ไร้การตอบรับจากคนตรงหน้า



“ก็ได้ ข้าจะไม่ทำแบบนี้กับเจ้าอีก แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็นดีหรือไม่ เจ้าก็อย่าฝืนใจตัวเอง ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า” ความรู้สึกของหานเฟิงจากแค่ชอบสัมผัสจากร่างบางจนกลายเป็นความต้องการ มาถึงตอนนี้ความรู้สึกของเขาเริ่มเปลี่ยนไปจนอาจกลายเป็น ความชอบ   ดังนั้นเขาคงต้องเปลี่ยนแผนค่อยๆหว่านล้อมแล้วตะครุบทีหลังก็ไม่สาย



“ได้ ปล่อยข้าได้แล้ว แล้วอย่าลืมที่พูดล่ะ จะพาข้าไปซื้อชุดใหม่ไม่ใช่หรือไปสิ”  ฟู่ฟู่รีบดันตัวออกมาพลางหาเรื่องไปจากที่นี่โดยเร็ว


‘ต้องให้เล่นบทโหดสินะถึงจะหายบ้า’







“เอาตัวนี้ ตัวนี้ ตัวนี้” เมื่อมาถึงร้านเสื้อผ้าพวกเขาก็ถูกเชิญขึ้นมาเลือกเสื้อผ้าด้านบนที่มีแต่ผ้าเนื้อดี ฟู่ฟู่เลือกชุดสีดำทั้งสามตัว



“เอาตัวนี้ด้วย” หานเฟิงหยิบชุดสีม่วง สีฟ้า เพิ่มไปอีกสองตัว




“ไม่เอาๆ ข้าจะเอาแค่สามตัวนี้”



“ข้าจะซื้อสองตัวนี้ให้ด้วยไม่ได้ห้ามไม่ให้ซื้อตัวที่เจ้าเลือก”




ฟู่ฟู่ไม่คัดค้านหานเฟิงอีก ก็เงินของเจ้านั่นซื้อมาก็ได้แต่ข้าไม่ใส่หรอก



เมื่อเลือกชุดเรียบร้อยก็ออกมาจากร้านเสื้อผ้า ขณะนั้นตรงข้ามร้านมีหญิงผู้หนึ่งกำลังโวยวายใส่ชายขอทานที่ดูเหมือนกำลังจะตายในไม่ช้านี้แล้ว




“เจ้าขอทานสกปรก กล้าดีอย่างไรมาทำเสื้อข้าเลอะ หลี่อิ๋งจัดการมัน”



“ได้เจ้าค่ะคุณหนู นี่แหนะๆเจ้าขอทานสกปรกกล้าใช้มือสกปรกของเจ้าจับกระโปรงคุณหนูของข้า” สาวใช้ของหญิงสาวคนนั้นกระทืบมือผอมบางจนแทบเห็นกระดูกของขอทาน



“คุณหนู ข้าหิวเหลือเกิน ข้าขออะไรกินสักหน่อยเถิด” แม้จะโดนเหยียบมือจนกระดูกแทบจะหักแต่ชายขอทานก็ไม่ตอบโต้ เพียงแต่ร้องอ้อนวอนขออะไรกินเท่านั้น



ชาวบ้านมุงดูรอบๆไม่มีผู้ใดเข้าช่วยขอทานคนนั้นเพราะเกรงว่าจะถูกคุณหนูผู้เอาแต่ใจคนนี้เล่นงานเข้า เป็นที่เลื่องลือว่าคุณหนูสามแห่งจวนอัครเสนาบดีเป็นคนที่เอาแต่ใจด้วยถูกตามใจมาจากบิดามารดา ชาวบ้านเอือมระอานัก บิดาก็เป็นคนดีน่าชื่นชมเหตุใดลูกถึงไม่ได้เศษเสี้ยวมาจากบิดาเลย



“หานเฟิงขอทานคนนั้นจะตายแล้ว ข้าจะไปช่วย” ขณะกำลังเดินไปกลับถูกหานเฟิงกระชากแขนกลับไป




“อะไรเล่าไม่เห็นหรือไงผู้หญิงใจร้ายคนนั้นจะฆ่าเจ้าขอทานตายแล้วนะ”



“เจ้าไม่ใช่วีรบุรุษชุดขาว เห็นหรือไม่ไม่มีผู้ใดเข้าไปช่วยขอทานนั่นเลยคุณหนูคนนั้นต้องเป็นลูกคนใหญ่คนโตแน่ ถ้าจะไปยุ่งจะเกิดเรื่องใหญ่ตามมา”



“โอ้ย ทำไมการเป็นมนุษย์มันยากอย่างนี้"ฟู่ฟู่ขยี้ผมจนฟู จะช่วยก็ช่วยไม่ได้ คนอ่อนแอก็ถูกรังแก เขากลับไปเป็นนกดีหรือไม่นะไม่ต้องคิดอะไรนอกจากหาของกินไปวันๆ



“หึหึหึ มนุษย์ก็เป็นอย่างนี้ต่างมีจิตใจดำมืดทั้งนั้นอยู่ที่จะเลือกเปิดมันออกมาหรือไม่...เท่านั้นเอง”



“ไปกันได้แล้วหลี่อิ๋ง ข้าต้องไปหาชุดสวยๆใส่ไปงานเลี้ยงคืนนี้”



“เจ้าค่ะคุณหนู” เมื่อลงมือจนพอใจแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เดินจากไป เหล่าชาวบ้านต่างพากันสลายตัว




“ไม่มีใครอยู่แล้วไปดูขอทานคนนั้นกันนะหานเฟิง”



“เฮ้อ จนได้สินะ ไปสิ”




“อ๊ะ นายท่าน ช่วยข้าด้วยข้าหิว” ฟู่ฟู่เดินเข้าไปใกล้ ชายขอทานก็พยายามเอื้อมมือมาแต่ทำได้แค่กระดิกนิ้วเมื่อร่างกายไร้เรี่ยวแรงสุดท้ายก็สลบไป




“หานเฟิงเขาสลบไปแล้ว”




“ถ้าอย่างนั้นก็กลับได้แล้วปล่อยมันไว้ที่นี่แหละ”




“หานเฟิงเจ้าไม่คิดจะช่วยเขาเลยหรือไง”




“ข้าไม่ใช่คนดีถึงคอยมาช่วยใครต่อใคร ชีวิตถ้าไม่อยากตายก็ดิ้นรนสู้สิ นอกจากคนไม่เอาไหนเท่านั้นถึงยอมรับกับความตายแบบนี้” กลายเป็นว่าผู้ชายสองคนยืนทะเลาะกันหน้าขอทานเสียอย่างนั้น




“แต่คนเราควรได้รับโอกาสใช่หรือไม่ โอกาสที่จะทำให้คนคนนั้นลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง เราแค่ช่วยให้ขอทานคนนี้มีแรงกลับมาทำงานก็ได้นะหานเฟิง”




“ถ้าเจ้าขอทานคนนี้เกิดมันกลับมาทำร้ายเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร เจ้านี่อาจไม่ใช่คนดี”



“เจ้าจะปล่อยให้ข้าโดนทำร้ายหรือ”



“ไม่แน่นอน” หานเฟิงตอบกลับไปอย่างไม่ต้องคิด เขาไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนตรงหน้านี้นอกจากเขาเท่านั้น



“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว พาขอทานนี่ไปด้วยกันนะหานเฟิง ถ้าคนผู้นี้ไม่สำนึกบุญคุณข้าก็พร้อมจะฆ่ามันให้ตาย” หานเฟิงรู้สึกเสียวสันหลังวาบทันทีเมื่อฟู่ฟู่พูดประโยคสุดท้าย



“ข้าต้องแบกเจ้านี่ไปรึ ไม่มีทาง” เขาไม่ยอมให้เจ้าสกปรกนี่มาโดนตัวแน่



“โถ่เปื้อน ก็อาบน้ำสิ เจ้านี่เรื่องมากข้าจะแบกไปเอง” ฟู่ฟู่ทนความเรื่องมากของหานเฟิงไม่ไหวจึงเลือกจะแบกไปเอง



“ไม่มีทาง เจ้า เจ้านั่นแหละ ข้าจ้างสิบตำลึงแบกขอทานนี่ไปที่เรือข้า” หานเฟิงจ้างชาวบ้านผู้ชายคนหนึ่งแบกขอทานไปที่เรือแค่นี้ก็ไม่สกปรกทั้งสองคนแล้ว



“นายท่านจะพามันไปไหนหรือขอรับ”



“ไม่จำเป็นต้องรู้ จะรับหรือไม่ข้าจะได้ไปจ้างคนอื่น”



“เอาๆ นำทางไปเลยนายท่าน” แม้กลิ่นจะเหม็นแต่เพื่อเงินมันก็ยอม



“โยนมันเข้าห้องนี้ แล้วเจ้าก็ไปได้แล้ว”



“ขอรับนายท่าน”



“พวกเจ้าคอยเอาข้าวเอาน้ำให้มันด้วยอย่าให้มันตาย” หานเฟิงสั่งลูกน้องตนให้คอยเอาข้าวเอาน้ำให้ขอทานเสร็จแล้วก็ลากฟู่ฟู่เข้าห้อง




“ท่านฟู่หรงมาได้อย่างไรวะ”



“หรือท่านฟู่หรงเป็นคนแคว้นเจ้าถึงได้มาเจอกันที่นี่”



“ข้าก็ว่าอย่างนั้น”



-----------------------------------------------------------------------

TALK

มาแล้วๆตอนนี้ยาวมากกกกกก มีตัวละครใหม่โผล่เข้ามาแล้ว

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่10 [22/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 26-06-2018 09:57:52
ชอบเรื่องนี้ม๊ากกกกกก….   :m1:


รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่11 [26/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 26-06-2018 16:17:02
ตอนที่ 11



“หานเฟิงเดินเร็วๆสิ ข้าอยากไปที่นั่น” ฟู่ฟู่ชี้ไปที่ทุ่งดอกไม้สีขาวกว้างใหญ่




“จะไปดูอะไรมันก็แค่ทุ่งดอกไม้ปกติเจ้าไม่เคยเห็นรึ”




“ก็ไม่เคยน่ะสิข้าเคยเห็นแต่ป่าที่มีแต่ต้นไม้ ทุ่งดอกไม้กว้างๆนี่ดีจัง”




“อย่าวิ่งจนสะดุดล้มล่ะ”




ฟู่ฟู่วิ่งเล่นในทุ่งดอกไม้สีขาว มันกว้างใหญ่จนเห็นแต่สีขาวไปทั่วพื้นที่ หันไปมองหานเฟินก็เห็นนอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ยอมลงมาวิ่งเล่นกับเขา

 


เมื่อได้วิ่งเล่นจนพอใจแล้วก็เดินกลับไปหาหานเฟิงเพื่อไปจากที่นี่ด้วยถึงเวลาเย็นแล้วหากช้ากว่านี้คงมืดมองไม่เห็นทาง แต่ทันใดนั้นกลับมีเส้นใยสีดำพุ่งเข้ารัดตัวฟู่ฟู่ มันรัดไปทั่วลำตัวจนฟู่ฟู่ไม่สามารถขยับร่างกายได้ และเส้นใยนั่นยังปิดปากไม่ให้ส่งเสียงอีกด้วย เส้นใยค่อยๆดึงร่างขึ้นกลางอากาศ




“อื้ออออ อ้วยอ้วย” ฟู่ฟู่พยายามเรียกหานเฟิงที่นอนหลับไม่รู้เรื่องราว มันโดนรัดจนเจ็บร้าวไปทั่วร่างกายแล้ว




“หึหึหึ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"เสียงหัวเราะดังไปทั่วพื้นที่แต่กลับไม่สามารถปลุกคนหลับให้ตื่นขึ้นมาได้



“อื้ออ ฮึก โอ้ย” ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ยิ่งโดนรัดเท่านั้น





‘เจ้าหานเฟิงตื่นสิโว้ย ข้ากำลังจะตายแล้วยังหลับอยู่อีก’



“เจ็บปวดอยู่สินะ เจ็บมากใช่หรือไม่ ข้าจะให้เจ้าสัมผัสกับความเจ็บปวดแบบที่ข้าได้รับ!”

 


“อ้ากกกกก” แรงบีบรัดทำให้ร่างนั้นกระอักเลือดออกมา




‘เจ็บไม่ไหวแล้ว แล้วเจ้าเป็นใครข้าไปทำอะไรให้เจ้า หานเฟิงช่วยข้าด้วย!’ 




หยดเลือดค่อยๆไหลไปตามร่างกายจนหยดลงพื้นกระทบกับดอกไม้สีขาว สีแดงค่อยๆลามไปทั่วดอกไม้จากหยดเลือดที่ไหลลงมาเรื่อยๆ




“อ่อนแอถึงเพียงนี้เลยรึ น่าขำเสียจริง ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ามันสมควรตาย!”

เสียงปริศนานั่นยังคงดังไม่ยอมหยุด



“อ๊ากกกกกกก” แรงบีบรัดที่เพิ่มมากขึ้น มันรัดแน่นจนไม่สามารถหายใจได้ ความปวดร้าวส่งผ่านไปทั่วร่างกาย เจ็บปวดเหลือเกิน ทนไม่ไหวแล้ว หยดน้ำตาล้นเอ่อบดบังทัศนียภาพเขาเห็นเพียงภาพเงาลางเลือนของหานเฟิงนอนอยู่ใต้ต้นไม้




‘ช่วยด้วย’






“เฮือก!” ฟู่ฟู่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกร่างกายอาบไปด้วยเหงื่อจนเปียกชื้น




“ฝัน ข้าแค่ฝันไป” เมื่อมองไปรอบๆเขายังอยู่ในห้องเดิมบนเรือ ไม่ใช่อยู่ที่ทุ่งดอกไม้นั่น



“เป็นอะไร เจ็บตรงไหนรึ” หานเฟิงรู้สึกตัวตื่นเห็นฟู่ฟู่ลูบเนื้อตัวไปมา



“ไม่ ข้าไม่ได้เจ็บตรงไหน ข้าเพียงฝันร้ายเท่านั้น”

“ฝันว่าอะไรถึงทำให้เจ้าดูตกใจถึงเพียงนี้” หานเฟิงช่วยลูบเหงื่อออกจากใบหน้านวล อากาศเย็นเช่นนี้ใยถึงเหงื่อออกมากมาย แถมสายตาดูเป็นกังวลนั่นอีก



“ฝันว่าข้าโดนรัดจนตาย แต่เจ้ายังเอาแต่นอนไม่ยอมมาช่วยข้า” สายตาตัดพ้อถูกส่งไปให้หานเฟิง



“เป็นเสียอย่างนั้นไปหึหึ มันแค่ความฝันอย่ากังวลใจเลยนอนต่อเถอะ” คราวนี้หานเฟิงดึงคนฝันร้ายเข้ามาในอ้อมกอด



“เอ๊ะ ทำไมเจ้าต้องมากอดข้าด้วย” ฟู่ฟู่รีบยันแผ่นอกแกร่งไว้



“เจ้าจะได้ไม่ฝันร้ายอย่างไรเล่าถ้ามีข้ากอดเอาไว้แบบนี้” หานเฟิงส่งยิ้มจริงใจไปให้พร้อมลูบหัวอย่างแผ่วเบาเพื่อกล่อมคนฝันร้ายให้หลับ

ฟู่ฟู่ไม่คัดค้านเพราะสัมผัสที่ส่งมามันทำให้สบายใจ จนยอมนอนนิ่งๆและหลับไป



เรือของพรรคพยัคฆ์ทมิฬได้ออกจากท่าในเช้าวันต่อมา



“ข้ามาดูขอทานผู้นั้น เขาตื่นหรือยังเปิดประตูให้ข้าที” ฟู่ฟู่ยังคงอยู่ในร่างคนเช่นเดิม



“ได้ขอรับ” ลูกน้องคนหนึ่งในพรรคไขกลอนแล้วเปิดประตูให้ ฟู่ฟู่เดินเข้าไปข้างในที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมว่างเปล่าไม่มีเครื่องใช้ใดใด แถมยังมืดไม่มีแสงสว่าง อาศัยเพียงแสงที่ลอดผ่านประตูที่เปิดไว้




‘เฮ้อนี่ช่วยคนหรือว่าจับมาขังกันล่ะเนี่ย’




ชายขอทานนั้นยังหลับอยู่ ดูจานข้าวที่คงให้มาเมื่อวานก็กินหมดไม่เหลือข้าวสักเม็ด สภาพของขอทานผู้นี้ดูไม่ได้เลยทีเดียว ผมเผ้ายุ่งเหยิงจับตัวเป็นก้อน เนื้อตัวเปื้อนดินโคลนเสื้อผ้าก็ขาดหลุดรุ่ย แถมยังผอมจนเห็นกระดูก




“เจ้าขอทานตื่น ตื่นได้แล้ว”




“อ๊ะ อย่าไล่ที่ข้าเลยนายท่าน ข้าไม่มีที่ไปแล้วอย่าตีข้าเลย” ชายขอทานสะดุ้งตื่นมาด้วยความตกใจ มันรีบก้มกราบคนที่มาเรียกด้วยคิดว่าเป็นชาวบ้านในตลาด มันมักจะโดนไล่ให้ไปนอนที่อื่นเป็นประจำทุกเช้าเมื่อไม่ยอมไปก็จะโดนทุบตีจนเจ็บร้าวไปทั่วกาย



“ดูให้ดีก่อนข้าไม่ได้จะไล่เจ้า ข้าเพียงเรียกเจ้าตื่นเท่านั้น”




ชายขอทานค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาดูคนตรงหน้าภาพเลือนลางของชายหนุ่มชุดดำผู้หนึ่งยืนมองมันอยู่ แต่แสงที่ลอดผ่านมามันทำให้ตามันมองไม่ถนัดนักเนื่องจากตื่นมาก็อยู่ในห้องมืดๆ มันคลำไปทั่วพื้นโดยเรี่ยวแรงที่มีเล็กน้อยนั่นจนไปสัมผัสกับจานข้าวมันจึงรีบกินอย่างหิวโหยแม้ว่ากับข้าวนั้นจะใส่ยาพิษก็ตาม แต่คงไม่ใช่ยาพิษไม่เช่นนั้นมันคงไม่รอดมาถึงตรงนี้



“ท่านเป็นใคร แล้วข้าอยู่ที่ไหน”




“ข้าเป็นคนที่เก็บเจ้ามาจากข้างถนน แล้วตอนนี้เราก็อยู่บนเรือกำลังจะไปแคว้นอวิ้น ข้าเพียงอยากช่วยเจ้าออกมาจากสภาพที่เจ้าเป็นอยู่นี้ ถ้าหากเจ้าแข็งแรงดีแล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าไปตามทางของเจ้า”




“ขอบคุณมากขอรับ ขอบคุณท่านมาก” ชายขอทานก้มกราบขอบคุณฟู่ฟู่ มันปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างเงียบๆเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าได้ยินแล้วรำคาญมันไปเสียก่อน




“เอาล่ะๆ เจ้ากินข้าวได้แล้ว ไว้เจ้ามีแรงแล้วข้าจะพาเจ้าอาบน้ำแล้วกัน ไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้วเนี่ย” ขนาดยืนห่างกันแล้วยังได้กลิ่นเหม็นลอยตามลมเข้ามาหา




“อ่ะ เอ่อ...ข้าจำไม่ได้แล้วนายท่านว่าอาบน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อใด” ชายขอทานตอบมาเสียงแผ่ว




“ไม่เป็นไร เจ้าก็กินข้าวนอนเอาแรงแล้วกันจะได้มีแรงขยับตัว ข้าไปล่ะ”  ฟู่ฟู่ออกมาจากห้องพร้อมสั่งให้คนหาข้าวหาน้ำให้ขอทาน และสั่งให้หาตะเกียงมาให้ขอทานด้วยเพราะห้องนั้นมันมืดเกินไป




หลายวันผ่านไปเจ้าขอทานเริ่มมีแรงขยับร่างกายฟู่ฟู่จึงพาไปอาบน้ำที่ท้ายเรือกันสองคน




“รอบสุดท้ายแล้วเจ้าขอทานทนอีกนิดนะ ขยี้ผมด้วย ขัดคราบไคลด้วย” ฟู่ฟู่ยืนสั่งการให้ขอทานขยี้ผมและขัดคราบไคลตัวเอง ตอนแรกเขาจะสั่งให้คนอื่นช่วยอาบให้ด้วยแต่เจ้าขอทานขี้อายผู้นี้ไม่อยากให้ผู้ใดโดนตัวเขาจึงต้องมากำกับแทน



“สะอาดดีแล้ว เช็ดผมเช็ดตัวซะแล้วนี่ก็เสื้อผ้าเจ้าตัวเท่าข้าใส่ของข้าแล้วกันนะ” นี่ก็เป็นเรื่องถกเถียงของเขากับหานเฟิงด้วยเช่นกันเมื่อเขาจะเอาชุดตัวสีฟ้ากับสีม่วงให้กับขอทาน แต่หานเฟิงไม่ยอมเนื่องจากตั้งใจซื้อให้เขาใส่จนสุดท้ายเขาต้องเอาชุดตัวสีดำสองตัวมาให้ขอทานใส่แทนด้วยเพราะหานเฟิงขู่ว่าจะโยนเจ้าขอทานนี่ลงเรือถ้าเขาให้ชุดสีม่วงกับฟ้า




“ขอบคุณมากขอรับ” ขอทานรับชุดผ้าไหมเนื้อดีมาแต่มันรู้สึกเกรงใจ มันใส่เสื้อผ้าขาดๆของมันก็ได้




“เอ่อนายท่านข้าใส่ชุดเดิมของข้าก็ได้ขอรับ ชุดที่นายท่านให้มามันแพงเกินไปไม่เหมาะกับข้าหรอกขอรับ” ขณะคุยชายขอทานก็ก้มหน้าอยู่ไม่ยอมเงยหน้า



“รับไปเถอะน่า เสื้อของเจ้าสกปรกเกินจะใส่แล้ว แล้วข้าก็ไม่ได้ให้เจ้าเปล่าๆหรอกเจ้าต้องทำงานชดใช้ข้าแทนข้าวน้ำที่ให้เจ้า รีบแต่งตัวเถอะเดี๋ยวเจ้าไม่สบายอากาศเย็นเช่นนี้”



ฟู่ฟู่พิจารณาชายขอทานหลังจากอาบน้ำเสร็จก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง ผิวที่เคยมอมแมมก็เผยให้เห็นผิวคล้ำแต่ไม่ดำมากที่เกิดจากแดดเผามาเป็นเวลานาน รอยแผลเริ่มจางลงแล้ว




เมื่อขอทานคนนั้นเงยหน้ามาก็ปรากฎใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำ ตาเรียวคมแต่สายตากลับไม่มีความมั่นใจมันเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แต่ดูรวมๆแล้วก็หน้าตาดีประมาณหนึ่งทำไมถึงมาเป็นขอทานได้




“ไปห้องโถงกันข้ามีเรื่องจะถามเจ้ามากมายเลยล่ะ” ทั้งสองเดินกลับไปห้องโถงเมื่อเจ้าขอทานเช็ดผมจนเกือบแห้งแล้ว เมื่อมาถึงห้องโถงก็เห็นบรรดาสมาชิกพรรคนั่งเอกขเนกตามมุมต่างๆมีหานเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงมุมห้อง ทั้งสองจึงกลายเป็นจุดสนใจทันที ฟู่ฟู่หรือฟู่หลงเดินไปนั่งข้างหานเฟิงที่ส่งสายตาเชือดเฉือนไปให้ชายขอทานถ้าหากสายตาเป็นดาบชายขอทานคงเละเป็นชิ้นๆ



“เจ้าชื่ออะไรหรือ” ฟู่ฟู่เริ่มเปิดประเด็นเมื่อขอทานมานั่งคุกเข่าตรงหน้า



“ข้ามีชื่อว่า อี้หลวนผิงขอรับ”




“แล้วทำไมถึงได้ไปนอนตายซากที่ข้างทาง” คงไม่ต้องบอกว่าใครเป็นคนถามประโยคนี้ ฟู่ฟู่มองหานเฟิงด้วยความเอือมระอา

 


“ข้าอยู่กับแม่ที่หมู่บ้านเล็กๆที่แคว้นอวิ้น ทุกอย่างก็ปกติจนมีวันหนึ่งชาวบ้านล้มตายลง หมอผีชั่วนั่นมันมาใส่ร้ายท่านแม่กับข้าว่าเป็นปีศาจกัดกินวิญญาณผู้คนจนล้มตาย พวกชาวบ้านก็หลงเชื่อจับท่านแม่ของข้าไปแขวนคอ” พอเล่ามาถึงตรงนี้หลวนผิงกำมือกับขาแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อด้วยเพราะความคับแค้นใจ




“แต่แม่ข้าฝากข้าให้เพื่อนบ้านช่วยพาหนีมา ท่านป้าพาข้าลงเรือมาแล้วก็กลับไป ข้านั่งเรือมาโดยไม่รู้ว่าจะไปลงที่ใด สุดท้ายเรือก็มาจอดที่แคว้นเจ้า ข้าตัวคนเดียวไม่มีที่ไปไม่มีเงินติดตัวของานทำก็โดนโกงค่าแรง ขโมยอาหารกินจนถูกทุบตีทำแบบนั้นซ้ำๆทุกวันจนข้าหมดแรงนอนกับพื้นเป็นขอทานคอยขอข้าวกินไปวันๆ” เรื่องราวสุดรันทดถูกเผยออกมา หลวนผิงพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลเพราะเขาร้องมาหลายปีแล้ว น้ำตาไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา




“ชีวิตรันทดขนาดนี้ไม่ยอมตายไปเสียเลยล่ะจะได้จบๆไปไม่ต้องทรมาน”



“หานเฟิง! ช่วยถามอะไรที่มันดีกว่านี้ได้มั้ย”



“ข้าก็ถามดีๆแล้ว มีตรงไหนที่ข้าพูดไม่ดี”



ก่อนที่จะเกิดศึกย่อมๆหลวนผิงจึงรีบพูดออกมาก่อนที่จะเกิดการปะทะ

“ข้าเคยคิดว่าจะตายให้พ้นๆไปเสีย แต่ถ้าข้าตายก็จะกลับไปแก้แค้นหมอผีชั่วนั่นไม่ได้! ข้าจึงต้องมีชีวิตต่อไป”



ฟู่ฟู่ได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของหลวนผิงแล้วก็หดหู่ใจมนุษย์ทำไมทำร้ายกันได้ลงคอนัก เฮ้อคิดแล้วกลุ้ม



“เอาล่ะถ้าถึงแคว้นอวิ้นเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน ตอนนี้เจ้าก็ไปพักซะ ” ฟู่ฟู่ให้หลวนผิงไปพักผ่อน ทีนี้ก็เหลือฟู่ฟู่กับหานเฟิง



“เจ้าคิดจะให้มันนอนพักไปถึงเมื่อไหร่” หานเฟิงไม่ชอบใจนักที่ขอทานนั่นได้อยู่อย่างสบายไม่ต้องทำงานก็มีข้าวกิน



“เถอะน่า หลวนผิงแข็งแรงเมื่อใดก็เมื่อนั้น เจ้าอย่าบ่นไปหน่อยเลยทีรับเลี้ยงข้าไม่เห็นจะไม่พอใจ ข้ากินเก่งกว่าหลวนผิงเยอะ”




“หึก็เจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าจะให้อดอยากได้อย่างไร”



“ก็จริงของเจ้า เจ้าก็ต้องมาทำงานใช้หนี้ข้ามา” หานเฟิงลุกขึ้นยืนพร้อมดึงแข็นฟู่ฟู่เข้าห้อง



“เจ้าจะให้ข้าทำอะไร” ฟู่ฟู่พยายามยื้อแขนไว้ ช่วงนี้เจ้าหานเฟิงไม่น่าไว้ใจอยู่



“ก็แค่นวดให้ข้าแค่นั้น มาได้แล้วหรืออยากไปทำอย่างอื่น”



“ก็ได้ แต่ข้าไม่เห็นจำเป็นต้องทำตามที่เจ้าสั่งเลย จับข้ามาเองแท้ๆ"ฟู่ฟู่แอบเถียงเบาๆ

 


ทั้งสองจูงมือกันเดินเข้าห้องเป็นภาพที่เหมือนจะชินตาสำหรับสมาชิกพรรคพยัคฆ์ทมิฬเสียแล้ว

--------------------------------------------

TALK

มาแล้วค่าตอนหน้าก็ขึ้นบกแล้วเด้อ

หายไปทำธุระมาแฮ่

หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่11 [26/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-06-2018 16:59:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่11 [26/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 26-06-2018 22:26:28
อี้หลวนผิงนี่ต้องไม่ธรรมดา  เออะเฮ้ย  ไม่ธรรมดา  แนแน้เลย     :m26:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่12 [29/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 29-06-2018 09:49:58
ตอนที่ 12


        วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเดินทางอีกไม่กี่เค่อเรือก็จะเทียบท่าแคว้นอวิ้นแล้ว

 


“หานเฟิงถ้าถึงแคว้นอวิ้นแล้วเจ้าจะไปไหนต่อ” ฟู่ฟู่และหานเฟิงนั่งคุยกันที่ห้องโถงเรือ ส่วนชาวพรรคต่างขนของเตรียมเดินทางต่อไป



เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วที่ฟู่ฟู่อยู่ในร่างมนุษย์หานเฟิงก็อยากให้ฟู่ฟู่อยู่ในร่างนี้ไปตลอดกาลเช่นกัน




“ถึงท่าเรือแคว้นอวิ้นแล้วเราจะเดินทางขึ้นเหนือต่อไปหมู่บ้านที่สหายข้าอยู่คงใช้เวลาราวๆ 3 วัน” คำตอบที่ได้รับทำให้คนฟังขมวดคิ้วจนสามารถผูกเป็นปมได้




“เฮ้อเดินทาง เดินทาง ข้าเบื่อกับการเดินทางแล้วเมื่อไหร่จะถึงบ้านสหายเจ้าสักที” หานเฟิงมองคนหัวเสียข้างๆ และขำออกมาเบาๆ อยู่ด้วยกันมานานเขาเลือกที่จะไม่ต่อความเพราะเจ้าตัวป่วนนี้แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง




“นายท่านข้าเก็บสัมภาระให้ครบเรียบร้อยแล้วขอรับ” หลวนผิงเข้ามารายงานให้นายตนทราบหลังจากเก็บสัมภาระของท่านฟู่หลงและหานเฟิงเสร็จแล้ว หลังจากที่มีเรี่ยวแรงเดินเหินได้สะดวกแล้วหลวนผิงก็ขอทำงานกับฟู่หรงไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ยอมเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ได้รับมา แม้ว่าฟู่หรงจะยังไม่ให้ทำก็ตามจนสุดท้ายก็กลายมาเป็นข้ารับใช้ของฟู่หรง คอยตามรับใช้ไม่ให้ขาดตกบกพร่องใดๆ เพราะมันซาบซึ้งน้ำใจที่ท่านฟู่หรงได้มอบชีวิตให้มันอีกครั้ง ถึงแม้จะยังเกรงกลัวสายตาของท่านหานเฟิงอยู่ก็ตาม




“ขอบใจเจ้ามากนะหลวนผิง อีกไม่กี่เค่อก็ถึงแคว้นอวิ้นแล้วเจ้าอยากจะไปที่ใดก็ได้ตามใจเจ้าข้าไม่ห้าม” ฟู่ฟู่มองร่างที่เคยบางเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกบัดนี้เริ่มมีเนื้อมีหนังเพิ่มขึ้นมาบ้างแม้จะดูว่าผอมบางอยู่ก็ตามที

“ข้า...ข้าขอตามรับใช้นายท่านก่อนได้หรือไม่ขอรับให้ข้าได้ตอบแทนบุญคุณจนกว่าท่านจะกลับแคว้นเยว่” หลวนผิงคุกเข่าก้มหน้า



“ไม่ต้อง ฟู่หรงข้าดูแลเองได้ไม่ต้องให้คนอย่างเจ้ามารับใช้” หานเฟิงเอ่ยขัด เพราะไม่ชอบหน้าขอทานผู้นี้สักนิดตั้งแต่มีเจ้านี่มาฟู่ฟู่ก็คอยไปคุยกับมัน ทั้งที่ปกติจะคอยวนเวียนรอบตัวเขาแท้ๆ



“ได้ๆ ข้าก็อยากให้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าต่อไปเหมือนกัน ข้าก็พูดไปอย่างนั้นเองแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า” คำตอบที่สวนทางกันของเจ้านายทั้งสองทำให้หลวนผิงสับสนยิ่งนัก จะให้เขาอยู่หรือจะให้เขาไปดี




“เอ๊ะหานเฟิง ทำไมต้องไล่หลวนผิงไปด้วย” ฟู่ฟู่หันมาถามคนข้างกายที่เอ่ยวาจาขัดหู




“เจ้านี่อยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายปล่อยให้ไปตามทางไม่ดีกว่าหรือ” หานเฟิงเริ่มรู้สึกไม่พอใจเช่นกันที่ฟู่ฟู่ยังรั้งตัวเจ้าขอทานไว้อยู่ น่าจะจับทิ้งลงน้ำเสียแรกก็ดี




ฟู่ฟู่เริ่มเห็นว่าหานเฟิงอารมณ์ไม่ดีนักเขาจึงต้องใช้น้ำเย็นเข้าลูบจึงขยับตัวเข้าไปกระซิบให้ได้ยินกันสองคน

“ถ้าเจ้าให้หลวนผิงอยู่ต่อ ข้าจะให้เจ้าสั่งข้าทำอะไรก็ได้หนึ่งข้อสนใจหรือไม่”




หานเฟิงเมื่อได้รับข้อเสนอก็เกิดความคิดชั่วร้ายทันที ข้อเสนอนี้ช่างยั่วยวนเขาเหลือเกิน




“ได้ข้าจะให้เจ้าอยู่ต่อ แล้วอย่าลืมที่เจ้่าพูดไว้แล้วกันข้าขอเก็บไว้ก่อน” ประโยคแรกหันไปพูดกับร่างที่คุกเข่าตรงหน้า ส่วนประโยคสุดท้ายหันมากระซิบกับคนที่นั่งข้างกาย




ฟู่ฟู่เริ่มรู้สึกตัวเองคิดผิดนักที่เสนอแบบนั้นไป แต่เขารู้สึกผูกพันธ์กับหลวนผิงจนอยากให้อยู่ด้วยกันต่อไปอีก จะให้เดินทางไปคนเดียวนั้นก็กลัวว่าจะเกิดอันตราย เอาน่าเดี๋ยวก็แต่งว่าลืมไปแล้วว่าพูดอะไรไปสัจจะไม่มีในหมู่โจรนี่นา คิกคิก





“ท่านประมุขเรือเทียบท่าแล้วขอรับ” ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามารายงานหานเฟิง ขณะนี้เรือได้จอดเทียบท่าแล้วทุกคนขนของลงเรือใส่รถเกวียนม้าลากที่เช่ามาทั้งหมด 6 คันเป็นรถขนเสบียง2 คัน หานเฟิงและฟู่ฟู่นั่งด้วยกัน 1 คันโดยหลวนผิงนั่งข้างคนขับ นอกนั้นเหล่าชาวพรรคนั่งเกวียนที่เหลือ




ขบวนเกวียนเริ่มเคลื่อนที่มุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ ช่วงนี้มีผู้คนมากมายเข้ามาในแคว้นอวิ้นเนื่องจากข่าวค้นพบหยกจันทรานั่นเอง ชาวบ้านจึงทำรถเกวียนมาให้เช่าหลายคันชาวบ้านมากมายก็มาตั้งร้านขายของให้นักเดินทางพระราชสำนักเก็บค่าเช่าในจุดพักต่างๆจากพ่อค้าแม่ค้าได้เงินมากมาย




เส้นทางการเดินทางนั้นสะดวกสบายเกวียนสามารถไปได้เนื่อจากมีการปรับปรุงของเมืองหลวงเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางไปเยี่ยมชมหุบเขาพันปี



“นายของเจ้าจะไปหาหยกจันทราใช่หรือไม่ นี่ข้าพึ่งกลับมาจากทางเหนือเมื่อไม่กี่วันมานี้วันนี้ก็ขึ้นไปอีก” ชายเจ้าของเกวียนพูดกับหลวนผิง



“หยกจันทรา? มันคือสิ่งใดรึพี่ชาย” หลวนผิงพึ่งเคยได้ยินชื่อของสิ่งนี้ครั้งแรก หยกจันทราคืออะไรทำไมคนถึงต้องไปหา




“หือน้องชายเจ้าไม่รู้จักรึ มานี่ข้าจะเล่าให้ฟังจะได้ไม่นั่งเงียบๆเดี๋ยวข้าจะเผลอหลับ ฮ่าฮ่าฮ่า”



“ชุ่ว อย่าหัวเราะเสียงดังไปนายของข้าจะไม่ชอบใจ”  หลวนผิงรีบบอกให้ชายตรงหน้าเงียบทันใด หากทำเสียงดังอาจโดนเตะตกเกวียนไม่รู้ตัว 




“งั้นรึ ข้าขอโทษแล้วกันข้าขับเกวียนมานานไม่ค่อยมีคนคุยกับข้าน่ะสิ” ชายคนนั้นกระซิบเสียงเบาทันที มันเบาจนเหมือนคุยกับตัวเองแทนน่ะสิ




“พี่ชายพูดเสียงปกติเหมือนตอนแรกสิ เบาแบบนี้ผู้ใดจะได้ยิน”




“อ้าวงั้นรึ อะแฮ่มๆ ข้าจะเล่าเรื่องหยกจันทราให้ฟังระหว่างเดินทางแล้วกันนะ” สุดท้ายก็หาเสียงที่พอดีจนเจอ





“หยกจันทราเป็นเหมือนนิทานพื้นบ้านของชาวแคว้นอวิ้น เล่ากันไปมาอาจจะมีคลาดเคลื่อนบ้างเจ้าก็ฟังเป็นนิทานไปก็ได้ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เรื่องมันเริ่มที่เมื่อห้าร้อยปีก่อนมีสัตว์อสูรมังกรดำเข้ามาทำลายหมู่บ้านมันแปลงร่างเป็นคนมากัดกินวิญญาณชาวบ้านจนล้มตายลงเป็นจำนวนมากมาย”



“กัดกินวิญญาณรึ” หลวนผิงพึมพำกับตนเอง กัดกินวิญญาณตัวเขากับแม่ก็ถูกหมอผีชั่วนั่นใส่ร้ายว่ากัดกินวิญญาณชาวบ้านเหมือนกัน



“ใช่มันกัดกินวิญญาณฟังดูน่ากลัวใช่หรือไม่ จนมีชาวยุทธผู้หนึ่งมากำราบเจ้าปีศาจตัวนั้นจับมันขังในหยกจันทราจนสิ้นฤทธิ์แล้วนำไปฝังที่หุบเขาพันปี แล้วมีเรื่องเล่าว่าที่เอาไปฝังนั้นเพราะมีคนเคยขโมยหยกจันทราออกมาจากที่เก็บ คนผู้นั้นได้รับพลังมากมายมหาศาลจนคิดเป็นใหญ่ก่อให้เกิดสงครามภายในแคว้นอวิ้นจนบ้านเมืองถูกเผาวอดวาย สุดท้ายชาวยุทธคนเดิมที่เคยปราบปีศาจตนนี้ก็สามารถชิงหยกจันทราไปฝังหลบซ่อนผู้คนจนถึงตอนนี้”




“แล้วทำไมถึงมีคนไปหารึทั้งที่เจ้าบอกมันเป็นแค่นิทานเรื่องเล่า”หลวนผิงเกิดความสงสัย ทำไมถึงคิดว่ามีเล่าทั้งๆที่ไม่เคยเห็น

“มีข่าวว่าชาวบ้านห้าคนไปหาของป่าที่หุบเขาพันปีแล้วมองเห็นแสงสีเขียวบนท้องฟ้าเป็นรูปมังกรน่ะสิ ชาวบ้านที่ได้ยินก็คิดว่าเป็นหยกจันทราแน่จึงเข้าไปหาบ้าง ข่าว้ริ่มกระจายไปทั่วจนตอนนี้มีผู้คนทั่วสารทิศเข้ามาหาหยกจันทรา”



“หากพบเจอจริงๆแล้วเกิดสงครามอีกครั้งจะดีรึ”




“ผู้มีอำนาจก็อยากเป็นใหญ่กันทั้งนั้น” ชายเจ้าของเกวียนตอบกลับไป แต่ภายในใจคิดว่ามันเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพ หลายปีแล้วไม่เห็นพบเจอหยกจันทราเลยสักนิด แต่เขาก็เลือกที่จะไม่บอกใครว่าเป็นเรื่องหลอกลวงเพราะยังต้องหากินกับเรื่องเล่านี้ไปอีกนาน ค่าเช่าเกวียนทำให้มันมีเงินใช้ไม่ขัดสนเหมือนเมื่อก่อน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า




ภายในเกวียน

“หานเฟิงข้ารู้สึกเหมือนเคยมาที่นี่เลยล่ะ” ฟู่ฟู่เกาะหน้าต่างมองดูทิวทัศน์รอบๆจากหมู่บ้านคนหนาตาเริ่มออกมาไกลจนสองข้างทางมีแต่ต้นไม้ 




“หึหึหึ นกน้อยอย่างเจ้าจะบินข้ามน้ำข้ามแผ่นดินไหวรึ ข้าว่าเจ้าคงคิดไปเอง”  หานเฟิงมองดูคนนั่งตรงข้ามกำลังทำหน้าครุ่นคิด




“ฮื้ิอ ข้าไม่ได้คิดไปเองนะ” ฟู่ฟู่รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่มากจริงๆ แม้สิ่งต่างๆจะเปลี่ยนไปบ้างก็ตาม แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกสงสัยความจำของนกจะสั้นเกินไป





หลวนผิงเหม่อมองภาพตรงหน้าหลายปีแล้วที่เขาจากบ้านเกิดไปอยู่ต่างแคว้น ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดถึงจะบอกว่าไม่อยากตายเพราะจะมาแก้แค้นหมอผีชั่วคนนั้น แต่เขาไม่มีพลังจะไปต่อกรกับใครได้เลย




‘ท่านแม่ข้ากลับมาแล้วขอรับ แต่ข้ามันด้อยความสามารถนักชาตินี้จะแก้แค้นให้ท่านแม่ได้หรือไม่ข้าก็ยังมองไม่เห็นทางเลยขอรับ’




สายตาหม่นหมองไม่เหลือความสดใสเจือปนแล้วสำหรับหลวนผิง ชีวิตที่ถูกพรากความสุขไปตั้งแต่ยังเล็กนั้นยากที่จะทำให้คนคนนั้นกลับมามีชีวิตชีวา



“ดูเจ้าจะมีเรื่องไม่สบายใจนะ” ชายเจ้าของเกวียนสัมผัสถึงกระแสความเศร้าจากคนข้างๆ เป็นชายหนุ่มที่ดูบอบบางได้กินข้าวครบมื้อหรือไม่ ตอนมันยังไม่ได้มาทำอาชีพขับเกวียนนี้ลูกน้อยและภรรยาก็อดอยากจนผอมบางเช่นชายหนุ่มคนนี้




“ไม่มีอะไร ข้าเพียงอยากจะฝึกวิชาก็เท่านั้นแคว้นอวิ้นข้าได้ยินมาว่ามีชื่อเสียงด้านวิทยายุทธใช่หรือไม่” การเป็นขอทานวันๆอยู่แต่ในตลาดที่เหมือนเป็นแหล่งข่าวกระจายเสียงทำให้มันพอรู้ข่าวสารอะไรบ้าง ถึงส่วนมากจะมีแต่เรื่องนินทาผู้อื่นก็ตาม




การจะสามารถสร้างพลังปราณออกมาเป็นรูปร่างต่างๆนั้น จะต้องฝึกอย่างถูกวิธีถึงจะสามารถแปรพลังปราณในตัวให้ออกมาเป็นรูปร่างโจมตีผู้อื่นได้ จะมีโรงฝึกสอนในแต่ละที่ซึ่งมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากลูกหลานชาวบ้านธรรมดาถึงไม่ได้เรียน ครั้นจะหาผู้สอนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายหรือจ่ายในราคาถูกก็น้อยนิดจนหาแทบไม่เจอถึงจะมีก็สอนได้เพียงปราณขั้นต้น วิชาไม่ได้ร้ายกาจอะไรนัก



“ใช่ๆ แคว้นอวิ้นนั้นมีผู้วรยุทธสูงอยู่มากมาย เจ้ารู้จักพรรควิหคสวรรค์หรือไม่ พรรคนี้จะรับฝึกสอนวิทยายุทธให้ชาวบ้านไม่คิดเงินเลยนะ แต่คุณสมบัติต้องเป็นคนขยัน อดทน มีความตั้งใจเขาถึงจะรับนี่ถ้าลูกข้าโตข้าจะพาไปเข้าเรียน”




“ไม่คิดค่าใช้จ่ายรึ สอนเพียงพื้นฐานใช่หรือไม่”



“ไม่ใช่ๆ สอนจนถึงระดับสูงสุดมีชาวยุทธจบจากที่พรรควิหคสวรรค์มากมาย เจ้าสนใจหรือไม่ปีนี้จะเปิดรับเพียงห้าสิบคนเองนะ”



“ข้าจะเก็บไปคิดดู”




“พรรควิหคสวรรค์เป็นพรรคที่มีคุณธรรมสูงส่งชาวบ้านต่างเคารพท่านเหวินซานกันทั้งนั้น ท่านเหมือนกับเทพเซียนลงมาคอยปกปักรักษาชาวบ้านอย่างเรา และที่มีการฝึกวิทยายุทธโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆก็เกิดจากท่านเหวินซานคนนี้แหละน้องชาย”




“ท่านเหวินซาน? คือใครกันรึ” เปรียบเหมือนเทพเซียนเลยรึ




“ท่านเป็นหัวหน้าพรรควิหคสวรรค์น่ะสิ ข้าเคยเห็นท่านเพียงครั้งเดียวท่านเหวินซานนั้นรูปงามราวเทพเซียนเหมือนที่คนล่ำลือกันจริงๆ”




“แล้วพรรควิหคสวรรค์อยู่หมู่บ้านไหนล่ะ” หลวนผิงรีบตัดบทก่อนที่ชายข้างๆจะพร่ำพรรณนาถึงบุรุษคนนั้นอีก การฟังบุรุษพรรณนาถึงบุรุษด้วยกันเองทำเขาขนลุกขนชัน




“อ่ออยู่หมู่บ้าน”








“หานเฟิงสหายเจ้าอยู่หมู่บ้านอะไรรึ เจ้าบอกเพียงหมู่บ้านตอนเหนือ” ฟู่ฟู่ยังคงคุยไม่ยอมหยุด




“สหายข้างั้นรึ อยู่หมู่บ้าน”








“วิหคสุวรรณ” หานเฟิงตอบฟู่ฟู่เป็นเวลาเดียวกับที่ชายเจ้าของเกวียนตอบหลวนผิงเช่นกัน


-------------------๏------------------๏----------------
TALK
มาแล้วๆ ขออภัยเมื่อวานควรลง พอดีเป็นทาสแมวพาเจ้านายไปทำหมันต้องดูแลคุณนายทั้งคืนเลยไม่มีเวลาแต่ง กระซิก กระซิก

หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่12 [29/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-06-2018 17:52:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่13 [5/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 05-07-2018 17:40:32
ตอนที่ 13


“แล้วพรรควิหคสวรรค์อยู่หมู่บ้านไหนล่ะ” หลวนผิงรีบตัดบทก่อนที่ชายข้างๆจะพร่ำพรรณนาถึงบุรุษคนนั้นอีก การฟังบุรุษพรรณนาถึงบุรุษด้วยกันเองทำเขาขนลุกขนชัน



“อ่ออยู่หมู่บ้าน”



“หานเฟิงสหายเจ้าอยู่หมู่บ้านอะไรรึ เจ้าบอกเพียงหมู่บ้านตอนเหนือ” ฟู่ฟู่ยังคงคุยไม่ยอมหยุด



“สหายข้าอยู่หมู่บ้าน”



“วิหคสุวรรณ” หานเฟิงตอบฟู่ฟู่เป็นเวลาเดียวกับที่ชายเจ้าของเกวียนตอบหลวนผิง



“วิหคสุวรรณ? นกสีทองงั้นรึ บังเอิญนักตอนข้าเป็นนกก็มีขนสีทองนี่”



หานเฟิงฟังแล้วก็คิดได้ว่ามันช่างบังเอิญจริงๆด้วย หรือว่าที่นั่นจะมีความลับของเรื่องน่าอัศจรรย์นี้



“ไว้ไปถึงค่อยว่ากันตอนนี้เจ้าก็อย่าพึ่งคิดอะไร” เพราะว่าต่างคนต่างไม่รู้ดังนั้นหานเฟิงจึงต้องหยุดจินตนาการของฟู่ฟู่เสียก่อนจะคิดเตลิดไปไกลจากความจริง 



คณะเดินทางพักกินข้าวเสร็จแล้วก็เดินทางต่อจนถึงจุดพักในเวลาที่ตะวันตกดินพอดี จุดพักนี้เป็นเพียงพื้นที่ในป่าห่างจากเส้นทางเดินไม่มากแต่มีแม่น้ำไหลผ่าน หานเฟิงเคยมาแคว้นอวิ้นครั้งสุดท้ายเมื่ออายุ15 ปี ตอนนี้เขาอายุได้ 30 ปีแล้ว ถือว่าทางการพัฒนาบ้านเมืองได้ดีจากป่าทึบปัจจุบันเป็นเส้นทางตัดผ่านนั่งเกวียนได้สบาย

“โอ้ยยย ปวดก้นมากเลยนั่งเกวียนทั้งวัน” ฟู่ฟู่ลงจากเกวียนปุ๊บก็บ่นทันทีพลางบิดเอวไปมา



“ปวดขนาดนั้นให้ข้าช่วยนวดให้หรือไม่” หานเฟิงเดินเข้าไปประชิดตัวฟู่ฟู่จากด้านหลังแล้วกระซิบเบาๆข้างใบหูขาวให้ได้ยินกันสองคน



“เอ่อไม่ต้องข้าหายดีแล้วล่ะ แหม่ให้นั่งอีกทั้งวันก็ยังไหว” ฟู่ฟู่ถอยออกมาจากตรงนั้นแล้วหันไปปฏิเสธความหวังดีของหานเฟิง



“หลวนผิงเป็นอย่างไรบ้าง นั่งตากแดดตากลมทั้งวันไม่สบายรึเปล่า ข้าบอกให้เจ้ามานั่งข้างในกับข้าก็ไม่มา” ฟู่ฟู่รีบถามไถ่หลวนผิงทันทีเมื่อเห็นร่างผอมบางเข้ามาในสายตาด้วยความเป็นห่วง หรืออีกนัยก็เพื่อเปลี่ยนเรื่องพูดคุย



“ข้าไม่เป็นอะไรขอรับ ขอบคุณที่นายท่านหวังดีต่อข้า” หลวนผิงรีบตอบทันทีด้วยความเกรงใจ



‘นายท่านฟู่หรงข้าซาบซึ้งน้ำใจที่ท่านมีต่อข้านัก แต่ท่านหานเฟิงต้องฆ่าข้าหมกป่าแน่ถ้าบังอาจไปนั่งในเกวียนด้วย’



“ไปนั่งได้แล้ว” หานเฟิงดันหลังฟู่ฟู่เดินไปนั่งท่อนไม้หน้ากองไฟที่มีการจัดเตรียมไว้แล้วตามจุดพักต่างๆ เหล่าลูกน้องต่างขนเสบียงลงมาทำอาหารกิน บ้างก็พักผ่อนตามอัธยาศัยและอีกส่วนเป็นหน่วยลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย



“หานเฟิงมีแม่น้ำด้วยล่ะ ข้าอยากเล่นน้ำ” เสียงลำธารที่อยู่ไม่ไกลจากกองไฟทำให้ได้ยินเสียงสายน้ำไหลชวนให้ลงเล่น



“กินข้าวให้เสร็จก่อนถึงจะพาไป” เสียงทุ้มตอบกลับ



ด้านหลวนผิงก็เดินมาช่วยทำอาหารเพราะไม่อยากอยู่นิ่งๆ ด้วยครั้งยังเป็นเด็กเคยฝึกทำอาหารกับแม่ แม้จะผ่านมาหลายปีแล้วเขาก็ยังจำได้ ท่านแม่ของหลวนผิงนั้นรสมือดีจึงทำให้หลวนผิงทำอาหารได้อร่อยตามไปด้วย



หลวนผิงกำลังนำปลาที่เหล่าลูกน้องของหานเฟิงจับมานั้นคลุกกับสมุนไพรเพื่อกลบกลิ่นคาว ทำการเสียบไม้แล้วยื่นให้คนอื่นช่วยย่างเมื่อปลาถูกความร้อนเผาไหม้ก็ส่งกลิ่นหอมหวนยั่วน้ำลายผู้คนโดยรอบ เมื่อปลาสุกได้ที่จึงโรยเกลือเพิ่มรสชาติให้กับปลาเป็นอันเสร็จเรียบร้อย



“อาหารมาแล้วขอรับท่านประมุข” ชายชุดดำถือถาดใส่อาหารมาวางไว้โต๊ะที่ทำจากตอไม้ธรรมดาตรงหน้าหานเฟิงเสร็จแล้วก็เดินกลับไป



“โอ้โหปลาย่างหอมน่ากินจังเลย” ฟู่ฟู่ไม่รอช้าคว้าถ้วยข้าวมาแล้วคีบเนื้อปลาที่ถูกเอาก้างออกให้แล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย



“เนื้อตากแห้ง” คำพูดสั้นๆของร่างสูงมาพร้อมกับเนื้อตากแห้งที่ถูกคีบใส่ถ้วยข้าวของฟู่ฟู่



“ขอบคุณ” ฟู่ฟู่ตอบรับร่างสูงพร้อมคีบเนื้อตากแห้งนั้นเข้าปาก หานเฟิงเห็นเช่นนั้นมุมปากจึงเผลอยกขึ้นสูงโดยไม่รู้ตัวและยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่อฟู่ฟู่คีบเนื้อปลาย่างใส่ถ้วยข้าวของตน



“ลองกินเนื้อปลาดูอร่อยนะ” ร่างบางกัดริมฝีปากตนเองเมื่อรู้สึกว่าจะเผลอยิ้มกว้างมากไปแล้ว



“เนื้อปลาที่เจ้าคีบให้ข้าอร่อยจริงๆด้วย”



“อร่อยก็กินเยอะๆ”





“เจ้าว่าบรรยากาศรอบๆตัวของท่านประมุขกับท่านฟู่หรงแปลกๆหรือไม่” เหล่าลูกน้องและหลวนผิงนั่งล้อมกองไฟกินข้าวห่างมาจากหานเฟิงและฟู่หรงไม่ไกลนักแต่ก็ไม่สามารถได้ยินเสียงที่สองคนนั้นพูดคุยกันได้ เห็นแต่เพียงท่านประมุขคีบกับข้าวให้ท่านฟู่หรง ท่านฟู่หรงก็คีบกับข้าวให้ท่านประมุข



“อืมข้าก็ว่าแปลกเหมือนเจ้า เหมือนกับว่าทั้งสองคนเป็น เป็นเอ่อ”



“เป็นอะไรเล่า เอ่ออยู่ได้” เพื่อนๆต่างหงุดหงิดที่ชายคนนั้นมัวแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดออกมาเสียที



“เป็นคู่รัก!”



“หา!” ทั้งกลุ่มต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันด้วยความแปลกใจไม่เว้นแม้แต่หลวนผิง ทำให้คนอื่นที่กระจายตามมุมต่างๆหันมามอง



“ชุ่ว พวกเจ้าจะตะโกนเสียงดังทำไมเดี๋ยวท่านประมุขจะรู้เข้า”



“อะแฮ่ม ข้าว่าปลาย่างสมุนไพรของเจ้าหลวนผิงอร่อยดี เจ้าคิดเหมือนข้าหรือไม่”



“ข้าก็คิดเช่นนั้น อร่อยจนเผลอร้องออกมาเสียงดังเลย” กลุ่มชายฉกรรจ์ต่างเฉไฉเปลี่ยนเรื่องเมื่อท่านประมุขหันมาจ้องกลุ่มของมัน ต่างพากันชมรสมือของหลวนผิงว่าดีเลิศยิ่ง จนสภาวะกลับมาเป็นปกติทำเหมือนกับลืมเรื่องที่เคยพูดไปก่อนหน้าเสียให้หมด






“เพราะเจ้าแท้ๆทำให้ข้าต้องมาอาบน้ำตอนอากาศเย็นเช่นนี้ จะไม่อาบก็ไม่ได้เหม็นตัวเองยิ่งนัก”





“จะบ่นทำไมข้ามีวิธีทำให้เจ้าอุ่นแล้วกัน รีบลงไปอาบได้แล้วก่อนจะมืดยิ่งกว่านี้” ทั้งสองคนพากันเดินมาอาบน้ำที่แม่น้ำ หานเฟิงกำชับลูกน้องห้ามให้ใครเข้ามาระแวกนี้เด็ดขาดเนื่องจากต้องการความเป็นส่วนตัว



“เจ้าหันหน้าไปทางนุ้นก่อนข้าจะถอดเสื้อ” ฟู่ฟู่ชี้มือให้หานเฟิงหันหลังให้ตน



“จะอายข้่าทำไม เห็นมาหมดแล้ว” เสียงทุ้มตอบกลับด้วยใบหน้านิ่ง พร้อมยักคิ้วหนึ่งข้างให้ร่างบาง




ฟู่ฟู่มองค้อนคนหน้าไม่อาย หันหลังกลั้นใจปลดผ้ารัดเอวและถอดเสื้ออย่างรีบเร่ง เมื่อเผยร่างเปลือยเปล่าท้าสายลมหนาวแล้วก็กระโดดลงน้ำดังตุ้ม จนน้ำแตกกระจาย



“หึหึหึ รีบลงไปแบบนั้นไม่หนาวรึ” หานเฟิงหัวเราะกับภาพที่เห็นร่างบางกระโดดลงน้ำลงไปแล้วพึ่งรู้ตัวว่าน้ำเย็นจนตัวสั่น เขาจึงถอดเสื้อผ้าแล้วลงน้ำตามไป



“เฮ้ยๆ มาใกล้ทำไมเจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ” ฟู่ฟู่ห้ามคนตัวโตไม่ให้ลุยน้ำเข้ามาใกล้ตน ต่างคนต่างอาบสิ




“หึหึ ข้าแค่มานั่งพิงก้อนหินเฉยๆ เจ้าคิดไปถึงไหนฮึ” หานเฟิงเดินไปนั่งบนก้อนหินในน้ำทำให้ระดับน้ำอยู่ตรงเอวพอดี เขานั่งพิงหินขัดตัวอย่างสบายใจไม่ทุกข์ร้อน



เมื่อฟู่ฟู่เห็นว่าหานเฟิงไม่ได้มีท่าทางน่าสงสัยใดๆก็อาบน้ำปกติ แม้ตอนแรกน้ำจะเย็นแต่เมื่อแช่นานๆร่างกายก็ปรับตัวได้



“เฮ้ย!”



ตุ้ม! เสียงหานเฟิงร้องพร้อมกับร่างที่หายลงไปในน้ำทำให้ฟู่ฟู่หันกลับมามองด้วยความตกใจ แต่ก็ไร้ร่างของหานเฟิงแล้ว



“หานเฟิง! หานเฟิงเจ้าหายไปไหน อย่าแกล้งข้าแบบนี้นะ เจ้าหานเฟิง!ออกมาสิ” ฟู่ฟู่ตะโกนเรียกหาร่างแกร่งพร้อมดำน้ำหาเผื่ออาจจะถูกตัวอะไรลากลงไปในน้ำแม้จะกลัวเหมือนกันแต่ก็กลัวว่าหานเฟิงจะถูกฆ่าตายมีมากกว่า



“ฮ้า หานเฟิงเจ้าไปอยู่ไหนออกมานะ อ๊ะไปตามคนมาช่วยดีกว่า หานเฟิงเจ้ารอก่อนนะข้าจะตามคนมาช่วย” เมื่อหาใต้น้ำหาก็ยังไม่เจอจึง ขึ้นมาหาบนน้ำต่อก็ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต จึงคิดไปตามคนมาช่วยดีกว่าหาคนเดียว ขณะที่ร่างบางกำลังจะขึ้นฝั่งกลับถูกแรงดึงมหาศาลกระชากเข้าที่เอวทำให้แผ่นหลังบางไปกระทบกับอะไรแข็งๆด้านหลัง



“เฮ้ย ปล่อยข้า ช่วยด้วยยยยย อื้อ” ฟู่ฟู่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือเมื่อคิดว่าถูกใครจับตัว แต่กลับถูกโดนมือใครไม่รู้ปิดปากไม่สามารถพูดได้



“ตกใจอะไรนี่ข้าเอง” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง ฟู่ฟู่เมื่อรู้ว่าคนด้านหลังเป็นใครจึงหยุดดิ้นแล้วหันกลับไปหาซึ่งก็ได้รับความยินยอมแขนแกร่งคลายแรงรัดเอวเปลี่ยนมากอดเพียงหลวมๆ



เพียะ!



ฟู่ฟู่ตบหน้าหานเฟิงอย่างไม่ยั้งแรงหนึ่งทีด้วยความน้อยใจที่ถูกหลอกให้กลัว ถูกหลอกให้กระวนกระวายจนใบหน้านั้นแดงเถือกเป็นรอยนิ้วมือห้านิ้วขึ้นชัด



“สนุกมากใช่หรือไม่ ตลกนักรึที่เห็นข้าตะโกนร้องหาเจ้าเหมือนคนบ้า!” ปากอวบอิ่มถูกกัดจนบวมช้ำเมื่อเจ้าตัวพยายามระงับความโกรธ สายตาที่จ้องมาทำให้หานเฟิงพึ่งสำนึกได้ว่าเล่นแรงไปเสียแล้ว เขาแค่คิดจะแกล้งคนตรงหน้าว่าถูกตัวอะไรลากลงน้ำแล้วจะไปโผล่กอดด้านหลังแค่นั้นเองไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะกลัวขนาดนี้



“ไม่ข้าไม่ได้สนุก ข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้ ข้ามันโง่เองเจ้าอย่าโกรธข้านะฟู่ฟู่ข้าขอโทษ” หานเฟิงกอดฟู่ฟู่แน่นแม้ร่างนั้นจะพยายามดันตัวออกจากเขาก็ตาม แรงกำปั้นที่ถูกเข้ามากลางหลังนั้นทำให้จุกอยู่ไม่น้อยก็ตาม



“ปล่อยข้า ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าตอนนี้ปล่อยนะ”  ฟู่ฟู่กระหน่ำกำปั้นทุบเข้าที่หลังแกร่งจนดังตุ้บๆ แต่แรงกอดรัดก็ไม่คลายลงสักนิด มีเพียงเสียงขอโทษที่กระซิบข้างหูดังมาเรื่อยๆ



“ปล่อยข้า ฮึก เจ้าบ้าหานเฟิง ฮึก ข้าเกลียดเจ้า ฮืออออ” สุดท้ายก็มิอาจฝืนน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ได้จนต้องร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยใจ เสียใจ และความกลัวที่คิดว่าคนตรงหน้าจะหายไปมันผสมปนเปจนต้องร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น ฟู่ฟู่ซบหน้าร้องไห้กับอกแกร่งมือที่เคยส่งแรงทุบตอนนี้ได้แต่กอดคนตรงหน้าไว้แน่น หานเฟิงใช้มือหนึ่งกอดเอวบางไว้อีกมือยกขึ้นมาลูบหัวปลอบประโลมหายคลายความเศร้า



“ข้าขอโทษต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” หานเฟิงกระซิบเบาๆให้ฟู่ฟู่ได้ยิน



“ฮึก เจ้ามันคนนิสัยเสีย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าตกใจแค่ไหน” ฟู่ฟู่เงยหน้าจากอกแกร่งเผยให้เห็นตาบอบช้ำจากการร้องให้และน้ำตาที่ยังไหลอยู่  ความรู้สึกที่กลัวจะสูญเสียคนตรงหน้าไปทำให้ฟู่ฟู่กลัว กลัวเหลือเกินว่ามันจะต้องอยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพังอีกครั้ง



“ข้ารู้แล้ว ข้าขอโทษเจ้าจะตีจะต่อยข้าอีกก็ได้ถ้าทำให้เจ้าหายโกรธข้า หยุดร้องเสียเถิดไม่อย่างนั้นตาเจ้าจะช้ำไปมากกว่านี้” มือหนาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้านวล หานเฟิงรู้สึกว่าไม่ชอบให้คนตรงหน้าร้องไห้เสียแล้ว

ฟู่ฟู่ไม่พูดอะไรอีกเพียงกลับไปซบที่อกหานเฟิงเหมือนเดิม หานเฟิงจึงพาร่างบางไปนั่งที่ก้อนหินที่เคยนั่งตอนแรก จัดท่าให้ร่างบางนั่งบนตักหันหลังให้ตนเอง



ทั้งสองอยู่ในความเงียบ จนหานเฟิงต้องทำลายความเงียบนั้น

“ข้านวดให้” ฟู่ฟู่เริ่มผ่อนคลายเมื่อหานเฟิงนวดที่ไหล่ กล้ามเนื้อที่เคยตึงก็คลายลงจนเผลอตัวพิงคนด้านหลัง



“เจ้าทำแบบนั้นทำไม” ฟู่ฟู่เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ขณะนี้หานเฟิงกำลังบีบมือของเขาอยู่ ฟู่ฟู่หลับตาพิงไหล่ของหานเฟิงอย่างสบายน้ำที่เคยเย็นตอนแรกกลับอุ่นพอดีอาจจะเป็นฝีมือของหานเฟิงที่ทำให้น้ำรอบๆตัวอุ่นขึ้น



“ข้าอยากจะแกล้งเจ้า เพียง...แค่นั้น ก็เจ้าทำเป็นกลัวข้าเข้าใกล้ทั้งๆที่เราก็เคยใกล้ชิดกันแบบอย่างตอนนี้ไงเล่า” หานเฟิงอธิบายด้วยความระมัดระวัง



“ปล่อยข้าก่อน ข้าไม่ได้ไปไหนหรอกน่าเพียงจะหันไปแค่นั้น” ฟู่ฟู่จะหันหลังไปคุยกันซึ่งๆหน้าแต่ถูกหานเฟิงกอดรัดแน่นด้วยคิดว่าโดนโกรธจนอยากจะหนีไปอีกรอบ เมื่อหันมาได้กลายเป็นว่าตอนนี้ฟู่ฟู่กำลังคร่อมบนตักของหานเฟิงอยู่ซึ่งเป็นท่าอันตรายนักแต่ฟู่ฟู่ไม่สนใจ



“คราวหน้าถ้ามีอีกข้าจะโกรธเจ้าและจะหนีไปจากเจ้าแน่จำไว้” ฟู่ฟู่ชี้นิ้วพลางทำหน้าที่คิดว่าน่ากลัวใส่หานเฟิงแต่มันเหมือนกับลูกแมวน้อยขู่ฟ่อๆเสียอย่างนั้น



“ไม่ทำแล้วข้าสัญญา” หานเฟิงตอบรับด้วยเสียงที่พยายามฝืนพูดออกมา อึกก็เจ้านกตัวป่วนขยับช่วงล่างแสนนุ่มนิ่มไปมาเขาไม่ใช่ใต้ซือมาจากไหนก็ต้องมีอารมณ์กันบ้าง



“เจ้าเป็นอะไรรึ” ฟู่ฟู่เอื้อมมือไปแตะหน้าผากเมื่อคิดว่าหานเฟิงป่วยโดยเผลอตัวเอาอกบางไปแนบกับอกแกร่งพร้อมขยับถูไถไปมา

“ซีดดด นี่ก็แช่น้ำนานแล้วขึ้นกันเถอะเดี๋ยวเจ้าไม่สบาย” หานเฟิงพยายามกลั้นความต้องการที่กำลังประทุ ส่วนนั้นเริ่มตึงขึ้นจนไปกระทบกับก้นนุ่มนิ่มจนฟู่ฟู่รู้สึกตัว



“หึหึ เจ้าคนลามกข้ารึอุตส่าห์นึกว่าเจ้าไม่สบาย” ฟู่ฟู่เมื่อรู้ว่าหานเฟิงกำลังรู้สึกอะไรจึงขยับช่วงล่างเบียดส่วนแข็งตึงนั้นไปมา



“ซีดด แกล้งข้าแบบนี้อยากลองดีรึไง อืมมม” ฟู่ฟู่ขยับช่วงล่างไวขึ้นจนส่วนนั้นเบียดกับร่องรักนุ่มนิ่มจนหานเฟิงรู้สึกอยากจับตัวตนของเขาเข้าไปทักทายช่องทางรักของร่างบางว่าจะอบอุ่นแค่ไหน



“คิกคิก ข้าไปล่ะแช่น้ำนานจะไม่สบาย” ขณะที่หานเฟิงกำลังเพลิดเพลินกับคนบนตักจนเผลอผ่อนแรงรัด ฟู่ฟู่ก็เด้งตัวออกจากตักพร้อมขึ้นฝั่งใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ด้วยเพราะถ้าแกล้งเจ้าหานเฟิงนานกว่านี้จะรู้สึกร่วมไปด้วยจนกู่ไม่กลับน่ะสิ เขาอยากให้มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองมากกว่านี้ก่อนที่จะทำเรื่องอะไรพวกนี้ แค่ที่ทำนี้ก็บ้าแล้วที่อยากลงโทษคนขี้แกล้งให้สำนึกบ้าง เพราะเรื่องอะไรก็ไม่สามารถทำให้หานเฟิงลำบากได้เว้นแต่เรื่องนี้ที่ทำให้เจ้านั่นค้างคา คิกคิก ทรมานไปเสียเถอะเจ้าบ้า



ฟู่ฟู่วิ่งไปไกลเสียแล้วดันปล่อยให้หานเฟิงอยู่กับอารมณ์ที่ค้างคาอีกครั้ง



“ฮึ่ม อีกแล้วนะเจ้านกตัวแสบไว้ถึงทีข้าเมื่อไหร่จะทบต้นทบดอกเสียให้เข็ด” หานเฟิงได้แต่จัดการตัวเองอย่างลำพัง






การเดินทางที่แสนยาวนานได้จบลงเมื่อเกวียนของฟู่ฟู่เดินทางผ่านเข้าประตูหมู่บ้านวิหคสุวรรณแล้ว



เกวียนถูกจอดลงที่ประตูหน้าบ้านขนาดใหญ่

ฟู่ฟู่ก้าวลงจากเกวียนมองดูรอบๆตัวบ้านที่ห่างไกลชุมชนแต่ยังมีบ้านประปรายไม่กี่หลังระแวกนี้



“ไปข้างในกัน พวกเจ้าขนของเข้าไปเก็บให้เรียบร้อยซะ”หานเฟิงเดินนำฟู่ฟู่เข้าไปภายในตัวบ้านที่กว้างขวาง มีสวนสวยงามร่มรื่นและศาลาริมน้ำ



“บ้านใครน่ะหานเฟิง บ้านของเจ้ารึ” ฟู่ฟู่เดินเกาะแขนของหานเฟิงแน่นถึงบ้านนี้จะสวยแค่ไหนก็ดูวังเวงอยู่ดี คนอยู่หรือผีอยู่กันเนี่ยเงียบมาก



หลวนผิงมองฟู่ฟู่ด้วยความเอ็นดู ส่วนตัวหลวนผิงเองกลับมองว่าบ้านนี้น่าอยู่มากกว่าน่ากลัว ผ่านร้อนผ่านหนาวมาขนาดนี้เขาไม่กลัวผีแล้วล่ะ





“เป็นอย่างไรบ้างสหาย ไม่เจอกันมาหลายปีหึหึ”



--------------------------------------------

มาแล้ววววว

ลืมกันหรือยังขออภัยด้วยคนเขียนเปิดเทอมแล้วการบ้านสาดใส่มาเหมือนเล่นน้ำสงกรานต์ ฮือออออ



ตั้งใจเขียนจบแน่นอนไม่ดอง แต่ไม่รู้จะจบตอนไหน5555555







หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่13 [5/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-07-2018 18:52:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่14 [8/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kete ที่ 08-07-2018 18:44:08
ตอนที่ 14




“บ้านใครน่ะหานเฟิง บ้านของเจ้ารึ” ฟู่ฟู่เดินเกาะแขนของหานเฟิงแน่นถึงบ้านนี้จะสวยแค่ไหนก็ดูวังเวงอยู่ดี คนอยู่หรือผีอยู่กันเนี่ยเงียบมาก




หลวนผิงมองฟู่ฟู่ด้วยความเอ็นดู ส่วนตัวหลวนผิงเองกลับมองว่าบ้านนี้น่าอยู่มากกว่าน่ากลัว ผ่านร้อนผ่านหนาวมาขนาดนี้เขาไม่กลัวผีแล้วล่ะ




“เป็นอย่างไรบ้างสหาย ไม่เจอกันมาหลายปีหึหึ”

ชายหนุ่มรูปร่างใหญ่โตแต่ไม่ดูน่าเกียจแถมยังมีใบหน้าหล่อเหลาคล้ายเทพเซียนลงมาเที่ยวชมโลกมนุษย์ก็มิปาน รับกับเสื้อผ้าสีขาวยิ่งเสริมความสง่าให้ยิ่งขึ้น




ฟู่ฟู่เผลอจิกเล็บเข้าที่แขนของหานเฟิงด้วยความตกใจที่ชายตรงหน้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง

‘อ้าก นึกว่าผีหลอกฟุ้วเกือบร้องลั่นบ้านให้อับอายเสียแล้ว’




“ก็ดี ไม่เจ็บไม่ไข้” หานเฟิงตอบกลับด้วยเสียงเนิบนาบไม่คล้ายคนที่ไม่ได้เจอสหายมาหลายปี



“หึหึหึ เจ้านี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะหานเฟิง อ๊ะเจ้าพาสหายมาด้วยรึ เชิญเข้าบ้านข้าก่อน เชิญๆ” เจ้าของบ้านเชื้อเชิญให้แขกเข้าไปห้องรับรอง เมื่อเข้ามานั่งด้านในห้องแล้วก็มีสาวใช้ยกน้ำชาและขนมมาให้



“ข้าชื่อว่าเหอเหวินซาน เป็นสหายของหานเฟิงยินดีที่ได้พบ” ชายเจ้าของบ้านแนะนำตัวเองและกล่าวทักทายฟู่ฟู่




“ยินดีที่ได้พบเช่นกันข้าชื่อว่า ฟู่หรงขอรับ” ฟู่ฟู่กล่าวแนะนำตนเองด้วยชื่อที่คนทั่วไปใช้เรียกตน



เหวินซานใช้สายตาประเมินชายที่นั่งข้างสหายตนทั้งที่ใบหน้านั้นส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้แท้ๆ  เมื่อสำรวจทั่วแล้วสัมผัสได้ว่าเป็นเพียงคนธรรมดาไม่มีพลังปราณใดๆจึงเกิดความสงสัย




‘เจ้าหานเฟิงไปคบคนธรรมดาทั่วไปได้ด้วยรึ นึกว่าชาตินี้จะไม่มีใครคบเจ้านั่นเป็นสหายนอกจากข้าแล้ว หึหึ’




“เดินทางมาเหนื่อยๆ เชิญพักผ่อนดีกว่าข้าจะให้เด็กไปเตรียมห้องให้อีกห้องแล้วกัน ต้องขออภัยที่คิดว่าหานเฟิงจะมาคนเดียว” เหวินซานเอ่ยขอโทษด้วยคิดว่าสหายของตนคงจะมาพร้อมลูกน้อง จึงสั่งให้เด็กจัดเตรียมห้องเพียงหนึ่งห้องส่วนผู้ติดตามได้จัดให้อยู่ที่เรือนนอนแขกอีกหลังแล้วโดยให้พ่อบ้านพาไปแล้วก่อนหน้านี้




“ไม่ต้องไปจัดหรอก ฟู่หรงนอนกับข้าได้”



 เหวินซานได้ยินเช่นนั้นถึงกับหันมามองสหายของตนทันที

‘นี่สนิทกันถึงขั้นนอนห้องเดียวกันได้เลยรึ’




“นำทางไปสิ ข้าจะพาฟู่ฟู่ไปนอนพักก่อนตอนเย็นเจ้าก็มาปลุกข้ากินข้าวด้วยแล้วกัน”

ฟู่ฟู่ถึงกับต้องจิกเล็บเข้าที่ขาของหานเฟิง พลางกระซิบว่าอย่าเสียมารยาทไปกว่านี้เลย ใช้ได้ที่ไหนสั่งเจ้าของบ้านให้มาปลุกไปกินข้าวเนี่ย หานเฟิงก็ตอบกลับเสียงเบาๆว่า สหายตนไม่ถือสาหรอก เพราะตัวเขาก็เป็นเช่นนี้มานานแล้วไม่มีหรอกความเกรงใจ



เหวินซานมองทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันด้วยความบันเทิงใจ ก่อนที่ทั้งสองคนจะสร้างโลกส่วนตัวไปมากกว่านี้เขาจึงขัดจังหวะนำทางไปห้องพัก



“นี่ห้องเจ้าต้องการสิ่งใดเพิ่มสั่งสาวใช้หน้าห้องได้”



หานเฟิงรับคำดันตัวฟู่ฟู่เข้าห้องนอน เหวินซานแยกตัวไปแล้วหานเฟิงจึงปิดประตูลงกลอนด้วยต้องการความเป็นส่วนตัว

 


“พอเห็นเตียงนอนข้าก็ง่วงทันทีเลย ของีบสักหน่อยนะหานเฟิง” ด้วยการเดินทางที่ยาวนานการได้เจอเตียงนอนอุ่นๆก็อยากทิ้งตัวลงนอนสักงีบ




“อืม ข้าก็จะนอนด้วยขึ้นไปสิ” ฟู่ฟู่ขึ้นเตียงนอนแล้วถูกหานเฟิงดันเข้าไปด้านในที่ชิดกำแพงส่วนตัวของหานเฟิงนั้นนอนกั้นทางลงไว้ ร่างสูงหันไปทางร่างบางที่นอนหันหลังให้อยู่ จึงเอื้อมมือซ้ายไปรั้งเอวบางเข้ามาชิดตน จมูกโด่งคลอเคลียท้ายทอยสูดกลิ่นหอมหวานที่เหมือนเป็นกลิ่นประจำกาย




“อื้อ อย่ากวนข้านะ นอนนิ่งๆไปเลย” เสียงทักท้วงว่าอย่ารบกวนคนนอนทำให้หานเฟิงยอมกลับมานอนนิ่งๆตามเดิม




“หึหึหึ ไม่กวนแล้วนอนกันเถอะ”




ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากด้านหลังทำให้ฟู่ฟู่จมสู่ห้วงนิทราด้วยความสุขอย่างง่ายดาย




ฟู่ฟู่เห็นตัวเองอยู่ในที่ๆหนึ่ง ที่นี่เป็นสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีขาวอีกแล้ว เขาหันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอใครสักคน




“มีใครอยู่หรือไม่ ที่นี่ที่ไหน มีใครอยู่บ้าง”




“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง” เสียงนั้นปรากฎมาพร้อมกับร่างคนที่ถูกเมฆหมอกบดบังจึงเห็นเพียงเงาลางๆ แต่ฟู่ฟู่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของผู้ชาย




“เจ้าเป็นใคร แล้วที่นี่ที่ไหน”



“ที่นี่คือบ้านของข้า เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วรึ”




“ข้าไม่รู้จักเจ้าและข้าก็จำอะไรไม่ได้แล้วด้วย” ฟู่ฟู่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับสถานที่นี้และคนตรงหน้าเลยแม้สักนิดก็ไม่มี




“อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้ ข้าละอายนักที่ทำให้เจ้าลำบากเช่นนี้ แต่สวรรค์ก็รับฟังคำขอของข้า แล้วเราจะได้พบกัน เรื่องราวเหล่านี้จะได้จบลงสักที”



“อะไรของเจ้า พูดเองเข้าใจเองช่วยพูดให้ข้าเข้าใจด้วยสิ”




“คิกคิกคิก เจ้ายังชอบโวยวายไม่เปลี่ยนเลยนะ สหายของข้า”


 

“อ้าวหายไปแล้ว คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไปชิ”







ภาพตัดไปที่ศาลากลางน้ำที่เงียบสงบฟู่ฟู่เดินไปสำรวจรอบๆมันไม่มีทางเชื่อมต่อกับริมฝั่งของสระเลย สระน้ำที่ควรเป็นน้ำกลับกลายเป็นก้อนเมฆปกคลุมหนาจนไม่เห็นว่าด้านล่างเป็นอะไร เผลอๆเดินลงไปอาจร่วงคอหักตายก็เป็นได้




“แล้วเราต้องติดอยู่ที่นี่รึไม่ได้นะ ใครเป็นคนออกแบบศาลานี้กันช่างเป็นคนแปลกประหลาดนัก นี่ถ้าข้าอยู่ในร่างนกก็ดีสิจะได้บินไปจากที่นี่”



ฟู่ฟู่ลองใช้เท้าเหยียบก้อนเมฆแต่สิ่งน่าประหลาดใจก็เกิดขึ้น เมื่อใช้เท้าเหยียบไปแล้วกลับเดินบนก้อนเมฆได้ แถมยังนุ่มมากฟู่ฟู่วิ่งเล่นไปมาบนสระน้ำก้อนเมฆอย่างสนุกสนาน ลองล้มตัวลงนอนก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มเขาจึงตัดสินใจนอนหลับสักพักเพื่อซึมซับความสบายนี้




ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วฟู่ฟู่ยังไม่ตื่นจากนิทรา สงสัยคงฝันดีมากๆถึงนอนยิ้มแบบนี้ แต่จำเป็นต้องปลุกแล้วหากทานอาหารไม่ตรงเวลาจะไม่เป็นผลดี




จุ๊บ หานเฟิงก้มลงจุ๊บที่หน้าผากมนเป็นการปลุกที่ชวนวาบหวามนัก




จุ๊บ จุ๊บจุ๊บจุ๊บจุ๊บจุ๊บ เสียงจุ๊บดังรัวๆเมื่อหานเฟิงระดมจูบตั้งแต่เปลือกตาสองข้างไล่ลงมาที่ปลายจมูกรั้น แก้มนุ่มทั้งสองข้างจบท้ายด้วยริมฝีปากหวานฉ่ำ




“ตื่นได้แล้ว” จบท้ายด้วยเสียงปลุกอันอ่อนโยน




“อื้อออ หลับสบายอยู่เลย”ฟู่ฟู่บิดขี้เกียจไปมา




“ลุกไปกินข้าวกันแล้วค่อยมานอนต่อ” เมื่อไม่อยากเสียมารยาทกับเจ้าของบ้านฟู่ฟู่รีบตื่นมาแต่งตัวหวีผม มากินข้าวกับเหวินซานที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว อาหารที่นี่ก็อร่อยไม่แพ้แคว้นเยว่เลย เมื่อกินอิ่มแล้วหานเฟิงจึงพาฟู่ฟู่เดินชมสวนเนื่องจากพึ่งตื่นจึงยังไม่ง่วง



“ลมเย็นแล้วไปห้องนอนกันเถิดเจ้าจะไม่สบายเอา”




“แต่ข้ายังไม่อยากหลับนี่”




“เดี๋ยวข้าเล่านิทานกล่อมนอนเอง”




“เอ๊ะเจ้าหานเฟิง ข้าไม่ใช่เด็กนะถึงจะฟังนิทานแล้วนอนหลับฝันดี” ฟู่ฟู่ส่งค้อนวงใหญ่ให้หานเฟิง



“หึหึหึ เถอะน่าไปนอนดีกว่า” ว่าจบก็ลากฟู่ฟู่เข้านอน ด้วยความกินง่ายหลับง่ายอยู่แล้วแค่หานเฟิงลูบหัวกล่อมนอนไม่ถึงครึ่งชั่วยามฟู่ฟู่ที่บอกว่าไม่ง่วงก็หลับลึกไปแล้ว



“หลับเสียที เดี๋ยวข้ามานอนด้วย” หานเฟิงก้าวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา เดินลัดเลาะเข้ามาภายในห้องทำงานของเหวินซานอย่างเงียบๆ



“มาแล้วรึมัวแต่ทำอะไรอยู่” เหวินซานใช้สายตาจับผิดหานเฟิงแต่ได้เพียงใบหน้านิ่งๆไม่แสดงพิรุธใดๆ




“เข้าเรื่องได้แล้ว เรียกข้ามาถึงแคว้นอวิ้นคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาใช่หรือไม่”



“เป็นเช่นนั้น เรื่องใหญ่มาก มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ข้าอยากได้แรงเจ้ามาช่วยอะไรๆจะได้ง่ายขึ้น ข้าคิดว่าอย่างนั้นน่ะนะ”




“เจ้าคงได้ยินข่าวลือเรื่องหยกจันทรามาแล้ว เจ้าอาจคิดว่ามันไม่จริง แต่ข้ายืนยันได้ว่าหยกจันทรามีจริง และข้าจะให้เจ้าช่วยหาหยกจันทรานี้”




“หือ ให้ข้าหารึ ได้ข่าวว่ามีคนมากมายไปหาแต่ไม่พบแล้วข้าจะเจอได้อย่างไร แล้วเจ้าจะหาหยกจันทราไปทำไมหรือเจ้าก็อยากได้พลังของหยกจันทราอย่างนั้นรึ”

 


“ไปกันใหญ่แล้ว จะบอกอะไรให้นี่เป็นความลับสุดยอดของพรรควิหคสวรรค์ของข้าเลยนะ มีเพียงหัวหน้าพรรคและอาจารย์ของข้าเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ หลังจากข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคได้ห้าปี ข้าก็ได้รับรู้ความลับที่ถูกถ่ายถอดกันมาของหัวหน้าพรรคว่า พรรควิหคสวรรค์ดำรงอยู่เพื่อคอยปกป้องหยกจันทราที่กักขังพลังของมังกรดำไม่ให้ตกไปอยู่ในมือใคร หยกจันทราจะคอยกดและสลายพลังของมังกรดำไว้ เราแค่มีหน้าที่อย่าให้ใครไปขัดขวางพลังของหยกจันทรา แต่มังกรดำไม่หยุดแค่นั้นมันคอยดูดพลังปราณของผู้คนที่ไปหุบเขาพันปีน่ะสิ ยิ่งช่วงนี้คนแห่ไปกันล้นหลาม มังกรดำยิ่งได้พลังเยอะขึ้นมาเท่านั้นสักวันอาจจะหลุดออกจากหยกจันทราได้”




“เมื่อก่อนเรายังห้ามคนเข้าไปในหุบเขาพันปีได้ แต่ตอนนี้ทางการเปิดให้ทุกคนสามารถเข้าไปได้ไม่หวงห้ามพวกข้าจะเตือนก็ไม่ไหว ยิ่งมีพวกปราณระดับสูงมากเท่าไรยิ่งดีกับมังกรดำเท่านั้น และข้าคิดว่าหากมีการเจอหยกจันทราจริงๆทหารที่เฝ้าอยู่ตามทางเข้าคงคอยดักจับและส่งให้ทางการแน่นอน”



“แล้วข้าจะหาหยกจันทราเจอได้อย่างไร”




“เจ้าจำตอนที่พวกเราหลงทางกันในป่าห้วงมิติหรือไม่ไอปีศาจที่เจ้าสัมผัสได้นั้นคือไอปีศาจของมังกรดำที่ลักลอบหนีออกมา แสดงว่าเจ้าสามารถหาที่อยู่ของหยกจันทราในหุบเขาพันปีที่กว้างใหญ่นี้ได้แน่ เมื่อเจอแล้วข้าจะนำไปซ่อนไว้ที่อื่นที่ๆไม่มีใครไปพบเจออีก”



“ไม่อยากจะเชื่อ”



“หึหึหึข้าก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกับเจ้า แต่มีหลักฐานเป็นหนังสือบันทึกเหตุการณ์ไว้มันถูกเก็บรักษาอย่างดีจึงไม่ถูกไฟเผาไหม้จากสงครามแย่งชิงหยกจันทรา”



เมื่อหยกจันทรามีจริง สัตว์อสูรก็ต้องมีจริงหานเฟิงจึงนึกไปถึงฟู่ฟู่ บางทีเหวินซานอาจจะรู้อะไรบ้าง




“ข้าสงสัยมานานทำไมหมู่บ้านของเจ้าถึงชื่อว่าวิหคสุวรรณรึ”




“หืม ชื่อหมู่บ้านข้ารึไม่มีใครรู้หรอก คงตั้งเพื่อบูชาเพราะวิหคสุวรรณเป็นสัตว์เทพคอยดูแลปกปักรักษาโลกมนุษย์ถ้าเจ้าอยากรู้มากกว่านั้นลองไปถามอาจารย์ข้าสิ แต่ข้าถามไม่เคยตอบข้าสักที”




“อืม แล้วเจ้าจะเริ่มหาหยกจันทราเมื่อใด"




“อีกสองวัน ให้เจ้าได้ฟื้นฟูร่างกายก่อนเราถึงจะไป”








หลวนผิงออกมาเดินเล่นในสวนเนื่องจากนอนไม่หลับ และเขาชอบสวนนี้ด้วยเช่นกันจะให้มาเดินเล่นตอนกลางวันก็ไม่เหมาะเพราะตนเองเป็นแค่บ่าวต้องคอยทำงานจึงถือโอกาสมาแอบเดินเล่นตอนกลางคืนเช่นนี้




เขาเดินไปทีลำธารเล็กๆมีก้อนหินวางเรียงแถวเหมือนเป็นสะพานข้ามไปอีกฝั่ง เขาเดินไปบนก้อนหินทีละก้าวพยายามทรงตัวไม่ให้ลื่นไหล ยามนั้นมีฝูงหิ่งห้อยบินมาวนรอบๆตัวของหลวนผิง เหมือนเป็นแสงนำทางดวงน้อยๆ



“ว่าไงเจ้าหิ่งห้อยไม่ได้เจอเจ้านานเลยตั้งแต่ไปแคว้นเจ้า” ตอนเป็นเด็กหลวนผิงเห็นฝูงหิ่งห้อยมากมายแต่เมื่อหนีตายไปแคว้นเจ้าเขาไม่เคยได้เห็นอีกเลยเนื่องจากแคว้นเจ้าไม่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์




“แม้จะมีแสงคบเพลิงแต่ไม่ควรเดินเล่นบนก้อนหินเช่นนี้เจ้าอาจลื่นหัวกระแทกได้”



“เฮ้ย” หลวนผิงตกใจเสียงที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาจนเผลอตัวหันไปมองแต่ทำให้เสียการทรงตัวหงายหลังล่วงลงน้ำ




ซ่า หลวนผิงตกน้ำตัวเปียกปอนตามคาด




“ข้าบอกแล้วเห็นหรือไม่ ไม่ทันขาดคำ”




“แคกๆ ก็เจ้า! ข้า ข้าขอตัว” หลวนผิงลุกยืนขึ้นสายน้ำไหลตามเสื้อผ้าที่เปียกปอน หันไปชี้หน้าจะต่อว่าชายผู้นั้นที่ทำเขาเสียสมาธิ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นสหายของนายท่านจึงจอตัวกลับห้องดีกว่า เป็นผู้น้อยไม่อาจกล่าวต่อว่าเจ้านายได้




“เจ้าโกรธข้ารึ ข้าไม่ได้ตั้งใจทำเจ้าเสียสมาธิจนตกน้ำนะ ข้าแค่เตือนเท่านั้น" เหวินซานใช้วิชาตัวเบาข้ามฝั่งมาหยุดตรงหน้าหลวนผิงเพื่อกล่าวขอโทษ คนเปียกก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา




“ไม่ใช่ความผิดท่านข้าประมาทเอง ข้าเพียงจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าขอตัว” หลวนผิงก้มหน้าลาเหวินซานและรีบวิ่งกลับห้องนอนทันที



“ไปเสียแล้ว ตกลงโกรธหรือไม่โกรธข้าเนี่ย”



----------------------------------------------

เย่ๆ มาแล้ว กว่าจะมีฟิวลิ่งปั่นนิยายได้ แบบอารมณ์ไม่มางานไม่ค่อยจะเดิน5555







หัวข้อ: Re: ๏ วิหคสุวรรณ ๏ ตอนที่14 [8/7/61]
เริ่มหัวข้อโดย: johnkongcha ที่ 09-09-2018 02:45:47
 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: