พิมพ์หน้านี้ - หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Foggy Time ที่ 22-04-2014 16:49:55

หัวข้อ: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 22-04-2014 16:49:55
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 22-04-2014 17:23:19
เชอรี่ ผลไม้สีแดง รสชาติหวานลิ้น มักจะมีอยู่บนไอศกรีมหรือเค้กเสมอ แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยชอบกินมันสักเท่าไหร่ แต่ผมเป็นคนส่วนน้อยที่ชอบกินนะ ผมทำงานที่ร้านเค้กที่ร่วมทำกับเพื่อนหลังจากเรียนจบ ซึ่งผมนั้นรับหน้าที่เป็นพนักงานเสิรฟ์
   
กรุงกริ๊ง

   อ้ะ ลูกค้าเข้าร้านแล้วแฮะ ผมต้องไปรับออเดอร์ ผมจึงเดินออกไปยืนต้อนรับลูกค้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่ปั้นแต่งขึ้นมา พร้อมพิจารณาลูกค้าที่เข้ามาในร้านว่าควรจะแนะนำเค้กอะไรให้ดี    ลูกค้า 1 ท่าน เป็นผู้ชายท่าทางน่าเกรงขาม  ใส่ชุดนักศึกษามอมๆ ที่เลอะสีอะไรสักอย่าง หน้าตาก็อยู่ในระดับที่หล่อใช้ได้ อย่างนี้ต้องแนะนำแนวเค้กขมๆ ไม่ก็กาแฟรสเข้ม ผมรอลูกค้านั่งเก้าอี้ได้สักพักแล้วจึงเดินไปรับออเดอร์พร้อมแนะนำเมนูที่คิดไว้ในใจ “ คุณลูกค้าจะรับเมนูแนะนำไหมครับ ? ” คุณลูกค้าขมวดคิ้วและนิ่งไปสักพักจึงค่อยพยักหน้า

   “ ทางร้านขอแนะนำเมนูชีสเค้กช็อคโกแลตรสเข้มเสิร์ฟคู่กับอเมริกันโน่ครับ ” ผมแนะนำเมนูที่คุณลูกค้าน่าจะชอบ แต่ผิดคาดคุณลูกค้าส่ายหน้าและเลือกเมนูเค้กที่ไม่คิดว่าจะสั่ง แต่ผมก็ไม่ออกท่าทางอะไร

   “ ขอเป็นเค้กเชอรี่กับลาเต้ร้อนครับ ” คุณลูกค้าสั่งเสร็จก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านคล้ายกับว่าเขินที่สั่งเมนูนี้แต่ผมก็เห็นหูที่แดงนิดๆ ของชายหนุ่มที่เป็นลูกค้า

   “ ครับ รอสักครู่นะครับ ” ผมยิ้มให้คุณลูกค้าแม้ว่าคุณลูกค้าจะไม่เงยหน้าขึ้นมาก็ตาม รอยยิ้มรอบนี้ผมไม่ได้ปั้นแต่งขึ้นมาแต่ยิ้มเพราะรู้สึกเอ็นดูในท่าทางของชายหนุ่มที่เป็นลูกค้า ส่วนใหญ่เมนูนี้ผมเห็นแต่เด็กๆ ไม่ก็สาวๆ สั่งกันนะ ผมเดินอมยิ้มไประหว่างส่งออเดอร์ให้กับพนักงานที่เคาน์เตอร์
 
ร้านที่ผมทำงานก็เหมือนร้านเค้กทั่วไป เคาน์เตอร์ก็อยู่ข้างเค้กมุมทำกาแฟก็อยู่ข้างในเรียกได้ที่ว่าพื้นที่ที่เหลือนั้นเป็นที่นั่งของลูกค้าอย่างเดียวเลย แต่พิเศษหน่อยที่ร้านผมจะแต่งออกแนวโมเดิร์นหน่อย แต่ที่ไม่เหมือนร้านอื่นคือพนักงานต้อนรับใส่ผ้ากันเปื้อนสีอ่อนและมีนกสยายปีกสีขาวตัวเล็กๆ ที่คอเสื้อ ดูสวยแบบเรียบๆ ซึ่งผมเป็นคนออกแบบเอง

   กริ๊ง
   
ผมเดินไปหยิบถาดเค้กและกาแฟหลังจากได้ยินเสียงกระดิ่งที่เคาเตอร์ และผมก็เดินไปเสิร์ฟที่โต๊ะของคุณลูกค้าชายหนุ่มขี้อาย “ ได้แล้วครับ ” ผมวางจานเค้กและแก้วเบาๆ ตรงหน้าชายหนุ่มเมื่อวางเสร็จผมก็ถอยระยะออกมา “ รายการครบนะครับ ” ผมพูดทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว
   
“ ครับ ” คุณลูกค้าเก็บหนังสือลงกระเป๋าและหยิบแก้วลาเต้ร้อนขึ้นมาจิบเล็กน้อยแล้วค่อยเริ่มละเลียดเค้กเชอรี่ แล้วผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเพราะคุณลูกค้าเอาเชอรี่ที่ผมคิดว่าจะทานเพราะสั่งเค้กเชอรี่ออกไปวางไว้ริมจานแล้วนั่งละเลียดสลับกับอ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้

   กรุงกริ๊ง

   ผมหันไปต้อนรับลูกค้าคนอื่นต่อ ถึงแม้ว่าจะยังจะอยากดูปฏิกิริยาของคุณลูกค้าขี้อายต่อก็ตาม
   .
   .
   .
   ผมรับออเดอร์ลูกค้าคงอื่นเสร็จมองคุณลูกค้าขี้อายเมื่อกี้ ซึ่งตอนนี้ลูกเชอรี่หายไปแล้วเหลือเพียงก้านที่วางข้างๆ จานที่เลอะคราบเค้ก นึกว่าจะไม่กิน ที่แท้ก็เก็บไว้กินนี้เอง นิสัยต่างจากผมเลยแฮะกินอันแรกเลย กลัวโดยใครแย่งทั้งๆ ทีก็ไม่มีใครกิน ผมหัวเราะคิกกับความคิดของตัวเองออกมาเบาๆ คนที่ไม่ชอบกินเชอรี่จะสั่งเค้กเชอรี่มากินทำไมล่ะ อ๊ะ คุณลูกค้าที่ผมนึกถึงอยู่มองมาทางผมด้วยแฮะ สงสัยจะเก็บเงินล่ะมั้ง ผมจึงเดินไปหาที่โต๊ะและเอ่ยถาม “ เก็บเงินเหรอครับ ”

   “ ครับ ” คุณลูกค้าพยักหน้าและหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเตรียมเงิน

   “ งั้นสักครู่นะครับ ” ผมเดินไปรับใบเสร็จที่เคาน์เตอร์และเดินกลับมาหาคุณลูกค้า “ 240 บาท ครับ ” พร้อมยื่นถาดใบเสร็จให้
   
“ นี่ครับ ” คุณลูกค้าวางเงินบนถาดใบเสร็จ 250 บาทและพูดต่อว่า “ ที่เหลือทิปพนักงานครับ ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปเลย

   “ .. ขอบคุณครับแล้วมาใช้บริการอีกนะครับ ” ผมงงๆ ไปชั่วขณะนึงแล้วจึงเอ่ยคำขอบคุณ คุณลูกค้าขี้อายไปซะแล้ว ผมรู้สึกเสียดายนิดๆ แต่ช่างเถอะ ถ้ามีโอกาสก็คงได้เจอกันอีกนั่นแหละ โลกใบนี้มันกลมจะตาย

   กรุงกริ๊ง

   ผมเอาเงินไปส่งเคาน์เตอร์และออกไปยืนต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง หวังว่าคงจะได้ยืนต้อนรับกันอีกนะคุณลูกค้าขี้อาย


--------
เป็นเรื่องแรกที่ลงเล้าเป็ดค่ะ  ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ   :hao3:


หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 22-04-2014 20:00:22
หนุ่มเชอร์รี่~ ตอนแรกนี่ก็นึกว่าเหมือนสาวเชอร์รี่คงจะดูน่ากลัวพิลึกเนอะ แต่พอมาอ่าน อ๋อ! หนุ่มเชอร์รี่แบบนี้นี่เอง
อิอิ เดี๋ยวก็คงมีโอกาสเจอหนุ่มเชอร์รี่ขี้อายแบบนี้อีกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่
เริ่มหัวข้อโดย: done_dirt_cheap ที่ 23-04-2014 00:17:37
 :pig2:
น่ารักดีค่ะ
รออ่านต่อนะค่ะ เ็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-04-2014 08:54:46
อบอุ่นจังเรื่องนี้ แค่เริ่มต้นนะนี่

ปอลอ ในหัวนี่ตอนแรกคิดว่าหนุ่มเชอร์รี่ เป็นพวกหนุ่มเย็บปักถักร้อยนะเนี่ย แบบเรื่องยอดชายใจแหวว อะไรงี้ซะอีก

แต่แบบนี้ก็โอเคค่ะ น่าร้ากกกกกกก


ต่อตอนใหม่ไวๆนะค้า ^^
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 23-04-2014 09:08:13
หนุ่มเชอร์รี่
น่ารักเน้อะ  :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่
เริ่มหัวข้อโดย: Feporchz ที่ 23-04-2014 12:47:41
รอๆ  :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-04-2014 13:00:22
หนุ่มเชอรี่ละมุมมาก

 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 24-04-2014 22:40:17
- ตอนที่ 2 -

วันนี้ผมรับหน้าที่มาจ่ายตลาดให้ที่ร้านซึ่งจะเรียกว่าจ่ายตลาดก็ไม่เชิงเพราะผมต้องซื้อทั้งอุปกรณ์ในการทำความสะอาดทั้งพวกที่ใช้ประกอบอาหารทานกันเองในร้านไม่เกี่ยวกับที่ขายให้ลูกค้า ที่ผมไม่ทำเบเกอรี่ด้วยเพราะไม่มีความรู้ด้านนั้นเลย อบขนมปังเอย เค้กเอย เพื่อนผมที่ร่วมกันทำร้านจึงอาสารับหน้าที่เกี่ยวกับเบเกอรี่เอง
   
ทำให้ตอนนี้ผมยืนเลือกซื้ออาหารที่มุมของสดในห้างแม่บ้านแห่งหนึ่ง ผมหยิบสิ่งที่ต้องการตามลิสที่ผมจดมาอย่างชำนาญเพราะหลายๆ ครั้งที่ผมต้องทำหน้าที่เป็นพ่อครัวในร้านทำให้รู้วิธีการเลือกซื้อเป็นอย่างดี ผมเคยอาสาจะเป็นคนอบขนมปังด้วยซึ่งผมก็ทำไม่เป็นหรอก แต่เพื่อนผมก็ห้ามผมซะก่อนเพราะอยากให้ผมเป็นคนรับลูกค้ามากกว่ามาอบขนมปัง ผมพยายามโต้แย้งแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะนั่นเป็นเสียงข้างมาก

   “ ข่ามันอันไหนวะ ” มีเสียงบ่นเบาๆ ใกล้ๆ ผม
   
ผมหันไปหยิบข่าที่อยู่ติดกับขิง ผมคิดว่าที่เขาบ่นน่าจะเพราะว่ามันวางกองเดียวกัน

“ นี่ครับข่า ” ผมยื่นมันให้ต้นเสียงที่บ่นเมื่อกี้พร้อมสังเกตไปด้วย เป็นชายหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อยืดเก่าๆ กับกางเกงบอล ซึ่งหน้าตาคุ้นมากๆ

   “ ..ขอบคุณครับ ” ชายหนุ่มรับข่าที่ผมยื่นให้ไปด้วยสีหน้างุนงงติดจะแดงคงไม่คิดว่าเสียงบ่นของเขาจะดังถึงขนาดคนที่อยู่ค่อนข้างไกลอย่างผมจะได้ยิน

   “ ไม่เป็นไรครับ ” ผมยิ้มกับคำขอบคุณ “ ของครบรึยังครับ ผมช่วยเลือกให้ไหม ? ”

   “ คุณไม่ซื้อต่อเหรอครับ ? ”
   
“ ผมซื้อใกล้เสร็จแล้วล่ะเหลือแค่นิดๆ หน่อยๆ น่ะ ”
   
“ .. ขอบคุณมากครับ ” ชายหนุ่มพูดจบก็ยื่นลิสที่จดของที่ต้องการให้ผมซึ่งชายหนุ่มนั้นยังไม่ได้หยิบอะไรเลยสักอย่าง.. อ้อ ไม่นับข่าที่ผมหยิบให้นะ

   “ งั้นคุณถือตะกร้าของผมให้หน่อยละกัน เอาตะกร้าคุณมาด้วยเดี๋ยวผมช่วยเลือกให้ ” ผมยื่นตะกร้าให้ชายหนุ่มถือ ชายหนุ่มรับมันแต่โดยดีและยื่นตะกร้าของชายหนุ่มมาบ้าง ตอนแรกผมคิดว่าตะกร้าเปล่าเพราะของในลิสมีแต่พวกของสด ในตะกร้ามีซองลูกอมรสเชอร์รี่อยู่ซองหนึ่ง

   “ ชอบทานเหรอครับ ? ผมก็ชอบลูกอมรสนี้เหมือนกัน ” หลังจากถือตะกร้าของชายหนุ่มผมก็ถามขึ้นมา

   “ ครับ ” ชายหนุ่มพยักหน้าด้วยหูที่แดงนิดๆ ขี้อายจังแฮะ

   “ งั้นคุณไปหยิบซันไลต์กับน้ำยาเช็ดกระจกนะเดี๋ยวของคุณผมเลือกให้เอง ” ผมบอกพลางลงมือเลือกของที่ชายหนุ่มต้องการ
   
“ ครับ ” ชายหนุ่มรับคำและเดินไปเลย

   ผมเลือกของให้ชายหนุ่มไปพลางคิดไปว่า ถ้าชายหนุ่มเอาตะกร้าเขาไปไม่เอากลับมาล่ะ ? แต่คงไม่หรอกผมยังไม่ได้จ่ายเงินเลย หวังว่าชายหนุ่มจะกลับมานะ ผมตัดสินใจเลิกใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และเลือกของอย่างตั้งใจ
   .
   .
   .
   ผ่านไปสักพักผมก็เลือกของจนครบพอดีกับชายหนุ่มที่เดินกลับมาพอดี ผมคิดว่าชายหนุ่มคงเข้าห้างแม่บ้านนี้ไม่บ่อยนักเพราะหายตัวไปนานมาก

   “ นี่ครับ ครบแล้วนะครับ ” ผมยื่นตะกร้าที่เต็มไปด้วยของสดให้ชายหนุ่มก่อน

   “ ขอบคุณมากๆ ครับ ” ชายหนุ่มยื่นตะกร้าให้ผมพร้อมเอ่ยคำขอบคุณ

   “ ไม่เป็นไรหรอก ใช้ความสามารถที่มีช่วยเหลือคนอื่นบ้างก็ดี ” ผมรับตะกร้าพร้อมยิ้มตอบ

   “ งั้นขอตัวนะครับ ” ชายหนุ่มพูดหลังจากที่รับตะกร้าจากผมแล้วและเดินไปจ่ายที่เคาน์เตอร์เลยด้วยท่าทีที่ดูลุกลี้ลุกลนชอบกล

   “ ... ” เหมือนเดินหนีผมเลยแฮะ ชายหนุ่มอาจจะรีบก็ได้ไปตั้งนานนี่นา แต่ผมว่าชายหนุ่มนี้หน้าตาคุ้นมากจริงๆ หน้าตาที่หล่อ.. ชุดมอมๆ.. ขี้อาย.. อ้ะ นี่มัน คุณลูกค้าขี้อายนี่นา !?!
    
------*
ดีใจที่มีคนคอมเม้นบ้าง  :hao5: ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :o8:

ฝากอีกเรื่องที่แต่งด้วยค่ะ

หนุ่มบ้าหมากับชายบ้าแมว : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41860.0

เนื้อเรื่องสบายๆ ค่ะ   


หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 24-04-2014 22:47:17
คุณลูกค้าน่ารักจัง :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-04-2014 22:48:32
ไม่นะ!!!!!!!!!

มันสั้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเลยค่ะ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:


ขอต่ออีกได้ม้ายย อบอุ่นจัง ><

สงสัยคุณเคะฝีมือทำเค้กไหม้แหะ โดนส่งไปรับออเดอร์โดยเสียงส่วนมากด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 24-04-2014 22:53:58
มันสั้นนะนี่ แต่อ่านแล้วอมยิ้มได้ตลอดนะคะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 25-04-2014 00:11:18
น่ารักทั้งหนุ่มเชอรี่และคุณลูกค้า


 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-04-2014 00:31:07
เบาๆ ใสๆ น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 25-04-2014 00:48:55
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 25-04-2014 06:28:06

เชอร์รี่บอย >>  หนุ่มน้อย หรือ หนุ่มบริสุทธิ์ นะ

 :haun4: 
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 25-04-2014 07:39:10
น่ารักจังเรื่องนี้
น่ารักแบบนุ่มๆ หวานๆ ใสๆ
อยากเจอแบบหนุ่มเชอรี่จริงไรจริง
 :mew3:
บวกและเป็ดขอบคุณ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 25-04-2014 08:32:11
คุณลูกค้าขี้อาย
เขินใช่ม๊าา?  :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 25-04-2014 15:31:28
กว่าจะจำได้เค้าก็ไปซะล่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-04-2014 16:10:40
 :mew1: :mew1:่ :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 25-04-2014 21:54:15
- ตอนที่ 3 -

ผมคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างดีวันนึงเลยทีเดียว เพราะว่าผมเหมือนเห็นคุณลูกค้าขี้อายคนนั้นอยู่ตรงมุมถนน และกำลังเดินมาทางนี้ด้วย หลังจากวันนั้นก็ทำให้ผมจำหน้าคุณลูกค้าขี้อายได้อย่างแม่นยำ โลกนี้กลมตามที่คิดเลยทีเดียว เจอกันโดยบังเอิญแต่ก็ยังขี้อายเหมือนเดิม แต่วันนี้ดูเหมือนว่าคุณลูกค้าจะไม่ใส่ชุดมอมๆ มาแฮะ 
   
“ ยินดีต้อนรับครับ ” ผมยิ้มต้อนรับเมื่อคุณลูกค้าขี้อายเดินมาถึง วันนี้เป็นวันที่ได้ยืนต้อนรับกันอีกครั้งสินะ

   “ ครับ ” คุณลูกค้าขี้อายผงกหัวรับและเดินไปนั่งโต๊ะที่ค่อนข้างอยู่ส่วนในของร้าน
   ผมเดินตามคุณลูกค้าขี้อายและรับออเดอร์เมื่อลูกค้าเมื่อนั่งเก้าอี้ได้สักพัก ” รับเค้กเชอร์รี่กับลาเต้ร้อนไหมครับ ” ผมถามยิ้มๆ

   “ คะ ครับ  ” คุณลูกค้าขี้อายดูงุนงงเล็กน้อยที่ผมจำเมนูที่เขาสั่งได้ซึ่งหูคุณลูกค้าก็แดงเหมือนครั้งที่แล้วที่สั่งเมนูนี้กับผม

   “ รับอะไรเพิ่มอีกไหมครับ ? เชอรรี่คุกกี้ไหมครับ เป็นเมนูใหม่ของทางร้านเลย ” เมนูนี้ผมเป็นคนเสนอให้เพื่อนผมทำ  ซึ่งผมก็โดนเพื่อนเหน็บเล็กน้อยว่าถ้าขายไม่หมดอย่าแอบมากินหมดนะ ร้านผมทำพวกขนมปังขายวันต่อวันไม่ค้างคืน บางครั้งก็กินเอง ห่อกลับบ้านบ้าง ไม่ก็ขายเป็นโปรโมชั่นตอนเย็นๆ
   
“ ..เอางั้นก็ได้ครับ ” คุณลูกค้าขี้อายนิ่งคิดไปสักพักก็พยักหน้า

   “ รายการแค่นี้นะครับ ” ผมถาม

   “ ครับ ” คุณลูกค้าขี้อายสั่งเสร็จก็หยิบหนังสือขี้นมาอ่านทันที ผมจึงแอบดูนิดๆ ก่อนค่อยเดินไปส่งออเดอร์  The walking dead ? อ๋อเรื่องนี้ผมรู้จักแต่ไม่เคยดู ว่าไปมันมีหนังสือด้วยแฮะ แต่ด้วยความที่ผมจดๆ จ้องๆ หนังสือของคุณลูกค้าขี้อายมากเกินไป ทำให้คุณลูกค้าขี้อายเหมือนจะรู้ถึงสายตาไม่พึงประสงค์เลยเงยหน้าขึ้นมาซึ่งก็สบตาผมพอดี
   “ อ้ะ ” ผมอุทานออกมาเบาๆ “ ขอตัวไปส่งออเดอร์ครับ ” และผมก็เดินไปส่งที่เคาน์เตอร์ทันทีอย่างรวดเร็ว

   “ รีบวิ่งมาทำไมแคท หนีลูกค้ารึไง ฮึ ”  แคท.. เฮ้อนี่ไม่ใช่ชื่อเล่นผมสักหน่อย  ชื่อเล่นของผมคือ ‘ เสือ ’ ต่างหาก แต่เพื่อนผมเปลี่ยนหลายตลบเลย เสือ -> แมว -> แคท เหอะๆ มันบอกว่าผมน่ะเป็นเสือถอดเขี้ยวถอดเล็บยังไงก็ไม่ต่างกับแมว

“ รีบส่งออเดอร์ไง หยก  ” ผมตอบเพื่อนที่ตั้งชื่อแปลกๆ ให้ผม

   “ เออๆ ไปยืนแถวๆ นู่นไปเผื่อลูกค้าเรียก  ” ผมเพิ่งมาถึงก็ไล่เลยแฮะ ผมหน้ามุ่ยแต่ก็เดินไปยืนตามที่หยกบอก ซึ่งระหว่างที่ยืนว่างๆ ผมก็สังเกตคุณลูกค้าขี้อายเล่นๆ ฆ่าเวลา วันนี้ใส่ชุดค่อนข้างดูดีไม่มอมแมมเหมือนที่ผมเคยเจอหลายๆ ครั้ง  แต่ใส่ชุดมอมแมมเขาก็ดูดีอยู่ดี.. 
   
กริ๊ง

   ผมสะดุ้งแล้วรีบเดินไปรับถาดมาถือแต่ยังไม่ทันเดินไปเสิร์ฟเพื่อนผมก็ทักซะก่อน

   “ ฉันให้ดูลูกค้าก็จริง แต่ไม่ได้ให้จ้องขนาดนั้นเว้ย ” หยกพูดกัดผม สงสัยหยกคงคิดว่าผมประชดหยกละมั้ง ผมไม่ได้มีนิสัยอย่างนั้นซะหน่อย

   “ ก็แค่มองเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ไม่บุบสลายหรอก ” ผมบ่นและเดินไปเสิร์ฟเลยแต่ก็ได้ยินเสียงหยกพูดว่า เออ ด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดอยู่ดี

“ ได้แล้วนะครับ ” ผมเอ่ยบอกคุณลูกค้าขี้อายเบาๆ เพื่อไม่ให้เกิดอาการสะดุ้งตกใจที่ผมเคยเจอบ่อยๆ ที่สะดุ้งทีผมสะดุ้งตาม ผมค่อนข้างขี้ตกใจเลยทีเดียว นี้ก็เป็นอีกสาเหตุที่หยกเรียกผมว่าเสือถอดเขี้ยวถอดเล็บ

“ !! ครับ ” แต่คุณลูกค้าขี้อายก็ไม่วายสะดุ้งอยู่ดีซึ่งผมทำใจไว้แล้วนิดนึงจึงไม่สะดุ้งตาม คงจะอินกับหนังสือมากไปล่ะมั้ง

“ นี่ครับ ” ผมบรรจงวางเบาๆ ตรงหน้าลูกค้าขี้อาย เมื่อวางเสร็จผมตัดสินใจชวนคุยเพราะยังไงตอนนี้ในร้านลูกค้าไม่ค่อยมากบวกกับผมอยากชวนคุณลูกค้าขี้อายคุยด้วย “ อยู่แถวนี้เหรอครับ ? ”

“ ครับ ผมอยู่อพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ตรงข้ามร้านครับ ” คุณลูกค้าตอบพร้อมตักเค้กเชอร์รี่เข้าปาก ซึ่งก็วางเชอร์รี่ไว้ข้างๆ จานเหมือนเดิม

“ คุณจะเก็บไว้กินใช่ไหมครับ ” ผมพูดพร้อมยิ้มอย่างรู้ทัน

“ ... ” คุณลูกค้าขี้อายไม่ยอมตอบผมแต่หูนี้แดงมาก ตายล่ะ ผมพูดตรงไปรึปล่าวเนี่ย

“ คุณชอบอ่านหนังสือแนวนี้เหรอครับ ” ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยที่พอจะนึกออก

“ ครับ ก็สนุกดีทั้งซีรี่ย์ทั้งหนังสือ ” คุณลูกค้าตอบด้วยเสียงปกติแต่หูก็ยังแดงอยู่ดี

“ แต่ผมไม่เคยทั้งดูทั้งอ่านเลย ” ผมยิ้มเจื่อนๆ กับคำตอบของตัวเอง

“ มันก็สนุกดีครับเพียงแต่ซีรี่ย์อาจจะดูยากหน่อย ” ชายหนุ่มตอบเสร็จก็ยกลาเต้ขึ้นมาจิบเบาๆ

“ ผมคงรบกวน งั้นขอตัวนะครับ ทานให้อร่อยนะครับ ” ผมคิดว่าผมน่าจะคุณลูกค้าขี้อายกินสบายๆ มากกว่ามามัวคุยกับผม

“ มะ ไม่หรอกครับ คุยไปทานไปก็ได้ ” คุณลูกค้าขี้อายว่างั้นแน่ะ

กรุงกริ๊ง

อ้ะ มีลูกค้าเข้าร้าน ผมหันไปยิ้มเจื่อนๆ ให้คุณลูกค้าขี้อาย คงต้องรอลูกค้าซาก่อนถึงจะได้คุยกัน
“ ขอตัวนะครับ ” ผมผงกหัวให้ ซึ่งคุณลูกค้าขี้อายก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรและผมก็เดินไปต้อนรับลูกค้าที่มาใหม่ รู้สึกเสียดายนิดๆ ที่ไม่ได้คุยกันต่อ
.
.
.
ผ่านไปประมาณครู่ใหญ่ลูกค้าจึงซาลง เมื่อกี้ลูกค้าเข้าเยอะมากๆ เหมือนกับนัดกันมาวันเดียวกันยังไงยังงั้น ผมกะว่าจะไปคุยกับชายหนุ่มต่อแต่พอหันกลับไปก็เหลือเพียงโต๊ะที่ว่างเปล่า..  คุณลูกค้าขี้อายเขาคงกลับบ้านไปแล้ว

กริ๊งงง กริ๊งงง

นี่มันสัญญาณขอคุยด้วยนี้นา ผมรีบเดินไปเคาน์เตอร์ด้วยความเร่งรีบเพราะไม่บ่อยนักที่จะใช้สัญญาณนี้ “ มีอะไรเหรอ ? ”
ผมถามหยกทันทีที่ถึงเคาน์เตอร์

“ มีคนฝากกระดาษให้แคทด้วย ” หยกทำหน้าเหม็นเบื่อนิดๆ เมื่อผมถาม และยื่นกระดาษที่คาดว่าฉีกจากกระดาษทิชชู่ร้านส่งมาให้ผม

ผมรับอ่านผมก็ยิ้มดีใจ

ถึงคุณแคท
   
พอดีเพื่อนผมโทรเรียกไปทำงาน คงอยู่คุยด้วยต่อไม่ได้ครับ ขอโทษจริงๆครับ
                                     
                                                                                  จาก สิงห์

ผมว่าคุณสิงห์เข้าใจชื่อผมผิดไปนะ...

-------*
มีคอมเม้นรู้สึกมีกำลังใจในการแต่งขึ้นมาเลยค่ะ  :o8: ตอนแต่งแคทกลับมาเจอโต๊ะว่างเปล่า รวดร้าวเบาๆ  :hao5:

ขอบคุณทุกคอมเม้นและขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :mc4:

ปล. ชื่อเสือแม้นแมน เรียกน้องแคทดีกว่า ตอนแรกเรียกเองว่า พนง. มุ้งมิ้ง  :really2:

------

นิยายอีกเรื่องค่ะ หนุ่มบ้าหมากับชายบ้าแมว : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41860.0







 


   
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-04-2014 22:02:34
โฮะ

หนุ่มเชอรี่ ชอบกินเชอรี่สินะ xD

คือ อยากจะบอกว่า

ตอนนี้มันช่างสั้นนนนนนนนนนจังค่ะ T T แง้ๆ อยากได้ตอนยาวววๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 25-04-2014 22:18:00
น้องแคทกับสิงห์ขี้อาย  :o8:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 25-04-2014 22:30:47
อยากอ่านอีกอ่ะ ชอบมาก
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-04-2014 00:49:37
ชื่อเสือแต่เรียกว่าแคท......มุ้งมิ้งมาก :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 26-04-2014 01:55:16
น่ารัก ใสๆ เบาๆ ดีนะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-04-2014 04:48:52
น่ารัก :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 26-04-2014 23:42:46
- ตอนที่ 4 -

“ แคทไปเช็ดกระจกหน้าร้านไป เดี๋ยวตรงนี้ฉันถูเอง ” หยกไล่ผมที่กำลังถูพื้นอยู่
   
“ อือ ” ผมพยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินไปเช็ดกระจกที่หน้าร้านแทน วันนี้เป็นวันบิ้กคลีนนิ่งของร้านผมซึ่งจะมีเดือนละครั้งเพื่อรักษาสุขอนามัยในร้าน ซึ่งตอนแรกผมถูพื้นอยู่และก็ใกล้เสร็จแล้วด้วยแต่หยกก็ไล่ผมไปเช็ดกระจกคาดว่าคงจะเอาเปรียบผมแน่ๆ ผมหยุดเดินและหันไปว้ากใส่หยก “ หยก !! นี้เอาเปรียบเสือใช่ไหมเนี่ย!? ”  เมื่อกี้ผมเบลอๆ ไปหน่อยเพราะตื่นเช้าเกินไปเลยไม่ได้ว้ากหยกแต่แรก
   
“ ไม่โว้ย แคทน่ะเอาแต่ถูที่เดิมซ้ำๆ ชาตินี้จะสะอาดไหม !! อีกอย่างที่แคทถูอยู่นั่นมันไม้กวาด !! ” หยกว้ากใส่ผมคืนจนผมตอบโต้อะไรไม่ได้เลย

   “ กะ ก็เสือเพิ่งตื่น เออเสือไปเช็ดกระจกละ  ” ผมวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะโดนหยกว้ากมากกว่านี้แต่ก็ไม่วายได้ยินอยู่ดี
   
“ ห้ามเอาผ้าปูโต๊ะไปเช็ดกระจกด้วย !! ”
    
ใครมันจะไปเอาผ้าปูโต๊ะมาเช็ดกระจกแทนหนังสือพิมพ์ล่ะ ไม่ใช่เสือแน่นอน ผมตั้งสติตอนหยิบหนังสือพิมพ์แล้วมองให้ชัดๆ ว่าไม่ใช่ผ้าปูโต๊ะแล้วจึงเริ่มเช็ดกระจกหน้าร้านบ้าง ซึ่งมันก็ไม่ได้สกปรกอะไรมากมายเพราะยังไงก็เช็ดทุกวันอยู่แล้ว  ผมเช็ดไปก็มองรถราผู้คนไป ซึ่งมันก็เพลินๆ ดี แต่ผมก็ต้องหยุดชมวิวทิวทัศน์เพราะแรงสะกิดที่ไหล่ 

   “ แคท อ่ะเชอรรี่คุกกี้เหลือจากเมื่อวานกินเลย ” เพื่อนผมพูดจบก็วางจานไว้ข้างน้ำยาเช็ดกระจก

   “ อืม ขอบคุณมากแนท ” แนท เป็นอีกคนในกลุ่มที่ร่วมกันเป็นร้านนี้ซึ่งก็เรียกผมว่าแคทเหมือนหยกโดยให้เหตุผลที่ต่างออกไปว่า ‘ เสือที่ไหนมันอยู่ในเมืองล่ะ แมวต่างหากที่อยู่ในเมืองน่ะ แต่ไม่นับสวนสัตว์นะ ’
   
“ ไม่เป็นไรๆ เออ หยกฝากมาบอกว่าถ้าใช้ผ้าปูโต๊ะเช็ดไปแล้วซักด้วย ” แนทพูดพร้อมมองผมด้วยสายตาที่สื่อประมาณว่าอีกแล้วเหรอจ๊ะ ?
   
“ เสือเช็ดด้วยหนังสือพิมพ์ ” ผมตอบสั้นๆ แล้วหยิบใช้ส้อมจิ้มคุกกี้ใส่ปากแล้วเคี้ยวแรงๆ จนดังกรุบๆ พร้อมหรี่ตามอง เพื่อสื่อว่าไปเลยไป
   
“ ไปก็ได้ แถวนี้แมวดุจริงจริ๊ง ” แนทพูดกัดผมก่อนเดินไป
   
ผมถอนหายใจแล้วหันไปเช็ดกระจกต่อด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวเล็กน้อยแต่ด้วยรสชาติของเชอร์รี่ทำให้อารมณ์ผมกลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว ผมเช็ดกระจกไปสลับกับกินเชอร์รี่คุกกี้ไปซึ่งใช้เวลาไม่นานนักก็เช็ดเสร็จ ร้านผมไม่ได้ใหญ่ต่ออลังการอะไรมากมายจึงเสร็จไว ผมตัดสินใจนั่งเก้าอี้เพื่อพักผ่อนสักหน่อยสัก10 นาที แล้วค่อยไปช่วยทำความสะอาดต่อ
ผมนั่งหันไปทางถนนเพื่อจะได้ไม่น่าเบื่อเกินไป ว่าไปอพารท์เมนท์ที่คุณลูกค้าขี้อายบอกก็อยู่ตรงนั้นเองนี้นา ใกล้เหมือนกันแฮะ ไม่สิต้องเรียกคุณสิงห์ แต่ว่าผมว่าเหมือนผมเห็นคุณสิงห์เลยแฮะ ชุดนักศึกษามอมๆ เลอะสี  ซึ่งก็ค่อยๆ ชัดขึ้นเรื่อยๆ

   “ อะ อรุณสวัสด์ครับ คุณแคท ”
   
“ อ้ะ ! อรุณสวัสดิ์ๆ ครับคุณสิงห์ ” ผมสะดุ้งเพราะมัวแต่เหม่อลอย ผมว่าถ้าผมทำความสะอาดเสร็จผมควรจะไปนอนจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ “ วันนี้ร้านปิดนะครับ คุณสิงห์ ” ผมถามงงๆ
   
“ ผมแค่แวะมาทักทายน่ะครับ ” คุณสิงห์หูแดงในประโยคสุดท้าย

“  ยินดีๆ คุณสิงห์กินคุกกี้เชอรร์รี่ที่เมื่อวานคุณสั่งไหม วันนี้ฟรีนะเพราะของผม ” ผมหยิบจานคุกกี้เชอร์รี่มาให้คุณสิงห์ซึ่งมันก็เหลืออยู่ไม่กี่ชิ้น

   “ ขอบคุณครับ แต่ไม่ดีกว่าครับคุณแคท ” คุณสิงห์ตอบผมด้วยท่าทีที่เกรงใจ
   
“ ผมทานอิ่มแล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอกคุณสิงห์ อีกอย่างผมรู้นะว่าคุณชอบกินเชอร์รี่  ” ผมพูดยิ้มๆ ดักทางคุณสิงห์
   
“ ก็ได้ครับ ” คุณสิงห์หูแดงมากกว่าทุกครั้งที่ผมเคยเจอ แต่ผมไม่สนใจหรอกยังไงก็ตามคุณสิงห์ก็ยอมกินแล้ว ผมยื่นจานให้คุณสิงห์ซึ่งคุณสิงห์ก็รับไปทานแต่โดยดี และคุณสิงห์ก็นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับผม

   “ เรื่องเมื่อครั้งก่อนผมขอโทษที่ไม่ได้บอกนะครับ ” คุณสิงห์พูดขึ้นหลังจากทานไปได้สักพัก

   “ ไม่เป็นไรๆ ยังไงก็ตามคุณสิงห์ก็เขียนบอกไว้อยู่ดี ” ผมยิ้มให้คุณสิงห์เป็นเชิงว่าผมไม่ได้โกรธอะไร
   
“ พอดีงานกลุ่มผมมีปัญหาเลยโดนโทรตามน่ะครับ คุณแคท ” คุณสิงห์หัวเราะเบาๆ หลังพูดจบ แต่ว่าคำสุดท้ายนี้ผมว่าไม่ใช่นะ

   “  เอ่อ คุณสิงห์ ผมชื่อเสือครับ ” ผมแก้ต่างให้ตัวเอง

   “ เสือ.. ? ไม่ใช่แคทเหรอครับ ผมถามพนักงานที่เคาน์เตอร์เขาบอกว่าแคทนะครับ ” คุณสิงห์พูดจบก็ขมวดคิ้วใส่ผมเหมือนกันกับว่าผมพูดอะไรที่แปลกมาก

   “ เสือครับ แคทนั่นเพื่อนผมเรียกครับ ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ พร้อมกลอกตาไปมา หยก.. หยกแน่ๆ ที่บอกคุณสิงห์ว่าผมชื่อแคท
   
“ ..ครับ ” คุณสิงห์ดูซึมลง “ ผมคงต้องไปแล้วล่ะครับ ผมมีเรียนเช้า โชคดีนะครับ ” คุณสิงห์พูดจบก็ลุกไปเลยเหลือไว้จานที่มีเศษคุกกี้กับคุกกี้อีกสองชิ้น ซึ่งคุณสิงห์ทานไปได้แค่ชิ้นเดียว
   
“ ... ? ” ผมนั่งอึ้งต่อสักพักผมพูดอะไรผิดไปเหรอ...   

----*
ตอนนี้ดูหน่วงๆ ชอบกล  :hao5: แต่ว่าไปเรียกเสือก็มุ้งมิ้งเหมือนกัน  :-[

แจ้งข่าวดีจ้า วันที่ 28 ไปทำธุระที่ต่างจังหวัด น่าจะกลับมาวันที่ 29

ปล. วันนี้ซื้อเค้กเชอร์รี่จริงๆ มากินด้วย  :katai2-1:


หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-04-2014 23:48:09
คำเดียวค่ะ

สั้น!

แต่มุ้งมิ้งด้วยคุกกี้เชอรี่ ให้อภัย ฮาาาาา

ปอลอ จากเสือกลายเป็นลูกแมวเหมียวสินะ

หรือจริงๆแล้วหนูแคทเป็นเคะช่ายม้ายค้าาาาา
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: wan1222 ที่ 26-04-2014 23:57:43
ไมมันสั้นแบบเน่น่น่น่น่น่น่น่น่น่น(น หนู. ล้านตัว)  :sad4: :sad4: :sad4:
รีบมาต่อเถอะครับ ผมจะลงแดงตาย  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-04-2014 00:19:51
น้องสิงห์ต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ
คงคิดว่าแคทไม่พอใจที่สิงห์เรียกแคท
ประมาณว่า ชื่อแคทให้เพื่อนเรียกได้เท่านั้น


 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 27-04-2014 01:43:19
ให้สิงห์เรียกว่าแคทน่ะถูกแล้ว

เหมาะสมกับความน่ารักมุ้งมิ้งของเจ้าตัว

หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 27-04-2014 23:31:43
- ตอนที่ 5 -
หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อเช้าก็ทำผมใจลอยไปทั้งวันแม้กระทั่งตอนกินข้าวเที่ยงผมยังเผลอกัดส้อมด้วยเลย จนหยกก็ถามผมด้วยความเป็นห่วงว่า “ แคทส้อมที่แคทกินมันแพงนะ ถ้ากัดซ้อมมันงอแล้วแกก็ต้องซื้อมาแทนด้วย ” เอาเป็นว่าหยกน่าจะเป็นห่วงผมซึ่งหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จผมก็มานั่งที่เดิมตอนเช้า วันนี้หยกคงเห็นผมไม่ปกติจึงให้ผมไม่ต้องทำความสะอาดก็ได้แล้วชดไปวันอื่นแทน ผมเหม่อมองไปที่อพาท์เมนต์ของคุณสิงห์ ผมกะว่าจะขอโทษเรื่องเมื่อเช้าทั้งๆ ที่ผมไม่รู้หรอกคุณสิงห์ทำไมถึงดูซึมลง

   ผมนั่งตรงนั้นตั้งแต่เที่ยงจนตอนนี้ตะวันลับขอบฟ้าผมก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ผมนั่งมองอพาร์ทเมนท์ด้วยสายตาที่เลื่อนลอยและรอคอย คุณสิงห์กลับช้าจัง.. โชคดีที่วันนี้ท้องฟ้าครึ้มทั้งวันทำให้ผมไม่เป็นลมแดดไปซะก่อน ผมตัดสินใจเดินข้ามถถนไปยังอพาร์ทเมนท์ของคุณสิงห์แทนการนั่งรอที่หน้าร้านเพราะไม่แน่คุณสิงห์อาจจะเลี่ยงเดินผ่านหน้าร้านผมก็ได้ ผมนั่งทรุดตัวลงนั้นตรงม้านั่งยาวของทางเข้าอพาร์ทเมาท์ต่ออย่างเลื่อนลอย วันนี้เป็นวันที่ผมรู้สึกว่าตัวเองใจลอยมากที่สุดในรอบปีเลยทีเดียว
   
“ คุณแค.. เสือ คุณเสือ ? ” มีมือสะบัดไปมาใกล้ๆ หน้าผม ทำให้ผมได้สติขึ้นมา

   “ คะ ครับ ! ” ผมกระพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติตัวเอง แล้วมองหน้าคนที่เข้ามาทักผมชัดๆ ซึ่งก็เป็นคนที่ผมรอคอยมาตั้งแต่เที่ยง “ คุณสิงห์ ! ” ผมแทบโผเข้ากอดคุณสิงห์ด้วยความดีใจแต่ก็ยั้งตัวเองทัน

   “ คุณเสือมานั่งหน้าอพารท์เมนท์ทำไมเหรอครับ ?  ” คุณสิงห์ถามด้วยสีหน้าที่ดูงุนงง

   “ ผมมารอขอโทษคุณสิงห์ครับ คุณสิงห์เมื่อเช้าจู่ๆ ก็เดินออกไปเลย คุณสิงห์โกรธผมหรือเปล่า ? ” ผมตอบเศร้าๆ

   “ ..ออ ผมไม่ได้โกรธหรอกครับ พอดีมีเรียนตอนเช้าเฉยๆ ตอนนั้นโทรศัพท์สั่นผมคิดว่าเพื่อนน่าจะโทรตามด้วย ผมไม่อยากรบกวน ผมเลยลุกออกไปเลยน่ะครับ ” คุณสิงห์ก้มหน้าตอบ แต่ผมคิดว่ามันไม่น่าจะใช่สาเหตุที่คุณสิงห์ดูซึมลงเมื่อตอนเช้าหรอก
   
“ แต่ยังไงผมก็อยากขอโทษอยู่ดี คุณสิงห์ทานอะไรมารึยังครับ ? ”

   “ ยังไม่ได้ทานครับ ทำไมเหรอครับ ”

   “ งั้นไปกินข้าวเย็นกับผมนะถือว่าผมเลี้ยงขอโทษไม่ก็คิดว่าผมเลี้ยงเพื่อนใหม่ก็ได้ครับ ” ผมพยายามหว่านล้อมให้คุณสิงห์ไปด้วย

   “ ... ” คุณสิงห์นิ่งคิดไปสักพัก

   “ นะครับ คุณสิงห์ไปทานเป็นเพื่อนผมหน่อย ”

   “ ก็ได้ครับ ” คุณสิงห์พยักหน้ารับ    “ งั้นไปรถผมนะครับ ” คุณสิงห์พูดจบก็พาผมเดินไปขึ้นรถของคุณสิงห์และให้ผมนำทางไปร้านอาหาร

   .
   .
   .
   ใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงที่หมาย ที่ๆ ผมเลือกมานั้นเป็นร้านอาหารที่แทบจะเป็นร้านประจำของผมเลยทีเดียวเพราะ บรรยากาศที่น่านั่ง เงียบๆ อีกทั้งยังขายเค้กร่วมด้วย ผมพาคนสิงห์ไปนั่งโต๊ะที่ผมมักจะมานั่งประจำซึ่งก็โชคดีที่มันว่างพอดี

   “ ร้านน่านั่งดีนะครับ คุณเสือ “ คุณสิงห์เอ่ยชม

   “ ร้านนี้เป็นร้านประจำของผมเลยแต่ก็เรียกว่าประจำก็คงไม่เชิงเพราะผมนานๆ มาทีมาเฉพาะวันเกิดกับวันที่ผมอยากมา ” ผมยิ้มกับคำชม
   
“ ร้านนี้เมนูจะมีอยู่ข้างโต๊ะครับ ” ผมหยิบเมนูมาสองอันแล้วยื่นให้คุณสิงห์อันนึง “ สั่งได้เลยครับ คุณสิงห์ ผมเลี้ยง อ้อผมแนะนำอาหารแนวสปาเกตตี้ อะไรเส้นๆ ”

   “ ครับ ” คุณสิงห์พยักหน้าเบาๆ
   
ผ่านไปสักพักพนักงานของร้านก็มารับออเดอร์

   “ ผมขอสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าครับ ” ผมสั่งเมนูประจำที่ผมมักจะสั่ง

   “ 2 ที่ครับ ” คุณสิงห์สั่ง ผมคิดว่าคุณสิงห์คงจะขี้เกียจอ่านเมนูล่ะมั่ง

   “ รับน้ำอะไรดีครับ ” พนักงานถามหลังจากจดเมนูเสร็จ

   “ ผมขอแฟนต้าส้มขวดนึงครับ คุณสิงห์ล่ะ ” ผมหันไปถามคุณสิงห์
   
“ ไฮเนเก้นขวดนึงครับ “

   “ ครับรายการแค่นี้นะครับ ” พนักงานพูดจบก็ขอตัวไป เวลาที่เหลือคือเวลาสนทนาเพื่อรออาหาร
   
“ คุณสิงห์ ทำไมไม่กินเบียร์สิงห์ล่ะครับ กินไฮเนเก้นทำไม ” ผมถามยิ้มๆ

   “ ฮะๆ ” คุณสิงห์ขำเบาๆ กับมุขของผม

   “ ผมว่าถ้าเรียกกันมีแต่คำว่า คุณนำหน้าเนี่ยมันจะดูแปลกๆ ผมว่าลองเรียกตามที่อยากเรียกดีไหมครับ วินวินทั้งสองฝ่าย ” ผมพูดอย่างนึกขึ้นได้ ใช่แต่คำว่าคุณมาดูทางการมาก
   
“ ก็ดีครับ ” คุณสิงห์พยักหน้าประกอบคำพูด

   “ งั้น ผมขอเรียก.. ” ผมนิ่งคิดไปสักพัก “ ผมว่าผมขอเรียกสิงห์เหมือนเดิมดีกว่า ตอนแรกผมว่าจะเรียกไลอ้อนแต่มันฟังแล้วแปลกๆ เอาเป็นว่าผมจะเรียกแค่สิงห์เฉยๆ นะ  ”

   “ ครับ ” คุณสิงห์ ตอบเบาๆ แล้วนิ่งคิดไปสักพักแล้วอยู่ๆ หูของสิงห์ก็แดงขึ้นมา “ เรียกว่า แคทได้ไหมครับ.. ”
   
“ ได้ครับ  ” แคทอีกแล้ว.. แต่ช่างเถอะผมคิดว่าผมน่าจะชินกับมันได้แล้ว เพราะหยกเผยแพร่ชื่อแคทกับคนอื่นจนคนอื่นเรียกตามว่า แคท หมดแล้ว

   “ ได้แน่เหรอครับ คุณดูไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่.. ” สิงห์เลิกหูแดงแล้วมองหน้าผมตรงๆ แทนผมเหมือนว่าตาของสิงห์นั้นเต็มไปด้วยความกังวลและเหมือนจะมีดวามรู้สึกผิดปนอยู่ด้วย

“ ได้ครับ ๆ ผมก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอก แค่รู้สึกไม่ชินกับชื่อใหม่ที่มันดูต่างกันฟ้ากับเหวเลย ความน่าเกรงขามของเสือเหลือเพียงเล็บคมๆ สั้นของแมว ฮ่าๆ ” ผมพูดติดตลก เอาเข้าจริง ผมก็ชอบชื่อนี้นะ น่ารักดี

   “ ครับ แคท ” สิงห์ยิ้ม ซึ่งนี้นับเป็นรอยยิ้มแรกที่เขายิ้มเลยนะเนี่ย ผมว่าดีกว่านั่งก้มหน้าก้มตาเป็นไหนๆ เลยทีเดียว

   “ ขออนุญาตเสิร์ฟน้ำครับ ” พนักงานเอ่ยพลางรินน้ำใส่แก้วแล้วแล้วจัดแจงให้ผมกับสิงห์ ผมผงกหัวเชิงขอบคุณแล้วรับมาดื่ม แฟนต้านี้สดชื่นจริงๆ เลย

   “ แล้วแคทไม่ดื่มลีโอบ้างเหรอครับ  ” สิงห์ถามยิ้มๆ หลังจากจิบไฮเนเก้นเบาๆ แก้กระหายแล้ว ผมโดนคืนแล้วสิเนี่ย..

   “ ไม่ล่ะครับ พอดีผมคออ่อนบวกกับเมาแล้วเลื้อยน่ะ ” ผมตอบอายๆ เวลาผมเมาแนทบอกว่าแทบอยากยัดผมไปในกรงแมวเลยทีเดียว

   “ ชอบดื่มแฟนต้าเหรอครับ ” สิงห์ถามด้วยสีหน้าใคร่รู้    

   “ ก็ไม่เชิง ชอบกินเวลาร้อนๆ ไม่ก็เหนื่อยๆ แล้วมันสดชื่นดี ปกติไม่ค่อยกินเท่าไหร่ ” เพื่อยืนยันคำตอบผมดื่มไปอึกนึงแล้วส่งเสียง อาห์ ด้วยสีหน้าสดชื่นมาก ซึ่งผลที่ได้คือสิงห์หน้าแดงอีกแล้ว คงจะหน้าแดงจากแอลกอฮอล์ล่ะมั้ง ?

   “ ส่วนตัวผมชอบกินเบียร์รสนุ่มๆ ซะมากกว่าเวลาเหนื่อยๆ ” สิงห์พูดพร้อมควงพวงกุญแจรถเล่นฆ่าเวลา

---------*
ตอนนี้ยังไม่จบ แวะมาลงก่อนไปตจว.  :hao3:

ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ  :man1:







หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: wan1222 ที่ 28-04-2014 07:28:35
สั้นอ่ะ แต่ขอบคุณนะครับที่มาต่อ
พอครึ้มอกครึ้มใจ น่ารัก อบอุ่น กันไป เอิ๊กๆๆ รีบมาต่อไวๆน่ะครับคุณคนเขียน ผมรออยู่ (รออะไร ???)
รอตอนต่อไปไง   :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:(เเล้วทำไมเอาน่าแบบนี้ว่ะ หื่นน่ะกรู เอิ๊กกก)
เอิ๊กๆๆๆ  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-04-2014 09:41:46
สิงห์หน้าแดงแล้วววว จะเริ่มจีบแล้วช่ายม้ายยยยคะ

นั่งรอดูหนุ่มขี้อายจีบ 5555 หูเหอแดงหมดเลย ><
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 28-04-2014 10:16:48
แฟนต้าน้ำแดงกับคนหน้าแดงๆ นะ
โลกนี้โสภาขึ้นมาทันที
555
บวกและเป็ดขอบคุณ
สั้นๆ แต่ใสๆ+น่ารักมาก
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 28-04-2014 21:48:30
ว้าว ตอนนี้น่ารักดีค่ะ บอกแล้วว่าชื่แคทน่ะ เหมาะกว่าชื่อเสือซะอีก เสือมันแมนเกิ๊นนนนนนน 55555

เค้าค่อยๆ สานสัมพันธ์กันนะ คู่นี้ ดูค่อยเป็นค่อยไป  แต่ให้ความรู้สึกเป็นมิตร อบอุ่น และน่ารัก

แคทเอ้ย ชอบดื่มแฟนต้า เหมือนเด็กเลยอะ 555555
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 30-04-2014 23:23:57
--- ต่อ จ้า --

   “ อ้อ สิงห์วันอาทิตย์นี้ร้านผมครบรอบ 1 ปี ผมว่าจะชวนสิงห์มาด้วย ” ผมพึ่งนึกขึ้นได้จึงรีบชวนสิงห์ไว้เพราะผมกับสิงห์เจอกันไม่บ่อยนักถ้านับครั้งนี้ก็ไม่เจอกันเกือบๆ 2 อาทิตย์

   “ ..ครับ แต่ผมจะมาช่วงเย็นๆ นะครับ ” สิงห์หยุดควงพวงกุญแจและเงียบไปสักพัก
   “ มาตอนไหนก็ได้ครับวันนั้นเป็นวันพิเศษปิดร้านดึกครับ ” ผมยิ้มดีใจกับคำตอบของสิงห์

   “ ครับ ” สิงห์พยักหน้าเบาๆ พร้อมกับหูที่แดงๆ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิงห์จะขับรถไปส่งผมถึงบ้านไหม..

   “ อาหารได้แล้วครับ ” พนักงานเอ่ยเบาๆ อย่างมีมารยาทแล้ววางอาหารให้ผมกับสิงห์อย่างบรรจงแล้วจึงขอตัวไป

   “ น่ากินไหมล่ะ ” ผมพูดไปตักเส้นใส่ปากไป ผมไม่โรยอะไรเพิ่มเพราะทีนี้ทำไว้อร่อยอยู่แล้ว

   “ ครับ ” สิงห์ตอบผมแต่ไม่มองอาหาร มองหน้าผมคงจะตอบจากท่าทางการกินของผมที่สื่อประมาณว่าอร่อยมาก

   “ กินเลยๆ ” ผมคะยั้นคะยอให้สิงห์กินเพราะเห็นสิงห์มัวแต่มองๆ จ้องๆ ผม

   “ คะ ครับ ” สิงห์สะดุ้งแล้วจึงเริ่มกินบ้าง
   .
   .
   .
หลังจากนั้นผมกับสิงห์ก็คุยกันไปกินไปจนอาหารหมดจาน การคุยครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่าสิงห์เรียนด้านศิลปะวาดภาพ และสิ่งที่สิงห์รู้จากผมคือผมอายุมากกว่าสิงห์ สิงห์ดูค่อนข้างตกใจแต่ก็ไม่พูดอะไร แต่อีกอย่างที่ผมเจอตอนสนทนากับสิงห์คือสิงห์หูแดงง่ายมากๆ กับไฮเนเก้นแค่ขวดเดียว หรือไม่ก็.. ผมคิดว่าผมน่าจะพอเดาๆ ได้

ผมให้สิงห์มาส่งผมที่ร้านเพราะวันนี้เป็นเวรผมเฝ้าร้านซึ่งมันก็ไม่ลำบากสิงห์มากเพราะทางเดียวกันแต่ผมต้องเตือนสิงห์ไม่ให้สิงห์ลืมที่สัญญาไว้ไม่สิที่ผมชวน ผมเคาะกระจกให้สิงห์เปิดกระจกและสิงห์ก็เปิดกระจกแต่โดยดี ” วันอาทิตย์นะครับ สิงห์.. ” ผมพูดน้ำเสียงหวานๆ กับประโยคสุดท้ายเพื่อดูปฏิกิริยาของสิงห์ ถึงผมจะเลยวัยรุ่นแล้วนิดหน่อยแต่ก็พอทำอะไรแบบนี้ได้นะ

“ ..ครับ ” สิงห์ชะงักไปชั่วครู่แล้วหน้าก็แดงทั้งหน้า “ ฝันดีครับ ” สิงห์พูดรัวๆ แล้วขับรถไปเลย

“ ฮะๆ ” ผมหัวเราะกับท่าทางของสิงห์ ขี้อายจริงๆ แล้ววันอาทิตย์นี้จะช่วยผมได้ไหมเนี่ย.. ?

ไม่ว่าวันนี้จะฝันดีหรือไม่ก็ตาม แต่ผมว่าผมอยากให้ถึงวันอาทิตย์ไวๆ จังเลยแฮะ

-----*
กลับคลาดเคลื่อนไปวันนึง  :hao5:  แวะมาต่อให้จบค่ะและค่อยนอน  :z6:

หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 5 100 % ZzZ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 30-04-2014 23:36:08
ง่ะ

มีเหลือ10% ด้วย

หนุ่มเชอรี่จีบยากจริงแท้ หน้าแดงเอาๆ :hao5: :hao5:

รอตอนต่อไปอยู่นะค้าาาา ^^
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-05-2014 23:40:03
-- ตอนที่ 6 --

   “ ยินดีต้อนรับครับ ” ผมพูดระหว่างที่ยืนหน้ารับต้อนรับลูกค้า วันนี้เป็นวันอาทิตย์ และเป็นวันครบรอบหนึ่งปีของร้าน ซึ่งตอนนี้ผมอยู่ในชุดลายทางคล้ายๆ ตัวตลกแต่สวมที่คาดผมหูแมวพร้อมกับถือลูกโป่งทรงปลา ทำไมผมต้องใส่น่ะเหรอ ต้องย้อนความไปเมื่อวานที่เป็นวันหยุดของร้าน

   “ พรุ่งนี้ร้านเราครบปีแล้ว แต่งร้านยังไงดีว่ะ ” หยกบ่นไปกินขนมที่เหลือจากเมื่อวานไป

   “ เอางี้ ร้านเราไม่ค่อยมีลูกค้าเด็กเลย ลองทำอะไรเรียกลูกค้าพวกเด็กๆ ดู ” แนทเสนอ

   “ ก็ดีนะ แต่ว่าจะแต่งแนวไหนล่ะ ” ผมเห็นด้วยกับความคิดของแนท ร้านพวกผมไม่ค่อยได้ลูกค้าเด็กเท่าไหร่ คนที่นั่งส่วนใหญ่ก็จะวัยรุ่นไม่ก็วัยทำงาน
   
“ ลูกโป่ง สัตว์ ทำนองนั้น แต่ก็ให้พวกคนวัยอื่นมานั่งได้ด้วย งั้นออกแนวๆ ละครสัตว์เป็นไง ” แนทเสนอสิ่งที่ยากกว่าเดิม
   
“ แต่จะแต่งร้านทันเหรอ  ” ไม้ขัด ไม้นี่ก็เป็นหนึ่งในคนที่ร่วมกันเป็นร้านนี้เหมือนกัน แต่ก็เรียกผมว่าแคทเหมือนคนอื่นอยู่ดี
   
“ ทำไมจะไม่ทันล่ะ ? ลืมแล้วเหรอว่าฉันชอบสะสมอะไร ” หยกพูดยิ้มๆ จริงด้วย หยกชอบสะสมพวกของแต่งร้านแทบทุกแนว มียันหัวกะโหลกปลอมยันตุ๊กตาหิมะของเล่น

   “ ส่วนพวกแต่งกายฉันจัดการเอง ” แนทอาสา ใช่แนทก็บ้าสะสมเครื่องแต่งกายเช่นกัน

   “ ว่าไงว่าตามละกัน ” ไม้ยักไหล่แล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟา
   แต่ที่มาของชุดผมคือ..

   “ แคท ! หางแมวน้องยืมไปว่ะ โอ้ยย เสียดายว่ะ งั้นเอาแค่หูแมวพอกับเสื้อลายทางพอ ” แนทยื่นชุดกับหูแมวมาให้ผม

   “ แนท เสือใส่แค่เสื้อลายทางได้ไหม ? ” ผมพยายามต่อรอง ใส่หูแมว มีหวังผมโดนล้อแน่

   “ เชอร์รี่นำเข้า 3 กล่อง ” อะ..

   นั่นคือที่มาของชุดของผมในวันนี้

   “ ว้าวๆ คุณแมวล่ะ แม่ๆ ผมอยากกินเค้กกก ” แต่ผลตอบรับที่ได้ก็ไม่ได้แย่อะไร

   “ เมี้ยว ~ ถ้ากินเค้ก ฉันจะให้ลูกโป่งปลาของฉันล่ะ ” ผมพยายามพูดล่อลวง

   “ แม่ผมอยากกินเค้กกก ” เด็กชายพยายามกระตุกเสื้อและลากแม่มาหาผมซึ่งผมก็หลุดขำไม่ได้กับท่าทางของเด็กชาย

“ ก็ได้ แม่ก็อยากกินเหมือนกัน ” แม่ของเด็กชายจึงยอมให้เด็กชายลากเสื้อมาหาผม
   
“ คุณแมว ลูกโป่งๆ ” เด็กชายเอ่ยขอผม

   “ รักษามันดีๆ ล่ะ เมี้ยว ~ ” ผมยื่นให้พร้อมส่งยิ้มให้กับแม่ลูกคู่นี้
   
“ ขอบคุณฮะ !  ” เด็กชายรับไปแล้ววิ่งเข้าไปในร้าน ผมคิดว่าน่าจะตื่นตาตื่นใจกับของตกแต่งในร้าน ซึ่งแม่ของเด็กชายก็ผงกหัวให้ผมเชิงขอบคุณและเดินตามลูกชายแสนซนของเธอไป
   
ตายล่ะ ลูกโป่งปลาผมใกล้หมดแล้ว แต่ไม่เป็นไรผมมีที่สูบลงลูกโป่งอยู่ซึ่งผมก็ต้องสูบลมเองอีก ข้างในค่อนข้างยุ่งเพราะมีคนสนใจกับวันพิเศษข้างร้านค่อนข้างเยอะบวกกับโดนผมล่อลวงด้วย แต่ใช้ได้ผลเฉพาะกับเด็ก ส่วนคนโตก็มีขอถ่ายรูปด้วยเรื่อยๆ ซึ่งผมก็ไม่ติดขัดอะไรถือว่าเป็นการโปรโมทร้านไปในตัว

ฟุ่บ ผมรีบสูบลมใส่ลูกโป่งปลาก่อนที่ลูกค้าจะเข้า ซึ่งผมซ้อมสูบมาแล้วจึงทำได้อย่างคล่องแคล่ว ตอนนี้ก็เริ่มบ่ายแล้ว ลูกค้าคงจะหาที่เย็นๆ เข้าแก้ร้อน ผมต้องสูบไว้เยอะๆ ตุนไว้ จะได้พอตลอดทั้งบ่าย

   “ แคท ”

   “ อ้ะ ! “  ผมสะดุ้งจนเกือบทำลูกโป่งปลาแตกซึ่งพอผมหันไปดูว่าใครก็ต้องฉีกยิ้มดีใจ “ ไหนว่ามาตอนเย็นๆ ไงครับ สิงห์ ” คนที่ผมรอมาแล้ว

   “ พอดีผมจำผิดวันน่ะ ” สิงห์หน้าแดงกับคำตอบ

   “ ช่างเถอะ มาก็ดีแล้วมาหลังร้านก่อนมาๆ ” ผมผูกลูกโป่งปลาไว้กับที่สูบลมแล้วลากสิงห์ไปหลังร้านซึ่งก็เรียกว่าลากก็ไม่ได้เพราะสิงห์ปล่อยตัวเดินตามผม

   “ แนทท ! เพื่อนเสือมาแล้ววว ” ผมตะโกนเรียกแนทที่อยู่หน้าเตาเอาขนมปัง ที่ผมตะโกนได้เพราะเตาอบขนมปังครัวทุกอย่างอยู่หลังร้านและกำแพงก็ค่อนข้างหนาทีเดียว ต่อให้ผมตะโกนจนกระจกแตกในร้านก็ไม่ได้ยิน
   
“ เออ ! แปปนึง ” แนทวางถาดขนมปังแล้ววิ่งมาหาผม “ ให้เพื่อนแคทรอนี่ก่อน เดี๋ยวฉันไปเอาชุดให้ ” แนทพูดจบก็วิ่งขึ้นไปชั้นบนของร้าน

   “ หมายความว่าไงครับ ? ” สิงห์ส่งสายตาเป็นเชิงคำถามให้ผม
   
“ น่า ” ผมไม่ตอบแต่ยิ้มให้แทน

   ตึง ตึง ตึง เสียงแนทวิ่งลงบันไดอย่างเร่งรีบ “ มาแล้ววว ” แนทวิ่งกลับมาพร้อมชุดให้สิงห์ “ อ่ะ ให้เพื่อนแคทใส่แล้วคืนวันหลังนะซักด้วย ฉันไปอบขนมปังต่อล่ะ ” แนทพูดจบก็วิ่งไปเลย

   “ ผมต้องใส่ ? ” สิงห์ทำหน้าเหมือนช็อคมาก

   “ ใช่ เมี้ยว ~ ” ผมยื่นชุดให้สิงห์แล้วดันหลังสิงห์เข้าไปในห้องน้ำ “ เอาล่ะสิงห์ ผมให้เวลา 5 นาที ถ้าช้ากว่านั้น ผมจะ
ไม่ให้ลูกโป่งปลากับคุณนะ เมี้ยว ~ ”
   
“ ตะ แต่ว่า ” สิงห์ยังช็อคไม่หาย

   “ แง้วๆ ลูกโป่งปลาผมจะไม่ให้คุณนะ ” ผมหน้ามุ่ยใส่พร้อมปิดประตูใส่เลยเป็นเชิงบังคับ ฮ่าๆ หวังว่าสิงห์จะไม่โกรธผมนะ ผมอยากได้เพื่อนยืนต้อนรับนี่นา ผ่านไปสักพักสิงห์ก็เปิดประตูออกมา “ เมี้ยว ~ ทันเวลาพอดี ” ซึ่งผมก็ไม่ได้จับเวลาหรอก “ ดูดีเหมือนกันนะ เมี้ยว~ ” ผมครางในลำคอ

   “ คะ ครับ ” สิงห์ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับหน้าแดงๆ ตอนนี้สิงห์อยู่ในชุดสูทสีดำขาวซึ่งที่คอเสื้อของสูทนั้นมีขนฟูๆ สีส้มคล้ายกับแผงคอของสิงโต กับหมวกทรงสูงสีดำที่มีหูสัตว์ข้างหมวก สิงห์สวมถุงมือสีขาวและมีหูกระต่ายสีแดงที่คอเสื้อ แต่ผมว่าเหมือนขาดอะไรไปอย่าง ผมเดินไปหยิบผ้าคลุมโต๊ะอาหารสีแดงออกมาสะบัดๆ แล้วยื่นให้สิงห์

   “ สวมนี้ด้วย จะได้ตัดกับสีดำ ” ผมยื่นให้สิงห์

   “ ครับ ” สิงห์รับไปสวมโดยไม่เอ่ยทักท้วงอะไรกับการที่ผมเอาผ้าปูโต๊ะมาให้สวมเป็นผ้าคลุม

   “ งั้นออกไปยืนต้อนรับลูกค้ากัน ” ผมลากสิงห์ออกไปอีกครั้ง เมื่อมาถึงผมก็ปล่อยให้สิงห์ยืนหน้าร้านไปแล้วผมก็ไปแกะเอาลูกโป่งปลามายืนข้างๆ

   “ คะ แคท.. ” สิงห์หน้าซีดสลับแดงเรียกผม
   
“ น่าๆ สิงห์ยืนเป็นเพื่อนกัน สิงห์หล่อจะตายมั่นใจในตัวเองสิ ” ผมตบไหล่สิงห์เบาๆ เชิงให้กำลังใจ “ อีกอย่างสิงห์ใส่ชุดนี้เหมือนหัวหน้าคณะละครสัตว์เลยแฮะ ”

   “ ผมว่าเหมือนพวกคนฝึกสัตว์มากกว่า ” สิงห์ตอบผมด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้นหลังจากผมให้กำลังใจ
   
“ ฝึกผมเหรอ เมี้ยว ~ ” ผมครางเบาๆ สิงห์ไม่ตอบผมแต่หน้าแดงแทน ซึ่งท่าทางทำอะไรไม่ถูกของสิงห์ทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

   “ คุณแมวววว ” มีบางสิ่งบางอย่างกระโจนมาเกาะเอวผม ซึ่งสิ่งนั้นคือเด็กผู้หญิงที่น่าจะอายุประมาณ 4-5 ขวบ

   “ หนูน้อยข้างในร้านมีพี่หมีด้วยนะเมี้ยว ~ ” ผมลูบหัวหนูน้อยที่ผมกล่าวถึง

   “ จริงเหรอคะคุณแมว ” หนูน้อยตาเป็นประกายเมื่อผมพูดถึงหมี

   “ จริงสิ ไม่เชื่อลองถามเจ้านายฉันสิ เมี้ยว ~ ” ผมพยายามส่งสายตาให้สิงห์ตอบรับ

   “ ชะ ใช่ เชื่อแมวของผมได้เลย ” สิงห์พยายามยืดอกพูดรับประกันคำพูดของผม

   “ ว้าว ! พ่อหนูไปหาคุณหมีนะคะ ” หนูน้อยปล่อยมือจากเอวผมแล้ววิ่งเข้าไปในร้าน

   “ เฮ้อ ” คุณพ่อของหนูน้อยถอนหายใจยิ้มๆ แล้วเดินตามหนูน้อยไป แต่ผมยืนขวางทางไว้

   “ เมี้ยว ~ ผมให้นะ ” ผมยื่นลูกโป่งปลาให้พ่อของหนูน้อยด้วยรอยยิ้ม

   “ ขอบคุณครับ ” เมื่อพ่อของหนูน้อยรับลูกโป่งแล้ว ผมจึงหลีกทางให้เดินต่อ
   
“ สิงห์ ก็ทำได้ดีนี่นา อ้อในกระเป๋าเสื้อนายมีลูกอมอยู่ไว้แจกได้ ” ผมเอ่ยชมให้กำลังใจ แต่คุยกันได้ไม่นานก็มีกลุ่มลูกค้าเดินมาอีกซึ่งผมกับสิงห์ก็ต้อนรับและเล่นมุขต่างๆ เพื่อเรียกลูกค้า
   .
   .
   .
   “ เฮ้ออ เหนื่อยว่ะ ” หยกบ่นหลังจากเก็บร้านเสร็จ ซึ่งตอนนี้พวกผมก็นั่งอยู่ที่หลังร้านที่ตอนนี้กลายเป็นมุมสังสรรค์ไปแล้ว
   
“ แต่ลูกค้าทะลุเป้านะ ” แนทพูดยิ้มๆ

   “ แต่ฉันเนี่ยมือแทบพันกันเป็นสายหูฟังโทรศัพท์เลยโว้ย ” ไม้บ่นแว้กๆ แล้วกลิ้งไปมาบนพื้นห้อง

   “ ฉันก็เหนื่อยเหมือนกันแหละโว้ย ” แมททิวบ่นเสียงดังสู้ไม้ แมททิวนี้ก็เพื่อนร่วมทำร้านแต่เมื่อวานไม่ได้อยู่ประชุมด้วยเพราะเป็นเวรซื้อของ

   “ น่าๆ ว่าแต่เพื่อนแคทที่มาช่วยเนี่ยใครเหรอ ” แนทพูดด้วยรอยยิ้มหวานกับสายตาที่ดูเหมือนพยายามล้วงความลับจากผม

   “ ชื่อสิงห์น่ะ ” ผมแนะนำสั้นๆ กระชับๆ
   
“ แนะนำแค่นี้ ? ” หยกถามเสียงสูง
   
“ ก็เสือพึ่งรู้จัก ”

   “ เออๆ ” หยกตอบเซ็งๆ

   “ แล้วนี้แคทลากมาช่วยทั้งๆ ที่พึ่งรู้จักกันเนี่ยนะ ” แมททิวถามผมด้วยน้ำเสียงที่สูงกว่าหยก

   “ ก็จะได้สนิทกันไวๆ ไง ” ผมตอบ
   
“ เหอะๆ ” ไม้หัวเราะเบาๆ

   “ ... ” สิงห์ไม่พูดอะไรกับคำตอบของผมแต่ผมก็แอบเห็นหูที่แดงเล็กน้อยของสิงห์

   “ เสือไปส่งสิงห์ละ ” ผมลุกขึ้นยืนแล้วพยายามดึงแขนสิงห์ให้ลุกตาม เพราะตอนนี้ก็เหลือแต่ล้างจานแล้ว อาหารกับเครื่องดื่มนั้นหมดนานแล้ว

   “ บ๊ายบาย ” พวกหยกโบกมือลาซึ่งสิงห์ก็ผงกหัวรับแล้วยอมให้ผมไปส่ง

   “ ส่งแค่หน้าร้านก็ได้ครับ ดึกแล้ว” สิงห์พูดขึ้นเมื่อผมทำท่าจะเดินไปส่งถึงอพาร์ทเมนท์
   
“ เอางั้นเหรอ..  ” ผมถามอย่างลังเล

   “ ครับ ” สิงห์พยักหน้ารับแล้วหันหลังกลับเดินไปอพาร์ทเมนท์
   
“ เดี๋ยวก่อน ! รอแปปนึง ” ผมรั้งแขนสิงห์ไว้แล้ววิ่งไปเอาของที่ผมสัญญาไว้ ซึ่งใช้วลาไม่นานนักผมก็กลับมาพร้อมกับสิ่งของนั้นๆ

   “ เมี้ยว ~ นี่เป็นลูกโป่งปลาสุดโปรดอันสุดท้ายของฉัน หวังว่าเจ้านายจะรับมันไว้นะ ” ผมยื่นให้สิงห์

   “ อืม ” สิงห์พยักหน้าเบาๆ แล้วรับมันไป

   “ ฝันดีครับเจ้านายของผม เมี้ยว ~ ” ผมพูดน้ำเสียงหวานๆ

   “ ฝะ ฝันดีเหมือนกันครับ เจ้าเหมียวของผม ” สิงห์ตอบผมด้วยหน้าที่แดงเถือกแล้วหันหลังกลับเดินไปอพาร์ทเมนท์ทันที
   
ฝันดีครับทุกคน

------------
ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ  :hao3:

ปล.ลงตอนดึกง่วงมาก  :z6:


หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-05-2014 23:52:21
้เหมียวแคท!!!!

น่ารักมากกกกกกก

ว่าแต่เด็กๆที่โดนล่อลวงด้วยลูกโป่งกับลูกอมง่ายทุกคนเลยแฮะ ทำไมหว่า

ปอลอ เมื่อไหร่เหมียวแคทจะได้ไปส่งหนุ่มสิงห์หน้าบ้านค้าาาาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 02-05-2014 00:31:50
เขิลน่าดู  :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 02-05-2014 12:05:42
พี่เสือกับน้องสิงห์ มุ้งมิ้ง

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 02-05-2014 15:51:50
ดูมุ้งมิ้งกันจัง :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: MESAAAAA ที่ 03-05-2014 22:19:29
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเลยยยยย ><
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 03-05-2014 22:24:57
น่ารักทุกตอนเลยนะ

คงไม่มีดราม่าหรอกเนอะเรื่องนี้ ใสๆขนาดนี้

แต่ความหื่นนี่ มีบ้างก็ได้นะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 03-05-2014 22:38:24
-- ตอนที่ 7  :katai4: --

   “ แคทไวๆ ดิ้หิวแล้ววว ”

   “ ใช่ แม่งโครตหิวเลย ทำช้าชะมัด ”

   “ แคททททททท กูหิววว ”

   “ หิวโว้ยยยยยย ”

   “ ไม้ ! เปลี่ยนช่องใครให้มึงเปิดทีวีแชมป์เปี้ยนนน กูหิวยิ่งกว่าเดิมอีก ”

   ฯลฯ

   วันนี้ผมรับหน้าที่เป็นพ่อครัวสำหรับมื้อเย็น ซึ่งเวลาผมทำอาหารผมจะทำค่อนข้างช้าเพราะมัวแต่บรรจงทำให้ดีที่สุด ทำให้มีเสียงโหยหวนจากในห้องนอนชั้นสอง ห้องที่ปกติพวกผมไว้กินอาหารกัน ไม่ก็นั่งเล่นทำอะไรต่อมิอะไร ผมไล่พวกหยกไปรอบนห้องดูทีวีรอ เอ แต่ว่าผมว่ามันน่าจะขาดเครื่องปรุงอะไรไปนะ ใช่ ! มะนาว ผมทิ้งครัวแล้ววิ่งไปหน้าร้าน ผมปลูกต้นมะนาวไว้ข้างๆ ต้นไม้ใหญ่ซึ่งมันต้นมันก็ค่อนข้างเล็กแต่ก็พอมีลูกให้ผมชื่นใจบ้าง ผมเด็ดผลมันมาสักสองสามลูกแล้ววิ่งกลับไปที่ครัวเพื่อทำอาหารต่อ ถ้าสายตาผมไม่เหลือบไปเห็นสิงห์ที่กำลังเดินโซซัดโซเซก่อนน่ะนะ

   ผมยัดมะนาวใส่ช่องใส่ของหน้าท้องของผ้ากันเปื้อนที่ปกติไว้ยัดพวกเงินบิลอะไรทำนองนั้น เวลารีบๆ ผมวิ่งไปหาสิงห์อย่างเร่งรีบ เพราะสิงห์ดูโทรมมากๆ เดินเอี้ยงซ้ายทีขวาที “ สิงห์ ! ” ผมเรียกสิงห์เสียงดังเมื่อวิ่งมาถึง

   “ ... ” สิงห์ไม่ตอบโต้อะไรแต่ตาดูเลื่อนลอย

   “ สิงห์ ! ” ผมเรียกเสียงดังอีกครั้งเพื่อเรียกสติสิงห์แต่สิงห์ก็ไม่ตอบโต้เหมือนเดิม

   “ ไลอ้อน ! ” ผมลองเรียกอย่างอื่นดูบ้างพร้อมเขย่าๆ ไหล่สิงห์ ซึ่งมันทำให้ผมต้องยืดตัวด้วย

   “ คะ ครับ ! ” สิงห์ตอบพร้อมกับดวงตาที่สดใสอีกครั้ง สิงห์มองหน้าผมด้วยความงุนงง “ แคท ? ”

   “ สบายดีไหม ” ผมถามอย่างเป็นห่วง

   “ ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ พอดีผมยังไม่ได้กินอะไรเลยวันนี้ ทั้งวันเลยเบลอๆ นิดหน่อย ”  สิงห์ตอบพลางนวดขมับตัวเองเบาๆ

   “ คิดว่าไม่นิดนะ ” ผมถอนหายใจกับคำตอบของสิงห์ เดินอย่างนั้นเรียกเบลอนิดหน่อยเนี่ยนะ “ สิงห์ ไปกินข้าวเย็นกับผมไหมล่ะ ? ” ผมชวนสิงห์ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ

   “ ไม่เป็นไรครับ ผมทานมาม่าที่ห้องก็ได้ ผมเพิ่งซื้อรสแกงเขียวหวานมาชิมพอดี ” สิงห์ตอบผมอย่างเกรงใจ ลำพังเดินยังเอียงๆ ยังจะต้มมาม่าอีกเหรอสิงห์

   “ ถือว่าผมเลี้ยงขอบคุณคราวที่ยืนเป็นเพื่อนกันล่ะกัน ” ผมไม่รอคำตอบแล้วจูงมือสิงห์กลับร้านผมทันที จะเพิ่มคนกินอีกสักคนจะเป็นไรไป

“ นอนนี่ก่อน เดี๋ยวผมทำอาหารให้กินแปปนึง ” ผมผลักสิงห์นอนบนโซฟาที่ว่างอยู่ ซึ่งปกติเป็นที่นอนของผมเวลาอยากงีบตอนกลางวันที่หลังร้าน

“ ขอบคุณครับ ” สิงห์เอ่ยเบาๆ แล้วหลับตาลง

“ ไม่เป็นไร ” ผมยิ้มแล้วกลับไปทำอาหารต่อ ผมทำใกล้เสร็จแล้วล่ะเหลือแค่ปรุงรสนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งมันขาดมะนาวพอดีเลยทำไม่เสร็จ ผมหยิบมะนาวที่เก็บมาล้างแล้วผ่าครึ่งซีกมาบีบปรุงรสอาหาร เย็นนี้ผมเลือกเมนูเป็นก๋วยจั๊บเพราะกินหลายคน ผมยืนปรุงต่อไปสักพักจนครบทุกถ้วย ผมสามารถปรุงให้ได้เลยเพราะผมรู้ว่าเพื่อนผมชอบรสประมาณไหน แต่ก็เว้นไว้ถ้วยนึงที่ผมปรุงไว้กลางๆ

ผมหยิบถ้วยนั้นแล้วเดินไปหาสิงห์ที่ตอนนี้หลับไปแล้วแม้จะเพิ่งมาถึงก็ตาม คงจะเพลียมากๆ แต่ผมคงให้นอนไม่ได้เพราะสิงห์บอกว่ายังไม่ได้กินอะไรเลย ผมสะกิดสิงห์เบาๆ ด้วยมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือถ้วยก๋วยจั๊บ “ สิงห์ๆ อาหารเสร็จแล้วนะ ” ผมพยายามเอ่ยเรียกด้วย

“ อืม ” สิงห์ขยับขึ้นมานั่ง ผมคิดว่าสิงห์คงนอนหลับไม่สนิทนักจึงรู้สึกตัวง่ายขนาดนี้

“ ผมปรุงรสไว้กลางๆ ถ้าสิงห์ไม่ชอบกินเดี๋ยวผมกินให้ก็ได้ ” สิงห์อาจจะไม่ชอบก๋วยจั๊บก็ได้ แล้วเดี๋ยวผมค่อยทำเมนูอื่นให้สิงห์ทานแทน

“  ไม่เป็นไรครับ ผมกินได้ขอบคุณมากนะครับ ” สิงห์รับไปทานแต่โดยดี

“ ขอเพิ่มได้นะ ผมทำไว้เยอะ ” ผมยิ้มเพราะสิงห์กินอย่างมูมมาม คงจะไม่ได้กินอะไรทั้งวันจริงๆ น่ะแหละ แต่ผมยิ้นยิ้มได้ไม่นานก็ต้องหยุดไว้ก่อนเพราะ..

“ แคททโว้ยยย ถ้ายังไม่เสร็จฉันสั่งพิซซ่าก็ได้นะโว้ย ถ้าจะนานขนาดนี้ ฮือๆ ”

“ ไส้จะขาดแล้วววว ”

“ ทำไมภาพอาหารเมื่อกี้มันติดตาว่ะ กูหิวว ”
ผมกับสิงห์หลุดขำกับเสียงโหยหวน

“ แคท เอาขึ้นไปให้เพื่อนแคทก่อนก็ได้ครับ ผมนั่งทานคนเดียวก็ได้ ” สิงห์พูดเบาๆ

“ งั้นเดี๋ยวผมมานะ ” ผมเดินไปหยิบถ้วยใส่ถาดแล้วเดินขึ้นบันไดไปเสิร์ฟให้เพื่อนๆ ผู้หิวโหยของผม

“ แคททททท มึงมาซะที เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนานนน ” หยกแทบเป็นร้องเพลงเมื่อเห็นผม

“ วางเลยๆ หิวว นะครับ หนูแคท ” แมททิวแทบกอดขาผมพูด

“ วางเถิดหนาคนดี ” ไม้ก็เช่นกัน

“ กูเกือบสั่งพิซซ่าละ อีแคททท ” แนทว้าก

“ อาหารแด่เพื่อนผู้หิวโหยมาแล้วครับ ” ผมพูดขำๆ แล้ววางถาดลงบนโต๊ะหน้าทีวีซึ่งผู้หิวโหยก็ฉกเอาไปอย่างรวดเร็ว

“ อูมามิ ! ” เพื่อนผมผู้หิวโหยพูดพร้อมกันหลังจากกินไปคำแรก

“ ฮะๆ ” ผมหัวเราะเบาๆ “ เสือกินข้างล่างนะ กินเสร็จจะได้ล้างจาน ” ผมอ้างไปเรื่อยแล้วเดินลงไปเลยซึ่งพวกหยกก็ไม่สงสัยอะไรเพราะปกติพวกหยกก็ไม่ล้างอยู่แล้ว นอกจากผมจะลากพวกหยกมาล้างเวลาผมขี้เกียจล้าง แต่ก็นานๆ ที “ สิงห์ ? ” ผมลงมาถึงก็พบว่าสิงห์ทานหมดแล้วแทนที่จะนอนกลับนั่งนวดขมับ

“ ... ” สิงห์ไม่ตอบผมอยู่ดี อาการคงหนักล่ะ ผมตัดสินใจเดินไปเอายาแก้ปวดกับน้ำให้สิงห์ เพราะปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่ดีแน่

“ สิงห์ๆ กินยาไหม ” ผมเขย่าตัวสิงห์ที่นั่งอยู่เบาๆ แล้วยื่นยากับน้ำให้

“ อืม ” สิงห์รับยากับน้ำไปกินแล้วส่งคืนให้ผม

“ ไหวไหม ? ผมไปส่งที่ห้องไหมหรือจะนอนห้องผมก่อน  ” ผมถามอย่างห่วงๆ

“ นอนตรงนี้ก่อนก็ได้ครับ ปกติผมหลับสักชั่วโมงก็ฟื้นแล้ว แค่ปวดหัวนิดหน่อย ” สิงห์ยิ้มให้ผมทำนองว่าอย่าเป็นห่วงเลย

“ ก็ได้ งั้นสิงห์นอนนี้ไปก่อนเดี๋ยวล้างจานเสร็จผมมาปลุก ” ผมถอนหายใจ ใจจริงผมอยากให้สิงห์นอนเตียงนุ่มๆ มากกว่า แต่ผมก็ไม่อยากบังคับกัน

“ ครับ ” สิงห์รับคำแล้วล้มตัวนอนบนโซฟาผม
ผมมองตามอย่างห่วงๆ แต่ท้องผมก็เริ่มคร่ำครวญแล้ว ผมจึงเดินไปเอาก๋วยจั๊บถ้วยที่ผมไม่ได้เอาขึ้นไปเสิร์ฟด้วยมานั่งกินบนโซฟาเดียวกับสิงห์ โซฟาตัวนี้ค่อนข้างใหญ่แต่สิงห์ก็พยายามนอนย่นขาให้ผมพอนั่งได้ซึ่งผมก็นั่งได้พอดีไม่อึดอัด ผมนั่งกินเงียบๆ ถึงแม้ว่าผมควรไปนั่งกินมุมอื่นมากกว่า ถ้าเกิดอยู่ดีๆ สิงห์เป็นลมชักพอดีคงแย่ ผมนั่งกินไปเรื่อยๆ จนหมด ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพวกหยกไม่ลงมาเพราะผมตักให้ในปริมาณมากพอสมควรเพราะเห็นบ่นหิวๆ กัน

“ สิงห์ผมไปล้างจานแปปนึงนะ ” ผมลุกขึ้นแล้วบอกเบาๆ เพื่อไม่ให้สิงห์ตกใจตื่น แล้วผมก็เดินไปล้างจาน แต่ตอนล้างจานผมก็ล้างไปสลับกับหันมาดูสิงห์อย่างห่วงๆ เป็นระยะๆ อยู่ดี

.
.
.

“ สิงห์ๆ ดีขึ้นไหม ” ผมเขย่าปลุกสิงห์ ผมล้างจานเสร็จก็ครบชั่วโมงพอดี

“ อืม ” สิงห์ลุกขึ้นมานั่งอย่างงัวเงียแล้วบิดขี้เกียจ “ ผมคิดว่าผมฟื้นแล้วล่ะ ”

“ ตามที่พูดไว้เลยแฮะ ” ผมพูดพึมพำ “ แล้วทำไมสิงห์ไม่ได้กินข้าวล่ะ ”

“ วันนี้ผมตื่นสายตื่นทีบ่าย ” สิงห์หน้าแดงเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “ แล้วผมก็นั่งทำงานต่อจนเสร็จ พอเสร็จผมก็เลยกะว่าจะไปซื้อของกินที่เซเว่นแต่เจอแคทซะก่อน ”

“ มาม่าล่ะ ? ” ผมถามงงๆ มีมาม่าแล้วจะลงมาซื้อทำไมอีก

“ ผมโกหกน่ะครับ ” สิงห์ไม่สบตาผม “ ขอโทษครับ ” 

“ ไม่เป็นไรๆ สิงห์กินเค้กเชอร์รี่ไหม ” สิงห์คงไม่อยากให้ผมเป็นห่วงแหละ แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ผมเก็บเค้กเชอร์รี่ไว้กินชิ้นนึง

“ ตามใจครับ ” สิงห์ดูใจชื้นขึ้นเมื่อผมไม่ได้ว่าอะไรอีกทั้งยังชวนกินของชอบอีกต่างหาก

“ ไม่ปฏิเสธสินะ ฮ่ะๆ ” ผมหัวเราะเบาๆ กับหูที่แดงของสิงห์ “ งั้นเดี๋ยวผมมาแปปนึง ”  ผมเดินไปหยิบเค้กเชอร์รี่ในตู้เย็นห้องครัวแล้ววางมันใส่จานพร้อมหยิบช้อนมา 2 คัน แล้วเดินกลับมาหาสิงห์ “ กินที่หน้าร้านไหม ? ”

“ ครับ ” สิงห์พยักหน้าหงึกหงัก ผมจึงเดินนำออกไปหน้าร้านทันทีซึ่งสิงห์ก็เดินตามผมต้อยๆ เหมือนกับลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ดเลยแฮะ ผมพาสิงห์ไปนั่งที่เดิมที่เคยนั่งกัน ผมมักจะนั่งตรงนี้เป็นประจำถ้ามีโอกาส ผมวางจานลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงซึ่งสิงห์ก็เลือกนั่งตรงข้ามกับผมเหมือนเดิม

“ เชอร์รี่แบ่งยังไงดี ? ” ผมถามปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันมีลูกเดียวซึ่งทั้งผมและสิงห์ก็ชอบกินทั้งสองฝ่าย

“ แคทกินก็ได้ครับ ผมทานแต่เค้กก็ได้  ” สิงห์ตอบคำตอบที่ผมกะไว้แล้วว่าจะตอบ

“ งั้นครึ่งลูกนะ คนละครึ่ง ” ผมใช้ช้อนตักมาไว้ที่ข้างจานแล้วสับครึ่งทันทีซึ่งมันก็ไม่ค่อยเท่ากันเท่าไหร่ ผมกินครึ่งที่น้อยกว่าทันทีเพราะเดี๋ยวสิงห์ก็บอกให้ผมกินครึ่งเยอะอีก ผมอยากให้คนป่วยกินอะไรดีๆ มากกว่ามาเสียสละให้ผมนะ  “ สิงห์กินครึ่งที่เหลือนะ ” ผมบอกแล้วจ้วงเค้กคำแรก

“ ครับ ” สิงห์ตอบแล้วตักกินบ้าง  ตามคาดสิงห์เก็บไว้กินเหมือนเดิม

“ สิงห์ชอบเก็บไว้กินเหรอ ? ” ผมถามไปจ้วงไป เค้กเริ่มไม่คงสภาพที่สวยงามแล้วตอนนี้

“ ครับ ผมอยากเก็บของที่ชอบที่สุดไว้ให้นานที่สุดน่ะครับ ” สิงห์ตอบหน้าแดงๆ 

“ อ้อ ต่างจากผมนะ ผมชอบกินของที่ชอบก่อนเลย ” ผมตอบยิ้มๆ แล้วจ้วงต่อ
หลังจากจบบทสนทนาเมื่อกี้ผมกับสิงห์ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน แต่บรรยากาศก็ไม่ได้อึดอัดอะไรออกแนวสบายๆ ซะด้วยซ้ำ ผมกับสิงห์จ้วงเค้กกินจนหมด และตอนนี้ก็เหลือเพียงลูกเชอร์รี่

“ วาระสุดท้ายของๆ ที่สิงห์ชอบแล้วนะ ” ผมพูดขำๆ

“ ไม่หรอกครับ ” สิงห์สบตาผมและตักเชอร์รี่ครึ่งที่เหลือใส่ปากผมแทน ซึ่งผมก็เคี้ยวกินด้วยความงุนงงเล็กน้อย

“ ผมอิ่มแล้วครับ กินอีกคำออกทางเดิมแน่ ” สิงห์หน้าแดงตอบผม

“ อืม ” ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะผมก็ตักให้สิงห์ในปริมาณที่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน

“ กินเสร็จแล้ว ผมขอตัวกลับน่ะครับ ” 

“ อืม ให้ผมไปส่งไหม ? ” ถึงจะดูท่าทางปกติผมก็เป็นห่วงอยู่ดี

“ ผมดีขึ้นแล้วครับ ไม่เป็นไร ขอบคุณมากนะครับสำหรับอาหาร อร่อยมากๆ ” สิงห์ตอบผมแล้วลุกขึ้นยืน “ ราตรีสวัสดิ์นะครับ ” สิงห์ก้มลงบอกกับผมเบาๆ ด้วยหน้าที่แดงเถือก แล้วหันหลังเดินไปเลย

“ราตรีสวัสดิ์ สิงห์ ” ผมยิ้มแล้วตอบกลับไปผมเปลี่ยนใจแล้วผมเดินไปส่งสิงห์ดีกว่า ผมลุกขึ้นตามแล้วกำลังจะวิ่งตามสิงห์ไป แต่..

“ แคททท ก๋วยจั๊บหมดยังงง ”

“ ขออีกสักครึ่งถ้วยยย มันย่อยแล้วว ”

“ หิววววว ”

“ ไม้ มึงจะไปเปิดดูย้อนหลังทีวีชอมเปี้ยนทำไมอีกกกก ”

เสียงปริศนาเหล่านี้ทำให้ผมหยุดกึกเลย แล้วหัวเราะออกมาซึ่งสิงห์ก็หยุดเดินแล้วหัวเราะเช่นกัน ใช่ ผมลืมพวกสหายผู้หิวโหยไปได้ยังเนี่ย


-----

สิงห์เริ่มรุกเบาๆ อย่างอายๆ  :hao6:

ปล. ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ  :mc4:

ปล2. เป็นคนชอบอ่านคอมเม้นมากๆ  :L2:



หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 03-05-2014 22:47:39
ค่อยๆรุกคืบที่ละนิดนะ

ก็ยังคงดูแลใส่ใจกันเหมือนเดิม 

อยากรู้จริงๆ ใครจะเปิดใจก่อน 

แอบเก็บรักไว้อยู่ในใจ  มันไม่ค่อยดีหรอกนะ  รีบๆบอกออกมาเหอะ  คนอ่านลุ้นจะแย่

แต่สรุปว่าเค้าเริ่มรักกันรึยังเนี่ย  เราก็ไม่ค่อยแน่ใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-05-2014 22:55:44
ใครจะเป็นฝ่ายบอกรักก่อนนะ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 03-05-2014 22:59:08
หิวเลยทีเดียววว  :hao6:
หัวข้อ: Special part - Sing turn
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 04-05-2014 23:37:02
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษ  :katai2-1: ที่สิงห์เป็นคนบรรยาย แต่แต่งไว้ไม่เยอะ

-1 –
   
วันนี้ผมมาลองกินร้านใหม่ดู ผมเจอในรีวิวว่าเค้กร้านนี้อร่อยมาก พนักงานบริการดี เงียบๆ ซึ่งก็ตรงตามที่ผมต้องการพอดีผมจึงมาลองทันทีหลังจากเรียนเสร็จช่วงบ่าย  ผมวนหาร้านเกือบครึ่งชั่วโมงพอเจอแล้วผมแทบทรุด ร้านที่ว่าอยู่ตางข้ามอพาร์ทเมนท์ของผมพอดี.. ผมพึ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นานนักเลยไม่ค่อยรู้ที่ทางแถวนี้สักเท่าไหร่ แต่ยังก็ตามผมก็เข้าไปลองอยู่ดี เวลาผมมากินผมไม่ชวนใครมาเพราะอายนิดหน่อยกับการกินเค้กของผม น่าเสียดายที่มันอร่อยมากแท้ๆ แต่สีที่โดนเด่นของมันก็ดูน่ารักเกินไปสำหรับผมอยู่ดี ผมถอนหายใจและเข้าไปในร้าน พนักงานต้อนรับออกมาต้อนรับผมทันทีที่มีเสียงประตูที่ผมเปิดเข้าไป พนักงานต้อนรับหน้าตาดีอย่างที่เขาว่า.. น่ารักดี ผมเลือกที่นั่งแถวในๆ หน่อย ผมชอบนั่งมุมเงียบๆ มากกว่ามุมที่เห็นความวุ่นวายภายนอกร้าน ไม่นานพนักงานก็มารับออเดอร์ อา.. ผมไม่ค่อยกล้าสั่งเลย แต่ในรีวิวก็บอกว่ามันอร่อยมากๆ ซึ่งหน้าตาของมันก็น่ากินมากเช่นกัน สั่งก็สั่ง

“ขอเป็นเค้กเชอร์รี่กับลาเต้ร้อนครับ ” ผมสั่งรัวๆ แล้วเอาหนังสือขึ้นมาอ่านทันที ผมพยายามไม่สบตาพนักงาน  ผมพยายามตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือตรงหน้าอย่างตั้งใจ อ่านไปสักพักผมก็เริ่มผ่อนคลายลงแล้วอ่านอย่างสบายๆ สักพักพนักงานก็เอาเค้กมาเสิร์ฟผมรับคำแล้ววางหนังสือลงก่อน ผมแยกเชอร์รี่ออกจากเค้ก ผมชอบที่จะเก็บไว้กินมากกว่ากินเลย คงจะเหมือนประมาณว่าอยากละเลียดรสชาติที่ชอบที่สุดตอนคำสุดท้ายล่ะมั้ง ผมนั่งละเลียดเค้กสลับกับลาเต้ร้อนหอมกรุ่นที่ผมชอบ ไม่ผิดหวังจริงๆ อร่อยคุ้มค่าสมกับที่ผมยอมสั่งเลย ผมหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านด้วย จะเรียกว่าเป็นการผ่อนคลายของผมก็ว่าได้ ผมนั่งละเลียดต่อไปจนหมดและทานเชอร์รี่ตบท้าย ผมมองพนักงานคนที่รับออเดอร์ผมเป็นเชิงขอเช็คบิล พนักงานคนนั้นก็หันมาสบตาผมพอดี ซึ่งพนักงานก็เดินไปหาผมและถามสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อพอดี พนักงานรับคำแล้วเดินไปเอาบิลมาให้ผม ผมยื่นเงินให้เกินราคาเพื่อเป็นทิปพนักงาน ทิปพนักงานคนที่รับออเดอร์ผมอย่างน้อยเขาก็ไม่แซวผมตอนสั่ง ผมยื่นให้เสร็จก็เดินออกจากร้านทันที  ผมแอบเห็นนะว่าเขาแอบยิ้มตอนผมกินเชอร์รี่แล้ว ผมส่ายหน้าอายๆ กับตัวเอง แล้วกลับอพาร์ทเมนท์

--2—

   วันนี้ผมโดนเพื่อนยึดห้อง.. ซึ่งพวกมันก็จะทำอาหารกินกันแต่ไม่ได้ซื้อของสด มันยื่นลิสให้ผมแล้วไล่ผมลงมาซื้อที่ห้างแม่บ้าน ซึ่งผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ผมค่อนข้างล้มเหลวในการเข้าครัวจึงไม่ค่อยสนใจจะจำชื่อผักชนิดต่างๆ ที่มากมายซะเหลือเกิน แต่ก็พอรู้บ้าง ผมอยู่ในชุดที่ค่อนข้างสบายๆ เพราะเพื่อนผมมันบุกห้องผมโดยไม่บอกผมว่าจะมา ชุดผมเลยไม่ค่อยสุภาพเท่าที่เป็น ผมยืนเลือกข่าที่ขึ้นชื่ออันแรกของลิสซึ่งมันกองรวมกับขิง ผมรู้เพราะชื่อมันแปะไว้หน้าตะกร้า แต่กองไว้รวมกันผมคงจะหาเจอ ผมบ่นเบาๆ อย่างเซ็งๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งเพราะมีคนยื่นข่าให้ผม ผมบ่นดังขนาดนั้นเลยเหรอ ผมหน้าแดงอย่างอายๆ แล้วยิ่งเจอคนที่ยื่นให้ ผมก็ต้องสะดุ้งในใจอีกครั้ง นี้มันพนักงานต้อนรับน่ารักเมื่อวันก่อน !? ซ้ำยังอาสาหยิบของในลิสให้ผมอีก ผมจะไปอุดหนุนร้านบ่อยๆ ผมยื่นแลกตะกร้ากับลิสให้พนักงาน ผมมีตัวช่วยแล้ว พนักงานร้านนี้นิสัยดีจริ..

   “ ชอบทานเหรอครับ ? ผมก็ชอบลูกอมรสนี้เหมือนกัน ” พนักงานพูด

“ ครับ ”  ผมหยิบมันใส่ตะกร้าอันแรกเลย ผมอดหูแดงอย่างอายๆ ไม่ได้

   “ งั้นคุณไปหยิบซันไลต์กับน้ำยาเช็ดกระจกนะ เดี๋ยวของคุณผมเลือกให้เอง ” พนักงานบอกกับผม ผมรับคำแล้วเดินไปเลย ว่าไปผมไม่ค่อยได้มาห้างนี้เท่าไหร่ ผมพยายามเดินหาโซนพวกของทำความสะอาดก็เจอแต่โซนเสื้อผ้ากับอาหารหมา ผมเริ่มหน้าซีดเล็กน้อย ผมเดินวนหลายรอบแล้วถึงเจอ มันเยื้องโซนอาหารหมานิดเดียวแต่ผมไม่เห็น ผมหยิบของที่ต้องการทันทีแล้วเดินกลับไปหาพนักงานอย่างเพลียๆ นิดหน่อย ถึงห้างมันจะไม่ใหญ่มากแต่เดินวนไปวนมาก็หอบเหมือนกัน ผมยื่นตะกร้าแลกกับพนักงานพร้อมเอ่ยขอบคุณ ถ้าไม่ได้พนักงานต้อนรับน่ารักผมคงต้องนั่งเสิร์จหารูปในโทรศัพท์ทีละอันถึงจะซื้อเสร็จ พนักงานยิ้มตอบคำขอบคุณของผม มันน่ารักมาก จนผมอดหน้าแดงไม่ได้ ผมรีบขอตัวไปจ่ายเงินทันที เพื่อนผมคงจะหิวแล้วแน่ๆ

-------------

ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ Special part - Sing Turn
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-05-2014 23:56:04
ติดตามต่อค่ะ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ Special part - Sing Turn
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 05-05-2014 00:25:30
น่ารักกกกกกกกกกก  อะไรๆในเรื่องนี้ก็ดูจะน่ารักไปหมด

อ่านเพลินๆดีอ่ะ  +1 ให้เสือ  :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ Special part - Sing Turn
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 05-05-2014 00:44:36
พระเอกมาเอง

สิงห์มาเปิดเผยความในใจ  :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ Special part - Sing Turn
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-05-2014 08:29:07
เชอร์รี่บอยขี้เขินจริงๆ555
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ Special part - Sing Turn
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-05-2014 11:14:10
สิงห์รุกแล้วเหรอคะเนี่ยยยย เหนียมอายสุดๆ  :ling1: :ling1: ขัดใจแม่ยกจริงๆ

อยากกินก๋วยจั๊บของแคทบ้างงง เวอร์ชั่นใส่หมูกรอบ ฟินเว่อร์
***
ชอบเพื่อนแคทโครตๆค่ะ น่าร้ากทุกคนเลย

ปอลอ ไม้ชอบดูทีวีแชมเปี้ยนสินะ กรั่กๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ Special part - Sing Turn
เริ่มหัวข้อโดย: MESAAAAA ที่ 05-05-2014 19:45:02
เป็นเรื่องที่ละมุนและRelaxมากๆเบยยยยยยยยยยยยย  o13 o13

ชอบนิยายแบบนี้มาก เรื่อยๆ ค่อยเป็นค่อยไป
อ่านพวกดราม่าแล้วปวดหัว 555555 แค่ชีวิตจริงก็น่าปวดหัวพอแล้วววว :katai1: :katai1:

จะติดตามหนุ่มเชอรร์รี่ทั้งสองคนต่อปายยยย มาอัพบ่อยๆนะคะ จะมานั่งรอที่ท่าน้ำทุกวันเลย  อิอิ<3<3
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-05-2014 23:02:39
-- ตอนที่ 8 --

สุดท้ายวันนั้นผมก็ไม่ได้ไปส่งสิงห์อยู่ดี แต่ตอนนี้ผมเจอปัญหาใหม่ ซึ่งมันปัญหาที่น่ารักมากๆ ซะด้วยสิ

   เมี้ยว ~ ลูกแมวสีส้มลายคล้ายเสือร้องพร้อมใช้ดวงตาสีน้ำตาลสุกใสมองผม

   “ มาจากไหนเนี่ย ? แมวน้อย ” ผมอุ้มขึ้นมาแล้วลูบหัวมันเบาๆ อย่างเอ็นดู มันไม่ข่วนผมที่ผมอุ้มมันขึ้นมาอีกทั้งยังเอาหัวมาถูๆ ผมอีก  ผมเจอมันที่หน้าร้านข้างต้นมะนาวต้นเล็กที่ผมปลูก เดี๋ยวนี้มันออกลูกเป็นแมวแทนมะนาวแล้วแฮะ ผมตัดสินใจอุ้มมันไปหลังร้าน ผมวางมันบนโซฟาที่สิงห์เคยนอนเบาๆ “ นอนรอก่อนนะ ” ผมเดินไปหยิบนมในตู้เย็นแล้วเทใส่จานที่ไม่ได้ใช้แล้ว เทไปพอประมาณผมก็ถือมาวางบนพื้นพร้อมอุ้มลูกแมวมาวางใกล้ๆ จาน “ กินสิ ” เจ้าแมวเหมือนจะพอเข้าใจที่ผมสื่อจึงเดินไปกินแต่โดยดี มันกินไปสักพักก็หยุดแล้วเดินกลับมาหาผมที่นั่งยองๆ ดูมันอยู่

   เมี้ยว ~ มันร้องแล้วพยายามตะกายขาผมเหมือนอยากนอนบนตักผม ซึ่งผมก็อุ้มมันขึ้นมา ผมพาตัวเองไปนั่งบนโซฟาแล้วให้มันนอนบนตักผมสมใจ ซึ่งมันก็ดูชอบใจที่นอนบนตักผม ผมลูบหัวมันเบาๆ ผมคงจะเลียทำความสะอาดแทนแม่มันไม่ได้หรอก ดูท่ามันคงจะหลงทางมาแล้วพักพิงต้นมะนาวของผม

   “ แคททท มีอะไรกินไหมมม ” หยกถามทันทีที่เห็นผม

   “ ไม้กับแมททิวไม่กินข้าวเย็นนะ  ” แนทตอบผมเมื่อผมส่งสายตาเชิงคำถามว่า 2 คนนั้นไปไหน “ พวกนั้นกินบุฟเฟต์เค้กจนกินข้าวเย็นไม่ได้ ”

   “ ฉันกับแนทก็กินแต่ไม่เยอะพวกนั้นเลยซัดแทนส่วนที่เหลือให้คุ้ม พนักงานร้านหน้าโครตอึ้งมากอ่ะ โครตฮา ฉันกับแนทนั่งขำอ่ะ พวกนั้นแม่งกินเหมือนเพิ่งผ่านสงครามมา ” หยกเล่าเป็นฉากๆ จนผมเห็นภาพแล้วขำตามจนตัวสั่น สะเทือนไปถึงเจ้าแมว วันนี้ผมไม่ได้ไปด้วยเพราะอยากนอนกลิ้งอยู่ร้านมากกว่า วันหยุดทั้งที

   แง้ววว เจ้าแมวร้องออกมาอย่างตกใจ

   “ แคทท ! เดี๋ยวนี้แกริอาจมีลูกแล้วเหรออ พ่อล่ะ อย่าบอกนะว่าแกท้องไม่มีพ่ออ ” แนทพูดพร้อมแสร้งตกใจ

   “ ไม่เป็นไรนะแคท แกมีลูกเป็นพยานยืนยันในความรัก แกไปทวงสิทธิกับพ่อได้นะเว้ย ” หยกพูด

   “ ไม่-ได้-ท้อง เสือเจอมันหน้าร้านโว้ย ” ปกติผมจะไม่ค่อยตะโกนนะ แต่อันนี้มันไม่ได้จริงๆ

   “ ลูกแกชัดๆ ลายส้มๆ ขาวๆ ตาสีน้ำตาลเหมือนแกอีกไม่ให้เรียกลูกจะให้เรียกอะไร ” แนทถามเสียงสูง

   “ ลูกแกน่ารักว่ะ เอามาเล่นมั้ง ” หยกพูดจบก็คว้าเจ้าแมวไปเล่น เจ้าแมวดูงงๆ ในตอนแรกแต่ก็ยอมเล่นกับหยก

   “ ใช่ ลูกแกน่ารักมากก ” แนทไม่พูดเปล่าก็ไปรุมเล่นกับเจ้าแมวเหมือนกัน

   “ เสือ เจอมันหน้าร้าน เลี้ยงมันได้ไหม แม่มันไปไหนไม่รู้ปล่อยไว้ที่เดิมก็กลัวโดนรถเหยียบ ” ถึงร้านผมไม่ได้ห้ามเอาสัตว์เข้ามา แต่ก็ไม่ได้เลี้ยงสัตว์หรอกนะ

   “ เลี้ยงได้ดิ ลูกแก ถ้าฉันห้ามก็เหมือนพรากแม่จากลูกเลยนะเว้ย ” หยกพูดเสียงดังแต่มือก็ยังเล่นกับเจ้าเหมียวอยู่
   
“ ใช่ ลูกแกจะไปห้ามเลี้ยงได้ยังไง ” แนทตอบผมแต่ไม่ได้หันมาผมนะ หันไปหาเจ้าแมวที่กลายเป็นลูกผมไปแล้ว เอาเป็นว่าเลี้ยงได้ละกัน

   แง้ววว เจ้าแมวร้องเสียงดังแล้วพยายามออกจากมือของหยก

   “ ลูกแกคลั่ง แล้วแคททท ” หยกปล่อยเจ้าแมวลงพื้น ซึ่งเจ้าแมวก็วิ่งมาหาผมแล้วตะกายขาผมคล้ายกับว่าจะให้อุ้ม ซึ่งผมก็ยอมอุ้มมันขึ้นมา มันครางในลำคออย่างพอใจ

   “ ติดแม่จังแฮะ ” แนทแซว

   “ เออ เสือไม่ทำอาหารนะวันนี้ ” ผมพูดยิ้มๆ

   “ อีแคท ฉันอุส่าต์ไม่แวะกินข้างทางเพื่อกลับมากินเลยนะโว้ย ” หยกโวยวาย

   “ เดี๋ยวนี้มีลูก ไม่สนท้องไส้เพื่อนใช่ไหม อีแคททท ” แนทก็โวยวายเช่นกัน

คือเพื่อนผมค่อนข้างติดใจรสชาติอาหารที่ผมทำซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอร่อยหรือฟรีหรืออะไร

“ อยู่ในตู้เย็น อุ่นเอง ! ” ผมพูดเซ็งๆ แล้วเดินหนีไปหน้าร้าน แกล้งนิดหน่อยพูดซะ

“  พูดแค่นี้งอนเหรอ ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันช่วยทวงพ่อของลูกแกให้ ” แนทพูดขำๆ แต่ตาดูมุ่งมั่นมาก

“ แคท ลองไปยืนๆ แถวที่เจอมันดิ เผื่อแม่มันกลับมา ” หยกพูดจริงจังต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ “ แต่ฉันกับแนทไม่ยืนด้วยนะ หิวววว ”

“ ... อืม เดี๋ยวเสือไปยืนชมวิวละกัน ” ผมพูดจบก็เดินไปยืนแถวๆ ต้นมะนาวน้อย เอาเป็นว่าผมจะไปยืนดูสักพักถือว่าชมวิวไปด้วยละกัน

.
.
.

ผมยืนชมวิวสลับสัปหงกไปเกือบชั่วโมงซึ่งเจ้าแมวในอ้อมกอดก็หาวหวอดสลับกับนอนเช่นกัน ผมกำลังจะสัปหงกต่อก็มีแรงสะกิดที่แขน ผมยิ้มอย่างดีใจ แม่แมวแน่ๆ ที่สะกิด แต่พอเงยหน้าขึ้นมอง  “ สิงห์ ?  ” ผมเบิกตากว้างพร้อมส่งสีหน้างงๆ ไปแทนคำถาม

“ เมื่อชั่วโมงก่อน ผมเหมือนเห็นลูกแมวผมเลยไปซื้อปลอกคอกระดิ่งให้มัน ” สิงห์ตอบพร้อมยื่นปลอกคอกระดิ่งสีเหลืองเจ็บสลับส้มสว่างมาให้  สิงห์หน้าแดงกับสีปลอกคอที่ตนซื้อมาให้เจ้าแมว “ ผมซื้อสีจัดๆ ให้มัน คนจะได้เห็นแล้วไม่ทำร้ายมัน  ”

“ ใส่ให้หน่อยสิ ” ผมยื่นเจ้าแมวให้สิงห์ใส่ปลอกคอให้

“ ครับ ” สิงห์รับคำแล้วใส่ปลอกคอให้เจ้าแมวเก้ๆ กังๆ ใช้เวลาสักพักกว่าจะเสร็จ

“ สิงห์ จะเลี้ยงเหรอ ? ” ผมคงต้องพับโครงการเลี้ยงแมวที่ร้านแล้วแฮะ

“ อพาร์ทเมนท์ผมห้ามเลี้ยงสัตว์ครับ ” สิงห์บอกเศร้าๆ “ ผมกะว่าจะเขียนแนบกับปลอกคอว่าไม่มีเจ้าของ ”

“ ใครว่าไม่มีล่ะ ” ผมพูดยิ้มๆ

“ ผมเข้าใจผิดหรอกเหรอ ” สิงค์พูดแต่สีหน้าดูดีใจที่รู้ว่าเจ้าแมวมีเจ้าของแล้ว

“ ผมนี่แหละ เจ้าของมัน ” ผมพูดพร้อมยิ้มกว้าง

“ ครับ ? แคทตั้งชื่อมันว่าอะไรเหรอ ” สิงห์ดูงุนงงเล็กน้อยที่ผมเป็นเจ้าของเจ้าแมว

“ ชื่อเหรอ ผมยังไม่ได้ตั้งเลย ” สีส้มลายคล้ายๆ เสือ “ ส้ม เจ้าแมวชื่อว่า ส้ม  ”

“ ส้ม ? ” สิงห์ส่งสีหน้าที่งุนงงมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

“ ใช่ ส้ม เนอะส้ม ” ผมลองเรียกเจ้าแมวซึ่งเจ้าแมวก็กระดิกหูพร้อมส่งเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ดีมากเจ้าส้ม

“ ว่าแต่แคทยืนตรงนี้นานแค่ไหนแล้วครับ ? ถึงยืนสัปหงกเนี่ยครับ ” สิงห์พูดขำๆ จนผมอดหน้าแดงไม่ได้ ต่อไปผมจะไม่ยืนสัปหงกหน้าร้านแล้ว อาย

“ ชั่วโมงนึง ผมยืนรอแม่แมว ” ผมไม่มองหน้าสิงห์

“ ครับ หึๆ ว่าแต่.. ” สิงห์ยังไม่หยุดขำแต่พอจะพูดประโยคต่อไปก็เงียบไปนานจนผมยอมเงยหน้าขึ้นมองหน้าสิงห์

“แคท อยากได้ปลอกคอกระดิ่งบ้างไหมครับ ” สิงห์หน้าแดงเถือก “ ผะ ผมง่วงนอนแล้วครับ ฝันดีนะครับ แคท ส้มด้วย ” สิงห์พูดจบก็เดินกลับอพาร์ทเมนท์ไปเลย ซึ่งก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะมัวแต่อ้ำอึ้งๆ เหมือนกัน

“ ..อยากสิ ” ผมพูดเบาๆ แล้วหน้าแดง

----------------
อาห์ ตอนนี้ช่าง Epic   :m25:

รอบนี้มาไม่ธรรมดามีแฟนอาร์ตแรกจากขุ่นเพื่อน  :hao5: ช่างน่าปลาบปลื้มใจยิ่งนัก

(http://i61.tinypic.com/dnkilk.jpg)

กับเจ้าส้มที่วาดเองฮ่าๆ วาดคนไปไม่รอด

(http://i59.tinypic.com/r1zcl5.jpg)


ปล. ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ

ฝากอีกเรื่องที่แต่งไว้นานแล้ว

จอมโจรจนตรอก :

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42002.0

* กระแสดีเกินคาดมาก แต่งเกรียนๆ มาก ภาษงภาษาไปหมด แต่งระบายอารมณ์มากเรื่องนี้  :o8:

ตอนต่อไปก็คาดว่าเร็วๆ นี้  :mc4:

-----------------------------------



หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: MESAAAAA ที่ 06-05-2014 22:16:21
เฮ่~~~~ เข้ามาเชคเล่นๆ เจออัพ ดีใจจจจจจ  :katai2-1: :katai2-1:

ใจตรงกันงี้ก็ดีดิ อิอิอิอิอิอิ มีคุณลูกด้วยยยยยยย น่ารักจังครอบครัวนี้ 555555
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 06-05-2014 22:23:22
น้องสิงห์ถามได้ฟินมากกกกกกกกกกกก


 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 06-05-2014 22:41:51
คริคริ ไม่ทันใจก็มีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจกันแล้ว

วาดแมวได้น่ารักดีเนอะ  ส่วนแคทกับสิงห์ คอยาวไปหน่อย 55555555

แล้วสุดท้ายที่สิงห์พูด  จะให้ปลอกคอแคท  อยากได้แคทไปเป็นสัตว์เลี้ยงอ่ะดิ คิดอะไรหื่นๆอยู่แน่  :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 07-05-2014 03:34:20
หนุ่มเชอร์รี่มาอัพวันไหนเปลี่ยนทู้เป็นแบบมีวันที่อัพด้วยได้ไหม?   :hao7:

สิงห์นี่ขี้อายเนอะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-05-2014 15:28:53
รอตอน 9 ค่ะ

รีเควสท์ขอยาวๆนะค้าา แหะๆ อยากเห็นสิงห์รุกแล้วววว  :hao7:

น่ารักเป็นบ้าเลย

สิงห์+แคท=ส้ม

หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 9 - 8 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 08-05-2014 17:10:02
-- ตอนที่ 9 --
ซ่า  ซ่า  ซ่า

วันนี้ฝนตก.. หนักมากด้วย กลิ่นเค็มๆ ของฝนลอยฟุ้งอบอวล ผมยืนอุ้มเจ้าส้มมองนอกกระจกร้านอย่างหวั่นๆ มันตกหนักมากจนแทบไม่เห็นทาง

“ แคท แกเอาส้มไปแห่ดิ้ ” หยกพูดเซ็งๆ ก็ควรจะเซ็งอยู่หรอก ฝนตกขนาดนั้นนี้ลูกค้าคงจะไม่ลุยฝนเพื่อมากินกาแฟหรอก

“ มึงจะบ้าเหรอวะหยก  เอาแมวไปแห่มันขอฝนโว้ย ” แมททิวพูด

“ งั้น ให้แคทไปปักตะไคร้ดิ ” แนทแนะนำแต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่นะ

“ เขาใช้สาวพรหมจรรย์นะแนท  ” ผมตอบเซ็งๆ

“ อ้าวจริงดิ มิน่ากูปักเป็นคันรถยังไม่หยุดตกเลย ” ไผ่ถามเสียงสูง

“ เออ แล้วใครให้มึงปักเนี่ย ” แมททิวถามงงๆ

“ พ่อกู พ่อกูบอกว่ามึงก็พรหมจรรย์เหมือนกันปักๆ ไปเหอะ ” ไผ่ตอบอายๆ

“ พ่อมึงมั่วแล้วล่ะ ” แมททิวส่ายหน้าอย่างระอา

ตอนนี้พวกผมมากองกันที่เคาน์เตอร์ ไม่ใช่อะไรเพราะรู้ว่ายังไงวันนี้ลูกค้าก็คงเข้าไม่มากเพราะฝนตก แนททำเบเกอร์รี่ไว้ไม่เยอะเลยมานั่งเคาน์เตอร์กับหยก แมททิวนั่งบนโซฟาใกล้เคาน์เตอร์ ไผ่นั่งบนเก้าอี้นวมที่ลากมาจากโต๊ะลูกค้า ส่วนผมยืนอยู่..

“ เออ แคทแกตั้งชื่อลูกแกไม่ครีเอทเลยว่ะ ลูกแกทั้งคนเลยนะเว้ยย ” หยกพูดพร้อมทำหน้าจริงจัง เอ่อ ลูกผมผมก็ต้องตั้งชื่ออะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ..

“ ใช่ ลูกแกออกจะน่ารักขนาดนี้ ตั้งไปดิ น้องชานม น้องการฟิลด์ นี่อะไร ส้ม ส้มเนี่ยนะ ” แนททำหน้าเหมือนผมทำผิดร้ายแรง

“ ชื่อส้มก็น่ารักดีนี่ ” ผมถามงงๆ ชื่อก็ออกจะน่ารัก จำง่ายด้วย สิงห์ก็ไม่เห็นว่าอะไร อ้ะ !

“ อะไรแคท ถามเรื่องชื่อแค่นี้หน้าแดง ” แนทถามเซ็งๆ

“ ช่างแคทมันเหอะ แต่ลูกค้ามาแล้วเว้ยยยย ! ” แมททิวพูดเสียงดังซึ่งคำพูดนี้ส่งผลอย่างมาต่อพวกผมเป็นอย่างมาก ไผ่ลากเก้าอี้กลับอย่างรวดเร็ว แนทกับหยกไม่ทำอะไรเพราะอยู่หน้าเคาน์เตอร์อยู่แล้ว ส่วนผมวิ่งไปหลังร้านแล้ววางเจ้าส้มไว้บนโซฟา ซึ่งเจ้าส้มก็นอนต่อทันทีเมื่อผมวางมันบนโซฟา เมื่อกี้มันก็หลับๆ ตื่นๆ ตอนผมอุ้ม “ นอนไปนะส้ม ถ้าหิวก็กินนมในจานตรงพื้นนะ ” ผมบอกรัวๆ แล้ววิ่งไปหน้าร้านเพื่อรับลูกค้า

“ แคทไปถูพื้นหน้าร้านดิ้ ” หยกสั่งทันทีที่ผมมาถึง ผมยังไม่ทันเห็นหน้าลูกค้าเลยนะ..

“ ไม่ต้องเถียงเลยแคท ไผ่กับแมททิวมันไปรับลูกค้าแล้ว ” แนทพูดไปดื่มน้ำมะนาวไป

“ ... ” ผมเดินคอตกกลับไปเอาไม้ถูพื้นมาถูๆ ตรงหน้าร้านที่เปียก มันเจิ่งนองมากยังกับโดนสาดน้ำสงกรานต์ก็ไม่ปาน ผมถูพื้นไปก็เซ็งเลยลองฮัมเพลงเล่นๆ ที่เคยได้ยินมาเบาๆ ฝนเอ๋ยทำไมจึงตก ? ฝนมันตกก็เพราะกบมันร้อง กบเอ๋ยทำไมจึงร้อง ? กบมันร้องเพราะท้องมันปวด ท้องเอ๋ยทำไมถึงปวด ? ท้องมันปวดเพราะข้าวมันดิบ แล้วอะไรต่อนะลืม ผมตัดสินใจไม่ฮัมเพลงต่อเพราะลืมแต่ก็อดคาใจไม่ได้ กบจะไปกินข้าวทำไม ทำไมไม่กินแมลงล่ะ ผมส่ายหน้ากับความคิดตัวเอง ผมจะไปสงสัยทำไมมันก็แค่เพลงเด็ก

ก็อกๆ

ผมสะดุ้งเฮือก อย่าบอกนะว่าเจ้ากบมันจะมาเถียงผม ผมหันไปดูต้นเสียง ก็เจอกบยักษ์ ? ผมถอยออกมาจากประตูเพื่อให้กบยักษ์เข้ามา

“ ขอบคุณครับ ” ซึ่งเจ้ากบยักษ์ก็ตอบผมกลับมาเสียงอู้อี้ แล้วถอดหมวกออกมาเป็นสิงโต

“ สิงห์ ? ” ผมอึ้งไปเล็กน้อย 

“ เสื้อกันฝนผมยืมมาครับ ” สิงห์หน้าแดงตอบผม

“ เสื้อกันฝนกบแก้มแดงเนี่ยนะ ” ผมมองขำๆ

“ มันเหลือครับ ” สิงห์ตอบอายๆ “ แคท ผมฝากนะครับ ” สิงห์ถอดเสื้อกันฝนกบออกมาแล้วยื่นให้ผม “ ใส่เข้าไปในร้านมันจะเปียกครับ ผมเห็นแคทยืนถูน้ำหยดน่ะครับ ”

“ อืม งั้นสิงห์ไปนั่งรอเลย กินอะไรเหมือนเดิม ? เค้กเชอรรี่ ?” ผมรับมาสะบัดน้ำออกแล้ววางไว้บนโต๊ะ ซึ่งผมก็ต้องมาถูใหม่อีกรอบ

“ ครับ แต่ผมขอเปลี่ยนเป็นอเมริกันโน่นะครับ ” สิงห์รับคำหน้าแดงแล้วเข้าไปนั่งมุมร้านที่ไม่โดนแอร์ 
ผมวางไม้ถูพื้นแอบๆ แล้วเดินสั่งที่เคาน์เตอร์ “ หยกเอาเค้กเชอร์รี่กับอเมริกันโน่ให้สิงห์หน่อย ”

“ โอเค เออแคทฉันสงสัยมานานและ ปลอกคอส้มใครซื้อมา ? ” หยกเดินถามไปทำหยิบเค้กเชอร์รี่ไป

“ สิงห์ ” ผมตอบ

“ ว่าแล้ว อย่างแกถ้าซื้อปลอกคอให้แมวคงซื้อยันเสื้อแมวแล้ว ” แนทพูดขำๆ พร้อมชงอเมริกันโน่ในมือ

“ กินเสร็จพาสิงค์ไปดูส้มดิ สิงห์ซื้อปลอกคอมาให้มันเลยนิ ” หยกพูดแล้ววางเค้กลงในถาด

“ เห็นแก่ที่แกยอมถูหน้าร้านเป็นอีแจ๋ว อนุญาตให้ไปอู้หลังร้านได้ ” แนทพูดยิ้มๆ

“ แจ๋ว .. ? ” เปรียบเปรยได้ดีมากแนท..

“ เอาไปๆ ไม่ต้องสงสัยมาก ” แนทวางแก้วอเมริกันโน่ในถาดแล้วยื่นให้ผม

“ ไปเสิร์ฟไป ” หยกไล่ผมอีกเสียง

“ เออไปก็ไป ” ผมหน้ามุ่ย ใช้เอาๆ แต่ก็ดีที่อู้ได้ ผมเดินไปเสิร์ฟสิงห์ที่โต๊ะ ซึ่งสิงห์เหมือนกำลังสเก็ตภาพ ? แกล้งสิงห์ดีกว่าแก้เซ็ง

   “ ได้แล้วนะครับ ” ผมพูดเบาๆ เสียงหวานที่ข้างหูสิงห์ ซึ่งสิงห์ก็สะดุ้งเฮือกจนเกือบทำดินสอตก

   “ เล่นอะไรครับเนี่ย ” สิงห์ถามหน้าแดงๆ

   “ เปล่า แต่เค้กกับกาแฟได้แล้วนะ ” ผมพูดยิ้มๆ ปฏิกิริยาเมื่อกี้ทำผมหลุดขำเบาๆ

   “ ครับ ” สิงห์พยักหน้าแล้วกวาดเอากระดาษสเก็ต กระดาน อะไรต่อมิอะไรวางไว้ที่เก้าอี้ข้างๆ

   “ สิงห์วาดอะไรเหรอ ? ” ผมถามเมื่อกี้ผมเห็นแวบๆ เหมือนอะไรสักอย่างที่มีฝนตก

   “ วาดสเก็ตผู้คนในวันฝนตกครับ แต่ไม่สวยหรอกครับ ” สิงห์ไม่สบตาผมตอนตอบแต่หูแดง ผมว่ามันแปลกๆ นะ
   
“ ผมขอดูได้ไหม ” ผมอยากเห็นจังแฮะ

   “ ไม่ได้ครับ ” สิงค์ตอบซึ่งหูก็แดงกว่าเดิม

   “ ... อืม ” ผมแกล้งทำเสียงสลดเหมือนจะร้องไห้ซึ่งก็ได้ผลสิงห์เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม

   “ ..ก็ได้ครับ ” สิงค์ยอมหยิบกระดาษสเก็ตยื่นให้ผม “ แต่แค่ 15 วินาทีนะครับ ”

   “ อืม ” ผมตอบด้วยเสียงระริกระรี้ซึ่งสิงห์ก็ทำหน้าเหมือนตัวเองพลาดไปแล้ว ผมรับมาดู เป็นภาพของคนกำลังถูพื้นอยู่ ? บรรยากาศร้านคุ้นๆ ? ใส่ชุดกบ ? นี่มันผมนี้ ! ผมหน้าแดงเถือกสิงห์วาดอะไรเนี่ยย 

   “ หมดเวลาครับ ! ” สิงค์คว้าคืนเก็บอย่างว่องไวด้วยหน้าที่แดงเถือกพอๆ กับผม

   “ สิงค์ ผมไม่ได้ใส่เสื้อกันฝนกบซะหน่อย ” ผมตอบหน้าแดงๆ สิงห์วาดผมทำไมกัน ?

   “ ครับ ” สิงห์รับคำแต่ไม่ตอบผม แล้วสิงห์ก็ซดอเมริกันโน่อักๆ
   
“ สิงห์อยากให้ผมใส่เสื้อกันฝนกบเหรอ ? ” อันนี้น่าจะเป็นไปได้ แต่ปฏิกิริยาของสิงห์คือเกือบพ่นอเมริกันโน่ใส่หน้าผม คงไม่ใช่แฮะ

   “ ผมชอบสเก็ตภาพคนรู้จักน่ะครับ ” สิงห์ตอบผมหลังจากกลืนไอ้ที่เกือบพ่นใส่ผมเสร็จ

   “ สิงห์ร่างนานยัง ? ” ผมถาม เพราะภาพมันคือผมถูพื้นเมื่อกี้ซึ่งผมก็เพิ่งถู

   “ ระหว่างที่รอกาแฟครับ ” ไม่นานเท่าไหร่แฮะ

   “ มาหลบฝนเหรอ ? ”  สิงห์มีเสื้อกันฝนน่าจะเข้าอพาร์ทเมนท์ได้เลยนะ

   “ เปล่าครับ มานั่งจิบกาแฟกับมาหา เอ่อ ขาวครับ ” 

   “ ส้ม เจ้าแมวชื่อส้มสิงห์ ” ผมตอบเซ็งๆ ชื่อส้มมันจำยากตรงไหน “ เออ สิงห์งั้นถ้ากินเสร็จไปหลังร้านกับผมนะ ส้มอยู่หลังร้าน ส่วนผมคงไปถูพื้นหน้าร้านต่อ ”

   “ ครับ ” สิงห์พยักหน้ารับเบาๆ ซึ่งผมก็เดินไปถูพื้นหน้าร้านต่อแต่รอบนี่ผมไม่ฮัมเพลงกบแล้ว ผมเจอกบยักษ์ตัวเดียวก็เกินพอแล้ว ถ้าฮัมเพลงอีกคงไม่แคล้วเจออะไรแปลกๆ อีก   

.

.   

.

“ ส้มๆ ตื่นๆ  ” ผมเขย่าตัวส้มเบาๆ ซึ่งก็ได้ผลส้มลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยและหาวหวอด

“ เลี้ยงไว้หลังร้านเหรอครับ ? ” สิงห์ถามพร้อมเอามือลูบหัวส้มเบาๆ ซึ่งส้มก็คลอเคลียมือสิงห์อย่างน่ารัก

“ อืม เลี้ยงไว้หน้าร้านลูกค้าบางคนก็ไม่ชอบน่ะ ”

“ ออ ครับ ” สิงห์ตอบเบาๆ

แง้ว  เจ้าส้มร้องแล้วเลิกคลอเคลียสิงห์แล้วมุดใส่ผ้าห่มซึ่งมันก็มุดไม่ครบทั้งตัวเหลือหางฟูๆ โผล่ออกมา

“ มันคงหนาวมั้งครับ ฝนตกหนักขนาดนี้ ” สิงห์กระชับผ้าห่มให้เจ้าส้ม

“ คิดว่างั้นแหละ ฝนตกขนาดนี้ ” ผมตอบพลางลูบแขนไปด้วย หลังร้านฝนจะสาดง่าย หนาวจังแฮะ “ ฝนตกหนักอย่างนี้ น่ากลัว น้ำอาจจะท่วม ” ผมคิดหวั่นๆ มีครั้งนึงน้ำท่วมร้านผม ต้องวิดน้ำออกกับสเปเชี่ยลบิ้กคลีนนิ่งเลย เหนื่อยมาก

“ งั้นแปปนึงนะครับ ” สิงห์บอกผมแล้วฉีกสมุดสเก็ตของตัวเองมาแผ่นนึงแล้วทำอะไรสักอย่าง ที่คล้ายตุ๊กตา ? “ มีหนังยางกับเชือกไหมครับ ” สิงห์ถามผมทั้งๆ ที่ก้มหน้าทำอะไรสักอย่าง

“ มีๆ แปปนึงนะสิงห์ เดี๋ยวเอามาให้ ” ผมตอบแล้ววิ่งไปเอาของในครัวให้สิงค์ พอได้ของที่ต้องการผมก็วิ่งกลับมา “ สิงห์เชือกเป็นเชือกฟางนะ ”

“ ครับ คงจะแทนๆ กันได้มั้ง ” สิงห์รับของจากผมแล้วบ่นเบาๆ กับตัวเองในประโยคสุดท้าย
ผมยืนรออย่างใจจดใจจ่อ สิงห์จะทำอะไร ?

“ เสร็จแล้วครับ ” สิงห์ยื่นสิ่งที่ตัวเองประดิษฐ์ให้ผม

“ ตุ๊กตาไล่ฝน ? ” นี่มันที่อยู่ในเพลงปิดอิคคิวซังนี่นา !

“ ครับ ” สิงห์พยักหน้าอายๆ “ ผมลองทำดู เผื่อจะไล่ฝนได้จริงๆ ฝนตกหนักอย่างนี้คงจะไม่ดีเท่าไหร่ ”

“ อืม งั้นลองไปผูกตรงนั้นละกัน ” ผมพูดจบก็วิ่งไปตรงกระจกใสหลังร้าน ตรงนี้ค่อนข้างเป็นมุมที่เห็นเมฆได้ชัด แต่ปัญหาต่อไปคือผมสูงไม่ถึง “ สิงห์ผูกถึงไหม ? ” ผมถามอย่างคาดหวังแต่เมื่อกี้ผมแอบเห็นสิงห์ขำผมที่ผมเขย่งไม่ถึง

“ ผมผูกได้ครับ ” สิงห์เดินมาหาผมแล้วหยิบตุ๊กตาไล่ฝนจากมือไปผูกอย่างสบายๆ
ผ่านไปสักพักท้องฟ้าก็ยังครึ้มเหมือนเดิม ฝนก็ยังตกหนักเหมือนเดิมเผลอๆ แรงขึ้นด้วยซ้ำ

“ ตุ๊กตาไล่ฝนของญี่ปุ่นคงใช้กับไทยไม่ได้มั้ง ” ผมพูดเซ็งๆ

“ มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกครับ ” สิงห์ยิ้มแล้วชี้ให้ผมดูที่กระจก “ ฟ้าสว่างแล้วครับ ”

“ จริงด้วย ” ผมพูดอึ้งๆ ทั้งที่ๆ ก่อนหน้านี้ฟ้านั้นครึ้มเหมือนกับมีคนทาสีดำก็ไม่ปาน แต่ตอนนี้กลับสว่างไสวเหมือนไม่ได้ฝนตกมาก่อนเหลือเพียงความรู้สึกชื้นๆ ในอากาศ “ เหมือนโกหกเลย.. ” ผมครางในลำคอ

“ ไม่รู้สิครับ บางทีเมฆอาจจะโกหกเราว่าตอนนี้ไม่ตก แต่ไปตกวันอื่นแทน ” สิงห์ระบายยิ้มที่มากกว่าเดิม “ หรือไม่ก็เมฆยอมรับคำขอของเราครับ ”

---------
จบหล่อว์มากสิงห์  :katai2-1: เสื้อกันฝนกบนั่นขอให้นึกถึงกบแก้มแดงที่ชื่อ เคโระอะไรสักอย่าง ชื่อยาวจนไม่แต่งอ่ะ 555

ไม่ใช่เคโรโระนะ 

ปล. ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ  :mc4:

----
นิยายเรื่องใหม่ - อีกแล้ว  :beat: -

สีคู่ตรงข้าม : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42043.0

ได้พลอตจากคนใกล้ๆ ตัว  - ขุ่นพี่ชายแอนฮิสเฟรนด์  :o8: 555555555 -
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 9 - 8 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 08-05-2014 18:19:44
มุ้งมิ้งงง น่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 10 - 11 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 11-05-2014 22:51:08
-- ตอนที 10 -- 

“ สิงห์ไปกินไอติมด้วยกันไหม ? ”

   “ คะ  ครับ ”

   ทำให้ตอนนี้ผมกับสิงห์อยู่ที่ร้านไอศกรีมแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กันร้านผม วันนี้ผมชวนสิงห์มานั่งกินไอศกรีมเป็นเพื่อนผมเพราะคนอื่นไม่ยอมมา แนทกับหยกไปดูหนัง แมททิวกับไม้นอนเลื้อยอยู่ร้าน ผมเลยนั่งเล่นหน้าร้านกับส้มดักรอสิงห์เล่นๆ ซึ่งก็ตามคาดสิงห์เดินมาจริงๆ ด้วย

   “ สิงห์ ลองร้านนี้มีไอติมเชอร์รี่ด้วยล่ะ ” ผมชี้รูปให้สิงห์ดู อย่างน้อยมารอบนี้ก็มีคอเดียวกันมากินด้วย

   “ แคท เคยลองทานรึยังครับ บางร้านมันก็เลี่ยนๆ นะครับ ”

   “ เคยแล้ว อร่อยมากๆ ”  ผมชูนิ้วโป้งประกอบคำบรรยาย

   “ เอาแค่เชอร์รี่เหรอครับ ไม่เอาอย่างอื่นเหรอครับ ”

   “  แล้วแต่สิงห์ละกัน ผมเอาแค่เชอร์รี่กับพวกทอปปิ้งละกัน ”

   “ ผมทานข้าวมาแล้ว คงทานได้ไม่มากแบ่งกินด้วยกันได้ไหมครับ ”

   “ ได้สิ สิงห์เพิ่มอะไรไหมผมสั่ง 3 ลูกนะกับเพิ่มวิป เรนโบว์ ”

   “ 4 ลูกละกันครับ ”

   “ ผมสั่งเลยนะ ” ผมเรียกพนักงานแล้วสั่งตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อสั่งเสร็จผมก็นั่งคุยกับสิงห์ฆ่าเวลา

   “ สิงห์ชอบวาดรูปเหรอ ? ผมก็ชอบนะแต่วาดไม่สวย ”  ผมยังติดใจกับเรื่องวาดรูปใส่ชุดกบอยู่นะ

   “ ครับ ผมชอบวาด ” สิงห์รับคำหน้าแดง

   “ ผมวาดแล้ว แนทกับหยกมันบอกว่าผมวาดภาพแอบสแตรกเหรอ ทั้งๆ ที่ผมวาดดอกไม้เฉยๆ ” ตอนนั้นผมนั่งวาดเล่นๆ ตอนวันหยุดหยกกับแนทมาเห็นพอดี เล่นเอาผมไม่กล้าวาดต่อเลย

   “ แคทชอบวาดก็วาดเถอะครับ ไม่ต้องสนคนอื่นหรอก ” สิงห์พูดสีหน้าจริงจัง

   “ ผมก็วาดบ้างแหละน่า เล่นๆ “ ผมก็ไม่ได้อะไรมากหรอก

   แต่ก็ต้องหยุดคุยกันก่อนเพราะพนักงานเอาไอติมมาเสิร์ฟแล้ว พนักงานเสิร์ฟวางลงเบาๆ แล้วขอตัวไป

   “ เห็นไหมสิงห์ น่ากินมากก ” ผมพูดอวดๆ
   
“ ครับ อาจจะแค่รูปลักษณ์ก็ได้นะครับ ? ” สิงห์เลิกคิ้วแล้วลองตักกิน

   “ อร่อยไหม ? ” ผมยังไม่เริ่มกิน ผมค่อนข้างลุ้นเลยว่าสิงห์จะชอบไหม
   
“ ก็อร่อยดีครับ ตามที่โฆษณาไว้เลย ” สิงห์ยิ้มแล้วตักกินอีก

   “ บอกแล้ว ” ผมหยิบช้อนเพื่อจะตักกินบ้างแต่..

   แกร้ง
   
ช้อนตกลงไปใต้โต๊ะแล้ว ต้องขอช้อนใหม่อีก เฮ้อ ผมเบะปากเซ็งๆ แต่พอยกมือกำลังจะขอ

   “ ทานช้อนผมรอก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเอาช้อนใหม่เอง ” สิงห์ตักไอศกรีมมาจ่อที่ปากผมด้วยหน้าที่แดงๆ ซึ่งผมก็งับกินแต่โดยดี ผมคงแสดงสีหน้าเซ็งมากเกินไปแต่ตอนนี้หน้าผมคงแดงไม่แพ้กัน

“ อืม ” แล้วผมก็ยึดช้อนสิงห์กินต่อ

   “ ขอช้อนใหม่ด้วยครับ ” สิงห์บอกพนักงานซึ่งพนักงานก็เอาช้อนมาให้ใหม่อย่างรวดเร็ว สิงห์จ้วงกินต่อบ้าง

   “ สิงห์เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่เหรอ ? ” ผมชวนสิงห์คุยแก้บรรยากาศที่เงียบเกินไป

   “ ครับ ผมเพิ่งย้ายมาอยู่ ” สิงห์พยักหน้า “ แล้ว แคททำไมถึงเปิดร้านกาแฟล่ะครับ ? ”

   “ แนทเป็นต้นคิดน่ะ แล้วก็เลยตามๆ กัน ช่วยกันทำจนได้ร้านเนี้ยแหละ ” ผมค่อนข้างภูมิใจกับร้านที่ผมทำเลยทีเดียว

   “ แคท ทิชชู่ครับ ” สิงห์ยื่นทิชชู่ให้ผม ผมรับมางงๆ สิงห์ยิ้มขำกับท่าทางของผม “ ที่ปากครับ ” สิงห์หยิบทิชชู่คืนให้เช็ดปากให้ผม

   “ ขะ ขอบคุณ ” ผมหน้าแดงสิงห์ก็ไม่ต่างกัน

   “ ไม่เป็นไรครับ ” สิงห์ตอบแล้วก้มหน้ากินเงียบๆ แล้วผมก็ไม่ได้คุยกันจนกระทั่งกินหมด แต่ถึงแม้จะไม่ได้คุยกันบรรยากาศก็ยังดูสบายๆ

   “ ผมเลี้ยงนะครับ ” สิงห์วางเงินลงบนถาดเช็คบิล

   “ ผมชวนสิงห์มานะ ” ผมทำท่าจะหยิบเงินมาวางแต่สิงห์มองหน้าผมแบบเศร้าๆ จนผมชะงัก

   “ ครั้งที่แล้วแคทก็เลี้ยงผมนะครับ ” สิงห์พูดต่อ “ รอบนี้ผมเลี้ยงเองครับ ” สิงห์ยื่นถาดให้พนักงานทันทีอย่างรวดเร็วจนผมพูดอะไรไม่ทัน

   “ ไปกันเถอะครับ ” สิงห์ยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน

   “ เฮ้อ ” ผมถอนหายใจแล้วลุกขึ้นบ้าง สิงห์นี่เจ้าเล่ห์ชะมัด ตอนขามาผมกับสิงห์เดินมาเพราะมันอยู่ใกล้ร้านผมมากๆ เดินแค่ประมาณ 5 นาทีก็ถึง ผมชอบมากินบ่อยๆ ขากลับผมก็เดินกลับเช่นกัน แต่สิงห์ขอตัวไปที่อื่นต่อ

   “ แคทครับ ผมต้องไปที่อื่นต่อ ต้องแยกกันตรงนี้นะครับ ”
   
“ อืม ขอบคุณนะสิงห์ที่มากินเป็นเพื่อน ”

   “ ไม่เป็นไรครับ แต่แคทรู้ไหมครับ ภาพที่วาดจากความตั้งใจถึงมันจะออกมาไม่สวยแต่สำหรับคนที่ได้รับมันสวยมากนะครับ ” สิงห์พูดด้วยสีหน้าจริงจังแต่พอพูดจบกลับหน้าแดงเถือก “ ผะ ผมขอตัวนะครับ ! ” แล้วสิงห์ก็เดินไปเลย

   “ ... ” ผมหน้าแดง ว่าไปสิงห์ชอบวิ่งหนีผมจังแฮะ  ผมน่ากลัวเหรอ ?    ผมเดินกลับร้านแบบงงๆ ผมเดินเข้าไปในร้าน เจ้าส้มก็วิ่งมาคลอเคลียขาผม ผมอุ้มมันขึ้นมาลูบหัว ว่าไปหยกกับแคทดูหนังจบรึยังเนี่ย ?
   
“ แคท กลับมาแล้วเหรออ ” แนทพูด
   
“ อืม ” ผมสะดุ้ง นึกถึงก็มาเลยแฮะ แนทโผล่หัวขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ “ เออ แนทหยกอ่ะ ? ” ไปด้วยกันนี่นา
   
“ อยู่นี้ ~ ” ผมสะดุ้งอีกรอบ หยกนอนอยู่บนโซฟา
   
“ หยก เสือน่ากลัวปะ ? ” ผมค่อนข้างข้องใจนะ

   “ หะ แคทเนี่ยนะ น่ากลัว ” หยกลุกขึ้นมานั่ง

   “ ใคร บอกแกว่าแกน่ากลัววะ ” แนทถามงงๆ

   “ ถามเฉยๆ ”
   
“ ถ้าแกน่ากลัว ส้มแม่งก็ก็อตซิล่าอ่ะ ” แนทตอบ

   “ ใช่ แต่ตอนนี้แคททำอะไรให้กินหน่อยย พวกกูจะตายแล้ว ” หยกล้มตัวนอนบนโซฟาอีกรอบ
   
“ ทำไมไม่แวะกินมาก่อนอ่ะ ” ผมถามงงๆ ไปดูหนังก็แวะกินไปสิ

   “ อยากกินฝีมือแคททท ” แนทตอบแทนหยก

   “ เฮ้อ ทำก็ทำ ” สุดท้ายผมก็ต้องทำให้พวกหยกกินอย่างจำยอม แต่ท่าทางที่แทบจะกินไปทั้งจานนั่นก็ทำผมให้เหนื่อยล่ะ

-----------------
 :katai3:  สิงห์รุกแรงแฮะตอนนี้

      
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 10 - 11 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 11-05-2014 23:03:45
จูบทางอ้อมมมมมมมมม

ตายแระ นี่สิงห์รุกแรงแล้วเหรอคะนี่ น่าร้ากกกกเป็นบ้า แคทก็อินโนเซนส์ซะจริงๆ  :z3:


 :hao7:

เอาอีกค่าๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 10 - 11 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-05-2014 23:11:38
แคทน่ารัก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 10 - 11 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 11-05-2014 23:21:28
 :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 10 - 11 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: beamintron ที่ 12-05-2014 00:13:32
กริ้สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
หนุ่มเชอร์รี่บอย ชอบฝุดๆเลย
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 10 - 11 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 13-05-2014 18:39:31
น่ารักกันเบาๆ ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 10 - 11 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 16-05-2014 07:22:13
สิงห์ เค้ารุกแบบเบาๆ

5555
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 10 - 11 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 16-05-2014 10:46:23
สิงห์เค้ารุกขนาดนี้แล้ว
แคทยังไม่รู้ตัวอีกหรอจ๊ะ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 10 - 11 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: oreena ที่ 16-05-2014 11:40:10
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 10 - 11 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 16-05-2014 16:20:29
 :z3:ทำไใเพิ่งเห็นเรื่องนี้

น่ารักมากกกกกกหนุ่มเชอรี่ ขี้อาย
ยากให้สิงห์เป็นพ่อของส้ม
ตอนหน้าขอรุกหนักๆนะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 10 - 11 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-05-2014 16:46:08
แคทน่ารัก :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 11 - 0.01 % สปอยเล่นๆ ขำๆ -
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-05-2014 22:35:26
ไม่นะ!! สิงห์จะโดนปอกเปลือกกกก (มโนเอง ถถถถ+)


ขอตอนเต็มๆด่วนค่ะ เอิ๊ก  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 11 - 17 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 17-05-2014 23:20:32
-- ตอนที่ 11 --

“ แคททท ไอ้ไม้กับไอ้ไผ่มันท้องเสียยย ” แนทวิ่งมาบอกหยกและผมที่กำลังยืนหน้าเคาน์เตอร์พอดี

“ กินข้าวผัดบนโต๊ะใช่ไหมเนี่ย ? ” ผมถาม

“ ใช่ ไอ้ไม้บอกว่าเสียดายจะทิ้งทำไมส่วนแมททิวหิวมากเลยช่วยยัดห่า ” แนทตอบ

“ ข้าวผัดอันนั้นไอ้แคทมันวางทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวานลืมเก็บเลยบูด “ หยกพูดอย่างหน่ายๆ

“ เออๆ ช่างพวกมันก่อน ช่วยกรุณาหาคนมาทำแทนชั่วคราวก่อนโว้ย ” แนทพูดเสียงดัง

“ จะหาใครทันตอนนี้เนี่ย ” ผมกรอกตาเซ็งๆ พูดอะไรที่เป็นไปได้ยากจริง

“ นั่นมันสิงห์ ! อีแคทมึงจงไปหว่านล้อมสิงห์เพื่อนมึงซะ ! ” หยกชี้ไปที่ประตูซึ่งเป็นสิงห์ที่เดินเข้าร้านมาพอดี

“ ไปเลยโว้ย ก่อนที่คนจะเยอะกว่านี้แล้วไม่มีคนช่วยทำงาน ” แนทผลักหลังผม

“ ... ” สั่งจัง ผมเดินไปหาสิงห์ที่นั่งอยู่มุมร้าน

“ ขอเป็นเค้ก—”

“ สิงห์มาช่วยงานร้านได้ไหม เพื่อนผมมันท้องเสีย นะๆ เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวตอนทำงานเสร็จ” ผมพูดขัดสิงห์ด้วยประโยคที่รัวและเร็ว

“ ...  ก็ได้ครับ ” สิงห์ดูงุนงงกับประโยคที่ผมบอกคาดว่าจะฟังไม่ทันแต่ก็ยอมตกลง

“ งั้นตามผมมาเลย ” ผมลากสิงห์ไปหลังร้านโดยปล่อยให้แนทรับออเดอร์ไปก่อน พอมาถึงผมก็วิ่งขึ้นไปเอาเสื้อของแมททิวมาให้สิงห์ใส่ ขนาดตัวน่าจะประมาณเดียวกัน “ สิงห์ถอดเสื้อเลย ” มีเวลาไม่เยอะผมน่าจะช่วยสิงห์ใส่จะได้ไวๆ

“ อะไรนะครับ ” สิงห์หน้าแดง

“ ถอดเสื้อไง ”

“ สวมทับได้ไหมครับ ”

“ ถอดเร็วว ” 

“ ผมขอสวมแค่เอี๊ยมนะครับ ” สิงห์หยิบเอี๊ยมจากมือผมแล้วสวมทับทันที ไม่ถอดก็ไม่ถอด ผมวางเสื้อแมททิวไว้บนโซฟา

“ ก็ได้ งั้นสิงห์รับหน้าที่เดียวกับผมนะ รับออเดอร์ ส่งบิล เสิร์ฟอาหาร แค่นี้แหละ ” ผมแจงให้สิงห์ฟัง ส่วนเมนูร้านผมมีเขียนไว้ที่ข้างหลังเคาน์เตอร์ซึ่งเขียนด้วยตัวอักษรที่ค่อนข้างอ่านง่ายซึ่งมันก็มีหลายมุมในร้านที่มีเมนูเขียนไว้

“ .. จะพยายามครับ ” สิงห์ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ ไม่ต้องกังวลหรอกน่าสิงห์ งั้นแปปนึง ” ผมหยิบบิลขึ้นมาพับๆ บนโซฟา

“ .. ? ” สิงห์มองตามผมอย่างใคร่รู้

“ เสร็จแล้วล่ะ ” ผมยื่นให้สิงห์

“ มันคือ.. ? ”  สิงห์รับไปแล้วหน้าแดง

“ กำลังใจไงล่ะ ” ผมตอบอายๆ ผมพับกระดาษรูปหัวใจให้สิงห์ เพราะมันน่าจะสื่อถึงคำว่ากำลังใจที่สุดแล้ว

“ ขอบคุณครับ ” สิงห์ยิ้มทั้งๆ ที่หน้าแดงแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้ออย่างบรรจง ถึงแม้ว่าผมจะใช้บิลในการพับก็เถอะ

   “ งั้นไปเถอะ ” ผมเดินนำไปก่อน ช้าแล้ว แนทบ่นแน่ๆ

   “ ครับ ”
   .
.
.

สิงห์ค่อนข้างทำได้ดีในการต้อนรับลูกค้าและทำหน้าที่พนักงานเสิร์ฟ ถ้าผมไม่ได้เป็นคนชวนสิงห์เองคงคิดว่าเป็นพนักงานประจำแบบผม ถึงแม้จะดูอายๆ บ้างแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ดีอยู่ดี

“ ขอบคุณสิงห์มากนะ ถ้าไม่ได้สิงห์คงรับลูกค้าไม่ทันแน่ๆ ” แนทพูดแล้วยื่นน้ำเย็นให้สิงห์

“ ใช่ ไอ้ไผ่กับแมททิวตอนนี้ยังนอนตายกันบนห้องอยู่เลย ” หยกพูด

“ ไม่เป็นไรครับ ” สิงห์ยิ้มอายๆ แล้วดื่มน้ำเย็น

 “ งั้นเดี๋ยวเสือพาสิงห์ไปเลี้ยงก่อนนะ ” ผมพูด 

“ ไปด้วยย ” หยกกับแนทพูดพร้อมกัน

“ ไม่เลี้ยงนะ ” ผมพูดดัก

“ โห งกว่ะอีแคท ” หยกพูดเซ็งๆ

“ ไม่ไปก็ได้ ” แนทพูดพร้อมหรี่ตามองผมกับสิงห์

“ เอ่อ.. ” สิงห์ดูกระอักกระอ่วนกับสถานการณ์ตอนนี้

“ กลับมาดึกๆ ” ผมบอกแล้วลากสิงห์ออกจากร้านแล้วผมก็ลากสิงห์ไปหาจักรยานแม่บ้านของผมที่เคยใช้ขี่ไปห้างแม่บ้าน ความจริงมันเป็นของส่วนรวมในร้านแต่วันนี้ผมยืมก่อน

“ สิงห์ปั่นนะผมปั่นจักรยานคงวิ่งอยู่กับที่ ” ผมพูดขำๆ ตัวขนาดสิงห์ผมปั่นไม่ไปหรอกนะ

“ ครับ ” สิงห์ยิ้มรับคำแล้วขึ้นคร่อมจักรยาน “ ขึ้นมาสิครับ ”

“ อืม สิงห์ปั่นไปตรงร้านหัวมุมถนนนะ ร้านนั้นอร่อยผมเคยลองไปกินแล้ว ” ผมขึ้นซ้อนโดยหันหลังชนกับหลังของสิงห์และจับที่นั่งไว้กันตก

“ ร้านอาหารตามสั่งใช่ไหมครับ ? ผมเคยกินเหมือนกัน ” สิงห์ถามเพื่อความแน่ใจ

“ อืม ร้านนั้นแหละ ” ไม่แปลกที่สิงห์เคยกินเพราะร้านที่ว่านั้นไม่ไกลเท่าไหร่

“ รับทราบครับ ” สิงห์พูดแล้วก็เริ่มปั่นซึ่งสิงห์ดูปั่นอย่างสบายๆ อย่างว่าละนะสิงห์ตัวใหญ่กว่าผม ถ้าผมปั่นคงไม่ถึงไหน นั่งเพลินๆ สักพักก็ถึงที่หมาย ผมกระโดดลงแล้วยืนรอสิงห์ที่กำลังจัดแจงจักรยาน

“ เสร็จแล้วครับ เข้าไปกัน ” สิงห์พูดแล้วเดินนำไปนั่งในร้าน ร้านนี้ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่เป็นร้านอาหารตามสั่งทั่วไป สิงห์เลือกโต๊ะมุมในที่ห่างจากถนน

“ กินอะไรดี ” ผมบ่นหลังจากนั่งลงตรงข้ามสิงห์ ผมมักจะคิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี

“ แนะนำว่ากะเพราครับ ”

“ สิ้นคิดมากสิงห์ เอาไป 0 คะแนน ”

“ งั้น ข้าวไข่เจียวสิครับ ”

“ ไม่เอาเบื่อ ”

“ ข้าวผัดล่ะครับ ? ”

“ เพิ่งทำกินเมื่อวาน ”

“ ป้าว่าร้านป้า เมนูมันก็เยอะแยะนะหนู ” ป้าต้อยซึ่งเป็นเจ้าของร้านเดินมาตอนไหนไม่รู้พูดกับพวกผม

“ งั้นผมเอาหมูทอดกระเทียมราดข้าวละกันป้า ” ผมสุ่มเมนูที่ผมสั่งประจำ

“ ผมขอกะเพราไก่ไข่ดาวครับ ” สิงห์สั่งบ้าง

“ โอเค หมูทอดกับกะเพราไก่ เออ วันหลังเดี๋ยวป้าทำเมนูนะ หนูจะได้เลือกถูก ” ป้าพูดจบก็เดินไปทำอาหาร

“ สิงห์กินเมนูสิ้นคิดมากนะ ” ผมแซว

“ สิ้นคิดแต่คนก็กินกันอยู่ดีนะครับ ”

“ อืม ผมก็สั่งเหมือนกันบางวันที่คิดไม่ออก ”

“ ทำไมเพื่อนแคทท้องเสียล่ะครับ ”

“ กินข้าวผัดผมน่ะ ”

“ แคทฝีมือตกเหรอครับ .. ? ” 

“ ไม่ พวกนั้นกินข้าวผัดที่ผมวางลืมไว้เลยท้องเสีย ”

“ ครับ ” สิงห์พยักหน้าเข้าใจ

“ สิงห์กินน้ำอะไร ผมน้ำส้มแฟนต้านะอยากกินหลายวันแล้ว ” ผมเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้สั่งน้ำ

“ น้ำเปล่าก็ได้ครับ ”

“ ผมเลี้ยงได้น่าถ้าสั่งไฮเนเก้น ” ผมพูดยิ้มๆ ผมจำได้นะว่าสิงห์ดื่มอะไรครั้งที่แล้ว

“ .. ตอนนั้นผมกินแก้เลี่ยนครับ ตอนนี้ดื่มน้ำเปล่าก็พอครับ ” สิงห์ชะงักไปสักพักคงไม่คิดว่าผมจะจำได้ล่ะสิ

“ โค้กก็มีนะ ” ผมพยายามต่อรอง น้ำเปล่ามันดีก็จริงแต่มันไม่อร่อยนี่

“ งั้นกินแฟนต้าส้มด้วยก็ได้ครับ ”

“ ป้าต้อย ขอแฟนต้าส้มขวดนึง ! ” ผมตะโกนเพราะร้านนี้มีแค่ป้าคนเดียวที่เป็นพนักงานซึ่งป้าก็เออกลับมาเสียงดังเชิงเข้าใจนั่งรอสักพักป้าก็เดินมาพร้อมอาหาร

 มาแล้วๆ ” ป้าต้อยพูดแล้ววางจานข้าวไว้ตรงหน้าผมกับสิงห์ “ น้ำส้มแปปนึงเดี๋ยวป้าเอาให้นะหนู ”

“ ครับป้า ” ผมตอบแล้วเริ่มกินทันทีสิงห์ก็ไม่ต่างกัน อย่างว่าละนะวันนี้พวกผมทำงานกันทั้งวันถึงสิงห์จะมาช่วยก็ยังเหนื่อยอยู่ดี ตอนนี้ผมกับสิงห์คงไม่ต่างกับแมททิวที่ยัดห่าข้าวผัดผมไปตอนเช้าแล้วก็รีเฟล็กต่อเนื่องจนนอนเหี่ยวตายบนห้อง

“ แคทครับ..  ” สิงห์ยื่นทิชชู่ให้ผมยิ้มๆ

“ ..? ” ผมรับมางงๆ อะไรกันนี่เพิ่งกินไปแปปเดียวเองนะ ผมเช็ดปากมั่วๆ จนสิงห์หยิบทิชชู่ไปจากมือผมแล้วเช็ดจมูกให้ผม ผมหน้าแดงนี่ผมกินตะกละขนาดเลอะจมูกเลยเหรอ ผมควรปรับปรุงการกินแล้วสินะ ตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว..

“ ซอสเลอะครับ ” สิงห์หน้าแดง

“ อืม ” ผมกินข้าวต่อแต่ระมัดระวังกว่าเดิม

“ นี่หนูน้ำ ” ป้าเอาแก้วใส่น้ำแข็งกับแฟนต้าน้ำส้มวางบนโต๊ะแล้วเดินไปผัดต่อ ซึ่งผมก็เอาแก้วมารินน้ำส้มแฟนต้าให้สิงห์ก่อนพอรินเสร็จผมก็ยกดื่มทันทีแต่รอบนี้ผมไม่กล้าแสดงความสดชื่น อาย ผมนั่งกินต่อเงียบๆ จนหมดจาน สิงห์ก็ไม่ต่างกันนักเผลอๆ กินหมดก่อนผมอีก ตอนนี้สิงห์นั่งจิบแฟนต้ามองผม

“ อิ่มรึยังครับ ? ” สิงห์ถาม

“ กลิ้งได้เลยล่ะ ” ให้คุ้มสะใจมาก

“ งั้นกลับบ้านนะครับ ”

“ อืม ป้าๆ เก็บตังค์หน่อย ” ผมพยักหน้าแล้วหันไปเรียกป้าที่เดินมาพอดี

“ 120 บาทหนู ”

“ นี่ครับป้า ” ผมหยิบเงินยื่นให้ป้าครบจำนวนแล้วเดินไปหาจักรยานแม่บ้านพาหนะสุดสบาย แค่นั่งก็ถึงบ้าน “ สิงห์ขับกลับไปอพาร์ทเมนท์สิงห์นะเดี๋ยวผมขับกลับร้านเอง ” จะได้ไม่เสียเวลา

“ ได้ครับ ” สิงห์พยักหน้ารับแล้วขึ้นคร่อมจักรยานซึ่งผมก็นั่งเหมือนเดิม สิงห์ปั่นอย่างสบายๆ เรื่อยๆ จนต่อให้สะดุดหินผมก็กระโดดออกทันแต่ไม่แน่ใจความปลอดภัยของสิงห์นัก ผ่านไปสักพักก็ถึง อพาร์ทเมนท์ของสิงห์ ไวจังแฮะ ผมคงนั่งเพลินเกิน ผมกระโดดลงจากที่นั่งแล้วจับจักรยานไว้หลังจากสิงห์ลง

“ ขอบคุณนะสิงห์ที่ช่วยวันนี้ ”

“ ไม่เป็นไรครับ ”

“ งั้นราตรีสวัสดิ์นะสิงห์ ” ผมขึ้นคร่อมจักรยานเตรียมจะขี่กลับร้าน

“ ราตรีสวัสดิ์ครับ หวังว่าเราคงจะได้ไปทานสองคนด้วยกันอีกนะครับ ” ผมรู้สึกว่าสิงห์ย้ำคำว่าสองคนแปลกๆ 

“ อืม ” ผมรับคำหน้าแดงแล้วปั่นกลับร้านอย่างรวดเร็ว พวกหยกคงจะรอผมทำอาหารให้แน่เลย

-------------------
ล่าช้าไป 1 วัน  :hao5: สิงห์รุกมากไม่ได้เดี๋ยวแมวตกใจ   :laugh:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 11 - 17 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-05-2014 23:30:26
โฮฮฮฮ มาสั้นอีกแล้ว T T

เมื่อไหร่สิงห์จะรุก รุก รุกหนักๆค้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา?

แคททึ่มจะตาย   :z3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 11 - 17 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 18-05-2014 00:01:21
หวังว่าจะได้ไปสองคนอีกนะสิงห์ ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 11 - 17 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 18-05-2014 09:38:52
สิงห์น่ารักที่สุดว่านอนสอนง่าย แคทให้ทำอะไรก็ทำ
 o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 11 - 17 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 19-05-2014 02:11:05
อุ๊ยต๊าย  พ่อหนุ่มสิงห์ช่างน่าร๊ากกกกกกกกกกกก น่ารัก

เห็นเขินๆ ก็แอ๊บจีบเสือแบบเนียนเลยน่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 11 - 17 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-05-2014 13:05:44
ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม เนาะสิงห์

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 11 - 17 พ.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-05-2014 19:28:48
แต่ละตอนทำไมเขารู้สึกว่าสิงห๋กำลังโดนแมวน้อยน่ารักล่อลวงอยู่น้า
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 21 พ.ค. 57 - 30+ %
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 21-05-2014 22:20:28
-- ตอนที่ 12 --

“ หยกกูว่ามันแปลกๆ ว่ะ ”

   “ ทำไม ”

   “ กูว่าน้องสิงห์มาร้านเราบ้อยบ่อยเดี๋ยวนี้ ”

   “ มาหาอีแคทไง ก็เพื่อนสิงห์ ”
   
“ มันก็ใช่ แต่มาบ่อยมากเลยนะเว้ย กูว่ามันต้องมีซัมติงรองก์แน่ๆ จากเซนส์ของกู ”

   “ จะว่าใช่ก็ใช่ว่ะ เห็นสิงห์ชอบหน้าแดงเวลาคุยกับอีแคท แต่ตอนคุยกับเราก็หน้าแดงว่ะ ”

   “ ไม่เว้ยหยก กับอีแคทมันดูมีซัมติงกว่านั้น ”
   
“ จริงดิ ทำไมๆ ”

   “ เสือกับสิงห์ทำไมเหรอ ” ผมเดินออกจากที่ซ่อน แนทกับหยกคุยอะไรกัน ! ผมกะจะเดินมาหยิบนมให้ส้มกินแต่เห็นหยกกับแนทคุยอะไรกันไม่รู้มีชื่อผมแว่วๆ เลยแอบฟัง

   “ เปล่า แคทกับสิงห์เป็นเพื่อนที่สนิทกันม้ากมากเฉยๆ  ” แนทสะดุ้งแล้วโบกไม้โบกมือเชิงไม่ได้พูดอะไรอย่างลนลาน

   “ ชะ ใช่ สนิทกันม้ากมาก ” หยกพูดอย่างมีพิรุธ

   “ เหรอ ” ผมกรอกตาเซ็งๆ ผมไม่ใช่เด็กอนุบาล 2 นะ ถึงจะไม่รู้ว่าคุยอะไรกันแต่เอาเถอะมันอาจจะเป็นอย่างที่แนทพูดก็ได้ ที่สิงห์มาร้านผมบ่อยขึ้นแล้วผมกับสิงห์..

   “ อะไรแคทหน้าแดงทำไม อย่าบอกนะว่า ! ” แนทพูดเสียงดังแล้วเอามือชี้หน้าผม
   “ มีซัมติงรองก์กันจริงๆ !? ” หยกพูดต่อ
   “ อะ อะไร ซัมติงรองก์อะไร ”
   “ หน้าแดงกว่าเดิมอีกว่ะหยก ใช่แน่ๆ ” แนทพูดอย่างตื่นเต้น
   
“ แน่เลยว่ะ ! ” หยกพูด

   “ ส้มหิวแล้ว เดี๋ยวเสือไปหยิบนมให้ส้มนะ ” ผมเดินเลี่ยงแล้วหยิบนมในตู้เย็น
   
“ อย่าบ่ายเบี่ยงแคท น้องสิงห์ต้องแบบว่าๆ อะไรกับแกแน่ ! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ” แนทยังไม่เลิกพูดเรื่องนี้

   “ เอ่อ ส้มหิวนมเดี๋ยวเสือไปหาส้มก่อน ” ผมพยายามเดินเลี่ยงหยกกับแนทแต่ก็โดนขวางทางไม่ให้เดิน

   “ แง้วววว ” ส้ม ! ร้องถูกเวลามากแต่จะวิ่งมาทำไม !? แล้วจะหนียังไงละ

   “ นั่นไงส้มวิ่งมาแล้ว ตอบคำถามซะดีๆ หนูแคท ” แนทพูดด้วยสีหน้ามีเลศนัย
   
“ ซัมติ้งรองก์กับสิงห์ ใช่หรือไม่จงตอบคำถามต่อไปนี้ ” หยกพูดด้วยสีหน้าเดียวกับแคท
   
“ ไม่รู้ ” ใช่ ผมไม่รู้ว่าสิงห์กับผมมีความสัมพันธ์ไปทำนองนั้นรึเปล่า จะว่ายังไงดีล่ะ

   “ ไม่มีในชอยส์ค่ะ แคท ” แนทไขว้มือกากบาท

   “ ให้โอกาสลบคำตอบและตอบใหม่ค่ะ หนูแคท ” หยกพูดด้วยน้ำเสียงของครูสมัยมัธยมที่เคยเรียนด้วยกันซึ่งมันออกมาฮามากกว่ากดดันผมซะอีก แต่ผมจะตอบว่าอะไรดีล่ะ..

   “ แง้ว ” ส้มร้องขัดจังหวะมันคงเซ็งๆ ที่ผมไม่ยอมรินนมให้มันสักทีแต่ตอนนี้เสือก็ประสบปัญหาเหมือนกันนะส้ม..

   “ ป่วยขอเลื่อนสอบได้ไหม ”

   “ เป็นอะไรจ๊ะ หนูแคท เหตุผลฟังไม่ขึ้นไม่รอดนะจ๊ะ ” หยกพูดต่อด้วยน้ำเสียงเดิมมีผลให้แนทที่กลั้นขำอยู่ในตอนแรกเผลอหลุดขำ
   
“ เอ่อ เป็นหวัด แค่กๆ ”

   “ แหลมากค่ะ แต่ครูยอมก็ได้นะรอบนี้ ” หยกเลิกคิ้วพูด “ ยังไม่แน่ใจในคำตอบก็คิดไปก่อนถ้าตอบมั่วๆ มาก็ไม่ต่าง
กับการตอบส่งๆ แล้วต้องซ่อมหรอก ”

   “ เดี๋ยวค่อยตอบก็ได้ ” แนทยักไหล่ยิ้มๆ “ ไปเลี้ยงส้มไป เดี๋ยวส้มมันจะงอนไปหลบหลังตู้อีก ”
   
“ อืม ” ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปหาส้มที่ตอนนี้กลิ้งบนพื้นคล้ายกับกำลังประท้วงในแบบของแมว

   “ แต่อย่าคิดว่าพวกเราจะปล่อยเฉยๆ นะ ” แนทพูดลอยๆ ผมที่กำลังรินนมให้ส้มก็ชะงัก แนทกับหยกจะทำอะไร..

“ วางใจเถอะน่า พูดเล่นเฉยๆหรอก ” แนทพูดยิ้มๆ แล้วหันหลังเดินขึ้นห้องโดยลากหยกไปด้วย ผมไม่ค่อยวางใจหยกกับแนทเท่าไหร่เลย..

--------

เอามาลงให้ก่อนนิดนึง  :mew5:

แม่ยกสิงห์ทำใจหน่อย หนุ่มสิงห์เขายังไม่กล้าตะปบแมวเต็มกำลังแค่เอาเท้าเขี่ยเล่นๆ  :o8:

ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ  :กอด1:

ปล.บทสนทนาให้อารมณ์เพื่อนเมาท์กันมาก  :jul3:
   

   
   
   

หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 21 พ.ค. 57 - 30 % ?
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-05-2014 22:49:52
เรื่องนี้ให้อารมณ์เพื่อนเมาท์กันค่ะ ชอบมากๆเลย ^^

มันดูใกล้ตัวมากจริงๆนะ พวกบทสนทนาของเพื่อนแคท


นั่งเงิบรอ 70% ค่ะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 21 พ.ค. 57 - 30 % ?
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 21-05-2014 23:00:29
น่ารักดี   :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 21 พ.ค. 57 - 30 % ?
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 22-05-2014 08:24:27
วันนี้พระเอกไม่ออกคิดถึงสิงห์ :z3:
เพื่อนเม้ามอยสอบสวน...อุอุ
น้องแคทถึงกับไปไม่เป็นเลย
 :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 21 พ.ค. 57 - 30 % ?
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-05-2014 08:36:55
ถือว่ารอดตัวไปนะแคท ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 21 พ.ค. 57 - 30 % ?
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 22-05-2014 09:12:55
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 21 พ.ค. 57 - 30 % ?
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 22-05-2014 09:35:47
รออีก 70% ที่เหลือจ้า


หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 24 พ.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 24-05-2014 14:03:07

WARNING โปรดทำใจก่อนอ่าน

-- ตอนที่ 12 --

“ หยกอาทิตย์หน้าวันเกิดอีแคทเว้ย ” ฉันพูดอย่างนึกขึ้นได้เมื่อเห็นวันในปฏิทิน

“ จริงด้วยว่ะ ”

“ ทำเซอร์ไพรส์อีแคทกันดีกว่า ” ฉันยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมส่งสายตาให้หยก

“ ฉันรู้นะว่าแกจะทำอะไร ” หยกยิ้มกลับมา “ แต่ตรงนี้มันอันตรายไปเสี่ยงต่อการดักฟัง ”

“ อีแคทออกไปซื้อของเว้ยวันนี้ เวรมันส่วนไม้กับแมททิวค่อยเตี้ยมกันอีกที ”

“ โอเค ฉันเดาว่าแกต้องเอาซัมติ้งรองก์ของแคมมาแน่เลย ”

“ ถูกต้อง แต่มันต้องมีอะไรพิเศษกว่าการเซอร์ไพรส์เว้ย ” ฉันพูดยิ้มๆ ของอย่างนี้มันต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

“ อะไรๆ ” หยกถามด้วยตาเป็นประกาย

หลังจากตกลงกันเสร็จพวกฉันก็ไล่เก็บปฏิทินทุกอันในร้านกันแคทมันจำได้ ปกติเวลาที่ไม่ได้เรียนพวกเราก็จำวันจำคืนกันไม่ได้อยู่แล้ว แล้วก็ดักรอน้องสิงห์ฉันเดาว่าน้องสิงห์ต้องอยู่แถวๆ นี้เพราะมาบ่อย ตามคาดน้องสิงห์เดินเข้าอพาทเมนท์ตรงข้ามเลย  ฉันกับหยกวิ่งสี่คูณร้อยไปหาอย่างว่องไว โอกาสนี้อาจไม่เกิดขึ้นอีก น้องสิงห์หน้าเหวอไปเลยหลังจากเห็นพวกฉันวิ่งไปดักหน้าไม่ให้เข้าอพาร์เมนท์ หึ ตะลึงละสิ อดีตวิ่งผลัดโรงเรียนสมัย ป.6 ทั้งที ฉันเล่าเรื่องวันเกิดให้สิงห์ฟังบวกกับเซอร์ไพรส์พิเศษด้วย น้องสิงห์หน้าแดงตอนฟังเรื่องเซอร์ไพรส์ แหม วันเกิดทั้งทีจะเป่าเค้กเฉยๆ ก็กระไรอยู่นะจ๊ะ น้องสิงห์

“ อะ เอาจริงเหรอครับ ” สิงห์หน้าแดงเถือก

“ จริงสิ ” ฉันพูด

“ วันเกิดปีนึงมีครั้งเดียวนะ สิงห์ ” หยดช่วยหว่านล้อม

“ น่าๆ เห็นแคทแบบอื่นบ้างจะเป็นไรไป ”

“ ครั้งนี้ ครั้งเดียวนะครับ ” สิงห์หน้าแดงเถือก เหยื่อ หลงกลแล้ว.. ฉันกลั้นขำในใจ งานวันเกิดสุดเซอร์ไพรส์อุปกรณ์ครบแล้ว งานวันเกิดปีนี้สนุกแน่หนูแคท

.

.

.

“ วันนี้วันอะไรเหรอ หยก ” ผมถามงงๆ ปฏิทินในร้านมันหายไปไหนหมด

“ วันอาทิตย์เว้ย อีแคทแค่นี้ก็จำไม่ได้ ” หยกบ่น

“ ก็ปฏิทินมันหายไปไหนหมดไม่รู้ ” ผมพูดเซ็งๆ

“ เออๆ แล้วนี้ไปซื้อนมมายังเนี่ย ”

“ ยังเสือลืม งั้นเดี๋ยวเสือมานะไปเซเว่นแปปนึง ” ผมลืมซื้อไปเลยแฮะ นมที่ให้ส้มกินหมดรวมถึงนมที่ใช้ดื่มกันตอนเช้าด้วย

“ เออๆ วันนี้ไม่ต้องทำกับข้าวนะจะสั่งพิซซ่า ”

“ โอเค งั้นเสือไปแล้วนะ แปปนึง ” ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปเอาจักรยานแม่บ้านที่หลังร้าน ผมขี่มันไปเซเว่นใกล้ๆ เพลินๆ ตอนเย็นนี่ไม่เย็นเหมือนชื่อเลย.. เมื่อมาถึงเซเว่นผมจอดจักรยานแล้วเข้าสู่ขั้วโลกเหนือ มันหนาวเกินไปแล้วนะ ผมยืนตัวสั่นหยิบนมมาขวดใหญ่สองสามขวดคนอยู่เยอะก็กินเยอะเป็นธรรมดา น่าเสียดายที่เซเว่นไม่มีลูกอมรสเชอร์รี่ผมชอบกิน แต่มีจุปปาจุ๊ปรสเชอร์รี่อยู่ก็พอแทนๆ กันได้ผมหยิบมาสองอันแล้วจ่ายเงินพร้อมกับนม  ผมแยกจุปป๊าจุ๊ปใส่เอี๊ยมแล้วแกะจุปปาจุ๊ปกินอันนึงแล้วขี่กลับเพลินๆ เหมือนตอนขาไปตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผมเพิ่มความเร็วในการปั่นกลับร้าน จักรยานไม่ค่อปลอดภัยเท่าไหร่ในการขี่ตอนกลางคืน ผมจอดจักรยานแม่บ้านไว้ที่เดิมเมื่อมาถึงแล้วเดินเข้าไปในร้าน พิซซ่ามารึยัง ผมเริ่มหิวแล้วเหมือนกันแฮะ แต่ร้านมันมืดแปลกๆ ผมทิ้งจุปปาจุ๊ปที่อมอยู่ใส่ถังขยะหน้าร้านแล้วค่อยๆ เดิน

“ หยก แนท ไม้ แมททิว อยู่ไหม ? ” ผมพูดท่ามกลางความมืดมิดในร้าน อย่าบอกนะว่าร้านผมโดนขโมยขึ้น !?

“ ไฟ !!! ” มีเสียงแนทดังออกมาจากมุมนึงของร้าน ทำไมไม่เปิดไฟเล่า

พรึ่บ !

   “ สิงห์ ? ” ผมครางในลำคองงๆ สิงห์มาอยู่ที่นี้ได้ยังไง อีกอย่างไฟที่ส่องสิงห์อยู่คือไฟฉาย

“ คะ ครับ ” สิงห์หน้าแดง ตอนนี้สิงห์อยู่ในชุดแปลกๆ กางเกงยีนส์แต่เสื้อกลับเป็นเสื้อมอมแมมเก่าๆ ขาดๆ อีกทั้งยังบนหัวมีที่คาดผมหูแมวสีส้ม

“ มิวสิค !! ” เสียงหยกดังอีกมุม

มีเสียงเพลงดังออกมาจากลำโพงที่มักจะเปิดเพลงแนวคลาสสิคๆ เสมอ ตอนนี้กลับกลายเป็นเพลงโฆษณาของกาแฟยี่ห้อนึง..

“ แดนซ์ทามส์ !! ” เสียงไม้กับแมททิวตะโกนเสียงดัง

สิงห์เริ่มออกท่าทางการเต้นที่ทำให้ผมอ้าปากค้างอึ้งๆ   สะ สิงห์คนที่ผมรู้จักจริงๆ เหรอ สิงห์ออกลวดลายการเต้นพริ้วมาก ผมหน้าแดงเถือกหลังจากสิงห์กระชากเสื้อตัวเองขาด สิงห์ผมต้องกรีดร้องไหม..

พรึ่บ ! ไฟทั้งหมดดับลงอีกครั้ง ห้องทั้งห้องอยู่ในความมืดมิดไม่สิเหมือนมีแสงที่มุมห้อง ซึ่งมันก็ค่อยๆ เข้ามาหาผม ผมเข้าใจแล้ว..

“ สุขสันต์วันเกิดนะครับแคท ” สิงห์ซึ่งเป็นคนถือเค้กมาบอกกับผมซึ่งก็ใส่เสื้อตัวใหม่แล้ว ดีแล้วล่ะถ้าไม่ใส่มาผมคงหน้าแดงกว่านี้

“ อืม เอวพลิ้วมากสิงห์ ” ผมยิ้ม ผมดีใจนะที่พวกหยกจัดงานเซอร์ไพรส์ให้ผมถึงแม้มันจะเกิดคาดไปมากจริงๆ มิน่าล่ะปฏิทินหายหมดกลัวผมจำได้นี่เอง

“ ครับ ” สิงห์ตอบอ้อมแอ้ม

“ขอขัดหน่อยนะ สุขสันต์วันเกิดนะอีแคท ” หยกพูด

“ สุขสันต์วันเกิดนะแคท ” ไม้พูดบ้าง

“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะแคท ” แมททิวพูด

“ ร้องเพลงๆ จะอวยพรกันร้องให้เสร็จก่อนโว้ย เทียนมันจะหมดต้นแล้วแม่งพวกแกมัวแต่คุยกัน ” แนทว้าก

“ เอาภาษาจีนไหมกูร้องได้นะ ” แมททิวพูดพร้อมเลิกคิ้ว

“ แค่อังกฤษพอ ” แนทพูดสั้นๆ หน่ายๆ แล้วเริ่มร้องเพลงพร้อมๆ กับทุกคน ผมร้องตามเบาๆ

Happy birthday to you, Happy birthday to you

Happy birthday Happy birthday

Happy birthday to you.

Happy birthday to you, Happy birthday to you

Happy birthday Happy birthday

Happy birthday to you.

น่าแปลกถึงแม้จะได้ฟังทุกปีแต่ฟังทีไรก็อดตื้นตันไม่ได้ ผมเป่าเทียนเค้กให้ดับแล้วอวยพรในใจหวังว่าปีหน้าหรือปีไหนๆ ขอให้เป็นอย่างนี้ไปตลอด

“ สุขสันต์วันเกิดนะแคท ” แนทพูด “ เออ ใครก็ได้เปิดไฟทีดิ้มองอะไรไม่เห็นเลย ”

“ เออ แปปนึง ” เสียงไม้ตะโกนบอกแล้วห้องก็สว่างขึ้นมาอีกครั้ง ห้องไม่ได้ตกแต่งอะไรเพิ่มเติมเพราะพรุ่งนี้ต้องเปิดร้านอีก แต่แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับผมแล้วล่ะ

หลังจากที่ห้องสว่างเหมือนเดิมพิซซ่าก็มาตามที่หยกบอกตอนแรก พวกผมนั่งกินสังสรรค์กันคุยกันเรื่องเก่าๆ เรื่องของขวัญที่แต่ละคนให้บ้างซึ่งแนทก็ให้ตุ๊กตาแมวตัวใหญ่ตัวนึง หยกให้เชอร์รี่นำเข้ากล่องใหญ่ ไม้ให้ที่นอนแมว.. ผมคงจะได้ใช้นะไม้ ส่วนแมททิวให้บัตรกำนัลกินฟรี.. อืม ส่วนสิงห์บอกจะให้ตอนจะกลับ ซึ่งตอนนี้ผมก็อยู่หน้าร้านกำลังส่งสิงห์กลับอยู่

“ ของขวัญล่ะ ? ” ผมถามอย่างกระตือรือร้น นึกไม่ออกว่าสิงห์จะให้อะไรผมแฮะ

“ นี่ครับ ” สิงห์ยื่นซองสีน้ำตาลมาให้ผมด้วยหน้าแดงๆ อะไรล่ะนั่น ?

ผมแกะออกมาดูอย่างบรรจง กระดาษเหรอ ? ผมหยิบกระดาษข้างในซองออกมาดู ผมหน้าแดง มันเป็นภาพเสก็ตของผมที่กำลังนั่งทานเค้กด้วยรอยยิ้มบรรยากาศในภาพเหมือนร้านที่เคยไปเมื่อไม่นานมานี้ ผมเทซองเพราะมันเหมือนมีอะไรอีก ซึ่งก็มีจริงๆ มีที่ห้อยรูปสิงโต “ ขอบคุณนะ ”

“ ครับ ” สิงห์ตอบอ้อมแอ้ม

“ แปปนึงนะสิงห์ ” ผมหยิบจุปปาจุ๊ปจากเอี๊ยมให้สิงห์ “ ถือว่าเป็นคำขอบคุณของผมนะ ” ทั้งๆ ที่สิงห์เพิ่งรู้จักกับผมได้ไม่นานแท้ๆ

“ ขอบคุณครับ ” สิงห์รับไปใส่กระเป๋า ผมว่าที่สิงห์ไม่กินก็คงเพราะจุกพิซซ่าที่หยกสั่งมาสั่งเหมือนชาตินี้จะไม่ได้กินอีก ไหนจะเค้กกว่าจะกินหมดก็เล่นซะจุก

“ สิงห์เคยแข่งเต้นมาก่อนรึปล่าว ? ” ผมค่อนข้างข้องใจเรื่องนี้นะ

“ ไม่เคยครับ ! ” สิงห์ตอบกลับมาอย่างลนลาน

“ สิงห์น่าจะลองไปแข่งนะ ผมว่าเต้นพริ้วมาก ฮ่าๆ ” ผมแซวขำๆ

“ ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วครับ ” สิงห์หน้าแดงเถือก ผมคิดว่าน่าจะโดนแผนของแนทเล่นงานสินะ

“ ขอบคุณนะสิงห์ ” ผมขอบคุณสิงห์จากใจจริง

“ เต็มใจครับ ” สิงห์ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม

----

สิงห์ชั้นขอโทษ 555555555555  :jul3:

เพลงที่สิงห์แดนซ์ : http://www.youtube.com/watch?v=m38fJSrjNn8&list=HL1400915013&index=4

ช่วงนี้บรรยากาศดูเครียดๆ ผ่อนคลายบ้าง

ปล. ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าน้อยกว่า 70 % ไหม  :hao5:





   


หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 24 พ.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-05-2014 14:17:50
กร๊ากกกกก

ไม้และผองเพือ่นน่ารักมากๆค่ะ เป็นเพื่อนที่ดีนะนี่ อิจฉาแคท  :hao5:


สิงห์เต้นแคทยังชม คนอาร๊ายยยยย น่ารักจริงๆ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 24 พ.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 24-05-2014 14:35:18
แหมมมมมมมมมมสิงห์ทำไปได้
 :m20:
ยุขึ้นนะเนี่ย
แล้วทำไมคนอื่นไม่เต้นด้วยละ
แหมมมมมมม
ตอนแรกนึกว่าของขวัญวันเกิด...ในซองเขียนว่า
"คบกันนะครับ"

 :impress2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 24 พ.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-05-2014 18:29:29
โถ่ๆ หมดกันสิงห์ 5555
พริ้วซะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 24 พ.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 24-05-2014 23:33:35
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 24 พ.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-05-2014 00:17:46
คิดถึงท่าเต้นของสิงห์แล้ว มัน...มันแบบว่า... o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 12 - 24 พ.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 06-06-2014 21:28:18
แบบสิงห์เต้น?  ภาพลอยขึ้นมาเลย   :laugh:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 6 พ.ค. 57 - 50 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 06-06-2014 22:47:31
-- ตอนที่ 13 -- * 50 % *

“ ผะ ผมชอบแคทครับ ”

“ สะ สิงห์ ”

“ ชอบจริงๆ นะครับ ! ”

“ แต่ว่า.. ”

กริ๊งงงงง

เฮือก !

เวร.. ผมฝันอะไรกัน. นี่ผมจะไปกล้าสารภาพรักกับแคทได้ยังไงกัน ถ้าสารภาพจริงผมไม่เอาปี๊ปมาคลุมหัวเลยเหรอ หน้าผมคงแดงพอๆ กับซอสมะเขือเทศเลยทีเดียว เลิกคิดๆ ผมตบหน้าตัวเองเบาๆ เรียกสติคืนมา แค่ไปเต้นรอบนั้นก็เกินขีดจำกัดผมไปมากแล้วนะ.. ถ้าสารภาพทีผมคงตายได้แน่ๆ ผมพอใจกับความสัมพันธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้มากกว่าการกระโดดข้ามไป ถ้าเกิดก้าวพลาดไปผมคงขาหักจนเข้าเฝือกไม่ได้เลยล่ะ

ความสัมพันธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปยั่งยื่นกว่าการกระโดดข้ามขั้นเป็นไหนๆ ผมคิดว่าอย่างนั้น มั้ง..

.

.

.

วันนี้ผมกะว่าจะมานั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือที่ร้านแคทถ้าดีหน่อยก็ได้คุยกัน ซึ่งผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น.. ผมเดินเข้าไปในร้านยิ้มอายๆ ให้กับแคทแต่ยิ้มผมก็ค้างไปเมื่อ..

“ คิทตี้ทำไมไม่มาหากุนบ้างเลย ” มีผู้ชายหน้าตาที่อยู่ในระดับสูงเทียบเท่าปกนิตยสารเดินตามแคทด้วยท่าทางที่สนิทสนม

“ ไปไกลๆ เถอะ กุน ” แคทพูดเซ็งๆ แล้วสะบัดมือชิ่วๆ

“ ก็ได้ งั้นกุนรอหน้าเคาน์เตอร์นะ ” ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มบางๆ แล้วยอมเดินไป

แคทพยักหน้าส่งๆ แล้วหันมามองผม “ สิงห์นั่งหลังร้านไหม ? วันนี้ลูกค้าน้อยผมอู้ได้นะ ”

“ จะดีเหรอครับ ” ก็ผู้ชายคนนั้นยังจ้องมาที่ผมกับแคทอยู่เลยนี่นา..

“ ทำไมจะไม่ดีละ แมททิวก็อยู่ ไม้ก็อยู่ ขาดผมสักคนไม่เป็นไรหรอกนะ” แคทขมวดคิ้วถาม แคทไม่รู้จริงๆ เหรอ

“ อ่า งั้นไปหลังร้านกันเถอะครับ ” ผมพยักหน้าอย่างจำยอม ไอ้ดีมันก็ดีอยู่หรอกแต่สายตาที่เหมือนจะทะลุทะลวงให้ทะลุไปถึงไส้ติ่งของชายคนนั้นมันรุนแรงเกินไป  แต่ว่า.. ผมไม่ยอมหรอกนะ

“ อืม งั้นปล่อยให้พวกนั้นเฝ้าร้านเล่นไปก่อน ” แคทเดินนำผมไปหลังร้าน เอาเข้าจริงไม่ต้องเดินนำผมก็ได้นะ ผมจำได้ตั้งแต่เข้ามาครั้งแรกแล้ว..

“ นั่งเล่นนี่กับส้มไปก่อน เดี๋ยวผมไปเอาเมนูประจำมาให้ ” แคทให้ผมนั่งโซฟาตัวเดิมที่ผมเคยมานอนป่วยปางตายโดยมีเจ้าส้มนอนบนตัก เจ้าส้มก็ตัวใหญ่ขึ้นแล้ว ผมลองสอดนิ้วใต้ปลอกคอตอนนี้มันค่อนข้างเล็กสำหรับเจ้าส้มไปซะแล้ว ตะขอนั้นไม่เหลือที่ให้เกี่ยว ควรจะหาปลอกคอใหม่ดีไหม ? ผมลูบหัวมันเบาๆ ไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ส้มก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม น่ารัก.. คงจะเหมือน ?  อ่า ไม่ใช่สิ ผมมาจิบกาแฟอ่านหนังสือกับคุยกันกับแคทนิดๆ หน่อยๆ เฉยๆ 

“ มาแล้วๆ ” แคทถือถาดกลับมาซึ่งดูเหมือนว่าจะมีอะไรแถมมาด้วยอีกหนึ่ง.. ซึ่งมันก็ไม่ใช่ของที่ผมจะกินได้ซะด้วย..

“ คิทตี้ ใครน่ะ !! ” ชายที่คาดว่าน่าจะชื่อกุนเดินตามหลังแคทมา

“ เพื่อนเสือเอง ” แคทบอกปัดแล้วยื่นแก้วคาปูชิโน่ให้ผม ผมรับมาจิบเบาๆ รสชาติครั้งนี้ต่างออกไปจากปกติ  แต่ก็อร่อยไปอีกแบบ 

“ ครับ ”  ผมผงกหัวรับกุนที่มองมาทางผม

“ เออ สิงห์รอบนี้ผมชงเองน่ะ รสชาติเลยแปลกๆ ” แคทยิ้มโดยไม่รู้สึกสายตาทิ่มแทงที่ดูเหมือนว่าจะข้ามหัวแคทมาทางผม

“ อร่อยดีครับ ” ผมยิ้มตอบแคทแต่สายตาสบอยู่ที่กุน ต้องการอะไร..

“ คิทตี้ทำไม กุนไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้เลยล่ะ ? ” กุนหรี่ตามองผมพร้อมเอาแขนพาดไหล่แคทอย่างถือสิทธิกลายๆ  มันหมายความว่ายังไงกัน

“ เพื่อนใหม่ไง ” แคทบอกปัดแล้วเอาแขนของกุนออกด้วยสีหน้าเซ็งๆ แต่อยู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว “ สิงห์ กินเค้กเลยไหมเดี๋ยวผมไปเอาส้อมมาให้ ผมลืมหยิบมา ” แคทถามอย่างกระตือรือร้น

“ ครับ ” ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว อย่างว่าละนะ ผมมา “กิน” กับ “ คุย ” เฉยๆ

“ งั้นเดี๋ยวเอามาให้ แปปนึง ”

“ เพื่อนใหม่คิทตี้ นี่หล่อเนอะ ” กุนพูดลอยๆ ใส่ผมเมื่อแคทเดินไปแล้ว

“ ครับ ” ผมตอบลอยๆ เช่นกัน ผมลูบหัวส้มเบาๆ แต่ตายังมองที่กุนอยู่

“ มองอะไรล่ะครับ สิงห์ ” กุนเลิกคิ้วพูด

“ มองคุณกุนไงครับ ”

“ ใช่สินะ ” กุนไหวไหล่เล็กน้อย

“ อะไรใช่ครับ ” 

“ เปล่าซะหน่อย เนอะคิทตี้ ”  พูดจบก็หันไปยิ้มให้แคท

“ อะไรกุน ” แคททำหน้าเซ็งๆ คงเพราะเพิ่งเดินมาถึงก็โดนกวนทันที “ อะ สิงห์ส้อม ” แคทยื่นส้อมให้ผม ซึ่งส้อมก็ลายแปลกไปกว่าทุกครั้ง.. 

“ ขะ ขอบคุณครับ ” ส้อมลายคิทตี้.. ผมใช้ส้อมอะไรก็ได้อยู่แล้วแต่แค่เกินคาดไปหน่อย คิทตี้ คิทตี้ คิทตี้  เหอะๆ

“ อย่ามองแปลกๆ อย่างนั้นสิสิงห์นี่มันของที่ผมซื้อมาตอนมันลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์เชียวนะ ” แคทชี้หน้าผม

“ ครับ ” ก็แค่ส้อมน่า.. แต่ทำไมส้อมผมสั่นน้อยๆ ล่ะ ส้อมอัตโนมัติเหรอ ? นี่มันไม่ใช่แปรงสีฟันอัตโนมัตินะที่จะสั่นได้ ผมใช้ส้อมสั่นๆ ตักเค้กกิน ยังรสชาตินุ่มลิ้นเหมือนเดิม

“ คิทตี้ ไหนของกุนบ้างล่ะ ? ” กุนพูดพร้อมเอาหัวกระแซะกับไหล่แคท

แกร๊ง

“ ขอโทษครับ ” ผมผงกหัว ตายล่ะ มือผมสั่นจนส้อมหลุดออกจากมือเลย ให้ตายสิ

“ ไม่เป็นไรๆ ” แคทยิ้ม “ ส่วนของกุนถ้าอยากกิน อยู่ในตู้เย็นครัว ”

“ เดี๋ยวค่อยกินแล้วกัน ” กุนไหวไหล่ เปลี่ยนท่าทีง่ายจริง 

“ เออ สิงห์กินข้าวเย็นด้วยกันไหม วันนี้ทำก๋วยจั๊บอีกล่ะ ”

“ ชวนสิงห์ด้วยเหรอคิทตี้ นึกว่าจะชวนแต่คนที่ “สนิทมากๆ” ซะอีก ” กุนเลิกคิ้วถามแคทแต่สายตามองมาทางผม ได้ครับ ได้เลย..

ผมก็สนิทกับแคทมากๆ เหมือนกันครับ

-----------
ใครกันหนอ มาแยกครอบครัวสุขสันต์  :serius2:

หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 6 มิ.ย. 57 - 50 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-06-2014 22:50:28
ห๊ะ!

สิงห์เริ่มออกตัวบ้างแล้ว ในที่สุด :z3: :z3: :z3: ก้มกราบบบบบบบบบบบบ

(แอบบ่นเบาๆ 50% สั้นจังค่าาาาา)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 6 มิ.ย. 57 - 50 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-06-2014 00:40:07
สิงห์สู้ ๆ อย่ายอม


 :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 6 มิ.ย. 57 - 50 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 07-06-2014 01:14:16
มือที่สามโผล่มาทำให้ครอบครัวเค้าแตกแยก

งานนี้สิงห์สู้ยิบตาแน่นอน  ใครจะยอมยกหนูแคทให้คนอื่นไปละ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 6 มิ.ย. 57 - 50 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-06-2014 14:29:59
กุนท่าจะมาป่วนเฉยๆ
รอดูสิว่าสิงห์จะทำยังไง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 6 มิ.ย. 57 - 50 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 07-06-2014 15:31:02
หมูหรือจะสู้สิงห์
เสือต้องคู่กับสิงห์อยู่แล้ว
โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :katai5:
ตาต่อตาฝันต่อฟันนนนนน
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 6 มิ.ย. 57 - 50 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 07-06-2014 16:55:31
สิงห์ อย่ายอมแพ้ กุน นะเอาให้รู้ไปเลยว่า แคท อ่ะของ สิงห์ นะเฟ้ย

รออีก 50% ที่เหลือ

555
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 6 มิ.ย. 57 - 50 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 07-06-2014 18:14:29
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 6 มิ.ย. 57 - 50 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 07-06-2014 18:24:41
 :mew4:  ต้องมีอะไร ๆ มากระตุ้นซินะ 
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 6 มิ.ย. 57 - 50 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 07-06-2014 19:09:59
บักกุนนนนน  :serius2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 14 มิ.ย. 57 - 100 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 14-06-2014 22:37:41
-- 100 % --

.

.

.

แล้วผมก็มาอยู่ในห้องครัว.. ตอนนั้นเหตุการณ์มันเกิดขึ้นไว้ซะผมตามไม่ทันเลย รู้ตัวอีกทีมาเป็นลูกมือแคทซะแล้ว ซึ่งก็มีคนที่สนิทกับแคทอีกคนด้วยสิ

“ สิงห์หั่นผักให้หน่อย ”

“ ครับ ” ผมพยักหน้ารับเกร็งๆ ตาย ตายแน่ ลำพังดูยังดูไม่เป็นเลย นับประสาอะไรกับมาหั่นผัก ผมรับผักมาจากแคท วางมันบนเขียง ลับมีดข้างมือกับเขียงเหมือนที่เคยเห็นตอนเด็กๆ ตอนที่แม่สั่งหมู

หั่นผัก หั่นผัก หั่นผัก

ปัก 

“ เฮือก ! ” แคทเผลอร้องออกมาหลังจากได้ยินเสียงเมื่อกี้

“ อุ้บ ” กุนเอามือปิดปากคล้ายกับกลั้นหัวเราะ

“ เอ่อ สะ สิงห์ หั่นไม่เป็นใช่ไหม เดี๋ยวผมสอน ” แคทยิ้มแห้งๆ ผมก็ยิ้มแห้งๆ ตอบเหมือนกัน ดีที่เขียงไม่แยกออกมาเป็นสองส่วน ผมกะแรงพลาดไปนิดหน่อย ส่วนผักก็หายไปสักที่แล้ว

“ สิงห์หั่นผักน่ะไม่ยากหรอก หั่นเบาๆ แค่นี้ก็พอ เมื่อกี้ผมว่าสิงห์คงชินกับการหั่นหมูสินะ เลยกะแรงไม่ถูก ” แคทสาธิตให้ผมดูสองสามรอบ ส่วนการคาดเดาของแคท ผมคิดว่าคลับคล้ายคลับคลานะ

“ ผมน่าจะหั่นได้แล้วล่ะ ” ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ

“ หั่นผักนะ ไม่ใช่สับหมู ” กุนพูดอย่างลอยหน้าลอยตา โอเค รอบนี้ผมยอมก็ได้ เพราะการสับเมื่อกี้มันถอดแบบมาจากการสับหมูชัดๆ

“ ครับ หั่นผัก ” ผมตอบเซ็งๆ แล้วลงมือหั่นใหม่อีกรอบ แต่กะแรงน้อยลงเป็นเบาๆ 
ปัญหาต่อไป.. หั่นไม่ขาดครับ

“ อุ้บ ” อีกแล้ว.. ครับ เสียงปริศนารายเดิม  เปลี่ยนจากหั่นผักไปหั่นคอคนดีกว่าครับ

“ อีกรอบเนอะ สิงห์ ” แคทยิ้มแหยๆ

“ ... ครับ ” ผมหั่นใหม่อีกรอบด้วยอารมณ์ที่บิดเบี้ยวเล็กน้อย ค่อยยังชั่วที่รอบนี้ออกมาดี

“ ประมาณนี่แหละ ” แคทพยักหน้า “ สิงห์หั่นเสร็จบอกผมนะ ” แคทพูดจบก็กลับไปทำก๋วยจั๊บต่อ

“ เออ กุนช่วยเสือทำอันนี้หน่อย ” แคทกวักมือเรียกกุนหยอยๆ แล้วชี้ไปที่ซี่โครงหมู “ หั่นให้เสือหน่อย ”

“ อะ อืม ” กุนดูหน้าซีดลงเล็กน้อย หึ ผมแกล้งปิดปากขำบ้าง  กุนเดินไปหยิบมีดปังตอ ? ผมคิดว่ามันน่าจะเรียกอย่างนั้น
กุนง้างมือแล้วสับซี่โครงหมู

ปัก 

สับพลาด กุนสับพลาดครับ ผมหลุดขำออกมา หนักกว่าผมอีกว่ะ โชคดีที่เป็นเขียงถ้าเป็นโต๊ะคงแยกเป็นสองส่วนไปแล้ว

กุนนิ่งไปสักพักแล้วจึงพูด “ เมื่อกี้สับยุงเฉยๆ หรอก ” แล้วกุนก็สับใหม่อย่างเนียนๆ  ผมยักไหล่แล้วกลับไปหั่นผักต่อ แล้วพวกผมก็เวียนกันทำตามแต่ท่านพ่อครัวใหญ่บัญชา

“ เสร็จแล้วล่ะ งั้นสิงห์เสร็จช่วยผมถือถาดนี่นะ ” แคทพูดหลังจากโปรยผักบนชามสุดท้ายเสร็จ “ ส่วนกุน เอาน้ำขึ้นไปด้วยละกัน ”

“ รับทราบ คิทตี้ ” กุนรับคำพร้อมทำท่าคล้ายกับตอนเรียนลูกเสือไม่สิอย่างนี้ต้องเรียกลูกหมูสินะ

“ ครับ ” ผมพยักหน้ารับแล้วยกถาดที่แคทสั่ง หนักเหมือนกัน เอาหลายๆ ชามมารวมกันพูนๆ เนี่ย แต่ดูเหมือนว่ามีชามนึงที่เยอะเป็นพิเศษกว่าปกติ ใครกันจะไปกินได้ขนาดนั้น ? “ แคทครับ ชามนี้ของใครเหรอ ? ”

“ อ๋อ ชามนั้นของแมททิวน่ะ เห็นตัวอย่างนั้นนะกินอย่างกับสูบ ไปกินหมูกระทะแต่ละทีเจ้าของจำหน้าได้แทบร้อง ” แคทยิ้มบางๆ เมื่อพูดถึงแมททิว ให้ตาย นี่มันไม่ใช่ปริมาณที่คนปกติจะสามารถรับประทานได้แล้วนะ

“ อ๋อ ไอ้แมททิวที่ชอบกินของทุกอย่างที่เหลือปะ ” กุนยื่นหน้ามาถามทั้งๆ ที่ผมเห็นหยิบแก้วกับน้ำใส่ถาดขึ้นไปแล้วแท้ๆ

“ นั่นแหละ แมททิว ”  ทุกอย่าง ? คนประมาณนี้ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ผมก็มีเพื่อนประเภทกระเพาะพิเศษนี้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าเจอกี่ครั้งก็น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ

“ ยกไปข้างบนเลยนะครับ ”

“ อืม ยกเลยๆ พวกนั้นนั่งรอก็จนไส้แห้งแล้วมั้ง ”

“ ครับๆ ” ผมยกขึ้นไปข้างบนตามหลังกุนที่วิ่งขึ้นไปก่อนส่วนแคทก็เดินตามหลังผม แต่พอกุนขึ้นไปถึงก็เปิดประตูเข้าไปเลยและปิดทันที เจริญเถอะครับ คุณหมู ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยกับการกระทำอันไม่โปร่งใสของกุน แคทยิ้มแห้งๆ ให้ผมเมื่อผมหันไปมอง

“ เดี๋ยวเปิดประตูให้นะ สิงห์ ” แคทบอกกับผมที่คงหามือไปเปิดลูกบิดไม่ได้ บอกเสร็จก็เปิดให้ผม แต่เมื่อผมก้าวเท้าเข้าไปได้ก้าวเดียวก็พบกับ ซากมนุษย์.. ?  มีซากมนุษย์นอนอยู่ตรงหน้าผมถึงสองคน ยกเว้นแต่หยกกับแนทที่นั่งกินโค้กดูทีวีสบายๆ อยู่บนเตียง ส่วนกุนนั่งลงบนโซฟาแล้วเอานิ้วเขี่ยพวกซากมนุษย์ที่ดูน่ากลัว

“ แนทๆ  แมททิวกับไม้มันเป็นไรอ่ะ ” แคทหันไปถามแนทส่วนหยกก็อินกับการผัดของเชฟกระทะเหล็ก เหมือนกับว่าผมเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้แฮะ อ้อ ส่วนหยกกับแนทผมจำชื่อได้เพราะมักจะอยู่หน้าเคาท์เตอร์บ่อยๆ บวกกับแคทแนะนำผมให้รู้จักด้วย ส่วนพวกเอ่อ ซากมนุษย์บนพื้นผมจำชื่อไม่ได้ ผมจำหน้าได้อย่างเดียว

“ นั่นไงล่ะ ” แนทชี้ไปที่ทีวีที่ตอนนี้พวกนักชิมกำลังบรรยายรสชาติอาหารที่ตนได้รับประทาน

“ ดูเชฟกระทะเหล็กอีกแล้ว ? มิน่าละแมททิวกับไม้ที่ได้กลายเป็นซากตรงนั้น ” แคทขมวดคิ้ว

“ ว่าแต่ พาน้องสิงห์มาอีกแล้วหรา ” แนทยิ้มพร้อมทำเสียงสูง เอ่อ..

“ ชวนมากินด้วยกันไง กินคนเยอะๆ  สนุกดี ”

“ จ้า จ้า เหตุผลน่าเชื่อถือมากค่ะ ” แต่หน้าตาของแนทที่ตอบแคทดูไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย..

“ ไปๆ กินก๋วยจั๊บได้แล้ว เสร็จแล้ว ” แคทก้มหน้าตอบปัดแล้วเดินไปนั่งข้างๆ กุน “ สิงห์วางไว้บนโต๊ะนี้เลย เดี๋ยวพวกนี้ก็คงฟื้นขึ้นมากินเองแหละ ”

“ ครับ ” ผมวางบนโต๊ะที่แคทชี้แล้วนั่งลงบนโซฟาที่ว่างบ้าง โซฟาที่ผมนั่งเป็นโซฟาเดี่ยวที่ยังไม่มีใครนั่งจึงไม่ต้องห่วงว่าไปนั่งทับที่ใครหรืออาจจะเป็นที่ของซากมนุษย์บนพื้นผมก็ไม่อาจทราบได้

โคร่ก

เสียงปริศนาคร่ำครวญมาจากซากมนุษย์ที่นอนอยู่ ไม่ผิดจากที่แคทพูดไว้จริงๆ ซากมนุษย์ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งทั้งคู่แล้วค่อยๆ ยืนอย่างเอื่อยๆ พอยืนได้มั่นคงก็เดินช้าๆ ไปหยิบก๋วยจั๊บมานั่งกินบนพื้น ซากมนุษย์คนแรกที่ใส่แว่นหยิบถ้วยใหญ่ที่ปริมาณเกินมนุษย์คาดว่าน่าจะชื่อ แมททิว ส่วนอีกคนก็หยิบถ้วยนึงมากินช้าๆ ซึ่งคนอื่นๆ ก็ทยอยหยิบบ้างรวมถึงผม

“ ไม่ยอมกินอะไรรอล่ะ ? ” แคทขมวดคิ้วถามระหว่างพันเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบสปาเก็ตตี้

“ ไม่ล่ะ เดี๋ยวกระเพาะรับปริมาณที่กูอยากกินไม่ได้ ” แมททิวตอบ

“ ส่วนกูหิวเป็นเพื่อนน่ะ ” ซากมนุษย์ที่ผมไม่รู้ชื่อตอบ

“ ไม่ใช่ว่ากินหมดแล้วหรอกเหรอ ” หยกเหน็บ

“ ใครมันกินเลย์กับทาโร่หมดวะ หยก ” แนทพูด

“ โหๆ เจอกี่รอบก็กินยังกับเครื่องดูดฝุ่นเลยนะ แมททิว ” กุนยิ้มกวนใส่แมททิว

“ ของมันจะหมดอายุหรอก ถึงรีบกินให้หมด ” แมททิวพูดเซ็งๆ แต่มือก็ยังไม่หยุดตักอาหารใส่ปาก

“ เหรอออ ” หยก แนท แคท กุน พูดเสียงสูงพร้อมกัน จนผมหลุดขำออกมาเบาๆ ไม่ได้ แต่จะว่าไปก๋วยจั๊บนี่ก็ถูกปากผมจริงๆ ไม่รสจัดเกินไปกำลังพอดี

“ โอ๊ย มึงเปลี่ยนช่องเถอะ กูได้ของที่เลิศรสกว่าในทีวีแล้วเว้ย ” หยกพูด

“ แหม มึงเคยกินแบบในทีวีเหรอ แต่ของตอนนี้ก็อร่อยกว่าอยู่ดีเว้ย ดีกว่าอาหารที่ดีแต่สร้างน้ำย่อยในกระเพาะให้กูหิว ” แนทหันไปพูดใส่หยกทันควันแล้วเปลี่ยนช่องตามที่หยกบอกไปช่องทีวีหลักแทนซึ่งมันกำลังฉายละครเรื่องนึงอยู่ ซึ่งผมก็ไม่รู้จักหรอกผมชอบดูหนังซะมากกว่า

“ นี่มัน ไอ้เรื่องที่ไอ้นั่นแสดงนี้ ! ” กุนตะโกนออกมาเสียงดังแล้วชี้นิ้วสั่นๆ ไปบนจอทีวี ซึ่งเป็นฉากที่พระเอกกำลังเดินเล่นในสวนสวยในคฤหาสน์หลังโตแบบที่ละครไทยมีเกลื่อนไปหมด

“ ไอ้นั่น ไอ้ไหน ? ” แคทขมวดคิ้วงุนงง

“ ปะ เปล่าไม่มีอะไรหรอก คิทตี้ กุนจำผิดน่ะ แหะๆ ” กุนยิ้มแห้งๆ

“ แน่ใจเหรอ กุน ” แนทคลี่ยิ้มแปลกๆ ที่ผมอดขนลุกตามไม่ได้เมื่อมอง มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนรู้ทันไปซะทุกอย่าง

“ แน่ใจสิ อะไรกันแนท กุนจำผิดหรอก ” กุนยิ้มเจื่อนๆ กับคำตอบของตัวเอง

“ จำผิดก็จำผิด ” แนทยังไม่เลิกยิ้มแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
ซึ่งหลังจบบทสนทนานี้ก็ไม่ได้มีใครพูดอะไรต่อจนกระทั่งกินเสร็จกันหมด คาดว่าคงจะหิวกันเพราะแคทใช้เวลาทำนานพอสมควรเลยทีเดียว คงจะหิวจนไส้แห้งกันจริงๆ จึงไม่พูดคุยอะไรกันต่อระหว่างกิน

“ ว่าแต่ แคทชวนสิงห์มากินบ่อยๆ ก็ดีนะ ” แมททิวพูดหลังจากซดน้ำซุปหมด

“ ทำไมล่ะ ? ” แคทเลิกคิ้วถาม

“ พวกฉันจะได้ไม่โดนลากไปล้างจานไง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ” ซากมนุษย์ที่ตอนนี้กลายเป็นคนแล้วพูดพร้อมกับแมททิวแล้วหัวเราะเสียงดัง ว่าแต่ผมมีค่าแค่ล้างจานเหรอเนี่ย..

“ อุ้บ ... ดูหน้าสิงห์ดิ ฮ่าๆๆ จี้ว่ะ ” กุนหัวเราะจนทุบโต๊ะ อะไร หน้าผมช็อคขนาดนั้นเลยเหรอ ซึ่งทุกคนก็หัวเราะตามไม่เว้นแม้แต่แคท  โถ่ ผมแค่ช็อคนิดหน่อยเองน่า

“ น่าๆ สิงห์พวกนั้นพูดเล่นเฉยๆ หรอก ” แคทตบไหล่ผมป้าปๆ แต่ยังไม่หยุดหัวเราะ

“ ..ครับ ” ผมถอนหายใจ  ผมช็อคแค่นิดนึงจริงๆ นะ
แต่อย่างไรก็ตามผมก็ไม่ได้เป็นคนล้างหรอกหลังจากนั้นผมก็ขอตัวกลับซึ่งแคทก็อาสามาส่งผมที่หน้าร้านเพราะเป็นคนชวนมารวมถึงกุนที่กำลังจะกลับบ้านเลยเดินลงมาด้วยกัน

“ เออ คิทตี้เดี๋ยวช่วงนี้คงไม่ได้เจอกันสักพัก กุนมีงานยาวๆ เลย ” 

“ อืม ” แคทพยักหน้ารับ

“ งั้นกุนไปล่ะ ” กุนยิ้มแล้วเดินไป แต่ผมว่ามันเหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้น กุนหันกลับมาแล้ววิ่งไปหอมแก้มแคท !!  “ บ๊ายบาย ” กุนวิ่งหนีไปอีกครั้งแล้วโบกมือบ๊ายบายอย่างกวนๆ
ทิ้งให้ผมยืนอึ้ง.. แต่ดูเหมือนแคทจะดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเหมือนกันเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ให้ตาย ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงจริงๆ ว่ะ

“ สิงห์ ? ” แคทเลิกคิ้วเมื่อเห็นผมยังยืนอยู่ที่เดิม

“ คะ ครับ ” ผมตอบรับเสียงแผ่ว ผมเริ่มไม่มั่นใจอะไรแล้วสิ..  แต่ไม่ได้ผมจะมัวอายไม่ได้แล้ว

“ ไม่สบายเหรอ ” แคทเดินกลับมาหาผมที่ยืนนิ่งอยู่ เอาล่ะผมตัดสินใจแล้ว มันคงจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว  ไม่อย่างนั้นคงไม่มีโอกาสเหลืออยู่เลยมั้ง

“ คะ แคท ครับ !! ”

“ อะไรเหรอสิงห์ ? ”

“ ผะ ผมชอบแคทครับ ! ”

“ สะ สิงห์ ”

“ ชอบจริงๆ นะครับ ! ”

นี่มันเหตุการณ์เดียวกับในฝันผมเลยนี่หว่า ! 

------------

นี่สินะที่เขาเรียกว่าฝันบอกอนาคต  :laugh:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 14 มิ.ย. 57 - 100 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 14-06-2014 23:07:01
สารภาพรักแล้วเหรอ สู้ต่อไปนะสิงห์ พิชิตใจของแคทให้ได้
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 14 มิ.ย. 57 - 100 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 15-06-2014 10:29:07
 :a5: สารภาพรักแล้ววววววววววววว

ตอนหน้าจับจูบเลย (เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆเร็วไป)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 14 มิ.ย. 57 - 100 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 15-06-2014 11:17:41
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 13 - 14 มิ.ย. 57 - 100 % * สิงห์บรรยาย *
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-06-2014 11:19:05
ว๊ายยยยยย
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 14 - 29 มิ.ย. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 29-06-2014 21:33:55
-- ตอนที่ 14 --    

ให้ตาย..

   ผมตื่นรึยังเนี่ย ?
   
ผมฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย ..

   มันจะเป็นความจริงไปได้เหรอ

   ส้ม ช่วยเสือคิดหน่อยสิ

   “ แง้ววว ” ส้มเอาหัวถูไถกับมือผมที่ลูบหัวให้มันเบาๆ

   “ แคท มึงไหวไหมว่ะเนี่ย น้องสิงห์กลับไปก็มานั่งเหม่ออะไรตรงนี้ว่ะ ” แนททักผมซึ่งก็ถือกระติกน้ำแข็งมาด้วย คงจะลงมาเติมน้ำแข็ง

   จะมาพูดถึงอะไรตอนนี้ครับ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ก็อดหน้าแดงไม่ได้ผมตัดสินใจหันหลังให้แนทเพื่อไม่ให้โดนจับได้

   “ ชอบจริงๆ นะครับ !! ”
   
หลังจากสิงห์พูดประโยคนี้จบหน้าผมกับสิงห์ก็แดงไม่ต่างกัน นี่มันเหนือความคาดหมายเกินไปแล้วนะ ถึงผมพอจะเดาๆ ได้ก็เถอะ แต่นี่มันคาดไม่ถึงจริงๆ
   
“ อะ เอ่อ งั้นผมจะมาหาบ่อยๆ นะครับ ” สิงห์สบตากับผมทั้งๆ ที่หน้าแดง จะว่าสิงห์หน้าแดงฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ตอนนี้ผมก็คงพอๆ กัน

   “ อะ อืม ” ผมพยักหน้า

   “ งั้นผมขอตัวนะครับ ” สิงห์พยักหน้าเชิงเข้าใจแล้วเดินผ่านผม “ ฝันดีครับ ” สิงห์กระซิบเสียงเบาข้างหูผมแล้วเดินฉับๆ ไป

   จะยังไงก็ตามสิงห์ยังขี้อายเหมือนเดิมล่ะนะ ผมอมยิ้มก็ท่าทางนั้นโดยลืมเรื่องเมื่อกี้ไปสักพัก

   “ มึงเมาโค้กรึไงวะ เงียบไปเลยเนี่ย ” แคทบ่นระหว่างฉีกซองพลาสติกน้ำแข็งออกแล้วเทใส่กระติก

   “ ใครมันจะบ้าไปเมาโค้กละแนท ” ผมตอบกลับเซ็งๆ
   
“ เอ้า จะไปรู้ไหมล่ะจ๊ะ ก็คุณเธอเล่นเงียบเป็นเป่าบอลลูนเนี่ย ” ช่างเปรียบเปรยเหลือเกินสหายแนท

   “ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ นั่งเฉยๆ ”

   “ เออๆ ขึ้นไปนั่งกินของหวานดิ ไอ้แมททิวมันเหมาเค้กมาเลย ” แนทเอ่ยชวนเมื่อเทน้ำแข็งเสร็จ

   “ มีเค้กเชอร์รี่ไหม ? ”  น่าสนใจแฮะ

   “ มีหมดแหละค่ะ เค้กสตอเบอร์ เป๊ปซี่ ทุกสิ่งทุกอย่างจะกินใบสตอเบอรี่ยังได้ ”

   “ แนทกินเองเถอะ อันหลัง น่ะ ”
   
“ เออ ขึ้นมาดิเอาส้มขึ้นไปด้วยก็ได้ ”

   “ งั้นขึ้นไปกัน ” ผมลุกจากโซฟาแล้วเดินขึ้นไปพร้อมกับแนท เตรียมสวาปามมื้อของหวานที่มีเชอร๋รี่ที่ผมชอบ
   วันนั้นเรื่องเชอร์รี่ทำเอาผมลืมเรื่องสิงห์ไปสักพัก
   
.
   
.
   
.

   แต่วันนั้นก็คือเรื่องของวันนั้นนะ ไม่ใช่เรื่องวันนี้

   สิงห์มาร้านครับ..

   นี่ผมยังไม่ได้ทำใจอะไรเลยนะ..

   เรื่องของเรื่องคือผมไม่กล้าไปรับออเดอร์

   ผมไม่ได้รังเกียจนะ ผมไม่รู้จะวางตัวยังไง
   
ผมทำตัวไม่ถูกจริงๆ


   “ ไอ้แคทมึงก็ไปรับออเดอร์น้องสิงห์สักทีดิวะ จะมัวยืนจ้องทำไม มึงจะกินน้องสิงห์กับข้าวรึไง  ” หยกพูด

   “ มะ ไม่ได้จะกิน ใครเขาจะไปกินสิงห์กันล่ะ ”
   
“ จะไปรู้ไหมล่ะ ก็เล่นยืนจ้องอย่างนั้นน่ะ ไปดิน้องสิงห์แม่งหันมาหามึงแล้วเนี่ย ”

   “ อะ เออ ” ผมก้าวขาสั่นๆ เดินไปหาสิงห์ อย่าเพิ่งคิดเรื่องนั้นเสือ อย่าเพิ่งคิดเสือ

   “ สวัสดีครับ แคท ” สิงห์ยิ้มให้ผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่หูของสิงห์ก็ยังไม่วายแดงทรยศเจ้าของ

   “ อืม สิงห์เอาแบบอื่นมั้งไหม ? สั่งแต่แบบเดิมคงเบื่อ ” สิงห์คงไม่อยากให้ผมอึดอัด เลยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แค่เห็นหน้าผมก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว..
   
“ ก็ได้ครับ ” สิงห์พยักหน้า

   “ มอคค่าไหม ? ”

   “ ครับ มอคค่าแก้วกับคุกกี้ที่แคทเคยให้ผมกินรอบนั้นครับ อร่อยดี ”
   
“ อ๋อ คุกกี้เชอร์รี่น่ะนะ อร่อยอยู่แล้ว ก็ผมเป็นชิมเองนี่นา ”

   “ เรื่องวันนั้น ..แคทว่าไงครับ ” สิงห์ถามเสียงเบา

   “ ... สิงห์ ”  ให้ตาย ผมนึกว่าสิงห์จะไม่พูดเรื่องนี้แล้วนะ หน้าผมอย่าแดงสิ..

   “ รังเกียจเหรอครับ.. ”  สิงห์ยิ้มบางๆ

   “ ผมไม่ได้รังเกียจสิงห์.. แต่ตอนนี้ผมคงตอบอะไรไม่ได้เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมรู้สึกยังไงกันแน่ ชอบเหรอ.. ผมไม่รู้ ถ้ารู้สึกดีด้วยก็ว่าไปอย่าง ผมรู้สึกดีกับสิงห์นะแต่ถ้าชอบนี่ผมไม่รู้ ขอโทษนะ.. สิงห์ ”ผมพูดประโยคยาวเหยียดเพื่อไม่ให้สิงห์ต้องฝืนยิ้มแบบเมื่อกี้ ยิ้มที่ดูเหมือนสมเพชตัวเอง  สิงห์.. อย่ายิ้มแบบนั้นเพราะเรื่องของผมเลย

   “ ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องแบบนี่ใครฟังก็ต้องตกใจกันอยู่แล้วล่ะ ” สิงห์สีหน้าดีขึ้นเมื่อฟังที่ผมพูดไปเมื่อกี้   
   
“ ใช่ ผมก็ตกใจนะสิงห์ ” ผมยิ้มบางๆ บ้าง

   “ ฮะๆ ” สิงห์หัวเราะแห้งๆ “ คงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปใช่ไหมครับ ? ”

   “ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก สิงห์ ”  ความชอบมันไม่ใช่เรื่องผิดจนต้องกีดกันออกไปซะหน่อย

   “ ขอบคุณครับ เสือ.. ”

   “ อืม งั้นผมไปส่งออเดอร์ก่อนนะสิงห์ ” ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปหาหยก ผิดคาด.. การคุยกับสิงห์ครั้งนี้ทำให้ผมสบายใจขึ้นทั้งๆ ที่ผมนึกว่าอึดอัดแท้ๆ แต่ยังไงผมก็คงทำตัวเหมือนเดิมนั่นแหละ ไม่มีเหตุจำเป็นที่ผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองนี่ แค่สิงห์ชอบผมเท่านั้นนั้นเอง..

   “ อะไร อะไร อะไร แคทหน้าแดงทำไมมม ”  แนทพูดเสียงดังในระดับที่ผมได้ยินต้องสะดุ้ง

   เวรประจำวันแล้วเสือเอ๊ย...

   ทำไมแนทอยู่ๆ โผล่มาได้เนี่ย

   “ ร้อนไง อากาศร้อนนี่ ” ใช่ วันนี้มันร้อนมากๆ

   “ ร้อนบ้านแกดิ แอร์ขนาดหมีขั้วโลกมายังงงเลยว่าบ้านมันรึเปล่าเลยนะโว้ย ” แนทเถียง

   “ ร่างกายเผาผลาญพลังงานอยู่ไง ถึงได้ร้อน ” ตอนนี้แถได้แถไปครับ สีข้างผมถลอกหมดแล้ว
   
“ เหรออ ไม่ใช่ไปคุยกับน้องสิงห์หรอกเหรอออ ” 

   จบเห่แล้วครับ แนทเห็น.. ตาย ตาย ตาย เพื่อนผมคนนี้ทำไมถึงหูตาไวขนาดนี้

   “ คุยกับสิงห์เฉยๆ จะไปหน้าแดงได้ไงล่ะ ”

   “ มึงจะหน้าแดงหน้าเขียวหน้ารุ้งก็เอาบิลมาก่อน ” หยกพูดหลังจากชงน้ำอะไรสักอย่างเสร็จ คาดว่าเมื่อกี้ได้ยินทุกคำสนทนาแต่ก็ไม่พูดอะไร ซึ่งก็ดีแล้ว ลำพังแค่แนทล้อนี่ผมก็รับมือไม่ไหวแล้ว หยกรับบิลของผมไปดูเสร็จก็ยื่นให้แนท

   “ แคทที่มึงหน้าแดงนี่คุยกับสิงห์ใช่ไหม ” หยกพูดยิ้มๆ แต่มือก็เริ่มชงมอคค่าแก้วใหม่
   ผมขอถอนความคิดเมื่อกี้ หยกกับแนทนี่พอๆ กัน ล้อผมได้ล้อผมดี ขนาดลืมเช็ดนมที่เลอะปากตอน ป.6 ยังล้อยันจบ ม.6 ขนาดไม้กับแมททิวอยู่ในเหตุการณ์ด้วยยังไม่ล้อเลยนะ..

   “ น้องสิงห์พูดว่าอะไรน้า สงสัยจัง ” แนทพูดล้อๆ แล้วหยิบคุกกี้มาเรียงบนจาน

   “ ก็บอกว่าแค่คุยมันจะหน้าแดงได้ยังไง ” แถต่อไปครับ

   “ ก็ไม่รู้สินะ ” หยกกับแนทพูดพร้อมกัน

   “ ... ” ไม่ตอบน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

   “ งอนเหรอจ๊ะ แมวน้อย ”

   “ โอ๋ๆ เดี๋ยวให้กินสมาร์ทฮาร์ท ”

   “ สัสแนท แม่งอาหารหมาโว้ย ”
   
“ เอ้า วันนั้นกูซื้อมาผิดส้มมันก็กินนะเว้ย ”

   “ มึงนี่เองที่ทำส้มซึมๆ ไอ้สัสโชคดีที่กูเอาไปแจกหมาที่อื่นแล้ว ”

“ งั้น เดี๋ยวให้กินวิสกัสนะจ๊ะ ”

“ เออ อันนี้ถูก ”

ทะเลาะเรื่องอะไรกันเนี่ย.. เรื่องที่ทะเลาะทำผมเผลอหลุดขำเบาๆ

“ แมวน้อยหายงอนแล้ว อดกินวิสกัสนะจ๊ะ ”

“ ไม่กินอยู่แล้ว ” ผมเถียง แค่ได้กลิ่นก็พะอืดพะอมแล้ว แบบซองนี่ไม่ไหวจริงๆ

“ หรือจะกินข้าวคลุกปลาทูดี ”

“ มาๆ เอาของสิงห์มาเดี๋ยวเสือไปเสิร์ฟละ ” อยู่ต่อคงไม่วายพูดอะไรต่อยาวเหยียดแหงๆ ผมหยิบถาดคุกกี้กับแก้วมอคค่าที่หยกชงเสร็จพอดีใส่ถาดเองแล้วเดินไปหาสิงห์ที่ตอนนี้นั่งเหม่อไปทางหน้าต่างพร้อมกับยิ้มบางๆ ลุคนี้ไม่เคยเห็นแฮะ

“ สิงห์ ” ผมเรียกพร้อมสะกิดไหล่เบาๆ

“ คะ ครับ ” สิงห์สะดุ้งแล้วหันกลับมานั่งเหมือนเดิม

“ มอคค่ากับคุกกี้เชอร์รี่รายการครบนะครับ ”

“ ครับ ”

“ อารมณ์ดีจังนะ สิงห์เมื่อกี้ ” ผมยิ้มบางๆ ระหว่างถาม

“ แคทเห็นเหรอครับ ” สิงห์หน้าแดง

“ อืม ”

“ ครับ แค่ดีใจเรื่องบางเรื่องเฉยๆ ครับ ไม่มีอะไรหรอก ” สิงห์จิบมอคค่าเบาๆ ระหว่างตอบ

“ งั้นเหรอ.. ” ผมรู้นะว่าคิดเรื่องอะไร

หวังว่าผมจะมีเรื่องให้ดีใจจนเผลอยิ้มออกมาบางๆ บ้างล่ะนะ

---------------
ทิ้งช่วงไปพอสมควรแฮะ  :z6:

ตอนนี้ค่อนข้างยากว่าจะแต่งไปทางไหนแทบเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องเลยทีเดียว

ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องดราม่าไป อยากให้อ่านสบายๆ ซะมากกว่า

ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 14 - 29 มิ.ย. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 29-06-2014 21:48:28
ต่างคนต่างเขิน  แต่สิงห์ก็เขินหนักเหมือนกันนะ กล้าๆหน่อยเซ่
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 14 - 29 มิ.ย. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-06-2014 21:54:30
แคทโดนแซวไม่หยุดแน่ 555
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 14 - 29 มิ.ย. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 29-06-2014 22:11:44
กิ้วๆๆๆหน้าแดงงงงง
มั่วแต่อายกันอยู่  กล้าๆหน่อยสิงห์
ตอนหน้าจุ๊บเลยยยย   :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 14 - 29 มิ.ย. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 29-06-2014 22:19:40
เชียร์น้องสิงห์เต็มที่ เดินหน้าลุยเลย


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 15 - 6 ก.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 06-07-2014 22:53:28
-- ตอนที่ 15 --

“ แคทครับ.. ”

   “ อะไรเหรอสิงห์ สั่งกลับบ้านเพิ่มเหรอ ”

   “ ไม่ใช่ครับ คือว่ามันมีหนังน่าดูเข้าโรงน่ะครับ ว่าจะชวนไปดูด้วยกัน ”

   “ เรื่องอะไรล่ะ ”

   “ เมลีฟีเซนต์ครับ ”
   
“ อ๋อ เรื่องนี้ก็กะว่าจะไปดูเหมือนกัน สิงห์ชวนไปก็พอดีเลย ”

   “ ไปดูด้วยกันไหมครับ ? ”

   “ เอาสิ ”

   นั่นคือที่มีของการมายืนกินป็อปคอร์นคาราเมลผสมช็อคโกแลตราคากระชากวิญญาณที่สิงห์ซื้อให้ผมกินรอ สิงห์เลี้ยงทั้งป็อปคอร์นทั้งหนังเลยแฮะ ผมบอกจะจ่ายช่วยแต่สิงห์บอกไว้ครั้งหน้าค่อยให้ผมเลี้ยงคืน

   กรุบ กรุบ

   นานจังเลยแฮะ

   กรุบ กรุบ

   นี่ยังไม่มาอีกเหรอ ป็อปคอร์นมันหายไปเศษหนึ่งส่วนสี่แล้วนะ สิงห์

   ว่าแล้วก็ดูดน้ำส้มสักอึก   

   “ ได้รอบบ่ายสองครับ ตอนนี้ก็เกือบบ่ายสองพอดี เข้าโรงกันเลยไหมครับ ”  สิงห์วิ่งกลับมาหาผมพร้อมชูใบตั๋วที่ตัวเองต่อคิวซื้อโครตนานให้ผมดู

   “ โฆษณานานอ่ะ ” ใช่ นานมากเลยทีเดียว ผมเคยเข้าโรงสายไป 20 นาที โฆษณายังไม่จบเลยครับ
   
“ งั้นอีก 15 นาทีค่อยเข้าไป ตอนนี้ก็นั่งเล่นหน้าโรงหรือไปเล่นพวกเครื่องเล่นก่อนไหมครับ ? ”

   “ ก็ดี ” ผมพยักหน้ารับแล้วเดินนำสิงห์ไปนั่งเบาะนุ่มๆ ที่ไว้รองรับผู้คน

   “ วันนี้วันหยุดของร้านเหรอครับ ? ” สิงห์ถามผมหลังจากนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบป็อปคอร์นไปกินบ้าง
   “
 เปล่าหรอก วันนี้ขี้เกียจเฉยๆ  ” ผมตอบยิ้มๆ ผมแอบหนีมาจากร้าน โดยไม่ลืมแปะโพสอิสไว้ว่า ‘ ไปดูหนัง กลับมาเย็นๆ ทำงานให้สนุกนะ ทุกโคนน ’ พวกแนทมาเห็นคงจะอยากขย้ำคอหอยผมไม่น้อยทีเดียว แค่นึกถึงเรื่องนี้ผมก็หลุดยิ้มออกมา

   “ แล้วที่ร้านไม่ว่าเหรอครับ ”

   “ ไม่ว่าหรอก วันนี้คนก็ไม่เยอะ วันกลางสัปดาห์น่ะ ”  ... ผมเหมือนเห็นหูสิงห์แดงเมื่อกี้ ให้ตายอะไรจะเขินง่ายขนาดนี้ ผมว่าสิงห์เขินง่ายกว่าแต่ก่อนอีกนะ หรือว่าตาผมดีเกินไปก็ไม่รู้
   
“ วันพุธสินะครับ เพื่อนผมก็บ่นๆ เหมือนกัน ”

   “ เออใช่ สิงห์ชอบดูแนวนี้เหรอ ” ผมค่อนข้างสงสัยนะ ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย จบแฮปปี้สนุกดูได้ทั้งครอบครัว ผมก็ยังสงสัยอยู่ดี

   “ ซีจีสวยดีครับอีกอย่างผมอยากมาดูเรื่องนี้ด้วย เนื้อเรื่องน่าสนใจดี ”

   “ งั้นเหรอ ” ก็ไม่เหนือตามความคาดหมายสักเท่าไหร่ สิงห์ชอบวาดนี่รูปนี่ ไม่แปลกที่จะชอบซีจีสุดอลังของเรื่องนี้

   “ แล้วแคทล่ะครับ ทำไมถึงดู ? ” โดนย้อนแฮะ ที่ผมดูน่ะเหรอ..

   “ โดนกรอกหูให้มาดูน่ะ ว่ามันน่าดูมากกกกกก ” ผมลากเสียงยาวเพื่อความสมจริง

   “ หึ  ครับ ” สิงห์ยิ้มเล็กน้อยกับคำตอบของผม

   “ อ้ะ 10 นาทีแล้วนี่ เข้าโรงๆ ” ผมเหลือบไปเห็นนาฬิกาของสิงห์พอดี

   “ ครับ ” สิงห์พนักหน้าหงึกหงักแล้วเดินนำไป
   แล้วผมก็เดินตามสิงห์ต้อยๆ จะว่าไปตอนนี้เหมือนผมเป็นหมีโคอาล่าเลยแฮะ แทบจะเกาะสิงห์ไปทุกที่เลย   

   “ สิงห์ว่าไหม ผมว่าตอนนี้เหมือนผมเป็นหมีโคอาล่าเลย ” 

   “ ครับ ? ” สิงห์ทำหน้าฉงน

   “ ก็ตั้งแต่มาถึงผมก็แทบเกาะติดสิงห์ตลอดเวลาเลยนี่ ถ้าไม่นับตอนซื้อตั๋วน่ะ ” ช่วยไม่ได้เมื่อวันก่อนผมเพิ่งดูสารคดีหมีโคอาล่าไปเองนี่นา

   “ เป็นแมวเหมือนเดิมดีกว่าครับ ”

   “ เสือสิ ผมชื่อเสือนะ ”

   “ ทิกเกอร์เหรอครับ ”

   “ งั้นสิงห์ก็เป็นหมีพูว์ไปละกัน ”
   
“ ผมชอบอียอมากกว่านะครับ ”
   
ผมรู้สึกว่าสิงห์พูดเยอะขึ้นแฮะ
   
“ 2 คนครับ ” สิงห์ยื่นตั๋วให้พนักงานฉีก ส่วนพวกของอื่นๆ ที่โรงหนังห้ามนำเข้าผมกับสิงห์ไม่ได้เอาอะไรมาเลย นอกจากตัว ป็อปคอร์น และแฟนต้าน้ำส้มหนึ่งแก้วใหญ่ ผมซื้อแก้วใหญ่เพราะเกรงใจสิงห์ เดี๋ยวสิงห์จะหมดตัวซะก่อน แล้วหยิบหลอดมาสองหลอด น่าเสียดายที่มันไม่มีสีให้เลือก ยิ่งในโรงหนังไม่มีแสงอีก มีผิดหลอดชัวร์ ต้องทำสัญลักษณ์แฮะ

   “ สิงห์ๆ กัดหลอดหลอดนึงสิ ” ช่วยไม่ได้ ผมไม่ชอบกัดหลอดนี่นา

   “ กัดหลอด ? ”

   “ อืม กัดไปทำสัญลักษณ์ไง ”

   “ ครับ ” สิงห์หยิบหลอดอันนึงไปกัด

   “ อย่ากัดจนหลอดแตกนะ ” ผมเตือนด้วยความหวังดี หลอดแตกนี่สนุก ดูดไม่ขึ้นเลยล่ะ

   “ ครับๆ ” สิงห์เอาหลอดที่มีรอยฟันคืนให้ผม
   
หลังจากนั้นผมกับสิงห์ก็ไปเข้าโรงตามที่พนักงานแจ้งทาง โดยไม่ลืมแอบมองโรงอื่นที่กำลังฉายอยู่ถ้าผมเข้าไปนั่งตรงที่ๆ ไม่มีคนนั่งจะเป็นไรไหม ? นั่งดูฟรีได้เลยสิ พนักงานเก็บตั๋วก็ไม่มี ดูเหมือนว่าผมจะยืนจ้องนานไปหน่อยสิงห์เลยจับมือผมเดินเข้าโรงไปเลย
   
จับมือ..
   
หน้าแดง ให้ตายผมไม่คิดว่าสิงห์จะจับมือผมลากเลย.. แต่สิงห์ก็ไม่ต่างกันไม่กล้าสบตาผม แต่หูนี่แดงกว่าหน้าผมซะอีก 

   ผมกับสิงห์เข้ามาในโรงแล้วแต่โฆษณาก็ยังไม่หมดอยู่ดีตอนนี้เป็นโฆษณาคนร้องเพลงอยู่เลย อืมม  แต่ไม่นานก็หมดช่วงโฆษณาแล้วทำสิ่งทำทุกครั้งก่อนชมภาพยนตร์ เมื่อนั่งลงผมก็นึกว่า ผมไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมา.. ขั้วโลกเหนือของจริงก็คราวนี่แหละ เสือเอ๊ย ตอนนี้คงไม่หนาวหรอก ผมถอนหายใจหน่ายๆ แล้วนั่งกินป็อปคอร์นเงียบๆ เพราะหนังเริ่มฉายแล้ว สิงห์ก็ไม่ต่างกัน

.

.

.

ผมคิดว่าสิงห์ซื้อแบบธรรมดามานะ ไม่ใช่แบบมีบริการนวดหลังคลายปวดเมื่อย ผมขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไรพยายามดูต่อเงียบๆ ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องอะไรขึ้นมาเท่าไหร่

ปั้ก

ปั้ก ปั้ก ปั้ก

หน้าผมเจื่อนลงทุกขณะ เจ้าอัปลักษณ์ที่อยู่ข้างหลังผม ! เลิกเตะซะทีเถอะ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเหมือนเดิม อ้ะ ผมติดคำพูดนางฟ้าปีศาจมาแฮะ

“ ขอโทษนะครับ รบกวนอย่าเอาเท้าดันเบาะข้างหน้าได้ไหมครับ ” สิงห์เอี้ยวตัวไปบอกคนอยู่เบาะหลังเบาๆ สักพักระบบนวดคลายประสาทก็หายไป

“ ขอบคุณนะสิงห์ ” สิงห์ที่คาดว่าน่าจะยิ้มกับคำพูดของผม แม้ว่าตอนนี้จะมืดสนิทจนมองไม่เห็นหน้าก็ตาม

“ ยินดีครับ ”

หลังจากนั้นการดูหนังของผมกับสิงห์ก็เป็นไปตามสภาวะที่ควรจะเป็น น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกหนาวเลยทั้งๆ ที่ถ้าลืมเอาเสื้อกันหนาวมาทีเนี้ยผมได้สั่นเป็นเลูกนก
 
“ ให้ตาย ! จบเหนือความคาดหมายมากกกกก ”

“ ใครจะคิดละครับ นั่น ”

“ เหนือความคาดหมายจริงๆ แฮะ ”

“ แคทกลับร้านเลยไหมครับ ? ”

“ กลับเลยๆ เย็นแล้วล่ะ ”

“ ตามแต่บัญชาครับ ” สิงห์พูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อมจนผมหัวเราะออกมาเบาๆ

ว่าไปป็อปคอร์นก็หมดแล้วทิ้งเลยดีกว่าพร้อมกับน้ำส้มเลย

ว่าแต่น้ำส้มทำไมเหลือหลอดเดียวล่ะ ?

เมื่อกี้สิงห์กับผมก็จิบกินกันเรื่อยๆ นะ

เหลือหลอดแต่ที่สิงห์กัดด้วย..

หน้าผมแดงวาบขึ้นมาอีกราบ

อย่าบอกนะว่ากินหลอดเดียวกันมาตลอด

“ ไม่สบายหรือเปล่าครับ ” สิงห์ขมวดคิ้วอย่างเป็นห่วง

“ เปล่าๆ ” ผมบอกปัด ท่าทางสิงห์จะยังไม่รู้แฮะ ไม่รู้ต่อไปน่ะดีแล้ว

“ ไม่สบายบอกนะครับ ” สิงห์พูดพร้อมกับรถที่เริ่มเคลื่อนออกจากห้าง ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็ถึงร้านของผม ไม่อยากจะพูดเลยว่าร้านผมนี่ใกล้ทุกที่ที่คนส่วนใหญ่ไปเลยทีเดียว ผมกระโดดลงจากรถ โชคดีที่หน้าผมหายแดงสักที

“ สิงห์จะอยู่กินอะไรต่อไหม ” ผมปิดประตูแล้วเดินไปเคาะกระจกนั่งฝั่งคนขับ
สิงห์เลื่อนกระจกลงมาจนสุด แล้วชะโงกหน้าออกมาคุย

“ ไม่เป็นไรครับ ” สิงห์ผงกหัวเชิงเกรงใจ “ เดี๋ยวผมต้องไปแวะบ้านเพื่อนตอนดึกๆ พอดีว่าผมลืมของน่ะครับ ”

“ งั้นเหรอ..  ไว้รอบหน้าเดี๋ยวผมเลี้ยงหนังนะ ”

   “ แคทก้มหน้าลงมาหน่อยสิครับ ”
   
“  อะไรเหรอสิงห์ ” ผมก้มตามที่สิงห์บอก ก้มหน้าทำไมล่ะ
   
แต่วินาทีต่อมาความสงสัยผมก็จางหายไป เหลือแต่ความรู้สึกอุ่นวาบบนหน้าเบาๆ
   
“ จุมพิตจากรักแท้ครับ ” สิงห์ผมด้วยน้ำเสียงหวานๆ เบาๆ แม้ว่าหน้าจะยังแดงอยู่ก็ตาม

“ ... ”

   “ ส่วนเรื่องที่แคทหน้าแดงผมรู้นะว่าเรื่องอะไร เพราะหลอดนั้นผมเป็นคนเอาออกไปเอง ”

“ ... ”

“ราตรีสวัสดิ์ครับ แคท แล้วผมจะมาหาบ่อยๆ นะ ”

   “ .. ระ ราตรีสวัสดิ์ ”
   
แล้วรถของสิงห์ก็ค่อยๆ ห่างออกไปจากสายตา
   
สิงห์...

สิงห์ที่ขี้อายของผมหายไปไหนแล้ว..

   อันนี้..

   ผมยอมรับก็ได้

   ว่าผมแอบใจเต้นเบาๆ เหมือนกัน
   
ให้ตาย หรือว่าผมเองก็ชอบสิงห์เข้าให้แล้วจริงๆ

------------------

ช่วงนี้หาเวลาปั่นไม่ค่อยได้เลย  :sad4:

แต่ตอนนี่น้องสิงห์นี่  :pighaun: จริงๆ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 15 - 6 ก.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: MESAAAAA ที่ 07-07-2014 01:33:45
ชอบสิงห์เวอชั่นนี้ๆๆๆๆๆ เอาอี๊กกกกกก 55555
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 15 - 6 ก.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 07-07-2014 09:23:22
อ่านตอนนี้แล้วเขินแทน

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

บวกเป็ดจร้า
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 15 - 6 ก.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 07-07-2014 13:21:42
สิงห์เริ่มเจ้าเล่ห์ขึ้นมานิดๆแล้ว
อิอิ
 :z1:

หลอดเดียวกันจูบทางอ้อม
แถมมมีจุมพิตจากรักแท้ อีก
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 15 - 6 ก.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-07-2014 15:03:05
สิงห์เริ่มออกลายแล้ว โฮะๆๆ สิงห์ขี้อายหายไปไหนแล้วนี่

(กรี๊ดดดดดดด เขินแทนเสือ คิดแผนหลอดแก้วน้ำได้ไงฟร้าาาา)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 15 - 6 ก.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 07-07-2014 18:22:43
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 15 - 6 ก.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-07-2014 20:10:50
สิงแอบร้ายนะ 55555
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 15 - 6 ก.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 07-07-2014 23:37:26
ชอบสิงห์ในลุคแบบนี้นะ ดูไม่น่าเบื่อ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 15 - 6 ก.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: oreena ที่ 08-07-2014 03:54:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 14 ก.ค. 57 - * 50 % *
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 14-07-2014 22:39:39
--- ตอนที่ 16 ----

“ แม่งทำไม ไอ้แคทมันต้องไปดูหนังวันที่ลูกค้าเยอะด้วยวะ ปกติวันนี้ไม่เยอะนะ แต่พอมันไม่อยู่ลูกค้าเยอะสัสๆ ” ฉันบ่นออกมาอย่างสุดทน ไอ้ตัวการมันมีหน้าแปะโพสอิสใส่เคาน์เตอร์อีกนะ

   “ ถ้าวันไหนอยากให้ลูกค้าเยอะก็ให้มันไปข้างนอกดิ ” ไม้พูดลอยๆ ระหว่างเช็ดโต๊ะลูกค้าคนสุดท้ายที่เพิ่งเดินออกไป

   “ แต่พวกเราแม่งต้องวิ่งเสิร์ฟวิ่งนู่นนี่นั่นเองอีก กูไม่ไหวว่ะ ” แมททิวเถียงเหนื่อยๆ พร้อมกับกวาดพื้นแบบเหนื่อยๆ แมททิวเป็นคนที่วิ่งเยอะสุดวันนี้

   “ แนทกูว่าเราต้องมีอะไรแก้เผ็ดแคทว่ะ ” หยกหันมาพูด

   “ แคทมันกลับมาตอนเย็นๆ .. ”

   “ ตอนนี้ก็เย็นแล้วด้วย ” หยกต่อประโยค

   “ กูว่าไปกับน้องสิงห์ชัวร์เลยว่ะ เห็นคุยกันงุ้งงิ้งๆ อยู่เมื่อวันนู้น ” นึกๆ ดูฉันก็กรอกหูเรื่องเมลีฟีเซนต์มันเยอะเหมือนกันแฮะ ทำไงได้ มันอีปิคนี่หว่า
   
“ ไปซุ่มถ่ายรูปแบล็กเมล์ไว้ล้อดีกว่า ฮ่าๆ ” หยกพูดด้วยร้อยยิ้มชั่วร้าย

   “ เยี่ยมเลยเพื่อนหยก แผนการนี้แจ๋วมาก ไม้ แมททิวเดี๋ยวมาแปปนึง ” ฉันตะโกนบอกไม้กับแมททิวแล้วลากหยกวิ่งไปหลังร้านทันที โดยไม่ให้ไม้กับแมททิวทักท้วงอะไรได้ทันแต่ก็ไม่วายได้ยินเสียแว่วๆ ว่า

   “ ไอ้สัส เนียนอู้ใช่ไหมมมมมม ”

“ โอ๊ยย ชะนีสองตนกลับมาเดี๋ยวนี้นะโว้ย ”

   หยาบคายที่สุด ฮ่าๆ แต่เราหาได้สนใจไม่ ฉันกับหยกก็ไปนั่งซุ่มอยู่บริเวณมุมอับ แต่มุมอับที่ว่านี้คือมุมสวนครัวเล็กๆ ของแคทที่ปลูกอะไรสักอย่างเล่นๆ แล้วมันฟลุ๊คงอก หวังว่าจะไม่เหยียบแบบละก็นะ มุมอับนี่มีม้าหินอ่อนกับพวกไม้ประดับบังอีกทอดนึง คนที่เดินมาถ้าไม่โครตตาดีก็จะไม่เห็นแต่ถ้ามองจากข้างในจะมองภายนอกได้ชัดเจน ฉะนั้นนี่คือที่ๆ เหมาะสำหรับการซุ่มอย่างสมบูรณ์แบบ !
   
แต่ยุงเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง..
   
“ นี่กูรอมา 10 นาทีแล้วนะเว้ย ” หยกเริ่มโวยแต่มือก็นั่งเล่นเฟส..

   “ นานจริงเลยโว้ย นี่ไปดูหนังหรือไปฮันนีมูนวะเนี่ยย ” ฉันก็บ่นออกมาอย่างสุดทนเหมือนกัน อะไรมันจะนานเวอร์ขนาดนี้คะ คุณแคทท ได้ข่าวว่าไปแต่เช้าเลยนะ แต่หางตาเหลือบไปเห็นคนที่ลงจากรถก็สะดุ้งแล้วสะกิดหยกรัวๆ

   “ แม่งมึงพากูเสียสมาธิ มาแล้วนั่นนนน กล้องอ่ะกล้องงง ” มาตอนไหนวะ

   “ เออๆๆๆ ” หยกสะดุ้งจนเกือบเผลอทำโทรศัพท์ตก

   “ ใจเย็นๆ ” ฉันบอกหยกหรือตัวเองก็ไม่รู้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ร้ายข้ามชาติเลยแฮะ

   ฉันนั่งมองสิงห์ที่ยื่นหัวออกจากรถมาคุยกับแคท  แต่มันอีปิคที่ว่าอยู่ๆ แคทก็ก้มหัวไปหาสิงห์

   “ มึงถ่ายไว้เลยหย้กกกกกกกกกก ” ฉันแทบจะตบหยกอยู่แล้วถ้าพลาดรูปนี้

   “ ไม่พลาดแน่นอนนนนนน ” หยกตอบพร้อมรัวถ่าย รู้สึกเหมือนปาปารัสซี่มากกว่าแฮะตอนนี้
   แต่ภาพต่อจากนั้นทำฉันกับหยกค้างไปเลย

   หยกก็ถ่ายรูปอีกภาพนึงแล้วหยุดมือ

   พอจะเข้าใจว่ามีซัมติงรองก์
   
แต่ไม่คิดว่าสิงห์ที่ขี้อาย จะรุกขนาดนี้ !


   ดูเหมือนว่าพวกแนทจะไม่โกรธผมแฮะเห็นไม่โวยวายเรื่องนั้นเลย แต่ไม่นับไม้กับแมททิวที่แว้กๆ ใส่ผม อย่างกับว่าไม่เคยอู้งั้นแหละ ผมเบ้ปากเซ็งๆ แต่นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทำให้วันนี้ผมโดนสำเร็จโทษด้วยการมาเป็นอีแจ๋วอีกครั้ง ผมโดนถูพื้นหน้าร้านอีกแล้วโว้ย โถ่ แค่หนีไปดูเอง ทำยังกับไม่เคยหนี
   
เฮ้อ
   
ผมถอนหายใจเซ็งๆ ถึงแม้ตอนนี้จะยังเช้าอยู่อากาศมันก็ร้อนอยู่ดีเล่นเอาเสื้อผมชุ่มไปด้วยเหงื่อเลย นึกเสียดายนิดๆ ที่ไม่ได้เอาน้ำเย็นๆ มากิน แต่ผมก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเข้าไปเอาอยู่ดี
   
แง้ววว
   
ส้มร้องเมื่อผมเผลอเอาไม้ถูไปถูมันจนมันกลิ้งหลุนๆ ไปทางอื่น มันตะกายขึ้นมาแล้วมองมาทางผมคิดว่าน่าจะด้วยสายตาเคืองๆ ของแมว ผมยิ้มบางๆ เชิงขอโทษแล้วถูต่อ เพราะมันยังเหลืออีกเกินครึ่งที่รอให้ผมถูอยู่  ผมฮัมเพลงเบาๆ แก้เซ็ง

   “ แคทครับ ” มีเสียงกระซิบเสียงหวานข้างหูผม ทำเอาผมสะดุ้งเหมือนส้มเมื่อกี้

   “ อะ อะไร ” ผมถามเสียงสั่น แล้วหันไปดูคนเรียกพบว่าเป็นคนที่ผมไม่คิดว่าจะเจอเร็วๆ นี้

   “ อรุณสวัสดิ์ครับ ” สิงห์ยิ้มตอบ

   “ อรุณสวัสดิ์สิงห์ ” ผมหน้าแดงก้มหน้างุดๆ ผมเตรียมใจไม่ค่อยทันเท่าไหร่

   “ อากาศเช้าๆ อย่างนี้ มาถูพื้นเนี่ยนะครับ ” สิงห์ถามเสียงสูง

   “ โดนสำเร็จโทษน่ะ ” ผมถอนหายใจเบาๆ

   “ เรื่องเมื่อวานสินะครับ ”

   “ อืม ” ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วถูต่อ แต่ก็ต้องหลับตาเพราะเหงื่อไหลเข้าตา
   
“ แสบตาเหรอครับ ”

   “ เหงื่อเข้าตาน่ะ ” ผมตอบไปตามตรงตาที่หลับอยู่ก็ยังไม่ลืมด้วยความแสบ

   “ อยู่นิ่งๆ นะครับ ”
   
“ ทำไมล่ะ ? ” ผมลืมตาขึ้นมาข้างนึงพร้อมกับสัมผัสของผ้าเบาๆ สิงห์บรรจงเช็ดหน้าให้ผมทั้งๆ ที่หน้าแดงแต่ใบหน้าก็ยังยิ้มน้อยๆ เหมือนเดิม แต่ผมคิดว่าตอนนี้ผมนี่แหละคงจะหน้าแดงกว่าสิงห์

   “ ขอบคุณ ” ผมเอ่ยขอบคุณเมื่อสิงห์เช็ดเสร็จแล้วเก็บผ้าเช็ดหน้าเข้ากระเป๋ากางเกง

   “ ยินดีครับ ” สิงห์ยิ้มตอบ แต่จู่ๆ สิงห์ก็สะดุ้งแล้วมองดูนาฬิกา
   
“ ให้ตาย ผมลืมไปเลยว่าเพื่อนนัดตอนเช้า ผมไปแล้วนะครับ เจอกันตอนบ่ายครับ ” สิงห์บอกผมรัวๆ แล้วล้วงเอาน้ำเปล่าในกระเป๋าให้ผมขวดนึง “ เอาไว้ดื่มนะครับแคท ผมต้องไปแล้ว ” สิงห์ผงกหัวแล้ววิ่งไปเลยอย่างรีบเร่ง
   ทิ้งผมไว้กับความเงียบกับน้ำขวดหนึ่งในมือ
   
ไม่สิ รวมถึงรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าแดงของผมด้วยมั้ง 

----------------

ตอนนี้โดนเพื่อนโขกสับ  :beat:  เลยมาไวผิดปกติ  :really2:

อีก 50 เปอที่เหลือก็ ..  TBC ค่ะ  :กอด1:

ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ



หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 14 ก.ค. 57 - * 50 % *
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-07-2014 22:52:30
(ฝากคุณเพื่อนโขกสับอีกได้ไหมคะนี่ จะได้มาต่อไวๆ อิอิ)

สรุปว่าที่ไปแอบดูหนังสองคน ก็มีประจักษ์พยานสินะ (แสบเจรงๆเพื่อนแคท)

สิงห์เอาน้ำอะไรมาฝากคะนี่ น้ำเปล่า? มีความหมายอะไรไหม?

หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 14 ก.ค. 57 - * 50 % *
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 14-07-2014 23:25:07
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 14 ก.ค. 57 - * 50 % *
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-07-2014 00:06:01
มีแอบกุ๊กกิ๊กกันตอนเช้าด้วยนะ 5555
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 14 ก.ค. 57 - * 50 % *
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 15-07-2014 20:27:53
ไปเรื่อยๆ ไม่หวือหวาอะไร แต่ก็น่ารักดี ใสๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 23 ก.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 23-07-2014 23:25:47
-- 16  * 100 %  :katai5: *

หลังจากผมถูเสร็จก็มาทำหน้าที่ปกติต่อ ผมพยายามปรับสีหน้าให้ปกติแต่พอเหลือบไปเห็นขวดน้ำมันก็แดงอีก ผมเลยเอามันไปไว้ในตู้เย็น ผมจะได้ไม่เผลอหน้าแดง  ผมยืนหน้าร้านต้อนรับลูกค้าที่เดินสัญจรผ่านไปมาฉีกยิ้มบรรจงออกมาบางๆ คอยรับออเดอร์สลับกับมองออกไปนอกร้าน จนหยกสังเกตเห็นแล้วทักขึ้นมา

“ มองอะไรข้างนอกนักหนาฮะ อีแคท ” หยกถามเมื่อผมเดินมาส่งบิล

“ มองหาลูกค้าไง ” ผมพูดไปเรื่อย ถ้าหยกรู้นี่คงไม่วายโดนล้ออีกแน่

“ เหรอออ ” หยกยิ้มมีเลศนัยทำเอาผมขนลุกเบาๆ

“ ก็จะได้ออกไปต้อนรับลูกค้าได้พอดีไง ”

“ ค่ะ ฉันเชื่อ ” หยกพยักหน้าแต่ก็ยังยิ้มแบบเดิม นี่ก็เท่ากับว่าไม่เชื่ออยู่ดีนั่นแหละ เอาเป็นว่าช่างมันละกัน “ ว่าแต่น้ำในตู้เย็นของใครเหรอ ? ”

อุ่ก..

ทำไมถึงตรงประเด็นกันขนาดนี้นะ..

“ ของเสือเองเสือซื้อมา ” ผมพยายามปกปิดสีหน้าของตัวเองไว้ด้วยกันแกล้งทำเป็นมองตู้เค้กโดยหวังว่าหยกจะไม่สงสัย

“ รู้สึกว่าในครัวก็มีตู้กดน้ำอยู่นะ ”

“ เบื่อน้ำกดไง กินน้ำขวดบ้าง ”

“ อ้อ เหรออออออ ” หยกลากเสียงยาว

“ โว้ย เอากาแฟในมือกับเค้กมาได้แล้ว ลูกค้ารอนานแล้ว ” ไม่เอาแล้วอยู่ต่อก็มีแต่จะโดนซักจนไม่เหลืออะไรเลย  รีบหนีดีกว่า ถึงแม้มันจะยื้อชีวิตผมได้เพียงนิดเดียวก็เถอะ แต่ก็มีเสียงกรุงกริ๊งจากหน้าร้านมาขัดอีก ผมกับหยกหันไปดูพร้อมกัน หยกยิ้มมีเลศนัยมากกว่าเดิม ส่วนผมน่ะเหรอแทบจะมุดเข้าใต้ตู้เค้กแล้ว

จะใครเล่า ! สิงห์นั่นเองที่มาแล้วก็มาพร้อมแนทด้วย

ครั้งนี้ผมคงหมดหนทางในการมีชีวิตอยู่จริงๆ

ถ้าผมแปลงเป็นโต๊ะเก้าอี้ได้ก็คงดี

“ แหม น้องสิงห์มาหาแคทบ่อยจังช่วงนี้ ” แนทพูดด้วยน้ำเสียงที่คิดว่ากะจะให้ผมได้ยินด้วย

“ คะ ครับ ” สิงห์พยักหน้ารับพร้อมอมยิ้มเบาๆ แต่ไม่วายที่หูก็ยังแดง

“ สิงห์ได้ซื้อน้ำสิงห์ให้แคทหรือเปล่า ” แนทสบตากับหยกคล้ายกับว่าสื่อสารอะไรกันบางอย่าง แต่ผมก็พยายามมองหน้าสิงห์พร้อมส่งสายตาเชิงว่าอย่าบอกนะ เช่นกัน

“ ครับ ผมซื้อให้เมื่อตอนเช้า ”  มันจบแล้วสิงห์ มันจบสิ้นแล้ว

“ เมื่อกี้ใครบอกซื้อมาเองนะ ” หยกพูดลอยหน้าลอยตา

“ น้ำสิงห์ซะด้วย ” แนทเสริมต่อ

ทำเอาผมกับสิงห์เบือนหน้าหนีไปทางอื่นเลยทีเดียว ตอนนี้ทั้งผมทั้งสิงห์คงไม่อยากตกกลายเป็นเป้าสนทนาของสองคนนี้นัก หรือพูดอีกอย่างตอนนี้ผมอยากวิ่งหนีกลับบ้านชะมัดเลย

“ แหม แซวแค่นี้ไม่กล้ามองหน้ากันเลยแฮะ ” แนทพูด

เรื่องยี่ห้อน้ำที่สิงห์ให้มาเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมเผลอมองแล้วหน้าแดงเหมือนกัน

   “ สะ เสือ ไปเสิร์ฟก่อนนะ ” ผมอ้างข้ออ้างแล้วหยิบถาดกาแฟที่หยกเพิ่งทำเสร็จตั้งแต่ยืนคุยกันแล้ว ผมหยิบถาดแล้วเดินหนีอย่างว่องไว

   “ ให้ตายรีบหนีจริง ”  แต่ผมก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ที่ลอยมาอยู่ดี

   ผมวางถาดเสิร์ฟเสร็จก็หันไปดูสถานการณ์ต่อ พบว่าสิงห์ได้นั่งมุมนึงของร้านส่วนสองคนนั้นกลับไปนั่งประจำที่แล้ว ถึงแม้ว่าลูกค้าไม่เยอะแต่ก็ไม่อยากละเลยในหน้าที่กันอยู่ดี ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว ผมเห็นสิงห์นั่งสเก็ตภาพอีกแล้ว หวังว่านั่นคงไม่ใช่ภาพผมใส่เจ้าเสื้อกันฝนนั่นอีกนะ สิงห์นั่งสเก็ตภาพด้วยยิ้มบางๆ จนผมอดอยากรู้ไม่ได้ว่ารูปอะไรกันที่สิงห์วาดอยู่
   ด้วยความอยากรู้ที่มีมากเกินไปของผมก็พาขาของตัวเองก้าวไปชะเง้อมองจากด้านหลังตอนไหนก็ไม่รู้ แต่เมื่อเห็นภาพแล้ว

   หัวของผมก็ว่างเปล่า

   ลืมไปหมดสิ้น
   
ว่าแนทกับหยกอาจจะมองมา
   
หูก็อื้อไม่ได้ยินเสียงอะไร
   
แต่หน้าผมกลับแดงวาบขึ้นมาแทน

   สักวันผมคงต้องละลายเป็นเสี่ยงๆ แน่
   
สิงห์วาดสเก็ตภาพเหมือนผมกับสิงห์
   ที่กำลังจับมือกัน..

   “ คะ แคท.. ” สิงห์ที่ดูเหมือนรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องหันมาเจอผมก็เรียกผมเสียงเบาๆ
   
“ ... ”

   “ ถูกเห็นซะแล้ว.. ความคิดของผม  ” สิงห์หน้าแดงพร้อมกับพูดประโยคต่อไป
   
“ ... ”

   “ แต่ผมก็หวังว่าภาพนี่จะเป็นจริงอยู่นะครับ ” สิงห์หน้าแดงเถือกกว่าเดิม
   
“ ... ”

   “ แคทครับ.. ? ”  สิงห์เลิกคิ้วงงๆ กับผมที่เงียบนานเกินไป
   
“ สะ สิงห์ เสือปวดท้องมากเลย ไว้เจอกันวันหลังนะ !! ” ด้วยความลุกลี้ลุกลนผมเจอเผลอเรียกสรรพนามปกติออกมาแล้วเดินหนีเข้าห้องของผมที่อยู่หลังร้าน ผมไม่มองหน้าใครทั้งนั้น ไม่สนใจเสียงเรียกหรือคำถามที่เกี่ยวกับหน้าแดงเถือกของผม ผมวิ่งหนีเข้าห้องแล้วนั่งลงบนเตียง

   เหตุการณ์มันเกิดขึ้นไวมาก

   โทษความอยากรู้อยากเห็นของผมที่มีมากเกินไป
   
ผลที่ตามมาคือ

   หน้าที่แดงเถือกจนผมอยากกลายเป็นเจ้าส้มซะเดี๋ยวนี้

   ให้ตายเถอะ..

   สิงห์นะสิงห์
   
ผมชักจะกลัวใจตัวเองจริงๆ แล้วสิ

   ทำไมไอ้สิ่งที่สูบเฉียดเลือดมันเต้นแรงขนาดนี้กัน..


----------
มาซะที  :mc4:

ขอบคณทุกคอมเม้นค่ะ กอดกันเลยทีเดียว :กอด1:

ส่วนตอนต่อไปก็ TBC  :hao3:

หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 23 ก.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-07-2014 23:30:00
เห้ยยยยย สิงห์น่ารักอ้าาาาาาาา ต้องเอารูปสเก็ตช์นี้ใส่กรอบซะแล้ววว

สิงห์คับ รุกอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ให้แคทหน้าแดงเยอะๆเลย ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 23 ก.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-07-2014 23:43:07
สั้นง่ะๆๆๆๆๆ
อยากอ่านอีก แคทเขินน่ารักดี
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 23 ก.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 24-07-2014 09:03:04
เขินแทน

 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 23 ก.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 24-07-2014 10:37:19
น้ำสิงห์ อร่อยใช่ไหมละ  :hao6:
ตอนนี้น้องแคทเขินจัดเลยนะเนี่ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 23 ก.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 24-07-2014 14:54:13
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:  สิงห์รุกได้น่ารักแบบเนียนมากเลย
อร๊ายยยยยยยยยยย แคท เขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 23 ก.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 25-07-2014 09:08:39
เขินแล้ววิ่งหนีคืออัลไล?

ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 23 ก.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: oreena ที่ 25-07-2014 11:52:42
ว๊ายๆๆ  เขินจนวิ่งหนีเบยยย
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 16 - 23 ก.ค. 57 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 27-07-2014 12:50:40
ถ้าจะเขินขนาดนี้นะแคท ไหวมั้ยเนี่ยย 
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 17 - 12 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 12-08-2014 17:24:20
-- ตอนที่ 17 --

แกร้ก..

   “ !? ”  สะ เสียงอะไรน่ะ อย่าบอกนะว่า.. ผมสะดุ้งจนเกือบตกเตียง

   “ อีแคททททท จะหนีไปไหนโว้ยย ลูกค้าล่ะคุณมึงงง ” แนทกระแทกประตูเข้ามาเสียงดัง
   
“ ดะ.. เดี๋ยวเสือก็ไปน่า แนท.. ” ผมพูดเสียงเบา ลืมลงกลอนจริงๆ ด้วย
   
“ ไม่เดี๋ยวล่ะ ตอนนี้เลยค่ะคุณแคท ” แนทเดินมาคว้าแขนผมแล้วลากออกไป

   แนท.. ผมยังไม่พร้อมออกไปเลยนะ มาลากกันอย่างนี้เนี่ยนะแนททท ผมจะเอาหน้าที่ไหนมาสู้หน้าสิงห์ครับ แนททท ผมพยายามขืนตัวแต่ไม่สำเร็จแนทลากผมด้วยกำลังรถกระบะลากเสือเลยทีเดียว ผมว่าแนทไปยกน้ำหนักท่าจะรุ่งกว่านะ ไม่ต้องอบมันแล้วขนมปังถ้าจะลากผมปลิวขนาดนี้ แรงของแนทค่อนข้างเป็นที่เลื่องลือทีเดียวสมัยเรียน ผมแอบเรียกลับหลังแนทกับไม้และแมททิวว่าไจโกะ..

   ไม่สิตอนนี้สิ่งผมสมควรสนใจมากกว่าคือแนทลากผมออกมาข้างนอกอีกแล้ว แล้วผลักผมไปชนกับใครสักคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นแมททิว จนคนที่โดนผมชนกระเด็นไปนิดหน่อย

   “ หลบหน่อยก็ดีนะ แมททิว ”  ผมกรอกตาเล็กน้อยพลางลูบจมูกตัวเองเบาๆ 

   “ ขอโทษครับ แคท ” คนที่คาดว่าจะเป็นแมททิวหันกลับมาพูดกับผมพร้อมผงกหัวเชิงขอโทษด้วย

   “ ..สิงห์ ”  ผมครางในลำคอเสียงเบา สิงห์มาช่วยงานอีกสินะ ผมพยายามคิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่นเพื่อไม่ให้หน้าแดง ส่วน
ตาผมก็จับจ้องไปด้านข้างแทน

อาหารเมื่อคืนทำอะไรนะ..

   ที่แมททิวรีเควสมา
   
มาม่าเหรอ.. ?
   
ไม่สิ
   
ก๋วยจั๊บนี้ !
   
ทำไมผมยังหน้าแดงอยู่อีกล่ะ !
   
“ โอ้ย อีแคทมึงอย่าเพิ่งมาเขินตอนนี้  ตอนนี้กูไม่มีอารมณ์ล้อมึงแล้วโว้ย มึงกรุณาดูทางนั้นค่ะ  คุณไม้กับคุณแมททิวมันเดินจนไม่รู้จะเดินยังไงแล้วค่ะ ” หยกยื่นหน้าออกมาแว้กใส่ผม

   “ เออๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ ” ผมเดินออกไปพร้อมกับอารมณ์ที่ขุ่นมัวลงเล็กน้อยซึ่งมันก็ดีที่มันสามารถกลบไอ้หน้าแดงๆ ของผมได้  ผมเดินไปหาลูกค้าที่โต๊ะนึงน่าจะเพิ่งเข้ามาแล้วไม่มีใครไปรับออเดอร์ ซึ่งแมททิวก็เดินมาพอดี
ผมสบตากับแมททิวแล้วทำสีหน้าเชิงว่าโต๊ะนี่เสือทำเองน่า   

แมททิวส่งสีหน้ากลับโดยไม่พูดแต่ผมเดาๆ ได้ว่า แมททิวน่าจะสื่อว่า ทำไมไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะวะ ! 

   ผมสื่อสารต่อทางสายตาและสีหน้าไปว่า ก็เสือปวดท้วงนี่ ผมมั่นใจว่าไม่หยกก็แนทคงบอกแมททิวแล้ว

   แมททิวเลิกคิ้วแล้วขยับปากโดยไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา...
   
ผมพยายามมองเพื่ออ่านปากแมททิว
   
แน่...ใจ..ว่า..ปวด..ท้อง
   
ผมหน้าแดงวาบ นี่ขนาดแมททิวมันยังไม่ละเว้นผมอีกเหรอเนี่ย

   ผมรีบเดินไปที่โต๊ะนั่นทันที โชคดีที่กระบวนการการสื่อสารเมื่อกี้กินเวลาแค่ไม่กี่วินาที

   “ รับอะไรดีครับ ..กุน ? ” ผมครางในลำคอ วันนี้มันช่างเหมาะเจาะอะไรขนาดนี้ เป็นไปได้อยากได้ยาดมมากินแทนดมเลย ให้ตาย..

   “ ฮาย ~ คิทตี้ ” กุนที่อยู่ในเสื้อโค้ทตัวโคร่งโบกมือทักทายผม วันนี้กุนใส่แว่นสีชามาด้วยทำให้ผมกับแมททิวมองไม่รู้ ต้องดูดีๆ

   “ งานเสร็จแล้วเหรอ ? ” ผมถามพร้อมหรี่ตามองเสื้อโค้ทที่กุนใส่มา มันดูตัวใหญ่แปลกๆ และคุ้นตาแปลกๆ

   “ อยู่แล้วสิ คิทตี้ กุนคนนี้ไม่เคยโดนงานแน่นอน ”

   “ จริง ? ” ผมเลิกคิ้วถาม

   “ แน่นอน กุนคนนี้น่ะแม้วันงานมามากก็ตั้งใจทำงานมากตามนะ ”

   “ กุนกินอะไร ? คาปูชิโน่ไหม ? ” ผมตัดสินใจปล่อยให้ไอ้ที่กุนพูดผ่านไป แล้วรีบจดเมนูดีกว่า มัวแต่ยืนคุยจนสิงห์ที่เดินผ่านมาพอดีมองมาพร้อมขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไรแล้วเดินต่อไป
 
“ ไม่ล่ะ รอบนี้เอาลาเต้ ”

   “ ลาเต้.. เอาอะไรอีกไหม ? ” ผมถามพร้อมจดยุกยิกใส่กระดาษ

   “ แค่นี้แหละ คิทตี้  ” กุนยิ้มบางๆ แล้วฟุบลงกับโต๊ะโดยไม่ลืมถอดแว่นวางไว้ข้างๆ ก่อน  ไม่บ่อยนักที่กุนจะมานอนฟุบที่ร้าน ผมคิดว่าผมไม่รบกวนจะดีกว่า

“ อืม ” ผมพยักหน้าแต่ยังไม่เดินไปในทันที เสื้อโค้ทมันคุ้นมากจริงๆ นะ ทั้งสีและยี่ห้อ เหมือนกับว่าเคยเห็นมาก่อนยังไงยังงั้น ผมยืนจ้องต่อนิดหน่อยและเดินไปส่งบิล ก็พบว่าสิงห์กำลังเดินมาส่งบิลเหมือนกันพอดี

“ กุนมาเหรอครับ ? ” สิงห์ถามพร้อมยื่นบิลให้หยก

“ อืม ” ผมพยักหน้ารับพร้อมมองประตูกระจกใส

“ แคทครับ.. ว่าไงครับ ? ” สิงห์พูดเสียงเบาที่ได้ยินกันแค่สองคน
อะไรว่าไงอะไร สิงห์

“ เรื่องอะไรเหรอ ?  ” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ผมรู้ดีล่ะว่าสิงห์หมายถึงเรื่องอะไร ผมกระซิบตอบด้วยระดับเสียงเดียวกัน

“ เรื่องนั้นไงครับ ที่เมื่อกี้น่ะครับว่าไง ? ”

“ เรื่องกุนสินะ กุนมานั่งจิบกาแฟเล่นๆ น่ะ ”

“ ไม่ใช่ครับ เรื่องก่อนหน้านั้นอีก ”

“ เรื่องอะไรล่ะ— เมื่อกี้ผมปวดท้องเฉยๆ ”

“ แกล้งทำเป็นลืมได้ไม่เนียนเลยนะครับ เสือ ” สิงห์พูดด้วยน้ำเสียงที่ผมเผลอหน้าแดงตาม ให้ตาย.. จะหนีอีกรอบไม่วายโดนลากกลับมาแน่

“ แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ”

“ อืม.. งั้นผมช่วยนึกแล้วกัน ” 

“ ... ” ไม่ช่วยคิดผมว่าก็ดีนะสิงห์  ผมไม่ตอบอะไรแต่ผมก็ไม่ได้จ้องหน้าคนพูดอยู่ดี ทำให้ไม่รู้ว่าตอนนี้สิงห์ทำหน้ายังไงอยู่

“ อืม.. ? ผมวาดภาพผมกับแคทจับมือกัน มันหมายความยังไงกันนะ ? ”

“ เพื่อนเหรอ ? อา.. ผมว่าเพื่อนกันเขาคงไม่มาเดินจับมือกันเล่นๆ หรอก ”

“ เอ หรือว่าผมกับแคทเป็นแฟ— ”

“ เอ้า ! เอาไป มายืนซุบซิบอะไรกันทั้งน้องสิงห์ทั้งแคทเลยเนี่ย ไปๆๆ รีบไป ” หยกวางถาดไว้บนเคาน์เตอร์พร้อมพูดขัดสิงห์ที่พูดอยู่ ซึ่งผมรู้สึกซึ้งใจไม่ใช่น้อยที่หยกทำเช่นนี้   หลังจากวางถาดให้เสร็จหยกก็กลับไปชงอะไรต่อมิอะไรต่อ

“ โอเค ไปเดี๋ยวนี้แหละ ” ผมตอบแล้วยื่นมือจะไปหยิบถาดแต่มีมือของคนที่ยืนพูดเมื่อกี้มาคว้าหยิบไปซะก่อน
ผมหันกลับไปสบตาด้วยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อยด้วยความหวังที่มันจะกลบไอ้อะไรที่มันแดงๆ บนใบหน้า พร้อมแบมือเชิงว่าขอถาดอันนั้นคืน

“ หรือว่าผมกับแคทจะเป็นแฟนกันนะ ? ” สิงห์ยิ้มพร้อมพูดน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นแต่น่าเสียดายที่ผมไม่ตื่นเต้นตาม ที่ไม่ตื่นเต้นก็น่าจะเพราะไอ้คนที่พูดมันก็หน้าแดงเหมือนกัน

“ พัดลมน่ะนะ สิงห์ว่าผมหน้าบานเหมือนพัดลมเหรอ หยาบคายมาก ” ผมพูดพร้อมคว้าไอ้ถาดที่สิงห์ถือมาถือเองแล้วเดินไปทันที แต่ไม่วายที่สิงห์จะใช้ขายาวๆ ของตัวเองก้าวมาใกล้แล้วกระซิบอีกแล้ว

“ ใครมันจะไปอยากกอดพัดลมล่ะครับ แขนขาดกันพอดี ”
   
ผมไม่ตอบแล้วเดินต่อไปเสิร์ฟให้โต๊ะกุนผู้หลับใหลดั่งโดนสาปเพราะไปกินแอปเปิ้ลอาบยาพิษ ไม่สิ ผมเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย ผมสลัดหัวไล่ความคิดเพ้อเจ้อ แต่ยังดีที่เรื่องเพ้อเจ้อมันยังพอทำให้ผมมีสมาธิกับการทำงานบ้าง

   “ กุนๆ ” หลังจากวางแก้วลาเต้บนโต๊ะผมก็เอามือสะกิดกุนเบาๆ

   “ อืม.. ” กุนเงยหน้าขึ้นมาพร้อมบิดขี้เกียจเบาๆ ผมที่มันจะเป็นทรงเสมอกลับยุ่งเหยิงจนดูแปลกตา กุนคงทำงานหนักจริงๆ แฮะรอบนี้ อ้อ ผมลืมบอกไปกุนเป็นนายแบบที่งานรัดตัวใช่ย่อย  “ ขอบคุณสำหรับลาเต้นะ คิทตี้ ” กุนพูดเบาๆ แล้วหยิบไปจิบเบาๆ แล้วจู่ๆ ก็หยุดจิบแล้วจ้องหน้าผมเขม็งจนผมอดถามไม่ได้

   “ มีอะไรงั้นเหรอ.. ? ” ผมขมวดคิ้วถาม ผมว่าหน้าผมมันคงไม่มีใบพัดงอกออกมาหรอกมั้ง
   
“ หน้าแดงแปลกๆ นะคิทตี้ ” กุนพูดพร้อมเอาช้อนคนหน้าลาเต้ที่เป็นรูปกลีบดอกไม้เบาๆ จนกลีบดอกไม้กลายเป็นสัตว์บางอย่างที่อธิบายออกไม่ได้ว่าคือตัวอะไร ผมจ้องการกระทำนั้นของกุนแล้วตอบกุนกลับไป “ คิดว่างั้นเหรอ ? เสือว่ากุนคิดมากไปเองหรือเปล่า ตาอาจจะพร่าก็ได้เพิ่งตื่นนี่ ”

   “ ยาก คิทตี้ กุนคนนี้ตาดียิ่งกว่าเหยี่ยวล่าหนูซะอีก ” กุนส่ายหน้าพร้อมยิ้มมีเลศนัย “ อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับเพื่อนคิทตี้คนนั้นที่กำลังยืนมองมาทางนี้น่ะ ” กุนหันไปทางสิงห์ที่ยืนอยู่รอรับออเดอร์หรืออะไรที่ลูกค้าอาจจะเรียก “ อ้อ ชื่อสิงห์มั้งถ้าจำไม่ผิด ”

   “ ว่าไปนั่นนะกุน ” ผมถอนหายใจยาวๆ ทำไมกุนเดาถูกเผงเลย

   “ อา.. ? ไปเจออะไรมากันนะ คิทตี้ของกุน ” กุนส่ายหน้ายิ้มๆ พร้อมส่งสายตายียวนไปทางสิงห์ ซึ่งถ้าผมโดนกุนมองอย่างนั้นไม่วายเผลอเข้าไปทำถีบหรืออะไรทำนองนั้นแน่  ซึ่งผมก็มองไปทางสิงห์บ้างพบว่าสิงห์ไม่ได้ส่งสีหน้าอะไรแต่พอสังเกตเห็นว่าผมหันมามองก็ยิ้มบางๆ  ผมละสายตาจากสิงห์แล้วมามองหน้ากุนต่อ

   “ อ้าว นี่กุนตกข่าวอะไรไปหรือเปล่าเนี่ย ” กุนเลิ้กคิ้วใส่ผม

   “ มันไม่มีข่าวอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ กินๆ ลาเต้ไปเถอะกุน ”

   “ โถ่ คิทตี้นานๆ ทีเจอกันก็ไม่อยากคุยอีกเหรอ ” กุนหน้ามุ่ยแล้วกินลาเต้ตามที่ผมบอก

   “ ทำยังกับว่าไม่ได้เจอกันเป็นปี ” ผมกรอกตาไปมา ได้ข่าวว่าเมื่อวานเพิ่งชวนผมเล่นเกมเศรษฐีเองนะ แล้วเมื่อวานใครมันทำผมล้มละลายครับ “ เสือไปล่ะ กุนนั่งกินไปนะ ” 

   “ อืม ” กุนส่งเสียงตอบรับพร้อมโบกมือหยอยๆ  ทำอะไรไม่สมอายุเลยให้ตาย..

   ผมถอนหายใจเบาๆ กับนิสัยของกุนแล้วเดินไปยืนหน้าร้านบ้างเพราะมันว่างอยู่พอดี ใช้เวลาไม่นานก็มีลูกค้าเดินเข้ามา
   กรุงกริ๊ง

   “ ยินดีต้อนรับครับ ” ผมพูดพร้อมยิ้มบางๆ ซึ่งลูกค้าที่มาใหม่นั้นก็ผงกหัวรับแล้วเดินเข้ามาในร้าน ลูกค้าคนนี้คุ้นตาผมแปลกๆ นะ ปกติผมจำคนไม่ค่อยได้แต่ลูกค้าคนนี้ทำไมเหมือนผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เป็นลูกค้าชายที่ตัวค่อนสูงหุ่นค่อนข้างหนาทีเดียว บุคลิกท่าทางการเดินค่อนข้างคล้ายกับกุนที่เป็นนายแบบ การเดินที่มั่นใจในตัวเองสูงนั่นเอง  ลูกค้าคนนั้นหยุดเดินแล้วมองรอบๆ ร้านจนผมที่มองตามก็รู้สึกฉงนไม่ได้ ที่ว่างก็มีนี่จะหาทำไม  หรือมีคนรู้จักมานั่งก่อนแล้วแต่ลูกค้าก็ไม่ได้แจ้งอะไรไว้นี่เพราะถ้าแจ้งหยกคงบอกผมตั้งแต่ผมออกมาจากห้องแล้ว

ผมเดินตามชายหนุ่มแต่ก็เว้นระยะห่างเอาไว้   แล้วชายหนุ่มคนนั้นก็หยุดมองโดยจ้องเขม็งไปที่กุนที่จิบลาเต้อยู่แล้วปราดเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเท้าแขนกับโต๊ะแต่ไม่พูดอะไร กุนที่สะดุ้งโหยงเมื่อมีคนมาเท้าโต๊ะตัวเองจึงเงยหน้าจากการจิบลาเต้ซึ่งพอกุนเห็นหน้าชายหนุ่มก็ทำหน้าช็อคค้างไปเลย คนรู้จักกุนล่ะมั้ง ?

 “ พิกเลต หนีฉันมาจิบกาแฟงั้นเหรอ ” ชายหนุ่มพูด

“ อะ ..ไอ้คุณหลวงหมีกริซลีย์  ” กุนที่เพิ่งได้สติพูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน

“ เหอะ เรียกไปทั่วเลยนะพิกเลต ตามฉันมาเดี๋ยวนี้เลย ” ชายหนุ่มคว้าแขนกุนเตรียมลากซึ่งสีหน้ากุนเหมือนจะโดนเข้าโรงเชือดก็ไม่ปาน

   แต่จะว่าไปกุนเรียกลูกค้าคนนี้ว่าคุณหลวง ? อืม.. ช่วงนี้แนทติดละครอะไรนะที่อยู่คฤหาสน์ใหญ่ๆ แล้วบอกว่าคุณหลวงหล่อมาก ผมที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตอนนั้นก็มองดูอย่างไม่ใส่ใจ แต่จะว่าไปคุณหลวงที่ว่านี่หน้าตาเหมือนลูกค้าคนนี้เลยแฮะ ใช่แล้ว !! คุณหลวงที่ว่านี้ก็คือคนเดียวกับวันนั้นที่กุนสะดุ้งชี้ใส่ทีวีนี่หว่า ! แล้วคุณหลวงคนนี้ก็มีโปสเตอร์โฆษณาเสื้อโค้ทยี่ห้อดังติดเต็มไปหมดช่วงนี้ไม่เว้นแม้กระทั่งหน้าร้านผมนี่ มิน่าคุ้นๆ  แต่ที่น่าสนใจกว่าคือกุนกำลังถูกกระชากลากถูราวกับเป็นไม้ถูพื้นอันใหม่ของร้านผม

   “ คิทตี้ ช่วยกุนด้วยยยยย โฮ ” เอ่อ นี่ผมกำลังถ่ายหนังอยู่หรือเปล่า ผมว่ากุนรับงานแสดงบ้างก็น่าจะรุ่งนะ เสียงของกุนเรียกเสียงหัวเราะในร้านได้ไม่น้อย จะว่าไปตั้งแต่คุณหลวงกริซลีย์เข้ามาแล้วล่ะมั้งที่เรียกความสนใจของคนในร้าน 
   
“ เสือจะไม่ลืมกุนเลยล่ะ ” ผมโบกมือบ๊ายบายน่าเสียดายที่ผมบีบน้ำตาไม่ไหวนั่นมันเกินความสามารถผมเกินไป 
   
“ คิทตี้ ทำไมทำกับกุนอย่างนี้ ม่ายยย ” กุนพยายามตะกายกลับเข้ามาในร้านแต่ไม่เป็นผลคุณหลวงหมีกริซลีย์ลากไปอย่างสบายๆ   “ คิทตี้ไม่ชวยกุนน กุนไม่จ่ายค่าลาเต้นะ ฮือออ ”

   “ เสือออกให้ก่อนก็ได้นี่ ” ผมยักคิ้วใส่ให้กลับกุนที่ทำหน้าจะร้องไห้ คุณหลวงกริซลีย์ผงกหัวให้ผมกับคนอื่นๆ ในร้านเชิงขอโทษแล้วจากไปพร้อมกับไม้ถูพื้นอันใหม่

   “ ถ้าเป็นผม ผมไม่ลากแคทอย่างนั้นแน่ครับ ผมจะอุ้มอย่างดีเลยล่ะ ” สิงห์ที่ขยับเข้ามาใกล้ตอนไหนก็ไม่รู้กระซิบเสียงเบาจนผมสะดุ้งด้วยความตกใจ
   
“ เพื่อแฟนผมจะได้รักผมมากๆ ไงล่ะ  ”

-------------------------------

มาสักที  :katai5:   นับวันสิงห์ยิ่งเจ้าเล่ห์แฮะ

ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ  :man1:

ปล.ตอนนี้ 100 % ไม่เหมือนอย่างทุกที  :o8:

หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 17 - 12 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-08-2014 18:37:29
น่ารักจังง เสือ แมว พิกเลท หมี อิอิ ชอบบรรยากาศสบายๆแบบนี้จังเลย คุณหลวงหมีจะลากพิกเลทน้อยไปไหนน้าา
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 17 - 12 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-08-2014 19:20:57
หยอดได้หยอดดีอ้ะสิงห์
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 17 - 12 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 13-08-2014 16:25:57
ช่ายยยยยเลยนับวันสิงห์ยิ่งเจ้าเล่ห์
แต่ก็ดีจะได้ทำให้เสือยอมเร็วๆๆ :m4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 17 - 12 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-08-2014 17:33:24
บร๊ะ คุณหลวงมาตามกุนถึงที่เลย น่ารักจัง

แคทก็นะ ไม่ยอมตอบรับซะที หงุดหงิสสสสสส  :hao5:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 17 - 12 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 13-08-2014 20:41:33
สิงห์มีพัฒนาการไปในทางเจ้าเล่ห์ดีวันดีคืน

ส่วนน้องแคทก็เหนียมอายไปไหนกันคะ

รับรักเค้าสักทีซิคะ อย่าให้สิงห์ต้องรอนาน
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 17 - 12 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: MESAAAAA ที่ 14-08-2014 00:27:51
แคทททททททททททททททททททททททททททททททททททททททท :sad4: :sad4: :sad4:

สักทีๆๆๆๆ 55555555555555555555

นี่สะพานทอดมาถึงปลายเท้าแล้วนะ!! ถ้าเป็นเจ้ เจ้จะรีบวิ่งขึ้นสะพายเลยจ้ะ 5555 สิงห์  :impress2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ # Shing Special - 23 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 23-08-2014 22:56:04

# 1

“ สิงห์ ”

   “ สิงห์ ! ”

   “ ไอ้เหี้ยสิงโต !!!! ”

   “ เหี้ย ! ” ผมที่นั่งสเก็ตภาพอยู่เพลินๆ ก็สะดุ้งโหยงกับไอ้เสียงตะโกนข้างหู จนเผลออุทานคำหยาบออกมาเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยอยากพูดแท้ๆ   ผมละมือจากการสเก็ตแล้วมองหน้าไอ้เสียงตะโกนแสบแก้วหูเมื่อกี้  เสียงตะโกนแสบแก้วหูมันมีอยู่คนเดียวนั่นแหละ

   ไอ้ซันชายน์อีวี่เดย์เอวี่วีค...

    “ แหม นานๆ ทีพ่อคุณจะพูดคำหยาบให้ฟังเป็นบุญหูว่ะ ไอ้สิงห์ ” ซันยิ้มเมื่อเห็นผมกรอกตา

   “ มีอะไร ซัน ” ภาพที่ผมสเก็ตไว้เมื่อกี้เกือบจะเสร็จแล้วแท้ๆ
   
“ โหๆ เดี๋ยวนี้เพื่อนจะคุยด้วยก็ไม่ได้ไง ไอ้สิงห์ ไอ้ลมแม่งก็บ่นให้กูฟังอยู่ว่ามึงอ่ะ วันๆ เอาแต่นั่งสเก็ตภาพอะไรไม่รู้ เพื่อนจะขอดูก็ไม่ให้ดู งกเหี้ยๆ ” ซันพูดใส่ผมซึ่งถ้าเปรียบคำพูดเป็นลูกกระสุนมันคงเข้าเนื้อผมทุกนัดเลยล่ะมั้ง ซันยังคงพูดต่อ “ แล้วพอกูมาวิเคราะห์กับช่วงนี้ที่เหมือนว่ามึงจะหนีกลับบ้านไปทำอะไรไม่รู้ ถึงจะไม่ทุกวันก็เถอะ ”
   ผมสะดุ้งในใจเล็กน้อย มันรู้ได้ไงวะ แต่โชคดีที่มันจับสังเกตไม่ได้

“ ฉะนั้นกูขอวินิจฉัยจากประสบการณ์อันมั่งคั่งของกูเลยว่า ! ”
   รู้สึกหนาวสันหลังเล็กน้อย

   “ แท่น ทะ ดะ แด้น แท่น แท่นน แทน แท่น แท้นนนน  ” ซันร้องซาวน์ประกอบอย่างพยายามแม้มันจะผิดคีย์และเพี้ยนจนฟังไม่เป็นทำนอง “ กูว่ามึงต้องไปปิ๊งปั๊งกับใครแน่นอน ! ซันชายน์รับประกับความถูกต้องงง ! ”

   “ ... ” เวร ผมไปชอบใครตอนไหนวะ ก็แค่สเก็ตภาพคนๆ นึงเฉยๆ “ ปิ๊งปั๊งอะไรของมึงวะ ซัน ” ความสุภาพของผมมันมีแค่บางช่วงเท่านั้น แต่กับเพื่อนก็น่าจะน้อยหน่อย
   
“ ไอ้คนที่มึงไปหาตอนที่ทิ้งพวกกูให้แดกไอติมทอดไง ”

   “ ไอติมทอด ? ได้ข่าวว่ากูไม่ชอบกินว่ะ ”

   “ ไม่รับมุขเลยว่ะ ไอ้สิงโตทะเล ” ซันถอนหายใจ “ ไอ้คนที่มึงปิ๊งปั๊งอ่ะ กูเดาเลยว่าเป็นภาพที่มึงนั่งสเก็ตหลายวันจนไอ้ลมแม่งด่าหรือก็คือภาพที่มึงนั่งวาดเมื่อกี้ไง ” ซันยิ้มมีเลศนัย

   “ มึงคิดว่างั้นเหรอ ” ถึงจะพูดด้วยสีหน้าเฉยๆ แต่ในใจนี้ไม่เลย
   
“ ไม่ ไม่ ไม่ ข้อสันนิษฐานของกูไม่มีวันผิดหรอกน่า ! ” ซันโวยวายเสียงดังจนเกินไป ดังจนอดคิดว่าแปลกๆ ไม่ได้

   “ ลิงมันกินกล้วยยังเคยติดคอนับประสาอะไรกับมึงวะ ไอ้แดด ”
   
“ ลิงบ้านไหนมันกินกล้วยติดคอว่ะ มีแต่มึงมั้งแดกไอติมทอดติดคออ่ะ ฮ่าๆๆๆ ”  ทำไมชอบคุ้ยประวัติเวรๆ ขึ้นมาล้อวะเนี่ยยยย
   
“ ไอ้สัส มึงจะพูดทำไมวะ ไอ้เวรแดดด ” แม่งทำไมหน้าผมแม่งต้องแดงด้วยว่ะ ผมพ่นคำด่าใส่ไอ้เวรแดดจนไม่ได้สังเกตรอบๆ ตัว

   ฟึ่บ !
   
ตัวอีกทีภาพที่นั่งสเก็ตก็โดนดึงหลุดมือไปแล้ว..

“ เยี่ยมมมม เพื่อนลม เพื่อนมายด์ ” ซันชมพร้อมยกนิ้วให้ แต่ผมอยากยกเท้าให้มากครับ

“ เอาคืนมาครับไอ้คุณเพื่อน ” ผมหันไปเจรจาอย่างสันติซึ่งไอ้สองคนนั้นมันไม่ยอมคืนอีกทั้งยังวิ่งหนีผมไปด้วย มันเว้นระยะ
ห่างที่ผมคว้าไม่ได้แล้วดูภาพที่ผมสเก็ต

“ เหี้ยซัน ! ผู้ชายเว้ย ”  ลมพูดซึ่งยังดีที่มันไม่ตะโกนแหกปากให้รู้แม่งทั้งโลก

ฉิบหายแล้วไง..

“ แต่หน้าตางี้มึงชอบกูก็ไม่แปลกใจนะ ” ลมยังวิพากษ์วิจารณ์กับภาพที่ผมสเก็ต

“ เห็นเงียบๆ แต่ไม่เบานะครับเนี่ย สิงห์ ” มายด์พูดแหย่ผมด้วยท่าทางยียวน

“ ไอ้พวกเวร เอาสมุดสเก็ตกูคืนมา ” ผมพูดเสียงเย็นแต่มันก็ไม่มีผลอะไรเลย อีกทั้งไอ้ซันมันยังเดินไปชะโงกดูภาพอีก
ผมเอามือนวดขมับเบาๆ  แม่งผมคงทำอะไรไม่ได้แล้ว

“ ว้าววว พนักงานร้านกาแฟที่ร้านแถวอพาทเมนท์มึงนี่หว่า ไปไหนไม่ไกลเลยนะเนี่ย ” ซันเลิกคิ้วใส่ผมยิ้มๆ “ มึงชอบพี่เขาเหรอวะ ไอ้สิงห์ ”

“ อะไรของมึง กูวาดสเก็ตใครไม่ได้เลยว่างั้น ”  ผมทำหน้าหน่ายๆ ตอบ 

“ ไอ้สัสสิงห์ ปกติมึงวาดมึงก็คุยกับพวกกูปกติไปวาดไป นี่มึงวาดแล้วก็ไม่ยอมคุยกับพวกกูแล้วไล่ด้วยสัส นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว อีกอย่างกูเห็นมึงหน้าแดงตอนวาดด้วย ” ลมตอกกลับใส่ผม

“ แม่งกูหน้าแดงเพราะอากาศหรืออะไรไม่ได้เลยรึไง ”

“ ใครกันน้า ~ ที่แม่งโดนล้อเรื่องเก่าเมื่อกี้แล้วหน้าแดง คนๆ นั้นหน้าแดงง่ายชิบหายเลย อีกอย่างกูว่าคนๆ นั้นคงไม่มีอะไรให้อายหน้าแดงตอนวาดรูปหรอกน้า ”

“ พ่อมึงสิมายด์ ใครมันหน้าแดงกะอีกแค่วาดรูปวะ ”

“ นอกจากว่า คนๆ นั้นจะวาดรูปคนที่ชอบอยู่แน่เลย ~ ” ซันร้องต่อประโยคสุดท้าย ไอ้สองคนนี้แม่งไปซ้อมกันมารึไงวะ

“ ชอบเชิบอะไร กูแค่วาดเฉยๆ กูเคยเจอเขาบ่อยก็เลยวาดเหอะ ”

“ ว๊าย น้องสิงห์หน้าแดง แปลว่ากูทายถูกว่ะ ! ไอ้มายด์ ไอ้ลม  ” ไอ้ซันหันไปแทคกับเพื่อนเวรทั้งสองคน

“ โอ้ย เชี่ยแม่ง ” ผมสบถออกมาเบาๆ แม่งจะแก้ตัวอะไรหน้าผมก็ฟ้องอยู่ดีล่ะวะ กูตัดคอทิ้งดีกว่าว่ะ
ซึ่งนี่เป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่โดนเพื่อนจับได้ว่าผมไปชอบใครเข้า ก็ได้ ผมยอมรับก็ได้ ว่าแม่งพนักงานคนนั้นแม่งน่ารัก..

# 2

ป็อก..

เสียงไส้ดินสอหักดังแต่ก็หาได้เรียกสติผมกลับมา

“ ไอ้เหี้ยสิงโตตตตต ไส้ดินสอมึงโดนหัวกูสามรอบแล้วสัส ไม่เอามาปาหัวกูเลยล่ะวะ ! ” ซันที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หันมาว้ากใส่ผม

“ ... ” ผมจ้องดินสอไม้ที่ตอนนี้ต้องเหลาใหม่อีกแล้วอย่างลอยๆ

“ เหี้ยสิงห์ ? ”

“ อ้าว พี่ที่ร้านกาแฟของสิงห์นี่ สวัสดีครับ ! ”

“ !! ” สติผมกลับมาทันใดเลยทีเดียว ผมหันขวับไปทางที่ซันไหว้อย่างตกใจ “ ไอ้ซันครับ ทำอะไรของคุณครับ ”  ผมพูดเสียงเย็นเมื่อหันไปเจอคุณต้นไม้ใบหญ้า

“ อุ้ยๆ หน้าแดง ” มันยิ้มล้อๆ

“  แม่ง ” ผมสบถออกมา หน้าผมแม่งจะแดงง่ายอะไรนักหนา

“ ก็ไม่รู้มึงอะ มึงแม่งนั่งเหม่อวาดรูปแล้วไส้ดินสอหักใส่หัวกูนี่ แล้วก็.. มึงแม่งหน้าแดงบ่อยสัสช่วงนี้สลับกับดูซึมๆ อมทุกข์ว่ะ ”

ผมพึ่งรู้ว่า ไอ้ซันแม่งโครตช่างสังเกต

“ อ่านนิยายอินเฉยๆ มั้ง ”

“ กูไม่เชื่อครับ หน้ามึงทุกข์มากนะเว้ย กูเป็นเพื่อนมึงมานานจนรู้ยันไส้ติ่งมึงละ มีอะไรปรึกษากูได้นะเว้ย ”

“ จะรอล้อละสิ ไอ้แดด ” ผมเข้าใจความปราถานาดีของมันนะ แต่ไม่ไว้ใจเรื่องล้อเท่าไหร่

“ ไอ้ล้อกูก็ล้อทั้งปีทั้งชาตินั่นแหละ ” ซันไหวไหล่ “ แต่ปรึกษากับกูได้ เพื่อนนะเว้ยเพื่อน สะกดภาษาอังกฤษได้ว่าเฟ
รนด์น่ะ ”

“ เออๆ ” ผมถอนหายใจ ถ้าผมไม่ยอมบอกมันก็คงนั่งถามทั้งวัน “ เรื่องพี่ที่ร้านกาแฟนั่นแหละ ” หน้าผมอดแดงไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลายๆ เรื่อง

“ ทำไม ? ”

“ กูบอกชอบพี่เขาไปแล้วว่ะ.. ”

“ ..แล้วพี่เขาว่าไงวะ ” ซันชะงักไปสักพักเมื่อผมบอกออกไป คงไม่คิดว่าผมจะกล้าขนาดนั้น

“ ก็ไม่ว่าไง เหมือนหลบๆ หน้ากู ”

“ แล้วพี่เขาทำท่าอะไรที่ดูไม่ชอบมึงไหมหลังจากที่มึงบอก ”

“ ...ไม่ ” ผมลองนิ่งคิดสักพักแล้วส่ายหัวตอบ

“ กูว่ามึงมีลุ้นว่ะ สิงโตเพื่อนรัก ” ซันแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์

“ ทำไมวะ ”

“ พี่เขาอาจจะชอบมึงก็ได้วะ กูว่า ”

“ แต่กูเห็นมีคนมาหาพี่เขาว่ะ.. ” ไอ้คนที่สับหมูไม่ตรงเขียงนั่น..

“ อะไรมึงจะไปแคร์อะไรวะ นั่นอาจจะไม่ใช่แฟนพี่เขาก็ได้ ถ้าแฟนพี่เขาป่านนี้มึงก็คงนั่งซึมไปแล้ว แฟนมันมีออร่าของคนเป็นแฟนนะเว้ย ฉะนั้นมึงรีบเลยครับ ”

“ รีบทำอะไร ? ”

“ ทำคะแนนไงครับ เพื่อนสิงโต มึงแม่งเอ๋อชิบหาย เดี๋ยวกูหานิยายหรือหนังสือมาให้มึงเอง รับรองเห็นผลไวถ้ามึงยอมทำ ” ซันส่ายหัวกับคำถามของผม

“ อย่าบอกนะว่ากูต้องไปตามรุกถึงที่ ” ผมหน้าแดงเมื่อคิดถึงเรื่องที่จะทำ

“ เออ นั่นแหละ ทำๆ ไปเดี๋ยวก็ชินนั่นแหละ ”

“ ... ขอบคุณว่ะ ไอ้ซัน ” ผมรู้สึกโล่งขึ้นเยอะ

“ ไม่เป็นไรเว้ย ตอนเรียนมัธยมมึงยังช่วยกูเยอะแยะ ว่าแต่กูถามไรหน่อยดิ ”

“ ว่ามา ” ผมยิ้มบางๆ

“ มึงเคยจูบพี่เขายังวะ ? ”

ยังดีที่ผมไม่ถีบมันตกม้านั่งนะครับ ยังดี..


--------------

ตอนพิเศษอีกตอน ตอนนี้น่าจะเฉลยได้ว่าสิงห์ไปเอานิสัยพวกนั้นมาจากไหน  :hao6:

ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ  :mc4:


หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ # Shing Special - 23 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-08-2014 23:49:09
แผนทิ้งหลอดที่โรงหนังเป็นแฟนของเพื่อนหรือเปล่าน้ออออ

ปอลอ ที่สิงห์รุกมากขึ้นก็เพราะเพื่อนเชียร์ป่ะคะ?  :hao3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ # Shing Special - 23 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 24-08-2014 11:58:55
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ # Shing Special - 23 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: MESAAAAA ที่ 24-08-2014 20:28:45
สิงโตน้อยยยยย โดนเพื่อนยุซินะ 555555555555555

น่ารักจริงจริ๊ง
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ # Shing Special - 23 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 24-08-2014 20:31:54
มีเพื่อนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยานี่เอง สิงห์เลยออกอาการ 55555555

หวังว่าเพื่อนจะช่วยยุจนตลอดรอดฝั่งนะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ # Shing Special - 23 ส.ค. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-08-2014 20:58:58
มิน่า สิงห์พัฒนาขึ้นน่าดู
สอนกันอย่างงี้นี่เอง ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 18 - 19 ก.ย. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 19-09-2014 22:08:22
--- ตอนที่ 18 ---

“ สิงห์มึงเชื่อกูไหมว่าถ้ามึงมัวแต่อาย ชาตินี้มึงกับพี่เขาไม่ได้ทำอะไรกันพอดี ! ”
   
“ กูว่า กูก็อ่านไอ้นิยายที่มึงยืมมาแล้วนะ.. แต่ว่ากูต้องทำจริงๆ เหรอวะ ”
   
“ ทำสิสัส ถ้าไม่ทำชาตินี้มึงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ”

   “ แต่กูอายว่ะ.. ”

   “ เอาน่า ช่วงแรกๆ มึงก็อายนั่นแหละ หลังๆ ก็ด้านได้อายอดนั่นแหละมึง ”

   “ เออ..  ”

   “ แล้วมึงก็จูบพี่เขาไปเลย ! ”

   “ ไอ้เหี้ยแดดครับ รอบที่แล้วรองเท้ากูคงไม่พอกับหลังมึงใช่ไหม !!!!  ”






   “ พวกมึงรู้ไหม ร้านเราอาจจะมีผีด้วยล่ะ ” หยกพูดขึ้นมาระหว่างเก็บร้าน ซึ่งมันก็ไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศมืดๆ ค่ำๆ เลย สำหรับผม

   “ เพ้ออะไรของมึงวะ ไอ้หยก ” ไม้พูดด้วยท่าทางเอือมระอาบนโซฟา

   “ เอ้า มึงกูพูดจริงนะเว้ยย มีผีน่ะมีผี ” หยกยังคงพูดต่อไป ในมือก็ยังเช็ดโต๊ะอยู่
   
“ ร้านแคทมีผีด้วยเหรอครับ ” สิงห์หันมาถามผม
   
“ ไม่รู้สิ ” ผมส่ายหน้าตอบ หลังจากที่สิงห์พูดอะไรแปลกๆ ออกมา ผมก็ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่ตอบอะไรจนกระทั่งร้านปิดและเก็บร้านโดยมีสิงห์อยู่ช่วย และวันนี้ผมต้องพาสิงห์ไปเลี้ยงอีก.. 

   “ มีไม่มีกูไม่รู้แต่ที่รู้ๆ มึงอ่ะเพ้อครับไอ้หยก ” แมททิวเหน็บบ้าง

   “ พวกมึงจะรุมด่ากูทำไมวะค่ะ ก็ก่อนที่จะมีร้านนี้ไง เมื่อก่อนมันมีเรื่องเล่านะเว้ย ”
   
“ ทำไมกูไม่รู้ล่ะ หยก ” แนทที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของหยกยังถามหยกงงๆ เลย
   
“ โหย อีแนทมึงเพื่อนกูป่ะเนี่ย ” หยกขมวดคิ้วหงุดหงิด “ ก็เมื่อวานอ่ะ ตอนกูกลับจากเซเว่น กูเจอป้ามาขายห่อหมกแถวร้านเราเว้ย    แล้วป้าเขาเห็นกูจะเดินเข้าร้านเรา ป้าแกเลยเรียกกูแล้วเล่าเรื่องประวัติให้ฟังเว้ยยย น่ากลัวสัส ” หยกลูบแขนไปด้วยระหว่างที่พูด

   “ ป้าคนไหนของมึงวะ ”  แมททิวเลิกคิ้วถาม รวมถึงคนอื่นๆ ก็เช่นกัน ทุกคนต่างหยุดมืดจากการทำความสะอาดแล้วมานั่งฟังกัน คงจะขี้เกียจทำกันนั่นแหละรวมถึงผมด้วย

   “ เออ ฟังๆ ไปเหอะค่ะ ก็ป้าแกเล่าว่า เมื่อก่อนที่ตรงนี้อ่ะแม่งเคยมีเรื่องเล่าเว้ย มีผู้ชายประสบอุบัติเหตุตรงต้นไม้ใหญ๋ร้านเราพอดีซึ่งตอนนี้ก็โดนตัดไปแล้ว เราเลยไม่เห็นแล้วป้าก็ยังบอกอีกนะว่าชอบมีคนเจอบ่อยๆ ตรงต้นไม้ด้วยเว้ยย น่ากลัวว ” หยกชี้ไปข้างนอกเมื่อพูดถึงต้นไม้ที่ว่า แต่บริเวณที่ชี้มันไม่มีอะไรเลย

“ จริงเหรอวะ ” แมททิวครางในลำคอ

   “ น่ากลัว.. ” ผมพูด ทำไมต้องมาเล่าตอนดึกๆ ด้วยครับหยก
   
“ กอดผมก็ได้ครับ ” สิงห์ที่ผมลืมไปแล้วว่ายังอยู่กระซิบ

   “ เหอะๆ ” ผมหัวเราะแห้งๆ ไม่ตอบรับอะไร

   “ เพื่อนหยกจะมาเล่าอะไรตอนนี้คะ ” แนทพูดด้วยหน้าเซ็งๆ แต่ผมว่าภายใต้หน้าเซ็งๆ ของแนท แนทก็ต้องกลัวบ้างแหละน่า

   “ ก็มันเพิ่งนึกได้นี่หว่า กูเลยแชร์ความหลอนให้พวกมึงด้วย กูจะได้กลัวน้อยลง ”
   
“ แล้วมึงซื้อห่อหมกป้าแกป่ะ ” ไม้ถามสิ่งที่ขัดกับสิ่งที่หยกเล่า

   “ ซื้อดิ แซ่บเวอร์มาก วันหลังกูจะซื้ออีกเนี่ย ” ดูท่าหยกจะแซ่บเวอร์จนลืมความกลัวเลย

   “ ป้าแกขายห่อหมกให้มึงใช่ไหม หลังจากเล่าจบ ” ไม้ยิงคำถามต่อ
   
“ ใช่แล้วป้าแกก็บอกว่าช่วยป้าแกซื้อหน่อย ”

   “ เฮ้อออออออออออออออออ ” ไม้ถอนหายใจ ซึ่งทำให้คนอื่นๆ ที่ขนลุกอยู่มองไม้อย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่
   
“ หยกเอ้ยวันหลังมึงไปนั่งอ่านมหาสนุกไปเหอะ ” ไม้พูดพร้อมเอามืดกุมขมับ

   “ ทำไมวะ ”
   
“ ก็กูจะบอกว่าไอ้ที่ๆ มึงชี้อ่ะ แม่งไม่ได้เคยมีต้นไม้เหี้ยอะไรเลยครับบ ตอนเด็กๆ กูผ่านแถวนี้กูชมวิวมองต้นไม้มองนกกูยังไม่เคยเห็นเลยครับ ต้นไม้ใหญ่ตรงที่มึงชี้เนี่ยย กูเห็นแต่ถังขยะที่แม่งตั้งไว้ ”

   “ อ้าว ! ป้าแกหลอกให้กูกลัวหรอกเหรอเนี่ย แม่ง ”

   “ กูเซ็งว่ะ ” แมททิวพูดแล้วหันกลับทำธุระที่ทิ้งไว้เมื่อกี้ต่อ

   “ โห เพื่อนหยกมึงไปนั่งมหาสนุกตามที่ไอ้ไม้บอกนี่รุ่งสุดแล้วจริงๆ วะ  ” หน้าที่เคยเซ็งของแนท ยิ่งเซ็งมากขึ้นไปอีก

   “ ... ” ผมว่าผมไม่ซ้ำเติมหยกดีกว่า ผมหันกลับไปเก็บร้านต่อโดยมีคนที่ผมต้องเลี้ยงตามมาต้อยๆ..

   กว่าผมกับเพื่อนจะเก็บร้านเสร็จก็นานโขทำให้ตอนนี้ก็ค่อนข้างดึกเลยทีเดียว หยกกับแนทกลับไปแล้ว ส่วนแมททิวกับไม้ขอตัวไปพบปะเพื่อนเก่าสมัยอนุบาลซึ่งผมพึ่งเข้ามาตอนประถมเลยไม่ได้ไปด้วย อีกอย่างผมมีเวรต้องเฝ้าร้านวันนี้ก็ค้างที่ร้าน ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงผมกับสิงห์   วันนี้ผมต้องเลี้ยงสิงโตหนุ่มมื้อนึง ผมซึ่งนั่งบนโซฟาตัวยาวตัวเดียวกับสิงห์หันไปถามเมนูจะกิน

“ สิงห์กินอะไรล่ะรอบนี้ ” 

   “ เสือ... ร้องไห้ครับ ” สิงห์ยิ้มตอบ
   
“ ผมกินไม่เป็น ผมไม่นับนะสิงห์ ” ผมถอนหายใจหน้าแดงๆ

   “ งั้นสั่งพิซซ่ามาก็ได้ครับ ” 

   “ ก็ดี ” ผมพยักหน้าแล้วควักมือถือออกมาแล้วกดเบอร์ระหว่างที่รอรับสายผมก็หันไปถามเมนูอาหารที่จะสั่งกับสิงโตผู้หิวโหย “ สิงห์กินหน้าอะไร ? ฮาวาเอียน ซีฟู๊ด ”

   “ ฮาวาเอียนถาดกลางก็ได้ครับ ”

   “ งั้นเอาฮาวาเอียนถาดกลางครับแล้วก็ไก่นิวออร์ลีน 12 ชิ้น เป๊ปซี่ขวดครับ ” ผมกรอกเสียงตอบพนักงานที่รับสายแล้ว “
เอาอะไรอีกไหม สปาเกตตี้ ? สลัด ? ”

   “ แค่นั้นก็ได้ครับ ”
   
“ แค่นี้แหละครับ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ ”  ผมเก็บโทรศัพท์มือถือเข้าที่เดิมแล้วหันหน้าไปสบตากับสิงห์ วันนี้ผมอยากคุยเรื่องที่สิงห์พูดออกมาบ่อยๆ กับพฤติกรรมใหม่ของสิงห์ที่ทำเอาสิงโตขี้อายหายไปไหนไม่รู้  แต่พอผมจ้องหน้าสิงห์ไปนานๆ สิงห์ที่ยิ้มบางๆ อยู่เมื่อกี้กลับหน้าแดง
    ผมหลุดยิ้มกับไอ้ความคิดของผมที่คิดว่าสิงห์ขี้อายนั้นหายไป แต่ว่าตอนนี้ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะคุยกัน

“ สิงห์ ” ผมตีหน้าเคร่งให้เข้ากับเรื่องที่จะพูด

   “ ครับ ”
   
“ สิงห์ชอบเสือเหรอ ”

   “ แค่ก ! คะ ครับ ผมชอบเสือ ” สิงห์ไอออกมาอย่างตกใจ แล้วตอบผมหน้าแดงๆ

   “ เสือเชื่อนะว่าสิงห์ชอบเสือ..  ” ผมหน้าแดงกับประโยคที่ตัวเองพูดอยู่ “ แต่ว่าผมชอบสิงห์ที่ขี้อายมากกว่า ”
   
“ ครับ ”
   
“ แต่ว่าเสือก็ไม่รู้อยู่ดีว่าชอบสิงห์ไหม เอาเป็นว่าผมรู้สึกดีๆ กับสิงห์แล้วกัน ”
   สิงห์ชะงักไปชั่วครู่แล้วหน้าแดง  “ งั้น.. เสือครับถ้าสิงห์ไม่อยู่ที่นี้แล้วเสือจะคิดถึงไหม ? ” แล้วสิงห์ที่หน้าแดงตอนนี้เริ่มดูจริงจัง
   
“ คิดถึงสิ คนเจอกันบ่อยๆ หายไปก็ต้องคิดถึงอยู่แล้ว ”

   “ แล้วถ้าผมมาหาบ่อยๆ จะดีใจไหมครับ ”

   “ ก็ดีใจนะ มีคนคุยด้วยถูกคอ ”

   “ แต่คนๆ นั้นเป็นผู้ชายที่ชอบเสือนะครับ เสือจะให้ผู้ชายคนนั้นได้แต่มองอย่างเดียวเลยเหรอ ”

   “ แต่เสือยังไม่ได้ชอบเขานะ แค่รู้สึกดีด้วยเฉยๆ ”

   “ เสือเคยใจเต้นกับสิงห์ไหมครับ ” สิงห์หน้าแดงเถือกเมื่อถามออกมา
   คำถามที่ตอบยากมาแล้ว

   “ .. เคย ” ผมตอบเสียงเบา เอาเข้าจริงผมไม่อยากตอบเลย
   “ เสือครับ... ถ้าเสือไม่ชอบผมคงไม่ใจเต้นหรอก ถ้างั้นผมจะลองพิสูจน์นะครับ ถ้าเสือไม่ชอบที่ทำให้ต่อยผมก็ได้ แต่อย่าเกลียดผมเลย ”  สิงห์ขยับตัวเข้ามาใกล้ผมระหว่างที่พูด
   จนผมรู้สึกว่าไอ้สิ่งที่สิงห์พูดถึงตอนนี้มันก็เป็นตามที่สิงห์พูดอยู่

   “ นะครับ ” สิงห์กระซิบเสียงเบา ซึ่งตอนนี้หน้าผมกับสิงห์ห่างกันไม่ถึงเซนมีเพียงอากาศบางๆ ที่กั้นไว้ สิงห์อยู่ใกล้ผมมากจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่โดนใบหน้า
   
“ อืม ” ผมพึมพำตอบเสียงเบา
   สิ้นเสียงตอบของผม สิงห์ก็เอามือประคองหน้าผม แล้วผมก็รู้สึกถึงริมฝีปากที่แนบลงมา ให้ตาย.. ผมไม่คิดว่าสิงห์ที่ขี้อายจะกล้าทำขนาดนี้   สิงห์ไล้ลิ้นกับริมฝีปากของผมเบาๆ ทำเอาผมที่ฟุ้งซ่านไปเมื่อกี้ สมองยิ่งโล่งกว่าเดิม ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกเลย

   “ รังเกียจไหม..ครับ ? ” สิงห์ผละออกจากหน้าผมไปตอนไหนไม่รู้ถามผม

   “ ไม่ ไม่เลย ” ผมส่ายหน้า ตอนนี้ทั้งผมทั้งสิงห์หน้าแดงพอๆ กัน
   
“ เสือคนชอบผมบ้างไม่มากก็น้อย ”

   “ อาจจะเป็นอย่างนั้นมั้ง ”

   “ งั้นครั้งหน้าตอนผมมั่นใจแล้วว่าเสือชอบผมมาก ผมจะลองพิสูจน์ดูอีกนะครับ ”
   ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน
   สิ่งที่ผมไม่ได้บอกคือลึกๆ แล้วผมก็รู้สึกดีกับไอ้เมื่อกี้เหมือนกัน

♪ ~
   
มีเสียงกริ่งที่เป็นเพลงคลอเบาๆ ขัดขึ้นมา
   “ พิซซ่าคงมาแล้วแหละครับ ”

   “ อืม งั้นผมไปเอาแปปนึง ” ผมลุกขึ้นจากโซฟา ซึ่งก็ยืนเซเล็กน้อยเพราะสมองยังทำงานไม่เสถียรเท่าไหร่ แล้วผมก็เดินอาดๆ ออกไปเอา ผมหวังว่าความมืดของข้างนอกจะทำให้พนักงานส่งพิซซ่าไม่ทักผมนะว่า ผมจะหน้าแดงทำไมแค่กับการรับพิซซ่า ใช้เวลาไม่นานก็เจอพนักงานส่งพิซซ่าที่ยืนรอหน้าร้าน

   “ เอ่อ.. ผมมารับพิซซ่าครับ ” ผมเรียกสติพนักงานส่งพิซซ่าที่ดูเหม่อๆ ชอบกล

   “ อะ ครับ ! ” พนักงานส่งพิซซ่าสะดุ้งโหยงอย่างตกใจแล้วหยิบบิลในมือขึ้นมาอ่าน “ 540 บาทนะครับ จ่ายเต็มจำนวนนะครับ ”
   
“ ครับ ” ผมพูดพร้อมยื่นเงินให้ซึ่งพนักงานส่งพิซซ่าก็รับไปใส่ในกระเป๋าพร้อมเอ่ยขอบคุณแล้วยื่นถุงพิซซ่าให้ผม

   “ พอดีว่าเมื่อกี้ผมเผลอนึกถึงเรื่องเก่าๆ น่ะครับ เมื่อตอนผมเด็กๆ ผมเหมือนเคยมาแถวนี้แล้วเจอเงารางๆ ของผู้ชายน่ะครับ อ้อ ไร้สาระนะครับ ไม่มีอะไรครับๆ ” ระหว่างที่ผมกำลังจังเดินกลับพนักงานส่งพิซซ่าก็พูดขึ้นมาลอยๆ

   “ เอ่อ.. งั้นเดินทางปลอดภัยนะครับ ” ผมตอบกลับไปงงๆ แล้วรีบเดินเข้าร้าน อย่างว่าสมองผมยังไม่ค่อยเสถียรประมวลอะไรไม่ทัน
   
ท้องผมตอนนี้น่าจะมีสงครามภายในกันบ้างแล้ว
   
ผมวางถุงลงกับโต๊ะกลางเมื่อมาถึง แทบจะในทันทีที่วางก็มีตัวอะไรบางอย่างกระโดดเหยียบถาดพิซซ่าที่ยังไม่ได้แกะกล่อง

   “ ส้ม เสือหิวนะ หลบหน่อย ” ผมเอามือกวาดเจ้าแมวออกแล้วแกะกล่องพิซซ่า

   “ แง้ว ” ส้มกระดิกหูแล้วกระโจนขึ้นไปนั่งตักสิงห์แทน ทำเอาสิงห์ที่แกะกล่องไก่อยู่ตกใจจนเกือบทำกล่องตก

   “ ส้ม.. ” สิงห์พูดเสียงอ่อนแล้วเอาหลังมือถูหัวมันเบาๆ คาดว่าสิงห์คงขี้เกียจไปล้างมืออีกรอบ สิงห์ลูบมันต่อสักพักแล้วแกะต่อ เมื่อแกะเสร็จสิงห์ก็หยิบเอาพิซซ่าไปกินชิ้นนึง
   ซึ่งการกินของสิงห์นี่คือการจ้องผมไปกินไปดีๆ นี่เอง

   “ อะไรสิงห์ ” ผมถามเสียงขุ่น จ้องมากๆ ผมก็ประหม่านะ การกินพิซซ่าของผมนี่ไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไหร่ ผมเริ่มกินขอบนอกรอบๆ ก่อนแล้วค่อยกินขอบในที่ผมชอบ ทำให้เวลากินเหมือนเป็นรอยแทะของฟันเวลากัด

   “ เปล่าครับ แค่คิดว่าเสือกินแปลกๆ ดี ” สิงห์ส่ายหน้ายิ้มๆ
   ซึ่งหลังจากจนประโยคของสิงห์ ผมกับสิงห์ก็ไม่ได้คุยอะไรกันต่อเนื่องด้วยความหิวที่สั่งสมตั้งแต่บ่ายๆ แต่กินต่อไปได้ไม่นานผมก็จุกแล้ว ตอนนี้ถ้ากลิ้งได้ผมกลิ้งไปแล้ว ส่วนสิงห์ยังกินต่อเรื่อยๆ  ส่วนเจ้าส้มตอนแรกนอนที่ตักสิงห์ก็กระโดดออกไปแล้วเดินไปที่ไหนไม่รู้ โชคดีที่อาหารทำให้สมองผมกลับมาเสถียรเหมือนเดิม

   เมื่อกี้เหมือนว่าพนักงานส่งพิซซ่าพูดว่าอะไรเงาๆ เนี่ยแหละ ผมนั่งนึกไปสักพักก็สะดุ้งในใจ เหมือนเรื่องที่หยกเล่าเลย แล้วตรงที่พนักงานเมื่อกี้เหม่อก็บริเวณที่หยกชี้ด้วย หรือเรื่องที่ป้าห่อหมกจะเป็นเรื่องจริง ?! งั้นตอนนี้ร้านผมก็ต้องมีพลังงานบางอย่างอยู่สิ

   “ สิงห์ รู้ไหมไอ้เรื่องที่หยกเล่าให้ฟังมันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้นะ ”

   “ เรื่องผีนั่นน่ะเหรอครับ  ”

   “ นั่นแหละๆ เมื่อกี้เสือได้ยินคนส่งพิซซ่าเขาบอกว่าเจอเงารางๆ ของผู้ชาย ”
   
“ เขาอาจจะพูดเล่นก็ได้นะครับ ”

   “ ไม่รู้สิ แต่เสือว่าน่ากลัวเหมือนกันแฮะ ”

   “ เสือเคยเจอไหมครับ ? ”

   “ ไม่เคย แต่กลัว ”

   “ กลัวทำไมครับมีผมทั้งคน ” สิงห์พูดเสียงอ้อมแอ้ม
   
“ งั้นผมเลิกกลัวแล้วล่ะ ” ผมส่ายหน้ากับคำตอบของสิงห์ ถึงผมจะกลัวแต่ผมก็กลัวแบบมีขอบเขตบ้างล่ะน่า ถ้าไม่โผล่แบบแฮ่ ผมคงไม่กลัวมากหรอก คิดว่านะ
   
“ สิงห์จะอยู่นั่งย่อยที่นี่ไหม ? หรือจะกลับห้องดี ” ผมถามสิงห์ที่วางมือจากการกินที่ยาวนานมาก
   
“ กลับห้องก็ได้ครับ พรุ่งนี้ผมมีเรียน ” สิงห์พูดพลางเช็ดมือด้วยกระดาษทิชชู่ เมื่อสิงห์เช็ดเสร็จสิงห์ก็จัดการยัดเศษซากอารายธรรมทั้งหลายเข้าถุงพิซซ่าอันเดิมส่วนผมก็ช่วยยัดอีกแรง

   “ งั้นผมไปส่งแล้วกันนะ ” ผมบอกระหว่างที่มัดปากถุงพิซซ่ากันพวกมดแมลงเข้า

   “ ยินดีครับ ” สิงห์ยิ้มบางๆ แต่หูแดงมาก

   “ ไปตอนนี้เลยเหรอสิงห์ ” ผมถามเพื่อความแน่ใจ เพราะสิงห์บอกมีเรียนอาจจะรีบกลับห้องไปนอนหรือทำอะไรต่อมิอะไรทำนองนั้น

   “ ครับ พรุ่งนี้มีคาบเช้า ผมไม่ถูกโฉลกกับแสงอาทิตย์เท่าไหร่ ถ้าไม่นอนเยอะๆ ผมคงไม่ตื่นแน่ๆ ”

   “ อืม ” ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน ส่วนถุงพิซซ่าผมค่อยเก็บแล้วกัน ผมยื่นมือให้สิงห์จับเมื่อสิงห์ไม่ยอมลุกสักที

   “ ขอบคุณครับ ” สิงห์เอ่ยขอบคุณแล้วลุกขึ้นยืนบ้าง “ ส่งผมแค่ตรงนี้ก็ได้ครับ เสือ ผมไม่ถือหรอก ”

   “ หะ ..ตรงนี้ ? โอเค ตรงนี้ก็ตรงนี้ งั้นราตรีสวัสดิ์นะสิงห์ ” ผมตอบงงๆ
   
“ เช่นกันครับ ” สิงห์พยักหน้ารับแล้วค้อมตัวมาใกล้ผม

   จุ๊บ—

   “ ราตรีสวัสดิ์ครับ เสือของสิงห์ ” สิงห์พูดด้วยน้ำเสียงหวานๆ ซึ่งน่าจะพอไปกันได้กับหน้าที่แดงคล้ายกับลูกกวาดวันคริสต์มาส สิงห์จ้องหน้าผมได้ไม่นานก็ขอตัวเดินฉับๆ ออกไป

   “ ... ” ทิ้งให้ผมนั่งหน้าแดงอยู่คนเดียว

   ผมว่านะ

   ไอ้วันที่ว่าของสิงห์

   มันคงจะไม่นานเท่าไหร่หรอก
   
ผมคิดว่างั้นนะ
   





   “ ซัน.. กูจูบพี่เขาไปแล้วว่ะ ”
   
“ เชี่ยยยย ไม่น่าเชื่อครับพี่น้องชาวเรา น้องสิงห์กินพี่เขาแล้วครับบบ ”

   “ จูบเฉยๆครับ ไอ้-สัส-แดด ”

   “ ฮะ เฮ้ย ใจเย้นนนน ไอ้สิงห์กูไม่เอาตีนมึงงงงง ”

-------------------

มาแล้ว  :katai5:


   
      
   
   
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 18 - 19 ก.ย. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-09-2014 22:58:04
ใช้ได้เลยสิงโตน้อย หุหุ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 18 - 19 ก.ย. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 21-09-2014 19:01:07
เย้ยยยสิงห์รุกไปอีกคืบแว้วววว :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 18 - 19 ก.ย. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 21-09-2014 19:57:26
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 19 - 16 พ.ย. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 16-11-2014 22:59:02
-- ตอนที่ 19 --

แว่นตา

ว่ากันว่าเป็นไอเทมพิเศษ ใครใส่แล้วจะมีอะไรเปลี่ยน

บางคนใส่แล้วหน้าเปลี่ยน บางคนใส่แล้วน่ารักกว่าเดิม

แต่ก็มีข้อขัดแย้งเสมอ บางคนใส่แล้วหน้าเอ๋อไปเลย

ซึ่งหวังว่าผมจะไม่ใช่กรณีถัดไปนะ

“ เฮ้ย แคทมึงจะไปจ้องหนังสืออะไรขนาดวะ ” หยกทักผม

“ ก็ถ้ามองปกติเสือมองไม่เห็น มันมัวๆ ” ผมขมวดคิ้วตอบระหว่างที่ผมพยายามอ่านตัวอักษรบนหนังสือพิมพ์

“ แคทหันมาๆ ” แนทตะโกนเรียกผม

“ อะไร ? ” ผมหันไปมองตามเสียงเรียก ในมือแนทมีไวท์บอร์ดที่ไว้เขียนลิสอะไรจิปาถะแต่ตอนนี้กำลังถูกเขียนด้วยคำว่าอะไรสักอย่าง

“ อันนี้อ่านว่าอะไร ” แนทถามพร้อมกับเคาะปากกาไวท์บอร์ดกับคำที่เพิ่งเขียนไป

“ หมา ” ผมตอบ

“ ถูก ” แนทพยักหน้าแล้วลบๆ กระดานให้ว่าง

“ แนทๆ กูขอคิดคำดิ ! ” ไม้ที่โผล่มาตอนไหนไม่รู้กระโดดไปยืนข้างๆ แนท

“ โอเค เอาคำว่า ? ” แนทถามไม้

   ไม้เอามือป้องปากกระซิบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

   แนทยิ้มเจ้าเล่ห์รับเช่นกันแล้วก้มลงเขียน
   
เอ่อ.. ผมเริ่มไม่อยากตอบเท่าไหร่แล้วแฮะ
   
“ เสร็จ ! อันนี้อ่านว่าไร ? ” แนทยกกระดานถาม

   “ เอ่อ.. ” ผมขยี้ตาแล้วมอง ผมตัวอักษรเล็กกว่าเดิมเท่าตัว

   “ ธวิชชอบกินกล้วยไข่” ผมอ่านตะกุกตะกักโดยไม่คิดอะไร

   “ สัส ! ใครเรียกชื่อพ่อกู ” แมททิวที่เมื่อกี้นั่งเล่นเกมโทรศัพท์อยู่สะดุ้งตะโกนออกมาเสียงดัง

   “ ไม่มีนี่ แมททิว เอ่อ..หูฝาดรึเปล่า ”  ผมสะดุ้งกับเสียงตะโกน แนทกับไม้เกือบทำผมโดนตบแล้วไหมล่ะ
   
“ งั้นเหรอ.. ช่างแม่งละกัน ” แมททิวพยักหน้าแล้วหันกลับไปสนใจเกมต่อโดยไม่ลืมยัดหูฟังใส่หู

   ผมไม่เข้าใจแฮะได้ยินได้ไงเมื่อกี้ ทั้งๆ ฟังเพลงอยู่แท้ๆ โชคดีที่แมททิวกำลังมันกับเกมเลยไม่ถามไถ่อะไรต่อ

   “ ถูกนะจ๊ะ ” แนทยิ้มขำๆ แล้วลบๆ เขียนใหม่ ส่วนไม้นะเหรอลงไปกลั้นขำกับพื้นแล้ว
   
ผมกรอกตาเซ็งๆ
   
“ คำนี้ล่ะ ? ”

   “ ....ส เสือ ” มันตัวเล็กมากๆ จนผมต้องไล่ทีละคำ “ สระอิ.. ” ผมขยี้ตามอง “ งองู ”  ทำไมคำนี้มันคุ้นๆ ผมหรี่ตามอง “ หอหีบ..การันต์ ”
   
“ อ่านว่า ? ” แนทยิ้มเจ้าเล่ห์
   
“ เสือว่าเสือไปตัดแว่นดีกว่า ” ผมตัดสินใจเลี่ยงคำตอบแล้วหันกลับไปอ่านหนังสือพิมพ์แทน

   ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ผมตัดสินใจไปตัดแว่นมาใส่ ที่ผมไม่ใส่คอนแทกเลนส์ ? ผมไม่กล้าใส่ตาตัวเอง มันน่ากลัวเกินไปที่จะลืมตาให้กว้างๆ แล้วแปะใส่ ผมได้แว่นเลนส์ใสกรอบสีน้ำตาลอ่อนมาใส่และมันก็ทำให้พวกหยกสนใจพอสมควรเมื่อผมกลับมาพร้อมกับแว่นอันใหม่

“ เฮ้ย นี่มึงไปตัดแว่นเลยเหรอวะ ” แนทวิ่งเข้ามาถาม

   “ แว่นสวยว่ะ อีแคท ” หยกพูด
   
“ มันมัวๆ ขี้เกียจนั่งจ้อง ”
   
“ ใครว่ะเนี่ย ใส่แล้วกูจำไม่ได้เลยไอ้สัส แคท ” ไม้โผล่หน้าออกมาดู

   “ เอ๋อเหรอ ? ” ผมจะได้ไปเปลี่ยนกรอบใหม่

   “ ไม่โว้ย โคตรฟรุ้งฟริ้งอ่ะ ! ” ไม้พูดพร้อมทำสะบัดมือใกล้ๆ หน้า
   
“ โคตรเหี้ยเลยไม้ ฮ่าๆ ” แนทหลุดขำ

   “ มึงอย่าไปทำอย่างนี้ให้ใครเห็นอีกนะ ” หยกพูดทั้งๆ ที่กลั้นหัวเราะ
   
ส่วนผมขำตั้งแต่ไม้พูดฟรุ้งฟริ้งแล้ว เอาเป็นว่ามันคงไม่ออกมาแย่แหละ เพราะแว่นอันนี้ผมคงต้องใส่ไปตลอดชาติเลยมั้งหรือไม่ก็ถ้าผมทำใจใส่คอนแทกส์เลนส์ได้น่ะนะ
   
“ เออ เกือบลืมวันนี้มึงนั่งเคาน์เตอร์ไปนะ แคท ” หยกบอกผม

   “ อ้าวแล้วหยกล่ะ ? ”

   “ อ้อ ตอนเที่ยงๆ กูต้องไปเป็นผู้ปกครองให้ลูกพี่ลูกน้องกูว่ะ แม่ง ”

   “ หะ มึงแอบไปมีลูกตอนไหนวะ ! ” แมททิวอุทานออกมา

   “ เหี้ย ! ลูกพี่ลูกน้องโว้ย มึงเล่นเกมไป ”

   “ ใครจะไปรู้ล่ะ กูได้ยินแต่ไปเป็นผู้ปกครองให้ลูก ” แมททิวบ่น

   “ เออ หุบปากไป ” หยกพูดเสียงเขียว
   
“ ว่าแต่.. แคทมึงนี่รีบเนอะ กูทักตอนเช้าสายมามึงตัดแว่นเลย ”
   
“ ร้านแว่นตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านเราเองนะ ”
   
“ เออๆ กูผิดเองที่ไม่ได้สังเกต ” แนทถอนหายใจเบาๆ แล้วดันหลังผมไปนั่งเคาน์เตอร์ “ ไปนั่งเคาน์เตอร์ไปมึง ร้านจะเปิดแล้ว ”
   
“ แต่นี่เหลือตั้งครึ่งชั่วโมงเลยนะ ” ผมถามงงๆ ให้ผมไปนั่งเฉยๆ คงได้เบื่อตายกันพอดี

   “ แล้วมึงจะทำอะไรล่ะ ”
   
“ เต้นแอโรบิคไหม เดี๋ยวกูนำเอง ” ไม้ตอบกวนๆ
   
“ มึงมารักสุขภาพอะไรตอนนี้คะ คุณไม้มึงไปนั่งเล่นเกมดูทีวีฟังเพลงอะไรก็ได้ดีกว่านะ ” แนทตอกกลับ

   “ ก็กูแนะนำเฉยๆ ”  ไม้บุ้ยปากเซ็งๆ
   “
 พุทโธ่เอ๋ย  เพื่อนไม้ ถ้ามึงอยากออกกำลังกายจริงๆ เดี๋ยวเย็นๆ กูพาไปหาม๊ากูเอง ” แมททิวตบบ่าไม้อย่างเห็นใจ
   
“ ไม่เป็นไรว่ะ กูไม่อยากไปรำไทเก๊กกับม๊ามึงว่ะ ”
   
“ มึงก็พูดไปนะสัส ม๊ากูนี่ระดับปรมาจารย์เลยนะเว้ย ”

   “ ไม่เป็นไรสัส กูยอมเสียสุขภาพ ”

   “ เฮ้ย ไม่ไปจริงๆ เหรอวะ ม๊ากูมีแต่คนให้มาช่วยสอนนะเว้ย ”

   “ ไอ้เหี้ยยยย กูไม่ไปปป ”  ไม้ส่ายหน้ารัวๆ

   “ งั้นเดี๋ยวกูพาม๊ามานี้ก็ได้  ถือว่ามาเที่ยวร้านด้วย ”
   
“ กูโครตเกรงใจเลย ไม่ต้องหรอกครับบ ไอ้สัสแมททิว ”

   “ แล้วมึงจะเสียใจ ” แมททิวส่ายหน้าเซ็งๆ

   “ เออ เดี๋ยววันนี้กูกลับไปร้องไห้เลยอ่ะ ”

   “ โอ๊ย พวกมึงคุยกันจนกูลืมเลยจะพูดอะไร ” หยกแว้กใส่แมททิวกับไม้ “  ช่างมันละกัน เดี๋ยวกูกลับมาตอนเย็นๆ นู่นนะ ไปละบายค่ะเพื่อนๆ ” หยกโบกมือบ๊ายบายแล้วเดินออกจากร้านไปเลย

   “ หะ.. ” แนทส่งเสียงออกมางงๆ
   
“ งั้นเสือนั่งเคาน์เตอร์รอเฉยๆ ก็ได้แนท ” เอาเป็นว่าผมไปนั่งแต่โดยดีมันน่าจะดีกว่า

“ กูก็ว่างั้น ” แนทยักไหล่แล้วมานั่งเก้าอี้ข้างๆ ผม
   
“ แง้ว ~ ”
   
มีเสียงเจ้าส้มดังใกล้ๆ ซึ่งมันก็ทำให้ผมกับแนทสะดุ้งเลยทีเดียว ผมมองหาส้มสักพักก็พบว่ามันนอนอยู่ใต้เก้าอี้ผมนี่เอง ผมอุ้มมันขึ้นมาไว้บนตักแล้วลูบหัวเบาๆ เจ้าส้มก็เอาหัวไซร้มืออย่างน่ารัก เจ้าส้มเดี๋ยวนี้ก็โตจนปลอกคอจะใส่ไม่ได้แล้ว นับวันก็อืดเอาๆ ผมว่าเหมือนผมขุนหมูขึ้นมายังไงยังงั้น

   “ มึงไม่คิดจะซื้อปลอกคอใหม่ให้ส้มหน่อยเหรอวะ ” แนทพูดพร้อมยกเจ้าส้มไปเล่นบ้าง

   “ ก็คิดๆ อยู่แต่ชอบลืมว่าต้องซื้อ ”
   
“ กูไม่แปลกใจว่ะ ”  แนทพูดขำๆ

   “ เออ น่าวันไหนเสือจำได้วันไหนปลอกคอใหม่ก็มาเองนั่นแหละ ”

   “ โห่ๆ มึงก็ให้คนที่เดินมาซื้อให้ดิ เชื่อกูวันเดียวได้แน่นอน ”
   
“ ใครละนั่น ” ผมพูดน้ำเสียงเอื่อยๆ แล้วหันไปมอง

   “ อรุณสวัสดิ์ครับ ” สิงห์ยิ้มบางๆ

บางครั้งผมก็สงสัยนะ ทำไมสิงห์ชอบมาประเดิมร้านคนแรกๆ ตลอดเลย

“ อืม อรุณสวัสดิ์ ” ผมยิ้มตอบ

“ มอนิ่งค่ะ มอนิ่ง  ถ้าจะคุยกัน กูไปนั่งเล่นในครัวกับส้มก็ได้ ” แนทพูดยิ้มๆ

“ แนทนั่งนี่ก็ดีแล้วนี่ จะไปนั่งในครัวทำไมล่ะ ”   

“ กูหิวข้าวค่ะ ” แนทว่าจบก็เดินฉับๆ ออกไป

“ โอเค ในครัวก็ในครัว ” แล้วแต่แนทแล้วกัน
   
“ แว่นใส่แล้วน่ารักนะครับ ” สิงห์หน้าแดง
   
“ ขอบคุณ ” ผมพยักหน้ารับ “ เออ แนทบอกว่าน่าจะซื้อปลอกคอใหม่ให้ส้มได้แล้ว ”

   “ ความจริงผมก็กะจะซื้ออยู่ แต่กลัวซื้อมาซ้ำ ”

   “ ซื้อมาเลยๆ ถ้าผมซื้อคงไม่ได้ ”

   “ ทำไมล่ะครับ ? ”

   “ ผมขี้ลืมน่ะ ”
   
“ งั้นไปเย็นนี้ไหมละครับ ”
   
“ หลังเลิกงานก็ได้ล่ะ ”
   
“ โอเคครับตกลง เย็นนี้นะครับ ”
   
“ อืม.. ว่าแต่สิงห์มาทำอะไรที่ร้านแต่เช้าเนี่ย ? ”
   
“ ธุระนิดหน่อยบวกกับคิดถึงครับ ”

   “ ก็ดีๆ ”  ผมคิดว่างั้นนะ แต่มันก็ทำผมหน้าแดง
   
กรุ๊งกริ๊ง

   “ ยินดีต้อนรับครับ  ” เสียงแมททิวเอ่ยต้อนรับลูกค้าซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่า ตอนนี้ร้านเราเริ่มมีลูกค้าเข้าแล้ว
   
“ สิงห์เอาอะไรไหม ร้านเปิดแล้วล่ะ ? ” ผมหันไปถามสิงห์   
   
“ ขอเป็นโกโก้ร้อนสัก 3 แก้วละกันครับ ”  สิงห์พูดพร้อมกับนั่งเก้าอี้ที่ติดกับเคาน์เตอร์ที่มีอยู่ 2-3 ตัว สิงห์วางแผ่นชีทกับกระดาษอะไรต่อมิอะไรต่างๆ ที่ผมไม่ได้สังเกตเห็นตอนแรก ไว้เก้าอี้ว่างอีกตัวนึง
   
“ 3 แก้วเลย ? ” ผมถามเพื่อความแน่ใจ มาแค่คนเดียวเองไม่ใช่เหรอ

   “ ครับ พอดีวันนี้ผมนัดเพื่อนมาทำค่ายติวนรกที่ร้านแคทน่ะครับ ”
   
“ ค่ายติวนรก ? ”  ชื่อดูไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่

   “ ก็แค่ติววิชาที่ไม่ค่อยได้กันเฉยๆ น่ะครับ  แต่แค่มีกติกาขำๆ นิดหน่อย ”
   
“ กติกาอะไรล่ะ ที่ทำให้เรียกค่ายติวนรกล่ะ ? ” ถึงปากผมจะถามสิงห์อยู่แต่ในมือผมตอนนี้ก็เริ่มชงโกโก้ร้อนตามที่สิงห์สั่ง นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่หยกให้ผมนั่งเคาน์เตอร์เพราะผมจำพวกสูตรเครื่องดื่มได้หมดส่วนคนอื่นๆ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แมททิวจำได้แต่ที่ชอบกิน อีกอย่างที่ผมจำได้เพราะผมกับหยกเป็นคนช่วยคิดเมนูน้ำเนี่ยแหละ ส่วนแนทก็พอชงได้
   
“ ใครทำไม่ได้หลังจากที่สอนก็โดนทำโทษอะไรนิดๆ หน่อยๆ น่ะครับ ”

   “ แล้วมันนรกตรงไหน ”
   
“ ถ้าผมได้ทำโทษ ผมจะให้ตอบคำถามครับ คำถามที่เพื่อนพยายามปกปิดอะไรทำนองนั้นซึ่งมันก็ทำเอานรกเหมือนกันกับคนที่โดน  ”

   “ แล้วถ้าสิงห์โดนล่ะ ? ”

   “ ไม่รู้สิครับ พวกนั้นคิดอะไรแปลกๆ นรกๆ แล้วให้ผมทำ มันไม่เหมือนกันสักรอบ ”
   
“ เช่น ? ”
   
“ ถ้าอยู่มหาลัยก็ให้ผมไปเต้นหน้าเซเว่นบ้าง วาดรูปเหมือนคนที่ผ่านไปแล้ววิ่งไปให้เขาบ้าง ซึ่งไม่ว่าอันไหนมันก็ทำให้ผมเหมือนจะลงนรกยังไงยังงั้น ” สิงห์หน้าแดงเมื่อพูดถึงเรื่องที่โดนทำโทษ

   “ อืม ผมเชื่อล่ะ ” ผมยิ้มบางๆ ผมเชื่ออยู่หรอกว่าคงนรกจริงๆ นั่นแหละสำหรับผู้ชายขี้อายมากๆ คนนึงอย่างสิงห์ถึงแม้ตอนนี้จะดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาหน่อยก็เถอะ ผมวางแก้วโกโก้ที่ไอร้อนลอยกรุ่นตรงหน้าสิงห์ “ ผมทำแค่แก้วของสิงห์ก่อนนะ ของเพื่อนสิงห์ถ้าทำตอนนี้มันจะเย็นแล้วไม่อร่อย เดี๋ยวร้านผมจะเสียชื่อเอา ” 
   
“ ครับ คงอีกสักพักนั่นแหละ กว่าเพื่อนผมจะมา ”  สิงห์พยักหน้ารับ
   
แต่คำพูดของสิงห์ก็ต้องเป็นอันผิดไป

และผมก็ต้องชงโกโก้เพิ่มอีก 2 แก้ว

   “ สวัสดีครับพี่ !  ” เพื่อนของสิงห์ที่สิงห์บอกอีกสักพักคงมาตอนนี้โผล่เข้ามาในร้านแล้วไหว้ผม
   
“ ..อืมๆ สวัสดีๆ ” ผมรับไหว้งงๆ รับไหว้คนอื่นเนี่ยทำผมรู้สึกเหมือนเป็นลุงวัยทองยังไงยังงั้น
   
“ สิงห์มึงติวตรงนี้เลยเหรอวะ ” เพื่อนสิงห์คนนึงที่ตัวพอๆ กับผม ย้อมผมสีทองแกมส้มเหมือนพระอาทิตย์หม่นๆ พูดด้วยสีหน้าทะเล้น
   
“ เดี๋ยวย้ายครับ คุณซัน ผมไม่คิดว่าคุณซันจะมาก่อนเวลาขนาดนี้ ” สิงห์หันไปพูดด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ ซึ่งสีหน้านี้ก็แปลกใหม่สำหรับผมพอสมควร เพราะผมส่วนใหญ่เห็นแต่หน้าแดงๆ ซะมากกว่า

   “ กูเนี่ยแหละครับที่ลากแม่งออกจากบ้าน ” เพื่อนสิงห์อีกคนที่ดูหงุดหงิดหน่อยๆ ตอบ
   
“ มึงไม่ต้องมาหงุดหงิดเลยลม มึงสัญญากับกูแล้วว่าจะมาปลุกกูเพราะนาฬิกาปลุกไม่สามารถใช้กับกูได้น่ะ ! ”

   “ โห กว่ากูจะลากมึงออกจากเตียงได้เนี่ย ยิ่งกว่าพรากลูกหมีโคอาล่าจากแม่มันเลยนะโว้ย ”

   “ มึงเปรียบกูได้น่ารักมาก กูให้อภัยมึง ”
   
“ กูเปรียบให้มึงสำนึกผิดครับ ไอ้แดด ”
   
ผมที่มัวแต่มองสิงห์กับเพื่อนคุยกันเลยไม่ได้สังเกตว่าแมททิวโบกบิลหยอยๆ อยู่ข้างหลังสิงห์ จนแมททิวสะกิดเพื่อนสิงห์เพื่อขอทาง “ ขอทางหน่อยครับๆ  ”

   “ ครับๆ ” ทั้งสองคนนั้นหลีกทางให้แมททิวมายื่นบิลให้ผมซึ่งแมททิวก็แว้กผมไม่ไว้หน้ากันเลยทีเดียว พรุ่งนี้ผมจะไม่ให้แมททิวกินข้าว “ ไอ้แคทมึงก็อย่ามัวแต่มองเพื่อนว่าที่แฟนมึงสิครับ สนใจกูบ้าง วันนี้กูอุส่าต์ตั้งใจทำงานนะสัส ”
   
“ ร้อยวันพันปีอู้ตลอด วันนี้มาบ่นอะไรครับแมททิว ” ผมขมวดคิ้วตอบและทำเป็นไม่ได้ยินคำแปลกๆ ที่แมททิวพูด

   “ กูก็อยากขยันบ้างไม่ได้รึไง วันนี้กูกินทาร์ตไข่มาเลยตั้งใจทำงาน ” อ้อ แมททิวชอบกินทาร์ตไข่เป็นพิเศษแต่ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับความขยันเท่าไหร่นะ   

   “ ไปขยันตรงนู้นไป ลูกค้ามาแล้วนั่น  ” ผมรับบิลมาแล้วสะบัดมือไล่แมททิวเชิงว่า ไปได้แล้ว

   “ เออ !  ” แมททิวกระแทกเสียงตอบแล้วเดินไปเลย
   
แมททิวจะงอนไหมเนี่ย ผมว่าผมคงต้องเปลี่ยนแผนเป็นเลี้ยงข้าวง้อแล้วมั้ง
   
ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วเหลือบมองบิลชั่วครู่เพื่อจดจำเมนู พอผมจำได้ก็เริ่มลงมือชงเครื่องดื่มเพิ่ม ส่วนเพื่อนสิงห์ก็กลับมาคุยเฮฮาเหมือนเดิม

   “ แคทครับๆ ” สิงห์เรียกผม
   
“ ฮะ ” ผมหันไปตามคำเรียกพร้อมกับหยิบอุปกรณ์การชงออกมาชง

   “ คนที่ผมเหลืองๆ อุบาทว์ๆ นี้ชื่อซันครับ ” สิงห์เอามือชี้หน้าซันซึ่งมือสิงห์เกือบจะจิ้มหน้าซัน

   “ เดี๋ยวกูจะกัดนิ้วมึงนะสัส ” ซันพูดพร้อมอ้าปากจะงับ
   
“ ส่วนนี้ชื่อลมครับ ” สิงห์เก็บมืออย่างรวดเร็วแล้วเอามือไปแปะไหล่ลม ซึ่งลมก็ผงกหัวรับกับคำแนะนำตัว
   หลังจากฟังแนะนำเพื่อนจากสิงห์เสร็จ ผมก็ต้องแนะนำตัวเองสินะ
   
“ ผมชื่อ “ เสือ ” แต่เพื่อนชอบเรียกแคทจะเรียกตามก็ได้ผมไม่ว่าเพราะตอนนี้ก็แทบหาคนเรียกเสือไม่ได้แล้ว ” ผมหยุดมือจากการชงแล้วยิ้มบางๆ พร้อมกับแนะนำตัวเอง
   
“ งั้นเดี๋ยวผมเป็นส่วนน้อยเรียกพี่เสือเองครับ ” ลมพูด

   “ ลมไม่ต้องเรียกผมว่าพี่ก็ได้อายุห่างกันไม่เท่าไหร่เอง ผมจะดูแก่ซะเปล่าๆ ” เพราะผมเคยโดนเรียกว่าลุงด้วย มันไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่เลย

   “ ผมเรียกเสือด้วยคนดีกว่าเป็นส่วนน้อยน่าสนุกกว่า ” คนผมเหลืองหม่นพูด
   “
 งั้นแปลว่าผมก็เป็นส่วนมากละสิ ” สิงห์ถอนหายใจ
   
“ เรียกอะไรก็ได้น่า ผมไม่ว่าหรอก ” ถ้าผมว่าผมคงไม่โดนเรียกตั้งแต่สมัยเรียนยันตอนนี้หรอก ผมลงมือชงโกโก้ต่อ ลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาก็เอาโกโก้เหมือนกัน วันนี้มันวันอะไรกัน วันโกโก้ ? ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าผมต้องชงซ้ำสองรอบแล้วกัน ชงทีเดียวผมกลัวว่ามันจะรสชาติเพี้ยน

   “ แคทครับ เดี๋ยวผมคงต้องย้ายไปนั่งนู่นก่อนนะครับ ไม่คิดว่าพวกนี้จะมาไวขนาดนี้ ” สิงห์หอบสิ่งที่พึ่งวางไปหมาดๆ

   “ เอ้า กูมาช้าก็ด่ามาไวก็บ่นนะสัส ไอ้ซิมบ้าเอ้ย ! ”
   
“ เวรครับ แดด ” สิงห์ตอกกลับเสียงเย็น
   
“ โอเคๆ เดี๋ยวผมให้เพื่อนผมยกโกโก้ไปให้พร้อมกันเลย ” ผมพยักหน้ารับ ความจริงผมจะหลุดขำกับท่าทางของที่ดูโมโหเกินไปของซันแล้ว ท่าทางของซันเหมือนเด็กที่ซนๆ คนนึง
   
สิงห์พยักหน้ารับแล้วลากเพื่อนทั้งสองคนไปนั่งที่มุมของร้าน ซึ่งก็ เป็นมุมเงียบๆ ของร้านที่สิงห์มักมาจับจองนั่งอ่านหนังสือพร้อมกับกินเค้กเชอร์รี่อยู่เสมอ
   
ว่าไปช่วงนี้ไม่ค่อยได้กินเค้กเชอร์รี่เลยแฮะ คิดแล้วก็อยากกิน ผมคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยระหว่างที่ชงโกโก้ในมือ ตอนนี้ผมต้องชงถึง 4 แก้ว ระหว่างชงผมก็ลองชิมดูเรื่อยๆ เพราะอยากให้รสชาติใกล้เคียงกับหยกมากที่สุด ส่วนของสิงห์ผมชงสูตรที่ตัวเองชอบกินไปทำให้ไม่ได้ชิมอะไรหลายรอบเท่าไหร่ ใช้เวลาไม่นานโกโก้ทั้ง 4 แก้วก็เสร็จ ผมหยิบเค้กช็อคโกแลตจากตู้มาไว้ในถาดที่จัดไว้ให้ลูกค้าที่เพิ่งมาและอีกถาดเล็กๆ ใส่แก้วโกโก้ของเพื่อนสิงห์ ผมกดกริ่งที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ดังกริ๊งๆ เพื่อเรียกใครสักคนมาเอาไปเสิร์ฟซึ่งผมก็หวังว่าแมททิวจะเลิกงอนผมแล้วมาหยิบไปนะ
   
ซึ่งก็ดูเหมือนว่าแมททิวจะงอนผมจริงๆ ด้วย เพราะไม้เดินทำหน้าเซ็งมาหาผม
   
“ เฮ้ย แคทมึงไปทำอะไรเพื่อนกูวะ แม่งโยนให้กูมาเอาเนี่ย ” ไม้บ่นงุ้งงิ้งพร้อมกับรับถาดสองถาดที่ผมยื่นให้

   “ ก็แค่แซวนิดหน่อยเอง ” ผมถอนหายใจ “ งั้นไม้ เสือฝากบอกแมททิวว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เสือจะซื้อทาร์ตไข่ให้กินกล่องนึง ” ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว 
   
“ 3 กล่อง ” ไม้ตอบเสียงเข้ม

   “ อะไรนะ ? ” ผมถามงงๆ 
   
“ แมททิวฝากมาบอกว่าถ้าจะง้อด้วยทาร์ตไข่เอา 2 กล่องส่วนอีกกล่องนึงกูอยากแดกเฉยๆ ” ไม้ตอบหน้าทะเล้นในประโยคสุดท้าย
   
“ โอเคๆ 3 กล่องก็ 3 กล่อง ” ผมพยักหน้ารับอย่างจำยอม
   
“ เฮ้ย กูพูดเล่นน่า ” ไม้พูดขัดทันที “แค่ 2 กล่องกูก็แย่งมันกินจนจุกตายห่าแล้ว ”
   
“ น่า ซื้อมากี่กล่องก็แบ่งกันกินอยู่ดีนั่นแหละ ”

   “ แต่ถ้า 3 กล่องกูจะแฮปปี้ม้ากมาก เอออันนี้ของโต๊ะไหนมั้งวะ กูจะรีบเอาไปเสิร์ฟมัวแต่คุยกับมึงเนี่ย ” ไม้บ่นงุ้งงิ้งในประโยคท้าย
   
แย่ละ.. ผมก็ลืมอีกโต๊ะที่พึ่งเข้ามามันโต๊ะไหน ผมรีบคว้าบิลที่พึ่งเสียบไปออกมาดู “ โต๊ะ 7 นะอันที่มีเค้ก ส่วนอีกอันโต๊ะสิงห์นะ ” ผมรีบบอกไม้เพราะเกรงว่าถ้าช้าไปกว่านี้ไม้อาจจะวีนใส่
   
“ โอเคครับ กูไปล่ะ ” ไม้ขานรับสั้นๆ แล้วก้าวเท้ายาวๆ ของตัวเองไปทันที

   ถ้าอย่างนั้นผมก็ว่างสิ  ซึ่งมันก็ไม่แปลกเท่าไหร่กับช่วงเช้าๆ ที่คนเพิ่งตื่นนอน เวลาว่างนี้ผมแอบมองค่ายนรกดีกว่าแต่ไม่น่าเรียกว่าแอบเพราะผมนั่งจ้องเลย  โอเคผมควรเรียกมันว่าการนั่งดูเลยดีกว่า ซึ่งภาพที่ผมเห็นก็ชวนอมยิ้มไม่น้อย ซันกำลังนั่งสอนลมกับสิงห์ที่ทำหน้าฉงนกับสิ่งที่ซันพูด ซันจึงโวยวายใส่สองคนนั้นด้วยท่าทีที่คุกคามซึ่งมันดูเหมือนหมาที่เห่าคนแปลกหน้ายังไงยังงั้น แต่คนแปลกหน้าสองคนที่ว่ากลับดูเฉยเมยไม่ใส่ใจแล้วพูดอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้ยินซึ่งมันก็ทำเอาซันกลายเป็นร็อตไวเลอร์หมายจะกระโดดกัดแทน ผมหลุดหัวเราะเบาๆ เมื่อซันโดนลมเอาชีทม้วนๆ แล้วตบป้าปเข้าที่หัวซันจึงยอมสงบลงแต่โดยดีแล้วอธิบายใหม่  ภาพพวกนี้ทำเอาผมนึกถึงสมัยเรียนเลยแฮะ
   
แต่แล้วการนั่งดูของผมก็ต้องหยุดลงเพราะแมททิวมายืนหน้าทะมึนใส่ผมตอนไหนไม่รู้ซึ่งผมที่หันไปเจอพอดีก็สะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ พ่อคุณทาร์ตไข่มายืนทำหน้าเครียดใส่ผมทำไมเนี่ย “ เอ่อ.. มาส่งออเดอร์เหรอแมททิว ” ผมคาดเดาเหตุผลที่แมททิวมายืนหน้าทะมึนใส่
   

   

หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 18 - 19 ก.ย. 57 -
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 16-11-2014 22:59:40
“ เปล่า กูหิวข้าว ” แมททิวตอบหน้าเครียดพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้เคาน์เตอร์

   “ กินทาร์ตไข่มาแล้วไม่ใช่ ? ” คนอย่างแมททิวไม่ปล่อยให้ท้องหิวหรอก

   “ เออ กินมาแล้วแต่กูยังหิว แต่กูไม่อิ่มเคไหมครับ ”

   “ แล้ว ? ” พ่อกระเพาะหลุมดำต้องการอะไรจากเสือคนนี้ครับ ผมไม่เชื่อหรอกว่าเพราะความหิว
   
“ กูงอนมึงนะ สัส ! ทาร์ตไข่กูพรุ่งนี้ห้ามให้ไม้แม่งแดกนะเว้ย มันแดกของกูทีไรแม่งกูไม่เคยแดกอิ่มอ่ะ ”

   “ คุยกับไม้เองสิ มาบอกเสือทำไม ” ผมขมวดคิ้ว
   
“ มึงเป็นคนซื้อมาก็มีสิทธิห้ามไง  ” แมททิวโวยวาย ดูเหมือนว่าอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องกินแมททิวจะจริงจังมาก

   “ ... โอเคๆ เดี๋ยวคุยให้ หายงอนด้วยแล้วกัน แมททิว ” ผมถอนหายใจ

   แมททิวยิ้มกับคำตอบ “ โอเคครับ กูหายงอนล่ะ เอาคุกกี๊ที่เป็นตัวอักษรมากินหน่อยแก้หิว ” ไม่ว่าเปล่าแบมือขอด้วย
   
“ เปลืองจริงๆ ” ผมยอมเปิดโหลขวดแล้วหยิบให้หยิบกำมือนึง ไม่ต้องกลัวหมดเพราะยังมีตุนอีกเยอะในครัว
   
“ ทำไมมึงไม่เอาเป็นตัวอักษรชื่อกูเนี่ย กูจะได้กินอร่อยขึ้น ” แมททิวบ่นงึมงำแล้วเรียงตัวอักษรเป็นคำๆ ซึ่งคำส่วนใหญ่ก็เป็นคำง่ายๆ อย่างด็อกหมาอะไรทำนองนั้น แมททิวเรียงคำเสร็จก็กินคำเพิ่งเรียงไป ดูว่างจังนะ แมททิว
   
กรุงกริ๊ง
   
ลูกค้าเข้าร้านแล้วมีเสียงไม้พูดต้อนรับแว่วๆ แต่คุณแมททิวดูเพลิดเพลินกับการเรียงคำแล้วกินมากจนไม่สนใจอะไรเลย ถ้าผมเหน็บอีกจะโดนงอนอีกไหมเนี่ย เอาเป็นว่าผมบอกดีๆ ดีกว่า “ แมททิวลูกค้าเข้าร้านแล้วนั่น ไปรับออเดอร์ไป ” 
   
“ เชี่ย ตัว Z มากูจะสะกดอะไรได้วะ สระแม่งก็แดกไปหมดแล้วอีกโว้ย ” แมททิวก็กินตัว Z สิจะได้หมดเรื่อง
   
“ ไปรับออเดอร์ก่อนไปแมททิว ถ้าอยากได้สละค่อยรอหน้าร้อน ” ผมหยิบตัว Z ที่แมททิววางไว้บนกระดาษทิชชู่ที่ใช้เรียงคำใส่ปากแล้วเคี้ยวกรุบๆ อร่อยดีแฮะ
   
“ สละบ้านมึงสิ กูเอาสระที่เป็นเออีไอโอยูครับ ” แมททิวย่นคิ้วใส่ผมพร้อมกับลุกขึ้นยืน แมททิวเดินไปพร้อมบ่นงึมงำอะไรสักอย่างที่ผมไม่ได้ยิน

   เอาเป็นว่า มันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องของกินแล้วกัน เท่าที่ผมเดาจากประสบการณ์การเป็นเพื่อนอันยาวนาน แล้วผมก็ต้องเลิกคิ้วงงๆ เพราะสิงห์เดินมาหาผมที่เคาน์เตอร์ด้วยหน้าที่แดงๆ อย่าบอกนะว่า เป็นไอ้บทลงโทษของค่ายติวนรกละสิ ? ผมเหลือบไปมองโต๊ะที่สิงห์นั่งเห็นซันกับลมกำลังนั่งลุ้นหันมองมาทางนี้แต่เมื่อเห็นผมหันไปมองก็ทำเป็นมองไปทางอื่นซึ่งมันไม่เนียนเอาซะเลย ผมหันมาสนใจสิงห์ที่เดินมาถึงเคาน์เตอร์ด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนชอบกล
   
“ สั่งอะไรเพิ่มเหรอสิงห์ ? ” ผมถามลองเชิงไปเล่นๆ ด้วยสีหน้าปกติ

   “ เปล่าครับ.. เอ่อ แคทครับ ผมขอด่าอะไรหน่อยได้ไหมครับ ? ”
   
เวลาจะด่าต้องขอด้วยเหรอ ? ผมเลิกคิ้วงงๆ
   
“ เอาสิ ”
   
“ เอ่อ.. ไอ้น่ารัก !! ไอ้ชงกาแฟอร่อย ! ไอ้ชอบกินเชอร์รี่ ! ไอ้ไทเกอร์ ! ไอ้ชอบกินน้ำแดง ! เอ่อ.. ไอ้ซัน ! ” สิงห์ตะโกนเสียงดัง

ลั่นเรียกให้คนในร้านหันมามองแต่เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นก็หันไปสนใจสิ่งที่จดจ่อเมื่อกี้ต่อ
   มันเป็นอะไร น่าจะเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจคนในร้านยกเว้นคนที่รู้เรื่อง สิงห์หน้าแดงเถือกเอ่ยขอโทษเสียงเบา ผมหลุดหัวเราะออกมาเมื่อลองนึกๆ คำด่าที่ว่าเมื่อกี้ “ มันใช่คำด่าซะที่ไหน นอกจากคำว่า ‘ ไอ้ ’ เนี่ย  อีกอย่างว่าผมชอบกินสิงห์ก็ชอบกินเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ”
   
“ แต่คำด่าก็มีคำว่า ซัน ด้วยนะครับ ”
   
“ ซันเพื่อนสิงห์น่ะเหรอ ? ”     
   
“ ครับ มันทั้งขี้งกขี้บ่นตื่นสายบ้าปัญญาอ่อน ” สิงห์ร่ายยาว
   
“ แต่ผมไม่ได้ขี้งกขี้บ่นตื่นสายบ้าปัญญาอ่อนซะหน่อย ” ตื่นสายก็แค่บางครั้งแหละน่า

   “ นี่มึงนินทากูเหรอครับ ไอ้ซิมบ้า! ” ซันโผล่พรวดกระโดดรัดคอสิงห์    
   
“ ปะ ปล่อย อ่อก ” สิงห์พยายามแงะมือคนผมสีเหลืองหม่นออก

   “ ไอ้สัสแดด มึงทำอะไรเพื่อนกูครับ ” ลมที่เดินตามมาทีหลังช่วยแงะซันออกจากสิงห์แล้วปล่อยลงบนพื้น
   
“ แต่ที่มึงด่าพี่เขานี่ จากใจจริงเลยเหรอวะ ” ซันที่ยืนมั่นคงแล้วถามด้วยหน้าที่ทะเล้น
   
“ ด่าผมได้เจ็บปวดมาก ” ผมพยายามปั้นหน้านิ่งเรียบทั้งๆ ที่เมื่อกี้เผลอหลุดหัวเราะไปแล้ว สิงห์ดูตกใจและสลดลงเล็กน้อย

   “ สิงห์มึงด่าพี่เสือยังงี้ได้ไงวะ ! เห็นไหมพี่เสือเขาเจ็บปวดเนี่ย ! ” ซันโวยวายใส่สิงห์ซึ่งสิงห์ก็ทำหน้าละเหี่ยใจหลังฟังจบ
   ว่าแต่ซันเรียกผมว่าพี่ด้วย.. แต่ช่างเถอะเรียกก็เรียกไปเถอะ ถือว่าผมบอกแล้วว่าไม่ถือถ้าจะไม่เรียกว่าพี่
   “ มึงไม่ใช่เหรอทำโทษกูครับ กูแค่ตอบไม่ได้ข้อเดียวเองนะครับ ”
   “ เอ้า ! ข้อเดียวมึงก็ผิดอ่ะ มึงไม่ยอมเข้าใจสักทีกูอธิบายออกจะเข้าใจง่าย ดูอย่างลมสิ ฉลาดแสนรู้แค่ฟังกูอธิบายเนี่ย ” ซันเขย่งตัวแล้วลูบหัวลมที่ยืนใกล้ๆ ทำเอาลมคิ้วกระตุกเลยทีเดียว
   
“ ผมขอโทษนะครับแคท ที่เพิ่งด่าไป ” สิงห์เลิกสนใจพวกลมแล้วก้มหัวขอโทษผมเล่นทำเอาผมสะดุ้งเลย
   ไอ้คำด่าเมื่อกี้เนี่ยนะ สิงห์คิดว่าผมคิดมากเรื่องพวกนี่จริงๆ เหรอเนี่ย ผมว่าไอ้เรื่องครั้งก่อนทำผมคิดมากกว่านี้โขเลย
   
“ งั้นให้ผมด่าคืนนะ สิงห์ ? ” ผมถามด้วยสีหน้าเดิม
   
“ ครับ ” สิงห์พยักหน้าด้วยท่าทีที่สลด

   “ ... ” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะแล้วผมจะด่าสิงโตขี้อายตัวนี้ว่าอะไรดี ปกติก็ไม่ค่อยด่าใครอะไรขนาดนั้น งั้นเอาพวกที่ฟังๆ มาจากพวกหยกเวลาเจอเพื่อนมาร้านแล้วกัน “ ไอ้ซกมก ไอ้ตะกละ แปปนะขอผมคิดแปปนึง.. อ้อ ไอ้ชอบมาเนียนกินเค้กฟรี ไอ้ชอบมานั่งตากแอร์ทั้งวัน แค่นี้แหละ ผมคิดไม่ออกแล้ว ” ผมรอดูปฏิกิริยาสิงห์สักพักก็พบว่า สิงห์นิ่งไปสักพักคาดว่าเพราะงุนงงกับคำด่าที่ค่อนข้างไร้สาระของผมซึ่งลมกับซันก็นิ่งไปเหมือนกันแล้วระเบิดหัวเราะออกมา

   “ เชี่ย ฮ่าๆๆๆ มึงมาเพื่อเนียนแดกเค้กฟรีเหรอวะ สิงห์ ” ซันพูดทั้งๆ ที่ยังกลั้วหัวเราะอยู่

   “ เปล่า กูแค่อยากมาหาพี่เขาเฉยๆ ” สิงห์ดูได้สติกลับมาหลังจากสะดุ้งกับเสียงหัวเราะแต่พอสติกลับมากลับพูดอะไรแผลงๆ ออกมาแทน ซึ่งเจ้าตัวก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่หน้าจะไม่แดงแต่มันไปลงที่หูแทน “ ไปๆๆ กลับไปติวต่อ กูก็ทำตามที่ลงโทษแล้วไง ” แล้วสิงห์ก็ลากทั้งสองคนที่ยิ้มทะเล้นออกไปจากที่ตรงนี้
   
โอเค ผมยอมรับก็ได้ ว่าผมก็หน้าแดงเหมือนกัน  แต่เสียงเสียดหูที่ดังขึ้นก็ทำเอาผมสะดุ้งเลยทีเดียว

   กริ๊งๆๆๆ
   
ทำไมมีเสียงกริ่งที่ปกติผมต้องเป็นคนกดละเนี่ย

   “ เช็คบิลโว้ยยยย เช็คบิล ” เป็นไม้นั่นเองที่มากดกริ๊งๆๆๆ เรียกให้ผมกลับไปสนใจ ซึ่งเสียงมันแสบแก้วหูผมมาก
   ผมคว้ากริ่งออกจากมือไม้ไปวางไว้ที่อื่นที่ใกล้มือผม “ โอเค เอาบิลมา ไม้ ”

   “ อ่ะ นี้เอาไป ” ไม้ยื่นให้ผมแต่ก็ยังไม่วายพูดล้อเลียนเรื่องเมื่อกี้ “ นะไอ้น่ารักส์ ” มีส์ด้วยนะนั่น
   
“ อืม ไม้ส์ ” เรื่องอะไรผมจะยอมโดนคนเดียวล่ะ

   “ ชื่อกูจะมี ‘ ส์ ’ ทำบ้ะอะไรครับ ไอ้น่ารักส์ ”  ไม่ว่าเปล่ายังเลิกคิ้วกวนๆ ให้ผมด้วย
   
“ เสืออยากเติมให้เฉยๆ ” ผมขี้เกียจสรรหาเหตุผลมาตอบ ผมตอบไม้พลางทำบิลที่ไม้เอามาให้เพื่อทอนเงินและให้ใบเสร็จ แล้วผมก็นึกถึงเรื่องที่แมททิวเพิ่งมาข่มขู่เอาไว้ได้ ซึ่งผมก็เกือบลืมไปเลย “ ไม้ทาร์ตไข่ ไม้กินแค่กล่องที่เสือซื้อมาแยกนะ แมททิวห้ามไม้กินของแมททิว ”

   “ เอ้า ! กล่องเดียวกูจะอิ่มอะไรล่ะครับบบ เพื่อนกันก็ต้องแบ่งกันกินดิวะ ! ” ไม้โวยวายตามที่ผมคิดไว้
   “
 ไม้ก็ฝากเสือซื้อสิ กล่องไม่เท่าไหร่เอง ” ความจริงไม้ไปซื้อเองยังได้ ผมฉีกกระดาษบิลที่ยื่นออกมาจากเครื่องพร้อมกับหยิบเงินทอนวางบนถาดเล็กๆ ที่ไว้ใส่บิลแล้วยื่นให้ไม้ที่ยืนหน้าบูดกับคำแนะนำของผม

   “ มันไม่อร่อยนี่หว่า ซื้อเองแดกเอง ”  ไม้รับถาดที่ผมยื่นให้
   
“ ห้ามกินแล้วกัน เดี๋ยวแมททิวงอนเสือจะไม่มีใครเคลียของตอนปิดร้านกันพอดี ” เคลียที่ว่าคือการกินพวกขนมทั้งหลายที่เหลือเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งปกติพวกผมก็กินกันนิดๆ หน่อยๆ เพราะกินเกือบทุกวัน ต่างจากแมททิวที่รายนั้นไม่เคยเบื่อซัดโฮกอย่างเดียวเหมือนเครื่องดูดขนมยังไงยั้งงั้น
   
“ โอ้ย ถ้าแม่งงอนเดี๋ยวกูเลี้ยงชาบูแม่งก็หายงอนละ ” ไม้พ่นลมหายใจออกมายาวๆ แล้วเดินไป
   แต่ผมว่าทาร์ตไข่นี่เสียทรัพย์น้อยกว่าชาบูโขเลยนะ ?
   
.
   
.
   .

     เอาเป็นว่าหลังจากนั้นผมก็วุ่นกับการทำงานหั่วปั่นเลยทีเดียว การนั่งเคาน์เตอร์ไม่ใช่เรื่องที่สนุกเลยจริงๆ ยังดีที่แนทมาช่วยบ้าง ส่วนไม้กับแมททิวก็ไม่ต่างกันเดินกันจนขาลาก พูดไปร้านผมก็ค่อนข้างมีชื่ออยู่นะเพราะอะไรหลายๆ อย่างที่ค่อนข้างลงตัว และเอ่อ.. กลุ่มติวค่ายนรกก็มากวนผมครั้งสองครั้งแต่พอลูกค้าเยอะก็หยุดและติวกันเงียบๆ แทน และตอนนี้ผมก็เก็บกวาดร้านเสร็จสักที ผมบอกกับไม้สั้นๆ ว่าเดี๋ยวไปซื้อของแปปนึงเดี๋ยวมาไม้อือออขานรับทั้งๆ ที่ยังนอนอยู่โซฟาหลังร้าน ผมเดินอ้อมจากหลังร้านไปที่จอดรถซึ่งก็เจอสิงห์ที่ยืนรอสบายๆ พอดี ลมกับซันกลับไปก่อนแล้วหลังจากแยกย้ายกันไปซึ่งสิงห์ก็ขอตัวเอาของไปเก็บแล้วมายืนรอผมที่นี่
   
ทำไมผมเดินมาหาสิงห์แล้วรู้สึกประหม่าแปลกๆ “ ไปซื้อร้านไหนล่ะสิงห์ ? ”  ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าผมพอจะควบคุมตัวเองให้ปกติได้แล้วนะ

   “ แถวๆ นี้แหละครับ ผมเห็นมีอยู่ร้านนึงน่าเข้าอยู่ ”

   “ ไปด้วย ? ” จักรยานก็ดี รถก็ดี

   “ จักรยานก็ดีครับ ”

   “ สิงห์ขี่เหมือนเดิมนะ ผมซ้อนเอง ” ถึงแม้จะดูเห็นแก่ตัวแต่ผมคงปั่นไม่ไหวถ้ามีสิงโตตัวโตซ้อนหลังอยู่
   
“ โอเคครับ  ” สิงห์พยักหน้าหงึกหงักแล้วคว้าจักรยานแม่บ้านอันเดิมปลดขาตั้งออกแล้วขี่มาข้างๆ ผม “ ชิดในเลยครับ ”
   
“ ชิดไปไหนล่ะ ” ผมตอบยิ้มๆ แล้วขึ้นซ้อนพร้อมเกาะชายเสื้อสิงห์ไว้ จะให้ผมโอบเลยมันก็ยังไงอยู่นะ “ แล้วผมต้องจ่ายเงินไหมเนี่ย ”
   
“ ฟรีครับแต่ถ้าเลี้ยงเค้กจะมีโปรโมชั่นโอบเอวได้ครับ ” สิงห์พูดเสียงเบาในประโยคหลังพร้อมๆ กับการเริ่มถีบจักรยานไปยังจุดหมาย
   
“ ถ้าผมไม่เลี้ยงแล้วโอบล่ะ ? ” ผมปล่อยมือจากชายเสื้อแล้วคว้าหมับเข้าที่เอวของสิงห์ทำเอาสิงห์สะดุ้งตกใจนิดหน่อย

   “ ก็เอาเปรียบผมสิครับแบบนั้น ”

   “ สิงห์ก็มากินบ่อยๆ สิ จะได้ไม่เสียเปรียบผม ” ปกติก็ได้กินฟรีจากผมอยู่แล้ว ว่าแต่แค่ผมโอบนี่เสียเปรียบเลยเหรอ ผมว่าผมเสียเปรียบกว่านะที่ไม่สามารถแก้ปัญหาหน้าแดงๆ ตอนนี้ได้
   
“ ปกติก็มาจนเงินในกระเป๋าผมรั่วหายไปหมดแล้วครับ ” สิงห์หัวเราะแห้งๆ
   
“ กินน้ำเปล่าสิ ผมไม่ว่านะ ”
   
“ มาร้านกาแฟกินน้ำเปล่าเฉยๆ มันก็ดูเซ็งๆ จืดๆ นะครับ สู้ผมเก็บเงินกินกาแฟต่อดีกว่า ”
   กินกาแฟก็อร่อยกว่าน้ำเปล่าอยู่แล้ว สิงห์ถึงได้ดูลงทุนมากมาย ผมพยายามมองหางร้านที่สิงห์จะพาไปเพราะขี่มาได้สักพักแล้ว
   ซึ่งที่ดูสะดุดตาก็ร้านที่มีป้ายหมากับแมวนั่งข้างกันตรงมุมซอยเนี่ยแหละ ทำไมผมไม่เคยเห็นร้านที่ว่าเนี่ย
   
“ ไอ้ร้านป้ายใหญ่ๆ ตรงหัวมุมซอยนั้นรึเปล่าสิงห์ ” ผมยืดตัวไปเกาะหลังสิงห์แล้วชี้ไปทางร้านที่ว่านั้น 

   “ ถูกต้องครับ ร้านนั้นนั่นแหละ ” สิงห์มองตามที่ผมชี้แล้วตอบ

   “ ร้านนี้เปิดนานรึยังสิงห์ ” ผมว่าผมก็อยู่แถวนี้นะและสิงห์ก็อยู่ใกล้ๆ กันด้วยทำไมสิงห์ถึงรู้แล้วผมไม่รู้ล่ะเนี่ย

   “ เพิ่งเปิดสองวันก่อนครับผมเพิ่งรู้เมื่อวานเหมือนกันครับว่ามีร้านสัตว์เลี้ยงมาเปิดแถวนี้ด้วย ”
   
... แล้วก็ชวนผมมาซื้อปลอกคอให้ส้มใหม่เลย สิงห์เอาใจใส่ส้มมากกว่าที่ผมคิดซะอีก
   
ผมหดตัวกลับมานั่งดีๆ แล้วนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
   
ดีไม่ดีผมอาจจะได้ปลอกคอมาใส่ด้วยก็ได้มั้งเนี่ย
   ไ
ปๆ มาๆ ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนส้มเข้าไปทุกที
   ค
งจะเพราะว่า ผมมีเจ้าของแล้วมั้ง.. ?
   
ไม่ใช่สิ !! ผมคิดอะไรวะเนี่ย

   แล้วผมก็รู้สึกถึงสัมผัสถึงแรงที่เขย่าไหล่ผมเบาๆ ทำเอาสติที่กระจัดกระจายเมื่อกี้กลับลงล็อกอย่างรวดเร็ว “ แคทครับ ? ” สิงห์เขย่าไหล่ผมเบาๆ “ ถึงแล้วนะครับ ไม่สบายเหรอครับหน้าแดงๆ แวะร้านยาไหมครับ ” สิงห์เอามืออังหน้าผากผมประกอบการถามทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ตอบอะไรเลย
   
“ ปะ เปล่า ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกสิงห์ ” ผมตอบแล้วรอให้สิงห์เอามือที่อังหน้าผากอยู่ออกจึงค่อยก้าวลงจากจักรยานที่มาถึงจุดหมายตอนที่ผมคิดอะไรไร้สาระ
   “
 งั้นเข้าร้านกันเลยครับ ” สิงห์พยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินนำผมเข้าร้านไป ผมเดินตามสิงห์พร้อมสอดส่องรอบๆ ร้านซึ่งมีกรงขนาดต่างๆ เบาะนอนเอย ที่ข่วนเล็บแมวเอย วางกองกันให้เลือกเต็มร้าน แต่สิ่งที่แปลกปลอมในร้านสำหรับผมคือกลิ่น กลิ่นห้องแอร์ผสมกับกลิ่นพวกหมาแมวนี่ไม่ไหวจริงๆ กลิ่นฉุนของมันทำเอาผมไม่มีอารมณ์เดินดูต่อ ผมตัดสินใจซื้อแค่ปลอกคอให้ส้มแล้วรีบกลับดีกว่า ไว้วันไหนผมเป็นหวัดค่อยมา ผมรีบก้าวยาวๆ เข้าไปหาสิงห์ที่กำลังเลือกปลอกคออันใหม่ให้ส้ม
   
“ แคทว่าเอาสีส้มดีไหมครับ ? จะได้เหมาะกับชื่อ ” สิงห์ยื่นปลอกคออันที่ว่าให้ผมดู

   “ ก็โอเค เอาอันนี้แหละสิงห์ ” ผมไม่ชอบกลิ่นนี้เลยให้ตาย.. ส่วนพวกเจ้าของกลิ่นก็นอนกองอยู่แถวประตู 2-3 ตัว
   
“ เอาสีนี้เลยเหรอครับ ? ผมว่าสีฟ้าอมเทาก็สวยดีนะ ” ซึ่งอันที่ว่ามันก็อยู่ในมืออีกข้างของสิงห์

   “ งั้นใส่อาทิตย์เว้นอาทิตย์ ซื้อ 2 อันเลยสิงห์ ” 

   “ เหรอครับ.. งั้น 2 อันนะครับ เอาอย่างอื่นด้วยไหมครับ เสื้อ ? อะไรทำนองนั้น ”
   
“ ไม่เป็นไรหรอกสิงห์ ไว้หน้าหนาวผมจะหาผ้ามาให้มันใส่นั่นแหละ ” ผมฉุนจมูกจนอยากจามแล้ว

   “ สายจูงไหมครับ เผื่อเอาไปข้างนอก ” สิงห์ช่างเป็นคนเอาใจใส่อะไรขนาดนี้ ผมซาบซึ้งจนจามใส่หน้าแล้ว ผมเอามือถูจมูกเบาๆ
   
“ เอาสิ เผื่อผมเอาไปเที่ยวด้วย ” ซึ่งนานๆ ทีพวกผมถึงจะไปเที่ยวไกลๆ ด้วยนิสัยที่ค่อนข้างขี้เกียจไปไกลในที่แปลกถิ่น

   “ แค่นี้นะครับ ” สิงห์หยิบของทั้งหมดใส่ตะกร้าข้างมือ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมดีใจที่จะได้ออกจากร้านสักที แต่สิงห์กลับไม่ยอมก้าวเดิน “ แคทครับ ” สิงห์กระซิบเรียกผม
   
“ หะ ? ” ผมกระซิบตอบบ้าง
   
“ วันนี้แวะค้างห้องผมไหมครับ ? ”
   
“ ห- !!! อื้ออ ” ผมอุทานลั่นแต่สิงห์เอามือมาอุดปากผมทัน ทำให้ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา ให้ผมไปค้างห้องสิงห์เหรอ แค่คิดก็หน้าแดงแล้วนะ
   
“ สรุปไปไหมครับ ” สิงห์เอามือออกจากปากผมให้ผมได้ตอบ
   
ฮัดเช้ย !
   
ผมเผลอจามออกมาก่อนที่จะได้ตอบอะไรซึ่งคนที่รับไปเต็มๆ คือสิงห์

   “ โอเค ผมไปๆ ” ผมตอบตกลงและรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เอาอะไรมาเช็ดเสื้อสิงห์

แต่ว่าผมต้องค้างห้องสิงห์นะ
   
งั้นผมก็ต้องนอนห้องเดียวกับสิงห์สิ
   
ให้ตายผมไม่เข้าใจเลยว่าสิงห์คิดอะไรอยู่
   
และไม่เข้าใจด้วยว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ถึงตอบตกลงไป

----------
TBC.

เว้นช่วงนานมาก 555555 ตอนนี้ยอมรับเลยว่ายาวที่สุดเท่าที่แต่งมาเลยเพราะแต่งค่อนข้างนาน น่าจะพอชดเชยที่หายๆ ไป 

:กอด1: ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามค่ะ

--------*

ุถึง คุณ กุ้งเชอรี่

ขอโทษค่ะ เราตั้งใจจะตอบตั้งแต่ตอนที่แล้วแล้วคำถามแต่ลืม  :hao5:

แผนของสิงห์นี่เจ้าตัวนี่น่าจะคิดเองไม่กล้าปรึกษาเพื่อนหรอก  :hao3:

ส่วนเพื่อนๆ ก็ตามเชียร์ถึงร้านเลยตอนนี้  :katai3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 19 - 23 ธ.ค. 57 - 50 %
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 23-12-2014 22:48:14
---ตอนที่ 19---
   
ผมเคยค้างบ้านคนอื่นนับครั้งได้
   
ไม่ใช่ว่าผมหวงตัวอะไรหรอกนะ
   
แต่ติดที่ว่าผมนอนดิ้นมากๆ

   ดิ้นถึงขั้นเคยไปค้างบ้านแมททิวแล้วถีบแมททิวลงจากเตียง

   เรื่องนั้นทำแมททิวงอนผมเป็นวันเลย
   
 # ประเด็นคือเตียงแมททิวนี่สูงสัสๆ – แนท –

   เรื่องนั้นผมไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย

   แมททิวบอกกับผมว่าถ้าผมนอนด้วย
   
จะเอาผ้าห่มมามัดผมไว้เป็นแหนม
   
โอเค วางแผงขายที่ตลาดเลยแมททิว
   
.-.-.-

   “ ฮาโหล -- หะ อารายของมึงง ไอ้แคทท ”

   “ มึงจาไปค้างที่ไหนก็ค้างเหอะ.. กูจะนอน ”

   “ ทาร์ตไข่กูอย่าลืม ไอ้สาสส ”
   
นั่น เป็นบทสนทนาของผมกับแมททิว ซึ่งผมโทรไปบอกแมททิวไว้ก่อนว่าค้างที่อื่น ขืนผมบอกว่าที่ไหนก็แย่กันพอดี  ถึงแมททิวจะพอรู้ก็เถอะแต่ผมก็ไม่อยากโดนรู้เรื่องนี้นี่นา ผมยื่นโทรศัพท์ที่ยืมสิงห์มาให้สิงห์เพราะผมไม่คิดว่าจะไปค้างที่อื่นเลยโยนๆ ไว้สักแห่งในครัว
   
“ ขอบคุณนะสิงห์ ”

   “ ครับ ยินดีครับ เอ่อแคทช่วยถือไว้ก่อนนะครับขอผมหากุญแจห้องก่อน ” ไม่ว่าเปล่าสิงห์งัดแงะกระเป๋าเงินอย่างเอาเป็นเอาตาย

   “ อือ ” ผมตอบรับและมองสิงห์ที่หน้าค่อยๆ ซีดลงเรื่อยๆ 

ผมกับสิงห์ก็ยืนอยู่หน้าห้องสิงห์มาเกือบ 10 นาทีแล้ว ในตอนแรกสิงห์ก็หยิบกุญแจจากกระเป๋าเงินอย่างมั่นใจ แต่พอหาเข้าจริงๆ กลับหายไปไหนไม่รู้ สิงห์เลยหาอย่างเอาเป็นเอาตาย เดินหารอบๆ ที่ยืนบ้าง ตามเนื้อตัวบ้าง ผมเลยยืมโทรศัพท์สิงห์โทรบอกแมททิวก่อน เพราะดูท่ากุญแจคงอยากเล่นซ่อนหากับคนแน่ๆ
ผมแกว่งถุงในมือเล่น ถุงที่ใส่ของที่ซื้อมาแต่ดูเหมือนว่ามันจะหนักแปลกๆ 
ลางสังหรณ์ผมบอกว่า เกมซ่อนหาจบซะที

“ สิงห์ ”

“ ครับ ? ” เสียงของสิงห์ดูร้อนรนแต่มือยังพยายามหากุญแจทั้งๆ ที่ในกระเป๋าเงินนั้นว่างเปล่าแล้ว

“ ผมโป้งแล้วนะ ”

“ อะไรนะครับ ” สิงห์เงยหน้าขึ้นมามองผมงงๆ แม้แต่เสียงก็ยังสูงโดยไม่รู้ตัว

“ ผม-โป้ง-แล้ว-นะ ” ผมเน้นเสียงเน้นคำ

“ โป้ง ? โป้งผมเหรอครับ !? ”  หน้าตาเหรอหราน่าจะเป็นคำตอบของความคิดของสิงห์

“ เปล่า กุญแจน่ะ ” ผมชูกุญแจเจ้าปัญหาพร้อมหัวเราะเบาๆ

“ ... ครับ ”  สิงห์ตอบเสียงอ่อยด้วยสีหน้าที่โล่งอกต่างจากเมื่อกี้ที่แทบจะซีดเป็นกระดาษ “ ผมว่าผมเก็บไว้ในกระเป๋าเงินแล้วนะ

ทำไมมันไปอยู่ที่นั่นกันล่ะเนี่ย ” สิงห์บ่นพึมพำระหว่างที่ไขกุญแจ

“ กุญแจมันบินเข้าไปน่ะสิงห์ ผมเห็น ”

“ ครับ บินก็บิน ยังดีที่มันไม่หายถ้าหายนี่แย่แน่ๆ ” พูดจบประตูก็ถูกเปิดออกมาเผยทัศนียภาพของห้องอพาร์ทเมนท์ที่มีทุกอย่างรวมในห้องเดียว ไม่รอช้าผมเดินเข้าไปทันที 

ผมเคยได้ยินจากเพื่อนว่าพวกสายอาร์ตนี่ห้องรกยังกับอะไร
ตอนนี้ผมเชื่อแล้ว
กองกระดาษเสก็ตภาพเกลื่อนเต็มพื้นจานสีที่เขลอะสีซึ่งดูแล้วน่าจะล้างไม่ออกเพราะปล่อยทิ้งให้แห้งทั้งแบบนั้น หลอดสีพู่กันกับขวดน้ำเลอะสีวางกองไว้กระจุกนึง และอื่นๆ ที่พรรณนาไม่ไหว
อันนี้แค่ทางเข้าห้องเฉยๆ ก็ทำผมแทบอ้าปากค้างแล้ว

“ เอ่อ..  พอดีผมคืนของให้ซันแล้วมันหาไม่เจอ ก็เลยคุ้ยหานิดหน่อยน่ะครับเลยดูรกๆ ” สิงห์หัวเราะแห้งๆ พร้อมกับปิดประตู

“ อืม เอ่อสิงห์ให้ผมนอนตรงไหนเนี่ย ? ” ผมก้มลงเก็บกระดาษบนพื้นแล้วรวบรวมให้กลายปึก คล้ายกับว่าเป็นนิสัยไปแล้วที่ผมมองอะไรรกๆ แล้วรู้สึกอยากจัดให้เป็นที่เป็นทาง เอ่อ ผมรู้สึกว่ามีกองกล่องมาม่าคัพซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะนะเนี่ยยังดีที่ไม่มีคุณปีเตอร์เล่นจ๊ะเอ๋อยู่แถวนี้
สิงห์นั่งยองๆ ข้างๆผมเก็บกองกระดาษที่ตัวเองสเก็ตขึ้นมา “ นอนบนเตียงผมสิครับ ผมไม่ให้แคทนอนบนพื้นหรอก ” 

“ แล้วสิงห์ล่ะ ? ” ผมวางกองกระดาษที่โกยเสร็จแล้วบนโต๊ะที่ว่างๆ ผมมองไปรอบๆ ห้องสิงห์ ห้องกว้างๆ ที่ประกอบด้วยเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะอาหารที่มีมาม่าซ่อนตัวข้างใต้ โต๊ะทีวีที่มีชั้นไว้เก็บของ แล้วก็เอ่อ.. ? ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นโซฟาละมั้งแต่สภาพค่อนข้างเกินโซฟาไปหน่อย วางอะไรก่ายกองไปหมด

“โซฟาไงครับ ” สิงห์ชี้ไปทางโซฟาตัวที่ว่านั้น

“ แล้วสิงห์ชวนผมมาค้างที่ห้องทำไมเหรอ ? ” ผมมองเตียงที่จะเป็นที่หลับนอนคืนนี้ สภาพค่อนข้างดูดีกว่าบริเวณอื่น เห็นได้ชัดว่าสิงห์รักษาความสะอาดเพราะบริเวณเตียง ซึ่งควรจะนับว่าเป็นข่าวดีไหม ผมคิดอย่างปลงตก

“ เอ่อ— ยังไม่บอกครับ ” สิงห์ชะงักกับคำถามของผมแล้วตอบด้วยหน้าที่ติดจะแดง
และนั่นก็ทำผมเลิกคิ้วงงๆ “ เซอร์ไพรส์สินะ ” ผมพูดพึมพำ

“ ไม่บอกครับ ” สิงห์ตอบด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง
ทำไมต้องทำให้ผมยิ่งอยากรู้ล่ะ สิงงงห์
ผมมุ่ยหน้าเซ็งๆ ไปทางอื่น แต่แล้วก็รู้สึกบางอย่างยุกยิกบริเวณที่ท้องแขน สิงห์จะสะกิดผมทำไมกันเนี่ย ผมหันไปมองสิงห์ซึ่งมือสิงห์ก็ยังง่วนกับการเก็บกวาดห้องอยู่ แล้วมันอะไรกันที่บนแขนผม

“ เวรรรรรร ! ” ผมอุทานดังลั่น ไอ้ที่เกาะแขนผมมันก็คือ ไอ้คุณปีเตอร์ขนาดย่อมที่กำลังส่ายหนวดดุ๊กดิ๊กอย่างที่มันคิดว่าน่าเอ็นดู ผมปัดมันออกด้วยความเร็วที่ไวที่สุดของตัวเองจนมันค่อยๆ ลอยละลิ่วไปแปะชีทตรงหน้าสิงห์
สิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นคือ สิงห์ค่อยๆ หยิบหนวดของมันขึ้นมาจนตัวมันลอยเต้นดุ้กดิ้กในอากาศแล้วยัดเข้าขวดน้ำและปิดบิดฝาขวดให้สนิท  สิงห์ไม่มีแม้แต่อาการตกใจคล้ายกับว่านี่คือเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน

“ สงสัยเพราะฝนตกเมื่อวานมันเลยขึ้นมาจากท่อมั้งครับ แคท ” สิงห์หันมาคุยกับผมอย่างปกติโดยไม่สนใจว่าในขวดเจ้าสิ่งที่สิงห์เพิ่งยัดเข้าไปกำลังปีนไปมาในขวดราวกับว่ากำลังหาทางออก
นั่นทำให้ผมตัดสินใจได้อย่างนึง

“ สิงห์เดี๋ยวผมช่วยทำความสะอาดห้องนะ ” อย่างน้อยอันนี้ก็ถือเป็นเหตุผลในการมาค้างได้

“ ทำความสะอาดห้อง !? แคทครับห้องผมรกแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยครับ เดี๋ยวผมค่อยทำเองดีกว่า ”
ถ้านี่เรียกว่าเล็กน้อย ร้านผมคงสะกดคำว่ารกไม่ได้แล้วแหละ

“ ผมเต็มใจน่า ก็แค่เก็บของนิดๆ หน่อยๆ ห้องเล็กแค่นี้แป๊ปเดียวก็เสร็จแล้วล่ะ ” ไม่ว่าเปล่าผมเริ่มรวบรวมกองหลอดสีจานสีรอบๆ ห้อง หลอดแทบทุกหลอดที่ผมเก็บแบนราบเรียบเหมือนกับว่าใช้จนมันหมดจริงๆ

“ โถ่.. แคทครับ ผมชวนค้างห้องผมไม่ได้ให้มาทำความสะอาดซะหน่อย ” สิงห์โอดครวญแล้วโยนไอ้ขวดน่าขนลุกนั้นลงถังขยะที่อยู่ข้างทีวี
ปั่ก
ขวดที่สิงห์โยนชนขอบถังขยะแล้วกองกองแหมะข้างๆ

“ อุ้บ.. สิงห์ผมเข้าใจนะว่ามันค่อนข้างควบคุมทิศทางของขวดยาก ” ผมกลั้นหัวเราะ ถังขยะที่ว่านี่ห่างจากสิงห์ไม่กี่ก้าวเองแต่สิงห์ก็ยังปาไม่ลง หรือผมควรจะให้สิงห์ยืมแว่นดี ?

“ ลมมันพัดเข้าน่ะครับ แคทเลยโยนไม่ลง ” สิงห์แก้ตัวขุ่นๆ ด้วยหน้าที่ติดจะแดง รอบนี้สิงห์ก้าวอาดๆ หยิบขวดที่ว่าใส่เข้าไปในถังขยะดีๆ

“ ลมก็ลม ” ผมตอบยิ้มๆ ผมว่าห้องสิงห์ไม่เปิดหน้าต่างนะ “ สิงห์มีถุงไหม ผมว่าเอาแค่ทำให้ห้องไม่ดูรกก็พอแล้วแหละ ” ผมไม่รู้ว่าอันไหนสิงห์ใช้บ้างก็รวมไว้ในถุงแล้วกัน สิงห์ค่อยมาจัดเอาเอง

“ แคทททครับบ เดี๋ยวผมเก็บห้องก็ได้ แคทเข้าไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ” สิงห์ที่ไม่หาถุงให้ผมกลับดันหลังผมเข้าห้องน้ำไปซึ่งผมไม่ได้อยากอาบน้ำซะหน่อย

“ ให้ผมอาบตั้งแต่หัวค่ำเลยเหรอ ชุดนอนแปรงสีฟันอะไรผมไม่มีเลยนะ ” ผมพยายามยื้อสู้สิงห์ที่ดึงดันจะดันผมเข้าห้องน้ำ

“ ในห้องน้ำมีครบหมดแล้วครับ  ” พูดจบสิงห์ก็ดันผมเข้าห้องน้ำและปิดประตูอัดผมทันที
อาบก็อาบ ผมคิดเงียบๆ พลางกวาดสายตาสำรวจห้องน้ำของสิงห์ ดังที่สิงห์ว่ามีชุดนอนที่พับอยู่บนอ่างล้างหน้า ส่วนแปรงสีฟันก็มีด้ามหนึ่งที่ยังไม่ได้แกะใช้วางไว้ในแก้วเดียวกับแปรงสีฟันด้ามเทาซึ่งน่าจะเป็นของสิงห์ นี่สิงห์เตรียมไว้ให้ผมเลยเหรอ ? คงวางแผนให้ผมมาล่ะสิเนี่ย ถ้าผมไม่มานี่คงเก้อจริงๆ

-----------
 :katai5:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 19 - 23 ธ.ค. 57 - 50 %
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 04-03-2015 12:20:36
รออออออ  :ling1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 19 - 5 มี.ค. 58 - * 100 % *
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-03-2015 23:21:31
-- ตอนที่ 19   *100 %*  ---

“ ใครว่ากินในห้องล่ะครับ ” สิงห์คลี่ยิ้มบางๆ พร้อมเดินไปเปิดผ้าม่านที่เปรอะสีทำให้เห็นระเบียงเล็กๆ พื้นหลังเป็นท้องฟ้าแตะแต้มไปด้วยความมืดมีแสงดาวหม่นๆ มองเห็นได้ยาก ที่ระเบียงมีโต๊ะอาหารตัวเล็กกับเก้าอี้เล็กๆ สองอันที่พอสภาพดูดีผิดกับโซฟาในห้อง ผมเดาว่าคงไม่ได้ใช้สักเท่าไหร่

แล้วระเบียงก็สว่างวาบขึ้นมาพร้อมกับคำพูดของสิงห์

“ ภูมิใจนำเสนอครับ ”

เมื่อกี้ระเบียงจะดูมืดๆ ทึมๆ หน่อยเพราะไม่ได้เปิดไฟ แต่พอสว่างถึงได้มองเห็นว่าบนโต๊ะมีจานเล็กๆ ที่แทบกลืนไปกับโต๊ะถ้าไม่เปิดไฟ ผมใช้เวลาสังเกตสักพักถึงรู้ว่ามันคือคาโบนาร่า เอาเป็นว่าผมค่อนข้างประทับใจกับการลงทุนของสิงห์แล้วกัน “ บรรยากาศใช้ได้เลยสิงห์ ” ผมเอ่ยชมและเผลอยิ้มออกมา

สิงห์หน้าแดงเถือกเมื่อผมชมเสร็จ ขี้อายเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ผมเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวเล็กที่อยู่ในสุดซึ่งสิงห์ทรุดตัวลงนั่งบ้างเมื่อเห็นผมนั่ง ผมลองเอาส้อมจิ้มแฮมในคาโบนาร่าขึ้นมาชิม

นี่มันของเซเว่น

ผมอุตสาห์คาดหวังว่าสิงห์จะทำกินเองเป็นนะเนี่ย  แต่เอาเถอะ สิงห์ก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะทำเอง “ อร่อยมากสิงห์ ” ผมบอกสิงห์ไปอย่างนั้น

“ ครับ ฮะๆ ” สิงห์หัวเราะแห้งๆ ดูท่าจะรู้แล้วว่าผมรู้ว่าซื้อของเซเว่นมา “ ทำไงได้ล่ะครับ ผมลองทำดูแล้วออกมาแล้วมันกินไม่ได้ ไข่ดาวก็ไข่ดาวเถอะผมทำเองยังไม่กล้ากินเลย ”

“ งั้นซื้อกินนั่นแหละดีแล้ว ” ผมพูดขำๆ ถ้าจะไม่ถูกโฉลกกับห้องครัวขนาดนั้น

สิงห์พยักหน้าหงึกหงักแล้วก้มหน้าก้มตากินไม่สบตาผม จนผมอดเลิกคิ้วงงๆ ไม่ได้ “ ถึงได้หาคนที่ทำเป็นมาทำให้กินไงครับ ” สิงห์หน้าแดงมากอย่างเห็นได้ชัด

โอเคผมยอมรับก็ได้ว่าผมก็เขินเหมือนกันนั่นแหละ

“ สิงห์ใกล้จบยัง ? ” ผมชวนคุยหลังจากนั่งกินกันเงียบๆ ไปสักพัก สิงห์ที่หน้ายังไม่หายแดงก็ยังคงไม่สบตาผม

“ ใกล้แล้วครับ ”

“ อืม ก็สู้ต่อไป ” ปีหลังๆ มาเนี่ยเหนื่อยนรกแตกมาก กว่าจะจบได้ แค่คิดถึงผมก็เหนื่อยแล้วแต่มันก็สนุกดีเหมือนกัน  ว่าไปพูดถึงเรียนจบก็ต้องพูดถึงเรื่องงาน “ สิงห์เรียนจบจะทำอะไรเหรอ ? ”

“ .. ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ครับ ”

“ งั้นมาทำงานร้านผมไหมล่ะ ? ” ผมเอ่ยชวน ช่วงนี้คนก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีคนดังๆ มารีวิวซึ่งก็แอบถ่ายรูปหลุดผมไปลงด้วย โดนล้อมันทั้งวัน แต่ถ้ามีคนสนิทๆ มาช่วยเพิ่มก็น่าจะดีกว่าจ้างคนที่ไม่รู้จัก

“ อยากนะครับแต่คงต้องดูก่อน ”

“ อืมๆ ถ้าสนใจบอกผมแล้วกัน ” ว่าแล้วก็ตักกินอีกคำ
ผมกับสิงห์นั่งจ้วงกินกันต่อโดยคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ ซึ่งเผลอแป๊ปเดียวก็หมดจานซะอย่างนั้น แต่ผมก็อิ่มนะเพราะดูเหมือนว่าสิงห์จะเอามาอุ่นสี่กล่องแล้วแบ่งผมกับสิงห์คนละครึ่ง ผมเดาจากปริมาณที่มันดูเยอะผิดปกติน่ะ

“ เอ่อ แคทครับผมไปเอาน้ำให้นะครับ ลืมเอามาซะงั้น ” 

“ อือๆ ” จะว่าไปผมก็ไม่ได้กินน้ำเลยนี่หว่า ทั้งๆ ที่ปกติเวลากินอะไรพวกนี่ผมต้องกินน้ำคู่ด้วยแท้ๆ สงสัยจะคุยเพลินไปหน่อยจนลืมนิสัยปกติ ระหว่างที่รอน้ำผมก็นั่งชมวิวข้างล่างเพลินๆ ถึงมันจะเต็มไปด้วยตึกก็เถอะแต่มันก็ยังดูสวยอยู่ดีต่พอมองไปมองมาก็กลัวตกเหมือนกัน ผมจึงเปลี่ยนไปมองท้องฟ้าแทนซึ่งก็ไร้ซึ่งดวงจันทร์กระจ่างเพราะเมฆาได้บดบังรัศมีหมดแล้ว ตอนนี้ท้องฟ้าครึ้มมากเหมือนฝนจะตกยังไงยังงั้น ผมที่นั่งรออยู่เริ่มอยู่ไม่สุขเพราะรู้สึกถึงฝนที่เริ่มเปาะแปะแล้ว ผมโกยของบนโต๊ะมาถือแล้วเข้าไปในห้องของสิงห์ทันทีโดยเอาหลังดันกระจกบานเลื่อนของสิงห์ให้เปิดออกเพราะเมื่อกี้โดนสิงห์ปิด ซึ่งสิงห์จะปิดทำไม
แต่พอหันหน้าก้าขาเข้าไปในห้องก็อดเบิกตากว้างไม่ได้

ใครใช้ให้มีรูปผมที่ใหญ่พอให้แปะฝาบ้านวางเกยอยู่บนเตียงล่ะ !?
   
เป็นรูปสีน้ำที่ระบายสีได้ดูละมุนละไมอย่างกับว่าคนวาดตั้งใจวาดจนทำให้รูปออกมาตามที่ทำ มันเป็นรูปผมที่กำลังยืนรับออเดอร์อยู่ซึ่งดูแล้วคุ้นๆ อย่างบอกไม่ถูก

   “ แคท !? ” สิงห์ที่กำลังรินน้ำใส่อีกแก้วอยู่ หันมามองอย่างตกใจแกมอายๆ สิงห์หยุดมือจากการรินน้ำทันทีแล้วก้าวฉับๆ มาหาผม “ ทำไมไม่รอข้างนอกล่ะครับ ” สิงห์บ่นอุบอิบด้วยหน้าแดงๆ

“ ก็ฝนมันจะตก ” ผมพยักเพยิดไปด้านหลังให้เห็นท้องฟ้าครึ้มๆ แล้วก็เอาหลังเลื่อนปิดบานเลื่อนให้กันฝนสาด
   
“ ... ฝนมาตกอะไรวันนี้วะเนี่ยยย ” สิงห์แอบสบถเสียงเบาด้วยหน้าที่ดูเซ็งๆ  “ ช่างแม่ง ”

   “ สิงห์เริ่มวาดรูปผมตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ” ผมถามสิ่งที่ค้างคาใจด้วยหน้าที่แดงๆ มีคนมาวาดรูปตัวเองผมก็เขินเหมือนกันนะ

   “ ... ” สิงห์ไม่ตอบผมแล้วหยิบจานในมือผมเดินไปวางในซิงก์ล้างจาน
   
“ สิงห์ไม่ตอบผมกลับแล้วนะ ”

   “ .. จำไม่ได้ครับ รู้ตัวอีกทีก็วาดไปแล้ว ” สิงห์หันหลังตอบ “ แต่เริ่มวาดรูปนี้เดือนที่แล้วครับ ”
   
รูปที่วางบนเตียงสินะ มันคุ้นตาผมจริงๆ นะ

   “ แล้วรูปนี้นี่หมายถึงตอนไหนเหรอ ”

   “ ... ” สิงห์นิ่งไปสักพักก่อนจะตอบ “ ตอนเจอกันครั้งแรกครับ ”
   
“ จำแม่นจัง ฮ่าๆ ” ผมหัวเราะแห้งๆ ให้ตายเหอะ ไม่อยากส่องกระจกตอนนี้เลย มิน่าผมว่าคุ้นๆ วันนั้นรู้สึกคอเสื้อผมจะไม่ได้พับซะด้วยแถมเสื้อก็เลอะกาแฟอีกซึ่งภาพที่สิงห์วาดก็เก็บรายละเอียดที่ว่านั้นหมดเลย ทำเอาคนที่โดนวาดอย่างผมอดทึ่งไม่ได้
   สิงห์หันหน้ามาสบตากับผมอีกครั้ง หน้าที่ดูแดงๆ พูดประโยคที่ผมคาดไม่ถึงออกมา “ แคทครับรูปนี้ผมให้แคทนะครับ ” 
   ทั้งๆ ที่รูปที่ดูละมุนละไมอันนี้ผมนึกว่าสิงห์จะเก็บไว้เองแต่ยิ่งพอรู้ว่าจะให้ผมก็อดหน้าแดงไม่ได้
   
“ แคทครับ.. เป็นแฟนผมไหมครับ ”

   “ ... ” ตอนนี้ผมอึนอยู่ครับเลยไม่ได้ตอบอะไรสิงห์

   “ แคทครับ.. ” สิงห์เรียกผมเสียงอ่อย

   “ อือ ” ผมตอบรับไปสั้นๆ ง่ายๆ
   
สิงห์ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจแล้วดึงตัวผมไปกอดหลวมๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร จนกระทั่งสิงห์โน้มหน้าลงมาบดจูบผมเนี่ยแหละ

!?!

TBC

--------------------------------------------*

หายไปนานพอสมควร  :hao5:  ขอโทษค่ะหายไปนาน พอดีย้ายบ้านด้วย สอบด้วย   :ling2: ปัญหาบานปลาย 555

ดีใจค่ะที่มีคนรอ  :กอด1: 

ปล. คุณกุ้งเชอรี่เปลี่ยนชื่อใช่ไหมค่ะ จำรูปได้  :L2: 

     *  :man1: กอดเลย


    

      

หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 19 - 5 มี.ค. 58 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-03-2015 23:38:19
 :กอด1: :กอด1: สวัสดีค้าาาาคุณ Foggy Time สอบกะย้ายบ้านเหรอคะ เหนื่อยแย่เลย (งานหนักนะนั่น) สอบเสร็จยัง?? ทำได้หรือได้ทำคัฟ?(ฮาาา)

คิดถึงหนุ่มเชอร์รี่นะค้าาา

(ในที่สุดสิงห์ก็ขอเป็นแฟนจนได้ นึกว่าจะต้องรอนานกว่านี้ซะแล้ววว ฮิมดูขี้อ๊ายยย ขี้อายอย่างรุนแรง)

นี่แอบสะกิดให้สิงห์รุกหนักทีนึง อยากรู้ว่าแคทอายตัวม้วนจะเป็นยังไง ฮี่ๆ  :hao3:

หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 19 - 5 มี.ค. 58 - 100 %
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 06-03-2015 11:08:28
 :o8: อ่านรวดเดียวจบ สิงห์น่ารักมากก  ชอบๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 20 - 7 มี.ค. 58 -
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 07-03-2015 22:58:10
-- ตอนที่ 20 ---

สิงห์คลายมือจากการกอดผมแล้วตั้งใจกับการจูบผมมือข้างนึงประคองตัวผมส่วนอีกข้างกลับแอบเข้ามาในชุดนอนของผม !?
   
ผมก็ไม่ได้ใสจนไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอกนะ
   
แต่ว่าเราเพิ่งเป็นตกลงเป็นแฟนกันเองนะสิงห์
   
สิงห์กัดริมฝีปากของผมเบาๆ คล้ายกับว่าขอให้ผมเปิดปากสิงห์ได้รุกรานอย่างเต็มที่ แต่เมื่อเห็นผมไม่ยอมเปิดให้สักทีสิงห์ก็กัดปากผมจนผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทำให้เผลออุทานออกมาซึ่งนั่นก็เปิดโอกาสให้สิงห์ได้รุกรานเต็มที่
   
จนได้..
   
สิงห์จูบผมจนผมรู้สึกเข่าอ่อนยืนไม่อยู่แต่ในระหว่างที่ผมเข่าอ่อนมืออีกข้างของสิงห์ก็ลากยาวไปตามลำตัวของผมทำให้รู้สึกขนลุกวาบอย่างบอกไม่ถูก
   
“ ผมชอบตอนแคทใส่ชุดของร้านมากกว่า ” สิงห์พูดเมื่อปล่อยให้ผมหอบหายใจอย่างตะกละตะกลาม  น่าแปลกที่สิงห์ตอนนี้ผมว่า โครตจะเหมือนสิงโตเลย.. ทั้งตาที่ปกติจะดูสุภาพตอนนี้กลับดูดุดันอย่างบอกไม่ถูก ส่วนมือสิงห์ผมว่าปลาหมึกซะมากกว่าและตอนนี้ก็เลื้อยไปแถวสะโพกผมแล้วด้วย

   “ ทำไม..ล่ะ ” ผมถามออกไปแต่เสียงดูสั่นจะไปนิด
   
“ เห็นแล้วอยากกระชากเสื้อบางๆ ให้ขาดน่ะครับ ” สิงห์พูดเสียงแตกพร่าแล้วจูบผมอีกครั้งไม่เปิดโอกาสให้ผมทักท้วงเรื่องเสื้อที่ไม่ได้บางอะไรขนาดนั้น ครั้งนี้สิงห์จูบผมจนผมเผลอครางเสียงน่าอายออกมา ใครใช้ให้มือสิงห์อยู่ไม่สุขเล่า ตอนนี้สิงห์กำลังลูบสะโพกผมอยู่
   
“ สะ สิงห์ ” ผมผลักสิงห์ออกแล้วพูดเสียงสั่น “ พรุ่งนี้ผมทำงาน.. นะ ”  ผมรองต่อรองแต่ดูเหมือนมันจะไม่มีผลอะไร
   
“ ผมไปส่งเองครับ ” สิงห์พูดจบก็ประคองผมขึ้นเตียง โดยมือปลาหมึกก็ยุติหน้าที่ชั่วคราวโดยไปขนภาพที่สิงห์วาดออก สิงห์วางลวกๆ เกยกับโต๊ะ เมื่อวางเสร็จสิงโตก็กระโจนขึ้นมาตะครุบเสืออย่างผมต่อ อย่างผมนี่คงเป็นได้แค่แมวลายเสือจริงๆ
สิงห์ที่คร่อมตัวผมอยู่ก้มลงมาจูบผมอีกครั้งส่วนมือที่ตอนแรกแค่เลื้อยตอนนี้คุกคามผมเต็มที่

   “ อื้อออ ” ผมร้องออกมาเมื่อสิงห์สิงห์ได้สอดนิ้วเข้าไปในที่ๆ ที่ไม่เคยมีใครล่วงล้ำ แฟนที่ผมเคยมีล่าสุดก็ตอนมัธยมและไม่มีอะไรเกินเลย สิงห์น่าจะเป็นคนแรกที่ดูท่าจะยิ่งกว่าเกินเลยสำหรับผมตอนนี้
   
“ แคทครับ.. ”  สิงห์ปล่อยจากปากผมอีกครั้งแล้วกระซิบที่ข้างหูผมซึ่งนั้นก็ทำให้รู้สึกขนลุกแปลกๆ “ ผมยังไม่อิ่มเลยครับ ”

   “ ก็ไปเซเว่น..สิ อื้อ ” สิงห์เพิ่มอีกนิ้วแล้ว
   
“ กินแมวดีกว่าครับ ” สิงห์พูดพร้อมงับหูผมเบาๆ “ สิงโตมีหน้าที่คุ้มครองกับรออาหารนะครับ ตอนนี้สิงโตยังไม่อิ่ม ..คนให้อาหารก็นอนไม่ได้ครับ ” สิงห์พูดประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงทุ้มหวาน

   “ แมวตายกันพอดี ” ผมพูดขำๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ร่างกายผมไม่ขำตามสักเท่าไหร่

   “ สิงโตไม่ฆ่าแมวหรอกครับ มีแต่จะเอ็นดูซะมากกว่า ” สิงห์หัวเราะเบาๆ แต่มือก็ยังคงทำหน้าที่น่าอายของมันต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ทำให้ผมเผลอกำผ้าปูเตียง
   ดูท่าสิงห์จะต้องซื้อผ้าปูเตียงใหม่แล้วมั้ง

   “ พรุ่งนี้ผมไม่มีเรียน ” สิงห์พูดลอยๆ แต่ตาจับจ้องมาที่ผม “ เดี๋ยวผมจะไปนั่งเฝ้านะครับ ”

   เฝ้า ? เฝ้าผมเนี่ยนะ “ เฝ้าผม ? ” ผมเลิกคิ้วถามอย่างลืมตัว
   
“ ครับ พรุ่งนี้ผมจะเอาการบ้านไปทำด้วย ”
   
“ อือ แล้วแต่ ” ผมตอบงงๆ แล้วก็ต้องเผลอครางออกมาอีกครั้ง สิงห์ชวนคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจผมชัดๆ รู้ตัวอีกที่มือของสิงห์ก็มาอยู่อะไรตรงนั้นของผมวะเนี่ย
   
นึกไม่ถึงว่าวันนึงเสืออย่างผมจะโดนสิงโตจับกิน

   ซึ่งพอสิงห์รุกล้ำทั้งสองที่ก็ทำเอาผมหน้าแดงกว่าเดิมไม่ได้ความจริงผมหน้าแดงตั้งแต่โดนจูบแล้ว ตอนนี้อยากจะมุดเตียงหนีจริงๆ ทั้งๆ ที่ความจริงผมคิดว่าสิงห์จะอายตอนทำเรื่องอะไรพวกนี้ซะอีก ที่ไหนได้สิงห์ตอนนี้นี่ยังกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ดูท่าต่อมอายของสิงห์จะหยุดทำงานชั่วคราว แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรต่อก็ต้องเผลอครางเสียงยาวออกมาอีกครั้ง

   ... รอบนี้ผมอยากมุดเตียงจริงๆ นะ
   
“ แคทครับ !! อย่าทำท่าจะมุดเตียงสิครับ ! ” สิงห์พูดอย่างตื่นตระหนกด้วยหน้าที่แดงก่ำ
   
“ ใครมันจะไปมุดล่ะ สิงห์ ” ผมหัวเราะแห้งๆ
   
“ งั้นผมต่อเลยนะ ” ถึงปากจะถามแต่มือที่ล่วงล้ำอีกรอบนี้คืออะไรครับสิงห์

พร้อมกับเมือกลื่นๆ ด้วย.. 

“ สิงห์ผมขออะไรอย่างสิ ” ผมถามเสียงสั่น

“ ครับ ? ” สิงห์ตอบผมระหว่างที่เริ่มถอดกางเกงตัวเอง
ผมมองภาพตรงหน้าอายๆ แล้วจึงตอบ “ ถ้าพรุ่งนี้ผมไปร้านไม่ไหว ช่วยลากผมไปที อ้อ บอกคนอื่นว่าผมไม่สบายแล้วกัน ”

“ ได้ครับ ผมจะช่วยบอกคนอื่นให้เอง ” สิงห์ยิ้มบางๆ ตอบ

เรื่องต่อจากเมื่อคืนก็ทำนองนั้นนั่นแหละ ผมไม่ต่อให้แล้ว

--*--*--*--*--

ตามที่คาดช่วงเช้าผมหมดแรงที่จะขยับตัวด้วยซ้ำสิงห์เลยจับผมอาบน้ำแต่งตัวทั้งๆ ที่ผมมึนๆ เพลียๆ นั่นแหละ สิงห์ให้ผมใส่เสื้อของสิงห์เพราะผมไม่ได้เอาไปแต่แรกรวมทั้งซื้อทาร์ตไข่ไปฝากไม้ด้วย ผมขี้เกียจจะฟังทั้งไม้ทั้งแมททิวบ่น
สิงห์ลากผมเข้าไปในร้านประมาณช่วงสายๆ ที่มีคนอยู่ประปราย แต่ขอไม่นับเพื่อนผมแล้วกันเพราะวันปกติอยู่ครบทุกคนครับ

“ แคททททท.. ”  แนทที่เห็นผมเป็นคนแรกกระโดดโหยงแล้ววิ่งปรู๊ดเข้ามาหาผม ทำเอาผมสะท้านน้อยๆ ไม่ได้ มาแนวนี้ต้องรู้อะไรมาแน่ๆ

“ แนท เสือซื้อทาร์ตไข่มาฝากให้ไม้ด้วย ” ผมรีบยัดถุงทาร์ตไข่ใส่มือแนทก่อนที่แนทจะอ้าปากพูดอะไร ผมกระซิบให้สิงห์ลากผมไปต่อซึ่งสิงห์ก็ทำตามโดยดีและใช้ประโยชน์จากขายาวๆ ลากผมต่อ

แต่อย่าลืมครับ

ร้าน-ผม-อยู่-กัน-ครบ-ทุก-คน

ทำให้ระหว่างที่จะเข้าหลังร้านพบเจออีกสองคนที่กำลังยืนคุยกันอยู่ ไม้กับแมททิว

“ เออ ไม้ทาร์ตไข่อยู่กับแนทนะ เห็นแนทบอกว่าจะมุบมิบไว้กินคนเดียว ” ผมชิงบอกก่อนอีกครั้งก่อนที่สองคนนี้จะพูดอะไร
และก็เป็นไปตามแผนไม้ลากแมททิวไปหาแนทโดยลืมจุดประสงค์ที่จะคุยกับผมในทันที
   
แล้วสิงห์ก็ลากผมมาถึงที่ห้องนอนจนได้ น่าแปลกที่ผมไม่เจอหยกคงจะไปซื้ออะไรกินมั้ง ? ผมนอนลงกับเตียงอย่างเพลียๆ ที่ผมกลับมาร้านไม่ใช่เหตุผลอะไรเลย วันนี้ผมเป็นเวรเฝ้าร้านผมไม่อยากให้เวรเฝ้าร้านรวน  พูดถึงเรื่องร้านเรื่องขนมถ้าผมไม่อยู่ก็มีหยกกับแนทที่ทำเป็นทำแทนได้ ทำให้ไม่มีปัญหาอะไรที่ผมไม่มาทำ
   
“ หิวไหมครับ ? ” สิงห์ถามผมเสียงนุ่ม

   “ ไม่ล่ะ แค่โจ๊กตอนเช้าก็พอแล้วล่ะ ” ผมไม่ถามสิงห์กลับหรอกว่าหิวไหม ก็เมื่อวานก็กินซะผมกลายเป็นแบบนี้

   “ แคทครับเรื่องรูปจะเอาไว้ไหนก่อนดีครับ ? ”
   
“ ในห้องนี้ก็ได้ ” พูดจบผมก็เผลอหาวหวอดออกมา “ ผมนอนต่อดีกว่า ถ้าให้ผมทำงานตอนนี้ผมคงตายแน่ๆ ”

   “ .. ครับ งั้นฝันถึงผมนะครับ ” สิงห์พูดพร้อมกับจูบหน้าผากผมเบาๆ
   
“ .... ” ผมไม่ตอบแล้วหลับตานอนทันทีและสักพักผมก็เผลอหลับลึกไปเลย
   
ผมตื่นหัวยุ่งขึ้นมาอีกทีตอนเย็นๆ รู้สึกดีขึ้นมากโข หันไปข้างๆ ก็เจอรูปสีน้ำตัวเองแปะอยู่ข้างฝาซะงั้น สิงห์ผมว่าผมบอกวางเฉยๆ นะ แต่ช่างมันเถอะไว้ที่ร้านก็ดีเหมือนกัน ผมเดินออกมานอกห้องเจอเจ้าส้มที่กำลังนั่งข่วนเล็บอยู่ก็คว้ามาเล่นสักพักถึงค่อยปล่อยมันไปนอน แล้วก็เดินไปชะเง้อหน้าดูว่าสิงห์ยังอยู่ในร้านไหมพบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งอ่านชีทอย่างขะมักขเม้นอยู่

“ แคทจ๋า ~ ” เสียงเรียกหวานเจี๊ยบจนผมอดขนลุกไมได้

“ อะไร แนท ” ผมหันไปสบตาคนเรียกที่ยืนทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่ผม

“ เมื่อคืนไปไหนมาจ๊ะ ”

“ ไปหัวหิน ”

“ หัวหินตรงข้ามอพารท์เมนท์เราเหรอจ้ะ ”
ถ้าเห็นขนาดนั้นแล้วคงไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธแล้วมั้ง

“ เออ เมื่อวานเสือไปค้างบ้านสิงห์มา ”

“ ไปทำไมจ๊ะ ? ”

“ ไปค้างบ้านแฟนไม่ได้ไง  ” แย่ละ ผมเผลอหลุดปาก

“ แหม แคทไม่ค่อยเลยอะ ” แนทหัวเราะออกมาอย่างอารมณดีจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ “ รูปสีน้ำนี้ตอนสิงห์ยกเข้ามาคนโครตฮือฮาอ่ะในร้าน แล้วพอน้องสิงห์อายโครตน่ารักเลยมึง ”

สรุป คือรูปนั้นเห็นกันหมดแล้วสินะ ความจริงผมก็น่าจะทำใจไว้ก่อนเพราะยังไงก็ต้องเอาเข้ามาในร้านอยู่แล้ว แต่ไอ้ที่ชมสิงห์น่ารักดูจะทะแม่งๆ ไปหน่อย

อาเป็นว่าความสัมพันธ์ของผมกับสิงห์ไม่ต้องถามแล้วมั้ง

ก็ตามที่เห็นนั่นแหละ

. . .

:D


-*-*-*-*-*-*-*-

ตอนนี้น่าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว  :hao5: กะว่าจะมีตอนพิเศษอีกสักตอนก็ย้ายแล้วค่ะ

ขอบคุณคุณกุ้งเชอรี่ที่ติดตามตั้งแต่เริ่มจนจบนะคะ  :กอด1: รวมถึงคนอื่นๆ ที่ตามอ่านด้วย

ส่วนคุณ imvodka อย่าเพิ่งช็อคค่ะ 555  :man1: เพิ่งตามอ่านรวดเดียวอีกตอนนึงจบซะงั้น

ส่วนเรื่องสอบนี่น่าจะได้ทำค่ะ 55555 แค่เห็นข้อสอบก็  :z13:


   
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 20 - 7 มี.ค. 58 -
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-03-2015 23:11:51
 :hao5:

ขอบคุณคุณ Foggy Time นะคะ เราชอบเรื่องนี้เอามากๆเลย จากใจจริง

 :กอด1: :กอด1:

รอตอนพิเศษนะค้า^^

(สิงห์หื่นฟร่ะ  :hao7:)
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนที่ 20 - 7 มี.ค. 58 -
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-03-2015 15:04:20
เสร็จสิงห์ซะแล้ว ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ 21 มี.ค. 58
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 21-03-2015 22:27:49
-- ตอนพิเศษ --

หลังจากที่สิงห์เรียนจบก็มาทำงานตามคำชักชวนของผม ซึ่งที่ผิดคาดพอสมควรคือในร้านของผมได้มีมุมเล็กๆ มุมนึงเพิ่มขึ้นมาซึ่งแมททิวเป็นคนเสนอมา เป็นมุมที่ให้สิงห์ได้ทำงานตามสิ่งที่ตัวเองเรียนมาอย่างการวาดภาพคนเหมือนอะไรทำนองนั้นซึ่งก็เป็นที่สนใจพอสมควร ทำเอาลูกค้าเพิ่มขึ้นผิดหูผิดตา
   
ไม่แน่ใจเพราะสิงห์ที่โดนหยกกับแนทลากไปแต่งตัวใหม่รึเปล่าเพราะผมเจออีกทีนึกว่าคนละคน แถมแนทยังบ่นอีกว่า “ โห น้องสิงห์มีของดีก็เก็บซะมิดเลยนะ ” โอเคผมยอมรับก็ได้ ว่าพอสิงห์โดนจับไปตัดผมก็ดูหล่อขึ้นเยอะรวมกับเสื้อร้านผมแล้วนี่มันพ่อบ้านชัดๆ

   ร้านตอนนี้ก็เหมือนที่ผมได้บรรยายไปคนนี้เต็มร้านทุกมุม ผมทำเป็นโปรโมชั่นกินกาแฟคู่กับสเก็ตภาพทำให้คนนั่งกระจุกตรงสิงห์ซะส่วนใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงและมีผู้ชายบ้างประปราย สิงห์ในตอนแรกดูอายๆ เมื่อต้องเป็นจุดสนใจให้คนอื่น แต่ตอนนี้ดูท่าจะชินแล้วทำให้ดูเฉยๆ อีกทั้งยังมียิ้มบางๆ ตอนวาดด้วย
   
และนั่นก็ยิ่งทำให้คนไปต่อแถวกันเพิ่มขึ้นอีก..

   “ เฮ้ย อีแคททำไมทำหน้างั้นวะ ” แนททักผมที่กำลังยืนเหม่อ

   “ เปล่า แค่คิดว่าลูกค้าเยอะดี ” ผมยักไหล่ตอบ
   
“ อ้อ เหรอหน้ามึงนี่คนละทางเลยจ้า ”

   “ ก็ปกตินี่ ” ผมตอบเซ็งๆ จะให้ผมทำหน้ายังไงล่ะ

   “ จ้า ปกติก็ปกติ ” แนทไหวไหล่แล้วเดินไปเสิร์ฟขนมให้ลูกค้าที่นั่งรอคิวสิงห์อยู่
   
ว่าแต่ ผมทำหน้ายังไงออกไปกันแน่ ?
   
-*-

   “ เฮ้ย สิงห์ ” ฉันทักน้องสิงห์ที่กำลังนั่งจิบมอคค่าอยู่ในช่วงระหว่างพัก
   
“ ครับ ? ” สิงห์เงยหน้าขึ้นมามองฉัน ซึ่งก็ทำให้รู้สึกภูมิใจไม่ได้ใครจะไปรู้พอจับไปแต่งตัวตัดผมดีๆ น้องสิงห์จะหล่อขนาดนี้ล่ะ ! นี่มันหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะ
   
“ ดูหน้าเพื่อนพี่หน่อยหน้านี่งอเป็นอะไรแล้วเนี่ย ” แค่ทักเมื่อกี้ยังวีนเลย นางนี่ไม่ไหวเลยต้องให้เจ๊ช่วยจัดการอีก
   สิงห์เลิกคิ้วงง ๆแล้วมองหาอีแคทตามที่ฉันบอก  ซึ่งพอสิงห์หันไปเจอตอนที่มันสบตาพอดี มันก็ยังคงทำหน้างออยู่ดีทำเอาน้อง

สิงห์ดูกระวนกระวายเลย
   
โอ๊ย หึงผัวเหรอมึ้งงง

   “ มันหึงเนี่ยสิงห์ ”
   
“ แคทน่ะเหรอครับหึงผม ” สิงห์หน้าแดงซึ่งนั้นก็ทำให้คนมองสิงห์เพิ่มขึ้น อีแคทที่หน้างออยู่แล้วยิ่งงอเข้าไปใหญ่
   
“ ไปถามเอาเองแล้วกัน พี่ไปดูลูกค้าต่อแล้ว ” ฉันยักไหล่อย่างมีเลศนัย

   “ เดี๋ยวครับพี่แนท ”

   สิงห์รั้งไว้ตามแผนเป๊ะ

   “ อะไรจ๊ะ ? ”

   “ ตะ ต้องง้อยังไงเหรอครับ ” 
   
อุ๊ย ตรงประเด็น “ ไอ้แคทถ้าจะง้อมันต้องเรียกชื่อเล่นจริงๆ มัน แล้วก็น้องสิงห์แค่ง้อๆ หน่อยก็หายนอย์ดแล้ว ” ที่เหลือไปต่อยอดเองนะ สิงห์
   
ไอ้แคทมันใจอ่อนจะตายไป

   หลังจากเลิกงานทำความสะอาดอะไรเสร็จผมก็นั่งเล่นกับส้มรอสิงห์ ซึ่งสิงห์กำลังเก็บอุปกรณ์วาดรูปอย่างขะมักเขม้นอยู่และผมก็ไม่ค่อยอยากสนใจเท่าไหร่ตอนนี้

   ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
   
ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ

   ผมนั่งทำหน้าเซ็งใส่ส้มที่ตอนนี้หลับไปแล้ว แล้วผมจะทำอะไรแก้เบื่อกันล่ะเนี่ย ส้มมมม แต่ถึงจะอยากปลุกมันขึ้นมาขนาดไหนก็ตาม ผมก็ไม่ได้ปลุกอยู่ดีใครใช้ให้ส้มเวลาโดนกวนเวลานอนมันจะกางเล็บละ น่ากลัวมาก ไม้เคยโดนข่วนไปรอบ
   ว่าแต่เมื่อไหร่จะเสร็จวะเนี่ย ผมเริ่มหงุดหงิดแล้ว

   “ เสือครับ ”

   “ อะไรสิงห์ ” ผมถามสิงห์เสียงห้วน

   สิงห์ดูกระวนกระวายแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแววตาสิงห์ฉายประกายอ้อนอยู่น้อยๆ  ทำให้ผมอ่อนลงมานิดหน่อย
   
“ กลับบ้านกันเถอะ อยากนอนแล้ว ”  ผมอยากกลับไปซุกตัวกับหมอนเต็มทนแล้วเผื่อไอ้อารมณ์ที่หงุดหงิดนี่จะหายๆ ไป
   
“ กลับน่ะกลับแน่ครับ แต่ว่า.. ”

   “ แต่ว่าอะไร ”  คิ้วของผมเริ่มขมวด

   สิงห์รวบตัวผมเข้าไปกอดอย่างกะทันหัน ทำเอาผมเผลอร้องเสียงหลง ตอนนี้หน้าผมจมอยู่กับเสื้อสิงห์ที่มีกลิ่นเหงื่ออ่อนๆ

   “ ต้องง้อเสือก่อนสิครับ ” สิงห์พูดพร้อมหอมแก้มผมเบาๆ

   ผมหน้าแดงพูดอะไรไม่ออกไปสักพัก “ ง้อทำไมผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ” ใช่ แค่ หงุดหงิดนิดๆ หน่อยๆ เอง

   “ เวลาผมจะวาดรูปใครก็ต้องดูแบบตลอด แต่ก็มีแต่เสือนะครับที่เวลาผมวาดไม่ต้องดูแบบเลย ” สิงห์พูดเสียงแผ่วๆ ด้วยหน้าแดงๆ “ ในหัวของผมมีแต่เสือนะครับ ไม่มีใครเลย ”
   
ผมหน้าแดงกว่าเดิมเมื่อฟังจบ

น่าแปลก ที่อารมณ์หงุดหงิดหายเป็นปลิดทิ้งเลย
   
ผมตบไหล่สิงห์แปะๆ เชิงว่าปล่อยผมได้แล้ว

   “ ปะกลับบ้าน เดี๋ยวผมทำของที่สิงห์ชอบให้กิน ”  ผมยิ้มบางๆ ด้วย  อ้อ บ้านที่ว่านี้เป็นบ้านของผมกับสิงห์ซึ่งก็ยังติดผ่อนอีกยาวๆ อ่านะ ไร้ซึ่งความโรแมนติกสิ้นดี

   “ ครับ ? ” สิงห์ดูงงๆ เอ๋อๆ แต่ก็ยังไม่คลายแขนอยู่ดี

   “ กลับบ้านไง งงอีก ”

   “ หายงอนแล้วเหรอครับ ” ยังไม่วายถามคำถามอีก
   
“ งอนอะไรเล่า กลับบ้านๆ ”
   
สิงห์ยิ้มกว้างออกมาทำให้ดูหล่อมากขึ้นไปอีกและยอมคลายแขนออกแต่โดยดี
   
และผมก็คิดว่าจะได้กลับบ้านซะทีแต่กลับก้มหน้าลงมาจูบผมแทน
   
ทำไมนับวันสิงห์ยิ่งดูรับมือยากขึ้นเรื่อยๆ จนเสืออย่างผมเริ่มจะวิ่งหนีไม่ทัน
   
สักพักนานๆ กว่าสิงห์จะปล่อยผม

   “ แฮ่ก สิงห์นี่มันที่ร้านนะ ! ” ผมโวยวายพร้อมหอบไปด้วย ผมว่าผมควรจะตั้งกฏได้แล้วมั้งเนี่ย
   
“ .. ขอโทษครับ ” สิงห์ดูหงอยลงทันใดเมื่อโดนผมดุ

   “ กลับบ้านเถอะ ผมง่วงแล้ว ” ถึงแม้ว่าตอนนี้จะตื่นเต็มตาแล้วก็เถอะ
   
“ ครับ เสือแต่ผมขออะไรอย่างได้ไหมครับ ”

   “ ว่า ? ”
   
“ ทำต่อได้ไหมครับ ”

“ !?! ”

   ดูท่าผมต้องมีมาตราการป้องกันตัวจากสิงโตขี้อายแต่บ้ากามคนนี้ซะแล้ว


------------

มาแล้วตอนพิเศษที่น่าจะบอกเล่าเรื่องเล่าต่อจากนั้นไว้  :z2:

ส่วนตอนพิเศษก็อาจจะมาอีกถ้าคิดถึงน้องสิงห์กับเสือ

รวมๆ แล้วเรื่องนี้แต่งเกือบปีเลยไม่คิดว่าจะนานขนาดนี้

ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ ขอบคุณคุณกุ้งเชอรี่นะค่ะที่ชอบ 55 ( ยังเรียกชื่อเดิมอีก  :beat: )

รวมถึงคุณ lizzii ด้วย ที่ตามตั้งแต่ตอนแรกๆ แต่เห็นน้องสิงห์เงียบๆ แบบนี้ฟาดเรียบนะคะ 5555

ส่วนตอนนี้ก็ซุ่มแต่งเรื่องนึงให้จบอยู่แล้วค่อยลงทีเดียว  :z13: 

   
   
   
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-03-2015 23:10:00
ว๊าาา จบแล้ว แอบอยากให้มีต่ออีกเรื่อยๆ
เสือกับสิงห์น่ารักอ่ะ แต่มึนพอกันทั้งคู่
ต้องให้คนมาคอยกระตุ้น ฮ่าๆๆๆๆๆ

เราชอบเรื่องนี้น๊า อ่านได้เรื่อยๆ น่ารักดี รอติดตามเรื่องต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-03-2015 18:07:45
 :กอด1:

กอดคุณ Foggy Time นะคะ หลงเสน่ห์น้องแคทอ่ะ น่ารักมาก (ส่วนสิงห์ก็นะ นับวันหื่นขึ้น  :hao3:)

แต่ที่ขาดไม่ได้เลยบรรดาเพื่อนๆของแคท ถ้าไม่มีแก็งค์นี้ เรื่องนี้จะไม่ฮาเลย (เพราะสองคนนั้นหนุงหนิงหวานแหววตลอด)

โค้งงามๆ ขอบคุณนะค้าาาาาาาาา

 :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 31-03-2015 22:24:48
ฮิฮิ้ว...เสือหื่นนี่นา
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: MeganMP ที่ 01-04-2015 10:28:23
ชอบนะะะะ น่ารักมากอ่ะ -/////- สนุกดี


สิงห์เนี่ยยย จากสิงห์ขี้อาย กลายเป็นสิงห์หื่นซะแล้วว   :hao6: :hao6: :hao6:


ปล. อยากอ่านตอนพิเศษอีกกกกกกกก นะๆ :m15:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu_Chise ที่ 03-04-2015 18:00:02
อ่านรวดเลย >< น่ารักกอะๆๆๆๆ  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 04-04-2015 10:21:20
ชอบบบบบ อ่าน 2 วันจบ :katai2-1:

เป็นคู่ที่รักกันได้มุ้งมิ้งมาก :ling1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 11-04-2015 23:59:22
อ่านวันเดียวจบเลย
สนุกมากมากเลยครับ
น่ารักมากมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-04-2015 12:46:33
มาตามอ่านอีกรอบจนถึงตอนพิเศษ ฮ่าๆ
น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 12-04-2015 21:11:06
เขินกันทั้งเรื่อง   มันเลยทำให้เรายิ้มทั้งเรื่องเหมือนกัน :impress2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: whitepinkgirl ที่ 13-04-2015 14:28:10
เรื่องของเสือกับสิงห์

อ่านแล้วอมยิ้ม ฟินจิกหมอนจริงๆ  :-[

 :pig4: ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 03-05-2015 15:30:33
สิงห์เสือน่ารักอ้ะ คนขี้อายกับคนขี้อาย

เขินเลยค่ะ 555
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 04-05-2015 21:42:06
น่ารัก อ่านไปยิ้มไป

อบอุ่น เรื่อยๆมาเรียงๆ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: megabytez ที่ 05-05-2015 00:28:03
อร๊ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ชอบเรื่องนี้ๆๆๆ ขอบคุณมากนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 10-05-2015 09:13:46
น่ารักมากอ่ะ สิงห์ นี่บทจะหื่นก็เล่นซะ เสือน้อย เอาไม่แยู่เลยน้า

555
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 13-05-2015 22:28:25
สิงห์กับเสือน่ารัก
ส้มก็น่ารัก 555
เนื้อเรื่องสบายๆ อยากกินเค้กเลยจ้า
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: llmup ที่ 24-05-2015 17:53:15
ชอบแบบพระเอกตอนท้าย แอร้ยยยย รุกดีค่ะ555
หวานๆ เนียนๆ เรื่อยๆ ปิดการขายในตอนท้าย  :katai5:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 03-06-2015 11:53:17
ฟินทั้งเรื่อง เขินกันไปเขินกันมา อร๊ายยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 04-07-2015 21:28:26
เราเข้าใจผิดหรอว่าคนชอบกินเชอร์รี่กัน แต่เค้าชอบนะ อาหย่อยยย  o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: cirrus ที่ 05-07-2015 02:37:13
รุกเองเขินเองซะงั้น แต่น้องแคทก็ อยากนะ :o8:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 06-07-2015 01:02:20
น่ารัก อ่านไปยิ้มไป  :m3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 07-07-2015 07:37:24
น่ารักอ่า อ่านแล้วฟินนนน  :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 09-07-2015 10:28:47
น่ารักดีครับ กลมกล่อม ละมุนละไมดีครับ
ขอบคุณผู้แต่งสำหรับเรื่องน่ารักนะครับ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 10-07-2015 11:15:38
เสือสิงห์น่าร๊ากกกกสึดด เค้าขอเป็นกระทิงแรดเพื่อติดตามทั้งสองนะจ๊ะ555555 หวานได้อีกจ้า

แต่งน่ารักมาก ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 17-07-2015 02:36:03
น่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง กรุ๊งกริ๊งมากๆเลย ยิ้มจนแก้มจะแตกแล้วอร๊ายๆๆๆๆ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 26-07-2015 20:35:49
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 27-07-2015 10:20:53
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 24-10-2015 03:54:09
 :-[  :mew3: จะน่ารักอะไรมากมายขนาดนี้ น่ารักมากก
เสือสิงห์ส้ม ครอบครัว ส.เสือ
ชอบมากอะ ฮือๆๆ น่ารักไปอีกอยากมีบ้างง่าาา
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 23-03-2016 12:10:19
สิงห์-เสือ น่ารักมากมาย

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 24-03-2016 21:25:17
มุ้งมิ้งมากกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-03-2016 08:32:18
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 31-03-2016 19:48:06
สิงห์!!!!!!  ทำไมเป็นคนแบบนี้ 5555 แอบหื่นอ่ะ น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 01-04-2016 12:12:59
น่าร๊ากกกกกก สิงห์​เสือ​น่ารักมาก ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: MeganMP ที่ 19-12-2017 16:16:37
รักเรื้องนี้ ย้อนมาอ่านกี่ทีๆก็มีความสุข กรี้ดดดด
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 20-12-2017 01:40:12
น้องสิงห์ช่างร้ายกาจ..จับเสือกินกลางตลอดตัว  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-12-2017 15:14:59
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มเชอร์รี่ ตอนพิเศษ [ จบแล้วค่ะ ]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 25-12-2017 04:20:13
คือ...ดีอ่ะ :L2: